📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
อภิธมฺมปิฏเก
ปฺจปกรณ-มูลฏีกา
ธาตุกถาปกรณ-มูลฏีกา
คนฺถารมฺภวณฺณนา
ธาตุกถาปกรณํ ¶ ¶ เทเสนฺโต ภควา ยสฺมึ สมเย เทเสสิ, ตํ สมยํ ทสฺเสตุํ, วิภงฺคานนฺตรํ เทสิตสฺส ปกรณสฺส ธาตุกถาภาวํ ทสฺเสตุํ วา ‘‘อฏฺารสหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน เทวปุตฺตมารสฺส, อปฺปวตฺติกรณวเสน กิเลสาภิสงฺขารมารานํ, สมุทยปฺปหานปริฺาวเสน ขนฺธมารสฺส, มจฺจุมารสฺส จ โพธิมูเล เอว ภฺชิตตฺตา ปรูปนิสฺสยรหิตํ ¶ นิรติสยํ ตํ ภฺชนํ อุปาทาย ภควา เอว ‘‘มารภฺชโน’’ติ โถมิโต. ตตฺถ มาเร อภฺเชสิ, มารภฺชนํ วา เอตสฺส, น ปรราชาทิภฺชนนฺติ มารภฺชโน. มหาวิกฺกนฺโต มหาวีริโยติ มหาวีโร.
ขนฺธาทโย อรณนฺตา ธมฺมา สภาวฏฺเน ธาตุโย, อภิธมฺมกถาธิฏฺานฏฺเน วาติ กตฺวา เตสํ กถนโต อิมสฺส ปกรณสฺส ธาตุกถาติ อธิวจนํ. ยทิปิ อฺเสุ จ ปกรเณสุ เต สภาวา กถิตา, เอตฺถ ปน เตสํ สพฺเพสํ สงฺคหาสงฺคหาทีสุ จุทฺทสสุ นเยสุ เอเกกสฺมึ กถิตตฺตา สาติสยํ กถนนฺติ อิทเมว เอวํนามกํ. เอกเทสกถนเมว หิ อฺตฺถ กตนฺติ. ขนฺธายตนธาตูหิ วา ขนฺธาทีนํ อรณนฺตานํ สงฺคหาสงฺคหาทโย นยา วุตฺตาติ ตตฺถ มหาวิสยานํ ธาตูนํ ¶ วเสน ธาตูหิ กถา ธาตุกถาติ เอวํ อสฺส นามํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทฺวิธา ติธา ฉธา อฏฺารสธาติ อเนกธา ธาตุเภทํ ปกาเสสีติ ธาตุเภทปฺปกาสโนติ. ตสฺสตฺถนฺติ ตสฺสา ธาตุกถาย อตฺถํ. อ-กาเร อา-การสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. ‘‘ยํ ธาตุกถ’’นฺติ วา เอตฺถ ปกรณนฺติ วจนเสโส สตฺตนฺนํ ปกรณานํ กเมน วณฺณนาย ปวตฺตตฺตาติ เตน โยชนํ กตฺวา ตสฺส ปกรณสฺส อตฺถํ ตสฺสตฺถนฺติ อ-การโลโป วา. ตนฺติ ตํ ทีปนํ สุณาถ, ตํ วา อตฺถํ ตํทีปนวจนสวเนน อุปธาเรถาติ อตฺโถ. สมาหิตาติ นานากิจฺเจหิ อวิกฺขิตฺตจิตฺตา, อตฺตโน จิตฺเต อาหิตาติ วา อตฺโถ.
คนฺถารมฺภวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. มาติกาวณฺณนา
๑. นยมาติกาวณฺณนา
๑. โก ¶ ¶ ปเนตสฺส ปกรณสฺส ปริจฺเฉโทติ? น โส อิธ วตฺตพฺโพ, อฏฺสาลินิยํ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) ปกรณปริจฺเฉโท วุตฺโต เอวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จุทฺทสวิเธน วิภตฺตนฺติ วุตฺต’’นฺติ. ขนฺธาทีนํ เทสนา นียติ ปวตฺตียติ เอเตหิ, ขนฺธาทโย เอว วา นียนฺติ ายนฺติ เอเตหิ ปกาเรหีติ นยา, นยานํ มาติกา อุทฺเทโส, นยา เอว วา มาติกาติ นยมาติกา. เอเตสํ ปทานํ มูลภูตตฺตาติ ‘‘มูลมาติกา’’ติ วตฺตพฺพานํ สงฺคหาสงฺคหาทีนํ จุทฺทสนฺนํ ปทานํ ขนฺธาทิธมฺมวิภชนสฺส อิมสฺส ปกรณสฺส มูลภูตตฺตา นิสฺสยภูตตฺตาติ อตฺโถ.
๒. อพฺภนฺตรมาติกาวณฺณนา
๒. ‘‘ปฺจกฺขนฺธา’’ติอาทีหิ รูปกฺขนฺธาทิปทานิ ทสฺสิตานิ, ปฏิจฺจสมุปฺปาทวจเนน จ เยสุ ทฺวาทสสุ องฺเคสุ ปจฺเจกํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสทฺโท วตฺตติ, ตทตฺถานิ ทฺวาทส ปทานิ ทสฺสิตานีติ เตสํ ตถาทสฺสิตานํ สรูเปเนว ทสฺสิตานํ ผสฺสาทีนฺจ ปทานํ วเสน อาห ‘‘ปฺจวีสาธิเกน ปทสเตนา’’ติ. ตตฺถ กมฺมุปปตฺติกามภวาทีนํ อิธ วิภตฺตานํ ภาวนภวนภาเวน ภเว วิย โสกาทีนํ ชรามรณสฺส วิย อนิฏฺตฺตา ตนฺนิทานทุกฺขภาเวน จ ชรามรเณ อนฺโตคธตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทฺวาทสปทตา ทฏฺพฺพา. เอตฺถ จ ปาฬิยํ ภินฺทิตฺวา อวิสฺสชฺชิตานมฺปิ สติปฏฺานาทีนํ ภินฺทิตฺวา คหณํ กโรนฺโต เตสํ ภินฺทิตฺวาปิ วิสฺสชฺชิตพฺพตํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.
นยมาติกาทิกา ¶ ลกฺขณมาติกนฺตา มาติกา ปกรณนฺตราสาธารณตาย ธาตุกถาย มาติกา นาม, ตสฺสา อพฺภนฺตเร วุตฺโต วิภชิตพฺพานํ อุทฺเทโส อพฺภนฺตรมาติกา นามาติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ‘‘อยฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอวํ อวตฺวาติ ยถา ‘‘สพฺพาปิ…เป… มาติกา’’ติ อยํ ธาตุกถามาติกโต พหิทฺธา วุตฺตา, เอวํ อวตฺวาติ อตฺโถ. ธาตุกถาย อพฺภนฺตเรเยวาติ จ ธาตุกถามาติกาย อพฺภนฺตเรเยวาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตทาเวณิกมาติกาอพฺภนฺตเร หิ ปิตา ตสฺสาเยว อพฺภนฺตเร ปิตาติ วุตฺตา ¶ . อถ วา เอวํ อวตฺวาติ ยถา ‘‘สพฺพาปิ…เป… มาติกา’’ติ เอเตน วจเนน ธาตุกถาโต พหิภูตา กุสลาทิอรณนฺตา มาติกา ปกรณนฺตรคตา วุตฺตา, เอวํ อวตฺวาติ อตฺโถ. ธาตุกถาย อพฺภนฺตเรเยวาติ จ อิมสฺส ปกรณสฺส อพฺภนฺตเร เอว สรูปโต ทสฺเสตฺวา ปิตตฺตาติ อตฺโถ. สพฺพสฺส อภิธมฺมสฺส มาติกาย อสงฺคหิตตฺตา วิกิณฺณภาเวน ปกิณฺณกตา เวทิตพฺพา.
๓. นยมุขมาติกาวณฺณนา
๓. นยานํ ปวตฺติทฺวารภูตา สงฺคหาสงฺคหวิโยคีสหโยคีธมฺมา นยมุขานีติ เตสํ อุทฺเทโส นยมุขมาติกา. จุทฺทสปิ หิ สงฺคหาสงฺคหสมฺปโยควิปฺปโยคานํ โวมิสฺสกตาวเสน ปวตฺตาติ เยหิ เต จตฺตาโรปิ โหนฺติ, เต ธมฺมา จุทฺทสนฺนมฺปิ นยานํ มุขานิ โหนฺตีติ. ตตฺถ สงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทาทีสุ สจฺจาทีหิปิ ยถาสมฺภวํ สงฺคหาสงฺคโห ยทิปิ วุตฺโต, โส ปน สงฺคาหกภูเตหิ เตหิ วุตฺโต, น สงฺคหภูเตหิ, โสปิ ‘‘จกฺขายตเนน เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา อายตนสงฺคเหน อสงฺคหิตา’’ติอาทินา ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมุทฺธาเร ตตฺถาปิ ขนฺธาทีเหว สงฺคเหหิ นิยเมตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘ตีหิ สงฺคโห, ตีหิ อสงฺคโห’’ติ วุตฺตํ. ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมุทฺธาเรปิ ปน ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนสุ จ รูปกฺขนฺธาทีนํ อรณนฺตานํ ยถาสมฺภวํ สมฺปโยควิปฺปโยคา จตูเหว ขนฺเธหิ โหนฺตีติ ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค, จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ วุตฺตํ.
นนุ จ วิปฺปโยโค รูปนิพฺพาเนหิปิ โหติ, กสฺมา ‘‘จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ วุตฺตนฺติ? รูปนิพฺพาเนหิ ภวนฺตสฺสปิ จตูเหว ภาวโต. น หิ รูปํ รูเปน นิพฺพาเนน วา วิปฺปยุตฺตํ โหติ, นิพฺพานํ วา รูเปน, จตูเหว ปน ขนฺเธหิ โหตีติ จตุนฺนํ ขนฺธานํ รูปนิพฺพาเนหิ วิปฺปโยโคปิ วิปฺปยุชฺชมาเนหิ จตูหิ ขนฺเธหิ นิยมิโต เตหิ วินา วิปฺปโยคาภาวโต. โส จายํ ¶ วิปฺปโยโค อนารมฺมณสฺส, อนารมฺมณอนารมฺมณมิสฺสเกหิ มิสฺสกสฺส จ น โหติ, อนารมฺมณสฺส ปน มิสฺสกสฺส จ สารมฺมเณน, สารมฺมณสฺส สารมฺมเณน อนารมฺมเณน มิสฺสเกน จ โหตีติ เวทิตพฺโพ.
๔. ลกฺขณมาติกาวณฺณนา
๔. สงฺคโหเยว ¶ สงฺคหนโย. สภาโค. วิสภาโคติ เอตสฺส ‘‘ตีหิ สงฺคโห, ตีหิ อสงฺคโห’’ติ เอเตน, ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค, จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ เอเตนปิ วิสุํ โยชนา กาตพฺพา. เตน สงฺคโห อสงฺคโห จ สภาโค วิสภาโค จ ภาโว, ตถา สมฺปโยโค วิปฺปโยโค จาติ อยมตฺโถ วิฺายติ. ยสฺส วา สงฺคโห จ อสงฺคโห จ, โส ธมฺโม สภาโค วิสภาโค จ, ตถา ยสฺส สมฺปโยโค วิปฺปโยโค จ, โสปิ สภาโค วิสภาโค จาติ. ตตฺถ เยน รูปกฺขนฺโธ…เป… มโนวิฺาณธาตูติ ธมฺมา คณนํ คจฺฉนฺติ, โส รุปฺปนาทิโก สมานภาโว สงฺคเห สภาคตา, เอกุปฺปาทาทิโก สมฺปโยเค เวทิตพฺโพ.
๕. พาหิรมาติกาวณฺณนา
๕. เอวํ ธาตุกถาย มาติกโต พหิ ปิตตฺตาติ ‘‘สพฺพาปิ…เป… มาติกา’’ติ เอเตน ปนากาเรน พหิ ปิฏฺิโต ปิตตฺตาติ อตฺโถ. เอเตน วา ปนากาเรน กุสลาทีนํ อรณนฺตานํ อิธ อฏฺเปตฺวา ธาตุกถาย มาติกโต พหิ ปกรณนฺตรมาติกาย อิมสฺส ปกรณสฺส มาติกาภาเวน ปิตตฺตา ตถา ปกาสิตตฺตาติ อตฺโถ.
สงฺคโห อสงฺคโหติอาทีสุ สงฺคโห เอกวิโธว, โส กสฺมา ‘‘จตุพฺพิโธ’’ติ วุตฺโตติ? สงฺคโหติ อตฺถํ อวตฺวา อนิทฺธาริตตฺถสฺส สทฺทสฺเสว วุตฺตตฺตา. สงฺคโห อสงฺคโหติอาทีสุ สทฺเทสุ สงฺคหสทฺโท ตาว อตฺตโน อตฺถวเสน จตุพฺพิโธติ อยฺเหตฺถตฺโถ. อตฺโถปิ วา อนิทฺธาริตวิเสโส สามฺเน คเหตพฺพตํ ปตฺโต ‘‘สงฺคโห อสงฺคโห’’ติอาทีสุ ‘‘สงฺคโห’’ติ วุตฺโตติ น โกจิ โทโส. นิทฺธาริเต หิ วิเสเส ตสฺส เอกวิธตา สิยา, น ตโต ปุพฺเพติ. ชาติสทฺทสฺส สาเปกฺขสทฺทตฺตา ‘‘ชาติยา สงฺคโห’’ติ วุตฺเต ‘‘อตฺตโน ชาติยา’’ติ วิฺายติ สมฺพนฺธารหสฺส อฺสฺส อวุตฺตตฺตาติ ชาติสงฺคโหติ รูปกณฺเฑ วุตฺโต สชาติสงฺคโห วุตฺโต โหติ.
เอตฺถ ¶ ¶ นยมาติกาย ‘‘สงฺคโห อสงฺคโห, สมฺปโยโค วิปฺปโยโค’’ติ อิเม ทฺเว ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมวิเสสํ อนิทฺธาเรตฺวา สามฺเน ธมฺมานํ ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนนยอุทฺเทสา, อวเสสา นิทฺธาเรตฺวา. ‘‘สงฺคหิเตน อสงฺคหิต’’นฺติ หิ ‘‘สงฺคหิเตน อสงฺคหิตํ อสงฺคหิต’’นฺติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส อสงฺคหิตสทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. เตน สงฺคหิตวิเสสวิสิฏฺโ โย อสงฺคหิโต ธมฺมวิเสโส, ตนฺนิสฺสิโต อสงฺคหิตตาสงฺขาโต ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนนโย อุทฺทิฏฺโ โหติ, ‘‘สงฺคหิเตนา’’ติ จ วิเสสเน กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย ตติยาทีสุ ทสมาวสาเนสุ นยุทฺเทเสสุ ฉฏฺวชฺเชสุ. เตสุปิ หิ วุตฺตนเยน ทฺวีหิ ทฺวีหิ ปเทหิ ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมวิเสสนิทฺธารณํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อนฺติมปทสทิเสน ตติยปเทน ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนนยา อุทฺทิฏฺาติ. ตตฺถ จตุตฺถปฺจเมสุ กตฺตุอตฺเถ กรณนิทฺเทโส, สตฺตมาทีสุ จ จตูสุ สหโยเค ทฏฺพฺโพ, น ทุติยตติเยสุ วิย สมานาธิกรเณ วิเสสเน. ตตฺถ หิ สภาวนฺตเรน สภาวนฺตรสฺส วิเสสนํ กตํ, เอเตสุ ธมฺมนฺตเรน ธมฺมนฺตรสฺสาติ. เอกาทสมาทีสุ ปน จตูสุ อาทิปเทเนว ธมฺมวิเสสนิทฺธารณํ กตฺวา อิตเรหิ ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนนยา อุทฺทิฏฺา. วิเสสเน เอว เจตฺถ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานฺหิ นิสฺสยภูตา ธมฺมา สงฺคหิตตาทิวิเสเสน กรณภูเตน สมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตาทิภาวํ อตฺตโน วิเสเสนฺตีติ.
วิกปฺปโตติ วิวิธกปฺปนโต, วิภาคโตติ อตฺโถ. สนฺนิฏฺานวเสนาติ อธิโมกฺขสมฺปโยควเสน. สนฺนิฏฺานวเสน วุตฺตา จ สพฺเพ จ จิตฺตุปฺปาทา สนฺนิฏฺานวเสน วุตฺตสพฺพจิตฺตุปฺปาทา, เตสํ สาธารณวเสนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อธิโมกฺโข หิ สนฺนิฏฺานวเสน วุตฺตานํ จิตฺตุปฺปาทานํ สาธารณวเสน วุตฺโต, อิตเร สพฺเพสนฺติ. ตตฺถ สาธารณา ปสฏา ปากฏา จาติ อาทิโต ปริคฺคเหตพฺพา, ตสฺมา เตสํ สงฺคหาทิปริคฺคหตฺถํ อุทฺเทโส กโต, อสาธารณาปิ ปน ปริคฺคเหตพฺพาวาติ เตสุ มหาวิสเยน อฺเสมฺปิ สงฺคหาทิปริคฺคหํ ทสฺเสตุํ อธิโมกฺโข อุทฺทิฏฺโ. ‘‘สนฺนิฏฺานวเสน วุตฺตา’’ติ จ ธมฺมสงฺคหวณฺณนายํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺเค จ วจนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สนฺนิฏฺานวเสน เย วุตฺตา, เตสํ สพฺเพสํ สาธารณโตติ ปน อตฺเถ สติ ¶ สาธารณาสาธารเณสุ วตฺตพฺเพสุ โย อสาธารเณสุ มหาวิสโย อธิโมกฺโข, ตสฺส วเสน วุตฺตสพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณโต ผสฺสาทโย สพฺพสาธารณาติ อธิโมกฺโข จ อสาธารเณสุ มหาวิสโยติ กตฺวา วุตฺโต อฺสฺส ตาทิสสฺส อภาวาติ อยมธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ.
ชีวิตินฺทฺริยํ ¶ ปเนตฺถ รูปมิสฺสกตฺตา น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, จิตฺเตกคฺคตา ปน อสมาธิสภาวา สามฺสทฺเทเนว สามฺวิเสสสทฺเทหิ จ สมาธิสภาวา วิเสสสทฺทวจนียํ อฺํ พฺยาเปตพฺพํ นิวตฺเตตพฺพฺจ นตฺถีติ อนฺพฺยาปกนิวตฺตกสามฺวิเสสทีปนโต ตสฺเสว ธมฺมสฺส เภททีปเกหิ วตฺตพฺพา, น สุขาทิสภาวา เวทนา วิย วุตฺตลกฺขณวิปรีเตหิ สามฺวิเสสสทฺเทเหว, ตสฺมา ‘‘จิตฺเตกคฺคตา’’ติ อยํ สามฺสทฺโท สมาธิสภาเว วิเสสสทฺทนิรเปกฺโข ปวตฺตมาโน สยเมว วิเสสสทฺทมาปชฺชิตฺวา อสมาธิสภาวเมว ปกาเสยฺย, อิตโร จ สมาธิสภาวเมวาติ ทฺวิธา ภินฺนา จิตฺเตกคฺคตา อสาธารณา เจว อปฺปวิสยา จาติ อิธ อุทฺเทสํ น อรหติ. อภินฺนาปิ วา ผสฺสาทีนํ วิย ปากฏตฺตาภาวโต อฺธมฺมนิสฺสเยน วตฺตพฺพโต จ สา ชีวิตฺจ น อรหตีติ น อุทฺทิฏฺาติ.
มาติกาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. นิทฺเทสวณฺณนา
๑. ปมนโย สงฺคหาสงฺคหปทวณฺณนา
๑. ขนฺธปทวณฺณนา
๖. ขนฺธายตนธาตุโยมหนฺตเร ¶ ¶ อภิฺเยฺยธมฺมภาเวน วุตฺตา, เตสํ ปน สภาวโต อภิฺาตานํ ธมฺมานํ ปริฺเยฺยตาทิวิเสสทสฺสนตฺถํ สจฺจานิ, อธิปติยาทิกิจฺจวิเสสทสฺสนตฺถํ อินฺทฺริยาทีนิ จ วุตฺตานีติ สจฺจาทิวิเสโส วิย สงฺคหาสงฺคหวิเสโส จ อภิฺเยฺยนิสฺสิโต วุจฺจมาโน สุวิฺเยฺโย โหตีติ ‘‘ตีหิ สงฺคโห. ตีหิ อสงฺคโห’’ติ นยมุขมาติกา ปิตาติ เวทิตพฺพา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘จตูหี’’ติ วุตฺตา สมฺปโยควิปฺปโยคา จ อภิฺเยฺยนิสฺสเยน ขนฺธาทีเหว ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชิตาติ. รูปกฺขนฺโธ เอเกน ขนฺเธนาติ เย ธมฺมา ‘‘รูปกฺขนฺโธ’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปฺจสุ ขนฺเธสุ รูปกฺขนฺธภาเวน สภาคตา โหตีติ รูปกฺขนฺธภาวสงฺขาเตน, รูปกฺขนฺธวจนสงฺขาเตน วา คณเนน สงฺคหํ คณนํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ยฺหิ กิฺจี’’ติอาทิ. รูปกฺขนฺโธติ หิ สงฺคหิตพฺพธมฺโม ทสฺสิโต. เยน สงฺคเหน สงฺคยฺหติ, ตสฺส สงฺคหสฺส ทสฺสนํ ‘‘เอเกน ขนฺเธนา’’ติ วจนํ. ปฺจสุ ขนฺธคณเนสุ เอเกน ขนฺธคณเนน คณิโตติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. ยสฺมา จ ขนฺธาทิวจเนหิ สงฺคโห วุจฺจติ, ตสฺมา อุปริ ‘‘ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา’’ติอาทึ วกฺขตีติ.
อสงฺคหนยนิทฺเทเสติ อิทํ ‘‘สงฺคโห อสงฺคโห’’ติ เอตสฺเสว นยสฺส เอกเทสนยภาเวน วุตฺตํ, น นยนฺตรตายาติ ทฏฺพฺพํ. รูปกฺขนฺธมูลกาเยว เจตฺถ ทุกติกจตุกฺกา ทสฺสิตาติ เอเตน เวทนากฺขนฺธมูลกา ปุริเมน โยชิยมาเน วิเสโส นตฺถีติ ปจฺฉิเมเหว โยเชตฺวา ตโย ทุกา ทฺเว ติกา ¶ เอโก จตุกฺโก, สฺากฺขนฺธมูลกา ทฺเว ทุกา เอโก ติโก, สงฺขารกฺขนฺธมูลโก เอโก ทุโกติ เอเต ลพฺภนฺตีติ ทสฺเสติ. เตสํ ปน เภทโต ปฺจกปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานนฺตรํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ สํขิตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, วุตฺตนเยน วา สกฺกา าตุนฺติ ปาฬึ น อาโรปิตนฺติ.
อายตนปทาทิวณฺณนา
๔๐. ยสฺมา ¶ จ ทุกติเกสูติ ยทิปิ เอกเกปิ สทิสํ วิสฺสชฺชนํ, เอกเก ปน สทิสวิสฺสชฺชนานํ จกฺขุนฺทฺริยโสตินฺทฺริยสุขินฺทฺริยาทีนํ ทุกาทีสุ อสทิสวิสฺสชฺชนํ ทิฏฺํ. น เหตฺถ จกฺขุโสตจกฺขุสุขินฺทฺริยทุกานํ อฺมฺสทิสวิสฺสชฺชนํ, นาปิ ทุเกหิ ติกสฺส, อิธ ปน ทุกฺขสมุทยทุกฺขมคฺคทุกานํ อฺมฺํ ติเกน จ สทิสํ วิสฺสชฺชนนฺติ ทุกติเกสฺเวว สทิสวิสฺสชฺชนตํ สมุทยานนฺตรํ มคฺคสจฺจสฺส วจเน การณํ วทติ.
๖. ปฏิจฺจสมุปฺปาทวณฺณนา
๖๑. ‘‘ปุจฺฉํ อนารภิตฺวา อวิชฺชา เอเกน ขนฺเธน, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา เอเกน ขนฺเธนา’’ติ ลิขิตพฺเพปิ ปมาทวเสน ‘‘อวิชฺชา เอเกน ขนฺเธนา’’ติ อิทํ น ลิขิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สรูเปกเสสํ วา กตฺวา อวิชฺชาวจเนน อวิชฺชาวิสฺสชฺชนํ ทสฺสิตนฺติ. สพฺพมฺปิ วิปากวิฺาณนฺติ เอตฺถ วิปากคฺคหเณน วิเสสนํ น กาตพฺพํ. กุสลาทีนมฺปิ หิ วิฺาณานํ ธาตุกถายํ สงฺขารปจฺจยาวิฺาณาทิปเทหิ สงฺคหิตตา วิปฺปยุตฺเตนสงฺคหิตาสงฺคหิตปทนิทฺเทเส ‘‘วิปากา ธมฺมา’’ติ อิมสฺส วิสฺสชฺชนาสทิเสน เตสํ วิสฺสชฺชเนน ทสฺสิตา, อิธ จ นามรูปสฺส เอกาทสหายตเนหิ สงฺคหวจเนน อกมฺมชานมฺปิ สงฺคหิตตา วิฺายตีติ.
๗๑. ชายมานปริปจฺจมานภิชฺชมานานํ ชายมานาทิภาวมตฺตตฺตา ชาติชรามรณานิ ปรมตฺถโต วินิพฺภุชฺชิตฺวา อนุปลพฺภมานานิ ปรมตฺถานํ สภาวมตฺตภูตานิ, ตานิ รูปสฺส นิพฺพตฺติปากเภทภูตานิ รุปฺปนภาเวน คยฺหนฺตีติ รูปกฺขนฺธธมฺมสภาคานิ, อรูปานํ ปน นิพฺพตฺติอาทิภูตานิ รูปกลาปชาติอาทีนิ วิย สหุปฺปชฺชมานจตุกฺขนฺธกลาปนิพฺพตฺติอาทิภาวโต เอเกกภูตานิ เวทิยนสฺชานนวิชานเนหิ เอกนฺตปรมตฺถกิจฺเจหิ อคยฺหมานานิ สงฺขตาภิสงฺขรเณน อเนกนฺตปรมตฺถกิจฺเจน คยฺหนฺตีติ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมสภาคานิ, ตถา ทุวิธานิปิ ¶ ตานิ จกฺขายตนาทีหิ เอกนฺตปรมตฺถกิจฺเจหิ อคยฺหมานานิ นิสฺสตฺตฏฺเน ธมฺมายตนธมฺมธาตุธมฺเมหิ สภาคานิ, เตน เตหิ ขนฺธาทีหิ สงฺคยฺหนฺตีติ ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขนฺเธหี’’ติอาทิมาห.
ปมนยสงฺคหาสงฺคหปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยนโย สงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทวณฺณนา
๑๗๑. สงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทนิทฺเทเส ¶ ยํ ตํ อุทฺเทเส อสงฺคหิตตาย ปุจฺฉิตพฺพํ วิสฺสชฺชิตพฺพฺจ สงฺคหิตตาวิสิฏฺํ อสงฺคหิตํ ธมฺมชาตํ นิทฺธาริตํ, ตเทว ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘จกฺขายตเนน เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา อายตนธาตุสงฺคเหน อสงฺคหิตา’’ติ อาห. สพฺพตฺถ ขนฺธาทิสงฺคหสามฺานํ นิจฺจํ วิเสสาเปกฺขตฺตา เภทนิสฺสิตตฺตา จ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานํ สวิเสสาว ขนฺธาทิคณนา สุทฺธา. ตตฺถ สงฺคหิเตนอสงฺคหิตวจนมตฺเตน ธมฺมวิเสสสฺส นิทฺธาริตตฺตา ตีสุ สงฺคเหสุ เอเกน ทฺวีหิ วา เย สงฺคหิตา หุตฺวา อฺเหิ อสงฺคหิตา, เตเยว ธมฺมา ‘‘ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา อายตนธาตุสงฺคเหน อสงฺคหิตา’’ติ เอตฺตเกเนว ทสฺเสตพฺพา สิยุํ, เตสํ ปน เอวํวิธานํ อสมฺภวา นยมาติกาย จ อพฺภนฺตรพาหิรมาติกาเปกฺขตฺตา อุทฺเทเสปิ ยํ ยํ รูปกฺขนฺธาทีสุ อรณนฺเตสุ สงฺคาหกํ, ตํ ตํ อเปกฺขิตฺวา สงฺคหิเตนอสงฺคหิตํ นิทฺธาริตนฺติ วิฺายตีติ เตน เตน สงฺคาหเกน ยถานิทฺธาริตํ ธมฺมํ นิยเมตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขายตเนนา’’ติอาทิมาห. ยตฺถ หิ ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมวิเสสนิทฺธารณํ นตฺถิ, ตสฺมึ ปมนเย ฉฏฺนเย จ ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพภาเวน, อิตเรสุ จ ยํ ยํ ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพํ นิทฺธาริตํ, ตสฺส ตสฺส นิยามกภาเวน รูปกฺขนฺธาทโย อรณนฺตา อุทฺทิฏฺาติ.
ตตฺถ ‘‘จกฺขายตเนน…เป… โผฏฺพฺพธาตุยา’’ติ กตฺตุอตฺเถ กรณนิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ, ‘‘ขนฺธสงฺคเหน อายตนสงฺคเหน ธาตุสงฺคเหนา’’ติ กรณตฺเถ. เอตฺถ จ เยน เยน สงฺคาหเกน ขนฺธาทิสงฺคเหสุ เตน เตน สงฺคเหตพฺพาสงฺคเหตพฺพํ อฺํ อตฺถิ, ตํ ตเทว สงฺคาหกาสงฺคาหกภาเวน อุทฺธฏํ. รูปกฺขนฺเธน ปน ขนฺธสงฺคเหน สงฺคเหตพฺโพ อฺโ ธมฺโม นตฺถิ, ตถา เวทนากฺขนฺธาทีหิ ¶ , น จ โส เอว ตสฺส สงฺคาหโก อสงฺคาหโก วา โหติ. ยฺจ ‘‘รูปกฺขนฺโธ เอเกน ขนฺเธน สงฺคหิโต’’ติ วุตฺตํ, ตฺจ น ตสฺเสว เตน สงฺคหิตตํ สนฺธาย วุตฺตํ, รูปกฺขนฺธภาเวน ปน รูปกฺขนฺธวจเนน วา คหิตตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ปกาสิโตยมตฺโถ.
ยทิ จ โส เอว เตน สงฺคยฺเหยฺย, สงฺคหิเตนสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตปทนิทฺเทเส – ‘‘เวทนากฺขนฺเธน เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา อายตนสงฺคเหน ¶ สงฺคหิตา ธาตุสงฺคเหน สงฺคหิตา, เต ธมฺมา ตีหิ ขนฺเธหิ เอเกนายตเนน สตฺตหิ ธาตูหิ สมฺปยุตฺตา’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ วุตฺตํ, ตสฺมา ยถา จิตฺตํ จิตฺเตน สมฺปยุตฺตํ วิปฺปยุตฺตฺจ น โหติ, เอวํ รูปกฺขนฺโธ รูปกฺขนฺเธน สงฺคหิโต อสงฺคหิโต จ น โหติ, ตถา เวทนากฺขนฺธาทโย เวทนากฺขนฺธาทีหิ. น หิ โส เอว ตสฺส สภาโค วิสภาโค จาติ. เตเนว น เอกเทสา วิย สมุทายสฺส, สมุทาโย เอกเทสานํ สงฺคาหโก อสงฺคาหโก จ. ยถา รูปกฺขนฺโธ จกฺขายตนาทีนํ, ธมฺมายตนํ เวทนากฺขนฺธาทีนํ, สรณา ธมฺมา จตุนฺนํ ขนฺธานํ. สมุทายนฺโตคธานฺหิ เอกเทสานํ น วิภาโค อตฺถิ, เยน เต สมุทายสฺส สมุทาโย จ เตสํ สภาโค วิสภาโค จ สิยาติ, ตถา น สมุทาโย เอกเทสสภาควิสภาคานํ สงฺคาหโก อสงฺคาหโก จ. ยถา ธมฺมายตนํ สุขุมรูปสภาคสฺส เวทนาทิวิสภาคสฺส จ รูปกฺขนฺเธกเทสสฺส ขนฺธสงฺคเหน, ชีวิตินฺทฺริยํ รูปารูปชีวิตสภาควิสภาคสฺส รูปกฺขนฺเธกเทสสฺส สงฺขารกฺขนฺเธกเทสสฺส จ ชีวิตวชฺชสฺส ขนฺธสงฺคเหเนว. น หิ เอกเทสสภาคํ สมุทายสภาคํ, นาปิ เอกเทสวิสภาคํ สมุทายวิสภาคนฺติ, ตสฺมา สติปิ อตฺตโต อตฺตนิ อนฺโตคธโต อตฺเตกเทสสภาคโต จ อฺสฺส อสงฺคาหกตฺเต สงฺคาหกตฺตเมว เอเตสํ นตฺถิ, เยน สงฺคหิตสฺส อสงฺคาหกา สิยุนฺติ สงฺคาหกตฺตาภาวโต เอว เอวรูปานํ อคฺคหณํ เวทิตพฺพํ.
ยํ ปน ‘‘ธมฺมายตนํ อสงฺขตํ ขนฺธโต เปตฺวา จตูหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๒๕), ‘‘จกฺขายตนฺจ โสตายตนฺจ เอเกน ขนฺเธน สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๒๖) จ วุตฺตํ, น เตน เอกเทสานํ สมุทายสงฺคาหกตฺตํ, สมุทายสฺส จ เอกเทสสงฺคาหกตฺตํ ทสฺเสติ, จตุกฺขนฺธคณนเภเทหิ ปน ธมฺมายตนสฺส คเณตพฺพาคเณตพฺพภาเวน ปฺจธา ภินฺนตํ, จกฺขายตนาทีนํ เอกกฺขนฺธคณเนน คเณตพฺพตาย เอกวิธตฺจ ทสฺเสติ. สงฺคาหกาสงฺคาหกนิรเปกฺขานํ คเณตพฺพาคเณตพฺพานํ ตํตํคณเนหิ คณนทสฺสนมตฺตเมว หิ ปมนโย กมฺมกรณมตฺตสพฺภาวา, ทุติยาทโย ปน สงฺคาหกาสงฺคาหเกหิ สงฺคหิตาสงฺคหิตานํ อคณนาทิทสฺสนานิ กตฺตุกรณกมฺมตฺตยสพฺภาวา ¶ . ตถา ปมนเย ตถา ตถา คเณตพฺพาคเณตพฺพภาวสงฺขาโต ตํตํขนฺธาทิภาวาภาโว สภาควิสภาคตา ¶ , ทุติยาทีสุ ยถานิทฺธาริตธมฺมทสฺสเน สงฺคาหกสงฺคเหตพฺพานํ สมานกฺขนฺธาทิภาโว สภาคตา, ตทภาโว จ วิสภาคตา. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนสุ ตํตํขนฺธาทิภาวาภาโว เอวาติ อยเมเตสํ วิเสโสติ.
สมุทยสจฺจสุขินฺทฺริยสทิสานิ ปน เตหิ สงฺคเหตพฺพเมว อตฺถิ, น สงฺคหิตํ อสงฺคเหตพฺพนฺติ อสงฺคาหกตฺตาภาวโต น อุทฺธฏานิ. ทุกฺขสจฺจสทิสานิ เตหิ วิสภาคสมุทายภูเตหิ อเนกกฺขนฺเธหิ ขนฺธสงฺคเหน สงฺคเหตพฺพํ, อิตเรหิ อสงฺคเหตพฺพฺจ นตฺถีติ สงฺคาหกตฺตาสงฺคาหกตฺตาภาวโต. เอวํ สงฺคาหกตฺตาภาวโต อสงฺคาหกตฺตาภาวโต อุภยาภาวโต จ ยถาวุตฺตสทิสานิ อนุทฺธริตฺวา สงฺคาหกตฺตาสงฺคาหกตฺตภาวโต จกฺขายตนาทีเนว อุทฺธฏานีติ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ ‘‘จกฺขายตเนน เย ธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตา’’ติ จกฺขายตนวชฺชา รูปธมฺมา ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพา, น รูปกฺขนฺโธติ. น หิ เอกเทโส สมุทายสงฺคาหโกติ ทสฺสิตเมตนฺติ.
อฏฺกถายํ ปน ขนฺธปเทนาติ ขนฺธปทสงฺคเหนาติ อตฺโถ, น สงฺคาหเกนาติ. ‘‘เกนจิ สงฺคาหเกนา’’ติ อิทํ ปน อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ. ตํ ปน รูปกฺขนฺธาทีสุ น ยุชฺชตีติ ตํ วิสฺสชฺชนํ รูปกฺขนฺธาทีสุ สงฺคาหเกสุ น ยุชฺชตีติ อตฺโถ. รูปกฺขนฺเธน หิ…เป… สงฺคหิโตติ เอเตน นเยน จกฺขายตเนน รูปกฺขนฺโธว สงฺคหิโต, โส จ อฑฺเฒกาทสหิ อายตนธาตูหิ อสงฺคหิโต นาม นตฺถีติ เอวํ จกฺขายตนาทีนิปิ น คเหตพฺพานีติ อาปชฺชตีติ เจ? นาปชฺชติ. น หิ อฺมตฺตนิวารณํ เอวสทฺทสฺส อตฺโถ, อถ โข สงฺคาหกโต อฺนิวารณํ. โส จาติอาทิ จ น นิรเปกฺขวจนํ, อถ โข สงฺคาหกาเปกฺขนฺติ. กถํ? รูปกฺขนฺเธน หิ รูปกฺขนฺโธว สงฺคหิโตติ ยถา จกฺขายตเนน จกฺขายตนโต อฺมฺปิ ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตํ อตฺถิ, ยํ อายตนธาตุสงฺคเหหิ อสงฺคหิตํ โหติ, น เอวํ รูปกฺขนฺเธน รูปกฺขนฺธโต อฺํ ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิตํ อตฺถิ, ยํ อายตนธาตุสงฺคเหหิ อสงฺคหิตํ สิยา, รูปกฺขนฺเธน ปน รูปกฺขนฺโธว ขนฺธสงฺคเหน สงฺคหิโตติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต. สิยา ปเนตํ ‘‘โส เอว รูปกฺขนฺโธ รูปกฺขนฺเธน อายตนธาตุสงฺคเหหิ อสงฺคหิโต โหตู’’ติ, ตํ นิวาเรนฺโต อาห ‘‘โส จ อฑฺเฒกาทสหิ อายตนธาตูหิ อสงฺคหิโต นาม นตฺถี’’ติ ¶ . เอตฺถ จ ‘‘รูปกฺขนฺเธนา’’ติ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ. ตตฺถ ¶ รูปกฺขนฺโธ รูปกฺขนฺธสฺส วา ตเทกเทสานํ วา จกฺขาทีนํ อายตนธาตุสงฺคเหหิ สงฺคาหโก อสงฺคาหโก จ น โหตีติ อิมินา ปริยาเยน อสงฺคหิตตาย อภาโว วุตฺโตติ ยุชฺชติ, น รูปกฺขนฺเธน รูปกฺขนฺธสฺส ตเทกเทสานํ วา อฑฺเฒกาทสหิ อายตนธาตุสงฺคเหหิ สงฺคหิตตาย. น หิ สา สงฺคหิตตา อตฺถิ. ยทิ สิยา, สงฺคหิเตนสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตปทนิทฺเทเส รูปกฺขนฺโธปิ อุทฺธริตพฺโพ สิยา. เตน หิ ตีหิปิ สงฺคเหหิ รูปกฺขนฺโธ ตเทกเทโส วา สงฺคหิตา สิยุํ, อตฺถิ จ เตสํ วิปฺปยุตฺตตาติ.
เอวํ อสงฺคหิตตาย อภาวโต เอตานิ, อฺานิ จาติ เอตฺถาปิ จกฺขายตนาทีหิ วิย เอเตหิ อฺเหิ จ สงฺคหิตานํ อสงฺคหิตตาย อภาวโต เอตานิ อฺานิ จ ยถา วา ตถา วา เอตานิ วิย อยุชฺชมานวิสฺสชฺชนตฺตา เอวรูปานิ ปทานิ สงฺคาหกภาเวน น คหิตานีติ อธิปฺปาโย.
ตตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘รูปกฺขนฺเธน หิ รูปกฺขนฺโธว สงฺคหิโต’’ติ, ตํ เตเนว ตสฺส สงฺคหิตตฺตาสงฺคหิตตฺตาภาวทสฺสเนน นิวาริตํ. ยฺเหตฺถ อคฺคหเณ การณํ วุตฺตํ, ตฺจ สติปิ สงฺคหิตตฺเต อสงฺคหิตตาย อภาวโตติ วิฺายมานํ สมุทยสจฺจาทีสุ ยุชฺเชยฺย สติ เตหิ สงฺคหิเต ตทสงฺคหิตตฺตาภาวโต. รูปกฺขนฺธาทีหิ ปน สงฺคหิตเมว นตฺถิ, กุโต ตสฺส อสงฺคหิตตา ภวิสฺสติ, ตสฺมา สงฺคาหกตฺตาภาโว เอเวตฺถ อคฺคหเณ การณนฺติ ยุตฺตํ. สงฺคหิตตฺตาภาเวน อสงฺคหิตตฺตํ ยทิปิ รูปกฺขนฺธาทินา อตฺตโน อตฺตนิ อนฺโตคธสฺส อตฺเตกเทสสภาคสฺส จ นตฺถิ, อฺสฺส ปน อตฺถีติ น ทุกฺขสจฺจาทีสุ วิย อุภยาภาโว เจตฺถ อคฺคหเณ การณํ ภวิตุํ ยุตฺโตติ. ธมฺมายตนชีวิตินฺทฺริยาทีนฺจ ขนฺธจตุกฺกทุกาทิสงฺคาหกตฺเต สติ น เตสํ สงฺคหิตานํ เตหิ ธมฺมายตนชีวิตินฺทฺริยาทีหิ อายตนธาตุสงฺคเหหิ อสงฺคหิตตา นตฺถีติ อสงฺคหิตตาย อภาโว อเนกนฺติโก, ตสฺมา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อคฺคหิตานํ อคฺคหเณ, คหิตานฺจ คหเณ การณํ เวทิตพฺพนฺติ.
อนิทสฺสนํ ปุนเทว สปฺปฏิฆนฺติ เอตฺถ อนิทสฺสนนฺติ เอเตน ‘‘สนิทสฺสนสปฺปฏิฆ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺเตน สปฺปฏิฆสทฺเทน สทฺธึ โยเชตฺวา อนิทสฺสนสปฺปฏิฆา ¶ ทสฺสิตา. ปุนเทวาติ เอเตน ตตฺเถว อวิสิฏฺํ สนิทสฺสนปทํ นิวตฺเตตฺวา คณฺหนฺโต สนิทสฺสนทุกปทํ ทสฺเสติ. ‘‘จกฺขายตเนน จกฺขายตนเมเวกํ สงฺคหิต’’นฺติ อิทํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ ‘‘จกฺขายตเนน ¶ จกฺขายตนํ อายตนสงฺคเหน สงฺคหิต’’นฺติ จ ‘‘อสงฺคหิต’’นฺติ จ วตฺตพฺพนฺติ ทสฺสิโตยํ นโยติ. เอวํ สพฺพตฺถ ตสฺเสว สมุทาเยกเทสานฺจ สงฺคาหกสงฺคหิตนฺติ วจเนสุ อสงฺคาหกอสงฺคหิตนฺติ วจเนสุ จ ตทวตฺตพฺพตา โยเชตพฺพา. อสงฺคาหกตฺตาภาวโต เอว หิ จกฺขายตนาทีนิ จกฺขายตนาทีหิ อสงฺคหิตานีติ น วุจฺจนฺติ, น สงฺคาหกตฺตาภาวโตติ.
ทุติยนยสงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยนโย อสงฺคหิเตนสงฺคหิตปทวณฺณนา
๑๗๙. อสงฺคหิเตนสงฺคหิตปทนิทฺเทเส รูปกฺขนฺเธน ขนฺธสงฺคเหน อสงฺคหิเตสุ เวทนาทีนํ ติณฺณํ ขนฺธานํ นิพฺพานสฺส จ สุขุมรูเปน สห อายตนธาตุสภาคตฺเต สติปิ น สุขุมรูปเมว รูปกฺขนฺโธติ รูปกฺขนฺเธน อายตนธาตุสภาคตฺตํ นตฺถิ, ตสฺมา น เตน ตานิ อายตนธาตุสงฺคเหหิ สงฺคหิตานิ. น เกวลํ สงฺคหิตาเนว, อสงฺคหิตานิปิ เตน ตานิ เตหิ สงฺคเหหิ น โหนฺเตว ตเทกเทเสน สุขุมรูเปน อายตนธาตุสภาคตฺตา, สงฺคหิตาภาโว เอว ปน อิธาธิปฺเปโต, วิฺาณกฺขนฺธจกฺขายตนาทีหิ ปน อสงฺคหิตา น เต เตหิ กถฺจิ สมฺมิสฺสาติ สพฺพถา เต เตหิ น สงฺคหิตา. ทุกฺขสจฺจาทีหิ จ ปฺจกฺขนฺธสมุทายภูเตหิ ขนฺธสงฺคเหน อสงฺคหิตํ นิพฺพานํ รูปกฺขนฺเธน วิย อายตนธาตุสงฺคเหหิ สงฺคหิตํ เตหิ น โหติ, ตสฺมา สงฺคาหกตฺตาภาวโต เอว เอวรูปานํ อสงฺคาหกภาเวน อคฺคหณํ เวทิตพฺพํ, สนิพฺพานปฺจกฺขนฺธสมุทายภูตานํ ปน อพฺยากตธมฺมาทีนํ อสงฺคาหกตฺตาภาวโตว. น หิ ตํ กฺจิ อตฺถิ, ยสฺส เต ขนฺธสงฺคเหน อสงฺคาหกา สิยุํ, น จ อตฺตโน เอกเทโส อตฺเตกเทสสภาโค จ อตฺตนา อสงฺคหิโต โหตีติ อตฺตนา อสงฺคหิตสงฺคาหกตฺตา ปน เวทนากฺขนฺธาทีนํ คหณํ กตนฺติ.
ยํ ¶ ปน อฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘เย ธมฺมายตเนน สงฺคหิตา’’ติ, ตํ น สกฺกา วตฺตุํ. ธมฺมายตเนน หิ น โกจิ ธมฺโม เกนจิ สงฺคเหน สงฺคหิโต อตฺถิ วิสภาคกฺขนฺธนิพฺพานสมุทายตฺตา ¶ , ขนฺธสงฺคเหน สยเมว อตฺตโน สงฺคาหกํ น โหตีติ อายตนธาตุสงฺคเหหิ จ สงฺคาหกตฺตาภาวโตติ ทสฺสิโตยํ นโยติ เอตสฺส ธมฺมายตนคณเนน คณิตาติ อตฺโถ. ยานิ…เป… คหิตานีติ เอเตน วิฺาณสมฺมิสฺสํ ธมฺมายตเนกเทสํ ทีเปนฺตานิ อิทฺธิปาทาทิปทานิ, โอฬาริกรูปสมฺมิสฺสํ ทีเปนฺตานิ รูปกฺขนฺธาทิปทานิ, สพฺเพน สพฺพํ ธมฺมายตนํ อทีเปนฺตานิ วิฺาณกฺขนฺธจกฺขายตนาทิปทานิ, สกลธมฺมายตนทีปกานิ ธมฺมายตนาทิปทานิ จ วชฺเชตฺวา ธมฺมายตเนกเทสํ อฺายตเนน อสมฺมิสฺสํ ทีเปนฺตานิ คหิตานีติ ทสฺเสติ.
ตติยนยอสงฺคหิเตนสงฺคหิตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถนโย สงฺคหิเตนสงฺคหิตปทวณฺณนา
๑๙๑. สงฺคหิเตนสงฺคหิตปทนิทฺเทเส ยสฺมา ยถา ทุติยตติยนยา ติณฺณํ สงฺคหานํ สงฺคหณาสงฺคหณปฺปวตฺติวิเสเสน ‘‘สงฺคหิเตน อสงฺคหิตํ, อสงฺคหิเตน สงฺคหิต’’นฺติ จ อุทฺทิฏฺา, เนวํ จตุตฺถปฺจมา. สงฺคหณปฺปวตฺติยา เอว หิ สงฺคหิเตน สงฺคหิตํ อุทฺทิฏฺํ, อสงฺคหณปฺปวตฺติยา เอว จ อสงฺคหิเตน อสงฺคหิตนฺติ, ตสฺมา สงฺคหณปฺปวตฺติวิเสสวิรเห สงฺคหิตธมฺมาสงฺคหิตธมฺมวิเสเส นิสฺสิตา เอเต ทฺเว นยาติ เอตฺถ เกนจิ สงฺคหิเตน ธมฺมวิเสเสน ปุน สงฺคหิโต ธมฺมวิเสโส สงฺคหิเตน สงฺคหิโต สงฺคหิตตาย ปุจฺฉิตพฺโพ วิสฺสชฺชิตพฺโพ จ, ตเมว ตาว ยถานิทฺธาริตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมุทยสจฺเจน เย ธมฺมา ขนฺธ…เป… สงฺคหิตา, เตหิ ธมฺเมหิ เย ธมฺมา ขนฺธ…เป… สงฺคหิตา’’ติ อาห. เอตฺถ จ เย ตีหิปิ สงฺคเหหิ น สงฺคาหกา รูปกฺขนฺธวิฺาณกฺขนฺธธมฺมายตนทุกฺขสจฺจาทีนิ วิย, เย จ ทฺวีหายตนธาตุสงฺคเหหิ อสงฺคาหกา จกฺขายตนาทีนิ วิย, เย จ เอเกน ขนฺธสงฺคเหเนว ธาตุสงฺคเหเนว จ น สงฺคาหกา เวทนาทิกฺขนฺธนิโรธสจฺจชีวิตินฺทฺริยาทีนิ วิย จกฺขุวิฺาณธาตาทโย วิย จ, เต ธมฺมา สงฺคาหกตฺตาภาวสพฺภาวา สงฺคาหกภาเวน น อุทฺธฏา, ตีหิปิ ปน สงฺคเหหิ ¶ เย สงฺคาหกา, เต สงฺคาหกตฺตาภาวาภาวโต อิธ อุทฺธฏา. เตหิ สงฺคหิตาปิ หิ เอกนฺเตน ¶ อตฺตโน สงฺคาหกสฺส สงฺคาหกา โหนฺติ, ยสฺส ปุน สงฺคโห ปุจฺฉิตพฺโพ วิสฺสชฺชิตพฺโพ จาติ.
อฏฺกถายํ ปน สกเลน หิ ขนฺธาทิปเทนาติ สกลวาจเกน รูปกฺขนฺธาทิปเทนาติ อตฺโถ. ยํ ปเนตํ วุตฺตํ ‘‘ยํ อตฺตโน สงฺคาหกํ สงฺคณฺหิตฺวา ปุน เตเนว สงฺคหํ คจฺเฉยฺยา’’ติ, ตํ เตน ขนฺธาทิปเทนาติ เอวํ อโยเชตฺวา ตํ อฺํ สงฺคหิตํ นาม นตฺถีติ เอวํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ เยน ยํ สงฺคหิตํ, เตเนว ตสฺส สงฺคโห ปุจฺฉิโต วิสฺสชฺชิโต, น จ ตสฺเสว, อถ โข เตน สงฺคหิตสฺสาติ. ยถา เวทนา สทฺโท จ ขนฺโธ อายตนฺจ, น เอวํ สุขุมรูปํ, ตํ ปน ขนฺธายตนานํ เอกเทโสว, ตสฺมา ‘‘สุขุมรูเปกเทสํ วา’’ติ อวตฺวา ‘‘สุขุมรูปํ วา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพตฺถ จ อฺเน อสมฺมิสฺสนฺติ โยเชตพฺพํ. ยมฺปิ เจตํ วุตฺตํ ‘‘ตเทว เยหิ ธมฺเมหิ ขนฺธาทิวเสน สงฺคหิตํ, เต ธมฺเม สนฺธายา’’ติ, ตมฺปิ ตถา น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ สงฺคหิเตน สงฺคหิตสฺส สงฺคหิเตน สงฺคโห เอตฺถ ปุจฺฉิโต วิสฺสชฺชิโต จ, อถ โข สงฺคโหว, ตสฺมา เอเกน ขนฺเธนาติ เอเกน ขนฺธคณเนนาติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ, น สงฺคาหเกนาติ. น หิ เอโก ขนฺโธ อตฺตโน เอกเทสสฺส สงฺคาหโกติ.
จตุตฺถนยสงฺคหิเตนสงฺคหิตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจมนโย อสงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทวณฺณนา
๑๙๓. อสงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทนิทฺเทเสปิ วุตฺตนเยเนว ยถานิทฺธาริตธมฺมทสฺสนํ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ จ สสุขุมรูปวิฺาณสหิตธมฺมสมุทายา เย เต ทุกฺขสจฺจอนิทสฺสนอปฺปฏิฆอเจตสิกานุปาทาสทิสา สติปิ เอเกน ทฺวีหิ วา สงฺคเหหิ เกสฺจิ อสงฺคาหกตฺเต ตีหิปิ อสงฺคเหตพฺพสฺส อภาวโต ปริปุณฺณสงฺคหาสงฺคาหกา น โหนฺติ, อพฺยากตธมฺมสทิสา เกนจิ สงฺคเหน อสงฺคเหตพฺพภาวโต อสงฺคาหกา เอว น โหนฺติ, เตน เต อสงฺคาหกภาเวน น อุทฺธฏา, อิตเร ปน ตพฺพิปริยาเยน อุทฺธฏาติ.
ยํ ¶ ¶ ปน อฏฺกถายํ ‘‘ตาทิเสน หิ ปเทน นิพฺพานํ ขนฺธสงฺคหมตฺตํ น คจฺเฉยฺยา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ทุกฺขสจฺจํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนิทสฺสนอปฺปฏิเฆสุ ปน อสงฺคาหเกสุ นิพฺพานํ อนฺโตคธํ, น จ ตเทว ตสฺส อสงฺคาหกนฺติ. สทิสวิสฺสชฺชนานํ วเสน สโมธาเนตฺวา กเตหิ สทฺธินฺติ เอวํ กเตหิ ทุติยปฺหาทีหิ สทฺธึ ปมปฺหนามรูปปฺหาทโย สพฺเพปิ จตุตฺตึส โหนฺตีติ อตฺโถ. ยํ ปุจฺฉาย อุทฺธฏํ ปทํ, ตเทวาติ รูปกฺขนฺธาทิวิเสสกปทํ วทติ, น นิทฺธาริเต ปุจฺฉิตพฺพธมฺเม. เต หิ ลกฺขณโต ทสฺสิตา, น ปเทน สรูปโตติ. ตตฺถ ตเทวาติ เอว-สทฺเทน น ตํ กทาจิ สงฺคหิเตน อสงฺคหิตํ น โหตีติ อุทฺธฏสฺเสว อสงฺคหิเตนอสงฺคหิตภาเว นิยตตํ อฺสฺส จ อนิยตตํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตเทว เยหิ อสงฺคหิต’’นฺติ เอตฺถ หิ ‘‘นิยมโต’’ติ สกฺกา วจนเสโส โยเชตุนฺติ. อถ วา ตเทวาติ ปุจฺฉาย อุทฺธฏเมว เอวํปการเมว หุตฺวา เยหิ อสงฺคหิตนฺติ ตสฺส ปุจฺฉาย อุทฺธฏภาเวน เอวํ อสงฺคหิเตนอสงฺคหิตภาวนิยมนตฺโถ เอว-สทฺโท, น อฺสฺส อสงฺคหิเตนอสงฺคหิตตานิวารณตฺโถติ ทฏฺพฺโพ. ปุจฺฉาย อุทฺธฏฺหิ อฺสหิตํ อสหิตฺจ อสงฺคหิเตน อสงฺคหิตํ โหติ. รูปกฺขนฺธาทีนิ หิ อฺสหิตานิ วิฺาณกฺขนฺธาทีนิ อสหิตานีติ.
อวเสสา สงฺคหิตาติ อิทํ อวเสสา อสงฺคหิตา น โหนฺตีติ เอวํ ทฏฺพฺพํ. เตหิปิ วิฺาณธมฺเมหิ เต รูปธมฺมาว ตีหิ สงฺคเหหิ อสงฺคหิตาติ ปุจฺฉาย อุทฺธฏา ตีหิปิ สงฺคเหหิ อสงฺคาหกา หุตฺวา อสงฺคหิตาติ อธิปฺปาโย. อนุทฺธฏา เวทนาทโยปิ หิ อสงฺคหิตา เอวาติ. เอตฺถ จ ปเม นเย เวทนาทโยปิ วิฺาเณน อสงฺคหิตาติ วุตฺตา, ทุติเย รูปธมฺมาวาติ อยํ วิเสโส. เวทนาทโย หิ รูปวิฺาเณเหว ขนฺธาทิสงฺคเหน อสงฺคหิตาติ โอฬาริกรูเปหิ วิฺาเณน จ ตีหิปิ สงฺคเหหิ อสงฺคหิตาติ อตฺโถ. รูเปกเทโส หิ เอตฺถ รูปคฺคหเณน คหิโตติ.
๑๙๖. จตุตฺถปฺเห จกฺขายตนํ เวทนาทีหิ จตูหีติ เอตฺถ จกฺขายตนนฺติ เอเตน ปุจฺฉาย อุทฺธฏํ อสงฺคาหกํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. จกฺขายตเนน ปน อสงฺคหิเตน อสงฺคหิตานิ ทส โอฬาริกายตนานิ น จกฺขายตนเมวาติ. ‘‘รูปฺจ ธมฺมายตน’’นฺติอาทินา เยหิ ธมฺเมหิ ตีหิปิ สงฺคเหหิ อสงฺคหิตํ ตํ วิฺาณเมว โหติ, อสงฺคหิเตน เตน ¶ อสงฺคหิตฺจ วิฺาณวชฺชํ สพฺพํ เตว ธมฺเม อุทาเนติ. สทิสวิสฺสชฺชนา หิ เอกโต อุทาเนตฺวา ทสฺเสตพฺพา. ตตฺถ ปเมน รูปกฺขนฺเธน สทิสวิสฺสชฺชเนสุ เอกโต อุทาเนตฺวา ทสฺสิเตสุ อฺเ วิสทิสวิสฺสชฺชนา ¶ นยทาเนน ทสฺสิตา โหนฺติ. เตนาห ‘‘รูปฺจ ธมฺมายตนนฺติ…เป… อฺเนากาเรน สงฺขิปิตฺวา ทสฺสิตา’’ติ. ตตฺถ ทฺเว ภวาติ อสฺเกโวการภวา. ทฺเวติ พาหิรุปาทาธมฺเม เอว สนฺธาย วุตฺตํ. เยน อสงฺคาหเกน อสงฺคหิเตน อสงฺคหิตํ ปุจฺฉิตพฺพํ วิสฺสชฺชิตพฺพฺจ ปริจฺฉิชฺชติ, โส รูปกฺขนฺธาทิโก ตสฺส ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานฺจ นิสฺสยภาวโต ‘‘วิสโย’’ติ วุตฺโต, ยถาทสฺสิตสฺส ปน อุทฺทานสฺส นยทานมตฺตตฺตา ‘‘นโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ทฺเววีสนโย จา’’ติปิ ปาโ, ทฺเววีสปทิโก เอส นโย จาติ อตฺโถ.
ปฺจมนยอสงฺคหิเตนอสงฺคหิตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ฉฏฺนโย สมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา
๒๒๘. สมฺปโยควิปฺปโยคปเท ยํ ลพฺภติ, ยฺจ น ลพฺภติ, ตํ สพฺพํ ปุจฺฉาย คหิตนฺติ อิทํ น รูปกฺขนฺธาทีนิ ปทานิ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข สมฺปโยคปทํ วิปฺปโยคปทฺจาติ เวทิตพฺพํ. รูปกฺขนฺธาทีสุ หิ ยํ ธมฺมายตนาทิปทํ น ลพฺภติ, ตํ ปุจฺฉายปิ น คหิตํ. สมฺปโยคปทํ ปน รูปกฺขนฺธาทีสุ อลพฺภมานมฺปิ ‘‘รูปกฺขนฺโธ กติหิ…เป… สมฺปยุตฺโต’’ติ เอวํ ปุจฺฉาย คหิตํ, เวทนากฺขนฺธาทีสุ ลพฺภมานํ, วิปฺปโยคปทํ ปน สพฺพตฺถ ลพฺภมานเมวาติ. รูปธมฺมานํ ปน รูเปน นิพฺพาเนน วา, นิพฺพานสฺส จ รูเปน สทฺธึ สมฺปโยโค นาม นตฺถีติ เอกุปฺปาทาทิสภาคตาย อภาวโต สมฺปโยคํ นิวาเรนฺเตน สา เอว เอกุปฺปาทาทิตา เอเตสํ วิสภาคตาติ ตทภาวโต วิปฺปโยโคปิ นิวาริโต เอว โหตีติ ทฏฺพฺโพ. จตูสุ หิ ขนฺเธสุ วิชฺชมานา เอกุปฺปาทาทิตา เตสํ อฺมฺํ สภาคตา โหติ รูปนิพฺพาเนหิ เตสํ เตหิ จ รูปนิพฺพานานํ วิสภาคตา จ, น จ รูเปกเทสสฺส นิพฺพานสฺส วา สา เอกุปฺปาทาทิตา อตฺถิ, ยา รูเปกเทเสน รูเปกเทสนิพฺพานานํ นิพฺพาเนน จ รูปสฺส วิสภาคตา สิยา. เตเนว ‘‘จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ วุตฺตนฺติ.
สตฺตสุ ¶ วิฺาณธาตูสุ เอกายปิ อวิปฺปยุตฺเตติ ยถา รูปภโว ตีหิ วิฺาณธาตูหิ, เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมา ปฺจหิ, อวิตกฺกอวิจารา เอกาย วิปฺปยุตฺเต อนารมฺมณมิสฺสเก ธมฺเม ¶ ทีเปนฺติ, เอวํ อทีเปตฺวา เอกายปิ วิปฺปยุตฺเต อโหนฺเต สตฺตหิปิ สมฺปยุตฺเต สตฺตปิ วา ตา ทีเปนฺตีติ อธิปฺปาโย. อวิปฺปยุตฺเตติ หิ เย วิปฺปยุตฺตา น โหนฺติ, เต ธมฺเมติ วุตฺตํ โหติ, น สมฺปยุตฺเตติ. เตน ยานิ ตาหิ สมฺปยุตฺเต ทีเปนฺติ ธมฺมายตนาทิปทานิ, ยานิ จ สมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตภาเวหิ นวตฺตพฺพํ ทีเปนฺติ อเจตสิกาทิปทานิ, ยานิ จ สมฺปยุตฺตนวตฺตพฺพานิ ทีเปนฺติ ทุกฺขสจฺจาทิปทานิ, เตสํ สพฺเพสํ อนารมฺมณมิสฺสกธมฺมทีปกานํ อคฺคหณํ วุตฺตํ โหติ. น หิ อนารมฺมณมิสฺสกสพฺพวิฺาณธาตุตํสมฺปยุตฺตตทุภยสมุทายานํ ขนฺธายตนธาตูสุ เกนจิ สมฺปโยโค วิปฺปโยโค วา อตฺถีติ.
ยทิ เอวํ วิปฺปยุตฺเตนวิปฺปยุตฺตปทนิทฺเทเส ‘‘กุสเลหิ ธมฺเมหิ เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา, เตหิ ธมฺเมหิ เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา’’ติ น วตฺตพฺพํ. อกุสลาพฺยากตา หิ อนารมฺมณมิสฺโสภยธมฺมาติ? น, ยถาวุตฺตสมุทายานํ ขนฺธาทีเหว สมฺปโยควิปฺปโยคาภาววจนโต. ขนฺธาทโย หิ ตเทกเทสา ตเทกเทสฺสมุทายา จ, สมุทาเยกเทสานฺจ วิภาคาภาวโต น สภาควิสภาคตา อตฺถิ, เตน เตสํ ขนฺธาทีหิ สมฺปโยควิปฺปโยคาภาโว โหติ. กุสลา ปน ธมฺมา อกุสลาพฺยากเตหิ วิภตฺตา, เต จ กุสเลหิ, น เตสํ สมุทาเยกเทสภาโว ตเทกเทสฺสมุทายภาโว วา, ตสฺมา ขนฺธาทีนิ อนามสิตฺวา วิปฺปยุตฺตตามตฺเตน ยถานิทฺธาริตธมฺมทสฺสเน กุสเลหิ อิตเรสํ, อิตเรหิ จ กุสลานํ วิปฺปโยโค น น โหติ วิสภาคตาสพฺภาวโตติ เตสํ อฺมฺวิปฺปยุตฺตตา วุตฺตา. เอส นโย สพฺเพสุ เอวรูเปสุ.
อุทฺทาเน ปน อฏฺารส ตโต ปเรติ อิทํ ‘‘โสฬสา’’ติ วตฺตพฺพํ, เตวีสนฺติ อิทฺจ ‘‘เอกวีส’’นฺติ. สพฺพตฺถ จ กาลสนฺตานเภทรหิตารหิตพหุธมฺมสโมธานานํ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมายตนธมฺมธาตูนํ เอกเทสา สมุทยสจฺจเวทนากฺขนฺธาทโย เอกเทสสมฺมิสฺสา จ อิทฺธิปาทาทโย อนารมฺมเณหิ อสมฺมิสฺสา รูปกฺขนฺธาทโย จ สารมฺมเณหิ อสมฺมิสฺสา สมฺปโยคีวิปฺปโยคีภาเวน ¶ สมานกาลสนฺตาเนหิ จ เอกเทสนฺตเรหิ วิภตฺตา เอว คหิตาติ เตหิ เต เกหิจิ เอกเทสนฺตเรหิ วิภตฺเตหิ ยถาโยคํ สมฺปโยคํ วิปฺปโยคฺจ ลภนฺติ. อตฺถิ หิ เตสํ เอกุปฺปาทาทิตา สภาคตา วิสภาคตา จาติ. เตน ตตฺถ ตตฺถ ‘‘เอเกน ขนฺเธน เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ สมฺปยุตฺต’’นฺติ จ, ‘‘เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ วิปฺปยุตฺต’’นฺติ จ วุตฺตํ. ภินฺนกาลสมุทายา เอว ปน เวทนาสฺาวิฺาณกฺขนฺธา วตฺตมานา จ เอเกกธมฺมา เอว, ตสฺมา เตสํ สมานกาลสฺส วิภชิตพฺพสฺส อภาวโต น สุขินฺทฺริยาทีนิ ¶ เวทนากฺขนฺธสฺส วิภาคํ กโรนฺติ, จกฺขุวิฺาณธาตาทโย จ วิฺาณกฺขนฺธสฺส มนายตนสฺส จ. เตน ‘‘สุขินฺทฺริยํ เอเกน ขนฺเธน เกหิจิ วิปฺปยุตฺต’’นฺติ, ‘‘จกฺขุวิฺาณธาตุ เอเกน ขนฺเธน เอเกนายตเนน เกหิจิ วิปฺปยุตฺตา’’ติ จ เอวมาทิ น วุตฺตํ, ขนฺธายตนวิภาควิรหิตมฺปิ ปน วิฺาณํ ธาตุวิภาเคน วิภตฺตเมว วุตฺตนฺติ ‘‘จกฺขุวิฺาณธาตุ…เป… มโนวิฺาณธาตุ โสฬสหิ ธาตูหิ วิปฺปยุตฺตา’’ติ วุตฺตํ, เอวเมวํ อินฺทฺริยวิภาเคน วิภตฺตานํ สุขินฺทฺริยาทีนํ ‘‘สุขินฺทฺริเยน เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา’’ติอาทีสุ ยถาโยคํ วิปฺปโยโค ทฏฺพฺโพ, นาวิภตฺตสฺส เวทนากฺขนฺธสฺสาติ.
๒๓๕. ยถา ตํสมฺปโยคีภาวํ สนฺธาย ‘‘สมุทยสจฺจํ ตีหิ ขนฺเธหิ สมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ ตํวิปฺปโยคีภาวํ สนฺธาย ‘‘ตีหิ ขนฺเธหิ วิปฺปยุตฺต’’นฺติ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? อวิภาเคหิ เตหิ วิปฺปโยควจนสฺส อยุตฺตตฺตา. วิภาเค หิ สติ สมุทยสจฺจํ สุขทุกฺขโทมนสฺสินฺทฺริเยหิ มโนวิฺาณธาตุโต อฺวิฺาณธาตูหิ วิปฺปยุตฺตนฺติ ยุตฺตํ วตฺตุํ วิภาเคเนว วิสภาคตาย สงฺคหิตตฺตา, วิภาครหิเตหิ ปน เวทนากฺขนฺธาทีหิ น ยุตฺตํ, เตหิ วิชฺชมาเนหิ วิชฺชมานสฺส สมุทยสฺส วิสภาคภาวาภาวโต. ยฺหิ อนุปฺปนฺนา ธมฺมา วิย อามฏฺกาลเภทํ น โหติ สงฺขตํ อุทฺธริตพฺพํ, ตํ ปจฺจุปฺปนฺนภาวํ นิสฺสาย สมฺปโยคีวิปฺปโยคีภาเวน อุทฺธรียติ, ตฺจ วิภาครหิเตหิ ขนฺธาทีหิ สงฺขเตหิ ปจฺจุปฺปนฺนภาวเมว นิสฺสาย อนามฏฺกาลเภเท อตฺถิตาย เอว นิสฺสิตพฺพตฺตา. อวิชฺชมานสฺส หิ อวิชฺชมาเนน, อวิชฺชมานสฺส จ วิชฺชมาเนน, วิชฺชมานสฺส จ อวิชฺชมาเนน สมฺปโยโค นตฺถิ, วิปฺปโยโค ปน อวิชฺชมานตาทีปเก เภเท คหิเต เตเนว วิสภาคตาปิ คหิตา เอวาติ โหติ ¶ . เภเท ปน อคฺคหิเต เตน เตน คหเณน วิสภาคตาย อคฺคหิตตฺตา สติ สภาคตฺเต วิชฺชมานตาย เอว ธมฺมานํ สภาคสฺส ปริจฺฉินฺทนโต วิชฺชมานตา ทสฺสิตาติ เอกุปฺปาทาทิภาวสงฺขาตา สภาคตาปิ คหิตา เอว โหติ. ตสฺสา จ คหิตตฺตา สมฺปโยโคว ลพฺภติ, น วิปฺปโยโค, ตสฺมา สมุทยสจฺจํ เวทนากฺขนฺธาทีหิ สมฺปยุตฺตตฺเตน วุตฺตํ, น วิปฺปยุตฺตตฺเตนาติ. เอส นโย มคฺคสจฺจาทีสุปีติ.
๒๖๒. ‘‘ทุติยชฺฌานวิจารฺหิ เปตฺวา เสสา อวิตกฺกวิจารมตฺตา’’ติ อฏฺกถาวจนํ เย ปธานา วิตกฺโก วิย โกฏฺาสนฺตรจิตฺตุปฺปาเทสุ อลีนา, เต เอว อิธ อวิตกฺกวิจารมตฺตาติ อธิปฺเปตาติ ทสฺเสติ. เตเนว หิ อนนฺตรนเย สมุทยสจฺเจน สมานคติกา น สวิตกฺกสวิจาเรหีติ ¶ เต น คหิตา. ทสโมสานนเยสุ จ เตหิ วิปฺปยุตฺเตหิ วิปฺปยุตฺตานํ เตหิ วิปฺปยุตฺตานฺจ โสฬสหิ ธาตูหิ วิปฺปโยโค อฏฺารสสงฺคหิโต จ วุตฺโต. วิตกฺกสหิเตสุปิ ปน เตสุ คหิเตสุ สพฺเพปิ เต วิจาเรน สมฺปยุตฺตาติ ‘‘เอเกน ขนฺเธน เกหิจิ สมฺปยุตฺตา’’ติ สกฺกา วตฺตุํ. โส หิ สมุทาโย วิจารํ วชฺเชตฺวา อฺเน เกนจิ สมฺปยุตฺโต น โหติ. น หิ ตเทกเทสสฺส วิตกฺกสฺส วิจารโต อฺเน สมฺปโยโค สมุทายสฺส โหติ. ยถา นานาจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชมานานํ อิทฺธิปาทานํ สมุทายสฺส อิทฺธิปาทสฺส เอกเทสานํ ตีหิ ขนฺเธหิ สมฺปโยโค สมุทายสฺส น โหติ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพํ. ยถา ปน เตสุ เอโกปิ เวทนาสฺากฺขนฺเธหิ สงฺขารกฺขนฺเธกเทเสน จ อสมฺปยุตฺโต นาม นตฺถีติ สมุทายสฺส เตหิ สมฺปยุตฺตตา วุตฺตา, เอวมิธาปิ วิจาเรน อสมฺปยุตฺตสฺส อวิตกฺกวิจารมตฺตสฺส กสฺสจิ อภาวโต สมุทายสฺส เตน สมฺปยุตฺตตา น น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ อวิตกฺกวิจารมตฺตานํ ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกาทีนํ วิย สมฺปยุตฺตตา น วตฺตพฺพา. ยถา หิ ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุเกสุ เกจิ สงฺขารกฺขนฺเธกเทเสน โมเหน สมฺปยุตฺตา, เกจิ อสมฺปยุตฺตาติ น สมุทาโย เตน สมฺปยุตฺโต, นาปิ อฺโ โกจิ ธมฺโม อตฺถิ, เยน โส สมุทาโย สมฺปยุตฺโต สิยาติ ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกา ธมฺมา สมฺปยุตฺตาติ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ภาวนายปหาตพฺพเหตุกสเหตุกาทโยปิ. น ปเนวํ เยน อวิตกฺกวิจารมตฺตสมุทาโย สมฺปยุตฺโต สิยา, ตํ นตฺถิ อวิตกฺกวิจารมตฺเตสุ กสฺสจิ วิจาเรน ¶ อสมฺปยุตฺตสฺส อภาวา, ตสฺมา เต ‘‘สมฺปยุตฺตา’’ติ น น วตฺตพฺพาติ. สพฺพตฺถ จ เอกธมฺเมปิ เกหิจีติ พหุวจนนิทฺเทโส สงฺขาย อนิยมิตตฺตา กโตติ เวทิตพฺโพ.
ฉฏฺนยสมฺปโยควิปฺปโยคปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สตฺตมนโย สมฺปยุตฺเตนวิปฺปยุตฺตปทวณฺณนา
๓๐๖. สมฺปยุตฺเตนวิปฺปยุตฺตปทนิทฺเทเส รูปกฺขนฺธาทโย เตหิ สมฺปยุตฺตาภาวโต น คหิตา. สมุทยสจฺจาทีนิ สติปิ เตหิ สมฺปยุตฺเต, สมฺปยุตฺเตหิ จ วิปฺปยุตฺเต สมฺปยุตฺเตนวิปฺปยุตฺตานํ ขนฺธาทีหิ วิปฺปโยคาภาวโต. น หิ สมุทยสจฺเจน สมฺปยุตฺเตหิ โลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทหิ วิปฺปยุตฺตานํ ¶ ตโต อฺธมฺมานํ ขนฺธาทีสุ เกนจิ วิปฺปโยโค อตฺถิ. นนุ จ เต เอว จิตฺตุปฺปาทา จตฺตาโร ขนฺธา อฑฺฒทุติยานิ อายตนานิ อฑฺฒทุติยา ธาตุโย จ โหนฺตีติ เตหิ วิปฺปโยโค วตฺตพฺโพติ? น, ตทฺธมฺมานํ ขนฺธาทิภาวโต. น หิ เต เอว ธมฺมา จตฺตาโร ขนฺธา, อถ โข เต จ ตโต อฺเ จ, ตถา อฑฺฒทุติยายตนธาตุโยปิ. น จ ตทฺสมุทาเยหิ อฺเ วิปฺปยุตฺตา โหนฺติ สมุทาเยกเทสานํ เอกเทสฺสมุทายานฺจ วิปฺปโยคาภาวโต. เอส นโย มคฺคสจฺจสุขินฺทฺริยาทีสุ. อวิตกฺกวิจารมตฺเตสุปิ นิรวเสเสสุ อธิปฺเปเตสุ เตสํ สวิตกฺกสวิจารสมานคติกตฺตา อคฺคหเณ การณํ น ทิสฺสติ.
อฏฺกถายํ ปน เอวรูปานีติ ยถา รูปกฺขนฺเธ วิสฺสชฺชนํ น ยุชฺชติ, เอวํ เยสุ อฺเสุปิ น ยุชฺชติ, ตานิ วิสฺสชฺชนสฺส อโยเคน ‘‘เอวรูปานี’’ติ วุตฺตานิ, น สมฺปยุตฺตาภาเวนาติ ทฏฺพฺพํ. ยานิ ปน ปทานิ ธมฺมธาตุยา สมฺปยุตฺเต ธมฺเม ทีเปนฺตีติ เอเตน เวทนากฺขนฺธาทิปทานิ ทสฺเสติ, วิฺาณฺจ อฺเน อสมฺมิสฺสนฺติ วิฺาณกฺขนฺธมนายตนาทิปทานิ. ตตฺถ อฺเน อสมฺมิสฺสนฺติ อสมฺปยุตฺเตน อสมฺมิสฺสนฺติ อตฺโถ. อทุกฺขมสุขายเวทนายสมฺปยุตฺตปทานิปิ หิ สมฺปยุตฺเตหิ สมฺมิสฺสวิฺาณทีปกานิ อิธ คหิตานีติ. เอเตน จ ลกฺขเณน เอวรูปาเนว คหิตานีติ ทสฺเสติ, น เอวรูปานิ คหิตาเนวาติ สมุทยสจฺจาทิอิทฺธิปาทาทิปทานํ ¶ อสงฺคหิตตฺตา. ‘‘อถ ผสฺสสตฺตกํ จิตฺตํ สห ยุตฺตปเทหิ สตฺตา’’ติ ปุราณปาโ, อยํ ปน อูโนติ กตฺวา ‘‘อถ ผสฺสสตฺตกํ, ติเก ตโย สตฺต มหนฺตเร จา’’ติ ปาโ กโต.
๓๐๙. ปุจฺฉาย อุทฺธฏปเทเนว สทฺธึ วิปฺปยุตฺตานํ วเสนาติ อิทํ ปุจฺฉาย อุทฺธฏปเทน สมฺปยุตฺเตหิ วิปฺปยุตฺตา เตน สทฺธึ วิปฺปยุตฺตา โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ปาฬิอุทฺทานคาถายํ ทฺเว จ มเนน ยุตฺตา, วิตกฺกวิจารณาติ มโนธาตุยา เอกนฺตสมฺปยุตฺตา ทฺเว วิตกฺกวิจาราติ สวิตกฺกปทํ สวิจารปทฺจ ทสฺเสติ.
สตฺตมนยสมฺปยุตฺเตนวิปฺปยุตฺตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อฏฺมนโย วิปฺปยุตฺเตนสมฺปยุตฺตปทวณฺณนา
๓๑๗. วิปฺปยุตฺเตนสมฺปยุตฺตปทนิทฺเทเส ¶ รูปกฺขนฺธาทีหิ วิปฺปยุตฺเตนสมฺปยุตฺตเมว ยถานิทฺธาริตํ นตฺถีติ ‘‘รูปกฺขนฺเธน เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา, เตหิ ธมฺเมหิ เย ธมฺมา สมฺปยุตฺตา’’ติ อวตฺวา ‘‘รูปกฺขนฺเธน เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา, เต ธมฺมา กติหิ ขนฺเธหิ…เป… สมฺปยุตฺตาติ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. เตน รูปกฺขนฺเธน วิปฺปยุตฺตานํ เกนจิ ขนฺธาทินา สมฺปโยคาภาวโต ยถานิทฺธาริตํ วิปฺปยุตฺเตนสมฺปยุตฺตเมว นตฺถิ, กุโต ตสฺส ปุน ขนฺธาทีหิ สมฺปยุตฺตตาติ ทสฺเสติ.
อฏฺมนยวิปฺปยุตฺเตนสมฺปยุตฺตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. นวมนโย สมฺปยุตฺเตนสมฺปยุตฺตปทวณฺณนา
๓๑๙. สมฺปยุตฺเตนสมฺปยุตฺตปทวณฺณนายํ ยํขนฺธาทิวเสนาติ สมาสปทํ อิทํ ทฏฺพฺพํ, ยสฺส ขนฺธาทิโน วเสนาติ อตฺโถ. ตสฺเสวาติ จ ตสฺเสว ขนฺธาทิโนติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ อิธ สมฺปยุตฺตํ วุตฺตํ, ตํ รูปกฺขนฺธาทีสุ อรณนฺเตสุ เยน เวทนากฺขนฺธาทินา สมฺปยุตฺตํ, ปุน ตสฺเสว เวทนากฺขนฺธาทิโน ขนฺธาทีหิ สมฺปโยคํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนํ กตํ ¶ . ตฺหิ อตฺตนา สมฺปยุตฺเตน สมฺปยุตฺตตฺตา ‘‘สมฺปยุตฺเตน สมฺปยุตฺต’’นฺติ นิทฺธาริตนฺติ. รูเปน วาติ เอเตน นิโรธสจฺจอปฺปจฺจยอสงฺขเตหิปิ อโยโค วุตฺโต โหตีติ ทฏฺพฺโพ, ตถา รูปมิสฺสเกหิ วาติ เอเตน อนุปาทินฺนอนุปาทานิยาทีหิ นิพฺพานมิสฺสเกหิปิ. วกฺขติ หิ ‘‘นิพฺพานํ ปน สุขุมรูปคติกเมวา’’ติ. สพฺพารูปกฺขนฺธสงฺคาหเกหีติ วตฺตมานานเมว สมฺปโยโค ลพฺภตีติ วตฺตมาเนสุ เอกมฺปิ ธมฺมํ อนปเนตฺวา อวิกลจตุกฺขนฺธสงฺคาหเกหิ อรูปภวาทีหีติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – เย สมฺปโยคํ น ลภนฺติ รูปกฺขนฺธาทโย, เต สพฺเพ น คหิตา, อิตเร จ เวทนากฺขนฺธาทโย สพฺเพ คหิตาติ.
นวมนยสมฺปยุตฺเตนสมฺปยุตฺตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทสมนโย วิปฺปยุตฺเตนวิปฺปยุตฺตปทวณฺณนา
๓๕๓. วิปฺปยุตฺเตนวิปฺปยุตฺตปทนิทฺเทเส ¶ อคฺคหิเตสุ ธมฺมายตนาทิธมฺมา อนารมฺมณมิสฺสกสพฺพจิตฺตุปฺปาทคตธมฺมภาวโต เตหิ วิปฺปยุตฺตสฺส อภาวา น คหิตา, ทุกฺขสจฺจจตุมหาภวอพฺยากตาทิธมฺมา เตหิ วิปฺปยุตฺเตหิ วิปฺปยุตฺตานํ ขนฺธาทีหิ วิปฺปโยคาภาวโตติ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพติ.
ทสมนยวิปฺปยุตฺเตนวิปฺปยุตฺตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. เอกาทสมนโย สงฺคหิเตนสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตปทวณฺณนา
๔๐๙. เอกาทสมนยวณฺณนายํ ‘‘เต จ เสเสหิ ตีหิ ขนฺเธหิ เอเกน มนายตเนน สตฺตหิ วิฺาณธาตูหี’’ติ เอเตสํ ปทานํ ‘‘สมฺปยุตฺตา นามา’’ติ เอเตน สห สมฺพนฺโธ. ‘‘เกหิจี’’ติ เอตสฺส ปนตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺขารกฺขนฺเธ ธมฺมายตนธมฺมธาตูสุ จ เปตฺวา ตณฺห’’นฺติ เอเตน ‘‘เต จา’’ติ วุตฺเต สมุทยสจฺเจน ขนฺธาทิสงฺคเหน สงฺคหิตธมฺเม วิเสเสตฺวา เตสํ เอว วิเสสิตานํ อตฺตวชฺเชหิ เสเสหิ สงฺขารกฺขนฺเธ ตณฺหาย ธมฺมายตนธมฺมธาตูสุ จ ตณฺหาย เวทนาสฺากฺขนฺเธหิ สมฺปโยคารเหหิ ¶ สมฺปยุตฺตตํ สนฺธายาห ‘‘เสเสหิ สมฺปยุตฺตตฺตา เกหิจิ สมฺปยุตฺตา นามา’’ติ.
เอกาทสมนยสงฺคหิเตนสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ทฺวาทสมนโย สมฺปยุตฺเตนสงฺคหิตาสงฺคหิตปทวณฺณนา
๔๑๗. ทฺวาทสมนเย จ นวมนเย วิย สมฺปโยคารหาว ลพฺภนฺตีติ อาห ‘‘เตเยว อุทฺธฏา’’ติ.
ทฺวาทสมนยสมฺปยุตฺเตนสงฺคหิตาสงฺคหิตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. เตรสมนโย อสงฺคหิเตนสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตปทวณฺณนา
๔๔๘. เตรสมนยวณฺณนายํ ¶ เยหิ ตีหิปิ สงฺคเหหิ อสงฺคหิตํ วิฺาณเมว โหติ, เต ปาฬิยํ ‘‘รูปฺจ ธมฺมายตน’’นฺติอาทิอุทฺทานคาถาย ทสฺสิตา พาวีส ธมฺมา ‘‘รูปกฺขนฺเธน สทิสปฺหา ธมฺมา’’ติ วุตฺตา. เยหิ ปน ตีหิปิ สงฺคเหหิ อสงฺคหิตานิ อรูปภเวน วิย โอฬาริกายตนาเนว โหนฺติ, เต วุตฺตาวเสสา สพฺเพ อิธ อุทฺธฏา ‘‘อรูปภเวน สทิสา’’ติ วุตฺตา. เสสาติ เสสา ปฺจมนเย อาคตา เวทนากฺขนฺธาทโย สติปิ อสงฺคาหกตฺเต อิธ วิสฺสชฺชนํ น รุหนฺตีติ น อุทฺธฏา. เย ปน อสงฺคาหกา เอว น โหนฺติ ทุกฺขสจฺจาทิธมฺมา, เตสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ยถา ปน เวทนากฺขนฺธาทโย น รุหนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เวทนากฺขนฺเธน หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เตสฺจ สมฺปโยโค นาม นตฺถีติ รูปารูปธมฺมานํ อสมฺปโยเคหิ โวมิสฺสตาย สมฺปโยโค นตฺถีติ อตฺโถ.
ยทิ ปน เต กทาจิ อสพฺพวิฺาณธาตุสมฺปยุตฺตา อรูปธมฺมา รูปธมฺมา จ สิยุํ, น เตสํ วิปฺปโยโค นตฺถีติ ‘‘วิปฺปโยโค จ นตฺถี’’ติ น วุตฺตํ, น เวทนากฺขนฺเธน อสงฺคหิตานํ วิปฺปโยคสฺส อตฺถิตายาติ เวทิตพฺพํ. อุภยาภาวโต หิ เวทนากฺขนฺธาทโย อิธ น รุหนฺตีติ. เอวํ ปเนตฺถ สิยา ‘‘เวทนากฺขนฺเธน หิ ขนฺธาทิวเสน อนารมฺมณมิสฺสกา สตฺตวิฺาณธาตุธมฺมา อสงฺคหิตา โหนฺติ, เตสฺจ สมฺปโยโค ¶ วิปฺปโยโค จ นตฺถี’’ติ. อนารมฺมณสหิตานฺหิ สพฺพวิฺาณธาตูนํ สพฺพวิฺาณธาตุสมฺปยุตฺตานํ ตทุภยธมฺมานฺจ เวทนากฺขนฺธาทิวิฺาณกฺขนฺธาทิจกฺขายตนาทีหิ ตีหิปิ สงฺคเหหิ อสงฺคหิตานํ สมฺปโยควิปฺปโยคาภาโว อรุหเณ การณํ. ชาติวิปฺปโยคภูมิกาลสนฺตานวิปฺปโยคโต จตุพฺพิโธ วิปฺปโยโค. ตตฺถ ชาติวิปฺปโยโค ‘‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทิ, ภูมิวิปฺปโยโค ‘‘กามาวจรา, รูปาวจรา’’ติอาทิ, กาลวิปฺปโยโค ‘‘อตีตา ธมฺมา, อนาคตา ธมฺมา’’ติอาทิ, สนฺตานวิปฺปโยโค ‘‘อชฺฌตฺตา ธมฺมา, พหิทฺธา ธมฺมา’’ติอาทิ. เอวํ วิปฺปโยโค จตุธา เวทิตพฺโพ.
เตรสมนยอสงฺคหิเตนสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. จุทฺทสมนโย วิปฺปยุตฺเตนสงฺคหิตาสงฺคหิตปทวณฺณนา
๔๕๖. จุทฺทสมนเย ¶ ธมฺมายตนาทีนํ อนารมฺมณมิสฺสกสพฺพจิตฺตุปฺปาทคตธมฺมภาวโต วิปฺปโยคสฺส อรุหณํ ทฏฺพฺพํ. ชาติอาทิตฺตยสฺส เจตฺถ ธมฺมสภาวมตฺตตฺตา น กถฺจิ สมฺปโยโค วิปฺปโยโค จ รุหติ อชฺฌตฺตพหิทฺธธมฺมานํ สพฺพธมฺมสโมธานตฺตา, อนิทสฺสนอปฺปฏิฆาทีนํ อนารมฺมณมิสฺสกสพฺพจิตฺตุปฺปาทตฺตา. ทุกฺขสจฺจาทิธมฺมาว อิธ เตหิ วิปฺปยุตฺตานํ สงฺคหาสงฺคหสพฺภาวา คหิตาติ.
ปาฬิอุทฺทานคาถายํ สมุจฺเฉเท น ลพฺภนฺตีติ ปริโยสาเน นเย น ลพฺภนฺตีติ อตฺโถ. โมฆปุจฺฉเกน จาติ อลพฺภมานา จ เต โมฆปุจฺฉเกน เหตุนา น ลพฺภนฺติ เตสํ ปุจฺฉาย โมฆตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา โมฆปุจฺฉโก อฏฺโม นโย, เตน จ สห โอสานนเย เอเต ธมฺมา วิปฺปโยคสฺสปิ อภาวา สพฺพถาปิ น ลพฺภนฺตีติ อตฺโถ.
จุทฺทสมนยวิปฺปยุตฺเตนสงฺคหิตาสงฺคหิตปทวณฺณนา นิฏฺิตา.
ธาตุกถาปกรณ-มูลฏีกา สมตฺตา.
ปุคฺคลปฺตฺติปกรณ-มูลฏีกา
๑. มาติกาวณฺณนา
๑. ธมฺมสงฺคเห ¶ ¶ ติกทุกวเสน สงฺคหิตานํ ธมฺมานํ วิภงฺเค ขนฺธาทิวิภาคํ ทสฺเสตฺวา ตถาสงฺคหิตวิภตฺตานํ ธาตุกถาย สงฺคหาสงฺคหาทิปฺปเภทํ วตฺวา ยาย ปฺตฺติยา เตสํ สภาวโต อุปาทาย จ ปฺาปนํ โหติ, ตํ ปเภทโต ทสฺเสตุํ ‘‘ฉ ปฺตฺติโย’’ติอาทินา ปุคฺคลปฺตฺติ อารทฺธา. ตตฺถ เย ธมฺเม ปุพฺพาปริยภาเวน ปวตฺตมาเน อสภาวสมูหวเสน อุปาทาย ‘‘ปุคฺคโล, อิตฺถี, ปุริโส, เทโว, มนุสฺโส’’ติอาทิกา ปุคฺคลปฺตฺติ โหติ, เตสํ อฺเสฺจ พาหิรรูปนิพฺพานานํ สสภาวสมูหสสภาวเภทวเสน ปฺาปนา สภาวปฺตฺตีติ ขนฺธปฺตฺติอาทิกา ปฺจวิธา เวทิตพฺพา. ตาย ธมฺมสงฺคหาทีสุ วิภตฺตา สภาวปฺตฺติ สพฺพาปิ สงฺคหิตา โหติ. ปุคฺคลปฺตฺติ ปน อสภาวปฺตฺติ. ตาย จ สมยวิมุตฺตาทิปฺปเภทาย สตฺตสนฺตานคเต ปริฺเยฺยาทิสภาวธมฺเม อุปาทาย ปวตฺติโต ปธานาย ‘‘วิหาโร มฺโจ’’ติอาทิกา จ สพฺพา อสภาวปฺตฺติ สงฺคหิตา โหติ.
เอตฺตาวตา ¶ จ ปฺตฺติ นาม วิชฺชมานปฺตฺติ อวิชฺชมานปฺตฺติ จ. ตา เอว หิ โวมิสฺสา อิตรา จตสฺโสติ. ตสฺมา ตาสํ ทสฺสเนน อิมสฺมึ ปกรเณ สพฺพา ปฺตฺติโย ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. ขนฺธาทิปฺตฺตีสุ ปน ฉสุ อฺตฺถ อทสฺสิตปฺปเภทํ อิเธว จ ทสฺสิตปฺปเภทํ ปุคฺคลปฺตฺตึ อุปาทาย อิมสฺส ปกรณสฺส ปุคฺคลปฺตฺตีติ นามํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เย ธมฺเม อิธ ปฺเปตุกาโมติ ปฺตฺติยา วตฺถุภาเวน ทสฺเสตุกาโมติ อธิปฺปาโย. น หิ เอตสฺมึ ปกรเณ ปฺาปนํ กโรติ, วตฺถูหิ ปน ปฺตฺติโย ทสฺเสตีติ.
ขนฺธาติ ¶ ปฺาปนาติ อิทํ ขนฺธาติ รูปํ ปถวีติอาทิกา สพฺพาปิ สามฺปฺปเภทปฺาปนา นาม โหติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปฺาปนาติ เอตสฺส ปน ทสฺสนา ปนาติ เอเต ทฺเว อตฺถา, เตสํ ปกาสนา นิกฺขิปนาติ. ตตฺถ ‘‘รูปกฺขนฺโธ…เป… อฺาตาวินฺทฺริยํ สมยวิมุตฺโต’’ติอาทินา อิทเมวํนามกํ อิทเมวํนามกนฺติ ตํตํโกฏฺาสิกกรณํ โพธนเมว นิกฺขิปนา, น ปฺเปตพฺพานํ มฺจาทีนํ วิย านสมฺพนฺธกรณํ. โย ปนายํ ‘‘นามปฺตฺติ หิ ทสฺเสติ จ เปติ จา’’ติ กตฺตุนิทฺเทโส กโต, โส ภาวภูตาย กรณภูตาย วา นามปฺตฺติยา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ทิฏฺตาย ปิตตาย จ ตํนิมิตฺตตํ สนฺธาย กโตติ เวทิตพฺโพ.
วิชฺชมานปฺตฺตีติอาทินา วจเนน ปาฬิยํ อนาคตตํ สนฺธาย ‘‘ปาฬิมุตฺตเกนา’’ติอาทิมาห. กุสลากุสลสฺเสวาติ กุสลากุสลสฺส วิย. วิชฺชมานสฺสาติ เอตสฺส อตฺโถ สโตติ, ตสฺส อตฺโถ สมฺภูตสฺสาติ. วิชฺชมานสฺส สโตติ วา วิชฺชมานภูตสฺสาติ อตฺโถ. ตเมวตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สมฺภูตสฺสา’’ติ. เตน อวิชฺชมานภาวํ ปฏิกฺขิปติ. ตถา อวิชฺชมานสฺสาติ ยถา กุสลาทีนิ อกุสลาทิสภาวโต, ผสฺสาทโย จ เวทนาทิสภาวโต วินิวตฺตสภาวานิ วิชฺชนฺติ, ตถา อวิชฺชมานสฺส เย ธมฺเม อุปาทาย ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ อุปลทฺธิ โหติ, เต อปเนตฺวา เตหิ วินิวตฺตสฺส อิตฺถิอาทิสภาวสฺส อภาวโต อสมฺภูตสฺสาติ อตฺโถ. ยํ ปเนตสฺส ‘‘เตนากาเรน อวิชฺชมานสฺส อฺเนากาเรน วิชฺชมานสฺสา’’ติ อตฺถํ เกจิ วทนฺติ, ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปฺตฺติทุเก วุตฺตเมว. อวิชฺชมาเนปิ สภาเว โลกนิรุตฺตึ อนุคนฺตฺวา อนภินิเวเสน จิตฺเตน ‘‘อิตฺถี, ปุริโส’’ติ คหณสพฺภาวา ‘‘โลกนิรุตฺติมตฺตสิทฺธสฺสา’’ติ อาห. สาภินิเวเสน ปน จิตฺเตน คยฺหมานํ ปฺจมสจฺจาทิกํ น สภาวโต, นาปิ สงฺเกเตน สิทฺธนฺติ ‘‘สพฺพากาเรนปิ ¶ อนุปลพฺภเนยฺย’’นฺติ วุตฺตํ. ตาสุ อิมสฺมึ…เป… ลพฺภนฺตีติ อิมสฺมึ ปกรเณ สรูปโต ติสฺสนฺนํ อาคตตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ยถาวุตฺตสฺส ปน อฏฺกถานยสฺส อวิโรเธน อาจริยวาทา โยเชตพฺพา, ตสฺมา ปฺเปตพฺพฏฺเน เจสา ปฺตฺตีติ เอตสฺส สภาวโต อวิชฺชมานตฺตา ปฺเปตพฺพมตฺตฏฺเน ปฺตฺตีติ อตฺโถ. ปฺเปตพฺพมฺปิ หิ สสภาวํ ตชฺชปรมตฺถนามลาภโต น ปรโต ลภิตพฺพํ ¶ ปฺตฺตินามํ ลภติ, นิสภาวํ ปน สภาวาภาวโต น อตฺตโน สภาเวน นามํ ลภตีติ. สตฺโตติอาทิเกน นาเมน ปฺปิตพฺพมตฺตฏฺเน ปฺตฺตีติ นามํ ลภติ, นิสภาวา จ สตฺตาทโย. น หิ สสภาวสฺส รูปาทีหิ เอกตฺเตน อฺตฺเตน วา อนุปลพฺภสภาวตา อตฺถีติ.
กิรีฏํ มกุฏํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ กิรีฏี. เอตสฺมิฺจ อาจริยวาเท อนูเนน ลกฺขเณน ภวิตพฺพนฺติ สพฺพสโมโรโธ กาตพฺโพ. ทุติยํ ตติยนฺติ เอวํปการา หิ อุปนิธาปฺตฺติ อุปนิกฺขิตฺตกปฺตฺติ จ สงฺขาตพฺพปฺปธานตฺตา ฉปิ ปฺตฺติโย ภชตีติ ยุตฺตํ วตฺตุํ, อิตรา จ ยถาโยคํ ตํ ตํ ปฺตฺตินฺติ. ทุติยํ ตติยํ ทฺเว ตีณีติอาทิ ปน สงฺขา นาม กาจิ นตฺถีติ ตาสํ อุปาทาสนฺตติปฺตฺตีนํ อวิชฺชมานปฺตฺติภาวํ, อิตราสฺจ อุปนิธาปฺตฺตีนํ ยถานิทสฺสิตานํ อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปฺตฺติภาวํ มฺมาโน อาห ‘‘เสสา อวิชฺชมานปกฺขฺเจว อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปกฺขฺจ ภชนฺตี’’ติ. ทุติยํ ตติยํ ทฺเว ตีณีติอาทีนํ อุปนิธาอุปนิกฺขิตฺตกปฺตฺตีนํ อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปฺตฺติภาวเมว มฺติ. ยฺหิ ปมาทิกํ อเปกฺขิตฺวา ยสฺส เจกาทิกสฺส อุปนิกฺขิปิตฺวา ปฺาปียติ, ตฺจ สงฺขานํ กิฺจิ นตฺถีติ. ตถา สนฺตติปฺตฺติยา จ. น หิ อสีติ อาสีติโก จ วิชฺชมาโนติ.
เอกจฺจา ภูมิปฺตฺตีติ กามาวจราทิปฺตฺตึ สนฺธายาห. กามาวจราที หิ สภาวธมฺมาติ อธิปฺปาโย. กาโมติ ปน โอกาเส คหิเต อวิชฺชมาเนนวิชฺชมานปฺตฺติ เอสา ภวิตุํ อรหติ, กมฺมนิพฺพตฺตกฺขนฺเธสุ คหิเตสุ วิชฺชมาเนนวิชฺชมานปฺตฺติ. ยถา ปน วจนสงฺขาตาย วจนสมุฏฺาปกเจตนาสงฺขาตาย วา กิริยาย ภาณโกติ ปุคฺคลสฺส ปฺตฺติ วิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปฺตฺติปกฺขํ ภชติ, เอวํ กิโส ถูโลติ รูปายตนสงฺขาเตน สณฺาเนน ปุคฺคลาทีนํ ปฺาปนา วิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปฺตฺติ ภวิตุํ อรหติ. สณฺานนฺติ ¶ วา รูปายตเน อคฺคหิเต อวิชฺชมาเนนอวิชฺชมานปฺตฺติ. รูปํ ผสฺโสติอาทิกา ปน วิชฺชมานปฺตฺติ รุปฺปนาทิกิจฺจวเสน กิจฺจปฺตฺติยํ, ปจฺจตฺตธมฺมนามวเสน ปจฺจตฺตปฺตฺติยํ วา อวโรเธตพฺพา. วิชฺชมานาวิชฺชมานปฺตฺตีสุ จ วุตฺตาสุ ตาสํ โวมิสฺสตาวเสน ¶ ปวตฺตา อิตราปิ วุตฺตาเยว โหนฺตีติ อยมฺปิ อาจริยวาโท สพฺพสงฺคาหโกติ ทฏฺพฺโพ.
๒. ‘‘ยาวตา ปฺจกฺขนฺธา’’ติอาทิกสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยตฺตเกน ปฺาปเนนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยาวตา ปฺจกฺขนฺธาติ ยาวตา รูปกฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธติ ขนฺธานํ ขนฺธปฺตฺติ, เอตฺตาวตา ขนฺธานํ ขนฺธปฺตฺติ, เอวํ ปาฬิโยชนํ กตฺวา สงฺเขปปฺปเภทวเสน อยํ อตฺโถ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ‘‘ยาวตา ปฺจกฺขนฺธา’’ติ, ‘‘ขนฺธานํ ขนฺธปฺตฺตี’’ติ หิ อิมสฺส อตฺโถ ‘‘ยตฺตเกน ปฺาปเนน สงฺเขปโต ปฺจกฺขนฺธาติ วา’’ติ เอเตน ทสฺสิโต, ‘‘ยาวตา รูปกฺขนฺโธ’’ติอาทิกสฺส ปน ‘‘ปเภทโต รูปกฺขนฺโธ’’ติอาทิเกนาติ. ตตฺถ รูปกฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธติ ปเภทนิทสฺสนมตฺตเมตํ. เตน อวุตฺโตปิ สพฺโพ สงฺคหิโต โหตีติ ‘‘ตตฺราปิ รูปกฺขนฺโธ กามาวจโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยํ วา เอตฺถ ปาฬิยา อตฺถโยชนา – ‘‘ยาวตา’’ติ อิทํ สพฺเพหิ ปเทหิ โยเชตฺวา ยตฺตกา ปฺจกฺขนฺธา, ตตฺตกา ขนฺธานํ ขนฺธปฺตฺติ. ยตฺตโก ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ตปฺปเภทานฺจ รูปกฺขนฺธาทีนํ ปเภโท, ตตฺตโก ขนฺธานํ ขนฺธปฺตฺติยา ปเภโทติ ปกรณนฺตเร วุตฺเตน วตฺถุเภเทน ขนฺธปฺตฺติยา ปเภทํ ทสฺเสติ. เอส นโย ‘‘ยาวตา อายตนาน’’นฺติอาทีสุปิ.
๗. เอกเทเสเนวาติ อุทฺเทสมตฺเตเนวาติ อตฺโถ.
มาติกาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. นิทฺเทสวณฺณนา
๑. เอกกนิทฺเทสวณฺณนา
๑. ฌานงฺคาเนว ¶ ¶ วิโมกฺโขติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘วิโมกฺขสหชาเตน นามกาเยนา’’ติ. เยน หิ สทฺธินฺติอาทินา ปมํ สมงฺคิภาวตฺถํ วิวรติ. ผสฺเสนปิ ผุฏฺาเยว นามาติ เอเตน ‘‘อปิเจสา’’ติอาทินา วุตฺตํ ทุติยํ สมฺผสฺเสน ผุสนตฺถํ, อิตเรหิ อิตเร การณตฺเถ. สมงฺคิภาวผุสนการณภาวา หิ ผุสนาติ วุตฺตาติ. ปุนปิ ปมตฺถเมว ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา วิวรนฺโต ‘‘ตตฺราสฺสา’’ติอาทิมาห. เปตฺวา ตานิ องฺคานิ เสสา อติเรกปณฺณาสธมฺมาติ เอตฺถ เวทนาโสมนสฺสินฺทฺริยานิ สงฺคหิตานีติ อาห ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา โหนฺตี’’ติ. เอวํ สติ เวทนาโสมนสฺสินฺทฺริเยหิ สุขสฺส ผุสิตพฺพตฺตา ติณฺณฺจ เตสํ อนฺตฺตา เตเนว ตสฺส ผุสนา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, เวทยิตาธิปติยฏฺเหิ อุปนิชฺฌายนภาวปฏิลาภสฺส วุตฺตตฺตา. อถ วา เปตฺวา ตานิ องฺคานีติ องฺคานํ พหุตฺตา พหุวจนํ. เตสุ ปน ปจฺเจกมฺปิ โยชนา กาตพฺพา ‘‘วิตกฺกํ เปตฺวา’’ติอาทินา. ตตฺถ ‘‘สุขํ เปตฺวา’’ติ อิมิสฺสา โยชนาย เสสา ตโย ขนฺธา โหนฺติ, อิตราสุ จตฺตาโรติ. สพฺพโยชนาสุ จ ตโย อนฺโต กตฺวา ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
๒. โย อสมยวิโมกฺเขน เอกจฺเจหิ อาสเวหิ วิมุตฺโต อสมยวิโมกฺขูปนิสฺสยลาเภน จ สาติสเยน สมยวิโมกฺเขน, โส เอว สมยวิมุตฺโต. โส หิ เตน วิมุตฺโต ฌานลาภี เสกฺโข รูปารูปภวโต อปุนราวฏฺฏโก กามราคาทีหิ ตถาวิมุตฺโตว โหตีติ สมยวิมุตฺตปฺตฺตึ ลทฺธุํ อรหติ. ปุถุชฺชโน ปน ฌานลาภี ปุนราวฏฺฏกธมฺโม ปุน กามราคาทิสมุทาจารภาวโต วิมุตฺโต นาม น โหตีติ สมยวิมุตฺตปฺตฺตึ นารหติ, เตน โส ¶ ‘‘สมยวิมุตฺโต’’ติ น วุตฺโต. อรหโต ปน อปริกฺขีณา อาสวา นตฺถิ, ยโต วิมุจฺเจยฺย. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมตฺตา หิ ตสฺส อฏฺ วิโมกฺขาติ. ตสฺมา ตสฺส น อฏฺ วิโมกฺขา สมยวิมุตฺตปฺตฺติภาวสฺส อสมยวิมุตฺตปฺตฺติภาวสฺส วา การณํ. ตทการณภาวเมว ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘น เหว โข…เป… วิหรตี’’ติ วุตฺตํ, น สุกฺขวิปสฺสกสฺเสว อสมยวิมุตฺตภาวํ ทสฺเสตุนฺติ ทฏฺพฺพํ. สพฺโพปิ หิ อรหา อสมยวิมุตฺโตติ. พาหิรานนฺติ โลกุตฺตรโต พหิภูตานํ, โลกิยานนฺติ อตฺโถ.
๓. อรูปกฺขนฺธนิพฺพานมตฺตวาจโก อรูปสทฺโท น โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘รูปโต อฺ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. จิตฺตมฺชูสนฺติ สมาธึ. อภิฺาทีนฺหิ ธมฺมานํ ปาทกภาเวน สมาธิ มฺชูสาสทิโส โหติ. อทฺธานํ ผริตุนฺติ ทีฆกาลํ พฺยาเปตุํ, ปวตฺเตตุนฺติ อตฺโถ. ‘‘สมฺมชฺชิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ อาทรสฺส อกตตฺตา วตฺตเภโทติ เวทิตพฺโพ. เอวํ วตฺตเภทมตฺเตน นฏฺา ปน สมาปตฺติ กามจฺฉนฺทาทีหิ นฏฺา วิย น กิฺเจน ปจฺจาหริตพฺพา โหติ มนฺทปาริปนฺถกตฺตา, ตสฺมา วตฺตสมิตกรณมตฺเตเนว ปจฺจาหริตพฺพตฺตา ‘‘อปฺเปนฺโตว นิสีที’’ติ อาห.
๔. อตฺตโน อนุรูเปน ปมาเทน วีตินาเมนฺตานมฺปิ สมาปตฺติ น กุปฺปตีติ ปริหีโน นาม น โหติ, ตสฺมึ ตสฺมึ พฺยาสงฺเค ปฏิสํหฏมตฺเต สมาปชฺชิตุํ สมตฺถตายาติ อธิปฺปาโย. ‘‘กิสฺส ปน, ภนฺเต, ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน ลาภสกฺการสิโลโก อนฺตรายายาติ? ยา หิสฺส สา, อานนฺท, อกุปฺปา เจโตวิมุตฺติ, นาหํ ตสฺสา ลาภสกฺการสิโลกํ อนฺตรายาย วทามิ. เย จ ขฺวสฺส, อานนฺท, อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา อธิคตา, เตสาหมสฺส ลาภสกฺการสิโลกํ อนฺตรายาย วทามี’’ติ สุตฺเต (สํ. นิ. ๒.๑๗๙) ปน สมเยน สมยํ อาปชฺชเนน ปริหริตพฺพานํ สมาปตฺติสุขวิหารานํ ตสฺมึ ตสฺมึ พฺยาสงฺคกาเล อนิปฺผตฺติโต ลาภสกฺการสิโลโก อนฺตราโยติ วุตฺโตติ อธิปฺปาเยนสฺส เตน อวิโรโธ เวทิตพฺโพ.
๕. ธมฺมานํ…เป… ปีติ เอตฺถ ‘‘ธมฺเมหี’’ติ วตฺตพฺพํ. อิธ หิ ตาหิ สมาปตฺตีหิ ปริหาเยยฺยาติ ธมฺเมหิ ปุคฺคลสฺส ปริหานมฺปิ อปริหานมฺปิ วุตฺตํ. ตตฺถ จ ปุคฺคลสฺส ปมาทมาคมฺม ตา สมาปตฺติโย กุปฺเปยฺยุนฺติ ธมฺมานํ กุปฺปนํ อกุปฺปนฺจ วุตฺตํ, ปุคฺคลสฺส ปน ปริหานธมฺมานเมว ¶ วินาโสติ วจนนานตฺตมตฺเตน วจนตฺถนานตฺตมตฺเตน วา ปริยายนฺตรตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
๗-๘. เจตนา ¶ สมาปตฺติเจตนา ตทายูหนา จ. อนุรกฺขณา สมาปตฺติอุปการานุปการปริคฺคาหิกา ปฺาสหิตา สติ. ตาหิ เจติยมานอนุรกฺขิยมานสมาปตฺตีนํ ภพฺพา เจตนาภพฺพา อนุรกฺขณาภพฺพา.
๑๐. ปุถุชฺชนโคตฺตนฺติ ปุถุชฺชนสิกฺขํ, ปุถุชฺชนคตา ติสฺโส สิกฺขา อติกฺกนฺตาติ อตฺโถ. ตา หิ สํโยชนตฺตยานุปจฺเฉเทน ‘‘ปุถุชฺชนสิกฺขา’’ติ วุจฺจนฺตีติ.
๑๑. อรหตฺตมคฺคฏฺโ จ วฏฺฏภยโต ปฺุพฺเพเคน อุพฺพิชฺชนฺโต อุทฺธมฺภาคิยสํโยชเนหิ อุปรโตติ ภยูปรโต นามาติ อาห ‘‘สตฺต เสกฺขา ภยูปรตา’’ติ.
๑๒. ภวงฺคปฺาวิรหิตา ‘‘วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา’’ติ อิมินา คหิตาติ ติเหตุกปฏิสนฺธิกา เกจิ ‘‘ทุปฺปฺา’’ติ อิมินา คยฺหนฺตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อปฺปฏิลทฺธมคฺคผลูปนิสฺสยา’’ติ. ปฺาย หิ วินา น ตทุปนิสฺสโย อตฺถีติ.
๑๔. ยตฺถ นิยตานิยตโวมิสฺสา ปวตฺติ อตฺถิ, ตตฺเถว นิยตธมฺมา โหนฺตีติ อุตฺตรกุรูสุ ตทภาวา นิยโต นาม นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยา ปน อุตฺตรกุรุกาน’’นฺติอาทิมาห.
๑๖. เตรสสุ สีเสสุ ปลิโพธสีสาทีนิ ปวตฺตสีสฺจ ปริยาทิยิตพฺพานิ, อธิโมกฺขสีสาทีนิ ปริยาทกานิ, ปริยาทกผลํ โคจรสีสํ. ตฺหิ วิสยชฺฌตฺตผลวิโมกฺโขติ. ปริยาทกสฺส มคฺคสฺส ผลสฺส จ อารมฺมณํ สงฺขารสีสํ สงฺขารวิเวกภูโต นิโรโธติ ปริยาทิยิตพฺพานํ ปริยาทกผลารมฺมณานํ สห วิย สํสิทฺธิทสฺสเนน สมสีสิภาวํ ทสฺเสตุํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๘๗) เตรส สีสานิ วุตฺตานิ. อิธ ปน ‘‘อปุพฺพํ อจริมํ อาสวปริยาทานฺจ โหติ ชีวิตปริยาทานฺจา’’ติ วจนโต เตสุ กิเลสปวตฺตสีสานเมว วเสน โยชนํ กโรนฺโต ‘‘ตตฺถ กิเลสสีส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปวตฺตสีสมฺปิ วฏฺฏโต วุฏฺหนฺโต มคฺโค จุติโต อุทฺธํ อปฺปวตฺติกรณวเสน ยทิปิ ปริยาทิยติ ¶ , ยาว ปน จุติ, ตาว ปวตฺติสพฺภาวโต ‘‘ปวตฺตสีสํ ชีวิตินฺทฺริยํ ¶ จุติจิตฺตํ ปริยาทิยตี’’ติ อาห. กิเลสปริยาทาเนน ปน อตฺตโน อนนฺตรํ วิย นิปฺผาเทตพฺพา ปจฺจเวกฺขณวารา จ กิเลสปริยาทานสฺเสว วาราติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. ‘‘วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๗๘; สํ. นิ. ๓.๑๒, ๑๔) วจนโต หิ ปจฺจเวกฺขณปริสมาปเนน กิเลสปริยาทานํ สมาปิตํ นาม โหติ. ตํ ปน ปริสมาปนํ ยทิ จุติจิตฺเตน โหติ, เตเนว ชีวิตปริสมาปนฺจ โหตีติ อิมาย วารจุติสมตาย กิเลสปริยาทานชีวิตปริยาทานานํ อปุพฺพาจริมตา โหตีติ อาห ‘‘วารสมตายา’’ติ. ภวงฺคํ โอตริตฺวา ปรินิพฺพายตีติ เอตฺถ ปรินิพฺพานจิตฺตเมว ภวงฺโคตรณภาเวน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๑๗. มหาปโยโคติ มหากิริโย วิปตฺติกรณมหาเมฆุฏฺานาการวินาโส. ติฏฺเยฺยาติ วินาโส นปฺปวตฺเตยฺยาติ อตฺโถ.
๑๘. อรณียตฺตาติ ปยิรุปาสิตพฺพตฺตา.
๒๐. ยาย กตกิจฺจตา โหติ, ตาย อคฺควิชฺชาย อธิคตาย เตวิชฺชตาภาโว นิปฺปริยายตา, สา จ อาคมนวเสน สิทฺธา สาติสยา เตวิชฺชตาติ อาห ‘‘อาคมนียเมว ธุร’’นฺติ.
๒๒. ตตฺถ จาติ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ, สพฺพฺุตฺาณปฺปตฺติยา อาธารภาเว วา. ตตฺเถว หิ สพฺพฺุตํ ปตฺโต นาม โหตีติ.
๒๓. อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสูติ จ อนนุสฺสุเตสุ สจฺเจสูติ อตฺโถ.
๒๔. ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทิเก (ม. นิ. ๒.๒๔๘; ๓.๓๑๒; ปฏิ. ม. ๑.๒๐๙; ธ. ส. ๒๔๘) นิโรธสมาปตฺติอนฺเต อฏฺ วิโมกฺเข วตฺวา ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, อานนฺท, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ ยทิปิ มหานิทานสุตฺเต ¶ วุตฺตํ, ตํ ปน อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺวเสน วุตฺตนฺติ อิธ กีฏาคิริสุตฺตวเสน สพฺพอุภโตภาควิมุตฺตสงฺคหตฺถํ ‘‘อฏฺ สมาปตฺติโย สหชาตนามกาเยน ปฏิลภิตฺวา วิหรตี’’ติ อาห. กีฏาคิริสุตฺเต ¶ หิ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ ปุคฺคโล เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา, เต กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๒) อรูปสมาปตฺติวเสน จตฺตาโร อุภโตภาควิมุตฺตา วุตฺตา, อุภโตภาควิมุตฺตเสฏฺโ จ วุตฺตลกฺขโณปปตฺติโตติ. กายสกฺขิมฺหิปิ เอเสว นโย.
ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ น อาสวา ปฺาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ปริกฺขีณา ทิสฺวา ปริกฺขีณาติ วุตฺตา. ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา เอว หิ ทสฺสนํ ปุริมกิริยา โหตีติ. นามนิสฺสิตโก เอโสติ เอโส อุภโตภาควิมุตฺโต รูปโต มุจฺจิตฺวา นามํ นิสฺสาย ิโต ปุน ตโต มุจฺจนโต ‘‘นามนิสฺสิตโก’’ติ วตฺวา ตสฺส จ สาธกํ สุตฺตํ วตฺวา ‘‘กายทฺวยโต สุวิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ อาหาติ อตฺโถ. สุตฺเต หิ อากิฺจฺายตนลาภิโน อุปสีวพฺราหฺมณสฺส ภควตา นามกายา วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโตติ มุนิ อกฺขาโตติ.
ปมตฺเถรวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต, ทุติยตฺเถรวาเท อุภโต ภาคโต วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโตติ, ตติยตฺเถรวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโตติ อยเมเตสํ วิเสโส. ตตฺถ วิมุตฺโตติ กิเลเสหิ วิมุตฺโต, กิเลสวิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทเนหิ วา กายทฺวยโต วิมุตฺโตติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อรูปาวจรํ ปน นามกายโต จ วิมุตฺตนฺติ นีวรณสงฺขาตนามกายโต วิมุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตฺหิ นีวรณทูรีภาเวน นามกายโต รูปตณฺหาวิกฺขมฺภเนน รูปกายโต จ วิมุตฺตตฺตา เอกเทเสน อุภโตภาควิมุตฺตํ นาม โหตีติ อรหตฺตมคฺคสฺส ปาทกภูตํ อุภโตภาควิมุตฺตนามลาภสฺส การณํ ภวิตุํ ยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
๒๕. เอเตสุ หิ เอโกปิ อฏฺวิโมกฺขลาภี น โหตีติ อุภโตภาควิมุตฺตภาวสฺส การณภูตํ รูปกายโต วิมุตฺตํ เอกมฺปิ วิโมกฺขํ ¶ อนธิคโตติ อธิปฺปาโย. อรูปาวจเรสุ หิ เอกมฺปิ อธิคโต อุภโตภาควิมุตฺตภาวการณปฏิลาภโต อฏฺวิโมกฺเขกเทเสน เตน ตํนามทาเน ¶ สมตฺเถน ‘‘อฏฺวิโมกฺขลาภี’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตนาห ‘‘อรูปาวจรชฺฌาเนสุ ปนา’’ติอาทิ.
๒๖. ผุฏฺนฺตํ สจฺฉิกโรตีติ ผุฏฺานํ อนฺโต ผุฏฺนฺโต, ผุฏฺานํ อรูปาวจรชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโย. อจฺจนฺตสํโยเค เจตฺถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ. ผุฏฺานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกโรติ สจฺฉิกาตพฺโพปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๖๕) วิย ภาวนปุํสกํ วา เอตํ. โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต นามกาเยกเทสโต จ วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน วิมุตฺโต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมกฺโข อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโต. นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกจฺเจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน โส สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาอาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิกโรตีติ กายสกฺขีติ วุจฺจติ, น ตุ วิมุตฺโตติ เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตา.
๒๗. ทิฏฺตฺตา ปตฺโตติ เอเตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฏฺิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติ. ‘‘ทิฏฺนฺตํ ปตฺโต’’ติ วา ปาโ, ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ปมผลโต ปฏฺาย หิ ยาว อคฺคมคฺคา ทิฏฺิปฺปตฺโตติ.
๒๘. อิมํ ปน นยํ ‘‘โน’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวาติ เอตฺถ ทิฏฺิปฺปตฺตสทฺธาวิมุตฺตภาวปฺปตฺตานํ ปฺานานตฺตํ วุตฺตํ, น ปน เยน วิเสเสน โส วิเสโส ปตฺโต, โส วุตฺโตติ อิมํ โทสํ ทิสฺวา ปฏิกฺเขโป กโตติ ทฏฺพฺโพ. อาคมฏฺกถาสูติ จ วจเนน อาคมนียนานตฺตสนฺนิฏฺานเมว ถิรํ กโรตีติ เวทิตพฺพํ. สทฺทหนฺโต วิมุตฺโตติ เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามตฺเตน วิมุตฺตภาวํ ทสฺเสติ. สทฺธาวิมุตฺโตติ วา สทฺธาย อธิมุตฺโตติ อตฺโถ.
๒๙. ปฺํ วาเหตีติ ปฺํ สาติสยํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. ปฺา อิมํ ปุคฺคลํ วหตีติ นิพฺพานาภิมุขํ คเมตีติ อตฺโถ.
๓๑. เอวํ ¶ มคฺคกฺขเณปีติ อยํ อปิ-สทฺโท กสฺมา วุตฺโต, นนุ อริเยน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน สมนฺนาคโต มคฺคกฺขเณ เอว โหตีติ ตทา เอว โสตาปนฺโน นามาติ อาปนฺนนฺติ? นาปนฺนํ ¶ . มคฺเคน หิ อตฺตนา สทิสสฺส อฏฺงฺคิกสฺส วา สตฺตงฺคิกสฺส วา ผลสฺส โสโตติ นามํ ทินฺนนฺติ เตนปิ สมนฺนาคตสฺส โสตาปนฺนภาวโต, โสเตน วา มคฺเคน ปวตฺเตตุํ อปริหีเนน ผลฏฺโปิ สมนฺนาคโต เอว นาม, น จ เตน ปมมคฺคกฺขเณ วิย โสโต สมาปชฺชิยมาโน, ตสฺมา สมาปนฺนโสตตฺตา ปมผลโต ปฏฺาย ‘‘โสตาปนฺโน’’ติ วตฺตุํ ยุตฺโต. วุตฺตฺหิ ‘‘เย เกจิ, ภิกฺขเว, มยิ อเวจฺจปฺปสนฺนา, สพฺเพ เต โสตาปนฺนา. เตสํ โสตาปนฺนานํ ปฺจนฺนํ อิธ นิฏฺา, ปฺจนฺนํ อิธ วิหาย นิฏฺา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๔). ตตฺถ ทุติยผลฏฺาทีนํ วิสุํ นามํ อตฺถีติ ปมผลฏฺโ เอว อิตเรหิ วิเสสิยมาโน ‘‘โสตาปนฺโน’’ติ วตฺตุํ ยุตฺโตติ โส เอว อิธาธิปฺเปโต. ปฏิลทฺธมคฺเคน พุชฺฌตีติ เอเตน ปฏิลทฺธมคฺคสฺส จตุสจฺจปจฺจเวกฺขณาทีนํ อุปนิสฺสยภาวํ ทสฺเสติ. สมฺโพธิ ปรํ อยนํ นิสฺสโย เอตสฺสาติ หิ สมฺโพธิปรายโณติ. ทุติเยนตฺเถน สมฺโพธิ ปรํ อยนํ คติ เอตสฺสาติ สมฺโพธิปรายโณ.
๓๒. เกวเลน กุลสทฺเทน มหากุลเมว วุจฺจตีติ อาห ‘‘มหาโภคกุเลสุเยว นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ’’ติ.
๓๓. ขนฺธพีชํ นาม ปฏิสนฺธิวิฺาณํ. อิหฏฺกนิชฺฌานิกวเสเนว อิมสฺมึ าเน กถิตาติ สชฺฌานโก อชฺฌตฺตสํโยชนสมุจฺเฉเท อกเตปิ อนาคามิสภาโค อนาวตฺติธมฺโม อิธ คณนูปโค น โหติ, เหฏฺา อุปริ จ สํสรณโก กามภวคโต หีนชฺฌานโก อิธ คณนูปโคติ อธิปฺปาโย.
๓๔. ยํ วตฺตพฺพนฺติ ‘‘ทฺวีหิ การเณหิ ตนุภาโว เวทิตพฺโพ’’ติอาทิ ยํ วตฺตพฺพํ สิยาติ อตฺโถ.
๓๖. อุปปนฺนํ วา สมนนฺตราติ อุปปนฺนํ วา เอเตน ปุคฺคเลน โหติ, อถ สมนนฺตรา อริยมคฺคํ สฺชเนติ. อปฺปตฺตํ วา เวมชฺฌํ อายุปฺปมาณนฺติ อายุปฺปมาณํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส เวมชฺฌํ อปฺปตฺตํ โหติ, เอตฺถนฺตเร อริยมคฺคํ ¶ สฺชเนตีติ อยเมตฺถ ปาฬิอตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อปฺปตฺวา ปพฺพตํ นที’’ติ วิย อายุปฺปมาณํ เวมชฺฌํ อปฺปตฺตํ วา หุตฺวาติ ปรสทฺทโยเค ปรโต ภูโต หุตฺวา สทฺโท วจนเสสภูโต ปยุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
๓๗. อุปหจฺจาติ ¶ เอตสฺส อุปคนฺตฺวาติ อตฺโถ, เตน เวมชฺฌาติกฺกโม กาลกิริโยปคมนฺจ สงฺคหิตํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อติกฺกมิตฺวา เวมชฺฌ’’นฺติอาทิ.
๔๐. อุทฺธํวาหิภาเวนาติ อุทฺธํ วหตีติ อุทฺธํวาหี, ตณฺหาโสตํ วฏฺฏโสตํ วา, ตสฺส ภาโว, เตน อุทฺธํวาหิภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. อวิเหสุ อุทฺธํโสโต ยทิปิ ตตฺถ ปรินิพฺพายี น โหติ, ยตฺถ วา ตตฺถ วา คนฺตฺวา ปรินิพฺพายตุ, ปรินิพฺพายิโน ปน ตสฺส อสงฺขารปรินิพฺพายิตา สสงฺขารปรินิพฺพายิตา จ อตฺถีติ ตตฺถ ทส อนาคามิโน วุตฺตา, เอวํ อตปฺปาทีสุปิ. อนุปหจฺจตลาติ อปฺปตฺตตลา. อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายีนํ ลหุสาลหุสคติกา เอว ปริตฺตวิปุลติณกฏฺฌาปกปปฺปฏิกาสทิสตา เวทิตพฺพา, น อุปฺปชฺชิตฺวาว นิพฺพายนกาทีหิ อธิมตฺตตา วิย สมุทฺทํ ปตฺวา นิพฺพายนกโต อนธิมตฺตตา วิย จ อนฺตรา อุปหจฺจปรินิพฺพายีหิ อุทฺธํโสตโต จ อธิมตฺตานธิมตฺตตา. เต เอว หิ อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายิโนติ. ตโต มหนฺตตเรติ วจนํ ติณกฏฺฌาปนสมตฺถปปฺปฏิกาทสฺสนตฺถํ, น อธิมตฺต นาธิมตฺตทสฺสนตฺถนฺติ.
โน จสฺส โน จ เม สิยาติ อวิชฺชาสงฺขาราทิกํ เหตุปฺจกํ โน จ อสฺส, วิฺาณาทิกํ อิทํ ผลปฺจกํ วตฺตมานํ โน จ เม สิยาติ อตฺโถ. เตน อตีตภวสํสิทฺธิโต ทุกฺขสมุทยโต อิมสฺส ทุกฺขสฺส ปวตฺติทสฺสนโต ปจฺจยสมุทยฏฺเน ขนฺธานํ อุทยทสฺสนปฏิปตฺติ วุตฺตา โหติ. น ภวิสฺสติ, น เม ภวิสฺสตีติ ยทิ เอตรหิ เหตุปฺจกํ น ภวิสฺสติ, อนาคเต ผลปฺจกํ น เม ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. เอเตน ปจฺจยนิโรธฏฺเน วยทสฺสนปฏิปตฺติ วุตฺตา โหติ, เอตรหิ อนาคเต จ อตฺตตฺตนิยนิวารณวเสน สฺุตาปฏิปตฺติ วา จตูหิปิ วุตฺตา. ยทตฺถีติ ยํ อตฺถิ. ภูตนฺติ สสภาวํ นิพฺพตฺตํ วา ยถาทิฏฺอุทยพฺพยํ ยถาทิฏฺสฺุตํ วา ขนฺธปฺจกํ ปริกปฺปิตอิตฺถิปุริสสตฺตาทิภาวรหิตํ นามรูปมตฺตนฺติ อตฺโถ. วิวฏฺฏานุปสฺสนาย วิวฏฺฏมานโส ตํ ภูตํ ปชหามีติ ¶ อุเปกฺขํ ปฏิลภติ, สงฺขารุเปกฺขาาเณน อุเปกฺขโก โหตีติ วุตฺตํ โหติ.
ภเว น รชฺชติ, สมฺภเว น รชฺชตีติ อวิสิฏฺเ วิสิฏฺเ จ ภเว น รชฺชตีติ เกจิ วทนฺติ. ปจฺจุปฺปนฺโน ปน ภโว ภโว, อนาคโต ชาติยา คหเณน คหิโต สมฺภโวติ เวทิตพฺโพ. อถ วา ภโวติ ภูตเมว วุจฺจติ, สมฺภโว ตทาหาโร, ตสฺมึ ทฺวเย น รชฺชตีติ เสกฺขปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ ¶ . ภูเต หิ สสมฺภเว จ วิราโค เสกฺขปฏิปตฺติ. ยถาห ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภนฺเต, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ, ภูตมิทนฺติ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทิสฺวา ภูตสฺส นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ. ตทาหารสมฺภวนฺติ ยถาภูตํ…เป… ทิสฺวา ตทาหารสมฺภวสฺส นิพฺพิทาย…เป… ปฏิปนฺโน โหติ. ตทาหารนิโรธาย ยํ ภูตํ, ตํ นิโรธธมฺมนฺติ ยถาภูตํ…เป… ทิสฺวา นิโรธธมฺมสฺส นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ. เอวํ โข, ภนฺเต, เสกฺโข โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๓๑). อถุตฺตรีติ อถ เอวํ อรชฺชมาโน อุตฺตริ สนฺตํ ปทํ นิพฺพานํ อนุกฺกเมน มคฺคปฺาย สมฺมา ปสฺสติ, ตฺจ ขฺวสฺส ปทํ น สพฺเพน สพฺพํ สจฺฉิกตํ จตุตฺถมคฺเคเนว สจฺฉิกาตพฺพสฺส ตสฺส เตน อสจฺฉิกตตฺตา.
เอกกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุกนิทฺเทสวณฺณนา
๖๓. กสฺสจิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา กสฺสจิ กถฺจิ อวิมุตฺโต กามภโว อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส วิเสสปจฺจโยติ อชฺฌตฺตํ นาม. ตตฺถ พนฺธนํ อชฺฌตฺตสํโยชนํ, เตน สมฺปยุตฺโต อชฺฌตฺตสํโยชโน.
๘๓. การเณน วินา ปวตฺตหิตจิตฺโต อการณวจฺฉโล. อนาคตมฺปิ ปโยชนํ อเปกฺขมาโน ปุริมคฺคหิตํ ตํ กตํ อุปาทาย กตฺู เอว นาม โหติ, น ปุพฺพการีติ อาห ‘‘กริสฺสติ เม’’ติอาทิ. ตโมโชติปรายโณ ปฺุผลํ อนุปชีวนฺโต เอว ปฺุานิ กโรตีติ ‘‘ปุพฺพการี’’ติ วุตฺโต. ‘‘อิณํ เทมี’’ติ สฺํ กโรตีติ เอวํสฺํ อกโรนฺโตปิ กโรนฺโต วิย โหตีติ อตฺโถ.
๘๖. อจฺฉมํสํ ¶ ลภิตฺวา สูกรมํสนฺติ น กุกฺกุจฺจายตีติ อจฺฉมํสนฺติ ชานนฺโตปิ สูกรมํสนฺติ น กุกฺกุจฺจายติ, มทฺทิตฺวา วีติกฺกมตีติ วุตฺตํ โหติ.
๙๐. ติตฺโตติ นิฏฺิตกิจฺจตาย นิรุสฺสุกฺโก.
ทุกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ติกนิทฺเทสวณฺณนา
๙๑. เสสสํวรเภเทนาติ ¶ มโนสํวรเภเทน, สติสํวราทิเภเทน วา. อกุสลสีลสมนฺนาคเมนาติ ‘‘กตเม จ ถปติ อกุสลา สีลา? อกุสลํ กายกมฺมํ อกุสลํ วจีกมฺมํ ปาปโก อาชีโว’’ติ วุตฺเตหิ สมนฺนาคเมน. ตสฺส หิ…เป… เอวํ สาสงฺกสมาจาโร โหตีติ เอวํ สาสงฺโก สมาจาโร โหตีติ อตฺโถ.
๙๔. สมานวิสยานํ ปุคฺคลานํ วิเสสทสฺสนวเสน ‘‘กายสกฺขี’’ติอาทิกํ วุตฺตํ.
๑๐๗. สมาธิ วา อาทีติ โลกุตฺตรธมฺมา หิ ปรมตฺถโต สาสนนฺติ ตทตฺโถ ปาทกสมาธิ ตสฺส อาทิ วุตฺโต, ตทาสนฺนตฺตา วิปสฺสนา, ตสฺส มูเลกเทสตฺตา มคฺโค.
๑๐๘. อุจฺฉงฺโค วิย อุจฺฉงฺคปฺโ ปุคฺคโล ทฏฺพฺโพติ อุจฺฉงฺคสทิสปฺตาย เอว ปฺา วิย ปุคฺคโลปิ อุจฺฉงฺโค วิย โหติ, ตสฺมึ ธมฺมานํ อจิรฏฺานโตติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. วกฺขติ หิ ‘‘อุจฺฉงฺคสทิสปฺโติอตฺโถ’’ติ.
๑๐๙. ยถา จ อุจฺฉงฺคสทิสา ปฺา, เอวํ นิกฺกุชฺชกุมฺภสทิสา ปฺา เอวาติ ทฏฺพฺโพ, ตตฺถ ธมฺมานํ อนวฏฺานโต.
๑๑๓. จิรฏฺานโต ถิรฏฺานโต จ ปาสาณเลขสทิสา ปราปราธนิพฺพตฺตา โกธเลขา ยสฺส โส ปาสาณเลขูปมสมนฺนาคโต ปาสาณเลขูปโมติ วุตฺโต, เอวํ อิตเรปิ.
๑๑๘. สุตาทิวตฺถุรหิโต ¶ ตุจฺฉมาโน นโฬ วิยาติ ‘‘นโฬ’’ติ วุจฺจติ, โส อุคฺคโต นโฬ เอตสฺสาติ อุนฺนโฬ.
๑๒๒. ‘‘สีลกถา จ โน ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ สีลกถาภวนํ ปมารมฺโภปิ ทุสฺสีเลน สห น โหตีติ ทสฺเสนฺโต อาห เนว สีลกถา โหตี’’ติ.
๑๒๓. ตตฺถ ¶ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ อนุคฺคเหตพฺเพ ปฺาย โสเธตพฺเพ จ วฑฺเฒตพฺเพ จ อธิกสีลํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนปฺาย อนุคฺคณฺหาติ นามาติ อตฺโถ.
๑๒๔. คูถกูโป วิย ทุสฺสีลฺยนฺติ เอเตน ทุสฺสีลฺยสฺส คูถสทิสตฺตเมว ทสฺเสติ.
๑๓๐. โน จ สมฺมา ปฺเปตุํ สกฺโกนฺตีติ เยภุยฺเยน น สกฺโกนฺตีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุปฺปนฺเน ตถาคเต ตสฺมึ อนาทริยํ กตฺวา สมาปตฺตึ อุปฺปาเทตุํ วายมนฺตสฺส อสมตฺถภาวํ วา. ติตฺถิยา วา ปูรณาทโย อธิปฺเปตา.
ติกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุกฺกนิทฺเทสวณฺณนา
๑๓๓. ปเรน กตํ ทุสฺสีลฺยํ อาณตฺติยา อตฺตนา จ ปโยเคน กตนฺติ อาณตฺติยา ปาปสฺส ทายาโท ‘‘ตโต อุปฑฺฒสฺส ทายาโท’’ติ วุตฺโต.
๑๔๕. อยนฺติ ‘‘เตสุ ปโม’’ติอาทิกํ นยํ วทติ.
๑๔๘. เทสนาย ธมฺมานํ าณสฺส อาปาถภาวสมฺปาทนํ าณุคฺฆาฏนํ. สห อุทาหฏเวลายาติ อุทาหฏเวลาย สทฺธึ ตสฺมึ กาเล อนติกฺกนฺเต เอวาติ อตฺโถ.
๑๕๒. ตนฺติ อนนฺตรวจนํ วทติ. ‘‘กตโม โลโก’’ติ วุตฺเต ‘‘ปฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ มหนฺตํ อตฺถํ สงฺคหิตฺวา ิตวจนํ อตฺถยุตฺตํ. ลุชฺชตีติ โลโกติ การณยุตฺตํ.
๑๕๖. สหิตาสหิตสฺสาติ ¶ สหิตาสหิเตติ อตฺโถ, สหิตาสหิตสฺส ปริจฺฉินฺทเนติ วา ¶ . ทฺเวเยวาติ ทุติยจตุตฺถาเยว. เทสกสาวกสมฺปตฺติยา โพเธตุํ สมตฺถตาย สภาวธมฺมกถิกา, สจฺจธมฺมกถิกาติ อตฺโถ.
๑๕๗. กุสลธมฺเมหิ จิตฺตสฺส วาสนาภาวนา วาสธุรํ. อยํ ปาปปุคฺคโลติ จตุตฺโถ วุตฺโต, น ปโม. ปโม หิ อวิสํวาเทตุกาโม เวรฺชพฺราหฺมณสทิโส อธิปฺเปโตติ.
๑๕๙. ปุคฺคเลปิ อริยานํ อภิกฺกมนาทิสทิสตาติ ปุคฺคเล อภิกฺกมนาทีนํ อริยานํ อภิกฺกมนาทิสทิสตาติ อตฺโถ, อริยานํ อภิกฺกมนาทินา ปุคฺคลสฺส สทิสตาติ วา สทิสาภิกฺกมนาทิตาติ อตฺโถ.
๑๖๖. ทุสฺสีลํ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ วทนฺโต ภูตํ ภาสติ นาม. ปาณาติปาเตน ทุสฺสีลํ อทินฺนาทาเนน ทุสฺสีโลติ อวตฺวา ปาณาติปาเตเนวาติ วทนฺโต ตจฺฉํ ภาสติ นาม. ยมิทํ ‘‘กาเลนา’’ติ วุตฺตํ, ตตฺร ตสฺมึ วจเน, โย ‘‘กาเลน ภณตี’’ติ วุตฺโต, โส กีทิโสติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กาลฺู โหตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยมิทํ กาเลนาติ วุตฺตํ, ตตฺร โย ปุคฺคโล’’ติอาทิมาห.
๑๖๘. อาคมนวิปตฺติ นาม กมฺมํ, ปุพฺพุปฺปนฺนปจฺจยวิปตฺติ สุกฺกโสณิตํ. ปวตฺเต, ปวตฺตสฺส วา ปจฺจยา ปวตฺตปจฺจยา, อาหาราทโย. โชเตตีติ โชติ, อาโลโก. กุลสมฺปตฺติยาทีหิ โชตมาโน จ โชติ วิยาติ โชติ.
๑๗๓. ปหีนาวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณาปิ เยหิ กิเลเสหิ วิมุตฺโต อวิมุตฺโต จ, เตสํ ทสฺสนวเสน วิมุตฺติทสฺสนเมว โหตีติ อาห ‘‘วิมุตฺติาณทสฺสนํ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณาณ’’นฺติ.
๑๗๔. ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานนฺติ ตนฺตาวุตานํ วตฺถานํ ยานิ กานิจิ วตฺถานีติ วุตฺตํ โหติ. สายํ ตติยํ อสฺสาติ สายตติโย. อนุยฺุชนํ อนุโยโค. ตํ อนุยุตฺโตติ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ, ภาวนปุํสกํ วา.
๑๗๘. ตตฺถ ¶ ¶ สิกฺขนภาเวนาติ สิกฺขาย สาชีเว จ สิกฺขนภาเวน. สิกฺขํ ปริปูเรนฺโตติ สีลสํวรํ ปริปูเรนฺโต. สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโตติ ‘‘นามกาโย ปทกาโย นิรุตฺติกาโย พฺยฺชนกาโย’’ติ วุตฺตํ สิกฺขาปทํ ภควโต วจนํ อวีติกฺกมนฺโต หุตฺวาติ อตฺโถ. อิทเมว จ ทฺวยํ ‘‘สิกฺขน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ สาชีวานติกฺกโม สิกฺขาปาริปูริยา ปจฺจโย. ตโต หิ ยาว มคฺคา สํวรปาริปูรี โหตีติ. วินาสนภาวโตติ หึสนภาวโต. หลิทฺทิราโค วิย น ถิรกโถ โหตีติ เอตฺถ กถาย อฏฺิตภาเวน หลิทฺทิราคสทิสตา เวทิตพฺพา, น ปุคฺคลสฺส.
๑๗๙. ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺตีติ อิติ-สทฺเทน เอวํปกาเร ทสฺเสติ. อฺํ ทสฺเสตฺวา อฺสฺส ปริวตฺตนนฺติ ทสคฺฆนกํ วตฺถยุคํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส อชานนฺตสฺส ปฺจคฺฆนกสฺส ทานํ.
๑๘๑. อวิกิณฺณสุขนฺติ รูปาทีสุ สุภาทิปริกปฺปนวเสน อวิสฏสุขํ.
๑๘๗. ขนฺธธมฺเมสุ อนิจฺจาทิวเสน ปวตฺตา วิปสฺสนา มคฺคผลลาเภน ปฏิลทฺธา นาม โหติ ตทลาเภน อนวฏฺานโตติ มคฺคผลลาภี เอว ‘‘อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาลาภี’’ติ วุตฺโต, มคฺคผลาณเมว จ อธิกปฺาภาวโต จตุสจฺจธมฺเม สพฺพธมฺมสฺส วเร นิพฺพาเน เอว วา วิสิฏฺทสฺสนภาวโต จ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาติ ทฏฺพฺพา.
๑๘๙. สุเตน อนุปปนฺโนติ ยถาสุเตน วา อตฺเถน วา น สมนฺนาคโตติ อตฺโถ.
จตุกฺกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจกนิทฺเทสวณฺณนา
๑๙๑. ปมปฺจเก อุทฺเทเสเนว ปุคฺคลวิภาโค วิฺายตีติ ยถา เตสุ ปฏิปชฺชิตพฺพํ ¶ , ตาย ปฏิปตฺติยา เต วิภชนฺโต ‘‘ตตฺร ยฺวาย’’นฺติอาทิมาห. อารมฺภสทฺโทติ อารมฺภกิริยาวาจโก สทฺโทติ อตฺโถ. ผลุปฺปตฺติยา ¶ มคฺคกิจฺจํ นิฏฺิตํ โหตีติ ‘‘มคฺคกิจฺจวเสน ผลเมว วุตฺต’’นฺติ อาห. อายาจนสาธูติ น ปสํสนาทิสาธูติ อตฺโถ.
๑๙๒. อาทิโต เธยฺยํ เปตพฺพํ อาเธยฺยํ, ทสฺสนสวนปฏิวจนทานวเสน มุเขน วิย ปวตฺตํ คหณํ มุขนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตํ มุขํ อาเธยฺยํ, คหณตฺถํ ปกติมุขเมว วา อาเธยฺยํ ยสฺส โส อาเธยฺยมุโข, อวิจาเรตฺวา อาทิกถาย เอว ปิตคหโณติ วุตฺตํ โหติ.
๑๙๙. ควา ขีรํ อคฺคมกฺขายตีติ น เอวํ สมฺพนฺโธ, อุปฺปตฺติโต ปน ปฺจ โครเส ทสฺเสตฺวา เตสุ สปฺปิมณฺฑสฺส อคฺคภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ควา ขีร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘คาวิโต ขีรํ นาม โหตี’’ติอาทิ.
ปฺจกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ฉกฺกนิทฺเทสวณฺณนา
๒๐๒. ฉกฺเก เอกนฺตโต ปากฏา สมฺมาสมฺพุทฺธาทโย เต ยถาวุตฺตคุณา ปุคฺคลาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ เตน ทฏฺพฺโพ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เตนาติ สามํ สจฺจาภิสมโย ตตฺถ จ สพฺพฺุตปฺปตฺติพเลสุ จ วสิภาวปฺปตฺตีติ เอเตน สพฺเพน สมุทิเตน. ‘‘สพฺพฺุตฺาเณนา’’ติ ปน วุตฺเต สพฺพมิทํ สงฺคหิตํ โหติ สามํ สจฺจาภิสมเยน พเลสุ จ วสิภาวปฺปตฺติยา จ วินา สพฺพฺุตฺาณสฺส อภาวา, ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘สพฺพฺุตฺาเณนา’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ตตฺถ อนาจริยเกน อตฺตนา อุปฺปาทิเตนาติ วจเนน สพฺพฺุตฺาณสฺส สาจริยกตฺตํ ปรโต อุปฺปตฺติฺจ ปฏิเสเธติ, น สาจริยกํ ปเรหิ อุปฺปาทิตฺจ สพฺพฺุตฺาณํ. น หิ ตํ ตาทิสํ นิวาเรตพฺพํ อตฺถีติ.
ฉกฺกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สตฺตกนิทฺเทสวณฺณนา
๒๐๓. สทฺธา ¶ ¶ นาม สาธุลทฺธิกาติ อุมฺมุชฺชตีติ เอเตน กุสเลสุ ธมฺเมสุ อนฺโตคธา, โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ วา อธิโมกฺขภูตา สทฺธา สาธูติ อุมฺมุชฺชมานํ กุสลํ ทสฺเสติ, เอวํ หิรียาทีสุ จ. กุสเลสุ ธมฺเมสูติ เอตฺถ ภุมฺมนิทฺเทโส ตทนฺโตคธตาย ตทุปการตาย วา เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ อุมฺมุชฺชติ สาหุ สทฺธา กุสเลสุ ธมฺเมสูติอาทินา สทฺธาทีนํ อุมฺมุชฺชนปฺาย สทฺธาทีนํ อุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ. เตเนว ‘‘ตสฺส สา สทฺธา เนว ติฏฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สาหุ สทฺธา กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ วา อุมฺมุชฺชนสฺส อุปการกํ อานิสํสทสฺสนํ วตฺวา ‘‘อุมฺมุชฺชตี’’ติ เอเตน สทฺธาสงฺขาตเมว อุมฺมุชฺชนํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. จงฺกวาเรติ รชกานํ ขารปริสาวเน. เอกกมฺมนิพฺพตฺตา ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติสนฺตติ เอโก จิตฺตวาโรติ จุติโต อนนฺตโร ยถาคหิโต ทุติโย โหตีติ อาห ‘‘ทุติยจิตฺตวาเรนา’’ติ. อุมฺมุชฺชิตฺวา ิตาทโย จตฺตาโร ตาย ตาย ชาติยา อรหตฺตํ อสจฺฉิกโรนฺตา อเนเก ปุคฺคลา เวทิตพฺพา, สจฺฉิกโรนฺโต ปน เอโกปิ ปุพฺพภาเค ตติยปุคฺคลาทิภาวํ อาปชฺชิตฺวา อนฺเต สตฺตมปุคฺคโล โหตีติ.
สตฺตกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทสกนิทฺเทสวณฺณนา
๒๐๙. ปฺจนฺนํ อิธ นิฏฺา, ปฺจนฺนํ อิธ วิหาย นิฏฺาติ เอตฺถ เย โสตาปนฺนาทโย รูปารูปภเว อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เต อิธ วิหาย นิฏฺาปกฺขํ ภชมานาปิ อชฺฌตฺตสํโยชนานํ อสมุจฺฉินฺนตฺตา ปุถุชฺชนสาธารเณ จ าเน อุปปตฺติยา น คหิตา. อสาธารณฏฺานุปฺปตฺติวเสน ปน อนฺตราปรินิพฺพายีอาทโย เอว ‘‘อิธ วิหาย นิฏฺา’’ติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพาติ.
ทสกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุคฺคลปฺตฺติปกรณ-มูลฏีกา สมตฺตา.
กถาวตฺถุปกรณ-มูลฏีกา
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
กถานํ ¶ ¶ วตฺถุภาวโตติ กถาสมุทายสฺส ปกรณสฺส อตฺตโน เอกเทสานํ โอกาสภาวํ วทติ. สมุทาเย หิ เอกเทสา อนฺโตคธาติ. เยน ปกาเรน สงฺเขเปน อเทสยิ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มาติกาปเนเนว ปิตสฺสา’’ติ อาห.
นิทานกถาวณฺณนา
อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ ปรินิพฺพานเมว ปรินิพฺพานสฺส ปรินิพฺพานนฺตรโต วิเสสนตฺถํ กรณภาเวน วุตฺตํ. ยาย วา นิพฺพานธาตุยา อธิคตาย ปจฺฉิมจิตฺตํ อปฺปฏิสนฺธิกํ ชาตํ, สา ตสฺส อปฺปฏิสนฺธิวูปสมสฺส กรณภาเวน วุตฺตาติ. ทุพฺพลปกฺขนฺติ น กาฬาโสกํ วิย พลวนฺตํ, อถ โข เอกมณฺฑลิกนฺติ วทนฺติ. ธมฺมวาทีอธมฺมวาทีวิเสสชนนสมตฺถาย ปน ปฺาย อภาวโต ทุพฺพลตา วุตฺตา. เตสํเยวาติ พาหุลิยานเมว ¶ , พหุสฺสุติกาติปิ นามํ. ภินฺนกาติ มูลสงฺคีติโต มูลนิกายโต วา ภินฺนา, ลทฺธิยา สุตฺตนฺเตหิ ลิงฺคากปฺเปหิ จ วิสทิสภาวํ คตาติ อตฺโถ.
มูลสงฺคหนฺติ ปฺจสติกสงฺคีตึ. อฺตฺร สงฺคหิตาติอาทีสุ ทีฆาทีสุ อฺตฺร สงฺคหิตโต สุตฺตนฺตราสิโต ตํ ตํ สุตฺตํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา อฺตฺร อกรึสูติ วุตฺตํ โหติ. สงฺคหิตโต วา อฺตฺร อสงฺคหิตํ สุตฺตํ อฺตฺร กตฺถจิ อกรึสุ, อฺํ วา อกรึสูติ อตฺโถ. อตฺถํ ธมฺมฺจาติ ปาฬิยา อตฺถํ ปาฬิฺจ. วินเย นิกาเยสุ จ ปฺจสูติ วินเย จ อวเสสปฺจนิกาเยสุ จ.
‘‘ทฺเวปานนฺท ¶ , เวทนา วุตฺตา มยา ปริยาเยนา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๘๙) ปริยายเทสิตํ. อุเปกฺขาเวทนา หิ สนฺตสฺมึ ปณีเต สุเข วุตฺตา ภควตาติ อยฺเหตฺถ ปริยาโย. ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, เวทนา สุขา ทุกฺขา อุเปกฺขา เวทนา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๒๔๙-๒๕๑) นิปฺปริยายเทสิตํ. เวทนาสภาโว หิ ติวิโธติ อยเมตฺถ นิปฺปริยายตา. ‘‘สุขาปิ เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๒๓) นีตตฺถํ. ‘‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๓๒) เนยฺยตฺถํ. ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ ชมฺพุทีปกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส’’ติอาทิกํ (อ. นิ. ๙.๒๑) อฺํ สนฺธาย ภณิตํ คเหตฺวา อฺํ อตฺถํ ปยึสุ. ‘‘นตฺถิ เทเวสุ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติอาทิกํ (กถา. ๒๗๐) สุตฺตฺจ อฺํ สนฺธาย ภณิตํ อตฺถฺจ อฺํ ปยึสูติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘อตฺเถกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน’’ติอาทิ (ปุ. ป. มาติกา ๔.๒๔) พฺยฺชนจฺฉายาย สณฺหสุขุมํ สฺุตาทิอตฺถํ พหุํ วินาสยุํ.
วินยคมฺภีรนฺติ วินเย คมฺภีรฺจ เอกเทสํ ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. กิเลสวินเยน วา คมฺภีรํ เอกเทสํ สุตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ อตฺตโน อธิปฺปายานุรูปํ สุตฺตํ, สุตฺตปติรูปกํ วา อสุตฺตํ. เอกจฺเจ อฏฺกถากณฺฑเมว วิสฺสชฺชึสุ, เอกจฺเจ สกลํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ อาห ‘‘อตฺถุทฺธารํ อภิธมฺมํ ฉปฺปกรณ’’นฺติ. กถาวตฺถุสฺส สวิวาทตฺเตปิ อวิวาทานิ ฉปฺปกรณานิ ปิตพฺพานิ สิยุํ, ตานิ นปฺปวตฺตนฺตีติ หิ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ฉปฺปกรณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ. ตติยสงฺคีติโต วา ปุพฺเพ ปวตฺตมานานํ วเสน ‘‘ฉปฺปกรณ’’นฺติ วุตฺตํ ¶ . อฺานีติ อฺานิ อภิธมฺมปกรณาทีนิ. นามนฺติ ยํ พุทฺธาทิปฏิสํยุตฺตํ น โหติ มฺชุสิรีติอาทิกํ, ตํ นิกายนามํ. ลิงฺคนฺติ นิวาสนปารุปนาทิวิเสสกตํ สณฺานวิเสสํ. สิกฺกาทิกํ ปริกฺขารํ. อากปฺโป านาทีสุ องฺคฏฺปนวิเสโส ทฏฺพฺโพ. กรณนฺติ จีวรสิพฺพนาทิกิจฺจวิเสโส.
สงฺกนฺติกสฺสปิเกน นิกาเยน วาเทน วา ภินฺนา สงฺกนฺติกาติ อตฺโถ. สงฺกนฺติกานํ เภทา สุตฺตวาที อนุปุพฺเพน ภิชฺชถ ภิชฺชึสูติ อตฺโถ. ภินฺนวาเทนาติ ภินฺนา วาทา เอตสฺมินฺติ ภินฺนวาโท, เตน อภินฺเนน ¶ เถรวาเทน สห อฏฺารส โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ภินฺนวาเทนาติ วา ภินฺนาย ลทฺธิยา อฏฺารส โหนฺติ, เต สพฺเพปิ สหาติ อตฺโถ. เถรวาทานมุตฺตโมติ เอตฺถ เถร-อิติ อวิภตฺติโก นิทฺเทโส. เถรานํ อยนฺติ เถโร. โก โส? วาโท. เถโร วาทานมุตฺตโมติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
อุปฺปนฺเน วาเท สนฺธาย ‘‘ปรปฺปวาทมถน’’นฺติ อาห. อายตึ อุปฺปชฺชนกวาทานํ ปฏิเสธนลกฺขณภาวโต ‘‘อายติลกฺขณ’’นฺติ วุตฺตํ.
นิทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาวคฺโค
๑. ปุคฺคลกถา
๑. สุทฺธสจฺจิกฏฺโ
๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา
๑. มายาย ¶ ¶ อมณิอาทโย มณิอาทิอากาเรน ทิสฺสมานา ‘‘มายา’’ติ วุตฺตา. อภูเตน มณิอุทกาทิอากาเรน คยฺหมานา มายามรีจิอาทโย อภูตฺเยฺยาการตฺตา อสจฺจิกฏฺา. โย ตถา น โหติ, โส สจฺจิกฏฺโติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มายา…เป… ภูตตฺโถ’’ติ. อนุสฺสวาทิวเสน คยฺหมาโน ตถาปิ โหติ อฺถาปีติ ตาทิโส เยฺโย น ปรมตฺโถ, อตฺตปจฺจกฺโข ปน ปรมตฺโถติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนุสฺสวา…เป… อุตฺตมตฺโถ’’ติ.
ฉลวาทสฺสาติ อตฺถีติ วจนสามฺเน อตฺถีติ วุตฺเตหิ รูปาทีหิ สามฺวจนสฺสาติ อธิปฺปาโย. ‘‘โส สจฺจิ…เป… ลทฺธึ คเหตฺวา อามนฺตาติ ปฏิชานาตี’’ติ วจนโต ปน ‘‘ฉลวาทสฺสา’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ ลทฺธิ ฉลนฺติ. โอกาสํ อททมาโนติ ปติฏฺํ ปจฺฉินฺทนฺโต. ยทิ สจฺจิกฏฺเน อุปลพฺภติ, รูปาทโย วิย อุปลพฺเภยฺย, ตถา อนุปลพฺภนียโต น ตว วาโท ติฏฺตีติ นิวตฺเตนฺโตติ อธิปฺปาโย. ตํ สนฺธายาติ ‘‘โย สจฺจิกฏฺโ’’ติ เอตฺถ วุตฺโต โย สจฺจิกฏฺโ, โส สปฺปจฺจยาทิภาเวน ทีปิโต ‘‘รูปฺจ อุปลพฺภตี’’ติอาทีสุ อาคโต ธมฺมปฺปเภโทติ ทสฺเสติ.
‘‘เตน ¶ สจฺจิกฏฺปรมตฺเถนา’’ติ วตฺวา ‘‘เตนากาเรนา’’ติ วทโต อยมธิปฺปาโย – สจฺจิกฏฺปรมตฺถากาเรน อุปลพฺภมานํ สจฺจิกฏฺปรมตฺเถน อุปลพฺภมานํ นาม โหตีติ. อฺถา ตโตติ ตสฺส เตนากาเรนาติ วตฺตพฺพํ สิยา. โก ปเนติสฺสา ปุริมปุจฺฉาย จ วิเสโสติ? ปุริมปุจฺฉาย สตฺตปฺาสวิโธ ธมฺมปฺปเภโท ยถา ภูเตน สภาวตฺเถน อุปลพฺภติ, เอวํ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ วุตฺตํ. อิธ ปน ภูตสภาวตฺเถน อุปลพฺภมาโน โส ธมฺมปฺปเภโท เยน รุปฺปนาทิสปฺปจฺจยาทิอากาเรน อุปลพฺภติ, กึ เตนากาเรน ปุคฺคโลปิ ¶ อุปลพฺภตีติ เอส วิเสโส. ยถา ปน รูปํ วิย ภูตสภาวตฺเถน อุปลพฺภมานา เวทนา น รุปฺปนากาเรน อุปลพฺภติ, เอวํ ธมฺมปฺปเภโท วิย ภูตสภาวตฺเถน อุปลพฺภมาโน ปุคฺคโล น รุปฺปนาทิสปฺปจฺจยาทิอากาเรน อุปลพฺภตีติ สกฺกา ปรวาทินา วตฺตุนฺติ อโจทนียํ เอตํ สิยา. อวชานนฺจ ตสฺส ยุตฺตนฺติ นิคฺคโห จ น กาตพฺโพ. ธมฺมปฺปเภทโต ปน อฺสฺส สจฺจิกฏฺสฺส อสิทฺธตฺตา ธมฺมปฺปเภทากาเรเนว โจเทติ. อวชานเนเนว นิคฺคหํ ทสฺเสติ. อนุชานนาวชานนปกฺขา สามฺวิเสเสหิ ปฏิฺาปฏิกฺเขปปกฺขา อนุโลมปฏิโลมปกฺขา ปมทุติยนยาติ อยเมเตสํ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
‘‘เตน วต เร วตฺตพฺเพ’’ติ วทนฺโต วตฺตพฺพสฺส อวจเน โทสํ ปาเปตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘นิคฺคหสฺส ปาปิตตฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘เอวเมตํ นิคฺคหสฺส จ อนุโลมปฏิโลมโต จตุนฺนํ ปาปนาโรปนฺจ วุตฺตตฺตา อุปลพฺภตีติอาทิกํ อนุโลมปฺจกํ นามา’’ติ วุตฺตํ, อนุโลมปฏิโลมโต ปน ทฺวีหิ ปนาหิ สห สตฺตเกน ภวิตพฺพํ, ตํวชฺชเน วา การณํ วตฺตพฺพํ. ยํ ปน วกฺขติ ‘‘ปนา นาม ปรวาทีปกฺขสฺส ปนโต ‘อยํ ตว โทโส’ติ ทสฺเสตุํ ปนมตฺตเมว โหติ, น นิคฺคหสฺส วา ปฏิกมฺมสฺส วา ปากฏภาวกรณ’’นฺติ (กถา. อฏฺ. ๒). เตนาธิปฺปาเยน อิธาปิ ปนาทฺวยํ วชฺเชติ. ยถา ปน ตตฺถ ปฏิกมฺมปฺจกภาวํ อวตฺวา ปฏิกมฺมจตุกฺกภาวํ วกฺขติ, เอวมิธาปิ นิคฺคหจตุกฺกภาโว วตฺตพฺโพ สิยา. สุทฺธิกนิคฺคหสฺส ปน นิคฺคหปฺปธานตฺตา อุทฺเทสภาเวน วุตฺโต นิคฺคโหว วิสุํ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. เย ปน ‘‘อยถาภูตนิคฺคหตฺตา ตตฺถ ปฏิกมฺมํ วิสุํ น วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ ทุติเย วาทมุเข นิคฺคหจตุกฺกภาโว ปฏิกมฺมปฺจกภาโว จ อาปชฺชติ.
๒. อตฺตนา อธิปฺเปตํ สจฺจิกฏฺเมวาติ สมฺมุติสจฺจํ สนฺธายาติ อธิปฺปาโย. วกฺขติ หิ ¶ ‘‘สุทฺธสมฺมุติสจฺจํ วา ปรมตฺถมิสฺสกํ วา สมฺมุติสจฺจํ สนฺธาย ‘โย สจฺจิกฏฺโ’ติ ปุน อนุโยโค ปรวาทิสฺสา’’ติ (กถา. อฏฺ. ๖). ตตฺถ ยทิ ปรวาทินา อตฺตนา อธิปฺเปตสจฺจิกฏฺโ สมฺมุติสจฺจํ, สมฺมุติสจฺจากาเรน ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ วทนฺเตน สมานลทฺธิโก นปฺปฏิเสธิตพฺโพ, กถา เอวายํ นารภิตพฺพา. อถ สกวาทินา อตฺตนา ¶ จ อธิปฺเปตสจฺจิกฏฺํเยว สนฺธาย ปรวาที ‘‘โย สจฺจิกฏฺโ’’ติอาทิมาหาติ อยมตฺโถ. สกวาทินา สมฺมุติสจฺจํเยว สจฺจิกฏฺโติ อธิปฺเปตนฺติ อาปชฺชติ. ยทิ อุภยํ อธิปฺเปตํ, ปุน ‘‘สมฺมุติสจฺจปรมตฺถสจฺจานิ วา เอกโต กตฺวาปิ เอวมาหา’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยาติ. ยทิ จ ทฺเวปิ สจฺจานิ สจฺจิกฏฺปรมตฺถา, สจฺจิกฏฺเกเทเสน อุปลทฺธึ อิจฺฉนฺเตน ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภติ สจฺจิกฏฺปรมตฺเถนา’’ติอาทิ อนุโยโค น กาตพฺโพ, น จ สจฺจิกฏฺเกเทเสน อนุโยโค ยุตฺโต. น หิ เวทยิตากาเรน อุปลพฺภมานา เวทนา รุปฺปนากาเรน อุปลพฺภตีติ อนุยฺุชิตพฺพา, น จ ปรวาที รุปฺปนาทิสภาวํ ปุคฺคลํ อิจฺฉติ, อถ โข สจฺจิกฏฺปรมตฺถเมวาติ. ปรมตฺถสจฺจโต อฺสฺมึ สจฺจิกฏฺเ วิชฺชมาเน นาสฺส ปรมตฺถสจฺจตา อนุยฺุชิตพฺพา. อสจฺจิกฏฺเ สจฺจิกฏฺโวหารํ อาโรเปตฺวา ตํ สนฺธาย ปุจฺฉตีติ วทนฺตานํ โวหริตสจฺจิกฏฺสฺส อตฺตนา อธิปฺเปตสจฺจิกฏฺตา น ยุตฺตา. โวหริตปรมตฺถสจฺจิกฏฺานฺจ ทฺวินฺนํ สจฺจิกฏฺภาเว วุตฺตนโยว โทโส. สมฺมุติสจฺจากาเรน อุปลพฺภมานฺจ ภูตสภาวตฺเถน อุปลพฺเภยฺย วา น วา. ยทิ ภูตสภาวตฺเถน อุปลพฺภติ, ปุคฺคโลปิ อุปลพฺภติ สจฺจิกฏฺปรมตฺเถนาติ อนุชานนฺโต นานุยฺุชิตพฺโพ. อถ น ภูตสภาวตฺเถน, ตํวินิมุตฺโต สมฺมุติสจฺจสฺส สจฺจิกฏฺปรมตฺถากาโร น วตฺตพฺโพ อสิทฺธตฺตา. วกฺขติ จ ‘‘ยถา รูปาทโย ปจฺจตฺตลกฺขณสามฺลกฺขณวเสน อตฺถิ, น เอวํ ปุคฺคโล’’ติ. ตสฺมา มคฺคิตพฺโพ เอตฺถ อธิปฺปาโย.
ทฺวินฺนํ สจฺจานนฺติ เอตฺถ สจฺจทฺวยากาเรน อนุปลพฺภนียโต อนฺุเยฺยเมตํ สิยา, น วา กิฺจิ วตฺตพฺพํ. ยถา หิ เอกเทเสน ปรมตฺถากาเรน อนุปลพฺภนียตา อนุชานนสฺส น การณํ, เอวํ เอกเทเสน สมฺมุติยากาเรน อุปลพฺภนียตา ปฏิกฺเขปสฺส จาติ มคฺคิตพฺโพ เอตฺถาปิ อธิปฺปาโย. นุปลพฺภตีติ วจนสามฺมตฺตนฺติ นุปลพฺภตีติ อิทเมว วจนํ อนฺุาตํ ปฏิกฺขิตฺตฺจาติ เอตํ ฉลวาทํ นิสฺสายาติ อธิปฺปาโย. ยถา อุปลพฺภตีติ เอตสฺเสว อนุชานนปฏิกฺเขเปหิ อหํ นิคฺคเหตพฺโพ, เอวํ นุปลพฺภตีติ เอตสฺเสว อนุชานนปฏิกฺเขเปหิ ตฺวนฺติ เอวํ สมฺภวนฺตสฺส สามฺเน อสมฺภวนฺตสฺส กปฺปนํ ปเนตฺถ ฉลวาโท ¶ ภวิตุํ อรหติ. เตน นุปลพฺภตีติ วจนสามฺมตฺตํ ฉลวาทสฺส การณตฺตา ‘‘ฉลวาโท’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วจนสามฺมตฺตฺจ ฉลวาทฺจ ¶ นิสฺสายาติ วา อตฺโถ. ปนา นิคฺคหปฺปฏิกมฺมานํ ปากฏภาวกรณํ น โหตีติ อิทํ วิจาเรตพฺพํ. น หิ ปกฺขฏฺปเนน วินา ปุริมํ อนุชานิตฺวา ปจฺฉิมสฺส อวชานนํ, ปจฺฉิมํ วา อวชานนฺตสฺส ปุริมานุชานนํ มิจฺฉาติ สกฺกา อาโรเปตุนฺติ.
๓. ตวาติ, ปฏิชานนฺตนฺติ จ ปจฺจตฺเต สามิอุปโยควจนานีติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตฺวํเยว ปฏิชานนฺโต’’ติ อาห.
๔-๕. จตูหิ ปาปนาโรปนาหิ นิคฺคหสฺส อุปนีตตฺตาติ ‘‘ทุนฺนิคฺคหิตา จ โหม, หฺจี’’ติอาทินา ตยา มม กโต นิคฺคโห, มยา ตว กโต นิคฺคโห วิย มิจฺฉาติ เอวํ เตน อนุโลมปฺจเก จตูหิ ปาปนาโรปนาหิ กตสฺส นิคฺคหสฺส เตน นิยาเมน ทุกฺกฏภาวสฺส อตฺตนา กตนิคฺคเหน สห อุปนีตตฺตา อนิคฺคหภาวสฺส วา อุปคมิตตฺตาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวเมว เตน หิ ยํ นิคฺคณฺหาสิ หฺจิ…เป… อิทํ เต มิจฺฉาติ เอตสฺส อนิคฺคหภาวนิคมนสฺเสว นิคฺคมนจตุกฺกตา เวทิตพฺพา.
อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา
๗-๑๐. ‘‘อตฺตโน ลทฺธึ นิสฺสาย ปฏิฺา ปรวาทิสฺสา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ปรมตฺถวเสน ปุคฺคลสฺส อภาวโต ปฏิกฺเขโป ปรวาทิสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺรายํ ปฏิกฺเขโป อตฺตโน ลทฺธิยา ยทิ กโต, ปรมตฺถโต อฺเน สจฺจิกฏฺปรมตฺเถน ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ อยมสฺส ลทฺธีติ อาปชฺชติ. ตถา จ สติ นายํ สมฺมุติสจฺจวเสน อุปลทฺธึ อิจฺฉนฺเตน นิคฺคเหตพฺโพ. อถ อตฺตโน ลทฺธึ นิคฺคูหิตฺวา ปรสฺส ลทฺธิวเสน ปฏิกฺขิปติ, ปุริมปฏิฺาย อวิโรธิตตฺตา น นิคฺคเหตพฺโพ. น หิ อตฺตโน จ ปรสฺส จ ลทฺธึ วทนฺตสฺส โทโส อาปชฺชตีติ. อตฺตโน ¶ ปน ลทฺธิยา ปฏิชานิตฺวา ปรลทฺธิยา ปฏิกฺขิปนฺเตน อตฺตโน ลทฺธึ ฉฑฺเฑตฺวา ปรลทฺธิ คหิตา โหตีติ นิคฺคเหตพฺโพติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย สิยา.
ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา นิฏฺิตา.
สุทฺธสจฺจิกฏฺวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โอกาสสจฺจิกฏฺโ
๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา
๑๑. สพฺพตฺถาติ ¶ สพฺพสฺมึ สรีเรติ อยมตฺโถติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สรีรํ สนฺธายา’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ สํขิตฺตปาเ. ยสฺมา สรีรํ สนฺธาย ‘‘สพฺพตฺถ น อุปลพฺภตี’’ติ วุตฺเต สรีรโต พหิ อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ปจฺจนีเก ปฏิกฺเขโป สกวาทิสฺสาติ เอเตน น เกนจิ สภาเวน ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ อยมตฺโถ วุตฺโต โหติ. น หิ เกนจิ สภาเวน อุปลพฺภมานสฺส สรีรตทฺาวิมุตฺโต อุปลทฺธิโอกาโส อตฺถีติ.
๓. กาลสจฺจิกฏฺโ
๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา
๑๒. ปุริมปจฺฉิมชาติกาลฺจาติ มชฺฌิมชาติกาเล อุปลพฺภมานสฺส ตสฺเสว ปุริมปจฺฉิมชาติกาเลสุ อุปลทฺธึ สนฺธายาติ อธิปฺปาโย. เสสํ ปมนเย วุตฺตสทิสเมวาติ อิเมสุ ตีสุ ปเม ‘‘สพฺพตฺถา’’ติ เอตสฺมึ นเย วุตฺตสทิสเมว, กึ ตํ? ปาสฺส สํขิตฺตตาติ อตฺโถ. อิธาปิ หิ ยสฺมา ‘‘สพฺพทา น อุปลพฺภตี’’ติ วุตฺเต เอกทา อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ปจฺจนีเก ปฏิกฺเขโป สกวาทิสฺสาติ โยเชตพฺพนฺติ.
๔. อวยวสจฺจิกฏฺโ
๑. อนุโลมปจฺจนีกวณฺณนา
๑๓. ตติยนเย ¶ จ ยสฺมา ‘‘สพฺเพสุ น อุปลพฺภตี’’ติ วุตฺเต เอกสฺมึ อุปลพฺภตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ปจฺจนีเก ปฏิกฺเขโป สกวาทิสฺสาติ โยเชตพฺพํ. เตนาห ‘‘ตาทิสเมวา’’ติ.
โอกาสาทิสจฺจิกฏฺโ
๒. ปจฺจนีกานุโลมวณฺณนา
๑๔. ตตฺถ อนุโลมปฺจกสฺสาติอาทิมฺหิ อนุโลมปฺจกนฺติ นิคฺคหปฺจกํ, ปจฺจนีกนฺติ จ ปฏิกมฺมํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ อนุโลมปฺจกสฺส ‘‘สพฺพตฺถ ¶ ปุคฺคโล นุปลพฺภตี’’ติอาทิกสฺส อตฺโถ ‘‘สพฺพตฺถ ปุคฺคโล นุปลพฺภตี’’ติอาทิปาฬึ สํขิปิตฺวา อาคเต สรูเปน อวุตฺเต ‘‘ยสฺมา สรีรํ สนฺธายา’’ติอาทินา (กถา. อฏฺ. ๑๑) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ, ปจฺจนีกสฺส จ ‘‘สพฺพตฺถ ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’ติอาทิกสฺส ปฏิกมฺมกรณวเสน วุตฺตสฺส อตฺโถ ปฏิกมฺมาทิปาฬึ สํขิปิตฺวา อาทิมตฺตทสฺสเนน อาคเต ‘‘ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’’ติอาทิมฺหิ อนุโลเม ‘‘สพฺพตฺถาติ สรีรํ สนฺธาย อนุโยโค สกวาทิสฺสา’’ติอาทินา (กถา. อฏฺ. ๑๑) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อถ วา ตตฺถาติ ยํ อารทฺธํ, ตสฺมินฺติ เอวํ อตฺถํ อคฺคเหตฺวา ตตฺถ เตสุ ตีสุ มุเขสูติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. อนุโลมปฺจกมูลกา เจตฺถ สพฺพานุโลมปจฺจนีกปฺจกปาฬิ อนุโลมปฺจกสฺส ปาฬีติ วุตฺตา, ตถา ปจฺจนีกานุโลมปฺจกปาฬิ จ ปจฺจนีกสฺส ปาฬีติ. ตํ สํขิปิตฺวา ปฏิกมฺมวเสน อาคเต สรูเปน อวุตฺเต ‘‘ปุคฺคโล นุปลพฺภตี’’ติอาทิเก ปจฺจนีเก ‘‘อุปลพฺภตี’’ติอาทิเก อนุโลเม จ อตฺโถ เหฏฺา สุทฺธิกสจฺจิกฏฺเ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ.
สจฺจิกฏฺวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สุทฺธิกสํสนฺทนวณฺณนา
๑๗-๒๗. รูปาทีหิ ¶ สทฺธึ สจฺจิกฏฺสํสนฺทนนฺติ สจฺจิกฏฺสฺส ปุคฺคลสฺส รูปาทีหิ สทฺธึ สํสนฺทนํ, สจฺจิกฏฺเ วา รูปาทีหิ สทฺธึ ปุคฺคลสฺส สํสนฺทนนฺติ อธิปฺปาโย. ปุคฺคโล รูปฺจาติ จ-การสฺส สมุจฺจยตฺถตฺตา ยถา รูปนฺติ เอวํ นิทสฺสนวเสน วุตฺโต อตฺโถ วิจาเรตพฺโพ. รูปาทีหิ อฺโ อนฺโ จ ปุคฺคโล น วตฺตพฺโพติ ลทฺธิ สมโย. ‘‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ อพฺยากตเมตํ ภควตา’’ติอาทิกํ (สํ. นิ. ๔.๔๑๖) สุตฺตํ. อนฺุายมาเน ตทุภยวิโรโธ อาปชฺชตีติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘สมยสุตฺตวิโรธํ ทิสฺวา’’ติ.
ธมฺมโตติ ปาฬิโต. ‘‘ปฏิกมฺมจตุกฺกาทีนิ สํขิตฺตานิ. ปรวาที…เป… ทสฺสิตานี’’ติ วทนฺเตหิ ปุคฺคโล นุปลพฺภติ…เป… อาชานาหิ ปฏิกมฺมนฺติ ¶ เอตฺถ อาชานาหิ นิคฺคหนฺติ ปาโ ทิฏฺโ ภวิสฺสติ. อฺตฺตํ ปฏิชานาปนตฺถนฺติ ยถา มยา อฺตฺตํ วตฺตพฺพํ, ตถา จ ตยาปิ ตํ วตฺตพฺพนฺติ อฺตฺตปฏิฺาย โจทนตฺถนฺติ อตฺโถ. สมฺมุติปรมตฺถานํ เอกตฺตนานตฺตปฺหสฺส ปนียตฺตาติ อพฺยากตตฺตาติ อตฺโถ. ยทิ ปนียตฺตา ปฏิกฺขิปิตพฺพํ, ปเรนปิ ปนียตฺตา ลทฺธิเมว นิสฺสาย ปฏิกฺเขโป กโตติ โสปิ น นิคฺคเหตพฺโพ สิยา. ปโร ปน ปุคฺคโลติ กฺจิ สภาวํ คเหตฺวา ตสฺส ปนียตฺตํ อิจฺฉติ, สติ จ สภาเว ปนียตา น ยุตฺตาติ นิคฺคเหตพฺโพ. สมฺมุติ ปน โกจิ สภาโว นตฺถิ. เตเนวสฺส เอกตฺตนานตฺตปฺหสฺส ปนียตํ วทนฺโต น นิคฺคเหตพฺโพติ สกวาทินา ปฏิกฺเขโป กโตติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต.
สุทฺธิกสํสนฺทนวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โอปมฺมสํสนฺทนวณฺณนา
๒๘-๓๖. อุปลทฺธิสามฺเน อฺตฺตปุจฺฉา จาติ อิทฺจ ทฺวินฺนํ สมานตา โน อฺตฺตสฺส การณํ ยุตฺตํ, อถ โข วิสุํ อตฺตโน สภาเวน สจฺจิกฏฺปรมตฺเถน อุปลพฺภนียตาติ ¶ วิจาเรตพฺพํ. ‘‘เอกวีสาธิกานี’’ติ ปุริมปาโ, วีสาธิกานีติ ปน ปิตพฺพํ.
๓๗-๔๕. ‘‘อตฺถิ ปุคฺคโล’’ติ สุตฺตํ อนุชานาเปนฺเตน อุปลทฺธิ อนุชานิตา โหตีติ มฺมาโน อาห ‘‘อุปลทฺธิสามฺํ อาโรเปตฺวา’’ติ. วีสาธิกานิ นว ปฏิกมฺมปฺจกสตานิ ทสฺสิตานีติ เอเตน สุทฺธิกสํสนฺทเนปิ ‘‘อาชานาหิ ปฏิกมฺม’’มิจฺเจว ปาโติ วิฺายติ. ยฺจ วาทมุเขสุ สุทฺธิกสจฺจิกฏฺเ ‘‘ปฏิกมฺมจตุกฺก’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ ‘‘ปฏิกมฺมปฺจก’’นฺติ.
โอปมฺมสํสนฺทนวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. จตุกฺกนยสํสนฺทนวณฺณนา
๔๖-๕๒. เอกธมฺมโตปิ ¶ อฺตฺตํ อนิจฺฉนฺโต รูปาทิเอเกกธมฺมวเสน นานุยฺุชิตพฺโพ. สมุทายโต หิ อยํ อฺตฺตํ อนิจฺฉนฺโต เอกเทสโต อนฺตฺตํ ปฏิกฺขิปนฺโต น นิคฺคหารโห สิยาติ เอตํ วจโนกาสํ นิวตฺเตตุํ ‘‘อยฺจ อนุโยโค’’ติอาทิมาห. สกลนฺติ สตฺตปฺาสวิโธ ธมฺมปฺปเภโท ปุคฺคโลติ วา ปรมตฺถสจฺจํ ปุคฺคโลติ วา เอวํ สกลํ สนฺธายาติ อตฺโถ. เอวํ สกลํ ปรมตฺถํ จินฺเตตฺวา ตนฺติวเสน อนุโยคลกฺขณสฺส ปิตตฺตา สกลปรมตฺถโต จ อฺสฺส สจฺจิกฏฺสฺส อภาวา สจฺจิกฏฺเน ปุคฺคเลน ตโต อฺเน น ภวิตพฺพนฺติ ‘‘รูปํ ปุคฺคโล’’ติ อิมํ ปฺหํ ปฏิกฺขิปนฺตสฺส นิคฺคหาโรปนํ ยุตฺตนฺติ อตฺโถ.
สภาควินิพฺโภคโตติ รูปโต อฺสภาคตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. สพฺพธมฺมาติ รูปวชฺเช สพฺพธมฺเม วทติ. ‘‘รูปสฺมึ ปุคฺคโล’’ติ เอตฺถ นิสฺสยวินาเส วินาสาปตฺติภเยน ปฏิกฺขิปตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อุจฺเฉททิฏฺิภเยน เจวา’’ติ. ตีสุ ปน สมยวิโรเธน ปฏิกฺเขโป อธิปฺเปโต. น หิ โส สกฺกายทิฏฺึ อิจฺฉติ, อปิจ สสฺสตทิฏฺิภเยน ปฏิกฺขิปตีติ ยุตฺตํ วตฺตุํ. สกฺกายทิฏฺีสุ ¶ หิ ปฺเจว อุจฺเฉททิฏฺิโย, เสสาสสฺสตทิฏฺิโยติ. อฺตฺร รูปาติ เอตฺถ จ รูปวา ปุคฺคโลติ อยมตฺโถ สงฺคหิโตติ เวทิตพฺโพ.
จตุกฺกนยสํสนฺทนวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ สํสนฺทนกถาวณฺณนา.
๘. ลกฺขณยุตฺติวณฺณนา
๕๔. ปจฺจนีกานุโลเมติ อิทํ ยํ วกฺขติ ‘‘ฉลวเสน ปน วตฺตพฺพํ ‘อาชานาหิ ปฏิกมฺม’นฺติอาที’’ติ (กถา. อฏฺ. ๕๔), เตน ปน น สเมติ. ปจฺจนีกานุโลเม หิ ปจฺจนีเก ‘‘อาชานาหิ นิคฺคห’’นฺติ วตฺตพฺพํ, น ปน ‘‘ปฏิกมฺม’’นฺติ.
ลกฺขณยุตฺติวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วจนโสธนวณฺณนา
๕๕-๕๙. ปุคฺคโล ¶ อุปลพฺภตีติ ปททฺวยสฺส อตฺถโต เอกตฺเตติ เอตฺถ ตเทว เอกตฺตํ ปเรน สมฺปฏิจฺฉิตํ อสมฺปฏิจฺฉิตนฺติ วิจาเรตพฺพเมตํ. ปุคฺคลสฺส หิ อวิภชิตพฺพตํ, อุปลพฺภตีติ เอตสฺส วิภชิตพฺพตํ วทนฺโต วิภชิตพฺพาวิภชิตพฺพตฺถานํ อุปลพฺภติปุคฺคล-สทฺทานํ กถํ อตฺถโต เอกตฺตํ สมฺปฏิจฺเฉยฺยาติ? ยถา จ วิภชิตพฺพาวิภชิตพฺพตฺถานํ อุปลพฺภติ-รูป-สทฺทานํ ตํ วิภาคํ วทโต รูปํ กิฺจิ อุปลพฺภติ, กิฺจิ น อุปลพฺภตีติ อยํ ปสงฺโค นาปชฺชติ, เอวํ เอตสฺสปิ ยถาวุตฺตวิภาคํ วทโต ยถาอาปาทิเตน ปสงฺเคน น ภวิตพฺพนฺติ มคฺคิตพฺโพ เอตฺถ อธิปฺปาโย.
๖๐. ‘‘สฺุโต ¶ โลกํ อเวกฺขสฺสู’’ติ (สุ. นิ. ๑๑๒๕) เอเตน อตฺถโต ปุคฺคโล นตฺถีติ วุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘นตฺถีติปิ วุตฺต’’นฺติ.
วจนโสธนวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปฺตฺตานุโยควณฺณนา
๖๑-๖๖. รูปกายาวิรหํ สนฺธาย ‘‘รูปกายสพฺภาวโต’’ติ อาห. ‘‘รูปิโน วา อรูปิโน วา’’ติ (อิติวุ. ๙๐) สุตฺเต อาคตปฺตฺตึ สนฺธาย ‘‘ตถารูปาย จ ปฺตฺติยา อตฺถิตายา’’ติ. วีตราคสพฺภาวโตติ กามีภาวสฺส อเนกนฺติกตฺตา กามธาตุยา อายตฺตตฺตาภาวโต จ ‘‘กามี’’ติ น วตฺตพฺโพติ ปฏิกฺขิปตีติ อธิปฺปาโย.
๖๗. กายานุปสฺสนายาติ การณวจนเมตํ, กายานุปสฺสนาย การณภูตาย เอวํลทฺธิกตฺตาติ อตฺโถ. อาหจฺจ ภาสิตนฺติ ‘‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ อพฺยากตเมตํ มยา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๒๘) อาหจฺจ ภาสิตํ.
ปฺตฺตานุโยควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. คติอนุโยควณฺณนา
๖๙-๗๒. ‘‘ทสฺเสนฺโต ¶ ‘เตน หิ ปุคฺคโล สนฺธาวตี’ติอาทิมาหา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ทสฺเสนฺโต ‘น วตฺตพฺพํ ปุคฺคโล สนฺธาวตี’ติอาทิมาหา’’ติ ปน ภวิตพฺพํ, ทสฺเสตฺวาติ วา วตฺตพฺพํ.
๙๑. เยน รูปสงฺขาเตน สรีเรน สทฺธึ คจฺฉตีติ เอตฺถ ‘‘รูเปน สทฺธึ คจฺฉตี’’ติ วทนฺเตน ‘‘รูปํ ปุคฺคโล’’ติ อนนฺุาตตฺตา เยนากาเรน ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ อิทํ อาปชฺชติ ¶ , โส วตฺตพฺโพ. อสฺูปปตฺตึ สนฺธายาติ นิรยูปคสฺส ปุคฺคลสฺส อสฺูปคสฺส อรูปูปคสฺส จ อนฺตราภวํ น อิจฺฉตีติ จุติโต อนนฺตรํ อุปปตฺตึ สนฺธายาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เย ปน จุติกาเล อุปปตฺติกาเล จ อสฺูปปตฺติกาเล จ อสฺสตฺเตสุ สฺา อตฺถีติ คเหตฺวา อสฺูปคสฺส จ อนฺตราภวํ อิจฺเฉยฺยุํ, เตสํ อนฺตราภวภาวโต ‘‘อสฺูปปตฺติ อเวทนา’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ.
๙๒. อเวทโนติอาทีสุ ตทฺนฺติ สฺภวโต อฺํ อสฺาเนวสฺานาสฺายตนุปปตฺตึ. เนวสฺานาสฺายตเนปิ หิ น วตฺตพฺพํ สฺา อตฺถีติ อิจฺฉนฺติ.
๙๓. ยสฺมา รูปาทิธมฺเม วินา ปุคฺคโล นตฺถีติ อินฺธนุปาทาโน อคฺคิ วิย อินฺธเนน รูปาทิอุปาทาโน ปุคฺคโล รูปาทินา วินา นตฺถีติ ลทฺธิวเสน วทติ.
คติอนุโยควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. อุปาทาปฺตฺตานุโยควณฺณนา
๙๗. นีลํ รูปํ อุปาทาย นีโลติอาทีสูติ ‘‘นีลํ รูปํ อุปาทาย นีลกสฺส ปุคฺคลสฺส ปฺตฺตี’’ติ เอตฺถ โย ปุฏฺโ นีลํ อุปาทาย นีโลติ, ตทาทีสูติ อตฺโถ.
๙๘. เฉกฏฺํ สนฺธายาติ เฉกฏฺํ สนฺธาย วุตฺตํ, น กุสลปฺตฺตึ. ‘‘กุสลํ เวทนํ อุปาทายา’’ติ มฺมาโน ปฏิชานาตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๑๑๒. อิทานิ ¶ …เป… ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา รุกฺข’’นฺติอาทิมาหาติ ปุพฺพปกฺขํ ทสฺเสตฺวา อุตฺตรมาหาติ วุตฺตํ โหติ.
๑๑๕. ‘‘ยสฺส ¶ รูปํ โส รูปวา’’ติ อุตฺตรปกฺเข วุตฺตํ วจนํ อุทฺธริตฺวา ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาห.
๑๑๖. จิตฺตานุปสฺสนาวเสนาติ จิตฺตานุปสฺสนาวเสน ปริทีปิตสฺส สราคาทิจิตฺตโยคสฺส วเสนาติ อธิปฺปาโย.
๑๑๘. เยนาติ จกฺขุนฺติ ‘‘เยนา’’ติ วุตฺตํ กรณํ จกฺขุนฺติ อตฺโถ. จกฺขุเมว รูปํ ปสฺสตีติ วิฺาณนิสฺสยภาวูปคมนเมว จกฺขุสฺส ทสฺสนํ นาม โหตีติ สนฺธาย วทติ.
อุปาทาปฺตฺตานุโยควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. ปุริสการานุโยควณฺณนา
๑๒๓. กรณมตฺตนฺติ กมฺมานํ นิปฺผาทกปฺปโยชกภาเวน ปวตฺตา ขนฺธา.
๑๒๔. ปุริมกมฺเมน วินา ปุคฺคลสฺส ชาติ, ชาตสฺส จ วิชฺชฏฺานาทีสุ สมฺมา มิจฺฉา วา ปวตฺติ นตฺถีติ สนฺธาย ‘‘ปุริมกมฺมเมว ตสฺสา’’ติอาทิมาห.
๑๒๕. กมฺมวฏฺฏสฺสาติ เอตฺถ กมฺมการกสฺส โย การโก, เตนปิ อฺํ กมฺมํ กาตพฺพํ, ตสฺส การเกนปิ อฺนฺติ เอวํ กมฺมวฏฺฏสฺส อนุปจฺเฉทํ วทนฺติ. ปุคฺคลสฺส การโก กมฺมสฺส การโก อาปชฺชตีติ วิจาเรตพฺพเมตํ. มาตาปิตูหิ ชนิตตาทินา ตสฺส การกํ อิจฺฉนฺตสฺส กมฺมการกานํ การกปรมฺปรา อาปชฺชตีติ อิทฺจ วิจาเรตพฺพํ.
๑๗๐. สุตฺตวิโรธภเยนาติ ‘‘โส กโรติ โส ปฏิสํเวทยตีติ โข, พฺราหฺมณ, อยเมโก อนฺโต’’ติอาทีหิ (สํ. นิ. ๒.๔๖) วิโรธภยา.
๑๗๑. ‘‘อิธ ¶ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทตี’’ติ (ธ. ป. ๑๘) วจนโต กมฺมกรณกาเล วิปากปฏิสํเวทนกาเล จ โสเยวาติ ปฏิชานาตีติ อธิปฺปาโย. สยํกตํ ¶ สุขทุกฺขนฺติ จ ปุฏฺโ ‘‘กึ นุ โข, โภ โคตม, สยํกตํ สุขํ ทุกฺขนฺติ? มา เหวํ กสฺสปา’’ติอาทิสุตฺตวิโรธา (สํ. นิ. ๒.๑๘) ปฏิกฺขิปติ.
๑๗๖. ลทฺธิมตฺตเมเวตนฺติ โสเยเวโก เนว โส โหติ น อฺโติ อิทํ ปน นตฺเถว, ตสฺมา เอวํวาทิโน อสยํการนฺติอาทิ อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย. อปิจาติอาทินา อิทํ ทสฺเสติ – น ปรสฺส อิจฺฉาวเสเนว ‘‘โส กโรตี’’ติอาทิ อนุโยโค วุตฺโต, อถ โข ‘‘โส กโรตี’’ติอาทีสุ เอกํ อนิจฺฉนฺตสฺส อิตรํ, ตฺจ อนิจฺฉนฺตสฺส อฺํ อาปนฺนนฺติ เอวํ การกเวทกิจฺฉาย ตฺวา ‘‘โส กโรตี’’ติอาทีสุ ตํ ตํ อนิจฺฉาย อาปนฺนวเสนาปีติ. อถ วา น เกวลํ ‘‘โส กโรตี’’ติอาทีนํ สพฺเพสํ อาปนฺนตฺตา, อถ โข เอเกกสฺเสว จ อาปนฺนตฺตา อยํ อนุโยโค กโตติ ทสฺเสติ. ปุริมนเยเนวาติ เอเตน ‘‘อิธ นนฺทตี’’ติอาทิ สพฺพํ ปฏิชานนาทิการณํ เอกโต โยเชตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
ปุริสการานุโยควณฺณนา นิฏฺิตา.
กลฺยาณวคฺโค นิฏฺิโต.
๑๔. อภิฺานุโยควณฺณนา
๑๙๓. อภิฺานุโยคาทิวเสน อรหตฺตสาธนาติ เอตฺถ ‘‘นนุ อตฺถิ โกจิ อิทฺธึ วิกุพฺพตี’’ติ อภิฺาอนุโยโค จ ‘‘หฺจิ อตฺถิ โกจิ อิทฺธึ วิกุพฺพตี’’ติ ปนา จ ‘‘เตน วต เร’’ติอาทิ ปาปนา จ อาทิสทฺทสงฺคหิโต อตฺโถว ทฏฺพฺโพ. อาสวกฺขยาณํ ปเนตฺถ อภิฺา วุตฺตาติ ตทภิฺาวโต อรหโต สาธนํ ‘‘อรหตฺตสาธนา’’ติ อาห. อรหโต หิ สาธนา ตพฺภาวสฺส จ สาธนา โหติเยวาติ.
อภิฺานุโยควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๕-๑๘. าตกานุโยคาทิวณฺณนา
๒๐๙. ตถารูปสฺสาติ ¶ ¶ ตติยโกฏิภูตสฺส สจฺจิกฏฺสฺส อภาวาติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน ปฏิกฺขิปนฺโต อสจฺจิกฏฺํ ตติยโกฏิภูตํ ปุคฺคลํ วเทยฺยาติ ตาทิสํ ปุคฺคลํ อิจฺฉนฺโต หิ สุตฺเตน นิคฺคเหตพฺโพ สิยา. กสฺมา? ตถารูปสฺส สจฺจิกฏฺสฺส อภาวโตติ, ตถารูปสฺส กสฺสจิ สภาวสฺส อภาวโต ปฏิกฺเขปารหตฺตา อตฺตโน ลทฺธึ นิคูหิตฺวา ปฏิกฺเขโป ปรวาทิสฺสาติ อยมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
าตกานุโยคาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๙. ปฏิเวธานุโยคาทิวณฺณนา
๒๑๘. ปริคฺคหิตเวทโนติ วจเนน อปริคฺคหิตเวทนสฺส ‘‘สุขิโตสฺมิ, ทุกฺขิโตสฺมี’’ติ ชานนํ ปชานนํ นาม น โหตีติ ทสฺเสติ โยคาวจรสฺส สุขุมานมฺปิ เวทนานํ ปริจฺเฉทนสมตฺถตฺจ.
๒๒๘. ลกฺขณวจนนฺติ รูปพฺภนฺตรคมนํ สหรูปภาโว, พหิทฺธา นิกฺขมนํ วินารูปภาโวติ อธิปฺปาโย.
๒๓๗. อิมา โขติ โอฬาริโก อตฺตปฏิลาโภ มโนมโย อตฺตปฏิลาโภ อรูโป อตฺตปฏิลาโภติ อิมา โลกสฺส สมฺา, ยาหิ ตถาคโต โวหรติ อปรามสํ, โย สจฺโจ โมโฆ วา สิยา, ตสฺมึ อนุปลพฺภมาเนปิ อตฺตนิ ตทนุปลพฺภโตเยว ปรามาสํ อตฺตทิฏฺึ อนุปฺปาเทนฺโต โลเก อตฺตปฏิลาโภติ ปวตฺตโวหารวเสเนว โวหรตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปจฺจตฺตสามฺลกฺขณวเสน ปุคฺคลสฺส อตฺถิตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา โลกโวหาเรน อตฺถิตํ วทนฺเตน ปุคฺคโลติ โกจิ สภาโว นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. สติ หิ ตสฺมึ อตฺตโน สภาเวเนว อตฺถิตา วตฺตพฺพา สิยา, น โลกโวหาเรนาติ. อิมินา ปน ยถา สเมติ, ยถา จ ¶ ปรามาโส น โหติ, เอวํ อิโต ปุริมา จ อตฺถวณฺณนา โยเชตพฺพา.
โลกสมฺมุติการณนฺติ ¶ ยสฺมา โลกสมฺมุติวเสน ปวตฺตํ, ตสฺมา สจฺจนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตถลกฺขณนฺติ ตถการณํ. ยสฺมา ธมฺมานํ ตถตาย ปวตฺตํ, ตสฺมา สจฺจนฺติ ทสฺเสติ.
ปฏิเวธานุโยคาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุคฺคลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปริหานิกถา
๑. วาทยุตฺติปริหานิกถาวณฺณนา
๒๓๙. ‘‘ทฺเวเม ¶ ¶ , ภิกฺขเว, ธมฺมา เสกฺขสฺส ภิกฺขุโน ปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๘๕) อิทํ สุตฺตํ อรหโต ปริหานิลทฺธิยา น นิสฺสโย, อถ โข อนาคามิอาทีนํ ปริหานิลทฺธิยา, ตสฺมา อรหโตปิ ปริหานึ อิจฺฉนฺตีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน อนาคามิสฺสปิ สกทาคามิสฺสปีติ โยเชตพฺพํ.
‘‘ตติยสฺมิมฺปิ มุทินฺทฺริยาว อธิปฺเปตา. เตสฺหิ สพฺเพสมฺปิ ปริหานิ น โหตีติ ตสฺส ลทฺธี’’ติ ปุริมปาโ, มุทินฺทฺริเยสฺเวว ปน อธิปฺเปเตสุ ปริกฺเขโป น กาตพฺโพ สิยา, กโต จ, ตสฺมา ‘‘ตติยสฺมิมฺปิ ติกฺขินฺทฺริยาว อธิปฺเปตา. เตสฺหิ สพฺเพสมฺปิ ปริหานิ น โหตีติ ตสฺส ลทฺธี’’ติ ปนฺติ.
อโยนิโส อตฺถํ คเหตฺวาติ โสตาปนฺโนเยว นิยโตติ วุตฺโตติ โสเยว น ปริหายติ, น อิตเรติ อตฺถํ คเหตฺวา. ‘‘อุปริมคฺคตฺถายา’’ติ วุตฺตํ อตฺถํ อคฺคเหตฺวา นิยโตติ โสตาปตฺติผลา น ปริหายตีติ เอตมตฺถํ คณฺหีติ ปน วทนฺติ.
วาทยุตฺติปริหานิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อริยปุคฺคลสํสนฺทนปริหานิวณฺณนา
๒๔๑. ยํ ¶ ปเนตฺถาติอาทิมฺหิ ทสฺสนมคฺคผเล ิตสฺส อนนฺตรํ อรหตฺตปฺปตฺตึ, ตโต ปริหายิตฺวา ตตฺถ จ านํ อิจฺฉนฺโต ปุน วายาเมน ตทนนฺตรํ อรหตฺตปฺปตฺตึ น อิจฺฉตีติ วิจาเรตพฺพเมตํ.
๒๖๒. อวสิปฺปตฺโต ฌานลาภีติ เสกฺโข วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ปุถุชฺชโน ปน วสิปฺปตฺโต อวสิปฺปตฺโต จ สมยวิมุตฺตอสมยวิมุตฺตตนฺติยา อคฺคหิโต, ภชาปิยมาโน ปน สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตานํ กิเลสานํ วเสน สมยวิมุตฺตภาวํ ภเชยฺยาติ วุตฺโตติ.
อริยปุคฺคลสํสนฺทนปริหานิวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สุตฺตสาธนปริหานิวณฺณนา
๒๖๕. อุตฺตมหีนเภโท ¶ ‘‘ตตฺร ยายํ ปฏิปทา สุขา ขิปฺปาภิฺา, สา อุภเยเนว ปณีตา อกฺขายตี’’ติอาทิสุตฺตวเสน (ที. นิ. ๓.๑๕๒) วุตฺโต. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติ เอตฺถ วิย มุตสทฺโท ปตฺตพฺพํ วทตีติ อาห ‘‘ผุสนารห’’นฺติ.
๒๖๗. อปฺปตฺตปริหานาย เจว สํวตฺตนฺติ ยถากตสนฺนิฏฺานสฺส สมยวิมุตฺตสฺสาติ อธิปฺปาโย.
สุตฺตสาธนปริหานิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปริหานิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. พฺรหฺมจริยกถา
๑. สุทฺธพฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา
๒๖๙. ‘‘ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทเว ¶ ¶ อุปาทาย ตทุปรี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑) ปน สุตฺตสฺส วจเนน เหฏฺาปิ มคฺคภาวนมฺปิ น อิจฺฉนฺตีติ วิฺายติ.
๒๗๐. ‘‘คิหีนฺเจว เอกจฺจานฺจ เทวานํ มคฺคปฏิลาภํ สนฺธาย ปฏิกฺเขโป ตสฺเสวา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ยตฺถ นตฺถี’’ติ ปน โอกาสวเสน ปุฏฺโ ปุคฺคลวเสน ตสฺส ปฏิกฺเขโป น ยุตฺโต. ยทิ จ ตสฺสายํ อธิปฺปาโย, สกวาทินา สมานาธิปฺปายตฺตา น นิคฺคเหตพฺโพ.
๒๗๑. เอกนฺตริกปฺหาติ ปรวาทีสกวาทีนํ อฺมฺํ ปฺหนฺตริกา ปฺหา.
สุทฺธพฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สํสนฺทนพฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา
๒๗๓. รูปาวจรมคฺเคน หิ โส อิธวิหายนิฏฺโ นาม ชาโตติ อิทํ ‘‘อิธ ภาวิตมคฺโค หิ อนาคามี อิธวิหายนิฏฺโ นาม โหตี’’ติอาทิเกน ลทฺธิกิตฺตเนน กถํ สเมตีติ วิจาเรตพฺพํ. ปุพฺเพ ปน อนาคามี เอว อนาคามีติ วุตฺโต, อิธ ฌานานาคามิโสตาปนฺนาทิโกติ ¶ อธิปฺปาโย. อิธ อรหตฺตมคฺคํ ภาเวตฺวา อิเธว ผลํ สจฺฉิกโรนฺตํ ‘‘อิธปรินิพฺพายี’’ติ วทติ, อิธ ปน มคฺคํ ภาเวตฺวา ตตฺถ ผลํ สจฺฉิกโรนฺตํ ‘‘ตตฺถปรินิพฺพายี อรหา’’ติ.
สํสนฺทนพฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พฺรหฺมจริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. โอธิโสกถาวณฺณนา
๒๗๔. โอธิโส ¶ โอธิโสติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกเทเสน เอกเทเสนา’’ติ อาห.
โอธิโสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ชหติกถาวณฺณนา
๑. นสุตฺตาหรณกถาวณฺณนา
๒๘๐. กิจฺจสพฺภาวนฺติ ตีหิ ปหาตพฺพสฺส ปหีนตํ. ตํ ปน กิจฺจํ ยทิ เตเนว มคฺเคน สิชฺฌตีติ ลทฺธิ, ปุถุชฺชนกาเล เอว กามราคพฺยาปาทา ปหีนาติ ลทฺธีติ เอตํ น สเมติ, ตสฺมา ปุถุชฺชนกาเล ปหีนานมฺปิ ทสฺสนมคฺเค อุปฺปนฺเน ปุน กทาจิ อนุปฺปตฺติโต ติณฺณํ มคฺคานํ กิจฺจํ สมฺภวตีติ อธิปฺปาโย.
นสุตฺตาหรณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชหติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สพฺพมตฺถีติกถา
๑. วาทยุตฺติวณฺณนา
๒๘๒. สพฺพสฺมึ ¶ สรีเร สพฺพนฺติ สิรสิ ปาทา ปจฺฉโต จกฺขูนีติ เอวํ สพฺพํ สพฺพตฺถ อตฺถีติ อตฺโถ. สพฺพสฺมึ กาเลติ พาลกาเล ยุวตา, วุฑฺฒกาเล พาลตา, เอวํ สพฺพสฺมึ กาเล สพฺพํ. สพฺเพนากาเรนาติ นีลากาเรน ปีตํ, ปีตากาเรน โลหิตนฺติ เอวํ. สพฺเพสุ ธมฺเมสูติ จกฺขุสฺมึ โสตํ, โสตสฺมึ ฆานนฺติ เอวํ. อยุตฺตนฺติ โยครหิตํ วทติ, ตํ ปน เอกสภาวํ. กถํ ปน เอกสภาวสฺส โยครหิตตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นานาสภาวานฺหี’’ติอาทิมาห. ทฺวินฺนฺหิ นานาสภาวานํ องฺคุลีนํ เมณฺฑกานํ วา อฺมฺโยโค โหติ, น เอกสฺเสว สโต, ตสฺมา โย นานาสภาเวสุ โหติ โยโค, เตน รหิตํ เอกสภาวํ อโยคนฺติ วุตฺตํ. อิทํ ปุจฺฉตีติ ปรวาทีทิฏฺิยา ¶ มิจฺฉาทิฏฺิภาวํ คเหตฺวา อุปฺปนฺนาย อตฺตโน ทิฏฺิยา สมฺมาทิฏฺิภาโว อตฺถีติ วุตฺตํ โหติ.
วาทยุตฺติวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. กาลสํสนฺทนวณฺณนา
๒๘๕. อตีตานาคตํ ปหาย ปจฺจุปฺปนฺนรูปเมว อปฺปิยํ อวิภชิตพฺพํ กริตฺวาติ ปจฺจุปฺปนฺนสทฺเทน รูปสทฺเทน จาติ อุโภหิปิ ปจฺจุปฺปนฺนรูปเมว วตฺตพฺพํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปฺตฺติยา อวิคตตฺตาติ เอเตน อิทํ วิฺายติ ‘‘น รูปปฺตฺติ วิย วตฺถปฺตฺติ สภาวปริจฺฉินฺเน ปวตฺตา วิชฺชมานปฺตฺติ, อถ โข ปุพฺพาปริยวเสน ปวตฺตมานํ รูปสมูหํ อุปาทาย ปวตฺตา อวิชฺชมานปฺตฺติ, ตสฺมา วตฺถภาวสฺส โอทาตภาววิคเม วิคมาวตฺตพฺพตา ยุตฺตา, น ปน รูปภาวสฺส ปจฺจุปฺปนฺนภาววิคเม’’ติ.
กาลสํสนฺทนวณฺณนา นิฏฺิตา.
วจนโสธนวณฺณนา
๒๘๘. อนาคตํ ¶ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา หุตฺวา โหตีติ วุตฺตนฺติ เอตฺถ อนาคตํ อนาคตํ หุตฺวา ปุน ปจฺจุปฺปนฺนํ โหนฺตํ หุตฺวา โหตีติ, ตถา ปจฺจุปฺปนฺนํ ปจฺจุปฺปนฺนํ โหนฺตํ ปุพฺเพ อนาคตํ หุตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนํ โหตีติ หุตฺวา โหตีติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กึ เต ตมฺปิ หุตฺวา โหตีติ ตพฺภาวาวิคมโต หุตฺวาโหติภาวานุปรมํ อนุปจฺเฉทํ ปุจฺฉตีติ อธิปฺปาโย ยุตฺโต. หุตฺวา ภูตสฺส ปุน หุตฺวา อภาวโตติ อนาคตํ หุตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนภูตสฺส ปุน อนาคตํ หุตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนาภาวโต.
ยสฺมา ตนฺติ ตํ หุตฺวา ภูตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ยสฺมา อนาคตํ หุตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนํ โหนฺตํ ‘‘หุตฺวา โหตี’’ติ สงฺขฺยํ คตํ, ตสฺมา ทุติยมฺปิ ‘‘หุตฺวา โหตี’’ติ วจนํ อรหตีติ ปฏิชานาตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน ธมฺเม หุตฺวาโหติภาวานุปรมํ วทนฺตสฺส อธมฺเม สสวิสาเณ นหุตฺวาน โหติภาวานุปรโม อาปชฺชตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘อถ น’’นฺติอาทิมาห.
ปฏิกฺขิตฺตนเยนาติ ¶ กาลนานตฺเตน. ปฏิฺาตนเยนาติ อตฺถานานตฺเตน. อตฺถานานตฺตํ อิจฺฉนฺโตปิ ปน อนาคตสฺส ปจฺจุปฺปนฺเน วุตฺตํ โหติภาวํ, ปจฺจุปฺปนฺนสฺส จ อนาคเต วุตฺตํ หุตฺวาภาวํ กถํ ปฏิชานาตีติ วิจาเรตพฺพํ. อตฺถานานตฺตเมว หิ เตน อนฺุายติ, น อนาคเต ปจฺจุปฺปนฺนภาโว, ปจฺจุปฺปนฺเน วา อนาคตภาโวติ. ปุริมํ ปฏิกฺขิตฺตปฺหํ ปริวตฺติตฺวาติ อนฺุาตปฺหสฺส หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตีติ โทโส วุตฺโตติ อวุตฺตโทสํ อติกฺกมฺม ปฏิกฺขิตฺตปฺหํ ปุน คเหตฺวา เตน โจเทตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อตฺถานานตฺเตน หุตฺวาโหตีติ อนุชานนฺตสฺส โทโส กาลนานตฺตาเยว อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ ปฏิกฺเขเปน กถํ โหตีติ? ตสฺเสว อนุชานนปฏิกฺเขปโตติ อธิปฺปาโย.
เอเกกนฺติ อนาคตมฺปิ น หุตฺวา น โหติ ปจฺจุปฺปนฺนมฺปีติ ตทุภยํ คเหตฺวา ‘‘เอเกกํ น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตี’’ติ วุตฺตํ, น เอเกกเมว น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตีติ. เอส นโย ปุริมสฺมึ ‘‘เอเกกํ หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตี’’ติ วจเนปิ. อนาคตสฺส หิ ‘‘หุตฺวา โหตี’’ติ นามํ ปจฺจุปฺปนฺนสฺส จาติ ทฺเวปิ นามานิ สงฺคเหตฺวา ‘‘หุตฺวา โหติ หุตฺวา โหตี’’ติ โจทิตํ, ตถา ‘‘น หุตฺวา น โหติ น หุตฺวา น โหตี’’ติ จาติ อธิปฺปาโย ¶ . สพฺพโต อนฺธกาเรน ปริโยนทฺโธ วิยาติ เอเตน อปริโยนทฺเธน ปฏิชานิตพฺพํ สิยาติ ทสฺเสติ. เอตฺถ จ ปุริมนเย หุตฺวา ภูตสฺส ปุน หุตฺวาโหติภาโว โจทิโต, ทุติยนเย อนาคตาทีสุ เอเกกสฺส หุตฺวาโหตินามตาติ อยํ วิเสโส.
วจนโสธนวณฺณนา นิฏฺิตา.
อตีตาณาทิกถาวณฺณนา
๒๙๐. ปุน ปุฏฺโ…เป… อตฺถิตาย ปฏิชานาตีติ เอตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนํ าณํ เตนาติ เอเตน อนุวตฺตมานาเปกฺขนวจเนน กถํ วุจฺจตีติ วิจาเรตพฺพํ.
อตีตาณาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อรหนฺตาทิกถาวณฺณนา
๒๙๑. ยุตฺติวิโรโธ ¶ อรหโต สราคาทิภาเว ปุถุชฺชเนน อนานตฺตํ พฺรหฺมจริยวาสสฺส อผลตาติ เอวมาทิโก ทฏฺพฺโพ.
อรหนฺตาทิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปทโสธนกถาวณฺณนา
๒๙๕. เตน การเณนาติ อตีตอตฺถิสทฺทานํ เอกตฺถตฺตา อตฺถิสทฺทตฺถสฺส จ นฺวาตีตภาวโต ‘‘อตีตํ ¶ นฺวาตีตํ, นฺวาตีตฺจ อตีตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ ปน อตีตาทีนํ อตฺถิตํ วทนฺตสฺส ปรวาทิสฺเสวายํ โทโส ยถา อาปชฺชติ, น ปน ‘‘นิพฺพานํ อตฺถี’’ติ วทนฺตสฺส สกวาทิสฺส, ตถา ปฏิปาเทตพฺพํ.
ปทโสธนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สพฺพมตฺถีติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. เอกจฺจํอตฺถีติกถา
๑. อตีตาทิเอกจฺจกถาวณฺณนา
๒๙๙. ติณฺณํ ราสีนนฺติ อวิปกฺกวิปากวิปกฺกวิปากอวิปากานํ. โวหารวเสน อวิปกฺกวิปากานํ อตฺถิตํ วทนฺโต กถํ โจเทตพฺโพติ วิจาเรติ ‘‘กมฺมุปจยํ จิตฺตวิปฺปยุตฺตํ สงฺขารํ อิจฺฉนฺตี’’ติ.
เอกจฺจํอตฺถีติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สติปฏฺานกถาวณฺณนา
๓๐๑. โลกุตฺตรภาวํ ปุจฺฉนตฺถายาติ โลกิยโลกุตฺตราย สมฺมาสติยา สติปฏฺานตฺตา, โลกุตฺตรายเยว วา ปรมตฺถสติปฏฺานตฺตา ตสฺสา วเสน โลกุตฺตรภาวํ ปุจฺฉนตฺถายาติ อตฺโถ. ปเภทปุจฺฉาวเสนาติ ¶ โลกิยโลกุตฺตรสติปฏฺานสมุทายภูตสฺส สติปฏฺานสฺส ปเภทานํ ปุจฺฉาวเสน.
สติปฏฺานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เหวตฺถิกถาวณฺณนา
๓๐๔. อโยนิโส ¶ ปติฏฺาปิตตฺตาติ อวตฺตพฺพุตฺตเรน อุเปกฺขิตพฺเพน ปติฏฺาปิตตฺตาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เหวตฺถิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. ปรูปหารวณฺณนา
๓๐๗. อธิมานิกานํ สุกฺกวิสฺสฏฺิทสฺสนํ วิจาเรตพฺพํ. เต หิ สมาธิวิปสฺสนาหิ วิกฺขมฺภิตราคาว, พาหิรกานมฺปิ จ กาเมสุ วีตราคานํ สุกฺกวิสฺสฏฺิยา อภาโว วุตฺโตติ. อธิมานิกปุพฺพา ปน อธิปฺเปตา สิยุํ.
๓๐๘. วจสายตฺเถติ นิจฺฉยตฺเถ, ‘‘กึ การณา’’ติ ปน การณสฺส ปุจฺฉิตตฺตา พฺรหฺมจริยกถายํ วิย การณตฺเถติ ยุตฺตํ.
ปรูปหารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. วจีเภทกถาวณฺณนา
๓๒๖. วจีเภทกถายํ โลกุตฺตรํ ปมชฺฌานํ สมาปนฺโนติ ปมมคฺคํ สนฺธาย วทติ, ยสฺมา โส ทุกฺขนฺติ วิปสฺสติ, ตสฺมา ทุกฺขมิจฺเจว วาจํ ภาสติ, น สมุทโยติอาทีนีติ อธิปฺปาโย.
๓๒๘. เยน ¶ ¶ ตํ สทฺทํ สุณาตีติ อิทํ วจีสมุฏฺาปนกฺขเณ เอว เอตํ สทฺทํ สุณาตีติ อิจฺฉิเต อาโรปิเต วา ยุชฺชติ.
๓๓๒. โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ วจีเภทํ อิจฺฉโต ปรสฺส อภิภูสุตฺตาหรเณ อธิปฺปาโย วตฺตพฺโพ.
วจีเภทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. จิตฺตฏฺิติกถาวณฺณนา
๓๓๕. จิตฺตฏฺิติกถายํ จุลฺลาสีติ…เป… อาทิวจนวเสนาติ อารุปฺเปเยว เอวํ ยาวตายุกฏฺานํ วุตฺตํ, น อฺตฺถาติ กตฺวา ปฏิกฺขิปตีติ อธิปฺปาโย. เอเตน ปน ‘‘น ตฺเวว เตปิ ติฏฺนฺติ, ทฺวีหิ จิตฺตสโมหิตา’’ติ (มหานิ. ๑๐ โถกํ วิสทิสํ) ทุติยาปิ อฑฺฒกถา ปสฺสิตพฺพา. ปุริมาย จ วสฺสสตาทิฏฺานานฺุาย อวิโรโธ วิภาเวตพฺโพ. มุหุตฺตํ มุหุตฺตนฺติ ปฺโห สกวาทินา ปุจฺฉิโต วิย วุตฺโต, ปรวาทินา ปน ปุจฺฉิโตติ ทฏฺพฺโพ.
จิตฺตฏฺิติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อนุปุพฺพาภิสมยกถาวณฺณนา
๓๓๙. อนุปุพฺพาภิสมยกถายํ อถวาติอาทินา อิทํ ทสฺเสติ – จตุนฺนํ าณานํ เอกมคฺคภาวโต น เอกมคฺคสฺส พหุภาวาปตฺติ, อนุปุพฺเพน จ โสตาปตฺติมคฺคํ ภาเวตีติ อุปปนฺนนฺติ ปฏิชานาตีติ.
๓๔๔. ตทาติ ทสฺสเน ปรินิฏฺิเต.
๓๔๕. อฏฺหิ ¶ าเณหีติ เอตฺถ ปฏิสมฺภิทาาเณหิ สห อฏฺสุ คหิเตสุ นิรุตฺติปฏิภานปฏิสมฺภิทาหิ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยา กถํ โหตีติ วิจาเรตพฺพํ.
อนุปุพฺพาภิสมยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. โวหารกถาวณฺณนา
๓๔๗. โวหารกถายํ ¶ อุทาหุ โสตาทีนิปีติ เอกนฺตโลกิเยสุ วิสยวิสยีสุ วิสยสฺเสว โลกุตฺตรภาโว, น วิสยีนนฺติ นตฺเถตฺถ การณํ. ยถา จ วิสยีนํ โลกุตฺตรภาโว อสิทฺโธ, ตถา วิสยสฺส สทฺทายตนสฺส. ตตฺถ ยถา อสิทฺธโลกุตฺตรภาวสฺส ตสฺส โลกุตฺตรตา, เอวํ โสตาทีนํ อาปนฺนาติ กินฺติ ตานิปิ โลกุตฺตรานีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ยทิ โลกุตฺตเร ปฏิหฺเยฺย, โลกุตฺตโร สิยาติ อตฺโถ น คเหตพฺโพ. น หิ โลกุตฺตเร ปฏิหฺตีติ ปริกปฺปิเตปิ สทฺทสฺส โลกุตฺตรภาโว อตฺถีติ อธิปฺปาโย. ‘‘โลกิเยน าเณนา’’ติ อุทฺธฏํ, ‘‘วิฺาเณนา’’ติ ปน ปาฬิ, ตฺจ วิฺาณํ โสตสมฺพนฺเธน โสตวิฺาณนฺติ วิฺายตีติ. อเนกนฺตตาติ โลกิเยน าเณน ชานิตพฺพโต โลกิโยติ เอตสฺส เหตุสฺส โลกิเย โลกุตฺตเร จ สมฺภวโต อเนกนฺตภาโว สิยาติ อธิปฺปาโย.
โวหารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. นิโรธกถาวณฺณนา
๓๕๓. ทฺเว ทุกฺขสจฺจานิ น อิจฺฉตีติ เยสํ ทฺวินฺนํ ทฺวีหิ นิโรเธหิ ภวิตพฺพํ, ตานิ ทฺเว ทุกฺขสจฺจานิ น อิจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. เย ปฏิสงฺขาย โลกุตฺตเรน าเณน อนิรุทฺธาติอาทินา ปฏิสงฺขาย วินา นิรุทฺธา อสมุทาจรณสงฺขารา อปฺปฏิสงฺขานิรุทฺธาติ ทสฺเสติ ¶ , น อุปฺปชฺชิตฺวา ภงฺคาติ. เตน อปฺปฏิสงฺขานิโรโธ จ อสมุทาจรณนิโรโธติ ทสฺสิตํ โหติ.
นิโรธกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยวคฺโค
๑. พลกถาวณฺณนา
๓๕๔. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ¶ อสาธารณนฺติ ยถา นิทฺเทสโต วิตฺถารโต สพฺพํ สพฺพาการํ านาฏฺานาทึ อชานนฺตาปิ ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺยา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๑.๒๖๘) านาฏฺานานิ อุทฺเทสโต สงฺเขปโต สาวกา ชานนฺติ, น เอวํ ‘‘อาสยํ ชานาติ อนุสยํ ชานาตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓) อุทฺเทสมตฺเตนปิ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ชานนฺตีติ ‘‘อสาธารณ’’นฺติ อาห. เถเรน ปน สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวชานนมตฺตํ สนฺธาย ‘‘สตฺตานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ ปชานามี’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๔๔) วุตฺตํ, น ยถาวุตฺตํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณํ ตถาคตพลนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ. ‘‘อุทฺเทสโต านาฏฺานาทิมตฺตชานนวเสน ปฏิชานาตี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ปน ปฏิชานนฺเตน ‘‘ตถาคตพลํ สาวกสาธารณ’’นฺติ อิทมฺปิ เอวเมว ปฏิฺาตํ สิยาติ กถมยํ โจเทตพฺโพ สิยา.
๓๕๖. เสเสสุ ปฏิกฺเขโป สกวาทิสฺส านาฏฺานาณาทีนํ สาธารณาสาธารณตฺตา ตตฺถ สาธารณปกฺขํ สนฺธายาติ อธิปฺปาโย.
พลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อริยนฺติกถาวณฺณนา
๓๕๗. สงฺขาเร ¶ สนฺธาย ปฏิชานนฺตสฺส ทฺวินฺนํ ผสฺสานํ สโมธานํ กถํ อาปชฺชติ ยถาวุตฺตนเยนาติ วิจาเรตพฺพํ. ปริกปฺปนวเสน อาโรเปตฺวา เปตพฺพตาย สตฺโต ‘‘ปณิธี’’ติ วุตฺโต. โส ปน เอกสฺมิมฺปิ อาโรเปตฺวา น เปตพฺโพติ เอกสฺมิมฺปิ อาโรเปตฺวา เปตพฺเพน เตน รหิตตา วุตฺตา.
อริยนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. วิมุจฺจมานกถาวณฺณนา
๓๖๖. ฌาเนน ¶ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา วิมุตฺตํ จิตฺตํ มคฺคกฺขเณ สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา วิมุจฺจมานํ นาม โหตีติ เอติสฺสา ลทฺธิยา โก โทโสติ วิจาเรตพฺพํ. ยทิ วิปฺปกตนิทฺเทเส โทโส, ตตฺราปิ เตน วิมุจฺจมานตาย ‘‘วิมุตฺตํ วิมุจฺจมาน’’นฺติ วุตฺตํ. สติ จ โทเส อุปฺปาทกฺขเณ วิมุตฺตํ, วยกฺขเณ วิมุจฺจมานนฺติ วิมุตฺตวิมุจฺจมานวจนสฺส น โจเทตพฺพํ สิยา, อถ โข วิมุจฺจมานวจนเมวาติ. เอกเทเสน, เอกเทเส วา วิมุจฺจมานสฺส จ วิมุตฺตกิริยาย เอกเทโส วิเสสนํ โหตีติ ‘‘ภาวนปุํสก’’นฺติ วุตฺตํ. กฏาทโยติ กฏปฏาทโย. เอเกเนว จิตฺเตนาติ เอเกเนว ผลจิตฺเตนาติ อธิปฺปาโย.
วิมุจฺจมานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อฏฺมกกถาวณฺณนา
๓๖๘. อนุโลมโคตฺรภุกฺขเณปิ อสมุทาจรนฺตา มคฺคกฺขเณปิ ปหีนา เอว นาม ภเวยฺยุนฺติ ลทฺธิ อุปฺปนฺนาติ อธิปฺปาเยน อนุโลมโคตฺรภุคฺคหณํ กโรติ.
อฏฺมกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อฏฺมกสฺส อินฺทฺริยกถาวณฺณนา
๓๗๑. อินฺทฺริยานิ ¶ ปฏิลภติ อปฺปฏิลทฺธินฺทฺริยตฺตา อนินฺทฺริยภูตานิ สทฺธาทีนิ นิยฺยานิกานิ ภาเวนฺโต อินฺทฺริยานิ ปฏิลภติ, น ปน อินฺทฺริยานิ ภาเวนฺโตติ อธิปฺปาโย.
อฏฺมกสฺส อินฺทฺริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ทิพฺพจกฺขุกถาวณฺณนา
๓๗๓. อุปตฺถทฺธนฺติ ¶ ยถา วิสยานุภาวโคจเรหิ วิสิฏฺํ โหติ, ตถา ปจฺจยภูเตน กตพลาธานนฺติ อตฺโถ. ตํมตฺตเมวาติ ปุริมํ มํสจกฺขุมตฺตเมว ธมฺมุปตฺถทฺธํ น โหตีติ อตฺโถ. อนาปาถคตนฺติ มํสจกฺขุนา คเหตพฺพฏฺานํ อาปาถํ นาคตํ. เอตฺถ จ วิสยสฺส ทีปกํ อานุภาวโคจรานเมว อสทิสตํ วทนฺโต ยาทิโส มํสจกฺขุสฺส วิสโยติ วิสยคฺคหณํ น วิสยวิเสสทสฺสนตฺถํ, อถ โข ยาทิเส วิสเย อานุภาวโคจรวิเสสา โหนฺติ, ตาทิสสฺส รูปวิสยสฺส ทสฺสนตฺถนฺติ ทีเปติ, สทิสสฺส วา วิสยสฺส อานุภาวโคจรวิเสโสว วิเสสํ.
น จ มํสจกฺขุเมว ทิพฺพจกฺขูติ อิจฺฉตีติ ธมฺมุปตฺถทฺธกาเล ปุริมํ มํสจกฺขุเมวาติ น อิจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. มํสจกฺขุสฺส อุปฺปาโท มคฺโคติ มํสจกฺขุปจฺจยตาทสฺสนตฺถเมว วุตฺตํ, น เตน อนุปาทินฺนตาสาธนตฺถํ. รูปาวจริกานนฺติ รูปาวจรชฺฌานปจฺจเยน อุปฺปนฺนานิ มหาภูตานิ รูปาวจริกานีติ โส อิจฺฉตีติ อธิปฺปาโย. เอส นโย ‘‘อรูปาวจริกาน’’นฺติ เอตฺถาปิ. อรูปาวจรกฺขเณ รูปาวจรจิตฺตสฺส อภาวา ปฏิกฺขิปตีติ ตสฺมึเยว ขเณ รูปาวจรํ หุตฺวา อรูปาวจรํ น ชาตนฺติ ปฏิกฺขิปตีติ อธิปฺปาโย.
๓๗๔. กิฺจาปิ ทิพฺพจกฺขุโน ธมฺมุปตฺถทฺธสฺส ปฺาจกฺขุภาวํ น อิจฺฉติ, เยน ตีณิ จกฺขูนิ ธมฺมุปตฺถมฺเภน จกฺขุนฺตรภาวํ วทโต ภเวยฺยุนฺติ อธิปฺปาโย.
ทิพฺพจกฺขุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ยถากมฺมูปคตาณกถาวณฺณนา
๓๗๗. ทิพฺเพน ¶ จกฺขุนา ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาตีติ ยถากมฺมูปคตาณสฺส อุปนิสฺสเย ทิพฺพจกฺขุมฺหิ กรณนิทฺเทโส กโต, น ยถากมฺมูปคตชานนกิจฺจเก. ตํกิจฺจเกเยว ปน ปโร กรณนิทฺเทสํ มฺตีติ อาห ‘‘อโยนิโส คเหตฺวา’’ติ. ยถากมฺมูปคตาณเมว ทิพฺพจกฺขุนฺติ ลทฺธีติ อิมินา วจเนน ทิพฺพจกฺขุเมว ยถากมฺมูปคตาณนฺติ เอวํ ¶ ภวิตพฺพํ. เอว-สทฺโท จ อฏฺาเน ิโต ทิพฺพจกฺขุสทฺทสฺส ปรโต โยเชตพฺโพ. ยถากมฺมูปคตาณสฺส หิ โส ทิพฺพจกฺขุโต อตฺถนฺตรภาวํ นิวาเรติ. น หิ ทิพฺพจกฺขุสฺส ยถากมฺมูปคตาณโตติ.
ยถากมฺมูปคตาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สํวรกถาวณฺณนา
๓๗๙. จาตุมหาราชิกานํ สํวราสํวรสพฺภาโว อาฏานาฏิยสุตฺเตน ปกาสิโตติ ‘‘ตาวตึเส เทเว อุปาทายา’’ติ อาห. เอวํ สติ สุคติกถายํ ‘‘ตาวตึเส สงฺคหิตานํ ปุพฺพเทวานํ สุราปานํ, สกฺกเทวานํ สุราปานนิวารณํ สุยฺยติ, ตํ เตสํ สุราปานํ อสํวโร น โหตี’’ติ วตฺตพฺพํ โหติ.
สํวรกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถวคฺโค
๑. คิหิสฺส อรหาติกถาวณฺณนา
๓๘๗. คิหิสํโยชนสมฺปยุตฺตตายาติ ¶ เอเตน คิหิฉนฺทราคสมฺปยุตฺตตาย เอว ‘‘คิหี’’ติ วุจฺจติ, น พฺยฺชนมตฺเตนาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.
คิหิสฺส อรหาติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุปปตฺติกถาวณฺณนา
๓๘๘. อโยนิโสติ โอปปาติโก โหติ, ตตฺถ ตสฺสาเยวูปปตฺติยา ปรินิพฺพายีติ อตฺถํ คเหตฺวาติ อธิปฺปาโย.
อุปปตฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สมนฺนาคตกถาวณฺณนา
๓๙๓. สมนฺนาคตกถายํ ¶ ปตฺตึ สนฺธาย ปฏิชานนฺโต จตูหิ ขนฺเธหิ วิย สมนฺนาคมํ น วทตีติ ตสฺส จตูหิ ผสฺสาทีหิ สมนฺนาคมปฺปสงฺโค ยถา โหติ, ตํ วตฺตพฺพํ.
สมนฺนาคตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อุเปกฺขาสมนฺนาคตกถาวณฺณนา
๓๙๗. อิมินาว ¶ นเยนาติ ‘‘ตตฺถ ทฺเว สมนฺนาคมา’’ติอาทิ สพฺพํ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ปตฺติธมฺโม นาม รูปาวจราทีสุ อฺตรภูมึ ปมชฺฌานาทิวเสน ปาปุณนฺตสฺส ปมชฺฌานาทีนํ ปฏิลาโภ. นิรุทฺเธสุปิ ปมชฺฌานาทีสุ อนิรุชฺฌนโต จิตฺตวิปฺปยุตฺโต สงฺขาโร, เยน สุปนฺโต สชฺฌายาทิปสุโต จ เตหิ สมนฺนาคโตติ วุจฺจตีติ วทนฺติ.
อุเปกฺขาสมนฺนาคตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โพธิยาพุทฺโธติกถาวณฺณนา
๓๙๘. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตสฺส าณทฺวยสฺส โพธิภาวโต. ตํ อคฺคเหตฺวา ปตฺติธมฺมวเสน นตฺถิตาย โพธิยา สมนฺนาคโต พุทฺโธติ เยสํ ลทฺธิ, เต สนฺธาย ปุจฺฉา จ อนุโยโค จ สกวาทิสฺสาติ โยชนา ทฏฺพฺพา.
โพธิยาพุทฺโธติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ลกฺขณกถาวณฺณนา
๔๐๒. โพธิสตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ลกฺขณสมนฺนาคเตสุ อโพธิสตฺเต ฉฑฺเฑตฺวา โพธิสตฺตเมว คเหตฺวา อิทํ สุตฺตํ วุตฺตํ, น ¶ โพธิสตฺตโต อฺโ ลกฺขณสมนฺนาคโต นตฺถีติ. นาปิ สพฺเพสํ ลกฺขณสมนฺนาคตานํ โพธิสตฺตตา, ตสฺมา อสาธกนฺติ อธิปฺปาโย.
ลกฺขณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. นิยาโมกฺกนฺติกถาวณฺณนา
๔๐๓. เปตฺวา ¶ ปารมีปูรณนฺติ ปารมีปูรเณเนว เต ‘‘โพธิยา นิยตา นรา’’ติ วุจฺจนฺตีติ ทสฺเสติ. เกวลฺหิ นนฺติอาทินา จ น นิยามกสฺส นาม กสฺสจิ อุปฺปนฺนตฺตา พฺยากโรนฺตีติ ทสฺเสติ.
นิยาโมกฺกนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สพฺพสํโยชนปฺปหานกถาวณฺณนา
๔๑๓. นิปฺปริยาเยเนวาติ อวสิฏฺสฺส ปหาตพฺพสฺส อภาวา ‘‘สพฺพสํโยชนปฺปหาน’’นฺติ อิมํ ปริยายํ อคฺคเหตฺวา อรหตฺตมคฺเคน ปชหนโต เอวาติ คณฺหาตีติ วุตฺตํ โหติ. อปฺปหีนสฺส อภาวาติ อวสิฏฺสฺส ปหาตพฺพสฺส อภาวา ปฏิชานาตีติ วทนฺติ, ตถา ‘‘อนวเสสปฺปหาน’’นฺติ เอตฺถาปิ. เอวํ สติ เตน อตฺตโน ลทฺธึ ฉฑฺเฑตฺวา สกวาทิสฺส ลทฺธิยา ปฏิฺาตนฺติ อาปชฺชติ.
สพฺพสํโยชนปฺปหานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจมวคฺโค
๑. วิมุตฺติกถาวณฺณนา
๔๑๘. ผลาณํ น โหตีติ ‘‘วิมุตฺตานี’’ติ วา ตทงฺควิมุตฺติยาทิภาวโต มคฺเคน ปหีนานํ ปุน อนุปฺปตฺติโต จ ‘‘อวิมุตฺตานี’’ติ วา ¶ น วตฺตพฺพานีติ อธิปฺปาโย. โคตฺรภุาณฺเจตฺถ วิปสฺสนาคฺคหเณน คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
วิมุตฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อเสขาณกถาวณฺณนา
๔๒๑. น ¶ ปเนตํ อเสขนฺติ เอเตน อเสขวิสยตฺตา อเสขเมว าณนฺติ ปรสฺส ลทฺธิ, น ปน อเสขสฺสาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.
อเสขาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วิปรีตกถาวณฺณนา
๔๒๔. น ปถวีเยวาติ ลกฺขณปถวีเยว, สสมฺภารปถวีเยว วา น โหตีติ อตฺโถ. อนิจฺเจ นิจฺจนฺติอาทิวิปริเยโส ปน วิปรีตาณํ นามาติ อฺาเณปิ าณโวหารํ อาโรเปตฺวา วทตีติ ทฏฺพฺพํ.
วิปรีตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. นิยามกถาวณฺณนา
๔๒๘-๔๓๑. าณํ อตฺถิ, ยํ สจฺจานุโลมํ มคฺคาณานุคติกํ ปสฺสนฺโต ภควา ‘‘ภพฺโพ’’ติ ชานาตีติ ลทฺธิ. ปมปฺหเมว จตุตฺถํ กตฺวาติ เอตฺถ ‘‘นิยตสฺส อนิยามคมนายา’’ติ วิปรีตานุโยคโต ปภุติ คเณตฺวา ‘‘จตุตฺถ’’นฺติ อาห.
นิยามกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฏิสมฺภิทากถาวณฺณนา
๔๓๒-๔๓๓. ยํกิฺจิ ¶ อริยานํ าณํ, สพฺพํ โลกุตฺตรเมวาติ คณฺหนฺเตนปิ สพฺพํ าณํ ปฏิสมฺภิทาติ น สกฺกา วตฺตุํ. อนริยานมฺปิ หิ าณํ าณเมวาติ ¶ . ตสฺส วา าณตํ น อิจฺฉตีติ วตฺตพฺพํ. ปถวีกสิณสมฺมุติยํ สมาปตฺติาณํ สนฺธายาติ อนริยสฺส เอตํ าณํ สนฺธายาติ อธิปฺปาโย สิยา.
ปฏิสมฺภิทากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สมฺมุติาณกถาวณฺณนา
๔๓๔-๔๓๕. สจฺจนฺติ วจนสามฺเน อุภยสฺสปิ สจฺจสามฺตฺตํ คเหตฺวา วทตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห.
สมฺมุติาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. จิตฺตารมฺมณกถาวณฺณนา
๔๓๖-๔๓๘. ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ มนสิกโรโตติ เอเตน ปุริมา วตฺตพฺพปฏิฺา อนุปทธมฺมมนสิการโต อฺํ สมุทายมนสิการํ สนฺธาย กตาติ ทสฺเสติ.
จิตฺตารมฺมณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อนาคตาณกถาวณฺณนา
๔๓๙-๔๔๐. สพฺพสฺมิมฺปีติ ¶ ‘‘ปาฏลิปุตฺตสฺส โข’’ติอาทินา อนาคเต าณนฺติ วุตฺตนฺติ อนาคตภาวสามฺเน อนนฺตรานาคเตปิ าณํ อิจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
อนาคตาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปฏุปฺปนฺนาณกถาวณฺณนา
๔๔๑-๔๔๒. วจนํ ¶ นิสฺสายาติ อตฺถโต อาปนฺนํ วจนํ, อนุชานนวจนํ วา นิสฺสาย. สนฺตตึ สนฺธายาติ ภงฺคานุปสฺสนานํ ภงฺคโต อนุปสฺสนาสนฺตตึ สนฺธายาติ อธิปฺปาโย.
ปฏุปฺปนฺนาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ผลาณกถาวณฺณนา
๔๔๓-๔๔๔. พุทฺธานํ วิยาติ ยถา พุทฺธา สพฺพปฺปการผลปโรปริยตฺตชานนวเสน อตฺตโน เอว จ พเลน ผลํ ชานนฺติ, เอวนฺติ วุตฺตํ โหติ.
ผลาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาปณฺณาสโก สมตฺโต.
๖. ฉฏฺวคฺโค
๑. นิยามกถาวณฺณนา
๔๔๕-๔๔๗. อนิยโต ¶ นาม น โหตีติ ยถา มิจฺฉตฺตนิยตสฺส ภวนฺตเร อนิยตํ นาม โหติ, เอวํ เอตสฺส กทาจิปิ อนิยตตา น โหตีติ โย นิยาโม, โส อสงฺขโตติ อธิปฺปาโย.
นิยามกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาวณฺณนา
๔๕๑. การณฏฺเน ิตตาติ การณภาโวเยว. เอเตน จ ธมฺมานํ การณภาโว ธมฺมฏฺิตตาติ เอตมตฺถํ ทสฺเสติ. ตถา ‘‘ธมฺมนิยามตา’’ติ เอตฺถาปิ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สจฺจกถาวณฺณนา
๔๕๒-๔๕๔. วตฺถุสจฺจนฺติ ¶ ชาติยาทิ กามตณฺหาทิ สมฺมาทิฏฺิอาทิ จ. พาธนปภวนิยฺยานิกลกฺขเณหิ ลกฺขณสจฺจํ พาธนาทิ.
สจฺจกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นิโรธสมาปตฺติกถาวณฺณนา
๔๕๗-๔๕๙. กริยมานา ¶ กรียตีติ อรูปกฺขนฺธานํ ปวตฺตมานานํ สมถวิปสฺสนานุกฺกเมน อปฺปวตฺติ สาธียตีติ อตฺโถ. สงฺขตาสงฺขตลกฺขณานํ ปน อภาเวนาติ วทนฺโต สภาวธมฺมตํ ปฏิเสเธติ. โวทานฺจ วุฏฺานปริยาโยว. อสงฺขตภาเว การณํ น โหติ สภาวธมฺมตฺตาสาธกตฺตาติ อธิปฺปาโย.
นิโรธสมาปตฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉฏฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สตฺตมวคฺโค
๑. สงฺคหิตกถาวณฺณนา
สงฺคหิตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สมฺปยุตฺตกถาวณฺณนา
๔๗๓-๔๗๔. นานตฺตววตฺถานํ นตฺถีติ วทนฺโต ‘‘ติลมฺหิ เตลํ อนุปวิฏฺ’’นฺติ วจนเมว น ยุชฺชตีติ ‘‘น เหว’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ ทสฺเสติ.
สมฺปยุตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. เจตสิกกถาวณฺณนา
๔๗๕-๔๗๗. ผสฺสาทีนํ ¶ ¶ เอกุปฺปาทตาทิวิรหิตา สหชาตตา นตฺถีติ อาห ‘‘สมฺปยุตฺตสหชาตตํ สนฺธายา’’ติ.
เจตสิกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ทานกถาวณฺณนา
๔๗๘. เทยฺยธมฺมวเสน โจเทตุนฺติ ยทิ เจตสิโกว ธมฺโม ทานํ, ‘‘ทิยฺยตีติ ทาน’’นฺติ อิมินาปิ อตฺเถน เจตสิกสฺเสว ทานภาโว อาปชฺชตีติ โจเทตุนฺติ อตฺโถ.
๔๗๙. อนิฏฺผลนฺติอาทิ อเจตสิกสฺส ธมฺมสฺส ทานภาวทีปนตฺถํ วุตฺตนฺติ ผลทานภาวทีปนตฺถํ น วุตฺตนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนิฏฺผลนฺติอาทินา อเจตสิกสฺส ธมฺมสฺส ผลทานํ วุตฺตํ วิย โหติ, น ทานภาโว, ตนฺนิวารณตฺถฺเจตมาหาติ. เอวฺจ กตฺวา อนนฺตรเมวาห ‘‘น หิ อเจตสิโก อนฺนาทิธมฺโม อายตึ วิปากํ เทตี’’ติ. อิฏฺผลภาวนิยมนตฺถนฺติ เทยฺยธมฺโม วิย เกนจิ ปริยาเยน อนิฏฺผลตา ทานสฺส นตฺถิ, เอกนฺตํ ปน อิฏฺผลเมวาติ นิยมนตฺถนฺติ อตฺโถ.
อิตเรนาติ ‘‘ทิยฺยตีติ ทาน’’นฺติ อิมินา ปริยาเยน. น ปน เอเกนตฺเถนาติ ‘‘เทยฺยธมฺโมว ทาน’’นฺติ อิมํ สกวาทีวาทํ นิวตฺเตตุํ ‘‘สทฺธา หิริย’’นฺติอาทิกํ สุตฺตสาธนํ ปรวาทีวาเท ยุชฺชติ, ‘‘อิเธกจฺโจ อนฺนํ เทตี’’ติอาทิกฺจ, ‘‘เจตสิโกว ธมฺโม ทาน’’นฺติ อิมํ นิวตฺเตตุํ ‘‘เจตสิโก ธมฺโม ทาน’’นฺติ อิมํ ปน สาเธตุํ ‘‘สทฺธา หิริย’’นฺติอาทิกํ สกวาทีวาเท ยุชฺชติ, ‘‘อิเธกจฺโจ อนฺนํ เทตี’’ติอาทิกํ วา ‘‘เทยฺยธมฺโม ทาน’’นฺติ สาเธตุนฺติ เอวํ นิวตฺตนสาธนตฺถนานตฺตํ สนฺธาย ‘‘น ปน เอเกนตฺเถนา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ยถา ปรวาทีวาเท จ สุตฺตสาธนตฺถํ ‘‘น วตฺตพฺพํ เจตสิโก ธมฺโม ทาน’’นฺติ ปุจฺฉายํ เจตสิโกวาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, ตถา ‘‘น วตฺตพฺพํ เทยฺยธมฺโม ทาน’’นฺติ ปุจฺฉาย จ เทยฺยธมฺโมวาติ ¶ . เทยฺยธมฺโม อิฏฺผโลติ อิฏฺผลาภาวมตฺตเมว ปฏิกฺขิตฺตนฺติ เอตฺถ ‘‘อิฏฺผลภาวมตฺตเมว ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ ปาเน ภวิตพฺพนฺติ ¶ . ‘‘อิฏฺผลาภาวมตฺตเมว ทิสฺวา ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ วา วตฺตพฺพํ. สงฺกรภาวโมจนตฺถนฺติ เจตสิกสฺส ทาตพฺพฏฺเน เทยฺยธมฺมสฺส จ อิฏฺผลฏฺเน ทานภาวโมจนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ.
ทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปริโภคมยปฺุกถาวณฺณนา
๔๘๓. ปริโภคมยํ นาม จิตฺตวิปฺปยุตฺตํ ปฺุํ อตฺถีติ ลทฺธิ. ตฺหิ เต สนฺธาย ปริโภคมยํ ปฺุํ ปวฑฺฒตีติ วทนฺตีติ อธิปฺปาโย.
๔๘๕. ตสฺสาปิ วเสนาติ ตสฺสาปิ ลทฺธิยา วเสน. ปฺจวิฺาณานํ วิย เอเตสมฺปิ สโมธานํ สิยาติ ปฏิชานาตีติ วทนฺติ. ปฺจวิฺาณผสฺสาทีนเมว ปน สโมธานํ สนฺธาย ปฏิชานาตีติ อธิปฺปาโย.
๔๘๖. อปริภุตฺเตปีติ อิมินา ‘‘ปฏิคฺคาหโก ปฏิคฺคเหตฺวา น ปริภฺุชติ ฉฑฺเฑตี’’ติอาทิกํ ทสฺเสติ. อปริภุตฺเต เทยฺยธมฺเม ปฺุภาวโต ปริโภคมยํ ปฺุํ ปวฑฺฒตีติ อยํ วาโท หียติ. ตสฺมิฺจ หีเน สกวาทีวาโท พลวา. จาคเจตนาย เอว หิ ปฺุภาโว เอวํ สิทฺโธ โหตีติ อธิปฺปาโย. อปริภุตฺเตปิ เทยฺยธมฺเม ปฺุภาเว จาคเจตนาย เอว ปฺุภาโวติ อาห ‘‘สกวาทีวาโทว พลวา’’ติ.
ปริโภคมยปฺุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อิโตทินฺนกถาวณฺณนา
๔๘๘-๔๙๑. เตเนว ¶ ยาเปนฺตีติ เตเนว จีวราทินา ยาเปนฺติ, เตเนว วา จีวราทิทาเนน ยาเปนฺติ, สยํกเตน กมฺมุนา วินาปีติ อธิปฺปาโย. อิมินา การเณนาติ ยทิ ยํ อิโต จีวราทิ ทินฺนํ, น เตน ยาเปยฺยุํ, กถํ อนุโมเทยฺยุํ…เป… โสมนสฺสํ ปฏิลเภยฺยุนฺติ ลทฺธึ ปติฏฺเปนฺตสฺสปีติ วุตฺตํ โหติ.
อิโตทินฺนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปถวีกมฺมวิปาโกติกถาวณฺณนา
๔๙๒. ผสฺโส ¶ สุขเวทนียาทิเภโท โหตีติ ผสฺเสน สพฺพมฺปิ กมฺมวิปากํ ทสฺเสตฺวา ปุน อตฺตวชฺเชหิ สมฺปโยคทสฺสนตฺถํ ‘‘โส จ สฺาทโย จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺถิ จ เนสนฺติ สาวชฺชเน จกฺขุวิฺาณาทิสหชาตธมฺเม สนฺธาย วุตฺตํ. โย ตตฺถ อิฏฺวิปาโก, ตสฺส ปตฺถนาติ อิฏฺวิปาเก เอว ปตฺถนํ กตฺวา กมฺมํ กโรนฺตีติ กมฺมูปนิสฺสยภูตเมว ปตฺถนํ ทสฺเสติ, ปจฺจุปฺปนฺนเวทนาปจฺจยํ วา ตณฺหํ อุปาทานาทินิพฺพตฺตนวเสน ทุกฺขสฺส ปภาวิตํ. มูลตณฺหาติ ปจฺจุปฺปนฺนวิปากวฏฺฏนิพฺพตฺตกกมฺมสฺส อุปนิสฺสยภูตํ ปุริมตณฺหํ, กมฺมสหายํ วา วิปากสฺส อุปนิสฺสยภูตํ.
๔๙๓. สกสมยวเสน จ โจทนาย ปยุชฺชมานตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตสฺจ ลทฺธิยา’’ติอาทิมาห.
๔๙๔. ปฏิลาภวเสนาติ กมฺเม สติ ปถวิยาทีนํ ปฏิลาโภ โหตีติ กมฺมํ ตํสํวตฺตนิกํ นาม โหตีติ ทสฺเสติ.
ปถวีกมฺมวิปาโกติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ชรามรณํวิปาโกติกถาวณฺณนา
๔๙๕. สมฺปโยคลกฺขณาภาวาติ ¶ ‘‘เอการมฺมณา’’ติ อิมสฺส สมฺปโยคลกฺขณสฺส อภาวาติ อธิปฺปาโย.
๔๙๖. ปริยาโย นตฺถีติ สกวาทินา อตฺตนา วตฺตพฺพตาย ปริยาโย นตฺถีติ อพฺยากตานํ ชรามรณสฺส วิปากนิวารณตฺถํ อพฺยากตวเสน ปุจฺฉา น กตาติ ทสฺเสติ.
๔๙๗. อปริสุทฺธวณฺณตา ชราเยวาติ เกจิ, ตํ อกุสลกมฺมํ กมฺมสมุฏฺานสฺสาติอาทินา รูปสฺเสว ทุพฺพณฺณตาทสฺสเนน สมเมวาติ.
ชรามรณํวิปาโกติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อริยธมฺมวิปากกถาวณฺณนา
๕๐๐. วฏฺฏนฺติ ¶ กมฺมาทิวฏฺฏํ.
อริยธมฺมวิปากกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. วิปาโกวิปากธมฺมธมฺโมติกถาวณฺณนา
๕๐๑. ตปฺปจฺจยาปีติ ยสฺส วิปากสฺส วิปาโก อฺมฺปจฺจโย โหติ ตปฺปจฺจยาปิ อฺมฺปจฺจยภูตโตปีติ อธิปฺปาโย. โส หีติอาทินา ปุริมปฏิฺาย อิมสฺส โจทนสฺส การณภาวํ ทสฺเสติ. อฺมฺปจฺจยาทีสุ ปจฺจยฏฺเนาติ อาทิ-สทฺเทน สหชาตาทิปจฺจเย สงฺคณฺหิตฺวา เตสุ เตน เตน ปจฺจยภาเวนาติ ทสฺเสติ.
วิปาโกวิปากธมฺมธมฺโมติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อฏฺมวคฺโค
๑. ฉคติกถาวณฺณนา
๕๐๓-๕๐๔. วณฺโณติ ¶ วณฺณนิภา สณฺานฺจ วุจฺจตีติ อาห ‘‘สทิสรูปสณฺานา’’ติ.
ฉคติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อนฺตราภวกถาวณฺณนา
๕๐๕. อติทูรสฺส อนฺตริตสฺส ปตฺตพฺพสฺส เทสสฺส ทสฺสนโต ทิพฺพจกฺขุโก วิย. อากาเสน ปถวนฺตรฏฺานานิ ภินฺทิตฺวา คมนโต อิทฺธิมา วิย. น สหธมฺเมนาติ ยทิ โส ภวานํ อนฺตรา น สิยา, น นาม อนฺตราภโวติ ปฏิกฺเขเป กรณํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย.
๕๐๖. ตตฺถ ¶ ชาติชรามรณานิ เจว จุติปฏิสนฺธิปรมฺปรฺจ อนิจฺฉนฺโตติ เอเตน จุติอนนฺตรํ อนฺตราภวํ ขนฺธาติ, วตฺตมานา ชาตีติ, มาตุกุจฺฉิเมว ปวิฏฺา อนฺตรธายมานา มรณนฺติ น อิจฺฉติ.
๕๐๗. ยถา กามภวาทีสุ ตตฺถ ตตฺเถว ปุนปฺปุนํ จวิตฺวา อุปปตฺติวเสน จุติปฏิสนฺธิปรมฺปรา โหติ, เอวํ ตํ ตตฺถ น อิจฺฉตีติ ทสฺเสติ.
อนฺตราภวกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. กามคุณกถาวณฺณนา
๕๑๐. กามภวสฺส ¶ กมนฏฺเน กามภวภาโว สพฺเพปิ กามาวจรา ขนฺธาทโย กามภโวติ อิมินา อธิปฺปาเยน ทฏฺพฺโพ. อุปาทินฺนกฺขนฺธานเมว ปน กามภวภาโว ธาตุกถายํ ทสฺสิโต, น กมนฏฺเน กามภวภาโว. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, กามคุณา’’ติ วจนมตฺตํ นิสฺสายาติ ปฺเจว กามโกฏฺาสา ‘‘กาโม’’ติ วุตฺตาติ กามธาตูติวจนํ น อฺสฺส นามนฺติ อิมินา อธิปฺปาเยเนวํ วจนมตฺตํ นิสฺสายาติ อตฺโถ.
กามคุณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. รูปธาตุกถาวณฺณนา
๕๑๕-๕๑๖. รูปธาตุกถายํ รูปธาตูติ วจนโต รูปีธมฺเมเหว รูปธาตุยา ภวิตพฺพนฺติ ลทฺธิ ทฏฺพฺพา. สุตฺเตสุ ‘‘ตโยเม ภวา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๐๕) ปริจฺฉินฺนภูมิโยว ภูมิปริจฺเฉโท, ‘‘เหฏฺโต อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กริตฺวา’’ติอาทิกมฺมปริจฺฉินฺทนมฺปิ (วิภ. ๑๘๒) วทนฺติ.
รูปธาตุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อรูปธาตุกถาวณฺณนา
๕๑๗-๕๑๘. อิมินาวุปาเยนาติ ¶ ยถา หิ ปุริมกถายํ รูปิโน ธมฺมา อวิเสเสน ‘‘รูปธาตู’’ติ วุตฺตา, เอวมิธาปิ อรูปิโน ธมฺมา อวิเสเสน ‘‘อรูปธาตู’’ติ วุตฺตาติ ตตฺถ วุตฺตนโย อิธาปิ สมาโนติ อธิปฺปาโย.
อรูปธาตุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. รูปธาตุยาอายตนกถาวณฺณนา
๕๑๙. ฆานนิมิตฺตานิปีติ ¶ อิทํ ฆานาทินิมิตฺตานิปีติ วตฺตพฺพํ. นิมิตฺตนฺติ ฆานาทีนํ โอกาสภาเวน อุปลกฺขิตํ ตถาวิธสณฺานํ รูปสมุทายมาห.
รูปธาตุยาอายตนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อรูเปรูปกถาวณฺณนา
๕๒๔-๕๒๖. สุขุมรูปํ อตฺถิ, ยโต นิสฺสรณํ ตํ อารุปฺปนฺติ อธิปฺปาโย.
อรูเปรูปกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. รูปํกมฺมนฺติกถาวณฺณนา
๕๒๗-๕๓๗. ปกปฺปยมานาติ อายูหมานา, สมฺปยุตฺเตสุ อธิกํ พฺยาปารํ กุรุมานาติ อตฺโถ. ปุริมวาเรติ ‘‘ยํกิฺจิ อกุสเลน จิตฺเตน สมุฏฺิตํ รูปํ, สพฺพํ ตํ อกุสล’’นฺติ อิมํ ปฺหํ วทติ.
รูปํกมฺมนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ชีวิตินฺทฺริยกถาวณฺณนา
๕๔๐. อรูปชีวิตินฺทฺริยนฺติปฺเห ¶ ‘‘อตฺถิ อรูปีนํ ธมฺมานํ อายู’’ติอาทิกํ ปฺหํ อนฺตํ ¶ คเหตฺวา วทติ. อรูปธมฺมานํ จิตฺตวิปฺปยุตฺตํ ชีวิตินฺทฺริยสนฺตานํ นาม อตฺถีติ อิจฺฉตีติ เอตฺถ รูปารูปธมฺมานํ ตํ อิจฺฉนฺโต อรูปธมฺมานํ อิจฺฉตีติ วตฺตุํ ยุตฺโตติ ‘‘อรูปธมฺมาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๕๔๑. สตฺตสนฺตาเน รูปิโน วา ธมฺมา โหนฺตูติอาทินาปิ ตเมว ชีวิตินฺทฺริยสนฺตานํ วทตีติ เวทิตพฺพํ.
๕๔๒. ปุพฺพาปรภาคํ สนฺธายาติ สมาปตฺติยา อาสนฺนภาวโต ตทาปิ สมาปนฺโนเยวาติ อธิปฺปาโย.
๕๔๔-๕๔๕. ทฺเว ชีวิตินฺทฺริยานีติ ‘‘ปุจฺฉา สกวาทิสฺส, ปฏิฺา อิตรสฺสา’’ติ ปุริมปาโ. ‘‘ปุจฺฉา ปรวาทิสฺส, ปฏิฺา สกวาทิสฺสา’’ติ ปจฺฉิมปาโ, โส ยุตฺโต.
ชีวิตินฺทฺริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. กมฺมเหตุกถาวณฺณนา
๕๔๖. เสสนฺติ ปาณาติปาตาทิกมฺมสฺส เหตูติ อิโต ปุริมํ โสตาปนฺนาทิอนุโยคํ วทติ. หนฺท หีติ ปรวาทิสฺเสเวตํ สมฺปฏิจฺฉนวจนนฺติ สมฺปฏิจฺฉาเปตุนฺติ น สกฺกา วตฺตุํ, ‘‘กตมสฺส กมฺมสฺส เหตู’’ติ ปน สกวาที ตํ สมฺปฏิจฺฉาเปตุํ วทตีติ ยุชฺเชยฺย, สมฺปฏิจฺฉาเปตุนฺติ ปน ปกฺขํ ปฏิชานาเปตุนฺติ อตฺถํ อคฺคเหตฺวา ปรวาที อตฺตโน ลทฺธึ สกวาทึ คาหาเปตุนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
กมฺมเหตุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. นวมวคฺโค
๑. อานิสํสทสฺสาวีกถาวณฺณนา
๕๔๗. วิภาคทสฺสนตฺถนฺติ ¶ ¶ วิสภาคทสฺสนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. นานาจิตฺตวเสน ปฏิชานนฺตสฺส อธิปฺปายมทฺทนํ กถํ ยุตฺตนฺติ วิจาเรตพฺพํ. อารมฺมณวเสน หิ ทสฺสนทฺวยํ สห วทนฺตสฺส ตทภาวทสฺสนตฺถํ อิทํ อารทฺธนฺติ ยุตฺตนฺติ. อนุสฺสววเสนาติอาทินา น เกวลํ อนิจฺจาทิอารมฺมณเมว าณํ วิปสฺสนา, อถ โข ‘‘อนุปฺปาโท เขม’’นฺติอาทิกํ นิพฺพาเน อานิสํสทสฺสนฺจาติ ทีเปติ.
อานิสํสทสฺสาวีกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อมตารมฺมณกถาวณฺณนา
๕๔๙. สุตฺตภเยนาติ ‘‘ปาริมํ ตีรํ เขมํ อปฺปฏิภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, นิพฺพานสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) อสํโยชนิยาทิภาวํ สนฺธาย เขมาทิภาโว วุตฺโตติ เอวมาทินา สุตฺตภเยนาติ ทฏฺพฺพํ.
อมตารมฺมณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. รูปํสารมฺมณนฺติกถาวณฺณนา
๕๕๒-๕๕๓. อารมฺมณตฺถสฺส วิภาคทสฺสนตฺถนฺติ ปจฺจยฏฺโ โอลุพฺภฏฺโติ เอวํ วิภาเค วิชฺชมาเน ¶ ปจฺจโยลุพฺภานํ วิเสสาภาวํ กปฺเปตฺวา อกปฺเปตฺวา วา สปฺปจฺจยตฺตา โอลุพฺภารมฺมเณนปิ สารมฺมณเมวาติ น คเหตพฺพนฺติ ทสฺสนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ.
รูปํสารมฺมณนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อนุสยาอนารมฺมณาติกถาวณฺณนา
๕๕๔-๕๕๖. อปฺปหีนตฺตาว ¶ อตฺถีติ วุจฺจติ, น ปน วิชฺชมานตฺตาติ อธิปฺปาโย.
อนุสยาอนารมฺมณาติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. าณํอนารมฺมณนฺติกถาวณฺณนา
๕๕๗-๘. ตสฺส าณสฺสาติ มคฺคาณสฺสาติ วทนฺติ.
าณํอนารมฺมณนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วิตกฺกานุปติตกถาวณฺณนา
๕๖๒. อวิเสเสเนวาติ อารมฺมณสมฺปโยเคหิ ทฺวีหิปีติ อตฺโถ.
วิตกฺกานุปติตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. วิตกฺกวิปฺผารสทฺทกถาวณฺณนา
๕๖๓. สพฺพโสติ ¶ สวิตกฺกจิตฺเตสุ สพฺพตฺถ สพฺพทา วาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนฺตมโส มโนธาตุปวตฺติกาเลปี’’ติ. วิตกฺกวิปฺผารมตฺตนฺติ วิตกฺกสฺส ปวตฺติมตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
วิตกฺกวิปฺผารสทฺทกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. นยถาจิตฺตสฺสวาจาติกถาวณฺณนา
๕๖๕. อนาปตฺตีติ วิสํวาทนาธิปฺปายสฺส อภาวา มุสาวาโท น โหตีติ วุตฺตํ.
นยถาจิตฺตสฺสวาจาติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. อตีตานาคตสมนฺนาคตกถาวณฺณนา
๕๖๘-๕๗๐. ตาสูติ ¶ ตาสุ ปฺตฺตีสุ. สมนฺนาคมปฺตฺติยา สมนฺนาคโตติ วุจฺจติ, ปฏิลาภปฺตฺติยา ลาภีติ วุจฺจติ. สมนฺนาคโตติ วุจฺจติ อยํ สมนฺนาคมปฺตฺติ นาม. ลาภีติ วุจฺจติ อยํ ปฏิลาภปฺตฺติ นามาติ วา อธิปฺปาโย โยเชตพฺโพ.
อตีตานาคตสมนฺนาคตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นวมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทสมวคฺโค
๑. นิโรธกถาวณฺณนา
๕๗๑-๒. ภวงฺคจิตฺตสฺส ¶ ภงฺคกฺขเณน สเหวาติอาทึ วทนฺเตน กิริยขนฺธานํ ภงฺคกฺขเณน สห อุปปตฺเตสิยา ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺตีติ จ วตฺตพฺพํ, ตถา อุปปตฺเตสิยานํ ภงฺคกฺขเณน สห อุปปตฺเตสิยา, กิริยานํ ภงฺคกฺขเณน สห กิริยาติ. จกฺขุวิฺาณาทีนํ กิริยาจตุกฺขนฺธคฺคหเณน คหณํ. าณนฺติ มคฺคาณํ ยุตฺตํ.
นิโรธกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปฺจวิฺาณสมงฺคิสฺสมคฺคกถาวณฺณนา
๕๗๖. ตํ ลกฺขณนฺติ ‘‘ฉ วิฺาณา’’ติ อวตฺวา ‘‘ปฺจวิฺาณา อุปฺปนฺนวตฺถุกา’’ติอาทินา วุตฺตํ ลกฺขณํ. ‘‘ฉ วิฺาณา’’ติ อวจนํ ปเนตฺถ ‘‘โน จ วต เร วตฺตพฺเพ’’ติอาทิวจนสฺส การณนฺติ อธิปฺเปตํ.
๕๗๗. โลกิโยติ วิปสฺสนามคฺคมาห. ยํ ตตฺถ อนิมิตฺตนฺติ จกฺขุวิฺาณสมงฺคิกฺขเณ ยํ อนิมิตฺตํ คณฺหนฺโต น นิมิตฺตคฺคาหีติ วุตฺโต, ตเทว สฺุตนฺติ อธิปฺปาโย.
ปฺจวิฺาณสมงฺคิสฺสมคฺคกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจวิฺาณาสาโภคาติกถาวณฺณนา
๕๘๔-๕๘๖. กุสลากุสลวเสน ¶ ¶ นมีติ กุสลากุสลภาเวน นมิตฺวา ปวตฺตีติ วุตฺตํ โหติ. สา ปน อารมฺมณปฺปการคฺคหณํ เยน อโลภาทีหิ โลภาทีหิ จ สมฺปโยโค โหตีติ ทฏฺพฺโพ ‘‘สุขมิติ เจตโส อภาโค’’ติอาทีสุ วิย.
ปฺจวิฺาณาสาโภคาติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ทฺวีหิสีเลหีติกถาวณฺณนา
๕๘๗-๕๘๙. ขณภงฺคนิโรธํ, น อปฺปวตฺตินิโรธํ, สีลวีติกฺกมนิโรธํ วา. วีติกฺกมํ วิยาติ ยถา วีติกฺกเม กเต ทุสฺสีโล, เอวํ นิรุทฺเธปีติ เอวํ วีติกฺกเมน นินฺนานํ สลฺลกฺเขนฺโตติ อตฺโถ.
ทฺวีหิสีเลหีติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สีลํอเจตสิกนฺติกถาวณฺณนา
๕๙๐-๕๙๔. เยน โส สีลวาเยว นาม โหตีติ เยน จิตฺตวิปฺปยุตฺเตน ิเตน อุปจเยน อกุสลาพฺยากตจิตฺตสมงฺคี สีลวาเยว นาม โหตีติ อธิปฺปาโย. เสสเมตฺถ ‘‘ทานํ อเจตสิก’’นฺติ กถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ วุตฺตํ, สา ปน กถา มคฺคิตพฺพา.
สีลํอเจตสิกนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สมาทานเหตุกถาวณฺณนา
๕๙๘-๖๐๐. สมาทานเหตุกถายํ \๑๐๐ ปุริมกถาสทิสเมวาติ ปริโภคกเถกเทสสทิสตา ทฏฺพฺพา.
สมาทานเหตุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. อวิฺตฺติทุสฺสีลฺยนฺติกถาวณฺณนา
๖๐๓-๖๐๔. อาณตฺติยา ¶ จ ปาณาติปาตาทีสุ องฺคปาริปูรินฺติ เอกสฺมึ ทิวเส อาณตฺตสฺส อปรสฺมึ ทิวเส ปาณาติปาตํ กโรนฺตสฺส ตทา สา อาณตฺติ วิฺตฺตึ วินาเยว องฺคํ โหตีติ อวิฺตฺติ ทุสฺสีลฺยนฺติ อธิปฺปาโย.
อวิฺตฺติทุสฺสีลฺยนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติโย ปณฺณาสโก สมตฺโต.
๑๑. เอกาทสมวคฺโค
๔. าณกถาวณฺณนา
๖๑๔-๖๑๕. าณกถายํ เสยฺยถาปิ มหาสงฺฆิกานนฺติ ปุพฺเพ าณํอนารมฺมณนฺติกถายํ (กถา. ๕๕๗ อาทโย) วุตฺเตหิ อนฺธเกหิ อฺเ อิธ มหาสงฺฆิกา ภเวยฺยุํ. ยทิ อฺาเณ วิคเตติอาทินา ราควิคโม วิย วีตราคปฺตฺติยา อฺาณวิคโม าณีปฺตฺติยา การณนฺติ ทสฺเสติ. น หิ าณํ อสฺส อตฺถีติ าณี, อถ โข อฺาณีปฏิปกฺขโต าณีติ ¶ . ยสฺมา าณปฏิลาเภนาติ เอตฺถ จ าณปฏิลาเภน อฺาณสฺส วิคตตฺตา โส าณีติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
าณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อิทํทุกฺขนฺติกถาวณฺณนา
๖๑๘-๖๒๐. อิตโร ปน สกสมเยติ ปรวาที อตฺตโน สมเยติ อตฺโถ.
อิทํทุกฺขนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อิทฺธิพลกถาวณฺณนา
๖๒๑-๖๒๔. กมฺมสฺส ¶ วิปากวเสน วาติ นิรยํว สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ อพฺพุทาทิปริจฺเฉโท ตาทิสสฺส กมฺมวิปากสฺส วเสน วุตฺโต. วสฺสคณนาย วาติ มนุสฺเส จาตุมหาราชิกาทิเทเว จ สนฺธาย. เตสฺหิ อสงฺขฺเยยมฺปิ กาลํ วิปากทานสมตฺถํ กมฺมํ วสฺสคณนาย ปริจฺฉิชฺชตีติ.
อิทฺธิพลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สมาธิกถาวณฺณนา
๖๒๕-๖๒๖. สมาธานฏฺเนาติ สมํ ปนฏฺเน สมาธิ นาม เจตสิกนฺตรํ อตฺถีติ อคฺคเหตฺวาติ ¶ อตฺโถ. ฉเลนาติ เอกจิตฺตกฺขณิกตฺเต จกฺขุวิฺาณสฺส จ ฌานจิตฺตสฺส จ น โกจิ วิเสโสติ เอเตน สามฺมตฺเตนาติ อธิปฺปาโย.
สมาธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ธมฺมฏฺิตตากถาวณฺณนา
๖๒๗. อนนฺตรปจฺจยตฺเจวาติ อวิชฺชา สงฺขารานํ อนนฺตรปจฺจโย อวิชฺชาย ยา ิตตา ตโต โหติ, ตาย ิตตาย อนนฺตรปจฺจยภาวสงฺขาตา ิตตา โหตีติ อธิปฺปาโย. อนนฺตรปจฺจยคฺคหณฺเจตฺถ อฺมฺปจฺจยภาวรหิตสฺส เอกสฺส ปจฺจยสฺส ทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตน หิ สพฺโพ ตาทิโส ปจฺจโย ทสฺสิโต โหตีติ. อฺมฺปจฺจยตฺจาติ อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย, สงฺขารา จ อวิชฺชาย. ตตฺถ อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยภาวสงฺขาตาย ิตตาย สงฺขารานํ อวิชฺชาย ปจฺจยภาวสงฺขาตา ิตตา โหติ, ตสฺสา จ อิตราติ อธิปฺปาโย.
ธมฺมฏฺิตตากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อนิจฺจตากถาวณฺณนา
๖๒๘. รูปาทโย ¶ วิย ปรินิปฺผนฺนาติ รูปาทีหิ สห อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนโต ปรินิปฺผนฺนาติ อตฺโถ. อนิจฺจตาวิภาคานุยฺุชนวเสนาติ ตีสุ ทณฺเฑสุ ทณฺฑโวหาโร วิย ตีสุ ลกฺขเณสุ อนิจฺจตาโวหาโร โหตีติ ตสฺสา วิภาคานุยฺุชนวเสนาติ วทนฺติ.
อนิจฺจตากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกาทสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. ทฺวาทสมวคฺโค
๑. สํวโรกมฺมนฺติกถาวณฺณนา
๖๓๐-๖๓๒. วิปากทฺวารนฺติ ¶ ภวงฺคมนํ วทติ. กมฺมทฺวารนฺติ กุสลากุสลมนํ.
สํวโรกมฺมนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. กมฺมกถาวณฺณนา
๖๓๓-๖๓๕. อพฺยากตํ สนฺธาย ปฏิกฺเขโปติ สกสมยลกฺขเณน ปฏิกฺเขโป กโตติ วทนฺติ. อวิปากเจตนาย สรูเปน ทสฺสิตาย สวิปากาปิ ทสฺสิตาเยว นาม โหตีติ มฺมาโน อาห ‘‘สวิปากาวิปากเจตนํ สรูเปน ทสฺเสตุ’’นฺติ.
กมฺมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สทฺโทวิปาโกติกถาวณฺณนา
๖๓๖-๖๓๗. กมฺมสมุฏฺานา อรูปธมฺมาวาติอาทินา กมฺมสมุฏฺาเนสุ จกฺขาทีสุปิ วิปากโวหาโร นตฺถิ, โก ปน วาโท อกมฺมสมุฏฺาเน สทฺเทติ ทสฺเสติ.
สทฺโทวิปาโกติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สฬายตนกถาวณฺณนา
๖๓๘-๖๔๐. ตสฺมา ¶ ¶ วิปาโกติ อวิเสเสน สฬายตนํ วิปาโกติ เยสํ ลทฺธีติ วุตฺตํ โหติ.
สฬายตนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สตฺตกฺขตฺตุปรมกถาวณฺณนา
๖๔๑-๖๔๕. สตฺตกฺขตฺตุปรมตานิยโตติ สตฺตกฺขตฺตุปรมตาย นิยโต. อิมํ วิภาคนฺติ อิมํ วิเสสํ. ตฺวํ ปนสฺส นิยามํ อิจฺฉสีติ อวินิปาตธมฺมตาผลปฺปตฺตีหิ อฺสฺมึ สตฺตกฺขตฺตุปรมภาเว จ นิยามํ อิจฺฉสีติ อตฺโถ.
อานนฺตริยาภาวนฺติ เยน โส ธมฺมาภิสมเยน ภพฺโพ นาม โหติ, ตสฺส อานนฺตริยกมฺมสฺส อภาวนฺติ อตฺโถ, ปุคฺคลสฺส วา อานนฺตริยภาวสฺส อภาวนฺติ. กึ ปน โส อนฺตราธมฺมํ อภิสมิสฺสตีติ? เกจิ วทนฺติ ‘‘สตฺตกฺขตฺตุปรโม สตฺตมํ ภวํ นาติกฺกมติ, โอรโต ปน นตฺถิ ปฏิเสโธ’’ติ. อปเร ‘‘โย ภควตา าณพเลน พฺยากโต, ตสฺส อนฺตรา อภิสมโย นาม นตฺถิ, ตถาปิ ภวนิยามสฺส กสฺสจิ อภาวา ภพฺโพติ วุจฺจติ. ยถา กุสลา อภิฺาเจตนา กทาจิ วิปากํ อททมานาปิ สติ การเณ ทาตุํ ภพฺพตาย วิปากธมฺมธมฺมา นาม, ตถา อินฺทฺริยานํ มุทุตาย สตฺตกฺขตฺตุปรโม, น นิยามสพฺภาวา นาปิ ภควตา พฺยากตตฺตา, น จ อินฺทฺริยมุทุตา อภพฺพตากโร ธมฺโมติ น โส อภพฺโพ นาม. อภพฺพตากรธมฺมาภาวโต เจตฺถ อภพฺพตา ปฏิเสธิตา, น ปน อนฺตรา อภิสเมตุํ ภพฺพตา วุตฺตา. ยทิ จ สตฺตกฺขตฺตุปรโม อนฺตรา อภิสเมยฺย, โกลํโกโล สิยา’’ติ. วิเสสํ ปน อกตฺวา ภพฺพสภาวตาย ภพฺโพติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. น ภวนิยามกํ กิฺจีติ เอตฺถ ปสฺสิตฺวาติ วจนเสโส, พฺยากโรตีติ วา สมฺพนฺโธ.
สตฺตกฺขตฺตุปรมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทฺวาทสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. เตรสมวคฺโค
๑. กปฺปฏฺกถาวณฺณนา
๖๕๔-๖๕๗. กปฺปฏฺกถายํ ¶ ¶ เหฏฺาติ อิทฺธิพลกถายํ.
กปฺปฏฺกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อนนฺตราปยุตฺตกถาวณฺณนา
๖๖๐-๖๖๒. อนนฺตราปยุตฺตกถายํ อานนฺตริยํ ปยุตฺตํ เอเตนาติ อนนฺตราปยุตฺโตติ อานนฺตริเย อนนฺตราสทฺทํ อาโรเปตฺวา อฏฺกถายํ อตฺโถ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ‘‘อนนฺตรปยุตฺโต’’ติปิ ปาฬิ ทิสฺสติ.
อนนฺตราปยุตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. นิยตสฺสนิยามกถาวณฺณนา
๖๖๓-๖๖๔. เสสา เตภูมกธมฺมา อนิยตา นามาติ เอตฺถ อปฺปตฺตนิยามานํ ธมฺเม สนฺธาย ‘‘เตภูมกธมฺมา’’ติ อาห. เอเตว หิ สนฺธาย ‘‘เตหิ สมนฺนาคโตปิ อนิยโตเยวา’’ติ วุตฺตนฺติ. อิติ อิมํ โวหารมตฺตํ คเหตฺวา ‘‘นิยโต โพธิสตฺโต ปจฺฉิมภวิโก ภพฺโพ ธมฺมํ อภิสเมตุํ โอกฺกมิตุ’’นฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘นิยามํ โอกฺกมตี’’ติ เยสํ ลทฺธีติ อตฺถโยชนา. เอวํ ปน โวหารมตฺตสพฺภาโว ‘‘นิยโต’’ติ วจนสฺส, ธมฺมํ อภิสเมตุํ ภพฺพตา จ ‘‘นิยามํ โอกฺกมตี’’ติ ¶ วจนสฺส การณภาเวน วุตฺตา โหติ, ภพฺพตาเยว ปน อุภยสฺสปิ การณนฺติ ยุตฺตํ. อฺเนาติ ยทิ นิยโต นิยามํ โอกฺกเมยฺย, มิจฺฉตฺตนิยโต สมฺมตฺตนิยามํ, สมฺมตฺตนิยโต วา มิจฺฉตฺตนิยามํ โอกฺกเมยฺย, น จ ตํ อตฺถีติ ทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ.
นิยตสฺสนิยามกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อสาตราคกถาวณฺณนา
๖๗๔. อสาตราคกถายํ ¶ ‘‘อโห วต เม เอตเทว ภเวยฺยา’’ติ รชฺชนาติ อิมินา เอวํ ปวตฺตมาโนเยว โลโภ อิธ ‘‘ราโค’’ติ อธิปฺเปโต, น อฺถาติ ทสฺเสติ.
๖๗๕. สุตฺเต ปนาติ เอตสฺส ‘‘อธิปฺปาโย’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ.
อสาตราคกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ธมฺมตณฺหาอพฺยากตาติกถาวณฺณนา
๖๗๖-๖๘๐. ยสฺมา ธมฺมตณฺหาติ วุตฺตา, ตสฺมา อพฺยากตาติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ โลกุตฺตเรสุ วา สพฺเพสุ ตณฺหา ‘‘ธมฺมตณฺหา’’ติ คเหตฺวา ยสฺมา สา ตณฺหา, ตสฺมา กุสลา น โหติ, ยสฺมา ปน ธมฺเม ปวตฺตา, ตสฺมา อกุสลา น โหตีติ อพฺยากตาติ ลทฺธีติ ทสฺเสติ. ตีหิ โกฏฺาเสหิ ฉปิ ตณฺหา สํขิปิตฺวา ทสฺสิตา, ตสฺมา ธมฺมตณฺหาปิ กามตณฺหาทิภาวโต น อพฺยากตาติ อธิปฺปาโย.
ธมฺมตณฺหาอพฺยากตาติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เตรสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. จุทฺทสมวคฺโค
๑. กุสลากุสลปฏิสนฺทหนกถาวณฺณนา
๖๘๖-๖๙๐. ตนฺติ ¶ กุสลํ อกุสลฺจาติ วิสุํ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. ตํ อุภยนฺติ วา วจนเสโส. ปฏิสนฺทหตีติ ฆเฏติ, อนนฺตรํ อุปฺปาเทตีติ วุตฺตํ โหติ.
กุสลากุสลปฏิสนฺทหนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สฬายตนุปฺปตฺติกถาวณฺณนา
๖๙๑-๖๙๒. เกจิ ¶ วาทิโน ‘‘องฺกุเร สาขาวิฏปาทิสมฺปนฺนานํ รุกฺขาทีนํ พีชมตฺตํ อาวิภาวํ คจฺฉตี’’ติ วทนฺตีติ เตสํ วาทํ นิทสฺสนํ กโรนฺโต อาห ‘‘สมฺปนฺนสาขาวิฏปาน’’นฺติอาทิ.
สฬายตนุปฺปตฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อนนฺตรปจฺจยกถาวณฺณนา
๖๙๓-๖๙๗. จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ โสตวิฺาณนฺติ เอตฺถ ‘‘ลทฺธิวเสน ปฏิชานาตี’’ติ อนนฺตรุปฺปตฺตึ สลฺลกฺเขนฺโตปิ น โส จกฺขุมฺหิ รูปารมฺมณํ โสตวิฺาณํ อิจฺฉติ, อถ โข โสตมฺหิเยว สทฺทารมฺมณนฺติ อนนฺตรูปลทฺธิวเสน อาปนฺนตฺตา ‘‘ปฏิชานาตี’’ติ ยุตฺตํ วตฺตุํ.
อนนฺตรปจฺจยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อริยรูปกถาวณฺณนา
๖๙๘-๖๙๙. สมฺมาวาจาทิ ¶ รูปํ มคฺโค จาติ อิจฺฉนฺโต ‘‘อริยรูป’’นฺติปิ วทติ.
อริยรูปกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อฺโอนุสโยติกถาวณฺณนา
๗๐๐-๗๐๑. ‘‘สราโคติอาทิ ปน ตสฺมึ สมเย ราคสฺส อปฺปหีนตฺตา สราโคติ วตฺตพฺพต’’นฺติ ปุริมปาโ, ‘‘สานุสโยติอาทิ ปน ตสฺมึ สมเย อนุสยสฺส อปฺปหีนตฺตา สานุสโยติ วตฺตพฺพต’’นฺติ ปจฺฉิมปาโ, โส ยุตฺโต. โส หิ น อนุสยปริยุฏฺานานํ อฺตฺตํ, ตสฺมา ตํ อสาธกนฺติ เอเตน สเมตีติ.
อฺโอนุสโยติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปริยุฏฺานํจิตฺตวิปฺปยุตฺตนฺติกถาวณฺณนา
๗๐๒. ยสฺมา ¶ อนิจฺจาทิโต มนสิกโรโตปิ ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, น จ เต วิปสฺสนาย สมฺปยุตฺตา, ตสฺมา ปริยุฏฺานํ จิตฺตวิปฺปยุตฺตนฺติ ลทฺธีติ อธิปฺปาโย.
ปริยุฏฺานํจิตฺตวิปฺปยุตฺตนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปริยาปนฺนกถาวณฺณนา
๗๐๓-๗๐๕. ติวิธายาติ ¶ กิเลสวตฺถุโอกาสวเสน, กามราคกามวิตกฺกกามาวจรธมฺมวเสน วา ติวิธาย. กิเลสกามวเสนาติ กิเลสกามภูตกามธาตุภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. อธิปฺปายํ อสลฺลกฺเขนฺโตติ รูปธาตุสหคตวเสน อนุเสตีติ, รูปธาตุธมฺเมสุ อฺตรภาเวน รูปธาตุปริยาปนฺโนติ จ ปุจฺฉิตภาวํ อสลฺลกฺเขนฺโตติ อตฺโถ.
ปริยาปนฺนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อพฺยากตกถาวณฺณนา
๗๐๖-๗๐๘. ทิฏฺิคตํ ‘‘สสฺสโต โลโกติ โข, วจฺฉ, อพฺยากตเมต’’นฺติ สสฺสตาทิภาเวน อกถิตตฺตา ‘‘อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถ ปน น ทิฏฺิคตํ ‘‘อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตํ, อถ โข ‘‘ปนีโย เอโส ปฺโห’’ติ ทสฺสิตํ, ตสฺมา สพฺพถาปิ ทิฏฺิคตํ ‘‘อพฺยากต’’นฺติ น วตฺตพฺพนฺติ ยุตฺตํ.
อพฺยากตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อปริยาปนฺนกถาวณฺณนา
๗๐๙-๗๑๐. ตสฺมาติ ยสฺมา ทิฏฺิราคานํ สมาเน วิกฺขมฺภนภาเวปิ ‘‘วีตราโค’’ติ วุจฺจติ, น ปน ‘‘วิคตทิฏฺิโก’’ติ, ตสฺมา ทิฏฺิ โลกิยปริยาปนฺนา น โหตีติ อตฺถํ วทนฺติ. รูปทิฏฺิยา อภาวา ปน กามธาตุปริยาปนฺนาย ทิฏฺิยา ภวิตพฺพํ. ยทิ จ ปริยาปนฺนา สิยา, ตถา จ ¶ สติ กามราโค วิย ฌานลาภิโน ทิฏฺิปิ วิคจฺเฉยฺยาติ ‘‘วิคตทิฏฺิโก’’ติ วตฺตพฺโพ สิยา, น จ วุจฺจติ, ตสฺมา อปริยาปนฺนา ทิฏฺิ. น หิ สา ¶ ตสฺส อวิคตา ทิฏฺิ กามราโค วิย กามทิฏฺิ เยน กามธาตุยา ปริยาปนฺนา สิยาติ วทตีติ เวทิตพฺพํ.
อปริยาปนฺนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จุทฺทสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๕. ปนฺนรสมวคฺโค
๑. ปจฺจยตากถาวณฺณนา
๗๑๑-๗๑๗. ตสฺมา ปจฺจยตา ววตฺถิตาติ เหตุปจฺจยภูตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจยภาวาทินา วิย อธิปติปจฺจยตาทินา จ น ภวิตพฺพนฺติ เหตุปจฺจยภาโวเยเวตสฺส ววตฺถิโต โหตีติ อตฺโถ.
ปจฺจยตากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อฺมฺปจฺจยกถาวณฺณนา
๗๑๘-๗๑๙. อปฺุาภิสงฺขาโรว คหิโต ‘‘นนุ อวิชฺชา สงฺขาเรน สหชาตา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. สหชาตอฺมฺอตฺถิอวิคตสมฺปยุตฺตวเสนาติ เอตฺถ นิสฺสโย กมเภเทน อตฺถิคฺคหเณน คหิโต โหตีติ น วุตฺโต, กมฺมาหารา อสาธารณตายาติ เวทิตพฺพา. วกฺขติ หิ ‘‘ตีณิ อุปาทานานิ อวิชฺชาย สงฺขารา วิย ตณฺหาย ปจฺจยา โหนฺตี’’ติ (กถา. อฏฺ. ๗๑๘-๗๑๙), ตสฺมา อุปาทาเนหิ สมานา เอเวตฺถ สงฺขารานํ ปจฺจยตา ทสฺสิตาติ.
อฺมฺปจฺจยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ตติยสฺาเวทยิตกถาวณฺณนา
๗๓๒. ตติยสฺาเวทยิตกถายํ ¶ ¶ เสสสตฺเต สนฺธายาติ นิโรธสมาปนฺนโต อฺเ เยสํ นิโรธสมาปตฺติยา ภวิตพฺพํ, เต ปฺจโวการสตฺเต สนฺธายาติ อธิปฺปาโย, อสฺสตฺตานมฺปิ จ สฺุปฺปาทา จุตึ อิจฺฉนฺตีติ เสสสพฺพสตฺเต สนฺธายาติ วา. สรีรปกตินฺติ ตถารูโป อยํ กาโย, ยถารูเป กาเย ปาณิสมฺผสฺสาปิ กมนฺตีติอาทิกํ.
๗๓๓-๗๓๔. สุตฺตวิโรโธ สิยาติ อิทํ ปรวาทึ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา วตฺตพฺพํ.
ตติยสฺาเวทยิตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อสฺสตฺตุปิกากถาวณฺณนา
๗๓๕. สฺาวิราควเสน ปวตฺตภาวนา อสฺสมาปตฺติปีติ ลทฺธิกิตฺตเน สฺาวิราควเสน ปวตฺตภาวนํ จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺตึ ‘‘อสฺสมาปตฺตี’’ติ อคฺคเหตฺวา สาปิ อสฺิตา สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติเยว นามาติ ปรสฺส ลทฺธีติ ทสฺเสติ. ยสฺมา อสฺสมาปตฺตึ สมาปนฺนสฺส อโลภาทโย อตฺถีติ เอตฺถ สกสมยสิทฺธา จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติ ‘‘อสฺสมาปตฺตี’’ติ วุตฺตา.
๗๓๖. สฺาวิราควเสน สมาปนฺนตฺตา อสฺิตา, น สฺาย อภาวโตติ จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติเมว สนฺธาย วทติ.
อสฺสตฺตุปิกากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. กมฺมูปจยกถาวณฺณนา
๗๓๘-๗๓๙. กมฺเมน ¶ สหชาโตติ ปฺเหสุ ‘‘กมฺมูปจยํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, จิตฺตวิปฺปยุตฺตํ สนฺธาย ปฏิชานาตี’’ติ กตฺถจิ ปาโ, ‘‘จิตฺตสมฺปยุตฺตํ ¶ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ, จิตฺตวิปฺปยุตฺตํ สนฺธาย ปฏิชานาตี’’ติ อฺตฺถ. อุภยมฺปิ วิจาเรตพฺพํ.
๗๔๑. ตสฺมาติ ติณฺณมฺปิ เอกกฺขเณ สพฺภาวโต ติณฺณํ ผสฺสานฺจ สโมธานา จ เอกตฺตํ ปุจฺฉตีติ อธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ.
กมฺมูปจยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปนฺนรสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
ตติโย ปณฺณาสโก สมตฺโต.
๑๖. โสฬสมวคฺโค
๓. สุขานุปฺปทานกถาวณฺณนา
๗๔๗-๗๔๘. สุขานุปฺปทานกถายํ ยํ เอวรูปนฺติ ยํ เนวตฺตโน, น ปเรสํ, น ตสฺส, เอวรูปํ นาม อนุปฺปทินฺนํ ภวิตุํ น อรหติ อฺสฺส อสกฺกุเณยฺยตฺตาติ ลทฺธิมตฺเตน ปฏิชานาติ, น ยุตฺติยาติ อธิปฺปาโย.
สุขานุปฺปทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อธิคยฺหมนสิการกถาวณฺณนา
๗๔๙-๗๕๓. ตํจิตฺตตายาติ ¶ ตเทว อารมฺมณภูตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ ตํจิตฺโต, ตสฺส ภาโว ตํจิตฺตตา, ตาย ตํจิตฺตตาย. ตํ วา อาลมฺพกํ อาลมฺพิตพฺพฺจ จิตฺตํ ตํจิตฺตํ, ตสฺส ภาโว ตสฺเสว อาลมฺพกอาลมฺพิตพฺพตา ตํจิตฺตตา, ตาย โจเทตุนฺติ อตฺโถ.
อธิคยฺหมนสิการกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. รูปํรูปาวจรารูปาวจรนฺติกถาวณฺณนา
๗๖๘-๗๗๐. รูปํรูปาวจรารูปาวจรนฺติกถายํ เหฏฺาติ จุทฺทสมวคฺเค อาคตปริยาปนฺนกถายํ (กถา. อฏฺ. ๗๐๓-๗๐๕). ‘‘สมาปตฺเตสิย’’นฺติอาทิ วุตฺตนยเมว. ยฺเจตฺถ ¶ ‘‘อตฺถิ รูปํ อรูปาวจร’’นฺติ อรูปาวจรกมฺมสฺส กตตฺตา รูปํ วุตฺตํ, ตตฺถ จ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺมวคฺเค อรูเปรูปกถายํ (กถา. อฏฺ. ๕๒๔-๕๒๖) วุตฺตนยเมวาติ.
รูปํรูปาวจรารูปาวจรนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
โสฬสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๗. สตฺตรสมวคฺโค
๑. อตฺถิอรหโตปฺุูปจยกถาวณฺณนา
๗๗๖-๗๗๙. จิตฺตํ อนาทิยิตฺวาติ ‘‘กิริยจิตฺเตน ทานาทิปวตฺติสพฺภาวโต’’ติ วุตฺตํ กิริยจิตฺตํ อพฺยากตํ อนาทิยิตฺวาติ อตฺโถ.
อตฺถิอรหโตปฺุูปจยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. นตฺถิอรหโตอกาลมจฺจูติกถาวณฺณนา
๗๘๐. อโยนิโส ¶ คเหตฺวาติ อลทฺธวิปากวารานมฺปิ กมฺมานํ พฺยนฺตีภาวํ น วทามีติ อตฺถํ คเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘กมฺมานํ วิปากํ อปฺปฏิสํวิทิตฺวา ปุคฺคลสฺส พฺยนฺตีภาวํ น วทามีติ เอวํ อโยนิโส อตฺถํ คเหตฺวา’’ติ วทนฺติ.
๗๘๑. ตาว น กมตีติ ลทฺธิยา ปฏิกฺขิปตีติ ตาว น กมติ, ตโต ปรํ กมตีติ ลทฺธิยา ปฏิกฺขิปตีติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ กิร ‘‘สติ ชีวิเต ชีวิตาวเสเส ชีวิตา โวโรเปตี’’ติ วจนโต อตฺตโน ธมฺมตาย มรนฺตํ โกฏฺเฏนฺตสฺส วา สีสํ วา ฉินฺทนฺตสฺส นตฺถิ ปาณาติปาโตติ อาจริยา วทนฺติ. ปาโณ ปาณสฺิตา วธกจิตฺตอุปกฺกมมรเณสุ วิชฺชมาเนสุปิ น เตน อุปกฺกเมน มโตติ นตฺถิ ปาณาติปาโตติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน มรนฺเตน เตน เอกจิตฺตวารมฺปิ ธมฺมตามรณโต โอรโต น มโตติ ทุพฺพิฺเยฺยเมตํ.
นตฺถิอรหโตอกาลมจฺจูติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สพฺพมิทํกมฺมโตติกถาวณฺณนา
๗๘๔. พีชโต ¶ องฺกุรสฺเสวาติ ยถา องฺกุรสฺส อพีชโต นิพฺพตฺติ นตฺถิ, ตถา ปจฺจุปฺปนฺนปวตฺตสฺสปิ อกมฺมโต กมฺมวิปากโต นิพฺพตฺติ นตฺถิ, ตํ สนฺธาย ปฏิกฺขิปตีติ อธิปฺปาโย. เทยฺยธมฺมวเสน ทานผลํ ปุจฺฉตีติ เทยฺยธมฺมวเสน ยาย เจตนาย ตํ เทติ, ตสฺส ทานสฺส ผลํ ปุจฺฉติ, น เทยฺยธมฺมสฺสาติ วุตฺตํ โหติ.
สพฺพมิทํกมฺมโตติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อินฺทฺริยพทฺธกถาวณฺณนา
๗๘๘. วินาปิ ¶ อนิจฺจตฺเตนาติ ‘‘ยาว ทุกฺขา นิรยา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๐) วิย ทุกฺขารมฺมณตฺเตนปิ ทุกฺขํ วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
อินฺทฺริยพทฺธกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. นวตฺตพฺพํสงฺโฆทกฺขิณํวิโสเธตีติกถาวณฺณนา
๗๙๓-๗๙๔. นวตฺตพฺพํสงฺโฆทกฺขิณํวิโสเธตีติกถายํ น จ ตานิ ทกฺขิณํ วิโสเธตุํ สกฺโกนฺตีติ ยถา ปุคฺคโล สีลปริโสธนาทีนิ กตฺวา นิโรธมฺปิ สมาปชฺชิตฺวา วิโสเธตุํ สกฺโกติ, น เอวํ มคฺคผลานีติ อธิปฺปาโย, อปฺปฏิคฺคหณโตติ วา.
นวตฺตพฺพํสงฺโฆทกฺขิณํวิโสเธตีติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ทกฺขิณาวิสุทฺธิกถาวณฺณนา
๘๐๐-๘๐๑. ทกฺขิณาวิสุทฺธิกถายํ วิสุชฺเฌยฺยาติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มหปฺผลา ภเวยฺยา’’ติ อาห. ทายกสฺเสว จิตฺตวิสุทฺธิ วิปากทายิกา โหตีติ ปฏิคฺคาหกนิรเปกฺขา ปฏิคฺคาหเกน ปจฺจยภูเตน วินา ทายเกเนว มหาวิปากเจตนตฺตํ อาปาทิกา, ปฏิคฺคาหกนิรเปกฺขา วิปากทายิกา โหตีติ อธิปฺปาโย. อฺโ อฺสฺส การโกติ ¶ ยทิ ทายกสฺส ทานเจตนา นาม ปฏิคฺคาหเกน กตา ภเวยฺย, ยุตฺตรูปํ สิยาติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ลทฺธิกิตฺตเน ‘‘ทายเกน ทานํ ทินฺนํ, ปฏิคฺคาหเกน วิปาโก นิพฺพตฺติโตติ อฺโ อฺสฺส การโก ภเวยฺยา’’ติ วุตฺตนฺติ? สจฺจเมตํ, ปฏิคฺคาหเกน วิปากนิพฺพตฺตนมฺปิ ปน ทานเจตนานิพฺพตฺตเนน ¶ ยทิ ภเวยฺย, เอวํ สติ อฺโ อฺสฺส การโกติ ยุตฺตรูปํ สิยาติ อธิปฺปาโย.
ทกฺขิณาวิสุทฺธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตรสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๘. อฏฺารสมวคฺโค
๑. มนุสฺสโลกกถาวณฺณนา
๘๐๒-๘๐๓. อโยนิโสติ ‘‘ตุสิตปุรํ สนฺธายา’’ติอาทิกํ คหณํ สนฺธายาห.
มนุสฺสโลกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ธมฺมเทสนากถาวณฺณนา
๘๐๔-๘๐๖. ตสฺส จ เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สยเมว จ อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน เทสิโตติ วทติ.
ธมฺมเทสนากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ฌานสงฺกนฺติกถาวณฺณนา
๘๑๓-๘๑๖. ฌานสงฺกนฺติกถายํ อุปฺปฏิปาฏิยาติ ปมชฺฌานโต วุฏฺาย วิตกฺกวิจารา อาทีนวโต มนสิกาตพฺพา, ตโต ทุติยชฺฌาเนน ภวิตพฺพนฺติ เอวํ โย อุปจารานํ ฌานานฺจ อนุกฺกโม, เตน วินาติ อตฺโถ.
ฌานสงฺกนฺติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ฌานนฺตริกกถาวณฺณนา
๘๑๗-๘๑๙. ฌานนฺตริกา ¶ ¶ นาม เอสาติ ปมชฺฌานาทีสุ อฺตรภาวาภาวโต น ฌานํ, อถ โข ทกฺขิณปุพฺพาทิทิสนฺตริกา วิย ฌานนฺตริกา นาม เอสาติ. กตรา? โยยํ อวิตกฺกวิจารมตฺโต สมาธีติ โยเชตพฺพํ.
ฌานนฺตริกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. จกฺขุนารูปํปสฺสตีติกถาวณฺณนา
๘๒๖-๘๒๗. ปฏิชานนํ สนฺธายาติ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา นิมิตฺตคฺคาหี โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๓๕๒) นเยน วุตฺตํ มโนวิฺาณปฏิชานนํ กิร สนฺธายาติ อธิปฺปาโย, ตสฺมา ‘‘เอวํ สนฺเต รูปํ มโนวิฺาณํ อาปชฺชตีติ มโนวิฺาณปฏิชานนํ ปน รูปทสฺสนํ กถํ โหตี’’ติ วิจาเรตพฺพํ.
จกฺขุนารูปํปสฺสตีติกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺารสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๙. เอกูนวีสติมวคฺโค
๑. กิเลสปชหนกถาวณฺณนา
๘๒๘-๘๓๑. อนุปฺปนฺนาเยว นุปฺปชฺชนฺตีติ ปหีนา นาม โหนฺติ, ตสฺมา นตฺถิ กิเลสปชหนาติ ¶ ปฏิกฺขิปติ. เต ปน เนว อุปฺปชฺชิตฺวา วิคตา, นาปิ ภวิสฺสนฺติ, น จ อุปฺปนฺนาติ อตีเต กิเลเส ปชหตีติอาทิ น วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
กิเลสปชหนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สฺุตกถาวณฺณนา
๘๓๒. อนตฺตลกฺขณํ ¶ ตาว เอกจฺจนฺติ อรูปกฺขนฺธานํ อนตฺตลกฺขณํ วทติ. เอเกน ปริยาเยนาติ อนตฺตลกฺขณสฺส ชรามรณภาวปริยาเยนาติ วทนฺติ. รูปกฺขนฺธาทีนฺหิ มา ชีรตุ มา มรตูติ อลพฺภเนยฺโย อวสวตฺตนากาโร อนตฺตตา, สา อตฺถโต ชรามรณเมว, ตฺจ ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑) วุตฺตตฺตา อรูปกฺขนฺธานํ ชรามรณํ สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนนฺติ อยเมเตสํ อธิปฺปาโย.
สฺุตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สามฺผลกถาวณฺณนา
๘๓๕-๘๓๖. ผลุปฺปตฺติ จาติ ปตฺติธมฺมํ วทติ.
สามฺผลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ตถตากถาวณฺณนา
๘๔๑-๘๔๓. รูปาทิสภาวตาสงฺขาตาติ ¶ เอตฺถ รูปาทีนํ สภาวตาติ รูปาทิสภาวตาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภาวํ เหส ตถตาติ วทติ, น ภาวโยคนฺติ.
ตถตากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กุสลกถาวณฺณนา
๘๔๔-๘๔๖. อนวชฺชภาวมตฺเตเนว นิพฺพานํ กุสลนฺติ ยํกิฺจิ กุสลํ, สพฺพํ ตํ อนวชฺชภาวมตฺเตเนว, ตสฺมา นิพฺพานํ กุสลนฺติ วุตฺตํ โหติ.
กุสลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อจฺจนฺตนิยามกถาวณฺณนา
๘๔๗. ‘‘สกึ ¶ นิมุคฺโค นิมุคฺโคว โหตี’’ติ สุตฺตํ นิสฺสายาติ ตาย ชาติยา โลกุตฺตรสทฺธาทีนํ อนุปฺปตฺตึ สนฺธาย กตํ อวธารณํ สํสารขาณุกภาวํ สนฺธาย กตนฺติ มฺมาโน ปุถุชฺชนสฺสายํ อจฺจนฺตนิยามตา, ยายํ นิยตมิจฺฉาทิฏฺีติ ‘‘อตฺถิ ปุถุชฺชนสฺส อจฺจนฺตนิยามตา’’ติ วทติ. วิจิกิจฺฉุปฺปตฺติ นิยามนฺตรุปฺปตฺติ จ อจฺจนฺตนิยามนิวตฺตกา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพา.
อจฺจนฺตนิยามกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อินฺทฺริยกถาวณฺณนา
๘๕๓-๘๕๖. โลกิยานมฺปีติ ¶ โลกุตฺตรานํ วิย โลกิยานมฺปิ สทฺธาทีนํเยว สทฺธินฺทฺริยาทิภาวทสฺสเนน โลกิยสทฺธินฺทฺริยาทิภาวํ สาเธตุํ สทฺธาทีนํเยว สทฺธินฺทฺริยาทิภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อินฺทฺริยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกูนวีสติมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๐. วีสติมวคฺโค
๒. าณกถาวณฺณนา
๘๖๓-๘๖๕. าณกถายํ ทุกฺขํ ปริชานาตีติ โลกุตฺตรมคฺคาณเมว ทีเปตีติ ‘‘ทุกฺขํ ปริชานาตี’’ติ วทนฺโต อิทํ ตว วจนํ โลกุตฺตรมคฺคาณเมว ทีเปติ, น ตสฺเสว าณภาวํ. กสฺมา? ยสฺมา น โลกุตฺตรเมว าณํ, ตสฺมา น อิทํ สาธกนฺติ วุตฺตํ โหติ.
าณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. นิรยปาลกถาวณฺณนา
๘๖๗-๘๖๘. ปณุนฺนนฺติ ¶ ปณุทิตํ, อนวเสสขิตฺตนฺติ อตฺโถ.
นิรยปาลกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ติรจฺฉานกถาวณฺณนา
๘๖๙-๘๗๑. ตสฺส ¶ อตฺถิตาย ปฏิฺาติ ตสฺส หตฺถินาคสฺส จ ทิพฺพยานสฺส จ อตฺถิตายาติ วิสุํ โยเชตพฺพํ.
ติรจฺฉานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. าณกถาวณฺณนา
๘๗๖-๘๗๗. าณกถายํ สเจ ตํ ทฺวาทสวตฺถุกนฺติ เอตฺถ จ ‘‘โลกุตฺตร’’นฺติ วจนเสโส, ตํ วา โลกุตฺตราณํ สเจ ทฺวาทสวตฺถุกนฺติ อตฺโถ. ปริฺเยฺยนฺติ ปุพฺพภาโค, ปริฺาตนฺติ อปรภาโค, สจฺจาณํ ปน มคฺคกฺขเณปิ ปริชานนาทิกิจฺจสาธนวเสน โหตีติ อาห ‘‘สทฺธึ ปุพฺพภาคปรภาเคหี’’ติ.
าณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
วีสติมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุตฺโถ ปณฺณาสโก สมตฺโต.
๒๑. เอกวีสติมวคฺโค
๑. สาสนกถาวณฺณนา
๘๗๘. ตีสุปิ ปุจฺฉาสุ โจทนตฺถํ วุตฺตนฺติ ตีสุปิ ปุจฺฉาสุ ‘‘สาสน’’นฺติอาทิวจนํ วุตฺตนฺติ สมุทายา เอกเทสานํ อธิกรณภาเวน วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
สาสนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อิทฺธิกถาวณฺณนา
๘๘๓-๘๘๔. อิทฺธิกถายํ ¶ ¶ อตฺถิ อธิปฺปายอิทฺธีติ อธิปฺปายวเสน อิชฺฌนโต อธิปฺปาโยติ เอวํนามิกา อิทฺธิ อตฺถีติ อตฺโถ.
อิทฺธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ธมฺมกถาวณฺณนา
๘๘๗-๘๘๘. ธมฺมกถายํ รูปฏฺโต อฺสฺส รูปสฺส อภาวาติ โย รูปสฺส นิยาโม วุจฺเจยฺย, โส รูปฏฺโ นาม โกจิ รูปโต อฺโ นตฺถีติ รูปฏฺโต อฺํ รูปฺจ น โหติ, ตสฺมา รูปํ รูปเมว, น เวทนาทิสภาวนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘รูปํ รูปฏฺเน นิยต’’นฺติ วตฺตพฺพํ, น อฺถา รูปฏฺเน นิยาเมนาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ รูปโต อฺสฺส รูปฏฺสฺส อภาเว ทสฺสิเต รูปฏฺโต อฺสฺส รูปสฺส อภาโว ทสฺสิโตเยว นาม โหตีติ ตเมว รูปโต อฺสฺส รูปฏฺสฺส อภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘รูปสภาโว หี’’ติอาทิมาห. เอส โวหาโรติ รูปสฺส สภาโว รูปสภาโว, รูปสฺส อตฺโถ รูปฏฺโติ เอวํ อฺตฺตํ คเหตฺวา วิย ปวตฺโต รูปสภาวโวหาโร รูปฏฺโวหาโร วา เวทนาทีหิ นานตฺตเมว โส สภาโวติ นานตฺตสฺาปนตฺถํ โหตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ รูปสฺส รูปฏฺเน อนฺตฺตา. ‘‘รูปํ รูปเมว, น เวทนาทิสภาว’’นฺติ อวตฺวา ‘‘รูปํ รูปฏฺเน นิยต’’นฺติ วทโต ตฺจ วจนํ วุตฺตปฺปกาเรน สโทสํ, อถ กสฺมา ‘‘รูปฺหิ รูปฏฺเน นิยตนฺติ รูปํ รูปเมว, น เวทนาทิสภาวนฺติ อธิปฺปาเยน วตฺตพฺพ’’นฺติ วทนฺโต ‘‘รูปํ รูปฏฺเน นิยต’’นฺติ ปฏิชานาตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นนุ เจตํ อตฺตนาว วุตฺตํ, น ปเรนาติ ปฏิชานาตีติ น วตฺตพฺพนฺติ? น, อตฺตานมฺปิ ปรํ วิย วจนโต. วตฺตพฺพนฺติ วา สกวาทินา วตฺตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยทิ จ เตน วตฺตพฺพํ ปฏิชานาติ จ โส เอตมตฺถนฺติ, อถ กสฺมา ปฏิชานาติ สกวาทีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อตฺถนฺตรวเสนาติ ตตฺถ วุตฺตเมว การณํ นิคูหิตฺวา ปเรน โจทิตนฺติ ตเมว การณํ ทสฺเสตฺวา โจทนํ นิวตฺเตติ. อิโต อฺถาติ รูปาทิสภาวมตฺตํ มฺุจิตฺวา เตน ปริกปฺปิตํ นิยตํ นตฺถีติ ¶ ตสฺส ¶ ปริกปฺปิตสฺส นิวตฺตนตฺถํ ปุน เตเนว นเยน โจเทตุํ ‘‘มิจฺฉตฺตนิยต’’นฺติอาทิมาหาติ อตฺโถ.
ธมฺมกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกวีสติมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๒. พาวีสติมวคฺโค
๒. กุสลจิตฺตกถาวณฺณนา
๘๙๔-๘๙๕. กุสลจิตฺตกถายํ ชวนกฺขเณติ ปรินิพฺพานจิตฺตโต ปุริมชวนกฺขเณ.
กุสลจิตฺตกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อาเนฺชกถาวณฺณนา
๘๙๖. ภวงฺคจิตฺเตติ ภวงฺคปริโยสานตฺตา จุติจิตฺตํ ‘‘ภวงฺคจิตฺต’’นฺติ อาห.
อาเนฺชกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕-๗. ติสฺโสปิกถาวณฺณนา
๘๙๘-๙๐๐. สตฺตวสฺสิกํ ¶ คพฺภํ ทิสฺวา ‘‘คพฺเภเยว อรหตฺตปฺปตฺติเหตุภูโต อินฺทฺริยปริปาโก อตฺถี’’ติ ‘‘อรหตฺตปฺปตฺติปิ อตฺถี’’ติ มฺติ, อากาสสุปินํ ทิสฺวา ‘‘อากาสคมนาทิอภิฺา วิย ธมฺมาภิสมโย อรหตฺตปฺปตฺติ จ อตฺถี’’ติ มฺตีติ อธิปฺปาโย.
ติสฺโสปิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อาเสวนปจฺจยกถาวณฺณนา
๙๐๓-๙๐๕. น ¶ โกจิ อาเสวนปจฺจยํ อาเสวติ นามาติ ยถา พีชํ จตุมธุรภาวํ น คณฺหาติ, เอวํ ภาวนาสงฺขาตํ อาเสวนปจฺจยํ คณฺหนฺโต อาเสวนฺโต นาม โกจิ นตฺถีติ อตฺโถ.
อาเสวนปจฺจยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ขณิกกถาวณฺณนา
๙๐๖-๙๐๗. ปถวิยาทิรูเปสุ เกสฺจิ อุปฺปาโท เกสฺจิ นิโรโธติ เอวํ ปติฏฺานํ รูปสนฺตติยา โหติ. น หิ รูปานํ อนนฺตราทิปจฺจยา สนฺติ, เยหิ อรูปสนฺตติยา วิย รูปสนฺตติยา ปวตฺติ สิยาติ จิตฺเต ‘‘จิตฺเต มหาปถวี สณฺาตี’’ติอาทิ โจทิตํ.
ขณิกกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
พาวีสติมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๓. เตวีสติมวคฺโค
๑. เอกาธิปฺปายกถาวณฺณนา
๙๐๘. กรุณาธิปฺปาเยน ¶ เอกาธิปฺปาโยติ ราคาธิปฺปายโต อฺาธิปฺปาโยวาติ วุตฺตํ โหติ. เอโก อธิปฺปาโยติ เอตฺถ เอกโตภาเว เอกสทฺโท ทฏฺพฺโพ. สมานตฺเถ หิ สติ ราคาธิปฺปาเยปิ เอกาธิปฺปาเยนาติ เอกาธิปฺปายตา อตฺถีติ.
เอกาธิปฺปายกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓-๗. อิสฺสริยกามการิกากถาวณฺณนา
๙๑๐-๙๑๔. อิสฺสริเยน ยถาธิปฺเปตสฺส กรณํ อิสฺสริยกามการิกา. คจฺเฉยฺยาติ คพฺภเสยฺโยกฺกมนํ คจฺเฉยฺย. อิสฺสริยกามการิกาเหตุ ¶ นาม ทุกฺกรการิกา มิจฺฉาทิฏฺิยา กรียตีติ เอตฺถ ทุกฺกรการิกา นาม อิสฺสริยกามการิกาเหตุ กริยมานา มิจฺฉาทิฏฺิยา กรียตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, อิสฺสริยกามการิกาเหตุ นาม วินา มิจฺฉาทิฏฺิยา กริยมานา นตฺถีติ วา.
อิสฺสริยกามการิกากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปติรูปกถาวณฺณนา
๙๑๕-๙๑๖. เมตฺตาทโย สนฺธาย ‘‘เมตฺตาทโย วิย น ราโค ราคปติรูปโก โกจิ อตฺถีติ ราคเมว คณฺหาติ, เอวํ โทเสปี’’ติ วทนฺติ.
ปติรูปกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อปรินิปฺผนฺนกถาวณฺณนา
๙๑๗-๙๑๘. น ¶ อนิจฺจาทิภาวนฺติ เอตฺถ อนิจฺจาทิโก ภาโว เอตสฺสาติ อนิจฺจาทิภาวนฺติ รูปํ วุตฺตํ. ‘‘น เกวลฺหิ ปมสจฺจเมว ทุกฺข’’นฺติ วทนฺเตน ‘‘ทุกฺขฺเว ปรินิปฺผนฺน’’นฺติ ทุกฺขสจฺจํ สนฺธาย ปุจฺฉา กตาติ ทสฺสิตํ โหติ. เอวํ สติ เตน ‘‘จกฺขายตนํ อปรินิปฺผนฺน’’นฺติอาทิ น วตฺตพฺพํ สิยา. น หิ จกฺขายตนาทีนิ อนุปาทินฺนานิ โลกุตฺตรานิ วา. ตนฺติ ‘‘ทุกฺขฺเว ปรินิปฺผนฺนํ, น ปน รูป’’นฺติ เอตํ รูปสฺส จ ทุกฺขตฺตา โน วต เร วตฺตพฺเพติ อตฺโถ.
อปรินิปฺผนฺนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เตวีสติมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
กถาวตฺถุปกรณ-มูลฏีกา สมตฺตา.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ยมกปกรณ-มูลฏีกา
คนฺถารมฺภวณฺณนา
กถาวตฺถุปกรเณน ¶ ¶ สงฺเขเปเนว เทสิเตน ธมฺเมสุ วิปรีตคฺคหณํ นิวาเรตฺวา เตสฺเวว ธมฺเมสุ ธมฺมสงฺคหาทีสุ ปกาสิเตสุ ธมฺมปุคฺคโลกาสาทินิสฺสยานํ สนฺนิฏฺานสํสยานํ วเสน นานปฺปการกโอสลฺลตฺถํ ยมกปกรณํ อารทฺธํ, ตํ สมยเทสเทสกวเสเนว ทสฺเสตฺวา สํวณฺณนากฺกมฺจสฺส อนุปฺปตฺตํ ‘‘อาคโต ภาโร อวสฺสํ วหิตพฺโพ’’ติ สํวณฺณนมสฺส ปฏิชานนฺโต อาห ‘‘สงฺเขเปเนวา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ยมสฺส วิสยาตีโตติ ชาติยา สติ มรณํ โหตีติ ชาติ, ปฺจ วา อุปาทานกฺขนฺธา ยมสฺส วิสโย, ตํ สมุทยปฺปหาเนน อตีโตติ อตฺโถ. ยมสฺส วา รฺโ วิสยํ มรณํ, ตสฺส อาณาปวตฺติฏฺานํ เทสํ วา อตีโต. ‘‘ฉจฺจาภิานานิ อภพฺพ กาตุ’’นฺติ (ขุ. ปา. ๖.๑๑; สุ. นิ. ๒๓๔) วุตฺตานํ ฉนฺนํ อภพฺพฏฺานานํ เทสโกติ ฉฏฺานเทสโก ¶ . อยมา เอเกกา หุตฺวา อาวตฺตา นีลา อมลา จ ตนุรุหา อสฺสาติ อยมาวตฺตนีลามลตนุรุโห.
คนฺถารมฺภวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. มูลยมกํ
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑. ยมกานํ วเสน เทสิตตฺตาติ อิมินา ทสสุ เอเกกสฺส ยมกสมูหสฺส ตํสมูหสฺส จ สกลสฺส ปกรณสฺส ยมกานํ วเสน ลทฺธโวหารตํ ทสฺเสติ.
กุสลากุสลมูลสงฺขาตานํ ¶ ทฺวินฺนํ อตฺถานํ วเสน อตฺถยมกนฺติ เอเตน ‘‘เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต กุสลมูลา’’ติ เอตสฺเสว ยมกภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นาปชฺชติ าตุํ อิจฺฉิตานํ ทุติยปมปุจฺฉาสุ วุตฺตานํ กุสลกุสลมูลวิเสสานํ, กุสลมูลกุสลวิเสเสหิ วา าตุํ อิจฺฉิตานํ ปมทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺานปทสงฺคหิตานํ กุสลกุสลมูลานํ วเสน อตฺถยมกภาวสฺส วุตฺตตฺตา. าตุํ อิจฺฉิตานฺหิ วิเสสานํ วิเสสวนฺตาเปกฺขานํ, ตํวิเสสวตํ วา ธมฺมานฺจ วิเสสาเปกฺขานํ เอตฺถ ปธานภาโวติ เอเกกาย ปุจฺฉาย เอเกโก เอว อตฺโถ สงฺคหิโต โหตีติ. อตฺถสทฺโท เจตฺถ น ธมฺมวาจโก เหตุผลาทิวาจโก วา, อถ โข ปาฬิอตฺถวาจโก. เตเนวาห ‘‘เตสฺเว อตฺถาน’’นฺติอาทิ.
ตีณิปิ ปทานิ เอกโต กตฺวาติ อิทํ นามปทสฺส กุสลาทีนํ สงฺคาหกตฺตมตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น นิรวเสสสงฺคาหกตฺตํ. สพฺพกุสลาทิสงฺคณฺหนตฺถเมว จ นามปทสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘กุสลตฺติกมาติกาย จตูสุ ปเทสู’’ติ วุตฺตํ.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๕๒. อฺมฺยมเก ¶ เย เกจิ กุสลาติ อปุจฺฉิตฺวาติ เอตฺถ ยถา ทุติยยมเก ‘‘เย เกจิ กุสลมูลา’’ติ อปุจฺฉิตฺวา ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ ปุจฺฉา กตา, เอวมิธาปิ ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ ปุจฺฉา กาตพฺพา สิยา ปุริมยมกวิสิฏฺํ อปุพฺพํ คเหตฺวา ปจฺฉิมยมกสฺส อปฺปวตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปฏิโลมปุจฺฉานุรูปภาวโต’’ติ เกจิ. ปุริมปุจฺฉาย ปน อตฺถวเสน กตาย ตทนุรูปาย ปจฺฉิมปุจฺฉาย ภวิตพฺพํ อนุโลเม วิคตสํสยสฺส ปฏิโลเม สํสยุปฺปตฺติโต. เตน น จ ปจฺฉิมปุจฺฉานุรูปาย ปุริมปุจฺฉาย ภวิตพฺพนฺติ ปุริโมเวตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต. อิมินาปิ พฺยฺชเนน ตสฺเสวตฺถสฺส สมฺภวโตติ อิทเมวํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ กุสลพฺยฺชนตฺโถ เอว กุสลมูเลน เอกมูลพฺยฺชนตฺโถ, เตเนว วิสฺสชฺชนมฺปิ อสมานํ โหติ. กุสลพฺยฺชเนน หิ ¶ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘อวเสสา’’ติ อิมสฺมึ าเน ‘‘อวเสสา กุสลา ธมฺมา’’ติ วตฺตพฺพํ โหติ, อิตรถา อวเสสา กุสลมูลสหชาตา ธมฺมาติ, น จ ตานิ วจนานิ สมานตฺถานิ กุสลกุสลาพฺยากตทีปนโตติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – ‘‘เย เกจิ กุสลา’’ติ อิมินาปิ พฺยฺชเนน ‘‘เย เกจิ กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ วุตฺตพฺยฺชนตฺถสฺเสว สมฺภวโต ทุติยยมเก วิย อปุจฺฉิตฺวา ‘‘เย เกจิ กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉา กตา. น หิ กุสลมูเลหิ วิย กุสลมูเลน เอกมูเลหิ อฺเ กุสลา สนฺติ, กุสเลหิ ปน อฺเปิ เต สนฺตีติ.
ปฏิโลมปุจฺฉาวณฺณนายํ ‘‘กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ หิ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘มูลานิ ยานิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพํ ภเวยฺยาติ วุตฺตํ, ตมฺปิ ตถา น สกฺกา วตฺตุํ. ‘‘เย วา ปน กุสลมูเลน อฺมฺมูลา, สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ จ ปุจฺฉิเต ‘‘อามนฺตา’’ อิจฺเจว วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพํ. น หิ กุสลมูเลน อฺมฺมูเลสุ กิฺจิ เอกมูลํ น โหติ, เยน อนุโลมปุจฺฉาย วิย วิภาโค กาตพฺโพ ภเวยฺย. ยตฺถ ตีณิ กุสลมูลานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตานิ อฺมฺมูลานิ เอกมูลานิ จ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ เอเกเกน อฺมฺเกมูลตฺตา. ยตฺถ ปน ทฺเว อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตานิ อฺมฺมูลาเนว, น เอกมูลานีติ เอตสฺส คหณสฺส นิวารณตฺถํ ‘‘มูลานิ ยานิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินา วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพนฺติ เจ? น, ‘‘อามนฺตา’’ติ อิมินาว วิสฺสชฺชเนน ตํคหณนิวารณโต อนุโลมปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนน จ เอกโต อุปฺปชฺชมานานํ ทฺวินฺนํ ติณฺณฺจ ¶ มูลานํ อฺมฺเกมูลภาวสฺส นิจฺฉิตตฺตา. อฺมฺมูลานฺหิ สมานมูลตา เอว เอกมูลวจเนน ปุจฺฉียติ, น อฺมฺสมานมูลตา, อตฺถิ จ ทฺวินฺนํ มูลานํ สมานมูลตา. เตสุ หิ เอเกกํ อิตเรน มูเลน ตํมูเลหิ อฺเหิ สมานมูลนฺติ.
อฺมฺมูลตฺเต ปน นิจฺฉิเต เอกมูลตฺตสํสยาภาวโต ‘‘สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลมูเลน เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉา น กตาติ ทฏฺพฺพา. ‘‘อฺมฺสฺส มูลา เอเตสนฺติปิ อฺมฺมูลา, สมานตฺเถน เอกํ มูลํ เอเตสนฺติ เอกมูลา’’ติ อุภยมฺปิ วจนํ มูลยุตฺตตเมว วทติ, เตเนว จ อุภยตฺถาปิ ‘‘กุสลมูเลนา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ มูลโยคสามฺเ เอกมูลตฺเต นิจฺฉิเต ตพฺพิเสโส อฺมฺมูลภาโว น นิจฺฉิโต โหตีติ อนุโลมปุจฺฉา ปวตฺตา, มูลโยควิเสเส ปน อฺมฺมูลตฺเต นิจฺฉิเต น วินา เอกมูลตฺเตน ¶ อฺมฺมูลตฺตํ อตฺถีติ มูลโยคสามฺํ เอกมูลตฺตํ นิจฺฉิตเมว โหติ, ตสฺมา ‘‘เอกมูลา’’ติ ปุจฺฉํ อกตฺวา ยถา กุสลมูลวจนํ เอกมูลวจนฺจ กุสลภาวทีปกํ น โหตีติ กุสลภาเว สํสยสพฺภาวา ปมทุติยยมเกสุ ‘‘สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติ ปฏิโลมปุจฺฉา กตา, เอวํ อฺมฺมูลวจนํ กุสลภาวทีปกํ น โหตีติ กุสลภาเว สํสยสพฺภาวา กุสลาธิการสฺส จ อนุวตฺตมานตฺตา ‘‘สพฺเพ เต ธมฺมา กุสลา’’ติ ปฏิโลมปุจฺฉา กตาติ.
๕๓-๖๑. มูลนเย วุตฺเต เอว อตฺเถ กุสลมูลภาเวน มูลสฺส วิเสสเนน สมาเนน มูเลน อฺมฺสฺส จ มูเลน มูลโยคทีปเนน จาติ อิมินา ปริยายนฺตเรน ปกาเสตุํ มูลมูลนโย วุตฺโต. อฺปทตฺถสมาสนฺเตน ก-กาเรน ตีสุปิ ยมเกสุ มูลโยคเมว ทีเปตุํ มูลกนโย วุตฺโต. มูลมูลกนยวจนปริยาโย วุตฺตปฺปกาโรว.
๗๔-๘๕. อพฺโพหาริกํ กตฺวาติ น เอกมูลภาวํ ลภมาเนหิ เอกโต ลพฺภมานตฺตา สเหตุกโวหารรหิตํ กตฺวา. น วา สเหตุกทุเก วิย เอตฺถ เหตุปจฺจยโยคาโยควเสน อพฺโพหาริกํ กตํ, อถ โข สเหตุกโวหารเมว ลภติ, น อเหตุกโวหารนฺติ อพฺโพหาริกํ กตํ. เอกโต ลพฺภมานกวเสนาติ อเหตุกจิตฺตุปฺปาทนิพฺพาเนหิ เหตุปจฺจยรหิเตหิ สห ลพฺภมานกรูปวเสนาติ อตฺโถ.
๘๖-๙๗. ยสฺสํ ปาฬิยํ ‘‘อเหตุกํ นามมูเลน น เอกมูลํ, สเหตุกํ นามมูเลน เอกมูล’’นฺติ (ยม. ๑.มูลยมก.๘๗) ¶ ปาโ อาคโต, ตตฺถ ‘‘เย เกจิ นามา ธมฺมา’’ติ นามานํ นิทฺธาริตตฺตา ‘‘อเหตุกํ สเหตุก’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘นาม’’นฺติ จ อิทํ วิฺายมานเมวาติ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ปน ‘‘อเหตุกํ นามํ, สเหตุกํ นาม’’นฺติ (ยม. ๑.มูลยมก.๘๗) จ ปาโ, ตตฺถ สุปากฏภาวตฺถํ ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตนฺติ.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
มูลยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ขนฺธยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๒-๓. ขนฺธยมเก ¶ ฉสุ กาลเภเทสุ ปุคฺคลโอกาสปุคฺคโลกาสวเสน ขนฺธานํ อุปฺปาทนิโรธา เตสํ ปริฺา จ วตฺตพฺพา. เต ปน ขนฺธา ‘‘รูปกฺขนฺโธ’’ติอาทีหิ ปฺจหิ ปเทหิ วุจฺจนฺติ, เตสํ ทส อวยวปทานิ. ตตฺถ โย รูปาทิอวยวปทาภิหิโต ธมฺโม, กึ โส เอว สมุทายปทสฺส อตฺโถ. โย จ สมุทายปเทน วุตฺโต, โส เอว อวยวปทสฺสาติ เอตสฺมึ สํสยฏฺาเน รูปาทิอวยวปเทหิ วุตฺโต เอกเทโส สกโล วา สมุทายปทานํ อตฺโถ, สมุทายปเทหิ ปน วุตฺโต เอกนฺเตน รูปาทิอวยวปทานํ อตฺโถติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ รูปกฺขนฺโธ, รูปกฺขนฺโธ รูป’’นฺติอาทินา ปทโสธนวาโร วุตฺโต.
ปุน ‘‘รูปกฺขนฺโธ’’ติอาทีนํ สมาสปทานํ อุตฺตรปทตฺถปฺปธานตฺตา ปธานภูตสฺส ขนฺธปทสฺส เวทนาทิอุปปทตฺถสฺส จ สมฺภวโต ยถา ‘‘รูปกฺขนฺโธ’’ติ เอตสฺมึ ปเท รูปาวยวปเทน วุตฺตสฺส รูปกฺขนฺธภาโว โหติ รูปสทฺทสฺส ขนฺธสทฺทสฺส จ สมานาธิกรณภาวโตติ, เอวํ ตตฺถ ปธานภูเตน ขนฺธาวยวปเทน วุตฺตสฺส เวทนากฺขนฺธาทิภาโว โหติ ขนฺธปเทน เวทนาทิปทานํ สมานาธิกรณตฺตาติ ¶ เอตสฺมึ สํสยฏฺาเน ขนฺธาวยวปเทน วุตฺโต ธมฺโม โกจิ เกนจิ สมุทายปเทน วุจฺจติ, น สพฺโพ สพฺเพนาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ รูปกฺขนฺโธ, ขนฺธา เวทนากฺขนฺโธ’’ติอาทินา ปทโสธนมูลจกฺกวาโร วุตฺโต. เอวฺจ ทสฺเสนฺเตน รูปาทิสทฺทสฺส วิเสสนภาโว, ขนฺธสทฺทสฺส วิเสสิตพฺพภาโว, วิเสสนวิเสสิตพฺพานํ สมานาธิกรณภาโว จ ทสฺสิโต โหติ.
เตเนตฺถ สํสโย โหติ – กึ ขนฺธโต อฺมฺปิ รูปํ อตฺถิ, ยโต วินิวตฺตํ รูปํ ขนฺธวิเสสนํ โหติ, สพฺเพว ขนฺธา กึ ขนฺธวิเสสนภูเตน รูเปน วิเสสิตพฺพาติ, กึ ปน ตํ ขนฺธวิเสสนภูตํ รูปนฺติ? ภูตุปาทายรูปํ ตสฺเสว คหิตตฺตา. นิทฺเทเส ‘‘ขนฺธา รูปกฺขนฺโธ’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา วิสฺสชฺชนํ กตนฺติ. เอวํ เอตสฺมึ สํสยฏฺาเน น ขนฺธโต อฺํ รูปํ อตฺถิ, เตเนว เจเตน รูปสทฺเทน วุจฺจมานํ สุทฺเธน ขนฺธสทฺเทน วุจฺจเต, น ¶ จ สพฺเพ ขนฺธา ขนฺธวิเสสนภูเตน รูเปน วิเสสิตพฺพา, เตเนว เต วิภชิตพฺพา, เอส นโย เวทนากฺขนฺธาทีสุปีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ ขนฺโธ, ขนฺธา รูป’’นฺติอาทินา สุทฺธขนฺธวาโร วุตฺโต.
ตโต ‘‘รูปํ ขนฺโธ’’ติ เอตสฺมึ อนฺุายมาเน ‘‘น เกวลํ อยํ ขนฺธสทฺโท รูปวิเสสโนว, อถ โข เวทนาทิวิเสสโน จา’’ติ รูปสฺส ขนฺธภาวนิจฺฉยานนฺตรํ ขนฺธานํ รูปวิเสสนโยเค จ สํสโย โหติ. ตตฺถ น สพฺเพ ขนฺธา เวทนาทิวิเสสนยุตฺตา, อถ โข เกจิ เกนจิ วิเสสเนน ยฺุชนฺตีติ ทสฺเสตุํ สุทฺธขนฺธมูลจกฺกวาโร วุตฺโตติ. เอวํ เยสํ อุปฺปาทาทโย วตฺตพฺพา, เตสํ ขนฺธานํ ปณฺณตฺติโสธนวเสน ตนฺนิจฺฉยตฺถํ ปณฺณตฺติวาโร วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
จตฺตาริ จตฺตาริ จกฺกานิ พนฺธิตฺวาติ เอตฺถ จกฺกาวยวภาวโต จกฺกานีติ ยมกานิ วุตฺตานิ เอเกกขนฺธมูลานิ จตฺตาริ จตฺตาริ ยมกานิ พนฺธิตฺวาติ. อิมินา หิ เอตฺถ อตฺเถน ภวิตพฺพนฺติ. จตฺตาริ จตฺตาริ ยมกานิ ยถา เอเกกขนฺธมูลกานิ โหนฺติ, เอวํ พนฺธิตฺวาติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ ‘‘รูปํ รูปกฺขนฺโธ’’ติ เอวมาทิกํ มูลปทํ นาภึ กตฺวา ‘‘ขนฺธา’’ติ อิทํ เนมึ, ‘‘เวทนากฺขนฺโธ’’ติอาทีนิ อเร กตฺวา จกฺกภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ, น มณฺฑลภาเวน สมฺพชฺฌนโต. เวทนากฺขนฺธมูลกาทีสุปิ หิ เหฏฺิมํ โสเธตฺวาว ปาโ คโต, น มณฺฑลสมฺพนฺเธนาติ. เตเนว จ การเณนาติ สุทฺธขนฺธลาภมตฺตเมว คเหตฺวา ขนฺธวิเสสเน รูปาทิมฺหิ สุทฺธรูปาทิมตฺตตาย ¶ อฏฺตฺวา ขนฺธวิเสสนภาวสงฺขาตํ รูปาทิอตฺถํ ทสฺเสตุํ ขนฺธสทฺเทน สห โยเชตฺวา ‘‘ขนฺธา รูปกฺขนฺโธ’’ติอาทินา นเยน ปทํ อุทฺธริตฺวา อตฺถสฺส วิภตฺตตฺตาติ อตฺโถ.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๒๖. ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ ‘‘จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ…เป… รูปา โลเก…เป… จกฺขุวิฺาณํ…เป… จกฺขุสมฺผสฺโส…เป… จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา…เป… รูปสฺา…เป… รูปสฺเจตนา…เป… รูปตณฺหา…เป… รูปวิตกฺโก…เป… รูปวิจาโร’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓) เอวํ วุตฺตํ ตณฺหาวตฺถุภูตํ ¶ เตภูมกํ เวทิตพฺพํ, ตสฺมา ยํ ปฺจกฺขนฺธสมุทายภูตํ ปิยรูปสาตรูปํ, ตํ เอกเทเสน รูปกฺขนฺโธ โหตีติ อาห ‘‘ปิยรูปํ สาตรูปํ รูปํ น รูปกฺขนฺโธ’’ติ. ปิยสภาวตาย วา รูปกฺขนฺโธ ปิยรูเป ปวิสติ, น รุปฺปนสภาเวนาติ ‘‘ปิยรูปํ สาตรูปํ รูปํ น รูปกฺขนฺโธ’’ติ วุตฺตํ. สฺายมเก ตาว ทิฏฺิสฺาติ ‘‘วิเสโส’’ติ วจนเสโส. ตตฺถ ทิฏฺิ เอว สฺา ทิฏฺิสฺา. ‘‘สยํ สมาทาย วตานิ ชนฺตุ, อุจฺจาวจํ คจฺฉติ สฺสตฺโต’’ติ (สุ. นิ. ๗๙๘), ‘‘สฺาวิรตฺตสฺส น สนฺติ คนฺถา’’ติ (สุ. นิ. ๘๕๓) จ เอวมาทีสุ หิ ทิฏฺิ จ ‘‘สฺา’’ติ วุตฺตาติ.
๒๘. ‘‘น ขนฺธา น เวทนากฺขนฺโธติ? อามนฺตา’’ติ เอวํ ขนฺธสทฺทปฺปวตฺติยา อภาเว เวทนากฺขนฺธสทฺทปฺปวตฺติยา จ อภาโวติ ปณฺณตฺติโสธนมตฺตเมว กโรตีติ ทฏฺพฺพํ, น อฺธมฺมสพฺภาโว เอเวตฺถ ปมาณํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘นายตนา น โสตายตนนฺติ? อามนฺตา’’ติอาทึ วกฺขตีติ.
๓๙. รูปโต อฺเ เวทนาทโยติ เอตฺถ โลกุตฺตรา เวทนาทโย ทฏฺพฺพา. เต หิ ปิยรูปา จ สาตรูปา จ น โหนฺติ ตณฺหาย อนารมฺมณตฺตาติ รูปโต อฺเ โหนฺตีติ. รูปฺจ ขนฺเธ จ ¶ เปตฺวา อวเสสาติ อิทมฺปิ เอเตหิ สทฺธึ น-สทฺทานํ อปฺปวตฺติมตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘จกฺขฺุจ อายตเน จ เปตฺวา อวเสสา น เจว จกฺขุ น จ อายตนา’’ติอาทึ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๕) วกฺขติ. น หิ ตตฺถ อวเสสคฺคหเณน คยฺหมานํ กฺจิ อตฺถิ. ยทิ สิยา, ธมฺมายตนํ สิยา. วกฺขติ หิ ‘‘ธมฺโม อายตนนฺติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๖). ตณฺหาวตฺถุ จ น ตํ สิยา. ยทิ สิยา, ปิยรูปสาตรูปภาวโต รูปํ สิยา ‘‘รูปํ ขนฺโธติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๑.ขนฺธยมก.๔๐) วจนโต ขนฺโธ จาติ. อฏฺกถายํ ปน อวิชฺชมาเนปิ วิชฺชมานํ อุปาทาย อิตฺถิปุริสาทิคฺคหณสพฺภาวํ สนฺธาย อวเสสาติ เอตฺถ ปฺตฺติยา คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
๕๐-๒๐๕. ปวตฺติวาเร ¶ เวทนากฺขนฺธาทิมูลกานิ ปจฺฉิเมเนว สห โยเชตฺวา ตีณิ ทฺเว เอกฺจ ยมกานิ วุตฺตานิ, น ปุริเมน. กสฺมา? อมิสฺสกกาลเภเทสุ วาเรสุ อตฺถวิเสสาภาวโต. ปุริมสฺส หิ ปจฺฉิเมน โยชิตยมกเมว ปจฺฉิมสฺส ปุริเมน โยชนาย ปุจฺฉานํ อุปฺปฏิปาฏิยา วุจฺเจยฺย, อตฺเถ ปน น โกจิ วิเสโสติ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเนสุปิ วิเสโส นตฺถิ, เตน ตถา โยชนา น กตาติ. กาลเภทา ปเนตฺถ ฉ เอว วุตฺตา. อตีเตน ปจฺจุปฺปนฺโน, อนาคเตน ปจฺจุปฺปนฺโน, อนาคเตนาตีโตติ เอเต ปน ตโย ยถาทสฺสิตา มิสฺสกกาลเภทา เอว ตโย, น วิสุํ วิชฺชนฺตีติ น คหิตา. ตตฺถ ตตฺถ หิ ปฏิโลมปุจฺฉาหิ อตีเตน ปจฺจุปฺปนฺนาทโย กาลเภทา ทสฺสิตา, เตเนว จ นเยน ‘‘ยสฺส รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ สกฺกา โยเชตุํ. เตเนว หิ มิสฺสกกาลเภเทสุ จ น ปจฺฉิมปจฺฉิมสฺส ขนฺธสฺส ปุริมปุริเมน โยชนํ กตฺวา ยมกานิ วุตฺตานิ, อมิสฺสกกาลเภเทสุ คหิตนิยาเมน สุขคฺคหณตฺถมฺปิ ปจฺฉิมปจฺฉิเมเนว โยเชตฺวา วุตฺตานีติ.
อิมินาเยว ¶ จ ลกฺขเณนาติอาทินา เยน การเณน ‘‘ปุเรปฺโห’’ติ จ ‘‘ปจฺฉาปฺโห’’ติ จ นามํ วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสติ. ยสฺส หิ สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชนํ โหติ, โส ปริปูเรตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺพตฺถสงฺคณฺหนโต ปริปุณฺณปฺโห นาม. ตํวิสฺสชฺชนสฺส ปน ปุริมโกฏฺาเสน สทิสตฺถตาย ปุเรปฺโห, ปจฺฉิมโกฏฺาสสทิสตฺถตาย ‘‘ปจฺฉาปฺโห’’ติ จ นามํ วุตฺตํ. สทิสตฺถตา จ สนฺนิฏฺานสํสยปทวิเสสํ อวิจาเรตฺวา เอเกน ปเทน สงฺคหิตสฺส ขนฺธสฺส อุปฺปาทนิโรธลาภสามฺมตฺเตน ปุเรปฺเห ทฏฺพฺพา. สนฺนิฏฺานปทสงฺคหิตสฺส วา ขนฺธสฺส อนฺุาตวเสน ปุเรปฺโห วุตฺโตติ ยุตฺตํ.
สนฺนิฏฺานตฺถสฺเสว ปฏิกฺขิปนํ ปฏิกฺเขโป, สํสยตฺถนิวารณํ ปฏิเสโธติ อยํ ปฏิกฺเขปปฏิเสธานํ วิเสโส. ปาฬิปทเมว หุตฺวาติ ปุจฺฉาปาฬิยา ‘‘นุปฺปชฺชตี’’ติ ยํ ปทํ วุตฺตํ, น-การวิรหิตํ ตเทว ปทํ หุตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ อุปฺปตฺตินิโรธปฏิเสธสฺส ปฏิเสธนตฺถํ ปาฬิคติยา วิสฺสชฺชนํ อุปฺปตฺตินิโรธานเมว ปฏิเสธนตฺถํ ปฏิเสเธน วิสฺสชฺชนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
จตุนฺนํ ¶ ปฺหานํ ปฺจนฺนฺจ วิสฺสชฺชนานํ สตฺตวีสติยา าเนสุ ปกฺเขโป ตเทกเทสปกฺเขปวเสน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ปริปุณฺณปฺโห เอว หิ สรูปทสฺสเนน จ วิสฺสชฺชนํ สตฺตวีสติยา าเนสุ ปกฺขิปิตพฺพนฺติ.
กึ นุ สกฺกา อิโต ปรนฺติ อิโต ปาฬิววตฺถานทสฺสนาทิโต อฺโ กึ นุ สกฺกา กาตุนฺติ อฺสฺส สกฺกุเณยฺยสฺส อภาวํ ทสฺเสติ.
‘‘สุทฺธาวาสานํ เตสํ ตตฺถ รูปกฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิตฺถ เวทนากฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ เอเตน สุทฺธาวาสภูมีสุ เอกภูมิยมฺปิ ทุติยา อุปปตฺติ นตฺถีติ าปิตํ โหติ. ปฏิสนฺธิโต ปภุติ หิ ยาว จุติ, ตาว ปวตฺตกมฺมชสนฺตานํ เอกตฺเตน คเหตฺวา ตสฺส อุปฺปาทนิโรธวเสน อยํ เทสนา ปวตฺตา. ตสฺมิฺหิ อพฺโพจฺฉินฺเน กุสลาทีนฺจ ปวตฺติ โหติ, โวจฺฉินฺเน จ อปฺปวตฺตีติ เตเนว จ อุปฺปาทนิโรธา ทสฺสิตา, ตสฺมา ตสฺส เอกสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิอุปฺปาทโต ยาว จุตินิโรโธ, ตาว อตีตตา นตฺถิ, น จ ตโต ปุพฺเพ ตตฺถ ปฏิสนฺธิวเสน กมฺมชสนฺตานํ อุปฺปนฺนปุพฺพนฺติ ขนฺธทฺวยมฺปิ ‘‘นุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ วุตฺตํ. กสฺมา ปน เอตาย ปาฬิยา ¶ สกเลปิ สุทฺธาวาเส ทุติยา ปฏิสนฺธิ นตฺถีติ น วิฺายตีติ? อุทฺธํโสตปาฬิสพฺภาวา. ทฺเวปิ หิ ปาฬิโย สํสนฺเทตพฺพาติ.
‘‘อสฺสตฺตานํ เตสํ ตตฺถ รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอตฺถ ‘‘ยสฺส ยตฺถ รูปกฺขนฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน วิเสสิตา อสฺสตฺตาปิ สนฺตีติ เต เอว คเหตฺวา ‘‘อสฺสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ. เตน เย สนฺนิฏฺาเนน วชฺชิตา, เต ตโต ปฺจโวการํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, น เตสํ ปุน อสฺเ อุปปตฺติปฺปสงฺโค อตฺถีติ เต สนฺธายาห – ‘‘ปจฺฉิมภวิกานํ เตสํ ตตฺถ รูปกฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิสฺสติ เวทนากฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ (ยม. ๑.ขนฺธยมก.๖๕). เอตฺถ กึ ปฺจโวการาทิภาโว วิย ปจฺฉิมภโวปิ โกจิ อตฺถิ, ยตฺถ เตสมนุปฺปตฺติ ภวิสฺสตีติ? นตฺถิ ปฺจโวการาทิภเวสฺเวว ยตฺถ วา ตตฺถ วา ิตานํ ปจฺฉิมภวิกานํ ‘‘ยสฺส ยตฺถ รูปกฺขนฺโธ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน สงฺคหิตตฺตา. เตสํ ตตฺถ อิตรานุปฺปตฺติภาวฺจ อนุชานนฺโต ‘‘เวทนากฺขนฺโธ จ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อาหาติ.
‘‘สุทฺธาวาเส ¶ ปรินิพฺพนฺตาน’’นฺติ อิทํ สปฺปฏิสนฺธิกานํ อปฺปฏิสนฺธิกานฺจ สุทฺธาวาสานํ ตํตํภูมิยํ ขนฺธปรินิพฺพานวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺเพสฺหิ เตสํ ตตฺถ เวทนากฺขนฺโธ นุปฺปชฺชิตฺถาติ. ยถา ปน ‘‘นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ วจนํ ปจฺจุปฺปนฺเนปิ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิมฺหิ ปวตฺตติ, น เอวํ ‘‘อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ วจนํ ปจฺจุปฺปนฺเน ปวตฺตติ, อถ โข อุปฺปชฺชิตฺวา วิคเต อตีเต เอว, ตสฺมา ‘‘ปรินิพฺพนฺตานํ นุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ วุตฺตํ อุปฺปนฺนสนฺตานสฺส อวิคตตฺตา. อนนฺตา โลกธาตุโยติ โอกาสสฺส อปริจฺฉินฺนตฺตา โอกาสวเสน วุจฺจมานานํ อุปฺปาทนิโรธานมฺปิ ปริจฺเฉทาภาวโต สํกิณฺณตา โหตีติ ‘‘ยตฺถ เวทนากฺขนฺโธ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ สฺากฺขนฺโธ นิรุชฺฌตีติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปริฺาวารวณฺณนา
๒๐๖-๒๐๘. ปุคฺคโลกาสวาโร ¶ ลพฺภมาโนปีติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ โอกาสวารสฺส อลาเภ ตสฺสปิ อลาเภน ภวิตพฺพนฺติ? น, ตตฺถ ปุคฺคลสฺเสว ปริฺาวจนโต. ปุคฺคโลกาสวาเรปิ หิ โอกาเส ปุคฺคลสฺเสว ปริฺา วุจฺจติ, น โอกาสสฺส. โอกาสวาโรปิ จ ยทิ วุจฺเจยฺย, ‘‘ยตฺถ รูปกฺขนฺธํ ปริชานาตี’’ติ โอกาเส ปุคฺคลสฺเสว ปริชานนวเสน วุจฺเจยฺย, ตสฺมา ปุคฺคโลกาสวารสฺเสว ลพฺภมานตา วุตฺตา, น โอกาสวารสฺสาติ. เตนาห – ‘‘อามนฺตา…เป… สิยา’’ติ.
เตเนวาติ ปวตฺเต จิตฺตกฺขณวเสน ติณฺณํ อทฺธานํ ลาภโต เอว, อฺถา จุติปฏิสนฺธิกฺขเณ รูปกฺขนฺธปริชานนสฺส อภาวา ‘‘โย รูปกฺขนฺธํ ปริชานาติ, โส เวทนากฺขนฺธํ ปริชานาตี’’ติ เอตฺถ ‘‘นตฺถี’’ติ วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพํ สิยา, ‘‘อามนฺตา’’ติ จ กตนฺติ. สนฺนิฏฺานสํสยปทสงฺคหิตานํ ปริฺานํ ปวตฺเต จิตฺตกฺขเณ เอว ลาภํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกุตฺตรมคฺคกฺขณสฺมิฺหี’’ติอาทิมาห. น ปริชานาตีติ ปฺเห ปุถุชฺชนํ สนฺธาย อามนฺตาติ วุตฺตนฺติ อิทํ ปุถุชฺชนสฺส สพฺพถา ปริฺากิจฺจสฺส อภาวโต วุตฺตํ. ‘‘อรหา รูปกฺขนฺธํ น ปริชานาติ โน จ เวทนากฺขนฺธํ น ปริชานิตฺถ, อคฺคมคฺคสมงฺคิฺจ อรหนฺตฺจ เปตฺวา อวเสสา ปุคฺคลา รูปกฺขนฺธฺจ น ปริชานนฺติ ¶ เวทนากฺขนฺธฺจ น ปริชานิตฺถา’’ติ ปน วจเนน ‘‘อคฺคมคฺคสมงฺคึ เปตฺวา อฺโ โกจิ ปริชานาตี’’ติ วตฺตพฺโพ นตฺถีติ ทสฺสิตํ โหติ, เตน ตทวเสสปุคฺคเล สนฺธาย ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ วิฺายตีติ.
ปริฺาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ขนฺธยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อายตนยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑-๙. อายตนยมกาทีสุ ¶ จ ปณฺณตฺติวาเร ปทโสธนวาราทีนํ วจเน การณํ ขนฺธยมเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ‘‘เอกาทส เอกาทส กตฺวา เตตฺตึสสตํ ยมกานี’’ติอาทินา เกสุจิ โปตฺถเกสุ คณนา ลิขิตา, สา ตถา น โหติ. ‘‘ทฺวตฺตึสสต’’นฺติอาทินา อฺตฺถ ลิขิตา.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๑๐-๑๗. วายนฏฺเนาติ ปสารณฏฺเน, ปากฏภาวฏฺเน วา. ‘‘กาโย ธมฺโม’’ติ จ วุจฺจมานํ สพฺพํ สสภาวํ อายตนเมวาติ ‘‘กาโย อายตน’’นฺติ, ‘‘ธมฺโม อายตน’’นฺติ จ เอตฺถ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. กายวจเนน ปน ธมฺมวจเนน จ อวุจฺจมานํ กฺจิ สสภาวํ นตฺถีติ ‘‘น กาโย นายตนํ, น ธมฺโม นายตน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘อามนฺตา’’อิจฺเจว วุตฺตํ.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวาโร
๑. อุปฺปาทวารวณฺณนา
๑๘-๒๑. ปวตฺติวาเร ¶ จกฺขายตนมูลกานิ เอกาทสาติ ปฏิสนฺธิจุติวเสน อุปาทินฺนปวตฺตสฺส ¶ อุปฺปาทนิโรธวจเน เอตสฺมึ อลพฺภมานวิสฺสชฺชนมฺปิ สทฺทายตเนน สทฺธึ ยมกํ ปุจฺฉามตฺตลาเภน สงฺคณฺหิตฺวา วทตีติ ทฏฺพฺพํ. ฉสฏฺิ ยมกานีติ เอตฺถ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายรูปายตนมูลเกสุ เอเกกํ สทฺทายตนมูลกานิ ปฺจาติ เอกาทส ยมกานิ วิสฺสชฺชนวเสน หาเปตพฺพานิ. วกฺขติ หิ ‘‘สทฺทายตนสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ อนุปฺปตฺติโต เตน สทฺธึ ยมกสฺส วิสฺสชฺชนเมว นตฺถี’’ติ (ยม. อฏฺ. อายตนยมก ๑๘-๒๑).
ทุติยํ กิฺจาปิ ปเมน สทิสวิสฺสชฺชนนฺติอาทิ ปุคฺคลวารเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. โอกาสวาเร ปน อสทิสวิสฺสชฺชนตฺตา วุตฺตํ, น ตํ สพฺพตฺถ สทิสวิสฺสชฺชนนฺติ าเปตุํ ปุคฺคลวาเรปิ วิสฺสชฺชิตนฺติ. คนฺธรสโผฏฺพฺพายตเนหิ สทฺธึ ตีณิ ยมกานิ สทิสวิสฺสชฺชนานีติ รูปาวจรสตฺเต สนฺธาย ‘‘สจกฺขุกานํ อคนฺธกาน’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชิตพฺพตฺตา วุตฺตํ. เตสฺหิ วิรตฺตกามกมฺมนิพฺพตฺตสฺส ปฏิสนฺธิพีชสฺส เอวํสภาวตฺตา ฆานาทีนิ คนฺธาทโย จ น สนฺตีติ. ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ จกฺขายตนมูลเกสุ ฆานายตนยมเกน สทฺธึ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ อตฺโถ. นนุ ตตฺถ ‘‘สจกฺขุกานํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺชนํ ปวตฺตํ, อิธ ปน ฆานายตนมูลเกสุ ‘‘ยสฺส ฆานายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ชิวฺหายตนํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพนฺติ นตฺถิ สทิสวิสฺสชฺชนตาติ? สจฺจํ, ยถา ปน ตตฺถ ฆานายตนยมเกน ชิวฺหากายายตนยมกานิ สทิสวิสฺสชฺชนานิ, เอวมิธาปิ ชิวฺหากอายายตนยมกานิ สทิสวิสฺสชฺชนานิ, ตสฺมา ตตฺถ ตตฺเถว สทิสวิสฺสชฺชนตา ปาฬิยํ อนารุฬฺหตาย การณนฺติ. นิทสฺสนภาเวน ปน คหิตํ จกฺขายตนมูลกานํ สทิสวิสฺสชฺชนกานํ สทิสวิสฺสชฺชนํ นิทสฺสนภาเวเนว การณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตา’’ติ อาห. สทิสวิสฺสชฺชนตา เจตฺถ ฆานายตนมูลเกสุ เยภุยฺยตาย ทฏฺพฺพา. เตสุ หิ ชิวฺหากายายตนยมเกสุ ติณฺณํ ปุจฺฉานํ ‘‘อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพํ ¶ , ปจฺฉิมปุจฺฉาย ‘‘สกายกานํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทินาติ.
อถ วา ยถา เวทนากฺขนฺธาทิมูลกานํ สฺากฺขนฺธาทิยมกานํ อมิสฺสกกาลเภเทสุ ตีสุ ‘‘อามนฺตา’’ติ ปฏิวจนวิสฺสชฺชเนน ยถาวุตฺตวจนสฺส วิสฺสชฺชนภาวานุชานนํ กตฺตพฺพนฺติ อปุพฺพสฺส วตฺตพฺพสฺส อภาวา วิสฺสชฺชนํ น กตํ, เอวมิธาปิ ฆานายตนมูลกํ ชิวฺหายตนยมกํ ¶ อปุพฺพสฺส วตฺตพฺพสฺส อภาวา ปาฬึ อนารุฬฺหนฺติ ปากโฏยมตฺโถ. กายายตนยมกํ ปน ทุติยปุจฺฉาย วเสน วิสฺสชฺชิตพฺพํ สิยา, สา จ จกฺขายตนมูลเกสุ ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนา, ตสฺมา ยสฺสา ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนา กาตพฺพา, ตสฺสา ฆานายตนยมเกน สทิสวิสฺสชฺชนตฺตา ตํเสสานิ ปาฬึ อนารุฬฺหานีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตถาติ อิทํ ปาฬิอนารุฬฺหตาสามฺเเนว วุตฺตํ, น การณสามฺเน. ฆานชิวฺหากายายตนานํ ปน อคพฺภเสยฺยเกสุ ปวตฺตมานานํ คพฺภเสยฺยเกสุ จ อายตนปาริปูริกาเล สหจาริตาย อวิเสสตฺตา จ อปฺปวิเสสตฺตา จ เอกสฺมึ ฆานายตนยมเก วิสฺสชฺชิเต อิตรานิ ทฺเว, ฆานายตนมูลเกสุ จ วิสฺสชฺชิเตสุ อิตรทฺวยมูลกานิ น วิสฺสชฺชียนฺตีติ เวทิตพฺพานิ. รูปายตนมนายตเนหิ สทฺธินฺติ ‘‘ยสฺส รูปายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส มนายตนํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอติสฺสา ปุจฺฉาย วุตฺเตหิ รูปายตนมนายตเนหิ สทฺธินฺติ อธิปฺปาโย. รูปายตนมูลเกสุ หิ มนายตนยมเก อาทิปุจฺฉาย คนฺธรสโผฏฺพฺพยมเกสุ อาทิปุจฺฉานํ สทิสวิสฺสชฺชนตา ยมกานํ อวิสฺสชฺชเน การณภาเวน วุตฺตา. ทุติยปุจฺฉานฺหิ ปฏิวจนวิสฺสชฺชเนน ภวิตพฺพนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน วิสฺสชฺชนํ น กาตพฺพํ, อาทิปุจฺฉานฺจ น กาตพฺพนฺติ.
เหฏฺิเมหิ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ เอตฺถ คนฺธายตนมูลกานํ รสโผฏฺพฺพยมกานํ รสายตนมูลกสฺส จ โผฏฺพฺพยมกสฺส ปฏิวจนวิสฺสชฺชเนเนว ภวิตพฺพนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิสฺสชฺชนํ น กาตพฺพนฺติ เยสํ กาตพฺพํ, เตสํ คนฺธรสโผฏฺพฺพมูลกานํ มนายตนธมฺมายตนยมกานํ จกฺขาทิปฺจายตนมูลเกหิ มนายตนธมฺมายตนยมเกหิ สทิสวิสฺสชฺชนตฺตาติ อตฺโถ. จกฺขายตนาทิมูลกานิ สทฺทายตนยมกานิ สทฺทายตนมูลกานิ สพฺพานิ อวิสฺสชฺชเนเนว อลพฺภมานวิสฺสชฺชนตาทสฺสเนน ¶ วิสฺสชฺชิตานิ นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘ฉสฏฺิ ยมกานิ วิสฺสชฺชิตานิ นาม โหนฺตี’’ติ.
ชจฺจนฺธมฺปิ ชจฺจพธิรมฺปีติ เอตฺถ จ ชจฺจพธิรคฺคหเณน ชจฺจนฺธพธิโร คหิโตติ เวทิตพฺโพ. สฆานกานํ สจกฺขุกานนฺติ ปริปุณฺณายตนเมว โอปปาติกํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เอตฺถ เอว-สทฺทํ วุตฺตนฺติ-เอตสฺส ปรโต โยเชตฺวา ยถา ‘‘สฆานกานํ อจกฺขุกาน’’นฺติ อิทํ อปริปุณฺณายตนํ สนฺธาย วุตฺตํ, น เอวํ ‘‘สฆานกานํ สจกฺขุกาน’’นฺติ เอตํ. เอตํ ปน ปริปุณฺณายตนํ ¶ สนฺธาย วุตฺตเมวาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตน ชจฺจพธิรมฺปิ สนฺธาย วุตฺตตา น วาริตา โหตีติ.
๒๒-๒๕๔. ยตฺถ จกฺขายตนนฺติ รูปีพฺรหฺมโลกํ ปุจฺฉตีติ นิยมโต ตตฺถ จกฺขุโสตานํ สหุปฺปตฺติมตฺตํ ปสฺสนฺโต วทติ, โอกาสวาเร ปน ตสฺมึ ปุคฺคลสฺส อนามฏฺตฺตา ยตฺถ กามธาตุยํ รูปธาตุยฺจ จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ โสตายตนมฺปิ เอกนฺเตน อุปฺปชฺชตีติ ‘‘อามนฺตา’’ติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๒๒) วุตฺตํ.
‘‘ยสฺส วา ปน รูปายตนํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ กสฺมา ปฏิฺาตํ, นนุ โย คพฺภเสยฺยกภาวํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, ตสฺส รูปายตนํ ปฏิสนฺธิยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, น ปน จกฺขายตนนฺติ? ยสฺส รูปายตนํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส ตทวตฺถสฺส ปุคฺคลสฺส รูปายตนุปฺปาทโต อุทฺธํ จกฺขายตนสนฺตานุปฺปาทสฺส ปวตฺติยมฺปิ ภวิสฺสนฺตสฺส ปฏิฺาตพฺพตฺตา. อถ กสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน รูปายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ ปฏิฺาตํ, นนุ คพฺภเสยฺยกสฺส ปจฺฉิมภวิกสฺส อุปปชฺชนฺตสฺส เอกาทสมสตฺตาหา โอรโต ิตสฺส รูปายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ โน จ จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ? ตสฺมึ ภเว ภวิสฺสนฺตสฺส อุปฺปาทสฺส อนาคตภาเวน อวจนโต. ภวนฺตเร หิ ตสฺส ตสฺส อายตนสนฺตานสฺส โย อาทิอุปฺปาโท ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ ภวิสฺสติ, โส อนาคตุปฺปาโท ตพฺภาเวน วุจฺจติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนานนฺโตคธตฺตา. น ปน โย ตสฺมึเยว ภเว ปวตฺเต ภวิสฺสติ, โส อนาคตุปฺปาทภาเวน วุจฺจติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนนฺโตคธตฺตา. อทฺธาวเสน เหตฺถ กมฺมชปวตฺตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนาทิกาลเภโท อธิปฺเปโต. เอวฺจ กตฺวา อินฺทฺริยยมเก (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๓๖๘) ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ ¶ , ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? ปจฺฉิมภวิกานํ อิตฺถีนํ อุปปชฺชนฺตีนํ, ยา จ อิตฺถิโย รูปาวจรํ อรูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, ยา จ อิตฺถิโย เอเตเนว ภาเวน กติจิ ภเว ทสฺเสตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, ตาสํ อุปปชฺชนฺตีนํ ตาสํ อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, โน จ ตาสํ ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. น หิ ตาสํ สพฺพาสํ ตสฺมึ ภเว ปวตฺเต ปุริสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชิสฺสติ ลิงฺคปริวตฺตนสพฺภาวา, ภวนฺตเร ปน อาทิอุปฺปาทสฺส อภาวํ สนฺธาย ‘‘โน จ ¶ ตาสํ ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. ภวนฺตเร หิ อาทิอุปฺปาทสฺส อนาคตตฺตํ อธิปฺเปตนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กติจิ ภเว ทสฺเสตฺวา’’ติ ภวคฺคหณํ กตนฺติ.
‘‘อายตนานํ ปฏิลาโภ ชาตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๘๘; วิภ. ๒๓๕) วจนโต ตํตํอายตนนิพฺพตฺตกกมฺเมน คหิตปฏิสนฺธิกสฺส อวสฺสํภาวีอายตนสฺส ยาว อายตนปาริปูริ, ตาว อุปฺปชฺชตีติ ปน อตฺเถ คยฺหมาเน ปุจฺฉาทฺวยวิสฺสชฺชนํ สูปปนฺนํ โหติ. เอวฺจ สติ ‘‘ยสฺส วา ปน โสตายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชตีติ? ปจฺฉิมภวิกานํ ปฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานํ, เย จ อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ อุปปชฺชนฺตานํ เตสํ โสตายตนํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, โน จ เตสํ จกฺขายตนํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอวมาทีสุ (ยม. ๑.อายตนยมก.๙๕) คพฺภเสยฺยกาปิ ปจฺฉิมภวิกาทโย อุปปชฺชนฺตา คหิตา โหนฺติ. เอวฺจ กตฺวา อินฺทฺริยยมเก (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๖) ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ อิทมฺปิ อุปปนฺนํ โหติ. โสมนสฺสินฺทฺริยุปฺปาทกสฺส กมฺมสฺส เอกนฺเตน จกฺขุนฺทฺริยุปฺปาทนโต คพฺเภปิ ยาว จกฺขุนฺทฺริยุปฺปตฺติ, ตาว อุปฺปชฺชมานตาย ตสฺสา อภินนฺทิตพฺพตฺตา.
ยํ ปน ‘‘ยสฺส วา ปน ยตฺถ รูปายตนํ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตสฺส ตตฺถ ฆานายตนํ อุปฺปชฺชตีติ? กามาวจรา จวนฺตานํ, อฆานกานํ กามาวจรํ อุปปชฺชนฺตานํ, รูปาวจรานํ เตสํ ตตฺถ รูปายตนํ อุปฺปชฺชิตฺถ, โน จ เตสํ ตตฺถ ฆานายตนํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ ‘‘อฆานกานํ กามาวจรํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๗๖) วุตฺตํ, ตํ เย เอกาทสมสตฺตาหา โอรโต กาลํ กริสฺสนฺติ, เตสํ ฆานายตนานิพฺพตฺตกกมฺเมน คหิตปฏิสนฺธิกานํ วเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ยสฺส ยตฺถ ฆานายตนํ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส ¶ ตตฺถ รูปายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ? กามาวจรํ อุปปชฺชนฺตานํ, อฆานกานํ กามาวจรา จวนฺตานํ, รูปาวจรานํ เตสํ ตตฺถ ฆานายตนํ น นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ ตตฺถ รูปายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ หิ เอตฺถ ‘‘อฆานกานํ กามาวจรา จวนฺตาน’’นฺติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๘๑) วจนํ อนุปฺปนฺเนเยว ฆานายตเน คพฺภเสยฺยกานํ จุติ อตฺถีติ ทีเปติ. น หิ กามาวจเร คพฺภเสยฺยกโต อฺโ อฆานโก อตฺถิ ธมฺมหทยวิภงฺเค (วิภ. ๙๗๘ อาทโย) ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ อวุตฺตตฺตาติ. อถ กสฺมา โอปปาติเก เอว สนฺธาย อิธ, อินฺทฺริยยมเก จ ยถาทสฺสิตาสุ ปุจฺฉาสุ ¶ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ น วิฺายตีติ? ยมเก สนฺนิฏฺาเนน คหิตตฺถสฺส เอกเทเส สํสยตฺถสมฺภเวน ปฏิวจนสฺส อกรณโต. ภินฺทิตพฺเพ หิ น ปฏิวจนวิสฺสชฺชนํ โหติ. ยทิ สิยา, ปริปุณฺณวิสฺสชฺชนเมว น สิยาติ. อถ กสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๖) อิมินา ‘‘คพฺภเสยฺยกานํ โสมนสฺสปฏิสนฺธิ นตฺถี’’ติ น วิฺายตีติ? ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺส ทสินฺทฺริยานิ ปาตุภวนฺติ? คพฺภเสยฺยกานํ สตฺตานํ สเหตุกานํ าณสมฺปยุตฺตานํ อุปปตฺติกฺขเณ ทสินฺทฺริยานิ ปาตุภวนฺติ กายินฺทฺริยํ มนินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ วา ปุริสินฺทฺริยํ วา ชีวิตินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ วา อุเปกฺขินฺทฺริยํ วา สทฺธินฺทฺริย’’นฺติอาทิวจนโต (วิภ. ๑๐๑๒).
นิโรธวาเร อนาคตกาลเภเท ยถา ตสฺเสว จิตฺตสฺส นิโรโธ อนาคตภาเวน ตสฺส อุปฺปตฺติกฺขเณ วุตฺโต, เอวํ ตสฺเสว กมฺมชสนฺตานสฺส นิโรโธ อนาคตภาเวน ตสฺส อุปฺปาเท วตฺตพฺโพติ สพฺพตฺถ อุปปชฺชนฺตานํ เอว โส ตถา วุตฺโต, น อุปฺปนฺนานํ. อุปฺปนฺนานํ ปน อฺสฺส อนาคตสฺส สนฺตานสฺส นิโรโธ อนาคตภาเวน วตฺตพฺโพ, น ตสฺเสว. ตสฺส หิ อุปฺปาทานนฺตรํ นิโรโธ อารทฺโธ นาม โหตีติ. ตสฺมา อรหตํ ปวตฺเต โสตสฺส จกฺขุสฺส จ เภเท สติปิ อนาคตกาลามสนวเสเนว ‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสตายตนํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา. ยสฺส วา ปน โสตายตนํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชนทฺวยํ อุปปนฺนเมว โหตีติ. ยสฺมา จ อุปปตฺติอนนฺตรํ นิโรโธ ¶ อารทฺโธ นาม โหติ, ตํนิฏฺานภาวโต ปน จุติยา นิโรธวจนํ, ตสฺมา ปวตฺเต นิรุทฺเธปิ สนฺตาเนกเทเส อนิรุทฺธํ อุปาทาย อนิฏฺิตนิโรโธติ จุติยาว ตสฺส นิโรโธติ วุจฺจติ. วกฺขติ หิ ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌตีติ? อามนฺตา’’ติ, เตเนตฺถาปิ จุตินิโรเธ เอว จ อธิปฺเปเต ยฺจ ปวตฺเต นิรุชฺฌิสฺสติ, ตฺจ นิฏฺานวเสน จุติยา เอว นิรุชฺฌิสฺสตีติ วุตฺตนฺติ ‘‘อามนฺตา’’ติ ยุตฺตํ ปฏิวจนํ. ‘‘สจกฺขุกาน’’นฺติอาทีสุ จ ‘‘ปฏิลทฺธจกฺขุกาน’’นฺติอาทินา อตฺโถ วิฺายตีติ.
‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส โสตายตนํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ? สพฺเพสํ อุปปชฺชนฺตานํ, อจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ จกฺขายตนํ น นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ โสตายตนํ ¶ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ เอตฺถ อารุปฺเป ปจฺฉิมภวิเก เปตฺวา สพฺเพ อุปปชฺชนฺตา, อจกฺขุกา จวนฺตา จ คหิตาติ ทฏฺพฺพา. เต หิ ทุติยโกฏฺาเสน สงฺคยฺหนฺตีติ ตทเปกฺขตฺตา สาวเสสมิทํ สพฺพวจนํ อจกฺขุกวจนฺจาติ. ‘‘อารุปฺเป ปจฺฉิมภวิกาน’’นฺติ เอตฺถ จ อรูปโต ปฺจโวการํ อคจฺฉนฺตา อนฺูปปตฺติกาปิ ‘‘อรูเป ปจฺฉิมภวิกา’’อิจฺเจว สงฺคยฺหนฺตีติ เวทิตพฺพา. เอส นโย อฺเสุปิ เอวรูเปสูติ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อายตนยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ธาตุยมกํ
๑-๑๙. ลพฺภมานานนฺติ อิทํ ปวตฺติวาเร สทฺทธาตุสมฺพนฺธานํ ยมกานํ จกฺขุวิฺาณธาตาทิสมฺพนฺธานฺจ จุติปฏิสนฺธิวเสน อลพฺภมานตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ธาตุยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สจฺจยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๑๐-๒๖. ‘‘ทุกฺขํ ¶ ทุกฺขสจฺจนฺติ? อามนฺตา’’ติ เอตฺถ กิฺจาปิ ทุกฺขทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขํ วิปริณามทุกฺขนฺติ ตีสุปิ ทุกฺขสทฺโท ปวตฺตติ, ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา (มหาว. ๑๔; วิภ. ๑๙๐) ชาติอาทีสุ จ, โส ปน ทุกฺขทุกฺขโต อฺตฺถ ปวตฺตมาโน ¶ อฺนิรเปกฺโข นปฺปวตฺตติ. สุทฺธฺเจตฺถ ทุกฺขปทํ อฺนิรเปกฺขํ คเหตฺวา ปณฺณตฺติโสธนํ กโรติ, เตน นิปฺปริยายโต ทุกฺขสภาวตฺตา เอว ยํ ทุกฺขทุกฺขํ, ตสฺมึ ทุกฺขทุกฺเข เอส ทุกฺขสทฺโท, ตฺจ เอกนฺเตน ทุกฺขสจฺจเมวาติ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. สุทฺธสจฺจวาเร สจฺจวิภงฺเค วุตฺเตสุ สมุทเยสุ โกจิ ผลธมฺเมสุ นตฺถิ, น จ ผลธมฺเมสุ โกจิ นิโรโธติ วุจฺจมาโน อตฺถิ, มคฺคสทฺโท จ ผลผลงฺเคสุ มคฺคผลตฺตา ปวตฺตติ, น มคฺคกิจฺจสพฺภาวา. ปรินิฏฺิตนิยฺยานกิจฺจานิ หิ ตานิ. นิยฺยานวาจโก เจตฺถ มคฺคสทฺโท, น นิยฺยานผลวาจโก, ตสฺมา สมุทโย สจฺจํ, นิโรโธ สจฺจํ, มคฺโค สจฺจนฺติ เอเตสุปิ ‘‘อามนฺตา’’อิจฺเจว วิสฺสชฺชนํ กตํ.
อถ วา ปทโสธเนน ปเทสุ โสธิเตสุ สจฺจวิเสสนภูตา เอว ทุกฺขาทิสทฺทา อิธ คหิตาติ วิฺายนฺติ. เตสํ ปน เอกนฺเตน สจฺจวิเสสนภาวํ, สจฺจานฺจ ตพฺพิเสสนโยควิเสสํ ทีเปตุํ สุทฺธสจฺจวาโร วุตฺโตติ สจฺจวิเสสนานํ ทุกฺขาทีนํ เอกนฺตสจฺจตฺตา ‘‘ทุกฺขํ สจฺจํ…เป… มคฺโค สจฺจนฺติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ขนฺธยมกาทีสุปิ สุทฺธขนฺธาทิวาเรสุ ขนฺธาทิวิเสสนภูตานเมว รูปาทีนํ คหณํ ยุตฺตํ. อฏฺกถายํ (ยม. อฏฺ. ขนฺธยมก ๓๘) ปน ‘‘ยสฺมา ปิยรูปสาตรูปสงฺขาตํ วา รูปํ โหตุ ภูตุปาทารูปํ วา, สพฺพํ ปฺจสุ ขนฺเธสุ สงฺคหํ คจฺฉเตว, ตสฺมา อามนฺตาติ ปฏิชานาตี’’ติ วจเนน รูปาทิจกฺขาทิทุกฺขาทิคฺคหเณหิ สุทฺธขนฺธาทิวาเรสุปิ ขนฺธาทิวิเสสนโต อฺเปิ คหิตาติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหติ, เตน ตทนุรูปตาวเสน อิตโร อตฺโถ วุตฺโต.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
๒๗-๑๖๔. อนฺตมโส ¶ สุทฺธาวาสานมฺปีติ อิทํ เตสํ อริยตฺตา ทุกฺขสจฺเจน อุปปชฺชเน อาสงฺกา สิยาติ กตฺวา วุตฺตํ. ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺสาติ อิทํ ปฺจโวการวเสเนว คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ. ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตีติ เอเตน ปน สนฺนิฏฺาเนน สพฺเพ อุปปชฺชนฺตา ปวตฺติยํ จตุโวกาเร ¶ มคฺคผลโต อฺจิตฺตานํ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน ปฺจโวกาเร จ สพฺพจิตฺตานํ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน สงฺคหิตาติ เตสฺเวว สนฺนิฏฺาเนน นิจฺฉิเตสุ เกจิ ‘‘ปวตฺเต ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ เอเตน ทุกฺขสมุทเยสุ เอกโกฏฺาสปฺปวตฺติสมงฺคิโน ทสฺสียนฺติ สนฺนิฏฺาเนน คหิตสฺเสว วิภาคทสฺสนโต, เตน จตุโวการานมฺปิ คหณํ อุปปนฺนเมว. น หิ เตสุ มคฺคผลุปฺปาทสมงฺคีสุ ปสงฺคตา อตฺถิ ตํสมงฺคีนํ เตสํ สนฺนิฏฺาเนน อคฺคหิตตฺตาติ. อิทํ อิธ น คเหตพฺพนฺติ อิทํ จตุโวกาเร ผลสมาปตฺติจิตฺตํ อิธ สจฺจานํ อุปฺปาทวจเน น คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ.
เอตฺถ จ สพฺเพสํ อุปปชฺชนฺตานนฺติ อิทํ กมฺมชปวตฺตสฺส ปมุปฺปาททสฺสเนน วุตฺตํ, อสฺสตฺตาเปตฺถ สงฺคหิตา. ปวตฺเต ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ อิทํ ปน สมุทยสจฺจุปฺปาทโวมิสฺสสฺส ทุกฺขสจฺจุปฺปาทสฺส ตํรหิตสฺส ทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ตณฺหาย อุปฺปาทกฺขเณติ ตํสหิตสฺส สมุทยสจฺจุปฺปาทโวมิสฺสสฺส. เตสํ ปน อสฺสตฺตานํ ปวตฺติยํ ทุกฺขสจฺจสฺส อุปฺปาโท สพฺพตฺถ น คหิโต, ตถา นิโรโธ จาติ. มคฺคสจฺจยมเกปิ เอเสว นโย. เตสํ ตสฺมึ อุปปตฺติกฺขเณ จ ตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ จาติ เอวเมตฺถ ขณวเสน โอกาโส เวทิตพฺโพติ วุตฺตํ, เอวฺจ สติ ‘‘ยสฺส ยตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๗๑) เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ปจฺฉิมโกฏฺาเส ‘‘อิตเรสํ จตุโวการํ ปฺจโวการํ อุปปชฺชนฺตานํ, ปวตฺเต จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจฺจ อุปฺปชฺชติ สมุทยสจฺจฺจ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อิทํ น ยุชฺเชยฺย. น หิ อุปปตฺติกฺขเณ จิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ จ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ. ตสฺมา อุปปตฺติกฺขณตณฺหาวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปตฺติกฺขณสมงฺคีนํ ปุคฺคลานํ ยสฺมึ กามาวจราทิโอกาเส สา อุปปตฺติ จิตฺตุปฺปตฺติ จ ปวตฺตมานา, ตตฺถ เตสนฺติ โอกาสวเสเนเวตฺถ ¶ ตตฺถ-สทฺทสฺส อตฺโถ ยุชฺชติ. ปุคฺคโลกาสวาโร เหส. ตตฺถ ปุคฺคลวิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘สพฺเพสํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, โอกาโส ปน ยตฺถ เต, โส เอวาติ.
‘‘สพฺเพสํ จวนฺตานํ ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ อารุปฺเป มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ สมุทยสจฺจฺจ นุปฺปชฺชติ ทุกฺขสจฺจฺจ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ ปน ‘‘ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ จิตฺตปฏิพทฺธวุตฺติตฺตา จิตฺตชรูปเมว อิธาธิปฺเปตํ, น กมฺมชาทิรูปํ จิตฺตํ อนเปกฺขิตฺวาว อุปฺปชฺชนโตติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘ยสฺส วา ¶ ปน สมุทยสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอเตน ปน สนฺนิฏฺาเนน คหิโต ปุคฺคโล น จิตฺตํ อเปกฺขิตฺวาว คหิโต, อถ โข โย โกจิ เอวํปกาโร, ตสฺมา ‘‘ตสฺส ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตี’’ติ เอเตน จ น จิตฺตาเปกฺขเมว ทุกฺขสจฺจํ วุตฺตํ, อถ โข ยํ กิฺจีติ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ ยํ กิฺจิ ทุกฺขสจฺจํ นุปฺปชฺชตีติ อยมตฺโถ วิฺายตีติ. น หิ ยมเก วิภชิตพฺเพ อวิภตฺตา นาม ปุจฺฉา อตฺถีติ.
‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิตฺเตวตฺตมาเน’’ติ อิทํ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ยสฺส ยตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถ, โน จ สมุทยสจฺจํ, ตํทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ตสฺมึ ปน ทสฺสิเต เตน สมานคติกตฺตา ทุติยากุสลจิตฺตโต ปุริมสพฺพจิตฺตสมงฺคิโน เตเนว ทสฺสิตา โหนฺติ. เตสมฺปิ หิ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถ โน จ เตสํ ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถาติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อิตเรสํ จตุโวการปฺจโวการาน’’นฺติ เอตฺถ ยถาวุตฺตา สุทฺธาวาสา อคฺคหิตา โหนฺติ. ยถา ‘‘ยสฺส ยตฺถ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตตฺถ สมุทยสจฺจํ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๖๑) เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ‘‘สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๖๑) เอเตเนว อุปปตฺติจิตฺตุปฺปาทกฺขณสมงฺคิสมานคติกา ทุติยากุสลโต ปุริมสพฺพจิตฺตุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน ทสฺสิตา โหนฺตีติ น เต ‘‘อิตเรส’’นฺติ เอเตน คยฺหนฺติ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพนฺติ. ‘‘อิตเรส’’นฺติ วจนํ ปฺจโวการานํ วิเสสนตฺถํ, น จตุโวการานํ. น หิ เต ปุพฺเพ วุตฺตา วชฺเชตพฺพา สนฺติ ปฺจโวการา วิย ยถาวุตฺตา สุทฺธาวาสาติ. ‘‘อภิสเมตาวีนํ เตสํ ตตฺถ ทุกฺขสจฺจฺจ อุปฺปชฺชิตฺถ มคฺคสจฺจฺจ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๔๑) เอเตน สนฺนิฏฺาเนน ปุคฺคโลกาสา อฺมฺปริจฺฉินฺนา คหิตาติ ยสฺมึ โอกาเส อภิสเมตาวิโน, เต เอวํ ‘‘อภิสเมตาวีน’’นฺติ เอเตน คหิตาติ ทฏฺพฺพา ¶ . เตน เย กามาวจเร รูปาวจเร อรูปาวจเร วา อภิสเมตาวิโน รูปาวจรํ อรูปาวจรํ วา อุปปนฺนา, ยาว ตตฺถาภิสมโย อุปฺปนฺโน ภวิสฺสติ, ตาว เต เอตฺถ น คยฺหนฺติ, เต ปน ปุริมโกฏฺาเส ‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิตฺเต วตฺตมาเน’’ติ เอวํ ทสฺสิเตหิ สุทฺธาวาเส อนุปฺปนฺนาภิสมเยหิ สมานคติกาติ วิสุํ น ทสฺสิตา. ‘‘อนภิสเมตาวีน’’นฺติ คหิตา เย สพฺพตฺถ ตตฺถ จ อนภิสเมตาวิโน, เตสุ สุทฺธาวาสานํ คหณกาลวิเสสนตฺถํ ‘‘สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิตฺเต วตฺตมาเน’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๔๒) วุตฺตนฺติ.
ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อคฺคมคฺคํ ปฏิลภิสฺสนฺตีติ เอเตน โวทานจิตฺตสมงฺคินา สมานคติกา ¶ ตโต ปุริมตรจิตฺตสมงฺคิโนปิ ยาว สพฺพนฺติมตณฺหาสมฺปยุตฺตจิตฺตสมงฺคี, ตาว ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. เอส นโย อฺเสุ เอวรูเปสูติ.
ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณติ อาคตฏฺาเน ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺสปิ ภงฺคกฺขณคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ, ตถา ‘‘ปวตฺเต จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ อาคตฏฺาเน จ จุติจิตฺตสฺสปิ อุปฺปาทกฺขณสฺสาติ. ‘‘ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส สมุทยสจฺจํ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๑๑๖) เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ทฺวีสุปิ โกฏฺาเสสุ ‘‘อรูเป มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ ภงฺคกฺขเณ’’อิจฺเจว (ยม. ๑.สจฺจยมก.๑๑๖) วุตฺตํ, น วิเสสิตํ. กสฺมา? เอกสฺสปิ มคฺคสฺส จ ผลสฺส จ ภงฺคกฺขณสมงฺคิโน อุภยโกฏฺาสภชนโต. ยสฺส ทุกฺขสจฺจํ น นิรุชฺฌตีติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน คหิเตสุ หิ อรุเป มคฺคผลภงฺคกฺขณสมงฺคีสุ เกสฺจิ ติณฺณํ ผลานํ ทฺวินฺนฺจ มคฺคานํ ภงฺคกฺขณสมงฺคีนํ นิรนฺตรํ อนุปฺปาเทตฺวา อนฺตรนฺตรา วิปสฺสนานิกนฺตึ ภวนิกนฺตึ อุปฺปาเทตฺวา เย อุปริมคฺเค อุปฺปาเทสฺสนฺติ, เตสํ สมุทยสจฺจํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ เตสํเยว ปน เกสฺจิ อนฺตรา ตณฺหํ อนุปฺปาเทตฺวา อุปริมคฺคอุปฺปาเทนฺตานํ มคฺคผลภงฺคกฺขณสมงฺคีนํ สมุทยสจฺจํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ. สามฺวจเนนปิ จ ปุริมโกฏฺาเส วุจฺจมาเนน ปจฺฉิมโกฏฺาเส วกฺขมาเน วชฺเชตฺวาว คหณํ โหตีติ ทสฺสิโตยํ นโยติ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปริฺาวารวณฺณนา
๑๖๕-๑๗๐. ปริฺาวาเร ¶ …เป… ติสฺโสเปตฺถ ปริฺา ลพฺภนฺตีติ เอตฺเถว วิเสสนํ ขนฺธยมกาทีสุ สพฺพขนฺธาทีนํ วิย สพฺพสจฺจานํ อปริฺเยฺยตาทสฺสนตฺถํ สจฺฉิกรณภาวนาวเสน อิมสฺส วารสฺส อปฺปวตฺติทสฺสนตฺถฺจ. ทุกฺขสฺส ปริฺตฺถํ สมุทยสฺส จ ปหานตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ ปริฺาปหานํ สจฺเจสุ ทสฺเสตุํ ทุกฺเข ตีรณปริฺา วุตฺตา, น ปหานปริฺา. สมุทเย จ ปหานปริฺา, น ตีรณปริฺา. าตปริฺา ปน สาธารณาติ อุภยตฺถ วุตฺตา. มคฺคาณฺหิ ทุกฺขสมุทยานิ วิภาเวตีติ าตปริฺา จ โหติ ¶ , ทุกฺขตีรณกิจฺจานํ นิปฺผาทนโต ตีรณปริฺา จ, สมุทยสฺส อปฺปวตฺติกรณโตว ปหานปริฺา จาติ ติสฺโสปิ ปริฺา มคฺคกฺขเณ เอว โยเชตพฺพาติ.
ปริฺาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สจฺจยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สงฺขารยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวารวณฺณนา
๑. ขนฺธาทโย วิย ปุพฺเพ อวิภตฺตา กายสงฺขาราทโยติ เตสํ อวิฺาตตฺตา ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขาโร’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๓๔๘) ตโย สงฺขาเร วิภชติ. กายสฺส สงฺขาโรติ ปเม อตฺเถ สามิอตฺเถ เอว สามิวจนํ, ทุติเย อตฺเถ กตฺตุอตฺเถ. วจิยา สงฺขาโรติ กมฺมตฺเถ สามิวจนํ. จิตฺตสฺส สงฺขาโรติ จ กตฺตุอตฺเถเยว. โส ปน กรณวจนสฺส อตฺโถติ กตฺวา ‘‘กรณตฺเถ สามิวจนํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ.
๒-๗. สุทฺธิกเอเกกปทวเสน อตฺถาภาวโตติ ปทโสธนตํมูลกจกฺกวาเรหิ โยปิ อตฺโถ ทสฺสิโต ทฺวีหิ ปเทหิ ลพฺภมาโน เอโก อสฺสาสปสฺสาสาทิโก, ตสฺส สุทฺธิเกหิ กายาทิปเทหิ สุทฺธิเกน ¶ จ สงฺขารปเทน อวจนียตฺตา ยถา รูปปทสฺส ขนฺเธกเทโส ขนฺธปทสฺส ขนฺธสมุทาโย ปทโสธเน ทสฺสิโต ยถาธิปฺเปโต อตฺโถ อตฺถิ, เอวํ เอเกกปทสฺส ยถาธิปฺเปตตฺถาภาวโตติ อธิปฺปาโย. กาโย กายสงฺขาโรติอาทิ ปน วตฺตพฺพํ สิยาติ ยทิ วิสุํ อทีเปตฺวา สมุทิโต กายสงฺขารสทฺโท เอกตฺถ ทีเปติ, กายสงฺขารสทฺโท กายสงฺขารตฺเถ วตฺตมาโน ขนฺธสทฺโท วิย รูปสทฺเทน กายสทฺเทน วิเสสิตพฺโพติ อธิปฺปาเยน วทติ. สุทฺธสงฺขารวาโร เหสาติ เอเตน อิมสฺส วารสฺส ปทโสธเนน ทสฺสิตานํ ยถาธิปฺเปตานเมว คหณโต เตสฺจ กายาทิปเทหิ อคฺคหิตตฺตา ‘‘กาโย กายสงฺขาโร’’ติอาทิวจนสฺส อยุตฺตึ ทสฺเสติ. อิธ ปน สงฺขารยมเก กายาทิปทานํ สงฺขารปทสฺส จ อสมานาธิกรณตฺตา ‘‘กาโย สงฺขาโร, สงฺขารา กาโย’’ติอาทิมฺหิ ¶ วุจฺจมาเน อธิปฺเปตตฺถปริจฺจาโค อนธิปฺเปตตฺถปริคฺคโห จ กโต สิยาติ สุทฺธสงฺขารตํมูลจกฺกวารา น วุตฺตา. ปทโสธนวารตํมูลจกฺกวาเรหิ ปน อสมานาธิกรเณหิ กายาทิปเทหิ สงฺขารสทฺทสฺส วิเสสนียตาย ทสฺสิตาย สํสโย โหติ ‘‘โย อตฺถนฺตรปฺปวตฺตินา กายสทฺเทน วิเสสิโต กายสงฺขาโร, เอโส อตฺถนฺตรปฺปวตฺตีหิ วจีจิตฺเตหิ วิเสสิโต อุทาหุ อฺโ’’ติ. เอวํ เสเสสุปิ. เอตฺถ เตสํ อฺตฺถ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร’’ติอาทินา อนุโลมปฏิโลมวเสน ฉ ยมกานิ วุตฺตานีติ ทฏฺพฺพํ. อฏฺกถายํ ปน สุทฺธสงฺขารวารฏฺาเน วุตฺตตฺตา อยํ นโย สุทฺธสงฺขารวาโรติ วุตฺโต.
ปณฺณตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
๑๙. ปวตฺติวาเร สงฺขารานํ ปุคฺคลานฺจ โอกาสตฺตา ฌานํ ภูมิ จ วิสุํ โอกาสภาเวน คหิตาติ ปุคฺคลวาเร จ โอกาสวเสน ปุคฺคลคฺคหเณน เตสํ ทฺวินฺนํ โอกาสานํ วเสน คหณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘วินา วิตกฺกวิจาเรหิ อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ ทุติยตติยชฺฌาโนกาสวเสน คหิตา ปุคฺคลา วิเสเสตฺวา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา ¶ . ปุน ปมชฺฌานํ สมาปนฺนานนฺติ ฌาโนกาสวเสน ปุคฺคลํ ทสฺเสติ, กามาวจรานนฺติ ภูโมกาสวเสน. ทฺวิปฺปการานมฺปิ ปน เตสํ วิเสสนตฺถมาห ‘‘อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ. เตน รูปารูปาวจเรสุ ปมชฺฌานสมาปนฺนเก กามาวจเร คพฺภคตาทิเก จ นิวตฺเตติ. กามาวจรานมฺปิ หิ คพฺภคตาทีนํ วินา อสฺสาสปสฺสาเสหิ วิตกฺกวิจารานํ อุปฺปตฺติ อตฺถิ. อฏฺกถายํ ปน เอกนฺติกตฺตา รูปารูปาวจรา นิทสฺสิตา. วินา อสฺสาสปสฺสาเสหิ วิตกฺกวิจารานํ อุปฺปาทกฺขเณติ เอเตน ปน ทสฺสิตา ปุคฺคลา ปมชฺฌาโนกาสา กามาวจราทิโอกาสา จ อสฺสาสปสฺสาสวิรหวิสิฏฺา ทฏฺพฺพา. อิมินา นเยน สพฺพตฺถ ปุคฺคลวิภาโค เวทิตพฺโพ.
๒๑. ‘‘ปมชฺฌาเน กามาวจเรติ กามาวจรภูมิยํ อุปฺปนฺเน ปมชฺฌาเน’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ ¶ , เอตสฺมึ ปน อตฺเถ สติ ‘‘จตุตฺถชฺฌาเน รูปาวจเร อรูปาวจเร ตตฺถ จิตฺตสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ, โน จ ตตฺถ กายสงฺขาโร อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถาปิ รูปารูปาวจรภูมีสุ อุปฺปนฺเน จตุตฺถชฺฌาเนติ อตฺโถ ภเวยฺย, โส จ อนิฏฺโ ภูมีนํ โอกาสภาวสฺเสว อคฺคหิตตาปตฺติโต, สพฺพจตุตฺถชฺฌานสฺส โอกาสวเสน อคฺคหิตตาปตฺติโต จ, ตสฺมา ฌานภูโมกาสานํ สงฺกรํ อกตฺวา วิสุํ เอว โอกาสภาโว โยเชตพฺโพ. ปมชฺฌาโนกาเสปิ หิ กายสงฺขาโร จ อุปฺปชฺชติ วจีสงฺขาโร จ อุปฺปชฺชติ กามาวจโรกาเส จ. ยทิปิ น สพฺพมฺหิ ปมชฺฌาเน สพฺพมฺหิ จ กามาวจเร ทฺวยํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ปน ตํทฺวยุปฺปตฺติ อตฺถีติ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิสุํ โอกาสตฺตา จ ‘‘องฺคมตฺตวเสน เจตฺถา’’ติอาทิวจนํ น วตฺตพฺพํ โหตีติ. อิมมฺหิ จ ยมเก อวิตกฺกวิจารมตฺตํ ทุติยชฺฌานํ วิจารวเสน ปมชฺฌาเน สงฺคหํ คจฺฉตีติ ทฏฺพฺพํ. มุทฺธภูตํ ทุติยชฺฌานํ คเหตฺวา อิตรํ อสงฺคหิตนฺติ วา. ยสฺสยตฺถเก ‘‘นิโรธสมาปนฺนาน’’นฺติ น ลพฺภติ. น หิ เต อสฺสตฺตา วิย โอกาเส โหนฺตีติ.
๓๗. สุทฺธาวาสานํ ทุติเย จิตฺเต วตฺตมาเนติ เตสํ ปมโต อวิตกฺกอวิจารโต ทุติเย สวิตกฺกสวิจาเรปิ ภวนิกนฺติอาวชฺชเน วตฺตมาเน อุภยํ นุปฺปชฺชิตฺถาติ ทสฺเสนฺเตน ตโต ปุริมจิตฺตกฺขเณสุปิ นุปฺปชฺชิตฺถาติ ¶ ทสฺสิตเมว โหติ. ยถา ปน จิตฺตสงฺขารสฺส อาทิทสฺสนตฺถํ ‘‘สุทฺธาวาสํ อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ วจีสงฺขารสฺส อาทิทสฺสนตฺถํ ‘‘ทุติเย จิตฺเต วตฺตมาเน’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺขารยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อนุสยยมกํ
ปริจฺเฉทปริจฺฉินฺนุทฺเทสวารวณฺณนา
๑. ปจฺจยปริคฺคหปริโยสานา าตปริฺาติ ปจฺจยทีปเกน มูลยมเกน าตปริฺํ ¶ , ขนฺธาทีสุ ตีรณพาหุลฺลโต ขนฺธาทิยมเกหิ ตีรณปริฺฺจ วิภาเวตฺวา อนุสยปหานนฺตา ปหานปริฺาติ ปหาตพฺพมุทฺธภูเตหิ อนุสเยหิ ปหานปริฺํ วิภาเวตุํ อนุสยยมกํ อารทฺธํ. ลพฺภมานวเสนาติ อนุสยภาเวน ลพฺภมานานํ วเสนาติ อตฺโถ. ตีหากาเรหิ อนุสยานํ คาหาปนํ เตสุ ตถา อคฺคหิเตสุ อนุสยวาราทิปาฬิยา ทุรวโพธตฺตา.
อยํ ปเนตฺถ ปุริเมสูติ เอเตสุ สานุสยวาราทีสุ ปุริเมสูติ อตฺโถ. อตฺถวิเสสาภาวโต ‘‘กามธาตุํ วา ปน อุปปชฺชนฺตสฺส กามธาตุยา จุตสฺส, รูปธาตุํ วา ปน อุปปชฺชนฺตสฺส กามธาตุยา จุตสฺสา’’ติ เอวมาทีหิ อวุจฺจมาเน กถมยํ ยมกเทสนา สิยาติ? นายํ ยมกเทสนา, ปุริมวาเรหิ ปน ยมกวเสน เทสิตานํ อนุสยานํ จุติอุปปตฺติวเสน อนุสยฏฺานปริจฺเฉททสฺสนํ. ยมกเทสนาพาหุลฺลโต ปน สพฺพวารสมุทายสฺส อนุสยยมกนฺติ นามํ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ปฏิโลมปุจฺฉาปิ อตฺถวเสน ลพฺภนฺติ, อตฺถวิเสสาภาวโต ปน น วุตฺตาติ ลพฺภมานตาวเสน เอติสฺสาปิ เทสนาย ยมกเทสนตา เวทิตพฺพา.
อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ เอเตน การณลาเภ อุปฺปตฺติอรหตํ ทสฺเสติ. อปฺปหีนา หิ อนุสยา การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนฺติ. ยาว จ มคฺเคน เตสํ อนุปฺปตฺติอรหตา น กตา โหติ, ตาว ¶ เต เอวํปการา เอวาติ ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติ. โส เอวํปกาโร อุปฺปชฺชติ-สทฺเทน คหิโต, น ขนฺธยมกาทีสุ วิย อุปฺปชฺชมานตา. เตเนว ‘‘ยสฺส กามราคานุสโย อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปฏิฆานุสโย อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติอาทินา อุปฺปชฺชนวาโร อนุสยวาเรน นินฺนานากรโณ วิภตฺโต. อนุรูปํ การณํ ปน ลภิตฺวา เย อุปฺปชฺชึสุ อุปฺปชฺชมานา จ, เตปิ อปฺปหีนฏฺเน ถามคตา อเหสุํ ภวนฺติ จ. อุปฺปตฺติอรหตาย เอว จ เต อุปฺปชฺชึสุ อุปฺปชฺชนฺติ จ, น จ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนโต อฺเ อุปฺปตฺติอรหา นาม อตฺถิ, ตสฺมา สพฺเพ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา กามราคาทโย ‘‘อนุสยา’’ติ วุจฺจนฺติ. อปฺปหีนฏฺเเนว หิ อนุสยา, อปฺปหีนา จ อตีตาทโย เอว, มคฺคสฺส ปน ตาทิสานํ อนุปฺปตฺติอรหตาปาทเนน อนุสยปฺปหานํ โหตีติ. อปฺปหีนากาโร นาม ธมฺมากาโร, น ธมฺโม, ธมฺโม เอว จ อุปฺปชฺชตีติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘อปฺปหีนากาโร จ อุปฺปชฺชตีติ วตฺตุํ น ยุชฺชตี’’ติ. สตฺตานุสยาติ เอตฺถ ยทิ อปฺปหีนฏฺเน สนฺตาเน อนุเสนฺตีติ อนุสยา, อถ กสฺมา สตฺเตว วุตฺตา, นนุ สตฺตานุสยโต อฺเสมฺปิ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา อนุสยภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นาปชฺชติ, อปฺปหีนมตฺตสฺเสว อนุสยภาวสฺส อวุตฺตตฺตา. วุตฺตฺหิ ¶ ‘‘อนุสโยติ ปน อปฺปหีนฏฺเน ถามคตกิเลโส วุจฺจตี’’ติ (ยม. อฏฺ. อนุสยยมก ๑), ตสฺมา อปฺปหีนฏฺเน ถามคโต กิเลโสเยว อนุสโย นามาติ ยุตฺตํ. ถามคตนฺติ จ อฺเหิ อสาธารโณ สภาโว ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ธมฺมสภาวโพธินา ตถาคเตน อิเมเยว ‘‘อนุสยา’’ติ วุตฺตา. ถามคโตติ อนุสยสมงฺคีติ อตฺโถ.
อนุสยอุปฺปชฺชนวารานํ สมานคติกตฺตา ยถา ‘‘อนุเสตี’’ติ วจนํ อปฺปหีนาการทีปกํ, เอวํ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ สิยาติ อุปฺปชฺชนวาเรน ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนสฺส อวุตฺตตา สกฺกา วตฺตุนฺติ เจ? ตํ น, วจนตฺถวิเสเสน ตํทฺวยสฺส วุตฺตตฺตา. ‘‘อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชตี’’ติ หิ เอตสฺมึ อตฺเถ อวิสิฏฺเปิ ‘‘อนุเสตี’’ติ วจนํ สนฺตาเน อนุสยิตตํ ถามคตภาวํ ทีเปติ. ยทิ ตเมว ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ ทีเปยฺย, กสฺสจิ วิเสสสฺส อภาวา อุปฺปชฺชนวาโร น วตฺตพฺโพ สิยา, ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ ปน อุปฺปตฺติโยคฺคํ ทีเปติ. กสฺมา? อุปฺปชฺชนวาเรน อุปฺปตฺติโยคฺคสฺส ¶ ทสฺสิตตฺตา, อนุสยสทฺทสฺส สพฺพทา วิชฺชมานานํ อปรินิปฺผนฺนสยนตฺถตาย นิวารณตฺถํ อุปฺปตฺติอรหตาย ถามคตภาวสงฺขาตสฺส ยถาธิปฺเปตสยนตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนุเสนฺตีติ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ ยํ อุปฺปตฺติโยคฺควจนํ วุตฺตํ, ตํ สุวุตฺตเมวาติ อธิปฺปาโย. ตมฺปิ สุวุตฺตเมว อิมินา ตนฺติปฺปมาเณนาติ สมฺพนฺโธ. ตนฺติตฺตเยนปิ หิ จิตฺตสมฺปยุตฺตตา ทีปิตา โหติ.
ปริจฺเฉทปริจฺฉินฺนุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปฺปตฺติฏฺานวารวณฺณนา
๒. กามธาตุยา ทฺวีสุ เวทนาสูติ กามาวจรภูมิยํ สุขาย จ อุเปกฺขาย จาติ อฏฺกถายํ กามธาตุคฺคหณํ ทฺวินฺนํ เวทนานํ วิเสสนภาเวน วุตฺตํ, เอวํ สติ กามธาตุยา กามราคานุสยสฺส อนุสยฏฺานตา น วุตฺตา โหติ. ทฺวีสุ ปน ราเคสุ ภวราคสฺส ตีสุ ธาตูสุ รูปารูปธาตูนํ อนุสยฏฺานตา วุตฺตาติ กามธาตุยา กามราคสฺส อนุสยฏฺานตา วตฺตพฺพา. ธาตุเวทนาสพฺพสกฺกายปริยาปนฺนวเสน ¶ หิ ติปฺปการํ อนุสยานํ อนุสยฏฺานํ วุตฺตนฺติ. ตสฺมา ตีสุ ธาตูสุ กามธาตุยา ตีสุ เวทนาสุ ทฺวีสุ เวทนาสุ เอตฺถ กามราคานุสโย อนุเสตีติ วิสุํ อนุสยฏฺานตา ธาตุยา เวทนานฺจ โยเชตพฺพา. ทฺวีสุ เวทนาสูติ อิทฺจ เวทนาสุ อนุสยมาโน กามราคานุสโย ทฺวีสฺเวว อนุเสติ, น ตีสูติ ติณฺณมฺปิ านตานิวารณตฺถเมว วุตฺตนฺติ น สพฺพาสุ ทฺวีสุ อนุสยนปฺปตฺโต อตฺถิ, เตน เวทนาวิเสสนตฺถํ น กามธาตุคฺคหเณน โกจิ อตฺโถ. ภวราคานุสยนฏฺานฺหิ อฏฺานฺจ อนุสยานํ อปริยาปนฺนํ สกฺกาเย กามราคานุสยสฺส อนุสยฏฺานํ น โหตีติ ปากฏเมตํ. ยถา จ ‘‘ทฺวีสุ เวทนาสู’’ติ วุตฺเต ปฏิฆานุสยานุสยฏฺานโต อฺา ทฺเว เวทนา คยฺหนฺติ, เอวํ ภวราคานุสยานุสยนฏฺานโต จ อฺา ตา คยฺหนฺตีติ.
เอตฺถ จ ทฺวีหิ เวทนาหิ สมฺปยุตฺเตสุ อฺเสุ จ ปิยรูปสาตรูเปสุ อิฏฺรูปาทีสุ อุปฺปชฺชมาโน กามราคานุสโย สาตสนฺตสุขคิทฺธิยา ปวตฺตตีติ ทฺวีสุ เวทนาสุ ตสฺส อนุสยนํ วุตฺตํ. อฺตฺถ อุปฺปชฺชมาโนปิ ¶ หิ โส อิมาสุ ทฺวีสุ เวทนาสุ อนุคโต หุตฺวา เสติ สุขมิจฺเจว อภิลภตีติ. เอวํ ปฏิฆานุสโย จ ทุกฺขเวทนาสมฺปยุตฺเตสุ อฺเสุ จ อปฺปิยรูปาสาตรูเปสุ อนิฏฺรูปาทีสุ อุปฺปชฺชมาโน ทุกฺขปฏิกูลโต ทุกฺขมิจฺเจว ปฏิหฺตีติ ทุกฺขเวทนเมว อนุคโต หุตฺวา เสติ, เตน ปน ตสฺมึ อนุสยนํ วุตฺตํ. เอวํ กามราคปฏิฆานํ ตีสุ เวทนาสุ อนุสยวจเนน อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตอนิฏฺเสุ อารมฺมณปกติยา วิปรีตสฺาย จ วเสน อิฏฺาทิภาเวน คหิเตสุ กามราคปฏิฆานํ อุปฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. ตตฺถ อุปฺปชฺชมานา หิ เต ตีสุ เวทนาสุ อนุเสนฺติ นาม. เวทนาตฺตยมุเขน วา เอตฺถ อิฏฺาทีนํ อารมฺมณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ, กามธาตุอาทิคฺคหเณน กามสฺสาทาทิวตฺถุภูตานํ กามภวาทีนํ. ตตฺถ กามราคานุสโย ภวสฺสาทวเสน อนุสยมาโน กามธาตุยา อนุเสติ, กามสุขสฺสาทวเสน อนุสยมาโน สุโขเปกฺขาเวทนาสุ. ปฏิโฆ ทุกฺขปฏิฆาตวเสเนว ปวตฺตตีติ ยตฺถ ตตฺถ ปฏิหฺมาโนปิ ทุกฺขเวทนาย เอว อนุเสติ. รูปารูปภเวสุ ปน รูปารูปาวจรธมฺเมสุ จ กามสฺสาทสฺส ปวตฺติ นตฺถีติ ตตฺถ อนุสยมาโน ราโค ภวราโคอิจฺเจว เวทิตพฺโพ. ธาตุตฺตยเวทนาตฺตยคฺคหเณน จ สพฺพสกฺกายปริยาปนฺนานํ คหิตตฺตา ‘‘ยตฺถ กามราคานุสโย นานุเสติ, ตตฺถ ทิฏฺานุสโย นานุเสตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๔๖) เอวมาทีนํ วิสฺสชฺชเนสุ ธาตุตฺตยเวทนาตฺตยวินิมุตฺตํ ทิฏฺานุสยาทีนํ อนุสยฏฺานํ น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺาปยโต ปิหปจฺจยา ¶ อุปฺปนฺนโทมนสฺเส ปฏิฆานุสโย นานุเสติ, ตถา เนกฺขมฺมสฺสิตโสมนสฺสุเปกฺขาสุ กามราเคน นานุสยิตพฺพนฺติ ตทนุสยนฏฺานโต อฺาปิ ทิฏฺานุสยานุสยนฏฺานภูตา กามาวจรเวทนา สนฺตีติ? โหนฺตุ, น ปน ธาตุตฺตยเวทนาตฺตยโต อฺํ ตทนุสยนฏฺานํ อตฺถิ, ตสฺมา ตํ น วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ‘‘ยตฺถ กามราคานุสโย จ ปฏิฆานุสโย จ มานานุสโย จ นานุเสนฺติ, ตตฺถ ทิฏฺานุสโย วิจิกิจฺฉานุสโย นานุเสตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๕๒) วุตฺตํ, ตสฺมา อวิเสเสน ทุกฺขํ ปฏิฆานุสยสฺส อนุสยนฏฺานนฺติ สมุทายวเสน คเหตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา โลกิยสุโขเปกฺขา กามราคมานานุสยนฏฺานนฺติ.
อปิจ ¶ สุตฺเต ‘‘อิธาวุโส วิสาข, ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘กุทาสฺสุ นามาหํ โทมนสฺสํ ปชเหยฺย’นฺติ, โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา ปฏิฆํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ ปฏิฆานุสโย อนุเสตี’’ติ เนกฺขมฺมสฺสิตํ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ วิกฺขมฺเภตฺวา วีริยํ กตฺวา อนาคามิมคฺเคน ปฏิฆสฺส สมุคฺฆาตนํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ ปฏิเฆเนว ปฏิฆปฺปหานํ, โทมนสฺเสน วา โทมนสฺสปฺปหานํ อตฺถีติ. ปฏิฆุปฺปตฺติรหฏฺานตาย ปน อิธ สพฺพํ ทุกฺขํ ‘‘ปฏิฆานุสยสฺส อนุสยนฏฺาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิปฺปริยายเทสนา เหสา, สา ปน ปริยายเทสนา. เอวฺจ กตฺวา ปมชฺฌานวิกฺขมฺภิตํ กามราคานุสยํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาตนํ สนฺธาย ‘‘วิวิจฺเจว…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, ราคํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ จตุตฺถชฺฌานวิกฺขมฺภิตํ อวิชฺชานุสยํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา อรหตฺตมคฺเคน สมุคฺฆาตนํ สนฺธาย ‘‘สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อวิชฺชํ เตน ปชหติ, น ตตฺถ อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) วุตฺตํ. น หิ โลกิยจตุตฺถชฺฌานุเปกฺขาย อวิชฺชานุสโย สพฺพถา นานุเสตีติ สกฺกา วตฺตุํ ‘‘สพฺพสกฺกายปริยาปนฺเนสุ ธมฺเมสุ เอตฺถ อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติ (ยม. อฏฺ. อนุสยยมก ๒) วุตฺตตฺตา, ตสฺมา อวิชฺชานุสยสฺเสว วตฺถุ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขา, เนกฺขมฺมสฺสิตโทมนสฺสฺจ ปฏิฆานุสยสฺส วตฺถุ น น โหตีติ ตตฺถาปิ ตสฺส อนุสยนํ เวทิตพฺพํ. อวตฺถุภาวโต หิ อิธ อนุสยนํ น วุจฺจติ, น สุตฺตนฺเตสุ วิย วุตฺตนเยน ตํปฏิปกฺขภาวโต ตํสมุคฺฆาตกมคฺคสฺส พลวูปนิสฺสยภาวโต จาติ.
เอตฺถ ¶ จ อารมฺมเณ อนุสยฏฺาเน สติ ภวราควชฺโช สพฺโพ โลโภ กามราคานุสโยติ น สกฺกา วตฺตุํ. ทุกฺขาย หิ เวทนาย รูปารูปธาตูสุ จ อนุสยมาเนน ทิฏฺานุสเยน สมฺปยุตฺโตปิ โลโภ โลโภ เอว, น กามราคานุสโย. ยทิ สิยา, ทิฏฺานุสยสฺส วิย เอตสฺสปิ านํ วตฺตพฺพํ สิยาติ. อถ ปน อชฺฌาสยวเสน ตนฺนินฺนตาย อนุสยนฏฺานํ วุตฺตํ. ยถา อิฏฺานํ รูปาทีนํ สุขาย จ เวทนาย อปฺปฏิลทฺธํ วา อปฺปฏิลาภโต สมนุปสฺสโต, ปฏิลทฺธปุพฺพํ วา อตีตํ นิรุทฺธํ วิคตํ ปริณตํ สมนุปสฺสโต อุปฺปชฺชมาโน ปฏิโฆ ทุกฺเข ปฏิหฺนวเสเนว ปวตฺตตีติ ทุกฺขเมว ตสฺส อนุสยนฏฺานํ วุตฺตํ, นาลมฺพิตํ, เอวํ ทุกฺขาทีสุ อภินิเวสนวเสน ¶ อุปฺปชฺชมาเนน ทิฏฺานุสเยน สมฺปยุตฺโตปิ โลโภ สุขาภิสงฺควเสเนว ปวตฺตตีติ สาตสนฺตสุขทฺวยเมวสฺส อนุสยฏฺานํ วุตฺตนฺติ ภวราควชฺชสฺส สพฺพโลภสฺส กามราคานุสยตา น วิรุชฺฌติ, เอกสฺมึเยว จ อารมฺมเณ รชฺชนฺติ ทุสฺสนฺติ จ. ตตฺถ ราโค สุขชฺฌาสโย ปฏิโฆ ทุกฺขชฺฌาสโยติ เตสํ นานานุสยฏฺานตา โหติ.
เอวฺจ กตฺวา ‘‘ยตฺถ กามราคานุสโย อนุเสติ, ตตฺถ ปฏิฆานุสโย อนุเสตีติ? โน’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๔) วุตฺตนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ทฺวีสุ เวทนาสุ อิฏฺารมฺมเณ จ โทมนสฺสุปฺปตฺตึ วตฺวา ‘‘โทมนสฺสมตฺตเมว ปน ตํ โหติ, น ปฏิฆานุสโย’’ติ (ยม. อฏฺ. อนุสยยมก ๒) วุตฺตตฺตา ยถา ตตฺถ ปฏิโฆ ปฏิฆานุสโย น โหติ, เอวํ ทุกฺขาทีสุ อุปฺปชฺชมาเนน ทิฏฺานุสเยน สหชาโต โลโภ กามราคานุสโย น โหติจฺเจว วิฺายตีติ. ยํ ปเนตํ วุตฺตํ ‘‘โทมนสฺสมตฺตเมว ปน ตํ โหติ, น ปฏิฆานุสโย’’ติ, เอตฺถ น ปฏิฆานุสโยติ นตฺถิ ปฏิฆานุสโยติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. น หิ โทมนสฺสสฺส ปฏิฆานุสยภาวาสงฺกา อตฺถีติ.
เทสนา สํกิณฺณา วิย ภเวยฺยาติ ภวราคสฺสปิ กามธาตุยา ทฺวีสุ เวทนาสุ อารมฺมณกรณวเสเนว อุปฺปตฺติ วุตฺตา วิย ภเวยฺย, ตสฺมา อารมฺมณวิเสเสน วิเสสทสฺสนตฺถํ เอวํ เทสนา กตา สหชาตเวทนาวิเสสาภาวโตติ อธิปฺปาโย.
อุปฺปตฺติฏฺานวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาวาโร
๑. อนุสยวารวณฺณนา
๓. อนุเสติ ¶ อุปฺปชฺชตีติ ปจฺจุปฺปนฺนโวหารา ปวตฺตาวิรามวเสน เวทิตพฺพา. มคฺเคเนว หิ อนุสยานํ วิราโม วิจฺเฉโท โหติ, น ตโต ปุพฺเพติ.
๒๐. นาปิ เอกสฺมึ าเน อุปฺปชฺชนฺติ, น เอกํ ธมฺมํ อารมฺมณํ กโรนฺตีติ เอตฺถ ปุริเมน เอกสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท อุปฺปตฺติ นิวาริตา, ปจฺฉิเมน เอกสฺมึ อารมฺมเณติ อยํ วิเสโส. ปุคฺคโลกาสวารสฺส ปฏิโลเม เตสํ เตสํ ปุคฺคลานํ ¶ ตสฺส ตสฺส อนุสยสฺส อนนุสยนฏฺานํ ปกติยา ปหาเนน จ เวทิตพฺพํ, ‘‘ติณฺณํ ปุคฺคลานํ ทุกฺขาย เวทนาย เตสํ ตตฺถ กามราคานุสโย นานุเสติ, โน จ เตสํ ตตฺถ ปฏิฆานุสโย นานุเสติ, เตสฺเว ปุคฺคลานํ รูปธาตุยา อรูปธาตุยา อปริยาปนฺเน เตสํ ตตฺถ กามราคานุสโย จ นานุเสติ, ปฏิฆานุสโย จ นานุเสตี’’ติ ปกติยา ทุกฺขาทีนํ กามราคาทีนํ อนนุสยฏฺานตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ สพฺพตฺถ กามราคานุสโย จ นานุเสติ, ปฏิฆานุสโย จ นานุเสตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๕๖) อนุสยปฺปหาเนน. เอตฺถ ปุริมนเยน โอกาสํ อเวกฺขิตฺวา ปุคฺคลสฺส วิชฺชมานานํ อนุสยานํ อนนุสยนํ วุตฺตํ, ปจฺฉิมนเยน ปุคฺคลํ อเวกฺขิตฺวา โอกาสสฺส กามธาตุอาทิกสฺส อโนกาสตาติ.
อนุสยวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สานุสยวารวณฺณนา
๖๖-๑๓๑. สานุสยปชหนปริฺาวาเรสุ ‘‘สานุสโย, ปชหติ, ปริชานาตี’’ติ ปุคฺคโล วุตฺโต. ปุคฺคลสฺส จ อิมสฺมึ ภเว สานุสโยติ เอวํ ภววิเสเสน วา, อิมสฺมึ กามราคานุสเยน สานุสโย อิมสฺมึ อิตเรสุ เกนจีติ เอวํ ภวานุสยวิเสเสน วา สานุสยตานิรนุสยตาทิกา ¶ นตฺถิ. ตถา ทฺวีสุ เวทนาสุ กามราคานุสเยน สานุสโย, ทุกฺขาย เวทนาย นิรนุสโยติ อิทมฺปิ นตฺถิ. น หิ ปุคฺคลสฺส เวทนา โอกาโส, อถ โข อนุสยานนฺติ. อนุสยสฺส ปน ตสฺส ตสฺส โส โส อนุสยโนกาโส ปุคฺคลสฺส เตน เตน อนุสเยน สานุสยตาย, ตสฺส ตสฺส ปชหนปริชานนานฺจ นิมิตฺตํ โหติ, อนนุสยโนกาโส จ นิรนุสยตาทีนํ, ตสฺมา โอกาสวาเรสุ ภุมฺมนิทฺเทสํ อกตฺวา ‘‘ยโต ตโต’’ติ นิมิตฺตตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ กตํ, ปชหนปริฺาวาเรสุ อปาทานตฺเถ เอว วา. ตโต ตโต หิ โอกาสโต อปคมกรณํ วินาสนํ ปชหนํ ปริชานนฺจาติ.
ตตฺถ ยโตติ ยโต อนุสยฏฺานโต อนุโลเม, ปฏิโลเม อนนุสยฏฺานโตติ อตฺโถ. อนุสยานานุสยสฺเสว หิ นิมิตฺตาปาทานภาวทสฺสนตฺถํ ¶ ‘‘รูปธาตุยา อรูปธาตุยา ตโต มานานุสเยน สานุสโยติ (ยม.๒.อนุสยยมก.๗๗), ปชหตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๔๓) จ ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย ตโต กามราคานุสเยน นิรนุสโยติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๑๐), น ปชหตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๗๔-๑๗๖) จ เอวมาทีสุ รูปธาตุอาทโย เอว ภุมฺมนิทฺเทเสเนว นิทฺทิฏฺาติ. อฏฺกถายํ ปน จตุตฺถปฺหวิสฺสชฺชเนน สรูปโต อนุสยนฏฺานสฺส ทสฺสิตตฺตา ตทตฺเถ อาทิปฺเหปิ ‘‘ยโต’’ติ อนุสยนฏฺานํ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวตฺวา ปุน ‘‘ยโต’’ติ เอตสฺส วจนตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปฺปนฺเนน กามราคานุสเยน สานุสโย’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปมาทลิขิตํ วิย ทิสฺสติ. น หิ อุปฺปนฺเนเนว อนุสเยน สานุสโย, อุปฺปตฺติรหฏฺานตฺจ สนฺธาเยว นิสฺสกฺกวจนํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ อปริยาปนฺนานํ อนุสยุปฺปตฺติรหฏฺานตาติ ตํ ตเถว ทิสฺสติ. เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ยโต อุปฺปนฺเนนาติ ยโต อุปฺปนฺเนน ภวิตพฺพํ, เตนาติ อุปฺปตฺติรหฏฺาเน นิสฺสกฺกวจนํ กตนฺติ. ตถา สพฺพธมฺเมสุ อุปฺปชฺชนเกนาติ. อุปฺปตฺติปฏิเสเธ อกเต อนุปฺปตฺติยา อนิจฺฉิตตฺตา สพฺพธมฺเมสุ อุปฺปชฺชนกภาวํ อาปนฺเนน อนุปฺปชฺชนภาวํ อปเนติ นาม. สพฺพตฺถาติ เอตสฺส ปน สพฺพฏฺานโตติ อยมตฺโถ น น สมฺภวติ. ตฺถ-การฺหิ ภุมฺมโต อฺตฺถาปิ สทฺทวิทู อิจฺฉนฺตีติ.
สานุสยวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปชหนวารวณฺณนา
๑๓๒-๑๙๗. ปชหนวาเร ¶ เยน กามราคานุสยาทโย สาวเสสา ปหียนฺติ, โส เต ปชหตีติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา วตฺตพฺโพ น โหติ อปชหนสพฺภาวา, ตสฺมา สนฺนิฏฺาเน นิรวเสสปฺปชหนโกเยว ปชหตีติ วุตฺโต, ตสฺมา ‘‘โย วา ปน มานานุสยํ ปชหติ, โส กามราคานุสยํ ปชหตีติ? โน’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๓๒) วุตฺตํ. ยสฺมา ปน สํสยปเทน ปหานกรณมตฺตเมว ปุจฺฉติ, น สนฺนิฏฺานํ กโรติ, ตสฺมา ยถาวิชฺชมานํ ปหานํ สนฺธาย ‘‘โย กามราคานุสยํ ปชหติ, โส มานานุสยํ ปชหตีติ? ตเทกฏฺํ ปชหตี’’ติ วุตฺตํ. ปฏิโลเม ปน ‘‘นปฺปชหตี’’ติ ปชหนาภาโว เอว สนฺนิฏฺานปเทน สํสยปเทน จ วินิจฺฉิโต ¶ ปุจฺฉิโต จ, ตสฺมา เยสํ ปชหนํ นตฺถิ นิรวเสสวเสน ปชหนกานํ, เต เปตฺวา อวเสสา อปฺปชหนสพฺภาเวเนว นปฺปชหนฺตีติ วุตฺตา, น จ ยถาวิชฺชมาเนน ปหาเนเนว วชฺชิตาติ ทฏฺพฺพาติ. ‘‘อนาคามิมคฺคสมงฺคิฺจ อฏฺมกฺจ เปตฺวา อวเสสา ปุคฺคลา กามราคานุสยฺจ นปฺปชหนฺติ วิจิกิจฺฉานุสยฺจ นปฺปชหนฺตี’’ติ (ยม. ๒.อนุสยยมก.๑๖๕) เอตฺถ อฏฺกถายํ ‘‘ปุถุชฺชโน ปหานปริฺาย อภาเวน นปฺปชหติ, เสสา เตสํ อนุสยานํ ปหีนตฺตา’’ติ (ยม. อฏฺ. อนุสยยมก ๑๓๒-๑๙๗) วุตฺตํ.
ตตฺถ กิฺจาปิ เกสฺจิ วิจิกิจฺฉานุสโย เกสฺจิ อุภยนฺติ เสสานํ เตสํ ปหีนตา อตฺถิ, ตถาปิ โสตาปนฺนาทีนํ วิจิกิจฺฉานุสยสฺส ปหีนตา อุภยาปชหนสฺส การณํ น โหตีติ เตสํ ปหีนตฺตา ‘‘นปฺปชหนฺตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, อถ ปน กามราคานุสยฺจ นปฺปชหนฺตีติ อิมํ สนฺนิฏฺาเนน เตสํ ปุคฺคลานํ สงฺคหิตตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ น ตตฺถ การณํ วตฺตพฺพํ, ปุจฺฉิตสฺส ปน สํสยตฺถสฺส การณํ วตฺตพฺพํ. เอวํ สติ ‘‘เสสา ตสฺส อนุสยสฺส ปหีนตฺตา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ ‘‘โย กามราคานุสยํ นปฺปชหติ, โส ทิฏฺานุสยํ วิจิกิจฺฉานุสยํ นปฺปชหตี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุจฺฉิเต สทิสวิสฺสชฺชนเก ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานุสเย สนฺธาย การณสฺส วตฺตพฺพตฺตา, ตสฺมา เตสํ อนุสยานํ ปหีนตฺตาติ เตสํ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานุสยานํ ปหีนตฺตา เต สํสยตฺถสงฺคหิเต อนุสเย นปฺปชหนฺตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ปชหนวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปหีนวารวณฺณนา
๒๖๔-๒๗๔. ปหีนวาเร ¶ ผลฏฺวเสเนว เทสนา อารทฺธาติ อนุโลมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปฏิโลเม หิ ปุถุชฺชนวเสนปิ เทสนา คหิตาติ. ‘‘ผลฏฺวเสเนวา’’ติ จ สาธารณวจเนน มคฺคสมงฺคีนํ อคฺคหิตตํ ทีเปติ. อนุสยจฺจนฺตปฏิปกฺเขกจิตฺตกฺขณิกานฺหิ มคฺคสมงฺคีนํ น โกจิ อนุสโย อุปฺปตฺติรโห, นาปิ อนุปฺปตฺติรหตํ อาปาทิโต, ตสฺมา เต น อนุสยสานุสยปหีนอุปฺปชฺชนวาเรสุ คหิตาติ.
๒๗๕-๒๙๖. โอกาสวาเร ¶ โส โส อนุสโย อตฺตโน อตฺตโน โอกาเส เอว อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิโต ปหีโน, อนาปาทิโต จ อปฺปหีโนติ ปหีนาปฺปหีนวจนานิ ตโทกาสเมว ทีเปนฺติ, ตสฺมา อโนกาเส ตทุภยาวตฺตพฺพตา วุตฺตาติ. สาธารณฏฺาเน เตน สทฺธึ ปหีโน นาม โหตีติ เตน สทฺธึ สมาโนกาเส ปหีโน นามาติ อตฺโถ, น สมานกาเล ปหีโนติ.
ปหีนวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ธาตุวารวณฺณนา
๓๓๒-๓๔๐. ธาตุวาเร สนฺตานํ อนุคตา หุตฺวา สยนฺตีติ ยสฺมึ สนฺตาเน อปฺปหีนา, ตํสนฺตาเน อปฺปหีนภาเวน อนุคนฺตฺวา อุปฺปตฺติอรหภาเวน สยนฺตีติ อตฺโถ. อุปฺปตฺติรหตา เอว หิ อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อิธาปิ ยุตฺตาติ. เอตฺถ จ น กามธาตุอาทีนิ ฉ ปฏินิเสธวจนานิ ธาตุวิเสสนิทฺธารณานิ น โหนฺตีติ ‘‘น กามธาตุยา จุตสฺส น กามธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺสา’’ติอาทิมฺหิ วุจฺจมาเน อิมํ นาม อุปปชฺชนฺตสฺสาติ น วิฺาเยยฺย, ตสฺมา ตํมูลิกาสุ โยชนาสุ ‘‘น กามธาตุยา จุตสฺส กามธาตุํ รูปธาตุํ อรูปธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺสา’’ติ ปมํ โยเชตฺวา ปุน อนุกฺกเมน ‘‘น กามธาตุํ อุปปชฺชนฺตสฺสา’’ติอาทิกา โยชนา กตา. เอวฺหิ น กามธาตุอาทิปเทหิ ยถาวุตฺตธาตุโยเยว คหิตา, น กฺจีติ วิฺายติ. ยถา อนุสยวาเร ‘‘อนุเสนฺตีติ ปทสฺส อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ คหิโต’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถาปิ อุปฺปชฺชมานเมว สนฺธาย อุปฺปชฺชนฺตีติ คเหตุํ น สกฺกา ‘‘ยสฺส ¶ กามราคานุสโย อนุเสติ, ตสฺส ปฏิฆานุสโย อนุเสตีติ? อามนฺตา’’ติอาทิวจนโต. อถาปิ อปฺปหีนตํ สนฺธาย อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ ตตฺถ คหิโต, อิธาปิ โส น น ยุชฺชตีติ. ภงฺคาติ ภฺชิตพฺพา, ทฺวิธา กาตพฺพาติ อตฺโถ. นนุ น โกจิ อนุสโย ยตฺถ อุปฺปชฺชนฺตสฺส อนุเสติ นานุเสติ จาติ ทฺวิธา กาตพฺพา, ตตฺเถว กสฺมา ‘‘กติ อนุสยา ภงฺคา? อนุสยา ภงฺคา นตฺถี’’ติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานิ กตานิ. น หิ ปการนฺตราภาเว สํสโย ยุตฺโตติ ¶ ? น น ยุตฺโต, ‘‘อนุสยา ภงฺคา นตฺถี’’ติ อวุตฺเต ภงฺคาภาวสฺส อวิฺาตตฺตาติ.
ธาตุวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อนุสยยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. จิตฺตยมกํ
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑-๖๒. จิตฺตยมกวณฺณนายํ อาทิโตว ตโย สุทฺธิกมหาวารา โหนฺตีติ อิเม ตโย มหาวารา สราคาทิกุสลาทีหิ มิสฺสกา สุทฺธิกา จ, เตสุ อาทิโต สุทฺธิกา โหนฺตีติ อตฺโถ. มิสฺสเกสุ จ เอเกกสฺมึ สราคาทิมิสฺสกจิตฺเต ตโย ตโย มหาวารา, เต ตตฺถ ตตฺถ ปน วุตฺเต สมฺปิณฺเฑตฺวา ‘‘โสฬส ปุคฺคลวารา’’ติอาทิ วุตฺตํ, น นิรนฺตรํ วุตฺเตติ. ‘‘ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติอาทินา อุปฺปาทนิโรธานํ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตกาลานฺจ สํสคฺควเสน เอเกกาย ปุจฺฉาย ปวตฺตตฺตา ‘‘อุปฺปาทนิโรธกาลสมฺเภทวาโร’’ติ วุตฺโต. เอวํ เสสานมฺปิ วารานํ ตํตํนามตา ปาฬิอนุสาเรน เวทิตพฺพา.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๖๓. ตถารูปสฺเสว ¶ ขีณาสวสฺส จิตฺตํ สนฺธายาติ อิทํ อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิปจฺฉิมจิตฺตสมงฺคิมฺหิ ปุคฺคเล อธิปฺเปเต ตฺจ จิตฺตํ อธิปฺเปตเมว โหตีติ กตฺวา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อรหโต ปจฺฉิมจิตฺตมฺปีติ นุปฺปชฺชติ นิรุชฺฌตีติ เอวํปการํ ภงฺคกฺขณสมงฺคิเมว สนฺธาย วุตฺตํ.
๖๕-๘๒. อุปฺปาทวารสฺส ทุติยปุจฺฉาวิสฺสชฺชเน จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ, นิโรธสมาปนฺนานํ, อสฺสตฺตานํ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ, โน จ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ ¶ เอตฺถ ‘‘จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ เอตสฺส ‘‘สพฺเพสํ จิตฺตํ ขณปจฺจุปฺปนฺนเมว หุตฺวา อุปฺปาทกฺขณํ อตีตตฺตา อุปฺปชฺชิตฺถ นามา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ เจว อุปฺปชฺชติ จาติ เอตสฺสปิ อุปฺปาทํ ปตฺตตฺตา อุปฺปชฺชิตฺถ, อนตีตตฺตา อุปฺปชฺชติ นามาติ ทฺวยเมตํ เอวํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ ขณปจฺจุปฺปนฺเน ‘‘อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ อตีตโวหาโร อตฺถิ. ยทิ สิยา, ยํ วา ปน จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘โน’’ติ อวตฺวา วิภชิตพฺพํ สิยา. ตถา ‘‘ยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ เอตฺถ จ ‘‘โน’’ติ อวตฺวา ‘‘อามนฺตา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ‘‘จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ’’ติ ปน ภิชฺชมานจิตฺตสมงฺคี ปุคฺคโล วุตฺโต, ตสฺส อตีตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ, น จ กิฺจิ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ จ อุปฺปชฺชมานจิตฺตสมงฺคี ปุคฺคโล วุตฺโต, ตสฺสปิ อตีตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถ, ตํ ปน จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. จิตฺตนฺติ หิ สามฺวจนํ เอกสฺมึ อเนกสฺมิฺจ ยถาคหิตวิเสเส ติฏฺตีติ. ‘‘ยสฺส วา ปน จิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ? จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ’’ติ เอตฺถ ยสฺส วา ปน จิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน คหิตปุคฺคลสฺเสว จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณติ เอวํ สพฺพตฺถ สนฺนิฏฺานวเสน นิยโม เวทิตพฺโพ. อุปฺปนฺนุปฺปชฺชมานวาโร นิรุทฺธนิรุชฺฌมานวาโร จ ปุคฺคลวาราทีสุ ตีสุปิ นินฺนานากรณา อุทฺทิฏฺา นิทฺทิฏฺา จ. ตตฺถ ปุคฺคลวาเร อวิเสเสน ยํ กฺจิ ตาทิสํ ปุคฺคลํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปนฺนํ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ธมฺมวาเร จิตฺตเมว, ปุคฺคลธมฺมวาเร ปุคฺคลํ จิตฺตฺจาติ อยเมตฺถ วิเสโส ทฏฺพฺโพ.
๘๓. อติกฺกนฺตกาลวาเร อิมสฺส ปุคฺคลวารตฺตา ปุคฺคโล ปุจฺฉิโตติ ปุคฺคลสฺเสว วิสฺสชฺชเนน ¶ ภวิตพฺพํ. ยถา ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺถาติ เอเตน น โกจิ ปุคฺคโล น คหิโต, เอวํ ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชมานํ ขณํ ขณํ วีติกฺกนฺตํ อติกฺกนฺตกาลนฺติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน น โกจิ น คหิโต. น หิ โส ปุคฺคโล อตฺถิ, ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปาทกฺขณํ อตีตํ นตฺถิ, เต จ ปน นิรุชฺฌมานกฺขณาตีตจิตฺตา น น โหนฺตีติ ปโม ปฺโห ‘‘อามนฺตา’’ติ วิสฺสชฺชิตพฺโพ สิยา, ตถา ทุติยตติยา. จตุตฺโถ ปน ‘‘ปจฺฉิมจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ เตสํ จิตฺตํ ภงฺคกฺขณํ อวีติกฺกนฺตํ, โน จ เตสํ จิตฺตํ อุปฺปาทกฺขณํ อวีติกฺกนฺตํ, อิตเรสํ จิตฺตํ ภงฺคกฺขณฺจ อวีติกฺกนฺตํ อุปฺปาทกฺขณฺจ อวีติกฺกนฺต’’นฺติ วิสฺสชฺชิตพฺโพ ภเวยฺย, ตถา อวิสฺสชฺเชตฺวา กสฺมา สพฺพตฺถ จิตฺตเมว วิภตฺตนฺติ ¶ ? จิตฺตวเสน ปุคฺคลววตฺถานโต. ขณสฺส หิ วีติกฺกนฺตตาย อติกฺกนฺตกาลตาวจเนน วตฺตมานสฺส จ จิตฺตสฺส วเสน ปุคฺคโล อุปฺปาทกฺขณาตีตจิตฺโต วุตฺโต อตีตสฺส จ, ตตฺถ ปุริมสฺส จิตฺตํ น ภงฺคกฺขณํ วีติกฺกนฺตํ ปจฺฉิมสฺส วีติกฺกนฺตนฺติ เอวมาทิโก ปุคฺคลวิภาโค ยสฺส จิตฺตสฺส วเสน ปุคฺคลววตฺถานํ โหติ, ตสฺส จิตฺตสฺส ตํตํขณวีติกฺกมาวีติกฺกมทสฺสนวเสน ทสฺสิโต โหตีติ สพฺพวิสฺสชฺชเนสุ จิตฺตเมว วิภตฺตํ. อถ วา นยิธ ธมฺมมตฺตวิสิฏฺโ ปุคฺคโล ปุจฺฉิโต, อถ โข ปุคฺคลวิสิฏฺํ จิตฺตํ, ตสฺมา จิตฺตเมว วิสฺสชฺชิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยทิปิ ปุคฺคลปฺปธานา ปุจฺฉา, อถาปิ จิตฺตปฺปธานา, อุภยถาปิ ทุติยปุจฺฉาย ‘‘อามนฺตา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ตถา ปน อวตฺวา นิโรธกฺขณวีติกฺกเมน อติกฺกนฺตกาลตา น อุปฺปาทกฺขณวีติกฺกเมน อติกฺกนฺตกาลตา วิย วตฺตมานสฺส อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อตีตํ จิตฺต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺส จิตฺตํ น อุปฺปชฺชมานนฺติ เอตฺถ อุปฺปชฺชมานํ ขณํ ขณํ วีติกฺกนฺตํ อติกฺกนฺตกาลํ ยสฺส จิตฺตํ น โหตีติ อตฺโถ. เอส นโย ‘‘น นิรุชฺฌมาน’’นฺติ เอตฺถาปิ.
๑๑๔-๑๑๖. มิสฺสกวาเรสุ ยสฺส สราคํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ ปุจฺฉา, โนติ วิสฺสชฺชนฺจ อฏฺกถายํ ทสฺสิตํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘ยสฺส สราคํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ, ตสฺส สราคํ จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มาติกาปนายํ วุตฺตตฺตา วิสฺสชฺชเนปิ ตเถว สนฺนิฏฺานสํสยตฺเถสุ สราคาทิมิสฺสกจิตฺตวเสเนว ปุจฺฉา อุทฺธริตฺวา ‘‘สราคปจฺฉิมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ สราคํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสติ, อิตเรสํ สราคจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ สราคํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ นิรุชฺฌิสฺสติ เจว อุปฺปชฺชิสฺสติ จา’’ติ เอวมาทินา ¶ นเยน เยภุยฺเยน สุทฺธิกวารสทิสเมว วิสฺสชฺชนํ กาตพฺพนฺติ กตฺวา สํขิตฺตนฺติ วิฺายติ.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
จิตฺตยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ธมฺมยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑-๑๖. ธมฺมยมกวณฺณนายํ ¶ กุสลาทิธมฺมานํ มาติกํ เปตฺวาติ ยถา มูลยมเก กุสลาทิธมฺมา เทสิตา, ยถา จ ขนฺธยมกาทีสุ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา’’ติอาทินา อฺถา สงฺคเหตฺวา เทสิตา, ตถา อเทเสตฺวา ยา กุสลาทีนํ ธมฺมานํ ‘‘กุสลากุสลา ธมฺมา’’ติอาทิกา มาติกา, ตํ อิธ อาทิมฺหิ เปตฺวา เทสิตสฺสาติ อตฺโถ.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปวตฺติวารวณฺณนา
๓๓-๓๔. ‘‘ยสฺส กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส อพฺยากตา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอตสฺส วิสฺสชฺชเน ‘‘อพฺยากตา จาติ จิตฺตสมุฏฺานรูปวเสน วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, อิมสฺมึ ปน ปฺเห กมฺมสมุฏฺานาทิรูปฺจ ลพฺภติ, ตํ ปน ปฏิโลมวารสฺส วิสฺสชฺชเน สพฺเพสํ จวนฺตานํ, ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ, อารุปฺเป อกุสลานํ อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ กุสลา จ ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ อพฺยากตา จ ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถ ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานมฺปิ ¶ กมฺมสมุฏฺานาทิรูปํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อพฺยากตา จ ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา จิตฺตสมุฏฺานรูปเมว อิธาธิปฺเปตํ. กมฺมสมุฏฺานาทิรูเป น วิธานํ, นาปิ ปฏิเสโธติ เกจิ วทนฺติ, ตถา จิตฺตสมุฏฺานรูปเมว สนฺธาย ‘‘ยสฺส กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส อพฺยากตา ธมฺมา นิรุชฺฌนฺตีติ? โน’’ติ (ยม. ๓.ธมฺมยมก.๑๖๓) วุตฺตนฺติ. ตํ ปเนตํ เอวํ น สกฺกา วตฺตุํ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ กมฺมสมุฏฺานรูปาทีนมฺปิ อุปฺปาทสฺส อุปฺปาทกฺขเณ จ นิโรธสฺส เอวมาทีหิ เอว ปาฬีหิ ปฏิเสธสิทฺธิโต.
เย จ วทนฺติ ‘‘ยถา ปฏิสมฺภิทามคฺเค นิโรธกถายํ ‘โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ชาตา ธมฺมา เปตฺวา จิตฺตสมุฏฺานรูปํ สพฺเพปิ วิราคา เจว โหนฺติ วิราคารมฺมณา วิราคโคจรา วิราคสมุทาคตา วิราคปติฏฺา’ติอาทีสุ ‘เปตฺวา รูป’นฺติ อวตฺวา จิตฺตปฏิพทฺธตฺตา จิตฺตชรูปานํ ¶ ‘เปตฺวา จิตฺตสมุฏฺานรูป’นฺติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ จิตฺตปฏิพทฺธตฺตา จิตฺตชรูปเมว กถิต’’นฺติ, ตฺจ ตถา น โหติ. เยสฺหิ โสตาปตฺติมคฺโค สหชาตปจฺจโย โหติ, เยสุ จ วิราคาทิอาสงฺกา โหติ, เต โสตาปตฺติมคฺคสหชาตา ธมฺมา โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ชาตา ธมฺมาติ ตตฺถ วุตฺตา. โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ชาตาติ หิ วจนํ มคฺเค ชาตตํ ทีเปติ, น จ กมฺมชาทีนิ อมคฺเค ชายมานานิ มคฺคกฺขเณ ชาตโวหารํ อรหนฺติ เตสํ ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ สหชาตปจฺจยตฺตาภาวโต, ตสฺมา มคฺคกฺขเณ ตํสหชาตธมฺเมสุ เปตพฺพํ เปตุํ ‘‘เปตฺวา จิตฺตสมุฏฺานรูป’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ปน กุสลาทิธมฺมา ยสฺส ยตฺถ อุปฺปชฺชนฺติ นิรุชฺฌนฺติ จ, ตสฺส ปุคฺคลสฺส ตสฺมิฺจ โอกาเส อพฺยากตธมฺมานํ อุปฺปาทนิโรธานํ กุสลาทิปฏิพทฺธตา อปฺปฏิพทฺธตา จ อามฏฺา, น จ กมฺมชาทิรูปํ อพฺยากตํ น โหติ, ตสฺมา สนฺนิฏฺาเนน คหิตสฺส ปุคฺคลสฺส โอกาเส วา อุปฺปาทนิโรเธสุ วิชฺชมาเนสุ อพฺยากตานํ เต เวทิตพฺพา, อวิชฺชมาเนสุ จ ปฏิเสเธตพฺพา, น จ อจิตฺตปฏิพทฺธา อพฺยากตาติ เอตฺถ น คหิตาติ สกฺกา วตฺตุํ นิโรธสมาปนฺนานํ อสฺสตฺตานฺจ อุปฺปาทนิโรธวจนโตติ.
จตุตฺถปฺเห ปวตฺเต อกุสลาพฺยากตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ อิทํ ‘‘ยสฺส วา ปน อพฺยากตา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอเตน สนฺนิฏฺาเนน คหิเตสุ ปฺจโวกาเร อกุสลาพฺยากตจิตฺตานํ จตุโวกาเร จ อพฺยากตจิตฺตสฺเสว อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิโน สนฺธาย วุตฺตํ. เอวํ สพฺพตฺถ สนฺนิฏฺานวเสน วิเสโส เวทิตพฺโพ.
๗๙. ‘‘เอกาวชฺชเนน ๑๖๖ อุปฺปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํ, นานาวชฺชเนนปิ ปน ตโต ปุริมตรชวนวีถีสุ อุปฺปนฺนสฺส ‘‘อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ อกุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, โน จ เตสํ กุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ อิทํ ลกฺขณํ ลพฺภเตว, ตสฺมา เอเตน ลกฺขเณน สมานลกฺขณํ สพฺพํ ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา อคฺคมคฺคํ ปฏิลภิสฺสนฺติ, ตสฺส จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ เอเตเนว กุสลานาคตภาวปริโยสาเนน ตาย เอว สมานลกฺขณตาย ทีปิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อกุสลาตีตภาวสฺส อพฺยากตาตีตภาวสฺส จ อาทิมฺหิ ‘‘ทุติเย อกุสเล’’ติ, ‘‘ทุติเย จิตฺเต’’ติ จ วุตฺตฏฺาเน. ยถา หิ ภาวนาวาเร ภาวนาปหานานํ ปริโยสาเนน ¶ อคฺคมคฺเคน ตโต ปุริมตรานิปิ ภาวนาปหานานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ, เอวมิธาปิ ตํ ตํ เตน เตน อาทินา อนฺเตน จ ทสฺสิตนฺติ.
๑๐๐. ปฺจโวกาเร อกุสลานํ ภงฺคกฺขเณ เตสํ อกุสลา จ ธมฺมา นิรุชฺฌนฺติ อพฺยากตา จ ธมฺมา นิรุชฺฌนฺตีติ วจเนน ปฏิสนฺธิจิตฺตโต โสฬสมํ, ตโต ปรมฺปิ วา ภวนิกนฺติจิตฺตํ โหติ, น ตโต โอรนฺติ วิฺายตีติ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ธมฺมยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อินฺทฺริยยมกํ
๑. ปณฺณตฺติวาโร
อุทฺเทสวารวณฺณนา
๑. อินฺทฺริยยมเก วิภงฺเค วิย ชีวิตินฺทฺริยํ มนินฺทฺริยานนฺตรํ อนิทฺทิสิตฺวา ปุริสินฺทฺริยานนฺตรํ อุทฺทิฏฺํ ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิ. กตมานิ ตีณิ? อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๙๒) สุตฺเต เทสิตกฺกเมน. ปวตฺติวาเร หิ เอกนฺตํ ปวตฺติยํ เอว อุปฺปชฺชมานานํ สุขินฺทฺริยาทีนํ กมฺมชานํ อกมฺมชานฺจ อนุปาลกํ ชีวิตินฺทฺริยํ ¶ จุติปฏิสนฺธีสุ จ ปวตฺตมานานํ กมฺมชานนฺติ ตํมูลกานิ ยมกานิ จุติปฏิสนฺธิปวตฺติวเสน วตฺตพฺพานีติ เวทิตพฺพานิ. จกฺขุนฺทฺริยาทีสุ ปน ปุริสินฺทฺริยาวสาเนสุ ยํ มูลกเมว น โหติ มนินฺทฺริยํ, ตํ เปตฺวา อวเสสมูลกานิ จุติอุปปตฺติวเสเนว วตฺตพฺพานิ อายตนยมเก วิย, ตสฺมา ชีวิตินฺทฺริยํ เตสํ มชฺเฌ อนุทฺทิสิตฺวา อนฺเต อุทฺทิฏฺนฺติ.
อุทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทฺเทสวารวณฺณนา
๙๔. อิตฺถี อิตฺถินฺทฺริยนฺติ เอตฺถ ยสฺมา อิตฺถีติ โกจิ สภาโว นตฺถิ, น จ รูปาทิธมฺเม อุปาทาย อิตฺถิคฺคหณํ น โหติ, ตสฺมา อิตฺถิคฺคหณสฺส อวิชฺชมานมฺปิ ¶ วิชฺชมานมิว คเหตฺวา ปวตฺติโต ตถาคหิตสฺส วเสน ‘‘นตฺถี’’ติ อวตฺวา ‘‘โน’’ติ วุตฺตํ. สุขสฺส จ เภทํ กตฺวา ‘‘สุขํ โสมนสฺส’’นฺติ, ทุกฺขสฺส จ ‘‘ทุกฺขํ โทมนสฺส’’นฺติ วจเนเนว โสมนสฺสโต อฺา สุขา เวทนา สุขํ, โทมนสฺสโต จ อฺา ทุกฺขา เวทนา ทุกฺขนฺติ อยํ วิเสโส คหิโตเยวาติ ‘‘สุขํ สุขินฺทฺริยํ ทุกฺขํ ทุกฺขินฺทฺริย’’นฺติ เอตฺถ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ.
๑๔๐. สุทฺธินฺทฺริยวาเร จกฺขุ อินฺทฺริยนฺติ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุปฺาจกฺขูนิ ปฺินฺทฺริยานิ โหนฺตีติ ‘‘อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. อวเสสํ โสตนฺติ ตณฺหาโสตเมวาห.
นิทฺเทสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒.ปวตฺติวารวณฺณนา
๑๘๖. ปวตฺติวาเร ‘‘ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิ. กตมานิ ฉ? จกฺขุนฺทฺริยํ…เป… กายินฺทฺริยํ มนินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๙๕) สุตฺเต วุตฺตนเยน อิธ อุทฺทิฏฺํ ¶ มนินฺทฺริยํ จุติปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ ปวตฺตมาเนหิ กมฺมชากมฺมเชหิ สพฺเพหิปิ โยคํ คจฺฉติ, น จ ชีวิตินฺทฺริยํ วิย อฺธมฺมนิสฺสเยน คเหตพฺพํ, ปุพฺพงฺคมตฺตาว ปธานํ, ตสฺมา กูฏํ วิย โคปานสีนํ สพฺพินฺทฺริยานํ สโมสรณฏฺานํ อนฺเต เปตฺวา โยชิตํ. ชีวิตินฺทฺริยาทิมูลเกสุ ปวตฺติฺจ คเหตฺวา คเตสุ ‘‘ยสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? สพฺเพสํ อุปปชฺชนฺตานํ, ปวตฺเต สุขินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ชีวิตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, โน จ เตสํ สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, สุขินฺทฺริยสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ชีวิตินฺทฺริยฺจ อุปฺปชฺชติ สุขินฺทฺริยฺจ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา สุขทุกฺขโทมนสฺสินฺทฺริเยหิ โลกุตฺตรินฺทฺริเยหิ จ โยชนา ลพฺภติ, ตถา ‘‘ยสฺส สุขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ทุกฺขินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติอาทินา ตํมูลกา จ นยา. เตหิ ปน ปวตฺติยํเยว อุปฺปชฺชมาเนหิ โยชนา ตํมูลกา จ จุติปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ ปวตฺตมาเนหิ โสมนสฺสินฺทฺริยาทีหิ โยชนาย ชีวิตินฺทฺริยมูลเกหิ จ นเยหิ ปากฏาเยวาติ กตฺวา น วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
‘‘สจกฺขุกานํ ¶ วินา โสมนสฺเสนาติ อุเปกฺขาสหคตานํ จตุนฺนํ มหาวิปากปฏิสนฺธีนํ วเสน วุตฺต’’นฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตํ โสมนสฺสวิรหิตสจกฺขุกปฏิสนฺธินิทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ‘‘จตุนฺนํเยวา’’ติ นิยโม กโต, เตน ตํสมานลกฺขณา ปริตฺตวิปากรูปาวจรปฏิสนฺธิโยปิ ทสฺสิตา โหนฺติ. ตตฺถ กามาวจเรสุ โสมนสฺสปฏิสนฺธิสมานตาย มหาวิปาเกหิ จตูหิ นิทสฺสนํ กตํ, เตน ยถา สโสมนสฺสปฏิสนฺธิกา อจกฺขุกา น โหนฺติ, เอวํ อิตรมหาวิปากปฏิสนฺธิกาปีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. คพฺภเสยฺยกานฺจ อนุปฺปนฺเนสุ จกฺขาทีสุ จวนฺตานํ อเหตุกปฏิสนฺธิกตา สเหตุกปฏิสนฺธิกานํ กามาวจรานํ นิยมโต สจกฺขุกาทิภาวทสฺสเนน ทสฺสิตา โหติ. คพฺภเสยฺยเกปิ หิ สนฺธาย ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? อามนฺตา’’ติ อิทํ วจนํ ยถา ยุชฺชติ, ตถา อายตนยมเก ทสฺสิตํ. น หิ สนฺนิฏฺาเนน สงฺคหิตานํ คพฺภเสยฺยกานํ วชฺชเน การณํ อตฺถิ, ‘‘อิตฺถีนํ อฆานกานํ อุปปชฺชนฺตีน’’นฺติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๗) จ เต เอว วุตฺตาติ.
อุเปกฺขาย อจกฺขุกานนฺติ อเหตุกปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตนฺติ เอตฺถ จ กามาวจเร โสเปกฺขอจกฺขุกปฏิสนฺธิยา ¶ ตํสมานลกฺขณํ อรูปปฏิสนฺธิฺจ นิทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. เกสุจิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘อเหตุการูปปฏิสนฺธิวเสนา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส เอว เสยฺโย.
‘‘ตตฺถ หิ เอกนฺเตเนว สทฺธาสติปฺาโย นตฺถิ, สมาธิวีริยานิ ปน อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ น โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ยทิ ปน สมาธิวีริยานิ สนฺติ, ‘‘อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ น โหนฺตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘สมาธิ สมาธินฺทฺริยนฺติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๑๓) ‘‘วีริยํ วีริยินฺทฺริยนฺติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๑๑) วจนโต. อเหตุกปฏิสนฺธิจิตฺเต จ ยถา สมาธิเลโส เอกคฺคตา อตฺถิ, น เอวํ วีริยเลโส อตฺถิ, ตสฺมา เอวเมตฺถ วตฺตพฺพํ สิยา ‘‘ตตฺถ หิ เอกนฺเตเนว สทฺธาวีริยสติปฺาโย นตฺถิ, เอกคฺคตา ปน สมาธิเลโส เอว โหตี’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – ยถา อฺเสุ เกสุจิ อเหตุกจิตฺเตสุ สมาธิวีริยานิ โหนฺติ อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ จ, เอวมิธ สมาธิวีริยานิ อินฺทฺริยปฺปตฺตานิ น โหนฺตีติ. สมาธิวีริยินฺทฺริยานเมว อภาวํ ทสฺเสนฺโต อเหตุกนฺตรโต วิเสเสติ ¶ . ตตฺถ ‘‘สมาธิวีริยานิ ปน น โหนฺตี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อินฺทฺริยปฺปตฺตานี’’ติ สมาธิเลสสฺส สมาธินฺทฺริยภาวํ อปฺปตฺตสฺส สพฺภาวโต วุตฺตํ, น วีริยเลสสฺส. วิเสสนฺหิ วิเสสิตพฺเพ ปวตฺตติ. เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ตตฺถ เอกนฺเตเนว สทฺธาวีริยสติปฺาโย นตฺถี’’ติ ปาโ, โส เอว สุนฺทรตโร.
ยาว จกฺขุนฺทฺริยํ นุปฺปชฺชติ, ตาว คพฺภคตานํ อจกฺขุกานํ ภาโว อตฺถีติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘สเหตุกานํ อจกฺขุกานนฺติ คพฺภเสยฺยกวเสน เจว อรูปีวเสน จ วุตฺต’’นฺติ. คพฺภเสยฺยกาปิ ปน อวสฺสํ อุปฺปชฺชนกจกฺขุกา น ลพฺภนฺตีติ ทฏฺพฺพา. สจกฺขุกานํ าณวิปฺปยุตฺตานนฺติ กามธาตุยํ ทุเหตุกปฏิสนฺธิกานํ วเสน วุตฺตนฺติ อิธาปิ อเหตุกปฏิสนฺธิกา จ อจกฺขุกา ลพฺภนฺเตว. อิตฺถิปุริสินฺทฺริยสนฺตานานมฺปิ อุปปตฺติวเสน อุปฺปาโท, จุติวเสน นิโรโธ พาหุลฺลวเสน ทสฺสิโต. กทาจิ หิ เตสํ ปมกปฺปิกาทีนํ วิย ปวตฺติยมฺปิ อุปฺปาทนิโรธา โหนฺตีติ. เอตฺถ ปุริสินฺทฺริยาวสาเนสุ อินฺทฺริยมูลยมเกสุ ปมปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺาเนหิ คหิเตหิ อุปปตฺติจุติวเสน คจฺฉนฺเตหิ จกฺขุนฺทฺริยาทีหิ นิยมิตตฺตา ชีวิตินฺทฺริยาทีนํ ปวตฺติวเสนปิ ลพฺภมานานํ อุปปตฺติจุติวเสเนว ทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺาเนหิ คหณํ เวทิตพฺพํ.
๑๙๐. รูปชีวิตินฺทฺริยํ ¶ จกฺขุนฺทฺริยาทิสมานคติกํ จุติปฏิสนฺธิวเสเนว คจฺฉติ สนฺตานุปฺปตฺตินิโรธทสฺสนโตติ อาห ‘‘ปวตฺเต โสมนสฺสวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ อรูปชีวิตินฺทฺริยํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. เอเตสฺเจว อฺเสฺจ ปฺจินฺทฺริยานํ ยถาลาภวเสนาติ เอตฺถ เอเตสํ ชีวิตินฺทฺริยาทีนํ จุติปฏิสนฺธิปวตฺเตสุ, อฺเสฺจ จกฺขุนฺทฺริยาทีนํ จุติปฏิสนฺธีสูติ เอวํ ยถาลาโภ ทฏฺพฺโพ. อยํ ปน เฉเทเยวาติ เอตฺถ ตสฺส ตสฺส ปริปุณฺณปฺหสฺส ตสฺมึ ตสฺมึ สรูปทสฺสเนน วิสฺสชฺชเน วิสฺสชฺชิเต ปจฺฉิมโกฏฺาสสฺส เฉโทติ นามํ ทฏฺพฺพํ.
ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชตีติ? วินา โสมนสฺเสน อุปปชฺชนฺตานํ ปวตฺเต โสมนสฺสวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชติ, โน จ เตสํ ¶ ชีวิตินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘นิโรธสมาปนฺนานํ อสฺสตฺตาน’’นฺติ อวจนํ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทิสมานคติกตํ ทีเปติ. ตสฺส หิ อุปปตฺติยํเยว อุปฺปาโท วตฺตพฺโพติ. ‘‘วินา โสมนสฺเสน อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ เอตฺถ อสฺสตฺเต สงฺคเหตฺวา ปวตฺติวเสน เต จ นิโรธสมาปนฺนา จ น วุตฺตา, อนุปฺปาโทปิ ปเนตสฺส จุติอุปปตฺตีสฺเวว วตฺตพฺโพ, น ปวตฺเตติ. ปจฺฉิมโกฏฺาเสปิ ‘‘สพฺเพสํ จวนฺตานํ, ปวตฺเต จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ เตสํ โสมนสฺสินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชติ ชีวิตินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ ‘‘สพฺเพสํ จวนฺตาน’’นฺติ เอตฺเถว อสฺสตฺเต สงฺคณฺหิตฺวา ปวตฺติวเสน เต จ นิโรธสมาปนฺนา น จ วุตฺตา. ยสฺสยตฺถเก จ นิโรธสมาปนฺนา น ทสฺเสตพฺพา น คเหตพฺพาติ อตฺโถ. น หิ ‘‘นิโรธสมาปนฺนาน’’นฺติ วจนํ ‘‘อสฺสตฺตาน’’นฺติ วจนํ วิย โอกาสทีปกํ, นาปิ ‘‘อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ, สพฺเพสํ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ’’ติอาทิวจนํ วิย โสมนสฺสินฺทฺริยาทีนํ อนุปฺปาทกฺขณทีปกํ, อถ โข ปุคฺคลทีปกเมวาติ.
อตีตกาลเภเท สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ เตสํ ตตฺถ โสมนสฺสินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถ ชีวิตินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถาติ เอตฺถ ‘‘อุปปตฺติจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘สุทฺธาวาสํ อุปปชฺชนฺตานํ, อสฺสตฺตานํ เตสํ ตตฺถ โสมนสฺสินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถ มนินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๒๗๗) เอตฺถ วิย ‘‘อุปปชฺชนฺตาน’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ? น วตฺตพฺพํ. ยถา หิ โสมนสฺสมนินฺทฺริยานํ วเสน อุปปชฺชนฺตา ปุคฺคลา อุปปตฺติจิตฺตสมงฺคิโน โหนฺติ, น เอวํ โสมนสฺสชีวิตินฺทฺริยานํ วเสน อุปปตฺติสมงฺคิโนเยว โหนฺติ. ชีวิตินฺทฺริยสฺส หิ วเสน ยาว ปมรูปชีวิตินฺทฺริยํ ธรติ, ตาว ¶ อุปปชฺชนฺตา นาม โหนฺติ. ตทา จ ทุติยจิตฺตโต ปฏฺาย ‘‘ชีวิตินฺทฺริยฺจ น อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ อรูปชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธตฺตา, ตสฺมา อุภยํ อุปฺปาทกฺขเณน นิทสฺสิตํ. ยถา หิ ‘‘น นิรุชฺฌิตฺถา’’ติ อิทํ ลกฺขณํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส ทฺวีสุ ขเณสุ ลพฺภมานํ สพฺพปเมน อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณน นิทสฺสิตํ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพํ.
อนาคตกาลเภเท อุปฺปชฺชิสฺสมาเน สนฺนิฏฺานํ กตฺวา อฺสฺส จ อุปฺปชฺชิสฺสมานตาว ปุจฺฉิตา. ตตฺถ ยถา ปจฺจุปฺปนฺนกาลเภเท สนฺนิฏฺานสํสยเภเทหิ อุปฺปชฺชมานสฺเสว คหิตตฺตา ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ ¶ , อุปปชฺชนฺตสฺส ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ อุปปชฺชนฺตสฺเสว ปุจฺฉิตานํ อุปปตฺติยํเยว เตสํ อุปฺปาโท สมฺภวติ, น อฺตฺถ, น เอวมิธ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, อุปปชฺชนฺตสฺส ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยาทีนิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อุปปชฺชนฺตสฺเสว ปุจฺฉิตานํ เตสํ อุปปตฺติโต อฺตฺถ อุปฺปาโท น สมฺภวติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา นิโรธวาเรปิ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ วุตฺตํ. น หิ ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสติ, อปิ ปจฺฉิมภวิกสฺส อุเปกฺขาสหคตปฏิสนฺธิกสฺส. น หิ อุปปชฺชนฺตสฺส ตสฺส จุติโต ปุพฺเพว โสมนสฺสินฺทฺริยนิโรโธ น สมฺภวตีติ. เอตฺถ หิ ปมปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺานตฺโถ ปุจฺฉิตพฺพตฺถนิสฺสโย มาทิโสว อุปปตฺติอุปฺปาทินฺทฺริยวา อุภยุปฺปาทินฺทฺริยวา อตฺโถ ปฏินิวตฺติตฺวาปิ ปุจฺฉิตพฺพตฺถสฺส นิสฺสโยติ เอวํ วิย ทุติยปุจฺฉาสุ สนฺนิฏฺานตฺถเมว นิยเมติ, น ตตฺเถว ปุจฺฉิตพฺพํ อนาคตภาวมตฺเตน สรูปโต คหิตํ อุปฺปาทํ วา นิโรธํ วา สํสยตฺถนฺติ. ยสฺมา เจวํ สนฺนิฏฺานตฺถสฺส นิยโม โหติ, ตสฺมา ‘‘ยสฺส วา ปน โสมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๒๘๑) วุตฺตํ. เอส นโย นิโรธวาเรปิ.
ปฏิโลเม ปน ยถา อนุโลเม ‘‘อุปฺปชฺชิสฺสติ นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ อุปฺปาทนิโรธา อนาคตา สรูปวเสน วุตฺตา, เอวํ อวุตฺตตฺตา ยถา ตตฺถ สํสยปเทน คหิตสฺส อินฺทฺริยสฺส ปวตฺติยมฺปิ อุปฺปาทนิโรธา จกฺขุนฺทฺริยาทิมูลเกสุ โยชิตา, น เอวํ โยเชตพฺพา. ยถา หิ อุปฺปาทนิโรเธ อติกฺกมิตฺวา อปฺปตฺวา จ อุปฺปาทนิโรธา สมฺภวนฺติ โยเชตุํ, น เอวํ อนุปฺปาทานิโรเธ ¶ อติกฺกมิตฺวา อปฺปตฺวา จ อนุปฺปาทานิโรธา สมฺภวนฺติ อภูตาภาวสฺส อภูตาภาวํ อติกฺกมิตฺวา อปฺปตฺวา จ สมฺภวานุปฺปตฺติโต, อภูตุปฺปาทนิโรธาภาโว จ ปฏิโลเม ปุจฺฉิโต, ตสฺมาสฺส วิเสสรหิตสฺส อภูตาภาวสฺส วตฺตมานานํ อุปฺปาทสฺส วิย กาลนฺตรโยคาภาวโต ยาทิสานํ จกฺขาทีนํ อุปฺปาทนิโรธาภาเวน ปุจฺฉิตพฺพสฺส นิสฺสโย สนฺนิฏฺาเนน สนฺนิจฺฉิโต, ตนฺนิสฺสยา ตาทิสานํเยว อุปปตฺติจุติอุปฺปาทนิโรธานํ ชีวิตาทีนมฺปิ อนุปฺปาทานิโรธา สํสยปเทน ¶ ปุจฺฉิตา โหนฺตีติ ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ นุปฺปชฺชิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๓๐๘) จ, ‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสติ, ตสฺส โสมนสฺสินฺทฺริยํ น นิรุชฺฌิสฺสตีติ? อามนฺตา’’ติ จ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘เย อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ชีวิตินฺทฺริยอุเปกฺขินฺทฺริยาทีสุ วิย วิสฺสชฺชนนฺติ.
เย รูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ ฆานินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชิสฺสติ, โน จ เตสํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ น อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอตฺถ เย โสเปกฺขปฏิสนฺธิกา ภวิสฺสนฺติ, เต ‘‘เย จ อรูปํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตี’’ติ เอเตน ปจฺฉิมโกฏฺาสวจเนน ตํสมานลกฺขณตาย สงฺคหิตาติ เย โสมนสฺสปฏิสนฺธิกา ภวิสฺสนฺติ, เต เอว วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
อฏฺกถายํ เยสุ อาทิมโปตฺถเกสุ ‘‘อตีตานาคตวาเร สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ มนินฺทฺริยฺจ นุปฺปชฺชิตฺถาติ ธมฺมยมเก วิย อุปฺปาทกฺขณาติกฺกมวเสน อตฺถํ อคฺคเหตฺวา’’ติ ลิขิตํ, ตํ ปมาทลิขิตํ. เยสุ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนาตีตวาเร สุทฺธาวาสานํ อุปปตฺติจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ มนินฺทฺริยฺจ นุปฺปชฺชิตฺถาติ…เป… ตสฺมึ ภเว อนุปฺปนฺนปุพฺพวเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส เอว สุนฺทรตโรติ.
ปวตฺติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปริฺาวารวณฺณนา
๔๓๕-๔๘๒. ปริฺาวาเร ¶ โลกิยอพฺยากตมิสฺสกานิ จาติ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺเนหิ เอกนฺตปริฺเยฺเยหิ โลกิยอพฺยากเตหิ มิสฺสกตฺตา ตานิ อุปาทาย มนินฺทฺริยาทีนํ เวทนากฺขนฺธาทีนํ วิย ปริฺเยฺยตา จ วุตฺตา. ยทิ ปริฺเยฺยมิสฺสกตฺตา ปริฺเยฺยตา โหติ, กสฺมา ธมฺมยมเก ‘‘โย กุสลํ ธมฺมํ ภาเวติ, โส อพฺยากตํ ธมฺมํ ปริชานาตี’’ติอาทินา อพฺยากตปเทน โยเชตฺวา ยมกานิ น วุตฺตานีติ? ยถา ‘‘กุสลํ ภาเวมิ, อกุสลํ ปชหามี’’ติ กุสลากุสเลสุ ¶ ภาวนาปหานาภินิเวโส โหติ, ตถา ‘‘เวทนากฺขนฺโธ อนิจฺโจ, ธมฺมายตนํ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ขนฺธาทีสุ ปริชานาภินิเวโส โหติ, ตตฺถ เวทนากฺขนฺธาทโย ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ปริชานิตพฺพา, เต จ เวทนากฺขนฺธาทิภาวํ คเหตฺวา ปริชานิตพฺพา, น อพฺยากตภาวนฺติ.
กสฺมา ปเนตฺถ ทุกฺขสจฺจภาชนีเย อาคตสฺส โทมนสฺสสฺส ปหาตพฺพตาว วุตฺตา, น ปริฺเยฺยตา, นนุ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนา เวทนากฺขนฺธาทโย กุสลากุสลภาเวน อคฺคหิตา กุสลากุสลาปิ ปริฺเยฺยาติ? สจฺจํ, ยถา ปน เวทนากฺขนฺธาทิภาโว ภาเวตพฺพปหาตพฺพภาเวหิ วินาปิ โหติ, น เอวํ โทมนสฺสินฺทฺริยภาโว ปหาตพฺพภาเวน วินา โหตีติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส ปหาตพฺพตาว อิธ วุตฺตา, น ปริฺเยฺยภาวสฺส อภาวโตติ ทฏฺพฺโพ. อกุสลํ เอกนฺตโต ปหาตพฺพเมวาติ เอเตน ปหาตพฺพเมว, น อปฺปหาตพฺพนฺติ อปฺปหาตพฺพเมว นิวาเรติ, น ปริฺเยฺยภาวนฺติ ทฏฺพฺพํ. อฺินฺทฺริยํ ภาเวตพฺพนิฏฺํ, น ปน สจฺฉิกาตพฺพนิฏฺนฺติ ภาเวตพฺพภาโว เอว ตสฺส คหิโตติ. ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา’’ติอาทิ ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ น ปริชานาตี’’ติอาทิกสฺส ปรโต ลิขิตพฺพํ อุปฺปฏิปาฏิยา ลิขิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. จกฺขุนฺทฺริยมูลกฺหิ อติกฺกมิตฺวา โทมนสฺสินฺทฺริยมูลเก อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทฺเว ปุคฺคลา โทมนสฺสินฺทฺริยํ น ปชหนฺติ โน จ อฺินฺทฺริยํ น ภาเวนฺตี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๐).
เอตฺถ จ ปุถุชฺชโน, อฏฺ จ อริยาติ นว ปุคฺคลา. เตสุ ปุถุชฺชโน ภพฺพาภพฺพวเสน ทุวิโธ, โส ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ฉ ปุคฺคลา จกฺขุนฺทฺริยฺจ น ปริชานิตฺถ โทมนสฺสินฺทฺริยฺจ น ปชหิตฺถา’’ติอาทีสุ จ อภินฺทิตฺวา คหิโต. ‘‘เย ปุถุชฺชนา มคฺคํ ปฏิลภิสฺสนฺตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๔๙, ๕๑-๕๒) ¶ อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ปฺจ ปุคฺคลา จกฺขุนฺทฺริยฺจ ปริชานิสฺสนฺติ โทมนสฺสินฺทฺริยฺจ ปชหิสฺสนฺตี’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๕๑) จ ภพฺโพ เอว ภินฺทิตฺวา คหิโต. ‘‘เย จ ปุถุชฺชนา มคฺคํ น ปฏิลภิสฺสนฺตี’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๕๑) อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ตโย ปุคฺคลา โทมนสฺสินฺทฺริยฺจ นปฺปชหิสฺสนฺติ จกฺขุนฺทฺริยฺจ น ปริชานิสฺสนฺตี’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๕๕) จ อภพฺโพ เอว. อคฺคผลสมงฺคี จ ปมผลสมงฺคี อรหา จาติ ทุวิโธ. โสปิ ‘‘อรหา’’ติ อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ตโย ปุคฺคลา อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยฺจ ภาวิตฺถ ¶ โทมนสฺสินฺทฺริยฺจ ปชหิตฺถา’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๔) จ อภินฺทิตฺวา คหิโต. ‘‘โย อคฺคผลํ สจฺฉิกโรตี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๖) อาคตฏฺาเนสุ ‘‘ตโย ปุคฺคลา โทมนสฺสินฺทฺริยํ ปชหิตฺถ, โน จ อฺาตาวินฺทฺริยํ สจฺฉิกริตฺถา’’ติอาทีสุ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๔) จ ปมผลสมงฺคี จ ภินฺทิตฺวา คหิโต. ‘‘โย อคฺคผลํ สจฺฉากาสี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๔๔๓, ๔๔๖) อาคตฏฺาเนสุ อิตโรวาติ เอวํ ปุคฺคลเภทํ ตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สนฺนิฏฺาเนน คหิตปุคฺคเล นิทฺธาเรตฺวา วิสฺสชฺชนํ โยเชตพฺพนฺติ.
ปริฺาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อินฺทฺริยยมกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ยมกปกรณ-มูลฏีกา สมตฺตา.
ปฏฺานปกรณ-มูลฏีกา
คนฺถารมฺภวณฺณนา
ทิพฺพนฺติ ¶ ¶ กามคุณาทีหิ กีฬนฺติ ลฬนฺติ, เตสุ วา วิหรนฺติ, วิชยสมตฺถตาโยเคน ปจฺจตฺถิเก วิเชตุํ อิจฺฉนฺติ, อิสฺสริยฏฺานาทิสกฺการทานคฺคหณํ ตํตํอตฺถานุสาสนฺจ กโรนฺตา โวหรนฺติ, ปฺุโยคานุภาวปฺปตฺตาย ชุติยา โชตนฺติ, ยถาภิลาสิตฺจ วิสยํ อปฺปฏิฆาเตน คจฺฉนฺติ, ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเน สกฺโกนฺตีติ วา เทวา, เทวนียา วา ตํตํพฺยสนนิตฺถรณตฺถิเกหิ สรณํ ปรายณนฺติ คมนียา, อภิตฺถวนียา วา. โสภาวิเสสโยเคน กมนียาติ วา เทวา. เต ติวิธา – สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ. ภควา ปน นิรติสยาย อภิฺากีฬาย, อุตฺตเมหิ ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ, สปรสนฺตานสิทฺธาย ปฺจวิธมารวิชยิจฺฉานิปฺผตฺติยา, จิตฺติสฺสริยสตฺตธนาทิสมฺมาปฏิปตฺติอเวจฺจปฺปสาทสกฺการทานคฺคหณสงฺขาเตน ธมฺมสภาวปุคฺคลชฺฌาสยานุรูปานุสาสนีสงฺขาเตน จ โวหาราติสเยน, ปรมาย ปฺาสรีรปฺปภาสงฺขาตาย ชุติยา, อโนปมาย จ าณสรีรคติยา, มารวิชยสพฺพฺุคุณปรหิตนิปฺผาทเนสุ ¶ อปฺปฏิหตาย สตฺติยา จ สมนฺนาคตตฺตา สเทวเกน โลเกน สรณนฺติ คมนียโต, อภิตฺถวนียโต, ภตฺติวเสน กมนียโต จ สพฺเพ เต เทเว เตหิ คุเณหิ อติกฺกนฺโต อติสโย วา เทโวติ เทวาติเทโว. สพฺพเทเวหิ ปูชนียตโร เทโวติ วา เทวาติเทโว, วิสุทฺธิเทวภาวํ วา สพฺพฺุคุณาลงฺการํ ปตฺตตฺตา อฺเทเวหิ อติเรกตโร วา เทโว เทวาติเทโว. เทวานนฺติ อุปปตฺติเทวานํ ตทา ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ. สกฺกาทีหิ เทเวหิ ปหาราทอสุรินฺทาทีหิ ทานเวหิ จ ปูชิโต. กายวจีสํยมสฺส สีลสฺส อินฺทฺริยสํวรสฺส จิตฺตสํยมสฺส สมาธิสฺส จ ปฏิปกฺขานํ อจฺจนฺตปฏิปฺปสฺสทฺธิยา สุทฺธสํยโม.
อิสิสตฺตโมติ ¶ จตุสจฺจาวโพธคติยา อิสโยติ สงฺขฺยํ คตานํ สตํ ปสตฺถานํ อิสีนํ อติสเยน สนฺโต ปสตฺโถติ อตฺโถ. วิปสฺสีอาทโย จ อุปาทาย ภควา ‘‘สตฺตโม’’ติ วุตฺโต. ยโต วิฺาณํ ปจฺจุทาวตฺตติ, ตํ นามรูปํ สมุทยนิโรธเนน นิโรเธสีติ นามรูปนิโรธโน. อติคมฺภีรนยมณฺฑิตเทสนํ ปฏฺานํ นาม เทเสสิ ปกรณนฺติ สมฺพนฺโธ.
คนฺถารมฺภวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา
‘‘เก ปน เต นยา, กิฺจ ตํ ปฏฺานํ นามา’’ติ นยิทํ ปุจฺฉิตพฺพํ. กสฺมา? นิทานกถายํ ปฏฺานสมานเน อนุโลมาทีนํ นยานํ ปฏฺานสฺส จ ทสฺสิตตฺตาติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน หิ…เป… นามาติ หิ วุตฺต’’นฺติ ตตฺถ วุตฺตํ อฏฺกถาปาฬึ อาหริ. ตตฺถ คาถาตฺถํ อฏฺกถาธิปฺปายฺจ ปรโต วณฺณยิสฺสามาติ.
ปฏฺานนามตฺโถ ปน ติกปฏฺานาทีนํ ติกปฏฺานาทินามตฺโถ, อิมสฺส ปกรณสฺส จตุวีสติสมนฺตปฏฺานสโมธานตา เจตฺถ วตฺตพฺพา. เอวฺหิ สงฺเขปโต ปฏฺาเน าเต วิตฺถาโร สุขวิฺเยฺโย โหตีติ. ตตฺถ จ นามตฺโถ ปมํ วตฺตพฺโพติ ‘‘ตตฺถ เยสํ…เป… นามตฺโถ ตาว เอวํ เวทิตพฺโพ’’ติ วตฺวา สพฺพสาธารณสฺส ปฏฺานนามสฺเสว ตาว อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เกนฏฺเน ปฏฺาน’’นฺติอาทิมาห ¶ . ป-กาโร หีติ อุปสคฺคปทํ ทสฺเสติ. โส ‘‘ปวิภตฺเตสุ ธมฺเมสุ, ยํ เสฏฺํ ตทุปาคมุนฺติอาทีสุ วิย นานปฺปการตฺถํ ทีเปติ. นนุ ปกาเรหิ วิภตฺตา ปวิภตฺตาติ ป-อิติ อุปสคฺโค ปการตฺถเมว ทีเปติ, น นานปฺปการตฺถนฺติ? น, เตสํ ปการานํ นานาวิธภาวโต. อตฺถโต หิ อาปนฺนํ นานาวิธภาวํ ทสฺเสตุํ นานา-สทฺโท วุตฺโตติ. ตตฺถ เอกสฺสปิ ธมฺมสฺส เหตุอาทีหิ อเนกปจฺจยภาวโต จ เอเกกสฺส ปจฺจยสฺส อเนกธมฺมภาวโต จ นานปฺปการปจฺจยตา เวทิตพฺพา.
เหตุปจฺจยาทิวเสน วิภตฺตตฺตาติ เอเตน ธมฺมสงฺคหาทีสุ วุตฺตโต กุสลาทิวิภาคโต สาติสยวิภาคตํ ปฏฺานนามลาภสฺส การณํ ¶ ทสฺเสติ. โคฏฺาติ วชา. ปฏฺิตคาโวติ คตคาโว. อาคตฏฺานสฺมินฺติ มหาสีหนาทสุตฺตํ วทติ. ปวตฺตคมนตฺตา เอตฺถาติ วจนเสโส. อถ วา คจฺฉติ เอตฺถาติ คมนํ, สพฺพฺุตฺาณสฺส นิสฺสงฺควเสน ปวตฺตสฺส คมนตฺตา คมนเทสภาวโต เอเกกํ ปฏฺานํ นามาติ อตฺโถ. ตตฺถ อฺเหิ คติมนฺเตหิ อติสยยุตฺตสฺส คติมโต คมนฏฺานภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘สพฺพฺุตฺาณสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส มหาเวคสฺส ปุริสสฺส ปปาตฏฺานํ วิย ธมฺมสงฺคณีอาทีนํ สาสงฺคคมนฏฺานภาวํ อิมสฺส จ มหาปโถ วิย นิราสงฺคคมนฏฺานภาวํ ทสฺเสนฺโต อติสยยุตฺตคมนฏฺานภาโว ปฏฺานนามลาภสฺส การณนฺติ ทสฺเสติ.
ติกานนฺติ ติกวเสน วุตฺตธมฺมานํ. สมนฺตาติ อนุโลมาทีหิ สพฺพากาเรหิปิ คตานิ จตุวีสติ โหนฺตีติ อตฺโถ. เอตสฺมึ อตฺเถ จตุวีสติสมนฺตปฏฺานานีติ ‘‘สมนฺตจตุวีสติปฏฺานานี’’ติ วตฺตพฺเพ สมนฺตสทฺทสฺส ปรโยคํ กตฺวา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา สมนฺตา ฉ ฉ หุตฺวาติ เอเตน อนุโลมาทิสพฺพโกฏฺาสโต ติกาทิฉฉภาวํ ทสฺเสติ. เตน สมนฺตสทฺโท ติกาทิฉฉปฏฺานวิเสสนํ โหติ, น จตุวีสติวิเสสนํ, ตสฺมา สมนฺตโต ปฏฺานานิ ตานิ จตุวีสตีติ กตฺวา ‘‘จตุวีสติสมนฺตปฏฺานานี’’ติ วุตฺตํ. สมนฺตโต วา ธมฺมานุโลมาทิติกาทิปฏิจฺจวาราทิปจฺจยานุโลมาทิเหตุมูลกาทิปฺปกาเรหิ ปวตฺตานิ ปฏฺานานิ สมนฺตปฏฺานานิ, อนูเนหิ นเยหิ ปวตฺตานีติ วุตฺตํ โหติ. ตานิ ปน จตุวีสติ โหนฺติ. เตเนวาห ‘‘อิเมสํ จตุวีสติยา ขุทฺทกปฏฺานสงฺขาตานํ สมนฺตปฏฺานานํ สโมธานวเสนา’’ติ.
เหตุ จ โส ปจฺจโย จาติ อิมินา วจเนน เหตุโน อธิปติปจฺจยาทิภูตสฺส จ คหณํ สิยาติ ¶ ตํ นิวาเรนฺโต อาห ‘‘เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติ. เอเตนปิ โส เอว โทโส อาปชฺชตีติ ปุนาห ‘‘เหตุภาเวน ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. เตน อิธ เหตุ-สทฺเทน ธมฺมคฺคหณํ น กตํ, อถ โข ธมฺมสตฺติวิเสโส คหิโตติ ทสฺเสติ. ตสฺส หิ ปจฺจยสทฺทสฺส จ สมานาธิกรณตํ สนฺธาย ‘‘เหตุ จ โส ปจฺจโย จา’’ติ, ‘‘เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติ จ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา ปรโต ปาฬิยํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺต…เป… เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๑) เตน ¶ เตน เหตุภาวาทิอุปกาเรน ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส อุปการตฺตํ วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘โย หิ ธมฺโม ยํ ธมฺมํ อปฺปจฺจกฺขาย ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา, โส ตสฺส ปจฺจโย’’ติ ‘‘มูลฏฺเน อุปการโก ธมฺโม เหตุปจฺจโย’’ติจฺเจวมาทินา ธมฺมปฺปธานนิทฺเทเสน ธมฺมโต อฺา ธมฺมสตฺติ นาม นตฺถีติ ธมฺเมเหว ธมฺมสตฺติวิภาวนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิธาปิ วา เหตุ จ โส ปจฺจโย จาติ ธมฺเมเนว ธมฺมสตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ เหตุปจฺจโยติอาทิโก อุทฺเทโส กุสลาทิอุทฺเทโส วิย ธมฺมปฺปธาโน, อถ โข ธมฺมานํ อุปการปฺปธาโนติ. เอตีติ เอตสฺส อตฺโถ วตฺตตีติ, ตฺจ อุปฺปตฺติฏฺิตีนํ สาธารณวจนํ. เตเนวาห – ‘‘ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา’’ติ. โกจิ หิ ปจฺจโย ิติยา เอว โหติ ยถา ปจฺฉาชาตปจฺจโย, โกจิ อุปฺปตฺติยาเยว ยถา อนนฺตราทโย, โกจิ อุภยสฺส ยถา เหตุอาทโยติ.
อุปการกลกฺขโณติ จ ธมฺเมน ธมฺมสตฺติอุปการํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. หิโนติ ปติฏฺาติ เอตฺถาติ เหตุ. อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทานํ หิ-สทฺโท มูล-สทฺโท วิย ปติฏฺตฺโถติ ทฏฺพฺโพติ. หิโนติ วา เอเตน กมฺมนิทานภูเตน อุทฺธํ โอชํ อภิหรนฺเตน มูเลน วิย ปาทโป ตปฺปจฺจยํ ผลํ คจฺฉติ ปวตฺตติ วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ อาปชฺชตีติ เหตุ. อาจริยานนฺติ เรวตตฺเถรํ วทติ.
‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติอาทีหิ (อ. นิ. ๑.๖๖-๖๗) กุสลภาวสฺส โยนิโสมนสิการปฏิพทฺธตา สิทฺธา โหตีติ อาห ‘‘โยนิโสมนสิการปฏิพทฺโธ กุสลภาโว’’ติ. เอเตเนว อกุสลาพฺยากตภาวา กุสลภาโว วิย น เหตุปฏิพทฺธาติ ทสฺสิตํ โหติ. ยํ ปเนเก มฺเยฺยุํ ‘‘อเหตุกเหตุสฺส อกุสลภาโว วิย สเหตุกเหตูนํ สภาวโตว กุสลาทิภาโว อฺเสํ ตํสมฺปยุตฺตานํ เหตุปฏิพทฺโธ’’ติ, ตสฺส อุตฺตรํ วตฺตุํ ‘‘ยทิ จา’’ติอาทิมาห. อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วา, ยทิ อโลโภ สภาวโต กุสโล, กุสลตฺตา อพฺยากโต น สิยา. อถ อพฺยากโต, ตํสภาวตฺตา กุสโล น สิยา อโลภสภาวสฺส ¶ อโทสตฺตาภาโว วิย. ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โส ¶ โหติ, ตสฺมา ยถา อุภยถา โหนฺเตสุ ผสฺสาทีสุ สมฺปยุตฺเตสุ เหตุปฏิพทฺธกุสลาทิภาวํ ปริเยสถ, น สภาวโต, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา อฺปฏิพทฺธา ปริเยสิตพฺพา, น สภาวโตติ. ยํ วุตฺตํ ‘‘สมฺปยุตฺตเหตูสุ สภาวโตว กุสลาทิภาโว’’ติ, ตํ น ยุชฺชติ, สา ปน ปริเยสิยมานา โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺธา โหตีติ เหตูสุ วิย สมฺปยุตฺเตสุปิ โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, น เหตุปฏิพทฺโธติ สิทฺธํ โหตีติ อธิปฺปาโย.
อารภิตฺวาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – รูปายตนาทิมตฺเต ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ เอกสฺมึ อฏฺตฺวา ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ อนิยเมน สพฺพรูปายตน…เป… ธมฺมายตนานฺจ อารมฺมณปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา น โกจิ ธมฺโม น โหตีติ.
‘‘ฉนฺทวโต กึ นาม น สิชฺฌตี’’ติอาทิกํ ปุริมาภิสงฺขารูปนิสฺสยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน จิตฺเต ฉนฺทาทโย ธุรภูตา เชฏฺกภูตา สยํ สมฺปยุตฺตธมฺเม สาธยมานา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จ เตสํ วเส วตฺตนฺติ หีนาทิภาเวน ตทนุวตฺตนโต, เตน เต อธิปติปจฺจยา โหนฺติ. ครุกาตพฺพมฺปิ อารมฺมณํ ตนฺนินฺนโปณปพฺภารานํ ปจฺจเวกฺขณอสฺสาทมคฺคผลานํ อตฺตโน วเส วตฺตยมานํ วิย ปจฺจโย โหติ, ตสฺมายํ อตฺตาธีนานํ ปติภาเวน อุปการกตา อธิปติปจฺจยตาติ ทฏฺพฺพา.
มโนวิฺาณธาตูติอาทิ จิตฺตนิยโมติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน สนฺตีรณานนฺตรํ โวฏฺพฺพนํ, จุติอนนฺตรา ปฏิสนฺธีติ ยสฺส ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา ยํ ยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตสฺส ตทนนฺตรุปฺปาทนิยโม ตํตํสหการีปจฺจยวิสิฏฺสฺส ปุริมปุริมจิตฺตสฺเสว วเสน อิชฺฌตีติ ทสฺเสติ. ภาวนาพเลน ปน วาริตตฺตาติ เอตฺถ ยถา รุกฺขสฺส เวเข ทินฺเน ปุปฺผิตุํ สมตฺถสฺเสว ปุปฺผนํ น โหติ, อคทเวเข ปน อปนีเต ตายเยว สมตฺถตาย ปุปฺผนํ โหติ, เอวมิธาปิ ภาวนาพเลน วาริตตฺตา สมุฏฺาปนสมตฺถสฺเสว อสมุฏฺาปนํ, ตสฺมิฺจ อปคเต ตายเยว สมตฺถตาย สมุฏฺาปนํ โหตีติ อธิปฺปาโย.
พฺยฺชนมตฺตโตเวตฺถ นานากรณํ ปจฺเจตพฺพํ, น อตฺถโตติ อุปจยสนฺตติอธิวจนนิรุตฺติปทานํ วิย สทฺทตฺถมตฺตโต นานากรณํ, น วจนียตฺถโตติ ¶ อธิปฺปาโย. เตเนว ¶ สทฺทตฺถวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปุริมปจฺฉิมานํ นิโรธุปฺปาทนฺตราภาวโต นิรนฺตรุปฺปาทนสมตฺถตา อนนฺตรปจฺจยภาโว. รูปธมฺมานํ วิย สณฺานาภาวโต ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ สหาวฏฺานาภาวโต จ ‘‘อิทมิโต เหฏฺา อุทฺธํ ติริย’’นฺติ วิภาคาภาวา อตฺตนา เอกตฺตมิว อุปเนตฺวา สุฏฺุ อนนฺตรภาเวน อุปฺปาทนสมตฺถตา สมนนฺตรปจฺจยตา.
อุปฺปาทนสมตฺถตาติ จ อพฺยาปารตฺตา ธมฺมานํ ยสฺมึ ยทากาเร นิรุทฺเธ วตฺตมาเน วา สติ ตํตํวิเสสวนฺตา ธมฺมา โหนฺติ, ตสฺส โสว อากาโร วุจฺจตีติ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมานํ ปวตฺติเมว จ อุปาทาย กาลโวหาโรติ นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนผลสมาปตฺตีนํ อสฺสตฺตา จวนฺตสฺส ปุริมจุติปจฺฉิมปฏิสนฺธีนฺจ นิโรธุปฺปาทนิรนฺตรตาย กาลนฺตรตา นตฺถีติ ทฏฺพฺพา. น หิ เตสํ อนฺตรา อรูปธมฺมานํ ปวตฺติ อตฺถิ, ยํ อุปาทาย กาลนฺตรตา วุจฺเจยฺย, น จ รูปธมฺมปฺปวตฺติ อรูปธมฺมปฺปวตฺติยา อนฺตรํ กโรติ อฺสนฺตานตฺตา. รูปารูปธมฺมสนฺตติโย หิ ทฺเว อฺมฺํ วิสทิสสภาวตฺตา อฺมฺโปการภาเวน วตฺตมานาปิ วิสุํเยว โหนฺติ. เอกสนฺตติยฺจ ปุริมปจฺฉิมานํ มชฺเฌ วตฺตมานํ ตํสนฺตติปริยาปนฺนตาย อนฺตรการกํ โหติ. ตาทิสฺจ กฺจิ เนวสฺานาสฺายตนผลสมาปตฺตีนํ มชฺเฌ นตฺถิ, น จ อภาโว อนฺตรการโก โหติ อภาวตฺตาเยว, ตสฺมา ชวนานนฺตรสฺส ชวนสฺส วิย, ภวงฺคานนฺตรสฺส ภวงฺคสฺส วิย จ นิรนฺตรตา สุฏฺุ จ อนนฺตรตา โหตีติ ตถา อุปฺปาทนสมตฺถตา เนวสฺานาสฺายตนจุตีนมฺปิ ทฏฺพฺพา. อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาโว เจตฺถ อนนฺตรปจฺจยาทีนํ ปากโฏติ อุปฺปาทนสมตฺถตาว วุตฺตา. ปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ปุพฺพนฺตาปรนฺตปริจฺเฉเทน คหิตานํ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ อลภนฺตานํ ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๒.๑๘.๕) อนนฺตราทิปจฺจยภาโว วุตฺโตติ น โส อุปฺปตฺติยํเยวาติ วิฺายติ. น หิ กุสลาทิคฺคหณํ วิย ปจฺจุปฺปนฺนคฺคหณํ อปริจฺเฉทํ, ยโต อุปฺปตฺติมตฺตสมงฺคิโนเยว จ คหณํ สิยา, เตเนว จ อตีตตฺติเก ปฏิจฺจวาราทโย น สนฺตีติ.
อุปฺปชฺชมาโนว ¶ สหุปฺปาทภาเวนาติ เอตฺถาปิ อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาเวน ปากเฏน ิติยาปิ ปจฺจยภาวํ นิทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ, ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปน สหชาตภาเวน อุปการกตา สหชาตปจฺจยตาติ.
อตฺตโน อุปการกสฺส อุปการกตา อฺมฺปจฺจยตา, อุปการกตา จ อฺมฺตาวเสเนว ¶ ทฏฺพฺพา, น สหชาตาทิวเสน. สหชาตาทิปจฺจโย โหนฺโตเยว หิ โกจิ อฺมฺปจฺจโย น โหติ, น จ ปุเรชาตปจฺฉาชาตภาเวหิ อุปการกสฺส อุปการกา วตฺถุขนฺธา อฺมฺปจฺจยา โหนฺตีติ.
ตรุอาทีนํ ปถวี วิย อธิฏฺานากาเรน ปถวีธาตุ เสสธาตูนํ, จกฺขาทโย จ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อุปการกา จิตฺตกมฺมสฺส ปฏาทโย วิย นิสฺสยากาเรน ขนฺธาทโย ตํตํนิสฺสยานํ ขนฺธาทีนํ.
ตทธีนวุตฺติตาย อตฺตโน ผเลน นิสฺสิโตติ ยํ กิฺจิ การณํ นิสฺสโยติ วทติ. ตตฺถ โย ภุโส, ตํ อุปนิสฺสโยติ นิทฺธาเรติ.
ปกโตติ เอตฺถ ป-กาโร อุปสคฺโค, โส อตฺตโน ผลสฺส อุปฺปาทเน สมตฺถภาเวน สุฏฺุกตตํ ทีเปติ. ตถา จ กตํ อตฺตโน สนฺตาเน กตํ โหตีติ อาห ‘‘อตฺตโน สนฺตาเน’’ติ. กรณฺจ ทุวิธํ นิปฺผาทนํ อุปเสวนฺจาติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิปฺผาทิโต วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปเสวิโต วาติ เอเตน กายอลฺลียาปนวเสน อุปโภคูปเสวนํ วิชานนาทิวเสน อารมฺมณูปเสวนฺจ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. เตน อนาคตานมฺปิ จกฺขุสมฺปทาทีนํ อารมฺมณูปเสวเนน ยถาปฏิเสวิตานํ ปกตูปนิสฺสยตา วุตฺตา โหติ.
ยถา ปจฺฉาชาเตน วินา สนฺตานาวิจฺเฉทเหตุภาวํ อคจฺฉนฺตานํ ธมฺมานํ เย ปจฺฉาชาตากาเรน อุปการกา, เตสํ สา วิปฺปยุตฺตาการาทีหิ วิสิฏฺา อุปการกตา ปจฺฉาชาตปจฺจยตา, ตถา นิสฺสยารมฺมณาการาทีหิ วิสิฏฺา ปุเรชาตภาเวน วินา อุปการกภาวํ อคจฺฉนฺตานํ วตฺถารมฺมณานํ ปุเรชาตากาเรน อุปการกตา ปุเรชาตปจฺจยตา, เอวํ สพฺพตฺถ ปจฺจยานํ ปจฺจยนฺตราการวิสิฏฺา อุปการกตา โยเชตพฺพา.
คิชฺฌโปตกสรีรานํ ¶ อาหาราสาเจตนา วิยาติ เอเตน มโนสฺเจตนาหารวเสน ปวตฺตมาเนหิ อรูปธมฺเมหิ รูปกายสฺส อุปตฺถมฺภิตภาวํ ทสฺเสติ. เตเนว ‘‘อาหาราสา วิยา’’ติ อวตฺวา เจตนาคหณํ กโรติ.
กุสลาทิภาเวน ¶ อตฺตนา สทิสสฺส ปโยเคน กรณียสฺส ปุนปฺปุนํ กรณํ ปวตฺตนํ อาเสวนฏฺโ, อตฺตสทิสสภาวตาปาทนํ วาสนํ วา. คนฺถาทีสุ ปุริมาปุริมาภิโยโค วิยาติ ปุริมา ปุริมา อาเสวนา วิยาติ อธิปฺปาโย.
จิตฺตปฺปโยโค จิตฺตกิริยา, อายูหนนฺติ อตฺโถ. ยถา หิ กายวจีปโยโค วิฺตฺติ, เอวํ จิตฺตปฺปโยโค เจตนา. สา ตาย อุปฺปนฺนกิริยตาวิสิฏฺเ สนฺตาเน เสสปจฺจยสมาคเม ปวตฺตมานานํ วิปากกฏตฺตารูปานมฺปิ เตเนว กิริยภาเวน อุปการิกา โหติ. ตสฺส หิ กิริยภาวสฺส ปวตฺตตฺตา เตสํ ปวตฺติ, น อฺถาติ. สหชาตานํ ปน เตน อุปการิกาติ กึ วตฺตพฺพนฺติ.
นิรุสฺสาหสนฺตภาเวนาติ เอเตน สอุสฺสาเหหิ วิปากธมฺมธมฺเมหิ กุสลากุสเลหิ สารมฺมณาทิภาเวน สทิสวิปากภาวํ ทสฺเสติ. โส หิ วิปากานํ ปโยเคน อสาเธตพฺพตาย ปโยเคน อฺถา วา เสสปจฺจเยสุ สิทฺเธสุ กมฺมสฺส กฏตฺตาเยว สิทฺธิโต นิรุสฺสาโห สนฺตภาโว โหติ, น กิเลสวูปสมสนฺตภาโว, ตถาสนฺตสภาวโตเยว ภวงฺคาทโย ทุวิฺเยฺยา. ปฺจทฺวาเรปิ หิ ชวนปฺปวตฺติยา รูปาทีนํ คหิตตา วิฺายติ, อภินิปาตสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณมตฺตา ปน วิปากา ทุวิฺเยฺยาเยว. นิรุสฺสาหสนฺตภาวายาติ นิรุสฺสาหสนฺตภาวตฺถาย. เอเตน ตปฺปจฺจยวตํ อวิปากานมฺปิ วิปากานุกุลํ ปวตฺตึ ทสฺเสติ.
สติปิ ชนกตฺเต อุปตฺถมฺภกตฺตํ อาหารานํ ปธานกิจฺจนฺติ อาห ‘‘รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ. อุปตฺถมฺภกตฺตฺหิ สติปิ ชนกตฺเต อรูปีนํ อาหารานํ อาหารชรูปสมุฏฺาปกรูปาหารสฺส จ โหติ, อสติปิ จตุสมุฏฺานิกรูปูปตฺถมฺภกรูปาหารสฺส, อสติ ปน อุปตฺถมฺภกตฺเต อาหารานํ ชนกตฺตํ นตฺถีติ อุปตฺถมฺภกตฺตํ ปธานํ. ชนยมาโนปิ หิ ¶ อาหาโร อวิจฺเฉทวเสน อุปตฺถมฺภยมาโนเยว ชเนตีติ อุปตฺถมฺภนภาโว อาหารภาโวติ.
อธิปติยฏฺเนาติ เอตฺถ น อธิปติปจฺจยธมฺมานํ วิย ปวตฺตินิวารเก อภิภวิตฺวา ปวตฺตเนน ครุภาโว อธิปติยฏฺโ, อถ โข ทสฺสนาทิกิจฺเจสุ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ชีวเน ชีวนฺเตหิ สุขิตาทิภาเว สุขิตาทีหิ อธิโมกฺขปคฺคหุปฏฺานาวิกฺเขปชานเนสุ อนฺาตฺสฺสามีติ ปวตฺติยํ อาชานเน อฺาตาวีภาเว จ สทฺธาทิสหชาเตหีติ เอวํ ตํตํกิจฺเจสุ ¶ จกฺขาทิปจฺจเยหิ จกฺขาทีนํ อนุวตฺตนียตา. เตสุ เตสุ หิ กิจฺเจสุ จกฺขาทีนํ อิสฺสริยํ ตปฺปจฺจยานฺจ ตทนุวตฺตเนน ตตฺถ ปวตฺตีติ. อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานํ ปน ยทิปิ ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียตา อตฺถิ, สา ปน น ปจฺจยภาวโต. ยถา หิ ชีวิตาหารา เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เต เตสํ อนุปาลกอุปตฺถมฺภกา อตฺถิ, อวิคตปจฺจยภูตา จ โหนฺติ, น เอวํ อิตฺถิปุริสภาวา ลิงฺคาทีนํ เกนจิ ปกาเรน อุปการกา โหนฺติ, เกวลํ ปน ยถาสเกเหว ปจฺจเยหิ ปวตฺตมานานํ ลิงฺคาทีนํ ยถา อิตฺถาทิคฺคหณสฺส ปจฺจยภาโว โหติ, ตโต อฺเนากาเรน ตํสหิตสนฺตาเน อปฺปวตฺติโต ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียตา อินฺทฺริยตา จ เตสํ วุจฺจติ, ตสฺมา น เตสํ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว วุตฺโต. จกฺขาทโย อรูปธมฺมานํเยวาติ เอตฺถ สุขทุกฺขินฺทฺริยานิปิ จกฺขาทิคฺคหเณน คหิตานีติ ทฏฺพฺพานิ.
ลกฺขณารมฺมณูปนิชฺฌานภูตานํ วิตกฺกาทีนํ วิตกฺกนาทิวเสน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา นิชฺฌานํ เปกฺขนํ, จินฺตนํ วา วิตกฺกาทีนํเยว สาธารโณ พฺยาปาโร อุปนิชฺฌายนฏฺโ. เปตฺวา สุขทุกฺขเวทนาทฺวยนฺติ สุขินฺทฺริยทุกฺขินฺทฺริยทฺวยํ เปตฺวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วตฺวา ‘‘สตฺตฌานงฺคานี’’ติ วจเนน อฌานงฺคานํ อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตานํ นิวตฺตนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ ‘‘สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ เอเตเนว สิทฺเธ ‘‘เปตฺวา สุขทุกฺขเวทนาทฺวย’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ? เวทนาเภเทสุ ปฺจสุ สุขทุกฺขทฺวยสฺส เอกนฺเตน อฌานงฺคตฺตทสฺสนตฺถํ ฌานงฺคฏฺาเน นิทฺทิฏฺตฺตา. สติปิ วา ฌานงฺคโวหาเร เวทนาเภททฺวยสฺส เอกนฺเตน ฌานปจฺจยตฺตาภาวทสฺสนตฺถํ. อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตานํ ปน ยทิปิ ฌานปจฺจยตฺตาภาโว อตฺถิ, ฌานปจฺจยภาโว ปน น นตฺถีติ ‘‘สพฺพานิปิ สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ เอตฺถ คหณํ ¶ กตํ. ตตฺถ ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วจนํ สพฺพกุสลาทิเภทสงฺคณฺหนตฺถํ, น ปน สพฺพจิตฺตุปฺปาทคตสงฺคณฺหนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ยโต ตโต วาติ สมฺมา วา มิจฺฉา วาติ อตฺโถ. เอเต ปน ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา อเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺตีติ อิทํ อเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺติ, น สเหตุกจิตฺเตสูติ สเหตุกจิตฺเตสุ อลาภาภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น อเหตุกจิตฺเตสุ ลาภาภาวทสฺสนตฺถนฺติ. เอวํ อตฺเถ คยฺหมาเน อเหตุกจิตฺเตสุ กตฺถจิ กสฺสจิ ลาโภ น วาริโตติ เอตฺตกเมว วิฺาเยยฺย, น สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุ ฌานปจฺจยสฺเสว อลาภาภาวทสฺสนตฺถํ กตนฺติ. อเหตุกจิตฺเตสุ วา ลาภาภาวทสฺสนตฺเถ ปน อิมสฺมึ วจเน สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุ ฌานปจฺจยสฺส ลาภาภาโว อาปชฺชติ, ตสฺมา เยน อลาเภน ธมฺมสงฺคณิยํ มโนธาตุอาทีนํ สงฺคหสฺุตวาเรสุ ฌานํ น อุทฺธฏํ ¶ , ตํ อลาภํ สนฺธาย เอส ฌานปจฺจยสฺสปิ อเหตุกจิตฺเตสุ อลาโภ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ยถา หิ สเหตุเกสุ วิตกฺกาทีนํ สหชาเต สํกฑฺฒิตฺวา เอกตฺตคตภาวกรณํ อุปนิชฺฌายนพฺยาปาโร พลวา, น ตถา อเหตุกจิตฺเตสุ โหติ. อิมสฺมึ ปน ปกรเณ ทุพฺพลมฺปิ อุปนิชฺฌายนํ ยทิปิ กิฺจิมตฺตมฺปิ อตฺถิ, เตน อุปการกตา โหตีติ สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุปิ ฌานปจฺจโย วุตฺโตว, ตสฺมา เย เอวํ ปนฺติ ‘‘น เอเต ปน ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา ยถาสงฺขฺยํ ทฺวิปฺจวิฺาณอเหตุกจิตฺเตสุ ลพฺภนฺตี’’ติ, เตสํ โส ปาโ สุนฺทรตโร, อิมสฺส ปกรณสฺสายํ อตฺถวณฺณนา, น ธมฺมสงฺคณิยาติ.
สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตตาย เอกีภาโวปคเมน วิย อุปการกตา สมฺปยุตฺตปจฺจยตา.
ยุตฺตานมฺปิ สตํ วิปฺปยุตฺตภาเวน นานตฺตูปคเมน อุปการกตา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. น หิ วตฺถุสหชาตปจฺฉาชาตวเสน อยุตฺตานํ รูปาทีนํ อารมฺมณาทิภาเวน อุปการกานํ วิปฺปยุตฺตานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา อตฺถีติ. รูปานํ ปน รูเปหิ สติปิ อวินิพฺโภเค วิปฺปโยโคเยว นตฺถีติ น เตสํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. วุตฺตฺหิ ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ (ธาตุ. ๓).
ปจฺจุปฺปนฺนลกฺขเณนาติ ¶ ปจฺจุปฺปนฺนสภาเวน. เตน ‘‘อตฺถิ เม ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ (ปารา. ๓๘), ‘‘อตฺเถกจฺโจ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน’’ติ (ปุ. ป. มาติกา ๔.๒๔) จ เอวมาทีสุ วุตฺตํ นิพฺพตฺตอุปลพฺภมานตาลกฺขณํ อตฺถิภาวํ นิวาเรติ. สติปิ ชนกตฺเต อุปตฺถมฺภกปฺปธานา อตฺถิภาเวน อุปการกตาติ อาห ‘‘อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ. อิทฺจ อุปตฺถมฺภกตฺตํ วตฺถารมฺมณสหชาตาทีนํ สาธารณํ อตฺถิภาเวน อุปการกตฺตํ ทฏฺพฺพํ.
อารมฺมเณ ผุสนาทิวเสน วตฺตมานานํ ผสฺสาทีนํ อเนเกสํ สหภาโว นตฺถีติ เอกสฺมึ ผสฺสาทิสมุทาเย สติ ทุติโย น โหติ, อสติ ปน โหติ, เตน นตฺถิภาเวน อุปการกตา นตฺถิปจฺจยตา. สติปิ ปุริมตรจิตฺตานํ นตฺถิภาเว น ตานิ นตฺถิภาเวน อุปการกานิ, อนนฺตรเมว ปน อตฺตโน อตฺถิภาเวน ปวตฺติโอกาสํ อลภมานานํ นตฺถิภาเวน ปวตฺติโอกาสํ ททมานํ วิย อุปการกํ โหตีติ ‘‘ปวตฺติโอกาสทาเนน อุปการกตา’’ติ อาห.
เอตฺถ จ อภาวมตฺเตน อุปการกตา โอกาสทานํ นตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน อปฺปวตฺตมานานํ ¶ สภาววิคเมน อุปการกตา วิคตปจฺจยตา, นตฺถิตา จ นิโรธานนฺตรสฺุตา, วิคตตา นิโรธปฺปตฺตตา, อยเมเตสํ วิเสโส, ตถา อตฺถิตาย สสภาวโต อุปการกตา อตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน นิโรธสฺส อปฺปตฺติยา อุปการกตา อวิคตปจฺจยตาติ ปจฺจยภาววิเสโส ธมฺมาวิเสเสปิ เวทิตพฺโพ. ธมฺมานฺหิ สตฺติวิเสสํ สพฺพํ ยาถาวโต อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ตถาคเตน จตุวีสติปจฺจยวิเสสา วุตฺตาติ ภควติ สทฺธาย ‘‘เอวํวิเสสา เอเต ธมฺมา’’ติ สุตมยาณํ อุปฺปาเทตฺวา จินฺตาภาวนามเยหิ ตทภิสมยาย โยโค กาตพฺโพ.
จตูสุ ขนฺเธสุ เอกสฺสปิ อสงฺคหิตตฺตาภาวโต นามธมฺเมกเทสตา อนนฺตราทีนํ นตฺถีติ ‘‘นามธมฺมาวา’’ติ วตฺวา น เกวลํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว ภชนฺตานํ จตุนฺนํเยว ขนฺธานํ นามตา, อถ โข นิพฺพานฺจ นามเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิพฺพานสฺส อสงฺคหิตตฺตา’’ติอาทิมาห. ปุเรชาตปจฺจโย รูเปกเทโสติ เอตฺถ เอกเทสวจเนน รูปรูปโต ¶ อฺํ วชฺเชติ, รูปรูปํ ปน กุสลตฺติเก อนาคตมฺปิ ปุเรชาตปจฺจยภาเวน อฺตฺถ อาคตเมว. วุตฺตฺหิ ‘‘อนิทสฺสนอปฺปฏิโฆ ธมฺโม อนิทสฺสนอปฺปฏิฆสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย – อารมฺมณปุเรชาตํ, วตฺถุปุเรชาตํ. อารมฺมณปุเรชาตํ วตฺถุํ อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ อาโปธาตุํ กพฬีการํ อาหารํ อนิจฺจโต…เป… โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๒.๒๒.๓๙).
ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปจฺจยนิทฺเทโส
๑. เหตุปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑. โย เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิฏฺโ, โส เอวํ เวทิตพฺโพติ เอเตน เหตุสงฺขาตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส เหตุสมฺปยุตฺตกตํสมุฏฺานรูปสงฺขาตานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจยภาโว เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิฏฺโติ. โย ปน เหตุภาเวน ยถาวุตฺโต ปจฺจยธมฺโม ยถาวุตฺตานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจโย โหติ, โส เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสติ. อุภยถาปิ เหตุภาเวน อุปการกตา เหตุปจฺจโยติ อุทฺทิฏฺโติ ทสฺสิตํ โหติ. เอส นโย เสสปจฺจเยสุปิ. อุปการกตา ปน ธมฺมสภาโว ¶ เอว, น ธมฺมโต อฺา อตฺถีติ. ตถา ตถา อุปการกํ ตํ ตํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต หิ ภควา ตํ ตํ อุปการกตํ ทสฺเสตีติ.
เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ เอตฺถ ปโม เหตุ-สทฺโท ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ ปจฺจยนิทฺเทโส. เตน เอตสฺส เหตุภาเวน อุปการกตา เหตุปจฺจยตาติ ทสฺเสติ. ทุติโย ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสนํ. เตน น เยสํ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจยภาเวน ปจฺจโย โหติ, อถ โข เหตุนา สมฺปยุตฺตานเมวาติ ทสฺเสติ. นนุ จ สมฺปยุตฺตสทฺทสฺส สาเปกฺขตฺตา ทุติเย เหตุสทฺเท อวิชฺชมาเนปิ อฺสฺส อเปกฺขิตพฺพสฺส อนิทฺทิฏฺตฺตา อตฺตนาว สมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อยมตฺโถ วิฺายตีติ? นายํ เอกนฺโต. เหตุสทฺโท หิ ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ ‘‘เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺเถว พฺยาวโฏ ยทา คยฺหติ ¶ , ตทา สมฺปยุตฺตวิเสสนํ น โหตีติ สมฺปยุตฺตา อวิสิฏฺา เย เกจิ คหิตา ภเวยฺยุนฺติ เอวํ สมฺปยุตฺตสทฺเทน อตฺตนิ เอว พฺยาวเฏน เหตุสทฺเทน วิเสสเนน วินา เยสํ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตานํ คหณํ โหตีติ ตํ สนฺธาย ‘‘อถาปิ…เป… อตฺโถ ภเวยฺยา’’ติ อาห. นนุ ยถา ‘‘อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๕), ‘‘อรูปิโน อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๖) จ วุตฺเต ทุติเยน อาหารคฺคหเณน อินฺทฺริยคฺคหเณน จ วินาปิ อาหารินฺทฺริยสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺติ, เอวมิธาปิ สิยาติ? น, อาหารินฺทฺริยาสมฺปยุตฺตสฺส อภาวโต. วชฺเชตพฺพาภาวโต หิ ตตฺถ ทุติยอาหารินฺทฺริยคฺคหเณ อสติปิ ตํสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺตีติ ตํ น กตํ, อิธ ปน วชฺเชตพฺพํ อตฺถีติ วตฺตพฺพํ ทุติยํ เหตุคฺคหณนฺติ.
เอวมฺปิ เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานนฺติ เอตฺถ เหตุสมฺปยุตฺตกานํ โส เอว สมฺปยุตฺตกเหตูติ วิเสสนสฺส อกตตฺตา โย โกจิ เหตุ ยสฺส กสฺสจิ เหตุสมฺปยุตฺตกสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺสฺเสว เหตุสฺส ปุน สมฺปยุตฺตวิเสสนภาเวน วุตฺตตฺตา, เอตทตฺถเมว จ วินาปิ ทุติเยน เหตุสทฺเทน เหตุสมฺปยุตฺตภาเว สิทฺเธปิ ตสฺส คหณํ กตํ. อถ วา อสติ ทุติเย เหตุสทฺเท เหตุสมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย, น ปน เหตูนนฺติ เอวมฺปิ คหณํ สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ โส วุตฺโต, เตน เหตุสมฺปยุตฺตภาวํ เย ลภนฺติ, เตสํ สพฺเพสํ เหตูนํ อฺเสมฺปิ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ ทสฺสิตํ โหติ. ยสฺมา ปน เหตุฌานมคฺคา ปติฏฺามตฺตาทิภาเวน นิรเปกฺขา, น อาหารินฺทฺริยา วิย สาเปกฺขา เอว, ตสฺมา เอเตสฺเวว ทุติยํ เหตาทิคฺคหณํ กตํ. อาหารินฺทฺริยา ปน อาหริตพฺพอิสิตพฺพาเปกฺขา เอว, ตสฺมา ¶ เต วินาปิ ทุติเยน อาหารินฺทฺริยคฺคหเณน อตฺตนา เอว อาหริตพฺเพ จ อิสิตพฺเพ จ อาหารินฺทฺริยภูเต อฺเ จ สมฺปยุตฺตเก ปริจฺฉินฺทนฺตีติ ตํ ตตฺถ น กตํ, อิธ จ ทุติเยน เหตุคฺคหเณน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุนา ปจฺจยภูเตเนว สมฺปยุตฺตานํ เหตูนํ อฺเสฺจ ปริจฺฉินฺนตฺตา ปุน วิเสสนกิจฺจํ นตฺถีติ ปฺหาวาเร ‘‘กุสลา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธาน’’นฺติอาทีสุ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๑) ทุติยํ เหตุคฺคหณํ น กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
นิทฺทิสิตพฺพสฺส ¶ อปากฏตฺตาติ ตํ-สทฺโท ปุริมวจนาเปกฺโข วุตฺตสฺเสว นิทฺเทโส ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทีสุ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) ปุริมวจเนน นิทฺทิสิตพฺเพ ปากฏีภูเต เอว ปวตฺตติ. เอตฺถ จ ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ เหตุสทฺโท ‘‘เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺถ พฺยาวโฏ สมฺปยุตฺตสทฺเทน วิย ตํ-สทฺเทนปิ อนเปกฺขนีโย อฺโ จ โกจิ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสโก วุตฺโต นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ตํสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ จ น วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อิมินา ปน ปจฺจยุปฺปนฺนวจเนน อสมตฺเตน ปจฺจยุปฺปนฺนวจนนฺตราเปกฺเขน ปุพฺเพ วุตฺเตน ตํ-สทฺเทน นิทฺทิสิตพฺพํ ปากฏีกตํ, เตน ‘‘ตํสมุฏฺานาน’’นฺติ เอตฺถ ตํคหณํ กตนฺติ. กึ ปน ตสฺมึ เหตุสมฺปยุตฺตกสทฺเท ตํ-สทฺเทน นิทฺทิสิตพฺพํ ปากฏีภูตนฺติ? เยหิ เหตูหิ สมฺปยุตฺตา ‘‘เหตุสมฺปยุตฺตกา’’ติ วุตฺตา, เต เหตู เจว สมฺปยุตฺตกวิเสสนภูตา ตพฺพิเสสิตา จ เหตุสมฺปยุตฺตกา. เตนาห ‘‘เต เหตู เจวา’’ติอาทิ. อฺถา ‘‘เต เหตู เจวา’’ติ เอตสฺส ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺเน เหตุสทฺเทน สมฺพนฺเธ สติ ยถา อิธ เตเนว ตํ-สทฺเทน นิทฺทิสิตพฺพา ปากฏา, เอวํ ปุพฺเพปิ ภวิตุํ อรหนฺตีติ ‘‘นิทฺทิสิตพฺพสฺส อปากฏตฺตา ‘ตํสมฺปยุตฺตกาน’นฺติ น วุตฺต’’นฺติ อิทํ น ยุชฺเชยฺยาติ. ทุวิธมฺปิ วา เหตุคฺคหณํ อปเนตฺวา ตํสทฺทวจนียตํ โจเทติ ปริหรติ จ. ตํสมุฏฺานานนฺติ จ เหตุสมุฏฺานานนฺติ ยุตฺตํ. เหตู หิ ปจฺจยาติ.
จิตฺตชรูปํ อชนยมานาปีติ ปิ-สทฺเทน ชนยมานาปิ. ยทิ ‘‘จิตฺตสมุฏฺานาน’’นฺติ วจเนน ปฏิสนฺธิกฺขเณ กฏตฺตารูปสฺส อคฺคหณโต ตํ น วุตฺตํ, สหชาตปจฺจยวิภงฺเค จิตฺตเจตสิกานํ ตสฺส กฏตฺตารูปสฺส ปจฺจยภาโว น วุตฺโต ภเวยฺย. ยทิ จ ตตฺถ จิตฺตสมุฏฺานานํ ปจฺจยภาเวน ตํสมานลกฺขณานํ กฏตฺตารูปานมฺปิ ปจฺจยภาโว นิทสฺสิโต, เอวมิธาปิ ภวิตพฺพํ. ‘‘จิตฺตสมุฏฺานาน’’นฺติ ปน อวตฺวา ‘‘ตํสมุฏฺานาน’’นฺติ วจนํ จิตฺตสมุฏฺานานํ ¶ สพฺพจิตฺตเจตสิกสมุฏฺานตาทสฺสนตฺถํ. เอวํปกาเรน หิ ตํสมุฏฺานวจเนน ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตํ สมุฏฺานวจนํ วิเสสิตํ โหติ. นนุ ‘‘จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฏฺานาน’’นฺติ วจเนน จิตฺตสมุฏฺานานํ จิตฺตเจตสิกสมุฏฺานตา วุตฺตาติ? น วุตฺตา. จิตฺตเจตสิกานํ ปจฺจยภาโว เอว หิ ตตฺถ วุตฺโตติ.
จิตฺตปฏิพทฺธวุตฺติตายาติ ¶ เอเตเนว เหตุอาทิปฏิพทฺธตฺจ ทสฺเสติ. ‘‘ยฺจ, ภิกฺขเว, เจเตติ, ยฺจ ปกปฺเปติ, ยฺจ อนุเสติ, อารมฺมณเมตํ โหติ, วิฺาณสฺส ิติยา อารมฺมเณ สติ ปติฏฺา วิฺาณสฺส โหติ, ตสฺมึ ปติฏฺิเต วิฺาเณ วิรุฬฺเห นามรูปสฺส อวกฺกนฺติ โหติ, นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๓๙) อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต ปฏิสนฺธินามรูปสฺส วิฺาณปจฺจยตา วุตฺตาติ อาห ‘‘ตสฺมึ ปติฏฺิเต’’ติอาทิ.
ปุริมตรสิทฺธาย ปถวิยา พีชปติฏฺานํ วิย ปุริมตรสิทฺเธ กมฺเม ตนฺนิพฺพตฺตสฺเสว วิฺาณพีชสฺส ปติฏฺานํ กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปฺปตฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห – ‘‘กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีช’’นฺติ. กสฺส ปน ตํ เขตฺตํ พีชฺจาติ? นามรูปงฺกุรสฺส.
อยฺจ ปนตฺโถติ ปฏิสนฺธิยํ กมฺมชรูปานํ จิตฺตปฏิพทฺธวุตฺติตา. โอกาสวเสเนวาติ นามรูโปกาสวเสเนว. โส หิ ตสฺส อตฺถสฺส โอกาโสติ. วตฺถุรูปมตฺตมฺปีติ วทนฺโต วตฺถุรูปสฺส อุปตฺถมฺภกานํ เสสรูปานมฺปิ ตทุปตฺถมฺภกภาเวเนว อรูปธมฺมานํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ, สหภวนมตฺตํ วา. ตตฺถ กายภาวาทิกลาปานํ กตฺถจิ อภาวโต กตฺถจิ อภาวาภาวโต ‘‘วตฺถุรูปมตฺตมฺปิ วินา’’ติ อาห. สสฺสามิเกติ เอตสฺเสว วิเสสนตฺถํ ‘‘สราชเก’’ติ วุตฺตํ.
ปวตฺติยํ กฏตฺตารูปาทีนํ ปจฺจยภาวปฏิพาหนโตติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เตสํ ปจฺจยภาวปฺปสงฺโคเยว นตฺถิ ‘‘เหตู สหชาตาน’’นฺติ (ปฏฺา. อฏฺ. ๑.๑) วจนโต. น หิ เยสํ เหตู สหชาตปจฺจโย น โหนฺติ, ตานิ เหตุสหชาตานิ นาม โหนฺติ. ยทิ สิยุํ, ‘‘กุสลํ ธมฺมํ สหชาโต อพฺยากโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ น เหตุปจฺจยา’’ติอาทิ จ ลพฺเภยฺย, น ปน ลพฺภติ, ตสฺมา น ตานิ เหตุสหชาตานีติ? สจฺจเมตํ, โย ปน เหตูหิ สมานกาลุปฺปตฺติมตฺตํ คเหตฺวา เหตุสหชาตภาวํ มฺเยฺย, ตสฺสายํ ปสงฺโค อตฺถีติ อิทํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ภควา ปน วจนานํ ลหุครุภาวํ น คเณติ, โพธเนยฺยานํ ปน อชฺฌาสยานุรูปโต ธมฺมสภาวํ ¶ อวิโลเมนฺโต ตถา ตถา เทสนํ นิยาเมตีติ น กตฺถจิ อกฺขรานํ พหุตา วา อปฺปตา วา โจเทตพฺพาติ.
เหตุปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อารมฺมณปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๒. อุปฺปชฺชนกฺขเณเยวาติ ¶ เอเตน วตฺตมานกฺขเณกเทเสน สพฺพํ วตฺตมานกฺขณํ คยฺหตีติ ทฏฺพฺพํ. น หิ อุปฺปชฺชนกฺขเณเยว จกฺขุวิฺาณาทีนํ รูปาทีนิ อารมฺมณปจฺจโย, อถ โข สพฺพสฺมึ วตฺตมานกฺขเณติ. เตน อาลมฺพิยมานานมฺปิ รูปาทีนํ จกฺขุวิฺาณาทิวตฺตมานตาย ปุเร ปจฺฉา จ วิชฺชมานานํ อารมฺมณปจฺจยตฺตาภาวํ ทสฺเสติ, โก ปน วาโท อนาลมฺพิยมานานํ. น เอกโต โหนฺตีติ นีลาทีนิ สพฺพรูปานิ สห น โหนฺติ, ตถา สทฺทาทโยปีติ อตฺโถ. ‘‘ยํ ย’’นฺติ หิ วจนํ รูปาทีนิ ภินฺทตีติ. ตตฺถ ปุริเมนตฺเถน ‘‘อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วจเนน อารมฺมณปจฺจยภาวลกฺขณทีปนตฺถํ ‘‘ยํ ยํ ธมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน ‘‘ยํ ย’’นฺติ วจเนน รูปาทิเภททีปนตฺถนฺติ. ‘‘ยํ ยํ วา ปนารพฺภา’’ติ เอตสฺส วณฺณนายํ ทสฺสิตสพฺพารมฺมณาทิวเสน วา อิธาปิ อตฺโถ คเหตพฺโพติ.
เอวํ วุตฺตนฺติ ยถา นทีปพฺพตานํ สนฺทนํ านฺจ ปวตฺตํ อวิรตํ อวิจฺฉินฺนนฺติ สนฺทนฺติ ติฏฺนฺตีติ วตฺตมานวจนํ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘เย เย ธมฺมา’’ติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ สพฺพสงฺคหสมุทายวเสน คหิตตฺตา เตสํ อุปฺปชฺชนํ ปวตฺตนํ อวิรตนฺติ อุปฺปชฺชนฺตีติ วตฺตมานวจนํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อิเม ปน น เหตาทิปจฺจยา สพฺเพปิ อตีตานาคตานํ โหนฺติ. น หิ อตีโต จ อนาคโต จ อตฺถิ, ยสฺเสเต ปจฺจยา สิยุํ. เอวฺจ กตฺวา อตีตตฺติเก อตีตานาคตานํ น โกจิ ปจฺจโย วุตฺโต, ตสฺมา อิธาปิ ‘‘อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วจเนน เยสํ รูปาทโย อารมฺมณธมฺมา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ, เต ปจฺจุปฺปนฺนาว ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา. เตสุ หิ ทสฺสิเตสุ อตีตานาคเตสุ ตํตํปจฺจยา อเหสุํ ภวิสฺสนฺติ จาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ, น ปน ตํตํปจฺจยวนฺตตา. ปจฺจยวนฺโต หิ ปจฺจุปฺปนฺนาเยวาติ.
เอตฺถ ¶ จ ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ เอกวจนนิทฺเทสํ กตฺวา ปุน ‘‘เต เต ธมฺมา’’ติ พหุวจนนิทฺเทโส ‘‘ยํ ย’’นฺติ วุตฺตสฺส อารมฺมณธมฺมสฺส อเนกภาโวปิ อตฺถีติ ทสฺสนตฺโถ. จตฺตาโร หิ ขนฺธา สเหว อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ, เต สพฺเพปิ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานมฺปิ เตสุ เอเกกํ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานํ น น โหติ, ตสฺมา เวทนาทีสุ ผสฺสาทีสุ จ เอเกกสฺสปิ อารมฺมณปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ ย’’นฺติ วุตฺตํ, สพฺเพสํ เอกจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนานํ ¶ อารมฺมณปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘เต เต’’ติ. ตตฺถ โย จ รูปาทิโก เอเกโกว ยํยํ-สทฺเทน วุตฺโต, เย จ อเนเก ผสฺสาทโย เอเกกวเสน ยํยํ-สทฺเทน วุตฺตา, เต สพฺเพ คเหตฺวา ‘‘เต เต’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ยสฺมึ กาเล อารพฺภ อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมึ กาเล นีลาทีสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ จ เอเกกเมว อารพฺภ อุปฺปชฺชนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํ ย’’นฺติ วุตฺตํ, เต ปน อาลมฺพิยมานา รูปารมฺมณธมฺมา จ อเนเก, ตถา สทฺทาทิอารมฺมณธมฺมา จาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เต เต’’ติ.
นิพฺพานารมฺมณํ กามาวจรรูปาวจรกุสลสฺส อปริยาปนฺนโต กุสลวิปากสฺส กามาวจรรูปาวจรกิริยสฺส จาติ อิเมสํ ฉนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณปจฺจโย โหตีติ อิทํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ขนฺธปฏิพทฺธานุสฺสรณกาเล นิพฺพานมฺปิ รูปาวจรกุสลกิริยานํ อารมฺมณํ โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. เอวํ สติ ยถา ‘‘อปฺปมาณา ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๒.๕๘) วุตฺตํ, เอวํ ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ จ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ ตํ วุตฺตํ. น หิ นิพฺพานํ ปุพฺเพ นิวุฏฺํ อสงฺขตตฺตา, น จ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ปุพฺเพ นิวุฏฺเสุ อปฺปมาณกฺขนฺเธสุ าเตสุ นิพฺพานชานเน น เตน ปโยชนํ อตฺถิ. ยถา หิ เจโตปริยาณํ จิตฺตํ วิภาเวนฺตเมว จิตฺตารมฺมณชานนสฺส กามาวจรสฺส ปจฺจโย โหติ, เอวมิทมฺปิ อปฺปมาณกฺขนฺเธ วิภาเวนฺตเมว ตทารมฺมณชานนสฺส กามาวจรสฺส ปจฺจโย โหตีติ. ทิฏฺนิพฺพาโนเยว จ ปุพฺเพ นิวุฏฺเ อปฺปมาณกฺขนฺเธ อนุสฺสรติ, เตน ยถาทิฏฺเมว นิพฺพานํ เตสํ ขนฺธานํ อารมฺมณนฺติ ทฏฺพฺพํ, น ปน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ตทารมฺมณวิภาวนํ กาตพฺพํ. วิภูตเมว หิ ตํ ตสฺสาติ. เอวํ อนาคตํสาเณปิ ยถารหํ โยเชตพฺพํ, ตสฺมา นิพฺพานํ น กสฺสจิ รูปาวจรสฺส อารมฺมณนฺติ ‘‘จตุนฺนํ ราสีน’’นฺติ วตฺตุํ ยุตฺตํ.
อารมฺมณปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อธิปติปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๓. ธุรนฺติ ¶ ¶ ธุรคฺคาหํ. เชฏฺกนฺติ เสฏฺํ. ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกานนฺติ เอตฺถ ปุริมฉนฺทสฺส สมานรูเปน ตทนนฺตรํ นิทฺทิฏฺเน ตํสมฺพนฺเธน ฉนฺทสทฺเทเนว ปจฺจยภูตสฺส ฉนฺทสฺส สมฺปยุตฺตกวิเสสนภาโว ทสฺสิโต โหตีติ ‘‘ฉนฺทาธิปติ สมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ฉนฺทสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อิตเรสุปิ.
ครุการจิตฺตีการวเสน วาติ กุสลาพฺยากตานํ ปวตฺตึ ทสฺเสติ. อลทฺธํ ลทฺธพฺพํ, ลทฺธํ อวิชหิตพฺพํ. เยน วา วินา น ภวิตพฺพํ, ตํ ลทฺธพฺพํ, ตสฺเสวตฺโถ อวิชหิตพฺพนฺติ. อนวฺาตนฺติ อวฺาตมฺปิ อโทสทสฺสิตาย อสฺสาทเนน อนวฺาตํ กตฺวา.
มิจฺฉตฺตนิยตา อปฺปนาสทิสา มหาพลา วินา อธิปตินา นุปฺปชฺชนฺตีติ ‘‘เอกนฺเตเนวา’’ติ อาห. กมฺมกิเลสาวรณภูตา จ เต สคฺคาวรณา จ มคฺคาวรณา จ ปจฺจกฺขสคฺคานํ กามาวจรเทวานมฺปิ อุปฺปชฺชิตุํ น อรหนฺติ, โก ปน วาโท รูปารูปีนนฺติ.
กามาวจราทิเภทโต ปน ติวิโธ กิริยารมฺมณาธิปติ โลภสหคตากุสลสฺเสว อารมฺมณาธิปติปจฺจโย โหตีติ อิทํ ปรสนฺตานคตานํ สารมฺมณธมฺมานํ ‘‘อชฺฌตฺตารมฺมโณ ธมฺโม พหิทฺธารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตสฺส อภาวโต ‘‘พหิทฺธารมฺมโณ ธมฺโม พหิทฺธารมฺมณสฺสา’’ติ เอตฺถ จ อารมฺมณาธิปติโน อนุทฺธฏตฺตา อธิปติปจฺจยตา นตฺถีติ วิฺายมาเนปิ ‘‘พหิทฺธา ขนฺเธ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทตี’’ติอาทิวจนํ (ปฏฺา. ๒.๒๐.๓๑) นิสฺสาย อรหโต กิริยธมฺมา ปุถุชฺชนาทีหิ ครุํ กตฺวา อสฺสาทิยนฺตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สนิทสฺสนสปฺปฏิฆา ขนฺธา’’ติอาทีสุ (ปฏฺา. ๒.๒๒.๓๐) วิย ขนฺธสทฺโท รูเป เอว ภวิตุํ อรหตีติ วิจาริตเมตํ. ปุถุชฺชนาทิกาเล วา อนาคเต กิริยธมฺเม ครุํ กตฺวา อสฺสาทนํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ‘‘เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺเม ขนฺเธ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๓.๙๖) กิริยธมฺมา ราคทิฏฺีนํ อธิปติปจฺจโย โหนฺเตว, เต จ ‘‘อตีตารมฺมเณ อนาคเต ขนฺเธ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทตี’’ติอาทิวจนโต ¶ (ปฏฺา. ๒.๑๙.๒๓) อนาคตา เตภูมกาปิ อธิปติปจฺจโย โหนฺตีติ. อาวชฺชนกิริยสพฺภาวโต ปน อิทมฺปิ วิจาเรตพฺพํ.
อธิปติปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. อนนฺตรปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๔. ยถา ¶ โอกาสทานวิเสสภาเวน นตฺถิวิคตา วุตฺตา, น เอวํ อนนฺตรสมนนฺตรา, เอเต ปน จิตฺตนิยามเหตุวิเสสภาเวน วุตฺตา, ตสฺมา ตํ จิตฺตนิยามเหตุวิเสสภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จกฺขุวิฺาณธาตู’’ติอาทินา ธาตุวเสน กุสลาทิวเสน จ นิทฺเทสมาห. ตตฺถ ‘‘มโนวิฺาณธาตุ มโนวิฺาณธาตุยา’’ติ วุตฺเต ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนวิเสโส น วิฺายตีติ ‘‘ปุริมา ปุริมา ปจฺฉิมาย ปจฺฉิมายา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ตถา จ สติ ธาตุวิเสเสน จิตฺตวิเสเส ทสฺสนํ ยํ กาตุํ อารทฺโธ, ตํ โวจฺฉิชฺเชยฺย. ‘‘มโนวิฺาณธาตุ มโนธาตุยา’’ติ อิทมฺปิ น สกฺกา วตฺตุํ นิยามาภาวโต, ‘‘มโนธาตุ จกฺขุวิฺาณธาตุยา’’ติ จ ตเถว น สกฺกา. น หิ มโนธาตุ จกฺขุวิฺาณธาตุยาเยว อนนฺตรปจฺจโยติ นิยาโม อตฺถิ, ตสฺมา ปากฏา ปฺจวิฺาณธาตุโย อาทึ กตฺวา ยาว ธาตุวิเสสนิยาโม อตฺถิ, ตาว นิทสฺสเนน นยํ ทสฺเสตฺวา ปุน นิรวเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา’’ติอาทิมาห. สทิสกุสลานนฺติ เวทนาย วา เหตูหิ วา สทิสกุสลานํ อนุรูปกุสลานนฺติ วา อตฺโถ. เตน ภูมิภินฺนานมฺปิ ปจฺจยภาโว วุตฺโต โหติ. ภวงฺคคฺคหเณน กุสลากุสลมูลเกสุ จุติปิ คหิตาติ ทฏฺพฺพํ, อพฺยากตมูลเก ตทารมฺมณมฺปิ.
กามาวจรกิริยาวชฺชนสฺสาติ กามาวจรกิริยาย อาวชฺชนสฺสาติ อาวชฺชนคฺคหเณน กามาวจรกิริยํ วิเสเสตีติ ทฏฺพฺพํ. กามาวจรวิปาโก กามาวจรกิริยราสิสฺส จ อนนฺตรปจฺจโย โหติ, โหนฺโต จ อาวชฺชนสฺเสวาติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. อาวชฺชนคฺคหเณเนว เจตฺถ โวฏฺพฺพนมฺปิ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อนนฺตรปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สหชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๖. ‘‘อฺมฺสฺสาติ ¶ อฺโ อฺสฺสา’’ติ โปราณปาโ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อฺมฺํ สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ‘‘อฺมฺ’’นฺติ อิมสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ ¶ , น อวุตฺตสฺส ‘‘อฺมฺสฺสา’’ติ อิมสฺส, น จ สมานตฺถสฺสปิ สทฺทนฺตรสฺส อตฺเถ วุตฺเต สทฺทนฺตรสฺส อตฺโถ วุตฺโต โหติ, ตสฺมา ‘‘อฺมฺนฺติ อฺโ อฺสฺสา’’ติ ปนฺติ. โอกฺกนฺตีติ ปฺจโวการปฏิสนฺธิเยว วุจฺจติ, น อิตราติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปฺจโวการภเว ปฏิสนฺธิกฺขเณ’’ติ. รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานนฺติ อิทํ ยทิปิ ปุพฺเพ ‘‘โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูป’’นฺติ วุตฺตํ, ตถาปิ น เตน ขณนฺตเร ปจฺจยภาโว รูปีนํ นิวาริโตติ ตนฺนิวารณตฺถํ วุตฺตํ. กฺจิ กาเลติ เกจิ กิสฺมิฺจิ กาเลติ วา อตฺโถ. เตน รูปิโน ธมฺมา เกจิ วตฺถุภูตา กิสฺมิฺจิ ปฏิสนฺธิกาเลติ รูปนฺตรานํ วตฺถุสฺส จ กาลนฺตเร อรูปีนํ สหชาตปจฺจยํ ปุพฺเพ อนิวาริตํ นิวาเรติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กฺจิ กาล’’นฺติ วา ‘‘กิสฺมิฺจิ กาเล’’ติ วา วตฺตพฺเพ วิภตฺติวิปลฺลาโส กโต. เตน หิ ‘‘กฺจี’’ติ อุปโยเคกวจนํ ‘‘รูปิโน ธมฺมา’’ติ เอเตน สห สมฺพนฺเธน ปจฺจตฺตพหุวจนสฺส อาเทโส, ‘‘กาเล’’ติ อิมินา สมฺพนฺเธน ภุมฺเมกวจนสฺสาติ วิฺายติ. ปุริเมน จ ‘‘เอโก ขนฺโธ วตฺถุ จ ติณฺณนฺนํ ขนฺธาน’’นฺติอาทินา นามสหิตสฺเสว วตฺถุสฺส ‘‘นามสฺส ปจฺจโย’’ติ วตฺตพฺพตฺเต อาปนฺเน เอเตน เกวลสฺเสว ตถา วตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ.
ตโย น อฺมฺวเสนาติ ลพฺภมาเนปิ กตฺถจิ อฺมฺสหชาตปจฺจยภาเว วจเนน อสงฺคหิตตฺตา ตสฺส เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. จตุสมุฏฺานิกสฺส รูปสฺส เอกเทสภูเต กมฺมสมุฏฺานรูเป สมุทาเยกเทสวเสน สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ, นิทฺธารเณ วา.
สหชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. นิสฺสยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๘. นิสฺสยปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ กิสฺมิฺจิ กาเล’’ติ อิทํ น ลพฺภติ. ยํ ปเนตฺถ ลพฺภติ ‘‘รูปิโน ธมฺมา เกจี’’ติ, ตตฺถ ¶ เต เอว ธมฺเม ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขายตน’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ. ‘‘วตฺถุรูปํ ปฺจโวการภเว’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘เปตฺวา อารุปฺปวิปาก’’นฺติ ¶ อิทํ น วตฺตพฺพนฺติ เจ? น, ‘‘เตภูมกวิปากสฺสา’’ติ วุตฺเต ปฺจโวการภเว อนุปฺปชฺชนกํ เปตพฺพํ อชานนฺตสฺส ตสฺส ปกาเสตพฺพตฺตา.
นิสฺสยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุปนิสฺสยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๙. เต ตโยปิ ราสโยติ อุปนิสฺสเย ตโย อเนกสงฺคาหกตาย ราสโยติ วทติ. เอตสฺมึ ปน อุปนิสฺสยนิทฺเทเส เย ปุริมา เยสํ ปจฺฉิมานํ อนนฺตรูปนิสฺสยา โหนฺติ, เต เตสํ สพฺเพสํ เอกนฺเตเนว โหนฺติ, น เกสฺจิ กทาจิ, ตสฺมา เยสุ ปเทสุ อนนฺตรูปนิสฺสโย สงฺคหิโต, เตสุ ‘‘เกสฺจี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ น วุตฺตํ. เย ปน ปุริมา เยสํ ปจฺฉิมานํ อารมฺมณปกตูปนิสฺสยา โหนฺติ, เต เตสํ น สพฺเพสํ เอกนฺเตน โหนฺติ, เยสํ อุปฺปตฺติปฏิพาหิกา ปจฺจยา พลวนฺโต โหนฺติ, เตสํ น โหนฺติ, อิตเรสํ โหนฺติ. ตสฺมา เยสุ ปเทสุ อนนฺตรูปนิสฺสโย น ลพฺภติ, เตสุ ‘‘เกสฺจี’’ติ วุตฺตํ. สิทฺธานํ ปจฺจยธมฺมานํ เยหิ ปจฺจยุปฺปนฺเนหิ อกุสลาทีหิ ภวิตพฺพํ, เตสํ เกสฺจีติ อยฺเจตฺถ อตฺโถ, น ปน อวิเสเสน อกุสลาทีสุ เกสฺจีติ.
ปุริมา ปุริมา กุสลา…เป… อพฺยากตานํ ธมฺมานนฺติ เยสํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ภวิตพฺพํ, เตสํ อพฺยากตานํ ปจฺฉิมานนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ รูปาพฺยากตํ อุปนิสฺสยํ ลภตีติ. กถํ? อารมฺมณานนฺตรูปนิสฺสเย ตาว น ลภติ อนารมฺมณตฺตา ปุพฺพาปรนิยเมน อปฺปวตฺติโต จ, ปกตูปนิสฺสยฺจ น ลภติ อเจตเนน รูปสนฺตาเนน ปกตสฺส อภาวโต. ยถา หิ อรูปสนฺตาเนน สทฺธาทโย นิปฺผาทิตา อุตุโภชนาทโย จ อุปเสวิตา, น เอวํ รูปสนฺตาเนน. ยสฺมิฺจ อุตุพีชาทิเก กมฺมาทิเก จ สติ รูปํ ปวตฺตติ, น ตํ เตน ปกตํ โหติ. สเจตนสฺเสว หิ อุปฺปาทนุปตฺถมฺภนุปโยคาทิวเสน เจตนํ ปกปฺปนํ ปกรณํ, รูปฺจ อเจตนนฺติ. ยถา จ นิรีหเกสุ ปจฺจยายตฺเตสุ ธมฺเมสุ เกสฺจิ สารมฺมณสภาวตา โหติ, เกสฺจิ น, เอวํ ¶ สปฺปกรณสภาวตา นิปฺปกรณสภาวตา จ ทฏฺพฺพา. อุตุพีชาทโย ปน ¶ องฺกุราทีนํ เตสุ อสนฺเตสุ อภาวโต เอว ปจฺจยา, น ปน อุปนิสฺสยาทิภาวโตติ. ปุริมปุริมานํเยว ปเนตฺถ อุปนิสฺสยปจฺจยภาโว พาหุลฺลวเสน ปากฏวเสน จ วุตฺโต. ‘‘อนาคเต ขนฺเธ ปตฺถยมาโน ทานํ เทตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๒.๑๘.๘) ปน อนาคตาปิ อุปนิสฺสยปจฺจยา โหนฺติ, เต ปุริเมหิ อารมฺมณปกตูปนิสฺสเยหิ ตํสมานลกฺขณตาย อิธ สงฺคยฺหนฺตีติ ทฏฺพฺพา.
ปุคฺคโลปิ เสนาสนมฺปีติ ปุคฺคลเสนาสนคฺคหณวเสน อุปนิสฺสยภาวํ ภชนฺเต ธมฺเม ทสฺเสติ, ปิ-สทฺเทน จีวรารฺรุกฺขปพฺพตาทิคฺคหณวเสน อุปนิสฺสยภาวํ ภชนฺเต สพฺเพ สงฺคณฺหาติ. ‘‘อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทีสุ หิ ‘‘เสนาสนํ กายิกสฺส สุขสฺสา’’ติอาทิวจเนน เสนาสนคฺคหเณน อุปนิสฺสยภาวํ ภชนฺตาว ธมฺมา อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโยติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ปุคฺคลาทีสุปิ อยํ นโย ทสฺสิโต โหตีติ. ปจฺจุปฺปนฺนาปิ อารมฺมณปกตูปนิสฺสยา ปจฺจุปฺปนฺนตาย เสนาสนสมานลกฺขณตฺตา เอตฺเถว สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. วกฺขติ หิ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ อุตุํ โภชนํ เสนาสนํ อุปนิสฺสาย ฌานํ อุปฺปาเทตี’’ติอาทินา เสนาสนสฺส ปจฺจุปฺปนฺนภาวํ วิย ปจฺจุปฺปนฺนานํ อุตุอาทีนํ ปกตูปนิสฺสยภาวํ, ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ จกฺขุํ…เป… วตฺถุํ ปจฺจุปฺปนฺเน ขนฺเธ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทตี’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๒.๑๘.๔) จกฺขาทีนํ อารมฺมณูปนิสฺสยภาวฺจาติ. ปจฺจุปฺปนฺนานมฺปิ จ ตาทิสานํ ปุพฺเพ ปกตตฺตา ปกตูปนิสฺสยตา ทฏฺพฺพา.
กสิณารมฺมณาทีนิ อารมฺมณเมว โหนฺติ, น อุปนิสฺสโยติ อิมินา อธิปฺปาเยน ‘‘เอกจฺจายา’’ติ อาห.
อรูปาวจรกุสลมฺปิ ยสฺมึ กสิณาทิมฺหิ ฌานํ อนุปฺปาทิตํ, ตสฺมึ อนุปฺปนฺนฌานุปฺปาทเน สพฺพสฺส จ อุปฺปนฺนฌานสฺส สมาปชฺชเน อิทฺธิวิธาทีนํ อภิฺานฺจ อุปนิสฺสโยติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘เตภูมกกุสโล จตุภูมกสฺสปิ กุสลสฺสา’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อรูปาวจรํ สทฺธํ อุปนิสฺสาย รูปาวจรํ ฌานํ วิปสฺสนํ มคฺคํ อภิฺํ สมาปตฺตึ อุปฺปาเทตี’’ติ (ปฏฺา. ๔.๑๓.๒๘๕). กามาวจรกุสลํ รูปาวจรารูปาวจรวิปากานมฺปิ ตทุปฺปาทกกุสลานํ อุปนิสฺสยภาววเสน ¶ , ปฏิสนฺธินิยามกสฺส จุติโต ปุริมชวนสฺส จ วเสน อุปนิสฺสโย, รูปาวจรกุสลํ อรูปาวจรวิปากสฺส, อรูปาวจรกุสลฺจ รูปาวจรวิปากสฺส ¶ ตทุปฺปาทกกุสลูปนิสฺสยภาเวนาติ เอวํ ปจฺเจกํ เตภูมกกุสลานํ จตุภูมกวิปากสฺส เตภูมกกิริยสฺส จ ยถาโยคํ ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ. ปาฬิยมฺปิ หิ ปกตูปนิสฺสโย นยทสฺสนมตฺเตเนว ปฺหาวาเรสุ วิสฺสชฺชิโตติ.
อิมินา ปน นเยนาติ โลกุตฺตรนิพฺพตฺตนํ อุปนิสฺสาย สิเนหุปฺปาทนเลเสนาติ อตฺโถ. โลกุตฺตรา ปน ธมฺมา อกุสลานํ น เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย โหนฺตีติ น อิทํ สารโต ทฏฺพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. กามาวจราทิติเหตุกภวงฺคํ กายิกสุขาทิ จ รูปาวจราทิกุสลานํ อุปนิสฺสโย, อรูปาวจรวิปาโก รูปาวจรกุสลสฺส ตํ ปตฺเถตฺวา ตนฺนิพฺพตฺตกกุสลุปฺปาทนตฺถํ อุปฺปาทิยมานสฺส, รูปาวจรกิริยสฺส จ ปุพฺเพ นิวุฏฺาทีสุ อรูปาวจรวิปากชานนตฺถํ ฌานาภิฺาโย อุปฺปาเทนฺตสฺส อรหโต, จตุภูมกวิปากานํ ปน ตทุปฺปาทกกุสลูปนิสฺสยภาววเสน โส โส วิปาโก อุปนิสฺสโย. เตนาห ‘‘ตถา เตภูมกวิปาโก’’ติ. ยทิปิ อรหตฺตผลตฺตํ ฌานวิปสฺสนา อุปฺปาเทติ อนาคามี, น ปน เตน ตํ กทาจิ ทิฏฺปุพฺพํ ปุถุชฺชนาทีหิ โสตาปตฺติผลาทีนิ วิย, ตสฺมา ตานิ วิย เตสํ ฌานาทีนํ อิมสฺส จ อคฺคผลํ น ฌานาทีนํ อุปนิสฺสโย. อุปลทฺธปุพฺพสทิสเมว หิ อนาคตมฺปิ อุปนิสฺสโยติ. เตนาห ‘‘อุปริฏฺิมํ กุสลสฺสปี’’ติ.
กิริยอตฺถปฏิสมฺภิทาทิมฺปิ ปตฺเถตฺวา ทานาทิกุสลํ กโรนฺตสฺส เตภูมกกิริยาปิ จตุภูมกสฺสปิ กุสลสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย. โยนิโสมนสิกาเร วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ตํ อุปนิสฺสาย ราคาทิอุปฺปาทเน อกุสลสฺส, กุสลากุสลูปนิสฺสยภาวมุเขน จตุภูมกวิปากสฺส. เอวํ กิริยสฺสปิ โยเชตพฺพํ. เตนาห ‘‘กิริยสงฺขาโตปิ ปกตูปนิสฺสโย จตุภูมกานํ กุสลาทิขนฺธานํ โหติเยวา’’ติ. เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺเมสุ ปน อุตุโภชนเสนาสนานเมว ติณฺณํ ราสีนํ ปกตูปนิสฺสยภาวทสฺสนํ นยทสฺสนเมวาติ. อิมสฺมึ ปฏฺานมหาปกรเณ อาคตนเยนาติ อิทํ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อพฺยากโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ น อุปนิสฺสยปจฺจยา, กุสเล ขนฺเธ ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานํ รูป’’นฺติ ¶ (ปฏฺา. ๑.๑.๙๑) เอวมาทิกํ อุปนิสฺสยปฏิกฺเขปํ, อนุโลเม จ อนาคมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. สุตฺตนฺติกปริยาเยนาติ ‘‘วิฺาณูปนิสํ นามรูปํ, นามรูปนิสํ สฬายตน’’นฺติอาทิเกน (สํ. นิ. ๒.๒๓),
‘‘ยถาปิ ¶ ปพฺพโต เสโล, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;
ตํ รุกฺขา อุปนิสฺสาย, วฑฺฒนฺเต เต วนปฺปตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๙). –
อาทิเกน จ.
อุปนิสฺสยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปุเรชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑๐. นยทสฺสนวเสน ยานิ วินา อารมฺมณปุเรชาเตน น วตฺตนฺติ, เตสํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อารมฺมณปุเรชาตทสฺสเนน มโนทฺวาเรปิ ยํ ยทารมฺมณปุเรชาเตน วตฺตติ, ตสฺส ตทาลมฺพิตํ สพฺพมฺปิ รูปรูปํ อารมฺมณปุเรชาตนฺติ ทสฺสิตเมว โหติ, สรูเปน ปน อทสฺสิตตฺตา ‘‘สาวเสสวเสน เทสนา กตา’’ติ อาห. จิตฺตวเสน กายํ ปริณามยโต อิทฺธิวิธาภิฺาย จ อฏฺารสสุ ยํกิฺจิ อารมฺมณปุเรชาตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
ตทารมฺมณภาวิโนติ เอตฺถ ปฏิสนฺธิภาวิโน วตฺถุปุเรชาตาภาเวน อิตรสฺสปิ อภาวา อคฺคหณํ. ภวงฺคภาวิโน ปน คหณํ กาตพฺพํ น วา กาตพฺพํ ปฏิสนฺธิยา วิย อปริพฺยตฺตสฺส อารมฺมณสฺส อารมฺมณมตฺตภาวโต, ‘‘มโนธาตูนฺจา’’ติ เอตฺถ สนฺตีรณภาวิโน มโนวิฺาณธาตุยาปิ.
ปุเรชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ปจฺฉาชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑๑. ตสฺเสวาติ ¶ ¶ อิทํ กามาวจรรูปาวจรวิปากานํ นิรวเสสทสฺสิตปุเรชาตทสฺสนวเสน วุตฺตํ, รูปาวจรวิปาโก ปน อาหารสมุฏฺานสฺส น โหตีติ.
ปจฺฉาชาตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. อาเสวนปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑๒. ปคุณตรพลวตรภาววิสิฏฺนฺติ เอเตน วิปากาพฺยากตโต วิเสเสติ.
อาเสวนปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. กมฺมปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑๓. เจตนาสมฺปยุตฺตกมฺมํ อภิชฺฌาทิ กมฺมปจฺจโย น โหตีติ ‘‘เจตนากมฺมเมวา’’ติ อาห. สติปิ หิ วิปากธมฺมธมฺมตฺเต น เจตนาวชฺชา เอวํสภาวาติ. อตฺตโน ผลํ อุปฺปาเทตุํ สมตฺเถนาติ กมฺมสฺส สมตฺถตา ตสฺส กมฺมปจฺจยภาโว วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
ปฺจโวกาเรเยว, น อฺตฺถาติ เอเตน กามาวจรเจตนา เอกโวกาเร รูปมฺปิ น ชเนตีติ ทสฺเสติ.
กมฺมปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. วิปากปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑๔. วิปากปจฺจยนิทฺเทเส ¶ เยสํ เอกนฺเตน วิปาโก วิปากปจฺจโย โหติ, เตสํ วเสน นยทสฺสนํ กตํ. น หิ อารุปฺเป ภูมิทฺวยวิปาโก รูปสฺส ปจฺจโย โหติ.
วิปากปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๕. อาหารปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑๕. กพฬํ ¶ กริตฺวา อชฺโฌหริโตวาติ อสิตปีตาทิวตฺถูหิ สห อชฺโฌหริโตวาติ วุตฺตํ โหติ. ปาตพฺพสายิตพฺพานิปิ หิ สภาววเสน กพฬาเยว โหนฺตีติ.
เสสติสนฺตติสมุฏฺานสฺส อนุปาลโกว หุตฺวาติ เอตฺถ จิตฺตสมุฏฺานสฺส อาหารปจฺจยภาโว วิจาเรตฺวา คเหตพฺโพ. น หิ จิตฺตสมุฏฺาโน กพฬีกาโร อาหาโร โนจิตฺตสมุฏฺาโน ตทุภยฺจ จิตฺตสมุฏฺานกายสฺส อาหารปจฺจโย วุตฺโต, ติวิโธปิ ปน โส โนจิตฺตสมุฏฺานกายสฺส วุตฺโตติ.
อาหารปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๖. อินฺทฺริยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑๖. อรูปชีวิตินฺทฺริยมฺปิ สงฺคหิตนฺติ มิสฺสกตฺตา ชีวิตินฺทฺริยํ น สพฺเพน สพฺพํ วชฺชิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
อวินิพฺภุตฺตธมฺมานนฺติ เอตฺถ อยํ อธิปฺปาโย – รูปารูปานํ อฺมฺํ อวินิพฺภุตฺตโวหาโร นตฺถีติ อรูปานํ อินฺทฺริยปจฺจยภูตานิ ปจฺจยนฺตราเปกฺขานิ จกฺขาทีนิ อตฺตโน ¶ วิชฺชมานกฺขเณ อวินิพฺภุตฺตธมฺมานํ อินฺทฺริยปจฺจยตํ อผรนฺตานิปิ อินฺทฺริยปจฺจยา สิยุํ. โย ปน นิรเปกฺโข อินฺทฺริยปจฺจโย อวินิพฺภุตฺตธมฺมานํ โหติ, โส อตฺตโน วิชฺชมานกฺขเณ เตสํ อินฺทฺริยปจฺจยตํ อผรนฺโต นาม นตฺถิ. ยทิ จ อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยานิ อินฺทฺริยปจฺจโย ลิงฺคาทีนํ สิยุํ, อวินิพฺภุตฺตานํ เตสมฺปิ สิยุํ. น หิ รูปํ รูปสฺส, อรูปํ วา อรูปสฺส วินิพฺภุตฺตสฺส อินฺทฺริยปจฺจโย อตฺถีติ. สติ เจวํ อิตฺถิปุริสินฺทฺริเยหิ อวินิพฺภุตฺตตฺตา กลลาทิกาเล จ ลิงฺคาทีนิ สิยุํ, เยสํ ตานิ อินฺทฺริยปจฺจยตํ ผเรยฺยุํ, น จ ผรนฺติ. ตสฺมา น เตหิ ตานิ อวินิพฺภุตฺตกานิ, อวินิพฺภุตฺตตฺตาภาวโต จ เตสํ อินฺทฺริยปจฺจยตํ น ผรนฺติ. อฺเสํ ปน เยหิ ตานิ สหชาตานิ, เตสํ อพีชภาวโตเยว น ผรนฺติ, ตสฺมา อาปนฺนวินิพฺภุตฺตภาวานํ เตสํ ลิงฺคาทีนํ อวินิพฺภุตฺตานํ อฺเสฺจ สมานกลาปธมฺมานํ อินฺทฺริยปจฺจยตาย ¶ อผรณโต ตานิ อินฺทฺริยปจฺจโย น โหนฺตีติ. เยสํ พีชภูตานิ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานิ, เตสํ ลิงฺคาทีนํ อปรมตฺถภาวโตติ เกจิ, เต ปน กลลาทิกาเลปิ ลิงฺคาทีนํ ตทนุรูปานํ อตฺถิตํ อิจฺฉนฺติ.
ชาติภูมิวเสน วุตฺเตสุ เภเทสุ กุสลชาติยํ รูปาวจรกุสลเมว อารุปฺเป เปตพฺพนฺติ ‘‘เปตฺวา ปน รูปาวจรกุสลํ อวเสสา กุสลากุสลา’’ติ วุตฺตํ. ปมโลกุตฺตรํ ปน โทมนสฺสยุตฺตฺจ วิสุํ เอกา ชาติ ภูมิ วา น โหตีติ อารุปฺเป อลพฺภมานมฺปิ น ปิตํ. เหตุอาทีสุปิ ‘‘ตถา อปริยาปนฺนกุสลเหตุ, ตถา อกุสลเหตู’’ติอาทีสุ (ปฏฺา. อฏฺ. ๑.๑) เอส นโย โยเชตพฺโพ.
ิติกฺขเณติ อิทํ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส สหชาตปจฺจยตฺตาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุปฺปาทกฺขเณปิ ปน ตสฺส อินฺทฺริยปจฺจยตา น สกฺกา นิวาเรตุํ. วกฺขติ หิ ‘‘อพฺยากตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ…เป… อสฺสตฺตานํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ…เป… อินฺทฺริยปจฺจยํ กมฺมปจฺจยสทิส’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๖๖). น หิ อสฺสตฺตานํ อินฺทฺริยปจฺจยา อุปฺปชฺชมานสฺส รูปสฺส รูปชีวิตินฺทฺริยโต อฺโ อินฺทฺริยปจฺจโย อตฺถิ, ปฺจโวกาเร ปวตฺเต จ กฏตฺตารูปสฺส. ปฏิจฺจวาราทโย จ ฉ อุปฺปาทกฺขณเมว คเหตฺวา ปวตฺตา, เอวฺจ กตฺวา ปจฺฉาชาตปจฺจโย เอเตสุ อนุโลมโต น ติฏฺตีติ.
อินฺทฺริยปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๗. ฌานปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑๗. วิตกฺกวิจารปีติโสมนสฺสโทมนสฺสุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาสงฺขาตานีติ ¶ เอตฺถ ยทิปิ โสมนสฺสโทมนสฺสสงฺขาตานิ ฌานงฺคานิ นตฺถิ, สุขทุกฺขสงฺขาตานิ ปน โสมนสฺสโทมนสฺสภูตาเนว ฌานงฺคานิ, น กายิกสุขทุกฺขภูตานีติ อิมสฺส ทสฺสนตฺถํ โสมนสฺสโทมนสฺสคฺคหณํ กตํ. นนุ จ ‘‘ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺเชสู’’ติ วจเนเนว กายิกสุขทุกฺขานิ วชฺชิตานีติ สุขทุกฺขคฺคหณเมว กตฺตพฺพนฺติ? น, ฌานงฺคสุขทุกฺขานํ ฌานงฺคภาววิเสสนโต. ‘‘ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺเชสุ สุขทุกฺขุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาสงฺขาตานี’’ติ หิ วุตฺเต ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาหิ สทฺธึ กายิกสุขทุกฺขานิปิ ¶ วชฺชิตานีติ เอตฺตกเมว วิฺายติ, น ปน ยานิ สุขทุกฺขานิ ฌานงฺคานิ โหนฺติ, เตสํ ฌานงฺคภูโต สุขภาโว ทุกฺขภาโว จ วิเสสิโต, ตสฺมา โสมนสฺสโทมนสฺสภาววิสิฏฺโเยว สุขทุกฺขภาโว สุขทุกฺขานํ ฌานงฺคภาโวติ ทสฺสนตฺถํ โสมนสฺสโทมนสฺสคฺคหณํ กโรติ. เตน ‘‘ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺเชสู’’ติ วจเนน วชฺชิยมานานมฺปิ สุขทุกฺขานํ โสมนสฺสโทมนสฺสภาวาภาวโต ฌานงฺคภาวาภาโวติ ทสฺสิตํ โหติ. ยถาวชฺชิตา ปน สุขทุกฺโขเปกฺเขกคฺคตา กสฺมา วชฺชิตาติ? ยตฺถ ฌานงฺคานิ อุทฺธรียนฺติ จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ, ตตฺถ จ ฌานงฺคนฺติ อนุทฺธฏตฺตา. กสฺมา ปน น อุทฺธฏาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจนฺนํ ปน วิฺาณกายาน’’นฺติอาทิมาห.
อภินิปาตมตฺตตฺตาติ เอเตน อาวชฺชนสมฺปฏิจฺฉนมตฺตายปิ จินฺตนาปวตฺติยา อภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘เตสุ วิชฺชมานานิปิ อุเปกฺขาสุขทุกฺขานี’’ติ โปราณปาโ. ตตฺถ อุเปกฺขาสุขทุกฺเขเหว ตํสมานลกฺขณาย จิตฺเตกคฺคตายปิ ยถาวุตฺเตเนว การเณน อนุทฺธฏภาโว ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺโพ. ปุพฺเพ ปน สตฺต องฺคานิ ทสฺเสนฺเตน จตฺตาริ องฺคานิ วชฺชิตานีติ เตสํ วชฺชเน การณํ ทสฺเสนฺเตน น สมานลกฺขเณน เลเสน ทสฺเสตพฺพํ. อฏฺกถา เหสาติ. ยทิ จ เลเสน ทสฺเสตพฺพํ, ยถาวุตฺเตสุปิ ตีสุ เอกเมว วตฺตพฺพํ สิยา, ติณฺณํ ปน วจเนน ตโต อฺสฺส ฌานงฺคนฺติ อุทฺธฏภาโว อาปชฺชติ, ยถาวุตฺตการณโต อฺเน การเณน อนุทฺธฏภาโว วา, ตสฺมา ตํโทสปริหรณตฺถํ ‘‘อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาสุขทุกฺขานี’’ติ ปนฺติ. เย ปน ‘‘ฌานงฺคภูเตหิ โสมนสฺสาทีหิ สุขทุกฺเขน อวิภูตภาเวน ปากฏตาย อินฺทฺริยกิจฺจยุตฺตตาย จ สมานานํ สุขาทีนํ ฌานงฺคนฺติ อนุทฺธฏภาเว การณํ วตฺตพฺพํ, น จิตฺเตกคฺคตายาติ ¶ สา เอตฺถ น คหิตา’’ติ วทนฺติ, เตสํ ตํ รุจิมตฺตํ. ยทิ ฌานงฺคสมานานํ ฌานงฺคนฺติ อนุทฺธฏภาเว การณํ วตฺตพฺพํ, จิตฺเตกคฺคตา เจตฺถ ฌานงฺคภูตาย วิจิกิจฺฉายุตฺตมโนธาตุอาทีสุ จิตฺเตกคฺคตาย สมานาติ ตสฺสา อนุทฺธฏภาเว การณํ วตฺตพฺพเมวาติ. เสสาเหตุเกสุปิ ฌานงฺคํ อุทฺธฏเมว อุทฺธรณฏฺาเน จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑติ อธิปฺปาโย.
ฌานปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๘. มคฺคปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๑๘. ปฺา ¶ วิตกฺโก สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวา วีริยํ สติ สมาธิ มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีวาติ อิมานิ ทฺวาทสงฺคานีติ เอตฺถ ทุวิธมฺปิ สงฺกปฺปํ วีริยํ สมาธิฺจ วิตกฺกวีริยสมาธิวจเนหิ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘อยเมว โข, อาวุโส, อฏฺงฺคิโก มิจฺฉามคฺโค อพฺรหฺมจริยํ. เสยฺยถิทํ – มิจฺฉาทิฏฺิ…เป… มิจฺฉาสมาธี’’ติอาทีหิ (สํ. นิ. ๕.๑๘) สุตฺตวจเนหิ มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีเวสุปิ มคฺคงฺคโวหารสิทฺธิโต เตหิ สห ทฺวาทสงฺคานิ อิธ ลพฺภมานานิ จ อลพฺภมานานิ จ มคฺคงฺควจนสามฺเน สงฺคณฺหิตฺวา วุตฺตานิ. เอวฺหิ สุตฺตนฺตโวหาโรปิ ทสฺสิโต โหติ, เอวํ ปน ทสฺเสนฺเตน ‘‘มคฺคปจฺจยนิทฺเทเส มคฺคงฺคานี’’ติ เอวํ อุทฺธริตฺวา ตสฺส ปาคตสฺส มคฺคงฺคสทฺทสฺส อตฺถภาเวน อิมานิ ทฺวาทสงฺคานิ น ทสฺเสตพฺพานิ. น หิ ปาฬิยํ มคฺคงฺคสทฺทสฺส มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีโวติ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. เตหิ สมฺมาวาจาทีหิ ปฏิปกฺขา เจตนาธมฺมา ตปฺปฏิปกฺขภาวโตเยว ‘‘มิจฺฉามคฺคงฺคานี’’ติ สุตฺเต วุตฺตานิ, น ปน มคฺคปจฺจยภาเวน. มคฺคงฺคานิ มคฺคปจฺจยภูตานิ จ อิธ ปาฬิยํ ‘‘มคฺคงฺคานี’’ติ วุตฺตานิ, น จ อฺํ อุทฺธริตฺวา อฺสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ปริยายนิปฺปริยายมคฺคงฺคทสฺสนตฺถํ ปน อิจฺฉนฺเตน ปาฬิคตมคฺคงฺคสทฺทปติรูปโก อฺโ มคฺคงฺคสทฺโท อุภยปทตฺโถ อุทฺธริตพฺโพ ยถา ‘‘อธิกรณํ นาม จตฺตาริ อธิกรณานี’’ติ (ปารา. ๓๘๖, ๔๐๕). อิธ ปน ‘‘มคฺคปจฺจยนิทฺเทเส มคฺคงฺคานี’’ติ ปาฬิคโตเยว มคฺคงฺคสทฺโท อุทฺธโฏ, น จ อตฺถุทฺธรณวเสน ทสฺเสตฺวา อธิปฺเปตตฺถนิยมนํ กตํ, ตสฺมา ปาฬิยํ มคฺคงฺคสทฺทสฺส มิจฺฉาวาจาทีนํ อตฺถภาโว มา โหตูติ ‘‘สมฺมาทิฏฺิสงฺกปฺปวาจากมฺมนฺตาชีววายามสติสมาธิมิจฺฉาทิฏฺิสงฺกปฺปวายามสมาธโยติ ¶ อิมานิ ทฺวาทสงฺคานี’’ติ ปนฺติ. นนุ เอวํ ‘‘อเหตุกจิตฺตุปฺปาทวชฺเชสู’’ติ น วตฺตพฺพํ. น หิ เตสุ สมฺมาทิฏฺิอาทโย ยถาวุตฺตา สนฺติ, เย วชฺเชตพฺพา สิยุนฺติ? น, อุปฺปตฺติฏฺานนิยมนตฺถตฺตา. อเหตุกจิตฺตุปฺปาทวชฺเชสฺเวว เอตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, นาเหตุกจิตฺตุปฺปาเทสุ. ตตฺถุปฺปนฺนานิ ทฺวาทสงฺคานีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ.
มคฺคปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๐. วิปฺปยุตฺตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๒๐. สมฺปโยคาสงฺกาย ¶ อภาวโตติ เอเตน สมฺปโยคาสงฺกาวตฺถุภูโต อุปการกภาโว วิปฺปยุตฺตปจฺจยตาติ ทสฺเสติ.
วิปฺปยุตฺตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๑. อตฺถิปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๒๑. กุสลาทิวเสน ปฺจวิโธ อตฺถิปจฺจโย วุตฺโต, น นิพฺพานํ. โย หิ อตฺถิภาวาภาเวน อนุปการโก อตฺถิภาวํ ลภิตฺวา อุปการโก โหติ, โส อตฺถิปจฺจโย โหติ. นิพฺพานฺจ นิพฺพานารมฺมณานํ น อตฺตโน อตฺถิภาวาภาเวน อนุปการกํ หุตฺวา อตฺถิภาวลาเภน อุปการกํ โหติ. อุปฺปาทาทิยุตฺตานํ วา นตฺถิภาโวปการกตาวิรุทฺโธ อุปการกภาโว อตฺถิปจฺจยตาติ น นิพฺพานํ อตฺถิปจฺจโย.
สติ จ เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เตหิ เอกโต ปุเรตรํ ปจฺฉา จ อุปฺปนฺนตฺเต สหชาตาทิปจฺจยตฺตาภาวโต อาห ‘‘อาหาโร อินฺทฺริยฺจ สหชาตาทิเภทํ น ลภตี’’ติ. ตทภาโว จ เอเตสํ ธมฺมสภาววเสน ทฏฺพฺโพ.
อตฺถิปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๒-๒๓-๒๔. นตฺถิวิคตอวิคตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา
๒๒-๒๓. ปจฺจยลกฺขณเมว ¶ เหตฺถ นานนฺติ เอเตน นตฺถิวิคตปจฺจเยสุ อตฺถิอวิคตปจฺจเยสุ จ พฺยฺชนมตฺเตเยว นานตฺตํ, น อตฺเถติ อิทํ โย ปจฺจโยติ อตฺโถ, ตสฺมึ นานตฺตํ นตฺถิ, พฺยฺชนสงฺคหิเต ปจฺจยลกฺขณมตฺเตเยว นานตฺตนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ วิฺายติ.
นตฺถิวิคตอวิคตปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปจฺจยนิทฺเทสปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา
‘‘โลภโทสโมหา ¶ วิปากปจฺจยาปิ น โหนฺติ, เสสานํ สตฺตรสนฺนํ ปจฺจยานํ วเสน ปจฺจยา โหนฺตี’’ติอาทิมปาโ. เอตฺถ จ โลภโทสโมหานํ ปจฺเจกํ สตฺตรสหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจยภาโว วุตฺโต, สพฺเพ เหตู สห อคฺคเหตฺวา เอกธมฺมสฺส อเนกปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ อโมหาทีนํ วิสุํ คหิตตฺตาติ โทสสฺสปิ สตฺตรสหิ ปจฺจยภาโว อาปชฺชติ, ตถา จ สติ โทสสฺสปิ ครุกรณํ ปาฬิยํ วตฺตพฺพํ สิยา. ‘‘อกุสโล ปน อารมฺมณาธิปติ นาม โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโท วุจฺจตี’’ติ (ปฏฺา. อฏฺ. ๑.๔) เอตฺถาปิ โลภโทสสหคตจิตฺตุปฺปาทาติ วตฺตพฺพํ สิยา, น ปน วุตฺตํ, ตสฺมา โทสสฺส อธิปติปจฺจยตาปิ นิวาเรตพฺพา. น จ ‘‘เสสาน’’นฺติ วจเนน อธิปติปจฺจโย นิวาริโต, อถ โข สงฺคหิโต ปุเรชาตาทีหิ ยถาวุตฺเตหิ เสสตฺตาติ ตนฺนิวารณตฺถํ โทสํ โลภโมเหหิ สห อคฺคเหตฺวา วิสฺุจ อคฺคเหตฺวา ‘‘โทโส อธิปติปจฺจโยปิ น โหติ, เสสานํ ปจฺจยานํ วเสน ปจฺจโย โหตี’’ติ ปนฺติ. อิมินา นเยนาติ เอเตน โผฏฺพฺพายตนสฺส สหชาตาทิปจฺจยภาวํ, สพฺพธมฺมานํ ยถาโยคํ เหตาทิปจฺจยภาวฺจ ทสฺเสติ. น หิ เอตํ เอกปจฺจยสฺส อเนกปจฺจยภาวทสฺสนนฺติ รูปาทีนํ ปกตูปนิสฺสยภาโว จ เอเตน ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺโพ.
จตุนฺนํ ขนฺธานํ เภทา จกฺขุวิฺาณธาตุอาทโยติ เภทํ อนามสิตฺวา เต เอว คเหตฺวา อาห ¶ ‘‘จตูสุ ขนฺเธสู’’ติ. มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีวา เตหิ เจว กมฺมาหารปจฺจเยหิ จาติ เอกูนวีสติธาติ อิทเมวํ น สกฺกา วตฺตุํ. น หิ มิจฺฉาวาจาทโย มิจฺฉาทิฏฺิ วิย มคฺคปจฺจยา โหนฺติ เจตนาย มคฺคปจฺจยตฺตาภาวโต. ยทิ จ ภเวยฺย, ปฺหาวาเร ‘‘กมฺมปจฺจยา มคฺเค ตีณี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ตสฺมา มิจฺฉาวาจาทีนํ มคฺคปจฺจยภาโว น วตฺตพฺโพ. ปฏฺานสํวณฺณนา เหสา. เสสปจฺจยภาโว จ เจตนาย อเนกปจฺจยภาววจเนน วุตฺโตเยวาติ น อิทํ ปิตพฺพนฺติ น ปนฺติ. ‘‘อหิริกํ…เป… มิทฺธํ อุทฺธจฺจํ วิจิกิจฺฉา’’ติอาทิมปาโ, วิจิกิจฺฉา ปน อธิปติปจฺจโย น โหตีติ ตํ ตตฺถ อปิตฺวา ‘‘วิจิกิจฺฉาอิสฺสามจฺฉริยกุกฺกุจฺจานิ ตโต อธิปติปจฺจยํ อปเนตฺวา’’ติ เอวเมตฺถ ปนฺติ.
‘‘จตฺตาริ ¶ มหาภูตานิ อารมฺมณ…เป… ปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ทสธา ปจฺจยา โหนฺติ, ปุน ตถา หทยวตฺถู’’ติ ปุริมปาโ, มหาภูตานิ ปน วิปฺปยุตฺตปจฺจยา น โหนฺตีติ ‘‘ปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน นวธา ปจฺจยา โหนฺติ, วิปฺปยุตฺตปจฺจยํ ปกฺขิปิตฺวา ทสธา วตฺถุ’’นฺติ ปนฺติ. เอตฺตกเมเวตฺถ อปุพฺพนฺติ เอตสฺมึ ปุเรชาตปจฺจเย สหชาตนิสฺสเยหิ อปุพฺพํ รูปสทฺทคนฺธรสายตนมตฺตเมวาติ อตฺโถ, อารมฺมณานิ ปเนตานิ อารมฺมณปจฺจยธมฺมานํ อเนกปจฺจยภาเว วุตฺตานีติ สพฺพาติกฺกนฺตปจฺจยาเปกฺขา เอเตสํ อปุพฺพตา นตฺถีติ. อินฺทฺริยาทีสุ อปุพฺพํ นตฺถีติ รูปชีวิตินฺทฺริยสฺสปิ อรูปชีวิตินฺทฺริยโต อปุพฺพสฺส ปจฺจยภาวสฺส อภาวํ มฺมาเนน อปุพฺพตา น วุตฺตา. ตสฺส ปน ปุเรชาตปจฺจยภาวโต อปุพฺพตา. กพฬีการาหารสฺส จ ปุเรชาเตน สทฺธึ สตฺตธา ปจฺจยภาโว โยเชตพฺโพ.
อากาโรติ มูลาทิอากาโร. อตฺโถติ เตนากาเรน อุปการกตา. ‘‘เยนากาเรนา’’ติ เอตสฺส วา อตฺถวจนํ ‘‘เยนตฺเถนา’’ติ. วิปากเหตูสุเยว ลพฺภตีติ เอตฺถ อโมหวิปากเหตุสฺส อธิปติปจฺจยภาโว จ โลกุตฺตรวิปาเกเยว ลพฺภตีติ. เอวํ สพฺพตฺถ ลพฺภมานาลพฺภมานํ สลฺลกฺเขตพฺพํ. วิปฺปยุตฺตํ อปิตฺวา ‘‘ฉหากาเรหี’’ติ ปุริมปาโ, ตํ ปน ปิตฺวา ‘‘สตฺตหากาเรหี’’ติ ปนฺติ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท เหตฺถ วุจฺจติ, น จ ยํ อารมฺมณํ นิสฺสโย โหติ, ตํ วิปฺปยุตฺตํ น โหตีติ.
อนนฺตรสมนนฺตเรสุ ยํ กมฺมปจฺจโย โหติ, ตํ น อาเสวนปจฺจโย. ยฺจ อาเสวนปจฺจโย โหติ, น ตํ กมฺมปจฺจโยติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปกตูปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโยวา’’ติ วุตฺตํ ¶ , กมฺมปจฺจโยปิ ปน โส โหติ, ตสฺมา ‘‘กมฺมปจฺจโย จา’’ติ ปนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ปกตูปนิสฺสโย เยภุยฺเยน ปกตูปนิสฺสโยว โหติ, โกจิ ปเนตฺถ กมฺมปจฺจโย จ โหตีติ. ‘‘อารมฺมณปุเรชาเต ปเนตฺถ อินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจยตา น ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อารมฺมณปุเรชาตนฺติ ยทิ กฺจิ อารมฺมณภูตํ ปุเรชาตํ วุตฺตํ, อารมฺมณภูตสฺส วตฺถุสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา ลพฺภตีติ สา น ลพฺภตีติ น วตฺตพฺพา. อถ ปน ¶ วตฺถุปุเรชาตโต อฺํ วตฺถุภาวรหิตารมฺมณเมว ‘‘อารมฺมณปุเรชาต’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺส นิสฺสยปจฺจยตา น ลพฺภตีติ ‘‘นิสฺสยินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจยตา น ลพฺภตี’’ติ วตฺตพฺพํ. อิโต อุตฺตริปีติ ปุเรชาตโต ปรโตปีติ อตฺโถ, อิโต วา อินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตโต นิสฺสยินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตโต วา อุตฺตริ อารมฺมณาธิปติอาทิ จ ลพฺภมานาลพฺภมานํ เวทิตพฺพนฺติ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. กมฺมาทีสุ ปน ลพฺภมานาลพฺภมานํ น วกฺขตีติ ปุริโมเยเวตฺถ อตฺโถ อธิปฺเปโต.
‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อาหารปจฺจโยวา’’ติ ปุริมปาโ, อตฺถิอวิคตปจฺจโยปิ ปน โส โหติ, เตน ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อาหารปจฺจยตฺตํ อวิชหนฺโตว อตฺถิอวิคตานํ วเสน อปเรหิปิ ทฺวีหากาเรหิ อเนกปจฺจยภาวํ คจฺฉตี’’ติ ปนฺติ.
‘‘ยถานุรูปํ ฌานปจฺจเย วุตฺตานํ ทสนฺนํ เหตุอธิปตีนฺจาติ อิเมสํ วเสนา’’ติ ปุริมปาโ, ‘‘ยถานุรูปํ ฌานปจฺจเย วุตฺตานํ มคฺควชฺชานํ นวนฺนํ เหตุอธิปติฌานานฺจาติ อิเมสํ วเสนา’’ติ ปจฺฉิมปาโ, เตสุ วิจาเรตฺวา ยุตฺโต คเหตพฺโพ.
สมนนฺตรนิรุทฺธตาย อารมฺมณภาเวน จ สทิโส ปจฺจยภาโว ปจฺจยสภาคตา, วิรุทฺธปจฺจยตา ปจฺจยวิสภาคตา. ‘‘อิมินา อุปาเยนา’’ติ วจนโต เหตุอาทีนํ สหชาตานํ สหชาตภาเวน สภาคตา, สหชาตาสหชาตานํ เหตุอารมฺมณาทีนํ อฺมฺวิสภาคตาติ เอวมาทินา อุปาเยน สภาคตา วิสภาคตา โยเชตพฺพา.
ชนกาเยว, น อชนกาติ ชนกภาวปฺปธานาเยว หุตฺวา ปจฺจยา โหนฺติ, น อุปตฺถมฺภกภาวปฺปธานาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยสํ เหตุอาทโย ปจฺจยา โหนฺติ, เต เตหิ วินา เนว อุปฺปชฺชนฺติ, น จ ปวตฺตนฺตีติ เตสํ อุภยปฺปธานตา วุตฺตา. น หิ เต อนนฺตราทโย วิย ชนเนเนว ปวตฺตึ กโรนฺตีติ.
สพฺเพสํ ¶ านํ การณภาโว สพฺพฏฺานํ, ตํ เอเตสํ อตฺถีติ สพฺพฏฺานิกา. อุปนิสฺสยํ ภินฺทนฺเตน ตโยปิ อุปนิสฺสยา วตฺตพฺพา, อภินฺทิตฺวา ¶ วา อุปนิสฺสยคฺคหณเมว กาตพฺพํ. ตตฺถ ภินฺทนํ ปกตูปนิสฺสยสฺส รูปานํ ปจฺจยตฺตาภาวทสฺสนตฺถํ, อารมฺมณานนฺตรูปนิสฺสยานํ ปน ปุพฺเพ อารมฺมณาธิปติอนนฺตรคฺคหเณหิ คหิตตฺตา เตสุ เอกเทเสน อนนฺตรูปนิสฺสเยน อิตรมฺปิ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. ปุเรชาตปจฺฉาชาตาปิ อสพฺพฏฺานิกา อรูปรูปานฺเว ยถากฺกเมน ปจฺจยภาวโตติ เอตฺถ ปุเรชาตปจฺจโย อนนฺตราทีสุ เอว วตฺตพฺโพ ตํสมานคติกตฺตา, น จ ยุคฬภาโว ปจฺฉาชาเตน สห กถเน การณํ อสพฺพฏฺานิกทสฺสนมตฺตสฺส อธิปฺเปตตฺตาติ ตํ ตตฺถ ปิตฺวา ‘‘ปจฺฉาชาโตปิ อสพฺพฏฺานิโก รูปานํเยว ปจฺจยภาวโต’’ติ ปนฺติ.
ปจฺจยนิทฺเทสปกิณฺณกวินิจฺฉยกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุจฺฉาวาโร
๑. ปจฺจยานุโลมวณฺณนา
เอเกกํ ติกทุกนฺติ เอเกกํ ติกํ ทุกฺจาติ อตฺโถ, น ติกทุกนฺติ.
ปจฺจยา เจวาติ เย กุสลาทิธมฺเม ปฏิจฺจาติ วุตฺตา, เต ปฏิจฺจตฺถํ ผรนฺตา กุสลาทิปจฺจยา เจวาติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘เต จ โข สหชาตาวา’’ติ. เยหิ ปน เหตาทิปจฺจเยหิ อุปฺปตฺติ วุตฺตา, เต สหชาตาปิ โหนฺติ อสหชาตาปีติ. เอตฺถ ปฏิจฺจสหชาตวาเรหิ สมานตฺเถหิ ปฏิจฺจสหชาตาภิธาเนหิ สมานตฺถํ โพเธนฺเตน ภควตา ปจฺฉิมวาเรน ปุริมวาโร, ปุริมวาเรน จ ปจฺฉิมวาโร จ โพธิโตติ เวทิตพฺโพ. เอส นโย ปจฺจยนิสฺสยวาเรสุ สํสฏฺสมฺปยุตฺตวาเรสุ จ, เอวฺจ นิรุตฺติโกสลฺลํ ชนิตํ โหตีติ.
‘‘เต เต ปน ปฺเห อุทฺธริตฺวา ปุน กุสโล เหตุ เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมาน’’นฺติ ลิขิตํ. ‘‘กุสลา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๑) ปฺหาวารปาโติ ปมาทเลขา ¶ เอสาติ ปาฬิยํ อาคตปาเมว ปนฺติ. ปุริมวาเรสุ สหชาตนิสฺสยสมฺปยุตฺตปจฺจยภาเวหิ กุสลาทิธมฺเม นิยเมตฺวา ตสฺมึ นิยเม กุสลาทีนํ เหตุปจฺจยาทีหิ อุปฺปตฺตึ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนํ กตํ, น ตตฺถ ‘‘อิเม นาม เต ธมฺมา เหตาทิปจฺจยภูตา’’ติ วิฺายนฺติ, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘สิยา กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย ¶ เหตุปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๕) เอวมาทีหิ สงฺคหิเต ปฏิจฺจตฺถาทิผรณกภาเว เหตาทิปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺเนสุ เหตาทิปจฺจยานํ นิจฺฉยาภาวโต ปฺหา นิชฺชฏา นิคฺคุมฺพา จ กตฺวา น วิภตฺตา, อิธ ปน ‘‘สิยา กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส ธมฺมสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวมาทีหิ สงฺคหิตา เหตาทิปจฺจยภูตา กุสลาทโย ปจฺจยุปฺปนฺนา จ นิจฺฉิตา, น โกจิ ปุจฺฉาสงฺคหิโต อตฺโถ อนิจฺฉิโต นาม อตฺถีติ อาห ‘‘สพฺเพปิ เต ปฺหา นิชฺชฏา นิคฺคุมฺพา จ กตฺวา วิภตฺตา’’ติ. ปฺหา ปน อุทฺธริตฺวา วิสฺสชฺชนํ สพฺพตฺถ สมานนฺติ น ตํ สนฺธาย นิชฺชฏตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา.
อุปฺปตฺติยา ปฺาปิตตฺตาติ ปุจฺฉามตฺเตเนว อุปฺปตฺติยา ปิตตฺตา ปกาสิตตฺตา, นานปฺปกาเรหิ วา าปิตตฺตาติ อตฺโถ.
๒๕-๓๔. ปริกปฺปปุจฺฉาติ วิธิปุจฺฉา. กึ สิยาติ เอโส วิธิ กึ อตฺถีติ อตฺโถ. กึ สิยา, อถ น สิยาติ สมฺปุจฺฉนํ วา ปริกปฺปปุจฺฉาติ วทติ. กิมิทํ สมฺปุจฺฉนํ นาม? สเมจฺจ ปุจฺฉนํ, ‘‘กึ สุตฺตนฺตํ ปริยาปุเณยฺย, อถ อภิธมฺม’’นฺติ อฺเน สห สมฺปธารณนฺติ อตฺโถ. โย กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยา, โส กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ สิยาติ เอตสฺมึ อตฺเถ สติ ปจฺฉาชาตวิปากปจฺจเยสุปิ สพฺพปุจฺฉานํ ปวตฺติโต ‘‘โย กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย ปจฺฉาชาตปจฺจยา วิปากปจฺจยา, โส กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ สิยา’’ติ อยมตฺโถ วิฺาเยยฺย, ตถา จ สติ ปจฺฉาชาตปจฺจยา วิปากปจฺจยาติ อุปฺปชฺชมานํ นิทฺธาเรตฺวา ตสฺส กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ ภวนสฺส ปุจฺฉนโต กุสลานํ เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปตฺติ อนฺุาตาติ อาปชฺชติ, น จ ตํตํปจฺจยา อุปฺปชฺชมานานํ กุสลาทีนํ กุสลาทิธมฺเม ปฏิจฺจ ภวนมตฺถิตา เอตฺถ ปุจฺฉิตา, อถ โข อุปฺปตฺติ, เอวฺจ กตฺวา วิสฺสชฺชเน ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชตี’’ติ อุปฺปตฺติเยว วิสฺสชฺชิตาติ, ตสฺมา อยมตฺโถ สโทโสติ ‘‘อถ วา’’ติ อตฺถนฺตรวจนํ วุตฺตํ.
ตตฺถ ¶ ‘‘กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ อุปฺปตฺตึ อนุชานิตฺวา ‘‘เหตุปจฺจยา สิยา เอต’’นฺติ ตสฺสา เหตุปจฺจยา ภวนปุจฺฉนํ, ‘‘อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ เหตุปจฺจยา อุปฺปตฺตึ อนุชานิตฺวา ตสฺสา ‘‘สิยา เอต’’นฺติ ภวนปุจฺฉนฺจ น ยุตฺตํ. อนฺุาตฺหิ นิจฺฉิตเมวาติ. ตสฺมา อนนุชานิตฺวา ¶ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ เอวํ ยถาวุตฺตํ อุปฺปชฺชนํ กึ สิยาติ ปุจฺฉตีติ ทฏฺพฺพํ. อุปฺปชฺเชยฺยาติ วา อิทมฺปิ สมฺปุจฺฉนเมว, กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม กึ อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยาติ อตฺโถ. สิยาติ ยถาปุจฺฉิตสฺเสว อุปฺปชฺชนสฺส สมฺภวํ ปุจฺฉติ ‘‘กึ เอวํ อุปฺปชฺชนํ สิยา สมฺภเวยฺยา’’ติ, อยํ นโย สิยาสทฺทสฺส ปจฺฉาโยชเน. ยถาาเนเยว ปน ิตา ‘‘สิยา’’ติ เอสา สามฺปุจฺฉา, ตาย ปน ปุจฺฉาย ‘‘อิทํ นาม ปุจฺฉิต’’นฺติ น วิฺายตีติ ตสฺสาเยว ปุจฺฉาย วิเสสนตฺถํ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺเชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติ ปุจฺฉติ, เอวํ วิเสสิตพฺพวิเสสนภาเวน ทฺเวปิ ปุจฺฉา เอกาเยว ปุจฺฉาติ ทฏฺพฺพา.
คมนุสฺสุกฺกวจนนฺติ คมนสฺส สมานกตฺตุกปจฺฉิมกาลกิริยาเปกฺขวจนนฺติ อตฺโถ. ยทิปิ ปฏิคมนุปฺปตฺตีนํ ปุริมปจฺฉิมกาลตา นตฺถิ, ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปน สหชาตานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คหณํ ปุริมปจฺฉิมภาเวเนว โหตีติ คหณปฺปวตฺติอาการวเสน ปจฺจยายตฺตตาอตฺตปฏิลาภสงฺขาตานํ ปฏิคมนุปฺปตฺติกิริยานมฺปิ ปุริมปจฺฉิมกาลโวหาโร โหตีติ ทฏฺพฺโพ. คมนํ วา อุปฺปตฺติ เอวาติ คจฺฉนฺตสฺส ปฏิคมนํ อุปฺปชฺชนฺตสฺส ปฏิอุปฺปชฺชนํ สมานกิริยา. ปฏิกรณฺหิ ปฏิสทฺทตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘กุสลํ ธมฺม’’นฺติ อุปโยคนิทฺทิฏฺํ ปจฺจยํ อุปฺปชฺชมานํ ปฏิจฺจ ตทายตฺตุปฺปตฺติยา ปฏิคนฺตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถ, เตน ปฏิจฺจาติ สหชาตปจฺจยํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สหชาตปจฺจยกรณฺหิ อุปฺปชฺชมานาภิมุขอุปฺปชฺชมานํ ปฏิคมนํ, ตํ กตฺวาติ ปฏิจฺจสทฺทสฺส อตฺโถติ.
๓๕-๓๘. ตาสุ ปาฬิยํ ทฺเวเยว ทสฺสิตาติ เหตารมฺมณทุเก ทฺวินฺนํ ปุจฺฉานํ ทสฺสิตตฺตา วุตฺตํ. เอตฺถ จ เอกมูลกาทิภาโว ปุจฺฉานํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ, ปจฺจยานํ ปน วเสน สพฺพปโม ปจฺจยนฺตเรน อโวมิสฺสกตฺตา สุทฺธิกนโย, ทุติโย อารมฺมณาทีสุ เอเกกสฺส เหตุ เอว เอกมูลกนฺติ กตฺวา เอกมูลกนโย. เอวํ เหตารมฺมณทุกาทีนํ อธิปติอาทีนํ มูลภาวโต ทุกมูลกาทโย นยา เวทิตพฺพา. เตวีสติมูลกนโย จ ตโต ปรํ มูลสฺส อภาวโต ‘‘สพฺพมูลก’’นฺติ ปาฬิยํ วุตฺโต. ตตฺถ นปุํสกนิทฺเทเสน เอก…เป… สพฺพมูลกํ ปจฺจยคมนํ ¶ ปาฬิคมนํ วาติ วิฺายติ, เอก…เป… สพฺพมูลกํ นยํ อสมฺมุยฺหนฺเตนาติ อุปโยโค วา ¶ , อิธ จ สพฺพมูลกนฺติ จ เตวีสติมูลกสฺเสว วุตฺตตฺตา ปจฺจนีเย วกฺขติ ‘‘ยถา อนุโลเม เอเกกสฺส ปทสฺส เอกมูลกํ…เป… ยาว เตวีสติมูลกํ, เอวํ ปจฺจนีเยปิ วิตฺถาเรตพฺพ’’นฺติ (ปฏฺา. อฏฺ. ๑.๔๒-๔๔).
๓๙-๔๐. ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุปจฺจยาติ เอตฺตาวตา อารมฺมณปจฺจยํ อาทึ กตฺวา เหตุปจฺจยปริโยสาโน เอกมูลกนโย ทสฺสิโต’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สติ วินเย วิย จกฺกพนฺธนวเสน ปาฬิคติ อาปชฺชติ, น เหฏฺิมโสธนวเสน. เหฏฺิมโสธนวเสน จ อิธ อภิธมฺเม ปาฬิ คตา, เอวฺจ กตฺวา วิสฺสชฺชเน ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุยา ตีณิ, อธิปติปจฺจยา ตีณิ, อธิปติปจฺจยา เหตุยา นว, อารมฺมเณ ตีณี’’ติอาทินา เหฏฺิมํ โสเธตฺวาว ปาฬิ ปวตฺตา. โย เจตฺถ ‘‘เอกมูลกนโย’’ติ วุตฺโต, โส สุทฺธิกนโยว. โส จ วิเสสาภาวโต อารมฺมณมูลกาทีสุ น ลพฺภติ. น หิ อารมฺมณาทีสุ ตสฺมึ ตสฺมึ อาทิมฺหิ ปิเตปิ ปจฺจยนฺตเรน สมฺพนฺธาภาเวน อาทิมฺหิ วุตฺตสุทฺธิกโต วิเสสตฺโถ ลพฺภติ, เตเนว วิสฺสชฺชเนปิ อารมฺมณมูลกาทีสุ สุทฺธิกนโย น ทสฺสิโตติ, ตสฺมา ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุปจฺจยา อารมฺมณปจฺจยา อธิปติปจฺจยา…เป… อารมฺมณปจฺจยา อวิคตปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๓๙) อยํ เหฏฺิมโสธนวเสน เอกสฺมึ อารมฺมณปจฺจเย เหตุปจฺจยาทิเก โยเชตฺวา วุตฺโต เอกมูลกนโย ทฏฺพฺโพ. ‘‘อารมฺมณปจฺจยา…เป… อวิคตปจฺจยา’’ติ วา เอกมูลเกสุ อนนฺตรปจฺจยสฺส มูลกํ อารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา เอกมูลกาทีนิ สํขิปิตฺวา สพฺพมูลกสฺสาวสาเนน อวิคตปจฺจเยน นิฏฺาปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อธิปติปจฺจยา อนนฺตรปจฺจยา สมนนฺตรปจฺจยา สหชาตปจฺจยา อฺมฺปจฺจยาติ อิทํ มูลเมว ทสฺเสตฺวา เอกมูลกาทีนํ สํขิปนํ ทฏฺพฺพํ, น สุทฺธิกทสฺสนํ, นาปิ สพฺพมูลเก กติปยปจฺจยทสฺสนํ.
๔๑. ตโต นิสฺสยาทีนิ มูลานิปิ สํขิปิตฺวา อวิคตมูลกนยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวิคตปจฺจยา เหตุปจฺจยา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เอตสฺมิฺจ สุทฺธิกสฺส อทสฺสเนน อารมฺมณมูลกาทีสุ วิสุํ วิสุํ สุทฺธิกนโย น ลพฺภตีติ าปิโต โหติ. น หิ อาทิ กตฺถจิ สํเขปนฺตรคโต โหติ. อาทิอนฺเตหิ มชฺฌิมานํ ทสฺสนฺหิ สงฺเขโป, อาทิโต ปภุติ กติจิ ¶ วตฺวา คติทสฺสนํ วาติ. ทุติยจตุกฺกํ วตฺวา ‘‘วิคตปจฺจยา’’ติ ปทํ อุทฺธริตฺวา ปิตํ ¶ . เตน โอสานจตุกฺกํ ทสฺเสติ. ตติยจตุกฺกโต ปภุติ วา ปฺจกมูลานิ สํขิปิตฺวา สพฺพมูลกสฺส อวสาเนน นิฏฺเปติ.
เอตฺถ จ ทุกมูลกาทีสุ ยถา เหตุอารมฺมณทุเกน สทฺธึ อวเสสา ปจฺจยา โยชิตา, เหตารมฺมณาธิปติติกาทีหิ จ อวเสสาวเสสา, เอวํ เหตุอธิปติทุกาทีหิ เหตุอธิปติอนนฺตรติกาทีหิ จ อวเสสาวเสสา โยเชตพฺพา สิยุํ. ยทิ จ สพฺเพสํ ปจฺจยานํ มูลภาเวน โยชิตตฺตา เหตุมูลเก เหตุอธิปติอาทิทุกานํ อธิปติมูลกาทีสุ อธิปติเหตุอาทิทุเกหิ วิเสโส นตฺถิ. เต เอว หิ ปจฺจยา อุปฺปฏิปาฏิยา วุตฺตา, ตถาปิ อารมฺมณมูลกาทีสุ อารมฺมณาธิปติทุกาทีนํ อวเสสาวเสเสหิ, เหตุมูลเก จ เหตุอธิปติอนนฺตรติกาทีนํ อวเสสาวเสเสหิ โยชเน อตฺถิ วิเสโสติ. ยสฺมา ปน เอวํ โยชิยมาเนสุปิ สุขคฺคหณํ น โหติ, น จ ยถาวุตฺตาย โยชนาย สพฺพา สา โยชนา ปฺวตา น สกฺกา วิฺาตุํ, ตสฺมา ตถา อโยเชตฺวา อนุปุพฺเพเนว โยชนา กตาติ ทฏฺพฺพา. ธมฺมานํ เทสนาวิธาเน หิ ภควาว ปมาณนฺติ. คณนาคาถา อาทิมปาเ กาจิ วิรุทฺธา, ตสฺมา สุฏฺุ คเณตฺวา คเหตพฺพา.
‘‘ทฺวาวีสติยา ติเกสุ เอเกกํ ติกํ ทุกานํ สเตน สเตน สทฺธึ โยเชตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ทุกติกปฏฺาเน เกสฺจิ โปตฺถกานํ วเสน วุตฺตํ. เกสุจิ ปน เอเกโก ทุโก ทฺวาวีสติยา ทฺวาวีสติยา ติเกหิ โยชิโต, ตฺจ คมนํ ยุตฺตํ. น หิ ตตฺถ ติกสฺส โยชนา อตฺถิ, อถ โข ติกานํ เอเกเกน ปเทน ทุกสฺสาติ. ตตฺถ ฉสฏฺิยา ติกปเทสุ เอเกเกน สํสนฺทิตฺวา ฉสฏฺิ เหตุทุกา, ตถา สเหตุกทุกาทโย จาติ ทุกานํ ฉสตาธิกานิ ฉสหสฺสานิ โหนฺติ. เตสุ เอเกกสฺมึ ปฏิจฺจวาราทโย สตฺต วารา นยา ปุจฺฉา จ สพฺพา ทุกปฏฺาเน เหตุทุเกน สมานา.
‘‘ทุกสเต เอเกกํ ทุกํ ทฺวาวีสติยา ติเกหิ สทฺธึ โยเชตฺวา’’ติ จ วุตฺตํ, ตมฺปิ ติกทุกปฏฺาเน เกสฺจิ โปตฺถกานํ วเสน วุตฺตํ. วุตฺตนเยน ปน ยุตฺตคมเนสุ เอเกโก ติโก ทุกสเตน โยชิโต. ตตฺถ เหตุปทํ ปกฺขิปิตฺวา วุตฺโต เอโก กุสลตฺติโก, ตถา นเหตุปทํ…เป… อรณปทนฺติ กุสลตฺติกานํ ทฺเว ¶ สตานิ โหนฺติ, ตถา เวทนาตฺติกาทีนมฺปีติ สพฺเพสํ จตุสตาธิกานิ จตฺตาริ สหสฺสานิ โหนฺติ. เตสุ เอเกกสฺมึ วารนยปุจฺฉา ติกปฏฺาเน กุสลตฺติเกน สมานา.
‘‘ฉ ¶ อนุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีรา’’ติ วจนโต ปนาติ เอเตน อิทํ ทสฺเสติ – ‘‘อนุโลมมฺหี’’ติ ‘‘ติกาทโย ฉนยา’’ติ จ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา ปฏิจฺจวาราทิวเสน สตฺตวิธมฺปิ อนุโลมํ สห คเหตฺวา ‘‘ฉ อนุโลมมฺหี’’ติ วุตฺตํ, อนุโลมาทิวเสน จตุพฺพิธํ ติกปฏฺานํ สห คเหตฺวา ‘‘ติกฺจ ปฏฺานวร’’นฺติ, ตถา จตุพฺพิธานิ ทุกปฏฺานาทีนิ สห คเหตฺวา ‘‘ทุกุตฺตม’’นฺติอาทึ วตฺวา ‘‘ฉ นยา สุคมฺภีรา’’ติ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ คเหตฺวา อิมสฺมึ ปจฺจยานุโลเม สตฺตปฺปเภเท ฉปิ เอเต ปฏฺานา ปฏฺานนยา จตุปฺปเภทา ปุจฺฉาวเสน อุทฺธริตพฺพาติ. เอวฺหิ สพฺพสฺมึ ปฏฺาเน สพฺโพ ปจฺจยานุโลโม ทสฺสิโต โหตีติ. ปจฺจนียคาถาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ ทุกติกปฏฺานาทีสุ วิเสสิตพฺเพหิ ติเกหิ ปฏฺานํ ติกปฏฺานํ. ทุกานํ ติกปฏฺานํ ทุกติกปฏฺานํ. ทุกวิเสสิตา วา ติกา ทุกติกา, ทุกติกานํ ปฏฺานํ ทุกติกปฏฺานนฺติ อิมินา นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทุกาทิวิเสสิตสฺส เจตฺถ ติกาทิปทสฺส ทุกาทิภาโว ทฏฺพฺโพ. ทุกปฏฺานเมว หิ ติกปทสํสนฺทนวเสน ทุกปทสํสนฺทนวเสน จ ปวตฺตํ ทุกติกปฏฺานํ ทุกทุกปฏฺานฺจ, ตถา ติกปฏฺานเมว ทุกปทสํสนฺทนวเสน ติกปทสํสนฺทนวเสน จ ปวตฺตํ ติกทุกปฏฺานํ ติกติกปฏฺานฺจาติ.
ปจฺจยานุโลมวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนา
๔๒-๔๔. เตวีสติมูลกนฺติ อิทฺเจตฺถ ทุมูลกํเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อิทํ ทุกมูลเก ปุจฺฉานํ มูลภูตา เตวีสติ ทุกา สมฺภวนฺตีติ ตสฺส ‘‘เตวีสติมูลก’’นฺติ นามํ กตฺวา ยาว ยตฺตโก ปเภโท อตฺถิ, ตาว ตตฺตกํ เตวีสติมูลกํ ยถานุโลเม วิตฺถาริตํ. เอวํ ปจฺจนีเยปิ วิตฺถาเรตพฺพนฺติ ทุกมูลเกน ติกมูลกาทีสุ นยํ ทสฺเสตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ สิยา. ยทิ ปน ยาว เตวีสติมํ มูลํ ยถา วิตฺถาริตนฺติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต, ‘‘ยาว เตวีสติมํ มูล’’นฺตฺเวว ปาเน ภวิตพฺพํ ¶ สิยา. น หิ ‘‘เตวีสติมูลก’’นฺติ เอตสฺส พฺยฺชนสฺส เตวีสติมํ มูลกนฺติ อยมตฺโถ สมฺภวติ. ยถา อนุโลเม ‘‘เอเกกปทสฺสา’’ติอาทินา ปน เอกมูลาทิสพฺพมูลกปริโยสานํ ตตฺถ นยทสฺสนวเสน ทสฺสิตํ เอเกกสฺส ปทสฺส วิตฺถารํ ทสฺเสตีติ ¶ สพฺพมูลกเมว เจตฺถ ‘‘เตวีสติมูลก’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ เตวีสติยา ปจฺจยานํ อวเสสสฺส ปจฺจยสฺส มูลภาวโต ‘‘เตวีสติมูลก’’นฺติ จ ตโต ปรํ มูลสฺส อฺสฺส อภาวโต ‘‘สพฺพมูลก’’นฺติ จ วุจฺจติ.
ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อนุโลมปจฺจนียวณฺณนา
๔๕-๔๘. อนุโลเม วุตฺเตสุ สพฺเพสุ เอกมูลกาทีสุ เอเกกํ ปทํ ปริหาเปตฺวาติ ตตฺถ เอกมูลเก จตุวีสติ ปจฺจยปทานิ อิธ เอกมูลเก เตวีสติ, เอโก ปน ปจฺจโย มูลภาเวน ิโต อปุพฺพตาภาวโต อคณนูปโค. ตตฺถ ทุมูลเก เตวีสติ ปจฺจยปทานิ คณนูปคานิ, อิธ ทุมูลเก ทฺวาวีสตีติ เอวํ ปริหาเปตฺวาติ อตฺโถ.
อนุโลมโต ิตสฺส ปจฺจนียโต อลพฺภมานานํ สุทฺธิกปจฺจยานฺจ อลพฺภมานตํ สนฺธาย ‘‘ลพฺภมานปทาน’’นฺติ วุตฺตํ. น หิ อฺถา ปุจฺฉาวเสน โกจิ ปจฺจโย อลพฺภมาโน นาม อตฺถีติ. วิสฺสชฺชนาวเสเนว วา ปวตฺตํ อนุโลมปจฺจนียเทสนํ สนฺธาย ‘‘ลพฺภมานปทาน’’นฺติ วุตฺตํ.
อนุโลมปจฺจนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุจฺฉาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. กุสลตฺติกํ
๑. ปฏิจฺจวารวณฺณนา
๑. ปจฺจยานุโลมํ
(๑) วิภงฺควาโร
๕๓. ยา ¶ กุสลตฺติเก ลภนฺติ, น ตาเยว เวทนาตฺติกาทีสูติ ติกปทนานตฺตมตฺเตน วินา มูลาวสานวเสน สทิสตํ สนฺธาย ‘‘น ¶ ตาเยวา’’ติ วุตฺตํ, น จ เกวลํ ติกนฺตเรเยว, กุสลตฺติเกปิ ปน ยา ปฏิจฺจวาเร ลภนฺติ, น ตาเยว ปจฺจยวาราทีสูติ สพฺพปุจฺฉาสมาหรณํ อิธ กตฺตพฺพเมว. ธมฺมานุโลมปจฺจนีเย จ ติกปฏฺาเน วิตกฺกตฺติกปีติตฺติกานํ วิสฺสชฺชเน สพฺพาเปตา วิสฺสชฺชนํ ลภนฺตีติ เอตฺถ ปีติตฺติกคฺคหณํ น กาตพฺพํ. น หิ ตตฺถ เอกูนปฺาส ปุจฺฉา วิสฺสชฺชนํ ลภนฺตีติ.
เตน สทฺธินฺติ เตน สหชาตปจฺจยภูเตน สทฺธินฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘ยาว นิโรธคมนา อุทฺธํ ปชฺชตี’’ติ จ ‘‘อุปฺปาทาทโย วา ปาปุณาตี’’ติ จ วจเนหิ ขณตฺตยสมงฺคี อุปฺปชฺชตีติ วุจฺจตีติ อนฺุาตํ วิย โหติ, อุปฺปาทกฺขณสมงฺคีเยว ปน เอวํ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
ยสฺมา ปน เอโก ขนฺโธ เอกสฺสาติอาทิ อิธ กุสลวจเนน คหิเต ขนฺเธ สนฺธาย วุตฺตํ. เวทนาตฺติกาทีสุ ปน เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ทฺวินฺนํ, ทฺเว ปฏิจฺจ เอกสฺสปิ, เหตุทุกาทีสุ จ สงฺขารกฺขนฺเธกเทสํ ปฏิจฺจ สงฺขารกฺขนฺเธกเทสสฺสปิ อุปฺปตฺติ วุตฺตาติ สห อุปฺปชฺชมานานํ สพฺเพสํ ธมฺมานํ ปจฺจโย โหนฺโต เอเกกสฺสปิ ทุกติกาทิเภทานฺจ ปจฺจโย นาม โหติเยว, ตถา ทุกาทิเภทานฺจาติ.
‘‘รูเปน สทฺธึ อนุปฺปตฺติโต อารุปฺปวิปากฺจ น คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปน น สพฺพสฺมึ เอตสฺมึ วจเน คเหตพฺพํ, อถ โข ‘‘จิตฺตสมุฏฺานฺจ รูป’’นฺติ เอตฺเถว. น เกวลฺจ ¶ อารุปฺปวิปาโกว, อถ โข โลกุตฺตรวิปากกิริยาพฺยากตมฺปิ อารุปฺเป อุปฺปชฺชมานํ เอตฺถ น คเหตพฺพํ. ‘‘วิปากาพฺยากตํ กิริยาพฺยากตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา’’ติ เอตฺถ ปน น กิฺจิ รูเปน วินา สห วา อุปฺปชฺชมานํ สเหตุกํ วิปากกิริยาพฺยากตํ อคฺคหิตํ นาม อตฺถิ. ตตฺถ ปน ยํ รูเปน สห อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺตสมุฏฺานฺจ รูป’’นฺติ วุตฺตํ.
‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธา’’ติ เอตฺตเก วตฺตพฺเพ ปจฺจยภูตสฺส วตฺถุสฺส ‘‘กฏตฺตา จ รูป’’นฺติ เอตสฺมึ สามฺวจเน ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน อคฺคหิตตาปตฺตึ นิวาเรตุํ ‘‘ขนฺเธ ปฏิจฺจ วตฺถู’’ติ วุตฺตํ. ขนฺเธ ปฏิจฺจ วตฺถุ, วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธาติ วา วตฺถุขนฺธานํ อฺมฺปจฺจยภูตานํ ปจฺจยภาววิเสสทสฺสนตฺถํ อฺมฺาเปกฺขํ วจนทฺวยํ วุตฺตํ สามฺเน คหิตมฺปิ วิสุํ อุทฺธฏํ.
มหาภูเตปิ ¶ ปฏิจฺจ อุปฺปตฺติทสฺสนตฺตนฺติ ยํ จิตฺตสมุฏฺานรูปํ กฏตฺตารูปฺจ อุปาทารูปํ อุปาทารูปคฺคหเณน วินา ‘‘ขนฺเธ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺส มหาภูเตปิ ปฏิจฺจ อุปฺปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. เอตสฺมึ ปน ทสฺสเน ขนฺธปจฺจยสหิตาสหิตฺจ สพฺพํ อุปาทารูปํ อิโต ปเรสุ สหชาตปจฺจยาทีสุ สงฺคหิตนฺติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘กฏตฺตารูปํ ปฏิสนฺธิยมฺปี’’ติ ปิ-สทฺโท วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
มหาภูเต ปฏิจฺจ อุปาทารูปนฺติ วุตฺตนเยนาติ ‘‘มหาภูเต ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ เอตฺถ อตฺถโต อยํ นโย วุตฺโตติ สนฺธายาห.
๕๔. รูปมิสฺสกา ปหายาติ ยาสุ ปุจฺฉาสุ รูเปน วินา ปจฺจยุปฺปนฺนํ น ลพฺภติ, อถ โข รูปมิสฺสกเมว ลพฺภติ, ตา ปหายาติ อธิปฺปาโย.
๕๗. ‘‘ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’’ติ วจนโตติ คพฺภเสยฺยกปฏิสนฺธิยา ปฺจกฺขนฺธสพฺภาเวน ตาย สมานลกฺขณา สพฺพาปิ ปฺจโวการปฏิสนฺธิ โอกฺกนฺตินามกาติ สาเธติ. ปริปุณฺณธมฺมานํ วิสฺสชฺชนํ เอตฺถ อตฺถีติ ปริปุณฺณวิสฺสชฺชนา.
เอตฺถ ¶ จ ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ตโย…เป… มหาภูเต ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๕๓) เอตฺตาวตา ปฺจโวกาเร สพฺพํ จิตฺตกมฺมสมุฏฺานรูปํ ทสฺสิตํ. อวเสสํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘พาหิร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พาหิรนฺติ เอเตน อนินฺทฺริยพทฺธรูปํ ทสฺเสติ, ปุน อาหารสมุฏฺานํ อุตุสมุฏฺานนฺติ เอเตหิ สพฺพํ อินฺทฺริยพทฺธํ อาหารอุตุสมุฏฺานรูปํ. ตตฺถ ‘‘อุตุสมุฏฺานํ เอก’’นฺติอาทินา อสฺสตฺตานมฺปิ อุตุสมุฏฺานํ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ตตฺถ ตสฺส วชฺชเน การณํ อตฺถีติ. อาทิมฺหิ ปน ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ อวิเสสวจนํ สหชาตํ อรูปมฺปิ ปจฺจยํ เหตาทิเก จ ปจฺจเย พหุตเร ลภนฺตํ จิตฺตสมุฏฺานกฏตฺตารูปทฺวยํ สห สงฺคณฺหิตฺวา วุตฺตํ, เอวฺจ กตฺวา ตสฺส ปริโยสาเน ‘‘มหาภูเต ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานรูปํ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ กฏตฺตารูปํ จิตฺตสมุฏฺานสมฺพนฺธํ ตํสมานคติกํ ปฺจโวกาเร วตฺตมานเมว คหิตนฺติ อคฺคหิตํ กฏตฺตารูปํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสฺสตฺตานํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา อุปาทารูปํ อิธปิ ¶ กมฺมปจฺจยวิภงฺเค วิย ‘‘มหาภูเต ปฏิจฺจ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๖๓) กฏตฺตารูปภาววิสิฏฺํ อุปาทารูปํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ วุตฺตสฺส อุตุสมุฏฺานสฺส ปุนวจเน ปโยชนํ อตฺถีติ.
กสฺมา ปน ยถา พาหิราทีสุ ‘‘มหาภูเต ปฏิจฺจ อุปาทารูป’’นฺติ อวิเสเสตฺวา อุปาทารูปํ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา จิตฺตกมฺมชอุปาทารูปานิ ‘‘จิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ เหตุปจฺจยาทีสุ สห ‘‘จิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ อุปาทารูปํ อสฺสตฺตานํ…เป… กฏตฺตารูปํ อุปาทารูป’’นฺติ อธิปติปจฺจยาทีสุ วิสุํ จิตฺตสมุฏฺานรูปภาวกฏตฺตารูปภาเวหิ วิเสเสตฺวาว วุตฺตานีติ? ตตฺถ พาหิรคฺคหณาทีหิ วิย เอตฺถ มหาภูตานํ เกนจิ อวิเสสิตตฺตา. อปิจ อิทฺธิจิตฺตนิพฺพตฺตานํ กมฺมปจฺจยานฺจ อิฏฺานิฏฺานํ พาหิรรูปายตนาทีนํ จิตฺตํ กมฺมฺจ เหตาทีสุ น โกจิ ปจฺจโย, อาหารอุตุสมุฏฺานานํ ปน จิตฺตํ ปจฺฉาชาตภาเวน อุปตฺถมฺภกเมว, น ชนกํ, มหาภูตาเนว ปน เตสํ สหชาตาทิภาเวน ชนกานิ, ตสฺมา สติปิ จิตฺเตน กมฺเมน จ วินา อภาเว เหตาทิปจฺจยภูเตหิ อรูเปหิ อุปฺปชฺชมานานิ จิตฺตสมุฏฺานรูปกฏตฺตารูปภูตาเนว อุปาทารูปานิ โหนฺติ, น อฺานีติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ จิตฺตกมฺมเชสฺเวว อุปาทารูเปสุ วิเสสนํ กตํ. อฺานิ วา สมานชาติเกน รูเปน สมุฏฺานานิ ปากฏวิเสสนาเนวาติ น วิเสสนํ อรหนฺติ, เอตานิ ปน อสมานชาติเกหิ อรูเปหิ สมุฏฺิตานิ วิเสสนํ อรหนฺตีติ วิเสสิตานีติ เวทิตพฺพานิ. ยถา วา จิตฺตกมฺมานิ จิตฺตกมฺมสมุฏฺานานํ สวิเสเสน ปจฺจยภาเวน ¶ ปจฺจยา โหนฺติ สหชาตาทิปจฺจยภาวโต มูลกรณภาวโต จ, น เอวํ อุตุอาหารา ตํสมุฏฺานานนฺติ จิตฺตกมฺมชาเนว วิสุํ วิเสสนํ อรหนฺติ. อิตรานิ ปน มหาภูตวิเสเสเนว วิเสสิตานิ, อิธ อุปาทารูปวิเสสเนน มหาภูตานิ วิย. น หิ อฺตรวิเสสนํ อุภยวิเสสนํ น โหตีติ.
๕๘. อฺมฺปจฺจเย ขนฺเธ ปฏิจฺจ วตฺถุ, วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธาติ ขนฺธวตฺถูนํ อฺมฺปจฺจยตาทสฺสเนน ปุพฺเพ วิสุํ ปจฺจยภาเวน ทสฺสิตานํ ขนฺธานํ เอกโต ปจฺจยภาโว ทสฺสิโต โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘จตุนฺนมฺปิ ขนฺธานํ เอกโต วตฺถุนา อฺมฺปจฺจยตํ ทสฺเสตุํ วุตฺต’’นฺติ. ‘‘ขนฺเธ ¶ ปฏิจฺจ วตฺถู’’ติ อิทํ ปน จตุนฺนมฺปิ ขนฺธานํ เอกโต ปฏิจฺจตฺถผรณตาทสฺสนตฺถํ, ‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธา’’ติ วตฺถุสฺส. น เกวลฺจ ขนฺธานํ อิเธว, เหตุปจฺจยาทีสุปิ อยเมว นโย. ตตฺถ สพฺเพสํ ขนฺธานํ วิสุํ ปฏิจฺจตฺถผรณตํ ทสฺเสตฺวา ปุน ‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจ ขนฺธา’’ติ วตฺถุสฺสปิ ทสฺสิตาย ‘‘เอกํ ขนฺธฺจ วตฺถฺุจ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา’’ติอาทินา ขนฺธวตฺถูนฺจ ทสฺสิตาเยว โหตีติ ทฏฺพฺพา.
กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อพฺยากโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ อฺมฺปจฺจยา, กุสเล ขนฺเธ ปฏิจฺจ จิตฺตสมุฏฺานา มหาภูตา’’ติ เอวมาทิ น วุตฺตํ, นนุ ยเทว ปฏิจฺจตฺถํ ผรติ, น เตเนว อฺมฺปจฺจเยน ภวิตพฺพํ เหตุปจฺจยาทีหิ วิย. น หิ ยํ ‘‘เอกํ ตโย ทฺเว จ ขนฺเธ ปฏิจฺจา’’ติ วุตฺตํ, เต เหตุปจฺจยภูตา เอว โหนฺติ. เอส นโย อารมฺมณปจฺจยาทีสุปิ. ปจฺจยวาเร จ ‘‘อพฺยากตํ ธมฺมํ ปจฺจยา กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชติ อฺมฺปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๕๖) วุตฺตํ, น วตฺถุ กุสลานํ อฺมฺปจฺจโย โหติ, อถ จ ปน ตํปจฺจยา ขนฺธานํ อฺมฺปจฺจยา อุปฺปตฺติ วุตฺตา เอว. ยทิปิ กุสลา ขนฺธา มหาภูตานํ อฺมฺปจฺจยา น โหนฺติ, ตถาปิ เต ปฏิจฺจ เตสํ อุปฺปตฺติ วตฺตพฺพา สิยาติ? น วตฺตพฺพา ขนฺธสหชาตานํ มหาภูตานํ ขนฺธานํ ปจฺจยภาวาภาวโต. อฺมฺสทฺโท หิ น เหตาทิสทฺโท วิย นิรเปกฺโข, สหชาตาทิสทฺโท วิย วา อฺตราเปกฺโข, อถ โข ยถาวุตฺเตตเรตราเปกฺโข. ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนา จ ขนฺธา มหาภูตา อิธ ยถาวุตฺตา ภเวยฺยุํ, เตสุ จ มหาภูตา ขนฺธานํ น โกจิ ปจฺจโย. ยสฺส จ สยํ ปจฺจโย, ตโต เตน ตนฺนิสฺสิเตน วา อฺมฺปจฺจเยน อุปฺปชฺชมานํ อฺมฺปจฺจยา อุปฺปชฺชตีติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ยถา ขนฺเธ ปฏิจฺจ ขนฺธา, วตฺถุํ ปจฺจยา ขนฺธา. ตสฺมา อตฺตโน ปจฺจยสฺส ¶ ปจฺจยตฺตาภาวโต ตทเปกฺขตฺตา จ อฺมฺสทฺทสฺส ขนฺเธ ปฏิจฺจ ปจฺจยา จ มหาภูตานํ อฺมฺปจฺจยา อุปฺปตฺติ น วุตฺตา, น อฺมฺปจฺจยา จ วุตฺตา. ขนฺธา ปน วตฺถุํ ปจฺจยา อุปฺปชฺชมานา วตฺถุสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจยา โหนฺติ, ตนฺนิสฺสิเตน จ อฺมฺปจฺจเยน อุปฺปชฺชนฺติ. ตสฺมา วตฺถุํ ปจฺจยา ขนฺธานํ กุสลาทีนํ อฺมฺปจฺจยา อุปฺปตฺติ วุตฺตาติ.
๕๙. น ¶ สา คหิตาติ จกฺขายตนาทีนิ นิสฺสยภูตานิ ปฏิจฺจาติ น วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. นิสฺสยปจฺจยภาเวน ปน น จกฺขายตนาทีนิ อารมฺมณปจฺจยภาเวน รูปายตนาทีนิ วิย น คหิตานีติ.
๖๐. ทฺวีสุ อุปนิสฺสเยสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, อารมฺมณูปนิสฺสยมฺปิ ปน เย ลภนฺติ, เตสํ วเสน อารมฺมณปจฺจยสทิสนฺติ เอวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติ อาห. ตตฺถ ‘‘น สพฺเพ อกุสลา อพฺยากตา อารมฺมณูปนิสฺสยํ ลภนฺตี’’ติ ปุริมปาโ. กุสลาปิ ปน มหคฺคตา เอกนฺเตน, กามาวจรา จ กทาจิ น ลภนฺตีติ ‘‘น สพฺเพ กุสลากุสลาพฺยากตา’’ติ ปนฺติ.
๖๑. ปุเรชาตปจฺจเย ยถา อฺตฺถ ปจฺจยํ อนิทฺทิสิตฺวาว เทสนา กตา, เอวํ อกตฺวา กสฺมา ‘‘วตฺถุํ ปุเรชาตปจฺจยา’’ติ วุตฺตนฺติ? นิยมสพฺภาวา. เหตุอาทีสุ หิ นิยโม นตฺถิ. น หิ เตหิ อุปฺปชฺชมานานํ อโลภาทีสุ กุสลาทีสุ รูปาทีสุ จ อยเมว ปจฺจโยติ นิยโม อตฺถิ, อิธ ปน วตฺถุ น วตฺถุธมฺเมสุ ปุเรชาตปจฺจยา อุปฺปชฺชมานานํ ธมฺมานํ นิยมโต ฉพฺพิธํ วตฺถุ ปุเรชาตปจฺจโย โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ. อารมฺมณปุเรชาตมฺปิ หิ วตฺถุปุเรชาเต อวิชฺชมาเน น ลพฺภติ, เอวฺจ กตฺวา ปฏิสนฺธิวิปากสฺส นปุเรชาตปจฺจยา เอว อุปฺปตฺติ วุตฺตา, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺสปิ ตสฺส ปุเรชาตปจฺจโย น อุทฺธโฏ. ‘‘เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมํ ปฏิจฺจ วิปาโก ธมฺโม อุปฺปชฺชติ ปุเรชาตปจฺจยา’’ติ เอตสฺสปิ อลาภโต ตตฺถ ‘‘ปุเรชาเต ตีณี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๓.๑๒๔) วุตฺตนฺติ.
๖๓. ตถา ปฏิสนฺธิกฺขเณ มหาภูตานนฺติ มหาภูตานํ เอกกฺขณิกนานากฺขณิกกมฺมปจฺจยวเสเนว ¶ ตทุปาทารูปานมฺปิ วทตีติ จ ทฏฺพฺพํ. กฏตฺตารูปานนฺติ ปวตฺติยํ กฏตฺตารูปานนฺติ อธิปฺปาโย.
๖๔. ยถาลาภวเสนาติ อินฺทฺริยรูเปสุ ยํ ยํ ปฏิสนฺธิยํ ลพฺภติ, ตสฺส ตสฺส วเสน.
๖๙. วิปฺปยุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชมานานมฺปิ เกสฺจิ นิยมโต วตฺถุ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย, เกสฺจิ ขนฺธา, น จ สมานวิปฺปยุตฺตปจฺจยา เอว กุสลาทิเก ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺติ, อถ โข นานาวิปฺปยุตฺตปจฺจยาปิ, ตสฺมา ตํ ¶ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘วตฺถุํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา, ขนฺเธ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตํ. ตตฺถ ตทายตฺตวุตฺติตาย ปจฺจยุปฺปนฺโน ปจฺจยํ ปจฺจยํ กโรตีติ อิมสฺสตฺถสฺส วเสน อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ. วตฺถุํ ขนฺเธ วิปฺปยุตฺตปจฺจยกรณโตติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา, วตฺถุนา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธนฺเตนา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, ตตฺถ กุสลานํ ขนฺธานํ วตฺถุํ ปฏิจฺจ อุปฺปตฺติ นตฺถีติ ‘‘วตฺถุํ ปฏิจฺจา’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ, อิทํ ปน ปฏิจฺจสทฺเทน อโยเชตฺวา ‘‘ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนฺติ วตฺถุํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา’’ติ โยเชตฺวา ตสฺสตฺโถ ‘‘วตฺถุนา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธนฺเตนา’’ติ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. กึ ปน ปฏิจฺจาติ? ยํ ‘‘เอกํ ขนฺธ’’นฺติอาทิกํ ปาฬิยํ ปฏิจฺจาติ วุตฺตํ. ตเมว อตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ‘‘วตฺถุํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยาติ ขนฺเธ ปฏิจฺจ ขนฺธา, วตฺถุนา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตํ สาเธนฺเตนา’’ติ ปนฺติ. อนนฺตรตฺตา ปากฏสฺส อพฺยากตจิตฺตสมุฏฺานสฺเสว คหณํ มา โหตูติ ‘‘อพฺยากตจิตฺตสมุฏฺานมฺปิ กุสลากุสลจิตฺตสมุฏฺานมฺปี’’ติ อาห. อาสนฺนมฺปิ ทูรมฺปิ สพฺพนฺติ วุตฺตํ โหตีติ.
๗๑-๗๒. ‘‘อิเม วีสติ ปจฺจยาติ สํขิปิตฺวา ทสฺสิตานํ วเสเนตํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทิ เอเกนปิ เทสนํ สํขิตฺตํ สํขิตฺตเมว, อาทิมฺหิ ปน ตโย ปจฺจยา วิปฺปยุตฺตปจฺจโย เอกมฺปิ ปทํ อปริหาเปตฺวา วิตฺถาริตาติ เต จตฺตาโร ปจฺฉาชาตฺจ วชฺเชตฺวา ‘‘อิเม เอกูนวีสติ ปจฺจยา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. เอตฺตกา หิ สํขิปิตฺวา ทสฺสิตาติ. เย ปน ปาฬิยํ วิตฺถาริตํ อวิตฺถาริตฺจ สพฺพํ สงฺคเหตฺวา วุตฺตนฺติ วทนฺติ, เตสํ ‘‘อิเม เตวีสติ ปจฺจยา’’ติ ปาเน ภวิตพฺพํ. อาทิมฺหิ ปน ตโย ปจฺจเย วิตฺถาริเต วชฺเชตฺวา ยโต ปภุติ สงฺเขโป อารทฺโธ, ตโต จตุตฺถโต ปภุติ สํขิตฺตํ วิตฺถาริตฺจ สห คเหตฺวา ‘‘อิเม เตวีสติ ปจฺจยา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
วิภงฺควารวณฺณนา นิฏฺิตา.
(๒) สงฺขฺยาวาโร
๗๓. ตถา ¶ ปุเรชาตปจฺจเยติ ยถา อฺมฺปจฺจเย วิเสโส วิภงฺเค อตฺถิ, ตถา ปุเรชาตปจฺจเยปิ อตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘วตฺถุํ ปุเรชาตปจฺจยา’’ติ หิ ตตฺถ วิเสโส ปฏิสนฺธิอภาโว จาติ. วิปากานิ เจว ¶ วีถิจิตฺตานิ จ น ลพฺภนฺตีติ เอเตน ‘‘กิริยาพฺยากตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจา’’ติอาทิเก (ปฏฺา. ๑.๑.๕๓) วิภงฺเค วิปากาพฺยากตาภาวํ กิริยาพฺยากเต จ อชวนสฺส สพฺเพน สพฺพํ อลพฺภมานตํ วิเสสํ ทสฺเสติ.
๗๔. เอกมูลเก ทสฺสิตาย เทสนาย ลพฺภมานคณนฺเว อาทายาติ อิทํ เอตสฺมึ อนุโลเม สุทฺธิกนเย ทสฺสิตคณนโต ตโต ปเรสุ นเยสุ อฺิสฺสา อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อพหุคณเนน ยุตฺตสฺส เตน สมานคณนตา จ อิมสฺมึ อนุโลเมเยว ทฏฺพฺพา. ปจฺจนีเย ปน ‘‘นเหตุปจฺจยา นารมฺมเณ เอก’’นฺติอาทึ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๐๔) วกฺขตีติ.
๗๖-๗๙. เต ปน สงฺขิปิตฺวา เตวีสติมูลโกเวตฺถ ทสฺสิโตติ เอตฺถ ปจฺฉาชาตวิปากานํ ปริหีนตฺตา ‘‘ทฺวาวีสติมูลโก’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา สาเสวนสวิปากานํ วเสน. ทุวิธมฺปิ ปน ทฺวาวีสติมูลกํ สห คเหตฺวา สงฺคหิเต ตสฺมึ อุภยสพฺภาวโต ‘‘เตวีสติมูลโก’’ติ อาหาติ ทฏฺพฺพํ. อาเสวนวิปากานํ วา วิโรธาภาเว สติ ปุจฺฉาย ทสฺสิตนเยน เตวีสติมูลเกน ภวิตพฺพํ, ตสฺส จ นามํ ทฺวาวีสติมูลเก อาโรเปตฺวา ‘‘เตวีสติมูลโก’’ติ วุตฺตนฺติ อยเมตฺถ รุฬฺหี.
อารมฺมณปเท เจวาติ เอเตน เอกมูลเก อฺปทานิ วชฺเชติ. น หิ เอกมูลเก เหตาทีสุ ตโยวาติ อธิปฺปาโย. สุทฺธิกนโย ปน อารมฺมณมูลกาทีสุ น ลพฺภตีติ อารมฺมณมูลเก ‘‘นวา’’ติ เอตาย อธิกคณนาย อภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘อารมฺมเณ ิเตน สพฺพตฺถ ตีเณว ปฺหา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ กาตพฺพาติ วจนเสโส. ตีเณวาติ จ ตโต อุทฺธํ คณนํ นิวาเรติ, น อโธ ปฏิกฺขิปติ. เตน ‘‘วิปาเก เอก’’นฺติ คณนา น นิวาริตาติ ทฏฺพฺพา. ตีสุ เอกสฺส อนฺโตคธตาย จ ‘‘ตีเณวา’’ติ วุตฺตนฺติ. อิตีติอาทินา ‘‘สพฺพตฺถ ตีเณวา’’ติ วจเนน อตฺตโน วจนํ ทฬฺหํ กโรติ.
๘๐-๘๕. เย ¶ …เป… ตํ ทสฺเสตุนฺติ เอตฺถายมธิปฺปาโย – ยทิปิ อวิคตานนฺตรํ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุยา ตีณี’’ติ วุตฺเตปิ อูนตรคณเนน สทฺธึ สํสนฺทเน ยา คณนา ลพฺภติ, สา ทสฺสิตา โหติ, ตถาปิ ¶ อูนตรคณเนหิ สมานคณเนหิ จ สทฺธึ สํสนฺทเน อูนตรา สมานา จ โหติ, น เอวํ อาวิกรณวเสน ทสฺสิตา โหติ, วิปลฺลาสโยชนาย ปน ตถา ทสฺเสติ. วจเนน วา หิ ลิงฺเคน วา อตฺถวิเสสาวิกรณํ โหตีติ. เตเนตํ อาวิกโรตีติ เอตฺถาปิ เอวเมว อธิปฺปาโย โยเชตพฺโพ. ปจฺจนียาทีสุปิ ปน ‘‘นารมฺมณปจฺจยา นเหตุยา เอกํ…เป… โนวิคตปจฺจยา นเหตุยา เอก’’นฺติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๑๐๗) มูลปทํ อาทิมฺหิเยว เปตฺวา โยชนา กตา, น จ ตตฺถ เอตํ ลกฺขณํ ลพฺภติ, ตสฺมา มูลปทสฺส อาทิมฺหิ เปตฺวา โยชนเมว กโม, น จกฺกพนฺธนนฺติ ‘‘อารมฺมณปจฺจยา เหตุยา ตีณี’’ติอาทิ โยชิตํ, น จ วิฺาเต อตฺเถ วจเนน ลิงฺเคน จ ปโยชนมตฺถีติ.
ปจฺจยานุโลมวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิจฺจวาโร
ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนา
๘๖-๘๗. ‘‘อเหตุกํ วิปากาพฺยากตนฺติ อิทํ รูปสมุฏฺาปกวเสเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, สพฺพสงฺคาหกวเสน ปเนตํ น น สกฺกา โยเชตุํ.
๙๓. สหชาตปุเรชาตปจฺจยา สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ เอตฺถ จ สหชาตา จ เหตาทโย ปุเรชาตา จ อารมฺมณาทโย ปจฺจยา สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. น หิ นปจฺฉาชาตปจฺจยา อุปฺปชฺชมานา ทฺวีเหว สหชาตปุเรชาตปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชนฺติ, อถ โข ปจฺฉาชาตวชฺเชหิ สพฺเพหีติ.
๙๔-๙๗. นาหารปจฺจเย เอกจฺจํ รูปเมว ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนนฺติ ยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ, โส ปจฺจโย ¶ รูปเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ปจฺจยา อุปฺปชฺชติ, โส อรูปมฺปิ โหติ ยถา กมฺมํ กฏตฺตารูปสฺส.
๙๙-๑๐๒. นมคฺคปจฺจเย ยทิปิ จิตฺตสมุฏฺานาทโย สพฺเพ รูปโกฏฺาสา ลพฺภนฺติ, ตถาปิ ยํ มคฺคปจฺจยํ ลภติ, ตสฺส ปหีนตฺตา ‘‘เอกจฺจํ รูปํ ¶ ปจฺจยุปฺปนฺน’’นฺติ วุตฺตํ, เอวเมว ปน นเหตุปจฺจยาทีสุปิ เอกจฺจรูปสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนตา ทฏฺพฺพา.
๑๐๗-๑๓๐. นาหารนอินฺทฺริยนฌานนมคฺคปจฺจยา สพฺพตฺถ สทิสวิสฺสชฺชนาติ อิทํ เอเตสุ มูลภาเวน ิเตสุ คณนาย สมานตํ สนฺธาย วุตฺตํ. มูลานฺหิ อิธ วิสฺสชฺชนํ คณนาเยว, น สรูปทสฺสนนฺติ. นสหชาตาทิจตุกฺกํ อิธาปิ ปริหีนเมวาติ สุทฺธิกนเย วิย มูเลสุปิ ปริหีนเมวาติ อตฺโถ.
ปจฺจยปจฺจนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปจฺจยานุโลมปจฺจนียวณฺณนา
๑๓๑-๑๘๙. เหตาธิปติมคฺคปจฺจเยสุ อนุโลมโต ิเตสุ…เป… อฏฺ ปจฺจนียโต น ลพฺภนฺตีติ ติณฺณมฺปิ สาธารณานํ ปจฺจนียโต อลพฺภมานานํ สพฺเพสํ สงฺคหวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา มคฺคปจฺจเย อิตเรหิ สาธารณา สตฺเตว โยเชตพฺพา. อธิปติปจฺจเย อนุโลมโต ิเต เหตุปจฺจโยปิ ปจฺจนียโต น ลพฺภติ, โส ปน มคฺเคน อสาธารโณติ กตฺวา น วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. เยหิ วินา อรูปํ น อุปฺปชฺชติ, เต เอกนฺติกตฺตา อรูปฏฺานิกาติ อิธ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา, เตน ปุเรชาตาเสวนปจฺจยา เตหิ วินาปิ อรูปสฺส อุปฺปตฺติโต วชฺชิตา โหนฺติ. สพฺพฏฺานิกา อฺมฺอาหารินฺทฺริยา จ เตหิ วินา อรูปสฺส อนุปฺปตฺติโต สงฺคหิตาติ. อูนตรคณนานํเยว วเสนาติ ยทิ อนุโลมโต ิตา เอกกาทโย ทฺวาวีสติปริโยสานา อูนตรคณนา โหนฺติ, เตสํ วเสน ปจฺจนียโต โยชิตสฺส ตสฺส ตสฺส คณนา เวทิตพฺพา. อถ ปจฺจนียโต โยชิโต อูนตรคณโน, ตสฺส วเสน อนุโลมโต ิตสฺสปิ คณนา เวทิตพฺพาติ ¶ อตฺโถ. ‘‘อฺมฺปจฺจยา นารมฺมเณ เอก’’นฺติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๑.๑๔๖) ปน น อิทํ ลกฺขณํ เอกนฺติกํ.
ปจฺจยานุโลมปจฺจนียวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปจฺจยปจฺจนียานุโลมวณฺณนา
๑๙๐. สพฺพตฺเถวาติ ¶ น เกวลํ เหตุมฺหิเยว, อถ โข สพฺเพสุ ปจฺจเยสุ ปจฺจนีกโต ิเตสูติ อตฺโถ. ปุเรชาตํ อาเสวนฺจ อลภนฺตํ กฺจิ นิทสฺสนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฏิสนฺธิวิปาโก ปนา’’ติอาทิมาห.
‘‘ปุเรชาตปจฺฉาชาตาเสวนวิปากวิปฺปยุตฺเตสุ ปจฺจนีกโต ิเตสุ เอกํ เปตฺวา อวเสสา อนุโลมโต ลพฺภนฺตี’’ติ อิทํ อวเสสานํ ลาภมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. น สพฺเพสํ อวเสสานํ ลาภนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยทิปิ หิ ปจฺฉาชาเต ปสงฺโค นตฺถิ ‘‘อนุโลมโต สพฺพตฺเถว น ลพฺภตี’’ติ อปวาทสฺส กตตฺตา, ปุเรชาโต ปน วิปฺปยุตฺเต ปจฺจนีกโต ิเต อนุโลมโต ลพฺภตีติ อิทมฺปิ อวเสสา สพฺเพติ อตฺเถ คยฺหมาเน อาปชฺเชยฺย. ยมฺปิ เกจิ ‘‘วิปฺปยุตฺตปจฺจยรหิเต อารุปฺเปปิ อารมฺมณปุเรชาตสฺส สมฺภวํ าเปตุํ เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตมฺปิ เตสํ รุจิมตฺตเมว. น หิ ยตฺถ วตฺถุปุเรชาตํ น ลพฺภติ, ตตฺถ อารมฺมณปุเรชาตภาเวน อุปการกํ โหตีติ ทสฺสิโตยํ นโยติ. ยุชฺชมานกวเสนาติ ปจฺจนีกโต ิตสฺส เปตพฺพตฺตา วุตฺตํ, ยุชฺชมานกปจฺจยุปฺปนฺนวเสน วาติ อตฺโถ. ‘‘มคฺคปจฺจเย ปจฺจนีกโต ิเต เหตุปจฺจโย อนุโลมโต น ลพฺภตี’’ติ ปุริมปาโ, อธิปติปจฺจโยปิ ปน น ลพฺภตีติ ‘‘เหตาธิปติปจฺจยา อนุโลมโต น ลพฺภนฺตี’’ติ ปนฺติ. อธิปติปจฺจเย ปจฺจนีกโต ิเต ปจฺฉาชาตโต อฺโ อนุโลมโต อลพฺภมาโน นาม นตฺถีติ น วิจาริตํ. อฺมฺเ ปจฺจนีกโต ิเต ‘‘อรูปานํเยวา’’ติ วุตฺตา นว อนุโลมโต น ลพฺภนฺติ, ตมฺปิ ปจฺจนีกโต ิเตหิ อารมฺมณปจฺจยาทีหิ สทิสตาย สุวิฺเยฺยนฺติ น วิจาริตํ ภวิสฺสตีติ.
๑๙๑-๑๙๕. ยาว ¶ อาเสวนา สพฺพํ สทิสนฺติ น อฺมฺเน ฆฏิตสฺส มูลสฺส วิตฺถาริตตฺตา ตโต ปรานิ มูลานิ สนฺธาย วุตฺตํ. เตสุ หิ อนุโลมโต โยเชตพฺพปจฺจยา จ ปฺหา จาติ สพฺพํ สทิสนฺติ.
อิมสฺมึ ปจฺจนียานุโลเมติ เอตสฺส ‘‘อิเมสมฺปิ ปกิณฺณกานํ วเสเนตฺถ คณนวาโร อสมฺโมหโต เวทิตพฺโพ’’ติ เอเตน สห สมฺพนฺโธ ¶ . ตตฺถ เอตฺถาติ เอเตสุ ปจฺจเยสูติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ ปจฺจนียานุโลเม ลพฺภมาเนสุ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเมสุปีติ วา โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ปิ-สทฺเทน อิมมตฺถํ ทีเปติ – น เกวลํ ปจฺจเยสฺเวว กิสฺมิฺจิ ปจฺจนีกโต ิเต เกจิ อนุโลมโต น ลพฺภนฺติ, อถ โข ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเมสุปิ โกจิ เอกจฺจํ ปจฺจยํ ลภมาโน กฺจิ ปจฺจยํ น ลภตีติ. ตตฺถ กมฺมปจฺจยํ ลภมาโน เยภุยฺเยน อินฺทฺริยปจฺจยํ ลภติ, มคฺคปจฺจยํ ลภมาโน เยภุยฺเยน เหตุปจฺจยํ, ตถา จ ฌานปจฺจยํ ลภมาโน มคฺคปจฺจยนฺติ เอเตสฺเวว ลาภาลาภา วิจาริตา. ยตฺถาติ ปฺจโวการปวตฺเต อสฺเสุ จ. รูปธมฺมาติ ยถาวุตฺตานิ กฏตฺตารูปาเนว สนฺธาย วทติ. น หิ ปฺจโวการปวตฺเต สพฺเพ รูปธมฺมา เหตาทีนิ น ลภนฺตีติ. ‘‘เหตาธิปติวิปากินฺทฺริยปจฺจเย น ลภนฺตี’’ติ ปุริมปาโ, ฌานมคฺเคปิ ปน น ลภนฺตีติ ‘‘เหตาธิปติวิปากินฺทฺริยฌานมคฺคปจฺจเย น ลภนฺตี’’ติ ปนฺติ. เย รูปธมฺมานํ ปจฺจยา โหนฺติ, เตสุ อรูปฏฺานิกวชฺเชสุ เอเตเยว น ลภนฺตีติ อธิปฺปาโย. ปจฺฉาชาตาหารวิปฺปยุตฺตปจฺจเยปิ หิ ปวตฺเต กฏตฺตารูปํ ลภตีติ. ลพฺภมานาลพฺภมานปจฺจยทสฺสนมตฺตฺเจตํ, น เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปตฺติอนุปฺปตฺติทสฺสนนฺติ. เอวํ อินฺทฺริยปจฺจยาลาโภ ชีวิตินฺทฺริยํ สนฺธาย วุตฺโต สิยา. ยถาวุตฺเตสุ หิ ธมฺมวเสน ปจฺฉาชาตาทิตฺตยมฺปิ อลภนฺตํ นาม กฏตฺตารูปํ นตฺถิ. โก ปน วาโท สพฺพฏฺานิกกมฺเมสุ. อินฺทฺริยํ ปน อลภนฺตํ อตฺถิ, กินฺตํ? ชีวิตินฺทฺริยนฺติ. ยทิ เอวํ อุปาทารูปานิ สนฺธาย อฺมฺปจฺจยมฺปิ น ลภนฺตีติ วตฺตพฺพํ, ตํ ปน ปากฏนฺติ น วุตฺตํ สิยา. อรูปินฺทฺริยาลาภํ วา สนฺธาย อินฺทฺริยปจฺจยาลาโภ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
๑๙๖-๑๙๗. นารมฺมณมูลเกสุ ทุกาทีสุ เหตุยา ปฺจาติ ยทิปิ ติกาทีสุ ‘‘เหตุยา ปฺจา’’ติ อิทํ นตฺถิ, ตถาปิ ทุกาทีสุ สพฺพตฺถ อนุตฺตานํ วตฺตุกาโม ‘‘ทุกาทีสู’’ติ สพฺพสงฺคหวเสน วตฺวา ตตฺถ ยํ อาทิทุเก วุตฺตํ ‘‘เหตุยา ปฺจา’’ติ, ตํ นิทฺธาเรติ. เกจิ ปน ‘‘นารมฺมณมูลเก เหตุยา ปฺจา’’ติ ปาํ วทนฺติ. ‘‘อฺมฺเ เอกนฺติ ภูตรูปเมว สนฺธาย ¶ วุตฺต’’นฺติ ปุริมปาโ, วตฺถุปิ ปน ลพฺภตีติ ‘‘ภูตรูปานิ เจว วตฺถฺุจ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ ปนฺติ. ติมูลเกติ อิธาปิ ทุมูลกํ ติมูลกนฺติ วทนฺติ.
๒๐๓-๒๓๓. นกมฺมมูลเก ¶ เหตุยา ตีณีติอาทีสุ เจตนาว ปจฺจยุปฺปนฺนาติ อิทํ ‘‘เหตุยา ตีณี’’ติ เอวํปกาเร เจตนามตฺตสงฺคาหเก สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาทิ-สทฺโท หิ ปการตฺโถว โหตีติ. สหชาตอฺมฺนิสฺสยาหารอตฺถิอวิคเตสุ ปน รูปมฺปิ ลพฺภตีติ.
ปจฺจยปจฺจนียานุโลมวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิจฺจวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สหชาตวารวณฺณนา
๒๓๔-๒๔๒. กุสลํ ธมฺมํ สหชาโต, กุสลํ เอกํ ขนฺธํ สหชาโตติอาทีสุ สหชาตสทฺเทน สหชาตปจฺจยกรณํ สหชาตายตฺตภาวคมนํ วา วุตฺตนฺติ ตสฺส กรณสฺส คมนสฺส วา กุสลาทีนํ กมฺมภาวโต อุปโยควจนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย ปจฺจยวาราทีสุปิ. ตตฺราปิ หิ ปจฺจยสทฺเทน จ นิสฺสยปจฺจยกรณํ นิสฺสยายตฺตภาวคมนํ วา วุตฺตํ, สํสฏฺสทฺเทน จ สมฺปยุตฺตปจฺจยกรณํ สมฺปยุตฺตายตฺตภาวคมนํ วาติ ตํกมฺมภาวโต อุปโยควจนํ กุสลาทีสุ กตนฺติ. สหชาตมฺปิ จ อุปาทารูปํ ภูตรูปสฺส ปจฺจโย น โหตีติ ‘‘ปฏิจฺจา’’ติ อิมินา วจเนน ทีปิโต ปจฺจโย น โหตีติ อตฺโถ. ‘‘อุปาทารูปํ ภูตรูปสฺสา’’ติ จ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ. อุปาทารูปสฺสปิ หิ อุปาทารูปํ ยถาวุตฺโต ปจฺจโย น โหติ, วตฺถุวชฺชานิ รูปานิ จ อรูปานนฺติ.
สหชาตวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปจฺจยวารวณฺณนา
๒๔๓. ปจฺจยาติ ¶ เอตฺถ ปติ อโย ปจฺจโย. ปติ-สทฺโท ปติฏฺตฺถํ ทีเปติ, อย-สทฺโท คตึ, ปติฏฺาภูตา คติ นิสฺสโย ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหติ, ตโต ปจฺจยา, ปจฺจยกรณโต ตทายตฺตภาวคมนโต วาติ อตฺโถ.
‘‘มหาภูเต ¶ ปจฺจยา จิตฺตสมุฏฺานํ รูป’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๔๕) ภูตุปาทารูปานิ สห สงฺคณฺหิตฺวา วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน จิตฺตสมุฏฺาเน จ มหาภูเต นิสฺสาย จิตฺตสมุฏฺานํ อุปาทารูปนฺติ สยํ นิสฺสโย อหุตฺวา นิสฺสเย อุปฺปชฺชมาเนน อุปาทารูเปน นิทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๒๕๕. อสฺ…เป… กฏตฺตารูปํ อุปาทารูปนฺติ เอตฺถ โย ปฏิจฺจวาเร สหชาเต กมฺมอุตุชานํ, กมฺเม จ เอกนฺตาเนกนฺตกมฺมชานํ วเสน อตฺโถ วุตฺโต, โส นาธิปฺเปโต เอว ‘‘กฏตฺตารูป’’นฺติ กมฺมสมุฏฺานรูปสฺเสว สพฺพสฺส จ คหิตตฺตาติ ตํ ปหาย ยถาคหิตสฺส กฏตฺตารูปสฺส วิเสสนวเสน ‘‘อุปาทารูปสงฺขาตํ กฏตฺตารูป’’นฺติ อตฺถมาห. มหาภูเต ปน ปฏิจฺจ ปจฺจยา จ มหาภูตานํ อุปฺปตฺติ น นิวาเรตพฺพาติ อุปาทารูปคฺคหเณน กฏตฺตารูปคฺคหณํ อวิเสเสตฺวา อุปาทารูปานํ นิวตฺเตตพฺพานํ อตฺถิตาย กฏตฺตารูปคฺคหเณเนว อุปาทารูปคฺคหณสฺส วิเสสนํ ทฏฺพฺพํ.
๒๖๙-๒๗๖. ‘‘อพฺยากเตน อพฺยากตํ, กุสลํ, อกุสล’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘อพฺยากเตน กุสลํ, อกุสลํ, อพฺยากต’’นฺติ, ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล จ อกุสโล จ ธมฺมา กุสลสฺสาติ อนามสิตฺวา’’ติ จ ปุริมปาเ ปมาทเลขา ทฏฺพฺพา.
๒๘๖-๒๘๗. นเหตุปจฺจยา นปุเรชาเต ทฺเวติ เอตฺถ อฏฺกถายํ ‘‘อารุปฺเป ปน อเหตุกโมหสฺส อเหตุกกิริยสฺส จ วเสน ทฺเวติ วุตฺตา, นวิปฺปยุตฺเต ทฺเวติ อารุปฺเป อเหตุกากุสลกิริยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ลพฺภมาเนสุ เอกเทเสน นิทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อารุปฺเป ปน อเหตุกโมหสฺส อเหตุกกิริยาย อเหตุกปฏิสนฺธิยา เอกจฺจสฺส จ รูปสฺส วเสน ทฺเว วุตฺตาติ, นวิปฺปยุตฺเต ทฺเวติ อารุปฺเป อเหตุกากุสลกิริยาเอกจฺจรูปานํ วเสนาติ วุตฺตนฺติ. ‘‘โนนตฺถิโนวิคเตสุ เอกนฺติ สพฺพรูปสฺส วเสนา’’ติ วุตฺตํ, นเหตุมูลกตฺตา อิมสฺส ¶ นยสฺส เหตุปจฺจยํ ลภนฺตํ น ลพฺภตีติ ‘‘เอกจฺจสฺส รูปสฺส วเสนา’’ติ ภวิตพฺพํ. จกฺขาทิธมฺมวเสน ปน จิตฺตสมุฏฺานาทิโกฏฺาสวเสน วา สพฺพํ ลพฺภตีติ ‘‘สพฺพรูปสฺสา’’ติ วุตฺตํ สิยา.
๒๘๙-๒๙๖. อาคตานาคตนฺติ ¶ ปฺหวเสน วุตฺตํ, ลพฺภมานาลพฺภมานนฺติ อาคเต จ ปฺเห ลพฺภมานาลพฺภมานธมฺมวเสน.
ปจฺจยวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. นิสฺสยวารวณฺณนา
๓๒๙-๓๓๗. ปจฺจยวาเรน นิสฺสยปจฺจยภาวนฺติ นิสฺสยวาเร วุตฺตสฺส นิสฺสยปจฺจยภาวํ นิยเมตุนฺติ อตฺโถ.
นิสฺสยวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สํสฏฺวารวณฺณนา
๓๕๑-๓๖๘. สํสฏฺวาเร ปจฺจนีเย ‘‘นวิปฺปยุตฺเต ปฏิสนฺธิ นตฺถี’’ติ อิทํ วตฺถุวิรหิตาย ปฏิสนฺธิยา วิสุํ อนุทฺธรณโต วุตฺตํ. ปฏิจฺจวาราทีสุ หิ สหชาตสฺส ปจฺจยภาวทสฺสนตฺถํ สวตฺถุกา ปฏิสนฺธิ อุทฺธฏา, สา อิธาปิ อธิปติปุเรชาตาเสวเนสุ นกมฺมนวิปากนฌานนวิปฺปยุตฺเตสุ น ลพฺภติ, อฺเสุ จ อนุโลมโต ปจฺจนียโต จ ลพฺภมานปจฺจเยสุ ลพฺภตีติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ อุทฺธฏาติ. เสสา เตรส น ลพฺภนฺตีติ เอตฺถ ‘‘เสสา จุทฺทสา’’ติ ภวิตพฺพํ. น ฌาเน เอกนฺติ อเหตุกปฺจวิฺาณวเสนาติ ปฺจวิฺาณานํ เหตุปจฺจยวิรหิตมตฺตทสฺสนตฺถํ อเหตุกคฺคหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ, ‘‘นมคฺเค เอกนฺติ อเหตุกกิริยวเสนา’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อเหตุกวิปากกิริยวเสนา’’ติ ภวิตพฺพํ.
๓๖๙-๓๙๑. เหฏฺา ¶ วุตฺตนเยเนวาติ ปฏิจฺจวาเร อนุโลมปจฺจนีเย วุตฺตนเยน. ‘‘นเหตุปจฺจยุปฺปนฺเนสุ อเหตุกโมโหว ฌานมคฺคปจฺจยํ ลภติ, เสสา น ลภนฺตี’’ติ วุตฺตํ, เสเสสุ ปน ปฺจวิฺาณวชฺชาเหตุกกฺขนฺธา ตํสมุฏฺานา ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมา ฌานปจฺจยํ ลภนฺติ, น ปจฺจนียานุโลเม ทฺวินฺนํ ปจฺจยานํ อนุโลเมน สห โยชนา อตฺถีติ ฌานมคฺคปจฺจยํ สหิตํ ลภตีติ จ น สกฺกา วตฺตุํ, ตสฺมา ‘‘อเหตุกโมโหว มคฺคปจฺจยํ ลภตี’’ติ วตฺตพฺพํ.
สํสฏฺวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สมฺปยุตฺตวารวณฺณนา
๓๙๒-๔๐๐. สทิสํ ¶ สมฺปยุตฺตํ สํสฏฺํ โวกิณฺณฺจ สํสฏฺํ น โหตีติ อุภยํ อฺมฺาเปกฺขํ วุจฺจมานํ อฺมฺสฺส นิยามกํ โหตีติ.
สมฺปยุตฺตวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปฺหาวารวิภงฺควณฺณนา
๔๐๑-๔๐๓. เยหิ ปจฺจเยหิ กุสโล กุสลสฺส ปจฺจโย โหติ, เต ปจฺจเย ปฏิปาฏิยา ทสฺเสตุนฺติ ยถากฺกเมน อาคตาคตปฏิปาฏิยา ทสฺเสตุนฺติ อตฺโถ. กุสโล กุสลสฺสาติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, เตน กุสโล กุสลาทีนํ, อกุสโล อกุสลาทีนํ, อพฺยากโต อพฺยากตาทีนํ, กุสลาพฺยากตา กุสลาทีนนฺติอาทิโก สพฺโพ ปเภโท นิทสฺสิโต โหตีติ ยถานิทสฺสิเต สพฺเพ คเหตฺวา อาห ‘‘เต ปจฺจเย ปฏิปาฏิยา ทสฺเสตุ’’นฺติ.
๔๐๔. ทตฺวาติ เอตฺถ ทา-สทฺโท โสธนตฺโถปิ โหตีติ มนฺตฺวา อาห ‘‘วิสุทฺธํ กตฺวา’’ติ. เตสฺหิ ตํ จิตฺตนฺติ เตสนฺติ วตฺตพฺพตารหํ สกทาคามิมคฺคาทิปุเรจาริกํ ตํ โคตฺรภุจิตฺตนฺติ อธิปฺปาโย ¶ . วิปสฺสนากุสลํ ปน กามาวจรเมวาติ ปจฺจยุปฺปนฺนํ ภูมิโต ววตฺถเปติ. เตเนวาติ ธมฺมวเสเนว ทสฺสนโต, เทสนนฺตรตฺตาติ อธิปฺปาโย.
๔๐๕. อสฺสาทนํ สราคสฺส โสมนสฺสสฺส สโสมนสฺสสฺส ราคสฺส จ กิจฺจนฺติ อาห ‘‘อนุภวติ เจว รชฺชติ จา’’ติ. อภินนฺทนํ ปีติกิจฺจสหิตาย ตณฺหาย กิจฺจนฺติ อาห ‘‘สปฺปีติกตณฺหาวเสนา’’ติ. ทิฏฺาภินนฺทนา ทิฏฺิเยว. เอตฺถ ปน ปจฺฉิมตฺถเมว คเหตฺวา ‘‘อภินนฺทนฺตสฺส อตฺตา อตฺตนิยนฺติอาทิวเสน…เป… ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อภินนฺทนา ปน ทิฏฺาภินนฺทนาเยวาติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ภาวนาย ปหาตพฺโพ ธมฺโม ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณ…เป… ภาวนาย ปหาตพฺพํ ราคํ อสฺสาเทติ อภินนฺทตี’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๗๒) วจนโต, ตสฺมา ปุริโมปิ อตฺโถ วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ทฺวีสุ ปน โสมนสฺสสหคตจิตฺเตสุ ยถาวุตฺเตน โสมนสฺเสน ¶ ราเคน จ อสฺสาเทนฺตสฺส เตสุเยว สปฺปีติกตณฺหาย จตูสุปิ ทิฏฺาภินนฺทนาย อภินนฺทนฺตสฺส จ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตีติปิ สกฺกา โยเชตุํ. ชาติวเสนาติ สุจิณฺณสามฺวเสนาติ อตฺโถ.
๔๐๖. ตทารมฺมณตาติ ตทารมฺมณภาเวน. วิภตฺติโลโป เหตฺถ กโตติ. ภาววนฺตโต วา อฺโ ภาโว นตฺถีติ ภาเวเนว วิปากํ วิเสเสติ, วิปาโก ตทารมฺมณภาวภูโตติ อตฺโถ. วิฺาณฺจายตนเนวสฺานาสฺายตนวิปากานํ วิย น กามาวจรวิปากานํ นิโยคโต ววตฺถิตํ อิทฺจ กมฺมํ อารมฺมณนฺติ ตํ ลพฺภมานมฺปิ น วุตฺ