📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

อภิธมฺมาวตาร-ปุราณฏีกา

๑. ปโม ปริจฺเฉโท

จิตฺตนิทฺเทสวณฺณนา

. ตตฺถ เตสุ จตุพฺพิเธสุ ปรมตฺเถสุ, ชาตินิทฺธารณํ. จิตฺตนฺติ จิตฺตํ นาม. วิชานาตีติ วิชานนํ, วิสยานํ วิชานนํ วิสยวิชานนํ. จิตฺตสรูปปริทีปนมิทํ วจนํ. ตสฺส ปน จิตฺตสฺส โก วจนตฺโถ โก สทฺทตฺโถ. วุจฺจเต อาจริเยน. สพฺพสงฺคาหกวเสน สพฺเพสํ จิตฺตานํ สงฺคาหกนยวเสน. อารมฺมณํ จินฺเตติ ชานาตีติ จิตฺตํ, ตทา สพฺพํ จิตฺตํ อธิปฺเปตํ. ชวนวีถิวเสน อตฺตสนฺตานํ จิโนตีติ จิตฺตํ, ตทา กุสลากุสลมหากิริยาจิตฺตํ อธิปฺเปตํ. อฺเสํ ชวนานํ อคฺคหณํ กามาวจรชวนานิ เอว เยภุยฺยวเสน สตฺตกฺขตฺตุํ ชวนฺตีติ าปนตฺถํ.

. วิจิตฺตํ กรณํ ยสฺส ตํ วิจิตฺตกรณํ, ตสฺส ภาโว วิจิตฺตกรณา. ‘‘อิมสฺส รูปสฺส อุทฺธํ อิทํ โหตุ, เหฏฺา อิทํ โหตุ, อุภยปสฺเส อิท’’นฺติ จินฺเตตฺวา ยถาจินฺติเตน กเมน เสสจิตฺตรูปนิปฺผาทนํ โหติ, เอวํ ยํ กิฺจิ โลเก วิจิตฺตํ สิปฺปชาตํ, สพฺพํ ตํ จิตฺเตเนว กรียติ. เอวํ วิจิตฺตกรณตาย จิตฺตํ. ตทา กรณตาย จิตฺตํ กโรตีติ จิตฺตํ. อิทํ ตทฺธิตปทํ. วา อยํ อฺโ นโย. ตํ อตฺตโน จิตฺตตาย อฺเทว สราคํ จิตฺตํ, อฺํ สโทสํ, อฺํ สโมหํ. อฺํ กามาวจรํ, อฺํ รูปาวจราทิเภทํ. อฺํ รูปารมฺมณํ, อฺํ สทฺทาทิอารมฺมณํ. รูปารมฺมเณสุปิ อฺํ นีลารมฺมณํ, อฺํ ปีตาทิอารมฺมณํ. สทฺทาทิอารมฺมเณสุปิ เอเสว นโย. สพฺเพสุปิ เตสุ อฺํ หีนํ, อฺํ มชฺฌิมํ, อฺํ ปณีตํ. หีนาทีสุปิ อฺํ ฉนฺทาธิปเตยฺยํ, อฺํ จิตฺตาธิปเตยฺยํ, อฺํ วีริยาธิปเตยฺยํ, อฺํ วีมํสาธิปเตยฺยํ, ตสฺมา ยสฺส อิเมสํ สมฺปยุตฺตภูมิอารมฺมณหีนมชฺฌิมปณีตาธิปตีนํ วเสน อตฺตโน จิตฺตตาย จิตฺตํ. จิตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติ จิตฺตํ. ตทา สพฺพํ จิตฺตํ. ปฺตฺติยมฺปิ วิฺาเณ วิจิตฺเต จิตฺตสฺส กมฺมํ จิตฺตกมฺมํ, จิตฺตกมฺมเมว จิตฺตกมฺมกํ, จิตฺตกมฺมเก วิจิตฺเต อิธ อิมสฺมึ อธิกาเร จิตฺตสมฺมุติ จิตฺตสทฺโท วิฺาเณ จิตฺเต วิฺุนา ทฏฺพฺโพ.

ตํ ปน สพฺพสงฺคาหกวเสน จินฺเตตีติอาทินา วุตฺตปฺปการํ จิตฺตํ. สารมฺมณโต สารมฺมณภาเวน เอกวิธํ. สวิปากาวิปากโต สวิปากาวิปากวเสน ทุวิธํ. ตตฺถ ตสฺมึ ทุวิเธ จิตฺเต สวิปากํ นาม จิตฺตํ กุสลากุสลํ, อวิปากํ อพฺยากตํ, กุสลากุสลภาเวน อกถิตนฺติ อตฺโถ. กุสลชาติ อกุสลชาติ อพฺยากตชาตีติ ชาติเภทโต ติวิธํ.

ตตฺถ ตสฺมึ วจเน ‘‘กุสล’’นฺติ เอตสฺส สทฺทสฺส ปน โก วจนตฺโถ.

๑๐. กุจฺฉิตานํ สลนโต ปาปกานํ ธมฺมานํ กมฺปนโต วิทฺธํสนโต. กุจฺฉิเตนากาเรน สยนฺตีติ กุสา, กุสานํ อกุสลสงฺขาตานํ ลวเนน ฉินฺทนโต. กุจฺฉิเต สาติ ตนุํ กโรตีติ กุสํ, กุเสน าเณน ลาตพฺพตฺตา คเหตพฺพตฺตา. วา อยํ อฺโ นโย.

๑๑. กุสลสทฺโทยํ อยํ กุสลสทฺโท เฉเก อตฺเถ อาโรคฺยตฺเถ อนวชฺชตฺเถ อิฏฺวิปาเก อตฺเถปิ ทิฏฺโ อมฺเหหิ. อิธ อิมสฺมึ อธิกาเร อนวชฺชาทิเก อตฺเถ ทิฏฺโ. อาทิ-สทฺเทน อาโรคฺยตฺถอิฏฺวิปากตฺถา คเหตพฺพา. ทิฏฺโ ยสฺมา, ตสฺมา อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณํ กุสลํ. นตฺถิ อวชฺชํ กิเลสาวชฺชํ กิเลสโทโส กิเลสทรโถ เอตสฺสาติ อนวชฺชํ, กมฺเมน วิปจฺจียเตติ วิปาโก, อิฏฺานิฏฺาทิอารมฺมณานุภวนวเสน, อตฺตโน สภาเวน จ อิฏฺโ วิปาโก เอตสฺสาติ อิฏฺวิปากํ, อนวชฺชเมว อิฏฺวิปากํ, ตํ ลกฺขียติ อเนน อวิฺาตํ ลกฺขิตพฺพํ กุสลนฺติ ลกฺขณํ, อนวชฺชอิฏฺวิปากํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณํ. อนวชฺชอิฏฺวิปากเมว กุสลํ. นนุ กถํ สยเมว อตฺตโน ลกฺขณํ ภเวยฺยาติ โจทนา ภเวยฺย วิฺาตาวิฺาตสทฺทตฺถภาเวน ลกฺขณลกฺขิตพฺพภาวยุตฺติโต. กุสลสทฺทตฺถวเสน หิ อวิฺาตํ อปากฏํ กุสลํ ลกฺขิตพฺพํ โหติ. อนวชฺชอิฏฺวิปากสทฺทตฺถวเสน วิฺาตํ ปากฏํ กุสลํ ลกฺขณํ โหติ. อกุสลวิทฺธํสนรสํ อกุสลานํ วิทฺธํสนํ อกุสลวิทฺธํสนํ, ตํ รโส กิจฺจเมตสฺสาติ อกุสลวิทฺธํสนรสํ, อกุสลวิทฺธํสนกิจฺจํ. โวทานภาเวน ปจฺจุปฏฺาตีติ โวทานปจฺจุปฏฺานํ, โวทานอุปฏฺานาการํ โวทานคยฺหาการํ. วา อยํ อฺโ นโย. วชฺชปฏิปกฺขตฺตา อนวชฺชลกฺขณเมว กุสลํ, วชฺชปฏิปกฺขลกฺขณํ กุสลนฺติ อตฺโถ. โวทานภาวรสํ โวทานภาวสมฺปตฺติกํ. อิฏฺวิปากปจฺจุปฏฺานํ อิฏฺวิปากผลํ. โยนิโสมนสิการปทฏฺานํ ปทฺจ ตํ านฺจาติ ปทฏฺานํ, อุโภ การณตฺถาธิวจนํ, ตสฺมา อาสนฺนการณนฺติ อตฺโถ, อิตรถา ปุนรุตฺติโทโส สิยา, โยนิโสมนสิกาโร ปทฏฺานํ อาสนฺนการณํ เอตสฺสาติ โยนิโสมนสิการปทฏฺานํ.

สาวชฺชานิฏฺวิปากลกฺขณํ อกุสลํ. ตทุภยวิปรีตํ เตหิ อุภเยหิ กุสลากุสเลหิ วิปรีตํ อวิปากลกฺขณํ เอตสฺสาติ ตทุภยวิปรีตลกฺขณํ อพฺยากตํ. วา อยํ อฺโ นโย. อวิปาการหํ วิปากสฺส อนนุจฺฉวิกํ.

สวตฺถุกาวตฺถุกเภทโตติ สวตฺถุกํ หทยวตฺถุกํ, อวตฺถุกํ หทยวตฺถุวิรหิตํ.

๑๒. อุทฺทานโต สงฺเขปวเสน กิเลสวตฺถุวเสน ทุเว กามา โหนฺติ. ฉนฺทราโคว กิเลโส, เตภูมเก ปวตฺตํ วฏฺฏสหิตํ วตฺถุ, วสติ กิเลโส เอตฺถาติ วตฺถุ.

๑๓. กิเลสกาโม วตฺถุํ กาเมติ อิจฺฉติ, วตฺถุ กิเลสกาเมน กามียติ อิจฺฉียตีติ กตฺตุการกกมฺมการกทฺวเย สาธนทฺวเย เอส เอโส ทุวิโธปิ กาโม สิชฺฌติ.

๑๔-๕. โส อยํ ทุวิโธปิ กาโม ยสฺมึ ปเทเส สมฺปตฺตีนํ วเสน อวจรติ, อิติ ตสฺมา การณา โส ปน ปเทโส จตุปายานํ ฉนฺนํ เทวานํ มนุสฺสานํ วเสน เอว เอกาทสวิโธ โหติ.

๑๖. กาโมวจรตีติ เอตฺถ เอตสฺมึ เอกาทสวิเธ ปเทเส กาโม อวจรติ, อิติ ตสฺมา การณา โส ปเทโส อสฺส กามสฺส อเนน กาเมน อภิลกฺขิตตฺตา กามาวจรสฺิโต. อภิลกฺขิตสทฺทปฺปโยเค ตติยตฺเถ ‘‘อสฺสา’’ติ ฉฏฺี โหตีติ สทฺทสตฺถวิทู ปนฺติ. สสตฺถาวจโร ปเทโส วิย สตฺเต สสนฺติ หึสนฺติ เตหีติ สตฺถา, สห สตฺเถหีติ สสตฺถา, สสตฺถา ปุริสา อวจรนฺติ เอตฺถาติ สสตฺถาวจโร. ยถา หิ ยสฺมึ ปเทเส สสตฺถา ปุริสา อวจรนฺติ, โส ปเทโส วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ ทฺวิปทจตุปฺปเทสุ อวจรนฺเตสุ เตสํ อุปลกฺขิตตฺตา ‘‘สสตฺถาวจโร’’ตฺเวว วุจฺจติ, เอวํ วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ รูปาวจราทีสุ ตตฺถ อวจรนฺเตสุ เตสํ อภิลกฺขิตตฺตา อยํ ปเทโส ‘‘กามาวจโร’’ตฺเวว วุจฺจติ.

๑๗. ยถา รูปภโว อุตฺตรปทสฺส โลปํ กตฺวา รูปนฺติ วุตฺโต, เอวํ ตถา สฺวายํ โส อยํ เอโส กามาวจโร อุตฺตรปทสฺส โลปํ กตฺวา กาโม อิติ สฺิโต กาโม นาม อุทีริโต ปณฺฑิเตน กถิโต.

๑๘. ตสฺมึ กาเม อิทํ จิตฺตํ ตสฺมึ กามาวจเร สทา อวจรติ, อิติ ตสฺมา การณา กามาวจรํ อิติ เอวํ กามฆาตินา กามานํ วินาสเกน พุทฺเธน กถิตํ. กิฺจาปิ เอตํ รูปารูปภเวสุปิ อวจรติ, ยถา ปน สงฺคาเม เยภุยฺเยน อวจรณโต ‘‘สงฺคามาวจโร’’ติ ลทฺธนาโม นาโค นคเร จรนฺโตปิ ‘‘สงฺคามาวจโร’’ตฺเวว วุจฺจติ, ถลจรชลจรา ปาณิโน อถเล อชเล ิตาปิ ‘‘ถลจรชลจรา’’ตฺเวว วุจฺจนฺติ, เอวํ อิทํ อฺตฺถ อวจรนฺตมฺปิ กามาวจรเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อารมฺมณกรณวเสน วา เอตฺถ กาโม อวจรตีติปิ กามาวจรํ. กามฺเจส รูปารูปาวจเรสุปิ อวจรติ, ยถา ปน วทตีติ วจฺโฉ, มหิยํ เสตีติ มหึโสติ วุตฺเต น ยตฺตกา วทนฺติ, มหิยํ วา เสนฺติ, สพฺเพสํ ตํ นามํ โหติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

๑๙. ปฏิสนฺธึ ภเว กาเม กามภวสงฺขาเต กาเม ปฏิสนฺธึ อวจารยติ, อิติ ตสฺมา กามาวจรํ. อิติ เอวํ วา อยํ อฺโ นโย. ตตฺร ตสฺมึ กามาวจเร ปริยาปนฺนํ อนฺโตคธํ, อิติ ตสฺมา กามาวจรํ.

๒๐. อฏฺวิธํ จิตฺตํ กามาวจรสฺิตํ อิทํ อฏฺวิธํ จิตฺตํ. ทสปุฺกิริยวตฺถุวเสเนว ปุฺกิริยา เอว เตสํ เตสํ ผลานิสํสานํ วตฺถูนิ การณานีติ ปุฺกิริยวตฺถูนิ, เตสํ วโส, เตน ปวตฺตติ.

๒๑. ทานํ สีลํ ภาวนา ปตฺติทานํ เวยฺยาวจฺจํ ธมฺมเทสนา อนุโมทนา ทิฏฺิชุภาโว สํสุติ ธมฺมสฺสวนฺจ อปจาโย อปจายนํ, เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปุฺานิ เอว วตฺถูนิ ปุฺวตฺถูนิ, เตสํ ปเภโท ปุฺวตฺถุปฺปเภโท เยฺโย ปณฺฑิเตน ชานิตพฺโพ.

๒๒-๓. คจฺฉนฺติ สงฺคหํ ทาเน ปตฺติทานานุโมทนา ทาเน สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, เวยฺยาวจฺจาปจายนา สีลมเย ปุฺเ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, ธมฺมเทสนา ธมฺมสฺสวนํ ทิฏฺิอุชุกา ภาวนามเย ปุฺเ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, ทส ปุฺกิริยาปิ จ ตีณิ เอว สมฺโภนฺติ.

๒๔. สพฺพานุสฺสติปุฺฺจ ปสํสา สรณตฺตยํ รตนตฺตยคุณปสํสา จ เอเต ทิฏฺิชุกมฺมมฺหิ สงฺคยฺหนฺติ, ตสฺมึ สงฺคหปาปุเณ สํสโย สนฺเทโห นตฺถิ.

๒๕. ปุริมา เจตนา ตโต ปุพฺพภาเค ปวตฺตา เจตนา, มุฺจเจตนา ปจฺจุปฺปนฺนา เจตนา, ปรเจตนา ปจฺฉากาเล ปวตฺตา เจตนา, ติสฺโสปิ เจตนา ทานมเย ปุฺเ โหนฺติ. เอวนฺติ ยถา ติสฺโสปิ เจตนา ทานมเย ปุฺเ โหนฺติ, เอวํ ตถา ทานมยปุฺโต เสเสสุปิ สีลมยภาวนามเยสุ ติสฺโส เจตนา ปณฺฑิโต ทีปเย กเถยฺย.

หิ สจฺจํ ยทา ปน โย ปุคฺคโล เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺตึ อาคมฺม ปฏิจฺจ. ปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺตินฺติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน เทสกาลกลฺยาณมิตฺตาทโย คหิตา. อฺํ วา โสมนสฺสเหตุนฺติ อฺ-คฺคหเณน สทฺธาพหุลตาวิสุทฺธิทิฏฺิตากุสลกิริยานิสํสทสฺสิตาโสมนสฺสปฏิสนฺธิกตาทีนํ สงฺคโห. อตฺถิ ทินฺนํ ทานสฺส ผลํ อตฺถิ. อาทิ-สทฺเทน อตฺถิหุตาทโย คหิตา. ปุรกฺขตฺวาติ ปุรโต กตฺวา. ปเรหิ อนุสฺสาหิโต อโจทิโต ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรติ. ทานาทีนีติ วจเนน เทยฺยธมฺมํ นิสฺสาย ปวตฺตทานเจตนา คเหตพฺพา. ตทา อสฺส ปุคฺคลสฺส. สงฺขรณํ สงฺขาโร, นตฺถิ สงฺขาโร เอตสฺสาติ อสงฺขาโร, ตํ เอว อสงฺขาริกํ, อปฺปโยคนฺติ อตฺโถ. วุตฺตนเยนาติ วุตฺตนโย นาม ‘‘เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺติ’’นฺติ วจนํ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ สงฺขโรตีติ สงฺขาโร นาม อตฺตโน วา ปวตฺตสฺส ปุพฺพปฺปโยคสฺส อธิวจนํ, ปรสฺส วา ปวตฺตปุพฺพปฺปโยคสฺส อธิวจนํ. อยมสฺส อธิปฺปาโย – ยทา โย ‘‘ทานาทีนิ กริสฺสามี’’ติ จิตฺตํ สมุปฺปาเทตฺวา นากาสิ, ปจฺฉา อตฺตโน ปุพฺพเจตนาย อุสฺสาหิโต กโรติ, ตทา สสงฺขาริกํ โหติ, อตฺตโน ปุพฺพปฺปโยเคน สห ปวตฺตตีติ อตฺโถ. ปฏิปตฺติทสฺสเนน ปฏิปชฺชิตพฺพา สีลาทีหิ ปฏิปชฺชนฺติ ชานนฺติ คจฺฉนฺติ วา นิพฺพานํ เอตายาติ ปฏิปตฺติ, ตาย ทสฺสนํ ปฏิปตฺติทสฺสนํ, เตน. ชาโต ปริจโย เอเตสนฺติ ชาตปริจยา. สหสาติ เวเคน. จตูสุปิ วิกปฺเปสุ ทสฺเสยฺย.

๒๖. ทสปุฺกฺริยาทีนํ วเสน จ พหูนิปิ ภวนฺติ เอตานิ ปน จิตฺตานิ ทสปุฺกิริยาทีนํ วเสนปิ พหูนิปิ ภวนฺติ อิติ เอวํ ปกาสเย ภควา ปกาเสยฺย.

๒๗.

สตฺตรส สหสฺสานิ, ทฺเว สตานิ อสีติ จ;

กามาวจรปุฺานิ, ภวนฺตีติ วินิทฺทิเสติ. –

กามาวจรปุฺานิ สตฺตรส สหสฺสานิ จ ทฺเว สตานิ จ อสีติ จ ภวนฺติ, อิติ วจนํ วินิทฺทิเส อาจริโย กเถยฺย.

ทสปุฺกฺริยาวตฺถุ, ฉทฺวาราธิปตีหิ จ;

กายาทีหิ จ ตีเหว, หีนาทีหิ จ ตีหิ ตุ.

ทฺวีสุ ภเวสุ กามภวรูปภเวสุ. ปฏิปทาทิเภทโต ทุกฺขาปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, ทุกฺขาปฏิปทํ ขิปฺปาภิฺํ, สุขาปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, สุขาปฏิปทํ ขิปฺปาภิฺํ. รูปาวจรภาวนาปุฺวสปฺปวตฺตํ รูปาวจเร ปวตฺตสฺส ภาวนาปุฺสฺส วเสน ปวตฺตํ รูปาวจรูปปตฺตินิปฺผาทกํ รูปาวจเร อุปปตฺติยา ปฏิสนฺธิยา นิปฺผาทกํ โหติ.

สวตฺถุกาวตฺถุกเภทโตติ อรูปาวจรํ ยทา กามรูเป ชายติ, ตทา หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ชายติ, อิติ ตสฺมา สวตฺถุกํ นาม ชาตํ. ยทา อรูเป ชายติ, ตทา หทยวตฺถุํ อนิสฺสาย ชายติ, อิติ ตสฺมา อวตฺถุกํ นาม ชาตํ.

อากาสานฺจายตนสฺส กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ อารมฺมณํ. วิฺาณฺจายตนสฺส ตตฺถ ปวตฺตวิฺาณํ, ตสฺมึ กสิณุคฺฆาฏิมากาเส ปวตฺตํ วิฺาณํ จิตฺตํ อารมฺมณํ โหติ. อากิฺจฺายตนสฺส ตสฺส อปคโม ตสฺส อากาสานฺจายตนสฺส อปคโม อภาโว โวหาโร อารมฺมณํ โหติ. เนวสฺานาสฺายตนสฺส อากิฺจฺายตนํ อารมฺมณํ โหติ.

รูเป สฺา รูปสฺา. สฺาสีเสน จิตฺตมฺปิ คหิตํ. สมติกฺกมา กสิณุคฺฆาฏิมากาสสมติกฺกมเนน. ปฏิเฆ ทฺวารารมฺมณานํ สงฺฆฏฺฏเน ปวตฺตา สฺา ปฏิฆสฺา. ทฺวิปฺจวิฺาณานํ อธิวจนํ. ตาสํ ปฏิฆสฺานํ ทฺวิปฺจวิฺาณานํ อตฺถงฺคมา อตฺถงฺคเมน. นานา อตฺตา สภาโว เอตสฺสาติ นานตฺตํ, อารมฺมณํ, นานตฺเต นานาสภาเว ปวตฺตา สฺา นานตฺตสฺา, นานา อตฺตา สภาโว เอติสฺสาติ วา นานตฺตา, สาเยว สฺา นานตฺตสฺา, กามาวจรสฺาติ อตฺโถ. ตาสํ นานตฺตสฺานํ อมนสิการา อมนสิกาเรน.

นิยตานิยตวตฺถุกเภทโตติ โสตาปตฺติมคฺโค นิยตวตฺถุโก. กสฺมา? กามรูเปสุเยว หทยวตฺถุํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนโต. อิตเร ปน ตโย มคฺคา อนิยตวตฺถุกา. กสฺมา? กามรูเปสุ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ชายนฺติ, อรูเป หทยวตฺถุํ อนิสฺสาย ชายนฺติ, ตสฺมา อนิยตวตฺถุกา. ตีหิ วิโมกฺขมุเขหีติ สุฺตอนิมิตฺตอปฺปณิหิตสงฺขาเตหิ ตีหิ วิโมกฺขมุเขหิ.

ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ ปุคฺคลํ วฏฺฏสฺมึ สํโยเชนฺติ พนฺธนฺตีติ สํโยชนา. สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสาเยว สํโยชนา สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสสํโยชนา, เตสํ ปหานํ สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสสํโยชนปฺปหานํ, ตํ กโรตีติ สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสสํโยชนปฺปหานกรํ, โสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ. มาโนปิ เอกเทสโต อปายคามิโกเยว ปหิยฺยเต. โสตาปตฺติมคฺเคน นิสฺเสสโต น ปหิยฺยเต. เสสกิเลเสสุปิ เอเสว นโย. อุทฺธจฺจํ ปน เอกเทสโตปิ อปายคามิกมฺปิ น ปหิยฺยติ. สกทาคามิมคฺคจิตฺตํ ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตกรํ. โสตาปตฺติมคฺเคน นาสิตสํโยชนานํ ปหานํ กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ? ปมมคฺคโต ทุติยมคฺคสฺส มหนฺตตฺตา ปมมคฺเคน นาสิตา สํโยชนา ทุติยมคฺเคน นาสิตาติ ปฺายติ, อิติ ยสฺมา, ตสฺมา น วุตฺตํ. ตติยจตุตฺถมคฺเคสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ เอตสฺมึ โลกุตฺตรจิตฺเต. เอเกกนฺติ วิจฺฉาวเสน วุตฺตํ. มคฺคานุรูปนฺติ วจนํ ปมมคฺคสฺส ปมผลฺจ อนุรูปนฺติ วิฺาปนตฺถํ.

๒๘. กาเม อฏฺเว กามาวจเร อฏฺ เอว จิตฺตานิ, รูเป รูปภเว ปฺจ จิตฺตานิ, อรูปิสุ จตฺตาริ จิตฺตานิ, อนุตฺตรานิ โลกุตฺตรจิตฺตานิ จตฺตาริ, เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน กุสลานิ จิตฺตานิ เอกวีสติ โหนฺติ.

๒๙. กุสลากุสลาปคเตน สตา มุนินา กุสลโต, อกุสลโต จ อปคเตน สตา สติสมฺปนฺเนน กุสเล กุสเลน เฉเกน วสินา ปฺจวสีหิ สมนฺนาคเตน ยํ กุสลจิตฺตํ จตุภูมิคตํ จตูสุ ภูมีสุ ปวตฺตํ สกลํ สพฺพํ ลปิตํ กถิตํ, ตํ กุสลจิตฺตํ มยาปิ พุทฺธทตฺตาจริเยน ลปิตํ กถิตํ.

นิยตานิยตวตฺถุวเสนาติ ปฏิฆสมฺปยุตฺตทฺวยํ กาเมเยว หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ชายติ, อฺภูมีสุ น ชายติ, ตสฺมา นิยตวตฺถุกํ โหติ. อิตรานิ ปน อกุสลานิ กามรูเปสุ อุปฺปชฺชนกาเล หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ชายนฺติ, อรูเป หทยวตฺถุํ อนิสฺสาย ชายนฺติ, ตสฺมา อนิยตวตฺถุกานิ, เตน. ปฏิสนฺธิชนกาชนกวเสน จาติ อุทฺธจฺจสหคตํ ปฏิสนฺธึ น ชเนติ. ยทิ ปฏิสนฺธึ ชเนยฺย, อปาเยสุเยว ชเนยฺย. กสฺมา? โสตาปตฺติมคฺเคน เอกเทสโต อปายคามิกมฺปิ น ชหิตํ, สพฺพํ น ชหิตนฺติ อตฺโถ. โสปิ มคฺโค อปายคามี น โหติ. อฺเ ปน กิเลสา เอกเทสวเสน อปายคามิกา ชหิตา, เตน ปมมคฺเคนาติ ตสฺมา น ชเนติ. เอกาทสวิธํ ปน ปฏิสนฺธึ ชเนติ, เตน.

ทิฏฺมงฺคลาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน สุตมงฺคลาทีนิ คหิตานิ. สารโต อุตฺตมโต ปจฺเจติ สทฺทหติ. สภาวติกฺเขน สภาโว ติกฺโข เอตสฺสาติ สภาวติกฺขํ, เตน สภาวติกฺเขน.

อสฺส ปน ปฏิฆสมฺปยุตฺตสฺส ปาณาติปาตาทีสุ อกุสลกมฺเมสุ ติกฺขปฺปวตฺติกาเล อสงฺขาริกสฺส อุปฺปตฺติ, มนฺทปฺปวตฺติกาเล สสงฺขาริกสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา.

ตสฺส โมมูหสฺส.

ทุกฺขวิเสสสฺส ทุกฺขนานตฺตสฺส.

๓๐. โลภมูลวเสน อฏฺ จิตฺตานิ, โทสมูลวสา ทุเว จิตฺตานิ, โมหมูลวเสน ทฺเว จิตฺตานิ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน อกุสลานิ ทฺวาทสปฺปการานิ สิยุํ ภเวยฺยุํ.

๓๑. ยํ ปาปมานสํ ยํ อกุสลจิตฺตํ ปาปาปาเปสุ ปาปอปาเปสุ กุสลากุสเลสุ อปาเปน อปฺปวตฺเตน ปาปาปาปปฺปหีเนน วุตฺตํ อีริตํ กถิตํ, ตํ ปาปมานสํ ตํ อกุสลจิตฺตํ มยา สมุทาหฏํ กถิตํ.

ยถา ปนสฺส ยถา ปน อสฺส วิปากสฺส กุสลํ ทานาทิวเสน ทานาทีนํ ทสปุฺกิริยวตฺถูนํ วเสน ฉสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ, อิทํ วิปากจิตฺตํ ตถา ปวตฺตติ. หิ สจฺจํ อิทํ วิปากํ ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติตทารมฺมณวเสน ปริตฺตธมฺมปริยาปนฺเนสุ กามาวจรธมฺมนฺโตคเธสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ. สมฺปยุตฺตธมฺมานฺจ วิเสเส อสติปิ กุสลสมฺปยุตฺตธมฺมโต อสฺส วิปากสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานฺจ นานตฺเต อสติปิ อิทํ วิปากํ อาทาสตลาทีสุ ธมฺมชาเตสุ มุขนิมิตฺตํ วิย นิรุสฺสาหํ. อยมสฺสาธิปฺปาโย – ยถา อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ มุเข จลิเต จลติ, อจลิเต น จลติ, มุขสฺส การณํ วินา มุขนิมิตฺตสฺส วิย การณํ นตฺถิ, เอวํ กุสลการณา วิปากสฺส อฺํ การณํ นตฺถิ, นิรุสฺสาหํ วิปากํ.

๓๒. กามาวจรเทวานํ มนุสฺสานํ อิเม อฏฺ มหาวิปากา ทุเหตุกติเหตุกานํ กามาวจรเทวานํ, มนุสฺสานฺจ ปฏิสนฺธิโย ภวนฺติ.

๓๓-๔. ตโต ปรํ ปวตฺติยํ ยาวตายุกํ ภวงฺคํ หุตฺวา พลวารมฺมเณ อติมหนฺตวิภูตารมฺมเณ ตทารมฺมณฺจ หุตฺวา ตโต ปรํ มรณกาลสฺมึ จุติ หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน จตูสุ าเนสุ วิปจฺจนฺติ วิปากภาเวน ชายนฺติ.

๓๕. สภูมิกุสเลเหว มหาปากา สมา วินา มหาปากา กมฺมทฺวารํ กมฺมการณํ วินา, กมฺมฺจ มหาปุฺานํ กิริยวตฺถุกํ วินา วชฺเชตฺวา สภูมิกุสเลเหว อตฺตโน ภูมิยํ ปวตฺเตหิ กุสเลหิ เอว สมา สทิสา. กมฺมทฺวารํ นาม กายวิฺตฺติกมฺมทฺวารํ, วจีวิฺตฺติกมฺมทฺวารํ, ภวงฺคสงฺขาตํ มโนทฺวารํ, อิติ ติวิธํ กมฺมทฺวารํ กมฺมการณํ. กมฺมํ นาม อฏฺกามาวจรกุสลเจตนา อิธ อธิปฺเปตา.

๓๖. ปากา กุสลวิปากา อวิฺตฺติชนตฺตา จ วิฺตฺติ จ วิฺตฺติ จ วิฺตฺติวิฺตฺติโยติ วตฺตพฺเพ สรูเปกเสสํ กตฺวา ‘‘วิฺตฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตา ชเนนฺตีติ วิฺตฺติชนา, น วิฺตฺติชนา อวิฺตฺติชนา, เตสํ ภาโว อวิฺตฺติชนตฺตํ. ตสฺมา อวิฺตฺติชนตฺตา กายวิฺตฺติวจีวิฺตฺติสงฺขาตานํ กมฺมทฺวารานํ อชนกตฺตา มโนทฺวารสงฺขาตสฺส กมฺมทฺวารสฺส วเสน จ อปฺปวตฺตนโต อวิปากสภาวโต จ อกมฺมภาวโต จ อปฺปวตฺตนโต เจว ปุฺกิริยวตฺถุวเสน อปฺปวตฺตนโต เจว ปุฺเหิ โน สมา อสทิสา.

๓๗-๙. ปริตฺตารมฺมณตฺตา หิ เตสเมกนฺตโต เตสํ วิปากานํ เอกนฺตโต ปริตฺตารมฺมณตฺตา กามาวจรารมฺมณตฺตา เตสุ วิปาเกสุ สตฺตปฺตฺติการมฺมณา กรุณามุทิตา กทาจิ กิสฺมิฺจิ กาเล น ชายนฺติ, ตถา เอวํ ติสฺโส ปน วิรติโย เอเตสุ วิปาเกสุ น ชายนฺติ, หิ กสฺมา การณา น ชายนฺติ, ปฺจ สิกฺขาปทา กุสลาติ กุสลา นามาติ สตฺถุนา วุตฺตา ยสฺมา การณา, ตสฺมา น ชายนฺติ. ตถาธิปติโนเปตฺถ ตถา เอวเมว จตฺตาโร อธิปติโนปิ เอเตสุ วิปาเกสุ น สนฺติ. กสฺมา? ฉนฺทาทีนิ ธมฺมชาตานิ ปุเรตรํ กตฺวา อนุปฺปชฺชนโต น สนฺติ, อิติ วจนํ วินิทฺทิเส อาจริโย กเถยฺย.

๔๐. อสงฺขารสสงฺขารวิธานํ ปน ปุฺโต วิปาเกสุ อสงฺขารสสงฺขารวิธานํ ปุฺโต กุสลโต อาคมนวเสน เยฺยํ. ตตฺถ เอกจฺจานํ อาจริยานํ มเตน มุเข จลิเต อาทาสตเล มุขนิมิตฺตจลนํ วิย อสงฺขารสฺส กุสลสฺส วิปาโก อสงฺขาโร โหติ, สสงฺขารสฺส กุสลสฺส วิปาโก สสงฺขาโร โหติ, เอวํ อาคมนวเสน เยฺยํ. ปจฺจยโต เจว เยฺยํ ตตฺถ เอกจฺจานํ อาจริยานํ มเตน พลวนฺเตหิ วิภูเตหิ ปจฺจเยหิ กมฺมาทีหิ อุปฺปนฺโน อสงฺขาโร ทุพฺพเลหิ สสงฺขาโรติ เอวํ ปจฺจยวเสน วิฺเยฺยํ ชานิตพฺพํ.

๔๑-๒. หีนาทีนํ ปุฺานํ วิปากตฺตา หีนาทโย วิปากา ปุฺวาทินา ชิเนน ปริทีปิตา ภวนฺติ, อิติ เอวํ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน ปวตฺตํ อิทํ อฏฺวิธํ จิตฺตํ เอกนฺเตน สวตฺถุกํ กามโลกสฺมึ ชายเต, อฺตฺถ ปน อฺาสุ ภูมีสุ น ชายเต.

วิฺาณปฺจกํ นิยตารมฺมณนฺติ จกฺขุวิฺาณสฺส รูปเมว อารมฺมณํ, น สทฺทาทโย. เสสตฺตยํ ยทา จกฺขุวิฺาเณน คหิตํ อารมฺมณํ กโรติ, ตทาสฺส รูปํ อารมฺมณํ โหติ. ยทา โสตวิฺาเณน คหิตํ, ตทาสฺส สทฺโท อารมฺมโณ โหติ. ยทา ฆานชิวฺหากายวิฺาเณหิ คหิตานิ อารมฺมณานิ กโรนฺติ, ตทาสฺส คนฺธรสโผฏฺพฺพารมฺมณานิ โหนฺติ. มโนวิฺาณธาตุทฺวยํ ยทา ตทารมฺมณํ โหติ, ตทา ฉอารมฺมณํ โหติ, เอวํ อนิยตารมฺมณํ โหติ.

รูปารมฺมณาย กิริยามโนธาตุยา อปคโม ปทฏฺานํ อาสนฺนการณํ เอตสฺสาติ อปคมปทฏฺานํ, ตาย อาวชฺชนํ กตฺวา ิตาย จกฺขุวิฺาเณน ทสฺสนกิจฺจํ กรียตีติ อตฺโถ. ตถาภาวปจฺจุปฏฺานํ สมฺปฏิจฺฉนภาเวน คยฺหาการํ. สนฺตีรณาทิรสา โสมนสฺสยุตฺตา มโนวิฺาณธาตุสนฺตีรณตทารมฺมณรสา, อุเปกฺขายุตฺตา ปน สนฺตีรณตทารมฺมณปฏิสนฺธิภวงฺคจุติรสา, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา สนฺตีรณาทิภาเวน คยฺหาการํ.

๔๓. กามาวจรปุฺสฺส กามาวจรกุสลสฺส โสฬส วิปากา โหนฺติ. อิติ ยํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ วจนํ ติเหตุกปุฺสฺส อุกฺกฏฺสฺส วเสน อาจริโย ปริทีปเย. อยเมตฺถ อตฺโถ – ฉนฺทาธิปเตยฺยาทีนํ วเสน อุกฺกฏฺติเหตุกกุสลํ กามสุคติยํ ติเหตุกปฏิสนฺธึ ทตฺวา ปวตฺเต อฏฺ อเหตุกกุสลวิปากานิ, อฏฺ มหากุสลวิปากานีติ โสฬส ปากานิ นิปฺผาเทติ.

๔๔. กุสลานุคตํ กตฺวา ภาชิตํ กึ มหคฺคตํ วิปากจิตฺตํ กุสลานุคตํ กุสลํ อนุคตํ กตฺวา มหคฺคตกุสลจิตฺเตน สมานํ กตฺวา ภควตา ภาชิตํ เทสิตํ. กึ เกน การเณน? กามาวจรปุฺํว กามาวจรกุสลํ อิว อสมานผลํ นตฺถิ ยโต ยสฺมา การณา, ตสฺมา วิปากํ กุสลานุคตํ กตฺวา ภควตา ภาชิตํ เทสิตํ. กามาวจรปุฺํวาติ ยถา อฏฺวิเธสุ กามาวจรกุสเลสุ อุกฺกฏฺติเหตุกกุสลํ กามสุคติยํ ติเหตุกปฏิสนฺธึ ทตฺวา ปวตฺเต โสฬส กุสลวิปากานิ นิปฺผาเทติ, ติเหตุกโอมกฺจ ทุเหตุกอุกฺกฏฺฺจ กามสุคติยํ ทุเหตุกปฏิสนฺธึ ทตฺวา ปวตฺเต ติเหตุกวิรหิตานิ อเหตุกทุเหตุกสงฺขาตานิ วิปากานิ นิปฺผาเทติ, ทุเหตุกโอมกํ ปน กามสุคติยํ อเหตุกปฏิสนฺธึ ทตฺวา ปวตฺเต อฏฺ อเหตุกวิปากานิ นิปฺผาเทติ, เอวํ กามาวจรปุฺํ อสมานผลํว โหติ.

๔๕. คชาทีนํ ฉายา คชาทิสทิสา โหติ ยถา, เอวํ มหคฺคตวิปากํ สพฺพถา สพฺพปกาเรน อตฺตโน กุสเลเหว สมานํ โหติ.

๔๖-๗. กามาวจรปุฺํว นาปราปริยเวทนํ อิทํ มหคฺคตกุสลํ กามาวจรปุฺํว อปราปริยเวทนํ อปรสฺมึ ภเว ผลทายกํ โหติ, ฌานา อปริหีนสฺส ภวคามิโน ปฏิสนฺธิคามิโน สตฺตสฺส กุสลานนฺตรํเยว ผลํ อุปฺปชฺชติ, อิติ จ าปนตฺถํ เอตสฺส มหคฺคตวิปากสฺส กุสลานุคตํ กุสลานุคมนํ ภควตา กตํ.

๔๘. เอตฺถ เอตสฺมึ มหคฺคตวิปาเก ปฏิปทากฺกโม เตสฺจ หีนาทีนํ เภทโต ฌานาคมนโต มหคฺคตกุสลฌานสฺส อาคมนวเสน วิภาวินา ปณฺฑิเตน เวทิตพฺโพ.

๔๙. เอตฺถ วิปาเก ฉนฺทาทิอธิปตีนํ อภาโว, อยเมว วิเสสโต กุสลโต อยํ เอว วิเสโส, เสสํ สพฺพปการํ อวิเสเสน กุสเลน สมํ มตํ กถิตํ ภควตา.

๕๐. สุฺตํ อนิมิตฺตนฺติ, ตถาปณิหิตนฺติปิ สุฺตํ อนตฺตา, อนิมิตฺตํ อนิจฺจํ, อปฺปณิหิตํ ทุกฺขํ อิติ เอตานิ ตีณิ นามานิ มคฺคสฺส อนนฺตเร จตุพฺพิธสฺส มคฺคสฺส อนนฺตเร จตุพฺพิเธ ผเล โหนฺติ.

๕๑. ลพฺภนฺติ ปรภาคสฺมึ มคฺคานนฺตเร ปวตฺตผลโต อฺสฺมึ กาเล วฬฺชนผเลสุ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนกาเลสุ เอตานิ ตีณิ นามานิ น ลพฺภนฺเต, ผเลหิ วิปสฺสนาวเสเนว อนตฺตอนิจฺจทุกฺขสงฺขาตานํ ติณฺณํ วิปสฺสนานํ วเสน เอว ตานิ ตีณิ นามานิ ลพฺภเร ผเลหิ ลพฺภนฺเต.

๕๒. โหนฺติ สาธิปตีเนว โลกุตฺตรผลานิ ตุ เอกนฺตโต สาธิปตีนิ เอว โหนฺติ, โลกุตฺตรผลานิ เปตฺวา อฺสฺมึ วิปาเก อธิปตี นตฺถิ.

๕๓. มคฺโค อตฺตโน มคฺคภาเวน มคฺโค นาม วุจฺจเต ภควตา. ผลํ มคฺคํ อุปาทาย อฏฺงฺคิกมคฺคํ นิสฺสยํ กตฺวา มคฺโค นาม อิติ วจนํ วุจฺจเต ภควตา.

๕๔. อิเม สตฺต อกุสลวิปากา. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, ตสฺสทิสตฺตา โคจโร อารมฺมณนฺติ อตฺโถ, อนิฏฺโ จ อนิฏฺมชฺฌตฺโต จ อนิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺตา, เตเยว โคจโร อนิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺตโคจโร, ตสฺมึ อนิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺตโคจเร วตฺตเร วตฺตนฺติ. สุขาทิตฺตยยุตฺตา เต เต อฏฺ อเหตุกกุสลวิปากา สุขาทิตฺตยยุตฺตา สุขโสมนสฺสอุเปกฺขาเวทนาหิ สหคตา. ทุกฺขุเปกฺขายุตา อิเม อิเม สตฺต อเหตุกอกุสลวิปากา ทุกฺขุเปกฺขาเวทนาหิ สหคตา.

๕๕. เอวํ ฉตฺตึสธา ปากํ ปากสาสนปูชิโต สุคโต. กึ วิสิฏฺโ? ปากํ นาม อสุรํ, ตํ สาสติ, ปาเกน อตฺตโน ปุฺผเลน เทเว อนุสาสตีติ วา ปากสาสโน, โก โส? สกฺโก. เตน ปากสาสเนน ปูชิโต สวิปากาวิปาเกสุ กุสลวิปากกิริเยสุ กุสโล เฉโก เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปากํ จิตฺตํ ฉตฺตึสปฺปการํ อพฺรฺวิ อโวจ.

อนุฬาเรสูติ ขุทฺทเกสุ. ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา ฉฬารมฺมณวิชานนคยฺหาการา. สพฺพฺุตฺาณสฺส คติ วิย คติ เอติสฺสาติ สพฺพฺุตฺาณคติกา.

๕๖. โสมนสฺสยุตฺตานฏฺ, กุสลากุสลานิ จ โสมนสฺสยุตฺตานิ อฏฺ กุสลากุสลานิ จ, กฺริยโต ปน ปฺจ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน หาสจิตฺตานิ เตรส.

๕๗. ปุถุชฺชนา หสนฺเตตฺถ เอตฺถ เอเตสุ เตรสจิตฺเตสุ ปุถุชฺชนา ปน อฏฺหิ จิตฺเตหิ หสนฺติ. เสขา สตฺต อริยา ฉหิ จิตฺเตหิ หสนฺติ. อเสขา ขีณาสวา ปฺจหิ จิตฺเตหิ หสนฺติ.

กุสลานิ ปน รูปารูปกุสลานิ เสขปุถุชฺชนานํ อุปฺปชฺชนฺติ. อิมานิ รูปารูปกิริยานิ ขีณาสวานํ ภาวนาเยว กาโร ภาวนากาโร, ตสฺส วโส ภาวนาการวโส, เตน ปวตฺตานิ. ตานิ รูปารูปกุสลานิ ภาวนาปุฺวสปฺปวตฺตานิ ภาวนากุสลวเสน ปวตฺตานิ. อิเมสํ รูปารูปกิริยานํ เตสฺจ รูปารูปกุสลานํ อยเมว วิเสโส.

๕๘-๙. ยา ปุถุชฺชนกาลสฺมึ, อภินิพฺพตฺติตา ปน ปุถุชฺชนกาลสฺมึ ปุถุชฺชนภาวฏฺิเตน โยคินา อภินิพฺพตฺติตา ยา รูปารูปสมาปตฺติ, สา รูปารูปสมาปตฺติ โส โยคี ขีณาสโว ภิกฺขุ หุตฺวา นํ รูปารูปสมาปตฺตึ ยาว ยตฺตกํ กาลํ น สมาปชฺชเต, ตาว ตตฺตเกน กาเลน ตสฺส ขีณาสวภิกฺขุโน กุสลา เอว รูปารูปกุสลา เอว โหติ. ขีณาสเวน สา รูปารูปสมาปตฺติ สเจ ยทิ สมาปนฺนา สมาปชฺชิตา, กฺริยา รูปารูปกิริยา โหติ.

๖๐. เอกาทสวิธํ กาเม กามาวจเร กิริยจิตฺตํ เอกาทสวิธํ, รูเป รูปาวจเร ปฺจ, อรูปิสุ จตฺตาริ อิติ สพฺพานิ กฺริยจิตฺตานิ วีสติ.

๖๑. โลกุตฺตรกฺริยจิตฺตํ, ปน กสฺมา น วิชฺชติ? มคฺคสฺส เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา น วิชฺชติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – จตุมคฺคฏฺโ ขีณาสโว นาม น โหติ, มคฺคานนฺตรเมว ผลํ อุปฺปชฺชติ, มคฺโคปิ เอกจิตฺตกฺขณิโก ยทิ จิตฺตํ พหุจิตฺตกฺขณิกํ, ผลสมงฺคิโน ขีณาสวสฺสปิ มคฺคจิตฺตํ ภเวยฺย, เอวํ สติ โลกุตฺตรกิริยจิตฺตํ ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย.

๖๒. กฺริยากฺริยาปตฺติวิภาคเทสโก กรณํ กฺริยํ, กฺริยํ นาม วินยปริยาเยน อกตฺตพฺพสฺส กรณํ, น กรณํ อกฺริยํ, อกฺริยํ นาม วินยปริยาเยน กตฺตพฺพสฺส อกรณํ, อาปชฺชนํ อาปตฺติ, กฺริยาย กรเณน อาปตฺติ กฺริยาปตฺติ, อกฺริยาย อกรเณน อาปตฺติ อกฺริยาปตฺติ, กฺริยาปตฺติ จ อกฺริยาปตฺติ จ กฺริยาปตฺยากฺริยาปตฺติโย, เอกสฺส อาปตฺติ-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘กฺริยากฺริยาปตฺติโย’’ติ วุตฺตํ, ตาสํ วิภาโค กฺริยากฺริยาปตฺติวิภาโค, เทเสตีติ เทสโก, ตสฺส เทสโก กฺริยากฺริยาปตฺติวิภาคเทสโก. ณฺวุ-ตุ-ปจฺจเยสุ ปเรสุ กมฺมตฺเถ ฉฏฺี โหตีติ วทนฺติ. ชิโน กึ วิสิฏฺโ? กฺริยากฺริยาปตฺติวิภาคเทสโก หิตาหิตานํ สกฺริยากฺริยารโต หิตสฺส สกฺริยาย รโต, อหิตสฺส อกฺริยาย รโต, ยํ กฺริยากฺริยํ, กฺริยํ นาม กฺริยจิตฺตํ, อกฺริยํ นาม กุสลากุสลวิปากจิตฺตํ อิจฺฉนฺติ เอเก. ตํ น. กสฺมา? กุสลาธิกาเร ‘‘กุสลํ มุนินา ลปิตํ’’ อกุสลาธิกาเร ‘‘ปาปมานสํ ปาปาปาเปสฺวปาเปน วุตฺตํ’’ วิปากาธิกาเร ‘‘ปากํ สุคโต อพฺรวี’’ติ วตฺวา ปุน กฺริยาธิกาเร ‘‘กุสลากุสลวิปากานิ อโวจา’’ติ วจนสฺส วตฺตพฺพาภาวโต. เตน วาสฺส กฺริยากฺริยํ เอตสฺสาติ กฺริยากฺริยํ, กฺริยากฺริยสภาวนฺติ อตฺโถ. อยเมว สารโต ปจฺเจตพฺโพ. ยํ กฺริยากฺริยํ จิตฺตํ กฺริยากฺริยาสภาวํ อโวจ เทเสสิ, ตํ กฺริยากฺริยํ กฺริยากฺริยสภาวํ มยา สมีริตํ, สมฺมา ปกาเรน อีริตํ กถิตํ.

๖๔. เอกูนนวุติ สพฺเพ, จิตฺตุปฺปาทา มเหสินา โลกุตฺตเร อฏฺ กตฺวา เอกูนนวุติ สพฺเพ จิตฺตุปฺปาทา มเหสินา ตถาคเตน สมาสโต สงฺเขปโต นิทฺทิฏฺา.

๖๕. ปิฏเก อภิธมฺมสฺมึ, เย ภิกฺขู ปาฏวตฺถิโน อภิธมฺมปิฏเก ปฏุโน ภาโว ปาฏวํ, เตน อตฺโถ ปาฏวตฺโถ, โส เอเตสํ อตฺถีติ ปาฏวตฺถิโน, เฉกภาวตฺถิกา เย ภิกฺขู, เตหิ ภิกฺขูหิ อยํ อภิธมฺมาวตาโร อุคฺคเหตพฺโพ สิกฺขิตพฺโพ ปุนปฺปุนํ จินฺติตพฺโพ.

๖๖. เย ชนา ตสฺสงฺกาเสน ตํสนฺนิเภน อภิธมฺมาวตาเรน อภิธมฺมมโหทธึ มหาสาครสนฺนิภํ อภิธมฺมํ ตรนฺติ, เต อิมํ โลกํ ปรโลกฺจ ตรนฺติ. อิตีติ ปริสมาปเน.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

จิตฺตนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปโม ปริจฺเฉโท.

๒. ทุติโย ปริจฺเฉโท

เจตสิกนิทฺเทสวณฺณนา

๖๗. จิตฺตานนฺตรมุทฺทิฏฺา, เย จ เจตสิกา มยา เย จ เจตสิกา จิตฺตานนฺตรํ มยา อุทฺทิฏฺา, อิโต ปรํ อิทานิ เตสํ เจตสิกานํ วิภาชนํ กริสฺสามิ อหํ.

อิเมสุ ปน กรุณามุทิตาวเสน ภาวนากาเล กรุณาปุพฺพภาโค วา, อปฺปนาปตฺตาย กรุณาย ปุพฺพภาโค, ตสฺมึ ปุพฺพภาเค, กรุณาโต ปุพฺพภาเค กามาวจรจิตฺเตติ อตฺโถ. เอกา กรุณา อุปฺปชฺชติ. มุทิตาปุพฺพภาเค วา อปฺปนาปตฺตาย มุทิตาย ปุพฺพภาเค เอกา มุทิตา อุปฺปชฺชติ. อิมินา กามาวจรจิตฺเตน โยคี มิจฺฉากมฺมนฺตาทีหิ ธมฺเมหิ วิรมติ. รมุ-ธาตุ กีฬายํ, วิ-สทฺโท วิรมณตฺโถ.

๖๘. อาทินา ปุฺจิตฺเตน, เตตฺตึส นิยตา มตา อาทินา ปุฺจิตฺเตน ปมมหากุสลจิตฺเตน สห นิยตา เตตฺตึส เจตสิกา ภควตา มตาติ, อถ วา กรุณามุทิตา อนิยตา เอเกน ธมฺเมน สห จตุตฺตึส ธมฺมา ภวนฺติ.

๖๙. กสฺมา ปเนตฺถ เมตฺตา จ, อุเปกฺขา จ น อุทฺธฏา เอตฺถ เอเตสุ เยวาปนกธมฺเมสุ, นิทฺธารณํ, เมตฺตา จ อุเปกฺขา จ ธมฺมราเชน สตฺถุนา น อุทฺธฏา น วุตฺตา กสฺมา การณา.

๗๐. อพฺยาปาเทน เมตฺตาปิ อพฺยาปาเทน เมตฺตา คหิตา, อุเปกฺขาติ ตตฺรมชฺฌตฺตตาย จ คหิตา ยสฺมา การณา, ตสฺมา อุโภเปตา ภควตา น คหิตา.

๗๑. กสฺมา เยวาปนา ธมฺมา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา สพฺเพ เต เยวาปนา ธมฺมา เยวาปนนามกา ปาฬิยํ สรูเปน เอว. พนฺธติ สฺเนเหน เอตสฺมินฺติ พนฺธุ, อาทิจฺจสฺส พนฺธุ อาทิจฺจพนฺธุ, เตน อาทิจฺจพนฺธุนา พุทฺเธน น จ อุทฺธฏา น เทสิตา.

๗๒. กสฺมา การณา? ยสฺมา อนิยตา เกจิ เยวาปนกา อนิยตา, ยสฺมา การณา ราสึ ทุกวคฺคาทิราสึ น ภชนฺติ น เสวนฺติ, ยสฺมา การณา เกจิ เยวาปนกา ทุพฺพลา, ตสฺมา ปาฬิยํ ภควตา น วุตฺตา.

๗๓. ฉนฺทาธิโมกฺขมุทิตา มนสิ จ กาโร,

มชฺฌตฺตตา จ กรุณา วิรติตฺตยฺจ;

ปุฺเสุ เตน นิยตานิยตา จ สพฺเพ,

เยวาปนา มุนิวเรน น เจว วุตฺตา.

ฉนฺทาธิโมกฺโข มุทิตา มนสิกาโร มชฺฌตฺตตา กรุณา วิรติตฺตยฺจ ปุฺเสุกุสเลสุ นิยตา จตฺตาโร อนิยตา ปฺจ สพฺเพ เยวาปนา น จ เอว เตน มุนิวเรน วุตฺตา.

๗๔-๘๐. กสฺมา ปเนตฺถ ผสฺโสว, ปมํ สมุทีริโต เอตฺถ เอเตสุ เจตสิเกสุ, ชาตินิทฺธารณํ, ผสฺโสว ปมํ สมุทีริโต กถิโต. กสฺมา การณา? กิร มยา สุตํ, อารมฺมเณ จิตฺตสฺส ปมํ อภินิปาตตฺตา ผสฺโส ปมํ สมุทีริโต, ผุสิตฺวา ปน ผสฺเสน ผสฺเสน อารมฺมณํ ผุสิตฺวา โยคิโน เวทนาย อารมฺมณํ เวทเย, สฺาย สฺชานาติ, เจตนาย อารมฺมณํ เจตเย. สหชาตานํ เจตสิกานํ ผสฺโสว อิธ อิมสฺมึ จิตฺเต มเหสินา ปมํ วุตฺโต. หิ กสฺมา การณา? ยสฺมา พลวปจฺจยตฺตา, ตสฺมา วุตฺโต. อการณมิทํ สพฺพํ, จิตฺตานํ ตุ สเหว จ ‘‘ปมาภินิปาตตฺตา’’ติ จ ‘‘พลวปจฺจยตฺตา’’ติ จ อิทํ สพฺพํ วจนํ อการณํ อเหตุกํ อยุตฺตํ, กสฺมา การณา? จิตฺตชานํ จิตฺเตหิ สหปฺปวตฺตานํ เจตสิกานํ เอกุปฺปาทาทิภาเวน สมานุปฺปาทสมานนิโรธสมานาลมฺพณสมานวตฺถุกภาเวน ปวตฺติโต อการณํ อยุตฺตํ. อยํ ตุ ปมุปฺปนฺโน, อยํ ปจฺฉาติ นตฺถิทํ อยํ ธมฺโม ปมุปฺปนฺโน, อยํ ธมฺโม ปจฺฉากาเล อุปฺปนฺโน อิติ อิทํ วจนํ นตฺถิ. พลวปจฺจยตฺเตปิ การณํ น จ ทิสฺสติ. เทสนากฺกมโต เจว ปมํ สมุทีริโต อิจฺเจวํ อิติ เอวํ อิติ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ผสฺสสฺส ปมํ สมุทีริตตํ วิฺุนา วิภาวินา วิฺเยฺยํ, วิเสสโต วิเสเสน อฺถา น วิฺเยฺยํ. น จ ปริเยสิตพฺโพยํ, ตสฺมา ปุพฺพาปรกฺกโม ยสฺมา การณา อยํ ปุพฺพาปรกฺกโม วิฺุนา น จ ปริเยสิตพฺโพ น คเวสิตพฺโพ, ธมฺมา เอว วจนตฺถลกฺขณาทีหิ วิชานตา ปณฺฑิเตน ปริเยสิตพฺพา.

อิฏฺาการานุภวนรสา อิฏฺารมฺมณานุภวนกิจฺจา สุโภชนรสํ อนุภวนฺโต ราชา วิย. เจตสิกอสฺสาทปจฺจุปฏฺานา เจตสิกปสฺสทฺธิปทฏฺานา.

ปจฺจาภิฺาณกรณรสา ปฏิชานนกิจฺจา วฑฺฒกิสฺส อภิฺาณกรณมิว วฑฺฒกิโน สกึ สฺชานิตฺวาปิ ทารุหเรสุ สุตฺตสฺส ปฏิปสารณํ วิยาติ อธิปฺปาโย. ยถาคหิตนิมิตฺตวเสนาติ ยถาปวตฺติตนิมิตฺตสฺส วเสน. มนสิ อภินิเวสกรณํ คยฺหาการา.

อายูหนรสา ปวตฺตนกิจฺจสาธกา. มหาวฑฺฒกิอาทโย วิย ยถา มหาวฑฺฒกี สยมฺปิ ทารุํ ตจฺฉติ, ปเรปิ ทารุํ ตจฺฉาเปติ, เอวํ สยมฺปิ อารมฺมเณ สนฺทหติ, สมฺปยุตฺตธมฺเมปิ อภิสนฺทหาเปติ.

อาหนนํ ภุโส หนนํ, ปริยาหนนํ สมนฺตา หนนํ, ตํ รโส เอตสฺสาติ อาหนนปริยาหนนรโส.

อารมฺมณานุมชฺชนลกฺขโณ อารมฺมณปริมทฺทนลกฺขโณ.

ปินยตีติ ปีติ, สหชาตธมฺเม อารมฺมเณ ปินยตีติ อตฺโถ. กายจิตฺตผรณรสา. อุทคฺคสฺส จิตฺตสฺส ภาโว โอทคฺยํ, ตํ ปจฺจุปฏฺานํ เอตสฺสาติ โอทคฺยปจฺจุปฏฺานา.

สทฺทหนฺติ วตฺถุตฺตยํ สทฺทหนฺติ. อกาลุสิยปจฺจุปฏฺานา อนาวิลภาวปจฺจุปฏฺานา. สทฺเธยฺยวตฺถุปทฏฺานา สทฺทหิตพฺพวตฺถุตฺตยาสนฺนการณา.

อรฺคตสุเทสโก วิย อรฺเ คโต มคฺคสุเทสโก วิย.

อตฺตนา อวินิพฺภุตฺตานํ ธมฺมานนฺติ อวิคตานํ เจตสิกานํ. เตสนฺติ เตสํ เจตสิกานํ ธมฺมานํ. สนฺเตปิ จ เตสํ เจตสิกานํ อนุปาลนลกฺขณาทิมฺหิ วิธาเน อตฺถิกฺขเณเยว ตํ เตสํ ปาเลตพฺพานํ เจตสิกานํ ปวตฺตกฺขเณเยว ตํ ชีวิตํ เต ธมฺเม ปาเลตพฺเพ เจตสิเก อนุปาเลติ. อุทกํ วิยาติ ยถา อุทกํ อตฺตนิ อุปฺปลาทีนิ อนุปาเลติ, ตถา อนุปาลนลกฺขณาทิมฺหิ วิธาเน สนฺเตปิ เตสํ อตฺถิกฺขเณเยว อนุปาเลติ, วิชฺชมานกฺขเณว อนุปาเลตีติ อธิปฺปาโย. ปจฺจยุปฺปนฺเนปิ จ ธมฺเม อนุปาเลติ, ธาติ วิย กุมารํ อฺาย ชนิตํ กุมารํ รกฺขนฺตี ธาติ วิย, ปรสฺส ปุตฺตํ องฺกาทินา ธาเรตีติ ธาติ. สยํปวตฺติตธมฺมสมฺพนฺเธเนว ปวตฺตติ อตฺตนา ปวตฺติเตหิ ธมฺเมหิ สมฺปวตฺตติ. นิยามโก วิย ยถา นิยามโก เอกนาวาย วุตฺเถหิ ชเนหิ สห ปวตฺตติ, ภงฺคโต อุทฺธํ ตํ ชีวิตํ น ปวตฺตยติ, อตฺตโน จ อภาวา ปยิตพฺพานํ เจตสิกานฺจ อภาวา, ภงฺคกฺขเณ เจตสิเก น เปติ สยํ ภิชฺชมานตฺตา, วฏฺฏิสฺเนโห ขียมาโน ปทีปสิขํ น กโรติ ยถา.

โสมฺมภาวปจฺจุปฏฺาโนติ มุทุภาวปจฺจุปฏฺาโน, สีตลภาวปจฺจุปฏฺาโน วา.

กาโยติ เจตฺถ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธ อิเม ขนฺธา คหิตา.

นิมฺมทฺทนรสาติ นิมฺมทฺทนกิจฺจา. กายจิตฺตานํ อวูปสมตาอุทฺธจฺจาทิกิเลสปฏิปกฺขภูตาติ อาทิคฺคหเณน กุกฺกุจฺจํ คเหตพฺพํ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

เจตสิกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติโย ปริจฺเฉโท.

๓. ตติโย ปริจฺเฉโท

เจตสิกวิภาคนิทฺเทสวณฺณนา

๘๙. สพฺเพ เจตสิกา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา เย สพฺเพ เจตสิกา อาทิจฺจพนฺธุนา พุทฺเธน วุตฺตา, เต สพฺเพ เจตสิกา นามสามฺโต นามสมานภาเวน ทฺเวปฺาสภวนฺติ เต, อโนตฺตปฺปปริโยสานา ทฺวิปฺาส ภวนฺติ.

๙๐-๙๒. จตุปฺาสธา กาเม, รูเป ปฺจทเสริตา กาเม กามาวจเร จตุปฺาส จิตฺตานิ อีริตา. รูเป รูปาวจเร ปฺจทส จิตฺตานิ อีริตา ภวนฺติ. ทฺวาทสารูเป อรูปาวจเร ทฺวาทส จิตฺตานิ ภวนฺติ. จตฺตาลีส มนาสวา โลกุตฺตรจิตฺตานิ จตฺตาลีส ภวนฺติ, เอกวีสสตํ สพฺเพ จิตฺตุปฺปาทา สมาสโต สงฺเขปโต เอกวีสสตํ โหติ. เอเตสุ เตสมุปฺปตฺตึ อิโต ปรํ เอเตสุ มยา วุตฺเตสุ จิตฺเตสุ เตสํ ผสฺสาทีนํ ธมฺมานํ อุปฺปตฺตึ เอกํ เอกํ อุทฺธริตฺวา จิตฺตเจตสิเกสุ ภิกฺขูนํ ปาฏวตฺถาย อหํ ปวกฺขามิ เทสิสฺสามิ.

๙๓. เอกคฺคตา จิตฺเตกคฺคตา มนกฺกาโร มนสิกาโร ชีวิตํ ผสฺสปฺจกํ เอเต อฏฺ เจตสิกา อวินิพฺโภคา อฺมฺโต อวิคตา เอกุปฺปาทา สมานุปฺปาทา สหกฺขยา สหวยา.

๙๔. ผสฺโส จ เวทนา สฺา, เจตนา ชีวิตินฺทฺริยํ เอกคฺคตา มนกฺกาโร อิเม เจตสิกา สพฺพสาธารณา สพฺพจิตฺเตหิ สาธารณา, สพฺพจิตฺตานํ สาธารณา วา.

๙๕. วิตกฺโก ปฺจปฺาส-จิตฺเตสุ สมุทีริโต. จาโร ฉสฏฺิจิตฺเตสุ วิตกฺโก ตาว ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺชิตกามาวจเรสุ เจว เอกาทสสุ ปมชฺฌานจิตฺเตสุ จาติ ปฺจปฺาสจิตฺเตสุ ภควตา สมุทีริโต. วิจาโร ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺชิตกามาวจรจิตฺเตสุ เอกาทสสุ ปมชฺฌานจิตฺเตสุ จ เอกาทสสุ ทุติยชฺฌานจิตฺเตสุ จาติ ฉสฏฺิจิตฺเตสุ ชายติ. เอตฺถ เอตสฺมึ วจเน สํสโย นตฺถิ.

๙๖. เอกปฺาสจิตฺเตสุ, ปีติ เตสฏฺิยา สุขํ ปีติโทมนสฺสุเปกฺขาสหคตกายวิฺาณจตุตฺถชฺฌานวชฺชิเตสุ เอกปฺาสจิตฺเตสุ ชายติ. สุขํ โทมนสฺสทุกฺขุเปกฺขาสหคตวชฺชิเตสุ เตสฏฺิจิตฺเตสุ ชายติ. อุเปกฺขา โสมนสฺสสุขทุกฺขสหคตวชฺชิเตสุ ปฺจปฺาสจิตฺเตสุ ชายติ. ทุกฺขํ อกุสลวิปากกายวิฺาณปฏิฆสหคเตสุ ตีสุ จิตฺเตสุ ชายติ.

๙๗. โหติ ทฺวาสฏฺิจิตฺเตสุ, โสมนสฺสินฺทฺริยํ ปน โทมนสฺสทุกฺขสุขุเปกฺขาสหคตวชฺชิเตสุ ทฺวาสฏฺิจิตฺเตสุ ชายติ. ทุกฺขินฺทฺริยํ ปเนกสฺมึ อกุสลวิปาเก กายวิฺาเณ ชายติ. ตเถกมฺหิ สุขินฺทฺริยํ ตถา เอกสฺมึ ปุฺปาเก กายวิฺาเณ โหติ.

๙๘. ปฺจุตฺตรสเต จิตฺเต, วีริยํ อาห นายโก ชิโน ปฺจทฺวาราวชฺชนทฺวิปฺจวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณวชฺชิเต ปฺจุตฺตรสเต จิตฺเต วีริยํ อาห กเถสิ. จตุตฺตรสเต จิตฺเต, สมาธินฺทฺริยมพฺรฺวิ วิจิกิจฺฉาสหคตทฺวิปฺจวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณปฺจทฺวาราวชฺชนวชฺชิเต จตุตฺตรสเต จิตฺเต สมาธินฺทฺริยํ อโวจ.

๙๙. สพฺพาเหตุกจิตฺตานิ, เปตฺวา เจกเหตุเก สพฺพานิ อฏฺารส อเหตุกจิตฺตานิ เอกเหตุกจิตฺตทฺวยฺจ เปตฺวา เสสสฺมึ เอกุตฺตรสเต จิตฺเต ฉนฺทสฺส อุปฺปตฺตึ อุทฺทิเส ปณฺฑิโต กเถยฺย.

๑๐๐. เปตฺวา ทส วิฺาเณ จกฺขุวิฺาณาทิเก ทส วิฺาเณ จ วิจิกิจฺฉายุตมฺปิ จิตฺตํ เปตฺวา เสสสฺมึ ทสุตฺตรสเต จิตฺเต อธิโมกฺโข ภควตา อุทีริโต.

๑๐๑-๒. สทฺธา สติ หิรี โอตฺตปฺปํ อโลโภ อโทโส ตตฺรมชฺฌตฺตํ ฉ ยุคฬา จ อิติ อิเม เอกูนวีสติ ธมฺมา นิยตา หุตฺวา เอกนวุติยา จิตฺเต ชายนฺติ. เอกูนวีสติ ธมฺมา อเหตุเกสุ อฏฺารสสุ อปุฺเสุ ทฺวาทสสุ อกุสเลสุ น ชายเร น ชายนฺติ.

๑๐๓. เอกูนาสีติยา จิตฺเต, ปฺา ชายติ สพฺพทา ปฺา ทฺวาทสอกุสลอฏฺารสอเหตุกมหากุสลาณวิปฺปยุตฺตมหาวิปากาณวิปฺปยุตฺตมหากิริยาาณวิปฺปยุตฺตวชฺชิเต เอกูนาสีติยา จิตฺเต ชายติ. อฏฺวีสติยา จิตฺเต, กรุณามุทิตา สิยุํ กรุณามุทิตา อฏฺสุ มหากุสเลสุ, อฏฺสุ มหากิริยาสุ, รูปาวจรปฺจมชฺฌานวชฺชิเตสุ ทฺวาทสรูปาวจเรสุ จาติ อฏฺวีสติยา จิตฺเตสุ สิยุํ ภเวยฺยุํ.

๑๐๔. กามาวจรปุฺเสุ, สพฺพโลกุตฺตเรสุ จ กามาวจรมหากุสเลสุ จิตฺเตสุ สพฺเพสุ โลกุตฺตเรสุ จาติ สห อฏฺเก จตฺตาลีสวิเธ จิตฺเต วิรติตฺตยํ โหติ.

๑๐๕. สทฺธา สติ หิโรตฺตปฺปํ อโลภาทิตฺตยมฺปิ จ ยุคฬานิ ฉ จ มชฺฌตฺตํ กรุณามุทิตาปิ จ.

๑๐๖. ตถา ติสฺโส วิรติโย สพฺเพ เต ปฺจวีสติ ธมฺมา มหากุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตอพฺยากตจิตฺตสมฺปยุตฺตาติ กุสเลน สพฺเพสุเยว ธมฺเมสุ เฉเกน วิชิตงฺคเณน ปกาสิตา.

๑๐๗. อหิรีกํ อโนตฺตปฺปํ, โมโห อุทฺธจฺจเมว จาติ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา นิยตา หุตฺวา ทฺวาทสาปุฺจิตฺเตสุเยว ทฺวาทสอกุสลจิตฺเตสุเยว ชายเร ชายนฺติ.

๑๐๘-๙. โลโภ โทโส จ โมโห จ, มาโน ทิฏฺิ จ สํสโย วิจิกิจฺฉา มิทฺธํ อุทฺธจฺจํ กุกฺกุจฺจํ ถินํ มจฺฉริยมฺปิ จ อหิริกํ อโนตฺตปฺปํ อิสฺสา จ โทมนสฺสกํ เอเต ธมฺมา อกุสลา อกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา เอกนฺเตน มเหสินา วิชิตงฺคณวิคตมเลน วุตฺตา.

๑๑๐. โลโภ อฏฺสุ โลภมูเลสุ จิตฺเตสุ ภควตา นิทฺทิฏฺโ ทสฺสิโต. ทิฏฺิ จตูสุ ทิฏฺิสมฺปยุตฺเตสุ จิตฺเตสุ วุตฺตา. มาโน ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเตสุ จตูสุ คาหูปวาทปฺปภินฺทเนน วุตฺโต. โทโส ทฺวีสุ เอว ปฏิฆสมฺปยุตฺเตสุ จิตฺเตสุ มุนินฺเทน วุตฺโต.

๑๑๑. อิสฺสามจฺเฉรกุกฺกุจฺจา ทฺวีสุ โทสมูเลสุ จิตฺเตสุ ชายนฺติ, โน สห สห โน ชายนฺติ, เอเกโกว ชายนฺตีติ อตฺโถ. วิจิกิจฺฉา ปเนกสฺมึ วิจิกิจฺฉา ปน เอกสฺมึ วิจิกิจฺฉาสหคตจิตฺเต ชายติ. ถินมิทฺธํ ปฺจสุ สสงฺขาริกอกุสลจิตฺเตสุ ชายติ.

๑๑๒-๓. ผสฺโส จ เวทนา สฺา, เจตนา ชีวิตํ มโน วิตกฺโก จ วิจาโร จ ปีติ วีริยํ สมาธิ จ ฉนฺโท เจวาธิโมกฺโข จ มนสิกาโร จ จุทฺทส ธมฺมา กุสลา จ กุสลเจตสิกา จ โหนฺติ. อกุสลา เจว อกุสลเจตสิกา เจว อพฺยากตาปิ จ อพฺยากตเจตสิกา จ โหนฺติ.

๑๑๔. เอกูนตึสจิตฺเตสุ, ฌานํ ปฺจงฺคิกํ มตํ จตูสุ โสมนสฺสสหคตากุสเลสุ, ทฺวาทสสุ โสมนสฺสสหคตมหากุสลมหาวิปากมหากิริยจิตฺเตสุ, สุขสนฺตีรณหสิตุปฺปาทจิตฺเตสุ, ตีสุ รูปปมชฺฌานจิตฺเตสุ, อฏฺสุ โลกุตฺตรปมชฺฌานจิตฺเตสุ จาติ เอกูนตึสจิตฺเตสุ ปฺจงฺคิกํ ปฺจาวยวฌานยุตฺตํ ฌานํ สุคเตน มตํ. อุเปกฺขาสหคตานิ จตฺตาริ โลภมูลานิ จ ทฺเว โทสมูลานิ จ ทฺเว โมหมูลานิ จ มโนธาตุตฺติกฺจ อุเปกฺขาสหคตา ติสฺโส อเหตุกมโนวิฺาณธาตุโย จ ทฺวาทสุเปกฺขาสหคตานิ มหากุสลมหาวิปากกิริยจิตฺตานิ ตีณิ รูปทุติยชฺฌานจิตฺตานิ อฏฺ โลกุตฺตรทุติยชฺฌานจิตฺตานิ จาติ สตฺตตึส จิตฺตานิ จตุฌานงฺคยุตฺตานิ จตุฌานาวยวยุตฺตานิ อิติ เอวํ นิทฺทิเส กเถยฺย.

๑๑๕. เอกาทสวิธํ จิตฺตํ, ติวงฺคิกมุทีริตํ ตีณิ รูปาวจรตติยชฺฌานจิตฺตานิ, อฏฺโลกุตฺตรตติยชฺฌานจิตฺตานิ จาติ เอกาทสวิธํ จิตฺตํ ติวงฺคิกํ ติอวยวฌานยุตฺตํ, ฉ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานปฺจมชฺฌานจิตฺตานิ, ทฺวาทสารูปาวจรจิตฺตานิ, โสฬส โลกุตฺตรจตุตฺถชฺฌานปฺจมชฺฌานจิตฺตานิ จาติ จตุตึสวิธํ จิตฺตํ ทุวงฺคิกํ ทฺวิอวยวฌานยุตฺตํ อุทีริตํ ชิเนน อีริตํ.

๑๑๖. สภาเวนาวิตกฺเกสุ, ฌานงฺคานิ น อุทฺธเร สภาเวน ปกติยา อวิตกฺเกสุ วิตกฺกวิรหิเตสุ ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ ฌานงฺคานิ ฌานาวยวานิ ชิโน น อุทฺธเร. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – อฺตฺถ วิตกฺโก ฌานจิตฺเตน วิปฺปหีโน ภาสิโต, อิเมสุ ปน เนว ฌานจิตฺเตน ปหีนา, ปกติยา วิตกฺกวิรหิตานิ ทฺวิปฺจวิฺาณานิ สพฺพาเหตุกจิตฺเตสุ มคฺคงฺคานิ มคฺคาวยวานิ ชิโน น อุทฺธเร น เทเสยฺย.

๑๑๗. พุโธ ชิโน ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ มโนธาตุตฺติเก จ ตีสุ สนฺตีรเณสุ จาติ โสฬสจิตฺเตสุ ตีณินฺทฺริยานิ วเท กเถยฺย. เอกสฺมึ ปน จตฺตาริ เอกสฺมึ วิจิกิจฺฉาสหคตจิตฺเต จตฺตาริ อินฺทฺริยานิ โหนฺติ, เอกาทสสุ อกุสลจิตฺเตสุ วิจิกิจฺฉายุตฺตจิตฺตวชฺชิเตสุ หสิตุปฺปาเท เจว โวฏฺพฺพนจิตฺเต จาติ เตรสสุ จิตฺเตสุ ปฺจ อินฺทฺริยานิ พุโธ ภควา อุทฺธเร อุทฺธเรยฺย.

๑๑๘. สตฺต ทฺวาทสจิตฺเตสุ, อินฺทฺริยานิ ชิโนพฺรฺวิ ชิโน พุทฺโธ าณวิปฺปยุตฺตมหากุสลมหาวิปากมหากิริยาสงฺขาเตสุ ทฺวาทสจิตฺเตสุ สตฺต อินฺทฺริยานิ อพฺรฺวิ กเถสิ, เอเกนูเนสุ อฏฺเว, จตฺตาลีสมเนสุ จ ชิโน าณสมฺปยุตฺตมหากุสลมหาวิปากมหากิริยาสงฺขาเตสุ ทฺวาทสสุ จิตฺเตสุ, ปฺจทสสุ รูเปสุ, ทฺวาทสสุ อรูเปสุ จาติ เอเกนูเนสุ จตฺตาลีสมเนสุ อฏฺเว อินฺทฺริยานิ อพฺรฺวิ.

๑๑๙. จตฺตาลีสาย โลกุตฺตรจิตฺเตสุ นวกํ อินฺทฺริยนวกํ นายโก อพฺรฺวิ กเถสิ. เอวํ อินฺทฺริยโยโคปิ, เวทิตพฺโพ วิภาวินา เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺเตสุ อินฺทฺริยโยโค วิภาวินา วิเสเสน ปฺํ ภาเวตุํ ปกาเสตุํ สีลเมตสฺสาติ วิภาวี, เตน เวทิตพฺโพ.

๑๒๐. อมคฺคงฺคานิ นาเมตฺถ, อฏฺารส อเหตุกา เอตฺถ เอเตสุ จิตฺเตสุ อฏฺารส อเหตุกา นตฺถิ มคฺโค เอเตสูติ อมคฺคงฺคานิ นาม, ฌานงฺคานิ น วิชฺชนฺติ, วิฺาเณสุ ทฺวิปฺจสุ ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ ฌานงฺคานิปิ น สํวิชฺชนฺติ.

๑๒๑. เอกํ จิตฺตํ ทุมคฺคงฺคํ เอกํ วิจิกิจฺฉาสหคตจิตฺตํ ทุมคฺคงฺคํ ทุมคฺคาวยวํ, จตูสุ ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตากุสลจิตฺเตสุ จ ทฺวีสุ ปฏิฆยุตฺเตสุ จ อุทฺธจฺจยุตฺเตสุ จาติ สตฺตสุ จิตฺเตสุ จ ติมคฺคงฺคานิ ติมคฺคาวยวานิ โหนฺติ. จตฺตาลีสาย จิตฺเตสุ, มคฺโค โส จตุรงฺคิโก จตูสุ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตากุสเลสุ าณวิปฺปยุตฺตมหากุสลมหาวิปากมหากิริยาสงฺขาเตสุ ทฺวาทสสุ จิตฺเตสุ จ รูปาวจรทุติยตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานสงฺขาเตสุ ทฺวาทสสุ รูปาวจเรสุ, ทฺวาทสสุ อรูปาวจเรสุ จาติ จตฺตาลีสาย จิตฺเตสุ จตุรงฺคิโก มคฺโค จตุราวยโว มคฺโค โหติ.

๑๒๒. ปฺจทฺทสสุ จิตฺเตสุ, มคฺโค ปฺจงฺคิโก มโต าณสมฺปยุตฺตมหากุสลมหาวิปากมหากิริยาสงฺขาเตสุ ทฺวาทสสุ, ตีสุ รูปปมชฺฌานจิตฺเตสุ จาติ ปฺจทฺทสสุ จิตฺเตสุ ปฺจงฺคิโก ปฺจาวยโว มคฺโค ภควตา มโต. ทฺวตฺตึสจิตฺเตสุ มคฺโค สตฺตงฺคิโกปิ จ โลกุตฺตรทุติยตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานสงฺขาเตสุ ทฺวตฺตึสจิตฺเตสุ มคฺโค สตฺตงฺคิโก สตฺตาวยโว โหติ.

๑๒๓. มคฺโค อฏฺสุ จิตฺเตสุ มคฺคผลวเสน อฏฺสุ โลกุตฺตรจิตฺเตสุ มคฺโค อฏฺงฺคิโก อฏฺาวยโว โหติ. อิติ ปริสมาปเน. ตุ ปทปูรเณ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน สพฺพจิตฺเตสุ มคฺคงฺคานิ มคฺคาวยวานิ ธีโร อุทฺธเรยฺย, เทเสยฺยาติ อตฺโถ.

๑๒๔. พลานิ ทฺเว ทฺวิจิตฺเตสุ หสิตุปฺปาทโวฏฺพฺพนสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ จิตฺเตสุ ทฺเว พลานิ โหนฺติ. เอกสฺมึ ตีณิ ทีปเย เอกสฺมึ วิจิกิจฺฉายุตฺเต ตีณิ พลานิ ธีโร ทีปเย ปกาเสยฺย. วิจิกิจฺฉายุตฺตโต เสเสสุ เอกาทสสุ อกุสเลสุ จตฺตาริ พลานิ โหนฺติ. ฉ ทฺวาทสสุ าณวิปฺปยุตฺตมหากุสลมหาวิปากมหากิริยาสงฺขาเตสุ ทฺวาทสสุ จิตฺเตสุ ฉ พลานิ โหนฺตีติ ธีโร นิทฺทิเส กเถยฺย.

๑๒๕. เอกูนาสีติยา สตฺต าณสมฺปยุตฺตมหากุสลมหาวิปากมหากิริยาสงฺขาเตสุ ทฺวาทสสุ กามาวจรจิตฺเตสุ, สตฺตวีสติยา มหคฺคตจิตฺเตสุ, จตฺตาลีสโลกุตฺตรจิตฺเตสุ จาติ เอกูนาสีติยา จิตฺเตสุ สตฺต พลานิ โหนฺติ. โสฬเสวาพลานิ ตุ ทฺวิปฺจวิฺาณานิ จ ติสฺโส มโนธาตุโย จ ตีณิ สนฺตีรณานิ จาติ โสฬส เอว จิตฺตานิ อพลานิ พลวิรหิตานิ โหนฺติ, เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตํ สพลํ พเลน สหคตํ อพลมฺปิ จ พลวิรหิตฺจาปิ จิตฺตํ วิฺเยฺยํ ธีเรน วิชานิตพฺพํ.

๑๒๖. ฌานงฺคมคฺคงฺคพลินฺทฺริยานิ, จิตฺเตสุ ชายนฺติ หิ เยสุ ยานิ เยสุ จิตฺเตสุ ยานิ ฌานงฺคมคฺคงฺคพลอินฺทฺริยานิ ชายนฺติ, มยา สมาเสน สมุทฺธริตฺวา อสํสฏฺํ อุทฺธริตฺวา เตสุ จิตฺเตสุ สพฺพานิปิ ตานิ ฌานงฺคมคฺคงฺคพลอินฺทฺริยานิ สมาเสน สงฺเขเปน มยา พุทฺธทตฺตาจริเยน วุตฺตานิ กถิตานิ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

เจตสิกวิภาคนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติโย ปริจฺเฉโท.

๔. จตุตฺโถ ปริจฺเฉโท

เอกวิธาทินิทฺเทสวณฺณนา

๑๒๗.

อิโต ปรํ ปวกฺขามิ, นยเมกวิธาทิกํ;

อาภิธมฺมิกภิกฺขูนํ, พุทฺธิยา ปน วุทฺธิยา.

อหํ อิโต ปรํ อิโต ปริจฺเฉทโต ปรํ เอกวิธาทิกํ นยํ อาภิธมฺมิกภิกฺขูนํ พุทฺธิยา วุทฺธิตฺถาย ปวกฺขามิ เทเสสฺสามิ.

๑๒๘. สพฺพเมกวิธํ จิตฺตํ, วิชานนสภาวโต สพฺพํ จิตฺตํ วิชานนสภาวโต เอกวิธํ, ทุวิธฺจ ภเว จิตฺตํ อเหตุกสเหตุกโต อิทํ จิตฺตํ ทุวิธํ ภเวยฺย.

๑๒๙. ปุฺาปุฺวิปากา หิ, กาเม ทส จ ปฺจ จ หิ สจฺจํ กาเม กามาวจเร กุสลากุสลวิปากา ทส ปฺจ จ กิริยา ติสฺโส อิติ สพฺเพ อฏฺารส จิตฺตุปฺปาทา อเหตุกา.

๑๓๐. อเหตุกโต จิตฺตุปฺปาทโต เสสา เอกสตฺตติ จิตฺตุปฺปาทา สเหตุกาติ สเหตุกา นามาติ มเหสินา ตาทินา อวิปรีตสภาเวน เหตุวาทินา ปจฺจยวาทินา นิทฺทิฏฺา.

๑๓๑. สวตฺถุกาวตฺถุกโต สวตฺถุกอวตฺถุกวเสน ตถา อุภยวเสน สวตฺถุกวเสน, อวตฺถุกวเสน จ สพฺพํ วุตฺตปฺปกาเรน จ มานสํ ติวิธํ โหติ.

๑๓๒-๔. สพฺโพ กามวิปาโก จ, รูเป ปฺจทสาปิ จ จิตฺตุปฺปาทา อาทิมคฺโค ปมมคฺโค หสิตุปฺปาโท มโนธาตุกิริยาปิ จ โทมนสฺสทฺวยฺจาปิ เตจตฺตาลีส มานสา วินา วตฺถุํ วตฺถุํ วชฺเชตฺวา น อุปฺปชฺชนฺติ, เอกนฺเตน สวตฺถุกา นาม. อรูปาวจรวิปากา จ เอกนฺเตน อวตฺถุกา, มยา วุตฺตโต จิตฺตุปฺปาทโต เสสานิ ทฺเวจตฺตาลีส จิตฺตานิ อุภยถา สวตฺถุกาวตฺถุกวเสน สิยุํ.

๑๓๕. เอเกการมฺมณํ จิตฺตํ, ปฺจารมฺมณเมว จ จิตฺตํ ฉฬารมฺมณกฺเจติ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรนาปิ ติวิธํ จิตฺตํ สิยา.

๑๓๖-๘. วิฺาณานิ จ ทฺเว ปฺจ, อฏฺ โลกุตฺตรานิ จ อภิฺามานสํ เปตฺวา สพฺพํ มหคฺคตฺเจวาติ เตจตฺตาลีส จิตฺตุปฺปาทา ปน เอเกการมฺมณา วิฺเยฺยา ธีเรน. ตตฺถ จิตฺเต มโนธาตุตฺตยํ ปฺจารมฺมณํ อีริตํ ภควตา. มยา วุตฺตจิตฺตโต เสสานิ เตจตฺตาลีส จิตฺตานิ ฉฬารมฺมณิกานิ มตานิ สตฺถุนา, ตถา เอวํ จิตฺตํ กุสลากุสลาทิโต ติวิธํ. อาทิ-สทฺเทน อพฺยากตํ คเหตพฺพํ.

๑๓๙. อเหตุกํ จิตฺตํ เอกเหตุกฺจ จิตฺตํ ทฺวิเหตุกฺจ จิตฺตํ ติเหตุกฺจ จิตฺตนฺติ เอวํ อิมินา ปกาเรน จิตฺตํ จตุพฺพิธํ วิภาวินา วิฺาตพฺพํ.

๑๔๐-๒. เหฏฺา มยาปิ นิทฺทิฏฺา อฏฺารส จิตฺตุปฺปาทา อเหตุกา, วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสํยุตฺตํ จิตฺตํ เอกเหตุกํ เอวํ อุทีริตํ ภควตา. กาเม กามาวจเร ปุฺวิปากกฺริยโต กุสลวเสน จ วิปากวเสน จ กิริยาวเสน จ ทฺวาทสธา จิตฺตุปฺปาทา อกุสลา จ ทสธา จาติ พาวีสติ จิตฺตุปฺปาทา ทุเหตุกา. กาเม กามาวจเร ปุฺวิปากกฺริยโต ปุฺวเสน จ วิปากวเสน จ กิริยาวเสน จ ทฺวาทสธา จิตฺตุปฺปาทา. สพฺพํ มหคฺคตฺเจว อปฺปมาณํ โลกุตฺตรจิตฺตฺจ ติเหตุกํ.

๑๔๓-๕๐. รูปีริยาปถวิฺตฺติ-ชนกาชนกาทิโตติ รูปอิริยาปถวิฺตฺติชนกวเสน รูปอิริยาปถชนกวเสน จ รูปชนกวเสน จ ติกิจฺจาชนกวเสน จาติอาทีหิ ปกาเรหิ สพฺพํ จิตฺตํ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ ตสฺมึ จิตฺเต ทฺวาทสากุสลา, กามธาตุยา กุสลา, ตถา กาเม ทส กิริยา, อภิฺามานสํ ทฺวยํ, อิเม พาตฺตึส มานสา รูปานิ สมุฏฺาเปนฺติ, อิริยาปถํ กปฺเปนฺติ, วิฺตฺตึ ชนยนฺติ. กุสลา มหคฺคตมานสา กิริยา จ มหคฺคตมานสา, อฏฺ อนาสวจิตฺตานิ, ฉพฺพีสติ จ มานสา รูปานิ สมุฏฺาเปนฺติ, อิริยาปถํ กปฺเปนฺติ. โจปนํ น ปาเปนฺติ วิฺตฺตึ น ชนยนฺตีติ อตฺโถ. อิเม จิตฺตุปฺปาทา ทุกิจฺจนิยตา, ทส วิฺาเณ เปตฺวา ทฺวีสุ ภูมีสุ วิปากา มโนธาตุทฺวยสนฺตีรณตฺตยมหาวิปากรูปวิปากานํ วเสน อฏฺารส ปากา มโนธาตุ กิริยา เจวาติ อิมานิ เอกูนวีสติ จิตฺตานิ รูปานิ สมุฏฺาเปนฺติ, อิตรทฺวยํ น กโรนฺติ, ปุน ทฺเวปฺจวิฺาณา ปมํ ‘‘ทส วิฺาเณ’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ปุนา’’ติ วุตฺตา. อรูปีสุ วิปากา จ สพฺเพสํ สตฺตานํ ปฏิสนฺธิจิตฺตฺจ อรหโต จุติจิตฺตฺจ อิเม โสฬส มานสา ติกิจฺจานิ น กโรนฺติ.

๑๕๑. เอกทฺวิติจตุฏฺาน-ปฺจฏฺานปฺปเภทโต เอกกิจฺจทฺวิกิจฺจติกิจฺจจตุกิจฺจปฺจกิจฺจเภเทน ปฺจธา จิตฺตํ ปฺจปการํ จิตฺตํ ปฺจนิมฺมลโลจโน พุทฺโธ อกฺขาสิ กเถสิ.

๑๕๒.

กุสลากุสลา สพฺเพ, จิตฺตุปฺปาทา มหากฺริยา;

มหคฺคตา กฺริยา เจว, จตฺตาโร ผลมานสา.

๑๕๓. สพฺเพว ปฺจปฺาส จิตฺตุปฺปาทา ชวนฏฺานโตเยว ชวนกิจฺจวเสเนว เอกฏฺาเน เอกกิจฺเจ นิปฺปปฺเจน สตฺถุนา ตณฺหามานทิฏฺิวิรหิเตน สตฺถุนา นิยามิตา กถิตา.

๑๕๔. ปุน ทฺเวปฺจวิฺาณา จิตฺตุปฺปาทา ทสฺสเน สวเน ตถา ฆายเน สายนฏฺาเน ผุสเน ปฏิปาฏิยา สตฺถุนา นิยามิตา.

๑๕๕. มโนธาตุตฺติกํ อาวชฺชเน ปฏิจฺฉเน, เอเต อฏฺสฏฺิ จิตฺตุปฺปาทา เอกฏฺานิกตํ เอกกิจฺจภาวํ คตา ปตฺตา ภวนฺติ.

๑๕๖-๘. จิตฺตทฺวยํ ทฺวิฏฺานิกํ นาม อุทีริตํ ภควตา, โสมนสฺสยุตํ จิตฺตํ ปฺจทฺวาเร สนฺตีรณํ สิยา. ฉทฺวาเร ตทาลมฺพณฺจ พลวารมฺมเณ อติมหนฺตารมฺมเณ สติ สิยา, ตถา โวฏฺพฺพนํ ปฺจทฺวาเรสุ โวฏฺพฺพนํ โหติ. มโนทฺวาเรสุ ปน สพฺเพสํ อารมฺมณานํ อาวชฺชนํ โหติ, อิทํ จิตฺตทฺวยํ ทฺวิฏฺานิกํ นาม โหติ.

๑๕๙. ปฏิสนฺธิยา านโต ปฏิสนฺธิยา กิจฺจวเสน ภวงฺคสฺส านโต ภวงฺคสฺส กิจฺจวเสน จุติยา านโต จุติยา กิจฺจวเสน เต มหคฺคตวิปากา นว ติฏฺานิกา ติกิจฺจาติ มุนินา มตา.

๑๖๐-๓. อฏฺ กามา มหาปากา, ปฏิสนฺธิภวงฺคโต ปฏิสนฺธิภวงฺควเสน ตทารมฺมณโต เจว ตทารมฺมณวเสน จ เอว จุติฏฺานวเสน จ อฏฺ จิตฺตานิ จตุฏฺานิกจิตฺตานิ โหนฺติ, อิติ วจนํ ธีโร นิทฺทิเส, กุสลากุสลปาโกเปกฺขาสหคตทฺวยํ ปฺจทฺวาเร สนฺตีรณํ ภเว, ฉทฺวาริเกสุปิ พลวารมฺมเณ สติ ตทารมฺมณตา สิยา. ปฏิสนฺธิภวงฺคานํ านวเสน จ จุติฏฺานวเสน จ อิทํ จิตฺตทฺวยํ ปฺจฏฺานิกจิตฺตํ นามาติ อุทีริตํ มุนินา.

๑๖๔. ปฺจกิจฺจํ ทฺวยํ จิตฺตํ, อฏฺกํ ปน จตุกิจฺจํ, นวกํ ติกิจฺจํ, ทฺเว จิตฺตุปฺปาทา ทฺวิกิจฺจา, อิเมสํ อิเมหิ จิตฺตุปฺปาเทหิ เสสํ เอกกํ กิจฺจํ.

๑๖๕.

ภวงฺคาวชฺชนฺเจว, ทสฺสนํ สมฺปฏิจฺฉนํ;

สนฺตีรณํ โวฏฺพฺพนํ, ชวนํ ภวติ สตฺตมํ.

๑๖๖. ฉพฺพิธํ โหติ ตํ ฉนฺนํ ตํ จิตฺตํ ฉนฺนํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายมโนวิฺาณานํ ปเภทโต ฉพฺพิธํ โหติ, จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายมโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ สตฺตนฺนํ วเสน จิตฺตํ สตฺตธา โหติ.

๑๖๗. เอเกการมฺมณํ ฉกฺกํ, ปฺจารมฺมณเภทโต ฉฬารมฺมณโต เจว ฉฬารมฺมณจิตฺตวเสน มโน จิตฺตํ อฏฺวิธํ โหติ.

๑๖๘. ตตฺถ ตสฺมึ จิตฺเต ทฺเวปฺจวิฺาณา เอเกกโคจรา โหนฺติ, ทฺเว จิตฺตุปฺปาทา รูปารมฺมณิกา, ทฺเว ทฺเว จิตฺตุปฺปาทา สทฺทาทิโคจรา.

๑๖๙. ปฺจาภิฺาวิวชฺชิตํ สพฺพํ มหคฺคตํ, สพฺพํ โลกุตฺตรฺจ อิติ อิทํ จิตฺตํ เอเกการมฺมณํ ภเว.

๑๗๐. อิทํ ฉกฺกํ เอเกการมฺมณํ วิภาวินา เยฺยํ, มโนธาตุตฺตยํ ปฺจารมฺมณิกํ นาม ภเว.

๑๗๑. กามาวจรจิตฺตานิ จตฺตาลีสํ ตถา เอเกกํ สพฺพานิ อภิฺานิ จ ฉฬารมฺมณิกานีติ ฉฬารมฺมณิกานิ นาม ปณฺฑิเตน วิฺเยฺยานิ.

๑๗๒. สตฺตวิฺาณธาตูสุ ปจฺฉิมํ มโนวิฺาณธาตุฺจ กุสลากุสลาพฺยากตวเสน ติธา กตฺวา นววิธํ จิตฺตํ โหติ.

๑๗๓. มโนวิฺาณธาตุยา เภโท ปุฺาปุฺวเสเนว วิปากกิริยเภทโต ฉสตฺตติวิโธ โหติ.

๑๗๔. มโนธาตุํ วิปากกิริยเภทโต ทฺวิธา กตฺวา ปุพฺเพ วุตฺเตหิ นวธา จิตฺเตหิ มานสํ ทสธา โหติ.

๑๗๕. ปจฺฉิมํ ธาตุทฺวยํ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุทฺวยํ, มโนธาตุํ กุสลวิปากอกุสลวิปากกิริยาวเสน ติธา กตฺวา, มโนวิฺาณธาตุฺจ กุสลากุสลาพฺยากตวเสน ติวิธา กตฺวา จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายวิฺาเณหิ สห จิตฺตํ เอกาทสวิธํ โหติ, อิติ อิทํ วจนํ ปณฺฑิโต ปริทีปเย.

๑๗๖. มโนวิฺาณธาตุมฺปิ กุสลากุสลาทิโต กุสลากุสลวิปากกิริยาวเสน จตุธา วิภชิตฺวาน ตํ จิตฺตํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายวิฺาเณหิ สห ติปฺปการาย มโนธาตุยา จ สห ทฺวาทสธาปิ ธีโร วเท.

๑๗๗-๙. จิตฺตํ จุทฺทสฏฺานเภเทน จุทฺทสธา ภเว, ปฏิสนฺธิยา วเสน จ ภวงฺควเสน จ จุติยา วเสน จ อาวชฺชนสฺส วเสน จ ปฺจนฺนํ ทสฺสนาทีนํ กิจฺจานํ วเสน จ สมฺปฏิจฺฉนเจตโส วเสน จ สนฺตีรณสฺส วเสน จ โวฏฺพฺพนชวนานํ วเสน จ, ยถา เอวํ ตทารมฺมณจิตฺตสฺส วเสน จาติ เอวํ อิมินา ปกาเรน านเภทโต กิจฺจเภเทน จุทฺทสธา จิตฺตํ โหติ, อิติ อิทํ วจนํ ธีโร ปริทีปเย ปริทีเปยฺย.

๑๘๐. ภูมิปุคฺคลนานตฺตวเสน ภูมินานตฺตวเสน, ปุคฺคลนานตฺตวเสน จ จิตฺตานํ ปวตฺติโต อิทํ จิตฺตํ พหุธา โหติ, อิติ วจนฺจ ธีโร วิภาวเย ปกาเสยฺย.

๑๘๑. อิธ อิมสฺมึ สาสเน โย ภิกฺขุ มติมา อิมสฺมึ เอกวิธาทินเย กุสโล เฉโก โหติ, อภิธมฺเม ปวตฺตา อตฺถา ตสฺส ภิกฺขุโน หตฺถคตา หตฺถปวิฏฺา อามลกา วิย สุทฺธมณิกา วิย โหนฺติ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

เอกวิธาทินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุตฺโถ ปริจฺเฉโท.

๕. ปฺจโม ปริจฺเฉโท

ภูมิปุคฺคลจิตฺตุปฺปตฺตินิทฺเทสวณฺณนา

๑๘๒.

อิโต ปรํ ปวกฺขามิ, พุทฺธิวุทฺธิกรํ นยํ;

จิตฺตานํ ภูมิสุปฺปตฺตึ, ปุคฺคลานํ วเสน จ.

อหํ อิโต ปรํ พุทฺธิวุทฺธิกรํ นยํ มติวทฺธิกรํ นยํ ปวกฺขามิ เทเสสฺสามิ. จิตฺตานํ ภูมิสุปฺปตฺตึ ปุคฺคลานํ วเสน จ ภูมีสุ จิตฺตานํ อุปฺปตฺตึ, ปุคฺคลานํ วเสน ภูมีสุ จิตฺตานํ อุปฺปตฺติฺจ ปวกฺขามิ.

๑๘๓. เทวา เจว มนุสฺสา จ, ติสฺโส จ อปายภูมิโย โหนฺติ, คติโย ปฺจ เตสํ เทวมนุสฺสติรจฺฉานเปตนิรยคตีนํ วเสน ปฺจ คติโย นิทฺทิฏฺา สตฺถุนา ทสฺสิตา ภควตา. ตโย ภวา ปน กามรูปารูปภววเสน ตโย สตฺถุนา นิทฺทิฏฺา ทสฺสิตา.

๑๘๔-๕. ภูมิโย ตตฺถ ตึเสว, ตาสุ ตึเสว ปุคฺคลา ตตฺถ เตสุ ตีสุ ภเวสุ ตึส เอว ภูมิโย โหนฺติ, ตาสุ ภูมีสุ อุปฺปนฺนา ปุคฺคลา ตึส เอว โหนฺติ, เอตาสุ ภูมีสุ อุปฺปนฺนา สพฺเพ จ ปน ปุคฺคลา ปฏิสนฺธิกจิตฺตานํ วเสน เอกูนวีสติ โหนฺติ. ปฏิสนฺธิ จ นาเมสา เอสา ปฏิสนฺธิ จ นาม ทุวิธา ทฺวิปฺปการา สมุทีริตา สตฺถุนา กถิตา.

๑๘๖. อจิตฺตกา ปฏิสนฺธิ, สจิตฺตกา ปฏิสนฺธิ จ อิติ ทุวิธา ปฏิสนฺธิ โหติ, อสฺิพฺรหฺมานํ ปฏิสนฺธิ อจิตฺตกา รูปปฏิสนฺธิ โหติ. เสสา รูปปฏิสนฺธิโต เสสา สจิตฺตกา สจิตฺตกปฏิสนฺธิ เยฺยา ปณฺฑิเตน ชานิตพฺพา. สา ปน สจิตฺตกา ปฏิสนฺธิ เอกูนวีสติ โหติ.

๑๘๗. ปฏิสนฺธิวเสเนว สจิตฺตกปฏิสนฺธิวเสน เอว วีสติ ปุคฺคลา โหนฺติ. อิธ อิมสฺมึ จิตฺตาธิกาเร จิตฺตาธิการตฺตา อจิตฺตกปฏิสนฺธิ รูปปฏิสนฺธิ น จ อุทฺธฏา น จ กถิตา มยา.

๑๘๘. อเหตุทฺวิติเหตูติ, ปุคฺคลา ติวิธา สิยุํ อเหตุกทฺวิเหตุกติเหตุกา อิติ ติวิธา ติปฺปการา ปุคฺคลา สิยุํ ภเวยฺยุํ. อริยา ปน ปุคฺคลา อฏฺ อิติ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน สพฺเพ ปุคฺคลา เอกาทส อีริตา กถิตา ภควตา.

๑๘๙. ภูมีสุ ตึสภูมีสุ จิตฺตานํ อุปฺปตฺตึ เอเตสํ ปน สพฺเพสํ ปุคฺคลานํ ปเภทโต ภูมีสุ จิตฺตานํ อุปฺปตฺติฺจ คณฺหโต คณฺหนฺตสฺส มม วจนํ นิโพธถ, ตุมฺเห ชานาถ สุณาถ.

๑๙๐. ตีสุ ภูมีสุ กติ จิตฺตานิ ชายนฺติ? เม มยฺหํ วท ตานิ จิตฺตานิ ตฺวํ กเถหิ, สพฺพาสุ ภูมีสุ จุทฺทส เอว จิตฺตานิ. ตํ ยถา –

โวฏฺพฺพํ กามปุฺฺจ, วิยุตฺตานิ จ ทิฏฺิยา;

อุทฺธจฺจสหิตฺเจว, โหนฺติ สพฺพตฺถ จุทฺทส.

๑๙๑. สทา วีสติ จิตฺตานิ, กาเมเยว ภเว สิยุํ วีสติ จิตฺตานิ กาเมเยว ภเว สทา สพฺพสฺมึ กาเล สิยุํ ภเวยฺยุนฺติ. ตํ ยถา –

กาเม อฏฺ มหาปากา, โทมนสฺสทฺวยมฺปิ จ;

ตถา ฆานาทิวิฺาณตฺตยํ ปากา อปุฺชา.

ฆานาทิวิฺาณตฺตยนฺติ กุสลวิปากฆานาทิตฺตยํ. ปากา อปุฺชา อกุสลโต ชาตา อเหตุกา สตฺต วิปากา. ปฺจ รูปภเวเยว ปฺจ จิตฺตานิ รูปภเวเยว ภวนฺติ. จตฺตาเรว อรูปิสุ จตฺตาริ จิตฺตานิ อรูปีสุเยว โหนฺติ. ตํ ยถา –

รูเปว รูปปากา วารุปฺปปากา อรูปิสุ;

นว มหคฺคตา ปากา, รูปารูเปว ชายเร.

๑๙๒. กามรูปภเวสฺเวว อฏฺารส จิตฺตานิ ภวนฺติ.

ตํ ยถา –

ปุฺรูปานิ ปฺเจว, ปุฺชํ สมฺปฏิจฺฉนํ;

จกฺขุโสตทฺวยํ ปุฺปากํ สนฺตีรณทฺวยํ.

ปุฺปากํ หสิตุปฺปาทมโนธาตุกฺริยาปิ จ;

อฏฺารสาทิมคฺเคน, ปฺจ รูปกฺริยาปิ จ;

กามรูปภเวสฺเวว, เอตาเนว สทา สิยุํ.

ทฺเวจตฺตาลีส จิตฺตานิ, โหนฺติ ตีสุ ภเวสุปิ ทฺเวจตฺตาลีส จิตฺตานิ โหนฺติ. ตํ ยถา –

ปฏิฆทฺวยวชฺชิตานิ, อปุฺานิ ทเสว จ;

มหาปุฺานิ อฏฺเว, โวฏฺพฺพนกฺริยานิ จ.

ปุฺารุปฺปานิ จตฺตาริ, อารุปฺปกิริยานิ จ;

กนิฏฺมคฺควชฺชานิ, สตฺต โลกุตฺตรานิ จ;

ทฺเวจตฺตาลีส จิตฺตานิ, โหนฺติ ตีสุ ภเวสุปิ.

๑๙๓. เปตฺวา ปน สพฺเพสํ, จตสฺโสปายภูมิโย จตสฺโส อปายภูมิโย เปตฺวา วชฺเชตฺวา อปายโต เสสานํ สพฺเพสํ ปุคฺคลานํ ฉพฺพีสภูมีสุ เตรส เอว จิตฺตานิ โหนฺติ. ตํ ยถา –

จตุตฺถารูปาวจรํ, อนาคามิผลาทโย;

มหากฺริยา จ ชายนฺติ, เตรสาปายวชฺชิตา.

อนาคามิผลาทโยติ อาทิ-สทฺเทน หิ อรหตฺตผลานิ คหิตานิ.

๑๙๔. อปรานิ จตสฺโสปิ, เปตฺวารุปฺปภูมิโย จตสฺโส อรูปภูมิโย เปตฺวา เสสาสุ ฉพฺพีสภูมีสุ อปรานิ จิตฺตานิ ชายนฺติ. ตํ ยถา –

มโนธาตุกฺริยฺเจว, ปุฺชํ สมฺปฏิจฺฉนํ;

จกฺขุโสตทฺวยํ ปุฺปากํ สนฺตีรณทฺวยํ;

เฉว จิตฺตานิ ชายนฺติ, ตถา อุปริวชฺชิเต.

๑๙๕. สุทฺธาวาสิกเทวานํ, เปตฺวา ปฺจ ภูมิโย ปฺจ ภูมิโย เปตฺวา ปฺจวีสติภูมีสุ ปฺจ จิตฺตานิ ชายนฺติ. ตํ ยถา –

ทิฏฺิยา สมฺปยุตฺตานํ, วิจิกิจฺฉายุตํ ตถา;

ปฺจ สพฺพตฺถ ชายนฺติ, สุทฺธาวาสวิวชฺชิเต.

๑๙๖.

อปรานิ ทุเว โหนฺติ, ปฺจวีสติภูมิสุ;

เปตฺวา เนวสฺฺจ, จตสฺโสปายภูมิโย.

จตสฺโสปายภูมิโย เนวสฺานาสฺฺจ เปตฺวาเยว ปฺจวีสติภูมีสุ อปรานิ ทุเว จิตฺตานิ โหนฺติ. ตํ ยถา –

เปตฺวา เนวสฺฺจ, จตสฺโสปายภูมิโย;

เสสาสุ ตติยารุปฺปชวนํ ชายติ ทฺวยํ.

๑๙๗. ทฺเวปิ จิตฺตานิ ชายนฺติ, จตุวีสติภูมิสุ จตสฺโสปายภูมิโย อากิฺจฺฺจ เนวสฺฺจ เปตฺวา เสสาสุ จตุวีสติภูมีสุ ทฺเวปิ จิตฺตานิ ชายนฺติ. ตํ ยถา –

จตุตฺถตติยารุปฺปํ, เปตฺวาปายภูมิโย;

เสสาสุ ทุติยารุปฺป-ชวนํ ชายติ ทฺวยํ.

๑๙๘. อปายภูมิโย หิตฺวา จตสฺโส อปายภูมิโย ติสฺโส อุปริ อรูปภูมิโย หิตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา เสสาสุ เตวีสติภูมีสุ ทฺเวเยว ปน จิตฺตานิ โหนฺติ. ตํ ยถา –

อปายภูมิโย หิตฺวา, ติสฺโสจารุปฺปภูมิโย;

เสสาสุ ปมารุปฺปํ, ชวนทฺวยํ ชายติ.

๑๙๙. อรูเป จ อปาเย จ อฏฺ ภูมิโย เปตฺวา เสสาสุ พาวีสติภูมีสุ เอกาทสวิธํ จิตฺตํ โหติ. ตํ ยถา –

สพฺพํ รูปฺจ วิปากํ, เปตฺวา สิตมานสํ;

เอกาทเสว ชายติ, อปายารูปวชฺชิเต.

๒๐๐. สุทฺธาวาเส อปาเย จ นว ภูมิโย เปตฺวา เสสาสุ เอกวีสาสุ ภูมีสุ นิจฺจมฺปิ จตฺตาโร เอว มานสา โหนฺติ. ตํ ยถา –

โสตาปตฺติผลฺเจว, สกทาคามิผลมฺปิ จ;

สกทาคามิมคฺโค จ, เปตฺวาปายสุทฺธเก;

อนาคามิมคฺโค เจว, เอกวีสาสุ โหนฺติ หิ.

๒๐๑. เอกํ สตฺตรสสฺเวว, จิตฺตํ ชายติ ภูมิสุ สุทฺธาวาสอปายารุปฺปภูมิโย เปตฺวา อวเสสาสุ สตฺตรสสุ ภูมีสุ เอกํ จิตฺตํ ชายติ. ตํ ยถา –

สุทฺธาวาเส อปาเย จ, เปตฺวารุปฺปภูมิโย;

อาทิมคฺโค เอโก โหติ, สตฺตรสสุ ภูมิสุ.

๒๐๒.

ทฺวาทเสว ตุ ชายนฺเต, เอกาทสสุ ภูมิสุ;

เปตฺวา ปน สพฺพาปิ, ภูมิโย หิ มหคฺคตา. –

เอกูนวีสติภูมิโย เปตฺวา เสสาสุ เอกาทสสุ ภูมีสุ ทฺวาทส จิตฺตานิ ชายนฺติ. ตํ ยถา –

โทมนสฺสทฺวยาปุฺปากา สตฺต จ ปุฺชํ;

ฆานาทิตฺตยํ เสสาสุ, หิตฺวา สพฺพา มหคฺคตา.

๒๐๓. กามาวจรเทวานํ วเสน จ มนุสฺสานํ วเสน จ สตฺตสุ กามาวจรภูมีสุ อฏฺ จิตฺตานิ สพฺพทา ชายนฺติ. ตํ ยถา –

กาเม เทวมนุสฺสานํ, มหาปากานิ ชายเร;

สทา สตฺตสุ เอตานิ, หิตฺวา เตวีส ภูมิโย.

๒๐๔. ปฺจมชฺฌานปาเกโก, ชายเต ฉสุ ภูมิสุ เอโก ปฺจมชฺฌานวิปาโก เวหปฺผลาทีสุ ฉสุ ภูมีสุ ชายติ. จตฺตาริ ปน รูปวิปากจิตฺตานิ ตีสุ ตีสุ ภูมีสุ ชายนฺติ. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – เอโก ปมรูปวิปาโก พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมานํ ตีสุ ภูมีสุ ชายติ, เอโก ทุติยรูปวิปาโก, เอโก ตติยรูปวิปาโก จ ปริตฺตาภาอปฺปมาณาภาอาภสฺสรานํ ตีสุ ภูมีสุ ชายติ, เอโก จตุตฺถรูปวิปาโก ปริตฺตสุภอปฺปมาณสุภสุภกิณฺหานํ ตีสุ ภูมีสุ ชายติ.

๒๐๕. จตฺตาริ ปน จิตฺตานิ, โหนฺติ เอเกกภูมิสุ อรูปาวจรวิปากานํ วเสน จตฺตาริ ปน จิตฺตานิ เอเกกภูมีสุ เอเกกาสุ ภูมีสุ โหนฺติ, อิติ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน สพฺพาสุ ภูมีสุ จิตฺตุปฺปาทํ ปริทีปเย ปณฺฑิโต กเถยฺย.

๒๐๖-๗. กุสลากุสลา กาเม กาเม วีสติ กุสลากุสลา, เตสํ ปากา อเหตุกา เตสํ กุสลากุสลานํ อเหตุกา ปฺจทส วิปากา อาวชฺชนทฺวยฺจ อิติ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน สตฺตตึส มานสา นรกาทีสุ จตูสุ อปาเยสุปิ ชายเร. อวเสสานิ ทฺวิปฺาส จิตฺตานิ กทาจิปิ กิสฺมิฺจิ กาเลปิ นุปฺปชฺชนฺติ. ตํ ยถา –

ปฺจทสานิ รูเป ตุ, อรูเป ทฺวาทสีริตา;

อฏฺ โลกุตฺตราเนว, กามปากา สเหตุกา.

อฏฺ มหากฺริยา เจว, หสิตุปฺปาทมานสํ;

ทฺวิปฺาสานิ จิตฺตานิ, อปาเยสุ น ชายเร.

๒๐๘. กาเม เทวมนุสฺสานํ กามาวจเร เทวมนุสฺสานํ มหคฺคตา นว ปากา เนว ชายนฺติ, อสีติ หทยา มานสา สทา ชายนฺติ. ตํ ยถา –

ทฺวาทสากุสลาเนว, กุสลาเนกวีสติ;

สตฺตวีสติ ปากา จ, มหคฺคตวิวชฺชิตา.

กาเม เทวมนุสฺสานํ, กฺริยจิตฺตานิ วีสติ;

โหนฺติ อสีติ จิตฺตานิ, วิฺเยฺยานิ วิภาวินา.

๒๐๙-๑๒. กาเม กามาวจเร อฏฺ มหาวิปากา โทมนสฺสทฺวยมฺปิ จ ตถา ฆานาทิวิฺาณตฺตยํ กุสลวิปากํ อปุฺชา สตฺต ปากา. นตฺถิ อารุปฺปปากา จ, รูปาวจรภูมิยํ อรูปปากา จ จตฺตาโร รูปาวจรภูมิยํ นตฺถิ. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – รูปาวจรภูมิยํ อฏฺ มหาวิปากา กามสุคติสตฺตานํ ทฺวินฺนํ วิปากจิตฺตตฺตา น โหนฺติ, ฌาเนน วิกฺขมฺภิตตฺตา โทมนสฺสทฺวยมฺปิ นตฺถิ, ฆานชิวฺหากายปสาทวิรหิตตฺตา กุสลวิปากํ ฆานาทิตฺตยํ นตฺถิ, อนิฏฺารมฺมณานํ อภาวโต สตฺต อกุสลวิปากา จ นตฺถิ, อรูปปากา จ นตฺถิ. กสฺมา? อรูปานํ วิปากจิตฺตตฺตา. อิเมหิ สห จิตฺเตหิ อิเมหิ จตุวีสติจิตฺเตหิ สห ตโย มคฺคา ผลทฺวยํ โสตาปตฺติมคฺโค สกทาคามิมคฺโค อนาคามิมคฺโค จ โสตาปตฺติผลสกทาคามิผลานิ จ จตฺตาโร ทิฏฺิสํยุตฺตา วิจิกิจฺฉาสํยุตฺตมฺปิ จ จตฺตาโร เหฏฺิมา ปากา จ สุทฺธาวาเส น ลพฺภเร น ลพฺภนฺติ. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามิปุคฺคลานํ อสาธารณตฺตา สุทฺโธ จ อาวาโส, อถ วา โฆราติกฺกมฏฺิตตฺตา อนาคามิปุคฺคลา สุทฺธา นาม, จตุโรฆติณฺณตฺตา ขีณาสวา สุทฺธา นาม, เตสํ สุทฺธานํ ทฺวินฺนํ อุตฺตมสตฺตานํ อาวาโสติปิ สุทฺธาวาโส, ตสฺมึ.

อยเมตฺถาธิปฺปาโย – สุทฺธาวาเส ปน โสตาปตฺติมคฺคโสตาปตฺติผลสกทาคามิมคฺคสกทาคามิผลอนาคามิมคฺคา น วิชฺชนฺติ. กสฺมาติ เจ? อนาคามิผลฏฺานํเยว ตสฺมึ อุปฺปชฺชนโต จตฺตาโร ทิฏฺิสํยุตฺตา จ วิจิกิจฺฉายุตฺตฺจ ปฺจ อกุสลจิตฺตานํ โสตาปนฺเนน วินาสิตตฺตา, อิติ ตสฺมา การณา น ชายนฺติ. จตฺตาโร เหฏฺิมวิปากา เหฏฺิมานํ รูปพฺรหฺมานํ วิปากจิตฺตตฺตา นตฺถิ. เสสานิ เอกปฺาส จิตฺตานิ สุทฺธาวาเส ปน ลพฺภนฺติ. ตํ ยถา –

ทิฏฺิยา วิปฺปยุตฺตานิ, อุทฺธจฺจสหคตํ ตถา;

กามปุฺานิ อฏฺ จ, รูปปุฺานิ ปฺจ วา.

อรูปกุสลาเนว, มคฺโค ขีณาสวสฺส จ;

จกฺขุโสตมโนธาตุ, ปุฺชา ตีรณา ทุเว.

ปฺจมชฺฌานปาโก จ, อนาคามิผลาทโย;

สุทฺธาวาเสสุ ลพฺภนฺติ, กฺริยจิตฺตานิ วีสติ.

รูปาวจริกา สพฺเพ สพฺพานิ รูปาวจรานิ ปฺจทส จิตฺตานิ, กามธาตุยา สพฺเพ เตวีสติ วิปากา.

๒๑๓. โทมนสฺสาทิมคฺโค จ โทมนสฺสทฺวยฺจ อาทิมคฺโค จ โสตาปตฺติมคฺโค จ, กฺริยา จ ทฺเว อเหตุกา ปฺจทฺวาราวชฺชนหสิตุปฺปาทานิ กิริยานิ จาติ เตจตฺตาลีส จิตฺตานิ อรูปภูมิยํ นตฺถิ. ปฺจ รูปาวจรวิปากา รูปีนํ วิปากจิตฺตตฺตา นตฺถิ. รูปชวนานิ เหฏฺิมฌานานํ วิรตฺตตฺตา นตฺถิ. จกฺขุโสตวิฺาณานิ ปุฺชานิ ปสาทรหิตตฺตา นตฺถิ. ฆานาทิวิฺาณานิ ปกติยาเยว นตฺถิ. กุสลวิปากา มโนธาตุ จกฺขาทิคฺคหิตปฺจารมฺมณตฺตา อรูปานํ ธมฺมารมฺมณตฺตา นตฺถิ, อสติ จกฺขาทิวิฺาเณ สา จ ปุฺชา มโนธาตุ ตาย จ อสติยา จกฺขาทิวิฺาณมฺปิ นตฺถิเยว. กิริยามโนธาตุปิ ปฺจารมฺมณตฺตาเยว นตฺถิ, หสิตุปฺปาโทปิ รูปกายาภาวา สิตสฺสาภาวา นตฺถิ, ปุพฺเพว ทิฏฺสจฺจา อริยา รูปภูมิกา, ตสฺมา อาทิมคฺโคปิ นตฺถิ.

๒๑๔. เอวํ ภูมิวเสเนว, จิตฺตุปฺปตฺตึ วิภาวเย เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ภูมิวเสน จิตฺตุปฺปตฺตึ วิภาวเย ธีโร กเถยฺย. ตถา เอวํ เอกาทสนฺนํ ปุคฺคลานํ วเสน จิตฺตุปฺปตฺตึ ธีโร วิภาวเย กเถยฺย.

๒๑๕.

กุสลากุสลา กาเม,

เตสํ ปากา อเหตุกา;

อาวชฺชนทฺวยฺจาติ,

สตฺตตึเสว มานสาติ. –

อยํ วุตฺตตฺถา.

๒๑๖. เอวํ จตูสฺวปายภูมีสุ มนุสฺสภูมิยฺจาติ ปฺจภูมีสุ อเหตุกสฺส สตฺตสฺส ชายนฺเต อุปฺปชฺชนฺติ. ทฺเวปฺาสาวเสสานิ, น ชายนฺติ กทาจิปิ อวเสสานิ ทฺเวปฺาส จิตฺตานิ กทาจิปิ น ชายนฺติ น อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิ สรูปโต วุตฺตาเนว.

๒๑๗. อเหตุกสฺส สตฺตสฺส อุปฺปชฺชนฺเตหิ สตฺตตึสจิตฺเตหิ สห ทุเหตุกา, จตุมหาวิปากา จาติ จตฺตาลีส จิตฺตานิ ตถา เอกกํ ทุเหตุกสฺส สตฺตสฺส ชายนฺติ.

๒๑๘-๒๓. สพฺเพ มหคฺคตา เจว สพฺเพ สตฺตวีสติวิธา มหคฺคตา เจว สพฺเพปิ จ อนาสวา สพฺเพ อฏฺ โลกุตฺตรา เจว จตฺตาโร ติเหตุกวิปากา จ กาเม หสิตุปฺปาโท สเหตุกมหากิริยา จาติ นว กฺริยาปิ เจติ จตฺตาลีสํ ตถา อฏฺ จ ทุเหตุโน สตฺตสฺส น ชายนฺติ.

อยเมตฺถาธิปฺปาโย – ทุเหตุโน รูปารูปสมาปตฺติยา อสมตฺถตาย สตฺตวีส มหคฺคตา น ชายนฺติ, มคฺคผลํ อธิคนฺตุํ อสมตฺถตาย อฏฺ โลกุตฺตรา น ชายนฺติ, ติเหตุกวิปากา ติเหตุกานํ สตฺตานํ วิปากจิตฺตตฺตา น ชายนฺติ, นว กิริยานิ ขีณาสวานํเยว อุปฺปชฺชมานตฺตา น ชายนฺตีติ. กามาวจรสตฺตสฺส, ติเหตุปฏิสนฺธิโน ปุถุชฺชนสฺส จตุปฺาส มานสา ชายนฺติ. กตมานิ ตานิ? ทุเหตุกสฺส วุตฺตานิ จตฺตาลีส จิตฺตานิ ตถา เอกฺจ กามธาตุยํ จตฺตาโร าณสมฺปยุตฺตวิปากา รูปารูเปสุ นว ปุฺานิ จาติ จตุปฺาส มานสา ชายนฺติ. ปุถุชฺชนสฺส ติเหตุโน กามสตฺตสฺส ปฺจตึส จิตฺตานิ น ชายเร น ชายนฺติ. ตํ ยถา –

อาวชฺชนทฺวยํ หิตฺวา, อฏฺารส กฺริยาปิ จ;

นว มหคฺคตา ปากา, อฏฺ โลกุตฺตรานิ จ.

กามปุถุชฺชนสฺเสว, ติเหตุปฏิสนฺธิโน;

ปฺจตึเสว จิตฺตานิ, น ชายนฺติ กทาจิปิ.

ฉเทเวสุ มนุสฺเสสุ จาติ สตฺตสุ ภูมีสุ ชาตสฺส โสตาปนฺนสฺส เทหิโน สตฺตสฺส ปฺาส จิตฺตานิ ชายนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร นิทฺทิเส กเถยฺย. ตํ ยถา –

ทิฏฺิยา วิปฺปยุตฺตานิ, โทมนสฺสทฺวยมฺปิ จ;

อุทฺธจฺจสหิตฺเจว, กามปุฺานิ อฏฺ จ.

นว มหคฺคตปุฺานิ, อาวชฺชนทฺวยมฺปิ จ;

สพฺเพ กามวิปากา จ, โสตาปตฺติผลมฺปิ จ.

อสฺส โสตาปนฺนสฺส นวตึเสว จิตฺตานิ น อุปฺปชฺชนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร ทีปเย เทเสยฺย. ตํ ยถา –

อาวชฺชนทฺวยํ หิตฺวา, อฏฺารส กฺริยาปิ จ;

นว มหคฺคตา ปากา, สตฺต โลกุตฺตรานิ จ.

ทิฏฺิยา สมฺปยุตฺตานิ, วิจิกิจฺฉายุตํ ตถา;

นวตึส น ชายนฺติ, โสตาปนฺนสฺส เทหิโน.

๒๒๔. ปมํ ผลํ เปตฺวา โสตาปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส วุตฺตานิ จิตฺตานิ อตฺตโน สกทาคามิโน ผเลน สกทาคามิผเลน สห สกทาคามิปุคฺคลสฺส สิยุํ.

๒๒๕. โสตาปนฺนสฺส วุตฺตานิ, เปตฺวา ปฏิฆทฺวยํ ทุติยฺจ ผลํ สกทาคามิผลฺจ หิตฺวา อตฺตโน อนาคามิผเลน สห โสตาปนฺนสฺส สตฺตสฺส วุตฺตานิ ยานิ อฏฺจตฺตาลีส จิตฺตานิ อตฺถิ, ตานิ อนาคามิสฺส สตฺตสฺส ชายนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร วินิทฺทิเส.

๒๒๖. กติ จิตฺตานิ ชายนฺติ, กาเม อรหโต ปน กาเม สตฺตสุ กามภูมีสุ ชาตสฺส อรหโต ขีณาสวสฺส กติ จิตฺตานิ ชายนฺติ? จตฺตาริ จ จตฺตารีสฺจ จิตฺตานิ กาเม สตฺตสุ กามภูมีสุ ชาตสฺส อรหโต สิยุํ ภเวยฺยุํ. ตํ ยถา –

เตวีส กามปากานิ, กฺริยจิตฺตานิ วีสติ;

อรหตฺตผเลเนว, กาเม อรหโต สิยุํ.

๒๒๗. มคฺคฏฺานํ จตุนฺนมฺปิ เตสํ ปุคฺคลานํ สกํ สกํ มคฺคจิตฺตํ สิยา ภเวยฺย. เอกจิตฺตกฺขณา หิ เต หิ สจฺจํ ตํ มยา วุตฺตํ วจนํ. เต มคฺคา เอกจิตฺตกฺขณา.

๒๒๘. ปุถุชฺชนสฺส ตีสฺเวว, ปมชฺฌานภูมิสุ ตีสุ เอว ปมชฺฌานภูมีสุ ชาตสฺส ปุถุชฺชนสฺส พฺรหฺมุโน ปฺจตึส เอว จิตฺตานิ ชายนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร วินิทฺทิเส อุจฺจาเรยฺย. ตํ ยถา –

โทมนสฺสทฺวยํ หิตฺวา, อปุฺานิ ทเสว จ;

กามปุฺานิ อฏฺเว, นว ปุฺา มหคฺคตา.

จกฺขุโสตทฺวยํ ปุฺปากํ สนฺตีรณทฺวยํ;

อาวชฺชนทฺวยฺเจว, ปุฺชํ สมฺปฏิจฺฉนํ;

ปมชฺฌานปาโก จ, ปฺจตึเสว ชายเร.

๒๒๙-๒๓๔. ฆานาทีสุ ปสาเทสุ ปวตฺตํ กุสลวิปากํ วิฺาณตฺตยํ สตฺต อปุฺชา ปากา อฏฺ มหาปากา ตถา อุปริฌานภูมีสุ ชาตา ปากา อารุปฺปา จตฺตาโร วิปากาปิ จ โทมนสฺสทฺวยมฺปิ จ อาวชฺชนทฺวยวชฺชา อฏฺารส กฺริยา เจว อฏฺ โลกุตฺตรานิ จ เอตานิ จตุปฺาส จิตฺตานิ ปมชฺฌานภูมีสุ ตีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปุถุชฺชนสฺส เทหิโน สตฺตสฺส น จ ลพฺภเร น ลพฺภนฺติ. ตาสุ ตีสุ ภูมีสุ นิพฺพตฺตสฺส ปุถุชฺชนสฺส พฺรหฺมุโน วุตฺเตสุ จิตฺเตสุ อปุฺปฺจกํ หิตฺวา ตตฺถ ตีสุ ปมชฺฌานภูมีสุ นิพฺพตฺตสฺส โสตาปนฺนสฺส พฺรหฺมุโน ปมผเลน สห เอกตึส จิตฺตานิ ชายเร ชายนฺติ. สกทาคามิโน ตตฺถ ตีสุ ปมชฺฌานภูมีสุ ชาตสฺส สกทาคามิโน พฺรหฺมุโน เตสุ จิตฺเตสุ ปมํ ผลํ เปตฺวา สกทาคามิผลํ ปกฺขิปิตฺวา เอกตึเสว จิตฺตานิ ชายเร. อนาคามิสฺส ตตฺเถว ตีสุ ปมชฺฌานภูมีสุ เอว ชาตสฺส อนาคามิสฺส ทุติยํ ผลํ เปตฺวา อตฺตโน ผลจิตฺเตน สห เอกตึเสว จิตฺตานิ ชายนฺติ.

๒๓๕.

วิฺาณํ จกฺขุโสตานํ, ปุฺชํ สมฺปฏิจฺฉนํ;

สนฺตีรณทฺวยฺเจว, กฺริยจิตฺตานิ วีสติ.

๒๓๖-๗. อรหตฺตผลํ ปมชฺฌานโต สมฺภโว ปาโก สตฺตวีสติ จิตฺตานิ อรหนฺตสฺส ขีณาสวสฺส ชายเร. ปุถุชฺชนสฺส ตีสฺเวว ตีสุ เอว ทุติยชฺฌานภูมีสุ ชาตสฺส ปุถุชฺชนสฺส พฺรหฺมุโน ทุติยชฺฌานตติยชฺฌานปาเกน สห ฉตฺตึส จิตฺตานิ ชายนฺติ. ตํ ยถา –

โทมนสฺสทฺวยํ หิตฺวา, อปุฺานิ ทเสว จ;

กามปุฺานิ อฏฺเว, นว ปุฺมหคฺคตา.

จกฺขุโสตทฺวยํ ปุฺปากํ สนฺตีรณทฺวยํ;

อาวชฺชนทฺวยฺเจว, ปุฺชํ สมฺปฏิจฺฉนํ.

ทุติยชฺฌานปาเกน, ตติยชฺฌานปากโต;

ฉตฺตึเสว จ จิตฺตานิ, ทุติยชฺฌานเทหิโน.

๒๓๘-๒๔๑. ปุถุชฺชนสฺส วุตฺเตสุ, หิตฺวา วาปุฺปฺจกํ อตฺตโน ผเลน สห พาตฺตึส จิตฺตานิ โสตาปนฺนสฺส ชายนฺติ. โสตาปนฺนสฺส วุตฺเตสุ, เปตฺวา ปมํ ผลํ โสตาปนฺนสฺส วุตฺเตสุ ปมํ ผลํ เปตฺวา อตฺตโน ผลจิตฺเตน สห พาตฺตึส จิตฺตานิ, สกทาคามิสฺส วุตฺเตสุ ทุติยํ ผลํ เปตฺวา อนาคามิผเลน สห พาตฺตึเสว จิตฺตานิ อสฺส อนาคามิโน ภวนฺติ. อรหนฺตสฺส ตีสฺเวว, อฏฺวีสติ อตฺตโน ตีสุ เอว ทุติยชฺฌานภูมีสุ ชาตสฺส อรหโต อตฺตโน ผเลน ทุติยชฺฌานตติยชฺฌานปากโต ปาเกหิ สห อฏฺวีสติ จิตฺตานิ โหนฺติ. ตํ ยถา –

วิฺาณํ จกฺขุโสตานํ, ปุฺชํ สมฺปฏิจฺฉนํ;

สนฺตีรณทฺวยฺเจว, กฺริยจิตฺตานิ วีสติ.

อรหตฺตผลํ ปาโก, ทุติยชฺฌานสมฺภโว;

ตติยชฺฌานปาโก จ, อฏฺวีสติ มานสา.

๒๔๒-๖. ปริตฺตกสุภาทีนํ, เทวานํ ตีสุ ภูมีสุ จตุตฺถชฺฌานวิปาเกน สห ปฺจตึเสว จิตฺตานิ ชายนฺติ. โสตาปนฺนสฺส ตตฺเถก-ตึส จิตฺตานิ ชายเรตตฺถ ตาสุ ตีสุ ปริตฺตกสุภาทีนํ ภูมีสุ โสตาปนฺนสฺส จ เอกตึส จิตฺตานิ ชายเร. ยถา เอวํ สกทาคามิโน เอกตึส จิตฺตานิ ชายเร. ตถา อนาคามิโน เอกตึส ชายเร. ตตฺเถว ตาสุ ตีสุ ภูมีสุ เอว ชาตสฺส ขีณาสวสฺส สตฺตวีสติ มานสา โหนฺติ, ตถา เอวํ เวหปฺผเล เวหปฺผลภูมิยํ ชาตานํ ปุถุชฺชนเสกฺขานํ ปฺจนฺนํ สพฺเพสํ ปุคฺคลานํ มานสา โหนฺติ. ปฺจสุ สุทฺธาวาสิกภูมีสุ ชาตสฺส อนาคามิโน สตฺตสฺส เอกตึเสว จิตฺตานิ โหนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร ปริทีปเย เทเสยฺย. ตตฺเถว ตาสุ สุทฺธาวาสภูมีสุ เอว ชาตสฺส อรหโต สตฺตวีสติ มานสา โหนฺติ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน รูปีสุ ปฺจทสสุ รูปิภูมีสุ ชาตานํ สพฺเพสํ ปุคฺคลานํ จิตฺตานิ วิภาวินา ธีเรน วิฺเยฺยานิ ชานิตพฺพานิ.

๒๔๗. จตุวีสติ จิตฺตานิ, ปมารุปฺปภูมิยํ ปมอารุปฺปภูมิยํ ชาตสฺส ปุถุชฺชนสฺส จตุวีสติ จิตฺตานิ ชายนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร วินิทฺทิเส. ตํ ยถา –

โทมนสฺสทฺวยํ หิตฺวา, อปุฺานิ ทเสว จ;

กามปุฺานิ อฏฺเว, อารุปฺปกุสลานิ จ;

ปมารุปฺปปาโก จ, กฺริยาโวฏฺพฺพนมฺปิ จ.

๒๔๘-๒๕๑. โสตาปนฺนสฺส ตตฺเถว, เปตฺวาปุฺปฺจกํตตฺถ ติสฺสํ ปมารุปฺปภูมิยํ เอว โสตาปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส อปุฺปฺจกํ หิตฺวา อตฺตโน ผเลน สห วีสติ จิตฺตานิ โหนฺติ. ตถา ตตฺถ ติสฺสํ ปมารุปฺปภูมิยํ สกทาคามิโน, อนาคามิโนปิ จ ปุคฺคลสฺส ปุพฺพํ ปุพฺพํ ผลํ วินา วชฺเชตฺวา อตฺตโน ผเลน สห วีสติ จิตฺตานิ ชายนฺติ. ขีณาสวสฺส ตตฺเถว ตตฺถ ติสฺสํ ปมารุปฺปภูมิยํ เอว ชาตสฺส ขีณาสวสฺส ทส ปฺจ มานสา จ ชายนฺติ. ตํ ยถา –

มหากฺริยานิ อฏฺเว, จตฺวารุปฺปกฺริยานิ จ;

อรหตฺตผลํ ปาโก, โวฏฺพฺพฺจาปิ มานสํ.

ทุติยารุปฺปภูมิยํ ชาตสฺส ปุถุชฺชนสฺส สตฺตสฺส เตวีสติ จิตฺตานิ โหนฺติ. ตํ ยถา –

โทมนสฺสทฺวยํ หิตฺวา, อปุฺานิ ทเสว จ;

กามปุฺานิ อฏฺเว, ปุฺารูปูปรี ตโย;

ทุติยารุปฺปปาโก จ, โวฏฺพฺพฺจาปิ มานสํ.

อิติ เอวํ อิมินา ปกาเรน วตฺวา กเถตฺวา ธีโร ปณฺฑิโต วิภาวเย เทเสยฺย. เอตฺถ เอติสฺสํ ทุติยารุปฺปภูมิยํ ชาตานํ ติณฺณนฺนํ เสกฺขานมฺปิ เอกูนวีสติ จิตฺตานิ โหนฺติ. ตํ ยถา –

ทิฏฺิยา วิปฺปยุตฺตานิ, อุทฺธจฺจสหิตํ ตถา;

กามปุฺานิ อฏฺเว, ปุฺารูปูปรี ตโย.

ทุติยารุปฺปปาโก จ, โวฏฺพฺพฺจาปิ มานสํ;

สกสกผเลเนว, จิตฺตาเนกูนวีสติ.

๒๕๒. จุทฺทเสว ตุ จิตฺตานิ ทุติยารุปฺปภูมิยํ ชาตสฺส ขีณาสวสฺส กิริยจิตฺตานิ ทฺวาทส เอโก ปาโก อรหตฺตผลฺจาติ จุทฺทเสว จิตฺตานิ โหนฺติ. ตํ ยถา –

มหากฺริยานิ อฏฺเว, กฺริยารูปูปรี ตโย;

โวฏฺพฺพฺจ สโก ปาโก, อรหตฺตผลมฺปิ จ.

๒๕๓. ปุถุชฺชนสฺส สตฺตสฺส, ตติยารุปฺปภูมิยํ ตติยอรูปภูมิยํ ชาตสฺส ปุถุชฺชนสฺส สตฺตสฺส พาวีสติ จิตฺตานิ ภวนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร ปกาสเย. ตํ ยถา –

โทมนสฺสทฺวยํ หิตฺวา, อปุฺานิ ทเสว จ;

กามปุฺานิ อฏฺเว, ปุฺารูปูปรี ทุเว;

ตติยารุปฺปปาโก จ, โวฏฺพฺพฺจาปิ มานสํ.

๒๕๔-๕. อฏฺารเสว จิตฺตานิ, โสตาปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส อฏฺารส เอว จิตฺตานิ ชายเร. ตํ ยถา –

ทิฏฺิยา วิปฺปยุตฺตานิ, อุทฺธจฺจสหิตํ ตถา;

มหาปุฺานิ อฏฺเว, ปุฺารูปูปรี ทุเว.

อฏฺารเสว ปาเกน, โสตาปตฺติผเลน จ;

โวฏฺพฺพฺจาปิ มานสํ, โสตาปนฺนสฺส ชายเร.

สกทาคามิโน ปมํ ผลํ เปตฺวา อตฺตโน ผเลน ตานิ อฏฺารส จิตฺตานิ โหนฺติ. สกทาคามิโน วุตฺเตสุ จิตฺเตสุ ทุติยํ ผลํ เปตฺวา อตฺตโน ผเลน สห อฏฺารส จิตฺตานิ เอว อนาคามิสฺส ชายเร.

๒๕๖. เตรเสว จ จิตฺตานิ, ตติยารุปฺปภูมิยํ ตติยอรูปภูมิยํ ชาตสฺส ขีณาสวสฺส เตรเสว จิตฺตานิ ชายนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร วินิทฺทิเส. ตํ ยถา –

มหากฺริยานิ อฏฺเว, กฺริยารูปูปรี ทุเว;

อรหตฺตผลํ ปาโก, โวฏฺพฺพฺจาปิ มานสํ.

๒๕๗. เอกวีสติ จิตฺตานิ, จตุตฺถารุปฺปภูมิยํ จตุตฺถอรูปภูมิยํ ชาตสฺส ปุถุชฺชนสฺส สตฺตสฺส เอกวีสติ จิตฺตานิ ชายนฺติ. อิติ อิทํ วจนํ ธีโร วินิทฺทิเส. ตํ ยถา –

โทมนสฺสทฺวยํ หิตฺวา, อปุฺานิ ทเสว จ;

กามปุฺานิ อฏฺเว, โวฏฺพฺพฺจาปิ มานสํ;

จตุตฺถารุปฺปปุฺฺจ, สปาเกเนกวีสติ.

๒๕๘-๒๖๐. โสตาปนฺนสฺส สตฺตสฺส, สตฺตรส จิตฺตานิ ธีโร ปกาสเย. ตํ ยถา –

ทิฏฺิยา วิปฺปยุตฺตานิ, อุทฺธจฺจสหิตํ ตถา;

กามปุฺานิ อฏฺเว, โสตาปตฺติผลมฺปิ จ;

จตุตฺถารุปฺปปุฺฺจ, สปาโก โวฏฺพฺพมฺปิ จ.

สกทาคามิโน ปมํ ผลํ เปตฺวา ตานิ เอว จิตฺตานิ สผเลน โหนฺติ. สกทาคามิโน วุตฺเตสุ จิตฺเตสุ ทุติยํ ผลํ เปตฺวา อตฺตโน ผเลน สตฺตรส มานสา อนาคามิสฺส โหนฺติ. ทฺวาทเสว ตุ จิตฺตานิ, จตุตฺถารุปฺปภูมิยํ ชาตสฺส อรหนฺตสฺส ทฺวาทส เอว จิตฺตานิ ชายนฺติ. ตํ ยถา –

มหากฺริยานิ อฏฺเว, โวฏฺพฺพฺจาปิ มานสํ;

จตุตฺถฺจ กฺริยารูปํ, ปาโก อรหโต ผลํ.

อิติ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปุคฺคลานํ วเสน ภูมีสุ จิตฺตปฺปวตฺตึ วิทู ธีโร วิภาวเย.

๒๖๑-๒. เหฏฺิมานํ อรูปีนํ, พฺรหฺมานํ อุปรูปริ ชาตา อรูปกุสลา เจว กิริยาปิ จ อุปฺปชฺชนฺติ. อุทฺธํ อุทฺธํ ภาเค ชาตานํ อรูปีนํ พฺรหฺมานํ เหฏฺิมา เหฏฺิมา อารุปฺปา เหฏฺาภาเค ชาตา อรูปาวจรา ปน เนว ชายนฺติ. กสฺมา การณาติ? กิร มยา สุตํ, เหฏฺิมฌาเนสุ ทิฏฺาทีนวโต ทิฏฺโทสภาวโต เนว ชายนฺติ.

๒๖๓-๕. เปตฺวา ปมํ มคฺคํ โสตาปตฺติมคฺคํ เปตฺวา กุสลานุตฺตรา ตโย ตโย อนุตฺตรา กุสลา ตโย มคฺคา, กามาวจรปุฺานิ อฏฺ, ตถา ทส อปุฺานิ จิตฺตานิ, อรูปปุฺานิ จตฺตาริ. สพฺเพ ปากา อนุตฺตรา สพฺพานิ โลกุตฺตรผลานิ, ปมารุปฺปปาโก จ นว กามกิริยาปิ จ, อรูปาปิ สพฺพา กิริยา, เอตานิ ปน เตจตฺตาลีส มานสา ปมารุปฺปภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺติ.

๒๖๖-๗. สพฺโพ เตวีสติกามวิปาโก, สพฺโพ ปนฺนรสวิโธ มหคฺคโต รูโป จิตฺตุปฺปาโท, มโนธาตุ กิริยามโนธาตุ, โทมนสฺสทฺวยมฺปิ จ อาทิมคฺโค จ ตถา อุปริ ชาตา ตโย อรูปปากา จาติ ฉจตฺตาลีส จิตฺตานิ เอตฺถ เอติสฺสํ ปมารุปฺปภูมิยํ นตฺถิ.

๒๖๘-๙. วุตฺเตสุ ปน จิตฺเตสุ, ปมารุปฺปภูมิยํ วุตฺเตสุ จิตฺเตสุ กุสลปากกิริยาวเสน ปมารุปฺปตฺตยํ เปตฺวา อตฺตโน ปาโก จาติ จตฺตาลีส จิตฺตานิ ทุติยารุปฺปภูมิยํ ชายนฺติ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน เสสทฺวเย ปมทุติยารุปฺปโต เสสอากิฺจฺายตนเนวสฺานาสฺายตนภูมิทฺวเย เหฏฺิมเหฏฺิมํ กุสลวิปากกิริยาวเสน เหฏฺาภาเค ชาตํ อรูปตฺตยํ หิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปากา เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปณฺฑิเตน เยฺยา ชานิตพฺพา.

๒๗๐-๓. จตฺตาโร จ อนาสวา, วิปากา จตฺตาริ โลกุตฺตรผลจิตฺตานิ, สพฺเพ สพฺพานิ จ จตูสุ อารุปฺปภูมีสุ โหนฺติ. โวฏฺพฺพเนน จิตฺเตน สห กาเม อฏฺ มหากิริยา, จตสฺโส อรูปกิริยาปิ จาติ เตรส เอว กิริยา ปมารุปฺปภูมิยํ ชาตสฺส ขีณาสวสฺส ชายนฺติ. ทุติยารุปฺปภูมิยํ ชาตสฺส ขีณาสวสฺส ปมารุปฺปกิริยํ หิตฺวา ทฺวาทส เอว กิริยา โหนฺติ. ตติยารุปฺปภูมิยํ ชาตสฺส ขีณาสวสฺส ปมทุติยารุปฺปกิริยานิ หิตฺวา เอกาทส กิริยา โหนฺติ. จตุตฺถารุปฺปภูมิยํ ชาตสฺส ขีณาสวสฺส ปมทุติยตติยารุปฺปกิริยานิ หิตฺวา ทเสว กิริยา เยฺยา ชานิตพฺพา.

๒๗๔.

อรหโต ปน จิตฺตานิ, โหนฺติ เอกูนวีสติ;

อรหตฺตํ กฺริยา สพฺพา, เปตฺวาวชฺชนทฺวยํ.

อาวชฺชนทฺวยํ เปตฺวา สพฺพา กิริยา, อรหตฺตผลฺจาติ เอกูนวีสติ จิตฺตานิ อรหโต ปน โหนฺติ. อาวชฺชนทฺวยํ กิฺจาปิ ขีณาสวสฺส โหนฺติ, เอวมฺปิ อฺเสํ ปุถุชฺชนเสกฺขานมฺปิ โหนฺติเยว. เอกูนวีสติ จิตฺตานิ ขีณาสวสฺส เอว โหนฺติ, น อฺเสนฺติ าปนตฺถํ ‘‘อาวชฺชนทฺวยํ เปตฺวา’’ติ วุตฺตํ.

๒๗๕-๖. จตุนฺนํ ผลฏฺานํ ปุคฺคลานฺจ ติเหตุกปุถุชฺชเน จ เตรเสว จิตฺตานิ ภวนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร ปกาสเย. ตํ ยถา – จตฺตาโร าณสมฺปยุตฺตา มหาวิปากานิ, นว รูปารูปปากา จ อิเม เตรเสว จิตฺตานิ ภวนฺติ.

๒๗๗-๙. จตุนฺนํ ผลฏฺานํ ปุคฺคลานฺจ ทุเหตุกปุถุชฺชเน จ าณปริหีนานิ จตฺตาริ วิปากานิ เอว ชายเร. ปุถุชฺชนานํ ติณฺณมฺปิ, จตุนฺนํ อริยเทหินํ อริยคตานํ สตฺตนฺนํ ปุคฺคลานํ สตฺตรเสว จิตฺตานิ ภวนฺติ. ตํ ยถา – ทุเว ปฺจวิฺาณานิ, มโนธาตุตฺตยสนฺตีรณานิ, โวฏฺพฺพนฺจ อิเม สตฺตรส เอว โหนฺติ.

๒๘๐-๕. เหฏฺา ติณฺณํ ผลฏฺานํ, ติเหตุกปุถุชฺชเน จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ มหคฺคตานิ เอว กุสลานิ โหนฺติ. ติณฺณํ ปุถุชฺชนานฺจ, อาทิโต ติณฺณํ อริยานํ เหฏฺา อริยานํ เตรเสว จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร นิทฺทิเส. อฏฺเว กามปุฺานิ, อปุฺโต อกุสลวเสน ทิฏฺิหีนา จตฺตาโร จิตฺตุปฺปาทาปิ, อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตฺจาติ เตรส จิตฺตานิ โหนฺติ. เหฏฺา ทฺวินฺนํ ผลฏฺานํ โสตาปนฺนสกทาคามิปุคฺคลานํ สพฺพปุถุชฺชเน อเหตุกทุเหตุกติเหตุกปุถุชฺชเน โทมนสฺสยุตฺตํ ทฺวยเมว จิตฺตํ ชายเต. ติณฺณํ ปุถุชฺชนานฺจ ปฺจ เอว ชายเร. ตํ ยถา –

จตฺตาริ ทิฏฺิยุตฺตานิ, วิจิกิจฺฉายุตมฺปิ จ;

มคฺคฏฺานํ จตุนฺนมฺปิ, มคฺคจิตฺตํ สกํ สกํ.

เตสํ จตุนฺนํ มคฺคฏฺานํ ปุคฺคลานํ สกํ สกํ เอกเมว มคฺคจิตฺตํ ภเว ภเวยฺย. อิติ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ธีโร ปณฺฑิโต วิภาวเย จิตฺตปฺปวตฺตึ ปกาสเย.

๒๘๖-๙. มยา ภเวสุ จิตฺตานํ, ปุคฺคลานํ วเสน จ. ภเวสุ สพฺพภเวสุ จิตฺตานํ, ปุคฺคลานํ วเสน จ จิตฺตปฺปวตฺติ ภิกฺขูนํ อาภิธมฺมิกภิกฺขูนํ ปาฏวตฺถาย เฉกภาวาย มยา ปกาสิตา. เอวํ สพฺพมิทํ จิตฺตํ, ภูมิปุคฺคลเภทโต เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ภูมิปุคฺคลเภทโต อิทํ สพฺพํ จิตฺตํ พหุธาปิ จ พหุปฺปการมฺปิ จ โหติ. อิติ คหณํ วิภาวินา วิฺาตพฺพํ. สกฺกา วุตฺตานุสาเรน มยา วุตฺตสฺส อนุสาเรน เภโท จิตฺตเภโท วิภาวินา าตุํ วิชานิตุํ สกฺกา. คนฺถวิตฺถารภีเตน มยา อิทํ จิตฺตปฺปวตฺติทีปกวจนํ สํขิตฺตํ, ปุพฺพาปรํ วิโลเกตฺวา, จินฺเตตฺวา จ ปุนปฺปุนํ อตฺถํ อุปปริกฺขิตฺวา วิภาวินา คเหตพฺพํ.

๒๙๐. อิมฺจาภิธมฺมาวตารํ สุสารํ, วรํ สตฺตโมหนฺธการปฺปทีปํ อิมฺจ อภิธมฺมาวตารปฺปกรณํ สุสารํ สุนฺทรสารภูตํ วรํ สตฺตอนฺธการสทิเส โมเห ปทีปํ ปชฺโชตปฺปทีปํ โย นโร สาธุกํ จินฺเตติ วาเจติปิ, ตํ นรํ ราคโทสา จิรํ จิรกาลํ โนปยนฺติ น อุปคจฺฉนฺติ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

ภูมิปุคฺคลจิตฺตุปฺปตฺตินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจโม ปริจฺเฉโท.

๖. ฉฏฺโ ปริจฺเฉโท

อารมฺมณวิภาควณฺณนา

๒๙๑.

เอเตสํ ปน จิตฺตานํ, อารมฺมณมิโต ปรํ;

ทสฺสยิสฺสามหํ เตน, วินา นตฺถิ หิ สมฺภโว.

อิโต ปรํ อิโต ปริจฺเฉทโต ปรํ อหํ เอเตสํ ปน จิตฺตานํ อารมฺมณํ ทสฺสยิสฺสามิ. หิ กสฺมา? เตน วินา ตํ อารมฺมณํ วชฺเชตฺวา จิตฺตานํ สมฺภโว นตฺถิ ยสฺมา การณา, ตสฺมา การณา ทสฺสยิสฺสามิ.

๒๙๒.

รูปํ สทฺทํ คนฺธํ รสํ, โผฏฺพฺพํ ธมฺมเมว จ;

ฉธา อารมฺมณํ อาหุ, ฉฬารมฺมณโกวิทา.

ฉฬารมฺมเณสุ เฉกา ปณฺฑิตา อารมฺมณํ ฉธา ฉปฺปการํ อาหุ กเถสุํ.

๒๙๓. ตตฺถ ภูเต อุปาทาย. ตตฺถ เตสุ อารมฺมเณสุ ภูเต อุปาทาย ภูเต ปฏิจฺจ วณฺโณ จตุสมุฏฺิโต กมฺมจิตฺตอุตุอาหารสงฺขาเตหิ จตูหิ ปจฺจเยหิ สมุฏฺิโต นิพฺพตฺโต นิทสฺสเนน สห ปวตฺโต ปฏิเฆน สห ปวตฺโต รูปารมฺมณสฺิโต.

๒๙๔. ทุวิโธปิ สมุทฺทิฏฺโ, สทฺโท จิตฺโตตุสมฺภโว สทฺโท ทุวิโธปิ มุนินา สมุทฺทิฏฺโ จิตฺโตตุสมฺภโว, สวิฺาณกสทฺโทว จิตฺตสมุฏฺิโต โหติ. กถํ? วจีเภทกจิตฺเตน ภูตาย ชาตาย ภูมิยา ปถวีธาตุยา วิการตา ปถวีลกฺขณภาวโต อติถทฺธลกฺขณตา วิการตา นาม. สา วจีวิฺตฺติ วิฺายตีติ วิฺตฺติยา อุปาทิณฺณฆฏฺฏนสฺส กมฺมชปถวีธาตุยา ฆฏฺฏนสฺส การณํ จิตฺตชปถวีธาตุยา กมฺมชปถวีธาตุยา ฆฏฺฏนฺจ สทฺโท จ อปุพฺพํ อจริมํ โหติ.

๒๙๕. อวิฺาณกสทฺโท โย โส อวิฺาณกสทฺโท อุตุสมุฏฺิโต โหติ. อยํ ทุวิโธปิ สทฺโท สทฺทารมฺมณตํ คโต สทฺทารมฺมณภาวํ ปตฺโต.

๒๙๖. ธรียตีติ คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต ชเนหิ ธรียเตติ คนฺโธ. คมุ สปฺป คติมฺหิ, ธร ธารเณ. สูจนโต อตฺตโน สาธารณสฺส ปุปฺผาทิโน วตฺถุสฺส ปกาสนโตปิ วา คนฺโธ นาม. คนฺธ สูจเน. อยํ คนฺโธ จตูหิ สมุฏฺานํ เอตสฺสาติ จตุสมุฏฺาโน. คนฺธารมฺมณสมฺมโต.

๒๙๗. รสมานา รสนฺตีติ, รโสติ ปริกิตฺติโต ชนา รสมานา ยํ ธมฺมชาตํ รสนฺติ อนุภวนฺติ, อิติ ยสฺมา การณา, ตสฺมา การณา รโส อิติ รโส นาม ปณฺฑิเตหิ ปริกิตฺติโต, โส รโส จตุสมฺภูโต รสารมฺมณนามโก.

๒๙๘. ผุสียตีติ โผฏฺพฺพํ ยํ ธมฺมชาตํ ชเนหิ ผุสียตีติ ตสฺมา โผฏฺพฺพํ, ปถวีเตชวายโว. ตํ โผฏฺพฺพํ จตุสมฺภูตํ โผฏฺพฺพารมฺมณํ มตํ.

๒๙๙. สพฺพํ นามฺจ รูปฺจ, หิตฺวา รูปาทิปฺจกํ รูปาทิปฺจกํ หิตฺวา สพฺพํ นามฺจ จิตฺตเจตสิกนิพฺพานนามฺจ รูปฺจ ปฺจปสาทสุขุมรูปฺจ ลกฺขณานิ จ อนิจฺจทุกฺขอนตฺตลกฺขณานิ จ ปฺตฺติ จ ธมฺมารมฺมณสฺิตํ.

๓๐๐. ฉารมฺมณานิ ลพฺภนฺติ, กามาวจรภูมิยํ กามาวจรภูมิยํ ฉารมฺมณานิ ลพฺภนฺติ. ตีณิ รูปาวจเร รูปสทฺทธมฺมารมฺมณวเสน ลพฺภนฺติ. อรูเป ปน เอเกกํ ธมฺมารมฺมณํ ลพฺภติ.

๓๐๑-๓. ขณวตฺถุปริตฺตตฺตา, อาปาถํ น วชนฺติ เย เย รูปาทโย ปฺจ วิสยา ขณวตฺถุปริตฺตตฺตา ปฺจารมฺมณานํ ขณสฺส ปริตฺตตฺตา มนฺทตฺตา เตสํ อปฺปายุกตฺตา วตฺถุปริตฺตตฺตา ปฺจารมฺมณานํ อติขุทฺทกวตฺถุกตฺตา อาปาถํ ปฺจทฺวาเรสุ ปากฏภาวํ น วชนฺติ, ปฺจปสาเทสุ ฆฏฺฏนกิจฺจํ น สาเธนฺติ, เต รูปาทโย ปฺจ วิสยา ธมฺมารมฺมณํ โหนฺติ. อิติ เยสํ เอกจฺจานํ อาจริยานํ มตํ โหติ. กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. เต ปฏิกฺขิปิตพฺพาว เต เอวํ วาทิโน เอกจฺเจ อาจริยา ปฏิกฺขิปิตพฺพา, มยา ปฏิเสธิตพฺพา. กสฺมา? จกฺขุวิฺาณํ โสตวิฺาณสฺส โคจรภูตํ สทฺทํ น ปฏิอนุโภติ, โสตวิฺาณํ จกฺขุวิฺาณสฺส โคจรภูตํ รูปํ น ปฏิอนุโภติ. อิติ อฺมฺสฺส โคจรํ เนว ปจฺจนุโภนฺตานํ เตสํ ปฺจนฺนํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ วิฺาณานํ ตฺจ โคจรํ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุสงฺขาตํ ชวนํ ปน ปจฺจนุโภติ. อิติ วจนสฺส ภควตา วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. รูปาทโย ปน วิสยา รูปาทิปฺจารมฺมณานิ เอว โหนฺติ.

๓๐๔-๖. ทิพฺพจกฺขาทิาณานํ, รูปาทีเนว โคจรา ตานิ รูปาทีนิ เอว โคจรา ทิพฺพจกฺขาทิาณานํ อนาปาถคตานํ เอว ปากฏภาวํ อปฺปตฺตาเนว. อิติปิ วจนํ วุตฺตํ น ยุชฺชติ. ยํ ธมฺมชาตํ รูปารมฺมณํ ภวนฺตํ, ตํ ธมฺมชาตํ กถํ เกน ปกาเรน ธมฺมารมฺมณํ ภเวยฺย? เอวํ สติ รูปารมฺมณสฺส ธมฺมารมฺมณตฺเต สติ เอเตสํ รูปารมฺมณธมฺมารมฺมณานํ นิยโมปิ กถํ ภเว เกน ปกาเรน ภเวยฺย? สพฺพํ อารมฺมณํ เอตํ เอตํ สพฺพํ อารมฺมณํ ฉพฺพิธํ ฉปฺปการํ ภควตา สมุทีริตํ. ตํ ปริตฺตตฺติกาทีนํ วเสน พหุปฺปกาเรหิ มตํ.

๓๐๗. สพฺโพ กามวิปาโก จ สพฺโพ เตวีสติกามวิปาโก จ กฺริยาเหตุทฺวยมฺปิ จ มโนธาตุหสิตุปฺปาทวเสน กิริยาเหตุทฺวยมฺปิ จาติ ปฺจวีสติ จิตฺตุปฺปาทา เอกนฺตปริตฺตารมฺมณา เอกนฺตกามาวจรารมฺมณา สิยุํ ภเวยฺยุํ.

๓๐๘-๑๐. อิฏฺาทิเภทา ปฺเจว, รูปสทฺทาทโย ปน ทฺวิปฺจนฺนํ วิฺาณานํ ปฏิปาฏิยา อนุกฺกเมน โคจรา โหนฺติ. รูปาทิปฺจกํ สพฺพํ, มโนธาตุตฺตยสฺส ตุ มโนธาตุตฺตยสฺส ปน สพฺพํ รูปาทิปฺจกํ อารมฺมณํ โหติ, เอเตสํ เตรสนฺนํ ปน จิตฺตานํ รูปกฺขนฺโธว โคจโร อารมฺมณํ โหติ. นารูปํ นามํ อารมฺมณํ น กโรนฺติ. น จ ปฺตฺตึ ปฺตฺตึ อารมฺมณํ น กโรนฺติ. นาตีตํ อตีตํ อารมฺมณํ น กโรนฺติ. น จนาคตํ อนาคตํ อารมฺมณํ น กโรนฺติ เอว. หิ สจฺจํ วตฺตมาโน โคจโร เอเตสํ ทฺวิปฺจวิฺาณานํ, มโนธาตุตฺตยสฺส จาติ เตรสนฺนํ จิตฺตานํ ตํ อารมฺมณํ วตฺตมานํ เอว ปจฺจุปฺปนฺนํ เอว.

๓๑๑. เตรเสตานิ จิตฺตานิ, ชายนฺเต กามธาตุยํ เอตานิ เตรส จิตฺตานิ กามธาตุยํ ชายนฺติ, รูปาวจเร ปุฺชานิ จกฺขุโสตวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนานิ, กิริยามโนธาตุ จาติ จตฺตาริ จิตฺตานิ ชายนฺติ. อรูปิสุ อรูปภูมีสุ เนว กิฺจิปิ เอกมฺปิ จิตฺตํ เนว ชายติ.

๓๑๒-๓. มหาปากานมฏฺนฺนํ อฏฺนฺนํ มหาวิปากานํ ปวตฺติยํ ฉสุ ทฺวาเรสุ ตทารมฺมณกิจฺจานํ รูปาทิฉปริตฺตานิ โคจรา. สนฺตีรณตฺตยสฺสปิ ปวตฺติยํ ปฺจทฺวาเร สนฺตีรณตฺตยกิจฺจสฺส, ฉทฺวาเรสุ ตทาลมฺพณกิจฺจสฺส จ รูปาทิฉปริตฺตานิ โคจรา. รูปาทโย ปริตฺตา ฉ, หสิตุปฺปาทโคจรา หสิตุปฺปาทสฺส รูปาทโย ฉ ปริตฺตา โคจรา โหนฺติ. ปฺจทฺวาเร ปฏุปฺปนฺนา ปฺจสุ ทฺวาเรสุ เย โคจรา ปจฺจุปฺปนฺนา, มโนทฺวาเร ติกาลิกา เย โคจรา ติกาลิกา ตีสุ กาเลสุ นิยุตฺตา.

๓๑๔-๕. ทุติยารุปฺปจิตฺตฺจ, จตุตฺถารุปฺปมานสํ กุสลวิปากกิริยาวเสน ฉพฺพิธํ จิตฺตํ มหคฺคตโคจรํ นิยตํ นิยตารมฺมณํ โหติ, ตํ ฉพฺพิธํ จิตฺตํ มหคฺคตโคจรํ ปุพฺเพ อตฺตนา อธิคตอากาสานฺจายตนอากิฺจฺายตนกุสลารมฺมณํ, เตสุ ทฺเว ทุติยจตุตฺถารุปฺปปากา ‘‘ยสฺส ยสฺส กุสลฌานสฺส ยํ ยํ อารมฺมณํ คเหตฺวา พฺรหฺมโลเก ปฏิสนฺธิ โหตี’’ติ วจนโต สกสกกุสลสฺส อารมฺมณํ เอว เตสํ วิปากานํ อารมฺมณํ โหติ. นิพฺพานารมฺมณตฺตา หิ, เอกนฺเตน อนฺโต อฏฺานาสวจิตฺตานํ อปฺปมาโณว นิพฺพานํ เอว โคจรํ อารมฺมณํ โหติ. หิ กสฺมา การณา? นิพฺพานารมฺมณตฺตา, น อฺโต อารมฺมณโต.

๓๑๖-๓๒๐. จตฺตาโร าณหีนา จ, กามาวจรปุฺโต กามาวจรกุสลวเสน จตฺตาโร าณหีนา จ กฺริยโต กิริยวเสน จตฺตาโร าณหีนา จ ทฺวาทสากุสลานิ จ เต ปริตฺตารมฺมณา เจว มหคฺคตโคจรา จ, เต น วตฺตพฺพา จ โหนฺติ. กสฺมา? ปฺตฺตารมฺมณตฺตา. จตฺตาโร าณสํยุตฺตา, ปุฺโต กุสลวเสน จตฺตาโร าณสมฺปยุตฺตา, กฺริยโต กิริยวเสน จตฺตาโร าณสมฺปยุตฺตา จ ตถา อภิฺาทฺวยฺจ กิริยาโวฏฺพฺพนมฺปิ จ เอกาทสนฺนํ เอเตสํ จิตฺตานํ โคจโร ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณวเสน ติวิโธ โหติ. อิเม เอกาทส น วตฺตพฺพาปิ โหนฺติ. กสฺมา? ปฺตฺตารมฺมณตฺตา. ยานิ วุตฺตาวเสสานิ วุตฺตโต จิตฺตโต เสสานิ ยานิ จิตฺตานิ, ตานิ น วตฺตพฺพารมฺมณานีติ วิภาวินา วิฺเยฺยานิ.

ปริตฺตารมฺมณตฺติกํ สมตฺตํ.

๓๒๑.

ทุติยารุปฺปจิตฺตฺจ, จตุตฺถารุปฺปมานสํ;

ฉพฺพิธํ ปน เอกนฺตอตีตารมฺมณํ สิยา.

๓๒๒-๖. วิฺาณานํ ทฺวิปฺจนฺนํ ทฺวินฺนํ ปฺจวิฺาณานํ, มโนธาตุตฺตยสฺส จ เตรสนฺนํ จิตฺตานํ โคจรา รูปาทโย ปฺจ ธมฺมา ปจฺจุปฺปนฺนาว, อฏฺ กามมหาวิปากา ตทารมฺมณกิจฺจวเสน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนโคจรา, จุติกิจฺจวเสน อตีตารมฺมณา, ปฏิสนฺธิภวงฺคกิจฺจวเสน ปจฺจุปฺปนฺนาตีตารมฺมณา. โสมนสฺสสนฺตีรณํ สนฺตีรณกิจฺจวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ. ตทารมฺมณกิจฺจวเสน ปจฺจุปฺปนฺนานาคตาตีตารมฺมณํ. เสสสนฺตีรณทฺวยํ สนฺตีรณกิจฺจวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ, ตทารมฺมณกิจฺจวเสน ปจฺจุปฺปนฺนานาคตาตีตารมฺมณํ, จุติกิจฺจวเสน อตีตารมฺมณํ, ปฏิสนฺธิภวงฺคกิจฺจวเสน ปจฺจุปฺปนฺนาตีตารมฺมณํ. หสิตุปฺปาทจิตฺตํ ชวนกิจฺจวเสน ปจฺจุปฺปนฺนาตีตานาคตโคจรํ. อิติ เอเต ทฺวาทส มานสา ปน สิยาตีตารมฺมณา อตีตารมฺมณา สิยุํ. ปจฺจุปฺปนฺนานาคตโคจรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา อนาคตารมฺมณา สิยุํ. กาเม วีสติ กุสลากุสลา กฺริยโต กิริยวเสน กาเม นว มานสา, โวฏฺพฺพํ โวฏฺพฺพนกิจฺจวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ, อาวชฺชนกิจฺจวเสน ติกาลารมฺมณํ. มหากิริยมานสา ชวนกิจฺจวเสน ติกาลารมฺมณา, สนฺเต ปฺตฺติกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณา. ทฺเว อภิฺามานสาปิ อภิฺากิจฺจวเสน อตีตาทิโคจรา สิยุํ. อิเม มานสา ปฺตฺติกาเลปิ สนฺเต นวตฺตพฺพา ภวนฺติ. รูปารูปภเวสุ มยา วุตฺตโต เสสานิ สพฺพานิ จิตฺตานิ อตีตารมฺมณาทินา อตีตารมฺมณาทิวเสน ปณฺฑิเตน น วตฺตพฺพานิ น กถิตพฺพานิ โหนฺติ เอว, ปฺตฺตารมฺมณานิ เอว โหนฺตีติ อตฺโถ.

๓๒๗. กามโต จ กฺริยา ปฺจ กามาวจรวเสน ปฺจ กิริยา, รูปโต รูปาวจรวเสน ปฺจมี กฺริยา อภิฺาจิตฺตํ, เอเตสํ ฉนฺนํ จิตฺตานํ นตฺถิ กิฺจิ เอกมฺปิ อโคจรํ อนารมฺมณํ, สพฺพารมฺมณนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปฺจมี กฺริยา’’ติ วจนํ อภิฺาจิตฺตวเสน วุตฺตํ. สุทฺธฌานสฺส ปฺจมรูปกิริยสฺส ปฺตฺตารมฺมณํ เอวาติ เวทิตพฺพํ.

๓๒๘. นิพฺพานฺจ จตุพฺพิธํ ผลํ, มคฺคํ รูปฺจ อรูปํ จิตฺตเจตสิกสงฺขาตํ นามฺจ โคจรํ กาตุํ ยานิ จิตฺตานิ สกฺโกนฺติ, ตานิ จิตฺตานิ เม วท, อาจริย, ตานิ มยฺหํ กเถหิ.

๓๒๙-๓๐. จตฺตาโร าณสํยุตฺตา, ปุฺโต ปุฺวเสน จตฺตาโร าณสมฺปยุตฺตา, กฺริยโต ตถา กิริยวเสน จตฺตาโร าณสมฺปยุตฺตา, ทฺเว อภิฺามานสา, กิริยาโวฏฺพฺพนมฺปิ จาติ เอกาทส จิตฺตานิ นิพฺพานฺจ ผลฺจ มคฺคฺจ รูปฺจ อรูปํ นามฺจ โคจรํ กาตุํ สกฺโกนฺติ.

๓๓๑-๔. จิตฺเตสุ ปน สพฺเพสุ ยานิ จิตฺตานิ อรหตฺตผลํ อรหตฺตมคฺคํ โคจรํ กาตุํ สกฺโกนฺติ, ตานิ กติ จิตฺตานิ เม วท ตานิ มยฺหํ ตฺวํ กเถหิ. สพฺเพสุ ปน จิตฺเตสุ, ฉ จ จิตฺตานิ เม สุณ, โภ ภทฺทมุข, ตฺวํ มยฺหํ วจนํ สุโณหิ, สพฺเพสุ ปน จิตฺเตสุ ฉ จิตฺตานิ อรหตฺตผลํ อรหตฺตมคฺคํ โคจรํ กาตุํ สกฺโกนฺติ. จตฺตาโร าณสํยุตฺตา, กิริยา จ โวฏฺพฺพนมฺปิ จ กิริยาภิฺามโน จาติ ฉ จ จิตฺตานิ โคจรํ กาตุํ สกฺโกนฺติ. ปุฺโต ปุฺวเสน จตฺตาโร าณสมฺปยุตฺตา, ปุฺโต ปุฺวเสน อภิฺาจิตฺตฺจ อรหตฺตผลํ มคฺคํ โคจรํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ.

๓๓๕-๘. อรหโต ขีณาสวสฺส มคฺคจิตฺตํ ผลมานสํ วา ปุถุชฺชนา วา เสกฺขา วา วิชานิตุํ น สกฺโกนฺติ. กสฺมา การณา? ปุถุชฺชโน โสตาปนฺนสฺส มานสํ น ชานาติ, โสตาปนฺโน สกทาคามิสฺส มานสํ น ชานาติ, สกทาคามี อนาคามิสฺส มานสํ น ชานาติ, อนาคามี อรหนฺตสฺส มานสํ น ชานาติ. เหฏฺิโม เหฏฺิโม ปุคฺคโล อุปรูปริ ิตสฺส ปุคฺคลสฺส มานสํ เนว ชานาติ, อุปรูปริ ิโต ปุคฺคโลปิ เหฏฺิมสฺส เหฏฺิมสฺส ปุคฺคลสฺส มานสํ ชานาติ.

๓๓๙-๓๔๒. โย ธมฺโม ยสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณํ โหติ, ตํ อารมฺมณํ เอกํ เอกํ อุทฺธริตฺวา อิโต ปรํ ปวกฺขามิ. กุสลารมฺมณํ กาเม กาเม อฏฺวิธํ กุสลํ อฏฺวิธสฺส กามาวจรกุสลสฺส อารมฺมณํ โหติ. กถํ? ปุพฺเพว กตํ อฏฺวิธํ มหากุสลํ ปจฺฉา โสมนสฺสสหคตาณสมฺปยุตฺตจิตฺตทฺวเยน วา โสมนสฺสสหคตาณวิปฺปยุตฺตจิตฺตทฺวเยน วา อุเปกฺขาสหคตาณสมฺปยุตฺตทฺวเยน วา อุเปกฺขาสหคตาณวิปฺปยุตฺตทฺวเยน วา อนุสฺสรณกอาลาทีสุ ตสฺส อฏฺวิธสฺส กุสลสฺส ชวนกิจฺจวเสน อารมฺมณํ โหติ, วิปฺปฏิสารกาลาทีสุ ทฺวาทสวิธสฺส อกุสลสฺส อารมฺมณํ โหติ, กุสลสฺส อภิฺามานสสฺส จ กิริยสฺส อภิฺามานสสฺส จ อารมฺมณํ โหติ, เอกาทสวิธสฺส กามาวจรวิปากสฺส ตทารมฺมณวเสน อารมฺมณํ โหติ. ตถา กามกฺริยสฺสาติ ชวนกิจฺจวเสน หสนสฺส อาวชฺชนกิจฺจวเสน โวฏฺพฺพนสฺส ชวนกิจฺจวเสน มหากิริยสฺส อารมฺมณํ โหติ, เอเตสํ ฉนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณํ สิยา ภเวยฺย. รูปาวจรปุฺานิ ปฺจ ตโต ฉราสิโต กามวิปากํ วชฺเชตฺวา ปฺจนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณานิ โหนฺติ. ตทา โลภมูลโมหมูลวเสน อตฺตนา ปฏิลทฺธฌานานํ อนุสฺสรณกาเล ตสฺส ทสวิธสฺส อกุสลสฺส อารมฺมณํ โหติ, ติเหตุกปฏิสนฺธิโน สตฺตสฺส ฌานโต ปริหีนสฺส ฌานํ ปจฺจเวกฺขโต ฌานารมฺมณํ โทมนสฺสยุตฺตํ โหติ, ตทา ตสฺส ปฏิฆทฺวยสฺส อารมฺมณํ โหติ. กามกฺริยสฺสาติ เอกนฺตปริตฺตารมฺมณานิ กิริยามโนธาตุหสนานิ วชฺเชตฺวา อาวชฺชนกิจฺจวเสน โวฏฺพฺพนสฺส, ชวนกิจฺจวเสน มหากิริยสฺส จ อารมฺมณํ โหติ.

๓๔๓. อารุปฺปกุสลฺจาปิ, เตภูมกุสลสฺส จ มหากุสลสฺส จ อภิฺากิจฺจวเสน ปฺจมรูปกุสลสฺส จ ทุติยจตุตฺถอรูปกุสลสฺส จ เตภูมกกฺริยสฺสาปิ โวฏฺพฺพนสฺส มหากิริยสฺส จ อภิฺากิจฺจวเสน ปฺจมรูปกิริยสฺส จ ทุติยจตุตฺถารุปฺปกิริยสฺส จ อารมฺมณํ โหติ, ทุติยารุปฺปกิริยสฺส จ ปมารุปฺปกิริยาย อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ, จตุตฺถารุปฺปกิริยสฺส จ ตติยารุปฺปกิริยาย อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ, เอวฺจ สติ กถํ ปมารุปฺปกุสลํ ทุติยารุปฺปกิริยสฺส อารมฺมณํ โหติ, ตติยารุปฺปกุสลฺจ จตุตฺถารุปฺปกิริยสฺส อารมฺมณํ โหตีติ เจ วตฺตพฺพํ, ยทา ปุถุชฺชนโยคี วา เสกฺโข วา โยคี รูปสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺหิตฺวา อากาสานฺจายตนสงฺขาตํ ปมารุปฺปสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วีตราโค หุตฺวา อตฺตนา อธิคตา สมาปตฺติโย คเหตฺวา ปุถุชฺชนเสกฺขกาเล อตฺตนา อนธิคตํ ทุติยํ อรูปสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ, ตทา ขีณาสวกาเล สมาปชฺชิตํ ทุติยํ อรูปกิริยํ ปมารุปฺปกุสลํ อารมฺมณํ กโรติ, เอวํ ปมารุปฺปกุสลํ ทุติยารุปฺปกิริยสฺส อารมฺมณํ โหติ.

ยทา โยคี รูปสมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺหิตฺวา ปมารุปฺปกุสลํ ทุติยารุปฺปกุสลํ ตติยารุปฺปกุสลฺจ สมาปชฺชิตฺวา ขีณาสโว หุตฺวา อตฺตนา อธิคตา สมาปตฺติโย คเหตฺวา อตฺตนา อนธิคตํ จตุตฺถํ อรูปสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ, ตทา จตุตฺถารุปฺปกิริยา ตติยารุปฺปกุสลํ อารมฺมณํ กโรติ, เอวํ จตุตฺถารุปฺปกิริยสฺส ตติยารุปฺปกุสลํ อารมฺมณํ โหติ, ปจฺฉา ขีณาสวกาเล สมาปชฺชิตา รูปารูปสมาปตฺติโย โหนฺติ. ยถา โหติ, ตถา เอว อกุสลสฺสปิ อารมฺมณํ โหติ.

๓๔๔-๗. อรูปาวจรปากานนฺติ ชาตินิทฺธารณํ, จตุตฺถทุติยานํ อรูปปากานมฺปิ อารมฺมณํ โหติ, ‘‘จตุตฺถทุติยาน’’นฺติ วตฺตพฺเพ ติยานํ-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘จตุตฺถทู’’ติ วุตฺตํ, ตทา ทฺวินฺนํ อรูปปากานํ ปมารุปฺปตติยารุปฺปชวนานิ อารมฺมณานิ โหนฺติ, ‘‘ยสฺส กุสลสฺส ฌานสฺส ยํ อารมฺมณํ คเหตฺวา พฺรหฺมโลเก ปฏิสนฺธิ โหตี’’ติ วจนโต สกสกกุสลานํ อารมฺมณภูตานิ อากาสานฺจายตนอากิฺจฺายตนานิ เตสํ ทุติยจตุตฺถารุปฺปปากานํ อารมฺมณานิ โหนฺติ, เอวํ อรูปกุสลํ อิเมสํ อฏฺราสีนํ อารมฺมณปจฺจโย โหติ. อปริยาปนฺนปุฺมฺปิ จตุพฺพิธโลกุตฺตรกุสลมฺปิ กามาวจรโต กามาวจรวเสน กุสลสฺส าณสมฺปยุตฺตมหากุสลสฺส จ กฺริยสฺส โวฏฺพฺพนสฺส, าณสมฺปยุตฺตโต กิริยสฺส จ รูปโต รูปาวจรวเสน ปฺจมสฺส รูปกุสลสฺส จ ปฺจมสฺส รูปกิริยสฺส จาติ จตุนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณํ สทา โหติ, อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – เสกฺขานํ าณสมฺปยุตฺตมหากุสลสฺส, โวฏฺพฺพนสฺส, ปฺจมสฺส รูปกุสลสฺส จ ติวิธํ โลกุตฺตรปุฺํ อารมฺมณํ โหติ. ขีณาสวสฺส โวฏฺพฺพนสฺส, าณสมฺปยุตฺตมหากิริยสฺส, ปฺจมสฺส รูปกิริยสฺส จ อรหตฺตปุฺํ อารมฺมณํ โหติ. ยถา ตถา เอว สพฺพํ อกุสลํ กามาวจรโต กามาวจรวเสน กุสลสฺส มหากุสลสฺส, กฺริยสฺส หสนโวฏฺพฺพนมหากิริยสฺส จ รูปาวจรโต ปน รูปาวจรวเสน ปฺจมสฺส รูปกุสลสฺส, ปฺจมสฺส รูปกิริยสฺส จ อารมฺมณํ โหติ, ยถา ตถา เอว สพฺพสฺส อกุสลสฺส จ กามาวจรวิปากานํ ตทารมฺมณกิจฺจวเสน เอกาทสนฺนฺจาติ ฉนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณํ ภควตา อีริตํ.

๓๔๘-๓๕๒. วิปาการมฺมณํ กาเม สพฺพํ วิปาการมฺมณํ กามาวจรโตปิ กามาวจรวเสนปิ กุสลสฺส มหากุสลสฺส, กฺริยสฺส หสนโวฏฺพฺพนมหากิริยสฺส จ รูปาวจรโต เจว รูปาวจรวเสน จ เอว ปฺจมสฺส รูปกุสลสฺส, ปฺจมสฺส รูปกิริยสฺส จ กามาวจรปากานํ กามาวจรวิปากานํ เอกาทสนฺนฺจ ตเถว อกุสลสฺส จ ฉนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณํ โหติ. รูเป วิปาการมฺมณํ กามาวจรโตปิ จ กามาวจรวเสนปิ จ กุสลสฺส มหากุสลสฺส, กฺริยสฺส จ โวฏฺพฺพนมหากิริยสฺส จ รูปาวจรโต เจว รูปาวจรวเสน จ เอว กุสลสฺส จ อปุฺสฺส จาติ ปฺจนฺนํ ราสีนํ โคจโร โหติ, อรูปาวจรปาเกสุ อยํ นโย ภควตา มโต. วฏฺเฏ น ปริยาปนฺนา นปฺปวิฏฺาติ อปริยาปนฺนา, เตสํ ปุคฺคลานํ ปากาปิ กามโต กามาวจรวเสน กุสลสฺส าณสมฺปยุตฺตมหากุสลสฺส, กฺริยสฺส จ โวฏฺพฺพนาณสมฺปยุตฺตมหากิริยสฺส จ รูปโตปิ รูปาวจรวเสนปิ กุสลสฺส ปฺจมสฺส รูปกุสลสฺส, กฺริยสฺส จ ปฺจมสฺส รูปกิริยสฺส จ เอวํ อารมฺมณํ โหตีติ. เอตฺถายมธิปฺปาโย อปริยาปนฺนปุฺเ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

๓๕๓-๖. กาเม อิทํ สพฺพกิริยจิตฺตํ กามาวจรโตปิ จ กามาวจรวเสนปิ จ กุสลสฺส มหากุสลสฺส, กฺริยสฺส จ หสนโวฏฺพฺพนมหากิริยสฺส จ รูปาวจรโต เจว รูปาวจรวเสน จ เอว กุสลสฺส ปฺจมสฺส รูปกุสลสฺส, กฺริยสฺส จ ปฺจมสฺส รูปกิริยสฺส จ เอกาทสกามาวจรปากสฺส จ ตเถว อกุสลสฺส จ เอเตสํ ฉนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณํ โหติ. ยํ กฺริยามานสํ รูเป รูปาวจเร ยํ กิริยามานสํ, กามปากํ ตโต วินา ตโต ราสิโต กามปากํ วินา วชฺเชตฺวา ปฺจนฺนํ ปน ราสีนํ อารมฺมณํ โหติ. กามาวจรโต กามาวจรวเสน กิริยสฺส โวฏฺพฺพนมหากิริยสฺส อารมฺมณํ โหติ, หสนํ เอกนฺตปริตฺตารมฺมณตฺตา รูปกิริยํ อารมฺมณํ น กโรติ. กฺริยาจิตฺตํ ปนารุปฺเป อรูปกิริยาจิตฺตํ ปน เตสํ ปฺจนฺนํ เอว จ ราสีนํ อารุปฺปกฺริยสฺสาปิ ปมารุปฺปกิริยํ ทุติยารุปฺปกิริยสฺส อารมฺมณํ โหติ, ตติยารุปฺปกิริยํ จตุตฺถารุปฺปกิริยสฺส อารมฺมณํ โหติ. อิติ ฉนฺนํ ราสีนํ โคจโร โหติเยว.

๓๕๗-๘.

รูปํ จตุสมุฏฺานํ, รูปารมฺมณสฺิตํ;

กามาวจรปุฺสฺส, ตเถว กุสลสฺส จ;

อภิฺาทฺวยจิตฺตสฺส, กามปากกฺริยสฺส จ.

ทฺวิจกฺขุวิฺาณมโนธาตุทฺวยสนฺตีรณตฺตยมหาปากสฺส จ กามกิริยสฺส จาติ เอกาทสวิธสฺส กามกิริยสฺส จ ฉนฺนํ เอเตสํ ราสีนํ อารมฺมณปจฺจโย โหติ.

๓๕๙-๓๖๐. นิพฺพานารมฺมณํ กามรูปาวจรโต กามรูปาวจรวเสน เสกฺขานํ าณสมฺปยุตฺตมหากุสลสฺส, รูปาวจรวเสน ปฺจมสฺส รูปกุสลสฺส จ กามรูปกิริยสฺส จ ขีณาสวานํ โวฏฺพฺพนาณสมฺปยุตฺตมหากิริยสฺส จ ปฺจมรูปกิริยสฺส จ อุภยสฺสาปิ จิตฺตสฺส อารมฺมณํ โหติ. อปริยาปนฺนโต เจว โลกุตฺตรวเสน จ เอว ผลสฺส, กุสลสฺส จ เอเตสํ ฉนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณปจฺจโย โหติ.

๓๖๑-๒. นานปฺปการกํ สพฺพํ, ปฺตฺตารมฺมณํ ปน เตภูมกสฺส ปุฺสฺส มหากุสลสฺส, สุทฺธฌานสฺส ปฺจวิธสฺส รูปกุสลสฺส, ปมารุปฺปตติยารุปฺปกุสลสฺส จ ตเถว อกุสลสฺส จ รูปารูปวิปากสฺส สพฺพสฺส รูปวิปากสฺส, ปมารุปฺปตติยารุปฺปวิปากสฺส จ เตภูมกกฺริยสฺส จ หสนโวฏฺพฺพนมหากิริยสฺส สพฺพสฺส รูปกิริยสฺส, ปมารุปฺปตติยารุปฺปกิริยสฺส จาติ นวนฺนํ ปน ราสีนํ อารมฺมณปจฺจโย โหติ.

๓๖๓-๔. รูปารมฺมณิกา ทฺเว ตุ ทฺเว จิตฺตุปฺปาทา รูปารมฺมณิกา, ทฺเว ทฺเว สทฺทาทิโคจรา ทฺเว ทฺเว จิตฺตุปฺปาทา สทฺทารมฺมณาทิโคจรา, ตโย มโนธาตุสงฺขาตา จิตฺตุปฺปาทา ปฺจารมฺมณิกา นาม มตา ภควตา. อิธ อิมสฺมึ กามาวจราธิกาเร เอกจตฺตาลีเสว จิตฺตุปฺปาทา ฉฬารมฺมณิกา มตา. อยํ กามาวจรจิตฺตานํ อารมฺมณกฺกโม.

๓๖๕-๙. ปฺจาภิฺา วิวชฺเชตฺวา, รูปารูปา อนาสวา อิเม สพฺเพ จิตฺตุปฺปาทา ธมฺมารมฺมณโคจรา โหนฺติ. ปมารุปฺปกุสลํ ทุติยารุปฺปเจตโส กุสลสฺส อารมฺมณํ โหติ, ทุติยารุปฺปเจตโส วิปากสฺส จ อารมฺมณํ โหติ, ทุติยารุปฺปเจตโส กิริยสฺส จ อารมฺมณํ โหติ. ทุติยารุปฺปเจตโส กิริยสฺส ปมารุปฺปกุสลารมฺมณภาเว การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ปมารุปฺปปาโกยํ, ทุติยารุปฺปเจตโส กุสลสฺส จ ทุติยารุปฺปเจตโส วิปากสฺส จ ทุติยารุปฺปเจตโส กิริยสฺส จ อารมฺมณํ น โหติ. หิ กสฺมา? เตสํ ทุติยารุปฺปกุสลวิปากกิริยานํ ปมารุปฺปกุสลารมฺมณตฺตา. ปมํ ตุ กฺริยาจิตฺตํ ปมํ กิริยาจิตฺตํ ปน ทุติยารุปฺปเจตโส ปุฺสฺส อารมฺมณํ น โหติ. ทุติยารุปฺปเจตโส วิปากสฺส อารมฺมณํ น โหติ. รูปารูปภเวสุ หิ ขีณาสวา วิปากจิตฺตานิ จุติวเสน สกสกกุสลานํ อารมฺมณํ กโรนฺติ. ปมํ ตุ กฺริยาจิตฺตํ ปน ทุติยารุปฺปเจตโส กิริยสฺส อารมฺมณํ โหติ. อิติ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตานํ อารมฺมณุปฺปตฺติ วิภาวินา ธีเรน เยฺยา.

๓๗๐-๓. ปุถุชฺชนสฺส เสกฺขสฺส, อรูปารมฺมณํ ทฺวิธา ทฺวิปฺปการํ กุสลํ กุสลสฺส ทุติยารุปฺปกุสลสฺส อารมฺมณํ โหติ, ตํ ปมารุปฺปกุสลํ ทุติยารุปฺปวิปากสฺส อารมฺมณํ สิยา ภเวยฺย. ขีณาสวสฺส ภิกฺขุสฺส, ปมารุปฺปมานสํ อารมฺมณํ ติธา ติปฺปการํ โหติ. อิติ วจนํ มเหสินา วุตฺตํ. กฺริยสฺสาปิ ทุติยารุปฺปกิริยสฺสาปิ ปมารุปฺปกิริยา อารมฺมณํ โหติ. กุสลมฺปิ ปมารุปฺปกุสลมฺปิ ทุติยารุปฺปกิริยสฺส จ อารมฺมณํ โหติ. กุสลํ ปมารุปฺปกุสลํ ทุติยารุปฺปวิปากสฺส อารมฺมณํ โหติ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปมารุปฺปมานสํ อารมฺมณํ ติธา โหติ. ตติยารุปฺปจิตฺตมฺปิ จตุตฺถารุปฺปเจตโส กุสลสฺส อารมฺมณํ โหติ, จตุตฺถารุปฺปเจตโส วิปากสฺส จ ตํ อารมฺมณํ โหติ. เอวเมว ยถา ปมารุปฺปมานสํ อารมฺมณํ ทฺวิธา โหติ, เอวเมว ตถา ตติยารุปฺปจิตฺตํ อารมฺมณํ ทฺวิธา โหติ. ยถา ปมารุปฺปมานสํ อารมฺมณํ ติธา โหติ, เอวเมว ตถา ตติยารุปฺปจิตฺตํ อารมฺมณํ ติธา สิยา.

๓๗๔. ยํ ยํ ปน อิธารพฺภ อิธ อิมสฺมึ อธิกาเร ยํ ยํ โคจรํ อารพฺภ ปฏิจฺจ เย เย จิตฺตุปฺปาทา ชายนฺติ, โส โส โคจโร เตสฺจ เตสฺจ จิตฺตุปฺปาทานํ อารมฺมณปจฺจโย โหติ.

๓๗๕. โย ปน นโร อิมสฺส อภิธมฺมาวตารสฺส กิร ปารํ ทุตฺตรํ อิธ อิมสฺมึ โลเก อุตฺตรติ, โส นโร อภิธมฺมมหณฺณเว ปารํ ทุตฺตรํ อุตฺตรํ อุตฺตรติ เอว.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

อารมฺมณวิภาควณฺณนา นิฏฺิตา.

ฉฏฺโ ปริจฺเฉโท.

๗. สตฺตโม ปริจฺเฉโท

วิปากจิตฺตปฺปวตฺตินิทฺเทสวณฺณนา

๓๗๖.

อนนฺตาเณน นิรงฺคเณน,

คุเณสินา การุณิเกน เตน;

วุตฺเต วิปาเก มติปาฏวตฺถํ,

วิปากจิตฺตปฺปภวํ สุณาถ.

เยน ชิเนน อนนฺตาเณน นิกฺกิเลเสน คุเณสินา การุณิเกน เตน ชิเนน วุตฺเต วิปากสฺมึ มติปาฏวตฺถํ มติเฉกภาวตฺถาย วิปากจิตฺตปฺปภวํ มยา ภณมานํ วิปากจิตฺตปฺปวตฺตึ ตุมฺเห สุณาถ.

๓๗๗. เอกูนตึส กมฺมานิ, ปากา ทฺวตฺตึส ภควตา ทสฺสิตา, กมฺมานิ ตีสุ ทฺวาเรสุ ทิสฺสเร, วิปากา ฉสุ ทฺวาเรสุ ทิสฺสนฺติ.

๓๗๘-๙. กุสลํ กามโลกสฺมึ กามโลกมฺหิ กุสลํ ปวตฺเต, ปฏิสนฺธิยฺจ ตํตํปจฺจยมาคมฺม ตํตํปจฺจยํ ปฏิจฺจ. โส โส ปจฺจโย ตํตํปจฺจโย, ‘‘ตตปจฺจโย’’ติ วตฺตพฺเพ นิคฺคหีตาคมวเสน ‘‘ตํตํปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ. วิจฺฉากมฺมธารยสมาโสยํ. วิวิธํ ผลํ ททาติ. เอกาย เจตนาย เอกา ปฏิสนฺธิ ภควตา ปกาสิตา. นานากมฺเมหิ นานา ปฏิสนฺธิโย จ ภวนฺติ.

๓๘๐-๑. ติเหตุกํ ตุ ยํ กมฺมํ ติเหตุกํ ยํ กมฺมํ ปน กามาวจรสฺิตํ ติเหตุกํ วิปากํ ทุเหตุฺจ วิปากํ อเหตุฺจ วิปากํ เทติ. ทุเหตุกํ ตุ ยํ กมฺมํ ทุเหตุกํ ยํ กมฺมํ ปน, ตํ กมฺมํ ติเหตุกํ วิปากํ น เทติ, อตฺตโน วิปากํ ทุเหตุฺจ อเหตุฺจ เทติ.

๓๘๒-๓. ติเหตุเกน กมฺเมน, ปฏิสนฺธิ ติเหตุกา โหติ, ทุเหตุกาปิ ปฏิสนฺธิ โหเตว, อเหตุกา ปฏิสนฺธิ เนว โหติ, อุกฺกฏฺติเหตุกกมฺเมน ติเหตุกา ปฏิสนฺธิ, โอมกติเหตุกกมฺเมน ทุเหตุกา ปฏิสนฺธิ โหตีติ อธิปฺปาโย. ทุเหตุเกน กมฺเมน ทุเหตุกา ปฏิสนฺธิ, อเหตุกาปิ ปฏิสนฺธิ โหเตว, ติเหตุกา ปฏิสนฺธิ เนว โหติ. อุกฺกฏฺทุเหตุกกมฺเมน ทุเหตุกา ปฏิสนฺธิ, โอมกทุเหตุกกมฺเมน อเหตุกา ปฏิสนฺธิ โหตีติ อธิปฺปาโย.

๓๘๔. อสงฺขารกมฺมํ อสงฺขารวิปากํ เทติ, สสงฺขารวิปากมฺปิ เทติ, สสงฺขารกมฺมํ สสงฺขารผลํ, ตถา อสงฺขารผลํ เทติ.

๓๘๕. เอกาย เจตนาเยตฺถ เอตฺถ เอตาสุ เจตนาสุ เอกาย กุสลาย เจตนาย โสฬสวิธา วิปากจิตฺตานิ ภวนฺติ. อิติ วจนํ ชิโน ปกาสเย.

๓๘๖-๙๒. เวทนาปริวตฺตนํ อารมฺมเณน โหเตว, ตทารมฺมณจิตฺตมฺปิ ชวเนน นิยามิตํ, โสมนสฺสยุตฺเต กุสเล ชวเน ชวิเต ตทารมฺมณมฺปิ โสมนสฺสยุตฺตเมว โหตีติ อตฺโถ. อุเปกฺขายุตฺตกุสเลปิ เอเสว นโย. กามาวจรจิตฺเตน กุสเลนาทินา ปเมน กุสเลน ตุลฺเยน วิปากจิตฺเตน. ตติยาวิเสสนํ. เยน สตฺเตน คหิตา ปฏิสนฺธิ เจ ยทิ, อิฏฺเ พลวารมฺมเณ มนาเป อติมหนฺตารมฺมเณ ตสฺส สตฺตสฺส จกฺขุสฺส จกฺขุปสาทสฺส อาปาถํ ปากฏภาวํ อาคเต สติ มโนธาตุยา ตาย ภวงฺคสฺมึ อาวฏฺฏิเต ภวงฺคโสเต ฉินฺทิเต สติ จกฺขุวิฺาณกาทีสุ วีถิจิตฺเตสุ ชาเตสุ ปมํ กุสลํ กามมานสํ ชวนํ หุตฺวา ชายเต. สตฺตกฺขตฺตุวารานิ ชวิตฺวาน ปเม มหากุสเล คเต ตเทว ตํ เอว อิฏฺํ อารมฺมณํ กตฺวา เตเนว ปมมหากุสเลน สทิสํ ตทารมฺมณวิปากจิตฺตํ. สนฺธิยา ตุลฺยโต ปฏิสนฺธิยา ตุลฺยภาเวน มูลภวงฺคนฺติ มูลภวงฺคํ นาม ภควตา ปวุจฺจเต. ตฺจ ตทารมฺมณจิตฺตํ สนฺตีรณํ โสมนสฺสยุตฺตํ สนฺตีรณํ ทสฺสนํ สมฺปฏิจฺฉนํ เอตฺถ เอตสฺมึ วีถิจิตฺเต คณนูปคจิตฺตานิ คณนํ อุปคตานิ จิตฺตานิ จตฺตาริ เอว ภวนฺติ.

๓๙๓-๔. ยทา หิ ทุติยํ จิตฺตํ, กุสลํ ชวนํ ยทา ยสฺมึ กาเล ตสฺเสว โสมนสฺสติเหตุโน ปุคฺคลสฺส ทุติยํ กุสลํ จิตฺตํ ชวนํ โหติ, ตทา ตสฺมึ กาเล เตน ชวเนน ตุลฺยวิปากํ ตทารมฺมณํ. ตสฺส สนฺธิยา อสมานตฺตา ตสฺส ตทารมฺมณจิตฺตสฺส สนฺธิยา อสมานตฺตา ทฺเว นามานิ อสฺส วิปากจิตฺตสฺส อเนน วิปากจิตฺเตน ลพฺภเร ลพฺภนฺติ, ‘‘อาคนฺตุกภวงฺค’’นฺติ นามํ ‘‘ตทารมฺมณก’’นฺติ จ นามํ อิติ ทฺเว นามานิ ลพฺภนฺติ.

๓๙๕-๖. ยทา ตสฺเสว ปุคฺคลสฺส ตติยํ ปุฺํ ชวนํ โหติ, ตทา เตน ชวเนน สทิสํ ตติยํ ปากํ ตทารมฺมณิกํ สิยา. อิทํ วิปากจิตฺตํ อาคนฺตุกภวงฺคนฺติ อาคนฺตุภวงฺคํ นาม ภควตา วุจฺจเต, ปุริมานิ จ ปฺจ วิปากจิตฺตานิ อิมินา ปน ตติยวิปาเกน ปน สทฺธึ จิตฺตานิ โหนฺติ.

๓๙๗-๘. ยทา จตุตฺถํ กุสลํ ชวนํ โหติ, ตทา เตน ชวเนน ตุลฺยํ จตุตฺถวิปากํ ตทารมฺมณภาวํ วเช คจฺเฉยฺย. จตุตฺถวิปากํ อาคนฺตุกภวงฺคํ ตทารมฺมณนามกํ โหติ, ปุริมานิ ฉ ปากานิ อิมินา สห จตุตฺถปาเกน สตฺต จิตฺตานิ โหนฺติ.

๓๙๙-๔๐๓. ยทา ยสฺมึ กาเล ตสฺมึ จกฺขุทฺวาเร อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมณํ ปน ตถา อาปาถํ อาคจฺฉติ จ, ตทา วุตฺตนเยน อาวชฺชนทสฺสนสมฺปฏิจฺฉนจิตฺเตสุ ชาเตสุ อิธ อิมสฺมึ มชฺฌตฺตารมฺมเณ อารมฺมณวเสน เวทนา ปริวตฺตติ, ตสฺมา อุเปกฺขาสหคตํ สนฺตีรณํ มโน โหติ. อุเปกฺขาสหคเตสุ เอว จตูสุปิ ชวเนสุ ชวิเตสุ เตหิ ชวเนหิ ตุลฺยานิ จตฺตาริ วิปากจิตฺตานิ ชายเร. อจฺจนฺตํ เอกนฺเตน เวทนาย อุเปกฺขาเวทนาย ปุริเมหิ โสมนสฺสสหคเตหิ จิตฺเตหิ อสมานตฺตา จตฺตาริ จิตฺตานิ นามโต ปิฏฺิภวงฺคานิ นาม โหนฺติ, ปิฏฺิภวงฺคานิ โสมนสฺสวิปากานํ ปจฺฉาภาเค ภวงฺคานีติ อตฺโถ. อิมานิ อุเปกฺขาสหคตานิ ปฺจ วิปากานิ ปุริเมหิ สตฺตหิ วิปาเกหิ สทฺธึ ทฺวาทส วิปากานิ ภวนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร วินิทฺทิเส.

๔๐๔-๖. ยถา จกฺขุทฺวาเร ทฺวาทส วิปากานิ โหนฺติ, ตถา เอวํ โสตาทีสุ ทฺวาเรสุปิ ทฺวาทส ปากานิ โหนฺติ. อิติ วจนํ ธีโร นิทฺทิเส, อิเม มยา วุตฺตา วิปากา สมสฏฺิ ภวนฺติ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน เอกาย เจตนาย กมฺเม อายูหิเต ปวตฺติเต สมสฏฺิ วิปากานิ อุปฺปชฺชนฺติ, อิมสฺมึ วจเน สํสโย นตฺถิ. คหิตาคฺคหเณเนตฺถ เอตฺถ เอเตสุ วิปาเกสุ คหิตานํ วิปากานํ อคฺคหเณน จกฺขุทฺวาเร ทฺวาทส ปากา, โสตวิฺาณกาทีนิ จตฺตาริ จาติ โสฬส ปากานิ โหนฺติ.

๔๐๗-๑๑. เอเกน ติเหตุกกุสเลน อสงฺขาริเกน กมฺเมน อายูหิเต ยถา, เอวเมว สสงฺขารติเหตุกกุสเลนาปิ อสงฺขารสสงฺขารอุเปกฺขาสหคเตหิปิ กุสเลหิ กมฺเม อายูหิเต ปวตฺติเต เตสํ ติณฺณํ กุสลานํ วิปาเกหิ ตีหิปิ ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา เอเสว นโย ปณฺฑิเตน ชานิตพฺโพ. อิธ อิมสฺมึ อุเปกฺขาสหคตทฺวเย อิฏฺมชฺฌตฺตโคจรสฺส วเสน วิปากจิตฺตปฺปวตฺตึ ปมํ ทสฺเสตฺวา ทสฺเสตพฺพาถ ปจฺฉา ตุ, อิฏฺสฺมึ โคจเร อิธ อถ ปจฺฉา มยา วุตฺตจิตฺตปฺปวตฺติโต ปจฺฉากาเล ปน อิธ อิมสฺมึ อิฏฺโคจเร เอเกกสฺมึ ปน ทฺวาทส ทฺวาทส ปากา ปณฺฑิเตน ทสฺเสตพฺพา. คหิตาคฺคหเณเนตฺถ เอตฺถ เอเตสุ วิปาเกสุ คหิตานํ วิปากานํ อคฺคหเณน โสฬส ปากจิตฺตานิ โหนฺติ. ปุพฺเพ กาเล มยา วุตฺตนเยเนว สพฺพํ วจนํ อเสสโต อเสสภาเวน ปณฺฑิเตน เยฺยํ.

๔๑๒-๔. ติเหตุเกน กมฺเมน, ปฏิสนฺธิ ติเหตุกา ภวติ, อิติ อยํ วาโร เอตฺตาวตา เอตฺตเกน วจเนน มยา วุตฺโต. เอกํ กมฺมํ เอกสฺมึ ภเว เอกํ ปฏิสนฺธึ ชเนติ, ตโต ปฏิสนฺธิโต อปรํ อฺํ ทุติยํ ปฏิสนฺธึ น ชเนติ, ปวตฺติยํ อเนกานิ วิปากานิ สฺชเนติ. หิ สจฺจํ ‘‘เอกํ กมฺม’’นฺติอาทิกํ วจนํ. เอกสฺมา พีชา เอกโต พีชโต เอกํ องฺกุรํ ชายติ, อสฺส พีชสฺส พหูนิ ผลานิ เหตุปฺปวตฺติโต สลิลาทิเหตุปฺปตฺติยา โหนฺติ.

๔๑๕-๒๑. ทุเหตุเกน กมฺเมน, ปฏิสนฺธิ ทุเหตุกา โหติ, อิติ วจนํ อยํ วาโร อนุปุพฺเพน อนุปฏิปาฏิยา อาคโต. อิธ อิมสฺมึ อธิกาเร ทุเหตุเกน ปุฺเน โสมนสฺสยุตฺเตน อสงฺขาริเกน จิตฺเตน กมฺเม อายูหิเต ปน ทุเหตุเกน โสมนสฺสยุตฺตกุสเลน ตุลฺเยน ปาเกน เยน สตฺเตน คหิตา ปฏิสนฺธิ เจ, อิฏฺเ อารมฺมเณ ตสฺส สตฺตสฺส จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคเต โสมนสฺสยุตฺเต าณหีเน กุสลมานเส ตสฺมึ ทุเหตุเก สตฺตกฺขตฺตุํ ชวิตฺวาน คเต ตํ เอว อารมฺมณํ กตฺวา ตทนนฺตรํ ตสฺส ชวนสฺส อนนฺตรํ ตํสริกฺขกํ เตน ชวเนน สทิสํ เอกนฺตํ อสงฺขาริกมานสํ ชายติ. นฺติ ตํ จิตฺตํ มูลภวงฺคนฺติ มูลภวงฺคํ นาม ตทารมฺมณมิจฺจปิ ตทารมฺมณํ นาม อุภยมฺปิ นามํ ตสฺเสว นามํ ตสฺส จิตฺตสฺส เอว นามํ. อิติ เอวํ อิมินา ปกาเรน ภควตา ปริทีปิตํ. ทุเหตุเก สสงฺขาเร กุสเล ชวเน ชวิเตปิ จ ตํสมํ เตน จิตฺเตน สทิสํ อาคนฺตุกสงฺขาตํ ตทารมฺมณมานสํ โหติ.

๔๒๒-๙. ตเถว จ ตถา เอว จ อิฏฺมชฺฌตฺตโคจเร ทุเหตูนํ ทฺวินฺนํ อุเปกฺขายุตฺตานํ ชวนานํ อนนฺตรํ ตาทิสานิ เตหิ ชวเนหิ สทิสานิ ทฺเว ตทารมฺมณมานสานิ ชายนฺเต, เตสํ ตทารมฺมณมานสานํ ‘‘ปิฏฺิภวงฺค’’นฺติ นามํ, ‘‘อาคนฺตุกภวงฺค’’นฺติ จ นามํ โหติ. สนฺตีรณทฺวยฺเจว ทสฺสนํ สมฺปฏิจฺฉนํ อิมานิ ทฺเว ภวงฺคานิ จาติ อฏฺ วิปากา จกฺขุทฺวาเร โหนฺติ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปฺจสุ ทฺวาเรสุปิ จ อฏฺ อฏฺ วิปาเก กตฺวา ปวตฺติยํ จตฺตาลีส วิปากานิ ภวนฺติ. คหิตาคฺคหเณเนตฺถ, จกฺขุทฺวาเร ปนฏฺ จ เอตฺถ เอเตสุ วิปาเกสุ คหิตานํ วิปากานํ อคฺคหเณน จกฺขุทฺวาเร อฏฺ จ วิปากา โสตฆานาทินา วิปาเกน สทฺธึ ทฺวาทส เอว วิปากานิ ภวนฺติ. เอกาย เจตนาเยวํ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน เอกาย เจตนาย กมฺเม อายูหิเต ปวตฺติเต ปน สติ ทฺวาทเสว วิปากานิ ภวนฺติ. อิติ วจนํ วิชิตกุสลยุทฺธสงฺคาเมน ปกาสิตํ เทสิตํ. ทุเหตุกตฺตเยนาปิ, เสเสน สทิเสน ตุ มยา วุตฺตโต ทุเหตุโต เสเสน ทุเหตุกตฺตเยนาปิ สทิเสน ปาเกน อาทินฺนสนฺธิโน คหิตปฏิสนฺธิกสฺส สตฺตสฺส เอวํ นโย มโต กถิโต นิรงฺคเณน. ทุเหตุเกน กมฺเมน ทุเหตุกา ปฏิสนฺธิ โหติ. อิติ อยํ วาโร จ เอตฺตาวตา เอตฺตเกน วจเนน มยา วุตฺโต.

๔๓๐-๘. ทุเหตุเกน กมฺเมน อเหตุกา ปฏิสนฺธิ โหติ, อิติ อยํ วาโร อนุปุพฺเพน ปฏิปาฏิยา อาคโต. เตสุ จตูสุปิ ทุเหตุเกสุ กุสเลสุ จิตฺเตสุ อฺตเรเนว เหตุเกน กมฺเม อายูหิเต ปวตฺติเต สติ ตสฺเสว ทุเหตุกสฺส กุสลชวนสฺส ปากภูตาย อุเปกฺขาสหคตาเหตุกาย มโนวิฺาณธาตุยา อาทินฺนปฏิสนฺธิโน สตฺตสฺส สา ปฏิสนฺธิ กมฺมสทิสา นาม น วตฺตพฺพา ปณฺฑิเตหิ. หิ สจฺจํ ‘‘ปฏิสนฺธิ น วตฺตพฺพา’’ติอาทิกํ วจนํ. กมฺมํ ทุเหตุกํ โหติ, ปฏิสนฺธิ อเหตุกา โหติ. ตสฺส เทหิโน สตฺตสฺส วุฑฺฒิมุเปตสฺส วุฑฺฒึ อุปคตสฺส จกฺขุทฺวาเร ปน อิฏฺมชฺฌตฺตโคจเร อาปาถมาคเต สติ ทุเหตุกานํ จตุนฺนํ ปุฺานํ ยสฺส กสฺสจิ ชวนสฺส อวสานมฺหิ อิทํ อเหตุกํ มโน ตทารมฺมณภาเวน ชายติ. เอตฺถ เอตสฺมึ วจเน สํสโย สนฺเทโห นตฺถิ, ตํ อเหตุกจิตฺตํ มูลภวงฺคฺจ ตทารมฺมณเมว จ โหติ. จกฺขุวิฺาณกาทีสุปิ วีถิจิตฺเตสุ ชาเตสุ อุเปกฺขาสหคตํเยว สนฺตีรณมฺปิ จ โหติ. เตสุ เอกํ เปตฺวาน, คหิตาคฺคหเณนิธ เตสุ ทฺวีสุ สนฺตีรณตทารมฺมณกิจฺเจสุ วิปาเกสุ เอกํ สนฺตีรณกิจฺจํ ตทารมฺมณกิจฺจํ ตํ จิตฺตํ เปตฺวา คหิตานํ วิปากานํ อคฺคหเณน อิธ อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมเณ คณนูปคจิตฺตานิ ตีณิเยว ภวนฺติ.

๔๓๙-๔๑. อิฏฺเ อารมฺมเณ จกฺขุ-ทฺวาเร อาปาถมาคเต ตทา สนฺตีรณฺเจว โสมนสฺสยุตฺตํเยว โหติ, ตทารมฺมณมานสฺจ โสมนสฺสยุตฺตํเยว โหติ, เตสุ สนฺตีรณตทารมฺมณกิจฺเจสุ วิปาเกสุ เอเกกํ สนฺตีรณกิจฺจํ, ตทารมฺมณกิจฺจํ วา จิตฺตํ คเหตฺวา ปุริมานิ จ ตีณิ จตฺตาริ เอว วิปากานิ ภวนฺติ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปฺจสุ ทฺวาเรสุปิ จตฺตาริ จตฺตาริ วิปากจิตฺตานีติ ปวตฺติยํ วิปากานิ วีสติ จิตฺตานิ โหนฺติ.

๔๔๒-๘. จกฺขุทฺวาเร ตุ จตฺตาริ, คหิตาคฺคหเณนิธ คหิตานํ วิปากานํ อคฺคหเณน จกฺขุทฺวาเร ปน จตฺตาริ วิปากานิ อิธ อิมสฺมึ อิฏฺารมฺมเณ โสตฆานาทินา วิปาเกน สทฺธึ อเหตุกํ อฏฺกํ โหติ เอว. อเหตุกปฏิสนฺธิสฺส สตฺตสฺส ทุเหตุกํ, ติเหตุกํ วา ตทารมฺมณํ น ภเว น ภเวยฺย, ทุเหตุปฏิสนฺธิโน สตฺตสฺส ติเหตุกํ ตทารมฺมณํ น ภเว. ชาตา สุคติยํ เยน, ปาเกน ปฏิสนฺธิ ตุ สุคติยํ เยน ปาเกน ปฏิสนฺธิ ชาตา, เตน วิปาเกน ตุลฺยมฺปิ, หีนํ วา เตสํ ตทารมฺมณํ ภเวยฺย. มนุสฺสโลกํ สนฺธาย, วุตฺตฺจาเหตุกฏฺกํ สุคติยํ อเหตุกฏฺกฺจ มนุสฺสโลกฺจ สนฺธาย ปฏิจฺจ การณํ กตฺวา มยา วุตฺตํ. จตูสุปิ อปาเยสุ ปน อเปโต อโย ปติฏฺา เอเตหีติ อปาโย, เตสุ. ปวตฺเต อเหตุกํ อฏฺกํ อาปายิเกหิ ลพฺภติ. เถโร เนรยิกานํ ตุ, ธมฺมํ เทเสติ วสฺสติ ถิโร ถิรการธมฺโม ยสฺมึ อตฺถีติ เถโร, ทุติยอคฺคสาวกภูโต อิทฺธิมา โมคฺคลฺลานตฺเถโร เนรยิกานํ นิรเย ชาตานํ สตฺตานํ ธมฺมํ เทเสติ วสฺสติ, ‘‘อุจฺฉงฺเค มํ นิสีทิตฺวา’’ติอาทีสุ วิย เทวํ วสฺสาเปตีติ อตฺโถ. คนฺธํ วายุฺจ มาเปติ ยทา, ตทา ปน เตสํ เนรยิกานํ สตฺตานํ เตหิ เนรยิกสตฺเตหิ เถรํ ทิสฺวา, ธมฺมฺจ สุตฺวา, คนฺธฺจ ฆายิตฺวา ชลํ อุทกฺจ ปิวตํ ปิวนฺตานํ มุทุํ วายุฺจ เตหิ ผุสตํ ผุสนฺตานํ เตสํ เนรยิกสตฺตานํ จกฺขุวิฺาณกาทีนิ ปฺจปิ ปุฺชานิ เอว กุสลวิปากานิ เอว สนฺตีรณทฺวยํ ปุฺชํ เอว กุสลวิปากํ เอว ปุฺชา เอว เอกา มโนธาตุ อิติ อฏฺกํ โหติ.

๔๔๙-๕๐. อยํ ตาว กถา ‘‘จกฺขุวิฺาณกาทีนิ ปุฺชาเนวา’’ติอาทิกา อยํ กถา อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตโคจเร กามาวจเร ปุฺานํ ชวนานํ วเสน มยา วุตฺตา. ตทารมฺมณเจตโส ตทารมฺมณจิตฺตสฺส ยํ นิยมตฺตํ ‘‘ตทารมฺมณมานสํ ชวเนน นิยามิต’’นฺติอาทิวจเนน มยา วุตฺตํ, ตํ นิยมตฺตํ กุสลํ สนฺธาย วุตฺตํ. โสมนสฺสยุตฺเต กามาวจรกุสเล ชวิเต ตทารมฺมณมฺปิ โสมนสฺสยุตฺตเมว โหติ, อุเปกฺขายุตฺเต กามาวจรกุสเล ชวิเต ตทารมฺมณมฺปิ อุเปกฺขายุตฺตเมว โหติ, เนตํ อกุสเล อุเปกฺขายุตฺเต วิจิกิจฺฉาทิเก อกุสเล ชวเน ปน ชวิเต โสมนสฺสยุตฺตมฺปิ ตทารมฺมณํ โหตีติ อธิปฺปาโย. อิติปิ วจนํ อาจริเยน ทีปิตํ.

๔๕๑-๗. อิธ อิมสฺมึ อธิปฺปาเย อกุสลจิตฺเตสุ โสมนสฺสยุตฺเตสุ จตูสุปิ อิฏฺเ อารมฺมเณ เตสุ จิตฺเตสุ ชวิเตสุ โสมนสฺสยุตฺตา อเหตุมโนวิฺาณธาตุ ตทนนฺตรํ เตสํ อกุสลชวนานํ อนนฺตรํ ตทารมฺมณภาเวน ชายติ. อุเปกฺขายุตฺเตสุ ฉสุ อกุสลจิตฺเตสุ อิฏฺมชฺฌตฺเต โคจเร ชวิเตสุ ปุฺชา อุเปกฺขาสหคตา อเหตุมโนวิฺาณธาตุ เอว ตทนนฺตรํ วา เตสํ อุเปกฺขาสหคตานํ ฉนฺนํ อกุสลชวนานํ อนนฺตรํ ตทารมฺมณภาเวน ชายติ. อิฏฺารมฺมณโยคสฺมึ พุทฺธรูปาทิอิฏฺารมฺมณโยคสฺมึ กงฺขโต ‘‘พุทฺโธ นุ โข, โน พุทฺโธ’’ติ กงฺขนฺตสฺส สตฺตสฺส อุทฺธตสฺส วา สตฺตสฺส ตทารมฺมณมานสํ โสมนสฺสยุตฺตํ อเหตุกํ วิปากํ โหติ ปิฏฺิภวงฺคํ. โสมนสฺสยุเต จิตฺเต, ชวเน ชวิเต ปน โสมนสฺสยุตฺตา เอว ปฺจ ตทารมฺมณมานสา ปณฺฑิเตน คเวสิตพฺพา. อุเปกฺขาสหคเต จิตฺเต ชวเน ปน ชวิเต สติ อุเปกฺขาสหคตา ฉ จ ตทารมฺมณมานสา ปณฺฑิเตน คเวสิตพฺพา.

๔๕๘-๖๓. ติเหตุโสมนสฺเสน, อาทินฺนปฏิสนฺธิโน สตฺตสฺส ฌานโต ปริหีนสฺส วิปฺปฏิสาริโน ตํ ฌานํ ปจฺจเวกฺขโต ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส โทมนสฺสยุตฺตํ จิตฺตํ โหติ. ตสฺส โทมนสฺสสฺส อนนฺตรํ กึ มานสํ ชายเต, ตฺวํ โทมนสฺสยุตฺตชวนสฺส อนนฺตรมานสํ พฺรูหิ กเถหิ. ปฏฺาเน ปฏิสิทฺธา หิ โทมนสฺสสฺสานนฺตรํ โสมนสฺสสฺส อุปฺปตฺติ ปฏฺาเน ปฏิสิทฺธา ปฏฺานปฺปกรเณ ภควตา นิวาริตา, อสฺส โสมนสฺสสฺส วา อนนฺตรํ โทมนสฺสสฺส อุปฺปตฺติ ปฏฺาเน ปฏฺานปฺปกรเณ ปฏิสิทฺธา ภควตา นิวาริตา. มหคฺคตํ ปนารพฺภ มหคฺคตํ ปฏิจฺจ ชวเน ชวิเตปิ จ ตทารมฺมณมานสํ ตตฺเถว ตสฺมึ ปฏฺาเน เอว ปฏิสิทฺธํ ภควตา นิวาริตํ. ตสฺมา การณา ภวงฺคปาโต วา ตทารมฺมณเมว วา น โหติ. กึ นุ กาตพฺพํ เตสํ ภวงฺคตทารมฺมณานํ อภาเว การณํ ยํ กาตพฺพํ, อมฺเหหิ ตํ การณํ กึ นุ ปุจฺฉาม, ตํ ตทตฺถํ อาภิธมฺมิกภาเวน อาภิธมฺมิก ตํ การณํ วท วทาหิ. อุเปกฺขาสหคตาเหตุมโนวิฺาณธาตุ ปุฺาปุฺวิปากา ตทารมฺมณิกา สิยา ภเวยฺย.

๔๖๔-๗. อิมสฺส ตทารมฺมณสฺส อาวชฺชนํ กึ นตฺถิ? ตํ ตทารมฺมณมานสํ กถํ เกน ปกาเรน ชายเต? ภวงฺคอาวชฺชนานํ จิตฺตานํ กึ อาวชฺชนมตฺตํ? มคฺคสฺส อนนฺตรสฺส จ ผลสฺสาปิ กึ อาวชฺชนํ นตฺถิ? นิโรธา จ นิโรธโต วุฏฺหนฺตสฺส ภิกฺขุโน ผลจิตฺตสฺส วาติ มยา สุตํ, เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน อาวชฺชนํ นตฺถิ. วินา อาวชฺชเนนาปิ, โหตุ ชายตุ มานสํ จิตฺตํ อาวชฺชเนน วินา อาวชฺชนํ วชฺเชตฺวา โหตุ ชายตุ, กิมสฺสารมฺมณํ อสฺส ตทารมฺมณมานสสฺส กึ อารมฺมณํ, ปณฺฑิต, ตฺวํ อารมฺมณํ ยทิ ชานาสิ, ตํ อารมฺมณํ พฺรูหิ มยฺหํ กเถหิ. วินา อารมฺมเณเนตํ เอตํ มานสํ อารมฺมเณน วินา อารมฺมณํ วชฺเชตฺวา น ชายติ. หิ สจฺจํ ‘‘วินา อารมฺมเณเนต’’นฺติอาทิกํ วจนํ, ตทารมฺมณมานสํ ยทา โทมนสฺสยุตฺตํ ชวนํ มหคฺคตารมฺมณํ ชวติ, ตทา ตสฺมึเยว ชวนจิตฺตกฺขเณ ปริตฺเตสุ กามาวจรารมฺมเณสุ ยํ กิฺจิ ปริตฺตารมฺมณํ อารพฺภ ปฏิจฺจ ชายติ.

๔๖๘-๗๓. อุตุพีชนิยาโม จ อุตุนิยาโม พีชนิยาโม จ กมฺมธมฺมนิยามตา จ กมฺมนิยามตา จ สีลาทิปารมีธมฺมนิยามตา จ จิตฺตสฺส นิยาโม จาติ ปฺจ นิยามตา ปณฺฑิเตน เยฺยา. ตตฺถ เตสุ ปฺจสุ นิยาเมสุ สพฺเพสํ ปน รุกฺขานํ เอกปฺปหาเรน ผลปุปฺผาทิธารณํ อุตุ, อยํ อุตุนิยามตา. เตสํ เตสํ ตุ พีชานํ, ตํตํตุลฺยผลุพฺภโว เตสํ เตสํ พีชานํ ปน เตหิ เตหิ พีเชหิ ตุลฺยานมฺปิ สสฺสานํ ผลานํ อุปฺปตฺติ, อยํ พีชนิยามตา. มตฺถเก นาฬิเกรสฺส นาฬิเกรผลสฺส มตฺถเก ฉิทฺทตฺตํ ฉิทฺทภาโว, อยํ พีชโช พีชโต ชาโต นิยาโม. ติเหตุกกมฺมํ ติเหตุกฺจ วิปากํ ทุเหตุกฺจ วิปากํ อเหตุกฺจ วิปากํ ยโต ยํ กมฺมํ เทติ, อยํ กมฺมนิยามตา. โพธิสตฺตสฺส ชาติยํ ชินงฺกุรสฺส ชาติกฺขเณ เมทนีกมฺปนาทิกํ อเนกวิเสสตฺตํ, อยํ สีลาทิปารมีธมฺมนิยามตา. เตน โคจเรน ปสาทสฺมึ ฆฏฺฏิเต สติ อิธ อิมสฺมึ จิตฺตวีถิยํ อาวชฺชนาทีนํ จิตฺตานํ อุปฺปตฺติ, อยํ จิตฺตนิยามตา.

๔๗๔. โย ปุคฺคโล ธีโร ธีรสมฺปนฺโน คุณสมฺปนฺโน วิกฺขิตฺตปาโป โมหนฺธการาปคมํ อนฺธการมนิสฺสาย อวิชฺชานิสฺสรณํ ยทิจฺเฉ สเจ อิจฺเฉยฺย, โส ธีโร อิมํ อภิธมฺมาวตารปฺปกรณํ อนฺธชฺชนานํ อนฺธสทิสพาลชนานํ หทยนฺธการํ วิทฺธํสนํ อนฺธการสนฺนิสฺสิตสฺส ยสฺส หทยสฺส วิทฺธํสนกรํ ชลนฺตํ ทีปํ ชลมานํ ทีปํ. ปยตฺโตติ ปกาเรน ยตติ วีริยํ กโรตีติ ปยตฺโต, สตตํ สพฺพทา สิกฺเขถ สชฺฌายนธารณจินฺตนวเสน สิกฺเขยฺย.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

วิปากจิตฺตปฺปวตฺตินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

สตฺตโม ปริจฺเฉโท.

๘. อฏฺโม ปริจฺเฉโท

ปกิณฺณกนิทฺเทสวณฺณนา

๔๗๕.

อิทานิ ปน สพฺเพสํ, เอเตสํ มานสํ มยา;

ปาฏวตฺถาย ภิกฺขูนํ, กถียติ ปกิณฺณกํ.

อิทานิ ปน กาเล เอเตสํ ติเหตุกทฺวิเหตุกอเหตุกานํ สพฺเพสํ ปุคฺคลานํ ปกิณฺณกํ มานสํ ภิกฺขูนํ ปาฏวตฺถาย ภิกฺขูนํ เฉกภาวตฺถาย มยา กถียเต อุจฺจเต.

๔๗๖-๘๕. ปนฺถมกฺกฏโก อุณฺณนาภิ ปนฺถมกฺกฏโก นาม ปฺจสุ ทิสาสุ ตสฺส สุตฺตํ ปสาเรตฺวา ชาลมชฺเฌ นิปชฺชติ. ปมาย ทิสาเยตฺถ เอตฺถ เอตาสุ ทิสาสุ ปมาย ทิสาย ปสาริเต สุตฺเต ปาณเกน ปฏงฺเคน วา มกฺขิกาย วา ฆฏฺฏิเต สติ สา อุณฺณนาภิ กิฺจิ จลิตฺวา ผนฺทนํ กตฺวา นิปนฺนฏฺานโต สุตฺตานุสาเรน สุตฺตํ อนุสาเรตฺวา ตสฺส ปาณกสฺส ยูสํ ยูสสงฺขาตํ โสณิตํ ปิวติ. ปุนาคนฺตฺวา ตตฺเถว ตสฺมึ ชาลมชฺเฌเยว ยถาสุขํ นิปชฺชติ, ยถา ปมาย ทิสาย จลนาทิกํ กิริยํ กโรติ, เอวเมว ทุติยาทีสุ จตูสุ ทิสาสุ จลนาทิกํ กิริยํ กโรติ, เอวํ ปฺจสุ ทิสาสุ สุตฺตํ วิย ปฺจ ปสาทา ปณฺฑิเตน ทฏฺพฺพา, มชฺเฌ มกฺกฏโก วิย จ จิตฺตํ ปน ปณฺฑิเตน ทฏฺพฺพํ. ปาณกาทีหิ ขุทฺทกติรจฺฉาเนหิ ตสฺส สงฺฆฏฺฏนา วิย อารมฺมเณ ปน ปสาทานํ สงฺฆฏฺฏนา ปณฺฑิเตน ทฏฺพฺพา. ชาลมชฺเฌ นิปนฺนาย อุณฺณนาภิยา ตํ จลนํ วิย ปสาเท ฆฏฺเฏตีติ ปสาทฆฏฺฏนํ, กึ ตํ? อารมฺมณํ. ตตฺถ ติสฺสํ วีถิยํ ปสาทฆฏฺฏนํ อารมฺมณํ คเหตฺวา มโนธาตุกิริยาจิตฺตํ ภวงฺคํ อาวฏฺเฏตีติ ภวงฺคาวฏฺฏนํ มตํ ภควตา. ตสฺส ปนฺถมกฺกฏกสฺส สุตฺตานุสารํว สุตฺตํ อนุคมนํ วิย วีถิจิตฺตปฺปวตฺตนํ ปณฺฑิเตน ทฏฺพฺพํ. สีเส ปน วิชฺฌิตฺวา อสฺส มกฺกฏสฺส ยูสปานํ วิย ชวนสฺส จิตฺตสฺส อารมฺมเณสุ ปวตฺตนํ ปณฺฑิเตน ทฏฺพฺพํ. ปุน อาคนฺตฺวา สุตฺตชาลมชฺเฌ นิปชฺชนํ ยถา วตฺถุํเยว หทยวตฺถุํ เอว นิสฺสาย จิตฺตสฺส ปริวตฺตนํ ปณฺฑิเตน ทฏฺพฺพํ.

๔๘๖-๙๓. อิทํ ตุ ปน โอปมฺมํ, อตฺถํ ทีเปติ กึ ตุ หิ อิทํ โอปมฺมํ กํ อตฺถํ ทีเปติ ปกาเสติ? ปมํ ปสาเท อารมฺมเณน ฆฏฺฏิเต สติ ปสาทวตฺถุโต ปสาโท วตฺถุ นิสฺสโย เอตสฺสาติ ปสาทวตฺถุ, จิตฺตํ, ตโต ปสาทวตฺถุโต, ปมํ เอว วตฺถุสนฺนิสฺสิตํ ภวงฺคสงฺขาตํ มโน ชายติ, อิติปิ อตฺโถ เตน โอปมฺเมน ทีปิโต. เอเกการมฺมณํ ทฺวีสุ ทฺวีสุ ทฺวาเรสุ สพฺพโส สพฺพปฺปกาเรน ปน อาปาถํ อาคจฺฉติ, อยมตฺโถปิ เตน โอปมฺเมน ทีปิโต ‘‘ทฺวีสุ ทฺวีสุ ทฺวาเรสู’’ติ, เอกํ รูปารมฺมณํ เอกสฺมึเยว ขเณ จกฺขุทฺวาเร, มโนทฺวาเร จาติ ทฺวีสุ ทฺวาเรสุ อาปาถํ อาคจฺฉตีติ อตฺโถ. โสตทฺวาราทีสุปิ เอเสว นโย เยฺโย. รูปํ จกฺขุปสาทมฺหิ ฆฏฺเฏตฺวา ตงฺขเณ ปน ตสฺส ขเณ ปน ตถา มโนทฺวาเร ปน อาปาถํ อาคจฺฉติ, ภวงฺคจลนสฺส ปจฺจโย โหตีติ อตฺโถ. น สํสโย เอตสฺมึ วจเน สํสโย นตฺถิ. ยถา ขโค ยถา สกุโณ. หิ สจฺจํ มยา วุตฺตํ วจนํ. รุกฺขคฺเค รุกฺขโกฏิยํ นิลียนฺโตว สาขิโน สาขํ ฆฏฺเฏติ, ตสฺส ฉายา ภูมิยํ ปถวิยํ ผรติ ปฏิหฺติ. อิธาติ นิปาโต. สาขาย สกุเณน ฆฏฺฏนํ ภูมิยํ ฉายาผรณาปิ จ อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขณสฺมึเยว ชายเร ชายนฺติ. เอวเมว ปน รูปสฺส, ปสาทสฺส จ ฆฏฺฏนํ, ตเถว อตฺถโต อตฺถวเสน ภวงฺคจลนสฺสาปิ ปจฺจยตฺเตน ปจฺจยภาเวน มโนทฺวาเร อาปาถํ อาคมนํ อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณเยว โหติ.

๔๙๔-๗. ตโต ปรํ ภวงฺคโสตํ ฉินฺทิตฺวา จกฺขุทฺวาเร จกฺขุปสาเท ยถากฺกมํ อาวชฺชเน สมุปฺปนฺเน, ทสฺสเน สมุปฺปนฺเน, สมฺปฏิจฺฉเน สมุปฺปนฺเน, สนฺตีรเณ สมุปฺปนฺเน, ตถา โวฏฺพฺพเน จ สมุปฺปนฺเน กุสลํ ชวนจิตฺตํ ชวติ, ตถา อกุสลเมว จิตฺตํ ชวติ. โสตทฺวาราทีสุปิ สทฺทาทีนํ อารมฺมณานํ ฆฏฺฏเน เอเสว นโย อวิเสเสน วิฺุนา วิฺเยฺโย. เอตสฺส อตฺถสฺส ทีปเน โทวาริโกปมาทีนิ วจนานิ อุทฺธริตฺวา ตโต ปกรณโต นีหริตฺวา เอตฺถ เอตสฺมึ วีถิยาธิกาเร วิฺุนา ทสฺเสตพฺพานิ.

๔๙๘-๙. อสมฺเภเทน จกฺขุสฺสาติ ตสฺสาปิ จกฺขุ อสมฺภินฺนํ โหติ. ชีวิตา นิรุทฺธมฺปิ ปิตฺเตน วา เสมฺเหน วา รุหิเรน วา ปลิพุทฺธํ จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสกฺโกนฺตํ สมฺภินฺนํ นาม, สกฺโกนฺตํ อสมฺภินฺนํ นาม โหติ. เตน จกฺขุปสาทสฺส อสมฺภินฺเนน รูปาปาถคมเนน อาโลกสนฺนิสฺสเยนาปิ. เตน ติวิเธน ปจฺจเยน สมนกฺการเหตุนา ปฺจทฺวาราวชฺชนปจฺจเยน สห ปวตฺตเนน. เอเตหิ ปน จตูหิ ปจฺจเยหิ สํ เอกโต อินฺติ ปวตฺตนฺตีติ สเมตา, สเมเตหิ สหคเตหิ สมาคมํ เอกีภาวํ อาคเตหิ, ตํ จกฺขุวิฺาณํ จกฺขุปสาทนิสฺสิตํ วิฺาณํ สมฺปยุตฺเตหิ เจตสิเกหิ สห ชายเต.

๕๐๐-๑. อสมฺเภเทน โสตสฺส โสตปสาทสฺส อสมฺภินฺเนน สทฺทาปาถคเมน จ สทฺทสฺส อาปาถคมเนน จ. อากาสนิสฺสเยนาปิ ปิหิตกณฺณจฺฉิทฺทสฺส โสตวิฺาณํ นุปฺปชฺชติ. เตน ติวิเธน ปจฺจเยน. สมนกฺการเหตุนา ปฺจทฺวาราวชฺชนปจฺจเยน สห ปวตฺเตน. เอเตหิ ปน จตูหิ ปจฺจเยหิ สเมเตหิ สหคเตหิ สมาคมํ เอกีภาวํ อาคเตหิ ตํ โสตวิฺาณํ สมฺปยุตฺเตหิ สห ชายติ.

๕๐๒-๓. อสมฺเภเทน ฆานสฺส ฆานปสาทสฺส อสมฺภินฺเนน คนฺธาปาถคเมน จ คนฺธสฺส อาปาถคมเนน จ. วาโยสนฺนิสฺสเยนาปีติ ฆานพิลมฺหิ ปวิสนฺเตน วายุนาติ อตฺโถ. เตน ติวิเธน ปจฺจเยน. สมนกฺการเหตุนา ปฺจทฺวาราวชฺชนปจฺจเยน สห ปวตฺเตน. เอเตหิ ปน จตูหิ ปจฺจเยหิ สเมเตหิ สหคเตหิ สมาคมํ เอกีภาวํ อาคเตหิ ตํ ฆานวิฺาณํ สมฺปยุตฺเตหิ สห ชายติ.

๕๐๔-๕. อสมฺเภเทน ชิวฺหาย ชิวฺหาย อสมฺภินฺเนน รสาปาถคเมน จ รสสฺส อาปาถคมเนน จ. อาโปสนฺนิสฺสเยนาปีติ ชิวฺหาเตมนํ อาปํ ลทฺธา จ อุปฺปชฺชติ, เตน วินา สุกฺขขาทนีเย ชิวฺหาย สายิเตปิ ชิวฺหาวิฺาณํ นุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. เตน ติวิเธน ปจฺจเยน. สมนกฺการเหตุนา ปฺจทฺวาราวชฺชนปจฺจเยน สห ปวตฺเตน. เอเตหิ ปน จตูหิ ปจฺจเยหิ สเมเตหิ สหคเตหิ สมาคมํ เอกีภาวํ อาคเตหิ ตํ ชิวฺหาวิฺาณํ สมฺปยุตฺเตหิ สห ชายติ.

๕๐๖-๗. กายปสาทสฺส อสมฺเภเทน โผฏฺพฺพสฺส อาปาถคมเนน จ. ปถวีนิสฺสเยนาปีติ เตน วินา กายทฺวารมฺปีติ พหิทฺธา มหาภูตารมฺมณํ อชฺฌตฺติกํ กายปสาทํ ฆฏฺเฏตฺวา ปสาทปจฺจเยสุ มหาภูเตสุ ปฏิหฺติ. เตน ติวิเธน ปจฺจเยน. สมนกฺการเหตุนา ปฺจทฺวาราวชฺชนปจฺจเยน สห ปวตฺเตน. เอเตหิ ปน จตูหิ ปจฺจเยหิ สเมเตหิ สหคเตหิ สมาคมํ เอกีภาวํ อาคเตหิ ตํ กายวิฺาณํ สมฺปยุตฺเตหิ สห ชายติ.

๕๐๘-๙. อสมฺเภทา มนสฺสาปีติ มนนฺติ ภวงฺคจิตฺตํ. ตํ นิรุทฺธมฺปิ อาวชฺชนจิตฺตสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสมตฺถํ มนฺทตมคตเมว วตฺตมานมฺปิ สมฺภินฺนํ นาม โหติ. อาวชฺชนสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ อสมฺภินฺนํ นาม. มนสฺส อสมฺเภเทน ธมฺมสฺส อาปาถคมเนน จ วตฺถุสนฺนิสฺสเยน หทยวตฺถุสนฺนิสฺสเยน. เตน ติวิเธน ปจฺจเยน. สมนกฺการเหตุนา มโนทฺวาราวชฺชเนน สห ปวตฺเตน. เอเตหิ ปน จตูหิ ปจฺจเยหิ สเมเตหิ สหคเตหิ สมาคมํ เอกีภาวํ อาคเตหิ ตํ มโนวิฺาณํ ตํ มโนวิฺาณสงฺขาตํ ชวนจิตฺตํ สมฺปยุตฺเตหิ สห ชายเต.

๕๑๐-๑๑. มโน ภวงฺคจิตฺตํ นาม วิภาวินา เวทิตพฺพํ. อาวชฺชนกฺริยาจิตฺตํ อาวชฺชนกิริยาจิตฺตทฺวยํ สมนกฺกาโร นาม วิภาวินา สฺิตํ. วตฺถุสนฺนิสฺสเยน อิติ อยํ ปาโ สพฺพตฺถ สพฺเพสุ ภเวสุ น คจฺฉติ. ปฺจหิ ขนฺเธหิ โวกาโร โวกิณฺโณติ ปฺจโวกาโร, ปฺจโวการภวํ สนฺธาย การณํ กตฺวา ‘‘วตฺถุสนฺนิสฺสเยนา’’ติ อยํ ปาโ ปน กถิโต มยา, ปฺจโวการภโว นาม กามรูปภโว, อรูปภโว จตุโวการภโว นาม, อสฺีภโว เอกโวการภโว นาม. อยํ ปาโ จตุโวการอรูปภวํ สนฺธาย น กถิโตติ อตฺโถ. วตฺถุสฺส รูปตฺตา อรูปภเว กถํ วตฺถุสนฺนิสฺสโย ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

๕๑๒-๔. ปฏิสนฺธาทิจิตฺตานิ, สพฺพาเนกูนวีสติ โหนฺติ, กามาวจเรสุ ทส, รูเปสุ ปฺจ, อรูปีสุ จตฺตาริ, สพฺพานิ ปฏิสนฺธิจิตฺตานิ เอกูนวีสติ โหนฺติ. กมฺมํ นาม กุสลากุสลเจตนา. กมฺมนิมิตฺตํ นาม รูปานิ ปฺจารมฺมณานิ ปฺตฺติ จ มหคฺคตจิตฺตฺจ. ตถา คตินิมิตฺตกํ นาม กปฺปรุกฺขาทโย, อกุสลปกฺเข รูปาทิอารมฺมณภูตา โลหกุมฺภาทโย จ. อิติ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน เตสํ ปฏิสนฺธาทิจิตฺตานํ อารมฺมณํ ติวิธํ ภควตา อุทีริตํ. กามาวจรสนฺธีนํ ปริตฺตารมฺมณํ กามาวจรารมฺมณํ ภควตา มตํ. ปจฺจุปฺปนฺนํ รูปาทิปฺจารมฺมณํ, คตินิมิตฺตํ ปฺจารมฺมณฺจ ปจฺจุปฺปนฺนฺจ โหติ. อตีตํ วา กมฺมํ กุสลากุสลเจตนา อตีตาเยว, น ปจฺจุปฺปนฺนา. อนาคตํ อารมฺมณํ นตฺถิ.

๕๑๕-๒๖. อฏฺเว จ มหาวิปากา, ตีณิ สนฺตีรณานิ จาติ เอกาทสวิธํ จิตฺตํ ตทารมฺมณสฺิตํ. เอกาทสวิเธ จิตฺเต ตทารมฺมณสฺิเต ปุฺวิปากานิ กุสลวิปากา ทส โหนฺติ, อปุฺชํ อกุสลวิปากํ ปน เอกํ โหติ. มหาวิปากา รูปารูปภวทฺวเย น ชายนฺติ, กามรูปภเว สนฺตีรณตฺตยํ โหติ. ยานิ ตทารมฺมณจิตฺตานิ สตฺถุนา ชิเนน วุตฺตานิ, เตสุ ตทารมฺมณจิตฺเตสุ เอกมฺปิ ตทารมฺมณจิตฺตํ รูปารูปภวทฺวเย ตทารมฺมณํ หุตฺวา กทาจิปิ นปฺปวตฺตติ. กสฺมา การณา? ตตฺถ ตสฺมึ รูปารูปภวทฺวเย ‘‘ตทารมฺมณํ น โหตี’’ติ วจนํ โจทโก ภเวยฺย, พีชสฺสาภาวโต ปน น โหตีติ ปริหาโร. อกามาวจรารมฺมเณ อกามาวจรธมฺเม อิทํ ตทารมฺมณมานสํ เนว อนุพนฺธติ. หิ กสฺมา การณา? ปริตฺตารมฺมณตฺตา จ เอกนฺเตน อวสฺสํ ตทารมฺมณมานสสฺส กามาวจรารมฺมณตฺตา จ ตถา อปริจิตตฺตา จ สพฺพทา นานุพนฺธติ. ตฺหิ ยถา ปิตรํ วา ปิตุสทิสํ วา าตึ อนุพนฺธนฺโตปิ ตรุณทารโก ฆรทฺวารนฺตรวีถิจตุกฺกาทิมฺหิ ปริจิเตเยว เทเส อนุพนฺธติ, น อรฺํ วา ยุทฺธภูมึ วา คจฺฉติ, เอวํ กามาวจเร ธมฺเม อนุพนฺธนฺตมฺปิ มหคฺคตโลกุตฺตรธมฺมมารพฺภ ปวตฺตมาเน ธมฺเม นานุพนฺธติ. ยสฺมา จสฺส สพฺโพ กามาวจรปาโก จ กิริยามโนธาตุ กิริยาอเหตุกมโนวิฺาณธาตุ โสมนสฺสสหคตา อิเม ธมฺมา ปริตฺตารมฺมณาติ เอวํ อจฺจนฺตํ ปริตฺตเมว อารมฺมณํ วุตฺตํ, ตสฺมา เจตํ มหคฺคตโลกุตฺตรารมฺมเณ กามาวจรธมฺเมปิ นานุพนฺธตีติ เวทิตพฺพํ.

๕๒๗-๓๒. กึ เตน ยุตฺติวาเทน, วุตฺตํ อฏฺกถาสุ หิ ‘‘ชนกํ เตน ตุลฺย’’นฺติอาทิเกน เตน, ยุตฺติยา วาโท ยุตฺติวาโท, ‘‘ชนกํ เตน ตุลฺย’’นฺติอาทิกาย ยุตฺติกถาย กึ ปโยชนํ วุตฺตํ? อฏฺกถาสุ หิ สจฺจํ ‘‘กึ เตน ยุตฺติวาเทนา’’ติ วจนํ, ‘‘อตฺถกถาสู’’ติ วตฺตพฺเพ สมาเส หิ ตฺถ-สฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ‘‘อฏฺกถาสู’’ติ วุตฺตํ. กามาวจเร ธมฺเม ปฏิจฺจ ตทารมฺมณภาวทีปกํ วจนํ อาจริเยน วุตฺตํ. ตทารมฺมณจิตฺตานิ, เอกาทสปิ สพฺพโส สพฺพปฺปกาเรนปิ ตทารมฺมณจิตฺตานิ นามโคตฺตํ ปนารพฺภ ติสฺสาทิกํ นามปฺตฺตึ ปฏิจฺจ กจฺจายนโคตฺตกสฺสปโคตฺตาทิกํ โคตฺตปฺตฺตึ ปฏิจฺจ ชวเน ชวิเตปิ จ ตทารมฺมณํ น คณฺหนฺติ, รูปารูปภเวสุ วา ตทารมฺมณํ น คณฺหนฺติ. ยทา ปฺตฺติมารพฺภ, ชวเน ชวิเตปิ วา ยทา มยา วุตฺตาย ปฺตฺติยา เสสปฺตฺตึ ปฏิจฺจ ชวเน ชวิเตปิ วา ตทารมฺมณํ น ลพฺภเต อาจริเยน, ตถา ทุกฺขอนิจฺจอนตฺตลกฺขณารมฺมณิกาย วิปสฺสนาย ตทารมฺมณํ น ลพฺภเต อาจริเยน. ตทารมฺมณา น ลพฺภนฺติ, มิจฺฉตฺตนิยเตสุปิ มิจฺฉตฺเต มิจฺฉาสภาเว ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺตฺยาทิวเสน นิยตานิ จตฺตาริ ทิฏฺิยุตฺตชวนานิ มิจฺฉตฺตนิยตานิ, มิจฺฉตฺตนิยเตสุปิ ตทารมฺมณํ น ลพฺภเต อาจริเยน, โลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภ ชวเน คเตปิ ตทารมฺมณํ น ลพฺภเต อาจริเยน. ตถา มหคฺคเต ธมฺเม อารพฺภ ชวเน ชวิเตปิ ตทารมฺมณํ น ลพฺภเต อาจริเยน, ปฏิสมฺภิทาาณํ อารพฺภ ชวเน ชวิเตปิ ตทารมฺมณํ น ลพฺภเต อาจริเยน. มโนทฺวาเรปิ สพฺเพสํ ชวนานํ อนนฺตรํ อนุปุพฺพโต ตทารมฺมณจิตฺตานิ ภวนฺติ.

๕๓๓-๔. มโนทฺวาเร อารมฺมณฆฏฺฏนา น วิชฺชติ. ภวงฺคโต เจตโส วีถิจิตฺตสฺส วุฏฺานํ กถํ เกน ปกาเรน โหติ? มโนทฺวาเรปิ ฆฏฺฏนาย วินา ฆฏฺฏนํ วชฺเชตฺวา อาปาถํ อาคจฺฉนฺเตว ยสฺมา การณา, ตสฺมา วีถิจิตฺตานํ สมฺภโว โหติ.

๕๓๕-๖. ทฺวาทสาปุฺจิตฺตานํ ทฺวาทสอกุสลจิตฺตานํ วิปากา สตฺตสตฺตติ ปาปปากา ทฺวาทสปาปจิตฺตานํ วิปากา จตุราสีติ ปวตฺติยํ โหนฺติ. เอกสฺส โสมนสฺสยุตฺตทิฏฺิสมฺปยุตฺตากุสลสฺส จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายวิฺาณานิ, สมฺปฏิจฺฉนํ, อุเปกฺขายุตฺตสนฺตีรณานิ จาติ สตฺต อกุสลปากา โหนฺติ. ตถา เสสานํ เอกาทสนฺนํ อกุสลานมฺปิ สตฺต วิปากา โหนฺติ. เอกาทสวิธานํ ตุ, หิตฺวา อุทฺธจฺจมานสํ อุทฺธจฺจมานสํ หิตฺวา เอกาทสวิธานํ ปฏิสนฺธิโย เอกาทสวิธา เจว ภวนฺติ.

๕๓๗-๘. กฺริยจิตฺเตสุ สพฺเพสุ ยํ อาวชฺชนทฺวยํ ชวนํ น จ โหติ, ตํ อาวชฺชนทฺวยํ กรณมตฺตตฺตา กิริยามตฺตตฺตา วาตปุปฺผสมํ วาตปุปฺเผน สทิสํ มตํ ภควตา. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – ขีณาสเว อุปฺปนฺนกาเล วา ตํ อาวชฺชนทฺวยํ กิริยจิตฺตํ ภวิตุํ ยุตฺตํ. สพฺเพสุ ปุถุชฺชเนสุ อุปฺปนฺนกาเล กถํ กิริยา โหตีติ เจ? กรณมตฺตตฺตา อผลทายกํ วาตปุปฺผํ วิย อผลทายกํ กิริยจิตฺตํ ภวิตุํ ยุตฺติหาโร กิริยา ปน โหติ. ยํ สพฺพํ กิริยจิตฺตํ กิจฺจสาธนโต ชวนกิจฺจสาธนวเสน ชวนตฺตํ ชวนภาวํ ปตฺตํ ฉินฺนมูลสฺส รุกฺขสฺส ปุปฺผํ อผลํ โหติ ยถา, เอวํ ฉินฺนาวิชฺชาตณฺหามูลสฺส วีตราคสฺส ตํ สพฺพํ กิริยจิตฺตํ อผลํ วิปากวิรหิตํ สิยา ภเวยฺย.

๕๓๙-๔๐. ปฏิจฺจ ปน เอตสฺมา, ผลเมตีติ ปจฺจโย เอกํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ เอตสฺมา ธมฺมโต ผลํ เอติ ปวตฺตติ ตสฺมา ปจฺจโย, โย ธมฺโม ยสฺส ธมฺมสฺส ิติยา อุปฺปตฺติยาปิ อุปกาโร นาม โหติ, โส ธมฺโม ตสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโยติ ปจฺจโย นาม ปณฺฑิเตน ปวุจฺจเต. สมฺภโว ปภโว เหตุ การณํ ปจฺจโย มโต ภควตา. อิทํ วจนํ อฺตฺถ ทีปนวจนํ.

๕๔๑. โลภาทิ ปน โย ธมฺโม, มูลฏฺเนุปการโก โย โลภาทิ ปน ธมฺโม มูลภาเวน ผลธมฺมสฺส อุปการโก, โส โลภาทิธมฺโม ผลธมฺมสฺส เหตูติ เหตุ นาม วิภาวินา วิฺาตพฺโพ.

๕๔๒. โลโภ โทโส จ โมโห จ ตถา อโลภาทโย ตโย เหตู, เต ฉ เอว เหตุโย โหนฺติ, ชาติโต ชาติวเสน กุสลชาติอกุสลชาติอพฺยากตชาติวเสน นวธา นวหิ โกฏฺาเสหิ สิยุํ.

๕๔๓-๔. ธมฺมานํ กุสลาทีนํ, กุสลาทิตฺตสาธโก โย ธมฺโม กุสลาทีนํ ธมฺมานํ กุสลาทิตฺตสาธโก กุสลาทิภาวสาธโก, โส ธมฺโม มูลฏฺโ นาม. เอวํ วจนํ เอเก เอกจฺเจ อาจริยา วทนฺติ. เอวํ สนฺเต กุสลากุสลาทีนํ ธมฺมานํ กุสลาทิตฺตสาธกวเสน มูลฏฺเ สนฺเต ตํสมุฏฺานรูปีสุ เตหิ จิตฺเตหิ สมุฏฺานรูเปสุ เตหิ จิตฺเตหิ สมุฏฺิเตสุ จิตฺตชรูเปสุ เหตูนํ โลภาทิเหตูนํ เหตุปจฺจยตา กทาจิปิ เนว สมฺปชฺชติ. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – ยทิ จิตฺเตสุ รูปานิ สมุฏฺาเปนฺเตสุ เต โลภาทโยปิ จิตฺตานํ สมฺปยุตฺตจิตฺตานํ เอกุปฺปาทตฺตา จ รูปานิ สมุฏฺาเปนฺติเยว. ตทา เตสํ มเต เตสํ จิตฺตชรูปานํ กุสลาทิตฺตํ สิยา. น จ กทาจิ รูปานิ กุสลาทินามกานิ ทิสฺสนฺติ ยสฺมา, ตสฺมา จิตฺตชรูปานํ กุสลาทิภาวาปนตฺถํ เตสํ จิตฺตชรูปานํ เต โลภาทโย เหตุปจฺจยา น โหนฺติ, อิติ วจนํ วตฺตพฺพํ สิยา. เอวฺจ สติ จิตฺตชรูปานิ นาม กทาจิปิ วิยุตฺตานิ จรนฺติ, ตสฺมา กุสลาทิตฺตสาธโก มูลฏฺโ น โหติ.

๕๔๕-๖. หิ สจฺจํ ‘‘เอวํ สนฺเต ตุ เหตูน’’นฺติอาทิกํ วจนํ. เต โลภาทโย เหตู เตสํ รูปานํ กุสลาทิตํ กุสลาทิภาวํ น สาเธนฺติ น นิปฺผาเทนฺติ. เต เหตู เตสํ ปน รูปานํ ปจฺจยา น จ น โหนฺติเยว, ตสฺมา การณา กุสลาทีนํ ธมฺมานํ กุสลาทิตฺตสาธโก โย ธมฺโม, โส ธมฺโม มูลฏฺโติ มูลสภาโว นาม สมยฺุนา สมยวิชานนสีเลน วิฺุนา คนฺตพฺโพ ชานิตพฺโพ.

๕๔๗. สุปฺปติฏฺิตภาวสฺส, สาธเนนุปการโก สุปฺปติฏฺิตภาวํ สาธเนน อุปการโก โย อตฺโถ, โส อตฺโถ เหตูนํ โลภาทีนํ มูลฏฺโ มูลสภาโว อิติ จ คหณํ วิภาวินา วิฺาตพฺพํ.

๕๔๘-๙. กุสลากุสลา เหตู กุสลา เหตู, อกุสลา เหตู, กฺริยาเหตู สพฺพโส สพฺพปฺปกาเรน สพฺเพ กิริยาเหตุโย จ สมฺปยุตฺตานํ ปฺจโวการภูมิยํ สมฺปยุตฺตานํ ธมฺมานํ อฺมฺปจฺจยภาเวน เหตุปจฺจยตํ ยาตา คตา. ตํสมุฏฺานานํ จิตฺตชรูปานฺจ เหตุปจฺจยตํ ยาตา คตา, เอเต เหตู จตุโวการภูมิยํ สมฺปยุตฺตานํ เอว ธมฺมานํ เหตุปจฺจยตํ ยาตา คตา.

๕๕๐-๑. กาเม วิปากเหตูปิ อตฺตนา สมฺปยุตฺตานํ เหตุปจฺจยตํ ยาตา, ปฏิสนฺธิกฺขเณปิ กฏตฺตารูปชาตานํ กมฺมชรูปานํ เหตุปจฺจยตํ ยาตา, ตสฺมา ปฏิสนฺธิจิตฺตุปฺปาทกฺขเณเยว กมฺมชรูปานํ อุปฺปาโท โหติ, ยสฺมา การณา ปวตฺติยํ จิตฺตชานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจยตํ คตา.

๕๕๒-๕. รูเป วิปากเหตู กามาวจรภูมิยํ เหตุโย วิย เหตุปจฺจยา โหนฺติ, ปฺจโวกาเร โลกุตฺตรวิปากเหตโว จิตฺตชานํ รูปานฺจ สมฺปยุตฺตานฺจ ปฺจโวการภูมิยํ เหตุปจฺจยา โหนฺติ. จตุโวกาเร โลกุตฺตรวิปากชา เหตโว สมฺปยุตฺตานํ เอว จตุโวการภูมิยํ เหตุปจฺจยา ภวนฺติ. อิตเร จตุโวกาเร อรูปภเว วิปากชา เหตโว สมฺปยุตฺตานํ เอว สภูมิยํ อตฺตโน ภูมิยํ อรูปภูมิยํ เหตุปจฺจยา โหนฺติ. เหตุตฺโถ เหตูนํ อตฺโถ เหตุโย เจว เหตุปจฺจโย เจว เหตุปจฺจยสมฺภโว เหตุปจฺจยุปฺปตฺติ, เอวเมว เอวํ อิมินา ปกาเรน. สฺชาโต สุขเหตุ ยสฺสาติ สฺชาตสุขเหตุ, เตน วิฺเยฺโย.

๕๕๖-๘. ฉนฺโท จิตฺตฺจ วีริยํ วีมํสา จาติ จตุธาธิปตี โลกาธิปตินา สตฺถุนา วุตฺตา. ฉนฺทํ เชฏฺกํ กตฺวา จิตฺตสฺส อุปฺปตฺติกาลสฺมึ โย ฉนฺโท, โส ฉนฺทาธิปติ นาม, ฉนฺทํ ธุรํ กตฺวา สมาธิกรณจิตฺตสฺส เอเสว นโย เสเสสุปิ จ ตีสุ มยา วุตฺตโต ฉนฺทาธิปติโต เสเสสุปิ จ อธิปตีสุ. โย ธมฺโม เชฏฺฏฺเน อุปการโก, โส ธมฺโม อธิปตีติ อธิปติ นาม ภควตา นิทฺทิฏฺโ.

๕๕๙.

สุมติมติวิโพธนํ วิจิตฺตํ,

กุมติมตินฺธนปาวกํ ปธานํ;

อิมมติมธุรํ อเวทิ โย โย,

ชินวจนํ สกลํ อเวทิ โส โส.

โย โย ชโน อิมํ อภิธมฺมาวตารํ สุมติมติวิโพธนํ สุมตีนํ สุนฺทรมตีนํ ปณฺฑิตานํ มติยา วิโพธนกรํ วิจิตฺตํ กุมตีนํ กุจฺฉิตมตีนํ พาลานํ มติอินฺธเน ปธานํ ปาวกํ อติมธุรกรํ อเวทิ ชานิ, โส โส ชโน สกลํ ชินวจนํ อเวทิ ชานิ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

ปกิณฺณกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อฏฺโม ปริจฺเฉโท.

๙. นวโม ปริจฺเฉโท

ปุฺวิปากปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๕๖๐-๒.

พาตฺตึสปากจิตฺตานิ, โลกิกาเนว ยานิ หิ;

เอเตสํ ปากจิตฺตานํ, ปฏิสนฺธิปวตฺติสุ.

ยานิ โลกิกานิ เอว พาตฺตึส ปากจิตฺตานิ โหนฺติ, เอเตสํ ปากจิตฺตานํ ปุฺาปุฺาทิสงฺขารา ภวาทีสุ โยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ ยถา เยน ปกาเรน ปจฺจยา โหนฺติ เอว, อิเมสํ วิปากจิตฺตานํ เตปิ สงฺขารา ภวาทีสุ โยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ ตถา เตน ปกาเรน วิภาวินา ปณฺฑิเตน วิฺาตพฺพา. ตโย ภวา จตสฺโส จ โยนิโย กามภวรูปภวอรูปภววเสน ตโย ภวา, อณฺฑชชลาพุชสํเสทชโอปปาติกโยนิวเสน จตสฺโส จ โยนิโย, นิรยคติติรจฺฉานคติเปตคติมนุสฺสคติเทวคติวเสน คติปฺจกํ, สนฺธิสฺาย ปฏิสนฺธิสฺาย นานตฺตา นานาภาวโต, กายสฺสาปิ จ รูปกายสฺสาปิ จ นานตฺตา นานาภาวโต กามสุคติโย, นานา อตฺตา สภาโว เอตสฺสาติ นานตฺตา, นานตฺโต รูปกาโย เอเตสนฺติ นานตฺตกายา, นานา สภาโว เอตสฺสาติ นานตฺตา, นานตฺตาเยว สฺา นานตฺตสฺา, สา เอเตสํ อตฺถีติ นานตฺตสฺี นาม, ปมชฺฌานภูมิ จ จตุราปายภูมิโย จ นานตฺตกายเอกตฺตสฺี นาม, ทุติยชฺฌานภูมิ เอกตฺตกายนานตฺตสฺี นาม, ตติยชฺฌานภูมิเวหปฺผลภูมิสุทฺธาวาสภูมิโย เอกตฺตกายเอกตฺตสฺี นาม, เหฏฺา ิตา รูเปหิ สทฺธึ สตฺตวิฺาณฏฺิติโย, ติฏฺนฺติ วิฺาณานิ เอตฺถาติ ิติโย, วิฺาณานํ ิติโย วิฺาณฏฺิติโย, วิฺาณสฺส อภาวโต อสฺีภูมิ น คยฺหเต, จตุตฺถารุปฺปภูมิ จ ปฏุวิฺาณาภาวโต น คยฺหเต. สตฺตาวาสวเสน อสฺีภูมึ, จตุตฺถารุปฺปภูมิฺจ ปน คเหตฺวา เต สตฺตาวาสา นว เอว โหนฺติ.

๕๖๓-๘. กาเม ปุฺาภิสงฺขารสฺิตา อฏฺ เจตนา ปูเรนฺติ อตฺตโน การกํ ปูเรนฺติ จ, อชฺฌาสยํ ปุชฺชฺจ ภวํ นิพฺพตฺเตนฺตีติ ปุฺานิ, อภิสงฺขโรนฺติ วิปากํ, กมฺมชรูปฺจาติ อภิสงฺขารา, ปุฺานิ เอว อภิสงฺขารา ปุฺาภิสงฺขารา, เตเยว สฺิตา ปุฺาภิสงฺขารสฺิตา, กาเม ปุฺาภิสงฺขารสฺิตา อฏฺ เจตนา. นวนฺนํ ปากจิตฺตานํ อุเปกฺขายุตฺตาเหตุกมหาวิปากวเสน นวนฺนํ ปากจิตฺตานํ กามสุคติยํ ปน นานา วตฺตมานเจตนาขณโต ปรํ ขณํ เอตสฺสาติ นานาขณํ, ตํ เอว นานกฺขณิกํ, ตเมว กมฺมํ นานกฺขณิกกมฺมํ, วตฺตมานเจตนาโต ปรา อตีตเจตนาติ อตฺโถ. พลวา นิสฺสยปจฺจโย อุปนิสฺสยปจฺจโย, พลวตฺโถ เจตฺถ อุป-สทฺโท, พลวปจฺจโยติ อตฺโถ, นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยวเสน พลวปจฺจยวเสน จาติ อตฺโถ. ทฺเวธา ทฺวีหิ ปกาเรหิ เตสํ ปฏิสนฺธิยํ ปจฺจยา ภวนฺติ, ตา อฏฺ กามาวจรมหากุสลเจตนา อุเปกฺขาสหิตาเหตุมโนวิฺาณธาตุยา วินา อุเปกฺขาสหคตาเหตุมโนวิฺาณธาตุํ วชฺเชตฺวา ปริตฺตปากานํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายสมฺปฏิจฺฉนโสมนสฺสยุตฺตาเหตุกกุสลวิปากานํ ทฺเวธา นานกฺขณิกกมฺมูปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปวตฺติยํ ปจฺจยา โหนฺติ. ตาเยว เจตนา ตา เอว อฏฺ กามาวจรมหากุสลเจตนา รูปภเว ปฺจนฺนํ ปากจิตฺตานํ กุสลวิปากจิตฺตานํ จกฺขุโสตสมฺปฏิจฺฉนโสมนสฺสยุตฺตอุเปกฺขายุตฺตสนฺตีรณานํ ทฺเวธา นานกฺขณิกกมฺมูปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปวตฺติยํ ปจฺจยา โหนฺติ. อฏฺนฺนํ ตุ ปริตฺตานํ, กาเม ทุคฺคติยํ ตถา อฏฺนฺนํ ปริตฺตานํ กุสลวิปากานํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายสมฺปฏิจฺฉนานํ, ทฺวินฺนํ สนฺตีรณานฺจ ปวตฺเต ปวตฺติกฺขเณ ปจฺจยา โหนฺติ, ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปน ปจฺจยา น โหนฺติ. วุตฺตปฺปการาว กาเม สุคติยํ ยถาวุตฺตปฺปการาว อฏฺ กามาวจรมหากุสลเจตนา กามสุคติยํ ตถา โสฬสนฺนํ กุสลวิปากานํ ปวตฺเต ปวตฺติกฺขเณ ทฺเวธา นานกฺขณิกกมฺมูปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปจฺจยา โหนฺติ, ปวตฺเต ปวตฺติกฺขเณ สตฺตนฺนํ กุสลวิปากานํ ปจฺจยา โหนฺติ. ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ นวนฺนํ กุสลวิปากจิตฺตานํ ปจฺจยา โหนฺติ.

๕๖๙-๗๔. รูเป ปุฺาภิสงฺขารา, รูปาวจรภูมิยํ ปฺจนฺนํ ปากจิตฺตานํ ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปจฺจยา โหนฺติมาปุฺสงฺขารา, กาเม ทุคฺคติยํ ทฺวิธา อิเม อปุฺาภิสงฺขารา, อิมา กุสลปฏิปกฺขา อุทฺธจฺจวชฺชา เอกาทส เจตนา กามทุคฺคติยํ เอกสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทฺวิธา นานกฺขณิกกมฺมูปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปจฺจยา โหนฺติ. ทฺวาทส อกุสลเจตนา ปวตฺเต ปวตฺติกฺขเณ เอว ฉนฺนํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายสมฺปฏิจฺฉนานํ อกุสลวิปากานํ ปจฺจยา โหนฺติ, ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปจฺจยา โน โหนฺติ. สตฺตนฺนมฺปิ ภวนฺเตว ปวตฺเต ปวตฺติกฺขเณ ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ อกุสลวิปากานิ สตฺตนฺนํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณานํ ปจฺจยา ภวนฺติ. กาเม สุคติยํ เตสํ, สตฺตนฺนมฺปิ ตเถว จ ทฺวาทสากุสลเจตนา กาเม สุคติยํ ตเถว จ เตสํ สตฺตนฺนํ อกุสลวิปากานํ ปวตฺเต ปวตฺติกฺขเณ ปจฺจยา โหนฺติ, ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปจฺจยา น โหนฺติ. วิฺาณานํ จตุนฺนมฺปิ, เตสํ รูปภเว ตถา ตาเยว ทฺวาทสากุสลเจตนา รูปภเว เตสํ จตุนฺนํ อกุสลวิปากานํ จกฺขุโสตสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณสงฺขาตานํ วิฺาณานํ ตถา ปวตฺเต ปวตฺติกฺขเณ ปจฺจยา โหนฺติ, ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปจฺจยา น โหนฺติ. โส จ กามภเวนิฏฺรูปาทิอุปลทฺธิยํ โส จ อปุฺาภิสงฺขาโร กามภเว อนิฏฺรูปาทิอุปลทฺธิยํ อมนาปรูปาทีนิ อารมฺมณานิ อุปลทฺธิยํ เตสํ จตุนฺนํ อปุฺชานํ วิฺาณานํ ปจฺจโย โหติ. หิ สจฺจํ ‘‘โส จ กามภเวนิฏฺ-รูปาทิอุปลทฺธิย’’นฺติอาทิกํ วจนํ. อนิฏฺรูปาทโย นาม วิสยา พฺรหฺมโลเก น วิชฺชเร น วิชฺชนฺติ.

๕๗๕-๖. ตเถวาเนฺชสงฺขาโร น อิฺชติ น ผนฺทติ น จลตีติ อาเนฺชํ, อาเนฺชฺจ ตํ สงฺขาโร จาติ อาเนฺชสงฺขาโร, ตถา เอว อาเนฺชสงฺขาโร อรูปาวจรภูมิยํ จตุนฺนํ ปากจิตฺตานํ ปวตฺเต ปวตฺติกฺขเณ ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปจฺจโย โหติ. ภเวสฺเวเต ภเวสุ เอเต วุตฺตปฺปการา ปจฺจยา วุตฺตปฺปกาเรน ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ ยถา จ เยน เยน จ ปกาเรน นานกฺขณิกกมฺมูปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปจฺจยา โหนฺติ, เตน ปจฺจยา ตถา เตน เตน ปกาเรน วิภาวินา วิชานนฺเตน ปณฺฑิเตน เยฺยา.

๕๗๗. เอเสว จ นโย เยฺโย, โยนิอาทีสุ โยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ เอเสว จ นโย ภเวสุ มยา วุตฺโต เอว นโย ปณฺฑิเตน เยฺโย. ตตฺริทํ ตตฺร ภเวสุ อาทิโต ปฏฺาย วุตฺตํ อิทํ วจนํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ อุปายมตฺตทีปนํ โหติ.

๕๗๘-๘๑. อวิเสเสน ปุฺาภิ-สงฺขาโร ทฺวิภเวสุปิ กามปุฺาภิสงฺขารวเสน, รูปปุฺาภิสงฺขารวเสน จ ปุฺาภิสงฺขาโร อวิเสเสน สมานภาเวน ทฺวีสุ ภเวสุ กามรูปภเวสุ ปฏิสนฺธึ ทตฺวา โส สงฺขาโร สพฺพปากํ ชเนติ นิพฺพตฺเตติ. ตถา จตูสุ วิฺเยฺโย, อณฺฑชาทีสุ โยนิสุ ทฺวิภเวสุ ปุฺาภิสงฺขาโร วิย ตถา จตูสุ อณฺฑชาทีสุ โส ปุฺาภิสงฺขาโร ปณฺฑิเตน เยฺโย. ‘‘อณฺฑชาทีสู’’ติ วจนํ ปทุมปจฺเจกพุทฺธานํ มนุสฺสตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. พหุเทวมนุสฺสานํ วเสน ทฺวีสุ คตีสุ เอว จ ตถา โส ปุฺาภิสงฺขาโร ปณฺฑิเตน เยฺโย. ตถา นานตฺตกายาทิ-วิฺาณานํ ิตีสุปิ นานตฺตกายนานตฺตสฺีนานตฺตกอายเอกตฺตสฺี เอกตฺตกายนานตฺตสฺี เอกตฺตกายเอกตฺตสฺีนํ วเสน จตูสุ วิฺาณฏฺิตีสุ โส ปุฺาภิสงฺขาโร ปณฺฑิเตน เยฺโย. นานตฺตกายนานตฺตสฺีนานตฺตกายเอกตฺตสฺีเอกตฺตกายนานตฺตสฺีเอกตฺตกายเอกตฺตสฺีนํ วเสน วุตฺตปฺปการสฺมึ จตุพฺพิเธ สตฺตาวาเส ตถา โส ปุฺาภิสงฺขาโร ปณฺฑิเตน เยฺโย. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปุฺาภิสงฺขาโร ภวาทีสุ ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ ยถารหํ โสฬสนฺนํ กามกุสลปากานํ, ปฺจนฺนํ รูปปากานฺจาติ เอกวีสติปากานํ ทฺวิธา นานกฺขณิกกมฺมูปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ.

๕๘๒-๓. กาเม อปุฺสงฺขาโร กามภเว อณฺฑชชลาพุชสํเสทชโอปปาติกโยนิวเสน อณฺฑชาทีสุ โยนีสุ นิรยคติเปตคติติรจฺฉานคติวเสน ตีสุ คตีสุ นานตฺตกายเอกตฺตสฺีวเสน เอกิสฺสา วิฺาณฏฺิติยา นานตฺตกายเอกตฺตสฺีวเสน จ เอกสฺมึ ปน สตฺตาวาเส ทฺวิธา นานกฺขณิกกมฺมูปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปวตฺเต ปวตฺติกฺขเณ ปฏิสนฺธิยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ โส อปุฺาภิสงฺขาโร ปจฺจโย โหติ.

๕๘๔-๖. ตเถวาเนฺชสงฺขาโร ตถา เอว อาเนฺชสงฺขาโร, เอการูปภเว เอกสฺมึ อรูปภเว เอกิสฺสา โอปปาติกโยนิยา เจว เอกิสฺสา เทวคติยาปิ จ อากาสานฺจายตนภูมิ วิฺาณฺจายตนภูมิ อากิฺจฺายตนภูมิวเสน ตีสุ เอว จิตฺตฏฺิตีสุ จตุนฺนํ อรูปภูมีนํ วเสน จตุพฺพิเธ สตฺตาวาเส จตุนฺนํ อรูปปากจิตฺตานํ ทฺเวธา นานกฺขณิกกมฺโมปนิสฺสยปจฺจเยหิ โส อาเนฺชาภิสงฺขาโร ปจฺจโย โหติ. ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ, วเสเนวํ ภวาทีสุ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ วเสน ภวาทีสุ ยถา เย สงฺขารา เอสํ ปากจิตฺตานํ ปจฺจยา โหนฺติ, ตถา เต สงฺขารา เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปณฺฑิเตน วิชานิตพฺพา.

๕๘๗-๙๐. น รูปารูปธมฺมานํ, สงฺกนฺติ ปน วิชฺชติ รูปธมฺมานํ, จิตฺตเจตสิกสงฺขาตานํ นามธมฺมานฺจ สงฺกนฺติ ปน สงฺกมนํ ปน น วิชฺชติ. สงฺกนฺติภาเว อสติ อตีตภวโต อิธ อิมสฺมึ ภเว รูปธมฺมานํ สงฺกมนภาเว อสติ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ กถํ เกน ปกาเรน สิยา ภเวยฺย? นตฺถิ จิตฺตสฺส สงฺกนฺติ, อตีตภวโต อิธ อิมสฺมึ ภเว จิตฺตสฺส สงฺกนฺติ สงฺกมนํ นตฺถิ, ตโต อตีตภวโต อตีตํ เหตุํ วินา วชฺเชตฺวา อิธ อิมสฺมึ ภเว จิตฺตสฺส ปาตุภาโว น วิชฺชติ. สุลทฺธปจฺจยํ รูปารูปมตฺตํ สุฏฺุ ลทฺธปจฺจยํ รูปนามมตฺตํ ชายติ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปจฺจยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมานํ รูปารูปมตฺตํ รูปนามมตฺตํ ชายติ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปจฺจยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมานํ รูปารูปมตฺตํ ภวนฺตรํ อฺภวํ ปฏิสนฺธึ อุเปติ อุปคจฺฉติ. อิติ วจนํ สมฺาย โลกิยโวหาเรน ปวุจฺจเต, สตฺโต วา นตฺถิ, สตฺโต ชีโวติ เววจนํ, อตฺตา วาปิ น วิชฺชติ.

๕๙๑-๙. ตสฺสิทํ ปากฏํ กตฺวา, ปฏิสนฺธิกฺกมํ ปน ตสฺส สตฺตสฺส อิทํ ปฏิสนฺธิกฺกมํ สุทุพฺพุธํ อติทุพฺพิชานํ ปากฏํ กตฺวา อหํ ทสฺสยิสฺสามิ, ตเมตํ ปฏิสนฺธิกฺกมํ สาธุ สาธุกํ นิโพธถ, สาธุ สาธุกํ มนสิ กโรถ, วิวิเธสุ อารมฺมเณสุ โลภวเสน จิตฺตํ อนาเมตฺวา วชิรมฺชูสาย อนคฺฆมณิรตนํ ปกฺขิปนฺโต วิย จิตฺเต เปตฺวาติ อตฺโถ. อตีตสฺมึ ภเว ตสฺส, อาสนฺนมรณสฺส หิอิโต ภวโต อตีตสฺมึ ภเว อาสนฺนมรณสฺส ตสฺส สรีรสฺมึ อาตเป ปกฺขิตฺตํ หริตํ ตาลปณฺณํ วิย สุสฺสมาเน สติ จกฺขุนฺทฺริยาทิเก อินฺทฺริเย นฏฺเ หทยวตฺถุมตฺตสฺมึ ิเต กายปฺปสาทิเก วิฺาเณ ตสฺมึ ขเณ วตฺถุสนฺนิสฺสิตํ หทยวตฺถุนิสฺสิตํ. ‘‘จิตฺต’’นฺติ วจนํ ภวงฺคมโนทฺวาราวชฺชนชวนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปุพฺพานุเสวิตนฺติ อิโต กาลา ปุพฺพกาเล เตน ปน อนุเสวิตํ อนุจิณฺณํ ปุฺํ กมฺมํ วา อปุฺํ เอว วา กมฺมํ กมฺมนิมิตฺตํ คตินิมิตฺตํ วา กมฺมผเลน ทฺวาเรสุ ปจฺจุปฏฺิตํ อาลมฺพิตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนชวนวเสน เสวิตจิตฺตํ ปวตฺตติ. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน ปวตฺตมานํ ตํ วิฺาณํ ตํ ชวนจิตฺตํ ลทฺธปจฺจยํ ลทฺธารมฺมณปจฺจยํ. อวิชฺชาย ปฏิจฺฉนฺนาทีนเว วิสเยติ อกุสลชวเน ชวิเต ตสฺส ชวนสฺส อวิชฺชาย อปฺปฏิจฺฉนฺนโทเส ตสฺมึ กมฺมาทิเก อารมฺมเณ กุสลชวเน ชวิเต ตโต จิตฺตวีถิโต ปุพฺพภาเค ปวตฺตาย อวิชฺชาย ปฏิจฺฉนฺนโทเส ตสฺมึ กมฺมาทิเก อารมฺมเณ. ตณฺหาติ อกุสลชวเนน สหโช โลโภ, อกุสลชวเน วา ชวิเต ตโต วีถิจิตฺตโต ปุพฺพภาเค ปวตฺโต โลโภ ตณฺหา. นเมตีติ อฺํ อารมฺมณํ อคฺคาหาเปตฺวา ทฬฺหคฺคาหวเสน ตํ เอว กมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตสงฺขาตํ อารมฺมณํ คณฺหาเปตีติ อตฺโถ. สหชา สงฺขารา ปน ตสฺส จิตฺตสฺส สหชา เอกโต ชาตา เจตนา ปน ตสฺมึ เยวารมฺมเณ ขิปนฺติ ปวตฺตนฺติ. อิมสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนภเว เอกสนฺตติวสา ปวตฺตาย ตณฺหาย นมียมานํ ตํ วิฺาณํ โอริมา ตีรมฺหา รชฺชุกํ อาลมฺพิตฺวา มาติกาติกฺกโม ปุริโส วิย เอตํ ปุริมํ นิสฺสยภูตํ หทยวตฺถุํ ชหติ ฉฑฺเฑติ, จุติจิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌตีติ อตฺโถ. อปรํ กมฺมสมฺภูตํ นิสฺสยํ อปรํ อฺกมฺมโต สมฺภูตํ นิสฺสยภูตํ หทยวตฺถุํ ลภิตฺวา วา อลภิตฺวาปิ วา อารมฺมณาทีหิ ปจฺจเยหิ ตํ ปฏิสนฺธิสงฺขาตํ มานสํ ปวตฺตติ. ‘‘ลภิตฺวา’’ติ วจนํ กามรูปภวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อลภิตฺวา’’ติ วจนํ อรูปภวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอตฺถ เอเตสุ จิตฺเตสุ ปุริมํ ‘‘ชหตี’’ติ วจเนน วุตฺตฺเจว จิตฺตํ, จุติจิตฺตํ ปจฺฉิมํ ‘‘อารมฺมณาทีหิ ปจฺจเยหิ ปวตฺตตี’’ติ วจเนน วุตฺตฺเจว จิตฺตํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ปณฺฑิเตน เวทิตพฺพํ.

๖๐๐-๖. ตเทตํ ตํ เอตํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ปุริมา ภวโต อิธ อิมสฺมึ ปจฺฉิมภเว นาปิ อาคตํ, กมฺมาทิฺจ เหตุํ วินา วชฺเชตฺวา ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ปาตุภูตํ น เจว ตํ เอตฺถ เอตสฺมึ วจเน เอตสฺส ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ปุริมา ภวโต อิธ อิมสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนภเว อนาคมเน อตีตภวเหตูหิ อตีตภเว กมฺมาทิปจฺจเยหิ เอตสฺส ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส สมฺภเว. ปฏิโฆสทีปมุทฺทาที, ภวนฺเตตฺถ นิทสฺสนา เอตฺถ เอตสฺมึ ตสฺส ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อตีตภวโต อนาคมเน อตีตภเว เหตูหิ สมฺภเว ปฏิโฆสทีปมุทฺทาทิอตฺถนิทสฺสนา อุปมา ภวนฺติ. อฺตฺร อฺสฺมึ ปฏิโฆสาทีนํ อตฺถานํ ปวตฺติฏฺาเน อาคนฺตฺวา สทฺทาทิเหตุกา สทฺทาทโย ปจฺจยา โหนฺติ ยถา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ าเน ชเนหิ ปวตฺตาปิตา สทฺททีปมุทฺทาทโย อตฺถา ปพฺพตนฺตราทีสุ อฺเสุ าเนสุ ปวตฺตานํ ปฏิโฆสทีปมุทฺทาทีนํ อตฺถานํ เหตุกา โหนฺติ. เตสุ สทฺทาทีสุ ปจฺจเยสุ สนฺเตสุ เย เต ปฏิโฆสาทโย โหนฺติ, อสนฺเตสุ น โหนฺติ ยถา, เอวเมว จ วิฺาณํ อตีตภวโต ปจฺจุปฺปนฺนภววิฺาณวเสน ปวตฺตํ วิฺาณํ วิภาวินา เวทิตพฺพํ. สนฺตานพนฺธโต สนฺตานพนฺธวเสน เอกตา อตีตภวปจฺจุปฺปนฺนภววิฺาณวเสน ปวตฺตสฺส วิฺาณสฺส เอกีภาโว นตฺถิ, นานตาปิ ตสฺส วิฺาณสฺส นานาภาโวปิ ปจฺเจกภาโว อปิ. สติ สนฺตานพนฺเธ ตุ, เอกนฺเตเนกตา สิยา สนฺตานพนฺเธ สติ เอกนฺเตน ตสฺส วิฺาณสฺส เอกตา เอกีภาโว สิยา ภเวยฺย, ขีรสภาวโต ปคฺฆรณสภาวโต ขีรโต สมฺภูตํ ฆนสภาวํ กทาจิปิ กิสฺมิฺจิปิ กาเล น ภเวยฺย, สพฺพทา ปคฺฆรณสภาวขีรเมว ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อถาปิ อปโร นโยปิ สา เอกนฺตนานตา ตสฺส วิฺาณสฺส โส เอกนฺตนานาภาโว ยทิ ภเวยฺย, ขีรสามิโก โส ปุคฺคโล ทธิสามิ น ภเวยฺย. ขีรกาเล ขีรสฺส อิสฺสรภูโต สามิโก ปคฺฆรณสภาวํ ชหิตฺวา ทธิสฺส อุปฺปชฺชมานกาเล ตสฺส ทธิสฺส อิสฺสโร น ภเวยฺย, ตโต ขีรสามิโก อฺโ ปุคฺคโล ตสฺส ทธิสฺส อนิสฺสโร อสามิโก ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ยสฺมา การณา เอตฺถ เอตสฺมึ ปฏิสนฺธิกฺกมวินิจฺฉเย เอกนฺตเอกตาปิ วา เอกนฺตนานตาปิ วา สมยฺุนา วิฺุนา น เจว อุปคนฺตพฺพา.

๖๐๗-๑๐. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน อสงฺกนฺติปาตุภาเว สงฺกนฺติปาตุภาวรหิเต ภเว สติ อิมสฺมึ มนุสฺสตฺตภาเว ขนฺธาทิสมตา อภิสมฺภูตา เย ขนฺธา โหนฺติ, เอเตสํ อิธ อิมสฺมึ มนุสฺสตฺตภาเว นิรุทฺธตฺตา อิธ อิมสฺมึ มนุสฺสตฺตภาเว ชเนหิ กตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส ผลเหตุโน ผลสฺส ปจฺจยภูตสฺส ปรตฺถ ปรสฺมึ โลเก อาคมโต เจว เอวํ อฺสฺส สตฺตสฺส อฺโต กมฺมโต หิ ตโต สตฺตโต อฺเน สตฺเตน กตโต อฺโต เจว กมฺมโต ตํ ผลํ สิยา ภเวยฺย, ‘‘อฺสฺส สตฺตสฺสา’’ติ วจเนน ติตฺถิยสตฺตสฺสปิ กมฺมํ อฺสฺส จ ผลํ ทเทยฺยาติ อตฺโถ, ตสฺมา การณา เอตํ สพฺพํ เอว จ ตุมฺเหหิ วุตฺตวิธานํ น สุนฺทรํ. เอตฺถาหาติ เอตสฺมึ าเน ตฺวา โจทโก อาห – นนุ เอวํ ‘‘อสงฺกนฺติปาตุภาเว ภเว สตี’’ติอาทิกํ วจนํ นิยตีติ? วุจฺจเต – สนฺตาเน ยํ ผลํ เอตํ เอกสฺมึ สนฺตาเน ปวตฺตมานํ ยํ เอตํ ผลํ อฺสฺส สตฺตสฺส น โหติ, อฺโต กมฺมโต น จ โหติ, พีชานํ อภิสงฺขาโร เอตสฺสตฺถสฺส ‘‘เอกสฺมึ สนฺตาเน’’ติอาทิกสฺส เอตสฺส อตฺถสฺส สาธโก นิปฺผาทโก โหติ.

๖๑๑-๕. เอกสฺมึ ปน สนฺตาเน, วตฺตมานํ ผลํ ปน อฺสฺส สตฺตสฺสาปิ วา น โหติ, ตํ ผลํ อฺโต กมฺมโต น โหติ. พีชานํ อภิสงฺขาโร เอตสฺสตฺถสฺส ‘‘เอกสฺมึ ปน สนฺตาเน’’ติอาทิกสฺส เอตสฺส อตฺถสฺส สาธโก นิปฺผาทโก โหติ, พีชานํ อภิสงฺขาเร มธุอาทินา วตฺถุนา ชเนหิ กเต ตสฺส พีชสฺส สนฺตาเน ปมํ ลทฺธปจฺจโย ปมํ ลทฺธมธุอาทิปจฺจโย ตสฺส พีชสฺส ผลํ กาลนฺตเร มธุอาทินา พีชาภิสงฺขรณโต อฺสฺมึ กาเล มธุโร โหติ. หิ สจฺจํ ‘‘พีชานํ อภิสงฺขาเร’’ติอาทิกํ วจนํ. ตานิ หิ ตานิ เอว ปมํ มธุอาทินา ชเนหิ โรปิตานิ พีชานิ อภิสงฺขรณโต กาลนฺตเร มธุรภาวํ ผลมฺปิ วา ผลฏฺํ วา น ปาปุณนฺติ. เอวํ อิมินา ปกาเรน อิทํ มยา วุตฺตํ ‘‘เอกสฺมึ ปน สนฺตาเน’’ติอาทิกํ วจนํ ปณฺฑิเตน เยฺยํ. อปิ จ อปโร นโย. พาลกาเล ตรุณกาเล เตน ตรุเณน ปยุตฺเตน วิชฺชาสิปฺโปสธาทินา กมฺเมนาปิ ตสฺส วุทฺธกาลสฺมึ ผลทานสีเลน อยํ ‘‘เอกสฺมึ ปน สนฺตาเน’’ติอาทิโก อตฺโถ ปณฺฑิเตน ทีเปตพฺโพ.

๖๑๖-๒๐. โจทโก ปุนาห – เอวํ สนฺเตปิ ตํ กมฺมํ เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน กมฺเม สนฺเตปิ สํวิชฺชมาเนปิ ตํ กมฺมํ เอตสฺมึเยว ขเณ วิชฺชมานมฺปิ วา ผลสฺส ปจฺจโย โหติ. อถ วาวิชฺชมานกํ ปจฺจโย น ภเวยฺย. เอตสฺมึเยว ขเณ อวิชฺชมานกํ กมฺมํ วา ผลสฺส ปจฺจโย โหติ. สเจ ยทิ วิชฺชมานํ ผลสฺส ปจฺจโย โหติ, ตปฺปวตฺติกฺขเณ ปน ตสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติกฺขเณ ตสฺส กมฺมสฺส วิชฺชมานกาเล ปน เหตุนา กมฺเมเนว สทฺธึ ปาเกน ภวิตพฺพํ. อถ วา อปโร นโย. วิชฺชมานํ นิรุทฺธํ กมฺมํ วิปากสฺส ปจฺจโย ยทิ ภเวยฺย, ปวตฺติกฺขณโต ตสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติกฺขณโต ปุพฺเพ วา กาเล, ตสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติกฺขณโต ปจฺฉา วา อวิชฺชมานกาเลติ อตฺโถ. นิจฺจผลํ สิยาติ สพฺพทา กมฺมปจฺจยวิรหิตํ ผลํ สิยาติ อตฺโถ. อาจริเยน วุจฺจเต – ‘‘โลภํ, ภิกฺขเว, ปชหถ, โสตาปตฺติปฏิลาภาย อหเมว ปาฏิโภโค’’ติอาทีสุ ปาเสุ ปาฏิโภโค วิย กมฺมํ ทฏฺพฺพํ. โสตาปตฺติผลํ วิย กมฺมโต สมฺภูตํ ผลํ ทฏฺพฺพํ. กฏตฺตาเยว ชเนหิ กฏตฺตาเยว ตํ กมฺมํ ผลสฺส ปจฺจโย โหติ, อสฺส วิชฺชมานตฺตํ น จ โหติ, ตสฺส อวิชฺชมานสฺส กมฺมสฺส วิชฺชมานตา วา น จ เนว โหติ.

๖๒๑. อภิธมฺมาวตาโรยํ อภิธมฺมาวตาโร อยํ ปรมตฺถปฺปกาสโน ภูตตฺถทีปโน โสตูนํ ปุคฺคลานํ ปีติพุทฺธิวิวฑฺฒโน ปณฺฑิเตหิ วิวิเธสุ อารมฺมเณสุ จิตฺตํ อนาเมตฺวา สกฺกจฺเจน มนสิกาเรน โสตพฺโพ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

ปุฺวิปากปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นวโม ปริจฺเฉโท.

๑๐. ทสโม ปริจฺเฉโท

รูปวิภาควณฺณนา

๖๒๒. วุตฺตมาทิมฺหิ ยํ รูปํ, จิตฺตชานมนนฺตรํ ยํ รูปํ จิตฺตเจตสิกานํ อนนฺตรํ อาทิมฺหิ ปกรณาทิมฺหิ ‘‘จิตฺตํ เจตสิกํ รูป’’นฺติอาทินา วจเนน อาจริเยน วุตฺตํ, อิโต ปรํ อิทานิ ตสฺส รูปสฺส วิภาวนํ สมาเสน สงฺเขเปน กริสฺสํ.

๖๒๓. ยํ รุปฺปตีติ รูปนฺติ ยํ ธมฺมชาตํ รุปฺปติ สีตาทินา วิรุทฺธปจฺจเยน วิการมาปชฺชติ. ตถา รูปยตีติ รูปํ ยํ ธมฺมชาตํ วณฺณวิการมาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ อชฺฌาสยํ ปกาเสติ, อิติ ตสฺมา รูปํ, กึ ตํ? วณฺณายตนํ. รูปารูปภวาตีโต, สุรูโป รูปมพฺรฺวิ ภควา รูปารูปภวอตีโต สุรูโป รูปํ อพฺรฺวิ กเถสิ.

๖๒๕-๖. มหาภูเตนาติ มหนฺโต ภูโต อุปฺปตฺติ เอตสฺสาติ มหาภูโต, เตน. วฺจกตฺตา มหาภูตสมาติ วา.

๖๓๐. นิรุปาทานมานโสติ อุปาทานวิรหิตจิตฺโต.

๖๓๓. ตสฺส สมฺปตฺตีติ ตสฺส กิจฺจสฺส สมฺปตฺติ.

๖๓๔. อุปพฺรูหนรสาติ วฑฺฒนกิจฺจา.

๖๓๗. อาสยานุสเย าณนฺติ เอตฺถ อาสโย นาม

สสฺสตุจฺเฉททิฏฺี จ, ขนฺตี สจฺจานุโลมิกํ;

ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสทฺทิตํ.

อตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, อนฺโต โข, กจฺจาน, อตฺถิ อิติ อยํ เอโก อนฺโต โกฏฺาโส, อยํ สสฺสตทิฏฺิ. นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต, อยํ อุจฺเฉททิฏฺิ. ขนฺตี สจฺจานุโลมิกนฺติ จตุนฺนํ สจฺจานํ อนุโลมิกาณํ, สงฺขารุเปกฺขาาณนฺติ อตฺโถ. ยถาภูตฺจ ยํ าณนฺติ สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ าณํ. เอตํ อาสยสทฺทิตนฺติ เอตํ อาสยํ อิติ กถิตํ. เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน อาสเย าณํ นาม. อนุสโย นาม ทิฏฺานุสยาทโย อนุสยา สตฺต. อินฺทฺริยานํ ปโรปเรติ ปเร อธิกภาเวน โอปเร จ ติกฺขานุภาเวน อยํ สตฺโต ติกฺขสทฺธินฺทฺริโย มุทุสทฺธินฺทฺริโย หีนสทฺธินฺทฺริโยติ อตฺโถ. สมาธินฺทฺริยาทีสุปิ เอเสว นโย. อิติ สตฺตานํ อินฺทฺริยานํ ปรโอปเร าณํ.

๖๓๘. สพฺพฺุตา าณนฺติ ติเหตุกกามาวจรกฺริยาจตุกฺกํ คเหตพฺพํ.

๖๔๑. อกฺขิกูเฏหิ มตฺถลุงฺเคน ปริจฺฉินฺโน อนฺตโต.

๖๔๕. ภาวสมฺภวสณฺานาติ อิตฺถิปุมสมฺภวภูตวณฺณายตนํ.

๖๔๗. เอเต ทส จตุสมุฏฺานา สมฺภารา จตูหิ ปจฺจเยหิ จตฺตาลีส ภวนฺติ.

๖๕๒. นิวิฏฺเติ ปติฏฺิเต.

๖๕๘. อุพฺพิอธิกานํ ปถวีอธิกานํ.

๖๖๐-๒. วิเสเส สตีติ นิสฺสยภูตานํ จตุนฺนํ วิเสเส สติ, สพฺพโส สพฺเพสํ วิเสสปริกปฺปนํ ปหาย เอว กมฺมวิเสเสน ปสาทานํ วิเสสตา เยฺยา.

๖๖๓. สทฺทียตีติ อุจฺจารียเต. รสนฺตีติ อสฺสาเทนฺติ.

๖๖๘. ปรโตติ ปมกปฺปโต อปรภาเค ปฏิสนฺธิยํ ภาวทฺวยํ สมุฏฺาตีติ วิฺเยฺยํ. ‘‘ปวตฺเตปิ สมุฏฺายา’’ติอาทิกํ โสณกุมาราทโย สนฺธาย วุตฺตํ.

๖๗๒. น ตํ พฺยฺชนการณนฺติ ตํ อินฺทฺริยทฺวยํ พฺยฺชนสฺส การณํ น สิยา. ตสฺสาติ พฺยฺชนสฺส.

๖๗๔. อุพฺพาหนนฺติ นีหรณํ.

๖๗๖-๗. อนฺนปานาทิกํ วตฺถุ ยํ กมฺมชํ อคฺคึ หรติ, เกวลํ เอกํ หุตฺวา ตํ อนฺนปานาทิกํ วตฺถุ ชีวิตํ ปน ปาเลตุํ น จ สกฺโกติ. เอกโต ชีวิตํ ปาเลตุฺจ สกฺโกนฺติ.

กาเยน รูปกาเยน อตฺตโน ภาวํ วิฺาเปนฺตานํ ภาโว กายคฺคหณานุสาเรน กายคฺคหณสฺส อนุจินฺตเนน คหิตาย วาโยธาตุวิการสงฺขาตาย เอตาย ธมฺมชาติยา ปณฺฑิเตหิ วิฺายเต. อิติปิ ตสฺมา กายวิฺตฺติ.

๖๘๑. เอกาวชฺชนวีถิยํ เหฏฺา ฉหิ จิตฺเตหิ วาโยธาตุสมุฏฺิตํ อุปตฺถมฺภํ ลภิตฺวา.

๖๘๔. สห สทฺเทน วาติ สทฺเทน สเหว.

๖๙๐-๑. เอตาสํ ปน ลหุตาทีนํ ติสฺสนฺนํ ปวตฺติยํ นิทสฺสนํ กมโต อาโรคฺยํ ลหุตา, มทฺทิตํ ธมฺมํ มุทุตา, ธนฺตเหมํ กมฺมฺตา โหติ. ลหุตาทิตฺตยํ ปน กมฺมํ กาตุํ น สกฺโกติ, อาหาราทิตฺตยํเยว ลหุตาทิตฺตยํ กโรติ ยสฺมา, ตโต ตํ ติชํ นาม.

๖๙๓. วุตฺตมาการนานตฺตาติ เอตฺถ อาการนานตฺตา นาม อาจยาการอนุพนฺธตาการวเสน วุตฺตํ. เวเนยฺยานํ วเสน วาติ เอเก เวเนยฺยา อาจยวเสน ชาติรูปํ ชานนฺติ, เอเก อนุพนฺธตาวเสน ชานนฺติ. อิติ เวเนยฺยานํ ชานนวเสน ชาติรูปํ ทฺวิธา วุตฺตํ.

๖๙๔. สภาวานปคเม อตฺตโน สภาวสฺส อนปคเม สติ.

เต มิทฺธรูปวาทาจริยา ปฏิกฺขิปิตพฺพา. กถํ? อทฺธา มุนิสิ สมฺพุทฺโธ, นตฺถิ นีวรณา ตวาติ โย ตฺวํ อทฺธา เอกนฺเตน มุนิ อสิ สมฺพุทฺโธ อสิ นีวรณา ธมฺมา ตว ตุยฺหํ นตฺถิ, อิติ วจเน สเจ มิทฺธํ นีวรณํ รูเป ปวิฏฺํ สิยา. ภควตา รูปกายสฺส วิชฺชมานตฺตา ‘‘นตฺถิ นีวรณา ตวา’’ติ วจนํ วตฺตพฺพํ สิยา. ถินมิทฺธนีวรณํ อวิชฺชานีวรเณน สห นีวรณฺเจว โหติ, นีวรณสมฺปยุตฺตฺจ โหติ. อิติ สมฺปยุตฺตวจนโต สมฺปยุตฺตสฺส รูปสฺส อภาวโต ตมฺปิ น วตฺตพฺพํ สิยา. น ปุเรชาตปจฺจยาติ อฺมฺปจฺจยาติ อตฺโถ. สเจ ถินมิทฺธํ รูปํ สิยา, กถํ อรูเปปิ อฺมฺํ สิยา, น สิยาติ อตฺโถ. อรูเปปิ กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุปฺปชฺชติ. อิติ วจเนน จ น มิทฺธรูปํ สิยา, อรูเป กถํ สิยาติ อตฺโถ. อรูปเมว มิทฺธํ อิติ ปฏิกฺขิปิตพฺพา. อรูเปปิ เอตสฺส มิทฺธสฺส อุปฺปตฺติยา สาธกวจนโต นิฏฺํ เอตฺถ จ อวคนฺตพฺพํ ‘‘อรูป’’นฺติ วิฺุนา.

๗๐๕-๖. กมฺเมน วีสติ รูปาติ อฏฺินฺทฺริยวตฺถุอฏฺาวินิพฺโภคสนฺตตูปจยากาสา กมฺมชา. เจตสา วิฺตฺติทฺวยสทฺทลหุตาทิตฺตยอวินิพฺโภคสนฺตตูปจยากาสา จิตฺตชา. อุตุนา สทฺทลหุตาทิตฺตยอวินิพฺโภคสนฺตตูปจยากาสา อุตุชา. อาหารโต ลหุตาทิตฺตยอวินิพฺโภคสนฺตตูปจยากาสา อาหารชา.

๗๐๗-๑๗. ชาเยยฺยุํ ยทิ ตานิปีติ ตานิ ชรตาอนิจฺจตารูปา ยทิ ชาเยยฺยุํ, เอวํ สนฺเต ตุ เตสํ ชรตาอนิจฺจตา เภทา สิยุํ. หิ สจฺจํ วจนํ ปาโก น ปจฺจติ, เภโท วา น จ ภิชฺชติ ยสฺมา, ตสฺมา เตสํ ปากเภทา สิยุนฺติ, ตํ วจนํ นตฺถิ. เอตํ ชรตาอนิจฺจตาทฺวยํ ชาตสฺส นิปฺผนฺนรูปสฺส ปากเภทตฺตา น ชายติ. สิยา กสฺสจิ พุทฺเธตฺถาติ เอตฺถ ชรตาอนิจฺจตาวินิจฺฉยาธิกาเร กสฺสจิ ชนสฺส พุทฺธิ าณํ ยทิ สิยา, ‘‘รูปสฺสูปจโย’’ติ วจเนน ‘‘ชาติ ชายตี’’ติ วจนํ ทีปิตํ ยถา, เอวํ ตถา ปาโกปิ ปจฺจตุ, เภโทปิ ปริภิชฺชตุ, เอวํ พุทฺธิ สิยา. ชาติ น เจว ชายเต. อิติ อิมินา ปกาเรน วิภาวินา เยฺยา. ชาติ ชายมานสฺส นิปฺผนฺนรูปสฺส นิพฺพตฺติ นาม ปกาสิตา. ตตฺถ ยสฺส สิยา ตตฺถ วจเน ยสฺส ชนสฺส พุทฺธิ สิยา. เยสํ นิปฺผนฺนรูปธมฺมานํ ชาติ อตฺถิ, สา ชาติ อภินิพฺพตฺติสมฺมุตึ ตปฺปจฺจยตฺตโวหารํ เตสํ นิปฺผนฺนรูปธมฺมานํ ปจฺจยฏฺเน ลทฺธโวหารํ กมฺมชาทิกํ โวหารํ ลภเตว ยถา, ตถา เตสํ นิปฺผนฺนรูปธมฺมานํ เต ปากเภทา อภินิพฺพตฺติสมฺมุตึ นาม ตปฺปจฺจยตฺตโวหารํ ลภนฺติ, อิติ พุทฺธิ สิยา. ตสฺส ชนสฺส เอวํ วตฺตพฺพํ – อิทํ สนฺตตูปจยทฺวยํ กมฺมาทิสมฺภวํ โหติ ยถา, เอวํ ปากเภทา ตํ กมฺมาทิสมฺภวโวหารํ กทาจิปิ น ลภนฺติ. หิ สจฺจํ วจนํ กสฺมา การณา ชนกานํ กมฺมาทิปจฺจยานํ อานุภาวสงฺขาเต ขณุปฺปาเท เตสํ ปากเภทานํ อภาวโต น ลภนฺติ. วุตฺตปฺปกาเรน ขณุปฺปาเท ชาติปรมฺปราภาวโต สา ชาติ ลพฺภเต, ตสฺมา การณา ชาติ เอว อภินิพฺพตฺติสมฺมุตึ ปจฺจยตฺตโวหารํ ลภติ, อิตรํ ชรตาอนิจฺจตาทฺวยํ ปน น ลภติ. ตํ ชรตาอนิจฺจตาทฺวยํ ชิยฺยติ อิติ ภิชฺชติ อิติ วา น วตฺตพฺพํ โหติ. กสฺมา? กมฺมาทิปจฺจยานํ อานุภาวกฺขเณ ตสฺส ชรตาอนิจฺจตาทฺวยสฺส ปจฺจยานํ อภาวโต.

๗๑๘-๒๓. อนิจฺจํ สงฺขตฺเจตํ ชรามรณํ อนิจฺจสงฺขาตํ อิติปิ วจนสฺส ภควตา วุตฺตตฺตา ชรตาอนิจฺจตาทฺวยํ ชายติ, เอวํ อิติ ตฺวํ เจ มฺสิ, เอวํ ‘‘ชายติ เอวา’’ติ วจนํ ภควตา น วตฺตพฺพํ. หิ กสฺมา การณา? ‘‘อนิจฺจํ สงฺขตฺเจตํ, ชรามรณมิจฺจปี’’ติวุตฺตภาวาทินา อาการเทสนาปริยาเยน เลเสน ภควตา อนิจฺจานํ นิปฺผนฺนรูปธมฺมานํ ชรามรณสงฺขาตํ สภาวโต ชรามรณํ อนิจฺจํ สงฺขตฺจาปิ จิตฺตชานํ วิการตฺตา วิฺตฺติโย ‘‘จิตฺตชา’’ติ วุตฺตา วิย, ตถา เอวํ ภควตา วุตฺตํ. ยทิ เอวํ อตฺเถ สติ เอตํ รุปฺปนลกฺขณตฺตยํ อชาตตฺตา จ สพฺพถา สพฺพากาเรน ขํปุปฺผํว นตฺถิ, อสงฺขตํ นิพฺพานํ วิย นิจฺจํวาติ จ โจทโก วเทยฺย, นตฺถิ นิจฺจนฺติ อิทํ อุภยวจนํ โน ภควตา วตฺตพฺพํ. กสฺมา? นิสฺสยธมฺมานํ อายตฺตภาเวน ปวตฺติโต ปถวิยาทีนํ นิสฺสยานํ ภาเว สติ ตสฺส ลกฺขณตฺตยสฺส ภาวโต, ตสฺมา ขํปุปฺผํว ตํ ลกฺขณตฺตยํ น นตฺถิ, อตฺถีติ อตฺโถ. ปถวีอาทีนํ อภาเว ตํ ลกฺขณตฺตยํ น จ ลพฺภติ ยสฺมา, ตสฺมา นิพฺพานํ วิย, ตถา นิจฺจํ น.

๗๒๔-๕. ปริจฺเฉทาทโย อนิปฺผนฺนา. เตสเมว จ รูปานํ เตสเมว นิปฺผนฺนรูปธมฺมานํ วิการตฺตา นิปฺผนฺนา เจว สงฺขตา เสสวเสน วุตฺตานํ ปเภทกโตติ ทสฺสนโต. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๗๖๗.

คนฺตุํ ปนิจฺเฉ ปิฏเกภิธมฺเม,

โย ธมฺมเสนาปตินา สมตฺตํ;

หิตตฺถินา เตน จ ภิกฺขุนายํ,

สกฺกจฺจ สมฺมา ปน สิกฺขิตพฺโพ.

โย ภิกฺขุ อภิธมฺเม ปิฏเก ธมฺมเสนาปตินา สมตฺตํ สภาวํ คนฺตุํ ปาปุณิตุํ อิจฺเฉยฺย, เตน จ ภิกฺขุนา หิตตฺถินา สกฺกจฺจํ อาทเรน สมฺมา ตีรณจินฺตนสชฺฌายเนหิ อยํ อภิธมฺมาวตาโร สิกฺขิตพฺโพ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

รูปวิภาควณฺณนา นิฏฺิตา.

ทสโม ปริจฺเฉโท.

๑๑. เอกาทสโม ปริจฺเฉโท

นิพฺพานนิทฺเทสวณฺณนา

๗๖๙. ภวาภวํ วินนโตติ ขุทฺทกํ, มหนฺตํ ภวํ สิพฺพนโต. สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโคติ สพฺเพหิ สงฺขารูปธิกิเลสูปธิขนฺธูปธีหิ ปฏินิสฺสชฺชนํ. อจฺจุติรสํ อจุติสมฺปตฺติกํ. นิพฺพานํ ปุฏฺเนาติ สุคเตน นิพฺพานํ ปุฏฺเน สาริปุตฺตตฺเถเรน. อุภินฺนํ สุตฺตานนฺติ ธมฺมเสนาปติวุตฺตานํ ทฺวินฺนํ สุตฺตานนฺติ อตฺโถ. ขยสฺส อุปนิสฺสยตฺตาติ ขยสฺส พลวการณตฺตา. ปุถูนํ ธมฺมานํ อปฺปมตฺตกฺขเณ ราคาทิกฺขยมตฺตํ นิพฺพานํ ภเวยฺย. สพฺเพ พาลปุถุชฺชนา สมธิคตนิพฺพานา สจฺฉิกตนิโรธา ภเวยฺยุํ. กิฺจ ภิยฺโย กึ อุตฺตริ การณฺจ อตฺถีติ อตฺโถ. ราคาทีนํ สงฺขตตฺตา เตสํ สงฺขตานํ นิพฺพานํ สงฺขตลกฺขณํ ภเวยฺย. กึ ปเนตฺถาติ เอเตสุ ขเณสุ กึ ปน ขเณ ตฺวํ วเทสิ. ขีเณสฺเววาติ ภวาทีสุ ขีเณสุ เอว. นิรุตฺตโรติ นิปฺผนฺนหาโร.

๗๗๑. อสฺสทฺโธติ พาหิรสทฺธาย วิรหิโต. วนฺตาโสติ วนฺตา วมิตา อาสา ตณฺหา เยนาติ วนฺตาโส.

นิสฺสรณิยาติ นิสฺสรเณ นิยุตฺตา. ยทิทํ เนกฺขมฺมํ ยํ อิทํ กามานํ เอตํ นิสฺสรณํ นิโรโธ, ตสฺส กิฺจิภูตสฺส สงฺขตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมชาตสฺส นิโรโธ นิสฺสรณนฺติ, เอวํ อิมินา ปกาเรน วุตฺตสฺส ตสฺส นิสฺสรณนามกสฺส อภาวปฺปตฺติโทสโต นิสฺสรณนามกานํ ปมชฺฌานอากาสานฺจายตนานมฺปิ อภาโว ภเวยฺย. อตฺถิ นิสฺสรณนฺติ อตฺถิ นิพฺพานํ. อุปฺปาทาทีนนฺติ อุปฺปาทฏฺิติภงฺคานํ. ปปฺจาภาวโตติ ตณฺหามานทิฏฺีนํ อภาวโต.

๗๗๒. อปโลกิตนฺติ อทสฺสนธมฺมํ.

๗๗๔. อพฺยาปชฺฌนฺติ นิทุกฺขํ. อกฺขรนฺติ อขรํ.

๗๗๗. สทฺธาพุทฺธิกรํ ตถาคตมเต ชินวจเน สมฺโมหวิทฺธํสนํ ปฺาสมฺภวํ ปฺาการณํ สมฺปสาทนกรํ. อตฺถพฺยฺชนสาลินนฺติ อตฺถพฺยฺชนสารวนฺตํ สุมธุรํ สารฺุ ชินสาสนสารฺู วิมฺหาปนํ อจฺเฉรกรํ อิมํ เอวํ วุตฺตปฺปการํ อภิธมฺมาวตารํ โย ชานาติ, โส ชโน คมฺภีเร นิปุเณ นิปุณาณโคจเร อภิธมฺมปิฏเก ปทํ นิฏฺํ อุตฺตมสนฺนิฏฺานํ ยาติ ปาปุณาติ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

นิพฺพานนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกาทสโม ปริจฺเฉโท.

๑๒. ทฺวาทสโม ปริจฺเฉโท

ปฺตฺตินิทฺเทสวณฺณนา

สงฺขายตีติ สงฺขา, กถียตีติ อตฺโถ. กินฺติ กึ อิติ กถียติ. ‘‘อห’’นฺติ ‘‘มม’’นฺติ กถียติ.

ตชฺชาปฺตฺตีติ ตสฺส จกฺขุโสตาทิกสฺส อนุรูปวเสน ชาตา ปฺตฺตีติ อตฺโถ.

เอกสฺสวาติ เอกสฺส นามธมฺมสฺส ‘‘อจฺโฉ’’ติ นามํ คเหตฺวา พหูนํ นามธมฺมานํ ‘‘อจฺโฉ’’ติ นามํ คเหตฺวา. สมูหเมวาติ นามธมฺมานํ สมูหํ เอว.

คหิโต ปุพฺเพ สงฺเกโต เอเตนาติ คหิตปุพฺพสงฺเกตํ. กึ ตํ? มโนทฺวาราวชฺชนชวนวิฺาณํ. เตน คหิตาย ปฺตฺติยา วิฺายติ ‘‘สตฺตา’’ติ ‘‘กมฺมชา’’ติ กถียติ.

อิตฺถี จ ปุริโส จ อิตฺถิปุริสา, เต อาทโย เยสํ เต อิตฺถิปุริสาทโย, เตสํ.

๗๗๘. ตติยา โกฏีติ ตติโย โกฏฺาโส.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

ปฺตฺตินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทฺวาทสโม ปริจฺเฉโท.

๑๓. เตรสโม ปริจฺเฉโท

การกปฏิเวธวณฺณนา

เวทกสฺสาติ สุขทุกฺขเวทกสฺส. ตทายตฺตวุตฺตีนนฺติ เตสํ อายตฺตา ปฏิพทฺธา เยสํ วิปากานํ เต ตทายตฺตวุตฺติโน, เตสํ. อตฺร อิมสฺมึ าเน อาจริเยน ปริหาโร วุจฺจเต. กุโตยํ ตว ตตฺถานุโรโธติ ตตฺถ ตสฺมึ อฺสฺส อตฺตการกสฺส อภาเวปิ สตฺตุสงฺขาตสฺส อตฺตโน ภาเวปิ อยํ ตว อนุโรโธ อนุนโย กุโต เกน การเณน อิธ อิมสฺมึ อสติ กตฺตริ กุสลาทีนํ อตฺถิภาเว กมฺมวิโรโธ กุโต เกน การเณน. อถาปีติ อปโร นโยปิ. กิฺเจตฺถาติ เอตฺถ เอติสฺสํ โจทนายํ กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, อวสิฏฺํ ตาว พฺรูหิ, อปริสมตฺตา เต โจทนา. ตสฺสาติ อตฺตโน. การกเวทกตฺตาภาโวติ การกเวทกตฺตสฺส อภาโว สิยา.

อถ น ภวตีติ อตฺตโน อนาเส เจตนาปิ อนาโส ยทิ น ภวติ. ปฏิฺา หีนาติ ‘‘เจตนาย อนฺโ อตฺตา’’ติ ปฏิฺา หีนา. วุตฺตปฺปการโตติ ‘‘อตฺตโน อนาเส เจตนาย นาโส น ภวติ’’อิติ วุตฺตปฺปการโต. วิปรีตนฺติ ‘‘อตฺตโน อนาเส เจตนาย อนาโส’’อิติ วิปรีตคฺคหณํ สิยา. อตฺตา นสฺสตุ, เจตนา ติฏฺตุ, อถ ปน เอวํ น ภวตีติ อตฺตา นสฺสตุ, เจตนา ติฏฺตุ, เอวํ คหณํ ปน น ภวติ. อนฺตฺตปกฺขํ ปริจฺจช ปริจฺจชาหิ ‘‘เจตนาย อนฺโ อตฺตา’’ติ. ปฏิฺา หีนา ยสฺส โส ปฏิฺาหีโน.

อุภินฺนํ เจตนตฺตานํ เอกเทสตา เอกเทสภาโว นตฺถิ. เอวฺจ สตีติ เอวํ อุภินฺนํ เอกเทสสฺส อภาเว สติ โก โทโส อิติ ตฺวํ เจ วเทยฺยาสิ. ยํ ปน ตยา วุตฺตํ ยถา รูปรสคนฺธาทีนํ เอกเทเส วตฺตมานานมฺปิ ลกฺขณโต อฺตฺตนฺติ ยํ วจนํ ปน ตยา วุตฺตํ, ตํ วจนํ อยุตฺตํ, นานุรูปนฺติ อตฺโถ. ตว ปฏิฺา หีนาติ ‘‘เอกเทเส วตฺตมานานํ เจตนตฺตานํ ลกฺขณโต อฺตฺต’’นฺติ ปฏิฺา หีนา.

เอวฺจ สตีติ เอตํ เจตนาย อฺภาเว สติ โก โทโส อิติ เจ ภวํ วเทยฺย. ‘‘อเจตโน อตฺตา’’ติ วจนํ, ปุพฺเพ วุตฺตโทสโตติ ‘‘ปาการตรุปาสาณติณสทิโส สิยา’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตโทสโต.

๗๘๐. อตฺถิ สตฺโตปปาติโกติ โอปปาติกา สตฺตา อตฺถิ.

๗๘๑. ภาราทานนฺติ ภารคฺคหณํ. ภารนิกฺเขปนนฺติ ภาโรโรปนํ.

๗๘๓. เอกสฺส ปุคฺคลสฺส อฏฺิสฺจโย อฏฺิสมูโห เอเกน กปฺเปน ปพฺพตสโม ราสิ สิยา.

๗๘๕. โภ มาร, ตฺวํ สตฺโต อิติ ปจฺเจสิ, กํ สทฺทหสิ, ‘‘สตฺโต’’ติ คหณํ เต ตว ทิฏฺิคตํ, สุทฺธสงฺขารปุฺโช อยํ, อิธ โลเก สตฺโต น อุปลพฺภติ.

๗๘๗. โย ภิกฺขุ อิมํ คนฺถํ อจฺจนฺตํ สตตมฺปิ จินฺเตติ, ตสฺส ภิกฺขุโน ปรมา ปฺา เวปุลํ วิปุลภาวํ คจฺฉติ.

๗๘๘. โย ภิกฺขุ อิมํ อภิธมฺมาวตารํ อติมติกรํ อุตฺตมํ อภิฺาณกรํ วิมติวินาสกรํ กงฺขจฺเฉทกรํ ปิยกฺกรํ เปมกรํ สทา ปติ, สุณาติ, ตสฺส ภิกฺขุโน มติ อิธ สาสเน ิเต วิกสติ ปฏิผุลฺลติ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

การกปฏิเวธวณฺณนา นิฏฺิตา.

เตรสโม ปริจฺเฉโท.

๑๔. จุทฺทสโม ปริจฺเฉโท

รูปาวจรสมาธิภาวนานิทฺเทสวณฺณนา

๗๘๙-๙๓. หิตานยนฺติ หิตาวหํ. มานสฺจ สุคตนฺติ สุฏฺุ ปวตฺตมานสฺจ. มธุรา อตฺถวณฺณนา เอตสฺสาติ มธุรตฺถวณฺณนํ. อุตฺตรํ ตุ มนุสฺสานํ, ธมฺมโต าณทสฺสนนฺติ มนุสฺสานํ โลกิยธมฺมโต อุตฺตริภูตาณทสฺสนโลกุตฺตรํ. สงฺกสฺสรสมาจาเรติ สงฺกาย กงฺขาย สริตพฺพสมาจาเร. อจฺฉิทฺทํ อกฺขณฺฑํ อกมฺมาสํ. อตฺถกาเมนาติ อตฺตโน หิตกาเมน.

๗๙๗. ทุวิธลกฺขณํ จาริตฺตวาริตฺตลกฺขณํ.

๘๐๕. เตสํ จริตานํ โวมิสฺสกนยา.

๘๐๗. สวณฺณกสิณาติ นีลปีตโอทาตโลหิตวณฺณกสิณา.

๘๐๘. ตํ เอกกํ อานาปานํ อสฺสาสปสฺสาโส.

๘๐๙-๑๐. มรณูปสมายุตฺตา สตีติ มรณานุสฺสติ อุปสมานุสฺสติ. อาหารนิสฺสิตสฺาติ อาหาเร ปฏิกูลสฺา. ธาตุววตฺถานนฺติ จตุธาตุววตฺถานํ.

๘๑๑-๒. อนุกูลา อิเม สพฺพ-จริตานนฺติ วณฺณิตาติ ยํ กมฺมฏฺานํ สทฺธาจริตสฺส อนุกูลํ, ตเมว ปฺาจริตสฺส อนุกูลนฺติ อธิปฺปาโย. อิทํ สพฺพํ ปน วจนํ เอกนฺตวิปจฺจนีกภาวโต เอกนฺตปฏิปกฺขภาวโต อติสปฺปายโต วุตฺตํ, อิติ วิภาวินา เยฺยํ.

๘๓๕. วิปสฺสนาภวสมฺปตฺติ-สุขานํ ปจฺจยา สิยุํ วิปสฺสนาสมฺปตฺติสุขานํ ภวสมฺปตฺติสุขานํ ปจฺจยา สิยุํ.

๘๓๘. สมฺมฏฺานํ มโนภุโนติ มโนภุหทโย ตสฺส หทยสฺส สมฺมฏฺานํ.

๘๔๔. ปตฺตุกาเมน ธีมตา กสิณํ กตฺตพฺพํ.

๘๔๕. สํหาริมนฺติ อิโต จิโต จ หริตพฺพกสิณํ. ตตฺรฏฺกนฺติ ตสฺมึ าเน ิตํ อิโต จิโต จ อนาหริตพฺพํ กสิณํ.

๘๔๙. วิวฏฺฏํ ปน มิจฺฉตาติ นิพฺพานํ อิจฺฉนฺเตน วิทตฺถิจตุรงฺคุลํ วฏฺฏํ กาตุํ ตํ กสิณํ วฏฺฏติ.

๘๕๑-๒. หตฺถปาสปฺปมาณสฺมึ, ตมฺหา กสิณมณฺฑลาติ ตโต กสิณมณฺฑลโต หตฺถปาสปฺปมาณสฺมึ ปเทเส วิทตฺถิจตุรงฺคุเล อุจฺเจ. ปริมุขํ สตินฺติ กมฺมฏฺานาภิมุขํ สตึ.

๘๕๓-๔. เนกฺขมฺมนฺติ ฌานํ. เขมโต ทฏฺุํ ทิสฺวา อหํ อิมาย ปฏิปตฺติยา อทฺธา เอกนฺเตน ปวิเวกสุขสฺส นิพฺพานสุขสฺส ภาคี อสฺสํ ภเวยฺยํ.

๘๕๖. โส กสิณสฺส วณฺโณ เตน โยคินา น เปกฺขิตพฺโพ, กสิณสฺส ลกฺขณํ น เปกฺขิตพฺพํ อุสฺสทสฺส วเสน วณฺณํ อมุฺจิตฺวา.

๘๖๐. เอวํ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน เอกคฺคเจตโส เอกคฺคจิตฺตสฺส โยคิโน นิมีเลตฺวา อาวชฺชนฺตสฺส ยถา เยน ปกาเรน กมฺมฏฺานํ โหติ อุมฺมีลิเต กาเลปิ, ตถา เตน ปกาเรน ตํ กมฺมฏฺานํ อาปาถํ ยาติ เจ ยทิ อาคจฺฉติ, อุคฺคหเมว อุคฺคหนิมิตฺตํ.

๘๖๔. ปาทานํ โธวเน ปปฺจปริหารตฺถํ. เอกตลิกาติ เอกตลมตฺตา.

๘๖๕. ตํ สํหาริมํ กสิณมาทาย.

๘๖๖. สมนฺนาหริตพฺพนฺติ กมฺมฏฺานํ สุมเนน อาหริตพฺพํ, มนสิกาตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตกฺกาหฏนฺติ วิตกฺเกน อาหฏํ ผุสิตํ กเร กเรยฺย.

๘๖๘. นฺติ ตํ นิมิตฺตํ.

๘๗๑-๔. อิมสฺสาติ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส. ปุริมสฺสาติ อุคฺคหนิมิตฺตสฺส. โก ปน อยํ วิเสโส? ถวิกา นีหริตํ อาทาสมณฺฑลํ มชฺชิตํ วิย. โตยเท กาฬเมเฆ เสตพลากา วิย. ตทา ตํ อุคฺคหนิมิตฺตํ ปทาเลตฺวาว นิคฺคตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ. ตโต อุคฺคหนิมิตฺตโต. นฺติ ตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ. สณฺานวนฺตฺจ วณฺณวนฺตฺจ น จ อุปฏฺาการมตฺตํ. ปฺชนฺติ ปฺาย ชาตํ.

๘๗๗-๘. อุปจารกฺขเณ ตสฺสาติ ตสฺส สมาธิโน อุปจารกฺขเณ. นีวรณปฺปหาเนน สมาธิโน ปฏิลาภกฺขเณ ปน องฺคานํ วิตกฺกาทีนํ ปาตุภาเวน อิติ ทฺวีหิ อากาเรหิ.

๘๗๙. ทฺวินฺนํ สมาธีนนฺติ อุปจารปฺปนาสมาธีนํ.

๘๘๒. จกฺกวตฺติยคพฺโภว รตนํ วิย อสฺส อเนน สุทุลฺลภํ.

๘๘๔. อยนฺติ ปฏิสนฺธิสนฺถาโร.

๘๙๑-๒. สมตํ วีริยสฺเสวาติ วีริยสมภาวํ. ลยํ ลีนภาวํ อีสกมฺปิ ยนฺตํ คจฺฉนฺตํ มานสํ อาวชฺชนจิตฺตํ.

๘๙๕-๙. ภวงฺคํ ปน ปจฺฉิชฺช อุจฺฉินฺทิตฺวา ตเทว ปถวีกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา โยคิโน มโนทฺวารมฺหิ ชายติ. ตโตติ อาวชฺชนโต ตตฺเรวารมฺมเณ ตสฺมึ ปถวีกสิณสงฺขาเต อารมฺมเณ ตสฺส โยคิโน ชวนานิ จตฺตาริ วา ปฺจ วา ชายนฺเต. อวสาเน เอกํ ชวนมานสํ รูปาวจริกํ โหติ, ตสฺมึ รูปาวจริเก วิตกฺกาทโย องฺคา. อฺเหิ อฺเสํ จิตฺตานํ อฺเหิ วิตกฺกาทีหิ พลวตรา โหนฺติ. ตานิ อปฺปนาภาวํ อปฺปตฺตานิ อปฺปนาเจตโส ปริกมฺโมปจารโต ปริกมฺมภาวโต ปริกมฺมานีติ วุจฺจนฺเต, อุปจารภาวโต อุปจารานีติ จ วุจฺจนฺเต. ตานิ ชวนานิ อปฺปนายานุโลมตฺตา อนุโลมานิ เอว จ วุจฺจนฺติ. เอตฺถ อนุโลมเกสุ ยํ สพฺพนฺติมํ ชวนํ, ตํ โคตฺรภูติ ปวุจฺจติ.

๙๐๑. โคตฺรภุ ทิฏฺนฺติ โคตฺรภุ นาม อุทฺทิฏฺํ.

๙๐๔-๕. ปุริเมหิ ชวเนหิ ยํ อาเสวนํ, ตํ พลวปจฺจยํ ลทฺธา ลภิตฺวา ฉฏฺํ ชวนํ, สตฺตมํ วา ชวนํ อปฺเปติ. อิติ วจนํ ปวุจฺจติ, เอตฺถ วาเท โคทตฺโต นาม อาภิธมฺมิโก อาจริโย อาห. ฉินฺนตเฏ มุขํ ยสฺส ฉินฺนตฏมุโข.

๙๐๘. ปจฺจเวกฺขณา เหตุ ยสฺส อาวชฺชนสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณเหตุกํ.

๙๑๑-๒. กามจฺฉนฺทสฺส นานาวิสเย ปลุทฺธสฺส. เจตโส เอกสฺมึ วิสเย สมาธาเนน สมาธิ.

๙๑๕. สยฺจ อติสนฺตโต สุขํ อวูปสนฺตสภาวสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจทฺวยสฺส ปฏิปกฺขโต วุตฺตํ.

๙๑๗. ปฺจงฺควิปฺปยุตฺตนฺติ ปฺจนีวรณวิปฺปยุตฺตํ. ปฺจงฺคสํยุตนฺติ วิตกฺกาทีหิ ยุตฺตํ.

๙๒๐-๑. เวปุลฺลนฺติ กมฺมฏฺานสฺส วิปุลภาวํ. ตฺจ ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปจารํ วิจาเรตฺวา วฑฺเฒตุํ วฏฺฏติ.

๙๒๘-๓๑. ปมาทโยคิโนติ ปมาทวเสน โยคิสมฺปนฺนสฺส กามสหคตา สฺามนกฺการา มนสิการา เจ จรนฺติ, ตสฺส โยคิโน ตํ ฌานํ หานภาคิยํ โหติ. สติ สนฺติฏฺเต ตสฺมึ, สนฺตา ตทนุธมฺมตา ตสฺมึ ปมชฺฌาเน ตทนุธมฺมตา ตสฺส ปมชฺฌานสฺส อนุรูปา สติ นิกนฺติ สนฺตา สํวิชฺชมานา สนฺติฏฺเต สนฺติฏฺติ, ตํ ฌานํ มนฺทสฺส โยคิโน ิติภาคิยํ โหติ, ิตึ ภชติ. วิเสสภาคิยํ โหติ, วิเสสํ ทุติยาทิภาวนํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ. นิพฺพิทาสํยุตา สฺา, มนกฺการาติ นิพฺพิทาวิปสฺสนาสํยุตฺตา สฺามนกฺการา. นิพฺเพธภาคิยนฺติ โลกุตฺตรภาคิยํ, โลกุตฺตรมคฺคภาคิยนฺติ อตฺโถ.

๙๓๓. อยํ สมาปตฺติ อาสนฺนากุสลารโย อาสนฺนากุสลาริกา ยสฺมา ตกฺกจารานํ ถูลตฺตา จ, ตสฺมา การณา อยํ สมาปตฺติ องฺคทุพฺพลา.

๙๓๕. นิกนฺตินฺติ ตณฺหํ. ปริยาทายาติ โสสาเปตฺวา.

๙๓๖. วิธินาติ ปุพฺเพ วุตฺตวิธินา. สตสฺสาติ สติสมฺปนฺนสฺส.

๙๓๘. นิมิตฺตํ ตุ ตเทว จาติ ตเมว ปมนิมิตฺตํ ‘‘ปถวี ปถวี’’อิติ เอวํ มนสา กโรนฺตสฺส.

๙๔๓. สมฺปสาทนนฺติ สทฺธา. มชฺฌตฺตนฺติ ตตฺรมชฺฌตฺตตา.

๙๔๔. ทุวงฺคหีนนฺติ วิตกฺกวิจารหีนํ.

๙๔๘. ปีติ นาม เจตโส จิตฺตสฺส อุปฺปิลาปนํ อุปฺปิลาปิตตฺตํ ยโต ยสฺมา การณา.

๙๖๑-๒. อาสนฺนปีติโทสาติ ปีติเยว โทสา. เอตฺถ เอตสฺมึ ตติยชฺฌาเน ยเทว ยํ เอว สุขํ อิติ เอวํ สุขํ เจตโส อาโภโค มนสิกาโร. เอวํ อิมินา ปกาเรน สุขสฺส ถูลตฺตา อยํ สมาปตฺติ องฺคทุพฺพลา โหติ.

๙๗๔-๕. สุขํ อุเปกฺขาย อาเสวนํ ปน น โหติ ยสฺมา อุเปกฺขาย อาเสวนํ ปน น โหติ, ยสฺมา อุเปกฺขาสหคตานิ ชวนานิ ชวนฺติ, ตสฺมา จตุตฺถชฺฌานํ อุเปกฺขาสหคตํ สมุทีริตํ.

๙๗๖. ทุติยชฺฌานํ ทฺวิธา ทฺวีหิ โกฏฺาเสหิ ิตํ.

๙๗๙. อยํ อภิธมฺมาวตาโร สุมธุรวรตรวจโน กํ นุ ชนํ เนว รฺชยติ, อตินิสิตวิสโท พุทฺธิปฺปจาโร ยสฺส โส อตินิสิตวิสทพุทฺธิปฺปจาโร, โส เตน ชเนน เวทนีโย ชานิตพฺโพ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

รูปาวจรสมาธิภาวนานิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

จุทฺทสโม ปริจฺเฉโท.

๑๕. ปนฺนรสโม ปริจฺเฉโท

อรูปาวจรสมาธิภาวนานิทฺเทสวณฺณนา

๙๘๒-๓. รูเป โข วิชฺชมานสฺมินฺติ รูปกาเย วิชฺชมาเน ทณฺฑาทานาทโย ทณฺฑคฺคหณาทโย. อิติ รูเป รูปกาเย อาทีนวํ ทิสฺวา.

๙๘๔. สูกราภิหโตว สาติ สูกรํ อนุพนฺธิโต สา สุนโข วิย.

๙๘๕. วสีติ โยคี.

๙๘๘-๙๙๐. ผุฏฺโกาสฺจ เตน ตนฺติ เตน จิตฺเตน ผุฏฺํ ตโมกาสํ ‘‘อนนฺโต อากาโส’’อิติ จ มนสา กโรนฺโต เอว อุคฺฆาเฏติ. อิติ วจนํ วุจฺจเต, อยมฺโ นโย, ‘‘อากาโส’’ อิติ มนสา กโรนฺโต ตํ กสิณํ น สํเวลฺเลติ.

๙๙๘. รูปาวจรชฺฌานเมว ปจฺจตฺถิกํ รูปาวจรชฺฌานปจฺจตฺถิกํ.

๑๐๐๔. อากาสผุฏวิฺาเณติ ผุฏเมว วิฺาณํ ผุฏวิฺาณํ, ตสฺมึ อากาสารมฺมเณ ผุฏวิฺาเณ.

๑๐๐๕-๖. อยํ อากาโส อนนฺโต อิติ เอวํ ตํ อากาสเมว ผริตฺวา ปวตฺตํ วิฺาณํ วิฺาณฺจ อิติ วจนํ วุจฺจเต. วิฺาณํ อนนฺตํ นาม น โหติ, อนนฺตารมฺมณตฺตา ‘‘วิฺาณํ อนนฺต’’นฺติ วุจฺจเต, ตํ วิฺาณํ มนกฺการวเสน อปิ อนนฺตํ ปริทีปิตํ.

๑๐๑๐. ปมารุปฺปวิฺาณสฺส อภาโว ตสฺส เอว ปมารุปฺปสฺส สุฺโต สุฺภาวโต.

๑๐๑๓. สติ ติฏฺติ ภิยฺโย พลวา สติ ติฏฺติ.

๑๐๑๕. อภาวเก นตฺถิภาเว.

๑๐๑๗-๘. ทุติยารุปฺปจกฺขุนาติ จกฺขุนา ทุติยารุปฺปํ ‘‘นตฺถิ นตฺถี’’ติอาทินา อากาเรน ปริกมฺมวเสน มนกฺกาเร. ตสฺสาปคมมตฺตฺจ ตสฺส ปมารุปฺปสฺส อปคมมตฺตฺจ.

๑๐๒๙. ยา นาม อยํ สมาปตฺติ อภาวมตฺตมฺปิ โคจรํ กตฺวา สฺสติ, อยํ สมาปตฺติ วต เอกนฺเตน อโห สนฺตาติ ปทิสฺสติ.

๑๐๓๓. ยาย สฺาย เนวสฺี, นาสฺี จ โหติ, เกวลํ เอกนฺเตน อถ โข สา สฺา เอทิสี น โหติ.

๑๐๓๕-๗. ปฏุสฺาย กิจฺจสฺส เนว กรณโต อยํ สมาปตฺติ ‘‘เนวสฺา’’ติ นิทฺทิฏฺาติ จตุตฺถอารุปฺปโต สมฺภวา ปวตฺตา เตโชธาตุ สุโขทเก ทหนกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ ยถา, สา สงฺขารธมฺมานํ อวเสสตฺตา.

๑๐๔๐. ปาสาทตลฺจ สาฏิกา จ.

๑๐๔๑. โย ปน ภิกฺขุ อิมํ รูปารูปชฺฌานสมาปตฺติวิธานํ สารตรํ ชานาติ, โส รูปารูปชฺฌานสมาปตฺติปุเรกฺโข เสกฺโข ภวํ กามภวํ อภิภุยฺย อภิภวิตฺวา รูปารูปํ ยาติ ปาปุณาติ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

อรูปาวจรสมาธิภาวนานิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปนฺนรสโม ปริจฺเฉโท.

๑๖. โสฬสโม ปริจฺเฉโท

อภิฺานิทฺเทสวณฺณนา

๑๐๔๕. สตาติ สติสมฺปนฺเนน. อนุโยคนฺติ วีริยํ.

๑๐๔๗. โยคาวจรภิกฺขุนา นิพฺพตฺติตาสุ อภิฺาสุ อสฺส โยคาวจรสฺส ภิกฺขุโน สมาธิภาวนา นิฏฺํ ปริโยสานํ คตา สิยา.

๑๐๕๐. ทนฺเตติ ทนฺเต ิเต. อจเลติ อจเล ิเต.

๑๐๕๒-๔. อภิฺาย ปาทกํ การณํ อภิฺาปาทกํ โยคี สตํ วาปิ สหสฺสํ วาปิ ยทิ สเจ อิจฺฉติ, อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต อภิฺาปาทกฌานโต วุฏฺาย วุฏฺหิตฺวา ‘‘สตํ โหมิ, สตํ โหมิ’’ อิติ เอวํ กามาวจรปริกมฺมมานสํ กตฺวา อภิฺาย ปาทกํ การณภูตํ ฌานํ ปุนาธิฏฺาติ ปุน อาปชฺชิตฺวา ตโต ฌานโต วุฏฺาย ปุน อธิฏฺาติ, สหาธิฏฺาเนน เจตสา อธิฏฺานสงฺขาเตน จตุตฺถชฺฌานจิตฺเตน สห โส โยคี สตํ โหติ. อิทฺธิวิธาณํ.

๑๐๖๗-๘. เอโส อธิคตาภิฺโ โยคี ปาทการมฺมเณน จตุตฺถชฺฌานสฺส ปฏิภาคนิมิตฺตสงฺขาเตน อารมฺมเณน ผุฏฺเ โอกาเส คเต ปวตฺเต ปน สทฺเท สุณาติ. ทิพฺพโสตาณํ.

๑๐๖๙. ปรสฺส จิตฺตํ ปริยติ ปริจฺฉิชฺชตีติ เจโตปริยํ, ตเมว มานสํ เจโตปริยมานสํ.

๑๐๗๐. หทยํ ปน นิสฺสายาติ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ปวตฺตมานโลหิตํ, หทยโกเส ปวตฺตํ รุหิรนฺติ อตฺโถ.

๑๐๗๕. กามาวจรจิตฺตฺจาติ กามาวจรสตฺตานํ กามาวจรจิตฺตฺจ. รูปารูเปสุ รูปภวารูปภเวสุ สตฺตานํ มานสฺจ. กึ ภูตํ? สราคาทิปฺปเภทกํ มานสํ สพฺพํ เจโตปริยาณํ ชานาติ. เจโตปริยาณํ.

๑๐๗๗-๘๒. นิสชฺชา สพฺพปจฺฉิมาติ สพฺเพสํ อิริยาปถานํ ปจฺฉา ชาตา นิสชฺชา ภิกฺขุนา อาวชฺชิตพฺพา. ตโต ปภุติ ตโต สพฺพปจฺฉิมโต นิสชฺชาโต ปภุติ ตํ สพฺพํ ปจฺฉิมนิสชฺชํ อาทึ กตฺวา ปฏิโลมกฺกมา ปฏิโลมกฺกเมน สพฺพํ อตฺตนา กตํ อาวชฺชิตพฺพํ. อสฺมึ ภเว ยาว ยตฺตกํ กาลํ สนฺธิ ปฏิสนฺธิ โหติ, ตาว ตตฺตกํ กาลํ กตํ กิริยํ เตน ภิกฺขุนา อาวชฺชิตพฺพํ. ปุริมสฺมึ ภเวปิ จุติกฺขเณปิ นิพฺพตฺตํ นามรูปฺจ สาธุกํ อาวชฺชิตพฺพํ. จุติกฺขเณ นิพฺพตฺเต ตสฺมึ นามรูเป เอวํ ภิกฺขุนา อาวชฺชิตพฺเพ ยทา ตเทว ตเมว นามรูปํ อารมฺมณํ กตฺวา จุติกฺขเณ มโนทฺวาเร มนกฺกาโร มโนทฺวาราวชฺชนจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ.

๑๐๘๖-๙๖. อภิฺาปาทกํ กสิณารมฺมณํ ฌานํ อภินีหารกฺขมํ กตฺวา อิเมสุ ตีสุ กสิเณสุ กตปุฺเหิ. ตสฺมา ตมิตรํ วาปีติ อาโลกกสิณํ วา อิตรํ วาปิ กสิณทฺวยํ ยถากฺกมํ อุปฺปาเทตฺวา อุปจารภูมิยํเยว ตฺวา ตํ อาโลกกสิณํ เปตพฺพํ. อปฺปนํ ปณฺฑิโต น อุปฺปาเทยฺย, สเจ อุปฺปาเทติ, ตํ อาโลกกสิณํ ปาทกชฺฌานนิสฺสิตํ ปาทกชฺฌานสฺส อารมฺมณํ โหติ. วฑฺฒิตสฺส ฌานสฺส อนฺโตคธํ รูปํ เตน โยคินา ปสฺสิตพฺพํ ภเว ภเวยฺย. ตํ รูปํ ปสฺสโต ปสฺสนฺตสฺส ตสฺส โยคิโน ปริกมฺมสฺส วาโร อติกฺกมติ, ตาวเท ตสฺมึเยว ขเณ อาโลโกปิ ตสฺส โยคิโน อาโลโกปิ ขิปฺปํ อนฺตรธายติ. ตสฺมึ อาโลเก อนฺตรหิเต รูปคตํ รูปํ น ทิสฺสติ. ทิวสมฺปิ นิสีทิตฺวา ปสฺสโต รูปทสฺสนํ โหติ.

๑๑๐๐-๑. ตํจิตฺตสํยุตนฺติ เตน จตุตฺถชฺฌาเนน ยุตฺตํ จิตฺตํ. อนาคตํสาณสฺส ปริกมฺมํ, ยถากมฺมูปคสฺส าณสฺส จ ปริกมฺมํ. ทิพฺพจกฺขุาณํ.

๑๑๐๓. โย ภิกฺขุ อิธ อิมสฺมึ สาสเน อิมํ ปน คนฺถํ สุณาติ, จิตฺเต กโรติ จ, โส ภิกฺขุ อเนน ตเรน อิมินา คนฺเถน ตริตฺวา อภิธมฺมมหณฺณวปารํ ยาติ ปาปุณาติ, ชานาตีติ อตฺโถ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

อภิฺานิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

โสฬสโม ปริจฺเฉโท.

๑๗. สตฺตรสโม ปริจฺเฉโท

อภิฺารมฺมณนิทฺเทสวณฺณนา

๑๑๐๔. อนาคตํสาณฺจาติ น อาคโต อนาคโต, น ตาว สมฺปตฺโตติ อตฺโถ, อนาคเต อํสา โกฏฺาสา เตสํ าณํ อนาคตํสาณํ. ยํ ยํ กมฺมํ ยถากมฺมํ, ตํ อุปคจฺฉติ ชานาตีติ ยถากมฺมุปคํ, วิปากเจตนาชานนกาณํ.

๑๑๐๗-๙. ตตฺถ เตสุ อารมฺมณตฺติเกสุ. จิตฺตสนฺนิสฺสิตํ กตฺวาติ ตํ กายํ จิตฺตํ สนฺนิสฺสิตํ กริตฺวา ตเมว กายจิตฺตเจตสิกวเสน มหคฺคเต จิตฺตสฺมึ สมาโรเปติ าณํ อิทฺธิวิธาณํ, ตโต กายารมฺมณโต กายสฺส ปริตฺตตฺตา กามาวจรตฺตา ปริตฺตารมฺมณํ าณํ สิยา.

๑๑๑๐-๓. ทิสฺสมาเนน กาเยน, คนฺตุกาโม ยทา ภเว โย โยคี ทิสฺสมาเนน กาเยน คนฺตุกาโม ยทา ภเวยฺย, โส โยคี ตทา จิตฺตํ กายสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา รูปกาเย สนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ตํ ปาทกชฺฌานจิตฺตํ กายวเสน กาเย อาโรเปติ, ตทา ฌานารมฺมณโต ตํ าณํ มหคฺคตโคจรํ โหติ, ยํ าณํ ยทา อนาคตฺจ ธมฺมชาตํ, อตีตฺจ ธมฺมชาตํ วิสยํ อารมฺมณํ กโรติ, ตทา ตํ าณํ อตีตารมฺมณํ โหติ, ตทา อนาคตารมฺมณํ อารมฺมณกรณกาเล อนาคตโคจรํ โหติ. ทิสฺสมาเนน กาเยน ตสฺส ภิกฺขุโน คมเน ปน สติ ตสฺส โยคิโน าณสฺส โคจโร ปจฺจุปฺปนฺโน นาม โหติ, อิติ วินิทฺทิเส.

๑๑๑๔. กายํ จิตฺตสฺส วเสน จิตฺเต อาโรเปติ, จิตฺตํ กายสฺส วเสน กาเย อาโรเปติ, อิติ ปริณามนกาลสฺมึ ตสฺส โยคิโน าณํ อชฺฌตฺตารมฺมณํ สิยา. สมฺปวตฺตติ สตฺตสูติ ปริตฺตมหคฺคตอตีตอนาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณสงฺขาเตสุ สตฺตสุ อารมฺมเณสุ สมฺปวตฺตติ.

๑๑๒๐. ชานเน มชฺฌิมานนฺติ มหคฺคตานํ ชานเน.

๑๑๒๒. เอตสฺส เจโตปริยาณสฺส มคฺคารมฺมณตา ปริยาเยน เอว มตา าตา.

๑๑๒๖-๗. ตตฺถ ติกฺขณสมฺปตฺตํ, ปจฺจุปฺปนฺนํ ขณาทิกํ.

ตตฺถ เตสุ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ยํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ขณาทิกํ ติกฺขณสมฺปตฺตํ อุปฺปาทฏฺิติภงฺคกฺขณสมฺปตฺตํ ขณาทิกํ ขณาเยว ตํ ขณาวยวํ ปจฺจุปฺปนฺนํ นาม. เอกทฺเวสนฺตติวารปริยาปนฺนนฺติ เอกจิตฺตทฺวิจิตฺตวีถิวารปริยาปนฺนํ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ นาม. ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ ปจฺฉิมนฺติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนนฺติ อตฺโถ.

๑๑๓๑-๒. เยน อาวชฺชนจิตฺเตน ธมฺเม อาวชฺชติ, เยน เจตสา ชานาติ, เตสํ ทฺวินฺนํ อาวชฺชนชวนจิตฺตานํ สหฏฺานสฺส อภาวา ตํ ‘‘ขณาทิกตฺตยํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทิกํ ‘‘เอกสฺส จิตฺตเมเกน, อวสฺสํ ปน วิชฺฌติ’’อิติ ปริโยสานํ วจนํ น ยุชฺชติ. อาวชฺชนชวนานํ นานารมฺมณภาวํ ปตฺติโต อาปชฺชนโต จ น ยุชฺชติ. อนิฏฺเ ปน าเน เตสํ อาวชฺชนชวนานํ เอการมฺมณภาเว อนิจฺฉิเต ตสฺมึ าเน น ยุชฺชติ, อฺสฺมึ ปน าเน มคฺควีถิยํ อาวชฺชนปริกมฺมชวนานํ กสิณาทิกํ อารมฺมณํ โหติ, โคตฺรภุโลกุตฺตรจิตฺตานฺจ นิพฺพานํ อารมฺมณํ โหติ, เอตฺถ อารมฺมณชวนานํ เอการมฺมณตา อนิจฺฉตา.

๑๑๓๔-๔๑. ‘‘เอกพฺภวปริจฺฉินฺนํ, ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ ปจฺฉิม’’นฺติ วตฺวา ปุน อฺเน ปริยาเยน ตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ทสฺเสตุํ อิทํ อทฺธาขฺยํ อทฺธานาม ปจฺจุปฺปนฺนํ ชวนวารโต ทีเปตพฺพํ. อิติ วจนํ นิทฺทิฏฺํ. ยทา อิทฺธิมา โยคี ปรสฺส จิตฺตํ าตุํ อาวชฺชติ, ตสฺส อาวชฺชนมโน ปจฺจุปฺปนฺนขณวฺหยํ ปจฺจุปฺปนฺนํ มโนทฺวาราวชฺชนจิตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา เตน จิตฺเตน สทฺธึ นิรุชฺฌติ, เตสุ นิรุทฺเธสุ ตสฺส โยคิโน จตฺตาริ, ปฺจ วา ชวนานิ ชายนฺติ. เอเตสํ จตุนฺนํ, ปฺจนฺนํ ชวนานํ ยํ ปจฺฉิมํ จิตฺตํ อิทฺธิจิตฺตมุทีริตํ. อิทฺธิจิตฺตโต เสสานิ กามาวจรจิตฺตานิ. เอเตสํ กามาวจเร อิทฺธิชวนานํ ตเทว จ ปรจิตฺตํ อารมฺมณํ โหติ ยสฺมา, ตสฺมา สพฺพานิ ตานิ ชวนานิ เอการมฺมณตํ ยนฺติ, เตสํ ชวนานํ นานารมฺมณตา อทฺธาวสา น ภเวยฺย, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณโต เตสํ ชวนานํ เอการมฺมณภาเวปิ อิทฺธิมานสเมว จ ปรสฺส จิตฺตํ ชานาติ. อิตรานิ กามาวจรานิ ปน จิตฺตานิ ปรสฺส จิตฺตํ น ชานนฺติ. ยถา จกฺขุทฺวาเร ตุ วิฺาณนฺติ จกฺขุวิฺาณํ รูปํ ปสฺสติ, ตถา อิตรํ จิตฺตํ น ปสฺสติ.

๑๑๖๑. อนาคตํสาณสฺสาติ อนาคตํสาณสฺส อนาคตํ ธมฺมํ อโคจรํ, โคจรํ น โหติเยวาติ อตฺโถ.

๑๑๖๙. วิวิธตฺถานิ วณฺณปทานิ ยสฺมึ โส วิวิธตฺถวณฺณปโท, ตํ มธุรตฺถมตินีหรํ อุตฺตมํ โสตุชนสฺส หทยํ ปีติกรํ สเจตโน โก นาม มนุโช น สุเณยฺย.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

อภิฺารมฺมณนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

สตฺตรสโม ปริจฺเฉโท.

๑๘. อฏฺารสโม ปริจฺเฉโท

ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๑๗๕. ยา สฺชานนมตฺตํว, สฺา นีลาทิโต ปนาติ สา สฺา นีลาทิวเสน สฺชานนมตฺตํว กโรติ. ลกฺขณปฺปฏิเวธนฺติ อนิจฺจาทิลกฺขณปฏิพุชฺฌนํ.

๑๑๗๗. ตํ วิฺาณํ อุสฺสกฺกิตฺวา อุทฺธํ สกฺกํ กตฺวา สตฺเต มคฺคํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ.

๑๑๗๘-๙. สพฺเพสํ ปน ธมฺมานํ สภาวปฏิเวธนํ อวิปรีตวเสน ปฏิพุชฺฌนํ ปฺาย ลกฺขณํ.

๑๑๘๐. สมาธิ อาสนฺนการณํ เอตายาติ สมาธาสนฺนการณา.

๑๑๘๑. ลกฺขเณเนกธาติ สพฺพธมฺมํ ปฏิพุชฺฌนลกฺขเณน ปฺาว เอกธา วุตฺตา.

๑๑๘๓. ภูริปฺเนาติ ภูเต อตฺเถ อวิปรีเต อตฺเถ รมตีติ ภูริ, ภูริ ปฺา เอตสฺสาติ ภูริปฺโ, เตน.

๑๑๘๖-๙๑. ตีสุ อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ จ าเณสุ อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ ชาเตสุ าเณสุ จ าณํ. ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ ผลํ ธมฺมชาตํ. ภาสิตตฺโถติ ปาฬิยา อตฺโถ. เอเต ปฺจ ธมฺมา อตฺถสฺิตา อตฺถนามกา. ผลนิพฺพตฺตโก เหตูติ ชนนโก ปจฺจโย. ภาสิตนฺติ ปาฬิ. ธมฺมสฺิตาติ ธมฺมนามกา. สภาวนิรุตฺตีติ อวิปรีตโวหาโร. ปริยตฺตีติ สิกฺขนํ. สวนาธิคเมหิ ปุพฺพโยเคน ปุพฺเพ ปวตฺตนาย.

๑๑๙๒. ภูมิภูเตสูติ วิปสฺสนาย ภูมิภูเตสุ.

๑๑๙๔. ชนนาทิโตติ ชาติอาทิโต ภีเตน ปฺา ภาเวตพฺพา.

๑๒๐๓. เอกาสีติยา จิตฺเตนาติ โลกุตฺตรจิตฺตวชฺชิเตน วิปสฺสนาภูมิภูเตน เอกาสีติยา จิตฺเตน.

๑๒๐๘. สตฺตสมฺโมหฆาตตฺถนฺติ สตฺโตติ สมฺโมหสฺส วินาสิตตฺถํ.

๑๒๑๑. นิรีหกนฺติ อีหวิรหิตํ พฺยาปารวิรหิตํ, ทารุรชฺชุสมาโยเค.

๑๒๑๕. อุโภ ภิชฺชนฺติ ปจฺจยาติ อฺมฺปจฺจยการณา.

๑๒๒๕. อนฺตทฺวยนฺติ กามสุขลฺลิกานุโยคอตฺตกิลมถานุโยคทฺวยํ. ภาวเยติ ทิฏฺิวิสุทฺธึ วฑฺเฒยฺย.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อฏฺารสโม ปริจฺเฉโท.

๑๙. เอกูนวีสติโม ปริจฺเฉโท

กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๒๓๑. อิจฺเจวมาทิพาตฺตึสโกฏฺาสานํ ปจฺจยสฺส เหตุปจฺจเย ตาว โยคี มนสา ปริคฺคณฺหาติ.

๑๒๓๓. เหตฺวงฺกุรสฺส พีชํ ตุ พีชํ องฺกุรสฺส เหตุชนกํ, ปถวาทโย องฺกุรสฺส ปจฺจยา.

๑๒๓๔. ปฺจ ธมฺมาติ อวิชฺชาตณฺหุปาทานกมฺมาหารา เหตุปจฺจยา ธมฺมา.

๑๒๓๕. กมฺมํ ปุตฺตสฺส ชนโก ปิตา วิย นามรูปสฺส ชนกํ.

๑๒๓๘. ปจฺจยาติ ปจฺจเยน.

๑๒๔๐. ยา สาติ ยา สา กงฺขา. ปุพฺพนฺเต ปุพฺพโกฏฺาเส.

๑๒๔๑. สพฺพถา สพฺพโกฏฺาสโต อนวเสสาว ตสฺส โยคิโน สา กงฺขา ปหิยฺยติ นาสียเต.

๑๒๔๓. อตฺถสาธิกาติ กุสลปกฺเข ทานาทิอตฺถสาธิกา, อกุสลปกฺเข ปาณาติปาตาทิอตฺถสาธิกา.

ตํ วิปากนฺติ อุปฆาตกกมฺมสฺส ตํ วิปากํ อุปฺปนฺนํ นาม โหติ. เอวํ เอโก โยคี กมฺมวิปากวเสน นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กโรติ.

๑๒๔๖. เหตุผลสฺส สมฺพนฺธวเสนาติ เหตุผลสมฺพนฺธวเสน อิทํ นามรูปํ เกวลํ เอกนฺเตน ปวตฺตติ, อิติ สมฺมา อวิปรีตากาเรน สํ อนุปสฺสติ.

๑๒๔๗. ปากปฺปวตฺติโต อุทฺธํ ปากปฏิเวทกํ น ปสฺสติ น ชานิยเต.

๑๒๕๐-๑. อปฺปวตฺติ นาม น ทิสฺสติ, อุปปนฺนํ ทิสฺสติ. ติตฺถิยา เอตมตฺถํ อนฺาย อชานิตฺวา อสยํวสี สตฺตสฺนฺติ ‘‘สตฺโต’’ติ สฺํ คเหตฺวาน สสฺสตอุจฺเฉททสฺสิโน อฺมฺํ วิโรธิโน หุตฺวา ทฺวาสฏฺิทิฏฺึ คณฺหนฺติ.

๑๒๕๔. อุโภติ อุโภ กมฺมวิปากา อฺมฺโต สุฺา. น จ กมฺมํ วินา ผลนฺติ กมฺมํ วินา ผลํ น จ โหติ.

๑๒๕๕. สมฺภาเรหีติ สูริยาทิสมฺภาเรหิ.

๑๒๕๗. สุฺํ ตํ นามรูปธมฺมํ.

๑๒๕๘. เหตุสมฺภารปจฺจยาติ เหตุนา จ สมฺภารปจฺจเยหิ จ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกูนวีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๐. วีสติโม ปริจฺเฉโท

มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๒๖๔. ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺสาติ ปจฺจุปฺปนฺนสฺส นามรูปธมฺมสฺส.

๑๒๖๖-๘. อุปฺปชฺชโต อุปฺปชฺชนฺตสฺส นามรูปธมฺมสฺส ราสิโต นิจยโต อาคมนฺจ นตฺถิ. ทิสาคมนนฺติ ทิสาย คมนํ. นิรุทฺธสฺสาปิ นามรูปธมฺมสฺส เอกสฺมึ าเน นิจโยติ จ นตฺถิ.

๑๒๗๐-๑. อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย, อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ. ตณฺหาสมุทยา รูปสมุทโย, ตณฺหานิโรธา รูปนิโรโธ. กมฺมสมุทยา รูปสมุทโย, กมฺมนิโรธา รูปนิโรโธ. อาหารนิโรธา รูปนิโรโธ. ธมฺเมติ สงฺขารธมฺเม.

๑๒๘๐. สมฺปตฺตปฏิเวธสฺสาติ สมฺปตฺตโลกุตฺตรสงฺขาตมคฺคผลสฺส โสตาปนฺนาทิปุคฺคลสฺส. วิปฺปฏิปนฺนสฺสาติ ปฏิปตฺติยํ อปฺปฏิปนฺนสฺส, วิรุทฺธวเสน ปฏิปนฺนสฺส วา.

๑๒๘๖. กายจิตฺตานีติ กายาติ เวทนาสฺาสงฺขารา. จิตฺตนฺติ วิฺาณํ.

๑๒๙๐. ยโต ยโต ปจฺจยาทิโต. ยํ อมตํ นิพฺพานํ วิชานตํ วิชานนฺตานํ ปีติปาโมชฺชํ, เตหิ ลภิตพฺพํ อมตํ, อมตํ วิย ปีติปาโมชฺชํ วา.

๑๒๙๓. อปฺปตฺเตติ อตฺตนิ มคฺคผลสฺมึ อปฺปตฺเต. ปตฺตสฺีติ มคฺคผเล อหํ ปตฺโต อสฺมิ อิติ สฺิโต โหติ.

๑๒๙๗. สารเวทิโนติ สารชานนสีลา. นฺติ ตํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนํ. อิทํ าณํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนนฺติ มคฺคามคฺคาณทสฺสนํ นาม.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

วีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๑. เอกวีสติโม ปริจฺเฉโท

ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๒๙๙. อุปลฺเลสวิมุตฺตํ สุวิสทํ าณนฺติ อฏฺวิธาณํ สนฺธายาห.

๑๓๐๒. สจฺจานุโลมาณนฺติ อยเมว ปวุจฺจติ.

๑๓๐๖. อยํ สิขาปตฺตา วิปสฺสนา เอว สจฺจานุโลมาณํ นาม ปวุจฺจติ.

๑๓๐๙. ภวงฺคานนฺตรํ สงฺขารุ-เปกฺขาคตนเยนาติ ภวงฺคานนฺตรํ สงฺขารุเปกฺขาสงฺขาเตน าเณน กตนเยน.

๑๓๑๔-๖. โพธิปกฺขิยธมฺมานํ, อุทฺธฺจ อนุโลมโตติ อุทฺธํ วตฺตมานานํ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ อนุโลมโต, อิทํ อนุโลมาณํ วุฏฺานคามินิยา ปริโยสานํ นาม ภาสิตํ มเหสินา กถิตํ. สจฺจานุโลมาณํ อาหจฺจ อุปฺปนฺนา, สพฺพปฺปกาเรน โคตฺรภุปริโยสานํ.

๑๓๑๘. ตตฺถาติ วิปสฺสนาย.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกวีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๒. ทฺวาวีสติโม ปริจฺเฉโท

าณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๓๑๙-๒๒. อาวชฺชนสฺส หิตํ อาวชฺชนิยํ, ตํ านํ เอตสฺสาติ อาวชฺชนิยานํ, โคตฺรภูติ อตฺโถ. ตํ โคตฺรภุจิตฺตํ มคฺคจิตฺตสฺส อาวชฺชนิยานตฺตา. ปฏิปทาาณทสฺสนํ กุทาจนํ น จ ภชติ, ตเถว าณทสฺสนวิสุทฺธึ กุทาจนํ น ภชเตว. อุภินฺนํ าณานํ อนฺตรา เอกํ อพฺโพหาริกํ โวหาเร นิยุตฺตนฺติ โวหาริกํ, น โวหาริกํ อพฺโพหาริกํ. วิปสฺสนาย โสตสฺมึ วิปสฺสนาย โสเต ปติตตฺตา วิปสฺสนา นาม โวหริตพฺพา. ตโต นิพฺพานโต.

๑๓๒๕. สูรํ ติกฺขํ วิปสฺสนนฺติ โคตฺรภุจิตฺตํ สนฺธายาห.

๑๓๒๖-๙. วิสงฺขารนฺติ สงฺขาเรหิ วิคตํ. ปมาวชฺชนฺเจวาติ ปมาวชฺชนํ วิย. ปมาโภคตาปิ จาติ ปมมนสิการา วิย. มคฺคสฺส อนนฺตราทีหิ ปจฺจเยหิ. ตสฺสาติ มคฺคสฺส. สิขาปตฺตาย ตาย วิปสฺสนาย มุทฺธมฺหิ มตฺถเก. อนาวตฺตนฺติ อนิวตฺตํ.

๑๓๓๐-๓. เอเกน อาวชฺชเนน เอกิสฺสาเยว วีถิยา. อนุโลมโคตฺรภุเจตสนฺติ อนุโลมโคตฺรภุจิตฺตานํ นานารมฺมณตา วุตฺตา. ตํ โคตฺรภุจิตฺตํ อนาวชฺชนมฺปิ มคฺคสฺส อาวชฺชนฏฺาเน ตฺวา. สฺํ ทตฺวา วิยาติ ‘‘อหํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรมิ, ตฺวมฺปิ ตเมวารมฺมณํ กโรหิ’’ อิติ สฺํ ทตฺวา วิยาติ อธิปฺปาโย. สฺิตนฺติ สฺํ. กทาจิปิ อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ มคฺโค เอส เอโส มคฺโค ปุพฺเพ อนิพฺพิทฺธปุพฺโพ.

๑๓๓๖. อุชฺฌตีติ ฉินฺทติ.

๑๓๓๘. อเนเกสํ อานิสํสานํ ทายเกน อาทิมคฺเคน สํยุตฺตํ. ปมมคฺคาณํ.

๑๓๔๑. เอกสฺสาเสวนํ นตฺถิ เอกสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อาเสวนปจฺจโย นตฺถิ, ตสฺมา การณา ทฺเว จิตฺตุปฺปาทา อนุโลมกา. เตหีติ จิตฺตุปฺปาเทหิ อาเสวนปจฺจยํ ลทฺธา ลภิตฺวา ตติยํ จิตฺตํ โคตฺรภุ โหติ.

๑๓๔๕-๗. มคฺคเปกฺขนเหตุ ยสฺส อาวชฺชนมนโส, ตํ มคฺคเปกฺขนเหตุกํ. ตสฺมึ นิรุทฺเธติ ตสฺมึ อาวชฺชนจิตฺเต นิรุทฺเธ มคฺคสฺส ปจฺจเวกฺขณสฺิตานิ สตฺต ชวนานิ ปฏิปาฏิยา ชายนฺเต. ปจฺจเวกฺขณาณานิ เอกูนวีสติ โหนฺติ.

๑๓๕๑. ตโต ตทา วิปสฺสนาวีถึ โอตรติ. ทุติยมคฺคาณํ.

๑๓๖๑. มูลฆาตนฺติ มูลฆาตนํ. ตติยมคฺคาณํ.

๑๓๖๓. อนาวตฺติสภาวโตติ อนิวตฺตโต. จตุตฺถมคฺคาณํ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

าณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทฺวาวีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๓. เตวีสติโม ปริจฺเฉโท

กิเลสปหานนิทฺเทสวณฺณนา

๑๓๗๕. อิธ ปน อิมสฺมึ ปนาธิกาเร การณูปจาเรน ลาภาทิการณสฺส โวหาเรน, ลาโภ อาทิ วตฺถุ ยสฺส อนุนยสฺสาติ ลาภาทิวตฺถุโก, ตสฺส.

สุขุมาติ กามราคปฏิฆา สุขุมา.

๑๓๗๖. เยน เยน ปมมคฺคาทิาเณน โย โย สํโยชนาทิโก ปหาตพฺโพ ธมฺโม ฆาตํ วินาสํ ยาติ, โส โส ธมฺโม เตน เตน อเสเสน าเณน เอวํ สาธุ มยา สนฺทสฺสิโต.

๑๓๘๓. ปริฺาภิสมเยนาติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ชานเนน. ทุกฺขํ อภิสเมตีติ ทุกฺขํ ปฏิวิชฺฌติ.

๑๓๙๔. โย โยคี อิมํ วิทิตฺวา หิตภาวนํ วนํ วเนตพฺพํ วิทิตฺวา ชานิตฺวา เว เอกนฺเตน สุขสํหิตํ หิตํ อุเปติ, จิตฺตสฺส ตมํ อนุตฺตมํ หีนํ วิธูย วินาเสตฺวา อวิคฺคหกมฺปทํ ปทํ อวิคฺคหกํ สรีรรหิตํ ปทํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ าตพฺพํ ปทํ นิพฺพานํ อุเปติ ปาปุณาติ จ.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

กิเลสปหานนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

เตวีสติโม ปริจฺเฉโท.

๒๔. จตุวีสติโม ปริจฺเฉโท

ปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๓๙๕. รูปํ รูปสฺสาติ รูปํ รูปสฺส. อรูปสฺส นามสฺส.

๑๓๙๖. มิสฺสกสฺสาติ นามรูปมิสฺสกสฺสาติ อตฺโถ.

๑๓๙๗. ติปฺจ จาติ ปนฺนรส จ.

๑๓๙๙. เอโกติ กมฺมปจฺจโย. ทฺเวกาลิโกติ อตีตปจฺจุปฺปนฺนกาลวเสน ทฺวีสุ กาเลสุ นิยุตฺโต. ทสฺสิโตติ ภควตา เทสิโต.

อิติ อภิธมฺมาวตารฏีกาย

ปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุวีสติโม ปริจฺเฉโท.

นิคมนกถาวณฺณนา

๑๔๐๑. สุมติมติวิจารโพธโนติ สุมตีนํ สุนฺทรปฺานํ กวีนํ มติยา วิจารสฺส โพธโน. วิมติวิโมหวินาสโนติ วิมตีนํ พาลานํ วิโมหสฺส วินาสโน. กุมติมติมหาตโมนาโสติ กุมตีนํ พาลานํ มหาตมสนฺนิภาย มติยา นาสโก. ปฏุมติภาสกโรติ ปฏูนํ ปณฺฑิตานํ ติกฺขปฺาย โอภาสกโร.

๑๔๐๒. สุมตินามโก ภิกฺขุ อสมานโต อสทิสาย ปูชาย มม อายาจิโต ยโต ยสฺมา การณา, ตโต ตสฺมา การณา อยํ อภิธมฺมาวตาโร. ปทาโต ปทาติ โกฏฺาสโต โกฏฺาสโต. หิตวิภาวนา ภาวนาติ หิตปฺปกาสนาย ภาวนาย มยา รจิโต. อถ วา อหํ สุมตินา ภิกฺขุนา อสมานโต มานโต อายาจิโต ยโต ยสฺมา, ตโต ตสฺมา.

๑๔๐๕. ติวิธา พฺยปฺปถานฺหิ คติโยติ พฺยปฺปถานํ วจนานํ อตฺถคนฺถยุตฺติวเสน ติวิธา คติโย.

๑๔๐๖. นิกายนฺตรลทฺธีหีติ อฺสฺมึ นิกาเย ลทฺธีหิ. วาจนามคฺคนิสฺสิโตติ วจนปฺปพนฺธนิสฺสิโต.

๑๔๑๐. อสํกิณฺณกุลากุเลติ อสมฺมิสฺสกุเลหิ อากิณฺเณ. สุปสนฺนสิโตทเกติ มธุรสีโตทเก.

๑๔๑๑. สงฺกเฏติ สมฺพาเธ.

๑๔๑๒. เกลาสสิขราการปาสาทปฏิมณฺฑิเตติ รชตปพฺพตมตฺถกนิเภหิ ปาสาเทหิ อลงฺกเต.

๑๔๑๓. วิวิธาการจารุปาการโคปุเรติ วิวิธสณฺานมนุฺปาการทฺวารโกฏฺเก.

๑๔๑๔. สลฺเลขาติ สลฺเลขวุตฺติ. สาขลฺเยติ สขิลภาเว. สตาติ สติสมฺปนฺเนน.

๑๔๑๕. วสฺสวลาหกา เทวาติ วสฺสวลาหกภูตา เทวา อมรา.

นิคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อภิธมฺมาวตารปุราณฏีกา นิฏฺิตา.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

อภิธมฺมาวตาร-อภินวฏีกา

(ปโม ภาโค)

คนฺถารมฺภกถา

(ก) วิสุทฺธกรุณาาณํ, พุทฺธํ สมฺพุทฺธปูชิตํ;

ธมฺมํ สทฺธมฺมสมฺภูตํ, วนฺเท สํฆํ นิรงฺคณํ.

(ข) สาริปุตฺตํ มหาเถรํ, ปริยตฺติวิสารทํ;

นมามิ สนฺตวุตฺตึ เม, คุรุํ คารวภาชนํ.

(ค) วนฺทนฺเตน มยา เอวํ,

ยา ลทฺธา ปุฺสมฺปทา;

หิตฺวา ตสฺสานุภาเวน,

อนฺตราเย อเสสโต.

(ฆ) มหาวิหารวาสีนํ, เถรานํ ถิรสีลินํ;

วํสาลงฺการภูเตน, ภูตานุคฺคหการินา.

(ง) เถเรน พุทฺธทตฺเตน, รจิตํ ยํ มโนรมํ;

ปิฏเก อภิธมฺมสฺมึ, โอตารุปายภาวโต.

(จ) อภิธมฺมาวตาโรติ, ลทฺธนาเมน วิสฺสุตํ;

นานานิปุณคมฺภีรนยํ ปกรณุตฺตมํ.

(ฉ) อตฺถสํวณฺณนํ ตสฺส, อารภิสฺสํ ยถาพลํ;

ปาโมชฺชชนนตฺถาย, อาภิธมฺมิกภิกฺขุนนฺติ.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา

. ปรมนิปุณวิจิตฺตนยสมนฺนาคตํ สกสมยสมยนฺตรคหนวิคฺคาหณสมตฺถํ สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนํ ปกรณมิทมารภนฺโตยมาจริโย ปมํ ตาว รตนตฺตยปฺปณามกรเณน อนฺตรายนิวารณฺเจว ปฺาปาฏวฺจ ปตฺเถติ. รตนตฺตยปฺปณาโม หิ อตฺถโต ปณามกิริยาภินิปฺผาทิกา กุสลเจตนา. สา จ วนฺทเนยฺยวนฺทกานํ เขตฺตชฺฌาสยสมฺปทาหิ ทิฏฺธมฺมเวทนียภูตา ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส กมฺมสฺส อนุพลปฺปทานวเสน ตนฺนิพฺพตฺติตวิปากสนฺตติยา อนฺตรายกรานิ อุปปีฬกอุปจฺเฉทกกมฺมานิ ปฏิพาหิตฺวา ตนฺนิทานานํ ยถาธิปฺเปตสิทฺธิวิพนฺธกานํ โรคาทิอนฺตรายานมปฺปวตฺตึ สาเธติ, ราคาทิมลวิกฺขาลเนน จ จิตฺตสนฺตานํ ปริโสเธตฺวา ตนฺนิสฺสิตาย ปฺาย ยถาธิปฺเปตสิทฺธิสมฺปาทกํ ติกฺขวิสทภาวมาวหติ. กิฺจิ อาจิณฺณเมตํ ปณฺฑิตานํ, ยทิทํ คนฺถสมารมฺเภ รตนตฺตยปฺปณามกรณํ, ตสฺมา สปฺปุริสาจารานุรกฺขณตฺถฺจ อาทิมฺหิ รตนตฺตยวนฺทนา อารทฺธาติ เอวมาทินา อฺานิปิ พหูนิ ปโยชนานิ นิทฺธาเรตพฺพานิ. ตานิ ปน ตตฺถ ตตฺถ พหุธา วิตฺถาริตานีติ ตํ ปปฺจปริสฺสมํ เปตฺวา ยถานุปฺปตฺตเมว ตาว วณฺณยิสฺสาม.

เอตฺถ จ รตนตฺตยปฺปณามํ กตฺตุกาโม ตถาคตมูลกตฺตา เสสรตนานํ ปมํ ตาว ตถาคตสฺส โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามมารภนฺโต อาห ‘‘อนนฺตกรุณาปฺ’’นฺติอาทิ. โถมนาปุพฺพงฺคเมน หิ ปณาเมน สตฺถุ คุณาติสยโยโค, ตโต จสฺส อนุตฺตรวนฺทนียภาโว, เตน จ อตฺตโน วนฺทนาย เขตฺตงฺคตภาโว, เขตฺตงฺคตาย จ วนฺทนาย ยถาธิปฺเปตนิปฺผตฺติยา เหตุภาโว จ ทสฺสิโต โหติ.

ตตฺถ วนฺทิตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโส. ตสฺส ปน โอสานคาถายํ ‘‘ปวกฺขามี’’ติ อิมินา อปรกาลกิริยาวจเนน สห สมฺพนฺโธ. พุทฺธนฺติ วนฺทนกิริยาย กมฺมนิทฺเทโส. ‘‘อนนฺตกรุณาปฺ’’นฺติอาทิกํ ปน ตพฺพิเสสนํ. ตตฺถ กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ อปเนตีติ อตฺโถ. กิรียติ ทุกฺขิเตสุ ปสารียตีติ วา กรุณา. อถ วา กโรตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ ชนยตีติ อตฺโถ. กิณาตีติ วา กรุณา, ปรสฺส ทุกฺขํ ปจฺจยเวกลฺลกรณโต หึสตีติ อตฺโถ. ปชานาตีติ ปฺา, ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. กรุณา จ ปฺา จ กรุณาปฺา, นตฺถิ เอตาสํ อนฺโตติ อนนฺตา, อนนฺตา กรุณาปฺา เอตสฺสาติ อนนฺตกรุณาปฺโ, ตํ อนนฺตกรุณาปฺํ.

เอตฺถ จ อุปฺปาทวยนฺตตาวเสน เจว สนฺตติปริโยสานวเสน จ สติปิ ภควโต กรุณาปฺานํ สปริยนฺตภาเว อนนฺตารมฺมเณสุ ปวตฺตนโต อนนฺตตา เวทิตพฺพา. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส หิ สพฺพสตฺตานํ ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺตา อนฺสาธารณา มหากรุณา กฺจิ สตฺตํ อวชฺเชตฺวา สพฺเพสุ สตฺเตสุ นิรวเสเสน ปวตฺตติ, ตถา สพฺพธมฺมสภาวโพธนสมตฺถา สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตา ปฺาปิ สกลเยฺยธมฺเมสุ อนวเสสโต ปวตฺตติ, ตสฺมา อนนฺตารมฺมณปฺปวตฺตกรุณาาณวนฺตตาย อนนฺตกรุณาปฺโ ภควา. กรุณาปฺาคฺคหเณน เจตฺถ ภควโต สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. ตถา หิ กรุณาคฺคหเณน โลกิเยสุ มหคฺคตภาวปฺปตฺตาสาธารณคุณทีปนโต สกลโลกิยคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา, ปฺาคฺคหเณน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานมคฺคาณทีปนโต สพฺพโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตาติ.

อปิจ สพฺพพุทฺธคุณานํ กรุณา อาทิ, ปฺา ปริโยสานํ. มหากรุณาสฺโจทิตมานโส หิ ภควา สํสารปงฺกโต สตฺตานํ สมุทฺธรณตฺถาย กตาภินีหาโร อนุปุพฺเพน ปารมิโย ปูเรตฺวา อนุตฺตรสมฺมาสมฺโพธิยา อธิคเมน สกลพุทฺธคุเณ ปฏิลภิ. อิติ สกลพุทฺธคุณานํ ตนฺนิทานภาวโต กรุณา สพฺพพุทฺธคุณานมาทิ, สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานสฺส ปน มคฺคาณสฺส ปฏิลภนโต อุตฺตริกรณียาภาวโต ปฺา ปริโยสานํ. อาทิปริโยสานทสฺสเนน จ สกลพุทฺธคุณา นยโต ทสฺสิตา โหนฺติ. นยคฺคาโห เอว หิ สพฺพพุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย, อิตรถา ตาทิสสฺส สพฺพฺุพุทฺธสฺสปิ วจนปถาตีตํ ตถาคตคุณํ อนุปทํ วณฺเณนฺโต โก นาม ปริโยสานมาหริตุํ สกฺกุเณยฺยาติ.

เอวํ กรุณาปฺามุเขน สงฺเขปโต สกลพุทฺธคุเณหิ ภควนฺตํ โถเมตฺวาปิ ปุน อตฺตโน พุทฺธคุณสํกิตฺตเน อติตฺตาภาเวน เจว ปเรสฺจ ปสาทพาหุลฺลชนนตฺถํ ตทนฺโตคเธปิ วิสิฏฺคุเณ ปธานภาเวน นีหริตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตถาคต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ‘‘ตถาคต’’นฺติ ตถา อาคตตาทีหิ อฏฺหิ การเณหิ ตถาคตํ. วุตฺตฺเหตํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; พุ. วํ. อฏฺ. ๑.๒ นิทานกถา; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) –

‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต, ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโต’’ติ.

‘‘กถํ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา, กึ วุตฺตํ โหติ? มนุสฺสตฺตาทิอฏฺงฺคสมนฺนาคเตน เยน อภินีหาเรน เต ภควนฺโต อาคตา, เตเนว จ อภินีหาเรน อยมฺปิ ภควา อาคโต, ยถา จ เต ภควนฺโต สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา ปฺจมหาปริจฺจาคาทีนิ สมฺปาเทตฺวา อาคตา, ยถา จ เต สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคตา, ตถา อยมฺปิ ภควา อาคโตติ เอวํ ตาว ตถา อาคโต’’ติ ตถาคโต. (๑)

‘‘กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาตา เต ภควนฺโต สตฺตปทวีติหาเรน คตา, ยถา วา เต สมถวิปสฺสนามคฺเคหิ ตํ ตํ อกุสลปกฺขํ วิธมิตฺวา คตา, ตถา อยมฺปิ ภควา คโต, เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต. (๒)

‘‘กถํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? ยสฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ยํ สภาวสรสลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ, ตฺเจส ตถลกฺขณํ อาคโต ยาถาวโต อธิคโต, ตสฺมา ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต คมนตฺถานํ พุชฺฌนตฺถสมฺภวโต. ตถา หิ วทนฺติ ‘เย คติอตฺถา, เต พุชฺฌนตฺถา. เย พุชฺฌนตฺถา, เต คติอตฺถา’ติ. (๓)

‘‘กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ยสฺมา ‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมต’นฺติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) ‘อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ’ติอาทิวจนโต จ ตถธมฺมสงฺขาเต สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาเท ยาถาวโต อาคโต อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต. (๔)

‘‘กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ยสฺมา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ ฉทฺวารคฺคหิเต อารมฺมเณ อวิปรีตเมว ปสฺสติ ชานาติ, ตฺวา จ ปเนวํ ‘กตมํ ตํ รูปายตนํ, ยํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทายา’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖ อาทโย) ตถเมส อวิปรีตํ วิภชติ ทสฺเสติ, ตสฺมา ตถํ อาคจฺฉติ ปสฺสติ ชานาติ, ตํ วา อาคมยติ ทสฺเสตีติ ตถาคโตติ เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. (๕)

‘‘กถํ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยสฺมา เอส อภิสมฺโพธิโต ยาว ปรินิพฺพานา ราคมทาทินิมฺมถนวเสน เอกสทิสเมว ธมฺมํ ตถํ อวิตถํ ภาสติ, ตสฺมา ตถํ คทติ, ตโถ อวิปรีโต อาคโทวจนเมตสฺสาติ วา ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ตถาคโตติ วุตฺโตติ เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต. (๖)

‘‘กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควา หิ ‘ยถา วาที ตถา การี’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓; จูฬนิ. โปสาลมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๓) วจนโต อตฺตโน วาจาย อนุรูปเมว กโรติ, ตสฺมา ยถา วาจา, ตถา กาโยปิ คโต ปวตฺโต อิมสฺสาติ ตถาคโตติ เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต. (๗)

‘‘กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? ยสฺมา ปเนส อนุปมาย สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณสมฺปทาย สมนฺนาคตตฺตา สเทวกํ โลกํ อภิภุยฺย ปวตฺตติ, ตสฺมา อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา – อคโท วิยาติ อคโท, เทสนาวิลาโส เจว ปุฺุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย ทิพฺพาคเทน สปฺเป สพฺพปรปฺปวาทิโน, สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต ยถาวุตฺโต อคโท เอตสฺสาติ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ทีฆาคมสํวณฺณนาทีสุ คเหตพฺโพ. อาห เจตฺถ –

‘‘ยเถว โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย,

สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;

ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,

ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; พุ. วํ. อฏฺ. ๑.๒ นิทานกถา);

‘‘ปหาย กามาทิมเล ยถา คตา,

สมาธิาเณหิ วิปสฺสิอาทโย;

มเหสิโน สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,

ตถา คโต เตน ตถาคโต มโต.

‘‘ตถฺจ ธาตฺวายตนาทิลกฺขณํ,

สภาวสามฺวิภาคเภทโต;

สยมฺภุาเณน ชิโนยมาคโต,

ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.

‘‘ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,

ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;

อนฺเยฺเยน ยโต วิภาวิตา,

ยาถาวโต เตน ชิโน ตถาคโต.

‘‘อนนฺตเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,

ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;

วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,

ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.

‘‘ยโต จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,

กโรติ วาจายนุโลมมตฺตโน;

คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,

ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘; ที. นิ. ฏี. ๑.๗);

เกนจิ คุเณน อตฺตโน วิสิฏฺสฺส กสฺสจิ อภาวโต นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตโรติ อนุตฺตโร. ภควโต หิ อวีจิโต ปฏฺาย ยาว ภวคฺคํ ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ น โกจิ เกนจิ คุเณน สมสโมปิ อตฺถิ, กุโต ปน อุตฺตริตโร. ยถาห –

‘‘รูเป สีเล สมาธิมฺหิ, ปฺาย จ อสาทิโส;

วิมุตฺติยา สมสโม, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน’’ติ.

วินฺทิตฺวาติ ตีหิ วนฺทนาหิ ตนฺนินฺนตาทิวเสน นมสฺสิตฺวา. กายวจีมโนทฺวารวเสน หิ ติสฺโส วนฺทนา. ยถาห ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, วนฺทนา กาเยน วนฺทติ, วจสา วนฺทติ, มนสา วนฺทตี’’ติ. ตตฺถ พุทฺธาทิคุณารมฺมณา กามาวจรกุสลกิริยานมฺตรา เจตนา กายวิฺตฺตึ สมุฏฺาเปตฺวา กายทฺวารปฺปวตฺติวเสน อุปฺปนฺนา กายวนฺทนาติ วุจฺจติ, สาเยว วจีวิฺตฺตึ สมุฏฺาเปตฺวา วจีทฺวารปฺปวตฺติวเสน อุปฺปนฺนา วจีวนฺทนาติ, อุภยวิฺตฺติโย ปน อสมุฏฺาเปตฺวา เกวลํ มโนทฺวารปฺปวตฺติวเสน อุปฺปนฺนา มโนวนฺทนาติ. สิรสาติ อุตฺตมงฺเคน กรณภูเตน. อพุชฺฌิ, โพเธตีติ วา พุทฺโธ. อยฺหิ จตุสจฺจธมฺเม สยมฺปิ อพุชฺฌิ, ปเรปิ โพเธติ, ตสฺมา พุชฺฌนโพธนฏฺเน ‘‘พุทฺโธ’’ติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒). อถ วา พุธ-สทฺทสฺส ชาครณวิกสนตฺเถสุปิ ปวตฺตนโต อพุชฺฌิ สวาสนสมฺโมหนิทฺทาย อจฺจนฺตํ วิคโต, พุทฺธิยา วิกสิตวาติ วา พุทฺโธ. ภควา หิ วตฺถุสภาวทสฺสนวิพนฺธิกาย อวิชฺชาสงฺขาตาย นิทฺทาย อริยมคฺคาเณน สห วาสนาย สมุจฺฉินฺนตฺตา ตโต อจฺจนฺตํ วิคโต. ปรมรุจิรสิริโสภคฺคสมาคเมน วิกสิตมิว ปทุมํ อปริมิตคุณคณาลงฺกตสพฺพฺุตฺาณสมาคเมน วิกสิโต วิกาสมนุปฺปตฺโต, ตสฺมา ชาครณวิกสนตฺถวเสนปิ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วุจฺจติ.

เอตฺตาวตา จ ทฺวีหิ อากาเรหิ ภควโต โถมนา กตา โหติ อตฺตหิตสมฺปตฺติโต, ปรหิตปฏิปตฺติโต จ. ตาสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ อนาวรณาณาธิคโม สวาสนสกลสํกิเลสานมจฺจนฺตปฺปหานํ อนุปาทิเสสนิพฺพานาธิคโม จ, ปรหิตปฏิปตฺติ ปน อาสยปฺปโยควเสน ทุวิธํ ปรหิตสมีหนํ. ตตฺถ ธมฺมเทสนาย อภาชเนสุ เทวทตฺตาทีสุ วิโรธิสตฺเตสุปิ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยตา อปริปากคตินฺทฺริยานํ อินฺทฺริยปริปากกาลาคมนฺจ อาสโย นาม. ตทฺสตฺตานํ ปน ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส ยานตฺตยมุเขน สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนา ปโยโค นาม. ทุวิธาสุ ปเนตาสุ ปรหิตปฏิปตฺตีสุ, ติวิธาสุ จ อตฺตหิตสมฺปตฺตีสุ อนนฺตกรุณา-วจเนน, ตถา อาคตฏฺเน จ ตถาคต-สทฺเทน อาสยวเสน ปรหิตปฏิปตฺติ ทสฺสิตา, โพธนฏฺเน พุทฺธ-สทฺเทน, ตถทสฺสนฏฺเน จ ตถาคตฏฺเน จ ตถาคตสทฺเทน ปโยควเสน, อนนฺตปฺา-วจเนน, าณคติทีปเกน ตถาคต-สทฺเทน, พุชฺฌนชาครณวิกสนฏฺเน จ พุทฺธ-สทฺเทน ติวิธาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, อนุตฺตรวจเนน จ อตฺตหิตปรหิตสมฺปตฺติ ปกาสิตาติ เวทิตพฺพา.

อปิจ เหตุผลสตฺตูปการสมฺปทาวเสน ตีหากาเรหิปิ ภควโต โถมนา ปวตฺตตีติ ตํวเสนเปตฺถ โถมนา ทฏฺพฺพา. ตตฺถ เหตุสมฺปทา นาม มหากรุณาสมาโยโค, โพธิสมฺภารสมฺภรณฺจ ตมฺมูลกตฺตา สกลพุทฺธคุณานํ. ผลสมฺปทา ปน จตุพฺพิธา าณสมฺปทา, ปหานสมฺปทา, อานุภาวสมฺปทา, รูปกายสมฺปทา จาติ. ตาสุ สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานํ สพฺพฺุตฺาณํ, ตมฺมูลกานิ จ ทสพลาทิาณานิ าณสมฺปทา นาม. อคฺคมคฺคภาวนาย สพฺพกิเลสานํ สห วาสนาหิ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ ปหานสมฺปทา. อจินฺเตยฺยาปริมิตานํ สพฺพโลกหิตานํ นิปฺผาทเน, สเทวกโลกาภิภวเน จ อาธิปจฺจํ อานุภาวสมฺปทา. สกลโลกนยนาภิเสกภูตา ปน ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตา อตฺตภาวสมฺปตฺติ รูปกายสมฺปทา นาม. สตฺตูปกาโร เหฏฺา วุตฺตปรหิตปฏิปตฺติวเสเนว เวทิตพฺโพ. อิมาสุ ปน อนนฺตกรุณา-วจเนน, ตถา อาคตฏฺเน จ ตถาคต-สทฺเทน เหตุสมฺปทา ทสฺสิตา. ผลสมฺปทาสุ าณสมฺปทา เจว ปหานสมฺปทา จ อนนฺตปฺา-วจเนน, อภิสมยปริทีปเกน ตถาคตสทฺเทน, พุชฺฌนชาครณวิกสนฏฺเน, จ พุทฺธ-สทฺเทน ทสฺสิตา, อานุภาวสมฺปทาปิ อภิภวนฏฺเน ตถาคต-สทฺเทน, อนุตฺตร-วจเนน จ วิภาวิตา, รูปกายสมฺปทา ปน รูปคฺคปฺปตฺติทีปเกน อนุตฺตร-สทฺเทน ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ พุทฺธรตนสฺส โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กตฺวา อิทานิ เสสรตนานมฺปิ ปณามมารภนฺโต อาห ‘‘ธมฺมํ สาธุคณมฺปิ จา’’ติ. ภควโต โถมเนน จ สฺวากฺขาตตาทโย ธมฺมคุณา, สุปฺปฏิปนฺนตาทโย สงฺฆคุณา จ ทสฺสิตา โหนฺติ ตปฺปภวสฺส อนฺถาภาวโตติ น เตสํ วิสุํ โถมนา กตา. อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ปุคฺคเล ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ อปายทุกฺเขสุ เจว วฏฺฏทุกฺเขสุ จ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม, โส จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ, จตุนฺนฺจ สามฺผลานํ, นิพฺพานสฺส, ปริยตฺติธมฺมสฺส จ วเสน ทสวิโธ. วุตฺตฺเหตํ ฉตฺตวิมาเน

‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ,

ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;

มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ,

ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);

เอตฺถ หิ กามราคาทิเภโท สพฺโพปิ ราโค วิรชฺชติ เอเตนาติ ‘‘ราควิราโค’’ติ มคฺโค กถิโต. เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย, อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณสฺส จ โสกสฺส ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา ‘‘อเนชมโสก’’นฺติ ผลํ กถิตํ. เกนจิ ปจฺจเยน อสงฺขตตฺตา ‘‘ธมฺมมสงฺขต’’นฺติ นิพฺพานํ วุตฺตํ. อวิโรธทีปนโต ปน อตฺถพฺยฺชนสฺส สมฺปนฺนตาย, ปกฏฺคุณวิภาวนโต สุฏฺุ วิภชิตตฺตา จ ‘‘อปฺปฏิกูล’’นฺติอาทินา สพฺโพปิ ปริยตฺติธมฺโม กถิโต. ตตฺถ อริยมคฺคนิพฺพานานิ นิปฺปริยาเยเนว อปายาทิโต ธารณโต ธมฺโม, ผลปริยตฺติโย ปน ปริยาเยน. ตถา เหตฺถ ธารณํ นาม อปายาทินิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนํ. อิติ อริยมคฺคสฺส กิเลสสมุจฺเฉทกตาย, นิพฺพานสฺส จ อาลมฺพณภาเวน ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายปิ อุภินฺนมฺปิ นิปฺปริยายโต ลพฺภติ. อิตเรสุ ปน อริยผลสฺส มคฺเคน สมุจฺฉินฺนกิเลสานํ ปฏิปสฺสทฺธกิจฺจตาย, มคฺคานุกูลปฺปวตฺติโต ปริยตฺติธมฺมสฺส จ ตทธิคมเหตุตายาติ อุภินฺนมฺปิ ปริยายโตว ลพฺภตีติ.

อตฺตหิตปรหิตํ สาเธนฺตีติ สาธู, เตสํ คโณ สมุทาโยติ สาธุคโณ, สาธุ จายํ คโณ จาติ วา สาธุคโณ, สาธุโน วา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อายตฺโต คโณ ตสฺส โอรสปุตฺตภาวโตติ สาธุคโณ. โส ปน จตุนฺนํ อริยมคฺคสมงฺคีนํ, จตุนฺนฺจ ผลสมงฺคีนํ วเสน อฏฺวิโธ อริยสงฺโฆ, ตํ สาธุคณํ. ปิจาติ นิปาตสมุทาโย, เอโก วา นิปาโต, ติณฺณํ รตนานํ วนฺทนกิริยาย สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เกจิ ‘‘คโณ’’ติ อิธ ปกรณโตว อริยคณปุคฺคโลว ลพฺภตีติ สาธูติ ภาวนปุํสกวเสน ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ อิมินา สห โยเชนฺติ, ตทา ปน สาธูติ ภยลาภาทิวิรเหน สกฺกจฺจํ อาทรนฺติ อตฺโถ.

. เอวํ ปกรณารมฺเภ ยถาธิปฺเปตํ รตนตฺตยปฺปณามํ กตฺวา อิทานิ ยตฺถ ปาฏวตฺถาย อิทํ ปกรณํ ปฏฺปียติ, ตํ สทฺธึ เทสกเทสปฏิคฺคาหกสมฺปตฺตีหิ วิภาเวตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปณฺฑุกมฺพลนามายา’’ติอาทิ. ตตฺถ เทวราชสฺส ปณฺฑุกมฺพลนามาย สิลาย วิมเล สีตเล ตเล นิสินฺโน อตุลวิกฺกโม เทวเทเวหิ ปูชิโต เทวเทโว เทวปุรกฺขโต เทวานํ เทวโลกสฺมึ ยํ ธมฺมํ เทเสสีติ สมฺพนฺโธ.

อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ปณฺฑุกมฺพลสริกฺขวณฺณตาย ‘‘ปณฺฑุกมฺพล’’นฺติ นามํ สมฺา เอติสฺสาติ ปณฺฑุกมฺพลนามา. สา หิ สกฺกสฺส ตาทิสปุฺานุภาเวน นิพฺพตฺตา ปณฺฑุกมฺพลชยสุมนปุปฺผสมาเนน วณฺเณน สพฺพกาลํ วิโรจติ, ปมาณโต ปน สฏฺิโยชนายามา, ปฺาสโยชนวิตฺถารา, ปนฺนรสโยชนุพฺเพธา จ โหติ. สิลายาติ อวยวสมฺพนฺเธ สามิวจนํ. ตุลาย สมฺมิโต ตุลฺโย, น ตุลฺโย อตุลฺโย, อตุลฺโย วิกฺกโม พลํ เอตสฺสาติ อตุลฺยวิกฺกโม. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส หิ ปรมปารมิตานุภาวสํสิทฺเธน หตฺถิคณนาย โกฏิสหสฺสหตฺถีนํ, ปุริสคณนาย ทสโกฏิสหสฺสปุริสานํ พเลหิ สมปฺปมาเณน กายพเลน, อปฺปมาเณน จ าณพเลน น กสฺสจิ เทวพฺรหฺมาทีสุ อฺตรสฺส พลตุลนาย อุปเนตพฺพํ อตฺถิ. อถ วา อนฺสาธารณตฺตา อตุลฺโย ปรกฺกมสงฺขาโต อปริมาณคุณวิเสสาวเหน อนฺสาธารเณน สมฺมปฺปธาเนน สมนฺนาคตตฺตา วา อตุลฺโย สมฺมปฺปธานสงฺขาโต วิกฺกโม อิมสฺสาติ อตุลฺยวิกฺกโม. ‘‘อตุลฺยวิกฺกโม’’ติ จ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน ย-การโลปํ กตฺวา ‘‘อตุลวิกฺกโม’’ติ วุตฺตํ. อถ วา สมฺมิตตฺเถ อ-การปจฺจยสฺสาปิ สมฺภวโต อตุโล วิกฺกโม อสฺสาติ ‘‘อตุลวิกฺกโม’’ติ วุตฺตํ.

ทิพฺพนฺตีติ เทวา, ปฺจกามคุณาทีหิ กีฬนฺติ, เตสุ วา วิหรนฺติ, วิชยสมตฺถตาโยเคน พาหิรพฺภนฺตริเก ปจฺจตฺถิเก วิเชตุํ อิจฺฉนฺติ, อิสฺสริยธนาทิสกฺการทานคฺคหณํ, ตํตํอตฺถานุสาสนฺจ กโรนฺตา โวหรนฺติ, ปุฺาณานุภาวปฺปตฺตาย ชุติยา โชเตนฺติ, ยถาธิปฺเปตฺจ วิสยํ อปฺปฏิฆาเตน คจฺฉนฺติ, ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเน จ สกฺโกนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา เทวนียา ตํตํพฺยสนนิตฺถรณตฺถิเกหิ ‘‘สรณํ ปรายณ’’นฺติ คมนียา, อภิตฺถวนียา โสภาวิเสสโยเคน กมนียาติ วา เทวา, เต ติวิธา – สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ. ตตฺถ สมฺมุติเทวา นาม มหาสมฺมตาทโย ขตฺติยา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิเก อุปาทาย ตทุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม ขีณาสวา. อิธ ปน อุปปตฺติเทวา ทฏฺพฺพา. โน จ โข เตปิ อวิเสเสน, เปตฺวา ปน ยามาทิเก จาตุมหาราชิกตาวตึสวาสิโนว อธิปฺเปตา. เตสํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รฺชนโต ราชา, เทวานํ ราชา อิสฺสโร เทวราชา, ตสฺส เทวราชสฺส, ‘‘สกฺกสฺส เทวรฺโ’’ติ อธิปฺปาโย. หิ อฺเสํ เทวโลเกสุ นิสินฺโน ภควา อภิธมฺมปิฏกํ เทเสสีติ.

. นฺติ อนิยมนิทฺเทโส, ตสฺส ปน ‘‘ตตฺถา’’ติ อิมินา นิยมนํ เวทิตพฺพํ. ยถาวุตฺตานํ ติณฺณมฺปิ เทวานํ อุตฺตโม เทโว เตหิ สพฺเพหิ อธิกตรํ กีฬนาทิโยคโตติ เทวเทโว, ภควา. โส หิ นิรติสยาย อภิฺากีฬาย อุตฺตเมหิ ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ สปรสนฺตานสิทฺธาย ปฺจวิธมารวิชยิจฺฉานิพฺพตฺติยา จิตฺติสฺสริยสตฺตธนาทิสมฺมาปฏิปตฺติอเวจฺจปฺปสาทสกฺการทานคฺคหณสงฺขาเตน, ยถาปราธยถานุโลมยถาธมฺมานุสาสนสงฺขาเตน จ โวหาราติสเยน ปรมาย ปฺาย จ สรีรปฺปภาสงฺขาตาย ชุติยา อนุปมาย าณสรีรคติยา มารวิชยสพฺพฺุตฺาณปรหิตนิปฺผาทเนสุ อปฺปฏิหตาย สตฺติยา จ สมนฺนาคตตฺตา สเทวเกน วา โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ คมนียโต, อภิตฺถวนียโต, ภตฺติวเสน กมนียโต จ สพฺเพ เต เทเว เตหิ เตหิ คุเณหิ อภิภุยฺย ิโตติ สพฺพเทเวหิ ปูชนียตโร เทโว, วิสุทฺธิเทวภาวสงฺขาตสฺส วา สพฺพฺุคุณาลงฺการสฺส อธิคตตฺตา อฺเสฺจ เทวานํ อติสเยน เทโวติ เทวเทโว. เทวานนฺติ ตทา ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬาธิวาสีนํ มาตุเทวปุตฺตปฺปมุขานํ อุปปตฺติเทวานํ. วิสุทฺธิเทวานมฺเปตฺถ คหณนฺติ วทนฺติ. เต ปน อุปปตฺติเทเวสฺเวว สงฺคหิตา มนุสฺสอรหนฺตานํ ตตฺถ อภาวโต. เทวเทเวหีติ วิสุทฺธิเทเวหิ. วิสุทฺธิเทวา หิ วุตฺตนเยน อิตรเทเวหิ สาติสยํ กีฬนาทิโยคโต อิธ ‘‘เทวเทวา’’ติ อธิปฺเปตา, เตหิ. ปูชิโตติ ปูชิตพฺโพ, ปูชิตุํ อรโหติ อตฺโถ. เอเตน วิสุทฺธิเทเวสุปิ ภควโต อคฺคปุคฺคลตํ ทีเปติ. เทเสสีติ มธุรกรวีกสทฺทสทิสํ พฺรหฺมสฺสรํ นิจฺฉาเรนฺโต ปกาเสสิ. เทวโลกสฺมินฺติ ตาวตึสเทวโลเก. สภาวสามฺลกฺขณํ ธาเรตีติ ธมฺโม, กุสลาทิเภโท อภิธมฺโม, อิธ ปน ตปฺปกาสกํ อภิธมฺมปิฏกํ ‘‘ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปิฏกุตฺตเม’’ติ. เทวปุรกฺขโตติ ทสสหสฺสจกฺกวาฬวาสิทิพฺพพฺรหฺเมหิ ปุรกฺขโต, ปริวาริโตติ อตฺโถ.

นนุ จ ‘‘เทวาน’’นฺติ วจเนเนว เทวปุรกฺขตภาโว สิทฺโธติ กึ ‘‘เทวปุรกฺขโต’’ติ วจเนน? นายํ โทโส. ภควา หิ กทาจิ จูฬปนฺถกตฺเถราทีนํ วิย ปรมฺมุเขปิ นิสีทิตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา สตฺตานํ สมฺมุเข นิสินฺนํ วิย ทสฺเสนฺโต ธมฺมํ เทเสติ, กทาจิปิ ปารายนิกพฺราหฺมณาทีนํ วิย สมฺมุเขปิ นิสีทิตฺวา อฺเหิ จ ปริวุโต อฺเสมฺปิ ธมฺมํ เทเสติ, อิธ ปน น ตถา, เทเวหิเยว ปริวุโต เทวานํ เทเสตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เทวปุรกฺขโต’’ติปิ วตฺตพฺพเมวาติ.

. เอวเมตสฺมึ ปกรเณ คารวชนนตฺถํ เตน สมฺปาเทตพฺพปาฏววิสยํ อภิธมฺมปิฏกํ เทสกาทิสมฺปตฺตีหิ สห วิภาเวตฺวา อิทานิ ยถาธิปฺเปตปกรณารมฺภปโยชนาภิธานาภิเธยฺยโสตุชนสมุสฺสาหนกรณปฺปการานิ จ วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺถาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ปาฏวตฺถายา’’ติ อิมินา ปกรณารมฺภปโยชนํ วุตฺตํ. ‘‘อภิธมฺมาวตาร’’นฺติ อิมินา อภิธานาภิเธยฺยานิ. ‘‘มธุร’’นฺติอาทีหิ ปกรณํ วิเสเสติ. ‘‘สมาเสนา’’ติ จ อิมินา โสตุชนสมุสฺสาหนกรณปฺปการานีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อห’’นฺติ กตฺตุภูตํ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ตถา หิ โย ปโร น โหติ, โส นิยกชฺฌตฺตสงฺขาโต อตฺตา ‘‘อห’’นฺติ วุจฺจติ.

ปฏุโน ภาโว ปาฏวํ, ตํเยว อตฺโถ ปโยชนฏฺเนาติ ปาฏวตฺโถ, ตทตฺถาย. ตํ สนฺธาย วิวิธนยคฺคหณสมตฺถสฺส สุตมยาณสฺส อุปฺปาทนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. สํสาเร ภยํ อิกฺขนฺติ, ภินฺทนฺติ วา ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ ภิกฺขู, เตสํ. ปิฏกฺจ ตํ อุตฺตมฺจาติ ปิฏกุตฺตมํ, ตสฺมึ ปิฏกุตฺตเม, อภิธมฺมปิฏเกติ อธิปฺปาโย. ตฺหิ ปริยตฺติภาชนตฺถโต ปิฏกํ, ตีสุ ปิฏเกสุ วิสิฏฺภาวโต อุตฺตมฺจาติ ปิฏกุตฺตมํ. ตตฺถ ปริยตฺติภาชนตฺถโตติ ปริยตฺติอตฺเถน เจว ภาชนตฺเถน จ. ตถา หิ ‘‘มา ปิฏกสมฺปทาเนนา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) ปริยตฺติ ปิฏกนฺติ วุจฺจติ. ‘‘อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทาลปิฏก’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๘; อ. นิ. ๓.๗๐) ยํ กิฺจิ ภาชนมฺปิ. ตสฺมา อิทมฺปิ ปริยาปุณิตพฺพฏฺเน ปริยตฺติ, อภิธมฺมตฺถานมาธารณตฺเถน ภาชนฺจาติ ปริยตฺติภาชนตฺถโต ปิฏกนฺติ วุจฺจติ. เตเนวาหุ –

‘‘ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู,

ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต อาหุ;

เตน สโมธาเนตฺวา,

ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา);

วิสิฏฺภาโว ปนสฺส โลกโวหารมติกฺกมฺม ยถาสภาววเสน เทสนโต, วิสิฏฺธมฺมกฺขนฺธวิภาวนโต จ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ หิ ‘‘สตฺโต ปุคฺคโล ภิกฺขู’’ติอาทิกํ โลกโวหารมติกฺกมฺม ‘‘ขนฺธธาตุอายตน’’นฺติอาทินา ยถาธมฺมวเสเนว พาหุลฺลเทสนา ปวตฺตา, น อิตเรสุ วิย ยถาวุตฺตโวหารวเสน, ยโต อิทํ ยถาธมฺมสาสนนฺติ วุจฺจติ. สพฺพสงฺขตธมฺมวิสิฏฺโ เจตฺถ ปฺากฺขนฺโธ วิเสสโต วิภาวิโต, ตสฺมา ติณฺณมฺปิ ปิฏกานํ พุทฺธวจนภาเวปิ ยถาสภาวานติกฺกมเทสนาทิโต อิทเมว ตีสุ ปิฏเกสุ วิสิฏฺนฺติ ยุตฺตํ. อปิจ ธมฺมาติเรกธมฺมวิเสสภาวโต จสฺส วิสิฏฺภาโว เวทิตพฺโพ. อภิธมฺเม หิ นิปฺปเทสโต ขนฺธายตนาทิธมฺมานํ วิภตฺตตฺตา อิตรทฺวยโต อติเรกตรา, วิสิฏฺา จ ปาฬิ โหติ, ตสฺมา อติเรกสฺส, วิสิฏฺสฺส จ ปาฬิธมฺมสฺส วเสน อิทเมว ตีสุ ปิฏเกสุ อุตฺตมนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ยถาวุตฺตวิสิฏฺภาวโยคโตเยว เจตํ ‘‘อภิธมฺมปิฏก’’นฺติ วุจฺจติ อภิ-สทฺทสฺส วิสิฏฺภาวโชตนโต. อปิจ วุฑฺฒิมนฺตาทิธมฺมานํ เอตฺถ วุตฺตตฺตา เจตํ อภิธมฺมปิฏกํ. ยถาหุ โปราณา –

‘‘ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;

วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา);

ตถา เหตฺถ ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ, เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๖๐ อาทโย) วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตา, ‘‘รูปารมฺมณํ วา สทฺทารมฺมณํ วา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน อารมฺมณาทีหิ ลกฺขิตพฺพตฺตา สลกฺขณาปิ ‘‘เสกฺขา ธมฺมา อเสกฺขา ธมฺมา, โลกุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา นเยน ปูชิตา ปูชารหาปิ ‘‘ผสฺโส โหติ, เวทนา โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน สภาวปริจฺฉินฺนตฺตา ปริจฺฉินฺนาปิ ‘‘มหคฺคตา ธมฺมา อปฺปมาณา ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๒, ทุกมาติกา ๙๙), อนุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา นเยน อธิกา วิสิฏฺาปิ ธมฺมา วุตฺตา, ตสฺมา อภิ-สทฺทสฺส วุฑฺฒิอาทิอตฺเถสุปิ ปวตฺตนโต ‘‘วุฑฺฒิมนฺโต ธมฺมา เอตฺถา’’ติอาทินา นิพฺพจเนน อิทํ ปิฏกํ ‘‘อภิธมฺม’’นฺติ วุจฺจติ. อภิธมฺมํ โอตรนฺติ อเนนาติ อภิธมฺมาวตารํ นาม ปกรณํ. อิมินา ปนสฺส อตฺถานุคตมภิธานํ ทสฺเสติ. ตุ-สทฺโท ปทปูรเณ. อาจริเยน หิ คาถาปทปูรณตฺถํ เยภุยฺเยน ตตฺถ ตตฺถ นิปาตา วุจฺจนฺติ. ยตฺถ ปน เนสํ ปโยชนวิเสโส ทิสฺสติ, ตตฺเถว ตมตฺถํ วกฺขาม. มธุรนฺติ นิปฺปริยายโต มธุร-สทฺโทยํ ชิวฺหาวิฺเยฺเย รสวิเสเส วตฺตติ, อิธ ปน อิฏฺภาวสามฺเน อตฺถพฺยฺชนสมฺปตฺติ มธุรสทฺเทน วุตฺตา. ภวติ หิ ตํสทิสสฺส ตํ-สทฺเทนาภิธานํ ยถา ‘‘อคฺคิมาณโว’’ติ. เตน ปน มธุเรน โยคโต อิทมฺปิ มธุรํ ยถา นีลคุณโยคโต นีลุปฺปลนฺติ. นิปุณคมฺภีราย พฺยฺชนสมฺปตฺติยา เจว อตฺถสมฺปตฺติยา จ อภิธมฺมวิสยํ มตึ วฑฺเฒตีติ มติวฑฺฒนํ. อถ วา พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ‘‘มธุร’’นฺติ วุตฺตํ, อตฺถสมฺปตฺติยา ‘‘มติวฑฺฒน’’นฺติ.

. ตาฬนฺติ กุฺจิกํ, กุฺจิกาสทิสนฺติ อตฺโถ. มุยฺหนฺติ เตนาติ โมโห, อวิชฺชาเยตํ อธิวจนํ, โมโหเยว อภิธมฺมมหาปุรํ ปวิสนฺตานํ ปเวสนนิวารณตฺตา กวาฏภูโตติ โมหกวาฏํ, ตสฺส. วิฆาเฏติ, วิฆาฏียติ อเนนาติ วา วิฆาฏนํ. นนุ จ อวิชฺชากวาฏํ ปฺาย อุคฺฆาฏียติ. สา หิ ตสฺสา อุชุวิปจฺจนีกภูตาติ? สจฺจํ, อิทมฺปิ ตสฺสา การณภาเวน ‘‘โมหกวาฏวิฆาฏนกร’’นฺติ วุตฺตํ. การณการณมฺปิ หิ การณวเสน วุจฺจติ ยถา ‘‘โจเรหิ คาโม ทฑฺโฒ, ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธ’’นฺติ.

. สุทุตฺตรนฺติ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธสงฺขาตจตุคมฺภีรภาวปฏิสํยุตฺตตาย มนฺทพุทฺธีหิ ตริตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อติทุตฺตรํ, เตเนว เจทํ มโหทธิสมานตฺตา ‘‘มโหทธี’’ติ วุตฺตํ. มหณฺณโวปิ หิ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร น สกฺกา อฺตฺร สิเนรุปพฺพตราชโต เกนจิ ปติฏฺํ ลทฺธุํ, เอวมิทมฺปิ จตุคมฺภีรตาปฏิสํยุตฺตํ อฺตฺร ตถาคตา น เกนจิ ปติฏฺํ ลทฺธุํ สกฺกาติ. ตรนฺตานนฺติ อตฺถคฺคหณวเสน อุตฺตริตุกามานํ. เอตฺถ จ ‘‘ตรํวา’’ติ อธิการวเสน วตฺตพฺพํ, วกฺขมานํ วา อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตรนฺตานนฺติ ปรตีรสมฺปาปุณนตฺถํ อุตฺตรนฺตานํ. ตรํวาติ อุฬุมฺปํ วิย, ตํสมานนฺติ อตฺโถ. มกรา นาม มจฺฉชาติกา, เตสํ อากโร นิวาสภูมีติ มกรากโร, ตํ.

. อภิธมฺเม นิยุตฺตา อาภิธมฺมิกา, เตสํ. หตฺถสารํ วิยาติ หตฺถสารํ. ยถา หิ มนุสฺสานํ พหูสุ รตนาทีสุ วิชฺชมาเนสุปิ อาปทาสุ จ สุขปริโภคตฺถํ หตฺเถ กยิรมานํ สารรตนาทิกํ ‘‘หตฺถสาร’’นฺติ วุจฺจติ, เอวมิทมฺปิ สติปิ มหนฺเต อภิธมฺมปิฏเก ตสฺส สพฺพโส วิตฺติณฺณตาย ปริหริตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ตทตฺถสารสมฺปิณฺฑนวเสน กยิรมานํ อาภิธมฺมิกภิกฺขูนํ สุขปริหรณตฺถาย สมฺปชฺชตีติ หตฺถสารสทิสตฺตา ‘‘หตฺถสาร’’นฺติ วุตฺตํ. ปวกฺขามีติ ปกาเรน กเถสฺสามิ, อนาคตวจนฺเจตํ, วตฺตมานสมีปตฺตา วา อนาคเต วตฺตมานูปจารโต วตฺตมานวจนํ, ปฏิฺานนฺตรเมว วกฺขตีติ. อตฺถวเสน ปกาเรน กเถนฺโตปิ สทฺทวเสน สงฺขิปิตฺวา กเถสฺสามีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สมาเสนา’’ติ. สมสนํ สํขิปนํ สมาโส, เตน สมาเสน, น พฺยาสวเสนาติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา จ ปโยชนาภิธานาภิเธยฺยโสตุชนสมุสฺสาหนกรณปฺปการานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา โสตุชนสมุสฺสาหนํ นาม เตสํ สกฺกจฺจสวเน นิยุฺชนํ, ตสฺมา เต ตตฺถ นิโยเชนฺโต อาห ‘‘ตํ สุณาถ สมาหิตา’’ติ. สกฺกจฺจสวนปฏิพทฺธา หิ สมฺมาปฏิปตฺตีติ. ตตฺถ นฺติ ตํ มยา วกฺขมานํ อภิธมฺมาวตารํ สุณาถ นิสามยถ. สมาหิตา สมฺมา อาหิตา, อวิกฺขิตฺตจิตฺตาติ อตฺโถ.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. ปโม ปริจฺเฉโท

จิตฺตนิทฺเทโส

กามาวจรกุสลวณฺณนา

. เอวํ ตาว รตนตฺตยปฺปณามาทิกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยถารทฺธปฺปกรณสฺส อตฺถสรีรภูตมภิธมฺมํ สงฺเขปโต อุทฺทิสนฺโต อาห ‘‘จิตฺตํ เจตสิก’’นฺติอาทิ. ตตฺถ จิตฺตสทฺทสฺส ตาว วจนตฺถํ สยเมว อนนฺตรํ วิปฺเจติ. ‘‘เจตสิก’’นฺติอาทีสุ ปน อวิปฺปโยคีภาเวน เจตสิ จิตฺเต นิยุตฺตํ, ตตฺถ วา ภวํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ เจตสิกํ, เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺเสตํ อธิวจนํ. รุปฺปติ, รูปียตีติ วา รูปํ, สีตุณฺหาทีหิ วิการมาปชฺชติ, อาปาทียตีติ อตฺโถ, จตุนฺนํ มหาภูตานํ, จตุวีสติอุปาทารูปานฺจ วเสน อฏฺวีสติวิธสฺส รูปกฺขนฺธสฺเสตํ อธิวจนํ. ภวาภวํ วินนโต สํสิพฺพนโต วานํ วุจฺจติ ตณฺหา, น วิชฺชติ สา เอตฺถ, ตโต วา นิกฺขนฺตํ เอตนฺติ นิพฺพานํ, อมตํ อสงฺขตํ วตฺถุ. อิติ-สทฺโท นิทสฺสเน. นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตริตโรติ นิรุตฺตโร. อถ วา จตุเวสารชฺชวิหารตฺตา นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตรํ ปจฺจนีกวจนนฺติ นิรุตฺตโร. าณปฺปหานอนฺตรายนิยฺยานิเกสุ หิ สเทวเก โลเก น โกจิ สตฺถุ สหธมฺมิกํ อุตฺตรํ วจนํ กเถตุํ สมตฺโถ อตฺถีติ. ตตฺร ภควา อุตฺราสาภาวโต วิสารโทว โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธาติ ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ, เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.

‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต อิเม อาสวา อปริกฺขีณาติ ตตฺร วต มํ…เป… วิหรามิ.

‘‘เย จ โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายาติ ตตฺร วต มํ…เป… วิหรามิ.

‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ ตตฺร วต มํ…เป… วิหรามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐).

จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปกาเสตีติ จตุสจฺจปฺปกาสโน. ทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺควเสน หิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห, ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๓). ตตฺถ เตภูมกา ธมฺมา อเนกุปทฺทวาธิฏฺานตาย ธุวสุภาทิวิรเหน, กุจฺฉิตตุจฺฉฏฺเน จ ทุกฺขํ นาม. กมฺมาทิวิเสสปจฺจยสมวาเย ทุกฺขุปฺปตฺติการณภาเวน ตณฺหา สมุทโย นาม ‘‘สเมจฺจ อุเทติ ทุกฺขํ อิมสฺมา’’ติ กตฺวา. ทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรธปจฺจยตฺตา ทุกฺขนิโรโธ นิพฺพานํ. ตํ ปน ทุกฺขนิโรธํ อาลมฺพณกรณวเสน คมนโต ปาปุณนโต, ตทธิคมาย ปฏิปทาภาวโต จาติ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ โลกุตฺตรมคฺโค วุจฺจติ. สจฺจฏฺโ ปน เตสํ ตจฺฉาวิปรีตภูตภาวโต เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ‘‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. เอตฺถ ปน จตุนฺนํ อริยผลานํ, อริยมคฺคสมฺปยุตฺตานฺจ สจฺจวินิสฺสฏภาเวปิ อิธ มคฺคนิพฺพานปฺปกาสนตาวจเนเนว ตปฺปกาสนตฺถมฺปิ วุตฺตํ โหติ, อนาสวภาเวน เอกลกฺขณตฺตา ตํตํเหตุกวิสยภาวโต จาติ ทฏฺพฺพํ.

เอตฺถ จ ‘‘นิรุตฺตโร จตุสจฺจปฺปกาสโน’’ติ อิเมหิ ภควโต จิตฺตาทิจตุพฺพิธธมฺมเทสนานุกูลคุณวิเสสํ ทสฺเสติ อตถาวิธสฺส ตํเทสนาสามตฺถิยาโยคโต. อถ วา ‘‘นิรุตฺตโร’’ติ วจเนน จตุพฺพิธธมฺมสฺส อนฺถตฺตํ ทีเปติ. ‘‘จตุสจฺจปฺปกาสโน’’ติ ปน อิมินา เย เต ธมฺมา ภควตา วิเนยฺยปริปาจนตฺถํ เทสิตา, น เต อิธ อธิปฺเปตา. เย ปน ปริปาจิเตหิ เตหิ อภิสเมตพฺพวเสน ทุกฺขาทโย จตุพฺพิธา วุตฺตา, เตเยว อุทฺทิสิตพฺพตฺเถน อธิปฺเปตาติ ทสฺเสติ.

เอวํ สงฺเขปโต จตฺตาโร ธมฺเม อุทฺทิสิตฺวา อิทานิ อุทฺเทโส นาม นิทฺเทสตฺถาย โหตีติ ยถาอุทฺทิฏฺธมฺเม นิทฺทิสิตุํ ‘‘ตตฺถ จิตฺต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ จิตฺตาทีสุ ธมฺเมสุ. วิสยวิชานนํ จิตฺตนฺติ ยํ วิสยสงฺขาตสฺส อารมฺมณสฺส วิชานนํ อุปลทฺธิ, ตํ จิตฺตนฺติ อตฺโถ. อิมินา ปน จิตฺตสฺส อารมฺมณปฏิพทฺธวุตฺติตํ, อนิจฺจตํ, อการกตฺจ ทีเปติ. ‘‘วิสยวิชานน’’นฺติ หิ อารมฺมเณน จิตฺตํ อุปลกฺเขนฺโต ตสฺส ตทายตฺตวุตฺติตํ, ตํทีปเนน จ ตทภิมุขกาเลเยว อุปฺปตฺติทีปนโต อนิจฺจภาวฺจ ทีเปติ. ภาวนิทฺเทเสน ปน วิชานนมตฺตทีปนโต อการกภาวํ. ยถาปจฺจยฺหิ ปวตฺติมตฺตเมเวตํ, ยทิทํ สภาวธมฺโม นามาติ. เอวฺจ กตฺวา สพฺเพสมฺปิ จิตฺตเจตสิกธมฺมานํ ภาวสาธนเมว นิปฺปริยายโต ลพฺภติ. ยํ ปน ‘‘จินฺเตตีติ จิตฺตํ, เตน จิตฺตํ วิจรตีติ วิจาโร’’ติอาทินา กตฺตุกรณวเสน นิพฺพจนํ วุจฺจติ, ตํ ปริยายกถนนฺติ เวทิตพฺพํ. สกสกกิจฺเจสุ หิ ธมฺมานํ อตฺตปฺปธานตาสมาโรปเนน กตฺตุภาโว, ตทนุกูลภาเวน ตํสมฺปยุตฺตธมฺมสมูเห กตฺตุภาวสมาโรปเนน กรณตฺตฺจ ปริยายโตว ลพฺภตีติ. ตถา นิทสฺสนํ ปน ธมฺมสภาวโต อฺสฺส กตฺตาทิโน อภาวปริทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ.

‘‘วิสยวิชานน’’นฺติ จ เอเตน จิตฺตสฺส อารมฺมณูปลทฺธิลกฺขณตา วุตฺตาติ อิทานิสฺส รสาทีนิ วุจฺจนฺติ. ปุพฺพงฺคมรสฺหิ จิตฺตํ สนฺธานปจฺจุปฏฺานํ นามรูปปทฏฺานํ. ทฺวารํ ปตฺวา ตทารมฺมณฺหิ วิภาวนฏฺเน จิตฺตํ ปุพฺพงฺคมํ ปุเรจาริกํ. ตถา หิ จกฺขุทฺวาเรน ทฏฺพฺพํ รูปารมฺมณํ จิตฺเตเนว ชานาติ…เป… มโนทฺวาเรน วิฺาตพฺพํ ธมฺมารมฺมณํ จิตฺเตเนว ชานาติ. ยถา หิ นครคุตฺติโก นครมชฺเฌ สิงฺฆาฏเก นิสีทิตฺวา ‘‘อยํ เนวาสิโก, อยํ อาคนฺตุโก’’ติ อาคตาคตํ ชนํ อุปธาเรติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ, ตสฺมา ทฺวารํ ปตฺวา ตทารมฺมณํ วิภาวนฏฺเน ปุเรจาริกนฺติ ปุพฺพงฺคมรสํ. ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อุปฺปชฺชมานํ ปุริมํ ปุริมํ นิรนฺตรํ กตฺวา สนฺทหมานมิว อุปฏฺาติ, คหณภาวํ คจฺฉตีติ สนฺธานปจฺจุปฏฺานํ. ปฺจโวกาเร ปนสฺส นิยมโต นามรูปํ, จตุโวการภเว นามเมว ปทฏฺานนฺติ นามรูปปทฏฺานฺจ โหติ. นานตฺตํ ปน ลกฺขณาทีนํ อุปริ วกฺขมานนเยน เวทิตพฺพํ. วกฺขติ หิ รูปปริจฺเฉเท

‘‘สามฺํ วา สภาโว วา, ธมฺมานํ ลกฺขณํ มตํ;

กิจฺจํ วา ตสฺส สมฺปตฺติ, รโสติ ปริทีปิโต.

‘‘ผลํ วา ปจฺจุปฏฺานํ, อุปฏฺานนโยปิ วา;

อาสนฺนการณํ ยํ ตุ, ตํ ปทฏฺานสฺิต’’นฺติ. (อภิธ. ๖๓๓-๖๓๔);

ยตฺถ ยตฺถ ปน ลกฺขณาทีนิ วุจฺจนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ อิมินาว นเยน เตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.

วจนตฺถวิชานเนน วิทิตจิตฺตสามฺสฺส อุตฺตริ จิตฺตวิภาโค วุจฺจมาโน โสเภยฺยาติ วจนตฺถวิชานนเมว ตาว อาทิมฺหิ ยุตฺตตรนฺติ ตํ ตาว กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉติ ‘‘ตสฺส ปน โก วจนตฺโถ’’ติ. ปฺจวิธา หิ ปุจฺฉา – (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๔๙; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ. ตตฺถ ยํ อฺาตํ อทิฏฺํ, ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ปฺหากรณํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา นาม. ยํ ปน าตํ ทิฏฺํ, ตสฺส อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหากรณํ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา นาม. ปกติยา ปน สํสยปกฺขนฺทนสฺส อตฺตโน สํสยสมุคฺฆาฏนตฺถํ ปฺหากรณํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา นาม. ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ? อนิจฺจํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๗๙; มหาว. ๒๑) อนุมติคฺคหณตฺถํ ปฺหากรณํ อนุมติปุจฺฉา นาม. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๓; สํ. นิ. ๕.๔๐๒-๔๐๔) ปน ตํตํธมฺมานํ เทสนาธิปฺปาเยน ปฺหากรณํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา นาม.

ตาสุ ปุริมา ติสฺโส อาจริยานํ น สมฺภวนฺติ. น หิ เต คนฺถกรณตฺถาย อารภิตฺวา อิทานิ อทิฏฺํ โชเตนฺติ, ทิฏฺํ สํสนฺเทนฺติ, สํสยํ วา ปกฺขนฺทนฺติ ตพฺพิโสธนปุพฺพกเมว คนฺถกรเณ อภินิเวสนโต. อิตรา ปน ทฺเว สมฺภวนฺติ. ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. อปิจ โจทนํ สมุฏฺาเปนฺตา อาจริยา อฺํ โจทกํ ปริกปฺเปตฺวา ตสฺส วจนวเสน สมุฏฺาเปนฺตีติ ตํวเสเนตฺถ อทิฏฺโชตนาวิมติจฺเฉทนาปุจฺฉาปิ ลพฺภนฺเตวาติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺสาติ ตสฺส จิตฺต-สทฺทสฺส. จิตฺเต หิ อธิคเต ตสฺส วาจโก สทฺโทปิ สหจริยโต อธิคโตว โหตีติ ตสฺส อิธ ต-สทฺเทน ปริคฺคโห. เกจิ ปน ‘‘ตสฺส จิตฺตสฺสา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ ‘‘ตสฺส โก วจนตฺโถ’’ติ อิมินา น สเมติ. น หิ จิตฺตสฺส ‘‘โก วจนตฺโถ’’ติ ปุจฺฉา สมฺภวตีติ.

อิทานิ ยถาปุจฺฉิตมตฺถํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘วุจฺจเต’’ติ ตาว ปฏิฺํ กตฺวา ‘‘สพฺพสงฺคาหกวเสนา’’ติอาทินา วิสฺสชฺชนมารทฺธํ. ตตฺถ สพฺพสงฺคาหกวเสนาติ เหฏฺิมนฺตโต จกฺขุวิฺาณาทโย อุปาทาย สพฺเพสํ อารมฺมณวิชานนสภาวตฺตา เตสํ สพฺเพสเมว สงฺคาหกวเสน, น ปน วกฺขมานนิพฺพจเนสุ วิย ยถาลาภวเสนาติ อตฺโถ. จินฺเตตีติ วิชานาติ. จินฺเตนฺติ เตน โคจรนฺติ วา จิตฺตํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ กตฺตุตาสมาโรปเนน หิสฺส กรณภาโว ลพฺภติ. สพฺพสงฺคาหกวเสน ตาว อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยถาลาภวเสนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺตสนฺตานํ วา จิโนตีติปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพจิตฺตสาธารณตฺตา หิ จิตฺต-สทฺทสฺส ยตฺถ ยตฺถ ยถา ยถา อตฺโถ ลพฺภติ, ตตฺถ ตตฺถ ตถา ตถา คเหตพฺโพ. ยสฺส ปน จิตฺตสฺส ยถาวุตฺตอตฺถวิเสโส น ลพฺภติ, ตํ รุฬฺหีวเสน จิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถา กิลฺชาทีหิ กตมฺปิ ตาลปณฺเณหิ กตสริกฺขกตาย รุฬฺหีสทฺเทน ‘‘ตาลวณฺฏ’’นฺตฺเวว วุจฺจตีติ. อตฺตสนฺตานนฺติ สกสนฺตานํ, ชวนสนฺตานนฺติ อตฺโถ. อตฺต-สทฺทสฺส หิ ปรปจฺจนีกวจนตฺตา อตฺตโน สนฺตาโนติ สทิสวเสน อุปฺปชฺชมาโน ชวนสนฺตาโน วุจฺจติ. ตํ จิโนติ ราสึ กโรตีติ อยมตฺโถ สาเสวนกานํ ชวนจิตฺตานํ วเสน ทฏฺพฺโพ. ตานิ หิ ปุเรชาตานิ ปจฺฉาชาตานํ อาเสวนปจฺจยา หุตฺวา อตฺตโน ชวนสนฺตานสฺส ปคุณพลวภาวกรเณน ตํ จินนฺติ นาม. วา-สทฺโท อสพฺพสงฺคาหกตฺถวิกปฺปเน. ปิ-สทฺโท กิริยาสมฺปิณฺฑนตฺเถ. อถ วา ‘‘สพฺพสงฺคาหกวเสนา’’ติ อิมสฺส อิธาปิ สมฺพนฺโธ โหตีติ อิทมฺปิ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตนฺติ คยฺหมาเน อตฺตสนฺตานนฺติ วิฺาณวจนสฺส อตฺต-สทฺทสฺส สกตฺถวุตฺติตฺตาเยว ตํวเสน จิตฺตสนฺตานนฺติ อตฺโถ. อนนฺตราทิปจฺจยวเสน หิ จิตฺตสนฺตานสฺส อพฺโพจฺฉินฺนปฺปวตฺติกรณโต สพฺพเมว จิตฺตชาตํ จิตฺตสนฺตานํ จิโนติ นาม. อิมสฺมึ ปนตฺเถ วา-สทฺโท กิริยาวิกปฺปนตฺโถ. ปิ-สทฺโท ‘‘จิตฺต’’นฺติ อิมสฺส อากฑฺฒนตฺโถติ ทฏฺพฺพํ. ปุริมปกฺเข ปน จิตฺตนฺติ อธิการโตว คเหตพฺพํ.

. วิจิตฺตํ กโรติ, วิจิตฺตสฺส วา กรณนฺติ วิจิตฺตกรณํ, ตโต วิจิตฺตกรณา, วิจิตฺตจิตฺตกมฺมาทีนํ กรณโตติ อตฺโถ. โลกสฺมิฺหิ ยํ กิฺจิ จิตฺตกมฺมาทิเภทํ วิจิตฺตํ สิปฺปชาตํ, สพฺพํ ตํ จิตฺเตเนว จินฺเตตฺวา กรียตีติ. เตนาห ภควา – ‘‘ทิฏฺํ โว, ภิกฺขเว, จรณํ นาม จิตฺตนฺติ? เอวํ, ภนฺเต. ตมฺปิ โข, ภิกฺขเว, จรณํ นาม จิตฺตํ จิตฺเตเนว จินฺติต’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐). สฺวายมตฺโถ สวิฺตฺติกานํ พาตฺตึสจิตฺตานมุปลพฺภติ. สาสวกุสลากุสลํ วา วิจิตฺตคติอาทิกรณโต วา วิจิตฺตกรณฏฺเน จิตฺตํ. นนุ จ วิจิตฺตคติอาทโย กมฺมวเสน นิปฺผชฺชนฺติ. ยถาห –

‘‘กมฺมนานากรณํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ คติยา นานากรณํ ปฺายติ อปทา ทฺวิปทา จตุปฺปทา พหุปฺปทา รูปิโน อรูปิโน สฺิโน อสฺิโน เนวสฺีนาสฺิโน, กมฺมนานากรณํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ อุปปตฺติยา นานากรณํ ปฺายติ อุจฺจนีจตา หีนปณีตตา สุคตทุคฺคตตา, กมฺมนานากรณํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ อตฺตภาเว นานากรณํ ปฺายติ สุวณฺณทุพฺพณฺณตา สุชาตทุชฺชาตตา สุสณฺิตทุสฺสณฺิตตา, กมฺมนานากรณํ ปฏิจฺจ สตฺตานํ โลกธมฺเม นานากรณํ ปฺายติ ลาภาลาเภ ยสายเส นินฺทาปสํสายํ สุขทุกฺเข’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑).

ตสฺมา กมฺมเภทนิพฺพตฺตตฺตา คติอาทีนํ จิตฺตตา. กมฺมนฺติ จ เจตสิกธมฺมภูตา เจตนา, อภิชฺฌาทโย จ วุจฺจนฺติ, น จิตฺตนฺติ. กถํ จิตฺตสฺส วิจิตฺตคติอาทิกรณนฺติ? วุจฺจเต – กมฺมสฺส จิตฺตสนฺนิสฺสิตตฺตา ตนฺนิปฺผาทิตมฺปิ จิตฺเตเนว กตํ โหติ, ยถา ราชโยเธน ปราชิโต สตฺตุรฺา ชิโตติ วุจฺจติ. วิจิตฺตํ กรณมสฺสาติ วา วิจิตฺตกรณํ. ตโต เอกฏฺานิกวชฺชิตฺหิ จิตฺตํ ปจฺเจกํ ปฏิสนฺธาทิวิจิตฺตกิริยวนฺตตาย, สพฺพเมว วา จิตฺตํ อาวชฺชนาทิอฺมฺวิสทิสกิริยวนฺตตาย วิจิตฺตกรณํ ยุตฺตนฺติ. สพฺพวิกปฺเปสุปิ ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติอาทีสุ วิย อุตฺตรปทโลโป จิตฺตปริยาเยน จ วิจิตฺต-สทฺเทน วา วิคฺคโห วิ-สทฺทโลโป วา ทฏฺพฺโพ. อถ วา ‘‘วิจิตฺตกรณา’’ติ อิทํ จิตฺตวิจิตฺตภาวสฺส าปกเหตุนิทสฺสนํ. เตน ยสฺมา อิทํ วิจิตฺตกรณํ, ตสฺมา ตสฺส วิจิตฺตสฺส นิปฺผาทกํ สยมฺปิ ตเถว วิจิตฺตนฺติ วิฺาตพฺพนฺติ เอวํ กรณวิจิตฺตตาย วิจิตฺตตฺตา จิตฺตนฺติ อตฺโถ. เปตฺวา ตํ กรณวิจิตฺตตาย วิจิตฺตภาวํ อตฺตโน เอว ชาติภูมิสมฺปโยคาทิวเสน วิจิตฺตตาย จิตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อตฺตโน จิตฺตตาย วา’’ติ. ตตฺถ ยสฺมา อฺเทว กุสลํ, อฺํ อกุสลํ, อฺํ อพฺยากตํ, อฺํ กามาวจรํ, อฺํ รูปาวจราทิเภทํ, อฺํ สราคํ, อฺํ วีตราคํ, อฺํ สโทสํ, อฺํ วีตโทสํ, อฺํ สโมหํ, อฺํ วีตโมหํ, อฺํ รูปารมฺมณํ, อฺํ สทฺทาทิอารมฺมณํ, รูปารมฺมเณสุ จ อฺํ นีลารมฺมณํ, อฺํ ปีตาทิอารมฺมณํ. เอวํ สทฺทารมฺมณาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ. สพฺเพสุ เจว เตสุ อฺํ หีนํ, อฺํ มชฺฌิมํ, อฺํ ปณีตํ, หีนาทีสุ จ อฺํ ฉนฺทาธิปเตยฺยํ, อฺํ จิตฺตาธิปเตยฺยํ, อฺํ วีริยาธิปเตยฺยํ, อฺํ วีมํสาธิปเตยฺยนฺติ เอวมาทินา ชาติภูมิสมฺปยุตฺตอารมฺมณหีนมชฺฌิมปณีตอธิปติอาทีนํ วเสน วิจิตฺตมเนกปฺปการํ, ตสฺมา อิมาย อตฺตวิจิตฺตตาย วา จิตฺตนฺติ วุจฺจตีติ.

กามฺเจตฺถ เอกเมว จิตฺตํ เอวํ วิจิตฺตํ นาม น โหติ, วิจิตฺตานํ ปน อนฺโตคธตฺตา เอเตสุ ยํ กิฺจิ เอกมฺปิ วิจิตฺตตาย จิตฺตนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ สมุทายโวหาเรน อวยวสฺสาปิ โวหริยมานตฺตา ยถา ปพฺพตนทีสมุทฺทาทีนเมกเทสา ทิฏฺา ปพฺพตาทโย ทิฏฺาติ, ยถา จ เอเกกจิตฺตสมฺปยุตฺตาปิ เวทนาทโย ราสฏฺเน ขนฺธโวหาเรน ‘‘เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ’’ติอาทินา วุจฺจนฺติ. อปิเจตฺถ วิปากวิฺาณํ กมฺมกิเลเสหิ จิตนฺติ จิตฺตํ, ตํ กิเลสสหาเยน กมฺมุนา ผลภาเวน นิพฺพตฺติตํ เตหิ จิตํ นาม โหติ. โหตุ ตาวิทํ โลกิยวิปากํ สนฺธาย, โลกุตฺตรํ ปน ปตฺวา กถนฺติ? วุจฺจเต – ‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา, ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ…เป… ตสฺมึ สมเย อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา อริยมคฺคเจตนายปิ อวิชฺชูปนิสฺสยภาวสฺส ปกาสิตตฺตา โลกุตฺตรกุสลสฺสาปิ อนุสยา อุปนิสฺสยา โหนฺตีติ ตนฺนิพฺพตฺติตสฺส วิปากสฺส กมฺมกิเลสสฺจิตตาปริยาโย ลพฺภตีติ. จิตํ ตายตีติ วา จิตฺตํ. กมฺมาทิสฺจิโตปิ หิ อตฺตภาโว วิฺาณูปรเม มโตติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘อายุ อุสฺมา จ วิฺาณํ, ยทา กายํ ชหนฺติมํ;

อปฺปวิทฺโธ ตทา เสติ, นิรตฺถํว กลิงฺคร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๓.๙๕);

โส ปนายํ จิตฺต-สทฺโท กิฺจาปิ อเนกตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘จิตฺโต จ คหปตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๒.๑๓๓; ๔.๑๗๖) ปฺตฺติยํ อาคโต. ‘‘สพฺโพ โลโก ปรจิตฺเตน อจิตฺโต’’ติอาทีสุ วิฺาเณ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ, เอวํ จิตฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐) วิจิตฺเต, นานปฺปกาเรติ อตฺโถ. ‘‘จรณํ นาม จิตฺต’’นฺติอาทีสุ จิตฺตกมฺมเก. อิธ ปน จตุพฺพิธธมฺเม นิทฺเทสโต ปกรณวเสน ยถาวุตฺตวจนตฺถยุตฺโต วิฺาณวจโนว ทฏฺพฺโพติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปฺตฺติยมฺปี’’ติอาทิ. ปฺาปียติ เอตายาติ ปฺตฺติ, ตสฺสํ นามปฺตฺติยนฺติ อตฺโถ. จิตฺโตติ หิ เอกสฺส คหปติโน นามํ. ปิ-สทฺโท วกฺขมานสมฺปิณฺฑนตฺโถ. วิฺาเณติ สวิปากาวิปากเภเท จิตฺเต. ตฺหิ วิชานนฏฺเน ‘‘วิฺาณ’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘วิชานาตีติ โข, ภิกฺขเว, วิฺาณํ, ตสฺมา วิฺาณนฺติ วุจฺจตี’’ติ. จิตฺตสมฺมุตีติ จิตฺตโวหาโร. ทฏฺพฺพาติ วิฺาตพฺพา. อิธาติ อิมสฺมึ จตุพฺพิธธมฺมนิทฺเทสฏฺาเน. วิฺุนาติ วิชานตา, อาภิธมฺมิเกนาติ อตฺโถ.

วิภาควนฺตานํ ธมฺมานํ สภาววิภาวนํ วิภาเคน วินา น โหตีติ จิตฺตสฺส วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘สารมฺมณโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อาลมฺพนฺติ ตํ นิสฺสาย ปวตฺตนฺตีติ อารมฺมณํ, ปจฺจโย, โคจโร จ. ตถา หิ ‘‘ลภติ มาโร อารมฺมณํ, ลภติ มาโร โอตาร’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ปจฺจโย ‘‘อารมฺมณ’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘นิมิตฺตํ อสฺสาสปสฺสาสา, อนารมฺมณเมกจิตฺตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๙) โคจโร. อิธ ปน อุภยมฺปิ วฏฺฏติ สพฺพสฺเสว จิตฺตสฺส สปฺปจฺจยสโคจรตฺตา. สห อารมฺมเณน วตฺตติ ตทวินาภาวโตติ สารมฺมณํ. ภาวปฺปธานนิทฺเทสวเสน เจตฺถ สารมฺมณภาโว สารมฺมณ-สทฺเทน วุตฺโต ยถา ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ (ขุ. ปา. ๖.๓). จกฺขุ สุฺํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๕) รตนอตฺตตฺตนิยาทิภาโว รตนาทีหิ สทฺเทหีติ, ตโต สารมฺมณภาวโตติ อตฺโถ. เอวมฺตฺถาปิ ยถานุรูปํ ทฏฺพฺพํ. เอกวิธนฺติ เอกปฺปการํ, เอกโกฏฺาสนฺติ อตฺโถ.

สวิปากาวิปากโตติ วิปากุปฺปาทนสภาวสฺส วิชฺชมานาวิชฺชมานภาวโต. วิปาก-สทฺโท หิ ทฺวีสุ อตฺเถสุ ปวตฺตติ. กตฺถจิ วิปกฺกภาวมาปนฺเนสุ อรูปธมฺเมสุ, กตฺถจิ วิปากุปฺปาทนสภาเว. ตถา เหส ‘‘วิปากา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๓) วิปกฺกภาวมาปนฺเนสุ อรูปธมฺเมสุ ปวตฺตติ. ‘‘วิปากธมฺมธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๓) วิปากุปฺปาทนสภาเว. อิธ ปน วิปากุปฺปาทนสภาโว ทฏฺพฺโพ. อิตรถา หิ อภิฺากุสลาทีนํ สวิปาก-ปเท อสงฺคหิตภาวาปตฺติ สิยา. ตถา หิ ยทิ วิปกฺกภาวมาปนฺนา เอว ธมฺมา อิธ คหิตา สิยุํ, เต ยสฺส สนฺติ, ตํ สวิปากมิตรมวิปากนฺติ อภิฺากุสลสฺส เจว กทาจิ อวิปากสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียาทิกมฺมสฺส ภาวนายปหาตพฺพากุสลสฺส จ วิปากุปฺปตฺติยา อภาวโต อวิปาก-ปทสงฺคโห สิยา, เอวฺจ สติ ‘‘อวิปากํ อพฺยากต’’นฺติ วกฺขมานตฺตา เนสํ อพฺยากตภาโว อาปชฺชติ, น เจตมิฏฺํ กุสลากุสลนิทฺเทเสเยว เตสํ นิทฺเทสโต. วิปากุปฺปาทนสภาเว ปน คหิเต ตํสภาโว นาม อนุปจฺฉินฺนาวิชฺชมานตณฺหานุสยสฺมึ สนฺตาเน สพฺยาปารปฺปวตฺติ เอวาติ ตสฺสา เตสุปิ อตฺถิตาย อสติปิ วิปากุปฺปาทเน สวิปาก-ปทสงฺคโห สิทฺโธติ น โกจิ อิฏฺวิฆาโต อาปชฺชติ. เยน ปน การเณน อภิฺากุสลาทิกมวิปากํ, โย เจตฺถ วตฺตพฺโพ วินิจฺฉโย, ตํ สพฺพํ ตสฺส ตสฺส อาคตฏฺาเนเยว ทสฺสยิสฺสาม.

กตมํ ปเนตฺถ สวิปากํ, กตมมวิปากนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ สวิปาก’’นฺติอาทิ. อพฺยากตนฺติ วิปากกิริยาวเสน ทุวิธมพฺยากตํ. เตสุ วิปากจิตฺตํ ตาว อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ วิย นิรุสฺสาหตฺตา วิปากุปฺปาทเน อสมตฺถํ. กิริยจิตฺเตสุ จ ยเทตํ ขีณาสวสนฺตาเนเยว นิยตมฏฺารสวิธํ วิฺาณํ, ตํ อุปจฺฉินฺนภวมูลาย สนฺตติยํ ปวตฺตตีติ สมุจฺฉินฺนมูลาย ลตาย ปุปฺผํ วิย ผลทายี น โหติ. อาวชฺชนทฺวยํ ปน อนุปจฺฉินฺนภวมูเลปิ สนฺตาเน ปวตฺตมานํ อนาเสวนภาเวน ทุพฺพลตฺตา โมฆปุปฺผมิว พีชภาเว อสมตฺถํ อผลเมว. อิติ สพฺพเมตํ อพฺยากตํ วิปาการหตาภาวโต อวิปากนฺติ วุตฺตํ ‘‘อวิปากํ อพฺยากต’’นฺติ. ชายนฺติ เอตฺถ อสทิสาปิ สทิสาการาติ ชาติ, สมานากาโร, กุสลากุสลาพฺยากตานํ ชาติ กุสลากุสลาพฺยากตชาติ, ตสฺสา เภทโต ติวิธํ กุสลํ อกุสลํ อพฺยากตนฺติ. วจนตฺถปุจฺฉาย ปโยชนํ วุตฺตเมว.

๑๐. ‘‘กุจฺฉิตาน’’นฺติอาทิ วิสฺสชฺชนํ. ตตฺถ กุจฺฉิตานนฺติ นินฺทิตานํ, อสุจิ วิย นาคริเกหิ วิฺูหิ ครหิตพฺพานํ ปาปธมฺมานนฺติ อตฺโถ. สลนโตติ หึสนโต, อปนยนโต วา. กุสลฺหิ ยถานุรูปํ ตทงฺคาทิวเสน อกุสลธมฺเม ปชหนฺตํ เต หึสติ, อปนยตีติ วา วุจฺจติ. อถ วา สลนโต สํวรณโต, ปิทหนโตติ อตฺโถ. กุสลธมฺมวเสน หิ อกุสลปฺปวตฺตินิวารเณน, อปฺปวตฺติธมฺมตาปาทเนน จ มนจฺฉฏฺเสุ ทฺวาเรสุ อปฺปวตฺติยา สํวุตา ปิหิตา โหนฺติ. กุสานนฺติ ราคาทิอสุจิสมฺปโยเคน นานาวิธทุกฺขเหตุตาย จ กุจฺฉิเตนากาเรน อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน สยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ กุสา, ปาปธมฺมา. อถ วา กุจฺฉิตานํ ปาณาติปาตาทีนํ สาวชฺชธมฺมานํ สานโต นิสานโต เตชนโต กุสา, โทสโลภาทโย. โทสาทีนฺหิ วเสน เจตนาย ติกฺขภาวปฺปตฺติยา ปาณาติปาตาทีนํ มหาสาวชฺชตาติ. เตสํ ลวเนน ฉินฺทเนน ยถานุรูปํ ปชหเนนาติ อตฺโถ. กุเสนาติ กุจฺฉิตานํ สานโต ตนุกรณโต, โอสานกรณโต วา ‘‘กุสา’’ติ ลทฺธนาเมน าเณน. ลาตพฺพตฺตาติ อาทาตพฺพตฺตา, สหชาตอุปนิสฺสยภาเวน สนฺตาเน ปวตฺเตตพฺพตฺตา. าณฺหิ ติเหตุกกุสลํ สหชาตภาเวน เจว อุปนิสฺสยภาเวน จ, ทุเหตุกกุสลํ อุปนิสฺสยภาเวเนว สนฺตาเน ปวตฺเตติ. เอวฺจ กตฺวา โกสลฺลสมฺภูตฏฺโ กุสลฏฺโติ สพฺพกุสลานํ สาธารณวเสน อตฺโถ วุจฺจติ. อถ วา กุเสนาติ ชาติสทฺทตาย เอกวจนนิทฺเทโส, กุเสหีติ ปน อตฺโถ. ปุฺกิริยาวเสน หิ ปวตฺตานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ยถาวุตฺตนเยน ‘‘กุสานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เตหิ ลาตพฺพตฺตา วุตฺตนเยน ปวตฺเตตพฺพตฺตา. อปิเจตฺถ –

‘‘กุโส วิย ลุนาตีติ, กุสา วิย ลุนาติ วา;

กุสลํ กุํ สเลตีติ, ลุนาติ กุสมิจฺจปี’’ติ.

ตตฺถ ยถา กุโส คหิโต อุภยภาคคตํ หตฺถปเทสํ ลุนาติ, เอวมิทมฺปิ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนวเสน อุภยภาคคตํ กิเลสปกฺขํ ลุนาติ ฉินฺทติ, เสยฺยถาปิ – ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ, วายมติ, อุปฺปนฺนานํ…เป… ปหานายา’’ติ อาคตํ สมฺมปฺปธานํ. ตสฺมา กุโส วิย ลุนาตีติ กุสลํ. กุสา วิย ลุนาตีติ เอตฺถ ‘‘กุ’’อิติ ภูมิ วุจฺจติ, ธมฺมานํ อธิฏฺานภาเวน ตํสทิสตาย อิธ รูปารูปกฺขนฺโธ วุตฺโต. อตฺตโน นิสฺสยภูตสฺส ตสฺส เอตรหิ, อายติฺจ อนุทหนโต วินาสนโต กุํ สายนฺตีติ กุสา, ราคาทโย, เต วิย อตฺตโน นิสฺสยํ ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํ. ปโยคสมฺปาทิตา หิ กุสลธมฺมา อจฺจนฺตเมว รูปารูปธมฺเม อปฺปวตฺติกรเณน สมุจฺฉินฺทนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปาปนโตติ. วุตฺตนเยน ปน ‘‘กุ’’นฺติ ลทฺธนามสฺส รูปารูปกฺขนฺธสฺส สลนโต อปนยนโต กุํ สเลตีติ กุสลํ. กุสํ ลุนาตีติ ปน กุจฺฉิตา เอตฺถ สยนฺตีติ กุโส, กาโย, ตํ ลุนาติ ยถาวุตฺตวเสเนวาติ กุสลํ.

๑๑. อิทานิ กุสล-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธารทสฺสนตฺถมาห ‘‘เฉเก กุสล-สทฺโทย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ‘‘กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคานํ (ม. นิ. ๒.๘๗), กุสลานจฺจคีตสฺส, สิกฺขิตา จาตุริตฺถิโย’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๙๔) เฉเก ทิฏฺโ, เฉกปริยาโย ปวีณตฺโถติ อตฺโถ. ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙) อาโรคฺเย. ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร กุสโล? โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อนวชฺโช’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๖๑) จ ‘‘อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๔๕) จ เอวมาทีสุ อนวชฺเช. ‘‘กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ วฑฺฒติ (ที. นิ. ๓.๘๐), กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ (ธ. ส. ๔๓๑) จ อาทีสุ อิฏฺวิปาเก. อนวชฺชาทิเกติ อนวชฺชอิฏฺวิปาเก, ‘‘อนวชฺชาทิเก’’ติ จ อตฺตนา วกฺขมานลกฺขณสฺส อนุรูปตฺตา วุตฺตํ, น ปน อาโรคฺยตฺถสฺส อสมฺภวโต. กิเลสโรคสฺส หิ อภาวโต กุสลํ อาโรคฺยํ โหติ.

วชฺชา ราคาทโย, เต ยสฺส น สนฺติ, ตํ อนวชฺชํ, อิฏฺโ วิปาโก จตุกฺขนฺธสงฺขาโต ยสฺส, ตํ อิฏฺวิปากํ, อิฏฺวิปากตา จสฺส ตํสภาววนฺตตาย ทฏฺพฺพา, น ตสฺส อวสฺสํ อิฏฺวิปากสมฺภวโตเยว, ลกฺขียติ อเนนาติ ลกฺขณํ, อนวชฺชฺจ ตํ อิฏฺวิปากฺจาติ อนวชฺชอิฏฺวิปากํ. ตํ ลกฺขณมสฺสาติ อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณํ.

นนุ จ กุสลเมว อนวชฺชอิฏฺวิปากํ, วุตฺตนิยาเมน ปน อนวชฺชอิฏฺวิปากโต อฺํ กุสลํ สิยา. น หิ สยเมว อตฺตโน ลกฺขณนฺติ สกฺกา วตฺตุนฺติ? นายํ โทโส ปริฺาตาปริฺาตวจนตฺถภาวเภเท เอกสฺสาปิ ลกฺขิตพฺพลกฺขณภาวปริกปฺปนโต. ‘‘อนวชฺชอิฏฺวิปาก’’นฺติ หิ ปริฺาตวจนตฺถํ. ‘‘กุสล’’นฺติ อปริฺาตวจนตฺถํ. เอวฺจ เยน สภาเวน ปริฺาตวจนตฺถสฺส สทฺทสฺส อตฺโถ โหติ, เยน จ อปริฺาตวจนตฺถสฺส, เตสํ ปริฺาตาปริฺาตวจนตฺถสภาวานํ เภเทน ตํสมงฺคิสฺส กุสลสฺส เอกสฺสาปิ เภโท ปริกปฺปียติ ยถา ‘‘ปุเร ภวํ ปฏุ อาสิ, ปฏุตโร เอตรหี’’ติ คุณเภเทน, วตฺถุเภเทน จ ปริกปฺปียติ, ตสฺมา ปริฺาตวจนตฺถภาเวน ลกฺขณํ, อปริฺาตวจนตฺถภาเวน ลกฺขิตพฺพนฺติ เอวํ ปริกปฺปิตเภเท ปริคฺคยฺหมาเน น โกจิ โทโส อาปชฺชติ.

อถ วา ลกฺขียตีติ ลกฺขณํ, อนวชฺชอิฏฺวิปากฺจ ตํ ลกฺขณฺจาติ อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณํ, ยํ อนวชฺชอิฏฺวิปากํ หุตฺวา ลกฺขียติ, ตํ กุสลนฺติ อตฺโถ. อถ วา อนวชฺช-สทฺเทน อนวชฺชภาโว วุตฺโต, อิฏฺวิปากสทฺเทน อิฏฺวิปากภาโว, ตสฺมา อนวชฺโช จ อิฏฺวิปาโก จ อนวชฺชอิฏฺวิปากํ, ตํ ลกฺขณเมตสฺสาติ กรณตฺเถ, กมฺมตฺเถ วา ลกฺขณ-สทฺเทน อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณนฺติ อนวชฺชอิฏฺวิปากสภาววนฺตํ, อนวชฺชอิฏฺวิปากภาเวน ลกฺขิตพฺพํ วาติ อตฺโถ. กึ ปเนตฺถ การณํ ปททฺวยปริคฺคเหน, นนุ เอเกเนว ปเทน อธิปฺเปตตฺถสิทฺธิ สิยา. กิฺจาปิ หิ ‘‘อนวชฺชลกฺขณ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อปรํ ปน, ภนฺเต, เอตทานุตฺตริยํ, ยถา ภควา ธมฺมํ เทเสติ กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๔๕) วิย วชฺชรหิตตฺตา อพฺยากตสฺสาปิ ปสงฺโค สิยาติ อิฏฺวิปาก-ปทํ วตฺตพฺพเมว, ‘‘อิฏฺวิปากลกฺขณ’’นฺติ ปน วุตฺเต อิตรํ น วตฺตพฺพํ อพฺยากตสฺส วิปาการหภาเวน อิฏฺวิปากตาปสงฺคภาวโต? สจฺจเมตํ, อนวชฺช-ปเทน กุสลสฺส ปวตฺติสุขตํ, อิฏฺวิปาก-ปเทน จ วิปากสุขตํ ทสฺเสตุํ ปททฺวยํ วุตฺตํ. อนวชฺชปทฺหิ อตฺตโน ปวตฺติสภาววเสน ลกฺขณวจนํ, อิตรํ กาลนฺตเร วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาวเสนาติ. อถ วา กุสลสฺส อตฺถวิสุทฺธึ ทสฺเสตุํ ปุริมปทํ วุตฺตํ, ปริสุทฺธวิปากตํ ทสฺเสตุํ ปจฺฉิมํ. ปุริมํ วา กุสลสฺส อกุสลสภาวโต นิวตฺตนํ, ปจฺฉิมํ อพฺยากตสภาวโตติ อลมติปปฺเจน. เอตฺถ จ ‘‘อนวชฺช…เป… ลกฺขณ’’นฺติ วจเนน กุสลสฺส สามฺลกฺขณํ วุตฺตํ อนวชฺชอิฏฺวิปากสภาวสฺส กุสลชาติยา สาธารณตฺตา. อกุสลาทีนมสาธารณภาเวน สภาวลกฺขณํ วาติ ทฏฺพฺพํ.

อกุสลวิทฺธํสนรสนฺติ ยถานุรูปํ อกุสลปฺปชหนกิจฺจํ. กุสลฺหิ ปริตฺตมหคฺคตโลกุตฺตรเภทภินฺนํ ยถากฺกมํ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานวเสน อกุสลปกฺขํ ปชหติ. อถ ตทงฺคาทิปฺปหานานํ กึ นานากรณนฺติ? วุจฺจเต – ทานาทิปุฺกิริยวตฺถุคเตน เตน เตน กุสลงฺเคน ตสฺส ตสฺส มจฺเฉราทิอกุสลงฺคสฺส ปหานํ ตทงฺคปฺปหานํ, ตํ ทีปาโลเกน อนฺธการวิทฺธํสนํ วิย ทฏฺพฺพํ, กามาวจรกุสลานํ ปริตฺตานุภาวตาย เตหิ อตฺตโน ิติกฺขเณ วิทฺธํสิตานมกุสลานํ ตทปคเม สติ ปุน อาคเมน โวตฺถรณโต. เตสํ เตสํ นีวรณธมฺมานํ วิกฺขมฺภนสงฺขาตํ ปวตฺตินิวารณวเสน ปหานํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, ตํ ฆฏปฺปหาเรน ชลตเล เสวาลวิยูหนํ วิย ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ พลวตา ฆฏปฺปหาเรน ทูรีกตํ เสวาลํ ตสฺมึ อปนีเตปิ ตํปหารเวเคน สหสา น โอตฺถรติ, เอวเมว อุปจารปฺปนาเภเทน ฌาเนน วิกฺขมฺภิตา กามจฺฉนฺทาทโย ตทปฺปวตฺติกาเลปิ ตสฺส พเลน สหสา น โอตฺถรนฺตีติ. อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนสงฺขาตํ สมฺมา อุจฺเฉทวเสน ปหานํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ตํ ปน อสนิสมฺปาเตน รุกฺขาทีนํ สมูลวิทฺธํสนํ วิย ทฏฺพฺพํ. น หิ อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺนกิเลสา อนุสยมตฺตเกนาปิ สนฺตาเน ปวตฺตนฺติ. ยถา ปน เอกวารปฺปวตฺเตนปิ อินฺทคฺคินา สห มูเลหิ วิทฺธํสิตา รุกฺขาทโย น ปุน วิรุหนฺติ, เอวเมวํ เอกจิตฺตกฺขณิเกนปิ เตน อตฺตโน อุปฺปาทมตฺเตเนว อนุสยมตฺตฏฺายิโนปิ กิเลสา สพฺเพน สพฺพํ วิทฺธํสิตาเยว โหนฺติ.

โวทานํ วิสุทฺธิ, สํกิเลสมลวิมุตฺตีติ อตฺโถ, ตถา หุตฺวา ปจฺจุปฏฺานมสฺสาติ โวทานปจฺจุปฏฺานํ, ปริสุทฺธากาเรน โยคิโน าณสฺส อุปฏฺาตีติ วุตฺตํ โหติ.

เอวํ กุสลสฺส วชฺชรหิตอิฏฺวิปากสภาเวหิ ลกฺขณํ, กิจฺจอุปฏฺานาการวเสน จ รสปจฺจุปฏฺานานิ วตฺวา ปุน วชฺชปฏิปกฺขภาววเสน จ ลกฺขณํ, สมฺปตฺติผลวเสน จ รสาทิกํ ทสฺเสตุํ ‘‘วชฺชปฏิปกฺขตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วชฺชานํ ปฏิปกฺขภาโว วชฺชปฏิปกฺขตฺตํ, ตโต. เอเตน ‘‘อนวชฺชลกฺขณ’’นฺติ เอตฺถ อ-กาโร ปฏิปกฺขตฺโถติ ทสฺเสติ, เตน ปนสฺส อพฺยากตโต นิวตฺตนํ กตํ. อิตรถา หิ นาสฺส วชฺชํ, วชฺชโต อฺํ วา อนวชฺชนฺติ อพฺยากตสฺสาปิ ตํลกฺขณตาปสงฺโค สิยา. ‘‘วชฺชปฏิปกฺขตฺตา’’ติ ปน วุตฺเต ยสฺมา กุสลากุสลานเมว ปหายกปฺปหาตพฺพภาเวน อาโลกนฺธการานํ วิย อฺมฺํ อุชุวิปจฺจนีกภาโว, ตสฺมา กุสลเมว วชฺชปฏิปกฺขตฺตา อนวชฺชลกฺขณํ, น อฺนฺติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ. โวทานภาวรสนฺติ โวทานภาวสมฺปตฺติกํ, กิเลสมเลหิ อสํกิลิฏฺภาเวน สมฺปชฺชนกนฺติ อตฺโถ. ปจฺจุปฏฺาปียติ อุปนียติ การเณน, อตฺตโน วา การณํ ปฏิจฺจ, ตปฺปฏิพทฺธภาเวน ปฏิมุขํ วา อุปฏฺาตีติ ปจฺจุปฏฺานํ, อิฏฺโ วิปาโก ปจฺจุปฏฺานมสฺสาติ อิฏฺวิปากปจฺจุปฏฺานํ.

อสติ โยนิโสมนสิกาเร กุสลสฺส อนุปฺปชฺชนโต, สติ จ ตสฺมึ อุปฺปชฺชนโต ตสฺส โส อาสนฺนการณนฺติ อาห ‘‘โยนิโสมนสิการปทฏฺาน’’นฺติ. ตตฺถ โยนิโส ปเถน อุปาเยน มนสิกาโร โยนิโสมนสิกาโร, อตฺถโต ปน สานุสยสนฺตานวโต ฉนฺนํ ทฺวารานมาปาถคเตสฺวารมฺมเณสุ ปติรูปเทสวาสาทิสมฺปตฺติยา กุสลธมฺมานํ ปจฺจยภาเวน ภวงฺคํ อาวฏฺเฏตฺวา อุปฺปนฺนมาวชฺชนํ โยนิโสมนสิกาโร นาม. วุตฺตปฏิปกฺขวเสน อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทฏฺพฺโพ. ยํ ปน นิรนุสยสนฺตานสมงฺคิสฺส กิริยจิตฺตานํ ปจฺจยภาเวน อุปฺปนฺนํ, ตํ เปตฺวา นิรวชฺชธมฺมํ สาวชฺชธมฺมสฺส กสฺสจิ ปจฺจยภาวานุปคมนโต โยนิโสมนสิการปกฺขํ วา ภเชยฺย. ขีณาสวสนฺตานคตตฺตา โยนิโสอโยนิโสภาวมนเปกฺขิตฺวา อาปาถคตารมฺมเณสุ อุปฺปตฺติมตฺตํ วินา น กสฺสจิ กุสลากุสลภาวสฺส ปจฺจโย โหตีติ ตทุภยวเสน นวตฺตพฺพตฺตา อพฺยากตมนสิกาโรติ วา สงฺขํ คจฺเฉยฺยาติ.

สาวชฺชานิฏฺวิปากลกฺขณมกุสลนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘วชฺชา ราคาทโย, เต ยสฺส สนฺติ, ตํ สาวชฺชํ, อนิฏฺโ วิปาโก ยสฺส, ตํ อนิฏฺวิปาก’’นฺติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรน ปฏิปกฺขโยชนา ทฏฺพฺพา. รสาทิโต ปเนตํ อนตฺถชนนรสํ, สํกิเลสปจฺจุปฏฺานํ. อถ วา คารยฺหภาวโต สาวชฺชลกฺขณเมว, สํกิเลสภาวรสํ, อนิฏฺวิปากปจฺจุปฏฺานํ, อโยนิโสมนสิการปทฏฺานํ. วจนตฺถโต ปน น กุสลนฺติ อกุสลํ, กุสลปฏิปกฺขนฺติ อตฺโถ. ปฏิปกฺขตฺเถ หิ อยํ อกาโร, น ปน อฺตฺเถ, นาปิ อภาเว. อิตรถา หิ ติกํ น สิยา, ทุกํ, จตุกฺกํ วา อาปชฺเชยฺย. ตถา หิ ยทิ กุสลโต อฺมกุสลํ สิยา, ตทา อพฺยากตสฺสาปิ ตโต อฺภาเวน อกุสล-สทฺทสงฺคโหติ กุสลากุสลชาติเภทโต ทุวิธนฺติ ทุกํ วตฺตพฺพํ. ยทิ จ กุสลาภาโว อกุสลํ, เตน น กาจิ ชาติ คยฺหตีติ กุสลาพฺยากตชาติเภทโต ทุกเมว วตฺตพฺพํ. อถ สิยา ‘‘อภาโวปิ วิสุํ คเหตพฺโพ’’ติ, เอวํ สติ ตสฺส ชาติยา อภาวโต ชาติ-สทฺเทน สห สมฺพนฺโธ น สิยา. วิชฺชมานสฺส หิ ชาติ นาม โหติ. ยเถว วา กุสลสฺส อภาโว, เอวํ อพฺยากตสฺสาปิ อภาโว อตฺถีติ อนพฺยากตชาติปิ วตฺตพฺพาติ จตุกฺกํ อาปชฺเชยฺย. น เจตมิฏฺํ กุสลาทิวเสน ติวิธชาติยา เอว อิจฺฉิตตฺตา, ปาฬิยฺจ ‘‘กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพฺยากตา ธมฺมา’’ติ ติกวเสเนว วุตฺตตฺตา ‘‘กุสลปฏิปกฺข’’นฺติ ปน วุจฺจมาเน มิตฺตปฏิปกฺโข อมิตฺโต วิย, โลภปฏิปกฺโข อโลโภ วิย จ ยํ ธมฺมชาตํ กุสลสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตํ, ตํ อกุสลนฺติ ตสฺส วเสน ติกํ อุปปนฺนํ โหติ, อุชุวิปจฺจนีกตา จสฺส สาวชฺชานิฏฺวิปากตฺตา, เตน ปหาตพฺพภาวโต จ เวทิตพฺพา, น ปน กุสลวินาสนโต. น หิ อกุสเลน กุสลํ ปหียติ, มหาพลตฺตา ปน กุสลเมว ตํ ปชหติ. กุสลฺหิ มหาพลํ, อกุสลํ ทุพฺพลํ. เตเนวาห ‘‘อพลา นํ พลียนฺติ, มทฺทนฺเตนํ ปริสฺสยา’’ติ (สุ. นิ. ๗๗๖), ตสฺมา กุสลเมว ยถาวุตฺตนเยน อกุสลสฺส ปหายกํ, นากุสลํ อิตรสฺสาติ เวทิตพฺพํ.

ตทุภย…เป… อพฺยากตนฺติ ยํ ธมฺมชาตํ กุสลํ วิย น อนวชฺชอิฏฺวิปากลกฺขณํ, นาปิ อกุสลํ วิย สาวชฺชานิฏฺวิปากลกฺขณํ, อถ โข อวิปากตฺตา ตทุภยวิปรีตลกฺขณํ, ตํ อพฺยากตนฺติ อตฺโถ. นนุ จ ‘‘ตทุภยวิปรีตลกฺขณ’’นฺติ วุตฺเต สุขทุกฺขเวทนานํ วิปรีตา อุเปกฺขาเวทนา วิย อิฏฺานิฏฺวิปากานํ วิปรีโต อฺโ โกจิ วิปาโก ยสฺส อตฺถิ, ตํ อพฺยากตนฺติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ ตถา อสมฺภวโต. ยถา หิ อาโลกนฺธการานํ วิปรีโต อฺโ โกจิ นตฺถิ, เอวมิฏฺานิฏฺวิปากานํ วิปรีโต น โกจิ วิปาโก อตฺถีติ. อถ วา ตํ-สทฺโท อิธ อิฏฺานิฏฺวิปากนิรเปกฺขํ กุสลากุสลมตฺตเมว ปจฺจามสตีติ กุสลากุสลานํ สวิปากตฺตา ตทุภยวิปรีตลกฺขณํ, ตํ อวิปากลกฺขณนฺติ อตฺโถติ อลเมตฺถ อนุโยเคน. กุสลากุสลภาเวน น พฺยากตนฺติ อพฺยากตํ. กุสลากุสลฺหิ วตฺวา อพฺยากตสฺส วุตฺตตฺตา กุสลากุสลภาเวเนว อวุตฺตตฺตาติ วิฺายติ, น ปการนฺตเรน. ตถา อวจนฺจ ตสฺส ตทุภยวิปรีตลกฺขณตฺตาเยว, น ปน อวตฺตพฺพตฺตามตฺเตนาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา วิ-สทฺโท วิโรธิวจโน. อา-สทฺโท อภิมุขภาวปฺปกาสโน, ตสฺมา อตฺตโน ปจฺจเยหิ อฺมฺํ วิโรธาภิมุขตํ กตํ ลกฺขณวิโรธโต ปหายกปฺปหาตพฺพภาวโต วาติ พฺยากตํ, กุสลากุสลํ. ตโต อฺํ อพฺยากตํ. ตฺหิ ลกฺขณโต อฺมฺํ กุสลากุสลํ วิย น ตสฺส วิรุทฺธํ. น หิ อวิปากตํ อนิฏฺวิปากตา วิย, อิฏฺวิปากตาย อิฏฺวิปากตา วิย จ อนิฏฺวิปากตาย อิฏฺานิฏฺวิปากตาหิ วิรุชฺฌติ, น จาปิ อพฺยากตํ กุสลากุสเลสุ กิฺจิ ปชหติ, น จ เกนจิ ปหาตพฺพนฺติ. ‘‘ตทุภยวิปรีตลกฺขณมพฺยากต’’นฺติ วิฺายมาเน อโหสิ กมฺมํ, นาโหสิ กมฺมวิปาโก, นตฺถิ กมฺมวิปาโก, น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโกติ อิมินา ติเกน สงฺคหิตสฺส คติอุปธิกาลปฺปโยควิปตฺตีหิ อวิปากสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียาทิกมฺมสฺส ภาวนายปหาตพฺพสฺส อกุสลสฺส จ อภิฺากุสลสฺส จ วิปากุปฺปาทนาภาวโต ‘‘สิยา นุ โข อพฺยากตภาโว วา’’ติ กทาจิ โกจิ จินฺเตยฺยาติ ตนฺนิวารณตฺถมาห ‘‘อวิปาการหํ วา’’ติ, วิปากํ ทาตุํ นารหติ ตตฺถ สามตฺถิยาภาวโตติ อวิปาการหํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ทิฏฺธมฺมเวทนียาทโย ตาว ปจฺจยเวกลฺลาทีหิ การเณหิ อวิปากา, สเจ ปเนเต ตพฺพิทูรา อสฺสุ, ตทา วิปากทาเน สมตฺถตาย วิปาการหาเยว, ตํ ปน น ตถา, อถ โข เยน เกนจิ อากาเรน วิปากทาเน อสมตฺถตาเยว วิปาการหํ น โหติ, ตํ อพฺยากตํ นามาติ.

อิทานิ เอวํ ติกวเสน นิทฺทิฏฺเสุ กุสลาทีสุ ปมํ ตาว กุสลจิตฺตํ วิภชนฺโต ‘‘ตตฺถ กุสลจิตฺต’’นฺติอาทินา ตสฺส คณนปริจฺเฉทํ ทสฺเสติ. เอกวีสติวิธนฺติ อฏฺ กามาวจรานิ, ปฺจ รูปาวจรานิ, จตฺตาริ อรูปาวจรานิ, จตฺตาริ โลกุตฺตรานีติ เอวํ สงฺเขปโต เอกวีสติวิธํ. ภูมิโต จตุพฺพิธนฺติ กามรูปารูปโลกุตฺตรภูมิสงฺขาตานํ จตุนฺนํ ภูมีนํ วเสน ตตฺถ ปวตฺตมานํ จิตฺตมฺปิ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ ภวนฺติ เอตฺถาติ ภูมิ, านํ, อวตฺถา จ. อวตฺถาปิ หิ อวตฺถวนฺตานํ ปวตฺติฏฺานํ วิย คยฺหติ. เอวฺหิ เนสํ สุขคฺคหณํ โหติ. อวตฺถาติ เจตฺถ ธมฺมานํ กามตณฺหาทีหิ ปริจฺฉินฺนาปริจฺฉินฺนภาโว. ตตฺถ ปุริมา ติสฺโส ภูมิโย อุภยวเสน เวทิตพฺพา, อิตรา อวตฺถาวเสเนว. น หิ โลกุตฺตรธมฺมานํ กามภวาทิโต อฺํ านมุปลพฺภตีติ.

อฺตฺถ ปวตฺตมานสฺสาปิ วกฺขมานนเยน กามภูมิปริยาปนฺนตฺตา ภูมิโต เอกวิธนฺติ. สวตฺถุกาวตฺถุกเภทโตติ จกฺขาทีนิ ปฺจ, หทยฺจาติ ฉ วตฺถูนิ. กุสลสฺส ปน จกฺขาทินิสฺสิตตฺตาภาวโต หทยวตฺถุ อิธ วตฺถูติ อธิปฺเปตํ. เตน สหิตํ เอกนฺเตน ตนฺนิสฺสิตปฺปวตฺติโตติ สวตฺถุกํ, กามรูปธาตุยํ ปวตฺตมานวิฺาณํ. ตตฺถ หิ อรูปสฺส รูปปฏิพนฺธปฺปวตฺติ, อรูปธาตุยํ ปน รูปาภาวโต วตฺถุวิรหิตเมว ปวตฺตตีติ ตตฺถ ปวตฺตมานํ อวตฺถุกํ. หีน…เป… ติวิธนฺติ เอตฺถ ปจฺจยโต, ผลโต จ มชฺฌิมปณีเตหิ นิหีนํ, เตสํ วา คุเณหิ ปริหีนนฺติ หีนํ, อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีตนฺติ ปณีตํ, อุภินฺนํ เวมชฺเฌ ภวํ มชฺฌิมํ. ตตฺถ หีเนน ฉนฺเทน จิตฺเตน วีริเยน วีมํสาย วา ปวตฺติตํ หีนํ, มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ, ปณีเตหิ ปณีตํ. ฉนฺทาทีนํ ปน หีนาทิภาโว อธิมุตฺติวเสน ทฏฺพฺโพ. หีนาธิมุตฺติวเสน หิ เนสํ หีนตา, ปณีตาธิมุตฺติวเสน ปณีตตา, ตทุภยเวมชฺฌวเสน มชฺฌิมตา. ยสกามตาย วา กตํ กุสลํ หีนํ, ปุฺผลกามตาย มชฺฌิมํ, ‘‘ปุฺํ นาเมตํ สาธูหิ กตฺตพฺพเมวา’’ติ เอวํ อริยภาวํ นิสฺสาย กตํ ปณีตํ. ‘‘อหมสฺมิ ทานปติ, อิเม ปนฺเ ทานทาสาทโย’’ติอาทินา อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนาหิ อุปกฺกิลิฏฺํ ปวตฺติตํ วา หีนํ, ตถา อนุปกฺกิลิฏฺํ มชฺฌิมํ, มคฺคผลปทฏฺานํ ปณีตํ. ภวโภคสมฺปตฺตินิมิตฺตํ วา กตํ หีนํ, สาวกปจฺเจกโพธิปารมิตาวเสน อตฺตโน วิโมกฺขตฺถาย กตํ มชฺฌิมํ, สมฺมาสมฺโพธิปารมิตาวเสน สพฺเพสํ วิโมกฺขตฺถาย กตํ ปณีตนฺติ.

โสมนสฺสุ…เป… เภทโตติ เภท-สทฺโท ปจฺเจกํ สมฺพนฺธิตพฺโพ ‘‘โสมนสฺสุเปกฺขาเภทโต าณเภทโต ปโยคเภทโต’’ติ. ตตฺถ ปโยคเภทโตติ สงฺขารเภทโตติ อตฺโถ. นนุ จ โสมนสฺสุเปกฺขาเภโท ตาว ยุตฺโต เตสํ ภินฺนสภาวตฺตา. าณปฺปโยคเภโท ปน กถนฺติ? วุจฺจเต – าณปฺปโยคกโต เภโท าณปฺปโยคเภโท เตสํ ภาวาภาวมุปาทาย ปวตฺตตฺตา. อิทานิ ตเมว โสมนสฺสุเปกฺขาทิเภทํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘เสยฺยถิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โสมนสฺสสหคต’’นฺติอาทินา วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ เสยฺยถิทนฺติ ตํ กตมํ, ตํ กถนฺติ วา อตฺโถ.

โสภนํ มโน, โสภนํ วา มโน เอตสฺสาติ สุมโน, ตสฺส ภาโว โสมนสฺสํ, มานสิกสุขเวทนาเยตํ อธิวจนํ, โสมนสฺเสน อุปฺปาทโต ยาว นิโรธา สหคตํ ปวตฺตํ สํสฏฺํ สมฺปยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อถ วา โสมนสฺเสน สห เอกุปฺปาทาทิภาวํ คตนฺติ โสมนสฺสสหคตํ. ชานาติ ยถาสภาวํ ปฏิวิชฺฌตีติ าณํ, เตน สมํ เอกุปฺปาทาทีหิ ปกาเรหิ ยุตฺตนฺติ าณสมฺปยุตฺตํ. นาสฺส สงฺขาโร อตฺถีติ อสงฺขารํ, อสงฺขารเมว อสงฺขาริกํ. สห สงฺขาเรน ปวตฺตมานํ สสงฺขารํ, ตเทว สสงฺขาริกํ. สงฺขาโรติ เจตฺถ อตฺตโน, ปรสฺส วา ปุพฺพปฺปโยโค ‘‘สงฺขโรติ ติกฺขภาวสงฺขาเตน มณฺฑนวิเสเสน สชฺเชติ, สงฺขรียติ วา สชฺชียติ จิตฺตํ เอเตนา’’ติ กตฺวา. ตตฺถ ทานาทิปุฺกรณกาเล มจฺเฉรมลถินมิทฺธาทีหิ อุปกฺกิเลเสหิ สํสีทมาเน จิตฺเต อุปกฺกิเลสวูปสมวเสน, จิตฺตสฺส จ อุสฺสาหชนนวเสน ตีสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺโต สมฺมาวายาโม อตฺตโน ปโยโค นาม. กุสลกรเณ นิรุสฺสาหสฺส ปน ‘‘อมฺโภ, สปฺปุริส, กุสลกรณํ นาม ปณฺฑิเตหิ อาเสวิตมคฺโค, ตตฺถ ตยาปิ ปฏิปชฺชิตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺข, ตฺหิ เต อตฺถาย หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติอาทินา กุสลกรณตฺถาย อุสฺสาหชนนวเสน ปเรสํ กายวจีทฺวาเรสุ ปวตฺตา อาณตฺติ ปรปฺปโยโค นาม. เตสุ ปน ปุริโม ปุพฺพภาคปฺปวตฺตจิตฺตสนฺตาเน, ปจฺฉิโม ปเรสํ จิตฺตสนฺตาเนเยว สมฺภวตีติ ตนฺนิพฺพตฺติโต จิตฺตสฺส ติกฺขภาวสงฺขาโต วิเสโส อิธ อุปจารโต สงฺขาโรติ เวทิตพฺโพ. เตนาหุ อาจริยา –

‘‘ปุพฺพปฺปโยคสมฺภูโต, วิเสโส จิตฺตสมฺภวี;

สงฺขาโร อิติ สงฺขาร-สภาวฺูหิ กิตฺติโต’’ติ.

อถ วา ‘‘สสงฺขาริกมสงฺขาริก’’นฺติ จ เอตํ เกวลํ สงฺขารสฺส ภาวาภาวมตฺตาเปกฺขาย วุตฺตํ, น ตสฺส สหปฺปวตฺติสพฺภาวาภาวโตติ ภินฺนสนฺตานปฺปวตฺติโนปิ สงฺขารสฺส อิทมตฺถิตาย ตํวเสน นิพฺพตฺตํ จิตฺตํ สงฺขาโร อสฺส อตฺถีติ สสงฺขาริกํ สห-สทฺทสฺส วิชฺชมานตฺถปริทีปนโต ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ วิย. ตพฺพิปรีตํ ปน ตทภาวโต ยถาวุตฺตวเสเนว อสงฺขาริกํ. อถ วา สงฺขรณํ, สงฺขรียติ วา เอเตน อาคนฺตุกสมฺภูเตน จิตฺตสํสีทนสภาวาปนยนวเสเนว สชฺชียติ, สงฺขโรติ วา ตํ ยถาวุตฺตวเสเนวาติ สงฺขาโรติ อุชุกเมว ปุพฺพปฺปโยคชนิโต ติกฺขภาโว วุจฺจติ, ตทภาวโต อสงฺขาริกํ, สภาวติกฺขนฺติ อตฺโถ. ตํสหคตาย สสงฺขาริกํ, อถ วา มจฺเฉรมลาทีหิ สงฺขรียตีติ สงฺขาโร, จิตฺตสฺส สํสีทนสภาโว, โส ยสฺส นตฺถีติ อสงฺขาริกํ, อิตรํ สสงฺขาริกํ. ปณีตอุตุโภชนาทิโก วา พลวปจฺจโย สงฺขาโร ‘‘สงฺขโรติ จิตฺตํ ติกฺขภาเวน, สงฺขรียติ วา ตํ เอเตนา’’ติ กตฺวา. อ-การสฺส วุฑฺฒตฺถวุตฺติตาย วุฑฺฒิปฺปตฺโต สงฺขาโร อสฺสาติ อสงฺขาริกํ, พลวปจฺจยวนฺตนฺติ อตฺโถ. วุฑฺฒิปริทีปเกน ปน อ-กาเรน อวิเสสิตตฺตา สสงฺขาริกํ สปฺปจฺจยํ ทุพฺพลปจฺจยนฺติ อธิปฺปาโย. าเณน วิปฺปยุตฺตํ วิรหิตนฺติ าณวิปฺปยุตฺตํ.

อุเปกฺขตีติ อุเปกฺขา, เวทิยมานาปิ อารมฺมณํ อชฺฌุเปกฺขติ, มชฺฌตฺตาการสณฺิติยาติ อตฺโถ. อถ วา อิฏฺเ, อนิฏฺเ จ อารมฺมเณ ปกฺขปาตาภาเวน อุปปตฺติโต ยุตฺติโต อิกฺขติ อนุภวตีติ อุเปกฺขา. อถ วา อุเปตา สุขทุกฺขานํ อวิรุทฺธา อิกฺขา อนุภวนนฺติ อุเปกฺขา. อวิรุทฺธตฺตาเยว เหสา เตสํ อนนฺตรมฺปิ ปวตฺตติ. สุขทุกฺขเวทนา ปน วิสุํ วิสุํ วิรุทฺธสภาวตฺตา นาฺมฺํ อนนฺตรํ ปวตฺตนฺติ. เตเนว หิ ปฏฺาเน โสมนสฺสสฺส อนนฺตรํ โทมนสฺสสฺส, โทมนสฺสสฺส อนนฺตรํ โสมนสฺสสฺส จ อุปฺปตฺติ ปฏิสิทฺธา. อยฺจ อตฺโถ โลภสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตเวทนายปิ ลพฺภติ, ปุริมา ปน ทฺเว น ตถา. น หิ โลภสหคตาทีนํ มชฺฌตฺตากาเรน อชฺฌุเปกฺขนํ, อุปปตฺติโต อิกฺขนํ วา อตฺถีติ. อุเปกฺขาสหคตนฺติ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

นนุ จ อฺเปิ ผสฺสาทโย สมฺปยุตฺตธมฺมา อตฺถีติ โสมนสฺสาทีนํ วเสเนว ปน อฏฺวิธตา กสฺมา คหิตาติ? เภทกรภาวโต. ผสฺสาทีนฺหิ สพฺพจิตฺตสาธารณตฺตา, สทฺธาทีนฺจ สพฺพกุสลสาธารณตฺตา น เตหิ จิตฺตสฺส วิภาโค, โสมนสฺสาทโย ปน กตฺถจิ จิตฺเต โหนฺติ, กตฺถจิ น โหนฺตีติ ปากโฏว เตหิ จิตฺตสฺส วิภาโคติ. กสฺมา ปเนเต กตฺถจิ จิตฺเต โหนฺติ, กตฺถจิ น โหนฺตีติ? การณสฺส สนฺนิหิตาสนฺนิหิตภาวโต. กึ ปน เนสํ การณนฺติ? วุจฺจเต – ตตฺถ โสมนสฺสสหคตภาโว ตาว อารมฺมณวเสน โหติ. อิฏฺารมฺมณสฺมิฺหิ โสมนสฺสสหคตจิตฺตมุปฺปชฺชติ. นนุ จ อิฏฺารมฺมณํ โลภสฺส วตฺถุ รชฺชนียตฺตาติ กถํ ตตฺถ กุสลํ อุปฺปชฺชตีติ? นยิทเมกนฺติกํ อิฏฺเปิ อารมฺมเณ นิยมิตาทิวเสน กุสลสฺส อุปฺปชฺชนโต. ยสฺส หิ ‘‘กุสลเมว มยา กตฺตพฺพ’’นฺติ กุสลกรเณเยว จิตฺตํ นิยมิตํ โหติ, อกุสลปฺปวตฺติโตว นิวตฺเตตฺวา กุสลกรเณเยว ปริณามิตํ, อภิณฺหกรเณน จ กุสลํ สมุทาจิณฺณํ, ปฏิรูปเทสวาสสทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยปุพฺเพกตปุฺตาสงฺขาตจตุจกฺกูปนิสฺสยวเสน, โยนิโส จ อาโภโค ปวตฺตติ, ตสฺส อิฏฺเปิ อารมฺมเณ อโลภสมฺปยุตฺตเมว จิตฺตมุปฺปชฺชติ, น โลภสมฺปยุตฺตํ. โหติ เจตฺถ –

‘‘นิยามปริณาเมหิ, สมุทาจิณฺณตาย จ;

าณปุพฺพงฺคมาโภคา, อิฏฺเปิ กุสลํ สิยา’’ติ.

อปิจ สทฺธาพหุลตาทีหิ จ การเณหิ จิตฺตสฺส โสมนสฺสสหคตตา เวทิตพฺพา. อสฺสทฺธานํ, หิ มิจฺฉาทิฏฺิกานฺจ เอกนฺตมิฏฺารมฺมณภูตํ ตถาคตรูปมฺปิ ทิสฺวา โสมนสฺสํ น อุปฺปชฺชติ. เย จ กุสลปฺปวตฺติยํ อานิสํสํ น ปสฺสนฺติ, เตสํ ปเรหิ อุสฺสาหิตานํ กุสลํ กโรนฺตานมฺปิ โสมนสฺสํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา สทฺธาพหุลตา วิสุทฺธิทิฏฺิตา อานิสํสทสฺสาวิตาติ อิเมหิปิ การเณหิ จิตฺตสฺส โสมนสฺสสหคตตา โหติ.

อปิจ เย เต เอกาทส ธมฺมา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ. เสยฺยถิทํ – พุทฺธานุสฺสติ ธมฺมานุสฺสติ สํฆานุสฺสติ สีลานุสฺสติ จาคานุสฺสติ เทวตานุสฺสติ อุปสมานุสฺสติ ลูขปุคฺคลปริวชฺชนํ สินิทฺธปุคฺคลเสวนา ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณา ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิปิ การเณหิ จิตฺตสฺส โสมนสฺสสหคตภาโว เวทิตพฺโพ. พุทฺธาทิคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺส หิ ยาว อุปจารุปฺปาทา สกลสรีรํ ผรมานา ปีติ อุปฺปชฺชติ. ตถา ทีฆรตฺตํ อกฺขณฺฑตาทิวเสน อตฺตนา รกฺขิตํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, คิหิโน ทสสีลํ ปฺจสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, ทุพฺภิกฺขภยาทีสุ ปณีตํ โภชนํ สพฺรหฺมจารีนํ ทตฺวา ‘‘เอวํนาม ทานํ อทาสิ’’นฺติ อตฺตโนจาคํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, คิหิโนปิ ตถารูเป กาเล สีลวนฺตานํ ทินฺนทานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, เยหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา เทวา เทวตฺตํ คตา, ตถารูปานํ คุณานํ อตฺตนิ อตฺถิตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, สมถวิปสฺสนาหิ วิกฺขมฺภิตกิเลเส สฏฺิปิ สตฺตติปิ วสฺสานิ อสมุทาจรนฺเต ทิสฺวา ‘‘อโห มยฺหํ กิเลสา น สมุทาจรนฺตี’’ติ จินฺเตนฺตสฺส, เจติยทสฺสนเถรทสฺสเนสุ อสกฺกจฺจกิริยาย สํสุจิตลูขภาเวน พุทฺธาทีสุ ปสาทสิเนหาภาเวน คทฺรภปิฏฺเ รชสทิเส ลูขปุคฺคเล ปริวชฺชนฺตสฺส, พุทฺธาทีสุ ปสาทพหุเล มุทุจิตฺเต สินิทฺธปุคฺคเล ปฏิเสวนฺตสฺส, รตนตฺตยคุณปริทีปเก ปสาทนียสุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, านนิสชฺชาทีสุปิ ปีติอุปฺปาทนตฺถํ ตนฺนินฺนตาทิวเสน ปวตฺเตนฺตสฺส เยภุยฺเยน ปีติ อุปฺปชฺชติ. ปีติยา จ โสมนสฺเสน สห อวินาภาวโต ตทุปฺปตฺติยา ตสฺสาปิ อุปฺปตฺติ นิยตาติ เอวํ ปีติการณานิปิ โสมนสฺสการณานีติ ทฏฺพฺพานิ. กิฺจ – อคมฺภีรปกติตา, โสมนสฺสปฏิสนฺธิกตาติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ โสมนสฺสสหคตตา โหติ. โย หิ อคมฺภีรปกติโก โหติ, อปฺปมตฺตเกปิ หิโตปกรเณ ตุสฺสติ, โย จ โสมนสฺสปฏิสนฺธิโก อปฺปสนฺเนสุ อารมฺมเณสุปิ อปฺปฏิกฺกูลทสฺสาวี, ตสฺส เยภุยฺเยน โสมนสฺสสหคตจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ยถาวุตฺตานํ ปน โสมนสฺสการณานมภาเวน มชฺฌตฺตารมฺมณตาย จ อุเปกฺขาสหคตตา เวทิตพฺพา.

าณสมฺปยุตฺตสฺส ปน กมฺมโต อุปปตฺติโต อินฺทฺริยปริปากโต กิเลสทูรีภาวโตติ อิเมหิ การเณหิ โหติ. โย หิ ปเรสํ หิตชฺฌาสเยน ธมฺมํ เทเสติ หีนุกฺกฏฺาทีนิ จ นฬการมุทฺทาคณนาทีนิ สิปฺปายตนานิ, วฑฺฒกีกสิวาณิชฺชาทีนิ จ กมฺมายตนานิ, วิสหรณาทีนิ จ วิชฺชายตนานีติ เอวํ นิรวชฺชสิปฺปายตนาทีนิ สิกฺขาเปติ, สยํ วา สิกฺขติ, ธมฺมกถิกสฺส สกฺการํ กตฺวา ธมฺมํ กถาเปติ, ‘‘อายตึ ปฺวา ภวิสฺสามี’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา นานปฺปการํ ปุฺกมฺมํ กโรติ, ตสฺเสวํ นานปฺปการํ ปฺาสํวตฺตนิกกมฺมํ สมฺปาเทนฺตสฺส ตํ กมฺมํ อุปนิสฺสาย อุปฺปชฺชมานํ กุสลํ าณสมฺปยุตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตถา อพฺยาปชฺเช โลเก อุปฺปนฺนสฺส อุปฺปชฺชมานํ กุสลํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ตสฺส ตตฺถ สุขิโน ธมฺมปทานิ ปิลวนฺติ, ทนฺโธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท, อถ โส สตฺโต ขิปฺปเมว วิเสสภาคี โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๑).

ตถา ปฺาทสกํ สมฺปตฺตสฺส อินฺทฺริยปริปากํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมานํ กุสลํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. เยน ปน สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ กิเลสา วิกฺขมฺภิตา, ตสฺส กิเลสทูรีภาวํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชมานํ จิตฺตํ าณสมฺปยุตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –

‘‘โยคา เว ชายเต ภูริ, อโยคา ภูริสงฺขโย’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๒).

อปิจ เย เต ธมฺมา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ. เสยฺยถิทํ – ปริปุจฺฉกตา วตฺถุวิสทกิริยา อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณา ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ การเณหิ าณสมฺปยุตฺตภาโว โหติ. ตถา หิ โย ปฺวนฺเต อุปสงฺกมฺม ขนฺธธาตุอายตนอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคสมถวิปสฺสนาทีนํ ปริปุจฺฉาพหุโล โหติ, ตสฺส ตํวเสน อุปฺปนฺนํ สุตมยาณํ อาทึ กตฺวา อุปฺปชฺชมานํ จิตฺตํ าณสหคตํ โหติ. เยน ปน นขเกสจีวรเสนาสนาทีนิ อชฺฌตฺติกพาหิรวตฺถูนิ ปุพฺเพ อวิสทานิ เฉทนมลหรณาทินา วิสทานิ กตานิ, ตสฺเสวํ วิสทวตฺถุกสฺส อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ วิสทํ าณํ โหติ ปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลกาทีนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. ยสฺส จ สทฺธินฺทฺริยาทีสุ อฺตรํ พลวํ โหติ, อิตรานิ มนฺทานิ, ตโต ตานิ สกสกกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา โส ตสฺส โพชฺฌงฺควิภงฺเค อาคตนเยน เตน เตน อากาเรน สมตฺตํ ปฏิปาเทติ, ตสฺเสวํ อินฺทฺริยานํ สมตฺตํ ปฏิปาเทนฺตสฺส วิปสฺสนาาณาทีนํ วเสน จิตฺตํ าณสหคตํ โหติ. โย ปน ทุปฺปฺปุคฺคเล ปริวชฺเชติ, ปฺวนฺตปุคฺคเล วา ปยิรุปาสติ, ขนฺธาทีสุ โอคาฬฺหํ ภควโต คมฺภีราณจริยํ วา ปจฺจเวกฺขติ, านนิสชฺชาทีสุ ตทธิมุตฺตจิตฺโต วา วิหรติ, อิเมสมฺปิ อุปฺปชฺชมานํ กุสลํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. อปิจ พุทฺธาทิคุณานุสฺสรเณนปิ จิตฺตํ าณสหคตํ โหติ. ยถาห –

‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตํ อารพฺภ. อุชุคตจิตฺโต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).

เอวํ พุทฺธานุสฺสติอาทโยปิ ราคาทิมลวิโสธเนน าณุปฺปตฺติเหตุกาเยวาติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ – ติเหตุกปฏิสนฺธิกตา าณุปฺปตฺติการณํ. ปฏิสนฺธิปฺา หิ อาทิโต ปฏฺาย ภวงฺคสนฺตติวเสน พหุลํ ปวตฺตมานา สนฺตานปริภาวเนน าณุปฺปตฺติยา สวิเสสอุปนิสฺสโย โหติ. อสงฺขาริกตฺตํ ปน สปฺปายอุตุโภชนอาวาสาทิปจฺจเยหิ โหตีติ. โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘อิฏฺารมฺมณตา สทฺธาพาหุลฺยํ ทิฏฺิสุทฺธิ จ;

ผลทสฺสาวิตา เจว, ปีติโพชฺฌงฺคเหตุโย.

‘‘เอกาทส ตถา ธมฺมา, อคมฺภีรสภาวตา;

โสมนสฺสยุตฺตา สนฺธิ, อิจฺเจเต สุขเหตุโย.

‘‘อภาโว สุขเหตูนํ, มชฺฌตฺตารมฺมณนฺติ จ;

อุเปกฺขุปฺปตฺติเหตุ จ, เอวํ เยฺยา วิภาวินา.

‘‘กมฺมูปปตฺติโต เจว, ตถา อินฺทฺริยปากโต;

กิเลสูปสมา ธมฺม-วิจยสฺส จ เหตุหิ.

‘‘สตฺตธมฺเมหิ พุทฺธาทิ-คุณานุสฺสรเณน จ;

สปฺปฺสนฺธิโต เจว, จิตฺตํ าณยุตํ สิยา.

‘‘อุตุโภชนอาวาส-สปฺปายาทีหิ เหตุหิ;

อสงฺขาริกภาโวปิ, วิฺาตพฺโพ วิภาวินา’’ติ.

เอวํ เวทนาาณปฺปโยคเภทโต อฏฺวิธํ กามาวจรจิตฺตํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตํ นิคเมนฺโต อาห ‘‘อิทํ…เป… นามา’’ติ.

๑๒. เยน ปนตฺเถน อิทํ ‘‘กามาวจร’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ทานิ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทฺทานโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อุทฺทานโตติ อุทฺเทสโต, สงฺเขปโตติ อตฺโถ. กิฺจาปิ อวสิฏฺกิเลสาทโย วิย กิเลสกาโมปิ อสฺสาเทตพฺพตาย วตฺถุกาเม สงฺคหิโต าณํ วิย เยฺเยติ สงฺเขปโต เอโกเยว กาโม สิยา, ตถาปิ กิเลสกาโม วตฺถุกามภาวํ คจฺฉนฺโต กามนียฏฺเน คจฺฉติ, น กามนวเสน. กามนวเสน จ ปน กิเลสกาโมว โหติ, น ปน วตฺถุกาโมติ อาห ‘‘กฺเลสวตฺถุวสา’’ติอาทิ. โก ปเนตฺถ วตฺถุกาโม, โก กิเลสกาโมติ โจทนํ มนสิ นิธาย ‘‘ฉนฺโท กาโม, ราโค กาโม, ฉนฺทราโค กาโม, สงฺกปฺโป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโม’’ติ (มหานิ. ๑) เอวํ นิทฺเทสปาฬิยํ อาคตา นิทฺทิฏฺา กามตณฺหาว อิธ กิเลสกาโม. วตฺถุกาโมติ จ ‘‘มนาปิกา รูปา…เป… มนาปิกา โผฏฺพฺพา…เป… สพฺเพปิ กามาวจรา ธมฺมา…เป… สพฺเพปิ รูปาวจรา…เป… สพฺเพปิ อรูปาวจรา…เป… กามา’’ติ (มหานิ. ๑) ตตฺเถว นิทฺทิฏฺา สวิฺาณาวิฺาณปฺปเภทา เตภูมกธมฺมาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กิเลโส…เป… วฏฺฏก’’นฺติ. ‘‘ฉนฺทราโควา’’ติ อวธารเณน กิเลสภาเวน นิรุฬฺเหสุ โลภโทสโมหาทีสุ ทสสุ โทสโมหาทโย นว กิเลเส ปฏิกฺขิปติ. กามรูปารูปตณฺหาย วตฺถุ ปติฏฺานํ, การณภูตนฺติ วา วตฺถุ.

๑๓. กถํ ปน กิเลสกาโม นาม, กถฺจ วตฺถุกาโมติ อาห ‘‘กิเลสกาโม’’ติอาทิ. กาเมตีติ วตฺถุกามํ ปตฺเถติ. กามียตีติ กิเลสกาเมน ปตฺถียติ. อิติ-สทฺโท ‘‘ตสฺมา’’ติ อิมสฺส อตฺเถ. -สทฺโท เอว-การตฺเถ, เตน ยสฺมา กิเลสกาโม กาเมตีติ กาโม, วตฺถุกาโม จ กามียตีติ, ตสฺมา เอว กิเลสกาโม, วตฺถุกาโม จาติ ทุวิโธปิ เอส กาโม การกทฺวเย กตฺตริ, กมฺมนิ จ สิชฺฌติ, กตฺตุภาวํ, กมฺมภาวฺจ ปจฺจนุโภตีติ อตฺโถ. อถ วา ทุวิโธติ ทฺวินฺนํ กามานํ วาจกโต ทุวิโธ. ‘‘กาโม’’ติ อยํ สทฺโท การกทฺวเย สิชฺฌติ ยถาวุตฺตการกยุคเฬ นิปฺผชฺชติ, กตฺตริ, กมฺมนิ จ ‘‘กาโม’’ติ ปทสมฺภโว โหตีติ อตฺโถ. โว-กาโร ปน นิปาตมตฺตํ ‘‘เอวํ โว กาลามา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) วิย. อถ วา โวการกทฺวเยติ ขนฺธทฺวเยติ อตฺโถ. กิเลสกาโม หิ สงฺขารสภาวตฺตา สงฺขารกฺขนฺเธ, วตฺถุกาโม จ วกฺขมานนเยน ปฺจกามคุณภูโต รูปสภาวตฺตา รูปกฺขนฺเธติ เอวํ ทุวิโธเปส กาโม ขนฺธทฺวเย สิชฺฌติ นิปฺผชฺชติ, อนฺโตภาวํ คจฺฉตีติ.

๑๔. สมฺปชฺชนานิ สมฺปตฺติโย, ตาสํ วเสน วิสยวิสยีภาเวน อฺมฺํ สโมสรณวเสน, สมฺปาปุณนวเสนาติ อตฺโถ. อิมินา ปน อิทํ ทีเปติ – ยตฺถ ทุวิโธปิ กาโม วิสยวิสยีภาเวน สหิโต ปวตฺตติ, โสเยว เอกาทสวิโธ ปเทโส กามาวจรสฺิโต. ยตฺถ ปน รูปารูปธาตุยํ เกวลํ วตฺถุกาโมว ปวตฺตติ, น โส ปเทโส กามาวจโร นามาติ. นนุ จ ทุวิโธปิ สหิโต รูปารูปธาตูสุ ปวตฺตติ, รูปารูปาวจรธมฺมานํ วตฺถุกามตฺตา, ตทารมฺมณภูตานฺจ รูปารูปตณฺหานํ ตํโยเคน กิเลสกามภาวสิทฺธิโตติ? นยิทเมวํ โอรมฺภาคิยภูตสฺส พหลกิเลสสฺเสว กามราคสฺส อิธ กิเลสกามภาเวน อธิปฺเปตตฺตา. ‘‘อุทฺทานโต ทุเว กามา’’ติ สพฺเพ กาเม อุทฺทิสิตฺวาปิ หิ ‘‘ปเทโส จตุปายาน’’นฺติอาทินา วิสยนิยมเนน ‘‘ทุวิโธปิ อย’’นฺติ เอตฺถ กาเมกเทสภูโต นีวรณาวตฺถาย กถิโต กามราโค กิเลสกามภาเวน, ตพฺพตฺถุกาเยว ธมฺมา วตฺถุกามภาเวน คหิตา, น รูปารูปตณฺหา, ตพฺพตฺถุกธมฺมา จาติ าปียติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ วกฺขมานา สสตฺถาวจรูปมา อุปปนฺนา โหติ, ยถาวุตฺตานเมว กามานํ อิธ อธิปฺเปตตฺตา รูปารูปธาตูสุ วิมานกปฺปรุกฺขวตฺถาลงฺการปริตฺตกุสลาทิเภเทสุ กามาวจรธมฺเมสุ ปวตฺโต ฉนฺทราโค กิเลสกาโม นาม น โหติ, น จ ตพฺพตฺถุภูตํ วิมานกปฺปรุกฺขาทิปริตฺตธมฺมชาตํ วตฺถุกาโม นามาติ สิทฺธํ. เตเนวาห ‘‘กาโม วา กามสฺา วา พฺรหฺมโลเก น วิชฺชตี’’ติ. กามาวจรสตฺตสนฺตานคตตณฺหาย วิสยภาเว สติ ปน ตํโยเคน รูปารูปธาตูสุปิ ปวตฺตมาโน ปริตฺตธมฺโม วตฺถุกาโมเยวาติ เวทิตพฺพํ. อถ วา นิทฺเทเส อาคตนเยน นิรวเสโส กิเลสกาโม กามตณฺหาภวตณฺหาวิภวตณฺหานิโรธตณฺหาปเภโท อิธ ปวตฺตติ. วตฺถุกาเมสุปิ อปฺปกํ รูปารูปวิปากมตฺตํ เปตฺวา สพฺโพเยว อิธ ปวตฺตตีติ อนวเสสปฺปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘กาโมยํ ทุวิโธปิ จา’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ เอวํ วุตฺตํ, เตสุ ปน พหลกิเลสกามภูโต พหลกามราโค จ ตพฺพตฺถุกา ปฺจ กามคุณา จ อิธ คหิตาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สมฺปตฺตีนํ วเสนา’’ติ วุตฺตํ. สมฺปชฺชนวเสน, สมิชฺฌนวเสนาติ อตฺโถ. อวจรตีติ ปวตฺตติ. อิติ-สทฺโท เหตุมฺหิ, ยสฺมา ทุวิโธปิ อยํ กาโม อวจรติ, ตสฺมา กาโม เอตฺถ อวจรตีติ กามาวจรสฺิโตติ อตฺโถ.

๑๕. สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปุฺสมฺมตา อยา เยภุยฺเยน อเปตาติ อปายา. นิรยาทิวเสน จตฺตาโร อปายา จตุปายา. ฉนฺนนฺติ จาตุมหาราชิกตาวตึสยามาตุสิตานิมฺมานรติปรนิมฺมิตวสวตฺติสงฺขาตานํ ฉนฺนํ เทวโลกานํ. เมรุปาทวาสิโน ปน อสุรา ตาวตึเสสุเยว สงฺคยฺหนฺตีติ น เตหิ สทฺธึ สตฺตนฺนนฺติ วุตฺตํ. มนโส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา, สติสูรภาวพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุณวเสน อุปจิตมานสตาย อุกฺกฏฺคุณจิตฺตตายาติ อตฺโถ, เต ปน นิปฺปริยายโต ชมฺพุทีปวาสิโน เวทิตพฺพา. ยถาห –

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ ชมฺพุทีปกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส. กตเมหิ ตีหิ? สูรา สติมนฺโต อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑).

เตหิ ปน สมานรูปาทิตาย สทฺธึ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ ‘‘มนุสฺสา’’อิจฺเจว ปฺายึสุ. โลกิยา ปน มนุโน อปจฺจภาเวเนว ‘‘มนุสฺสา’’ติ วทนฺติ. เอกาทสวิโธติ จตุราปาเยสุ ติรจฺฉานเปตฺติวิสยานํ วิสุํ ปริจฺฉินฺนสฺส โอกาสสฺส อภาเวปิ ยตฺถ เต อรฺสมุทฺทปพฺพตปาทาทิเก นิพทฺธวาสํ วสนฺติ, ตาทิสสฺส านสฺส คหิตตฺตา เอกาทสวิโธ.

๑๖. นนุ เจตฺถ อฺเสมฺปิ ธมฺมานํ ปวตฺติสมฺภวโต กามสฺเสว อวจรณวเสน กถํ นามลาโภติ อาห ‘‘อสฺสาภิลกฺขิตตฺตา’’ติอาทิ. ตตฺถ อสฺสาติ อิมสฺส ทุวิธสฺส กามสฺส. อภิลกฺขิตตฺตาติ เอกาทสวิเธ ปเทเส ปากฏตฺตา. อถ วา อสฺสาติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, ตสฺมา อเนน ทุวิเธน กาเมน เอกาทสวิธสฺส ปเทสสฺส อภิลกฺขิตตฺตา, ปฺาปิตตฺตาติ อตฺโถ. อถ วา อุปโยคตฺเถ สามิวจนวเสน อสฺส เอกาทสวิธสฺส ปเทสสฺส เตน ทุวิเธน อภิลกฺขิตตฺตาติ อตฺโถ. สห สตฺเถหีติ สสตฺถา, ยตฺถ เต อวจรนฺติ, โส สสตฺถาวจโร, ปเทโส. โส วิย. ยถา หิ ยสฺมึ ปเทเส สสตฺถา ปุริสา อวจรนฺติ, โส วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ ทฺวิปทจตุปฺปทาทีสุ อวจรนฺเตสุ เตสํ ตตฺถ ปากฏตฺตา, เตหิ วา อภิลกฺขิตตฺตา ‘‘สสตฺถาวจโร’’ตฺเวว ปฺายติ, เอวํ วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ รูปาวจราทีสุ อวจรนฺเตสุ อภิลกฺขณวเสน อยํ ปเทโส ‘‘กามาวจโร’’ตฺเวว สฺิโตติ. เอส นโย รูปารูปาวจเรสุ.

๑๗-๘. นนุ จ จิตฺตํ กามาวจรนฺติ วุตฺตํ, ยถาวุตฺตนเยน ปน ปเทสสฺส คหิตตฺตา กถํ ตตฺถ อวจรนฺตํ กามาวจรํ นามาติ อาห ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิ. โส อยํ กามาวจโร ‘‘กาโม’’ติ สฺิโตติ สมฺพนฺโธ. รูปภโว รูปนฺติ ยถา รูปภโว รูปํ. อวุตฺโตปิ หิ ยถาสทฺโท เอวํ-สทฺทสนฺนิฏฺานโต ลพฺภติ. ยถา ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติ เอตฺถ ‘‘รูปภวูปปตฺติยา’’ติ วตฺตพฺเพ รูปภโว ‘‘รูป’’นฺติ สฺิโตติ อยเมตฺถ อตฺโถ. กถํ ปเนส เอวํ สฺิโตติ อาห ‘‘อุตฺตรสฺสา’’ติอาทิ. อถ วา ยถา อุตฺตรสฺส ปทสฺส โลปํ กตฺวา อุทีริโต เอส รูปภโว ‘‘รูป’’นฺติ สฺิโต, เอวํ สฺวายํ กามาวจโร กาโมติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมึ กาเมติ ตสฺมึ อุตฺตรปทโลปวเสน กามสฺิเต ปเทเส. อิทนฺติ อิทํ อฏฺวิธํ จิตฺตํ. อธิการวเสน ปน ตสฺส คหเณปิ สพฺเพสเมว ปริตฺตจิตฺตานมยมตฺโถ ลพฺภติ สพฺเพสมฺปิ กาเม อวจรณโต. สทาติ สพฺพกาลํ, พาหุลฺเยนาติ อธิปฺปาโย. อิมินา ปน อิทํ ทีเปติ – ยถา สงฺคาเม เยภุยฺเยน อวจรนฺโต ‘‘สงฺคามาวจโร’’ติ ลทฺธนาโม หตฺถี อฺตฺถ อวจรนฺโตปิ พาหุลฺลปฺปวตฺติวเสน ‘‘สงฺคามาวจโร’’ตฺเวว ปฺายติ, เอวมิทํ อฺตฺถ อวจรนฺตมฺปิ กามโลเก พาหุลฺลวุตฺติโต ‘‘กามาวจร’’มิจฺเจว วุตฺตนฺติ. เตน ปน นนุ เจตํ รูปารูปภเวสุปิ อวจรณโต รูปาวจราทินามมฺปิ ลเภยฺยาติ อิทํ โจทนํ ปริหรติ. โหติ เจตฺถ –

‘‘กาเมวจรตีตฺเยตํ, กามาวจรสฺิตํ;

เสเส อวจรนฺตมฺปิ, สงฺคามาวจโร ยถา’’ติ.

อิติ-สทฺโท เหตุมฺหิ. -สทฺโท วตฺตพฺพนฺตรสมุจฺจเย. เตน ยสฺมา อุตฺตรปทโลเปน กามาวจโร ‘‘กาโม’’ติ สฺิโต, ยสฺมา จ ตสฺมึ กาเม อิทํ จิตฺตํ สทา อวจรติ, ตสฺมา ‘‘กามาวจร’’มิจฺเจว กถิตํ, น ปน กามาวจราวจรํ, นาปิ รูปารูปาวจรนฺติ วาติ อธิปฺปาโย. กามฆาตินาติ เทสนาาเณน วิเนยฺยสนฺตานคตสฺส กิเลสกามสฺส หนนสีเลน สมฺมาสมฺพุทฺเธน.

๑๙. ปฏิสนฺธึ …เป… อวจารยตีติ วาติ อถ วา ยสฺมา ยตฺถ กตฺถจิ อุปฺปนฺนมฺปิ กาเม ภเวเยว ปฏิสนฺธึ อวจารยติ, ตสฺมา อิทํ กาเม อวจารยตีติ ‘‘กามาวจร’’นฺติ กถิตํ จา-สทฺทสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ อุตฺตรปทโลปวเสน ปทสมฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วินาปิ อุตฺตรปทโลปํ กามาวจร-สทฺทสฺส สมฺภวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริยาปนฺนนฺติ ตตฺร วา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺราติ ตสฺมึ กามภเว. ปริยาปนฺนนฺติ อนฺโตคธํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย –

‘‘กตเม ธมฺมา กามาวจรา? เหฏฺโต อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กตฺวา อุปริโต ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทเว อนฺโตกริตฺวา ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา รูปํ เวทนา สฺา สงฺขารา วิฺาณํ. อิเม ธมฺมา กามาวจรา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๘๗) –

วุตฺตตฺตา ยถา มนุสฺสิตฺถิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺโตปิ ติรจฺฉานคติโก ติรจฺฉานโยนิยเมว ปริยาปนฺนตฺตา ‘‘ติรจฺฉาโน’’ตฺเวว วุจฺจติ, เอวมิทํ รูปารูปภเวสุ อุปฺปนฺนมฺปิ กามภวปริยาปนฺนตฺตา ‘‘กามาวจร’’มิจฺเจว กถิตนฺติ. ตปฺปริยาปนฺนตา จสฺส อวีจิปรนิมฺมิตปริจฺฉินฺโนกาสนินฺนาย กามตณฺหาย วิสยภาวโตติ เวทิตพฺพา. ตถา หิ วุตฺตํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน นิกฺเขปกณฺเฑปิ ‘‘‘เอตฺถาวจรา’ติ วจนํ อวีจิปรนิมฺมิตปริจฺฉินฺโนกาสาย กามตณฺหาย วิสยภาวํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. ปทสมฺภโว ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺโพ – กามตณฺหา กาโม, โส เอตฺถ อารมฺมณกรณวเสน อวจรตีติ กามาวจรนฺติ. นนุ เจตฺถ กตมา กามตณฺหา, ยา กามาวจรธมฺมารมฺมณา ตณฺหา. กตเม กามาวจรธมฺมา, เย กามตณฺหาวิสยาติ เอวํ อิตรีตรนิสฺสยตาโทโส อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, อวีจิอาทิเอกาทโสกาสนินฺนตาย ยํกิฺจิ ตณฺหํ กามตณฺหาภาเวน คเหตฺวา ตํสภาวาย ตณฺหาย วิสยภาเวน กามาวจรธมฺมานํ อุปลกฺเขตพฺพภาวโต. อถ วา กิเลสวตฺถุวเสน ทุวิโธปิ กาโม ยถารหํ สหชาตวเสน เอตฺถ อวจรตีติ กามาวจรํ, อารมฺมณกรณวเสน วา ทุวิเธปิ กาเม เอตํ อวจรตีติ กามาวจรํ. อถ วา มฺจนิสฺสิตเกสุ อุกฺกุฏฺึ กโรนฺเตสุ นิสฺสยนิสฺสิตานํ อเภทสฺส พุทฺธิยา คหิตตฺตา นิสฺสิตเกสุ นิสฺสยูปจารวเสน ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ วุจฺจติ, เอวเมตมฺปิ กามาวจรภเว ปวตฺตนวเสน ตนฺนิสฺสิตตฺตา นิสฺสยโวหาเรน ‘‘กามาวจร’’นฺติ วุจฺจติ. โหติ เจตฺถ –

‘‘กาโมวจรตีตฺเยตฺถ, กาเมวจรตีติ วา;

านูปจารโต วาปิ, ตํ กามาวจรํ ภเว’’ติ.

๒๐. ปุชฺชผลนิพฺพตฺตนโต, อตฺตสนฺตานํ ปุนนโต จ ปุฺานิ, กตฺตพฺพตาย กิริยา, เตสํ เตสํ อานิสํสานํ วตฺถุตาย วตฺถูนิ จาติ ปุฺกิริยวตฺถูนิ. คณนโต ทสปริมาณตฺตา ทส จ ตานิ ปุฺกิริยวตฺถูนิ จาติ ทส ปุฺกิริยวตฺถูนิ, เตสํ วเสนาติ ทสปุฺกฺริยวตฺถุวเสน, ทสปุฺกิริยวตฺถุภาเวน ตํมยํ หุตฺวาติ อตฺโถ. เอว-กาเรน ปน รูปารูปโลกุตฺตรํ วิย น เกวลํ ภาวนาวเสเนวาติ ทสฺเสติ. อถ วา ทสปุฺกิริยวตฺถุวเสเนว ปวตฺตติ, น ปน ปเรหิ ปริกปฺปิตปรปสํสาทิปุฺกิริยวตฺถุวเสนาติ เอว-สทฺเทน อวธารณํ. ยโต วกฺขติ ‘‘สพฺพานุสฺสติปุฺฺจา’’ติอาทิ.

๒๑. กานิ ปน ตานิ ทสปุฺกิริยวตฺถูนิ, เยสํ วเสน อิทํ อฏฺวิธํ จิตฺตํ ปวตฺตตีติ วุตฺตนฺติ อิมํ อนุโยคํ สนฺธาย ตานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทานํ สีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทิยฺยติ เอเตนาติ ทานํ, ปริจฺจาคเจตนา. อิธ ปน จิตฺตาธิการวเสน ตํสมฺปยุตฺตํ คเหตพฺพํ. ตถา ‘‘สีลา’’ทีสุปิ. สีลตีติ สีลํ, กายวจีกมฺมานิ สมาทหตีติ อตฺโถ. สุสิลฺยวเสน หิ กายกมฺมาทีนิ อวิปฺปกิณฺณานิ สมฺปติ, อายติฺจ หิตสุขาวหานิ สมฺมา ปิตานิ สมาหิตานิ โหนฺติ, สีลยติ อุปธาเรตีติ วา สีลํ. อุปธารณํ ปเนตฺถ กุสลานํ อธิฏฺานภาโว. ภาเวติ กุสลธมฺเม อาเสวติ วฑฺเฒติ เอตายาติ ภาวนา. อตฺตโน สนฺตาเน นิปฺผนฺนา ปตฺติ ทิยฺยติ เอเตนาติ ปตฺติทานํ. ตํตํกิจฺจกรเณ พฺยาวฏสฺส ภาโว เวยฺยาวจฺจํ. เทเสติ เอตายาติ เทสนา. ปตฺตึ อนุโมทติ เอเตนาติ ปตฺตานุโมโท. ปุพฺพปทโลเปน ปน ‘‘อนุโมโท’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺิยา อุชุภาโว ทิฏฺิชุตฺตํ, สมฺมาทิฏฺิยา อุชุกรณนฺติ อตฺโถ. อตฺตโน, ปรสฺส วา หิตชฺฌาสยวเสน สมฺมา สุณนฺติ เอตายาติ สํสุติ. ปูชาวเสน อปจายติ สามีจึ กโรติ เอเตนาติ อปจาโย. ปุฺกิริยวตฺถูนํ ปเภโท ปุฺกิริยวตฺถุปฺปเภโท. มชฺฌปทโลปวเสน ปน ‘‘ปุฺวตฺถุปฺปเภโท’’ติ วุตฺตํ ยถา อาชฺยุตฺโต รโถ ‘‘อาชฺรโถ’’ติ. อยํ ตาเวตฺถ ปทวิจาโร.

อยํ ปน วินิจฺฉโย – ตตฺถ เสขปุถุชฺชนานํ ปรํ อุทฺทิสฺส ปูชานุคฺคหกามตาย อตฺตโน วิชฺชมานวตฺถุปริจฺจชนวเสน ปวตฺตา เจตนา ทานมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. ขีณาสวานมฺปิ ตถา ปวตฺตา ทานเมว, สา ปน ปุฺกิริยา นาม น โหตีติ น อิธ อธิปฺเปตา. ปุชฺชผลนิพฺพตฺตนโต, หิ อตฺตสนฺตานํ ปุนนโต จ ปุฺํ, น จ ขีณาสวสนฺตาเน ปวตฺตา ผลนิพฺพตฺติกา โหติ, น จ ตํ ปุนาติ วิสุทฺธสนฺตานปฺปวตฺตตฺตาติ. เอวํ เสเสสุปิ.

ยา ปน นิจฺจสีลอุโปสถสีลาทิวเสน ปฺจสีลํ อฏฺสีลํ ทสสีลํ สมาทิยนฺตสฺส, อสมาทิยนฺตสฺสปิ กุลจาริตฺตวเสน สมฺปตฺตกายทุจฺจริตาทีหิ วิรมนฺตสฺส, อุปสมฺปทมาฬเก สํวรํ สมาทิยนฺตสฺส, ปาติโมกฺขํ ปริปูเรนฺตสฺส, อาปาถคตวิสเยสุ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ถเกนฺตสฺส, จีวราทิเก จ ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส, กุหนาทิวตฺถุโต อาชีวํ ปริโสเธนฺตสฺส ปวตฺตา เจตนา, อยํ สีลมยปุฺกิริยวตฺถุนาม. เอตฺถาห – ‘‘ทานํ นาเมตํ มยฺหํ กุลวํโส กุลจาริตฺต’’นฺติ เอวํ จาริตฺตสีเล ตฺวา เทนฺตสฺส ปวตฺตา ทานมยปุฺกิริยวตฺถุ กึ, อุทาหุ สีลมยนฺติ? สีลมยเมว จาริตฺตสีลภาวโต. เทยฺยธมฺมปริจฺจาควเสน ปวตฺตาปิ เหสา ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส อปรภาเค เจตนาย จ ตถา ปวตฺตตฺตา สีลมยเมว ปุฺกิริยวตฺถุ, น ทานมยํ. ปูชานุคฺคหกามตาย หิ ทินฺนํ ทานมยนฺติ.

‘‘จกฺขุ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ปน จกฺขาทิเก ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สมฺมสนฺตสฺส ปวตฺตา โคตฺรภุโวทานปริโยสานา วิปสฺสนาเจตนา, กสิณาทีสุ อารมฺมเณสุ อปฺปนํ อปฺปตฺตา โคตฺรภุปริโยสานา ปริกมฺมเจตนา จาติ อยํ ภาวนามยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. อปฺปนาปฺปตฺตาปิ ภาวนาเยว, สา ปน น กามาวจราติ อิธ น คหิตา. นิรวชฺชวิชฺชายตนกมฺมายตนสิปฺปายตนานํ สิกฺขนเจตนาปิ ภาวนามเยเยว สโมธานํ คจฺฉตีติ อาจริยา. ยา เจตฺถ เทยฺยธมฺมํ ขยโต วยโต สมฺมสิตฺวา ททโต ปวตฺตา, สาปิ ปุพฺเพ วิย อุภยภาเค เจตนานํ ตถา ปวตฺตตฺตา ภาวนามยปุฺกิริยวตฺถุเยวาติ เวทิตพฺพํ.

ทานาทิกํ ยํ กิฺจิ สุจริตกมฺมํ กตฺวา ‘‘อสุกสฺส จ นาม ปตฺติ โหตุ, สพฺพสตฺตานํ วา โหตู’’ติ เอวํ อตฺตนา กตสฺส ปเรหิ สาธารณภาวํ ปจฺจาสีสนวเสน ปวตฺตา ปตฺติทานมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. กึ ปเนวํ ปตฺตึ ททโต ปุฺกฺขโย โหตีติ? น โหติ, ยถา ปน เอกํ ทีปํ ชาเลตฺวา ตโต ทีปสหสฺสํ ชาเลนฺตสฺส ปมทีโป ขีโณติ น วตฺตพฺโพ, ปุริมาโลเกน ปน สทฺธึ ปจฺฉิมาโลกสฺส เอกีภาเว อติมหาว โหติ, เอวเมว ปตฺตึ ททโต ปริหานิ นาม น โหติ, วุฑฺฒิเยว ปน โหตีติ ทฏฺพฺพา. กถํ ปเนสา ทินฺนา นาม โหตีติ? ‘‘อิทํ เม ปุฺกมฺมํ สพฺพสตฺตานํ, อสุกสฺส วา ปริณมตู’’ติ เอวํ ปุพฺพภาเค, ปจฺฉาปิ วา วจีเภทํ กโรนฺเตน มนสา เอว วา จินฺเตนฺเตน ทินฺนา นาม โหติ. เกจิ ปน ‘‘ยํ มยา กตํ สุจริตํ, ตสฺส ผลํ ‘ทมฺมี’ติ วุตฺเตปิ ปตฺติ ทินฺนาว โหตี’’ติ วทนฺติ. กุสลกมฺมาธิการตฺตา ปน ปเรหิ จ กมฺมสฺเสว อนุโมทิตพฺพตฺตา กมฺมเมว ทาตพฺพํ, อนุโมเทนฺเตนปิ กมฺมเมว อนุโมทิตพฺพนฺติ อิทเมตฺถ อาจริยานํ สนฺนิฏฺานํ.

จีวราทีสุ ปจฺจาสารหิตสฺส อสํกิลิฏฺเน อชฺฌาสเยน สมณพฺราหฺมณานํ วตฺตปฏิวตฺตกรณวเสน, คิลานุปฏฺานวเสน จ ปวตฺตา เวยฺยาวจฺจมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม.

อามิสกิฺจกฺขาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส อตฺตโน ปคุณํ ธมฺมํ วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา เทเสนฺตสฺส, ตเถว นิรวชฺชวิชฺชายตนาทิกํ อุปทิสนฺตสฺส จ ปวตฺตา เทสนามยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. ปเรหิ กตํ ยํ กิฺจิ สุจริตกมฺมํ ทินฺนมทินฺนมฺปิ วา อิสฺสามจฺเฉรมลํ ปหาย ‘‘สาธุ สุฏฺู’’ติ อนุโมทนฺตสฺส ปวตฺตา อนุโมทนปุฺกิริยวตฺถุ นาม, ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา กมฺมสฺสกตาาณวเสน ทิฏฺึ อุชุํ กโรนฺตสฺส ปวตฺตา ทิฏฺิชุกมฺมปุฺกิริยวตฺถุ นาม. ยทิ เอวํ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺตสฺส ทิฏฺิชุกมฺมปุฺกิริยตา น ลพฺภตีติ? โน น ลพฺภติ ปุริมปจฺฉิมเจตนานมฺปิ ตํตํปุฺกิริยาสฺเวว สงฺคณฺหนโต. ตถา หิ วกฺขติ –

‘‘ปุริมา มุฺจนา เจว, ปรา ติสฺโสปิ เจตนา;

โหติ ทานมยํ ปุฺํ, เอวํ เสเสสุ ทีปเย’’ติ.

ตสฺมา กิฺจาปิ อุชุกรณเวลายํ าณสมฺปยุตฺตเมว จิตฺตํ โหติ, ปุริมปจฺฉาภาเค ปน าณวิปฺปยุตฺตมฺปิ โหตีติ ตสฺสาปิ ทิฏฺิชุกมฺมปุฺกิริยภาโว อุปฺปชฺชติ.

อปเร ปนาหุ – วิฺาณปฺาณวเสน ทสฺสนํ ทิฏฺิ, จิตฺตํ ปฺา จ. ทิฏฺิยา อุชุภาโว ทิฏฺิชุตฺตํ. กึ ตํ? กุสลฺจ วิฺาณํ กมฺมสฺสกตาาณาทิ จ สมฺมาทสฺสนํ. ตตฺถ กุสลวิฺาเณน าณุปฺปาเทปิ อตฺตโน สุจริตานุสฺสรณปรคุณปสํสาสรณคมนานํ สงฺคโห, กมฺมสฺสกตาาเณน กมฺมปถสมฺมาทิฏฺิยาติ. ทานาทิสมฺปยุตฺตํ ปน าณํ ทานาทีสฺเวว อนฺโตคธนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘เอวมิมํ ธมฺมํ สุตฺวา ตตฺถ วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชนฺโต โลกิยโลกุตฺตรคุณวิเสสํ อธิคมิสฺสามิ, พหุสฺสุโต วา หุตฺวา ปเร ธมฺมเทสนาย อนุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ เอวํ อตฺตโน, ปเรสํ วา วิมุตฺตายตนสีเสน สทฺธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปวตฺตา สวนมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม. นิรวชฺชวิชฺชายตนาทิสวนเจตนาปิ เอตฺเถว สงฺคยฺหติ. ปูชารเห, ครุฏฺานิเย, มหลฺลเก จ ทิสฺวา อาสนา วุฏฺหนฺตสฺส ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณมคฺคทานอภิวาทนอฺชลิกมฺมกรณอาสนปุปฺผคนฺธาทิอภิหารํ กโรนฺตสฺส จ ปวตฺตา พหุมานเจตนา อปจิติสหคตปุฺกิริยวตฺถุ นาม. เวยฺยาวจฺจาปจายนานฺหิ อยํ วิเสโส – วยสา, คุเณน จ เชฏฺานํ, คิลานานฺจ ตํตํกิจฺจกรณํ เวยฺยาวจฺจํ, สามีจิกิริยา อปจายนนฺติ.

๒๒-๓. เอวํ อฏฺกถาย อาคตนเยน ทสปุฺกิริยวตฺถูนิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สุตฺเต อาคตนเยน ทานํ สีลํ ภาวนาติ ตีณิเยว ทสฺเสตุํ เตสุ อิตเรสมฺปิ สงฺคหํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘คจฺฉนฺติ สงฺคห’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ปตฺติทานานุโมทนา ทาเน สงฺคหํ คจฺฉนฺติ ตํสภาวตฺตา. ทานมฺปิ หิ อิสฺสามจฺเฉรานํ ปฏิปกฺขํ, เอเตปิ, ตสฺมา สมานปฏิปกฺขตาย ทาเนน สห เอกลกฺขณตฺตา เอเต ทานมยปุฺกิริยวตฺถุมฺหิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. เวยฺยาวจฺจาปจายนา สีลมเย ปุฺเ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ จาริตฺตสีลสภาวตฺตา. เทสนาสวนทิฏฺิอุชุกา ปน กุสลธมฺมาเสวนโต ภาวนโต ภาวนามเย สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. เกจิ ปน ‘‘เทเสนฺโต, สุณนฺโต จ เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌ เทเสติ, สุณาติ จ, ตานิ จ เทสนาสวนานิ ปฏิเวธเมว อาหรนฺตีติ เทสนาสวนํ ภาวนามเย สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ วทนฺติ. ธมฺมทานภาวโต ‘‘เทสนา ทานมเย สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติปิ สกฺกา วตฺตุํ. ตถา ทิฏฺิชุกมฺมํ สพฺพตฺถาปิ สพฺเพสํ นิยมนลกฺขณตฺตาติ. ทานาทีสุ หิ ยํ กิฺจิ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยาว วิโสธิตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ทีฆนิกายฏฺกถายํ ‘‘ทิฏฺิชุกมฺมํ ปน สพฺเพสํ นิยมนลกฺขณ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) วุตฺตํ. มหาสํฆิยา ปน อภยคิริวาสิโน จ ทิฏฺิชุกมฺมํ วิสุํ ปุฺกิริยภาเวน น คณฺหนฺติ. ตถา หิ เต ทานํ สีลํ ภาวนา สํสุติ เทสนานุสฺสติโมทนํ เวยฺยาวจฺจปูชาสรณปฺปตฺติปสํสา จาติ อตฺตนา กตปุฺานุสฺสรณํ พุทฺธาทีสุ สรณคมนํ ปรคุณปสํสาติ อิมานิ ตีณิ ปกฺขิปิตฺวา ทิฏฺิชุกมฺมํ อคฺคเหตฺวา ทฺวาทส ปุฺกิริยวตฺถูนิ ปฺาเปนฺติ. ปุน ตีเณวาติ ปมํ ทสาปิ สมานา ปุน สงฺเขปโต ตีเณว สมฺโภนฺติ.

๒๔. อิทานิ ปเรหิ นิทฺทิสิยมานานํ ปุฺานุสฺสรณาทีนํ อตฺตนา นิทฺทิฏฺเสฺเวว สโมธานํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพานุสฺสติปุฺฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพสฺเสว อตฺตนา กตสุจริตสฺส อนุสฺสรณํ สพฺพานุสฺสติปุฺํ นาม. ปสํสาติ ปเรหิ กตาย ปุฺกิริยาย, สมฺมาปฏิปตฺติยา จ วิปฺปสนฺนจิตฺเตน ปสํสนํ, สนฺตุสฺสนนฺติ อตฺโถ. สรณตฺตยนฺติ เอตฺถ สรนฺติ หึสนฺตีติ สรณานิ, พุทฺธาทีนิ ตีณิ รตนานิ. ตานิ หิ สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุคฺคติปริกฺกิเลสํ หึสนฺติ วินาเสนฺติ. ตโย อวยวา อสฺสาติ ตยํ, ตีหิ อวยเวหิ ยุตฺตสมุทายสฺเสตํ อธิวจนํ, สรณานํ ตยํ สรณตฺตยํ, ตีณิ สรณานีติ วุตฺตํ โหติ. น หิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถีติ. อิธ ปน สรณตฺตยคฺคหเณน อุปจารโต, อุตฺตรปทโลปโต วา สรณคมนํ อธิปฺเปตํ. น หิ สรณตฺตยํ ปุฺกิริยวตฺถุ นาม โหติ. อตฺถโต ปเนตํ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สํโฆ’’ติอาทินา พุทฺธาทีสุ ปสาทปฏิลาภวเสน ปวตฺตา เจตนา ทิฏฺิชุกมฺมสฺมึ สงฺคหํ ยนฺติ ตํวเสเนว เตสํ อิชฺฌโต. น หิ วิปรีตทิฏฺิกสฺส อิมานิ ตีณิ สมฺภวนฺติ, ตสฺมา เต เอกนฺเตน ทิฏฺิชุกมฺมปุฺกิริยวตฺถุสฺมึ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, น วิสุํ ปุฺกิริยภาเวน คเหตพฺพาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘นตฺถิ สํสโย’’ติ. ทิฏฺิชุกมฺมสฺส ภาวนามยสงฺคเหปิ สงฺเขปนเยน ภาวนามเย สงฺคยฺหนฺติ, วิตฺถารนเยน ปน ‘‘กตฺถ นุ โข’’ติ สํสโย สิยาติ อิเมสํ ภาวนามยสงฺคโห น วุตฺโต. ทิฏฺิชุกมฺมสฺส วา สพฺเพสํ มหปฺผลภาวนิยามกตฺเตน มูลภูตตฺตา ตสฺส ปธานภาวํ ทสฺเสตุํ วิสุํ ตตฺถ สงฺคยฺหนฺตีติ วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘สงฺคณฺหนฺโต สงฺคณฺหาติ, คณฺหนฺโต ‘มุฺจตี’ติ วจนโต สรณคมนสฺส สีลสมาทาเน วิย คหณํ สมฺภวตีติ สีลมเย สงฺคยฺหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘สรณคมนํ ปณิปาตภาวโต อปจิติสหคเต สงฺคยฺหตี’’ติ เกจิ.

๒๕. อิทานิ ยถาวุตฺตปุฺกิริยวตฺถูนํ ปุริมปจฺฉิมภาควเสน ปวตฺตมานาปิ เจตนา ตตฺถ ตตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุริมา มุฺจนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปุริมาติ ทานตฺถาย เทยฺยธมฺมํ ธมฺเมน สเมน อุปฺปาเทนฺตสฺส, อุปฺปนฺนํ ‘‘ปริจฺจชิสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺตสฺส, ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสนฺตสฺส จ ยาว วตฺถุโน ปฏิคฺคาหกสฺส หตฺเถ วิสฺสชฺชนํ, ปริณามนํ วา, ตาว ปวตฺตา ปุพฺพภาคเจตนา. ปฏิคฺคาหกสฺส ปน หตฺเถ วิสฺสชฺชนเจตนา, ปริณามนเจตนา วา มุฺจนเจตนา นาม. สาเยว นิคฺคหีตโลเปน ‘‘มุจนา’’ติ วุตฺตา. ‘‘มุฺจนา’’อิติเยว วา ปาโ. ปราติ อตฺตนา วิสฺสฏฺวตฺถุมฺหิ อาลยํ อกตฺวา ‘‘สาธุ สุฏฺุ อคฺคํ ทานํ เม ทินฺน’’นฺติ โสมนสฺสจิตฺเตน ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา อปรภาคเจตนา. ติสฺโสปิ เจตนาติ อิติ อยฺจ ปุริมา เจตนา, อยฺจ มุฺจนเจตนา, อยฺจ อปรเจตนาติ ติสฺโสปิ เจตนา เอกโต หุตฺวา ทานมยํ ปุฺํ โหติ, ทานมยปุฺกิริยวตฺถุ นาม โหตีติ อตฺโถ. ‘‘ปุฺ’’นฺติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘โหตี’’ติ เอกวจนนิทฺเทโส. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ เสเสสุปิ อติทิสนฺโต อาห ‘‘เอวํ เสเสสุ ทีปเย’’ติ. เสเสสูติ สีลาทีสุ ปุฺกิริยวตฺถูสุ เอวํ ยถาวุตฺตนเยน ‘‘สีลํ ‘รกฺขิสฺสามี’ติ จินฺเตนฺตสฺส, ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส ปวตฺตา ปุริมเจตนา, สีลํ สมาทิยนฺตสฺส, ปพฺพชนฺตสฺส, สีลํ ปริปูเรนฺตสฺส อุปฺปนฺนา มชฺฌิมเจตนา, ‘ปูริตํ เม’ติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา อปรเจตนาติ เอวํ ติสฺโสปิ เจตนา เอกโต หุตฺวา สีลมยปุฺกิริยวตฺถุ นามา’’ติอาทินา ทีปเย, ปกาเสยฺยาติ อตฺโถ. นนุ จ อตฺตนา กตปุฺานุสฺสรณเจตนา ทิฏฺิชุกมฺมสงฺคหิตา, อยฺจ อปรเจตนา สาเยวาติ กถมสฺสา ตตฺถ สงฺคโหติ? นายํ โทโส, วิสยเภเทน อุภินฺนมฺปิ วิเสสสพฺภาวโต. ปุฺานุสฺสรณฺหิ อตฺตนา กตปุฺวิสยเมว. อยํ ปน ตพฺพตฺถุวิสยาติ ปากโฏเยว ทฺวินฺนํ วิเสโสติ.

เอตฺตาวตา จ ยํ วุตฺตํ ‘‘ทสปุฺกิริยวตฺถุวเสเนว ปวตฺตตี’’ติ, ตตฺถ ทสปุฺกิริยวตฺถูนิ สรูปโต, สงฺคหโต จ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตถาปวตฺตมานสฺส จสฺส ปาเฏกฺกํ ปวตฺตาการวิสยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อยนฺติ วกฺขมานนิทสฺสนํ. ทาตพฺโพ ธมฺโม เทยฺยธมฺโม, อนฺนาทิทสวิธํ วตฺถุ. วุตฺตฺหิ –

‘‘อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ, มาลาคนฺธวิเลปนํ;

เสยฺยาวสถปทีเปยฺยํ, ทานวตฺถู ทสาวิเม’’ติ.

ปฏิคฺคาหโก อาทิ เยสํ เทสกาลมิตฺตาทีนํ เต ปฏิคฺคาหกาทโย, เทยฺยธมฺมสฺส, ปฏิคฺคาหกาทีนฺจ สมฺปตฺติ สมฺปนฺนตา เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺติ. ตตฺถ เทยฺยธมฺมสฺส ปณีตมนาปภาโว ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺนภาโว เทยฺยธมฺมสมฺปตฺติ. ปฏิคฺคาหกานํ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาโว ปฏิคฺคาหกสมฺปตฺติ. ทุลฺลภอนฺนปานาทิโก เทโส เทสสมฺปตฺติ. ตาทิโสว กาโล กาลสมฺปตฺติ. ทุลฺลภอนฺนปานาทิเก หิ เทเส, กาเล วา ทินฺนํ อชฺฌาสยสฺส พลวตาย มหปฺผลํ, โสมนสฺสเหตุกฺจ โหติ, ตสฺมา เต ทานสฺส สมฺปตฺติวเสน วุตฺตา. มิตฺตสมฺปตฺติ ปน กลฺยาณมิตฺตภาโว. กลฺยาณมิตฺตฺหิ นิสฺสาย ทานาทีสุ จิตฺตํ โอทคฺยปฺปตฺตํ โหติ. ปริจาริกสมฺปตฺติ ปน อนาณตฺติยาปิ ตํตํกิจฺจสมฺปาทเน อปฺปมตฺตสฺส ปริจาริกชนสฺส ปฏิลาโภ. อฺํ วา โสมนสฺสเหตุนฺติ สทฺธาพหุลตาวิสุทฺธิทิฏฺิตาทิเภทํ อฺํ โสมนสฺสการณํ วา. อาคมฺมาติ อุปาคมฺม, ปฏิจฺจาติ อตฺโถ. หฏฺปหฏฺโติ โสมนสฺสวเสน หฏฺโ เจว ปหฏฺโ จ. อุภเยนปิ อธิกโสมนสฺสํ วุตฺตํ. อตฺถิ…เป… ปวตฺตนฺติ ‘‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, อตฺถิ อยํ โลโก, อตฺถิ ปโร โลโก, อตฺถิ มาตา, อตฺถิ ปิตา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา, อตฺถิ โลเก สมณพฺราหฺมณา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา, เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๔๑) เอวํ ปวตฺตํ ทสวิธํ สมฺมาทิฏฺิวตฺถุวเสน เจว ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยาทีนํ วเสน จ ปวตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน หิ น เกวลํ นวนฺนํเยว สมฺมาทิฏฺิวตฺถูนํ คหณํ, อถ โข ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยานมฺปิ สงฺคโห. สมฺมา าเยน ปวตฺตา ทิฏฺิ, ปสตฺถา วา ทิฏฺีติ สมฺมาทิฏฺิ, ตํ. ปุรกฺขตฺวาติ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา. ตฺจ โข สหชาตปุพฺพงฺคมวเสน ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑-๒) วิย สมฺปโยคสฺส อธิปฺเปตตฺตา.

อนุสฺสาหิโตติ โลภมจฺฉริยาทิวเสน ปุฺกิริยาย สงฺโกจํ อนาปชฺชนโต อตฺตนา, ปเรน วา เกนจิ อนุสฺสาหิโต หุตฺวา. สภาวโต หิ ปุฺปฺปวตฺติทสฺสนมิทํ. ปเรหีติ ปน ปรปากฏุสฺสาหทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ปมนฺติ เทสนากฺกเมน, อิธ นิทฺทิฏฺกฺกเมน วา ปมํ. มหากุสลจิตฺตนฺติ โสมนสฺสสหคตตาทิองฺคปาริปูริยา มหนฺตํ กุสลจิตฺตํ. อถ วา ปจฺฉิมภวิกโพธิสตฺตานํ ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนโต มหนฺตํ ปูชิตํ กุสลจิตฺตนฺติ มหากุสลจิตฺตํ. สพฺเพสมฺปิ หิ สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ ปฏิสนฺธิ เมตฺตาปุพฺพงฺคมสฺส ติเหตุกโสมนสฺสมยสฺส อสงฺขาริกจิตฺตสฺส วิปาโกติ วุตฺตํ. เอตฺถ ‘‘เทยฺยธมฺม…เป… หฏฺปหฏฺโ’’ติ เอตฺตาวตา อิมสฺส โสมนสฺสสหคตภาวมาห, ‘‘สมฺมาทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา’’ติ าณสมฺปยุตฺตภาวํ, ‘‘อนุสฺสาหิโต’’ติ ปน อิมินา อสงฺขาริกภาวนฺติ ทฏฺพฺพํ.

วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺตึ, อฺํ วา โสมนสฺสการณํ อาคมฺมา’’ติ เอวํ วุตฺตนเยน. อุสฺสาหิโตติ เทยฺยธมฺเม สาเปกฺขาทิตาย, สีลสมฺปทาทีสุ อนธิมุตฺตตาทีหิ จ ปุฺกิริยาย สงฺโกจาปชฺชนโต อตฺตนา, ปเรน วา เกนจิ อุสฺสาหิโต. ปเรหีติ ปน วุตฺตนยเมว. กโรติ ทานาทีนิ ปุฺานีติ สมฺพนฺโธ. ตเมวาติ โสมนสฺสสหคตาทินา ตํสทิสตาย วุตฺตํ. โหติ หิ ตํสทิเสปิ ตํโวหาโร ยถา จ ‘‘สาเยว ติตฺติรี, ตานิเยว โอสธานี’’ติ. เอตฺถ ปน ‘‘อุสฺสาหิโต’’ติ อิมินา สสงฺขาริกตํ ทสฺเสติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิมสฺมึ ปนตฺเถติ อิมสฺมึ สสงฺขาริกสทฺทาภิเธยฺเย, อุสฺสาหิตพฺพจิตฺตสงฺขาเต อตฺเถ ตํวิสเยติ อตฺโถ. ปุพฺพปฺปโยคสฺสาติ ปุฺกิริยาย สงฺโกเจ ชายมาเน ตโต วิเวเจตฺวา สมุสฺสาหนวเสน ปวตฺตสฺส จิตฺตปฺปโยคสฺส. ปุพฺพ-คฺคหณํ ปเนตฺถ ตถาปวตฺตปุพฺพาภิสงฺขารวเสน โส ปโยโค โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ, น ตสฺส ปุพฺพกาลิกตายาติ วุตฺโตวายมตฺโถ.

ปฏิปตฺติทสฺสเนนาติ ภิกฺขู ทิสฺวา เทยฺยธมฺมปริจฺจชนวนฺทนาทิปฏิปตฺติทสฺสเนน. พลนฺติ อนนฺตีติ พาลา, อสฺสาสิตปสฺสาสิตมตฺเตเนว ชีวนฺติ, น ปฺาชีวิเตนาติ อธิปฺปาโย. พาลาเยว พาลกา. เต ปน อิธ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา อภาเวน อสฺชาตพุทฺธิโน ทารกา. ปากฏวเสน เจตฺถ พาลก-คฺคหณํ. สหสา กรณาทิกาเล ปน อิตเรสมฺปิ าณวิปฺปยุตฺตํ โหตีติ. โสมนสฺสํ ชาตํ เอเตสนฺติ โสมนสฺสชาตา, ชาตโสมนสฺสาติ อตฺโถ. สหสาติ สีฆํ สีฆํ ทาตุกามตาย อุปฺปตฺติสมกาลเมว.

เอตฺถ จ ‘‘ปฏิปตฺติทสฺสเนนา’’ติ อิมินา ปเรสํ ปโยคาภาวมาห, ‘‘ชาตปริจยา’’ติ อตฺตโน ปโยคาภาวํ. อุภเยนาปิ อิมสฺส อสงฺขาริกภาวํ ทีเปติ. ‘‘พาลกา, สหสา’’ติ จ อิเมหิ าณวิปฺปยุตฺตภาวมาห, ‘‘ภิกฺขู…เป… ชาตา’’ติ โสมนสฺสสหคตภาวํ. อถ วา ‘‘ปฏิปตฺติ…เป… ปริจยา’’ติ อิมินา อสงฺขาริกภาวสฺส ‘‘พาลกา ภิกฺขู…เป… ชาตา’’ติ จ อิเมหิ าณวิปฺปยุตฺตโสมนสฺสสหคตภาวสฺส จ ทีปิตตฺตา ‘‘สหสา’’ติ วจเนน ยถาวุตฺตเมว าณวิปฺปยุตฺตอสงฺขาริกภาวํ ปกาเสติ. เอวํ สติ ปฏิโลมโต โสมนสฺสสหคตาทิภาโว ทสฺสิโต โหติ. อนุโลมโต ปน ‘‘โสมนสฺสชาตา’’ติ อิมินา โสมนสฺสสหคตภาวํ, สหสา-คฺคหเณน าณวิปฺปยุตฺตาสงฺขาริกภาวํ ทีเปติ. ‘‘ปฏิปตฺติ…เป… ทิสฺวา’’ติ เอตฺตาวตา ปน โสมนสฺสสหคตาทิภาวสฺส การณํ วุตฺตนฺติ. เตติ เต าตกา, เต พาลกาติ วา อตฺโถ. ‘‘โสมนสฺสเหตูนํ อภาวํ อาคมฺมา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. มชฺฌตฺตารมฺมณํ ตถารูเป เจโตภิสงฺขาราทโยปิ หิ อุเปกฺขาสหคตตาย การณเมวาติ. จิตฺตสฺส โสมนสฺสาภาเว ปุคฺคลสฺสปิ โสมนสฺสรหิตตา โหตีติ ‘‘จตูสุปิ…เป… โหนฺตี’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺานํ กตฺวา วุตฺตํ, โสมนสฺสรหิตา โหนฺติ ปุฺํ กโรนฺตาติ อธิปฺปาโย. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ นิคมนํ.

อิเมสุ ปน อฏฺสุ วิฺาเณสุ โสมนสฺสสหคตโต อุเปกฺขาสหคตํ พลวตรํ, าณวิปฺปยุตฺตโต าณสมฺปยุตฺตํ, สสงฺขาริกโต อสงฺขาริกํ สทิสํ พลวตรํ. วิสทิสํ ปน เวทนาาณปฺปโยควเสน พลวํ, ทุพฺพลฺจ โหติ. โสมนสฺสสหคตติเหตุกอสงฺขาริกโต หิ อุเปกฺขาสหคตติเหตุกสสงฺขาริกํ พลวตรํ, อุเปกฺขาสหคตทุเหตุกอสงฺขาริกโต โสมนสฺสสหคตติเหตุกอสงฺขาริกํ พลวตรํ. อิติ จตุตฺถจิตฺตโต ตติยจิตฺตํ พลวตรํ, ตโต อฏฺมจิตฺตํ, ตโต สตฺตมจิตฺตํ, ตโต ทุติยจิตฺตํ, ตโต ปมจิตฺตํ, ตโต ฉฏฺจิตฺตํ, ตโต ปฺจมจิตฺตนฺติ เอวมิเมสํ พลวพลวตรภาโว เวทิตพฺโพ.

๒๖. เอวํ ปาฬิยํ อาคตนเยน เวทนาาณปฺปโยคเภทโต อฏฺวิธตํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ อฏฺกถายํ อาคตปุฺกิริยาทีนํ วเสนปิ ปเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทส ปุฺกฺริยาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน ฉนฺนํ อารมฺมณานํ, จตุนฺนํ อธิปตีนํ, ติณฺณํ กมฺมานํ, หีนาทิเภทสฺส จ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เตเนวาหุ –

‘‘กเมน ปุฺวตฺถูหิ, โคจราธิปตีหิ จ;

กมฺมหีนาทิโต จาปิ, คเณยฺย นยโกวิโท’’ติ.

๒๗. อิทานิ ตถาปวตฺตมานสฺส ตสฺส โย โย เตสํ เตสํ วเสน ลพฺภมาโน คณนปริจฺเฉโท, ตํ สมฺปิณฺฑิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตรส สหสฺสานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺเถวํ คณนา เวทิตพฺพา – อิมานิ ตาว อฏฺ วิฺาณานิ ทสนฺนํ ปุฺกิริยวตฺถูนํ วเสน ปวตฺตนโต ปจฺเจกํ ทส ทสาติ กตฺวา อสีติ จิตฺตานิ โหนฺติ, ตานิ จ ฉสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตนโต ฉคฺคุณิตานิ สาสีติกานิ จตฺตาริ สตานิ โหนฺติ, ตานิ จตุนฺนํ อธิปตีนํ สหโยควเสน จตุคฺคุณิตานิ สหสฺสํ, วีสาธิกานิ จ นว สตานิ โหนฺติ, ตานิ จ กายวจีมโนสงฺขาตานํ ติณฺณํ กมฺมานํ วเสน ติคุณิตานิ สสฏฺิสตฺตสตาธิกานิ ปฺจ สหสฺสานิ โหนฺติ, ตานิ จ หีนมชฺฌิมปณีตเภทโต ติคุณิตานิ สาสีติกทฺวิสตาธิกานิ สตฺตรส สหสฺสานิ โหนฺตีติ. นนุ จ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺตานํ วีมํสาธิปติสหโยคาภาวโต อธิปติวเสน สหสฺสํ, สาสีติกานิ จ ฉ สตานิ โหนฺตีติ ตานิ กมฺมาทีนํ วเสน สมฺปิณฺฑิตานิ วีสสตาธิกานิ ปนฺนรส สหสฺสานิ ภวนฺตีติ? สจฺจเมตํ, โสตปติตวเสน ปน ตํ อนาทิยิตฺวา อธิปติคณนา คหิตาติ น ตสฺส วเสน คณนหานิ กตาติ ทฏฺพฺพํ.

นนุ จ ‘‘สวิปากํ กุสล’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปน กถํ, กุหึ, กึ ผลตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตํ ปนา’’ติอาทิ. ยสฺมา ติเหตุกํ กุสลํ ติเหตุกํ วา ทุเหตุกํ วา ปฏิสนฺธึ เทติ, นาเหตุกํ ปฏิสนฺธึ เทติ. ยทา จ ติเหตุกํ ปฏิสนฺธึ ชเนติ, ตทา ปวตฺเต โสฬส วิปากานิ อภินิปฺผาเทติ. ยทา ทฺวิเหตุกํ, ตทา ทฺวาทส. ทุเหตุกํ ปน ทุเหตุกมเหตุกฺจ ปฏิสนฺธึ ชเนติ, น ติเหตุกํ. ยทา จ ทุเหตุกํ ชเนติ, ตทา ปวตฺติยํ ทฺวาทส. ยทา อเหตุกํ, ตทา อฏฺ. เย ปน อาคมนโต วิปากสฺส สงฺขารเภทมิจฺฉนฺติ, เตสํ มเตน ติเหตุกํ ทฺวาทส, ทส วา วิปจฺจติ, ทุเหตุกํ ทส, อฏฺ วา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยถานุรูป’’นฺติ. นานาวิธสมฺปตฺติฏฺานภาวโต โสภนา, คนฺตพฺพโต คติ จาติ สุคติ, กามาวจรภโวว สุคติ กามาวจรสุคติ. ตสฺสํ กามาวจรสุคติยํ. ภวโภคสมฺปตฺตินฺติ เอตฺถ จ ภวตีติ ภโว, อุปปตฺติภวสงฺขาตานํ วิปากกฺขนฺธกฏตฺตารูปานเมตํ คหณํ, ภุฺชิตพฺพโต โภโค, ปวตฺติยํ ปฏิลภิตพฺพสมฺปตฺติ, ภโวติ วา ปฏิสนฺธิ, โภโค เสสวิปากกฏตฺตารูเปหิ สห ปวตฺติยํ ปฏิลภิตพฺพา สมฺปตฺติ, ภโว จ โภโค จ ภวโภโค, เตเยว สมฺปนฺนภาวโต สมฺปตฺติ, เตสํ วา สมฺปตฺติ ภวโภคสมฺปตฺติ, ตํ อภินิปฺผาเทติ, ชนกวเสน จ อุปนิสฺสยวเสน จ สาเธตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ภวโภคสมฺปตฺตีนํ นิรวเสสโต ลพฺภมานฏฺานํ สนฺธาย ‘‘กามาวจรสุคติย’’นฺติ วุตฺตํ. สเหตุกวิปากวชฺชํ ปน ปวตฺติวิปากกฏตฺตารูปสภาวํ ภวสมฺปตฺตึ, เอกจฺจโภคสมฺปตฺติฺจ, โภคสมฺปทเมว วา อวิเสเสน สุคติยํ ทุคฺคติยมฺปิ อภินิปฺผาเทติเยว. นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ หิสฺส เทวสมฺปตฺติสทิสํ มนุฺํ โภคชาตํ, ตพฺพิสยานิ จ วิปากจิตฺตานิ, สุวณฺณตาสุสฺสรตาทิ จ ตํ สพฺพํ กามาวจรกุสลสฺเสว ผลํ. น หิ อกุสลสฺส อิฏฺผลํ อตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ อกุสลสฺส อิฏฺโ กนฺโต วิปาโก สํวิชฺชตี’’ติ.

กามาวจรกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

รูปาวจรกุสลวณฺณนา

อิทานิ ยสฺมา กามาวจรกุสลานนฺตรํ อุทฺทิฏฺสฺส รูปาวจรกุสลสฺส นิทฺเทสาวกาโส อนุปฺปตฺโต, ตสฺมา ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อิตเรสู’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อิตเรสูติ ยถาวุตฺตกามาวจรกุสลโต อิตเรสุ, รูปาวจราทีสูติ อตฺโถ. สวตฺถุกโต เอกวิธํ เอกนฺเตน วตฺถุสนฺนิสฺสิตตฺตา. น หิ อรูปธาตุยํ รูปาวจรธมฺมา ลพฺภนฺติ รูปวิราคภาวนาย นิพฺพตฺตตฺตา ปุน รูปาวจรชฺฌานสมาปตฺติยา อภาวโต.

หีนมชฺฌิมปณีตเภทโตติ เอตฺถ ปุพฺเพ วิย อธิปตีนํ หีนาทิภาเวหิ ฌานสฺส หีนาทิภาโว โยเชตพฺโพ. อถ วา ปฏิลทฺธมตฺตมนาเสวิตํ หีนํ ปริทุพฺพลภาวโต, นาติสุภาวิตํ อปริปุณฺณวสิภาวํ มชฺฌิมํ, อติวิย สุภาวิตํ ปน สพฺพโส ปริปุณฺณวสิภาวํ ปณีตํ. ตถา อุฬารปุฺผลกามตาวเสน ปวตฺติตํ หีนํ, โลกิยาภิฺตฺถาย ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ, วิเวกกามตาย อริยภาเว ิเตน ปวตฺติตํ ปณีตํ. อตฺตหิตาย วา ปวตฺติตํ หีนํ, เกวลํ อโลภชฺฌาสเยน ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ, ปรหิตาย ปวตฺติตํ ปณีตํ. วฏฺฏชฺฌาสเยน วา ปวตฺติตํ หีนํ, วิเวกชฺฌาสเยน ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ, วิวฏฺฏชฺฌาสเยน โลกุตฺตรปาทกตฺถํ ปวตฺติตํ ปณีตํ.

ปฏิปทาทิเภทโตติ ทุกฺขปฏิปทาทนฺธาภิฺาทีนํ ปฏิปทาภิฺานํ เภเทน. ปฏิปทาวจเนเนว วา ตทวินาภาวโต อภิฺาปิ ลพฺภติ. ตถา เหตฺถ ปฏิปทาจตุกฺกนฺติ โวหรนฺตีติ อาทิ-สทฺเทน อธิปติอาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา ปฏิปทาทิเภทโตติ ปฏิปทาเภทโต, อธิปติเภทโต, อารมฺมณเภทโต, หานภาคิยาทิเภทโตติ อตฺโถ. ตตฺถ ปฏิปทาเภทโต ตาว ทุกฺขปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, ทุกฺขปฏิปทํ ขิปฺปาภิฺํ, สุขปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, สุขปฏิปทํ ขิปฺปาภิฺนฺติ เอวํ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ ทุกฺขา ปฏิปทา อสฺสาติ ทุกฺขปฏิปทํ. ทนฺธา อภิฺา อสฺสาติ ทนฺธาภิฺํ. เอส นโย ‘‘ทุกฺขปฏิปทํ ขิปฺปาภิฺ’’นฺติอาทีสุปิ.

ตตฺถ อปฺปหีนนีวรณสฺส, อวิกฺขมฺภิตฌานนิกนฺติกสฺส จ าณกิจฺจสฺส อปริพฺยตฺตตาย ปรินิฏฺิตสกลปุพฺพกิจฺจสฺส ‘‘ปถวี ปถวี’’ติ วา ‘‘อาโป อาโป’’ติ วา เอวํ ปวตฺตปมสมนฺนาหารโต ปฏฺาย ยาว ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส อุปจารุปฺปตฺติยา นีวรณปฺปหานํ, นิกนฺติวิกฺขมฺภนฺจ โหติ, ตาว ปวตฺตา ปุพฺพภาคภาวนา ปฏิปทา นาม ‘‘ปฏิปชฺชติ ฌานํ เอตายา’’ติ กตฺวา. ปหีนนีวรณสฺส, ปน วิกฺขมฺภิตฌานนิกนฺติกสฺส จ าณกิจฺจสฺส ปริพฺยตฺตภาวโต อุปจารชฺฌานํ อาทึ กตฺวา ยาว อปฺปนาย อุปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺตา ปฺา ปุพฺพภาคปฺาย วิสิฏฺภาวโต อภิฺา นาม, ตสฺมา โย อาทิโต กิเลเส ฌานนิกนฺติฺจ วิกฺขมฺเภนฺโต ทุกฺเขน สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมนฺโต วิกฺขมฺเภติ, วิกฺขมฺภิตกิเลสฌานนิกนฺติ จ อปฺปนาปริวาสํ วสนฺโต จิเรน องฺคปาตุภาวํ ปาปุณาติ, ตสฺส ทุกฺขปฏิปทํ, ทนฺธาภิฺฺจ ฌานํ โหติ. โย ปน สสงฺขาเรน กิเลสาทิเก วิกฺขมฺเภตฺวา น จิเรน องฺคปาตุภาวํ ปาปุณาติ, ตสฺส ทุกฺขปฏิปทํ, ขิปฺปาภิฺฺจ. โย กิเลสาทิเก วิกฺขมฺเภนฺโต สุเขน อกิลมนฺโต วิกฺขมฺเภติ, อปฺปนาปริวาสํ ปน จิรายติ, ตสฺส สุขปฏิปทํ, ทนฺธาภิฺํ. โย ปน สุเขเนว กิเลสาทิเก วิกฺขมฺเภตฺวา สีฆเมว อปฺปนํ ปาปุณาติ, ตสฺส สุขปฏิปทํ, ขิปฺปาภิฺนฺติ เวทิตพฺพํ.

โส ปนายํ ปฏิปทาภิฺานํ เภโท กิเลสินฺทฺริยาธิการวเสน เวทิตพฺโพ. ยสฺส หิ ราคาทโย กิเลสา ติพฺพา โหนฺติ, สทฺธาปฺจมกานิ จ อินฺทฺริยานิ มุทูนิ. โย จ สมถวิปสฺสนาสุ อกตาธิกาโร, ตสฺส ปวตฺตฌานํ ทุกฺขปฏิปทํ, ทนฺธาภิฺฺจ โหติ. ตสฺส หิ กิเลสสมุทาจารติพฺพตาย นีวรณวิกฺขมฺภนสฺส กิจฺเฉน กสิเรน สมิชฺฌนโต ปฏิปทา ทุกฺขา อสุขา, ตสฺเสว สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ มุทุตาย อภิฺาปิ ทนฺธา มนฺทา อสีฆปฺปวตฺตินี โหติ. ภวนฺตเร วา สมเถ อกตาธิการตฺตา ปฏิปทา ทุกฺขา, วิปสฺสนาย อกตาธิการตฺตา อภิฺาปิ ทนฺธา. โย ปน วุตฺตวิปรีโต โหติ, ตสฺส กิเลสานํ อติพฺพสมุทาจารตาย, อินฺทฺริยานฺจ ติขีณตาย สมถวิปสฺสนาสุ กตาธิการตาย ยถากฺกมํ สุขปฏิปทา, ขิปฺปาภิฺา จ โหติ. ภวนฺตเร กตปริจยสฺส หิ ยถา ปคุณํ กตฺวา วิสฺสฏฺคนฺโถ อปฺปมตฺตเกน ปโยเคน สุปฺปวตฺติ วาจุคฺคโต จ โหติ, เอวํ ภาวนา อปฺปกสิเรเนว อิชฺฌตีติ. สฺวายํ อกโต, กโต จ อธิกาโร สมถนิสฺสิโต ปฏิปทายํ วุตฺโต สมาธิปฺปธานตฺตา ปฏิปทาย. วิปสฺสนานิสฺสิโต อภิฺาย าณปฺปธานตฺตา อปฺปนายาติ ทฏฺพฺพํ.

โย ปน ติพฺพกิเลโส ติกฺขินฺทฺริโย วิปสฺสนายเมว วา กตาธิกาโร โหติ, ตสฺส วุตฺตนเยน ทุกฺขา ปฏิปทา, ขิปฺปา ปน อภิฺา โหติ, ตพฺพิปรีตสฺส สุขปฏิปทา ทนฺธาภิฺาติ. ตสฺมา กิเลสานํ ติพฺพมนฺทภาวโต, อินฺทฺริยานํ ติขิณมุทุภาวโต, ปุพฺพปริจยสฺส จ สมฺภวาสมฺภววเสนาติ เอวํ กิเลสินฺทฺริยาธิการวเสน อิมาสํ เภโท เวทิตพฺโพ.

อปิจ ยานิ ปรโต สปฺปายาสปฺปายานิ, ปลิโพธุปจฺเฉทาทีนิ ปุพฺพกิจฺจานิ, อปฺปนาโกสลฺลานิ จ อาคมิสฺสนฺติ, เตสุ โย อุปจาราธิคมโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา จ อสปฺปายเสวี โหติ, ตสฺส ทุกฺขา ปฏิปทา, ทนฺธา จ อภิฺา โหติ. อุภยตฺถ สปฺปายเสวิโน สุขา ปฏิปทา, ขิปฺปา จ อภิฺา. โย ปน ตโต ปุพฺพภาเค อสปฺปายํ เสวิตฺวา อปรภาเค สปฺปายเสวี โหติ, ตสฺส ทุกฺขา ปฏิปทา, ขิปฺปา อภิฺา. ตพฺพิปรีตสฺส สุขา ปฏิปทา, ทนฺธา อภิฺา จ เวทิตพฺพา.

ตถา ปลิโพธุปจฺเฉทาทิปุพฺพกิจฺจํ อสมฺปาเทตฺวา ภาวนมนุยุฺชนฺตสฺส สปริปนฺถตาย ทุกฺขา ปฏิปทา, วิปริยาเยน อปริปนฺถตาย สุขา. อปฺปนาโกสลฺลานิ อสมฺปาเทนฺตสฺส าณสฺส อวิสทตาย ทนฺธา อภิฺา โหติ, สมฺปาเทนฺตสฺส วิปริยายโต ขิปฺปา อภิฺาติ. กิฺจ – ตณฺหาวิชฺชาติภวนวเสน เอตาสํ เภโท เวทิตพฺโพ. ตณฺหาภิภูตสฺส หิ ทุกฺขา ปฏิปทา โหติ ตสฺสา สมาธิสฺส อุชุปฏิปกฺขตฺตา สมถปฏิปทาย ปริปนฺถกภาวโต, อนภิภูตสฺส ตทภาวโต สุขา. อวิชฺชาภิภูตสฺส จ ตสฺสา ปฺาย อุชุปฏิปกฺขภาวโต ทนฺธา อภิฺา, อิตรสฺส ขิปฺปา อภิฺาติ. โส ปนายํ ปฏิปทาเภโท เกวลํ สมถภาวนาวเสน ปฏิลทฺธชฺฌานสฺส, มคฺคาธิคมวเสน ปฏิลทฺธชฺฌานสฺส ปน นตฺถิ ทุกฺขปฏิปทาทิเภโท. เกจิ ปน มคฺควเสเนว ตสฺส ปฏิปทาทิเภทํ วณฺเณนฺติ ‘‘มคฺคสฺส หิ ทุกฺขปฏิปทาทิภาเว ตสฺมึ ทุกฺขปฏิปทาทิก’’นฺติ.

อธิปติเภทาทีสุ ปน ฉนฺทาธิปเตยฺยํ จิตฺตาธิปเตยฺยํ วีริยาธิปเตยฺยํ วีมํสาธิปเตยฺยนฺติ เอวํ อธิปติเภทโต, ปริตฺตํ ปริตฺตารมฺมณํ, ปริตฺตํ อปฺปมาณารมฺมณํ, อปฺปมาณํ ปริตฺตารมฺมณํ, อปฺปมาณํ อปฺปมาณารมฺมณนฺติ เอวํ อารมฺมณเภทโต, หานภาคิยํ ิติภาคิยํ วิเสสภาคิยํ นิพฺเพธภาคิยนฺติ เอวํ หานภาคิยาทิเภทโต จ จตุพฺพิธตา เวทิตพฺพา. ตตฺถ ‘‘ฉนฺทวโต เจ ฌานํ นิพฺพตฺติสฺสติ, มยฺหมฺปิ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ เอวํ ฉนฺทํ ธุรํ กตฺวา อุปฺปนฺนํ ฉนฺทาธิปเตยฺยํ. เอส นโย ‘‘จิตฺตาธิปเตยฺยา’’ทีสุปิ. อปฺปคุณํ ปน อุปริฌานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสกฺโกนฺตํ ปริตฺตํ, สุปฺปสราวมตฺเตสุ อวฑฺฒิตารมฺมเณสุ นิพฺพตฺตํ ปริตฺตารมฺมณํ. วุตฺตปฏิปกฺขโต ปน ยถากฺกมํ อปฺปมาณารมฺมณาทีนิ เวทิตพฺพานิ. หานภาคิยาทิวิเสสํ สยเมว วกฺขติ.

ฌานงฺคโยคเภทโตติ กตฺถจิ ปฺจ ฌานงฺคานิ, กตฺถจิ จตฺตาริ, กตฺถจิ ตีณิ, กตฺถจิ ทฺเว, กตฺถจิ อปรานิ ทฺเวติ เอวํ ฌานงฺคานํ สมฺปโยคเภทโต. นนุ เจตฺถ กามาวจรกุสเล วิย สงฺขารเภโท กสฺมา น คหิโต. อิทมฺปิ หิ เกวลํ สมถานุโยควเสน ปฏิลทฺธํ สสงฺขารํ, มคฺคาธิคมวเสน ปฏิลทฺธมสงฺขารํ, ตสฺมา ‘‘ฌานงฺคสงฺขารโยคเภทโต ทสวิธ’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ? นยิทเมวํ, มคฺคาธิคมวเสน สตฺติโต ปฏิลทฺธสฺสาปิ อปรภาเค ปริกมฺมวเสเนว อุปฺปชฺชนโต, ตสฺมา สพฺพสฺสปิ ฌานสฺส ปริกมฺมสงฺขาตปุพฺพาภิสงฺขาเรน วินา เกวลํ อธิการวเสน อนุปฺปชฺชนโต ‘‘อสงฺขาร’’นฺติปิ วตฺตุํ น สกฺกา, อธิกาเรน จ วินา เกวลํ ปริกมฺมาภิสงฺขาเรเนว อนุปฺปชฺชนโต ‘‘สสงฺขาร’’นฺติปิ วตฺตุํ น สกฺกาติ ฌานงฺคโยคเภทโต ปฺจวิธตา จ วุตฺตาติ.

กามจฺฉนฺโท พฺยาปาโท ถินมิทฺธํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ วิจิกิจฺฉาติ อิมานิ ปฺจ นีวรณานิ วิปฺปหีนานิ เอตสฺสาติ กามจฺฉนฺท…เป… วิปฺปหีนํ. ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ เอตฺถ อาหิต-สทฺทสฺส วิย วิปฺปหีน-สทฺทสฺเสตฺถ ปรวจนํ ทฏฺพฺพํ. กามจฺฉนฺทาทีหิ วา วิปฺปหีนํ วิสํยุตฺตํ เตสํ ปหายกภาเวนาติ กามจฺฉนฺท…เป… วิปฺปหีนํ. ตตฺถ กาเมตีติ กาโม, ฉนฺทนฏฺเน ฉนฺโท จาติ กามจฺฉนฺโท, พหลกามราคสฺเสตํ อธิวจนํ. พฺยาปาทาทีนมตฺถํ วกฺขติ. ยสฺมา กามจฺฉนฺทาทีสุ อปฺปหีเนสุ ฌานํ นุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตานิสฺส ปหานงฺคานีติ เวทิตพฺพานิ. นนุ อฺเปิ อกุสลา ธมฺมา อิมินา ฌาเนน ปหียนฺติ, อถ กสฺมา ปฺเจว ปหานงฺควเสน วุตฺตานีติ? วิเสเสน ฌานนฺตรายกรตฺตา. กามจฺฉนฺทวเสน หิ นานาวิสยปโลภิตํ จิตฺตํ น เอกตฺตารมฺมเณ สมาธิยติ. กามจฺฉนฺทาภิภูตํ วา นานาวิสยสมุปพฺยูฬฺหาย กามธาตุยา ปหานปฏิปทํ น ปฏิปชฺชติ, พฺยาปาเทน จ อารมฺมเณ ปฏิหฺมานํ น สมาหิตํ ปวตฺตติ, ถินมิทฺธาภิภูตํ อกมฺมฺํ โหติ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปเรตํ อวูปสนฺตเมว หุตฺวา ปริพฺภมติ, วิจิกิจฺฉาอุปหตํ ฌานาธิคมปฏิปทํ นาโรหติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ นุ โข, น นุ โข, ปถวี ปถวี’’ติอาทินา ปวตฺตมนสิกาเรน ‘‘ฌานํ สิยา นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา วิจิกิจฺฉนฺตสฺส ฌานาธิคมปฏิปทาย อสํสิชฺฌนโต. ยโต วกฺขติ –

‘‘ภาคี อสฺสมหํ อทฺธา, อิมาย ปฏิปตฺติยา;

ปวิเวกสุขสฺสาติ, กตฺวา อุสฺสาหมุตฺตม’’นฺติ.

ตสฺมา สมาธิอาทีนํ อุชุวิปจฺจนีกภาเวน วิเสเสน ฌานาธิคมสฺส อนฺตรายกรณโต เอตาเนว ปหานงฺคานีติ วุตฺตานิ. โหติ เจตฺถ –

‘‘ปจฺจนีกา ยโต ปฺจ, สมาธาทีนเมตฺถ หิ;

ฌานนฺตรายิกา ตสฺมา, ปหานงฺเค นิยามิตา’’ติ.

เอวมิทํ ปหานงฺควเสน ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมฺปโยคงฺควเสน ทสฺเสตุํ ‘‘วิตกฺก…เป… สมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ วิตกฺกาทโย วจนตฺถลกฺขณาทิวเสน อุปริ อาคมิสฺสนฺติ. ยสฺมา ปน อิเมสุ อุปฺปนฺเนสุ ฌานํ อุปฺปนฺนํ นาม โหติ, เตนสฺส อิมานิ สมฺปโยคงฺคานีติ เวทิตพฺพานิ, ตสฺมา น เอเตหิ สมนฺนาคตํ อฺเทว ฌานํ นาม อตฺถีติ คเหตพฺพํ. ยถา ปน เนมิอาทิองฺคสมุทาเย รถาทิโวหาโร โหติ, เอวํ ฌานงฺคสมุทาเย ฌานโวหาโร. วุตฺตมฺปิ เหตํ วิภงฺเค ‘‘ฌานนฺติ วิตกฺโก วิจาโร ปีติ สุขํ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (วิภ. ๕๖๙). กสฺมา ปน อฺเสุปิ ผสฺสาทีสุ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ วิชฺชมาเนสุ อิมานิเยว ปฺจ ฌานงฺควเสน วุตฺตานีติ? วุจฺจเต – อุปนิชฺฌานกิจฺจวนฺตตาย, กามจฺฉนฺทาทีนํ อุชุปฏิปกฺขภาวโต จ. วิตกฺโก หิ อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรเปติ, วิจาโร อนุพนฺธติ. เอวํ ฌานาธิคมสฺส วิเสสปจฺจยภูเตหิ เตหิ อวิกฺเขปาย สมาทหิตปโยคสฺส เจตโส ปโยคสมฺปตฺติสมุฏฺานา ปีติ ปีณนํ, สุขฺจ อุปพฺรูหนํ กโรติ. อถ นํ สสมฺปยุตฺตธมฺมํ เอเตหิ อภินิโรปนานุพนฺธนปีณนอุปพฺรูหเนหิ อนุคฺคหิตา เอกคฺคตา สมาธานกิจฺเจน อตฺตานํ อนุวตฺตาเปนฺตี เอกตฺตารมฺมเณ สมํ, สมฺมา จ อาธิยติ, อินฺทฺริยสมตาวเสน สมํ, ปฏิปกฺขธมฺมานํ ทูรีภาเวน ลีนุทฺธจฺจาภาเวน สมฺมา จ เปตีติ เอวเมเตสเมว อุปนิชฺฌานกิจฺจํ อาเวณิกํ. กามจฺฉนฺทาทิปฏิปกฺขภาเวน ปน สยเมว วกฺขติ. เอวํ อุปนิชฺฌานกิจฺจวนฺตตาย, กามจฺฉนฺทาทีนํ อุชุปฏิปกฺขภาวโต จ อิเมเยว ปฺจ ฌานงฺคภาเวน ววตฺถิตาติ. ยถาหุ –

‘‘อุปนิชฺฌานกิจฺจตฺตา, กามาทิปฏิปกฺขโต;

สนฺเตสุปิ จ อฺเสุ, ปฺเจว ฌานสฺิตา’’ติ.

เทสนากฺกมโต, มหคฺคตธมฺเมสุ ปมํ อธิคนฺตพฺพโต จ ปมํ, ปมํ สมาปชฺชิตพฺพนฺติปิ ปมนฺติ วทนฺติ. ตํ ปน น เอกนฺตลกฺขณํ ฌานปฏิโลมาทิวเสน สมาปชฺชเน อสมฺภวโต.

ปุริมปจฺฉิมจิตฺเตสุ อุปฺปชฺชมานสฺสาปิ อปฺปนากฺขเณ อนุปฺปชฺชนโต วิตกฺโก วิปฺปหีโน เอตสฺส, ตโต วา เอตํ วิปฺปหีนนฺติ วิตกฺกวิปฺปหีนํ. ภาวนาย หิ ปหีนตฺตา วิตกฺโก ฌานกฺขเณ นุปฺปชฺชติ. อสํกิลิฏฺสภาวตฺตา ปน อุปจารภาวนาย จ ตํ ปหาตุํ อสมตฺถภาวโต ปุริมภาเค, ปจฺฉาภาเค จ อปจฺจนีกจิตฺตปฺปวตฺติโต อุปฺปชฺชติเยวาติ.

นนุ จ ‘‘อสํกิลิฏฺสภาวตฺตา’’ติ วุตฺตํ, อถ กถํ ฌาเนน เอส ปหียติ? น หิ กุสเลหิ อสํกิลิฏฺธมฺมสฺส ปหานํ อตฺถิ ราคาทิสํกิลิฏฺานํ ปาปธมฺมานเมตสฺส อุชุปฏิปกฺขภาวโตติ? วุจฺจเต – อสํกิลิฏฺสภาวสฺสาปิ เอตสฺส โอฬาริกตาย ทุพฺพลภาวโต ฌานกฺขเณ อนุปฺปตฺติสภาวาปาทนตฺถํ ตตฺถ นิกนฺติวิกฺขมฺภนวเสน ทุติยชฺฌานภาวนา โหตีติ ตสฺสา พเลน ตํ ฌานกฺขเณ อนุปฺปชฺชนฺตํ นิกนฺติวิกฺขมฺภนวเสน วา วิกฺขมฺภิตํ ปหีนํ นาม โหติ. ยทิ เอวํ อุปจาเรนปิ นิกนฺติ วิกฺขมฺภียตีติ ตตฺถปิสฺส ปหานํ สิยา, ยถา ปมชฺฌานสฺส อุปจาเร นีวรณานีติ? นยิทเมวํ, นีวรณปฺปหานสฺส วิย วิตกฺการมฺมณิกนิกนฺติ วิกฺขมฺภนสฺส อุปจาเรน สาติสยํ อนิปฺผชฺชนโต. สาติสยฺหิ ตตฺถ นิกนฺติปฺปหานํ อปฺปนาย เอว โหติ, ตสฺมา ยทโวจุมฺหา ‘‘อุปจารภาวนาย จ ตํ ปหาตุํ อสมตฺถภาวโต’’ติ, ตํ สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วิจารวิปฺปหีน’’นฺติอาทีสุปิ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ทุติยชฺฌาเนเยว ปหีนสฺส วิตกฺกสฺส อิธ อปฺปวตฺติมตฺตทสฺสนตฺถํ ‘‘วิตกฺกวิจารวิปฺปหีน’’นฺติ วิตกฺก-คฺคหณํ กตํ. เอวํ ‘‘วิตกฺกวิจารปีติวิปฺปหีน’’นฺติอาทีสุปิ.

ยถาสมฺภวนฺติ ปถวีกสิณาทีสุ ยํ ยํ อารมฺมณํ ยสฺส ยสฺส สมฺภวติ, ตทนติกฺกมโต. กสิณานาปาเนสุ หิ ปฺเจว ฌานานิ ปวตฺตนฺติ, อสุภกายคตาสตีสุ ปมชฺฌานํ, อนุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาเรสุ ปฺจมชฺฌานวชฺชานิ, อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาเร ปฺจมชฺฌานนฺติ.

ปถวีกสิณาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-คฺคหเณน เกวลํ อาโปกสิณาทีนเมว, อถ โข อสุภาทีนมฺปิ อปฺปนาวหกมฺมฏฺานานํ สงฺคโหติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ อภิภายตนวิโมกฺขฌานานิ ปวตฺตาการมตฺตโต ภินฺนานิ, อารมฺมณโต ปน กสิณายตนาเนว โหนฺตีติ กสิณายตนฌาเนเหว ตานิ สงฺคหิตานิ. ‘‘ยถาสมฺภวํ…เป… อเนกวิธ’’นฺติ วา วจเนน รูปาวจรชฺฌาเน สพฺโพปิ ลพฺภมานกเภโท สงฺคหิโตติ อภิภายตนวิโมกฺขฌานานิ วิสุํ น วุตฺตานิ, ตานิ ปน สรูปโต เอวํ เวทิตพฺพานิ.

ตตฺถ าณุตฺตรสฺส โยคาวจรสฺส ปถวีกสิณาทิอารมฺมณํ อภิภวิตฺวา ‘‘น เมตฺถ อปฺปนานิพฺพตฺตเน ภาโร’’ติ ปฏิปนฺนสฺส นิมิตฺตุปฺปตฺติโต อุทฺธํ ทุติยตติยวีถิยํ, จตุตฺถปฺจมวีถิยํ วา ปฏิลทฺธํ ฌานํ อภิภายตนํ นาม. ตฺหิ อารมฺมณํ อภิภวตีติ อภิภู, โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฏฺานตาย, มนายตนธมฺมายตนปริยาปนฺนตาย วา อายตนนฺติ อภิภายตนํ, อภิภวิตพฺพํ วา อภิภู, อาลมฺพณํ, ตํ อายตนมสฺสาติ อภิภายตนํ. อถ วา อาลมฺพณาภิภวนโตเยว อภิภู, ปริกมฺมํ, าณํ วา, ตํ อายตนํ การณมสฺสาติ อภิภายตนํ. ปริกมฺมํ, าณํ วา อาลมฺพณํ อภิภวิตฺวา ปวตฺตมานํ อุปจารุปฺปตฺติโต ปฺจมวีถิมนติกฺกมิตฺวา อปฺปนํ นิพฺพตฺเตติ. ปฺจมวีถิโต ปรํ นิพฺพตฺตํ ปน อภิภวิตุกามตาย นิพฺพตฺติตมฺปิ อภิภายตนํ นาม น โหติ. สามฺคติยา ปน กสิณายตนเมว โหติ. อิมเมว หิ สีฆตรปฺปวตฺตึ สนฺธาย อฏฺกถายํ ‘‘ตานิ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ นิพฺพตฺเตตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) วุตฺตํ. นนุ จ อฏฺกถายํ ยถารุตวเสเนว อตฺโถ กสฺมา น คยฺหติ. ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนวา’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) หิ วุตฺตตฺตา นิมิตฺตุปฺปตฺติยา สหุปฺปนฺนํ ฌานมภิภายตนนฺติ วิฺายตีติ? นยิทเมวํ, นิมิตฺตุปฺปาเทน สห อปฺปนาย อสมฺภวโต. นิมิตฺตุปฺปาโทติ หิ อิธ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส อุปฺปตฺติ ตทารมฺมณสฺส วา อุปจารชฺฌานสฺส, กึ ตาว ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติยา สห อปฺปนาย นิพฺพตฺติ อุปจารชฺฌาเน อสติ ตสฺสา อสมฺภวโต, นาปิ อุปจารชฺฌาเนน สห เอกวีถิยํ นิพฺพตฺติ ตสฺสา อุปจารภาวนาปพนฺธเสวิตพฺพภาเวน ตทา อสมฺภวโต, ตสฺมา นาติจิรายนปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ สมีปิมฺหิ สมีปการียูปจาเรน อฏฺกถายํ ตถา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยทิ นิมิตฺตุปฺปตฺติโต นาติจิรปฺปวตฺตมภิภายตนํ, กถํ ตสฺส ทนฺธาภิฺาขิปฺปาภิฺาเภโท ปาฬิยํ วุตฺโตติ? วุจฺจเต – จตุตฺถปฺจมชวนวีถิยํ อุปฺปนฺนํ จิรกาลนิพฺพตฺติตาย ทนฺธาภิฺํ, ทุติยตติยวีถิยํ อุปฺปนฺนํ ตพฺพิปรีตลกฺขณตาย ขิปฺปาภิฺนฺติ. เกจิ ปน ‘‘อภิภายตนํ นาม วสิภาวปฺปตฺตเมว, เนตร’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, วสิภาวปฺปตฺติยา นิมิตฺตุปฺปตฺติโต ทูรตรภาเวน ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ นิพฺพตฺเตตี’’ติ อฏฺกถาวจเนน สห วิรุชฺฌนโต.

อปิจ วสิภาวปฺปตฺตํ ฌานํ อภิภวนการณนิรเปกฺขํ วสิภาวพเลเนว สกฺกจฺจํ สมาปชฺชิตุํ น สกฺกาติ น ตํ อภิภายตนํ นาม โหติ, ตสฺมา อปฺปตฺตวสิภาวา ปมุปฺปนฺนาเยว อภิภายตนนฺติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. ยทิ เอวํ กถํ ‘‘อปฺปมาณํ ปริตฺตารมฺมณํ, อปฺปมาณํ อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติ (ธ. ส. ๒๑๒-๒๑๓) อภิภายตนเทสนายํ วุตฺตํ. วสิภาวปฺปตฺตฺหิ ฌานํ อปฺปมาณนฺติ วุจฺจติ. อิทฺจ อุปฺปนฺนมตฺตตฺตา ปริตฺตเมวาติ? นายํ โทโส. ปมํ อภิภายตนวเสน ปฏิลทฺธชฺฌานํ ปจฺฉา วสิภาวปฺปตฺตมฺปิ อภิภายตนนามเมว ลภตีติ วสิภาวปฺปตฺตมภิภายตนํ อปฺปมาณํ, อิตรํ ปริตฺตํ.

อถ วา วสิภาวปฺปตฺตํ อปฺปมาณนฺติ อุกฺกํสคติปริคฺคหวเสน วุจฺจติ. ตํ ปน ยํ พลวตรํ, ตํ อปฺปมาณนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส อุปลกฺขณํ กตฺวา วทนฺติ. พลวภาวนิพนฺธนํ อปฺปมาณตฺตํ. พลวภาโว จ ปมอปฺปนาวารโต ปจฺฉิมปจฺฉิมอปฺปนาวารานํ พลวตาย อวสิตาปตฺเตปิ ฌาเน สมฺภวตีติ พลวนฺตํ อปฺปมาณํ, อิตรํ ปริตฺตนฺติ เอวํ อวสิตาปตฺเตปิ ฌาเน อปฺปมาณาทิภาโว เวทิตพฺโพ. อถ วา อปฺปนาย พลวภาโว นาม อุปจารสฺส พลวตาย สติ โหติ. อุปจารฺจ ตํ พลวํ, ยํ สหสา อปฺปนํ อุปฺปาเทตุํ สกฺกุเณยฺย, ตสฺมา ขิปฺปาภิฺานํ ทฺวินฺนํ อภิภายตนฌานานํ อุปจารวีถิยา อนนฺตรํ ทุติยวีถิยํ อุปฺปนฺนํ อุปจารชฺฌานสฺส พลวตาย สยมฺปิ พลวตรนฺติ อปฺปมาณํ นาม โหติ. ทุติยวีถิมติกฺกมิตฺวา ตติยวีถิยํ อุปฺปนฺนํ ตทิตรสภาวตาย ปริตฺตํ. ตถา ทนฺธาภิฺานํ จตุตฺถวีถิยํ อุปฺปนฺนํ อปฺปมาณํ. ปฺจมวีถิยํ อุปฺปนฺนํ ปริตฺตนฺติ. อถ วา ยตฺถ กตฺถจิ อปฺปนาวีถิยํ ปฺจมํ อุปฺปชฺชนกอปฺปนาโต จตุตฺถํ อุปฺปชฺชมานาย พลวภาโวติ ตํวเสนาเปตฺถ ปริตฺตอปฺปมาณตา เวทิตพฺพา.

ตํ ปเนตํ คณนโต อฏฺวิธํ โหติ. ยถาห –

‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสฺี โหติ. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามิ. นีลานิ นีลวณฺณานิ นีลนิทสฺสนานิ นีลนิภาสานิ, ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามิ. ปีตานิ ปีตวณฺณานิ ปีตนิทสฺสนานิ ปีตนิภาสานิ. โลหิตานิ โลหิตวณฺณานิ โลหิตนิทสฺสนานิ โลหิตนิภาสานิ. โอทาตานิ โอทาตวณฺณานิ โอทาตนิทสฺสนานิ โอทาตนิภาสานิ, ‘ตานิ อภิภุยฺย ชานามิ ปสฺสามี’ติ เอวํสฺี โหตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๗๓; ๓.๓๓๘; ม. นิ. ๒.๒๔๙; อ. นิ. ๑.๔๒๗-๔๓๔; ๘.๖๕).

ตตฺถ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อลาภิตาย วา อนตฺถิกตาย วา อชฺฌตฺเตสุ เกสาทีสุ ปริกมฺมอปฺปนาสฺาวิรหิโต. พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ พหิทฺธา อฏฺสุ กสิเณสุ, จตูสุ ภูตกสิเณสุ เอว วา กตปริกมฺมกตาย ปริกมฺมวเสน เจว อปฺปนาวเสน จ ตานิ พหิทฺธา อฏฺ, จตฺตาริ วา กสิณรูปานิ ปสฺสติ. ปริตฺตานีติ อมหนฺตานิ. อภิภุยฺยาติ ยถา มหคฺฆโส สมฺปนฺนคหณิโก ปุริโส กฏจฺฉุมตฺตํ ภตฺตํ ลภิตฺวา ‘‘กึ เอตฺถ ภุฺชิตพฺพํ ภตฺตํ อตฺถี’’ติ สงฺกฑฺฒิตฺวา สพฺพํ เอกกพฬเมว กโรติ, เอวเมว าณุตฺตริโก ปุคฺคโล วิสทาโณ ‘‘กึ เอตฺถ ปริตฺตเก อารมฺมเณ สมาปชฺชิตพฺพํ อตฺถิ, นายํ มม ภาโร’’ติ ตานิ รูปานิ ปริกมฺเมน, าเณน วา อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ. เหฏฺา วุตฺตนเยน สีฆํ อปฺปนํ นิพฺพตฺเตติ. ‘‘ชานามิ ปสฺสามี’’ติ อิมินา ปนสฺส ปุพฺพาโภโค กถิโต, ตทาคมนโต จ อนฺโตสมาปตฺติยํ จิตฺตาภิสงฺขาโร. อิตรถา อเนน อาโภคมตฺเต กถิเต เตน สาธิตพฺพํ ฌานํ น วุตฺตํ โหติ, อภิภายตนเทสนาวายํ ฌานวิสยาติ. อาคมฏฺกถาสุ ปน สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาวเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตมภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺตมาโภคํ สนฺธาย –

‘‘อิมินา ปนสฺส อาโภโค กถิโต. โส จ โข สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส, น อนฺโตสมาปตฺติย’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๔๙; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๘.๖๕) วุตฺตํ.

ทุติเย สุวณฺณทุพฺพณฺณานีติ ปริสุทฺธาปริสุทฺธวณฺณานิ. ปริสุทฺธานิ หิ นีลาทีนิ สุวณฺณานิ, อปริสุทฺธานิ ทุพฺพณฺณานีติ อิธ อธิปฺเปตานิ.

ตติเย อปฺปมาณานีติ วุทฺธิปฺปมาณานิ วิปุลานิ ขลมณฺฑลาทีนิ. วฑฺฒนวเสน ปเนตฺถ อปฺปมาณตา น คหิตา กสิณวฑฺฒนสฺส อิธ อสมฺภวโต. กสิณสฺส หิ ทฺเว วฑฺฒนภูมิโย อุปจารภูมิ, อปฺปนาภูมิ วา. ตตฺถ น ตาว อิธ อุปจารภูมิยํ วฑฺฒนํ สมฺภวติ. นิมิตฺตุปฺปตฺติยา สมกาลํ วิย อุปฺปชฺชมาเน ฌาเน กุโต ตสฺส โอกาโสติ, นาปิ อปฺปนาภูมิยํ. วฑฺฒิตสฺส ปมุปฺปนฺนฌานารมฺมณตา น ยุชฺชติ, ตสฺมา สภาวมหนฺตาเนว อาลมฺพณานิ อิธ อปฺปมาณานีติ อธิปฺเปตานิ. เกจิ ปน ‘‘วฑฺฒิตวเสเนว อปฺปมาณานีติ คเหตฺวา ปมํ อภิภวนิจฺฉาย อภาเวน วฑฺเฒตฺวา ปจฺฉา อภิภวนิจฺฉาย สติ อภิภวนากาเรน ปวตฺโต ตสฺมึ อปฺปนํ นิพฺพตฺเตตีติ อปฺปนํ ปฏิลภิตฺวา วฑฺฒิตนิมิตฺเตสุ อิทํ อภิภายตนํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ.

จตุตฺเถ อภิภุยฺยาติ อภิภวิตฺวา. ยถา นาม สมฺปนฺนคหณิโก มหคฺฆโส ปุริโส เอกํ ภตฺตวฑฺฒิตกํ ลภิตฺวา ‘‘‘อฺโปิ โหตุ, อฺโปิ โหตู’ติ กึ เอส มยฺหํ กริสฺสตี’’ติ น ตํ มหนฺตโต ปสฺสติ, เอวเมว าณุตฺตโร วิสทาโณ ปุคฺคโล ‘‘‘กึ เอตฺถ สมาปชฺชิตพฺพํ, นยิทํ อปฺปมาณ’นฺติ มยฺหํ จิตฺเตกคฺคตากรเณ ภาโร’’ติ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ. วุตฺตนเยเนว อปฺปนํ นิพฺพตฺเตติ.

ปฺจเม นีลานิ…เป… นีลนิภาสานีติ เอตานิ ปริยายนามานีติ ตตฺถ ‘‘นีลานี’’ติ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตํ. เอตฺตเกเยว ปน วุตฺเต ตํโยคโต ตพฺโพหาเรน คุณยุตฺเตปิ ปสงฺโค สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ ‘‘นีลวณฺณานี’’ติ วณฺณวเสน วุตฺตํ. เอวมฺปิ หิ พหุพฺพีหิวเสน คุโณปิ ปสงฺโค โหตีติ ‘‘นีลนิทสฺสนานี’’ติ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ. นิทสฺสิตพฺพฺหิ นิทสฺสนํ, จกฺขุนา ทฏฺพฺพํ รูปํ. ตโต เสตาทินิวารณตฺถํ นีล-สทฺเทน สห สมาโส กโตติ อปฺายมานจีวรานิ อสมฺภินฺนวณฺณานิ เอกนีลาเนว หุตฺวา ทิสฺสมานานีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘นีลนิภาสานี’’ติ อิทํ ปน โอภาสวเสน วุตฺตํ, นีโลภาสานิ นีลปฺปภายุตฺตานีติ อตฺโถ. เอเตน เตสํ สุวิสุทฺธตฺตํ ทสฺเสติ. ‘ปีตานี’’ติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อฏฺสุ เจเตสุ ปุริมํ อภิภวนากาเรน วณฺณาโภครหิตานิ อฏฺปิ กสิณานิ ปริตฺตานิ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตติยํ ตถา อปฺปมาณานิ. ทุติยจตุตฺถานิเยว ทฺเว วณฺณาโภคสหิตานิ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ, น ปน วณฺณกสิณวเสน อุปฺปนฺนํ ตสฺส วิสุํ วกฺขมานตฺตา.

ปฺจมาทีนิ ปน เตสุ กตาธิกาเร สนฺธาย สุวิสุทฺธวณฺณวเสเนว เทสิตานิ. น หิ เตสํ อภิภวนสฺส ปริตฺตตา, อปฺปมาณตา วา การณํ, อถ โข สุวิสุทฺธนีลาทิภาโว. ตตฺถ หิ เต กตาธิการาติ. นนุ จ อาคมฏฺกถาสุ ‘‘สุวณฺณานิ วา โหนฺตุ ทุพฺพณฺณานิ วา, ปริตฺตอปฺปมาณวเสเนว อิมานิ อภิภายตนานิ เทสิตานี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๔๙; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๘.๖๕) วุตฺตนฺติ? สจฺจํ, ตํ ปน อาคเม อภิภายตนานํ อฺถา อาคตตฺตา วุตฺตํ. ตตฺถ หิ –

‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ, อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๗๓; ๓.๓๓๘; ม. นิ. ๒.๒๔๙; อ. นิ. ๑.๔๒๗-๔๓๔; ๘.๖๕) –

เอวํ จตฺตาริเยว อภิภายตนานิ อาคตานิ, ตสฺมา ตทฏฺกถาสุ วณฺณาโภเค วิชฺชมาเน อวิชฺชมาเนปิ ปริตฺตอปฺปมาณตาวเสเนว อิเมสํ เทสิตภาโว วุตฺโต. ปริตฺตอปฺปมาณตา หิ อิเมสุ จตูสุ อภิภวนสฺส การณํ วณฺณาโภเค วิชฺชมาเน อวิชฺชมาเนปีติ. นนุ จ สพฺพตฺถ ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วจนโต วณฺณาโภคสหิตานิเยว ตตฺถ คหิตานีติ? ตํ น, วณฺณาโภครหิตานิ, สหิตานิ จ สพฺพานิ ปริตฺตานิ เอกโต กตฺวา ‘‘ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วุตฺตานิ, ตถา ‘‘อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ. ยทิ เอวํ กถํ วิสิฏฺานํ วณฺณาโภครหิตานํ, สหิตานฺจ เอกชฺฌํ มนสิกาโร, น เอกชฺฌํ, วิสุํเยว เตสํ มนสิกาโร. ยทิ เอวํ วิสุํ กถเมกตฺตนฺติ? ปริตฺตภาวสามฺโต. ยทิ เอวํ สุวณฺณทุพฺพณฺณ-คฺคหณมติริจฺจติ อวสิฏฺโติ? นาติริจฺจติ ปริยายเทสนาภาวโต. อตฺถิ หิ เอส ปริยาโย, ยทิทํ วณฺณาโภคชนิตาชนิตํ วิเสสํ อคฺคเหตฺวา ปริตฺตภาวสามฺเน เอกตฺตํ เนตฺวา ‘‘ปริตฺตานิ อภิภุยฺยา’’ติ วตฺวา ปุน ตทนฺโตคธเมว ปเภทํ วิเนยฺยวเสน ทสฺเสตุํ ตานิ จ กทาจิ วณฺณวเสน อาวชฺชิตานิ โหนฺติ, ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยา’’ติ วตฺตพฺพตาย วณฺณาโภครหิตานิ, สหิตานิ จ วิสุํ มนสิ กตฺวา อุภยตฺถาปิ วณฺณาโภครหิตปริตฺตาภิภวเน, ตํสหิตปริตฺตาภิภวเน จ ปริตฺตาภิภวนสามฺํ คเหตฺวา เอกตฺตํ กตนฺติ. อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วณฺณาโภครหิตานิ, สหิตานิ จ วิสุํ วุตฺตานิ. อตฺถิ หิ อุภยตฺถาภิภวนวิเสโสติ. โหตุ ตาว, เอวํ สุตฺตาภิธมฺมปาวิเสสโต อฏฺกถาย ปาเภเท ปน โก อธิปฺปาโยติ? วุจฺจเต – สุตฺตนฺเต หิ ปมวิโมกฺขํ ทฺเวธา ภินฺทิตฺวา ปมทุติยอภิภายตนานิ วุตฺตานิ, ปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขานมฺปิ อภิภวนปริยาโย วิชฺชตีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ อภิภายตนทฺวยํ วุตฺตํ.

ตติยจตุตฺถอภิภายตเนสุ ทุติยวิโมกฺโข, วณฺณาภิภายตเนสุ ตติยวิโมกฺโข จ อภิภวนปฺปวตฺติโต สงฺคหิโต, อิธ ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขาภิภายตนานิ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ วิโมกฺเข วชฺเชตฺวา อภิภายตนานิ กถิตานิ. สพฺพานิ จ วิโมกฺขกิจฺจานิ วิโมกฺขเทสนาย วุตฺตานิ, ตเทตํ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ สุตฺเต อาคตสฺส อภิภายตนทฺวยสฺส อภิธมฺเม อวจนโต ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนฺจ สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต ววตฺถานํ กตนฺติ วิฺายติ. อวสฺสฺเจตํ เอว สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, น สมฺปฏิจฺฉนฺเตหิ สุตฺตาภิธมฺมปาเภเท อฺํ การณํ วตฺตพฺพํ. อถ กิเมตฺถ วตฺตพฺพํ, นนุ อฏฺกถายเมว ‘‘กสฺมา ปน ยถา สุตฺตนฺเต ‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานี’ติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา อิธ จตูสุปิ อภิภายตเนสุ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาว วุตฺตา’’ติ วตฺวา ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ การณํ วุตฺตนฺติ? น ตํ ตสฺส การณวจนํ, อถ โข กตฺถจิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปานิ ปสฺสตี’’ติ อวตฺวา สพฺพตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ, ตสฺส จ การณวจนํ. เตเนว หิ ตตฺถ วา อิธ วา ‘‘พหิทฺธา รูปานิเยว อภิภวิตพฺพานี’’ติ ตตฺเถว วุตฺตํ, อนภิภวนียตา จ อชฺฌตฺตรูปานํ พหิทฺธา รูปานิ วิย อวิภูตตฺตา. น หิ สุฏฺุ วิภูตภาวมนฺตเรน าณุตฺตรานํ อารมฺมณาภิภวนํ สมฺภวตีติ. นนุ จ อฏฺกถายํ ปาทฺวยวิเสสสฺส เทสนาวิลาโส การณภาเวน วุตฺโตติ? สจฺจํ วุตฺโต, โส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสเนว เวทิตพฺโพ. เทสนาวิลาโส หิ นาม วิเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิชฺชมานสฺเสว ปริยายสฺส วิภาวนํ, น ยสฺส กสฺสจีติ. เอวํ ตาว อภิภายตนํ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ วิโมกฺโขติ ปฏิลทฺธชฺฌานสฺส ฌานํ สมาปชฺชิตุกามตาวสปฺปวตฺตชวนวีถิสมนนฺตรเมว ปิตุองฺเก วิสฺสฏฺองฺคปจฺจงฺคสฺส วิย ทารกสฺส อารมฺมเณ นิราสงฺกเมว หุตฺวา ปมกปฺปนา วิย จ ลหุํ อวุฏฺหิตฺวา อนฺตมโส จตุปฺจจิตฺตกฺขณโต อโนสกฺกิตฺวา อารมฺมเณ อภิรติวเสน ปวตฺตสฺส วสิภาวปฺปตฺตสฺส ฌานสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ กสิณายตนวเสน วา อภิภายตนวเสน วา อุปฺปนฺนํ ปจฺจนีกธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตฺตา, อารมฺมเณ อธิมุตฺตตาย จ ‘‘วิโมกฺโข’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ

‘‘เกนฏฺเน ปน วิโมกฺโข เวทิตพฺโพติ? อธิมุจฺจนฏฺเน. โก อยํ อธิมุจฺจนฏฺโ นาม? ปจฺจนีกธมฺเมหิ จ สุฏฺุ วิมุจฺจนฏฺโ, อารมฺมเณ จ อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺโ’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๔๘).

ยทิ วสิภาวปฺปตฺตเมว วิโมกฺโข, กถมสฺส อารมฺมณจตุกฺเก ปริตฺตตา ปาฬิยํ วุตฺตา. อวสิตาปตฺตฺหิ ฌานํ ปริตฺตนฺติ วุจฺจตีติ? นายํ โทโส, ปริปุณฺณวสิภาวปฺปตฺตํ สนฺธาย อปริปุณฺณวสิภาวปฺปตฺตสฺส ปริตฺตภาเวน ตตฺถ อธิปฺเปตตฺตา, ตสฺมา วสิภาวปฺปตฺตเมว ฌานํ วิโมกฺโข นาม, น อิตรํ. อิตรํ ปน ยทิ กสิณายตนวเสน อุปฺปนฺนํ, กสิณายตนํ. อถ อภิภายตนวเสน, อภิภายตนเมวาติ. เกจิ ปน ‘‘ปมอปฺปนาโต ปจฺฉิมปจฺฉิมาย ปฏิปกฺขโต สุฏฺุ วิมุตฺตตฺตา กสิณายตนวเสน, อภิภายตนวเสน จ อุปฺปนฺนํ ปมกปฺปนํ เปตฺวา เสสํ วิโมกฺโขเยวา’’ติ วทนฺติ.

ตํ ปเนตํ คณนโต ติวิธํ. ยถาห –

‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสติ, อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ, สุภนฺเตว อธิมุตฺโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๗๔; ๓.๓๓๙; ปฏิ. ม. ๑.๒๐๙).

ตตฺถ รูปีติ อชฺฌตฺตํ เกสาทีสุ อุปฺปาทิตํ รูปชฺฌานํ รูปํ, ตทสฺส อตฺถีติ รูปี. รูปานิ ปสฺสตีติ พหิทฺธาปิ นีลกสิณาทิรูปานิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสติ. อิมินา อชฺฌตฺตพหิทฺธวตฺถุเกสุ กสิเณสุ ฌานปฏิลาโภ ทสฺสิโต. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อชฺฌตฺตํ นรูปสฺี, อตฺตโน เกสาทีสุ อนุปฺปาทิตรูปาวจรชฺฌาโนติ อตฺโถ. อิมินา พหิทฺธา ปริกมฺมํ กตฺวา พหิทฺธาว ปฏิลทฺธชฺฌานตา ทสฺสิตา. ‘‘สุภ’’นฺติ อิมินา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ฌานานิ ทสฺสิตานิ. ตตฺถ กิฺจาปิ อนฺโตอปฺปนายํ ‘‘สุภ’’นฺติ อาโภโค นตฺถิ, โย ปน สุวิสุทฺธํ สุภกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา วิหรติ, โส ยสฺมา ‘‘สุภ’’นฺติ อธิมุจฺจนวเสน ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺชิตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยาทีนิ, ตสฺมา เอวํ เทสนา กตาติ. ปฏิสมฺภิทามคฺเค ปน ‘‘อิธ ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒) พฺรหฺมวิหารวเสน สุภวิโมกฺโข วุตฺโต. ธมฺมสงฺคณิยํ ปน พฺรหฺมวิหารานํ วิสุํเยว อาคตตฺตา ตํ นยํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สุนีลกาทิวเสเนว สุภวิโมกฺโข อฏฺกถายํ อนุฺาโตติ อิธาปิ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว ววตฺถานํ กตนฺติ เอวํ ตาว วิโมกฺขฌานํ เวทิตพฺพํ.

ยถานุรูปนฺติ หีนาทิอนุรูปํ. ปมชฺฌานฺหิ หีนํ กปฺปสฺส ตติยภาคายุเก พฺรหฺมปาริสชฺเช อุปปตฺตึ นิปฺผาเทติ, มชฺฌิมํ อุปฑฺฒกปฺปายุเก พฺรหฺมปุโรหิเต, ปณีตํ เอกกปฺปายุเก มหาพฺรหฺเม. ตถา ทุติยชฺฌานํ, ตติยชฺฌานฺจ หีนํ ทฺวิกปฺปายุเก ปริตฺตาเภ, มชฺฌิมํ จตุกปฺปายุเก อปฺปมาณาเภ, ปณีตํ อฏฺกปฺปายุเก อาภสฺสเร. จตุตฺถชฺฌานํ หีนํ โสฬสกปฺปายุเก ปริตฺตาสุเภ, มชฺฌิมํ ทฺวตฺตึสกปฺปายุเก อปฺปมาณสุเภ, ปณีตํ จตุสฏฺิกปฺปายุเก สุภกิณฺเห. ปฺจมชฺฌานํ ปน ติวิธมฺปิ ปฺจกปฺปสตายุเก เวหปฺผเล อุปปตฺตึ นิปฺผาเทติ, ตเทว ติตฺถิเยหิ สฺาวิราควเสน ภาวิตํ ปฺจกปฺปสตายุเกเยว อสฺสตฺเต. อนาคามีหิ ปน ปุถุชฺชนาทิกาเล ปจฺฉาปิ ภาวิตํ สทฺธาทิอินฺทฺริยาธิมุตฺตตานุกฺกเมน ยถากฺกมํ สหสฺสทฺวิสหสฺสจตุสหสฺสอฏฺสหสฺสโสฬสสหสฺสกปฺปายุเกสุ อวิหาอตปฺปาสุทสฺสาสุทสฺสีอกนิฏฺนามเกสุ ปฺจสุทฺธาวาเสสุ อุปปตฺตึ นิปฺผาเทตีติ เอวเมตํ ยถานุรูปํ โสฬสรูปาวจรพฺรหฺมโลกูปปตฺตินิปฺผาทกนฺติ อาห ‘‘ยถานุรูปํ…เป… โหตี’’ติ.

ยสฺมา ปน รูปภเวปิ ปวตฺติยํ ลภิตพฺพา อุปโภคสมฺปตฺติ กามาวจรสฺเสว ผลํ, ตสฺมา อิธ ‘‘ภวโภคสมฺปตฺตึ นิปฺผาเทตี’’ติ อวตฺวา อุปปตฺตินิปฺผาทนเมว วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ทุติยชฺฌานภูมึ อุปาทาย สพฺพตฺถ ปริปุณฺณสฺส มหากปฺปสฺส วเสน ปริจฺเฉโท ทฏฺพฺโพ, ปมชฺฌานภูมิยํ ปน อสงฺขฺเยยฺยกปฺปวเสน. น หิ ตตฺถ อิตรวเสน ปริจฺเฉโท สมฺภวติ เอกกปฺเปปิ อวินาสาภาเวน มหากปฺปสฺส จตุตฺถภาเคเยว ตสฺส สณฺหนโต.

รูปาวจรกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

อรูปาวจรกุสลวณฺณนา

อิทานิ อรูปาวจรกุสลสฺส นิทฺเทสาวกาโส อนุปฺปตฺโตติ ตนฺนิทฺเทสตฺถมาห ‘‘เสเสสุ ปนา’’ติอาทิ. อากาสกสิณวชฺชิตสฺส ยสฺส กสฺสจิ กสิณสฺส อุคฺฆาฏนโต ลทฺธมากาสํ กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ. ตตฺถ ปวตฺตํ วิฺาณนฺติ อากาสานฺจายตนมาห. ตฺหิ ทุติยารุปฺปสฺส อารมฺมณํ โหติ. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน, รูปนิมิตฺตทณฺฑาทานสมฺภวทสฺสนาทินา สพฺเพน รูปธมฺเมสุ, ปถวีกสิณาทิรูปนิมิตฺเตสุ ตทารมฺมณชฺฌาเนสุ จ โทสทสฺสนากาเรน, เตสุ เอว วา รูปนิมิตฺเตสุ นิกนฺติปฺปหานอสมาปชฺชิตุกามตาทินา อากาเรนาติ อตฺโถ. อถ วา สพฺพโสติ สพฺพาสํ, กุสลาทิเภเทน อนวเสสานนฺติ อตฺโถ. รูปสฺานนฺติ สฺาสีเสน วุตฺตรูปาวจรชฺฌานานฺเจว ตทารมฺมณานฺจ. รูปาวจรชฺฌานมฺปิ หิ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย. ตทารมฺมณมฺปิ กสิณรูปํ ปุริมปทโลเปน ‘‘เทเวน ทตฺโตติ, พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย, ตสฺมา อิธ รูเป รูปชฺฌาเน ตํสหคตสฺา รูปสฺาติ คหิตา, สฺาสีเสน วุตฺตรูปาวจรชฺฌานานเมตํ อธิวจนํ. ‘‘รูป’’นฺติ สฺา อสฺสาติ รูปสฺํ, รูปนามวนฺตนฺติ อตฺโถ. ตํคหิเตน ปถวีกสิณาทิเภทสฺส ตทารมฺมณสฺส เจตํ นามนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘รูปสฺาน’’นฺติ หิ สรูเปกเสสวเสน นิทฺเทโส กโต. สมติกฺกมาติ วิราคา, นิโรธา จ. กึ วุตฺตํ โหติ? เอตาสํ กุสลวิปากกิริยาวเสน ปฺจทสนฺนํ ฌานสงฺขาตานํ รูปสฺานํ, เอเตสฺจ ปถวีกสิณาทิวเสน นวนฺนํ อารมฺมณสงฺขาตานํ รูปสฺานํ อนวเสสานํ สพฺพากาเรน จ, เตสุ เอว วา นิกนฺติปฺปหานอสมาปชฺชิตุกามตาทินา อากาเรน วิราคา, นิโรธา จ ชิคุจฺฉนโต เจว ตปฺปฏิพนฺธฉนฺทราควิกฺขมฺภนโต จ นิพฺพตฺตํ อากาสานฺจายตนสฺาย สหคตํ อรูปาวจรกุสลจิตฺตํ. น หิ สกฺกา สพฺพโส อนติกฺกนฺตรูปสฺเน ตํ นิพฺพตฺเตตุนฺติ.

น เกวลํ เอตาสํเยว สมติกฺกมนโต อิทํ นิพฺพตฺตํ, อถ โข ปฏิฆสฺาทีนมตฺถงฺคมาทิโตปีติ อาห ‘‘ปฏิฆสฺาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ, รูปาทีนฺจ อารมฺมณานํ ปฏิฆาเตน อฺมฺสโมธานสงฺขาเตน ปฏิหนเนน อุปฺปนฺนา สฺา ปฏิฆสฺา, รูปสฺาทิทฺวิปฺจสฺานเมตํ อธิวจนํ. ยถาห –

‘‘ตตฺถ กตมา ปฏิฆสฺา? รูปสฺา สทฺทสฺา คนฺธสฺา รสสฺา โผฏฺพฺพสฺา, อิมา วุจฺจนฺติ ปฏิฆสฺาโย’’ติ (วิภ. ๖๐๓).

ตาสํ กุสลากุสลวิปากภูตานํ อตฺถงฺคมา ปหานา อสมุปฺปาทา อปฺปวตฺติกรเณนาติ วุตฺตํ โหติ. นนุ จ เอตา รูปาวจรชฺฌานสมาปนฺนสฺสาปิ น สนฺติ. น หิ ปมชฺฌานาทิสมาปนฺนกาเล ปฺจทฺวารวเสน จิตฺตํ ปวตฺตตีติ? สจฺจเมตํ, ยถา ปน ‘‘สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ เอตฺถ ปสํสาวเสน อฺตฺถ ปหีนานมฺปิ สุขทุกฺขานํ จตุตฺถชฺฌาเน, ‘‘สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉานํ ปหานา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามิมคฺคํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ เอตฺถ ปมมคฺเคเยว ปหีนานํ สกฺกายทิฏฺาทีนํ ทุติยมคฺเค จ วจนํ, เอวเมว อิมสฺมึ ฌาเน ปฏิปชฺชนกานํ อุสฺสาหชนนตฺถํ อิมสฺส ฌานสฺส ปสํสาวเสน เอตาสํ เอตฺถ วจนนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา กิฺจาปิ ตา รูปาวจรสมาปนฺนสฺสาปิ น สนฺติ, น ปน ปหีนตฺตา น สนฺติ. กิฺจรหิ ปจฺจยาภาเวน. น หิ รูปาวจรภาวนา รูปวิราคาย สํวตฺตติ, รูปายตฺตา เอว ตาสํ ปวตฺตีติ. อรูปภาวนา ปน รูปวิราคาย สํวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘ตา เอตฺถ ปหีนา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ตถา หิ เอตาสํ อิโต ปุพฺเพ อปฺปหีนตฺตาเยว ‘‘ปมชฺฌานํ สมาปนฺนสฺส สทฺโท กณฺฏโก’’ติ วุตฺโต ภควตา. อิธ จ ปหีนตฺตา เอว อรูปสมาปตฺตีนํ อาเนฺชาภิสงฺขารวจนาทีหิ, ‘‘เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อรูปา’’ติอาทินา จ อาเนฺชตา, สนฺตวิโมกฺขตา จ วุตฺตา.

นานตฺตสฺานนฺติ นานตฺเต โคจเร ปวตฺตานํ, นานตฺตานํ วา สฺานํ, วุตฺตาวเสสานํ จตุจตฺตาลีสกามาวจรสฺานนฺติ อตฺโถ. เอตา เอว หิ –

‘‘ตตฺถ กตมา นานตฺตสฺา? อสมาปนฺนสฺส มโนธาตุสมงฺคิสฺส วา มโนวิฺาณธาตุสมงฺคิสฺส วา สฺา สฺชานนา สฺชานิตตฺตํ, อิมา วุจฺจนฺติ นานตฺตสฺาโย’’ติ (วิภ. ๖๐๔) –

เอวํ วิภงฺเค วิภชิตฺวา วุตฺตา. ตา ปน ยสฺมา รูปสทฺทาทิเภเท นานตฺเต นานาสภาเว อารมฺมเณ ปวตฺตนฺติ, ยสฺมา จ อฏฺ กามาวจรกุสลสฺา, ทฺวาทส อกุสลสฺา, เอกาทส กามาวจรกุสลวิปากสฺา, ทฺเว อกุสลวิปากสฺา, เอกาทส กามาวจรกิริยสฺาติ เอวํ จตุจตฺตาลีสปฺปเภทา นานาสภาวา, อฺมฺํ อสทิสา, ตสฺมา ‘‘นานตฺตสฺา’’ติ วุจฺจนฺติ. อมนสิการาติ สพฺพโส อนาวชฺชนา อสมนฺนาหารา อปจฺจเวกฺขณเหตุ ชวนปฏิปาทเกน วา ภวงฺคจิตฺตสฺส อนฺโต อกรณา เปตฺวา กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ นานารมฺมเณ จิตฺตสฺส อสงฺขรณโตติ วุตฺตํ โหติ. อิมินา หิ นานตฺตสฺามนสิการเหตูนํ รูปธมฺมานํ สมติกฺกโมปิ วุตฺโต, รูปชฺฌาเน ปน ตทภาวโต ‘‘นานตฺตสฺานํ อมนสิการา’’ติ น วุตฺตํ. อถ สมติกฺกมาทีนํ กึ นานากรณนฺติ? วุจฺจเต – ยสฺมา รูปสฺา, ปฏิฆสฺา จ อิมินา ฌาเนน นิพฺพตฺติตภเวปิ น วิชฺชนฺติ, อรูปสฺาย ภาวนาย อภาเว จุติโต อุทฺธํ อุปฺปตฺติรหานํ รูปสฺาปฏิฆสฺานํ ยาว อตฺตโน วิปากุปฺปตฺติ, ตาว อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิยมานตฺตา, ปเคว ปน อิมํ ฌานํ สมาปนฺนกาเล, ตสฺมา ‘‘สมติกฺกมา, อตฺถงฺคมา’’ติ อุภยถาปิ ตาสํ อภาโวเยว ทสฺสิโต. นานตฺตสฺาสุ ปน ยา ตสฺมึ ภเว น อุปฺปชฺชนฺติ เอกนฺตรูปนิสฺสิตตฺตา, ตา อโนกาสตาย น อุปฺปชฺชนฺติ, น อรูปภาวนาย นิวาริตตฺตา, อนิวาริตตฺตา จ กาจิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ตาสํ อมนสิกาโร อนาวชฺชนํ อปจฺจเวกฺขณํ ชวนปฏิปาทเกน วา ภวงฺคมนสฺส อนฺโต อกรณํ อปฺปเวสนํ วุตฺตํ. ตตฺร ปวตฺตมานานมฺปิ หิ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ตาสํ อมนสิกาโรเยว อิตรถา ฌานสมาปตฺติยา อภาวโต. อิติ สงฺเขปโต ‘‘รูปสฺานํ สมติกฺกมา’’ติ อิมินา สพฺพรูปาวจรธมฺมานํ ปหานํ วุตฺตํ, ‘‘ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา’’ติ สพฺเพสํ กามาวจรจิตฺตเจตสิกานํ ปหานํ, อมนสิกาโร จ วุตฺโต, ตีหิ ปเนเตหิ สมาธิสฺส ถิรภาโว กถิโตติ.

อากาสานฺจายตนสฺาสหคตนฺติ เอตฺถ ปน นาสฺส อนฺโตติ อนนฺตํ, อนนฺตํ อากาสํ อากาสานนฺตํ, กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ, อนนฺตตา ปน อุปฺปาทวยนฺตาภาวโต อนนฺตมนสิการวเสน วา เวทิตพฺพา. น หิ เอตสฺส อุปฺปาทนฺโต, วยนฺโต วา ปฺายติ อสภาวธมฺมตฺตา. สภาวธมฺโม หิ อหุตฺวา สมฺภวนโต, หุตฺวา จ วินสฺสนโต อุปฺปาทวยนฺตปริจฺฉินฺโน, เนตโร. น จ ปเนตํ มนสิ กโรนฺโต โยคาวจโร ตสฺส ปริจฺเฉทสงฺขาตมนฺตํ คณฺหาติ, อถ โข รูปวิเวกมตฺตสฺเสว คหเณน อนนฺตผรณากาเรเนว มนสิการํ ปวตฺเตติ, ตสฺมา อุปฺปาทวยนฺตวิรหโต มนสิการวเสน วา เอตมนนฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อนนฺตากาส’’นฺติ จ วตฺตพฺเพ อนนฺต-สทฺทสฺส ปรนิปาตวเสน ‘‘อากาสานนฺต’’นฺติ วุจฺจติ. อากาสานนฺตเมว อากาสานฺจํ สํโยคปรสฺส ต-การสฺส จ-การํ กตฺวา, ตเทว อายตนํ สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส ฌานสฺส อารมฺมณภาวโต อธิฏฺานฏฺเน เทวายตนํ วิยาติ อากาสานฺจายตนํ, ตสฺมึ อปฺปนาปตฺตา สฺา อากาสานฺจายตนสฺา, ตาย สหคตํ วิฺาณํ อากาสานฺจายตนสฺาสหคตํ. อถ วา อากาสานฺจํ อายตนมสฺสา สสมฺปยุตฺตธมฺมาย สฺายาติ อากาสานฺจายตนา, สาเยว สฺา, ตาย ฌานํ สหคตนฺติ อากาสานฺจายตนสฺาสหคตํ.

วิฺาณ…เป… สหคตนฺติ ยเทตํ ปมารุปฺปวิฺาณํ, ตํสภาวธมฺมตฺตา อุปฺปาทาทิอนฺตวนฺตมฺปิ อารมฺมณกรณวเสน อนนฺตากาเส ผรณโต อตฺตานํ อารพฺภ อนฺตสฺส อคฺคหณวเสน ปวตฺตมนสิการโต วา อนนฺตํ วิฺาณนฺติ วิฺาณานนฺตํ, ‘‘วิฺาณานฺจ’’นฺติ วตฺตพฺเพ วิฺาณฺจ-สทฺโท ตทตฺเถ นิรูฬฺโห อา-การ น-การโลโปติ วา กตฺวา ‘‘วิฺาณฺจ’’มิจฺเจว วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา วกฺขติ –

‘‘วิฺาณานนฺตมิจฺเจวํ, วตฺตพฺพํ ปนิทํ สิยา’’ติ.

อถ วา ทุติยารุปฺปวิฺาเณน อฺจิตพฺพํ อารมฺมณวเสน ปาปุณิตพฺพนฺติ วิฺาณฺจํ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

อากิฺจฺา…เป… สหคตนฺติ นาสฺส ปมารุปฺปวิฺาณสฺส กิฺจนนฺติ อกิฺจนํ, อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ อวสิฏฺํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. สติ หิ ภงฺคมตฺเตปิ ตสฺส สกิฺจนตา สิยา. อกิฺจนสฺส ภาโว อากิฺจฺํ, อากาสานฺจายตนวิฺาณาภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

เนวสฺา…เป… สหคตนฺติ เหฏฺิมฌาเนสุ วิย โอฬาริกาย สฺาย อภาวโต เนวสฺส สฺา อตฺถีติ เนวสฺํ, สุขุมาย จ สฺาย อตฺถิตาย นาสฺส สฺา นตฺถีติ นาสฺํ, เนวสฺฺจ ตํ นาสฺฺเจติ เนวสฺานาสฺํ, จตุตฺถารุปฺปชฺฌานํ. ยทิ เอวํ ‘‘เนวสฺนาสฺ’’นฺติ วตฺตพฺพํ? สจฺจเมตํ. วจนโสภนตฺถํ ปน ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. อถ วา เนวสฺส สฺา นาสฺาติ เอวํ เอกชฺฌํ พหุพฺพีหิสมาสวเสน ‘‘เนวสฺานาสฺ’’นฺติ วุตฺตํ. เนวสฺานาสฺฺจ ตํ อายตนฺจ มนายตนธมฺมายตนปริยาปนฺนตฺตาติ เนวสฺานาสฺายตนํ, เตน สมฺปยุตฺตํ สฺาสหคตํ เนวสฺานาสฺายตนสฺาสหคตํ. อถ วา สฺาเยว ปฏุสฺากิจฺจกรเณ อสมตฺถตาย เนวสฺา, อุณฺโหทเก เตโชธาตุ วิย สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา นาสฺาติ เนวสฺานาสฺา, สา เอว เสสธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจยตาย, อธิฏฺานฏฺเน ธมฺมายตนปริยาปนฺนตาย เอว วา อายตนนฺติ เนวสฺานาสฺายตนํ, เนวสฺานาสฺายตนภูตาย สฺาย สหคตนฺติ เนวสฺานาสฺายตนสฺาสหคตํ.

ยถานุรูปํ…เป… นิปฺผาทกนฺติ ‘‘ปมารุปฺปภูมิยา ปมํ, ทุติยารุปฺปภูมิยา ทุติย’’นฺติอาทินา อตฺตโน อนุรูปวเสน จตูสุ อรูปภูมีสุ อุปปตฺติสาธกํ. ตาสุ ปน ปมา วีสติสหสฺสกปฺปายุกา โหติ, ทุติยา จตฺตาลีสสหสฺสกปฺปายุกา, ตติยา สฏฺิสหสฺสกปฺปายุกา, จตุตฺถา ปน จตุราสีติสหสฺสกปฺปายุกาติ เวทิตพฺพํ.

อรูปาวจรกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

โลกุตฺตรกุสลวณฺณนา

เอวํ ติวิธมฺปิ โลกิยกุสลํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ โลกุตฺตรกุสลํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘อิตรํ ปนา’’ติอาทิ. ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก, โส ติวิโธ – สงฺขารโลโก สตฺตโลโก ภาชนโลโกติ. ตโต อิทํ อุตฺตรตีติ โลกุตฺตรํ. จตฺตาโรปิ หิ มคฺคา อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตสงฺขารโลกโต อุตฺตรนฺติ อนาสวภาเวน. สตฺตโลเกสุ จ โสตาปตฺติมคฺโค อนริยโลกโต อุตฺตรติ, สกทาคามิมคฺโค โสตาปนฺนโลกโต, อนาคามิมคฺโค สกทาคามิโลกโต, อรหตฺตมคฺโค อนาคามิโลกโต อุตฺตรติ. ภาชนโลเกสุ ปน ปมมคฺโค อปายโลกโต อุตฺตรติ, สกทาคามิมคฺโค กามโลเกกเทสโต, อนาคามิมคฺโค สกลกามโลกโต, อรหตฺตมคฺโค รูปารูปโลกโต อุตฺตรติ. อิติ จตุพฺพิธมฺปิ มคฺคจิตฺตํ ติวิธโลกโต อุตฺตรตีติ โลกุตฺตรํ, กุจฺฉิตสลนาทิโต ปน กุสลํ, จินฺตนาทิโต จิตฺตฺจาติ โลกุตฺตรกุสลจิตฺตํ. ผลํ ปน โลกโต อุตฺติณฺณตฺตา โลกุตฺตรํ, อุภยมฺปิ วา สห นิพฺพาเนน อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตโลกโต อุตฺตรํ วิสิฏฺตรนฺติ โลกุตฺตรํ. ยถาห ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).

นิยตานิยตวตฺถุกเภทโตติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส ปรโตโฆสปจฺจเยน วินา อนุปฺปชฺชนโต อรูปภเว สมฺภโว นตฺถีติ ตํ นิยตวตฺถุกํ, อิตรํ ปน สตฺตวิธมฺปิ ปรโตโฆสํ วินาปิ วิปสฺสนาพเลเนว นิปฺผชฺชนโต ตตฺถาปิ สมฺภวตีติ อนิยตวตฺถุกํ.

ตีหิ…เป… ติวิธนฺติ โลกุตฺตรวิโมกฺขานํ ทฺวารภาวโต วิโมกฺขมุขสงฺขาตาหิ สุฺตานุปสฺสนาทีหิ ตีหิ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาหิ ปตฺตพฺพโต อิทํ โลกุตฺตรกุสลํ ติวิธํ สุฺตํ อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ. กตเม ปน เต โลกุตฺตรวิโมกฺขาติ? นว โลกุตฺตรธมฺมา. ยถาห ‘‘จตฺตาโร จ อริยมคฺคา จตฺตาริ จ สามฺผลานิ นิพฺพานฺจ, อยํ อนาสโว วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๓). อิมานิ หิ สํกิเลสธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตฺตา วิโมกฺขา นาม. ตานิ ปน ปจฺเจกํ สุฺโต วิโมกฺโข, อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, อปฺปณิหิโต วิโมกฺโขติ ติวิธานิ. ยถาห ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, วิโมกฺขา – สุฺโต วิโมกฺโข, อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, อปฺปณิหิโต วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๐๙). อิธ ปน กุสลาธิการตฺตา จตุมคฺคสงฺขาตาเยว โลกุตฺตรธมฺมา อธิปฺเปตา.

สุฺตาทินามลาโภ จ เนสํ อาคมนโต, สคุณโต, อารมฺมณโต จ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ อาคจฺฉติ มคฺโค, ผลฺจ เอเตนาติ อาคมนํ. ตฺหิ ทุวิธํ มคฺคาคมนํ, ผลาคมนฺจ. เตสุ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา มคฺคาคมนํ, อริยมคฺโค ผลาคมนํ. ตตฺถ มคฺคสฺส อาคตฏฺาเน มคฺคาคมนํ คเหตพฺพํ, ผลสฺส อาคตฏฺาเน ผลาคมนํ. อิธ ปน มคฺคสฺส อาคตตฺตา มคฺคาคมนํ คหิตนฺติ. ตโต อาคมนโต. สคุณโตติ สภาวโต. อารมฺมณโตติ อารมฺมณธมฺมโต.

โย หิ สพฺพสงฺขารานํ อนตฺตลกฺขณปฏิเวธวสปฺปวตฺตาย อนตฺตานุปสฺสนาย วเสน มคฺคํ ปฏิลภติ, ตสฺส สา อนุปสฺสนา อสุฺตฺตกรานํ อตฺตาภินิเวสปจฺจยานํ ทิฏฺเกฏฺกิเลสานํ วิกฺขมฺภิตภาเวน เตภูมกธมฺมานํ อตฺตสุฺตาย ยาถาวโต คหณโต สุฺตานุปสฺสนา นาม โหติ. ตาย ปน ปฏิลทฺธมคฺโค สุฺตาย อาคตตฺตา สุฺโต นาม. เตนาห ‘‘อนตฺตโต มนสิกโรนฺโต สุฺตวิโมกฺเขน วิมุจฺจตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗).

โย ปน สพฺพสงฺขารานํ อนิจฺจลกฺขณปฏิเวธวสปฺปวตฺตาย อนิจฺจานุปสฺสนาย มคฺคํ ปฏิลภติ, ตสฺส สา อนุปสฺสนา นิจฺจนิมิตฺตาทิคาหกรานํ กิเลสานํ วิกฺขมฺภิตตฺตา ธุวภาวูปฏฺานสงฺขาตนิจฺจนิมิตฺตาทิโน อคฺคหณโต อนิมิตฺตานุปสฺสนา นาม. ตาย ปน ลทฺธมคฺโค อนิมิตฺตาย อาคตตฺตา อนิมิตฺโต นาม. เตนาห ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรนฺโต อนิมิตฺตวิโมกฺเขน วิมุจฺจตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗).

โย ปน สพฺพสงฺขารานํ ทุกฺขลกฺขณปฏิเวธวสปฺปวตฺตาย ทุกฺขานุปสฺสนาย วเสน มคฺคํ ปฏิลภติ, ตสฺส สา อนุปสฺสนา ตณฺหาปณิธานสฺส วิกฺขมฺภเนน ปณิธิวิรหิตตฺตา อปฺปณิหิตานุปสฺสนา นาม. ตาย ปน ลทฺธมคฺโค อปฺปณิหิตาย อาคตตฺตา อปฺปณิหิโต นาม. เตนาห ‘‘ทุกฺขโต มนสิกโรนฺโต อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน วิมุจฺจตี’’ติ. อยํ ตาวสฺส อาคมนวเสน นามลาโภ.

อตฺตโน ปน ราคาทีหิ สุฺตตฺตา, นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหิตตฺตา, ตณฺหาปณิธิอภาวโต จ สคุณโต, ราคาทิสุฺสฺเสว, นิจฺจนิมิตฺตาทิวิรหิตสฺส, ปณิธิวิปฺปมุตฺตสฺส จ นิพฺพานสฺส อารมฺมณกรณโต อารมฺมณโต จ สุฺตาทิวิโมกฺโข นาม โหตีติ เอวมสฺส สคุณารมฺมเณหิ นามลาโภ ทฏฺพฺโพ. โส จ โข สุตฺตนฺตปริยาเยเนว, โน อภิธมฺมปริยาเยน. สุตฺตนฺตกถา หิ ปริยายเทสนา, อิตรา นิปฺปริยายเทสนา, ตสฺมา สคุณารมฺมณโต นามสฺส สพฺพสาธารณภาเวน อววตฺถานกรตฺตา ปริยายภาวโต สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ลาโภ, อาคมนโต ปน อภิธมฺมปริยาเยนปิ ววตฺถานกรภาเวน นิปฺปริยายตฺตา. เตเนว หิ อาจริเยน ‘‘ตีหิ วิโมกฺขมุเขหิ ปตฺตพฺพโต ติวิธ’’นฺติ วิโมกฺขมุขเมว ธุรํ กตฺวา วุตฺตํ, น ‘‘สุฺตาทินามโต ติวิธ’’นฺติ. อนิมิตฺตนามํ ปเนตฺถ อาคมนโตปิ สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ลพฺภติ อภิธมฺเม มคฺคํ ปติ อนิมิตฺตนามสฺส อนุทฺธตตฺตา. อนุทฺธฏตฺตํ ปน น อนุทฺธริตพฺพตามตฺเตน, อถ โข นิปฺปริยายโต ตสฺส มคฺเค อลพฺภนโต. กิฺจาปิ หิ อยํ วิปสฺสนา นิจฺจนิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏนฺตี ปวตฺตติ, สงฺขารนิมิตฺตสฺส ปน อนิสฺสชฺชนโต น นิปฺปริยายโต อนิมิตฺตนามํ ลภติ. ยํ ปเนตํ สุตฺเต –

‘‘อนิมิตฺตฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;

ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๓๔๔) –

มคฺคสฺส อนิมิตฺตภาววจนํ, ตํ ยถาวุตฺตปริยายวเสน ลพฺภมานํ คเหตฺวา วุตฺตํ. อภิธมฺเม ปน ยา สยมฺปิ นิปฺปริยายโต อนิมิตฺตนามํ น ลภติ, สา กถํ มคฺคสฺส ตํ ทเทยฺยาติ มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ น อุทฺธฏํ. ยทิ เอวํ สุฺตนาเมนปิ อิทํ สมานํ. อนตฺตานุปสฺสนาปิ หิ กิฺจาปิ ปุคฺคลสุฺตํ คณฺหาติ, ธมฺมสุฺตํ ปน น คณฺหาตีติ สยํ นิปฺปริยาเยน สุฺตานุปสฺสนา นาม น โหตีติ สุฺตนามมฺปิ มคฺคสฺส น ทเทยฺย. อถ ปุคฺคลสุฺตาคฺคหณมตฺเตน สยํ สุฺตานุปสฺสนา หุตฺวา มคฺคสฺส ตํ ทเทยฺย, อนิจฺจานุปสฺสนาปิ สงฺขารนิมิตฺตสฺส คหเณปิ นิจฺจนิมิตฺตาทิอุคฺฆาฏนโต สยํ อนิมิตฺตานุปสฺสนา หุตฺวา มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ ทเทยฺยาติ? น อิทเมวํ, นิจฺจาทินิมิตฺตุคฺฆาฏเนน อนิมิตฺตภาวสฺส นิปฺปริยาเยน มคฺเค อลพฺภนโต นิจฺจาทินิมิตฺตุคฺฆาฏนสฺสปิ ปริยายภาวโต. นนุ อิทมฺปิ สพฺพตฺถ สมานํ. สุฺตอปฺปณิหิตภาโวปิ หิ นิปฺปริยาเยน อมคฺเค น ลพฺภติ ปุคฺคลสุฺตคฺคหณสฺส, ปณิธิโสสนสฺส จ อุชุกํ มคฺเคเนว นิปฺผชฺชนโต, ตสฺมา สุฺตานุปสฺสนาปิ อปฺปณิหิตานุปสฺสนาปิ ปริยาเยเนว ตํ ตํ นามํ ลภนฺตีติ มคฺคสฺส นิปฺปริยายโต นามํ น เทนฺตีติ? น, ตโต ลทฺธอริยมคฺคสฺส นิปฺปริยายโต สมฺปยุตฺตธมฺมวเสเนว สุฺตอปฺปณิหิตนามสมฺภวโต. กถํ? เปตฺวา พุทฺธุปฺปาทํ สรภงฺคสตฺถาราทิกาเลปิ ทุพฺพิชานียภาเวน สุขุมสฺส อนตฺตลกฺขณสฺส ปฺาย เอว โคจรภาวโต อนตฺตานุปสฺสนาย อนุปสฺสนโต มคฺคกฺขเณ ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ. ยถาห – ‘‘อนตฺตโต มนสิกโรโต ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๑).

ตฺจ ปน สยํ อตฺตาภินิเวสสมุคฺฆาฏนโต, อริยมคฺคปริยาปนฺนตฺตา จ นิปฺปริยายโตว สุฺตนามํ ลภติ. ทุกฺขานุปสฺสนาย สมาธิวิปจฺจนีกสฺส ปณิธิสงฺขาตราคสฺส โสสนโต ตสฺสา วเสน อนุปสฺสนฺตสฺส มคฺคกฺขเณ สมาธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ. ยถาห – ‘‘ทุกฺขโต มนสิกโรโต สมาธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหตี’’ติ. ตฺจ ปน สยํ ปณิธิโสสนโต, อริยมคฺคปริยาปนฺนตฺตา จ นิปฺปริยายโตว อปฺปณิหิตนามํ ลภติ. สพฺพสงฺขารานํ ปน อนิจฺจภาวํ อาคมนโต สุตฺวา ปจฺฉา สยํ ปจฺจกฺขโต ปสฺสโต ‘‘อนิจฺจเมว วต โส ภควา ‘อนิจฺจ’นฺติ อาหา’’ติ ภควติ สทฺธาพาหุลฺลปฏิลาภโต อนิจฺจานุปสฺสนาย มนสิกโรโต มคฺคกฺขเณ สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ. ยถาห – ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหตี’’ติ. ตํ ปน สยํ สงฺขารนิมิตฺตโต วุฏฺหนฺตมฺปิ อริยมคฺคปริยาปนฺนํ น โหตีติ นิปฺปริยายโต อนิมิตฺตนามํ น ลภติ, ตสฺมา ยถา กายกมฺมาธิกํ จิตฺตํ ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ สุฺตสงฺขาตปฺินฺทฺริยาธิมตฺโต มคฺโค สุฺตนามํ ลภติ, อปฺปณิหิตสงฺขาตสมาธินฺทฺริยาธิมตฺโต อปฺปณิหิตนามํ, สทฺธินฺทฺริยาธิมตฺโต ปน สทฺธาย อนิมิตฺตนามาลาภโต สยมฺปิ ตํ น ลภติ. ยทิ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน สุฺตาทินามาลาโภ, อถ กถํ ‘‘อาคมนโต’’ติ วุตฺตํ? สจฺจํ, อาคมนโต อธิมตฺตสฺส ปน อินฺทฺริยสฺส วเสน ลทฺธนามมฺปิ อาคมนโตว ลทฺธํ โหติ.

อถ วา อภิธมฺมปริยาเยนปิ สุฺตภาโว นาม ปุคฺคลสุฺตาเยวาติ ปุคฺคลสุฺตคฺคาหิตาย อนตฺตานุปสฺสนาย สุฺตนามํ นิปฺปริยายโตว ลพฺภติ. ปณิธิ นาม ราคาทิกา เอวาติ ราคาทิโสสิตาย ทุกฺขานุปสฺสนาย อปฺปณิหิตนามมฺปิ นิปฺปริยายโตว ลพฺภติ.

นิมิตฺตนฺติ ปน เปตฺวา สุตฺตนฺตปริยายํ อภิธมฺมปริยาเยน สงฺขารนิมิตฺตํ โหตีติ สงฺขารนิมิตฺตคฺคาหิตาย อนิจฺจานุปสฺสนาย อนิมิตฺตนามํ นิปฺปริยายโต น ลพฺภติ, ตสฺมา นิปฺปริยายโต สุฺตอปฺปณิหิตนามิกานํ อนตฺตทุกฺขานุปสฺสนานํ วเสน ปฏิลทฺธมคฺโค อาคมนโต สุฺตอปฺปณิหิตนามํ ลภติ, อนิมิตฺตนามํ ปน ปริยายโตว ลภติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนิมิตฺตนามํ ปเนตฺถ อาคมนโตปิ สุตฺตนฺตปริยาเยเนว ลพฺภติ อภิธมฺเม มคฺคํ ปติ อนิมิตฺตนามสฺส อนุทฺธฏตฺตา’’ติ. อิติ อิเมสํ ติณฺณํ วิโมกฺขานํ ปเวสนทฺวารภาวโต สุฺตานุปสฺสนาทินามิกา อนตฺตานุปสฺสนาทิกา ติสฺโส อนุกฺกเมน พลวภาวํ ปตฺวา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาภูตา ตีณิ วิโมกฺขมุขานีติ เวทิตพฺพานิ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ตีณิ โข ปนิมานิ วิโมกฺขมุขานิ โลกนิยฺยานาย สํวตฺตนฺติ, สพฺพสงฺขาเร ปริจฺเฉทปริวฏุมโต สมนุปสฺสนตาย อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตาย, สพฺพสงฺขาเรสุ มโนสมุตฺเตชนตาย อปฺปณิหิตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตาย, สพฺพธมฺเม ปรโต สมนุปสฺสนตาย สุฺตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตาย, อิมานิ ตีณิ วิโมกฺขมุขานิ โลกนิยฺยานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๙).

เอตฺถ หิ ปริจฺเฉทปริวฏุมโตติ อุทยพฺพยวเสน ปริจฺเฉทโต เจว ปริวฏุมโต จ. อนิจฺจานุปสฺสนา หิ ‘‘อุทยโต ปุพฺเพ สงฺขารา นตฺถี’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เตสํ คตึ สมนฺเนสมานา วยโต ปรํ น คจฺฉนฺติ, เอตฺเถว อนฺตรธายนฺตีติ ปริวฏุมโต ปริยนฺตโต สมนุปสฺสติ. สมนุปสฺสนตายาติ สมฺมเทว อนุปสฺสนตาย สํวตฺตนฺตีติ สมฺพนฺโธ. มโนสมุตฺเตชนตายาติ จิตฺตสํเวชนตาย. ทุกฺขานุปสฺสเนน หิ สงฺขาเรสุ จิตฺตํ สํวิชฺชติ. ปรโต สมนุปสฺสนตายาติ ‘‘นาหํ, น มม’’นฺติ เอวํ อนตฺตโต สมนุปสฺสนตาย. อิติ อิมานิ ตีณิ ปทานิ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ ติณฺณํ วเสน วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. เตเนว จ ตทนนฺตเร ปฺหาวิสฺสชฺชเน –

‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต ขยโต สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ, ทุกฺขโต มนสิกโรโต ภยโต สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ, อนตฺตโต มนสิกโรโต สุฺโต สงฺขารา อุปฏฺหนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๙) –

วุตฺตํ. นนุ เจตฺถ อภิธมฺมาวตารสฺส ภาสมานตฺตา อภิธมฺมปริยาเยเนว วิโมกฺขมุขานิ จ ววตฺถเปตุํ ยุตฺตนฺติ? สจฺจํ, อนิจฺจานุปสฺสนายปิ ปน มคฺควุฏฺานํ โหตีติ ปกาสนตฺถํ สุตฺตนฺตปริยาเยนปิ เอกํ ววตฺถานํ กตํ, ตถา วุฏฺิโต ปน มคฺโค อภิธมฺมปริยาเยน สุทฺธิกปฏิปทายเมว สงฺคยฺหตีติ ทฏฺพฺพํ.

จตุมคฺคโยคเภทโตติ โสตาปตฺติอาทีหิ จตูหิ อริยมคฺเคหิ สมฺปโยคปฺปเภทโต. อริยมคฺคานํ ปน สมฺมาทิฏฺาทิอฏฺงฺคสภาวตฺตา, เตสฺจ สพฺพโลกุตฺตเร อตฺถิตาย ภงฺควเสน อเภเทปิ อินฺทฺริยานํ อปาฏวปาฏวตรตมภาเวน สจฺฉิกิริยาวิเสสโต กิเลสานํ ปหานเภโท โหตีติ ตํวเสน จตุพฺพิธตา ทฏฺพฺพา. เตเนวาห ‘‘สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉา’’ติอาทิ. สติ วิชฺชมาเน ปฺจกฺขนฺธสงฺขาเต กาเย ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ, สยํ วา ตตฺถ สติ ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ, ปฺจสุ ขนฺเธสุ อตฺตตฺตนิยาภินิเวสวเสน ปวตฺตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา เอตํ อธิวจนํ. สา ปน เอเกกสฺมึ ขนฺเธ จตุธา อภินิเวสนวเสน วีสติวิธา โหติ. ตถา หิ โกจิ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ ‘‘ยํ รูปํ, โส อตฺตา, โย อตฺตา, ตํ รูปํ, ยถา ทีปสฺส วณฺโณเยว อจฺจิ, อจฺจิเยว วณฺโณ’’ติ. รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ สมนุปสฺสติ, ฉายาวนฺตํ วิย รุกฺขํ. อตฺตนิ วา รูปํ, ปุปฺเผ วิย คนฺธํ. รูปสฺมึ วา อตฺตานํ, สมุคฺเค วิย มณิ. เอวํ เวทนาทีสุปิ ‘‘เวทนํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. ตตฺถ โย ปฺจวิโธ อพฺยติริตฺตอตฺตาภินิเวโส, สา อุจฺเฉททิฏฺิ. โย ปน ปนฺนรสวิโธ พฺยติริตฺตอตฺตาภินิเวโส, สา สสฺสตทิฏฺีติ เวทิตพฺพํ.

สภาวํ วิจินนฺโต ตาย กิจฺฉติ กิลมตีติ วิจิกิจฺฉา, ติกิจฺฉิตุํ ทุกฺกรตาย วา วิคตา จิกิจฺฉา าณปติกาโร อิมิสฺสาติ วิจิกิจฺฉา. สา ปน –

‘‘สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ, ธมฺเม, สงฺเฆ, สิกฺขาย, ปุพฺพนฺเต, อปรนฺเต, ปุพฺพนฺตาปรนฺเต, อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘ โถกํ. วิสทิสํ) –

เอวํ พุทฺธาทีสุ กงฺขาวเสน อฏฺวตฺถุกา,

‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, น นุ โข อโหสึ, กึ นุ โข อโหสึ, กถํ นุ โข อโหสึ, กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธานํ, น นุ โข ภวิสฺสามิ, กึ นุ โข ภวิสฺสามิ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธานํ, เอตรหิ วา ปน ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานํ อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหติ, อหํ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) –

เอวํ ปุพฺพนฺตาทโย อารพฺภ ปวตฺติวเสน โสฬสวตฺถุกา จ นิทฺทิฏฺา.

ตตฺถ สตฺถริ กงฺขนฺโต ตสฺส รูปกายธมฺมกายานํ วิชฺชมานตํ, อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ, ธมฺเม กงฺขนฺโต ตสฺส สฺวากฺขาตทฺวากฺขาตภาเว กงฺขติ, สงฺเฆ กงฺขนฺโต ตสฺส สุปฺปฏิปนฺนวิปฺปฏิปนฺนตาทิภาเว กงฺขติ, สิกฺขาย กงฺขนฺโต ตสฺสา สุปฺตฺตทุปฺปฺตฺตภาวํ กงฺขติ, ปุพฺพนฺเต กงฺขนฺโต สสฺสตาการํ, อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ, อปรนฺเต กงฺขนฺโต สสฺสตาการํ, อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน อุปฺปตฺตึ, อนุปฺปตฺติฺจ กงฺขติ, ปุพฺพนฺตาปรนฺเต กงฺขนฺโต ปจฺจุปฺปนฺเน อตฺตโน อตฺถิภาวํ, นตฺถิภาวฺจ กงฺขติ. ปจฺจุปฺปนฺโน หิ อทฺธา ปุพฺพภาคาปรภาคโกฏฺาสวนฺตตาย ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺโต’’ติ วุจฺจติ, ยุตฺตํ ปน ตํ อารพฺภ กงฺขาชนนนฺติ? ยุตฺตํ, อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโน. ตสฺมา โส ยํ กิฺจิ กงฺขติเยว. เตเนว จ โสฬสวตฺถุกวิจิกิจฺฉานิทฺเทเส ‘‘เอตรหิ วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาจริยา ปน ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺโตติ อตีตานาคเต เอกชฺฌํ คเหตฺวา ตทุภยมารพฺภ กงฺขนฺโต ปุพฺพนฺตาปรนฺเต กงฺขตี’’ติปิ วทนฺติ. อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กงฺขนฺโต ปน อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยานํ, สงฺขาราทีนฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุเหตุสมุปฺปนฺนภาวสฺส สพฺภาวาสพฺภาวํ กงฺขตีติ เอวํ ตาว อฏฺวตฺถุกกงฺขาย ปวตฺติ เวทิตพฺพา.

โสฬสวตฺถุกา ปน ‘‘อโหสึ นุ โข…เป… น นุ โข อโหสิ’’นฺติ กงฺขนฺโต วุตฺตนเยเนว อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานาวิชฺชมานตํ กงฺขติ. กึ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคุปปตฺติโย นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณาทีสุ คหฏฺาทีสุ เทวาทีสุ อฺตโร นุ โข’’ติ กงฺขติ. กถํ นุ โขติ สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โข อโหสึ, รสฺสโอทาตกาฬาทีนฺจ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. อิสฺสรนิมฺมานาทีนิ นิสฺสาย ‘‘เกน นุ โข ปกาเรน อโหสิ’’นฺติ นิพฺพตฺตนาการโต กงฺขตีติ วทนฺติ. กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา นุ โข มนุสฺโส อโหสิ’’นฺติ อตฺตโน อปราปรํ ปวตฺตึ กงฺขติ. ภวิสฺสามิ นุ โข, น นุ โขติ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานาวิชฺชมานตํ กงฺขติ. ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสามี’’ติอาทิ วุตฺตนยเมว. อหํ นุ โขสฺมิ, น นุ โขสฺมีติ อิทานิ อตฺตโน อตฺถิภาวํ, นตฺถิภาวฺจ กงฺขติ. ตตฺถ การณํ วุตฺตเมว. กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติยาทิโกว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยาทิภาวํ กงฺขติ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. กถํ นุ โขสฺมีติ ‘‘อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถี’’ติ คเหตฺวา ตสฺส ทีฆาทิภาวํ กงฺขติ. ปจฺจุปฺปนฺนํ ปน อตฺตโน สรีรสณฺานํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. กุโต อาคโต, กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคตคตฏฺานานิ กงฺขตีติ เวทิตพฺพํ.

สีลฺจ วตฺจ สีลพฺพตํ, ตตฺถ โคสีลาทิอสุทฺธิมคฺโค สมาทานวเสน สีลํ, อวีติกฺกมวเสน วตํ. อุภยถาปิ วา สีลํ, ตโปกมฺมภาเวน คหิตตฺตา วตํ. ควาทิปกติภาวโต อตฺตโน วา ควาทิภาวาธิฏฺานํ สีลํ, ‘‘คจฺฉนฺโต ภกฺเขติ, ติฏฺนฺโต มุตฺเตตี’’ติอาทินา ควาทิกิริยาย กรณํ วตํ. ตํตํอกิจฺจสมฺมสโต วา นิวตฺติ สีลํ, ตํสมาทานวโต เวสโภชนกิจฺจจรณาทิวิเสสปฏิปตฺติ วตํ. สภาวํ อติกฺกมฺม ปรโต อามสนํ คหณนฺติ ปรามาโส, สีลพฺพตสฺส ปรามาโส สีลพฺพตปรามาโส. อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธิ, วเตน สุทฺธิ, สีลพฺพเตน สุทฺธีติ เอวํ อสุทฺธิมคฺเค ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ ปวตฺตสฺส มิจฺฉาภินิเวสสฺเสตํ อธิวจนํ. สกฺกายทิฏฺิ จ วิจิกิจฺฉา จ สีลพฺพตปรามาโส จาติ สกฺกาย…เป… ปรามาโส, เตเยว กมฺมวิปาเกสุ, วฏฺฏสฺมึ วา สตฺเต สํโยเชนฺติ พนฺธนฺตีติ สํโยชนานิ, เตสํ ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทีหิ ตทงฺควเสน ปหีนานํ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน อจฺจนฺตสมุจฺเฉทปฺปหานํ กโรตีติ สกฺกา…เป…ปฺปหานกรํ.

นิพฺพานํ ปติ สวนโต สนฺทนโต โสโต วุจฺจติ อริโย อฏฺงฺคิกมคฺโค, ตสฺส อาทิโต ปชฺชนํ โสตาปตฺติ, นิพฺพานํ มคฺคติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียติ, กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉตีติ วา มคฺโค, โสตาปตฺติ เอว มคฺโค โสตาปตฺติมคฺโค. อถ วา โสตํ อาทิโต ปชฺชติ อธิคจฺฉตีติ โสตาปตฺติ, ปโม อริยปุคฺคโล, ตสฺส มคฺโค โสตาปตฺติมคฺโค, สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ, เตน สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ โสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ.

รชฺชติ อภิสชฺชตีติ ราโค, โส อิธ ปฺจกามวิสยา, กามภววิสยา จ ตณฺหา. ทุสฺสตีติ โทโส, ทสวิธอาฆาตวตฺถุปทฏฺาโน พฺยาปาโท. มุยฺหตีติ โมโห, ทุกฺขาทีสุ อฏฺสุ อฺาณํ. เอเตสํ กิเลสานํ ตนุตฺตํ ตนุภาวํ กโรตีติ ราค…เป… ตนุตฺตกรํ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ ตนุตฺตํ อภิณฺหานุปฺปตฺติโต, ปริยุฏฺานมนฺทตาย จาติ. สกทาคามิสฺส หิ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺส วิย กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ วิรฬาการา หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อุปฺปชฺชนฺตาปิ มทฺทนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธการํ กโรนฺตา นุปฺปชฺชนฺติ. ทฺวีหิ ปน มคฺเคหิ ปหีนตฺตา มนฺทมนฺทา ตนุกตนุกา อุปฺปชฺชนฺติ. เกจิ ปน สกทาคามิสฺส กิเลสา จิเรน อุปฺปชฺชนฺตาปิ พหลาว อุปฺปชฺชนฺติ. ตถา หิสฺส ปุตฺตธีตโร ทิสฺสนฺตีติ วทนฺติ. ตํ อการณํ, วตฺถุปฏิเสวเนน วินาปิ คพฺภคฺคหณสพฺภาวโต, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว ทฺวีหิ การเณหิ เนสํ ตนุภาโว เวทิตพฺโพ. กสฺมา ปเนตฺถ โมหสฺส ตนุภาโว วุตฺโต, นนุ ตติยมคฺควชฺฌานเมว อิมินา ตนุตฺตกรณํ วตฺตพฺพํ, อิตรถา เหฏฺา ตีหิปิ มคฺเคหิ อุปริมคฺควชฺฌกิเลสานํ พหลาพหลาวตฺถาย ปหียมานตฺตา อิธ สพฺเพสเมว อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ตนุภาโว วตฺตพฺโพ, เตเนว จ ปาฬิยมฺปิ ‘‘กามราคพฺยาปาทานํ ตนุภาวาย ทุติยาย ภูมิยา ปตฺติยา’’ติ วุตฺตนฺติ. สจฺจเมตํ, สุตฺเต ปน อุปริมคฺควชฺฌานํ ตนุภาวปริยายํ คเหตฺวา ‘‘ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหตี’’ติ เหตุตฺตยตนุภาวสฺส อาคตตฺตา อิธาปิ ตทนุโลเมน วุตฺตํ. ‘‘กามราคพฺยาปาทาน’’มิจฺเจว วา ปาโ. ตถา หิ เอตฺเถว อุปริ ทุติยมคฺคาณนิทฺเทเส ‘‘พฺยาปาทกามราคานํ, ตนุภาวํ ตุ สาธย’’นฺติ (อภิธ. ๑๓๕๓) วุตฺตํ. ปฏิสนฺธิวเสน สกิเทว อิมํ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉตีติ สกทาคามี, ตสฺส มคฺโค สกทาคามิมคฺโค. กิฺจาปิ หิ มคฺคฏฺสฺส ปฏิสนฺธิวเสน อาคมนาสมฺภวโต ผลฏฺโเยว สกทาคามี นาม โหติ, ตสฺส ปน อาคมนภูโต มคฺโค มคฺคนฺตราวจฺเฉทนตฺถํ ตทายตฺตภาวูปนยเนน สกทาคามิมคฺโคติ วุจฺจติ, ตํสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ สกทาคามิมคฺคจิตฺตํ.

ปฺจสุ กามคุเณสุ, กามภเว จ ราโค กามราโค. พฺยาปชฺชติ เตน จิตฺตนฺติ พฺยาปาโท. ปฏิสนฺธิวเสน อิมํ กามธาตุํ น อาคจฺฉตีติ อนาคามี. รูปภเว ฉนฺทราโค รูปราโค. อรูปภเว ฉนฺทราโค อรูปราโค. มาโน อิธ อรหตฺตาธิคมํ ปฏิจฺจ อุณฺณติมตฺตํ. อุทฺธจฺจมฺปิ ‘‘โก เม ภาโร กิเลสสมุจฺเฉทเน’’ติ เอวมาการปฺปวตฺตํ จิตฺตสฺส อวูปสมมตฺตํ. อวิชฺชาปิ อสุเข สุขสฺาวิปลฺลาโส. อารกตฺตา กิเลเสหิ, มิจฺฉาปฏิปนฺเนหิ วา, ราคาทิอรีนํ, สํสารจกฺกสฺส อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, รโหปิ ปาปากรเณน ปาปกรเณ รหสฺส อภาวา, รหิตพฺพโต ชหิตพฺพโต ‘‘รหา’’ติ ลทฺธนามานํ วา ปาปธมฺมานํ อภาวโต, สาธูหิ อรหิตพฺพโต อปริจฺจชิตพฺพโต, รหสงฺขาตสฺส วา คมนสฺส สํสาเร อภาวโต อรหา, อฏฺโม อริยปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว อรหตฺตํ, อคฺคผลสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ ‘‘อรหา’’ติ อภิธานสฺส, พุทฺธิยา จ ปวตฺตินิพนฺธนตฺตา อรหโต ภาโวติ กตฺวา ‘‘อรหตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺส อาคมนภูโต มคฺโค อรหตฺตมคฺโค, ตํสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ อรหตฺตมคฺคจิตฺตํ.

ฌานงฺคโยคเภทโตติ รูปาวจรํ วิย ปฺจหิ ฌานงฺเคหิ สมฺปโยคเภทโต. กถํ ปนสฺส เภโทติ? เอตฺถ ตาว อฏฺกถาวาโท, ตโย จ เถรวาทาติ จตฺตาโร วาทา โหนฺติ. ตถา หิ อฏฺกถายํ ตาว ‘‘สงฺขารุเปกฺขาภาวํ ปตฺวา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนามคฺคสฺส ฌานงฺคํ นิยเมตี’’ติ วุตฺตํ. ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร ปน ‘‘มคฺคาสนฺนวิปสฺสนาย ปทฏฺานภูตํ ปาทกชฺฌานํ นิยเมตี’’ติ อาห. โมรวาปิวาสิมหาทตฺตตฺเถโร ‘‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺติ. ยฺหิ ฌานํ สมฺมสิตฺวา วุฏฺาติ, ตํสทิโสว โหตี’’ติ อาห. ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร ปน ‘‘ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมติ, ‘อโห วต ปฺจงฺคิกํ, จตุรงฺคิกํ วา มคฺคํ ปาปุเณยฺย’นฺติอาทินา ยถา ยถาสฺส อชฺฌาสโย โหติ, ตถา ตถา มคฺโค โหตี’’ติ อาห.

ยสฺมา ปน อฏฺกถาวาโท ปมาณํ, ตโย จ เถรา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา, ตสฺมา จตฺตาโรปิ วาทา อฺมฺํ อปฺปฏิพาหนวเสน เอวํ เวทิตพฺพา. กถํ? กามาวจรธมฺเม ตาว สมฺมสิตฺวา สุกฺขวิปสฺสกสฺส อุปฺปนฺนมคฺโคปิ สมาปตฺติลาภิโน ฌานํ ปาทกํ อกตฺวา อุปฺปาทิตมคฺโคปิ วิปสฺสนานิยาเมน ปมชฺฌานิกาว โหนฺติ. สเจ ปน กิฺจิ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิโต โหติ, ตสฺส วเสน องฺคปริณาโม โหตีติ ตํตํฌานสทิโส โหติ. ยสฺมา ปเนตฺถ กามาวจรกฺขนฺเธ อารพฺภ ปวตฺตา วิปสฺสนา กามาวจรธมฺเมสุ จ มหคฺคตธมฺเมสุ วิย ภาวนาวิเสสโต ฌานงฺควิเสโส นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตี’’ติ เอวํ ปวตฺโต ทุติยตฺเถรวาโท อิมํ วาทํ น ปวิสติ. ฌานธมฺเม สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมคฺโค สเจ ปาทกชฺฌานํ นตฺถิ, สมฺมสิตชฺฌานนิยาเมน ตํตํฌานิโก โหติ. สเจ ปมชฺฌานโต วุฏฺาย ทุติยาทิฌาเน สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิโต, ปุคฺคลชฺฌาสยนิยาเมน ทฺวีสุ อฺตรชฺฌานสทิโส โหติ. สเจ ปน ปุคฺคลสฺส ตถาวิโธ อชฺฌาสโย นตฺถิ, ตทา กถนฺติ? เอตฺถ ตาว เกจิ ‘‘นานาวชฺชนวีถิยเมว นิวตฺตมานปาทกชฺฌานโต เอกาวชฺชนวีถิยํ โคตฺรภุภาวํ ปตฺวา นิวตฺตมานาย วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธาเยว พลวนฺโต, ตสฺมา สมฺมสิตกฺขนฺธนิยาเมน ตํสทิโส มคฺโค โหตี’’ติ วทนฺติ. เอวฺจ สติ ‘‘ปาทกชฺฌานนิยาเมน โหตี’’ติ เอวํ ปวตฺโต ปมตฺเถรวาโท ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย กามาวจรกฺขนฺเธ สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคเมว สนฺธาย ติฏฺตีติ.

อปเร ปน ‘‘ปาทกชฺฌานํ มคฺคสฺส มูลการณวเสน ปจฺจโย โหติ อาสนฺนการณวเสนปิ, สมฺมสิตกฺขนฺธา ปน มูลการณวเสเนว ปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา สมฺมสิตกฺขนฺธโต ปาทกชฺฌานเมว พลวตรนฺติ ปาทกชฺฌานสทิโส มคฺโค โหตี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต ปน ‘‘สมฺมสิตกฺขนฺธนิยาเมนา’’ติ เอวํ ปวตฺโต ทุติยตฺเถรวาโท สมาปตฺตึ ปาทกํ อกตฺวา เกวลํ ฌานธมฺเมเยว สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคเมว สนฺธาย ติฏฺติ. ยสฺมา ปน เหฏฺิมเหฏฺิมชฺฌานโต อุปรูปริฌานํ พลปฺปตฺตํ โหติ, ตสฺมา เหฏฺิมเหฏฺิมชฺฌานโต วุฏฺาย อุปรูปริฌานธมฺเม วิปสฺสโต อุปฺปนฺนมคฺโค ปาทกชฺฌานํ อนเปกฺขิตฺวา สมฺมสิตชฺฌานวเสน ตํตํฌานิโก โหติ. อุปรูปริฌานโต ปน วุฏฺาย เหฏฺิมเหฏฺิมชฺฌานธมฺเม สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมคฺโค สมฺมสิตชฺฌานํ อนเปกฺขิตฺวา ปาทกชฺฌานสทิโส โหตีติ อิทเมตฺถ สารตรํ. เอวฺหิ สติ ทฺวินฺนมฺปิ เถรานํ วาทา นิปฺปเทสวิสยา สมผลา โหนฺติ.

ตติยตฺเถรวาโท เจตฺถ ปาทกชฺฌานํ, สมฺมสิตชฺฌานํ วา วินา อชฺฌาสยมตฺเตเนว น อิชฺฌติ. ตีสุปิ วาเทสุ เปตฺวา เสสฌานงฺคปริณามํ เวทนาปริณาโม วิปสฺสนานิยาเมเนว โหติ. ตโยปิ เถรวาทา วิปสฺสนานิยาเมน วินา น โหนฺตีติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ เวทนาปิ ฌานงฺคเมว, ตสฺมา ตายปิ ปาทกชฺฌานนิยาเมเนว ภวิตพฺพนฺติ? ตํ น, เวทนายปิ ปาทกชฺฌานนิยาเมน ปริณาเม สติ วิปสฺสนานิยามํ อนเปกฺขิตฺวา ปาทกชฺฌานนิยาเมเนว มคฺคกฺขเณ เสสฌานงฺคานิ ปริณามฏฺาเนเยว เวทนายปิ ปริณาโม ภเวยฺย, ตถา ปน อหุตฺวา เอกาวชฺชนวีถิยา อาทิโตว ปริณามนโต มคฺควุฏฺานวีถิยา อาสนฺนตรปฺปวตฺตาย วิปสฺสนาย วเสน เวทนานิยาโม โหติ.

อถ วา ปาทกชฺฌานสมฺมสิตชฺฌานานํ สมฺภเว เตสุ อนุปฺปนฺนา เวทนา วิปสฺสนาย น โหตีติ ปาทกชฺฌานสมฺมสิตชฺฌานนิยาเมน ปริณมตีติปิ น สกฺกา วตฺตุํ. เอตฺถ สิยา – ยตฺถ ตาว ปาทกชฺฌานํ อตฺถิ, ตตฺถ ตํ นิยเมติ. ยตฺถ ปน ติกจตุกฺกปาทกชฺฌานํ นตฺถิ, ตสฺมึ อรูปภเว กึ นิยเมตีติ? ตตฺถาปิ ปาทกชฺฌานเมว นิยเมติ. โย หิ ภิกฺขุ อฏฺสมาปตฺติลาภี ปมชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา โสตาปตฺติมคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา อรูปภเว นิพฺพตฺโต ปมชฺฌานิกาย โสตาปตฺติผลสมาปตฺติยา วุฏฺาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อุปริ ตีณิ มคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตติ, ตสฺส ตานิ ปมชฺฌานิกาเนว โหนฺติ. ทุติยชฺฌานิกาทีสุปิ เอเสว นโย. อรูเปปิ หิ โลกุตฺตรํ ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปชฺชตีติ เอวเมตฺถ เอเกกสฺส โลกุตฺตรกุสลสฺส ฌานงฺคโยคเภโท เวทิตพฺโพติ.

มคฺคา…เป… นิปฺผาเทตีติ เตภูมกกุสลํ วิย ปฏิสนฺธิปฺปวตฺตีสุ อวิปจฺจวนฺตมฺปิ อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปสฺส ผลสฺส นิปฺผาทเนน ตํตํผลปฺปตฺเต โสตาปนฺโน สกทาคามี อนาคามี อรหาติ สามฺโต จตฺตาโร อริยปุคฺคเล อภินิปฺผาเทตีติ. วิเสสโต ปน สตฺตกฺขตฺตุปรมตาทิเก อเนเกปิ โสตาปนฺนาทโย นิปฺผาเทติ.

โลกุตฺตรกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุภูมกกุสลวณฺณนา

๒๘. เอวํ จตุภูมกกุสลจิตฺตํ สรูปโต นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตํ นิคเมนฺโต อาห ‘‘กาเม อฏฺเวา’’ติอาทิ. ตตฺถ กาเมติ กามภเว. ตถา ‘‘รูเป’’ติอาทีสุ.

๒๙. กุสลากุสลาปคเตนาติ กุสลากุสลกมฺมโต อปคเตน. อคฺคมคฺคสฺส หิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย อรหโต สพฺพานิ กุสลากุสลกมฺมานิ ปหีนานิ นาม โหนฺติ ปจฺจยเวกลฺเลน ปฏิสนฺธิทาเน อสมตฺถภาวโต. ยโต จ อริยมคฺคาณํ ‘‘กมฺมกฺขยกร’’นฺติ วุจฺจติ. อถ วา อเหตุอปจฺจยวิสุชฺฌนสฺส อภาวโต กิเลสสมุจฺเฉทเกน มคฺคกุสเลน อกุสเลหิ อปคเตน. กุสเล กุสเลนาติ กุจฺฉิตานํ สลนาทีหิ กุสลสงฺขาตาย ปฏิปตฺติยํ เทสนุปฺปาทนาทีสุ เฉเกน. มุนินาติ อุภยโลกมุนนเกน อคฺคผลาเณน, สพฺพฺุตฺาเณน วา สมนฺนาคตตฺตา มุนินา. เตนาห –

‘‘โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ.

วสินาติ ฉฬภิฺตาย ปรเมน จิตฺตวสิภาเวน สมนฺนาคตตฺตา, ฌานาทีสุ ปฺจวิธวสิสพฺภาวโต จ วสิภูเตน วสิภาวูปคตินฺทฺริเยน.

จตุภูมกกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

อกุสลวณฺณนา

เอตฺตาวตา จ ยํ ‘‘กุสลากุสลาพฺยากตชาติเภทโต ติวิธ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตํ กุสลํ, ตํ สรูปโต นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตทนนฺตรุทฺทิฏฺํ อกุสลํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘อกุสลํ ปนา’’ติอาทิ. ‘‘ภูมิโต เอกวิธ’’นฺติ วุตฺตมตฺถํ นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กามาวจรเมวา’’ติ. นิกายนฺตริกา ปน รูปารูปาวจรมฺปิ อกุสลํ อิจฺฉนฺตีติ เตสํ มตินิเสธนตฺถํ อวธารณํ กตํ. มหคฺคตภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺตมฺปิ เหตํ ตตฺถ รูปธาตุยํ ปวตฺติวิปากํ เทนฺตมฺปิ เอกนฺเตน กามาวจรเมวาติ. กุโต ปเนส นิยโมติ? กามตณฺหาวิสยภาวโต. กามตณฺหาวิสยตา หิ กามาวจรภาวสฺส การณํ ยถา รูปารูปตณฺหาวิสยตา รูปารูปภาวสฺส. เอกํเสน เจตํ เอวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. อิตรถา พฺยาปิตลกฺขณํ น สิยา. ยทิ หิ อาลมฺพิตพฺพธมฺมวเสน ภูมิววตฺถานํ กเรยฺย, เอวํ สติ อนารมฺมณานํ สงฺคโห น สิยา. อถ วิปากทานวเสน, เอวมฺปิ อวิปากานํ สงฺคโห น สิยา, ตสฺมา อาลมฺพณธมฺมวเสเนว ปริยาปนฺนานํ สา กาตพฺพา. อปริยาปนฺนานํ ปน โลกโต อุตฺติณฺณตาย โลกุตฺตรตา, อุตฺตริตราภาวโต อนุตฺตรตา จ เวทิตพฺพาติ.

โทมนสฺสสฺส อนีวรณาวตฺถาย อภาเวน ตํสหคตจิตฺตุปฺปาโท กามภูมิยํเยว ปวตฺตตีติ โส นิยตวตฺถุโก, อิตเร อรูปภูมิยมฺปิ ปวตฺตนโต อนิยตวตฺถุกาติ อาห ‘‘นิยตา…เป… ทุวิธ’’นฺติ. วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตานํ โมเหกเหตุกตฺตา, อิตเรสมฺปิ โลภโมหโทสโมหวเสน ทฺวิเหตุกตฺตา อาห ‘‘เอกเหตุกทุเหตุกโต’’ติ. อาทิโต เอกาทสนฺนํ อกุสลจิตฺตานํ ปฏิสนฺธิชนนโต, อุทฺธจฺจสหคตสฺส ตทภาวโต อาห ‘‘ปฏิสนฺธิชนกาชนกโต’’ติ. อุทฺธจฺจสหคตฺหิ ปวตฺติวิปากํ เทนฺตมฺปิ ปฏิสนฺธึ นากฑฺฒติ. ยโต วกฺขติ –

‘‘เอกาทสวิธานํ ตุ, หิตฺวา อุทฺธจฺจมานสํ;

เอกาทสวิธา เจว, ภวนฺติ ปฏิสนฺธิโย’’ติ. (อภิธ. ๕๓๖);

เยน ปน การเณน ตํ ปฏิสนฺธึ นากฑฺฒติ, ตํ ปฏิสนฺธิวินิจฺฉยกถาหิ อิมิสฺสา คาถาย วณฺณนาปเทเสเยว วกฺขาม. ตีหิ เวทนาหีติ สุขทุกฺโขเปกฺขาสงฺขาตาหิ ตีหิ เวทนาหิ. ยถาห – ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, เวทนา. กตมา ติสฺโส? สุขา ทุกฺขา อทุกฺขมสุขา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๔๙). ยํ ปน กตฺถจิ สุตฺเต ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, เวทนา สุขา ทุกฺขา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๖๗) วจนํ, ตํ กุสลปกฺขิกํ อุเปกฺขํ สุเข, อกุสลปกฺขิกฺจ ทุกฺเข ปกฺขิปิตฺวา ปริยาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สุปฺปติฏฺิตภาวการณตฺตา มูลมิวาติ มูลํ, โลโภ มูลํ เอตสฺสาติ โลภมูลํ. กิฺจาปิ หิ โมโหปิ โลภมูเลสุ อตฺถิ, โส ปน สพฺพากุสลสาธารณตฺตา ววตฺถานกโร น โหตีติ อสาธารณธมฺมวเสน ‘‘โลภมูล’’นฺตฺเวว วุตฺตํ ยถา ‘‘เภริสทฺโท ยวงฺกุโร’’ติ. ตถา ‘‘โทสมูล’’นฺติ เอตฺถาปิ. มูลนฺตรวิรหโต โมโห เอว มูลํ อิมสฺส, นาฺนฺติ โมหมูลํ.

มิจฺฉาวเสน ทสฺสนํ ทิฏฺิ, ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตํ ยถา ‘‘อากาสคตํ ถามคต’’นฺติ. อถ วา วิปริเยสคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา คตเมว, น เอตฺถ คนฺตพฺพวตฺถุ ตถาสภาวนฺติ ทิฏฺิคตํ, ทฺวาสฏฺิยา วา ทิฏฺีสุ อนฺโตคธนฺติ ทิฏฺิคตํ, เตน สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตนฺติ ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตํ.

‘‘ยทา หี’’ติอาทิ โลภมูลจิตฺตานํ ปวตฺติอาการทสฺสนํ. มิจฺฉาทิฏฺินฺติ อุจฺเฉททิฏฺิอาทึ มิจฺฉาทิฏฺึ. ตาย หิ วิปลฺลตฺตจิตฺตา ตาว โกธวิสโย, ยาว อินฺทฺริยโคจโรติ ปรโลกํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นตฺถิ กาเมสุ อาทีนโว’’ติ คณฺหนฺติ. อาทิ-สทฺเทน –

‘‘เอส ปนฺโถวิตโถ เทวยาเน,

เยน ยนฺติ ปุตฺตวนฺโต วิโสกา;

ตํ ปสฺสนฺติ ปสโว ปกฺขิโน จ,

เตน เต มาตริปิ มิถุนํ จรนฺตี’’ติ. –

อาทินา นเยน ปุตฺตมุขทสฺสนํ สคฺคโมกฺขมคฺโคติ เอวมาทิกํ มิจฺฉาทิฏฺึ สงฺคณฺหาติ. กาเม วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ. เตน ‘‘พฺราหฺมณานํ สุวณฺณหรณเมว อทินฺนาทาเน สาวชฺชํ, อิตรํ อนวชฺชํ, คุรูนํ, คุนฺนํ, อตฺตโน ชีวิตสฺส, วิวาหสฺส จ อตฺถาย มุสาวาโท อนวชฺโช, อิตโร สาวชฺโช, คุรุอาทีนํ อตฺถาย เปสุฺกรณํ อนวชฺชํ, อิตรํ สาวชฺชํ, ภารตยุทฺธสีตาหรณาทิกถา ปาปวูปสมาย โหตี’’ติ เอวมาทิเก มิจฺฉาคาเห สงฺคณฺหาติ. ทิฏฺมงฺคลาทีนีติ ทิฏฺสุตมุตมงฺคลานิ. สารโต ปจฺเจตีติ วุฑฺฒิยา ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน อคฺคเหตฺวา ‘‘อิทเมว วุฑฺฒิการณ’’นฺติ เอวํ สารวเสน คณฺหาติ. สภาวติกฺเขเนวาติ โลภสฺส, มิจฺฉาภินิเวสสฺส วา วเสน สรเสเนว ติขิเณน กุรุเรน. มนฺเทนาติ ทนฺเธน อติขิเณน. ตาทิสํ ปน อตฺตโน, ปรสฺส วา สมุสฺสาหเนน ปวตฺตตีติ อาห ‘‘สมุสฺสาหิเตนา’’ติ. ปรสฺส ภณฺฑํ วา หรตีติ วา-สทฺเทน ตถาปวตฺตนกมุสาวาทาทีนมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. กามานํ วาติ อนุภุยฺยมานานํ กามคุณานํ. วา-สทฺเทน ปรสนฺตกสฺส อยถาธิปฺเปตตาย ยํ ลทฺธํ, ตํ คเหตพฺพนฺติ คหณาทิกํ สงฺคณฺหาติ.

สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน เภทาภาวโต โทสมูลํ อสงฺขาริกสสงฺขาริกเภทโต ทุวิธํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘โทมนสฺสสหคตํ ปฏิฆสมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ? อสาธารณธมฺเมหิ ตสฺส จิตฺตสฺส อุปลกฺขณตฺถํ. ปาณสฺส อตีว, อติกฺกมิตฺวา วา ปาตนํ ปาณาติปาโต. อาทิ-สทฺเทน อทินฺนาทานมุสาวาทเปสุฺผรุสสมฺผปฺปลาปพฺยาปาเท สงฺคณฺหาติ. ทสอกุสลกมฺมปเถสุ หิ กาเมสุมิจฺฉาจารอภิชฺฌามิจฺฉาทิฏฺิสงฺขาตา ตโยว กมฺมปถา อิมินา น สิชฺฌนฺติ. สภาวติกฺขํ หุตฺวา ปวตฺตมานํ จิตฺตํ อสงฺขารเมว โหติ, อิตรํ สสงฺขารนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ติกฺขมนฺทปฺปวตฺติกาเล’’ติ. มนฺทํ ปน หุตฺวา ปวตฺตมานํ เอกํเสน สสงฺขารเมวาติ น สกฺกาว วิฺาตุํ. ยํ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน ปวตฺตติ, ตํ มนฺทเมว โหตีติ กตฺวา ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

โมหมูลํ จิตฺตํ มูลนฺตรวิรหโต อติมูฬฺหํ วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจโยคโต จฺจลฺจาติ อุเปกฺขาสหคตเมว โหติ, น ตสฺส กทาจิปิ สภาวติกฺขตา อตฺถิ. อารมฺมเณ หิ สํสปฺปนวเสน, วิกฺขิปนวเสน จ ปวตฺตมานสฺส จิตฺตทฺวยสฺส กึ ตาทิเส กิจฺเจ สภาวติกฺขตาย, อุสฺสาเหตพฺพตาย วา ภวิตพฺพํ, ตสฺมา น ตตฺถ สงฺขารเภโท อตฺถิ. นนุ จ อุทฺธจฺจํ สพฺพากุสลสาธารณํ, กสฺมา ปน เอตเมว เตน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘อุทฺธจฺจสหคต’’นฺติ. วิเสสโต พลวภาวโต. อิทฺหิ เอตสฺมึ จิตฺเต พลวํ, ตสฺมา สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ปธานํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมว เตน วิเสสิตพฺพํ. เตเนว หิ ปาฬิยํ เสสากุสเลสุ อุทฺธจฺจํ เยวาปนกวเสน อาคตํ, อิธ ปน สรูปโตเยว นิทฺทิฏฺํ. เอวํ อสาธารณปฺปธานธมฺมวเสน โมหมูลํ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตํ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตนฺติ ทุวิธํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อสนฺนิฏฺานํ สํสโย, วิกฺเขโป อวูปสโม, ภนฺตตาติ อตฺโถ. ตตฺถ วิจิกิจฺฉาสหคตสฺส อสนฺนิฏฺานกาเล, อุทฺธจฺจสหคตสฺส วิกฺเขปกาเล จ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.

ยถานุรูปนฺติ ปฏิสนฺธิชนกาชนกสฺส, กมฺมปถภาวปฺปตฺตาปตฺตสฺส จ อนุรูปโต. อถ วา ยถานุรูปนฺติ โย ยสฺส เหตุ, ตทนุรูปโต. เยภุยฺเยน หิ โลภมูลเกน ขุปฺปิปาสาทินิรนฺตรเปตวิสเย อุปฺปชฺชนฺติ, โทสมูลเกน โทโส วิย จณฺฑชาตตาย ตํสริกฺขเก นิรเย, โมหมูลเกน นิจฺจสมฺมูฬฺหาย ติรจฺฉานโยนิยํ, ตสฺมา โลภาทิเหตุอนุรูปโต ตตฺถ ตตฺถ อปาเย อุปปตฺตึ นิปฺผาเทตีติ อาห ‘‘ยถานุรูปํ…เป… อุปปตฺติยา’’ติ. อกุสลวิปากานํ ทุกฺขปฺปธานตาย ‘‘ทุกฺขวิเสสสฺสา’’ติ วุตฺตํ.

๓๑. อปาเปน อลามเกน ปาปาปาปปฺปหีเนน ปาปาปาเปสุ มานเสสุ ยํ ปาปมานสํ วุตฺตํ, ปาปาปาเปสุ ปุคฺคเลสุ อปาเปน ปาปาปาปปฺปหีเนน ยํ ปาปมานสํ วุตฺตนฺติ วา สมฺพนฺโธ. อถ วา ปาปาปาเปสุ มานเสสุ ปาเปน ปาปมานเสน ปาปวเสน ปาปาปาปปฺปหีเนน ยํ ปาปมานสํ วุตฺตนฺติ โยชนา. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – อสมฺมาสมฺพุทฺเธน ตาว ธมฺมสภาวสฺส ทุพฺพิชานียตฺตา กุสลมฺปิ อกุสลโต, อกุสลมฺปิ กุสลโต วุจฺเจยฺย, ภควโต ปน สห วาสนาหิ วิทฺธํสิตากุสลสฺส กมฺมกฺขยกราเณน ปจฺจยเวกลฺลโต วิทฺธํสิตกุสลกมฺมสฺส จ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต เอกนฺเตเนว อกุสลเทสนา อกุสลธมฺมวเสเนวาติ.

อกุสลวณฺณนา นิฏฺิตา.

อพฺยากตวณฺณนา

อฺมฺวิสิฏฺานํ กุสลากุสลานํ ปากนฺติ วิปากํ, วิปกฺกภาวมาปนฺนานมรูปธมฺมานเมตมธิวจนํ. ยถา หิ โลเก สาลิพีชาทีนํ ผลานิ ตํสทิสานิ นิพฺพตฺตานิ วิปกฺกานิ นาม โหนฺติ, วิปากนิรุตฺติฺจ ลภนฺติ, น มูลงฺกุรปตฺตทณฺฑนฬาทีนิ, เอวํ กุสลากุสลานํ ผลานิ อรูปธมฺมภาเวน, สารมฺมณภาเวน จ ตํสทิสานิ วิปกฺกภาวมาปนฺนานีติ วิปากนิรุตฺตึ ลภนฺติ, น ปน กมฺมาภินิพฺพตฺตาปิ รูปธมฺมา กมฺมวิสทิสตฺตา. วิปากเมว จิตฺตํ วิปากจิตฺตํ. กรณมตฺตํ กิริยา ผลทานาสมฺภวโต. เยน ปน การเณน ตสฺส ผลทานํ น สมฺภวติ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. กิริยา เอว จิตฺตํ กิริยจิตฺตํ. วิปากสฺส กามาวจราทิภาโว กุสเล วุตฺตนเยน ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺโพ. อโลภาทิสมฺปยุตฺตเหตูหิ สห วตฺตนโต สเหตุกํ. ตทภาวโต อเหตุกํ. นิพฺพตฺตกเหตุวเสน สิชฺฌมานมฺปิ เหตํ สมฺปยุตฺตเหตุวเสเนว ‘‘สเหตุกมเหตุก’’นฺติ วุจฺจติ, อิตรถา ววตฺถานาภาวโต.

สกกุสลํ วิยาติ อตฺตโน ชนกํ กามาวจรกุสลํ วิย. ชนกชนิตพฺพสมฺพนฺธวเสน หิ ตํ ตํ กุสลํ ตสฺส ตสฺส วิปากสฺส สกํ นามํ โหติ.

‘‘สกกุสลํ วิยา’’ติ วุตฺตตฺตา ปวตฺตาการอารมฺมณาทิโต จสฺส ตํสทิสตา อาปชฺเชยฺยาติ ตํนิวารณตฺถมาห ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ. ฉสุ อารมฺมเณสูติ ปริตฺตาทิอตีตาทิอชฺฌตฺตาทิเภเทสุ ฉสุ รูปาทิอารมฺมเณสุ. ภวนฺตรปฏิสนฺธานโต ปฏิสนฺธิ. อวิจฺเฉทปฺปวตฺติเหตุภาเวน ภวสฺส องฺคนฺติ ภวงฺคํ. นิพฺพตฺติตภวโต ปริคฺตาย จุติเหตุตาย จุติ. ปริตฺตธมฺมปริยาปนฺเนสูติ กามาวจรธมฺมปริยาปนฺเนสุ. กามาวจรธมฺมา หิ กิเลสวิกฺขมฺภนาทีสุ อสมตฺถภาเวน ปริตฺตานุภาวตาย, โอฬาริกาหิ วา กามตณฺหาทีหิ ปริโต คหิตตฺตา ‘‘ปริตฺตา’’ติ วุจฺจนฺติ. วิปากสฺส สงฺกปฺเปตฺวา อารมฺมณคฺคหณาภาวโต กมฺมานุรูปเมว ปวตฺตตีติ ปริตฺตกมฺมวิปาโก ปริตฺตารมฺมเณเยว ปวตฺติตุมรหติ, น มหคฺคตอปฺปมาณารมฺมเณติ วุตฺตํ ‘‘ปริตฺตธมฺมปริยาปนฺเนสู’’ติ. ยทิ เอวํ มหคฺคตวิปาโกปิ มหคฺคตารมฺมเณเยว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, สฺายตฺตารมฺมณสฺส สมาธิปฺปธานสฺส กมฺมสฺส อปฺปนาปตฺตสฺส ตาทิเสเนว วิปาเกน ภวิตพฺพตฺตา. วณฺณลกฺขณาทิกฺหิ อคฺคเหตฺวา โลกสฺานุโรเธเนว คหิเต ปถวาทิเก ปริกมฺมสฺาย สมุปฺปาทิตํ ปฏิภาคนิมิตฺตสงฺขาตมารมฺมณํ สฺาวสํ สฺายตฺตํ โหติ, ตสฺมา ตทารมฺมณสฺส สมาธิปฺปธานสฺส อปฺปนาปตฺตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน สมาธิปฺปธานอปฺปนาปตฺเตหิ วิย สฺายตฺตารมฺมณตาย นิพฺพิเสเสเนว ภวิตพฺพํ. ปริตฺตวิปาโก ปน มหคฺคตอปฺปมาณปฺตฺตารมฺมณกมฺมนิพฺพตฺโตปิ โหติ, โส ปรโต อาคมิสฺสติ.

มุขนิมิตฺตํ วิยาติ มุขํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนนิมิตฺตํ วิย. ยถา หิ ตํ นิรีหํ อปรํ มุขนิมิตฺตํ อุปฺปาเทตุํ, อฺํ วา กิฺจิ อตฺตโน พเลน กาตุํ น สกฺโกติ, เอวเมตมฺปิ วิปากุปฺปาทนาทีสุ น อุสฺสหติ. เตนาห ‘‘นิรุสฺสาห’’นฺติ. อุสฺสาโหติ เจตฺถ อนุปจฺฉินฺนาวิชฺชาตณฺหามานานุสยสฺมึ สนฺตาเน วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาสงฺขาโต, อาเสวนปจฺจยภาวสงฺขาโต, วิฺตฺติชนกตาสงฺขาโต จ พฺยาปาโร. โส วิปาเก นตฺถิ กมฺมเวคุกฺขิตฺตตฺตา ปติตํ วิย หุตฺวา ปวตฺตมานสฺส ตสฺส เอกนฺเตน ทุพฺพลภาวโตติ ตํ นิรุสฺสาหํ.

วิปจฺจนฏฺานนฺติ วิปจฺจนวเสน ปวตฺตนฏฺานํ, ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติตทารมฺมณวเสน จตุกิจฺจานเมเตสํ ปวตฺติโอกาโสติ อตฺโถ. ตตฺถ จุติภวงฺคานํ อนฺตราฬํ ปฏิสนฺธิกิจฺจานํ านํ, ปฏิสนฺธิอาวชฺชนานํ, ตทารมฺมณาวชฺชนานํ, ชวนาวชฺชนานํ, โวฏฺพฺพนาวชฺชนานฺจ อนฺตราฬํ ภวงฺคกิจฺจานํ านํ, ตทารมฺมณปฏิสนฺธีนํ, ชวนปฏิสนฺธีนํ, ภวงฺคปฏิสนฺธีนํ วา อนฺตราฬํ จุติกิจฺจานํ านํ, ชวนภวงฺคานํ อนฺตราฬํ ตทารมฺมณกิจฺจานํ านนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา ปเนตํ านํ ธมฺมานํ ตํตํกิจฺจวเสน ปากฏํ โหติ, ตสฺมา านํ เวทิตพฺพนฺติ านํ อุทฺธริตฺวา ปากฏกิจฺจวเสเนว ตํ ปกาเสตุํ ‘‘อิมานิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา กิจฺจมฺปิ กิจฺจวนฺตานํ ปวตฺติฏฺานภาเวน คยฺหตีติ านนฺติปิ กิจฺจเมว อุทฺธฏนฺติ ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อิมานิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๓๒. อณฺฑชชลาพุชโยนิสมฺภวานํ มนุสฺสานํ, วินิปาติกาสุรานฺจ อเหตุกปฏิสนฺธิยาปิ สพฺภาวโต อาห ‘‘ทุเหตุกติเหตูน’’นฺติ. ปฏิสนฺธิวิฺาณสมฺปยุตฺตา ทฺเว อโลภาทโย เหตู เยสํ เต ทุเหตุกา. เอส นโย ติเหตุเกสุปิ. ตตฺถ ทุเหตุกานํ าณวิปฺปยุตฺตานิ จตฺตาริ, ติเหตุกานํ าณสมฺปยุตฺตานิ จตฺตาริ ปฏิสนฺธิโย โหนฺติ, ตถา ภวงฺคจุติโยปิ. เยน เยน หิ จิตฺเตน ปฏิสนฺธิ โหติ, ตํ ตเทว ภวงฺคจุติวเสนปิ ปวตฺตติ. ตทารมฺมณํ ปน อวิเสเสน ทฏฺพฺพํ ทุเหตุกานมฺปิ ติเหตุกตทารมฺมณสฺส อิจฺฉิตตฺตา. นนุ เจตํ อสมเปกฺขิตาภิธานํ อาจริเยเนว อิมสฺส ปฏิสิทฺธตฺตา. ตถา หิ วกฺขติ –

‘‘อเหตุปฏิสนฺธิสฺส, น ตทารมฺมณํ ภเว;

ทุเหตุกํ ติเหตุํ วา, ทุเหตุปฏิสนฺธิโน’’ติ. (อภิธ. ๔๔๓);

นยิทมสมเปกฺขิตาภิธานํ ปฏิสนฺธิชนกกมฺมํ สนฺธาย ตตฺถ ปฏิสิทฺธตฺตา. เยน หิ กมฺเมน ยา ปฏิสนฺธิ อาทินฺนา, น ตํ ตโต อธิกตรํ ตทารมฺมณํ ปวตฺเต อภินิปฺผาเทติ. ยํ ปน อฺมฺปิ กิฺจิ กมฺมํ ตทาลทฺธาวกาสํ สิยา, น ตํ ตตฺถ ตโต อธิกตรมฺปิ วิปากํ น นิพฺพตฺเตตีติ อตฺถิ. ‘‘สเหตุกํ ภวงฺคํ อเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๑๐๒) หิ ปฏฺานวจเนน อเหตุกสฺสาปิ นานากมฺเมน สุคติยํ สเหตุกตทารมฺมณมนุฺาตํ. เตนาหุ อาจริยา –

‘‘โหติ อฺเน กมฺเมน, สเหตุกํ อเหตุน’’นฺติ.

ยถา จ อเหตุกสฺส สเหตุกํ, เอวํ ทุเหตุกสฺส ติเหตุกมฺปิ อิจฺฉนฺติ. อาจริยโชติปาลตฺเถโร ปน ‘‘สเหตุก’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อเหตุกานมฺปิ ติเหตุกตทารมฺมณํ อิจฺฉติ. วุตฺตฺหิ เตน ‘‘สเหตุก’’นฺติ อวิเสโสปเทเสน ทุเหตุกํ, ติเหตุกฺจ คเหตพฺพํ. ตถา หิ อฏฺกถายํ ‘‘อเหตุกสฺสาปิ ติเหตุกตทารมฺมณมภิหิตํ, ยฺจรหิ อตฺถสมาเส อเหตุกานํ ติเหตุกผลานิ เทตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ กถํ? โส เอว ปุจฺฉิตพฺโพ, โย ตสฺส กตฺตาติ. อปเร ปน ‘‘มูลสนฺธิยา ชฬตฺตา ตสฺส ติเหตุกตทาลมฺพณํ น ลพฺภติเยวา’’ติ วทนฺติ.

๓๓-๔. ตโตติ ปฏิสนฺธิโต ปรํ, ทุติยจิตฺตโต ปฏฺาย. สติปิ อนฺตรนฺตรา วีถิจิตฺตุปฺปาเท ตทวสาเน อุปฺปชฺชมานสฺส ยาวตายุกํ อนิวตฺตนโต วุตฺตํ ‘‘ยาวตายุก’’นฺติ. พลวารมฺมเณติ อติมหนฺตวิภูตารมฺมเณ. ปฺจทฺวาเร หิ อติมหนฺตารมฺมเณ มโนทฺวาเร วิภูตารมฺมเณ ตทารมฺมณมุปฺปชฺชติ, น อฺเสุ. เอการมฺมณปฺปวตฺติยา ปฏิสนฺธาทีนํ ติณฺณมฺปิ เอกฏฺาเน ทสฺสนตฺถํ อุทฺเทเส ตทารมฺมณสฺส อวสานกรณํ, อิธ ปน ปวตฺติกฺกมวเสน จุติยา อวสานกรณนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๓๕-๖. กมฺมทฺวารนฺติ กายวจีกมฺมทฺวารสฺส ชนกวเสน น ปวตฺตนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ กาโยติ กายวิฺตฺติ. กมฺมนฺติ ตํสมุฏฺาปิกา เจตนา, กาเยน กตํ กมฺมํ กายกมฺมํ. กิฺจาปิ หิ กาโย กมฺมสฺส จตุวีสติยา ปจฺจเยสุ น เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ, ตถาปิ ตํสมุฏฺานสฺส ตสฺส สพฺภาเวเยว กายกมฺมาทิโวหาโรติ ตํ เตน กตนฺติ วุจฺจติ. กายกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานภูตํ ทฺวารํ กายกมฺมทฺวารํ. ยทิ เอวํ กมฺมทฺวารววตฺถานํ น สิยา. กายทฺวาเรน หิ สิทฺธํ กมฺมํ ‘‘กายกมฺม’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปน ‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กายกมฺมทฺวาร) วจนโต วจีทฺวาเรปิ สิชฺฌตีติ ทฺวาเรน กมฺมววตฺถานํ น สิยา, ตถา วจีกมฺมํ กายทฺวาเรปิ สิชฺฌตีติ กมฺเมน ทฺวารววตฺถานมฺปิ น สิยาติ? ตํ น, ตพฺพหุลวุตฺติยา เจว เยภุยฺเยน วุตฺติยา จ ววตฺถิตตฺตา. กายกมฺมฺหิ กายทฺวาเรเยว พหุลํ ปวตฺตติ, อปฺปํ วจีทฺวาเร, ตสฺมา กายทฺวาเร พหุลปฺปวตฺตนโต เอตสฺส กายกมฺมภาโว สิทฺโธ วนจรกาทีนํ วนจรกาทิภาโว วิย. ตถา กายกมฺมเมว เยภุยฺเยน กายทฺวาเร ปวตฺตติ, น อิตรํ, ตสฺมา กายกมฺมสฺส เยภุยฺเยน เอตฺเถว ปวตฺติโต อสฺส กายกมฺมทฺวารภาโว สิทฺโธ พฺราหฺมณคามาทีนํ พฺราหฺมณคามาทิภาโว วิยาติ เนตฺถ กมฺมทฺวารววตฺถาเน โกจิ วิพนฺโธติ. วจีกมฺมทฺวาเรปิ เอส ปพนฺโธ ยถาสมฺภวํ ทฏฺพฺโพ.

มโนกมฺมทฺวารํ ปน สยํ มโนเยว สมานํ อตฺตนา สหคตเจตนาอนภิชฺฌาทิกมฺมานํ ปวตฺติทฺวารภาเวน มโนทฺวารสงฺขํ ลภตีติ น ตํ จิตฺตสฺส อุปฺปตฺติทฺวารวเสน คณฺหาติ. น หิ สยํ อตฺตโตว ปวตฺตติ. ยทิ ปน จิตฺตสมฺปยุตฺตา กมฺมทฺวารภาเวน อธิปฺเปตา, ตทา เตสํ กมฺมทฺวารภาโว มนสฺมึ น อุปจารียตีติ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ จิตฺตาธิปติภาโว จิตฺเต วิยาติ จิตฺตํ ‘‘มโนกมฺมทฺวาร’’นฺติ วุจฺจติ. สภาวโต ปน กมฺมทฺวารํ นาม สมฺปยุตฺตธมฺมาเยวาติ จิตฺตํ ตโต ปวตฺตนโต มโนกมฺมทฺวารวเสน ปวตฺตติ. อนนฺตรปจฺจยภูตสฺส ปน มโนกมฺมทฺวารภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อิธ ปน ‘‘อวิฺตฺติชนตฺตา’’ติ วจเนน กายวจีกมฺมทฺวารวเสเนว อปฺปวตฺติยา สาธิตตฺตา มโนกมฺมทฺวารํ น คหิตเมว. น หิ ‘‘อวิฺตฺติชนตฺตา’’ติ การณํ มโนกมฺมทฺวารวเสนปิ อปฺปวตฺตึ สาเธติ. อถ วา ‘‘อวิปากสภาวโต’’ติ วจเนน มโนกมฺมทฺวารวเสนปิ อปฺปวตฺติ สาธิตา โหติ. ‘‘กมฺมทฺวาร’’นฺติ เอตฺถ กมฺมคฺคหเนน นานกฺขณิกกมฺมสฺส อธิปฺเปตตฺตา ตสฺสาปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. อิติ อิเมสุ กายวจีกมฺมทฺวารสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ ทฺวาเรสุ, มโนกมฺมทฺวาเรน สห ตีสุ เอว วา ยถา กุสลํ ปวตฺตติ, น เอวํ วิปาโก, ยถา จ กุสลํ กายวจีมโนกมฺมสฺส อายูหนวเสน ทานาทิปุฺกิริยวตฺถุวเสน ปวตฺตติ, น เอวมยํ. อยํ ปน เนว กายวจีกมฺมทฺวาเรสุ ปวตฺตติ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺตาภาวโต, น กมฺมวเสน, มโนกมฺมทฺวารวเสนาปิ จ ปวตฺตติ วิปากุปฺปาทนภาวาภาวโต, น ปุฺกิริยวเสน ปวตฺตติ ทานาทิวเสน อปฺปวตฺตนโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมทฺวารฺจ…เป… โน สมา’’ติ วุตฺตํ. เอวนฺติ ทานาทิวเสน.

๓๗. ‘‘ปริตฺตารมฺมณตฺตา’’ติอาทิ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน วิเสสทสฺสนํ. ยสฺมา เอเต ปริตฺตารมฺมณา, กรุณามุทิตา จ ปฺตฺตารมฺมณา สตฺตปฺตฺติยํ ปวตฺตนโต, ตสฺมา ทฺวินฺนมาลมฺพณานํ เอกจิตฺตสฺส วิสยภาวานนุคมนโต น เตสุ กรุณามุทิตา กทาจิปิ ชายนฺตีติ อยเมตฺถ ปมคาถาย อธิปฺปาโย.

๓๘. ทุติยคาถาย ปน หิ-สทฺโท ยสฺมาติ อิมสฺส อตฺเถ. ยสฺมา ‘‘ปฺจ สิกฺขาปทา กุสลา’’ติ (วิภ. ๗๑๕) วุตฺตา, ตสฺมาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภควตา หิ สิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘ปฺจ สิกฺขาปทา กุสลา’’ติ (วิภ. ๗๑๕) เอวํ ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณี’’ติอาทีนํ ปฺจนฺนํ สิกฺขาปทานํ กุสลภาโว วุตฺโต, เต จ วิรติสภาวา เอว อาทิโต ติณฺณํ สิกฺขาปทานํ, ปจฺฉิมสฺส จ สมฺมากมฺมนฺเต, อิตรสฺส สมฺมาวาจายํ, ปฺจนฺนมฺปิ มิจฺฉาชีวเหตุกปฺจทุจฺจริตโต วิรมณวเสน ปวตฺตานํ สมฺมาอาชีเว จ อนฺโตภาวโต, ตสฺมา ตา เอกนฺตกุสลภูตานํ กทาจิ อพฺยากเต ลภนฺติ, อิตรถา สทฺธาสติอาทโย วิย ‘‘สิยา กุสลา, สิยา อพฺยากตา’’ติ วุจฺเจยฺยุนฺติ. ยทิ เอวํ โลกุตฺตรผเลสุ อฏฺ, สตฺต วา มคฺคงฺคา น ลพฺภนฺตีติ? โน น ลพฺภนฺติ โลกิยวิรตีนเมว ตตฺถ เอกนฺตกุสลภาวสฺส วุตฺตตฺตา, โลกุตฺตรวิรติโย ปน ผลสฺส มคฺคปฏิพิมฺพภูตตฺตา มคฺคสทิสโต อฏฺงฺคิกตาย, สตฺตงฺคิกตาย จ ภวิตพฺพนฺติ น จ เอกนฺตกุสลภาเวน ววตฺถาเปตุํ ยุตฺตา. เอวฺจ กตฺวา อุปริ โลกุตฺตรผเลสุปิ อฏฺงฺคิกตาทิเภโท มคฺโค อุทฺธโฏติ.

๓๙. ‘‘ตถาธิปติโน’’ติอาทิ อธิปติวเสน วิเสสทสฺสนํ. สพฺเพสมฺปิ หิ เตภูมกกุสลานํ อฺโ อายูหนกาโล, อฺโ วิปจฺจนกาโล, ตสฺมา น ตานิ อตฺตโน วิปาเกหิ อธิปตึ คาหาเปตุํ สกฺโกนฺตีติ น เต ฉนฺทาทีนิ ธุรํ กตฺวา ปวตฺตนฺติ. โลกุตฺตรกุสลานิ จ ปน อายูหนกาลสฺส, วิปจฺจนกาลสฺส จ อนฺตราภาวโต อตฺตโน ฉนฺทาทีนํ พลสฺส อวูปสนฺตกาเลเยว วิปากํ นิพฺพตฺเตนฺตีติ อนนฺตรปจฺจยา หุตฺวา วิปาเกหิ อธิปตึ คาหาเปตุํ สกฺโกนฺตีติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ โลกุตฺตรวิปากานํ อธิปติโยคํ วกฺขติ.

๔๐. ยสฺมา โมรวาปิวาสิมหาทตฺตตฺเถเรน วิปากานํ อาคมนโต อสงฺขาริกสสงฺขาริกภาโว อิจฺฉิโต, ติปิฏกจูฬนาคตฺเถเรน ปจฺจยโต, ตสฺมา อุภินฺนมฺปิ มติทสฺสนตฺถมาห ‘‘อสงฺขารสสงฺขารวิธาน’’นฺติอาทิ. ปุริมตฺเถโร หิ ยถา มุเข จลิเต อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ จลติ, เอวํ อสงฺขาริกสฺส กุสลสฺส วิปาโก อสงฺขาริโก, สสงฺขาริกสฺส วิปาโก สสงฺขาริโกติ อาห, ตสฺมา ตสฺส มติทสฺสนตฺถํ ‘‘อสงฺขาร…เป… ปุฺโต’’ติ วุตฺตํ. ทุติยตฺเถโร ปน อสงฺขาริกาทีสุ เยน เกนจิปิ จิตฺเตน กมฺเม อายูหิเต อาสนฺนมรณสฺส อตฺตโน, ปเรสํ วา ปโยเคน วินา อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตปจฺจุปฏฺาเน ปฏิสนฺธิ อุปฺปชฺชมานา อสงฺขาริกา. ยสฺส กสฺสจิ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กมฺมาทิปจฺจุปฏฺาเน สสงฺขาริกา. ตถา ภวงฺคจุติโยปิ. ตทารมฺมณฺจ ปณีตาปณีตอุตุโภชนาทิปจฺจยวเสน, อนนฺตรนิรุทฺธกุสลากุสลสฺส วเสน วา อสงฺขารสสงฺขารนฺติ เอวํ ปจฺจยโต อสงฺขาริกาทิวิธานตมาห, ตสฺมา ตสฺส มติทสฺสนตฺถํ ‘‘เยฺยํ ปจฺจยโต เจวา’’ติ วุตฺตํ. อิทเมว จ ปน อาจริยา ปสํสนฺติ.

๔๑-๒. หีนาทีนํ วิปากตฺตาติ อธิปติโยคาภาเวปิ หีนมชฺฌิมปณีตานํ กุสลานํ วิปากตฺตา. เอเตน อาคมนโต หีนาทิภาวํ วิภาเวติ. วิเนยฺยสนฺตานคตกิเลสมลวิธมเนน ตสฺส ปุนนโต ปุฺโ วาโท วจีโฆโส เอตสฺส, วุตฺตนเยเนว ปุฺํ วทตีติ วา ปุฺวาที, เตน ปุฺวาทินา. ‘‘เอกนฺเตน สวตฺถุก’’นฺติ วุตฺเตปิ รูปโลเก ปวตฺติ อนิวาริตาติ อาห ‘‘กามโลกสฺมิ’’นฺติ. ‘‘น ปนฺตฺถ ชายเต’’ติ อิมินา ปน พฺยติเรกโต ลทฺธมตฺถํ ทสฺเสตีติ.

เอวํ ตาว สเหตุกวิปาเก นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ อเหตุเก นิทฺทิสิตุํ ‘‘อเหตุกวิปากจิตฺตํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กสฺมา ปน สเหตุกสฺส กมฺมสฺส อเหตุกวิปาโก โหตีติ? วุจฺจเต – จกฺขุวิฺาณาทีนํ ตาว ปฺจนฺนํ อารมฺมณาภินิปาตมตฺตตฺตา อโลภาทิสมฺปโยโค น สมฺภวติ, ตถา มนฺทตรกิจฺเจสุ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรเณสูติ เอวํ เหตูนํ อุปฺปตฺติยา อสมฺภวโต จ เนสํ อเหตุกตา ทฏฺพฺพา. อุเปกฺขาทิโยเค ปน จกฺขุวิฺาณาทีนํ ตาว จตุนฺนํ อิฏฺารมฺมเณปิ ปวตฺตมานานํ วตฺถารมฺมณสงฺฆฏฺฏนาย ทุพฺพลภาวโต อุเปกฺขาสหคตตา, กายวิฺาณสฺส จ ตาย พลวภาวโต สุขสหคตตา โหติ. สมฺปฏิจฺฉนํ ปน อารมฺมณฆฏฺฏนโยคฺยภาเวน โอฬาริกตฺตา, จตุจิตฺตกฺขณาตีตวเสน จิรชาตตฺตา จ ทุพฺพลมตฺตโน นิสฺสเยน สห อสมานชาติกฺจ จกฺขาทิวตฺถุํ นิสฺสาย อุปฺปนฺเนหิ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ลทฺธานนฺตรปจฺจยตาย, อปุพฺพนิสฺสยตาย จ อารมฺมณรสสฺสาเท ทุพฺพลนฺติ อิฏฺาทีสุ อารมฺมเณสุ อุเปกฺขาสหคตเมว. สนฺตีรณํ ปน วุตฺตวิปรีตโต อิฏฺารมฺมเณ สุขสหคตํ, อิฏฺมชฺฌตฺเต จ อุเปกฺขาสหคตนฺติ ทฏฺพฺพํ. มโนวิฺาณธาตุ วิย วิสิฏฺมนนกิจฺจาภาวโต มโนมตฺตา นิสฺสตฺตนิชฺชีวาทิอตฺเถหิ ธาตุ จาติ มโนธาตุ. สา หิ สติปิ วิฺาณภาเว มโนวิฺาณโต สมฺภวสฺส วิสิฏฺมนนกิจฺจสฺส อกรณโต มนนมตฺตาเยว โหติ. วุตฺตลกฺขณวิปรีตโต ปน มโน จ ตํ วิฺาณฺจาติ มโนวิฺาณํ, ตเทว ยถาวุตฺตฏฺเน ธาตูติ มโนวิฺาณธาตุ.

วิฺาณปฺจกํ นิยตารมฺมณํ ยถากฺกมํ รูปาทิเอเกกสฺเสว อารมฺมณกรณโต. เสสตฺตยมนิยตารมฺมณํ ปฺจารมฺมณิกฉฬารมฺมณิกภาวโต.

ทฏฺพฺพตาย ทิฏฺํ, รูปายตนํ. โสตพฺพตาย สุตํ, สทฺทายตนํ. มุนิตพฺพตาย มุตํ, สมฺปตฺตสฺเสว คเหตพฺพตายาติ อตฺโถ, คนฺธาทิตฺตยสฺเสตํ นามํ. จกฺขาทีหิ วินา เกวลํ มนสา เอว วิชานิตพฺพตาย วิฺาตํ, ธมฺมายตนํ. อนามฏฺกาลวิเสสวจนตฺตา จ เนสํ อตีตานาคตาปิ รูปาทโย ทิฏฺาทิสทฺเทหิ วุจฺจนฺติ. เตเนว หิ ‘‘ทฏฺพฺพตายา’’ติอาทินา กาลสามฺเน เนสํ นิพฺพจนํ วุตฺตํ. ทิฏฺํ อารมฺมณํ ยสฺส ตํ ทิฏฺารมฺมณํ. เอวํ สุตารมฺมณาทีสุ.

จกฺขุโต ปวตฺตนฺติ จกฺขุทฺวารโตว ปวตฺตํ สพฺพวากฺยานํ อวธารณผลตฺตา. เตน มโนธาตุอาทีนํ จกฺขุวิฺาณภาโว นิวาริโต โหติ เตสํ ทฺวารนฺตรโตปิ ปวตฺติสมฺภวโต. อถ วา ‘‘จกฺขุโต ปวตฺต’’นฺติ อิทํ สฺชาติปฺปวตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ, น สฺจรณปฺปวตฺตึ, ตสฺมา ยถา กุณฺฑมุขโต อุทกํ สฺจรณวเสน ปวตฺตติ, น เอวํ ปวตฺตมิธ คหิตํ. ยถา ปน จนฺทกนฺตปาสาณโต อุทกํ สฺชาติวเสน ปวตฺตติ, เอวํ ปวตฺตเมว จกฺขุโต ปวตฺตนฺติ คหิตํ. ยถา จ กึ? ยถา กุจฺฉิโต สมุฏฺิตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทิ มุขโต สนฺทนฺตมฺปิ ‘‘มุขสฺสโว’’ติ น วุจฺจติ, มุขโตเยว ปน สมุฏฺหิตฺวา ตโต สวนฺตํ เขฬํ ‘‘มุขสฺสโว’’ติ วุจฺจติ, เอวํ หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยโต สมุฏฺหิตฺวา จกฺขุโต ปวตฺตมานํ จกฺขุวิฺาณํ นาม น โหติ. จกฺขุโตเยว ปน สมุฏฺหิตฺวา ตโต ปวตฺตมานํ จกฺขุวิฺาณํ นามาติ. โย ปน อิมมตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา พฺยฺชนมตฺตสฺเสว อภินิวิสิตฺวา ตํทฺวารปฺปวตฺตานํ เสสานมฺปิ จกฺขุวิฺาณภาวํ มฺเยฺย, ตํ นิวาเรตุํ ปการนฺตเรนปิ วิคฺคหํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จกฺขุมฺหิ สนฺนิสฺสิต’’นฺติ. ยถา จกฺขุโต ปวตฺตํ, จกฺขุสนฺนิสฺสิตํ วา วิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ, เอวํ โสตวิฺาณาทีสุปิ ‘‘โสตโต ปวตฺตํ, โสตสฺมึ สนฺนิสฺสิตํ วา วิฺาณํ โสตวิฺาณ’’นฺติอาทินา โยชนํ อติทิสนฺโต อาห ‘‘ตถา โสตวิฺาณาทีนี’’ติ.

จกฺขุสนฺนิสฺสิตํ หุตฺวา รูปสฺส วิชานนลกฺขณเมตสฺสาติ จกฺขุสนฺนิสฺสิตรูปวิชานนลกฺขณํ. ตตฺถ จกฺขุสนฺนิสฺสิตวจเนน ทิพฺพจกฺขาทิกํ อฺํ รูปารมฺมณํ วิฺาณํ นิวตฺเตติ. วิชานน-คฺคหเณน จกฺขุสนฺนิสฺสิเต ผสฺสาทิธมฺเม นิวตฺเตติ. จกฺขุรูป-คฺคหเณน นิสฺสยโต, อารมฺมณโต จ จิตฺตํ วิภาเวติ อุภยาธีนวุตฺติกตฺตา. ยทิ หิ จกฺขุ นาม น สิยา, อนฺธาปิ รูปํ ปสฺเสยฺยุํ, น จ ปสฺสนฺติ. ยทิ จ นีลาทิรูปํ นาม น สิยา, เทสาทินิยเมน น ภวิตพฺพํ, อตฺเถว จ นิยโม. เอกนฺตสารมฺมณตา จ จิตฺตสฺส วุตฺตาติ อารมฺมเณน วินา นีลาทิอาภาสํ จิตฺตํ ปวตฺตตีติ เอวํ ปวตฺโต วาโท มิจฺฉาวาโทติ คเหตพฺโพ. เตนาห ภควา ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕; สํ. นิ. ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕). เอตฺถ สิยา – กึ ปเนตํ จกฺขุ, รูปฺจ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหนฺตํ เอกเมว ปจฺจโย โหติ, อุทาหุ อเนกนฺติ? จกฺขุ ตาว เอกมฺปิ, รูปํ ปน อเนกเมว สงฺคตํ. กึ การณํ? ปจฺจยภาววิเสสโต. จกฺขุ หิ จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหนฺตํ อตฺถิภาเวเนว โหติ ตสฺมึ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ อภาวโต. ยโต ตํ อตฺถิอวิคตปจฺจเยหิสฺส ปจฺจโยติ วุตฺตํ, สฺวายํ ปจฺจยภาโว น เอกสฺมึ น สมฺภวตีติ เอกมฺปิ จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ. รูปํ ปน ยทิปิ จกฺขุ วิย ปุเรชาตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ ปุเรตรํ อุปฺปนฺนํ หุตฺวา วิชฺชมานกฺขเณเยว อุปการกตฺตา, ตถาปิ อเนกเมว สงฺคตํ หุตฺวา ปจฺจโย โหติ อารมฺมณภาวโต. ยฺหิ ตํ อารมฺมณํ ตสฺส ยถา ตถา อุปลพฺภนียวเสเนว อารมฺมณปจฺจยภาโว, วิฺาณสฺส จ อินฺทฺริยาธีนวุตฺติกสฺส อารมฺมณสภาวูปลทฺธิ น เอกทฺวิกลาปคตวณฺณวเสน โหติ, นาปิ กติปยกลาปคตวณฺณวเสน, อถ โข อาโภคานุรูปํ อาปาถคตวณฺณวเสนาติ อเนกเมว รูปํ สํหจฺจการิตาย วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ. อมุเมว หิ วิเสสํ วิภาเวตุํ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕; สํ. นิ. ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕) ปาฬิยํ วจนเภโท กโตติ. เอวํ โสตวิฺาเณปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. ฆานวิฺาณาทีนํ ปน สมฺปตฺตคฺคาหตาย อตฺตโน นิสฺสเยน สห อลฺลีนสฺเสว คหณโต เอกกลาปคตมฺปิ คนฺธาทิกํ เตสํ อุปฺปตฺติยา ปจฺจโย โหติ.

รูปมตฺตารมฺมณรสนฺติ รูปายตนมตฺตสฺเสว อารมฺมณกรณรสํ. มตฺต-สทฺเทน ยถา อารมฺมณนฺตรํ นิวตฺเตติ, เอวํ รูปายตเนปิ ลพฺภมาเน เอกจฺเจ วิเสเส นิวตฺเตติ. น หิ จกฺขุวิฺาณํ วณฺณมตฺตโต อฺํ กิฺจิ นีลาทิวิเสสํ ตตฺถ คเหตุํ สกฺโกติ. เตนาห ภควา – ‘‘ปฺจหิ วิฺาเณหิ น กิฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาติ อฺตฺร อภินิปาตมตฺตา’’ติ. จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชมานํ รูปารมฺมเณ เอว อุปฺปชฺชนโต ตทภิมุขภาเวน คณฺหาตีติ วุตฺตํ ‘‘รูปาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. อตฺตโน อนนฺตรํ อุปฺปชฺชมานานํ อรูปธมฺมานํ สมนนฺตรวิคตา อรูปธมฺมา ปวตฺติโอกาสทาเนน อนนฺตรสมนนฺตรนตฺถิวิคตปจฺจเยหิ อุปการกา, นิสฺสยารมฺมณา ธมฺมา วิย อาสนฺนการณาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รูปารมฺมณาย กิริยามโนธาตุยา อปคมปทฏฺาน’’นฺติ. โสตวิฺาณาทีสุปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กิริยามโนธาตุยา อารมฺมณเภทโต ภินฺนสภาวตฺตา อาห ‘‘กิริยามโนธาตูน’’นฺติ. จกฺขุวิฺาณาทีหิ คหิตํ รูปาทิอารมฺมณํ ตทนนฺตรเมว อปริปตนฺตํ กตฺวา สมฺปฏิจฺฉนฺตํ คณฺหนฺตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘รูปาทิสมฺปฏิจฺฉนรส’’นฺติ. ตถาภาเวน สมฺปฏิจฺฉนภาเวน ปจฺจุปฏฺาตีติ ตถาภาวปจฺจุปฏฺานํ.

ฉสุ อารมฺมเณสุ กทาจิ ปฺจนฺนํ ชจฺจนฺธาทิวเสน ตโตปิ อูนานํ, พฺรหฺมโลเก จ ทฺวินฺนเมว วิชานนสภาวาปิ ฉฬารมฺมณวิชานนลกฺขณา วุตฺตา ตํสภาวานติวตฺตนโต, ฉสฺเวว วา อิตเรสํ อารมฺมณานํ อนฺโตคธตฺตา. สนฺตีรณาทิรสาติ ยถาสมฺภวํ สนฺตีรณตทารมฺมณาทิกิจฺจา, สนฺตีรณตทารมฺมณปฏิสนฺธิภวงฺคจุติกิจฺจาติ อธิปฺปาโย. ‘‘หทยวตฺถุปทฏฺานา’’ติ อิทํ อิมาสํ ทฺวินฺนํ มโนวิฺาณธาตูนํ อนิพทฺธฏฺานตาย นิพทฺธการณํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. วุตฺตนเยน ปน ‘‘ตํตํอนนฺตราตีตวิฺาณาปคมปทฏฺาน’’นฺติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. อเหตุกจิตฺตานํ วิสุํ วิสุํ ลกฺขณาทิกสฺส ทสฺสิตตฺตา ปริเสสโต สเหตุกจิตฺตานํ เอกสทิสเมว ลกฺขณาทิกนฺติ วิฺายติ. ตํ ปน เหฏฺา วิภาวิตเมว.

อิทานิ อิมาสํ อารมฺมณาทิโต เภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกนฺตมิฏฺารมฺมเณติ เอกนฺเตเนว อิฏฺารมฺมเณ, อติอิฏฺารมฺมเณติ อตฺโถ. ปฺจสุ าเนสูติ สเหตุกวิปากานํ วุตฺเตสุ จตูสุ, สมฺปฏิจฺฉนโวฏฺพฺพนานํ อนฺตราฬสงฺขาตสนฺตีรณฏฺาเน จาติ ปฺจสุ าเนสุ, ปฺจสุ กิจฺเจสูติ วา อตฺโถ. กิฺจาปิ โสมนสฺสปฏิสนฺธิกสฺส โทมนสฺสชวนาวสาเน ตทารมฺมณสมฺภเว อสติ ยํ กิฺจิ ปริจิตปุพฺพํ ปริตฺตารมฺมณมารพฺภ อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณมุปฺปชฺชตีติ อิจฺฉิตํ, ตถา ปน อุปฺปชฺชมานสฺส กทาจิเยว สมฺภวโต เยภุยฺยปฺปวตฺตึ คเหตฺวา ฉ านานิ อวตฺวา ปฺเจว วุตฺตานิ. อถ วา ตํ อุปฺปชฺชมานํ ตทารมฺมณฏฺาเนเยว นิพฺพตฺตตีติ ตํวเสเนว ตสฺสาปิ านํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อจกฺขุสํวตฺตนิกกมฺมนิพฺพตฺตตาย ชาติยา อนฺโธ ชจฺจนฺโธ. กิฺจาปิ หิ ชาติกฺขเณ อณฺฑชชลาพุชานํ สพฺเพสมฺปิ จกฺขุ นตฺถิ, ยสฺส ภาวาภาวโต อนฺธานนฺธวิจารณา ภเวยฺย, ตถาปิ จกฺขุสฺส อุปฺปชฺชมานารหกาเลปิ จกฺขุวิปตฺติวิพนฺธเกน กมฺมุนา ปฏิหตสามตฺถิเยน ปฏิสนฺธิทายเกน อิตเรนาปิ วา กมฺเมน ตสฺส อนุปาทิยมานตฺตา สตฺโต ‘‘ชจฺจนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. อถ วา ชจฺจนฺโธติ ปสูติยํเยว อนฺโธ, มาตุกุจฺฉิยํเยว อนฺโธ หุตฺวา นิกฺขนฺโตติ อตฺโถ. เตน ทุเหตุกติเหตุกานํ มาตุกุจฺฉิคตกาเลปิ จกฺขุสฺส อวิปชฺชนํ สิทฺธํ โหติ, เอวํ ชาติพธิราทีสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. ชจฺจชโฬติ ชาติยา อฺาณโก. กิฺจาปิ ทุเหตุกปฏิสนฺธิโกปิ ชาติยํ อฺาณโก, ตสฺส ปน ปวตฺติยํ ปฺา สมฺภวตีติ วุตฺตนเยน เยภุยฺยโต ปวตฺติยมฺปิ ปฺายาสมฺภวโต ชจฺจชโฬ เวทิตพฺโพ. ชจฺจุมฺมตฺตโก สุราเมรยปานาทิอุมฺมตฺตกภาวสํวตฺตนิกกมฺมปริภาวิเตน กมฺเมน คหิตปฏิสนฺธิโก. ปณฺฑโกติ ปรทารคมนาทิกมฺมปริภาวิเตน กมฺมุนา คหิตปฏิสนฺธิโก. โส ปฺจวิโธ อาสิตฺตปณฺฑโก อุสูยปณฺฑโก ปกฺขปณฺฑโก โอปกฺกมิกปณฺฑโก นปุํสกปณฺฑโกติ. อิธ ปน โอปกฺกมิกปณฺฑกสฺส สเหตุกสฺสาปิ ภาวโต, นปุํสกสฺส จ วิสุํ คหณโต ตโย ปณฺฑกา อธิปฺเปตา. อาทิ-สทฺเทน ชาติมูคชาติปงฺคุลมมฺมนาทีนํ สงฺคโห. เกจิ ปน ‘‘เอกจฺเจ อเหตุกปฏิสนฺธิกา อวิกลินฺทฺริยา หุตฺวา โถกํ วิจารณปกติกาปิ โหนฺติ, ตสฺมา ตาทิสานมฺปิ อิธ อาทิ-สทฺเทน สงฺคโห’’ติ วทนฺติ. เอตฺถ จ ชจฺจนฺธาทีนเมว อยํ ปฏิสนฺธีติ น คเหตพฺพา. ชจฺจนฺธาทโย ปน อิมินา ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตีติ คเหตพฺพํ.

๔๓. ติเหตุกปุฺสฺสาติ ติเหตุกสฺสปิ อุกฺกฏฺปุฺสฺส. ทุเหตุกมฺมสฺส ปน สพฺพถาปิ โสฬสนฺนํ วิปากานํ อสมฺภวโต ตปฺปฏิกฺเขปปรตฺตา เจตนาย ‘‘ติเหตุกปุฺสฺสา’’ติ อวิเสสโต วุตฺตํ.

กามาวจรวิปากวณฺณนา นิฏฺิตา.

รูปาวจรารูปาวจรวิปากวณฺณนา

มหคฺคตวิปากานํ ตํตํกุสลาคมนวเสเนว ฌานงฺคหานิ, น ปน ภาวนาวิเสเสนาติ เตสํ ปหานงฺคานิ อนุทฺธฏานิ. อุปปตฺติยนฺติ อุปปตฺติภเว.

อรูปาวจรวิปากจิตฺตานิ วุจฺจนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๔๔. กุสลานุคตํ กตฺวาติ กุสลานุรูปํ กุสลสทิสํ กตฺวา. ยถา กามาวจรวิปากํ กุสลโต วิสทิสมฺปิ กตฺวา วิภตฺตํ, เอวมกตฺวา กุสลสทิสเมว กตฺวาติ อตฺถํ วทนฺติ. อฏฺกถายํ ปน กุสลานนฺตรํ กตฺวา มหคฺคตวิปากานํ ภาชิตปาฬึ สนฺธาย ‘‘กุสลานุคตํ กตฺวา ภาชิต’’นฺติ วุตฺตํ. ปาฬิยฺหิ –

‘‘กตเม ธมฺมา อพฺยากตา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๔๓๑) –

กามาวจรวิปากํ วิภชิตฺวา มหคฺคตวิปากํ วิภชนฺเตน –

‘‘กตเม ธมฺมา อพฺยากตา? ยสฺมึ สมเย รูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ, วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ, อิเม ธมฺมา กุสลา, ตสฺเสว รูปาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปถวีกสิณํ…เป… อิเม ธมฺมา อพฺยากตา’’ติ (ธ. ส. ๔๙๘).

เอวํ กุสลํ อุทฺทิสิตฺวา ตทนนฺตรํ กตฺวา มหคฺคตํ วิปากํ วิภตฺตํ, ตสฺมา ยถา กามาวจรวิปากํ, เอวํ อวิภชิตฺวา อิทํ กุสลานนฺตรํ กตฺวา วิภตฺตนฺติ อิมมตฺถํ โชเตตุํ อฏฺกถายํ ‘‘กุสลานุคตํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อิมินาปิ จ อาจริเยน ปริหารมุเขน วกฺขมานอตฺถวิเสสวจนิจฺฉาย ตตฺถ วุตฺตนเยเนว โจทนา กตา. เอวฺหิ สติ กุสลานนฺตรํเยว ผลํ อุปฺปชฺชตีติ าปนํ สุฏฺูปปนฺนํ โหตีติ อยเมตฺถ อมฺหากํ อาจริยสฺส มคฺโค.

มหคฺคตนฺติ มหคฺคตวิปากํ. ตฺหิ อิธ อธิคตํ. กามา…เป… ยโตติ ยสฺมา กามาวจรกุสลํ อสมานผลํ โหติ ติเหตุกสฺส ทุเหตุกาเหตุกวิปากานํ, ทุเหตุกสฺส จ อเหตุกวิปากานมฺปิ ชนนโต, น เอวมิทํ, อิทํ ปน เอกนฺเตเนว สทิสวิปากชนนโต สมานผลเมว, ตสฺมาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘กุสล’’นฺติ อวุตฺเตปิ กามาวจรปุฺํวาติ อุปมิตตฺตา อุปเมยฺยสฺสปิ กุสลภาโว วิฺายติ. กสฺมา ปเนตํ สทิสวิปากํ, น กามาวจรํ วิย วิสทิสวิปากมฺปีติ? วุจฺจเต – กามาวจรปุฺฺหิ อาจินนฺโต รูปตณฺหาทินานาวตฺถุกกามตณฺหูปนิสฺสยโต อาจินติ, ตสฺมา ตทูปนิสฺสยกุสลํ ตทนุรูปโต นานาวตฺถุกํ วิปากํ ชเนติ. มหคฺคตํ ปน อาจินนฺโต เอกวตฺถุกาเยว ภวตณฺหาย วเสน อาจินตีติ ตทนุรูปโต ตํ นานาวตฺถุํ อชเนตฺวา เอกวตฺถุเมว ชเนตีติ.

๔๕-๖. สพฺพถาติ ธมฺมโต อารมฺมณโต ปฏิปทาทิโต จ. ตถา หิ เย ผสฺสาทโย กุสเล จ ลพฺภนฺติ, เต วิปาเกปิ ลพฺภนฺติ, ยสฺมิฺจ อารมฺมเณ กุสลํ ปวตฺตติ, ตตฺเถว อิทํ วิปากมฺปิ. ยาว ปฏิปทาทโย กุสลสฺส ลพฺภนฺติ, ตาว อิมสฺส วิปากสฺสปีติ. กามํ ยสฺส กสฺสจิ ฉายา ตํตํวตฺถุสทิสาว, มหนฺตสฺส ปน กุสลวิปากสฺส มหนฺตาหิเยว อุปมาหิ ภวิตพฺพนฺติ ‘‘คชาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปเร อปเร อตฺตภาเว ภวํ เวทนมสฺสาติ อปราปริยเวทนํ. ยทิ อปราปริยเวทนํ น โหติ, กถฺจรหิ อิมสฺส ผลุปฺปตฺตีติ อาห ‘‘ฌานา อปริหีนสฺสา’’ติอาทิ.

๔๗. กุสลานนฺตรนฺติ กุสลภวานนฺตรํ. ยสฺมิฺหิ ภเว ตํ กุสลํ กตํ, โส อิธ กุสล-สทฺเทน อุปจารโต คหิโต กมฺมานนฺตรํเยว ผลสฺส อสมฺภวโต. น หิ ตํ โลกุตฺตรกุสลํ วิย อนนฺตรผลนิปฺผาทกํ, อถ โข เอกจฺจกามาวจรกุสลํ วิย อปราปริยเวทนํ อหุตฺวา สติปิ อเนเกเยว กามาวจรกมฺเม มโหโฆ วิย ปริตฺตํ อุทกํ ตมชฺโฌตฺถริตฺวา อตฺตโนเยว วิปากทาเนน เอกนฺเตน อนนฺตรภเวเยว ผลํ นิพฺพตฺเตติ. นนุ จ อปริหีนชฺฌานสฺเสว กสฺสจิ นิกนฺติวเสน กามภเว ปฏิสนฺธิ โหติ. ตถา หิ ติสฺสมหาพฺรหฺมา อุปริพฺรหฺมโลกูปปตฺติยา ภาวิตมคฺโค ภิกฺขูหิ ยาจิโต ตโต จวิตฺวา โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสีติ วุตฺตนฺติ ตํ กถนฺติ? นิกนฺติพเลเนว ฌานํ ปริหายตีติ ตโต ปริหีนชฺฌาโน นิพฺพตฺตตีติ วทนฺติ. อปเร ปน อาจริยา ‘‘อนีวรณาวตฺถาย นิกนฺติยา ฌานสฺส ปริหานิ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพา’’ติ วตฺวา ‘‘สติปิ มหคฺคตกมฺมุโน วิปากํ ปฏิพาหนสมตฺถสฺเสว ปริตฺตกมฺมสฺส อภาเว ‘อิชฺฌติ, ภิกฺขเว, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’ติ (อ. นิ. ๘.๓๕) วจนโต กามภเว เจโตปณิธิ มหคฺคตกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา ปริตฺตกมฺมุโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ. เอตสฺสาติ อิมสฺสตฺถสฺส าปนตฺถนฺติ สมฺพนฺโธ.

๔๘-๙. เอวํ อวิเสเสน กุสลสทิสตํ อติทิสิตฺวา อิทานิ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิปทากฺกโม เจวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา หิ ทุกฺขปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนฺตสฺส ตํ ฌานํ ตํปฏิปทเมว โหติ, เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อปริหีเน ตสฺส ตสฺส วิปาโก นิพฺพตฺตมาโน ตํตํปฏิปโทว ภวิตุํ อรหติ. ฉนฺทาธิปเตยฺยาทิภาโว ปน ตสฺมึ ขเณ วิชฺชมานานํ ฉนฺทาทีนํ อธิปติปจฺจยภาเวน โหติ, น อาคมนวเสน. ตถา หิ เอกเมว ฌานํ นานกฺขเณสุ นานาธิปเตยฺยํ โหติ, ตสฺมา วิปากสฺส อาคมนวเสน ฉนฺทาธิปเตยฺยาทิตา น คหิตา. เตนาห ‘‘อภาโวธิปตีน’’นฺติ. ตทภาวโตว สรสโต ตสฺส หีนาทิตา น สมฺภวตีติ สาปิ ฌานาคมนโตว วุตฺตา.

รูปาวจรารูปาวจรวิปากวณฺณนา นิฏฺิตา.

โลกุตฺตรวิปากวณฺณนา

มคฺคจิตฺตสฺส วิย ผลจิตฺตสฺส มคฺคโยคโต เภทาภาเวน ‘‘จตุมคฺคโยคโต’’ติ อวตฺวา ‘‘จตุมคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตผลตฺตา’’ติ วุตฺตํ, จตูหิ อริยมคฺเคหิ สมฺปยุตฺตกุสลจิตฺตสฺส ผลตฺตา จตุพฺพิธสามฺผลสมฺปยุตฺตจิตฺตภาวโตติ อตฺโถ. โสตาปตฺติมคฺคสฺส ผลํ จิตฺตํ โสตาปตฺติมคฺคผลจิตฺตํ. เอวํ เสเสสุ. มคฺควีถิยํ ทฺวิกฺขตฺตุํ, ติกฺขตฺตุํ วา ผลสมาปตฺติยา อปริจฺฉินฺนปริมาณํ ปวตฺตมานมฺปิ ทฺวีสฺเวว าเนสุ ปวตฺติยา ทุวิธเมว โหตีติ อาห ‘‘มคฺควีถิผลสมาปตฺติวเสน ปวตฺติโต ทุวิธ’’นฺติ.

๕๐-๑. มคฺคสฺสานนฺตเร ผเล ลพฺภนฺติ มคฺคาคมนโตติ อธิปฺปาโย. มคฺโค หิ อาคมนโต ‘‘สุฺโต’’ติ ลทฺธนาโม สคุณาลมฺพณวเสน อนิมิตฺตอปฺปณิหิตนามมฺปิ ลภตีติ ผลสฺส นามตฺตยมฺปิ เทติ, ตถา อาคมนโต อปฺปณิหิโต มคฺโค สคุณารมฺมณวเสน อนิมิตฺตสุฺตอปฺปณิหิตนามโกติ ผลสฺส นามตฺตยมฺปิ เทติ. เอวฺจ กตฺวา อภิธมฺเม เอเกกสฺส ผลสฺส ตีณิ ตีณิ นามานิ วุตฺตานิ. นนุ จ อภิธมฺเม ‘‘สคุณารมฺมณโต นามํ อนธิปฺเปต’’นฺติ วุตฺตํ? สจฺจํ วุตฺตํ, ตํ ปน นามลาภํ สนฺธาย, น นามทานํ. ตตฺถ หิ ววตฺถานกรตฺตาภาวโต ตถา อนธิปฺเปตํ, น อลพฺภนโต. อิธ ปน เอเกกสฺส ผลํ นามตฺตยมฺปิ ลภตีติ ววตฺถานปฺปโยชนาภาวโต สคุณารมฺมเณหิ ลทฺธนามทานสฺส อธิปฺเปตตฺตา ติวิธมฺปิ นามํ เทติ. เอกนฺเตน เจตํ เอวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อิตรถา วิปสฺสนาปิ วิปสฺสโต ลทฺธนามมคฺคสฺส ตํ น ทเทยฺยาติ. ปรภาคสฺมินฺติ อปรภาเค. วฬฺชนผเลสูติ สมาปชฺชนวเสน อนุภวิตพฺพผเลสุ. ‘‘วฬฺชนผเลสุ นา’’ติ มคฺคาคมนํ สนฺธาย ปฏิกฺขิตฺตนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสนาวเสเนวา’’ติอาทิ. วฬฺชนผลฺหิ วิสุํ วิปสฺสนาวเสเนว นิพฺพตฺตตีติ ตสฺส ตํวเสน นามลาโภ. ยทิ เอวํ มคฺคสฺส วิย อนิมิตฺตนามลาโภ น สิยา? ตํ น, ยถา มคฺคานนฺตรสฺส ผลสฺส วิย วฬฺชนกผลสมาปตฺติยาปิ มคฺคาคมนโต จ ฌานปฏิปทาเภโท โหติ, เอวํ อนิมิตฺตนามมฺปิ ลพฺภตีติ.

๕๒-๓. โหนฺติ สาธิปตีเนวาติ เอตฺถ การณํ วุตฺตเมว. มคฺคภาเวนาติ โสฬสหิ อากาเรหิ จตุสจฺจปฏิเวธกมคฺคภาเวน, กิเลสมารณวเสน คมนสงฺขาเตน, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคิตพฺพภาวสงฺขาเตน วา มคฺคภาเวน. ผลํ…เป… วุจฺจตีติ สยํ ผลภาวมฺปิ มคฺคสฺส ผลตฺตา, ตํสทิสตาย วา ตมุปาทาย มคฺโคติ วุจฺจติ ‘‘มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺน’’นฺติอาทีสูติ อธิปฺปาโย.

โลกุตฺตรวิปากวณฺณนา นิฏฺิตา.

อกุสลวิปากวณฺณนา

ยถา อติอิฏฺเ อิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ เวทนาเภทสมฺภวโต กุสลวิปากมโนวิฺาณธาตุ ทุวิธา โหติ โสมนสฺสสหคตา, อุเปกฺขาสหคตาติ, เอวํ อติอนิฏฺเ อนิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ เวทนาเภโท นตฺถีติ อกุสลวิปากมโนวิฺาณธาตุ เอกวิธาวาติ ‘‘สตฺตากุสลวิปากานี’’ติ วุตฺตํ. สติ หิ ตตฺถ เวทนาเภเท อติอนิฏฺเ โทมนสฺเสน ภวิตพฺพํ, น จ ปฏิเฆน วินา โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตีติ. กายวิฺาณสฺส ทุกฺขสหคตา กุสลวิปาเก วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพา. เอตฺถ จ อกุสลวิปาเกสุ ลพฺภมานทุกฺขํ วิย นาติกฏุกาปิ อุเปกฺขา เอกนฺตนิหีนสฺส อกุสลสฺส วิปากภาวโต ทุกฺขสภาวตฺตา หีนา เอว. น หิ อกุสลสฺส วิปาโก อทุกฺโข โหติ, อุเปกฺขาภาโว ปนสฺส พลวตา พาธิยมานสฺส ปฏิปหริตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ทุพฺพลปุริสสฺส เตน กริยมานพาธสฺส อุเปกฺขนา วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อิมานิ…เป… จิตฺตานีติ อิมานิ สตฺต เอเกกสฺส อกุสลสฺส วิปากจิตฺตานิ, น ปน กุสลวิปาเก วิย ติเหตุกาทิปุฺวิเสเสน. อุทฺธจฺจสหคตสฺสปิ หิ ปวตฺติยํ สตฺเตว วิปากา ลพฺภนฺติ. กสฺมา ปเนตฺถ ยถา กุสลวิปากํ สเหตุกมฺปิ อุทฺธฏํ, น เอวํ อกุสลวิปากนฺติ? เหตูนํ อสมฺภวโต. โลภาทีนฺหิ เอกนฺตสาวชฺชตาย อโยนิโสมนสิการเหตุกานํ นตฺถิ วิปากภาโว, อโลภาทีนมฺปิ เอกนฺตมนวชฺชสภาวานํ วา การณสฺส ตพฺพิทูรตาย นตฺเถว อกุสลวิปากภาโว. น หิ อโลภาทีนํ ปฏิปกฺขโลภาทโย เต อภินิปฺผาเทนฺติ, ตสฺมา อิทํ สพฺพถา สเหตุปฺปวตฺติยา อสมฺภวโต อเหตุกเมวาติ.

กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺเตสูติ เอตฺถ อตีตภเว อายูหิตํ อปราปริยเวทนียํ, อุปปชฺชเวทนียํ วา กมฺมํ กมฺมํ นาม. กมฺมกรณกาเล เจตนาย คหิตมารมฺมณํ กมฺมนิมิตฺตํ นาม. อุปปชฺชิตพฺพภวปริยาปนฺโน นรกาทีสุ อคฺคิชาลาทิวณฺโณ คตินิมิตฺตํ นาม.

๕๔. อิเมติ อกุสลวิปากา. เตสํ อนิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺตวิสเยสุ ปวตฺติวจเนน ตพฺพิปริยาเยน กุสลวิปากานํ อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตวิสเยสุ ปวตฺติ อตฺถโต อาปนฺนาติ สา วิสุํ น วุตฺตา. สุขาทิตฺตยยุตฺตาติ สุขโสมนสฺสุเปกฺขายุตฺตา.

‘‘เอว’’นฺติอาทิ ยถาวุตฺตวิปากานํ นิคมนํ.

อกุสลวิปากวณฺณนา นิฏฺิตา.

วิปากจิตฺตวณฺณนา

๕๕. ปากสฺส อสุรกฺานํ คพฺภปริปากสฺส สาสนโต วินาสนโต, ปากสงฺขาตสฺส วา อสุรสฺส วินาสนโต ปากสาสโน วุจฺจติ สกฺโก เทวราชา, เตน ปูชิโต ปากสาสนปูชิโต. ปากํ วา ปริปกฺกํ สาสนเมเตสูติ ปากสาสนา, ขีณาสวา, เตหิ ปูชิโตติ ปากสาสนปูชิโต.

วิปากจิตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทานาทิวเสนาติ ปวตฺตาการมตฺตโต ทานาทิวเสน, น ปน ปุฺกิริยวตฺถุวเสน ขีณาสวสนฺตานคตสฺส ปุฺกิริยภาวาภาวโตติ วุตฺโตวายมตฺโถ.

อาวชฺชตีติ อาวชฺชนํ, อาภุฺชติ โอโณเชติ ปริณาเมติ วาเรตีติ วา อตฺโถ. ตฺหิ อาปาถคตํ อารมฺมณํ ปมมาภุฺชติ, จกฺขุวิฺาณาทีนิ วีถิจิตฺตานิ อาปาถคตารมฺมณาภิมุขํ โอโณเชติ, จิตฺตสนฺตานํ วา ปุริมาการโต อฺถา ปริณาเมติ, อนุปฺปพนฺธโต ปวตฺตนกํ ภวงฺคจิตฺตสนฺตานํ ปรโต ปวตฺติตุํ อทตฺวา อาปาถคตํ วา อารมฺมณํ อฺตฺถ คนฺตุํ อทตฺวา วาเรติ. หสิตํ อุปฺปชฺชติ, อุปฺปาทียติ วา เอเตนาติ หสิตุปฺปาทํ, ตเทว จิตฺตนฺติ หสิตุปฺปาทจิตฺตํ. โวฏฺเปตีติ โวฏฺพฺพนํ. กสฺมา ปเนตฺถ อาวชฺชนโวฏฺพฺพนานิ อุเปกฺขาสหคตานิ, หสิตุปฺปาทฺจ โสมนสฺสสหคตนฺติ? วุจฺจเต – อาวชฺชนํ ตาว อปุพฺพารมฺมเณ สกิเทว จ ปวตฺตมานสนฺตติวิจฺเฉทวเสน ปวตฺตนโต, ทุพฺพลภวงฺคปจฺจยํ วา สพฺพถา วิสยรสมนุภวิตุํ น สกฺโกตีติ อิฏฺาทีสุ สพฺพตฺถ อุเปกฺขายุตฺตเมว โหติ. โวฏฺพฺพนฺจ วุตฺตวิปริยาเยน เวทนาเภทารหมฺปิ สมานํ วิปากปฺปพนฺธํ วิจฺฉินฺทิตฺวา วิสทิสจิตฺตปฺปพนฺธสฺส นิพฺพตฺตนโต สนฺตติปริณามเนเยว กิจฺจนฺตเร พฺยาวฏตฺตา วิปากํ วิย อารมฺมณรสสฺสาเท อสมตฺถเมวาติ สพฺพตฺถ อุเปกฺขาสหคตเมว. หสิตุปฺปาทํ ปน วุตฺตวิปรีตโต ปริหีนวิปลฺลาสานํ ขีณาสวานํ สนฺตาเน อิฏฺารมฺมเณเยว อุปฺปชฺชนโต สพฺพถา โสมนสฺสสหคตเมวาติ.

ลกฺขณาทิโต ปเนตาสุ ปุริมํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปุเรจรํ รูปาทิวิชานนลกฺขณํ, อาวชฺชนรสํ, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานํ, ภวงฺควิจฺเฉทปทฏฺานํ. ทุติยํ ฉฬารมฺมณวิชานนลกฺขณํ, อรหตํ อโนฬาริเกสุ วตฺถูสุ หสิตุปฺปาทรสํ, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานํ, เอกนฺตโต หทยวตฺถุปทฏฺานํ. ตติยมฺปิ ฉฬารมฺมณวิชานนลกฺขณํ, ปฺจทฺวารมโนทฺวาเรสุ โวฏฺพฺพนาวชฺชนรสํ, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานํ, อเหตุกวิปากมโนวิฺาณธาตุภวงฺคานํ อฺตราปคมปทฏฺานนฺติ.

ภวงฺคํ อาวฏฺฏยมานาติ ภวงฺคสนฺตานํ อาวฏฺฏยนฺตี วิย. สาธารณาติ เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ สาธารณา. อสาธารณาติ อเสกฺขานํเยว อาเวณิกา. เตนาห ‘‘ขีณาสวสฺสา’’ติ. ฉสุ ทฺวาเรสุ…เป… อารมฺมเณสูติ จกฺขาทีสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ, ปธานสารุปฺปฏฺานาทิคเตสุ ฉสุ รูปาทิอารมฺมเณสุ. ปธานสารุปฺปฺหิ านํ ทิสฺวา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถาย ‘‘สารุปฺปมิทํ านํ มยา ลทฺธ’’นฺติ ตุสนฺตสฺส จกฺขุทฺวาเร รูปารมฺมเณ, ภณฺฑภาชนฏฺาเน มหาสทฺทํ สุตฺวา ‘‘เอวรูปา โลลุปฺปตณฺหา เม ปหีนา’’ติ ตุสนฺตสฺส โสตทฺวาเร สทฺทารมฺมเณ, คนฺเธหิ วา ปุปฺเผหิ วา เจติยปูชนกาเล ‘‘เอวรูเปน วต สุคนฺเธน ภควนฺตํ ปูเชมี’’ติ ตุสนฺตสฺส ฆานทฺวาเร คนฺธารมฺมเณ, รสสมฺปนฺนํ ปิณฺฑปาตํ สพฺรหฺมจารีหิ สห ภาเชตฺวา ปริภุฺชนกาเล ‘‘สารณียธมฺโม วต เม ปูริโต’’ติ ตุสนฺตสฺส ชิวฺหาทฺวาเร รสารมฺมเณ, อาภิสมาจาริกวตฺตปูรณกาเล ‘‘กาเยน วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรมี’’ติ ตุสนฺตสฺส กายทฺวาเร โผฏฺพฺพารมฺมเณติ เอวํ ปฺจทฺวาเรสุ ปฺจารมฺมเณสุ ปวตฺตติ.

มโนทฺวาเร ปน ยถาวุตฺเตสฺเวว ปฺจสุ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณสุ ฆฏิการสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) วิย ภควโต ปุพฺเพนิวาสาเณน ปริฺาเต อตีตารมฺมเณ, ‘‘อฏฺิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑๖ เทวทตฺตวตฺถุ) อาคตฏฺานาทีสุ วิย อนาคตํสาเณน ปริจฺฉินฺเน อนาคตารมฺมเณ จาติ เอวํ ฉสฺเววารมฺมเณสุ หสิตํ อุปฺปาเทตีติ เวทิตพฺพํ. นนุ จ อตีตํสาทีสุ อปฺปฏิหตาทีสุ อปฺปฏิหตาณํ วตฺวา ‘‘อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺต’’นฺติ วจนโต วิจารณปฺารหิตาย เอตาย กถํ ภควโต อุปฺปตฺติ ยุชฺเชยฺยาติ? หสิตุปฺปาทจิตฺเตน ปวตฺติยมานมฺปิ ภควโต สิตกรณํ ปุพฺเพนิวาสอนาคตํสสพฺพฺุตฺาณานํ อนุวตฺตกตฺตา าณานุปริวตฺติเยว, เอวํ ปน าณานุปริวตฺติภาเว สติ น โกจิ ปาฬิวิโรโธ. เอวฺจ กตฺวา อฏฺกถายํ ‘‘เตสํ าณานํ จิณฺณปริยนฺเต อิทํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อวสฺสฺเจตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ, อิตรถา อฺสฺสาปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกสฺส อเหตุกจิตฺตสฺส ภควโต อุปฺปตฺติ น ยุชฺเชยฺย. น หิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกสฺส ตํสมุฏฺิตาย วิฺตฺติยา กายกมฺมาทิภาวํ อาปชฺชนภาโว วิพนฺธตีติ. เอวฺจ กตฺวา ปฺจทฺวาเร อิมินา จิตฺเตน โสมนสฺสุปฺปาทนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ, น หาสุปฺปาทนํ ปฺจทฺวาริกจิตฺตานํ อวิฺตฺติชนกตฺตา. มโนทฺวาเร ปน หาสุปฺปาทนํ. เตเนว หิ อฏฺกถายํ ปฺจทฺวาเร ‘‘โสมนสฺสิโต โหตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๖๘) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, มโนทฺวาเร จ ‘‘หาสยมาน’’นฺติ. อิธ ปน ‘‘หสิตุปฺปาทกิจฺจา’’ติ อวิเสสวจนํ ปฺจทฺวาเร โสมนสฺสกรณวเสน ปวตฺตสฺสปิ มโนทฺวาเร หาสชนนสฺส ปจฺจยภาวํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. หสิตุปฺปาทกิจฺจาติ หสิตสฺเสว อุปฺปาทนกิจฺจา. เตเนว หิ ตํ ‘‘หสิตุปฺปาท’’นฺติ วุจฺจติ, น ปน อฺเสํ หสิตุปฺปาทจิตฺตานํ อภาวโต. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กุสลโต จตูหี’’ติอาทิ.

ฉ อสาธารณาณานีติ อาสยานุสยาณํ, อินฺทฺริยปโรปริยาณํ, ยมกปาฏิหาริยาณํ, มหากรุณาสมาปตฺติาณํ, สพฺพฺุตฺาณํ, อนาวรณาณนฺติ อิมานิ ฉ ปจฺเจกพุทฺธาทีหิ อสาธารณานิ าณานิ. นนุ จ สพฺพฺุตฺาณเมว อนาวรณาณํ, อิตรถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ อสพฺพฺุตสาวรณาณตา จ อาปชฺเชยฺย, ตถา หิ ยทิ สพฺพฺุตฺาณโต อฺมนาวรณาณํ สิยา, ตสฺส สาวรณตฺตา สาวรเณ จ วิสเย สภาวปฏิเวธาภาวโต สพฺพฺุภาวํ น สิชฺเฌยฺย, อนาวรณาณสฺส จ อสพฺพธมฺมารมฺมณภาเวน ยตฺถ ตํ น ปวตฺตติ, ตตฺถาวรณสมฺภวโต อนาวรณภาโวปิ น สิยาติ? สจฺจเมตํ, เอกเมว ตํ าณํ อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมวิสยตฺตา สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ จ อาวรณาภาวโต นิสฺสงฺควารมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ เอวํ วิสยปวตฺติเภเทน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ ทฺเวธา วุตฺตนฺติ. ยถาห –

‘‘สพฺพํ สงฺขตมสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙).

อิธ ตฺวาติ หสิตสฺส อุปฺปาทนโต หสิตสฺส อุปฺปาทนนฺติ วุตฺตจิตฺตสฺส อาคตฏฺาเน ตฺวา. ปริคฺคณฺหิตพฺพานีติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิตพฺพานิ. กิฺจาปิ รูปาวจรกิริยานํ ฌานงฺคปฺปหานํ วิปาเก วิย อาคมนโต อหุตฺวา กุสเล วิย ภาวนาวิเสเสน ปวตฺตาการมตฺตํว โหติ, ปมชฺฌานสฺส ปน ปหานงฺคสมฺภวาภาวโต เอกสฺส วเสเนว นิทฺทิสิตุํ เสสานมฺปิ ปหานงฺคํ อวตฺวา สมฺปโยคงฺคเมว เตสุ ทสฺสิตนฺติ.

๕๗. ยสฺมา ปน ภาวนาวเสน ปวตฺตาการมตฺตํ วินา ภาวนาย กาตพฺพสฺส นีวรณปฺปหานาทิกิจฺจสฺส อภาวโต อุชุกํ ภาวนา นาม น โหติ, ตสฺมา ‘‘ภาวนาการวสปฺปวตฺตานี’’ติ อาการ-คฺคหณํ กตนฺติ.

๕๘-๙. นฺติ ตํ ยถาวุตฺตรูปารูปสมาปตฺตึ. สมาปนฺนา สเจ กฺริยาติ เอตฺถ กิฺจาปิ สา เอว สมาปตฺติ สมาปชฺชิตุํ น สกฺกา, นิรุทฺธานํ อนุปฺปนฺนโต, ปฏิลทฺธสมาปตฺติกสฺเสว สมาปชฺชิตุกามตาย สทฺธึเยว สมาปชฺชนโต, ปมชฺฌานาทิกเมว ปฏิลภิตฺวา ทุติยชฺฌานาทิกํ สมาปชฺชิตุํ อสกฺกุเณยฺยภาวโต จ, ปุพฺเพ ปฏิลทฺธสมาปตฺติสทิสํ ปุน สมาปชฺชนโต ปุถุชฺชนกาลสฺมึ อภินิพฺพตฺติตสมาปตฺติสทิสา เอตฺถ สา เอว ตถา วุตฺตา.

๖๑. เอกจิตฺตกฺขณตฺตาติ เอกจิตฺตกฺขเณเยว ปวตฺตนโต. ยทิ หิ โส ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺเชยฺย, ตทาสฺส อรหโต อุปฺปตฺติยา กิริยภาโว อิจฺฉิตพฺโพ สิยา. สกึเยว ปน ปวตฺตติ จตุสจฺจปฏิเวธกิจฺจสฺส เอกวาเรเนว ปรินิฏฺานโต, ตกฺกิจฺเจน จ วินา ตสฺส อนุปลพฺภนียตฺตา. เตนาห – ‘‘น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติ (สุ. นิ. ๗๑๙), ตสฺมา นตฺถิ โลกุตฺตรํ กิริยจิตฺตนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.

๖๒. กฺริยา…เป… เทสโกติ ยา อาปตฺติโย กายวาจาหิ อกาตพฺพํ กตฺวา อาปชฺชติ, ตา กิริยา, ยา ปน อาปตฺติโย กายวาจาหิ กาตพฺพํ อกโรนฺโต อาปชฺชติ, ตา อกิริยา, กิริยา จ อกิริยา จาติ กิริยากิริยา, กิริยากิริยา จ ตา อาปชฺชิตพฺพโต อาปตฺติโย จาติ กิริยากิริยาปตฺติโย, ตาสํ วิภาคํ เทเสตีติ กิริยา…เป… เทสโก. อถ วา กิริยาฌานภูตา สมาปตฺติโย กิริยาปตฺติโย, กุสลภูตา ปน สมาปตฺติโย อกิริยาปตฺติโย, ตาสํ วิภาคํ เทเสตีติ กฺริยา…เป… เทสโก. ยํ กิริยากิริยํ จิตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. ปฺจนฺนํ มารานํ ชิตตฺตา ชิโน. หิตาหิตานนฺติ อตฺถานตฺถานํ. สาติ โส ชิโน. กฺริยากฺริยารโตติ สพฺพสตฺตานํ หิตสฺส กรเณ, อหิตสฺส จ อกรเณ นิรโต. อถ วา เอกนฺตมิฏฺวิปากตฺตา หิตาติ กุสลานเมตํ อธิวจนํ. ตปฺปฏิปกฺขตฺตา อหิตาติ อกุสลานเมตํ อธิวจนํ. ยถากฺกมํ เตสํ กิริยายํ, อกิริยายฺจ รโตติ หิตาหิตานํ…เป… รโต. อถ วา หิตาหิตาติ กุสลากุสลา เอว, เตสํ กิริยากิริยามตฺตมวิปากภาวํ กาตุํ อิจฺฉตีติ หิตาหิตานํ…เป… รโต. อถ วา หิตาหิตานํ ปุคฺคลานํ สกิริยากิริยาย อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจสฺส อิธโลกปรโลกนิปฺผาทนสฺส กรเณ รโต อภิรโตติ หิตาหิตานํ…เป… รโต.

๖๔-๖. สพฺเพ โลกุตฺตเร อฏฺ กตฺวา เย เอกูนนวุติ จิตฺตุปฺปาทา วุตฺตา, ตานิ จิตฺตานิ มยา นิทฺทิฏฺานีติ สมฺพนฺโธ. ปาฏวํ อตฺเถนฺติ ปตฺเถนฺติ, ปาฏวสงฺขาโต วา อตฺโถ เอเตสนฺติ ปาฏวตฺถิโน. อุคฺคเหตพฺโพติ สวนปฏิปุจฺฉาวเสน อุคฺคหิตพฺโพ, อุคฺคณฺหิตฺวา ปน น เกวลํ อุคฺคหณมตฺเตเยว าตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จินฺเตตพฺโพ ปุนปฺปุน’’นฺติ, น หิ สกฺกา อุคฺคหณมตฺเตเนเวตฺถ สพฺพถา สนฺนิฏฺานํ คนฺตุนฺติ อธิปฺปาโย. อภิธมฺมมโหทธินฺติ ธมฺมสงฺคณีอาทิสตฺตปฺปกรณวเสน ิตมภิธมฺมปิฏกมหณฺณวํ, ขนฺธายตนาทิวเสน ิตํ ปรมตฺถมหณฺณวํ วา. ตรนฺตีติ อตฺถคฺคหณวเสน อุตฺตรนฺติ, สุตมยาณมูลเกน วา ภาวนาาเณน โอตรนฺตีติ อตฺโถ. อิมํ โลกนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนภวํ. ปรํ โลกนฺติ อนาคตภวํ. ตรนฺตีติ อติกฺกมนฺติ. อิธ โลกสฺมิฺหิ ฉนฺทราคปฺปหานวเสน อิมํ โลกํ ตรนฺติ, อายตึ ภวูปปาทกสฺส กมฺมสฺส กมฺมกฺขยกราเณน วินาสนโต ปรโลกํ ตรนฺติ, อนุปาทาปรินิพฺพานวเสน ปรินิพฺพายนฺตีติ อตฺโถ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

จิตฺตนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติโย ปริจฺเฉโท

เจตสิกนิทฺเทสวณฺณนา

๖๗. เอตฺตาวตา จ จิตฺตํ เจตสิกํ รูปํ นิพฺพานนฺติ เอวํ อุทฺทิฏฺเสุ จตูสุ ธมฺเมสุ จิตฺตํ ตาว ชาติภูมิสมฺปโยคปฺปวตฺตาการาทิวเสน วิภาเคน นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตทนนฺตรํ อุทฺทิฏฺเ เจตสิกธมฺเม นิทฺทิสิตุํ ‘‘จิตฺตานนฺตรมุทฺทิฏฺา’’ติอาทิ อารทฺธํ. วิภาชนนฺติ ชาติภูมิอาทิวเสน วิภาคํ, เตสุ เตสุ จิตฺเตสุ ยถารหํ สมฺปโยควเสน วิสุํ วิสุํ ภาชนฺจ.

กตเม ปน เจตสิกา, เยสํ วิภาชนํ วุจฺจตีติ เต สห นิพฺพจเนน สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ จิตฺตสมฺปยุตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘จิตฺตสมฺปยุตฺตา’’ติ อิทํ เจตสิกลกฺขณทสฺสนํ. เตน เย จิตฺเตน สห สมฺปโยคลกฺขเณน ยุตฺตา, เตเยว เจตสิกาติ ทสฺเสติ. กึ ปน ตํ สมฺปโยคลกฺขณนฺติ? เอกุปฺปาทเอกนิโรธเอกวตฺถุกเอการมฺมณสงฺขาตา ปการา. สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตาติ หิ สมฺปยุตฺตา. ตตฺถ ยทิ เอกุปฺปาทตามตฺเตเนว จ สมฺปยุตฺตตา อธิปฺเปตา, สหุปฺปตฺติกานํ รูปารูปธมฺมานํ อฺมฺสมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ เอกนิโรธ-คฺคหณํ. เอวมฺปิ อวินิพฺโภครูปานํ อฺมฺสมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ เอกวตฺถุก-คฺคหณํ. เอวมฺปิ ‘‘อวินิพฺโภครูเปสุ เอกํ มหาภูตํ เสสมหาภูโตปาทารูปานํ นิสฺสยปจฺจโย โหตีติ ตสฺมา ตานิ เอกวตฺถุกานีติ, จกฺขาทีนํ นิสฺสยภูตานิ วา ภูตานิ เอกํ วตฺถุ เอเตสุ นิสฺสิตนฺติ เอกวตฺถุกานี’’ติ กปฺเปนฺตสฺส เตสํ สมฺปยุตฺตตาปตฺติ สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ เอการมฺมณ-คฺคหณํ.

ปฏิโลมโต วา ‘‘เอการมฺมณา’’ติ วุตฺเต เอกวีถิยํ ปฺจวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนาทีนํ, นานาวีถิยํ ปรสนฺตาเน จ เอกสฺมึ อารมฺมเณ อุปฺปชฺชมานานํ ภินฺนวตฺถุกานํ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ เอกวตฺถุก-คฺคหณํ. เอวมฺปิ มรณาสนฺนวีถิยํ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณาทีนํ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ เอกนิโรธ-คฺคหณํ. กึ ปน นานุปฺปาทาปิ เอวํ ติวิธลกฺขณา โหนฺติ, อถ เอกุปฺปาทา เอวาติ วิจารณาย เอกุปฺปาทา เอว เอวํ ติวิธลกฺขณา โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เอกุปฺปาทา’’ติ วุตฺตํ. อิติ อิเมหิ จตูหิ สมฺปโยคลกฺขเณหิ เย จิตฺตสมฺปยุตฺตา, เต เจตสิกา นามาติ เอวํ เจตสิกลกฺขณํ ปิตํ โหติ. กถํ ปเนเต เจตสิกา นามาติ อาห ‘‘จิตฺเต ภวา’’ติ. ‘‘เจตสิ ภวา เจตสิกา’’ติ วตฺตพฺเพ จิตฺต-สทฺทสฺสปิ เจโต-สทฺเทน สห สมานตฺถตาย อตฺถมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺเต ภวา เจตสิกา’’ติ วุตฺตํ.

นิยตาติ นิยตุปฺปตฺติกา, กรุณามุทิตาทโย วิย กทาจิ อนุปฺปชฺชิตฺวา ยทา ยทา ตํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา ตทาว เตน อวินิภุตฺตา หุตฺวา ชายมานาติ อตฺโถ. สรูเปน อาคตาติ ฉนฺทาทโย วิย ‘‘เย วา ปน ตสฺมึ สมเย อฺเปิ อตฺถิ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา อรูปิโน ธมฺมา’’ติ เอวํ เยวาปนกวเสน อนาคนฺตฺวา ‘‘ผสฺโส โหติ, เวทนา โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) สรูเปเนว ปาฬิยํ อาคตา. เยวาปนาติ เอวํ เทสนา เอเตสนฺติ เยวาปนกา. เอกูนตึส ธมฺมาติ กิจฺจเภทํ อนามสิตฺวา เกวลํ อสมฺภินฺนธมฺมวเสเนว เอเกนูนา ตึส ธมฺมา. ปาฬิยํ ปน จิตฺเตน สห ตึส ธมฺเม คเหตฺวา เตสํ กิจฺจเภทโต คหเณน ฉปฺปฺาส ธมฺมา วุตฺตา. เสยฺยถิทนฺติ สรูปปุจฺฉา. ผสฺโส…เป… จิตฺตุชุกตาติ ยถาปุจฺฉิตานํ สรูปทสฺสนํ. อิติ-สทฺโท ปริสมาปเน, นิทสฺสเน วา. ปุน เตตฺตึส โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เตตฺตึส โหนฺตีติ เตเยว เอกูนตึส ธมฺมาติ อธิปฺปาโย.

‘‘กทาจิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ กถํ ทฏฺพฺพนฺติ อาห ‘‘อิเมสู’’ติอาทิ. กรุณามุทิตาวเสนาติ ปมสมนฺนาหารโต ปฏฺาย โคตฺรภุปริโยสานปฺปวตฺติตกรุณามุทิตาปริกมฺมวเสน. กรุณาปุพฺพภาโคติ กรุณาย ปุพฺพภาโค, ปริกมฺมปฺปนาวเสน ปวตฺตกรุณาภาวนาย อปฺปนาโกฏฺาสโต ปุริมโกฏฺาโส, ปมสมนฺนาหารโต ปฏฺาย โคตฺรภุปริโยสานปฺปวตฺตปริกมฺมโกฏฺาโส หุตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ ‘‘มุทิตาปุพฺพภาโค’’ติ เอตฺถาปิ. ภาค-สทฺทสฺส ทฺรพฺยวุตฺติตาย ตปฺปุริสสฺส จ อุตฺตรปทตฺถปฺปธานตาย ‘‘กรุณาปุพฺพภาโค’’ติอาทินา ปุลฺลิงฺเคน วุตฺตํ. เอต-สทฺทสฺส ปน คุณวุตฺติตาย คุณวิเสสวติ วตฺตมาโน ตสฺส ลิงฺควเสน ปริณมตีติ กรุณามุทิตาเปกฺขาย ‘‘เอตา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน วุตฺตนฺติ. น ปเนกโต อุปฺปชฺชนฺติ, กิฺจรหิ วิสุํ วิสุํเยวาติ อตฺโถ. เตเนว หิ ‘‘กรุณาปุพฺพภาโค วา มุทิตาปุพฺพภาโค วา’’ติ วิกปฺโป วุตฺโตติ. กสฺมา ปเนตา ทฺเว เอกโต นุปฺปชฺชนฺตีติ? ภินฺนารมฺมณตฺตา. กรุณา หิ ทุกฺขิตสตฺเต อารพฺภ เตสํ ทุกฺขาปนยนกามตาวเสน ปวตฺตติ, มุทิตา สุขิตสตฺเต อารพฺภ เตสํ สุขานุโมทนวเสน, ตสฺมา อุภินฺนมฺปิ ภินฺนวิสยตฺตา น เอกสฺมึ จิตฺเต อุปฺปตฺติ สมฺภวตีติ. มิจฺฉากมฺมนฺตาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน มิจฺฉาวาจามิจฺฉาชีวานํ คหณํ. สมฺมากมฺมนฺตาทีนิ ปริปูเรนฺตีติ สมฺมากมฺมนฺตสมฺมาวาจาสมฺมาอาชีวานิ ปริปูเรนฺติ. โก วิรตีติ ตีสุ เอกา วิรติ อุปฺปชฺชติ, สมฺมากมฺมนฺตํ ปูเรนฺตี ปมา, สมฺมาวาจํ ปูเรนฺตี ทุติยา, สมฺมาอาชีวํ ปูเรนฺตี ตติยา วิรติ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. กรุณามุทิตาหิ สห น อุปฺปชฺชนฺติ ตาสํ ปฺตฺตารมฺมณตฺตา, วิรติยา จ เอกนฺตปริตฺตารมฺมณตฺตา. อฺมฺเน จ น อุปฺปชฺชนฺติ อฺมฺสฺสปิ ภินฺนวิสยตฺตา. มิจฺฉากมฺมนฺตาทีนฺหิ อารมฺมณาเนว ยถากฺกมํ สมฺมากมฺมนฺตาทีนํ อารมฺมณานิ ตโต วิรติภาวโต. เอเตสูติ อิเมสุ ปฺจสุ.

๖๘. วิรตีนมฺปิ สงฺคหณตฺถํ ‘‘กรุณามุทิตาทีสู’’ติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธสุขตฺถํ อาทิ-สทฺทโลปวเสน ‘‘กรุณามุทิตาสู’’ติ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เอเกนา’’ติ, อิตรถา ‘‘เอกายา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ.

๖๙-๗๑. กึ ปเนตฺถ การณํ, จตูสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ ทฺเว อิธ นิทฺทิฏฺา, น อิตราติ โจเทนฺโต อาห ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิ. อุเปกฺขา จ น อุทฺธฏาติ สมฺพนฺโธ. นวหิ โลกุตฺตรธมฺเมหิ ชนํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺเถหิ สเทวกํ โลกํ อนุสาสตีติ สตฺถา. อพฺยาปาเทน เมตฺตา คหิตา ตสฺเสว หิตาการปฺปวตฺติกาเล เมตฺตาภาวูปคมนโต. เตเนว เหส ‘‘เมตฺตา เมตฺตายนา’’ติอาทินา นิทฺทิฏฺโ. ตตฺรมชฺฌตฺตตาย อุเปกฺขา คหิตา ตาเยว สตฺเตสุ มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺตาย อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารภาวโต. อาทิจฺเจน สห สมานโคตฺตตาย, อริยสาวกภาเวน วา ตสฺส ภควโต ปุตฺตตาย อาทิจฺโจ พนฺธุ อิมสฺส, อาทิจฺจสฺส วา พนฺธูติ อาทิจฺจพนฺธุ.

๗๒. ราสินฺติ ผสฺสปฺจกาทิสตฺตรสราสึ. ปมมหาจิตฺตุปฺปาทวเสน หิ –

‘‘ผสฺโส โหติ, เวทนา โหติ, สฺา โหติ, เจตนา โหติ, จิตฺตํ โหติ, วิตกฺโก โหติ, วิจาโร โหติ, ปีติ โหติ, สุขํ โหติ, จิตฺตสฺเสกคฺคตา โหติ, สทฺธินฺทฺริยํ โหติ, วีริยินฺทฺริยํ โหติ, สตินฺทฺริยํ โหติ, สมาธินฺทฺริยํ โหติ, ปฺินฺทฺริยํ โหติ, มนินฺทฺริยํ โหติ, โสมนสฺสินฺทฺริยํ โหติ, ชีวิตินฺทฺริยํ โหติ, สมฺมาทิฏฺิ โหติ, สมฺมาสงฺกปฺโป โหติ, สมฺมาวายาโม โหติ, สมฺมาสติ โหติ, สมฺมาสมาธิ โหติ, สทฺธาพลํ โหติ, วีริยพลํ โหติ, สติพลํ โหติ, สมาธิพลํ โหติ, ปฺาพลํ โหติ, หิริพลํ โหติ, โอตฺตปฺปพลํ โหติ, อโลโภ โหติ, อโทโส โหติ, อโมโห โหติ, อนภิชฺฌา โหติ, อพฺยาปาโท โหติ, สมฺมาทิฏฺิ โหติ, หิรี โหติ, โอตฺตปฺปํ โหติ, กายปสฺสทฺธิ โหติ, จิตฺตปสฺสทฺธิ โหติ, กายลหุตา โหติ, จิตฺตลหุตา โหติ, กายมุทุตา โหติ, จิตฺตมุทุตา โหติ, กายกมฺมฺตา โหติ, จิตฺตกมฺมฺตา โหติ, กายปาคุฺตา โหติ, จิตฺตปาคุฺตา โหติ, กายุชุกตา โหติ, จิตฺตุชุกตา โหติ, สติ โหติ, สมฺปชฺํ โหติ, สมโถ โหติ, วิปสฺสนา โหติ, ปคฺคาโห โหติ, อวิกฺเขโป โหตี’’ติ (ธ. ส. ๑) –

เอวํ ธมฺมุทฺธารํ กโรนฺเตน ภควตา ผสฺสาทโย ตึส ธมฺเม ฉปฺปฺาส กตฺวา ผสฺสปฺจกราสิ ฌานปฺจกราสิ อินฺทฺริยฏฺกราสิ มคฺคปฺจกราสิ พลสตฺตกราสิ เหตุตฺติกราสิ กมฺมปถติกราสิ โลกปาลทุกราสิ ฉยุคฬทุกราสิ อุปการทุกราสิ ยุคนนฺธทุกราสิ วีริยสมถทุกราสีติ สตฺตรสนฺนํ ราสีนํ วเสน วิภาโค กโต.

กถํ? เอเตสุปิ จิตฺตํ ตาว ผสฺสปฺจกํ ปตฺวา ‘‘จิตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ, อินฺทฺริยานิ ปตฺวา ‘‘มนินฺทฺริย’’นฺติ. วิตกฺโก ฌานงฺคานิ ปตฺวา ‘‘วิตกฺโก โหตี’’ติ วุตฺโต, มคฺคงฺคานิ ปตฺวา ‘‘สมฺมาสงฺกปฺโป’’ติ. สทฺธา อินฺทฺริยานิ ปตฺวา ‘‘สทฺธินฺทฺริยํ โหตี’’ติ วุตฺตา, พลานิ ปตฺวา ‘‘สทฺธาพล’’นฺติ. หิรี พลานิ ปตฺวา ‘‘หิริพลํ โหตี’’ติ วุตฺตา, โลกปาลทุกํ ปตฺวา ‘‘หิรี’’ติ. โอตฺตปฺเปปิ เอเสว นโย. อโลโภ มูลํ ปตฺวา ‘‘อโลโภ โหตี’’ติ วุตฺโต, กมฺมปถํ ปตฺวา ‘‘อนภิชฺฌา’’ติ. อโทโส มูลํ ปตฺวา ‘‘อโทโส โหตี’’ติ วุตฺโต, กมฺมปถํ ปตฺวา ‘‘อพฺยาปาโท’’ติ. อิเม สตฺต ทฺวีสุ าเนสุ วิภตฺตา. เวทนา ปน ผสฺสปฺจกํ ปตฺวา ‘‘เวทนา โหตี’’ติ วุตฺตา, ฌานงฺคานิ ปตฺวา ‘‘สุข’’นฺติ, อินฺทฺริยานิ ปตฺวา ‘‘โสมนสฺสินฺทฺริย’’นฺติ. เอวมยํ เอโก ธมฺโม ตีสุ าเนสุ วิภตฺโต. วีริยํ ปน อินฺทฺริยานิ ปตฺวา ‘‘วีริยินฺทฺริยํ โหตี’’ติ วุตฺตํ, มคฺคงฺคานิ ปตฺวา ‘‘สมฺมาวายาโม’’ติ, พลานิ ปตฺวา ‘‘วีริยพล’’นฺติ, วีริยสมถํ ปตฺวา ‘‘ปคฺคาโห’’ติ. สติปิ อินฺทฺริยานิ ปตฺวา ‘‘สตินฺทฺริยํ โหตี’’ติ วุตฺตา, มคฺคงฺคานิ ปตฺวา ‘‘สมฺมาสตี’’ติ, พลานิ ปตฺวา ‘‘สติพล’’นฺติ, อุปการทุกํ ปตฺวา ‘‘สติ โหตี’’ติ. เอวํ อิเม ทฺเว ธมฺมา จตูสุ าเนสุ วิภตฺตา. สมาธิ ปน ฌานงฺคานิ ปตฺวา ‘‘จิตฺตสฺเสกคฺคตา โหตี’’ติ วุตฺโต, อินฺทฺริยานิ ปตฺวา ‘‘สมาธินฺทฺริย’’นฺติ, มคฺคงฺคานิ ปตฺวา ‘‘สมฺมาสมาธี’’ติ, พลานิ ปตฺวา ‘‘สมาธิพล’’นฺติ, ยุคนนฺธทุกํ ปตฺวา ‘‘สมโถ’’ติ, วีริยสมถํ ปตฺวา ‘‘อวิกฺเขโป โหตี’’ติ. เอวมยํ เอโก ธมฺโม ฉสุ าเนสุ วิภตฺโต. ปฺา ปน อินฺทฺริยานิ ปตฺวา ‘‘ปฺินฺทฺริยํ โหตี’’ติ วุตฺตา, มคฺคงฺคานิ ปตฺวา ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ, พลานิ ปตฺวา ‘‘ปฺาพล’’นฺติ, มูลานิ ปตฺวา ‘‘อโมโห’’ติ, กมฺมปถํ ปตฺวา ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ, อุปการทุกํ ปตฺวา ‘‘สมฺปชฺ’’นฺติ, ยุคนนฺธทุกํ ปตฺวา ‘‘วิปสฺสนา’’ติ. เอวมยํ เอโก ธมฺโม สตฺตสุ าเนสุ วิภตฺโตติ เอวเมเต ทฺวาทส ธมฺมา อินฺทฺริยาทิตํตํกิจฺจวนฺตตาย ทฺวิฏฺานิกาทิเภเทน สตฺตรสสุ ราสีสุ วิภตฺตา. อิตเร อฏฺารส กิจฺจวเสน เภทาภาวโต เอกฏฺานิกาเยวาติ อิเมสุ สตฺตรสสุ ราสีสุ เยวาปนกธมฺมา เอกราสิมฺปิ น ภชนฺติ ตํตํกิจฺจภาวโตติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ราสึ ภชนฺติ นา’’ติ.

นนุ เจเต กิฺจาปิ เสสราสโย น ภชนฺติ เตสํ สทิสกิจฺจสงฺคหวเสน ิตตฺตา. ผสฺสปฺจกราสิ ปน ขนฺธสงฺคหวเสเนว ปิโตติ เจตนาย วิย เนสํ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหโต ตตฺถ สมวโรโธ ยุตฺโตติ? ตํ น, ขนฺธสงฺคหวเสน ปิโตปิ หิ ผสฺสปฺจกราสิ สพฺพจิตฺตสาธารณธมฺเม สงฺคเหตฺวา ปิโตติ ฉนฺทาทีนํ ติณฺณํ ปกิณฺณกวเสน อุปฺปชฺชมานานํ สพฺพจิตฺตสาธารณตาย อภาวโต, มนสิการสฺส จ สติปิ สพฺพจิตฺตสาธารณตฺเต นิปฺปริยายโต สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหาภาวโต น เอเตสํ ผสฺสปฺจกราสิภชนมฺปิ ยุตฺตนฺติ. กสฺมา ปน มนสิการสฺส นิปฺปริยายโต สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหาภาโวติ? วุจฺจเต – เปตฺวา เจตนํ เสสธมฺมานํ สกสกกิจฺเจสุปิ ปราธีนภาเวน ปวตฺตนโต อภิสงฺขรณลกฺขณํ นิปฺปริยายโต น ลพฺภติ. ยทิ ลเภยฺย, จิตฺเตกคฺคตาชีวิตินฺทฺริยานํ สพฺพจิตฺตสาธารณตฺตา เวทนาวิฺาณานิ วิย ตานิ ผสฺสปฺจเก วตฺตพฺพานิ สิยุํ, น ปเนวํ วุตฺตา, ตสฺมา เปตฺวา เจตนํ เสสธมฺมานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ นิปฺปริยายโต น ลพฺภตีติ น เตสํ นิปฺปริยายโต ขนฺธสงฺคโห ลพฺภติ. เจตนายเยว ปน สกิจฺจปรกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตนโต นิปฺปริยายโต อภิสงฺขรณลกฺขณสฺส อตฺถิตาย ขนฺธสงฺคโห ลพฺภตีติ. ยทิ เอวํ กถํ ผสฺโส ผสฺสปฺจเก วุตฺโตติ? ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา (วิภ. ๒๒๕), ผุฏฺโ เวเทติ, ผุฏฺโ สฺชานาตี’’ติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๔.๙๓) เวทนา สฺา เจตนา วิฺาณนฺติ อิเมสํ อรูปกฺขนฺธานํ อุทฺเทสฏฺาเน ตฺวา เตสํ ปจฺจยสฺสปิ อุทฺทิสิตุกามตาย ผสฺโส ตตฺถ วุตฺโต. ทุพฺพลาติ สกวิสเยปิ ปรายตฺตภาเวเนว ปวตฺตนโต ทุพฺพลา. อธิโมกฺโข หิ สมาธิสฺส ปริพฺยตฺตภาเว ปริพฺยตฺตภาวโต สมาธายตฺตวุตฺติ, มนสิกาโรปิ เจตนาย ปริพฺยตฺตภาวโต เจตนายตฺตวุตฺตีติ ปรายตฺตาว เต โหนฺติ.

๗๓. มนสี จ กาโรติ มนสิกาโร จ. มนสิการสทฺทสฺส หิ อตฺถมตฺตสนฺทสฺสนวเสน คาถาพนฺธสุขตฺถํ อสมาสนิทฺเทโส, ทีฆกรณํ, มชฺเฌ จ จ-สทฺทวจนนฺติ. เตน มุนิวเรนาติ สมฺพนฺโธ.

๗๔-๘๐. ปมาภินิปาตตฺตาติ อารมฺมเณ ผุสนวเสน ปมเมว อภินิปตนโต. สพฺเพปิ เจตสิกา จิตฺตายตฺตา จิตฺตกิริยภาเวน วุจฺจนฺตีติ ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. กิราติ อรุจิสูจนํ. เอวํ มหาสํฆิกมตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว วิตฺถาเรตุํ ‘‘ผุสิตฺวา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มหาสํฆิกา หิ ‘‘ปมํ ผสฺโส อารมฺมณํ ผุสติ, อถ เตน ผุฏฺํ ทุติยํ เวทนา เวทิยติ, เอวํ เอเตหิ ผุฏฺเวทิตํ ตติยํ สฺา สฺชานาติ, เตหิ ปน ผุฏฺเวทิตสฺาเต จตุตฺถํ เจตนาย สมฺปยุตฺตธมฺเม อภิสนฺทหตี’’ติอาทินา วทนฺติ. พลวปจฺจยตฺตาติ ยถา ปาสาทํ ปตฺวา ถมฺภา เสสทพฺพสมฺภารานํ พลวปจฺจยา, เอวเมส ยสฺมา เสสสมฺปยุตฺตานํ พลวปจฺจโย, ตสฺมาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ เหตุนิคมนํ.

สเหว จาติ -สทฺโท อฏฺานปฺปยุตฺโต, โส ‘‘จิตฺตชาน’’นฺติ อิมสฺส อนนฺตรํ ทฏฺพฺโพ. กสฺมา? จิตฺตานํ, จิตฺตชานฺจ เอกุปฺปาทาทิภาเวน สเหว ปวตฺติโตติ เอวเมตฺถ ปทสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อิทนฺติ อิทํ ยถาวุตฺตวิธานํ, เอวํ ‘‘ปมาภินิปาตตฺตา’’ติ การณํ ปริหริตฺวา อิทานิ ‘‘พลวปจฺจยตฺตา’’ติ อิทํ ปริหรนฺโต อาห ‘‘พลว…เป… ทิสฺสตี’’ติ. -สทฺโท อวธารเณ, เนว ทิสฺสตีติ อตฺโถ. เสสธมฺมานมฺปิ หิ สหชาตปจฺจยภาวสฺส สาธารณตฺตา ตสฺเสว พลวปจฺจยภาเว น กิฺจิ การณํ ทิสฺสตีติ. ยทิ สพฺพมิทมการณํ, กถฺจรหิ ผสฺโส ปมํ วุตฺโตติ อาห ‘‘เทสนากฺกมโต’’ติอาทิ. ‘‘เวทนา โหติ, ผสฺโส โหติ, สฺา โหติ, ผสฺโส โหติ, เจตนา โหติ, ผสฺโส โหติ, จิตฺตํ โหติ, ผสฺโส โหติ, เวทนา โหติ, สฺา โหติ, เจตนา โหติ, วิตกฺโก โหตี’’ติอาทีหิ อาหริตุมฺปิ วฏฺเฏยฺย, เทสนาวาเรน ปน ผสฺโสว ปมํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ยถา เจตฺถ, เอวํ เสสธมฺเมสุปิ ปุพฺพาปรกฺกโม นาม น ปริเยสิตพฺโพ. วจนตฺถลกฺขณาทีหีติ วจนตฺถโต จ ลกฺขณาทิโต จ.

ผุสตีติ กตฺตุนิทฺเทโส. ตตฺถ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว, ผุสนฺติ เอเตน วาติ ผสฺโส. สมฺปยุตฺตธมฺมา หิ อารมฺมเณ ปวตฺตมานา ตํ ผุสนลกฺขเณน ผสฺเสน ผุสนฺตา วิย โหนฺติ, อารมฺมณผุสนมตฺตํ วา ผสฺโสติปิ สาธนตฺตยมฺปิ ยุชฺชเตว. ผุสนํ ลกฺขณเมตสฺสาติ ผุสนลกฺขโณ, เวทนาย ปจฺจยภาวฏฺเน อารมฺมณผุสนลกฺขโณติ อตฺโถ. สํฆฏฺฏนรโสติ มโนทฺวาเร จิตฺตารมฺมณานํ สํฆฏฺฏนโต สํฆฏฺฏนกิจฺโจ. อยฺหิ อารมฺมเณ อนลฺลียมาโนปิ รูปํ วิย จกฺขุํ, สทฺโท วิย จ โสตํ จิตฺตมารมฺมณฺจ ฆฏฺเฏติ. ปฺจทฺวาเรสุ วา วตฺถารมฺมณสํฆฏฺฏเนน สมฺปชฺชตีติ สํฆฏฺฏนสมฺปตฺติโก ผสฺโส ‘‘สํฆฏฺฏนรโส’’ติ วุตฺโต. ยถา ‘‘ทฺเว ปาณี วชฺเชยฺยุ’’นฺติอาทีสุ ปาณิมฺหิ ฆฏฺฏนํ ตพฺพิเสสภูตา รูปธมฺมา, เอวํ จิตฺตสฺส อารมฺมเณ สํฆฏฺฏนํ ตพฺพิเสสภูโต เอโก เจตสิกธมฺโม ทฏฺพฺโพ. ติณฺณํ สนฺนิปาตสงฺขาตสฺส อตฺตโน การณสฺส วเสน ปเวทิตตฺตา สนฺนิปาตปจฺจุปฏฺาโน. ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕; สํ. นิ ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕) หิ วจนโต จกฺขุรูปวิฺาณาทีนํ ติณฺณํ สนฺนิปาตวเสน คเหตพฺพตาย อุปฏฺานโต สนฺนิปาตสงฺขาตสฺส การณสฺส วเสน อุปฏฺานมสฺสาติ อุปฏฺานฏฺเน ปจฺจุปฏฺาเนน สนฺนิปาตปจฺจุปฏฺานตา วุตฺตา. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ (วิภ. ๒๒๕) วจนโต เวทนา ผลมสฺสาติ เวทนาปจฺจุปฏฺาโน. ตชฺชสมนฺนาหาเรน เจว อินฺทฺริเยน จ ปริกฺขเต วิสเย อนนฺตราเยเนว อุปฺปชฺชนโต อาปาถคตวิสยปทฏฺาโน. อยฺหิ ตสฺส ผสฺสสฺส การณภูโต ตทนุรูปภูโต สมนฺนาหาโรติ ตชฺชสมนฺนาหารสงฺขาเตน อาวชฺชเนน เจว จกฺขาทิอินฺทฺริเยน จ ยถากฺกมํ อารมฺมณกรณตทภิมุขภาววเสน ปริกฺขเต อภิสงฺขาเต อาปาถคเตเยว วิสเย เอกนฺเตน อุปฺปชฺชนโต อาปาถคโต วิสโย ปทฏฺานํ อาสนฺนการณํ อิมสฺสาติ อาปาถคตวิสยปทฏฺาโน.

นนุ จายํ ธมฺโม เจตสิโก, สฺวายํ อรูปธมฺโม สมาโน กถํ ผุสนลกฺขโณ โหตีติ อนฺโตลีนโจทนํ มนสิ กตฺวา ตสฺสา โสธนตฺถํ ‘‘อรูปธมฺโมปิ สมาโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ผุสนากาเรเนว ปวตฺตตี’’ติ อิมินา อรูปสฺสาปิ สโต ตสฺส ธมฺมสฺส อยํ สภาโวติ ทสฺเสติ. สา จ ตสฺส ผุสนาการปฺปวตฺติ อมฺพิลํ อมฺพปกฺกาทึ ขาทนฺตํ ปสฺสนฺตสฺส ปรสฺส เขฬุปฺปตฺติปรํ พาธิยมานํ ทิสฺวา ทยาลุกสฺส สรีรกมฺปนํ, รุกฺขสาขคฺเค ทุฏฺิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ภูมิยํ ิตสฺส ปุริสสฺส ชงฺฆจลนํ, ปิสาจาทิภายิตพฺพํ ทิสฺวา อูรุปตฺถมฺโภติ เอวมาทิ วิย ทฏฺพฺพา. โสติ โส ยถาวุตฺตลกฺขณาทิโก ผสฺโส.

สุนฺทรนฺติ สุขเวทนาสมฺปยุตฺตตฺตา ปสตฺถํ. มโนติ วิฺาณํ. สุมนสฺส ภาโวติ สุมนสงฺขาตสฺส วิฺาณสฺส ภาโว. ยฺวายํ สทฺทปฺปวตฺตินิพนฺธโน อตฺโถ, โส โสมนสฺสํ. โสมนสฺสเวทนาสมฺปยุตฺตตฺตา หิ สุมน-สทฺโท ตสฺมึ วิฺาเณ ปวตฺตติ. เวเทน อนุภวนากาเรน อยิตํ ปวตฺตํ เวทยิตํ, ตํ ลกฺขณมสฺสาติ เวทยิตลกฺขณา. อิฏฺสฺส อิฏฺาการโตว อนุภวนํ กิจฺจมสฺสาติ อิฏฺาการานุภวนรสา. สา หิ สภาวโต อิฏฺมารมฺมณํ อิฏฺวเสน, อิตรฺจ อิฏฺากาเรเนว อนุภวติ, ตตฺถ อิฏฺาการานุภวนํ กุสลากุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตเวทนาย ลพฺภติ ตสฺสา อนิฏฺสฺสปิ กปฺปนาวเสน อิฏฺากาเรน คหณโต, สภาวโต ปน อิฏฺานุภวนํ อพฺยากตจิตฺตสมฺปยุตฺตายปิ ลพฺภติ ตสฺสา วิปลฺลาสคฺคาหาภาวโต. ‘‘ราชา วิย สุโภชนรส’’นฺติ อิมินา อิมํ ทีเปติ – ผสฺสสฺส ผุสนมตฺตเมว โหติ, สฺาย สฺชานนมตฺตเมว, เจตนาย สฺเจตนามตฺตเมว, วิฺาณสฺส วิชานนมตฺตเมว, เอกํสโต ปน อิสฺสรวตาย สามิภาเวน เวทนาว อารมฺมณรสํ อนุภวติ, ราชา วิย สูทกาเรน สมฺปาทิตสุโภชนรสนฺติ. อสฺสาทียตีติ อสฺสาโท, สุขเวทนา. เตนาห ภควา – ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ อสฺสาโท’’ติ. เจโตสนฺนิสฺสิตตฺตา เจตสิ ภโว อสฺสาโทติ เจตสิกอสฺสาโท, ตถา ปจฺจุปฏฺาตีติ เจตสิกอสฺสาทปจฺจุปฏฺานา. ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยตีติ อาห ‘‘ปสฺสทฺธิปทฏฺานา’’ติ. อิทํ ปน นิรามิสโสมนสฺสวเสน เวทิตพฺพํ.

นีลาทิเภทสฺส อารมฺมณสฺส สฺชานนํ ตเมว สฺํ กตฺวา ชานนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ สฺชานนลกฺขณา. ปจฺจาภิฺาณกรณรสาติ ปติ อภิฺายติ เอเตนาติ ปจฺจาภิฺาณํ, ตเทเวตนฺติ ปุน ปจฺจาภิฺาณนิมิตฺตํ สณฺานาทิโก อากาโร, ตสฺส กรณรโส กิจฺจมสฺสาติ ปจฺจาภิฺาณกรณรสา. สา หิ อุปฺปชฺชมานา ปจฺฉา สฺชานนสฺส การณภูตํ สณฺานาทิกํ อาการํ คเหตฺวา อุปฺปชฺชตีติ. อิทฺจ นิมิตฺตการิกาย นิมิตฺเตน สฺชานนฺติยา จ สพฺพาย สมานสฺาย โยเชตพฺพํ. นิมิตฺเตน สฺชานนฺตีปิ หิ ปุน อปราย สฺาย จ สฺชานนสฺส นิมิตฺตํ กโรตีติ. ตฺจ กุสลากุสลกิริยาชวนสฺํ ธุรํ กตฺวา เวทิตพฺพํ. ตํ ปเนตํ อภิฺาณกรณํ กถํ ทฏฺพฺพนฺติ อาห ‘‘วฑฺฒกิสฺส อภิฺาณกรณมิวา’’ติ. ยถา วฑฺฒกิสฺส ทารูสุ ‘‘อิทํ อุทฺธํ, อิทํ อโธ’’ติ เอวํ ปจฺฉา สฺชานนปจฺจยภูตสฺส สฺาณสฺส กรณํ, เอวมสฺสา ปุน สฺชานนปจฺจยนิมิตฺตกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. หตฺถิทสฺสกอนฺโธ วิย ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ สฺาย ยถาคหิตนิมิตฺตวเสน อภินิเวสกรณโต ยถา…เป… ปจฺจุปฏฺานา. เอเตน สฺาย อาการคฺคหณํ กตฺวา ิตสฺส ทิฏฺิอาทีนํ อุปฺปชฺชนโต อกุสลสฺาย อนุรูปวเสน ผลปจฺจุปฏฺานํ ทสฺสิตํ โหติ. อถ วา อภินิเวสกรณนฺติ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ สฺาภินิเวสมตฺตเมว, ตสฺมา อุปปริกฺขาภาเวน ยถาคหิตนิมิตฺตวเสน อภินิเวสากาเรน อุปฏฺานโต อาการปจฺจุปฏฺานํ วุตฺตํ. ติณปุริสเกสุ มิคโปตกานํ ‘‘ปุริสา’’ติ อุปฺปนฺนสฺา วิย อวิกปฺปสภาวตฺตา ยถาอุปฏฺิตวิสยปทฏฺานา. เอตฺถ จ าณวิปฺปยุตฺตสฺาย อาการคฺคหณวเสน อุปฺปชฺชนกาเล จิตฺตํ อพฺโพหาริกํ สฺานุคติกํ โหติ. าณสมฺปยุตฺเต จิตฺเต ปน สสมฺภารปถวิยา อนุคตา เสสธาตุโย วิย สฺาจิตฺตฺจ อพฺโพหาริกํ าณานุคติกํ โหติ.

อภิสนฺทหตีติ ปพนฺธติ ปวตฺเตติ, ‘‘คณฺหถ คณฺหถา’’ติ วทนฺตี วิย สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมเณ ปโยเชติ, สกสกกิจฺเจ จ ปฏฺเปตีติ อตฺโถ. เจตยิตลกฺขณาติ นิทฺโทกฺกนฺตสฺส ปพุทฺธกฺขเณ สมฺภมปฺปวตฺติ วิย เจตโส อุสฺสาหตาว ลกฺขณา. อถ วา ‘‘อภิสนฺทหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปโยชนลกฺขณาตฺเวว อตฺโถ. อายูหนรสาติ เจตสิกอิริยนรสา, ปโยครสาติ วุตฺตํ โหติ. กุสลากุสลกิริยาชวนสมฺปยุตฺตายเยว ปเนตํ ลพฺภติ. สํวิทหนปจฺจุปฏฺานาติ ‘‘ตฺวํ อิทํ กโรหี’’ติ วิจาเรนฺตี วิย โหตีติ วิจารณปจฺจุปฏฺานา. เอตาย หิ ปวตฺตมานาย สพฺเพปิ สมฺปยุตฺตธมฺมา ยถา สกิจฺจปสุตา โหนฺติ, เตเนว เหสา สกิจฺจปรกิจฺจสาธิกา วุตฺตา. เชฏฺสิสฺโส ปเร สชฺฌายเน อุยฺโยเชนฺโต สยมฺปิ สชฺฌายติ. ตสฺมิฺหิ สชฺฌายิตุํ อารทฺเธ เสสสิสฺสาปิ สชฺฌายนฺติ. มหาวฑฺฒกิสฺมิมฺปิ วฑฺฒกิกมฺมํ กาตุํ อารทฺเธ อิตเรปิ กโรนฺติ เยวาติ อาห ‘‘เชฏฺสิสฺสมหาวฑฺฒกิอาทโย วิยา’’ติ. อาทิ-สทฺเทน เชฏฺนฺเตวาสิกาทีนํ คหณํ.

ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ นตฺถิ กาจิ วสวตฺติตาติ วสวตฺติภาวนิวารณตฺถํ ‘‘วิตกฺกนํ วิตกฺโก’’ติ วุตฺตํ. อูหนํ อารมฺมณสฺส ปริกปฺปนํ, ตสฺมึ อภินิโรปนนฺติ วา วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา จิตฺตํ วิตกฺกพเลน อารมฺมณํ อภิรุฬฺหํ วิย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อภินิโรปนลกฺขโณ’’ติ. ยถา หิ โกจิ คามวาสี ปุริโส ราชวลฺลภํ, ตํสมฺพนฺธินํ มิตฺตํ วา นิสฺสาย ราชเคหํ อาโรหติ อนุปวิสติ, เอวํ วิตกฺกํ นิสฺสาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ. ยทิ เอวํ กถํ อวิตกฺกจิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ, น หิ ทฺวิปฺจวิฺาณทุติยชฺฌานาทิเก วิตกฺโก อุปลพฺภติ, ยสฺส พเลน ตํ อารมฺมณํ อาโรหติ, ตสฺมา สภาวโต ภาวนาพเลน ตตฺถ อนุปฺปชฺชนโก? สจฺจํ, ตมฺปิ วิตกฺกพเลน อาโรหติ. ยถา หิ โส ปุริโส ปริจเยน เตน วินาปิ นิราสงฺโก ราชเคหํ ปวิสติ, เอวํ ปริจเยน วิตกฺเกน วินาปิ อวิตกฺกจิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ. ปริจโยติ เจตฺถ สนฺตาเน อภิณฺหํ ปวตฺตจิตฺตภาวนาสงฺขาโต ปริจโย. วิตกฺกสฺส หิ สนฺตาเน อภิณฺหํ ปวตฺตสฺส วเสน จิตฺตสฺส อารมฺมณาภิโรหนํ จิรปริจิตํ, เตน ตํ จิตฺตํ กทาจิ วิตกฺเกน วินาปิ ตตฺถ วตฺตเตว. ยถา ตํ าณสหิตํ หุตฺวา สมฺมสนวเสน จิรปริจิตํ กทาจิ าณรหิตมฺปิ สมฺมสนวเสน ปวตฺตติ, ยถา วา กิเลสสหิตํ หุตฺวา ปวตฺตํ สพฺพโส กิเลสรหิตมฺปิ ปริจเยน กิเลสวาสนาวเสน ปวตฺตติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

อถ วา ทฺวิปฺจวิฺาณํ อวิตกฺกมฺปิ วตฺถารมฺมณฆฏฺฏนสฺส พลวตาย, ทุติยชฺฌานาทีนิ จ เหฏฺิมเหฏฺิมภาวนาย พลวตาย อารมฺมณํ อาโรหตีติ. อาทิโต, อภิมุขํ วา หนนํ ปหรณมตฺตํ อาหนนํ, ปริโต, ปริวตฺเตตฺวา วา หนนํ วิเสเสน ปหรณํ ปริยาหนนํ, ตํ กิจฺจมสฺสาติ อาหนนปริยาหนนรโส. ตถา หิ เตน โยคาวจโร อารมฺมณํ วิตกฺกาหตํ วิตกฺกปริยาหตํ กโรตีติ วุจฺจติ. อานยนํ จิตฺตสฺส อารมฺมเณ อุปนยนํ, อากฑฺฒนํ วา, ตถา หุตฺวา ปจฺจุปฏฺานมสฺสาติ อานยนปจฺจุปฏฺาโน.

เตนาติ เตน วิจาเรน กรณภูเตน, เหตุภูเตน วา จิตฺตํ อารมฺมเณ วิจรติ อนุวิจรติ, อวิจารจิตฺตสฺส ปน อวิตกฺกจิตฺเต วุตฺตานุสาเรน ปวตฺติ เวทิตพฺพา. วิจรณํ อนุสฺจรณํ อนุปริคมนํ. สฺวายํ วิเสโส สนฺตานมฺหิ ลพฺภมาโน ชวนสนฺตาเน ปากโฏ โหตีติ ทฏฺพฺโพ. เอส นโย เสเสสุปิ. อารมฺมณสฺส อนุมชฺชนํ อนุมสนํ ปริมชฺชนมสฺส ลกฺขณนฺติ อารมฺมณานุมชฺชนลกฺขโณ. ตถา หิ วิจาโร ปริมชฺชนหตฺโถ วิย, สํสรณหตฺโถ วิยาติ วุจฺจติ. ตตฺถาติ อารมฺมเณ. สหชาตานํ อนุโยชนํ อารมฺมเณ อนุวิจรณสงฺขาตอนุมชฺชนวเสน เวทิตพฺพํ. ธมฺมานฺหิ สภาววินิมุตฺตา กาจิ กิริยา นาม นตฺถิ. ตถาคเหตพฺพากาโร โพธเนยฺยชนานุโรเธน ปรมตฺถโต เอกสภาโวปิ สภาวธมฺโม ปริยายวจเนหิ วิสยสมาโรปิตรูเปหิ พหูหิ ปกาเรหิ ปกาสียติ. เอวฺหิ โส สุฏฺุ ปกาสิโต โหตีติ. อนุปพนฺธปจฺจุปฏฺาโนติ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อวิจฺฉินฺนสฺส วิย ปวตฺติปจฺจุปฏฺาโน. ตถา หิ โส อนุสนฺธานตาติ นิทฺทิฏฺโ.

เอตฺถ จ วิจารโต โอฬาริกฏฺเน ตสฺเสว ปุพฺพงฺคมฏฺเน ปมฆณฺฏาภิรโว วิย เจตโส ปมาภินิปาโต วิตกฺโก, อนุรโว วิย อนุสฺจรณํ วิจาโร. ยถา หิ ฆณฺฏาภิฆาตโช ปมาภิรโว อนุรวโต โอฬาริโก, ปุพฺพงฺคโม จ โหติ, เอวํ อารมฺมณาภิโรปนฏฺเน วิตกฺโก โอฬาริโก, ปุพฺพงฺคโม วิย จ โหติ. ตโต สุขุมฏฺเน อนุมชฺชนสภาเวน จ ฆณฺฏานุรโว วิย อนุปพนฺโธ วิจาโร. วิปฺผารวา เจตฺถ วิตกฺโก จิตฺตสฺส ปมุปฺปตฺติกาเล จิตฺตสฺส ปริปฺผนฺทนภูโต อากาเส อุปฺปติตุกามสฺส สกุณสฺส ปกฺขวิกฺเขโป วิย, ปทุมาภิมุขปาโต วิย จ คนฺธานุพนฺธเจตโส ภมรสฺส. สนฺตวุตฺติ วิจาโร จิตฺตสฺส นาติปริปฺผนฺทนภาโว, อากาเส อุปฺปติตสฺส สกุณสฺส ปกฺขปฺปสารณํ วิย, ปทุมสฺส อุปริภาเค ปริพฺภมนํ วิย จ ปทุมาภิมุขปติตสฺส ภมรสฺส. อาคมฏฺกถายํ ปน วิปริยาเยน อาคตํ. ตถา จ วุตฺตํ ทุกนิปาตฏฺกถายํ

‘‘อากาเส คจฺฉโต มหาสกุณสฺส อุโภหิ ปกฺเขหิ วาตํ คเหตฺวา ปกฺเข สนฺนิสีทาเปตฺวา คมนํ วิย อารมฺมเณ เจตโส อภินิโรปนภาเวน ปวตฺโต วิตกฺโก, วาตคฺคหณตฺถํ ปกฺเข ผนฺทาปยมานสฺส คมนํ วิย อนุมชฺชนภาเวน ปวตฺโต วิจาโร’’ติ.

ตมฺปิ อนุปพนฺเธน ปวตฺติยํ ยุชฺชติ. ตถา หิ อุปจาเร, อปฺปนายํ วา สนฺตาเนน ปวตฺติยํ วิตกฺโก นิจฺจโล หุตฺวา อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย ปวตฺตติ, น ปมาภินิปาเต วิย ปากโฏ โหตีติ.

ปินยตีติ กายจิตฺตํ อปฺเปติ, วฑฺเฒติ วา. สมฺปิยายนลกฺขณาติ อารมฺมณํ กลฺลโต คหณลกฺขณา. ปีณนรสาติ กายจิตฺตานํ ปริพฺรูหนกิจฺจา. ผรณรสาติ ปณีตรูเปหิ กายสฺส พฺยาปนรสา, อตฺตนา สมฺปยุตฺตจิตฺตสมุฏฺาเนหิ รูเปหิ สกลรูปกายพฺยาปนํ กโรตีติ วุตฺตํ โหติ. น หิ อฺถา อิมิสฺสา ผรณํ โหติ, ธมฺมานํ อพฺยาปารตาย เกสคฺคมตฺตมฺปิ สงฺกมนาภาวโต. อุทคฺคภาโว โอทคฺยํ.

เอกํ อารมฺมณํ อคฺคเมตสฺสาติ เอกคฺคํ, จิตฺตํ, เยน ปน ธมฺเมน โยคโต ตํ เอกคฺคํ นาม โหติ, โส เอกคฺคภาโว. โส ปน จิตฺตสฺเสว โหติ, น ยสฺส กสฺสจีติ อาห ‘‘จิตฺตสฺส เอกคฺคภาโว’’ติ, นิวาเต ทีปสิขาย ิติ วิย จิตฺตสฺส ิตีติ วุตฺตํ โหติ. วิสารสฺส พฺยคฺคภาวสฺส ปฏิปกฺโข สภาโว อวิสาโร, น วิสาราภาวมตฺตํ, ตํ อิมสฺส ลกฺขณนฺติ อาห ‘‘อวิสารลกฺขโณ’’ติ. อวิกฺเขโป สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อวิกฺขิตฺตตา, อวิสาราวิกฺเขปานํ สมาธานภาวโต อตฺถโต วิเสสาภาเวปิ สมุเขน, สมฺปยุตฺตมุเขน จ อุภยํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวูปสมลกฺขณสฺส วิกฺเขปสฺส ปฏิปกฺขตาย จิตฺตสฺส อุปสมนากาเรน ปจฺจุปฏฺาตีติ อุปสมปจฺจุปฏฺาโน. วิเสสโตติ เยภุยฺเยน. สุขวิรหิโตปิ หิ อตฺถิ สมาธีติ โส เยภุยฺเยน สุขปทฏฺาโน โหติ. อถ วา วิเสสโตติ อติสเยน. ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑๑) วจนโต หิ สุขํ สมาธิสฺส วิเสสการณํ สุขวิรหิตสฺสปิ ตทุปนิสฺสเยเนว สมิชฺฌนโต.

สทฺทหนฺติ เอตายาติ กมฺมผลาทิสทฺทหนกิริยาย ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ ตตฺถ อาธิปจฺจภาเวน สทฺธาย ปจฺจยตํ ทสฺเสติ. ตสฺสา หิ ธมฺมานํ ตถา ปจฺจยภาเว สติ ตํสมงฺคิปุคฺคโล ‘‘สทฺทหตี’’ติ โวหรียติ. สทฺทหนํ สทฺเธยฺยวตฺถุโน ปตฺติยายนํ, ตํ ลกฺขณเมติสฺสาติ สทฺทหนลกฺขณา. กาลุสิยมลํ วิธเมตฺวา สมฺปยุตฺตานํ, ปุคฺคลสฺเสว วา ปสาทํ อนาวิลภาวการณํ กิจฺจเมติสฺสาติ ปสาทนรสา. ยถา กถํ วิยาติ อาห ‘‘อุทกปฺปสาทกมณิ วิยา’’ติ. อกาลุสิยปจฺจุปฏฺานาติ อนาวิลภาวปจฺจุปฏฺานา. รตนตฺตยํ กมฺมํ กมฺมผลฺจ สทฺเธยฺยวตฺถุ, ตํ อิมิสฺสา อาสนฺนการณนฺติ สทฺเธยฺยวตฺถุปทฏฺานา. น หิ สทฺธาย อวตฺถุภูเตสุ ติตฺถิยาทีสุ สา อุปฺปชฺชติ. สา ปนายํ กุสลธมฺมานํ อาทาเน หตฺโถ วิย, สพฺพสมฺปตฺติสมฺปทาเน วิตฺตํ วิย, อมตกสิผลผลเน พีชํ วิย จ ทฏฺพฺพา. ‘‘สทฺธาหตฺโถ, มหานาม, อริยสาวโก, สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔), สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺี’’ติอาทิวจนฺเหตฺถ (สํ. นิ. ๑.๑๙๗; สุ. นิ. ๗๗) สาธกํ.

สรนฺติ ๒๓๗ เอตายาติ สรณกิริยาย ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ ตตฺถ อาธิปจฺจภาเวน สติยา ปจฺจยตํ ทสฺเสติ. ตสฺสา หิ ธมฺมานํ ตถา ปจฺจยภาเว สติ ตํสมงฺคิปุคฺคโล ‘‘สรตี’’ติ โวหรียติ. อุทเก อลาพุ วิย ปิลวิตฺวา คนฺตุํ อทตฺวา ปาสาณสฺส วิย นิจฺจลสฺส อารมฺมณสฺส ปนํ อสมฺมุฏฺตากรณํ อปิลาปนํ, ตํ ลกฺขณมสฺสาติ อปิลาปนลกฺขณา. สา หิ อารมฺมเณ ทฬฺหํ ปติฏฺิตตฺตา เอสิกา วิย วุจฺจติ. สมฺโมสปจฺจนีกกิจฺจํ อสมฺโมสรโส, น สมฺโมสาภาวมตฺตํ. ‘‘สตารกฺเขน เจตสา วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๐) วุตฺตตฺตา เจโตคุณรตนหารกานํ กิเลสโจรานํ นิวารณโต อาห ‘‘อารกฺขปจฺจุปฏฺานา’’ติ. ตถา เหสา จกฺขุทฺวาราทิรกฺขนโต โทวาริโก วิยาติ วุจฺจติ. ปมํ สฺาย ถิรุปฺปนฺนภาเว ปจฺฉา สติยา ปติฏฺานภาวโต อาห ‘‘ถิรสฺาปทฏฺานา’’ติ. อถ สติสฺานํ กึ นานากรณนฺติ? สฺา ตาว ปมํ อคฺคหิตนิมิตฺตํ สฺชานาติ, คหิตนิมิตฺเต ปุน ปจฺจาภิฺาณปจฺจยนิมิตฺตํ กโรติ, ปมํ อคฺคหิเต ปน สฺากิจฺจํ อปฺปธานํ โหติ, สติ ปน ปมํ อคฺคหิตนิมิตฺตมฺปิ สรติ คหิตนิมิตฺตมฺปิ, คหิตนิมิตฺเต ปน สติกิจฺจํ คุณภูตํ โหตีติ อิทเมว ตาสํ นานตฺตํ.

วีรภาโวติ เยน วีริเยน วีโร นาม โหติ, โส ธมฺโม. วีรานํ วา กมฺมนฺติ เยน กมฺเมน วีโร นาม โหติ, ตํ วีรานํ กมฺมํ นาม. วีริยํ ปนสฺส สาธกภาวโต ตถา วุตฺตํ. ธมฺมวินิมุตฺตํ วา กิฺจิ กมฺมํ นตฺถีติ วีริยเมว กมฺมภาเวน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิธินา อีเรตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วา วีริยํ. อุสฺสาโห ตํ ตํ กิจฺจํ สมารมฺโภ, ปรกฺกโม วา. อุปตฺถมฺภนํ ปน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา ธารณํ อนุพลปฺปทานํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สํสีทนภาวนิวารโก ธมฺโม, น สํสีทนาภาวมตฺตํ, อสํสีทนภาเวน ปจฺจุปฏฺาตีติ อสํสีทนภาวปจฺจุปฏฺานํ. ‘‘สํวิคฺโค โยนิโส ปทหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๑๓) วจนโต สํเวคปทฏฺานํ. สํเวโคติ เจตฺถ สํเวคมยํ าณํ. อสํเวคปุพฺพิกาย ปน กุสลกิริยาย วีริยารมฺภวตฺถุปทฏฺานํ. ตตฺถ วีริยารมฺภวตฺถูนิ นาม –

‘‘มคฺโค คนฺตพฺโพ โหติ, มคฺโค คโต. กมฺมํ กาตพฺพํ โหติ, กมฺมํ กตํ. อปฺปมตฺตโก อาพาโธ อุปฺปนฺโน โหติ, คิลานา วุฏฺิโต โหติ, อจิรวุฏฺิโต เคลฺา. คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย จรนฺโต น ลภติ, ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ ลภติ…เป… ปาริปูริ’’นฺติ –

เอวํ วุตฺตานิ เอตานิ อนุรูปปจฺจเวกฺขณสหิตานิ อฏฺ วีริยารมฺภวตฺถูนิ, ตมฺมูลกานิ วา ปจฺจเวกฺขณานิ. เอตฺถ จ วิตกฺโก สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมณํ อาโรเปติ. เจตนา เต ตํตํกิจฺเจสุ นิโยเชติ. วีริยํ ปน เต สํสีทิตุํ อทตฺวา อุสฺสาเหตีติ อยํ วิตกฺกเจตนาวีริยานํ วิเสโส.

วิชานนลกฺขณาติ วิเสเสน ชานนลกฺขณา, ยถาสภาวปฏิเวธลกฺขณาติ อตฺโถ. วิสยสฺส อารมฺมณสฺส โอภาสนํ ปกาสนํ ตปฺปฏิจฺฉาทกสมฺโมหนฺธการสฺส วิธมนโตติ วิสโยภาสนํ, ตํ กิจฺจมสฺสาติ วิสโยภาสนรสา. กตฺถจิ วิสเย อสมฺมุยฺหนากาเรน สมฺโมหปฏิปกฺขตาย วา ปจฺจุปฏฺานโต สมฺโมหาภาวสฺส ปจฺจุปฏฺานโต วา อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา.

อตฺตนา อนุปาเลตพฺพานํ สหชาตธมฺมานํ อนุปาลนํ ชีวิตสฺส พฺยาปาโร, ตฺจ เตสํ ชีวนนฺติ ตํ ตสฺส การณภาวํ ปุรกฺขตฺวา วุตฺตํ ‘‘ชีวนฺติ เตนา’’ติ. รูปารูปชีวิตินฺทฺริยสฺส อนุรูปโต ลกฺขณาทิกํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺตนา อวินิภุตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘สมฺปยุตฺตาน’’นฺติ หิ วุจฺจมาเน รูปธมฺมานํ สมฺปโยคาภาวโต รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส สงฺคโห น สิยา. ‘‘อวินิภุตฺตาน’’นฺติ ปน วุตฺตตฺตา ยานิ อวินิพฺโภครูปานิ รูปชีวิตินฺทฺริเยน สทฺธึ อวินิภุตฺตานิ อวิสํสฏฺานิ. เย จ อรูปธมฺมา อรูปชีวิตินฺทฺริเยน สมฺปยุตฺตา, เตสํ สพฺเพสํ สงฺคโห โหตีติ. ปวตฺตนรสนฺติ อุปฺปาทโต ยาว ภงฺคา อนุปาลนโต อนฺตรา อนิวตฺตนสภาวสาธเนน เตสํ ปวตฺตนกิจฺจํ. เกจิ ปน ‘‘รูปชีวิตินฺทฺริยํ เตสํ ิติกฺขณโต ปฏฺาย, อรูปชีวิตินฺทฺริยํ อุปฺปาทโต ปฏฺาย ปวตฺติยา ปจฺจโย’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ. ปฏฺาเน หิ ‘‘อพฺยากตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อสฺสตฺตานํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ อินฺทฺริยปจฺจยํ กมฺมปจฺจยสทิส’’นฺติ อสฺสตฺตานํ อินฺทฺริยปจฺจโย กมฺมปจฺจยสทิสํ กตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา รูปชีวิตินฺทฺริยมฺปิ อุปฺปาทโต ปฏฺาย ปจฺจโย โหตีติ ทฏฺพฺพํ. อุปฺปาทโต ยาว ภงฺคา ปนโต ปนปจฺจุปฏฺานํ. อนุปาลนวเสน ยาปยิตพฺพา ปวตฺเตตพฺพา ธมฺมา ปทฏฺานมสฺสาติ ยาปยิตพฺพธมฺมปทฏฺานํ. ยทิ เอวํ เตสํ อนุปาลนาทิสาธกํ, กถํ เตสํ นิโรโธ โหติ. เอวฺหิ สพฺพกาลํ าตพฺพนฺติ อาห ‘‘สนฺเตปิ จา’’ติอาทิ. อนุปาลนลกฺขณาทิมฺหีติ อาทิ-สทฺเทน ปวตฺตนรสาทิเมว สงฺคณฺหาติ. อตฺถิกฺขเณเยวาติ อตฺตนา อนุปาเลตพฺพานํ, อตฺตโน วา อตฺถิกฺขเณเยว. อุทกนฺติ ตฬากคตชลํ, ทณฺฑคตชลํ วา. ตตฺถ ตฬากคตอุทกสฺส คหเณ อตฺตนา อนุปาเลตพฺพธมฺมานํ อตฺถิกฺขเณ อนุปาลนํ สาธิตํ โหติ, ทณฺฑคตชลสฺส ปน คหเณ อตฺตโน อตฺถิกฺขเณ อนุปาลนํ. อตฺตนา อนุปฺปาทิตธมฺเม กถํ ปาเลตีติ อาห ‘‘ธาติ วิย กุมาร’’นฺติ. ยทิ เสสธมฺมานํ ปวตฺติการเณน เกนจิ ภวิตพฺพํ, ชีวิตสฺส ปน กึ ปวตฺติการณนฺติ อาห ‘‘สยํ…เป… ปวตฺตตี’’ติ. ยถา กถํ วิยาติ อาห ‘‘นิยามโก วิยา’’ติ. โสปิ อตฺตนา ปวตฺติตนาวาสมฺพนฺเธน ปวตฺตติ. ยทิ ธมฺมานํ ปวตฺติ ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธํ, ภงฺคโต อุทฺธมฺปิ กึ ปน ปวตฺเตตีติ อาห ‘‘น ภงฺคโต อุทฺธ’’นฺติ. กสฺมาติ อาห ‘‘อตฺตโน จ ปวตฺเตตพฺพานฺจ อภาวา’’ติ. ภงฺคกฺขเณ ปน กถนฺติ อาห ‘‘น ภงฺคกฺขเณ เปตี’’ติ.

ยสฺมา ปน โลภปฏิปกฺโข อโลโภ โหติ, เย ธมฺมา เตน สมฺปยุตฺตา, ตํสมงฺคิโน วา สตฺตา, เต น ลุพฺภนฺติ, สยมฺปิ กทาจิ น ลุพฺภเตว, อตฺถโต วา อลุพฺภนากาโร เอว จ โส โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น ลุพฺภนฺติ เตนา’’ติอาทิ. เอส นโย ‘‘น ทุสฺสนฺติ เตนา’’ติอาทีสุปิ. อลคฺคภาโว อารมฺมณํ นิสฺสาย ปวตฺตนฺตสฺสปิ ตตฺถ อนาสตฺตตา. เตนาห ‘‘กมลทเล ชลพินฺทุ วิยา’’ติ. อปริคฺคโห กสฺสจิ วตฺถุโน มมตฺตวเสน อสงฺคโห. มุตฺตภิกฺขุ วิยาติ ขีณาสวภิกฺขุ วิย. โส หิ มุตฺตราคตฺตา กตฺถจิ มมายนรหิโต โหติ. อนลฺลีโน ภาโว อธิปฺปาโย เอตสฺสาติ อนลฺลีนภาโว. เอวฺหิ ‘‘อสุจิมฺหิ ปติตปุริโส วิยา’’ติ อุปมาย สเมติ. ยถา หิ ตสฺส ปุริสสฺส สติปิ กาเยน อลฺลียเน ภาโว อนลฺลีโน, เอวํ อโลโภปิ อารมฺมณกรณวเสน คหิเตปิ อารมฺมเณ อลคฺคภาเวน อนลฺลีนภาโว อนลฺลีนากาโรเยว ปวตฺตติ. เอวํสภาโว หิ โส ธมฺโมติ.

จณฺฑิกสฺส ภาโว จณฺฑิกฺกํ, ผรุสภาโว, อตฺถโต ปน โกโปเยว, ตปฺปฏิปกฺโข อผรุสภาโว อจณฺฑิกฺกํ. อวิโรโธ อวิคฺคโห อปฺปฏิปกฺโข สภาโว. อาฆาตวินยนรโสติ เอตฺถ อาฆาโต นาม ปรสฺส อตฺตานํ, อตฺตโน ปรํ อุทฺทิสฺส, ปรสฺเสว จ ปรํ อุทฺทิสฺส ปวตฺโต อุปนาโห พลวโกโป. ตสฺส วินยนรโส อปนยนรโส. โสมฺมภาโว มชฺชนวเสน หิลาทนิยตา สีตลภาโว. เตนาห ‘‘ปุณฺณจนฺโท วิยา’’ติ.

กายทุจฺจรีตาทีหีติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ. หิรียติ ลชฺชนากาเรน ชิคุจฺฉิยติ. เตหิเยวาติ กายทุจฺจริตาทีหิเยว. โอตฺตปฺปตีติ อุพฺพิชฺชติ. หิรี ปาเป คูเถ วิย ปสฺสนฺตี ชิคุจฺฉตีติ อาห ‘‘ปาปโต ชิคุจฺฉนลกฺขณา หิรี’’ติ. โอตฺตปฺปํ เต อุณฺหํ วิย ปสฺสนฺตํ ตโต อุตฺตสตีติ วุตฺตํ ‘‘อุตฺตาสลกฺขณํ โอตฺตปฺป’’นฺติ. อุโภปิ ปาปานํ อกรณรสาติ ลชฺชนากาเรน ปาปานํ อกรณรสา หิรี, อุตฺตาสากาเรน โอตฺตปฺปํ. ปาปโต สงฺโกจนปจฺจุปฏฺานาติ วุตฺตปฺปกาเรเนว ปาปโต สงฺโกจนากาเรน ปจฺจุปฏฺานา. อตฺตคารวปรคารวปทฏฺานาติ อตฺตคารวปทฏฺานา หิรี อชฺฌตฺตสมุฏฺานตาย, อตฺตาธิปติตาย จ. ปรคารวปทฏฺานํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานตาย, โลกาธิปติตาย จ. อตฺตานฺหิ ครุํ กตฺวา หิริยา ปาปํ ปชหติ กุลวธู วิย. ปรํ ครุํ กตฺวา โอตฺตปฺเปน ปาปํ ปชหติ เวสิยา วิย. อชฺฌตฺตสมุฏฺานาทิตา จ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏภาเวน เวทิตพฺพา, น ปน เตสํ กทาจิ อฺมฺวิโยคโต. น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ วา ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ. หิริยา พลวภาเว ปน โอตฺตปฺปํ อพฺโพหาริกํ โหติ, โอตฺตปฺปสฺส พลวภาเว หิรี อพฺโพหาริกา. อิเม จ ทฺเว ธมฺมา ‘‘โลกปาลา’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถาห –

‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, สุกฺกา ธมฺมา โลกํ ปาเลนฺติ. กตเม ทฺเว? หิรี จ โอตฺตปฺปฺจ, อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว สุกฺกา ธมฺมา โลกํ น ปาเลยฺยุํ, นยิธ ปฺาเยถ ‘มาตา’ติ วา ‘มาตุจฺฉา’ติ วา ‘มาตุลานี’ติ วา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๒.๙).

ปสฺสมฺภนํ ทรถวูปสโม, กาย-สทฺโท สมูหวจโน. โส เจตฺถ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ. วตฺติจฺฉาวเสน หิ สทฺโท วิสิฏฺวุตฺติ โหตีติ อาห ‘‘กาโยติ เจตฺถา’’ติอาทิ. เวทนาทโยติ เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธติ ตโย ขนฺธา. ตถา จ วุตฺตํ ตตฺถ ‘‘กตมา ตสฺมึ สมเย กายปสฺสทฺธิ โหติ, ยา ตสฺมึ สมเย เวทนากฺขนฺธสฺสา’’ติอาทิ (ธ. ส. ๔๐). ทรโถ สารมฺโภ โทมนสฺสปจฺจยานํ อุทฺธจฺจาทีนํ กิเลสานํ, ตถา ปวตฺตานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานเมตํ อธิวจนํ. ตสฺส วูปสมํ ลกฺขณมสฺสาติ กายจิตฺตทรถวูปสมลกฺขณา. กายจิตฺต…เป… รสาติ ยถาวุตฺตานเมว ปฏิปกฺขธมฺมานํ อภิภวนรสา. ทรถนิมฺมทฺทเนน ปริฬาหปริปฺผนฺทนวิรหิโต สีติภาโว อปริปฺผนฺทนสีติภาโว. อวูปสโม ปริปฺผนฺทนํ อสนฺตวุตฺติตา. อุทฺธจฺจาทิกิเลสาติ อุทฺธจฺจปฺปธานา อุทฺธจฺจาธิกจิตฺตุปฺปาทสมฺปยุตฺตา กิเลสา. เตปิ หิ อุทฺธจฺจวเสน อวูปสมกรา. อุทฺธจฺจํ วา อาทึ กตฺวา สพฺเพเยว กิเลสา อุทฺธจฺจาทิกิเลสา. เอวํ เสเสสุปิ.

ครุภาโว ทนฺธตา, ถินมิทฺธาธิกานํ ตถา ปวตฺตานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานเมตํ อธิวจนํ. ทนฺธตาย ปฏิปกฺโข อทนฺธตา อครุภาโว.

ถทฺธภาโว ถมฺโภ. ทิฏฺิมานาธิกานํ, ตปฺปธานานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานํ เอตํ นามํ. ถทฺธภาวนิมฺมทฺทนโตเยว กตฺถจิ อารมฺมเณ อปฺปฏิหตากาเรน ปจฺจุปฏฺนฺติ, สมฺปยุตฺตานํ วา ตตฺถ อปฺปฏิฆาตํ ปจฺจุปฏฺาเปนฺตีติ อปฺปฏิฆาตปจฺจุปฏฺานา.

กมฺมนิ สาธุ กมฺมฺํ, น กมฺมฺํ อกมฺมฺํ, ตสฺส ภาโว อกมฺมฺภาโว, ทานสีลาทิปุฺกิริยาย อสมตฺถตา. อตฺถโต กามจฺฉนฺทาทิสํกิเลสธมฺมา, ตปฺปธานา วา จตฺตาโร อกุสลกฺขนฺธา. อกมฺมฺภาวนิมฺมทฺทเนเนว สมฺปนฺนากาเรน อารมฺมณสฺส คหณํ อารมฺมณกรณสมฺปตฺติ. วุตฺตาวเสสา กามจฺฉนฺทาทโย, ตเทกฏฺา จ สํกิเลสธมฺมา เสสนีวรณาทโย. อิมา ปน ทฺเว วินิพนฺธนิมฺมทฺทเนน ปสาทนียวตฺถูสุ ปสาทาวหา, หิตกิริยาสุ วินิโยคกฺขมภาวาวหา สุวณฺณวิสุทฺธิ วิยาติ ทฏฺพฺพา.

เคลฺํ อสฺสทฺธิยาทโย, ตเทกฏฺา จ ปาปธมฺมา, ตปฺปฏิปกฺโข อเคลฺภาโว ลกฺขณํ เอตาสนฺติ อเคลฺภาวลกฺขณา. เคลฺนิมฺมทฺทเนเนว นตฺถิ เอตาสํ อาทีนโว โทโส อุปทฺทโว วา, น วา เอตา อาทีนํ กปณํ วนฺติ ปวตฺตนฺตีติ นิราทีนวา, เตนากาเรน ปจฺจุปฏฺนฺติ, ตํ วา สมฺปยุตฺเตสุ ปจฺจุปฏฺาเปนฺตีติ นิราทีนวปจฺจุปฏฺานา.

กายสมฺพนฺธี, จิตฺตสมฺพนฺธี จ อุชุภาโวติ ลกฺขิตพฺพตาย กายจิตฺตานํ อชฺชวลกฺขณา. กายจิตฺตานํ นงฺคลสีสจนฺทโกฏิโคมุตฺตวงฺกตาสงฺขาตานํ กุฏิลภาวานํ อตฺถโต มายาสาเยฺยาทิภูตานํ นิมฺมทฺทนโต กายจิตฺตานํ กุฏิลภาวนิมฺมทฺทนรสา. ตโตเยว สพฺพถาปิ อชิมฺหภาเวน ปจฺจุปฏฺนฺติ, สมฺปยุตฺตานํ วา อชิมฺหตํ ปจฺจุปฏฺาเปนฺตีติ อชิมฺหตาปจฺจุปฏฺานา.

นนุ จ กายปสฺสทฺธิอาทีนํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ธมฺมานํ เอเกกปฏิปกฺขตฺตา ทรถนิมฺมทฺทนาทิกิจฺจํ เอเกกเมว กโรติ. กสฺมา ปน ทฺเว ทฺเว ธมฺมา วุตฺตาติ? น โข ปเนวํ จินฺติตพฺพํ ภควตาปิ ตเถว เทสิตตฺตา. กสฺมา ปน ภควตา ตถา เทสิตา? สภาวธมฺมภาวโต. น หิ ภควตา ปุพฺเพ อวิชฺชมานา เอเต ธมฺมา เทสนาวเสน อุปฺปาทิตา, อถ โข สภาวโต วิชฺชมานาเยว สยมฺภุาเณน สมฺมา สจฺฉิกตฺวา ยถาสภาวา เทสิตา, ตสฺมา กถเมตฺถ ภควตา สภาวโต วิชฺชมานสฺส หาปนํ กาตุํ สกฺกา. สภาวโต วิชฺชมานตาย เจตฺถ ภควโต วจนเมว ปมาณํ. น หิ ภควา ยถาธมฺมสาสนาธิกาเร อยถาธมฺมํ กเถยฺยาติ, ยสฺส ปน วิชฺชมานสฺสาปิ อกถนํ, ตํ อฺเหตุกํ. น เจตฺถ ตาทิโส เหตุ อุปลพฺภติ, เยน อิเมสุ เอเกกธมฺมสฺส อกถนนฺติ. ยถา ปน ทฺวินฺนํ ปุริสานํ เอโกเยว เวริโก โหติ, ตสฺส เต ปุริสา โอตารํ ทิสฺวา เอกโต หุตฺวาว หนนฺติ, เอวเมว ทฺเว ทฺเว ธมฺมา เอกโต หุตฺวา เอกํ ปฏิปกฺขธมฺมํ หนนฺติ, ยถา จ ปเนเต วิสุํ ทิสฺวาปิ ตํ เวรึ หนนฺติ, น เอวเมเต ตํ วิสุํ หนนฺติ เตสํ อฺมฺํ อวินาภาวโตติ, ตสฺมา เอเต ปฏิปกฺขธมฺมานํ เอเกกภาเวปิ ทฺเว ทฺเวเยว วุตฺตาติ, อปิจ จิตฺตปสฺสทฺธิอาทีหิ จิตฺตเมว ปสฺสทฺธิ ลหุ มุทุ กมฺมฺํ ปคุณํ อุชุฺจ โหติ. กายปสฺสทฺธิอาทีหิ ปน รูปกาโยปีติ ตทตฺถทสฺสนตฺถํ ภควตา เอตฺเถว ทุวิธตา วุตฺตา, น สมาธิอาทีสุ.

ฉนฺทนํ ฉนฺโท, อารมฺมเณน อตฺถิกตา. ‘‘ฉนฺโท กาโม’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑) ปน ตณฺหาปิ ฉนฺโทติ วุจฺจติ. ‘‘ฉนฺทํ ชเนติ วายมตี’’ติอาทีสุ วีริยมฺปีติ ตโต นิวตฺตนตฺถํ วุตฺตํ ‘‘กตฺตุกมฺยตาเยตํ อธิวจน’’นฺติ. กตฺตุกมฺยตา วุจฺจติ กรณิจฺฉา. เจตสิกสฺส ธมฺมสฺส สารมฺมณตฺตา กรณิจฺฉา นาม อารมฺมณสฺส อาลมฺพิตุกามตามุเขเนว โหตีติ อารมฺมณกรณิจฺฉาลกฺขโณ ฉนฺโท ‘‘กตฺตุกมฺยตาลกฺขโณ’’ติ วุตฺโต. เตเนวาห ‘‘อารมฺมณปริเยสนรโส, อารมฺมเณน อตฺถิกตาปจฺจุปฏฺาโน’’ติ จ. ยทคฺเคน ปนายํ อตฺตโน อารมฺมณปริเยสนรโส, ตทคฺเคน สมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ โหติเยว เอการมฺมณตาย. เตน เตสํ อารมฺมณคฺคหเณ เจตโส หตฺถปฺปสารณํ วิยาติ วุจฺจติ. กถํ ปน ทานวตฺถุวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตมานเจตนาสมฺปยุตฺโต ฉนฺโท อารมฺมเณน อตฺถิโก โหตีติ? นนุ อโวจุมฺหา ‘‘อารมฺมณกรณิจฺฉาลกฺขโณ’’ติ, ตสฺมา สงฺคามคตอิสฺสาสสฺส ขิปิตพฺพอุสูนํ คหเณ อตฺถิกตา วิย ทานวตฺถุวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตจฺฉนฺโทปิ วิสฺสชฺชิตพฺเพน เตน อตฺถิโกเยวาติ. สฺวายํ กุสเลสุ อุปฺปนฺโน กุสลจฺฉนฺโท นาม โหติ โยนิโสมนสิการสมุฏฺานตฺตา. ตพฺพิปรีตโต ปน อกุสเลสุ อุปฺปนฺโน อกุสลจฺฉนฺโท.

อธิมุจฺจนํ อารมฺมเณ สนฺนิฏฺานวเสน เวทิตพฺพํ, น ปสาทนวเสน. เตนาห ‘‘สนฺนิฏฺานลกฺขโณ’’ติ. ยถา ตถา หิ อารมฺมเณ นิจฺฉยนํ อธิมุจฺจนํ อนธิมุจฺจนฺตสฺส ปาณาติปาตาทีสุ, ทานาทีสุ วา ปวตฺติยา อภาวโต, สทฺธา ปน ปสาทนีเยสุ ปสาทาธิโมกฺโขติ อยเมเตสํ วิเสโส. โวฏฺพฺพนํ ปน ยถา สนฺตีริเต อตฺเถ นิจฺฉยนากาเรน ปวตฺติตฺวา ปรโต ปวตฺตมานานํ ตถา ปวตฺติยา ปจฺจโย โหติ. ยทิ เอวํ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺเตสุ ธมฺเมสุ กถนฺติ? เตสมฺปิ เอกํเสเนว สํสปฺปนาการสฺส ปจฺจยตาย ทฏฺพฺพํ, ทารกสฺส วิย อิโต จิโต จ สํสปฺปนสฺส ‘‘กริสฺสามิ, น กริสฺสามี’’ติ อนิจฺฉยสฺส ปฏิปกฺขกิริยา อสํสปฺปนํ. เยสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อยํ สนฺนิฏฺานลกฺขโณ อธิโมกฺโข, เตสํ อารมฺมณธมฺโมเยว สนฺนิฏฺาตพฺพตฺตา สนฺนิฏฺเยฺยธมฺโม. โส ปทฏฺานมสฺสาติ สนฺนิฏฺเยฺยธมฺมปทฏฺาโน. อินฺทขิโลติ เอสิกาถมฺโภ วุจฺจติ.

เตสุ เตสุ ธมฺเมสูติ เยสุ ธมฺเมสุ สยํ อุปฺปนฺนา, เตสุ อตฺตนา สมฺปยุตฺเตสุ จิตฺตเจตสิกธมฺเมสุ. อนารมฺมณตฺเตปิ หิ เตสุ สมปฺปวตฺเตสุ อุทาสีนภาโว ‘‘ตตฺรมชฺฌตฺตตา’’ติ วุจฺจติ. สมํ อวิสมํ วาหิตํ อตฺตนา ปวตฺติตสมฺปยุตฺตานํ วา ยถาสกกิจฺเจสุ ปวตฺตนํ ลกฺขณเมติสฺสาติ สมวาหิตลกฺขณา. ตตฺถ สมํ หุตฺวา ปวตฺตนลกฺขณาติ อตฺเถ อปกฺขปติตภาโว วุตฺโต โหติ, อวิสมํ กตฺวา ปวตฺตนลกฺขณาติ อตฺเถ อูนาธิกตานิวารณํ. อุทาสีนภาเวน ปวตฺตมานาปิ หิ เอสา สมฺปยุตฺตธมฺเม สมํ กตฺวา ยถาสกกิจฺเจสุ ปวตฺเตติ, ยถา ราชา ตุณฺหี นิสินฺโนปิ อธิกรณธมฺมฏฺเ ยถาสกกิจฺเจสุ สมํ อปฺปมตฺเต ปวตฺเตติ. อลีนานุทฺธตปฺปวตฺติปจฺจยานํ ธมฺมานํ อูนาธิกตาย ลีนุทฺธตภาวสฺส นิวารณกิจฺจาติ วุตฺตํ ‘‘อูนาธิกตานิวารณรสา’’ติ. ยทิ เอวํ กถํ สหชาตาธิปตีนํ อธิปติภาโว. อาธิปจฺจฺหิ เตสํ กิจฺจโต อธิกภาโวติ? นายํ โทโส. ตมฺปิ ตสฺส กิจฺจเมว, ยํ สหชาตธมฺมานํ อธิปติภาเว ปวตฺตาปนํ. ยถา หิ รงฺคมณฺฑลํ คโต นฏกาจริโย เต เต นฏเก ยถาสกํ อนุรูปํ ภูมิยํ โยเชติ, เอวเมสาปิ อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ อธิปติภาเว ิเต อธิปติภาเว โยเชติ, อินฺทฺริยตฺเต ิเต อินฺทฺริยตฺเต, น ปน สกสกกิจฺจโต อูนตํ, อธิกตํ วา ปตฺตุํ เทตีติ. ‘‘อิทํ นิหีนกิจฺจํ โหตุ, อิทํ อติเรกกิจฺจ’’นฺติ เอวํ ปกฺขปาตวเสน วิย ปวตฺติ ปกฺขปาโต. ตํ อุปจฺฉินฺทนฺตี วิย โหตีติ ปกฺขปาตุปจฺเฉทนรสา. สา จิตฺตเจตสิกานํ อชฺฌุเปกฺขเนน สมปฺปวตฺเตสุ อาชานีเยสุ สารถิ วิย ทฏฺพฺพา.

กิริยา กาโรติ การ-สทฺทสฺส ภาวสาธนตํ อาห. เตน กาโรติ นาฺํ, กิริยาเยวาติ ทีปิตํ โหติ. มนสฺมึ กาโรติ มนสิ อารมฺมณสฺส กรณํ. เยน หิ มโน อารมฺมเณ กรียติ อารมฺมเณนสฺส สํโยชนโต, ตโต เอว เตน อารมฺมณมฺปิ มนสิ กรียตีติ. มนสิกาโรติ เจตฺถ อลุตฺตสมาโส ทฏฺพฺโพ. ปุริมมนโตติ ภวงฺคมนโต. วิสทิสํ มนนฺติ วีถิชวนมนํ, ตํ กโรตีติ มนสิกาโร, มนสิการสามฺเน วีถิชวนปฏิปาทเก ทสฺเสติ. เอตฺถ ปน อุปโยคตฺถภุมฺมวจเน สมาโส ทฏฺพฺโพ. สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมณาภิมุขํ สาเรนฺโต ปโยเชนฺโต วิย โหตีติ มนสิกาโร สารณลกฺขโณติ วุตฺโต. สํโยชนรโสติ ปโยชนรโส. วิตกฺโก สมฺปยุตฺตานํ อารมฺมเณ อภินิโรปนสภาวตฺตา อารมฺมเณ จิตฺตํ ปกฺขิปนฺโต วิย โหติ. เจตนา อตฺตโน อารมฺมณํ คณฺหนฺตี สมฺปยุตฺเตปิ สกสกกิจฺจํ กาเรตีติ อตฺตนา กรเณน พลํ นิโยเชนฺโต พลนายโก วิย โหติ. มนสิกาโร สมฺปยุตฺเต อารมฺมเณ ปโยเชตีติ อาชานียปฺปโยชนกสารถิ วิยาติ อยเมเตสํ วิเสโส.

อารมฺมณาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺาโนติ อารมฺมเณ สํโยชนวเสน ตทภิมุขภาวปจฺจุปฏฺาโน. เอตฺถ สติยา อปฺปมุสฺสนจฺฉนฺทตา วิสยาภิมุขปจฺจุปฏฺานตา, มนสิการสฺส ปน สํโยชนวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. อารมฺมณปฏิปาทกสฺส สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนตาวจนํ อิตรมนสิการานํ วิฺาณกฺขนฺธปริยาปนฺนตํ ทสฺเสติ. มหิสาสกา ปน ‘‘อาวชฺชนสฺส วิฺาณภาเว สพฺพฺุตฺาณสฺส สพฺพวิสยตา ปริหาเยยฺย, ตสฺมา ตํ ชวนสมฺปยุตฺตสงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนเมวา’’ติ วทนฺติ. เตสฺหิ อยมธิปฺปาโย – ยทิ ตํ วิสุํ จิตฺตสภาวํ สิยา, ปจฺจุปฺปนฺนจิตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตสฺส ตสฺส อนนฺตรํ อุปฺปชฺชมานชวนานํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา น ภเวยฺย, อฺทตฺถุ อตีตารมฺมณตาว สิยา, เอวฺจ สติ สพฺพฺุตฺาณสฺสาปิ ปจฺจุปฺปนฺนจิตฺตารมฺมณตาย อภาวโต อสพฺพวิสยตา อาปชฺเชยฺย, ยทคฺเคน จ ตํ อสพฺพวิสยํ, ตทคฺเคน สาวรณมฺปิ โหติ ยตฺถ น ปวตฺตติ, ตตฺถ อาวรณสมฺภวโต, ตสฺมาสฺส สกลโลกสิทฺโธ สพฺพฺุภาโว, อนาวรณภาโว จ ปริหาเยถ, ชวนสมฺปยุตฺตภาเว ปน สติ อาวชฺชนสฺส นายํ อิฏฺวิฆาโต อาปชฺชตีติ. ตยิทํ เตสมภินิเวสมตฺตํ ‘‘อาวชฺชนา กุสลานํ ขนฺธานํ, อกุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) วจเนน ตสฺสานนฺตรํ กุสลากุสลุปฺปตฺติยา ทีปิตตฺตา. สพฺพฺุตฺาณสฺส ปน ปจฺจุปฺปนฺนจิตฺตารมฺมณภาโว เอวํ เวทิตพฺโพ – อตีตาทิวเสน หิ วิภาคมกตฺวา ‘‘อิมสฺส จิตฺตํ ชานามี’’ติ ปวตฺตสฺส อาวชฺชนํ สามฺเน ยํ กิฺจิ อภิมุขีภูตํ จิตฺตมาวชฺชติ, ตโต ชวนานิปิ อตฺตโน อตฺตโน อภิมุขีภูตํ จิตฺตมารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนฺติ, น เจตฺถ ชวนานํ ภินฺนารมฺมณตา อาสงฺกิตพฺพา จิตฺตสามฺเน อารมฺมณสฺส อภินฺนตฺตา, ตสฺมา สพฺพฺุตฺาณสฺส ปจฺจุปฺปนฺนจิตฺตารมฺมณตํ ปฏิจฺจ น กาจิ วิเหสา อนุภวิตพฺพาติ. กึ วา เอเตน ยุตฺติวาเทน, นนุ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘อจินฺเตยฺโย พุทฺธวิสโย’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗), ตสฺมา อปริมิตปุฺสมฺภาเรกผลสฺส อจินฺเตยฺยสภาวตฺตา อาวชฺชเนน วินาปิ วิสยคฺคหเณ วิพนฺธนาภาวโต ยตฺถ กตฺถจิ ปวตฺติ อปฺปฏิหตาเยวาติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อาวชฺชนํ อนาคตจิตฺตมารมฺมณํ กตฺวา นิรุชฺฌติ, ชวนเมว ปน ปจฺจุปฺปนฺนมารมฺมณํ คณฺหาตี’’ติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน ‘‘อนาคตารมฺมณา อาวชฺชนา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ปาฬิ นตฺถิ, ตสฺมา ตํ อปฺปมาณํ.

กโรตีติ กรุณา. กึ กโรติ, เกสํ กึ นิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ หทยกมฺปน’’นฺติ. กมฺปนนฺติ จ ปเรสํ ทุกฺขํ ทิสฺวา ตสฺส อสหนากาเรน จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ, ตทิทํ สปฺปุริสานํเยว โหตีติ อาห ‘‘สาธูน’’นฺติ. สปฺปุริสา หิ อตฺตหิตปรหิตสาธเนน ‘‘สาธู’’ติ วุจฺจนฺติ. ‘‘กิณาตี’’ติ อิมสฺส อตฺถมาห ‘‘วินาเสตี’’ติ, อทสฺสนํ คเมติ อปเนตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปรทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติลกฺขณา’’ติ. ปเรสํ ทุกฺขสฺส อปนยนํ โหตุ วา, มา วา, โส ปรทุกฺขาปนยนากาโร, ตถาปวตฺติลกฺขณาติ ปร…เป… ลกฺขณา. อปเนตุกามตาย ปเรสํ ทุกฺขสฺส อสหนํ อนธิวาสนํ ปรทุกฺขาสหนํ. น วิหึสา อวิหึสา, สตฺตานํ อวิเหนํ, ตํ ปจฺจุปฏฺาเปติ, วิหึสาย วา ปฏิปกฺขภาเวน ปจฺจุปฏฺาตีติ อวิหึสาปจฺจุปฏฺานา.

ปโมทนลกฺขณาติ ปรสมฺปตฺติยา ปโมทนลกฺขณา. อนิสฺสายนรสาติ อิสฺสายนสฺส อุสูยนสฺส ปฏิปกฺขภาวกิจฺจา. ปนฺตเสนาสเนสุ, อธิกุสลธมฺเมสุ จ อรมณํ อรติ. สา อตฺถโต อิสฺสาธิกํ โทมนสฺสสหคตํ, ถินมิทฺธาธิกฺจ อุทฺธจฺจํ. ตตฺถ ปุริมํ ปรสมฺปตฺติวิสยํ, ทุติยํ ปนฺตเสนาสนาทิวิสยนฺติ ทฏฺพฺพํ. อรติยา วิหนนากาเรน ปจฺจุปฏฺาติ, ตสฺสา วิฆาตํ วา วูปสมํ ปจฺจุปฏฺาเปตีติ อรติวิฆาตปจฺจุปฏฺานา. ‘‘อนิยเต อิจฺฉนฺตี’’ติ อิมินา เจตสิกนฺตรภาเวน อิจฺฉนฺตีติ ทสฺเสติ.

กายทุจฺจริตโตติ วตฺถุวีติกฺกมสงฺขาตทุจฺจริตโต. กายทุจฺจริตาทิวตฺถูนนฺติ ปรปาณปรธนปรอิตฺถิอาทีนํ กายทุจฺจริตาทีนมาลมฺพณภูตานเมว วตฺถูนํ. อวีติกฺกมลกฺขณาติ อมทฺทนลกฺขณา. กายทุจฺจริตาทิวตฺถุโต สงฺโกจนกิริยาปเทเสน กายทุจฺจริตาทิโตเยว สงฺโกจนกิริยา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ วิรติโย ทุจฺจริตวตฺถุโน อกิริยปจฺจุปฏฺานา ยุชฺชนฺติ, อถ โข ทุจฺจริตสฺเสว, วิรตีนฺจ โสรจฺจวเสน สงฺโกจนํ, อกิริยา จ หิโรตฺตปฺปานํ ชิคุจฺฉาทิวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. สทฺธา…เป… ปทฏฺานาติ เอตฺถ สทฺธาทโย สพฺเพว ธมฺมา กายสุจริตาทีนํ ปทฏฺานาติ เอเก. อปเร ปน ‘‘กมฺมํ กมฺมผลํ สทฺทหนฺตสฺส กายทุจฺจริตาทิอกรณโต, หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนสฺส มุสาวาทาทิอกถนโต, อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺีสลฺเลขคุณสมนฺนาคตสฺส มิจฺฉาชีววิวชฺชนโต จ สทฺธาทโย ติณฺณํ ธมฺมานํ ยถากฺกเมน ปทฏฺานา’’ติ วทนฺติ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. อิมาสูติ อิมาสุ ตีสุ วิรตีสุ. เอเกกํ นิยตํ วิรติมิจฺฉนฺตีติ อฺํ เอกํ จตุตฺถนิยตวิรติมิจฺฉนฺติ. อถ วา นิทฺธารณตฺเถ ภุมฺมวเสน อิมาสํ อนฺตเร เอกํ นิยตํ วิรติมิจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อุภยถาปิ ปน เตสํ อิจฺฉา น ยุชฺชติ อปราย วิรติยา ธมฺมเสนาปตินาปิ อเทสิตตฺตา, วิสยสฺส จ สทา สนฺนิหิตตฺตาภาเวน นิยตาย เอว เอกิสฺสา อภาวโต. เตเนว หิ อภยคิริวาสิโนเยว จ เกจิ อิมาสํ ติวิธตฺตํ อนิยตตฺตเมว จ อิจฺฉนฺติ. วุตฺตฺหิ เตหิ –

‘‘กรุณามุทิตา สมฺมาวาจากมฺมนฺตอาชิวา;

เยภุยฺยโต อนิยตา, โหนฺติ โคจรเภทโต’’ติ. –

เอตฺถ ปน ‘‘เยภุยฺยโต’’ติ วจนํ โลกุตฺตรจิตฺเตสุ สพฺพทา เอกโตเยว จ ลพฺภมานตํ สนฺธาย วุตฺตํ.

ทุติยจิตฺเตน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ยถา จิตฺตํ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปีติ ทุติเย สสงฺขารา เอวาติ อาห ‘‘สสงฺขารภาวมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโส’’ติ. ตถาติ ยถา ตติเย, ตถา จตุตฺเถปิ ปีติยา สุขปทฏฺานตฺตา. สุขสฺส เจตฺถ อภาวโต อาห ‘‘เปตฺวา ปีติ’’นฺติ. นนุ จ ‘‘กรุณามุทิตา อุเปกฺขาสหคเต น สมฺภวนฺตี’’ติ วทนฺติ, ตสฺมา ยถา ปีติยา, เอวํ ตาสมฺปิ ปฏิกฺเขโป กาตพฺโพติ? น กาตพฺโพ, อปฺปนาปตฺติโต ปุพฺเพ กรุณามุทิตานํ อุเปกฺขาสหคตานมฺปิ สมฺภวโต. กรุณามุทิตาภาวนากาเล หิ อปฺปนาวีถิโต ปุพฺเพ อุเปกฺขาสหคตจิตฺเตนาปิ ปริกมฺมํ โหติ, อปฺปนาวีถิยํ ปน โสมนสฺสสหคตจิตฺเตเนว เอกาวชฺชนวีถิยา เวทนาปริวตฺตนาภาวโต, ตสฺมา ปุพฺพภาควเสเนว กรุณามุทิตานมฺปิ อุเปกฺขาสหคเตสุ สมฺภโว โหตีติ อาจริยา. อปเร ปน สพฺพทาปิ ตาสํ อุเปกฺขาสหคเตสุ สมฺภวํ น อิจฺฉนฺติ. ‘‘อวเสสา ปฺจเมน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อิทานิ วิเสสทสฺสนตฺถมาห ‘‘โสมนสฺสฏฺาเน จา’’ติอาทิ.

๘๑. กรุณามุทิตาทโยติ กรุณามุทิตา เจว วิรติตฺตยฺจ. เตนาห ‘‘ปฺจา’’ติ.

เอวํ กามาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺเต ทสฺเสตฺวา อิทานิ รูปาวจรกุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตธมฺเม ทสฺเสตุํ ‘‘อวเสเสสุ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เปตฺวา วิรติตฺตยนฺติ วิรติตฺตยํ วชฺเชตฺวา. กสฺมา ปเนตฺถ วิรติตฺตยํ ปริจฺจตฺตนฺติ? วุจฺจเต – สุวิสุทฺธกายกมฺมาทิกสฺส จิตฺตสมาธานวเสน รูปารูปาวจรกุสลปฺปวตฺติ, น กายกมฺมาทีนํ โสธนวเสน, นาปิ ทุจฺจริตทุราชีวานํ สมุจฺฉินฺทนวเสน. ตถา หิ นีวรณาทิธมฺมานํ อวตฺถตฺตยํ โหติ วีติกฺกมาวตฺถา ปริยุฏฺานาวตฺถา อนุสยาวตฺถาติ. ตตฺถ วีติกฺกมาวตฺถาย ปฏิปกฺขํ กามาวจรกุสลํ ปริยุฏฺานาวตฺถาย รูปารูปาวจรํ, อนุสยาวตฺถาย โลกุตฺตรกุสลํ. ทุจฺจริตทุราชีวานํ ปน เปตฺวา วีติกฺกมาวตฺถํ, อนุสยาวตฺถฺจ วีติกฺกมาวตฺถาย วิสุํ ปริยุฏฺานาวตฺถา น อุปลพฺภติ. ยสฺสา วิปจฺจนีกํ รูปารูปาวจรกุสลํ สิยา, ตสฺมา ตํ เนว กามาวจรกุสลํ วิย เตสํ วีติกฺกมาวตฺถํ โสเธติ, น จ โลกุตฺตรํ วิย อนุสยาวตฺถํ สมุจฺฉินฺทติ, ปฏิปสฺสมฺเภติ วา. สีลวิสุทฺธิยํ สีลโสธนวเสน กามาวจรกุสเลเนว วิคตวีติกฺกมสฺส ปริสุทฺธกายกมฺมาทิกสฺส โยคิโน จิตฺตสมาธานวเสน ปวตฺตตีติ มหคฺคตจิตฺตุปฺปาเท วิรตีนํ อสมฺภโวเยว. อิมเมว หิ อตฺถํ สาเธตุํ ‘‘วิรติโย ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เตตฺตึส วา กรุณาทิฌานวเสน ปวตฺตนกาเล. ตโตติ ตโต ตติเย วุตฺตเจตสิกโต. กรุณามุทิตานํ อปฺปนาปตฺตานเมกนฺตโสมนสฺสสหคตตฺตา อาห ‘‘ปฺจเมน…เป… กรุณามุทิตาวชฺชา’’ติ.

รูปาวจรปฺจเม วุตฺตนเยนาติ ตึเสวาติ อธิปฺปาโย. ยทิ เอวํ รูปาวจรโต โก วิเสโสติ อาห ‘‘อรูปาวจรภาโวเวตฺถ วิเสโส’’ติ, ปฺจเม รูปสฺาภาวโต รูปาวจรภาโว, อิธ ปน รูปสฺาสมติกฺกเมน ปตฺตพฺพตฺตา อรูปาวจรภาโวติ อยเมวสฺส ตโต วิเสโสติ อตฺโถ.

ปมชฺฌานิเกติ ปมชฺฌานวติ. มคฺคจิตฺเตติ จตุพฺพิเธปิ มคฺคาเณ. ทุติยชฺฌานิกาทิเภเทติ ทุติยตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานิเก. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ทุติเยน วิตกฺกวชฺชา’’ติอาทินา วุตฺตนเยน. กึ อวิเสเสนาติ เจ, โนติ อาห ‘‘กรุณามุทิตาน’’นฺติอาทิ. มคฺคธมฺเมสุ ปาทกชฺฌานาทิวเสน กทาจิ สมฺมาสงฺกปฺปวิรโห สิยา, น ปน วิรติวิรโห, กายทุจฺจริตาทีนํ สมุจฺฉินฺนวเสเนว อริยมคฺคสฺส ปวตฺตนโตติ อาห ‘‘นิยตวิรติภาโว’’ติ. โลกุตฺตรภาโวติ ฉพฺพิสุทฺธิปรมฺปราย ปตฺตพฺพตฺตา โลกโต อุตฺตรณภาโว.

เอวํ กุสลเจตสิกานํ สมฺปโยควจนตฺถลกฺขณาทีนิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อกุสลเจตสิกานิ ทสฺเสตุํ ‘‘อกุสลา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ฉ เยวาปนกาติ กิฺจาปิ ปเม อนิยตเยวาปนกา น ลพฺภนฺติ, อกุสเลสุ ปน ลพฺภมานกเยวาปนธมฺเม เอกตฺถ ทสฺเสตุํ เตสมฺปิ อิเธว วจนํ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ ธมฺมานํ อุทฺเทสานนฺตรํ ‘‘เอวํ เยวาปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิจิกิจฺฉาสหคเต ฉนฺทาธิโมกฺขานํ, อุทฺธจฺจสหคเต ฉนฺทสฺส จ อภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปฏิปาฏิยา ทสสุ จิตฺเตสู’’ติ.

๘๒. นิทฺทิฏฺาติ นิสฺเสเสน ทสฺสิตา. หตา วิหตา วิทฺธสฺตา ปาปา อปายาทิทุกฺขปาปนโต ‘‘ปาปา’’ติ สงฺขาตา อกุสลธมฺมา เยน โส ภควา หตปาโป, เตน. ลาโภ อลาโภ, ยโส อยโส, นินฺทา ปสํสา, สุขํ ทุกฺขนฺติ อิเมสุ อฏฺสุ โลกธมฺเมสุ อกมฺปนฏฺเน ตาทินา สมฺมาสมฺพุทฺเธน. โส หิ ลาภาทีสุ ยาทิโส, อลาภาทีสุปิ ตาทิโสเยวาติ ‘‘ตาที’’ติ วุจฺจติ.

น หิรียตีติ น ลชฺชติ. อหิริโกติ ปุคฺคโล ธมฺมสมูโห วา. ‘‘อหิริกฺก’’นฺติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส ก-การสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘อหิริก’’นฺติ วุตฺตํ. น โอตฺตปฺปนฺติ โอตฺตปฺปสฺส ปฏิปกฺขภูตํ ธมฺมมาห. อชิคุจฺฉนํ อหีฬนํ. อลชฺชนํ อวิลา. อชิคุจฺฉนลกฺขณนฺติ สภาววเสน วุตฺตํ, อลชฺชนลกฺขณนฺติ กุสลาพฺยากตสฺส สาธารณาย หิริยา ปฏิปกฺขวเสน. เตเหวาติ กายทุจฺจริตาทีหิ เอว. อสารชฺชนํ นิพฺภยตา. อนุตฺตาโส อสมฺภโม. รสาทีนิ หิริโอตฺตปฺเปสุ วุตฺตปฏิปกฺขวเสน คเหตพฺพานีติ น ตานิ อิธ วุตฺตานิ. เตสุ หิ อลชฺชนากาเรน ปาปานํ กรณรสํ อหิริกํ. อนุตฺตาสากาเรน อโนตฺตปฺปํ. วุตฺตปฺปกาเรเนว ปาปโต อสงฺโกจนปจฺจุปฏฺานานิ. อตฺตนิ, ปเรสุ จ อคารวปทฏฺานานิ. คามสูกรสฺส วิย อสุจิโต กิเลสาสุจิโต อชิคุจฺฉนํ อหิริเกน โหติ. สลภสฺส วิย อคฺคิโต ปาปโต อนุตฺตาโส อโนตฺตปฺเปน โหติ. ยถาหุ โปราณา –

‘‘ชิคุจฺฉติ นาหิริโก, ปาปา คูถาว สูกโร;

น ภายติ อโนตฺตปฺโป, สลโภ วิย ปาวกา’’ติ.

เอตฺถ จ ยถา หิริยา พลวภาเว โอตฺตปฺปํ อพฺโพหาริกํ โหติ, โอตฺตปฺปสฺส พลวภาเว หิรี อพฺโพหาริกา, เอวํ อหิริกสฺส พลวภาเว อโนตฺตปฺปํ อพฺโพหาริกํ, อโนตฺตปฺปสฺส พลวภาเว อหิริกํ อพฺโพหาริกํ โหตีติ เกจิ, ตํ น ยุชฺชติ. ยถา หิ อสุจินา อตฺตานํ มกฺเขนฺโต, สปฺปมุเข หตฺถํ ปเวเสนฺโต พาลทารโก ตตฺถ ปฏิกฺกูลภาวสฺส, อาทีนวสฺส จ อนุปปริกฺขนโต เนว ชิคุจฺฉติ, น จ อุตฺตสติ, เอวเมวํ ธมฺมสภาวสฺส อฺาณโต โมโห ปาปโต เนว ชิคุจฺฉติ, น อุตฺตสติ, ตสฺมา ตํสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาเท อุภยมฺปิ พลวตรํ โหตีติ.

ลุพฺภนฺตีติ อภิคิชฺฌนฺติ, อลฺลียนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อารมฺมณคฺคหณลกฺขโณติ เอตฺถ อารมฺมณคฺคหณํ นาม ‘‘มม อิท’’นฺติ ตณฺหาภินิเวสวเสน อภินิวิฏฺสฺส อารมฺมณสฺส อวิสฺสชฺชนํ, น อารมฺมณกรณมตฺตํ. อภิสงฺโค อติสยวตาย อาสตฺติยา ทุมฺโมจนียภาโว. อปริจฺจาโค อวิชหนํ. เตลฺชนราโค วิยาติ โธวิตฺวาปิ ปริจฺจชิตุํ อสกฺกุเณยฺโย เตลมกฺขิตอฺชนราโค วิย. ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ วจนโต วุตฺตํ ‘‘อสฺสาททสฺสนปทฏฺาโน’’ติ. ตตฺถ อสฺสาทวเสน ทสฺสนํ อสฺสาททสฺสนํ. นนุ จ อสฺสาททสฺสนมฺปิ อตฺถโต โลโภเยวาติ กถํ สยํ อตฺตโน ปทฏฺานํ โหตีติ? สจฺจํ, ปมํ นาติพลวโลภวเสน อสฺสาททสฺสโน ปจฺฉา พลวโลโภ โหตีติ ตสฺส ตํปทฏฺานตา วุตฺตา. เตเนว จ ‘‘ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘อสฺสาโท นาม สุขเวทนา, อสฺสาททสฺสนนฺติ อสฺสาททิฏฺี’’ติ วทนฺติ. สุขเวทนาย วา การณภูตํ สุภนิมิตฺตํ อสฺสาโท นาม, อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ ปวตฺตา ตโย วิปลฺลาสา อสฺสาททสฺสนํ นามาติ เกจิ.

มุยฺหนฺตีติ น พุชฺฌนฺติ. ธมฺมสภาวสฺส ยาถาวโต อทสฺสนํ จิตฺตสฺส อนฺธภาโว. อฺาณํ าณปฏิปกฺโข ธมฺโม. ตตฺถ ปุริมลกฺขณํ สภาววเสน วุตฺตํ, อิตรํ ปฏิปกฺขวเสน. อถ วา อฺาณลกฺขโณติ กิจฺจวเสน วุตฺตํ. โส หิ อสมฺปฏิเวธรโสติ วุตฺโต. ธมฺมสภาวํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถตา อสมฺปฏิเวโธ. อารมฺมณสภาวจฺฉาทนรโสติ ยถา อฺาณํ, โมหสมงฺคิปุคฺคโล วา อารมฺมณสภาวํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น ลภติ, โมหสฺส ตถา ปวตฺติ อารมฺมณสภาวจฺฉาทนํ. เอตฺถ จ าณํ อารมฺมณํ ยถาสภาวโต ชานาติ, ทิฏฺิ ยถาสภาวํ วิชหิตฺวา อยาถาวโต คณฺหาติ, โมโห ปน น กถฺจิ วิชานาติ. ยทิ เอวํ อารมฺมณคฺคหณกาโล กถํ ตทา โส อารมฺมณํ ชานาเตวาติ? ตทาปิ น ชานาติ. ยถา ปน ผสฺสาทโย ผุสนาการาทิมตฺตวเสเนว อารมฺมณํ คณฺหนฺติ, น ชานนวเสน, เอวมยํ อารมฺมณํ คเหตฺวา อุปฺปชฺชมาโน ปฏิจฺฉาทนากาเรเนว คณฺหาติ, น ปน ชานนากาเรนาติ. ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อนฺธกรณํ อนฺธกาโร, ตถา ปจฺจุปฏฺาติ, ตํ วา ปจฺจุปฏฺาเปตีติ อนฺธการปจฺจุปฏฺาโน.

มิจฺฉา ปสฺสนฺตีติ ธมฺมสภาวสฺส วิปรีตวเสน อนิจฺจาทึ นิจฺจาทิวเสน ปสฺสนฺติ. อโยนิโส อภินิเวโส อุปฺปถาภินิเวโส. ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต นิจฺจาทิโต วา ปรปฺปจฺจยโต วา อามสนํ ปรามาโส, วิปรีตคฺคาหวเสน ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ อภินิเวสนํ มิจฺฉาภินิเวโส. อริยานํ อทสฺสนกามตาทีติ อาทิ-สทฺเทน สทฺธมฺมอโสตุกามตาทึ สงฺคณฺหาติ.

ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน อุทฺธตํ โหติ จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา วา, โส ธมฺโม อุทฺธจฺจํ. เตนาห ‘‘อุทฺธตภาโว’’ติ. อวูปสโมติ อสนฺนิสินฺนภาโว. วาตา…เป… ปฏากา วิยาติ ยถา ปฏากา โยตฺตพเลน ธชยฏฺึ อมุฺจนฺตีปิ วาตาภิฆาเตน เอตฺถ อวฏฺาตุํ น สกฺโกติ, เอวมิทมฺปิ อธิโมกฺขพเลน อารมฺมณํ อมุฺจนฺตมฺปิ อโยนิโสมนสิการพเลน อารมฺมเณ อจลํ อวฏฺาตุํ น สกฺโกตีติ วาตปฺปหาเรเนว จลธชปฏากา วิย อนวฏฺานกิจฺจํ. ภนฺตตฺตํ ปริพฺภมนากาโร. อุทฺธจฺจสฺส สพฺพากุสลสาธารณตฺตา, อฺเสฺจ อกุสลสาธารณานํ วิสุํ ปทฏฺานสฺส ลพฺภมานตฺตา วุตฺตํ ‘‘อโยนิโส…เป… ปทฏฺาน’’นฺติ. เยนากาเรน วา มนสิกโรโต อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชติ, เตนากาเรน มนสิกรณํ อิธ อโยนิโสมนสิกาโร. อถ วา อุทฺธจฺจนิมิตฺตสฺส อารมฺมณสฺส มนสิกรณํ อิธ อโยนิโสมนสิกาโร.

มฺตีติ อภิมฺติ, อหํการํ กโรตีติ อตฺโถ. เสยฺยาทิวเสน อุจฺจโต นมนํ อุณฺณติ. สมฺปคฺคหรโสติ อุณฺณติวเสเนว อตฺตโน, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา สมฺปคฺคณฺหนกิจฺโจ, น วีริยํ วิย ตํตํกิจฺจสาธเนน. อภิภุสฺสหนวเสน หีนสฺส อตฺตานํ นีจํ กตฺวา คหณมฺปิ ปคฺคณฺหนวเสเนวาติ เวทิตพฺพํ. เกตุ…เป… ปจฺจุปฏฺาโนติ เอตฺถ เกตุ วุจฺจติ อจฺจุคฺคตธโช, อิธ ปน เกตุ วิยาติ เกตุ, อุฬารตมาทิภาโว, ตํ เกตุภาวสงฺขาตํ เกตุํ กมฺยตีติ เกตุกมฺยํ, ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน ตํ เกตุกมฺยํ, โส เกตุกมฺยตา. ‘‘อห’’นฺติ ปวตฺตนโต มานสฺส ทิฏฺิสทิสี ปวตฺตตีติ ทิฏฺิมานา เอกจิตฺตุปฺปาเท น ปวตฺตนฺติ, ทฺเว เกสรสีหา วิย เอกคุหายํ, ตสฺมา มาโน ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺเต สพฺพทา อนุปฺปชฺชมาโนปิ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตจิตฺเต นิยเมน อนุปฺปชฺชนโต ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลภปทฏฺาโน. มาโน ธมฺมสมูหคฺคหเณ พลวํ หุตฺวา อตฺตุกฺกํสนภาเวน ปวตฺตติ, ทิฏฺิ เอเกกธมฺมมฺปิ นิจฺจาทิอากาเรน คณฺหนฺตี ปวตฺตติ. อตฺตสิเนหสนฺนิสฺสโย วา มาโน, อตฺตกิลมถานุโยคสนฺนิสฺสยา ทิฏฺีติ อยเมเตสํ วิเสโส.

อิสฺสตีติ อุสูยติ. ตตฺเถวาติ ปรสมฺปตฺตีสุเยว. อิสฺสาวเสน ปรสมฺปตฺตีสุ อตุสฺสนโต วุตฺตํ ‘‘อนภิรติรสา’’ติ. เตเนเวตํ วุจฺจติ –

‘‘อิสฺสานลสิขา เยสํ, หทเย ชลตีธ เต;

เนว วินฺทนฺติ ปาโมชฺชํ, สมฺพุทฺธาทีหิ เสวิต’’นฺติ.

มจฺฉรโยเคน มจฺฉรินิ ปวตฺตํ มจฺฉร-สทฺทํ คเหตฺวา อาห ‘‘มจฺฉรภาโว มจฺฉริย’’นฺติ. นิรุตฺตินเยน ปน ‘‘มา อิทํ อจฺฉริยํ อฺเสํ โหตุ, มยฺหํว โหตู’’ติ มจฺฉริยนฺติ โปราณา. นิคุหณํ อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรสํ อทสฺสนํ. สงฺโกจนํ อตฺตสมฺปตฺตีนํ ปเรหิ สาธารณภาวกรณสฺส อรุจฺจนากาเรน ปฏิกุฏนํ. ‘‘มา อิทํ ปรสฺส โหตู’’ติ ปเรสุ ปฏิหนนวเสน อตฺตสนฺตกสฺส อารมฺมณกรณโต มจฺเฉรํ ปฏิฆจิตฺเตสฺเวว ลพฺภตีติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ เอกสฺเสว ธมฺมสฺส อฺตฺถ ปฏิหฺิตฺวา อฺารมฺมณภาวปฺปสงฺคโต. ปเรหิ สาธารณภาเว ปฏิหนนวเสน ปน ตํ อารพฺภ ปวตฺตนโต มจฺเฉรํ ปฏิฆจิตฺเตสุ อุปฺปชฺชตีติ ยุตฺตํ. อตฺตสมฺปตฺตีติ อาวาสาทิสมฺปตฺติ.

กุจฺฉิตํ กตนฺติ เอตฺถ กตมฺปิ อกตมฺปิ ครหิตพฺพตฺตา กุจฺฉิตํ กตํ นาม โหติ. เอวฺหิ วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘ยํ มยา น กตํ, ตํ กุกต’’นฺติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กตากตานุโสจนรส’’นฺติ. เอวํ กตากตํ ทุจฺจริตํ สุจริตมฺปิ กุจฺฉิตํ กตํ นาม. สุจริตมฺปิ หิ ครหนฺตสฺส กุจฺฉิตํ กตนฺติ โหติ. ยถา ปน ปถวีกสิณารมฺมณํ ฌานํ ปถวีกสิณํ, เอวํ กุกตํ อารพฺภ วิปฺปฏิสารวเสน ปวตฺตํ จิตฺตํ ตํสหจริตตาย อิธ กุกตนฺติ คเหตพฺพํ. อถ วา กตากตํ อารพฺภ อุปฺปชฺชนกวิปฺปฏิสารจิตฺตํเยว ครหิตพฺพโต ‘‘กุจฺฉิตํ กตํ กุกต’’นฺติ วุจฺจติ. ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน ตํ จิตฺตํ กุกตํ นาม โหติ, โส ธมฺโม กุกฺกุจฺจํ. เตนาห ‘‘กุกตํ, ตสฺส ภาโว’’ติ. ปจฺฉา อนุตปฺปนํ วิเหนํ ปจฺฉานุตาโป. กตากตานุโสจนํ กตากตสฺส สุจริตทุจฺจริตสฺส อนุโสจนํ, ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณ’’นฺติอาทินา อนุตปฺปนํ, ‘‘อกตํ มยา ปุพฺเพ กลฺยาณกมฺมํ, อิโต ทานิ ปฏฺาย กโรมี’’ติ ปวตฺตํ ปน กุสลปกฺขิกํ วีริยเมว, น กตากตานุโสจนํ, กตากตาการวิสิฏฺสฺส สุจริตทุจฺจริตสฺส อนุโสจนวเสน วิรูปํ ปฏิสรณํ วิปฺปฏิสาโร. กตากตานุโสจนฺหิ อวฑฺฒิสมฺปาทนโต วิรูปํ ปฏิสรณํ, ตํ ปรายตฺตตาเหตุตาย ทาสพฺยํ วิย ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ ทาสพฺเย สติ ทาโส ปรายตฺโต โหติ, เอวํ กุกฺกุจฺเจ สติ ตํสมงฺคีปุคฺคโล. น หิ โส อตฺตโน ธมฺมตาย กุสเล ปวตฺติตุํ สกฺโกติ. อถ วา กตากตกุสลากุสลานุโสจนวเสน อายตฺตตาย ตทุภยวเสน กุกฺกุจฺเจน ตํสมงฺคี โหตีติ ตํ ทาสพฺยํ วิย โหติ.

อนุสฺสาหนาวสีทนวเสน สํหตภาโว ถินํ, เตน โยคโต จิตฺตํ ถินํ, ตสฺส ภาโว ถินตา. เตนาห ‘‘อนุสฺสาหสํหนนตา’’ติ. อสมตฺถตาวิฆาตวเสน อกมฺมฺตา มิทฺธํ. เตนาห ‘‘อสตฺติวิฆาโต’’ติ. ยสฺมา มิทฺธวเสเนว เตน สมฺปยุตฺตธมฺมา เมธิตา วิหตสามตฺถิยา โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘มิทฺธตา มิทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. น วิชฺชติ อุสฺสาโห อสฺสาติ อนุสฺสาหํ, ตพฺภาโวปิ อนุสฺสาหํ. อนุสฺสาหสงฺขาโต สํหนนภาโว อนุสฺสาหสํสีทนตา, กุสีตภาโวติ วุตฺตํ โหติ. อสตฺติวิฆาโตติ ยสฺมา ตํ มิทฺธํ อุปฺปชฺชมานเมว สตฺติวินาสวเสน อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา นตฺถิ เอตสฺส สตฺตีติ ตํ สมฺปยุตฺตจิตฺตํ อสตฺติ, ตสฺส ภาโวปิ, อสตฺติเยว วิฆาโตติ อสตฺติวิฆาโต.

อนุสฺสาหนลกฺขณนฺติ อุสฺสาหปฏิปกฺขลกฺขณํ. วีริยสฺส วิโนทนํ เขปนํ วีริยวิโนทนํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สํสีทนากาเรน ปจฺจุปฏฺาติ, เตสํ วา สํสีทนํ ปจฺจุปฏฺาเปตีติ สํสีทนปจฺจุปฏฺานํ. อกมฺมฺตาลกฺขณนฺติ เอตฺถ กามํ ถินมฺปิ อกมฺมฺตาสภาวเมว, ตํ ปน จิตฺตสฺส อกมฺมฺํ, มิทฺธํ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺสาติ อยเมตฺถ วิเสโส. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ถินํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา. กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา’’ติ (ธ. ส. ๑๑๖๒) จ อาทินา อิเมสํ นิทฺเทโส ปวตฺโต. โอณหนํ วิฺาณทฺวารานํ ปิทหนํ, สมฺปยุตฺตานํ พนฺธนํ วา. ลีนตา ลีนากาโร, อารมฺมณคฺคหเณ สงฺโกโจ. ยสฺมา ถิเนน จิตฺตสฺเสว สํหนนํ โหติ, มิทฺเธน ปน เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺส วิย รูปกายสฺสปิ, ตสฺมา ตํ ปจลายิกานิทฺทํ ปจฺจุปฏฺาเปตีติ ปจลายิกานิทฺทาปจฺจุปฏฺานนฺติปิ วฏฺฏติ. โปตฺถรูปปฏิจฺฉาทกปโฏ วิย อารมฺมณสภาวาวจฺฉาทโก โมโห. มุเข พนฺธปโฏ วิย สมฺปยุตฺตธมฺเม ปตฺถริตุํ อเทนฺตํ มิทฺธนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส.

เสสาติ อิธ ลกฺขณาทิวเสน วุตฺตาวเสสา ผสฺสาทโย. กุสเลสุ วุตฺตนเยนาติ ลกฺขณาทิโต วุตฺตนเยน. น โกจิ เอตฺถ วิเสโส อตฺถีติ เจ, โน นตฺถีติ อาห ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิ, วิตกฺกาทีนํ ติณฺณํ ยถากฺกมํ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทินามมตฺตเมว วิเสโสติ อตฺโถ. เอกูนวีสตีติ เปตฺวา มานาทโย ฉ อนิยตเยวาปนเก เสสา สรูเปนาคตา ปนฺนรส ฉนฺทาทโย จ จตฺตาโร นิยตเยวาปนกาติ อิเม เอเกน อูนา วีสติ เจตสิกา. อนิยตเยวาปนกานํ ปน อิธ อลภนฺตานมฺปิ เอตฺถ วจเน การณํ วุตฺตเมว.

ถินมิทฺธสฺส อนิยตภาโวติ ถินมิทฺธสฺส อนิยตสฺส อิธ อุปฺปชฺชนกภาวมาห, น ปน ปเม นิยตภาวํ ตตฺถ สพฺพโสว อนุปฺปชฺชนโต. น หิ สภาวติขิณํ จิตฺตํ ถินมิทฺธโยคี โหตีติ. ตติเย มานสฺส อนิยตสฺส สมฺภเวปิ นิยตธมฺเม สนฺธาย ‘‘อฏฺารสา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘มาโน ปเนตฺถ อนิยโต’’ติ. ทิฏฺิยา สห น อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ การณํ วุตฺตเมว. จตุตฺเถ อวเสสาติ อฏฺารเสว, ปฺจเม เปตฺวา ปีตึ ทิฏฺิยา สห อฏฺารเสว, ตถา ฉฏฺเปิ. สตฺตเม ปีติยา, ทิฏฺิยา จ อภาวโต สตฺตรส, ตถา อฏฺเมปิ.

เอเตปิ ตโยติ น เกวลํ กรุณามุทิตา เอว, เอเตปิ ตโย เอกโต น อุปฺปชฺชนฺติ อฺมฺํ วิสยเภทโตเยว. ตถา หิ อิสฺสา ปรสมฺปตฺติวิสยา, มจฺฉริยํ อตฺตสมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณาภาววิสยํ, กุกฺกุจฺจํ กตากตวิสยนฺติ, ตสฺมา ยํ อภยคิริวาสิโน วทนฺติ ‘‘อิสฺสามจฺเฉรํ ยทิจฺฉาวเสน เอกโตปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ, น ตํ คเหตพฺพํ.

สภาวโต, ปริกปฺปนโต วา อนิฏฺสฺส อารมฺมณสฺส อนิฏฺาการํ วา อารมฺมณสฺส อนุภวนํ สมฺภุฺชนํ อนิฏฺารมฺมณานุภวนํ, ตํ ลกฺขณมสฺสาติ อนิฏฺารมฺมณานุภวนลกฺขณํ. เตนาห ‘‘อนิฏฺาการสมฺโภครส’’นฺติ, ยถาภูเตน วา อยถาภูเตน วา อนิฏฺากาเรน อารมฺมณสฺส สมฺภุฺชนรสํ, ปจฺจานุภวนกิจฺจนฺติ อตฺโถ. ติตฺถิยาทีนฺหิ สภาวโต อิฏฺเ พุทฺธาทิอารมฺมเณปิ อนิฏฺาการโต คหณวเสน โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ. โทมนสฺสสฺส เอกนฺเตน กามธาตุยํเยว ปวตฺตนโต อาห ‘‘หทยวตฺถุปทฏฺาน’’นฺติ. ตสฺส หิ อนีวรณาวตฺถาย อภาวโต รูปารูปธาตุยํ อสมฺภโว.

อตฺตโน ปวตฺติอาการวเสน อนิฏฺรูปสมุฏฺาปนวเสน วา วิรูปํ สปฺปนํ วิสปฺปนํ, อนิฏฺรูปสมุฏฺาปนวเสเนว วา วิสปฺปนํ สรีรกมฺปนํ, ตํ รโส กิจฺจํ, สมฺปตฺติ วา อสฺสาติ วิสปฺปนรโส, นิสฺสยสฺส หทยวตฺถุโน, สกลสฺเสว วา กายสฺส วิชฺฌตฺตภาวาปาทนโต อาห ‘‘อตฺตโน นิสฺสยทหนรโส วา’’ติ, วิชฺฌตฺตภาวาปาทนโตติ จ มิลาตภาวาปาทนโตติ อตฺโถ. ยถา กถํ วิยาติ อาห ‘‘ทาวคฺคิ วิยา’’ติ. โส หิ วนฆเฏเยว อุปฺปนฺโน ตเมว ทหติ. ทุสฺสนปจฺจุปฏฺาโนติ อตฺตโน, ปรสฺส จ ทูสนากาเรน ปจฺจุปฏฺาโน. โส หิ ยสฺส สนฺตาเน อุปฺปนฺโน, ตํ เอกนฺเตน อนฺตมโส วิรูปภาวาปาทเนนปิ ทูเสติ, ปรํ ปน ทูเสตุ วา, มา วา หตฺเถน คหิตอสุจิ วิย. ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทีนิ นว อาฆาตวตฺถูนิ ปทฏฺานมสฺสาติ อาฆาตวตฺถุปทฏฺาโน. โส อุปโยคผลกาเลสุ อนิฏฺตฺตา วิสสํสฏฺปูติมุตฺตํ วิย ทฏฺพฺโพ. อฏฺารส วาติ อิสฺสาทีสุ อนิยเตสุ เอเกน สทฺธึ อฏฺารส วา.

ปวตฺติฏฺิติมตฺตาติ เจตโส ปวตฺติสงฺขาตา ิติมตฺตา, มคฺคงฺคาทิภาวํ น คจฺฉติ อธิโมกฺขวิรหโตติ อตฺโถ. อถ วา ปวตฺติฏฺิติมตฺตาติ ขณฏฺิติมตฺตา. ‘‘นิวาเต ทีปจฺจีนํ ิติ วิยา’’ติ หิ วุตฺตํ. จิตฺตฏฺิติ วิย สนฺตานฏฺิติยา ปจฺจโย ภวิตุํ อสมตฺถตฺตา นิจฺฉยาภาเวน อสณฺหนโต เจตโส ปวตฺติปจฺจยมตฺตตาย ปวตฺติฏฺิติมตฺตา ขณฏฺิติมตฺตา ปวตฺติปจฺจยมตฺตา ิติ ปวตฺติฏฺิตีติ กตฺวา. วิคตา จิกิจฺฉาติ นิสฺสกฺเก ปจฺจตฺตวจนํ ‘‘ปิสุณา วาจา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ วิย, วิคตา ติกิจฺฉายาติ อตฺโถ. อยเมว วา ปาโ. ‘‘วิคตา จิกิจฺฉา’’ติ จิกิจฺฉิตุํ ทุกฺกรตาย เจตํ วุตฺตํ, น สพฺพถา จิกิจฺฉาย อภาวโต. ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา สํสปฺปนวเสน เสติ, สมนฺตโต วา เสตีติ สํสโย. กมฺปนรสาติ จิตฺตสฺส กมฺปนกิจฺจา. อุทฺธจฺจฺหิ อตฺตนา คหิตากาเรเยว ตฺวา ภมตีติ เอการมฺมณสฺมึ เอว วิปฺผนฺทนวเสน ปวตฺตติ, วิจิกิจฺฉา ปน ยทิปิ เอกสฺมึ อารมฺมเณ อุปฺปชฺชติ, ตถาปิ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ อฺํ คเหตพฺพาการํ อเปกฺขตีติ นานารมฺมเณ กมฺปนํ โหติ. อนิจฺฉยากาเรน ทฺเวฬฺหกากาเรน ปจฺจุปฏฺาติ, อนิจฺฉยํ วา ปจฺจุปฏฺาเปตีติ อนิจฺฉยปจฺจุปฏฺานา.

อธิโมกฺขวิจิกิจฺฉานํ อฺมฺํ วิปรีตกิจฺจตาย อาห ‘‘วิจิกิจฺฉาย อภาเวนา’’ติ. สมาธีติ จิตฺเตกคฺคตา. สา หิ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส สมฺมา อาธานโต ‘‘สมาธี’’ติ วุจฺจติ. พลวา โหตีติ พลวมิตฺเตน ทินฺนปิฏฺิพโล ปุริโส วิย พลวา โหติ, พลาทิภาวํ คจฺฉตีติ อธิปฺปาโย.

สตฺตารมฺมณตฺตาติ สตฺตปฺตฺตารมฺมณตฺตา. นนุ ปฺตฺตารมฺมณาปิ วิปากา โหนฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘กามาวจรวิปากานํ เอกนฺตปริตฺตารมฺมณตฺตา’’ติ. กุโต ปน วิรตีนํ กุสลตฺตเมวาติ จาริตนฺติ อาห ‘‘ปฺจ สิกฺขาปทา กุสลาติ (วิภ. ๗๑๕) หิ วุตฺต’’นฺติ. ยทิ เอวํ โลกุตฺตรวิปาเกสุ วิรติโย น ลพฺภนฺตีติ? โน น ลพฺภนฺติ สิกฺขาปทวิภงฺเค โลกิยวิรติโยเยว สนฺธาย วุตฺตตฺตา. เตน โลกิยวิปาเกสุเยว วิรติโย น สมฺภวนฺตีติ คเหตพฺพํ.

กายปสาทสนฺนิสฺสิตตฺตา กาเย ภโว สาตภาโว ลกฺขณมสฺสาติ กายิกสาตลกฺขณา. เจตสิกสุเข วุตฺตนเยน ปจฺจุปฏฺานาทโย เนตพฺพาติ อาห ‘‘เสสา วุตฺตนยา เอวา’’ติ.

๘๔-๖. นนุ จ อิฏฺเ อารมฺมเณ สุขเวทนา อุปฺปชฺชติ, อนิฏฺเ ทุกฺขเวทนา, อิฏฺานิฏฺมชฺฌตฺเต อุเปกฺขาเวทนา, จกฺขุวิฺาณาทโย จ กุสลวิปากา อิฏฺเ, อิฏฺมชฺฌตฺเต วา อารมฺมเณ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ยุตฺโต ตาว อิฏฺมชฺฌตฺเต อุเปกฺขาเวทนาโยโค, น ปน อิฏฺารมฺมเณ, น จาปิ เอตํ สกฺกา วตฺตุํ ปริกปฺปนาวเสน อิฏฺารมฺมณมฺปิ อิฏฺมชฺฌตฺตโต คณฺหนฺติ ยถา ‘‘กมฺมวิฺาณ’’นฺติ วิปากานํ อวฺจนียภาวโต, ตสฺมา กถํ อิฏฺเ, อิฏฺมชฺฌตฺเต จ อุปฺปชฺชมาเนสุ จกฺขุโสตฆานชิวฺหาวิฺาเณสุ อุเปกฺขาเวทนาเยว สมฺภวติ, น สุขเวทนา, ยโต เตสุ อุเปกฺขาเวทนา วุตฺตาติ อิมํ โจทนํ สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อิฏฺารมฺมณโยคสฺมิ’’นฺติอาทึ วตฺวา ปุน ตสฺสา โสธนตฺถํ ‘‘อุปาทาย จ รูเปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภูตรูปํ อุปาทาย นิสฺสาย ปวตฺตํ รูปํ อุปาทายรูปํ. ‘‘อุปาทาย จ รูเปนา’’ติ ปน ‘‘มนสี จ กาโร’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยเมว. ‘‘อุปาทายกรูเปนา’’ติ วา ปาโ, จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุภูเตน จกฺขุปสาเทน, ตถา โสตวิฺาณาทีนํ วตฺถุภูเตน โสตปสาทาทินา จ อุปาทายรูเปนาติ อตฺโถ. อุปาทารูปเก ปนาติ ย-การโลปํ กตฺวา นิทฺเทโส ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส’’ติอาทีสุ วิย, ยถากฺกมํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อารมฺมณภูเต รูปสทฺทาทิเก อุปาทายรูเปติ อตฺโถ. สํฆฏฺฏนานิฆํสสฺสาติ สํฆฏฺฏนาสงฺขาตสฺส นิฆํสสฺส. สํฆฏฺฏนาเยว อฺมฺวิสยวิสยีภาวสฺส อนุรูปเทสุปฺปตฺติสงฺขาตนิฆํโส วิยาติ นิฆํโสติ วุจฺจติ. อถ วา สมฺปตฺตาสมฺปตฺตคฺคหณวเสน สํฆฏฺฏนาย นิฆํสสฺส จาติ อตฺโถ. จกฺขุรูปโสตสทฺทา หิ อฺมฺํ อสมฺปตฺตาเยว อนุรูปเทสุปฺปตฺติยา อฺมฺํ ฆฏฺฏนฺติ นาม. ตโต เตสํ วเสน ฆฏฺฏนาการภูโต อฺมฺาภิมุขภาโว ‘‘สํฆฏฺฏนา’’ติ วุตฺโต. ฆานคนฺธา, ปน ชิวฺหารสา จ อฺมฺํ สมฺปตฺตาเยว อาสนฺนตรเทเส อุปฺปนฺนา อฺมฺํ นิฆํเสนฺติ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ. ตโต เตสํ วเสน นิฆํโส วุตฺโตติ. ทุพฺพลตฺตาติ อธิกรณีมตฺถเก ปิจุปิณฺฑกํ เปตฺวา ปิจุปิณฺเฑเนว ปหตกาเล วิย ผุฏฺมตฺตภาเวน ทุพฺพลตฺตา. ทีปเยติ เอวํ สํฆฏฺฏนานิฆํสสฺส ทุพฺพลตฺตา เวทนา มชฺฌตฺตฏฺาเน ติฏฺตีติ อุเปกฺขาโยคํ ปกาเสยฺย. ยทิ เอวํ กายวิฺาเณปิ อิทํ สมานนฺติ, โนติ อาห ‘‘ปสาทํ ปนา’’ติอาทิ. ยถา หิ อธิกรณีมตฺถเก กปฺปาสปิจุปิณฺฑํ เปตฺวา กูเฏน ปหรนฺตสฺส กูฏํ ปิจุปิณฺฑมติกฺกมฺม อธิกรณึ คณฺหาติ, เอวเมวํ กายทฺวาเร พหิทฺธา มหาภูตารมฺมณํ อชฺฌตฺติกกายปสาทํ ฆฏฺเฏตฺวา ตํ อติกฺกมฺม ปสาทปจฺจเยสุ มหาภูเตสุ ปฏิหฺติ, นิฆํโส พลวา โหติ, ตสฺมา อิฏฺารมฺมเณ กายวิฺาณสมฺปยุตฺตา สุขเวทนา โหติ, อนิฏฺารมฺมเณ ปน วุตฺตนเยน ทุกฺขเวทนาติ วุตฺตํ โหติ.

มโนธาตุนาติ เอตฺถ กิฺจาปิ ธาตุ-สทฺโท อิธ อิตฺถิลิงฺเคเยว ทิสฺสติ, อิมินาเยว ปน อาจริยสฺส วจเนน ปุลฺลิงฺโค อตฺถีติ สิทฺธํ. เกจิ ปน ‘‘สกฺกฏโวหาเรน วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. สมฺปยุตฺตา ทส ธมฺมาติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมาเวตฺถาติ เอตฺถ ว-กาโร ปทสนฺธิมตฺตกโร.

กายวิฺาเณ ทุกฺขเวทนาติ กิฺจาปิ สุขาทิกนฺติ อาทิ-สทฺเทน อกุสลวิปากกายวิฺาณสฺส ทุกฺขเวทนาสมฺปโยโค วุตฺโต, อิธ ปนสฺสา ลกฺขณาทิทสฺสนตฺถํ ปุน ‘‘กายวิฺาเณ ทุกฺขเวทนา’’ติ อุปฺาโส กโต, รสาทโย ปนสฺส กุสลวิปาเก สุขเวทนาย วุตฺตวิปริยาเยน โยเชตพฺพาติ อิธ น วุตฺตา. เสสาติ เสสเจตสิกา.

พลปฺปตฺโตติ เสสาเหตุกจิตฺตสมฺปยุตฺตสมาธิโต อยํ วีริยินฺทฺริยโยเคน พลวภาวปฺปตฺโต, น ปน พลราสิปฺปตฺโตติ อตฺโถ. ยทิ เอวํ กสฺมา เจตสิกวิภาคนิทฺเทเส ‘‘พลานิ ทฺเว ทฺวิจิตฺเตสู’’ติ วุตฺตํ? ตตฺถ หิ กิริยาเหตุกมโนวิฺาณยุคฬํ สนฺธาย ตถา วุตฺตํ. สพฺพํ เสสาเหตุกจิตฺเตสุ จิตฺเตกคฺคตาย วิภงฺเค –

‘‘กตมา ตสฺมึ สมเย จิตฺตสฺส เอกคฺคตา โหติ? ยา ตสฺมึ สมเย จิตฺตสฺส ิตี’’ติ (ธ. ส. ๑๑) –

เอตฺตกเมว วตฺวา กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุสมฺปยุตฺตาย เอกคฺคตาย วิภงฺเค –

‘‘กตมา ตสฺมึ สมเย จิตฺตสฺส เอกคฺคตา โหติ? ยา ตสฺมึ สมเย จิตฺตสฺส ิติ สณฺิติ อวฏฺิติ อวิสาหาโร อวิกฺเขโป อวิสาหฏมานสตา สมโถ สมาธินฺทฺริยํ สมาธิพล’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑) –

พลปริโยสานํ กตฺวา วิภชิตตฺตา วีริยวิภงฺเค จ –

‘‘กตมํ ตสฺมึ สมเย วีริยินฺทฺริยํ โหติ? โย ตสฺมึ สมเย เจตสิโก วีริยารมฺโภ นิกฺกโม ปรกฺกโม อุยฺยาโม วายาโม อุสฺสาโห อุสฺโสฬฺหี ถาโม ธิติ อสิถิลปรกฺกมตา อนิกฺขิตฺตฉนฺทตา อนิกฺขิตฺตธุรตา ธุรสมฺปคฺคาโห วีริยํ วีริยินฺทฺริยํ วีริยพล’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓) –

พลปริโยสานํ กตฺวา วิภชิตตฺตา วิภงฺควาเร อาคตํ สมาธิพลํ, วีริยพลฺจ สนฺธาย ‘‘พลานิ ทฺเว ทฺวิจิตฺเตสู’’ติ วุตฺตํ, น ปน ธมฺมุทฺเทสวาเร พลราสิยํ อาคตพลํ สนฺธาย สพฺพาเหตุกจิตฺเตสุ ธมฺมุทฺเทสสฺส มคฺคราสิโต ปฏฺาย ปริหีนตฺตา.

๘๗. วิปากกิริยาหทเยหีติ วิปากกิริยจิตฺเตหิ. หทยํ มโน มานสํ จิตฺตนฺติ หิ ปริยายวจนํ. โสภนํ คตํ คมนมสฺสาติ สุคโต. ภควโต หิ วิเนยฺยชนูปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต โสภนํ, ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ธุตวิลมฺพิตาทิโทสรหิตํ อวหสิตราชหํสวสภวารณมิคราชคมนํ กายคมนํ, าณคมนฺจ นิมฺมลวิปุลกรุณาสติวีริยาทิคุณวิเสสสมงฺคีภูตมภินีหารโต ยาว มหาโพธึ อนวชฺชตาย โสภนเมวาติ. อถ วา สกลมฺปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน สยมฺภุาเณน ปริชานนฺโต สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต, ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต, โลกนิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต, โลกนิโรธคามินิปฏิปทาสงฺขาตํ มคฺคํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปตฺโตติ สุคโต. อถ วา สมฺมา คทตีติ สุคโต. ภควา หิ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ วิเนยฺยานํ ยถารหํ กาลยุตฺตเมว ธมฺมํ ภาสติ, ตสฺมา สมฺมา คทตีติ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ‘‘สุคโต’’ติ วุตฺโต. อถ วา สุนฺทรํ านํ สมฺมาสมฺโพธึ, นิพฺพานเมว วา คโตติ สุคโต, เตน สุคเตน.

๘๘. ‘‘อวคจฺฉตี’’ติอาทีสุ โย ภิกฺขุ อนูนํ อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนํ สุปริปุณฺณํ ตโตเยว ปรมํ วิสิฏฺํ อิมํ อภิธมฺมาวตารํ นาม ปกรณํ อวคจฺฉติ อวพุชฺฌติ, สมฺมาอุคฺคหณธารณาทิสมฺปาทนวเสน โอคาหิตฺวา ชานาติ. อถ วา ปรมนยทีปนโต ปรมํ อิมํ ปกรณํ โย อนูนํ กตฺวา อวคจฺฉติ ชานาติ, ตสฺเสวํ อวคจฺฉโต ยถาสภาวํ มนนโต มติสงฺขาตา ปฺา ทุราสเท มํสจกฺขุนา ปรมาณุ วิย โลกิยาเณน ทุราสเท ทุราธิคนฺตพฺเพ อธิคนฺตุํ ทุกฺกรตเร, อติคมฺภีรฏฺาเน เปตฺวา สิเนรุปพฺพตราชานํ ราหุอาทีหิ มหากาเยหิปิ สพฺเพน สพฺพํ อชฺโฌคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย มหาสมุทฺเท วิย เปตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ สาริปุตฺตาทีหิปิ มหาาเณหิ สาวเกหิ สพฺเพน สพฺพํ อชฺโฌคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยรูเป อภิธมฺมนเย วิชมฺภเต เหมนฺตสาลปนฺติ วิย ปตฺถรติ, อภิมุขาภิมุเขเยว ธมฺเม ปวตฺตตีติ วา อตฺโถ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

เจตสิกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติโย ปริจฺเฉโท

เจตสิกวิภาคนิทฺเทสวณฺณนา

๘๙. นามสามฺโตเยว ทฺเวปฺาสาติ ผสฺสาทินามสามฺเน ทฺวีหิ อธิกา ปณฺณาส โหนฺติ, สมฺปยุตฺตธมฺมเภทโต ปน เอกูนนวุติจิตฺตสมฺปยุตฺโต ผสฺโส เอกูนนวุติวิโธติ เอวมาทินา พหุวิธาปิ โหนฺตีติ อตฺโถ.

นนุ จ ผสฺสาทโย เหฏฺา ปาฬิกฺกเมน ทสฺสิตา, อิธ ปน กสฺมา น ตถา วุตฺตาติ? เอเกกสภาววนฺตานํ ตํตํสามฺาเปกฺขาย เอกสฺมึ าเน นิทฺทิสิตุกามตฺตา. ผสฺสาทโย หิ มนกฺการาวสานา เตรส กุสลากุสลาพฺยากตสามฺโต เอกโต วุตฺตา, มชฺฌตฺตาทโย มุทิตาวสานา ปฺจวีสติ กุสลาพฺยากตสามฺโต, โลภาทโย ปน อโนตฺตปฺปาวสานา อกุสลภาวสามฺโตติ เอวํ ตํตํสามฺาเปกฺขาย สมานสภาวา ธมฺมา เอกโต วุตฺตาติ.

๙๐. เอวํ ผสฺสาทโย ธมฺเม อุทฺทิสิตฺวา อิทานิ ‘‘เอตฺตเกสุ อยํ ธมฺโม สมุปลพฺภตี’’ติ จิตฺตุปฺปาเทสุ เตสํ ปโยคํ ทสฺเสตุํ ปมํ ตาว จิตฺตคณนํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จตุปฺาสธา’’ติอาทิ. กาเมติ กามาวจเรติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ‘‘รูเป อรูเป’’ติ เอตฺถาปิ. อาสววิสยตฺตาภาวโต น วิชฺชนฺติ เอเตสุ อาสวาติ อนาสวา.

๙๑-๒. สมาสโตติ วิตฺถาราเปกฺขาย วุตฺตํ, น อิโตปิ สมาสสฺส อภาวโต. อติสงฺเขปโต ปน เอกูนนวุติ จิตฺตุปฺปาทา โหนฺติ. เอเตสูติ อิเมสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ. เตสํ ผสฺสาทีนํ ธมฺมานํ อุปฺปตฺตึ เอเกกํ อุทฺธริตฺวา จิตฺตเจตสิเกสุ ภิกฺขูนํ ปาฏวตฺถาย ปวกฺขามีติ สมฺพนฺโธ. เอกกนฺติ เอเกกํ, คาถาพนฺธวเสน เอ-การโลโป.

๙๓. เจตสิกวิภาคํ วตฺตุกาโมปิ อวินิพฺโภคธมฺเม ทสฺเสตุํ จิตฺเตน สห เอกโต กตฺวา อาห ‘‘ผสฺสปฺจก’’นฺติ. เอกโต อุปฺปาโท เอเตสนฺติ เอกุปฺปาทา, สห ขียนฺตีติ สหกฺขยา, เอกโต อุปฺปชฺชิตฺวา เอกโต นิรุชฺฌนกาติ อตฺโถ.

๙๔. สพฺเพสฺเวว เอกวีสสเตสุ จิตฺเตสุ สมุปลพฺภนโต สพฺพสาธารณา. กิฺจาปิ อนนฺตรคาถาย จิตฺเตน สห เอกุปฺปาทาทิภาวกถเนเนว อิเมสํ สพฺพสาธารณตา วุตฺตา, ตตฺถ ปน เอกุปฺปาทาทิมตฺตกถนเมว อิจฺฉิตํ, น สพฺพสาธารณตา. วุตฺโตปิ วายมตฺโถ ตตฺถ อปากฏตฺตา ปุน ปากฏํ กตฺวา อิธ วุตฺโตติ.

๙๕-๑๐๐. ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺชิตจตุจตฺตาลีสกามาวจรจิตฺเตสุ, โลกิยโลกุตฺตรวเสน เอกาทสสุ ปมชฺฌานิกจิตฺเตสุ จาติ ปฺจปฺาสจิตฺเตสุ วิตกฺกสฺส เทสิตตฺตา อาห ‘‘วิตกฺโก…เป… สมุทีริโต’’ติ. วิจาโร ปฺจปฺาสสวิตกฺกจิตฺเตสุ เจว เอกาทสสุ ทุติยชฺฌานิกจิตฺเตสุ จาติ ฉสฏฺิจิตฺเตสุ อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘จาโร…เป… ชายเต’’ติ.

เอกปฺาสจิตฺเตสุ ปีตีติ กายวิฺาณวชฺชิเตสุ อฏฺารสสุ โสมนสฺสสหคตกามาวจรจิตฺเตสุ เจว จตุตฺถปฺจมชฺฌานวชฺชิตเตตฺตึสรูปชฺฌานิกจิตฺเตสุ จาติ เอกปฺาสจิตฺเตสุ ปีติ ชายติ. เตสฏฺิยา สุขนฺติ เอกปณฺณาสสปฺปีติกจิตฺเตสุ เจว เอกาทสสุ จตุตฺถชฺฌานิกจิตฺเตสุ, กุสลวิปากกายวิฺาเณ จาติ เตสฏฺิยา จิตฺเตสุ สุขํ ชายติ. เตสฏฺิสุขสหคตจิตฺตานิ เจว ตีณิ จ ทุกฺขสหคตานีติ ฉสฏฺิจิตฺเต วชฺเชตฺวา อวเสสปฺจปณฺณาสจิตฺเตสุ อุเปกฺขา อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘อุเปกฺขา ปฺจปฺาสจิตฺเตสู’’ติ. ทุกฺขํ ตีสูติ ทฺวีสุ ปฏิฆจิตฺเตสุ เจว อกุสลวิปากกายวิฺาเณ จาติ ตีสุ จิตฺเตสุ ทุกฺขํ ชายติ. โหติ…เป… โสมนสฺสินฺทฺริยนฺติ เตสฏฺิยา สุขสหคตจิตฺเตสุ เอกเมว กายวิฺาณํ อปเนตฺวา อวเสเสสุ โสมนสฺสินฺทฺริยํ โหติ. อกุสลวิปากกายวิฺาณวเสน เอกเมว ทุกฺขินฺทฺริยสหคตํ, ตถา กุสลวิปากกายวิฺาณเมว สุขินฺทฺริยสมฺปยุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทุกฺขินฺทฺริยํ…เป… สุขินฺทฺริย’’นฺติ.

อเหตุกวิปากกิริยามโนธาตุวชฺชิเตสุ มชฺฌิมคณนาย ปฺจาธิกสตปริมิเตสุ กุสลากุสลวิปากกิริยาจิตฺเตสุ วีริยํ เทสิตนฺติ อาห ‘‘ปฺจุตฺตร…เป… อาหา’’ติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺเถสุ สตฺเต วิเนติ, วิคโต วา นายโก อิมสฺส, วิสิฏฺโ วา สพฺพโลกสฺส นายโก สามิ, วิเสเสน วา วิเนยฺยสตฺเต นิพฺพานปุรํ เนตีติ วินายโก. สมาธินฺทฺริยํ วิจิกิจฺฉาวชฺชิตวีริยสหคตจิตฺเตสุ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘จตุตฺตรสเต’’ติอาทิ.

อฏฺารส อเหตุกจิตฺตานิ, ทฺเว เอกเหตุกจิตฺตานิ จ วชฺเชตฺวา อวเสสเอกุตฺตรสเต จิตฺเต ฉนฺโท อุปฺปชฺชตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพาเหตุกจิตฺตานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทส วิฺาเณติ กุสลากุสลวิปากวเสน ทฺวิคุณิเต จกฺขาทิเก ปฺจวิฺาเณ.

๑๐๒-๖. นิยตา น เยวาปนกา วิย กทาจีติ อตฺโถ. กถํ ปเนเต เอกนวุติยา จิตฺเตสฺเวว ชายนฺตีติ อาห ‘‘อเหตุเกสู’’ติอาทิ. เอกูนาสีติยาติ ทฺวาทส าณสมฺปยุตฺตกามาวจรานิ, ปฺจทส รูปาวจรานิ, ทฺวาทส อรูปาวจรานิ, สมจตฺตาลีส โลกุตฺตรจิตฺตานีติ เอวํ เอกูนาสีติยา ติเหตุกจิตฺเตสุ. อฏฺวีสติยา จิตฺเตติ โสฬสสุ กามาวจรกุสลมหากิริยาสุ, ทฺวาทสสุ จ โลกิยจตุตฺถชฺฌานจิตฺเตสุ จาติ อฏฺวีสติจิตฺเตสุ. สาฏฺเก จตฺตาลีสวิเธติ อฏฺสหิเต จตฺตาลีสวิเธ, อฏฺจตฺตาลีสวิเธติ วุตฺตํ โหติ. ฉ ยุคฬานีติ กายปสฺสทฺธิจิตฺตปสฺสทฺธาทีนิ ฉ ยุคฬานิ. กุสลาพฺยากตา จาติ กุสลจิตฺตสมฺปโยคโต กุสลา, อพฺยากตจิตฺตสมฺปโยคโต อพฺยากตาติ กุสเลนปกาสนวิธาเนสุ เฉเกน สตฺถุนา ปกาสิตา เทสิตาติ อตฺโถ.

๑๐๘-๑๑๑. สํสโยติ วิจิกิจฺฉา. สา หิ สํเสติ สมนฺตโต เสติ, ‘‘เอวํ นุ โข, โน นุ โข’’ติ ปริสปฺปตีติ สํสโย. มหนฺเต สีลกฺขนฺธาทิเก เอสติ คเวสตีติ มเหสี. เตน มเหสินา สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อฏฺสูติ อฏฺโลภสหคตจิตฺเตสุ. จตูสูติ เตสฺเวว ทิฏฺิสหคตจิตฺเตสุ. ทิฏฺิวิยุตฺเตสุ จตูสูติ สมฺพนฺโธ. ทฺวีสฺเววาติ ทฺวีสุ โทสมูลกจิตฺเตสุ. ทฺวีสุ ชายนฺติ โน สหาติ โทสมูเลสฺเวว ทฺวีสุ ชายนฺติ, สห ปน น อุปฺปชฺชนฺติ, อุสูยนกาเล อิสฺสา, มจฺฉรณกาเล มจฺเฉรนฺติอาทินา นานา หุตฺวาว อุปฺปชฺชนฺติ. ปฺจสูติ ปฺจสุ สสงฺขาริกจิตฺเตสุ.

๑๑๒. จิตฺตสฺส เจตสิกตฺตาภาเวปิ กุสลากุสลาพฺยากตธมฺมานํ คณนฏฺานโต ‘‘มโน’’ติ จิตฺตมฺปิ วุตฺตํ.

๑๑๔-๕. เอตฺตาวตา เจตสิกวิภาคํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เอเกกสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท ลพฺภมานราสีสุ องฺควิภาคทสฺสนตฺถํ ‘‘เอกูนตึสจิตฺเตสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. นนุ จ ผสฺสปฺจมกราสิ สพฺพปมํ อาคตา, สา กสฺมา น วุตฺตาติ? สพฺพสาธารณภาวโต. น หิ โส จิตฺตุปฺปาโท อตฺถิ, โย ผสฺสปฺจมกวินิมุตฺโตติ. เอกาทส ปมชฺฌานิกานิ โสมนสฺสสหคตานิ, ทฺวาทส สเหตุกกามาวจรานิ, ตถา จตฺตาริ อกุสลานิ, สุขสนฺตีรณหสิตุปฺปาทานิ ทฺเวติ เอกูนตึสจิตฺเตสุ ปฺจงฺคิกํ ฌานํ ปฺจกราสิสงฺขาตํ มตํ. จตุ…เป… นิทฺทิเสติ เอกาทส ทุติยชฺฌานิกานิ, กุสลวิปากกิริยาวเสน ทฺวาทส อุเปกฺขาสหคตสเหตุกกามาวจรานิ, อุเปกฺขาโทมนสฺสสหคตานิ อฏฺ อกุสลานิ, ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺชิตอุเปกฺขาสหคตานิ ฉ อเหตุกจิตฺตานิ จาติ อิมานิ สตฺตตึส จิตฺตานิ ยถาโยคํ จตูหิ ฌานงฺเคหิ ยุตฺตานิ. เอตฺถ หิ เอกาทส ทุติยชฺฌานิกานิ วิจารปีติสุขสมาธีหิ สหคตานิ, อิตรานิ ยถาโยคํ อุเปกฺขาโทมนสฺเสสุ เอเกเกน วิตกฺกวิจารสมาธีหีติ จตูหิ สมฺปยุตฺตานิ.

เอกาทสวิธนฺติ เอกาทสวิธํ ตติยชฺฌานิกจิตฺตํ ปีติสุขจิตฺเตกคฺคตาโยคโต ติวงฺคิกมุทีริตํ. จตุตฺตึส…เป… มุทีริตนฺติ ทฺวาทส อรูปาวจรจิตฺตานิ, ทฺวาวีสติ จตุตฺถปฺจมชฺฌานิกานิ สาสวานาสวานีติ จตุตฺตึส จิตฺตานิ ยถาโยคํ อุเปกฺเขกคฺคตาโยคโต, สุเขกคฺคตาโยคโต จ ทุวงฺคิกมุทีริตํ. จตุตฺถชฺฌานิกานิ หิ เอกาทส สุเขกคฺคตาสหิตานิ, เสสานิ เตวีสติ อุเปกฺเขกคฺคตาสหิตานิ.

๑๑๖. สภาเวนาวิตกฺเกสูติ ทุติยชฺฌานาทโย วิย ภาวนาพเลน วินา สภาเวเนว อวิตกฺเกสุ ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ. เตสุ หิ วิชฺชมานานิปิ เสสฌานงฺคานิ วิตกฺกวิรเหน อุปนิชฺฌานกิจฺเจสุ อสมตฺถานิ. เตเนว หิ อฏฺกถายมฺปิ ‘‘วิตกฺกปจฺฉิมกฺหิ ฌานงฺคํ นามา’’ติ วุตฺตํ. ภาวนาย อวิตกฺกภาวปฺปตฺตานิ ปน ภาวนาพเลเนว อุปนิชฺฌานกิจฺเจสุ ปฏุตรา, ตสฺมา สภาเวนาวิตกฺเกสุ ฌานงฺคานิ น อุทฺธเรยฺย. ‘‘น อุทฺธฏา’’ติ วา ปาโ, น อุทฺธฏานีติ อตฺโถ.

ยทิ เอวํ กสฺมา ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ สรูเปเนว จิตฺเตกคฺคตา วุตฺตา, นนุ ตสฺสา วิตกฺกวิรเหน ฌานงฺคกิจฺเจ อสมตฺถตาย ราสิภชนาภาวโต เยวาปนกวเสน วจนํ ยุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – กุสลากุสเลสุ อวิชฺชมานธมฺมสฺส วิปาเกสุปิ อนุปลพฺภนโต ฌานงฺคกิจฺจสฺส อกรเณปิ กุสลากุสเลสุ เทสิตนิยาเมเนว สรูเปน อิธาปิ วุตฺตา. โหตุ ตาว เอตํ, ฌานราสิยํ เวทนา กสฺมา วุตฺตา. สา หิ สพฺพจิตฺตสาธารณภาวโต ผสฺสปฺจกราสิมฺหิ เจว, อุเปกฺขาทิอินฺทฺริยภาวโต อินฺทฺริยราสิมฺหิเยว วตฺตพฺพา, น อิตรตฺถ ตทภาวโตติ? สจฺจํ, เวทนา ปน สพฺพเวทนานํ สามฺสภาเวน ผสฺสปฺจเก อาคตเวทนา จ อปเรน วิเสสวจเนน ตตฺถ นิทฺทิฏฺา, น ตตฺถ อนฺโตกรณตฺถํ. เตเนว หิ ธมฺมสงฺคณิยํ ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ สงฺคหวาเร ฌานงฺคราสิ น อุทฺธฏาติ รูปธาตุยํ ติณฺณํ มหาภูตานํ อปฺปฏิฆภาเวปิ กามธาตุยํ สปฺปฏิฆมหาภูเตหิ สมานภาวโต ตตฺถาปิ สปฺปฏิฆภาโว วิย ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ เวทนาจิตฺเตกคฺคตานํ วิตกฺกวิโยเคน ฌานกิจฺจากรเณปิ สวิตกฺกจิตฺเตสุ ฌานจิตฺตสมงฺคีเวทนาทีหิ สมานตฺตา ฌานงฺคภาเวน วจนํ นาม ยุตฺตํ. เตเนว จ นามรูปสมาเส ‘‘ผสฺสปฺจกราสิฌานทุกราสิอินฺทฺริยตฺติกราสี’’ติ วุตฺตนฺติ. อถ วา กึ เอตาย ยุตฺติจินฺตาย, ธมฺมสภาวเวทินา ตถาคเตน ธมฺมสภาวํ อวิรชฺฌิตฺวา เทสิตนฺติ น เอตฺถ อนุโยโค กาตพฺโพติ. อเหตุกจิตฺตานํ อารมฺมเณ สุปฺปติฏฺิตตาภาเวน อนิยฺยานิกตฺตา วุตฺตํ ‘‘สพฺพา…เป… น อุทฺธเร’’ติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายมฺปิ ‘‘เหตุปจฺฉิมโก มคฺโค’’ติ.

๑๑๗. ตีณิ โสฬสจิตฺเตสูติ ปนฺนรสสุ อเหตุกวิปากจิตฺเตสุ เจว กิริยามโนธาตุมฺหิ จาติ โสฬสสุ จิตฺเตสุ. มนินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริยํ เวทนินฺทฺริเยสุ ลพฺภมานเมกนฺติ ตีณินฺทฺริยานิ โหนฺติ. อิเมสุปิ กุสลวิปากกายวิฺาณธาตุยํ มนินฺทฺริยสุขินฺทฺริยชีวิตินฺทฺริยวเสน ตีณินฺทฺริยานิ, อกุสลวิปากกายวิฺาณธาตุยํ ทุกฺขินฺทฺริเยน สห ตีณิ, สุขสนฺตีรเณ โสมนสฺสินฺทฺริเยน สห ตีณิ, อวเสสเตรสจิตฺเตสุ อุเปกฺขินฺทฺริเยน สห ตีณีติ. เอตฺถ จิตฺตนฺติ สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อธิปฺเปตตฺตา มนินฺทฺริยสฺสาปิ อาธารภาโว ยุชฺเชยฺย. อิตรถา หิ มนินฺทฺริยนฺติ จิตฺตสฺเสว คหเณ ตสฺส อตฺตโน จ อาธารภาโว น ยุชฺชตีติ. เอกสฺมึ ปน จตฺตารีติ เอกสฺมึ วิจิกิจฺฉาสหคเต วีริยินฺทฺริยมนินฺทฺริยชีวิตินฺทฺริยอุเปกฺขินฺทฺริยวเสน จตฺตาริ. ปฺจ เตรสสูติ เปตฺวา วิจิกิจฺฉาสหคตํ อวเสสานิ เอกาทส อกุสลจิตฺตานิ, กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุทฺวยนฺติ เตรสสุ จิตฺเตสุ วีริยินฺทฺริยาทีนิ ตีณิ, สมาธินฺทฺริยํ, เวทนินฺทฺริเยสุ ลพฺภมานํ เอกนฺติ ปฺจินฺทฺริยานิ. เอตฺถ หิ ทฺวีสุ โทสมูเลสุ วีริยินฺทฺริยสมาธินฺทฺริยมนินฺทฺริยชีวิตินฺทฺริยโทมนสฺสินฺทฺริยวเสน ปฺจ, ปฺจสุ โสมนสฺสสหคเตสุ ปุริมานิ จตฺตาริ โสมนสฺสินฺทฺริเยน สทฺธึ ปฺจ, เสเสสุ อุเปกฺขินฺทฺริเยน สทฺธึ ปฺจ โหนฺติ.

๑๑๘. สตฺต ทฺวาทสจิตฺเตสูติ ทฺวาทสสุ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตสุ สทฺธาสติสมาธิวีริยชีวิตมนินฺทฺริยานิ จ เวทนินฺทฺริเยสุ ลพฺภมานเมกนฺติ สตฺต อินฺทฺริยานิ. ตตฺถ หิ ฉสุ โสมนสฺสสหคเตสุ สทฺธินฺทฺริยาทีนิ ฉ โสมนสฺสินฺทฺริเยน สทฺธึ สตฺต, อิตเรสุ ฉสุ อุเปกฺขินฺทฺริเยน สทฺธึ สตฺต โหนฺติ. เอเกนูเนสุ…เป… มเนสุ จาติ ทฺวาทส าณสมฺปยุตฺตานิ กามาวจรานิ, สตฺตวีสติ โลกิยชฺฌานจิตฺตานิ จาติ เอกูนจตฺตาลีสวิเธสุ โลกิยจิตฺเตสุ ปุริมานิ สตฺต, ปฺินฺทฺริยฺจาติ อฏฺเว อินฺทฺริยานิ. เอตฺถ หิ โสมนสฺสสหคเตสุ ฉสุ กามาวจเรสุ, ทฺวาทสสุ รูปาวจรจตุกฺกชฺฌาเนสุ จาติ อฏฺารสจิตฺเตสุ โสมนสฺสินฺทฺริเยน, เสเสสุ จ อุเปกฺขินฺทฺริเยน สทฺธึ โยเชตฺวา อฏฺินฺทฺริยานิ เวทิตพฺพานิ.

๑๑๙. จตฺตาลีสาย จิตฺเตสุ นวกนฺติ สมจตฺตาลีสวิเธสุ โลกุตฺตรจิตฺเตสุ ปุริมานิ อฏฺอินฺทฺริยานิ, อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ อฺินฺทฺริยํ อฺาตาวินฺทฺริยนฺติ อิเมสุ ลพฺภมานเมกนฺติ อินฺทฺริยานํ นวกา. โสตาปตฺติมคฺเคสุ หิ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ ลพฺภติ. โสตาปตฺติผลโต ปฏฺาย อรหตฺตมคฺคปริโยสาเนสุ ตํ น ลพฺภติ. ตสฺส าเน อฺินฺทฺริยํ. อรหตฺตผเล ตมฺปิ น ลพฺภติ. ตสฺส าเน อฺาตาวินฺทฺริยํ ติฏฺตีติ. เอวนฺติ ฉหิ อินฺทฺริเยหิ สมฺปยุตฺตสฺส อภาวโต กตฺถจิ ตีณิ, กตฺถจิ จตฺตาริ, กตฺถจิ ปฺจ, กตฺถจิ สตฺต, กตฺถจิ อฏฺ, กตฺถจิ นวินฺทฺริยานีติ เอวํ ฉหิ อากาเรหิ อินฺทฺริยโยโคปิ, น เกวลํ ฌานงฺคโยโคว, อถ โข อินฺทฺริเยหิ สห จิตฺตุปฺปาทานํ สมฺปโยโคปิ เวทิตพฺโพติ.

๑๒๐-๓. อิทานิ มคฺคงฺคสมฺปโยคํ ทสฺเสนฺโต ปมํ ตาว เยสุ จิตฺเตสุ มคฺคงฺคานิ น ลพฺภนฺติ, ตานิ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา มคฺคงฺคโยคจิตฺตุปฺปาเท ทสฺเสตุํ ‘‘อมคฺคงฺคานี’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ เอตสฺมึ เอกวีสสตปฺปเภเท จิตฺตสฺมึ, อิมสฺมึ มคฺคงฺคาธิกาเร วา. วิฺาเณสุ ทฺวิปฺจสูติ สภาวาวิตกฺเกสุ จกฺขาทีสุ ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ. กิฺจาปิ เหฏฺา ทฺวิปฺจวิฺาเณสุ ฌานงฺคาภาโว, อเหตุเกสุ จ มคฺคงฺคาภาโว วุตฺโตว, อฌานงฺคานิ ปน ตตฺถ อธิการวเสน วุตฺตานิ, อิธ ปสงฺคาคตวเสน. อมคฺคงฺคานิ ตตฺถ ปสงฺคาคตวเสน, อิธ อธิการวเสนาติ น โกจิ ปุนรุตฺติโทโส.

เอกนฺติ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ. ตฺหิ มิจฺฉาสงฺกปฺปมิจฺฉาวายามโยคโต ทฺเว มคฺคงฺคานิ เอตฺถาติ ทุมคฺคงฺคํ. ติมคฺคงฺคานิ สตฺตสูติ จตฺตาริ ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตานิ, ทฺเว โทสมูลานิ, อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตนฺติ สตฺตสุ มิจฺฉาสงฺกปฺปมิจฺฉาวายามมิจฺฉาสมาธิโยคโต ติมคฺคงฺคานิ. จตฺตาลีส…เป… จตุรงฺคิโกติ ทฺวาทส าณวิปฺปยุตฺตานิ, จตฺตาริ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตานิ, ปมชฺฌานิกวชฺชานิ จตุวีสติ มหคฺคตจิตฺตานีติ จตฺตาลีสจิตฺเตสุ โย มคฺโค ลพฺภติ, โส ยถาโยคํ สมฺมาสงฺกปฺปสมฺมาวายามสมฺมาสติสมฺมาสมาธิโยคโต, มิจฺฉาทิฏฺิมิจฺฉาสงฺกปฺปมิจฺฉาวายามมิจฺฉาสมาธิโยคโต, สมฺมาทิฏฺิสมฺมาวายามสมฺมาสติสมฺมาสมาธิโยคโต จ จตุรงฺคิโก มโต. ตตฺถ าณวิปฺปยุตฺเตสุ ทฺวาทสสุ ปมานิ จตฺตาริ, ทิฏฺิสมฺปยุตฺเตสุ มชฺฌิมานิ, เสเสสุ ปจฺฉิมานิ ลพฺภนฺติ.

ปฺจทฺทสสุ…เป… ปฺจงฺคิโกติ ทฺวาทสสุ าณสมฺปยุตฺตกามาวจเรสุ เจว ตีสุ โลกิยปมชฺฌานิเกสุ จาติ ปนฺนรสสุ จิตฺเตสุ สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปสมฺมาวายามสมฺมาสติสมฺมาสมาธิวเสน ปฺจงฺคิโก มคฺโค. นนุ จ สมฺมาวาจาทโย กามาวจเรสุ ลพฺภนฺตีติ? สจฺจํ ลพฺภนฺติ, ปาเ ปน อนาคตตฺตา อิธ ปริจฺจตฺตาติ. ทฺวตฺตึสจิตฺเตสูติ ปมชฺฌานิกวชฺเชสุ ทฺวตฺตึสโลกุตฺตรจิตฺเตสุ. สตฺตงฺคิโกติ อวิตกฺกตฺตา สมฺมาสงฺกปฺโป น ลพฺภตีติ ตํ ปริจฺจชิตฺวา อวเสสสตฺตมคฺคงฺควเสน สตฺตงฺคิโก วุตฺโต.

ยตฺถ ปน สมฺมาสงฺกปฺโป ลพฺภติ, ตตฺถ เตน สห อฏฺงฺคิโกติ อาห ‘‘มคฺโค อฏฺสู’’ติอาทิ. ตตฺถ อฏฺสุ จิตฺเตสูติ ปมชฺฌานิเกสุ อฏฺสุ โลกุตฺตรจิตฺเตสุ. เอวนฺติ ฉหิ มคฺคงฺเคหิ สมฺปยุตฺตสฺส อภาวโต กตฺถจิ ทฺเว มคฺคงฺคานิ, กตฺถจิ ตีณิ, กตฺถจิ จตฺตาริ, กตฺถจิ ปฺจ, กตฺถจิ สตฺต, กตฺถจิ อฏฺาติ เอวํ ฉหิ ปกาเรหิ.

๑๒๔-๖. อิทานิ พลสมฺปโยคํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘พลานิ ทฺเว’’ติอาทิ. ตตฺถ วีริยพลสมาธิพลวเสน ทฺเว พลานิ กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุทฺวเย วิภงฺควาเร อาคตานิ วีริยพลสมาธิพลานิ ปจฺเจกํ ลพฺภนฺตีติ ‘‘ทฺเว ทฺวิจิตฺเตสู’’ติ วุตฺตํ. เอกสฺมึ ตีณีติ เอกสฺมึ วิจิกิจฺฉาสหคเต วีริยพลอหิริกพลอโนตฺตปฺปพลวเสน ตีณิ พลานิ. เอกาทสสุ จตฺตารีติ วิจิกิจฺฉาสหคตวชฺเชสุ เอกาทสสุ อกุสลจิตฺเตสุ สมาธิพลฺเจว ปุพฺเพ วุตฺตานิ ตีณีติ จตฺตาริพลานิ. ฉ ทฺวาทสสูติ ทฺวาทสสุ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตสุ สทฺธาวีริยสติสมาธิหิริโอตฺตปฺปวเสน ฉ พลานิ.

เอกูนาสีติยา สตฺตาติ ทฺวาทสสุ าณสมฺปยุตฺตกามาวจรจิตฺเตสุ เจว สตฺตวีสติมหคฺคตจิตฺเตสุ จ จตฺตาลีสาย โลกุตฺตรจิตฺเตสุ จาติ เอกูนาสีติวิเธสุ จิตฺเตสุ สทฺธาวีริยสติสมาธิปฺาหิริโอตฺตปฺปวเสน สตฺต พลานิ. โสฬเสวาพลานีติ ปฺจทส อเหตุกวิปากานิ, กิริยามโนธาตุอาวชฺชนฺจาติ โสฬส พลวิปฺปโยคโต อพลจิตฺตานิ. เอวนฺติ ปฺจหิ พเลหิ สมฺปยุตฺตสฺส อภาวโต กตฺถจิ ทฺเว, กตฺถจิ ตีณิ, กตฺถจิ จตฺตาริ, กตฺถจิ ฉ, กตฺถจิ สตฺตาติ ปฺจหิ อากาเรหิ สพลํ, อิเมสุ เอกสฺสาปิ อภาวโต อพลมฺปิ จ วิฺเยฺยํ, วิชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เหตุราสิอาทโย วินิจฺฉยภาวโต น วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. เยสุ จิตฺเตสุ ยานิ ฌานงฺคมคฺคงฺคพลินฺทฺริยานิ ชายนฺตีติ สมฺพนฺโธ. คาถาพนฺธสุขตฺถํ อินฺทฺริยานํ โอสานกรณํ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

เจตสิกวิภาคนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺโถ ปริจฺเฉโท

เอกวิธาทินิทฺเทสวณฺณนา

๑๒๘-๓๐. วิชานนสภาวโตติ อารมฺมณวิชานนสภาวตฺตา. นนุ จ เหฏฺา สารมฺมณโต เอกวิธภาโว วุตฺโตติ? สจฺจํ วุตฺโต, โส ปน เจตสิกานฺจ สาธารโณติ อิธ ตพฺพิวชฺชนตฺถํ วิชานนลกฺขณตาว วุตฺตา. สงฺเขปคณนวเสน จ สเหตุกานํ เอกสตฺตติวิธตา วุตฺตา. เหตุวาทินาติ กุสลากุสลาพฺยากตเหตูนํ พฺยากรณกุสเลน. อถ วา ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา, เตสํ เหตุํ ตถาคโต อาหา’’ติ (อป. เถร ๑.๑.๒๘๖; มหาว. ๖๐) วจนโต ตํตํปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ตํตํปจฺจยวาทินา.

๑๓๑-๔. สวตฺถุกาวตฺถุกโตติ เอกนฺเตน สพฺพวตฺถุนิสฺสิตภาวโต เจว ตทภาวโต จ. เกจิ ปน หทยวตฺถุวเสน สวตฺถุกาวตฺถุกตํ วณฺเณนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ สวตฺถุกนิทฺเทเส ‘‘สพฺโพ กามวิปาโก’’ติ ปสาทนิสฺสิตานมฺปิ สงฺคหิตตฺตา. อุภยวเสนาติ สวตฺถุกาวตฺถุกวเสน. กานิจิ หิ จิตฺตานิ เอกนฺเตน สวตฺถุกานิ, กานิจิ อวตฺถุกาเนว, กานิจิ อุภยสภาวานิ. ตถา เจว นิทฺทิสติ ‘‘สพฺโพ กามวิปาโก จา’’ติอาทิ.

สพฺโพ กามวิปาโก จาติ สเหตุกาเหตุกภินฺโน สพฺโพ เตวีสติวิโธ กามาวจรวิปาโก จ. อาทิมคฺโคติ โสตาปตฺติมคฺโค. โส หิ สพฺพโลกุตฺตเรสุ อาทิโต อุปฺปชฺชนโต, อฏฺสุ อริยปุคฺคเลสุ อาทิปุคฺคลสฺส สมฺพนฺธีติ วา ‘‘อาทิมคฺโค’’ติ วุจฺจติ. วินา วตฺถุนฺติ สกสกวตฺถุํ วินา นุปฺปชฺชนฺติ. เตเนว เหตานิ อรูปภเว นุปฺปชฺชนฺติ ตตฺถ วตฺถูนํ อภาวโต. ‘‘นุปฺปชฺชนฺติ วินา วตฺถุ’’นฺติ จ อิทํ อนฺโตภาวิตการณตฺถํ กตฺวา วุตฺตํ. เตน ยสฺมา วตฺถุํ วินา นุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา เอกนฺเตน สวตฺถุกาติ วุตฺตํ โหติ.

เอกนฺเตน อวตฺถุกา อรูปภเวเยว ปฏิสนฺธาทิวเสน ปวตฺตนโต. กถํ ปน รูปสนฺนิสฺสเยน วินา ตตฺถ อรูปํ ปวตฺตติ, กสฺมา น ปวตฺตติ ปฺจโวกาเรติ? ตถา อทสฺสนโต. ยทิ เอวํ กพฬีการาหาเรนปิ วินา รูปธาตุยํ รูเปน ปวตฺติตพฺพํ, กึ การณา? กามธาตุยํ ตถา อทสฺสนโต. อปิ ตุ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส ปวตฺติการณํ รูเป อวิคตตณฺหํ, ตสฺส สห รูเปน ปวตฺติ. ยสฺส ปน นิพฺพตฺติการณํ รูเป วิคตตณฺหํ, ตสฺส วินา รูเปน ปวตฺติ การณสฺส ตํวิมุขตายาติ รูปสนฺนิสฺสเยน วินา ตตฺถ อรูปํ ปวตฺตติ. ทฺเวจตฺตาลีส เสสานีติ มโนทฺวาราวชฺชนํ กุสลกิริยาวเสน โสฬส กามาวจรานิ, ตเถว อฏฺ อรูปาวจรานิ, ปมมคฺควชฺชานิ สตฺต โลกุตฺตรานิ, ปฏิฆทฺวยวชฺชิตทสอกุสลานิ เจติ ทฺเวจตฺตาลีส วุตฺตาวเสสจิตฺตานิ.

๑๓๕-๗. รูปาทีสุ เอเกกเมว อารมฺมณํ อิมสฺสาติ เอเกการมฺมณํ. ตสฺส ตสฺส อารมฺมณสฺส อาปาถคตกาเล ตํตํวิชานนวเสน ปฺจปิ อารมฺมณานิ อิมสฺสาติ ปฺจารมฺมณํ. เอวมฺปีติ น เกวลํ สวตฺถุกาทิวเสเนว, อถ โข เอเกการมฺมณาทิโตปิ. อภิฺาวชฺชิตานํ สพฺพมหคฺคตานมฺปิ ธมฺมารมฺมณภาเวน เอการมฺมณตฺตา อาห ‘‘สพฺพํ มหคฺคต’’นฺติ. ปณฺณตฺตารมฺมณโต เอการมฺมณนฺติ เกจิ. ตํ อรูปาวจรทุติยจตุตฺถชฺฌานานิ ปตฺวา น ยุชฺชติ เตสํ มหคฺคตารมฺมณตฺตา. อภิฺาทฺวยสฺส ฉฬารมฺมณิกภาเวน, ตสฺส จ รูปาวจรปฺจมชฺฌานโต อภินฺนตฺตา ตํ ปหาย ‘‘เตจตฺตาลีสา’’ติ วุตฺตํ.

๑๔๑. ปุฺวิปากกิริยโต กาเม ทฺวาทสาติ สมฺพนฺโธ. ธาติ นิปาตมตฺตํ. ปุฺวิปากกฺริยโตติ าณวิปฺปยุตฺตกุสลวิปากกิริยโต.

๑๔๓-๙. อิริยาย กายิกาย กิริยาย ปวตฺติปถภาวโต อิริยาปโถ, คมนาทิ. อตฺถโต ตทวตฺถา รูปปฺปวตฺติ. กามฺเจตฺถ รูปวินิมุตฺโต อิริยาปโถ, วิฺตฺติ วา นตฺถิ, ตถาปิ สพฺพํ รูปสมุฏฺาปกจิตฺตํ อิริยาปถุปตฺถมฺภกํ, วิฺตฺติวิการุปฺปาทนฺจ โหติ. ยํ ปน จิตฺตํ วิฺตฺติชนกํ, ตํ เอกํสโต อิตรทฺวยสฺส ชนกํ อวินาภาวโต, ตถา อิริยาปถุปตฺถมฺภกํ รูปสฺสาติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘รูปีริยาปถวิฺตฺติ-ชนกาชนกาทิโต’’ติ อิริยาปถวิฺตฺตีนํ วิสุํ คหณํ. ชนกาชนกาทิโตติ ติณฺณมฺปิ ชนกโต, กสฺสจิปิ อชนกโต, ทฺวินฺนํ เอกสฺส จ ชนกโต. กานิจิ หิ จิตฺตานิ รูปํ สมุฏฺาเปนฺติ, อิริยาปถํ กปฺเปนฺติ, วิฺตฺตึ ชนยนฺติ. กานิจิ รูปํ สมุฏฺาเปนฺติ, อิริยาปถํ กปฺเปนฺติ, วิฺตฺตึ น ชนยนฺติ. กานิจิ รูปเมว สมุฏฺาเปนฺติ, อิตรทฺวยํ น กโรนฺติ. กานิจิ ตีณิ น กโรนฺเตว. ตถา เจว ทสฺเสติ ‘‘ทฺวาทสากุสลา’’ติอาทิ. เอวฺจาปิ หิ ตํ จิตฺตนฺติ น เกวลํ อเหตุกาทิโตว, เอวํ รูปาทิชนกาทิโตปิ ตํ จตุพฺพิธํ. ‘‘เอวฺจาทิมฺหิ ต’’นฺติปิ ลิขนฺติ. ตสฺส ปน อาทิมฺหิ นิกฺขิตฺตํ จิตฺตํ เอวฺจ จตุพฺพิธนฺติ อตฺถํ วทนฺติ. ตตฺถาติ เตสุ รูปชนกาทีสุ. ทส กิริยาติ มโนธาตุวชฺชา ทส กิริยา.

สมุฏฺาเปนฺติ รูปานีติ อตฺตโน อุปฺปาทกฺขเณเยว อตฺตนา ชเนตพฺพรูปานิ สมุฏฺาเปนฺติ. กปฺเปนฺตีติ สนฺนาเมนฺติ. ยถาปวตฺตํ อิริยาปถํ อุปตฺถมฺเภนฺติ. ยถา หิ อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺชมาเนหิ วีถิจิตฺเตหิ อพฺโพกิณฺเณ ภวงฺเค ปวตฺตมาเน องฺคานิ โอสีทนฺติ, ปเวธนฺตา วิย โหนฺติ, น เอวํ ทฺวตฺตึสวิเธสุ วกฺขมาเนสุ จ ฉพฺพีสติวิเธสุ ชาครณจิตฺเตสุ ปวตฺตมาเนสุ. ตทา ปน องฺคานิ อุปตฺถทฺธานิ ยถาปวตฺตอิริยาปถภาเวเนว ปวตฺตนฺติ. ชนยนฺติ จ วิฺตฺตินฺติ มโนทฺวาเร ปวตฺตา เอว วิฺตฺตึ ชนยนฺติ, น ปน ปฺจทฺวาเร ปวตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.

ทฺวิปฺจวิฺาณานํ ฌานงฺคโยคาภาเวน รูปาชนกตฺตา อาห ‘‘ทฺเวปฺจวิฺาณา’’ติ. ฌานงฺคานิ หิ จิตฺเตน สห รูปสมุฏฺาปกานิ, เตสํ อนุพลปฺปทายกานิ มคฺคงฺคาทีนิ เตสุ วิชฺชมาเนสุ สวิเสสํ รูปปฺปวตฺติทสฺสนโต. อรูปวิปากา ปน รูปวิราคภาวนาย นิพฺพตฺตตฺตา เหตุโน ตํวิมุขตาย รูปํ น สมุฏฺาเปนฺตีติ อาห ‘‘วิปากา จ อรูปิสู’’ติ.

๑๕๐. สพฺเพสํ สนฺธิจิตฺตนฺติ สพฺเพสํ สตฺตานํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ. ตฺหิ วตฺถุทุพฺพลตาย, อปฺปติฏฺิตตาย, ปจฺจยเวกลฺลโต, อาคนฺตุกตาย จ รูปํ น สมุฏฺาเปติ. ตถา หิ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สหชาตํ วตฺถุ ปจฺฉาชาตปจฺจยรหิตํ, อาหาราทีหิ จ อนุปตฺถทฺธํ ทุพฺพลํ, ตสฺส จ ทุพฺพลตฺตา ตนฺนิสฺสิตวิฺาณมฺปิ ทุพฺพลนฺติ. ยถา จ ปปาเต ปติโต อฺสฺส นิสฺสโย ภวิตุํ น สกฺโกติ, เอวํ ตมฺปิ ภินฺนสนฺตติยํ กมฺมกฺขิตฺตตาย ปปาเต ปติตํ วิย อปฺปติฏฺิตํ น รูปสมุฏฺาปเน อุสฺสหติ จ วตฺถุโน จ อตฺตนา สห อปจฺฉา อปุเร อุปฺปชฺชมานตฺตา ปุเรชาตปจฺจยสฺส อลาภโต. ยถา ปน อาคนฺตุโก ปุริโส อคตปุพฺพํ เทสํ คโต อฺเสํ ‘‘เอถ โภ อนฺโตคาเม โว อนฺนปานคนฺธมาลาทีนิ ทสฺสามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺโกติ อตฺตโน อวิสยตาย, อปฺปหุตาย จ, เอวเมวํ ปฏิสนฺธิจิตฺตมฺปิ อาคนฺตุกนฺติ. เอวํ วตฺถุทุพฺพลตาทีหิ การเณหิ รูปํ น สมุฏฺาเปติ. อปิจ อาหารินฺทฺริยาทิวเสน เยหากาเรหิ จิตฺตสมุฏฺานรูปานํ จิตฺตเจตสิกา ปจฺจยา โหนฺติ, เตหิ สพฺเพหิ ปฏิสนฺธิยํ จิตฺตเจตสิกา สมตึสกมฺมชรูปานํ ยถาโยคํ ปจฺจยา โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ปฏฺาเน

‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา อาหารา สมฺปยุตฺตานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๙).

ตสฺมา สมตึสกมฺมชรูปานิ จิตฺตสมุฏฺานรูปานํ านํ คเหตฺวา ิตานีติ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตีติ เวทิตพฺพํ.

จุติจิตฺตฺจารหโตติ เอตฺถ ขีณาสวสฺส จุติจิตฺตํ อุปสนฺตวฏฺฏมูลสฺมึ สนฺตาเน สาติสยํ สนฺตวุตฺติตาย รูปํ น สมุฏฺาเปติ, อนาคามิอาทีนํ ตทภาวโตติ วทนฺติ. ฏีกากาโร ปน อานนฺทาจริโย ภณติ –

‘‘กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, รูปาวจเร, อรูปาวจเร ปจฺฉิมภวิกานํ, เย จ รูปาวจรํ, อรูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ จวนฺตานํ, เตสํ วจีสงฺขาโร นิรุชฺฌิสฺสติ, โน จ เตสํ กายสงฺขาโร นิรุชฺฌิสฺสตีติ วจนโต อฺเสมฺปิ จุติจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตี’’ติ.

อาจริยสฺส หิ อยมธิปฺปาโย – ‘‘กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตสฺสา’’ติ เอเตน อวิเสเสน กามาวจรสตฺตานํ จุติจิตฺตสฺส, ‘‘เย จ รูปาวจรํ…เป… นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ อิมินา กามภวโต จวิตฺวา รูปารูปภวูปปชฺชนกานํ กามาวจรจุติจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปาทกฺขณโต อุทฺธํ วจีสงฺขารสฺส นิโรธํ วตฺวา กายสงฺขารสฺส ตทภาววจนโต จุติจิตฺตสฺส กายสงฺขาราสมุฏฺาปนํ สิทฺธํ. ยทคฺเคน จ ตํ กายสงฺขารํ น สมุฏฺาเปติ, ตทคฺเคน ตํ เสสรูปมฺปิ น ชเนติ. น หิ รูปสมุฏฺาปกสฺส คพฺภคตตาทิวิพนฺธาภาเว กายสงฺขาราสมุฏฺาปเน การณํ อตฺถิ. น จ ยุตฺตํ จุติโต อุทฺธํ จิตฺตสมุฏฺานฺจสฺส รูปํ ปวตฺตตีติ, นาปิ ‘‘จุติจิตฺตํ รูปํ สมุฏฺาเปตี’’ติ ปาฬิ อตฺถิ, น จาปิ วฏฺฏมูลานุปสโม จุติจิตฺตสฺส รูปุปฺปาทเน การณํ จุติจิตฺเตน น อุปฺปนฺนานมฺปิ ตโต ปุริมตเรหิ อุปฺปนฺนานํ วิย ภวนฺตเร อนุปฺปชฺชนโต, ตสฺมา สพฺเพสมฺปิ จุติจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตีติ. ยทิ กายสงฺขารสมุฏฺาปนเมว รูปชนนารหภาวํ สาเธติ, ตทา จตุตฺถชฺฌาเน กถนฺติ? นายํ โทโส, ตสฺส ภาวนาพเลน สาติสยํ สนฺตวุตฺติตาย กายสงฺขาราสมุฏฺาปเนปิ มรณาสนฺนจิตฺตานํ วิย ปริทุพฺพลตฺตาภาวโต รูปสมุฏฺาปเน วิพนฺโธ นตฺถีติ. กุโต ปน ปฏฺาย จิตฺตชรูปํ นุปฺปชฺชตีติ? ยโต ปฏฺาย กายสงฺขาเร นุปฺปชฺชติ. กทา จ กายสงฺขาโร นุปฺปชฺชตีติ? จุติโต ปุพฺเพ ทฺวตฺตึสมจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย นุปฺปชฺชติ, เตตฺตึสมจิตฺตกฺขเณ อุปฺปนฺนํ ปจฺฉิมโสฬสกโต ปุเรตรเมว นิรุชฺฌตีติ วทนฺติ. ‘‘ยสฺส กายสงฺขาโร น นิรุชฺฌติ, ตสฺส จิตฺตสงฺขาโร น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ (ยม. ๒.สงฺขารยมก.๑๑๓) ปฺเห ‘‘ปจฺฉิมจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ เตสํ กายสงฺขาโร จ น นิรุชฺฌติ, จิตฺตสงฺขาโร จ น นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปจฺฉิมจิตฺตสฺเสว วชฺชิตตฺตา จุติโต ทุติยตติยจิตฺเตนาปิ สห นิรุชฺฌตีติ อปเร. ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘ยสฺสา’’ติ กามาวจรจุติจิตฺตสฺส อนนฺตรปจฺจยภูตํ จิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ตสฺส อุปฺปาทโตปิ อุทฺธํ กายสงฺขาราภาววจเนน เหฏฺิมโกฏิยา จุติโต ตติยจิตฺเตเนว สห นิรุชฺฌติ. ทุติยจิตฺตํ น ปาปุณาตีติ เอเก.

๑๕๑-๗. เอกํ ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ านานิ อิมสฺสาติ เอกทฺวิติจตุฏฺานํ, เอกทฺวิติจตุฏฺานตฺตาติ อตฺโถ. านนฺติ จ อิธ กิจฺจมธิปฺเปตํ. ตฺหิ ติฏฺนฺติ เอตฺถ ธมฺมา อวฏฺิตา วิย โหนฺตีติ ‘‘าน’’นฺติ วุจฺจติ. มํสจกฺขุทิพฺพจกฺขุาณจกฺขุพุทฺธจกฺขุสมนฺตจกฺขุวเสน ปฺจ นิมฺมลานิ โลจนานิ อิมสฺสาติ ปฺจนิมฺมลโลจโน.

นิปฺปปฺเจนาติ ราคาทิปปฺจรหิเตน. ราคาทโย หิ สํสาเร ปปฺจนโต ‘‘ปปฺจา’’ติ วุจฺจนฺติ.

อาวชฺชเน ปฏิจฺฉเน าเน มโนธาตุตฺติกนฺติ สมฺพนฺโธ, กิริยามโนธาตุ อาวชฺชนฏฺาเน, วิปากทฺวยํ สมฺปฏิจฺฉนฏฺาเนติ อตฺโถ.

‘‘โสมนสฺสยุตฺตสนฺตีรณํ ปฺจทฺวาเร สนฺตีรณํ สิยา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สนฺตีรณ’’นฺติ อธิการโตว ลพฺภตีติ คาถาพนฺธสุขตฺถํ ‘‘โสมนสฺสยุต’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ.

พลวารมฺมเณ สตีติ ตทารมฺมณกิจฺจสฺส พลวารมฺมเณเยว ลพฺภนโต วุตฺตํ, น อิมสฺเสว อาเวณิกภาเวน สพฺเพสมฺปิ ตทารมฺมณานํ พลวารมฺมเณเยว อุปฺปชฺชนโต. โวฏฺพฺพนนฺติ กิริยามโนวิฺาณธาตุสงฺขาตํ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ จิตฺตํ.

๑๕๘-๙. สพฺเพสนฺติ สพฺเพสํ กามรูปารูปภวิกสตฺตานํ. อิมินา อิทํ ทสฺเสติ – ปฺจทฺวาเรสุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ เกสฺจิเทว สตฺตานํ อรูปภเว สพฺพโส ปฺจทฺวาริกจิตฺตปฺปวตฺติยา, รูปภเว จ ทฺวารตฺตยปฺปวตฺติยา อภาวโต. มโนทฺวาเร อาวชฺชนกิจฺจํ ปน สพฺเพสเมว สจิตฺตกสตฺตานํ กโรตีติ. ทฺวิฏฺานิกํ นาม โหตีติ ยถาวุตฺตฏฺานทฺวยวนฺตตาย ทฺวิฏฺานิกจิตฺตํ นาม โหติ. เกจิ ปน ‘‘โสมนสฺสสหคตสนฺตีรณํ กามสุคติยํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ, ตสฺมา ตํ ปฺจฏฺานิก’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ปฏฺาเน ตถา อทีปิตตฺตา. ตตฺถ หิ –

‘‘อุเปกฺขาสหคตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อุเปกฺขาสหคโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นเหตุปจฺจยา’’ติ เอตฺถ (ปฏฺา. ๒.๗.๘) ‘‘อเหตุกํ อุเปกฺขาสหคตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา, ตโย ขนฺเธ ปฏิจฺจ เอโก ขนฺโธ, ทฺเว ขนฺเธ ปฏิจฺจ ทฺเว ขนฺธา, อเหตุกปฏิสนฺธิกฺขเณ อุเปกฺขาสหคตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา, ตโย ขนฺเธ ปฏิจฺจ เอโก ขนฺโธ, ทฺเว ขนฺเธ ปฏิจฺจ ทฺเว ขนฺธา’’ติ (ปฏฺา. ๒.๗.๘) –

เอวํ อุเปกฺขาสหคต-ปทสฺส ปวตฺติปฏิสนฺธิวเสน ปฏิจฺจนโย อุทฺธโฏ. ปีติสหคตสุขสหคต-ปทานํ ปน –

‘‘ปีติสหคตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ ปีติสหคโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นเหตุปจฺจยา. อเหตุกํ ปีติสหคตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา, ตโย ขนฺเธ ปฏิจฺจ เอโก ขนฺโธ, ทฺเว ขนฺเธ ปฏิจฺจ ทฺเว ขนฺธา. สุขสหคตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ สุขสหคโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นเหตุปจฺจยา. อเหตุกํ สุขสหคตํ เอกํ ขนฺธํ ปฏิจฺจ ตโย ขนฺธา, ตโย ขนฺเธ ปฏิจฺจ เอโก ขนฺโธ, ทฺเว ขนฺเธ ปฏิจฺจ ทฺเว ขนฺธา’’ติ (ปฏฺา. ๒.๗.๖) –

เอวํ ปวตฺติวเสเนว อุทฺธโฏ, น ‘‘อเหตุกปฏิสนฺธิกฺขเณ’’ติอาทินา ปฏิสนฺธิวเสน, ตสฺมา ยถาธมฺมสาสเน อวจนมฺปิ อภาวเมว ทีเปตีติ น ตสฺส ปฏิสนฺธิทานํ อตฺถีติ ทฺวิฏฺานิกตาว วุตฺตาติ. เต มหคฺคตวิปากา นวาติ สมฺพนฺโธ.

๑๖๒. ฉทฺวารา เอว ฉทฺวาริกา. อถ วา ฉทฺวาริเกสูติ ฉทฺวาริกจิตฺเตสูติ อตฺโถ.

๑๖๔-๖. ‘‘ปฺจกิจฺจ’’นฺติอาทิ ยถาวุตฺตานเมว นิคมนํ. เสสนฺติ อฏฺสฏฺิวิธํ จิตฺตํ. เอกกิจฺจโยคโต, เอกํ กิจฺจมสฺสาติ วา เอกํ, เอกเมว เอกกํ. สพฺพจิตฺตานํ กิจฺจวเสน นิทฺเทสฏฺาเนเยว กิจฺจานํ ปฏิปาฏิมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ภวงฺคาวชฺชน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย จุติปริโยสานํ วตฺตพฺพนฺติ? สจฺจํ, จุติปฏิสนฺธีนํ ปน ปากฏตฺตา ตถา น วุตฺตํ. ภวสฺส หิ ปฏิสนฺธิ อาทิ, จุติ ปริโยสานนฺติ ปากฏเมว, ตสฺมา ปากฏฏฺานํ ปหาย อปากฏฏฺานโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ภวงฺคเมว อาทิโต วุตฺตํ. ตทารมฺมณํ ปน กิฺจาปิ อปากฏํ, อถ โข อเนกนฺติกํ กิสฺมิฺจิ ภเว กตฺถจิ ชวนวีถิยํ อลพฺภนโตติ เอกนฺตลพฺภมานปริทีปนตฺถํ ตํ น วุตฺตํ. อถ วา ตทารมฺมณจิตฺตมฺปิ เยภุยฺเยน ภวงฺคนามํ ลพฺภตีติ ปุริมชวนวีถิยํ ตทารมฺมณํ ปจฺฉิมชวนวีถิยา อาวชฺชนสฺส ปุเรจรภูตํ ภวงฺค-คฺคหเณเนว สงฺคหิตนฺติ วิสุํ น วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปฺจทฺวาเรสุ ปวตฺติวเสน ปฺจวิธตาย ทสฺสนตฺถํ ‘ภวงฺคาวชฺชน’นฺติอาทิ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตตฺถ ปน อปฺปวตฺตมานานํ เกสฺจิ สพฺภาวโต ตํ น ยุชฺชติ, ฉทฺวารปฺปวตฺติวเสน ฉพฺพิธตฺตนยทสฺสนตฺถนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ยถา เจตฺถ ‘‘ภวงฺคาวชฺชน’’นฺติอาทินา จกฺขุทฺวาเร วุตฺตํ, เอวํ โสตทฺวาราทีสุปิ ทสฺสนาทึ อปเนตฺวา สวนาทึ ปกฺขิปิตฺวา กิจฺจปฺปวตฺติ โยเชตพฺพา. มโนทฺวาเร ปน –

‘‘ภวงฺคํ ปมํ โหติ, ตโต อาวชฺชนํ มตํ;

ทุติยํ ตมติกฺกมฺม, ชวนํ ตติยํ สิยา’’ติ. –

โยชนา ทฏฺพฺพา. ฉนฺนํ วิฺาณานนฺติ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปฺจนฺนํ, มโนวิฺาณสฺส จ. สตฺตวิฺาณธาตูนนฺติ จกฺขุวิฺาณธาตาทีนํ ปฺจนฺนํ, มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุทฺวยสฺสาติ สตฺตนฺนํ วิฺาณธาตูนํ.

๑๖๙-๗๑. ปฺจาภิฺาวิวชฺชิตนฺติ –

‘‘อิทฺธิวิธํ ทิพฺพโสโต, ปรจิตฺตวิชานนา;

ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ, ทิพฺพจกฺขูติ ปฺจธา’’ติ. –

เอวมาคตาหิ ปฺจหิ อภิฺาหิ ยุตฺเตน รูปาวจรปฺจมชฺฌานจิตฺเตน วชฺชิตํ. ทิพฺพโสตาทีนํ เอเกการมฺมณตฺเตปิ ปฺจนฺนมฺปิ อภิฺานํ เอกสฺเสว จิตฺตสฺส อวตฺถาเภทภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปฺจาภิฺาวิวชฺชิต’’นฺติ. เกจิ ปน ‘‘อิธ เอกนฺเตน ธมฺมารมฺมณิกจิตฺตานเมว วจนโต ปรจิตฺตวิชานนํ วชฺเชตฺวา อนาคตํสาเณน สห ปฺจาภิฺานํ ปฏิกฺเขโป’’ติ วทนฺติ.

ทฺวิปฺจวิฺาณานํ, มโนธาตุตฺตยสฺส จ ปริจฺจาเคน เอกจตฺตาลีส โหนฺตีติ อาห ‘‘จตฺตาลีสํ ตเถกก’’นฺติ. อภิฺานิ จาติ -สทฺโท อฏฺานปฺปยุตฺโต, โส ‘‘จตฺตาลีสํ ตเถกก’’นฺติ อิมสฺสานนฺตรํ ทฏฺพฺโพ, เตน ปน อภิฺาจิตฺตทฺวยํ สงฺคณฺหาติ. อถ วา อภิฺา นาม เหฏฺา เอเกการมฺมณิเกสุ วุตฺตสฺส ปฺจมชฺฌานสฺเสว อวตฺถาวิเสโสติ อภิฺาจิตฺตานํ ฉฬารมฺมณิเกสุ อคฺคหณนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๑๗๒-๓. ติธา กตฺวาติ ติธา กรณเหตุ. เหตฺวตฺโถ หิ อยํ ตฺวา-สทฺโท ยถา ‘‘สีหํ ทิสฺวา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ. ‘‘ปุฺาปุฺวเสนา’’ติอาทินา ชาติภูมิเหตุเวทนาทิวเสน ยาว ฉสตฺตติวิโธ เภโท, ตาว มโนวิฺาณธาตุํ ภินฺทิตฺวา ตํวเสน จิตฺตวิภาคทสฺสนตฺถํ นยทานํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๑๗๕. ติธา กตฺวาติ ปมํ วิปากทฺวยกิริยาเภทโต, ทุติยํ กุสลากุสลาทิโตติ เอวํ ธาตุทฺวยํ ปจฺเจกํ ติธา กตฺวา.

๑๘๐. ภูมิ…เป… วิภาวเยติ ตึสภูมีนํ นานตฺตวเสน ปวตฺติโต ตึสวิธํ, ตตฺเถว ตึสปุคฺคลานํ นานตฺตวเสน ปวตฺติโต จ ตึสวิธนฺติอาทินา อิทํ ยถานิทฺทิฏฺจิตฺตํ พหุธา โหตีติ จ วิภาเวยฺยาติ อตฺโถ.

๑๘๑. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. หตฺถคตามลกา วิย โหนฺตีติ ยถา หตฺถคตํ อามลกํ จกฺขุมโต สุปากฏํ โหติ, เอวมิมสฺส มติมโต ภิกฺขุโน อภิธมฺมปิฏกคตา อตฺถา สุปากฏา โหนฺติ, อาวชฺชิตาวชฺชิตกฺขเณ สุวิสทาว ปฺายนฺตีติ อตฺโถ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

เอกวิธาทินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจโม ปริจฺเฉโท

ภูมิปุคฺคลจิตฺตุปฺปตฺตินิทฺเทสวณฺณนา

๑๘๒-๘. พุทฺธิยา วุทฺธึ วิรุฬฺหึ กโรตีติ พุทฺธิวุทฺธิกรํ. ยสฺส ยสฺส นยสฺส กถนํ ปฏิฺาตํ, ตํ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จิตฺตานํ ภูมีสุปฺปตฺติ’’นฺติ. ตํ วตฺวา ภูมีนํ อาธารวเสน ปสงฺคาคตํ คติเภทํ, ภวเภทฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘เทวา เจวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘จตสฺโสปายภูมิโย’’ติ วตฺวา อสุรคติยา เปตคติยํเยว สงฺคหิตตฺตา ‘‘คติโย ปฺจา’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. มยํ ปน ‘‘ติสฺโสวาปายภูมิโย’’ติ ปาเน ภวิตพฺพนฺติ มฺาม. น หิ เอส อนากุลวจโน อาจริโย อีทิสํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธํ วิย สมฺโมหชนกํ วจนํ ภาสติ. ปาฬิยมฺปิ หิ –

‘‘ปฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย. กตมา ปฺจ? นิรโย ติรจฺฉานโยนิ เปตฺติวิสโย มนุสฺสา เทวา’’ติ (อ. นิ. ๙.๖๘) –

เอวํ ติณฺณเมว อปายานํ วเสน วุตฺตํ. กามรูปารูปวเสน ตโย ภวา. ตตฺถาติ เตสุ ตีสุ ภเวสุ. ตึเสวาติ จตสฺโส อปายภูมิโย, สตฺตวิธา กามสุคติภูมิ, โสฬส รูปีพฺรหฺมโลกา, จตสฺโส อรูปภูมิโยติ เอกตึสภูมีนมนฺตเร จิตฺตปฺปวตฺติอธิการตฺตา อสฺภูมึ อปเนตฺวา อวเสสา ตึเสว ภูมิโยติ อตฺโถ. ตาสุ ตึเสว ปุคฺคลาติ ตาสุ ภูมีสุ อุปฺปนฺนา ปุคฺคลา ภูมิคณนวเสน ตึเสว โหนฺติ. ภูมิวเสน ตึสวิธาปิ ปน ปฏิสนฺธิจิตฺตคณนาย เอกูนวีสติ โหนฺตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภูมีสฺเวตาสู’’ติอาทิ.

ปฏิสนฺธิกจิตฺตานนฺติ ทส กามาวจรปฏิสนฺธิจิตฺตานิ, ปฺจ รูปาวจรปฏิสนฺธิจิตฺตานิ, จตฺตาริ อรูปาวจรปฏิสนฺธิจิตฺตานีติ อิเมสํ เอกูนวีสติปฏิสนฺธิจิตฺตานํ วเสน. อสฺีนมจิตฺตกาติ อสฺสตฺตานํ อจิตฺตกา ปฏิสนฺธิ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อสฺสตฺตา เทวา อเหตุกา อนาหารกา อผสฺสกา อเวทนกา อสฺกา อเจตนกา อจิตฺตกา ปาตุภวนฺตี’’ติ.

ยทิ ปฏิสนฺธิวเสน วีสติ ปุคฺคลา, กถํ ภูมิวเสน ตึสาติ วุตฺตา. เอกตึสาติ หิ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘อิธา’’ติอาทิ.

น วิชฺชติ เหตุ อิเมสนฺติ อเหตู, ทุเว, ตีณิ จ เหตู อิเมสนฺติ ทฺวิติเหตู, ปฏิสนฺธิวเสน อเหตุกา, ทุเหตุกา, ติเหตุกา จาติ อตฺโถ. ตตฺถ อเหตุกา อาปายิกา จ, เอกจฺเจ ภูมเทวา, มนุสฺเสสุ ชจฺจนฺธชจฺจพธิรชจฺจุมฺมตฺตกนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกาทโย จ. วุตฺตาวเสสา กามสุคติวาสิโนว ทุเหตุกา. ติเหตุกา ปน กามสุคติวาสิโนว. อริยา ปน อฏฺาติ จตุนฺนํ อริยมคฺคสมงฺคีนํ, จตุนฺนฺจ อริยผลสมงฺคีนํ วเสน อฏฺ อริยปุคฺคลา. นนุ จ อริยาปิ ติเหตุกาเยวาติ? สจฺจํ, จิตฺตุปฺปาทํ ปน ปตฺวา เตสํ วิเสสสพฺภาวโต วิสุํเยว อุทฺธฏาติ ทฏฺพฺพํ.

๑๘๙-๙๒. ‘‘ภูมีสุปฺปตฺตึ ภณโต เม นิโพธถา’’ติ สุตฺวา โจทโก ‘‘ตึสภูมีสู’’ติอาทินา สพฺเพสํ ภูมีนํ สาธารณจิตฺตานิ ปุจฺฉติ, อิตโร ‘‘จุทฺทเสวา’’ติ วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ อฏฺ ปริตฺตกุสลานิ, จตฺตาริ ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตานิ, อุทฺธจฺจสหคตํ, มโนทฺวาราวชฺชนฺจาติ จุทฺทเสว, น อูนานิ นาธิกานิ, สพฺพาสุ ตึสภูมีสุ โหนฺติ, สพฺพภูมีนํ สาธารณานีติ อตฺโถ.

สทา…เป… สิยุนฺติ ทฺเว โทสมูลานิ, กุสลวิปากจกฺขุโสตวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณทฺวยวชฺชิตานิ อฏฺารส กามาวจรวิปากจิตฺตานีติ วีสติ จิตฺตานิ สทา กาเมเยว ภเว สิยุํ, น กทาจิ อฺตฺถ อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. นนุ จ พฺรหฺมูนมฺปิ อกุสลวิปากานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ? สจฺจํ อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิ กามภเว อนิฏฺรูปาทโย อารพฺภ อุปฺปชฺชนฺติ พฺรหฺมโลเก เตสํ อภาวโตติ กามภเวเยว นิยมิตานิ. รูปาวจรวิปากจิตฺตานิ ปฺจ รูปาวจรภเวเยว สิยุํ, จตฺตาโร จ อรูปาวจรวิปากา อรูปีสูติ อาห ‘‘ปฺจ รูปภเว’’ติอาทิ.

กาม …เป… ภวนฺตีติ รูปาวจรกุสลกิริยจิตฺตานิ เจว กุสลวิปากานิ จ จกฺขุโสตวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณานิ โวฏฺพฺพนวชฺชานิ จ ทฺเว อเหตุกกิริยจิตฺตานิ ปมมคฺควิฺาณนฺติ อฏฺารส จิตฺตานิ กามรูปภเวเยว ภวนฺติ, น อรูปภเว. ตตฺถ หิ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกนฺตตฺตา รูปาวจรกุสลกิริยา นุปฺปชฺชนฺติ. จกฺขุวิฺาณาทีนิ วตฺถุทฺวารวิรหโต, หสิตุปฺปาโท เอกนฺตวตฺถุนิสฺสยตฺตา, โสตาปตฺติมคฺโค ปรโตโฆสปจฺจยาเยว นิพฺพตฺตนโต น อุปฺปชฺชติ. ทฺเวจตฺตาลีสาติ อฏฺ ปริตฺตกุสลานิ, จตฺตาริ อรูปกุสลานิ, ปมมคฺควชฺชานิ สตฺต โลกุตฺตรจิตฺตานิ, ปฏิฆทฺวยวชฺชิตานิ จ ทส อกุสลจิตฺตานิ, ปุพฺเพ วุตฺตอเหตุกกิริยาทฺวยวชฺชิตานิ นว กามาวจรกิริยจิตฺตานิ, จตฺตาริ อรูปาวจรกิริยจิตฺตานีติ เอวํ ทฺเวจตฺตาลีส จิตฺตานิ ตีสุ ภเวสุ โหนฺติ.

๑๙๓-๒๐๔. เอวํ ภววเสน จิตฺตุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กาลวเสน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เปตฺวา ปนา’’ติอาทิ. สพฺพาสนฺติ นิทฺธารณตฺเถ สามิวจนํ. อฏฺ มหากิริยา, อรหตฺตมคฺคผลจิตฺตานิ, อนาคามิผลํ, เนวสฺานาสฺายตนกุสลกิริยาติ เตรเสว จิตฺตานิ อปายรหิตาสุ ฉพฺพีสภูมีสุ โหนฺติ อปาเยสุ วิปากาวรณสพฺภาเว เอเตสํ อนุปฺปชฺชนโต. อปรานิ ฉ จิตฺตานีติ สมฺพนฺโธ. ตานิ ปน รูปภวสาธารณานํ ปฺจปริตฺตวิปากานํ, กิริยมโนธาตุยา จ วเสน เวทิตพฺพานิ.

ปฺจ จิตฺตานีติ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตวิจิกิจฺฉาวเสน ปฺจ จิตฺตานิ. ตานิ หิ ปฺจสุ สุทฺธาวาสภูมีสุ น ลพฺภนฺติ. ตตฺถ อนาคามิขีณาสวานเมว อธิวุตฺถตฺตา, เตสฺจ ปมมคฺเคเนว อิเมสํ ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปาทิตตฺตา.

อปรานิ ทุเวติ ตติยารุปฺปกุสลกิริยจิตฺตานิ. ตานิ หิ เนวสฺานาสฺายตเนสุ อติกฺกนฺตารมฺมณตฺตา, อปาเยสุ จ อเหตุกปฏิสนฺธิกตฺตา นุปฺปชฺชนฺติ. จตุวีสตีภูมิสุ ทฺเว จาติ วิฺาณฺจายตนกุสลกิริยาวเสน ทฺเว จิตฺตานิ. เตวีสภูมิสุ ทฺเวเยวาติ อากาสานฺจายตนกุสลกิริยจิตฺตานิ.

เอกาทสวิธนฺติ รูปาวจรกุสลกิริยา หสิตุปฺปาโทติ เอกาทส. โสตาปตฺติผลํ ยาว อนาคามิมคฺโค จตฺตาริ จ จิตฺตานิ สุทฺธาวาสอปายวชฺชาสุ เอกวีสติภูมีสุ ภวนฺติ. เอกํ โสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ สุทฺธาวาสอปายอรูปภูมิวชฺเชสุ สตฺตรสสุ ภูมีสุ ชายติ. ทฺเว โทสมูลานิ, กุสลวิปากฆานชิวฺหากายวิฺาณานิ, สตฺต อกุสลวิปากาติ ทฺวาทส จิตฺตานิ มหคฺคตภูมิวชฺชาสุ เอกาทสสุ กามภูมีสุ ชายนฺติ. อฏฺ มหาวิปากจิตฺตานิ กามาวจรเทวมนุสฺสวเสน สตฺตภูมีสุ ชายนฺติ. ฉสุ ภูมิสูติ เวหปฺผลสุทฺธาวาสสงฺขาตาสุ ฉสุ ปฺจมชฺฌานภูมีสุ.

จตฺตาริ…เป… ภูมิสูติ จตุตฺถชฺฌานวิปาโก ปริตฺตสุภอปฺปมาณสุภสุภกิณฺหวเสน ตีสุ ภูมีสุ ชายติ, ทุติยชฺฌานวิปาโก, ตติยชฺฌานวิปาโก จ ปริตฺตาภาอปฺปมาณาภาอาภสฺสรวเสน ตีสุ ภูมีสุ, ปมชฺฌานวิปาโก พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมาวเสน ตีสุ ภูมีสุ โหตีติ เอวํ จตฺตาริ จิตฺตานิ เอเกกวเสน ตีสุ ตีสุ ภูมีสุ ชายนฺติ.

๒๐๖-๙. เอวํ เอตฺตกาเนว จิตฺตานิ เอตฺตกาสุ ภูมีสุ อุปฺปชฺชนฺตีติ จิตฺตนิยมวเสน อุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เอตฺตกาสุ เอว ภูมีสุ เอตฺตกาเนว จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ ภูมินิยมวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘กุสลากุสลา กาเม’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ กาเม กุสลากุสลา วีสติ, เตสํ ปนฺนรส อเหตุกา ปากา, อาวชฺชนทฺวยฺจาติ สตฺตตึเสว มานสา นรกาทีสุ จตูสุปิ อปาเยสุ ชายเร. อวเสสานิ ปน สตฺตรส กามาวจรวิปากกิริยจิตฺตานิ, ปฺจตึส มหคฺคตโลกุตฺตรานีติ ทฺเวปฺาส มานสา กทาจิปิ เตสุ นุปฺปชฺชนฺติ อภูมิภาวโตติ อตฺโถ.

อสีติ หทยาติ วุตฺตาวเสสานิ อสีติ จิตฺตานิ. ฆานาทิวิฺาณตฺตยนฺติ กุสลวิปากฆานาทิวิฺาณตฺตยํ. ‘‘อปุฺชา ปากา’’ติ อกุสลวิปากานํ สพฺเพสเมว คหิตตฺตา ฆานาทิวิฺาณตฺตยํ อคฺคหิตวิเสสมฺปิ ปาริเสสาเยน กุสลวิปากเมว วิฺายติ.

๒๑๓. โทมนสฺสนฺติ โทมนสฺสสหคตํ. กฺริยา จ ทฺเวติ โวฏฺพฺพนวชฺชิตา ทฺเว อเหตุกกิริยา.

๒๑๔. ภูมิวเสเนวาติ ปุคฺคเล อนามสิตฺวา เกวลํ ภูมิวเสน. ปุคฺคลานํ วเสน จ ภูมิวเสน จ จิตฺตุปฺปตฺตึ วิภาวเยติ สมฺพนฺโธ.

๒๑๖-๘. ปฺจภูมิสูติ จตุราปายมนุสฺสวเสน ปฺจภูมีสุ. อเหตุกานํ ปฏิสนฺธิสทิสตทารมฺมณวเสน ‘‘สตฺตตึเสวา’’ติ วุตฺตํ, อฺกมฺเมน ปน ทฺวิเหตุกตทารมฺมณสฺสาปิ สมฺภวโต เอกจตฺตาลีส โหนฺติ. อาจริยโชติปาลตฺเถรสฺส อธิปฺปาเยน ติเหตุกวิปาเกหิปิ สทฺธึ ปฺจจตฺตาลีเสวาติ ทฏฺพฺพํ. อเหตุกสฺส วุตฺเตหีติ อเหตุกสตฺตสฺส วุตฺเตหิ สตฺตตึสมานเสหิ สห. นว กฺริยาติ อฏฺ มหากิริยา, หสิตุปฺปาโท จาติ อิมานิ อสาธารณกิริยจิตฺตานิ นว.

๒๒๐-๑. ‘‘จตุปฺาส มานสา’’ติ วตฺวา เตสํ สรูปโต ทสฺสนตฺถํ อาห ‘‘ทฺวิเหตุกสฺสา’’ติอาทิ. ปุน ‘‘จตุปฺาสา’’ติอาทิ ปน นิคมนํ.

๒๒๓-๔. ปฺาเสวสฺส จิตฺตานีติ ติเหตุกสฺส ปุถุชฺชนสฺส วุตฺตจตุปฺาสจิตฺเตสุ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสหคตวชฺชานิ เอกูนปฺาส, โสตาปตฺติผลนฺติ อิมานิ ปฺาเสว จิตฺตานิ อสฺส กามาวจรสฺส โสตาปนฺนเทหิโน ชายนฺเต. นวตึเสวาติ เอกูนจตฺตาลีสจิตฺตานิ. ปมํ ผลนฺติ โสตาปตฺติผลํ.

๒๒๕-๘. ทุติยฺจ ผลํ หิตฺวาติ สกทาคามิผลํ หิตฺวา. -สทฺเทน โสตาปตฺติผลฺจ หิตฺวาติ อตฺโถ. อตฺตโน ผเลน สห ยานิ อฏฺจตฺตาลีส จิตฺตานิ, ตานิ อนาคามิสฺส สตฺตสฺส ชายนฺติ. จตฺตาลีสฺจ จตฺตารีติ เตวีสติ กามาวจรวิปากจิตฺตานิ, วีสติ กิริยจิตฺตานิ, อรหตฺตผลฺจาติ จตุจตฺตาลีส จิตฺตานิ. สกํ สกนฺติ ‘‘โสตาปนฺนสฺส โสตาปตฺติมคฺคจิตฺตํ, สกทาคามิโน สกทาคามิมคฺคจิตฺต’’นฺติอาทินา อตฺตโน อตฺตโน มคฺคจิตฺตํ. กสฺมา ปน เตสํ เอเกกเมว จิตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘เอกจิตฺตกฺขณาหิ เต’’ติ. ปฺจตึเสวาติ สตฺตรส กามรูปารูปกุสลจิตฺตานิ, ปฏิฆทฺวยวชฺชานิ ทส อกุสลานิ, รูปภเว ลพฺภมานกานิ ปฺจ อเหตุกวิปากานิ, อาวชฺชนทฺวยํ, ปมชฺฌานวิปาโก จาติ ปฺจตึส จิตฺตานิ ตีสุ ปมชฺฌานภูมีสุ ปุถุชฺชนสฺส ชายนฺติ.

๒๓๒-๕. หิตฺวา จาติ เอตฺถ -สทฺเทน ปมผลสฺส คหณํ ทสฺเสติ. เตน อปุฺปฺจกํ หิตฺวา ปมํ ผลํ คเหตฺวา จาติ อตฺโถ. อปุฺปฺจกนฺติ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตวิจิกิจฺฉาสหคตวเสน ปฺจ อกุสลจิตฺตานิ. ตตฺถาติ เตสุ โสตาปนฺนสฺส วุตฺเตสุ. ตตฺเถวาติ สกทาคามิสฺส วุตฺเตสุ. ปุฺชํ สมฺปฏิจฺฉนํ สนฺตีรณทฺวยฺเจวาติ สมฺพนฺโธ.

๒๓๗. เอวํ ปมชฺฌานภูมิยํ ปุถุชฺชนโสตาปนฺนาทิวเสน จิตฺตสมฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสเมว วเสน ทุติยชฺฌานภูมิยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ทุติยชฺฌานตติยชฺฌานวิปากานํ เอกสตฺตสฺเสว อสมฺภเวปิ ทุติยชฺฌานตเล นิพฺพตฺเต ปุถุชฺชนาทโย ปุถุชฺชนาทิภาวสามฺเน เอกโต คเหตฺวา ‘‘ทุติยชฺฌานตติยชฺฌานปากโต’’ติ วุตฺตํ.

๒๔๒. ปริตฺตสุภาทิโต ปฏฺาย ยาว อกนิฏฺา ตติยจตุตฺถชฺฌานภูมีสุ ปมชฺฌานภูมิยํ วุตฺตคณนาย จิตฺตปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘ปริตฺตกสุภาทีน’’นฺติอาทิ.

๒๔๗. จตุวีสติ จิตฺตานีติ อฏฺปริตฺตกุสลานิ, จตฺตาริ อรูปกุสลานิ, ปฏิฆทฺวยวชฺชิตานิ ทส อกุสลจิตฺตานิ, ปมารุปฺปวิปาโก, มโนทฺวาราวชฺชนฺจาติ จตุวีสติ จิตฺตานิ ปมารุปฺปภูมิยํ ปุถุชฺชนสฺส ชายนฺติ.

๒๕๐-๓. ทส ปฺจาติ อฏฺ มหากิริยา, จตสฺโส อรูปกิริยา, มโนทฺวาราวชฺชนํ, ปมารุปฺปวิปาโก, อรหตฺตผลฺจาติ ปนฺนรส จิตฺตานิ ปมารุปฺปภูมิยํ อรหโต โหนฺติ.

เตวีสาติ ปมารุปฺปภูมิยํ ปุถุชฺชนสฺส วุตฺเตสุ จตุวีสติจิตฺเตสุ อากาสานฺจายตนกุสลวิปากวชฺชา พาวีสติ จ ทุติยารุปฺปวิปาโก จาติ เตวีสติ ทุติยารุปฺปภูมิยํ ปุถุชฺชนสฺส โหนฺติ. ตตฺเถว ติณฺณํ ผลฏฺเสขานํ ปุถุชฺชนสฺส วุตฺเตสุ อกุสลปฺจกวชฺชานิ อฏฺารส, ตํตํผลฺจาติ เอกูนวีสติ จิตฺตานิ โหนฺติ.

กฺริยา ทฺวาทสาติ อฏฺ มหากิริยา, อากาสานฺจายตนวชฺชิตา ติสฺโส อรูปกิริยา, มโนทฺวาราวชฺชนนฺติ ทฺวาทส กิริยจิตฺตานิ. ปาเกโกติ เอโก อรูปวิปาโก.

ทุติยารุปฺปภูมิยํ ปุถุชฺชนสฺส วุตฺเตสุ วิฺาณฺจายตนกุสลวิปากวชฺชานิ เอกวีสติ, อากิฺจฺายตนวิปาโก จาติ พาวีสติ จิตฺตานิ ตติยารุปฺปภูมิยํ ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปชฺชนฺติ.

๒๕๔-๖๐. ปุถุชฺชนสฺส วุตฺเตสุ อปุฺปฺจกวชฺชานิ สตฺตรส, ปมผลฺจาติ อฏฺารส ตติยารุปฺปภูมิยํ โสตาปนฺนสฺส อุปฺปชฺชนฺติ. ตานีติ ตาเนว อฏฺารส จิตฺตานิ. ‘‘เปตฺวา ปมํ ผล’’นฺติ หิ วจนโต ทุติยผลํ ปกฺขิปิตฺวาติ อยมตฺโถ อวุตฺตสิทฺโธ. น หิ สกทาคามิโน สกทาคามิผลฺจ นุปฺปชฺชติ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เปตฺวา ทุติยํ ผล’’นฺติ. เอตฺถาปิ อนาคามิผลํ ปกรณสิทฺธเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อฏฺ มหากิริยา, ทฺเว ตติยจตุตฺถารุปฺปกิริยา, มโนทฺวาราวชฺชนํ, อากิฺจฺายตนวิปาโก, อรหตฺตผลนฺติ เตรส จิตฺตานิ ตติยารุปฺปภูมิยํ ขีณาสวสฺส ชายนฺติ. ตติยารุปฺปภูมิยํ ปุถุชฺชนสฺส วุตฺเตสุ ทฺวาวีสติจิตฺเตสุ อากิฺจฺายตนกุสลวิปากวชฺชาติ วีสติ, เนวสฺานาสฺายตนวิปาโกติ เอกวีสติ จิตฺตานิ จตุตฺถารุปฺปภูมิยํ ปุถุชฺชนสฺส ชายนฺติ. ปุถุชฺชนสฺส วุตฺเตสุ อปุฺปฺจกวชฺชานิ โสฬส, โสตาปตฺติผลฺจาติ สตฺตรส ตตฺเถว โสตาปนฺนสฺส โหนฺติ. อฏฺ มหากิริยา, ทฺเว จ เนวสฺานาสฺายตนวิปากกิริยา, มโนทฺวาราวชฺชนํ, อรหตฺตผลฺจาติ ทฺวาทส จิตฺตานิ ตตฺเถว อรหโต อุปฺปชฺชนฺติ.

๒๖๑-๓. อรูปกุสลา เจว กิริยาปิ จ อุปฺปชฺชนฺติ, น ปน วิปากาติ อธิปฺปาโย. อุทฺธมุทฺธมรูปีนนฺติ วิฺาณฺจายตนาทีสุ อรูปีนํ. เหฏฺิมาติ วิฺาณฺจายตนิกานํ อากาสานฺจายตนกุสลวิปากา นุปฺปชฺชนฺติ, อากิฺจฺายตนิกานํ อากาสานฺจายตนวิฺาณฺจายตนกุสลวิปากาติ เอวมาทินา เหฏฺิมา เหฏฺิมา อรูปา นุปฺปชฺชนฺติ. กสฺมาติ อาห ‘‘ทิฏฺาทีนวโต กิรา’’ติ. กิราติ อนุสฺสุติยํ. ทิฏฺาทีนวโตติ อารมฺมเณ, ฌาเน จ ทิฏฺโทสตฺตา. กุสลานุตฺตราติ โลกุตฺตรกุสลา.

๒๖๖. สพฺโพ รูโป มหคฺคโตติ สพฺโพ รูปาวจรมหคฺคตจิตฺตุปฺปาโท. มโนธาตูติ กิริยามโนธาตุวิปากมโนธาตูนํ กามวิปาก-คฺคหเณน คหิตตฺตา.

๒๖๙-๗๓. เอวํ…เป… เหฏฺิมนฺติ ทุติยารุปฺปภูมิยํ วุตฺเตสุ ทุติยารุปฺปตฺตยํ เปตฺวา อตฺตโน ปาเกน สห ตติยารุปฺปภูมิยํ เอกูนจตฺตาลีส จิตฺตานิ ตตฺถวุตฺเตสุ ตติยารุปฺปตฺตยํ เปตฺวา อตฺตโน ปาเกน สห สตฺตตึสาติ เอวํ เสสทฺวเยปิ เหฏฺิมเหฏฺิมํ หิตฺวา จิตฺตคณนา เยฺยา. อตฺตโน อตฺตโนติ ปมารุปฺปภูมิยํ ปมารุปฺปวิปาโก, ทุติยารุปฺปภูมิยํ ทุติยารุปฺปวิปาโกติ เอวํ อตฺตโน อตฺตโน วิปากา จตฺตาโร จ อนาสวา โลกุตฺตรวิปากาติ เอวํ จตูสุ อรูปภูมีสุ เอเกกาย ภูมิยา ปฺจ ปฺจ วิปากา ชายนฺติ. ยา กิริยา เตรเสว สิยุํ, ตา สพฺพปมารุปฺปภูมิยํ ขีณาสวสฺส ชายนฺเตติ สมฺพนฺโธ. ทุติยารุปฺปภูมิยํ ขีณาสวสฺส ปมารุปฺปกิริยจิตฺตํ วชฺเชตฺวา ทฺวาทเสว กฺริยา โหนฺติ. ตติยารุปฺปภูมิยํ ทุติยารุปฺปกิริยจิตฺตํ วชฺเชตฺวา เอกาทส. จตุตฺถารุปฺปภูมิยํ ตติยารุปฺปกิริยจิตฺตํ วชฺเชตฺวา ทเสว วิฺเยฺยา.

๒๗๔-๕. อิทานิ เกวลํ ปุคฺคลวเสน เตสเมว ปุคฺคลานํ อาเวณิกจิตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อรหโต ปนา’’ติอาทินา อรหโตเยว อุปฺปชฺชนกจิตฺตํ ทสฺเสตฺวา อนาคามิอาทีนํ ปาฏิปุคฺคลิกํ สกสกผลจิตฺตํ ปากฏเมวาติ สํขิตฺตํ. อรหโตติ ขีณาสวสฺส. อรหโต ภาโว อรหตฺตํ, อรหตฺตผลนฺติ อตฺโถ. ตฺหิ ‘‘อรีนํ หตตฺตา อรหา’’ติอาทินา อรหนฺต-สทฺทสฺส ปวตฺตินิมิตฺตภาเวน ‘‘อรหตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. อิทานิ เตสํ เตสํ ปุคฺคลานํ สาธารณจิตฺตานิ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุนฺนฺจ ผลฏฺาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

๒๙๐. สุสารนฺติ อตฺถพฺยฺชนวเสน ปริจฺจชิตพฺพสฺส เผคฺคุสฺส อภาวโต สุฏฺุ สารํ, สพฺพโส สารนฺติ อตฺโถ. ปรนฺติ สุสารตฺตา เอว ปรํ. สตฺตานํ อิธโลกปรโลกหิตปฏิจฺฉาทกสฺส อวิชฺชนฺธการสฺส วิธมนโต โมหนฺธการปฺปทีปํ. จินฺเตตีติ อตฺถวเสน จินฺเตติ. วาเจตีติ พฺยฺชนวเสน สชฺฌายติ. ราคโทสานํ โมเหน สห อวินาภาวโต ตสฺส อนุปคมนํ อตฺถสิทฺธเมวาติ ‘‘โมหนฺธการปฺปทีป’’นฺติ วตฺวาปิ ‘‘นรํ…เป… โนปยนฺตี’’ติ ราคโทสานุปคมนเมว วุตฺตํ. ‘‘โมหนฺธการปฺปทีป’’นฺติ วา วจเนเนว โมหสฺส อนุปคโม วุตฺโต โหตีติ ราคโทสานเมว อนุปคมนํ วุตฺตํ. มูลภูตานํ ปน ติณฺณํ อนุปคมนวจเนน เสสกิเลสานมฺปิ อนุปคมนํ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

ภูมิปุคฺคลจิตฺตุปฺปตฺตินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปโม ภาโค นิฏฺิโต.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

อภิธมฺมาวตาร-อภินวฏีกา

(ทุติโย ภาโค)

๖. ฉฏฺโ ปริจฺเฉโท

อารมฺมณวิภาคนิทฺเทสวณฺณนา

๒๙๑-๓. เอเตสนฺติ ยถาวุตฺตปฺปเภทานํ. นนุ จ ‘‘จิตฺตํ เจตสิก’’นฺติอาทินา จิตฺตาทีนิเยว อุทฺทิฏฺานีติ ตาเนว นิทฺทิสิตพฺพานิ, อารมฺมณํ ปน อปฺปกตํ, ตํ กสฺมา อิธ วุจฺจตีติ โจทนํ มนสิ กริตฺวา อาห ‘‘เตน วินา นตฺถิ หิ สมฺภโว’’ติ. ยสฺมา อารมฺมเณน วินา จิตฺตสมฺภโว นตฺถิ, น หิ อนารมฺมณํ จิตฺตํ นาม อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ตยิทํ จิตฺตํ กํ อารพฺภ อุปฺปชฺชตี’’ติ อาสงฺกานิวารณตฺถํ อิโต ปรํ อารมฺมณํ ทสฺสยิสฺสามีติ อตฺโถ. กติวิธํ ปน ตํ อารมฺมณํ, กึ สรูปฺจาติ อาห ‘‘รูปํ สทฺท’’นฺติอาทิ. วจนตฺถํ ปน เนสํ สยเมว วกฺขติ. ฉฬารมฺมณโกวิทาติ ฉนฺนํ อารมฺมณานํ พฺยากรณกุสลา พุทฺธาทโย.

ภูเตติ จตฺตาโร มหาภูเต. อุปาทายาติ นิสฺสาย. จตุสมุฏฺิโตติ กมฺมาทีหิ จตูหิ ปจฺจเยหิ สมุฏฺิโต. นิทสฺสิตพฺพํ นิทสฺสนํ. กึ ตํ? ทฏฺพฺพภาโว จกฺขุวิฺาณสฺส โคจรภาโว, สห นิทสฺสเนนาติ สนิทสฺสโน. ปฏิหฺติ, ปฏิหนนนฺติ วา ปฏิโฆ, เยน พฺยาปาราทิวิการปจฺจยนฺตรสหิเตสุ จกฺขาทีนํ นิสฺสเยสุ วิการุปฺปตฺติ, โส สยํ นิสฺสยวเสน จ สมฺปตฺตานํ, อสมฺปตฺตานฺจ ปฏิมุขภาโว อฺมฺปตนํ ปฏิโฆติ อตฺโถ. ตตฺถ สยํ สมฺปตฺตึ โผฏฺพฺพสฺส นิสฺสยวเสน สมฺปตฺติ คนฺธรสฆานชิวฺหากายานํ. อิตเรสํ อุภยถาปิ อสมฺปตฺติ, ตสฺมา อิธ อสมฺปตฺตานํ ปฏิมุขภาโว ‘‘ปฏิโฆ’’ติ วุจฺจติ. สห ปฏิเฆนาติ สปฺปฏิโฆ, สนิทสฺสโน จ โส สปฺปฏิโฆ จาติ สนิทสฺสนสปฺปฏิโฆ. เอตฺถาห – ยสฺส ทฏฺพฺพภาโว อตฺถิ, โส สนิทสฺสโน, จกฺขุวิฺาณโคจรภาโวว ทฏฺพฺพภาโว. ตสฺส จ รูปายตนโต อนฺตฺตา กถํ สห นิทสฺสเนน สนิทสฺสโนติ ยุชฺชตีติ? วุจฺจเต – อนฺตฺเตปิ ตสฺส อฺเหิ ธมฺเมหิ รูปายตนํ วิเสเสตุํ อฺํ วิย กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สห นิทสฺสเนน สนิทสฺสน’’นฺติ. ธมฺมสภาวสามฺเน หิ เอกีภูเตสุ ธมฺเมสุ โย นานตฺตกโร วิเสโส, โส อฺํ วิย กตฺวา อุปจาริตุํ ยุตฺโต. เอวฺหิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหติ. รูปารมฺมณสฺิโตติ อยํ เอวรูโป วณฺโณ รูปารมฺมณนฺติ สฺิโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – จตฺตาโร มหาภูเต อุปาทาย เต อมุฺจิตฺวา ปวตฺตมาโน กมฺมสมุฏฺาโน จิตฺตสมุฏฺาโน อุตุสมุฏฺาโน อาหารสมุฏฺาโน จ นีลาทิวเสน ทิสฺสมาโน อินฺทฺริเยหิ ฆฏฺเฏนฺโต จ วณฺโณ รูปารมฺมณํ นามาติ.

๒๙๔-๗. จิตฺตฺจ อุตุ จ จิตฺโตตุ, เตหิ สมฺภวติ, เต วา สมฺภวา ปจฺจยา อิมสฺสาติ จิตฺโตตุสมฺภโว. สห วิฺตฺติสมุฏฺาปกวิฺาเณน ปวตฺโต สทฺโท สวิฺาณกสทฺโท, สวิฺาณกสทฺโท ปน น เกวลํ สวิฺาณกสนฺตานปฺปวตฺโตว กุจฺฉิสทฺทาทิวเสน ตสฺส อุตุสมุฏฺิตสฺสาปิ สมฺภวโต.

ธรียตีติ กลาปปรมฺปราย สนฺธารียติ. สูจนโตติ อตฺตโน วตฺถุสฺส สุปากฏกรณโต. คนฺโธ หิ ‘‘อิทํ สุคนฺธํ, อิทํ ทุคฺคนฺธ’’นฺติ ปกาเสติ, ปฏิจฺฉนฺนปุปฺผผลาทีนิ ‘‘อิทเมตฺถ อตฺถี’’ติ เปสุฺํ กโรนฺตํ วิย โหตีติ.

รสมานาติ อสฺสาทวเสน ตุสฺสมานา. รสนฺตีติ อสนฺติ, อนุภวนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถ ร-กาโร ปทสนฺธิกโร. เอวฺหิ ‘‘รสมานา นํ อสนฺตีติ รโส’’ติ นิรุตฺตินโย สุนฺทโร โหติ. อิตรถา ‘‘รสนฺติ อสฺสาเทนฺตี’’ติ วุจฺจมาเน ‘‘รสมานา’’ติ อิทํ นิรตฺถกเมว สิยา. อถ วา ‘‘รสมานา’’ติ อิโต ร-การํ, ‘‘รสนฺตี’’ติ อิโต ส-การฺจ คเหตฺวา ‘‘รโส’’ติ นิรุตฺตินโย ทฏฺพฺโพ.

๒๙๘. ผุสียตีติ ฆฏฺฏียติ. กึ ตํ โผฏฺพฺพํ นามาติ อาห ‘‘ปถวีเตชวายโว’’ติ. อิมินา ธาตุตฺตยเมว กายวิฺาณวิฺเยฺยภาวสงฺขาตโผฏฺพฺพํ นาม, น อฺนฺติ ทสฺเสติ. กสฺมา ปเนตฺถ อาโปธาตุ น คหิตา, นนุ สีตตา ผุสิตฺวา คยฺหติ, สา จ อาโปธาตุ เอวาติ? สจฺจํ คยฺหติ, น ปน อาโปธาตุ, กิฺจรหิ เตโชธาตุ เอว. มนฺเท หิ อุณฺหภาเว สีตวุทฺธิ, น สีตตา นาม โกจิ คุโณ อตฺถิ. เกวลํ ปน อุณฺหภาวสฺส มนฺทตาย สีตตาภิมาโน. กถํ ปเนตํ วิฺาตพฺพนฺติ เจ? สีตวุทฺธิยา อนวฏฺิตภาวโต ปาราปาเร วิย. ตถา หิ ฆมฺมกาเล อาตเป ตฺวา ฉายํ ปวิฏฺานํ สีตวุทฺธิ โหติ, ตตฺเถว ปถวีคพฺภโต อุฏฺิตานํ อุณฺหวุทฺธิ จ. กิฺจรหิ หิมปาตสมยาทีสุ สีตสฺส ปริปาจกตฺตทสฺสนโต จ เตโชธาตุ เอว สีตตาติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ จ สีตตา อาโปธาตุ สิยา, เอกสฺมึ กลาเป อุณฺหภาเวน สทฺธึ อุปลพฺเภยฺย ทฺวินฺนํ ธาตูนํ อวินิพฺโภคปฺปวตฺติโต, น จ ปเนวํ อุปลพฺภติ, ตสฺมา ายติ ‘‘น อาโปธาตุ สีตตา’’ติ. อิทํ จตุมหาภูตานํ อวินิพฺโภควุตฺติตํ อิจฺฉนฺตานํ อุตฺตรํ, อนิจฺฉนฺตานมฺปิ ปน จตุนฺนํ มหาภูตานํ เอกสฺมึ กลาเป กิจฺจทสฺสเนน สภาควุตฺติตาย สาธิตาย อิทเมว อุตฺตรํ. เกจิ ปน ‘‘วาโยธาตุ สีตตา’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ อิทเมว อุตฺตรํ. ยทิ วาโยธาตุ สีตตา สิยา, เอกสฺมึ กลาเป อุณฺหภาเวน สทฺธึ อุปลพฺเภยฺย, น จ ปเนวํ อุปลพฺภติ, ตสฺมา วิฺายติ ‘‘น วาโยธาตุ สีตตา’’ติ. เย ปน วทนฺติ ‘‘ทฺรวตา อาโปธาตุ, สา จ ผุสิตฺวา คยฺหตี’’ติ, เต วตฺตพฺพา ‘‘ทฺรวภาโวปิ นาม ผุสียตีติ อิทํ อายสฺมนฺตานํ อธิมานมตฺตํ สณฺาเน วิยา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –

‘‘ทฺรวภาสหวุตฺตีนิ, ตีณิ ภูตานิ สมฺผุสํ;

ทฺรวตํ สมฺผุสามีติ, โลโกยมภิมฺติ.

‘‘ภูเต ผุสิตฺวา สณฺานํ, มนสา คยฺหเต ยถา;

ปจฺจกฺขโต ผุสามีติ, าตพฺพา ทฺรวตา ตถา’’ติ.

๒๙๙. สพฺพํ นามนฺติ สพฺพํ จิตฺตเจตสิกนิพฺพานสมฺมตํ นามํ. จิตฺตเจตสิกฺหิ อารมฺมณํ ปติ นมนโต นามํ. นิพฺพานํ ปน จิตฺตเจตสิกสฺส อตฺตานํ ปติ นามนโต นามํ. รูปนฺติ นิปฺผนฺนรูปํ. กึ อวิเสเสนาติ เจ, โนติ อาห ‘‘หิตฺวา รูปาทิปฺจก’’นฺติ. ลกฺขณานีติ อนิจฺจาทิลกฺขณานิ. ปฺตฺตีติ นามุปาทายวเสน ทุวิธา ปฺตฺติ.

๓๐๐. อิมานิ ปน ฉพฺพิธานิ อารมฺมณานิ สพฺพานิ สพฺพตฺถ ลพฺภนฺติ, อุทาหุ กตฺถจิ กานิจีติ อาห ‘‘ฉฬารมฺมณานี’’ติอาทิ. ตีณิ รูเปติ รูปาวจรภูมิยํ รูปสทฺทธมฺมวเสน ตีณิ อารมฺมณานิ ลพฺภนฺติ. ฆานาทิตฺตยสฺส ปน ตตฺถ อภาวโต คนฺธารมฺมณาทีนิ ธมฺมารมฺมณโต วิสุํ น ลพฺภนฺติ. อรูปภเว ปน สพฺพโส รูปานํ อภาวโต เอกํ ธมฺมารมฺมณเมว ลพฺภติ, น อฺนฺติ อาห ‘‘อรูเป ธมฺมารมฺมณเมกก’’นฺติ. นนุ จ อรูปภวโต จวิตฺวา กามภเว นิพฺพตฺตนฺตานํ อรูปภเวเยว คตินิมิตฺตวเสน รูปารมฺมณํ อุปฏฺาตีติ? สจฺจํ อุปฏฺาติ, ตํ ปน กามภเวเยว อารมฺมณํ. อุปปชฺชิตพฺพภวสฺมิฺหิ วณฺโณ คตินิมิตฺตวเสน อุปฏฺาติ.

๓๐๑-๒. เอวํ ฉ อารมฺมณานิ สรูปโต, ปวตฺติปฺปเภทโต จ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ อภยคิริวาสีนํ กิฺจิ วิปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา ตํ ปฏิกฺขิปิตุํ ‘‘ขณวตฺถุปริตฺตตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ขณวตฺถุปริตฺตตฺตาติ ขณสฺส เจว วตฺถุโน จ ปริตฺตตฺตา. เย รูปาทโยติ สมฺพนฺโธ. เยสนฺติ เยสํ อาจริยานํ ลทฺธิ. เยสนฺติ วา ธมฺมารมฺมเณน สห สมฺพนฺธีภาวโต, วุตฺตํ ววตฺถาปกตฺตา จ. เต หิ ธมฺมารมฺมณํ ววตฺถาเปนฺโต อตฺตนา สห ตํ สมฺพนฺเธนฺติ, ตสฺมา ธมฺมารมฺมเณน สห สมฺพนฺธีภาวาเปกฺขาย ‘‘เยส’’นฺติ สามิวจนนฺติ. อิมินา ปน อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย รูปาทโย ปฺจ อารมฺมณา สนฺตตฺตอโยคุเฬ ปติตชลพินฺทุ วิย ปริตฺตกฺขณิกา, ทิพฺพจกฺขุนา อสกฺกุเณยฺยคฺคหณา ปรมาณุ วิย ปริตฺตวตฺถุกา, ตโต จ สกสกวิฺาณานํ อาปาถํ น คจฺฉนฺติ, เกวลํ ปน มโนวิฺาณสฺเสว โคจรา, เต ธมฺมารมฺมณํ นามาติ เยสํ ลทฺธิ, เต เยสํ วา ธมฺมารมฺมณํ นามาติ. เอเตเนว จ อตีตานาคตภาเวน อติทูรอจฺจาสนฺนภาเวน, กุฏฺฏาทิอนฺตริตาภาเวน จ อาปาถํ อนาคจฺฉนฺตานมฺปิ รูปาทีนํ สงฺคโห กโต โหตีติ. เอวํลทฺธิกา ปน เต –

‘‘อิเมสํ โข, อาวุโส, ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ นานาวิสยานํ นานาโคจรานํ น อฺมฺสฺส โคจรวิสยํ ปจฺจนุโภนฺตานํ มโน ปฏิสฺสรณํ, มโน จ เนสํ โคจรวิสยํ ปจฺจนุโภตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๕) –

อิทํ สุตฺตํ อาหริตฺวา ปฏิกฺขิปิตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เต ปฏิกฺขิปิตพฺพาวา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปฏิกฺขิปิตพฺพาวาติ น อนุวตฺติตพฺพา. อฺมฺ…เป… โภนฺตานนฺติ จกฺขุนฺทฺริยํ โสตินฺทฺริยสฺส โคจรํ น ปจฺจนุโภติ, ตถา ‘‘โสตินฺทฺริยํ จกฺขุนฺทฺริยสฺสา’’ติอาทินา อฺมฺสฺส อารมฺมณํ เนว ปจฺจนุโภนฺตานํ นานุภวนฺตานํ น คณฺหนฺตานํ. เตสนฺติ เตสํ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ.

๓๐๓. ตฺจ โคจรํ มโน ปจฺจนุโภตีติ สมฺพนฺโธ. ตํ รูปาทิปฺจวิธํ อารมฺมณํ -สทฺเทน ธมฺมารมฺมณฺจ มโน ปจฺจนุโภติ, จิตฺตํ อารมฺมณํ กโรตีติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยทิ จกฺขาทีนมาปาถคตานิ วินา อวเสสา ธมฺมารมฺมณา โหนฺติ, ตทา ตํวิสยํ จิตฺตํ ปฺจินฺทฺริยานํ วิสยํ ปจฺจนุโภนฺตํ นาม น โหติ, อตฺตโนเยว ปน วิสยํ ปจฺจนุโภนฺตํ นาม โหติ. เอวฺจ สติ มโนว เตสํ โคจรวิสยํ ปจฺจนุโภตีติ ทุปฺปริหาริยํ ภเวยฺย, น จ ตํ สุตฺตวจนํ สกฺกา อติกฺกเมตุํ, ตสฺมา วุตฺตนเยน จกฺขาทีนํ อนาปาถคตาปิ มโนโคจรา รูปาทโย รูปาทิอารมฺมณาเนว โหนฺติ, น ธมฺมารมฺมณาติ. ยทิ รูปารมฺมณํ จิตฺตํ อตฺตโน วิสยํ นานุโภติ, ปรวิสยเมว อนุโภติ, กถํ ทสฺสนาทิกิจฺจํ น กโรติ? ตํตํกิจฺจานํ นิสฺสยภูตสฺส วตฺถุโน อนิสฺสิตตฺตา. กถฺจรหิ ปฺจินฺทฺริยานํ วิสยํ ปจฺจนุโภติ นาม? ทสฺสนาทิกิจฺจสฺส อกรเณปิ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ทิฏฺาทิอาการสฺเสว คหณโต ปฺจินฺทฺริยานํ วิสยํ ปจฺจนุโภติ นาม. ยทิ หิ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ทิฏฺาทิอาการํ น คณฺหาติ, รูปาทีนํ นีลตฺตาทิวเสน ชานนํ มโนวิฺาณเมว กโรติ, น ปฺจวิฺาณานีติ ตถา ชานนเมว น โหติ. ตสฺส ปน อตฺถิตาเยเวตํ วิฺาตพฺพํ – อนาปาถคตรูปาทารมฺมณํ จิตฺตํ อตฺตโน วิสยํ น ปจฺจนุโภติ นาม. อถ โข ปฺจินฺทฺริยานํ วิสยเมว ปจฺจนุโภตีติ. อถ สิยา, น มยํ จิตฺตสฺส ปฺจินฺทฺริยวิสยานุภวนํ ปฏิกฺขิปาม, ตสฺส ปน อนุภวนํ ทสฺสนาทิกิจฺจวิรเหน ธมฺมารมฺมณวเสเนวาติ เจ? ตมฺปิ น, สุตฺเต ตถา อาคตฏฺานสฺส อภาวโต. ยทิ หิ จิตฺตํ ทสฺสนาทิกิจฺจวิรเหน ปฺจินฺทฺริยวิสยํ ธมฺมารมฺมณวเสเนว ปจฺจนุโภติ, ปฺจินฺทฺริยานํ วิสยํ ปจฺจนุภวมานา มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุปิ ธมฺมารมฺมณาเยว สิยา, เอวฺจ สติ ‘‘ธมฺมายตนํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ปฏฺาเน วตฺตพฺพํ สิยา, ตถา ปน อวตฺวา –

‘‘รูปายตนํ สทฺทายตนํ คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฏฺพฺพายตนํ มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒),

‘‘รูปายตนํ…เป… ธมฺมายตนํ มโนวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ จ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) –

วุตฺตตฺตา ปฺจินฺทฺริยานํ วิสยํ ปจฺจนุโภนฺตี มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุ ตํปฺจินฺทฺริยานํ วิสยวเสน ปจฺจนุโภติ, น ธมฺมายตนวเสนาติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.

๓๐๔-๕. เอวํ เอเกนากาเรน ปฏิกฺเขปวิธึ ทสฺเสตฺวา ปุน อปเรนปิ การเณน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ทิพฺพจกฺขาที’’ติอาทิ. อาทิ-คฺคหเณน ทิพฺพโสตาณคฺคหณํ. อิติปิ น ยุชฺชตีติ น เกวลํ ปุพฺเพ วุตฺเตเนว การเณน, อถ โข อิมินาปิ การเณน น ยุชฺชตีติ วุตฺตํ โหติ. ยทิปิ จกฺขาทีนํ อนาปาถคตรูปาทีนิ ธมฺมารมฺมณา นาม โหนฺติ, ตทา ทิพฺพจกฺขาทีนิ รูปาทิอารมฺมณานิ น สิยุํ เตสํ ปสาทวิสยานํ รูปสทฺทานํ ปริคฺคณฺหนโต, เอวฺจ สติ สุตฺเตสุ ทิพฺพจกฺขุทิพฺพโสตานํ ธมฺมารมฺมณตาว วตฺตพฺพา, น รูปาทิอารมฺมณตา, วุตฺตา จ สา, ตสฺมา จกฺขาทีนํ อวิสยา รูปาทโย รูปาทารมฺมณาเนว, น ธมฺมารมฺมณาติ. เตเนว จ ธมฺมสงฺคเหปิ –

‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา สทฺทารมฺมณํ วา คนฺธารมฺมณํ วา รสารมฺมณํ วา โผฏฺพฺพารมฺมณํ วา ธมฺมารมฺมณํ วา, ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหตี’’ติ (ธ. ส. ๑) –

วุตฺตํ. กิฺจ อนาปาถคตานํ ธมฺมารมฺมณตฺเต สพฺพฺุตฺาณํ รูปาทิอารมฺมณํ น โหตีติ อาปชฺชตีติ. เอวํ สตีติ ยทิ กทาจิ รูปาทิอารมฺมณํ หุตฺวา กทาจิ ธมฺมารมฺมณํ โหติ, กทาจิ ธมฺมารมฺมณํ หุตฺวา กทาจิ รูปาทิอารมฺมณํ โหติ, ตทา เตสํ รูปาทิอารมฺมณานํ นิยโมปิ กถํ ภเว ‘‘อิทํ รูปาทิอารมฺมณํ, อิทํ ธมฺมารมฺมณ’’นฺติ นิยโม น ภเวยฺย, อารมฺมณสงฺกโร ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

๓๐๖. เอวํ ฉพฺพิธํ อารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิสฺส อนนฺตรเภทํ ปริตฺตารมฺมณาทิตฺติกวเสน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สพฺพํ อารมฺมณ’’นฺติอาทิ. ฉพฺพิธํ ปริตฺตตฺติกาทิกํ ตํ เอตํ สพฺพํ อารมฺมณนฺติ สมฺพนฺโธ. ปริตฺตตฺติกาทีนนฺติ ปริตฺตารมฺมณตฺติกาทีนํ. ปริตฺตารมฺมณตฺติโก หิ อิธ ‘‘ปริตฺตตฺติโก’’ติ วุตฺโต มชฺฌปทโลปวเสน. อาทิ-คฺคหเณน มคฺคารมฺมณตฺติโก อตีตารมฺมณตฺติโก อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติโกติ อิเมสํ ติณฺณํ ติกานํ สงฺคโห. ตตฺถ ‘‘ปริตฺตารมฺมณา ธมฺมา, มหคฺคตารมฺมณา ธมฺมา, อปฺปมาณารมฺมณา ธมฺมา’’ติ เอวมาคโต ปริตฺตารมฺมณตฺติโก. อาทิปทวเสน ‘‘มคฺคารมฺมณา ธมฺมา, มคฺคเหตุกา ธมฺมา, มคฺคาธิปติโน ธมฺมา’’ติ เอวมาคโต มคฺคารมฺมณตฺติโก. ‘‘อตีตารมฺมณา ธมฺมา, อนาคตารมฺมณา ธมฺมา, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ธมฺมา’’ติ เอวมาคโต อตีตารมฺมณตฺติโก. ‘‘อชฺฌตฺตารมฺมณา ธมฺมา, พหิทฺธารมฺมณา ธมฺมา, อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา ธมฺมา’’ติ เอวมาคโต อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติโกติ เวทิตพฺพํ.

๓๐๗-๙. กฺริยาเหตุทฺวยนฺติ อเหตุกกิริยทฺวยํ หสิตุปฺปาทมโนธาตุ อิตรสฺส มหคฺคตาทิอารมฺมณตาวเสนาปิ วกฺขมานตฺตา. ‘‘อิฏฺาทิเภทา’’ติอาทิ ปริตฺตารมฺมณภาววิภาวนํ. อิฏฺาทิเภทาติ อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตอนิฏฺอนิฏฺมชฺฌตฺตเภทา. ปฏิปาฏิยาติ ‘‘รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส, สทฺโท โสตวิฺาณสฺสา’’ติอาทินา อนุกฺกมโต. รูปาทิ…เป… ตฺตยสฺส ตูติ กิริยามโนธาตุยา เจว กุสลากุสลวิปากวิภาควเสน ทฺวินฺนํ มโนธาตูนฺจ สพฺพํ รูปาทิปฺจกโคจรํ. ตา หิ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปุริมปจฺฉิมา หุตฺวา นิยตา รูปาทีเนว อารพฺภ ปวตฺตนฺติ.

๓๑๑. กามธาตุยนฺติ กามภเว. ตตฺถ หิ เนสํ สพฺเพสํ วตฺถารมฺมณานิ อุปลพฺภนฺติ. จตฺตารีติ เตสฺเวว กิริยามโนธาตุ, กุสลวิปากจกฺขุโสตวิฺาณานิ, ตถา สมฺปฏิจฺฉนนฺติ อิมานิ จตฺตาริ จิตฺตานิ. เสสานิ ปน วตฺถารมฺมณาภาเวน ตตฺถ นุปฺปชฺชนฺติ. เนว กิฺจีติ วตฺถารมฺมณานํ สพฺพโส อภาวโต เอเตสุ กิฺจิ น ชายติ.

๓๑๒-๓. ‘‘มหาปากาน’’นฺติอาทิ ปมปริจฺเฉเท วุตฺตตฺถเมว. ปฏุปฺปนฺนาติ ปจฺจุปฺปนฺนา.

๓๑๔. เอวํ ปริตฺตารมฺมเณ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มหคฺคตารมฺมเณ อปฺปมาณารมฺมเณ จ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุติยารุปฺปจิตฺตฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทุติยารุปฺปจิตฺตํ ปมารุปฺปารมฺมณโต, จตุตฺถารุปฺปํ ตติยารุปฺปารมฺมณโต มหคฺคตารมฺมณํ. ฉพฺพิธนฺติ กุสลวิปากกิริยาวเสน ปจฺเจกํ ติวิธตาย ฉปฺปการํ.

๓๑๖-๒๐. าณํ ปริหีนํ เอเตสํ, าณโต ปริหีนาติ วา าณหีนา. ปริตฺตารมฺมณา…เป… โหนฺติ เตติ อฏฺ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา เสขปุถุชฺชนขีณาสวานํ กทาจิ นิรุสฺสุกฺกภาเวน อาทรากรณวเสน อกมฺมฺสรีรตาอฺวิหิตตาหิ วา อสกฺกจฺจทานปจฺจเวกฺขณธมฺมสฺสวนาทีสุ อติปคุณวิปสฺสนาย จ กามาวจรธมฺเม อารพฺภ ปวตฺติกาเล ปริตฺตารมฺมณา. อติปคุณานํ ปมชฺฌานาทีนํ ปจฺจเวกฺขณกาเล มหคฺคตารมฺมณา. กสิณนิมิตฺตาทิปฺตฺติปจฺจเวกฺขณกาเล ปริตฺตารมฺมณาทิวเสน นวตฺตพฺพา. อกุสเลสุ จตฺตาโร ทิฏฺิสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา จตุปฺาสกามาวจรธมฺมานํ, รูปสฺส จ ‘‘อตฺตา สตฺโต’’ติ ปรามสนอสฺสาทนาภินนฺทนกาเล ปริตฺตารมฺมณา. เตเนวากาเรน สตฺตวีสติมหคฺคตธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตกาเล มหคฺคตารมฺมณา. ปณฺณตฺติธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตนกาเล สิยา นวตฺตพฺพา ปริตฺตารมฺมณาทิวเสน. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตานิ เตเยว ธมฺเม อารพฺภ วินา ปรามาเสน อสฺสาทนาภินนฺทนวเสน ปวตฺติยํ, ปฏิฆสมฺปยุตฺตานิ โทมนสฺสวเสน ปวตฺติยํ, วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตํ ทฺเวฬฺหกภาเวน, อุทฺธจฺจสหคตํ วิกฺขิปนวเสน, อวูปสมวเสน จ ปวตฺติยํ ปริตฺตมหคฺคตนวตฺตพฺพารมฺมณาติ เวทิตพฺพา. กฺริยโตปิ จ ตถาติ กิริยจิตฺตโตปิ าณสมฺปยุตฺตา จตฺตาโรติ อตฺโถ. กฺริยาโวฏฺพฺพนนฺติ สรูปกถนเมตํ, น ปน กุสลากุสลวิปากโวฏฺพฺพนสฺส วิชฺชมานตฺตา.

ติวิโธ โหติ โคจโรติ ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณวเสน ติวิโธปิ โคจโร โหติ. กถํ? กุสลกิริยาวเสน อฏฺ าณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา เสขปุถุชฺชนขีณาสวานํ สกฺกจฺจทานปจฺจเวกฺขณธมฺมสฺสวนวิปสฺสนาทีสุ กามาวจรธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตกาเล กามาวจรารมฺมณิกอภิฺาย ปริกมฺมานุโลมกาเล จ ปริตฺตารมฺมณา. ปมชฺฌานาทิปจฺจเวกฺขณกาเล มหคฺคตารมฺมณฌานาทีนํ ปริกมฺมกาเล มหคฺคตธมฺเม อารพฺภ สมฺมสนกาเล จ มหคฺคตารมฺมณา โหนฺติ. ยถาลาภํ โคตฺรภุโวทานกาเล ปน โลกุตฺตรํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขณกาเล จ นิพฺพานารมฺมณาภิฺาย ปริกมฺมกาเล จ อปฺปมาณารมฺมณา. ปณฺณตฺติปจฺจเวกฺขณกาเล ปณฺณตฺตารมฺมณิกฌานาภิฺานํ ปริกมฺมกาเล จ นวตฺตพฺพา. อภิฺาทฺวยสฺส ปริตฺตาทิอารมฺมณตํ สตฺตรสมปริจฺเฉเท วกฺขติ. กิริยาโวฏฺพฺพนมฺปิ ยถาวุตฺตธมฺมานํ ตํตํอารมฺมเณ ปวตฺตมานานํ ปุเรจรํ หุตฺวา ตํ ตเทว อาวชฺชนฺตํ ปวตฺตตีติ ปริตฺตาทิอารมฺมณํ. ปฺจทฺวาเร โวฏฺพฺพนวเสน ปวตฺติยํ ปริตฺตารมฺมณเมว.

วุตฺตาวเสสานีติ ยถาวุตฺเตหิ อวสิฏฺานิ ปนฺนรส รูปาวจรานิ ปมตติยานิ, ฉ อรูปาวจรกุสลวิปากกิริยจิตฺตานีติ เอกวีสติ จิตฺตานิ. นวตฺตพฺพารมฺมณานีติ ปริตฺตาทิวเสน นวตฺตพฺพสฺส กสิณาทินิมิตฺตสตฺตปฺตฺติอากาสวิฺาณาภาวสฺส อารมฺมณกรณโต นวตฺตพฺพารมฺมณานิ.

ปริตฺตารมฺมณตฺติกํ สมตฺตํ.

๓๒๑-๒. เอวํ ปริตฺตารมฺมณตฺติกวเสน วิสยีวิภาคํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา อปฺปมาณารมฺมณนิทฺเทเสเนว มคฺคารมฺมณตฺติกสงฺคหิโตปิ วิสยีวิภาโค นิทฺทิฏฺโ โหติ, ตสฺมา ตํ ปหาย อตีตารมฺมณตฺติกวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ทุติยารุปฺปจิตฺตฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทุติยารุปฺปจิตฺตํ อตีตสฺส ปมารุปฺปวิฺาณสฺส อารมฺมณกรณโต, จตุตฺถารุปฺปํ ตติยารุปฺปสฺส อารมฺมณกรณโต เอกนฺตอตีตารมฺมณํ. ปจฺจุปฺปนฺนาว โคจราติ รูปาทิมฺหิ ธรมาเนเยว ปฺจทฺวาริกจิตฺตานํ อุปฺปชฺชนโต. อนาคตารมฺมณํ ปน นิยตํ กิฺจิ นตฺถิ อนาคตํสาณสฺสปิ ปฺจมชฺฌานโต อภินฺนตฺตา.

๓๒๔-๖. สิยา…เป… นาคตโคจราติ อฏฺ ตาว มหาวิปากา เทวมนุสฺสานํ ปฏิสนฺธิคฺคหณกาเล กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา อารพฺภ ปวตฺติยํ อตีตารมฺมณา. ภวงฺคจุติกาเลปิ เอเสว นโย. คตินิมิตฺตํ ปน กทาจิ กมฺมนิมิตฺตฺจ อารพฺภ ปฏิสนฺธิคฺคหณกาเล, ตทนนฺตรํ ภวงฺคกาเล จ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา, ตถา ปฺจทฺวาเร ตทารมฺมณวเสน ปวตฺติยํ. มโนทฺวาเร ปน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณานํ ชวนานํ อารมฺมณํ คเหตฺวา ปวตฺติยํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา. กุสลากุสลวิปากาเหตุกอุเปกฺขาสหคตมโนวิฺาณธาตุทฺวเยปิ เอเสว นโย. เกวลฺหิ ตา ยถากฺกมํ มนุสฺเสสุ ชจฺจนฺธาทีนํ, อปาเยสุ จ สพฺเพสํ ปฏิสนฺธิ โหนฺติ. ปฺจทฺวาเร จ สนฺตีรณกาเล ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาว โหนฺตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. โสมนสฺสสหคตา ปน ปฺจทฺวาเร สนฺตีรณวเสน, ตทารมฺมณวเสน จ ปวตฺติกาเล ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา, มโนทฺวาเร จ ตทารมฺมณกาเล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาติ เวทิตพฺพา. หสิตุปฺปาทจิตฺตํ ปน ขีณาสวานํ ปฺจทฺวาเร หฏฺปหฏฺาการํ กุรุมานานํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติ, มโนทฺวาเร อตีตาทิเภเท ธมฺเม อารพฺภ หสิตุปฺปาทวเสน ปวตฺติยํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ. ‘‘กุสลากุสลา’’ติอาทีสุ กุสเลสุ ตาว จตฺตาโร าณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา เสขปุถุชฺชนานํ, อตีตาทิเภทานิ ขนฺธธาตุอายตนานิ สมฺมสนกาเล, ปจฺจเวกฺขณกาเล, อตีตาทิอารมฺมณิกอภิฺานํ ปริกมฺมกาเล จ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา. ปฺตฺตินิพฺพานปจฺจเวกฺขณกาเล, โคตฺรภุโวทานกาเล, ปฺตฺตินิพฺพานารมฺมณิกอภิฺานํ ปริกมฺมาทิกาเล จ นวตฺตพฺพารมฺมณา. ปฺตฺตินิพฺพานานิ หิ อิธ อตีตาทิกาลวเสน นวตฺตพฺพานีติ ตทารมฺมณานิ อตีตารมฺมณาทิวเสน นวตฺตพฺพานิ. เตนาห ‘‘สนฺตปฺตฺติกาเลปี’’ติ, ยถาสมฺภวํ สนฺตสฺส นิพฺพานสฺส, ปฺตฺติยา จ อารมฺมณกรณกาเลติ อตฺโถ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘สนฺเต ปฺตฺติกาเลสู’’ติ ลิขนฺติ, โส อปาโ. ตสฺส ปน อปาภาวํ อชานนฺตา อตฺถหานิมฺปิ อสลฺลกฺเขตฺวา วจนวิปลฺลาสวเสน ปฺตฺติกาลสฺมึ สตีติ อตฺถํ ลิขนฺติ. าณวิปฺปยุตฺตานิปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. เกวลฺหิ เตสํ มคฺคผลนิพฺพานปจฺจเวกฺขณานิ นตฺถิ. าณวิรเหน โลกุตฺตรธมฺมารมฺมเณ อสมตฺถภาวโตติ อยเมว วิเสโส.

อกุสเลสุ จตฺตาโร ทิฏฺิสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา อตีตาทิเภทานํ เตภูมกธมฺมานํ อสฺสาทนาภินนฺทนปรามสนกาเล อตีตาทิอารมฺมณา. ตเถว ปฺตฺตึ อารพฺภ ปวตฺติกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณา. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเตสุปิ เอเสว นโย. เกวลฺหิ ตตฺถ ปรามาสคฺคหณํ นตฺถิ. ทฺเว ปฏิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา อตีตาทิเภเท ธมฺเม อารพฺภ ทุสฺสนกาเล อตีตาทิอารมฺมณา, ปณฺณตฺตึ อารพฺภ ทุสฺสนกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณา. วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตา เตสุ ธมฺเมสุ อนิฏฺงฺคตภาเวน จ อวูปสมวิกฺเขปวเสน จ ปวตฺติยํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนนวตฺตพฺพารมฺมณา. กิริยาสุ อฏฺ สเหตุกจิตฺตุปฺปาทา กุสลจิตฺตุปฺปาทคติกา เอว. ตตฺถ หิ าณสมฺปยุตฺตา กุสเลสุ าณสมฺปยุตฺเตหิ, าณวิปฺปยุตฺตา าณวิปฺปยุตฺเตหิ สมานา. เกวลํ ปน เต เสขปุถุชฺชนานํ อุปฺปชฺชนฺติ, อิเม ขีณาสวานนฺติ อยเมเวตฺถ วิเสโส. กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ ปน อุเปกฺขาสหคตา ปฺจทฺวาเร โวฏฺพฺพนวเสน ปวตฺติยํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา, มโนทฺวาเร อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณานฺเจว ปฺตฺตินิพฺพานารมฺมณานฺจ ชวนานํ ปุเรจาริกกาเล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนนวตฺตพฺพารมฺมณา. อภิฺาทฺวยสฺส อตีตาทิอารมฺมณตํ วกฺขติ. นวตฺตพฺพา…เป… อาทินาติ กสิณนิมิตฺตาทิปฺตฺตารมฺมณตฺตา อตีตารมฺมณาทินา นวตฺตพฺพา.

๓๒๗. กฺริยา ปฺจาติ าณสมฺปยุตฺตา จตสฺโส, อเหตุกมโนวิฺาณธาตุ อุเปกฺขาสหคตาติ อิมา ปฺจ กิริยา. รูปโต ปฺจมี กฺริยาติ รูปาวจรปฺจมชฺฌานสงฺขาตา กิริยาภิฺา จ. นตฺถิ กิฺจิ อโคจรนฺติ อตีตาทิเภเทสุ, กาลวิมุตฺเตสุ จ อโคจรํ นาม กิฺจิ นตฺถิ, สพฺพเมว เนสํ โคจรํ โหตีติ อตฺโถ.

อตีตารมฺมณตฺติกํ.

วุตฺตนยานุสาเรเนว อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติกสงฺคหิโตปิ วิสยีวิภาโค สกฺกา วิฺาตุนฺติ โส วิสุํ น อุทฺธโฏ. สรูปโต ปเนส เอวํ เวทิตพฺโพ – วิฺาณฺจายตนํ เนวสฺานาสฺายตนนฺติ อิเม ตาว กุสลวิปากกิริยาวเสน ฉ จิตฺตุปฺปาทา อตฺตโน สนฺตานสมฺพนฺธํ เหฏฺิมํ สมาปตฺตึ อารพฺภ ปวตฺตนโต อชฺฌตฺตารมฺมณา. รูปาวจรจตุกฺกชฺฌานานิ, ปมตติยารูปฺปานิ, โลกุตฺตรกุสลวิปากานิ จ นิยกชฺฌตฺตโต พหิภาเวน พหิทฺธาภูตานิ ปถวีกสิณาทีนิ อารพฺภ ปวตฺติโต พหิทฺธารมฺมณานิ. สพฺเพว กามาวจรกุสลากุสลาพฺยากตา ธมฺมา รูปาวจรปฺจมชฺฌานฺจ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณานิ. ตตฺถ กามาวจรกุสลโต จตฺตาโร าณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา อตฺตโน ขนฺธาทีนิ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อชฺฌตฺตารมฺมณา, ปเรสํ ขนฺธาทิปจฺจเวกฺขเณ, ปณฺณตฺตินิพฺพานปจฺจเวกฺขเณ จ พหิทฺธารมฺมณา, ตทุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา. าณวิปฺปยุตฺเตสุปิ เอเสว นโย. เกวลฺหิ เตสํ นิพฺพานปจฺจเวกฺขณา นตฺถิ. อกุสลาปิ อตฺตโน ขนฺธาทีนํ อสฺสาทนาภินนฺทนปรามาสาทิกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณา, ปรสฺส ขนฺธาทีสุ เจว อนินฺทฺริยพทฺธรูปกสิณาทีสุ จ ตเถว ปวตฺติกาเล พหิทฺธารมฺมณา, ตทุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา. ทฺเวปฺจวิฺาณานิ, ติสฺโส จ มโนธาตุโยติ อิเม เตรส จิตฺตุปฺปาทา อตฺตโน รูปาทีนิ อารพฺภ ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตารมฺมณา, ปรสฺส รูปาทีสุ ปวตฺตา พหิทฺธารมฺมณา, ตทุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา, โสมนสฺสสหคตํ สนฺตีรณํ ปฺจทฺวาเร สนฺตีรณตทารมฺมณวเสน อตฺตโน ปฺจรูปาทิธมฺเม มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสน อฺเปิ อชฺฌตฺติเก กามาวจรธมฺเม อารพฺภ ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตารมฺมณา, ปเรสํ ธมฺเมสุ ปวตฺตมานา พหิทฺธารมฺมณา, ตทุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณา. อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณทฺวเยปิ เอเสว นโย.

เกวลํ ปน ตํ สุคติทุคฺคตีสุ ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติวเสนาปิ อชฺฌตฺตาทิเภเทสุ กมฺมาทีสุ ปวตฺตติ. อฏฺ มหาวิปากานิ ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติตทารมฺมณวเสน อชฺฌตฺตาทิเภเทสุ ธมฺเมสุ ปวตฺตนโต อชฺฌตฺตาทิอาลมฺพณานิ. หสิตุปฺปาทมฺปิ อตฺตโน รูปาทีนิ อารพฺภ ปหฏฺาการกรณวเสน ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส รูปาทีสุ ปวตฺตํ พหิทฺธารมฺมณํ. มโนทฺวาเรปิ อตฺตโน กตกิริยปจฺจเวกฺขเณน หสิตุปฺปาทเน อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปเรสํ กตกิริยปจฺจเวกฺขเณน พหิทฺธารมฺมณํ, ตทุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํ. มโนทฺวาราวชฺชนํ ปน มโนทฺวาเร อาวชฺชนวเสน, ปฺจทฺวาเร จ โวฏฺพฺพนวเสน ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตาทิอารมฺมณํ. อฏฺ มหากิริยา กุสลคติกาเยว. เกวลฺหิ ตา ขีณาสวานํ อุปฺปชฺชนฺติ, กุสลานิ เสขปุถุชฺชนานนฺติ เอตฺตกเมว นานตฺตํ. รูปาวจรปฺจมชฺฌานสฺส อชฺฌตฺตาทิอารมฺมณตํ วกฺขติ.

๓๒๙. ‘‘ผลํ, มคฺค’’นฺติ จ สามฺเน ปุจฺฉิตตฺตา อาห ‘‘จตฺตาโร…เป… ปุฺโต’’ติ.

๓๓๒-๔. อรหตฺตมคฺคผลานิ ปน เต ชานิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตถา กุสลาภิฺา จ. เตนาห ‘‘สพฺเพสุ ปนา’’ติอาทิ. โวฏฺพฺพนสฺส อาวชฺชนกิจฺจสมยํ สนฺธาย คาถาพนฺธสุขตฺถํ ‘‘โวฏฺพฺพนมฺปิ จา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘จตฺตาโร…เป… ปุฺโต’’ติ อิทํ าณสมฺปยุตฺตสฺสาปิ เสขปุถุชฺชนสนฺตานปฺปวตฺตสฺส อคฺคมคฺคผลชานเน อสมตฺถตาย นิทสฺสนมตฺตํ. กุสลาภิฺาจิตฺตมฺปิ ปน ตํ โคจรํ กาตุมสมตฺถเมว. เอวฺจ กตฺวา เหฏฺา ‘‘กฺริยาภิฺา มโนธาตู’’ติ วุตฺตํ.

๓๓๕-๘. กสฺมาติ การณปุจฺฉา. ‘‘อรหโต’’ติอาทิ วิสฺสชฺชนํ. หิ-สทฺโท ‘‘ยสฺมา’’ติ อิมสฺส อตฺเถ. ยสฺมา ปุถุชฺชนา วา เสขา วา อรหโต มคฺคจิตฺตํ, ผลมานสฺจ ชานิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมาติ อตฺโถ. อยฺจ เนสํ อสมตฺถตา อนธิคตตฺตา อนธิคเต จ วิสเย สพฺเพสมฺปิ โมโห อตฺเถวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุถุชฺชโน น ชานาตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสตาปนฺนสฺส มานสนฺติ โสตาปนฺนสฺส ปาฏิปุคฺคลิกํ มคฺคผลสงฺขาตโลกุตฺตรมานสํ. เอวํ ‘‘สกทาคามิสฺส มานส’’นฺติอาทีสุปิ. โลกิยมานสํ ปน อรหนฺตสฺสาปิ ชานาติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อถ โข มาโร ปาปิมา ภควโต เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺายา’’ติ. วุตฺตเมวตฺถํ สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เหฏฺิโม เหฏฺิโม’’ติอาทิ. ยเถว เหฏฺิโม เหฏฺิโม ปุคฺคโล อุปรูปริ จิตฺตํ น ชานาติ, เอวํ อุปริโม อุปริโมปิ เหฏฺิมสฺส เหฏฺิมสฺส จิตฺตํ น ชานาตีติ เจ? โน น ชานาติ, โส ปน อตฺตนา อธิคตวิสยตฺตา ชานาติเยวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุปรูปรี’’ติอาทิ. ยถา ‘‘อุปรูปรี’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘เหฏฺิมสฺส เหฏฺิมสฺสา’’ติ วตฺตพฺเพ เอกํ เหฏฺิม-สทฺทํ จ-สทฺเทน สงฺคเหตฺวา ‘‘เหฏฺิมสฺส จ มานส’’นฺติ วุตฺตํ.

๓๓๙-๔๑. เอวมฺปิ วิสยีปธานวเสน วิภาคํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิสยปฺปธานวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘โย ธมฺโม’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุสลเมว อารมฺมณนฺติ กุสลารมฺมณํ. กาเมติ ปทํ อุภยตฺถ สมฺพนฺธิตพฺพํ ‘‘กาเม กุสลารมฺมณํ กาเม กุสลากุสลสฺสา’’ติ. กิฺจาปิ หิ อกุสลสฺส เอกนฺตกามาวจรตฺตา น เอตสฺส วิเสสิตพฺพตา อตฺถิ, กุสลํ ปน วิเสสิตพฺพเมวาติ ตํ อเปกฺขาย ‘‘กาเม’’ติ อุปริปเทน สมฺพนฺธิตพฺพเมว. อถ วา อกุสลสหจริยโต กุสลมฺปิ กามาวจรเมว คยฺหตีติ ‘‘กาเม’’ติ อิทํ ปุริมปทสฺเสว วิเสสนํ ทฏฺพฺพํ.

กามาวจรปากสฺสาติ ปฺจวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนานํ เอกนฺเตน รูปกฺขนฺธารมฺมณตฺตา ตทวเสสสฺส เอกาทสวิธสฺส กามาวจรวิปากสฺส. กามกฺริยสฺสาติ วุตฺตนเยเนว มโนธาตุวชฺชิตสฺส ทสวิธกามาวจรกิริยจิตฺตสฺส. เอเตสํ…เป… อารมฺมณํ สิยาติ เอตฺถ กุสลสฺส ตาว อตฺตนา กตสฺส ทานาทิกามาวจรกุสลสฺส ปสนฺนจิตฺเตน อนุสฺสรณกาเล, ตเถว ปเรหิ กตสฺส อนุโมทนกาเล, ตสฺเสว ทุวิธสฺสาปิ อนิจฺจตาทิวเสน ปจฺจเวกฺขณกาเล, เจโตปริยาณาทีนํ ปริตฺตกุสลารมฺมณิกอภิฺานํ ปริกมฺมาทิกาเล จ อารมฺมณํ โหติ. อกุสเลสุ จ จตุนฺนํ ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตานํ กามาวจรกุสลํ อารพฺภ อสฺสาทนาภินนฺทนปรามสนกาเล, ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตานํ เกวลํ อสฺสาทนาทิกาเล จ ทฺวินฺนํ ปฏิฆสมฺปยุตฺตานํ อตฺตนา, ปเรหิ จ กตกุสลมารพฺภ วิปฺปฏิสารทุสฺสนกาเล, วิจิกิจฺฉาจิตฺตสฺส อสนฺนิฏฺานกาเล, อุทฺธจฺจสหคตสฺส อวูปสมวิกฺเขปกาเล จ อารมฺมณํ โหติ. อภิฺาจิตฺตทฺวเย กุสลสฺส เสขปุถุชฺชนานํ อตฺตนา, ปเรหิ วา กตกุสลสฺส อนุสฺสรณกาเล, ปรจิตฺตวิชานนกาเล, ‘‘อิมินา ปุฺกมฺเมน มนุสฺเสสุ, กามาวจรเทเวสุ จ นิพฺพตฺตตี’’ติ ชานนกาเล, ‘‘อนาคเต ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรมิ, กริสฺสตี’’ติ ชานนกาเล จ กิริยจิตฺตสฺสาปิ ขีณาสวานํ อตฺตนา, ปเรหิ วา กตกมฺมานุสฺสรณกาลาทีสุ อารมฺมณํ โหติ. กามาวจรวิปาเกสุ นวนฺนํ สุคติปฏิสนฺธีนํ กมฺมกมฺมนิมิตฺตารมฺมณิกปฏิสนฺธิกาเล, สพฺเพสมฺปิ ตทารมฺมณานํ กามาวจรกุสลารมฺมณิกชวนานนฺตรํ ตทารมฺมณกาเล จ อารมฺมณํ โหตีติ. ทสวิธกามาวจรกิริยาสุ จ อฏฺนฺนํ มหากิริยจิตฺตานํ ขีณาสวานํ กามาวจรกุสลปจฺจเวกฺขณสมฺมสนกาเล, ปริตฺตารมฺมณิกกิริยาภิฺานํ ปริกมฺมาทิกาเล, หสิตุปฺปาทสฺส ทานาทึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตุสฺสนกาเล, มโนทฺวาราวชฺชนสฺส ปน กามาวจรกุสลารมฺมณิกชวนานํ ปุเรจาริกกาเล จ อารมฺมณํ โหตีติ เอวํ กามาวจรกุสลํ ฉนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณํ โหติ.

๓๔๒. ตโตติ ยถาวุตฺตราสิโต. เตนาห ‘‘ปฺจนฺนํ ปน ราสีน’’นฺติ. เอตฺถ จ กิริยจิตฺเตสุ หสิตุปฺปาโท น สมฺภวติ เอกนฺตปริตฺตารมฺมณตฺตา. ตตฺถ กามาวจรกุสลสฺส ตาว เสขปุถุชฺชนานํ ฌานปจฺจเวกฺขณสมฺมสนกาเล, รูปาวจรกุสลารมฺมณิกอภิฺานํ ปริกมฺมาทิกาเล, อกุสลสฺส วุตฺตนเยน ปรามสนาทิกาเล, อภิฺาสุ กุสลาภิฺาย เสขปุถุชฺชนานํ อตฺตนา, ปเรหิ วา อตีตภเว อุปฺปาทิตฌานานุสฺสรณกาเล, ปเรสํ รูปาวจรจิตฺตปริจฺฉินฺทนกาเล, ‘‘อิมินา กมฺเมน อิมสฺมึ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ชานนกาเล จ ‘‘อนาคเต ฌานํ ภาเวสฺสตี’’ติ วา ชานนกาเล, กิริยาภิฺาย จ ขีณาสวานํ ยถาวุตฺตวเสน ปวตฺติกาเล จ นววิธสฺส ปน กิริยจิตฺตสฺส ขีณาสวานํ เหฏฺา วุตฺตนเยน รูปาวจรกุสลปจฺจเวกฺขณกาเลติ เอวํ รูปาวจรกุสลํ ปฺจนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณํ โหติ.

๓๔๓-๗. อารุปฺปกุสลฺจาปิ อารมฺมณปจฺจโย โหตีติ สมฺพนฺโธ. เตภูมกกุสลสฺสาติ สพฺพสฺส กามาวจรกุสลสฺส, รูปาวจรกุสเลสุ กุสลาภิฺาย, อรูปาวจรกุสเลสุ ทุติยจตุตฺถกุสลสฺส จาติ อิมสฺส เตภูมกกุสลสฺส. เอส นโย ‘‘เตภูมกกฺริยสฺสา’’ติ เอตฺถาปิ. ‘‘จตุตฺถทูน’’นฺติ วา ‘‘จตุตฺถทุติยาน’’นฺติ วา วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธวเสน วิภตฺติยา, สวิภตฺติสฺส วา ติย-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘จตุตฺถทู’’ติ วุตฺตํ. อิเมสํ…เป… ปจฺจโยติ กามาวจรกุสลสฺส, ตาว อภิฺากุสลสฺส จ รูปาวจรารมฺมเณสุ วุตฺตนเยน ทุติยจตุตฺถารุปฺปสฺส ปมตติยวเสนาติ เอวํ เตภูมกกุสลสฺส ตถา เสขปุถุชฺชนกาเล อตฺตโน สนฺตานคตสฺส, ปรสนฺตานคตสฺส วา อารุปฺปกุสลสฺส ปชานนกาเล กามาวจรรูปาวจรกิริยจิตฺตสฺส เสขปุถุชฺชนกาเลเยว อตฺตนา นิพฺพตฺติตํ ปมตติยารุปฺปํ อารพฺภ ขีณาสวกาเล ทุติยจตุตฺถารุปฺปนิพฺพตฺตเน อรูปกิริยจิตฺตสฺสาติ เอวํ เตภูมกกิริยสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อกุสลสฺส, จตุตฺถทุติยานฺจ อรูปาวจรวิปากานนฺติ เอวเมเตสํ อฏฺนฺนํ ราสีนํ อรูปกุสลมารมฺมณํ โหติ.

ปริจฺฉิชฺช คาหิกาย ตณฺหาย อาปนฺนนฺติ ปริยาปนฺนํ, เตภูมกธมฺมชาตํ, น ปริยาปนฺนนฺติ อปริยาปนฺนํ, ตเทว ปุฺฺจาติ อปริยาปนฺนปุฺํ. กามาวจรโตปิ กุสลสฺส กิริยสฺสาติ สมฺพนฺโธ. รูปโตติ รูปาวจรโต. จตุนฺนํ…เป… สทาติ เสขานํ มคฺคปจฺจเวกฺขณกาเล มคฺคารมฺมณิกกุสลาภิฺาย ปริกมฺมาทิกาเล าณสมฺปยุตฺตกุสลสฺส, ขีณาสวานํ มคฺคปจฺจเวกฺขณกาเล มคฺคารมฺมณิกกิริยาภิฺาย จ ปริกมฺมกาเล าณสมฺปยุตฺตกิริยจิตฺตสฺส, เตสํ เตสํ ชวนานํ ปุเรจรวเสน ปวตฺติกาเล มโนทฺวาราวชฺชนสฺส, เสขานํ อตฺตโน, ปเรสํ วา มคฺคชานนกาเล อภิฺาทฺวยสฺสาติ เอวเมเตสํ จตุนฺนํ ราสีนํ อปริยาปนฺนกุสลมารมฺมณํ โหติ.

ตเถวากุสลํ…เป… อีริตนฺติ เสขานํ ปหีนาวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณกาเล, เสขปุถุชฺชนานํ อตฺตโน, ปเรสํ วา สนฺตานปฺปวตฺตากุสลสมฺมสนกาเล, อกุสลารมฺมณิกกุสลาภิฺาย ปริกมฺมาทิกาเล กามาวจรกุสลสฺส, อตฺตโน, ปเรสํ วา ปวตฺตอกุสลานุสฺสรณาทีสุ รูปาวจรกุสลสฺส, ขีณาสวานํ ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณอฺสนฺตานคตอกุสลสมฺมสนาทิกาเล, ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขเณน ตุสฺสนกาเล, สพฺเพสมฺปิ ตํตํชวนานํ ปุเรจรกาเล จ กามาวจรกิริยจิตฺตสฺส, กุสลาภิฺาย วุตฺตนเยน รูปาวจรกิริยจิตฺตสฺส, ปรามาสอสฺสาทนาภินนฺทนาทิวเสน ปวตฺติยํ อกุสลสฺส, อุทฺธจฺจรหิตกมฺมารมฺมณวเสน อกุสลวิปากสนฺตีรณสฺส, กามาวจรชวนานํ อนุสฺสรณกาเล สพฺพมฺปิ เอกาทสตทารมฺมณวิปากสฺสาติ เอวํ กามาวจรวิปากานนฺติ เอวเมเตสํ ฉนฺนํ ราสีนํ อกุสลมารมฺมณํ โหติ.

๓๔๘-๕๖. วิปาการมฺมณํ…เป… ปจฺจโยติ เสขปุถุชฺชนานํ วิปากสมฺมสนาทิกาเล กามาวจรกุสลสฺส, วิปากกฺขนฺธานุสฺสรณาทีสุ รูปาวจรกุสลสฺส, วุตฺตนเยเนว ขีณาสวานํ วิปากสมฺมสนาทิกาเล, ปุถุชฺชนกาเล อนิฏฺวิปากาภาวํ อารพฺภ ตุสฺสนกาเล, ยถาวุตฺตชวนานํ ปุเรจรกาเล กามาวจรกิริยจิตฺตสฺส, กุสเลสุ วุตฺตนเยเนว รูปาวจรกิริยจิตฺตสฺส, วิปากํ อารพฺภ ตทารมฺมณปฺปวตฺติยํ วิปาการมฺมณิกกมฺมุนา ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตสฺส กมฺมนิมิตฺตวเสน ปวตฺติยฺจ กามาวจรวิปากสฺส, อสฺสาทนาภินนฺทนปรามาสาทิวเสน ปวตฺติยํ อกุสลสฺสาติ เอวเมเตสํ ฉนฺนํ ราสีนํ กามาวจรวิปากมารมฺมณปจฺจโย โหตีติ. รูปาวจรวิปาการมฺมเณปิ อิมินาว นเยน โยชนา กาตพฺพา. เกวลฺหิ ตํ กามาวจรวิปากานํ กิริยจิตฺเตสุ จ หสิตุปฺปาทสฺสารมฺมณํ น โหตีติ อยเมตฺถ วิเสโส. โลกุตฺตรวิปากสฺส กามาวจรกุสลกิริยานมารมฺมณกฺกโม อปฺปมาณารมฺมณนิทฺเทเส วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.

กามาวจรกิริยจิตฺตสฺส กามาวจรกุสลาทีนํ ฉนฺนํ ราสีนมารมฺมณกฺกโม กุสลารมฺมเณ วุตฺตสทิโสว. เกวลฺหิ เอตฺถ ยเทตํ ขีณาสวสนฺตานสฺเสว นิยตํ นววิธํ กิริยจิตฺตํ, ตํ ปรสนฺตานปฺปวตฺตกุสลากุสลสฺส, สสนฺตาเนว เสขปุถุชฺชนกาเล อนาคตารมฺมณิกอภิฺาย ปริกมฺมาทิวสปฺปวตฺตกุสลสฺส อารมฺมณํ โหติ. วิปาเกสุ จ ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติสงฺขาตานํ วิปากานํ กมฺมารมฺมณวเสน อารมฺมณํ น โหตีติ อยเมว วิเสโส.

รูปาวจรกิริยจิตฺตสฺส ปฺจนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณกฺกโม กุสลารมฺมเณ วุตฺตสทิโสว. วิเสโสปิ กามาวจรกิริยารมฺมเณ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อารุปฺปกิริยจิตฺตสฺสาปิ เตสํ ปฺจนฺนํ ราสีนํ โคจรภาโว วุตฺตสทิโสว. อารุปฺปกิริยสฺส ปน ปมตติยํ ทุติยจตุตฺถสฺเสว โคจโร โหติ.

๓๕๗-๘. เอวํ รูปนิพฺพานวชฺชิตมารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ รูปารมฺมณํ, นิพฺพานารมฺมณฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ จตุสมุฏฺาน’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. รูปนฺติ อฏฺวีสติวิโธ ภูโตปาทายเภทภินฺโน รูปกฺขนฺโธ. กิฺจาปิ น สพฺพเมว รูปํ ปจฺเจกํ จตุสมุฏฺานํ, สมุทิโต ปน รูปกฺขนฺโธ จตูหิ เอว สมุฏฺาเนหิ สมุฏฺาตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จตุสมุฏฺาน’’นฺติ. กามปากกิริยสฺสาติ กามาวจรวิปากสฺส, กามาวจรกิริยจิตฺตสฺส จ, ตตฺถ จ กามาวจรกุสลสฺส ตาว วณฺณทานาทิปุฺกิริยกาเล, วณฺณาทีนํ อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสนกาเล, อภิฺาย ปริกมฺมาทิกาเล, อกุสลสฺส อสฺสาทนาภินนฺทนปรามาสาทิกาเล, อภิฺาทฺวยสฺส อิทฺธิวิธภูตสฺส สุวณฺณทุพฺพณฺณาทิรูปนิมฺมานกาเล, ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติภูตสฺส ‘‘ปุริมภเว เอวํวณฺโณ อโหสิ’’นฺติอาทินา อนุสฺสรณกาเล, ทิพฺพจกฺขุภูตสฺส จวมานอุปปชฺชมานสตฺตานํ วณฺณทสฺสนกาเล, ทิพฺพโสตภูตสฺส สทฺทสวนกาเล, อนาคตํสาณภูตสฺส ‘‘อนาคเต เอวํวณฺโณ ภวิสฺสามี’’ติอาทินา ชานนกาเล, กามาวจรวิปาเกสุ ทฺวิปฺจวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนทฺวยสฺส ยถาโยคํ รูปาทิวิชานนกาเล, สุขสนฺตีรณสฺส สนฺตีรณตทารมฺมณกาเล, อุเปกฺขาสนฺตีรณทฺวยสฺส สนฺตีรณตทารมฺมณกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตารมฺมณกาเล, สเหตุกวิปากสฺส กมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตารมฺมณกาเล, ตทารมฺมณกาเล จ, กามาวจรกิริยาสุ ปน กุสเล วุตฺตนยานุสาเรน อฏฺมหากิริยจิตฺตสฺส, ‘‘เอวรูปํ วณฺณาทิมทาสิ’’นฺติ ตุสฺสนกาเล หสิตุปฺปาทสฺส, ปฺจทฺวารมโนทฺวาเรสุ โวฏฺพฺพนาวชฺชนกาเล มโนทฺวาราวชฺชนสฺส, ปฺจทฺวาเร อาวชฺชนกาเล ปฺจทฺวาราวชฺชนสฺส จ อารมฺมณํ โหตีติ เอวํ จตุสมุฏฺานิกํ รูปํ ฉนฺนํ ราสีนมารมฺมณํ โหติ.

๓๕๙-๖๐. นิพฺพานํ ปน โคตฺรภุโวทานกาเล, นิพฺพานารมฺมณิกอภิฺาย ปริกมฺมาทิกาเล จ กามาวจรติเหตุกกุสลสฺส, อตีตภเว สจฺฉิกตนิโรธานุสฺสรณกอาลาทีสุ รูปาวจรกุสลสฺส, วุตฺตนเยเนว กามรูปาวจรกิริยจิตฺตสฺส, มคฺคฏฺานํ ตทนนฺตรผลวฬฺชนผลกาเลสุ อปริยาปนฺนกุสลวิปากสฺส จาติ เอวํ ฉนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณํ โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิพฺพานารมฺมณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อุภยสฺสาติ กามาวจรรูปาวจรวเสน ทุวิธสฺส.

๓๖๑-๒. นานปฺปการกนฺติ ทฺวาทสมปริจฺเฉเท วกฺขมานนเยน นานาวิธปฺปการํ. นวนฺนํ…เป… ปจฺจโยติ กามาวจรกุสลสฺส, อกุสลสฺส, หสิตุปฺปาทมโนธาตุวชฺชิตกามาวจรกิริยจิตฺตานฺเจว ทฺวินฺนํ อภิฺาจิตฺตานฺจ สพฺพาปิ ปฺตฺติ, รูปาวจรกุสลวิปากกิริยานํ กสิณนิมิตฺตาทิกา, ปมารุปฺปกุสลวิปากกิริยานํ อากาสปฺตฺติ, ตติยารุปฺปกุสลาทีนํ ติณฺณํ อภาวปฺตฺตีติ เอวํ ปฺตฺติ นวนฺนํ ราสีนํ อารมฺมณปจฺจโย โหตีติ.

๓๖๓-๕. เอวํ โย ธมฺโม ยสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณํ โหติ, ตํ เอเกกุทฺธารวเสน ทสฺเสตฺวา อิทานิ สพฺเพ จตุภูมกจิตฺตุปฺปาเท ฉหิ อารมฺมเณหิ โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘รูปารมฺมณิกา ทฺเว’’ติอาทิ คาถาตฺตยํ วุตฺตํ. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.

๓๖๖-๙. ‘‘ปมารุปฺปกุสล’’นฺติอาทิ ปน เหฏฺา วุตฺตนยมฺปิ อรูปาวจรารมฺมเณสุ อรูปาวจรธมฺมานํ เสขาเสขวเสน นานปฺปการโต ปวตฺติอาการํ ปกาเสตุํ วุตฺตํ. กุสลสฺสาติ เสขปุถุชฺชนานํ ทุติยารุปฺปกุสลสฺส. วิปากสฺส ปน ขีณาสวานํ ปวตฺตมานสฺสาปิ อารมฺมณํ โหติ ตสฺส ปุริมภเว กมฺมนิมิตฺตารมฺมณตฺตา. อรูปภเว อติสนฺตภาเวน ปวตฺตมานํ ภวงฺคจิตฺตํ น ภาวนาย ปริสุทฺธํ อุปฏฺาตีติ อาห ‘‘ปมารุปฺปปาโก’’ติอาทิ. ปมํ ตุ กิริยจิตฺตํ ปุฺสฺส ทุติยารุปฺปเจตโส อารมฺมณํ น โหติ, วิปากสฺส ทุติยารุปฺปเจตโส อารมฺมณํ น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ขีณาสวกาเล กสฺสจิ กุสลสฺส อภาวโต ‘‘น ปุฺสฺสา’’ติ วุตฺตํ. อากาสานฺจายตนกิริยาสมงฺคิสฺส วิฺาณฺจายตนวิปากจิตฺตํ น ปวตฺตตีติ ‘‘น ปากสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ขีณาสวสฺส ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ, นิโรธสมาปชฺชนตฺถฺจ สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺตสฺส ปมารุปฺปกิริยจิตฺตํ ทุติยสฺส อารมฺมณํ โหตีติ อาห ‘‘ปมํ ตุ กฺริยาจิตฺต’’นฺติอาทิ.

๓๗๐-๓. ‘‘ทฺวิธา’’ติ จ วตฺวา ตเมว ทุวิธตํ, ติวิธตฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘กุสลํ กุสลสฺสา’’ติ, ‘‘กฺริยสฺสาปิ กฺริยา โหตี’’ติ จ อาทิ วุตฺตํ. ตํ วุตฺตนยเมว. เอวเมว …เป… สิยาติ ปมารุปฺปจิตฺเต วุตฺตนเยน เสขปุถุชฺชนานํ ทฺวิธา, ขีณาสวานฺจ ติธา อารมฺมณํ ภวตีติ อตฺโถ.

๓๗๔-๕. ยํ ยํ โคจรํ อารพฺภาติ รูปารูปนิพฺพานปฺตฺตีสุ ยํ ยํ โคจรํ อารพฺภ. เย เยติ อรูปธมฺมา. โย นโรติ โย คหฏฺโ, ปพฺพชิโต วา มาณโว. กิราติ อนุมติยํ. ตสฺส ‘‘อุตฺตรเตวา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ปารนฺติ อวสานํ. ตํ อิมสฺส ปรมนิปุณคมฺภีรนยสมงฺคิตาย ยาถาวโต โอตรนฺเตหิ อกสิเรน ตริตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุปฺปาปุเณยฺยนฺติ กตฺวา อาห ‘‘ทุตฺตร’’นฺติ. อุตฺตรนฺติ อุตฺตมํ. อภิธมฺมาวตารสฺส หิ อุตฺตมตาย ตเทกเทสภูตปารมฺปิ อุตฺตมเมว โหติ. โสติ โส สมุตฺติณฺณาภิธมฺมาวตารปาโร นโร. อุตฺตรเตว, น ปน น สกฺโกติ ตํ อุตฺตริตุนฺติ อตฺโถ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

อารมฺมณวิภาคนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สตฺตโม ปริจฺเฉโท

วิปากจิตฺตปฺปวตฺตินิทฺเทสวณฺณนา

๓๗๖. อนนฺตาเณนาติ อนนฺตารมฺมเณ ปวตฺตาเณน. นิรงฺคเณนาติ เอตฺถ ราคาทโย อกุสลา องฺคนฺติ เอเตหิ ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลา นิหีนภาวํ คจฺฉนฺตีติ องฺคณาติ วุจฺจนฺติ. ยถาห –

‘‘ราโค องฺคณํ, โทโส องฺคณํ, โมโห องฺคณํ, ปาปกานํ โข, อาวุโส, อกุสลานํ อิจฺฉาวจรานํ อธิวจนํ ยทิทํ องฺคณ’’นฺติ จ อาทิ (วิภ. ๙๒๔).

อตฺตโน สนฺตาเน สีลาทิคุเณ เอสี คเวสีติ คุเณสี, เตน คุเณสินา. กรุณายํ นิยุตฺโต, สา อสฺส อตฺถีติ วา การุณิโก, เตน การุณิเกน. เอตฺถ จ ‘‘อนนฺตาเณนา’’ติ อิมินา ภควโต สพฺพฺุภาวมาห, ‘‘นิรงฺคเณนา’’ติ ขีณาสวภาวํ, ‘‘คุเณสินา’’ติ ปุพฺพจริยํ, ‘‘การุณิเกนา’’ติ มหากรุณาสมงฺคิภาวํ. เอตฺตเกน ปน โถมเนน ภควโต วิปากเทสนาย นิยฺยานิกาทิภาวํ ทีเปติ. อสพฺพฺุนา หิ เทสิตํ อนิยฺยานิกํ โหติ, อขีณาสเวน เทสิตํ น ปากฏํ, อปุฺวตา เทสิตํ นปฺปติฏฺาติ, อการุณิเกน วุตฺตํ สุขทายกํ น โหติ. ภควโต ปน สพฺพฺุภาวโต เตน เทสิตํ นิยฺยานิกํ, ขีณาสวตฺตา ปากฏํ, ปุฺวนฺตตาย ปติฏฺาติ, มหากรุณาสมงฺคิตาย สุขทายกนฺติ. จิตฺตปฺปภวนฺติ วิปากจิตฺตานํ อุปฺปตฺตึ.

๓๗๗-๘๖. อิทานิ วิปากกถาย มาติกาวเสน อฏฺกถาย ปิเต ทสปฺปกาเร ทสฺเสตุํ ‘‘เอกูนตึส กมฺมานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถารทฺธาย วิปากกถาย มูลการณภาวโต ‘‘เอกูนตึส กมฺมานี’’ติ ปมํ กมฺมววตฺถานํ กตํ. กมฺเม ปน กถิเต วิปากกถาย อธิฏฺานภูตา วิปากาปิ กเถตพฺพาติ ‘‘ปากา ทฺวตฺตึส ทสฺสิตา’’ติ ทุติยํ วิปากววตฺถานํ กตํ. กมฺมวิปากานฺจ อทฺวาเรสุ อทิสฺสนโต ‘‘ตีสุ…เป… ทิสฺสเร’’ติ ตติยํ กมฺมทฺวารวิปากทฺวารา วุตฺตา. กมฺมวิปากานํ วจนปฺปสงฺเคเยว เอกสฺเสว กมฺมสฺส ตํ ตํ ปจฺจยมาคมฺม อเนกผลนิปฺผาทนํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุสลํ…เป… วิวิธํ ผล’’นฺติ จตุตฺถํ กามาวจรกุสลสฺส ปวตฺติปฏิสนฺธีสุ นานาผลนิปฺผาทนํ วุตฺตํ. เอวํ วุตฺเต ปน ปวตฺติปฏิสนฺธีนํ ลพฺภมานวิปากวเสน วุตฺตภาวํ อชานนฺตา –

‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสนา’’ติ;

‘‘เอกํ ปุปฺผํ จชิตฺวาน, อสีติกปฺปโกฏิโย;

ทุคฺคตึ นาภิชานามี’’ติ. จ –

เอวมาทิวจนสฺส พฺยฺชนจฺฉายาย อตฺถํ คเหตฺวา ทินฺนปฏิสนฺธิกายปิ เจตนาย ปุน ปฏิสนฺธิทานํ มฺเยฺยุนฺติ ‘‘เอกาย…เป… ปกาสิตา’’ติ ปฺจมํ เอเกน กมฺเมน เอกิสฺสาเยว ปฏิสนฺธิยา นิพฺพตฺตนํ วุตฺตํ. เอกสฺมึ ภเว นานากมฺมสฺส วิปากปฺปวตฺตึ สุณนฺตา ‘‘ทิสฺวา กุมารํ สตปุฺลกฺขณ’’นฺติอาทิวจนสฺส อตฺถํ อชานนฺตา ‘‘นานากมฺเมน เอกาว ปฏิสนฺธิ โหตี’’ติ จินฺเตยฺยุนฺติ ‘‘นานา…เป… ปฏิสนฺธิโย’’ติ ฉฏฺํ นานากมฺมสฺส นานาปฏิสนฺธิทานํ วุตฺตํ. ตถา วิปจฺจนฺตสฺส จ เอกสฺส กมฺมสฺส โสฬส วิปากานิ ทฺวาทสมคฺโค อเหตุกฏฺกมฺปีติ อยํ วิปากวิภาโค เหตุเภทวเสน โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ติเหตุกํ…เป… น จ โหติ ติเหตุกา’’ติ สตฺตมํ อฏฺกถาย อาคตเหตุกิตฺตนํ ทสฺสิตํ. ตํ ปน เหตุกิตฺตนํ เอเกกสฺส กมฺมสฺส วิปากวิภาคทสฺสนตฺถนฺติ. อิทานิ ติปิฏกจูฬนาคตฺเถรสฺส, โมรวาปิวาสิมหาทตฺตตฺเถรสฺส, ติปิฏกมหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรสฺสาติ ติณฺณํ เถรานํ วาเทสุ ‘‘เอกาย เจตนาย ทฺวาทส วิปากานิ เอตฺเถว ทสกมคฺโค อเหตุกฏฺกมฺปี’’ติ อาคตสฺส ทุติยตฺเถรวาทสฺส, ‘‘เอกาย เจตนาย ทส วิปากานิ เอตฺเถว อเหตุกฏฺกมฺปี’’ติ อาคตสฺส ตติยตฺเถรสฺส วาทสฺส จ น สมฺมาปติฏฺิตตฺตา สุปฺปติฏฺิตสฺส ปมตฺเถรวาทสฺส วเสน ทสฺเสตุํ วิปาเกสุ อสงฺขารสสงฺขารวิธานํ ปจฺจยพเลน โหติ, โน กมฺมพเลนาติ ทีปนตฺถํ อฏฺมํ, ‘‘อสงฺขารสสงฺขาร’’นฺติอาทินา กมฺเมน สห อสมานมฺปิ กตฺวา สงฺขารเภโท วุตฺโต. กมฺมสฺส โสมนสฺสุเปกฺขาสหคตภาเวปิ อารมฺมณวเสเนว วิปากเวทนาย ปริวตฺตนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อารมฺมเณน…เป… ปริวตฺตน’’นฺติ นวมํ อารมฺมเณน เวทนาปริวตฺตนํ วุตฺตํ. กมฺมวเสน เจว อารมฺมณวเสน จ อนิยตสฺส ตทารมฺมณสฺส ชวนวเสน นิยมทสฺสนตฺถํ ‘‘ตทารมฺมณ…เป… นิยามิต’’นฺติ ทสมํ ชวเนน ตทารมฺมณนิยโม วุตฺโตติ.

เอกูนตึส กมฺมานีติ กุสลากุสลวเสน วีสติ ปริตฺตานิ, นว มหคฺคตานีติ เอกูนตึส กมฺมานิ. ยสฺมา ปเนสา วฏฺฏวเสน วิปากกถา, ตสฺมา โลกุตฺตรกุสลํ วชฺเชตฺวา เอกูนตึเสว กมฺมานิ วุตฺตานิ. เอวํ ‘‘ปากา ทฺวตฺตึสา’’ติ เอตฺถาปิ เตวีสติ ปริตฺตา, นว มหคฺคตาติ ปากา ทฺวตฺตึส. ตีสุ ทฺวาเรสูติ กายวจีมโนทฺวารวเสน ตีสุ กมฺมทฺวาเรสุ. กมฺมทฺวารววตฺถานํ เหฏฺา สงฺเขปโต ทสฺสิตเมว. วิตฺถารโต ปเนตํ อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถาย (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กายกมฺมทฺวาร), ตํสํวณฺณนาทิโต จ คเหตพฺพํ. กามํ กมฺมานิปิ ฉสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺตนฺติ, ปฺจทฺวารปฺปวตฺตานิ ปน อวิปากานิ, มโนทฺวารทฺวารตฺตยวเสน ภินฺนานํ วิปากทายกานเมว สงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘ตีสุ ทฺวาเรสู’’ติ วุตฺตํ. ฉสูติ จกฺขุทฺวาราทีนิ ปฺจ, มโนทฺวารฺจาติ ฉสุ วิปากทฺวาเรสุ.

ตํ ตํ ปจฺจยมาคมฺมาติ กาลสมฺปทาทิกํ ตํ ตํ ปจฺจยมาคมฺม. เตนาหุ โปราณา –

‘‘กาโลปธิปฺปโยคานํ, คติยา จ ยถารหํ;

สมฺปตฺติฺจ วิปตฺติฺจ, กมฺมมาคมฺม ปจฺจตี’’ติ.

อถ วา ตํ ตํ ปจฺจยนฺติ โสมนสฺสาทิเหตุภูตํ ตํ ตํ สหการิปจฺจยํ. วิวิธํ ผลนฺติ โสมนสฺสุเปกฺขาสหคตสเหตุกาเหตุกอสงฺขารสสงฺขารวเสน นานปฺปการผลํ. เอกาย เจตนายาติ อุปปชฺชเวทนียภูตาย, อปราปริยเวทนียภูตาย วา เอกาย เจตนาย. ทิฏฺธมฺมเวทนียภูตา ปน ปวตฺติวิปากเมว นิพฺพตฺเตติ, โน ปฏิสนฺธึ.

กิฺจาปิ ‘‘ติเหตุก’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตํ, อุกฺกฏฺเมว ปน ติเหตุกกมฺมํ ติเหตุกวิปากํ เทติ, ตถา ทุเหตุกมฺปิ อุกฺกฏฺเมว ทุเหตุกวิปากํ เทติ. โอมกํ ปน ติเหตุกกมฺมํ ทุเหตุกุกฺกฏฺสทิสํ, ทุเหตุกาเหตุกเมว วิปากํ เทติ. ตถา ทุเหตุกมฺปิ อเหตุกเมว วิปากํ เทตีติ. อุกฺกฏฺโมกวิภาโค จ ปเนส กุสลากุสลปริวารลาภโต, อาเสวนวิปฺปฏิสารปฺปวตฺติยา วา ทฏฺพฺโพ. ยฺหิ กมฺมํ อตฺตโน ปวตฺติกาเล ปุริมปจฺฉาภาคปฺปวตฺเตหิ กุสลธมฺเมหิ ปริวาริตํ, ปจฺฉา วา อาเสวนลาเภน สมุทาจิณฺณํ, ตํ อุกฺกฏฺํ. ยํ ปน กรณกาเล อกุสลธมฺเมหิ ปริวาริตํ, ปจฺฉา วา ‘‘ทุกฺกฏํ มยา’’ติ วิปฺปฏิสารุปฺปาทเนน ปริภาวิตํ, ตํ โอมกํ นาม โหติ.

อเถตฺถ ยถาวุตฺตวิธานํ กึ ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ อวิเสเสน, อุทาหุ ปวตฺติวเสเนวาติ เจ? ปวตฺติวเสเนว, ปฏิสนฺธิยํ ปน อยํ วิเสโสติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติเหตุเกนา’’ติอาทิ. เอตฺถาปิ ติเหตุกุกฺกฏฺกมฺเมเนว ติเหตุกปฏิสนฺธิ โหติ, โอมเกน ปน ทุเหตุกุกฺกฏฺเน จ ทุเหตุกา ปฏิสนฺธิ, ทุเหตุโกมเกน ปน อเหตุกาวาติ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปเนตฺถ าณํ ชจฺจนฺธาทิวิปตฺตินิมิตฺตสฺส โมหสฺส, สพฺพากุสลสฺส วา ปฏิปกฺขํ, ตสฺมา ตํสมฺปยุตฺตํ กมฺมํ ชจฺจนฺธาทิวิปตฺติปจฺจยํ น โหตีติ ติเหตุกํ อติทุพฺพลมฺปิ สมานํ ทุเหตุกปฏิสนฺธิเมว อากฑฺฒติ, นาเหตุกนฺติ อาห ‘‘น จ โหติ อเหตุกา’’ติ. ยสฺมา ปฏิสมฺภิทามคฺเค สุคติยํ ชจฺจนฺธพธิราทิวิปตฺติยา อเหตุกูปปตฺตึ วชฺเชตฺวา คติสมฺปตฺติยา อเหตุกูปปตฺตึ ทสฺเสนฺเตน ธมฺมเสนาปตินา –

‘‘คติสมฺปตฺติยา าณสมฺปยุตฺเต อฏฺนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ, คติสมฺปตฺติยา าณสมฺปยุตฺเต กตเมสํ อฏฺนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ? กุสลสฺส กมฺมสฺส ชวนกฺขเณ ตโย เหตู กุสลา ตสฺมึ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, เตน วุจฺจติ กุสลมูลปจฺจยาปิ สงฺขารา. นิกนฺติกฺขเณ ทฺเว เหตู อกุสลา ตสฺมึ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, เตน วุจฺจติ อกุสลมูลปจฺจยาปิ สงฺขารา. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตโย เหตู อพฺยากตา ตสฺมึ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, เตน วุจฺจติ นามรูปปจฺจยาปิ วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยาปิ นามรูป’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๑-๒๓๒) –

เอวํ ชวนกฺขเณ ติณฺณํ เหตูนํ ปจฺจยา าณสมฺปยุตฺตวิปากุปฺปตฺติ วุตฺตา, น ปน ‘‘ชวนกฺขเณ ทฺวินฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา’’ติ, ตสฺมา ติเหตุกกมฺเมเนว ติเหตุกปฏิสนฺธิ โหติ, น ทุเหตุเกนาติ อาห ‘‘ทุเหตุเกน…เป… น จ โหติ ติเหตุกา’’ติ. ยทิ หิ ทุเหตุกกมฺเมน ติเหตุกปฏิสนฺธิ สิยา, ยถา ‘‘อฏฺนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหตี’’ติ วตฺวา ตสฺส วิภงฺโค กโต, เอวํ ‘‘คติสมฺปตฺติยา าณสมฺปยุตฺเต สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ. คติสมฺปตฺติยา าณสมฺปยุตฺเต กตเมสํ สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ? กุสลสฺส กมฺมสฺส ชวนกฺขเณ ทฺเว เหตู กุสลา ตสฺมึ ขเณ…เป… สงฺขารา, นิกนฺติกฺขเณ ทฺเว เหตู อกุสลา ตสฺมึ ขเณ…เป… สงฺขารา, ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตโย เหตู อพฺยากตา ตสฺมึ ขเณ…เป… นามรูป’’นฺติ สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา าณสมฺปยุตฺตูปปตฺตึ วตฺวา ตสฺส วิภงฺโค กาตพฺโพ สิยา, น จ ปเนวํ อตฺถิ, ตสฺมา วิฺายติ ‘‘ทุเหตุกกมฺเมน ติเหตุกปฏิสนฺธิ น โหตี’’ติ.

ยทิ เอวํ –

‘‘คติสมฺปตฺติยา าณวิปฺปยุตฺเต ฉนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ. คติสมฺปตฺติยา าณวิปฺปยุตฺเต กตเมสํ…เป… โหติ? กุสลสฺส กมฺมสฺส ชวนกฺขเณ ทฺเว เหตู กุสลา ตสฺมึ ขเณ…เป… สงฺขารา. นิกนฺติกฺขเณ ทฺเว เหตู อกุสลา ตสฺมึ ขเณ…เป… สงฺขารา. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทฺเว เหตู อพฺยากตา ตสฺมึ ขเณ…เป… นามรูป’’นฺติ –

เอวํ ทุเหตุกกมฺเมน ทุเหตุกูปปตฺตึ อุทฺธริตฺวา ‘‘คติสมฺปตฺติยา าณวิปฺปยุตฺเต สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ. คติสมฺปตฺติยา าณวิปฺปยุตฺเต กตเมสํ สตฺตนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ? กุสลสฺส กมฺมสฺส ชวนกฺขเณ ตโย เหตู กุสลา ตสฺมึ ขเณ…เป… สงฺขารา. นิกนฺติกฺขเณ ทฺเว เหตู อกุสลา ตสฺมึ ขเณ…เป… สงฺขารา. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทฺเว เหตู อพฺยากตา ตสฺมึ ขเณ…เป… นามรูป’’นฺติ เอวํ ติเหตุกกมฺเมน ทุเหตุกปฏิสนฺธิยาปิ อนุทฺธฏตฺตา สาปิ น โหตีติ เจ? โน น โหติ, ทุเหตุโกมกกมฺเมน อเหตุกปฏิสนฺธิยา วิย ติเหตุโกมเกน ทุเหตุกปฏิสนฺธิยาว ทาตพฺพตฺตา, กมฺมสริกฺขกวิปากทสฺสนตฺถํ ปน มหาเถเรน ปาโ สาวเสโส กโต.

ยทิ เอวํ ปุริมวุตฺเตหิ อิทํ สมานํ กมฺมสริกฺขกตาภาวโตติ ทุเหตุกกมฺเมน ติเหตุกปฏิสนฺธิ น อุทฺธฏา, น ปน อลพฺภนโตติ? ตํ น, อกุสลกมฺมสฺส อโลภสมฺปโยคาภาวโต, อโลภผลุปฺปาทเน วิย าณวิปฺปยุตฺตสฺส าณผลุปฺปาทเน อสมตฺถภาวโต. ปฺาพลสมฺปโยคโต หิ ตําณผลุปฺปาทเน สมตฺถํ โหติ.

เอตฺถาห – กึ ปเนตํ กมฺมเมว ปฏิสนฺธึ เทนฺตํ อตฺตนา สทิสเวทนเมว เทติ, อุทาหุ วิสทิสเวทนมฺปีติ? ทุเหตุโกมกเมว วิสทิสเวทนํ เทติ, อิตรํ ปน สทิสเวทนเมว. ตถา หิ ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมฏฺกถาย มหากมฺมวิภงฺคสุตฺเต สุขเวทนียาทิกมฺมวณฺณนาย –

‘‘กามาวจรกุสลโต โสมนสฺสสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา จตสฺโส เจตนา, รูปาวจรกุสลโต จตุกฺกชฺฌานเจตนาติ เอวํ ปฏิสนฺธิปวตฺเตสุ สุขเวทนาย ชนนโต สุขเวทนียํ กมฺมํ นาม. กามาวจรฺเจตฺถ ปฏิสนฺธิยํเยว เอกนฺเตน สุขํ ชเนติ, ปวตฺเต ปน อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมเณ อทุกฺขมสุขมฺปิ.

‘‘อกุสลเจตนา ปวตฺเต กายทฺวารปฺปวตฺตทุกฺขสฺส ชนนโต ทุกฺขเวทนียํ กมฺมํ นาม.

‘‘กามาวจรกุสลโต ปน อุเปกฺขาสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา จตสฺโส เจตนา, รูปาวจรกุสลโต จตุตฺถชฺฌานเจตนาติ เอวํ ปฏิสนฺธิปวตฺเตสุ ตติยเวทนาย ชนนโต อทุกฺขมสุขเวทนียํ กมฺมํ นาม. เอตฺถ จ ‘‘กามาวจรํ ปฏิสนฺธิยํเยว เอกนฺเตน อทุกฺขมสุขํ ชเนติ, ปวตฺเต อิฏฺารมฺมเณ สุขมฺปี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๐) –

วุตฺตํ. นนุ จ ‘‘อารมฺมเณน โหเตว, เวทนาปริวตฺตน’’นฺติ วจนโต อารมฺมณวเสน เวทนานิยโม โหติ, น จ โสมนสฺสสหคตกมฺเมน ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตสฺส อิฏฺารมฺมณเมว กมฺมนิมิตฺตาทิกมาปาถมาคจฺฉตีติ นิยโม อตฺถิ, อุเปกฺขาสหคตกมฺเมน วา อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมณนฺติ น สกฺกา วตฺตุํ, ตสฺมา กถํ กมฺมวเสเนว เวทนานิยโมติ? วุจฺจเต – อิฏฺาทิอารมฺมณมฺปิ อาปาถมาคจฺฉนฺตํ กมฺมพเลเนว อาคจฺฉตีติ โสมนสฺสสหคตกมฺเมน ปฏิสนฺธิคฺคหณกาเล ตสฺส พเลน อิฏฺารมฺมณมาปาถมาคจฺฉติ, อุเปกฺขาสหคตกมฺเมน อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมณนฺติ น น สกฺกา วตฺตุํ, ตสฺมา กมฺมวเสน ปฏิสนฺธิยา อารมฺมณนิยโม, อารมฺมณวเสน เวทนานิยโมติ. อปิจ ‘‘อารมฺมเณน โหเตว, เวทนาปริวตฺตน’’นฺติ อิทํ ตทารมฺมณํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ น เตน ปฏิสนฺธิยา กมฺมสริกฺขกเวทนาภาโว ปฏิกฺขิปิตุํ สกฺกา, ทุเหตุโกมกํ ปน โสมนสฺสสหคตมฺปิ อตฺตโน นิหีนตาย ทุเหตุกผลุปฺปาทเน อสมตฺถตฺตา, อเหตุกาย จ อตฺตนา สทิสเวทนาย ปฏิสนฺธิยา อสมฺภวโต อุเปกฺขาสหคตปฏิสนฺธิยา อนุรูปโต อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมณมุปฏฺเปตฺวา ตทารมฺมณํ อุเปกฺขาสหคตเมว ปฏิสนฺธึ เทติ.

นนุ จ ‘‘ปจฺฉิมภวิกมหาโพธิสตฺตานํ เมตฺตาปุพฺพภาคํ โสมนสฺสกมฺมํ ปฏิสนฺธึ เทตี’’ติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ, มหาสิวตฺเถโร จ อุเปกฺขาสหคตาณสมฺปยุตฺตอสงฺขาริกวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธึ อิจฺฉติ. วุตฺตฺหิ เตน ‘‘โสมนสฺสสหคตโต อุเปกฺขาสหคตํ พลวตรํ, เตน ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ, เตน คหิตปฏิสนฺธิกา หิ มหชฺฌาสยา โหนฺติ ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร วิยา’’ติ, ตสฺมา โสมนสฺสสหคตกุสลโต อุเปกฺขาสหคตปฏิสนฺธิปิ ลพฺภติ ยถา จ, เอวํ ตถา อุเปกฺขาสหคตโต โสมนสฺสสหคตาปีติ กถํ กมฺมสทิสเวทนา ปฏิสนฺธีติ? เอตฺถาปิ จ กมฺมมฺปิ อุเปกฺขาสหคตเมวาติ เถรสฺส อธิปฺปาโย สิยาติ สกฺกา วตฺตุํ. อปิจายํ วาโท มหาอฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺโตว. ตถา หิ วุตฺตํ สงฺคหกาเรหิ ‘‘อฏฺกถายํ ปน อยํ เถรสฺส มโนรโถ, นตฺถิ เอต’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวา สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ หิตูปจาโร พลวา โหติ, ตสฺมา เมตฺตาปุพฺพภาคกามาวจรกุสลวิปากโสมนสฺสสหคตติเหตุกอสงฺขาริกจิตฺเตน ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตีติ วุตฺตนฺติ, ตสฺมา ปฏิกฺขิตฺตวาทํ คเหตฺวา น สกฺกา อฏฺกถาวจนํ จาเลตุนฺติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมเวตํ กมฺมสทิสเวทนา ปฏิสนฺธีติ. อสมฺปฏิจฺฉนฺเตหิ วา อฏฺกถาย อธิปฺปาโย สาธุกํ กเถตพฺโพติ.

อสงฺขารนฺติ อสงฺขาริกกมฺมํ. อสงฺขารํ สสงฺขารมฺปิ ผลํ เทตีติ สมฺพนฺโธ.

อารมฺมเณนาติ อิฏฺาทิอารมฺมเณน. เวทนาปริวตฺตนนฺติ ตสฺส ตสฺส อารมฺมณสฺส อนุรูปโต โสมนสฺสาทิเวทนาย ปริวตฺตนํ, กุสลวิปากสนฺตีรณตทารมฺมณานิ สนฺธาย เจตํ วุตฺตํ. ตานิ หิ อิฏฺารมฺมเณ โสมนสฺสสหคตานิ, อิฏฺมชฺฌตฺเต อุเปกฺขาสหคตานิ. อกุสลวิปากํ ปน สนฺตีรณตทารมฺมณํ อนิฏฺเ, อนิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ อุเปกฺขาสหคตเมว. น หิ ตสฺส อารมฺมณวเสน เวทนาเภโท อตฺถิ, เหฏฺา วุตฺตนเยน ทฺวีสุปิ อุเปกฺขาสหคตเมว. ทฺวิปฺจวิฺาณสมฺปฏิจฺฉเนสุ จ เปตฺวา กายวิฺาณทฺวยํ เสสานิ อิฏฺาทีสุ สพฺพตฺถ เหฏฺา วุตฺตการณวเสเนว อุเปกฺขาสหคตานิ, ตถา กายวิฺาณํ อิฏฺาทีสุ สุขสหคตํ, อนิฏฺาทีสุ ทุกฺขสหคตนฺติ. ชวเนน นิยมิตํ อฏฺกถายนฺติ อธิปฺปาโย. เหตุนิยมนเมว เจตฺถ ชวนวเสน โหติ เวทนาเภทสฺส อารมฺมเณเนว, สงฺขารเภทสฺส จ ปจฺจยวเสเนว นิยมิตตฺตา. เอตฺถ จ อกุสลวิปากานํ วิภาคาภาวโต กุสลวิปากตทารมฺมณานเมว อารมฺมณชวนปจฺจยวเสน นิยมนํ โหติ. ตํ ปน สรูปโต เอวํ เวทิตพฺพํ – ติเหตุกุกฺกฏฺกมฺเมน หิ ตทารมฺมณํ ปวตฺตมานํ กมฺมวเสน นิยมาภาวโต สพฺเพสุปิ กุสลวิปากตทารมฺมเณสุ สมฺปตฺเตสุ อารมฺมณชวนปจฺจยวเสน, อารมฺมณชวนวเสเนว วา นิยตํ เอกเมว อุปฺปชฺชติ. กถํ? ตทารมฺมเณสุ หิ อารมฺมณวเสน เวทนานิยโม โหติ, ชวนวเสน เหตุนิยโม, ปจฺจยวเสน สงฺขารนิยโม. อเหตุเกสุ ปน สงฺขารเภทาภาวโต ปจฺจยวเสน นิยมนํ นตฺถิ. ตตฺถ อารมฺมเณน เวทนานิยมนํ เหฏฺา วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ชวนวเสน เหตุนิยมเน ปน กมฺมสริกฺขกเหตุวเสน ติเหตุกานิ ทุเหตุกานิ อเหตุกานีติ ตีณิ ชวนานิ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ กมฺมสริกฺขกเหตุวเสน ติเหตุกชวนานิ นาม กามาวจรกุสลกิริยาสุ าณสมฺปยุตฺตชวนานิ, ทุเหตุกชวนานิ นาม าณวิปฺปยุตฺตชวนานิ, อเหตุกานิ นาม อกุสลชวนานิ เจว กิริยาเหตุกชวนฺจ. อกุสลชวนานิปิ หิ กุสลกมฺมสริกฺขกเหตุวเสน อเหตุกานิ กุสลเหตูนํ เตสุ อภาวโต.

ตตฺถ กมฺมสฺส ชวนสทิสตทารมฺมณาภินิปฺผาทนสามตฺถิเย สติ ติเหตุกชวเน ชวิเต ติเหตุกตทารมฺมณํ โหติ, ทุเหตุกชวเน ชวิเต ทุเหตุกตทารมฺมณํ, อเหตุกชวเน ชวิเต อเหตุกตทารมฺมณํ โหตีติ. เอวํ ชวนวเสน เหตุนิยมนํ ทฏฺพฺพํ. กถํ ปจฺจยวเสน สงฺขารนิยโมติ? กาลสมฺปทาทีนํ, อุตุสมฺปทาทีนฺจ ปจฺจยานํ พลวภาเว สติ อสงฺขาริกตทารมฺมณํ โหติ, ทุพฺพลภาเว สสงฺขาริกํ. อเหตุกตทารมฺมณสฺส ปน ปจฺจยวเสน นิยโม นตฺถิ, ตสฺมา ยทิ อิฏฺารมฺมณํ โหติ, ตทา อุเปกฺขาสหคตํ ตทารมฺมณํ ปฏิพาหิตฺวา โสมนสฺสสหคตตทารมฺมณเมว โหติ. โสมนสฺสสหคตตทารมฺมเณสุปิ อนิยเมน อารมฺมณวเสน สพฺเพสุ สมฺปตฺเตสุ ชวนสฺส ติเหตุกภาเว ทุเหตุกาเหตุเก ปฏิพาหิตฺวา ติเหตุกเมว ตทารมฺมณํ โหติ. ติเหตุกตทารมฺมเณสุปิ อนิยเมน ชวนวเสน สพฺเพสุ สมฺปตฺเตสุ ปจฺจยสฺส พลวภาเว สติ สสงฺขาริกตทารมฺมณํ ปฏิพาหิตฺวา อสงฺขาริกเมว ตทารมฺมณํ โหติ. เอเตเนว นเยน เสสํ ตทารมฺมณมฺปิ ตํตํชวนานุรูปโต นิยมนํ ทฏฺพฺพํ.

อเหตุกตทารมฺมณํ ปน ปจฺจยํ อนเปกฺขิตฺวา อารมฺมณวเสน เจว ชวนวเสน จ นิยมนํ โหติ. อิทเมตฺถ เยภุยฺยปฺปวตฺติวเสน นิยมนํ. กทาจิ ปน อารมฺมณวเสน, ปจฺจยวเสน, ปริจิตวเสน จ ตทารมฺมณนิยโม โหติ. ตตฺถ อารมฺมณวเสน เจว ปจฺจยวเสน จ นิยมนํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. ปริจิตวเสน ปน นิยมเน เยภุยฺเยน ติเหตุกกุสลปฺปวตฺติยา เตสุ ปริจิตสฺส กทาจิ ทุเหตุเก, อเหตุเก วา ชวเน ชวิเต ปริจยวเสน ติเหตุกตทารมฺมณเมว โหติ. เยภุยฺเยน จ ทุเหตุกชวนปฺปวตฺติยา ตตฺถ ปริจิตสฺส กทาจิ ติเหตุเก, อเหตุเก วา ชวเน ชวิเต ปริจยวเสน ทุเหตุกตทารมฺมณเมว โหติ. ตเถว อกุสเลสุ ปริจิตสฺส กทาจิ ติเหตุกทุเหตุเกสุปิ ชวเนสุ ชวิเตสุ ปริจยวเสน อเหตุกตทารมฺมณเมว โหตีติ. เอวฺจ กตฺวา ปฏฺาเน

‘‘กุสลากุสเล นิรุทฺเธ สเหตุโก วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชติ, สเหตุเก ขนฺเธ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสติ, กุสลากุสเล นิรุทฺเธ อเหตุโก วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ –

อวิเสเสน อกุสลชวนานนฺตรมฺปิ สเหตุกตทารมฺมณํ, ติเหตุกชวนานนฺตรฺจ อเหตุกตทารมฺมณํ วุตฺตํ. ติเหตุโกมเกน, ปน ทุเหตุกุกฺกฏฺเน จ กมฺเมน ตทารมฺมณปฺปวตฺติยํ กมฺมสฺส ติเหตุกวิปากทาเน อสมตฺถตาย ติเหตุกชวเนปิ ชวิเต ทุเหตุกตทารมฺมณเมว โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. ทุเหตุโกมเกน ปน กมฺเมน ตทารมฺมณปฺปวตฺติยํ กมฺมสฺส สเหตุกตทารมฺมณนิพฺพตฺตเน อสมตฺถตาย สเหตุกชวเนปิ ชวิเต อเหตุกตทารมฺมณเมว โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

๓๘๗-๙๑. ตุลฺเยน ปากจิตฺเตนาติ โสมนสฺสสหคตาณสมฺปยุตฺตอสงฺขาริเกน มหาวิปากจิตฺเตน. พลวารมฺมเณติ อติมหนฺตารมฺมเณ. จตุพฺพิธฺหิ อารมฺมณํ อติมหนฺตํ มหนฺตํ ปริตฺตํ อติปริตฺตนฺติ. วุตฺตฺจ –

‘‘ตถา หิ วิสยํ อาหุ, จตุธา เอตฺถ ปณฺฑิตา;

มหนฺตาติมหนฺตโต, ปริตฺตาติปริตฺตโต’’ติ.

อติมหนฺตาทิภาโว จสฺส อาปาถคตกาเล อุปฺปชฺชนกจิตฺตกฺขณวเสน เวทิตพฺโพ. ตถา หิ อาปาถคตกฺขณโต ปฏฺาย ยาว โสฬสจิตฺตกฺขณา, ตาว วิชฺชมานายุกอารมฺมณํ อติมหนฺตํ นาม. ปนฺนรสจุทฺทสจิตฺตกฺขณายุกํ มหนฺตํ นาม. เตรสจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย อฏฺจิตฺตกฺขณายุกํ ปริตฺตํ นาม. ตโต ปรํ อติปริตฺตํ นาม. ตตฺถ อติมหนฺตารมฺมเณ ตทารมฺมณปริโยสานานิ วีถิจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. มหนฺเต ชวนปริโยสานานิ, นตฺถิ ตทารมฺมณุปฺปาโท. ปริตฺเต ชวนมฺปิ น อุปฺปชฺชติ, สนฺตีรณานนฺตรํ โวฏฺพฺพนเมว ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ปวตฺตติ. อติปริตฺเต ภวงฺคจลนมตฺตเมว. กถํ? อติมหนฺเต หิ อารมฺมเณ ปฺจทฺวาเรสุ ยถานุรูปํ อฺตรสฺมึ ทฺวาเร อาปาถคเต ปสาทฆฏฺฏนานุภาเวน หทยวตฺถุสนฺนิสฺสิตา ภวงฺคสนฺตติ โวจฺฉิชฺชติ, โวจฺฉิชฺชมานา จ สหสา น โอจฺฉิชฺชติ. ยถา ปน เวเคน ธาวนฺโต ปุริโส อนฺตรา าตุกาโมปิ เอกทฺเวปทวาเร อติกฺกมิตฺวาว าตุํ สกฺโกติ, น ปน าตุกามตาย สทฺธึเยว, เอวเมว ทีปสิขา วิย, คงฺคาโสโต วิย, เวเคน ชวมานา ภวงฺคสนฺตติ อนฺตรา โอจฺฉิชฺชมานาปิ ปสาทฆฏฺฏนโต ปรํ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวาว โอจฺฉิชฺชติ. ตตฺถ ปมจิตฺตํ ภวงฺคสนฺตติยา จลนากาเรน อุปฺปชฺชนโต ภวงฺคจลนํ นาม, ทุติยํ อุปจฺฉิชฺชนวเสน อุปฺปชฺชนโต ภวงฺคุปจฺเฉโท นาม. จลนฺเจตฺถ วิสทิสจิตฺตสฺส อุปนิสฺสยภาวคมนํ. วุตฺตฺจ –

‘‘อารมฺมณนฺตราปาเถ, ทฺวิกฺขตฺตุํ จลิเต มโน;

จิตฺตนฺตรสฺส เหตุตฺตํ, ยานํ จลนมีริต’’นฺติ.

ยทิ เอวํ ทุติยสฺสปิ ตํ อตฺถีติ ตมฺปิ ภวงฺคจลนมิจฺเจว วตฺตพฺพนฺติ? สจฺจํ, ภวงฺคสฺส ปน อุปจฺฉิชฺชนวเสน ปวตฺติวิเสสํ คเหตฺวา ปุริมสฺส นามโต วิสทิสนามํ กาตุํ ‘‘ภวงฺคุปจฺเฉโท’’ติ วุจฺจตีติ. นนุ จ รูปาทีหิ ปสาเท ฆฏฺฏิเต ปสาทนิสฺสิตสฺเสว จลนํ ยุตฺตํ, กถํ ปน หทยวตฺถุสนฺนิสฺสิตาย ภวงฺคสนฺตติยา จลนนฺติ? สนฺตติวเสน เอกาพทฺธตฺตา. ยถา หิ เภริยา เอกสฺมึ ตเล ิตสกฺขราย มกฺขิกาย นิปนฺนาย อปรสฺมึ ตเล ทณฺฑาทินา ปหเฏ อนุกฺกเมน เภริจมฺมวรตฺตาทีนํ จลเนน สกฺขราย จลิตาย มกฺขิกาย ปลายนํ โหติ, เอวเมว รูปาทิมฺหิ ปสาเท ฆฏฺฏิเต ตนฺนิสฺสเยสุ มหาภูเตสุ จลิเตสุ อนุกฺกเมน ตํสมฺพนฺธานํ เสสรูปานมฺปิ จลเนน หทยวตฺถุมฺหิ จลิเต ตนฺนิสฺสิตสฺส ภวงฺคสฺส จลนากาเรน ปวตฺติ โหติ. วุตฺตฺจ –

‘‘ฆฏฺฏิเต อฺวตฺถุมฺหิ, อฺนิสฺสิตกมฺปนํ;

เอกาพทฺเธน โหตีติ, สกฺขโรปมยา วเท’’ติ. (ส. ส. ๑๗๖);

เอวํ ภวงฺคจลนภวงฺคุปจฺเฉเทสุ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธสุ ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ วทนฺตี วิย วีถิจิตฺตานิ อารมฺมณาภิมุขํ ปฏิปาเทนฺตี กิริยามโนธาตุ อุปฺปชฺชติ, ตสฺสานนฺตรํ ยถารหํ ทสฺสนาทิกิจฺจํ สาธยมานา ปฺจวิฺาณธาตูสุ อฺตรา อุปฺปชฺชติ, ตทนนฺตรํ ตาย คหิตเมวารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉมานา วิปากาเหตุกมโนธาตุ อุปฺปชฺชติ, ตทนนฺตรํ ตเทวารมฺมณํ สนฺตีรยมานา วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ อุปฺปชฺชติ, ตทนนฺตรํ ตเมวารมฺมณํ ววตฺถาปยมานา กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ อุปฺปชฺชติ, ตทนนฺตรํ กามาวจรกุสลากุสลกิริยชวเนสุ ยํ กิฺจิ ลทฺธปจฺจยํ ตเทวารมฺมณํ อารพฺภ ชวนํ หุตฺวา เยภุยฺเยน สตฺตกฺขตฺตุํ ชวติ, ตทนนฺตรํ เอกาทสตทารมฺมณจิตฺเตสุ อฺตรํ กมฺมํ อารมฺมณํ ชวนํ ปจฺจโย ปริจิตตาติ อิเมสํ อนุรูปวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชติ, ตทนนฺตรํ ภวงฺคปาโต โหติ.

อิธ ตฺวา อิมิสฺสา จิตฺตปรมฺปราย สุขคฺคหณตฺถํ อมฺโพปมา เวทิตพฺพา. กถํ? เอโก กิร ปุริโส ผลิตมฺพรุกฺขสฺส เหฏฺา สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปนฺโน นิทฺทายติ, อเถกํ อมฺพปกฺกํ วณฺฏโต มุจฺจิตฺวา ตสฺส กณฺณสกฺขลึ ปุฺฉมานํ วิย ‘‘’’นฺติ ภูมิยํ ปตติ, โส ตสฺส สทฺเทน ปพุชฺฌิตฺวา สีสโต วตฺถํ อปเนตฺวา จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ, ตโต หตฺถํ ปสาเรตฺวา ผลํ คเหตฺวา มทฺทิตฺวา อุปสิงฺฆิตฺวา ปกฺกภาวํ ตฺวา ปริภุฺชิตฺวา มุขคตํ สห เสมฺเหน อสฺสาเทตฺวา ปุน ตเถว นิทฺทายติ. ตตฺถ ตสฺส ปุริสสฺส อมฺพรุกฺขมูเล นิทฺทายนกาโล วิย ภวงฺคสมงฺคิกาโล, อมฺพปกฺกสฺส ปติตกาโล วิย อารมฺมณสฺส ปสาทฆฏฺฏนกาโล, ปตนสทฺเทน ปพุทฺธกาโล วิย มโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฏฺฏิตกาโล, อุมฺมีเลตฺวา โอโลกิตกาโล วิย จกฺขุวิฺาณสฺส ทสฺสนกิจฺจํ สาธนกาโล, หตฺถํ ปสาเรตฺวา คหิตกาโล วิย วิปากมโนธาตุยา อารมฺมณสมฺปฏิจฺฉนกาโล, คเหตฺวา มทฺทิตกาโล วิย วิปากมโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณสฺส สนฺตีริตกาโล, อุปสิงฺฆิตกาโล วิย กิริยามโนวิฺาณธาตุยา ววตฺถาปิตกาโล, ปริภุตฺตกาโล วิย ชวนสฺส อารมฺมณรสอนุภวิตกาโล, มุขคตํ สห เสมฺเหน อสฺสาทิตกาโล วิย ตทารมฺมณสฺส ชวเนน อนุภูตารมฺมณอนุภวนกาโล, ปุน นิทฺทายนํ วิย ปุน ภวงฺคกาโลติ เอวเมตฺถ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ.

อยํ ปน อุปมา กึ ทีเปติ? อารมฺมณสฺส ปสาทฆฏฺฏนเมว กิจฺจํ, กิริยามโนธาตุยา ภวงฺคาวฏฺฏนเมว กิจฺจํ, ปฺจวิฺาณธาตูนํ ทสฺสนาทิกเมว กิจฺจํ, วิปากมโนวิฺาณธาตุยา สมฺปฏิจฺฉนเมว กิจฺจํ, วิปากมโนวิฺาณธาตุยา สนฺตีรณเมว กิจฺจํ, กิริยามโนวิฺาณธาตุยา ววตฺถาปนเมว กิจฺจํ, ชวนสฺเสว ปน อารมฺมณรสานุภวนํ ตทารมฺมณสฺส เอเตน อนุภูตสฺเสว อนุภวนนฺติ เอวํ กิจฺจวเสน ธมฺมานํ อฺมฺาสํกิณฺณตํ ทีเปติ, เอวํ ปวตฺตมานํ ปน จิตฺตํ ‘‘ตฺวํ อาวชฺชนํ นาม โหหิ, ตฺวํ ทสฺสนาทีสุ อฺตรํ, ตฺวํ สมฺปฏิจฺฉนํ นามา’’ติอาทินา นิยุฺชเก การเก อสติปิ จิตฺตนิยามวเสเนว ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพํ. ตํ ปน จิตฺตนิยามํ สทฺธึ อุตุนิยามาทีหิ ปริจฺเฉทาวสาเน วกฺขติ. อยํ ตาว อติมหนฺตารมฺมเณ จิตฺตปฺปวตฺติวิภาวนา.

มหนฺตารมฺมเณ ปน ตทารมฺมณุปฺปาทสฺส อภาวโต ตสฺมึ อาปาถคเต วุตฺตนเยน ชวนปริโยสาเนสุ วีถิจิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ ภวงฺคปาโตว โหติ, อารมฺมณสฺส ปน ปริกฺขีณายุกตฺตา เอกจิตฺตกฺขณิกปฺปมาเณปิ วา อายุมฺหิ สติ สมาสนฺนมรโณ วิย ปุริโส ทุพฺพลภาวโต ตทารมฺมณํ นุปฺปชฺชติ. อปิจ ตทารมฺมณมุปฺปชฺชนฺตํ นิยมโต ทฺวิกฺขตฺตุเมว อุปฺปชฺชติ, น เอกวารํ. เอกจิตฺตกฺขณาวสิฏฺเ จ อารมฺมเณ เอกสฺมึ ตทารมฺมเณ อุปฺปนฺเนสุ ทุติยสฺส อุปฺปชฺชนกาเล ตสฺส นิรุทฺธตฺตา นุปฺปชฺชติ. น หิ ทฺวีสุ ตทารมฺมเณสุ เอกํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ, เอกํ อตีตารมฺมณํ โหติ, ตสฺมา ทุติยสฺส อนุปฺปตฺติยา ปมมฺปิ นุปฺปชฺชตีติ. มชฺฌิมฏฺกถายํ ปน สกิมฺปิ ตทารมฺมณสฺส ปวตฺติ วุตฺตา. ปรมตฺถวินิจฺฉเยปิ จ ตเมว วาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘สกึ ทฺเว วา ตทาลมฺพ’’นฺติ (ปรม. วิ. ๑๑๖) วุตฺตํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ ปน ‘‘จิตฺตปฺปวตฺติคณนายํ สพฺพวาเรสุ ทฺเว เอว จิตฺตวารานิ อาคตานี’’ติ วตฺวา ตํ น สมฺปฏิจฺฉิตํ, ตสฺมา มหนฺตารมฺมเณ ชวนาวสาเน ภวงฺคปาโตว โหติ, นตฺถิ ตทารมฺมณุปฺปาโท, อยฺจ ตทารมฺมเณหิ ตุจฺฉตาย ‘‘โมฆวาโร’’ติ วุจฺจติ.

ปริตฺตารมฺมเณ ชวนุปฺปาทสฺสปิ อภาวโต สนฺตีรณาวสาเนสุ วีถิจิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ ตทนนฺตรํ โวฏฺพฺพนเมว อาเสวนํ ลภิตฺวา ชวนฏฺาเน ตฺวา ทฺวิกฺขตฺตุํ ปวตฺตติ, ตโต ภวงฺคปาโต โหติ. โวฏฺพฺพนํ ปน อปฺปตฺวา อนฺตรา จกฺขุวิฺาณาทิกํ ปตฺวา นิวตฺติสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ชวนํ ปน อารมฺมณสฺส อปฺปายุกภาเวน ปริทุพฺพลตฺตา นุปฺปชฺชติ. ตฺหิ อุปฺปชฺชมานํ สตฺตจิตฺตกฺขณายุเกเยว อุปฺปชฺชติ, กติปยจิตฺตกฺขณายุเก ปน ปมชวนเมว นุปฺปชฺชติ. ตทนุปฺปตฺติยฺหิ อิตรานิปิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ปริตฺตารมฺมเณ นตฺถิ ชวนุปฺปาโทติ อยํ ทุติโย โมฆวาโร อฏฺกถาย วุตฺโต. ฏีกากาโร ปน ตถา อสมฺปฏิจฺฉิตฺวา อฺถา ทุติยโมฆวารํ ปกปฺเปติ. วุตฺตฺหิ เตน ตีสุ โมฆวาเรสุ ทุติยโมฆวาโร อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺโพ.

ยทิ หิ อนุโลเม เวทนาตฺติเก ปฏิจฺจวาราทีสุ ‘‘อาเสวนปจฺจยา น มคฺเค ทฺเว, นมคฺคปจฺจยา อาเสวเน ทฺเว’’ติ จ วุตฺตํ สิยา, โสปิ โมฆวาโร ลพฺเภยฺย. ยทิ จ โวฏฺพฺพนมฺปิ อาเสวนปจฺจโย สิยา, กุสลากุสลานมฺปิ สิยา. น หิ อาเสวนปจฺจยํ ลทฺธุํ ยุตฺตสฺส อาเสวนปจฺจยภาวี ธมฺโม อาเสวนปจฺจโย โหตีติ อวุตฺโต อตฺถิ. โวฏฺพฺพนสฺส ปน กุสลากุสลานํ อาเสวนปจฺจยภาโว น วุตฺโต. ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นาเสวนปจฺจยา. อกุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อกุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นาเสวนปจฺจยา’’ติ วจนโต ปฏิกฺขิตฺโตว. อถาปิ สิยา ‘‘อสมานเวทนานํ วเสเนวํ วุตฺต’’นฺติ, เอวมฺปิ ยถา ‘‘อาวชฺชนา กุสลานํ ขนฺธานํ, อกุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยา. ชาติเภทา น วุตฺตนฺติ เจ, ‘‘ภูมิภินฺนสฺส กามาวจรสฺส รูปาวจราทีนํ อาเสวนปจฺจยภาโว วิย ชาติภินฺนสฺสปิ ภเวยฺยา’’ติ วตฺตพฺโพ เอว สิยา, อภินฺนชาติกสฺส จ วเสน ยถา ‘‘อาวชฺชนา สเหตุกานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยา, น ตุ วุตฺตํ, ตสฺมา เวทนาตฺติเกปิ สํขิตฺตาย คณนาย ‘‘อาเสวนปจฺจยา นมคฺเค เอกํ, นมคฺคปจฺจยา อาเสวเน เอก’’นฺติ เอวํ คณนาย นิทฺธาริยมานาย โวฏฺพฺพนสฺส อาเสวนปจฺจยตฺตาภาวา ยถาวุตฺตปฺปกาโร ทุติโย โมฆวาโร วีมํสิตฺวา คเหตพฺโพ. โวฏฺพฺพนํ ปน วีถิวิปากสนฺตติยา อาวฏฺฏนโต ‘‘อาวชฺชนา’’อิจฺเจว วุตฺตํ. ตโต วิสทิสสฺส ชวนสฺส กรณโต มนสิกาโร จ. เอวฺจ กตฺวา ปฏฺาเน ‘‘โวฏฺพฺพนํ กุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ น วุตฺตํ, ‘‘อาวชฺชนา’’อิจฺเจว วุตฺตํ, ตสฺมา โวฏฺพฺพนโต จตุนฺนํ วา ปฺจนฺนํ วา ชวนานํ อารมฺมณปุเรชาตํ ภวิตุํ อสกฺโกนฺตํ รูปาทิอาวชฺชนาทีนํ ปจฺจโย ภวิตุํ น สกฺโกติ, อยเมตสฺส สภาโวติ ชวนาปาริปูริยา ทุติโย โมฆวาโร ทสฺเสตุํ ยุตฺโต สิยาติ.

อยฺหิ อาจริยสฺส อธิปฺปาโย – ยทิ โวฏฺพฺพนมฺปิ อาเสวนปจฺจโย สิยา, ยถา ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ อาเสวนปจฺจยา นมคฺคปจฺจยา’’ติ อนุโลมปจฺจนิเย, ปจฺจนิยานุโลเม จ ‘‘สุขา…เป… นมคฺคปจฺจยา อาเสวนปจฺจยา’’ติ จ วุตฺตํ หสิตุปฺปาทจิตฺตวเสน, เอวมฺปิ โวฏฺพฺพนวเสน ‘‘อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตํ ธมฺมํ ปฏิจฺจา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ปาโ สิยา. ตถา จ สติ วารทฺวยวเสน คณนาย ‘‘อาเสวนปจฺจยา นมคฺเค ทฺเว, นมคฺคปจฺจยา อาเสวเน ทฺเว’’ติ จ วตฺตพฺพํ สิยา, น ปน วุตฺตํ, ‘‘อาเสวนปจฺจยา นมคฺเค เอกํ, นมคฺคปจฺจยา อาเสวเน เอก’’นฺติจฺเจว วุตฺตํ. อปิจ ยทิ หิ โวฏฺพฺพนมฺปิ อาเสวนปจฺจโย สิยา, ทุติยโมฆวาโร วิย ปุริมวาเรสุปิ สิยา. ตถา จ สติ อตฺตโน วิย กุสลากุสลานมฺปิ สิยา. น หิ อาเสวนปจฺจยํ ลทฺธุํ ยุตฺตสฺส อาเสวนปจฺจยภาวี ธมฺโม อาเสวนปจฺจโย โหตีติ อวุตฺโต อตฺถิ ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ขนฺธา’’ติอาทินา อนวเสสโต วุตฺตตฺตา, โวฏฺพฺพนสฺส ปน อวุตฺโต ‘‘อพฺยากโต ธมฺโม กุสลสฺส ธมฺมสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนสฺส อภาวโต. น เกวลํ อวุตฺโตว, อถ โข ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชติ, อกุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ อกุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสาทิกุสลากุสลธมฺเม ปฏิจฺจ สหชาตาทิปจฺจยวเสน กุสลากุสลสฺส อุปฺปตฺตึ วตฺวา ปมชวนสฺส โวฏฺพฺพนโต อาเสวนปจฺจยาลาภํ สนฺธาย ‘‘นาเสวนปจฺจยา’’ติ ปฏิกฺขิตฺโตว.

อถาเปตฺถ สโมธานํ สิยา, สมานเวทนานํ เอว อาเสวนปจฺจยภาวสฺส ทสฺสนโต โวฏฺพฺพเนน อสมานเวทนานํ กุสลากุสลานํ วเสนายํ ปฏิกฺเขโป กโตติ. เอวมฺปิ สติ ยถา ‘‘อาวชฺชนา กุสลานํ ขนฺธานํ อกุสลานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, เอวํ สมานเวทนาวเสน ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยา. อถ โวฏฺพฺพนสฺส กุสลากุสเลหิ ภินฺนชาติกตฺตา ตสฺส เตสํ อาเสวนปจฺจยภาโว น วุตฺโตติ เจ. ยถา ภูมิวเสน ภินฺนสฺส โคตฺรภุโวทานวเสน ิตสฺส กามาวจรสฺส รูปาวจราทีนํ อาเสวนภาโว ทิสฺสติ, เอวํ ชาติวเสน ภินฺนสฺส โวฏฺพฺพนสฺส อาเสวนปจฺจยภาเว น โกจิ วิพนฺโธ, อปิจ อภินฺนเวทนสฺส, อภินฺนชาติกสฺส จ อุเปกฺขาสหคตมหากิริยจิตฺตสฺส วเสน ยถา ‘‘อาวชฺชนา สเหตุกานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ วตฺตพฺพํ สิยา, น ตุ วุตฺตํ, ตสฺมา เวทนาตฺติเกปิ โวฏฺพฺพนสฺส อาเสวนปจฺจยตฺตสฺส อภาวา โวฏฺพฺพนสฺส อาเสวนภาวทสฺสนวเสน วุตฺโต ทุติโย โมฆวาโร วีมํสิตฺวา คเหตพฺโพ. โวฏฺพฺพนาวชฺชนานํ ปน อนตฺถนฺตรภาวโต อาวชฺชนาย จ กุสลากุสลานํ อนนฺตรปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา สติ อุปฺปตฺติยํ โวฏฺพฺพนํ กามาวจรกุสลากุสลกิริยาชวนานํ เอกนฺตโต อนนฺตรปจฺจยภาเวเนว วตฺเตยฺย, น ปน อฺถาติ มุฺฉามรณาสนฺนเวลาทีสุ ชวนาปาริปูริยา มนฺทีภูตเวคตาย อยํ ทสฺเสตพฺโพติ.

อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปเนตฺถ อิทํ วุตฺตํ – ‘‘ยํ ชวนภาวปฺปตฺตํ, ตํ ฉินฺนมูลรุกฺขปุปฺผํ วิยา’’ติ วกฺขมานตฺตา อนุปจฺฉินฺนภวมูลานํ ปวตฺตสฺส โวฏฺพฺพนสฺส กิริยภาโว น สิยา, วุตฺโต จ ‘‘ยสฺมึ สมเย มโนวิฺาณธาตุ อุปฺปนฺนา กิริยา เนวกุสลา, นากุสลา, น จ กมฺมวิปากา อุเปกฺขาสหคตา’’ติ, ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘ชวนฏฺาเน ตฺวา’’ติ วจนํ ชวนสฺส อุปฺปชฺชนฏฺาเน ทฺวิกฺขตฺตุํ ปวตฺติตฺวา น ชวนภาเวนาติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ‘‘อาเสวนํ ลภิตฺวา’’ติ จ ‘‘อาเสวนํ วิย อาเสวน’’นฺติ วุตฺเต น โกจิ วิโรโธติ. วิปฺผาริกสฺส ปน สโต ทฺวิกฺขตฺตุํ ปวตฺติเยเวตฺถ อาเสวนสทิสตา. วิปฺผาริกตาย หิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺตฺจสฺส วุจฺจติ. วิปฺผาริกมฺปิ ชวนํ วิย อเนกกฺขตฺตุํ อปฺปวตฺติยา ทุพฺพลตฺตา น นิปฺปริยายโต อาเสวนปจฺจยภาเวน ปวตฺเตยฺยาติ น อิมสฺส ปาเ อาเสวนตฺตํ วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ปริยายโต วุตฺตํ, ยถา ผลจิตฺเตสุ มคฺคงฺคํ มคฺคปริยาปนฺนนฺติ. ยทิปิ ‘‘ชวนาปาริปูริยา…เป… ยุตฺโต’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อาวชฺชนาทีนํ ปจฺจโย ภวิตุํ น สกฺโกตี’’ติ ปน วุตฺตตฺตา จิตฺตปฺปวตฺติวเสน ปมโมฆวารโต เอตสฺส น โกจิ วิเสโสติ.

จกฺขุสฺสาปาถมาคเตติ จกฺขุทฺวารสฺส โยคฺยเทสาวฏฺานวเสน อาปาถมาคเต. ตายาติ มโนธาตุยา ภวงฺคาวฏฺฏเน ปากฏตาย กิริยามโนธาตุํ ปจฺจามสติ. อาวฏฺฏิเตติ สนฺตติวเสน ปวตฺติตุํ อทตฺวา นิวตฺติเต, ปริณามิเต วา. ชาเตสุ ชายเตติ สมฺพนฺโธ. คเตติ นิรุทฺเธ. ตเทวาติ ชวนานุภูตเมว อิฏฺารมฺมณํ. เตเนวาติ ชวนํ หุตฺวา นิรุทฺเธน เตน กามาวจรกุสลจิตฺเตน. ตทารมฺมณสฺิตนฺติ ชวนคฺคหิเตเยว อารมฺมเณ ปวตฺตนโต ‘‘พฺรหฺมสฺสโร’’ติอาทีสุ วิย ตสฺส อารมฺมณํ อารมฺมณมสฺสาติ มชฺฌปทโลปวเสน ตทารมฺมณนฺติ สฺิตํ. ตุลฺยโตติ อารมฺมณโต วิสทิสภาเวปิ โสมนสฺสสหคตาทินา สทิสตฺตา. มูลสทิสํ ภวงฺคํ มูลภวงฺคํ. ตทารมฺมณมฺปิ ภวงฺคสภาวตฺตา ‘‘ภวงฺค’’นฺติ วุจฺจติ ยถา ‘‘สเหตุกํ ภวงฺคํ อเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๑๐๒). เอตฺถ หิ ปฏิสนฺธิจิตฺเต เอว ปวตฺติยํ ‘‘ภวงฺค’’นฺติ วุจฺจมาเน น ตสฺส เหตุวเสน เภโทติ ‘‘สเหตุกํ ภวงฺคํ อเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ. นาปิ เจตํ ‘‘สเหตุกํ จุตึ อเหตุกปฏิสนฺธิฺจ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ สกฺกา วิฺาตุํ. ภวสฺส องฺคภาวาภาวโต จุติจิตฺตสฺส ภวงฺคโวหาราลาภโตติ ‘‘สเหตุกํ ภวงฺค’’นฺติ ตทารมฺมณํ วุตฺตนฺติ วิฺายติ. ‘‘ตทารมฺมณสฺิต’’นฺติ วตฺวา ‘‘มูลภวงฺคนฺติ วุจฺจตี’’ติ วุตฺตตฺตา นามทฺวยมฺปิ อิมสฺส ลพฺภตีติ ทีปิตํ โหติ.

๓๙๒. ตฺจาติ ตทารมฺมณฺจ. เอตฺถาติ อิเมสุ วีถิจิตฺเตสุ. คณนูปคจิตฺตานีติ วิปากคณนูปคจิตฺตานิ.

๓๙๔. อสมานตฺตาติ อสงฺขาริกภาเวน อสมานตฺตา.

๓๙๖. ปุริมานิ ปฺจ วิปากจิตฺตานิ อิมินา สทฺธึ ฉ โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถ จ เยภุยฺยโต อิฏฺารมฺมเณ โสมนสฺสปฺปวตฺติวเสน โสมนสฺสสหคตชวนานนฺตรเมว โสมนสฺสตทารมฺมณํ วุตฺตํ. ชวนสฺส ปน ปกปฺเปตฺวา อารมฺมณคฺคหณสพฺภาวโต, วิปากสฺส จ ตทภาวโต อิฏฺารมฺมเณ อุเปกฺขาสหคตชวเนสุปิ ชวิเตสุ โสมนสฺสสหคตเมว ตทารมฺมณํ โหติ.

๓๙๙-๔๐๓. ตสฺมึ ทฺวาเรติ ตสฺมึเยว จกฺขุทฺวาเร. เวทนา ปริวตฺตตีติ กมฺมสฺส โสมนสฺสสหคตภาเวปิ อารมฺมณสฺส อิฏฺมชฺฌตฺตตาย โสมนสฺสเวทนา ปริวตฺติตฺวา อุเปกฺขาเวทนา โหติ. อถ วา เหฏฺา วิปากเวทนาย โสมนสฺสภาเวปิ อิฏฺารมฺมณสฺส มชฺฌตฺตภาเวน ตํวเสน เวทนา ปริวตฺตตีติ อตฺโถ.

ชวเนสุ ชวิเตสูติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ชวิเตสุ จตูสฺวปี’’ติ วา ปาโ. ชายเรติ ตทารมฺมณวเสน ชายนฺติ. เวทนายาติ เวทนาย กรณภูตาย. อสมานตฺตาติ ปฏิสนฺธิยา สห อสมานตฺตา. ปุริเมหีติ เหฏฺา วุตฺตตทารมฺมณจตุกฺกโต. อถ วา ‘‘ปุริเมหิ อสมานตฺตา’’ อิจฺเจว โยชนา. ปุริเมหิ สห อสมานภาเว วุตฺเต เตสํ สนฺธิยา สห อสมานภาโวปิ วุตฺโตว โหตีติ จตฺตาริ นามโต ปิฏฺิภวงฺคานิ จ โหนฺตีติ โยชนา. -สทฺเทน อาคนฺตุกภวงฺคานิ, ตทารมฺมณานิ จ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. เอตฺถาปิ จ เยภุยฺเยน อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมเณ อุเปกฺขาสหคตชวนสฺส อุปฺปชฺชนโต อุเปกฺขาสหคตชวนานนฺตรเมว อุเปกฺขาสหคตตทารมฺมณํ วุตฺตํ, เหฏฺา วุตฺตนเยน ปน อุเปกฺขาสหคตตทารมฺมณํ โหติ. าณสมฺปยุตฺตาทีสุ ชวิเตสุ าณวิปฺปยุตฺตตทารมฺมณานํ สมฺภโว เหฏฺา วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. กิฺจาปิ อสงฺขารสสงฺขารวิธานํ ชวนวเสน วุตฺตํ, ตถาปิ อุตุโภชนาทิปจฺจยานํ ทุพฺพลภาเว ชวนสฺเสว อสงฺขาริกตฺตาภาวโต อสงฺขารชวนาวสาเน อสงฺขารเมว ตทารมฺมณํ โหติ, น สสงฺขารนฺติ นิยโม. ปจฺจยสฺส ปน พลวภาเว สติปิ ปเรสํ อุสฺสาหพเลน สสงฺขารสฺส ชวนสฺส สมฺภวโต สสงฺขารชวนาวสาเน สสงฺขารเมว ตทารมฺมณํ โหติ, สสงฺขาริกตฺตาภาวโต อสงฺขารชวนาวสาเน อสงฺขารเมวาติ นิยโม นตฺถีติ อสงฺขารชวนาวสาเน อสงฺขารมฺปิ สสงฺขารมฺปิ ตทารมฺมณํ โหติ, สสงฺขารชวนาวสาเน สสงฺขารมฺปิ อสงฺขารมฺปิ ตทารมฺมณํ โหติ.

ปฺจิมานีติ อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมเณ วุตฺตานิ อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณาทีนิ ปฺจ วิปากานิ. ปุริเมหิ สตฺตหีติ อิฏฺารมฺมเณ วุตฺเตหิ จกฺขุวิฺาณาทีหิ สตฺตหิ วินิทฺทิเส จกฺขุทฺวารสฺมินฺติ อธิปฺปาโย.

๔๐๕-๖. เอกาย เจตนายาติ เอกาย ติเหตุกโสมนสฺสสหคตอสงฺขาริกเจตนาย. เอวํ สมสฏฺิ วิปากานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ยสฺมา ปน จกฺขุทฺวาราทีสุ อนุปฺปชฺชิตฺวา โสตทฺวาราทีสุเยว อุปฺปชฺชมานา โสตวิฺาณาทโย วิย ปฺจสุ ทฺวาเรสุ อนุปฺปชฺชิตฺวา มโนทฺวาเรเยว อุปฺปชฺชมาโน กามาวจรวิปาโก นตฺถิ, ตสฺมา มโนทฺวาเร วิปากปฺปวตฺติ น วุตฺตา. อถ วา จกฺขุทฺวาเร คหิตานเมว มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ โสตทฺวาราทีสุปิ คหเณน ปฺจทฺวาเรสุ คหิตาย มโนวิฺาณธาตุยา มโนทฺวาเรปิ คหณนยทสฺสนํ กตํ โหติ, เอวํ สติ ฉสุ ทฺวาเรสุปิ สมสตฺตติ วิปากานิ โหนฺติ. อถ วา มโนทฺวาเร ลพฺภมานายปิ ปฺจทฺวารปฺปวตฺตาย มโนวิฺาณธาตุยา มโนทฺวาเร อคฺคหเณน โสตทฺวาราทีสุ ลพฺภมานานมฺปิ จกฺขุทฺวาเร คหิตมโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ โสตทฺวาราทีสุ อคฺคหณสฺส นยทสฺสนํ กตํ โหติ, เอวํ สติ ปฺจทฺวาเรสุ โสฬส วิปากานิ โหนฺติ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘คหิตาคฺคหเณนา’’ติอาทิ.

๔๐๘-๙. ตีหิ วิปาเกหีติ เตหิ ตีหิ กุสลจิตฺเตหิ สมาเนหิ ตีหิ วิปาเกหิ ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยาติ สมฺพนฺโธ. อุเปกฺขาสหิตทฺวเยติ อุเปกฺขาสหคตปฏิสนฺธิยุคเฬ. อิธ ตฺวา นาฬิยนฺตูปมา เวทิตพฺพา. กถํ? อุจฺฉุปีฬนสมเย กิร เอกสฺมา คามา เอกาทส ยนฺตวาหา นิกฺขมิตฺวา เอกํ อุจฺฉุวาฏํ ทิสฺวา ตสฺส ปริปกฺกภาวํ ตฺวา อุจฺฉุสามิกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ยนฺตวาหา มย’’นฺติ อาโรเจสุํ. โส ‘‘อหํ ตุมฺเหเยว ปริเยสิสฺสามี’’ติ อุจฺฉุสาลํ คเหตฺวา อคมาสิ. เต ตตฺถ นาฬิยนฺตํ โยเชตฺวา ‘‘มยํ เอกาทส ชนา อปรมฺปิ เอกํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, วตฺตเนน คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. อุจฺฉุสามิโก ‘‘อหเมว สหาโย ภวิสฺสามี’’ติ อุจฺฉุสาลํ ปูราเปตฺวา เตสํ สหาโย อโหสิ. เต อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจานิ กตฺวา ผาณิตปาจเกน อุจฺฉุรเส ปกฺเก คุเฬ พทฺเธ อุจฺฉุสามิเกน ตุลยิตฺวา ภาเคสุ ทินฺเนสุ อตฺตโน อตฺตโน ภาคํ อาทาย สาลํ สาลสามิกํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา เอเตเนว อุปาเยน อปราสุปิ จตูสุ สาลาสุ กมฺมํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. ตตฺถ ปฺจ ยนฺตสาลา วิย ปฺจ ปสาทา ทฏฺพฺพา, ปฺจ อุจฺฉุวาฏา วิย ปฺจ อารมฺมณานิ, เอกาทส วิจรณกยนฺตวาหา วิย เอกาทส วิปากจิตฺตานิ, ปฺจ อุจฺฉุสาลสามิโน วิย ปฺจ วิฺาณานิ, ปมกสาลาย สาลสามิเกน สทฺธึ ทฺวาทสนฺนํ ชนานํ เอกโต หุตฺวา กตกมฺมานํ ภาคคฺคหณกาโล วิย เอกาทสนฺนํ วิปากจิตฺตานํ จกฺขุวิฺาเณน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา จกฺขุทฺวาเร รูปารมฺมเณ สกสกกิจฺจกรณกาโล, สาลสามิกสฺส สาลาย สมฺปฏิจฺฉิตกาโล วิย จกฺขุวิฺาณสฺส ทฺวารสงฺกนฺติอกรณํ, ทุติยตติยจตุตฺถปฺจมสาลาย ทฺวาทสนฺนํ เอกโต หุตฺวา กตกมฺมานํ ภาคคฺคหณกาโล วิย เอกาทสนฺนํ วิปากจิตฺตานํ กายวิฺาเณน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา กายทฺวาเร โผฏฺพฺพารมฺมเณ สกสกกิจฺจกรณกาโล, สามิกสฺส สมฺปฏิจฺฉิตกาโล วิย กายวิฺาณสฺส ทฺวารสงฺกนฺติอกรณํ เวทิตพฺพํ.

๔๑๔. อสฺสาติ อิมสฺส พีชสฺส. เหตุปวตฺติโตติ ปจฺจยปฺปวตฺติโต.

๔๑๕. อิทานิ ติเหตุโกมกกมฺเมน คหิตทุเหตุกปฏิสนฺธิกสฺส วิปากปฺปวตฺติ ทุเหตุกุกฺกฏฺเน คหิตทุเหตุกปฏิสนฺธิกสฺส วิปากปฺปวตฺติยา สมานาติ ตํ เปตฺวา ทุเหตุกกมฺเมน คหิตทุเหตุกปฏิสนฺธิกสฺเสว วิปากปฺปวตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุเหตุเกน กมฺเมนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๔๑๘-๙. ทุเหตุกปฏิสนฺธิกสฺส กามาวจรติเหตุกชวนานํ สมฺภเวปิ กมฺมสริกฺขกาเนว ชวนานิ ทสฺเสตุํ ‘‘โสมนสฺส…เป… ทุเหตุเก’’ติ วุตฺตํ. ติเหตุกชวนาวสาเนปิ ปนสฺส ปฏิสนฺธิทายกกมฺมํ ติเหตุกวิปากทาเน อสมตฺถนฺติ ติเหตุกตทารมฺมณาภาวโต, ชวนสฺส จ กมฺมสริกฺขกเหตุวเสน ทุเหตุกภาวโต ทุเหตุกตทารมฺมณเมว โหติ.

๔๒๔. อิมานิ จ ภวงฺคานีติ อิมานิ จตฺตาริ มูลาคนฺตุกปิฏฺิภวงฺคานิ. อฏฺ หีติ อฏฺเว.

๔๒๖. โสตฆานาทินาติ โสตฆานาทิวิฺาเณหิ. เอตฺถาปิ อมฺโพปมา ปากฏิกาว. ยนฺตวาโหปมาย ปเนตฺถ สตฺต ยนฺตวาหา เตหิ หตฺถยนฺเต นาม สชฺชิเต สาลสามิกํ อฏฺมํ กตฺวา วุตฺตนยานุสาเรเนว โยชนา เวทิตพฺพา.

๔๓๔-๖. วุทฺธิมุเปตสฺสาติ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา สํวราสํวเร ปฏฺเปตุํ สมตฺถภาเวน วุฑฺฒิปฺปตฺตสฺส. กิฺจาปิ อเหตุกปฏิสนฺธิกสฺส กมฺมสริกฺขกชวนเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ทุเหตูนํ…เป… วสานสฺมิ’’นฺติ วุตฺตํ. ติเหตุกชวนมฺปิ ปน เตสํ ชวติ, ชวนสฺส ทุเหตุกภาเวปิ กมฺมสฺส ทุเหตุกวิปากทาเน อสมตฺถตาย ‘‘อเหตุก…เป… ชายเต’’ติ วุตฺตํ.

๔๔๓-๘. ‘‘อเหตุปฏิสนฺธิสฺสา’’ติอาทีสุ อธิปฺปาโย เหฏฺา อาคโตว. อปาเยสุ ปฏิสนฺธิทายกกมฺเมน ปฏิสนฺธิโต หีนตทารมฺมณสฺส อนิปฺผนฺนโต ตสฺส ลพฺภมานฏฺานเมว ทสฺเสตุํ ‘‘สุคติย’’นฺติ วุตฺตํ, กามาวจรสุคติยนฺติ อตฺโถ. เตนาติ เตน ชาตปฏิสนฺธิวิปาเกน. ‘‘จตูสุ อปาเยสุ ลพฺภตี’’ติ วตฺวา ตสฺส วิสยทสฺสนตฺถํ ‘‘เถโร เนรยิกาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เถโรติ นิรยจาริกาย ปากฏตฺตา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรมาห. นิรเย ภวา เนรยิกา. ธมฺมํ เทเสตีติ นิรเย ปทุมํ มาเปตฺวา ปทุมกณฺณิกาย นิสินฺโน ธมฺมํ เทเสติ. วสฺสตีติ อนฺโตเหตฺวตฺถํ กตฺวา วุตฺตํ, วสฺสาเปตีติ อตฺโถ. เถรํ ทิสฺวาติ เถรสฺส ทสฺสนเหตุ. อิมินา อินฺทนีลปฏิมาวณฺณสฺส เถรสฺส อิฏฺารมฺมณภาเวน กุสลวิปากจกฺขุวิฺาณุปฺปตฺติยา การณํ ทสฺเสติ. เอส นโย ‘‘ธมฺมํ สุตฺวา’’ติอาทีสุปิ. คนฺธนฺติ เตน มาปิตคนฺธํ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘จนฺทนวเน ทิวาวิหารํ นิสินฺนสฺส จีวรคนฺธ’’นฺติ (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถา) วุตฺตํ. ฆายตนฺติ ฆายนฺตานํ. สนฺตีรณทฺวยนฺติ อติอิฏฺมชฺฌตฺตสฺส คนฺธาทิโน วเสน สนฺตีรณทฺวยํ. กุสลวิปากานํ, อิฏฺารมฺมณสฺส จ นิรเย สมฺภวทีปเนน เสสาปายตฺตเยปิ สมฺภโว ทสฺสิโตว โหติ.

๔๕๐. นิยโมเยว นิยมตฺตํ, ตทารมฺมณจิตฺตมฺปิ ชวเนน นิยามิตนฺติ วุตฺตนิยโมติ อตฺโถ. กุสลํ ปน สนฺธายาติ กุสลชวนํ สนฺธาย ทีปิตํ อฏฺกถายํ, กุสลสฺส วิย อกุสลสฺส สทิสวิปากาภาวโตติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ กุสลชวนานนฺตรํ สเหตุกตทารมฺมณสฺเสว วจนํ. ชวนสฺส กมฺมสริกฺขกเหตุวเสน สเหตุกตฺตา ชวนานุรูปโต วุตฺตํ. ปริจิตวเสน ปน อฺกมฺเมนาปิ ตํ อเหตุกตทารมฺมณํ น โหตีติ น วตฺตพฺพํ. น หิ ปฏิสนฺธิชนกเมว กมฺมํ ตทารมฺมณํ ชเนติ, อถ โข อฺกมฺมมฺปิ ปฏิสนฺธิทายกกมฺเมน นิพฺพตฺเตตพฺพตทารมฺมณโต วิสทิสมฺปิ นิพฺพตฺเตตีติ. อกุสลชวนานนฺตรฺจ อเหตุกตทารมฺมณมฺปิ ชวนสฺส กมฺมสริกฺขกเหตุกตฺตา ตทนุรูปโต วุตฺตํ. ยถาวุตฺตนเยน ปน สเหตุกตทารมฺมณมฺปิ น โหตีติ นตฺถิ.

๔๕๖-๗. เอตฺตาวตา ติปิฏกจูฬนาคตฺเถรวาเท โสฬส วิปากจิตฺตานิ สทฺธึ ทฺวาทสกมคฺเคน เจว อเหตุกฏฺเกน จ วิภาเวตฺวา โมรวาปิวาสิมหาทตฺตตฺเถรวาเท วิเสสาภาวโต ตํ อนามสิตฺวา มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรวาเท กุสลากุสลกิริยวเสน ปิณฺฑิตฺวา ทสฺสิตานํ ปิณฺฑชวนานํ วเสน ตทารมฺมณํ ทสฺเสตุํ ‘‘โสมนสฺสยุเต จิตฺเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสมนสฺส…เป… ชวิเตติ อิฏฺารมฺมเณ กุสลากุสลกิริยาพฺยากตวเสน โสมนสฺสยุเตสุ เตรสสุ ชวนจิตฺเตสุ ชวิเตสุ. คเวสิตพฺพา…เป… มานสาติ เหฏฺา วุตฺตนเยน โสมนสฺสสหคตานิ ปฺเจว ตทารมฺมณจิตฺตานิ คเวสิตพฺพานิ. อุเปกฺขา…เป… ชวิเตสูติ กุสลากุสลกิริยวเสน จุทฺทสสุ อุเปกฺขาสหคตชวนจิตฺเตสุ ชวิเตสุ. ฉ คเวสิตพฺพานีติ อุเปกฺขาสหคตานิ ฉ เอว คเวสิตพฺพานิ. ขีณาสวานํ ปหีนวิปลฺลาสตาย กิริยาชวนํ อิฏฺารมฺมเณ อุเปกฺขาสหคตํ น โหตีติ โสมนสฺสสหคตกิริยาชวเนสุ ชวิเตสุ โสมนสฺสสหคตตทารมฺมณเมว โหติ. อิฏฺมชฺฌตฺเต, อนิฏฺาทีสุ จ โสมนสฺสภาวโต อุเปกฺขาสหคตกิริยาชวเนสุ ชวิเตสุ อุเปกฺขาสหคตตทารมฺมณเมวาติ อิทเมตฺถ สนฺนิฏฺานํ. เสขปุถุชฺชนานํ ปน อปฺปหีนวิปลฺลาสตาย อิฏฺมชฺฌตฺเต, อนิฏฺอนิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมเณ จ โสมนสฺสสหคตชวนํ อุปฺปชฺชตีติ โสมนสฺสสหคตชวนาวสาเน โสมนสฺสสหคตตทารมฺมณเมว โหติ, นตฺถิ อุเปกฺขาสหคตนฺติ นายํ นิยโม. อิฏฺารมฺมเณปิ วุตฺตนยานุสาเรน โยเชตพฺพํ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘ปริตฺตกุสลาโทส-ปาปสาตกฺริยาชวา;

ปฺจสฺเวกํ ตทาลมฺพํ, สุขิเตสุ ยถารหํ.

‘‘ปาปา กามสุภา เจว, โสเปกฺขา จ กฺริยาชวา;

โสเปกฺเขสุ ตทาลมฺพํ, ฉสฺเวกมนุรูปโต’’ติ.

๔๕๘-๖๒. ทุเหตุกาเหตุกานํ วิปากาวรเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ฌานุปฺปาโทเยว นตฺถีติ อาห ‘‘ติเหตุโสมนสฺเสนา’’ติ. ฌานโต ปริหีนสฺสาติ อุปฺปาทิตโลกิยชฺฌานโต ปริหีนสฺส. วิปฺปฏิสาริโนติ ‘‘มหนฺเตน วายาเมน อุปฺปาทิโต เม ปณีตธมฺโม นฏฺโ’’ติ อุปฺปนฺนวิปฺปฏิสารวนฺตสฺส. กึ…เป… มานสนฺติ อยํ อนุมติปุจฺฉา, ตทารมฺมณมานสํ ชายเต กึ, น วาติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. ภวงฺคปาโต วา โหตุ ตทารมฺมณํ วา, โก เอตฺถ วิพนฺโธติ อาห ‘‘ปฏฺาเน ปฏิสิทฺธา’’ติอาทิ. อวจนเมว ปฏิเสโธติ กตฺวา อาห ‘‘ปฏิสิทฺธา’’ติ. ยทิ โสมนสฺสานนฺตรํ โทมนสฺสํ, โทมนสฺสานนฺตรํ โสมนสฺสํ วา อุปฺปชฺเชยฺย, ตทา ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต ธมฺโม อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๒.๔๕) วิย ‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต ธมฺโม ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, ทุกฺขาย เวทนาย…เป… สุขาย เวทนาย…เป… ปจฺจโย’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ตถา คณนวาเร เอเกกเวทนาสมฺปยุตฺตสฺส อตฺตนา สมานเวทนาสมฺปยุตฺตสฺส, อิตรเวทนาทฺวยสมงฺคิสฺส จ ปจฺจยภาวํ สนฺธาย ‘‘อนนฺตเร นวา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ ปเนวํ ปาฬิ อาคตา. โทมนสฺสโสมนสฺสเวทนาย สมฺปยุตฺตานํ ปน อฺมฺอนนฺตรปจฺจยวเสน คณนทฺวยํ ปริหาเปตฺวา ‘‘อนนฺตเร สตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ยถาธมฺมสาสเน อวจนมฺปิ ปฏิเสธสทิสํ อภาวสฺเสว ทีปนโตติ วุตฺตํ ‘‘ปฏิสิทฺธา’’ติ. อสฺส วา อนนฺตรํ โทมนสฺสสฺส อุปฺปตฺตีติ สมฺพนฺโธ. อสฺสาติ โสมนสฺสสฺส.

เอวํ ภวงฺคปาตาภาเว การณํ วตฺวา ปุน ตทารมฺมณาภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มหคฺคต’’นฺติอาทิ. ตตฺเถว ปฏิสิทฺธนฺติ ‘‘ปริตฺตารมฺมโณ ธมฺโม มหคฺคตารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วจนาภาวโต ตตฺเถว ปฏฺาเน ปฏิสิทฺธํ. กึ นุ กาตพฺพนฺติ กึ กาตพฺพํ. น หิ สกฺกา เอตฺตเกน ‘‘อจิตฺตโก’’ติ วตฺตุนฺติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ มหคฺคตารมฺมณเมว โทมนสฺสชวนํ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ. อิฏฺารมฺมณภูเต ปน พุทฺธาทิอารมฺมเณปิ โทมนสฺสชวเน ชวิเต โสมนสฺสปฏิสนฺธิกสฺส ตทารมฺมณสมฺภโว, ภวงฺคปาโต วา นตฺถิ.

๔๖๔-๕. อิฏฺารมฺมเณ อุเปกฺขาสหคตตทารมฺมณสฺส โทมนสฺสานนฺตรฺจ โสมนสฺสสฺส อภาวโต ‘‘อุเปกฺขาสหิตา เหตู’’ติอาทินา อาจริเยน วุตฺเต ปุน โจทโก อนุพนฺธนฺโต อาห ‘‘อาวชฺชนํ กิมสฺสา’’ติ. อาจริโย ปน กิเมตฺถ อาวชฺชนคเวสเนน, เตน วินาว อิทํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ ทีเปนฺโต อาห ‘‘นตฺถิ ต’’นฺติ. ปุน โจทโก อาวชฺชเนน วินา จิตฺตปฺปวตฺตึ อวิสหนฺโต อาห ‘‘ตํ ชายเต กถ’’นฺติ. เอวํ ปน วุตฺเต อาจริโย กิเมตฺถ อาวชฺชเนน, กิฺจ อาวชฺชเนน วินา จิตฺตปฺปวตฺติ นตฺถีติ อิทํ น เอกนฺติกนฺติ ทีเปตุํ นิราวชฺชนจิตฺตานํ สมฺภวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภวงฺคาวชฺชนาน’’นฺติอาทิ, ภวงฺคาวชฺชนานํ กึ อาวชฺชนํ, นนุ นตฺเถวาติ อธิปฺปาโย. นนุ จ ภวงฺคาวชฺชนานิ ตาว สกสกวิสเยสุ นินฺนตฺตา อาวชฺชเนน วินา อุปฺปตฺติยํ พหุลํ จิณฺณตฺตาว อุปฺปชฺชนฺติ, อยํ ปน กถํ อุปฺปชฺชตีติ อิทํ อนุโยคํ สนฺธาย ปุน นิราวชฺชนจิตฺตานิ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มคฺคสฺสา’’ติอาทิ. มคฺคสฺส โลกุตฺตรมคฺคสฺส จิตฺตสฺส. อนนฺตรสฺส ผลสฺส จาติ มคฺคานนฺตรสฺส ผลสฺส จ อตฺถาย กึ อาวชฺชนนฺติ สมฺพนฺโธ. เอวํ นตฺถีติ ยถา เอเตสํ, เอวเมตสฺสาปิ นตฺถิ.

อานนฺทาจริโย ปเนตฺถ อริยมคฺคจิตฺตํ, มคฺคานนฺตรานิ ผลานิ จ ปริกมฺมาวชฺชเนน สาวชฺชนานิ สมานานิ อสติปิ นิราวชฺชนุปฺปตฺติยํ นินฺนาทิภาเว อุปฺปตฺติยา นิทสฺสนมตฺตวเสน วุตฺตานีติ วณฺเณติ. อยํ หิสฺส อธิปฺปาโย – ยทิ หิ นิพฺพานารมฺมณาวชฺชนาภาวํ สนฺธาย วุตฺตานิ สิยุํ, โคตฺรภุโวทานานิ ทสฺสิตพฺพานิ สิยุํ เตเหว เอเตสํ นิราวชฺชนตาสิทฺธิโต, ผลสมาปตฺติกาเล จ ‘‘ปริตฺตารมฺมณํ มหคฺคตารมฺมณํ อนุโลมํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วจนโต สมานารมฺมณาวชฺชนรหิตตฺตา มคฺคานนฺตรานิ ผลจิตฺตานีติ เอวํ สมาปตฺติผลจิตฺตานิ น วชฺเชตพฺพานิ สิยุํ, โคตฺรภุโวทานานิ ปน ยทิปิ นิพฺพาเน จิณฺณานิ, สมุทาจิตานิ จ น โหนฺติ, อารมฺมณนฺตเร จิณฺณสมุทาจิตาเนว. ผลสมาปตฺติจิตฺตานิ จ มคฺควีถิโต อุทฺธํ ตทตฺถํ ปริกมฺมสพฺภาวาติ เตสํ คหณํ น กตํ. อนุโลมานนฺตรฺจ ผลสมาปตฺติจิตฺตํ จิณฺณสมุทาจิตํ, น เนวสฺานาสฺานนฺตรํ มคฺคานนฺตรสฺส วิย ตทตฺถํ ปริกมฺมาภาวาติ ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺสา’’ติ ตฺจ นิทสฺสิตนฺติ.

๔๖๗. ‘‘กิมสฺสารมฺมณ’’นฺติ วตฺวา นิราวชฺชนภาวํ วิย อนารมฺมณภาวมฺปิ วเทยฺยาติ ตพฺภาวทสฺสเนน อตฺตโน วจนํ สาเธนฺโต อาห ‘‘วินา อารมฺมเณนา’’ติอาทิ. ยํ กิฺจีติ ยํ กิฺจิ ปริจิตปุพฺพํ อารมฺมณํ อารพฺภ. นนุ จ ตทารมฺมณิกํ สิยาติ วุตฺตํ, ตทารมฺมณฺจ ชวนารมฺมณเมว คณฺหาติ อิตรถา ตทารมฺมณภาวาโยคโตติ กถมสฺสา ปริตฺตารมฺมณนฺติ? สจฺจํ, กามาวจรวิปากจิตฺตานํ เอกนฺตปริตฺตารมฺมณตฺตา นาสฺสา มหคฺคตารมฺมณภาโว ยุตฺโต, ‘‘ตทารมฺมณ’’นฺติ จ ตทารมฺมณฏฺาเน อุปฺปตฺตึ คเหตฺวา วุตฺตํ, น ตสฺสา ตทารมฺมณกิจฺจสมฺภวโต. เกน จรหิ กิจฺเจนายํ อุปฺปชฺชตีติ? ตทารมฺมณกิจฺจํ ตาว ยถาวุตฺตการณโตว นตฺถิ, นาปิ สนฺตีรณกิจฺจํ ตถา อปฺปวตฺตนโต. ปฏิสนฺธิจุตีสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ปาริเสสโต ปน ภวสฺส องฺคภาวโต ภวงฺคกิจฺจนฺติ ยุตฺตํ สิยา, ปฏิสนฺธิภูตเมว จิตฺตํ ภวงฺคนฺติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุจฺจตีติ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนาปิ หิ อยมตฺโถ ทสฺสิโตว.

๔๖๘-๗๓. อวิชฺชมาเน การเก กถํ กสฺสจิ นิราวชฺชนปฺปวตฺติกสฺส สาวชฺชนภาเวนาติ โจทนํ สนฺธาย จิตฺตนิยามนิพฺพตฺตเมตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุตุพีชนิยาโม จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุตุพีชนิยาโม จาติ อุตุนิยาโม เจว พีชนิยาโม จ, อุตุสภาวนิยาโม พีชสภาวนิยาโมติ วุตฺตํ โหติ. กมฺมธมฺมานํ นิยาโม เอว กมฺมธมฺมนิยามตา. เอกปฺปหาเรนาติ ตํ ตํ อุตุสมยมนติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึเยว กาเล. ผลปุปฺผาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปลฺลวาทีนํ สงฺคโห. สพฺเพสนฺติ ตสฺมึ สมเย ผลาทินิพฺพตฺตนกานํ สพฺเพสํ. ตํตํตุลฺยผลุพฺภโวติ เตหิ เตหิ พีเชหิ สทิสานํ ผลานํ นิพฺพตฺติ, เตสํ เตสํ พีชานํ อนุรูปผลนิพฺพตฺตีติ อตฺโถ. ‘‘กุลตฺถคจฺฉสฺส อุตฺตรคฺคภาโว, ทกฺขิณวลฺลิยา ทกฺขิณรุกฺขปริหรณํ, สูริยาวตฺตปุปฺผานํ สูริยาภิมุขภาโว, มาลุวลตาย รุกฺขาภิมุขคมน’’นฺติ เอวมาทีนิปิ เอตฺเถว สโมธานํ คจฺฉนฺติ. ฉิทฺทตฺตนฺติ ฉิทฺทวนฺตภาโว, ฉิทฺทํเยว วา. พีชโชติ พีชสมฺภโว นิยาโม. ยโต เทตีติ ยโต ยโต ปจฺจยภาวนิยามโต เทติ. อยนฺติ อยํ อตฺตโน อนุรูปสฺส, สทิสสฺส, วิสทิสสฺส จ ผลสฺส นิพฺพตฺตเน นิยาโม. อปิจ –

‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ,

น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;

น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส,

ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย ปาปกมฺมา’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๗) –

อิมิสฺสา คาถาย อฏฺุปฺปตฺติยํ อาคตํ ติณกลาปสฺส คหิตอคฺคิโน อุฏฺหิตฺวา อากาเส คจฺฉโต กากสฺส คีวาย ปฏิมุจฺจนํ, นาวิกสฺส ภริยาย วาลุกฆฏํ กณฺเ พนฺธิตฺวา สมุทฺทุทเก ปกฺขิปนํ, ปพฺพตกูฏสฺส ปติตฺวา เลเณ วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ ทฺวารปิทหนนฺติ ตํตํกมฺมสริกฺขกวิปากนิพฺพตฺตนมฺปิ กมฺมนิยาโมเยวาติ เวทิตพฺพํ. ชาติยนฺติ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ เจว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมเน จ, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อภิสมฺโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนาทีสุปิ เมทนีกมฺปนาทิกสฺส สมฺภวโต. โพธิสตฺตสฺสาติ ปจฺฉิมภวิกโพธิสตฺตสฺส. เมทนีกมฺปนาทิกนฺติ ปถวีกมฺปนาทิกํ ทฺวตฺตึสปุพฺพนิมิตฺตํ. วิเสสตฺตมเนกมฺปีติ ปุพฺพนิมิตฺตโต อฺํ ตทา ปาตุภูตํ สพฺพํ อจฺฉริยํ. อุปฺปตฺตาวชฺชนาทีนนฺติ ‘‘ตฺวํ อาวชฺชนํ โหหิ, ตฺวํ ทสฺสน’’นฺติอาทินา นิยุฺชกสฺส อภาเวปิ ตํตํกิจฺจวเสน เตสํ เตสํ อุปฺปตฺติ.

๔๗๔. หทเย อนฺธกาโร วิยาติ หทยนฺธกาโร, สมฺโมโหติ อตฺโถ, ตสฺส วิทฺธํสนํ ปหานกรณนฺติ หทยนฺธการวิทฺธํสนํ. ปยุตฺโตติ อนุปาทาปรินิพฺพานํ อปฺปตฺวา อโนสกฺกมาเนน วีริเยน วีริยวา. โมหนฺธการาปคมนฺติ อรหตฺตมาห.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

วิปากจิตฺตปฺปวตฺตินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อฏฺโม ปริจฺเฉโท

ปกิณฺณกนิทฺเทสวณฺณนา

๔๗๕-๖. อิทานิ ยถาวุตฺตานํ สพฺเพสมฺปิ จิตฺตานํ ปากฏภาวตฺถํ –

‘‘สุตฺตํ โทวาริโก เจว,

คามิลฺโล อมฺพโคฬิโย;

ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปี จ,

อุปนิสฺสยมตฺถโส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘ วิปากุทฺธารกถา) –

อฏฺกถาย อาคตมาติกาย วเสน ปกิณฺณกนยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานิ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ มนสนฺติ จิตฺตานํ. ‘‘มานส’’นฺติปิ ปนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ปนฺถมกฺกฏโกติ ปาณกปฏงฺคาทีนํ สฺจรณฏฺาเน ชาลํ ปสาเรตฺวา เตสํ มคฺครกฺขณโต ‘‘ปนฺถมกฺกฏโก’’ติ ลทฺธนาโม อุณฺณนาภิ. ทิสาสุ ปน ปฺจสูติ อุปเมตพฺพานํ ปฺจปสาทานํ วเสน วุตฺตํ. ตตฺถาติ มคฺเค, ตตฺถ ชาลมชฺเฌติ วา สมฺพนฺโธ. สุตฺตํ ปสาเรตฺวาติ ชาลพนฺธนมาห.

๔๗๘-๘๐. นฺติ รุธิรมาห. ทิสาสุ ทุติยาทีสุ สุตฺเต…เป… ฆฏฺฏิเตติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ปสาทา ปฺจ ทฏฺพฺพา’’ติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. จิตฺตํ…เป… วิยาติ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ปวตฺตมานจิตฺตํ ชาลมชฺเฌ นิปนฺนมกฺกฏโก วิย ทฏฺพฺพํ.

๔๘๒-๕. ปสาทฆฏฺฏนนฺติ ปสาเท ฆฏฺฏิตํ. ภวงฺคาวฏฺฏนนฺติ ภวงฺคํ อาวฏฺเฏนฺตํ. ธมฺมโต อฺา กาจิ กิริยา นาม นตฺถีติ ธมฺมเมว จลเนน สห อุปเมติ. สุตฺตานุสารํวาติ สุตฺตานุสาเรน คมนํ วิย. ชวนสฺส อารมฺมณรสานุภวนโต ตสฺส ปวตฺติ ยูสปาเนน สทฺธึ อุปเมตฺวา วุตฺตา. วตฺถุํเยวาติ ยถา ปุริมจิตฺตานิ หทยวตฺถุนิสฺสิตานิ ปสาทวตฺถุํ อนุคตานิ อฺารมฺมณานิ จ โหนฺติ, น เอวํ ภวงฺคํ. ตํ ปน วตฺถารมฺมณนฺตรรหิตํ เกวลํ หทยวตฺถุเมว นิสฺสาย ปวตฺตตีติ ทีเปติ. ปริวตฺตนนฺติ ปุน ภวงฺคภาเวน ปริวตฺตนํ. ภวงฺคาวชฺชนาทีนํ ธมฺมโต เภเทปิ สนฺตติวเสน เอกตฺตํ คเหตฺวา เอเกเนว มกฺกฏเกน อุปมาสํสนฺทนํ วุตฺตํ.

๔๘๖-๙๐. อุปมา เอว โอปมฺมํ. ตโต ปสาทวตฺถุโต จิตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ทีปิตํ อิมินา โอปมฺเมน. เอเกการมฺมณนฺติ รูปาทีสุ ปฺจสุ เอเกกํ อารมฺมณํ. สพฺพโสติ สพฺเพสุ จกฺขาทีสุ ยตฺถ กตฺถจีติ อตฺโถ. อิทานิ เอเกการมฺมณสฺส ทฺวีสุ ทฺวีสุ อาปาถคมนํ ปกาเสตุํ ‘‘รูปํ จกฺขุปสาทมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เข อากาเส คจฺฉตีติ ขโค, ปกฺขิ. สาขิโนติ รุกฺขสฺส.

๔๙๒-๓. รูปสฺสาติ สมฺพนฺเธ สามิวจนํ, ตสฺส ปน ฆฏฺฏนํ, อาปาถคมนมฺปิ จาติ ทฺวีหิ สห สมฺพนฺโธ. ปสาทสฺสาติ กมฺมตฺเถ สามิวจนํ, อตฺถโต อาปาถคมนมฺปิ จาติ สมฺพนฺโธ. อารมฺมณวเสน, อาปาถํ อาคจฺฉนฺตสฺสปิ ปสาทฆฏฺฏเนน จ ภวงฺคจลนสฺส ปจฺจยภาเวน อาปาถํ วิย อุปคมนนฺติ อตฺโถ.

๔๙๔-๕. ตโตติ ภวงฺคจลนโต ปรํ, กุสลํ ชวนํ จิตฺตนฺติ กามาวจรกุสลชวนจิตฺตํ. อกุสลเมว วาติ วา-สทฺเทน กิริยาพฺยากตจิตฺตมฺปิ สงฺคณฺหาติ. เอตฺถ สิยา – โก ปเนตํ ชวนํ กุสลตาย วา อกุสลตาย วา นิยเมตีติ? โยนิโสมนสิกาโร เจว อโยนิโสมนสิกาโร จ. ยสฺส หิ จตุจกฺกสมฺปทาวเสน โยนิโสมนสิกาโร ปวตฺตติ, อาวชฺชนํ, โวฏฺพฺพนฺจ โยนิโสว อาวฏฺเฏติ, ววตฺถาเปติ จ, ตสฺส อกุสลุปฺปตฺติ นตฺถิ. ยสฺส ปน วุตฺตวิปริยาเยน อโยนิโสมนสิกาโร จ โหติ, อาวชฺชนํ, โวฏฺพฺพนฺจ อโยนิโส จ อาวฏฺเฏติ, ววตฺถาเปติ จ, ตสฺส กุสลชวนุปฺปตฺติ นตฺถิ, ตสฺมา โยนิโสมนสิกาโร กุสลตาย, อโยนิโสมนสิกาโร อกุสลตาย จ นิยเมตีติ ทฏฺพฺพํ. กิริยาชวนํ ปน อรหตฺตเมว นิยเมติ. เกจิ ปน ‘‘กิริยาชวนํ ปน มนสิกาโร จ นิยเมติ. ยถา หิ อาวชฺชนํ กุสลากุสลานํ วิสุํ วิสุํ ปจฺจโย โหติ, เอวํ กิริยาชวนสฺสาปี’’ติ วทนฺติ.

๔๙๗. โทวาริโกปมาทีนีติ เอตฺถ เอโก ราชา สยนคโต นิทฺทายติ, ตสฺส ปริจารโก ปาเท ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ, พธิรโทวาริโก ทฺวาเร ิโต, ตโย ปฏิหารา สยนสฺส, ทฺวารสฺส จ มชฺเฌ ปฏิปาฏิยา ิตา. อเถโก ปจฺจนฺตวาสี มนุสฺโส ปณฺณาการํ อาทาย ทฺวารํ อาโกเฏสิ, พธิรโทวาริโก สทฺทํ น สุณาติ, ปาทปริมชฺชโก สฺํ อกาสิ, ตาย สฺาย ทฺวารํ วิวริตฺวา ปสฺสิ, ปมปฏิหาโร ปณฺณาการํ คเหตฺวา ทุติยสฺส อทาสิ, ทุติโย ตติยสฺส, ตติโย รฺโ, ราชา ปริภุฺชิ. ตตฺถ ราชา วิย ชวนํ ทฏฺพฺพํ, ปาทปริมชฺชโก วิย อาวชฺชนํ, พธิรโทวาริโก วิย จกฺขุวิฺาณํ, ตโย ปฏิหารา วิย สมฺปฏิจฺฉนาทีนิ ตีณิ วีถิจิตฺตานิ, ปจฺจนฺตวาสิโน ปณฺณาการํ อาทาย ทฺวาราโกฏนํ วิย อารมฺมณสฺส ปสาทฆฏฺฏนํ, ปาทปริมชฺชเกน สฺาย ทินฺนกาโล วิย กิริยามโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฏฺฏิตกาโล, เตน ทินฺนสฺาย พธิรโทวาริกสฺส ทฺวารวิวรกาโล วิย จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมเณ ทสฺสนกิจฺจสาธนกาโล, ปมปฏิหาเรน ปณฺณาการสฺส คหิตกาโล วิย วิปากมโนธาตุยา อารมฺมณสฺส สมฺปฏิจฺฉิตกาโล, ปเมน ทุติยสฺส ทินฺนกาโล วิย วิปากมโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณสฺส สนฺตีริตกาโล, ทุติเยน ตติยสฺส ทินฺนกาโล วิย กิริยามโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณสฺส ววตฺถาปิตกาโล, ตติเยน รฺโ ทินฺนกาโล วิย โวฏฺพฺพเนน ชวนสฺส นิยฺยาติตกาโล, รฺโ ปริโภคกาโล วิย ชวนสฺส อารมฺมณรสานุภวนกาโลติ อยํ โทวาริโกปมา.

‘‘อิทํ ปน โอปมฺมํ กึ ทีเปตี’’ติอาทิ อุจฺฉุยนฺตูปมาย วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. สมฺพหุลา คามทารกา อนฺตรวีถิยํ ปํสุํ กีฬนฺติ, ตตฺเถกสฺส หตฺเถ กหาปโณ ปฏิหฺิ. โส ‘‘มยฺหํ หตฺเถ ปฏิหตํ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ อาห. อเถโก ‘‘ปณฺฑรํ เอต’’นฺติ อาห. อปโร สห ปํสุนา คาฬฺหํ คณฺหิ. อฺโ ‘‘ปุถุลํ จตุรสฺสํ เอต’’นฺติ อาห. อปโร ‘‘กหาปโณ เอโส’’ติ อาห. อถ อาหริตฺวา มาตุ อทํสุ, สา กมฺเม อุปเนสิ. ตตฺถ สมฺพหุลานํ ทารกานํ อนฺตรวีถิยํ กีฬนฺตานํ สนฺนิสินฺนกาโล วิย จิตฺตปฺปวตฺติ ทฏฺพฺพา, กหาปณสฺส หตฺเถ ปฏิหตกาโล วิย อารมฺมเณน ปสาทสฺส ฆฏฺฏิตกาโล, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ วุตฺตกาโล วิย ตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา กิริยามโนธาตุยา ภวงฺคสฺส อาวฏฺฏิตกาโล, ‘‘ปณฺฑรํ เอต’’นฺติ วุตฺตกาโล วิย จกฺขุวิฺาเณน ทสฺสนกิจฺจสฺส สาธิตกาโล, สห ปํสุนา คาฬฺหํ คหิตกาโล วิย วิปากมโนธาตุยา อารมฺมณสฺส สมฺปฏิจฺฉิตกาโล, ‘‘ปุถุลํ จตุรสฺสํ เอต’’นฺติ วุตฺตกาโล วิย วิปากมโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณสฺส สนฺตีริตกาโล, ‘‘กหาปโณ เอโส’’ติ วุตฺตกาโล วิย กิริยามโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณสฺส ววตฺถาปิตกาโล, มาตรา กมฺเม อุปนีตกาโล วิย ชวนสฺส อารมฺมณรสานุภวนํ เวทิตพฺพนฺติ อยํ คามทารโกปมา.

อิทํ โอปมฺมํ กึ ทีเปติ? กิริยามโนธาตุ อทิสฺวาว ภวงฺคํ อาวฏฺเฏติ, วิปากมโนธาตุ อทิสฺวาว สมฺปฏิจฺฉติ, วิปากมโนวิฺาณธาตุ อทิสฺวาว สนฺตีเรติ, กิริยามโนวิฺาณธาตุ อทิสฺวาว ววตฺถาเปติ, ชวนํ อทิสฺวาว อารมฺมณรสํ อนุภวติ, เอกนฺเตน ปน จกฺขุวิฺาณเมว ทสฺสนกิจฺจํ สาเธตีติ ทีเปติ. ชจฺจนฺธปีสปฺปีอุปมา อุปริ อาคมิสฺสติ.

๔๙๘-๕๐๙. เอตฺตกา อุปมา สงฺคเหตฺวา ‘‘โทวาริโกปมาทีนี’’ติ วตฺวา ‘‘อุปนิสฺสยมตฺถโส’’ติ เอตฺถ อุปนิสฺสยภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘อสมฺเภเทนา’’ติอาทิมาห. อสมฺเภเทนาติ อวินฏฺภาเวน, วาตปิตฺตาทีหิ อนุปหตภาเวน จ. วาตปิตฺตาทิอุปหตมฺปิ หิ จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจยภาวานุปคมนโต สมฺภินฺนเมว นาม โหติ, ปฺจินฺทฺริยานํ อตฺถิกฺขเณเยว นิสฺสยภาวูปคมนโต ขณวเสน อสมฺเภโทปิ ยุชฺชติ. เอส นโย โสตปสาทาทีสุปิ. รูปาปาถคเมนาติ ทูเร ิตสฺส ผลิกาทีหิ อนฺตริตสฺส จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺติยา ปจฺจโย ภวิตุํ โยคฺยเทเส อวฏฺิตวเสน รูปสฺส อาปาถคมเนน. เอวฺจ กตฺวา ทูเร ิตํ, ปรมฺมุเข ิตมฺปิ ทิพฺพจกฺขุสฺส อาปาถคตเมว นาม โหติ. อาโลกนิสฺสเยนาปีติ รูปาวภาสนสมตฺถอาโลกสงฺขาตนิสฺสเยน. อาโลเก สติ สมฺภโว เจตฺถ อาโลกนิสฺสยตา, น อาโลกสฺส นิสฺสยปจฺจยตฺตา. มนกฺกาโรว เหตุ มนกฺการเหตุ, เตน สห วตฺตตีติ สมนกฺการเหตุ. เตน อาโลกนิสฺสิตํ ทสฺเสติ. สเมเตหีติ สํยุตฺเตหิ เอกีภูเตหิ, น เอกสฺสปิ วิรเหนาติ อตฺโถ.

อากาสนิสฺสเยนาติ กณฺณจฺฉิทฺทสงฺขาตอากาสนิสฺสเยน. เตเนว หิ อฏฺกถายํ ‘‘น หิ ปิหิตกณฺณจฺฉิทฺทสฺส โสตวิฺาณํ ปวตฺตตี’’ติ วุตฺตํ. พาหิรากาสมฺปิ ปน อิจฺฉิตเมว. ตถา หิ อวิวเร เคเห นิสีทิตฺวา วุจฺจมานานํ พหิ ิตา น สุณนฺติ. วาโยสนฺนิสฺสเยนาติ นาสิกจฺฉิทฺทํ ปวิสนวายุสนฺนิสฺสเยน. อาโปสนฺนิสฺสเยนาติ เขฬสงฺขาตอาโปสนฺนิสฺสเยน. ปถวีสนฺนิสฺสเยนาติ กายปสาทวตฺถุสฺส ปถวีธาตุสนฺนิสฺสเยน. มโนวิฺาณนฺติ ชวนมโนวิฺาณํ.

๕๑๐-๑๑. มโน…เป… เวทิตพฺพนฺติ ‘‘อสมฺเภทา มนสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ มโน ภวงฺคจิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ ปน จุติวเสน นิรุทฺธมฺปิ กิริยามยจิตฺตสฺส ปจฺจยภาวํ อนุปคนฺตฺวา เกวลํ ภวงฺคปฺปวตฺติวเสน มนฺทถามคตํ หุตฺวา ปวตฺตนมฺปิ สมฺภินฺนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. นายํ สพฺพตฺถ คจฺฉตีติ จตุโวกาเร อลพฺภนโต. เตนาห ‘‘ภวํ ตุ ปฺจโวการ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ โวกาโร เอตฺถาติ ปฺจโวกาโร. โหติ หิ ภินฺนาธิกรณมฺปิ อฺปทตฺถสมาโส ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ. อถ วา ยถาปจฺจยํ ปฺจหิ ขนฺเธหิ โวกรียตีติ ปฺจโวกาโร. ‘‘อตฺถโต’’ติ เอวมาทิกํ ปทํ จกฺขาทีนิ ทสฺสนาทิกิจฺจานีติ เอตฺตกเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น อฺํ กิฺจิ วิเสสนนฺติ น ตตฺถ วินิจฺฉโย วุตฺโต.

๕๑๒-๔. สพฺพานีติ กามาวจราทิเภทํ อนามสิตฺวา สพฺพานิ. กมฺมนฺติ ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกา อุปปชฺชเวทนียภูตา, อปราปริยเวทนียภูตา วา เจตนา. กมฺมนิมิตฺตนฺติ ยํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา อายูหนกาเล กมฺมํ อายูหติ, ตํ ทานูปกรณาทิกํ, ปาณฆาโตปกรณาทิกฺจ. คตินิมิตฺตนฺติ ภวนฺตรมุปปชฺชิตพฺพภวปริยาปนฺนวณฺณายตนํ, ตํ ปน สุคติยํ มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตนฺตสฺส รตฺตกมฺพลสทิสมาตุกุจฺฉิวณฺณวเสน, เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺตสฺส อุยฺยานกปฺปรุกฺขวณฺณวเสน, ทุคฺคติยํ นิพฺพตฺตนฺตสฺส อคฺคิชาลาทิวณฺณวเสน, เปตติรจฺฉานโยนีสุ เปตติรจฺฉานานํ นิพทฺธสฺจรณฏฺานปริยาปนฺนตาวณฺณวเสน จ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ติวิธ’’นฺติ อิทํ ยถาสมฺภววเสน วุตฺตํ, รูปารูปสมฺพนฺธีนํ ปน กมฺมนิมิตฺตเมว อารมฺมณํ โหติ. ตถา หิ มหคฺคตวิปากานิ เอกนฺเตน กมฺมสทิสารมฺมณานิ วุตฺตานิ.

ปจฺจุปฺปนฺนมตีตํ วาติ ขณวเสน ปจฺจุปฺปนฺนมตีตํ วา. ตตฺถ คตินิมิตฺตํ เอกนฺเตน ปจฺจุปฺปนฺนเมว, กมฺมนิมิตฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนมตีตํ วา, กมฺมํ ปน อตีตเมว. อนาคตารมฺมณํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตํ วิย อนาปาถคตตฺตา, อตีตกมฺมกมฺมนิมิตฺตํ วิย อนนุภูตตฺตา จ วิภูตํ หุตฺวา โนปติฏฺาตีติ อติสนฺตภาเวน ปวตฺตมานา ปฏิสนฺธิ ตํ อารพฺภ ปวตฺติตุํ น สกฺโกตีติ วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ อนาคต’’นฺติ. มหคฺคตปฏิสนฺธีนํ เอกนฺเตน กมฺมสทิสารมฺมณภาเวน กมฺมสฺส วิย อตีตนวตฺตพฺพารมฺมณตฺตา น ตาสํ วิสุํ อารมฺมณํ อุทฺธฏํ. ตตฺถ ทุติยจตุตฺถารูปปฏิสนฺธีนํ อตีตเมว อารมฺมณํ อิตราสํ นวตฺตพฺพนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๕๑๗-๒๐. มหาวิปากานํ ปฏิสนฺธาทิจตุกิจฺจวเสเนว ปวตฺตนโต รูปารูปภเว ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ตํตํวิปากสฺเสว ปวตฺติโต, ตทารมฺมณสฺส จ อภาเวน ตตฺถ น ลพฺภตีติ อาห ‘‘มหาปากา…เป… ทฺวเย’’ติ. อนิฏฺรูปานํ พฺรหฺมโลเก อสมฺภเวปิ ตตฺถ ตฺวา อิธ อนิฏฺารมฺมณํ ปสฺสนฺตานํ อกุสลวิปากานิ น อุปฺปชฺชนฺตีติ น วตฺตพฺพนฺติ รูปภเวปิ สนฺตีรณตฺตยํ วุตฺตํ. อภิธมฺมตฺถสงฺคหสจฺจสงฺเขปาทีสุปิ หิ อิมินาว อธิปฺปาเยน รูปโลเก อกุสลวิปากปฺปวตฺติ ทสฺสิตา. อปเร ปน ‘‘กามภเว สนฺตีรณตฺตยํ, รูปภเว สนฺตีรณทฺวยนฺติ ยถาลาภวเสน โยเชตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.

กทาจิปีติ ปริตฺตารมฺมเณสุ ปริตฺตชวนานํ อุปฺปาเทปิ. ‘‘พีชสฺสาภาวโต’’ติ รูปารูปภวทฺวเย ตทารมฺมณาภาวสฺส การณํ วตฺวา ตเมว ปกาเสตุํ ‘‘ปฏิสนฺธิพีช’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิสนฺธิเยว พีชภูตนฺติ ปฏิสนฺธิพีชํ. ตสฺสาติ ตทารมฺมณสฺส.

๕๒๑. ยทิ เอวํ จกฺขุวิฺาณาทีนมฺปิ กามาวจรปฏิสนฺธิพีชตฺตา ตตฺถ อภาโว อาปชฺชตีติ โจเทนฺโต อาห ‘‘จกฺขุวิฺาณาทีน’’นฺติอาทิ. อินฺทฺริยานนฺติ จกฺขุวิฺาณาทีนํ วตฺถุทฺวารภูตานํ จกฺขาทีนมินฺทฺริยานํ. ปวตฺตานุภาวโตติ เตสํ ตตฺถ อตฺถิตานุภาวโต. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – จกฺขุโสตวิฺาณานํ วตฺถุภูตานิ จกฺขุโสตินฺทฺริยานิ ตตฺถ ปวตฺตนฺตีติ เตสํ ปวตฺติอานุภาวโต จกฺขุโสตวิฺาณานิ ปวตฺตนฺติ. สติ จ เตสํ ปวตฺติยํ วีถิจิตฺตุปฺปาโท นิยโตติ จกฺขุวิฺาณาทีนํ วิย สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณานมฺปิ ตตฺถ สมฺภโว สิทฺโธติ.

๕๒๓-๔. อกามาวจรธมฺเมติ กามาวจรธมฺมโต อฺเ มหคฺคตโลกุตฺตรธมฺเม. นานุพนฺธตีติ นานุวตฺตติ. ชนกํ…เป… อนุพนฺธตีติ ยถา นาม เคหโต นิกฺขมิตฺวา พหิ คนฺตุกาโม ตรุณทารโก อตฺตโน ชนกํ ปิตรํ วา อฺํ วา ปิตุสทิสํ หิตกามํ าตึ องฺคุลิยํ คเหตฺวา อนุพนฺธติ, น อฺํ ราชปุริสาทึ, ตถา เอตมฺปิ ภวงฺคารมฺมณโต พหิ นิกฺขมิตุกามสภาคตาย อตฺตโน ชนกํ ปมกุสลาทิกํ สทิสํ วา ทุติยกุสลาทิกามาวจรชวนเมว อนุพนฺธติ, น อฺํ มหคฺคตํ โลกุตฺตรนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ. กุสลากุสลาทินฺติ อาทิ-คฺคหเณน กิริยาพฺยากตํ สงฺคณฺหาติ. อานนฺทาจริโย ปน ปฏฺาเน ‘‘กุสลากุสเล นิรุทฺเธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๙๘) วิปากธมฺมธมฺมานเมวานนฺตรํ ตทารมฺมณํ วุตฺตํ. วิปฺผารวนฺตฺหิ ชวนํ นาวํ วิย นทีโสโต ภวงฺคํ อนุพนฺธติ, น ปน ฉฬงฺคุเปกฺขาวโต สนฺตวุตฺตึ กิริยาชวนํ ปณฺณปุฏํ วิย นทีโสโตติ กิริยาชวนานนฺตรํ ตทารมฺมณํ น อิจฺฉติ, อาจริยโชติปาลตฺเถราทโย ปน ‘‘ลพฺภมานสฺสปิ เกนจิ อธิปฺปาเยน กตฺถจิ อวจนํ ทิสฺสติ, ยถา ตํ ธมฺมสงฺคเห อกุสลนิทฺเทเส ลพฺภมาโนปิ อธิปติ น วุตฺโต, ตสฺมา ยทิ อพฺยากตานนฺตรมฺปิ ตทารมฺมณํ วุจฺเจยฺย, ตทา โวฏฺพฺพนานนฺตรมฺปิ ตสฺส ปวตฺตึ มฺเยฺยุนฺติ กิริยาชวนานนฺตรํ ตทารมฺมณํ น วุตฺตํ, น ปน อลพฺภนโต. ยฺเจตฺถ ปณฺณปุฏํ นิทสฺสิตํ, ตํ นิทสฺสิตพฺเพน สมานํ น โหติ, นาวาปณฺณปุฏานฺหิ นทีโสตสฺส อาวฏฺฏนํ คติ จ วิสทิสีติ นาวายํ นทีโสตสฺส อนุพนฺธนํ, ปณฺณปุฏสฺส อนนุพนฺธนฺจ ยุชฺชติ, อิธ ปน กิริยาชวเนตรชวนานํ ภวงฺคโสตสฺส อาวฏฺฏนํ คติ จ สทิสีติ เอตสฺส อนนุพนฺธนํ, อิตรสฺส อนุพนฺธนฺจ น ยุชฺชติ, ตสฺมา วิจาเรตพฺพเมว ต’’นฺติ วทนฺติ.

๕๒๕-๖. ยถา เจตํ มหคฺคตโลกุตฺตรธมฺเม นานุวตฺตติ, ตถา ยทา เอเต กามาวจรธมฺมาปิ มหคฺคตานุตฺตรธมฺมารมฺมณา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, ตทา เตปิ นานุพนฺธตีติ อาห ‘‘กามาวจรธมฺมาปี’’ติอาทิ. มหคฺคตา-คฺคหเณน เจตฺถ โลกุตฺตรานมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เต จาปีติ -สทฺเทน โลกุตฺตรารมฺมณานํ คหณํ. กสฺมา นานุพนฺธตีติ อาห ‘‘ปริตฺตารมฺมณตฺตา’’ติอาทิ. ปริตฺตารมฺมณตฺตาติ เหฏฺา วุตฺตนเยน กามาวจรวิปากานํ เอกนฺเตน ปริตฺตารมฺมณตฺตา. ตถาปริจิตตฺตาติ ยถา ชวนํ, เอวํ อปริจิตตฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา หิ โส ปิตรํ, ปิตุสทิสํ วา กฺจิ อนุพนฺธนฺโต ตรุณทารโก ฆรทฺวารนฺตรวีถิจตุกฺกาทิมฺหิ ปริจิเตเยว เทเส อนุคจฺฉติ, น อรฺํ วา รกฺขสภูมึ วา คจฺฉนฺตํ, เอวํ กามาวจรธมฺเม อนุพนฺธนฺตมฺปิ ปริตฺตมฺหิ ปริจิเตเยว เทเส ปวตฺตมาเน เต ธมฺเม อนุพนฺธติ, น มหคฺคตโลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตมาเนปิ.

๕๒๗-๓๒. อิทานิ กึ อิมาย ยุตฺติกถาย, อฏฺกถาปมาณโต เจตํ คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กึ เตนา’’ติอาทิ. ชวเนติ กามาวจรชวเน. ตทารมฺมณจิตฺตานิ ‘‘ตทารมฺมณ’’นฺติ ลทฺธนามานิ จิตฺตานิ ตทารมฺมณภาวํ น คณฺหนฺติ, ตทารมฺมณภาเวน น ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา นามโคตฺตํ อารพฺภ ชวเน ชวิเต ตทารมฺมณํ ตสฺส ชวนสฺส อารมฺมณํ น คณฺหนฺติ น ลพฺภนฺตีติ อตฺโถ. รูปารูปภเวสุ วาติ วา-สทฺเทน ‘‘ชวเน ชวิเตปิ ตทารมฺมณํ น คณฺหนฺตี’’ติ อากฑฺฒติ. ปณฺณตฺตึ อารพฺภาติ กามภเวปิ ปณฺณตฺตึ อารพฺภ. ลกฺขณารมฺมณายาติ อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยารมฺมณาย, พลววิปสฺสนายาติ อตฺโถ. ‘‘ตีณิ ลกฺขณานิ, ติสฺโส จ ปฺตฺติโย กุสลตฺติเก น ลพฺภนฺตี’’ติ อฏฺกถาย วุตฺตตฺตา ติณฺณํ ลกฺขณานํ ธมฺมโต อภาเวน ตํ อารพฺภ ปวตฺตาย วิปสฺสนาย ตทารมฺมณานิ น ลพฺภนฺติ. ปฏฺาเน ปน ‘‘เสขา วา ปุถุชฺชนา วา กุสลํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺติ, กุสลากุสเล นิรุทฺเธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๖) วจนโต ขนฺธารมฺมณิกวิปสฺสนาย ตทารมฺมณํ ลพฺภตีติ ทฏฺพฺพํ. มิจฺฉตฺตนิยเตสูติ ‘‘กตเม ธมฺมา มิจฺฉตฺตนิยตา? จตฺตาโร ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา’’ติ (ธ. ส. ๑๔๒๖) เอวมาคเตสุ มิจฺฉาคาหวเสน ปวตฺเตสุ ธมฺเมสุ ชวนํ หุตฺวา ชวิเตสุ. กสฺมา ปน เตสุ ชวิเตสุ ตทารมฺมณํ น ลพฺภตีติ? กามาวจรวิปากานฺหิ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิ วิย ‘‘อตฺตา โอจฺฉิชฺชตี’’ติอาทินา อตฺตปริกปฺปนาวเสน อปฺปวตฺตนโต นิยตมิจฺฉาทิฏฺิวสปฺปวตฺเตสุ เตสุ ชวิเตสุ ตทนนฺตรํ ตทารมฺมณานิ น อุปฺปชฺชนฺติ, อนิยตมิจฺฉาทิฏฺิวสปฺปวตฺเตสุ ปน ชวิเตสุ ตทารมฺมณํ นุปฺปชฺชตีติ นตฺถิ. อถ วา มิจฺฉตฺตนิยเตสูติ มิจฺฉาภาวนิยตสภาเวสุ ตํวิสเยสูติ อตฺโถ. มิจฺฉตฺตนิยตธมฺมานํ ธมฺมสภาวํ อคฺคเหตฺวา มิจฺฉตฺตนิยตสภาวสฺเสว คหณโต, ตสฺส จ วิปากานํ อวิภูตตฺตา มิจฺฉตฺตนิยตสภาเว อารพฺภ ตทารมฺมณา น ลพฺภนฺติ. ปิ-สทฺเทน สมฺมตฺตนิยเตสุปีติ สมฺปิณฺเฑติ, ‘‘โลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภา’’ติ วา เอเตน สิทฺธตฺตา น เตสํ วิสุํ อุทฺธรณํ กตํ. อฏฺกถายํ ปน มิจฺฉตฺตนิยตสมฺมตฺตนิยตานํ อฺมฺปฏิปกฺขภาเวน พลวภาวโต ตทารมฺมณสฺส อวตฺถุภาวทสฺสนตฺถํ มิจฺฉตฺตนิยตานนฺตรํ สมฺมตฺตนิยตาปิ อุทฺธฏา. มิจฺฉตฺตนิยตสภาวสฺส วิย ปฏิสมฺภิทาสภาวสฺสปิ กามาวจรวิปากานํ อวิภูตภาเวน ปฏิสมฺภิทาาณานิ อารพฺภ ชวเน ชวิเต ตทารมฺมณํ น ลพฺภตีติ อาห ‘‘ปฏิสมฺภิทาาณานี’’ติอาทิ. มโนทฺวาเรปีติ น เกวลํ ปฺจทฺวาเรสุเยว, อถ โข มโนทฺวาเรปิ. สพฺเพสนฺติ อเหตุกทุเหตุกาทีนํ สพฺเพสํ. อนุปุพฺพโตติ เหฏฺา วุตฺตอนุกฺกมโต.

๕๓๓. น วิชฺชตีติ มโนทฺวารสฺส อปฺปฏิฆภาเวน น วิชฺชติ. ภวงฺคโตติ ภวงฺคสนฺตานโต, ตสฺส อารมฺมณโต วา. วุฏฺานนฺติ ภวงฺคสนฺตาเน, ตสฺสารมฺมเณ วา สติ ตสฺส วุฏฺานํ.

๕๓๕-๖. สตฺต สตฺตาติ เอเกกสฺส สตฺต สตฺตาติ กตฺวา. ปาปปากาติ อกุสลวิปากา. ‘‘ทฺวาทสาปุฺจิตฺตาน’’นฺติ วตฺวา ‘‘ปาปปากา’’ติ วจนํ ‘‘ตตฺริทํ สุคตสฺส สุคตจีวรปฺปมาณ’’นฺติอาทีสุ วิย สฺาสทฺทวเสน วุตฺตํ. เอวํ ปวตฺติยํ อกุสลวิปากานํ ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิสนฺธิยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกาทสวิธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อุทฺธจฺจเจตนาย ปวตฺติวิปากทานมตฺตํ วินา ปฏิสนฺธิทานาภาวโต อาห ‘‘หิตฺวา อุทฺธจฺจมานส’’นฺติ. กึ ปเนตฺถ การณํ, อธิโมกฺขวิรเหน สพฺพทุพฺพลมฺปิ วิจิกิจฺฉาสหคตํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ, อธิโมกฺขสภาวโต ตโต พลวตรมฺปิ อุทฺธจฺจสหคตํ นากฑฺฒตีติ? ปฏิสนฺธิทานสภาวาภาวโต. ‘‘พลวํ อากฑฺฒติ, ทุพฺพลํ นากฑฺฒตี’’ติ หิ อยํ วิจารณา ปฏิสนฺธิทานสภาเวสุเยว. ยสฺส ปน ปฏิสนฺธิทานสภาโว เอว นตฺถิ, น ตสฺส พลวภาโว ปฏิสนฺธิอากฑฺฒเน การณนฺติ.

กถํ ปเนตํ วิฺาตพฺพํ ‘‘อุทฺธจฺจสหคตสฺส ปฏิสนฺธิทานสภาโว นตฺถี’’ติ? ทสฺสเนนปหาตพฺเพสุ อนาคตตฺตา. ติวิธา หิ อกุสลา ทสฺสเนนปหาตพฺพา, ภาวนายปหาตพฺพา, สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา ภาวนายปหาตพฺพาติ. ตตฺถ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตวิจิกิจฺฉาสหคตจิตฺตุปฺปาทา ทสฺสเนนปหาตพฺพา นาม. ยถาห ‘‘กตเม ธมฺมา ทสฺสเนนปหาตพฺพา? จตฺตาโร ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา วิจิกิจฺฉาสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๘). เต หิ ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ ลทฺธนาเมน โสตาปตฺติมคฺเคเนว ปหาตพฺพตฺตา ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา’’ติ วุจฺจนฺติ. อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาโท ภาวนายปหาตพฺโพ นาม. ยถาห ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนายปหาตพฺพา? อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ. โส หิ อคฺคมคฺเคน ปหาตพฺพตฺตา ‘‘ภาวนายปหาตพฺโพ’’ติ วุตฺโต. อุปริมคฺคตฺตยฺหิ ปมมคฺเคน ทิฏฺสฺมึเยว ภาวนาวเสน อุปฺปชฺชติ, น อทิฏฺปุพฺพํ กิฺจิ ปสฺสติ, ตสฺมา ‘‘ภาวนา’’ติ วุจฺจติ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทา ปน สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา ภาวนายปหาตพฺพา นาม. ยถาห ‘‘จตฺตาโร ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตา โลภสหคตจิตฺตุปฺปาทา ทฺเว โทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทา. อิเม ธมฺมา สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา ภาวนายปหาตพฺพา’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๙). เต หิ อปายนิพฺพตฺตกาวตฺถาย ปมมคฺเคน, เสสาวตฺถาย อุปริมคฺเคหิ ปหียมานตฺตา สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา ภาวนายปหาตพฺพา นาม. ตตฺถ สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพมฺปิ ทสฺสเนนปหาตพฺพสามฺเน อิธ ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา’’ตฺเวว โวหรนฺติ. ยทิ จ อุทฺธจฺจสหคตํ ปฏิสนฺธึ ทเทยฺย, ตทา อกุสลปฏิสนฺธิยา สุคติยํ อสมฺภวโต อปาเยสฺเวว ทเทยฺย, อปายคมนียฺจ เอกนฺเตน ทสฺสเนนปหาตพฺพา สิยา, อิตรถา อปายคมนียสฺส อปฺปหีนตฺตา เสขานํ อปายุปฺปตฺติ อาปชฺชติ, น จ ปเนตํ ยุตฺตํ, ‘‘จตูหปาเยหิ จ วิปฺปมุตฺโต (ขุ. ปา. ๖.๑๑; สุ. นิ. ๒๓๔), อวินิปาตธมฺโม’’ติอาทิวจเนหิ สห วิรุชฺฌนโต, สติ จ ปเนตสฺส ทสฺสเนนปหาตพฺพภาเว ‘‘สิยา ทสฺสเนนปหาตพฺพา’’ติ อิมสฺส วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา, น จ ปเนตํ วุตฺตนฺติ. อถ สิยา ‘‘อปายคมนีโย ราโค โทโส โมโห ตเทกฏฺา จ กิเลสา’’ติ เอวํ ทสฺสเนนปหาตพฺเพสุ วุตฺตตฺตา อุทฺธจฺจสหคตสฺสาปิ ตตฺถ สงฺคโห สกฺกา กาตุนฺติ? ตํ น, ตสฺส นิยามโต ภาวนายปหาตพฺพภาเวน วุตฺตตฺตาติ ตสฺมา ทสฺสเนนปหาตพฺเพสุ อวจนเมว ปฏิสนฺธิทานาภาวํ สาเธตีติ.

นนุ จ ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค

‘‘ยสฺมึ สมเย อกุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ อุเปกฺขาสหคตํ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตํ, รูปารมฺมณํ วา…เป… ธมฺมารมฺมณํ วา ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ, อิเม ธมฺมา อกุสลา. อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๓๑) –

เอวํ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทํ อุทฺธริตฺวา ตสฺส วิปาโกปิ อุทฺธโฏติ กถมสฺส ปฏิสนฺธิทานาภาโว สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพติ? น อิทํ ปฏิสนฺธิทานํ สนฺธาย อุทฺธฏํ, อถ โข ปวตฺติวิปากํ สนฺธาย. ปฏฺาเน ปน –

‘‘สหชาตา ทสฺสเนนปหาตพฺพา เจตนา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย, นานกฺขณิกา ทสฺสเนนปหาตพฺพา เจตนา วิปากานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๘๙) –

ทสฺสเนนปหาตพฺพเจตนาย เอว สหชาตนานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาวํ อุทฺธริตฺวาว ‘‘สหชาตา ภาวนายปหาตพฺพา เจตนา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ภาวนายปหาตพฺพเจตนาย สหชาตกมฺมปจฺจยภาโวว อุทฺธโฏ, น ปน นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว. ตถา ปจฺจนียนเยปิ –

‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺโพ ธมฺโม เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาต… อุปนิสฺสย…เป… ปจฺฉาชาต… กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๙๘) –

ทสฺสเนนปหาตพฺพสฺเสว กมฺมปจฺจยภาวํ อุทฺธริตฺวา –

‘‘ภาวนายปหาตพฺโพ ธมฺโม เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาต… อุปนิสฺสย… ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๙๙) –

ภาวนายปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส สหชาตาทิปจฺจยภาโวว วุตฺโต, น ปน กมฺมปจฺจยภาโว, น จ นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยํ วินา ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนํ อตฺถิ, ตสฺมา นตฺถิ ตสฺส สพฺพถาปิ ปฏิสนฺธิทานํ. ปวตฺติวิปากํ ปนสฺส น สกฺกา นิวาเรตุํ ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค อุทฺธจฺจสหคตานมฺปิ วิปากสฺส อุทฺธฏตฺตา, นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยสฺส จ ปฏิสนฺธิวิปากเมว สนฺธาย อนุทฺธฏตฺตา. เอวฺจ ปน กตฺวา ยเทเก อาจริยา วทนฺติ ‘‘อุทฺธจฺจเจตนา อุภยวิปากมฺปิ น เทติ ปฏฺาเน นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยสฺส อนุทฺธฏตฺตา’’ติ, ตํ เตสํ อภินิเวสมตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.

ยทิ จ เต วเทยฺยุํ – ยถา ‘‘วิปากธมฺมธมฺมา’’ติ เอตฺถ วิปาก-สทฺเทน วิปาการหตา วุจฺจติ, เอวํ อิธาปิ อุทฺธจฺจสหคตานํ วิปาการหตํ สนฺธาย ‘‘เตสํ วิปาเก าณ’’นฺติ วุตฺตํ. ยถา สทฺธินฺทฺริยวินิมุตฺตสฺส อธิมุจฺจนฏฺสฺส อภาเวปิ สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมุจฺจนสตฺติวิเสสํ คเหตฺวา สทฺธินฺทฺริยธมฺโม อธิมุจฺจนฏฺโ อตฺโถติ วุจฺจติ, เอวมิธาปิ ธมฺมวินิมุตฺตสฺส วิปาการหภาวสฺส อภาเวปิ ธมฺมานเมว วิปาการหสามตฺถิยํ คเหตฺวา ตสฺส อตฺถิภาโว วุตฺโต. ยทิ จ เต ปวตฺติวิปากํ ทเทยฺยุํ, ยถา –

‘‘สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺโต ธมฺโม ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตสฺส ธมฺมสฺส กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย, นานกฺขณิกา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๒.๕๗) –

ปวตฺติวิปากสฺสปิ วเสน นานกฺขณิกกมฺมปจฺจโย วุตฺโต, เอวเมตฺถาปิ นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว วตฺตพฺโพ สิยา. น หิ ลพฺภมานสฺส อวจเน การณํ อตฺถีติ ตสฺมา ยถาธมฺมสาสเน อวจนมฺปิ อภาวเมว ทีเปติ. อปิจ ยทิ อุทฺธจฺจสหคตสฺส ปวตฺติวิปากทานํ อธิปฺเปตํ สิยา, ตทา ‘‘อนุปาทินฺนุปาทานิโย ธมฺโม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส น กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ ปฏิเสโธ น กาตพฺโพ สิยา. น หิ เปตฺวา อุทฺธจฺจํ อฺโ โกจิ อนุปาทินฺนุปาทานิโย ธมฺโม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสมตฺโถ อตฺถีติ, ตยิทเมเตสํ อภิลาปมตฺตํ. ตถา หิ ยํ ตาว วุตฺตํ ‘‘วิปาการหภาวํ คเหตฺวา เตสํ วิปาเกติ วุตฺต’’นฺติ, ตเทว ตสฺส วิปากสพฺภาวํ ทีเปติ. น หิ วิปาการหภาเว สติ อภิฺาทีนํ วิย ตสฺส อวิปากตาย การณํ อตฺถีติ. ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยสฺส อวจนํ วิปากภาวํ ทีเปตี’’ติ, ตมฺปิ น สุนฺทรํ, ลพฺภมานสฺสาปิ กตฺถจิ เกนจิ อธิปฺปาเยน อวจนโต. ตถา หิ ธมฺมสงฺคณิยํ ลพฺภมานมฺปิ หทยวตฺถุ น วุตฺตํ. ตสฺมา ยทิ ปวตฺติวิปากํ สนฺธาย นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว วุจฺเจยฺย, ตทา ปฏิสนฺธิวิปากทานมฺปิสฺส มฺเยฺยุนฺติ ลพฺภมานสฺสปิ ปวตฺติวิปากสฺส วเสน นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว น วุตฺโตติ. ยํ ปน อนุปาทินฺนุปาทานิยสฺส อุปาทินฺนุปาทานิยํ ปติ กมฺมปจฺจยปฏิกฺเขปวจนํ, ตํ อภิฺากุสลาทิเก สนฺธายาติ น เอตฺตาวตา อุทฺธจฺจสหคตสฺส ปวตฺติวิปากทานํ สพฺพถาปิ ปฏิกฺขิปิตุํ สกฺกาติ. ยมฺปิ อฏฺกถายํ ‘‘ยถา จ อภิฺาเจตนา, เอวมุทฺธจฺจเจตนาปิ ‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’นฺติ เอตฺถ อปเนตพฺพา’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ อุทฺธจฺจเจตนาย ตตฺถ นิทฺทิสิยมานาย ยถา อิตรา ปฏิสนฺธิปวตฺติวเสน ทุวิธสฺสปิ วิปากวิฺาณสฺส ปจฺจโย, เอวมุทฺธจฺจเจตนาปีติ คณฺเหยฺยุนฺติ วุตฺตํ, น ตสฺส ปวตฺติวิปากาภาวโตติ.

อาจริยพุทฺธมิตฺตาทโย ปน อุทฺธจฺจสหคตํ ทฺวิธา วิภชิตฺวา เอกสฺส อุภยวิปากทานํ, เอกสฺส สพฺพถาปิ วิปากาภาวํ วณฺเณนฺติ. เตสฺหิ อยํ วินิจฺฉโย – อตฺถิ อุทฺธจฺจํ ภาวนายปหาตพฺพมฺปิ, อตฺถิ นภาวนายปหาตพฺพมฺปิ. เตสุ ภาวนายปหาตพฺพํ เสขสนฺตานปฺปวตฺตํ, อิตรํ ปุถุชฺชนสนฺตานปฺปวตฺตํ. ผลทานฺจ ปุถุชฺชนสนฺตาเน ปวตฺตสฺเสว, เนตรสฺส. ตถา หิ ทสฺสนภาวนานํ อภาเวปิ เยสํ ปุถุชฺชนานํ, เสขานฺจ ทสฺสนภาวนาหิ ภวิตพฺพํ, เตสํ ตทุปฺปตฺติกาเล ตาหิ ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา อกุสลา ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา, ภาวนายปหาตพฺพา’’ติ จ วุจฺจนฺติ. ปุถุชฺชนานํ ปน ภาวนาย อภาวโต ภาวนายปหาตพฺพจินฺตา นตฺถิ, เตน เตสํ ปวตฺตมานา เต ทสฺสเนน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยาปิ ‘‘ภาวนายปหาตพฺพา’’ติ น วุจฺจนฺติ. ยทิ วุจฺเจยฺยุํ, ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกสฺจิ เกจิ กทาจิ อารมฺมณารมฺมณาธิปติอุปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปจฺจยา ภเวยฺยุํ. สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนฺหิ เกสฺจิ สกฺกายทิฏฺาทโย เกจิ อตีตาทีสุ กิสฺมิฺจิ กาเล อารมฺมณาธิปติอุปนิสฺสเยหิ ปจฺจยา โหนฺตีติ นตฺถิ, น จ ปฏฺาเน ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา นตฺถิ ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตมานานมกุสลานํ ภาวนายปหาตพฺพปริยาโย. ยทิ ตตฺถ อวจนเมว ปมาณํ, เอวํ สติ เสขสนฺตานปวตฺตานมฺปิ อกุสลานํ ภาวนายปหาตพฺพปริยาโย นตฺถีติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, เสขสนฺตานปฺปวตฺตานํ ภาวนาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยตฺตา. เตเนว จ กิฺจิ กตฺวา เสขานํ ทสฺสเนนปหาตพฺพานํ อกุสลานํ ปหีนภาเวน อสฺสาทนาภินนฺทนานํ วตฺถูนิ น โหนฺติ. ปหีนตาย เอว โสมนสฺสสฺส เหตุภูตา, อวิกฺเขปเหตุภูตา จ น โทมนสฺสํ, อุทฺธจฺจฺจ อุปฺปาเทนฺตีติ น เตสํ อารมฺมณารมฺมณาธิปติปกตูปนิสฺสยภาวํ คจฺฉนฺติ. น หิ ปหีนกิเลเส อุปนิสฺสาย อริยา ราคโทสวิกฺเขเป อุปฺปาเทนฺติ. วุตฺตฺจ ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ, น ปจฺเจติ, น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต, สกทาคามิ…เป… อรหตฺตมคฺเคน…เป… สุคโต’’ติ. ปุถุชฺชนานํ ปน ทสฺสเนน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ทสฺสเนน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจยา น โหนฺตีติ น สกฺกา วตฺตุํ, ‘‘ทิฏฺึ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชติ, วิจิกิจฺฉํ อารพฺภ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๗) ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานํ อุทฺธจฺจารมฺมณภาวสฺส วุตฺตตฺตา. เอตฺถ หิ อุทฺธจฺจนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ทสฺสเนนปหาตพฺเพสุปิ ลพฺภมานเจตสิกํ อุทฺธจฺจํ. เอวฺจ กตฺวา อธิปติปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘ทิฏฺึ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ ครุํ กตฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๕) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ, ตสฺมา เสขสนฺตานปฺปวตฺตานมกุสลานํ ทสฺสเนนปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจยตฺตาภาวโต ปุถุชฺชนานํ สนฺตาเนว ทสฺสเนนปหาตพฺพานมกุสลานํ ปจฺจยา น โหนฺตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ ปฏฺาเน ทสฺสเนนปหาตพฺพานํ ภาวนายปหาตพฺพสฺส อารมฺมณารมฺมณาธิปติอุปนิสฺสยปจฺจยตฺตานุทฺธรณํ เสขสนฺตานปฺปวตฺตานํ ภาวนายปหาตพฺพปริยายภาวํ สาเธติ, ปุถุชฺชนสนฺตาเนเยว นทสฺสเนนปหาตพฺพานมกุสลานํ ภาวนายปหาตพฺพปริยายภาวํ น สาเธติ, ตสฺมา ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺพานํ อตีตาทิภาเวน นวตฺตพฺพตฺเตปิ ยาทิสานํ ตาหิ อนุปฺปตฺติธมฺมตา อาปาเทตพฺพา, เต ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตมานา ทสฺสเนน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ทสฺสนมคฺคาเปกฺขาย ตทปฺปวตฺติยมฺปิ ทสฺสเนนปหาตพฺพา นาม. เสเขสุ ปวตฺตมานา ภาวนาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ตทปฺปวตฺติยมฺปิ ตทเปกฺขาย ภาวนายปหาตพฺพา นาม. ทสฺสเนน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยา ปน ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตมานา เหฏฺา วุตฺตนเยน เนวทสฺสเนนปหาตพฺพา นภาวนายปหาตพฺพา, เตสุ ภาวนายปหาตพฺพา สหายวิรหโต วิปากํ น ชเนนฺติ. ตถา หิ เตสํ ทสฺสเนนปหาตพฺพสงฺขาตํ สหการีการณํ สหายภูตํ นตฺถีติ ภาวนายปหาตพฺพเจตนาย นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว น วุตฺโต. อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ ปน ปุถุชฺชเนสุ อุปฺปชฺชมานานํ สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ, อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส จ สํโยชนตฺตยตเทกฏฺกิเลสานํ อนุปจฺฉินฺนตาย อปริกฺขีณสหายานํ วิปากุปฺปาทนํ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุนฺติ อุทฺธจฺจสหคตธมฺมานํ วิปาโก วิภงฺเค วุตฺโตติ.

ยทิ เอวํ, อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ อกุสลานํ ‘‘เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, อปฺปหาตพฺพสภาวานํ กุสลาทีนํ ‘‘เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพา’’ติ วุตฺตตฺตา, อปฺปหาตพฺพวิรุทฺธสภาวตฺตา จ อกุสลานํ. ยทิ เอวํ เต อิมสฺมึ ติเก นวตฺตพฺพาติ วตฺตพฺพา อาปชฺชนฺตีติ? นาปชฺชนฺติ, จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ ทสฺสิตานํ ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาทานํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺคหิตตฺตา. ยถา หิ อุปฺปนฺนตฺติเก ธมฺมวเสน สพฺเพสํ สงฺขตธมฺมานํ สงฺคหิตตฺตา กาลวเสน อสงฺคหิตาปิ อตีตา ‘‘นวตฺตพฺพา’’ติ น วุตฺตา จิตฺตุปฺปาทานุรูเปน สงฺคหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อภาวา, เอวํ อิธาปิ จิตฺตุปฺปาทภาเวน สงฺคหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อภาวา ‘‘นวตฺตพฺพา’’ติ น วุตฺตา. สพฺเพน สพฺพฺหิ ธมฺมวเสน อสงฺคหิตสฺส ติกทุเกสุ นวตฺตพฺพตาปตฺติ. ยตฺถ หิ จิตฺตุปฺปาโท โกจิ นิโยคโต นวตฺตพฺโพ อตฺถิ, ตตฺถ เตสํ จตุตฺโถ โกฏฺาโส อตฺถีติ ยถาวุตฺตปเทสุ วิย ตตฺถาปิ ภินฺทิตฺวา ภาเชตพฺเพ จิตฺตุปฺปาเท ภินฺทิตฺวา ภาเชติ ‘‘สิยา นวตฺตพฺพาปริตฺตารมฺมณา’’ติอาทินา, ตทภาวา อุปฺปนฺนตฺติเก, อิธ จ ตถา น วุตฺตนฺติ.

อถ วา ยถา สปฺปฏิเฆหิ สมานสภาวตฺตา รูปธาตุยํ ‘‘ตโย มหาภูตา สปฺปฏิฆา’’ติ วุตฺตา, ยถาห ‘‘อสฺสตฺตานํ อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ เอกํ มหาภูต’’นฺติ, เอวํ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานา ภาวนายปหาตพฺพสมานสภาวา ‘‘ภาวนายปหาตพฺพา’’ติ วุจฺเจยฺยุนฺติ นตฺถิ นวตฺตพฺพตาปสงฺโค. เอวฺจ สติ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานาปิ ภาวนายปหาตพฺพา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย ปรภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ อุปนิสฺสยปจฺจโย, ราโค จ ราคทิฏฺีนํ อธิปติปจฺจโยติ อยมตฺโถ ลทฺโธ โหติ. เตเนว หิ –

‘‘ภาวนายปหาตพฺโพ ธมฺโม ทสฺสเนนปหาตพฺพสฺส ธมฺมสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย, อารมฺมณูปนิสฺสโย, ปกตูปนิสฺสโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๘๔) –

อิมิสฺสา นิทฺเทเส ทสฺสเนนปหาตพฺพานํ อุปนิสฺสยปจฺจยภาวีธมฺเม นิทฺทิสนฺเตน ภควตา –

‘‘ปกตูปนิสฺสโย – ปตฺถนํ อุปนิสฺสาย ปาณํ หนติ…เป… สงฺฆํ ภินฺทติ, ภาวนายปหาตพฺโพ ราโค โทโส โมโห มาโน ปตฺถนา ทสฺสเนนปหาตพฺพสฺส ราคสฺส โทสสฺส โมหสฺส มานสฺส ทิฏฺิยา ปตฺถนาย อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย. สกภณฺเฑ ฉนฺทราโค ปรภณฺเฑ ฉนฺทราคสฺส อุป…เป… สกปริคฺคเห ฉนฺทราโค ปรปริคฺคเห ฉนฺทราคสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๘.๘๔) –

ปุถุชฺชนสนฺตาเน ปตฺถนาทโย นิทฺทิฏฺา.

เอวมฺปิ ยถา อโผฏฺพฺพตฺตา รูปธาตุยํ ตโย มหาภูตา น ปรมตฺถโต สปฺปฏิฆา, เอวํ อเปกฺขิตพฺพภาวนารหิตา ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตมานา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย ปน ปรมตฺถโต ภาวนาย ปหาตพฺพาติ ภาวนายปหาตพฺพานํ นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยตา น วุตฺตา, น จ ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตา. เย หิ ทสฺสเนนปหาตพฺพปจฺจยา กิเลสา, น เต ทสฺสนโต อุทฺธํ ปวตฺตนฺติ. ทสฺสเนนปหาตพฺพปจฺจยสฺสาปิ ปน อุทฺธจฺจสหคตสฺส สหายเวกลฺลมตฺตเมว ทสฺสเนน กตํ, น ตสฺส โกจิ ภาโว ทสฺสเนน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิโตติ ตสฺส เอกนฺตภาวนายปหาตพฺพตา วุตฺตา, ตสฺมา อุทฺธจฺจภาเวน เอกสภาวสฺเสว ตสฺส สติ สหาเย วิปากุปฺปาทนวจนํ, อสติ จ วิปากานุปฺปาทนวจนํ น วิรุชฺฌติ. ตยิทํ สพฺพเมเตสํ อาจริยานํ อโหปุริสิการมตฺตํ. กสฺมา? อุทฺธจฺจสหคตสฺส เอกนฺตภาวนายปหาตพฺพภาเวน วุตฺตตฺตา. เอวฺหิ วุตฺตํ ภควตา ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนายปหาตพฺพา. อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๖). ยทิ จ อุทฺธจฺจสหคตํ นภาวนายปหาตพฺพํ อภวิสฺส, ยถา อตีตารมฺมณตฺติเก ‘‘นิโยคา อนาคตารมฺมณา นตฺถี’’ติ (ธ. ส. ๑๔๓๓) วตฺวา วิภชฺช วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ‘‘นิโยคา ภาวนายปหาตพฺพา นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺธจฺจสหคโต สิยา ภาวนายปหาตพฺโพ สิยา นวตฺตพฺโพ ‘ทสฺสเนนปหาตพฺโพ’ติปิ ‘ภาวนายปหาตพฺโพ’ติปี’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ ตถา วุตฺตํ. ยา จ ‘‘ตมตฺถํ ปฏิปาเทนฺเตหิ ยทิ วุจฺเจยฺยุ’’นฺติอาทินา ยุตฺติ วุตฺตา, สาปิ อยุตฺติ. กสฺมา? ทสฺสเนนปหาตพฺพารมฺมณานํ ราคทิฏฺิวิจิกิจฺฉาอุทฺธจฺจานํ เตน เตน ปหาตพฺพภาววเสน อิจฺฉิตตฺตา. ยฺจ ‘‘อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาโท วุตฺโตติ ทสฺเสตุํ อธิปติปจฺจยนิทฺเทเส อุทฺธจฺจสฺส อนุทฺธรณํ การณวเสน วุตฺตํ, ตมฺปิ อการณํ อฺตฺถาปิ สาวเสสปาานํ ทสฺสนโต. ตถา หิ ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส, อนาคโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอเตสํ วิภงฺเค เจโตปริยาณคฺคหณํ กตฺวา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺโน ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ อิมสฺส วิภงฺเค ลพฺภมานมฺปิ เจโตปริยาณํ น คหิตํ. ยมฺปิ ภาวนายปหาตพฺพสฺส วิปากทานมฺหิ ทสฺสเนนปหาตพฺพสฺส สหายภาวูปคมนํ วุตฺตํ, ตมฺปิ วิจาเรตพฺพํ – กึ อวิชฺชาทิ วิย ทานสีลาทีนํ อุปปตฺติยํเยว วิปากทานสามตฺถิยา านวเสน ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ สหการีการณํ โหติ, อุทาหุ กิเลโส วิย กมฺมสฺส ปฏิสนฺธิทานมฺหีติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว ปุริโม นโย, เสขสนฺตาเน ภาวนายปหาตพฺพสฺส อกิริยาภาโว อาปชฺชติ, ปหีนาวิชฺชามานตณฺหานุสยสฺมึ สนฺตาเน ทานาทิ วิย สหายเวกลฺเลน อวิปากสภาวตํ อาปนฺนตฺตา. อถ ทุติโย, ภาวนายปหาตพฺพตฺเตน อภิมตสฺสาปิ ทสฺสเนนปหาตพฺพภาโว อาปชฺชติ, ปฏิสนฺธิทาเน สติ อปายคมนียสภาวานติวตฺตนโต, ตสฺมา อมฺเหหิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อุทฺธจฺจสหคตสฺส วิปากทานํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, น เยสํ เกสฺจิ วจนํ. ปฏฺานานุสารีหิ ภวิตพฺพนฺติ.

๕๓๗-๘. นฺติ ยํ อาวชฺชนทฺวยํ. กรณมตฺตตฺตาติ กรณมตฺตเมว เปตฺวา ผลทานาภาวโต. วาตปุปฺผสมนฺติ โมฆปุปฺผสมํ, ยถา ตํ ปมสฺชาตํ อจฺฉินฺนมูเลปิ รุกฺเข นิพฺพตฺตํ ปุริเมหิ อทินฺนผลตฺตา ผลนิพฺพตฺตกํ น โหติ, เอวมิทํ อนุปจฺฉินฺนภวมูเลปิ สนฺตาเน นิพฺพตฺตํ อนาเสวนภาเวน ผลทายกํ น โหตีติ อธิปฺปาโย. ชวนตฺตํ ตุ สมฺปตฺตนฺติ อฏฺารสวิธํ ขีณาสวาเวณิกํ วิฺาณมาห. กิจฺจสาธนโตติ ภวตณฺหามูลสฺส อโวจฺฉินฺนภาเว สติ กุสลากุสลกมฺมกิจฺจสฺส สาธนโต, ทานาทิตํตํกิจฺจสาธนวเสน วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา หิ ฉินฺนมูลสฺส รุกฺขสฺส ปุปฺผํ ปุปฺผนมตฺตํ เปตฺวา อผลเมว โหติ, เอวเมตมฺปิ ตํตํกิจฺจสาธนมตฺตํ เปตฺวา สมุจฺฉินฺนภวตณฺหามูเล สนฺตาเน ปวตฺตนโต อผลเมวาติ.

๕๓๙-๔๐. ปฏิจฺจาติ เหตุธมฺมสฺส ปฏิมุขํ คนฺตฺวา ตํ อปจฺจกฺขาย. เอตีติ ปวตฺตติ, ติฏฺติ อุปฺปชฺชติ วาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เอตี’’ติ หิ อิทํ อุปฺปตฺติฏฺิตีนํ สาธารณวเสน ปวตฺติปริทีปกํ. เตเนวาห ‘‘ิติยุปฺปตฺติยาปิ วา’’ติ. เอกจฺโจ หิ ปจฺจโย ิติยา เอว อุปการโก โหติ ยถา ปจฺฉาชาตปจฺจโย, เอกจฺโจ อุปฺปตฺติยา เอว ยถา อนนฺตราทิโก, เอกจฺโจ อุภยสฺส ยถา เหตุอาทโย. เอวํ ปจฺจย-สทฺทสฺส วจนตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปจฺจยลกฺขณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โย ธมฺโม’’ติอาทิ. โยติ เหตุธมฺโม. ยสฺสาติ ยสฺส ผลธมฺมสฺส. ิติยุปฺปตฺติยาปิ วาติ ิติตฺถํ, อุปฺปตฺติตฺถํ วา. ิติยาติ วา ิติกฺขเณ, อุปฺปตฺติยาติ อุปฺปาทกฺขเณ. ยสฺส ธมฺมสฺส อุปกาโร, ยสฺส ธมฺมสฺส ิติยุปฺปตฺติยาติ วา สมฺพนฺโธ. ‘‘อุปกาโร’’ติ อิมินา ธมฺเมน ธมฺมสตฺติอุปการกํ ทสฺเสติ. ‘‘สมฺภโว’’ติอาทิ ปจฺจยสฺเสว ปริยายทสฺสนํ. สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว. ตถา ปภโว. หิโนติ ปติฏฺาติ เอตฺถาติ เหตุ. อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทานํ หิ-สทฺโท มูล-สทฺโท วิย ปติฏฺตฺโถ เวทิตพฺโพ. หิโนติ วา เอเตน กมฺมนิทานภูเตน อุทฺธํ โอชํ อภิหรนฺเตน มูเลน วิย ปาทโป ตปฺปจฺจยํ ผลํ คจฺฉติ, วุทฺธึ วิรุฬฺหึ อาปชฺชตีติ เหตุ. อตฺตโน ผลํ กโรตีติ การณํ. ปจฺจโย มโตติ ปจฺจโยว ‘‘สมฺภโว’’ติอาทิโต มโต. อตฺถโต เอเต สมานา, พฺยฺชนมตฺตํเยว เนสํ นานตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ.

๕๔๑-๕. เอวํ ปฏฺาเน อาคตสพฺพปจฺจยานํ สาธารณวเสน อตฺถํ วตฺวา อิธาธิปฺเปตสฺส เหตุปจฺจยสฺเสว สรูปํ ทสฺเสตุํ ‘‘โลภาทิ ปน โย ธมฺโม’’ติอาทิ วุตฺตํ. มูลฏฺเนาติ สมฺปยุตฺตานํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนสงฺขาตมูลฏฺเน. ฉเฬวาติ มูลฏฺเนูปการกภาวสฺส เตสเมว อาเวณิกภาเวน เอเต ฉเฬว. ชาติโตติ กุสลากุสลาพฺยากตชาติโต. นวธาติ ตโย กุสลเหตู, ตโย อกุสลเหตู, ตโย อพฺยากตเหตูติ นวธา. ธมฺมานํ…เป… สาธโกติ ยถา สาลิวีหิพีชาทีนิ สาลิวีหิอาทิภาวสฺส สาธกานิ, มณิอาทิปภาวตฺถูนฺจ นีลาทิวณฺณานิ นีลาทิมณิปภาย สาธกานิ, เอวํ เหตุปจฺจโย ยถารหํ อตฺตโน สมฺปยุตฺตานํ กุสลาทิตฺตสาธโกติ กุสลากุสลาพฺยากตธมฺมานํ ยถากฺกมํ กุสลากุสลาพฺยากตภาวสาธโก มูลฏฺโติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอเก อาจริยาติ เรวตาจริยํ, ตสฺส สิสฺสานุสิสฺเส จ สนฺธายาห. อถ วา ครุมฺหิ พหุวจนมฺปิ ยุชฺชตีติ เรวตาจริยเมว สนฺธาย ‘‘เอเก อาจริยา’’ติ วุตฺตํ.

เอวํ สนฺเตติ ยทิ มูลฏฺโ กุสลาทิภาวสาธโก, เอวํ สติ. ยถา จิตฺตํ จิตฺตชรูปานํ ปจฺจโย โหติ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปีติ อาห ‘‘ตํสมุฏฺานรูปิสู’’ติ, เหตุสมุฏฺานรูเปสูติ อตฺโถ. เนว สมฺปชฺชตีติ น สิชฺฌติ, ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺโต เหตุปจฺจยภาโว น สมฺปชฺชตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถา กุสลากุสลา เหตู ตํสมุฏฺานรูปสฺส กุสลาทิภาวาย น ปริยตฺตา, เอวํ อพฺยากโตปิ เหตุ ตํสมุฏฺานสฺส รูปสฺส อพฺยากตภาวาย น ปริยตฺโต. สภาเวน หิ ตํ อพฺยากตนฺติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ยทิ กุสลาทิภาวํ น สาเธนฺติ, ปจฺจยาปิ น โหนฺตีติ วเทยฺยาติ อาห ‘‘น เตส’’นฺติอาทิ. ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑) วจนโต เต อโลภาทโย เตสํ รูปานํ ปจฺจยา น น โหนฺติ, ภวนฺเตวาติ อตฺโถ.

๕๔๖-๗. คนฺตพฺโพติ น ปจฺเจตพฺโพ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ กุสลาทิเหตุโย อตฺตโน วิย อตฺตเหตุกานํ ธมฺมานํ กุสลาทิภาวํ สาเธนฺติ, กุสลากุสลเหตุปจฺจยสมฺภูตา รูปธมฺมาปิ เต วิย กุสลาทโย สิยุํ, เหตุโย วา รูปานํ ปจฺจยา น สิยุํ, น จ ปเนตํ อุภยมฺปิ อตฺถิ, ตสฺมา กุสลาทีนํ กุสลาทิภาวสาธโก มูลฏฺโติ น วิฺาตพฺพนฺติ. อปิจ ยทิ เหตุปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, ตทา อพฺยากตภาโวปิ ตปฺปฏิพทฺโธ สิยา, อเหตุกานํ อพฺยากตภาโว น สิชฺฌติ. ยทิ จ เหตุปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, เหตูนมฺปิ กุสลาทิภาโว อปฺปฏิพทฺโธ สิยา. อถ เตสมฺปิ เสสเหตุปฏิพทฺโธ, เอวมฺปิ โมมูหจิตฺตสมฺปยุตฺตสฺส เหตุโน อกุสลภาโว น สิชฺเฌยฺย. อถ ตสฺส โส อฺเหตุโก สิยา, เอวํ สติ เสสเหตูนมฺปิ ตํเหตุโกว สิยา. ยถา จ เสสเหตูนํ, เอวํ อวเสสสมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ ตํเหตุโกว สิยา. อถ สิยา เหตูนํ สภาวโตว กุสลาทิภาโว, สมฺปยุตฺตานํ ปน เหตุปฏิพทฺโธติ, เอวํ สติ อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วา. ยทิ หิ โส สภาวโต กุสโล, ตํสภาวตฺตา อพฺยากโต น สิยา. อถ อพฺยากโต, ตํสภาวตฺตา กุสโล น สิยา อโลภสภาวสฺส อโทสตฺตาภาโว วิย. ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โหติ, ตสฺมา ยถา อุภยถา โหนฺเตสุ สทฺธาทีสุ สมฺปยุตฺเตสุ เหตุปฏิพทฺธํ กุสลาทิภาวํ ปริเยสถ, น สภาวโต, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา อฺปฏิพทฺธา ปริเยสิตพฺพา, น สภาวโต. สา ปน ปริเยสิยมานา โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺธา โหตีติ เหตูสุ วิย เหตุสมฺปยุตฺตธมฺเมสุปิ โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, น เหตุปฏิพทฺโธติ. เตเนวาห –

‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑.๖๗).

สมยฺุนาติ อาภิธมฺมิกมตเวทินา. สุปฺปติฏฺิตภาวสฺส สาธเนนาติ อตฺตเหตุกานํ ธมฺมานํ สมฺมา ปติฏฺิตภาวสฺส ถิรภาวสฺส สาธเนน. ลทฺธเหตุปจฺจยา หิ ธมฺมา วิรุฬฺหมูลา วิย ปาทปา ถิรา โหนฺติ สุปฺปติฏฺิตา, อเหตุกา ติลพีชาทิเสวาลา วิย น สุปฺปติฏฺิตาติ.

๕๔๘. สพฺพโสติ กามาวจราทิสพฺพภาเคน.

๕๕๐-๑. ปฏิสนฺธิกฺขเณ จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ อภาวโต อตฺตนา สมฺปยุตฺตานํ, กฏตฺตารูปานเมว จ ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘อตฺตนา…เป… ชาตาน’’นฺติ. กมฺมสฺส กตตฺตา เอว จ อุปจิตตฺตา จ น อิสฺสราทิเหตุโน สมฺภูตานิ รูปานิ กฏตฺตารูปานิ, กมฺมสมุฏฺานรูปานีติ อตฺโถ, กฏตฺตารูปาเนว ชาตานิ ภูตานิ นิพฺพตฺตานีติ กฏตฺตารูปชาตานิ. ตเถวาติ ยถา ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตารูปานํ, เอวนฺติ อตฺโถ. จิตฺตชานฺจาติ -สทฺเทน ‘‘อตฺตนา สมฺปยุตฺตาน’’นฺติ อากฑฺฒติ.

๕๕๓. โลกุตฺตรวิปากานํ ปฏิสนฺธิวเสน อปฺปวตฺตนโต นตฺถิ กมฺมสมุฏฺานสฺส ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘จิตฺตชาน’’นฺติอาทิ.

๕๕๕. เหตุปจฺจยสมฺภโวติ เหตุปจฺจยสมฺภูตธมฺโม, เหตุปจฺจยโต ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ สมฺภวากาโร วา. สฺชาตสุขเหตุนาติ สฺชาตาเณน, สมฺปชฺเนาติ อตฺโถ. าณฺหิ ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิวจนโต สุขํ เหตุ เอตสฺสาติ,

‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ,

โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;

อตฺถาภิสมยา ธีโร,

ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) –

อาทิวจนโต สุขสฺส เหตูติ วา ‘‘สุขเหตู’’ติ วุจฺจติ.

๕๕๖. โลกสฺส อธิปติ โลกาธิปติ, สกลโลกนายเกนาติ อตฺโถ. อตฺตาธีนานํ ปติโนติ อธิปตี. ฉนฺทํ ตุ เชฏฺกํ กตฺวาติ ‘‘ฉนฺทวโต กึ นาม น สิชฺฌตี’’ติอาทิกํ ปุริมาภิสงฺขารูปนิสฺสยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน จิตฺตุปฺปาเท ฉนฺโท เชฏฺกภูโต สมฺปยุตฺตธมฺเม วเส วตฺตมาโน หุตฺวา ปวตฺตติ, สมฺปยุตฺตธมฺมา จ ตสฺส วเส ปวตฺตนฺติ หีนาทิภาเวน ตทนุวตฺตนโตติ อาห ‘‘ฉนฺทํ ตุ เชฏฺกํ กตฺวา’’ติอาทิ. กตฺวา ธุรนฺติ สหชาตปุพฺพงฺคมวเสน ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา. ฉนฺทาธิปติ นาม โส วา จิตฺตุปฺปาโท ฉนฺทาธิปติ นาม ‘‘ฉนฺโท อธิปติ อิมสฺสา’’ติ กตฺวา. เอเสวาติ ‘‘จิตฺตํ ธุรํ กตฺวา…เป… กาลสฺมึ จิตฺตาธิปติ นามา’’ติอาทินา ยถาวุตฺโตว นโย. เสเสสูติ จิตฺตาทีสุ. เอตฺถ จ ‘‘ฉนฺทํ…เป… กาลสฺมิ’’นฺติอาทินา กาลสฺส นิยมิตตฺตา จตฺตาโรเปเต เอกกฺขเณ อธิปตี น โหนฺตีติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา ปฏฺาเน ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๓) จตุนฺนมฺปิ อธิปตีนํ ปจฺจยภาโว วิสุํ วิสุํเยว อุทฺธโฏ. ยทิ หิ เต เอกกฺขเณเยว อธิปติปจฺจยา สิยุํ, ตทา ยถา เหตุปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา อวิเสเสน วุตฺตํ มูลฏฺเน อุปการกภาวสฺส วิชฺชมาเนน ทฺวินฺนํ, ติณฺณมฺปิ เหตูนํ เอกกฺขเณ ปจฺจยภาวูปคมนโต, เอวํ เอกกฺขเณเยว พหูนํ เชฏฺกภาเว สติ อธิปติปจฺจยนิทฺเทเสปิ ‘‘อธิปตี อธิปติสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา วตฺตพฺพํ สิยา. ยสฺมา ปน เอวํ อวตฺวา ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา จตฺตาโรว วิเสเสตฺวา วุตฺตา, ตสฺมา เอเกกธมฺโมเยว เอกกฺขเณ อธิปติปจฺจโย โหตีติ ทฏฺพฺพํ. เชฏฺฏฺเนาติ ปมุขภาเวน.

โสภนา มติ, โสภนํ วา มตํ เอเตสํ อตฺถีติ สุมติโน, สมฺมาทิฏฺิกาติ อตฺโถ, เตสํ มตึ วิโพเธติ ปโพเธตีติ สุมติมติวิโพธนํ. กุจฺฉิตา มติ, กุจฺฉิตํ วา มตํ เอเตสนฺติ กุมติโน, มิจฺฉาทิฏฺิกา, เตสํ มติภูตา มติภาเวน ปริกปฺปิตตฺตาติ กุมติมติ, มิจฺฉาทิฏฺิ, สาเยว อินฺธนสทิสตาย อินฺธนํ ตสฺส ปาวกํ อคฺคิ วิยาติ กุมติ…เป… ปาวกํ. อติมธุรนฺติ นิปุณคมฺภีเรน อตฺถรเสน เจว สุวิมลสขิเลน พฺยฺชนรเสน จ มธุรํ. อเวทีติ โอคาเหตฺวา ชานาติ. โย โยติ เถรนวมชฺฌิเมสุ โย โกจิ. ชินวจนํ สกลํ อเวทีติ เตปิฏกสฺสปิ สกลชินวจนสฺส คหณสมตฺถตาปฏิลาเภน ตํ อวคจฺฉติ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

ปกิณฺณกนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวโม ปริจฺเฉโท

ปุฺวิปากปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๕๖๐-๑. วฏฺฏกถาย โลกุตฺตรวิปากานํ อลพฺภนโต ‘‘โลกิยาเนวา’’ติ วุตฺตํ. ปุฺาปุฺาทิสงฺขาราติ ปุฺาภิสงฺขาโร อปุฺาภิสงฺขาโร อาเนฺชาภิสงฺขาโรติ ตโย สงฺขารา. ตตฺถ ปุนาติ อตฺตโน สนฺตานํ อปุฺผลโต, ทุกฺขสํกิเลสโต จ โสเธติ, ปุชฺชํ ภวผลํ นิพฺพตฺเตตีติ วา ปุฺํ, อตฺตโน ผลสฺส อภิสงฺขรณฏฺเน อภิสงฺขาโร จาติ ปุฺาภิสงฺขาโร, ปุฺปฏิปกฺขโต อปุฺํ, วุตฺตนเยน อภิสงฺขาโร จาติ อปุฺาภิสงฺขาโร. สมาธิปจฺจนีกานํ อติทูรตาย น อิฺชติ น กมฺปตีติ อาเนฺชํ, ตํ อภิสงฺขโรตีติ อาเนฺชาภิสงฺขาโร. ตตฺถ ทานสีลาทิวเสน ปวตฺตา อฏฺ กามาวจรกุสลเจตนา, ภาวนาวเสเนว ปวตฺตา รูปาวจรกุสลเจตนา จาติ เตรส เจตนา ปุฺาภิสงฺขาโร นาม. ปาณาติปาตาทิวเสน ปวตฺตา ทฺวาทส อกุสลเจตนา อปุฺาภิสงฺขาโร นาม. ภาวนาวเสเนว ปวตฺตา จตสฺโส อรูปาวจรกุสลเจตนา อาเนฺชาภิสงฺขาโร นาม. ภวาทีสุ ยถา ปจฺจยา, ตถา เยสฺจ วิปากานํ ปจฺจยา, เตปิ วิฺาตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. เกจิ ปน ‘‘เตปีติ สงฺขารานํ คหณ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุตฺตํ, เอวํ สติ ‘‘เยส’’นฺติ อนิยมนิทฺเทสสฺส นิยมกวจนาภาวโต.

๕๖๒. กตเม ปน เต ภวาทโยติ อาห ‘‘ตโย ภวา’’ติอาทิ. ตตฺถ กามรูปารูปวเสน ตโย ภวา. สฺีภวอสฺีภวเนวสฺีนาสฺีภววเสน, ปน เอกโวการภวจตุโวการภวปฺจโวการภววเสน จ ตโย ภวา เอตฺเถว สโมธานํ คจฺฉนฺติ. จตสฺโส โยนิโยติ อณฺฑชชลาพุชสํเสทชโอปปาติกวเสน จตฺตาโร สตฺตนิกายา. ตตฺถ พีชกปาเล นิพฺพตฺโต สตฺตนิกาโย อณฺฑชโยนิ นาม. มาตุคพฺเภ ชลาพุเช นิพฺพตฺตสตฺตนิกาโย ชลาพุชโยนิ นาม. ปทุมคพฺภมานุสกคพฺภมลาทิสํเสทูปนิสฺสเยน อุปฺปชฺชนกสตฺตนิกาโย สํเสทชโยนิ นาม. กุโตจิ อนุปฺปชฺชิตฺวา เกวลํ ตตฺถ ตตฺถ ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺโค หุตฺวา อุปฺปชฺชนกสตฺตนิกาโย โอปปาติกโยนิ นาม. คติปฺจกํ เหฏฺา วิภาวิตเมว. ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส วตฺถุภูตา จ วิฺาณกฺขนฺธา ฉ วิฺาณฏฺิติโย นาม. ตา ปน นานตฺตกายาทิวเสน สตฺตวิธาติ อาห ‘‘วิฺาณฏฺิติโย สตฺตา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘สตฺติมา, ภิกฺขเว, วิฺาณฏฺิติโย. กตมา สตฺต? สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน. เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกจฺเจ จ เทวา เอกจฺเจ จ วินิปาติกา, อยํ ปมา วิฺาณฏฺิติ. สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน. เสยฺยถาปิ เทวา พฺรหฺมกายิกา ปมาภินิพฺพตฺตา, อยํ ทุติยา วิฺาณฏฺิติ. สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสฺิโน. เสยฺยถาปิ เทวา อาภสฺสรา, อยํ ตติยา วิฺาณฏฺิติ. สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสฺิโน. เสยฺยถาปิ เทวา สุภกิณฺหา, อยํ จตุตฺถี วิฺาณฏฺิติ. สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา นานตฺตสฺานํ อมนสิการา ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนูปคา, อยํ ปฺจมี วิฺาณฏฺิติ. สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนูปคา, อยํ ฉฏฺี วิฺาณฏฺิติ. สนฺติ, ภิกฺขเว, สตฺตา สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนูปคา, อยํ สตฺตมี วิฺาณฏฺิตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๓๒; อ. นิ. ๗.๔๔).

เอตฺถ หิ อปริมาณจกฺกวาฬวาสิโน มนุสฺสา กามาวจรเทวา ปุนพฺพสุมาตุปิยงฺกรมาตาทโย วินิปาติกาสุรา จ กุสลวิปากปฏิสนฺธิกา เวมานิกเปตา เจติ อิเม ทีฆรสฺสกิสถูลกาฬโอทาตาทิวณฺณสณฺานวเสน รูปกายสฺส, อเหตุทุเหตุติเหตุวเสน ปฏิสนฺธิสฺาย จ นานาภาวโต นานตฺตกายนานตฺตสฺิโน นาม, อยํ ปมา วิฺาณฏฺิติ. ปมชฺฌานตลวาสิโน ปน ตโย เทวา อุปรูปริวาสีนํ วณฺณาทิกมเปกฺขิตฺวา อตฺตโน วณฺณาทีนํ นิหีนตาย รูปกายสฺส นานาภาวโต, ปมชฺฌานวิปากวิฺาณวเสน สมานสฺิตาย จ นานตฺตกายเอกตฺตสฺิโน นาม, อยํ ทุติยา วิฺาณฏฺิติ, จตุราปายวาสิโนปิ วณฺณสณฺานวเสน รูปกายสฺส นานาสภาวตฺตา, อกุสลวิปากสฺาวเสน สฺาย เอกสภาวตฺตา จ ทุติยวิฺาณฏฺิติยํเยว สโมธานํ คจฺฉนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ทุติยชฺฌานตลวาสิโน ตโย เทวา วณฺณสณฺานาทิวเสน สมานตฺตา รูปกายสฺส วิเสสาภาวโต ปฺจกนเย ทุติยตติยชฺฌานสฺาวเสน ปฏิสนฺธิสฺาย นานาภาวโต เอกตฺตกายนานตฺตสฺิโน นาม, อยํ ตติยา วิฺาณฏฺิติ. ตติยชฺฌานตลวาสิโน ปน ตโย เทวา รูปกายวเสน สมานตฺตา, ปฺจกนเย จตุตฺถชฺฌานวิปากสฺาวเสน ปฏิสนฺธิสฺาย จ เอกตฺตา เอกตฺตกายเอกตฺตสฺิโน นาม, อยํ จตุตฺถี วิฺาณฏฺิติ. เวหปฺผลวาสิโน เจว ปฺจ สุทฺธาวาสวาสิโน จ วณฺณสณฺานวเสน รูปกายสฺส, ปฺจมชฺฌานวิปากสฺาวเสน ปฏิสนฺธิสฺาย จ สมานตฺตา จตุตฺถวิฺาณฏฺิติเมว ภชนฺติ. อากาสานฺจายตนาทโย ติสฺโส วิฺาณฏฺิติโย ปาฬิวเสเนว ปากฏา. อสฺสตฺตา ปน วิฺาณาภาเวน เนวสฺานาสฺายตนวาสิโน จ สฺาย วิย วิฺาณสฺส สุขุมภาเวเนว วิฺาณฏฺิตีสุ น คหิตา, สตฺตานํ นิวาสตาย ปน ‘‘สตฺตาวาสา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอวฺจ กตฺวา เตหิ สตฺต วิฺาณฏฺิติโย สโมธาเนตฺวา นว สตฺตาวาสา วุตฺตา.

๕๖๓-๔. อิทานิ เอวํ วุตฺเตสุ ภวาทีสุ ทฺวตฺตึสวิปากานํ ติณฺณํ อภิสงฺขารานํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘กาเม ปุฺาภิสงฺขารสฺิตา’’ติอาทิ อารทฺธํ. นวนฺนํ ปากจิตฺตานนฺติ สเหตุกาเหตุกวเสน นวนฺนํ สุคติปฏิสนฺธิวิปากจิตฺตานํ. นานกฺขณิก…เป… ปจฺจเยหิ จาติ กุสลากุสลกมฺมสฺส อตีตสฺเสว อตฺตนา ชเนตพฺพวิปากานํ ปจฺจยภาวโต นานกฺขณิกกมฺมปจฺจเยน, เตสเมว พลวการณภาวโต อุปนิสฺสยปจฺจเยน จ. วุตฺตฺหิ ตสฺส อุปนิสฺสยตฺตํ ‘‘กุสลากุสลํ กมฺมํ วิปากสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓). สพฺพตฺถ อุปนิสฺสยภาโว พลวกมฺมวเสน โยเชตพฺโพ. ทุพฺพลฺหิ กมฺมํ อุปนิสฺสโย น โหตีติ ปฏฺานวณฺณนายํ ทสฺสิตเมตํ.

๕๖๖-๘. ปฺจนฺนนฺติ กุสลวิปากจกฺขุโสตวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณทฺวยวเสน ปฺจนฺนํ. ทุคฺคติยํ กุสลวิปากปฏิสนฺธิยา อภาวโต อาห ‘‘น โหนฺติ ปฏิสนฺธิย’’นฺติ. เอวํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ อสงฺกรวเสน ปจฺจยวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สโมธาเนตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โหนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสฬสนฺนํ ปวตฺเต, ปฏิสนฺธิยํ นวนฺนนฺติ ยถาลาภวเสน โยเชตพฺพํ.

๕๖๙-๗๔. รูเป ปุฺาภิสงฺขาราติ อภิฺาวชฺชิตา ปฺจ รูปาวจรปุฺาภิสงฺขารา. กสฺมา ปน อภิฺาย ปริวชฺชนนฺติ? วิปากทานาภาวโต, ตฺจ โข ปนสฺสา วิปากสฺส อสมฺภวโต, น ปน วิปากุปฺปาทนสภาวาภาวโต. ยทิ หิ อภิฺาเจตนา วิปากํ อุปฺปาเทยฺย, อฺภูมิกกมฺมสฺส อฺภูมิกวิปากุปฺปาทนาโยคโต สภูมิกเมว อุปฺปาเทยฺย. ตํ ปน กึ นวตฺตพฺพารมฺมณํ วา อุปฺปาเทยฺย ปริตฺตาทิอารมฺมณํ วา? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว นวตฺตพฺพารมฺมณํ อุปฺปาเทติ, ตํ น ยุตฺตํ รูปาวจรวิปากานํ เอกนฺเตน กมฺมสมานารมฺมณตาย ทสฺสิตตฺตา, อภิฺาเจตนาย จ สยํ ปริตฺตาทิอารมฺมณตฺตา. อถ ปริตฺตาทิอารมฺมณํ อุปฺปาเทติ, ตมฺปิ น ยุชฺชติ รูปาวจรวิปากานํ เอกนฺเตเนว นวตฺตพฺพารมฺมณภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ –

‘‘รูปาวจรติกจตุกฺกชฺฌานา กุสลโต จ วิปากโต จ กิริยโต จ จตุตฺถสฺส ฌานสฺส วิปาโก อากาสานฺจายตนํ อากิฺจฺายตนํ. อิเม ธมฺมา นวตฺตพฺพา ‘ปริตฺตารมฺมณา’ติปิ ‘มหคฺคตารมฺมณา’ติปิ ‘อปฺปมาณารมฺมณา’ติปี’’ติ (ธ. ส. ๑๔๒๒).

อปิจ สมาธิวิชฺชาสมฺภารภูตา อภิฺา สมาธิสฺส อานิสํสมตฺตํ สมาธิผลสทิสา. ตสฺส ตสฺส หิ อธิฏฺานวิกุพฺพนทิพฺพสทฺทสวนาทิกสฺส ยถิจฺฉิตสฺส กิจฺจสฺส นิปฺผาทนมตฺตผลา อภิฺาเจตนา. เตนาห ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทิ (ปารา. ๑๒-๑๓) ตสฺมา สมาธิสฺส ผลสทิสา อภิฺาเจตนา น จ ผลํ เทติ, ทานสีลานิสํสภูโต ตสฺมึ ภเว ปจฺจยลาโภ วิย นตฺถิ ตสฺส วิปากุปฺปาทนนฺติ. เกจิ ปน ‘‘สมานภูมิกโต อาเสวนลาเภน พลวนฺตานิ ฌานานิ วิปากํ อุปฺปาเทนฺติ สมาปตฺติภาวโต, อภิฺา ปน สติปิ ฌานภาเว ตทภาวโต ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ อาคนฺตุกาเยวาติ ทุพฺพลา, ตสฺมา วิปากํ น เทตี’’ติ วทนฺติ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ อนุรุทฺธาจริเยน –

‘‘สมานาเสวเน ลทฺเธ, วิชฺชมาเน มหพฺพเล;

อลทฺธา ตาทิสํ เหตุํ, อภิฺา น วิปจฺจตี’’ติ. (นาม. ปริ. ๔๗๔);

ตยิทมการณํ, ปริตฺตฌานสฺส อวิเสเสน พฺรหฺมปาริสชฺชาทีสุ วิปากทานวจนโต. น หิ ปริตฺตํ ลทฺธาเสวนเมว ตตฺถ วิปากํ เทตีติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตสฺมา สมานาเสวเน ลทฺเธเยว ฌานสฺส วิปากทานํ น สกฺกา วตฺตุํ. อปิจ ปุนปฺปุนํ ปริกมฺมวเสน อภิฺายปิ วสิภาวสพฺภาวา ตสฺสาปิ จ พลวภาโว อตฺเถวาติ วิปากํ อุปฺปาเทยฺย.

ปฺจนฺนํ ปากจิตฺตานนฺติ ปฺจนฺนํ รูปาวจรวิปากจิตฺตานํ. มาปุฺสงฺขาราติ อปุฺาภิสงฺขารา. ‘‘อิเม อปุฺสงฺขารา’’ติ วา ปทจฺเฉโท. เอกสฺสาติ เอกสฺส อกุสลวิปากสนฺตีรณสฺส. ฉนฺนนฺติ สนฺตีรณวชฺชานํ ฉนฺนํ อกุสลวิปากานํ. ปวตฺเต ปจฺจยา โหนฺติ อนิฏฺรูปาทิอาปาถาคเตติ อธิปฺปาโย. สุคติยํ อกุสลวิปากปฏิสนฺธิยา อภาวโต อาห ‘‘น โหนฺติ ปฏิสนฺธิย’’นฺติ. จตุนฺนนฺติ อกุสลวิปากจกฺขุโสตวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณวเสน จตุนฺนํ. ตานิ ปน เอกนฺตโต อนิฏฺารมฺมณานิ. รูปภเว จ กถํ อนิฏฺารมฺมณสมาโยโคติ อาห ‘‘โส จา’’ติอาทิ. โสติ โส ปจฺจยภาโว. ‘‘กามภเว’’ติ อิทํ อนิฏฺรูปาทีนํ วิเสสนํ, น ปน ‘‘อุปลทฺธิย’’นฺติ อิมสฺส. เตนาห ‘‘อนิฏฺ…เป… น วิชฺชเร’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อุปลทฺธิยนฺติ อิมสฺเสว วิเสสนภาเวน คเหตฺวา พฺรหฺมูนํ กามภวํ อาคตกฺขเณ รูปาทิอุปลทฺธิย’’นฺติ วทนฺติ. อนิฏฺ…เป… น วิชฺชเร เอกนฺตสุขวตฺถุภูเต ตตฺถ โวกิณฺณสุขทุกฺขการณสฺส อภาวโต.

๕๗๖. ‘‘เอวํ ตาวา’’ติอาทิ ยถาวุตฺตสฺเสวตฺถสฺส อปฺปนํ. ยถา จาติ -สทฺเทน ‘‘เยสฺจา’’ติ สงฺคณฺหาติ. ตถาติ เอตฺถาปิ ‘‘เต’’ติ สงฺคณฺหิตพฺพํ.

๕๗๗-๘๑. ยตฺถ วิตฺถารปฺปกาสนํ กตํ, ตโต ภวโต ปฏฺาย มุขมตฺตปฺปกาสนํ กาตุกาโม อาห ‘‘ตตฺริท’’นฺติอาทิ. ตตฺราติ เตสุ ภวาทีสุ. อิทนฺติ นิทสฺสิตพฺพภาเวน อาสนฺนปจฺจกฺขมาห. อาทิโต ปน ปฏฺายาติ ภวโต ปฏฺาย. อวิเสเสนาติ กามาวจรรูปาวจรวเสน วิเสสาภาเวน เตรส ปุฺาภิสงฺขารา. ทฺวิภเวสูติ กามรูปภเวสุ. เกสฺจิ มนุสฺสานํ, ภุมฺมเทวานฺจ อณฺฑชชลาพุชานมฺปิ สมฺภวโต ตทเปกฺขาย ‘‘จตูสุ…เป… โยนิสู’’ติ วุตฺตํ. นานตฺต…เป… ิตีสุปีติ อลุตฺตสมาสวเสน วุตฺตํ, นานตฺตกายนานตฺตสฺาทีสุ จตูสุ วิฺาณฏฺิตีสูติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการสฺมินฺติ นานตฺตกายาทิเก, ปุฺาภิสงฺขารสฺส ภวาทีสุ เอกวีสติวิปากานํ เอกาวตฺถาย ปจฺจโย อหุตฺวา ทุคฺคติปริยาปนฺเนสุ ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ ปฏิสนฺธึ อทตฺวา ปวตฺเตเยว อฏฺนฺนํ วิปากานํ ปจฺจยภาวโต, กามาวจรสุคติปริยาปนฺเนสุ ปฏิสนฺธึ ทตฺวา ปวตฺเต โสฬสนฺนํ วิปากานํ ปจฺจยภาวโต, รูปาวจรภูมิปริยาปนฺเนสุ ปฏิสนฺธึ ทตฺวา ปวตฺเต ทสนฺนํ วิปากานํ ปจฺจยภาวโต วุตฺตํ ‘‘ยถารห’’นฺติ.

๕๘๒-๓. กาเม ภเว, รูเป ภเวติ สมฺพนฺโธ. ตีสุ คตีสูติ เทวมนุสฺสวชฺเชสุ ตีสุ คตีสุ. เอกิสฺสาติ นานตฺตกายเอกตฺตสฺีสงฺขาตาย เอกิสฺสา วิฺาณฏฺิติยา. เอกสฺมินฺติ นานตฺตกายเอกตฺตสฺีสงฺขาเตเยว เอกสฺมึ สตฺตาวาเส.

๕๘๔-๖. เอการูปภเวติ เอกสฺมึ อรูปภเว. เอกิสฺสา โยนิยาติ เอกิสฺสาเยว โอปปาติกโยนิยา. ตีสุ จิตฺตฏฺิตีสูติ อากาสานฺจายตนาทีสุ ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ. สตฺตาวาเส จตุพฺพิเธติ อากาสานฺจายตนาทิเกเยว จตุพฺพิเธ สตฺตาวาเส. วิชานิตพฺพา…เป… ปจฺจยาติ สงฺขารา ยถา ปจฺจยา เยสฺจ ปจฺจยา, ตถา เตปิ วิฺาตพฺพาติ อตฺโถ.

๕๘๗-๙๐. นนุ จ สงฺขารานํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุปิ วิปากานํ ปจฺจยภาโว วุตฺโต. ตตฺถ ปฏิสนฺธิเยว ตาว น สกฺกา วิฺาตุํ. ยทิ หิ ปุริมภวโต ปฏิสนฺธิวิฺาณํ อิธาคจฺฉตีติ วุจฺเจยฺย, ตํ น ยุตฺตํ, รูปารูปธมฺมานํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ เทสนฺตรสงฺกมนาภาวโต. อถ อตีตภวนิพฺพตฺตสงฺขารโต น นิพฺพตฺตติ, ตมฺปิ น ยุชฺชติ อเหตุกโทสาปตฺติโตติ อิมินา อธิปฺปาเยน โจเทนฺโต อาห ‘‘น รูปารูปธมฺมาน’’นฺติอาทิ. อาจริโย ตสฺสาธิปฺปายํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตํ สฺาเปตุกาโม อาห ‘‘นตฺถิ จิตฺตสฺสา’’ติอาทิ. ตโต เหตุํ วินาติ ตตฺถ เหตุํ วินา, อตีตภวนิพฺพตฺตกมฺมสงฺขารนิกนฺติอารมฺมณํ วินาติ อตฺโถ. สุลทฺธปจฺจยนฺติ อวิชฺชาทิสหการีการณสหิตสฺส สงฺขารสฺส วเสน สุฏฺุ อเวกลฺลโต ปฏิลทฺธปจฺจยํ. รูปารูปมตฺตนฺติ พาหิรกปริกปฺปิตสฺส อธิติฏฺนกสฺส สตฺตชีวาทิโน อภาวโต รูปารูปธมฺมมตฺตํ. เตนาห ‘‘น จ สตฺโต’’ติอาทิ. ภวนฺตร…เป… ปวุจฺจตีติ โวหารมตฺเตน ภวนฺตรมุเปตีติ ปวุจฺจติ. อตฺถโต ปน ปจฺจยสามคฺคิยา ภวนฺตรภาเวน อุปฺปชฺชนมตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.

๕๙๑. อิทานิ ตํ ปฏิสนฺธิกฺกมํ ปากฏาย มนุสฺสปฏิสนฺธิยา วเสน ปกาเสตุํ สมารภนฺโต อาห ‘‘ตยิท’’นฺติอาทิ. สุทุพฺพุธนฺติ อติทุพฺพิชานิยํ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘สจฺจํ สตฺโต ปฏิสนฺธิ, ปจฺจยาการเมว จ;

ทุทฺทสา จตุโร ธมฺมา, เทเสตุฺจ สุทุกฺกรา’’ติ.

๕๙๒-๓. อาสนฺนมรณสฺสาติ ปรูปกฺกเมน วา อายุกฺขยาทิวเสน วา สมาสนฺนมรณสฺส. สุสฺสมาเนติ อนุกฺกเมน อุปสุสฺสมาเน. คพฺภเสยฺยกสฺส อายตนานํ อนุปุพฺพุปฺปตฺติ วิย นิโรโธปิ อนุปุพฺพโต โหตีติ วุตฺตํ ‘‘นฏฺเ จกฺขุนฺทฺริยาทิเก’’ติ. เกจิ ปน ‘‘นานากมฺมสมุฏฺิเตสุ จกฺขุนฺทฺริยาทีสุ นฏฺเสู’’ติ วทนฺติ. ‘‘หทย…เป… เก’’ติ อิมินา เสสกาเย กายินฺทฺริยสฺส นิรุทฺธภาโว วุตฺโตติ เอกกมฺมสมุฏฺิตมฺปิ นสฺสเตวาติ อปเร. อานนฺทาจริโย ปน ‘‘ยมเก’’ ยสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส มนายตนํ นิรุชฺฌตีติ. อามนฺตา. ยสฺส วา ปน มนายตนํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌตีติ. สจิตฺตกานํ อจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ มนายตนํ นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ จกฺขายตนํ นิรุชฺฌติ. สจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ มนายตนฺจ นิรุชฺฌติ, จกฺขายตนฺจ นิรุชฺฌตี’ติอาทินา (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๒๐) จกฺขายตนาทีนํ จุติจิตฺเตน สห นิโรโธ วุตฺโตติ จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ จุติโต ปุพฺเพ น นสฺสนฺติ. อติมนฺทภาวูปคมนํ ปน สนฺธาย อฏฺกถาย ‘นิรุทฺเธสุ อินฺทฺริเยสู’ติ วุตฺตํ, น อนวเสสนิโรธํ สนฺธาย. ปฺจทฺวาริกชวนานนฺตรมฺปิ จุติ อฏฺกถายํ ทสฺสิตา’’ติ วทติ. หทยวตฺถุมตฺตสฺมินฺติ หทยวตฺถุปเทสมตฺเต. น หิ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย กายินฺทฺริยํ ปวตฺตติ.

๕๙๔-๗. วตฺถุสนฺนิสฺสิตนฺติ เสสินฺทฺริยานํ นิรุทฺธตฺตา วิฺาณสฺส นิสฺสยภาวูปคมนสามตฺถิยาโยเคน มนฺทภาวโต วา หทยวตฺถุมตฺตสนฺนิสฺสิตํ. จิตฺตนฺติ ตทา กมฺมกมฺมนิมิตฺตาทีนิ อารพฺภ ปวตฺตชวนวิฺาณํ. ตํ ปน สุคติยํ นิพฺพตฺตมานสฺส กุสลํ โหติ, ทุคฺคติยํ นิพฺพตฺตมานสฺส อกุสลํ. เตนาห ภควา –

‘‘นิมิตฺตสฺสาทคธิตํ วา, ภิกฺขเว, วิฺาณํ ติฏฺมานํ ติฏฺติ อนุพฺยฺชนสฺสาทคธิตํ วา, ตสฺมึ เจ สมเย กาลํ กโรติ, านเมตํ วิชฺชติ, ยํ ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ อุปปชฺเชยฺย นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕).

ยทิ เอวํ –

‘‘คติสมฺปตฺติยา าณสมฺปยุตฺเต กตเมสํ อฏฺนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ, กุสลสฺส กมฺมสฺส ชวนกฺขเณ ตโย เหตู กุสลา ตสฺมึ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, เตน วุจฺจติ กุสลมูลปจฺจยาปิ สงฺขารา. นิกนฺติกฺขเณ ทฺเว เหตู อกุสลา ตสฺมึ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, เตน วุจฺจติ อกุสลมูลปจฺจยาปิ สงฺขารา. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตโย เหตู อพฺยากตา ตสฺมึ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, เตน วุจฺจติ นามรูปปจฺจยาปิ วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยาปิ นามรูป’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๒) –

นิกนฺติกฺขเณ เหตุทฺวยปจฺจยาปิ สุคติปฏิสนฺธิกสฺส กถํ ทสฺสิตาติ? นยิทํ มรณาสนฺนชวนสมฺปยุตฺตเหตุโย สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข กตกมฺมสฺส ตํ กมฺมํ อารพฺภ อสฺสาทวเสน ปวตฺตชวนสมฺปยุตฺตเหตุโย สนฺธาย. กตูปจิตมฺปิ หิ กมฺมํ ตณฺหาย อสฺสาทิตํ วิปากาภินิปฺผาทเน สมตฺถนฺติ. เกจิ ปน ‘‘กมฺมกรณกาเล อปฺปหีนาวตฺถาย สนฺตาเน อนุสยิตเหตุโย สนฺธาย นิกนฺติกฺขเณ ทฺเว เหตุโยติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ, เตสํ สหชาตปจฺจยตฺตาโยคโต. ปุพฺพานุเสวิตํ ปุฺํ วา อปุฺเมว วา กมฺมํ, กมฺมนิมิตฺตํ วา อาลมฺพิตฺวา จิตฺตํ ปวตฺตตีติ สมฺพนฺโธ. ปุพฺพานุเสวิตนฺติ ปุพฺเพ อาเสวิตํ. ‘‘กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ หิ วุตฺตํ. ตณฺหาย อนุเสวิตภาวํ สนฺธาย วา ‘‘ปุพฺพานุเสวิต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อนุปุพฺพเสวิต’’นฺติปิ ปาํ วทนฺติ, ปฏิสนฺธิวเสน ปุพฺเพ อาเสวิตํ, ปุพฺเพ ทินฺนปฏิสนฺธิกนฺติ อตฺโถ. ทินฺนปฏิสนฺธิกมฺปิ ปน อปรชาตีสุ ปวตฺติวิปากํ น นิพฺพตฺเตตีติ นตฺถิ. ปุฺาปุฺคฺคหเณน ยถากมฺมํ สุคติทุคฺคติปฏิสนฺธีนํ อารมฺมณํ ทสฺเสติ. กมฺมํ กมฺมนิมิตฺตํ วาติ วา-สทฺเทน คตินิมิตฺตํ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ กมฺมํ, คตินิมิตฺตฺจ มโนทฺวาเรเยว อาปาถมาคจฺฉติ, กมฺมนิมิตฺตํ ปน ปฺจทฺวาเรปิ. เอวฺจ กตฺวา ปฺจทฺวารคฺคหิเตปิ อารมฺมเณ ปฏิสนฺธิ โหติ. อปเร ปน คตินิมิตฺตมฺปิ ฉทฺวาเรสุ ลพฺภตีติ วณฺเณนฺติ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ สจฺจสงฺเขเป

‘‘ปฺจทฺวาเร สิยา สนฺธิ, วินา กมฺมํ ทฺวิโคจเร’’ติ. (ส. ส. ๑๗๓).

อฏฺกถายํ ปน ‘‘คตินิมิตฺตํ มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ตทารมฺมณาย จ ปฺจทฺวาริกปฏิสนฺธิยา อทสฺสิตตฺตา, มูลฏีกาทีสุ จ ‘‘กมฺมพเลน อุปฏฺาปิตํ วณฺณายตนํ สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส วิย, ทิพฺพจกฺขุกสฺส วิย จ มโนทฺวาเร เอว โคจรภาวํ คจฺฉตี’’ติ นิยเมตฺวา วุตฺตตฺตา เตสํ วจนํ น สมฺปฏิจฺฉนฺติ อาจริยา. กมฺมนิมิตฺตฺจ ปเนตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนํ ปฺจทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉนฺตํ จุติกาลาสนฺเน กตกมฺมสฺส อารมฺมณสนฺตาเน อุปฺปนฺนํ ตํสทิสนฺติ ทฏฺพฺพํ, อิตรถา ตเทว ปฏิสนฺธิยา อารมฺมณุปฏฺาปกํ ตเทว ปฏิสนฺธิชนกํ ภเวยฺย, น จ ปฏิสนฺธิยา อุปจารภูตานิ วิย, ‘‘เอตสฺมึ ตยา ปวตฺติตพฺพ’’นฺติ ปฏิสนฺธิยา อารมฺมณํ อนุปฺปเทนฺตานิ วิย จ ปวตฺตานิ จุติอาสนฺนชวนานิ ปฏิสนฺธิชนกานิ ภเวยฺยุํ. ‘‘กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ หิ วุตฺตํ. ตทา จ ปฏิสนฺธิยา เอกวีถิยํ วิย ปวตฺตมานานิ กถํ กตูปจิตานิ สิยุํ, อสฺสาทนภูตาย ตณฺหาย อปรามฏฺานิ กถํ ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกานิ, น จ โลกิยานิ โลกุตฺตรานิ วิย สมานวีถิผลานิ โหนฺตีติ. ตํ วิฺาณนฺติ ตํ ชวนวิฺาณํ. เอกตฺตนเยน ปฏิสนฺธิวิฺาณฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. จุติปฏิสนฺธิตทาสนฺนวิฺาณานฺหิ สนฺตติวเสน วิฺาณนฺติ อุปนีเตกตฺตํ อิธ ตํ วิฺาณนฺติ อธิปฺเปตํ.

อวิชฺชาย ปฏิจฺฉนฺนาทีนเวติ อนุสยวเสน ปวตฺตาย ภวตณฺหาย, จิตฺตสมฺปยุตฺตาย วา อวิชฺชาย ฉาทิตทุกฺขาทีนเว. ตถาภูเต ปน กมฺมาทิวิสเย ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อารมฺมณภาเวน อุปฺปตฺติฏฺานภูเต. ตณฺหาย อปฺปหีนตฺตา เอว ปุริมุปฺปนฺนาย จ สนฺตติยา ตถาปริณตตฺตา ปฏิสนฺธิฏฺานาภิมุขํ วิฺาณํ นินฺนโปณปพฺภารํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อาห ‘‘ตณฺหา นเมตี’’ติ. สหชา ปน สงฺขาราติ จุติอาสนฺนชวนวิฺาณสหชาตเจตนา, สพฺเพปิ วา ผสฺสาทโย. ขิปนฺตีติ ขิปนฺตา วิย ตสฺมึ วิสเย ปฏิสนฺธิวเสน วิฺาณปติฏฺานสฺส เหตุภาเวน ปวตฺตนฺติ. นฺติ ตํ วิฺาณํ. ‘‘สนฺตติวสา’’ติ วทนฺโต ตเทว วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ, น อฺนฺติ อิมฺจ มิจฺฉาวาทํ ปฏิกฺขิปติ. สติ หิ นานตฺตนเย สนฺตติวเสน เอกตฺตนโย โหตีติ.

๕๙๙. อารมฺมณาทีหิ…เป… ปวตฺตตีติ อารมฺมณนิสฺสยปจฺจยาทีหิ ปวตฺตติ. กถํ? อาสนฺนมรณสฺส หิ กมฺมพเลน มโนทฺวาเร อุปฏฺาปิตํ อวิชฺชาย ปฏิจฺฉนฺนาทีนวํ กมฺมาทิวิสยํ อารพฺภ มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, ตโต มรณาสนฺนวีถิยา วตฺถุทุพฺพลภาเวน มนฺทปฺปวตฺติยา จตฺตาริ, ปฺจ วา ชวนานิ ปวตฺตนฺติ, ตทนนฺตรํ ตทารมฺมเณ สติ, อสติ วา ภวงฺควิสยมาลมฺพิตฺวา จุติจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ภวงฺคานนฺตรมฺปิ จุติ โหตีติ วทนฺติ. จุติจิตฺเต ปน นิรุทฺเธ ตเทว อาปาถคตํ กมฺมกมฺมนิมิตฺตาทึ อารพฺภ อนุปจฺฉินฺนกิเลสพลวนิมิตฺตํ สหชาตสงฺขาเรหิ กมฺมาทิอารมฺมเณ ขิปิยมานํ โอริมตีรรุกฺขวินิพนฺธํ รชฺชุํ อาลมฺพิตฺวา มาติกาติกฺกามโก วิย ปุริมฺจ นิสฺสยํ ชหติ, อปรฺจ กมฺมสมุฏฺิตํ นิสฺสยํ อสฺสาทยมานํ วา อนสฺสาทยมานํ วา อารมฺมณาทีหิ ปจฺจเยหิ ปวตฺตติ. เอตฺถ จ โอริมตีรํ วิย ปุริมภโว ทฏฺพฺโพ, ตตฺถ ิตรุกฺโข วิย ปุริมภเว ปวตฺตมานกฺขนฺธา, รชฺชุ วิย กมฺมาทิอารมฺมณํ. เกจิ ปน ‘‘รชฺชุ วิย หทยวตฺถู’’ติ วทนฺติ, ‘‘รชฺชุ วิย ตณฺหา’’ติปิ อปเร. ปุริโส วิย วิฺาณํ, ตสฺส รชฺชุคฺคหณํ วิย ตณฺหาย อารมฺมณาภิมุขนมนํ, ปโยโค วิย ขิปนกสงฺขารา, มาติกา วิย จุติจิตฺตํ, ปรตีรํ วิย ปรโลโก.

๖๐๐. ยถา ปุริโส ปรตีเร ปติฏฺหมาโน ปรตีรรุกฺขวินิพนฺธํ กิฺจิ อสฺสาทยมาโน วา อนสฺสาทยมาโน วา เกวลํ ปถวิยํ สกพลปฺปโยเคเหว ปติฏฺาติ, เอวมิทมฺปิ ภวนฺตรตฺตภาววินิพนฺธหทยวตฺถุสงฺขาตํ นิสฺสยํ ปฺจโวการภเว อสฺสาทยมานํ วา จตุโวการภเว อนสฺสาทยมานํ วา เกวลํ อารมฺมณนิสฺสยสมฺปยุตฺตธมฺเมเหว ปวตฺตตีติ ตํ วิฺาณํ นาปิ อิธาคตํ อิมสฺมึเยว ภเว นิพฺพตฺตตฺตา. กมฺมาทินฺติ อตีตภวนิพฺพตฺตกมฺมาทึ. อาทิ-สทฺเทน ขิปนกสงฺขารานํ, นมนวเสน ปวตฺตตณฺหาย, กมฺมาทิวิสยาย อาทีนวปฏิจฺฉาทิกาย จ อวิชฺชาย, ทฬฺหคฺคาหาทิกรานํ อุปาทานาทีนฺจ คหณํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ กมฺมํ นาม อุปปชฺชเวทนียภูตํ, อปราปริยเวทนียภูตํ วา ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตกกมฺมํ. ขิปนกสงฺขารา นาม จุติอาสนฺนชวนสหชาตสงฺขารา, ปฏิสนฺธิชนกกมฺมสหคตสงฺขารา วา, ตโต ปุริมชวนสหคตสงฺขาราติ วา เกจิ. นมนวเสน ปวตฺตตณฺหา นาม อนุสยาวตฺถาย ปวตฺตตณฺหา. เอส นโย อาทีนวปฏิจฺฉาทกอวิชฺชายปิ. กมฺมาทิวิสยา ปุพฺเพ วุตฺตาเยว. ทฬฺหคฺคาหกรอุปาทานา นาม มณฺฑูกํ ปนฺนโค วิย อุปปตฺติภวสฺส ทฬฺหคฺคหณวเสน ปวตฺตา กามุปาทานาทโย.

๖๐๑-๕. สทฺทปฏิโฆสาทีนํ สติปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว สนฺตานพนฺโธ น ปากโฏติ เตสํ เอกตฺตนานตฺตภาวํ อนามสิตฺวา อนาคตมตีตเหตุสมุปฺปาทเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ อิมสฺมึ จุติปฏิสนฺธาธิกาเร. ปฏิโฆสทีปมุทฺทาทีติ อาทิ-สทฺเทน อาทาสตลคตมุขนิมิตฺตาทีนํ คหณํ. อฺตฺถ อคนฺตฺวาติ สทฺทาทิปจฺจยเทสํ อนุปคนฺตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา สทฺทาทีนํ อุปฺปตฺติปเทสํ อนุปคนฺตฺวา ปฏิโฆโส สทฺทเหตุโก, ปทีโป ปทีปนฺตราทิเหตุโก, มุทฺทา ลฺฉนเหตุโก, มุขนิมิตฺตาทิกํ อาทาสาทิอภิมุขาทิเหตุกํ โหติ ตโต ปุพฺเพ อภาวา, เอวมิทมฺปิ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ น เหตุเทสํ คนฺตฺวา ตํเหตุกํ โหติ ตโต ปุพฺเพ อภาวา, ตสฺมา น อิทํ เหตุเทสโต ปุริมภวโต อิธาคตํ ปฏิโฆสาทโย วิย สทฺทาทิเทสโต, นาปิ ตโต เหตุํ วินา อุปฺปนฺนํ สทฺทาทีหิ วินา ปฏิโฆสาทโย วิยาติ. อถ วา อฺตฺร อคนฺตฺวาติ ปุพฺเพ ปจฺจยปเทเส สนฺนิหิตา หุตฺวา ตโต อฺตฺร คนฺตฺวา ตปฺปจฺจยา น โหนฺติ อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ อภาวา, นาปิ สทฺทาทิปจฺจยา น โหนฺติ, เอวํ อิทมฺปีติ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ. สนฺตานพนฺธโต นตฺถีติ สนฺตานปฺปพนฺธโต นตฺถิ เอกตา สนฺตาเนกตฺเตปิ อฺสฺเสว วิฺาณสฺส ปาตุภวนโต, นาปิ นานตา อปุพฺพานํ อปุพฺพานํ อุปฺปาเทปิ ปมุปฺปนฺนํ ธมฺมํ วินา ปจฺฉิมสฺส อนุปฺปชฺชนโต, ปทีปสฺส วิย นานตา น สิยา. ขณิกาปิ หิ ปทีปชาลา สนฺตาเนกตฺตํ อุปาทาย สา เอวาติ วุจฺจติ, อตฺตกิจฺจฺจ สาเธติ. ‘‘สติ สนฺตานพนฺเธ’’ติอาทินา สนฺตานพนฺเธ เอกนฺตํ เอกตฺตาย จ นานตฺตาย จ อคฺคเหตพฺพตํ, คหเณ จ โทสํ ทสฺเสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สนฺตานพนฺเธ สติ ยทิ เอกนฺเตน เอกตา สิยา, ขีรทธีนมฺปิ อนฺภาวโต, อตฺตโตเยว จ สยํ อนุปฺปชฺชนโต ขีรโต ทธิสมฺภูตํ น ภเวยฺย. อถาปิ สนฺตานพนฺเธ สติ เอกนฺตํ นานตา ภเวยฺย, ขีรทธีนมฺปิ นานตฺตา, อฺสฺส จ สามิภาวมตฺเตน อปรสฺส สามิภาวาโยคโต ขีรสามิ นโร ทธิสามิ น ภเวยฺย, น จ ปเนวํ โลเก ทิสฺสตีติ.

๖๐๖. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ โลกโวหารปริจฺเฉโท โหติ, ตสฺมา เอกนฺตํ เอกตา, นานตาปิ วา น เจว อุปคนฺตพฺพา. เอกตฺเต ปน อธิปฺเปเต ธมฺมโต อคฺคเหตฺวา สนฺตานโตว คเหตพฺพํ, นานตฺเต อธิปฺเปเต สนฺตานวเสน อคฺคเหตฺวา ธมฺมโตว คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ทิฏฺสนฺตานพนฺธสฺมึ, เอกฺตฺตวิจารเณ;

สภาคุปฺปตฺติเยกตฺต-มฺตฺตํ ขณเภทโต’’ติ.

เอตฺถ จ เอกนฺตํ เอกตาปฏิเสเธน ‘‘สยํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ อิมํ ทิฏฺึ นิวาเรติ, เอกนฺตํ นานตาปฏิเสเธน ‘‘ปรํกตํ สุขทุกฺข’’นฺติ.

๖๐๗-๙. นนุ น สุนฺทรํ, นนุ สิยาติ วา สมฺพนฺโธ. อสงฺกนฺติปาตุภาเวติ สงฺกนฺติปาตุภาวรหิเต, อสงฺกนฺติวเสน วา ปาตุภาเว, อสงฺกมิตฺวาว ปาตุภาเวติ อตฺโถ. ขนฺธาภิสมฺภวาติ อภิสมฺภูตกฺขนฺธา, อถ วา อภิสมฺภวติ กมฺมํ เอเตสูติ อภิสมฺภวา, ขนฺธา, เอวํ อภิสมฺภวา กมฺมาธิฏฺานภูตา ขนฺธาติ อตฺโถ. อิธ นิรุทฺธตฺตาติ ผลาธิฏฺานภูตํ ปรโลกํ อคนฺตฺวา อิเธว นิรุทฺธตฺตา. ปรตฺถาคมโตติ ปรโลกํ อคมนโต. ตสฺสาติ กมฺมสฺส. อฺสฺสาติ เยน ตํ กมฺมํ กตํ, ตโต อฺสฺส. อฺโตติ ยํ ตํ กมฺมํ นิพฺพตฺตํ, ตโต อฺโต. เอตํ วิธานนฺติ อิธโลกโต ปรโลกํ คนฺตฺวา นตฺถิ, ตตฺถ ‘‘อฺเว ขนฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ อิทํ สพฺพํ ยถาวุตฺตวิธานํ.

๖๑๑-๔. ‘‘สนฺตาเน…เป… สาธโก’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘เอกสฺมึ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกสฺมึ สนฺตาเนติ ยสฺมึ ธมฺมปุฺเช กมฺมํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺเสว สนฺตาเนติ อตฺโถ. อฺสฺสาติปิ วา…เป… โหติ. ตตฺถ เอกนฺตํ เอกตฺตนานตฺตานํ ปฏิสิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย. เอตสฺสตฺถสฺสาติ เหตุผลานํ อตฺถโต อฺตฺเตปิ เตเนว เหตุผลภาเวน สมฺพนฺธตฺตา ตํ ผลํ อฺสฺส, อฺโตติ วา น วตฺตพฺพนฺติ เอตสฺส อตฺถสฺส. พีชานนฺติ อมฺพมาตุลุงฺคพีชานํ. อภิสงฺขาโรติ มธุอาทิปริภาวนํ. มธุอาทินาติ มธุจตุมธุรอลตฺตกรสาทินา. ตสฺสาติ ตสฺส ปริภาวิตพีชสฺส. ปมํ ลทฺธปจฺจโยติ มธุรภาวูปคมนโต ปมเมว ลทฺธปจฺจโย. กาลนฺตเรติ ผลกาเล. เอวํ เยฺยมิทมฺปิ จาติ ยถา เอตํ, เอวํ อิทมฺปิ าตพฺพํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา หิ อมฺพพีชาทีสุ มธุนา, จตุมธุเรน วา โยเชตฺวา โรปิเตสุ ผลรโส มธุโร โหติ, มาตุลุงฺคพีเช จ อลตฺตกรเสน รชิตฺวา โรปิเต อมฺพิลภณฺโฑ รตฺโต โหติ, น จ ตํ พีชํ อภิสงฺขรณํ วา ผลฏฺานํ ปาปุณาติ, เอวํ สนฺเตปิ กาลนฺตเร ผลวิเสโส น อฺพีชสนฺตาเน โหติ, น จ อฺสฺมึ พีเช อภิสงฺขารปจฺจยโต โหติ, เอวเมว เย อิธ โลเก นิพฺพตฺตกฺขนฺธา, เตสุ นิปฺผนฺนํ กมฺมํ วา ปรโลกํ น คจฺฉนฺติ. เอวมฺปิ กาลนฺตเร วิปากกฺขนฺธา อฺสฺมึ สนฺตาเน น นิพฺพตฺตนฺติ, น จ อฺกมฺมปจฺจยโต โหนฺตีติ.

เอตฺถ หิ อภิสงฺขตํ พีชํ วิย กมฺมํ วา สตฺโต, อภิสงฺขาโร วิย กมฺมํ, พีชสฺส องฺกุราทิปฺปพนฺโธ วิย สตฺตสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณาทิปฺปพนฺโธ. ตตฺถุปฺปนฺนสฺส มธุรรสสฺส อมฺพิลภณฺเฑ รตฺตสฺส จ ตสฺเสว พีชสฺส ตโต เอว จ อภิสงฺขารโต ภาโว วิย กมฺมการกสฺเสว สตฺตสฺส ตโต เอว จ อภิสงฺขรณโต ภาโว เวทิตพฺโพ.

๖๑๕. พาลกาเล…เป… ผลทายินาติ พาลสรีเร กตํ วิชฺชาปริยาปุณนํ, สิปฺปสิกฺขนํ, โอสธูปโยโค จ น วุฑฺฒสรีรํ คจฺฉติ, อถ จ ตนฺนิมิตฺตํ วิชฺชาปาฏวํ, สิปฺปชานนํ, อนามยตาทิ จ วุฑฺฒสรีเร โหนฺติ, น จ ตานิ อฺสฺส โหนฺติ ตํสนฺตติปริยาปนฺเน เอว สทิเส อุปฺปชฺชนโต. น จ ยถา ปยุตฺเตน วิชฺชาปริยาปุณนาทินา วินา ตานิ อฺโต โหนฺติ ตทภาเว อภาวโต, เอวํ อิธาปิ สนฺตาเน ยํ ผลํ, เอตํ นาฺสฺส, น จ อฺโตติ โยเชตพฺพํ. เอเตน จ สงฺขาราภาเว ผลาภาวเมว ทสฺเสติ, น อฺปจฺจยนิวารณํ กโรติ.

๖๑๖-๘. เอวํ สนฺเตปีติ อสงฺกนฺติปาตุภาเว. ตตฺถ จ ยถาวุตฺตโทสปริหรเณ สติ สิทฺเธปีติ อตฺโถ. วิชฺชมานนฺติ ปทีปสฺส วฏฺฏิกาสฺเนโห วิย วิชฺชมานํ อนิรุทฺธนฺติ อตฺโถ. อวิชฺชมานนฺติ วฏฺฏทุกฺขาภาวสฺส อรหโต จุติจิตฺตํ วิย อวิชฺชมานํ นิรุทฺธนฺติ อตฺโถ. ตปฺปวตฺติกฺขเณติ กมฺมสฺส ปวตฺตมานกฺขเณเยว. เตนาห ‘‘สทฺธิเมว จ เหตุนา’’ติ. อวิชฺชมานนฺติ ปวตฺติกฺขณโต ปุพฺเพ วิชฺชมานตํ อสมฺปตฺตํ. นิรุทฺธนฺติ ขณตฺตยํ ปตฺวา นิรุทฺธํ. เตนาห –

‘‘ปวตฺติกฺขณโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา นิจฺจผลํ สิยา’’ติ.

ปุพฺเพติ กมฺมายูหนโต ปุพฺเพ. อวิชฺชมานตาสามฺเน เหตํ วุตฺตํ. ปจฺฉาติ วิปากปฺปวตฺติโต ปจฺฉา จ.

๖๑๙-๒๐. กฏตฺตาปจฺจโยติ กฏตฺตา เอว ปจฺจโย, น วิชฺชมานตาย อวิชฺชมานตาย วาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๔๓๑). ยทิ เอวํ อรหตา กตกมฺมมฺปิ กฏตฺตาปจฺจโย สิยาติ? นยิทเมวํ. ยถา หิ อจฺฉินฺนมูลสฺมึ รุกฺเข ปุปฺผิตํ พีชสมตฺถมฺปิ กุสุมํ มูเล ฉินฺนมตฺเต ผลทายกํ น โหติ, เอวํ อรหโตปิ กิเลสมูลสฺส อพฺโพจฺฉินฺนกาเล สนฺตาเน ปวตฺตมฺปิ กมฺมํ กิเลสมูลจฺฉินฺนมตฺเตเยว ผลทาเน อสมตฺถภาวํ อาปนฺนนฺติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘พาลชนชฺฌารุฬฺโห,

ชาติรโถ กมฺมกิเลสจกฺโกยํ;

กิเลสจกฺกวิธมโน,

น ยาติ กมฺเมกจกฺเกปี’’ติ.

กฏตฺตา เจ ปจฺจโย, นิจฺจผลทายโก วิพนฺโธติ อาห ‘‘ปาฏิโภคาทิก’’นฺติอาทิ. ปาฏิโภคาทิกนฺติ มูลภาวูปคมนาทิกํ. อาทิ-คฺคหเณน ‘‘ปจฺฉา มูลํ ทสฺสามี’’ติ ภณฺฑคฺคหณํ, อิณคฺคหณฺจ สงฺคณฺหาติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ปาฏิโภคกิริยาทีนํ วิชฺชมานตา, อวิชฺชมานตา วา นิยฺยาตเน, ปฏิภณฺฑทาเน, อิณทาเน จ ปจฺจโย น โหติ, อถ โข กรณมตฺตํ, น จ ตํ นิยฺยาตนาทีนํ นิจฺจเมว ปจฺจโย โหติ นิยฺยาตนาทิมฺหิ กเต ปจฺจยตฺตาภาวโต, เอวเมว วิปากุปฺปาทเนปิ กมฺมสฺส วิชฺชมานตา, อวิชฺชมานตา วา ปจฺจโย น โหติ, อถ โข กรณมตฺตเมว, กรณมตฺเต จ สติ วิปกฺกวิปากานํ ปจฺจโย น โหตีติ.

๖๒๑. ปรมสฺส อุตฺตมสฺส อตฺถสฺส ปกาสนโต ปรมตฺถปฺปกาสโน. ปีติพุทฺธิวิวฑฺฒโนติ ปีติยา, าณสฺส จ, ปีติสหคตสฺส วา าณสฺส วิวฑฺฒโน.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

ปุฺวิปากปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทสโม ปริจฺเฉโท

รูปวิภาควณฺณนา

๖๒๒. อาทิมฺหีติ อุทฺเทสคาถายํ. อิทานีติ จิตฺตเจตสิกวิภาวนานนฺตรํ. วิภาวนนฺติ นิทฺเทสปฏินิทฺเทสวเสน สรูปโต ปกาสนํ.

๖๒๓. รุปฺปตีติ สีตุณฺหาทีหิ วิการมาปชฺชติ, อาปาทียตีติ วา อตฺโถ. วิการาปตฺติ จ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิธาเน วิสทิสุปฺปตฺติเยว. น หิ ยถาสกํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชิตฺวา ิตธมฺมานํ อฺเน เกนจิ วิการาปาทนํ สกฺกา กาตุํ, ตสฺมา ปุริมุปฺปนฺนรูปสนฺตติ วิย อหุตฺวา ปจฺฉา อุปฺปชฺชมานานํ วิสภาคปจฺจยสมวาเยน วิสทิสุปฺปตฺติเยว อิธ ‘‘รุปฺปน’’นฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา สงฺฆิยานํ วิปริณามวาโท ปจฺจกฺขโต โหติ. นนุ จ อรูปธมฺมานมฺปิ วิโรธิปจฺจยสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติ ลพฺภตีติ? สจฺจํ ลพฺภติ, น ปน วิภูตตรา. วิภูตตรา เหตฺถ วิสทิสุปฺปตฺติ อธิปฺเปตา อุกฺกฏฺคติวเสน ยถา ‘‘อภิรูปสฺส กฺา ทาตพฺพา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๘).

กุโต เอตํ วิฺายตีติ เจ? สีตาทิคฺคหณโต. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, รูปํ วเทถ, รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจติ. เกน รุปฺปติ? สีเตนปิ รุปฺปติ, อุณฺเหนปิ รุปฺปติ, ชิฆจฺฉายปิ รุปฺปติ, ปิปาสายปิ รุปฺปติ, ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺเสนปิ รุปฺปติ, รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙).

เอตฺถ หิ สีตาทิคฺคหณํ สีตาทินา ผุฏฺสฺส รุปฺปนํ วิภูตตรํ, ตสฺมา ตเทเวตฺถ คหิตนฺติ าปนตฺถํ. อิตรถา รุปฺปตีติ สามฺวจเนเนว สิทฺเธ สีตาทิคฺคหณํ นิรตฺถกํ สิยาติ.

ยทิ เอวํ, กถํ พฺรหฺมโลเก รูปสมฺา? น หิ ตตฺถ อุปฆาตโก สีตาทิผสฺสวิเสโส ลพฺภตีติ? สจฺจํ, ตตฺถาปิ ตํสภาวานติวตฺตนโต. อรุปฺปนสฺสาปิ หิ รุปฺปนสภาวานติวตฺตนโต รูปสมฺา โหติ. ยถา อทุทฺธมฺปิ ขีรํ ตํสภาวานติวตฺตนโต ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ วุจฺจตีติ. อถ วา กิฺจาปิ ตตฺถ อุปฆาตโก สีตาทิผสฺสวิเสโส นตฺถิ, อนุคฺคาหโก ปน อตฺถิ. ตถา หิ พฺรหฺมานํ อุตุชรูปํ อตฺถิ, ตสฺมา อตฺเถว ตตฺถ รุปฺปนนฺติ น โกจิ ตตฺถ รูปสมฺาย วิพนฺโธติ.

รูปยตีติ วาติ สยํ วิชฺชมานเมว อตฺตโน สนฺตานํ วิการมาปาทยตีติ อตฺโถ. อิติ ปุริมวิคฺคเหน วิการุปฺปตฺติ ‘‘รุปฺปน’’นฺติ ทีปิตํ. อิมินา ปน วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิชฺชมานสฺเสว โย อตฺตโน สนฺตาเน วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว, ตํ รุปฺปนนฺติ ทีปิตํ โหติ. อิมสฺมึ ปกฺเข อรูปสฺส รูปสมฺาปสงฺโค เอว นตฺถิ. นิรุทฺธเมว หิ ตํ อนนฺตราทิปจฺจเยหิ อรูปํ อุปฺปาเทติ, น วิชฺชมานนฺติ. ฆฏฺฏเน วิการาปตฺติยํ รูป-สทฺทสฺส รุฬฺหี, ตสฺมา อรูปธมฺมานํ ฆฏฺฏนาภาวโต น เตสุ รูปสมฺาติ เกจิ. ปฏิฆาโต รุปฺปนนฺติ อปเร, เตสํ มเตน กิฺจาปิ สปฺปฏิฆรูปานเมว รูปสมฺาปสงฺโค, อถ โข อวยวโวหาเรน สมุทาโยปิ โวหรียตีติ สพฺพเมว รูปํ รูปสมฺํ ลภติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘รูปยตีติ วณฺณายตนวเสน วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตฺหิ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ รูปยติ, หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ. ตยิทํ อุปริ วณฺณายตนนิทฺเทเส วิสุํเยว วุจฺจตีติ น ตสฺส อิธ สํวณฺณเน ปโยชนํ อตฺถิ. สุรูโปติ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาทีหิ อลงฺกตตฺตา โสภนรูปกาโย, สภาวตฺโถ วา รูป-สทฺโท ‘‘ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๔) วิย, ตสฺมา สุรูโปติ โสภนสภาโว, เตน ทสพลจตุเวสารชฺชาทิอสาธารณคุณวิเสสสมาโยคทีปนโต สตฺถุ ธมฺมกายสมฺปตฺติยาปิ โสภนตา ทสฺสิตา โหติ.

๖๒๔. ภูโตปาทายเภทโตติ เอตฺถ ตทธีนวุตฺติตาย ภวติ เอตฺถ อุปาทารูปนฺติ ภูตํ. อถ วา มหาภูตาเยว อิธ ปุริมปทโลปวเสน ภูต-สทฺเทน วุตฺตา. เตนาห ‘‘จตุพฺพิธา มหาภูตา’’ติ. ภูตานิ อุปาทิยเตว, น ปน สยํ เตหิ อฺเหิ วา อุปาทิยตีติ อุปาทายํ. เอวฺจ กตฺวา จตุนฺนํ มหาภูตานํ อฺมฺํ นิสฺสาย ปวตฺตมานานมฺปิ อุปาทายรูปตาปสงฺโค นตฺถิ. น หิ เต เกวลํ อฺมฺํ อุปาทิยนฺเตว, อถ โข สยํ อุปาทายรูเปหิ อุปาทิยนฺติ, ตสฺมา อุปาทาย-สทฺทคฺคหณสามตฺถิยโต น มหาภูตานํ อุปาทายรูปตาปสงฺโคติ. อถ วา ‘‘จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ (ธ. ส. ๕๘๔) วจนโต จตุมหาภูตสนฺนิสฺสิตตาว อุปาทายรูปลกฺขณํ, น ภูตตฺตยาทิสนฺนิสฺสิตตาปีติ น เตสํ อุปาทายรูปตาติ. ภูตฺจ อุปาทายฺจ ภูโตปาทายํ, เตสํ วเสน เภทโตติ ภูโตปาทายเภทโต. ภูตสทฺทสฺส อุภยลิงฺคตฺตา อาห ‘‘มหาภูตา’’ติ. อุปาทาติ อุปาทายรูปานิ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส’’ติอาทีสุ วิย เอตฺถ ย-การโลโป ทฏฺพฺโพ.

๖๒๕. กตเม ปน จตฺตาโร มหาภูตา, กถฺจ เต มหาภูตสฺิตา, กานิ จ อุปาทายรูปานิ, กถฺจ ตานิ ‘‘อุปาทายรูปานี’’ติ วุจฺจนฺตีติ อิทํ โจทนํ หทเย กตฺวา กเมน โสเธนฺโต อาห ‘‘ปถวีธาตู’’ติอาทิ. จตฺตาโรเมติ จตฺตาโร อิเม. มหา จ โส ภูโต จาติ มหาภูโต, เตน มหาภูเตน สเทวเก โลเก มหนฺตภาเวน ปาตุภูเตน สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ อตฺโถ. อถ วา –

‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ,

สพฺพาเนว สหตฺตนา;

โย จ กาลฆโส ภูโต,

ส ภูตปจนึ ปจี’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๙๐) –

อาทีสุ วิย ภูต-สทฺทสฺส สตฺเตสุ, ขีณาสเวสุ จ ปวตฺตนโต มหาภูเตนาติ มหตา สตฺเตน, มหาขีณาสเวนาติ วา อตฺโถ. ขีณาสโวปิ หิ ปริกฺขีณปฏิสนฺธิกตฺตา ภูโตเยว น ภวติ, น จ ภวิสฺสตีติ ภูโตติ วุจฺจติ.

๖๒๖. มหนฺตา ปาตุภูตาติ อุปาทินฺนกสนฺตาเนปิ อนุปาทินฺนกสนฺตาเนปิ สสมฺภารธาตุวเสน มหนฺตา หุตฺวา ภูตา ชาตา นิพฺพตฺตาติ อตฺโถ. เตสํ อนุปาทินฺนกสนฺตาเน –

‘‘ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;

เอตฺตกํ พหลตฺเตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธรา’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔) –

อาทินา นเยน มหนฺตปาตุภูตตา วุตฺตา. อุปาทินฺนกสนฺตาเนปิ อเนกโยชนสติกมจฺฉกจฺฉปติคาวุตปฺปมาณเทวทานวาทิสรีรวเสน ทฏฺพฺพา. วุตฺตมฺปิ เหตํ ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท โยชนสติกาปิ อตฺตภาวา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๘.๒๐; จูฬว. ๓๘๕; อุทา. ๔๕).

มหาภูตสมาติ อเนกพฺภุตวิเสสทสฺสเนน, อเนกภูตทสฺสเนน จ มหนฺตา ภูตา, มหนฺตานิ อพฺภุตานิ วา เอเตสูติ มหาภูตา, มายาการา, ยกฺขาทโย วา ชาติวเสเนว มหนฺตา ภูตาติ มหาภูตา, เตหิ เอเต สมาติ มหาภูตสมา. เอเต หิ ยถา มายาการา อมณึ เอว อุทกํ มณึ กตฺวา ทสฺเสนฺติ, อสุวณฺณํเยว เลฑฺฑุอาทิกํ สุวณฺณํ กตฺวา ทสฺเสนฺติ, ยถา จ สยํ เนว ยกฺขา น ปกฺขิโน สมานา ยกฺขาทิภาวมฺปิ ทสฺเสนฺติ, เอวเมวํ สยํ อนีลาเนว หุตฺวา นีลํ อุปาทายรูปํ ทสฺเสนฺติ, สยํ อปีตาเยว…เป… สยํ อโนทาตาเยว หุตฺวา โอทาตํ อุปาทายรูปํ ทสฺเสนฺตีติ มายาการมหาภูตสามฺโต มหาภูตา.

ยถา จ ยกฺขา มหาภูตา ยํ คณฺหนฺติ, เนวสฺส อนฺโตสรีเร านํ อุปลพฺภติ, น สรีรโต พหิ, น จ ตสฺส องฺคมงฺคํ นิสฺสาย น ติฏฺนฺติ. ยทิ หิ สรีรสฺส อนฺโต ิตา, สกลสรีเร พฺยาปนํ น สิยา. อถ พหิ ิตา, ยกฺขคฺคหิตเกน กตกุสลากุสลํ ยกฺขสฺส น สิยา. ยทิ จสฺส องฺคมงฺคํ นิสฺสาย น ิตา, ยกฺขคฺคหิตเก ปหเฏ ยกฺขสฺส ทุกฺขเวทนุปฺปตฺติ น สิยา, น จ สรีเร ราชิอุฏฺานํ ภเวยฺย. ยสฺมา ปเนตํ สพฺพํ อตฺถิ, ตสฺมา เต อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานา, เอวเมเตปิ น อฺมฺสฺส อนฺโต น พหิ ิตา อุปลพฺภนฺติ, น จ อฺมฺํ นิสฺสาย น ติฏฺนฺติ. ยทิ หิ เต อฺมฺสฺส อนฺโต ิตา, น สกสกกิจฺจกรา สิยุํ อฺมฺํ อนุปเวสนโต. อถ อฺมฺโต พหิ ิตา, วินิพฺภุตฺตา สิยุํ, ตถา จ สติ อวินิพฺภุตฺตวาโท ปริหาเยยฺย, ตสฺมา อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานาติ. ยกฺขมหาภูตสมานตาย มหาภูตสมา. อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานาปิ เจเต ปติฏฺานาทินา ยถาสกกิจฺจวิเสเสน เสสานํ ติณฺณํ อุปการกา โหนฺตา สหชาตาทินา ปจฺจเยน ปจฺจโย หุตฺวา อฺมฺํ นิสฺสาเยว ติฏฺนฺติ.

วฺจกตฺตา อภูเตนาติ ยกฺขินีอาทโย วิย อภูเตน อตจฺเฉน มนาปวณฺณสณฺานาทินา สตฺตานํ วฺจกตฺตา มหนฺตานิ อภูตานิ เอเตสูติ มหาภูตาติ สมฺมตา. ยถา หิ ยกฺขินีอาทโย มนาเปหิ กาฬสามาทิวณฺเณหิ, ปุถุลปีวรกิสาทิสณฺาเนหิ, หตฺถภมุอาทิวิกฺเขเปหิ จ อตฺตโน ภยานกภาวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา สตฺเต วฺเจนฺติ, อตฺตโน วสํ เนนฺติ, เอวเมเตปิ อิตฺถิปุริสาทีสุ มนาเปน ฉวิวณฺเณน, มนาเปน องฺคปจฺจงฺคสณฺาเนน, มนาเปน จ หตฺถปาทองฺคุลิภมุกวิกฺเขเปน อตฺตโน กกฺขฬตฺตาทิสรีรลกฺขณํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา พาลชนํ วฺเจนฺติ, อตฺตโน สภาวํ ทฏฺุํ น เทนฺตา ตํ อตฺตโน วสํ เนนฺติ.

๖๒๗-๓๐. จกฺขุโสตนฺติอาทีสุ รูปเมว รูปตา. หทยฺจ ตํ วตฺถุ จ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนนฺติ หทยวตฺถุ, หทยสฺส วา วิฺาณสฺส วตฺถูติ หทยวตฺถุ, ปุริมปทโลเปน ปน ‘‘วตฺถุ’’นฺติ วุตฺตํ. กพฬีกาโร อาหาโรเยว อาหารตา. กิฺจาปิ ธมฺมสงฺคณิยํ รูปนิทฺเทเส กพฬีกาโร อาหาโร โอสาเน อุทฺทิฏฺโ, อิธ ปน นิปฺผนฺนรูปานํ เอกฏฺาเน ทสฺสนตฺถํ หทยวตฺถุอนนฺตรํ อุทฺทิฏฺโติ. ลหุตา อาทิ ยาสํ มุทุตากมฺมฺตานนฺติ ลหุตาทโย, ตาสํ ตยํ ลหุตาทิตฺตยํ, ตตฺถ ลหุภาโว ลหุตา, ตถา มุทุตาปิ. กมฺมนิ สาธุ กมฺมฺํ, ตสฺส ภาโว กมฺมฺตา. ลหุตาทีนํ สยํ อนิปฺผนฺนตฺตา นิปฺผนฺนรูปวิการภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปสฺสา’’ติ วิเสสนํ กตํ. จตุวีสตีติ คณนปริจฺเฉโท, พลวรูปาทีนํ นิเสธนตฺโถ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. นิสฺสายาติ นิสฺสาย เอว, น ปน นิสฺสยวเสนปิ. จตูหิ อุปาทาเนหิ นิมุตฺตตาย นิกฺขนฺตํ อุปาทานโต มานสํ เอตสฺสาติ นิรุปาทานมานโส.

๖๓๑-๒. ปตฺถฏตฺตาติ ปุถุตฺตา, เตน ปุถุภาวโต ปุถวี, ปุถวี เอว ปถวีติ นิรุตฺตินเยน สทฺทสิทฺธิ ทีปิตา โหติ. อยํ ปน สมฺภารปถวิยา วเสน ยุชฺชติ. สา หิ ปุถุภูตา ปตฺถฏาติ. ลกฺขณปถวิยา วเสน ปน ปถนฏฺเน ปถวี, สหชรูปานํ ปติฏฺาภาเวน ปกฺขายติ อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. ปุริโมปิ วา อตฺโถ ลกฺขณปถวิยา วเสน ลพฺภติ. วายนโตติ สมุทีรณโต, เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน ภูตสงฺฆาฏสฺส ปาปนโตติ อตฺโถ. เตเชติ ปริปาเจติ, นิเสติ วา, ติกฺขภาเวน เสสภูตตฺตยํ อุสฺมาเปตีติ อตฺโถ. คาถาพนฺธวเสน เจตฺถ อิติ-สทฺทโลปโต ‘‘เตเชติ’’จฺเจว วุตฺตํ. เอวํ ‘‘อาเปตี’’ติ เอตฺถาปิ. ตสฺมา เตเชตีติ เตโช, อาเปตีติ อาโปติ วุตฺตํ โหติ. อาเปติ ปาลนาติ อนุปาเลตพฺพรูปปริโยสานํ อาเปติ ปตฺถรติ. ตถา เหตํ ‘‘อาพนฺธนกิจฺจ’’นฺติ วุจฺจติ. อาปียตีติ อาโป. โสสียติ ปิวียตีติ อตฺโถติ เกจิ. อยํ ปนตฺโถ สสมฺภาราเป ยุชฺชตีติ วทนฺติ, ลกฺขณาเปปิ ยุชฺชเตว. โสปิ หิ ผรุสปาจนวิโสสนากาเรน เสสภูตตฺตเยน ปียมาโน วิย ปวตฺตตีติ. อาปายตีติ วา อาโป, พฺรูเหติ วฑฺเฒตีติ อตฺโถ. ตถา เหส ปริพฺรูหนรโส. เตสนฺติ ยถาวุตฺตานํ ภูโตปาทายเภทานํ รูปานํ. วกฺขามีติ กเถสฺสามิ. กึ การณาติ อาห ‘‘ลกฺขณาทีสู’’ติอาทิ. หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา ลกฺขณาทีสุ าเตสุ ธมฺมา อาวิ ภวิสฺสนฺติ, ตสฺมา เตสํ ปรโต อาวิภาวเหตูติ อตฺโถ.

๖๓๓-๔. กานิ ปน ตานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ นาม, เยสุ าเตสุ ธมฺมา อาวิ ภวิสฺสนฺตีติ อิมํ โจทนํ โสเธตุํ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ สรูปโต กเถนฺโต อาห ‘‘สามฺํ วา’’ติอาทิ. สามฺํ สาธารโณ อนิจฺจาทิโก. สภาโว กกฺขฬาทิผุสนาทิโก อสาธารณภาโว. กิจฺจนฺติ สนฺธารณาทิกิจฺจํ. สมฺปตฺตีติ สมฺปนฺนภาโว. ‘‘สุรโส คนฺธพฺโพ’’ติอาทีสุ หิ คนฺธพฺพสมฺปตฺติยา รส-สทฺเทน วุจฺจมานตฺตา สมฺปตฺติ รโสติ. ผลนฺติ สหชาตนานกฺขณิกวเสน ิตํ ผลํ. อุปฏฺานนโยติ คเหตพฺพภาเวน าณสฺส อุปฏฺานากาโร. อาสนฺนการณนฺติ ปธานการณํ.

ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณํ, กกฺขฬตฺตํ ลกฺขณเมติสฺสาติ กกฺขฬตฺตลกฺขณา. นนุ จ กกฺขฬตฺตเมว ปถวีธาตูติ? สจฺจเมตํ. ตถา หิ วิฺาตาวิฺาตสทฺทตฺถตาวเสน อสมฺภินฺเนปิ ธมฺเม กปฺปนาสิทฺเธน เภเทน เอวํ นิทฺเทโส กโต. เอวฺหิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติ. อถ วา ลกฺขียตีติ ลกฺขณํ, กกฺขฬา หุตฺวา ลกฺขิยมานา ธาตุ กกฺขฬตฺตลกฺขณาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสาสุปิ เอเสว นโย. ปติฏฺานรสาติ สหชาตธมฺมานํ ปติฏฺานภาวกิจฺจา. อสหชาตานมฺปิ สนฺตติวเสน ปติฏฺานภาโว โหเตว. ตโต เอว เนสํ สมฺปฏิจฺฉนากาเรน าณสฺส ปจฺจุปฏฺาตีติ สมฺปฏิจฺฉนปจฺจุปฏฺานา. อิมินา กิจฺจวเสเนเวตฺถ ‘‘ปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ ทสฺเสติ. ปทฏฺานํ ปเนตฺถ จตุนฺนมฺปิ เอกโต กตฺวา วกฺขติ.

ปคฺฆรณลกฺขณาติ ทฺรวตาภาวโต วิสฺสนฺทนลกฺขณา. พฺรูหนรสาติ สหชาตธมฺมานํ มิลาตภาวูปคมนํ อทตฺวา วฑฺฒนกิจฺจา. ตถา หิ สา เตสํ ปีณิตภาวํ ทสฺเสตีติ วุจฺจติ. สงฺคหปจฺจุปฏฺานาติ พาหิรกอุทกํ วิย นหานิยจุณฺณสฺส สหชาตธมฺมานํ วิปฺปกิริตุํ อทตฺวา สมฺปิณฺฑนวเสน สงฺคณฺหนปจฺจุปฏฺานา. ปริปาจนรสาติ ปริณตภาวกรณรสา. มทฺทวานุปฺปทานปจฺจุปฏฺานาติ พาหิรคฺคิ วิย ชตุโลหาทีนํ สหชาตธมฺมานํ มุทุภาวานุปฺปทานปจฺจุปฏฺานา. วิตฺถมฺภนลกฺขณาติ ปูรณลกฺขณา. สมุทีรณรสาติ กมฺปนรสา. อภินีหาโร ภูตตฺตยสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาโว, นีหรณํ วา พีชโต องฺกุราทิกสฺส วิย. เอเกกา…เป… ตพฺพาติ ปถวีธาตุ อาปาทิภูตตฺตยปทฏฺานา, อาโปธาตุ ปถวีเตชาทิภูตตฺตยปทฏฺานาติ เอวํ เอเกกา ธาตุ อวสิฏฺภูตตฺตยปทฏฺานา.

อาโรหปริณาหวเสน หิ มชฺฌิเม อิมสฺมึ สรีเร ปริคฺคยฺหมานา ปรมาณุเภทสฺจุณฺณา สุขุมรชภูตา ปถวีธาตุ โทณมตฺตา สิยา. สา จ ตโต อุปฑฺฒปฺปมาณาย อาโปธาตุยา ยถา น วิกิรติ, เอวํ อาพนฺธนวเสน สงฺคหิตา. ยถา ปน ปคฺฆรณสภาวาย อาโปธาตุยา วเสน กิลินฺนภาวํ ปิจฺฉลภาวํ นาปชฺชติ, เอวํ เตโชธาตุยา อนุปาลิตา. ยถา ปน ตสฺสา วเสน น วิกิรียติ, เอวํ วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภิตา สงฺฆาตภาวํ ปาปิตา. เอวํ สุขุมรชภูตาปิ อาพนฺธนปริปาจนสมุทีรณกิจฺจาหิ อาโปเตโชวาโยธาตูหิ ลทฺธปจฺจยา สิเนเหน เตมิตา, เตชสา ปริปกฺกา, วายุนา วิตฺถมฺภิตา ปิฏฺจุณฺณานิ วิย น อิโต จิโต จ วิกิรียติ วิทฺธํสียติ, อวิกิริยมานา อวิทฺธํสิยมานา นานปฺปการกํ อิตฺถิปุริสลิงฺคาทิภาววิภาคํ อุปคจฺฉติ, อณุถูลทีฆรสฺสถิรกถินาทิภาวฺจ ปกาเสติ.

ยูสคตา อาพนฺธนาการภูตา ปเนตฺถ อาโปธาตุ ปถวีปติฏฺิตา เตชานุปาลิตา วาโยวิตฺถมฺภิตา น คฬติ, น ปคฺฆรติ, น ปริสฺสวติ. เอวํ ตีหิ ธาตูหิ อนุปาลิตา อปคฺฆรมานา อปริสฺสวมานา ปิณฺฑิตภาวํ ทสฺเสติ. เอสา หิ อนุพฺรูหนรสา.

อสิตปีตาทิปริปาจิตา เจตฺถ อุสุมาการภูตา อุณฺหตฺตลกฺขณา เตโชธาตุ ปถวีปติฏฺิตา อาโปสงฺคหิตา วาโยวิตฺถมฺภิตา อิมํ กายํ ปริปาเจติ, วณฺณสมฺปตฺติฺจสฺส อาวหติ. สา หิ ยถานุภุตฺตสฺส อาหารสฺส สมฺมา ปริณามเนน รสาทิสมฺปตฺติยา เหตุภาวํ คจฺฉนฺตี อิมํ กายํ ปริปาเจติ, วณฺณสมฺปตฺติฺจ อาวหติ. กมฺมูปนิสฺสยาย หิ จิตฺตปสาทเหตุกาย จ สรีเร วณฺณสมฺปทาย เตโชธาตุ วิเสสปจฺจโย, ปเคว อุตุอาหารสมุฏฺานาย รูปสมฺปตฺติยาติ. ตาย จ ปน ปริปาจิโต อยํ กาโย น ปูติภาวํ คจฺฉติ.

องฺคมงฺคานุสฏา เจตฺถ สมุทีรณวิตฺถมฺภนลกฺขณา วาโยธาตุ ปถวีธาตุยา อตฺตนิ ปติฏฺาปียติ. ยถา สหชาตธมฺเมหิ วิสุํ น โหติ, เอวํ อาโปธาตุยา สงฺคยฺหติ. ยถา สหชาตธมฺมา น ปริสฺสวนฺติ, เอวํ เตโชธาตุยา อนุปาลียติ. สา เอวํ ตีหิ ธาตูหิ ยถารหํ อนุปาลิยมานา อิมํ กายํ วิตฺถมฺเภติ. ตาย ปน วิตฺถมฺภิโต อยํ กาโย น ปริปตติ, อุชุกํ ติฏฺติ, อิจฺเจวํ เอเกกาย ธาตุยา ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ วเสเนว ปวตฺตนโต วุตฺตํ ‘‘เอเกกา เจตฺถ เสสภูตตฺตยปทฏฺานาติ เวทิตพฺพา’’ติ.

เอวํ ภูตรูปานํ สทฺธึ วจนตฺเถหิ ลกฺขณาทโย ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุปาทายรูปานิ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จกฺขตี’’ติอาทิ. อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ จกฺขติ-สทฺทสฺส วิภาวนตฺถตาปิ สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘วิภาเวตีติ อตฺโถ’’ติ. จกฺขตีติ ปน วิฺาณาธิฏฺิตํ สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย, อภิพฺยตฺตํ วทนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. อถ วา จกฺขตีติ วิฺาณาธิฏฺิตํ รูปํ อสฺสาเทนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. จกฺขตีติ หิ อยํ สทฺโท ‘‘มธุํ จกฺขติ, พฺยฺชนํ จกฺขตี’’ติอาทีสุ วิย อสฺสาทตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘จกฺขุํ โข, มาคณฺฑิย, รูปารามํ รูปรตํ รูปสมุทิต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๐๙). วกฺขติ จ ‘‘รูเปสุ อาวิฺฉนรส’’นฺติ. ยทิ เอวํ ‘‘โสตํ โข, มาคณฺฑิย, สทฺทาราม’’นฺติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๒.๒๐๙) โสตาทีนมฺปิ สทฺทาทิอสฺสาทกภาโว อตฺถีติ เตสมฺปิ จกฺขุสทฺทาภิเธยฺยตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ นิรุฬฺหตฺตา. นิรุฬฺโห หิ เอส จกฺขุ-สทฺโท โลจเนเยว ปทุมาทีสุ ปงฺกชาทิสทฺทา วิยาติ.

๖๓๕-๖. จกฺขุรูปสฺส นิทฺเทสปฺปกรเณปิ จกฺขุ-สทฺทสามฺโต อาคตํ สพฺพมฺปิ จกฺขุํ ปเภทโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ จกฺขู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ จกฺขุนิทฺเทเส. ปฺามํสปฺปเภทโตติ ปฺาจกฺขุ มํสจกฺขูติ เอวํ ปฺามํสานํ วเสน ปเภทโต. ตตฺถาติ ตสฺมึ ทุวิเธ จกฺขุมฺหิ. ปฺาเยว ปฺามยํ. นามโตติ นาเมหิ ปฺจวิธนฺติ สมฺพนฺโธ. กตเมหิ นาเมหีติ อาห ‘‘พุทฺธธมฺมา’’ติอาทิ. ตตฺถ พุทฺธธมฺมสมนฺเตหีติ พุทฺธจกฺขุ ธมฺมจกฺขุ สมนฺตจกฺขูติ อิเมหิ นาเมหิ. าณทิพฺเพหีติ าณจกฺขุ ทิพฺพจกฺขูติ จ นาเมหิ. ยถานุกฺกมโตติ ยถาวุตฺตอนุกฺกมโต. นานตฺตนฺติ เภทํ. เมติ มยฺหํ สนฺติกา, มยฺหํ วจนโตติ วา อตฺโถ. นิโพธถ ชานาถ.

๖๓๗. ตตฺถ ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๘๓) อาคตํ พุทฺธจกฺขุ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อาสยานุสเย’’ติอาทิ. ตตฺถ อาสยานุสเยติ สตฺตานํ อาสเย เจว อนุสเย จ, ตสฺมึ ปวตฺตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อาคนฺตฺวา เสติ จิตฺตํ เอตฺถาติ อาสโย. พฺยคฺฆาสโย วิย. ยถา หิ พฺยคฺโฆ โคจรตฺถาย ปกฺกนฺโตปิ ปุน อาคนฺตฺวา วนคหเนเยว สยติ, เตเนว จ ตํ ตสฺส อาสโยติ วุจฺจติ, เอวํ อฺตฺถาปิ ปวตฺตํ จิตฺตํ อาคนฺตฺวา ยตฺถ สยติ, ตํ ตสฺส อาสโยติ เวทิตพฺพํ. โส ปน สสฺสตทสฺสนาทิวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺี จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;

ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสฺิต’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. มหา. ๑.๑๓๖; ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา; สารตฺถ. ฏี. ๑. ปมมหาสงฺคีติวณฺณนา; วิ. วิ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา)

อนุสยกถา อุปริ อาคมิสฺสติ. อินฺทฺริยานํ ปโรปเรติ สทฺธาปฺจมกานํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาเว. ติกฺขฺหิ อินฺทฺริยํ อุกฺกฏฺคตตฺตา ปรํ, มุทุ อปรํ อนุกฺกฏฺคตตฺตา. อิทํ ปน พุทฺธจกฺขุ ฉสุ อสาธารณาเณสุ ปุริมทฺวยนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๖๓๘. เหฏฺา…เป… สฺิตนฺติ ‘‘ตสฺมึเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ เอวํ วุตฺตํ เหฏฺา ตีสุ มคฺเคสุ าณํ ธมฺมจกฺขุนฺติ สฺิตํ. าณํ สพฺพฺุตา ปนาติ สพฺพฺุภาวสงฺขาตํ าณํ. ตฺหิ สพฺพฺูติ อภิธานสฺส, พุทฺธิยา จ ปวตฺตินิมิตฺตตาย สพฺพฺุภาโว นาม โหติ. เยฺยํ สมนฺตจกฺขุนฺติ ขนฺธาทิวเสน สมนฺตโต สพฺพโส ทสฺสนฏฺเน สมนฺตจกฺขุนฺติ เยฺยํ. เตเนวาห –

‘‘น ตสฺส อทฺทิฏฺมิธตฺถิ กิฺจิ,

อโถ อวิฺาตมชานิตพฺพํ;

สพฺพํ อภิฺาสิ ยทตฺถิ เยฺยํ,

ตถาคโต เตน สมนฺตจกฺขู’’ติ. (จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕);

๖๓๙. ยํ จกฺขุํ อุทปาทีติ อาคตนฺติ ยํ าณํ ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาทิ, าณํ อุทปาที’’ติ (มหาว. ๑๕) เอวํ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเตสุ อาคตํ, จตูสุ สจฺเจสุ เตปริวฏฺฏวเสน ‘‘ทุกฺขํ ปริฺเยฺยํ ปริฺาต’’นฺติ เอวมาทินา ทฺวาทสวิเธน อากาเรน ปวตฺตํ, อิทํ าณจกฺขุ. ยา ปน ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธนา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๘๔) อาคตา ปฺจมชฺฌานสงฺขาตอภิฺาจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปฺา, อยํ ทิพฺพจกฺขูติ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺาจิตฺตชา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ปมตติยาณานิ กามาวจรานิเยว. จตุตฺถมฺปิ ปน ปุริมทฺวยมิว กามาวจรนฺติ อานนฺทาจริเยน วุตฺตํ. าณจกฺขุํ สหอริยมคฺควิปสฺสนาาณนฺติปิ ยุชฺชตีติ อปเร. อคฺคมคฺเคน สห วิปสฺสนาปจฺจเวกฺขณาณนฺติ ปน ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ.

๖๔๐-๔. เอวํ ปฺาจกฺขุสฺส ปเภทํ ทสฺเสตฺวา ปุน มํสจกฺขุสฺสาปิ ปเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘มํสจกฺขุปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สสมฺภารปสาทโตติ สสมฺภารจกฺขุ ปสาทจกฺขูติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วเสน สมฺภรียติ เอเตหีติ สมฺภารา, อวยวา. เต ปน อุปตฺถมฺภกภูตา จตุสมุฏฺานิกรูปสนฺตติโย ทฏฺพฺพา. สห สมฺภาเรหีติ สสมฺภารํ. สสมฺภารฺจ นาม มํสปิณฺโฑ ปวุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. อกฺขิกูปฏฺินา เหฏฺาติ เหฏฺาคตอกฺขิกูปสฺส อฏฺินา ปริจฺฉินฺโนติ สมฺพนฺโธ. อุทฺธนฺติ อกฺขิกูปโต อุทฺธํ. อุภโต อกฺขิโกฏีหีติ อกฺขิกูปสฺส อุภยภาเค อกฺขิโกฏีหิ. มตฺถลุงฺเคน อนฺตโตติ อกฺขิกูปสฺส อพฺภนฺตเร ิเตน มตฺถลุงฺเคน. นฺหารุสุตฺเตน อาพนฺโธติ นหารุรชฺชูหิ อนฺโต มตฺถลุงฺเคน สห อาพนฺโธ. สกโลปิ จ โลโกติ สกโลปิ พาลปุถุชฺชนโลโก. นฺติ ยํ มํสปิณฺฑํ. กมลสฺส ทลํ วิยาติ ปุถุลวิปุลนีลตาย นีลุปฺปลทลํ วิย. ชานาตีติ คณฺหาติ. จกฺขุ นาม น ตํ โหตีติ ตถา คยฺหมานํ ตํ จกฺขุ นาม น โหติ. กิฺจรหิ ตนฺติ อาห ‘‘วตฺถุ ตสฺสาติ วุจฺจตี’’ติ. ตสฺสาติ ตสฺส ยถาธิปฺเปตสฺส ปรมตฺถจกฺขุโน. อิทํ ปนาติ นิคมนํ.

๖๔๕-๗. ตํ ปน สสมฺภารจกฺขุ เยหิ สมฺภาเรหิ สมฺภรียติ, เต สรูปโต, คณนโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘วณฺโณ คนฺโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภาโวติ อิตฺถิยา อิตฺถิภาโว, ปุริสสฺส ปุมฺภาโวติ ลพฺภมานกภาโว. สมฺภโวติ อาโปธาตุเมว สมฺภวภูตมาห. สณฺานนฺติ จ เตน เตนากาเรน สนฺนิวิฏฺเสุ มหาภูเตสุ ตํตํสณฺานวเสน วิฺายมานํ วณฺณายตนมาห. อาโปธาตุวณฺณายตเนหิ จ อนตฺถนฺตรภูตานมฺปิ สมฺภวสณฺานานํ วิสุํ วจนํ ตถาภูตานํ, อตถาภูตานฺจ อาปาทีนํ ยถาวุตฺตมํสปิณฺเฑ วิชฺชมานตฺตา. อาโปธาตุวณฺณายตนานฺหิ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานานํ อวตฺถาวิเสโส สมฺภโว สณฺานฺจาติ. ทเสเตติ จตสฺโส ธาตุโย, ตนฺนิสฺสิตา วณฺณาทโย จาติ อิเม ทส. จตุสมุฏฺานาติ อนฺโตคตเหตฺวตฺถมิทํ วิเสสนํ, จตุสมุฏฺานิกตฺตาติ วุตฺตํ โหติ.

๖๔๘. จกฺขุ…เป… ชีวิตเมว จาติ อิมานิ เอกนฺตกมฺมสมุฏฺานานิ, ปุริมานิ จ จตุสมุฏฺานานีติ จตฺตาลีสฺจ จตฺตาริ จ รูปานิ ภวนฺติ, จตุจตฺตาลีส รูปานิ โหนฺตีติ อตฺโถ.

๖๔๙-๕๒. อิเมสํ ปน รูปานํ วเสนาติ ยถาวุตฺตานํ สงฺเขปโต จุทฺทสนฺนํ, วิตฺถารโต จตุจตฺตาลีสานฺจ รูปานํ วเสน. ปริปิณฺฑิตนฺติ สมนฺตโต ปิณฺฑิตํ. ยตฺถ เสตมฺปิ อตฺถิ, กณฺหมฺปิ โลหิตมฺปิ ปถวีปิ อาโปปิ เตโชปิ วาโยปิ, อิทํ ปน เสมฺหุสฺสทตฺตา เสตํ โหติ, ปิตฺตุสฺสทตฺตา กณฺหํ, รุหิรุสฺสทตฺตา โลหิตกํ, ปถวุสฺสทตฺตา ปตฺถินํ โหติ, อาปุสฺสทตฺตา ปคฺฆรติ, เตชุสฺสทตฺตา ปริฑยฺหติ, วายุสฺสทตฺตา สมฺภมติ. อิทํ สมฺภารวนฺตตาย สมฺภารจกฺขูติ ปณฺฑิเตหิ พุทฺธาทีหิ ปกาสิตํ ปริทีปิตํ. เอตฺถ สิโตติ เอตํ สสมฺภารจกฺขุํ นิสฺสิโต ตทายตฺตภูโต. เตนาห ‘‘เอตฺถ ปฏิพทฺโธ’’ติ. จตุนฺนํ ปน ภูตานํ ปสาโทติ จตุนฺนํ ภูตานํ ปสนฺนตาสภาโว ปสาโท, ‘‘เสเตน มณฺฑเลนสฺสา’’ติ ปาโ ยุชฺชติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘เสเต ตุ มณฺฑเล ตสฺสา’’ติ ลิขนฺติ. กณฺหมณฺฑลมชฺเฌติ อิธาปิ ‘‘กณฺหมณฺฑลสฺส มชฺเฌ’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘จตุตฺถทู’’ติอาทีสุ วิย ฉนฺทานุรกฺขณตฺถํ วิภตฺติโลปํ กตฺวา ‘‘กณฺหมณฺฑลมชฺเฌ’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ อตฺโถ จ โยชนา จ สุฏฺุ อุปปนฺนา โหนฺติ. อฏฺกถายมฺปิ หิ ‘‘เสตมณฺฑลปริกฺขิตฺตสฺส กณฺหมณฺฑลสฺส มชฺเฌ’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๕๙๖) วุตฺตํ. อปเร ปน ยถาิตวเสเนว ปาํ คเหตฺวา ‘‘สพฺพโส ปริกฺขิตฺตสฺส ตสฺส สสมฺภารสฺส จกฺขุโน มชฺเฌ เสตมณฺฑเล กณฺหมณฺฑเล มชฺเฌ’’ติ โยเชนฺติ. ทิฏฺมณฺฑเลติ อภิมุเข ิตานํ สรีรสณฺานุปฺปตฺติเทสภูเต ทิฏฺมณฺฑเล.

๖๕๓-๕. สนฺธารณา…เป… หุตฺวานาติ สนฺธารณนหาปนมณฺฑนพีชนกิจฺจาหิ จตูหิ ธาตีหิ ขตฺติยกุมาโร วิย สนฺธารณาพนฺธนปริปาจนสมุทีรณกิจฺจาหิ อตฺตนิสฺสยภูตาหิ จตูหิ ธาตูหิ กตูปการํ หุตฺวา. อุตุจิตฺตาทินาติ ตีหิ สนฺตติสมุฏฺาปเกหิ อุตุจิตฺตาหาเรหิ. เอตฺถ จ กลาปนฺตรคตา อุตุอาหารา อธิปฺเปตาติ วทนฺติ. อายุนา กตปาลนนฺติ จตุธาตุนิสฺสิเตเนว ชีวิตินฺทฺริเยน รกฺขิยมานํ. ตถา เหตํ กมฺมชรูปปริปาลนลกฺขณํ. วณฺณคนฺธรสาทีหีติ อาทิ-คฺคหเณน โอชํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วณฺณคนฺธรโสชาหี’’ติ วา ปาโ. วตฺถุทฺวารฺจ สาธยนฺติ ยถาโยคํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานํ. จกฺขุวิฺาณสฺส หิ นิสฺสยภาวโต วตฺถุภาวํ, ปวตฺติมุขภาวโต ทฺวารภาวฺจ สาเธติ. สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ ปน ตทารมฺมณาวสานานํ อฺนิสฺสิตตฺตา ทฺวารภาวเมว สาเธติ, น วตฺถุภาวํ. อูกาสิรสมาเนน ปมาเณนาติ อูกาสิรสมาเนน ปเทสปฺปมาเณน ลกฺขิตํ หุตฺวา อูกาสิรสมานปฺปมาเณ าเนติ วา อตฺโถ. ติฏฺตีติ สตฺต อกฺขิปฏลานิ พฺยาเปตฺวา สตฺตสุ ปิจุปฏเลสุ อาสิตฺตเตลํ วิย ติฏฺติ. เอวฺจ กตฺวา จกฺขุสฺส อเนกกลาปคตตา สิทฺธา โหติ. อุปทฺทวานํ ปฏลนิรากรเณปิ หิ จกฺขุ วิชฺชเตวาติ. ยถา จ จกฺขุ, เอวมิมสฺส นิสฺสยภูตา จตสฺโส ธาตุโย, อายุวณฺณาทีนิ จ สตฺต อกฺขิปฏลานิ พฺยาเปตฺวา ิตาเนว อวินิพฺโภควุตฺติตฺตาติ คเหตพฺพํ.

๖๕๖. วุตฺตนฺติ ธมฺมเสนาปตินา วุตฺตํ. รูปานิ มนุปสฺสตีติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร ‘‘อฺมฺํ สมณมจโล’’ติอาทีสุ วิย. อถ วา มนูติ มจฺโจติ อตฺโถ. กิฺจาปิ จกฺขุ รูปํ น ปสฺสติ, กิฺจรหิ ตนฺนิสฺสิตํ วิฺาณเมว. ตถา หิ ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติอาทีสุ วิย นิสฺสิตกิริยํ นิสฺสเย วิย กตฺวา โวหารสมฺภวโต ‘‘จกฺขุปสาเทน ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. อาจริยโชติปาลตฺเถเรนาปิ หิ อิมินาว อธิปฺปาเยน อิทํ วุตฺตํ. อิทเมตฺถ สนฺนิฏฺานํ, กึ จกฺขุ รูปํ ปสฺสติ, อุทาหุ วิฺาณนฺติ, กิฺเจตฺถ – ยทิ จกฺขุ ปสฺเสยฺย, อฺวิฺาณสมงฺคิโนปิ จกฺขุ ปสฺเสยฺย. อถ วิฺาณํ, กุฏฺฏาทิอนฺตริตมฺปิ ปสฺเสยฺย ตสฺส อปฺปฏิฆาตตฺตา? นายํ โทโส. ยสฺส ‘‘จกฺขุ ปสฺสตี’’ติ มตํ, ตสฺสาปิ น สพฺพํ จกฺขุ ปสฺสติ, อถ โข วิฺาณาธิฏฺิตเมว. ยสฺส ปน วิฺาณํ ปสฺสตีติ มตํ, ตสฺสาปิ น สพฺพํ วิฺาณํ ปสฺสติ, อถ โข จกฺขุนิสฺสิตเมว, ตฺจ อนฺตริเต นุปฺปชฺชติ. ยตฺถ อาโลกสฺส กุฏฺฏาทีหิ วินิพนฺโธ, ยตฺถ ปน โส นตฺถิ ผลิกอพฺภปฏลาทิมฺหิ, ตตฺถ อนฺตริเตปิ อุปฺปชฺชติ เอว, ตสฺมา ตํ อนุปฺปนฺนตฺตา อนฺตริตํ น ปสฺสติ. อิทเมว จ สนฺนิฏฺานํ, ยํ โข จกฺขุวิฺาณํ ปสฺสตีติ. ตฺหิ ทสฺสนกิจฺจํ. ยทิ เอวํ กถํ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ. เตน ทฺวาเรน กรณภูเตนาติ อยเมตฺถ อภิสนฺธิ. อถ วา นิสฺสิตกิริยา นิสฺสยสฺส ปวุจฺจติ ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. อูกาสิรสมูปมนฺติ อูกาสิรสมานูปมํ, อูกาสิรปฺปมาณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจสฺส ปติฏฺาโนกาสวเสน วุตฺตํ, น ปน อตฺตโน ปมาณวเสน. ตฺหิ ปรมาณุปริยนฺเตน ปมาเณน อติสุขุมเมวาติ. อูกาสิรปฺปมาเณ ปน ปเทเส อิทํ ปวตฺตติ. น เกวลฺจ อิทเมว, สพฺพานิปิ สพฺพฏฺานิกรูปานิ ตตฺถ ปวตฺตนฺเตว. อิทฺจ ตตฺถ นิพฺพตฺตนฺตํ ตํ ปเทสํ ปูเรตฺวา เอว นิพฺพตฺตติ. เอกูนปณฺณาสกลาปวเสน จ สเหว ปวตฺตติ, สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกตฺตา รูปานํ, เอเกกสฺส จ จิตฺตสฺส ตีสุ ตีสุ ขเณสุ กมฺมชรูปานํ อุปฺปชฺชมานตฺตา.

๖๕๗. สุณาตีติ โสตนฺติ เอตฺถ กึ โสตํ สุณาติ, อุทาหุ วิฺาณนฺติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยน ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. ตนุตมฺพโลมาจิเตติ สสมฺภารโสตพิลสฺส อนฺโต สุขุเมหิ ตมฺพวณฺณโลเมหิ สฺจิเต. องฺคุลิเวธกสณฺาเน ปเทเสติ องฺคุลิมุทฺทิกาสณฺานมํสยุตฺเต ปเทเส. วุตฺตปฺปการาหีติ สนฺธารณาทิกิจฺจาหิ. อายุนา ปริปาลิยมานนฺติ เอตฺถ วณฺณาทีหิ ปริวาริตนฺติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ติฏฺตีติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ตํ ปเทสํ ปูเรตฺวา ติฏฺติ. เสสํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ฆายตีติ คนฺโธปาทานํ กโรติ. สายตีติ รสํ วินฺทติ. ชีวิตมวฺหายตีติ เอตฺถ รสคฺคหณมูลกตฺตา อชฺโฌหรณสฺส ชีวิตนิมิตฺตํ อชฺโฌหรณรโส ชีวิตํ, ตํ อวฺหายติ ตสฺมึ นินฺนตาย อวฺหายนฺตมิว โหติ. อุปฺปลทลคฺคสณฺาเน ปเทเสติ มชฺเฌ ฉินฺนสฺส อุปฺปลทลสฺส อคฺคภาคสณฺาเน ปเทเส. มลานนฺติ กิเลสาทิมลานฺเจว มลวิสยานฺจ สาสวธมฺมานํ อนุตฺตริยภาวํ คจฺฉนฺเตสุ กามราคนิทานกมฺมชนิเตสุ กามราคสฺส จ วิเสสปจฺจเยสุ ฆานชิวฺหากาเยสุ กายสฺส วิเสสโต สาสวปจฺจยตฺตา โสเยว เตสํ อาโยติ วุจฺจติ. เตน หิ โผฏฺพฺพสุขํ อสฺสาเทนฺตา สตฺตา เมถุนมฺปิ เสวนฺติ. อถ วา กายินฺทฺริยวตฺถุกา จตฺตาโร ขนฺธา พลวกามราคาทิเหตุภาวโต วิเสสโต มลา, เตสมยํ อาโย เหตูติ กาโยติ วุตฺโต. อิมสฺมึ กาเยติ อิมสฺมึ สสมฺภารกาเย. โสปิ หิ กุจฺฉิตานํ เกสาทิมลานํ อายภาวโต กาโยติ วุจฺจติ. ยาวตา อุปาทินฺนกํ อตฺถีติ อิมินา เกสคฺคนขคฺคาทีสุ กายปสาทสฺส อภาวมาห. กปฺปาสปฏเล สฺเนโห วิยาติ อิมินาสฺส นิรนฺตรภาวํ. อิเม จ ปน จกฺขาทโย รูปาทิโคจรนินฺนตาย วมฺมิกอุทกอากาสคามสิวถิกาสงฺขาตโคจรนินฺนตาย อหิสุํสุมารปกฺขิกุกฺกุรสิคาลา วิย ทฏฺพฺพา. วิสมชฺฌาสยตาย หิ จกฺขุ วมฺมิกจฺฉิทฺทาภิรตสปฺโป วิย, พิลชฺฌาสยตาย โสตํ อุทกพิลาภิรตสุํสุมาโร วิย, อากาสชฺฌาสยตาย ฆานํ อชฏากาสาภิรตปกฺขิ วิย, คามชฺฌาสยตาย ชิวฺหา คามาภิรตกุกฺกุโร วิย, อุปาทินฺนกชฺฌาสยตาย กาโย อามกสุสานาภิรตสิคาโล วิยาติ. วิสมชฺฌาสยตายาติ จกฺขุสฺส วิสมชฺฌาสยํ วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตา. จกฺขุมโต วา ปุคฺคลสฺส อชฺฌาสยวเสน จกฺขุ วิสมชฺฌาสยํ. เอส นโย เสเสสุปิ.

ทฏฺุ…เป… ลกฺขณนฺติ เอตฺถ ทฏฺุํ กาเมตีติ ทฏฺุกาโม ตสฺส ภาโว ทฏฺุกามตา, รูปตณฺหาเยตํ อธิวจนํ. สา ปน อนาคเต จกฺขาทีสุ อาทีนวปฏิจฺฉาทิกาวิชฺชามูลปตฺถนาสภาวา ปากฏา อปากฏาติ ทุวิธา. ตตฺถ ยา อยํ ‘‘อีทิสํ อีทิสฺจ สุขุมตมวิสยคฺคหณสมตฺถํ จกฺขุ โหตู’’ติ เอวํ กมฺมายูหนโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา วา อุปฺปนฺนา ปากฏา. อินฺทฺริยวิเสสํ ปน อนามสิตฺวา อวิเสเสน ปริปุณฺณายตนภวสมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา, อปตฺเถตฺวา วา ตตฺถ อวิคตตณฺหาวเสน กมฺมํ กโรนฺตสฺส อปฺปหีนภาเวน อนุสยิตา อปิ กมฺมสามตฺถิยวิจิตฺตเหตุภูตา อปากฏา. สา ทุวิธาปิ นิทานํ อุปนิสฺสโย ยสฺส ตํ ทฏฺุกามตานิทานํ, ตเทว กมฺมํ, ตํ สมุฏฺานเมเตสนฺติ ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานานิ, เอวํวิธานํ ภูตานํ ปสาโท ทฏฺุกามตา…เป… ปสาโท, ตํ ลกฺขณมสฺส, ตถา หุตฺวา ลกฺขียตีติ วา ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานภูตปสาทลกฺขณํ.

เอตฺถ จ คพฺภเสยฺยกานํ ทินฺนปฏิสนฺธิกํ, อฺํ วา กมฺมํ จกฺขาทีนิ นิพฺพตฺเตติ. โอปปาติกานํ ปน ปฏิสนฺธิกฺขเณว ปริปุณฺณายตนานํ นิพฺพตฺตมานานํ ปฏิสนฺธิชนกเมว กมฺมํ ปริปุณฺณสกลมตฺตภาวํ นิพฺพตฺเตตีติ คเหตพฺพํ. กถํ ปน เอกกมฺมุนา นิพฺพตฺตมานานํ จกฺขาทีนํ วิเสโสติ? การณสฺส ภินฺนตฺตา. ตํตํภวปตฺถนาภูตา หิ ตณฺหา ตํตํภวปริยาปนฺนายตนาภิลาสตาย สยํ วิจิตฺตรูปา อุปนิสฺสยภาเวน ตํตํภวนิพฺพตฺตกกมฺมสฺสปิ วิจิตฺตเภทตํ วิทหติ. ยโต ตทาหิตวิเสสํ ตถาวิธสมตฺถตาโยเคน อเนกรูปาปนฺนํ วิย อเนกวิสิฏฺสภาวํ ผลํ นิพฺพตฺเตติ, น เจตฺถ สมตฺถตาสมตฺถตาสภาวโต อฺา เวทิตพฺพา. การณวิเสเสน อาหิตวิเสสสฺส วิสิฏฺผลนิปฺผาทนสมตฺถตาภาวโต เอกสฺเสว กมฺมสฺส โสฬสาทิวิปากนิพฺพตฺตนเหตุภาเวน จ อยมตฺโถ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ. โลเกปิ เอกสฺเสว สาลิพีชสฺส ปริปุณฺณาปริปุณฺณตณฺฑุลผลนิพฺพตฺติเหตุตา ทิสฺสเตว. กึ วา เอตาย ยุตฺติจินฺตาย, น จินฺติตพฺพเมเวตํ. ยโต กมฺมผลํ จกฺขาทีนิ, กมฺมวิปาโก จ สพฺพโส พุทฺธานํเยว าณสฺส วิสโย, น อฺเสํ อตกฺกาวจรตฺตา. เตเนว ภควตา ‘‘กมฺมวิปาโก อจินฺเตยฺโย, น จินฺเตตพฺโพ, โย จินฺเตยฺย, อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติอาทีนวํ (อ. นิ. ๔.๗๗) ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิตฺตํ.

รูเปสุ อาวิฺฉนรสนฺติ อาวิฺฉนํ ปุคฺคลสฺส, อาวชฺชนาทิวิฺาณสฺส วา ตนฺนินฺนภาวปฺปตฺติยา เหตุภาโว. อาธารภาวปจฺจุปฏฺานนฺติ นิสฺสยปจฺจยภาวโต. อาโลกาทิสนฺนิสฺสเยน กทาจิ อุปฺปชฺชมานานมฺปิ หิ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชนกาเล จกฺขุํ นิสฺสาย เอว อุปฺปชฺชตีติ. เอตฺถาห – จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺติสมเย สมฺภวนฺเตสุ มนฺทามนฺทมชฺฌิมายุเกสุ เอกูนปณฺณาสจกฺขูสุ กตมํ จกฺขุวิฺาณสฺส อาธารภาวํ ปจฺจนุโภตีติ? วุจฺจเต –

‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย ทุติยภวงฺคํ อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ อุปฺปนฺนํ านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย ตติยภวงฺคํ อุปฺปชฺชติ, อิมินา นเยน ยาวตายุกํ จิตฺตปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๐๐) –

มคฺคามคฺคาณนิทฺเทเส วุตฺตนเยน เอกจิตฺตกฺขณาตีตํ จกฺขุ รูเป ฆฏฺฏิตฺวา วิฺาณสฺส นิสฺสโย โหติ, ตสฺมา ทฺวีสุ ภวงฺคจลเนสุ ปุริมสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน ภวงฺคจิตฺเตน สห อุปฺปนฺนนฺติ อยมตฺโถ อิธ สีหฬสํวณฺณนายํ, วิสุทฺธิมคฺคสฺส สีหฬสํวณฺณนายฺจ วุตฺโต.

ตฬากคามมูลวาสิทาานาคตฺเถเรน ปน ‘‘อาวชฺชเนน, ตสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน ภวงฺเคน วา สห อุปฺปนฺนํ จกฺขุ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ทุวุตฺตํ. เอวฺหิ สติ อฺสฺมึ ฆฏฺฏิเต อฺํ จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสโย โหตีติ วุตฺตํ โหติ, เอวฺจ ภวงฺคจลนโต เหฏฺา ตติยจตุตฺเถหิ ยาว เตรสมจิตฺเตน สห อุปฺปนฺนมฺปิ นิสฺสโย โหตีติ อาปชฺเชยฺย, น เจตํ วตฺตพฺพํ, ตติยจตุตฺถจิตฺตโต ปฏฺาย อุปฺปนฺนํ เกสฺจิ วีถิจิตฺตานํ ทฺวารภาวํ น คจฺฉติ นิรุทฺธตฺตา, มโนทฺวารสฺส นิรุทฺธสฺเสว ทฺวารภาวสฺส ทสฺสนโต. ยทิ สิยา ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ วตฺถุํ นิสฺสาย ทุติยภวงฺคํ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิวจนโต ‘‘เอกจิตฺตกฺขณาตีตเมว นิสฺสโยติ อธิปฺเปต’’นฺติ อิทมฺปิ เอกจิตฺตกฺขณาตีตํ นิสฺสโยติ ยุชฺชตีติ, เอวํ สติ ‘‘ตสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน ภวงฺเคน วา’’ติ วจนํ ยุชฺเชยฺย, เตน หิ ‘‘จิตฺตกฺขณทฺวยาตีตมฺปิ นิสฺสโย’’ติ ปฏิฺาตํ สิยา, ตสฺมา นายํ เถรสฺส อธิปฺปาโยติ ทิสฺสติ. ‘‘เอกจิตฺตกฺขณาติกฺกโม’’ติ จ อนตีเตกจิตฺตกฺขณสฺส ทุพฺพลตาย เอกจิตฺตกฺขณาติกฺกเมน ตสฺส พลวภาวทีปนตฺถํ วุจฺจติ, น ปน ทฺวิติจตุจิตฺตกฺขณาตีตานํ นิสฺสยภาวาภาวโต. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ‘‘สมฺปฏิจฺฉนาทีนิ จุติอาสนฺนานิ ตทุทฺธํ กมฺมชรูปสฺส อนุปฺปตฺติโต เอกสฺมึเยว หทยวตฺถุสฺมึ วตฺตนฺตี’’ติ, ตสฺมา ตํ เถรสฺส มโนรถเมวาติ น สารโต ปจฺเจตพฺพํ.

สหชาเตสุ พหูสุ ปสาเทสุ กึ เอโก นิสฺสโย โหติ, อุทาหุ สพฺเพเยวาติ? นนุ วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพ เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตี’’ติ, กตมํ ปน ตนฺติ? ยํ ตตฺถ วิสทํ หุตฺวา รูปาภิฆฏฺฏนารหํ. วิสุทฺธิมคฺคสีหฬสํวณฺณนายํ ปน ‘‘สพฺเพเยว นิสฺสยา โหนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘ยทิ เอวํ ‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’นฺติ เอตฺถ ‘รูเป จา’ติ วจนํ วิย ‘จกฺขูนี’ติปิ พหุวจนํ กตฺตพฺพนฺติ อนุโยคํ กตฺวา ตํวิโสธนตฺถํ ‘สสมฺภารจกฺขุทฺวยนิสฺสิตํ ปสาททฺวยํ นิสฺสาย เอกเมว วิฺาณํ อุปฺปชฺชตีติ คณฺเหยฺยุ’นฺติ อิมํ วิปฺปฏิปตฺตึ นิรากโรนฺเตน ภควตา พหุวจนมกตฺวา ‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’ติอาทีสุ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) วิย สามฺวเสน เอกวจนํ กต’’นฺติ วุตฺตํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ตเทว สีหฬสํวณฺณนาวจนํ อนิจฺฉนฺเตน ‘‘เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปํ ปน อเนกเมว ปจฺจยภาววิเสสโต’’ติ วุตฺตํ. ตถา เจว อมฺเหหิปิ เหฏฺา วิภาวิตนฺติ. เยสํ ภูตานมยํ ปสาโท, เตเยว อิมสฺส อาสนฺนการณนฺติ วุตฺตํ ‘‘ทฏฺุ…เป… ปทฏฺาน’’นฺติ. โสตปสาทาทีนมฺปิ ลกฺขณาทินิทฺเทเส วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ โยเชตพฺโพ.

๖๕๘. เกจีติ มหาสงฺฆิเยสุ เอกจฺเจ. จกฺขาทีสุ เตชาทิอธิกตา นาม ตนฺนิสฺสยภูตานํ ตทธิกตายาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตชาธิกาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เตชาธิกานนฺติ ปมาณวเสน จตุนฺนํ ธาตูนํ สมานภาเวปิ กิจฺจวเสน เตโชธาตุอธิกานํ. เอวํ เสเสสุปิ. อากาส …เป… เสสกาติ อากาสาธิกานํ ภูตานํ ปสาโท โสตํ, วายุอธิกานํ ฆานํ, โตยาธิกานํ ชิวฺหา, โผฏฺพฺพสงฺขาตปถวาธิกานํ กาโยติ อตฺโถ.

๖๕๙. เอวํ ปน วทนฺตานํ กึ อุตฺตรนฺติ อาห ‘‘เต ปนา’’ติอาทิ. สุตฺตํ อาหรถาติ น ตุมฺหากํ วจนมตฺเตเนว อยมตฺโถ สกฺกา สทฺธาตุํ, ตสฺส ปน ปริทีปกํ สุตฺตมาหรถ. สุตฺเต หิ อาหเฏ ตสฺส เนยฺยตฺถตํ นีตตฺถตํ วิจาเรตฺวา ยทิ ตสฺส วเสน อยมตฺโถ ปฺาเยถ, คณฺเหยฺยาม นนฺติ อธิปฺปาโย. สุตฺตเมว…เป… กิฺจิปีติ อิโต จิโต จ สุตฺตํ คเวสมานาปิ อทฺธา เอกนฺเตน กิฺจิปิ เอกคาถาปทมตฺตมฺปิ ตทตฺถปริทีปกํ สุตฺตํ น ทกฺขิสฺสนฺเตว เตปิฏเก พุทฺธวจเน ตาทิสสฺเสว สุตฺตนฺตสฺส อภาวโต.

๖๖๐. กิฺจาปิ สุตฺตนฺตวเสน อยมตฺโถ น ทิสฺสติ, ยุตฺติโต ปน ทิสฺสตีติ เจ, ตมฺปิ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วิเสเส สตี’’ติอาทิ. ภูตานฺหิ วิเสเส สติ ปสาโท กถํ ภเว, เนว ภเวยฺย, น จ ภเวยฺย, กึ การณนฺติ อาห ‘‘สมานานฺหิ ภูตานํ, ปสาโท ปริทีปิโต’’ติ. ยสฺมา สมานานเมว ภูตานํ ปสาโท โปราเณหิ ปริทีปิโต, น วิสมานานํ. ปถวีธาตุอธิกกลาปสฺส หิ กกฺขฬตฺตา, อาโปธาตุอธิกกลาปสฺส วิสฺสนฺทนโต, เตโชธาตุอธิกกลาปสฺส ปริคฺคยฺหมานตฺตา, วาโยธาตุอธิกกลาปสฺส จ วิสฺสรณโต น เตสุ ปสาโท ปติฏฺาตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา เตสํ กิจฺจโต สมานานํเยว ปสาโท อุปฺปชฺเชยฺย, น วิสมานานนฺติ.

๖๖๑-๒. ยทิ เอวํ กถํ ปสาทานํ วิเสสตาติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ยสฺมา วุตฺตปฺปกาเรน ปสาทวตฺถุกานํ ภูตานํ วิเสเสน น ภวิตพฺพํ, ตสฺมา เอเตสํ ปสาทนิสฺสยภูตานํ อิทมูนํ, อิทมธิกนฺติ เอตํ วิเสสปริกปฺปนํ สพฺพโส สพฺพากาเรน ปหาย เยฺยา กมฺมวิเสเสน ปสาทานํ วิเสสตา. ยถา อวิเสเสปิ ภูตานํ รูปานํ รสาทโย อฺมฺวิสทิสา โหนฺติ, เอวํ จกฺขาทโยปิ ภูตวิเสสาภาเวปิ อฺมฺวิสทิสา โหนฺติ. โส ปนายํ วิสิฏฺภาโว กมฺมวิเสเสน วิฺาตพฺโพ. เอกมฺปิ หิ กมฺมํ ปฺจายตนิกตฺตภาวปตฺถนานิปฺผนฺนํ จกฺขาทิวิเสสเหตุตาย อฺมฺสฺส อสาธารณวิสิฏฺํ สามตฺถิยวิเสสโต. น หิ เยน วิเสเสน จกฺขุสฺส ปจฺจโย, เตเนว โสตสฺส โหติ อินฺทฺริยนฺตรภาวปฺปตฺติโต. ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ มหคฺคตา เจตนา กฏตฺตารูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วจนโต ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิชฺชมานานํ สพฺเพสํเยว กฏตฺตารูปานํ เอกา เจตนา กมฺมปจฺจโย โหตีติ วิฺายติ. นานาเจตนาย หิ ตทา อินฺทฺริยุปฺปตฺติยํ สติ ปริตฺเตน จ มหคฺคเตน จ กมฺเมน กฏตฺตารูปํ อาปชฺเชยฺย, น เจกา ปฏิสนฺธิ อเนกกมฺมนิพฺพตฺตา โหตีติ สิทฺธเมเกน กมฺเมน อเนกินฺทฺริยุปฺปตฺติ โหตีติ. ‘‘น หิ ภูตวิเสเสน, โหติ เตสํ วิเสสตา’’ติ อิทํ นิคมนวเสน วุตฺตํ.

๖๖๓. เอวํ กมฺมวิเสสโต วิสิฏฺเสุ จ เอเตสุ อารมฺมณคฺคหเณปิ อยํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมเตสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปตฺตคาหกนฺติ อสมฺปตฺตคฺคาหกํ อตฺตโน นิสฺสเยน สห อนลฺลียนนิสฺสเย เอว รูปาทิวิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต. เกจิ ปน ตมฺปิ ‘‘สมฺปตฺตคฺคาหกเมวา’’ติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ สานฺตเร อธิเก จ วิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต. ยทิ หิ จกฺขุโสตานิ สมฺปตฺตวิสยเมว คณฺหนฺติ, จกฺขุปสาทโต วิจฺฉินฺนเทเส ิเตสุ ตารกาทีสุ นิสฺสยวเสน จ ปมาณโต อธิเกสุ จนฺทมณฺฑลาทีสุ รูปายตเนสุ โสตปสาทโต จ วิจฺฉินฺนเทสสมฺภูเตสุ อุทรจมฺมสนฺธิจมฺมาทิอนฺตริเตสุ กุจฺฉิสทฺทสนฺธิสทฺทาทีสุ ปุถุเลสุ จ สมุทฺทสทฺทาทีสุ สทฺทายตเนสุ วิฺาณุปฺปตฺติ น สิยา สมฺปตฺตคฺคาหกานํ กายินฺทฺริยาทีนํ ตถา อทสฺสนโต.

เอตฺถ จ วเทยฺย – อธิฏฺานโต พหินฺทฺริยสฺส ปวตฺติ โหตีติ สมฺปตฺตวิสยเมว ยตฺตกํ วิสยํ, ตตฺตกํ วิสยํ คหณาการํ ผริตฺวา คณฺหาติ, ตสฺมา อสิทฺธเมตํ ‘‘สานฺตเร อธิเก จ วิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต’’ติ? ตํ น, อธิฏฺานโต พหิ อินฺทฺริยุปฺปตฺติยา เอว อภาวา. อธิฏฺานเทเส เอว หิ อินฺทฺริยํ ปวตฺตติ ตตฺถ กิจฺจาทิปฺปโยคทสฺสนโต. สติ จ เอตสฺส พหิ ปวตฺติยํ อธิฏฺาเน ปิหิเตปิ วิสยคฺคหณํ สิยา, ตสฺมา อธิฏฺานเทเส ิตานํเยว จกฺขุโสตานํ อสมฺปตฺตวิสยสฺเสว คหณโต นาสิทฺธเมตํ ‘‘สานฺตเร อธิเก จ วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต’’ติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘สพฺพโคจรโยเคปิ, ทิฏฺํ รูปรเวสุ ยํ;

วิจฺฉินฺนปุถุวิฺาณํ, สมฺปตฺตคฺคาหพาธก’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – สพฺเพสํ จกฺขาทีนํ โคจเรน รูปาทินา โยเค เอกการิยสาธกตฺตา สมฺพนฺเธ ฆฏฺฏเน วา สมาเน สติ รูปรเวสุ รูปสทฺทายตเนสุ วิสยภูเตสุ จกฺขาทิโต ทูรภาเวน เจว เกนจิ อนนฺตริตภาเวน จ วิจฺฉินฺเนสุ ปมาณโต ปุถุเลสุ จ วิสเยสุ อุปฺปชฺชมานํ ยํ วิฺาณํ, ตํ จกฺขุโสตานํ สมฺปตฺตคฺคาหสฺส สมฺปตฺตคฺคหณสฺส พาธกนฺติ.

อปิจ ยทิ จกฺขุ สมฺปตฺตคฺคาหกํ สิยา, อตฺตโน มณฺฑเล ิตํ วณฺณมฺปิ ปสฺเสยฺย. ตถา อกฺขิปุเฏ อฺชนํ ปขุมมูเล อกฺขิวณฺณํ ปขุมมูเล ฆฏฺฏิยมานํ อฺชนสลากมฺปิ ปสฺเสยฺย, น จ ปเนตํ ทิสฺสติ, ตสฺมา ตนฺนิสฺสเย เทเส ิตเมว วิสยํ คณฺหาติ. โสตายตนมฺปิ ยทิ สมฺปตฺตคฺคาหกํ อภวิสฺส, จิตฺตสมุฏฺานํ สทฺทายตนํ โสตวิฺาณสฺส กทาจิปิ อารมฺมณปจฺจโย น สิยา. น หิ พหิทฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ อุปฺปตฺติ อตฺถิ. ปฏฺาเน จ ‘‘สทฺทายตนํ โสตวิฺาณธาตุยา อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) อวิเสเสเนว สทฺทสฺส โสตวิฺาณารมฺมณภาโว วุตฺโต. กิฺจ ยทิ โสตํ สมฺปตฺตคฺคาหกํ สิยา, อตฺตโน วิสยปเทเสเยว คเหตพฺพโต คนฺธสฺส วิย สทฺทสฺสาปิ ทิสาเทสววตฺถานํ น สิยา. เอวฺจ สทฺทานุสาเรน กณฺฑํ ปาเตนฺตสฺส สทฺทเวธิโน อตฺตโน กณฺณพิเลเยว สรปาตนํ สิยา, ตสฺมา ยตฺถ อุปฺปนฺโน สทฺโท, ตตฺเถว ิโต โสตปเถ อาปาถมาคจฺฉติ.

ยทิ เอวํ กถํ ทูเร ิเตหิ รชกาทิสทฺทา จิเรน สุยฺยนฺติ. อสมฺปตฺตคฺคาหกตฺเต หิ ทูราสนฺนเทสวตฺตีนํ สมกเมว สวเนน ภวิตพฺพนฺติ? นยิทเมวํ ทูราสนฺนานํ ยถาปากเฏ สทฺเท คหณวิเสสโต. ยถา หิ ทูราสนฺนานํ วจนสทฺเท ยถาปากเฏว คหณวิเสสโต อกฺขรวิเสสนํ คหณํ, อคฺคหณฺจ โหติ, เอวํ รชกาทิสทฺเทปิ อาสนฺนสฺส อาทิโต ปภุติ ยาว อวสานา กเมน ปากฏีภูเต, ทูรสฺส จ อวสาเน, มชฺเฌ วา ปิณฺฑวเสน ปวตฺติปากฏีภูเต ยถาปากฏํ นิจฺฉยคฺคาหกานํ โสตวิฺาณวีถิยา ปรโต ปวตฺตานํ มโนทฺวาริกชวนานํ คหณวิเสสโต ลหุกํ สุโต, จิเรน สุโตติ อภิมาโน โหติ. โสตวิฺาณปฺปวตฺติ ปน อุภยตฺถ สมานา สทฺทสฺส อุปฺปนฺนเทเส ิตสฺส อตฺตโน วิชฺชมานกฺขเณเยว โสตาปาถคมนโต. ยทิ สทฺทสฺส ภูตปรมฺปราย สมนฺตโต ปวตฺติ นตฺถิ, กถํ ปฏิโฆสุปฺปตฺตีติ? ทูเร ิโตปิ สทฺโท อฺตฺถ ปฏิโฆสุปฺปตฺติยา, ภาชนาทิจลนสฺส จ ปจฺจโย โหติ อโยกนฺโต วิย อโยจลนสฺสาติ ทฏฺพฺพํ.

เสสํ…เป… คาหกนฺติ ยํ ปน อวเสสํ ฆานชิวฺหากายสงฺขาตํ ปสาทตฺตยํ, ตํ สมฺปตฺตคฺคาหกํ โหติ นิสฺสยวเสน เจว สยฺจ อตฺตโน นิสฺสเย อลฺลีเนเยว วิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต. คนฺธรสานํ นิสฺสเยสุ ฆานชิวฺหานิสฺสเยหิ สห อลฺลีนาเยว คนฺธรสา วิฺายนฺติ. โผฏฺพฺพฺจ ภูตตฺตยรูปํ กายนิสฺสเยน อลฺลีนเมว วิฺายตีติ.

วณฺณวิการมาปชฺชมานนฺติ โทสาทีหิ การเณหิ อมนาปวณฺณสฺส อุปฺปตฺติวเสน วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ. หทยงฺคตภาวนฺติ จิตฺตคตํ อชฺฌาสยํ. ปกาเสตีติ รูปมิว ปกาสํ กโรติ, สวิคฺคหมิว ทสฺเสตีติ อตฺโถ. อเนกตฺถตฺตา หิ ธาตูนํ ปกาสนตฺโถ เอว รูป-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. ตํ ปน รูปนฺติ สมฺพนฺโธ. จกฺขุมฺหิ, จกฺขุสฺส วา ปฏิหนนํ ลกฺขณเมตสฺสาติ จกฺขุปฏิหนนลกฺขณํ. เอวํ โสตปฏิหนนลกฺขณนฺติอาทีสุปิ. ปฏิหนนฺเจตฺถ วิสยวิสยีนํ อฺมฺาภิมุขภาโว โยคฺยเทสาวฏฺานํ ปฏิฆาโต วิยาติ กตฺวา. ยถา ปฏิฆาเต สติ ทุพฺพลสฺส จลนํ โหติ, เอวํ วิสยาภิมุขภาเว สติ วิสยิโน ตํสมฺพนฺธสฺส จ วตฺถุรูปสฺส, ตนฺนิสฺสิตสฺส จ ภวงฺคสฺส จลนํ โหติ. โส รูปสฺส จกฺขุมฺหิ, จกฺขุสฺส วา รูเป โหติ. เตนาห ‘‘ยมฺหิ จกฺขุมฺหิ อนิทสฺสนมฺหิ สปฺปฏิฆมฺหิ รูปํ สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ ปฏิหฺิ วา, ยํ จกฺขุ อนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ รูปมฺหิ สนิทสฺสนมฺหิ สปฺปฏิฆมฺหิ ปฏิหฺิ วา’’ติ (ธ. ส. ๕๙๗) จ อาทิ. วิสยภาโว อารมฺมณปจฺจยตา. โคจรภาวปจฺจุปฏฺานนฺติ เอตฺถ อนฺถาภาโว วิสยตา, ตพฺพหุลตา โคจรภาโวติ อยํ วิสยโคจรานํ วิเสโส. สทฺทายตีติ อุทาหรียติ, สเกหิ วา ปจฺจเยหิ โสตวิฺเยฺยภาวํ อุปนียตีติ อตฺโถ. อตฺตานํ คนฺธยตีติ สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธนฺติ วา อตฺตานํ ปกาเสติ. เตนาห ‘‘สูจยตี’’ติ.

๖๖๔. อิตฺถิยา เอว อินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ. ยถา จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ปุริสสฺสปิ โหนฺติ, นยิทํ ตถา. อิทํ ปน นิยเมน อิตฺถิยา เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘อิตฺถินฺทฺริย’’นฺติ วุจฺจติ. เอวํ ปุริสินฺทฺริเยปิ. อิตฺถิยา ภาโว, อิตฺถีติ ภวติ เอเตน จิตฺตํ, อภิธานํ วาติ อิตฺถิภาโว. ปฏิสนฺธิสมุฏฺิโตติ ปฏิสนฺธิยํเยว สมุฏฺิโต, ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สห เอกกฺขเณ สมุฏฺิโต. เอเตน เปตฺวา ลิงฺคปริวตฺตนํ จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ วิย อิมสฺส อปาตุภาวมาห. ยฺเจตํ อิตฺถิลิงฺคาทีติ ยํ ปเนตํ อินฺทฺริยผลภูตํ อิตฺถิลิงฺคาทิ. อาทิ-คฺคหเณน อิตฺถินิมิตฺตอิตฺถิกุตฺตอิตฺถากปฺปานํ สงฺคโห. ตตฺถ วิสทอวิสทหตฺถปาทาทิตา สณฺานํ อิตฺถิลิงฺคํ. อิตฺถีนฺหิ หตฺถปาทคีวาอุรอาทิสณฺานํ น ปุริสานํ วิย โหติ. ตถา หิ ตาสํ เหฏฺิมกาโย วิสโท, อุปริมกาโย อวิสโท, หตฺถปาทา ขุทฺทกา, มุขํ ขุทฺทกํ, ถนมํสา อวิสทา, ตา นิมฺมสฺสุทาิกา. เกสพนฺธวตฺถคฺคหณฺจ อิตฺถินิมิตฺตํ. ทหรกาเลปิ สุปฺปกมุสลกาทีหิ กีฬา มกจิวาเกน สุตฺตกนฺตนนฺติ จ เอวมาทิ อิตฺถิกุตฺตํ, อิตฺถิกิริยาติ อตฺโถ. อวิสทฏฺานคมนาทิอากาโร อิตฺถากปฺโป. ปุริสมฺปิ หิ อวิสทํ ทิสฺวา มาตุคาโม วิย ติฏฺติ นิปชฺชติ นิสีทติ ขาทติ ภุฺชตีติ วทนฺติ. อิทํ ปน อิตฺถิลิงฺคาทิปริทีปนํ อกุสลนฺติ วตฺวา อฺถาปิ วณฺเณนฺติ อาจริยา. กถํ? โยนิปเทโส อิตฺถิลิงฺคํ, สราธิปฺปายา อิตฺถินิมิตฺตํ, อวิสทฏฺานคมนาทโย อิตฺถิกุตฺตํ, อิตฺถิสณฺานํ อิตฺถากปฺโปติ. เอตฺถ จ อธิปฺปาโย นาม ปุริสสฺมึ เมถุนตณฺหา. สา หิ ตาสํ นิจฺจํ พลวตรา ปวตฺตติ, อโต สาปิ อิตฺถีติ สฺชานนสฺส นิมิตฺตตาย ‘‘อิตฺถินิมิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. กิฺจาปิ อิตฺถีติ สฺาณสฺส นิมิตฺตตาย กุตฺตากปฺปานมฺปิ นิมิตฺเตเยว อนฺโตคธตา, ตถาปิ เตสํ วิสุํ คหณโต สราธิปฺปายา เอว นิมิตฺตภาเวน อธิปฺเปตา.

๖๖๕. กึ ปเนตํ อิตฺถิลิงฺคาทิ อิตฺถินฺทฺริยํ วิย ปฏิสนฺธิสมุฏฺิตํ โหตีติ อาห ‘‘อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺเจวา’’ติอาทิ. กิฺจาปิ หิ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ยถาสกํ กมฺมาทินา ปจฺจเยน สมุฏฺหนฺติ, เยภุยฺเยน ปน อิตฺถินฺทฺริยสหิเตเยว สนฺตาเน ตํตทาการา หุตฺวา สมฺภวนฺติ, อิตรตฺถ จ น ภวนฺตีติ เตสํ ตพฺภาวภาวิตํ อุปาทาย ‘‘อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺเจว ชายนฺตี’’ติ วุตฺตานิ. เอวฺจ กตฺวา วกฺขติ ‘‘อิตฺถิ…เป… การณภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. อีทิเสเนว การณภาวสงฺขาเตน อธิปติภาเวน ตสฺส อินฺทฺริยตา วุตฺตา อินฺทฺริยสหิเต สนฺตาเน อิตฺถิลิงฺคาทิอาการรูปปจฺจยานํ อฺถา อนุปฺปาทนโต, น ปน อินฺทฺริยาทิปจฺจยสมฺภวโต. ตถา เหตํ ชีวิตินฺทฺริยํ วิย เอกกลาปคตานํ อาหาโร วิย กลาปนฺตรรูปานํ อุปตฺถมฺภกมนุปาลกํ วา น โหติ. เอวฺจ กตฺวา ชีวิตินฺทฺริยอาหารานํ วิย อิมสฺส อินฺทฺริยปจฺจยตา, อตฺถิอวิคตปจฺจยตา จ ปาฬิยํ น วุตฺตา. ยสฺมา ปจฺจยนฺตราธีนานิ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ, ตสฺมา ยตฺถสฺส อาธิปจฺจํ, ตํสทิเสสุ มตจิตฺตกตรูเปสุปิ ตํสณฺานตา ทิสฺสติ. ยสฺมา ปเนเต อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ชายนฺตาปิ คพฺภเสยฺยกานํ ปฏิสนฺธิยํ น สมุฏฺหนฺติ, ปวตฺเตเยว สมุฏฺหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘ปวตฺเต…เป… ปฏิสนฺธิย’’นฺติ.

๖๖๖-๗. สํเสทชโอปปาติกานํ ปน กิฺจิ อิตฺถินฺทฺริเยน สห ปฏิสนฺธิยเมว นิพฺพตฺตติ. น จาติ จ-กาโร วจนียนฺตรสมุจฺจเย. ‘‘กิฺจา’’ติ อิมสฺส อตฺเถ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา ลิงฺคาทิอากาเรสุ รูเปสุ รูปายตนํ จกฺขุวิฺเยฺยํ, ตสฺมา อาห ‘‘อิตฺถิลิงฺคาทโย จกฺขุวิฺเยฺยา โหนฺตี’’ติ. ยสฺมา ปน ตโต อฺานิ ยถาโยคํ โสตวิฺเยฺยานิ เจว มโนวิฺเยฺยานิ จ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น วา’’ติ. ยถาวุตฺโต ปปฺโจ ปุริสินฺทฺริเยปิ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพติ อติเทสํ กโรนฺโต อาห ‘‘เอเสวา’’ติอาทิ. เสเสปีติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต อิโต เสเสสุ สพฺเพสุปีติ กทาจิ โกจิ จินฺเตยฺยาติ อาห ‘‘ปุริสินฺทฺริเย’’ติ. ปมกปฺปานนฺติ ปมกปฺปิกนรานํ. เตสฺหิ อาภสฺสรโลกโต จวิตฺวา อิธูปปนฺนานํ ทีฆสฺส กาลสฺส อจฺจเยน โอฬาริกํ อาหารํ อาหรตํ มุตฺตกรีเสสุ สฺชาเตสุ เตสํ นิกฺขมนตฺถาย วณมุขานิ ภิชฺชนฺติ, ปุริสสฺส ปุริสภาโว, อิตฺถิยา จ อิตฺถิภาโว ปาตุรโหสิ. ตถา หิ ปุริมตฺตภาเวสุ ปวตฺตอุปจารฌานานุภาเวน ยาว สตฺตสนฺตาเน กามราควิกฺขมฺภนเวโค น ปฏิปสฺสมฺภติ, น ตาว พลวกามราคูปนิสฺสยานิ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานิ ปาตุรเหสุํ. ยทา ปนสฺส วิจฺฉินฺนตาย พลวกามราโค ลทฺธาวสโร อโหสิ, ตทา ตทูปนิสฺสยานิ ตานิ สตฺตานํ สนฺตาเน สฺชายนฺติ.

๖๖๘. ปรโตติ ปมกปฺปโต อปรภาเค. ปวตฺเต…เป… ปริวตฺตตีติ ยถา ตํ โสเรยฺยกเสฏฺิปุตฺตสฺส วิยาติ อธิปฺปาโย. อปิ-สทฺเทน ปมปาราชิกายํ วินีตวตฺถุปาฬิยํ อาคตภิกฺขุสฺส, ภิกฺขุนิยา วิย จ ปฏิสนฺธิยํ สมุฏฺิตสฺสปิ ปวตฺเต ปริวตฺตนํ ทีเปติ. ยถาห –

‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส ภิกฺขุโน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภูตํ โหติ. เตน โข ปน สมเยน อฺตริสฺสา ภิกฺขุนิยา ปุริสลิงฺคํ ปาตุภูตํ โหตี’’ติ (ปารา. ๖๙).

ยสฺส ปน ปฏิสนฺธิยํ ทฺวีสุ เอกมฺปิ น สมุฏฺิตํ, โส อภาวโก นาม, ตสฺส ปวตฺติยมฺปิ อินฺทฺริยุปฺปตฺติ น โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

๖๖๙. กึ ปเนตสฺส อุภยสฺสปิ นิพฺพตฺติยา, วินาสนสฺส จ การณํ, ยโต อิทํ สมุฏฺาติ, ปริวตฺตตีติ จ วุจฺจตีติ อิมํ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘มหตา ปาปกมฺเมนา’’ติอาทิ. ตตฺถ มหตาติ ปรทาริกกมฺมาทินา มหาพเลน. ปาปกมฺเมน อุปนิสฺสยภูเตน. มหตา กุสเลเนวาติ อิทํ สุคตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุคฺคติยํ ปน อุภยมฺปิ อกุสลกมฺเมเนว ชายติ.

๖๗๐. อินฺทฺริเย วินฏฺเ เอกนฺเตเนว ลิงฺคมฺปิ วินสฺสเตวาติ อาห ‘‘อิตฺถิลิงฺคํ วินสฺสตี’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ทฏฺพฺโพ – อิเมสุ ทฺวีสุ ปุริสินฺทฺริยํ อุตฺตมํ, อิตฺถินฺทฺริยํ หีนํ, ปุริสินฺทฺริยสฺส อนฺตรธานํ มหนฺเตน อกุสเลน กมฺเมน โหติ, สมุฏฺานํ มหนฺเตน กุสลกมฺเมน, อิตฺถินฺทฺริยสฺส อนฺตรธานํ ทุพฺพลากุสเลน, สมุฏฺานมฺปิ ทุพฺพลกุสเลน, ทุคฺคติยํ ปน อุภยสฺสาปิ อนฺตรธานํ, สมุฏฺานฺจ อกุสเลเนว โหตีติ. ยทิ สุคติยํ อิตฺถินฺทฺริยมฺปิ กุสเลเนว นิพฺพตฺตติ, กถฺจรหิ ‘‘ปรทาริกกมฺมํ กตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา เตเนว ปาปกมฺเมน ปฺจสตกฺขตฺตุํ มนุสฺสโลเก อิตฺถี หุตฺวา นิพฺพตฺตตี’’ติอาทิวจนนฺติ? นายํ วิโรโธ นิสฺสนฺทผลวเสน วุตฺตตฺตา. ตถา หิ ปฏิสนฺธิยํ ตาว ปุริสินฺทฺริยนิพฺพตฺตนารหมฺปิ กมฺมํ กทาจิ ปรทาริกาทินา พลวปาปกมฺเมน ปฏิพาหิตสามตฺถิยํ อสฺส, ตทา อตฺตโน ปุริสินฺทฺริยนิพฺพตฺตเน อสมตฺถตาย อิตฺถินฺทฺริยเมว นิพฺพตฺเตติ. ปวตฺติยํ ปน อตฺตโน พลวภาเวน อิตฺถินฺทฺริยูปนิสฺสยํ ปรทาริกมกุสลกมฺมํ ปฏิพาหิตฺวา ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ปุริสินฺทฺริยํ สมุฏฺาเปนฺตํ กทาจิ ลทฺธสามคฺคิตาสฺชาตพลวิเสเสน ปรทาริกาทินา กมฺเมน ปฏิพาหิตสามตฺถิยํ ภเวยฺย, ตทา อตฺตโน ทุพฺพลตาย ปุริสินฺทฺริยํ น นิพฺพตฺเตติ, อิตฺถินฺทฺริยเมว นิพฺพตฺเตติ. เอวํ ปรทาริกาทิกมฺมูปนิสฺสเยน อิตฺถินฺทฺริยสฺส นิพฺพตฺตนโต ตํ เตน นิพฺพตฺติตํ กตฺวา วุจฺจติ.

๖๗๑-๒. ยทา ปน ตํ กมฺมํ ปุน สามคฺคิปฏิลาภโต, ปริกฺขีณปาปกมฺมตาย วา พลวปฺปตฺตํ อภวิสฺส, ตทา ทินฺนเวธํ วิย รุกฺขํ ตทปคเม อตฺตโน พลานุรูปํ ปุริสินฺทฺริยํ นิพฺพตฺเตติ, อิตฺถินฺทฺริยํ ปน อตฺตโน การณาภาวโต นุปฺปชฺชติ. อุภยสฺส ปน นิพฺพตฺติยมฺปิ วิสทิสินฺทฺริยนิพฺพตฺตนโต ปุเร สตฺตรสมจิตฺตสฺส ิติกาลมุปาทาย ตํตํสมุฏฺาปกกมฺมํ ตํ ตํ อินฺทฺริยํ น ชเนติ. สตฺตรสมจิตฺเตน สห อุปฺปนฺนํ วิสทิสินฺทฺริยุปฺปตฺติโต ปุริมจิตฺเตน สห นิรุชฺฌติ. ยทิ หิ สตฺตรสมจิตฺตุปฺปาทโต ปรมฺปิ อุปฺปชฺเชยฺย, อิตรํ นุปฺปชฺชติ เอกสฺมึ สนฺตาเน ทฺวินฺนํ สหุปฺปตฺติยา อนิจฺฉิตตฺตา. เตเนว หิ ‘‘ยสฺส วา ปน ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) อิมสฺมึ ปฺเห ‘‘โน’’ติ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) ปฏิกฺเขโป กโตติ. เอวฺจ กตฺวา วกฺขติ ‘‘อุภโตพฺยฺชนสฺสาปี’’ติอาทิ. เอกสฺมิฺจ นิรุทฺเธ ตปฺปฏิพทฺธานิ ลิงฺคาทีนิ กติปยทิวเสหิ นิรุชฺฌนฺติ, เตสุ นิรุทฺเธสุ อิตรานิ อนุกฺกเมน ชายนฺตีติ อาจริยา. อิตฺถินิมิตฺตุปฺปาทกกมฺมโต, ปุริสนิมิตฺตุปฺปาทกกมฺมโต วาติ อุภโต ทุวิธํ พฺยฺชนมสฺสาติ อุภโตพฺยฺชโน. ตสฺสาปีติ ยสฺส ทุวิธํ พฺยฺชนมตฺถิ, ตสฺสาปิ เอกเมว อินฺทฺริยํ สิยา, กึ ปน อิตรสฺสาติ ทสฺเสติ.

นนุ จ ทุวิเธ พฺยฺชเน สติ อินฺทฺริยทฺวเยนาปิ ภวิตพฺพํ, พฺยฺชนฺหิ ตํ ตํ อินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ชายตีติ? สจฺจํ ชายติ, เอตฺถาปิ อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ อิตฺถินิมิตฺตเมว ยาวชีวํ ปวตฺตติ, ปุริสอุภโตพฺยฺชนสฺส ปุริสินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ปุริสนิมิตฺตเมว, อิตรํ ปน น ตสฺส อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยเหตุโต ชายติ. ตํ ปน เยน การเณน โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติ อนุโยคํ กตฺวา ‘‘น จาภาโว’’ติอาทินา โสธนํ ตุ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตติ เอกสฺมึเยว อินฺทฺริเย สติ. อภาโว จาติ ยํ ปฏิจฺจ ชายติ, ตสฺส อภาวโต ปุริสอุภโตพฺยฺชนสฺส อิตฺถิพฺยฺชนาภาโว, อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนสฺส ปุริสพฺยฺชนาภาโวติ อตฺโถ. น จาภาโว สิยาติ เนว ทุติยพฺยฺชนสฺส อภาโว สิยา. น ตํ พฺยฺชนการณนฺติ ตํ อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ น โหติ. กสฺมา? สทา อภาวโต. อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนสฺส หิ ยทา อิตฺถิยา ราคจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา ปุริสพฺยฺชนํ ปากฏํ โหติ, อิตฺถิพฺยฺชนํ ปฏิจฺฉนฺนํ คุฬฺหํ โหติ, ตถา อิตรสฺส อิตรํ. ยทิ จ เตสํ อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยฺชนการณํ ภเวยฺย, สทาปิ พฺยฺชนทฺวยํ ติฏฺเยฺย, น ปน ติฏฺติ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘น ตสฺส ตํ พฺยฺชนการณ’’นฺติ. กิฺจรหิ การณนฺติ เจ? อาห ‘‘ตสฺสา…เป… การณ’’นฺติ. ตตฺถ กมฺมสหายนฺติ ปุริมภวสิทฺธสฺส อินฺทฺริยนิพฺพตฺตกกมฺมสฺส สหายํ. ราคจิตฺตนฺติ อิตฺถิยา ปุริสสฺมึ, ปุริสสฺส อิตฺถิยํ วา อุปฺปนฺนํ เมถุนราคจิตฺตํ. ตสฺมิฺหิ อุปฺปนฺเน ตํ ปากฏํ โหติ, ตสฺมึ ปฏิปฺปสฺสทฺเธ ปฏิจฺฉนฺนํ โหติ. ยสฺมา ปนิมสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ โหติ, ตสฺมา อิตฺถิอุภโตพฺยฺชนโก สยมฺปิ ปรํ อุทฺทิสฺส คพฺภํ คณฺหาติ, อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ปรมฺปิ คณฺหาเปติ. โส หิ อิตฺถินฺทฺริยวนฺตตาย สยํ คณฺหาติ, ปเรสุ อุปกฺกมกรณโต ปรํ คณฺหาเปติ. ปุริสอุภโตพฺยฺชนโก ปเรสุ อุปกฺกมกรณโต ปรํ คพฺภํ คณฺหาเปติ, สยํ ปน ปุริสินฺทฺริยวนฺตตาย คพฺภํ น คณฺหาติ.

ยสฺมา อิตฺถินฺทฺริเย สติ อิตฺถิลิงฺคาทโย โหนฺติ, เตสุ จ สนฺเตสุ อิตฺถีติ ปกาโส โหติ, ตสฺมา ตํ ตสฺส ปกาสนการณนฺติ อาห ‘‘อิตฺถีติ ปกาสนรส’’นฺติ. ทุวิธมฺปิ ปเนตํ อินฺทฺริยํ กายปสาโท วิย สกลสรีรพฺยาปกเมว, น จสฺส กายปสาเทน สงฺกโร ลกฺขณเภทโต, นิสฺสยเภทโต จ.

๖๗๓. สหชรูปปริปาลนลกฺขณนฺติ ยถา อตฺตนา สหชาตรูปานิ ตีสุ ขเณสุ ปวตฺตนฺติ, เอวํ อนุปาลนลกฺขณํ. ชีวิตินฺทฺริยสฺส เอกนฺตกมฺมชตฺตา สหชคฺคหเณเนว อนุปาเลตพฺพานมฺปิ กมฺมชภาโวว สิทฺโธติ กมฺมชคฺคหณํ น กตํ. ยถาสกํ ขณตฺตยมตฺตฏฺายีนมฺปิ กมฺมชรูปานํ ปวตฺติเหตุภาเวเนว ตํ อนุปาลกํ. เตนาห ‘‘เตสํ ปวตฺตนรส’’นฺติ. ปวตฺตนฺเจตฺถ วุตฺตนเยน เตสํ ยาปนํ ปนํ ิติเหตุกตา. น หิ กมฺมชานํ กมฺมเมว ิติเหตุ ภวิตุํ สกฺโกติ อาหารชาทีนํ อาหาราทิ วิย. กึ การณํ? ตงฺขณาภาวโต. กมฺมฺหิ นิรุทฺธํ รูปสฺส ปจฺจโย โหติ, ตโต ตํสมุฏฺานรูปานิ มตปิติกา วิย ปุตฺตา จูฬปิตุอาทินิสฺสเยน อฺนิสฺสเยเนว ปวตฺตนฺติ, อฺฺจ เตสํ ยาปนสมตฺถํ นตฺถิ อฺตฺร ชีวิตินฺทฺริเยนาติ ตเทว เตสํ ปวตฺตนรสํ. อาหารชาทโย ปน ธรมานกปิติกา วิย ปุตฺตา อฺนิรเปกฺขา สกสกปจฺจยวเสเนว ปวตฺตนฺติ. อาหาราทโย หิ อตฺตโน อตฺถิกฺขเณเยว รูปานิ สมุฏฺาเปตฺวา เตสํ ิติปวตฺติยาว ติฏฺนฺติ, ตโต ตํสมุฏฺานานิ ชีวิตินฺทฺริยนิรเปกฺขานิ. เสสานิปิ ตํตํปจฺจยวเสเนว ติฏฺนฺตีติ น อฺํ ปนการณํ ปจฺจาสีสนฺติ. กมฺมสมุฏฺานมฺปิ เจตํ อุปฺปาทโต ปฏฺาเยว อนุปาลกํ. ยาเปตพฺพานิ ปวตฺเตตพฺพานิ สหชาตภูตานิ ปทฏฺานเมตสฺสาติ ยาเปตพฺพภูตปทฏฺานํ.

๖๗๔. มโนวิฺาณธาตูติ เปตฺวา อรูปาวจรวิปากมโนวิฺาณธาตุํ อวเสสา มโนวิฺาณธาตุ. เตนาห ‘‘ปฺจโวกาเร’’ติ. ปฺจโวกาเร มโนธาตุ, มโนวิฺาณธาตุโย จ ยํ รูปํ นิสฺสาย ปวตฺตนฺติ, ตํ ‘‘วตฺถู’’ติ ปวุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. ปฺจโวกาเรติ จ วิเสสนํ มโนวิฺาณธาตุวเสน กตํ, มโนธาตุ ปน จตุโวการภเว นตฺเถว. ปาฬิยํ อนาคตสฺสาปิ หทยวตฺถุโน อาคมโต, ยุตฺติโต จ อตฺถิภาโว วิฺาตพฺโพ. ตตฺถ อาคโม ตาว –

‘‘ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ ปวตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๘) –

เอวมาทิ ปฏฺานวจนํ. ยุตฺติ ปน เอวํ เวทิตพฺพา – นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ธาตุทฺวยํ ปฺจโวการภเว รูปปฏิพทฺธวุตฺติตฺตา. ยํ ยฺหิ รูปปฏิพทฺธวุตฺติ, ตํ ตํ นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ทิสฺสติ ยถา จกฺขุวิฺาณธาตุ. ตตฺถ น ตาว รูปายตนาทีนํ, โอชาย จ ตนฺนิสฺสยตา ยุชฺชติ อินฺทฺริยปฏิพทฺธโต พหิปิ เตสํ ปวตฺติทสฺสนโต, นาปิ อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยานํ ตทุภยวิรหิเต อภาวกสนฺตาเนปิ ธาตุทฺวยทสฺสนโต. ชีวิตินฺทฺริยสฺสาปิ สหชปริปาลนลกฺขณกิจฺจนฺตรํ วิชฺชตีติ น ตนฺนิสฺสยตา ยุชฺชติ. ตฺหิ กิจฺจนฺตเร ปสุตํ น อิมาสํ นิสฺสโย ภวิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ปาริเสสโต เตสํ นิสฺสโย หทยวตฺถุ นาม อตฺถีติ วิฺาตพฺพํ. โหตุ ตาว ธาตุทฺวยนิสฺสโย วตฺถุ, อุปาทายรูปฺจ, ตํ ปเนตํ กมฺมสมุฏฺานํ ปฏินิยตกิจฺจํ หทยปฺปเทเส ิตเมกนฺติ ทฏฺพฺพํ. กถเมตํ วิฺายตีติ? วุจฺจเต – วตฺถุรูปภาวโต กมฺมสมุฏฺานํ จกฺขุ วิย. ยฺหิ วิฺาณสฺส วตฺถุภูตํ รูปํ, ตํ กมฺมสมุฏฺานํ ยถา จกฺขุปสาโท, ตโต เอว ปฏินิยตกิจฺจํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา กิฺจิ จินฺเตนฺตสฺส หทยปฺปเทสสฺส ขิชฺชนโต ตตฺเถทํ ติฏฺตีติ วิฺายติ. ยถาหุ อาจริยา –

‘‘กมฺมชํ วตฺถุภาวา ตํ, จกฺขุํว นิยตกฺริยํ;

จินฺตาย จ อุโรเขทา, ตตฺร ติฏฺนฺติ วิชานิย’’นฺติ.

ยทิ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยภูตํ หทยวตฺถุ นาม อตฺถิ, กสฺมา ปเนตํ รูปกณฺเฑ น วุตฺตํ. น หิ ลพฺภมานสฺส อวจเน การณํ อตฺถีติ? โน นตฺถิ การณนฺตรสมฺภวโต. กึ ปน ตํ การณํ? เทสนาเภโท. ยถา หิ จกฺขุวิฺาณาทีนิ เอกนฺตโต จกฺขาทินิสฺสยานิ, น เอวํ มโนวิฺาณํ เอกนฺเตน หทยวตฺถุนิสฺสิตํ ปฺจโวการภเวเยว ตนฺนิสฺสยตฺตา, เอกนฺเตน นิสฺสิตวเสเนว จ วตฺถุเทสนา ปวตฺตา. ‘‘อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุ, อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส น วตฺถู’’ติอาทินา (ธ. ส. ๕๘๔) จกฺขุวิฺาณาทีหิ นิสฺสิเตหิ วิเสสิตตฺตา. ยมฺปิ เอกนฺเตน หทยวตฺถุนิสฺสยํ ตสฺส วเสน ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส วตฺถู’’ติอาทินา ทุกาทีสุ วุจฺจมาเนสุ น ตทนุคุณา อารมฺมณทุกาทโย สมฺภวนฺติ. น หิ ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณํ, อตฺถิ รูปํ น มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณ’’นฺติ สกฺกา วตฺตุนฺติ วตฺถารมฺมณทุกา ภินฺนคติกา สิยุํ, น เอกรสา เทสนา ภเวยฺย, เอกรสฺจ เทสนํ เทเสตุํ ตตฺถ ภควโต อชฺฌาสโย, ตสฺมา ตตฺถ หทยวตฺถุ น วุตฺตํ, น อลพฺภมานตฺตา. เอสา หิ ภควโต ปกติ, ยํ เอกรเสเนว เทสนํ เทเสตุํ ลพฺภมานสฺสาปิ กสฺสจิ อคฺคหณํ. ตถา หิ นิกฺเขปกณฺเฑปิ จิตฺตุปฺปาทวิภาเคน อวุจฺจมานตฺตา อวิตกฺกาวิจารปทวิสชฺชเน วิตกฺโก วิจาโร จาติ วตฺตุํ น สกฺกาติ อวิตกฺกวิจารมตฺตปทวิสชฺชเน ลพฺภมาโนปิ วิตกฺโก น อุทฺธโฏ, อฺถา ‘‘วิตกฺโก จา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ. นิสฺสยภาวโต อุปริ อาโรเปตฺวา วหนฺตํ วิย ปจฺจุปฏฺาตีติ อุพฺพาหนปจฺจุปฏฺานํ.

๖๗๕. จตูสุ อาหาเรสุ อิธ รูปาธิการโต กพฬีกาโร อาหาโร คเหตพฺโพติ อาห ‘‘อาหารตาติ กพฬีกาโร อาหาโร’’ติ. ตตฺถ กพฬํ กรียตีติ กพฬีกาโร. อาหรียตีติ อาหาโร, กพฬํ กตฺวา อชฺโฌหรียตีติ อตฺโถ. อิทฺจ สวตฺถุกํ กตฺวา อาหารํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. กพฬีการาหารสฺส ปน โอชา อิธ อาหาโร นาม. เตนาห ‘‘ยาย โอชายา’’ติอาทิ. โส จ รูปาหรณสภาโว อุปตฺถมฺภนพลกโร องฺคมงฺคานุสารีรสาหรณภูโต ภูตนิสฺสิโต เอโก วิเสโส. พาหิราหารปจฺจยํ ปฏิลภิตฺวา เอว อชฺฌตฺติกาหาโร รูปํ อุปฺปาเทตีติ อยํ อชฺฌตฺติกาหารสฺส อุปนิสฺสยภาเวนาปิ รูปํ อาหรตีติ อาห ‘‘โอชฏฺมกํ รูปํ อาหรตี’’ติ. โอชา อฏฺมี ยสฺส ตํ โอชฏฺมกํ. ยาย โอชายาติ อตฺตโน อุทยานนฺตรํ รูปชนนโต โอชาสงฺขาตาย โอทนกุมฺมาสาทิวตฺถุคตาย ยาย ผรณโอชาย. ยตฺถ ยตฺถาติ ยมฺหิ ยมฺหิ ชนปเท, นคราทีสุ จ. ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร’’ติ ปวุจฺจติ ตพฺพตฺถุกตฺตาติ อธิปฺปาโย.

๖๗๖. กึ ปน วตฺถุโน กิจฺจํ, กึ โอชายาติ เจ? ปริสฺสยหรณํ วตฺถุสฺส กิจฺจํ, ปาลนํ โอชายาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนฺนปานาทิก’’นฺติอาทิ. อคฺคึ หรติ กมฺมชนฺติ กมฺมชเตชํ คณฺหาติ. อนฺโตกุจฺฉิยฺหิ โอทนาทิวตฺถุสฺมึ อสติ กมฺมชเตโช อุฏฺหิตฺวา อุทรปฏลสงฺขาตมุปาทินฺนรูปํ คณฺหาติ, ‘‘ฉาโตมฺหิ, อาหารํ เม เทถา’’ติ วทาเปติ, ภุตฺตกาเล อุทรปฏลํ มุฺจิตฺวา อนุปาทินฺนกวตฺถุํ คณฺหาติ, อถ สตฺโต เอกคฺโค โหติ. ยถา หิ ฉายารกฺขโส ฉายาปวิฏฺํ ทิสฺวา คเหตฺวา เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา อตฺตโน ภวเน โมทนฺโต ฉาตกาเล อาคนฺตฺวา สีเส ทํสติ, โส ทฏฺตฺตา วิรวติ, ตํ วิรวํ สุตฺวา สเจ อฺเปิ มนุสฺสา อาคจฺฉนฺติ, โส อาคตาคเต คเหตฺวา ขาทิตฺวา สกภวเน โมทติ, เอวํ ยํ ยํ อนฺนปานาทิกํ วตฺถุ, ตํ ตํ กมฺมชเตโช คเหตฺวา ชีราเปตฺวา ปุน อุทรปฏลํ คณฺหาติ, ตสฺมา อนฺนปานาทิกํ วตฺถุ อตฺตโน อุทรปฏลํ ปวิฏฺกาเล อุปาทินฺนกายํ คเหตฺวา ิตํ ตโต โมเจตฺวา อตฺตานํ คณฺหาปนวเสน ตํ อตฺตโน สนฺติกํ หรติ. เกวลนฺติ โอชาวิยุตฺตํ วตฺถุ ชีวิตํ กมฺมชภูตํ ตํ ปาเลตุํ น สกฺโกติ.

๖๗๗. โอชา…เป… ปาจกนฺติ โอชา ชีวิตํ ปาเลตุํ สกฺโกติ, กมฺมชํ เตชํ หริตุํ น สกฺโกติ อามาสยสฺส อปุณฺณโตติ อธิปฺปาโย. อุปตฺถมฺภนปจฺจุปฏฺาโนติ โอชฏฺมกรูปหรณวเสเนว อิมสฺส กายสฺส อุปตฺถมฺภนวเสน ปจฺจุปฏฺาติ. กาเยนาติ รูปกาเยน. อตฺตโน ภาวนฺติ อตฺตโน อธิปฺปายํ. วิฺาเปนฺตานนฺติ ปเรสํ สฺาเปนฺตานํ. กายคฺคหณานุสาเรนาติ ผนฺทมานกายคตวณฺณสฺส คหณภูตานํ จกฺขุทฺวาริกชวนานนฺตรปฺปวตฺตานํ นิจฺฉยคฺคหณสงฺขาตานํ มโนทฺวาริกชวนานํ อนุสฺสรเณน เตสํ อนนฺตรนฺติ อตฺโถ. ปฺจทฺวาเร หิ รูปาทิอารมฺมเณ อาปาถคเต ยถาปจฺจยํ กุสลากุสลชวเน อุปฺปชฺชิตฺวา ภวงฺคํ โอติณฺเณ มโนทฺวาริกชวนํ ตเทวารมฺมณํ กตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ, ปุน ตสฺมึเยว ทฺวาเร วิสยํ ววตฺถาเปตฺวา ชวนํ ภวงฺคํ โอตรติ, ตสฺมา จกฺขุทฺวาริกชวนานนฺตรปฺปวตฺตานํ ทฺวินฺนํ ชวนวารานมนนฺตรํ ตติยวาเร ปวตฺตาย มโนทฺวารชวนวีถิยา เอว คหิตาย เอตาย กรณภูตาย จตุตฺถวาเร มโนทฺวาเร ชวเนเนว ภาโว วิฺายติ. เอเตน วิฺตฺติ-สทฺทสฺส กรณสาธนตา วุตฺตา. สยํ วาติอาทินา ปน กมฺมสาธนตฺตมาห.

เอวํ วิฺตฺติ-สทฺทสฺส การกทฺวเย สมฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กาย-สทฺเทน สห กมฺมธารยสมาสํ ทสฺเสตุํ, ‘‘กาโย’’ติ โวหารสฺส วิฺตฺติยมฺปิ จ ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘กาเยน สํวโร’’ติอาทิสุตฺตมาห. กายวิปฺผนฺทเนน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุตฺตาติ วิปฺผนฺทมานกาเยน กรณภูเตน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุภาวโต กาเยน วิฺตฺตีติปิ กายวิฺตฺตีติ สมฺพนฺโธ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – วิฺตฺติยา กายวิปฺผนฺทนสฺส เหตุภาวโต ตํเหตุกํ กายวิปฺผนฺทนสงฺขาตํ กายํ คเหตฺวา อธิปฺปายชานนโต วิฺตฺติ อธิปฺปายวิฺาปนสฺส การณภาเวน คยฺหตีติ กาเยน อธิปฺปายํ วิฺาเปตีติ. ตถา กายวิปฺผนฺทนํ คเหตฺวา ตสฺส การณเมตฺถ อตฺถีติ วิฺตฺติยา คยฺหมานตฺตา สยฺจ กาเยน วิฺายติ, ตสฺมา กาเยน วิฺตฺตีติปิ กายวิฺตฺตีติ.

๖๗๘. จิตฺตชานิลธาตุยาติ อภิกฺกมาทิปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุยา. อาการวิการตาติ อาการภูโต วิกาโร. กสฺส ปน สา อาการวิการตาติ? สามตฺถิยโต วาโยธาตุอธิกานํ จิตฺตชมหาภูตานํ. กึ ตํ สามตฺถิยํ? จลนเหตุตา, จิตฺตชตา, อุปาทายรูปตา จ. อถ วา จิตฺตชานิลธาตุยา เอกา อาการวิการตาติ สมฺพนฺโธ. น เกวลฺหิ สามิวจนํ จลนสมฺพนฺธาเปกฺขาย เอว, อถ โข อาการวิการสมฺพนฺธาเปกฺขายปีติ.

ยทิ เอวํ, กถํ วิฺตฺติยา อุปาทายรูปตฺตํ. ‘‘จิตฺตชานิลธาตุยา’’ติ หิ วจเนน วาโยธาตุยาว อาการวิการตา วิฺตฺติ อาปชฺชติ, น จ เอกภูตนิสฺสิตํ อุปาทายรูปํ นาม อตฺถิ ‘‘จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ (ธ. ส. ๕๘๔) วจนโตติ? นายํ โทโส, จตุนฺนํ วิการตา จตูสุ เอกสฺสปิ โหติ จตุสาธารณธนํ วิย. อนิลธาตุอธิกกลาโป วา อิธ ‘‘อนิลธาตู’’ติ วุจฺจติ, ตทธิเก ตํโวหารโต ยถา สมฺภารธาตุยา อธิกภาเวน ปถวีโวหาโร, ตสฺมา วาโยธาตุอธิกานํ จิตฺตชมหาภูตานํ เอกา อาการวิการตา กายวิฺตฺตีติ น โกจิ วิโรโธ. อธิกตา จสฺสา สามตฺถิยโต ทฏฺพฺพา, น ปมาณโต. อิตรถา หิ เตสํ อวินิพฺโภควุตฺติตา น ยุชฺเชยฺย. อธิกตา หิ อตฺตโน อธิกวเสน อิตเรหิ วินิพฺโภคปฺปวตฺติโต โหติ. สามตฺถิยาธิกฺจ การณานุการิตาย. การณฺหิ อภิกฺกมาทิปวตฺตกํ จิตฺตํ, ตํ จลนาธิปฺปายสภาวํ ตโต สมุฏฺิเต กลาเป อนุกโรนฺเต วาโยธาตุยา เอว อธิกตฺตํ ยุตฺตนฺติ. เกจิ ปน ‘‘วาโยธาตุยา เอว อาการวิการตา’’ติ คณฺหนฺติ, เตสํ มเตน อุปาทารูปตฺตํ ทุรูปปนฺนํ. น หิ เอกสฺส วิกาโร จตุนฺนํ อุปาทารูปนฺติ สกฺกา วตฺตุํ.

กีทิสี ปนายํ วิการตาติ อาห ‘‘สหชาตสฺส รูปสฺส จลเน เหตู’’ติ. ตตฺถ สหชาตสฺสาติ อตฺตนา สหชาตสฺส. ยสฺมา อุตุจิตฺตาหารชานํ จลนํ จิตฺตชรูปสมฺพนฺเธเนว โหติ, นทีโสตจลเนน ตตฺถ ปกฺขิตฺตสุกฺขโคมยปิณฺฑาทีนํ วิย. วิฺตฺติวเสน ปน จิตฺตชานเมว จลนํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สหชาตสฺสา’’ติ. รูปสฺสาติ รูปกายสฺส. จลเนติ สนฺถมฺภนสนฺธารณจลนสงฺขาเต จลิตภาเว. สนฺถมฺภนาทิกมฺปิ หิ จลนาภิมุขตาย จลนนฺติ ยุชฺชติ. เหตูติ เหตุภูตา สหการีการณภูตา. เอตฺตาวตา จ กึ วุตฺตํ โหติ? กายวิฺตฺติ นาม เนว ผนฺทมานรูปกาโย, น จ ผนฺทมานา วาโยธาตุ, อถ โข มหนฺตํ ปาสาณํ อุกฺขิปนฺตสฺส สพฺพถาเมน คหณกาเล สรีรสฺส อุสฺสาหนวิกาโร วิย รูปกายสฺส ปริปฺผนฺทนปจฺจยภาเวน ลพฺภมาโน เอโก อาการวิกาโร กายวิฺตฺติ นามาติ วุตฺตํ โหติ.

นนุ จ ผนฺทมานวณฺณาทิวินิมุตฺโต โกจิ วิกาโร อตฺถิ, ตสฺส วณฺณคฺคหณานนฺตรํ คหณํ โหตีติ กถเมตํ วิฺายตีติ? อธิปฺปายคฺคหณโต. น หิ วิฺตฺติวิการรหิเตสุ รุกฺขจลนาทีสุ อธิปฺปายคฺคหณํ ทิฏฺํ, หตฺถจลนาทีสุ ปน ทิฏฺํ, ตสฺมา ผนฺทมานวณฺณาทิวินิมุตฺโต โกจิ วิกาโร อตฺถิ อธิปฺปายสฺส วิฺาปโกติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ เอกนฺเตน. าปโก จ เหตุ สยํ คหิโตเยว อตฺตโน าเปตพฺพมตฺถํ าเปติ, น วิชฺชมานมตฺเตนาติ. าเปตพฺพวณฺณคฺคหณานนฺตรํ วิการคฺคหณมฺปิ อนุมานโต สิทฺธํ. ตถา หิ วทนฺติ –

‘‘วิสยตฺตมนาปนฺนา,

สทฺทา เนวตฺถโพธกา;

น สตฺตามตฺตโต อตฺเถ,

เต อฺาตา ปกาสกา’’ติ.

ยทิ วิการคฺคหณเมว การณมธิปฺปายคฺคหณสฺส, กสฺมา อคฺคหิตสงฺเกตานํ อธิปฺปายคฺคหณํ น โหตีติ? น เกวลํ วิการคฺคหณเมว อธิปฺปายสฺส คหณสฺส การณํ, อถ โข ปุริมสิทฺธสมฺพนฺธคฺคหณฺจ อิมสฺส อุปนิสฺสโยติ ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ อรฺเ อุทกติตฺเถ อุสฺสาเปตฺวา ปิตโคสีสาทีนิ อุทกนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ตทนนฺตรปฺปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารชวนวีถิยา โคสีสาทีนํ อุทกสหจารีปการสฺาณาการํ คเหตฺวา ‘‘อุทกเมตฺถ อตฺถี’’ติ ชานนํ, เอวํ ผนฺทมานวณฺณํ คเหตฺวา ตทนนฺตปฺปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารวีถิยา ปุริมคฺคหิตสมฺพนฺธูปนิสฺสยสหิตาย สาธิปฺปายวิการคฺคหณํ โหตีติ.

๖๘๑-๒. สหชรูปจลนสฺส วิฺตฺติวิการสหิตาย วาโยธาตุยา เหตุภาโว ยุตฺโต, กึ สพฺพา เอว วาโยธาตุ สหชรูปํ จาเลตีติ อิมํ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘ลภิตฺวา ปนุปตฺถมฺภ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อุปตฺถมฺเภตีติ อุปตฺถมฺภํ, อุปตฺถมฺภกปจฺจยนฺติ อตฺโถ. เอกาวชฺชนวีถิยนฺติ มโนทฺวาริกชวนวีถึ สนฺธายาห ปฺจทฺวาริกวีถิยา วิฺตฺติสมุฏฺาปกตฺตาภาวโต. เหฏฺาหิ ฉหิ จ จิตฺเตหีติ สตฺตสุ ชวเนสุ เหฏฺิเมหิ ฉหิ ชวเนหิ สมุฏฺิตํ วาโยธาตุํ อุปตฺถมฺภํ ลภิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. เกจิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘วาโยธาตุสมุฏฺิต’’นฺติ ปาํ ทิสฺวา อุปตฺถมฺภนฺติ ภาวสาธนวเสน คเหตฺวา เหฏฺา ฉหิ จิตฺเตหิ อุปฺปนฺนวาโยธาตุสมุฏฺิตํ อุปตฺถมฺภํ ลภิตฺวาติ โยเชนฺติ. วิฺตฺติสหิตตฺตนาติ สยํ วิฺตฺติสหิตา อตฺตนา สหชาตํ จิตฺตชรูปํ เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน จลยติ, น อิตราติ อตฺโถ.

อยํ ปเนตฺถาธิปฺปาโย – ยถา นาม สตฺตหิ ยุเคหิ อากฑฺฒิตพฺพสกเฏ สตฺตมยุคยุตฺตา เอว โคณา เหฏฺา ฉสุ ยุเคสุ ยุตฺตโคเณหิ ลทฺธุปตฺถมฺภา สกฏํ จาเลนฺติ, ปมยุคาทิยุตฺตา ปน สนฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตเมว สาเธนฺตา เตสํ อุปตฺถมฺภกา โหนฺติ, เอวเมวํ สตฺตมชวนสมุฏฺิตา วาโยธาตุ เหฏฺา ฉหิ ชวเนหิ สมุฏฺิตวาโยธาตุโต ลทฺธุปตฺถมฺภา จิตฺตชรูปํ จาเลติ. ปมชวนาทิสมุฏฺิตา ปน สนฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตํ สาเธนฺตา ตสฺส อุปตฺถมฺภกา โหนฺติ, เทสนฺตรุปฺปตฺติเยว เจตฺถ จลนํ อุปฺปนฺนเทสโต เกสคฺคมตฺตมฺปิ ธมฺมานํ จลนาภาวโต, อิตรถา ธมฺมานํ อพฺยาปารตา, ขณิกตา จ น สิยา. กถํ ปนสฺส สหชรูปานํ เทสนฺตรุปฺปตฺติยา เหตุภาโวติ? ยถา อตฺตนา สหชรูปานิ เหฏฺิมชวนาทิสมุฏฺิตรูเปหิ ปติฏฺิตฏฺานโต อฺตฺถ อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ เตหิ สห ตตฺถ อุปฺปตฺติเยวสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาโวติ ทฏฺพฺพํ.

อถ ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตรํ วิฺตฺติคฺคหณสฺส วุตฺตตฺตา วิฺตฺติสหิตาติ สตฺตมชวนสมุฏฺิตาย เอว จ วิเสสิตตฺตา จลนาการสหิตาเยว วาโยธาตุ วิการสหิตาติ? นยิทเมวํ เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน จลยิตุมสกฺโกนฺติโยปิ สนฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตกรเณน ปมชวนาทิสมุฏฺานวาโยธาตุโยปิ วิฺตฺติวิการสหิตา เอว. เยน ทิสาภาเคน คนฺตฺวา อภิกฺกมาทีนิ ปวตฺเตตุกาโม ตทภิมุขภาววิการสมฺภวโต. อธิปฺปายสหภาวินฺหิ วิการํ วิฺตฺติมาจิกฺขนฺติ. เตเนว หิ ภควตา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ กายวิฺตฺติ? ยา กุสลจิตฺตสฺส วา…เป… อพฺยากตจิตฺตสฺส วา อภิกฺกมนฺตสฺส วา…เป… ปสาเรนฺตสฺส วา กายสฺส ถมฺภนา สนฺถมฺภนา สนฺถมฺภิตตฺตํ วิฺตฺติ วิฺาปนา วิฺาปิตตฺตํ. อิทํ ตํ รูปํ กายวิฺตฺตี’’ติ (ธ. ส. ๗๒๐) สนฺถมฺภนสนฺธารณานมฺปิ ปจฺจยภาวากาโร กายวิฺตฺตีติ วุตฺโต. เอวฺจ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนสฺสาปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกตาวจนํ สุฏฺุ อุปปนฺนํ โหติ.

๖๘๓-๔. จิตฺตชาตาย ปถวีธาตุยา อุปาทินฺนกฆฏฺฏเน ปจฺจโย โย อาการวิกาโร, อยํ วจีวิฺตฺติ วิฺเยฺยาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ จิตฺตชาตายาติ วจีเภทปฺปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานาย. อุปาทินฺนกฆฏฺฏเนติ อุปาทินฺนกกลาปสงฺขาตสฺส อกฺขรุปฺปตฺติฏฺานสฺส ฆฏฺฏนสฺิเต กิจฺเจ ฆฏฺฏนสฺสาติ อตฺโถ. ปจฺจโยติ ตสฺส สหการีการณภูโต. เอโก อาการวิกาโรติ ฆฏฺฏิยมานอุปาทินฺนรูปโต, ฆฏฺฏนฺติ ยา ปถวีธาตุโต จ วินิวฏฺโฏ ปถวีธาตุยา อุปาทินฺนฆฏฺฏนปจฺจยสภาวรูโป เอโก อาการวิการวิเสโสติ อตฺโถ. ปถวิธาตุยาติ สามิวจนํ ‘‘อุภยสมฺพนฺธาเปกฺข’’นฺติอาทิ กายวิฺตฺติยํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ยถา ตตฺถ ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตรํ คยฺหติ, เอวมิธ สุยฺยมานสทฺทสวนานนฺตรนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิทฺจ สนฺถมฺภนาทีนํ อภาเวน ฆฏฺฏเนน สทฺธึเยว สทฺทสฺส อุปฺปชฺชนโต ‘‘ลภิตฺวา ปนุปตฺถมฺภ’’นฺติอาทินโย น ลพฺภติ. ฆฏฺฏนฺหิ ปมชวนาทีสุปิ ลพฺภเตว. เตนาห ‘‘สทฺทวสา’’ติ. อถ ฆฏฺฏนจลนานํ โก วิเสโสติ? ฆฏฺฏนํ ปจฺจยวิเสเสน ภูตกลาปานํ อฺมฺํ อาสนฺนตรุปฺปาทตา, จลนํ เอกสฺสาปิ เทสนฺตรุปฺปาทนปรมฺปรตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. โคสีสาทิอุปมาเปตฺถ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพา. สาวาติ สา เอว สหสทฺทา วิฺตฺติ. สกฺยกุลินฺทุนาติ สุปริสุทฺธคคนตลสฺส สกฺกราชกุลสฺส อวภาสกฏฺเน ตสฺส นิสากรภูเตน. อถ วา อินฺทติ ปรมิสฺสริยํ กโรตีติ อินฺทุ. อินฺทุ-สทฺทสฺส อุตฺตมวาจกตฺตา สกฺกกุลุตฺตเมนาติ อตฺโถ.

๖๘๕. อถ วิฺตฺติ ตาว สหสทฺทาว, สทฺโท ปน จิตฺตโช อวิฺตฺติโก อตฺถีติ เจ? นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สทฺโท น จิตฺตโช’’ติอาทิ. วิฺตฺติฆฏฺฏนนฺติ วิฺตฺติปจฺจยํ ปถวีธาตุยา ฆฏฺฏนํ. ธาตุสงฺฆฏฺฏเนเนวาติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. ยสฺมา ธาตุสงฺฆฏฺฏเนเนว สทฺโท ชายติ, น เตน วินา, ตสฺมาติ อตฺโถ. อเนน จ เย วทนฺติ ‘‘วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท น โสตวิฺเยฺโยติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา จิตฺตสมุฏฺาโน วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท วิฺตฺติยา วินาปิ อุปฺปชฺชติ. ‘ยา ตาย วาจาย วิฺตฺติ วิฺาปนา’ติ (ธ. ส. ๖๓๖) หิ วจนโต อโสตวิฺเยฺเยน สทฺเทน สห วิฺตฺติ น อุปฺปชฺชติ, ตโตว จิตฺตโชปิ สทฺทนวโก อตฺถี’’ติ, เตสํ วาทํ ปฏิกฺขิปติ. มหาอฏฺกถาวาโทปิ หิ สทฺโทว โหติ, น โสตวิฺเยฺโยติ วิรุทฺธเมตนฺติ มฺมาเนหิ สงฺคหกาเรหิ ปฏิกฺขิตฺโตว. อานนฺทาจริโย ปน มหาอฏฺกถาวาทํ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวาว ตตฺถ อธิปฺปายํ วณฺเณติ. กถํ? ‘‘ชิวฺหาตาลุจลนาทิกรวิตกฺกสมุฏฺิตํ วิฺตฺติสหชเมว สุขุมสทฺทํ ทิพฺพโสเตน สุตฺวา อาทิสตี’’ติ สุตฺเต, ปฏฺาเน จ โอฬาริกํ สทฺทํ สนฺธาย โสตวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจยภาโว วุตฺโตติ อิมินา อธิปฺปาเยน วิตกฺกวิปฺผารสทฺทสฺส อโสตวิฺเยฺยตา วุตฺตาติ.

๖๘๖-๗. วิฺาปนโตติ วจีโฆเสน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุตฺตา. สยํ วิฺเยฺยโตติ คหณานุสาเรน วจีโฆเสน วา เหตุนา สยํ วิฺเยฺยตฺตา. ตสฺสาติ วิฺตฺติสทฺทสฺส. สมฺภโว การกทฺวเยติ วิฺาปยตีติ วิฺตฺติ, วิฺายตีติ วิฺตฺตีติ เอวํ เหตุมฺหิ, กมฺมนิ วา ตสฺส สมฺภโว นิพฺพตฺติ โหตีติ อตฺโถ. กึ ปเนตํ วิฺตฺติทฺวยํ จิตฺตสมุฏฺานํ, อุทาหุ กมฺมาทิสมุฏฺานนฺติ อาห ‘‘น วิฺตฺติทฺวย’’นฺติอาทิ. อฏฺ รูปานิ วิยาติ สกสกกลาปคตอฏฺรูปานิ วิย, วิฺตฺติทฺวยสฺส เอกโต วุจฺจมานตฺตา กายวิฺตฺติสหชกลาเป สทฺโท น ลพฺภตีติ วจีวิฺตฺติกลาเป ลพฺภมานมฺปิ ตํ หิตฺวา ‘‘อฏฺ’’อิจฺเจว วุตฺตํ.

ยถาวุตฺตวิการคฺคหณมุเขน ‘‘อยํ อิทํ นาม กาตุกาโม’’ติ ตํสมงฺคิโน อธิปฺปาโย วิฺายตีติ อาห ‘‘อธิปฺปายปฺปกาสนรสา’’ติ. กายวิปฺผนฺทนเหตุภูตาย วาโยธาตุยา วิการตฺตา ตสฺสา กายวิปฺผนฺทนสฺส เหตุภาวากาเรน ปจฺจุปฏฺานนฺติ วุตฺตํ ‘‘กาย…เป… ปจฺจุปฏฺานา’’ติ. วาโยธาตุยา กิจฺจาธิกตาย อาห ‘‘จิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุปทฏฺานา’’ติ. วจีโฆสสฺส เหตุภาวปจฺจุปฏฺานาติ วุตฺตนเยเนว วจีโฆสสงฺขาตสฺส จิตฺตชสทฺทสฺส เหตุภาวปจฺจุปฏฺานา.

เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ฆฏฺฏเน ปจฺจโยติ วุตฺตตฺตา ฆฏฺฏนานนฺตรํ สทฺทสฺส อุปฺปตฺติ โหตีติ คเหตฺวา จิตฺตสมุฏฺานปถวีธาตุ อุปาทินฺนฆฏฺฏนมตฺตํ กโรติ, ฆฏฺฏิตกฺขเณ อุตุสมุฏฺาโนว สทฺโท อุปฺปชฺชติ, โส ปน จิตฺตปจฺจยตฺตา ปริยาเยน จิตฺตสมุฏฺาโนติ วุจฺจตี’’ติ วทนฺติ. เตสํ มเตน จิตฺตชสทฺโทเยว น ลพฺภติ, ตสฺมา เอวํ อคฺคเหตฺวา อุทกตาปนกาเล อนฺโตอุทเกเยว อุปฺปชฺชนกสทฺโท วิย อุปาทินฺเน ฆฏฺเฏตฺวา อุปฺปชฺชมานจิตฺตสมุฏฺานปถวีธาตุยา อุปฺปตฺติสมกาลเมว ตสฺมึ กลาเป นวมํ หุตฺวา อนฺโตเยว ภูติกสทฺโท อุปฺปชฺชตีติ คเหตพฺพํ, ตสฺมา จิตฺตสมุฏฺานสทฺโทปิ วจีวิฺตฺติวเสเนว อุปฺปชฺชติ, อจฺฉราปหรณาทิสทฺโท ปน วจีวิฺตฺติยา อภาวโต จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺาโนเยวาติ.

๖๘๘. วิคฺคหาภาวโต น กสฺสติ, กสิตุํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกตีติ อกาโส, โสเยว อากาโสติ อาห ‘‘น กสฺสตีติ อากาโส’’ติ, โก ปเนโสติ อาห ‘‘รูปานํ วิวโร’’ติ, กณฺณจฺฉิทฺทาทิรูปานํ อนฺตรนฺติ อตฺโถ. อเนน อชฏากาสมาห. โย…เป… ปริจฺเฉโทติ ปน อิมินา อิธาธิปฺเปตมากาสํ, โส ปน รุฬฺหีวเสน อากาโสติ ปวุจฺจติ.

รูปานิ ปริจฺฉินฺทติ, สยํ วา เตหิ ปริจฺฉิชฺชติ, เตสํ วา ปริจฺเฉทมตฺตนฺติ รูปปริจฺเฉโท, ตํ ลกฺขณเมตสฺสาติ รูปปริจฺเฉทลกฺขโณ. อยฺหิ ตํ ตํ รูปกลาปํ ปริจฺฉินฺทนฺโต วิย โหติ. เตนาห ‘‘รูปปริยนฺตปฺปกาสนรโส’’ติ. ‘‘อยํ รูปานํ เหฏฺิโม ปริยนฺโต, อยํ อุปริโม’’ติ เอวํ วิภาวนกิจฺโจติ อตฺโถ. อตฺถโต ปน ยสฺมา รูปานํ ปริจฺเฉทมตฺตํ หุตฺวา คยฺหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘รูปมริยาทปจฺจุปฏฺาโน’’ติ. เอตฺถาห – กึ ปเนส รูเป ปริจฺฉินฺทนฺโต จตุสมุฏฺานกลาปโต ปริจฺฉินฺทติ, อถ เอกสมุฏฺานพหุกลาปโต, อุทาหุ เอเกกสมุฏฺานเอเกกกลาปโต, เอเกกรูปโต วาติ? เอเกกสมุฏฺานเอเกกกลาปโตติ ทฏฺพฺพํ.

ยทิ หิ จตุสมุฏฺานกลาปโต, เอกสมุฏฺานพหุกลาปโต วา ปริจฺฉินฺทติ, เอวํ สติ สมฺผุฏฺภาวปจฺจุปฏฺาโน วา ปริจฺฉินฺเทยฺย, เอกกลาปคตรูปานํ วิย นานากลาปคตรูปานมฺปิ อวินิพฺโภควุตฺติตา วา อาปชฺเชยฺย. อถ วา เอเกกรูปโต ปริจฺฉินฺทติ, เอวํ สติ เอเกกกลาปคตรูปานมฺปิ นานากลาปคตรูปานํ วิย อฺมฺวินิพฺโภควุตฺติตาปสงฺโค สิยา, อุภยมฺปิ ปเนตํ อนิฏฺํ, ตสฺมา เอเกกสมุฏฺานเอเกกกลาปโต ปริจฺฉินฺทตีติ ทฏฺพฺพํ.

อสมฺผุฏฺภาวฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฏฺาโน วาติ อสมฺผุฏฺภาวปจฺจุปฏฺาโน วา ฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฏฺาโน วาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตเหว อสมฺผุฏฺภาเวน ปจฺจุปฏฺานโต อสมฺผุฏฺภาวปจฺจุปฏฺาโน. กิฺจาปิ หิ กลาปนฺตรภูตา กลาปนฺตรภูเตหิ สมฺผุฏฺาว เอกฆนปิณฺฑภาเวน ปวตฺตตฺตา, ตถาปิ ธมฺมโต อฺมฺํ วิวิตฺตตฺตา อสํกิณฺณา เอว. เตสํ ยา วิวิตฺตตา อฺมฺํ อสํกิณฺณตา, อยํ ปริจฺเฉโท. ภูตนฺตเรหิ วิย เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว, อิตรถา ปริจฺฉินฺนตา น สิยา เตสํ ภูตานํ พฺยาปิภาวาปตฺติโต. อพฺยาปิภาโว หิ อสมฺผุฏฺตา. เตนาห ภควา อิมสฺส นิทฺเทเส ‘‘อสมฺผุฏฺํ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ (ธ. ส. ๖๓๗).

อถ วา กลาปนฺตรภูตานํ อฺมฺํ อสํกิณฺณภาเวน ปจฺจุปฏฺานโต อสมฺผุฏฺตาปจฺจุปฏฺานภาโว วุตฺโต, กณฺณจฺฉิทฺทมุขวิวราทิวเสน ฉิทฺทวิวรภาวสฺส ปจฺจุปฏฺานโต ฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฏฺานตา วุตฺตา. รูปปริจฺเฉเท หิ สติ ฉิทฺทวิวรภาโว โหติ. เยสํ รูปานํ ปริจฺเฉโท, ตตฺเถว เตสํ ปริจฺเฉทภาเวน ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘ปริจฺฉินฺนรูปปทฏฺาโน’’ติ.

๖๘๙-๙๑. รูปสฺสลหุตาทิตฺตยนิทฺเทเสติ รูปสฺสลหุตา รูปสฺสมุทุตา รูปสฺสกมฺมฺตาติ อิมสฺส รูปลหุตาทิตฺตยสฺส นิทฺเทเส สมฺปตฺเต อิทํ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. เหฏฺา วุตฺตนเยเนวาติ อรูปสฺส ลหุตาทีสุ ‘‘กายลหุภาโว กายลหุตา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรเนว ‘‘รูปสฺส ลหุภาโว ลหุตา’’ติอาทินา รูปสมฺพนฺธีภาเวน รูปวิการาปิ วิฺาตพฺพา. รูปสฺส ลหุภาโว ลหุตา, สา รูปสฺส ครุภาววูปสมลกฺขณา, ครุภาวนิมฺมทฺทนรสา, อทนฺธตาปจฺจุปฏฺานา, ลหุรูปปทฏฺานา. รูปสฺส มุทุภาโว มุทุตา, สา รูปสฺส ถทฺธภาววูปสมลกฺขณา, ถทฺธภาวนิมฺมทฺทนรสา, สพฺพกิริยาสุ อวิโรธิตาปจฺจุปฏฺานา, มุทุรูปปทฏฺานา. รูปสฺส กมฺมฺภาโว กมฺมฺตา, สา รูปสฺส อกมฺมฺภาววูปสมลกฺขณา, อกมฺมฺภาวนิมฺมทฺทนรสา, สรีรกิริยาสุ อนุกูลภาวปจฺจุปฏฺานา, กมฺมฺรูปปทฏฺานาติ. อตฺโถ ปเนตฺถ ตตฺถ ตตฺถ อมฺเหหิ วุตฺตานุสาเรน เวทิตพฺโพ. อิมา ปน ติสฺโส รูปานํ วิการภาวโต ‘‘รูปวิการา’’ติ วุจฺจนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ติสฺโส…เป… วิภาวินา’’ติ วุตฺตํ.

ยถากฺกมํ ปเนตา รูปสฺส ทนฺธตฺตกรธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺานา, ถทฺธตฺตกรธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺานา, รูปานํ สรีรกิริยาสุ อนนุกูลภาวกรธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺานาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ธาตุกฺโขโภติ วาตปิตฺตเสมฺหปโกโป, รสาทิธาตูนํ วา วิการาวตฺถา, ทฺวิธา วุตฺตาปิ อตฺถโต ปถวีธาตุอาทีนํเยว วิกาโรติ ทฏฺพฺพํ. ปฏิปกฺขปจฺจยา สปฺปายอุตุอาหาราวิกฺขิตฺตจิตฺตตา, สา จ ตํตํวิการสฺส วิเสสปจฺจยภาวโต วุตฺตา, อวิเสเสน ปน สพฺเพสํ ปจฺจยา, ตถา หิ เต กทาจิปิ อฺมฺํ น วิชหนฺติ. ตถา อวิชหนฺตานํ ปน ทุพฺพิชานียํ นานตฺตนฺติ ตํปกาสนตฺถํ ‘‘เอตาส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. กมโตว นิทสฺสนนฺติ สมฺพนฺโธ. ลหุตาย หิ อโรคี นิทสฺสนํ, มุทุตาย มทฺทิตจมฺมํ, กมฺมฺตาย สุธนฺตสุวณฺณํ.

นนุ เจตฺถ อโรคิโน ตาว นิทสฺสนํ ยุตฺตํ ตสฺส อินฺทฺริยพทฺธสนฺตานตฺตา, สุปริมทฺทิตจมฺมสุธนฺตสุวณฺณานํ ปน กถํ. น หิ อนินฺทฺริยพทฺธรูปสนฺตาเน ลหุตาทีนิ สมฺภวนฺติ ตถา ธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยาภาวโต? สจฺจํ, มุทุกมฺมฺสทิสรูปนิทสฺสนมตฺตเมตํ, น ปน ตตฺถ อิธาธิปฺเปตมุทุตากมฺมฺตาสภาวโต. ยทิ เอวํ, กถํ ตูลปิจุอาทีสุ ลหุภาวาทิกนฺติ? น ตตฺถ ปรมตฺถโต ลหุภาวาทิกํ อตฺถิ, ครุภาวาทิเหตูนํ ปน อภาวโต ตตฺถ ลหุภาวาทิโวหาโร.

กมฺมํ กาตุํ น สกฺโกติ เอกนฺเตน ตาสํ ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยาเปกฺขตฺตา, อิตรถา สพฺพทาภาวินีหิ ลหุตาทีหิ ภวิตพฺพํ สิยาติ. อทนฺธตาลกฺขณาติ อครุภาวลกฺขณา. ครุภาวสฺส วิโนทนํ ขิปนํ อปนยนํ กิจฺจเมติสฺสาติ ครุภาววิโนทนรสา. กิฺจาปิ หิ อยํ รูปานํ ครุภาวํ วิโนเทตุํ น สกฺโกติ, ครุรูปปฏิปกฺขานํ ปน อทนฺธรูปานํ วิการตฺตา ‘‘ชาติ นํ อุปฺปาเทตี’’ติอาทีสุ วิย ปริยาเยน ครุภาวํ วิโนเทติ นาม. ตสฺสฺหิ วิชฺชมานายํ อุปฺปนฺนรูปานํ อครุภาโวเยวาติ. เอส นโย มุทุตากมฺมฺตาสุ. เจตสิกลหุตาทโย ปน อตฺตโน อตฺตโน ปจฺจนีกานํ ตํตํอกุสลธมฺมานํ วิทฺธํสกภาเวน ปวตฺตนฺตีติ วิการมตฺตภาวโต นิปฺปริยาเยเนว ตาสํ ตํกิจฺจตา ลพฺภตีติ ทฏฺพฺพํ. ลหุปริวตฺติตปจฺจุปฏฺานาติ อทนฺธสฺส อโรคีปุริสสฺส อปราปรํ สงฺกนฺติ ปริวตฺตนํ วิย อทนฺธปริวตฺตนํ หุตฺวา ปจฺจุปฏฺานาติ อตฺโถ. ยสฺส รูปสฺส ลหุตา, ตตฺเถว วิการภาเวน อุปลพฺภนโต ลหุรูปปทฏฺานา. เอวมิตราสุปิ. อถทฺธตาติ อกถินตา. อตฺตโน มุทุภาเวเนว สพฺพกิริยาสุ อวิรุทฺธา หุตฺวา ปจฺจุปฏฺาตีติ อวิโรธิตาปจฺจุปฏฺานา. มุทุ หิ กตฺถจิ น วิรุชฺฌติ. ตีสุปิ าเนสุ ปฏิปกฺขตฺเถ อ-กาโร. ทนฺธตาทิเหตูนํ ปฏิปกฺขสมุฏฺานตฺตา ลหุตาทีนนฺติ เกจิ. อปเร ปน สตฺตาปฏิเสเธติ วทนฺติ. สรีเรน กตฺตพฺพกิริยานํ อนุกูลตาสงฺขาโต กมฺมฺภาโว ลกฺขณเมติสฺสาติ สรีรกิริยานุกูลกมฺมฺภาวลกฺขณา. อกมฺมฺํ ทุพฺพลํ นาม โหตีติ กมฺมฺตา อทุพฺพลภาวปจฺจุปฏฺานา วุตฺตา.

๖๙๒. รูปานมาจโย โยติอาทีสุ โย นิปฺผนฺนรูปานํ อาทิโต จโย, ยถาปจฺจยํ ตโต ตโต อาคตสฺส วิย จโยติ วา อาจยสงฺขาโต รูปานํ ปมุปฺปาโท วฑฺฒิ จ, โส อุปจโยติ อุทฺเทเส วุตฺโต ‘‘อุปฺตฺตํ อุปสิตฺต’’นฺติอาทีสุ วิย อุป-สทฺทสฺส ปมูปริอตฺถทสฺสนโต. ยา ปน เตสํเยว รูปานํ อนุปฺปพนฺธตา อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺติ, สา สนฺตตีติ ปวุจฺจติ. ปฏิสนฺธิกฺขเณ หิ รูปุปฺปตฺติอาทิจยภาวโต อาจโย นาม, ตโต ปรํ ยาว สตฺตรสมจิตฺตุปฺปาทา วฑฺฒิภาวโต อุปจโย นาม. ตทา หิ รูปสฺส กมฺมจิตฺตอุตูหิ จโยเยว, น หานิ. อถ วา ยาว อาหารสมุฏฺาน รูปุปฺปาโท, จกฺขาทิอุปฺปาโท วา, ตาว อุปจโย นาม, ตโต ปรํ ปน จุติปริโยสานํ สนฺตติ นาม. เอวฺจ กตฺวา –

‘‘โย อายตนานํ อาจโย, โส รูปสฺส อุปจโย. โย รูปสฺส อุปจโย, สา รูปสฺส สนฺตตี’’ติ (ธ. ส. ๖๔๑-๖๔๒) –

เอวํ อุปจยสนฺตตีนํ อตฺถโต นานตฺตาภาวทีปนตฺถํ วุตฺตาย ปาฬิยา อฏฺกถายํ

‘‘อาจโย นาม นิพฺพตฺติ, อุปจโย นาม วฑฺฒิ, สนฺตติ นาม ปวตฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘นทีตีเร ขตกูปสฺมิฺหิ อุทกุคฺคมนกาโล วิย อาจโย นิพฺพตฺติ, ปริปุณฺณกาโล วิย อุปจโย วฑฺฒิ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คมนกาโล วิย สนฺตติ ปวตฺตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๔๑; วิสุทฺธิ. ๒.๔๔๔) –

อุปมา วุตฺตา. ‘‘รูปานมาจโย’’ติ เจตฺถ พหุวจนนิทฺเทเสน อุปฺปาโท นาม อุปฺปชฺชมานานํ วิกาโร. วิการตฺเต จ สติ อตฺตโน วิการวนฺตธมฺมเภทภินฺนตฺตา เอกกฺขเณปิ อุปฺปชฺชมานานํ พหูนมฺปิ รูปานํ วิสุํ วิสุํเยว อุปฺปาทวิการภาโว, น ปิณฺฑสฺเสวาติ ทีปิตํ โหติ. น เกวลฺจ รูปานเมว อุปฺปตฺติ อีทิสี, อถ โข อรูปธมฺมานมฺปิ อุปฺปาโท รูปารูปธมฺมานํ ชรตา, อนิจฺจตา, รูปสฺส ลหุมุทุกมฺมฺตา จาติ ทฏฺพฺพํ.

๖๙๓. ชาติรูปนฺติ ทีปิตํ อฏฺกถาสุ อุภยสฺสปิ รูปุปฺปาทสภาวตฺตาติ อธิปฺปาโย. ยทิ เอวํ, กสฺมา วิภชฺช วุตฺตํ? ภควตา ตเถว เทสิตตฺตา. ภควตาปิ กสฺมา ตถา เทสิตนฺติ อาห ‘‘วุตฺตมาการนานตฺตา’’ติอาทิ. อาการนานตฺตํ เหฏฺา วิภาวิตเมว. อกฺขรสฺส ปมุปฺปตฺติ อุปจโย, ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติ สนฺตติ. เอวํ ติสมุฏฺานรูปานมฺปิ ทฏฺพฺพนฺติ เอวํ เตสํ อาการนานตฺตํ วณฺเณนฺติ. เวเนยฺยานํ วเสน วาติ ตทา กิร โสตูนํ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, อยํ ชาติ สพฺเพสํ ธมฺมานํ ปภโว, สยํ ปน น กุโตจิ ชายติ, ยถา ตํ ‘‘ปกติวาทีนํ ปกตี’’ติ. เตสํ มิจฺฉาคาหํ วิธเมนฺโต ‘‘ชาติ นาม น อฺา, อุปจยสนฺตติวเสน ิตา รูปุปฺปตฺติเยว ปน ตถา วุจฺจติ, สา จ ยสฺส อุปฺปาโท, ตสฺส ปจฺจเยเหว ชาตปริยายํ ลพฺภตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ อุปจโย สนฺตตีติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา เทเสตีติ อาจริยา.

ปุพฺพนฺตโต ปุพฺพโกฏฺาสโต, อนาคตภาวโตติ อตฺโถ. อุปฺปชฺชมาเน รูปธมฺเม อุปฺปาโท อนาคตกฺขณโต อุมฺมุชฺชาเปนฺโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุมฺมุชฺชาปนรโส’’ติ. ‘‘อิเม รูปธมฺมา สมฺปฏิจฺฉถ เน’’ติ นิยฺยาเตนฺโต วิย คยฺหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิยฺยาตนปจฺจุปฏฺาโน’’ติ. ปริปุณฺณภาวปจฺจุปฏฺานตา อุปริ จโย อุปจโยติ อิมสฺส อตฺถสฺส วเสน เวทิตพฺพา. ยถา อุปฺปาทกฺขณปฺปตฺตํ อุปฺปนฺนํ นาม โหติ อาทิกมฺเม ตปฺปจฺจยวเสน, เอวํ อุปฺปาทกฺขณคตํ อุปจิตํ นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปจิตรูปปทฏฺาโน’’ติ.

ปวตฺติลกฺขณาติ อนุปฺปพนฺธโต อุปฺปตฺติวเสน ปวตฺตมานรูปานํ ปวตฺตนนฺติ ลกฺขิตพฺพา. อนุปฺปพนฺธนรสาติ ปุพฺพาปรวเสน อนุปฺปพนฺธนกิจฺจา. อสติ หิ อุปฺปาเท ปุพฺพาปรวเสน อนุปฺปพนฺโธ น สิยา. อนุปฺปพนฺธรสตฺตาเยว อนุปจฺเฉทวเสน คเหตพฺพโต อาห ‘‘อนุปจฺเฉทปจฺจุปฏฺานา’’ติ. ปุพฺพาปรวเสน ฆฏิตรูเปสุ อุปลพฺภนโต วุตฺตํ ‘‘อนุปฺปพนฺธรูปปทฏฺานา’’ติ.

๖๙๔. ชีรณนฺติ ชิณฺณภาโว, อภินวภาวหานีติ อตฺโถ.

ปากฏา รูปธมฺเมสุ ขณฺฑิจฺจาทิภาเวน ทนฺตาทีสุ วิการทสฺสนโต, อิตรา ตทภาวโต อปากฏา. กามํ รูปธมฺมานมฺปิ ขณิกชรา ปฏิจฺฉนฺนา เอว, ยา ‘‘อวีจิชรา’’ติ วา วุจฺจติ. อรูปธมฺมานํ ปน ชราย สุฏฺุ ปฏิจฺฉนฺนภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ปากฏา รูปธมฺเมสู’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. ขณฺฑิจฺจาทิวิกาโร ปน ขณิกชราย นตฺถิ. รูปปริปาโก รูปธมฺมานํ ชิณฺณตา, ชรํ ปตฺตสฺส ภงฺโค อวสฺสํภาวีติ วุตฺตํ ‘‘อุปนยนรสา’’ติ, ภงฺคูปนยนกิจฺจาติ อตฺโถ. สภาวานปคเมปีติกกฺขฬตฺตาทิสภาวานปคเมปิ, ิติกฺขเณ หิ ชรา นาม, น จ ตทา ธมฺมสภาวํ วิชหติ. นวภาโว อุปฺปาทาวตฺถา, ตสฺสา อปคมภาเวน คยฺหตีติ อาห ‘‘นวภาวาปคมปจฺจุปฏฺานา’’ติ. วีหิปุราณภาโว วิยาติ วีหิภาวานปคเมปิ อภินวภาวาปคมนกโร วีหิปุราณภาโว วิย. วีหิปุราณภาโว สพฺพาวตฺถานิ อปเนติ, อยํ ปน เกวลํ อุปฺปาทาวตฺถเมว อปเนติ. ปริโต สพฺพโต ภิชฺชนนฺติ ลกฺขิตพฺพาติ ปริเภทลกฺขณา. นิจฺจํ นาม ธุวํ, รูปํ ปน ขณภงฺคิตาย น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, ตสฺส ภาโว อนิจฺจตา. สา ปน ิติปฺปตฺตรูปํ ิติยเมว วินาสนภาเวน สํสีเทนฺตี วิย โหตีติ สํสีทนรสา. ยสฺมา จ สา ภงฺคภาวโต ขยวยากาเรเนว คยฺหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ขยวยภาวปจฺจุปฏฺานา’’ติ. อนุกฺกเมน วินาโส ขโย นาม, ทีปวฏฺฏิกาย สห เตลสฺส วิย สห นิโรโธ วโยติ วทนฺติ.

๖๙๖-๗. สโมธานโตติ ราสิโต. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. มิทฺธรูปสฺส วทนสีลา, มิทฺธวาโท วา เอเตสนฺติ มิทฺธวาทิโน. มิทฺธรูปํ นามาติ อุตุจิตฺตาหารวเสน ติสมุฏฺานํ มิทฺธํ นาม รูปํ. เต ปฏิกฺขิปิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. กถํ ปฏิกฺขิปิตพฺพาติ อาห ‘‘มุนีสี’’ติอาทิ. นตฺถิ นีวรณาติ โสตาปตฺติมคฺเคน วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส, อนาคามิมคฺเคน กามจฺฉนฺทพฺยาปาทกุกฺกุจฺจนีวรณานํ, อรหตฺตมคฺเคน ถินมิทฺธนีวรณานฺจ ปหีนตฺตา. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยทิ มิทฺธํ รูปํ สิยา, อปฺปหาตพฺพํ ภเวยฺย. รูปกฺขนฺโธ อภิฺเยฺโย ปริฺเยฺโย น ปหาตพฺโพ น ภาเวตพฺโพ น สจฺฉิกาตพฺโพ. ‘‘กตเม ธมฺมา เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพา. จตูสุ ภูมีสุ กุสลํ, จตูสุ ภูมีสุ วิปาโก, ตีสุ ภูมีสุ กิริยาพฺยากตํ, รูปฺจ นิพฺพานฺจ, อิเม ธมฺมา เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพา’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๗) วจเนน รูปธมฺมานํ ปหานาภาวโต. เอวฺจ สติ ตสฺส นีวรณภาโว วิรุชฺเฌยฺย นีวรณานํ ปหาตพฺพตฺตา. น หิ นีวรณานํ อปฺปหาตพฺพตฺเต –

‘‘ยา เม กงฺขา ปุเร อาสิ, ตํ เม อกฺขาสิ จกฺขุมา;

อทฺธา มุนีสิ สมฺพุทฺโธ, นตฺถิ นีวรณา ตวา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๔๖) –

นีวรณปฺปหาเนน ภควโต โถมนํ ยุชฺเชยฺย. ยทิ สิยา, ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถาติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๒๔๗; สํ. นิ. ๓.๓๓-๓๔) รูปสฺส ปหาตพฺพตาปิ ปฺายตีติ? ตํ น, ตพฺพิสยฉนฺทราคปฺปหานสฺส ตตฺถ อธิปฺเปตตฺตา. เตนาห ภควา ‘‘โย, ภิกฺขเว, รูเป ฉนฺทราควินโย, ตํ ตตฺถ ปหาน’’นฺติ. น จ ปเนตํ น สกฺกา วตฺตุํ เอตฺถาปิ ‘‘ตพฺพิสยฉนฺทราคปฺปหานวเสเนว วุตฺต’’นฺติ สาธกวจนภาวโต, กามจฺฉนฺทาทีนํ ตตฺถ ปหานสฺส อนธิปฺเปตตฺตา จ, ตสฺมา ‘‘นตฺถิ นีวรณา ตวา’’ติอาทิวจเนหิ วิรุชฺฌนโต น มิทฺธํ รูปนฺติ.

ยทิ ปน ปโร ทฬฺหมูฬฺหคฺคาหิตาย ตํวิสยฉนฺทราคปฺปหานวเสเนว นีวรณปฺปหานํ อธิปฺเปตนฺติ สกวาทํ โอฑฺเฑยฺย, ตสฺส ตนฺนิเสธนตฺถํ ปุน ถินมิทฺธนีวรณสฺส อวิชฺชานีวรเณน สห สมฺปโยควจนฺจ อาหรนฺโต อาห ‘‘ถินมิทฺธนีวรณ’’นฺติอาทิ. ถินมิทฺธนีวรณฺเจว อวิชฺชานีวรณฺจ นีวรเณน สมฺปยุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค’’ติ (ธาตุ. ๓) วจนโต อรูปธมฺมานเมว อฺมฺสฺส สมฺปโยโค ลพฺภติ, น รูปธมฺมานํ อฺมฺํ อรูเปน วา, ตสฺมา ยทิ มิทฺธํ รูปํ สิยา, น ตํ สมฺปโยควจนมรหตีติ. อถ สิยา – ยถาลาภวจนเมตฺถ สกฺกา วิฺาตุํ, ‘‘สกฺขรกถลมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๔๙) วิย. ยถา หิ ‘‘สกฺขรกถลิกํ มจฺฉคุมฺพมฺปิ จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปี’’ติอาทีสุ สกฺขรกถลิกสฺส จรณาโยคโต มจฺฉคุมฺพาเปกฺขาย จรณํ, อุภยาเปกฺขาย านนฺติ เอวํ ยถาลาโภ โยชียติ, เอวมิธาปิ ถินาเปกฺขาย สมฺปโยควจนํ, อุภยาเปกฺขาย นีวรณวจนนฺติ? ตมฺปิ น, รูปภาวสฺเสว อสิทฺธตฺตา. สิทฺเธ หิ รูปภาเว อสมฺภวโต ยถาลาภโยชนา ยุชฺเชยฺยาติ. เอตฺตเกเนว มิทฺธสฺส อรูปภาเว สิทฺเธปิ ยถา ทฺวิกฺขตฺตุํ พนฺธํ สุพนฺธํ โหติ, เอวมเนกสุตฺตสาธิตํ อปฺปธํสิยํ โหตีติ ปฏฺานปฺปกรเณ ‘‘นีวรณํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ…เป… ปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๓.๘.๘) อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘อรูเป…เป… อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๓.๘.๘) วุตฺตํ อรูปภวุปฺปตฺติมฺปิ อาหรนฺโต อาห ‘‘มหาปกรณปฏฺาเน’’ติอาทิ. ฌานนิกนฺติอาทีนมฺปิ ธมฺมโต โลภาทิภาวโต กามจฺฉนฺทนีวรณาทีหิ อภินฺนตฺตา วุตฺตํ ‘‘กามจฺฉนฺทนีวรณ’’นฺติอาทิ.

เอตฺถ สิยา – ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาวรณา นีวรณา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๕๑) ถินมิทฺธสฺส นีวรณภาเวน เอกโต อาคตตฺตา อิธาปิ ‘‘ถินมิทฺธนีวรณ’’นฺติ เอกโต วุตฺตํ, ถินเมว จ ปน อรูปภเว อุปฺปชฺชติ ถินมิทฺธนฺติ? ตยิทมสารํ, กุกฺกุจฺจสฺส น คหิตตฺตา. ยทิ หิ เอกโต คหิตมตฺเตเนว อิธาปิ เอกโต คหณํ สิยา, กุกฺกุจฺจสฺสปิ ตตฺถ เอกโต วุตฺตสฺส อิธ คหณํ สมฺภเวยฺย, น จ ปเนวํ อตฺถิ อุทฺธจฺจนีวรณนฺตฺเวว วุตฺตตฺตา, ตสฺมา น ตสฺส อรูปภวุปฺปตฺตึ สกฺกา ปฏิพาหิตุนฺติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘เกวโล หายํ, ภิกฺขเว, อกุสลราสิ, ยทิทํ ปฺจ นีวรณา (อ. นิ. ๕.๕๒), อิเม ปฺจ นีวรเณ ปหาย, วิคตถินมิทฺโธติ ตสฺส ถินมิทฺธสฺส จตฺตตฺตา วนฺตตฺตา มุตฺตตฺตา ปหีนตฺตา ปฏินิสฺสฏฺตฺตา, เตน วุจฺจติ วิคตถินมิทฺโธติ, อิทํ จิตฺตํ อิมมฺหา ถินมิทฺธมฺหา โสเธติ วิโสเธติ ปริโสเธติ โมเจติ วิโมเจติ ปริโมเจติ วา’’ติ (วิภ. ๕๕๑) เอวมาทึ ปาฬึ สงฺคณฺหาติ.

ยทิปิ สิยา ทุวิธํ มิทฺธํ รูปํ, อรูปฺจ. ตตฺถ ยํ อรูปํ, ตํ นีวรเณสุ เทสิตํ, น รูปนฺติ? ตมฺปิ น, วิเสสวจนาภาวโต. น หิ วิเสเสตฺวา มิทฺธํ นีวรเณสุ เทสิตํ ‘‘ยทปิ, ภิกฺขเว, ถินํ, ตทปิ นีวรณํ, ยทปิ มิทฺธํ, ตทปิ นีวรณํ, ถินมิทฺธํ นีวรณนฺติ อิติ หิทํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา, ตสฺมา มิทฺธสฺส ทุวิธตํ ปริกปฺเปตฺวาปิ น สกฺกา นีวรณภาวํ นิวตฺเตตุํ. สกฺกา หิ วตฺตุํ ยํ ตํ อรูปโต อฺํ มิทฺธํ ปริกปฺปิตํ, ตมฺปิ นีวรณํ มิทฺธสภาวตฺตา อิตรํ นีวรณํ วิยาติ. ยทิ มิทฺธสฺส รูปภาวํ น สมฺปฏิจฺฉถ, กถํ ภควโต นิทฺทา โหติ, นนุ มิทฺธสฺส ‘‘นิทฺทา ปจลายิกา’’ติอาทินา วิภงฺเค วุตฺตตฺตา นิทฺทาภาโว สิทฺโธติ? นยิทเมวํ, อิตฺถิลิงฺคาทีสุ วิย นิทฺทาเหตุโน มิทฺธสฺส นิทฺทาภาเวน วิภตฺตตฺตา. เอวมฺปิ นิทฺทาเหตุโน มิทฺธสฺส อภาวโต กถํ ภควโต นิทฺทาติ เจ? สา ภควโต นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ อคฺคิเวสฺสน…เป… ทิวา สุปิตา’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๑.๓๘๗) น นิทฺทา ภควโต มิทฺเธน, อถ โข สรีรเคลฺเน, ตฺจ ภควโต นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปิฏฺิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๒; สํ. นิ. ๔.๒๔๓) วจนโต. น เจตฺถ เอวมวธารณํ ทฏฺพฺพํ ‘‘มิทฺธเมว นิทฺทาเหตู’’ติ, ตสฺมา อฺโปิ อตฺถิ นิทฺทาเหตุ. โก ปน โสติ? สรีรเคลฺํ, ตสฺมา น ภควโต นิทฺทา มิทฺธเหตุกาติ ทฏฺพฺพํ.

๖๙๘. วิสุํ วิสุํ อภาวํ ทสฺเสตฺวาติ วาโยธาตุอาทิโต วิสุํ วิสุํ นตฺถิภาวํ ทสฺเสตฺวา. กถํ ปน โส ทสฺสิตพฺโพติ อาห ‘‘วาโยธาตุยา’’ติอาทิ. ตตฺถ กายพลํ นาม อตฺถโต วาโยธาตุยา ปวตฺติอาการวิเสโส ตสฺสา วิปฺผารภาวโต. ยโต พาลานํ พลนฺติ วทนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘วาโยธาตุยา คหิตาย พลรูปํ คหิตเมวา’’ติ. สมฺภโว กามธาตุยํ เอกจฺจสตฺตานํ อินฺทฺริยปริปากปจฺจโย อาโปธาตุยา ปวตฺติอาการวิเสโสติ อาห ‘‘อาโปธาตุยา สมฺภวรูป’’นฺติ. คหิตาย คหิตเมวาติ สมฺพนฺโธ. อุปจยสนฺตติวินิมุตฺโต รูปุปฺปาโท นตฺถิ, อุปฺปาทาวตฺถาย จ อฺา ชาติ นาม นตฺเถวาติ วุตฺตํ ‘‘อุปจยสนฺตตีหิ ชาติรูป’’นฺติ. กมฺมสมุฏฺานสฺสปิ โรคสฺส วิสภาคปจฺจยสมุปฺปนฺโน ธาตุกฺโขโภ อาสนฺนการณํ, ปเคว อิตรสฺส. โส อตฺถโต รูปธมฺมานํ ปากาวตฺถา ิติภงฺคกฺขเณสุ เอว สิยาติ วุตฺตํ ‘‘ชรตาอนิจฺจตาทีหิ โรครูปํ คหิต’’นฺติ.

๖๙๙-๗๐๔. รูปานิ สมุฏฺหนฺติ ชายนฺติ เอเตหีติ รูปสมุฏฺานานิ. กานิ ปน ตานีติ อาห ‘‘อุตุจิตฺตาหารกมฺมานี’’ติ.

อาหาโร รูปเหตุโยติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปกฺขิปิตพฺโพ, กมฺมํ, อุตุ จ จิตฺตฺจ อาหาโรติ อิเม รูปเหตุโยติ. รูปเหตุโยติ จ รูปสฺส ชนกปจฺจยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เอเตเหวา’’ติอาทิ. เอกเมกํเยว สมุฏฺานํ เอเตสนฺติ เอกสมุฏฺานา. นนุ เอกโต เอว ปจฺจยโต ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปฺปตฺติ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, รูปชนกปจฺจเยสุ เอกโตติ อยเมตฺถ อภิสนฺธิ. อฏฺินฺทฺริยานีติ จกฺขาทีนิ ปฺจ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยทฺวยํ, ชีวิตฺจาติ อฏฺินฺทฺริยานิ. กายวจีวิฺตฺติวเสน วิฺตฺติทฺวยํ.

ทฺวีหีติ โกจิ จิตฺเตน, โกจิ อุตุนา จาติ เอวํ ทฺวีหิ. น หิ เอกสฺเสว ทฺเว เอกกฺขเณ ปจฺจยา โหนฺติ. เอวํ เสเสสุปิ. อุตุอาหาร…เป… กตนฺติ เอเกกํ อุตุนา, อาหาเรน, จิตฺเตน จาติ ตีหิ กตํ. จตสฺโส จาปิ ธาตุโยติ จตฺตาริ มหาภูตานิ. ตานิ หิ นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน ธาตูติ วุจฺจนฺติ. กมฺมาทีหิ จตูหิ ภวนฺตีติ จตุพฺภวา. ทฺเวติ ชรตา อนิจฺจตา.

๗๐๕-๖. อิทานิ มิสฺสกสมุฏฺานานิปิ คเหตฺวา ตํตํปจฺจยชาตานํ คณนปริจฺเฉทํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺเมนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อฏฺินฺทฺริยานิ วตฺถุ สุทฺธฏฺกํ สนฺตตฺยูปจยากาสาติ วีสติ กมฺมชา. วิฺตฺติทฺวยํ สทฺโท ลหุตาทิตฺตยํ สุทฺธฏฺกาทโย เอกาทสาติ สตฺตรส เจตสา ชายเร, จิตฺตชาติ อตฺโถ. สทฺโท ลหุตาทิตฺตยํ สุทฺธฏฺกาทโย เอกาทสาติ ทสปฺเจว ปนฺนรส อุตุนา ชายเร. ลหุตาทิตฺตยํ สุทฺธฏฺกาทโย เอกาทสาติ จุทฺทส อาหารโต. ชรตาอนิจฺจตาหิ เต อฏฺสฏฺิ จ โหนฺเตวาติ สมฺพนฺโธ.

๗๐๗-๘. ‘‘ชรตา…เป… สมุฏฺิตา’’ติ วตฺวา ปุน ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชาตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ชาตสฺส ปากเภทตฺตาติ ชรตาย ชาตธมฺมสฺส ปากตฺตา, อนิจฺจตาย จ เภทตฺตาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ชรตาอนิจฺจตา นาม อุปฺปนฺนธมฺมสฺส โหนฺติ, โน อุปฺปชฺชมานสฺส. ยทิ หิ อุปฺปชฺชมานสฺส สิยุํ, ตทา ตาสมฺปิ ชายมานตฺตปริยาโย ยุชฺเชยฺย. อุปฺปนฺนธมฺมสฺส ปน ชาติโต ปรํ อิมาสํ สมฺภวโต น ชายนฺตีติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ. ยทิ ปน โกจิ เตสมฺปิ ชาตภาเว โก วิโรโธติ ปฏิปชฺเชยฺย, ตสฺส ตํ ทุคฺคาหํ วิธเมนฺโต อาห ‘‘ชาเยยฺยุ’’นฺติอาทิ. โหนฺตุ นาม เตสมฺปิ ปากเภทา, ตทาปิ โก วิโรโธติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ปาโก น ปริปจฺจตีติ สมฺพนฺโธ, เอเตน น ภิชฺชตีติ ทีปิตํ โหติ. ปกฺกสฺส หิ ภงฺโค นิยโต. เภโท วา น จ ภิชฺชตีติ เอตฺถาปิ ปากภาโวปิ วุตฺโตว. น หิ อปกฺกํ ภิชฺชตีติ, อฺถา อุปฺปาทภงฺคานํ อนฺตฺตปฺปสงฺคโต. นตฺถิ ตนฺติ ปากเภทานํ ปจฺจนํ ภิชฺชนํ นตฺถีติ วุตฺตเมวตฺถํ สงฺขิปิตฺวา อาห.

เอตฺตาวตา จ กึ วุตฺตํ โหติ? ยทิ ชรตาอนิจฺจตา เกนจิ ปจฺจเยน ชาเยยฺยุํ, ตทา อุปฺปนฺนสฺส นาม ชราย, ภงฺเคน จ ภวิตพฺพนฺติ เตสํ ชรตาอนิจฺจตาปิ สิยุํ, น จ ปเนตา อุปลพฺภนฺติ. กสฺมา? ยสฺมา น ชรตา อฺชราย ชีรติ, ภิชฺชติ วา, น จ ภงฺโค อฺเน ภงฺเคน ภิชฺชติ, ชีรติ วา, อิตรถา สาปิ ชรา อปราย ชราย, ภงฺเคน จ ชีรติ, ภิชฺชติ, โส จ ภงฺโค อฺาย ชราย, อฺเน ภงฺเคน ชีรติ, ภิชฺชตีติ อนวฏฺานปฺปสงฺคโตติ วุตฺตํ โหติ.

๗๐๙-๑๐. ‘‘ชาตสฺสา’’ติอาทิ นิคมนํ. อถ วา อุตฺตริ วตฺตพฺพโจทนาย ผลปนํ. ‘‘สิยา กตฺถจี’’ติอาทิ ปรมตาสงฺกนํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ‘‘ชรตาอนิจฺจตาทฺวยํ น ปจฺจติ, น ภิชฺชติ วา’’ติ อธิกาเร. รูปสฺสูปจโยตีติ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน ‘‘รูปสฺส อุปจโย สนฺตตี’’ติ วจเนนาติ อตฺโถ. เอวํ ปาโกปิ ปจฺจตุ, เภโทปิ ปริภิชฺชตูติ สมฺพนฺโธ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา กมฺมาทีหิ อุปฺปชฺชนกรูปนิทฺเทเส ‘‘กตมํ ตํ รูปํ อุปาทินฺนํ? จกฺขายตนํ…เป… กายายตนํ อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริยํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ อตฺถิ รูปํ กมฺมสฺส กตตฺตา รูปายตนํ…เป… โผฏฺพฺพายตนํ อากาสธาตุ รูปสฺส อุปจโย รูปสฺส สนฺตติ กพฬีกาโร อาหาโร’’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๕๒) อุปจยสนฺตตีนํ นิทฺทิฏฺตฺตา ชาติ ชายตีติ ทีปิตํ โหติ ตสฺสา อปรชาติยา อภาเวปิ. เอวํ ชราภงฺคานํ อปรชราภงฺคาภาเวปิ ชีรณํ, ภิชฺชนฺจ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อิตรถา ชาติยาปิ เภทนา ตทวตฺถาเยวาติ.

๗๑๑. ‘‘น เจวา’’ติอาทิ ยถาสงฺกิตปรมตสฺส ปฏิกฺขิปนํ. ยทิ ชายตีติ น วิฺาตพฺพํ, เอวฺจ สติ นิทฺเทเส กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ชายมานสฺสา’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อสติปิ ชาติยา ชายมานตฺเต ชายมานานํ ธมฺมานํ อภินิพฺพตฺติภาวโต ตสฺสา ตปฺปจฺจยภาวโวหาโร อนุมโตติ ตตฺถ วุตฺตา, น ปน ปรมตฺถโต ชายมานตฺตา. ชายมานสฺส หิ อภินิพฺพตฺติมตฺตํ ชาติ, ตสฺมา อสิทฺเธน อสิทฺธสาธนเมตนฺติ.

๗๑๒-๗. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา ปุนปิ ปรมตาสงฺกํ กตฺวา ปฏิกฺขิปติ. ตตฺถ เยสํ ธมฺมานํ ยา ชาติ, สา ตปฺปจฺจยตฺตโวหารํ, อภินิพฺพตฺติสมฺมุติฺจ ลภเตวาติ สมฺพนฺโธ. ตถาติ ยถา ลภเตว, ตถา. ยํตํ-สทฺทา หิ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธา. เตสํ ธมฺมานํ ปจฺจยา เอติสฺสาติ ตปฺปจฺจยา, ตสฺสา ภาโว ตปฺปจฺจยตฺตํ, ตปฺปจฺจยตฺเตน ปวตฺโต โวหาโร ตปฺปจฺจยตฺตโวหาโร, ตํ กมฺมปจฺจยภาวาทิโวหารนฺติ อตฺโถ. อภินิพฺพตฺติสมฺมุตินฺติ อภินิพฺพตฺตติ ชายตีติ เอวํ อภินิพฺพตฺติวเสน ปวตฺตสมฺมุตึ. กมฺมาทิสมฺภวนฺติ กมฺมาทิจตุปจฺจยสมุฏฺานํ. ชนกานํ ปจฺจยานํ อานุภาวกฺขณุปฺปาเท อภาวโตติ สมฺพนฺโธ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – เย เต รูปานํ ชนกปจฺจยา, เตสํ ตทุปฺปาทนํ ปติ อนุปรตพฺยาปารานํ โย โส ปจฺจยูปลกฺขณิโย กิจฺจานุภาวกฺขโณ, ตทา ชายมานานํ ธมฺมานํ วิการภาเวน ลพฺภมานตํ สนฺธาย วิเนยฺยปุคฺคลวเสน ชาติยา ปจฺจยโต ชาตตฺตํ อนุฺาตํ ตโต ปุเร, ปจฺฉา จ อนุปลพฺภมานตฺตา, เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ชาติยา ปน ลพฺภตี’’ติ. ชราภงฺคานํ ปน ปจฺจยานุภาวกฺขณโต อุตฺตริ ิติภงฺคกฺขเณสุ ลพฺภมานตฺตา น เอวํ อนุฺาตุํ สกฺกาติ, ชาติยา ปน ลพฺภติ โส โวหาโรติ อธิปฺปาโย. ตปฺปจฺจยตฺตโวหารนฺติอาทิคาถาทฺวยํ นิคมนวเสน วุตฺตํ.

๗๑๘-๙. อถ กึ อิมาย คีวากณฺฑูยาย, นนุ วุตฺตํ ภควตา สุตฺตนฺเต ‘‘ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๐), ตสฺมา กถเมตํ วุจฺจติ, ชรตา อนิจฺจตา เจว น เกหิจิ สมุฏฺิตาติ โย วเทยฺย, ตสฺส วิตกฺกํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปิตุํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. กสฺมา น วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘สา หิ ปริยายเทสนา’’ติ. ปริยายเทสนตฺตเมว วิภาเวตุํ ‘‘อนิจฺจาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตถา-สทฺเทน ‘‘สงฺขตาน’’นฺติ สงฺคณฺหาติ.

๗๒๐-๓. อนิจฺจํ สงฺขตฺจาติ จ-สทฺเทน ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ สงฺคณฺหาติ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อนิจฺจสงฺขตธมฺมานํ ชรามรณตฺตา เตสุ สนฺเตสุ โหติ, อสนฺเตสุ น โหติ. น หิ อชาตํ ปริปจฺจติ, ภิชฺชติ วา, ตสฺมา ตํ ชาติปจฺจยตํ สนฺธาย ‘‘ชรามรณํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ, ตโตเยว จ อนิจฺจ’’นฺติ ปริยาเยน สุตฺเต อาคตํ. ยถา วิฺตฺติอาทีนํ นิปฺปริยายโต จิตฺตสมุฏฺานตาภาเวปิ จิตฺตชานํ วิการตฺตา จิตฺตสมุฏฺานภาโวติ. วิฺตฺติโย วิยาติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ ลหุตาทีนมฺปิ จิตฺตชาทิภาวสฺส ปริยาเยเนว อิจฺฉิตตฺตา. นิปฺปริยาเยน อฏฺารเสว นิปฺผนฺนรูปานิ กมฺมาทิสมุฏฺานานีติ. ตยนฺติ ชาติชราภงฺคสงฺขาตานํ ลกฺขณรูปตฺตยํ.

ขํปุปฺผํวาติ อากาสกุสุมํ วิย. ยถา อากาสกุสุมํ สพฺพโส อชาตตฺตา นตฺถิ, เอวมิทมฺปิ นตฺถีติ อตฺโถ. นิจฺจํ วาสงฺขตํ วิยาติ ยถา อสงฺขตํ นิพฺพานํ เกนจิ อสงฺขตตฺตา นิจฺจํ ธุวํ, เอวมิทมฺปิ เกนจิ อสงฺขตตฺตา นิจฺจํ สสฺสตํ วาติ อตฺโถ. โนภยํ ปนิทนฺติ อิทํ ปน อุภยมฺปิ ขํปุปฺผํ วิย โน นตฺถิ, น จ นิพฺพานํ วิย อสงฺขตํ วาติ อตฺโถ. นิสฺสยายตฺตวุตฺติโตติ ชายมานปริปจฺจมานภิชฺชมานานํ ชาติอาทิมตฺตภาเวน ชายมานาทินิสฺสยปฏิพทฺธวุตฺติตฺตา. ตเมว นิสฺสยายตฺตวุตฺติตํ สมตฺเถตุํ ‘‘ภาเว ปถวิยาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ปถวีอาทีนํ นิสฺสยานํ ภาเว ชาติอาทิตฺตยํ ปฺายติ, ตสฺมา โน นตฺถิ, ยสฺมา จ เตสํ อภาเว น ปฺายติ, ตสฺมา น นิจฺจนฺติ อิมเมว จ อภินิเวสํ นิเสเธตุํ ภควตา ชาติยา จตุชตฺตํ, ชรามรณสฺส จ อนิจฺจาทิปริยาโย วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ.

๗๒๔-๕. นิปฺผนฺนานิ นามาติ ‘‘รูปสฺส ปริจฺเฉโท, รูปสฺส วิกาโร, รูปสฺส ลกฺขณ’’นฺติอาทินา ปริจฺเฉทาทิภาวํ อติกฺกมิตฺวา อตฺตโน กกฺขฬตฺตาทินา สภาเวน ปริจฺฉิชฺช คเหตพฺพตฺตา, อปริยาเยเนว กมฺมาทิปจฺจเยหิ นิปฺผนฺนตฺตา วา นิปฺผนฺนานิ นาม. ตพฺพิปรีตโต อนิปฺผนฺนา.

เสสกา อนิปฺผนฺนาติ สุตฺวา ปโร อนิฏฺํ อาปาเทนฺโต อาห ‘‘ยทิ โหนฺตี’’ติอาทิ. ‘‘เตสเมวา’’ติอาทินา ปน ตํ ปฏิกฺขิปติ. กายวิกาโร กายวิฺตฺติ นาม, วจีวิกาโร วจีวิฺตฺติ นาม, ฉิทฺทํ วิวรํ อากาสธาตุ นาม, ลหุภาโว ลหุตา นาม, มุทุภาโว มุทุตา นาม, กมฺมฺภาโว กมฺมฺตา นาม, นิพฺพตฺติ อุปจโย นาม, ปวตฺติ สนฺตติ นาม, ชีรณากาโร ชรตา นาม, หุตฺวา อภาวากาโร อนิจฺจตา นามาติ เอวํ เตสํเยว อฏฺารสนฺนํ นิปฺผนฺนรูปานํ วิการภูตตฺตา นิปฺผนฺนา เจว สงฺขตา จ, เตสํเยว จ รูปานํ วิการตฺตา เต อสงฺขตา นาม กถํ ภเวยฺยุํ, นิปฺผนฺนา เจว สงฺขตาติ สมฺพนฺธํ กตฺวา ยทิ อนิปฺผนฺนรูปานํ นิสฺสยภูตา นิปฺผนฺนรูปา สงฺขตา, เตสํ ปน วิการภูตา กถํ อสงฺขตา นาม โหนฺตีติ อตฺถํ วณฺเณนฺติ. เตสํ อธิปฺปาเยน นิปฺผนฺนา เจวาติ ว-กาโร อาคมสิทฺโธติ ทฏฺพฺพํ.

๗๒๖-๗. อิตฺถิภาโว…เป… วณฺณิตาติ ผลปนํ. ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติอาทิ โจทนา. ‘‘อฺํ ปนา’’ติอาทิ ปริหาโร. ตตฺถ จกฺขุกายปสาทานํ, เอกตฺตํ อุปปชฺชตีติ จกฺขุปสาเท กายปสาทภาวสฺส, กายปสาเท จกฺขุปสาทภาวสฺส สพฺภาวโต ปุริมสฺส โผฏฺพฺพาวภาสนํ, อิตรสฺส จ รูปาวภาสนํ โหตีติ จกฺขุกายปสาทานํ เอกีภาโว ภเวยฺยาติ อตฺโถ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ. โสตกายปสาทาทีนมฺปิ หิ วุตฺตนเยน เอกตฺตํเยวาติ.

๗๒๘-๓๐. อฺํ ปน อฺสฺมึ น จตฺถีติ เปตฺวา อฺมฺาวินิพฺโภควเสน ปวตฺตึ อฺํ รูปํ อฺสฺมึ รูเป ปรมตฺถโต เนวตฺถิ ภินฺนนิสฺสยภาเวน กลาปนฺตรคตตฺตา. จกฺขุปสาโท หิ ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺิตภูตนิสฺสิโต, กายปสาโท ผุสิตุกามตานิทานกมฺมชภูตนิสฺสิโต. อสงฺกรนฺติ อสํกิณฺณํ. ยทิ เอวํ, น สพฺพตฺถ กายายตนาทิกนฺติ? ตมฺปิ นตฺถิ ปรมตฺถโต. วินิพฺภุชิตฺวา หิ เนสํ นานากรณํ ปฺาเปตุํ น สกฺกา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฺมฺาวินิพฺโภควเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺมฺา…เป… ปวตฺติโตติ อฺมฺํ สนฺตานโต อวินิพฺภุชฺชนวเสน อวิสํสฏฺวเสน ปวตฺตนโต. อวินิพฺโภครูปวเสนาติ ปน อตฺโถ น โหติ. น หิ จกฺขุกายปสาทานํ เอกกลาปคตอวินิพฺโภครูปา านนฺตรํ วตฺตุํ สกฺกาติ. ยถา รูปรสาทีนํ วิเวเจตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อฺมฺพฺยาปิตา วุจฺจติ, น จ ปรมตฺถโต รูเป รโส อตฺถิ. ยทิ สิยา, รูปคฺคหเณเนว รสคฺคหณํ คจฺเฉยฺย. เอวํ กายายตนาทีนมฺปิ ปรมตฺถโต น สพฺพตฺถ อตฺถิตา, ‘‘อิทํ เอตฺถ, อิทํ เอตฺถา’’ติ านนฺตรํ ปน สมยฺุนา เกนจิ น สกฺกา วตฺตุนฺติ. อตฺถิ กายปสาโทตีติ อิติสทฺโท ‘‘ตสฺมา’’ติ อิมสฺส อตฺเถ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติ. เอวมุทีริตนฺติ สพฺพฏฺานิกนฺติ เอวมุทีริตํ.

๗๓๑-๒. ลกฺขณาทิวเสนาปีติ ยถาวุตฺตลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานวเสนาปิ. ธชานํ …เป… คตาติ ปฺจวณฺณานํ นีลาทิปฺจวณฺณสุตฺตมยานํ เอกเมกสฺส วา เอเกกวณฺณวเสน ธชานํ ฉายา เตสํ อุปมตํ อุปมาภาวํ คตา สมฺปตฺตาติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘ฉายา อุปมา เอเตสนฺติ ฉายาอุปมา, ฉายาอุปมานํ ภาโว ฉายาอุปมตา, ตํ คตา เอเต ธมฺมา’’ติ วทนฺติ. ตํ ปน เตหิ ‘‘ฉายาอุปมตํ คตา’’ติ เอตฺถ พหุพฺพีหิวเสเนว รสฺสตฺตนฺติ มฺมาเนหิ วุตฺตํ ภเวยฺย. คาถาพนฺธตฺถํ ปน รสฺสตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘จตุตฺถทู’’ติอาทีสุ หิ วิภตฺติโลปมฺปิ กตฺวา ทสฺเสนฺโต อาจริโย น อีทิเสสุ าเนสุ พฺยฺชเน อาทรํ ชเนติ. ยํ ปน ‘‘เตส’’นฺติ เหฏฺาปทํ, ‘‘ธมฺมาน’’นฺติ อุปริปทํ วา สมฺพนฺธิตุํ อนิจฺฉนฺเตหิ วุจฺจติ ตตฺถ ‘‘นานตฺตํ สมุปาคต’’นฺติ. ตํ เอตฺถ อกามาปิ สมฺพนฺธิตพฺพเมว. น หิ นานตฺตํ สมุปาคตํ เตสนฺติ นาเปกฺขตีติ. อถาปิ ตตฺถ ‘‘นานตฺตํ สมุปาคตา’’ติ ปาํ ปริกปฺเปยฺยุํ, โหตุ ตาว โปตฺถเกสุ อทิสฺสมานมฺปิ ปาํ ปริกปฺเปตฺวา เตสํ ตุฏฺิ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา ปฺจวณฺณานํ ธชานํ เอกโต กตฺวา อุสฺสาปิตานํ กิฺจาปิ ฉายา เอกาพทฺธา วิย โหติ, อฺมฺํ ปน อสมฺมิสฺสาว, เอวเมว อิเม สพฺพฏฺานิกรูปา กิฺจาปิ เอกาพทฺธา วิย โหนฺติ, ลกฺขณโต ปน อฺมฺํ ภินฺนสภาวา อสมฺมิสฺสาเยว. เอกกลาปฏฺาปิ หิ ลกฺขณโต ภินฺนสภาวา, กึ ปน นานากลาปฏฺาติ.

๗๓๓. อตฺตโน ปจฺจเยหิ โลเก นิยุตฺตํ, วิทิตนฺติ วา โลกิกํ, ตสฺส ภาโว โลกิกตฺตํ. หิโนติ ปติฏฺหติ สมฺปยุตฺตธมฺมราสิ เอเตนาติ เหตุ, มูลฏฺเน อุปการโก โลภาทิโก จ อโลภาทิโก จ, ตาทิโส เหตุ น โหตีติ นเหตุ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ สงฺขตํ อภิสงฺขตนฺติ สงฺขตํ. อาภวคฺคา, อาโคตฺรภุ วา สวนฺตีติ อาสวา, สห อาสเวหีติ สาสวํ, อาสเวหิ อาลมฺพิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปจฺจยายตฺตวุตฺติโตติ อตฺตโน อตฺตโน ปจฺจยาธีนปฺปวตฺติตาย สปฺปจฺจยตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. นิทสฺสนมตฺตเมตํ. กามาวจรตฺตา อเหตุกตฺตา เหตุวิปฺปยุตฺตตฺตา สํโยชนิยตฺตา คนฺถนิยตฺตา อุปาทานิยตฺตา โอฆนิยตฺตา โยคนิยตฺตา นีวรณิยตฺตา สํกิเลสิกตฺตา ปรามฏฺตฺตา อเจตสิกตฺตา จิตฺตวิปฺปยุตฺตตฺตา น รูปาวจรตฺตา น อรูปาวจรตฺตา น อปริยาปนฺนตฺตา อนิยฺยานิกตฺตา อนิจฺจตฺตาติ เอวมาทินาปิ การเณน เอกวิธเมวาติ.

๗๓๔-๘. เอวํ เอกวิธนยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิตทุวิธตาทินยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อชฺฌตฺติกพหิทฺธา’’ติอาทินา อชฺฌตฺติกทุกาทโย อารทฺธา. ตตฺถ อชฺฌตฺติกทุเก ตาว อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโว, ตํ อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺตา, อินฺทฺริยพทฺธธมฺมา, เตสุ ภวานิ, อตฺตนิ วา ภวานิ อชฺฌตฺติกานิ. กามํ อฺเปิ อชฺฌตฺตสมฺภูตา อตฺถิ, รุฬฺหีวเสน ปน จกฺขาทีเนว ‘‘อชฺฌตฺติกานี’’ติ วุจฺจนฺติ. อถ วา ‘‘ยทิ มยํ น โหม, ตฺวํ กฏฺกลิงฺครูปโม ภวิสฺสสี’’ติ วทนฺตา วิย อตฺตภาวสฺส สาติสยํ อุปการกานีติ ตาเนว วิเสสโต อชฺฌตฺติกนามํ ลภนฺติ. อินฺทฺริยานินฺทฺริยาติ อาธิปจฺจฏฺเน อินฺทฺริยานิ, เสสํ ตทภาวโต อนินฺทฺริยํ. ตตฺถ จกฺขาทีนํ ปฺจนฺนํ จกฺขุวิฺาณาทีสุ อธิปเตยฺยํ เตสํ ปฏุมนฺทภาวาทิอนุวตฺตนโต, อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยทฺวยสฺส อิตฺถิลิงฺคาทิเหตุภาเว, ชีวิตินฺทฺริยสฺส จ สหชรูปานุปาลเนติ ทฏฺพฺพํ. วิสยวิสยีภาวโต ฆฏฺฏนวเสน คเหตพฺพตฺตา โอฬาริกํ, ตพฺพิปรีตตฺตา สุขุมํ. อุปาทินฺนนฺติ กมฺมุนา คหิตํ. กมฺมนิพฺพตฺตฺหิ ‘‘มเมตํ ผล’’นฺติ เตน กมฺมุนา คหิตํ วิย โหติ.

เอกาทส…เป… สปฺปฏิฆนฺติ จกฺขุวิฺาณาวิฺเยฺยตฺตา สนิทสฺสนตฺตาภาวโต อนิทสฺสนํ, อฺมฺํ ปตนวเสน ปน ปฏิฆสพฺภาวโต สปฺปฏิฆํ, อุภยปฏิกฺเขเปน อนิทสฺสนอปฺปฏิฆํ. กมฺมโต ชาตนฺติ เอตฺถ ยํ เอกนฺตโต กมฺมสมุฏฺานํ อฏฺินฺทฺริยานิ, วตฺถุ จาติ นววิธํ รูปํ. ยฺจ เอกาทสวิเธ จตุสมุฏฺาเน กมฺมสมุฏฺานํ เอกาทสวิธเมว รูปนฺติ เอวํ วีสติวิธมฺปิ กมฺมโต อุปฺปชฺชนโต กมฺมชํ. ยฺหิ ชาตํ, ยฺจ ชายติ, ยฺจ ชายิสฺสติ, ตํ สพฺพมฺปิ ‘‘กมฺมช’’นฺติ วุจฺจติ ยถา ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ. กมฺมโต อฺํ อกมฺมํ, อกมฺมโต ชาตํ อกมฺมชํ. อฺตฺเถ หิ อยํ -กาโร. เตนาห ‘‘ตทฺปจฺจยาชาต’’นฺติ. กมฺมโต อฺปจฺจยโต ชาตํ, อุตุจิตฺตาหารชนฺติ อตฺโถ. จิตฺตชตฺติกาทีนิ วุตฺตานุสาเรน โยเชตุํ สกฺกาติ น ทสฺสิตานิ.

ทิฏฺจตุกฺเก ทฏฺพฺพนฺติ ทิฏฺํ. ยํ รูปายตนํ อทกฺขิ, ยฺจ ทกฺขิสฺสติ, ยฺจ ทกฺขติ, ยฺจ ปสฺเสยฺย, ตํ สพฺพํ ทิฏฺํ นาม ตํสภาวานติวตฺตนโต ยถา ‘‘อิฏฺ’’นฺติ. เอส นโย สุตาทีสุปิ. ทิฏฺํ นาม รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา. สุตํ นาม สทฺทายตนํ โสตวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา. มุตํ นาม คนฺธรสโผฏฺพฺพายตนตฺตยํ มุตฺวา ปตฺวา คเหตพฺพโต, ปสาเทน สห สมฺพนฺธนโต วา. ตถา เหตํ สมฺปตฺตคฺคาหกวิสยํ วุตฺตํ. วิฺาตํ นาม อวเสสํ เกวลํ มโนวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา.

ทฺวารฺเจว วตฺถุ จาติ อตฺตนิสฺสิตานํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ, อฺนิสฺสิตานํ สมฺปฏิจฺฉนาทีนฺจ ปวตฺติมุขภาวโต ทฺวารฺเจว อตฺตนิสฺสิตานํ อาธารภาวโต วตฺถุ จ. ทฺวารเมว หุตฺวา น วตฺถูติ เกวลํ กมฺมทฺวารภาวโต ทฺวารเมว, ตนฺนิสฺสิตสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อภาวโต น วตฺถุ. วตฺถุเมว หุตฺวา น ทฺวารนฺติ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยภาวโต วตฺถุเมว, จกฺขาทโย วิย สปรนิสฺสิตานํ ปวตฺติทฺวาราภาวโต น ทฺวารํ. เสสํ เอกวีสติวิธํ รูปํ วุตฺตวิปริยายโต เนว ทฺวารํ น วตฺถุ จ. จตุตฺถจตุกฺเกติ วตฺถุจตุกฺเก. ตติยปทนฺติ ‘‘วตฺถุเมว หุตฺวา เนวินฺทฺริย’’นฺติ ปทํ.

๗๓๙-๔๐. ปุน ปฺจวิธนฺติ สมฺพนฺโธ. จตุชนฺติ ปกาสิตํ จตูหิเยว สมุฏฺานโต.

จกฺขุวิฺาณวิฺเยฺยํ รูปายตนํ เตน คเหตพฺพโต, น ปน จกฺขุวิฺาเณเนว วิฺเยฺยโต. ตถา เหตํ อาวชฺชนาทีหิ เจว มโนทฺวาริกชวเนหิ จ วิฺายตีติ. เอส นโย โสตวิฺเยฺยาทีสุปิ. มโนวิฺาณวิฺเยฺยํ ปน เกวลํ มโนวิฺาเณเนว วิฺาตพฺพํ. น หิ รูปาทิโต อฺตฺถ จกฺขุวิฺาณาทีนิ ปวตฺตนฺติ.

ฉวตฺถุอวตฺถุเภทโตติ ฉนฺนํ วตฺถูนํ, อวตฺถุสฺส จ เภทโต. มโนธาตุวิฺเยฺยํ รูปาทิปฺจกํ.

มนายตนสฺส อรูปตฺตา, ธมฺมายตนสฺส จ เอกเทสโต รูปตฺตา อาห ‘‘อายตนเภทโต เอกาทสวิธ’’นฺติ.

๗๔๓-๕. อรูปภเว รูปุปฺปตฺติยา อภาวโต, อสฺีภวสฺส จ รูปภวปริยาปนฺนตฺตา วุตฺตํ ‘‘กามรูปภวทฺวเย’’ติ. ภุมฺมวชฺเชสูติ ภุมฺมเทวานํ วชฺชนํ โยนิวิภาคํ ปตฺวา เตสํ มนุสฺสสทิสตฺตา. ปุริมา ติสฺโสติ อณฺฑชชลาพุชสํเสทชโยนิโย. ตา หิ ยถาวุตฺตปฺปเภเทสุ น ลพฺภนฺติ, ตาสฺจ ปฏิกฺเขเปน ปจฺฉิมา โอปปาติกโยนิ อนุฺาตาติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหตีติ. ตตฺถ นิรเยติ อุสฺสทานมฺปิ คหณโต อวีจิมหานิรเย กีฏปาณกานมฺปิ สรีรํ ปจฺฉา วฑฺฒนกํ หุตฺวาว นิพฺพตฺตติ, นิชฺฌามตณฺหิกเปตานํ นิจฺจาตุรตาย กามสฺส อภาวโต คพฺภคฺคหณํ น โหติ, ตสฺมา อณฺฑชชลาพุชโยนิโย ตตฺถ น สนฺติ, อาทิตฺตตฺตา กุจฺฉิยํ คพฺภํ น ปติฏฺาตีติ เกจิ. นิพฺพตฺตมานานฺจ ปาปกมฺมานุภาเวน มหาทุกฺขสฺส ปตฺตพฺพตาย มหนฺเตเนว สรีเรน ภวิตพฺพนฺติ สํเสทชโยนิปิ เตสํ น โหติ, อคฺคิชาลาย สนฺตปฺปมานสรีรตฺตา เตสํ นิพฺพตฺตกาเล อลฺลฏฺาเน ปุปฺผาทีสุ สมฺภวาภาวโต สํเสทชตา นตฺเถวาติปิ วทนฺติ. เตน เตสํ โอปปาติกาว โยนีติ อาห ‘‘นิชฺฌามตณฺหิเก’’ติ. อถ สํเสทชโอปปาติกโยนีนํ โก วิเสโสติ? สํเสทโช ตาว ขุทฺทกสรีโร หุตฺวา ปทุมคพฺภาทึ นิสฺสาย นิพฺพตฺโต กเมน วฑฺฒติ. อิตโร ปน ยตฺถ ยตฺถ นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ ตตฺถ ปริจฺฉินฺนปฺปมาณสรีโรว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วิย ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺโค ปาตุรโหสิ.

เสเส คติตฺตเยติ เปตฺวา เทวคตึ, นิรยคติฺจ อวเสสมนุสฺสเปตติรจฺฉานสฺิเต คติตฺตเย. มนุสฺเสสุ หิ เกจิ อณฺฑชาปิ โหนฺติ กุนฺตปุตฺตทฺเวภาติกตฺเถรา วิย, เกจิ สํเสทชาปิ โหนฺติ ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺตโปกฺขรสาติพฺราหฺมณาทโย วิย, เกจิ โอปปาติกาปิ โหนฺติ อมฺพปาลิคณิกาทโย วิย. นิชฺฌามตณฺหิกาวเสสเปตา ปน สพฺพจตุปฺปทปกฺขิชาติทีฆชาติอาทโย สพฺเพปิ ติรจฺฉานา จ จตุโยนิกาวาติ.

๗๔๖-๗. คพฺเภ มาตุกุจฺฉิยํ เสตีติ คพฺภเสยฺยโก, โสเยว รูปาทีสุ สตฺตตาย คพฺภเสยฺยกสตฺโต. ตสฺส คพฺภเสยฺยกสตฺตสฺส. ตึส รูปานีติ กายภาววตฺถุทสกวเสน สมตึส กมฺมชรูปานิเยว. ตทา หิ เนว จิตฺตชรูปมตฺถิ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส รูปสมุฏฺาปกตฺตาภาวโต, นาปิ อุตุชํ ปุริมุปฺปนฺนอุตุโน อภาวา. อุตุ หิ านปฺปตฺตํ รูปํ สมุฏฺาเปติ, น จ อาหารชํ ตสฺมึ กาเย อชฺโฌหฏสฺส อภาวโต, ตสฺมา กมฺมสมุฏฺานานิเยว ตึส รูปานิ ปฏิสนฺธิกฺขเณ นิพฺพตฺตนฺติ, ยานี ‘‘กลลรูป’’นฺติ ปวุจฺจนฺติ, ปริปิณฺฑิตานิ จ ตานิ ชาติอุณฺณาย เอกสฺส อํสุโน ปสนฺนติลเตเล ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฏสฺส ปคฺฆริตฺวา อคฺเค ิตพินฺทุมตฺตานิ อจฺฉานิ วิปฺปสนฺนานิ ปสนฺนเตลพินฺทุสมานานิ โหนฺติ. ยถาหุ –

‘‘ติลเตลสฺส ยถา พินฺทุ,

สปฺปิมณฺโฑ อนาวิโล;

เอวํ วณฺณปฏิภาคํ,

กลลนฺติ ปวุจฺจตี’’ติ. (วิภ. อฏฺ. ๒๖);

สภาวสฺเสวาติ อวธารเณน อภาวกสฺส ภาวทสกาภาวโต ตึสรูปานํ อสมฺภวํ ทีเปติ. เตนาห ‘‘อภาว…เป… กายวตฺถุวเสน ตู’’ติ. อภาวคพฺภเสยฺยานนฺติ อิมินา อภาวโอปปาติกานํ น เอวนฺติ ทสฺเสตีติ เกจิ. ปุพฺเพ สภาวกคพฺภเสยฺยกสฺส ปน วตฺวา ตโต นิวตฺตนตฺถํ ‘‘อภาวคพฺภเสยฺยกสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปุพฺเพ คพฺภเสยฺยก-คฺคหเณน อณฺฑชานมฺปิ คหเณ อิธ วิสุํ วจนํ โคพลีพทฺทายวเสนาติ ทฏฺพฺพํ, น ปน เตสํ อภาวกภาวนิวตฺตนตฺถนฺติ. อิตรถา หิ วีสติรูปานํ วจนํ วิรุชฺฌติ. อภาวกภาโว ปเนตฺถ อณฺฑชานํ ปกรณโต ทฏฺพฺโพ. น หิ คพฺภเสยฺยก-สทฺเทน สมาสภูตํ อภาว-สทฺทํ อิธ อาเนตุํ สกฺกาติ.

๗๔๘. คหิตาคหเณเนตฺถ, เอกาทส ภวนฺติ เตติ เอกสฺมึ กลาเป คหิตรูปานํ อปรกลาเป อคฺคหณวเสน สุทฺธฏฺกํ, ชีวิตํ, กายปสาโท, วตฺถุรูปนฺติ อภาวกสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ เอกาทส รูปานิ ภวนฺติ, สภาวกสฺส ปน ทฺวีสุ ภาเวสุ เอเกน สห ทฺวาทส รูปานิ โหนฺติ. เอเสว จ นโยติ วุตฺเตสุ, วกฺขมาเนสุ จ ปฏิสนฺธิกฺขณิกกลาเปสุ อคฺคหิตคฺคหเณน รูปคฺคหเณ นโย เอเสว เยฺโย.

๗๔๙. นนุ จ ‘‘สพฺเพสุ ทสเกสู’’ติ วุตฺตํ, กถํ ปน เต ทสกา ชานิตพฺพาติ อาห ‘‘ชีวิเตนา’’ติอาทิ. สุทฺธกมฏฺกนฺติ จตฺตาริ มหาภูตานิ, ตนฺนิสฺสิตา จ วณฺณคนฺธรสโอชาติ อิทํ ชีวิตาทินา อสมฺมิสฺสํ สุทฺธฏฺกํ. อิมานิเยว หิ อฏฺ กตฺถจิ อวินิพฺโภควเสนปิ ปวตฺติโต อวินิพฺโภครูปานิ อวกํสโต เอโก กลาโปติ จ วุจฺจติ. อาจริยโชติปาลตฺเถเรน ปน ‘‘นิปฺผนฺนานิปฺผนฺนวเสน ทส รูปานิ อวินิพฺโภควุตฺติกานิ เอโก กลาโป’’ติ วตฺวา ปุน ตํสมตฺถนตฺถํ อิทํ วุตฺตํ –

‘‘อวินิพฺโภควุตฺตีนิ, จตุชาเนกลกฺขณา;

นิปฺผนฺนานฏฺ วา เตสุ, หิตฺวาน กายลกฺขเณ’’ติ.

๗๕๐. กายทสกนฺติ กาโย ทสโม เอตฺถาติ กายทสกํ, อสาธารเณน วา กาเยน ลกฺขิตํ ทสกํ กายทสกํ. เอส นโย จกฺขุทสกาทีสุ. ปริยาปุฏํ าตํ, กถิตนฺติ วา อตฺโถ.

๗๕๒-๓. กามาวจรเทเวสุ สพฺพกาลํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ สตฺตติยา รูปานํ ลพฺภนโต วุตฺตํ ‘‘นิจฺจํ รูปานิ สตฺตตี’’ติ. น หิ เต กทาจิปิ วิกลินฺทฺริยา, อภาวกา วา โหนฺติ. ‘‘มนุสฺเสสุ โอปปาติกสตฺตาน’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺเตปิ อาทิกปฺปิกานํ ภาวทสกสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ อภาวโต เตสํ สฏฺิ รูปานีติ เวทิตพฺพํ. ชีวิตนวกมฺปิ โอปปาติกานํ, สํเสทชานฺจ กามาวจรสตฺตานํ ปวตฺเตเยว โหติ ตสฺส ปาจกคฺคินา สหวุตฺติตฺตา, ตสฺส จ อชฺโฌหฏาหารสนฺนิสฺสเยน สมฺภวโต. สํเสทชานมฺปิ ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺคานํ นิพฺพตฺตนโต โอปปาติเกหิ วิเสโส นตฺถีติ เตสํ วิสุํ อคฺคหณํ. วิภงฺเคปิ หิ –

‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, กสฺสจิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ นวายตนานิ, กสฺสจิ สตฺตายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๐๙) –

อิมสฺส นิทฺเทเส ‘‘โอปปาติกสตฺตาน’’นฺติอาทินา โอปปาติก-คฺคหณเมว กตํ, น สํเสทช-คฺคหณํ. ตฺจ ปริปุณฺณายตนานํ สํเสทชานํ โอปปาติเกสุ สงฺคณฺหนโต. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สํเสทชโยนิกา ปริปุณฺณายตนภาเวน โอปปาติกสงฺคหํ กตฺวา วุตฺตา’’ติ. ปธานาย วา โยนิยา สพฺพปริปุณฺณายตนโยนึ ทสฺเสตุํ ‘‘โอปปาติกสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ.

๗๕๔-๕. จกฺขุโสตวตฺถุวสาติ จกฺขุทสกโสตทสกวตฺถุทสกวสา. อานนฺทาจริโย ปเนตฺถ ‘‘รูปธาตุยํ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สห จกฺขุโสตวตฺถุสตฺตกานํ ชีวิตฉกฺกสฺสาติ จตุนฺนํ กลาปานํ วเสน สตฺตวีสติ รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ คนฺธรสาหารานํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา’’ติ วตฺวา ปุน ตํ สมตฺเถนฺโต ‘‘ปาฬิยฺหิ ‘รูปธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ เปตฺวา อสฺสตฺตานํ เทวานํ ปฺจายตนานิ ปาตุภวนฺติ, ปฺจ ธาตุโย ปาตุภวนฺตี’ติ (วิภ. ๑๐๑๕) วุตฺตํ. ตถา ‘รูปธาตุยา ฉ อายตนานิ นว ธาตุโย’ติ (วิภ. ๙๙๔) สพฺพสงฺคาหกวเสน ตตฺถ วิชฺชมานายตนธาตุโย ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. กถาวตฺถุมฺหิ จ ฆานายตนาทีนํ วิย คนฺธายตนาทีนฺจ ตตฺถ ภาโว ปฏิกฺขิตฺโต ‘อตฺถิ ตตฺถ ฆานายตนนฺติ? อามนฺตา. อตฺถิ ตตฺถ คนฺธายตนนฺติ? น เหวํ วตฺตพฺเพ’ติอาทินา (กถา. ๕๒๐). น จ อโผฏฺพฺพายตนานํ ปถวีธาตุอาทีนํ วิย อคนฺธรสายตนานํ คนฺธรสานํ ตตฺถ ภาโว สกฺกา วตฺตุํ ผุสิตุํ สกฺกุเณยฺยตาวินิมุตฺตสฺส ปถวีอาทิสภาวสฺส วิย คนฺธรสายตนภาววินิมุตฺตสฺส คนฺธรสภาวสฺส อภาวา. ยทิ จ ฆานสมฺผสฺสาทีนํ การณภาโว นตฺถีติ ตานิ อายตนานีติ น วุจฺเจยฺยุํ, ธาตุสทฺโท ปน นิสฺสตฺตนิชฺชีววิภาวโกติ คนฺธธาตุรสธาตูติ อวจเน การณํ นตฺถิ. ธมฺมสภาโว จ เนสํ เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺโพ สภาวธารณาทิลกฺขณโต อฺสฺส อภาวา. ธมฺมานฺจ อายตนภาโว เอกนฺตโต ยมเก วุตฺโต ‘ธมฺโม อายตนนฺติ? อามนฺตา’ติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๓), ตสฺมา เตสํ คนฺธรสายตนภาวาภาเวปิ โกจิ อายตนภาโว วตฺตพฺโพ. ยทิ จ โผฏฺพฺพภาวโต อฺโ ปถวีอาทิภาโว วิย คนฺธรสภาวโต อฺโ เตสํ โกจิ สภาโว สิยา, เตสํ ธมฺมายตนสงฺคโห. คนฺธรสภาเว, ปน อายตนภาเว จ สติ คนฺโธ จ โส อายตนฺจ คนฺธายตนํ, รโส จ โส อายตนฺจ รสายตนนฺติ อิทมาปนฺนเมวาติ คนฺธรสายตนภาโว จ น สกฺกา นิวาเรตุํ, ‘ตโย อาหารา’ติ (วิภ. ๑๐๑๕) วจนโต กพฬีการาหารสฺส ตตฺถ อภาโว วิฺายติ, ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา คนฺธรโสชา หิตฺวา รูปคณนา กาตพฺพา. เอวฺหิ ธมฺมตา น วิโลมตา โหตี’’ติ วทติ.

อาจริยโชติปาลธมฺมปาลตฺเถรา ปน ตํ ปฏิกฺขิปนฺติ. ตถา จ วุตฺตํ เตหิ ‘‘รูปาวจรสตฺตานํ ฆานชิวฺหายตนาภาวโต วิชฺชมานาปิ คนฺธรสา อายตนกิจฺจํ น กโรนฺตี’’ติ, เต อนามสิตฺวา ปาฬิยํ ‘‘ปฺจายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ ‘‘ฉ อายตนานี’’ติ (วิภ. ๙๙๓-๙๙๔) จ อาทิ วุตฺตํ. ‘‘ตโย อาหารา’’ติ จ อชฺโฌหริตพฺพสฺส อาหารสฺส อภาเวน โอชฏฺมกรูปสมุฏฺาปนสงฺขาตสฺส อาหารกิจฺจสฺส อกรณโต, น สพฺเพน สพฺพํ คนฺธรสานํ, โอชาย จ อภาวโต. อิติ วิสยิโน กิจฺจสฺส อภาเวน วิสโย กิจฺจภาวธมฺโม น วุตฺโต. ยสฺมิฺหิ ภเว วิสยี นตฺถิ, ตสฺมึ ตํเหตุโก นิปฺปริยาเยน วิสยสฺส อายตนภาโว นตฺถีติ วิชฺชมานสฺสาปิ อวจนํ, ยถา ตตฺเถว รูปภเว ปถวีเตโชวาโยธาตูนํ โผฏฺพฺพายตนภาเวน. ยสฺส ปน ยตฺถ วจนํ, ตสฺส ตตฺถ วิสยีสพฺภาวเหตุโก นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว วุตฺโต, ยถา ตตฺเถว รูปายตนสฺส. ยทิ วิสยีสพฺภาวเหตุโก วิสยสฺส นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว, กถมสฺสตฺตานํ ทฺเว อายตนานิ ปาตุภวนฺติ. อสฺสตฺตานฺหิ จกฺขายตนํ นตฺถิ. อถ ตทภาเวน รูปายตนํ อฺเสํ อวิสโยติ? นายํ วิโรโธ. เยน อธิปฺปาเยน รูปธาตุยํ สฺีนํ คนฺธายตนาทีนํ อวจนํ, เตน น รูปายตนสฺสาปิ อวจนนฺติ อสฺีนํ เอกํ อายตนํ น วตฺตพฺพํ. ยถาสกฺหิ อินฺทฺริยโคจรภาวาเปกฺขาย เยสํ นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว อตฺถิ, เตสุ นิทฺทิสิยมาเนสุ ตทภาวโต รูปธาตุยํ สฺีนํ คนฺธาทิเก วิสุํ อายตนภาเวน อวตฺวา ธมฺมสภาวานติวตฺตนโต, มโนวิฺาณสฺส จ วิสยภาวูปคมนโต ธมฺมายตนนฺโตคเธ กตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. เอตทตฺถฺหิ ธมฺมายตนนฺติ สามฺโต นามกรณํ ปิฏฺิวฏฺฏกานิ วา ตานิ กตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ วุตฺตํ. เยน จ ปน อธิปฺปาเยน อสฺีนํ รูปายตนํ วุตฺตํ, เตน สฺีนํ, อสฺีนมฺปิ คนฺธายตนาทีนํ วิสุํ คหณํ กาตพฺพนฺติ อิมสฺส นยสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อสฺสตฺตานํ เทวานํ ทฺเว อายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๑๗) วุตฺตํ.

อสติปิ หิ ตตฺถ อตฺตโน อินฺทฺริเยสุ รูปสฺส วณฺณายตนสภาวาติกฺกโม นตฺเถวาติ ตํ รูปายตนนฺตฺเวว วุจฺจติ. อิมินา จ นยทสฺสเนน คนฺธาทีนิ ตีณิ ปกฺขิปิตฺวา สฺีนํ อฏฺ อายตนานิ, อสฺีนํ ปฺจาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. เอวฺเจตํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา รูปโลเก ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปถวีอาทีนํ พฺรหฺมูนํ วจีโฆโส เอว จ น สิยา. น หิ ปฏิฆฏฺฏนนิฆํสนมนฺตเรน สทฺทปฺปวตฺติ อตฺถิ, น จ ผุสนสภาวานํ กตฺถจิ อผุสนสภาวตา สกฺกา วิฺาตุํ, โผฏฺพฺพายตนสฺส จ ภูตตฺตยสฺส อภาเว รูปภเว รูปายตนาทีนมฺปิ สมฺภโว เอว น สิยา, ตสฺมา ผุสิตุํ สกฺกุเณยฺยตายปิ ปถวีอาทีนํ ตตฺถ กายินฺทฺริยาภาเวน เตสํ โผฏฺพฺพภาโว น วุตฺโต. เอวฺจ กตฺวา รูปธาตุยํ เตสํ สปฺปฏิฆตาวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ. วุตฺตฺหิ ‘‘อสฺสตฺตานํ อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ…เป… ทฺเว มหาภูตา’’ติอาทิ.

ปฏิโฆ จ นาม ภูตตฺตยสฺส กายปสาทํ ปติ ตนฺนิสฺสยภูตฆฏฺฏนํ ทฺวาเรน อภิมุขภาโว, อิธ ปน ตํสภาวตา, โส จ ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยภาโว ฆฏฺฏนาย อภาวโต นตฺถิ. ยทิ ตตฺถ อสติปิ วิสยิมฺหิ รูปายตนมฺปิ คเหตฺวา ‘‘ทฺเว อายตนานี’’ติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา คนฺธายตนาทีนิ คเหตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ น วุตฺตนฺติ? นยทสฺสนวเสน เทสนา ปวตฺตาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อถ วา ตตฺถ รูปายตนสฺเสว วจนํ กทาจิ อฺภูมิกานํ ปสาทสฺส วิสยภาวํ สนฺธาย, น ปน อิตเรสํ อภาวโต, นาปิ ปริยาเยน คนฺธายตนาทีนํ อายตนภาวาภาวโต.

อสฺีนฺหิ รูปายตนํ สมานตลวาสีนํ เวหปฺผลานํ, อุปริภูมิกานฺจ สุทฺธาวาสานํ ปสาทสฺส วิสยภาวํ คจฺฉติ, น ปน คนฺธรสาติ เตสํเยว ตตฺถ อวจนํ ยุตฺตํ. กถาวตฺถุมฺหิ จ นิปฺปริยาเยน คนฺธายตนาทีนํ อตฺถิภาวํ ปริชานนฺตํ สนฺธาย ปฏิเสโธ กโต. ยทิปิ เจตํ วจนํ ตตฺถ คนฺธายตนาทีนํ อภาววิภาวนํ น โหติ, อตฺถิภาวทีปนมฺปิ ปน อฺวจนํ นตฺเถวาติ? นยิทเมวํ อฏฺกถาสุ ตตฺถ เตสํ อตฺถิภาวสฺส นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตตฺตา. ยฺหิ อฏฺกถาวจนํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ, ตํ ปาฬิ วิย ปมาณภูตํ อวิครหิตาย อาจริยปรมฺปราย ยาวชฺชตนา อาคตตฺตา. ตตฺถ สิยา ‘‘ยํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ อฏฺกถาวจนํ, ตํ ปมาณํ, อิทํ ปน วิรุชฺฌตี’’ติ? นยิทเมวํ, ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา ปฏิปาทิตตฺตา. จกฺขาทีนํ อายตนานํ, ตนฺนิสฺสยานฺจ วิฺาณานํ สตฺตสุฺตาสนฺทสฺสนตฺถํ ภควโต ธาตุเทสนาติ อายตนภาเวน วุตฺตานํเยว ธาตุภาวทีปนโต ธาตุภาวสฺสาปิ เตสํ อวจนํ ยุชฺชติ เอว, ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา จกฺขุทสกาทิวเสน อิธ รูปคณนา กตาติ น เอตฺถ ธมฺมตาวิโลมนาสงฺกาย โอกาโสติ เวทิตพฺพนฺติ.

๗๕๖. ชจฺจนฺธพธิราติ ฉนฺทานุรกฺขณตฺถํ ทีฆกรณํ. น หิ ชจฺจนฺธพธิรอฆานรหิเต นปุํสเก วตฺถุกายชิวฺหาทสกวเสน อิธ ตึสาติ ยุชฺชติ, อิทฺจ ‘‘โอปปาติกสฺส ชจฺจนฺธพธิรฆานรหิเต นปุํสเก ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ อฏฺกถาวาทํ คเหตฺวา วุตฺตํ. อานนฺทาจริโย ปน ตํ ‘‘ปาฬิยา น สเมตี’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปติ. ตถา จาห ‘‘เนตํ ปาฬิยา สเมตี’’ติ. น หิ ปาฬิยํ กามาวจรานํ สํเสทโชปปาติกานํ อฆานกานํ อุปฺปตฺติ วุตฺตา.

ธมฺมหทยวิภงฺเค หิ –

‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, กสฺสจิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ นวายตนานิ, กสฺสจิ สตฺตายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๐๙) –

วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ. ยทิ หิ อฆานกสฺสาปิ อุปปตฺติ สิยา, ติกฺขตฺตุํ ‘‘ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ติกฺขตฺตุฺจ ‘‘นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ, น เจตํ วุตฺตํ. ยมเก จ ฆานชิวฺหานํ สหปฺปวตฺติ วุตฺตาติ ตํ อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพนฺติ. อยฺเหตฺถ อาจริยสฺส อธิปฺปาโย – ธมฺมหทยวิภงฺคปาฬิยฺหิ ‘‘เอกาทสา’’ติ ปริปุณฺณายตนสฺส สทฺทายตนวชฺชานิ เอกาทสายตนานิ วุตฺตานิ, ‘‘กสฺสจิ ทสายตนานี’’ติ อนฺธสฺส จกฺขายตนวชฺชานิ, ‘‘อปรานิ ทสายตนานี’’ติ พธิรสฺส โสตายตนวชฺชานิ, ‘‘นวายตนานี’’ติ อนฺธพธิรสฺส จกฺขุโสตวชฺชานิ, ‘‘สตฺตายตนานี’’ติ คพฺภเสยฺยกสฺส รูปคนฺธรสกายโผฏฺพฺพมนธมฺมายตนวเสน วุตฺตํ. ยทิ จกฺขุโสตฆานวิกโลปิ อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส อฏฺเวายตนานิ วตฺตพฺพานิ สิยุํ, น จ วุตฺตํ ‘‘อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ, ตสฺมา นตฺเถว จกฺขุโสตฆานวิกโล. สติ อฆานกอุปปตฺติยํ ปุนปิ ‘‘กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ตถา จ สติ ยถา อนฺธพธิรสฺส วเสน ‘‘กสฺสจิ นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ เอกวารํ วุตฺตํ, เอวํ อนฺธาฆานกสฺส, พธิราฆานกสฺส จ วเสน ‘‘กสฺสจิ อปรานิ นวายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ นวายตนานี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. กามภเว อชิวฺหสฺส สตฺตสฺสาภาวโต, ฆานชิวฺหายตนานํ สหปฺปวตฺติวจนโต จ ตตฺเถว กามธาตุยํ อฆานกสฺสาสมฺภโวติ.

โชติปาลตฺเถราทโย ปน ‘‘สํเสทชสฺส ชจฺจนฺธพธิรอฆานกนปุํสกสฺส ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึสรูปานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ, น โอปปาติกสฺส. ธมฺมหทยวิภงฺคปาฬิยฺจ ‘อุปปตฺติกฺขเณ’ติ วุตฺตตฺตา โอปปาติกสฺเสว วเสน นโย นีโต. ยมกฏฺกถายฺจ วุตฺตํ ‘กามธาตุยํ อฆานโก โอปปาติโก นตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, กสฺสจิ อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตีติ วเทยฺยา’ติ, ยมฺปิ ธมฺมหทยวิภงฺเค ‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’ติอาทีนํ นิทฺเทเส ‘โอปปาติกานํ เปตาน’นฺติอาทินา โอปปาติก-คฺคหณเมว กตํ, น ปน สํเสทช-คฺคหณํ, ตํ ปริปุณฺณายตนานํเยว สํเสทชานํ โอปปาติเกสุ สงฺคหวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘สํเสทชโยนิกา ปริปุณฺณายตนภาเวน โอปปาติกสงฺคหํ กตฺวา วุตฺตา’ติ, ปธานาย วา โยนิยา สพฺพํ ปริปุณฺณายตนํ โยนึ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘โอปปาติกาน’นฺติ วุตฺตนฺติ จ, ตสฺมา น โกจิ ปาฬิวิโรโธ’’ติ วทนฺติ.

อปเร ปนาหุ – ‘‘กามธาตุยํ อฆานโก โอปปาติโก นตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, กสฺสจิ อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตีติ วเทยฺยาติ อิทํ มนุสฺเสสุ สํเสทโชปปาติกานํ วเสน วุตฺตํ, เต ปริปุณฺณายตนาว. เกสฺจิ ปน อฆานกกีฏานํ อตฺถิภาวโต อปาเยสุ สํเสทโชปปาติเก สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตํ อานนฺทาจริยาทีนํ มเตน ปฏิกฺเขปารหเมวาติ.

๗๕๗-๘. อุกฺกํสสฺสาวกํสสฺส อนฺตเรติ ‘‘สตฺตตี’’ติ วุตฺตอุกฺกํสปริจฺเฉทสฺส, ‘‘ตึสา’’ติ วุตฺตอวกํสปริจฺเฉทสฺส จ มชฺเฌ. อนุรูปโต…เป… วิภาวินาติ ชาติอนฺธสฺส สฏฺิ รูปานิ จกฺขุทสกาภาวโต, ตถา พธิรสฺส โสตทสกาภาวโต, อนฺธพธิรสฺส ปน ปณฺณาส จกฺขุโสตทสกาภาวโตติอาทินา นเยน อฺมฺาเปกฺขาย ปริปุณฺณา ปริปุณฺณานํ รูปานํ ปาณีนํ วเสน รูปานํ สมุปฺปตฺติ วิฺาตพฺพาติ อตฺโถ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมวาติ.

๗๕๙-๖๐. เอวํ ตีสุ ภเวสุ ปฏิสนฺธิยํ รูปปฺปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปวตฺติยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตวีสติ รูปานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามาวจรสตฺตสฺส หิ ปริปุณฺณายตนสฺส อสติ อนฺธพธิราทิปสาทวิฆาเต ยาว มรณจิตฺตสฺส เหฏฺา สตฺตรสมจิตฺตํ, ตาว สตฺตวีสติ รูปานิ ปวตฺตนฺติ. อปริปุณฺณายตนสฺส ปน ชจฺจนฺธาทิกสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยน รูปานํ หายนวฑฺฒนานิ เวทิตพฺพานิ. นนุ อฏฺวีสติเยว รูปานิ กามภเว ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘อปฺปวตฺตนโต’’ติอาทิ.

ฆานํ…เป… น วิชฺชเรติ กามวิราคภาวนาวเสน คนฺธาทิคฺคาหเกสุ ปสาเทสุ วิรตฺตา โหนฺตีติ ฆานาทิตฺตยํ นตฺถิ. จกฺขุโสเตสุ ปน อนุตฺตรทสฺสนาทิอตฺถํ วิรตฺตา น โหนฺตีติ ตานิ เตสํ อุปฺปชฺชนฺติ. ภาวทฺวยํ กามราคูปนิสฺสยตฺตา น อุปฺปชฺชติ. เกจิ ปน ‘‘ลหุตาทิตฺตยมฺปิ รูปภเว นตฺถิ ทนฺธตฺตกราทิธาตุกฺโขภาภาวโต. สติ หิ ตาทิเส ธาตุกฺโขเภ ตปฺปฏิปกฺเขหิ ลหุตาทีหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ, ตํ อการณํ. น หิ วูปสเมตพฺพปจฺจนีกาเปกฺโข ตพฺพิโรธิธมฺมุปฺปาโท. ตถา สติ สเหตุกกิริยจิตฺตุปฺปาเทสุ กายลหุตาทีนํ อภาโว เอว สิยา, ตสฺมา ปฺเจว รูปานิ สฺีพฺรหฺมานํ น อุปฺปชฺชนฺติ, อวเสสานิ เตวีสติ รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อสฺีพฺรหฺมานํ ปน ปฺจ ปสาทรูปานิ, ภาวทฺวยํ, หทยวตฺถุ, วิฺตฺติทฺวยํ, ลหุตาทิตฺตยนฺติ เตรส รูปานิ วชฺเชตฺวา อวเสสานิ ปนฺนรส อุปฺปชฺชนฺติ.

๗๖๑. จตุสนฺตตีติ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ วเสน จตุสนฺตติรูปานิ. รูเป โหนฺติ ติสนฺตตีติ พฺรหฺมานํ อนาหารภาเวน อาหารชรูปานํ อภาวโต ติสฺโส สนฺตติโย. ทฺวิสนฺตตีติ จิตฺตชาหารชานํ อภาวโต ทฺเว สนฺตติโย. พหิทฺธา เอกสนฺตตีติ กมฺมชาทีนํ ติสฺสนฺนมฺปิ อภาวโต อุตุชสนฺตติเยว.

๗๖๒-๔. เอวํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ รูปานํ คณนปริจฺเฉทํ วตฺวา อิทานิ ตตฺถ เนสํ อุปฺปตฺติกฺกมํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ นิพฺพตฺตมาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สพฺเพสนฺติ กามรูปภวิกานํ สพฺพสตฺตานํ. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปนาติ เอตฺถ ทสกตฺตยํ โหตีติ ปาเสโส. เตนาห ‘‘ยเถวา’’ติอาทิ. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทสกตฺตยํ เหฏฺา วุตฺตมฺปิ ‘‘ตฺจ โข สนฺธิจิตฺตสฺสา’’ติอาทิกํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ปุน วุตฺตํ. จิตฺตสฺส ตีสุ ขเณสุ กมฺมชรูปานํ สมุปฺปตฺติโต อาห ‘‘ตเถวา’’ติอาทิ. ตึส ตึเสวาติ ตึส ตึเสว กมฺมชรูปานิ.

อานนฺทาจริโย ปน ‘‘จิตฺตสฺส ิติกฺขณเมว นตฺถิ, ภงฺคกฺขเณ จ รูปุปฺปาโท นตฺถีติ จตุสมุฏฺานิกานิปิ รูปานิ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว โหนฺตี’’ติ อาห. วุตฺตฺหิ เตน – โย เจตฺถ จิตฺตสฺส ิติกฺขโณ วุตฺโต, โส จ อตฺถิ นตฺถีติ วิจาเรตพฺโพ. จิตฺตยมเก หิ ‘‘อุปฺปนฺนํ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๘๑) เอตสฺส วิภงฺเค ‘‘ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ โน จ อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๘๑) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘ิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ จา’’ติ. ตถา’’น อุปฺปชฺชมานํ น อุปฺปนฺน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘ภงฺคกฺขเณ น อุปฺปชฺชมานํ โน จ น อุปฺปนฺน’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘ิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ จา’’ติ. เอวํ ‘‘น นิรุทฺธํ น นิรุชฺฌมาน’’นฺติ เอเตสํ ปริปุณฺณวิสฺสชฺชเน ‘‘อุปฺปาทกฺขเณ อนาคตฺจา’’ติ วตฺวา ‘‘ิติกฺขเณ’’ติ อวจนํ, อติกฺกนฺตกาลวาเร จ ‘‘ภงฺคกฺขเณ จิตฺตํ อุปฺปาทกฺขณํ วีติกฺกนฺต’’นฺติ (ยม. ๒.จิตฺตยมก.๘๓) วตฺวา ‘‘ิติกฺขเณ’’ติ อวจนํ ิติกฺขณาภาวํ จิตฺตสฺส ทีเปติ. สุตฺเตปิ หิ ‘‘ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๗) ตสฺเสว เอกสฺส อฺถตฺตาภาวโต ยสฺสา อฺถตฺตํ ปฺายติ, สา สนฺตติฏฺิตีติ น น สกฺกา วตฺตุํ. วิชฺชมานํ ตํขณทฺวยสมงฺคี ิตนฺติ. โย เจตฺถ จิตฺตสฺส นิโรธกฺขเณ รูปุปฺปาโท วุตฺโต, โส จ วิจาเรตพฺโพ. กสฺมา? ‘‘ยสฺส วา ปน สมุทยสจฺจํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติ (ยม. ๑.สจฺจยมก.๑๓๖) วุตฺตนฺติ, น จ จิตฺตสมุฏฺานรูปเมว สนฺธาย ปฏิกฺเขโป กโตติ สกฺกา วิฺาตุํ จิตฺตสมุฏฺานรูปาธิการสฺส อภาวาติ.

อาจริยสฺส หิ อยมธิปฺปาโย – อุปฺปนฺนอุปฺปชฺชมานวาราทีสุ ‘‘ิติกฺขเณ’’ติ อวจนํ ‘‘จิตฺตสฺส ิติกฺขณํ นาม นตฺถี’’ติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. น หิ ยถาธมฺมสาสเน อภิธมฺเม ลพฺภมานสฺส อวจเน การณํ ทิสฺสติ. น เกวลํ อภิธมฺเม อวจนเมว จิตฺตสฺส ิติกฺขณภาวโชตกํ, อปิจ โข ‘‘ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายตี’’ติ เอวมาคตา สุตฺตนฺตปาฬิปิ. อฺถตฺตํ นาม ปุพฺพาปรวิเสโส. อปิจ ยถา ภูโต ธมฺโม อุปฺปชฺชติ, กึ ตถา ภูโตว ภิชฺชติ, อุทาหุ อฺถา ภูโต. ยทิ ตถา ภูโตว ภิชฺชติ, น ชรตาย สมฺภโว. อฺถา ภูโต, อฺโ เอว โสติ สพฺพถาปิ ิติกฺขณสฺส อภาโวเยว. ยทิ จ จิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ รูปํ อุปฺปชฺเชยฺย, ตํ ทุกฺขสจฺจนฺติ กตฺวา ‘‘โน’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, วุตฺตฺจ, ตสฺมา วิฺายติ ‘‘จิตฺตสฺส นิโรธกฺขเณ รูปุปฺปาโท นตฺถี’’ติ.

อาจริยโชติปาลธมฺมปาลตฺเถรานํ ปเนตํ นกฺขมติ. เตหิ ‘‘เอกธมฺมาธารภาเวปิ อุปฺปาทนิโรธานํ อฺโ อุปฺปาทกฺขโณ, อฺโ นิโรธกฺขโณ. อุปฺปาทาวตฺถฺหิ อุปาทาย อุปฺปาทกฺขโณ, นิโรธาวตฺถํ อุปาทาย นิโรธกฺขโณ. อุปฺปาทาวตฺถาย จ ภินฺนา นิโรธาวตฺถาติ เอกสฺมึเยว จ สภาวธมฺเม ยถา อิจฺฉิตพฺพา, อฺถา อฺโเยว ธมฺโม อุปฺปชฺชติ, อฺโ นิรุชฺฌตีติ อาปชฺเชยฺย, เอวํ นิโรธาวตฺถาย วิย นิโรธาภิมุขาวตฺถายปิ ภวิตพฺพํ, สา ิติ ชรตา จา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ.

ยทิ เอวํ, กสฺมา ปาฬิยํ ิติกฺขโณ น วุตฺโตติ? วิเนยฺยชฺฌาสยานุโรเธน นยทสฺสนวเสน ปาฬิคตีติ เวทิตพฺพาติ. อภิธมฺมเทสนาปิ หิ กทาจิ วิเนยฺยชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺตติ, ยถา รูปสฺส อุปฺปาโท ‘‘อุปจโย สนฺตตี’’ติ ภินฺทิตฺวา เทสิโต. เหตุสมฺปยุตฺตทุกาทิเทสนา เจตฺถ นิทสฺสิตพฺพา. ‘‘ยสฺส วา ปนา’’ติอาทิปุจฺฉาย วิสฺสชฺชเน จ อรูปโลกํ จิตฺตสมุฏฺานรูปํ วา สนฺธาย ‘‘โน’’ติ สกฺกา วตฺตุํ. อยฺหิ ยมกเทสนาย ปกติ, ยทิทํ ยถาสมฺภวโยชนาติ. อถ วา ปจฺจาสตฺติาเยน ยํ สมุทยสจฺจํ นิรุชฺฌติ, เตน ยํ ทุกฺขสจฺจํ อุปฺปาเทตพฺพํ จิตฺตเจตสิกตปฺปฏิพทฺธรูปสงฺขาตํ, ตสฺส ตทา อุปฺปตฺติ นตฺถีติ ‘‘โน’’ติ วิสฺสชฺชนํ, น สพฺพสฺส วจนโต, ตสฺมา น สกฺกา จิตฺตสฺส ิติกฺขเณ, ภงฺคกฺขเณ จ รูปุปฺปาทนํ ปฏิกฺขิปิตุนฺติ วทนฺติ.

อุตุชรูปานิ ปน ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติกฺขณโต ปฏฺาย อฏฺกนวกวเสน อุปฺปชฺชนฺติ. ปฏิสนฺธิกฺขเณ หิ อุปฺปนฺนานํ กมฺมชรูปานํ อพฺภนฺตเร สหุปฺปาทเอกนิโรธเตโชธาตุ านํ ปตฺวา ตสฺส ิติกฺขเณ อฏฺ รูปานิ สมุฏฺาเปติ, ตตฺถ อุปฺปนฺนา เตโชธาตุ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ภงฺคกฺขเณ, ตตฺถ อุปฺปนฺนา ปมภวงฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณติ เอวมาทินา อฏฺกํ, กทาจิ สทฺทปาตุภาวกาเล เตน สห สทฺทนวกฺจ อุปฺปชฺชติ. จิตฺตชรูปานิ จ ปฏิสนฺธิโต อนนฺตรํ ปมภวงฺคโต ปฏฺาย รูปชนกจิตฺตานํ อุปฺปาทกฺขเณ อฏฺกวเสน, สทฺทปาตุภาวาทิกาเล สทฺทนวกาทิวเสน จ ปวตฺตนฺติ. อาหารชานิ ปน เอกสฺส, ทฺวินฺนํ วา สตฺตาหานํ อติกฺกเมน นิพฺพตฺตนฺติ. นนุ จ อชฺโฌหฏาหารปจฺจเยน อาหาโร รูปํ สมุฏฺาเปติ, คพฺเภ สยนฺตสฺส จ กุโต อชฺโฌหรณาหาโรติ? สมาติโต. มาตรา หิ ภุตฺตํ กุจฺฉิคตสฺส สรีเร อพฺภฺชนํ วิย อาหารกิจฺจํ กโรติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ยฺจสฺส ภุฺชตี มาตา,

อนฺนํ ปานฺจ โภชนํ;

เตน โส ตตฺถ ยาเปติ,

มาตุกุจฺฉิคโต นโร’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๕);

ตสฺมา มาตรา อชฺโฌหฏาหาเรน อนุคฺคหิเต สรีเร อพฺภนฺตริกา โอชา ลทฺธปฺปจฺจยา รูปํ สมุฏฺาเปติ, จกฺขุโสตฆานชิวฺหาทสกา ปน ปฺจปสาทาวตฺถํ อติกฺกมฺม ปจฺฉา สตฺตเม สตฺตาเห อุปฺปชฺชนฺติ, ‘‘เอกาทสเม สตฺตาเห’’ติ (ยม. มูลฏี. อายตนยมก ๒๒-๒๕๔) อานนฺทาจริโย อโวจ. อยเมตฺถ คพฺภเสยฺยกานํ รูปปฺปวตฺตินโย.

โอปปาติกานมฺปิ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ กมฺมสมุฏฺานานิ สตฺตติ รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตเถวสฺส ิติกฺขเณ, ภงฺคกฺขเณ จ สตฺตติ สตฺตตีติอาทินา วุตฺตนเยน อุกฺกํสาวกํสโต กามภวิกสตฺตานํ, รูปีพฺรหฺมานฺจ ยถาวุตฺตนเยเนว ยถานุรูปํ กมฺมสมุฏฺานานํ, อุตุสมุฏฺานานฺจ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. อาหารชรูปํ ปน กามาวจรานํ สพฺพปมํ อตฺตโน มุขคตเขฬํ อชฺโฌหรณกาเล อุปฺปชฺชติ. สฺีพฺรหฺมานํ ตํ สพฺเพน สพฺพํ นตฺถิ. อสฺีนฺจ จิตฺตชาหารชานิ นตฺเถวาติ อยํ วิเสโส. เอวํ อุปฺปชฺชมาเนสุ จ ปเนเตสุ รูเปสุ ยํ จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ, ตํ อตฺตนา สหุปฺปนฺนจิตฺตํ อาทึ กตฺวา สตฺตรสมจิตฺตสฺส นิโรธกฺขเณ นิรุชฺฌติ, ิติกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อฏฺารสมสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌติ, ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ อิมสฺส ิติกฺขเณ นิรุชฺฌตีติ เอวํ อุปฺปชฺชนฺตํ, นิรุชฺฌนฺตฺจ ยาว มรณจิตฺตสฺส เหฏฺา สตฺตรสมจิตฺตํ, ตาว ยถารหํ จตุสนฺตติอาทิวเสน ปวตฺตตีติ. อาสนฺนมรณสฺส ปน จุติโต สตฺตรสมจิตฺตสฺส ิติกฺขณมาทึ กตฺวา กมฺมชรูปํ น สมุฏฺาติ. ยทิ สมุฏฺาติ, มรณํ น สิยา อนุปจฺฉินฺนตฺตา กมฺมชรูปานํ. กมฺมชรูปสมุจฺเฉเท หิ ‘‘มโต’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ –

‘‘อายุ อุสฺมา จ วิฺาณํ, ยทา กายํ ชหนฺติมํ;

อปวิทฺโธ ตทา เสติ, นิรตฺถํว กลิงฺคร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๓.๙๕);

สตฺตรสเมน สห อุปฺปนฺนฺจ ตํ จุติจิตฺเตน สห นิรุชฺฌติ, อปรฺจ น อุปฺปชฺชติ. อายุกฺขยา, กมฺมกฺขยา, อุภยกฺขยา, อุปกฺกเมน วา กสฺสจีติ เอวํ กมฺมชรูปสฺเสว หิ มรณํ โหติ สติปิ อาหารเช, อฏฺกถามเตน จิตฺตเช จ. ตมฺปิ อปคตชีวสฺส น อุปฺปชฺชติ. อุตุชรูปํ ปน ปวตฺตติ เอว. ตถา สํเสทชานํ, โอปปาติกานํ ปน สรีรนิกฺเขปาภาวโต ตมฺปิ น ปวตฺตติ.

๗๖๕-๖. อุปฺปาทวยวนฺตตาย นิจฺโจ ธุโว น โหตีติ อนิจฺโจ, นิจฺจขณิกตาย วา น อิจฺโจ สสฺสตาทิวเสน อนุปคนฺตพฺโพติ อนิจฺโจ. อยฺหิ วินาโส ชนกปจฺจยโต อฺเหตุนิรเปกฺขตาย นิจฺจขณิโกว โหติ. ธุวสารวิรหิตตฺตา อทฺธุโว. อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา. อุทยวยปฏิปีฬเนน, ทุกฺขวตฺถุตาย จ ทุกฺขานํ ขนฺโธ สมูโหติ ทุกฺขกฺขนฺโธ. เอวํวิโธ ปน สุเขหิ อสมฺมิสฺโสเยวาติ อาห ‘‘เกวโล’’ติ. กสฺสจิปิ วา รูปสฺส สุขสภาวสฺส อภาวโต สกโลปิ ทุกฺขกฺขนฺโธติ วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขกฺขนฺโธ จ เกวโล’’ติ. ปจฺจยยาปนิยตาย จ โรคมูลตาย จ โรคโต. โส หิ ยถารหํ ปจฺจเยหิ ยาเปตพฺพตาย ยาปฺยโรโค วิยาติ โรคโต ทฏฺพฺโพ. ยาปฺยพฺยาธิ หิ โรโค, อิตโร อาพาโธ, มูลพฺยาธิ วิย เจส อนุพทฺธพฺยาธีนํ กิเลสโรคาทีนํ มูลภาวโต โรคโต ทฏฺพฺโพ. ทุกฺขตาสูลโยคิตาย, กิเลสาสุจิปคฺฆรณตาย, อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปริปกฺกปภินฺนตาย จ คณฺฑโต. โส หิ ทุกฺขทุกฺขตา สงฺขารทุกฺขตา วิปริณามทุกฺขตาติ ติวิธทุกฺขตาสงฺขาเตน รุชฺชเนน ยุตฺตตาย, ยถารหมารมฺมณวเสน จ สมนฺนาคมวเสน จ ราคาทิกิเลสาสุจิวิสฺสนฺทนโต, อหุตฺวา สมฺภวนโต, อุปฺปตฺติยา อุทฺธุมาตตฺตา ชราภงฺเคหิ จ ยถากฺกมํ ปริปกฺกปภินฺนภาวโต คณฺฑสทิโสติ คณฺฑโต ทฏฺพฺโพ. อวสวตฺตนตาย, อวิเธยฺยตาย จ ปรโต. ยถา หิ ปโร ปตนฺโต ปรสฺส วสํ น คจฺฉติ, เอวเมตํ สุภสุขาทิภาเวน วเส วตฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อวสวตฺตนโต ‘‘มา ชีรถ, มา มรถา’’ติอาทินา วิธาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อวิเธยฺยภาวโต ปรโต ทฏฺพฺพํ. พฺยาธิชรามรเณหิ ปลุชฺชนโต, อาพฺยาสนโต จ ปโลกโต. อิทํ พฺยาธิอาทีหิ ปกาเรหิ ภิชฺชนโต, วินสฺสนโต, เอเตหิ เอว วา อาพฺยาสนโต พฺยสนตฺถสฺส โลก-สทฺทสฺส ปวิสิฏฺสฺส อาพฺยาสนตฺถตาย ปโลกโต ทฏฺพฺพํ. ฉนฺทนฺติ รชฺชนวเสน ปวตฺตํ ฉนฺทํ.

๗๖๗. ธมฺมเสนาปตินาติ ธมฺมเสนาย ปติ นายโกติ ธมฺมเสนาปติ, สาริปุตฺตตฺเถโร, เตน. หิตสงฺขาโต อตฺโถ เอตสฺสาติ หิตตฺถิ, เตน. สกฺกจฺจาติ อุคฺคหณธารณาทีสุ อตนฺทิโต หุตฺวา.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

รูปวิภาควณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. เอกาทสโม ปริจฺเฉโท

นิพฺพานนิทฺเทสวณฺณนา

๗๖๘-๙. อาทิโต รูปานนฺตรมุทฺทิฏฺํ ยํ นิพฺพานนฺติ สมฺพนฺโธ. ตสฺส วิภาวนํ ยถาพลํ ปวกฺขามีติ สมฺพนฺโธ.

ภวาภวนฺติ ภวโต ภวํ, ขุทฺทกํ, มหนฺตํ วา ภวํ. วินนโตติ สํสิพฺพนโต. ตณฺหา หิ สํสารนายิกภาเวน ภวโต ภวํ, สุคติทุคฺคติวเสน ขุทฺทกมหนฺตํ ภวํ วา อปราปรภาวาย สํสิพฺพติ, ตุนฺนกรณํ วิย กโรติ. นิกฺขนฺตตฺตาติ วิสํโยควเสน นิสฺสฏตฺตา. มรณปฏิปกฺขตาย, อมตสทิสตาย วา อมตํ. สพฺพทุกฺขนิสฺสฏตฺตา ปรมํ สุขํ. สพฺเพปิ สงฺขารา สมนฺติ อุปสมนฺติ อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปชฺชนฺติ เอเตนาติ สพฺพสงฺขารสมโถ. ขนฺธูปธิอาทโย สพฺเพปิ อุปธี อุปทฺทวา ปฏินิสฺสชฺชียนฺติ เอเตนาติ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค. ยสฺมา ตํ อาคมฺม กามตณฺหาทิเภทา ตณฺหา สพฺพโส ขยํ คจฺฉติ, วิรชฺชติ, นิรุชฺฌติ จ, ตสฺมา ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธติ จ วุจฺจติ. อปิจ รุชฺฌนฺติ เอตฺถ สตฺตา กิเลสนิคฬพนฺธาติ โรโธ, สํสารสฺเสตํ อธิวจนํ, ตโต นิกฺขนฺโตติ นิโรโธ.

๗๗๐. อธิคมาติ ตทนุรูปาย ปฏิปตฺติยา อริยมคฺเคน ปฏิวิชฺฌเนน.

ราคกฺขยาทิภาเวน สพฺพทุกฺขสนฺติยา ปจฺจยตาย, กิเลสสนฺตาปาภาเวน จ สนฺติลกฺขณํ. อจฺจุติรสนฺติ สภาวาปริจฺจชนโต อจวนสมฺปตฺติกํ. อสฺสาสกรณรสนฺติ อสฺสาสกรณกิจฺจํ. ตฺหิ ปานโภชนาทิสุฺเ สภยกนฺตาเร ปริพฺภมเนน ปริสฺสนฺตสฺส อทฺธิกปุริสสฺส อสฺสาสชนกภาเวน อุปฏฺิตํ วนนฺโตทกํ วิย สพฺพฺุพุทฺธานมฺปิ วจนปถาติกฺกนฺตมหาทุกฺขเภรเว สํสารกนฺตาเร ปริพฺภมเนน ปริสฺสนฺตสฺส ยถานุรูปํ ปฏิปตฺติมคฺคํ ปฏิปนฺนสฺส โยคาวจรสฺส อนาทิมติ สํสาเร สุปินนฺเตนปิ อทิฏฺปุพฺพตาย ทสฺสนสมกาลเมว ปรมสฺสาสํ ชเนติ. ขนฺธนิมิตฺตวิจิตฺตตาย อวิคฺคหํ หุตฺวา คยฺหตีติ อนิมิตฺตปจฺจุปฏฺานํ. สพฺพสงฺขตนิสฺสรณุปายภาวโต นิสฺสรณํ ปจฺจุปฏฺาเปตีติ นิสฺสรณปจฺจุปฏฺานํ.

เอวํ นิพฺพานสฺส ลกฺขณาทิกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตณฺฑวาทิปกฺขํ ทสฺเสตฺวา ปริหรนฺโต อาห ‘‘เอตฺถาหา’’ติอาทิ, น ปรมตฺถโต อตฺถิ อฺตฺร ปฺตฺติมตฺตโตติ อธิปฺปาโย. กุโต ปนายมภินิเวโสติ อาห ‘‘ติตฺถิยานํ…เป… นียโต’’ติ. ยถานุรูปาย ปฏิปตฺติยาติ สีลสมาธิปฺาสงฺขาตํ สมฺมาปฏิปตฺติยา. ยถา หิ เจโตาณลาภิโน เอว อริยา ปเรสํ โลกุตฺตรจิตฺตํ ชานนฺติ, ตตฺถาปิ จ อรหา เอว สพฺเพสํ จิตฺตํ ชานาติ, เอวํ นิพฺพานมฺปิ สีลาทิสมฺมาปฏิปตฺติภูเตน อุปาเยเนว อุปลพฺภตีติ ‘‘นตฺถี’’ติ น วตฺตพฺพํ อริเยหิ อุปลพฺภนียโต. ยถา หิ ชจฺจนฺธเตมิริกาทีนํ อทสฺสเนน ‘‘สูริยาทโย นตฺถี’’ติ น วตฺตพฺพา จกฺขุมนฺตานํ โคจรภาเวน อตฺเถวาติ สิทฺธตฺตา, เอวเมตมฺปิ พาลปุถุชฺชนสฺส อทสฺสนมตฺเตน ‘‘นตฺถี’’ติ น วตฺตพฺพํ. อริยานํ ปน ปฺาจกฺขุโน ปเทเสเนว อุปฏฺานโต เอกนฺเตน สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ ‘‘อตฺถิ นิพฺพาน’’นฺติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. อถ ราคาทีนํ ขยมตฺตเมว นิพฺพานนฺติ เจติ สมฺพนฺโธ. อายสฺมตา…เป… เถเรน ทสฺสิโตติ สมฺพนฺโธ. ราคกฺขยาทิทีปกํ สุตฺตํ เนยฺยตฺถนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตํ น’’อิติ ปฏิกฺเขปํ กตฺวา เอกํเสน เจตํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อิตรถา ยถารุตวเสน ปาฬิยา อตฺเถ คยฺหมาเน พหุโทสา อาปชฺชนฺตีติ เต ทสฺเสตุํ ‘‘อรหตฺตสฺสาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อรหตฺตํ ปุฏฺเน เตเนวายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรนาติ อธิปฺปาโย. ตว มเตนาติ สาสนยุตฺตึ อวิจาเรตฺวา ปาฬิทสฺสนมตฺเตเนว วิปฺปลปโต ตวชฺฌาสเยน. น จ ปเนตํ ยุตฺตํ, ตถาปีติ อธิปฺปาโย. โลกุตฺตรผลจิตฺตสฺส ราคาทีนํ ขยมตฺตตาปชฺชนํ น ยุตฺตํ ตสฺส อคฺคผลสฺส จตุกฺขนฺธภาเวน ปาฬิยํ อาคตตฺตา. ตสฺมาติ ยุตฺตึ อวิจาเรตฺวา ปาฬิทสฺสนมตฺเตเนว โวหรนฺตสฺส อนิฏฺปฺปสงฺคโต. พฺยฺชนจฺฉายายาติ วิมทฺทาสหภูตาย สทฺทตฺถมตฺตจฺฉายาย. อุภินฺนนฺติ นิพฺพานวเสน, อรหตฺตวเสน จ อาคตานํ อุภินฺนํ สุตฺตานํ. อตฺโถติ อธิปฺปายตฺโถ.

โก ปน โส อตฺโถติ อาห ‘‘ยสฺส ปนา’’ติอาทิ. ราคาทีนํ ขโยติ ราคาทีนํ อนุปฺปาทนิโรโธ. โส ธมฺโม อกฺขโยปิ สมาโน ราคาทีนํ ขยสฺส อุปนิสฺสยตฺตา ขโยปจาเรน ‘‘ราคาทีนํ ขโย นิพฺพาน’’นฺติ วุตฺโต ‘‘ติปุสํ ชโร, คุโฬ เสมฺโห’’ติอาทีสุ ผลูปจาเรน วุตฺตํ วิยาติ สมฺพนฺโธ. กิเลสานํ อนุปฺปตฺตินิโรธกฺขยสฺส มคฺคสฺส อารมฺมณภูตํ นิพฺพานํ อตฺถโต ‘‘ขยสฺส อุปนิสฺสโย’’ติ วตฺตพฺพตํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘ขยสฺส อุปนิสฺสยตฺตา’’ติ. ขโยปจาเรนาติ อตฺตโน การิยภูตสฺส ขยสฺส อตฺตนิ อุปจาเรน ตสฺส นามวเสนาติ วุตฺตํ โหติ. ชรการณํ ติปุสํ ชโรติ วุตฺโต, เสมฺหการณํ คุโฬ เสมฺโหติ วุตฺโต. ขยนฺเตติ ราคาทีนํ ปริกฺขยาวสาเน. ขโยติ วา มคฺโค วุจฺจติ ‘‘ขเย าณ’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๔๒) วิย, ตสฺส อนฺเต นิโรธาวสาเน อุปฺปนฺนตฺตา ขโยติ วุตฺตํ ผลูปจาเรน, สมีปูปจาเรน วา.

สพฺเพ พาลปุถุชฺชนาปีติ โสณสิคาลาทโย สพฺเพปิ พาลปุถุชฺชนา สมธิคต…เป… ภเวยฺยุํ ขณวเสน ราคาทีนํ ขยสฺส เตสมฺปิ อตฺถิตาย. ตถา จ สติ ปฏิปตฺติยา นิรตฺถกภาโว อาปชฺเชยฺยาติ อธิปฺปาโย. ราคาทิกฺขยานํ พหุภาวโตติ ราคาทีนํ วิย เตสํ ขยานมฺปิ ตพฺพิการภาเวน พหุภาวโต. เอวฺหิ สติ ราคสฺส ขโย ราคกฺขโย, น โทสาทีนํ, ตถา โทสกฺขโยปีติ อฺโ ราคกฺขโย, อฺโ โทสกฺขโย, อฺโ โมหกฺขโยติ ติณฺณํ อกุสลมูลานํ ขยภูตานิ ตีณิ นิพฺพานานิ, จตุนฺนํ อุปาทานานํ ขยภูตานิ จตฺตารีติอาทินา พหูนิ นิพฺพานานิ นาม โหนฺติ. อิทานิ อาทิ-สทฺทสงฺคหิเต โทเส ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺขตลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณานิ, อุปฺปาโท ปฺายติ, วโย ปฺายติ, ิตสฺส อฺถตฺตํ ปฺายตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๗) วจนโต วยสงฺขาโต ขโย สงฺขตลกฺขณํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สงฺขตลกฺขณฺจ นิพฺพานํ ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) วจนโต อาห ‘‘สงฺขตปริยาปนฺน’’นฺติ. ยํ ปน สงฺขตปริยาปนฺนํ, ตํ อิตรสงฺขตธมฺโม วิย อนิจฺจํ โหติ ปจฺจยาธีนวุตฺติโตติ อาห ‘‘สงฺขตปริยาปนฺนตฺตา อนิจฺจ’’นฺติ. ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๒๑) หิ วุตฺตํ. เอตฺตาวตา จ กึ วุตฺตํ โหติ? ยทิ ภวโต มโนรถปริปูรณตฺถํ ขยํ นิพฺพานนฺติ วทาม, อสงฺขตสฺส สงฺขตลกฺขณตฺตา, สงฺขตปฏิปกฺขสฺส สงฺขตปริยาปนฺนตฺตา สพฺพกาลิกภาเวน นิจฺจสฺส อนิจฺจตา, ตโต จ ปรมสุขสฺส ทุกฺขตา จ อาปชฺเชยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.

เอตฺตาวตา ภงฺคกฺขยสฺส นิพฺพานโทสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนุปฺปาทกฺขยสฺส ตพฺภาวํ นิเสเธตุํ ‘‘ยทิ ขโย นิพฺพานํ ภเวยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปมมคฺคสฺส อนนฺตรปจฺจยภูตํ าณํ โคตฺรภุ นาม. เสสมคฺคปุเรจรํ โวทานํ นาม. ผลสมาปตฺติปุเรจรํ อนุโลมํ นาม. ตํ ปน สงฺขารารมฺมณเมวาติ อิธ น คหิตํ. ภทฺรมุขาติ ปรสฺส อนุนยวจนํ. ‘‘ขียนฺตี’’ติ วตฺตมานนิทฺเทเสน อิทานิ ขียมานตํ ปุจฺฉติ. เอส นโย เสเสสุปิ. อุปธาเรตฺวาติ อุปปริกฺขิตฺวา. ‘‘โคตฺรภุ…เป… มุขา’’ติ ปุจฺฉาย ‘‘ราคาทีนํ ขยเมว วทามี’’ติ ตยา ทินฺนปฏิวจนสฺส อวิรุชฺฌนวเสน สติปุเรกฺขารํ กเถหีติ อธิปฺปาโย. โคตฺรภุจิตฺตาทีนํ โคตฺรภุโวทานมคฺคานํ. โคตฺรภุกฺขเณ กิเลสานํ อนุปฺปาทนิโรธสฺส อภาวโต อาห ‘‘ราคาทโย ขียิสฺสนฺตี’’ติ. ผลเมวาติ กิเลสานํ ขีณกาเล อุปฺปชฺชมานํ ผลจิตฺตเมว. อารมฺมณํ อปสฺสนฺโตติ โคตฺรภุอาทีนํ วตฺตพฺพารมฺมณํ อปสฺสนฺโต. อถ วา อิตเรสํ อารมฺมณภาเว สติ คเหตพฺพปจฺจยํ อปสฺสนฺโต.

‘‘อปิจา’’ติอาทิ ปริยายนฺตเรนปิ อนุปฺปาทนิโรธสฺส นิพฺพานภาวนิเสธนํ. ‘‘อุปฺปาทียตีติ อตฺโถ’’ติ ปน มคฺคสฺส อุปฺปตฺติยา กิเลสกฺขโยปิ อุปฺปาทิโต นาม โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. น หิ อิตรถา ขยสฺส อุปฺปาโท นาม อตฺถิ. อถ วา ‘‘อทฺธา โส…เป… นิรุตฺตโร ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺตเกน คนฺเถน ขณนิโรธสฺส เจว อนุปฺปาทนิโรธสฺส จ นิพฺพานภาเว โทสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ขเย าณ’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๔๒) วิย มคฺคสฺสาปิ ขยปริยายตฺตา ‘‘ราคกฺขโย’’ติอาทิวจนมตฺเตเยว สมานภาเวน คหิเต มคฺคสฺสาปิ นิพฺพานภาวปฺปสงฺคํ, ตถา จ สติ อนิฏฺาปตฺตึ สมฺภาเวนฺโต อาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ. เอวฺหิ สติ ‘‘อุปฺปาทียตี’’ติ มคฺคเมว สนฺธาย ติฏฺติ. ยทิ มคฺคสฺส นิพฺพานภาวปฺปสงฺโค อิธ สมฺภาวิโต, เอวํ สติ โคตฺรภุสฺส มคฺคารมฺมณตาทิโทสา วตฺตพฺพาติ? สจฺจํ วตฺตพฺพา, เอตฺตเกนาปิ ปน ปรสฺส วจนปฏิพาหนํ สกฺกา กาตุนฺติ ปริหารนฺตรทสฺสเน พฺยาปาโร กโตติ. ยถานุรูปาย ปฏิปตฺติยาติ ฉวิสุทฺธิปรมฺปราสงฺขาตาย ยถานุโลมปฏิปตฺติยา.

๗๗๑. อสฺสทฺโธติ ปพุทฺธสทฺโธ, มคฺคาคตาย อจลสทฺธาย สมนฺนาคโต, มคฺคาคตสทฺธาย หิ สมนฺนาคโต อากาเส พุทฺธเวสํ มาเปตฺวาปิ ‘‘นิจฺจํ สุขํ อตฺตา’’ติ วทนฺตสฺส น สทฺทหติ เสยฺยถาปิ สูรมฺพฏฺโติ (อ. นิ. ๑.๒๕๕). อกตฺูติ อกตํ นิพฺพานํ ชานาตีติ อกตฺู. สนฺธิจฺเฉโทติ ภวสนฺธานกรสฺส ตณฺหาปาปสฺส ฉินฺทเนน ปุน ภวปฏิสนฺธิยาปิ ฉินฺนตาย ปฏิสนฺธึ เขเปตฺวา ิโต. หตาวกาโสติ ขีณปฏิสนฺธิกตฺตาเยว อายตึ กตฺถจิ โอกาสโลเก อทิสฺสมานตฺตา วิหตาวกาโส. วนฺตาโสติ กตฺถจิ อภิสงฺคาภาวโต ฉฑฺฑิตตณฺโหติ อตฺโถ. อุตฺตมโปริโสติ สเทวโลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย วิสิฏฺโ โปริโส.

ทุปฺปฏิวิทฺธาติ ปฏิวิชฺฌิตุํ, ปฏิลภิตุฺจ ทุกฺกรา. กามาทีนํ นิสฺสรณียตาย นิสฺสรณียา, ยทิทํ เนกฺขมฺมํ, เอตํ กามานํ นิสฺสรณนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ กามานํ นิสฺสรณนฺติ กาเมหิ นิคฺคมนํ, อถ วา นิสฺสรนฺติ นิคฺคจฺฉนฺติ เอตฺถ เอเตนาติ วา นิสฺสรณํ, กามานํ นิสฺสรณฏฺานํ, นิสฺสรณุปายนฺติ อตฺโถ. เนกฺขมฺมนฺติ ปมชฺฌานํ. ตฺหิ กาเมหิ นิกฺขนฺตนฺติ ‘‘เนกฺขมฺม’’นฺติ อิธ คหิตํ, อฺตฺถ ปน ปพฺพชฺชาทโยปิ ‘‘เนกฺขมฺม’’นฺติ ปวุจฺจนฺติ. วุตฺตฺหิ –

‘‘ปพฺพชฺชา ปมํ ฌานํ, นิพฺพานฺจ วิปสฺสนา;

สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา, ‘เนกฺขมฺม’นฺติ ปวุจฺจเร’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๑๐๙; ที. นิ. ฏี. ๒.๓๖๐; อ. นิ. ฏี. ๒.๓.๖๖; วิสุทฺธิ. มหา. ๑.๕๖; เนตฺติ. ฏี. ๗๖ มิสฺสกหารสมฺปาตวณฺณนา);

อรูปํ อากาสานฺจายตนํ. ภูตนฺติ วิชฺชมานํ, ขนฺธปฺจกนฺติ อตฺโถ. ‘‘ภูตมิทนฺติ, สาริปุตฺต, สมนุปสฺสามี’’ติอาทีสุ ขนฺธปฺจกํ ‘‘ภูต’’นฺติ วุจฺจติ. อตฺตโน การณํ ปฏิจฺจ สมํ, สมฺมา จ อุปฺปนฺนนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ. ปม…เป… ภเวยฺยาติ สงฺขตนิสฺสรณภาเวน วุตฺตสฺส นิพฺพานสฺส อภาวปฺปตฺติยา จ ตเทกโยคนิทฺทิฏฺานํ ยถากฺกมํ กามรูปนิสฺสรณานํ ปมชฺฌานากาสานฺจายตนานมฺปิ อภาโวเยว อาปชฺเชยฺย. อิทานิ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ อาคเมน ทสฺเสตุํ ‘‘น ตุ ขโย’’ติอาทิ วุตฺตํ.

‘‘อตฺถิ…เป… สุผุสิตนฺติ จา’’ติ นตฺถิ นิสฺสรณํ โลเก, กึ วิเวเกน กามาปีติ เอวํ มาเรน ปฏิพาหิเต. ‘‘อตฺถิ…เป… สุผุสิต’’นฺติ นิพฺพานํ ปติฏฺเปนฺเตน อาฬวกตฺเถเรน วุตฺตํ. สุผุสิตนฺติ สุฏฺุ ผุสิตํ, สจฺฉิกตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อชาตนฺติอาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ อฺมฺเววจนานิ. อถ วา เวทนาทโย วิย เหตุปจฺจยสมวายสงฺขาตาย การณสามคฺคิยา น ชาตํ น นิพฺพตฺตนฺติ อชาตํ. การเณน วินา สยเมว จ น ภูตํ น ปาตุภูตํ น อุปฺปนฺนนฺติ อภูตํ. เอวํ อชาตตฺตา อภูตตฺตา เยน เกนจิ การเณน น กตนฺติ อกตํ. ชาตภูตกตภาโว จ นาม รูปาทีนํ สงฺขตธมฺมานํ โหติ, น อสงฺขตสภาวสฺส นิพฺพานสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ อสงฺขตนฺติ วุตฺตํ. ปฏิโลมโต วา สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตนฺติ สงฺขตํ, น ตถา สงฺขตํ, สงฺขตลกฺขณรหิตนฺติ จ อสงฺขตนฺติ. เอวํ อเนเกหิ การเณหิ นิพฺพตฺติตภาเว ปฏิสิทฺเธ ปกติวาทีนํ ปกติ วิย สิยา นุ โข, เอเกเนว การเณน เอตํ กตนฺติ อาสงฺกาย น เกนจิ กตนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อกต’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ อปจฺจยมฺปิ สมานํ สยเมว นุ โข อิทํ ภูตํ ปาตุภูตนฺติ อาสงฺกาย ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อภูต’’นฺติ วุตฺตํ. อยฺเจตสฺส อสงฺขตากตาภูตภาโว สพฺเพน สพฺพํ อชาตธมฺมตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อชาต’’นฺติ วุตฺตํ.

อสงฺขตนฺตีติ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ. เตน –

‘‘โน เจตํ, ภิกฺขเว, อภวิสฺส อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตํ. นยิธ ชาตสฺส ภูตสฺส กตสฺส สงฺขตสฺส นิสฺสรณํ ปฺาเยถ. ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, อตฺถิ อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตํ, ตสฺมา ชาตสฺส ภูตสฺส กตสฺส สงฺขตสฺส นิสฺสรณํ ปฺายตี’’ติ (อุทา. ๗๓) –

เอวมาทิสุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติ. เตนาห ‘‘อเนเกสุ สุตฺตนฺเตสู’’ติ. ธมฺเมน สเทวกสฺส โลกสฺส สามี, ธมฺมสฺส วา ยถิจฺฉิตํ เทสนโต สามี อิสฺสโรติ ธมฺมสามี. ตถาคต-สทฺทสฺส อตฺโถ เหฏฺา กถิโตว. สมฺมา สามํ สพฺพธมฺเม อภิสมฺพุทฺโธ, สมฺมา สยเมว สมฺโมหนิทฺทาวิคเมน ปฏิพุทฺโธ, พุทฺธิยา วิกสิตวาติ วา สมฺมาสมฺพุทฺโธ.

ปริตฺตตฺติเกติ ‘‘ปริตฺตา ธมฺมา, มหคฺคตา ธมฺมา, อปฺปมาณา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๒) เอวํ ปริตฺตาทิธมฺมวเสน อาคเต ปริตฺตตฺติเก.

นวตฺตพฺพารมฺมณตฺตาติ นวตฺตพฺพารมฺมณตฺตปฺปสงฺคโต. เตนาห ‘‘นวตฺตพฺพารมฺมณปกฺขํ ภเชยฺยุ’’นฺติ. รูปาวจรตฺติกจตุกฺกชฺฌานาติ จตุกฺกนเยน ติกชฺฌานา, ปฺจกนเยน จตุกฺกชฺฌานา. กุสลกิริยานํ อภิฺาภาวปฺปตฺติยา ปริตฺตาทิเกปิ อารพฺภ ปวตฺตนโต ‘‘จตุตฺถสฺส ฌานสฺส วิปาโก’’ติ อาห. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตยุตฺติโต เจว ปาฬิโต จ. กิฺจ ภิยฺโย – สงฺขตธมฺมารมฺมณํ วิปสฺสนาาณํ, อปิจ อนุโลมภาวปฺปตฺตํ กิเลเส ตทงฺควเสน ปชหติ, สมุจฺเฉทวเสน ปชหิตุํ น สกฺโกติ, ตถา สมฺมุติสจฺจารมฺมณํ ปมชฺฌานาทิกุสลาณํ วิกฺขมฺภนวเสเนว กิเลเส ปชหติ, น สมุจฺเฉทวเสน. อิติ สงฺขตธมฺมารมฺมณสฺส, สมฺมุติสจฺจารมฺมณสฺส จ าณสฺส กิเลสานํ สมุจฺเฉทปฺปหาเน อสมตฺถภาวโต เตสํ สมุจฺเฉทปฺปหานกรสฺส อริยมคฺคาณสฺส ตทุภยวิปรีตภาเวน อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ, ตฺจ นิพฺพานเมว. เตนาหุ โปราณา –

‘‘าณํ ยํ สงฺขตาลมฺพํ, ปฺตฺตาลมฺพเมว วา;

ปาเป หนฺติ น ตํ วตฺถุํ, ตทฺํ สมฺปฏิจฺฉิย’’นฺติ.

รูปสภาวาภาวโตติ เอเตน ยถา รูปธมฺมานํ รุปฺปนสภาโว, ปฏิฆาตวนฺตตา กลาปโต วุตฺติยา ปเทสสมฺพนฺโธ สภาโว, เอวํ นิพฺพานสฺส กตฺถจิ ปฏิฆาโต, สปฺปเทสตา จ นตฺถีติ ทสฺเสติ. น หิ นิพฺพานํ ‘‘อสุกทิสาย, อสุกปเทเส’’ติ วา นิทฺทิสียติ. ปปฺจาภาวโตติ ตณฺหามานทิฏฺิปปฺเจหิ สห อวฏฺานวเสน อภาวโต, เตสํ อภาวปจฺจยตาย จ. ตณฺหาทิฏฺิมานา หิ สํสาเร สตฺเต ปปฺเจนฺตีติ ปปฺจา นาม.

๗๗๒-๕. เอวํ นิพฺพานํ ยุตฺติโต, สุตฺตโต จ สาเธตฺวา อิทานิ ตสฺส ปริยายสนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘อจฺจนฺตมนนฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สํสารปฺปวตฺติยา ปริโยสานภูตตฺตา อนฺตํ. อิมินา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ กถิตาติ วทนฺติ, โสปาทิเสสนิพฺพานธาตุปิ วฏฺฏติ, อกตนฺติปิ ปนฺติ. โส เหฏฺา วุตฺตตฺโถว. สอุปฺปาทวยนฺตาภาเวน อนนฺตํ. กิเลสปริฬาหาภาเวน, กิเลสกฺโขภาภาเวน จ สนฺตํ. ปโลกิตาภาเวน อปโลกิตํ. อติตฺติกรภาเวน ปณีตํ. สพฺพทุกฺขหนนโต สรณํ. กิเลสโจเรหิ อนุปทฺทุตตฺตา นิพฺภยตาย เขมํ. สพฺพุปทฺทวนิวารณโต ตาณํ. ชาติอาทิทุกฺเขหิ อนุพนฺธสฺส อลฺลียิตุํ ยุตฺตฏฺานตาย เลณํ. ยถาปฏิปนฺนสฺส สนฺติทายกตฺเตน ปรํ ปติฏฺาภาวโต ปรายณํ.

สพฺพปีฬาวิมุตฺตตาย สิวํ. อุปนิสฺสยหีนานํ สพฺพฺุมุขโต สุตฺวาปิ เปตฺวา คุณวเสน สภาวโต ปฏิวิชฺฌิตุํ ทุกฺกรตาย นิปุณํ. อวิปรีตตาย สจฺจํ. สพฺพทุกฺขปริกฺขยกรตฺตา ทุกฺขกฺขยํ. เตชุสฺสทตาย สนฺตตฺตอโยคุเฬ มกฺขิกาหิ วิย จตูหิ อาสเวหิ อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อนาสวํ. มหาการุณิกสฺสาปิ ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกภาวาปาทเนน ปฏิวิชฺฌิตุํ ทุกฺกรตาย สุทุทฺทสํ. โลกุตฺตรธมฺเมสุปิ อสงฺขตคุเณน วิสิฏฺตาย ปรํ. สํสารมหาสมุทฺทสฺส ตีรภูตตฺตา ปารํ. มํสจกฺขุโน, ทิพฺพจกฺขุโน วา อโคจรตาย อนิทสฺสนํ. นิทสฺสนสงฺขาตาย อุปมาย อภาวโต วา อนิทสฺสนํ.

อวิปริณามธมฺมตฺตา ธุวํ. ตโตเยว ปรมปติฏฺาภาวโต ทีปํ. โรคาทิปีฬาภาวโต อพฺยาปชฺฌํ. ตโตเยว อนีติกํ. ตณฺหาลยาภาวโต อนาลยํ. สงฺขตาสงฺขเตสุ อสงฺขตโกฏฺาสภูตตฺตา, ปรมปติฏฺาภาวโต วา ปทํ. อวินาสภาเวน อจฺจุตํ. อกฺขรณโต อวินสฺสนโต อกฺขรํ.

สงฺขตนิสฺสฏตฺตา วิมุตฺติ. ภวพนฺธนวิมุตฺติเหตุตาย โมกฺขํ.

๗๗๖-๗. เอวนฺติ ยถาวุตฺตนเยน. วิฺายาติ อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน ชานิตฺวา. อธิคมูปาโยติ ปฏิวิชฺฌนูปายภูตา ติสฺโส สิกฺขา. กาตพฺโพติ ปฏิปชฺชิตพฺโพ.

สทฺธํ, พุทฺธิฺจ กโรติ วฑฺเฒตีติ สทฺธาพุทฺธิกรํ. ตถาคตมเตติ ติปิฏกพุทฺธวจเน, จตูสุ สจฺเจสุ วา. ปฺาย สมฺภูตํ, ปฺาย วา สมฺภโว เอตสฺสาติ ปฺาสมฺภวํ, ตเทว สมฺปสาทนํ พุทฺธาทีสุ อธิมุจฺจนํ, ตํ กโรตีติ ปฺาสมฺภวสมฺปสาทนกรํ. อตฺถพฺยฺชนสาลินนฺติ อติมธุเรหิ อตฺถพฺยฺชเนหิ สมนฺนาคตํ, อตฺถพฺยฺชนสารวนฺตนฺติ วา อตฺโถ ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา. สารํ ชานนฺตีติ สารฺู, เต วิมฺหาเปตีติ สารฺุวิมฺหาปนํ. นิฏฺนฺติ ปริโยสานํ, สุตมยมูลกํ อนุปาทาปรินิพฺพานนฺติ อธิปฺปาโย.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

นิพฺพานนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ทฺวาทสโม ปริจฺเฉโท

ปฺตฺตินิทฺเทสวณฺณนา

เอตฺถาติ ยถาอุทฺทิฏฺธมฺมานํ นิทฺเทสปริโยสาเน. เอตฺตกเมวาติ จิตฺตเจตสิกรูปนิพฺพานมตฺตเมว. ปฺาเปตพฺพโตติ ปรมตฺถธมฺมา วิย สกสกสภาววเสน อปฺายมานา หุตฺวา โลกสงฺเกตวเสน ปฺาปิยมานตฺตา. ปฺาปนโตติ ปรมตฺถวเสน วิชฺชมานาวิชฺชมานธมฺมานํ ปกาสนวเสน ปฺาปนโต. ตตฺถ ‘‘ปฺาเปตพฺพโต’’ติ อิมินา ปฺาปียติ ปกาเรน าปียตีติ ปฺตฺตีติ เอวํ กมฺมสาธนวเสน อตฺถปฺตฺติภูตา อุปาทาปฺตฺติ วุตฺตา. ‘‘ปฺาปนโต’’ติ อิมินา ปฺาเปติ ปกาเรน าเปตีติ ปฺตฺตีติ เอวํ กตฺตุสาธนวเสน ตสฺสา อภิธายกภูตา นามปฺตฺตีติ เวทิตพฺพํ. ปณฺณตฺติทุกนิทฺเทเส ‘‘สงฺขา…เป… โวหาโร’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๔) จตูหิ ปเทหิ อุปาทาปฺตฺติ วุตฺตา. ‘‘นามํ…เป… อภิลาโป’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๔) ฉหิ ปเทหิ นามปฺตฺติ กถิตาติ อาจริยานํ อิจฺฉิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ. เตสํ เตสํ ธมฺมานนฺติ เหฏฺา อภิธมฺมมาติกาย วุตฺตานํ กุสลากุสลาทิธมฺมานํ. สงฺขาติ ‘‘อหํ มมา’’ติอาทินา สงฺขายมานตา. สมฺาติ สงฺเกตวเสน ายมานตา. ปฺตฺตีติ อสงฺกรวเสน อเนกธา วิภชิตฺวา ปฺาปิยมานตา. โวหาโรติ ปากฏํ กตฺวา วุจฺจมานตา, กถนวเสน อุปยุชฺชมานตา วา. อตฺถาภิมุขํ นมตีติ นามํ. ตํ ปน อนฺวตฺถรุฬฺหีวเสน ทุวิธํ, สามฺคุณกิตฺติมโอปปาติกนามวเสน จตุพฺพิธํ. นามกมฺมนฺติ นามกรณํ. นามเธยฺยนฺติ นามปนํ, นามเธยฺยนฺติ วา เสฏฺานํ นามํ. อกฺขรทฺวาเรน อตฺถํ นีหริตฺวา อุตฺติ กถนํ นิรุตฺติ. พฺยฺชนนฺติ ปากฏกรณํ. อภิลาโปติ อภิลาปนํ.

อหนฺติ รูปาทิวินิมุตฺตํ อหํการพุทฺธิวิสยภูตํ อตฺตโน ขนฺธสมูหสนฺตานมุปาทาย ปฺตฺตํ ตทฺานฺภาเวน อนิพฺพจนียํ อุปาทาปฺตฺตึ วทติ. เตนาห ‘‘อหนฺติ หี’’ติอาทิ. ‘‘อหนฺติ…เป… กตฺวา’’ติ อุปาทาปฺตฺติยา อุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา ยถาติอาทินา ตํ ปกาเสติ.

ยสฺมา ‘‘สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร’’ติ ‘‘เอวํ สงฺขา’’ติ อิมสฺเสว เววจนํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อิทานิ ปฺาปนโต ปฺตฺติ’’นฺติอาทิ.

ตทนุรูปา ชาตาติ ตชฺชา, อวิชฺชมานปฺตฺติ วิย เกวลํ โลกสงฺเกตวเสเนว อหุตฺวา ธมฺมสภาวสฺส อนุรูปวเสน ปวตฺตา ปฺตฺตีติ อตฺโถ. นามปฺตฺติปิ วจนตฺถสงฺขาตการณํ อุปาทาย ปฏิจฺจ ปวตฺตนโต อุปาทาปฺตฺติโวหารํ ลภตีติ ตสฺสาปิ อุปาทาปฺตฺติปริยาโย วุตฺโต. คณฺิปทกาเรนาปิ หิ อิมินาว อธิปฺปาเยน อุปาทาปฺตฺตีติ อุปาทานวตี ปฺตฺติ การณวตึ การณภูตมตฺถมุปาทาย คเหตฺวา ตนฺนิสฺสเยน ปฺาปียติ, สพฺโพปิ ปฺตฺติเภโท อเนน ลกฺขเณน อุปาทาปฺตฺติเมว ภชติ. อนุปาทาย หิ ปฺตฺติ นตฺถีติ วุตฺตํ. อุปนิธาปฺตฺตีติ ปฏิปกฺขภูตํ เอกปฺตฺตึ อุปนิธาย อเปกฺขิตฺวา ปวตฺตา ปฺตฺติ. จกฺขุโสต-คฺคหเณน อชฺฌตฺติกายตนานิ ทสฺเสติ, รูปสทฺท-คฺคหเณน พาหิรายตนานิ. ปถวีเตโชวายุ-คฺคหเณน โผฏฺพฺพายตนํ ปเภทโต ทสฺเสติ. เอเตเนว ธมฺมายตเนปิ ลพฺภมานเภโท ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ.

ยสฺมา ปถวาทิกา ปฺตฺติ สสมฺภารปถวิยํ เอกสฺส นามํ คเหตฺวา สมูหเมโวปาทาย ปฺาปียติ, ฆฏาทิกา จ ปฺตฺติ ธมฺมสมูเหสุ สพฺเพสเมว นามํ คเหตฺวา สมูหเมโวปาทาย ปฺาปียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอกสฺส วา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอกสฺส นามํ คเหตฺวา สมูหมุปาทาย ปฺาปิยมานาย ปถวาทิวเสน ปากฏภาวโต ตํ เปตฺวา อิตรํ ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อยํ สมูหปฺตฺติ นาม สมูหสฺส ปฺาปนโต. ทิสากาสาทีสุ ทิสา-คฺคหเณน จนฺทสูริยาวตฺตนมุปาทาย ปฺาปิยมานํ ปุรตฺถิมาทิทิสาปฺตฺตึ ทสฺเสติ. อากาส-คฺคหเณน อสมฺผุฏฺธมฺเม อุปาทาย ปฺาปิยมานํ กูปคุหาทิอากาสปฺตฺตึ ทสฺเสติ. กาล-คฺคหเณน จนฺทาวตฺตนาทิกมุปาทาย ปฺาปิยมานํ ปุพฺพณฺหาทิกาลปฺตฺตึ ทสฺเสติ. นิมิตฺต-คฺคหเณน พหิทฺธา ปถวีมณฺฑลาทิกํ, อชฺฌตฺติกฺจ ภาวนาวิเสสํ อุปาทาย ปฺาปิยมานํ กสิณนิมิตฺตาทิกํ ทสฺเสติ. อภาว-คฺคหเณน ภาวนาพเลน อปฺปวตฺตนสภาวํ อากาสานฺจายตนฌานํ อุปาทาย ปวตฺตํ อากิฺจฺายตนฌานารมฺมณํ อภาวปฺตฺตึ ทสฺเสติ. นิโรธ-คฺคหเณน ภาวนาพเลน นิรุทฺธํ เนวสฺานาสฺายตนํ นิสฺสาย ปฺตฺตํ นิโรธปฺตฺตึ ทสฺเสติ. อาทิ-คฺคหเณน ขยาทิสภาวํ ตํ ตํ ธมฺมมุปาทาย ปฺาปิยมานํ อนิจฺจลกฺขณาทิกํ สงฺคณฺหาติ. สาปิ หิ ทิสากาสาทิกา วิย ธมฺมสมูหมุปาทาย อปฺตฺตภาวโต อสมูหปฺตฺติเยวาติ.

สาติ อยํ ทฺวิธา อุปาทาปฺตฺติ. ตชฺชาปฺตฺติ วจนตฺถํ อมุฺจิตฺวา ปวตฺติโต อุปาทาปฺตฺติยํเยว สงฺคยฺหตีติ วุตฺตํ ‘‘วิชฺชมานํ ปรมตฺถํ โชตยตี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ ‘‘ฉ ปฺตฺติโยปิ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วิชฺชมานนฺติ สภาเวน อุปลพฺภมานํ. อวิชฺชมานนฺติ เปตฺวา โลกสงฺเกตํ สภาววเสน อนุปลพฺภมานํ. นามมตฺตนฺติ นามมตฺตวนฺตํ. โสตทฺวารชวนานนฺตรนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนสทฺทารมฺมณาย โสตทฺวารชวนวีถิยา, ตทนุสารปฺปวตฺตาย อตีตสทฺทารมฺมณาย มโนทฺวารชวนวีถิยา จ อนนฺตรปฺปวตฺเตน. มโนทฺวารชวนวีถิปิ หิ โสตทฺวารชวนานนฺตรปฺปวตฺตา ตคฺคหเณเนว อิธ คหิตา. คหิตปุพฺพสงฺเกเตนาติ ‘‘อยํ อิมสฺส อตฺโถ, อิทมิมสฺส วาจก’’นฺติ เอวํ วจนวจนตฺถสมฺพนฺธคฺคหณวเสน คหิตปุพฺพภาวสงฺเกเตน. ยายาติ ยาย นามปฺตฺติยา กรณภูตาย. มโนทฺวารชวนวิฺาเณน กตฺตุภูเตน. มโนทฺวารชวนวิฺาเณน วา กรณภูเตน, ยาย นามปฺตฺติยา กตฺตุภูตายาติ อตฺโถ. ปฺาปียตีติ สมฺมุติปรมตฺถวเสน ปน ทุวิธํ อตฺถชาตํ ปฺาปียติ วิฺาปียตีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘อตฺถา ยสฺสานุสาเรน, วิฺายนฺติ ตโต ปรํ;

สายํ ปฺตฺติ วิฺเยฺยา, โลกสงฺเกตนิมฺมิตา’’ติ.

กตรชวนวีถิยํ ปนายํ วิฺายตีติ? ‘‘ฆโฏ’’ติอาทิสทฺทํ สุณนฺตสฺส เอกเมกํ สทฺทํ อารพฺภ ปจฺจุปฺปนฺนาตีตารมฺมณวเสน ทฺเว ทฺเว ชวนวารา โหนฺติ, ตโต สทฺทสมุทายมารพฺภ เอโก, ตโต นามปฺตฺติมารพฺภ เอโกติ เอวํ สทฺทสมุทายารมฺมณาย ชวนวีถิยา อนนฺตรํ นามปฺตฺติ ปากฏา โหติ, ตโต ปรํ อตฺถาวโพโธติ อาจริยา.

ยํ สนฺธาย ฉกฺกนโย วุตฺโตติ สมฺพนฺโธ. ตถา อวิชฺชมานานนฺติ ปรมตฺถโต อวิชฺชมานานํ. เกนจิ อากาเรนาติ ปรมตฺถโต, โลกสงฺเกตโต วา เกนจิ ปกาเรน. อนุปลพฺภมานานํ ปฺจมสจฺจาทีนนฺติ อากาสาทิปฺจมสจฺจาทีนํ. อาทิ-คฺคหเณน อฏฺมโพชฺฌงฺคาทิเก สงฺคณฺหาติ. ปกติปุริสาทีนนฺติ สตฺวรชตมานํ สมานาวตฺถา ปกติองฺคุฏฺาทิปริมาโณ การโก เวทโก อตฺตา ปุริโสติอาทินา ปริกปฺปิตานํ ปกติปุริสาทีนํ. อาทิ-คฺคหเณน อากาสกุสุมาทึ สงฺคณฺหาติ. วิชฺชมาเนน อวิชฺชมานปฺตฺติ ปรมตฺถโต วิชฺชมานาหิ วิชฺชาทีหิ อวิชฺชมานสฺส ปุคฺคลสฺส ปฺตฺตตฺตา. เสเสสุปิ อิมินาว นยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺเถวาติ อุปาทาปฺตฺติยเมว.

‘‘กุสคฺเคนุทกมาทาย, สมุทฺเท อุทกํ มิเน;

เอวํ มานุสกา กามา, ทิพฺพกามาน สนฺติเก’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๓๘๙) –

วจนโต มนุสฺสโลเก จกฺกวตฺติสมฺปตฺติทิพฺพสมฺปตฺตึ อุปนิธาย นิหีนาเยวาติ วุตฺตํ ‘‘กปณํ…เป… นิธายา’’ติ. มานุสกนฺติ มนุสฺสโลเก ภวํ. ปรมตฺโถ จ วิชฺชตีติ ปาเสโส.

๗๗๘. ตติยา โกฏิ น วิชฺชติ อนุปลพฺภมานตฺตา. วุตฺตฺเหตํ มหาอฏฺกถายํ

‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;

สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ โนปลพฺภตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๓๙-๔๔๓);

ปรวาเทสุ น กมฺปตีติ ปกติปุริสนฺตราทิวาทีนํ ปเรสํ ติตฺถิยานํ วาเทสุ สมฺปตฺเตสุ, นิมิตฺตภูเตสุ วา น กมฺปติ น ปเวธติ น จลตีติ อตฺโถ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

ปฺตฺตินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. เตรสโม ปริจฺเฉโท

การกปฏิเวธวณฺณนา

นิทฺทิฏฺาติ อุทฺเทสนิทฺเทสาทิวเสน ทสฺสิตา. กุสลาทโยติ กุสลากุสลา. เอเตสํ ปน น นิทฺทิฏฺโติ สมฺพนฺโธ. ปุพฺเพ ‘‘การโก’’ติ วจนํ วิย ‘‘เวทโก’’ติ อวุตฺเตปิ ‘‘อตฺตา การโก เวทโก’’ติ อตฺตโน ลทฺธิตาย ‘‘ตสฺส หิ การกสฺส เวทกสฺสา’’ติ วุตฺตํ. กุสลากุสลานมภาโวปิ สิยา, อิตรถา อเหตุกโทสาปตฺติโตติ อธิปฺปาโย. เตสํ กุสลากุสลานํ อายตฺตา วุตฺติ เอเตสนฺติ ตทายตฺตวุตฺติโน. เตสนฺติ กุสลากุสลาทีนํ. ตสฺมาติ การกาภาเว กุสลากุสลานํ, ตพฺพิปากานฺจ อภาวโต. นิรตฺถิกาติ เทเสตฺวาปิ โพเธตพฺพาภาวโต นิรตฺถิกา. ‘‘นายํ นิรตฺถิกา’’ติ วตฺวาปิ ‘‘สาตฺถิกา’’ติ วจนํ ปน ปรสฺส ทฬฺหคฺคาหตฺถํ. โลเกปิ หิ เอวํ โวหารํ โวหรนฺติ, เอวเมว ภวติ, นาฺถาติอาทิ. ตตฺถาติ การกาภาเวปิ อตฺตา อตฺถีติ คหเณ. อนุโรโธติ อนุกูลปกฺขปาโตติ อตฺโถ. อิธาติ การกาภาเวปิ กุสลาทโย อตฺถีติ คหเณ. วิโรโธติ ปฏิโฆ.

เอวํ การกาภาเวปิ กุสลาทีนํ สพฺภาวํ ยุตฺติโต สาเธตฺวา อิทานิ โลกสิทฺเธน นิทสฺสเนน สาเธตุํ ‘‘อถาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถาปีติ การกาภาเวปิ. ปถวิ-คฺคหเณน ปถโวชํ ทสฺเสติ. ตถา อาป-คฺคหเณน อาโปชํ. เตโชติ สีตุณฺหวเสน ทุวิธา เตโชธาตุ. อุตูติ เหมนฺตาทิอุตุ. อาทิ-คฺคหเณน พีชาทิเก สงฺคณฺหาติ. ชนกปจฺจโย เหตุ, อนุปาลนกปจฺจโย ปจฺจโย นามาติ อาห ‘‘เหตุปจฺจยสามคฺคิยา’’ติ. ‘‘ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ, ปจฺจโย อนุปาลนโก’’ติ หิ วุตฺตํ.

เอวํ การกาภาเวปิ กุสลากุสลปฺปวตฺตึ สาเธตฺวา อิทานิ ปรปริกปฺปิตํ อตฺตานเมว ตาว ปฏิกฺขิปิตุํ ‘‘อถาปิ เจตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. กามํ ปฺาปริพาหิรทิฏฺิยา เอว อตฺตา ปริกปฺปียติ, ปโร ปน ‘‘ปฺาย ปริกปฺเปมี’’ติ มฺตีติ ตสฺส ลทฺธิวเสน ‘‘ปฺาย ปริกปฺปิโต’’ติ วุตฺตํ. ตํ อุปปริกฺขิสฺสาม ตาวาติ ติฏฺตุ ตาว เจสา การกาภาเวปิ กุสลาทีนํ ภาวาภาววิจารณา ปมํ ตเมว อตฺตานํ อุปปริกฺขิสฺสามาติ อตฺโถ. โทสเมตฺถ วตฺตุกาโม ปุจฺฉตีติ อธิปฺปาเยน ปฏิฺํ อทตฺวาว ปุจฺฉนฺโต อาห ‘‘กิฺเจตฺถา’’ติ. สเจตโน วา อุทาหุ อเจตโน วาติ เอตฺถ โก โทโสติ อตฺโถ. อิตโร อุภยถาปิ โทโสเยว. ยฺหิ อเจตนํ อตฺตานํ, น ตํ การกํ, เวทกฺจ, ยถา ตํ ปาการตรุอาทโย. ‘‘อเจตโนวายํ อตฺตา’’ติ อนุมาเนน การกเวทกตฺตาภาวสิทฺธิโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทิ อเจตโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนฺโติ อวินิพฺโภควเสน อนฺโ. อิตรถา ‘‘สเจตโน’’ติ วจนเมว น อุปปชฺเชยฺย. สหภาวี นาม อฺโ น โหตีติ. อตฺตโนปิ นาโส สิยาติ อวินิพฺโภควุตฺติรูเปสุ เอกสฺส นาเส อิตรสฺสาปิ วินาโส วิย. เจตนายปิ นาโส น ภวติ อวินิพฺโภครูเปสุ เอกสฺส อวินาเส อิตรสฺสาปิ อวินาโส วิยาติ อธิปฺปาโย.

‘‘เจตนาย อนฺตฺตา’’ติ การณํ วตฺวา ตเมว สมตฺเถตุํ ‘‘เจตนตฺตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อตฺตโน อนาเส สติ เจตนายปิ วินาโส น ภวตี’’ติ สุตฺวาปิ ปรสฺส นิรุตฺตรภาโว, เจตนาย นาเส วิเสสการณาภาวโตติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อถ เจตนายเยวา’’ติอาทิ. อตฺตาว นสฺสตุ, ติฏฺตุ เจตนา. โก หิ วิเสสการณาภาเว อตฺตนิ อนุโรโธ, เจตนาย วิโรโธติ อธิปฺปาโย. ปฏิฺา หีนาติ ปุพฺเพ ทินฺนปฏิฺา ปริหีนา. อถ น ภวติ, ‘‘ปฏิฺา หีนา’’ติ ยทิ อตฺตโน วินาเส เจตนาย อวินาโส น ภวติ. เจตนตฺตานํ อนฺภาเวน เจตนาย นาเส อตฺตโนปิ วินาสปฺปสงฺคโต อตฺตา น นสฺสตีติ ตว ปฏิฺา หีนา. วุตฺตปฺปการโต วิปรีตํ วาติ ยถาวุตฺตปฺปการโต วิปรีตํ. เจตนาย วินาเสปิ อตฺตา น นสฺสติ, อตฺตโน ปน อวินาเสปิ เจตนา นสฺสตีติ เอวํ วา ตว อธิปฺปาโย สิยาติ อตฺโถ. อตฺตา นสฺสตุ, เจตนา ติฏฺตุ อฺภาเว อุภินฺนํ สมานโยคกฺขมตาย ภวิตพฺพโตติ อธิปฺปาโย. ปฏิฺาหีโน ภวสีติ เจตนาเยว นสฺสติ, อตฺตา น นสฺสติ ปฏิฺาย หีโน ภวสิ.

อิธาติ อฺตฺถ ปกฺเข. ลกฺขณกตนฺติ อฺมฺวิสทิเสหิ ภินฺนลกฺขเณหิ กตํ. เทสนฺตรกตนฺติ ภินฺนเทสกตํ. ชาโต เวทียติ ายตีติ ชาตเวโท, อคฺคิสฺเสตํ อธิวจนํ. ฑยฺหมาเนติ อุทฺธเน ปกฺขิปิตฺวา ปจฺจมาเน. เอโก ปวตฺติปเทโส อิเมสนฺติ เอกเทสา, เตสํ ภาโวติ เอกเทสตฺตํ.

อวินิพฺโภคโตติ ลกฺขณโต เภเทปิ านวเสน อวินิพฺภุชฺชนโต อวิสํสฏฺตฺตา ‘‘เอกเทสตฺเต’’ติอิมสฺเสว เววจนวเสน ‘‘อวินิพฺโภคภาเวปี’’ติ วุตฺตํ. ตํ อยุตฺตนฺติ ตํ ‘‘อุภินฺนํ เอกเทสตา นตฺถี’’ติ อิมินา สห น ยุชฺชติ. ปฏิฺา หีนาติ ยทิ ปุพฺพปฏิฺา ปมาณํ, อยํ ปฏิฺา หีนา. ยทิ วา ปน อยํ ปมาณํ, อิตรา หีนาติ อตฺโถ. อถ วา เจตนาย อตฺตโน ปเทสวเสน นานตฺเต อตฺตโน อเจตนตฺตภาวปฺปตฺติโต ‘‘สเจตโน อตฺตา’’ติ เหฏฺา ตยา ทินฺนปฏิฺา ปริหีนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

อเจตโน อตฺตาติ อตฺตา อเจตโนติ กตฺวา. ปุพฺเพ วุตฺตโทสโตติ ‘‘ยทิ อเจตโน สิยา’’ติอาทินา อาทิโต วุตฺตโทสโต. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ อุปปริกฺขิยมาเน วิมทฺทนสโห โหติ, ตสฺมา.

๗๗๙. ยทิ เอวนฺติ ยทิ ปรมตฺถโต กุสลากุสลานํ การโก, ตพฺพิปากานฺจ เวทโก นตฺถิ, เอวํ สนฺเต อถ กสฺมา ภควตา วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ.

สนฺธาวตีติ สํสรติ. อตฺตนา กตกุสลากุสลกมฺมปจฺจยตฺตา วิปากภูตํ สุขทุกฺขมฺปิ อตฺตนา กตเมว นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สุขทุกฺขํ สยํกต’’นฺติ.

๗๘๐. สํสารมาปนฺโนติ –

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, ‘สํสาโร’ติ ปวุจฺจตี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙) –

เอวํ วุตฺตขนฺธปฏิปาฏิอาทิวสปฺปวตฺตํ สํสารํ ปุนปฺปุนํ ปวตฺติวเสน ปฏิปนฺโน. ทุกฺขมสฺส มหพฺภยนฺติ อสฺส สํสาราปนฺนสฺส สตฺตสฺส ชาติอาทิทุกฺขํ มหพฺภยํ มหาภยสํวตฺตนกนฺติ อตฺโถ. โอปปาติโกติ อุปฺปชฺชมาโน.

๗๘๑. ภารา หเว ปฺจกฺขนฺธาติ รูปาทโย ปฺจกฺขนฺธา ภารภูตา, สีเส นิกฺขิตฺตภารสทิสาติ วุตฺตํ โหติ. ภารหาโร จ ปุคฺคโล ตสฺส ปฺจกฺขนฺธภารสฺส หารโก. ภาราทานนฺติ ปฏิสนฺธิวเสน ปฺจกฺขนฺธภารคฺคหณํ. ภารนิกฺเขปนนฺติ ปุน อคฺคเหตพฺพตาปาทเนน อนุปาทาปรินิพฺพานวเสน ภารสฺส นิกฺขิปนํ.

๗๘๒. นฺติ กุสลากุสลกมฺมํ. สกนฺติ อายตฺตํ.

๗๘๓. เอกสฺส ปุคฺคลสฺสาติ สมฺพนฺโธ. เอเกน กปฺเปนาติ เอกสฺมึ กปฺเป.

๗๘๔. อสฺสทฺโธติอาทิ เหฏฺา วุตฺตตฺถํ.

‘‘ตฺจ โข สมฺมุติวเสน, น ปรมตฺถโต’’ติ วตฺวา ตเทว ปติฏฺาเปตุํ ‘‘นนุ ภควตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘กึ นุ สตฺโต’’ติ คาถา วชิราย เถริยา วุตฺตาปิ ภควโต อธิปฺปายวเสเนว วุตฺตตฺตา ภควตา วุตฺตา นาม โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ภควตา อิทมฺปิ วุตฺต’’นฺติ.

๗๘๕. กึ นุ สตฺโตติ ปจฺเจสีติ รูปเวทนาทีสุ กึ นาม สตฺโต ปุคฺคโลติ คณฺหาสิ.

๗๘๖. องฺคสมฺภาราติ จกฺกาทิอวยวสมฺภาเรสุ, จกฺกาทิอวยวานํ สโมธาเนวาติ อตฺโถ. สทฺโทติ โวหาโร.

ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ ปรมตฺถโต สตฺตสฺส อภาโว ภควตา วุตฺโต, ตสฺมา. น วจนมตฺตเมว อาลมฺพิตพฺพํ อธิปฺปายํ ปหายาติ อตฺโถ. ทฬฺหมูฬฺโหว หุตฺวา คณฺหาตีติ ทฬฺหมูฬฺหคฺคาหี, การเณ ทสฺสิเตปิ อปริจฺจชนวเสน คหณํ ทฬฺหคฺคหณํ. การณสฺเสว ทฏฺุมสมตฺถตาวเสน คหณํ มูฬฺหคฺคหณํ. ตาทิเสน น ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘น จ…เป… ภวิตพฺพ’’นฺติ. สุตฺตปทานนฺติ เนยฺยตฺถนีตตฺถวเสน อุภยถา ิตานํ สุตฺตนฺตานํ.

ทฺเว สจฺจานิ วุตฺตานิ ตถา ตถา วิเนตพฺพานํ ปุคฺคลานํ วเสนาติ อธิปฺปาโย. เยสฺหิ สมฺมุติเทสนาย วิเสสาธิคโม โหติ, เตสํ สมฺมุติสจฺจวเสน เทเสติ. เยสฺจ ปรมตฺถเทสนาย, เตสํ ปรมตฺถวเสน เทเสติ. เทสภาสากุสโล วิย อาจริโย ตํตํเทสวาสิมาณวานํ ตาย ตาย ภาสาย. สมฺมุติสจฺจํ ปรมตฺถสจฺจฺจาติ เอตฺถ ‘‘ปุคฺคโล สตฺโต อิตฺถี ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว’’ติเอวมาทิ ปรมตฺถโต อวิชฺชมานมฺปิ โลเก กตสงฺเกตวเสน ตถตฺตา สมฺมุติสจฺจํ. ขนฺธธาตุอายตนานิ สติปฏฺานาติเอวมาทิ ปรมตฺถวเสเนว ตถตฺถา ปรมตฺถสจฺจํ. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา –

‘‘สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณํ;

ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณํ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๓๙-๔๔๓);

‘‘ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;

สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ.

๗๘๗-๘. โย โส อิมํ คนฺถํ อจฺจนฺตํ สตตมฺปิ จินฺเตติ, ตสฺส ตโต สิทฺธา ปรมา ปฺา เวปุลฺลภาวํ คจฺฉติ. อธึ จิตฺตสนฺตาปํ นีหรติ อปเนตีติ อธินีหรํ. วิมติยา วิจิกิจฺฉาย, โมหสฺส วา วินาสํ กโรติ อุปนิสฺสยภาวโตติ วิมติวินาสกรํ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปทาย มนวฑฺฒนโต ปิยกรํ. วิกสตีติ ทิพฺพติ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน, อภิธมฺเม วา.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

การกปฏิเวธวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๔. จุทฺทสโม ปริจฺเฉโท

รูปาวจรสมาธิภาวนานิทฺเทสวณฺณนา

๗๘๙. เอวํ ปรมตฺถสมฺมุติวเสน อุภยถาปิ สพฺพธมฺเม สงฺเขปโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา เตสุ อุคฺคหณปริจฺเฉทาทิวเสน กตปริจเยน อตฺถกาเมน กุลปุตฺเตน เอกํสโต ภาวนาย อภิโยโค กาตพฺโพ, ตสฺมา ภาวนานยํ สงฺเขปโต ทสฺเสตุมารภนฺโต อาห ‘‘ภาวนานย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ภาวนานยนฺติ โลกิยโลกุตฺตรภาวนานยํ, กุสลธมฺมานํ วฑฺฒนกฺกมนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ หิตํ อานยติ อุปเนตีติ หิตานโย, ตํ หิตานยํ. มานยนฺติ มาเนนฺโต. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺเถหิ อนุสาสนโต สตฺตานํ สุขํ อาเนตีติ สุขานโย, ตํ สุขานยํ. ปรมํ พฺยากโรมิ, ปรมํ ภาวนานยนฺติ วา โยชนา.

๗๙๐. มนุสฺสานํ ธมฺมโต อุตฺตรํ าณทสฺสนนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ มนุสฺสานํ ธมฺมา นาม มนุสฺสานํ ปกติธมฺมภูตา ทส กุสลกมฺมปถา, ตโต อุตฺตรํ าณทสฺสนํ นาม มหคฺคตโลกุตฺตรธมฺมา. เต หิ ชานนฏฺเน าณํ, ปจฺจกฺขโต วิย ทสฺสนฏฺเน จ ทสฺสนนฺติ อธิปฺเปตา. ‘‘อุตฺตริมนุสฺสาน’’นฺติ วา ยถาิตวเสเนว สมฺพนฺโธ. พาลมนุสฺสาทิโต อุตฺตริมนุสฺสานํ ฌายีนฺเจว อริยานฺจาติ อตฺโถ.

๗๙๑. สงฺกสฺสรสมาจาเรติอาทีหิ สีลวิสุทฺธิยา ปโยชนทสฺสนํ. ตตฺถ สงฺกาย สริตพฺโพ สมาจาโร อสฺสาติ สงฺกสฺสรสมาจาโร. ยํ กิฺจิ ลามกกมฺมํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ อสุเกน กตํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปวตฺเตตพฺพาย สงฺกาย อตฺตโน วา ปเร ยํกิฺจิ มนฺเตนฺเต ทิสฺวา ‘‘มม อิทฺจิทฺจ อสารุปฺปํ ชานิตฺวา มนฺเตตี’’ติ เอวํ ปวตฺตสงฺกาย อุปคนฺตพฺพสมาจาโรติ อตฺโถ. ทุสฺสีเลติ เอตเทว วิภาเวตุํ ‘‘สีลวชฺชิเต’’ติ วุตฺตํ. ทุสฺสีเลติ วา ทูสิตสีเล ขณฺฑาทิภาวํ อุปคตสีเล. สีลวชฺชิเตติ สพฺเพน สพฺพํ สีลวิรหิเต. นตฺถิ ฌานนฺติ โลกิยชฺฌานมฺปิ ตาว นตฺถิ. กุโต มคฺโคติ โลกุตฺตรมคฺโค กุโต, เกน การเณน โลกุตฺตรธมฺมานํ เหตุเยว วิชฺชตีติ อตฺโถ.

๗๙๒. จรนฺติ ตสฺมึ สีเล ปริปูรการิตาย ปวตฺตนฺตีติ จาริตฺตํ. วาริตํ ตายนฺติ รกฺขนฺติ เตน, วาริตโต วา อตฺตานํ ตายตีติ วาริตฺตํ. ยํ ภควตา ‘‘อิทํ กาตพฺพ’’นฺติ ปฺตฺติสิกฺขาปทปูรณํ, อิทํ จาริตฺตํ นาม. ยํ ‘‘น กาตพฺพ’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตสฺส อกรณํ วาริตฺตํ นาม. อจฺฉิทฺทนฺติอาทีสุ ยสฺส สตฺตสุ อาปตฺติกฺขนฺเธสุ มชฺเฌ สิกฺขาปทํ ภินฺนํ, ตสฺส สีลํ ฉิทฺทสาฏโก วิย ฉิทฺทํ นาม โหติ, ตพฺพิปรีตํ อจฺฉิทฺทํ. ยสฺส อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา ภินฺนํ, ตสฺส ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิย ขณฺฑํ นาม โหติ, ตทฺํ อกฺขณฺฑํ. กมสฺส อาทรกรณวเสน อกฺขณฺฑนฺติ, กมวิลงฺฆนวเสน ‘‘อกฺขณฺฑมจฺฉิทฺท’’นฺติ วา ปาโ. อกมฺมาส-คฺคหเณน อสพลตฺตมฺปิ วุตฺตํ, สพลกมฺมาสานํ เภทสฺส อปฺปมตฺตกภาวโต. เอตฺตโก หิ เตสํ วิเสโส. ยสฺส ปฏิปาฏิยา ทฺเว ตีณิ สิกฺขาปทานิ ภินฺนานิ, ตสฺส ปิฏฺิยา, กุจฺฉิยา วา อุฏฺิเตน วิสภาควณฺเณน กาฬรตฺตาทีนํ อฺตเรน สพลวณฺณา คาวี วิย สพลํ นาม โหติ. ยสฺส อนฺตรนฺตรา ภินฺนานิ, ตสฺส อนฺตรนฺตรา วิสภาควณฺณพินฺทุจิตฺรคาวี วิย กมฺมาสํ นาม โหติ. ยํ ปน ตถาวิธํ น โหติ, ตํ ‘‘อสพลํ อกมฺมาส’’นฺติ วุจฺจติ. อนินฺทิตนฺติ อิมินา ภุชิสฺสวิฺุปฺปสตฺถอปรามฏฺสมาธิสํวตฺตนิกภาเว สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ เอวํ ตณฺหาย อปรามฏฺํ ตณฺหาทาสพฺยโต โมจิตตฺตา ภุชิสฺสํ นาม. อทาสฺหิ โลเก ภุชิสฺโสติ วทนฺติ. ยถาวุตฺตคุณปาริปูริยา พุทฺธาทีหิ วิฺูหิ ปสํสิตพฺพนฺติ วิฺุปฺปสตฺถํ. ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺํ ิติภาคิยํ อปรามฏฺํ นาม. ฌานาทีนํ ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ วิเสสภาคิยํ สมาธิสํวตฺตนิกํ นาม.

๗๙๓-๗. วิเวกสุขนฺติ กายจิตฺตูปธิวิเวกสุขํ. กายวิเวกสุขมฺปิ หิ สมฺปนฺนสีลสฺเสว ทุสฺสีลสฺส สุฺาคาราทีสุ วสโตปิ เภรวารมฺมณาทิอาปาถคมเนน ทุกฺขสฺเสว วิเสสโต สมฺปชฺชนโต. อลงฺกาโร อนุตฺตโรติ เทวพฺรหฺมราชราชมหามตฺตาทีนํ มชฺเฌ อนฺสาธารณโสภาปฏิลาภเหตุตาย นิรุตฺตโร อลงฺการวิเสโส. รตนนฺติ จกฺกวตฺตีนํ จกฺกรตนาทิโตปิ สวิเสสํ รติชนนโต อนุตฺตรํ รตนํ. จกฺกรตนาทิกฺหิ วฏฺฏนิสฺสิตเมว รตึ ชเนติ, อิทํ ปน วิวฏฺฏนิสฺสิตมฺปิ ชเนตีติ วิเสสโต รติชนกํ โหติ. อิจฺฉิติจฺฉิตสฺส สมฺปตฺติวิเสสสฺส นิปฺผาทนโต จินฺตามณิสมนฺติ จินฺตามณิ. ยานนฺติ สํสารกนฺตารตรเณ ยานํ. สีตลนฺติ จิตฺตสีติภาวกรเณน สีตลํ. กิเลสมลโธวนนฺติ คงฺคายมุนาทีหิปิ ทุพฺพิโสธนียสฺส กิเลสกาลุสิยสฺส โธวนํ. คุณานํ มูลภูตนฺติ สพฺเพสมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรคุณานํ มูลภูตํ. ‘‘สีเล ปติฏฺาย (สํ. นิ. ๑.๒๓), โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ, สีลฺจ สุวิสุทฺธ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙) จ อาทิวจนฺเหตฺถ นิทสฺสนํ. โทสานํ วีติกฺกมวตฺถุภูตสฺส พลสฺส วินาสนโต โทสานํ พลฆาติ.

ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํวิธานิสํสสมฺปนฺนํ สีลํ, ตสฺมา. ทุวิธลกฺขณนฺติ โอกฺขิตฺตจกฺขุอปฺปสทฺทาทิวเสน กายกมฺมาทีนํ อวิปฺปกิณฺณตาสาธนโต สมาธานลกฺขณํ, กุสลธมฺมานํ มูลภาวโต ปติฏฺานลกฺขณนฺติ เอวํ ทุวิธลกฺขณํ, จาริตฺตวาริตฺตวเสน วา ทุวิธสภาวนฺติ อตฺโถ. อตฺถานํ กาเมติ ตสฺส หิตาสีสนวเสนาติ อตฺถกาโม. ปิยํ สีลมสฺสาติ ปิยสีโล.

๗๙๘-๙. กาตพฺโพ ปลิโพธสฺสุปจฺเฉโทติ สมฺพนฺโธ. กติวิโธ ปนายํ ปลิโพโธ, กึ สรูโป จาติ อาห ‘‘ปลิโพธา ทสา’’ติอาทิ, ‘‘อาห มหาอฏฺกถาย’’นฺติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ อาวาโสติ เอกมฺปิ โอวรกํ อาทึ กตฺวา ยาว สกโลปิ สงฺฆาราโม, โส ตตฺถ ปฏิพทฺธจิตฺตสฺส ปลิโพโธ, น อิตรสฺส. กุลนฺติ าติกุลํ วา อุปฏฺากกุลํ วา, ตํ เตหิ สํสฏฺวิหรโตว ปลิโพโธ. ลาโภติ จตฺตาโร ปจฺจยา, เตปิ ตตฺถ สาเปกฺขสฺเสว ปลิโพธา. คโณติ สุตฺตนฺติกคโณ วา อาภิธมฺมิกคโณ วา. โส อุทฺเทสปริปุจฺฉาทาเนน สมณธมฺมสฺส โอกาสาลาภิโน ปลิโพโธ. กมฺมนฺติ นวกมฺมํ, ตํ กโรนฺเตน วฑฺฒกิอาทีหิ ลทฺธาลทฺธํ ชานิตพฺพํ, กตากเต อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิตพฺพนฺติ สพฺพถาปิ ปลิโพโธ. อทฺธานนฺติ มคฺคคมนจิตฺตสฺส ทุพฺพิโนทนียตาย ตํ สมณธมฺมสฺส ปลิโพโธ. าตีติ เอตฺถ กุล-คฺคหเณน าติกุลสฺสปิ คหิตตฺตา เอเกกา าติ อิธ คหิตาติ ทฏฺพฺพา. เย ปน วิหาเร อาจริยุปชฺฌายาทโย, ฆเร มาตาทโย, เต คิลานา ปลิโพธา. อาพาโธติ โย โกจิ โรโค, โส พาธยมาโน ปลิโพโธ. คนฺโถติ ปริยตฺติปริหรณํ, ตํ สชฺฌายาทีหิ นิจฺจพฺยาวฏสฺเสว ปลิโพโธ. อิทฺธีติ โปถุชฺชนิกอิทฺธิ. สา หิ ทุปฺปริหารา อปฺปมตฺตเกเนว ภิชฺชติ, อยํ ปน วิปสฺสนาย ปลิโพโธ, น สมาธิสฺส สมาธึ ปตฺวา ปฏิลภิตพฺพตฺตา. เตติ เต ปลิโพธา.

๘๐๐-๒. ปลิโพธสฺสุปจฺเฉทํ กตฺวาติ เอตฺถ ปโม ตตฺถ นิรเปกฺขจิตฺตตาย, ทุติโย อสํสคฺเคน, ตติโย ลาภสกฺการุปฺปตฺติฏฺานํ ปหาย อฺตฺถ คมเนน, จตุตฺโถ ยถารทฺธคนฺถสมาปเนน, อฺสฺส สงฺคาหเณน วา, ปฺจโม ยถารทฺธกมฺมสฺส นิฏฺาปเนน, สงฺฆาทีนํ นิยฺยาตเนน วา, ฉฏฺโ คนฺตฺวา กิจฺจตีรเณน, สตฺตโม อุปฏฺหิตฺวา าตีนํ ปากติกกรเณน, อฏฺโม เภสชฺชกรเณน, วีริยาธิฏฺาเนน วา, นวมทสมา ตตฺถ อพฺยาวฏตาย อุปจฺฉินฺทิตพฺพา. อุปสงฺกมิตพฺโพติ ยตฺถ โส วสติ, ตตฺถ อุปสงฺกมนวิธิฺเจว อุปสงฺกมนฺเตน ปฏิปชฺชิตพฺพวิธานฺจ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. อิโต ปรฺหิ คนฺถวิตฺถารปริหรณตฺถํ วิสุทฺธิมคฺเค อาคตวิตฺถารํ ปหาย ปทตฺถวณฺณนมตฺตํ กริสฺสาม. กมฺมฏฺานสฺสาติ เอตฺถ โยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานตาย, อุปรูปริภาวนากมฺมสฺส การณภาวโต จ กมฺมฏฺานํ. ตํ ปน สพฺพตฺถกปาริหาริยวเสน ทุวิธํ. ตตฺถ เมตฺตา, มรณสฺสติ, อสุภสฺา จ สพฺพตฺถ อตฺถยิตพฺพโต อิจฺฉิตพฺพโต สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานํ นาม. จริยานุกูลํ ปน ยํ กิฺจิ กมฺมฏฺานํ นิจฺจํ ปริหริตพฺพตฺตา ปาริหาริยกมฺมฏฺานํ นาม. อิมํ ทุวิธํ กมฺมฏฺานํ โย เทติ, อยํ กมฺมฏฺานสฺส ทายโก, โสปิ อีทิโส ปริเยสิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปิโย ครู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิโยติ สีลสมฺปทาทีหิ สตฺตานํ ปิยายิตพฺโพ. ครูติ ตโตเยว ครุกาตพฺโพ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กตฺวา ทฏฺพฺโพ. ภาวนีโยติ สมฺภาวนีโย. วตฺตาติ กิฺจิ อาลสิยมฺปิ ทิสฺวา โจเทตฺวา โอวาทวเสน วทนสีโล. วจนกฺขโมติ ปฏิปุจฺฉกฺขโม, ปฏิปุจฺฉิโต อสํหีโร หุตฺวา สมฺภาสนกฺขโมติ วุตฺตํ โหติ. คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตาติ ติรจฺฉานกถํ อกเถตฺวา ทสกถาวตฺถุปฏิสํยุตฺตํ คมฺภีรเมว กถํ กตฺตา. โน จฏฺาเน นิโยชโกติ อปฺปวตฺติตพฺพฏฺานภูเต อหิเต น นิโยชโก. เอวมาทิคุโณเปตนฺติ อาทิ-สทฺเทน สทฺธาสมฺปทาทิคุณโยคํ ทสฺเสติ. กาเลนาติ อตฺตโน, อาจริยสฺส จ สปฺปายกาเลน.

๘๐๓. วตฺตํ กตฺวาติ อาจริยสฺส นวกมหลฺลกภาวานุรูเปน ขนฺธเก อาคตํ อาจริยวตฺตํ กตฺวา. อิทานิ อาจริเยน ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาปีติ กมฺมฏฺานทายเกนปิ. จริตํ ตฺวา ทาตพฺพนฺติ เจโตปริยาณลาภินา ตสฺส จิตฺตาจารํ, หทยโลหิตํ วา ปสฺสิตฺวา อิตเรน ‘‘ตฺวํ กึจริโตสิ, เก วา ปน เต ธมฺมา พหุลํ สมุทาจรนฺตี’’ติอาทินา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ตสฺส จริตํ ชานิตฺวา ตทนุรูเปน ทาตพฺพํ.

๘๐๔. อิริยาปถาทิโตปิ เกสฺจิ จริตํ ชานิตุํ สกฺกา, ตํ ปน น เอกนฺติกํ, ‘‘จริตํ ตฺวา’’ติ วุตฺตํ, กตมํ ปน ตํ, กติวิธา วาติ อาห ‘‘จริตํ ปนิทํ ราคโทสโมหวเสนา’’ติอาทิ. อุสฺสนฺนภาเวน สนฺตาเน จรตีติ จริตํ, อสติ ปฏิปกฺขภาวนายํ สนฺตาเน ปวตฺตนารหา ราคาทโย.

๘๐๕. โวมิสฺสกนยาติ สมฺปโยควเสน, เอกสนฺตติปริยาปนฺนตาวเสน จ เนสํ สํสคฺคเภทา. จตุสฏฺิ ภวนฺตีติ –

‘‘ราคาทิเก ติเก สตฺต, สตฺต สทฺธาทิเก ติเก;

เอกทฺวิติกมูลมฺหิ, มิสฺสโต สตฺตสตฺตก’’นฺติ –

เอวํ วุตฺเตหิ นวหิ สตฺตเกหิ ยถารหํ วิภชิยมานา เตสฏฺิ ทิฏฺิยา สทฺธึ จตุสฏฺิ ภวนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ อุปนนฺทตฺเถเรน

‘‘ราโค โทโส จ โมโห จ, ราเคน ปฏิโฆปิ จ;

สทฺธึ ราเคน โมโห จ, โมโหปิ ปฏิเฆน จ.

‘‘ราคาทิตฺตยเมกนฺติ, สตฺต ราคาทิเก ติเก;

สทฺธา พุทฺธิ จ ตกฺโก จ, สทฺธึ สทฺธาย พุทฺธิ จ.

‘‘สทฺธาย ตกฺกนฺเจว, พุทฺธิยา ตกฺกนมฺปิ จ;

สทฺธาทิตฺตยเมกนฺติ, สตฺต สทฺธาทิเก ติเก.

‘‘ราคาทิกํ ติกฺเจก-เมกทฺวิติกเภทโต;

สทฺธาพุทฺธิวิตกฺเกหิ, ยถาโยคํ วิมิสฺสิย.

‘‘เอกมูเล ทฺวิมูเล จ, ปจฺเจกํ สตฺตกตฺตยํ;

ติมูเล สตฺตกฺเจกํ, เยฺยํ ตํ สตฺตสตฺตกํ.

‘‘สทฺธึ ราเคน สทฺธา จ, สทฺธึ เตเนว พุทฺธิ จ;

เตเนว ตกฺกนํ เตน, สทฺธาพุทฺธิ จ เตน จ.

‘‘สทฺธาสงฺกปฺปนํ เตน, พุทฺธิสงฺกปฺปนมฺปิ จ;

วิมิสฺเสตฺวาน เตเนว, สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกนํ.

‘‘ราคมูลนเย เจว-เมกํ สตฺตกมุทฺทิเส;

สทฺธึ โทเสน สทฺธา จ, สทฺธึ เตเนว พุทฺธิ จ.

‘‘เตเนว ตกฺกนํ เตน, สทฺธาพุทฺธิ จ เตน จ;

สทฺธาสงฺกปฺปนํ เตน, พุทฺธิสงฺกปฺปนมฺปิ จ.

‘‘วิมิสฺเสตฺวาน เตเนว, สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกนํ;

โทสมูลนเย เจว-เมกํ สตฺตกมุทฺทิเส.

‘‘สทฺธึ โมเหน สทฺธา จ, สทฺธึ เตเนว พุทฺธิ จ;

เตเนว ตกฺกนํ เตน, สทฺธาพุทฺธิ จ เตน จ.

‘‘สทฺธาสงฺกปฺปนํ เตน, พุทฺธิสงฺกปฺปนมฺปิ จ;

วิมิสฺเสตฺวาน เตเนว, สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกนํ.

‘‘โมหมูลนเย เจว-เมกํ สตฺตกมุทฺทิเส;

เอกมูเล นเย เจวํ, เยฺยํ ตํ สตฺตกตฺตยํ.

‘‘มิสฺเสตฺวา ราคโทเสหิ, สทฺธา เตเหว พุทฺธิ จ;

เตหิ สงฺกปฺปนํ เตหิ, สทฺธาพุทฺธิ จ เตหิ จ.

‘‘สทฺธาสงฺกปฺปนํ เตหิ, พุทฺธิสงฺกปฺปนมฺปิ จ;

เตหิ ทฺวีเหว มิสฺเสตฺวา, สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกนํ.

‘‘ราคโทสนเย เจว-เมกํ สตฺตกมุทฺทิเส;

มิสฺเสตฺวา ราคโมเหหิ, สทฺธา เตเหว พุทฺธิ จ.

‘‘เตหิ สงฺกปฺปนํ เตหิ, สทฺธาพุทฺธิ จ เตหิ จ;

สทฺธาสงฺกปฺปนํ เตหิ, พุทฺธิสงฺกปฺปนมฺปิ จ.

‘‘เตหิ ทฺวีเหว มิสฺเสตฺวา, สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกนํ;

ราคโมหนเย เจว-เมกํ สตฺตกมุทฺทิเส.

‘‘มิสฺเสตฺวา โทสโมเหหิ, สทฺธา เตเหว พุทฺธิ จ;

เตหิ สงฺกปฺปนํ เตหิ, สทฺธาพุทฺธิ จ เตหิ จ.

‘‘สทฺธาสงฺกปฺปนํ เตหิ, พุทฺธิสงฺกปฺปนมฺปิ จ;

เตหิ ทฺวีเหว มิสฺเสตฺวา, สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกนํ.

‘‘โทสโมหนเย เจว-เมกํ สตฺตกมุทฺทิเส;

ทฺวิมูลมฺหิ นเย เจวํ, เยฺยํ ตํ สตฺตกตฺตยํ.

‘‘ราคปฺปฏิฆโมเหหิ, สทฺธา เตเหว พุทฺธิ จ;

เตหิ สงฺกปฺปนํ เตหิ, สทฺธาพุทฺธิ จ เตหิ จ.

‘‘สทฺธาสงฺกปฺปนํ เตหิ, พุทฺธิสงฺกปฺปนมฺปิ จ;

เตหิ ตีเหว มิสฺเสตฺวา, สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกนํ.

‘‘ติมูลมฺหิ นเย เจว-เมกํ สตฺตกมุทฺทิเส;

เอวํ เตสฏฺิ โหตีติ, วิฺเยฺยํ นวสตฺตกํ;

ทิฏฺิยาปิ จ โหเตว, จตุสฏฺีติ เกจนา’’ติ.

๘๐๖-๗. นนุ จ ‘‘จริตํ ตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, กึจริตสฺส ปน กึ กมฺมฏฺานํ อนุกูลนฺติ อิมํ อนุโยคํ สนฺธาย ตํตํจริตานุกูลกมฺมฏฺานํ ทสฺเสตฺวา ปุน ตสฺส คณนโต อปฺปนาวหโต ฌานปฺปเภทโต สมติกฺกมโต วฑฺฒนาวฑฺฒนโต อารมฺมณโต ภูมิโต คหณโต ปจฺจยโต เภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสุภา จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ทส อสุภาติ อุทฺธุมาตกํ วินีลกํ วิปุพฺพกํ วิจฺฉิทฺทกํ วิกฺขายิตกํ วิกฺขิตฺตกํ หตวิกฺขิตฺตกํ โลหิตกํ ปุฬวกํ อฏฺิกนฺติ อิเม ทส. ตถา กายคตาสติ จาติ อิเม เอกาทส ราควิกฺขมฺภนสฺส อุปายภาวโต ราคจริตสฺส อนุกูลา. อสุภ-คฺคหเณน เจตฺถ ตทารมฺมณสมาธิปุพฺพงฺคมํ กมฺมฏฺานํ คหิตํ. เอวํ เสเสสุปิ ยถารหํ ทฏฺพฺพํ. อปฺปมาณสตฺตารมฺมณตฺตา อปฺปมฺา, เมตฺตา กรุณา มุทิตา อุเปกฺขาติ จตุนฺนํ พฺรหฺมวิหารานเมตํ อธิวจนํ. เต ปน สวณฺณกสิณา นีลกสิณํ ปีตกสิณํ โลหิตกสิณํ โอทาตกสิณนฺติ อิเมหิ จตูหิ วณฺณกสิเณหิ สหิตา อฏฺ โทสวิกฺขมฺภนุปายภาวโต, อปฺปฏิฆาตวิสยตฺตา จ โทสจริตสฺส อนุกูลา.

๘๐๘. ตํ…เป… ปเนกกนฺติ เอตฺถ เอกกนฺติ อิทํ อนุสฺสติอเปกฺขํ, อนุสฺสตีสุ เอกนฺติ อตฺโถ, น โมหจริตวิตกฺกจริตาเปกฺขํ เตสํ อฺสฺสาปิ อนุกูลสฺส ลพฺภนโต. ตํ ปน โมหจริตสฺส, วิตกฺกจริตสฺส จ คณนพเลน จิตฺตสฺส ปติฏฺานโต อนุกูลํ.

๘๐๙-๑๑. ปุริมา…เป… เทหิโนติ ‘‘พุทฺธานุสฺสติ ธมฺมานุสฺสติ สงฺฆานุสฺสติ สีลานุสฺสติ จาคานุสฺสติ เทวตานุสฺสตี’’ติ อิทํ ปาฬิกฺกเมน ปุริมํ อนุสฺสติฉกฺกํ สทฺธาจริตสฺส อติสปฺปายวเสน อนุกูลํ. มรณูปสมายุตฺตา สตีติ มรเณ, อุปสเม จ ยุตฺตา สติ, มรณานุสฺสติ, อุปสมานุสฺสติ จาติ วุตฺตํ โหติ. อาหารนิสฺสิตา สฺาติ อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺา. ธาตุววตฺถานนฺติ จตุธาตุววตฺถานํ. พุทฺธิปฺปกติชนฺตุโนติ พุทฺธิจริตสฺส สตฺตสฺส. เสสานิ กสิณานีติ โทสจริตสฺส อนุกูเลสุ วุตฺเตหิ จตูหิ วณฺณกสิเณหิ อวเสสานิ ปถวีอาโปเตโชวาโยอาโลกากาสกสิณานิ, เอวํ ปุริมานิ จตฺตาริ, อิมานิ ฉาติ ทส อิมสฺเสว อุชุวิปจฺจนีกา, อิมสฺส อสปฺปายนฺติ คเหตพฺพวิเสสสฺส อภาวโต ราคาทิสพฺพจริตานํ อนุกูลาติ วณฺณิตา.

๘๑๒. เอกนฺตวิปจฺจนีกภาวโตติ ราคจริตาทีนํ อสุภาทิกมฺมฏฺานสฺส อุชุวิปจฺจนีกตาย. อติสปฺปายโตติ สทฺธาจริตาทีนํ พุทฺธานุสฺสติอาทิกมฺมฏฺานสฺส อติสปฺปายโต. เอวํ อุชุวิปจฺจนีกวเสน, อติสปฺปายวเสน จ อิทํ สพฺพํ วิสุํ วิสุํ เตสํ อนุกูลนฺติ วุตฺตํ, น ปน อิตรสฺส อนนุกูลภาวโต. น หิ ราคาทีนํ อวิกฺขมฺภิกา, สทฺธาทีนํ วา อนุปการิกา กุสลภาวนา นาม อตฺถิ. ตถา หิ เมฆิยสุตฺเต

‘‘จตฺตาโร ธมฺมา อุตฺตริ ภาเวตพฺพา, อสุภา ภาเวตพฺพา ราคสฺส ปหานาย, เมตฺตา ภาเวตพฺพา พฺยาปาทสฺส ปหานาย, อานาปานสฺสติ ภาเวตพฺพา วิตกฺกุปจฺเฉทาย, อนิจฺจสฺา ภาเวตพฺพา อสฺมิมานสมุคฺฆาตายา’’ติ (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑) –

เอกสฺเสว จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพาติ วุตฺตา. ตถา ราหุโลวาทสุตฺเตปิ ‘‘เมตฺตํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๑๒๐) สตฺต กมฺมฏฺานานิ วุตฺตานิ, น จายสฺมโต เมฆิยสฺส จตฺตาริปิ จริตานิ สนฺติ, นาปิ ราหุลตฺเถรสฺส สพฺพจริตานิ, ตสฺมา วจนมตฺเต อภินิเวสํ อกตฺวา สพฺพตฺถ อธิปฺปาโย ปริเยสิตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ.

๘๑๓-๔. กิฺจาปิ วุตฺตนเยน กมฺมฏฺานานํ คณนปริจฺเฉโทปิ สกฺกา าตุํ, สงฺกรตฺตา ปน สุเขน วิฺาตุํ น สกฺกาติ เตสํ สามฺโต, วิสุํ วิสุํ ชาติโต จ คณนปริจฺเฉทํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมฏฺานานิ สพฺพานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตฺตาลีสาติ นิทฺทิเสติ ปาฬิโต, อฏฺกถาโต จ สโมธาเนตฺวา ‘‘สมจตฺตาลีสา’’ติ นิทฺทิเสยฺย. กถํ? กสิณานิ ทส…เป… สฺา จาหารตา อิติ. อสุภานุสฺสตี ทสาติ ทส-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘ทส อสุภา, ทส อนุสฺสตี’’ติ. ทส อสุภา เหฏฺา กถิตาว. ‘‘ปุริมานุสฺสติฉกฺก’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตา ฉ, มรณานุสฺสติ กายคตาสติ อานาปานสฺสติ อุปสมานุสฺสตีติ อิมา ทส อนุสฺสติโย. จตุธาตุววตฺถานนฺติ ปถวาทีนํ จตุนฺนํ ธาตูนํ ววตฺถานํ. สฺา จาหารตาติ คาถาพนฺธวเสน ค-การสฺส โลปํ กตฺวา อาหารคตา สฺา ‘‘อาหารตา สฺา’’ติ วุตฺตา. อาหาโรเยว วา อาหารตา, ตคฺคตา จ สฺา อุปจารโต ‘‘อาหารตา’’ติ วุตฺตา, อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺาติ อตฺโถ.

๘๑๕-๖. กึ อิเมสุ สพฺเพสุเยว กมฺมฏฺาเนสุ ฌานํ นิพฺพตฺตตีติ? อาม, นิพฺพตฺตติ สพฺเพสฺเวว อุปจารชฺฌานํ, อปฺปนาฌานํ ปน เกสุจิ น นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา กานิจิ อุปจารเมว นิพฺพตฺเตนฺติ, กานิจิ อปฺปนมฺปิ. กถํ ปเนตํ ทฏฺพฺพนฺติ อาห ‘‘เอเตสู’’ติอาทิ. อุปจารเมว อาวหนฺตีติ อุปจาราวหา ‘‘อเปกฺโข’’ติอาทีสุ วิย เหตฺถ อวธารณํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ อานาปานสฺสตึ, กายคตาสติฺจ หิตฺวา เสสา พุทฺธานุสฺสติอาทโย อฏฺ อนุสฺสติโย, สฺา, ววตฺถานฺจาติ เอเต ทส นานปฺปการกตฺตา, คมฺภีรตฺตา, สภาวธมฺมตฺตา จ อสติ ภาวนาวิเสเส อุปจาราวหา วุตฺตา.

๘๑๗-๘. เอวํ อุปจารปฺปนาวหโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ ฌานปฺปเภทโต ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปนายาวเหสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตุกฺกชฺฌานิกาติ จตุกฺกนยวเสน จตุพฺพิธรูปาวจรชฺฌานวนฺโต, เตสํ เอเกกสฺเสว อารมฺมณภูตาติ อตฺโถ. ปฺจกนยวเสน ปน ‘‘ปฺจกชฺฌานิกา’’ติ เวทิตพฺพา. ปมชฺฌานิกาติ ปมชฺฌานสฺเสว อารมฺมณภูตา, ปฏิกฺกูลภาวโต ปน อิตเรสํ อารมฺมณานิ น โหนฺติ. ปฏิกฺกูเลปิ หิ วิสเย วิตกฺกพเลน ปมชฺฌานํ อปฺเปติ จณฺฑโสตนทิยํ อริตฺตพเลน นาวา วิย. เสสานิ ปน ตทภาวโต น เตสุ อปฺเปนฺติ.

๘๑๙. ติกชฺฌานวหาติ จตุกฺกนเยน ติกชฺฌานวหา, ปฺจกนเยน ปน จตุกฺกชฺฌานวหา, เมตฺตากรุณามุทิตา หิ เมตฺตาทีนํ โสมนสฺสสหคตานเมว อารมฺมณตฺตา ปฺจมชฺฌานิกา น โหนฺติ. อปฺปนปฺปตฺตา หิ เมตฺตาทโย โสมนสฺเสน วินา นปฺปวตฺตนฺติ. จตุตฺโถปิ พฺรหฺมวิหาโรติ สมฺพนฺโธ. พฺรหฺมานํ อุตฺตมานํ วิหาโร, พฺรหฺมภูโต วา วิหาโรติ พฺรหฺมวิหาโร, โส อุเปกฺขาภาวนาวเสน จตุตฺถชฺฌานิโก. ตตฺถาปิ เมตฺตาทิวเสน ปฏิลทฺธชฺฌานจตุกฺกสฺเสเวตํ อปฺเปติ, เนตรสฺส. กสฺมา? เมตฺตาทีนํ นิสฺสนฺทตฺตา. ยถา หิ กสิณานํ นิสฺสนฺทา อารุปฺปา, ยถา จ สมถวิปสฺสนานิสฺสนฺทา นิโรธสมาปตฺติ, เอวํ เมตฺตาทินิสฺสนฺทา อุเปกฺขา. อารุปฺปา จตุตฺถชฺฌานิกาติ องฺคสมตาวเสน อารุปฺปาปิ จตุตฺถชฺฌานสฺเสว ปเภทาติ กตฺวา วุตฺตํ.

๘๒๐. เอวํ ฌานเภทโต ทสฺเสตฺวา ปุน สมติกฺกมโต ทสฺเสตุํ ‘‘วเสนารมฺมณงฺคาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อารมฺมณสมติกฺกโม องฺคสมติกฺกโมติ อติกฺกมิตพฺพานํ อารมฺมณานํ, องฺคานฺจ วเสน สมติกฺกโม ทุวิโธ. กึ สพฺเพสฺเวว ทุวิโธ ลพฺภติ, โนติ อาห ‘‘โคจรา…เป… ติกฺกโม’’ติ. จตูสุ หิ อารุปฺเปสุ อารมฺมณสมติกฺกโมว โหติ อากาสกสิณวชฺชิเตสุ นวสุ อารมฺมเณสุ อฺตรํ สมติกฺกมิตฺวา อากาสานฺจายตนสฺส, อากาสานฺจายตนาทีนิ จ สมติกฺกมิตฺวา วิฺาณฺจายตนาทีนํ ปตฺตพฺพตฺตา, องฺคาติกฺกโม ปน อรูเป นตฺถิ จตุนฺนฺจาปิ องฺคานํ วเสน สมานตฺตา. รูเป ฌานงฺคติกฺกโมติ รูปาวจริกกมฺมฏฺาเนสุ วิตกฺกาทีนํ ฌานงฺคานํ อติกฺกโม, อิทฺจ ลพฺภมานกวเสน วุตฺตํ. ปมชฺฌานิเกสุ ทุวิโธปิ สมติกฺกโม นตฺถิ, นีวรณสมติกฺกโม อิธ อฏฺนฺนมฺปิ สมาปตฺตีนํ สาธารณตฺตา น คหิโต.

๘๒๑. เอวํ สมติกฺกมวเสน ทสฺเสตฺวา ปุน วฑฺฒนาวฑฺฒนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ทเสว กสิณานี’’ติอาทิมาห. อิเมสุ จตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนสุ ทส กสิณาเนว วฑฺเฒตพฺพานิ. น จ…เป… อสุภาทโยติ เสสา อสุภาทโย ปน เนว วฑฺเฒตพฺพา. กสฺมา? ปริจฺฉินฺนากาเรเนว อุปฏฺานโต, อานิสํสาภาวโต จ. ตถา หิ ทส อสุภานิ, กายคตาสติ จ อตฺตโน ิโตกาเสน ปริจฺฉินฺนตฺตา ปริจฺฉินฺนากาเรเนว อุปฏฺหนฺติ. วฑฺฒิเตสุปิ กุณปราสิ เอว อุปฏฺาตีติ น โกจิ อานิสํโส อตฺถิ. อวฑฺฒิเตสุปิ หิ เตสุ กามราควิกฺขมฺภนา โหติเยว. ยทิ เอวํ, อสุภชฺฌานานํ อปฺปมาณารมฺมณตาวจนํ วิรุชฺฌตีติ? น วิรุชฺฌติ. เอกจฺโจ หิ อุทฺธุมาตเก วา อฏฺิเก วา มหนฺเต นิมิตฺตํ คณฺหาติ, เอกจฺโจ อปฺปเกติ อิมินา ปริยาเยน เอกจฺจสฺส ปริตฺตารมฺมณชฺฌานํ โหติ, เอกจฺจสฺส อปฺปมาณารมฺมณํ. โย วา เอตํ อานิสํสาภาวํ อปสฺสนฺโต วฑฺเฒยฺย, ตสฺส วเสน อปฺปมาณารมฺมณตา วุตฺตา. อานาปานนิมิตฺตมฺปิ นาสิกคฺคมุขนิมิตฺตาทิปริจฺฉินฺนํ อุปฏฺาติ, วฑฺฒยโตปิ จ วาตราสิเยว วฑฺฒติ. ปิจุปิณฺฑาทิวเสน อุปฏฺหนฺตมฺปิ หิ นิมิตฺตํ วาตสงฺฆาฏมตฺตเมว, ตถา พฺรหฺมวิหารนิมิตฺตมฺปิ วฑฺเฒนฺตสฺส สตฺตราสิเยว วฑฺเฒยฺย, น จ เตน โกจิ อตฺโถ โหติ, ตสฺมา ตทุภยมฺปิ น วฑฺเฒตพฺพํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทิ (วิภ. ๖๖๓), ตมฺปิ ปริคฺคหวเสน วุตฺตํ, น นิมิตฺตวฑฺฒนวเสน. กิฺจิ พฺรหฺมวิหาเร ปฏิภาคนิมิตฺตเมว นตฺถิ, กิมยํ วฑฺเฒยฺย, อปฺปมาณารมฺมณตา ปเนตฺถ ปริคฺคหิตมตฺตวเสน เวทิตพฺพา. อารุปฺปารมฺมเณสุ อากาสํ กสิณุคฺฆาฏมตฺตตฺตา กสิณาปคมวเสเนว มนสิ กาตพฺพํ, ตโต ปรํ วฑฺฒยโต น กิฺจิ โหติ, วิฺาณํ สภาวธมฺมตฺตา น สกฺกา วฑฺเฒตุํ, ปริกมฺมเมว หิ วฑฺเฒตุํ สกฺกา, วิฺาณาปคโม ตสฺส อภาวมตฺตตฺตา, เนวสฺานาสฺายตนารมฺมณมฺปิ สภาวธมฺมตฺตาเยว น สกฺกา วฑฺเฒตุํ, ตสฺมา ตานิปิ น วฑฺเฒตพฺพานิ. อปฺปมาณารมฺมณตา อารุปฺปานํ วิปุลกสิณุคฺฆาฏิมากาเส ปวตฺติยา เวทิตพฺพา. พุทฺธานุสฺสติอาทโย จ อนิมิตฺตตฺตา น วฑฺเฒตพฺพา. ปฏิภาคนิมิตฺตฺหิ อยํ วฑฺเฒยฺย, ตฺจ เนสํ นตฺถิ, ตสฺมา อิเม อสุภาทโย ตึส กมฺมฏฺานานิ ปริจฺฉินฺโนกาสตฺตา, ปโยชนาภาวโต, อวฑฺฒนโต จ น วฑฺเฒตพฺพานิ.

๘๒๒-๓. เอวํ วฑฺฒนาวฑฺฒนโต ทสฺเสตฺวา ปุน อารมฺมณโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทเสว กสิณานี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ปฏิภาคนิมิตฺตานิ โหนฺติ อารมฺมณานีติ อิมานิ ทฺวาวีส ปฏิภาคนิมิตฺตภูตานิ อารมฺมณานิ โหนฺติ. เสสาติ อวเสสา อฏฺารส เนว ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณา สิยุํ.

๘๒๔-๕. อิทานิ ภูมิโต ทสฺเสตุํ ‘‘อสุภานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เทเวสุ นปฺปวตฺตนฺติ ตตฺถ อสุภานํ, ปฏิกฺกูลสฺส จ อาหารสฺส อภาวโต. ตจปฺจกมฺปิ หิ ตตฺถ ปวตฺตมานํ ทิพฺพานุภาเวน ปฏิกฺกูลากาเรน โนปฏฺาติ. อสฺสาสปสฺสาสานํ พฺรหฺมโลเก อภาวโต ‘‘อานาปานสฺสติ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ฌานานุภาวนิพฺพตฺตานฺหิ อตฺถสฺส อภาวโต นตฺถิ พฺรหฺมโลเก อสฺสาสปสฺสาสา.

๘๒๗. อิทานิ คหณโต ทสฺเสตุํ ‘‘จตุตฺถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จตุตฺถํ…เป… ทิฏฺเเนว คเหตพฺพาติ วาโยกสิณํ วชฺเชตฺวา เสสา นว กสิณา, ทส อสุภานีติ อิมานิ เอกูนวีสติ ทิฏฺเเนว วตฺถุนา กรณภูเตน คเหตพฺพานิ อุคฺคเหตพฺพานิ. ตถา จ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ทิฏฺเน คเหตพฺพานิ, ปุพฺพภาเค จกฺขุนา โอโลเกตฺวา นิมิตฺตํ เนสํ คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๔๗).

๘๒๘-๓๑. สติยมฺปิ จ กายมฺหีติ กายคตาสติยมฺปิ. ทิฏฺเน ตจปฺจกนฺติ ตจปฺจกมตฺตเมว ทิฏฺเน คเหตพฺพํ. เสสเมตฺถ สุเตเนวาติ เอตฺถ กายคตาสติยํ เสสํ วกฺกปฺจกาทิ สุเตเนว คเหตพฺพํ. อิติ กายคตาสติ ทิฏฺสุเตน คเหตพฺพา. อุตฺตโรฏฺนาสิกคฺเคสุ ผุฏฺสฺส อสฺสาสปสฺสาสสฺส คเหตพฺพโต วุตฺตํ ‘‘อานาปานสฺสติ เอตฺถ, ผุฏฺเน ปริทีปิตา’’ติ. อุจฺฉุสสฺสาทีนํ ปตฺเตสุ จลมานวณฺณคฺคหณมุเขน, สรีรสมฺผสฺสวเสน จ วาตสฺส คเหตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘วาโยกสิณเมเวตฺถ, ทิฏฺผุฏฺเน คยฺหตี’’ติ. อาทิโตว คเหตพฺพา น โหนฺตีติอาทิกมฺมิเกน ภาวนารมฺภวเสน น ปฏฺเปตพฺพานิ, เหฏฺิเม ตโย พฺรหฺมวิหาเร, กสิเณสุ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานฺจ อนธิคนฺตฺวา สมฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา.

๘๓๒-๕. เอวํ คหณวเสน ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปจฺจยโต ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมฏฺาเนสุ เหเตสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอเตสุ กมฺมฏฺาเนสูติ เอตฺถ ยถารหํ อารมฺมณานํ, ฌานานฺจ คหณํ เวทิตพฺพํ. อากาสกสิณสฺส อุคฺฆาเฏตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วุตฺตํ ‘‘อากาสกสิณํ วินา’’ติ. เมตฺตาทิเอเกกสฺมึ พฺรหฺมวิหาเร ตีณิ ตีณิ ฌานานิ ปฏิลภิตฺวา ิตสฺเสว อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารวเสน ปฺจมชฺฌานํ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘ตโย พฺรหฺมวิหารา’’ติอาทิ. ทฺวินฺนํ เนวสฺานาสฺายตนชวนานํ สมนนฺตรา นิโรธํ ผุสตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จตุตฺถมารุปฺป’’นฺติอาทิ. วิปสฺสนาภวสมฺปตฺติสุขานํ ปจฺจยาติ วิปสฺสนาย, ภวสมฺปตฺติยา, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสฺส จ ปจฺจยา โหนฺตีติ อตฺโถ.

๘๓๖-๙. เอวํ ปสงฺเคน อาคตํ กมฺมฏฺานวิภาคํ ทสฺเสตฺวา ปุน อาจริเยน ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สนฺติเก วสนฺตสฺสาติ อาจริเยน สทฺธึ เอกเคเห, เอกวิหาเร วา วสนฺตสฺส. กเถตพฺพนฺติ ปวตฺตึ สุตฺวา สุตฺวา กเถตพฺพํ. อาคตสฺสาคตกฺขเณติ ส-กาโร ปทสนฺธิมตฺตกโร, อาคตาคตกฺขเณติ อตฺโถ. อถ วา อาคตสฺส อาคตกฺขเณ กเถตพฺพํ. อีทิเสสุ หิ าเนสุ อาเมฑิตสามตฺถิยโตว ลพฺภติ. น หิ เอกวารเมว อาคตสฺส ตสฺมึ ขเณ กเถตพฺพํ, ตโต ปรํ น กเถตพฺพนฺติ ยุชฺชติ.

นาติสงฺเขปวิตฺถารนฺติ อติสํขิตฺตํ, อติวิตฺถารฺจ อกตฺวา ตสฺส สุเขน อุคฺคณฺหนปฺปมาณํ กเถตพฺพํ. สเจ ปน โส ปกติยาว อุคฺคหิตกมฺมฏฺาโน โหติ, สชฺฌายวเสน วา มนสิการวเสน วา กตปริจโย, ตสฺส เอกํ, ทฺเว วา นิสชฺชา อตฺตโน สมฺมุขาว สชฺฌายํ กาเรตฺวา ทาตพฺพํ. เอวํ อาจริเยน ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสตฺวา ปุน คหิตกมฺมฏฺาเนน เตน โยคินา อุตฺตริ กาตพฺพวิธานํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เตนปี’’ติอาทิ. สมฺมฏฺานนฺติ ยตฺถ ปหโฏ สมติ, ตํ สมฺมฏฺานํ, อิทํ สมฺมฏฺานํ วิยาติ สมฺมฏฺานํ. ยถา หิ สมฺมฏฺาเน คหิเต ปุคฺคลํ อตฺตโน เวรี อภิภวิตุํ น สกฺโกติ, เอวํ กมฺมฏฺาเน คหิเต มโนภุสงฺขาโต กามราโค ตํสมงฺคิปุคฺคลํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน วเส กาตุํ น สกฺโกติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมฺมฏฺานํ วิยาติ สมฺมฏฺาน’’นฺติ. มโน อภิภวตีติ มโนภู, ตสฺส มโนภุโน. อฏฺารสหิ…เป… วิวชฺชิเตติ –

‘‘มหาวาสํ นวาวาสํ, ชราวาสฺจ ปนฺถนึ;

โสณฺฑึ ปณฺณฺจ ปุปฺผฺจ, ผลํ ปตฺถิตเมว จ.

‘‘นครํ ทารุนา เขตฺตํ, วิสภาเคน ปฏฺฏนํ;

ปจฺจนฺตสีมาสปฺปายํ, ยตฺถ มิตฺโต น ลพฺภติ.

‘‘อฏฺารเสตานิ านานิ, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต;

อารกา ปริวชฺเชยฺย, มคฺคํ สปฺปฏิภยํ ยถา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๕๒) –

เอวํ วุตฺเตหิ อฏฺารสหิ วิหารโทเสหิ สพฺพกาลวิยุตฺเต. อนุรูเปติ อิเมสุ อฏฺารสสุ โทเสสุ อฺตเรนปิ สมนฺนาคโต อนนุรูโป นาม, ตทภาเวน อตฺตโน โยคกมฺมสฺส อนุกูเล. มหาวิหาราทโย หิ โยคกมฺมสฺส อนุกูลา น โหนฺติ, ตสฺมา มหาวิหาเร ตาว วตฺตกรณาทินา ปลิโพโธ โหติ. ยตฺถ ปน สพฺพํ กตเมว, อวเสสาปิ สงฺฆฏฺฏนา นตฺถิ, เอวรูโป มหาวิหาโรปิ อนุรูโปว. นววิหาเร พหุํ นวกมฺมํ กาตพฺพํ โหติ, ตสฺมา โส อสติ อฺสฺมึ อนุกูเล การเณ อนนุรูโป โหติ. ตถา ชิณฺณวิหาโรปิ พหุปฏิชคฺคิตพฺพตาย กมฺมฏฺานนฺตรายิโก. ปนฺถนิสฺสิตโก อาคนฺตุเกหิ รตฺตินฺทิวํ สโมกิณฺณตาย. ยตฺถ โสณฺฑี นาม ปาสาณโปกฺขรณี โหติ, โส โสณฺฑิวิหาโร. ตตฺถ พหู ปานียตฺถาย สโมสรนฺติ, ตถา ปณฺณปุปฺผผลวติ วิหาเร ตํตทตฺถาย. ปตฺถนีเย โลกสมฺมเต วิหาเร วิหรนฺตํ ‘‘อรหา’’ติ สมฺภาเวนฺตา พหู อาคจฺฉนฺติ. นครสนฺนิสฺสิเตปิ วิหาเร วิสภาคารมฺมณาปาถคมนาทีนิ โหนฺติ. ทารุสนฺนิสฺสิเต กฏฺหาริกาทีหิ อผาสุ โหติ. เขตฺตสนฺนิสฺสิเต วิหารมชฺเฌเยว ขลมณฺฑลกรณาทินา อผาสุ โหติ. วิสภาคปุคฺคลาธิวุตฺเถปิ กลหนิวารณาทีสุ เต อุปวทนฺติ. ปฏฺฏนสนฺนิสฺสิเต อภิณฺหํ นาวาสตฺเถหิ อาคตมนุสฺเสหิ อผาสุ โหติ. ปจฺจนฺตนิสฺสิเต มนุสฺสา พุทฺธาทีสุ อปฺปสนฺนา โหนฺติ. รชฺชสีมสนฺนิสฺสิเต ทฺวินฺนํ ราชูนํ กลเห สติ ทฺวินฺนํ วิชิเตสุ ปิณฺฑาย วิจรนฺตํ ภิกฺขุํ ‘‘อยํ จรปุริโส’’ติ คเหตฺวา พนฺธนาทิกํ ปาเปยฺยุํ, อสปฺปาเย อมนุสฺสาทิอุปทฺทวา โหนฺติ. กลฺยาณมิตฺตานธิวุตฺเถ อุปฺปนฺนกงฺขาย วิโนทเก อสติ มหาโทโสเยวาติ เอเตปิ วิหารา อนนุรูปา, ตสฺมา ตาทิเส วิหาเร ปริวชฺเชตฺวา วุตฺตโทสวิรหิเต อนุรูเป วิหาเร วิหาตพฺพํ.

ตสฺส ปน วิหารสฺส อนุรูปภาโว เอวํ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘คามโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. คามโตติ โคจรคามโต. นาติทูเรติ โคจรคามสฺส อฑฺฒคาวุตโต โอรภาคตาย น อติทูเร. นจฺจาสนฺเนติ ปจฺฉิเมน ปมาเณน โคจรคามโต ปฺจธนุสติกตาย น อติสนฺเน. อิมินา คมนาคมนสมฺปนฺนตํ ทสฺเสติ. โคจรคามสฺส ปน อุตฺตรทิสาย วา ทกฺขิณทิสาย วา นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ เสนาสนํ วิเสเสน คมนาคมนสมฺปนฺนํ โหติ, นาติทูรนจฺจาสนฺนตา เจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ. ปฺจงฺคสํยุเตติ ปน วุตฺตตฺตา นาติทูรนจฺจาสนฺนตาย สห ทิวา อปฺปกิณฺณตาทีนิ จตฺตาริ สโมธาเนตฺวา ปฺจงฺคสํยุตฺตตา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ นาติทูรํ โหติ นจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ ทิวา อปฺปกิณฺณํ รตฺตึ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสํ อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสํ, ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรเนว อุปฺปชฺชนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปฺหํ ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ; อิมสฺส โก อตฺโถติ. ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ อุตฺตานึ กโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑).

เอตฺถ จ นาติทูรนจฺจาสนฺนภาเวน คมนาคมนสมฺปนฺนตา ปมํ องฺคํ, ทิวา มหาชนสํกิณฺณตาภาเวน, รตฺติยํ ชนาลาปสทฺทาภาเวน, สพฺพทาปิ ชนสนฺนิปาตนิคฺโฆสาภาเวน อปฺปกิณฺณอปฺปสทฺทอปฺปนิคฺโฆสภาโว ทุติยํ, ฑํสมกสาทิปริสฺสยาภาโว ตติยํ, อปฺปกสิเรน จีวรปิณฺฑปาตาทิปจฺจยลาโภ จตุตฺถํ, พหุสฺสุตตาทิคุณสมนฺนาคตานํ เถรานํ วสนภาโว ปฺจมนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สํยุตฺเต สมนฺนาคเต วิหารสฺมึ วิหาตพฺพํ.

๘๔๐-๑. ปมํ วุตฺตอาวาสาทิมหาปลิโพเธ อุปาทาย ขุทฺทกปลิโพโธ, อิทานิ ตํ ปลิโพธํ สรูปโต ทสฺเสตฺวา ตสฺส อุปจฺฉินฺทนาการํ อาวิ กาตุํ ‘‘ทีฆา เกสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โส ปตฺโต สุฏฺุ ปจิตพฺโพติ โยชนา.

๘๔๒-๕. ปวิวิตฺเตติ ชนวิวิตฺเต โอกาเส. วชฺเชตฺวา…เป… โลหิตนฺติ อิเม จตฺตาโร กสิณโทสา, ตสฺมา เอวรูปา มตฺติกา วชฺเชตฺวา. สณฺหายาติ อปนีตติณมูลสกฺขรวาลุกาย สุมทฺทิตาย สุขุมาย. อรุณวณฺณายาติ อรุณนิภาย, อรุณวณฺณปฺปภายาติ อตฺโถ. พหิทฺธา วาปิ ตาทิเสติ พหิทฺธาปิ วิหารปจฺจนฺเต ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน. สํหาริมนฺติ สํหริตพฺพํ คเหตฺวา จรณโยคฺยํ. ตตฺรฏฺกนฺติ ยตฺถ กตํ, ตตฺเถว ติฏฺนกํ.

๘๔๗-๕๐. ปมาณโตติ วกฺขมานปฺปมาณโต. วฏฺฏํ อาโกเฏตฺวาติ ปริมณฺฑลํ กตฺวา อาโกเฏตฺวา. นฺติ ตํ จมฺมํ วา กฏสารํ วา ทุสฺสปฏฺฏํ วา. กณฺณิกนฺติ กณฺณิกาสทิสํ, ปริมณฺฑลโต ปทุมกณฺณิกาการนฺติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘สม’’นฺติ. ‘‘กณฺณิกาสม’’นฺติ วา ปาโ. วิทตฺถิจตุรงฺคุลนฺติ จตุรงฺคุลาธิกวิทตฺถิปฺปมาณํ. เอตเทว หิ ปมาณํ สนฺธาย อฏฺกถายํ ‘‘สุปฺปมตฺเต วา สราวมตฺเต วา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๕๕) วุตฺตํ. วิวฏฺฏนฺติ นิพฺพานํ. กสิณปริกมฺมํ กโรนฺโตปิ หิ เอตฺตเกเยว อฏฺตฺวา นิพฺพานตฺถาเยว วายมติ. เภรีตลสมํ กตฺวาติ ปาณิกาย ฆํเสตฺวา นินฺนตุนฺนตฏฺานาภาเวน เภรีตลํ วิย สมํ กตฺวา. สมฺมชฺชิตฺวาน ตํ านนฺติ ยสฺมึ าเน นิสีทิตฺวา ตํ กสิณํ โอโลเกติ, ตํ านํ สเจ อุกฺลาปํ โหติ, สมฺมชฺชิตฺวา. นฺหตฺวาติ สรีรทรถวิโนทนตฺถํ นฺหตฺวา.

๘๕๑-๒. ตมฺหา กสิณมณฺฑลา หตฺถปาสปฺปมาณสฺมึ ปเทเสติ ตมฺหา กสิณมณฺฑลสฺส, ปิตฏฺานมฺหา อฑฺฒเตยฺยหตฺถนฺตเร ปเทเส, กสิณมณฺฑลสฺส, ปีสฺส จ มชฺฌํ หตฺถปาสปฺปมาณํ กตฺวา ปฺตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. วิทตฺถิจตุรงฺคุเล อุจฺเจติ วิทตฺถิจตุรงฺคุลํ หุตฺวา อุจฺเจ, วิทตฺถิจตุรงฺคุลปาทเกติ วุตฺตํ โหติ. ทูเร นิสินฺนสฺส หิ กสิณํ น อุปฏฺาติ, อาสนฺนตเร นิสินฺนสฺส หตฺถปาณิกาปทาทโย กสิณโทสา ปฺายนฺติ. อุจฺจตเร นิสินฺเนน จ คีวํ ปณาเมตฺวา โอโลเกตพฺพํ โหติ, นีจตเร ชณฺณุกานิ รุชฺชนฺติ, ตสฺมา หตฺถปาสปฺปมาเณ ปเทเส วิทตฺถิจตุรงฺคุลปาทเก ปีเ นิสีทิตพฺพํ. ยสฺมา จตูสุ อิริยาปเถสุ สยนํ โกสชฺชปกฺขิยํ, านจงฺกมนานิ อุทฺธจฺจปกฺขิยานิ, นิสชฺชา ปน อลีนุทฺธจฺจปกฺขิยา, สนฺโต อิริยาปโถ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นิสีทิตฺวา’’ติ, สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาติ อตฺโถ. เยนากาเรน นิสีทนฺตสฺส นิสชฺชา สุขา โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘อุชุํ กายํ ปณิธายา’’ติ. อุปริมํ สรีรํ อุชุกํ เปตฺวา อฏฺารสปิฏฺิกณฺฏเก โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาเทตฺวาติ อตฺโถ. เอวฺหิ นิสินฺนสฺส จมฺมมํสนหารูนิ น โอณมนฺติ, อถสฺส ยา เตสํ โอณมนปจฺจยา ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตา น อุปฺปชฺชนฺติ. ตาสุ อนุปฺปนฺนาสุ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฏฺานํ น ปริปตติ. ตโต จ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสปฺปตฺติยา วุทฺธึ ผาตึ อุปคจฺฉติ. อิทานิ อารมฺมณปริคฺคหุปายํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กตฺวา ปริมุขํ สติ’’นฺติ, กมฺมฏฺานาภิมุขํ สตึ เปตฺวาติ อตฺโถ. อภิ-สทฺเทน หิ สมานตฺโถ อิธ ปริ-สทฺโท, อถ วา สมีปตฺเถน ปริ-สทฺเทน มุขสฺส สมีเป สตึ กตฺวาติ อตฺโถ. ยถาห – ‘‘อยํ สติ อุปฏฺิตา โหติ สุปฏฺิตา นาสิกคฺเค วา มุขนิมิตฺเต วา. เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ (วิภ. ๕๓๗). อถ วา ‘‘ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ, มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ, สตีติ อุปฏฺานฏฺโ. เตน วุจฺจติ ‘ปริมุขํ สติ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๔) วจนโต ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ วิย ปริ-สทฺโท ปริคฺคหฏฺโ, ‘‘สุฺตวิโมกฺขมุข’’นฺติอาทีสุ วิย มุข-สทฺโท นิยฺยานฏฺโติ กตฺวา ปริคฺคหิตนิยฺยานสตึ กตฺวา สพฺพถา คหิตาสมฺโมสํ ปริจฺจตฺตสมฺโมสํ สติเนปกฺกํ อุปฏฺเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.

๘๕๓-๕. กาเมสฺวาทีนวํ ทิสฺวาติ ‘‘กามา นาเมเต อฏฺิกงฺขลิกูปมา นิรสฺสาทฏฺเนา’’ติอาทินา วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโตติ เนกฺขมฺมํ เขมโต ทิสฺวา กามนิสฺสรณํ สพฺพทุกฺขสมติกฺกมสฺส อุปายภูตํ เนกฺขมฺมนฺติ เอวํ เนกฺขมฺมสงฺขาตํ สอุปจารชฺฌานํ, นิพฺพานํ, วิปสฺสนํ, สพฺเพปิ วา กุสลธมฺเม เขมโต นิพฺภยโต ทิสฺวา, ตตฺถ ชาตาภิลาโส หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปรมํ…เป… รตนตฺตเยติ พุทฺธาทิรตนตฺตเย รตนตฺตยคุณานุสฺสรเณน พลวปีติปาโมชฺชํ ชนยิตฺวา. ภาคี…เป… มุตฺตมนฺติ ‘‘อหํ อิมาย สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธอริยสาวเกหิ ปฏิปนฺนาย เนกฺขมฺมปฏิปตฺติยา จิตฺตวิเวกาทิปฺปวิเวกชสฺส สุขสฺส อทฺธา เอกนฺเตน ภาคี อสฺสํ, ลาภี ภเวยฺย’’นฺติ เอวํ ปฏิปตฺติยํ อานิสํสทสฺสเนน ตพฺพิสยํ อุตฺตมํ มหนฺตํ อุสฺสาหํ กตฺวา. อากาเรน สเมเนวาติ อติอุมฺมีลิตอติมนฺทาโลจนานิ วชฺเชตฺวา นาติอุมฺมีลิตนาติมนฺทาโลจนสงฺขาเตน สเมน อาโลจนากาเรน. อติอุมฺมีลยโต หิ อติสุขุมํ, อวิภูตฺจ รูปคตํ อุปนิชฺฌายโต วิย จกฺขุ กิลมติ, อตฺตโน สภาววิภาวนโต จ มณฺฑลํ อติวิภูตํ โหติ, ตถา วณฺณโต, ลกฺขณโต วา อุปติฏฺเยฺย, เตนสฺส นิมิตฺตํ นุปฺปชฺชติ. อติมนฺทํ อุมฺมีลยโต จ คชนิมีลเกน เปกฺขนฺตสฺส วิย รูปคตํ มณฺฑลํ อวิภูตํ โหติ. ทสฺสเน มนฺทพฺยาปารตาย โกสชฺชปาตโต จิตฺตฺจ ลีนํ โหติ, เอวมฺปิ นิมิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ยถา นาม อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ คณฺหนฺโต น ตตฺถ อติคาฬฺหํ อุมฺมีลติ, น อติมนฺทํ, อถ โข สเมน อากาเรน คณฺหาติ, เอวเมว นาติอุมฺมีลนาทินา สเมน อากาเรน คณฺหนฺเตน ภาเวตพฺพนฺติ. นิมิตฺตํ คณฺหตาติ ปถวีกสิเณ จกฺขุนา คหิตํ นิมิตฺตํ มนสา คณฺหนฺเตน.

๘๕๖-๗. อิทานิ นิมิตฺตคฺคหโณปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘น วณฺโณ เปกฺขิตพฺโพ’’ติอาทิ วุตฺตํ. น วณฺโณ เปกฺขิตพฺโพ โสติ โย ตตฺถ ปถวีกสิเณ อรุณวณฺโณ, โส น จินฺเตตพฺโพ วณฺณวเสน มนสิกโรโต วณฺณกสิณภาวูปคมนโต. จกฺขุวิฺาเณน ปน คหิตคฺคหณํ น สกฺกา วาเรตุํ, เตเนเวตฺถ ‘‘น โอโลเกตพฺโพ’’ติ อวตฺวา ‘‘มนสานุเปกฺขิตา โหตี’’ติอาทีสุ วิย มนสา จินฺตนวเสน เปกฺขนคฺคหณํ กตํ. ทฏฺพฺพํ น จ ลกฺขณนฺติ ยํ ตตฺถ ปถวีธาตุยา ถทฺธลกฺขณํ น มนสิกาตพฺพํ ตสฺส มนสิกาเร ธาตุกมฺมฏฺานสฺส คหิตตฺตา. วณฺณํ ปน อมุฺจิตฺวาติ ทิสฺวา คเหตพฺพตฺตา ปน วณฺณํ อมุฺจิตฺวา. อุสฺสทสฺส วเสน หิ จิตฺตํ ปณฺณตฺติธมฺมสฺมินฺติ ปถวีธาตุยา สตฺติโต อธิกภาเวน สสมฺภารปถวิยา ‘‘ปถวี’’ติ โวหาโร, ตสฺมึ สสมฺภารปถวึ อุปาทาย ปฺตฺเต ปณฺณตฺติธมฺเม อาทาสตลคตมุขนิมิตฺเต วิย จิตฺตํ เปตฺวา. เอกคฺคมานโสติ ปุน นานารมฺมเณ จิตฺตํ อวิสาเรตฺวา เอกคฺคมานโส หุตฺวา. ปถวี ปถวิจฺเจวํ วตฺวาติ เอตฺถ ปมสมนฺนาหาเร กสฺสจิ วจีเภโทปิ สิยาติ วุตฺตนฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร อาห.

๘๕๘. ยทิ โวหารมตฺเต จิตฺตํ เปตพฺพํ, นามนฺตรวเสน ปถวี มนสิกาตพฺพา ภเวยฺยาติ โหตุ, โก โทโสติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปถวี เมทนี’’ติอาทิ. อถ วา กึ ปถวีนาเมเยว วุตฺเต ภาวนา โหติ, อุทาหุ อฺสฺมิมฺปีติ อาห ‘‘ปถวี เมทนี’’ติอาทิ. เอกํ วตฺตุมฺปิ วฏฺฏตีติ เอเตสุ ยํ อิจฺฉติ, ตํ อตฺตโน ปคุณตาย วา ปจุรตาย วา อาคจฺฉนฺตํ เอกํ วตฺตุํ วฏฺฏติ. กิฺจาปิ เอวํ วฏฺฏติ, อปิจ ‘‘ปถวี’’ติ เอตเทว นามํ ปากฏํ, ตสฺมา ปากฏวเสเนว ‘‘ปถวี ปถวี’’ติ ภาเวตพฺพนฺติ อาจริยา.

๘๕๙-๖๐. อุมฺมีลิตฺวา…เป… ตาว โสติ ยาว วกฺขมานากาเรน อุคฺคหนิมิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, ตาว กิฺจิ กาลํ จกฺขุํ อุมฺมีลิตฺวา นิมิตฺตคฺคหณวเสน ปถวีมณฺฑลํ โอโลเกตฺวา ปุน กิฺจิ กาลํ จกฺขูนิ นิมีลิตฺวาติ เอวํ วารสตมฺปิ วารสหสฺสมฺปิ ตโต ภิยฺโยปิ อุมฺมีลิตฺวา โส โยคี อาวชฺเชยฺย, เยนากาเรน โอโลเกตฺวา คหิตํ, เตนากาเรน ตํ สมนฺนาหเรยฺยาติ อตฺโถ.

๘๖๑-๓. อาปาถํ ตุ ยาติ เจติ ยทิ มโนทฺวาริกชวนานํ โคจรภาวํ อุปคจฺฉติ, ตํ อุคฺคหนิมิตฺตํ ตทา อุปฺปนฺนนฺติ ปวุจฺจตีติ โยชนา. ยทิ อุคฺคหนิมิตฺเตปิ ปถวีมณฺฑลํ โอโลเกตฺวา ภาเวติ, ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติ น สิยา. สมีปฏฺเน จ น สกฺกา อโนโลเกตุนฺติ วุตฺตํ ‘‘นิสีทิตพฺพํ โน เจว’’นฺติอาทิ. ยถาสุขํ นิสินฺเนน, ยถาสุขํ วา ภาเวตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.

๘๖๔-๕. ปปฺจ…เป… โธวเนติ ปสฺสาวาทินา เกนจิ กรณีเยน นิสินฺนฏฺานโต อฺตฺถ คนฺตฺวา ปุน อาคมฺม นิสีทนฺเตน ปาทา โธวิตพฺพา โหนฺติ. อโธตปาเทน หิ เสนาสนํ อกฺกมโต อาปตฺติ โหติ, ขเณ ขเณ ปาทโธวเน จ ปปฺโจ โหติ, ตสฺมา ตสฺส ปริหารตฺถํ ทฺเว อุปาหนาเยว อิจฺฉิตพฺพา. ตาว พหุตลิกา สทฺทมฺปิ ชเนยฺยุํ, สทฺโท จ ฌานกณฺฏโก, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอกตลิกา’’ติ. ตถา ‘‘ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ กตฺตรทณฺโฑ จ อิจฺฉิตพฺโพ’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๕๗) อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อสปฺปาเยน เกนจีติ วกฺขมาเนน อาวาสาทิอสปฺปาเยสุ เกนจิเทว อสปฺปาเยน. ตํ านนฺติ กสิณมณฺฑลสฺส ิตฏฺานํ. อาทาย ตํ ปุนาติ ยถาชาตํ อุคฺคหนิมิตฺตํ ปุน คเหตฺวา, ปุน อุปฺปาเทตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.

๘๖๖-๗. ปีเ สุขนิสินฺเนนาติ ปุน วสนฏฺานํ อาคนฺตฺวา วุตฺตนิยาเมน ปีเ สุขนิสินฺเนน. ภาเวตพฺพนฺติ ตํ นิมิตฺตํ มนสิการวเสน วฑฺเฒตพฺพํ. สมนฺนาหริตพฺพนฺติ สมฺมา อาวชฺชิตพฺพํ, สมฺมา วา อนุ อาหริตพฺพํ. ตกฺกาหตนฺติ ‘‘ตกฺกนโต ตกฺโก’’ติ เอวํ ลทฺธนาเมน ภาวนาจิตฺตสมฺปยุตฺเตน สมฺมาสงฺกปฺเปน อาหนนปริยาหนนกิจฺเจน อปราปรํ ปวตฺตเนน กมฺมฏฺานํ อาหตํ, ปริยาหตฺจ กาตพฺพํ, พลปฺปตฺตวิตกฺโก มนสิกาโร พหุลํ ปวตฺเตตพฺโพติ อตฺโถ.

๘๖๘-๗๐. ตํ อิจฺฉตีติ ตํ นิมิตฺตํ มนสิกาตุํ อิจฺฉติ. เอวํ กโรนฺตสฺสาติ เอวํ กมฺมฏฺานํ ตกฺกาหตํ กโรนฺตสฺส. ยถา ภาวนา ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ อาวหติ, เอวํ อนุยุฺชนฺตสฺส, เอวํ กโรโต ปน ยทา สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ สุวิสทานิ ติกฺขานิ ปวตฺตนฺติ, ตทา อสฺสทฺธิยาทีนํ ทูรีภาเวน สาติสยํ ถามปฺปตฺเตหิ สตฺตหิ พเลหิ ลทฺธุปตฺถมฺภานิ วิตกฺกาทีนิ กามาวจราเนว ฌานงฺคานิ พหูนิ หุตฺวา ปาตุภวนฺติ. ตโต จ เตสํ อุชุวิปจฺจนีกภูตา กามจฺฉนฺทาทโย สทฺธึ ตเทกฏฺเหิ ปาปธมฺเมหิ ทูรีภวนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิกฺขมฺภนฺติ…เป… ปฺจ นีวรณานิปี’’ติ. สมาธิยติ…เป… โยคิโนติ ตสฺส โยคิโน ปฏิภาคนิมิตฺตํ อารพฺภ อุปฺปนฺนอุปจารสมาธินา อุปจารชฺฌาเนน จิตฺตมฺปิ สมาธิยติ, ปฏิภาคนิมิตฺตมฺปิ อุปฺปชฺชติ อุปจารชฺฌานสฺส เตน วินา อภาวโต.

๘๗๑-๔. อิมสฺสาติ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส. ปุริมสฺสาติ อุคฺคหนิมิตฺตสฺส. ถวิกาติ อาทาสถวิกโต. พลากา วิย โตยเทติ เมฆสมีเป พลากา วิย. สา หิ เมฆสฺส นีลตฺตา สยํ อติปริสุทฺธา อุปฏฺาติ, ตทา ตํ อุปฏฺาตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ อาทาสมณฺฑลูปมาทีหิ อุคฺคหนิมิตฺตโต ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส สุวิสุทฺธตํ, สณฺหสุขุมตฺจ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ตโตธิกตร’’นฺติ. อุคฺคหนิมิตฺเต องฺคุลิปทปาณิกาปทาทโย กสิณโทสา ปฺายนฺติ, อิทํ ปน วุตฺตนเยน ตโตปิ สตคุณํ สหสฺสคุณํ สุวิสุทฺธํ หุตฺวา อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. ตนุสณฺานวนฺตนฺติอาทิ อปรมตฺถสภาวตฺตา วุตฺตํ. ยทิ หิ ตํ เอทิสํ ภเวยฺย, จกฺขุวิฺเยฺยํ สิยา, โอฬาริกํ สมฺมสนูปคํ ติลกฺขณาหฏํ, น ปเนตํ ตาทิสนฺติ. ยทิ ปเนตํ น สณฺานาทิวนฺตํ, กถํ ฌานสฺส อารมฺมณภาโวติ อาห ‘‘อุปฏฺา…เป… มย’’นฺติ. ตตฺถ ปฺชนฺติ ภาวนามยํ ปฺาชนิตํ, ภาวนาปฺาย สฺชานนมตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. น หิ อสภาวธมฺมสฺส กุโตจิสมุฏฺานํ อตฺถิ. เตนาห ‘‘ภาวนามยํ อุปฏฺานาการมตฺต’’นฺติ, เกวลํ สมาธิลาภิโน ภาวนาวิเสสชนิตํ ตมฺมยํ อุปฏฺานาการมตฺตเมว ภาวนาวิเสสานุภาเวน อุปฏฺาตีติ อตฺโถ.

๘๗๕-๘. วิกฺขมฺภิตาเนว สนฺนิสินฺนาเนว น ปุน ตทตฺถํ อุสฺสาโห กาตพฺโพติ อธิปฺปาโย. ปฏิภาคนิมิตฺเต หิ อุปฺปชฺชมาเนเยว ตํวิสยํ อุปจารชฺฌานํ นีวรเณ วิกฺขมฺเภนฺตเมว อุปฺปชฺชติ. กิเลสา สนฺนิสินฺนาวาติ อวเสสา ตเทกฏฺกิเลสา จ สมฺมเทว นิสินฺนา, อุปสนฺตาติ อตฺโถ. ‘‘อุปจารสมาธินา’’ติ วุตฺเต อิตโรปิ สมาธิ อตฺถีติ อตฺถโต อาปนฺนนฺติ ตมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘อากาเรหิ ปน ทฺวีหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทฺวีหิ อากาเรหีติ ฌานธมฺมานํ ปฏิปกฺขทูรีภาโว, ถิรภาวปฺปตฺติ จาติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ. อิทานิ ตานิ การณานิ สมาธิอวตฺถามุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘อุปจารกฺขเณ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปจารกฺขเณติ อุปจารภูมิยํ อุปจาราวตฺถายํ. ตสฺส ปฏิลาเภติ ยทตฺถาย อยํ ปฏิปนฺโน, ตสฺส อปฺปนาสมาธิสฺส ปฏิลาเภ อธิคมาวตฺถายํ. กถํ อุปจารภูมิยํ สมาธิยติ, กถฺจ อปฺปนาภูมิยนฺติ อาห ‘‘นีวารณปฺปหาเนนา’’ติอาทิ. อุปจารกฺขเณ ยทิปิ ฌานงฺคานิ ปฏุตรานิ มหคฺคตภาวปฺปตฺตานิ น โหนฺติ, เตสํ ปฏิปกฺขธมฺมานํ วิกฺขมฺภเนน จิตฺตํ สมาธิยติ, ปฏิลาภภูมิยมฺปิ อปฺปนาปตฺตานํ ฌานงฺคานํ ปาตุภาเวน สมาธิยตีติ อตฺโถ.

๘๗๙-๘๐. องฺคานิ…เป… น จาติ อุปจารกฺขเณ องฺคานิ น จ ถามชาตานิ เนว ภาวนาพลปฺปตฺตานิ โหนฺตีติ อตฺโถ. อปฺปนายาติ อปฺปนกฺขเณ. ตสฺมาติ ยสฺมา องฺคานิ ถามชาตานิ ชายเร, ตสฺมา. อปฺปนาจิตฺตํ ทิวสมฺปิ ปวตฺตตีติ ยถา นาม พลวา ปุริโส อาสนา วุฏฺาย ทิวสมฺปิ ติฏฺเยฺย, เอวเมวํ อปฺปนาสมาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน ฌานจิตฺตํ สกึ ภวงฺควารํ ฉินฺทิตฺวา อุปฺปนฺนํ เกวลํ รตฺติมฺปิ ทิวสมฺปิ กุสลชวนปฏิปาฏิวเสเนว ปวตฺตตีติ อตฺโถ. ‘‘อปฺปนาปตฺตํ ทิวสมฺปิ ปวตฺตตี’’ติ วทตา อุปจารกฺขเณ น ตถาติ ทสฺสิตํ โหติ. ตตฺถ หิ องฺคานํ อถามชาตตฺตา ยถา นาม ทหโร กุมาโร อุกฺขิปิตฺวา ปิยมาโน ปุนปฺปุนํ ภูมิยํ ปตติ, เอวเมวํ จิตฺตํ กาเลน นิมิตฺตํ อารมฺมณํ กโรติ, กาเลน ภวงฺคํ โอตรติ.

๘๘๑-๔. เตเนว ปลฺลงฺเกนาติ ยสฺมึ นิสินฺโน ปฏิภาคนิมิตฺตํ อธิคจฺฉิ, เตเนว ปลฺลงฺเกน กรณภูเตน, เหตุภูเตน วา ตํ นิมิตฺตํ วฑฺเฒตฺวา. อุปจารภูมิยฺหิ นิมิตฺตวฑฺฒนํ ยุตฺตํ. จกฺกวตฺติยคพฺโภวาติ จกฺกวตฺติ ภวิตุํ ปุฺวา คพฺโภ วิย. ปริหานิ น วิชฺชตีติ ลทฺธูปจารชฺฌานสฺส ปริหานิ น วิชฺชติ. นิมิตฺเต หิ อปริหีเน ตทารมฺมณํ ฌานํ อปริหีนเมว โหติ, นิมิตฺเต ปน อารกฺขาภาเวน วินฏฺเ ลทฺธชฺฌานมฺปิ วินสฺสติ ตทายตฺตวุตฺติตฺตา. เตนาห ‘‘อารกฺขเณ’’ติอาทิ.

๘๘๕. อาวาโสติ ยสฺมึ อาวาเส วสนฺตสฺส อนุปฺปนฺนํ นิมิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนํ วา วินสฺสติ, อนุปฏฺิตา จ สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อยํ อสปฺปาโย อาวาโส, ตสฺมา ยสฺมึ วิหาเร พหู อาวาสา โหนฺติ, ตตฺถ เอเกกสฺมึ ตีณิ ตีณิ ทิวสานิ วสิตฺวา ยตฺถ จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ, ตํ ปหาย ตพฺพิปรีเต วสิตพฺพํ. โคจโรติ โคจรคาโม, โส เสนาสนโต อติทูเร อจฺจาสนฺเน ปุพฺพทิสาย วา ปจฺฉิมทิสาย วา อสุลภภิกฺโข อสปฺปาโย. ภสฺสนฺติ ทฺวตฺตึสติรจฺฉานกถาปริยาปนฺนา อสปฺปายกถา. สา หิสฺส นิมิตฺตนฺตรธานาย สํวตฺตติ. ปุคฺคโลติ ติรจฺฉานกถิโก, สีลาทิคุณวิรหิโต ปุคฺคโล, ยํ นิสฺสาย อสมาหิตํ วา จิตฺตํ น สมาธิยติ, สมาหิตํ วา ถิรํ น โหติ, เอวรูโป. โส หิ ตํ กทฺทโมทกมิว อจฺฉํ อุทกํ มลีนเมว กโรติ. โภชนํ ปน กสฺสจิ อมฺพิลํ, กสฺสจิ มธุรํ อสปฺปายํ โหติ. อุตุปิ กสฺสจิ สีโต, กสฺสจิ อุณฺโห. ตสฺมา ยํ โภชนํ วา อุตุํ วา เสวนฺตสฺส ผาสุ น โหติ, ตํ โภชนํ โส จ อุตุ อสปฺปาโย. อิริยาปโถติ านจงฺกมนาทีสุ โย อิมสฺส อสมาหิตจิตฺตสฺส สมาธานาย, สมาหิตจิตฺตสฺส จ ถิรภาวาย น โหติ, อยํ อสปฺปาโย อิริยาปโถ, ตสฺมา ตมฺปิ อาวาสํ วิย ตีณิ ทิวสานิ อุปปริกฺขิตฺวา วชฺเชตพฺพํ.

๘๘๖. สปฺปาเย สตฺต เสเวยฺยาติ วุตฺตวิปรีตวเสน สปฺปาเย อาวาสาทิเก สตฺต เสเวยฺย. ตตฺถ ภสฺสสปฺปายํ นาม ทสกถาวตฺถุสนฺนิสฺสิตํ, ตมฺปิ มตฺตาย ภาสิตพฺพํ. เอวฺหิ ปฏิปชฺชโตติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน สตฺต อสปฺปาเย วชฺเชตฺวา สตฺต สปฺปาเย เสวนวเสน ปฏิปชฺชนฺตสฺส นิมิตฺตาเสวนพหุลสฺส.

๘๘๘-๙. เยน วินา อปฺปนาย กุสโล น โหติ, โส ทสวิโธ วิธิ, อปฺปนาโกสลฺลํ, ตนฺนิพฺพตฺตํ วา าณํ คนฺถวิตฺถารภเยน อิธ น ทสฺสิตํ, อตฺถิเกน ปน วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๑.๖๐) คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. ปฏิลทฺเธ นิมิตฺตสฺมึ, เอวฺหิ สมฺปาทยโต อปฺปนาโกสลฺลํ อปฺปนา สมฺปวตฺตตีติ สมฺพนฺโธ.

๘๙๐-๒. สาติ อปฺปนา. เอวฺหีติ หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ, ยสฺมา านเมตํ น วิชฺชติ, ตสฺมา จิตฺตปฺปวตฺติอาการํ ภาวนาจิตฺตสฺส ลีนุทฺธตาทิวเสน ปวตฺติอาการํ สลฺลกฺขยํ อุปธาเรนฺโต สมตํ วีริยสฺเสว วีริยสฺส สมาธินา สมตํเยว โยชเยถ, กถํ ปน โยชเยถาติ อาห ‘‘อีสกมฺปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ลยนฺติ ลีนภาวํ, สงฺโกจนฺติ อตฺโถ. ยนฺตนฺติ คจฺฉนฺตํ, ปคฺคณฺเหเถว สมภาวายาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อจฺจารทฺธํ นิเสเธตฺวา สมเมว ปวตฺตเย’’ติ. ตํ มานสนฺติ สมฺพนฺโธ.

๘๙๔-๙. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน วีริยสมตาโยชนวเสน, ปฏิปนฺนภาวนามานสํ ปฏิภาคนิมิตฺเตเยว ปนวเสน นิมิตฺตาภิมุขํ ปฏิปาทยโต ตสฺส โยคิโน. สมิชฺฌิสฺสตีติ อุปฺปชฺชิสฺสติ. ปถวีกสิณนฺติ ปถวีติ ภาวนาวเสน อุปฏฺิตํ ตเทว ปฏิภาคนิมิตฺตํ. ชวนานีติ กามรูปาวจรชวนานิ. เตนาห ‘‘เอกํ ตุ รูปาวจริกํ ภเว’’ติ. อฺเหีติ ปากติเกหิ กามาวจรจิตฺเตหิ. พลวตราติ ภาวนาพเลน ปฏุตรภาวปฺปตฺติยา อจฺจนฺตพลวนฺโต. ปริกมฺโมปจารโตติ ปริกมฺมตฺตา, อุปจารตฺตา จ. ตตฺถ ปริกมฺมตฺตาติ ปฏิสงฺขรณตฺตา. อุปจารตฺตาติ ยถา คามาทีนํ อาสนฺนเทโส ‘‘คามูปจาโร, นครูปจาโร’’ติ วุจฺจติ, เอวํ อปฺปนาย อาสนฺนตฺตา สมีปจาริตฺตา. อุปจารานิ อปฺปนํ อุเปจฺจ จรนฺตีติ กตฺวา. อปฺปนายานุโลมตฺตาติ นานาวชฺชนวีถิยํ ปริกมฺมโตปิ ลหุกํ อปฺปนานิปฺผาทกวเสน, คุณวเสน วา อปฺปนาย อนุกูลตฺตา. เอตฺถาติ เอเตสุ ปริกมฺโมปจารานุโลมสฺิเตสุ. สพฺพนฺติมํ ตติยํ, จตุตฺถํ วา โคตฺรภูติ ปวุจฺจติ ปริตฺตโคตฺตสฺส อภิภวนโต, มหคฺคตโคตฺตสฺส ภาวนโต จ.

๙๐๐-๓. อวิเสเสน สพฺเพสํ สพฺพา สมฺาติ ปเม นเย คหิตาคหณํ โหตีติ อาห ‘‘คหิตาคหเณนา’’ติอาทิ. เอเกกสฺส คหิตนามํ อิตเรสํ อคฺคหณโต, เอเกกนามวเสน คหิตสฺส อิตรนามวเสน อคฺคหณโต วา นานาวชฺชนปริกมฺมเมว ปริกมฺมนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปมํ อุปจารํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตุตฺถํ ปฺจมํ วาติ วา-สทฺโท อนิยโม, โส ปน ขิปฺปาภิฺทนฺธาภิฺวเสน เวทิตพฺโพ. ขิปฺปาภิฺสฺส หิ จตุตฺถํ อปฺเปติ, ทนฺธาภิฺสฺส ปฺจมํ. ตโต ปรนฺติ ปฺจมโต ปรํ. เตนาห ‘‘ฉฏฺเ วา’’ติอาทิ. กสฺมา น ชายตีติ อาห ‘‘อาสนฺนตฺตา ภวงฺคสฺสา’’ติ. จิตฺตนิยามวเสน หิ อุปฺปชฺชิตพฺเพสุ สตฺตสุ ชวเนสุ ฉฏฺสตฺตมชวนวารคฬนฏฺานภูตตฺตา ภวงฺคสฺส อาสนฺนํ ชวนํ ปตติ. ตาวเทติ ตาวเทว. ฉฏฺํ, สตฺตมํ วา ชวนํ ปตนฺตํ วิย โหติ ปริกฺขีณชวนตฺตาติ อธิปฺปาโย.

๙๐๔-๖. อถ กิเมตํ วุจฺจติ ‘‘ฉฏฺเ สตฺตเม วาปิ อปฺปนา น ชายตี’’ติ? อาภิธมฺมิกโคทตฺตตฺเถโร หิ ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๒) อิมํ สุตฺตํ วตฺวา ยถา อลทฺธาเสวนํ ปมชวนํ โคตฺรภุํ น อุปฺปาเทติ, ลทฺธาเสวนํ ปน พลวภาวโต ทุติยํ, ตติยํ วา โคตฺรภุํ อุปฺปาเทติ, เอวํ ลทฺธาเสวนตาย พลวภาวโต ฉฏฺํ, สตฺตมมฺปิ วา อปฺเปตีติ ฉฏฺํ, สตฺตมมฺปิ วา อปฺปนา โหตีติ วทตี’’ติ อิมํ โจทนํ มนสิ นิธาย เถรสฺส ตํ มตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ยถาวุตฺตมตเมว ปติฏฺาเปตุํ ‘‘ปุริเมหี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ปริยนฺเต าตุํ เนว สกฺโกตีติ ปปาเต เอว ปตตีติ อธิปฺปาโย. อปฺเปตุํ น สกฺโกตีติ ปติฏฺาตุํ อปฺปนาวเสน อุปฺปชฺชิตุํ น สกฺโกติ. น เจตฺถ ‘‘ปุริมา ปุริมา’’ติอาทิสุตฺตปทํ สาธกํ อาเสวนปจฺจยลาภสฺส พลวภาเว อเนกนฺติกตฺตา. ตถา หิ อลทฺธาเสวนาปิ ปมเจตนา ทิฏฺธมฺมเวทนียา โหติ, ลทฺธาเสวนา ทุติยเจตนา ยาว ฉฏฺเจตนา อปราปริยเวทนียา, ตสฺมา ลทฺธาเสวเนปิ ฉฏฺสตฺตเม อปฺปนา น โหติ อาสนฺนภวงฺคตาย ทุพฺพลตฺตาติ อธิปฺปาโย. ยทิ เอวํ กถํ สตฺตมชวนเจตนา อุปปชฺชเวทนียา อานนฺตริยา โหติ? นายํ วิเสโส, อาเสวนปจฺจยลาเภน พลวปฺปตฺติยา, กิฺจรหิ กิริยาวตฺถาวิเสสโต. กิริยาวตฺถา หิ อารมฺภมชฺฌปริโยสานวเสน ติวิธา. ตตฺถ ปริโยสานาวตฺถาย สนฺนิฏฺาปกเจตนาภาเวน อุปปชฺชเวทนียาทิตา โหติ, น พลวภาเวนาติ อาจริยา.

๙๐๗. เอก…เป… ปนาติ อยํ อปฺปนา เอกจิตฺตกฺขณาเยว เอกวารเมว อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, น สมาปตฺติวีถิยํ วิย ยถิจฺฉกํ ปวตฺตติ. สตฺตสุ หิ าเนสุ กาลปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ, ปมปฺปนายํ, โลกิยาภิฺาสุ, จตูสุ มคฺเคสุ, มคฺคานนฺตเร ผเล, รูปารูปภเวสุ ภวงฺคฏฺาเน นิโรธสฺส ปจฺจเย เนวสฺานาสฺายตเน นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส ผลสมาปตฺติยนฺติ. เอเตสุ หิ กตฺถจิ อติอิตฺตรา, กตฺถจิ อปฺปมาณา จิตฺตกฺขณา โหนฺติ, กตฺถจิ สมฺปุณฺณชวนวีถิ อทฺธา ลพฺภติ. ตถา หิ มคฺคานนฺตรํ ผลํ ติณฺณํ อุปริ น โหติ, นิโรธสฺส ปจฺจโย เนวสฺานาสฺายตนํ ทฺวินฺนํ อุปริ น โหติ, รูปารูปภเวสุ ภวงฺคสฺส ปริมาณํ นตฺถิ, เสเสสุ ปน จตูสุ าเนสุ เอกเมว จิตฺตนฺติ ตสฺมา เอกจิตฺตกฺขณิกาเยว อปฺปนา โหตีติ เวทิตพฺพา.

๙๐๘. ปจฺจเวกฺขณเหตุกนฺติ ปจฺจเวกฺขณเหตุํ กตฺวา. นนุ จ ปจฺจเวกฺขณํ อาวชฺชนาทีหิ, น ปน เตน อาวชฺชนาทิ, ตสฺมา กถํ ปจฺจเวกฺขณเหตุกํ โหตีติ ยุชฺชติ? นายํ โทโส ภวนกิริยาย ปจฺจเวกฺขณเหตุกตฺตา. น หิ อสติ ปจฺจเวกฺขเณ สา โหติ นิโรธสฺส ปจฺจยภูตฌานนฺตรมิว, สติ ปน ปจฺจเวกฺขเณ สา โหติ, ตสฺมา อนฺวยพฺยติเรกวเสน ลพฺภติ. ตสฺสา ปจฺจเวกฺขณเหตุกตาติ น น ยุชฺชติ ‘‘ปจฺจเวกฺขณเหตุก’’นฺติ วจนํ. ปจฺจเวกฺขณเหตุกํ อาวชฺชนนฺติ วา สมฺพนฺโธ. อาวชฺชนฺหิ ปจฺจเวกฺขณาณานํ อนนฺตรปจฺจยภาเวน การณํ โหติ.

๙๑๑-๓. นานาวิสยลุทฺธสฺส, อิโต จิโต จ ภมนฺตสฺส เจตโสติ สมฺพนฺโธ. สมาธาเนวาติ สมาธานา เอว, สมาธานกรณโตติ อตฺโถ. ปาโมชฺชภาวโตติ ปาโมชฺเชน สมานโยคกฺขมตาย ตสฺสา ตพฺภาววุตฺติตฺตา. อถ วา พฺยาปาเทน ฆฏฺฏิยมานสฺส จิตฺตสฺส ปมุทิตภาวกรณโต ปีติเยว ‘‘ปาโมชฺช’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺส ภาโว, ตสฺมา ปาโมชฺชสภาวตฺตาติ อตฺโถ. สีตลตฺตสภาวโตติ พฺยาปาทคฺคินา สนฺตาปิยมานสฺส จิตฺตสฺส นิพฺพาปนวเสน สีตลตฺตสภาวตฺตา.

๙๑๔-๖. สวิปฺผาริกภาเวนาติ โยนิโส สงฺกปฺปวเสน กามวิตกฺกาทึ มทฺทิตฺวา ปวตฺตนโต สวิปฺผาริกสภาเวน. เนกฺขมฺมาทิปวตฺติโตติ เอตฺถ เนกฺขมฺม-คฺคหเณน พฺรหฺมวิหารวชฺชํ ปมชฺฌานํ คหิตํ. อาทิ-สทฺเทน ตีสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ ปมชฺฌานํ คหิตนฺติ วทนฺติ. อวูปสนฺตภาวสฺสาติ อุทฺธจฺจสฺส สรูปกถเนน ตํสหวตฺติโน อนุตาปสภาวสฺส กุกฺกุจฺจสฺสาปิ สรูปํ กถิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา สยฺเจวาติสนฺตโตติ อุทฺธจฺจปฏิปกฺขสภาววจเนน กุกฺกุจฺจปฏิปกฺโข ปีติภาโวปิ. เตนาห ‘‘สุขํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจทฺวยสฺสา’’ติ. มติยา อนุรูปตฺตาติ ปฺาย อนุรูปตฺตา. ตถา จ วุตฺตํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ‘‘วิจาโร วิจิกิจฺฉาย ปฏิปกฺโข อารมฺมเณ อนุมชฺชนวเสน ปฺาปติรูปกสภาวตฺตา’’ติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ปีติยา อนุรูปตฺตา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, ตสฺส จ วิจาโร อนุมชฺชนสภาววนฺตตาย ปีติ วิย อารมฺมเณ อนิวตฺตนฺโต โอคาเหตฺวา ปวตฺตตีติ ปีติยา อนุรูปตฺตา สนฺเทหสภาวตฺตา อารมฺมณํ อนชฺโฌคาเหตฺวา ปวตฺตมานาย วิจิกิจฺฉาย ปฏิปกฺโขติ อตฺถํ วทนฺติ.

๙๑๗. ติวิธกลฺยาณนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณตาสงฺขาตาหิ ปฏิปทาวิสุทฺธิอาทีหิ ติวิธกลฺยาณตาหิ ยุตฺตํ. ยถาห ‘‘ปมสฺส ฌานสฺส ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาทิ, อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌ, สมฺปหํสนา ปริโยสาน’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๘). ตตฺถ ปุพฺพภาคปฏิปทาวเสน ฌานสฺส ปริปนฺถโต วิสุชฺฌนํ ปฏิปทาวิสุทฺธิ นาม, สา ปน ยสฺมา ฌานสฺส อุปฺปาทกฺขเณ ลพฺภติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาที’’ติ. วิโสเธตพฺพตาทีนํ อภาวโต ฌานปริยาปนฺนาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจนิปฺผตฺติยา อนุพฺรูหนา อุเปกฺขานุพฺรูหนา นาม. สา ปนายํ วิเสสโต ฌานสฺส ิติกฺขเณ ลพฺภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌ’’ติ. ตตฺถ ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิสาธกสฺส าณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน ปริโยทปนา สมฺปหํสนา นาม. สา ฌานสฺส โอสานกฺขเณ ปากฏา โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สมฺปหํสนา ปริโยสาน’’นฺติ.

อภยคิริวาสิโน ‘‘ปฏิปทาวิสุทฺธิ นาม สสมฺภาริโก อุปจาโร, อุเปกฺขานุพฺรูหนา นาม อปฺปนา, สมฺปหํสนา นาม ปจฺจเวกฺขณา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๗๕) เอวํ ปฏิปทาวิสุทฺธิอาทิเก วณฺเณนฺติ, ตํ อยุตฺตํ. เอวฺหิ สติ อฌานธมฺเมหิ ฌานธมฺมสฺส คุณสํกิตฺตนํ นาม กตํ โหติ. น หิ ภูมนฺตรํ ภูมนฺตรปริยาปนฺนํ โหติ, อนฺโตอปฺปนายเมว อาคมนวเสน ปฏิปทาวิสุทฺธิ, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจนิปฺผตฺติอาทีหิ อุเปกฺขานุพฺรูหนาทโย จ เวทิตพฺพา. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ ภควตา ‘‘เอกตฺตคตํ จิตฺตํ ปฏิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺตรฺเจว โหติ อุเปกฺขานุพฺรูหิตฺจ าเณน สมฺปหํสิต’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๘). เอตฺถ หิ เอกตฺตคตํ จิตฺตนฺติ อินฺทฺริยานํ เอกรสภาเวน, เอกคฺคตาย จ สิขปฺปตฺติยา ตทนุคุณเอกตฺตคตํ สสมฺปยุตฺตมปฺปนาจิตฺตํ, ตสฺเสว ปฏิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทนาทิ ปกฺขนฺตรํ วุจฺจติ.

ทสลกฺขณสํยุตนฺติ ‘‘อาทิมฺหิ ตีณิ ลกฺขณานิ, มชฺเฌ ตีณิ, ปริโยสาเน จตฺตารี’’ติ เอวํ ทสปริมาเณหิ อปฺปนาย ลกฺขิตพฺพภาเวน ลกฺขณสงฺขาเตหิ ปริปนฺถโต วิสุทฺธิฌานาทีหิ สํยุตฺตํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปมสฺส ฌานสฺส ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาทิ. อาทิสฺส กติ ลกฺขณานิ? อาทิสฺส ตีณิ ลกฺขณานิ. โย ตสฺส ปริปนฺโถ, ตโต จิตฺตํ วิสุชฺฌติ, วิสุทฺธตฺตา จิตฺตํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชติ, ปฏิปนฺนตฺตา ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ, ยฺจ ปริปนฺถโต จิตฺตํ วิสุชฺฌติ, ยฺจ วิสุทฺธตฺตา จิตฺตํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชติ, ยฺจ ปฏิปนฺนตฺตา ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ, ปมสฺส ฌานสฺส ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาทิ, อาทิสฺส อิมานิ ตีณิ ลกฺขณานิ. เตน วุจฺจติ ปมํ ฌานํ อาทิกลฺยาณฺเจว โหติ ลกฺขณสมฺปนฺนฺจ.

‘‘ปมสฺส ฌานสฺส อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌ, มชฺฌสฺส กติ ลกฺขณานิ? มชฺฌสฺส ตีณิ ลกฺขณานิ. วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ, สมถปฏิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขติ, เอกตฺตุปฏฺานํ อชฺฌุเปกฺขติ, ยฺจ วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ, ยฺจ สมถปฏิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขติ, ยฺจ เอกตฺตุปฏฺานํ อชฺฌุเปกฺขติ, ปมสฺส ฌานสฺส อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌ, มชฺฌสฺส อิมานิ ตีณิ ลกฺขณานิ. เตน วุจฺจติ ปมํ ฌานํ มชฺเฌกลฺยาณฺเจว โหติ ลกฺขณสมฺปนฺนฺจ.

‘‘ปมสฺส ฌานสฺส สมฺปหํสนา ปริโยสานํ. ปริโยสานสฺส กติ ลกฺขณานิ? ปริโยสานสฺส จตฺตาริ ลกฺขณานิ. ตตฺถ ชาตานํ ธมฺมานํ อนติวตฺตนฏฺเน สมฺปหํสนา, อินฺทฺริยานํ เอกรสฏฺเน สมฺปหํสนา, ตทุปควีริยวาหนฏฺเน สมฺปหํสนา, อาเสวนฏฺเน สมฺปหํสนา, ปมสฺส ฌานสฺส สมฺปหํสนา ปริโยสานํ, ปริโยสานสฺส อิมานิ จตฺตาริ ลกฺขณานิ. เตน วุจฺจติ ปมํ ฌานํ ปริโยสานกลฺยาณฺเจว โหติ ลกฺขณสมฺปนฺนฺจา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๘).

เอตฺถ จ โคตฺรภุจิตฺตสฺส นานาวชฺชนวีถิยํ อุปฺปชฺชนารหปริปนฺถโต วิสุชฺฌนโต ตทาคมนวเสน ฌานจิตฺตสฺส วิสุชฺฌนาการํ สนฺธาย ‘‘โย ตสฺส ปริปนฺโถ, ตโต จิตฺตํ วิสุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ. โคตฺรภุจิตฺตสฺเสว ตถา วิสุทฺธตฺตา อาวรณวิรหิตํ หุตฺวา เอกตฺตนเยน มชฺฌิมสมถนิมิตฺตสงฺขาตํ สมปฺปวตฺตํ อปฺปนาสมาธิปฏิปชฺชนํ สนฺธาย ‘‘วิสุทฺธตฺตา จิตฺตํ มชฺฌิมสมถนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ ขีรสฺเสว ทธิภาวาภาเวปิ ตเทว ขีรํ ทธิสมฺปนฺนนฺติอาทีสุ วิย โคตฺรภุจิตฺตสฺส อปฺปนาภาวาภาเวปิ เอกสนฺตติปริณามูปคมนวเสน ตํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ลีนุทฺธจฺจสงฺขาตอนฺตทฺวยานุปคมเนน มชฺฌิมํ ปจฺจนีกวูปสมนโต ยถา สมถสงฺขาตํ โยคิโน สุขวิเสสานํ การณภาวโต นิมิตฺตภูตํ อปฺปนาสมาธึ ปฏิปชฺชติ นาม, ตถา ปฏิปนฺนตฺตา ปน สมาหิตภาวูปคมเนน เอกตฺตนยวเสเนว ตตฺถ ปกฺขนฺทนํ สนฺธาย ‘‘ปฏิปนฺนตฺตา ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทตี’’ติ วุตฺตํ. เอกตฺตนยฺหิ วินา โคตฺรภุสฺส อปฺปนาปกฺขนฺทนํ นตฺถิ. เอวํ ตาว ปุริมจิตฺเต วิชฺชมานาการสฺส อิธ นิพฺพตฺติยา ฌานํ อุปฺปาทกฺขเณ ติวิธลกฺขณสมฺปนฺนํ นาม. ยถา หิ โลกิยวิปสฺสนาย กิจฺจนิปฺผตฺติยา โลกุตฺตรมคฺโค ‘‘วิปสฺสนา’’ติ วุจฺจติ, เอวํ วิสุทฺธสฺส ปน ตสฺส ปุน วิโสธเน พฺยาปารากรณโต ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขากิจฺจวเสน ปุคฺคลสฺส อชฺฌุเปกฺขนโต วุตฺตํ ‘‘วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขตี’’ติ. อปฺปนาสมาธิภาวูปคมเนน สมถวิปฺปฏิปนฺนสฺส ปุน สมาธาเน พฺยาปารากรณโต วุตฺตํ ‘‘สมถปฏิปนฺนํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขตี’’ติ.

เอวํ สมถปฏิปนฺนภาวโตเยว ปุพฺเพ ‘‘กถํ นุ โข กิเลสสํสคฺคํ ปชเหยฺย’’นฺติ ปฏิปนฺนสฺส อิทานิ สมถปฏิปตฺติยา ตสฺส ปหีนตฺตา ปาปมิตฺตสํสคฺคํ ปหาย เอกสฺส วิหรโต สปฺปุริสสฺส วิย เอกตฺเตน อุปฏฺิตสฺส ฌานจิตฺตสฺส ปุน เอกตฺตุปฏฺาเน พฺยาปารากรณํ สนฺธาย ‘‘เอกตฺตุปฏฺานํ อชฺฌุเปกฺขตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจวเสน ฌานํ มชฺเฌ ติวิธลกฺขณสมฺปนฺนํ นาม โหติ. ปุพฺพภาคปฺปวตฺตปาริหาริยาเณน จิตฺตสฺส สํกิเลสโวทานกรธมฺเมสุ อาทีนวานิสํสํ ทิสฺวา ยถา ตตฺถ ชาตานํ ธมฺมานํ อฺมฺานติวตฺตนํ โหติ, ตถา ภาวนาย สมฺปหํสิตตฺตา วิโสธิตตฺตา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย วเสน อนุพฺรูหิเต จิตฺเต สมาธิปฺาสงฺขาตยุคนทฺธธมฺมานํ อฺมฺานติวตฺติยา ปวตฺตนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ ชาตานํ ธมฺมานํ อนติวตฺตนฏฺเน สมฺปหํสนา’’ติ. สทฺธาปฺจมกานํ อินฺทฺริยานํ นานากิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติวเสน เอกรสตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อินฺทฺริยานํ เอกรสฏฺเน สมฺปหํสนา’’ติ. เตสํ อนติวตฺตนสมฺปหํสนานํ อนุรูปวเสน อลีนํ อนุทฺธตํ หุตฺวา วีริยสฺส ปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘ตทุปควีริยวาหนฏฺเน สมฺปหํสนา’’ติ วุตฺตํ. ยา ปนสฺส ตสฺมึ ขเณ ปวตฺตา อาเสวนา, อุปฺปาทโต ปฏฺาย ิติปริโยสานานํ อาเสวนปจฺจยภาววเสน ปวตฺตากาโร, ตํ สนฺธาย ‘‘อาเสวนฏฺเน สมฺปหํสนา’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิภาวสาธเนน ปริโยทาปกสฺส าณสฺส กิจฺจวเสน ฌานปริโยสาเน จตูหิ ลกฺขเณหิ สมฺปนฺนํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

๙๑๙-๒๐. วิโสเธตฺวาน ปาปเกติ ปาริปนฺถิเก ธมฺเม วิเสเสน โสเธตฺวา สยํ ปหานมตฺเต อฏฺตฺวา อติสยปฺปหานวเสน ปุน โสเธตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตภาวนเวปุลฺลนฺติ สมาธิภาวนาย วิปุลภาวํ. ยถา หิ ภาวนาวเสน นิมิตฺตสฺส อุปฺปตฺติ, เอวมสฺส ภาวนาวเสน วฑฺฒนมฺปิ, ตสฺมา เอกงฺคุลาทิวเสน นิมิตฺตํ วฑฺฒยนฺตสฺส ปุนปฺปุนํ พหุลีกาเรน ฌานภาวนาปิ วุฑฺฒึ วิรุฬฺหึ, อภิฺาวเสน จ เวปุลฺลํ อาปชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตภาวนเวปุลฺลํ…เป… วฑฺเฒตพฺพ’’นฺติ.

๙๒๑-๓. วฑฺฒนาภูมิโย ทฺเววาติ วฑฺฒนฏฺานานิ ทฺเวเยว. ทฺวีสุ าเนสุ อวสฺสํ เอกตฺตํ วฑฺเฒตพฺพนฺติ อาจริยา. ตตฺราติ สามิอตฺเถ ภุมฺมวจนํ, ตสฺสาติ อตฺโถ. ตตฺราติ วา ทฺวีสุ ภูมีสุ. กสิตพฺพํ…เป… ยถิจฺฉกนฺติ ยถา นาม กสฺสโก กสิตพฺพฏฺานํ นงฺคเลน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริจฺเฉทพฺภนฺตรํ กสิตุํ ตํ านํ ปริจฺฉินฺทติ, เอวเมวํ เอกงฺคุลทฺวงฺคุลติวงฺคุลจตุรงฺคุลมตฺตํ มนสา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ยถาปริจฺเฉทํ วฑฺเฒตพฺพํ. ตโต วิทตฺถิรตนปฺปมุขปริเวณวิหารสีมานํ, คามนิคมชนปทรชฺชสมุทฺทสีมานฺจ ปริจฺเฉทวเสน วฑฺฒยนฺเตน จกฺกวาฬปริจฺเฉทํ กตฺวา วา ตโต วาปิ อุตฺตริ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วฑฺเฒตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยถิจฺฉกํ วฑฺเฒตพฺพ’’นฺติ. อปริจฺฉินฺทิตฺวา ปน น วฑฺเฒตพฺพํ. น หิ อปริจฺเฉเท ภาวนา ปวตฺตติ. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘สนฺตเก โน อนนฺตเก’’ติ. เอวํ วฑฺฒิตฺจ ตํ นิมิตฺตํ วฑฺฒิตวฑฺฒิตฏฺาเน ปถวิยา อุกฺกูลวิกูลนทีวิทุคฺคปพฺพตวิสเมสุ สงฺกุสตสมพฺภาหตํ อุสภจมฺมํ วิย โหติ.

๙๒๔-๖. ตสฺมึ ปน นิมิตฺเต ปตฺตปมชฺฌาเนน อาทิกมฺมิเกน อิทาเนว ทุติยชฺฌานาทิอธิคมาย อุสฺสาหํ อกตฺวา ตสฺมึเยว ปมชฺฌาเน ปฺจหากาเรหิ สุจิณฺณวสินา ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปตฺเตปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุจิณฺโณ วโส วสิภาโว เอเตนาติ สุจิณฺณวสินา, สุฏฺุ อาเสวิตวสินาติ อตฺโถ. กตมา ตา วสิโย, ยาสํ วเสนายํ ปฺจหากาเรหิ สุจิณฺณวสีติ อาห ‘‘อาวชฺชน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อาวชฺชนนฺติ น อาวชฺชนมตฺตเมว อธิปฺเปตํ อาวชฺชนวสิตาย อธิปฺเปตตฺตา. อาวชฺชนาย ปน อุปฺปนฺนาย ชวเนหิปิ ภวิตพฺพํ. ตานิ จ โข อาวชฺชนกปฺปรตาย จิตฺตาภินีหารสฺส ยถาวชฺชิตวเสน โหนฺติ. อธิคเมน สมํ, สสมฺปยุตฺตสฺส ฌานสฺส สมฺมา อาปชฺชนํ ปฏิปชฺชนํ สมาปตฺติ. อภิภุยฺย ปนํ, อธิฏฺานํ วิยาติ วา อธิฏฺานํ. วสิตาติ เอเตสุ อาวชฺชนาทีสุ ยถารุจิ ปวตฺติโย, ยตฺถิจฺฉกํ, ยทิจฺฉกํ, ยาวติจฺฉกํ ปวตฺติตุํ สมตฺถภาโว.

ตตฺถ ปมชฺฌานโต วุฏฺาย ปมํ วิตกฺกํ อาวชฺชยโต ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ วิตกฺการมฺมณาเนว จตฺตาริ, ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ, ตโต ทฺเว ภวงฺคานิ, ตโต ปุน วิจารารมฺมณํ อาวชฺชนํ วุตฺตนเยเนว ชวนานีติ เอวํ ปฺจสุ ฌานงฺเคสุ ปฏิปาฏิยา นิรนฺตรํ จิตฺตํ เปเสตุํ สมตฺถภาโว, ตตฺถ อทนฺธายิตตฺตํ อาวชฺชนวสิตา นาม. สมาปชฺชิตุกามตานนฺตรํ ทฺวีสุ ภวงฺเคสุ อุปฺปนฺเนสุ ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ สมาปชฺชิตุํ สมตฺถตา สมาปชฺชนวสิตา นาม. อยฺจ มตฺถกปฺปตฺตา อาวชฺชนสมาปชฺชนา สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยกาลธมฺมเทสนาทีสุ ลพฺภติ. ธมฺมเสนาปติสฺส ยกฺเขน สีเส ปหารทานสมเย, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส นนฺโทปนนฺททมนสมเย วา ลพฺภติ, อฺตฺถ ปน ตโต ทนฺธาเยว, เสตุ วิย สีฆโสตาย นทิยา โอฆํ ภวงฺคเวคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ ฌานํ เปตุํ สมตฺถตา, ภวงฺคปาตโต รกฺขณโยคฺยตา อธิฏฺานวสิตา นาม. ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ อติกฺกมิตุํ อทตฺวา ฌานโต วุฏฺานสมตฺถตา วุฏฺานวสิตา นาม.

อถ วา ยถาปริจฺฉินฺนกาลโต อุปริ คนฺตุํ อทตฺวา ปนสมตฺถตา อธิฏฺานวสิตา นาม. ปริจฺฉินฺนกาลโต อนฺโต อวุฏฺหิตฺวา ยถากาลวเสเนว วุฏฺานสมตฺถตา วุฏฺานวสิตา นาม. อถ วา วุตฺตนเยเนว ปริจฺฉินฺนกาลโต อนูนํ กตฺวา สมาปตฺตึ เปตุํ สมตฺถตาว อธิฏฺานวสิตา นาม. กาลปริจฺเฉทํ อติกฺกมิตฺวา วุฏฺิตสฺสปิ นิทฺทาลุกสฺส ปฏิพุชฺฌิตฺวา ปุนปฺปุนํ นิทฺโทกฺกมนํ วิย วุฏฺิตสมาปตฺติเมว ปุนปฺปุนํ อสมาปชฺชิตฺวา วุฏฺานสมตฺถตา, ตตฺถ อาลยากรณโยคฺยตา จ วุฏฺานวสิตา นาม.

ปจฺจเวกฺขณวสิตา ปน อาวชฺชนวสิตาย เอว สงฺคหิตา. ปจฺจเวกฺขณชวนาเนว หิ เตสํ เตสํ ฌานงฺคานํ อาวชฺชนานนฺตรํ ปวตฺตานิ, ตสฺมา ยทคฺเคน อาวชฺชนวสิยา สิทฺธิ, ตทคฺเคน ปจฺจเวกฺขณวสิตา สิทฺธาติ เวทิตพฺพํ. เกจิ ปน ฌานงฺคานํ อปากฏภาเวปิ เตสุ นิรนฺตรํ อาวชฺชนาย ปวตฺตนสมตฺถตา อาวชฺชนวสิตา นาม, เตสํ ยถาสภาวปจฺจเวกฺขณวเสน ชวนปฺปวตฺตนสมตฺถตา ปจฺจเวกฺขณวสิตา นาม. อถ วา สติปิ สตฺตนฺนํ ชวนานํ ปวตฺติยํ นิรนฺตรํ อาวชฺชนสมตฺถตา อาวชฺชนวสิตา นาม, วสิตาพเลน สตฺตมชวนํ อปฺปตฺวา จตุปฺจชวเนเหว ปจฺจเวกฺขณสมตฺถตา ปจฺจเวกฺขณวสิตา นาม. อถ วา าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตหิ ปจฺจเวกฺขิตุํ อสมตฺถภาเวปิ ‘‘ปจฺจเวกฺขิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนอาวชฺชนานนฺตรเมว ภวงฺเคสุ กาลํ อวีตินาเมตฺวา สีฆเมว อาวชฺชิตุํ สมตฺถตา อาวชฺชนวสิตา นาม, วสิตาพเลน, ปจฺจเวกฺขณพเลน าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตหิปิ ปจฺจเวกฺขิตุํ สมตฺถตา ปจฺจเวกฺขณวสิตา นามาติ วทนฺติ. ยสฺมา ปเนตา ยถาวุตฺตนิยาเมน ปุนปฺปุนํ อาวชฺชนาทินา สาเธตพฺพา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อาวชฺชิตฺวา’’ติอาทิ.

๙๒๗. อิเมสุ ปน อาทิกมฺมิเกน สมาปชฺชนพหุเลเนว ภวิตพฺพํ, น ปจฺจเวกฺขณพหุเลน. ปจฺจเวกฺขณพหุลสฺส หิ ฌานงฺคานิ ถูลานิ ทุพฺพลานิ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, อถสฺส ตานิ เอว อุปฏฺิตตฺตา อุปริ อุสฺสุกฺกนาย ปจฺจยตํ นาปชฺชนฺติ, โส อปฺปคุเณ ฌาเน อุสฺสุกฺกมาโน ปมชฺฌานาว ปริหายติ, น จ สกฺโกติ ทุติยํ อธิคนฺตุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปเม อวสิปฺปตฺเต’’ติอาทิ. อุภโต ภฏฺโติ ปุน ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตุํ น สกฺโกตีติ อธิปฺปาโย. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ พาโล อพฺยตฺโต อเขตฺตฺู อกุสโล วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, โส ตํ นิมิตฺตํ นาเสวติ, น ภาเวติ, น พหุลึ กโรติ, น สฺวาธิฏฺิตํ อธิฏฺาติ. ตสฺส เอวํ โหติ ‘ยํนูนาหํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, โส น สกฺโกติ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. ตสฺส เอวํ โหติ ‘ยํนูนาหํ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, โส น สกฺโกติ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุภโต ภฏฺโ อุภโต ปริหีโน’’ติ (อ. นิ. ๙.๓๕).

๙๒๘-๓๑. กามสฺสหคตา…เป… จรนฺตีติ อารมฺมณวเสน กามสหคตา หุตฺวา สฺา เจว มนสิการา จ สมุทาจรนฺติ. สฺาสีเสน เจตฺถ ตํสหคโต จิตฺตุปฺปาโท คหิโต, มนกฺการ-คฺคหเณน อาวชฺชนนฺติ ทฏฺพฺพํ. กามานุปกฺขนฺทานํ สฺามนสิการานํ วเสน หานํ ปริหานึ ภชตีติ หานภาคิยํ. เกจิ ปน ‘‘สํกิเลสนฺติ หานภาคิโย ธมฺโม’ติ (วิภ. ๘๒๘) วจนโต หานภาคิยา กามสฺาทิกาติ เตหิ ปริหาปิยมานํ ฌานมฺปิ การณูปจาเรน หานภาคิยํ นามา’’ติ วทนฺติ. ตทนุธมฺมตา สตีติ ตสฺเสว ฌานสฺส อนุธมฺมตา อารมฺมณวเสน ตทนุคตา สติปติรูปกา นิกนฺติ. อตกฺกสหิตาติ อวิตกฺกํ ทุติยชฺฌานํ ปตฺตุกามสฺส ตํ สนฺตโต, มนสิ กโรโต อารมฺมณวเสน ตํสหคตา. วิเสสภาคิยนฺติ วิเสสภูตสฺส ทุติยชฺฌานสฺส ปทฏฺานตาย ตํ ภชตีติ วิเสสภาคิยํ. นิพฺพิทาสํยุตาติ วิปสฺสนารมฺมณา.

๙๓๒-๕. ปคุณโตติ วสิตปฺปตฺตโต. อาสนฺนากุสลาริกาติ นีวรณปฺปหานสฺส ตํปมตาย อาสนฺนนีวรณปจฺจตฺถิกา. ถูลํ นาม วิปุลมฺปิ เผคฺคุ วิย สุขภฺชนียนฺติ อาห ‘‘ถูลตฺตา…เป… ทุพฺพลา’’ติ. ตโตติ ทุติยชฺฌานโต. ทุพฺพลานิ องฺคานิ อิมิสฺสาติ องฺคทุพฺพลา. สนฺตโต จินฺตยิตฺวาติ ปมชฺฌาเน วิย โอฬาริกงฺคานํ อภาวโต, สนฺตธมฺมสมงฺคิตาย จ สนฺตนฺติ เอวํ สนฺตวเสน มนสิ กตฺวา. กิฺจาปิ หิ เย ธมฺมา ทุติยชฺฌาเน ปีติสุขาทโย, เต ปมชฺฌาเนปิ สนฺติ, เตหิ ปน เต สนฺตตรา, ปณีตตรา จ โหนฺติ. นิกนฺตินฺติ นิกามนํ อเปกฺขนฺติ อตฺโถ. ปริยาทายาติ เขเปตฺวา, วิกฺขมฺเภตฺวาติ อตฺโถ.

๙๔๓-๔. สมฺปสาทนนฺติ สมฺปสาทนสงฺขาตาย สทฺธาย โยคโต ฌานมฺปิ สมฺปสาทนํ นีลวณฺณโยคโต นีลวตฺถํ วิย. นนุ จายํ สทฺธา ปมชฺฌาเนปิ อตฺถิ, กสฺมา อิทเมว ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – ปมชฺฌานํ วิตกฺกวิจารกฺโขเภน วีจิตรงฺคสมากุลมิว ชลํ น สุปฺปสนฺนํ โหติ, ตสฺมา สติปิ สทฺธาย ตํ สมฺปสาทนนฺติ น วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน วิตกฺกวิจารกฺโขภาภาเวน ลทฺโธกาสา พลวตี สทฺธา, ตสฺมา พลวสทฺธาย สมนฺนาคตตฺตา อิทเมว ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ วุตฺตํ. อชฺฌตฺตนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ, อตฺตนิ ชาตํ, อตฺตโน สนฺตาเน นิพฺพตฺตนฺติ อตฺโถ. ตีณิ องฺคานิ อิมสฺสาติ ติวงฺคิกํ. เสสนฺติ ปีติอาทีนํ อฺเหิ พลวภาโว, ติณฺณํ จตุนฺนํ วา ชวนานํ ปริกมฺโมปจารานุโลมโคตฺรภุภาโว, ฉฏฺเ สตฺตเม วา อปฺปนายานุปฺปตฺติ เอกจิตฺตกฺขณตา, ตโต ภวงฺคปาโต, ปุน ภวงฺคํ วิจฺฉินฺทิตฺวา ปจฺจเวกฺขณตฺถาย อาวชฺชนํ, ตโต ฌานปจฺจเวกฺขณนฺติ อิทํ สพฺพํ วุตฺตาวเสสํ เหฏฺา ปมชฺฌาเน วุตฺตนเยเนว สมุปลกฺขิตพฺพํ.

๙๔๘-๙. ปิยโตติ กามยโต. อุปฺปิลาปนนฺติ กามฺจายํ ปริคฺคเหสุ อปริจฺจตฺตเปมสฺส อนาทีนวทสฺสิโน ตณฺหาสหคตาย ปีติยา ปวตฺติอากาโร, อิธ จ ทุติยชฺฌานปีติ อธิปฺเปตา, ตถาปิ สพฺพโส ปีติยํ อวิรตฺตสฺสาปิ อนุพนฺเธยฺยาติ อุปฺปิลาปนํ อิธ อาทีนววเสน วุตฺตํ. อถ วา ทุติยชฺฌานสฺเสว ตติยชฺฌานํ วิย อหุตฺวา อุปฺปิลาปนากาเรน ปวตฺติ อุปฺปิลาปนํ วิยาติ อุปฺปิลาปนนฺติ วุตฺตํ. ตติยํ สนฺตโต ทิสฺวาติ สมฺพนฺโธ.

๙๕๗-๘. สติยา สมฺปชฺเน สมฺปนฺนนฺติ สรณลกฺขณาย สติยา, อสมฺโมหลกฺขเณน สมฺปชฺเน จ สมฺปนฺนํ. กามํ ปุริมชฺฌาเนสุปิ สติสมฺปชฺํ อตฺถิ, น หิ มุฏฺสฺสติสฺส, อสมฺปชานโต จ อุปจารมตฺตมฺปิ สมฺปชฺชติ, ปเคว อปฺปนา, เยภุยฺเยน ปน อวิปฺปโยคีภาเวน ปวตฺตมาเนสุ ปีติสุเขสุ ปีติสงฺขาตสฺส โอฬาริกงฺคสฺส ปหาเน สุขุมตาย อิธ สาติสโย สติสมฺปชฺพฺยาปาโรติ อิเธว สติสมฺปชฺสมฺปนฺนตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. เอกงฺคหีนนฺติ ปีติยา ปหีนภาเวน เอกงฺควิปฺปหีนํ. สา ปเนสา ทุติยชฺฌานสฺส วิตกฺกวิจารา วิย อปฺปนากฺขเณเยว ปหียติ. เตนสฺส สา ‘‘ปหานงฺค’’นฺติ วุจฺจติ.

๙๗๒. โสมนสฺสสฺส ปหีนตฺตา อาห ‘‘เอกงฺควิปฺปหีน’’นฺติ. ตฺจ ปน โสมนสฺสํ เอกวีถิยํ ปุริมชวเนสุเยว ปหียติ.

๙๗๔. ปุริมชฺฌาเนสุ ปริกมฺมาทิวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรชวนานํ เอกสทิสตฺตา อิธ ลพฺภมานํ กฺจิ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาเสวนํ น โหตีติ อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย น โหติ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา ปทนฺตรสงฺคหิตสฺส อตฺตโน สภาวคฺคาหาปนสงฺขาตอาเสวนปจฺจยตฺตาภาวโต สุขเวทนา อุเปกฺขาเวทนาย อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย น โหติ, จตุตฺถชฺฌาเนว อุเปกฺขาเวทนาย ภวิตพฺพํ สาติสยํ สุขวิราคภาวนตฺตา, ตสฺมา อิธ อปฺปนาวีถิยํ อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตชวเนเหว ภวิตพฺพนฺติ.

๙๗๖. เอวํ จตุกฺกนยวเสน ฌานปฺปเภทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฺจกนยมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ จตุกฺกนเย’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทฺวิธา ปน กตฺวานาติ วิตกฺกวิจารานํ วิสุํ วิสุํ ปหานงฺควเสน คณนโต ทฺวิธา กตฺวา. ทุติยํ ตติยํ กตนฺติ อวิตกฺกวิจารมตฺตํ อวิตกฺกอวิจารนฺติ เอวํ ทุติยชฺฌานฺเจว ตติยชฺฌานฺจ กตํ อภิธมฺเมติ อธิปฺปาโย. สุตฺตนฺเตสุ หิ ปฺจกนโย สรูปโต น คหิโต, กสฺมา ปน อภิธมฺเม คหิโตติ? ปุคฺคลชฺฌาสยโต, สนฺนิสินฺนเทวปริสาย หิ เยสํ ปมชฺฌาเน วิตกฺโก เอว โอฬาริกโต อุปฏฺาติ, อิตเร สนฺตโต, เตสํ จตุรงฺคิกํ อวิตกฺกวิจารมตฺตํ ทุติยชฺฌานํ กตฺวา ปฺจกนเยน เทเสสิ. เยสํ วิตกฺกวิจารา โอฬาริกโต อุปฏฺิตา, ตโต เตสํ อวิตกฺกอวิจารํ ติวงฺคิกํ กตฺวา จตุกฺกนเยน เทเสสิ. เยสํ วิตกฺโกว โอฬาริกโต อุปฏฺาติ, เตหิ ตํ อติกฺกมิตฺวา จตุรงฺคิกํ ทุติยชฺฌานํ อุปฺปาเทตุํ สกฺกา. เยสํ วิตกฺกวิจารา, เตหิ ทฺเวปิ เอกโต อติกฺกมิตฺวา ติวงฺคิกํ ทุติยชฺฌานํ อุปฺปาเทตุํ สกฺกา.

๙๗๙. อตฺถพฺยฺชนวเสน สุฏฺุ มธุรํ, ตโตเยว วรตรํ วจนํ ยสฺส โสยํ สุมธุรวรตรวจโน. กํ นุ ชนํ เนว รฺชยติ, น หิ เอกมฺปิ น รฺชยติ. อตินิสิต …เป… นีโยยนฺติ อติติขิณพุทฺธิปฺปสาเทหิ ชเนหิ เวทนีโย อยํ คนฺโถ, ปริจฺเฉโทติ วา อธิปฺปาโย.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

รูปาวจรสมาธิภาวนานิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๕. ปนฺนรสโม ปริจฺเฉโท

อรูปาวจรสมาธิภาวนานิทฺเทสวณฺณนา

๙๘๐. เอวํ ปถวีกสิณวเสน จตุกฺกปฺจกชฺฌานานิ ทสฺเสตฺวา ยสฺมา เสสกสิณวเสน นิทฺทิสิยมาเน คนฺถคารโว โหติ, ตสฺมา ตํ สพฺพํ เปตฺวา อรูปาวจรํ วิภาเวตุํ ‘‘รูปารูป’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. รูปารูปมตีเตนาติ รูปารูปภวํ อติกฺกนฺเตน, ปุนานูปปตฺติวเสน รูปารูปภวํ อติกฺกนฺเตน, ปเคว กามาวจรภวํ. รูปารูปาทิเวทินาติ รูปารูปาทิภูมนฺตรเวทินา.

๙๘๒-๔. ยสฺมา อยํ อรูปาวจรสมาธิ นาม รูปวิราคภาวนา รูปวิราควเสเนว อภินิปฺผาเทตพฺพาว, ตสฺมา ตํ อุปฺปาเทตุกามสฺส รูเป วิรชฺชนาการํ, วิรตฺตมานเสน จ ตทตฺถาย ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘รูเป โข’’ติอาทิ อารทฺธํ. ทณฺฑนฏฺเน ทณฺโฑ, มุคฺคราทิ, ปรปีฬนาธิปฺปาเยน ตสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ. อาทิ-สทฺเทน สตฺถาทานกลหวิคฺคหวิวาทตุวํตุวํเปสุฺาทีนํ, อทินฺนาทานาทีนฺจ คหณํ. จกฺขุโรคาทโยติ อาทิ-สทฺเทน โสตโรคาทีนํ. รูเป อาทีนวํ ทิสฺวาติ กรชรูปาทิโอฬาริกรูเป ตนฺนิทานํ โทสํ ทิสฺวา. นิพฺพินฺทมานโสติ วิรตฺตมานโส. อรูปนฺติ อรูปาวจรภาวนํ. ตมฺหา กสิณรูปาติ ตมฺหา ปฏิภาคนิมิตฺตสงฺขาตา กสิณรูปา. นนุ จายํ รูเป อาทีนวํ ทิสฺวา ตํ สมติกฺกมตฺถาย ปฏิปชฺชติ, ปฏิภาคนิมิตฺตฺจ อรูปํ ปณฺณตฺติมตฺตตฺตาติ กถํ ตสฺมา นิพฺพิชฺชตีติ อนุโยคํ สนฺธาย โอปมฺมวเสน ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สูกราภิหโตว สา’’ติ. ยถา หิ วเน สูกเรน ปหตมตฺโต สุนโข ตโต ภีโต รูปทสฺสนเวลายํ ภตฺตปจนอุกฺขลึ ทูรโต ทิสฺวา สูกรปฏิภาคตาย ตสฺสํ สูกราสงฺกํ อุปฺปาเทตฺวา อุตฺรสฺโต ปลายเตว, เอวเมว รูเป นิพฺพินฺทมานโส ตํ อติกฺกมิตุกาโม ตปฺปฏิภาเค กสิณรูเปปิ นิพฺพิชฺชติ, สมติกฺกมิตุกาโมติ อธิปฺปาโย.

๙๘๕-๖. จตุตฺเถ ปน ฌานสฺมินฺติ เปตฺวา ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ นวสุ ปถวีกสิณาทีสุ อฺตรสฺมึ ปฏิลทฺธจตุตฺถชฺฌาเน. เกจิ ปน อาโลกกสิณมฺปิ เปตฺวา อฏฺสูติ วทนฺติ. ตสฺส ปน ปเน การณํ น ทิสฺสติ. สุฏฺุ จิณฺโณ จริโต อติปฺปคุณิกโต อาวชฺชนาทิลกฺขโณ วสีภาโว เอเตนาติ สุจิณฺณวสี. กโรติ…เป… ยโตติ ยสฺมา อิทํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ มยา นิพฺพินฺทกสิณรูปํ อารมฺมณํ กโรติ. อาสนฺนโสมนสฺสฺจาติ ยโต ตติยชฺฌานสฺส อาสนฺนตาย อาสนฺนโสมนสฺสปจฺจตฺถิกฺจ. ถูลสนฺตวิโมกฺขโตติ สนฺตวิโมกฺขสงฺขาตอรูปชฺฌานโต เอตํ ยโต ถูลํ โอฬาริกํ. อรูปชฺฌานฺหิ เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปนฺติอาทีสุ ‘‘สนฺตวิโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ, สนฺตตาสิทฺธิ จสฺส อนุสฺสติโต ทฏฺพฺพา.

๙๘๗-๙๑. จตุตฺเถติ จตุตฺถชฺฌาเน. ปมารุปฺปฺจ สนฺตโต ทิสฺวาติ สมฺพนฺโธ, สนฺตวเสน มนสิ กริตฺวาติ อตฺโถ. สนฺตโต มนสิกรเณเนว เจตฺถ ปณีตโต, สุขุมโต จ มนสิกาโร สิทฺโธว โหตีติ น เต วิสุํ คหิตา. ปตฺถริตฺวานาติ ปเคว วฑฺฒิตํ, ตทา วฑฺฒนวเสน วา ปตฺถริตฺวา. ปุพฺพกาลวเสน เจตํ วุตฺตํ. เตน นํ อุคฺฆาเฏตฺวา ปจฺฉา น วฑฺฒิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. น หิ ตํ ปจฺฉา วฑฺฒนตฺถาย วายมิยมานมฺปิ วฑฺฒตีติ. เตนาติ กสิณรูเปน.

อิทานิสฺส อุคฺฆาฏนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘อากาโส อิติ วา’’ติอาทึ วตฺวา ปุน ตํ สมตฺเถตุํ ‘‘อุคฺฆาเฏนฺโต หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุทยวเสน, ปริจฺเฉทผรณวเสน จ อนฺตาภาวโต อนนฺโต. น สํเวลฺเลตีติ กฏสารกกิลฺชาทโย วิย น ปฏิสํหรติ. นาวชฺชนฺโต น เปกฺขนฺโตติ อนาวชฺชนฺโต อนเปกฺขนฺโต. อฺทตฺถุ เตน ผุฏฺโกาสํ วุตฺตนเยน มนสิกโรนฺโตเยวาติ อธิปฺปาโย. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสฺส อารมฺมณภูตํ กสิณรูปํ สพฺเพน สพฺพํ อมนสิกโรโต, เตน จ ผุฏฺโกาสํ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ มนสิกโรโต ยทา ตํ ภาวนานุภาเวน อากาสํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตทา โส กสิณํ อุคฺฆาเฏติ นามาติ.

๙๙๒-๕. เอวํ กสิณุคฺฆาฏนวเสน ปฏิลทฺเธ อากาสนิมิตฺเต ปุน ปฏิปชฺชนวิธึ, ยสฺสตฺถาย เยสํ ปฏิปชฺชติ, ตทตฺถสิทฺธฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ นิมิตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อากาสสฺส อนิมิตฺตภาเวปิ นิมิตฺเตน ผุฏฺโกาสภาวโต ‘‘นิมิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ปฺจ…เป… วิกฺขมฺภนฺตีติ นนุ รูปาวจรปมชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตานิ, ตโต ปฏฺาย จ น เตสํ ปริยุฏฺานํ อตฺถิ. ยทิ สิยา, ฌานโต ปริหาเยยฺยาติ? สจฺจเมตํ, อิมสฺส ปน ฌานสฺส วณฺณภณนวเสเนตํ วุตฺตํ ยถา อฺตฺถาปิ เหฏฺา ปหีนานํ อุปริ ปหานวจนนฺติ. เย ปน ‘‘สพฺเพ กุสลา ธมฺมา สพฺเพสํ อกุสลานํ ปฏิปกฺขาติ กตฺวา เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, เตหิ ทุติยชฺฌานูปจาราทีสุ นีวรณวิกฺขมฺภนาวจนสฺส การณํ วตฺตพฺพํ โหติ. ยมฺปิ เจเก วทนฺติ ‘‘สนฺเตว สุขุมานิ รูปาวจรอวิกฺขมฺภนียานิ, ตานิ สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ มหคฺคตกุสเลสุ โลกุตฺตรกุสลํ วิย โอธิโส ปหานํ นาม อตฺถิ. โย ปน รูปาวจเรหิ อรูปานํ อุฬารผลตาทิวิเสโส, โส ภาวนาวิเสเสน สนฺตตรปฺปณีตตรภาเวน เตสุเยว ปุริมปุริเมหิ ปจฺฉิมปจฺฉิมานํ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อิธาปีติ น เกวลํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเน, ‘‘เสสานิ กามาวจรานี’’ติอาทีสุ ปน อิธ ยํ วตฺตพฺพํ อวุตฺตํ, ตํ รูปาวจรชฺฌานนิทฺเทเส วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.

๙๙๗-๑๐๐๑. ‘‘ปุน ภาเวตุกาเมนา’’ติ วุตฺเต ปมเมว ปมารุปฺปสฺส ภาวิตตฺตา กึ ภาเวตุกาเมนาติ อนุโยเค ‘‘ทุติยารุปฺปมานส’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน ‘‘ทุติยารุปฺปมานสํ ภาเวตุกาเมนา’’ติ อิมินา อชฺฌาสเยน. น หิ ปมํ ทุติยารุปฺปํ ภาวิตนฺติ. รูปาวจรชฺฌานํ อนติกฺกมิตฺวา อนธิคนฺตพฺพโต ตํ มนสิการสมุทาจารสฺส หานภาคิยภาวาวหนโต รูปาวจรชฺฌานเมตสฺส ปจฺจตฺถิกนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อาสนฺน…เป… ปจฺจตฺถิกนฺติ จา’’ติ. วีถิปฏิปนฺนาย ภาวนาย อุปรูปริวิเสสาวหภาวโต, ปณีตภาวสิทฺธิโต จ ปมารุปฺปโต ทุติยารุปฺปํ สนฺตตรสภาวนฺติ อาห ‘‘ทุติยารุปฺป…เป… ปนา’’ติ. วกฺขติ หิ ‘‘สุปณีตตรา โหนฺติ, ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา อิธา’’ติ (อภิธ. ๑๐๔๐). วิฺาณมิจฺเจวํ มนสา กาตพฺพนฺติ วิฺาณํ วิฺาณํ อิจฺเจวํ มนสา กาตพฺพํ, เกวลํ อนนฺตํ อนนฺตนฺติ น มนสิ กาตพฺพํ. เตนาห ‘‘อนนฺตนฺติ…เป… มนสา นิธา’’ติ. อนนฺตํ วิฺาณํ อนนฺตํ วิฺาณนฺติ ปน มนสิ กาตุํ วฏฺฏติ.

๑๐๐๒-๖. ตสฺมึ ปน นิมิตฺตสฺมินฺติ ตสฺมึ ปมารุปฺปวิฺาณสงฺขาเต วิฺาณนิมิตฺเต. วิจาเรนฺตสฺส มานสนฺติ ภาวนาจิตฺตํ ปวตฺเตนฺตสฺส. อากาสผุฏวิฺาเณติ กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ ผริตฺวา ปวตฺเต ปมารุปฺปวิฺาเณ อารมฺมณภูเต. อปฺเปตีติ อปฺปนาวเสน ปวตฺตติ. สภาวธมฺเมปิ อารมฺมณสมติกฺกมภาวนาวิเสสภาวโต อิทํ อปฺปนาปตฺตํ โหติ จตุตฺถารุปฺปํ วิย. อปฺปนา…เป… นโยวาติ ทุติยารุปฺปชฺฌาเน ปุริมภาเค ตีณิ, จตฺตาริ วา ชวนานิ กามาวจรานิ อุเปกฺขาเวทนาสมฺปยุตฺตาเนว โหนฺติ. จตุตฺถํ, ปฺจมํ วา อารุปฺปมานสนฺติอาทินา อปฺปนานโย ปมารุปฺปชฺฌาเน วุตฺตนโยว. ผริตฺวา ปวตฺตวิฺาณนฺติ ปมารุปฺปวิฺาณํ วิฺาณฺจนฺติ วุจฺจตีติ รุฬฺหีสทฺทวเสน วุตฺตภาวเมว ปกาเสตุํ ‘‘วิฺาณา…เป… สิยา’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺเพ อนนฺตสฺส อากาสสฺส อารมฺมณกรณวเสน อนนฺตตาย ‘‘วิฺาณฺจ’’นฺติ วุตฺตนฺติ. ปุน มนสิการวเสน วา อนนฺตตาย ตถา วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘มนกฺการวเสนาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทุติยารุปฺปํ ภาเวนฺโต หิ ปมารุปฺปํ อนนฺตโต อนวเสสโต มนสิ กโรนฺโต อนนฺตนฺติ มนสิ กโรติ.

๑๐๑๐. ปมารุปฺปวิฺาณาภาโวติ กสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาโส วิย อากาสานฺจายตนํ ปหาย ตสฺส อภาโว มนสิ กาตพฺโพ. กสฺมา ปเนตฺถ ทุติยารุปฺปวิฺาณาภาวํ อมนสิกตฺวา ปมารุปฺปวิฺาณาภาโว มนสิ กาตพฺโพติ? วุจฺจเต – ตยิทํ อารมฺมณาติกฺกมนวเสน ปตฺตพฺพํ, น ปน องฺคาติกฺกมนวเสน. ตถา จ สติ อารมฺมเณเยว สาติสยํ โทสทสฺสเนน ตํ สมติกฺกมิตพฺพํ, อารมฺมณฺจ ทุติยารุปฺปสฺส ปมารุปฺปเมว, ตสฺมา กสิเณ อาทีนวํ ทิสฺวา ตํ อุคฺฆาเฏตฺวา ตพฺพิวิตฺตากาสสฺส วิย ปมารุปฺปวิฺาเณ อาทีนวํ ทิสฺวา ตํ ปหาย ตทภาวสฺเสว มนสิกรณํ ยุตฺตนฺติ. อภยคิริวาสิโน ปน ‘‘วิฺาณฺจายตนาภาโวเยว มนสิ กาตพฺโพ’’ติ วทนฺติ, เต ปน อิเมสํ อารมฺมณาติกฺกมนวเสน ปตฺตพฺพภาวํ อสลฺลกฺเขตฺวา กเถนฺติ. ยทิ สลฺลกฺเขนฺติ, อฺตฺถ โทสํ ทิสฺวา อฺสฺส สมติกฺกเม อติปฺปสงฺคโทสโต น มุจฺจนฺติ.

อถาปิ วเทยฺยุํ – ‘‘วิฺาณฺจายตนํ สโต สมาปชฺชติ, สโต สมาปชฺชิตฺวา สโต วุฏฺาติ, สโต วุฏฺหิตฺวา ตฺเว วิฺาณํ ภาเวตี’ติ วจนโต วิฺาณฺจายตนาภาโวเยว มนสิ กาตพฺโพ’’ติ, ตยิทํ ปาฬิอตฺถํ วิรุชฺฌิตฺวา คหณวเสน จินฺติตํ. น เหตฺถ ตฺเว วิฺาณนฺติ วิฺาณฺจายตนํ อธิปฺเปตํ. ยทิ หิ ตํ อธิปฺเปตํ สิยา, วิฺาณฺจายตนนฺติ ตสฺส ปธานภาเวน นิทฺทิฏฺตฺตา ตฺเวาติ วจเนเนว ปริยตฺตํ, กึ วิฺาณนฺติ วจเนน. อถ สรูปนิทฺเทสตฺถํ วิฺาณวจนํ, เอวํ สติ ตฺเว วิฺาณฺจายตนนฺติ วุตฺตํ สิยา, ตสฺมา วิฺาณนฺติ วจเนน ยํ อารพฺภ วิฺาณฺจายตนํ ปวตฺตํ, ตสฺเสว อากาสานฺจายตนสฺส คหณํ, น อิตรสฺสาติ สุฏฺุ วุตฺตํ.

๑๐๑๑-๒. ปมารุปฺปวิฺาณาภาโวมนสิกาตพฺโพติ วตฺวา มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อกตฺวา มนสาติ มนสา อารมฺมณํ อกตฺวา สพฺเพน สพฺพํ ตํ อจินฺเตตฺวา. ‘‘อากาสํ อากาส’’นฺติ มนสิ กโรนฺตสฺส กสิณวิวิตฺตากาสํ วิย ‘‘นตฺถิ นตฺถี’’ติ, ‘‘สุฺํ สุฺ’’นฺติ วา มนสิ กโรนฺตสฺส วิฺาณวิวิตฺตํ อภาวมตฺตเมว อุปฏฺาตีติ อาห ‘‘นตฺถี’’ติอาทิ. วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน ทฺวีสุ ปกาเรสุ เอเกนปิ อตฺถสิทฺธิ โหตีติ ทสฺเสติ. อวุตฺตวิกปฺปนตฺโถ วา วา-สทฺโท, เตน ‘‘วิวิตฺตํ วิวิตฺต’’นฺติ อิมสฺสปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อนิยโม ปเนตฺถ ติณฺณมฺปิ วิสุํ วิสุํ ปริยายภาวโตว สิทฺโธ. ปริยายสทฺทา หิ วิสุํ วิสุํเยว อตฺถํ สาเธนฺตา ปริยายาติ โลเก นิรุฬฺหา. ยถาหุ –

‘‘ปริยาเยเนว เต ยสฺมา, วทนฺตตฺถํ น สํหตา;

ปริยายตฺถํ ตโต สพฺพํ, ปริยาเยสุ ววตฺถิต’’นฺติ.

๑๐๑๓-๖. ตสฺมึ นิมิตฺเตติ ปมารุปฺปวิฺาณสฺส อภาวสงฺขาเต ฌานุปฺปตฺติการณภูเต นิมิตฺเต. สติ สนฺติฏฺตีติ อภาวนิมิตฺตารมฺมณา สติ สมฺมา สุปฺปติฏฺิตา หุตฺวา ติฏฺติ. สติสีเสน เจตฺถ อุปจารชฺฌานานุคุณานํ สทฺธาปฺจมานํ อินฺทฺริยานํ สกิจฺจโยคํ ทสฺเสติ. อุปจารชฺฌานํ ปน ‘‘ภิยฺโยปิ สมาธิยติ มานส’’นฺติ อิมินา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กสิณุคฺฆาฏิมา…เป… อภาวเกติ เอวํ ปวตฺตวิฺาณสฺส นตฺถิภาวสงฺขาเต วินาสาภาวเก น ปุเร อภาวาทิเก. อปฺปนานโย ปเนตฺถ ปถวีกสิเณ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อปฺปนาย นโย’’ติอาทิ.

๑๐๑๗-๙. เอวํ ยํ ตตฺถ อวสิฏฺํ, ตํ อติทิสิตฺวา อิทานิ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อากาสคตวิฺาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปริกมฺมมนกฺกาเร ตสฺมึ อนฺตรหิเตติ ‘‘นตฺถิ นตฺถี’’ติ ปวตฺตปริกมฺมมนสิกาเร อมนสิกรเณน อสฺมึ ปมารุปฺปวิฺาเณ อนฺตรหิเต, น ปน ขณภงฺควเสน, ฌานปริหานิวเสน วา อนฺตรหิเต. ขณภงฺควเสน หิ อนฺตรธานํ ขเณ ขเณ อุปลพฺภติ. ปริหานิวเสน จ อนฺตรธาเน ปุน ตํ อนุปฺปาเทตฺวา อุตฺตริ าณาธิคโมเยว นตฺถีติ. ตสฺสาปคมมตฺตํว ปสฺสนฺโต วสตีติ ตสฺส ปมารุปฺปสฺส อภาวมตฺตํ ปสฺสนฺโต โส โยคาวจโร วิหรติ. ยถา กถํ วิยาติ อาห ‘‘สนฺนิปาต’’นฺติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม โกจิ ปุริโส มณฺฑลมาฬาทีสุ กตฺถจิ เกนจิเทว กรณีเยน สนฺนิปติตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา กตฺถจิ คนฺตฺวา สนฺนิปาตกิจฺจาวสาเน อุฏฺาย ปกฺกนฺเตสุ ภิกฺขูสุ ปุน ตํ านํ คนฺตฺวา โอโลเกนฺโต สุฺเมว ปสฺสติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพนฺติ. ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ยถา โส ปุริโส สนฺนิปติตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา คโต, ตโต สพฺเพสุ ภิกฺขูสุ อปคเตสุ ตํ านํ เตหิ สุฺเมว ปสฺสติ, น ปน เตสํ กุโตจิ อปคตการณํ, เอวมยํ โยคาวจโร ปุพฺเพ วิฺาณฺจายตนชฺฌานจกฺขุนา ปมารุปฺปวิฺาณํ ทิสฺวา นตฺถีติ มนสิกาเรน ตสฺมึ อปคเต ตติยารุปฺปจกฺขุนา ตสฺส นตฺถิภาวเมว ปสฺสติ, น ตสฺส อปคตการณํ วีมํสติ ฌานสฺส ตาทิสาโภคาภาวโตติ.

๑๐๒๐-๔. จตุตฺถา…เป… น จ สนฺตนฺติ ยถา เนวสฺานาสฺายตนจิตฺตํ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา สวิเสสํ สนฺตํ, เอวมยํ อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ น จ สนฺตา ตทภาวโตติ อธิปฺปาโย. -สทฺโท ปเนตฺถ อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ. เตน ‘‘สฺา โรโค, สฺา คณฺโฑ, สฺา สลฺลํ, เอตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีตํ, ยทิทํ เนวสฺานาสฺายตน’’นฺติ อิมสฺสปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. จตุตฺถํ สนฺตโตติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาเวเนว สวิเสสํ สนฺตตาย, อสนฺตภาวกรโรคาทิสริกฺขกสฺาวิรหโต จ สนฺตโต ทิสฺวา. ‘‘สนฺตํ สนฺตมิทํ จิตฺต’’นฺติ อิมินา ภาวนาการํ ทสฺเสติ. วิภงฺเคปิ หิ ตํเยว อากิฺจฺายตนํ สนฺตโต มนสิ กโรตีติ อยเมว ภาวนากาโร คหิโต. อปเร ปน ‘‘ปาฬิยํ อิมสฺส ภาวนากาโร น คหิโต’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ วทนฺติ, ตตฺถ วตฺตพฺพํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาทิโต คเหตพฺพํ.

๑๐๒๗. ตติยารุปฺปสงฺขาตกฺขนฺเธสุ จ จตูสุปิ อารมฺมณภูเตสูติ อธิปฺปาโย.

๑๐๒๙-๓๑. อภาวมตฺตมฺปีติ สุฺตมตฺตมฺปิ เอวํ สุขุมมฺปีติ อธิปฺปาโย. สนฺตารมฺมณตายาติ สนฺตํ อารมฺมณํ เอตสฺสาติ สนฺตารมฺมณา, ตพฺภาโว สนฺตารมฺมณตา, ตาย, น ฌานสนฺตตาย. น หิ ตติยารุปฺปสมาปตฺติ จตุตฺถารุปฺปโต สนฺตตรา. โจทโก ยํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, น ตตฺถ อาทีนวทสฺสนํ ภเวยฺย. อสติ จ อาทีนวทสฺสเน น สมติกฺกโม เอว สิยาติ ‘‘สนฺตโต เจ มนกฺกาโร กถฺจ สมติกฺกโม’’ติ อาห. อิตโร ‘‘อนาปชฺชิตุกามตฺตา’’ติอาทินา ปริหารมาห. เตน อาทีนวทสฺสนมฺปิ อตฺเถวาติ ทสฺเสติ. ยสฺมิฺหิ ฌาเน อภิรติ, ตตฺถ อาวชฺชนสมาปชฺชนาทิปฏิปตฺติยา ภวิตพฺพํ. สา ปนสฺส ตติยารุปฺเป สพฺพโสว นตฺถิ, เกวลํ สุฺภาวโต อารมฺมณกรณมตฺตเมว. ตถา เหส กิฺจาปิ ตํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, อถ ขฺวสฺส ‘‘อหเมตํ อาวชฺชิสฺสามิ, สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ อาโภโค สมนฺนาหาโร น โหติ. กสฺมา? อากิฺจฺายตนโต เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา ปณีตตรตาย. ยถา หิ ราชา มหตา ราชานุภาเวน นครวีถิยํ จรนฺโต ทนฺตการาทโย กมฺมกาเร เฉเก อเนกานิ ทนฺตวิกติอาทีนิ สิปฺปานิ กโรนฺเต ทิสฺวา ‘‘อโห วต เร เฉกา อาจริยา, อีทิสานิ สิปฺปานิ กริสฺสนฺตี’’ติ เอวํ เตสํ เฉกตาย ตุสฺสติ, น จสฺส เอวํ โหติ ‘‘อโห วตาหมฺปิ รชฺชํ ปหาย เอวรูโป สิปฺปิโก ภเวยฺย’’นฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? รชฺชสิริยา มหานิสํสตาย, โส เตสํ ชีวิตํ ติณายปิ อมฺมาโน เต สมติกฺกมิตฺวา คจฺฉติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

๑๐๓๒. สุขุมํ ปรนฺติ อุกฺกํสโต สุขุมํ, ปมชฺฌานูปจารโต ปฏฺาย หิ ตจฺเฉนฺติยา วิย ปวตฺตมานาย ภาวนาย อนุกฺกเมน สงฺขารา ตตฺถ อนฺติมโกฏฺาสตํ ปาปิตาติ. ยทิ เอวํ กถํ ภาวนา อตฺตโน กิจฺจํ สาเธติ, นนุ เจสา ตทวตฺถํ ปาปิตา อารมฺมณํ น สมฺมา อุปนิชฺฌายตีติ? นยิทเมว ทฏฺพฺพํ. ภาวนาพเลน สุขุมภาวํ ปาปิตาปิ เจสา อตฺตโน กิจฺเจ ทุพฺพลตฺตํ น ปาปิตา, อถ โข วิปฺผาริกตาภาวํ คมิตา, เตน ตถา สุขุมาปิ อตฺตโน กิจฺเจ น ทุพฺพลา เอวาติ น ตตฺถ ตสฺสา อสามตฺถิยํ โหติ.

๑๐๓๓-๔. ยาย สฺายาติ ยาทิสาย สฺาย สทฺทปฺปวตฺติเหตุภูตาย. โส เนวสฺานาสฺายตนสมงฺคี ปุคฺคโล. เนวสฺี จ นาสฺี โหติ เนวสฺานาสฺาสมงฺคี โหติ. น เกวลํ ตุ สฺาว เอทิสี สุขุมา เนวสฺานาสฺา โหติ, อถ โข ปน เวทนาทโยปิ สุขุมา, เวทนาปิ เนวเวทนานาเวทนา, จิตฺตมฺปิ เนวจิตฺตํนาจิตฺตํ, ผสฺโสปิ เนวผสฺโสนาผสฺโส. เอส นโย เสสสมฺปยุตฺตธมฺเมสุ. สฺาสีเสน ปน ‘‘เนวสฺานาสฺายตน’’นฺติ วุตฺตํ ‘‘นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๓๒, ๓๔๑, ๓๕๗, ๓๕๙; อ. นิ. ๗.๔๔; ๙.๒๔) วิย. นนุ เจตฺถ ยทิ สฺา อตฺถิ, กถํ เนวสฺาติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ยทิ นตฺถิ, กถํ นาสฺาติ อนุโยคํ สนฺธาย อิมมตฺถํ อุปมาหิ สาเธตุํ ‘‘ปตฺตมกฺขนเตเลนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปตฺตมกฺขณเตเลนาติ อนฺโตวุตฺถตาย ยาคุยา สทฺธึ อกปฺปิยฏฺเน เตลํ อตฺถีติ, นาฬิปูราทีนํ วเสน นตฺถีติ จ วตฺตพฺเพน ปตฺเต มกฺขิตเตเลน. มคฺคสฺมึ อุทเกน จาติ อุปาหนเตมนมตฺตฏฺเน อุทกํ อตฺถีติ, นหานวเสน นตฺถีติ จ วตฺตพฺเพน มคฺคสฺมึ อุทเกน.

๑๐๓๕-๗. อยํ อตฺโถติ กิฺจิ วิเสสํ อุปาทาย สภาวโต อตฺถีติ วตฺตพฺพสฺเสว ธมฺมสฺส กิฺจิ วิเสสํ อุปาทาย นตฺถีติ วตฺตพฺพตาสงฺขาโต อยมตฺโถ. ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถตาย หิ เนวสฺตา, สงฺขาราวเสสสุขุมภาเวน นาสฺตา จ โหติ. เตนาห ‘‘ปฏุสฺาย กิจฺจสฺสา’’ติอาทิ. อารมฺมณสฺชานนฺเจว วิปสฺสนาย วิสยภาวํ อุปคนฺตฺวา นิพฺพิทาชนนฺจ ปฏุสฺากิจฺจํ กถมยํ สฺาว สมานา สฺากิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกตีติ อาห ‘‘ยถา ทหนกิจฺจ’’นฺติอาทิ. นฺหาตุกามสฺส อุณฺหสีตภาวํ อกตฺวา สุขชนนตาย สุโขทกํ, ตสฺมึ. เตโชธาตุ ยถา ทหนกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ, เอวเมสา อติสนฺตารมฺมเณ ปวตฺตตฺตา อารมฺมณสฺชานนํ กาตุํ น สกฺโกติ, ปรมสุขุมตฺตํ คตาว. เตเนว เหสา อกตาภินิเวสสฺส วิปสฺสนาาเณน สุขคฺคยฺหา น โหตีติ เสสสมาปตฺตีสุ สฺา วิย วิปสฺสนาย วิสยภาวํ อุปคนฺตฺวา นิพฺพิทาชนนมฺปิ กาตุํ น สกฺโกติ, อฺเสุ หิ ขนฺเธสุ อกตวิปสฺสนาภินิเวโส ภิกฺขุ เนวสฺานาสฺายตนกฺขนฺเธ สมฺมสิตฺวา นิพฺพิทํ ปตฺตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อปิ อายสฺมา สาริปุตฺโต. ปกติวิปสฺสโก ปน สาริปุตฺตสทิโส ภิกฺขุ ขนฺธาทิมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสิตฺวา ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตธมฺมานํ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ิโต สกฺกุเณยฺย ตพฺพิสยํ อุทยพฺพยาณํ อุปฺปาเทตุํ, โสปิ กลาปสมฺมสนวเสเนว, โน อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสน. น หิ สาริปุตฺตสทิโส ภิกฺขุ จตุตฺถารุปฺปปริยาปนฺเนสุ ผสฺสาทิธมฺเมสุ วินิพฺภุชิตฺวา วิสุํ วิสุํ สรูปโต คเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสิตุํ สกฺโกติ. เกวลํ ปน อวินิพฺภุชฺช เอกโต คเหตฺวา กลาปโต สมูหโตเยว สมฺมสิตุํ สมตฺโถ โหติ, เอวํ สุขุมตฺเตเนสา วิชฺชติ.

๑๐๓๘-๔๐. รูปนฺติ กสิณรูปสงฺขาตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ. อากาสนฺติ กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ. วิฺาณนฺติ อากาเส ปวตฺตวิฺาณํ. ตทภาวกนฺติ ตสฺส อากาเส ปวตฺตวิฺาณสฺส อภาวกํ. กมโตติ ปมารุปฺปํ สมติกฺกมิตฺวา โหตีติอาทินา อนุกฺกมโต. อตฺตนา วุตฺตมตฺถํ อฏฺกถาวจนํ อาหริตฺวา สาเธนฺโต ‘‘อาห จา’’ติอาทิมาห. อิธาติ อิมาสุ จตูสุ อรูปสมาปตฺตีสุ. ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา สมาปตฺติโย หิ ปุริมาปุริมาหิ สมาปตฺตีหิ สุปณีตตรา สุฏฺุ ปณีตตรา, สุนฺทรปณีตตราติ วา อตฺโถ. ปาสาทตลสาฏิกาติ จตุภูมกปาสาทสฺส เหฏฺิมเหฏฺิมโต อุปรูปริ สวิเสสา ปฺจ กามคุณา, จตฺตาโร ปาสาทตลา จ ถูลสณฺหสณฺหตรสณฺหตมสุตฺเตหิ วิหิตา อายามวิตฺถารโต สมปฺปมาณา สาฏิกา จ.

๑๐๔๒. รูปารูปภวํ อภิภุยฺย นิพฺพานํ ยาติ, อถ วา นีวรเณ อภิภุยฺย รูปารูปภวํ ยาตีติ อตฺโถ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

อรูปาวจรสมาธิภาวนานิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. โสฬสโม ปริจฺเฉโท

อภิฺานิทฺเทสวณฺณนา

๑๐๔๓-๗. ปรนฺติ วิสิฏฺํ กตฺวา, วิเสสโตติ อตฺโถ. จตุตฺถชฺฌานมตฺเตปีติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมตฺเตปิ, นาวสฺสํ อรูปชฺฌาเนหีติ อธิปฺปาโย. อรูปาวจรชฺฌานํ อปฺปฏิลทฺโธปิ หิ กตาธิกาโร ภิกฺขุ อภิฺา สมฺปาเทตุํ สมตฺโถ โหติ. เอตฺถ จตุตฺถชฺฌานคฺคหเณเนว เหฏฺา ตีณิ ฌานานิ คหิตานิ. เตสุ หิ อจิณฺณวสี จตุตฺถชฺฌานํ อุปฺปาเทตุมฺปิ น สกฺโกติ. อภิฺาสุ อนุโยคํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วตฺวา ตตฺถ ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิฏฺงฺคตาติ อธิคตานิสํสตาย เจว ภาวนาสุขตาย จ นิฏฺํ นิปฺผตฺตึ คตา. สมาธิภาวนาย หิ โลกิยาภิฺา อุทยผลภาเวน ปากฏา. โส อภิฺาย จ สมาธินา จ สมนฺนาคโต สุเขเนว ปฺาภาวนํ สมฺปาเทสฺสติ.

๑๐๔๘-๙. ทิพฺพานีติอาทิ โลกิยาภิฺานํ สรูปโต อุทฺทิสนํ. ทิพฺพานิ จกฺขุโสตานีติ ทิพฺพจกฺขุาณํ, ทิพฺพโสตาณฺจาติ ทสฺเสติ. อิทฺธีติ อิทฺธิวิธาณํ. อิมา ปน อภิฺาโย ปตฺตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน โยคินา ยสฺมา โอทาตกสิณปริยนฺเตสุ อฏฺสุ กสิเณสุ จตุตฺถชฺฌานํ, ตพฺพเสน จ อรูปสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา วา น วา กสิณานุโลมตาทีหิ จุทฺทสหิ อากาเรหิ จิตฺตํ ทเมตพฺพํ. น หิ เอวํ อทเมตฺวา ปุพฺเพ อภาวิตภาวโน อาทิกมฺมิโก โยคาวจโร ปฺจ อภิฺาโย นิปฺผาเทสฺสตีติ ตสฺมา ตํ จิตฺตปริทมนํ อวสฺสํ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘กสิณานุโลมตาทีหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กสิณานุโลมตาทีหีติ กสิณานุโลมตา กสิณปฏิโลมตา กสิณานุโลมปฏิโลมตา ฌานานุโลมตา ฌานปฏิโลมตา ฌานานุโลมปฏิโลมตา ฌานุกฺกนฺติกตา กสิณุกฺกนฺติกตา ฌานกสิณุกฺกนฺติกตา องฺคสงฺกนฺติกตา อารมฺมณสงฺกนฺติกตา องฺคารมฺมณสงฺกนฺติกตา องฺคววตฺถาปนตา อารมฺมณววตฺถาปนตาติ อิเมหิ จุทฺทสหิ อากาเรหิ.

ตตฺถ อฏฺสุ กสิเณสุ ปฏิปาฏิยา สตกฺขตฺตุํ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ สมาปชฺชนํ, ตเถว อุปฺปฏิปาฏิยา, ปฏิปาฏิอุปฺปฏิปาฏิวเสน จ สมาปชฺชนนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ อาการานํ วเสน กสิณานุโลมตาทโย วุตฺตา. ปมชฺฌานโต ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ, อยํ ฌานานุโลมตา นาม. เตสํ ปฏิโลมโต ฌานปฏิโลมตา นาม. อนุโลมปฏิโลมโต ฌานอนุโลมปฏิโลมตา นาม.

ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺเถว ตติยํ สมาปชฺชติ, ตโต ตเทว อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, ตโต อากิฺจฺายตนนฺติ เอวํ กสิณํ อโนกฺกมิตฺวา ฌานสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ ฌานุกฺกนฺติกตา นาม. เอวํ อาโปกสิณาทิมูลิกาปิ โยชนา กาตพฺพา. ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปุน ตเทว เตโชกสิเณ, ตโต นีลกสิเณ, ตโต โลหิตกสิเณติ ฌานํ อนุกฺกมิตฺวา กสิณสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ กสิณุกฺกนฺติกตา นาม. ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา, เตโชกสิเณ ตติยํ, นีลกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, โลหิตกสิณโต อากิฺจฺายตนนฺติ อิมินา นเยน ฌานสฺส เจว กสิณสฺส จ อุกฺกมนํ ฌานกสิณุกฺกนฺติกตา นาม.

ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺเถว อิตเรสมฺปิ สมาปชฺชนํ องฺคสงฺกนฺติกตา นาม. สพฺพกสิเณสุ เอเกกสฺเสว สมาปชฺชนํ อารมฺมณสงฺกนฺติกตา นาม. ปถวีกสิเณ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา, อาโปกสิเณ ทุติยํ, เตโชกสิเณ ตติยํ, วาโยกสิเณ จตุตฺถํ, นีลกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, ปีตกสิณโต วิฺาณฺจายตนํ, โลหิตกสิณโต อากิฺจฺายตนํ, โอทาตกสิณโต เนวสฺานาสฺายตนนฺติ เอวํ องฺคานํ, อารมฺมณานฺจ สมติกฺกมนํ องฺคารมฺมณสงฺกนฺติกตา นาม.

ปมชฺฌานํ นาม ปฺจงฺคิกนฺติ ววตฺถเปตฺวา ทุติยํ จตุรงฺคิกํ, ตติยํ ติวงฺคิกํ, จตุตฺถํ ทุวงฺคิกํ, อากาสานฺจายตนํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนนฺติ เอวํ ฌานงฺคมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ องฺคววตฺถาปนํ นาม. ตถา ‘‘อิทํ ปถวีกสิณํ, อิทํ อาโปกสิณ’’นฺติอาทินา อารมฺมณมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ อารมฺมณววตฺถาปนํ นาม. องฺคารมฺมณววตฺถาปนมฺปิ เอเก อิจฺฉนฺตีติ. อฏฺกถาสุ ปน อนาคตตฺตา อทฺธา ตํ ภาวนาสุขํ น โหติ. อิเมหิ ปน จุทฺทสหิ อากาเรหิ จิตฺตปริทมนํ กาตุํ อฏฺสมาปตฺติลาภีนํ สเตสุ, สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ.

๑๐๕๐-๑. ทนฺเตติ จุทฺทสหิ อากาเรหิ ทนฺเต. สมาหิเตติ จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. สุทฺเธติ นีวรณทูรีภาเวน, ปจฺจนีกสมเนปิ อพฺยาวฏาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย สมฺปาทิตสติปาริสุทฺธิยา สพฺภาเวน วา สุปริสุทฺเธ. ปริโยทาเตติ สุธนฺตสุวณฺณสฺส นิฆํสเนน วิย ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา วิตกฺกวิจารกฺโขภวิรหวเสน ปริโยทาเตติ วุตฺตํ โหติ. อนงฺคเณติ ‘‘มาทิสสฺส สมาธิสมฺปนฺนสฺส อีทิเสน ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวํ ฌานปฏิลาภปจฺจยานํ ‘‘อโห วต มเมว สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺยา’’ติอาทินยปฺปวตฺตานํ ปาปกานํ อิจฺฉาวจรานํ อภาเวน อนงฺคเณ. อนุปกฺกิเลเสติ อุปคนฺตฺวา กิลิสฺสนฏฺเน อุปกฺกิเลสสงฺขาตานํ ราคาทีนํ, ‘‘อภิชฺฌา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, พฺยาปาโท, โกโธ’’ติอาทินา อาคตานํ จิตฺตุปกฺกิเลสานํ วา วิคตตฺตา วิคตุปกฺกิเลเส. มุทุภูเตติ ปคุณภาวาปาทเนน สุภาวิตตฺตา มุทุภูเต, วสิภาวปฺปตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. วสิภาวปฺปตฺตฺหิ จิตฺตํ สุปริมทฺทิตํ วิย จมฺมํ สุปริกมฺมกตา วิย จ ลาขา มุทูติ วุจฺจติ. กมฺมนีเยติ มุทุตฺตาเยว อิทฺธิปาทภาวูปคมเนน กมฺมกฺขเม, วิกุพฺพนาทิอิทฺธิกมฺมโยคฺเยติ วุตฺตํ โหติ. มุทุชาตฺหิ จิตฺตํ กมฺมกฺขมํ โหติ, สุธนฺตมิว สุวณฺณํ, อุภยมฺปิ เจตํ สุภาวิตตฺตาเยว โหติ. ยถาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ภาวิตํ พหุลีกตํ มุทุฺจ โหติ กมฺมนิยฺจ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๗). ิเตติ เอเตสุ ปริสุทฺธภาวาทีสุ นิจฺจลํ อวฏฺิเต, ภาวนาปาริปูริยา วา ปณีตภาวํ สมฺมสิตฺวา ิเต. อจเลติ ิตตฺตาเยว อกมฺเป, อาเนฺชปฺปตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. มุทุกมฺมฺภาเวหิ วา อตฺตโน วเส ิตตฺตา ิเต, สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อสฺสทฺธิยาทีหิ อกมฺปนโต อจเล.

อฏฺงฺคสมฺปนฺเนติ ิติอจลตานํ วิสุํ วิสุํ อคฺคหเณน สมาหิเตติ วิสุํ เอกงฺคํ กตฺวา. ตาสํ ปน วิสุํ วิสุํ คหเณ สุวิสุทฺธตาทีนํ สมาหิตจิตฺตสฺส องฺคภูตตฺตา สมาหิเตติ อิมํ องฺคภาเวน อคฺคเหตฺวา สุวิสุทฺธตาทีหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมฺปนฺนตา เวทิตพฺพา. อิทฺธิวิธายาติ อิทฺธิโกฏฺาสตฺถาย, อิทฺธิปฺปเภทาย วา. อตฺถโต ปน อิทฺธิวิธา นาม เอกสฺส พหุภาวาทิอเนกวิธานปจฺจยภูตํ อภิฺาาณํ. อภินีหรตีติ อภิฺาธิคมตฺถาย ปริกมฺมจิตฺตํ กสิณารมฺมณโต อปเนตฺวา อภิฺาภิมุขํ เปเสติ. อิทฺธิวิกุพฺพนนฺติ เอตฺถ อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, นิปฺผชฺชติ ปฏิลพฺภตีติ วุตฺตํ โหติ. ยฺหิ นิปฺผชฺชติ, ปฏิลพฺภติ จ, ตํ อิชฺฌตีติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจตํ สมิชฺฌตี’’ติอาทิ; (สุ. นิ. ๗๗๒; มหานิ. ๑; เนตฺติ. ๕,๔๔);

อิทฺธิเยว วิกุพฺพนํ ปกติวณฺณวิชหนกิริยนฺติ อิทฺธิวิกุพฺพนํ, อิทํ อิทฺธีสุ วิกุพฺพนิทฺธิยา ปธานภาวโต วุตฺตํ, อิทฺธิ จ วิกุพฺพนฺจาติ วา อิทฺธิวิกุพฺพนํ. วิสุํ คหณมฺปิ วุตฺตการเณเนว ทฏฺพฺพํ.

๑๐๕๒-๔. ยถา ปน ตํ นิปฺผาเทตพฺพํ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺาปาทกชฺฌาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘อนุปุพฺเพน จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชิตฺวา จตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺายา’’ติ เกจิ, ตํ อยุตฺตํ. ยทิจฺฉกํ สมาปชฺชนตฺถฺหิ จิตฺตปริทมนํ, จตุตฺถชฺฌานเมว จ อภิฺาปาทกํ, น อิตรานิ. สตํ…เป… มานสนฺติ สเจ สตํ อิจฺฉติ, ‘‘สตํ โหมิ, สตํ โหมี’’ติ, สเจ สหสฺสํ อิจฺฉติ, ‘‘สหสฺสํ โหมิ, สหสฺสํ โหมี’’ติ เอวํ ปริกมฺมมานสํ กตฺวา. ‘‘ปริกมฺมมานส’’นฺติ จ ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘สตํ โหมี’’ติอาทินา ปวตฺติตกามาวจรจิตฺตํ, ปาทกชฺฌานฺจ. อภิ…เป… ปุนาติ เอตฺถ ปุพฺเพ อภิฺาปาทกชฺฌานสมาปชฺชนํ ปริกมฺมจิตฺตสฺส สมาธานตฺถํ, ปุน สมาปชฺชนํ อธิฏฺานจิตฺตสฺส พลคฺคาหตฺถํ. อธิฏฺาตีติ สตํ อาวชฺเชตฺวา ตโต ปรํ ปวตฺตานํ ติณฺณํ, จตุนฺนํ วา ปุพฺพภาคจิตฺตานํ อนนฺตรา อุปฺปนฺเนน สนฺนิฏฺาปนวเสน อธิฏฺานนฺติ ลทฺธนาเมน อภิฺาาเณน สนฺนิฏฺานํ กโรติ, สตํ นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. ‘‘อธิฏฺาน’’นฺติ หิ สพฺพตฺถ อภิฺาาณํ วุจฺจติ.

๑๐๕๕-๗. นิมิตฺตารมฺมณนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณํ. ปริกมฺมมนาเนตฺถ สตารมฺมณิกานีติ เอตฺถ เอเตสุ ปริกมฺมาธิฏฺาเนสุ ปริกมฺมมานสานิ ‘‘สตํ โหมี’’ติ ปวตฺตานิ กามาวจรมานสานิ สตารมฺมณิกานิ เอเกกสฺส จิตฺตสฺส วเสน สตารมฺมณิกานิ โหนฺติ ปจฺเจกํ ‘‘สตํ โหมี’’ติ ปวตฺตนโต. สหสฺสารมฺมณาทีสุปิ เอเสว นโย. ตทาธิฏฺานจิตฺตมฺปีติ ตสฺส สตาทิกสฺส อธิฏฺานจิตฺตมฺปิ. สตารมฺมณิกตา จ ปน เนสํ วณฺณวเสน, โน สตฺตปฺตฺติวเสน. รูปฺหิ สตํ วา สหสฺสํ วา กตฺวา ทสฺเสตพฺพํ, น ปฺตฺติ. เอตฺถ จ ยทิ นีลวณฺณเมว สตํ อภินิปฺผาเทติ, วณฺณสฺส ตํตํสนฺตานวเสน นานตฺเตปิ นีลวเสน เอกตฺตา เอกเมกํ ปริกมฺมจิตฺตํ สพฺพํ นีลชาตํ อาลมฺพติ.

ยทิ ปน นานาวณฺณนานากิริยปริกมฺมจิตฺตานมฺปิ พหุภาโว โหติ, เอกเมกํ เอเกกวณฺณํ, เอเกกวณฺเณสุ จ นานากิริยํ อารมฺมณํ กโรติ. อธิฏฺานจิตฺตํ ปน วณฺณสามฺํ คเหตฺวาปิ ปริกมฺมารมฺมณํ นานาวณฺณวนฺตํ อภินิปฺผาเทติ อจินฺเตยฺยานุภาวตฺตา อิทฺธิวิสยสฺส. อปฺปนาจิตฺตํ วิยาติ วิย-คฺคหณํ อภิฺาจิตฺตสฺส, ฌานจิตฺตสฺส จ ปมุปฺปตฺติยํ สทิสภาวโต วุตฺตํ, น ตสฺส อปฺปนาภาวโต. เตเนว หิ ปุพฺเพ วุตฺตคฺคหเณน วิเสสิตนฺติ. จตุตฺถชฺฌานิกนฺติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานวนฺตํ, เตน สมฺปยุตฺตํ. ยทิ เอวํ จตุตฺถชฺฌานสฺส, อิมสฺส จ โก วิเสโสติ อาห ‘‘ปริกมฺมวิเสโสวา’’ติ. น เหตฺถ ปริกมฺมวิเสสํ วินา อฺโ วิเสโส อตฺถิ. อปฺปนาย ปุพฺพภาคปฺปวตฺตานิปิ ตีณิ จตฺตาริ ชวนานิ คหิตคฺคหเณน, อคฺคหิตคฺคหเณน วา ปริกมฺโมปจารานุโลมานิ สพฺพปจฺฉิมํ โคตฺรภุนามกนฺติอาทิ เสสํ สมานเมว. เตนาห ‘‘เสสํ ปุพฺพสมํ อิธา’’ติ. อิทฺธิวิธาณวณฺณนา.

๑๐๕๘. ทิพฺพโสตนฺติ เทวตานํ ปิตฺตเสมฺหาทีหิ อปลิพุทฺเธหิ ทูเรปิ อารมฺมณคฺคหณสมตฺเถหิ ทิพฺพโสตปสาเทหิ สมานตฺตา, ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา, อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตา ทิพฺพํ, สวนฏฺเน โสตกิจฺจกรณโต, ตํสทิสตาย จ โสตํ. อิทนฺติ ยํ อุทฺเทเส ‘‘ทิพฺพานิ จกฺขุโสตานี’’ติ (อภิธ. ๑๐๔๘) ทิพฺพโสตํ อุทฺทิฏฺํ, ตํ อิทนฺติ อตฺโถ.

๑๐๕๙-๖๔. ปมํ โอฬาริกสทฺทํ อาวชฺเชตฺวา ปจฺฉา สุขุมสทฺทสฺส อาวชฺชิตพฺพโต อาห ‘‘มหนฺโต สุขุโมปิ จา’’ติ. ปริจยกรณตฺถฺหิ ปมํ อรฺเ สีหาทีนํ สทฺเท อาทึ กตฺวา สพฺเพ โอฬาริกโต ปฏฺาย ยถานุกฺกเมน สุขุมสทฺทา อาวชฺชิตพฺพา, ตถา ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุ โอฬาริกานมฺปิ สุขุมานมฺปิ สทฺทานํ สทฺทนิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ. ตสฺส เต สทฺทา ปกติจิตฺตสฺสปิ ปากฏา โหนฺติ, ปริกมฺมจิตฺตสฺส ปน อติวิย ปากฏา. ตสฺสาติ ตสฺส โยคิโน. สทฺทสฺส นิมิตฺตนฺติ โอฬาริกสฺส, สุขุมสฺส วา สทฺทสฺส ยถาวุตฺตํ อุปาทายุปาทาย ลพฺภมานโอฬาริกสุขุมาการํ. มนสิ กุพฺพโตติ ‘‘อิมิสฺสา ทิสาย อยํ สทฺโท โอฬาริโก, สุขุโม วา’’ติ เอวํ ปริกมฺมจิตฺเตน มนสิ กโรนฺตสฺส. สทฺเทสูติ เย ปริกมฺมจิตฺตสฺส วิสยภูตา โอฬาริกา, สุขุมา วา สทฺทา, เตสุ. อฺตรนฺติ ยตฺถ ปริกมฺมกรณวเสน อภิณฺหํ มนสิกาโร ปวตฺโต, ตํ เอกํ สทฺทํ. ยทิ อภิฺาจิตฺตมฺปิ ปริกมฺเมน คหิตเมว อารมฺมณํ กโรติ, โก ปน ตสฺส, อิมสฺส วา วิเสโสติ? วุจฺจเต – ปริกมฺมจิตฺตํ อสุตสฺส คหณโต สทฺทมตฺตํ คณฺหาติ, อภิฺาจิตฺตํ ปน อสุตมฺปิ คณฺหนฺตํ สวนากาเรน คหณโต อตฺถาวโพธสฺส ปจฺจยภาเวเนว คณฺหาตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. สุตโกวิทาติ ปริยตฺติยํ เฉกา.

๑๐๖๕-๖. ถามชาตนฺติ ชาตถามํ, ทฬฺหภาวปฺปตฺตนฺติ อตฺโถ. วฑฺเฒตพฺพํ ปาทกชฺฌานารมฺมณํ กิตฺตกนฺติ อาห ‘‘เอตฺถนฺตรคต’’นฺติอาทิ. ปาทกชฺฌานสฺส หิ อารมฺมณภูตํ กสิณนิมิตฺตํ ‘‘เอตฺตกํ านํ ผรตู’’ติ มนสิ กริตฺวา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชนฺตสฺส กสิณนิมิตฺตํ ตตฺตกํ านํ ผริตฺวา ติฏฺติ. โส สมาปตฺติโต วุฏฺาย ปุน ปาทกชฺฌานํ อสมาปชฺชิตฺวาปิ อเนกปฺปเภเทปิ สทฺเท อาวชฺชติ สุภาวิตภาวนตฺตา. ตตฺถ อฺตรํ สทฺทํ อารพฺภ อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ จตฺตาริ, ปฺจ วา ชวนานิ อุปฺปชฺชนฺติ, เตสุ ปจฺฉิมํ อิทฺธิจิตฺตํ โหติ. เอวํ ยตฺตกํ สทฺทํ อิจฺฉติ, ตตฺตกํ ตตฺถ คตํ อาวชฺชิตฺวา อภิฺาาเณน ชานาติ. เยน ปน เอวํ กสิณนิมิตฺตํ อวฑฺฒิตํ, เตน ปุนปิ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตพฺพเมว. โส หิ ตํ านคตสทฺทํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวาว ตโต วุฏฺาย อภิฺาจิตฺเตน สุณาติ. ตโต เอว หิ ‘‘ปาทการมฺมเณน…เป… สุณาตีติ สาสงฺกํ วทตี’’ติ (วิสุทฺธิ. มหา. ๒.๔๐๐) วุตฺตํ. อิทฺธิวิธลาภี ปน เสสาภิฺลาภิโน วิย วิชฺชมานสทฺทาทิอารมฺมณมตฺตเมว อกตฺวา อาคนฺตุกรูปนิมฺมาปนโต สพฺพถาปิ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวาว ตํ นิปฺผาเทติ. เอกงฺคุลทฺวงฺคุล-คฺคหณฺเจตฺถ สุขุมสทฺทาเปกฺขาย กตํ.

๑๐๖๘. สุณนฺโตติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา สวเนน วสิกตาภิฺโ หุตฺวา ยถาวชฺชิเต สุณนฺโต. ปาฏิเยกฺกมฺปีติ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาเนปิ ยาว พฺรหฺมโลกา เอกโกลาหลํ กตฺวา อุฏฺิเต สงฺขเภรีปณวาทิสทฺเท ปจฺเจกํ วตฺถุเภเทน ววตฺถาเปตุกามตาย สติ ‘‘อยํ สงฺขสทฺโท, อยํ เภรีสทฺโท, อยํ ปณวสทฺโท’’ติอาทินา ปจฺเจกํเยว ววตฺถาเปตุํ สกฺโกติเยวาติ. ทิพฺพโสตาณวณฺณนา.

๑๐๖๙-๗๓. เจโตปริยมานสนฺติ ปริยาตีติ ปริยํ, สราคาทิวเสน ปริจฺฉิชฺช ชานาตีติ อตฺโถ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติ อตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถ โหตีติ. เจตโส ปริยํ เจโตปริยํ, มนสิ ภวนฺติ มานสํ, าณํ, เจโตปริยฺจ ตํ มานสฺจาติ เจโตปริยมานสํ. ทิพฺพจกฺขุวเสเนวาติ ทิพฺพจกฺขุอุปนิสฺสเยเนว. ตฺหิ เอตสฺส อุปฺปาทเน ปริกมฺมํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ ทิพฺพจกฺขุวเสเนว ปวตฺตติ, ตสฺมา. ทิพฺเพน จกฺขุนาติ ทิพฺพสทิสตาทีหิ ‘‘ทิพฺพจกฺขู’’ติ ลทฺธโวหาเรน ทิพฺพจกฺขุาเณน ทิสฺวาติ สมฺพนฺโธ. หทยนฺติ น หทยวตฺถุ, อถ โข หทยมํสเปสิ. ยํ พหิ กมลมกุฬสณฺานํ อนฺโต โกสาตกีผลสทิสนฺติ วุจฺจติ. ตฺหิ นิสฺสาย อิทานิ วุจฺจมานํ โลหิตํ ติฏฺติ. หทยวตฺถุ ปน อิมํ โลหิตํ นิสฺสาย ปวตฺตติ. โลหิตํ ทิสฺวาติ โลหิตสฺส วณฺณํ ทิสฺวา. ทิพฺพจกฺขุโนปิ หิ วณฺณเมว ทิสฺสติ. เตเนว หิ ตํ จกฺขุสทิสตฺตา ‘‘จกฺขู’’ติ วุจฺจติ. ปรสฺสาติ อฺสฺส. ยถา หิ โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา, เอวํ โย อตฺตา น โหติ, โส ปโร. กถํ ปน ทิพฺพจกฺขุนา โลหิตสฺส วณฺณทสฺสเนน ปรจิตฺตํ วิฺเยฺยนฺติ อาห ‘‘โสมนสฺสยุเต’’ติอาทิ. โลหิตนฺติ รตฺตํ นิคฺโรธผลสมานวณฺณํ. กาฬกนฺติ ชมฺพุสทิสวณฺณํ. ติลเตลูปมนฺติ อเนน ปสนฺนภาวมาห.

กถํ ปน จิตฺเต โสมนสฺส สหคตาทิมฺหิ สติ กมฺมชสฺส โลหิตสฺส วิวิธวณฺณภาวาปตฺตีติ? กิฺจาปิ หทยวตฺถุสนฺนิสฺสิตภูตานิ กมฺมชาเนว, ตํ ปน โลหิตํ กมฺมชเมวาติ นตฺถิ จตุสนฺตติรูปสฺสปิ ตตฺถ ลพฺภมานตฺตา. เตเนว หิ อฏฺกถายํ ‘‘อิทํ รูปํ โสมนสฺสินฺทฺริยสมุฏฺานํ, อิทํ โทมนสฺสินฺทฺริยสมุฏฺานํ, อิทํ อุเปกฺขินฺทฺริยสมุฏฺานนฺติ ปรสฺส หทยโลหิตวณฺณํ ปสฺสิตฺวา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๑) วุตฺตํ. เอวมฺปิ ยํ ตตฺถ อจิตฺตชํ, ตสฺส ยถาวุตฺตวณฺณเภเทน น ภวิตพฺพนฺติ? ภวิตพฺพํ เสสสนฺตติรูปานํ ตทนุวตฺตนโต. ยถา หิ คมนาทีสุ จิตฺตชรูปานิ อุตุชกมฺมชาหารชรูเปหิ อนุวตฺตียนฺติ, อฺถา กายสฺส เทสนฺตรปฺปตฺติเยว น สิยาติ, เอวมิธาปิ จิตฺตชรูปํ เสสสนฺตติรูเปหิ อนุวตฺตียติ, ปสาทโกธเวลาสุ จ จกฺขุสฺส วณฺณเภทาปตฺติเยว ตสฺสตฺถสฺส นิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ, ตสฺมา โสมนสฺสาทิยุตฺตจิตฺตานุรูปํ อุปฺปนฺนจิตฺตสมุฏฺานรูปวเสน เสสติสมุฏฺานรูปานมฺปิ นานาวณฺณตา โหติเยวาติ สุฏฺุ วุตฺตํ ‘‘โลหิตํ โลหิตํ สิยา’’ติอาทิ. ทิสฺวา หทยโลหิตนฺติ ปมํ ตาว อนุมานาเณน โลหิตํ ทิสฺวา. กาตพฺพํ ถามตํ คตนฺติ อุปฺปาเทตฺวา ถามภาวํ คตํ กาตพฺพํ.

เจโตปริยาณฺหิ อุปฺปาเทตุกาเมน โยคินา ทิพฺพจกฺขุลาภินา เอว สตา เหฏฺา วุตฺตนเยน รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อภินีหารกฺขมํ กตฺวา อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา ปรสฺส หทยมํสเปสึ นิสฺสาย วตฺตมานสฺส โลหิตสฺส วณฺณทสฺสเนน อิทานิ อิมสฺส จิตฺตํ ‘‘โสมนสฺสสหคต’’นฺติ วา ‘‘โทมนสฺสสหคต’’นฺติ วา ‘‘อุเปกฺขาสหคต’’นฺติ วา นยคฺคาหวเสน ววตฺถาเปตฺวา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘อิมสฺส จิตฺตํ ชานามี’’ติ ปริกมฺมํ กาตพฺพํ. กาลสตมฺปิ กาลสหสฺสมฺปิ ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตเถว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ตสฺเสวํ ทิพฺเพน จกฺขุนา หทยโลหิตวณฺณทสฺสนาทิวิธินา ปฏิปชฺชนฺตสฺส ‘‘อิทานิ เจโตปริยาณํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ยํ ตทา ปวตฺตตีติ ววตฺถาปิตํ จิตฺตํ, ตํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ ตีณิ จตฺตาริ วา ชวนานิ กามาวจรานิ ชวนฺติ. จตุตฺถํ, ปฺจมํ วา อภิฺาจิตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานิกํ. ตตฺถ ยํ เตน อปฺปนาจิตฺเตน สมฺปยุตฺตํ าณํ, อิทํ เจโตปริยาณํ. ตฺหิ ยตฺถ อเนน ปริกมฺมํ กตํ, ตํ ปรสฺส จิตฺตํ ปจฺจกฺขโต ปฏิวิชฺฌนฺตํ วิภาเวนฺตเมว หุตฺวา ปวตฺตติ, รูปํ วิย จ ทิพฺพจกฺขุาณํ, สทฺทํ วิย จ ทิพฺพโสตาณํ. ตโต ปรํ ปน กามาวจรจิตฺเตหิ สราคาทิววตฺถาปนํ โหติ นีลาทิววตฺถาปนํ วิย.

๑๐๗๔-๕. เอวมธิคตสฺส ปน เจโตปริยาณสฺส ถามคมนวิธานมฺปิ อธิคมวิธานสทิสเมว, ตเทเวตฺถ อาจริเยน ทสฺสิตํ. เอวํ ถามคเตติอาทิ ถามคมนานิสํสทสฺสนํ. สพฺพเมวาติ อิทํ ‘‘กามาวจรจิตฺตํ, รูปารูเปสุ มานส’’นฺติ อุภยปเทนปิ สมฺพนฺธิตพฺพํ, จตุปณฺณาสวิธํ กามาวจรจิตฺตํ, ปฺจทสรูปาวจรจิตฺตํ, ทฺวาทสอรูปาวจรจิตฺตนฺติ สพฺพเมว, ปจฺเจกํ สราคาทิปฺปเภทกํ วิชานาตีติ อตฺโถ. ปุถุชฺชนสฺส วเสนายํ อภิฺากถาติ โลกุตฺตรจิตฺตํ อิธ อนุทฺธฏํ. ตมฺปิ หิ อุปริโม, สทิโส วา อริโย เหฏฺิมสฺส, สทิสสฺส จ จิตฺตํ ชานาติ, เหฏฺิโม ปน อุปริมสฺส จิตฺตํ น ชานาติ. ยถา เจตํ, เอวํ อรูปาวจรชฺฌาเน อกตาภินิเวโส ปุถุชฺชโน, เสโขปิ วา อรูปาวจรจิตฺตํ น ชานาติ. อฏฺสมาปตฺติกสฺส ปน วเสน อิธารูปาวจรจิตฺตสฺสาปิ ชานนํ วุตฺตํ. อรหา ปน อารุปฺเป อกตาภินิเวโสปิ ตปฺปฏิจฺฉาทกอวิชฺชาย วิหตตฺตา ตมฺปิ ชานาติเยว. เจโตปริยาณวณฺณนา.

๑๐๗๖-๗. ปุพฺเพ อตีตชาตีสุ นิวาสา นิวุตฺถา อตฺตโน สนฺตาเน ปวตฺตา, สปรวิฺาเณหิ โคจราเสวนาย อาเสวิตา จ ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสา. ปรวิฺาณวิฺาตาปิ หิ ปุพฺเพ นิวสึสุ เอตฺถาติ ปุพฺเพนิวาสาติ วุจฺจนฺติ, เต ปน ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสุ พุทฺธานํเยว วิสยา, ปุพฺเพ นิวาเสสุ สรูปวิภาวกํ าณํ ปุพฺเพนิวาสาณํ. เตน. ตทนุสฺสตีติ เตสํ ปุพฺเพนิวาสานํ อนุสฺสติ. เหฏฺา ตีสุ ฌาเนสุ ยถารหํ ปีติสุเขหิ กายจิตฺตานํ สมฺปีณนาย จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชิตพฺพานีติ อาห ‘‘ฌานานิ ปนา’’ติอาทิ. อฺถา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวาเยวาติ วุตฺตํ สิยา. ยาย นิสชฺชาย นิสินฺนสฺส อนุสฺสรณารมฺโภ, สา อิธ สพฺพปจฺฉิมา นิสชฺชา.

๑๐๗๘-๘๐. ตโต ปภุติ…เป… กฺกมาติ ตสฺมึ ภเว ปุริมภวาทีสุ กตํ สพฺพมฺปิ สงฺคเหตฺวา สพฺพมาวชฺชิตพฺพนฺติอาทินา วิสุํ วิสุํ รตฺตินฺทิวาทิวเสน ทสฺเสติ. ทิวเส รตฺติยํ กตนฺติ สพฺพปจฺฉิมนิสชฺชาโต ปฏฺาย อาสนปฺาปนํ เสนาสนปฺปเวสนนฺติ ปฏิโลเมน สกลํ รตฺตินฺทิวํ กตกิจฺจํ อาวชฺชิตพฺพํ. กตมาวชฺชิตพฺพนฺติ ยํ เอตฺถนฺตเร กตกิจฺจํ, สพฺพํ ตํ ปฏิโลมกฺกเมเนว อาวชฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เอตฺตกํ ปน ปกติจิตฺตสฺสปิ ปากฏํ, ปริกมฺมจิตฺตสฺส ปน อติปากฏเมว. สเจ ปเนตฺถ กิฺจิ น ปากฏํ โหติ, ปุน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อาวชฺชิตพฺพํ, เอตฺตเกน ทีเป ชลิเต วิย ปากฏํ โหติ. ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนฺหิ สตฺถกสฺส วิย นิสานสิลา สติปฺานํ นิสิตภาวาวหํ, ตสฺมา ตา ตํสมาปชฺชเนน ปรมเนปกฺกปฺปตฺตา โหนฺติ. ปุริมสฺมึ ภเวติ อิมมฺหา ภวา อนนฺตเร ปุริมสฺมึ ภเว.

๑๐๘๑. นิพฺพตฺตํ นามรูปฺจาติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ นิพฺพตฺตนามรูปํ. สาธุกนฺติ สุฏฺุ อปริหาเปตฺวา อาวชฺชิตพฺพํ. ปโหติ หิ อิมิสฺสา อภิฺาย กตาธิกาโร ภิกฺขุ ปมวาเรเนว ปฏิสนฺธึ อุคฺฆาเฏตฺวา จุติกฺขเณ นามรูปํ อารมฺมณํ กาตุํ, ตถา อสกฺโกนฺเตนาปิ ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา ปาทกชฺฌานเมว ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชิตพฺพํ, ตโต จ วุฏฺาย ปุนปฺปุนํ อาวชฺชิตพฺพํ. อาวชฺชนฺเตน จ ปน ปมํ รูปํ อาวชฺชิตฺวา ปจฺฉา นามํ อาวชฺชิตพฺพนฺติ อาจริยา. อปเร ปน วิปริยาเยน วทนฺติ.

ตตฺถ ปจฺฉิมนิสชฺชาโต ปภุติ ยาว ปฏิสนฺธิโต อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตาณํ อตีตชาตีสุ นิวุตฺถธมฺมารมฺมณาภาวโต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ นาม น โหติ, ตํ ปน ปริกมฺมาณเมว. ยทา ปนสฺส ปฏิสนฺธึ อติกฺกมฺม จุติกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามรูปํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ นิรุทฺเธ วุตฺตนเยน อปฺปนาจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, เตน สมฺปยุตฺตํ าณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ นาม. เตนาห ‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิ.

เอตฺถาห – กึ เอเกเนว อภิฺาจิตฺเตน จุติกฺขเณ ปวตฺตนามรูปํ สพฺพมฺปิ อารมฺมณํ กโรติ, อุทาหุ อฺเน อฺเนาติ. กิฺเจตฺถ ยทิ เอเกเนว, ทูรโต จิตฺตปฏํ เปกฺขนฺตสฺส วิย อนิรูปิตรูเปน ววตฺถานํ โหติ. ยทิ จ อฺเน อฺเน, วิสุํ วิสุํ ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนาทินา ภวิตพฺพนฺติ? อุภยถาปิ น โทโส. อิทฺธิวิสยสฺส หิ อจินฺเตยฺยตฺตา เอเกนปิ อภิฺาจิตฺเตน นามรูเป ปสฺสนฺโต นิรูปิตรูเปเนว ปสฺสติ, น อนิรูปิตรูเปเนว ปสฺสติ, อฺเนปิ วา ปมเมว ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย สมาหิตจิตฺเตน กตปริกมฺมสฺส ปวตฺติตตฺตา ปุน สมาปชฺชนํ วินา อาวชฺชิตฺวา อารมฺมณํ กโรติเยวาติ. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณวณฺณนา.

๑๐๘๖-๘. ทิพฺพจกฺขุนาติ ทิพฺพสทิสตฺตา, ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลภิตพฺพตฺตา, อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตา มหาชุติกตาทีหิ วา ทิพฺพํ, รูปทสฺสนฏฺเน จกฺขุมิวาติ จกฺขุ. ยถา หิ มํสจกฺขุ วิฺาณาธิฏฺิตํ สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย ปวตฺตติ, อิทํ ปน ตโต สาติสยํ จกฺขุกิจฺจการีติ ทิพฺพฺจ ตํ จกฺขุ จาติ ทิพฺพจกฺขุ, เตน ทิพฺพจกฺขุนา. กสิณารมฺมณนฺติ อฏฺนฺนมฺปิ กสิณานํ วเสน กสิณารมฺมณํ. อภินีหารกฺขมํ กตฺวาติ จุทฺทสวิเธน จิตฺตปริทมเนน อฏฺงฺคสมฺปนฺนตากรเณน อภินีหารกฺขมํ ทิพฺพจกฺขุาณาภิมุขํ เปสนารหํ เปสนโยคฺยํ กตฺวา. ‘‘เตโช…เป… กสิณมฺปิ วา อาสนฺนํ กาตพฺพ’’นฺติ ปาเสโส. อาสนฺนํ กาตพฺพนฺติ ทิพฺพจกฺขุาณุปฺปตฺติยา สมีปภูตํ การณภูตํ กาตพฺพํ, ตตฺถ อุปจารชฺฌานํ ปคุณตรํ กตฺวา ตํ วฑฺเฒตฺวา อิจฺฉิตกฺขเณ อุปฏฺานโยคฺยํ กตฺวา เปตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถาติ อิมสฺมึ ทิพฺพจกฺขุนา รูปทสฺสนวิสเย. เสฏฺนฺติ ปริทีปิตนฺติ อาโลกกสิณสฺเสว ปภาวิสฺสชฺชนสภาเวน อาโลกกรเณน อิตเรหิ วิสิฏฺตฺตา วิสิฏฺนฺติ ปริทีปิตํ.

๑๐๘๙-๙๐. อุปฺปาเทตฺวาติ ปมชฺฌานนิทฺเทเส วุตฺตนเยน อุปจารชฺฌานุปฺปาทเนน อุปฺปาเทตฺวา. อุปจารชฺฌานุปฺปตฺติยา หิ สทฺธึ ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติ. ยสฺมา ปาทกชฺฌานํ วิชฺชมาเนเยว อาโลเก อปฺปนาวเสน ปวตฺติมตฺตํ วินา อตฺตโน พเลน อาโลกํ ผริตุํ น สกฺโกติ, นาปิ ยถาปตฺถฏํ ถาวรํ กาตุํ, ปริกมฺมํ ปน ตทุภยมฺปิ กาตุํ สมตฺถํ, ตสฺมา อุปจารภูมิยํเยว ตํ วฑฺเฒตพฺพนฺติ อาห ‘‘อุปจารภูมิย’’นฺติอาทิ. อุปจารภูมีติ เจตฺถ อาโลกสฺส ถาวรกรณวสปฺปวตฺตํ ปริกมฺมจิตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อปฺปนนฺติ ฌานวเสน อปฺปนํ. น หิ อกตปริกมฺมสฺส อภิฺาวเสน อปฺปนา สิชฺฌติ. เตนาห ‘‘ปาทกชฺฌานนิสฺสิต’’นฺติ. ปาทกชฺฌานนิสฺสิตนฺติ ปาทกชฺฌานารมฺมณํ โหติ, น ทิพฺพจกฺขุสฺส ปริกมฺมนิสฺสิตํ ปริกมฺมารมฺมณํ โหติ, ตถา จ สติ อาโลกวฑฺฒนาภาวโต รูปทสฺสนํ น สิยาติ อธิปฺปาโย.

๑๐๙๑-๓. อนฺโต…เป… ภเวติ อนฺโตคตเมว รูปคตํ ปสฺสิตพฺพํ ภเว, น พหิทฺธา วิกฺเขปุปฺปตฺติเหตุภาวโต ปสฺสิตพฺพํ ทิพฺพจกฺขุนาติ อธิปฺปาโย. น หิ อาโลเก ผริเตปิ มํสจกฺขุสฺส อาปาถํ โหติ. ปริกมฺมสฺส วาโร หิ อติกฺกมติ ตาวเทติ อิธ ปริกมฺมํ นาม ยถาวุตฺตกสิณารมฺมณํ อุปจารชฺฌานํ, ตํ รูปคตํ ปสฺสโต น ปวตฺตติ, กสิณาโลกวเสน จ รูปคตทสฺสนํ กสิณาโลโก จ ปริกมฺมวเสนาติ ตทุภยมฺปิ ปริกมฺมสฺส อปฺปวตฺติยา น โหติ. เตนาห ‘‘อาโลโกปี’’ติอาทิ. ตสฺมึ อนฺตรหิเต รูปคตมฺปิ น จ ทิสฺสติ, รูปคตํ ปสฺสโต ปริกมฺมสฺส วาโร อติกฺกมติ, ปริกมฺมปสุตสฺส กสิณารมฺมณาณํ โหตีติ รูปคตํ ทิสฺสติ, กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ.

๑๐๙๔-๙. เอวํ อนุกฺกเมนาติ ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย อภิณฺหํ อาโลกผรเณน. อาโลโก ถามวาติ อาโลกคโต จิรฏฺายี สิยา, ตถา จ สติ ตตฺถ สุจิรมฺปิ รูปคตํ ปสฺสเตว. เตน วุตฺตํ ‘‘อาโลโก เอตฺถา’’ติอาทิ. สฺวายมตฺโถ ติณุกฺกูปมาย วิภาเวตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติณุกฺกายา’’ติอาทิ. เอโก กิร รตฺติยํ ติณุกฺกาย มคฺคํ ปฏิปชฺชิ, ตสฺส สา ติณุกฺกา วิชฺฌายิ, อถสฺส สมวิสมานิ น ปฺายึสุ, โส ตํ ติณุกฺกํ ภูมิยํ ฆํสิตฺวา ปุน อุชฺชาเลสิ, สา ปชฺชลิตฺวา ปุริมาโลกโต มหนฺตรมาโลกํ อกาสิ, เอวํ ปุนปฺปุนํ วิชฺฌาตํ อุชฺชาลยโต กเมน สูริโย อุฏฺาสิ, สูริเย อุฏฺิเต ‘‘อุกฺกาย กมฺมํ นตฺถี’’ติ ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ทิวสมฺปิ อคมาสิ. ตตฺถ อุกฺกาโลโก วิย ปริกมฺมกาเล กสิณาโลโก, อุกฺกาย วิชฺฌาตาย สมวิสมานํ อทสฺสนํ วิย รูปคตํ ปสฺสโต ปริกมฺมสฺส วาราติกฺกเมน อาโลเก อนฺตรหิเต รูปคตานํ อทสฺสนํ, อุกฺกาย ฆํสนํ วิย ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนํ, อุกฺกาย ปุริมาโลกโต มหนฺตตราโลกกรณํ วิย ปุน ปริกมฺมํ กโรโต พลวตราโลกผรณํ, สูริยุฏฺานํ วิย ถามคตาโลกสฺส ยถาวฑฺฒิตปริจฺเฉทํ ผริตฺวา อวฏฺานํ, ติณุกฺกํ ฉฑฺเฑตฺวา ทิวสมฺปิ คมนํ วิย ปทิตฺตาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ถามคเตนาโลเกน ทิวสมฺปิ รูปทสฺสนํ. เอตฺตาวตา จ ทิพฺพจกฺขุสฺส นานาวชฺชนปริกมฺมฺเจว ทิพฺพจกฺขุาณฺจ ทสฺสิตํ, น ตสฺส อุปฺปตฺติกฺกโมติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปฺปาทนกฺกโมปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว. ตานิ จตฺตาริ ปฺจ วาติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ. ‘‘ตีณิ จตฺตาริ วา ปนา’’ติ ปาโ.

๑๑๐๐. ตตฺถ อตฺถสาธกจิตฺตนฺติ ยทตฺถาเยส ปฏิปนฺโน, ตสฺส ตทตฺถสาธนโต อตฺถสาธกภูตํ จิตฺตํ. ตสฺมิฺหิ อุปฺปนฺเน มํสจกฺขุสฺส อนาปาถโยคฺยํ อนฺโตกุจฺฉิคตํ หทยวตฺถุนิสฺสิตํ เหฏฺาปถวีตลนิสฺสิตํ ติโรกุฏฺฏปพฺพตปาการคตํ ปรจกฺกวาฬคตนฺติ อิทํ รูปํ อาปาถํ อาคจฺฉติ, มํสจกฺขุนา ทิสฺสมานํ วิย โหติ. ตเทว เจตฺถ รูปํ สรูปโต วิภาวนสมตฺถํ จกฺขุวิฺาณํ วิย. น ปน อาวชฺชนปริกมฺมวเสน ปวตฺตานิ ปุพฺพภาคจิตฺตานิ. ตานิ หิ อารมฺมณํ กโรนฺตานิปิ น ยาถาวโต ตํ วิภาเวตฺวา ปวตฺตนฺติ อาวชฺชนสมฺปฏิจฺฉนาทิจิตฺตานิ วิยาติ.

๑๑๐๑-๒. นนุ จ อนาคตํสาณํ ยถากมฺมูปคาณนฺติ ทฺเว อภิฺาาณานิ อตฺถิ, กสฺมา ตานิ อิธ น ทสฺสิตานีติ อาห ‘‘อนาคตํสาณสฺสา’’ติอาทิ. อิชฺฌนฺติ ทิพฺพจกฺขุนาติ วิสุํ ปริกมฺมสฺส อภาวโต ทิพฺพจกฺขุาณปฏิลาเภเนว ตสฺส ปริวารานิ หุตฺวา ปฏิลทฺธานิ โหนฺติ. ตโตเยว หิ ตานิ ตสฺส ปริภณฺฑาณานีติ วุจฺจนฺติ. ยถา หิ สิเนรุสฺส ปริวารฏฺานิยานิ ตํสิทฺธิยา สิทฺธานิ เมขลฏฺานานิ ปริภณฺฑานีติ วุจฺจนฺติ, เอวํ อิมานิปิ ทิพฺพจกฺขุสิทฺธิยา สิทฺธานิ ตสฺส ปริภณฺฑานีติ เวทิตพฺพานิ.

โหตุ ตาว เอวเมตํ, จุตูปปาตาณํ ปน กึ น ทสฺสิตนฺติ อาห ‘‘จุตูปปาตาณมฺปี’’ติอาทิ. ทิพฺพจกฺขุาณเมว หิ จุติยํ, อุปปตฺติยฺจ รูปํ วิภาเวนฺตํ จุตูปปาเต ปวตฺตตฺตา ‘‘จุตูปปาตาณ’’นฺติ วุจฺจติ, อวเสสรูปวิภาวนกาเล ‘‘ทิพฺพจกฺขู’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ปรมตฺถโต นามทฺวเยน อาคตํ เอกเมว าณํ, ทิพฺพจกฺขุาณํ จุตูปปาตาณนฺติ ปน พฺยฺชนโตเยว นานนฺติ. กตฺถจิ มโนมยาณนฺติปิ วิสุํ อภิฺาาณํ อาคตํ, ตํ อตฺถโต อิทฺธิวิธาณเมว. ทิพฺพจกฺขุาณวณฺณนา.

๑๑๐๓. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. อเนน ตเรนาติ อเนน อภิธมฺมาวตารนามเกน ตเรน.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

อภิฺานิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๗. สตฺตรสโม ปริจฺเฉโท

อภิฺารมฺมณนิทฺเทสวณฺณนา

๑๑๐๔-๕. ปฺจ อิทฺธิวิธาทีนีติ –

‘‘อิทฺธิวิธํ ทิพฺพโสตํ, ปรจิตฺตวิชานนา;

ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ, ทิพฺพจกฺขูติ ปฺจธา’’ติ. –

เอวมาคตา ปฺจ. สตฺตาภิฺา อิมา ปนาติ อตีตํสาณสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณ, มโนมยาณสฺส จ อิทฺธิวิธาเณ อนฺโตคธตฺตา วุตฺตํ. อตีตํสาณํ นาม ปเรสํ ปจฺจุปฺปนฺนภเว ยาว ปฏิสนฺธิปริโยสานํ ปวตฺตจิตฺตารมฺมณํ าณํ. มโนมยาณมฺปิ นาม มโนมยกายาภินิมฺมานาทิวสปฺปวตฺตํ อิทฺธิวิธาณํ.

๑๑๐๖. อิทานิ อิเมสํ อภิฺาาณานํ อารมฺมณวินิจฺฉเย อสมฺโมหตฺถํ ตํ ทสฺเสตุมารภนฺโต อาห ‘‘สตฺตนฺน’’นฺติอาทิ. จตฺตาโร อารมฺมณตฺติกาติ ปริตฺตารมฺมณตฺติโก มคฺคารมฺมณตฺติโก อตีตารมฺมณตฺติโก อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติโกติ อิเม จตฺตาโร อารมฺมณตฺติกา. เอตฺถาติ อิทํ ปจฺจามสนํ กึ ติกานํ, อุทาหุ อารมฺมณานนฺติ, กิฺเจตฺถ – ยทิ ติกานํ, ตทยุตฺตํ. น หิ ติเกสุ อภิฺาาณานิ ปวตฺตนฺติ. อถ อารมฺมณานํ, ตมฺปิ อยุตฺตํ. น หิ อฺํ อุทฺทิสิตฺวา อฺสฺส ปจฺจามสนํ ยุตฺตนฺติ. ยถา อิจฺฉสิ, ตถา โหตุ. ภวตุ ตาว ติกานํ, นนุ วุตฺตํ ‘‘ติเกสุ อภิฺาาณานิ นปฺปวตฺตนฺตี’’ติ? นายํ วิโรโธ ติกโวหาเรน อารมฺมณานํเยว คยฺหมานตฺตา. อถ วา ปน โหตุ อารมฺมณานํ, นนุ วุตฺตํ ‘‘อฺํ อุทฺทิสิตฺวา อฺสฺส ปจฺจามสนํ อยุตฺต’’นฺติ. อยมฺปิ น โทโส ยถาวุตฺตการเณเนวาติ.

๑๑๐๗-๑๐. ปริตฺตาทีสุ สตฺตสูติ อสติปิ วตฺถุเภเท ภูมิกาลสนฺตานเภทวเสน ภินฺเนสุ ปริตฺตมหคฺคตอตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณวเสน สตฺตสุ ปริตฺตาทิอารมฺมณวิภาเคสุ. อิทฺธิวิธาณสฺส มคฺคารมฺมณตาย อภาวโต อิธ มคฺคารมฺมณตฺติโก น ลพฺภติ. กายํ จิตฺตสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา อทิสฺสมาเนน กาเยน คนฺตุกาโมติ สมฺพนฺโธ. จิตฺตสนฺนิสฺสิตกรณฺจ ตํ วิย กายสฺส อทิสฺสมานสีฆคติกตาวเสน ตคฺคติกตาปาทนํ. ยถา จิตฺตํ น ทิสฺสติ สีฆคมนฺจ, เอวํ กายมฺปิ อทิสฺสมานํ, สีฆคมนฺจ กตฺวา ยถิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตุกาโมติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. จิตฺตวเสนาติ มหคฺคตจิตฺตวเสน ปริณาเมตีติ ปาเสโส. เตนาห ‘‘ตํ มหคฺคเต จ จิตฺตสฺมึ สมาโรเปตี’’ติ. ปาทกชฺฌานฺหิ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย อทิสฺสมาโน, สีฆคมโน จ โหตู’’ติ ปริกมฺมํ กโรติ, ปริกมฺมํ ปน กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตเถว ปริกมฺมํ กโรนฺโต กายํ คเหตฺวา มหคฺคเต ปาทกจิตฺเต สมาโรเปติ, ตคฺคติกํ กโรติ วิย, อทิสฺสมานํ, สีฆคมนฺจ กโรติ. ตํ ปน สีฆคมนตฺถํ อภาวิติทฺธิปาทานํ วิย ทนฺธํ อปฺปวตฺติตฺวา กติปยจิตฺตวาเรเหว อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติวเสน ทฏฺพฺพํ, น เอกจิตฺตกฺขเณเนว. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๘) หิ เอตฺถ อฺ-คฺคหเณเนว รูปธมฺมานํ คหิตตฺตา จิตฺตกฺขณวเสน รูปปฺปวตฺติ น ยุตฺตา. ยตฺถ ยตฺถ จ ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ จ, น จ อิทฺธิพเลน ธมฺมานํ เกนจิ ลกฺขณฺถตฺตํ สกฺกา กาตุนฺติ. จิตฺตวเสน รูปกายํ ปาทกชฺฌาเน สมาโรเปนฺตสฺส กายเมว อารมฺมณนฺติ อาห ‘‘กายารมฺมณโต’’ติ, กาเย วณฺณารมฺมณโตติ วุตฺตํ โหติ. กายสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา จิตฺตนฺติ เอตฺถ น จิตฺตํ กายํ วิย ทนฺธํ ทิสฺสมานํ กโรติ, กินฺตุ ทนฺธทิสฺสมานคติกรณมตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.

๑๑๑๒-๓. อนาคตมตีตฺจ กโรติ วิสยํ ยทาติ มหาธาตุนิธาเน มหากสฺสปตฺเถราทีนํ วิย อนาคตํ อธิฏฺหนฺตานํ อนาคตํ อารมฺมณํ กโรติ, กายวเสน จิตฺตปริณามนกาเล ตเทว จิรนิรุทฺธํ ปาทกชฺฌานํ อารมฺมณํ กโรนฺตานํ อตีตํ อารมฺมณํ กโรติ, ตทา อตีตารมฺมณํ, อนาคตโคจรฺจ โหติ, ปจฺจุปฺปนฺโน โคจโร ปจฺจุปฺปนฺนสฺส รูปกายสฺส อารมฺมณกรณโต. หตฺถิอาทโย อภินิมฺมินนฺตสฺสาปิ หิ กิฺจาปิ ปริกมฺมํ อนาคตารมฺมณํ โหติ, อธิฏฺานจิตฺตํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณเมว. อุปจารารมฺมณํ วิย หิ ปฏิภาคนิมิตฺตํ เตน สห ปาตุภูตเมว ตสฺสารมฺมณํ โหติ.

๑๑๑๔-๕. กายํ …เป… สิยาติ อตฺตโน กายํ จิตฺตวเสน ปริณามนกาเล อชฺฌตฺตสฺส กายสฺส อารมฺมณกรณโต, อตฺตโน จิตฺตํ กายวเสน ปริณามนกาเล จิตฺตสฺส อารมฺมณกรณโต. วา-สทฺเทน อวุตฺตสมุจฺจยตฺเถน คหิเต อตฺตโน กุมารวณฺณาทิอภินิมฺมานกาเล กายสฺส อารมฺมณกรณโต จ อชฺฌตฺตารมฺมณํ สิยา. พหิทฺธา รูปทสฺสเนติ พหิทฺธา หตฺถิอสฺสาทิรูปทสฺสนกาเล.

๑๑๑๖-๘. ปจฺจุปฺปนฺเน ปริตฺเต จาติ สรูปวิภาวนเมตํ. ทิพฺพโสตสฺส หิ ปจฺจุปฺปนฺโนว สทฺโท อารมฺมณํ โหติ, โส จ สภาวโต ปริตฺโตว. กุจฺฉิสทฺทสฺสาติ กุจฺฉิยํ วาตสทฺทสฺส. ตตฺถ ปาณกสทฺทสฺส ปน สวเน พหิทฺธารมฺมณเมว. วสิตาปตฺตสฺส อตฺตโน วิตกฺกวิปฺผารสทฺทสวเนปิ อชฺฌตฺตารมฺมณนฺติ วทนฺติ, ตํ ปน เอกาทสภวงฺคจิตฺตโต อุปริ ภวงฺคํ ปวตฺติตุมทตฺวา ภวงฺคโต วุฏฺาย อาวชฺชนสมตฺถตาวเสน วสิตาปตฺตสฺเสว ยุชฺชติ. ‘‘ปรสฺส จ สทฺทสฺสา’’ติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. น หิ ปรสฺส กุจฺฉิสทฺทสวเนเยว พหิทฺธารมฺมณํ โหติ, อถ โข ปรสฺส จิตฺตสมุฏฺานสทฺทสวเนปีติ.

๑๑๑๙-๒๒. ปริตฺตาทีสูติ ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณมคฺคอตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนพหิทฺธารมฺมเณสุ. ปริตฺตานนฺติ กามาวจรจิตฺตานํ. มชฺฌิมานนฺติ ปริตฺตอปฺปมาณานํ มชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิมสงฺขาตานํ รูปารูปาวจรจิตฺตานํ. มชฺเฌภวตา จ เทสนาวเสน, น สภาววเสน. เจโตปริยาณํ ปรสฺส จิตฺตเมว ชานาติ, อวเสสกฺขนฺธตฺตยํ ปน น ชานาตีติ อิมํ มหาอฏฺกถาวาทํ สนฺธายาห ‘‘มคฺคจิตฺตสฺส ชานเน’’ติอาทิ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา เจโตปริยาณํ จิตฺตเมว ชานาติ, ตสฺมา ตํ มคฺคารมฺมณํ น โหติ, มคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตชานนโต ปน ปริยาเยน มคฺคารมฺมณตา อฏฺกถายํ อนุฺาตาติ. ปฏฺาเน ปน –

‘‘กุสลา ขนฺธา อิทฺธิวิธาณสฺส เจโตปริยาณสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ยถากมฺมูปคาณสฺส อนาคตํสาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๔) –

วุตฺตตฺตา จตฺตาโรปิ ขนฺธา เจโตปริยาณสฺส อารมฺมณํ โหนฺติ, ตสฺมา นิปฺปริยาเยเนว มคฺคารมฺมณตา ลพฺภตีติ อิทเมตฺถ สงฺคหการานํ สนฺนิฏฺานํ.

๑๑๒๓-๕. อตีตสตฺตทิวสพฺภนฺตเร, อนาคตสตฺตทิวสพฺภนฺตเรเยว จ ปวตฺตํ ปรจิตฺตํ เจโตปริยาณํ ชานาติ, ตโต ปฏฺาย ปน ปฏิสนฺธิปริโยสานํ, จุติปริโยสานฺจ ปวตฺตํ อตีตํสาณสฺส, อนาคตํสาณสฺส จ โคจรนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อตีเต’’ติอาทิ. อตีตสฺส, อนาคตสฺส จ ปรจิตฺตสฺส ชานนํ สมฺภวติ, ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ปน น สมฺภวตีติ ปุจฺฉติ ‘‘กถฺจ ปนา’’ติอาทิ. อิตโร ยตฺถ สมฺภวติ, ตํ ทสฺเสตุํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ตาว วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ ติธา วุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ขณสนฺตติอทฺธโตติ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนนฺติ เอวํ ขณสนฺตติอทฺธาวเสน ติธา วุตฺตํ.

๑๑๒๖. ติกฺขณสมฺปตฺตนฺติ อุปฺปาทฏฺิติภงฺควเสน ขณตฺตยปริยาปนฺนํ. ปจฺจุปฺปนฺนขณาทิกนฺติ ขณ-สทฺทาทิกํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ขณปจฺจุปฺปนฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอกทฺเวสนฺตติวารปริยาปนฺนนฺติ เอตฺถ อนฺธกาเร นิสีทิตฺวา อาโลกฏฺานํ คตสฺส น จ ตาว อารมฺมณํ ปากฏํ โหติ, ยาว ปน ตํ ปากฏํ โหติ, เอตฺถนฺตเร ปวตฺตา รูปสนฺตติ, อรูปสนฺตติ วา ‘‘เอกทฺเวสนฺตติวารา’’ติ เวทิตพฺพา. ‘‘อาโลกฏฺาเน วิจริตฺวา โอวรกํ ปวิฏฺสฺสาปิ น ตาว สหสา รูปํ ปากฏํ โหติ, ยาว ตํ ปากฏํ โหติ, ปุพฺเพว ตตฺถ นิสินฺนสฺส วิย เอตฺถนฺตเร เอกทฺเวสนฺตติวารา เวทิตพฺพา. ทูเร ตฺวา ปน รชกาทีนํ หตฺถวิการํ, ฆณฺฏิเภรีอาทิอาโกฏนหตฺถวิการฺจ ทิสฺวา น ปน ตาว สทฺทํ สุณาติ, ยาว ปน ตํ สุณาติ, เอตฺถนฺตเร เอกทฺเวสนฺตติวารา เวทิตพฺพา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๖) เอวํ ตาว มชฺฌิมภาณกตฺเถรา วทนฺติ.

สํยุตฺตภาณกา ปน ‘‘รูปสนฺตติ อรูปสนฺตตีติ ทฺเว สนฺตติโย วตฺวา อุทกํ อกฺกมิตฺวา คตสฺส ยาว ตีเร อกฺกนฺตอุทกเลขา น วิปฺปสีทติ, อทฺธานโต อาคตสฺส ยาว กาเย อุสุมภาโว น วูปสมฺมติ, อาตปา อาคนฺตฺวา คพฺภํ ปวิฏฺสฺส ยาว อนฺธการภาโว น วิคจฺฉติ, อนฺโตคพฺเภ กมฺมฏฺานํ มนสิกตฺวา ทิวา วาตปานํ วิวริตฺวา โอโลเกนฺตสฺส ยาว อกฺขีนํ ผนฺทนภาโว น วูปสมฺมติ, อยํ รูปสนฺตติ นาม. ทฺเว ตโย ชวนวารา อรูปสนฺตติ นามาติ วตฺวา ตทุภยมฺปิ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ นามา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๖) เอวํ เอกเมว สนฺตติวารํ วทนฺติ. ตตฺถ มชฺฌิมภาณกวาเท เอกจฺจสฺส สีฆมฺปิ ปากฏํ โหตีติ เอกทฺเวสนฺตติวาราติ เอก-คฺคหณมฺปิ กตํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร ปน ‘‘อติปริตฺตสภาวอุตุอาทิสมุฏฺานา วา เอกทฺเวสนฺตติวารา เวทิตพฺพา’’ติปิ (วิสุทฺธิ. มหา. ๒.๔๑๖) อาห.

๑๑๒๗-๘. เอกพฺภวปริจฺฉินฺนนฺติ เอกสฺมึ ภเว ปฏิสนฺธิจุติวเสน ปริจฺฉินฺนํ เอกภวปริยาปนฺนํ ธมฺมชาตํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โย จาวุโส มโน, เย จ ธมฺมา, อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตสฺมึ เจ ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราคปฏิพทฺธํ โหติ วิฺาณ’’นฺติอาทิ, สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนฺเจตฺถ อภิธมฺมฏฺกถาสุ อาคตํ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ สุตฺเต. เกจีติ อภยคิริวาสิโน.

๑๑๒๙-๓๐. ยถา จาติอาทิ เอตฺถ เตสํ โอปมฺมทสฺสนํ. เอกปุปฺผํ อตฺตโน วณฺเฏน เอกสฺส วณฺฏํ วิชฺฌตีติ สมฺพนฺโธ. มหาชนสฺสาปิ…เป… วิชฺฌตีติ ‘‘อตีตํ จิตฺตํ, อนาคตํ จิตฺตํ, อิมสฺส จิตฺตํ, อสุกสฺส จิตฺต’’นฺติ เอวํ วิภาคํ อกตฺวา ปรสฺส จิตฺตํ ชานามิจฺเจว ราสิวเสน มหาชนสฺส จิตฺเต อาวชฺชิเต เอกสฺส จิตฺตํ เอเกน จิตฺเตน อุปฺปาทกฺขเณ วา ิติกฺขเณ วา ภงฺคกฺขเณ วา เอกนฺเตน ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ.

๑๑๓๑-๒. ตํ ปน เตสํ วจนํ อยุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เยนาวชฺชตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วสฺสสหสฺสมฺปิ หิ เอวํ อาวชฺชยโต อาวชฺชนชวนานํ เอกสฺมึ อารมฺมเณ านํ นตฺถิ, อภิฺาจิตฺตฺจ สเจ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ ชานาติ, อาวชฺชเนน สห เอการมฺมเณ วตฺตมานเมว ชานาติ, โน อฺถา, ตสฺมา เตสํ อาวชฺชนชวนานํ ทฺวินฺนํ สห เอกสฺมึ อารมฺมเณ อฏฺานาภาวโต ตํ น ยุชฺชติ. ภวตุ ตาว โก เอตฺถ โทโสติ เจ อาห ‘‘อาวชฺชนชวนาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ มคฺคผลวีถิโต อฺํ อนิฏฺฏฺานํ. มคฺคผลวีถิยฺหิ อาวชฺชนาทีนํ สงฺขารารมฺมณตฺตา, โคตฺรภุอาทีนฺจ นิพฺพานารมฺมณตฺตา นานารมฺมณตา อิฏฺา, อฺตฺถ ปน อนิฏฺา, ตสฺมา อนิฏฺเ าเน ชวนาวชฺชนานํ นานารมฺมณตาปตฺติโทโส อยุตฺโตติ ตํ เตสํ วจนํ อยุตฺตนฺติ ปกาสิตํ อฏฺกถาสูติ อธิปฺปาโย.

๑๑๓๓-๔. ยทิ เอวํ, กถํ เจโตปริยาณํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ยสฺมา เอวํ อยุตฺตนฺติ ปกาสิตํ, ตสฺมา. ชวนวารโตติ เอกชวนวารวเสน. อิทํ ปน ขณปจฺจุปฺปนฺนานนฺตรํ ลหุกํ กตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, ยํ ปน วตฺตมานชวนวีถิโต อตีตานาคตวเสน ทฺวิติชวนวีถิปริมาณกาเล ปวตฺตํ ปรจิตฺตํ, ตํ สพฺพมฺปิ ‘‘สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ นามา’’ติ อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๖) วุตฺตํ, ตสฺมา ชวนวารโตติ ทฺวิติชวนวารวเสน ทีเปตพฺพํ, น สกเลน ปจฺจุปฺปนฺนทฺธุนาติ อธิปฺปาโย. นิทฺทิฏฺํ สํยุตฺตฏฺกถายํ. ตตฺรายํ ทีปนาติอาทิ ชวนวารสฺส อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนภาวทีปนมุเขน อิทฺธิจิตฺตสฺส ปวตฺติอาการทีปนํ.

๑๑๓๙-๔๑. สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺเนเนว สงฺคเหตฺวา อาห ‘‘อทฺธาวสา…เป… ปนา’’ติ. อานนฺทาจริโย ปเนตฺถ อภิธมฺมมาติกาย อาคตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนปทสฺส อทฺธาสนฺตติปจฺจุปฺปนฺนปทตฺถตา น กตฺถจิ ปาฬิยํ วุตฺตา, ตสฺมา จิตฺตสามฺเน จิตฺตํ อาวชฺชยมานํ อภิมุขีภูตํ วิชฺชมานจิตฺตํ อาวชฺเชติ, ปริกมฺมานิ จ ตํ ตํ วิชฺชมานจิตฺตํ จิตฺตสามฺเเนว อารมฺมณํ กตฺวา จิตฺตชานนปริกมฺมานิ หุตฺวา ปวตฺตนฺติ. เจโตปริยาณํ ปน วิชฺชมานจิตฺตํ ปฏิวิชฺฌนฺตํ เตน สห เอกกฺขเณ อุปฺปชฺชติ. ตตฺถ ยสฺมา สนฺตานคฺคหณโต เอกตฺตวเสน อาวชฺชนาทีนิ จิตฺตนฺเตว ปวตฺตานิ, ตฺจ จิตฺตเมว, ยํ เจโตปริยาเณน วิภาวิตํ, ตสฺมา สมานาการปฺปวตฺติโต น อนิฏฺเ าเน นานารมฺมณตา โหตีติ ขณปจฺจุปฺปนฺนวเสเนว อิมสฺส ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตํ อิจฺฉติ. อิตรานีติ อาวชฺชนปริกมฺมจิตฺตานิ. จกฺขุทฺวาเร วิฺาณนฺติ จกฺขุวิฺาณํ.

๑๑๔๓-๗. ปริตฺตาทีสุ อฏฺสูติ เจโตปริยาณสฺส วุตฺเตสุ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ หิตฺวา นวตฺตพฺพารมฺมณฺจ ปกฺขิปิตฺวา อฏฺสุ ปริตฺตาทีสุ. อตีเต…เป… ผลมฺปิ วาติ เอตฺถ อตฺตนาติ นิทสฺสนมตฺตํ. ปเรหิปิ ภาวิตมคฺคํ, สจฺฉิกตผลฺจ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน สมนุสฺสรติ. วา-สทฺเทน วา อวุตฺตสมุจฺจยตฺเถน อตฺตนา ภาวิตํ มคฺคํ, ผลมฺปิ วา ปเรหิ ภาวิตํ มคฺคํ, ผลมฺปิ วาติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. ตถา จ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘อตฺตนา, ปเรหิ ภาวิตมคฺคํ, สจฺฉิกตผลฺจ อนุสฺสรณกาเล’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๗). เอว-การํ ปน ปทปูรณมตฺตเมว. ผลมฺปิ วาติ เอตฺถ ‘‘ภาวิต’’นฺติ น สมฺพนฺธิตพฺพํ. น หิ ผลํ ภาเวตพฺพํ โหติ, อถ โข สจฺฉิกาตพฺพเมวาติ. สมนุสฺสรโต มคฺคนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘อตฺตนา, ปเรหิ วา ภาวิต’’นฺติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอกนฺตโตติ นิยมโต.

๑๑๔๘-๕๐. นนุ จ เจโตปริยาณยถากมฺมูปคาณานิปิ อตีตารมฺมณาเนว, กึ ปน เตสํ, อิมสฺส จ อารมฺมเณ นานากรณนฺติ อาห ‘‘เจโตปริยาณมฺปี’’ติอาทิ. กิฺจาปีติ อยํ นิปาตสมุทาโย, เอโก วา นิปาโต วิเสสานภิธานนิมิตฺเต อุปคมเน ทฏฺพฺโพ. อถ โขติ วิเสสาภิธานสมารมฺเภ. จิตฺตเมวาติ อิทํ ปุพฺเพ วิจาริตเมว. อตีเต เจตนามตฺตนฺติ อิทมฺปิ ปุพฺเพ วิย มหาอฏฺกถาวาทํ สนฺธาเยว วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ยถากมฺมูปคาณสฺส เจตนามตฺตเมว อารมฺมณํ โหติ, น จิตฺตํ, นาปิ อิตเร ธมฺมา, ยโต ตํ ยถากมฺมูปคนฺติ วุจฺจตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน ยถากมฺมูปคาณํ อตีตเจตนามตฺตเมว อารมฺมณํ กโรตีติ วุตฺตํ, เหฏฺา ทสฺสิตปาฬิวเสน สพฺเพ จตฺตาโรปิ ขนฺธา ยถากมฺมูปคาณสฺส อารมฺมณนฺติ สงฺคหการานํ สนฺนิฏฺานํ. นตฺถิ กิฺจิ อโคจรนฺติ กิฺจิ ขนฺธํ วา ขนฺธปฏิพทฺธํ นามโคตฺตาทึ วา อโคจรํ นาม นตฺถิ. ตฺหิ อตีตกฺขนฺธขนฺธปฏิพทฺเธสุ ธมฺเมสุ สพฺพฺุตฺาณสมานคติกเมวาติ อธิปฺปาโย.

๑๑๕๑-๒. อตฺตกฺขนฺธานุสฺสรเณติ อตฺตโน ขนฺธานุสฺสรณกาเล. สรเณ…เป… โคจรนฺติ ‘‘อตีเต วิปสฺสี ภควา อโหสิ, ตสฺส มาตา พนฺธุมตี, ปิตา พนฺธุมา’’ติอาทินา นเยน นามโคตฺตาทึ, ปถวีนิมิตฺตาทิฺจ อนุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํ โหติ. นวตฺตพฺพโคจรนฺติ หิ ปริตฺตารมฺมณอตีตารมฺมณตฺติกวเสน วุตฺตํ, อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติกวเสน ปน อากิฺจฺายตนชฺฌานสฺส อารมฺมณภูตธมฺมารมฺมณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํ โหติ, อวเสสปฺตฺตารมฺมณกาเล พหิทฺธารมฺมณํ โหติ. นามโคตฺตนฺติ เจตฺถ ขนฺธปฏิพทฺโธ สมฺมุติสิทฺโธ พฺยฺชนตฺโถ, น พฺยฺชนํ. พฺยฺชนฺหิ สทฺทายตนสงฺคหิตตฺตา ปริตฺตํ โหติ. ยถาห ‘‘นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปริตฺตารมฺมณา’’ติ (วิภ. ๗๔๙).

๑๑๕๔. ทิพฺพโสตสมนฺติ ยสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนํ, ปริตฺตฺจ รูปํ อารมฺมณํ กโรติ, ตสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ, ปริตฺตารมฺมณฺจ โหติ, อตฺตโน กุจฺฉิคตรูปทสฺสเน, ปรสฺส หทยนิสฺสิตโลหิตทสฺสนาทีสุ จ อชฺฌตฺตารมฺมณํ, พหิทฺธารมฺมณฺจ โหติ.

๑๑๕๕-๖. ปริตฺตาทีสุ อฏฺสูติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส วุตฺเตสุ อตีตารมฺมณํ วชฺเชตฺวา อนาคตารมฺมณํ ปกฺขิปิตฺวา อฏฺสุ. นิพฺพตฺติสฺสติ…เป… ปชานโตติ อิมินา นิพฺพตฺตกฺขนฺธชานนมาห. อนาคตํสาณสฺส อนาคตมโคจรํ นตฺถิ. ตมฺปิ หิ อนาคตกฺขนฺธขนฺธปฏิพทฺเธสุ ธมฺเมสุ สพฺพฺุตฺาณสมานคติกเมว.

๑๑๖๓. ชานเน นามโคตฺตสฺสาติ ‘‘อนาคเต เมตฺเตยฺโย นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สุพฺรหฺมา นาม ปิตา ภวิสฺสติ, พฺรหฺมวตี นาม มาตา’’ติอาทินา นเยน นามโคตฺตาทิชานนกาเล.

๑๑๖๔-๕. ปริตฺตาทีสุ ปฺจสูติ ปริตฺตมหคฺคตอตีตอชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณวเสน ปฺจสุ. กามกมฺมสฺสาติ กามาวจรกมฺมสฺส.

๑๑๖๙. วิวิธตฺถวณฺณปทนฺติ นานปฺปการอตฺถปเทหิ, พฺยฺชนปเทหิ จ สมฺปนฺนํ. มธุรตฺถมตินีหรนฺติ มธุรตฺถํ อตินีหรฺจาติ ปทจฺเฉโท.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

อภิฺารมฺมณนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๘. อฏฺารสโม ปริจฺเฉโท

ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๑๗๐-๒. อิทานิ ยสฺมา เอวํ อภิฺาวเสน อธิคตานิสํสาย ถิรตราย สมาธิภาวนาย สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ปฺา ภาเวตพฺพา โหติ. เอวฺหิ สา สพฺพากาเรน ถิรตรา สิขปฺปตฺตา จ โหติ, ตสฺมา ตสฺสา ภาวนานยวิภาวนตฺถมารภนฺโต อาห ‘‘สมาธึ ปนา’’ติอาทิ. กา ปฺาติ สรูปปุจฺฉา. โก จตฺโถติ อิมิสฺสา โก อตฺโถ. ปฺาติ ปทํ กํ อภิเธยฺยตฺถํ นิสฺสาย วตฺตตีติ อธิปฺปาโย.

๑๑๗๓-๔. ปฺา วิปสฺสนาปฺาติ อิธาธิปฺเปตเมว ปฺํ ทสฺเสติ, อฺตฺถ ปน พหุวิโธ ปฺาปเภโท โหติ. ปุฺจิตฺตสมายุตาติ กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา. เอตฺถ จ ปุฺ-คฺคหเณน ทุวิธมฺปิ อพฺยากตํ นิวตฺเตติ, ตถา ‘‘อตฺถิ สํกิลิฏฺา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ มิจฺฉาวาทํ ปฏิเสเธติ. วิปสฺสนา-คฺคหเณน กมฺมสฺสกตาทิวสปฺปวตฺตํ เสสกุสลปฺํ. ชานนา วา ปการโตติ วุตฺเต ‘‘กิมิทํ ปการโต ชานนํ นามา’’ติ อนุโยคํ มนสิ นิธาย สฺชานนวิชานนาการวิสิฏฺํ นานปฺปการโต ชานนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘สฺาวิฺาณปฺานํ, โก วิเสโส กิมนฺตร’’นฺติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนมาห ‘‘สฺาวิฺาณปฺาน’’นฺติอาทินา. ชานนตฺเต สเมปิ จาติ วิสยวิชานนากาเร สมาเนปิ.

๑๑๗๕. สฺชานนมตฺตํวาติ ‘‘นีลปีต’’นฺติอาทิกํ อารมฺมเณ วิชฺชมานํ, อวิชฺชมานํ วา สฺานิมิตฺตํ กตฺวา ชานนํ. ตถา เหสา ปุน สฺชานนปจฺจยกรณรสา. มตฺต-สทฺเทน วิเสสนิวตฺติอตฺเถน วิชานนปฺปชานนากาเร นิวตฺเตติ, เอว-กาเรน กทาจิปิ อิมิสฺสา เต วิเสสา น สนฺติเยวาติ อวธาเรติ. เตนาห ‘‘ลกฺขณปฺปฏิเวธ’’นฺติอาทิ. ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ลกฺขณปฏิเวธํ กาตุํ เนว สกฺโกติ, วิฺาณกิจฺจมฺปิ กาตุํ น สกฺโกติ, สฺา กุโต ปฺากิจฺจํ กเรยฺยาติ ลกฺขณปฏิเวธํ กาตุํ น สกฺโกติจฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘มคฺคํ ปาเปตุํ น สกฺโกตี’’ติ.

๑๑๗๖. วิฺาณํ ปน อารมฺมเณ ปวตฺตมานํ น ตตฺถ สฺา วิย นีลปีตาทิกสฺส สฺชานนวเสเนว ปวตฺตติ, อถ โข ตํ ตตฺถ อนิจฺจตาทิวิเสสํ, อฺฺจ ตาทิสํ วิเสสํ ชานนฺตเมว ปวตฺตตีติ อาห ‘‘วิฺาณํ ปนา’’ติอาทิ. กถํ ปน วิฺาณํ ลกฺขณปฏิเวธํ กโรตีติ? ปฺาย ทสฺสิตมคฺเคน. ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย หิ อเนกวารํ ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปวตฺตมานาย ปคุณภาวโต ปริจยวเสน าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ วิปสฺสนา สมฺภวติ, ยถา ตํ ปคุณสฺส คนฺถสฺส สชฺฌายเน ายาคตาปิ วารา น วิฺายนฺติ. ลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตุนฺติ จ ลกฺขณานํ อารมฺมณกรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปฏิวิชฺฌนํ.

๑๑๗๗. อุสฺสกฺกิตฺวาติ ๒๒๐ อุทยพฺพยาทิาณปฏิปาฏิยา อารภิตฺวา มคฺคํ ปาเปตุเมว ตํ วิฺาณํ น สกฺโกติ อสมฺโพธสภาวตฺตา. วุตฺตนยนฺติ วิฺาเณ วุตฺตนยํ. สา หิ อารมฺมณฺจ ชานาติ, ลกฺขณฺจ ปฏิวิชฺฌติ. อตฺตโน ปน อนฺสาธารเณน อานุภาเวน มคฺคํ ปาเปตุฺจ สกฺโกติ. พาลคามิกเหรฺิกานํ กหาปณชานนมิว จ เนสํ อารมฺมณชานนํ เวทิตพฺพํ. ยถา หิ เหรฺิกผลเก ปิตํ กหาปณราสึ เอโก อสฺชาตโวหารพุทฺธิ พาลทารโก, เอโก คามิกปุริโส, เอโก เหรฺิโกติ ตีสุ ชเนสุ ปสฺสมาเนสุ พาลทารโก กหาปณานํ จิตฺตวิจิตฺตทีฆรสฺสจตุรสฺสปริมณฺฑลภาวมตฺตเมว ชานาติ, ‘‘อิทํ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคาวหํ รตนสมฺมต’’นฺติ น ชานาติ. คามิกปุริโส ตทุภยํ ชานาติ, ‘‘อยํ เฉโก มหาสาโร, อยํ กูโฏ, อยํ อฑฺฒสาโร, อยํ ปาทสาโร’’ติอาทิกํ ปน วิภาคํ น ชานาติ. เหรฺิโก สพฺเพปิ เต ปกาเร ชานาติ, ชานนฺโต จ โอโลเกตฺวาปิ ชานาติ, อาโกฏิตสทฺทํ สุตฺวาปิ ชานาติ, คนฺธํ ฆายิตฺวาปิ รสํ สายิตฺวาปิ หตฺเถน ธารยิตฺวาปิ ‘‘อสุกสฺมึ คาเม วา นิคเม วา นคเร วา ปพฺพเต วา นทีตีเร วา กโต’’ติปิ ‘‘อสุกอาจริเยน กโต’’ติปิ ชานาติ. ตตฺถ สฺา อสฺชาตโวหารพุทฺธิโน พาลทารกสฺส กหาปณทสฺสนํ วิย วิภาคํ อกตฺวา ปิณฺฑวเสเนว อารมฺมณํ คณฺหาติ นีลาทิวเสน อารมฺมณสฺส อุปฏฺานาการคฺคหณโต, วิฺาณํ คามิกปุริสสฺส กหาปณทสฺสนมิว เอกจฺจวิเสสคฺคหณสมตฺถตาย, ปฺา อนวเสสคฺคหณสมตฺถตาย เหรฺิกสฺส กหาปณทสฺสนมิว ทฏฺพฺพาติ.

๑๑๗๘-๘๐. สภาวปฏิเวธนนฺติ สโก ภาโว, สมาโน วา ภาโว สภาโว, ตสฺส ปฏิเวธนํ าตปริฺาตีรณปริฺาวเสน สภาวสามฺลกฺขณปฏิเวธนํ. ฆฏปฏาทิปฏิจฺฉาทกสฺส พาหิรนฺธการสฺส ทีปาโลโก วิย ยถาวุตฺตธมฺมสภาวปฏิจฺฉาทกสฺส วิทฺธํสนรสา. อุปฺปชฺชมาโนเยว หิ าณาโลโก หทยนฺธการํ วิธเมนฺโต อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘สมฺโมหนนฺธการสฺส, วิทฺธํสนรสา มตา’’ติ. ตโตเยว สพฺพธมฺเมสุ อสมฺมุยฺหนากาเรน ปจฺจุปติฏฺติ, การณภูตา วา สยํ ผลภูตํ อสมฺโมหํ ปจฺจุปติฏฺาเปตีติ อาห ‘‘อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา’’ติ. วิปสฺสนาปฺาย อิธาธิปฺเปตตฺตา สมาธิ ตสฺสา ปทฏฺานํ. ตถา หิ ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑; อ. นิ. ๑๑.๒) สุตฺตปทนฺติ อาห ‘‘สมาธาสนฺนการณา’’ติ.

๑๑๘๑-๒. ธมฺมสภาวปฏิเวโธ นาม ปฺาย อาเวณิโก สภาโว, น เตนสฺสา โกจิ วิภาโค ลพฺภตีติ อาห ‘‘ลกฺขเณเนกธา วุตฺตา’’ติ. ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก วุจฺจติ วฏฺฏํ, ตปฺปริยาปนฺนตาย โลเก นิยุตฺตา, ตตฺถ วา วิทิตาติ โลกิกา. ตตฺถ อปริยาปนฺนตฺตา อโลกิกา. กตมา ปเนตฺถ โลกิยา, กตมา โลกุตฺตรา จาติ อาห ‘‘โลกิเยนา’’ติอาทิ. โลกิยกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ มคฺคสมฺปยุตฺตา โลกิเยน มคฺเคน ยุตฺตา. วิเสสโต ปน ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทิวิสุทฺธิจตุกฺกสงฺคหิตมคฺคสํยุตฺตา สมุทาเย ปวตฺตา ปฺา ตเทกเทเสสุปิ ปวตฺตตีติ มคฺค-คฺคหณํ กตํ, ปจฺเจกมฺปิ วา สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ มคฺคสมฺาติ กตฺวา. โลกโต อุตฺตรา อุตฺติณฺณาติ โลกุตฺตรา. โลกุตฺตราปิ หิ มคฺคสมฺปยุตฺตา ภาเวตพฺพา, วิปสฺสนาปริโยสาเน ลพฺภเตวาติ โลกุตฺตร-คฺคหณํ น วิรุชฺฌติ. เตนาห ‘‘โลกุตฺตเรนา’’ติอาทิ. สุตมยาทิโตติอาทิคฺคหเณน ภาวนามยํ สงฺคณฺหาติ.

๑๑๘๓-๕. อตฺตโนว จินฺตายาติ ตสฺส ตสฺส อนวชฺชสฺส อตฺถสฺส สาธเน ปโรปเทเสน วินา อตฺตโน อุปายจินฺตาวเสเนว. ภูริปฺเนาติ มหาปฺเน, ปตฺถฏตาย ปถวีสมานปฺเน วาติ อตฺโถ. ปรโต ปน สุตฺวานาติ ปรโต อุปเทสํ สุตฺวา. สุเตเนว จ นิปฺผนฺนาติ อนฺโตคตเหตฺวตฺถมิทํ วิเสสนํ, สุเตเนว นิปฺผนฺนตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘นิปฺผนฺนตฺตา สุเตน วา’’ติ วา ปาโ. ยถา วาปิ ตถา วาติ ปรโต สุตฺวา วา อสุตฺวา วา. อปฺปนาปตฺตาติ อิทํ สิขาปตฺตํ ภาวนามยํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, น ปน อปฺปนาปตฺตาว ภาวนามยาติ. ติสฺโสปิ ปเนตา ปฺา ปาฬิวเสน เอวํ เวทิตพฺพา –

‘‘ตตฺถ กตมา จินฺตามยา ปฺา? โยควิหิเตสุ วา กมฺมายตเนสุ โยควิหิเตสุ วา สิปฺปายตเนสุ โยควิหิเตสุ วา วิชฺชาาเนสุ กมฺมสฺสกตํ วา สจฺจานุโลมิกํ วา รูปํ อนิจฺจนฺติ วา, เวทนา, สฺา, สงฺขารา, วิฺาณํ อนิจฺจนฺติ วา, ยํ เอวรูปํ อนุโลมิกํ ขนฺตึ ทิฏฺึ รุจึ มุทึ เปกฺขํ ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺตึ ปรโต อสุตฺวา ปฏิลภติ, อยํ วุจฺจติ จินฺตามยา ปฺา. ตตฺถ กตมา สุตมยา ปฺา…เป… สุตฺวา ปฏิลภติ, อยํ วุจฺจติ สุตมยา ปฺา. สพฺพาปิ สมาปนฺนสฺส ปฺา ภาวนามยา ปฺา’’ติ (วิภ. ๗๖๘).

เอตฺถ จ กิฺจาปิ กมฺมายตนาทิวเสน จินฺตามยสุตมยปฺา มหคฺคตโลกุตฺตรวเสน ภาวนามยปฺา จ วุตฺตา, อิธ ปน อนฺติมภวิกานํ ทฺวินฺนํ โพธิสตฺตานเมว ลพฺภมานา จินฺตามยภูตา สจฺจานุโลมิกา ปฺา, ปูริตปารมีนํ อวเสสมหาปฺานํ ลพฺภมานา สุตมยา สจฺจานุโลมิกา ปฺา, โลกุตฺตรปฺปนาปตฺตาปิ ภาวนามยปฺาว อธิปฺเปตา.

๑๑๘๖. ปฏิสมฺภิทาจตุกฺกสฺสาติ อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฏิภานสงฺขาตสฺส ปฏิสมฺภิทาจตุกฺกสฺส วเสน. นนุ เจตฺถ วิปสฺสนาปฺา อธิปฺเปตา, กสฺมา ปฏิสมฺภิทา อาหฏาติ? วิปสฺสกานํ าณปาฏวตฺถํ ปฺาปฺปเภเท นิทฺทิสิยมาเน ปฏิสมฺภิทาปฺาปิ วตฺตุกามตาย, ปฏิสมฺภิทาปฺาย วา วิปสฺสนาผลภูตตฺตา โลกิยโลกุตฺตรปฺาธิกาเร วา โลกุตฺตรปฺาย สห ปาปุณิตพฺพํ ปฏิสมฺภิทาปฺมฺปิ วตฺตุกามตาย อิเธว วุตฺตาติ. อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ าณนฺติ ‘‘อตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺเม าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘) เอวมาคตํ อตฺถาทีสุ ตีสุ ปเภทคตํ าณตฺตยํ. ตีสุปีติ ยถาวุตฺเตสุ ตีสุปิ ปฏิสมฺภิทาาเณสุ โคจรกิจฺจลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานภูมิอาทิวเสน เต อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานีติ เอวํ ปเภทคตํ าณํ, ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณวเสน วา ตีสุ าเณสุ าณํ. ปฏิสมฺภิทารมฺมณมฺปิ หิ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา โหติ. เตเนว จ สุตฺตนฺตภาชนียปาฬิยํ ‘‘าเณสุ าณ’’นฺติ, อฏฺกถาย จ ‘‘สพฺพตฺถกาณํ อารมฺมณํ กตฺวา าณํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปเภทคตํ าณ’’นฺติ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) อวิเสเสน วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา มหคฺคตปฏิสมฺภิทาาณสฺส อภาเวปิ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปริตฺตารมฺมณา, ติสฺโส ปฏิสมฺภิทา สิยา ปริตฺตารมฺมณา, สิยา มหคฺคตารมฺมณา, สิยา อปฺปมาณารมฺมณาติ ปฏิภานปฏิสมฺภิทาย มหคฺคตารมฺมณตาปิ ปฺหาปุจฺฉกปาฬิยํ วุตฺตา.

อภิธมฺมภาชนีเย ปน –

‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ธมฺมารมฺมณํ วา, ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ. เย วา ปน ตสฺมึ สมเย อฺเปิ อตฺถิ อรูปิโน ธมฺมา, อิเม ธมฺมา กุสลา. เตสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ยาย นิรุตฺติยา เตสํ ธมฺมานํ ปฺตฺติ โหติ, ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. เยน าเณน ตานิ าณานิ ชานาติ ‘อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานี’ติ, เตสุ าเณสุ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๕) –

จิตฺตุปฺปาทกฺกเมน เทสนาย ปวตฺตตฺตา สาวเสโส ปาโ กโต. จิตฺตุปฺปาทสงฺคหิเต อตฺเถ อเสเสตฺวา เทสนา หิ อภิธมฺมภาชนีเย ปวตฺตา, น สพฺพเยฺเยติ ยถาทสฺสิตวิสยวจนวเสน ‘‘เยน าเณน ตานิ าณานิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ, น ตํ อฺารมฺมณตํ ปฏิเสเธติ เทสนาย อตปฺปรภาวโต. เอวฺจ กตฺวา ตตฺถ นิพฺพาเน, อนาคเตปิ อตฺถปฏิสมฺภิทา สิยา น วตฺตพฺพา อตีตารมฺมณาติปิ อนาคตารมฺมณาติปิ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาติปีติ อตฺถปฏิสมฺภิทาย นิพฺพานารมฺมณตา วุตฺตา. เอตฺถ จ อตฺโถติ สงฺเขปโต เหตุผลสฺเสตํ อธิวจนํ. เหตุผลฺหิ ยสฺมา เหตุอนุสาเรน อรียติ อธิคมียติ สมฺปาปุณียติ, ตสฺมา อตฺโถติ วุจฺจติ. ธมฺโมติปิ สงฺเขปโต ปจฺจยสฺเสตํ อธิวจนํ. โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ ทหติ ปวตฺเตติ, สมฺปาปุณิตุํ วา ธาเรติ, ตสฺมา ธมฺโมติ วุจฺจติ. นิรุตฺตีติ สตฺตานํ มูลภาสาภูตา มาคธิกภาสา, ยาย พุทฺธานํ เทสนา โหติ. ปฏิภานนฺติ เหฏฺา วุตฺตํ าณตฺตยเมว. วุตฺตฺเหตํ อภิธมฺเม ‘‘ทุกฺเข าณํ…เป… ตสฺส วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติอาทิ.

๑๑๘๗. ยสฺมา ปนายํ สงฺเขปตฺโถว, ปเภทวเสน จ วุจฺจมาโน ปากโฏ โหติ, ตสฺมา ตํ สงฺคเหตฺวา ปเภทโตว อตฺถาทิเก ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺน’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนนฺติ ยํ กิฺจิ เหตาทิปจฺจยโต สมุปฺปนฺนํ. ตํ ปน ‘‘อิทํ อิโต นิพฺพตฺต’’นฺติ เอวํ เหตุอนุสาเรน วิฺายมานเมว อิธ อธิปฺเปตํ, ตถา กุสลากุสลผลภูตา วิปากา อพฺยาปารสนฺติวเสน วิฺายมานา, เสสา อพฺยาปารภูตา กิริยา ธมฺมา อวิปากสนฺติวเสน, อสงฺขตํ นิสฺสรณภูโต นิโรโธ นิพฺพุติสนฺติวเสน, พุทฺธวจนตฺถภูโต ขนฺธาทิปรมตฺถธมฺโม อิมาย อยํ ทีปิโตติ เอวํ ปาฬิอนุสาเรน วิฺายมาโนว อตฺถสมฺํ ลภตีติ อาห ‘‘ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ เหตุผลํ, ภาสิตตฺโถ จ สกสกเหตุปฏิพทฺโธ, ภาสิตปฏิพทฺโธ จ วิฺายตีติ ปริยายโต, เสสํ สกสกภาววเสเนว วิฺายตีติ นิปฺปริยายโตว อตฺโถ นาม. ตตฺถ ปริยายตฺโถ สุตฺตนฺตภาชนียวเสน วุตฺโต, นิปฺปริยายตฺโถ อภิธมฺมภาชนียวเสนาติ ทฏฺพฺพํ. ภาสิตนฺติ ปาฬิธมฺมมาห. เสสํ อตฺถปฺจเกสุ วุตฺตนเยน ยถารหํ โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.

เอตฺถ จ นิพฺพานํ ปตฺตพฺโพ อตฺโถ, ภาสิตตฺโถ าเปตพฺโพ อตฺโถ, อิตโร นิพฺพตฺเตตพฺโพ อตฺโถติ ติวิโธ โหติ อตฺโถ. มคฺโค สมฺปาปโก เหตุ, ภาสิตํ าปโก เหตุ, อิตรํ นิพฺพตฺตโก เหตูติ เอวํ ติวิโธ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. กิริยาธมฺมานฺเจตฺถ อวิปากตาย ธมฺมภาโว น วุตฺโต. ยทิ เอวํ วิปากา น โหนฺตีติ อตฺถภาโว น วตฺตพฺโพ? น, ปจฺจยุปฺปนฺนภาวโต. เอวํ สติ กุสลากุสลานมฺปิ ปจฺจยุปฺปนฺนตฺตา อตฺถภาโว อาปชฺชติ? นายํ โทโส อปฺปฏิสิทฺธตฺตา. วิปากสฺส ปน ปธานเหตุตาย ปากฏภาวโต ธมฺมภาโว เอว เตสํ วุตฺโต, กิริยานํ ปจฺจยภาวา ธมฺมภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นายํ โทโส อปฺปฏิสิทฺธตฺตา. กมฺมผลสมฺพนฺธสฺส ปน เหตุภาวาภาวโต ธมฺมภาโว น ยุตฺโตติ. อปิจ ‘‘อยํ อิมสฺส ปจฺจโย, อยํ ปจฺจยุปฺปนฺโน’’ติ เอวํ เภทมกตฺวา เกวลํ กุสลากุสเล วิปากกิริยธมฺเม จ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ธมฺมตฺถปฏิสมฺภิทา น โหนฺตีติ เตสํ อตฺถธมฺมตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.

๑๑๘๙. สภาวนิรุตฺตีติ อวิปรีตนิรุตฺติ, อวิปรีตนิรุตฺตีติ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส โพธเน สพฺพกาลํ ปฏินิยตสมฺพนฺโธ อพฺยภิจารโวหาโร มาคธภาสาติ วุตฺตํ โหติ. สา หิ สพฺพกาลํ ปฏินิยตสมฺพนฺโธ, อิตรา ภาสา ปน กาลนฺตเรน ปริวตฺตนฺติ. อตฺถโต ปเนสา นามปฺตฺตีติ อาจริยา. ยถาหุ –

‘‘นิรุตฺติ มาคธา ภาสา, อตฺถโต นามสมฺมุตี’’ติ.

อปเร ปน – ยทิ สภาวนิรุตฺติ ปฺตฺติสภาวา, เอวํ สติ ปฺตฺติ อภิลปิตพฺพา, น วจนนฺติ อาปชฺชติ, เอวฺจ สติ ‘‘ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา’’ติ อิทํ น สกฺกา วตฺตุํ, อภิลปิตพฺโพติ อภิลาโป. น หิ วจนโต อฺํ อภิลปิตพฺพํ อุจฺจาเรตพฺพํ อตฺถิ, อถ ผสฺสาทิวจเนหิ โพเธตพฺพํ อภิลปิตพฺพํ, เอวฺจ สติ อตฺถธมฺมานมฺปิ โพเธตพฺพตฺตา เตสมฺปิ นิรุตฺติภาโว อาปชฺชติ, อปิจ อฏฺกถายํ ‘‘ผสฺโสติ จ สภาวนิรุตฺติ, ผสฺสา ผสฺสนฺติ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) วจนโต วิฺตฺติวิการสหิโต สทฺโท นิรุตฺตีติ ทสฺสิตเมว, ‘‘ตํ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, เอวมยํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา สทฺทารมฺมณา นาม ชาตา, น ปฺตฺติอารมฺมณา’’ติ อฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) วุตฺตตฺตา นิรุตฺติสทฺทารมฺมณาย โสตวิฺาณวีถิยา ปรโต มโนทฺวาเร นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปวตฺตติ, เอวฺจ กตฺวา ‘‘นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปริตฺตารมฺมณา’’ติ วจนํ อุปปนฺนํ โหตีติ วทนฺติ. อาจริยโชติปาลตฺเถราทโย ปนาหุ – ‘‘นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ วจนํ ปจฺจุปฺปนฺนํ สทฺทํ คเหตฺวา ปจฺฉาชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอวฺจ สติ อฺสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณ อฺํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณนฺติ วุตฺตนฺติ อาปชฺชติ, ยถา ปน ทิพฺพโสตาณํ มนุสฺสาทิสทฺทเภทนิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ ตํตํสทฺทวิภาวกํ, เอวํ สภาวาสภาวนิรุตฺตินิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ ปจฺจุปฺปนฺนสภาวนิรุตฺติสทฺทารมฺมณํ ตํวิภาวกํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาติ วุจฺจมาเน น โกจิ ปาฬิวิโรโธ, ตํ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาติ จ ปจฺจุปฺปนฺนสทฺทารมฺมณปจฺจเวกฺขณํ ปวตฺเตนฺตสฺสาติ น น สกฺกา วตฺตุํ. ตมฺปิ หิ าณํ สภาวนิรุตฺตึ วิภาเวนฺตเมว ตํตํสทฺทปจฺจเวกฺขณานนฺตรํ ตํตํปเภทนิจฺฉยสฺส เหตุภาวโต นิรุตฺตึ ภินฺทนฺตํ ปฏิวิชฺฌนฺตเมว อุปฺปชฺชตีติ จ ปเภทคตมฺปิ โหตีติ.

๑๑๙๐. ติวิธนฺติ อิทํ เหฏฺา วิภาวิตนยเมวาติ. ปจฺจเวกฺขโตติ อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานีติ อสมฺโมหวเสน ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส. นนุ จ ตีณิ าณานิปิ อตฺถธมฺมสภาวํ นาติวตฺตนฺตีติ าเณสุ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺมปฏิสมฺภิทา จ โหติ, กสฺมา ปน ‘‘เตสุ…เป… มต’’นฺติ วิสุํ วุตฺตนฺติ? สารมฺมเณสุ ตีสุ าเณสุ ปวตฺตาณสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ยฺหิ าณารมฺมณํ าณํ ตสฺส อารมฺมณมฺปิ อสมฺโมหวเสน ปฏิวิชฺฌนฺตเมว ปวตฺตติ, ตํ อิธ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา นาม. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติ. าณมตฺตารมฺมณํ ปน าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทาเยว. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อยํ ปฏิสมฺภิทา สารมฺมเณสุ าเณสุ ปวตฺตติ, อารมฺมณานํ ปน ปเภทํ เหฏฺา าณตฺตยเมว วิภาเวติ. ยถา กึ? ยถา ธมฺมเทสนาย อสมตฺโถ พหุสฺสุโต กิฺจาปิ ธมฺมกถิเกน กเถตพฺพํ ธมฺมํ ชานาติ, เทสนา ปน ธมฺมกถิกสฺเสว วิสโยติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. อิมาสุ ปน ปจฺฉิมานํ ติสฺสนฺนํ เสขาเสขมคฺคกฺขเณ อสมฺโมหวเสน ปฏิเวโธ โหติ, อตฺถปฏิสมฺภิทาย อารมฺมณกรณวเสนปิ. ตถา หิ สา มคฺคผลสภาวาปิ โหติ. เอวฺจ กตฺวา สา โลกิยโลกุตฺตรา, เสสา ติสฺโส โลกิยาว. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ลาโภ ตาสมสมฺโมหา, เสขาเสขปถกฺขเณ;

อตฺถปฺา ยถาลมฺพา, สา ทฺวิธาฺา ตุ สาสวา’’ติ.

๑๑๙๑. อิมา ปน จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปฺจหิ อากาเรหิ วิสทภาวํ คจฺฉนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริยตฺตี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปริยตฺติ นาม พุทฺธวจนสฺส ปริยาปุณนํ, ปาฬิอฏฺกถาสุ คณฺิปทอตฺถปทวินิจฺฉยกถา ปริปุจฺฉา ปริโต สพฺพโต าตุํ ปุจฺฉาติ กตฺวา. สวนํ สกฺกจฺจํ อฏฺึ กตฺวา โสตวิฺาณวเสน คหณํ, อธิคโม มคฺคุปฺปตฺติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อธิคโม นาม อรหตฺตมคฺคุปฺปตฺตี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) วุตฺตํ. ตํ เสขภูมิยํ ปเภทคมนํ อปฺปวิสยํ, อเสขภูมิยํ พหุวิสยนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. สาติสยํ วา อธิคมนํ สนฺธาเยว วุตฺตํ. เสเขน ปตฺตานมฺปิ หิ อิมาสํ อรหตฺตปฺปตฺติยา วิสทภาวาธิคโมติ. ปุพฺพโยโค วิย ปน อรหตฺตปฺปตฺติ อรหโตปิ ปฏิสมฺภิทาวิสทตาย ปจฺจโย น น โหตีติ ปฺจนฺนมฺปิ ยถาโยคํ เสกฺขาเสกฺขปฏิสมฺภิทาวิสทตาย การณตา โยเชตพฺพา. ปุพฺพโยโค นาม ปุพฺพพุทฺธานํ สาสเน คตปจฺจาคติกภาเวน ยาว อนุโลมโคตฺรภุสมีปํ, ตาว วิปสฺสนาภิโยโค. อธิคมปุพฺพโยคา เจตฺถ อนุปฺปนฺนํ อุปฺปาเทนฺติ, อุปฺปนฺนฺจ วิสทํ กโรนฺติ, เสสานิ ปน สุวิสทภาวสฺเสว ปจฺจยาติ ทฏฺพฺพํ.

๑๑๙๒-๔. เอวํ เอกวิธาทิวเสน ปฺาย ปเภทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภาวนาวิธานํ วิภาเวตุํ ‘‘กถํ ภาเวตพฺพา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยสฺมา อิมาย ปฺาย ขนฺธาทโย ธมฺมา ภูมิ, สีลวิสุทฺธิ เจว จิตฺตวิสุทฺธิ จาติ อิมา ทฺเว วิสุทฺธิโย มูลํ, ทิฏฺิวิสุทฺธิ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ าณทสฺสนวิสุทฺธีติ อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย สรีรํ, ตสฺมา เตสุ ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน าณปริจยํ กตฺวา มูลภูตา ทฺเว วิสุทฺธิโย สมฺปาเทตฺวา สรีรภูตา ปฺจ วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺเตน ภาเวตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ขนฺธาทีสู’’ติอาทิ อารทฺธํ. ขนฺธาทีสูติ ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภเทสุ. ภูมิภูเตสุ จาติ ลกฺขณาทิคฺคหณวเสน าณสฺส ปวตฺติฏฺานภูเตสุ. สีลํ จิตฺตวิสุทฺธินฺติ มูลภูตํ สีลวิสุทฺธึ, จิตฺตวิสุทฺธิฺจ. สติ หิ สีลวิสุทฺธิยํ, จิตฺตวิสุทฺธิยฺจ อยํ ปฺา มูลชาตา นาม โหติ, นาสตีติ. ทิฏฺิวิสุทฺธาทโย ปฺจาติ อุปพฺรูเหตพฺพตฺตา สรีรภูตา ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทโย ปฺจ. อิมิสฺสา หิ ปฺาย สนฺตานวเสน ปวตฺตมานาย ปาทปาณิสีสฏฺานิยา ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทโย อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย อวยเวน สมุทายูปลกฺขณนเยน สรีรนฺติ เวทิตพฺพา. ตาย ปฺายาติ อุคฺคหปริปุจฺฉาทิวเสน ขนฺธาทีสุ ธมฺเมสุ ปวตฺตปฺาย. ชนนาทิโตติ ชาติชรามรณาทีหิ.

๑๑๙๕-๖. ‘‘ภาเวตพฺพา’’ติ วตฺวา อิทานิ ยสฺมา ขนฺธาทิภูมีสุ สีลวิสุทฺธิจิตฺตวิสุทฺธิสงฺขาเตหิ มูเลหิ สุปฺปติฏฺิเตน ปฺจวิสุทฺธิสงฺขาตสรีรสฺส วฑฺฒเนเนว ปฺาวฑฺฒนา นาม โหติ, ตสฺมา วิปสฺสนาปฺาย ภูมิภูเตสุ ขนฺธาทีสุ เอกเทสทสฺสนตฺถํ ‘‘รูปฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ ขนฺเธสุ. ยํ กิฺจีติ อนวเสสปริยาทานํ. อตีตานาคตาทิกนฺติอาทินา ปน ตเทว เอกาทสสุ โอกาเสสุ ปกฺขิปิตฺวา ทสฺเสติ. อาทิ-คฺคหเณน ปจฺจุปฺปนฺนสฺส คหณํ.

๑๑๙๗-๑๒๐๐. หีนนฺติอาทีสุ อกุสลกมฺมสมุฏฺานตาย หีนํ, กุสลกมฺมสมุฏฺานตาย ปณีตํ. อกุสลวิปากุปฺปตฺติเหตุภูตตาย วา หีนํ, วิปริยาเยน ปณีตํ. ทุปฺปริคฺคหภูตสุขุมรูปาทิวเสน ทูรํ, อิตรวเสน สนฺติกนฺติอาทินา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวาติ อตีตาทิวิภาคภินฺนํ สพฺพํ ตํ รูปราสิวเสน พุทฺธิยา เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘มหาอุทกกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ วิย ‘‘ราสฏฺเน รูปกฺขนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. สุตฺเตปิ หิ วุตฺตํ ‘‘ตเทกชฺฌํ อภิสํยูหิตฺวา อภิสงฺขิปิตฺวา’’ติ. เวทนากฺขนฺโธติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอเกเกสุ ปน เวทนาทีสุ ‘‘สมุทฺโท มยา ทิฏฺโ’’ติอาทีสุ วิย สมุทายโวหารสฺส อวยเวปิ ทิสฺสนโต ขนฺธ-สทฺโท รุฬฺหีวเสน ปวตฺตตีติ ทฏฺพฺพํ. ยํ ตํ กิฺจิ เวทยิตลกฺขณนฺติ สมฺพนฺโธ. เวทนากฺขนฺโธเยว เวทนากฺขนฺธตา. เวทนาย อตีตาทิวิภาเค วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๒.๔๙๗ อาทโย) คเหตพฺพา. อภิสงฺขารลกฺขณนฺติ สงฺขารกฺขนฺธสฺส เจตนาปธานตาย เอวํ วุตฺตํ, สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมเณ ราสิกรณลกฺขณํ สมฺปิณฺฑนลกฺขณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ‘‘สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙) วุตฺตตฺตา ยถา อตฺตโน ผลสงฺขตํ สมฺมเทว นิปฺผนฺนํ โหติ, เอวํ อภิสงฺขรณสภาวนฺติ อตฺโถ. อยํ ปน กุสลากุสลเจตนาย วเสน วฏฺฏติ.

๑๒๐๒-๕. เอวํ วิปสฺสนาปฺาย ภูมิภูเต ธมฺเม เอกเทสโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ สีลจิตฺตวิสุทฺธีนํ เหฏฺา วุตฺตตฺตา ตา อวตฺวา อิทํ ปฺาภาวนาย อาทิภูตํ ทิฏฺิวิสุทฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร จ มหาภูตา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตํ สมฺปาเทตุกาเมน จ โยคาวจเรน จตุธาตุววตฺถานวเสน วา ทฺวาทสายตนวเสน วา ปฺจกฺขนฺธวเสน วา อุภินฺนํ สงฺเขปโกฏฺาสานํ วเสน วา ปฏิลทฺธชฺฌานวเสน วา นามรูปสฺส ววตฺถาเปตพฺพภาเวปิ เตน เตน มุเขน ววตฺถานปฺปกาสนสฺส อติปปฺจาวหตฺตา ยถาธิคตกฺขนฺธวเสเนว อิธ ววตฺถานํ ทสฺสิตํ. เอกาสีติยา จิตฺเตนาติ เอกาสีติยา โลกิยจิตฺเตน. โลกุตฺตรจิตฺตานิ ปน เนว สุกฺขวิปสฺสกสฺส, น สมถยานิกสฺส ปริคฺคหํ คจฺฉนฺติ อนธิคตตฺตา. จตฺตาโรรูปิโน ขนฺเธติ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺเธ. สีตุณฺหาทิวิโรธิปจฺจยสมวาเย วิการาปชฺชนโต รูปํ รุปฺปนลกฺขณํ. อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต นามํ นมนลกฺขณํ. ปริคณฺหตีติ ปริจฺเฉทการิกาย ปฺาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหาติ.

๑๒๐๖-๙. ตาลสฺส กนฺทํ ตุ ยมกนฺติ ทฺวีหิ พีเชหิ นิพฺพตฺติตํ เอกีภูตํ ยมกตาลกนฺทํ. ตฺหิ ยมกํ ภินฺนสนฺตานมฺปิ อภินฺนํ วิย อุปฏฺาติ, เอวํ รูปารูปธมฺมาติ. นามฺจ รูปฺจาติ เอเตเนว ตสฺส ทุวิธภาเว สิทฺเธ ‘‘ทฺวิธา ววตฺถเปตี’’ติ อิทํ นามรูปวินิมุตฺตสฺส อฺสฺส อภาวทสฺสนตฺถํ. เตเนวาห ‘‘นามโต รูปโต’’ติอาทิ. นามรูปมตฺตตาย อวินิจฺฉิตตฺตา, สนฺตานาทิฆนเภทสฺส จ อกตตฺตา อภินิเวเสน วินา สมูเหกตฺตคฺคหณวเสน ‘‘สตฺโต’’ติ ปวตฺโต สมฺโมโห สตฺตสมฺโมโห, ตสฺส ฆาตตฺถํ วิกฺขมฺภนตฺถํ. พหุสุตฺตวเสนาติ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา อิธ ทสฺสิตานํ, อฺเสฺจ ‘‘รูปฺจ หิทํ, มหาลิ, อตฺตา อภวิสฺส, นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ (มหาว. ๒๐; สํ. นิ. ๓.๕๙) เอวมาทีนํ สมฺพหุลานํ สุตฺตนฺตานํ วเสน. นฺติ ตํ นามรูปํ.

๑๒๑๐-๒. องฺคสมฺภาราติ องฺคสมฺภารเหตุ ตนฺนิมิตฺตํ อมุฺจิตฺวา สติ เอว ตสฺมินฺติ อตฺโถ. สทฺโทติ โวหาโร. ขนฺเธสูติ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สนฺเตสุ เต อมุฺจิตฺวาว สตฺโตติ สมฺมุติ โวหาโร. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อกฺขจกฺกปฺชรอีสาทีสุ องฺคสมฺภาเรสุ เอเกนากาเรน เอกชฺฌํ ราสิ หุตฺวา สณฺิเตสุ ‘‘รโถ’’ติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต ปน เอเกกสฺมึ องฺเค อุปปริกฺขิยมาเน รโถ นาม นตฺถิ, เอวเมว อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาเตสุ รูปารูปธมฺเมสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมาเนสุ ‘‘สตฺโต’’ติ วา ‘‘ปุคฺคโล’’ติ วา ‘‘ชีโว’’ติ วา โวหารมตฺตํ, ปรมตฺถโต ปน เอเกกสฺมึ ธมฺเม อุปปริกฺขิยมาเน ‘‘อสฺมี’’ติ วา ‘‘อห’’นฺติ วา คาหสฺส วตฺถุภูโต สตฺโต นาม นตฺถิ, เกวลํ นามรูปมตฺตเมว อตฺถีติ. เอวํ ปสฺสโต หิ ทสฺสนํ ยถาภูตทสฺสนํ นาม โหติ, ยํ ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วุจฺจติ. สเจ โกจิ สตฺโต นาม นตฺถิ, กถฺจรหิ นามรูปมตฺเต คมนาทิอตฺถกิจฺจสิทฺธตา โหตีติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ยถาปี’’ติอาทิ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา ทารุมยํ ยนฺตํ นิชฺชีวํ ชีววิรหิตํ อพฺภนฺตเร วตฺตมานสฺส ชีวสฺส อภาวโต ตโตเยว นิรีหกํ นิพฺยาปารํ, อถ จ ปน ทารุรชฺชุสมาโยเค ปจฺจยวิเสสวเสน ตํ ทารุยนฺตํ คจฺฉติปิ ติฏฺติปิ, สชีวํ สพฺยาปารํ วิย คมนาทิกิจฺจํ สาเธนฺตมิว ขายติ, ตถา อิทํ นามรูปมฺปิ กิฺจาปิ นิชฺชีวํ นิรีหกฺจ, อถ จ ปน อฺมฺสงฺขตปจฺจยวิเสสสฺส สมาโยเค สชีวํ สพฺยาปารํ คจฺฉนฺตํ ติฏฺนฺตฺจ ขายตีติ.

๑๒๑๓. สจฺจโตติ ภูตโต, ปรมตฺถโตติ วุตฺตํ โหติ. อิทํ นามรูปํ อภิสงฺขตํ ยนฺตมิว สุฺํ ชีวาทินา. ปจฺจเยหิ อภิสงฺขตํ อิทํ นามรูปํ ยนฺตมิว สุฺนฺติ วา สมฺพนฺโธ. ทุกฺขสฺส ปุฺโชติ นิจฺจาตุรตาย ทุกฺขสฺส ราสิ. ติณกฏฺสาทิโสติ อตฺตสุฺตาย ติณกฏฺสโม.

๑๒๑๕. ยมกนฺติ ยุคฬํ. โส จ ยมกภาโว อฺมฺนิสฺสิตภาเวนาติ อาห ‘‘อุโภ อฺโฺนิสฺสิตา’’ติ. ตโต เอว เอกสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ อุโภ ภิชฺชนฺติ. น หิ กทาจิ ปฺจโวการภเว มรณวเสน รูเป นิรุชฺฌนฺเต อรูปํ อนิรุชฺฌนฺตํ, อรูเป วา นิรุชฺฌนฺเต รูปํ อนิรุชฺฌนฺตํ อตฺถิ. เอกโวการภวจตุโวการภเวสุ ปน เตสํ อฺมฺํ อนิสฺสาย ปวตฺติยา การณํ เหฏฺา วุตฺตเมวาติ. โส ปนายํ ภงฺโค ปจฺจยวเสเนว, ปจฺจยนิโรเธเนว นามรูปนิโรโธติ อตฺโถ. ปจฺจยาติ ปจฺจยภูตา, อฺมฺสฺส ปจฺจยา โหนฺตาปิ เอกสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ อุโภ ภิชฺชนฺติเยวาติ อตฺโถ.

๑๒๑๖-๙. นิตฺเตชนฺติ เตชหีนํ อานุภาววิรหิตํ. ยตฺถ ปน ตํ นิตฺเตชํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น พฺยาหรตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น หิ อฺถา สทฺทหนุสฺสาหนาทีสุ นามํ นิตฺเตชนฺติ สกฺกา วตฺตุํ, นาปิ รูปํ สนฺธารณาพนฺธนาทีสุ. เตเนว หิ ‘‘ตถา รูปมฺปิ นิตฺเตช’’นฺติ วตฺวา ‘‘ภุฺชามีติ…เป… น วิชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.

๑๒๒๐-๑. นามํ นิสฺสายาติอาทินา พฺยติเรกวเสนปิ นามรูปานํ นิตฺเตชตํเยว วิภาเวติ. รูปฺหิ คมนาทิกิริยาสุ นามํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, นามํ ทสฺสนาทิกิริยาสุ รูปํ นิสฺสาย. อฺมฺํ สนฺนิสฺสาย จสฺส อตฺตกิจฺจสิทฺธิปิ ปจฺเจกํ อสมตฺถตํ วิภาเวติ. ตถา หิ นามรูปสฺส อตฺตสุฺตา, นิพฺยาปารตา จ สุฏฺุตรํ ปากฏา โหนฺตีติ. กถํ ปน ปจฺเจกํ อสมตฺถานํ สมุทิตภาเว สติ สมตฺถตา โหติ อสามคฺคิยํ อเหตูนํ สามคฺคิยมฺปิ อเหตุกภาวาปตฺติโต. น หิ ปจฺเจกํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺตานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ สมุทิตํ ทฏฺุํ สกฺโกตีติ โจทนํ หทเย กตฺวา อาห ‘‘อิมสฺส ปนา’’ติอาทิ. อุปมายปิ หิ อสิทฺโธ อตฺโถ สาเธตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘อุปมํ เต กริสฺสามิ, อุปมายปิ อิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๘; อ. นิ. ๘.๘; ๑๐.๙๕; ชา. ๒.๑๙.๒๔). อยํ ปเนตฺถ ชจฺจนฺธปีสปฺปีนํ อุปมา – ยถา ชจฺจนฺโธ จ ปีสปฺปี จ ทิสา ปกฺกมิตุกามา อสฺสุ. ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปึ เอวมาห ‘‘อหํ โข, ภเณ, สกฺโกมิ ปาเทหิ ปาทกรณียํ กาตุํ, นตฺถิ จ เม จกฺขูนิ, เยหิ สมํ วิสมํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ. ปีสปฺปี ชจฺจนฺธํ เอวมาห ‘‘อหํ โข, ภเณ, สกฺโกมิ จกฺขุนา จกฺขุกรณียํ กาตุํ, นตฺถิ จ เม ปาทา, เยหิ อภิกฺกเมยฺยํ ปฏิกฺกเมยฺยํ วา’’ติ. โส ตุฏฺหฏฺโ ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปึ อํสกูฏํ อาโรเปสิ, ปีสปฺปี ชจฺจนฺธสฺส อํสกูเฏ นิสีทิตฺวา เอวมาห ‘‘วามํ มุฺจ, ทกฺขิณํ คณฺห, ทกฺขิณํ มุฺจ, วามํ คณฺหา’’ติ. ตตฺถ ชจฺจนฺโธปิ นิตฺเตโช ทุพฺพโล น สเกน พเลน คจฺฉติ, ตเถว ปีสปฺปี น สเกน พเลน คจฺฉติ, น จ เตสํ อฺมฺํ นิสฺสาย คมนํ น ปวตฺตติ, เอวเมว นามมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน อุปฺปชฺชติ, น ตาสุ ตาสุ กิริยาสุ ปวตฺตติ, รูปมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน อุปฺปชฺชติ, น ตาสุ ตาสุ กิริยาสุ ปวตฺตติ, น จ เตสํ อฺมฺํ นิสฺสาย อุปฺปตฺติ วา ปวตฺติ วา น โหตีติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘น สเกน พเลน ชายเร,

โนปิ สเกน พเลน ติฏฺเร;

ปรธมฺมวสานุวตฺติโน,

ชายเร สงฺขตา อตฺตทุพฺพลา.

‘‘ปรปจฺจยโต จ ชายเร, ปรอารมฺมณโต สมุฏฺิตา;

อารมฺมณปจฺจเยหิ จ, ปรธมฺเมหิ จิเม ปภาวิตา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๖๗๗);

๑๒๒๒-๓. อิทานิ นาวายนฺติกูปมายปิ นามรูปานํ อวสวตฺติตํ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิคาถาทฺวยํ วุตฺตํ. ตตฺถ นิสฺสายาติ ปติฏฺาย. ยนฺตีติ คจฺฉนฺติ. มนุสฺเส นิสฺสายาติ เนตุภูเต นิยามกกมฺมกราทิมนุสฺเส อปสฺสาย. น หิ เตสํ อรณคฺคหณลงฺการสณฺาปนอุทกสิฺจนาทิกิริยาย วินา นาวา อิจฺฉิตเทสํ ปาปุณาติ, ยถา ปน อุโภปิ อฺมฺํ นิสฺสาย อณฺณเว คจฺฉนฺติ, เอวํ นามฺจ รูปฺจ อุโภ อฺมฺํ นิสฺสิตา ปวตฺตนฺตีติ อธิปฺปาโย.

๑๒๒๔. สตฺตสฺํ วิโนเทตฺวาติ ยถาวุตฺตนเยหิ อนาทิกาลภาวิตํ ขนฺธปฺจเก สตฺตคฺคาหํ วิกฺขมฺเภตฺวา. นาม…เป… วุจฺจตีติ ‘‘อิทํ นามํ, เอตฺตกํ นามํ, น อิโต ภิยฺโย. อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ จ เอวํ สพฺพากาเรน เตสํ ลกฺขณสลฺลกฺขณมุเขน ตมตฺถภาวทสฺสนํ เอตํ อตฺตทิฏฺิมลวิโสธนโต ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วุจฺจติ พุทฺธาทีหีติ อตฺโถ. น เกวลฺเจตํ ทิฏฺิวิสุทฺธิเยว วุจฺจติ, นามรูปววตฺถาปนนฺติปิ เอตสฺเสว อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ. ชาติอาทิโตติ ชาติชราพฺยาธิอาทิโต ทุกฺขโต. ยถาห ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, พฺยาธิปิ ทุกฺโข, มรณมฺปิ ทุกฺขํ, ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺขํ, สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ (มหาว. ๑๔; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐). อนฺตทฺวยนฺติ สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตทฺวยํ. อถ วา สตฺตสฺส อจฺจนฺตํ อตฺถิภาวสงฺขาตํ, ตสฺส นตฺถิภาวสงฺขาตฺจ อนฺตทฺวยํ. ปรมตฺถโต อนุปลพฺภนโต หิ สตฺโต อตฺถีติ วชฺชิตพฺพเมว, โลกสงฺเกตโตว อุปลพฺภนโต นตฺถีติปิ วชฺชิตพฺพเมวาติ. สุฏฺุตรํ ปริสุทฺธํ กโรตีติ สมฺพนฺโธ. ทิฏฺิคตานิ มลานีติ ทิฏฺิคตสงฺขาตานิ มลานิ. อเสสํ นิสฺเสสโต นาสํ วินาสํ วิกฺขมฺภนํ อุเปนฺติ. ตถา เหตํ ทิฏฺิมลวิโสธนโต ทิฏฺิวิสุทฺธีติ วุจฺจติ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๙. เอกูนวีสติโม ปริจฺเฉโท

กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๒๒๗. อนนฺตรํ นิทฺทิฏฺาย ทิฏฺิวิสุทฺธิยา วิสยภาเวน ทสฺสิตตฺตา ‘‘เอตสฺสา’’ติ วุตฺตํ, น ตทฺโต วิเสสนตฺถํ ตทฺสฺส จ อภาวโต. อชฺฌตฺตํ วา หิ วิปสฺสนาภินิเวโส โหตุ พหิทฺธา วา, อตฺถสิทฺธิยํ ปน ลกฺขณโต สพฺพมฺปิ นามรูปํ อนวเสสโต ปริคฺคหิตเมว โหตีติ. ชานิตฺวา เหตุปจฺจเยติ เหตุปจฺจเย ปริคฺคณฺหิตฺวา, เหตุปจฺจเย ปริคฺคณฺหนเหตูติ วุตฺตํ โหติ. ปจฺจยปริคฺคหณเหตุ หิสฺส อทฺธตฺตเย กงฺขาวิตรณํ โหตีติ. วิตริตฺวาติ อติกฺกมิตฺวา, วิกฺขมฺเภตฺวาติ อตฺโถ. ตํ ปน าณํ ตถาวิคตํ วสิภาวปฺปตฺตํ ฌานํ วิย โยคิโน สนฺตาเน ปพนฺธวเสน ปวตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ิต’’นฺติ.

๑๒๒๙-๓๐. นามรูปสฺส…เป… อาวชฺชิตฺวาติ ยถา นาม กุสโล ภิสกฺโก โรคํ ทิสฺวา ตสฺส สมุฏฺานํ ปริเยสติ, ยถา วา ปน อนุกมฺปโก ปุริโส กุมารํ อุตฺตานเสยฺยํ รถิกาย นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อยํ ปุตฺตโก’’ติ ตสฺส มาตาปิตโร อาวชฺชติ, เอวเมวํ นามรูปสฺส โก เหตุ, โก วา ปจฺจโย ภเว. น ตาเวตํ อเหตุกํ สพฺพตฺถ, สพฺพทา, สพฺเพสฺจ เอกสทิสภาวาปตฺติโต, น อิสฺสราทิเหตุกํ นามรูปโต อุทฺธํ อิสฺสราทีนํ อภาวโต. เยปิ นามรูปมตฺตเมว อิสฺสราทโยติ วทนฺติ เตสํ อิสฺสราทิสงฺขาตนามรูปสฺส อเหตุภาวาปตฺติโต, ตสฺมา ภวิตพฺพมสฺส เหตุปจฺจเยหิ, ‘‘โก นุ โข’’ติ นามรูปสฺส เหตุปจฺจเย อาวชฺชิตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ ตาว กตฺวา อิมสฺส นามรูปสฺส เหตุปจฺจเย ปริคฺคณฺหนฺเตน โอฬาริกตฺตา, สุปากฏตฺตา จ รูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห สุกโรติ ปมํ ตสฺส ปจฺจยปริคฺคโห กาตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รูปกายสฺสา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถา นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห อเหตุวิสมเหตุวาทนิวตฺติยา โหติ, เอวํ นิพฺพิทาวิราคาวหภาเวน ตตฺถ ตตฺถ อภิรตินิวตฺติยาปิ อิจฺฉิตพฺโพติ ตํ ทฺวตฺตึสาการวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๑๒๓๒-๓. อวิชฺชา…เป… มโตติ อวิชฺชา ตณฺหา อุปาทานํ กมฺมนฺติ อิทํ จตุพฺพิธํ ธมฺมชาตํ เอตสฺส ยถาวุตฺตสฺส รูปกายสฺส เหตุ, จตุพฺพิโธ อาหาโร ปจฺจโยติ อตฺโถ. กสฺมา ปน ปุริมํ เหตุ, อิตโร ปจฺจโยติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘ชนโก’’ติอาทึ วตฺวา ตํ โลกวเสน สมตฺเถตุํ ‘‘เหตฺวงฺกุรสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ชนโกติ, อนุปาลโกติ จ อนฺโตคตเหตฺวตฺถมิทํ วิเสสนํ, ชนกตฺตา, อนุปาลกตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ชนกตฺตาติ นิพฺพตฺตกตฺตา. อิมินา พีชํ วิย องฺกุรสฺส อวิชฺชาทโย รูปกายสฺส อสาธารณการณตาย เหตูติ ทสฺสิตํ. อนุปาลกตฺตาติ อุปตฺถมฺภกตฺตา. อิมินา ปน องฺกุรสฺส ปถวีสลิลาทโย วิย อาหาโร สาธารณการณตาย ปจฺจโยติ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๑๒๓๔-๗. อิติเม…เป… คตาติ เอวเมเต อวิชฺชาทโย ปฺจ ธมฺมา ยถารหํ เหตุภาวํ, ปจฺจยภาวฺจ คตา. มาตาว อุปนิสฺสยาติ อวิชฺชา ภเวสุ วิชฺชมานโทสปฏิจฺฉาทนภาเวน, ตณฺหา ปตฺถนาภาเวน, อุปาทานํ ทฬฺหคฺคาหภาเวนาติ เอวํ สงฺขารภวานํ เหตุภูตา ชนกสหายตาย ภวนิกนฺติตํสหชาตอาสนฺนการณตฺตา อภิสงฺขาริกา, อปสฺสยภูตา วาติ มาตา วิย อุปนิสฺสยา โหนฺติ. ยถา ปิตุชนิตสุกฺเก ปุตฺตสฺส อุปฺปตฺตีติ ปิตา ชนโก, เอวํ กมฺมํ สตฺตสฺส อุปฺปาทกตฺตา ชนกนฺติ อาห. ยถา ธาตี ชาตสฺส กุมารสฺส วฑฺฒิตา สนฺธาริกา, เอวํ อาหาโร อุปฺปนฺนสฺส กายสฺส พฺรูเหตา, สนฺธารโก จาติ วุตฺตํ ‘‘ธาตี…เป… ภเว’’ติ. กามฺเจตฺถ อวิชฺชาทโย นามกายสฺสาปิ ปจฺจโย, ปการนฺตเรน ปน ตสฺส ปากฏํ ปจฺจยปริคฺคหวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จกฺขุฺจาติ -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน จกฺขุวิฺาณสฺส อาวชฺชนาทึ อชฺฌตฺตํ สพฺพํ ปจฺจยชาตํ สงฺคณฺหาติ. รูปมาโลกเมว จาติ ปน -สทฺเทน ยถา พาหิรรูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจโย, ยถา จ อาโลโก อุปนิสฺสยปจฺจโย, เอวํ อฺมฺปิ พาหิรํ ปจฺจยชาตํ สงฺคณฺหาติ. ปฏิจฺจาติ ปจฺจยภูตํ ลทฺธาติ อตฺโถ. เตน จกฺขุสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน, รูปาโลกานฺจ ยถาสมฺภวํ อารมฺมณอุปนิสฺสยปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน, อิตเรสฺจ สทฺทสงฺคหิตานํ อนนฺตราทิสหชาตาทิวเสน ปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ. อาทิ-สทฺเทน ผสฺสาทีนํ วิย สห ปจฺจเยหิ โสตวิฺาณาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. เอวํ สมฺมสนูปคํ สพฺพํ นามํ สห ปจฺจเยน สงฺคหิตํ โหติ. เตนาห ‘‘นามกายสฺส ปจฺจยํ ปริคณฺหตี’’ติ.

๑๒๓๘-๔๐. ทิสฺวานาติ เอตรหิ ปวตฺตึ ทิสฺวา. ตเถวิทนฺติ อิมินา น เกวลํ สปฺปจฺจยตามตฺตเมว ปจฺจามฏฺํ, อถ โข ยาทิเสหิ เอตรหิ ปวตฺตติ, ตาทิเสหิ อวิชฺชาทิปจฺจเยเหว อตีเตปิ ปวตฺติตฺถาติ ปจฺจยสหิตตาปิ ปจฺจามฏฺาติ ทฏฺพฺพํ. ปุพฺพนฺเตติ อตีตขนฺธปฺปพนฺธโกฏฺาเส. ปฺจธาคตาติ –

‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานํ, น นุ โข อโหสึ อหมตีตมทฺธานํ, กึ นุ โข อโหสึ อหมตีตมทฺธานํ, กถํ นุ โข อโหสึ อหมตีตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) –

ปฺจหิ อากาเรหิ อาคตา, ปวตฺตา วา. อปรนฺเตติ อนาคเต ขนฺธปฺปพนฺธโกฏฺาเส. ปฺจธา สมุทีริตาติ –

‘‘ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธานํ, น นุ โข ภวิสฺสามิ อหมนาคตมทฺธานํ, กึ นุ โข ภวิสฺสามิ อหมนาคตมทฺธานํ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ อหมนาคตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหมนาคตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) –

เอวํ ปฺจธา กถิตา.

๑๒๔๑. ปจฺจุปฺปนฺเนปิ อทฺธาเนติ เอตรหิ ปฏิสนฺธึ อาทึ กตฺวา จุติปริยนฺเต อทฺธาเนปิ. อทฺธาน-คฺคหเณน เจตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนขนฺธโกฏฺาสเมว วทติ. น หิ ตพฺพินิมุตฺโต อฺโ โกจิ กาโล นาม อตฺถีติ. ฉพฺพิธา ปริกิตฺติตาติ –

‘‘อหํ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี จ ภวิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) –

เอวํ ฉพฺพิธา วุตฺตา. ‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺสา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๒๙-๑๓๐) วิย ปเทเสปิ สพฺพ-สทฺทสฺส ปวตฺตนโต ‘‘สพฺพา’’ติ วตฺวาปิ ‘‘อนวเสสา’’ติ วุตฺตํ. นตฺถิ เอติสฺสา อวเสโส อวสิฏฺโติ อนวเสสา, โสฬสวิธาปิ เจสา เอกกงฺขาวเสนาปิ อนวสิฏฺา หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปหิยฺยตีติ วิกฺขมฺภนวเสน ปหิยฺยติ. กามํ นามรูปมตฺตํ วินา สตฺตสฺส อทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิยาว ปจฺจุปฺปนฺเน กงฺขา ปหีนา, อตีตานาคเต กงฺขานํ ปหาเนน ปน ปจฺจุปฺปนฺเน กงฺขาย อติสยปฺปหานํ ทสฺเสตุํ อิเธว สา วุตฺตา. อถ วา ปจฺจุปฺปนฺเน นิสฺสตฺตนามรูปสฺส ปจฺจเยสุ ปวตฺตกงฺขาย อิเธว ตีรณโต สา อิธ วุตฺตา. วณฺณภณนํ วา เอตํ อิธ ปจฺจุปฺปนฺนกงฺขาย ปหานวจนํ ยถา ตํ โสตาปตฺติมคฺคาทีสุ ปหีนานมฺปิ จ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานาติอาทินา อนาคามิมคฺคาทีสุ วจนนฺติ.

๑๒๔๒. กมฺมวิปากานํ วเสนาปีติ ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนํ สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโว อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา, อิธ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ, โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส, เวทยิตํ เวทนา อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธูปปตฺติภวสฺมึ ปุเร กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา, อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโห อวิชฺชา…เป… เจตนา ภโว อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา กมฺมภวสฺมึ อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยาติ เอวํ วุตฺตานํ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏานํ วเสน. กิเลสวฏฺโฏปิ เจตฺถ กมฺมสหายตาย กมฺมวฏฺเฏเนว สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺพํ.

๑๒๔๓. ทิฏฺธมฺมเวทนียนฺติ เอตฺถ ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, ตตฺถ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. อุปปชฺชาปราปริยาโหสิกมฺมวสา ปนาติ อุปปชฺชเวทนียอปราปริยเวทนียอโหสิกมฺมวเสน. อุตฺตรปทโลปวเสน หิ ‘‘อุปปชฺชาปราปริย’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปจฺจุปฺปนฺนภวโต อนนฺตรํ อุปปชฺชิตฺวา เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อุปปชฺชเวทนียํ. อปเร อปเร ทิฏฺธมฺมโต อฺสฺมึ อฺสฺมึ ยตฺถกตฺถจิ อตฺตภาเว เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อปราปริยเวทนียํ. อโหสิ เอว กมฺมํ, น ตสฺส วิปาโก อโหสิ, อตฺถิ, ภวิสฺสติ จาติ เอวํ วตฺตพฺพกมฺมํ อโหสิกมฺมํ.

ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตาย, ปจฺจยวิเสเสน ปฏิลทฺธวิเสสตาย จ พลวภาวปฺปตฺตา ตาทิสสฺส ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส วเสน สาติสยา หุตฺวา ปวตฺตา ปมชวนเจตนา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ผลทายินี ทิฏฺธมฺมเวทนียา นาม. สา หิ วุตฺตากาเรน พลวติ ชวนสนฺตาเน คุณวิเสสยุตฺเตสุ อุปการานุปการวสปฺปวตฺติยา, อาเสวนาลาเภน อปฺปวิปากตาย จ อิตรทฺวยํ วิย ปวตฺตสนฺตานุปรมาเปกฺขํ, โอกาสลาภาเปกฺขฺจ กมฺมํ น โหตีติ อิเธว ปุปฺผมตฺตํ วิย ปวตฺติวิปากมตฺตํ อเหตุกผลํ เทติ, สเหตุกผลทาเน ปน ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนมฺปิ อาปชฺเชยฺย. ตถา อสกฺโกนฺตนฺติ กมฺมสฺส วิปากทานํ นาม อุปธิปฺปโยคาทิปจฺจยนฺตรสมวาเยเนว โหตีติ ตทภาวโต ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตํ. อโหสิกมฺมํ…เป… วิปาโกติ เอตฺถ ‘‘อโหสิ กมฺม’’นฺติ ปทํ วิสุํ วิสุํ โยเชตพฺพํ ‘‘อโหสิ กมฺมํ นาโหสิ กมฺมวิปาโก, อโหสิ กมฺมํ น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก, อโหสิ กมฺมํ นตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๔). ตตฺถ สกสกกาลาติกฺกนฺตสฺส อุปปชฺชเวทนียสฺส, ทิฏฺธมฺมเวทนียสฺส จ วเสน ปุริมํ วุตฺตํ. ตฺหิ กมฺมสฺส, วิปากกาลสฺส จ อตีตตฺตา ตถา วตฺตพฺพตฺตํ ลภติ, ทุติยํ อนาคเต อรหตฺตํ ปาปุณนฺตสฺส ปุริมภเวสุ กตํ อทินฺนวิปากํ อปราปริยเวทนียํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตติยํ ปน อนนฺตรภเว กตํ อุปปชฺชเวทนียํ, อรหโต อตีตภเวสุ กตํ อปราปริยเวทนียฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘เอกเมว อตีตํ กมฺมํ อทฺธตฺตเย วิปากาภาวํ สนฺธาย ติธา วิภชิตฺวา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ.

อตฺถสาธิกาติ ทานาทิปาณาติปาตาทิอตฺถสฺส นิปฺผาทิกา. กา ปน สาติ อาห ‘‘สตฺตมชวนเจตนา’’ติ. สา หิ สนฺนิฏฺาปกเจตนา วุตฺตนเยน ปฏิลทฺธวิเสสา, ปฏิสนฺธิยา อนนฺตรปจฺจยภาวิโน วิปากสนฺตานสฺส อนนฺตรปจฺจยภาเวน วา ตถา อภิสงฺขตา สมานา อนนฺตรตฺตภาเว วิปากทายินี อุปปชฺชเวทนียํ นาม. เยภุยฺยวุตฺติยา เจตฺถ ‘‘สตฺตมชวนเจตนา’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจเวกฺขณวสิตาทิปวตฺติยํ ปน ปฺจมาทิกาปิ โหติ. วิปากํ เทตีติ ปฏิสนฺธึ ทตฺวา ปวตฺติวิปากํ เทติ, อทินฺนปฏิสนฺธิกํ ปน ปวตฺติวิปากํ เทตีติ นตฺถิ. จุติอนนฺตรฺหิ อุปปชฺชเวทนียสฺส โอกาโสติ อาจริยา. ปฏิสนฺธิยา ปน ทินฺนาย ชาติสเตปิ ปวตฺติวิปากํ เทติ. เตนาห ภควา ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา สตคุณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙). อุภินฺน…เป… เทตีติ ยถาวุตฺตการณวิรหโต ทิฏฺธมฺมูปปชฺชเวทนียภาวํ อสมฺปตฺตา ปฺจ เจตนา วิปากทานสภาวสฺส อนุปจฺฉินฺนตฺตา ยทา โอกาสํ ลภติ, ตทา ปฏิสนฺธิวิปากํ, ปวตฺติวิปากํ วา เทติ. สติ สํสารปฺปวตฺติยาติ อิมินา อสติ สํสารปฺปวตฺติยํ อโหสิกมฺมปกฺเข ติฏฺติ วิปจฺจโนกาสสฺส อภาวโตติ ทีเปติ.

๑๒๔๔. เอวํ ตาว วิปากทานกาลวเสน จตุพฺพิธํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิปากทานปริยายโต, กิจฺจโต จ จตุพฺพิธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ครุก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ครุกนฺติ มหาสาวชฺชํ, มหานุภาวฺจ อฺเน กมฺเมน ปฏิพาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยกมฺมํ. พหุลนฺติ อภิณฺหโส กตํ, เอกวารํ กตฺวาปิ อภิณฺหสมาเสวิตฺจ. อาสนฺนนฺติ มรณาสนฺนกาเล อนุสฺสริตํ, ตทา กตฺจ. กฏตฺตากมฺมนฺติ ครุกาทิภาวํ อสมฺปตฺตํ กตมตฺตโตเยว กมฺมนฺติ วตฺตพฺพกมฺมํ. ตตฺถ กุสลํ วา โหตุ อกุสลํ วา, ครุกาครุเกสุ ยํ ครุกํ มาตุฆาตกาทิกมฺมํ วา มหคฺคตกมฺมํ วา, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ. ตถา พหุลาพหุเลสุ ยํ พหุลํ สุสีลฺยํ ทุสฺสีลฺยํ วา, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ. ทูราสนฺเนสุ ยํ อาสนฺนํ มรณกาเล อนุสฺสริตํ, เตเนว อุปปชฺชติ. อาสนฺนกาเล กเต จ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ. กฏตฺตา ปน กมฺมํ ปุนปฺปุนํ ลทฺธาเสวนํ ปุริมานํ อภาเว ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ. อิติ ครุกํ สพฺพปมํ วิปจฺจติ. ตถา หิ ตํ ‘‘ครุก’’นฺติ วุตฺตํ. ครุเก อสติ พหุลีกตํ, ตสฺมิมฺปิ อสติ อาสนฺนํ, ตสฺมิมฺปิ อสติ กฏตฺตากมฺมนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปุริมชาตีสุ กตกมฺมํ วิปจฺจตี’’ติ.

๑๒๔๕. ปฏิสนฺธิทานาทิวเสน วิปากสนฺตานสฺส นิพฺพตฺตกํ ชนกํ. สุขทุกฺขสนฺตานสฺส, นามรูปปฺปพนฺธสฺส วา จิรตรปฺปตฺติเหตุภูตํ อุปตฺถมฺภกํ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ อุปตฺถมฺเภติ, อทฺธานํ ปวตฺเตตี’’ติ. สุขทุกฺเข ปวตฺตมาเน พวฺหาพาธตาทิปจฺจยูปนิปาตเนน สณิกํ สณิกํ ตสฺส วิพาธกํ อุปปีฬกํ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ ปีเฬติ พาธติ, อทฺธานํ ปวตฺติตุํ น เทตี’’ติ. ตถา ปฏิปกฺขกมฺมวิปากสฺส อปฺปวตฺติกรณวเสน อุปจฺเฉทกํ ปฏิพาหกํ อุปฆาตกํ. เตนาห ‘‘ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา’’ติ.

รูปฺจ อรูปวิปากกฺขนฺโธ จาติ รูปารูปวิปากกฺขนฺโธ, กมฺมชรูปสฺสาปิ วิปากปริยาโย อตฺถีติ ‘‘รูปารูปวิปากกฺขนฺเธ’’ติ วุตฺตํ. อฺเน กมฺเมนาติ กุสเลน วา อกุสเลน วา อฺเน กมฺเมน กตฺตุภูเตน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา วิปาเก ชนิเต. เตนาห ‘‘ชนิเต วิปาเก’’ติ. ปวตฺติวิปากํ สนฺธาย ‘‘ชนิเต วิปาเก’’ติ วทนฺติ. อุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขํ อุปตฺถมฺเภตีติ อุปตฺถมฺภกกมฺมํ กุสลํ สมานํ อฺเนปิ กุสลกมฺเมน อุปฺปชฺชมานกํ สุขํ ตสฺส ปฏิปกฺขวิพาธนวเสน อุปตฺถมฺเภติ. อกุสลํ อฺเน อกุสลกมฺเมน อุปปชฺชมานํ ทุกฺขํ ตเถว อุปตฺถมฺเภติ. เอวฺจ อุปตฺถมฺเภนฺตํ ตํ ทีฆกาลํ ปวตฺเตติ นามาติ อาห ‘‘อทฺธานํ ปวตฺเตตี’’ติ. อุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขํ ปีเฬตีติ อุปปีฬกํ อกุสลํ สมานํ สุขิตสฺส โรคาทิอนฺตรายการณสมฺปาทกภาเวน สุขสนฺตานํ อุปจฺฉินฺทนฺตํ ปีเฬติ, กุสลฺจ โรคาทินา ทุกฺขิตสฺส เภสชฺชาทิสุขาทิการณสมฺปาทกภาเวน ทุกฺขสนฺตานํ วิจฺฉินฺทนฺตํ ปีเฬติ. เกจิ ปน ‘‘สุขทุกฺขสฺส การณํ อสมฺปาเทนฺตมฺปิ ปฏิสนฺธิทายกกมฺมสฺส ปวตฺติวิปากํ ปฏิพาหิตฺวา สยํ วิปากทายกกมฺมํ อุปปีฬกกมฺม’’นฺติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต ปน ปฏิสนฺธิทายกเมว ชนกกมฺมนฺติ วุตฺตํ สิยา.

อปิจ อุปฆาตเกน สห อิมสฺส วิเสสภาโว อาปชฺชติ, ตํ ปฏิสนฺธิวิปากสฺส ปฏิพาหกนฺติ เจ? ตํ น, อวิเสเสน วุตฺตตฺตาติ. ‘‘ทุพฺพลํ กมฺมํ ฆาเตตฺวา’’ติ วุตฺเต ‘‘นนุ ตสฺส ปุพฺเพเยว สิทฺธตฺตา, นิรุทฺธตฺตา จ กถมิทํ ตทุปฆาตกํ โหตี’’ติ อาปนฺนํ โจทนํ สนฺธาย กมฺมสฺส ฆาตนํ นาม ตสฺส วิปากปฏิพาหนเมวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา’’ติ. ตํปฏิพาหนฺจ อตฺตโน วิปากุปฺปตฺติยา โอกาสกรณนฺติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตี’’ติ. วิปจฺจนาย กโตกาสํ กมฺมํ วิปกฺกเมว นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ…เป… อุปฺปนฺนํ นาม โหตี’’ติ.

อุปปีฬกํ อฺสฺส วิปากํ อุปจฺฉินฺทติ, น สยํ อตฺตโน วิปากํ เทติ, อุปฆาตกํ ปน ทุพฺพลกมฺมํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตโน วิปากํ อุปฺปาเทตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. เกจิ ปน อาจริยา อปเรนาปิ นเยน ชนกาทิกมฺมํ อิจฺฉนฺติ. กถํ? ยสฺมึ กมฺเม กเต ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต จ วิปากกฏตฺตารูปานํ อุปฺปตฺติ โหติ, ตํ ชนกํ. ยสฺมึ ปน กเต อฺเน ชนิตสฺส อิฏฺสฺส วา อนิฏฺสฺส วา ผลสฺส วิพาธกวิจฺเฉทกปจฺจยานุปฺปตฺติยา, อุปพฺรูหกปจฺจยุปฺปตฺติยา จ ชนกานุภาวานุรูปํ ปริโปสกจิรตรปฺปพนฺธา โหนฺติ, ตํ อุปตฺถมฺภกํ. ชนเกน นิพฺพตฺติตํ กุสลผลํ, อกุสลผลํ วา เยน ปจฺจนีกภูเตน โรคธาตุวิสมตาทินิมิตฺตตาย พาธียติ, ตํ อุปปีฬกํ. เยน ปน กมฺมุนา ชนกสามตฺถิยวเสน จิรตรปฺปพนฺธารหมฺปิ สมานํ ผลวิจฺเฉทกปจฺจยุปฺปตฺติยา อุปหฺติ วิจฺฉิชฺชติ, ตํ อุปฆาตกนฺติ.

เอตฺถ จ เกจิ อปฺปาพาธทีฆายุกตาสํวตฺตนวเสน ทุติยสฺส กุสลภาวํ, พวฺหาพาธอปฺปายุกตาสํวตฺตนวเสน ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ อกุสลภาวฺจ วณฺเณนฺติ, ภูริทตฺตาทีนํ ปน นาคาทีนํ, อิโต อนุปฺปทินฺนยาปนกเปตานฺจ อปาเยสุ อกุสลวิปากสฺส อุปตฺถมฺภนูปปีฬนูปฆาตกานิ กมฺมานิ สนฺตีติ จตุนฺนมฺปิ กุสลากุสลภาโว น วิรุชฺฌติ. กิฺจาปิ กมฺมานํ กมฺมนฺตรฺเจว วิปากนฺตรฺจ พุทฺธานํ กมฺมวิปากาณสฺเสว ยาถาวสรสโต ปากฏํ โหติ. พุทฺธาเวณิกฺเหตํ อสาธารณํ สาวเกหิ, วิปสฺสเกน ปน เอกเทสโต ชานิตพฺพํ. น หิ สพฺเพน สพฺพํ อชานนฺตสฺส ปจฺจยปริคฺคโห ปริปูรติ, ตสฺมา ตาทิสํ ปริคฺคหํ สนฺธาย ‘‘อิติ อิม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยาทิเสหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจุปฺปนฺเน อทฺธาเน นามรูปสฺส ปวตฺติ, ตาทิเสเหว อิตรสฺมิมฺปิ อทฺธทฺวเยติ เอวํ ยถา อตีตานาคเต นยํ เนติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา อิท’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อทฺธตฺตเยปิ กิริยากิริยาผลมตฺตตาทสฺสนปรตฺตา โจทนาย. อิตี กมฺมฺเจวาติอาทินา วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ. ตสฺเสวํ…เป… ปหิยฺยตีติ ตสฺเสวํ สมนุปสฺสโต ยา สา ปุพฺพนฺตาทโย อารพฺภ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทินา นเยน ปวตฺตา วิจิกิจฺฉา ปหิยฺยติ.

๑๒๔๖-๘. ปหีนาย ปน ตาย สพฺพภวโยนิคติิติสตฺตาวาเสสุ เหตุผลสมฺพนฺธวเสเนว ปวตฺตนามรูปมตฺตเมว ขายติ. เตเนวาห ‘‘เหตุผลสฺส สมฺพนฺธวเสเนวา’’ติอาทิ. การณสามคฺคิยํ ทานาทีหิ สาธิตกิริยาย ปวตฺตมานาย การณมตฺเต กตฺตุโวหาโรติ อาห ‘‘การณโต อุทฺธํ การณํ น จ ปสฺสตี’’ติ. ปาก…เป… ปฏิเวทกํ น ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. ปากปฏิเวทกนฺติ วิปากวินฺทกํ. เอวํ อปสฺสนฺโต ปน การเณ สติ การโกติ, วิปากปฺปวตฺติยา สติ ปฏิสํเวทโกติ สมฺามตฺเตเนว ปณฺฑิตา โวหรนฺติ. อิจฺเจวํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. สุทฺธธมฺมาติ เกนจิ สตฺเตน วา ปุคฺคเลน วา อมิสฺสธมฺมา. เอเวตนฺติ เอวํวิธํ เอตํ ทสฺสนํ สมฺมทสฺสนํ, อวิปรีตทสฺสนนฺติ อตฺโถ.

๑๒๔๙. พีชรุกฺขาทิกานํ วาติ ยถา พีชโต รุกฺโข, รุกฺขโต พีชนฺติ เอวํ การณปรมฺปรคเวสเน อนาทิกาลิกตฺตา พีชรุกฺขสนฺตานสฺส ปุพฺพา โกฏิ นตฺถิ, เอวํ กมฺมปจฺจยา วิปาโก, วิปากปจฺจยา กมฺมนฺติ ปริเยสเน อนาทิกาลิกตฺตา กมฺมวิปากสนฺตานสฺส ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘กุกฺกุฏิยา อณฺฑํ, อณฺฑโต กุกฺกุฏี, ปุนปิ กุกฺกุฏิยา อณฺฑ’’นฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ.

๑๒๕๐-๓. อนาคเตปิ สํสาเรติ ยถา อตีเต, เอวํ อนาคเตปิ อทฺธาเน ขนฺธานํ ปฏิปาฏีติอาทินา วุตฺตสํสาเร สติ. อปฺปวตฺติ น ทิสฺสตีติ กมฺมโต วิปาโก ภวิสฺสติ, วิปากโต กมฺมนฺติ อนาคเต การิยปรมฺปราย คเวสิยมานาย อปริกฺขีณสํโยชนสฺส กมฺมวิปากานํ อปฺปวตฺตนํ น ทิสฺสติ, ปวตฺตติ เอวาติ อตฺโถ. เหตุผลสมฺพนฺธวเสน ปวตฺตมาเน สํสาเร ‘‘ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายตี’’ติ วจเนน การเณ อาทิสฺส อภาโว วุตฺโต, ‘‘อปฺปวตฺติ น ทิสฺสตี’’ติ วจเนน ผลสฺส อวสานาภาโว วุตฺโตติ. เอตมตฺถนฺติ ‘‘กมฺมสฺส การโก นตฺถี’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ. อสยํวสีติ น สยํวสิโน, มิจฺฉาภินิเวสปรวสาติ อตฺโถ. อฺมฺวิโรธิโนติ อิตรีตรวิรุทฺธา ทิฏฺิโย วา ทิฏฺิยา วา อฺมฺเน สห วิโรธิโน. คมฺภีราณโคจรตาย คมฺภีรํ. ตถา นิปุณํ. สตฺตสุฺตาย, อฺมฺสภาวสุฺตาย จ สุฺํ. ปจฺจยนฺติ นามรูปสฺส ปจฺจยํ, ตปฺปจฺจยปฏิเวเธเนว จ สพฺพํ ปฏิวิทฺธํ โหตีติ.

๑๒๕๔-๖. กมฺมํ นตฺถิ วิปากมฺหีติ กุฏฺฏาทีสุ รชาทิ วิย วิปาเก สนฺติฏฺมานํ กมฺมํ นตฺถิ. ปาโก กมฺเม น วิชฺชตีติ ตถา กมฺเม สนฺติฏฺมาโน วิปาโก นตฺถิ. ยถาวุตฺตเมวตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา น สูริเย’’ติอาทิ วุตฺตํ. มณิมฺหีติ สูริยกนฺตมณิมฺหิ. น เตสํ พหิ โส อตฺถีติ เต มุฺจิตฺวา เตหิ พหิ โส อคฺคิ นตฺถิ. สมฺภาเรหีติ สมงฺคีภูเตหิ อาตปาทีหิ ตีหิ การเณหิ. น อนฺโต กมฺมสฺสาติอาทิ อตฺถโต เหฏฺา วุตฺตมฺปิ อุปมานิคมนตฺถํ ปุนปิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๑๒๕๗-๘. ยทิ เหตุ, ผลฺจ อฺมฺรหิตํ, กถํ เหตุโต ผลํ นิพฺพตฺตตีติ อาห ‘‘กมฺมฺจ โข อุปาทายา’’ติ. น เกวลํ กมฺมผลเมว สุฺํ กตฺตุรหิตํ, สพฺพมฺปิ ธมฺมชาตํ การกรหิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เหตฺถ เทโว’’ติอาทิคาถา วุตฺตา. เหตุสมฺภารปจฺจยาติ เอเกน เหตุนา เอกสฺส, อเนกสฺส วา ผลสฺส อนิพฺพตฺติโต เหตุสมูหนิมิตฺตํ, สมฺภาโรติ วา ปจฺจยาธิวจนนฺติ เหตุปจฺจยนิมิตฺตนฺติ อตฺโถ.

๑๒๕๙. อทฺธาสุ ตริตฺวา กงฺขนฺติ ตีสุ อทฺธาสุ โสฬสวิธํ กงฺขํ วิตริตฺวา. น เกวลเมตํ โสฬสวิธเมว กงฺขํ วิตรติ, อถ โข ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ธ. ส. ๑๑๒๓; วิภ. ๙๑๕) อฏฺวิธํ กงฺขมฺปิ ปชหติ. ตถา เหตฺถ พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ สิกฺขาติ กงฺขาย โคจรภูตา โลกิยา ธมฺมา อธิปฺเปตา. น หิ โลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภ กิเลสา ปวตฺติตุํ สกฺโกนฺติ. ปุพฺพนฺโตติ อตีตา ขนฺธายตนธาตุโย, อปรนฺโตติ อนาคตา, ปุพฺพนฺตาปรนฺโตติ ตทุภยํ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา ตทุภยภาคยุตฺตตฺตา. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมคฺคหเณน คหิโต อฏฺโม กงฺขาวิสโย นามรูปมตฺตํ, อิทปฺปจฺจยตา-คฺคหเณน ปน ตสฺส ปจฺจโย คหิโต, ตสฺมา โสฬสวตฺถุกาย ปหีนาย อฏฺวตฺถุกา กงฺขา อปฺปติฏฺาว โหตีติ. เอตาสฺจ ปหาเนน ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตานิปิ วิกฺขมฺภนฺติ ทิฏฺเกฏฺตฺตา วิจิกิจฺฉาย. ยถา หิ ทิฏฺิ สมุจฺฉิชฺชมานา วิจิกิจฺฉาย สทฺธึเยว สมุจฺฉิชฺชติ, เอวํ วิจิกิจฺฉา วิกฺขมฺภิยมานา ทิฏฺิยา สทฺธึเยว วิกฺขมฺภียติ. อตฺตาภินิเวสูปนิสฺสยา หิ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) โสฬสวตฺถุกา กงฺขา, สา เอว จ ปุพฺพนฺตาทิวตฺถุภาเวน วุตฺตา, อตฺตาภินิเวสวตฺถุกานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ, พุทฺธาทิวตฺถุกา จ ตเทกฏฺาติ. อุฏฺิตนฺติ อุปฺปชฺชิตฺวา ิตํ.

๑๒๖๐-๒. กงฺขาวิตรณํ นามาติ ยถาวุตฺตกงฺขาวิตรณโต กงฺขาวิตรณํ นาม. น เกวลํ กงฺขาวิตรณํ นาม, ธมฺมฏฺิติาณนฺติปิ ยถาภูตาณนฺติปิ สมฺมาทสฺสนนฺติปิ อิทํ สมุทีริตํ. เอตฺถ จ ธรียนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหีติ ธมฺมา, ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ิติ, ธมฺมานํ ิติ ธมฺมฏฺิติ, ปจฺจยธมฺมา. อถ วา ธมฺโมติ การณํ ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘-๗๒๑) วิย, ธมฺมสฺส ิติสภาโว, ธมฺมโต จ อฺโ สภาโว นตฺถีติ ปจฺจยธมฺมานํ ปจฺจยภาโว, ธมฺมฏฺิติยํ าณํ ธมฺมฏฺิติาณํ. สงฺขารานํ ยถาภูตํ อนิจฺจตาทิ ยถาภูตํ, ตตฺถ าณนฺติ ยถาภูตาณํ. สมฺมา ปสฺสตีติ สมฺมาทสฺสนํ. ลทฺธปฺปติฏฺโติ สาสเน ปติฏฺา นาม อริยมคฺโค. อยํ ปน ตํ อนธิคโตปิ ตทธิคมุปายปฏิปตฺติยํ ิตตฺตา ลทฺธปฺปติฏฺโ วิย โหตีติ ‘‘ลทฺธปฺปติฏฺโ’’ติ วุตฺโต. ตโตเยว จูฬโก โสตาปนฺโน, โลกิยาหิ สีลสมาธิปฺาหิ สมนฺนาคตตฺตา อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต โสตาปนฺโน วิย นิยโต, สุคติปรายโณ จ โหตีติ จูฬโสตาปนฺโน. โสตาปนฺโน หิ ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโตติ. อถ วา ลทฺธปฺปติฏฺโ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิสมธิคเมน. สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสเนน หิ สมฺมทฺทิตทิฏฺิกณฺฏโก วินิทฺธุตอเหตุกวิสมเหตุวาโท ยถาสกปจฺจเยเหว ธมฺมปฺปวตฺตึ ตฺวา สาสเน ปติฏฺิตสทฺโธ ลทฺธปฺปติฏฺโ นาม โหตีติ. นามรูปววตฺถาเนน ทุกฺขสจฺจํ, ธมฺมฏฺิติาเณน สมุทยสจฺจํ, ตสฺเสว อปรภาเค อนิจฺจโต มนสิการาทิวิธินา มคฺคสจฺจฺจ อภิฺาย ปวตฺติยา ทุกฺขภาวํ ทิสฺวา ตสฺส อปฺปวตฺเต นิโรเธ เอกํเสเนว นินฺนชฺฌาสยตาย โลกิเยเนว าเณน จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อธิคตตฺตา อปาเยสุ อภพฺพุปฺปตฺติโก, โสตาปนฺนภูมิยฺจ ภพฺพุปฺปตฺติโก โหตีติ จูฬโสตาปนฺโน นามาติ วุตฺตํ ‘‘โสตาปนฺโน หิ จูฬโก’’ติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ มหานิสํสเมตํ าณํ, ตสฺมา สปฺโ อตฺตโน หิตานุเปกฺขนปฺาย สมนฺนาคโต. เตนาห ‘‘อตฺถกาโม’’ติ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๐. วีสติโม ปริจฺเฉโท

มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๒๖๓. อิทานิ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยา อนนฺตรํ อุทฺทิฏฺาย มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิยา นิทฺเทสกฺกโม อนุปฺปตฺโต, สา ปน ยสฺมา โอภาสาทิอุปกฺกิเลสสมฺภเว สติ โหติ, โอภาสาทโย จ อุทยพฺพยาเณ สมฺภวนฺติ, อุทยพฺพยาณฺจ ติลกฺขณวิปสฺสนาย สติ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส จ กลาปสมฺมสนํ อาทิ. ตฺหิ อตีตาทิเภทภินฺนานํ ธมฺมานํ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถานวเสน ปวตฺตนโต อาทิกมฺมิกสฺส สุกรสมฺมสนํ, ตสฺมา ปมํ ตตฺเถว อภิโยคํ กโรนฺเตน กมโต ตํ สมฺปาเทตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘กลาปสมฺมสเนเนวา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อถ วา ทฺวินฺนํ วิสุทฺธีนมนฺตเร กลาปสมฺมสนํ โหติ, ตฺจ โข ทฺวีสุ เอกาย วิสุทฺธิยา สงฺคเหตพฺพํ, มคฺคามคฺคาณสฺส จ อาทิภูตตฺตา ตตฺเถวสฺส สงฺคโห ยุตฺโตติ เอตฺเถว นํ สงฺคหิตุกามตาย วุตฺตํ ‘‘กลาปสมฺมสเนเนวา’’ติอาทิ. เกจิ ปน กลาปสมฺมสนํ นาม เอกวิสุทฺธิยมฺปิ น อนฺโตคธนฺติ ตํ อนามสิตฺวาว วิปสฺสนาจารํ วณฺเณนฺติ. กลาปสมฺมสเนเนวาติ อตีตาทิเภทภินฺนานํ ธมฺมานํ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถานวเสน กลาปโต, กลาปานํ วา สมฺมสเนน มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิปสฺสนาย โยโค กรณีโย. อถ วา ภุมฺมตฺเถ กรณนิทฺเทสวเสน กลาปสมฺมสเน โยโค กรณีโยติ อตฺโถ. ‘‘กลาปสมฺมสเนเนว โยโค กรณีโย’’ติ วตฺวาปิ ตํ ปน วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๒.๖๙๒) คเหตพฺพนฺติ คนฺถวิตฺถารปริหารตฺถํ อิธ น ทสฺสิตนฺติ.

๑๒๖๔. ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺสาติ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนสฺส, ขณปจฺจุปฺปนฺนสฺส วา. อาทิโต ปน ขณปจฺจุปฺปนฺนสฺส อุทยวยํ ทุปฺปริคฺคหํ, ตสฺมา สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนวเสน ปมํ อุทยพฺพยานุปสฺสนํ กาตพฺพํ. นิพฺพตฺตีติ ทฺวินฺนํ ปจฺจุปฺปนฺนานํ วเสน ปมาภินิพฺพตฺติ จ ขณนิพฺพตฺติ จ. วิปริณาโมติ วินาโส.

๑๒๖๕. อนุปสฺสนาปิ าณนฺติ ยา อุทยสฺส จ วยสฺส จ อนุปสฺสนา, สา าณนฺติ วราเณน สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิตํ. ตตฺรายํ ปาฬิ –

‘‘กถํ ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณํ? ชาตํ รูปํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโย. วิปริณามลกฺขณํ วโย. อนุปสฺสนา าณํ. ชาตา เวทนา…เป… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ… ชาตํ จกฺขุํ…เป… ชาโต ภโว ปจฺจุปฺปนฺโน, ตสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโย. วิปริณามลกฺขณํ วโย. อนุปสฺสนา าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๙).

เอตฺถ ปน อุทยทสฺสนํ ยาวเทว ขยทสฺสนนฺติ วยทสฺสนสฺส ปธานตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา’’ติ วตฺวา ตํ ปน วยทสฺสนํ อุทยทสฺสนปุพฺพกนฺติ วุตฺตํ ‘‘อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณ’’นฺติ.

๑๒๖๖-๘. ปุพฺเพ อุปฺปตฺติโตติ ชนนโต ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. นิจโย ราสิ วา นตฺถิ, ยโต อาคจฺเฉยฺย อุปฺปชฺชมานํ อลทฺธตฺตภาวสฺส สพฺเพน สพฺพํ อวิชฺชมานตฺตา. เตนาห ‘‘ตถา อุปฺปชฺชโต’’ติอาทิ. ยถา อนาคเต อทฺธาเน อิเม ธมฺมา สพฺเพน สพฺพํ นตฺถิ, เอวํ อตีเตปิ อทฺธานนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตถา นิรุชฺฌมานสฺสา’’ติอาทึ วตฺวา อวิชฺชมานานํเยว รูปารูปธมฺมานํ เหตุปจฺจยสมวาเย อุปฺปาโท, อุปฺปชฺชิตฺวา จ สพฺพโส อภาวูปคโมติ อิมมตฺถํ สมุทายคตํ ตเทกเทสภูตาย อุปมาย วิภาเวตุํ อิมสฺมึ าเน อฏฺกถาย (วิสุทฺธิ. ๒.๗๒๓) วีณูปมา อาคตา. สา อิธาปิ อาหริตฺวา วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาเยน ‘‘เอตฺถ วีณูปมา’’ติอาทิมาห. เอตสฺสตฺถสฺสาติ อวิชฺชมานานํเยว อุปฺปาโท, อุปฺปนฺนานฺจ ปรโต อภาโวติ อิมสฺส อตฺถสฺส ปกาสเน. วีณูปมาติ วีณาวเสน อาคตา อุปมา. สา ปเนวํ ทฏฺพฺพา – ยถา วีณาย วาทิยมานาย อุปฺปนฺนสฺส สทฺทสฺส เนว อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ สนฺนิจโย อตฺถิ, น อุปฺปชฺชมาโน สนฺนิจยโต อาคโต. น นิรุชฺฌมานสฺส ทิสาวิทิสาคมนํ อตฺถิ, น นิรุทฺโธ กตฺถจิ สนฺนิจิโต ติฏฺติ, อถ โข วีณฺจ วีณวาทนฺจ ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺจ อหุตฺวา สมฺโภติ, หุตฺวา ปฏิเวติ, เอวํ สพฺเพปิ รูปารูปธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺตีติ.

๑๒๖๙-๗๐. เอวํ สงฺเขปโต อุทยพฺพยมนสิการวิธึ ทสฺเสตฺวา ปุน ยานิ เอตสฺเสว อุทยพฺพยาณสฺส วิภงฺเค ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, ‘‘ตณฺหาสมุทยา…เป… กมฺมสมุทยา…เป… อาหารสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, ‘‘ตณฺหานิโรธา…เป… กมฺมนิโรธา…เป… อาหารนิโรธา รูปนิโรโธ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. ตถา ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, ‘‘ตณฺหาสมุทยา…เป… กมฺมสมุทยา…เป… ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโต เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. ‘‘อวิชฺชานิโรธา…เป… ตณฺหานิโรธา…เป… กมฺมนิโรธา…เป… ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปจฺจยนิโรธฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ, เวทนากฺขนฺธสฺส วิย สฺาสงฺขารวิฺาณกฺขนฺธานํ. อยํ ปน วิเสโส – วิฺาณกฺขนฺธสฺส ผสฺสฏฺาเน ‘‘นามรูปสมุทยา นามรูปนิโรธา’’ติ.

เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส อุทยพฺพยทสฺสเน ทส ทส กตฺวา สมปฺาส ลกฺขณานิ วุตฺตานิ, เตสํ วเสนปิ ‘‘เอวมฺปิ รูปสมุทโย, เอวมฺปิ รูปวโย, เอวมฺปิ รูปํ อุเทติ, เอวมฺปิ รูปํ เวตี’’ติ ปจฺจยโต เจว ขณโต จ วิตฺถาเรน จ มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺเสว าณสฺสา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อวิชฺชาสมุทยาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทา, อตฺถิภาวาติ อตฺโถ. นิโรธวิรุทฺโธ หิ อุปฺปาโท อตฺถิภาโว โหติ, ตสฺมา ปุริมภวสิทฺธาย อวิชฺชาย สติ อิมสฺมึ ภเว รูปสมุทโย รูปสฺส อุปฺปาโท โหตีติ อตฺโถ. อาทิ-สทฺทสงฺคหิเตสุ ‘‘ตณฺหาสมุทยา รูปสมุทโย, กมฺมสมุทยา รูปสมุทโย, อาหารสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ จ, ตถา วยทสฺสเน ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ, ตณฺหานิโรธา… กมฺมนิโรธา… อาหารนิโรธา รูปนิโรโธ’’ติ จ อาทีสุ อวิชฺชาทีหิ ตีหิ อตีตกาลิกานิ เตสํ สหการีการณภูตานิ อุปาทานาทีนิปิ คหิตาเนวาติ เวทิตพฺพํ.

ปวตฺติปจฺจเยสุ กพฬีการาหารสฺส พลวตาย โส เอว คหิโต ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ. ตสฺมึ ปน คหิเต ปวตฺติปจฺจยตาสามฺเน อุตุจิตฺตานิปิ คหิตาเนว โหนฺตีติ จตุสมุฏฺานิกรูปสฺส ปจฺจยโต อุทยทสฺสนํ วิภาวิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อวิชฺชาตณฺหูปนิสฺสยสหิเตเนว กมฺมุนา รูปกายสฺส นิพฺพตฺติ, อสติ จ อวิชฺชูปนิสฺสยาย ภวนิกนฺติยา ชาติยา อสมฺภโวเยวาติ. ยถา รูปสฺส อวิชฺชาตณฺหูปนิสฺสยตา, เอวํ เวทนาทีนมฺปิ ทฏฺพฺพา. อาหาโร ปน อุปฺปนฺนสฺส รูปสฺส โปสโก กพฬีการาหารสฺส อธิปฺเปตตฺตา, กามํ ยถาธิฏฺานตฺตา วา เทสนาย. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน วา อาหารคฺคหณํ. อวิชฺชานิโรธาติ อคฺคมคฺคาเณน อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธโต อนาคตสฺส รูปสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ ปจฺจยาภาเว อภาวโต. ‘‘ตณฺหานิโรธา กมฺมนิโรโธ’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาหารนิโรธาติ ปวตฺติปจฺจยสฺส กพฬีการาหารสฺส อภาเว. รูปนิโรโธติ ตํสมุฏฺานรูปสฺส อภาโว โหตีติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ‘‘ผุฏฺโ เวเทติ, ผุฏฺโ สฺชานาติ, ผุฏฺโ เจเตตีติ (สํ. นิ. ๔.๙๓), ผสฺสปจฺจยา เวทนา, จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา, สฺา เจตนา’’ติ วจนโต ผสฺโส เวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺธานํ ปวตฺติปจฺจโย, ตนฺนิโรธา จ เตสํ นิโรโธ, มหาปทานมหานิทานสุตฺเตสุ, อภิธมฺเม จ อฺมฺปจฺจยวาเร ‘‘นามรูปปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๕๗, ๙๗; กถา. ๗๑๙) วจนโต นามรูปํ วิฺาณสฺส ปวตฺติปจฺจโย, ตนฺนิโรธา จ ตสฺส นิโรโธติ วุตฺตํ ‘‘ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติอาทิ.

๑๒๗๑. ทส ทสาติ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยทสฺสเน อวิชฺชา ตณฺหา กมฺมํ อาหาโรติ อิเมสํ ปจฺจยานํ อตฺถิตาสงฺขตลกฺขณานิ เจว รูปสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณฺจาติ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ, วยทสฺสเน อวิชฺชาทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อนุปฺปาทนิโรโธ, รูปสฺส ขณนิโรโธ จาติ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานีติ รูปกฺขนฺธสฺส ทส ลกฺขณานิ, ตถา เวทนากฺขนฺธาทีนํ จตุนฺนํ จตฺตาลีส ลกฺขณานีติ เอวํ สมปฺาส ลกฺขณานิ โหนฺติ. เตนาห ‘‘ปฺาส ลกฺขณานี’’ติ. ลกฺขณฏฺโ ปน เตสํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อตฺถิตา, อนุปฺปาทนิโรโธ จาติ อฏฺ ลกฺขียติ เอเตหิ รูปาทีนํ อุทโย จ วโย จาติ ลกฺขณานิ. จตุนฺนฺหิ ปจฺจยานํ อตฺถิตาหิ รูปาทิอุทโย ลกฺขียติ, อนุปฺปาทนิโรธอจฺจนฺตนิโรเธหิ วโย, นิพฺพตฺติวิปริณามานิ ปน สงฺขตลกฺขณาเนวาติ. ธมฺเม สมนุปสฺสตีติ รูปาทิเก ธมฺเม อุทยพฺพยวนฺเต สมนุปสฺสติ. เอตฺถ จ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘อรูปกฺขนฺธานํ อุทยพฺพยทสฺสนํ อทฺธาสนฺตติวเสน, น ขณวเสนา’’ติ, เตสํ มเตน ขณโต อุทยพฺพยทสฺสนเมว น สิยา. อปเร ปนาหุ ‘‘ปจฺจยโต อุทยพฺพยทสฺสเนน อตีตาทิวิภาคํ อนามสิตฺวา สพฺพสาธารณโต อวิชฺชาทิปจฺจยา เวทนาย สมฺภวํ ลพฺภมานตํ ปสฺสติ, น อุปฺปาทํ. อวิชฺชาทิอภาเว จ ตสฺสา อสมฺภวํ อลพฺภมานตํ ปสฺสติ, น ภงฺคกฺขณโต. อุทยพฺพยสฺส ทสฺสเน ปจฺจุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทํ, ภงฺคฺจ ปสฺสตี’’ติ, ตํ อยุตฺตํ. สนฺตติวเสน หิ รูปารูปธมฺเม อุทยพฺพยโต มนสิ กโรนฺตสฺส อนุกฺกเมน ภาวนาย พลปฺปตฺตกาเล าณสฺส ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา ขณโต อุทยพฺพยา อุปฏฺหนฺตีติ.

๑๒๗๒-๕. อยฺหิ ปมํ ปจฺจยโต อุทยพฺพยํ มนสิ กโรนฺโต ปจฺฉา อวิชฺชาทิเก ปจฺจยธมฺเม วิสฺสชฺเชตฺวา อุทยพฺพยวนฺเต ขนฺเธ คเหตฺวา เตสํ ปจฺจยโต อุทยพฺพยทสฺสนมุเขน ขณโตปิ อุทยพฺพยํ มนสิ กโรติ. ตสฺส ยทา าณํ ติกฺขํ วิสทํ หุตฺวา ปวตฺตติ, ตทา รูปารูปธมฺมา ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชนฺตา, ภิชฺชนฺตา จ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ รูปุทโย โหตี’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวํ รูปุทโยติ เอวํ วุตฺตนเยน อวิชฺชาสมุทยา…เป… ตณฺหาสมุทยา…เป… กมฺม…เป… อาหารสมุทยาปิ รูปสฺส สมฺภโว. เอวมสฺส วโยติ เอวํ วุตฺตนเยเนว อวิชฺชานิโรธา…เป… ตณฺหานิโรธา…เป… กมฺม…เป… อาหารนิโรธา รูปสฺส วโย อนุปฺปาโทติ อยํ ปจฺจยโต วิตฺถาเรน มนสิกาโร. อุเทติ เอวํ รูปมฺปีติ เอวํ สมุทยโต กมฺมสมุฏฺานรูปมฺปิ อาหารอุตุจิตฺตสมุฏฺานรูปมฺปิ อุเทติ อุปฺปชฺชติ นิพฺพตฺตติ. เอวํ รูปํ ตุ เวตีติ กมฺมสมุฏฺานรูปมฺปิ อาหารอุตุจิตฺตสมุฏฺานรูปมฺปิ เอวํ เวติ นิรุชฺฌตีติ อยํ ขณโต วิตฺถาเรน มนสิกาโร. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ ปจฺจยโตเปตฺถ ขณโต อุทยพฺพย’’นฺติ. สพฺพธมฺมา ปากฏา โหนฺตีติ อิติ อิเม ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺติ. ยถา ปจฺจุปฺปนฺเน, เอวํ อตีตานาคเตปีติ นยวเสน อตีตาทิธมฺมานํ ทฺเวธา อุทยพฺพยํ ปสฺสโต สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทนยลกฺขณเภทา ปากฏา โหนฺติ. ตสฺเสวํ ปากฏีภูตสพฺพธมฺมสภาวสฺส ‘‘เอวํ กิร นามิเม ธมฺมา อนุปฺปนฺนปุพฺพา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ นิจฺจนวาว หุตฺวา สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ. น เกวลฺจ นิจฺจนวาว, อุทเก ทณฺฑเกน กตเลขา วิย, อารคฺเค ปิตสาสโป วิย, วิชฺชุสฺจาโร วิย จ ปริตฺตกาลฏฺายิโน อุปฏฺหนฺติ. เตนาห ‘‘อุทเก ทณฺฑราชีวา’’ติอาทิ. อุทเก ทณฺฑราชิอาทโยว กิฺจาปิ อุตฺตรุตฺตริ อติปริตฺตฏฺายิภาวนิทสฺสนตฺถํ ทสฺสิตา, ตถาปิ ทนฺธนิโรธา เอว นิทสฺสิตา, ตโตปิ ลหุตรนิโรธตฺตา สงฺขารานํ. ตถา หิ คมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฏฺุปริเยน ปริมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ, ปาเท จ พทฺธขุรธาราสนฺนิปาตโตปิ สีฆตโร รูปนิโรโธ วุตฺโต, ปเคว อรูปธมฺมานํ. น เกวลํ ปริตฺตตรกาลฏฺายิโนว อุปฏฺหนฺติ, อถ โข อสาราปิ ขายนฺตีติ อาห ‘‘กทลี’’ติอาทิ. ตตฺถ มณฺฑลากาเรน อาวิชฺฌิยมานํ อลาตเมว อลาตจกฺกํ. มนฺโตสธปฺปภาวิตา อินฺทชาลาทิกา มายา.

๑๒๗๖-๗. เอตฺตาวตาติ ยฺวายํ กลาปสมฺมสนนิโยชนโต ปฏฺาย ยาว อุทยพฺพยปฏิเวธาย ภาวนา วิธิ อารทฺโธ, เอตฺตาวตา ภาวนาวิธาเนน กลาปสมฺมสนมฺปิ อุทยพฺพยาณุปฺปาทสฺเสว ปริกมฺมนฺติ. อุทยพฺพยทสฺสนํ าณนฺติ สมฺพนฺโธ. ลกฺขณานิ จ…เป… ิตนฺติ วยธมฺมเมว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนฺจ วยํ อุเปตีติ อิมินา อากาเรน สมปฺาส ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตํ. อธุนา อุปฺปนฺนํ น ตาว พลปฺปตฺตนฺติ อาห ‘‘ตรุณ’’นฺติ. กลาปสมฺมสนาทิวเสน ปวตฺตสมฺมสนํ นิปฺปริยาเยน วิปสฺสนาสมฺํ ลภติ. อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิวเสน ปวตฺตเมว ลภตีติ อาห ‘‘ยสฺส จา’’ติอาทิ.

๑๒๗๘-๘๐. อถสฺส อิมาย ตรุณวิปสฺสนาย วิปสฺสนฺตสฺส ทส วิปสฺสนุปกฺกิเลสา อุปฺปชฺชนฺตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วิปสฺสนายา’’ติอาทิ. เอตายาติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาสงฺขาตาย ตรุณวิปสฺสนาย, น ภงฺคานุปสฺสนาทิสงฺขาตาย ตรุณวิปสฺสนาย, นาปิ นิพฺพิทานุปสฺสนาทิสงฺขาตาย พลววิปสฺสนายาติ อตฺโถ. น หิ ตทา วิปสฺสนุปกฺกิเลสา อุปฺปชฺชนฺตีติ. วิปสฺสกสฺสาติ จ วิปสฺสกสฺเสวาติ เอว-กาโร ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. เตเนว วกฺขติ ‘‘สมฺปตฺตปฏิเวธสฺสา’’ติอาทิ. ทิฏฺิคฺคาหาทิวตฺถุภาเวน วิปสฺสนํ อุปกฺกิเลสนฺตีติ อุปกฺกิเลสา. สมฺปตฺโต จตุสจฺจผลปฏิเวโธ เยน โส สมฺปตฺตปฏิเวโธ, โส จ โสตาปนฺนาทีนํ อฺตโร โหตีติ อาห ‘‘โสตาปนฺนาทิโน’’ติ. อปิจาติ อยํ วกฺขมานสมุจฺจยตฺโถ. อิทฺจ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน วุตฺตํ พลววิปสฺสนาปตฺตสฺสาปิ อนุปฺปชฺชนโต. สมฺปตฺตปฏิเวธสฺสาติ วา พลวิปสฺสนาปตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. โสปิ หิ ปฏิเวธปฺปตฺติยา อาสนฺนารหเทเส ิตตฺตา สมฺปตฺตปฏิเวโธ นาม โหติ. เอวฺจ สติ อปิจาติ วุตฺตสมุจฺจยตฺโถ โหติ. อถ วา อปิ-สทฺโท วุตฺตสมุจฺจยตฺโถ. -สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ. เตน นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานํ สงฺคณฺหาติ. วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อนฺตรา โวสานํ อาปนฺนสฺสาปิ วิปสฺสนุปกฺกิเลสา น อุปฺปชฺชนฺติ. วิปฺปฏิปนฺนสฺสาติ สีลวิปตฺติอาทิวเสน ยถา ตถา วิปฺปฏิปนฺนกสฺส, ครหิตพฺพปฏิปนฺนสฺสาติ อตฺโถ. อถ วา วิปฺปฏิปนฺนสฺสาติ วิปสฺสนาภาวนาสงฺขาตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา อภาเวน วิรหิตปฏิปตฺติกสฺส.

๑๒๘๑. วิปสฺสนาปฏิปตฺติเยว หิ สสมฺภารา ปุพฺพภาเค สมฺมาปฏิปตฺติ, ตทฺา วิปฺปฏิปตฺติ, เตเนวสฺส วิสุทฺธิปกฺเข ‘‘สมฺมาว ปฏิปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. สา จ นิกฺขิตฺตธุรสฺสาปิ โหตีติ อิมสฺมึ ปกฺเข นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺาโนปิ อิมินาว สงฺคหิโต โหตีติ. สมฺมาว ปฏิปนฺนสฺสาติ เหฏฺา วุตฺตวิธาเนน สมฺมา เอว ปฏิปนฺนสฺส, น วิปฺปฏิปนฺนสฺส วา นิกฺขิตฺตธุรสฺส วา. ยุตฺตโยคสฺสาติ ยุตฺเตน โยเคน, าเณน วา ภาวนมนุยุฺชนสีลสฺส. สา ปน ยุตฺตโยคิตา สมถวเสนาปิ โหตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถมาห ‘‘สทา วิปสฺสกสฺเสวา’’ติ. อุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถาปิ เอว-กาโร สมฺพนฺธิตพฺโพ, เตน น นุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. อฺถา มคฺคามคฺคาณสฺเสว อสมฺภวโต. กิราติ อนุสฺสุติยํ. สา ปเนสา อนุสฺสุติ ปาฬิวเสเนว อาคตาติ ทฏฺพฺพํ. ยถาห –

‘‘กถํ ธมฺมุทฺธจฺจวิคฺคหิตํ มานสํ โหติ? อนิจฺจโต มนสิกโรโต โอภาโส อุปฺปชฺชติ, โอภาโส ธมฺโมติ โอภาสํ อาวชฺเชติ, ตโต วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ, เตน อุทฺธจฺเจน วิคฺคหิตมานโส อนิจฺจโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ทุกฺขโต…เป… อนตฺตโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ตถา อนิจฺจโต มนสิกโรโต าณํ อุปฺปชฺชติ…เป… ปีติ ปสฺสทฺธิ สุขํ อธิโมกฺโข ปคฺคโห อุปฏฺานํ อุเปกฺขา นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ, นิกนฺติ ธมฺโมติ นิกนฺตึ อาวชฺเชติ, ตโต วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ, เตน อุทฺธจฺเจน วิคฺคหิตมานโส อนิจฺจโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ทุกฺขโต…เป… อนตฺตโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๖).

๑๒๘๒. อิทานิ เตสํ โอภาสาทีนํ สรูปวิภาวนตฺถํ เตสุ อุปฺปนฺเนสุ วิปสฺสนาย อุปกฺกิลิสฺสนาการฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปสฺสนายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิปสฺสนาย โอภาโสติ วิปสฺสนาจิตฺตสมุฏฺิตํ, สสนฺตติปติตอุตุสมุฏฺานฺจ ภาสุรํ รูปํ. ตตฺถ วิปสฺสนาจิตฺตสมุฏฺานํ โยคิโน สรีรฏฺเมว ปภสฺสรํ หุตฺวา ติฏฺติ, อิตรํ สรีรํ มุฺจิตฺวา าณานุภาวานุรูปํ สมนฺตโต ผรติ, ตํ ตสฺเสว ปฺายติ, เตน ผุฏฺโกาเส รูปคตมฺปิ ปสฺสติ. ปสฺสนฺโต จ จกฺขุวิฺาเณน ปสฺสติ, อุทาหุ มโนวิฺาเณนาติ วีมํสิตพฺพเมตนฺติ วทนฺติ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘ทิพฺพจกฺขุลาภิโน วิย ตํ มโนวิฺาณวิฺเยฺยเมวาติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสตี’’ติ (วิสุทฺธิ. มหา. ๒.๗๓๓) วุตฺตํ.

๑๒๘๓-๔. มคฺคปฺปตฺโต ผลปฺปตฺโต, อหมสฺมีติ คณฺหตีติ ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูโป โอภาโส อุปฺปนฺนปุพฺโพ, อทฺธา อริยมคฺคํ ปตฺโตสฺมิ, ผลํ สจฺฉากาสิ’’นฺติ อมคฺคํเยว ‘‘มคฺโค’’ติ คณฺหาติ. ตสฺเสวํ ปน คณฺหโตติ ตสฺส อมคฺคํเยว ‘‘มคฺโค’’ติ คณฺหนฺตสฺส. วิปสฺสนาวีถีติ ปฏิปาฏิยา ปวตฺตมานา วิปสฺสนาว อุกฺกนฺตา นาม โหติ, โยคิโน ‘‘มคฺคํ ปตฺโตสฺมี’’ติ อธิมาเนน วิสฺสฏฺตฺตา. วิปสฺสนาวีถินฺติปิ ปาโ, ตสฺเสวํ คณฺหโต วิปสฺสนา ตโตเยว วีถึ อุกฺกนฺตา นาม โหตีติ อตฺโถ. โอภาสเมว โส ภิกฺขุ, อสฺสาเทนฺโต นิสีทตีติ โส ภิกฺขุ อตฺตนา อารทฺธํ วิปสฺสนํ วิสฺสชฺเชตฺวา โอภาสเมว โลภวเสน วา ทิฏฺิวเสน วา อสฺสาเทนฺโต นิสีทติ. โส โข ปนายํ โอภาโส กสฺสจิ ภิกฺขุโน ปลฺลงฺกฏฺานมตฺตเมว โอภาเสนฺโต อุปฺปชฺชติ, กสฺสจิ อนฺโตคพฺภํ, กสฺสจิ พหิคพฺภํ, กสฺสจิ สกลวิหารํ คาวุตํ อฑฺฒโยชนํ โยชนํ ทฺวิโยชนํ ติโยชนํ, กสฺสจิ ปถวีตลโต ปฏฺาย ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา เอกาโลกํ กุรุมาโน, ยถา สมุทฺทมฺหิ โยชนมตฺเต มจฺฉกจฺฉปา ปฺายนฺติ, เอวํ อุปฺปชฺชนฺติ. ภควโต ปน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอภาเสนฺโต อุทปาทิ.

๑๒๘๕. วิปสฺสนาปีตีติ วิปสฺสนาจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปีติ. ขุทฺทิกาทิกา เหฏฺา วณฺณิตาเยว, อยฺจ ปฺจวิธา ปีติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาย วีถิปฏิปนฺนาย อนุกฺกเมน อุปฺปชฺชติ. มตฺถกปฺปตฺเตน ปน อุทยพฺพยาเณน สทฺธึ ผรณาปีติเยว โหติ. อุปจารปฺปนกฺขณโต อฺทาปิ หิ ผรณาปีติ โหติเยวาติ. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สกลสรีรํ ปูรยมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๔; ธ. ส. อฏฺ. ๑.ธมฺมุทฺเทสวาร ฌานงฺคราสิวณฺณนา).

๑๒๘๖-๗. โยคิโน…เป… โหนฺติ หีติ ยสฺสายํ ปสฺสทฺธิ อุปฺปนฺนา, ตสฺส โยคิโน รตฺติฏฺาเน วา ทิวาฏฺาเน วา นิสินฺนสฺส กายจิตฺตานิ ปสฺสทฺธาเนว โหนฺติ, เนว ทรโถ โหตีติ อตฺโถ. ปสฺสทฺธิอาทีนิ ฉ ยุคฬานิ อฺมฺโยคีนีติ ปสฺสทฺธิยา อุปฺปนฺนาย อิตราปิ อุปฺปนฺนาเยว โหนฺตีติ กิจฺจทสฺสนมุเขน ตา สพฺพาปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ลหูนิ จา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ กาย-คฺคหเณน รูปกายสฺสาปิ คหณํ เวทิตพฺพํ, น เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺเสว. กายปสฺสทฺธิอาทโย หิ รูปกายสฺสาปิ ทรถาทินิมฺมทฺทกาติ. กมฺมฺาเนว โหนฺตีติ น เกวลํ กมฺมฺาเนว สุวิสทานิ อุชุกานิเยว โหนฺติ, อวินาภาวิตาย ปน ตทุภยํ วิสุํ น วุตฺตํ. กายจิตฺตานํ ปสฺสทฺธาทิภาโว จ เตสํ อปสฺสทฺธาทิเหตุภูตานํ อุทฺธจฺจาทิถินมิทฺธาทิทิฏฺิมานาทิเสสนีวรณาทิอสฺสทฺธิยาทิมายาสาเยฺยาทิสํกิเลสธมฺมานํ วิทฺธํสนวเสเนว ตทา วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺตนโต.

๑๒๘๘-๙๐. มนุสฺสานํ อยนฺติ มานุสี, มนุสฺสโยคฺยกามสุขรติ. ตาทิเสหิ มนุสฺสวิเสเสหิ อนุภวิตพฺพตานติวตฺตนโต ทิพฺพรติปิ สงฺคหิตา, มานุสีสทิสตาย, กามสุขภาเวน ทิพฺพา รติ วา มานุสี, ตสฺสา อติกฺกนฺตตาย น มานุสีติ อมานุสี, ตํ อมานุสึ. สุฺาคารนฺติ ยํ กิฺจิ วิวิตฺตํ เสนาสนํ, วิปสฺสนํ เอว วา, สาปิ หิ นิจฺจภาวาทิสุฺตาย, โยคิโน สุขสนฺนิสฺสยตาย จ ‘‘สุฺาคาร’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. จิตฺตสฺส อนุปสมกรานํ กิเลสานํ วิคเมน สนฺตจิตฺตสฺส สํสาเร ภยสฺส อิกฺขเนน ภิกฺขุโน สมฺมา าเยน รูปารูปธมฺมานํ อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิวเสน เต วิปสฺสโต สมฺมสโต สมฺมารทฺธวิปสฺสนานํ มนุสฺสานํ วิสยตาย อมานุสี วิปสฺสนาปีติสุขสฺิตา รติ โหตีติ อยเมตฺถ คาถาย สงฺเขปตฺโถ. ทุติยคาถา ปน อุทยพฺพยาณเมว สนฺธาย วุตฺตา. ตตฺถ ยโต ยโตติ รูปโต, อรูปโต วา.

๑๒๙๑. าณาทโยติ าณสทฺธาทโย สตฺต. วุตฺตนเยนาติ ‘‘าณนฺติ วิปสฺสนาาณํ, สทฺธาติ วิปสฺสนาจิตฺตสมฺปยุตฺตา สทฺธา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรน วิปสฺสนาวเสเนว เยฺยา. ตตฺถ าณํ รูปารูปธมฺเม อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน ตุลยนฺตสฺส ตีเรนฺตสฺส วิสฺสฏฺอินฺทวชิรมิว อวิคตเวคํ ติขิณํ สูรํ อติวิสทํ อุปฺปชฺชติ. ตถา หิ เตน โยคี ‘‘มคฺคํ ปตฺโตสฺมี’’ติ มฺติ. สทฺธาติ กิเลสกาลุสิยาปคเมน จิตฺตเจตสิกานํ อติสยปสาทภูตา พลวตี สทฺธา, น ปน กมฺมผลํ, รตนตฺตยํ วา สทฺทหนวเสน ปวตฺตา. สติปิ สูปฏฺิตา อจลา ปพฺพตราชสทิสา อุปฺปชฺชติ. อิมิสฺสา จ อุปฺปนฺนาย โส ยํ ยํ านํ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ตํ านมสฺส อนุปวิสิตฺวา โอกฺขนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปริภณฺฑภูตสฺส ยถากมฺมูปคาณสฺส อุปฏฺหนฺเต ปรโลกวิสยตฺตา วณฺณายตนวิสยมตีตนฺติ ทิพฺพจกฺขุโน ปรโลโก วิย สติยา อุปฏฺาติ. สุขํ ปน สกลสรีรํ อภิสนฺทมานํ อติปณีตํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมิฺหิ อุปฺปนฺเน ตํสมุฏฺิเตหิ อติปณีเตหิ รูเปหิ สพฺโพ กาโย ปริผุโฏ, ปริพฺรูหิโต จ โหติ. อุเปกฺขา ปน วิปสฺสนุเปกฺขา เจว อาวชฺชนุเปกฺขา จ. ตตฺถ วิจินิตวิจยตฺตา สงฺขารานํ วิจินเน มชฺฌตฺตภาเวน ิตา วิปสฺสนุเปกฺขา. สา ปน อตฺถโต ตถาปวตฺตา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว. มโนทฺวาราวชฺชนจิตฺตสมฺปยุตฺตา เวทนา อาวชฺชเน อชฺฌุเปกฺขนวเสน ปวตฺติยา อาวชฺชนุเปกฺขาติ วุจฺจติ. ทุวิธา ปเนสา ตทา อุปฺปชฺชติ. ตถา หิ ตสฺมึ สมเย สพฺพสงฺขารานํ อุทยพฺพเย มชฺฌตฺตภูตา วิปสฺสนุเปกฺขา พลวตี อุปฺปชฺชติ, มโนทฺวาเร อาวชฺชนุเปกฺขาปิ. สา หิสฺส ตํ ตํ านํ อาวชฺชนฺตสฺส วิสฺสฏฺอินฺทวชิรมิว, ปตฺตปุเฏ ปกฺขนฺทตตฺตนาราโจ วิย จ สูรา ติขิณา หุตฺวา ปวตฺตติ. วีริยมฺปิ อสิถิลมนจฺจารทฺธํ สมฺปยุตฺตธมฺเม กิเลสปกฺขโต โกสชฺชปกฺขโต ปคฺคณฺหนฺตํ สุปคฺคหิตมุปฺปชฺชติ, นิกนฺติ จ โอภาสาทิปฏิมณฺฑิตาย วิปสฺสนาย อาลยํ กุรุมานา ภาวนาย สาติสยปฺปวตฺติยา สุขุมา สนฺตาการา อุปฺปชฺชติ. ยา กิเลโสติ ปริคฺคหิตุมฺปิ น ยุตฺตา. ยถา จ โอภาเส, เอวํ เอเตสุปิ อฺสฺมึ อุปฺปนฺเน โยคาวจโร ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูปา ปีติ อุปฺปนฺนปุพฺพา, เอวรูปา ปสฺสทฺธิ าณํ สทฺธา สติ สุขํ อุเปกฺขา วีริยํ นิกนฺติ อุปฺปนฺนปุพฺพา, อทฺธา มคฺคผลปฺปตฺโตสฺมี’’ติ คณฺหาติ, ตสฺเสวํ คณฺหโต วิปสฺสนา วีถิอุกฺกนฺตา นาม โหติ. โส เตเยว อสฺสาเทนฺโต นิสีทติ. อิเม จ ปน วิปสฺสนุปกฺกิเลสา เยภุยฺเยน สมถวิปสฺสนาลาภิโน อุปฺปชฺชนฺติ. โส สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตานํ กิเลสานํ อสมุทาจารโต ‘‘อรหา อห’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตีติ.

๑๒๙๒-๓. อุปกฺเลสสฺส วตฺถุโตติ นิปฺปริยายโต ทิฏฺิมานตณฺหา อิธ อุปกฺกิเลสา เตสํ วตฺถุโต อุปฺปตฺติฏฺานตาย, น สภาวโต อกุสลตฺตา. ยถา ปน โอภาสาทโย, เอวํ นิกนฺติปิ ทิฏฺิคฺคาหาทีนํ านํ โหตีติ วตฺถุภาโวปิสฺสา ยุชฺชเตว. ตํตมาวชฺชมานสฺส, ภาวนา ปริหายตีติ ตํ ตํ โอภาสาทิกํ อาวชฺชมานสฺส ทิฏฺิมานตณฺหาวเสน ‘‘มม โอภาโส’’ติอาทิคฺคาหํ ปวตฺเตนฺตสฺส ภาวนา วีถึ โอกฺกมิตฺวา ปริวฏฺฏติ. อปฺปํ สุตเมตสฺสาติ อปฺปสฺสุโต.

๑๒๙๔-๗. พหุสฺสุโต ปน โอภาสาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘อยํ โข เม โอภาโส อุปฺปนฺโน, โส โข ปนายํ อนิจฺโจ สงฺขโต ปฏิจฺจสมุปฺปนฺโน ขยธมฺโม วยธมฺโม วิราคธมฺโม นิโรธธมฺโม’’ติ วา, สเจ โอภาโส อตฺตา ภเวยฺย, อตฺตาติ คเหตุํ วฏฺเฏยฺย, อนตฺตา จ ปนายํ อตฺตาติ คหิโต, ตสฺมา ‘‘โส อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺโจ, อุทยพฺพยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺโข’’ติอาทินา สมนุปสฺสติ, โส เอวํ สมนุปสฺสนฺโต อุปกฺกิเลสชฏํ วิชเฏตฺวา โอภาสาทโย ธมฺมา น มคฺโค, อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตํ ปน วีถิปฏิปนฺนํ วิปสฺสนาาณํ มคฺโคติ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ววตฺถเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺโพภาสาทโย’’ติอาทิ. มคฺคามคฺเคสุ าณนฺติ มคฺคามคฺคาณํ, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธีติ วุตฺตํ โหติ. มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิปตฺติยา จ เตน โยคินา ติณฺณํ สจฺจานฺจ ววตฺถานํ กตํ โหติ. กถํ? ทิฏฺิวิสุทฺธิยา ตาว นามรูปววตฺถาปเนน ทุกฺขสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยา ปจฺจยปริคฺคเหน สมุทยสจฺจสฺส ววตฺถานํ. อภิธมฺมนยสฺมิฺหิ สพฺพกิเลสา, กมฺมฺจ สมุทยสจฺจํ, อิมิสฺสํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิยํ สมฺมา มคฺคสฺส อวธารเณน มคฺคสจฺจํ. ตทุปายภูตสฺส หิ มคฺคสฺส อวธารเณน ตํ อวธาริตเมวาติ เอวํ โลกิเยเนว ตาว าเณน ติณฺณํ สจฺจานํ ววตฺถานํ กตํ โหติ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๑. เอกวีสติโม ปริจฺเฉโท

ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๒๙๘. อฏฺาณวเสเนวาติ อุทยพฺพยาณาทีนํ อฏฺนฺนํ าณานํ วเสน. วิปสฺสนาจารสฺส มตฺถกปฺปตฺติยา สงฺขารุเปกฺขาาณํ สิขาปตฺตา วิปสฺสนา. สิขาปตฺติ ปนสฺสา อุทยพฺพยาณาทีนํ อฏฺาณานํ วเสนาติ อาห ‘‘อฏฺาณวเสนา’’ติ. นวมนฺติ สจฺจานุโลมิกาณํ. อิติ อุทยพฺพยาทีนิ อฏฺ, อิทฺจ นวมาณํ ปฏิปทาาณทสฺสนนฺติ ปวุจฺจติ. ปฏิปชฺชติ เอตาย อริยมคฺโคติ ปฏิปทา, อุทยพฺพยาทีนํ ชานนฏฺเน, ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน าณทสฺสนฺจาติ กตฺวา.

๑๒๙๙. ตานิ ปน าณานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺ าณานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุทยพฺพยานุปสฺสนาาณํ กิฺจาปิ ตีรณปริฺาย ปติฏฺํ, ตถาปิ ยถาวุตฺตฏฺเน ปฏิปทาาณทสฺสนมฺปิ โหติเยวาติ ตมฺปิ อิธ วุตฺตํ. อิตรตฺถ ปน อุปฺปนฺนมตฺตํ อปฺปคุณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อปฺปคุณฺหิ นิจฺจสฺาทิปหานสิทฺธิยา ปหานปริฺาย อธิฏฺานภูตํ. ยโต ตทธิคเมน อฏฺารสสุ มหาวิปสฺสนาสุ เอกจฺจา อธิคตาว โหนฺติ. น หิ อุทยพฺพยานํ ปจฺจกฺขโต ปฏิเวเธน วินา สามฺาการานํ ตีรณมตฺเตน สาติสยํ ปฏิปกฺขปฺปหานํ สมฺภวติ. อสติ จ ปฏิปกฺขปฺปหาเน กุโต าณาทีนํ วชิรมิว อวิหตเวคตา ติขิณวิสทาทิตา วา, ตสฺมา ปคุณภาวปฺปตฺตํ อุทยพฺพยาณํ ปหานปริฺาปกฺขิยเมว ทฏฺพฺพํ.

๑๓๐๐-๒. ภงฺเคติ สงฺขารานํ ภงฺเค. ยถาภูตทสฺสาวี ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, เตภูมกธมฺมา, เตสุ ภยโต อุปติฏฺนฺเตสุ ภายิตพฺพาการคฺคาหิาณํ ภเยาณํ. ตถา เหตํ ‘‘ภยตุปฏฺานาณ’’นฺติ วุจฺจติ. มุจฺจิตุํ อิจฺฉตีติ มุจฺจิตุกมฺยํ, จิตฺตํ, ปุคฺคโล วา, ตสฺส ภาโว มุจฺจิตุกมฺยตา, ตํ ปน าณเมวาติ อาห ‘‘าณํ มุจฺจิตุกมฺยตา’’ติ. ปุน ปฏิสงฺขานากาเรน ปวตฺตํ าณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณํ. นิรเปกฺขตาย สงฺขารานํ อุเปกฺขนวเสน ปวตฺตํ าณํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ. คาถาพนฺธตฺถํ ปน วิสนฺธินิทฺเทโส. โอฬาริโกฬาริกสฺส สจฺจปฏิจฺฉาทกตมสฺส วิคมเนน สจฺจปฏิเวธานุกูลตฺตา สจฺจานุโลมิกํ. ตํ ปน อิทนฺติ อาห ‘‘สจฺจานุโลมาณนฺติ, อนุโลมํ ปวุจฺจตี’’ติ.

๑๓๐๓. นนุ จ อุทยพฺพยาณสฺส ปเคว สิทฺธตฺตา กิมตฺถํ ปุน ตตฺถาปิ อภิโยโคติ เจ? อนิจฺจาทิลกฺขณสลฺลกฺขณตฺถํ. อุทยพฺพยาณฺหิ เหฏฺา ทสหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺํ หุตฺวา ยาถาวสรสโต ติลกฺขณํ สลฺลกฺเขตุํ นาสกฺขิ, อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตํ ปน สกฺโกติ, ตสฺมา ลกฺขณสลฺลกฺขณตฺถํ ปุน ตตฺเถว โยโค กาตพฺโพ. ลกฺขณานิ จสฺส อุทยพฺพยาทีนํ อมนสิการา, สนฺตติอิริยาปถฆนฉนฺนตาย จ โนปฏฺหนฺติ, ตสฺมา อุทยพฺพยํ มนสิ กตฺวา สนฺตตึ อุคฺฆาเฏตฺวา อนิจฺจลกฺขณํ, อภิณฺหปีฬนํ ปริคฺคเหตฺวา อิริยาปถํ อุคฺฆาเฏตฺวา ทุกฺขลกฺขณํ, ธาตุโย วินิพฺภุชิตฺวา ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา อนตฺตลกฺขณฺจ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’’ติ สงฺขารา ปุนปฺปุนํ สมฺมสิตพฺพา. ตสฺเสวํ ตุลยโต ตีรยโต ยทา สงฺขารคตํ อตฺตโน ลหุอุปฏฺาเนน, าณสฺส จ ติกฺขตาย ติโรหิตุปฺปาทาทิเภทํ ภิชฺชมานเมว อุปฏฺาติ, ภงฺเคเยว ตสฺส าณํ สนฺติฏฺติ, ตทา ภงฺคานุปสฺสนา นาม วิปสฺสนาาณํ อธิคตํ โหติ. ตสฺส ตเทว สงฺขารนิโรธารมฺมณภงฺคานุปสฺสนํ อาเสวนฺตสฺส ยทา สพฺพภวโยนิคติฏฺิตินิวาเสสุ สงฺขารา ภิชฺชนสภาวตาย ยกฺขรกฺขสาทโย วิย มหาภยํ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, ตทาสฺส ภยตุปฏฺานาณํ อธิคตํ โหติ. กึ ปนิทํ าณํ ภายตีติ? น ภายติ. ตฺหิ ‘‘อตีตา สงฺขารา นิรุทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติ, อนาคตา นิรุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ ตีรณมตฺตเมว โหติ, พฺยสนาปนฺนานํ ปน สพฺพสงฺขารานํ ภยโต อุปฏฺิตานํ คหเณน ภยตุปฏฺานาณนฺติ วุจฺจตีติ.

ตสฺส ตํ ภยตุปฏฺานาณํ อาเสวนฺตสฺส ยทา สพฺพภวคเตสุ สงฺขาเรสุ ตาณํ วา เลณํ วา ปรายณํ วา น ปฺายติ, อุกฺขิตฺตาสิโก วิย ปจฺจามิตฺโต สาทีนวา เอว สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ, ตสฺส สงฺขารานํ อาทีนวเมว ปสฺสนฺตสฺส อาทีนวาณํ นาม อุปฺปนฺนํ โหติ. ตสฺเสวํ สพฺพสงฺขาเร อาทีนวโต ปสฺสนฺตสฺส ยทา ติภวปริยาปนฺเนสุ นิพฺเพโท อุปฺปชฺชติ, อุกฺกณฺา สณฺหนฺติ, สพฺพสงฺขารวิสํยุตฺเต สนฺติปเท อภิรตึ ปฏิลภติ, ตทาสฺส นิพฺพิทานุปสฺสนํ นาม าณํ อุปฺปนฺนํ โหติ. ตสฺส ยทา อิมินา นิพฺพิทาาเณน สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทนฺตสฺส เอกสงฺขาเรปิ จิตฺตํ น สชฺชติ, สพฺพสฺมา สงฺขารโต สปฺปมุขคตสฺส วิย มณฺฑูกสฺส มุจฺจิตุกามตา อุปฺปชฺชติ, ตทา มุจฺจิตุกมฺยตาาณํ นาม อุปฺปนฺนํ โหติ. ตสฺเสวํ สพฺพสงฺขาเรหิ มุจฺจิตุกามสฺส นิจฺจสุขสุภอตฺตากาเรน ปน อุปฏฺิตุํ อสมตฺถตํ ปาเปตฺวา มุจฺจนสฺส อุปายสมฺปาทนตฺถํ อนิจฺจนฺติกตาทีหิ อนิจฺจลกฺขณํ, อภิณฺหปฏิปีฬนตาทีหิ ทุกฺขลกฺขณํ, อชฺกตาทีหิ ปฏิกฺกูลตํ, ตุจฺฉตาทีหิ อนตฺตลกฺขณฺจ อาโรเปตฺวา สพฺพสงฺขารคตํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณํ นาม อุปฺปนฺนํ โหติ. เตน ปเนวํ ปริคฺคหิตสงฺขาเรน ยา สา ‘‘สุฺมิทํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา’’ติอาทินา ทฺวิโกฏิกาทิเภทา สุฺตา วุตฺตา, สา ปริคฺคเหตพฺพา. ตสฺเสวํ สุฺโต ทิสฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สมฺมสนฺตสฺส ยทา ภยฺจ นนฺทิฺจ วิปฺปหาย วิสฺสฏฺภริยสฺส วิย สงฺขารคเตสุ อุเปกฺขา สนฺติฏฺติ, ตีสุ ภเวสุ จิตฺตํ น สมฺปสาริยติ, ตทาสฺส สงฺขารุเปกฺขาาณํ นาม อุปฺปนฺนํ โหติ. ตํ ปเนตํ ยาว นิพฺพานํ น ปสฺสติ, ตาว ทิสากาโก วิย กูปกยฏฺึ ปุนปฺปุนํ สงฺขารเมว อนภิมตมฺปิ นิสฺสาย สงฺขารวิจินเนปิ มชฺฌตฺตเมว หุตฺวา ติฏฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอเตสุ ปน าเณสู’’ติอาทิ.

๑๓๐๖. วิปสฺสนา…เป… วุฏฺานคามินีติ สิขํ อุตฺตมภาวํ ปตฺตตฺตา สิขาปตฺตา. วุฏฺานํ คจฺฉตีติ วุฏฺานคามินี. ‘‘วุฏฺาน’’นฺติ หิ พหิทฺธา นิมิตฺตภูตา อภินิวิฏฺวตฺถุโต เจว อชฺฌตฺตปฺปวตฺตโต จ วุฏฺหนโต มคฺโค วุจฺจติ, ตํ คจฺฉตีติ วุฏฺานคามินี, มคฺเคน สทฺธึ ฆฏียตีติ อตฺโถ.

๑๓๐๗. นฺติ ยํ สิขาปตฺตา วิปสฺสนา สจฺจานุโลมาณนฺติ จ วุจฺจติ, ตํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ. อาเสวนฺตสฺสาติ ปุนปฺปุนํ สมฺมสนวเสน เสวนฺตสฺส ภาเวนฺตสฺส พหุลีกโรนฺตสฺส. ตสฺส หิ อธิโมกฺขสทฺธา ภาวนาวเสน พลวตรา นิพฺพตฺติสฺสติ, วีริยํ สุปคฺคหิตํ ปฏิปกฺขวิธมนสมตฺถํ โหติ, อารมฺมณาภิมุขภาเวน สติ สุปติฏฺิตา โหติ, ปสฺสทฺธิสุขานํ สาติสยตาย จิตฺตํ สุสมาหิตํ, ตโตว อนุโลมาณุปฺปตฺติยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถา ติกฺขตมา สงฺขารุเปกฺขา อุปฺปชฺชติ.

๑๓๐๘-๑๒. อนิจฺจา…เป… โวตรเตว สาติ อนิจฺจาทีสุ เอเกน อากาเรน สมฺมสนฺตี สตฺตกฺขตฺตุํ ปวตฺติตฺวา ภิชฺชนฺตี ภวงฺคํ โอติณฺณา นาม โหติ, ตโต ปรํ ภวงฺควาโรติ กตฺวา. สงฺขารุเปกฺขากตนเยนาติ อนิจฺจาทินา อารมฺมณกรณวเสเนว สงฺขารุเปกฺขาย กตนเยน, น สมฺมสิตนเยน. เตนาห ‘‘อนิจฺจาทิ…เป… กุรุมาน’’นฺติ. ภวงฺคาวฏฺฏนํ กตฺวาติ ภวงฺคสฺส นิวตฺตนํ กตฺวา จิตฺตสฺส ภวงฺควเสน ปวตฺติตุํ อทตฺวา. ปริกมฺมนฺติ มคฺคสฺส ปริกมฺมตฺตา ปฏิสงฺขารกตฺตา. อุปจารนฺติ มคฺคสฺส อาสนฺนตฺตา, สมีปจาริตฺตา วา.

๑๓๑๓-๖. อนุโลมตฺตํ สยเมว วทติ ‘‘ปุริมาน’’นฺติอาทินา. อิทฺหิ อนิจฺจลกฺขณาทิวเสน สงฺขาเร อารพฺภ ปวตฺตตฺตา, ‘‘อุทยพฺพยวนฺตานํเยว วต ธมฺมานํ อุทยพฺพยาณํ อุปฺปาทวเย อทฺทสา’’ติ จ ‘‘ภงฺควนฺตานํเยว วต ภงฺคานุปสฺสนํ ภงฺคมทฺทสา’’ติ จ ‘‘สภยํเยว วต ภยตุปฏฺานสฺส ภยโต อุปฏฺิต’’นฺติ จ ‘‘สาทีนเวเยว วต อาทีนวานุปสฺสนํ อาทีนวมทฺทสา’’ติ จ ‘‘นิพฺพินฺทิตพฺเพเยว วต นิพฺพิทาาณํ นิพฺพินฺท’’นฺติ จ ‘‘มุจฺจิตพฺพมฺหิเยว วต มุจฺจิตุกมฺยตาาณํ มุจฺจิตุกามํ ชาต’’นฺติ จ ‘‘ปฏิสงฺขาตพฺพเมว วต ปฏิสงฺขาาเณน ปฏิสงฺขาต’’นฺติ จ ‘‘อุเปกฺขิตพฺพํเยว วต สงฺขารุเปกฺขาย อุเปกฺขิต’’นฺติ จ อตฺถโต วทมานํ วิย อิเมสฺจ อฏฺนฺนํ าณานํ กตกิจฺจตาย อนุโลเมติ สพฺพาสํเยว วิปสฺสนานํ ลกฺขณตฺตยสมฺมสนกิจฺจตฺตา, ตถา อุปริ จ อริยมคฺเค สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตาย ปฏิปทาย ปตฺตพฺพตาย. น หิ อนุโลมาเณ ถูลถูลสจฺจปฏิจฺฉาทกสํกิเลสวิกฺขมฺภนวเสน อปฺปวตฺตนฺเต โคตฺรภุาณํ อุปฺปชฺชติ, โคตฺรภุาเณ จ อนุปฺปนฺเน มคฺคาณํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ปุริมปจฺฉิมานํ ภาคานํ อนุโลมตฺตา ‘‘อนุโลมนฺติ สฺิต’’นฺติ. เตเนวาติ เหฏฺิมาณานํ อนุโลมมุเขน, อุปริ โพธิปกฺขิยานํ อนุโลมนโต จ. สจฺจานุโลมาณนฺติ ปวุจฺจติ มคฺคสจฺจสฺส อนุโลมิกตฺตา. วุฏฺานคามินิยาติ สงฺขารารมฺมณาย วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย. ปริโยสานนฺติ ปุริมา โกฏิ. สงฺขารารมฺมณวิปสฺสนาสุ หิ อยํ วิเสสโต วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาติ. อสงฺขตารมฺมณํ ปน สพฺเพน สพฺพํ อริยมคฺคสงฺขาตํ วุฏฺานํ คจฺฉติ อุเปตีติ. ตโตปิ หิ วิเสสโต ‘‘วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ อาห ‘‘เยฺยํ สพฺพปฺปกาเรนา’’ติอาทิ.

๑๓๑๗-๘. กิตฺติตาติ โถมิตา, อริยมคฺคาธิฏฺานตาย มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสนโต คเวสนโต มเหสินา สมฺมาสมฺพุทฺเธน. สนฺตกิเลสตาย สนฺตา. โยคนฺติ ภาวนํ, ภาวนาภิโยคํ วา.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๒. พาวีสติโม ปริจฺเฉโท

าณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

๑๓๑๙-๒๑. อิทานิ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา นิทฺเทเส อนุปฺปตฺเต สา ยสฺส าณสฺส อนนฺตรํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘อิโต ปร’’นฺติอาทิมาห. อิโต ปรนฺติ อิโต อนุโลมาณโต อุปริ. อาวชฺชนิยานตฺตาติ อาวชฺชนกิจฺจํ กโรนฺตํ กิริยมโนธาตุ วิย มคฺคสฺส อาวชฺชนฏฺาเน ิตตฺตา อพฺโพหาริกเมว อุภยวิสุทฺธิลกฺขณาภาวโต. กิฺจาปิ เอวํ, ตถาปิ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาย ปริโยสานตฺตา วิปสฺสนาปกฺขิยเมวาติ อาห ‘‘วิปสฺสนาย โสตสฺมึ, ปติตตฺตา วิปสฺสนา’’ติ. เอเตนสฺส ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิภชนํ ทสฺเสติ.

๑๓๒๒. ปุถุชฺชเนสุ ภวํ โปถุชฺชนิกํ, ตเทว โคตฺตํ อริเยหิ อสมฺมิสฺสา ปุถุชฺชนสมฺาติ โปถุชฺชนิกโคตฺตํ. เอกวํสชานฺหิ สมานา สมฺา ‘‘โคตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, คํ ตายติ พุทฺธึ, อภิธานฺจ เอกํสิกวิสยตาย รกฺขตีติ กตฺวา. วา-สทฺโท วกฺขมานตฺถวิกปฺปเน. อภิภุยฺย ปวตฺติโต โคตฺรภูติ สมฺพนฺโธ. โคตฺตํ วุจฺจติ นิพฺพานํ ‘‘อริโย’’ติ พุทฺธิยา, อภิธานสฺส จ ตายนโต ปวตฺตนโตติ อธิปฺปาโย. ตโต ภวตีติ ตโต โคตฺตโต อารมฺมณปจฺจยโต ภวติ. อิติ-สทฺโท เจตฺถ เหตุตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตน ยสฺมา ตโต ภวติ, ตสฺมา โคตฺรภูติ อตฺโถ.

๑๓๒๓-๕. าณทสฺสนวิสุทฺธิ เอว าณทสฺสนสุทฺธิกํ. ตํ สมฺปาเทตุํ ปนิจฺฉตา เตน ภิกฺขุนา ยํ อฺํ กิฺจิปิ กาตพฺพํ, ตํ นตฺถีติ สมฺพนฺโธ. กสฺมา นตฺถีติ เจ อาห ‘‘ยํ หี’’ติอาทิ. ‘‘กตเมวา’’ติ วุตฺเต ‘‘กถ’’นฺติ อนุโยคสฺส อุปฏฺิตตฺตา ‘‘อนุโลมาวสานํ หี’’ติอาทินา ตํ สมตฺเถติ.

๑๓๒๖-๗. เอวํ อุปฺปนฺนอนุโลมาณสฺส ปนสฺส เอเตหิ ตีหิปิ อนุโลมาเณหิ อตฺตโน พลานุรูเปน ถูลถูเล สจฺจปฏิจฺฉาทกตมมฺหิ อนฺตรธาปิเต สพฺพสงฺขารคเต จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ, น ลคฺคติ, ปทุมปลาสโต อุทกํ วิย ปติกุฏติ ปติวฏฺฏติ, สพฺพํ นิมิตฺตารมฺมณมฺปิ สพฺพํ ปวตฺตารมฺมณมฺปิ ปลิโพธโต อุปฏฺาติ, อถสฺส สพฺพสฺมึ นิมิตฺตปฺปวตฺตารมฺมเณ ปลิโพธโต อุปฏฺิเต ทุติยสฺส วา ตติยสฺส วา อนุโลมาณสฺส อนนฺตรํ โคตฺรภุาณํ อุปฺปชฺชติ. เตนาห ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ. ปมาวชฺชนฺเจว ปมาโภคตาปิ จาติ ปมาวชฺชนํ ปมาโภคภูตํ. สกตฺเถ หิ อยํ ตา-ปจฺจโยติ. ตตฺถ อาวชฺชนํ จิตฺตสนฺตานสฺส ปริณามนวเสน, อาโภโค อตฺตโน อาภุชนวเสน ทฏฺพฺโพ.

๑๓๒๘-๓๓. อนนฺตราทีหีติ อนนฺตรสมนนฺตรอาเสวนอุปนิสฺสยนตฺถิวิคตวเสน ฉหิ ปจฺจเยหิ. มุทฺธนฺติ มุทฺธภูตํ. เอกนฺติกตาย เอกวารเมว จ อุปฺปชฺชนโต ปุนราวตฺตาภาเวน ปน อนาวตฺตํ. อนาวชฺชนมฺปิ จาติ อนาวชฺชนมฺปิสมานํ. สฺํ ทตฺวา วิยาติ ‘‘เอวํ อุปฺปชฺชาหี’’ติ สฺํ ทตฺวา วิย. อนิพฺพิทฺธปุพฺพนฺติ อปทาลิตปุพฺพํ. วิทฺธํเสนฺโตวาติ วินาเสนฺโต เอว. ชายตีติ นิพฺพตฺตติ. เอตฺถ จ อิมํ อุปมํ อาหรนฺติ – เอโก กิร อิสฺสาโส อฏฺอุสภมตฺเต ปเทเส ผลกสตํ ปาเปตฺวา วตฺเถน มุขํ เวเตฺวา สรํ สนฺนยฺหิตฺวา จกฺกยนฺเต อฏฺาสิ, อฺโ ปุริโส จกฺกยนฺตํ อาวิชฺฌิตฺวา ยทา อิสฺสาสสฺส ผลกํ อภิมุขํ โหติ, ตทา ตตฺถ ทณฺฑเกน สฺํ เทติ. อิสฺสาโส ทณฺฑกสฺํ อมุฺจิตฺวาว สรํ ขิปิตฺวา ผลกสตนิพฺพิชฺฌติ. ตตฺถ ทณฺฑกสฺํ เทนฺโต วิย โคตฺรภุาณํ, อิสฺสาโส วิย มคฺคาณํ, ทณฺฑกสฺํ อมุฺจิตฺวาว ผลกสตํ นิพฺพิชฺฌนํ วิย มคฺคาณสฺส โคตฺรภุาเณน ทินฺนสฺํ อมุฺจิตฺวาว นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อนิพฺพิทฺธปุพฺพานํ อปทาลิตปุพฺพานํ โลภโทสโมหกฺขนฺธานํ นิพฺพิชฺฌนนฺติ.

๑๓๓๕-๘. อนามตคฺค…เป… มโหทธินฺติ อฏฺมภวโต ปฏฺาย นิพฺพตฺตกํ อฺาตโกฏึ สํสารวฏฺฏทุกฺขมหาสมุทฺทํ. ปาณาติปาตาทิปฺจเวรานิ เจว ปฺจวีสติ มหาภยานิ จาติ สพฺพเวรภยานิ. อเนเกปิ อานิสํเสติ รตนตฺตเย นิวิฏฺสทฺธาทิเก อานิสํเส. อาทิมคฺเคนาติ โสตาปตฺติมคฺคสงฺขาเตน ปมมคฺเคน. ปมมคฺคาณวณฺณนา.

๑๓๓๙. ตสฺเสวานนฺตรนฺติ ตสฺส อนนฺตรํเยว. ทฺเวปิ ตีณิ วาติ นาติติกฺขปฺสฺส ทฺเว, ติกฺขปฺสฺส ตีณิ ผลจิตฺตานิ.

๑๓๔๐-๓. ‘‘อชานิตฺวา วทนฺติ เต’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺจมํ มคฺคจิตฺตนฺติ อิมินาว ฉฏฺสฺส อภาวทีปเนน ‘‘เอกํ ผลจิตฺต’’นฺติ วทโต โคทตฺตตฺเถรสฺส วาโทปิ ปฏิกฺขิตฺโต.

๑๓๔๔. ‘‘เอตฺตาวตา’’ติ ปมมคฺคสฺส อุปฺปตฺติอนนฺตรํ ผลสฺส อุปฺปตฺติมตฺเตน. โสตาปนฺโนติ วุจฺจตีติ โสตาปนฺโน นาม ทุติโย อริยปุคฺคโลติ วุจฺจติ. โส เทวรชฺชจกฺกวตฺติรชฺชาทิปมาทฏฺานํ อาคมฺม ภุสํ ปมตฺโตปิ หุตฺวา กามสุคติยํ สตฺตกฺขตฺตุเมว สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกรณสมตฺโถ โหติ. ยถาห –

‘‘กิฺจาปิ เต โหนฺติ ภุสํ ปมตฺตา,

น เต ภวํ อฏฺมมาทิยนฺตี’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๙; สุ. นิ. ๒๓๒; เนตฺติ. ๑๑๕);

รูปารูปโลเกสุ ปน น ตถา นิยโมติ อาจริยา.

๑๓๔๗. ผลาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน ปหีนกิเลสาทิเก สงฺคณฺหาติ. ตถา จ ‘‘อิมินา วตาหํ มคฺเคน อาคโต’’ติ ปมํ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขติ, ตโต ‘‘อยํ เม อานิสํโส ลทฺโธ’’ติ ผลํ ปจฺจเวกฺขติ, ตโต ‘‘อิเม นาม เม กิเลสา ปหีนา’’ติ ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขติ, ตโต ‘‘อิเม นาม เม กิเลสา อวสิฏฺา’’ติ อุปริมคฺคตฺตยวชฺเฌ กิเลเส ปจฺจเวกฺขติ, อวสาเน ‘‘อยํ เม ธมฺโม อารมฺมณโต ปฏิวิทฺโธ’’ติ อมตํ นิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขติ. อิติ โสตาปนฺนสฺส ปฺจ ปจฺจเวกฺขณาณานิ โหนฺติ. ยถา จ โสตาปนฺนสฺส, เอวํ สกทาคามิอนาคามีนมฺปิ. อรหโต ปน อวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณํ นาม นตฺถิ. เอวํ สพฺพานิปิ เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ. เตนาห ‘‘ปจฺจเวกฺขณาณานิ, ภวนฺเตกูนวีสตี’’ติ.

๑๓๔๘-๕๐. ยาสํ ปจฺจเวกฺขณวเสน อิมานิ าณานิ ปวตฺตนฺติ, ตา ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺโค ผลฺจา’’ติอาทิมาห. อุกฺกฏฺปริจฺเฉโทเยว เจโส. ปหีนาวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณฺหิ เสขานมฺปิ โหติ วา น วา. น หิ สพฺเพว ตตฺถ สมตฺถา โหนฺติ. เตเนว หิ มหานาโม ภควนฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘โก สุ นาม เม ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน, เยน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๗๕). โยคมารภเตติ ตสฺมึเยว วา อาสเน นิสินฺโน, อปเรน วา สมเยน กามราคพฺยาปาทานํ ตนุภาวกราย สกทาคามิมคฺคสงฺขาตาย ทุติยาย ภูมิยา อธิคมตฺถาย วิปสฺสนาโยคํ กโรติ, ทุติยภาโว จสฺส เทสนาวเสน, อุปฺปตฺติวเสน จ เวทิตพฺโพ. สมฺปยุตฺตานํ ปน นิสฺสยภาเวน เต ธมฺมา ภวนฺติ เอตฺถาติ ภูมิ, ยสฺมา วา สมาเนปิ โลกุตฺตรภาเว สยมฺปิ ภวติ, น นิพฺพานํ วิย อปาตุภูตํ, ตสฺมาปิ ‘‘ภูมี’’ติ วุจฺจติ. าเณน ปริมชฺชตีติ เตน เตนากาเรน อินฺทฺริยานํ ติกฺขตรตํ สมฺปาเทตฺวา, พลโพชฺฌงฺคานฺจ ปฏุตรภาวํ สาเธตฺวา ลกฺขณตฺตยํ ตีรณวเสน ปริมชฺชติ.

๑๓๕๑-๒. ตตฺถ อปราปรํ าณํ จาเรนฺโต ปริวตฺเตติ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาวีถึ โอคาหตี’’ติ. เหฏฺา วุตฺตนเยนาติ อุทยพฺพยาณาทีนํ อุปฺปาทเน วุตฺตนเยเนว. โคตฺรภุสฺส อนนฺตรนฺติ เอตฺถ โคตฺรภุ วิย โคตฺรภุ. ปมมคฺคปุเรจาริกาณฺหิ ปุถุชฺชนโคตฺตาภิภวนโต, อริยโคตฺตภวนโต จ นิปฺปริยายโต ‘‘โคตฺรภู’’ติ วุจฺจติ, อิทํ ปน ตํสทิสตาย ปริยายโต โคตฺรภุ. เอกจฺจสํกิเลสวิสุทฺธิยา, ปน อจฺจนฺตวิสุทฺธิยา อารมฺมณกรณโต จ ‘‘โวทาน’’นฺติ วุจฺจติ. เตนาห ปฏฺาเน ‘‘อนุโลมํ โวทานสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗). ยสฺมา ปน ปฏิสมฺภิทามคฺเค ‘‘อุปฺปาทาทิอภิภวนฏฺํ อุปาทาย อฏฺ โคตฺรภุธมฺมา สมาธิวเสน อุปฺปชฺชนฺติ, ทส โคตฺรภุธมฺมา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๖๐) โคตฺรภุนามวเสเนว อาคตํ, ตสฺมา อิธาปิ ‘‘โคตฺรภุสฺส อนนฺตร’’นฺติ วุตฺตํ โคตฺตสงฺขาตนิพฺพานโต ภูตนฺติ กตฺวา. ทุติยมคฺคาณวณฺณนา.

๑๓๕๕-๗. นฺติ ยสฺมา. สกิเทวาติ เอกวารเมว. อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวาติ อิมินา ปฺจสุ สกทาคามีสุ จตฺตาโร วชฺเชตฺวา เอโกว คหิโต. เอกจฺโจ หิ อิธ สกทาคามิผลํ ปตฺวา อิเธว ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ อิธ ปตฺวา เทวโลเก ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายตีติ อิเม จตฺตาโรปิ อิธ น คหิตา. โย ปน อิธ ปตฺวา เทวโลเก ยาวตายุกํ วสิตฺวา อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยเมโกว อิธ คหิโตติ. อนฺตกโร ภเวติ ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภเวยฺย, ภเว วา อนฺตกโร ภวสฺส อนฺตกโรติ อตฺโถ. ตติยาย ภูมิยา ปตฺติยาติ สมฺพนฺโธ. พฺยาปาทกามราคานํ ปหานายาติ เตสํเยว สกทาคามิมคฺเคน ตนุกรานํ สํโยชนานํ นิรวเสสปฺปหานาย. ตติยมคฺคาณวณฺณนา.

๑๓๖๓-๗. ปฏิสนฺธิวเสน กามภวสฺส อนาคมนโต อนาคามี. เตนาห ‘‘ตตฺเถว ปรินิพฺพายี’’ติ. ตตฺเถวาติ สุทฺธาวาเส วา อฺตฺถ วา ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตตฺเถว ปรินิพฺพายิ. อนาวตฺติสภาโวติ ตสฺมา โลกา อิธ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อิมํ โลกํ ปุนราคมนาภาวโต อนาวตฺตนสภาโว, พุทฺธทสฺสนเถรทสฺสนธมฺมสฺสวนานํ ปนตฺถาย อาคมนํ โหติเยว. รูปราคาทิปหานายาติ รูปราคอรูปราคมานอุทฺธจฺจอวิชฺชาสงฺขาตานํ ปฺจนฺนํ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ นิรวเสสปฺปหานาย. วิทฺธํสายาติ วินาสาย. จตุตฺถมคฺคาณวณฺณนา.

๑๓๗๑-๔. มหาขีณาสโวติ มหานุภาวโต นิพทฺธปูชาวจนเมตํ, น อุปาทายวจนํ ‘‘ยถา มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ. น หิ จูฬขีณาสโว นาม อตฺถิ. อนุปฺปตฺโต สทตฺโถ สกตฺโถ, ปูชตฺโถ วา เอเตนาติ อนุปฺปตฺตสทตฺโถ, สทตฺโถติ จ อรหตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ อตฺตุปนิพนฺธนฏฺเน, อตฺตานํ อวิชหนฏฺเน, อตฺตโน ปรมตฺถฏฺเน จ อตฺตโน อตฺถตฺตา ‘‘สทตฺโถ’’ติ วุจฺจติ. ขีณานิ ทสปิ ภวสํโยชนานิ เอตสฺสาติ ขีณสํโยชโน. ทกฺขิณํ อรหตีติ ทกฺขิเณยฺโย. จตสฺโสปีติ โสตาปตฺติมคฺโค สกทาคามิมคฺโค อนาคามิมคฺโค อรหตฺตมคฺโคติ จตสฺโสปิ. วิสุทฺธิกาเมนาติ อตฺตโน วิสุทฺธึ อิจฺฉนฺเตน. ตโปเยว ธนมสฺสาติ ตโปธโน, เตน.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

าณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๓. เตวีสติโม ปริจฺเฉโท

กิเลสปฺปหานกถาวณฺณนา

๑๓๗๕. อิทานิ อิมิสฺสาเยว จตุตฺถาณาย าณทสฺสนวิสุทฺธิยา อานุภาววิชานนตฺถํ เยน เย ธมฺมา ปหาตพฺพา, เตสํ ปหานฺจ อภิสมยกาเล ปริฺาทิกิจฺจานิ จ ทสฺเสตุํ ‘‘เอเตสุ เยน เย ธมฺมา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เย ธมฺมาติ เย สํกิเลสธมฺมา. สํโยชนาทีสุ ขนฺเธหิ ขนฺธานํ, ผเลน กมฺมสฺส, ทุกฺเขน วา สตฺตานํ สํโยชนฏฺเน พนฺธนฏฺเน สํโยชนานิ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วิพาธนฏฺเน, อุปตาปนฏฺเน, สํกิลิฏฺตาย จ กิเลสา. อภินิเวสาทิวเสน มิจฺฉาวิปรีตํ ปวตฺตนโต มิจฺฉาสภาวาติ มิจฺฉตฺตา. โลเก ธมฺมา, โลกปริยาปนฺนา ธมฺมา, โลกปฺปวตฺติยํ สติ อนุปรมธมฺมตฺตา วาติ โลกธมฺมา. มจฺเฉรสฺส ภาโว, กมฺมํ วาติ มจฺฉริยํ. วิปรีตฏฺเน วิปลฺลาสา. นามกายสฺส จ รูปกายสฺส จ คนฺถนโต คนฺถา. อริเยหิ อคนฺตพฺพา, อยุตฺตา คตีติ วา อคติ. อาสวนฺตีติ อาสวา, อาภวคฺคโต สพฺพโมกาสโลกํ, อาโคตฺรภุโต สพฺเพ ธมฺเม พฺยาเปตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ, อาสวนฺติ สํสารทุกฺขนฺติ วา อาสวา, จกฺขาทีหิ วา สํวราสํวรทฺวาเรหิ สตฺตสนฺตาเน อาสวนฺติ วณโต ยูสานิ สนฺทนฺติ วิยาติ อาสวา, อาสวนฺติ วา เอเตหิ จิตฺตานิ วิสเยสูติ อาสวา. สํสารมหาสาครปฺปตฺติหนนโต โอฆา วิยาติ โอฆา. เหฏฺา วุตฺตนเยน โยชนโต โยคา. นิวาเรนฺติ โลกิยโลกุตฺตรคุณวิเสสาธิคมนฺติ นีวรณานิ. อนิจฺจาทิธมฺมสภาวํ อติกฺกมฺม ปรโต อสภาวโต อามสนฺตีติ ปรามาสา. มณฺฑูกํ ปนฺนโค วิย อารมฺมณํ ภุสํ อาทิยนฺตีติ อุปาทานานิ. อปฺปหีนภาเวน สตฺตสนฺตาเน อนุเสนฺติ มูสิกวิสํ วิย อนุรูปการณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อนุสยา. จิตฺตสฺส มลีนภาวกรณฏฺเน มลา. อกุสลกมฺมานิ จ ตานิ ทุคฺคตีนํ ปถา จาติ อกุสลกมฺมปถา. อิธ ปน กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตานํ ตํสภาวโต คหณํ ทฏฺพฺพํ. จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ เอตฺถาติ จิตฺตุปฺปาโท, เจตสิกราสิ, อกุสโล จ โส จิตฺตุปฺปาโท จาติ อกุสลจิตฺตุปฺปาโท.

กามภวโต อุปริโกฏฺาสภาวโต ตติยมคฺคปฺปตฺติยา อุทฺธํ ภชิตพฺพโต, เสวิตพฺพโต จาติ อุทฺธมฺภาคา, รูปารูปภวา, เตสํ หิตานิ ตตฺถุปฺปชฺชนขนฺธาทิโยชนโตติ อุทฺธมฺภาคิยานิ, ตานิเยว สํโยชนานีติ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ. รูปารูปภวโต เหฏฺิมโกฏฺาสภาวโต ตตฺถุปฺปาทกิเลสานํ อปฺปหีนภาเวน ตติยมคฺคปฺปตฺติยา เหฏฺา ภชิตพฺพโต วา อโธภาคา, กามภวา, เตสํ หิตานิ สํโยชนานีติ อโธภาคิยสํโยชนานีติ.

อิเมสุ ปน ทสสุ รูปภวสํโยชนํ, อรูปภวสํโยชนํ, กามภวสํโยชนฺจ อตฺถโต โลโภว, สกฺกายทิฏฺิสีลพฺพตปรามาสาปิ ทิฏฺิเยว, ตสฺมา ธมฺมโต สตฺต สํโยชนานิ.

มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวายาโม มิจฺฉาสมาธีติ ตถา ปวตฺตานํ วิตกฺกวีริยสมาธีนมธิวจนํ. มิจฺฉาวาจาทโย ตโย ตถา ปวตฺตา เจตนา. มิจฺฉาสติ ปน จิตฺตุปฺปาโท. มิจฺฉาาณํ ตถา ปวตฺโต โมโห. มิจฺฉาวิมุตฺติ โลกถูปิกาทีสุ โมกฺโขติ ปวตฺตมิจฺฉาคาโห.

การณูปจาเรนาติ ลาภเหตุโก ลาโภ, อลาภเหตุโก อลาโภติอาทินา การิยสฺส การณวเสน อุปจรเณน. โลกธมฺมคฺคหณนฺติ โลกธมฺมคฺคหเณน คหณํ.

อาวาเส มจฺฉริยํ, อาวาสเหตุกํ วา มจฺฉริยนฺติ อาวาสมจฺฉริยํ. เอวํ กุลมจฺฉริยาทีนิปิ. ตตฺถ อาวาโสติ วิหาราทิ. กุลนฺติ อุปฏฺากกุลํ, าติกุลฺจ. ลาโภติ ปจฺจยลาโภเยว. วณฺโณติ สรีรวณฺโณ จ คุณวณฺโณ จ. ธมฺโมติ อาคโม, อธิคโม จ.

‘‘ตโย’’ติ วตฺถุํ อภินฺทิตฺวา วุตฺตํ, ภินฺทิตฺวา จ ปน วุจฺจมาเน ทฺวาทส โหนฺติ.

อภิสชฺชนูปนยฺหนวเสน ปวตฺตนโต อภิชฺฌาพฺยาปาทานํ กายคนฺถตา ทฏฺพฺพา. ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ เอวํ อวตฺถุมฺหิ ปวตฺโต อภินิเวโส อิทํสจฺจาภินิเวโส. สีลพฺพตปรามาสอิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถา เจตฺถ อตฺถโต ทิฏฺิเยว, ตสฺมา ธมฺมโต ตโย กายคนฺถา.

‘‘ฉนฺทโทสโมหภยานี’’ติ อคติการณตฺตา วุตฺตํ, ฉนฺทาทีหิ ปน อกตฺตพฺพกรณํ, กตฺตพฺพากรณฺจ อคติ นาม.

อาสเวสุ กามราคภวราคา อตฺถโต โลโภติ ธมฺมโต ตโย อาสวา.

เตสเมวาติ กามราคาทีนเมว. เต หิ โอโฆ วิย อตฺตนิ ปติเต อปายสมุทฺทํ ปาเปนฺติ, สํสารทุกฺขโต จ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทนฺติ, ขนฺธาทีนิ จ ขนฺธาทีหิ โยเชนฺติ.

กามุปาทานาทีนีติ กามุปาทานทิฏฺุปาทานสีลพฺพตุปาทานอตฺตวาทุปาทานานิ. ทิฏฺุปาทานาทีนิ เจตฺถ ตถา ปวตฺตา ทิฏฺิเยว, กามุปาทานํ โลโภติ ธมฺมโต ทฺเว อุปาทานานิ.

สตฺตานุสยาติ เอตฺถ ยทิ อปฺปหีนฏฺเน สตฺตสนฺตาเน อนุเสนฺตีติ อนุสยา. กสฺมา สตฺเตว วุตฺตา, นนุ อฺเสมฺปิ กิเลสานํ อปฺปหีนภาโว วิชฺชตีติ? น มยํ อปฺปหีนมตฺเตน อนุสยํ วทาม, กินฺตุ อปฺปหีนภาเวน ถามคตกิเลสา อนุสยาติ, ถามคมนฺจ เนสํ อฺเหิ อสาธารโณ สภาโว ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ธมฺมสภาวเวทินา ตถาคเตน อิเมเยว อนุสยา วุตฺตา, กามราโคเยว อนุสโย กามราคานุสโย. เอวํ เสเสสุปิ. อปเร ปน ‘‘กามราคสฺส อนุสโย’’ติอาทินิพฺพจนํ วตฺวา กามราคาทีนํ พีชภูตา อตฺตภาวสฺส กิเลสสมฺภูตา กิเลสุปฺปาทนสตฺติ อนุสยาติ วณฺเณนฺติ, เตสํ มตปฏิกฺเขโป อิธ ปปฺจาวหตฺตา อนาหโฏ.

ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาโณติ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺมึ ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. ปรภณฺเฑ ตถาสฺิโน ตทาทายกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. อสทฺธมฺมกามตาย กายทฺวารปฺปวตฺตา อคนฺตพฺพฏฺานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุมิจฺฉาจาโร. อภูตํ วตฺถุํ ภูตโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถา วิฺาปนปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. โส ปน ปรสฺส อตฺถเภทกโรว กมฺมปโถ, อิตโร กมฺมเมว. สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ปรเภทนกามตาย, อตฺตปิยกมฺยตาย วา ปรเภทกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปิสุณวาจา. สาปิ ทฺวีสุ ภินฺเนสุเยว กมฺมปโถ. ปรมมฺมจฺเฉทกปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เอกนฺตผรุสเจตนา ผรุสวาจา. อนตฺถวิฺาปนปฺปโยคสมุฏฺาปิกา สํกิลิฏฺเจตนา สมฺผปฺปลาโป นาม. โส ปน ปเรหิ คหิเตเยว กมฺมปโถ โหติ. ‘‘อโห วเตทํ มม โหตู’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณา อภิชฺฌา. ‘‘อโห วตายํ สตฺโต วินสฺเสยฺยา’’ติ เอวํ มโนปโทสลกฺขโณ พฺยาปาโท. ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณา มิจฺฉาทิฏฺิ. เอตฺถ จ นตฺถิกอเหตุกอกิริยทิฏฺีหิเยว กมฺมปถเภโท.

อิเมสุ จ ปาณาติปาตาทิ ติวิธํ กายกมฺมเมว. ตํ กายวจีทฺวาเรสุเยว อุปฺปชฺชติ, น มโนทฺวาเร. ตถา มุสาวาทาทิ จตุพฺพิธํ วจีกมฺมเมว. อภิชฺฌาทิกํ ปน ติวิธํ มโนกมฺมเมว. ตํ ตีสุปิ ทฺวาเรสุ ปวตฺตติ. ทฺวารนฺตเรสุปิ ปวตฺตมานสฺส สกสกนามาปริจฺจาโค วุตฺโตเยว. ธมฺมโต เจตฺถ อาทิโต สตฺต เจตนาสภาวา, อิตเร ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาติ ทฏฺพฺพา. มหาสาวชฺชอปฺปสาวชฺชปฺปโยคาทิเภโท ปน ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.

เอตานีติ อิมานิ มคฺคาณานิ. ยถาสมฺภวนฺติ ตํตํมคฺคานุรูปํ.

อปายํ คจฺฉนฺติ เอเตหีติ อปายคมนียา. เสสาติ น อปายคมนียา. โอฬาริกาติ ตติยมคฺเคน ปหาตพฺพาวตฺถํ อุปาทาย โอฬาริกา. เตนาห ‘‘สุขุมา ตติยมคฺคาณวชฺฌา’’ติ. สุขุมา กามราคปฏิฆาติ สมฺพนฺโธ. จตุตฺถมคฺคาณวชฺฌา เอวาติ อวธารเณน ปมมคฺคาทิวชฺฌตํ นิวตฺเตติ. น หิ รูปราคาทีนํ อปายคามินิยาวตฺถาปิ อตฺถิ, ยโต เต ปมาณวชฺฌาปิ สิยุนฺติ.

ยตฺถ ยตฺถ ปน เอว-สทฺเทน อวธารณํ อกตฺวา ยํ ยํ ทุติยาณวชฺฌนฺติ วา ตติยาณวชฺฌนฺติ วา จตุตฺถาณวชฺฌนฺติ วา วกฺขติ, ตตฺถ ตตฺถ โส โส ปุริมาเณหิ หตาปายคมนียาทิภาโวว หุตฺวา อุปริาณวชฺโฌ โหตีติ เวทิตพฺโพ. เตน โลภ…เป… จตุตฺถาณวชฺฌานีติ เอตฺถ โลภาทโย เหฏฺิมมคฺควชฺฌาปิ โหนฺเตว.

ยเสติ ปริวาเร.

ทุกฺเข สุขนฺติ สฺาจิตฺตวิปลฺลาสาติ สมฺพนฺโธ.

อคติโย ปมมคฺคาณวชฺฌาติ กิฺจาปิ ฉนฺทาทโย ตณฺหาทิสภาวา อุปริมคฺควชฺฌา, ตถาปิ ตมฺมูลกสฺส อกตฺตพฺพกรณสฺส, กตฺตพฺพากรณสฺส จ อปายคมนียตาย ปมมคฺคาณวชฺฌา.

กตากตกุสลากุสลวิสยํ ยํ วิปฺปฏิสารภูตํ กุกฺกุจฺจํ, ตํ อิธ ตติยาณวชฺฌํ วุตฺตํ. ยํ ปน ‘‘กุกฺกุจฺจปกตตาย อาปตฺตึ อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ กุกฺกุจฺจํ, ตํ สนฺธาย ‘‘กุกฺกุจฺจวิจิกิจฺฉา โสตาปตฺติมคฺเคน ปหียนฺตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๑๗๖) ธมฺมสงฺคณีอฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตสฺมา ทฺวินฺนํ วจนานํ อยํ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อฺเสุปิ เอทิเสสุ าเนสุ อธิปฺปาโยว ปริเยสิตพฺโพ, น วิโรธโต ปจฺเจตพฺพํ. โอฬาริกานวเสสปฺปหานํ วา สนฺธาย กุกฺกุจฺจสฺส ปมตติยาณวชฺฌตา วุตฺตา. ยํ ปน อรหโต อุปฺปชฺชมานํ ‘‘ภควตา ปฏิกฺขิตฺตํ อนุวสิตฺวา อนุวสิตฺวา อาวสถปิณฺฑํ ภุฺชิตุนฺติ กุกฺกุจฺจายนฺโต น ปฏิคฺคเหสี’’ติ (ปาจิ. ๒๐๔) อาคตํ กุกฺกุจฺจํ, น ตํ นีวรณํ. น หิ นีวรณํ อรหโต อุปฺปชฺชติ, นีวรณปติรูปกํ ปน กปฺปตีติ วีมํสนภูตํ วินยกุกฺกุจฺจํ นาม, ตํ ตถาปวตฺตจิตฺตุปฺปาโทว.

กามราคปฏิฆานุสยา อนุสหคตา ตติยาณวชฺฌา, โอฬาริกานํ ปน ทุติยาณวชฺฌตา เหฏฺา วุตฺตนยาว.

อกุสลจิตฺตุปฺปาท-คฺคหเณน เจตฺถ มกฺขปลาสมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภาทีนํ สงฺคโห กโตติ ทฏฺพฺพํ.

๑๓๗๖. เตน เตนาติ เตน เตน ฆาตเกน สทฺธึ. กึ ปเนตานิ เอเต ธมฺเม ฆาเตนฺตานิ อตีตานาคเต ฆาเตนฺติ, อุทาหุ ปจฺจุปฺปนฺเนติ. กึ ปเนตฺถ, ยทิ ตาว อตีตานาคเต, อผโล วายาโม อาปชฺชติ. กสฺมา? ปหาตพฺพานํ ตทา นตฺถิตาย. อถ ปจฺจุปฺปนฺเน, ตถาปิ อผโล วายาเมน สทฺธึ ปหาตพฺพานํ อตฺถิตาย. อถาปิ กถฺจิ ปหานํ สิยา, สํกิเลสิกา มคฺคภาวนา อาปชฺชติ ปหาตพฺพปฺปหายกานํ สหาวฏฺานโต? สจฺจเมตํ, เย ปน มคฺเคน อสมุคฺฆาฏิตตฺตา การณลาเภ สติ อวสฺสํ อุปฺปชฺชนารหา กิเลสา, เต อตฺตโน อุปฺปตฺติยา อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺตานิ เอตานิ เต อนาคเต ฆาเตนฺติ นาม.

๑๓๗๗-๘๒. ปริฺาทีนิ กิจฺจานีติ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน จตฺตาริ กิจฺจานิ. วุตฺตานีติ ‘‘ทุกฺขํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๙), ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) จ วุตฺตานิ. สจฺจาภิสมเยติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปฏิวิชฺฌนกฺขเณ.

ยถาสภาวโตติ อวิปรีตสภาเวน. ‘‘ชานิตพฺพานี’’ติ วตฺวา กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ, กถํ นาม เอเกกสฺส าณสฺส เอกกฺขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ สมฺภวนฺติ. น หิ ตาทิสํ กิฺจิ โลเก ทิฏฺํ อตฺถิ, น จ วจนํ ลพฺภตีติ โจทนํ มนสิ นิธาย เตสํ ชานนวิธึ อุปมาวเสน ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ปทีโป หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิทํเสตีติ ทสฺเสติ. ปริยาทิยตีติ เขเปติ.

๑๓๘๓-๔. ปริฺาภิสมเยนาติ อนวเสสโต ปริจฺฉิชฺช ชานนสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน. อภิสเมตีติ อสมฺโมหวเสน ปฏิวิชฺฌติ. ปหานาภิสมเยเนวาติ สมุจฺเฉทปฺปหานสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน อสมฺโมหโตว อภิสเมติ. ภาวนาวิธินาติ สหชาตาทิปจฺจยตาวเสน ภาวนาภิสมยวิธินา. มคฺคาณฺหิ สมฺมาสงฺกปฺปาทิวเสน มคฺคปุพฺพภาคภาวนาสมฺภูเตน อริยมคฺคภาวนาสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน อภิสเมตีติ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌติ. ตฺหิ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ สมฺโมหํ วิทฺธํเสนฺตํ อตฺตนิปิ สมฺโมหํ วิทฺธํเสติเยว. นิโรธนฺติ นิพฺพานํ. สจฺฉิกโรตีติ ปจฺจกฺขกรณวเสน ปฏิวิชฺฌติ. ‘‘นิโรธํ สจฺฉิกโรตี’’ติ นิโรธสจฺจเมกํ อารมฺมณปฏิเวเธน จตฺตาริปิ สจฺจานิ อสมฺโมหปฏิเวเธน มคฺคาณํ ปฏิวิชฺฌติ.

เอวํ ยุตฺติวเสน วิภาวิตํ เอกปฏิเวธํ อาคเมนปิ สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. มคฺคสมงฺคิสฺส าณนฺติ หิ ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสติ, ทุกฺขนิโรธมฺปิ, ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) เอกสจฺจทสฺสนสมงฺคิโน อฺสจฺจทสฺสนสมงฺคิภาววิจารณายํ ตมตฺถํ สาเธตุํ อายสฺมตา ควมฺปติตฺเถเรน วุตฺตํ. อฺถา กมาภิสมเย สติ ปุริมทิฏฺสฺส ปุน อทสฺสนโต สมุทยาทิปสฺสโต ทุกฺขาทิทสฺสนํ ปุน อวตฺตพฺพํ สิยา. อิทานิ ปเนตฺถ อุปมาสํสนฺทนํ กโรนฺโต อาห ‘‘ปทีโป’’ติอาทิ. นิสฺสยาภาวเหตุตาย ทุกฺขปริฺาย วฏฺฏิชฺฌาปนสทิสตา, ปฏิปกฺขวิทฺธํสนตาย สมุทยปฺปหานสฺส อนฺธการวินาสนสทิสตา, าณาโลกปริพฺรูหนตาย มคฺคภาวนาย อาโลกวิทํสนสทิสตา, เตน เตน มคฺเคน ยถา ยถา นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยา, ตถา ตถา กิเลสสฺเนหปริยาทานํ โหตีติ นิโรธสจฺฉิกิริยาย สฺเนหปริยาทานสทิสตา การณูปจาเรน วุตฺตา.

๑๓๘๕-๖. อปรายปิ อุปมาย ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุคฺคจฺฉนฺโต’’ติอาทิ. โอภาเสตีติ ปกาเสติ. ปฏิหฺตีติ ปฏิปฺปสฺสมฺเภติ. เอตฺถาปิ ยถา สูริโย รูปคตานิ โอภาเสติ, เอวํ มคฺคาณํ ทุกฺขํ ปริชานาติ. ยถา อนฺธการํ วินาเสติ, เอวํ สมุทยํ ปชหติ. ยถา อาโลกํ ทสฺเสติ, เอวํ สหชาตาทิปจฺจยตาย มคฺคํ ภาเวติ. ยถา สีตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภติ, เอวํ สพฺพกิเลสทรถปริฬาหปฏิปฺปสฺสทฺธิภูตํ นิโรธํ สจฺฉิกโรตีติ อุปมาสํสนฺทนํ ทฏฺพฺพํ.

๑๓๘๘. อปฺเปตีติ ปปฺโปติ. ทุกฺขปริฺาย สกฺกายตีรสมติกฺกมภาวโต โอริมตีรปฺปชหนสทิสตา, มคฺคภาวนาย สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมวหนตาย ภณฺฑวหนสทิสตา, เอตฺตาวตา ปฺาภาวนาย นานากิเลสวิทฺธํสนวสปฺปวตฺโต อานิสํโส ทสฺสิโต โหตีติ.

อริยผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติโยปิ ปนสฺสา อานิสํสาติ ทฏฺพฺพํ. ตา ปน สงฺเขปโต เอวํ ทฏฺพฺพา – ‘‘อริยผลสมาปตฺตี’’ติ หิ จตุนฺนมฺปิ ผลฏฺานํ อตฺตโน อตฺตโน อริยผลสฺส ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ นิโรเธ อปฺปนา. จตฺตาโรปิ หิ อริยปุคฺคลา สกํ สกํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘อนาคามิอรหนฺโตว สมาปชฺชนฺติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตายา’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํ อตฺตนา ปฏิลทฺธสมาปตฺติสมาปชฺชเน สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตาย กาตพฺพาภาวโต. สพฺพโส อสมุจฺฉินฺนกิเลสสฺส หิ ปุถุชฺชนสฺสาปิ อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาปตฺติสมาปชฺชนํ ลพฺภติ, กิมงฺคํ ปน สมุจฺฉินฺเนกจฺจกิเลสานํ อริยานํ. อุปริมา ปน เหฏฺิมํ ปุพฺเพ ปฏิลทฺธมฺปิ น สมาปชฺชนฺติ ปุคฺคลนฺตรภาวํ อุปคตตฺตา. สมุคฺฆาฏิตกมฺมกิเลสนิโรธเนน หิ ปุถุชฺชเนหิ วิย โสตาปนฺนสฺส, โสตาปนฺนาทีหิ สกทาคามิอาทีนํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ อตฺถิ, อนนฺตรผลตฺตา จ โลกุตฺตรกุสลานํ เหฏฺิมโต อุปริโม ภวนฺตรคโต วิย โหตีติ ตสฺส ตสฺส อริยสฺส ตํ ตํ ผลํ ภวงฺคสทิสํ โหติ, ตสฺมา ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมเนน ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา นตฺถิ อุปริมสฺส เหฏฺิมผลสมาปตฺติยา สมาปชฺชนํ, เหฏฺิโม ปน อุปริมํ น สมาปชฺชติ อนธิคตตฺตาติ จตฺตาโรปิ ปุคฺคลา สกสกผลเมว สมาปชฺชนฺติ. ตํ ปน สมาปชฺชิตุกาเมน อริยสาวเกน รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน อุทยพฺพยาทิวเสน สงฺขารา วิปสฺสิตพฺพา. ตสฺส ปวตฺตานุปุพฺพวิปสฺสนสฺส สงฺขารารมฺมณโคตฺรภุาณานนฺตรํ ผลสมาปตฺติวเสน นิโรเธ จิตฺตํ อปฺเปติ. ผลสมาปตฺตินินฺนจิตฺตตาย เจตฺถ เสขสฺส ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค. อฺโ เอว หิ วิปสฺสนาจาโร อริยมคฺคาวโห, อฺโ ผลสมาปตฺติอาวโห.

ตถา หิ อริยมคฺควีถิยํ อนุโลมาณานิ อนิพฺพิทฺธปุพฺพานํ ถูลถูลโลภกฺขนฺธาทีนํ สาติสยํ ปทาลเนน โลกิยาเณสุ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตานิ มคฺคานุกูลานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ, ผลสมาปตฺติวีถิยํ ปน ตานิ เตน เตน มคฺเคน เตสํ เตสํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา กิเลสวิกฺขมฺภเน นิรุสฺสุกฺกานิ เกวลํ อริยานํ ผลสมาปตฺติสุขสมงฺคิภาวสฺส ปริกมฺมปฺปตฺตานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ น เตสํ กุโตจิ วุฏฺานสมฺภโว. ยโต เนสํ ปจฺฉิโม สงฺขารนิมิตฺตโต วุฏฺหิตฺวา มคฺคสฺส อนนฺตรปจฺจโย ภเวยฺย, เตเนว จ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจยภูตํ าณํ สงฺขารารมฺมณเมว โหติ, น นิพฺพานารมฺมณนฺติ เวทิตพฺพํ. ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน จสฺสา ปพนฺธวเสน ปวตฺติปริจฺฉินฺนกาลาปคเม ภวงฺควเสน ตโต วุฏฺานฺจ เวทิตพฺพํ.

นิโรธสมาปตฺติ ปน ตติยจตุตฺถผลฏฺานํ อนุปุพฺพนิโรธวเสน จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ อปฺปวตฺติ. อนาคามิอรหนฺโตเยว หิ กามจฺฉนฺทาทิสมุจฺฉินฺทเนน สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตาย สมถผลสมนฺนาคตตฺตา นิโรธํ สมาปชฺชนฺติ. ตถา เหตํ สมถวิปสฺสนานํ ยุคนนฺธภาวปฺปวตฺตนวเสน ทฺวีหิ พเลหิ สมนฺนาคตสฺเสว สมฺภวติ, ตสฺมา ตํ สมาปชฺชิตุกาเมน อนาคามินา, ขีณาสเวน วา อฏฺสมาปตฺติลาภินา รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สงฺขารา อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสิตพฺพา, ตโต ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถํ อากาสานฺจายตนํ วิฺาณฺจายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตเถว ตตฺถ สงฺขารา สมฺมสิตพฺพา, อถ อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย นานาพทฺธาวิโกปนํ สงฺฆปฏิมานนํ สตฺถุปกฺโกสนํ อทฺธานปริจฺเฉโทติ จตุพฺพิธํ ปุพฺพกิจฺจํ กาตพฺพํ.

ตตฺถ สรีรโต วิสํยุตฺตา มฺจปีาทโย สตฺตาหพฺภนฺตเร ยถา น นสฺสนฺติ, ตถา อธิฏฺานํ นานาพทฺธาวิโกปนํ. สรีรสํยุตฺเต วิสุํ อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ. สงฺโฆ ปน ตฺติกมฺมาทีสุ กิฺจิเทว กมฺมํ กตฺตุกาโม ‘‘ยาว มํ น ปกฺโกสติ, ตาวเทว วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ปุพฺพาโภคกรณํ สงฺฆปฏิมานนํ. สตฺถา จ ‘‘สิกฺขาปทปฺาปนาทีสุ ยาว มํ น ปกฺโกสติ, ตาวเทว วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ปุพฺพาโภคกรณํ สตฺถุปกฺโกสนํ. สตฺตาหพฺภนฺตเร อตฺตโน อายุสงฺขารสฺส ปวตฺตนสมตฺถตาวโลกนํ อทฺธานปริจฺเฉโท. เอวํ กตปุพฺพกิจฺเจน เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิตพฺพํ. อเถกํ วา ทฺเว วา จิตฺตวาเร อติกฺกมิตฺวา อจิตฺตโก โหติ, นิโรธํ ผุสติ, ตโต ยถาปริจฺเฉทํ ตติยจตุตฺถผลานํ อฺตเรน นิโรธา วุฏฺหิสฺสตีติ. เอวมยํ ทุวิธา สมาปตฺติ โลกุตฺตรปฺาย อานิสํโส.

๑๓๙๒-๔. สเทวกโลกโต อุตฺติณฺเณน, อุตฺตริตเรน วาติ โลกุตฺตเรน สมฺมาสมฺพุทฺเธน. ปฺาย ภาวนนฺติ สมฺพนฺโธ. หิตภาวนนฺติ อิธโลกปรโลกหิตวิภาวนํ อิมํ ปฺาภาวนํ. สุขสํหิตนฺติ สินิทฺธจฺฉายุทกวนฺตตาทินา สุขสหิตํ. หิตนฺติ โยคกมฺมสฺส หิตํ. อุตฺตมนฺติ อุคฺคตตมํ, อจฺจุคฺคตํ พลวนฺตมฺปีติ อธิปฺปาโย. อวิคฺคหกมฺปทนฺติ วิคฺคหฺจ กมฺปฺจ น เทตีติ อวิคฺคหกมฺปทนฺติ อตฺโถ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

กิเลสปฺปหานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒๔. จตุวีสติโม ปริจฺเฉโท

ปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา

๑๓๙๕. อิทานิ เนสํ ปจฺจยวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘เยส’’นฺติอาทิ อารทฺธํ.

ปฏิจฺจ เอนํ ผลเมติ ปวตฺตติ, ติฏฺติ, อุปฺปชฺชติ วาติ ปจฺจโย, หิโนติ ปติฏฺาติ เอตฺถาติ เหตุ, อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทานํ หิ-สทฺโท มูล-สทฺโท วิย ปติฏฺตฺโถ เวทิตพฺโพ, หิโนติ วา เอเตน กมฺมนิทานภูเตน อุทฺธํ โอชํ อติหรนฺเตน มูเลน วิย ปาทโป ตปฺปจฺจยํ ผลํ คจฺฉติ วิรุฬฺหึ อาปชฺชตีติ เหตุ, เหตุ จ โส มูลฏฺเน, ปจฺจโย จ อุปการกฏฺเนาติ เหตุปจฺจโย, เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย เหตุภาเวน ปจฺจโยติ อตฺโถ.

เอวํ อารมฺมณปจฺจยาทีสุ ทฏฺพฺพํ. สฺวายํ ปฏิสนฺธิยํ กมฺมสมุฏฺานานํ, ปวตฺติยํ จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ, อุภยตฺถ สหชาตนามธมฺมานฺจ ปจฺจโย. สพฺพโลกิยโลกุตฺตรนฺติ อิมินา ปฺตฺติยาปิ โลเก วิทิตภาเวน โลกิยปเทน สงฺคหิตตฺตา รูปาทิเภเทสุ ฉพฺพิเธสุ สงฺขตาสงฺขตปฺตฺติธมฺเมสุ น โกจิ ธมฺโม อารมฺมณปจฺจโย น โหตีติ ทสฺเสติ. เตเนว ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ อนิยโต กโตติ. นนุ จ ‘‘ยํ ยํ ธมฺม’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒-๓) วุตฺตตฺตา ปฺตฺติยา คหณํ น โหตีติ? นายํ โทโส ธมฺมสทฺทสฺส เยฺยวจนตฺตา. อารพฺภาติ อาลมฺพิตฺวา, คเหตฺวาติ อตฺโถ. อุปฺปชฺชนฺตีติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. เต ปน ตํ อารพฺภ อุปฺปชฺชนฺติ เจว ติฏฺนฺติ จ. ยถา หิ ทุพฺพโล ปุริโส ทณฺฑํ วา รชฺชุํ วา อาลมฺพิตฺวา อุฏฺหติ เจว ติฏฺติ จ, เอวํ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา รูปาทิอารมฺมณํ อาลมฺพิตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ เจว ติฏฺนฺติ จาติ.

เชฏฺกฏฺเน อุปการโก ธมฺโม อธิปติปจฺจโย. เชฏฺกฏฺเนาติ จ ปมุขภาเวน. อตฺตาธีนานฺหิ ปติภูโต ธมฺโม อธิปตีติ โส เตสํ ปมุขภาเวน ปวตฺตติ. ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนโต ฉนฺทาทโย จตฺตาโร ธมฺมา สหชาตนามรูปานํ สหชาตาธิปตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตตฺถ สหชาตาธิปตี’’ติอาทิ. ‘‘ฉนฺทวโต กึ นาม กมฺมํ น สิชฺฌตี’’ติอาทิกํ ปุริมาภิสงฺขารูปนิสฺสยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน จิตฺตุปฺปาเท ฉนฺทาทโย ธุรภูตา เชฏฺกภูตา สมฺปยุตฺตธมฺเม, ตํสมุฏฺานรูเป จ สาธยมานา วเส วตฺตยมานา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, เต จ เตสํ วเสน วตฺตนฺติ หีนาทิภาเวน ตทนุวตฺตนโต. เตน เต อธิปติปจฺจยา โหนฺติ, โน จ โข เอกโต. ยทา หิ ฉนฺทํ ธุรํ ฉนฺทํ เชฏฺกํ กตฺวา จิตฺตํ ปวตฺตติ, ตทา ฉนฺโทว อธิปติ, น อิตเร. เอส นโย เสเสสุปิ. อธิปติภาโวปิ หิ เนสํ อตฺตโน ปวตฺตินิวารเก อภิภุยฺย ปวตฺตนโต โหติ. อวเสสนฺติ ยถาวุตฺตานํ เตสํ ครุกาตพฺพตาภาวโต, ครุกตสฺเสว จ อารมฺมณาธิปติภาววจนโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ ครุํ กตฺวา เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา, เต เต ธมฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๓). ตตฺถ ครุํ กตฺวาติ ครุการจิตฺตีการวเสน วา อสฺสาทนวเสน วา ครุํ ภาริกํ ลทฺธพฺพํ อนวฺาตํ กตฺวา. ครุกาตพฺพฺหิ อารมฺมณํ ตนฺนินฺนโปณปพฺภารานํ อสฺสาทนปจฺจเวกฺขณมคฺคผลานํ อตฺตโน วเส วตฺตยมานํ วิย ปจฺจโย โหติ, ตสฺมา อยํ อตฺตาธีนานํ ปติภาเวน อุปการกตฺตา อธิปติปจฺจโย ทฏฺพฺโพ.

อนฺตรยตีติ อนฺตรํ, พฺยวธายกนฺติ อตฺโถ, นาสฺส อนฺตรํ วิชฺชตีติ อนนฺตโร, โสเยว ปจฺจโยติ อนนฺตรปจฺจโย, อนนฺตรภาเวน อุปการโก ธมฺโมติ อธิปฺปาโย. อนนฺตรนิรุทฺธาติ อตฺตโน นิโรธานนฺตรํ อนุรูปจิตฺตุปฺปาทสฺส อุปฺปตฺติปจฺจยภาเวน ตสฺส อุปฺปตฺติยา ปุริมภาเค อนนฺตรํ หุตฺวา นิรุทฺธา, รูปธมฺมา ปน อนนฺตรปจฺจยา นตฺถิ.

สมนนฺตรภาเวน อุปการโก ธมฺโม สมนนฺตรปจฺจโย, ตถา สมนนฺตรปจฺจโยปีติ เปตฺวา อุปสคฺคมตฺตํ น เอตฺถ โกจิ วิเสโส. โย หิ อนนฺตรปจฺจโย, โสว สมนนฺตรปจฺจโยติ. ปุริมปจฺฉิมานฺหิ อนนฺตรุปฺปาทภาวโต นิรนฺตรุปฺปาทนสมตฺถตา อนนฺตรปจฺจยตา, รูปกลาปานํ วิย สณฺานาภาวโต ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ สหฏฺานาภาวโต จ ‘‘อิทมิโต อุทฺธํ เหฏฺา ติริย’’นฺติ วิภาคาภาวา อตฺตโน เอกตฺตมิว อุปเนตฺวา สุฏฺุ อนนฺตรภาเวน อุปฺปาเทตุํ สมตฺถตา สมนนฺตรปจฺจยตา, ตสฺมา ธมฺมโต อวิเสเสปิ วิเนยฺยวเสน พฺยฺชนตฺถมตฺตโต วิเสสํ คเหตฺวา เตสํ วิสุํ เทสนา กตา. ยมฺปิ ‘‘อตฺถานนฺตรตาย อนนฺตรปจฺจโย, กาลานนฺตรตาย สมนนฺตรปจฺจโย’’ติ อาจริยานํ มตํ, ตํ ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนํ กุสลํ ผลสมาปตฺติยา สมนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทีหิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๘) วิรุชฺฌตีติอาทินา ปฏิกฺขิตฺตํ.

อุปฺปชฺชมาโนว สหุปฺปาทนวเสน อุปการโก ธมฺโม สหชาตปจฺจโย ปกาสสฺส ปทีโป วิย, โส ปนายํ ‘‘จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา อฺมฺํ, สหชาตรูปานฺจ, มหาภูตา อฺมฺํ, อุปาทารูปานฺจ, ปฏิสนฺธิกฺขเณ วตฺถุวิปากา อฺมฺ’’นฺติ จ ติวิโธ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จิตฺตเจตสิกา’’ติอาทิ. ยมฺปิ หิ ปาฬิยํ อรูปกฺขนฺธาทิวเสนสฺส ฉพฺพิธตํ วุตฺตํ, ตมฺปิ เอตฺเถว สงฺคหิตํ. โย ปเนตฺถ เสสรูปธมฺมานํ, อุภยตฺถ วตฺถุโน จ ปวตฺติยา อรูปธมฺมานํ, อุปาทารูปานฺจ อฺมฺํ มหาภูตานํ สหชาตปจฺจยตฺตาภาโว, โส ปจฺจยภาวสามตฺถิยวิเสสาโยคโตติ ทฏฺพฺพํ.

อฺมฺํ อุปฺปาทนุปตฺถมฺภนภาเวน อตฺตโน อุปการกสฺส อุปการโก ธมฺโม อฺมฺปจฺจโย. อฺมฺุปตฺถมฺภกติทณฺฑกํ วิย อุปการกตา จ อฺมฺตาวเสเนว ทฏฺพฺพา, น สหชาตาทิวเสน. สหชาตาทิปจฺจโย โหนฺโตเยว หิ โกจิ กสฺสจิ อฺมฺปจฺจโย น โหติ จิตฺตเจตสิกานํ จิตฺตชรูเป สติ, มหาภูตานํ อุปาทารูเป สติ อฺมฺปจฺจยตฺตาภาวโต. ยถาห ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺปจฺจเยน ปจฺจโย, จตฺตาโร มหาภูตา…เป… โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อฺมฺปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๗). อาจริเยน ปน ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเม อปรามสิตฺวา วุจฺจมานตฺตา อวิเสเสน วุตฺตํ ‘‘ตถา อฺมฺปจฺจโย’’ติ.

ตรุอาทีนํ ปถวี วิย อธิฏฺานากาเรน, จิตฺตกมฺมาทีนํ ปฏาทโย วิย จ นิสฺสยากาเรน อุปการโก ธมฺโม นิสฺสยปจฺจโย. วตฺถุรูปานีติ สตฺตนฺนํ วิฺาณธาตูนํ อธิฏฺานากาเรน นิสฺสยปจฺจยภูตานิ วตฺถุรูปานิ. มหาภูตา จิตฺตเจตสิกา จาติ อฺมฺํ, อุปาทารูปานฺจ ตเถว นิสฺสยภูตานิ มหาภูตานิ อฺมฺํ, สหชาตรูปานฺจ นิสฺสยากาเรน ปจฺจยานิ จิตฺตเจตสิกานิ, ตทธีนวุตฺติตาย อตฺตโน ผเลน นิสฺสิโต น ปฏิกฺขิตฺโตติ นิสฺสโย.

ยถา ปน ภุโส อายาโส อุปายาโส, เอวํ ภุโส นิสฺสโย อุปนิสฺสโย, พลวการณนฺติ อตฺโถ, ตสฺมา พลวการณภาเวน อุปการโก ธมฺโม อุปนิสฺสยปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ. โส อารมฺมณูปนิสฺสโย อนนฺตรูปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโยติ ติวิโธติ อาห ‘‘อารมฺมณา’’ติอาทิ. ตตฺถ –

‘‘ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ตํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, ปุพฺเพ สุจิณฺณานิ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, ฌานา วุฏฺหิตฺวา ฌานํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, เสขา โคตฺรภุํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺติ, โวทานํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺติ, เสขา มคฺคา วุฏฺหิตฺวา มคฺคํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) –

เอวมาทินา นเยน อารมฺมณูปนิสฺสโย ตาว อารมฺมณาธิปตินา สทฺธึ นานตฺตํ อกตฺวาว วิภตฺโต. เตนาห ‘‘อารมฺมณูปนิสฺสโย อารมฺมณาธิปติเยวา’’ติ. กิฺจาปิ นานตฺตํ อกตฺวา วิภตฺโต, ตถาปิ อยํ เตสํ วิเสโส – ยํ อารมฺมณํ ครุํ กตฺวา จิตฺตเจตสิกา อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ นิยมโต เตสํ อารมฺมเณสุ พลวารมฺมณํ โหติ. อิติ ครุกาตพฺพมตฺตฏฺเน อารมฺมณาธิปติ, พลวการณฏฺเน อารมฺมณูปนิสฺสโยติ จ เอวเมเตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.

อนนฺตรูปนิสฺสโยปิ ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ขนฺธา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ขนฺธานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) นเยน อนนฺตรปจฺจเยน สทฺธึ นานตฺตํ อกตฺวาว วิภตฺโตติ อาห ‘‘อนนฺตรูปนิสฺสโย ปน อนนฺตรปจฺจโยวา’’ติ. เอวํ สนฺเตปิ อตฺตโน อนนฺตรา อนุรูปจิตฺตุปฺปาทวเสน อนนฺตรปจฺจโย, พลวการณวเสน อนนฺตรูปนิสฺสยปจฺจโยติ เอวเมเตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.

ปกติยา เอว ปจฺจยนฺตรรหิเตน อตฺตโน สภาเวเนว อุปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโย, อารมฺมณอนนฺตเรหิ อมิสฺโสว ปุถเคว โกจิ อุปนิสฺสโยติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ปกโต อุปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโย. ปกโตติ เจตฺถ ป-กาโร อุปสคฺโค, โส อตฺตโน ผลสฺส อุปฺปาทนสมตฺถภาเวน สนฺตาเน นิปฺผาทิตภาวํ, อุปเสวิตภาวฺจ ทีเปติ, ตสฺมา อตฺตโน สนฺตาเน นิปฺผนฺโน วา กายิกสุขทุกฺขสทฺธาสีลาทิ อุปเสวิโต วา อุตุโภชนาทิ ปกตูปนิสฺสโยติ อตฺโถ. อุปเสวนฺเจตฺถ ทุวิธํ อุปโยโคปเสวนํ อารมฺมณูปเสวนฺจ. เอวฺจ กตฺวา อนาคตสฺสาปิ อุปนิสฺสยปจฺจยตา ลทฺธา โหติ. กายิกสุข…เป… โย จาติ เอตฺถ กายิกสุขทุกฺขานิ ราคสทฺธาทีนํ, อุตุโภชนาทโย จิตฺตสมาธานาทีนํ, สทฺธาสีลาทโย สทฺธาสีลาทีนฺจ อุปนิสฺสยา โหนฺติ. อาทิ-สทฺเทน ยํ ยํ อุปนิสฺสาย ยสฺส ยสฺส สมฺภโว, ตํ ตํ ตสฺส ตสฺส อุปนิสฺสยปจฺจยภูตํ สงฺคณฺหาติ. ปจฺจยมหาปเทโส เหส, ยทิทํ อุปนิสฺสยปจฺจโยติ.

ปจฺจยุปฺปนฺนโต ปมตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา วตฺตมานภาเวน อุปการโก ธมฺโม ปุเรชาตปจฺจโย. โส จ รูปธมฺโมว สมาโน อรูปธมฺมสฺเสว โหติ. เตนาห ‘‘วตฺถุปุเรชาโต นามา’’ติอาทิ. ยถา เจตฺถ ‘‘วตฺถุรูปานี’’ติ หทยวตฺถุโนปิ คหณํ, เอวํ ‘‘รูปาทีนี’’ติอาทิ-คฺคหเณน ธมฺมารมฺมณสฺสาปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ ปฺจารมฺมณาเนว อารมฺมณปุเรชาตภาเวน อาคตานีติ? สจฺจํ อาคตานิ, ปฺหาวาเร ปน ‘‘เสขา วา ปุถุชฺชนา วา จกฺขุํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตี’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๔) อวิเสเสน ปจฺจุปฺปนฺนจกฺขาทีนมฺปิ คหิตตฺตา ธมฺมารมฺมณสฺส อารมฺมณปุเรชาตภาโว น สกฺกา ปฏิพาหิตุํ. อตฺถโตปิ เหตํ สิทฺธํ ‘‘ยํ ยํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อารมฺมณํ คเหตฺวา มโนทฺวาเร จิตฺตํ ปวตฺตติ, ตํ ตสฺส อารมฺมณปุเรชาตํ โหตี’’ติ. เอตฺถ จ นิสฺสยารมฺมณาการาทีหิ วิสิฏฺา ปุเรชาตภาเวน วินา อุปการภาวํ อคจฺฉนฺตานํ วตฺถารมฺมณานํ ปุเรชาตากาเรน อุปการกตา ปุเรชาตปจฺจยตาติ อยมสฺส นิสฺสยารมฺมณปจฺจยตาหิ วิเสโส.

คิชฺฌโปตกสรีรานํ อาหาราสา เจตนา วิย ปุเรชาตานํ รูปานํ อุปตฺถมฺภกภาเวน อุปการโก ธมฺโม ปจฺฉาชาตปจฺจโย. มโนสฺเจตนาหารวเสน หิ ปจฺฉาชาตจิตฺตเจตสิเกหิ วินา สนฺตานฏฺิติเหตุภาวํ อคจฺฉนฺตานํ ปจฺฉาชาตากาเรน จิตฺตเจตสิกานํ อุปการกตา วิปฺปยุตฺตาการาทีหิ วิสิฏฺา ปจฺฉาชาตปจฺจยตาติ เอวํ สพฺพปจฺจยานํ ปจฺจยนฺตราการวิสิฏฺา อุปการกตา ทฏฺพฺพา. โส ปน ‘‘ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๑) อาคตตฺตา เอกวิโธติ อาห ‘‘จิตฺตเจตสิกาวา’’ติ.

ปุริมปุริมปริจิตคนฺโถ วิย อุตฺตรุตฺตรสฺส คนฺถสฺส กุสลาทิภาเวน อตฺตสทิสปคุณพลวภาววิสิฏฺํ อตฺตสชาติยตาคาหกํ อาเสวนํ, เตน ปจฺจยา สชาติยธมฺมาว อาเสวนปจฺจโย. ภินฺนชาติกา หิ ภินฺนชาติกานํ อาเสวนคุเณน ปคุณพลวภาววิสิฏฺํ กุสลาทิภาวสงฺขาตํ อตฺตโน คตึ คาหาเปตุํ น สกฺโกนฺติ, น จ สยํ ตโต คณฺหนฺติ. เต ปน อนนฺตราตีตานิ โลกิยกุสลากุสลานิ เจว อนาวชฺชนกิริยาชวนานิ จาติ อาห ‘‘เปตฺวา อาวชฺชนทฺวย’’นฺติอาทิ. ‘‘น มคฺคปจฺจยา อาเสวเน เอก’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๒๑) วจนโต อเหตุกกิริยาสุ หสิตุปฺปาทสฺเสว อาเสวนภาเวน, อาวชฺชนทฺวยํ อาเสวนปจฺจโย น โหติ, โลกุตฺตรมฺปิ กุสลํ ภินฺนชาติกสฺเสว ผลสฺส ปุเรจรตฺตา น เตน, อาเสวนคุณํ คณฺหาเปติ, วิปากาพฺยากตมฺปิ กมฺมวเสน. วิปากภาวปฺปตฺตํ กมฺมปริณามิตํ กมฺมเวคกฺขิตฺตํ ปติตํ วิย หุตฺวา ปวตฺตมานํ อตฺตโน สภาวํ คาเหตฺวา ปริภาเวตฺวา เนว อฺวิปากํ ปวตฺเตติ, น จ ปุริมวิปากานุภาวํ คเหตฺวา อุปฺปชฺชติ. โลกุตฺตรวิปากมฺปิ หิ กิฺจาปิ ชวนวเสน อุปฺปชฺชติ, อาเสวนคุณํ ปน คณฺหาติ, น จ อฺํ คาหาเปติ. ยมฺปิ ‘‘อาเสวนวินิมุตฺตํ ชวนํ นตฺถี’’ติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ, ตมฺปิ ‘‘เยภุยฺยวเสน วุตฺต’’นฺติ วิฺายติ, อิตรถา ปน อาจริยสฺส อสมเปกฺขิตาวิธายกตฺตปฺปสงฺคโต. ตถา หิ วุตฺตํ ปฏฺานฏฺกถายํ ‘‘โลกุตฺตโร ปน อาเสวนปจฺจโย นาม นตฺถี’’ติ (ปฏฺา. อฏฺ. ๑.๑๒). มคฺโค ปน โคตฺรภุโต อาเสวนํ น คณฺหาตีติ นตฺถิ ภูมิอาทิวเสน นานาชาติกตาย อนธิปฺเปตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ปฏฺาเน ‘‘โคตฺรภุ มคฺคสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย, โวทานํ มคฺคสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๖).

จิตฺตปฺปโยคสงฺขาตอายูหนกิริยาภาเวน สหชาตานํ, นานกฺขณิกานฺจ อุปการโก ธมฺโม กมฺมปจฺจโย. กมฺมนฺติ หิ เจตนา วุจฺจติ, สา จ อายูหนพฺยาปารา. ปจฺจยุปฺปนฺเนน สห อุปฺปนฺนา สหชาตา, ปจฺจยุปฺปนฺนโต นานกฺขเณ ภวา นานกฺขณิกา. สหชาตา โลกิยโลกุตฺตรา เจตนาติ สมฺพนฺโธ. สา สหชาตนามานํ, ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ ปจฺจโย, อิตรา ปน วิปากกฏตฺตารูปานนฺติ ทฏฺพฺพํ. สาสวกุสลากุสลเจตนาติ อตฺตโน อุปฺปาทวิสิฏฺเ สนฺตาเน เสสปจฺจยสมาคเม ปวตฺตมานานํ วิปากกฏตฺตารูปานํ สนฺตานวิเสสนกิริยาภาเวน อุปการิกา กามรูปารูปกุสลเจตนา, อกุสลเจตนา จ. ตสฺสา หิ ตถา กิริยาภาเวน ปวตฺตตฺตา เตสํ ปวตฺติ, น อฺถา. อิตรา ปน สหชาตานํ อายูหนกิริยาภาเวน ปวตฺตมานา อุปการิกาติ วตฺตพฺพํ. อวธารเณน ปเนตฺถ เจตนาสมฺปยุตฺตํ อภิชฺฌาทิกมฺมํ ปฏิกฺขิปติ สติปิ วิปากธมฺมสภาเว เจตนาวชฺชานํ อตํสภาวตฺตา. อนาสว…เป… ปจฺจโยติ อิมินา โลกิยกุสลเจตนาย วิเสสมตฺตํ ทสฺเสติ, น นานกฺขณิกกมฺมปจฺจยตาภาวํ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘อรูปาวจรเจตนา, ปน โลกุตฺตรเจตนา จ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา อตฺตโน อตฺตโน วิปากกฺขนฺธานํ นานกฺขณิกกมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ.

อตฺตโน นิรุสฺสาหสนฺตภาเวน สหชาตนามรูปานํ นิรุสฺสาหสนฺตภาวาย อุปการกา อรูปธมฺมาว วิปากปจฺจโย. เตนาห ‘‘วิปากจิตฺตเจตสิกา’’ติ. เต หิ ปโยเคน อสาเธตพฺพตาย กมฺมสฺส กตตฺตา นิปฺผชฺชนมตฺตโต นิรุสฺสาหสนฺตภาวา โหนฺติ, น กิเลสวูปสมสนฺตภาวา. นิรุสฺสาหสนฺตภาวโต เอว หิ ภวงฺคาทโย ทุวิฺเยฺยา. ปฺจทฺวาเรปิ หิ ชวนปฺปวตฺติยาว รูปาทีนํ คหิตตา วิฺายติ. อภินิปาตสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณมตฺตา ปน วิปากา ทุวิฺเยฺยา เอว.

รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกฏฺเน อุปกาโร อาหารปจฺจโย. สติปิ หิ ชนกภาเว อุปตฺถมฺภกตฺตเมว อาหารสฺส ปธานกิจฺจํ, ชนยนฺโตปิ จ อาหาโร อวิจฺเฉทวเสน อุปตฺถมฺเภนฺโตว ชเนตีติ อุปตฺถมฺภนภาโวว อาหารภาโวติ. ตตฺถ กพฬีกาโร อาหาโร รูปกายสฺเสว อุปตฺถมฺภโก, เสสา ตโย รูปารูปกายสฺส. น เกวลฺหิ เต นามธมฺมานเมว อวิจฺเฉทเหตุกา, อถ โข ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตารูปานํ, ปวตฺเต จิตฺตชรูปานมฺปิ.

เตสุ เตสุ กิจฺเจสุ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเมหิ อตฺตานํ อนุวตฺตาปนกสงฺขาตอาธิปจฺจฏฺเน ปจฺจโย อินฺทฺริยปจฺจโย. อธิปติปจฺจยธมฺมานฺหิ ปวตฺติวินิวารเก อภิภวิตฺวา ปวตฺตเนน ครุภาโว อธิปติยฏฺโ, อินฺทฺริยานํ ปน ทสฺสนาทิกิจฺเจสุ จกฺขุวิฺาณาทีหิ, ชีวเน กมฺมชรูเปหิ, อรูปธมฺเมหิ จ ชีวนฺเตหิ สุขิตาทิภาเวสุ สุขิตาทีหิ อธิโมกฺขปคฺคหอุปฏฺานาวิกฺเขปปฺปชานเนสุ ‘‘อนฺาตํ สฺสามี’’ติ ปวตฺติยํ อาชานเน, อฺาตาวิภาเว จ สทฺธาทิสหชาเตหีติ เอวํ ตํตํกิจฺเจสุ จกฺขาทิปจฺจเยหิ ธมฺเมหิ จกฺขาทีนํ อนุวตฺตนิยตามตฺตํ อินฺทฺริยานํ อาธิปจฺจฏฺโติ อยเมว เตสํ วิเสโส. รูปสตฺตก-คฺคหเณน จกฺขาทีนิ ปฺจ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยทฺวยฺจ ทสฺเสติ. ชีวิตินฺทฺริยํ ปน อรูปชีวิตินฺทฺริเยน สทฺธึ เอกโต กตฺวา ชีวิต-คฺคหเณน คหิตํ. เอวฺหิ ทฺวาวีสติ อินฺทฺริยานิ โหนฺติ. ‘‘อนาทิมติ สํสาเร อนฺาตํ อสจฺฉิกตํ จตุสจฺจธมฺมํ, นิพฺพานเมว วา สฺสามี’’ติ ปวตฺตสฺส อินฺทฺริยํ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ, ปมมคฺคาณํ. อาชานโต ปมมคฺเคน ทิฏฺมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานโต อินฺทฺริยํ อฺินฺทฺริยํ, โสตาปตฺติผลโต ยาว อรหตฺตมคฺคา ฉสุ าณํ, อฺาตาวิโน จตูสุ สจฺเจสุ ปรินิฏฺิตกิจฺจสฺส อินฺทฺริยํ อฺาตาวินฺทฺริยํ, อรหตฺตผลาณํ. ปมํ ปริยายโต อินฺทฺริยตฺตํ สนฺธาย รูปสตฺตก-คฺคหเณน คเหตฺวาปิ ปุน กถฺจิ อุปการกตฺตาภาวโต อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานํ เอตฺถ อคฺคหณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตานิ หิ เยภุยฺเยน ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺติยมานานิปิ ปจฺจยภาวโต นานุวตฺตียนฺตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ.

อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน อุปคนฺตฺวา อารมฺมณนิชฺฌานํ ฌานปจฺจยตา, โส จ วิตกฺกาทีนเมว อาเวณิโก สภาโวติ อาห ‘‘ฌานปจฺจโย’’ติอาทิ. เต ปน ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตารูปานํ, ปวตฺเต จิตฺตชรูปานํ, อุภยตฺถ นามธมฺมานฺจ ปจฺจยาติ ทฏฺพฺพํ.

สุคติโต, ทุคฺคติโต, กุสลโต, อกุสลโต วา นิยฺยานฏฺเน สหชาตานํ อุปการกตา มคฺคปจฺจยตา, สา จ สมฺมาทิฏฺาทีนนฺติ อาห ‘‘มคฺคปจฺจโย’’ติอาทิ. สงฺกปฺป-คฺคหเณน สมฺมาสงฺกปฺปํ, มิจฺฉาสงฺกปฺปฺจ ทสฺเสติ. เอวํ เสเสสุปิ. มิจฺฉาสงฺกปฺปาทโย หิ อปายมคฺคงฺคา, มิจฺฉาสติมิจฺฉาวาจาทโย เจตฺถ ตถาปวตฺตจิตฺตุปฺปาทา, เจตนา จ, อยมฺปิ ฌานปจฺจเย วุตฺตานเมว ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจโยติ ทฏฺพฺพํ.

ปรมตฺเถน ภินฺนานมฺปิ เอกีภาวคตานํ วิย เอกุปฺปาทาทิภาวสงฺขาตสมฺปโยคลกฺขเณน อุปการกตา สมฺปยุตฺตปจฺจยตา, สา จ นามธมฺมานเมว, น รูปธมฺมานนฺติ อาห ‘‘สมฺปยุตฺตปจฺจโย’’ติอาทิ.

อฺมฺสมฺพนฺธตาย ยุตฺตานมฺปิ สมานานํ วิปฺปยุตฺตภาเวน วิสํสฏฺตาย นานตฺตูปคมเนน อุปการกตา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา, สา จ วตฺถูนํ, จิตฺตเจตสิกานเมว วาติ อาห ‘‘วิปฺปยุตฺตปจฺจโย’’ติอาทิ. ฉ วตฺถูนิ หิ สตฺตนฺนํ วิฺาณานํ ยถารหํ ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต, จิตฺตเจตสิกา ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตารูปานํ, ปวตฺติยํ จิตฺตสมุฏฺานานฺจ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย. วตฺถุปุเรชาตานีติ อิทํ จกฺขาทิวตฺถุวเสเนว วุตฺตํ, หทยวตฺถุ ปน ปฏิสนฺธิยมฺปิ ปจฺจยภาวโต สหชาตมฺปิ ลพฺภติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ อพฺยากตปทสฺส สหชาตวิภงฺเค ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา ขนฺธา กฏตฺตารูปานํ, ขนฺธา วตฺถุสฺส, วตฺถุ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ. ตถา ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกาติ จ จกฺขุวิฺาณาทิวเสเนว วุตฺตํ, ‘‘สหชาตา กุสลา ขนฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔) ปน สหชาตาปิ ลพฺภนฺติ. เอวฺจ กตฺวา วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘วิปฺปยุตฺตปจฺจโย สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตวเสน ติวิโธ’’ติ. อยํ ปน รูปธมฺโม สมาโน รูปธมฺมสฺส ปจฺจโย น โหติ สมฺปโยคาสงฺกาย อภาวโต.

เยสฺหิ นามานํ จกฺขาทีนํ อพฺภนฺตรโต นิกฺขมนฺตานํ วิย ปวตฺติ, รูปานฺจ นามสนฺนิสฺสเยเนว อุปฺปชฺชมานานํ สมฺปโยคาสงฺกา โหติ, เตสเมว วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา วุตฺตา. รูปานํ ปน รูเปหิ สาสงฺกา นตฺถิ, วตฺถุสนฺนิสฺสเยเนว จ ชายนฺตานํ นามานํ วิสยมตฺตํ อารมฺมณนฺติ เตนาปิ เตสํ สมฺปโยคาสงฺกา นตฺถิ. ปจฺจุปฺปนฺนสภาเวน อตฺถิภาเวน ตาทิสสฺเสว ธมฺมสฺส อุปตฺถมฺภกตฺเตน อุปการกตา อตฺถิปจฺจยตา. สติปิ หิ ชนกตฺเต ิติยํเยว สาติสโย อตฺถิปจฺจยานํ พฺยาปาโรติ อุปตฺถมฺภกตา เตสํ คหิตา, เต จ รูปชีวิตินฺทฺริยาทีเนวาติ อาห ‘‘อตฺถิปจฺจโย’’ติอาทิ. รูปชีวิตินฺทฺริยฺหิ กฏตฺตารูปานํ, กพฬีการาหาโร อิมสฺส กายสฺส, อารมฺมณปุเรชาตานิ จิตฺตเจตสิกานํ นิสฺสยปจฺจเย วุตฺตธมฺมา, ตตฺเถว วุตฺตปจฺจยุปฺปนฺนฺจ อตฺถิปจฺจโย. นิสฺสยปจฺจเย วุตฺตธมฺมาติ จ วตฺถุรูปมหาภูตจิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมสามฺเเนว คหณํ, น นิสฺสยปจฺจยภาวีนํเยว. ปจฺฉาชาตานมฺปิ จิตฺตเจตสิกานํ ปุเรชาตสฺส กายสฺส ปฺหาวาเร ปจฺจยภาเวน นิทฺทิฏฺตฺตา. เอตฺถ จ อตฺถิภาวาภาเวน อนุปการกานเมว อตฺถิภาเวน อุปการกตาย อตฺถิปจฺจยตาภาวโต นตฺถิ นิพฺพานสฺส สพฺพทา ภาวิโน อตฺถิปจฺจยตา, อุปฺปาทาทิยุตฺตานํ วา นตฺถิภาโวปการตาวิรุทฺโธ อุปการกภาโว อตฺถิปจฺจยตาติ น ตสฺส ตปฺปจฺจยตฺตปฺปสงฺโค.

นตฺถิปจฺจโยติอาทีสุ อนนฺตรตามตฺเตน, จิตฺตนิยามกภาเวน วา อุปการกตา อนนฺตรปจฺจยตา. เอกสฺมึ ผสฺสาทิธมฺมสมุทาเย ปวตฺตมาเน ทุติยสฺส อภาวโต อตฺตโน ิติยา โอกาสมลภนฺตานํ อนนฺตรํ อุปฺปชฺชมานกจิตฺตเจตสิกานํ โอกาสทานวเสน อุปการกตา นตฺถิปจฺจยตา. อตฺตโน สภาวาวิคเมน อปฺปวตฺตมานานํ วิคตภาเวน อุปการกตา วิคตปจฺจยตา. อตฺถโต ปน ทฺวินฺนมฺปิ อนนฺตรปจฺจยภาวีธมฺมตฺตา อวิเสโส วุตฺโต. สภาวตามตฺเตน อุปการกตา อตฺถิปจฺจยตา, นิโรธานุปคมนวเสน อุปการกตา อวิคตปจฺจยตาติ ปจฺจยวิเสโส เตสํ ธมฺมาวิเสเสปิ เวทิตพฺโพ. ธมฺมานฺหิ สมตฺถตาวิเสสํ สพฺพากาเรน ตฺวา ภควตา จตุวีสติปจฺจยา เทสิตาติ ภควติ สทฺธาย ‘‘เอวํ วิเสสา เอเต ธมฺมา’’ติ สุตมยาณํ อุปฺปาเทตฺวา จินฺตาภาวนามยาเณหิ ตทภิสมยาย โยโค กรณีโย. อวิเสเสปิ ธมฺมสามตฺถิยสฺส ตถา ตถา วิเนตพฺพปุคฺคลานํ วเสน เหฏฺา วุตฺโตปิ ปจฺจโย ปุน ปการนฺตเรน วุจฺจติ ยถา อเหตุกทุกํ วตฺวาปิ เหตุวิปฺปยุตฺตทุกํ วิยาติ ทฏฺพฺพํ.

ยสฺมา มหาภูตา อฺมฺํ, อุปาทารูปานฺจ สหชาตปจฺจยา, มหาภูตา อฺมฺํ อฺมฺนิสฺสยปจฺจยา, อุปาทารูปานํ นิสฺสยปจฺจยาว, กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจโย, มหาภูตา อฺมฺํ, อุปาทารูปานฺจ ชีวิตินฺทฺริยํ กฏตฺตารูปานฺจ อตฺถิอวิคตอินฺทฺริยปจฺจยา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘รูปํ รูปสฺส…เป… สตฺตธา ปจฺจโย โหตี’’ติ.

รูปํ อรูปสฺสาติอาทีสุปิ เหฏฺา วุตฺตปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเม สุฏฺุ อุปลกฺเขตฺวา ปจฺจโย โยเชตพฺโพ. รูปํ รูปารูปสฺสาติ นตฺถีติ อิทํ สหชาตปจฺจยภูตมฺปิ รูปํ รูปารูปทฺวยสฺส ปจฺจยภาเวน อนาคตนฺติ กตฺวา วุตฺตํ.

สพฺเพสํ ปจฺจยานํ อารมฺมณปจฺจเย อุปนิสฺสยปจฺจเย, สหชาตนานกฺขณิกเจตนาย กมฺมปจฺจเย, สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาทิเภทสฺส อตฺถิปจฺจเย จ สโมธานโต สพฺเพปิ ปจฺจยา สงฺเขปโต จตุพฺพิธาเยวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สพฺเพ ปนิเม’’ติอาทิ.

อิติ อภิธมฺมตฺถวิกาสินิยา นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนาย

ปจฺจยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิคมนกถาวณฺณนา

๑๔๐๐-๒. สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตคติตาย สุนฺทรา มติ อิมสฺสาติ สุมติ, ตสฺส สุมติสฺส ภควโต มติวิจารํ าณจารํ โพเธตีติ สุมติมติวิจารโพธโน. วิรุทฺธา มติ เยสํ เต วิมติโน, วิรุทฺธา มตีติ จ วิรุทฺธทสฺสนนฺติ อตฺโถ. เตสํ วิโมหํ วินาเสตีติ วิมติวิโมหวินาสโน. ยโต ยสฺมา นามโต สุมตินา ภิกฺขุนา มานโต พหุมาเนน อายาจิตสมฺมานโต อายาจิโต หุตฺวา สมฺมา อวนโต สทาเยว มโต อยํ, ตโต ตสฺมา มยา รจิโต อภิธมฺมาวตาโร. ตถา หิ ภาวนา สาธูนํ สมฺภาวนา หิตวิภาวนา หิตปฺปกาสนโต สทา โตสทาติ โยชนา.

๑๔๐๓-๑๔. อยุตฺตํ วา วิรุทฺธํ วาติ เอตฺถ ‘‘อฏฺกถาย วิมุขภูตํ อยุตฺตํ นาม, ปาฬิยา วิมุขภูตํ วิรุทฺธ’’นฺติ วทนฺติ. พฺยปฺปถานนฺติ จ วาจนามคฺคานนฺติ อตฺโถ. ติวิธาติ เอโก พฺยปฺปโถ สทฺทสมฺปนฺโน, น อตฺถสมฺปนฺโน, เอโก อตฺถสมฺปนฺโน, น สทฺทสมฺปนฺโน, เอโก อุภยสมฺปนฺโนติ ติปฺปการาติ อตฺโถ. หิตเมว อตฺโถติ หิตตฺโถ, ตํ อตฺตโน กาเมตีติ หิตตฺถกาโม. อสํกิณฺณกุลากุเลหิ อสมฺภินฺนกุเลหิ สํกิณฺเณ. เกลาโสเยว สิขโรติ เกลาสสิขโร, โส หิ หิมวโต จตุราสีติยา กูฏสหสฺสานํ ปาโมกฺโข รชตมโย มหาสิขโร. ตทากาเรหิ สพฺพเสเตหิ ปาสาเทหิ ปฏิมณฺฑิตตฺตา เกลาส…เป… มณฺฑิโต. กณฺหทาเสนาติ เอวํนามเกน อุปาสเกน. ปาจีนปาสาเทติ ปาจีนทิสาภาคสนฺนิสฺสิเต ปาสาเท. อยนฺติ อยมภิธมฺมาวตาโร.

นิฏฺิตายํ อภิธมฺมตฺถวิกาสินี นาม

อภิธมฺมาวตารสํวณฺณนา.

นิคมนกถา

.

รมฺเม ปุลตฺถินคเร นคราธิราเช,

รฺา ปรกฺกมภุเชน มหาภุเชน;

การาปิเต วสติ เชตวเน วิหาเร,

โย รมฺมหมฺมิยวรูปวนาภิราเม.

.

สมฺปนฺนสีลทมสํยมโตสิเตหิ,

สมฺมานิโต วสิคเณหิ คุณากเรหิ;

ปตฺโต มุนินฺทวจนาทิสุ เนกคนฺถ-

ชาเตสุ จาจริยตํ มหิตํ วิทูหิ.

..

าณานุภาวมิห ยสฺส จ สูจยนฺตี,

สํวณฺณนา จ วินยฏฺกถาทิกานํ;

สารตฺถทีปนิมุขา มธุรตฺถสาร-

สนฺทีปเนน สุชนํ ปริโตสยนฺตี.

.

ตสฺสานุกมฺปมวลมฺพิย สาริปุตฺต-

ตฺเถรสฺส ถามคตสารคุณากรสฺส;

โย สาสเน ชินวรสฺส รตึ อุฬารํ,

ปปฺโปติ นนฺทิปริเวณนิวาสวาสี.

.

ส สาธยํ โสตุหิตํ อนปฺปกํ,

สุมงฺคโลทีริตนามวิสฺสุโต;

อกาภิธมฺมตฺถวิกาสินึ อิมํ,

ปกาสยนฺตึ มธุรตฺถสมฺปทนฺติ.

อภิธมฺมาวตารฏีกา สมตฺตา.