📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

วิสุทฺธิมคฺโค

(ปโม ภาโค)

นิทานาทิกถา

.

สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;

อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓);

อิติ หิทํ วุตฺตํ, กสฺมา ปเนตํ วุตฺตํ, ภควนฺตํ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺตํ รตฺติภาเค อฺตโร เทวปุตฺโต อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน สํสยสมุคฺฆาฏตฺถํ –

อนฺโตชฏา พหิชฏา, ชฏาย ชฏิตา ปชา;

ตํ ตํ โคตม ปุจฺฉามิ, โก อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓) –

อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – ชฏาติ ตณฺหาย ชาลินิยา เอตํ อธิวจนํ. สา หิ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ เหฏฺุปริยวเสน ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต สํสิพฺพนฏฺเน เวฬุคุมฺพาทีนํ สาขาชาลสงฺขาตา ชฏา วิยาติ ชฏา, สา ปเนสา สกปริกฺขารปรปริกฺขาเรสุ สกอตฺตภาวปรอตฺตภาเวสุ อชฺฌตฺติกายตนพาหิรายตเนสุ จ อุปฺปชฺชนโต อนฺโตชฏา พหิชฏาติ วุจฺจติ. ตาย เอวํ อุปฺปชฺชมานาย ชฏาย ชฏิตา ปชา. ยถา นาม เวฬุคุมฺพชฏาทีหิ เวฬุอาทโย, เอวํ ตาย ตณฺหาชฏาย สพฺพาปิ อยํ สตฺตนิกายสงฺขาตา ปชา ชฏิตา วินทฺธา, สํสิพฺพิตาติ อตฺโถ. ยสฺมา จ เอวํ ชฏิตา. ตํ ตํ โคตม ปุจฺฉามีติ ตสฺมา ตํ ปุจฺฉามิ. โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. โก อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ อิมํ เอวํ เตธาตุกํ ชเฏตฺวา ิตํ ชฏํ โก วิชเฏยฺย, วิชเฏตุํ โก สมตฺโถติ ปุจฺฉติ.

เอวํ ปุฏฺโ ปนสฺส สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณจาโร เทวเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา จตุเวสารชฺชวิสารโท ทสพลธโร อนาวรณาโณ สมนฺตจกฺขุ ภควา ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺโต –

สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;

อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ. –

อิมํ คาถมาห.

.

อิมิสฺสา ทานิ คาถาย, กถิตาย มเหสินา;

วณฺณยนฺโต ยถาภูตํ, อตฺถํ สีลาทิเภทนํ.

สุทุลฺลภํ ลภิตฺวาน, ปพฺพชฺชํ ชินสาสเน;

สีลาทิสงฺคหํ เขมํ, อุชุํ มคฺคํ วิสุทฺธิยา.

ยถาภูตํ อชานนฺตา, สุทฺธิกามาปิ เย อิธ;

วิสุทฺธึ นาธิคจฺฉนฺติ, วายมนฺตาปิ โยคิโน.

เตสํ ปาโมชฺชกรณํ, สุวิสุทฺธวินิจฺฉยํ;

มหาวิหารวาสีนํ, เทสนานยนิสฺสิตํ.

วิสุทฺธิมคฺคํ ภาสิสฺสํ, ตํ เม สกฺกจฺจ ภาสโต;

วิสุทฺธิกามา สพฺเพปิ, นิสามยถ สาธโวติ.

. ตตฺถ วิสุทฺธีติ สพฺพมลวิรหิตํ อจฺจนฺตปริสุทฺธํ นิพฺพานํ เวทิตพฺพํ. ตสฺสา วิสุทฺธิยา มคฺโคติ วิสุทฺธิมคฺโค. มคฺโคติ อธิคมูปาโย วุจฺจติ. ตํ วิสุทฺธิมคฺคํ ภาสิสฺสามีติ อตฺโถ.

โส ปนายํ วิสุทฺธิมคฺโค กตฺถจิ วิปสฺสนามตฺตวเสเนว เทสิโต. ยถาห –

‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ, ยทา ปฺาย ปสฺสติ;

อถ นิพฺพินฺทติ ทุกฺเข, เอส มคฺโค วิสุทฺธิยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๗๗);

กตฺถจิ ฌานปฺาวเสน. ยถาห –

‘‘ยมฺหิ ฌานฺจ ปฺา จ, ส เว นิพฺพานสนฺติเก’’ติ. (ธ. ป. ๓๗๒);

กตฺถจิ กมฺมาทิวเสน. ยถาห –

‘‘กมฺมํ วิชฺชา จ ธมฺโม จ, สีลํ ชีวิตมุตฺตมํ;

เอเตน มจฺจา สุชฺฌนฺติ, น โคตฺเตน ธเนน วา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๓๘๗; สํ. นิ. ๑.๔๘);

กตฺถจิ สีลาทิวเสน. ยถาห –

‘‘สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน, ปฺวา สุสมาหิโต;

อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, โอฆํ ตรติ ทุตฺตร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๙๖);

กตฺถจิ สติปฏฺานาทิวเสน. ยถาห –

‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา…เป… นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย, ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๗๓).

สมฺมปฺปธานาทีสุปิ เอเสว นโย. อิมสฺมึ ปน ปฺหาพฺยากรเณ สีลาทิวเสน เทสิโต.

. ตตฺรายํ สงฺเขปวณฺณนา – สีเล ปติฏฺายาติ สีเล ตฺวา, สีลํ ปริปูรยมาโนเยว เจตฺถ สีเล ิโตติ วุจฺจติ. ตสฺมา สีลปริปูรเณน สีเล ปติฏฺหิตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. นโรติ สตฺโต. สปฺโติ กมฺมชติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาย ปฺวา. จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยนฺติ สมาธิฺเจว วิปสฺสนฺจ ภาวยมาโน, จิตฺตสีเสน เหตฺถ สมาธิ นิทฺทิฏฺโ. ปฺานาเมน จ วิปสฺสนาติ. อาตาปีติ วีริยวา. วีริยฺหิ กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนฏฺเน อาตาโปติ วุจฺจติ. ตทสฺส อตฺถีติ อาตาปี. นิปโกติ เนปกฺกํ วุจฺจติ ปฺา, ตาย สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. อิมินา ปเทน ปาริหาริกปฺํ ทสฺเสติ. อิมสฺมิฺหิ ปฺหาพฺยากรเณ ติกฺขตฺตุํ ปฺา อาคตา. ตตฺถ ปมา ชาติปฺา, ทุติยา วิปสฺสนาปฺา, ตติยา สพฺพกิจฺจปริณายิกา ปาริหาริกปฺา. สํสาเร ภยํ อิกฺขตีติ ภิกฺขุ. โส อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ โส อิมินา จ สีเลน อิมินา จ จิตฺตสีเสน นิทฺทิฏฺสมาธินา อิมาย จ ติวิธาย ปฺาย อิมินา จ อาตาเปนาติ ฉหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ. เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส ปถวิยํ ปติฏฺาย สุนิสิตํ สตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา มหนฺตํ เวฬุคุมฺพํ วิชเฏยฺย, เอวเมว สีลปถวิยํ ปติฏฺาย สมาธิสิลายํ สุนิสิตํ วิปสฺสนาปฺาสตฺถํ วีริยพลปคฺคหิเตน ปาริหาริกปฺาหตฺเถน อุกฺขิปิตฺวา สพฺพมฺปิ ตํ อตฺตโน สนฺตาเน ปติตํ ตณฺหาชฏํ วิชเฏยฺย สฺฉินฺเทยฺย สมฺปทาเลยฺย. มคฺคกฺขเณ ปเนส ตํ ชฏํ วิชเฏติ นาม. ผลกฺขเณ วิชฏิตชโฏ สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺโย โหติ. เตนาห ภควา –

‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;

อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓);

. ตตฺรายํ ยาย ปฺาย สปฺโติ วุตฺโต, ตตฺราสฺส กรณียํ นตฺถิ. ปุริมกมฺมานุภาเวเนว หิสฺส สา สิทฺธา. อาตาปี นิปโกติ เอตฺถ วุตฺตวีริยวเสน ปน เตน สาตจฺจการินา ปฺาวเสน จ สมฺปชานการินา หุตฺวา สีเล ปติฏฺาย จิตฺตปฺาวเสน วุตฺตา สมถวิปสฺสนา ภาเวตพฺพาติ อิมมตฺร ภควา สีลสมาธิปฺามุเขน วิสุทฺธิมคฺคํ ทสฺเสติ.

เอตฺตาวตา หิ ติสฺโส สิกฺขา, ติวิธกลฺยาณํ สาสนํ, เตวิชฺชตาทีนํ อุปนิสฺสโย, อนฺตทฺวยวชฺชนมชฺฌิมปฏิปตฺติเสวนานิ, อปายาทิสมติกฺกมนุปาโย, ตีหากาเรหิ กิเลสปฺปหานํ, วีติกฺกมาทีนํ ปฏิปกฺโข, สํกิเลสตฺตยวิโสธนํ, โสตาปนฺนาทิภาวสฺส จ การณํ ปกาสิตํ โหติ.

กถํ? เอตฺถ หิ สีเลน อธิสีลสิกฺขา ปกาสิตา โหติ, สมาธินา อธิจิตฺตสิกฺขา, ปฺาย อธิปฺาสิกฺขา.

สีเลน จ สาสนสฺส อาทิกลฺยาณตา ปกาสิตา โหติ. ‘‘โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ, สีลฺจ สุวิสุทฺธ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙) หิ วจนโต, ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐) อาทิวจนโต จ สีลํ สาสนสฺส อาทิ, ตฺจ กลฺยาณํ, อวิปฺปฏิสาราทิคุณาวหตฺตา. สมาธินา มชฺเฌกลฺยาณตา ปกาสิตา โหติ. ‘‘กุสลสฺส อุปสมฺปทา’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๐) อาทิวจนโต หิ สมาธิ สาสนสฺส มชฺเฌ, โส จ กลฺยาโณ, อิทฺธิวิธาทิคุณาวหตฺตา. ปฺาย สาสนสฺส ปริโยสานกลฺยาณตา ปกาสิตา โหติ. ‘‘สจิตฺตปริโยทาปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐) หิ วจนโต, ปฺุตฺตรโต จ ปฺา สาสนสฺส ปริโยสานํ, สา จ กลฺยาณํ, อิฏฺานิฏฺเสุ ตาทิภาวาวหนโต.

‘‘เสโล ยถา เอกฆโน, วาเตน น สมีรติ;

เอวํ นินฺทาปสํสาสุ, น สมิฺชนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ธ. ป. ๘๑); –

หิ วุตฺตํ.

ตถา สีเลน เตวิชฺชตาย อุปนิสฺสโย ปกาสิโต โหติ. สีลสมฺปตฺติฺหิ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณาติ, น ตโต ปรํ. สมาธินา ฉฬภิฺตาย อุปนิสฺสโย ปกาสิโต โหติ. สมาธิสมฺปทฺหิ นิสฺสาย ฉ อภิฺา ปาปุณาติ, น ตโต ปรํ. ปฺาย ปฏิสมฺภิทาปเภทสฺส อุปนิสฺสโย ปกาสิโต โหติ. ปฺาสมฺปตฺติฺหิ นิสฺสาย จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณาติ, น อฺเน การเณน.

สีเลน จ กามสุขลฺลิกานุโยคสงฺขาตสฺส อนฺตสฺส วชฺชนํ ปกาสิตํ โหติ, สมาธินา อตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาตสฺส. ปฺาย มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา เสวนํ ปกาสิตํ โหติ.

ตถา สีเลน อปายสมติกฺกมนุปาโย ปกาสิโต โหติ, สมาธินา กามธาตุสมติกฺกมนุปาโย, ปฺาย สพฺพภวสมติกฺกมนุปาโย.

สีเลน จ ตทงฺคปฺปหานวเสน กิเลสปฺปหานํ ปกาสิตํ โหติ, สมาธินา วิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน, ปฺาย สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน.

ตถา สีเลน กิเลสานํ วีติกฺกมปฏิปกฺโข ปกาสิโต โหติ, สมาธินา ปริยุฏฺานปฏิปกฺโข, ปฺาย อนุสยปฏิปกฺโข.

สีเลน จ ทุจฺจริตสํกิเลสวิโสธนํ ปกาสิตํ โหติ, สมาธินา ตณฺหาสํกิเลสวิโสธนํ, ปฺาย ทิฏฺิสํกิเลสวิโสธนํ.

ตถา สีเลน โสตาปนฺนสกทาคามิภาวสฺส การณํ ปกาสิตํ โหติ, สมาธินา อนาคามิภาวสฺส, ปฺาย อรหตฺตสฺส. โสตาปนฺโน หิ ‘‘สีเลสุ ปริปูรการี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๗) วุตฺโต, ตถา สกทาคามี. อนาคามี ปน ‘‘สมาธิสฺมึ ปริปูรการี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๗). อรหา ปน ‘‘ปฺาย ปริปูรการี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๗).

เอวํ เอตฺตาวตา ติสฺโส สิกฺขา, ติวิธกลฺยาณํ สาสนํ, เตวิชฺชตาทีนํ อุปนิสฺสโย, อนฺตทฺวยวชฺชนมชฺฌิมปฏิปตฺติเสวนานิ, อปายาทิสมติกฺกมนุปาโย, ตีหากาเรหิ กิเลสปฺปหานํ, วีติกฺกมาทีนํ ปฏิปกฺโข, สํกิเลสตฺตยวิโสธนํ, โสตาปนฺนาทิภาวสฺส จ การณนฺติ อิเม นว, อฺเ จ เอวรูปา คุณตฺติกา ปกาสิตา โหนฺตีติ.

๑. สีลนิทฺเทโส

สีลสรูปาทิกถา

. เอวํ อเนกคุณสงฺคาหเกน สีลสมาธิปฺามุเขน เทสิโตปิ ปเนส วิสุทฺธิมคฺโค อติสงฺเขปเทสิโตเยว โหติ. ตสฺมา นาลํ สพฺเพสํ อุปการายาติ วิตฺถารมสฺส ทสฺเสตุํ สีลํ ตาว อารพฺภ อิทํ ปฺหากมฺมํ โหติ.

กึ สีลํ, เกนฏฺเน สีลํ, กานสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ, กิมานิสํสํ สีลํ, กติวิธํ เจตํ สีลํ, โก จสฺส สํกิเลโส, กึ โวทานนฺติ.

ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ. กึ สีลนฺติ ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กึ สีลนฺติ เจตนา สีลํ, เจตสิกํ สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙). ตตฺถ เจตนา สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วา วิรมนฺตสฺส วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนา. เจตสิกํ สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส วิรติ. อปิจ เจตนา สีลํ นาม ปาณาติปาตาทีนิ ปชหนฺตสฺส สตฺต กมฺมปถเจตนา. เจตสิกํ สีลํ นาม ‘‘อภิชฺฌํ ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๗) อาทินา นเยน วุตฺตา อนภิชฺฌาพฺยาปาทสมฺมาทิฏฺิธมฺมา. สํวโร สีลนฺติ เอตฺถ ปฺจวิเธน สํวโร เวทิตพฺโพ ปาติโมกฺขสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ. ตตฺถ อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโตติ (วิภ. ๕๑๑) อยํ ปาติโมกฺขสํวโร. รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตีติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓) อยํ สติสํวโร.

ยานิ โสตานิ โลกสฺมึ, (อชิตาติ ภควา;)

สติ เตสํ นิวารณํ;

โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปฺาเยเต ปิธิยฺยเรติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๑);

อยํ าณสํวโร. ปจฺจยปฏิเสวนมฺปิ เอตฺเถว สโมธานํ คจฺฉติ. โย ปนายํ ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสาติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน อาคโต, อยํ ขนฺติสํวโร นาม. โย จายํ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตีติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน อาคโต, อยํ วีริยสํวโร นาม. อาชีวปาริสุทฺธิปิ เอตฺเถว สโมธานํ คจฺฉติ. อิติ อยํ ปฺจวิโธปิ สํวโร, ยา จ ปาปภีรุกานํ กุลปุตฺตานํ สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรติ, สพฺพมฺเปตํ สํวรสีลนฺติ เวทิตพฺพํ. อวีติกฺกโม สีลนฺติ สมาทินฺนสีลสฺส กายิกวาจสิโก อนติกฺกโม. อิทํ ตาว กึ สีลนฺติ ปฺหสฺส วิสฺสชฺชนํ.

. อวเสเสสุ เกนฏฺเน สีลนฺติ สีลนฏฺเน สีลํ. กิมิทํ สีลนํ นาม. สมาธานํ วา, กายกมฺมาทีนํ สุสีลฺยวเสน อวิปฺปกิณฺณตาติ อตฺโถ. อุปธารณํ วา, กุสลานํ ธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน อาธารภาโวติ อตฺโถ. เอตเทว เหตฺถ อตฺถทฺวยํ สทฺทลกฺขณวิทู อนุชานนฺติ. อฺเ ปน สิรฏฺโ สีลตฺโถ, สีตลฏฺโ สีลตฺโถติ เอวมาทินาปิ นเยเนตฺถ อตฺถํ วณฺณยนฺติ.

. อิทานิ กานสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ เอตฺถ –

สีลนํ ลกฺขณํ ตสฺส, ภินฺนสฺสาปิ อเนกธา;

สนิทสฺสนตฺตํ รูปสฺส, ยถา ภินฺนสฺสเนกธา.

ยถา หิ นีลปีตาทิเภเทน อเนกธา ภินฺนสฺสาปิ รูปายตนสฺส สนิทสฺสนตฺตํ ลกฺขณํ, นีลาทิเภเทน ภินฺนสฺสาปิ สนิทสฺสน ภาวานติกฺกมนโต. ตถา สีลสฺส เจตนาทิเภเทน อเนกธา ภินฺนสฺสาปิ ยเทตํ กายกมฺมาทีนํ สมาธานวเสน กุสลานฺจ ธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน วุตฺตํ สีลนํ, ตเทว ลกฺขณํ, เจตนาทิเภเทน ภินฺนสฺสาปิ สมาธานปติฏฺานภาวานติกฺกมนโต. เอวํ ลกฺขณสฺส ปนสฺส –

ทุสฺสีลฺยวิทฺธํสนตา, อนวชฺชคุโณ ตถา;

กิจฺจสมฺปตฺติอตฺเถน, รโส นาม ปวุจฺจติ.

ตสฺมา อิทํ สีลํ นาม กิจฺจฏฺเน รเสน ทุสฺสีลฺยวิทฺธํสนรสํ, สมฺปตฺติอตฺเถน รเสน อนวชฺชรสนฺติ เวทิตพฺพํ. ลกฺขณาทีสุ หิ กิจฺจเมว สมฺปตฺติ วา รโสติ วุจฺจติ.

โสเจยฺยปจฺจุปฏฺานํ, ตยิทํ ตสฺส วิฺุหิ;

โอตฺตปฺปฺจ หิรี เจว, ปทฏฺานนฺติ วณฺณิตํ.

ตยิทํ สีลํ กายโสเจยฺยํ วจีโสเจยฺยํ มโนโสเจยฺยนฺติ (อ. นิ. ๓.๑๒๑) เอวํ วุตฺตโสเจยฺยปจฺจุปฏฺานํ, โสเจยฺยภาเวน ปจฺจุปฏฺาติ คหณภาวํ คจฺฉติ. หิโรตฺตปฺปฺจ ปนสฺส วิฺูหิ ปทฏฺานนฺติ วณฺณิตํ, อาสนฺนการณนฺติ อตฺโถ. หิโรตฺตปฺเป หิ สติ สีลํ อุปฺปชฺชติ เจว ติฏฺติ จ. อสติ เนว อุปฺปชฺชติ, น ติฏฺตีติ. เอวํ สีลสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ เวทิตพฺพานิ.

สีลานิสํสกถา

. กิมานิสํสํ สีลนฺติ อวิปฺปฏิสาราทิอเนกคุณปฏิลาภานิสํสํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานิ อวิปฺปฏิสารานิสํสานี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑).

อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘ปฺจิเม คหปตโย อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทาย. กตเม ปฺจ? อิธ คหปตโย สีลวา สีลสมฺปนฺโน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉติ, อยํ ปโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. ปุน จปรํ คหปตโย สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อยํ ทุติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. ปุน จปรํ คหปตโย สีลวา สีลสมฺปนฺโน ยฺเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริสํ ยทิ คหปติปริสํ ยทิ สมณปริสํ, วิสารโท อุปสงฺกมติ อมงฺกุภูโต, อยํ ตติโย อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. ปุน จปรํ คหปตโย สีลวา สีลสมฺปนฺโน อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, อยํ จตุตฺโถ อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทาย. ปุน จปรํ คหปตโย สีลวา สีลสมฺปนฺโน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ, อยํ ปฺจโม อานิสํโส สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕).

อปเรปิ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ อสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จาติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๕) นเยน ปิยมนาปตาทโย อาสวกฺขยปริโยสานา อเนกา สีลานิสํสา วุตฺตา. เอวํ อวิปฺปฏิสาราทิอเนกคุณานิสํสํ สีลํ. อปิจ –

สาสเน กุลปุตฺตานํ, ปติฏฺา นตฺถิ ยํ วินา;

อานิสํสปริจฺเฉทํ, ตสฺส สีลสฺส โก วเท.

น คงฺคา ยมุนา จาปิ, สรภู วา สรสฺวตี;

นินฺนคา วาจิรวตี, มหี วาปิ มหานที.

สกฺกุณนฺติ วิโสเธตุํ, ตํ มลํ อิธ ปาณินํ;

วิโสธยติ สตฺตานํ, ยํ เว สีลชลํ มลํ.

น ตํ สชลทา วาตา, น จาปิ หริจนฺทนํ;

เนว หารา น มณโย, น จนฺทกิรณงฺกุรา.

สมยนฺตีธ สตฺตานํ, ปริฬาหํ สุรกฺขิตํ;

ยํ สเมติ อิทํ อริยํ, สีลํ อจฺจนฺตสีตลํ.

สีลคนฺธสโม คนฺโธ, กุโต นาม ภวิสฺสติ;

โย สมํ อนุวาเต จ, ปฏิวาเต จ วายติ.

สคฺคาโรหณโสปานํ, อฺํ สีลสมํ กุโต;

ทฺวารํ วา ปน นิพฺพาน, นครสฺส ปเวสเน.

โสภนฺเตวํ น ราชาโน, มุตฺตามณิวิภูสิตา;

ยถา โสภนฺติ ยติโน, สีลภูสนภูสิตา.

อตฺตานุวาทาทิภยํ, วิทฺธํสยติ สพฺพโส;

ชเนติ กิตฺติหาสฺจ, สีลํ สีลวตํ สทา.

คุณานํ มูลภูตสฺส, โทสานํ พลฆาติโน;

อิติ สีลสฺส วิฺเยฺยํ, อานิสํสกถามุขนฺติ.

สีลปฺปเภทกถา

๑๐. อิทานิ ยํ วุตฺตํ กติวิธํ เจตํ สีลนฺติ, ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ. สพฺพเมว ตาว อิทํ สีลํ อตฺตโน สีลนลกฺขเณน เอกวิธํ.

จาริตฺตวาริตฺตวเสน ทุวิธํ. ตถา อาภิสมาจาริกอาทิพฺรหฺมจริยกวเสน, วิรติอวิรติวเสน, นิสฺสิตานิสฺสิตวเสน, กาลปริยนฺตอาปาณโกฏิกวเสน, สปริยนฺตาปริยนฺตวเสน, โลกิยโลกุตฺตรวเสน จ.

ติวิธํ หีนมชฺฌิมปณีตวเสน. ตถา อตฺตาธิปเตยฺยโลกาธิปเตยฺยธมฺมาธิปเตยฺยวเสน, ปรามฏฺาปรามฏฺปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน, วิสุทฺธาวิสุทฺธเวมติกวเสน, เสกฺขาเสกฺขเนวเสกฺขนาเสกฺขวเสน จ.

จตุพฺพิธํ หานภาคิยิติภาคิยวิเสสภาคิยนิพฺเพธภาคิยวเสน. ตถา ภิกฺขุภิกฺขุนีอนุปสมฺปนฺนคหฏฺสีลวเสน, ปกติอาจารธมฺมตาปุพฺพเหตุกสีลวเสน, ปาติโมกฺขสํวรอินฺทฺริยสํวรอาชีวปาริสุทฺธิปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลวเสน จ.

ปฺจวิธํ ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลาทิวเสน. วุตฺตมฺปิ เจตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘ปฺจ สีลานิ – ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ, อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ, ปริปุณฺณปาริสุทฺธิสีลํ, อปรามฏฺปาริสุทฺธิสีลํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปาริสุทฺธิสีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๗). ตถา ปหานเวรมณีเจตนาสํวราวีติกฺกมวเสน.

๑๑. ตตฺถ เอกวิธโกฏฺาเส อตฺโถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ทุวิธโกฏฺาเส ยํ ภควตา ‘‘อิทํ กตฺตพฺพ’’นฺติ ปฺตฺตสิกฺขาปทปูรณํ, ตํ จาริตฺตํ. ยํ ‘‘อิทํ น กตฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺตสฺส อกรณํ, ตํ วาริตฺตํ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ. จรนฺติ ตสฺมึ สีเลสุ ปริปูรการิตาย ปวตฺตนฺตีติ จาริตฺตํ. วาริตํ ตายนฺติ รกฺขนฺติ เตนาติ วาริตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาวีริยสาธนํ จาริตฺตํ, สทฺธาสาธนํ วาริตฺตํ. เอวํ จาริตฺตวาริตฺตวเสน ทุวิธํ.

ทุติยทุเก อภิสมาจาโรติ อุตฺตมสมาจาโร. อภิสมาจาโร เอว อาภิสมาจาริกํ. อภิสมาจารํ วา อารพฺภ ปฺตฺตํ อาภิสมาจาริกํ, อาชีวฏฺมกโต อวเสสสีลสฺเสตํ อธิวจนํ. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภาวภูตนฺติ อาทิพฺรหฺมจริยกํ, อาชีวฏฺมกสีลสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ มคฺคสฺส อาทิภาวภูตํ, ปุพฺพภาเคเยว ปริโสเธตพฺพโต. เตนาห – ‘‘ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุทฺโธ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓๑). ยานิ วา สิกฺขาปทานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานีติ วุตฺตานิ, อิทํ อาภิสมาจาริกสีลํ. เสสํ อาทิพฺรหฺมจริยกํ. อุภโตวิภงฺคปริยาปนฺนํ วา อาทิพฺรหฺมจริยกํ. ขนฺธกวตฺตปริยาปนฺนํ อาภิสมาจาริกํ. ตสฺส สมฺปตฺติยา อาทิพฺรหฺมจริยกํ สมฺปชฺชติ. เตเนวาห – ‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาภิสมาจาริกํ ธมฺมํ อปริปูเรตฺวา อาทิพฺรหฺมจริยกํ ธมฺมํ ปริปูเรสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑). เอวํ อาภิสมาจาริกอาทิพฺรหฺมจริยกวเสน ทุวิธํ.

ตติยทุเก ปาณาติปาตาทีหิ เวรมณิมตฺตํ วิรติสีลํ. เสสํ เจตนาทิ อวิรติสีลนฺติ เอวํ วิรติอวิรติวเสน ทุวิธํ.

จตุตฺถทุเก นิสฺสโยติ ทฺเว นิสฺสยา ตณฺหานิสฺสโย จ ทิฏฺินิสฺสโย จ. ตตฺถ ยํ ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖; อ. นิ. ๕.๒๐๖; ๗.๕๐) เอวํ ภวสมฺปตฺตึ อากงฺขมาเนน ปวตฺติตํ, อิทํ ตณฺหานิสฺสิตํ. ยํ ‘‘สีเลน สุทฺธี’’ติ เอวํ สุทฺธิทิฏฺิยา ปวตฺติตํ, อิทํ ทิฏฺินิสฺสิตํ. ยํ ปน โลกุตฺตรํ โลกิยฺจ ตสฺเสว สมฺภารภูตํ, อิทํ อนิสฺสิตนฺติ เอวํ นิสฺสิตานิสฺสิตวเสน ทุวิธํ.

ปฺจมทุเก กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา สมาทินฺนํ สีลํ กาลปริยนฺตํ. ยาวชีวํ สมาทิยิตฺวา ตเถว ปวตฺติตํ อาปาณโกฏิกนฺติ เอวํ กาลปริยนฺตอาปาณโกฏิกวเสน ทุวิธํ.

ฉฏฺทุเก ลาภยสาติองฺคชีวิตวเสน ทิฏฺปริยนฺตํ สปริยนฺตํ นาม. วิปรีตํ อปริยนฺตํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กตมํ ตํ สีลํ สปริยนฺตํ? อตฺถิ สีลํ ลาภปริยนฺตํ, อตฺถิ สีลํ ยสปริยนฺตํ, อตฺถิ สีลํ าติปริยนฺตํ, อตฺถิ สีลํ องฺคปริยนฺตํ, อตฺถิ สีลํ ชีวิตปริยนฺตํ. กตมํ ตํ สีลํ ลาภปริยนฺตํ? อิเธกจฺโจ ลาภเหตุ ลาภปจฺจยา ลาภการณา ยถาสมาทินฺนํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมติ, อิทํ ตํ สีลํ ลาภปริยนฺต’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๘). เอเตเนว อุปาเยน อิตรานิปิ วิตฺถาเรตพฺพานิ. อปริยนฺตวิสฺสชฺชเนปิ วุตฺตํ ‘‘กตมํ ตํ สีลํ น ลาภปริยนฺตํ? อิเธกจฺโจ ลาภเหตุ ลาภปจฺจยา ลาภการณา ยถาสมาทินฺนํ สิกฺขาปทํ วีติกฺกมาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, กึ โส วีติกฺกมิสฺสติ, อิทํ ตํ สีลํ น ลาภปริยนฺต’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๘). เอเตเนวุปาเยน อิตรานิปิ วิตฺถาเรตพฺพานิ. เอวํ สปริยนฺตาปริยนฺตวเสน ทุวิธํ.

สตฺตมทุเก สพฺพมฺปิ สาสวํ สีลํ โลกิยํ. อนาสวํ โลกุตฺตรํ. ตตฺถ โลกิยํ ภววิเสสาวหํ โหติ ภวนิสฺสรณสฺส จ สมฺภาโร. ยถาห – ‘‘วินโย สํวรตฺถาย, สํวโร อวิปฺปฏิสารตฺถาย, อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถาย, ปาโมชฺชํ ปีตตฺถาย, ปีติ ปสฺสทฺธตฺถาย, ปสฺสทฺธิ สุขตฺถาย, สุขํ สมาธตฺถาย, สมาธิ ยถาภูตาณทสฺสนตฺถาย, ยถาภูตาณทสฺสนํ นิพฺพิทตฺถาย, นิพฺพิทา วิราคตฺถาย, วิราโค วิมุตฺตตฺถาย, วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนตฺถาย, วิมุตฺติาณทสฺสนํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถาย, เอตทตฺถา กถา, เอตทตฺถา มนฺตนา, เอตทตฺถา อุปนิสา, เอตทตฺถํ โสตาวธานํ, ยทิทํ อนุปาทาจิตฺตสฺส วิโมกฺโข’’ติ (ปริ. ๓๖๖). โลกุตฺตรํ ภวนิสฺสรณาวหํ โหติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส จ ภูมีติ เอวํ โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธํ.

๑๒. ติเกสุ ปมตฺติเก หีเนน ฉนฺเทน จิตฺเตน วีริเยน วีมํสาย วา ปวตฺติตํ หีนํ. มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ. ปณีเตหิ ปณีตํ. ยสกามตาย วา สมาทินฺนํ หีนํ. ปุฺผลกามตาย มชฺฌิมํ. กตฺตพฺพเมวิทนฺติ อริยภาวํ นิสฺสาย สมาทินฺนํ ปณีตํ. ‘‘อหมสฺมิ สีลสมฺปนฺโน, อิเม ปนฺเ ภิกฺขู ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา’’ติ เอวํ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺํ วา หีนํ. อนุปกฺกิลิฏฺํ โลกิยํ สีลํ มชฺฌิมํ. โลกุตฺตรํ ปณีตํ. ตณฺหาวเสน วา ภวโภคตฺถาย ปวตฺติตํ หีนํ. อตฺตโน วิโมกฺขตฺถาย ปวตฺติตํ มชฺฌิมํ. สพฺพสตฺตานํ วิโมกฺขตฺถาย ปวตฺติตํ ปารมิตาสีลํ ปณีตนฺติ เอวํ หีนมชฺฌิมปณีตวเสน ติวิธํ.

ทุติยตฺติเก อตฺตโน อนนุรูปํ ปชหิตุกาเมน อตฺตครุนา อตฺตนิคารเวน ปวตฺติตํ อตฺตาธิปเตยฺยํ. โลกาปวาทํ ปริหริตุกาเมน โลกครุนา โลเก คารเวน ปวตฺติตํ โลกาธิปเตยฺยํ. ธมฺมมหตฺตํ ปูเชตุกาเมน ธมฺมครุนา ธมฺมคารเวน ปวตฺติตํ ธมฺมาธิปเตยฺยนฺติ เอวํ อตฺตาธิปเตยฺยาทิวเสน ติวิธํ.

ตติยตฺติเก ยํ ทุเกสุ นิสฺสิตนฺติ วุตฺตํ, ตํ ตณฺหาทิฏฺีหิ ปรามฏฺตฺตา ปรามฏฺํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกสฺส มคฺคสมฺภารภูตํ เสกฺขานฺจ มคฺคสมฺปยุตฺตํ อปรามฏฺํ. เสกฺขาเสกฺขานํ ผลสมฺปยุตฺตํ ปฏิปฺปสฺสทฺธนฺติ เอวํ ปรามฏฺาทิวเสน ติวิธํ.

จตุตฺถตฺติเก ยํ อาปตฺตึ อนาปชฺชนฺเตน ปูริตํ, อาปชฺชิตฺวา วา ปุน กตปฏิกมฺมํ, ตํ วิสุทฺธํ. อาปตฺตึ อาปนฺนสฺส อกตปฏิกมฺมํ อวิสุทฺธํ. วตฺถุมฺหิ วา อาปตฺติยา วา อชฺฌาจาเร วา เวมติกสฺส สีลํ เวมติกสีลํ นาม. ตตฺถ โยคินา อวิสุทฺธสีลํ วิโสเธตพฺพํ, เวมติเก วตฺถุชฺฌาจารํ อกตฺวา วิมติ ปฏิวิเนตพฺพา ‘‘อิจฺจสฺส ผาสุ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ วิสุทฺธาทิวเสน ติวิธํ.

ปฺจมตฺติเก จตูหิ อริยมคฺเคหิ ตีหิ จ สามฺผเลหิ สมฺปยุตฺตํ สีลํ เสกฺขํ. อรหตฺตผลสมฺปยุตฺตํ อเสกฺขํ. เสสํ เนวเสกฺขนาเสกฺขนฺติ เอวํ เสกฺขาทิวเสน ติวิธํ.

ปฏิสมฺภิทายํ ปน ยสฺมา โลเก เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปกติปิ สีลนฺติ วุจฺจติ, ยํ สนฺธาย ‘‘อยํ สุขสีโล, อยํ ทุกฺขสีโล, อยํ กลหสีโล, อยํ มณฺฑนสีโล’’ติ ภณนฺติ, ตสฺมา เตน ปริยาเยน ‘‘ตีณิ สีลานิ, กุสลสีลํ อกุสลสีลํ อพฺยากตสีลนฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๙). เอวํ กุสลาทิวเสนปิ ติวิธนฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อกุสลํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตสฺส สีลสฺส ลกฺขณาทีสุ เอเกนปิ น สเมตีติ อิธ น อุปนีตํ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนวสฺส ติวิธตา เวทิตพฺพา.

๑๓. จตุกฺเกสุ ปมจตุกฺเก –

โยธ เสวติ ทุสฺสีเล, สีลวนฺเต น เสวติ;

วตฺถุวีติกฺกเม โทสํ, น ปสฺสติ อวิทฺทสุ.

มิจฺฉาสงฺกปฺปพหุโล, อินฺทฺริยานิ น รกฺขติ;

เอวรูปสฺส เว สีลํ, ชายเต หานภาคิยํ.

โย ปนตฺตมโน โหติ, สีลสมฺปตฺติยา อิธ;

กมฺมฏฺานานุโยคมฺหิ, น อุปฺปาเทติ มานสํ.

ตุฏฺสฺส สีลมตฺเตน, อฆฏนฺตสฺส อุตฺตริ;

ตสฺส ตํ ิติภาคิยํ, สีลํ ภวติ ภิกฺขุโน.

สมฺปนฺนสีโล ฆฏติ, สมาธตฺถาย โย ปน;

วิเสสภาคิยํ สีลํ, โหติ เอตสฺส ภิกฺขุโน.

อตุฏฺโ สีลมตฺเตน, นิพฺพิทํ โยนุยุฺชติ;

โหติ นิพฺเพธภาคิยํ, สีลเมตสฺส ภิกฺขุโนติ.

เอวํ หานภาคิยาทิวเสน จตุพฺพิธํ.

ทุติยจตุกฺเก ภิกฺขู อารพฺภ ปฺตฺตสิกฺขาปทานิ, ยานิ จ เนสํ ภิกฺขุนีนํ ปฺตฺติโต รกฺขิตพฺพานิ, อิทํ ภิกฺขุสีลํ. ภิกฺขุนิโย อารพฺภ ปฺตฺตสิกฺขาปทานิ, ยานิ จ ตาสํ ภิกฺขูนํ ปฺตฺติโต รกฺขิตพฺพานิ, อิทํ ภิกฺขุนิสีลํ. สามเณรสามเณรีนํ ทสสีลานิ อนุปสมฺปนฺนสีลํ. อุปาสกอุปาสิกานํ นิจฺจสีลวเสน ปฺจสิกฺขาปทานิ, สติ วา อุสฺสาเห ทส, อุโปสถงฺควเสน อฏฺาติ อิทํ คหฏฺสีลนฺติ เอวํ ภิกฺขุสีลาทิวเสน จตุพฺพิธํ.

ตติยจตุกฺเก อุตฺตรกุรุกานํ มนุสฺสานํ อวีติกฺกโม ปกติสีลํ. กุลเทสปาสณฺฑานํ อตฺตโน อตฺตโน มริยาทาจาริตฺตํ อาจารสีลํ. ‘‘ธมฺมตา เอสา, อานนฺท, ยทา โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ น โพธิสตฺตมาตุ ปุริเสสุ มานสํ อุปฺปชฺชิ กามคุณูปสํหิต’’นฺติ เอวํ วุตฺตํ โพธิสตฺตมาตุสีลํ ธมฺมตาสีลํ. มหากสฺสปาทีนํ ปน สุทฺธสตฺตานํ, โพธิสตฺตสฺส จ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ สีลํ ปุพฺพเหตุกสีลนฺติ เอวํ ปกติสีลาทิวเสน จตุพฺพิธํ.

จตุตฺถจตุกฺเก ยํ ภควตา ‘‘อิธ ภิกฺขุ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสู’’ติ (วิภ. ๕๐๘; ที. นิ. ๑.๑๙๓) วํ วุตฺตํ สีลํ, อิทํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ นาม. ยํ ปน ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี, ยตฺวาธิกรณเมนํ จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ, ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติ. โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา…เป… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา…เป… กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย น นิมิตฺตคฺคาหี…เป… มนินฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๒, ๔๑๑; ที. นิ. ๑.๒๑๓; อ. นิ. ๔.๑๙๘) วุตฺตํ, อิทํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ. ยา ปน อาชีวเหตุปฺตฺตานํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานํ วีติกฺกมสฺส, ‘‘กุหนา ลปนา เนมิตฺติกตา นิปฺเปสิกตา ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา’’ติ เอวมาทีนฺจ ปาปธมฺมานํ วเสน ปวตฺตา มิจฺฉาชีวา วิรติ, อิทํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวติ, ยาวเทว สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) อาทินา นเยน วุตฺโต ปฏิสงฺขานปริสุทฺโธ จตุปจฺจยปริโภโค ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ นาม.

ปาติโมกฺขสํวรสีลํ

๑๔. ตตฺรายํ อาทิโต ปฏฺาย อนุปุพฺพปทวณฺณนาย สทฺธึ วินิจฺฉยกถา. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ภิกฺขูติ สํสาเร ภยํ อิกฺขณตาย วา ภินฺนปฏธราทิตาย วา เอวํ ลทฺธโวหาโร สทฺธาปพฺพชิโต กุลปุตฺโต. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ เอตฺถ ปาติโมกฺขนฺติ สิกฺขาปทสีลํ. ตฺหิ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมจยติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหิ, ตสฺมา ปาติโมกฺขนฺติ วุจฺจติ. สํวรณํ สํวโร, กายิกวาจสิกสฺส อวีติกฺกมสฺเสตํ นามํ. ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร. เตน ปาติโมกฺขสํวเรน สํวุโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต, อุปคโต สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. วิหรตีติ อิริยติ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติอาทีนมตฺโถ ปาฬิยํ อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติ อตฺถิ อาจาโร, อตฺถิ อนาจาโร;

ตตฺถ กตโม อนาจาโร? กายิโก วีติกฺกโม วาจสิโก วีติกฺกโม กายิกวาจสิโก วีติกฺกโม, อยํ วุจฺจติ อนาจาโร. สพฺพมฺปิ ทุสฺสีลฺยํ อนาจาโร. อิเธกจฺโจ เวฬุทาเนน วา ปตฺตทาเนน วา ปุปฺผผลสินานทนฺตกฏฺทาเนน วา จาฏุกมฺยตาย วา มุคฺคสูปฺยตาย วา ปาริภฏฺยตาย วา ชงฺฆเปสนิเกน วา อฺตรฺตเรน วา พุทฺธปฏิกุฏฺเน มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ วุจฺจติ อนาจาโร.

ตตฺถ กตโม อาจาโร? กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, อยํ วุจฺจติ อาจาโร. สพฺโพปิ สีลสํวโร อาจาโร. อิเธกจฺโจ น เวฬุทาเนน วา น ปตฺตน ปุปฺผน ผลน สินานน ทนฺตกฏฺทาเนน วา น จาฏุกมฺยตาย วา น มุคฺคสูปฺยตาย วา น ปาริภฏฺยตาย วา น ชงฺฆเปสนิเกน วา น อฺตรฺตเรน วา พุทฺธปฏิกุฏฺเน มิจฺฉาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ วุจฺจติ อาจาโร.

โคจโรติ อตฺถิ โคจโร อตฺถิ อโคจโร.

ตตฺถ กตโม อโคจโร? อิเธกจฺโจ เวสิยาโคจโร วา โหติ วิธวา, ถุลฺลกุมาริกา, ปณฺฑก, ภิกฺขุนี, ปานาคารโคจโร วา โหติ, สํสฏฺโ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน, ยานิ วา ปน ตานิ กุลานิ อสฺสทฺธานิ อปฺปสนฺนานิ อโนปานภูตานิ อกฺโกสกปริภาสกานิ อนตฺถกามานิ อหิตกามานิ อผาสุกกามานิ อโยคกฺเขมกามานิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ, อยํ วุจฺจติ อโคจโร.

ตตฺถ กตโม โคจโร? อิเธกจฺโจ น เวสิยาโคจโร วา โหติ…เป… น ปานาคารโคจโร วา โหติ, อสํสฏฺโ วิหรติ ราชูหิ…เป… ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน, ยานิ วา ปน ตานิ กุลานิ สทฺธานิ ปสนฺนานิ โอปานภูตานิ กาสาวปชฺโชตานิ อิสิวาตปฏิวาตานิ อตฺถกามานิ…เป… โยคกฺเขมกามานิ ภิกฺขูนํ…เป… อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ, อยํ วุจฺจติ โคจโร. อิติ อิมินา จ อาจาเรน อิมินา จ โคจเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต อุปปนฺโน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติ (วิภ. ๕๑๑).

อปิ เจตฺถ อิมินาปิ นเยน อาจารโคจรา เวทิตพฺพา. ทุวิโธ หิ อนาจาโร กายิโก วาจสิโก จ. ตตฺถ กตโม กายิโก อนาจาโร? อิเธกจฺโจ สงฺฆคโตปิ อจิตฺตีการกโต เถเร ภิกฺขู ฆฏฺฏยนฺโตปิ ติฏฺติ, ฆฏฺฏยนฺโตปิ นิสีทติ, ปุรโตปิ ติฏฺติ, ปุรโตปิ นิสีทติ, อุจฺเจปิ อาสเน นิสีทติ, สสีสมฺปิ ปารุปิตฺวา นิสีทติ, ิตโกปิ ภณติ, พาหาวิกฺเขปโกปิ ภณติ, เถรานํ ภิกฺขูนํ อนุปาหนานํ จงฺกมนฺตานํ สอุปาหโน จงฺกมติ, นีเจ จงฺกเม จงฺกมนฺตานํ อุจฺเจ จงฺกเม จงฺกมติ, ฉมาย จงฺกมนฺตานํ จงฺกเม จงฺกมติ, เถเร ภิกฺขู อนุปขชฺชาปิ ติฏฺติ, อนุปขชฺชาปิ นิสีทติ, นเวปิ ภิกฺขู อาสเนน ปฏิพาหติ, ชนฺตาฆเรปิ เถเร ภิกฺขู อนาปุจฺฉา กฏฺํ ปกฺขิปติ, ทฺวารํ ปิทหติ, อุทกติตฺเถปิ เถเร ภิกฺขู ฆฏฺฏยนฺโตปิ โอตรติ, ปุรโตปิ โอตรติ, ฆฏฺฏยนฺโตปิ นฺหายติ, ปุรโตปิ นฺหายติ, ฆฏฺฏยนฺโตปิ อุตฺตรติ, ปุรโตปิ อุตฺตรติ, อนฺตรฆรํ ปวิสนฺโตปิ เถเร ภิกฺขู ฆฏฺฏยนฺโตปิ คจฺฉติ, ปุรโตปิ คจฺฉติ, โวกฺกมฺม จ เถรานํ ภิกฺขูนํ ปุรโต ปุรโต คจฺฉติ, ยานิปิ ตานิ โหนฺติ กุลานํ โอวรกานิ คูฬฺหานิ จ ปฏิจฺฉนฺนานิ จ ยตฺถ กุลิตฺถิโย กุลกุมาริโย นิสีทนฺติ, ตตฺถปิ สหสา ปวิสติ, กุมารกสฺสปิ สีสํ ปรามสติ, อยํ วุจฺจติ กายิโก อนาจาโร.

ตตฺถ กตโม วาจสิโก อนาจาโร? อิเธกจฺโจ สงฺฆคโตปิ อจิตฺตีการกโต เถเร ภิกฺขู อนาปุจฺฉา ธมฺมํ ภณติ. ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ, ิตโกปิ ภณติ, พาหาวิกฺเขปโกปิ ภณติ, อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโปิ อิตฺถึ วา กุมารึ วา เอวมาห – ‘‘อิตฺถนฺนาเม อิตฺถํโคตฺเต กึ อตฺถิ, ยาคุ อตฺถิ, ภตฺตํ อตฺถิ, ขาทนียํ อตฺถิ, กึ ปิวิสฺสาม, กึ ขาทิสฺสาม, กึ ภุฺชิสฺสาม. กึ วา เม ทสฺสถา’’ติ วิปฺปลปติ, อยํ วุจฺจติ วาจสิโก อนาจาโร (มหานิ. ๘๗). ปฏิปกฺขวเสน ปนสฺส อาจาโร เวทิตพฺโพ.

อปิจ ภิกฺขุ สคารโว สปฺปติสฺโส หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยมนุยุตฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ อารทฺธวีริโย อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจาโร. เอวํ ตาว อาจาโร เวทิตพฺโพ.

โคจโร ปน ติวิโธ อุปนิสฺสยโคจโร อารกฺขโคจโร อุปนิพนฺธโคจโรติ. ตตฺถ กตโม อุปนิสฺสยโคจโร? ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสฺสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ. ยสฺส วา ปน อนุสิกฺขมาโน สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโร.

กตโม อารกฺขโคจโร? อิธ ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถึ ปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสาวี สุสํวุโต คจฺฉติ, น หตฺถึ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ อุลฺโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสํ เปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ วุจฺจติ อารกฺขโคจโร.

กตโม อุปนิพนฺธโคจโร? จตฺตาโร สติปฏฺานา ยตฺถ จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย? ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒), อยํ วุจฺจติ อุปนิพนฺธโคจโร. อิติ อิมินา จ อาจาเรน อิมินา จ โคจเรน อุเปโต…เป… สมนฺนาคโต. เตนปิ วุจฺจติ อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ.

อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อณุปฺปมาเณสุ อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสนสีโล. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ สมฺมา อาทาย สิกฺขติ. เอตฺถ จ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ เอตฺตาวตา จ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ทสฺสิตํ. ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติอาทิ ปน สพฺพํ ยถาปฏิปนฺนสฺส ตํ สีลํ สมฺปชฺชติ, ตํ ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อินฺทฺริยสํวรสีลํ

๑๕. ยํ ปเนตํ ตทนนฺตรํ ‘‘โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา’’ติอาทินา นเยน ทสฺสิตํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ, ตตฺถ โสติ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิโต ภิกฺขุ. จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ การณวเสน จกฺขูติ ลทฺธโวหาเรน รูปทสฺสนสมตฺเถน จกฺขุวิฺาเณน รูปํ ทิสฺวา. โปราณา ปนาหุ ‘‘จกฺขุ รูปํ น ปสฺสติ, อจิตฺตกตฺตา, จิตฺตํ น ปสฺสติ, อจกฺขุกตฺตา, ทฺวารารมฺมณสงฺฆฏฺเฏ ปน จกฺขุปสาทวตฺถุเกน จิตฺเตน ปสฺสติ. อีทิสี ปเนสา ‘ธนุนา วิชฺฌตี’ติอาทีสุ วิย สสมฺภารกถา นาม โหติ, ตสฺมา จกฺขุวิฺาเณน รูปํ ทิสฺวาติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ’’ติ. น นิมิตฺตคฺคาหีติ อิตฺถิปุริสนิมิตฺตํ วา สุภนิมิตฺตาทิกํ วา กิเลสวตฺถุภูตํ นิมิตฺตํ น คณฺหาติ, ทิฏฺมตฺเตเยว สณฺาติ. นานุพฺยฺชนคฺคาหีติ กิเลสานํ อนุอนุพฺยฺชนโต ปากฏภาวกรณโต อนุพฺยฺชนนฺติ ลทฺธโวหารํ หตฺถปาทสิตหสิตกถิตวิโลกิตาทิเภทํ อาการํ น คณฺหาติ, ยํ ตตฺถ ภูตํ, ตเทว คณฺหาติ, เจติยปพฺพตวาสี มหาติสฺสตฺเถโร วิย.

เถรํ กิร เจติยปพฺพตา อนุราธปุรํ ปิณฺฑจารตฺถาย อาคจฺฉนฺตํ อฺตรา กุลสุณฺหา สามิเกน สทฺธึ ภณฺฑิตฺวา สุมณฺฑิตปสาธิตา เทวกฺา วิย กาลสฺเสว อนุราธปุรโต นิกฺขมิตฺวา าติฆรํ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค ทิสฺวา วิปลฺลตฺถจิตฺตา มหาหสิตํ หสิ. เถโร กิเมตนฺติ โอโลเกนฺโต ตสฺสา ทนฺตฏฺิเก อสุภสฺํ ปฏิลภิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ตสฺสา ทนฺตฏฺิกํ ทิสฺวา, ปุพฺพสฺํ อนุสฺสริ;

ตตฺเถว โส ิโต เถโร, อรหตฺตํ อปาปุณี’’ติ.

สามิโกปิ โข ปนสฺสา อนุมคฺคํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา ‘‘กิฺจิ, ภนฺเต, อิตฺถึ ปสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ เถโร อาห –

‘‘นาภิชานามิ อิตฺถี วา, ปุริโส วา อิโต คโต;

อปิจ อฏฺิสงฺฆาโฏ, คจฺฉเตส มหาปเถ’’ติ.

ยตฺวาธิกรณเมนนฺติอาทิมฺหิ ยํการณา ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ เอตํ ปุคฺคลํ สติกวาเฏน จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ อปิหิตจกฺขุทฺวารํ หุตฺวา วิหรนฺตํ เอเต อภิชฺฌาทโย ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ อนุพนฺเธยฺยุํ. ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชตีติ ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส สติกวาเฏน ปิทหนตฺถาย ปฏิปชฺชติ. เอวํ ปฏิปชฺชนฺโตเยว จ รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตีติปิ วุจฺจติ. ตตฺถ กิฺจาปิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร วา อสํวโร วา นตฺถิ. น หิ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย สติ วา มุฏฺสจฺจํ วา อุปฺปชฺชติ. อปิจ ยทา รูปารมฺมณํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตทา ภวงฺเค ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ. ตโต วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ. ตโต วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ. ตโต กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, ตทนนฺตรํ ชวนํ ชวติ.

ตตฺราปิ เนว ภวงฺคสมเย, น อาวชฺชนาทีนํ อฺตรสมเย สํวโร วา อสํวโร วา อตฺถิ. ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ วา มุฏฺสจฺจํ วา อฺาณํ วา อกฺขนฺติ วา โกสชฺชํ วา อุปฺปชฺชติ, อสํวโร โหติ. เอวํ โหนฺโต ปน โส จกฺขุนฺทฺริเย อสํวโรติ วุจฺจติ. กสฺมา? ยสฺมา ตสฺมึ สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิปิ วีถิจิตฺตานิ. ยถา กึ? ยถา นคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ อสํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆรทฺวารโกฏฺกคพฺภาทโย สุสํวุตา โหนฺติ, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ อรกฺขิตํ อโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรน หิ ปวิสิตฺวา โจรา ยทิจฺฉนฺติ, ตํ กเรยฺยุํ, เอวเมว ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตสฺมึ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิปิ วีถิจิตฺตานิ.

ตสฺมึ ปน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิปิ วีถิจิตฺตานิ. ยถา กึ? ยถา นครทฺวาเรสุ สํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆราทโย อสํวุตา โหนฺติ, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ สุรกฺขิตํ สุโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรสุ หิ ปิหิเตสุ โจรานํ ปเวโส นตฺถิ, เอวเมว ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิปิ วีถิจิตฺตานิ. ตสฺมา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโนปิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโรติ วุตฺโต.

โสเตน สทฺทํ สุตฺวาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวมิทํ สงฺเขปโต รูปาทีสุ กิเลสานุพนฺธนิมิตฺตาทิคฺคาหปริวชฺชนลกฺขณํ อินฺทฺริยสํวรสีลนฺติ เวทิตพฺพํ.

อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ

๑๖. อิทานิ อินฺทฺริยสํวรสีลานนฺตรํ วุตฺเต อาชีวปาริสุทฺธิสีเล อาชีวเหตุ ปฺตฺตานํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานนฺติ ยานิ ตานิ ‘‘อาชีวเหตุ อาชีวการณา ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา สฺจริตฺตํ สมาปชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ‘โย เต วิหาเร วสติ โส ภิกฺขุ อรหา’ติ ภณติ, ปฏิวิชานนฺตสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุ ปณีตโภชนานิ อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา ภุฺชติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา ภิกฺขุนี ปณีตโภชนานิ อคิลานา อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา ภุฺชติ, อาปตฺติ ปาฏิเทสนียสฺส. อาชีวเหตุ อาชีวการณา สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิฺาเปตฺวา ภุฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปริ. ๒๘๗) เอวํ ปฺตฺตานิ ฉ สิกฺขาปทานิ, อิเมสํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานํ.

กุหนาติอาทีสุ อยํ ปาฬิ, ‘‘ตตฺถ กตมา กุหนา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ยา ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาเตน วา สามนฺตชปฺปิเตน วา อิริยาปถสฺส วา อฏฺปนา ปนา สณฺปนา ภากุฏิกา ภากุฏิยํ กุหนา กุหายนา กุหิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ กุหนา.

‘‘ตตฺถ กตมา ลปนา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ยา ปเรสํ อาลปนา ลปนา สลฺลปนา อุลฺลปนา สมุลฺลปนา อุนฺนหนา สมุนฺนหนา อุกฺกาจนา สมุกฺกาจนา อนุปฺปิยภาณิตา จาฏุกมฺยตา มุคฺคสูปฺยตา ปาริภฏฺยตา, อยํ วุจฺจติ ลปนา.

‘‘ตตฺถ กตมา เนมิตฺติกตา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ยํ ปเรสํ นิมิตฺตํ นิมิตฺตกมฺมํ โอภาโส โอภาสกมฺมํ สามนฺตชปฺปา ปริกถา, อยํ วุจฺจติ เนมิตฺติกตา.

‘‘ตตฺถ กตมา นิปฺเปสิกตา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ยา ปเรสํ อกฺโกสนา วมฺภนา ครหนา อุกฺเขปนา สมุกฺเขปนา ขิปนา สํขิปนา ปาปนา สมฺปาปนา อวณฺณหาริกา ปรปิฏฺิมํสิกตา, อยํ วุจฺจติ นิปฺเปสิกตา.

‘‘ตตฺถ กตมา ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิโต ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อิโต ลทฺธํ อามิสํ อมุตฺร หรติ, อมุตฺร วา ลทฺธํ อามิสํ อิธ อาหรติ. ยา เอวรูปา อามิเสน อามิสสฺส เอฏฺิ คเวฏฺิ ปริเยฏฺิ เอสนา คเวสนา ปริเยสนา, อยํ วุจฺจติ ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา’’ติ (วิภ. ๘๖๒-๘๖๕).

๑๗. อิมิสฺสา ปน ปาฬิยา เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. กุหนนิทฺเทเส ตาว ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺสาติ ลาภฺจ สกฺการฺจ กิตฺติสทฺทฺจ สนฺนิสฺสิตสฺส, ปตฺถยนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปาปิจฺฉสฺสาติ อสนฺตคุณทีปนกามสฺส. อิจฺฉาปกตสฺสาติ อิจฺฉาย อปกตสฺส, อุปทฺทุตสฺสาติ อตฺโถ.

อิโต ปรํ ยสฺมา ปจฺจยปฏิเสวนสามนฺตชปฺปนอิริยาปถสนฺนิสฺสิตวเสน มหานิทฺเทเส ติวิธํ กุหนวตฺถุ อาคตํ. ตสฺมา ติวิธมฺเปตํ ทสฺเสตุํ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาเตน วาติ เอวมาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ จีวราทีหิ นิมนฺติตสฺส ตทตฺถิกสฺเสว สโต ปาปิจฺฉตํ นิสฺสาย ปฏิกฺขิปเนน, เต จ คหปติเก อตฺตนิ สุปฺปติฏฺิตสทฺเธ ตฺวา ปุน เตสํ ‘‘อโห อยฺโย อปฺปิจฺโฉ น กิฺจิ ปฏิคฺคณฺหิตุํ อิจฺฉติ, สุลทฺธํ วต โน อสฺส สเจ อปฺปมตฺตกมฺปิ กิฺจิ ปฏิคฺคณฺเหยฺยา’’ติ นานาวิเธหิ อุปาเยหิ ปณีตานิ จีวราทีนิ อุปเนนฺตานํ ตทนุคฺคหกามตํเยว อาวิกตฺวา ปฏิคฺคหเณน จ ตโต ปภุติ อปิ สกฏภาเรหิ อุปนามนเหตุภูตํ วิมฺหาปนํ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาตํ กุหนวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ มหานิทฺเทเส –

‘‘กตมํ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาตํ กุหนวตฺถุ? อิธ คหปติกา ภิกฺขุํ นิมนฺเตนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรหิ. โส ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อตฺถิโก จีวร…เป… ปริกฺขารานํ ภิยฺโยกมฺยตํ อุปาทาย จีวรํ ปจฺจกฺขาติ. ปิณฺฑปาตํ…เป… เสนาสนํ. คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปจฺจกฺขาติ. โส เอวมาห – ‘กึ สมณสฺส มหคฺเฆน จีวเรน, เอตํ สารุปฺปํ ยํ สมโณ สุสานา วา สงฺการกูฏา วา ปาปณิกา วา นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กตฺวา ธาเรยฺย. กึ สมณสฺส มหคฺเฆน ปิณฺฑปาเตน เอตํ สารุปฺปํ ยํ สมโณ อุฺฉาจริยาย ปิณฺฑิยาโลเปน ชีวิกํ กปฺเปยฺย. กึ สมณสฺส มหคฺเฆน เสนาสเนน, เอตํ สารุปฺปํ ยํ สมโณ รุกฺขมูลิโก วา อสฺส อพฺโภกาสิโก วา. กึ สมณสฺส มหคฺเฆน คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาเรน, เอตํ สารุปฺปํ ยํ สมโณ ปูติมุตฺเตน วา หริฏกีขณฺเฑน วา โอสธํ กเรยฺยา’ติ. ตทุปาทาย ลูขํ จีวรํ ธาเรติ, ลูขํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชติ, ลูขํ เสนาสนํ ปฏิเสวติ, ลูขํ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปฏิเสวติ, ตเมนํ คหปติกา เอวํ ชานนฺติ ‘อยํ สมโณ อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อารทฺธวีริโย ธุตวาโท’ติ. ภิยฺโย ภิยฺโย นิมนฺเตนฺติ จีวร…เป… ปริกฺขาเรหิ. โส เอวมาห – ‘ติณฺณํ สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปุฺํ ปสวติ. สทฺธาย สมฺมุขีภาวา สทฺโธ กุลปุตฺโต พหุํ ปุฺํ ปสวติ. เทยฺยธมฺมสฺส…เป… ทกฺขิเณยฺยานํ สมฺมุขีภาวาสทฺโธกุลปุตฺโต พหุํ ปุฺํ ปสวติ. ตุมฺหากฺเจวายํ สทฺธา อตฺถิ, เทยฺยธมฺโม จ สํวิชฺชติ, อหฺจ ปฏิคฺคาหโก, สเจหํ น ปฏิคฺคเหสฺสามิ, เอวํ ตุมฺเห ปุฺเน ปริพาหิรา ภวิสฺสนฺติ, น มยฺหํ อิมินา อตฺโถ. อปิจ ตุมฺหากํเยว อนุกมฺปาย ปฏิคฺคณฺหามี’ติ. ตทุปาทาย พหุมฺปิ จีวรํ ปฏิคฺคณฺหาติ. พหุมฺปิ ปิณฺฑปาตํ…เป… เภสชฺชปริกฺขารํ ปฏิคฺคณฺหาติ. ยา เอวรูปา ภากุฏิกา ภากุฏิยํ กุหนา กุหายนา กุหิตตฺตํ, อิทํ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาตํ กุหนวตฺถู’’ติ (มหานิ. ๘๗).

ปาปิจฺฉสฺเสว ปน สโต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคมปริทีปนวาจาย ตถา ตถา วิมฺหาปนํ สามนฺตชปฺปนสงฺขาตํ กุหนวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. ยถาห –

‘‘กตมํ สามนฺตชปฺปนสงฺขาตํ กุหนวตฺถุ? อิเธกจฺโจ ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต สมฺภาวนาธิปฺปาโย ‘เอวํ มํ ชโน สมฺภาเวสฺสตี’ติ อริยธมฺมสนฺนิสฺสิตํ วาจํ ภาสติ ‘โย เอวรูปํ จีวรํ ธาเรติ, โส สมโณ มเหสกฺโข’ติ ภณติ. ‘โย เอวรูปํ ปตฺตํ โลหถาลกํ. ธมฺมกรณํ ปริสฺสาวนํ กุฺจิกํ, กายพนฺธนํ อุปาหนํ ธาเรติ, โส สมโณ มเหสกฺโข’ติ ภณติ. ยสฺส เอวรูโป อุปชฺฌาโย อาจริโย สมานุปชฺฌายโก, สมานาจริยโก มิตฺโต สนฺทิฏฺโ สมฺภตฺโต สหาโย. โย เอวรูเป วิหาเร วสติ อฑฺฒโยเค ปาสาเท หมฺมิเย คุหายํ เลเณ กุฏิยา กูฏาคาเร อฏฺเฏ มาเฬ อุทฺทณฺเฑ อุปฏฺานสาลายํ มณฺฑเป รุกฺขมูเล วสติ, โส สมโณ มเหสกฺโข’ติ ภณติ. อถ วา ‘โกรชิกโกรชิโก ภากุฏิกภากุฏิโก กุหกกุหโก ลปกลปโก มุขสมฺภาวิโก, อยํ สมโณ อิมาสํ เอวรูปานํ สนฺตานํ วิหารสมาปตฺตีนํ ลาภี’ติ ตาทิสํ คมฺภีรํ คูฬฺหํ นิปุณํ ปฏิจฺฉนฺนํ โลกุตฺตรํ สุฺตาปฏิสํยุตฺตํ กถํ กเถสิ. ยา เอวรูปา ภากุฏิกา ภากุฏิยํ กุหนา กุหายนา กุหิตตฺตํ, อิทํ สามนฺตชปฺปนสงฺขาตํ กุหนวตฺถู’’ติ (มหานิ. ๘๗).

ปาปิจฺฉสฺเสว ปน สโต สมฺภาวนาธิปฺปายกเตน อิริยาปเถน วิมฺหาปนํ อิริยาปถสนฺนิสฺสิตํ กุหนวตฺถูติ เวทิตพฺพํ. ยถาห – ‘‘กตมํ อิริยาปถสงฺขาตํ กุหนวตฺถุ. อิเธกจฺโจ ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต สมฺภาวนาธิปฺปาโย ‘เอวํ มํ ชโน สมฺภาเวสฺสตี’ติ คมนํ สณฺเปติ, านํ สณฺเปติ, นิสชฺชํ สณฺเปติ, สยนํ สณฺเปติ, ปณิธาย คจฺฉติ, ปณิธาย ติฏฺติ, ปณิธาย นิสีทติ, ปณิธาย เสยฺยํ กปฺเปติ, สมาหิโต วิย คจฺฉติ, สมาหิโต วิย ติฏฺติ, นิสีทติ, เสยฺยํ กปฺเปติ, อาปาถกชฺฌายี จ โหติ, ยา เอวรูปา อิริยาปถสฺส อฏฺปนา ปนา สณฺปนา ภากุฏิกา ภากุฏิยํ กุหนา กุหายนา กุหิตตฺตํ, อิทํ วุจฺจติ อิริยาปถสงฺขาตํ กุหนวตฺถู’’ติ (มหานิ. ๘๗).

ตตฺถ ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาเตนาติ ปจฺจยปฏิเสวนนฺติ เอวํ สงฺขาเตน ปจฺจยปฏิเสวเนน วา สงฺขาเตน. สามนฺตชปฺปิเตนาติ สมีปภณิเตน. อิริยาปถสฺส วาติ จตุอิริยาปถสฺส. อฏฺปนาติอาทิ ปนา, อาทเรน วา ปนา. ปนาติ ปนากาโร. สณฺปนาติ อภิสงฺขรณา, ปาสาทิกภาวกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภากุฏิกาติ ปธานปุริมฏฺิตภาวทสฺสเนน ภากุฏิกรณํ, มุขสงฺโกโจติ วุตฺตํ โหติ. ภากุฏิกรณํ สีลมสฺสาติ ภากุฏิโก. ภากุฏิกสฺส ภาโว ภากุฏิยํ. กุหนาติ วิมฺหาปนา. กุหสฺส อายนา กุหายนา. กุหิตสฺส ภาโว กุหิตตฺตนฺติ.

ลปนานิทฺเทเส อาลปนาติ วิหารํ อาคเต มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘กิมตฺถาย โภนฺโต อาคตา, กึ ภิกฺขู นิมนฺติตุํ, ยทิ เอวํ คจฺฉถ เร, อหํ ปจฺฉโต ปตฺตํ คเหตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ เอวํ อาทิโตว ลปนา. อถ วา อตฺตานํ อุปเนตฺวา ‘‘อหํ ติสฺโส, มยิ ราชา ปสนฺโน, มยิ อสุโก จ อสุโก จ ราชมหามตฺโต ปสนฺโน’’ติ เอวํ อตฺตุปนายิกา ลปนา อาลปนา. ลปนาติ ปุฏฺสฺส สโต วุตฺตปฺปการเมว ลปนํ. สลฺลปนาติ คหปติกานํ อุกฺกณฺเน ภีตสฺส โอกาสํ ทตฺวา ทตฺวา สุฏฺุ ลปนา. อุลฺลปนาติ มหากุฏุมฺพิโก มหานาวิโก มหาทานปตีติ เอวํ อุทฺธํ กตฺวา ลปนา. สมุลฺลปนาติ สพฺพโตภาเคน อุทฺธํ กตฺวา ลปนา.

อุนฺนหนาติ ‘‘อุปาสกา ปุพฺเพ อีทิเส กาเล นวทานํ เทถ, อิทานิ กึ น เทถา’’ติ เอวํ ยาว ‘‘ทสฺสาม, ภนฺเต, โอกาสํ น ลภามา’’ติอาทีนิ วทนฺติ, ตาว อุทฺธํ อุทฺธํ นหนา, เวนาติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อุจฺฉุหตฺถํ ทิสฺวา ‘‘กุโต อาภตํ อุปาสกา’’ติ ปุจฺฉติ. อุจฺฉุเขตฺตโต, ภนฺเตติ. กึ ตตฺถ อุจฺฉุ มธุรนฺติ. ขาทิตฺวา, ภนฺเต, ชานิตพฺพนฺติ. ‘‘น, อุปาสก, ภิกฺขุสฺส อุจฺฉุํ เทถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏตีติ. ยา เอวรูปา นิพฺเพเนฺตสฺสาปิ เวนกถา, สา อุนฺนหนา. สพฺพโตภาเคน ปุนปฺปุนํ อุนฺนหนา สมุนฺนหนา.

อุกฺกาจนาติ ‘‘เอตํ กุลํ มํเยว ชานาติ. สเจ เอตฺถ เทยฺยธมฺโม อุปฺปชฺชติ, มยฺหเมว เทตี’’ติ เอวํ อุกฺขิปิตฺวา กาจนา อุกฺกาจนา, อุทฺทีปนาติ วุตฺตํ โหติ. เตลกนฺทริกวตฺถุ เจตฺถ วตฺตพฺพํ. สพฺพโตภาเคน ปน ปุนปฺปุนํ อุกฺกาจนา สมุกฺกาจนา.

อนุปฺปิยภาณิตาติ สจฺจานุรูปํ ธมฺมานุรูปํ วา อนปโลเกตฺวา ปุนปฺปุนํ ปิยภณนเมว. จาฏุกมฺยตาติ นีจวุตฺติตา อตฺตานํ เหฏฺโต เหฏฺโต เปตฺวา วตฺตนํ. มุคฺคสูปฺยตาติ มุคฺคสูปสทิสตา. ยถา หิ มุคฺเคสุ ปจฺจมาเนสุ โกจิเทว น ปจฺจติ, อวเสสา ปจฺจนฺติ, เอวํ ยสฺส ปุคฺคลสฺส วจเน กิฺจิเทว สจฺจํ โหติ, เสสํ อลีกํ, อยํ ปุคฺคโล มุคฺคสูปฺโยติ วุจฺจติ. ตสฺส ภาโว มุคฺคสูปฺยตา. ปาริภฏฺยตาติ ปาริภฏฺยภาโว. โย หิ กุลทารเก ธาติ วิย องฺเกน วา ขนฺเธน วา ปริภฏติ, ธาเรตีติ อตฺโถ. ตสฺส ปริภฏสฺส กมฺมํ ปาริภฏฺยุํ. ปาริภฏฺยสฺส ภาโว ปาริภฏฺยตาติ.

เนมิตฺติกตานิทฺเทเส นิมิตฺตนฺติ ยํกิฺจิ ปเรสํ ปจฺจยทานสฺาชนกํ กายวจีกมฺมํ. นิมิตฺตกมฺมนฺติ ขาทนียํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ ขาทนียํ ลภิตฺถา’’ติอาทินา นเยน นิมิตฺตกรณํ. โอภาโสติ ปจฺจยปฏิสํยุตฺตกถา. โอภาสกมฺมนฺติ วจฺฉปาลเก ทิสฺวา ‘‘กึ อิเม วจฺฉา ขีรโควจฺฉา อุทาหุ ตกฺกโควจฺฉา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ขีรโควจฺฉา, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น ขีรโควจฺฉา, ยทิ ขีรโควจฺฉา สิยุํ, ภิกฺขูปิ ขีรํ ลเภยฺยุ’’นฺติ เอวมาทินา นเยน เตสํ ทารกานํ มาตาปิตูนํ นิเวเทตฺวา ขีรทาปนาทิกํ โอภาสกรณํ. สามนฺตชปฺปาติ สมีปํ กตฺวา ชปฺปนํ. กุลูปกภิกฺขุ วตฺถุ เจตฺถ วตฺตพฺพํ.

กุลูปโก กิร ภิกฺขุ ภุฺชิตุกาโม เคหํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. ตํ ทิสฺวา อทาตุกามา ฆรณี ‘‘ตณฺฑุลา นตฺถี’’ติ ภณนฺตี ตณฺฑุเล อาหริตุกามา วิย ปฏิวิสฺสกฆรํ คตา. ภิกฺขุปิ อนฺโตคพฺภํ ปวิสิตฺวา โอโลเกนฺโต กวาฏโกเณ อุจฺฉุํ, ภาชเน คุฬํ, ปิฏเก โลณมจฺฉผาเล, กุมฺภิยํ ตณฺฑุเล, ฆเฏ ฆตํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา นิสีทิ. ฆรณี ‘‘ตณฺฑุเล นาลตฺถ’’นฺติ อาคตา. ภิกฺขุ ‘‘อุปาสิเก ‘อชฺช ภิกฺขา น สมฺปชฺชิสฺสตี’ติ ปฏิกจฺเจว นิมิตฺตํ อทฺทส’’นฺติ อาห. กึ, ภนฺเตติ. กวาฏโกเณ นิกฺขิตฺตํ อุจฺฉุํ วิย สปฺปํ อทฺทสํ, ‘ตํ ปหริสฺสามี’ติ โอโลเกนฺโต ภาชเน ปิตํ คุฬปิณฺฑํ วิย ปาสาณํ, เลฑฺฑุเกน ปหเฏน สปฺเปน กตํ ปิฏเก นิกฺขิตฺตโลณมจฺฉผาลสทิสํ ผณํ, ตสฺส ตํ เลฑฺฑุํ ฑํสิตุกามสฺส กุมฺภิยา ตณฺฑุลสทิเส ทนฺเต, อถสฺส กุปิตสฺส ฆเฏ ปกฺขิตฺตฆตสทิสํ มุขโต นิกฺขมนฺตํ วิสมิสฺสกํ เขฬนฺติ. สา ‘‘น สกฺกา มุณฺฑกํ วฺเจตุ’’นฺติ อุจฺฉุํ ทตฺวา โอทนํ ปจิตฺวา ฆตคุฬมจฺเฉหิ สทฺธึ สพฺพํ อทาสีติ. เอวํ สมีปํ กตฺวา ชปฺปนํ สามนฺตชปฺปาติ เวทิตพฺพํ. ปริกถาติ ยถา ตํ ลภติ ตสฺส ปริวตฺเตตฺวา กถนนฺติ.

นิปฺเปสิกตานิทฺเทเส อกฺโกสนาติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนํ. วมฺภนาติ ปริภวิตฺวา กถนํ. ครหณาติ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโนติอาทินา นเยน โทสาโรปนา. อุกฺเขปนาติ มา เอตํ เอตฺถ กเถถาติ วาจาย อุกฺขิปนํ. สพฺพโตภาเคน สวตฺถุกํ สเหตุกํ กตฺวา อุกฺเขปนา สมุกฺเขปนา. อถ วา อเทนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อโห ทานปตี’’ติ เอวํ อุกฺขิปนํ อุกฺเขปนา. มหาทานปตีติ เอวํ สุฏฺุ อุกฺเขปนา สมุกฺเขปนา. ขิปนาติ กึ อิมสฺส ชีวิตํ พีชโภชิโนติ เอวํ อุปฺปณฺฑนา. สํขิปนาติ กึ อิมํ อทายโกติ ภณถ, โย นิจฺจกาลํ สพฺเพสมฺปิ นตฺถีติ วจนํ เทตีติ สุฏฺุตรํ อุปฺปณฺฑนา. ปาปนาติ อทายกตฺตสฺส อวณฺณสฺส วา ปาปนํ. สพฺพโตภาเคน ปาปนา สมฺปาปนา. อวณฺณหาริกาติ เอวํ เม อวณฺณภยาปิ ทสฺสตีติ เคหโต เคหํ คามโต คามํ ชนปทโต ชนปทํ อวณฺณหรณํ. ปรปิฏฺิมํสิกตาติ ปุรโต มธุรํ ภณิตฺวา ปรมฺมุเข อวณฺณภาสิตา. เอสา หิ อภิมุขํ โอโลเกตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ปรมฺมุขานํ ปิฏฺิมํสํ ขาทนมิว โหติ, ตสฺมา ปรปิฏฺิมํสิกตาติ วุตฺตา. อยํ วุจฺจติ นิปฺเปสิกตาติ อยํ ยสฺมา เวฬุเปสิกาย วิย อพฺภงฺคํ ปรสฺส คุณํ นิปฺเปเสติ นิปุฺฉติ, ยสฺมา วา คนฺธชาตํ นิปิสิตฺวา คนฺธมคฺคนา วิย ปรคุเณ นิปิสิตฺวา วิจุณฺเณตฺวา เอสา ลาภมคฺคนา โหติ, ตสฺมา นิปฺเปสิกตาติ วุจฺจตีติ.

ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตานิทฺเทเส นิชิคีสนตาติ มคฺคนา. อิโต ลทฺธนฺติ อิมมฺหา เคหา ลทฺธํ. อมุตฺราติ อมุกมฺหิ เคเห. เอฏฺีติ อิจฺฉนา. คเวฏฺีติ มคฺคนา. ปริเยฏฺีติ ปุนปฺปุนํ มคฺคนา. อาทิโต ปฏฺาย ลทฺธํ ลทฺธํ ภิกฺขํ ตตฺร ตตฺร กุลทารกานํ ทตฺวา อนฺเต ขีรยาคุํ ลภิตฺวา คตภิกฺขุวตฺถุ เจตฺถ กเถตพฺพํ. เอสนาติอาทีนิ เอฏฺิอาทีนเมว เววจนานิ, ตสฺมา เอฏฺีติ เอสนา. คเวฏฺีติ คเวสนา, ปริเยฏฺีติ ปริเยสนา. อิจฺเจวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา. อยํ กุหนาทีนํ อตฺโถ.

อิทานิ เอวมาทีนฺจ ปาปธมฺมานนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภุฺชิตฺวา เต เอวรูปาย ติรจฺฉานวิชฺชาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ. เสยฺยถิทํ, องฺคํ, นิมิตฺตํ, อุปฺปาตํ, สุปินํ, ลกฺขณํ, มูสิกจฺฉินฺนํ, อคฺคิโหมํ, ทพฺพิโหม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๑) อาทินา นเยน พฺรหฺมชาเล วุตฺตานํ อเนเกสํ ปาปธมฺมานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. อิติ ยฺวายํ อิเมสํ อาชีวเหตุ ปฺตฺตานํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานํ วีติกฺกมวเสน, อิเมสฺจ ‘‘กุหนา ลปนา เนมิตฺติกตา นิปฺเปสิกตา ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา’’ติ เอวมาทีนํ ปาปธมฺมานํ วเสน ปวตฺโต มิจฺฉาชีโว, ยา ตสฺมา สพฺพปฺปการาปิ มิจฺฉาชีวา วิรติ, อิทํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ. เอตํ อาคมฺม ชีวนฺตีติ อาชีโว. โก โส, ปจฺจยปริเยสนวายาโม. ปาริสุทฺธีติ ปริสุทฺธตา. อาชีวสฺส ปาริสุทฺธิ อาชีวปาริสุทฺธิ.

ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ

๑๘. ยํ ปเนตํ ตทนนฺตรํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ วุตฺตํ, ตตฺถ ปฏิสงฺขา โยนิโสติ อุปาเยน ปเถน ปฏิสงฺขาย ตฺวา, ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ สีตสฺส ปฏิฆาตายาติอาทินา นเยน วุตฺตปจฺจเวกฺขณเมว ‘‘โยนิโส ปฏิสงฺขา’’ติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จีวรนฺติ อนฺตรวาสกาทีสุ ยํกิฺจิ. ปฏิเสวตีติ ปริภุฺชติ, นิวาเสติ วา ปารุปติ วา. ยาวเทวาติ ปโยชนาวธิปริจฺเฉทนิยมวจนํ, เอตฺตกเมว หิ โยคิโน จีวรปฏิเสวเน ปโยชนํ ยทิทํ สีตสฺส ปฏิฆาตายาติอาทิ, น อิโต ภิยฺโย. สีตสฺสาติ อชฺฌตฺตธาตุกฺโขภวเสน วา พหิทฺธาอุตุปริณามนวเสน วา อุปฺปนฺนสฺส ยสฺส กสฺสจิ สีตสฺส. ปฏิฆาตายาติ ปฏิหนนตฺถํ. ยถา สรีเร อาพาธํ น อุปฺปาเทติ, เอวํ ตสฺส วิโนทนตฺถํ. สีตพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิตฺโต โยนิโส ปทหิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา สีตสฺส ปฏิฆาตาย จีวรํ ปฏิเสวิตพฺพนฺติ ภควา อนุฺาสิ. เอส นโย สพฺพตฺถ. เกวลฺเหตฺถ อุณฺหสฺสาติ อคฺคิสนฺตาปสฺส. ตสฺส วนทาหาทีสุ สมฺภโว เวทิตพฺโพ. ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสานนฺติ เอตฺถ ปน ฑํสาติ ฑํสนมกฺขิกา, อนฺธมกฺขิกาติปิ วุจฺจนฺติ. มกสา มกสา เอว. วาตาติ สรชอรชาทิเภทา. อาตโปติ สูริยาตโป. สรีสปาติ เย เกจิ สรนฺตา คจฺฉนฺติ ทีฆชาติกา สปฺปาทโย, เตสํ ทฏฺสมฺผสฺโส จ ผุฏฺสมฺผสฺโส จาติ ทุวิโธ สมฺผสฺโส, โสปิ จีวรํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนํ น พาธติ, ตสฺมา ตาทิเสสุ าเนสุ เตสํ ปฏิฆาตตฺถาย ปฏิเสวติ. ยาวเทวาติ ปุน เอตสฺส วจนํ นิยตปโยชนาวธิปริจฺเฉททสฺสนตฺถํ, หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนฺหิ นิยตปโยชนํ, อิตรานิ กทาจิ กทาจิ โหนฺติ. ตตฺถ หิริโกปีนนฺติ ตํ ตํ สมฺพาธฏฺานํ. ยสฺมึ ยสฺมิฺหิ องฺเค วิวริยมาเน หิรี กุปฺปติ วินสฺสติ, ตํ ตํ หิรึ โกปนโต หิริโกปีนนฺติ วุจฺจติ. ตสฺส จ หิริโกปีนสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถนฺติ หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนตฺถํ. หิริโกปีนํ ปฏิจฺฉาทนตฺถนฺติปิ ปาโ.

ปิณฺฑปาตนฺติ ยํกิฺจิ อาหารํ. โย หิ โกจิ อาหาโร ภิกฺขุโน ปิณฺโฑลฺเยน ปตฺเต ปติตตฺตา ปิณฺฑปาโตติ วุจฺจติ. ปิณฺฑานํ วา ปาโต ปิณฺฑปาโต, ตตฺถ ตตฺถ ลทฺธานํ ภิกฺขานํ สนฺนิปาโต สมูโหติ วุตฺตํ โหติ. เนว ทวายาติ น คามทารกาทโย วิย ทวตฺถํ, กีฬานิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. น มทายาติ น มุฏฺิกมลฺลาทโย วิย มทตฺถํ, พลมทนิมิตฺตํ โปริสมทนิมิตฺตฺจาติ วุตฺตํ โหติ. น มณฺฑนายาติ น อนฺเตปุริกเวสิยาทโย วิย มณฺฑนตฺถํ, องฺคปจฺจงฺคานํ ปีณภาวนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. น วิภูสนายาติ น นฏนจฺจกาทโย วิย วิภูสนตฺถํ, ปสนฺนจฺฉวิวณฺณตานิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ เนว ทวายาติ เอตํ โมหูปนิสฺสยปฺปหานตฺถํ วุตฺตํ. น มทายาติ เอตํ โทสูปนิสฺสยปฺปหานตฺถํ. น มณฺฑนาย น วิภูสนายาติ เอตํ ราคูปนิสฺสยปฺปหานตฺถํ. เนว ทวาย น มทายาติ เจตํ อตฺตโน สํโยชนุปฺปตฺติปฏิเสธนตฺถํ. น มณฺฑนาย น วิภูสนายาติ เอตํ ปรสฺสปิ สํโยชนุปฺปตฺติปฏิเสธนตฺถํ. จตูหิปิ เจเตหิ อโยนิโส ปฏิปตฺติยา กามสุขลฺลิกานุโยคสฺส จ ปหานํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ยาวเทวาติ วุตฺตตฺถเมว. อิมสฺส กายสฺสาติ เอตสฺส จตุมหาภูติกสฺส รูปกายสฺส. ิติยาติ ปพนฺธฏฺิตตฺถํ. ยาปนายาติ ปวตฺติยา อวิจฺเฉทตฺถํ, จิรกาลฏฺิตตฺถํ วา. ฆรูปตฺถมฺภมิว หิ ชิณฺณฆรสามิโก, อกฺขพฺภฺชนมิว จ สากฏิโก กายสฺส ิตตฺถํ ยาปนตฺถฺเจส ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวติ, น ทวมทมณฺฑนวิภูสนตฺถํ. อปิจ ิตีติ ชีวิตินฺทฺริยสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนายาติ เอตฺตาวตา เอตสฺส กายสฺส ชีวิตินฺทฺริยปวตฺตาปนตฺถนฺติปิ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. วิหึสูปรติยาติ วิหึสา นาม ชิฆจฺฉา อาพาธฏฺเน. ตสฺสา อุปรมตฺถมฺเปส ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวติ, วณาเลปนมิว อุณฺหสีตาทีสุ ตปฺปฏิการํ วิย จ. พฺรหฺมจริยานุคฺคหายาติ สกลสาสนพฺรหฺมจริยสฺส จ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส จ อนุคฺคหตฺถํ. อยฺหิ ปิณฺฑปาตปฏิเสวนปจฺจยา กายพลํ นิสฺสาย สิกฺขตฺตยานุโยควเสน ภวกนฺตารนิตฺถรณตฺถํ ปฏิปชฺชนฺโต พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย ปฏิเสวติ, กนฺตารนิตฺถรณตฺถิกา ปุตฺตมํสํ (สํ. นิ. ๒.๖๓) วิย, นทีนิตฺถรณตฺถิกา กุลฺลํ (ม. นิ. ๑.๒๔๐) วิย, สมุทฺทนิตฺถรณตฺถิกา นาวมิว จ.

อิติปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ เอตํ อิมินา ปิณฺฑปาตปฏิเสวเนน ปุราณฺจ ชิฆจฺฉาเวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ อปริมิตโภชนปจฺจยํ อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺรวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกพฺราหฺมณานํ อฺตโร วิย น อุปฺปาเทสฺสามีติปิ ปฏิเสวติ, เภสชฺชมิว คิลาโน. อถ วา ยา อธุนา อสปฺปายาปริมิตโภชนํ นิสฺสาย ปุราณกมฺมปจฺจยวเสน อุปฺปชฺชนโต ปุราณเวทนาติ วุจฺจติ. สปฺปายปริมิตโภชเนน ตสฺสา ปจฺจยํ วินาเสนฺโต ตํ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ. ยา จายํ อธุนา กตํ อยุตฺตปริโภคกมฺมูปจยํ นิสฺสาย อายตึ อุปฺปชฺชนโต นวเวทนาติ วุจฺจติ. ยุตฺตปริโภควเสน ตสฺสา มูลํ อนิพฺพตฺเตนฺโต ตํ นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอตฺตาวตา ยุตฺตปริโภคสงฺคโห อตฺตกิลมถานุโยคปฺปหานํ ธมฺมิกสุขาปริจฺจาโค จ ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ.

ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตีติ ปริมิตปริโภเคน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกสฺส อิริยาปถภฺชกสฺส วา ปริสฺสยสฺส อภาวโต จิรกาลคมนสงฺขาตา ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อิมสฺส ปจฺจยายตฺตวุตฺติโน กายสฺสาติปิ ปฏิเสวติ, ยาปฺยโรคี วิย ตปฺปจฺจยํ. อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จาติ อยุตฺตปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภคปริวชฺชเนน อนวชฺชตา, ปริมิตปริโภเคน ผาสุวิหาโร. อสปฺปายาปริมิตปริโภคปจฺจยา อรติตนฺทีวิชมฺภิตา. วิฺูครหาทิโทสาภาเวน วา อนวชฺชตา, สปฺปายปริมิตโภชนปจฺจยา กายพลสมฺภเวน ผาสุวิหาโร. ยาวทตฺถอุทราวเทหกโภชนปริวชฺชเนน วา เสยฺยสุขปสฺสสุขมิทฺธสุขานํ ปหานโต อนวชฺชตา, จตุปฺจาโลปมตฺตอูนโภชเนน จตุอิริยาปถโยคฺยภาวปฏิปาทนโต ผาสุวิหาโร จ เม ภวิสฺสตีติปิ ปฏิเสวติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ –

‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);

เอตฺตาวตา จ ปโยชนปริคฺคโห มชฺฌิมา จ ปฏิปทา ทีปิตา โหตีติ เวทิตพฺพา.

เสนาสนนฺติ เสนฺจ อาสนฺจ. ยตฺถ ยตฺถ หิ เสติ วิหาเร วา อฑฺฒโยคาทิมฺหิ วา, ตํ เสนํ. ยตฺถ ยตฺถ อาสติ นิสีทติ, ตํ อาสนํ. ตํ เอกโต กตฺวา เสนาสนนฺติ วุจฺจติ. อุตุปริสฺสยวิโนทนปฏิสลฺลานารามตฺถนฺติ ปริสหนฏฺเน อุตุเยว อุตุปริสฺสโย. อุตุปริสฺสยสฺส วิโนทนตฺถฺจ ปฏิสลฺลานารามตฺถฺจ. โย สรีราพาธจิตฺตวิกฺเขปกโร อสปฺปาโย อุตุ เสนาสนปฏิเสวเนน วิโนเทตพฺโพ โหติ, ตสฺส วิโนทนตฺถํ เอกีภาวสุขตฺถฺจาติ วุตฺตํ โหติ. กามฺจ สีตปฏิฆาตาทินาว อุตุปริสฺสยวิโนทนํ วุตฺตเมว. ยถา ปน จีวรปฏิเสวเน หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนํ นิยตปโยชนํ, อิตรานิ กทาจิ กทาจิ ภวนฺตีติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ นิยตํ อุตุปริสฺสยวิโนทนํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา อยํ วุตฺตปฺปกาโร อุตุ อุตุเยว. ปริสฺสโย ปน ทุวิโธ ปากฏปริสฺสโย จ, ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสโย จ (มหานิ. ๕). ตตฺถ ปากฏปริสฺสโย สีหพฺยคฺฆาทโย. ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสโย ราคโทสาทโย. เย ยตฺถ อปริคุตฺติยา จ อสปฺปายรูปทสฺสนาทินา จ อาพาธํ น กโรนฺติ, ตํ เสนาสนํ เอวํ ชานิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิเสวนฺโต ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส เสนาสนํ อุตุปริสฺสยวิโนทนตฺถํ ปฏิเสวตีติ เวทิตพฺโพ.

คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารนฺติ เอตฺถ โรคสฺส ปฏิอยนฏฺเน ปจฺจโย, ปจฺจนีกคมนฏฺเนาติ อตฺโถ. ยสฺส กสฺสจิ สปฺปายสฺเสตํ อธิวจนํ. ภิสกฺกสฺส กมฺมํ เตน อนุฺาตตฺตาติ เภสชฺชํ. คิลานปจฺจโยว เภสชฺชํ คิลานปจฺจยเภสชฺชํ, ยํกิฺจิ คิลานสฺส สปฺปายํ ภิสกฺกกมฺมํ เตลมธุผาณิตาทีติ วุตฺตํ โหติ. ปริกฺขาโรติ ปน ‘‘สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหิ สุปริกฺขตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗) อาทีสุ ปริวาโร วุจฺจติ. ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร, ฌานกฺโข จกฺกวีริโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔) อาทีสุ อลงฺกาโร. ‘‘เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๙๑-๑๙๒) อาทีสุ สมฺภาโร. อิธ ปน สมฺภาโรปิ ปริวาโรปิ วฏฺฏติ. ตฺหิ คิลานปจฺจยเภสชฺชํ ชีวิตสฺส ปริวาโรปิ โหติ, ชีวิตนาสกาพาธุปฺปตฺติยา อนฺตรํ อทตฺวา รกฺขณโต สมฺภาโรปิ. ยถา จิรํ ปวตฺตติ, เอวมสฺส การณภาวโต, ตสฺมา ปริกฺขาโรติ วุจฺจติ. เอวํ คิลานปจฺจยเภสชฺชฺจ ตํ ปริกฺขาโร จาติ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาโร. ตํ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ. คิลานสฺส ยํกิฺจิ สปฺปายํ ภิสกฺกานุฺาตํ เตลมธุผาณิตาทิ ชีวิตปริกฺขารนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุปฺปนฺนานนฺติ ชาตานํ ภูตานํ นิพฺพตฺตานํ. เวยฺยาพาธิกานนฺติ เอตฺถ พฺยาพาโธติ ธาตุกฺโขโภ, ตํสมุฏฺานา จ กุฏฺคณฺฑปีฬกาทโย. พฺยาพาธโต อุปฺปนฺนตฺตา เวยฺยาพาธิกา. เวทนานนฺติ ทุกฺขเวทนา อกุสลวิปากเวทนา. ตาสํ เวยฺยาพาธิกานํ เวทนานํ. อพฺยาพชฺฌปรมตายาติ นิทฺทุกฺขปรมตาย. ยาว ตํ ทุกฺขํ สพฺพํ ปหีนํ โหติ ตาวาติ อตฺโถ.

เอวมิทํ สงฺเขปโต ปฏิสงฺขา โยนิโส ปจฺจยปริโภคลกฺขณํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ เวทิตพฺพํ. วจนตฺโถ ปเนตฺถ – จีวราทโย หิ ยสฺมา เต ปฏิจฺจ นิสฺสาย ปริภุฺชมานา ปาณิโน อยนฺติ ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา ปจฺจยาติ วุจฺจนฺติ. เต ปจฺจเย สนฺนิสฺสิตนฺติ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตํ.

จตุปาริสุทฺธิสมฺปาทนวิธิ

๑๙. เอวเมตสฺมึ จตุพฺพิเธ สีเล สทฺธาย ปาติโมกฺขสํวโร สมฺปาเทตพฺโพ. สทฺธาสาธโน หิ โส, สาวกวิสยาตีตตฺตา สิกฺขาปทปฺตฺติยา. สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนปฏิกฺเขโป เจตฺถ นิทสฺสนํ. ตสฺมา ยถา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ อนวเสสํ สทฺธาย สมาทิยิตฺวา ชีวิเตปิ อเปกฺขํ อกโรนฺเตน สาธุกํ สมฺปาเทตพฺพํ. วุตฺตมฺปิ เหตํ –

‘‘กิกีว อณฺฑํ จมรีว วาลธึ,

ปิยํว ปุตฺตํ นยนํว เอกกํ;

ตเถว สีลํ อนุรกฺขมานกา,

สุเปสลา โหถ สทา สคารวา’’ติ.

อปรมฺปิ วุตฺตํ – ‘‘เอวเมว โข ปหาราท ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๙). อิมสฺมึ จ ปนตฺเถ อฏวิยํ โจเรหิ พทฺธเถรานํ วตฺถูนิ เวทิตพฺพานิ.

มหาวตฺตนิอฏวิยํ กิร เถรํ โจรา กาฬวลฺลีหิ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. เถโร ยถานิปนฺโนว สตฺตทิวสานิ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนาคามิผลํ ปาปุณิตฺวา ตตฺเถว กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

อปรมฺปิ เถรํ ตมฺพปณฺณิทีเป ปูติลตาย พนฺธิตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. โส วนทาเห อาคจฺฉนฺเต วลฺลึ อจฺฉินฺทิตฺวาว วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายิ. ทีฆภาณกอภยตฺเถโร ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อาคจฺฉนฺโต ทิสฺวา เถรสฺส สรีรํ ฌาเปตฺวา เจติยํ การาเปสิ. ตสฺมา อฺโปิ สทฺโธ กุลปุตฺโต –

ปาติโมกฺขํ วิโสเธนฺโต, อปฺเปว ชีวิตํ ชเห;

ปฺตฺตํ โลกนาเถน, น ภินฺเท สีลสํวรํ.

ยถา จ ปาติโมกฺขสํวโร สทฺธาย, เอวํ สติยา อินฺทฺริยสํวโร สมฺปาเทตพฺโพ. สติสาธโน หิ โส, สติยา อธิฏฺิตานํ อินฺทฺริยานํ อภิชฺฌาทีหิ อนนฺวาสฺสวนียโต. ตสฺมา ‘‘วรํ, ภิกฺขเว, ตตฺตาย อโยสลากาย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย จกฺขุนฺทฺริยํ สมฺปลิมฏฺํ, น ตฺเวว จกฺขุวิฺเยฺเยสุ รูเปสุ อนุพฺยฺชนโส นิมิตฺตคฺคาโห’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕) อาทินา นเยน อาทิตฺตปริยายํ สมนุสฺสริตฺวา รูปาทีสุ วิสเยสุ จกฺขุทฺวาราทิปวตฺตสฺส วิฺาณสฺส อภิชฺฌาทีหิ อนฺวาสฺสวนียํ นิมิตฺตาทิคฺคาหํ อสมฺมุฏฺาย สติยา นิเสเธนฺเตน เอส สาธุกํ สมฺปาเทตพฺโพ. เอวํ อสมฺปาทิเต หิ เอตสฺมึ ปาติโมกฺขสํวรสีลมฺปิ อนทฺธนิยํ โหติ อจิรฏฺิติกํ, อสํวิหิตสาขาปริวารมิว สสฺสํ. หฺเต จายํ กิเลสโจเรหิ, วิวฏทฺวาโร วิย คาโม ปรสฺส หารีหิ. จิตฺตฺจสฺส ราโค สมติวิชฺฌติ, ทุจฺฉนฺนมคารํ วุฏฺิ วิย. วุตฺตมฺปิ เหตํ –

‘‘รูเปสุ สทฺเทสุ อโถ รเสสุ,

คนฺเธสุ ผสฺเสสุ จ รกฺข อินฺทฺริยํ;

เอเต หิ ทฺวารา วิวฏา อรกฺขิตา,

หนนฺติ คามํว ปรสฺส หาริโน’’.

‘‘ยถา อคารํ ทุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี สมติวิชฺฌติ;

เอวํ อภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค สมติวิชฺฌตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๓);

สมฺปาทิเต ปน ตสฺมึ ปาติโมกฺขสํวรสีลมฺปิ อทฺธนิยํ โหติ จิรฏฺิติกํ, สุสํวิหิตสาขาปริวารมิว สสฺสํ. น หฺเต จายํ กิเลสโจเรหิ, สุสํวุตทฺวาโร วิย คาโม ปรสฺส หารีหิ. น จสฺส จิตฺตํ ราโค สมติวิชฺฌติ, สุจฺฉนฺนมคารํ วุฏฺิ วิย. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘รูเปสุ สทฺเทสุ อโถ รเสสุ,

คนฺเธสุ ผสฺเสสุ จ รกฺข อินฺทฺริยํ;

เอเต หิ ทฺวารา ปิหิตา สุสํวุตา,

น หนฺติ คามํว ปรสฺส หาริโน’’.

‘‘ยถา อคารํ สุจฺฉนฺนํ, วุฏฺี น สมติวิชฺฌติ;

เอวํ สุภาวิตํ จิตฺตํ, ราโค น สมติวิชฺฌตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๔);

อยํ ปน อติอุกฺกฏฺเทสนา.

จิตฺตํ นาเมตํ ลหุปริวตฺตํ, ตสฺมา อุปฺปนฺนํ ราคํ อสุภมนสิกาเรน วิโนเทตฺวา อินฺทฺริยสํวโร สมฺปาเทตพฺโพ, อธุนาปพฺพชิเตน วงฺคีสตฺเถเรน วิย.

เถรสฺส กิร อธุนาปพฺพชิตสฺส ปิณฺฑาย จรโต เอกํ อิตฺถึ ทิสฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ. ตโต อานนฺทตฺเถรํ อาห –

‘‘กามราเคน ฑยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริฑยฺหติ;

สาธุ นิพฺพาปนํ พฺรูหิ, อนุกมฺปาย โคตมา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๒; เถรคา. ๑๒๓๒);

เถโร อาห –

‘‘สฺาย วิปริเยสา, จิตฺตํ เต ปริฑยฺหติ;

นิมิตฺตํ ปริวชฺเชหิ, สุภํ ราคูปสฺหิตํ;

อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหิ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๒; เถรคา. ๑๒๓๓-๑๒๓๔);

‘‘สงฺขาเร ปรโต ปสฺส, ทุกฺขโต โน จ อตฺตโต;

นิพฺพาเปหิ มหาราคํ, มา ฑยฺหิตฺโถ ปุนปฺปุน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๒);

เถโร ราคํ วิโนเทตฺวา ปิณฺฑาย จริ. อปิจ อินฺทฺริยสํวรปูรเกน ภิกฺขุนา กุรณฺฑกมหาเลณวาสินา จิตฺตคุตฺตตฺเถเรน วิย โจรกมหาวิหารวาสินา มหามิตฺตตฺเถเรน วิย จ ภวิตพฺพํ. กุรณฺฑกมหาเลเณ กิร สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ อภินิกฺขมนจิตฺตกมฺมํ มโนรมํ อโหสิ, สมฺพหุลา ภิกฺขู เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา จิตฺตกมฺมํ ทิสฺวา ‘‘มโนรมํ, ภนฺเต, จิตฺตกมฺม’’นฺติ อาหํสุ. เถโร อาห ‘‘อติเรกสฏฺิ เม, อาวุโส, วสฺสานิ เลเณ วสนฺตสฺส จิตฺตกมฺมํ อตฺถีติปิ น ชานามิ, อชฺช ทานิ จกฺขุมนฺเต นิสฺสาย าต’’นฺติ. เถเรน กิร เอตฺตกํ อทฺธานํ วสนฺเตน จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา เลณํ น อุลฺโลกิตปุพฺพํ. เลณทฺวาเร จสฺส มหานาครุกฺโขปิ อโหสิ. โสปิ เถเรน อุทฺธํ น อุลฺโลกิตปุพฺโพ. อนุสํวจฺฉรํ ภูมิยํ เกสรนิปาตํ ทิสฺวาวสฺส ปุปฺผิตภาวํ ชานาติ.

ราชา เถรสฺส คุณสมฺปตฺตึ สุตฺวา วนฺทิตุกาโม ติกฺขตฺตุํ เปเสตฺวา อนาคจฺฉนฺเต เถเร ตสฺมึ คาเม ตรุณปุตฺตานํ อิตฺถีนํ ถเน พนฺธาเปตฺวา ลฺชาเปสิ ‘‘ตาว ทารกา ถฺํ มา ลภึสุ, ยาว เถโร น อาคจฺฉตี’’ติ. เถโร ทารกานํ อนุกมฺปาย มหาคามํ อคมาสิ. ราชา สุตฺวา ‘‘คจฺฉถ ภเณ, เถรํ ปเวเสถ สีลานิ คณฺหิสฺสามี’’ติ อนฺเตปุรํ อภิหราเปตฺวา วนฺทิตฺวา โภเชตฺวา ‘‘อชฺช, ภนฺเต, โอกาโส นตฺถิ, สฺเว สีลานิ คณฺหิสฺสามีติ เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา โถกํ อนุคนฺตฺวา เทวิยา สทฺธึ วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. เถโร ราชา วา วนฺทตุ เทวี วา, ‘‘สุขี โหตุ, มหาราชา’’ติ วทติ. เอวํ สตฺตทิวสา คตา. ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุมฺเห รฺเปิ วนฺทมาเน เทวิยาปิ วนฺทมานาย ‘‘สุขี โหตุ, มหาราช’’อิจฺเจว วทถาติ. เถโร ‘‘นาหํ, อาวุโส, ราชาติ วา เทวีติ วา ววตฺถานํ กโรมี’’ติ วตฺวา สตฺตาหาติกฺกเมน ‘‘เถรสฺส อิธ วาโส ทุกฺโข’’ติ รฺา วิสฺสชฺชิโต กุรณฺฑกมหาเลณํ คนฺตฺวา รตฺติภาเค จงฺกมํ อารูหิ. นาครุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. อถสฺส กมฺมฏฺานํ อติปริสุทฺธํ ปากฏํ อโหสิ. เถโร ‘‘กึ นุ เม อชฺช กมฺมฏฺานํ อติวิย ปกาสตี’’ติ อตฺตมโน มชฺฌิมยามสมนนฺตรํ สกลํ ปพฺพตํ อุนฺนาทยนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺมา อฺโปิ อตฺตตฺถกาโม กุลปุตฺโต –

มกฺกโฏว อรฺมฺหิ, วเน ภนฺตมิโค วิย;

พาโล วิย จ อุตฺรสฺโต, น ภเว โลลโลจโน.

อโธ ขิเปยฺย จกฺขูนิ, ยุคมตฺตทโส สิยา;

วนมกฺกฏโลลสฺส, น จิตฺตสฺส วสํ วเช.

มหามิตฺตตฺเถรสฺสาปิ มาตุ วิสคณฺฑกโรโค อุปฺปชฺชิ, ธีตาปิสฺสา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา โหติ. สา ตํ อาห – ‘‘คจฺฉ อยฺเย, ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา มม อผาสุกภาวํ อาโรเจตฺวา เภสชฺชมาหรา’’ติ. สา คนฺตฺวา อาโรเจสิ. เถโร อาห – ‘‘นาหํ มูลเภสชฺชาทีนิ สํหริตฺวา เภสชฺชํ ปจิตุํ ชานามิ, อปิจ เต เภสชฺชํ อาจิกฺขิสฺสํ – ‘‘อหํ ยโต ปพฺพชิโต, ตโต ปฏฺาย น มยา โลภสหคเตน จิตฺเตน อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา วิสภาครูปํ โอโลกิตปุพฺพํ, อิมินา สจฺจวจเนน มาตุยา เม ผาสุ โหตุ, คจฺฉ อิทํ วตฺวา อุปาสิกาย สรีรํ ปริมชฺชา’’ติ. สา คนฺตฺวา อิมมตฺถํ อาโรเจตฺวา ตถา อกาสิ. อุปาสิกาย ตํขณํเยว คณฺโฑ เผณปิณฺโฑ วิย วิลียิตฺวา อนฺตรธายิ, สา อุฏฺหิตฺวา ‘‘สเจ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธเรยฺย, กสฺมา มม ปุตฺตสทิสสฺส ภิกฺขุโน ชาลวิจิตฺเรน หตฺเถน สีสํ น ปรามเสยฺยา’’ติ อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ. ตสฺมา –

กุลปุตฺตมานิ อฺโปิ, ปพฺพชิตฺวาน สาสเน;

มิตฺตตฺเถโรว ติฏฺเยฺย, วเร อินฺทฺริยสํวเร.

ยถา ปน อินฺทฺริยสํวโร สติยา, ตถา วีริเยน อาชีวปาริสุทฺธิ สมฺปาเทตพฺพา. วีริยสาธนา หิ สา, สมฺมารทฺธวีริยสฺส มิจฺฉาชีวปฺปหานสมฺภวโต. ตสฺมา อเนสนํ อปฺปติรูปํ ปหาย วีริเยน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ สมฺมา เอสนาหิ เอสา สมฺปาเทตพฺพา ปริสุทฺธุปฺปาเทเยว ปจฺจเย ปฏิเสวมาเนน อปริสุทฺธุปฺปาเท อาสีวิเส วิย ปริวชฺชยตา. ตตฺถ อปริคฺคหิตธุตงฺคสฺส สงฺฆโต, คณโต, ธมฺมเทสนาทีหิ จสฺส คุเณหิ ปสนฺนานํ คิหีนํ สนฺติกา อุปฺปนฺนา ปจฺจยา ปริสุทฺธุปฺปาทา นาม. ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ ปน อติปริสุทฺธุปฺปาทาเยว. ปริคฺคหิตธุตงฺคสฺส ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ ธุตคุเณ จสฺส ปสนฺนานํ สนฺติกา ธุตงฺคนิยมานุโลเมน อุปฺปนฺนา ปริสุทฺธุปฺปาทา นาม. เอกพฺยาธิวูปสมตฺถฺจสฺส ปูติหริฏกีจตุมธุเรสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘จตุมธุรํ อฺเปิ สพฺรหฺมจาริโน ปริภุฺชิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา หริฏกีขณฺฑเมว ปริภุฺชมานสฺส ธุตงฺคสมาทานํ ปติรูปํ โหติ. เอส หิ ‘‘อุตฺตมอริยวํสิโก ภิกฺขู’’ติ วุจฺจติ. เย ปเนเต จีวราทโย ปจฺจยา, เตสุ ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน อาชีวํ ปริโสเธนฺตสฺส จีวเร จ ปิณฺฑปาเต จ นิมิตฺโตภาสปริกถาวิฺตฺติโย น วฏฺฏนฺติ. เสนาสเน ปน อปริคฺคหิตธุตงฺคสฺส นิมิตฺโตภาสปริกถา วฏฺฏนฺติ. ตตฺถ นิมิตฺตํ นาม เสนาสนตฺถํ ภูมิปริกมฺมาทีนิ กโรนฺตสฺส ‘‘กึ, ภนฺเต, กริยติ, โก การาเปตี’’ติ คิหีหิ วุตฺเต ‘‘น โกจิ’’ติ ปฏิวจนํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ นิมิตฺตกมฺมํ. โอภาโส นาม ‘‘อุปาสกา ตุมฺเห กุหึ วสถา’’ติ. ปาสาเท, ภนฺเตติ. ‘‘ภิกฺขูนํ ปน อุปาสกา ปาสาโท น วฏฺฏตี’’ติ วจนํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ โอภาสกมฺมํ. ปริกถา นาม ‘‘ภิกฺขุสงฺฆสฺส เสนาสนํ สมฺพาธ’’นฺติ วจนํ, ยา วา ปนฺาปิ เอวรูปา ปริยายกถา. เภสชฺเช สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. ตถา อุปฺปนฺนํ ปน เภสชฺชํ โรเค วูปสนฺเต ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, น วฏฺฏตีติ.

ตตฺถ วินยธรา ‘‘ภควตา ทฺวารํ ทินฺนํ, ตสฺมา วฏฺฏตี’’ติ วทนฺติ. สุตฺตนฺติกา ปน ‘‘กิฺจาปิ อาปตฺติ น โหติ, อาชีวํ ปน โกเปติ, ตสฺมา น วฏฺฏติ’’จฺเจว วทนฺติ.

โย ปน ภควตา อนุฺาตาปิ นิมิตฺโตภาสปริกถาวิฺตฺติโย อกโรนฺโต อปฺปิจฺฉตาทิคุเณเยว นิสฺสาย ชีวิตกฺขเยปิ ปจฺจุปฏฺิเต อฺตฺเรว โอภาสาทีหิ อุปฺปนฺนปจฺจเย ปฏิเสวติ, เอส ‘‘ปรมสลฺเลขวุตฺตี’’ติ วุจฺจติ, เสยฺยถาปิ เถโร สาริปุตฺโต.

โส กิรายสฺมา เอกสฺมึ สมเย ปวิเวกํ พฺรูหยมาโน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน สทฺธึ อฺตรสฺมึ อรฺเ วิหรติ, อถสฺส เอกสฺมึ ทิวเส อุทรวาตาพาโธ อุปฺปชฺชิตฺวา อติทุกฺขํ ชเนสิ. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร สายนฺหสมเย ตสฺสายสฺมโต อุปฏฺานํ คโต เถรํ นิปนฺนํ ทิสฺวา ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปุพฺเพ เต, อาวุโส, เกน ผาสุ โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร อาห, ‘‘คิหิกาเล เม, อาวุโส, มาตา สปฺปิมธุสกฺกราทีหิ โยเชตฺวา อสมฺภินฺนขีรปายาสํ อทาสิ, เตน เม ผาสุ อโหสี’’ติ. โสปิ อายสฺมา ‘‘โหตุ, อาวุโส, สเจ มยฺหํ วา ตุยฺหํ วา ปุฺํ อตฺถิ, อปฺเปว นาม สฺเว ลภิสฺสามา’’ติ อาห.

อิมํ ปน เนสํ กถาสลฺลาปํ จงฺกมนโกฏิยํ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา สุตฺวา ‘‘สฺเว อยฺยสฺส ปายาสํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ตาวเทว เถรสฺส อุปฏฺากกุลํ คนฺตฺวา เชฏฺปุตฺตสฺส สรีรํ อาวิสิตฺวา ปีฬํ ชเนสิ. อถสฺส ติกิจฺฉานิมิตฺตํ สนฺนิปติเต าตเก อาห – ‘‘สเจ สฺเว เถรสฺส เอวรูปํ นาม ปายาสํ ปฏิยาเทถ, ตํ มุฺจิสฺสามี’’ติ. เต ‘‘ตยา อวุตฺเตปิ มยํ เถรานํ นิพทฺธํ ภิกฺขํ เทมา’’ติ วตฺวา ทุติยทิวเส ตถารูปํ ปายาสํ ปฏิยาทิยึสุ.

มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปาโตว อาคนฺตฺวา ‘‘อาวุโส, ยาว อหํ ปิณฺฑาย จริตฺวา อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหหี’’ติ วตฺวา คามํ ปาวิสิ. เต มนุสฺสา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา วุตฺตปฺปการสฺส ปายาสสฺส ปูเรตฺวา อทํสุ. เถโร คมนาการํ ทสฺเสสิ. เต ‘‘ภุฺชถ – ภนฺเต, ตุมฺเห, อปรมฺปิ ทสฺสามา’’ติ เถรํ โภเชตฺวา ปุน ปตฺตปูรํ อทํสุ. เถโร คนฺตฺวา ‘‘หนฺทาวุโส สาริปุตฺต, ปริภุฺชา’’ติ อุปนาเมสิ. เถโรปิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อติมนาโป ปายาโส, กถํ นุ โข อุปฺปนฺโน’’ติ จินฺเตนฺโต ตสฺส อุปฺปตฺติมูลํ ทิสฺวา อาห – ‘‘อาวุโส โมคฺคลฺลาน, อปริโภคารโห ปิณฺฑปาโต’’ติ. โสปายสฺมา ‘‘มาทิเสน นาม อาภตํ ปิณฺฑปาตํ น ปริภุฺชตี’’ติ จิตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา เอกวจเนเนว ปตฺตํ มุขวฏฺฏิยํ คเหตฺวา เอกมนฺเต นิกุชฺเชสิ. ปายาสสฺส สห ภูมิยํ ปติฏฺานา เถรสฺส อาพาโธ อนฺตรธายิ, ตโต ปฏฺาย ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ น ปุน อุปฺปชฺชิ. ตโต มหาโมคฺคลฺลานํ อาห – ‘‘อาวุโส, วจีวิฺตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน ปายาโส อนฺเตสุ นิกฺขมิตฺวา ภูมิยํ จรนฺเตสุปิ ปริภุฺชิตุํ อยุตฺตรูโป’’ติ. อิมฺจ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘วจีวิฺตฺติวิปฺผารา, อุปฺปนฺนํ มธุปายสํ;

สเจ ภุตฺโต ภเวยฺยาหํ, สาชีโว ครหิโต มม.

‘‘ยทิปิ เม อนฺตคุณํ, นิกฺขมิตฺวา พหิ จเร;

เนว ภินฺเทยฺยํ อาชีวํ, จชมาโนปิ ชีวิตํ.

‘‘อาราเธมิ สกํ จิตฺตํ, วิวชฺเชมิ อเนสนํ;

นาหํ พุทฺธปฺปฏิกุฏฺํ, กาหามิ จ อเนสน’’นฺติ.

จิรคุมฺพวาสิกอมฺพขาทกมหาติสฺสตฺเถรวตฺถุปิ เจตฺถ กเถตพฺพํ. เอวํ สพฺพถาปิ.

‘‘อเนสนาย จิตฺตมฺปิ, อชเนตฺวา วิจกฺขโณ;

อาชีวํ ปริโสเธยฺย, สทฺธาปพฺพชิโต ยตี’’ติ.

ยถา จ วีริเยน อาชีวปาริสุทฺธิ, ตถา ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปฺาย สมฺปาเทตพฺพํ. ปฺาสาธนํ หิ ตํ, ปฺวโต ปจฺจเยสุ อาทีนวานิสํสทสฺสนสมตฺถภาวโต. ตสฺมา ปหาย ปจฺจยเคธํ ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺเน ปจฺจเย ยถาวุตฺเตน วิธินา ปฺาย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนฺเตน สมฺปาเทตพฺพํ.

ตตฺถ ทุวิธํ ปจฺจเวกฺขณํ ปจฺจยานํ ปฏิลาภกาเล, ปริโภคกาเล จ. ปฏิลาภกาเลปิ หิ ธาตุวเสน วา ปฏิกูลวเสน วา ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปิตานิ จีวราทีนิ ตโต อุตฺตริ ปริภุฺชนฺตสฺส อนวชฺโชว ปริโภโค, ปริโภคกาเลปิ. ตตฺรายํ สนฺนิฏฺานกโร วินิจฺฉโย –

จตฺตาโร หิ ปริโภคา เถยฺยปริโภโค, อิณปริโภโค, ทายชฺชปริโภโค, สามิปริโภโคติ. ตตฺร สงฺฆมชฺเฌปิ นิสีทิตฺวา ปริภุฺชนฺตสฺส ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยปริโภโค นาม. สีลวโต อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริโภโค อิณปริโภโค นาม. ตสฺมา จีวรํ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, ปิณฺฑปาโต อาโลเป อาโลเป, ตถา อสกฺโกนฺเตน ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปุริมยามมชฺฌิมยามปจฺฉิมยาเมสุ. สจสฺส อปจฺจเวกฺขโตว อรุณํ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺติ. เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเค ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. เภสชฺชสฺส ปฏิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ สติปจฺจยตาว วฏฺฏติ. เอวํ สนฺเตปิ ปฏิคฺคหเณ สตึ กตฺวา ปริโภเค อกโรนฺตสฺเสว อาปตฺติ, ปฏิคฺคหเณ ปน สตึ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺติ.

จตุพฺพิธา หิ สุทฺธิ เทสนาสุทฺธิ, สํวรสุทฺธิ, ปริเยฏฺิสุทฺธิ, ปจฺจเวกฺขณสุทฺธีติ. ตตฺถ เทสนาสุทฺธิ นาม ปาติโมกฺขสํวรสีลํ. ตฺหิ เทสนาย สุชฺฌนโต เทสนาสุทฺธีติ วุจฺจติ. สํวรสุทฺธิ นาม อินฺทฺริยสํวรสีลํ. ตฺหิ ‘‘น ปุน เอวํ กริสฺสามี’’ติ จิตฺตาธิฏฺานสํวเรเนว สุชฺฌนโต สํวรสุทฺธีติ วุจฺจติ. ปริเยฏฺิสุทฺธิ นาม อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ. ตฺหิ อเนสนํ ปหาย ธมฺเมน สเมน ปจฺจเย อุปฺปาเทนฺตสฺส ปริเยสนาย สุทฺธตฺตา ปริเยฏฺิสุทฺธีติ วุจฺจติ. ปจฺจเวกฺขณสุทฺธิ นาม ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ. ตฺหิ วุตฺตปฺปกาเรน ปจฺจเวกฺขเณน สุชฺฌนโต ปจฺจเวกฺขณสุทฺธีติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปฏิคฺคหเณ ปน สตึ อกตฺวา ปริโภเค กโรนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ.

สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ ปจฺจยปริโภโค ทายชฺชปริโภโค นาม. เต หิ ภควโต ปุตฺตา, ตสฺมา ปิตุสนฺตกานํ ปจฺจยานํ ทายาทา หุตฺวา เต ปจฺจเย ปริภุฺชนฺติ. กึปเนเต ภควโต ปจฺจเย ปริภุฺชนฺติ, อุทาหุ คิหีนํ ปจฺจเย ปริภุฺชนฺตีติ. คิหีหิ ทินฺนาปิ ภควตา อนุฺาตตฺตา ภควโต สนฺตกา โหนฺติ, ตสฺมา ภควโต ปจฺจเย ปริภุฺชนฺตีติ เวทิตพฺพา. ธมฺมทายาทสุตฺตฺเจตฺถ สาธกํ.

ขีณาสวานํ ปริโภโค สามิปริโภโค นาม. เต หิ ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภุฺชนฺติ.

อิเมสุ ปริโภเคสุ สามิปริโภโค จ ทายชฺชปริโภโค จ สพฺเพสํ วฏฺฏติ. อิณปริโภโค น วฏฺฏติ. เถยฺยปริโภเค กถาเยว นตฺถิ. โย ปนายํ สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค, โส อิณปริโภคสฺส ปจฺจนีกตฺตา อาณณฺยปริโภโค วา โหติ, ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉติ. สีลวาปิ หิ อิมาย สิกฺขาย สมนฺนาคตตฺตา เสกฺโขตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ. อิเมสุ ปน ปริโภเคสุ ยสฺมา สามิปริโภโค อคฺโค, ตสฺมา ตํ ปตฺถยมาเนน ภิกฺขุนา วุตฺตปฺปการาย ปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนฺเตน ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ สมฺปาเทตพฺพํ. เอวํ กโรนฺโต หิ กิจฺจการี โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ปิณฺฑํ วิหารํ สยนาสนฺจ,

อาปฺจ สงฺฆาฏิรชูปวาหนํ;

สุตฺวาน ธมฺมํ สุคเตน เทสิตํ,

สงฺขาย เสเว วรปฺสาวโก.

‘‘ตสฺมา หิ ปิณฺเฑ สยนาสเน จ,

อาเป จ สงฺฆาฏิรชูปวาหเน;

เอเตสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโต,

ภิกฺขุ ยถา โปกฺขเร วาริพินฺทุ. (สุ. นิ. ๓๙๓-๓๙๔);

‘‘กาเลน ลทฺธา ปรโต อนุคฺคหา,

ขชฺเชสุ โภชฺเชสุ จ สายเนสุ จ;

มตฺตํ ส ชฺา สตตํ อุปฏฺิโต,

วณสฺส อาเลปนรูหเน ยถา.

‘‘กนฺตาเร ปุตฺตมํสํว, อกฺขสฺสพฺภฺชนํ ยถา;

เอวํ อาหาเร อาหารํ, ยาปนตฺถมมุจฺฉิโต’’ติ.

อิมสฺส จ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส ปริปูรการิตาย ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตสามเณรสฺส วตฺถุ กเถตพฺพํ. โส หิ สมฺมา ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชิ. ยถาห –

‘‘อุปชฺฌาโย มํ ภุฺชมานํ, สาลิกูรํ สุนิพฺพุตํ;

มา เหว ตฺวํ สามเณร, ชิวฺหํ ฌาเปสิ อสฺโต.

‘‘อุปชฺฌายสฺส วโจ สุตฺวา, สํเวคมลภึ ตทา;

เอกาสเน นิสีทิตฺวา, อรหตฺตํ อปาปุณึ.

‘‘โสหํ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา;

สพฺพาสวปริกฺขีโณ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ.

‘‘ตสฺมา อฺโปิ ทุกฺขสฺส, ปตฺถยนฺโต ปริกฺขยํ;

โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตฺวา, ปฏิเสเวถ ปจฺจเย’’ติ.

เอวํ ปาติโมกฺขสํวรสีลาทิวเสน จตุพฺพิธํ.

ปมสีลปฺจกํ

๒๐. ปฺจวิธโกฏฺาสสฺส ปมปฺจเก อนุปสมฺปนฺนสีลาทิวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ –

‘‘กตมํ ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ? อนุปสมฺปนฺนานํ ปริยนฺตสิกฺขาปทานํ, อิทํ ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ. กตมํ อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ? อุปสมฺปนฺนานํ อปริยนฺตสิกฺขาปทานํ, อิทํ อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ. กตมํ ปริปุณฺณปาริสุทฺธิสีลํ? ปุถุชฺชนกลฺยาณกานํ กุสลธมฺเม ยุตฺตานํ เสกฺขปริยนฺเต ปริปูรการีนํ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขานํ ปริจฺจตฺตชีวิตานํ, อิทํ ปริปุณฺณปาริสุทฺธิสีลํ. กตมํ อปรามฏฺปาริสุทฺธิสีลํ? สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ, อิทํ อปรามฏฺปาริสุทฺธิสีลํ. กตมํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปาริสุทฺธิสีลํ? ตถาคตสาวกานํ ขีณาสวานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ตถาคตานํ อรหนฺตานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ, อิทํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปาริสุทฺธิสีล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓๗).

ตตฺถ อนุปสมฺปนฺนานํ สีลํ คณนวเสน สปริยนฺตตฺตา ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลนฺติ เวทิตพฺพํ. อุปสมฺปนฺนานํ –

‘‘นว โกฏิสหสฺสานิ, อสีติสตโกฏิโย;

ปฺาสสตสหสฺสานิ, ฉตฺตึสา จ ปุนาปเร.

‘‘เอเต สํวรวินยา, สมฺพุทฺเธน ปกาสิตา;

เปยฺยาลมุเขน นิทฺทิฏฺา, สิกฺขา วินยสํวเร’’ติ. –

เอวํ คณนวเสน สปริยนฺตมฺปิ อนวเสสวเสน สมาทานภาวฺจ ลาภยสาติองฺคชีวิตวเสน อทิฏฺปริยนฺตภาวฺจ สนฺธาย อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลนฺติ วุตฺตํ, จิรคุมฺพวาสิกอมฺพขาทกมหาติสฺสตฺเถรสฺส สีลมิว. ตถา หิ โส อายสฺมา –

‘‘ธนํ จเช องฺควรสฺส เหตุ, องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน;

องฺคํ ธนํ ชีวิตฺจาปิ สพฺพํ, จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต’’ติ. –

อิมํ สปฺปุริสานุสฺสตึ อวิชหนฺโต ชีวิตสํสเยปิ สิกฺขาปทํ อวีติกฺกมฺม ตเทว อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ นิสฺสาย อุปาสกสฺส ปิฏฺิคโตว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ยถาห –

‘‘น ปิตา นปิ เต มาตา, น าติ นปิ พนฺธโว;

กโรเตตาทิสํ กิจฺจํ, สีลวนฺตสฺส การณา.

สํเวคํ ชนยิตฺวาน, สมฺมสิตฺวาน โยนิโส;

ตสฺส ปิฏฺิคโต สนฺโต, อรหตฺตํ อปาปุณี’’ติ.

ปุถุชฺชนกลฺยาณกานํ สีลํ อุปสมฺปทโต ปฏฺาย สุโธตชาติมณิ วิย สุปริกมฺมกตสุวณฺณํ วิย จ อติปริสุทฺธตฺตา จิตฺตุปฺปาทมตฺตเกนปิ มเลน วิรหิตํ อรหตฺตสฺเสว ปทฏฺานํ โหติ, ตสฺมา ปริปุณฺณปาริสุทฺธีติ วุจฺจติ, มหาสงฺฆรกฺขิตภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตตฺเถรานํ วิย.

มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรํ กิร อติกฺกนฺตสฏฺิวสฺสํ มรณมฺเจ นิปนฺนํ ภิกฺขุสงฺโฆ โลกุตฺตราธิคมํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘นตฺถิ เม โลกุตฺตรธมฺโม’’ติ อาห. อถสฺส อุปฏฺาโก ทหรภิกฺขุ อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห ปรินิพฺพุตาติ สมนฺตา ทฺวาทสโยชนา มนุสฺสา สนฺนิปติตา, ตุมฺหากํ ปุถุชฺชนกาลกิริยาย มหาชนสฺส วิปฺปฏิสาโร ภวิสฺสตี’’ติ. อาวุโส, อหํ ‘‘เมตฺเตยฺยํ ภควนฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ น วิปสฺสนํ ปฏฺเปสึ. เตน หิ มํ นิสีทาเปตฺวา โอกาสํ กโรหีติ. โส เถรํ นิสีทาเปตฺวา พหิ นิกฺขนฺโต. เถโร ตสฺส สห นิกฺขมนาว อรหตฺตํ ปตฺวา อจฺฉริกาย สฺํ อทาสิ. สงฺโฆ สนฺนิปติตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, เอวรูเป มรณกาเล โลกุตฺตรธมฺมํ นิพฺพตฺเตนฺตา ทุกฺกรํ กริตฺถา’’ติ. นาวุโส เอตํ ทุกฺกรํ, อปิจ โว ทุกฺกรํ อาจิกฺขิสฺสามิ – ‘‘อหํ, อาวุโส, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย อสติยา อฺาณปกตํ กมฺมํ นาม น ปสฺสามี’’ติ. ภาคิเนยฺโยปิสฺส ปฺาสวสฺสกาเล เอวเมว อรหตฺตํ ปาปุณีติ.

‘‘อปฺปสฺสุโตปิ เจ โหติ, สีเลสุ อสมาหิโต;

อุภเยน นํ ครหนฺติ, สีลโต จ สุเตน จ.

‘‘อปฺปสฺสุโตปิ เจ โหติ, สีเลสุ สุสมาหิโต;

สีลโต นํ ปสํสนฺติ, ตสฺส สมฺปชฺชเต สุตํ.

‘‘พหุสฺสุโตปิ เจ โหติ, สีเลสุ อสมาหิโต;

สีลโต นํ ครหนฺติ, นาสฺส สมฺปชฺชเต สุตํ.

‘‘พหุสฺสุโตปิ เจ โหติ, สีเลสุ สุสมาหิโต;

อุภเยน นํ ปสํสนฺติ, สีลโต จ สุเตน จ.

‘‘พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ, สปฺปฺํ พุทฺธสาวกํ;

เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, โก ตํ นินฺทิตุมรหติ;

เทวาปิ นํ ปสํสนฺติ, พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต’’ติ. (อ. นิ. ๔.๖);

เสกฺขานํ ปน สีลํ ทิฏฺิวเสน อปรามฏฺตฺตา, ปุถุชฺชนานํ วา ปน ราควเสน อปรามฏฺสีลํ อปรามฏฺปาริสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ, กุฏุมฺพิยปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส สีลํ วิย. โส หิ อายสฺมา ตถารูปํ สีลํ นิสฺสาย อรหตฺเต ปติฏฺาตุกาโม เวริเก อาห –

‘‘อุโภ ปาทานิ ภินฺทิตฺวา, สฺเปสฺสามิ โว อหํ;

อฏฺฏิยามิ หรายามิ, สราคมรณํ อห’’นฺติ.

‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, สมฺมสิตฺวาน โยนิโส;

สมฺปตฺเต อรุณุคฺคมฺหิ, อรหตฺตํ อปาปุณิ’’นฺติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓);

อฺตโรปิ มหาเถโร พาฬฺหคิลาโน สหตฺถา อาหารมฺปิ ปริภุฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺโน สมฺปริวตฺตติ, ตํ ทิสฺวา อฺตโร ทหโร ‘‘อโห ทุกฺขา ชีวิตสงฺขารา’’ติ อาห. ตเมนํ มหาเถโร อาห – ‘‘อหํ, อาวุโส, อิทานิ มิยฺยมาโน สคฺคสมฺปตฺตึ ลภิสฺสามิ, นตฺถิ เม เอตฺถ สํสโย, อิมํ ปน สีลํ ภินฺทิตฺวา ลทฺธสมฺปตฺติ นาม สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย ปฏิลทฺธคิหิภาวสทิสี’’ติ วตฺวา ‘‘สีเลเนว สทฺธึ มริสฺสามี’’ติ ตตฺเถว นิปนฺโน ตเมว โรคํ สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

‘‘ผุฏฺสฺส เม อฺตเรน พฺยาธินา,

โรเคน พาฬฺหํ ทุขิตสฺส รุปฺปโต;

ปริสุสฺสติ ขิปฺปมิทํ กเฬวรํ,

ปุปฺผํ ยถา ปํสุนิ อาตเป กตํ.

‘‘อชฺํ ชฺสงฺขาตํ, อสุจึ สุจิสมฺมตํ;

นานากุณปปริปูรํ, ชฺรูปํ อปสฺสโต.

‘‘ธิรตฺถุ มํ อาตุรํ ปูติกายํ, ทุคฺคนฺธิยํ อสุจิ พฺยาธิธมฺมํ;

ยตฺถปฺปมตฺตา อธิมุจฺฉิตา ปชา, หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยา’’ติ.

อรหนฺตาทีนํ ปน สีลํ สพฺพทรถปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ปริสุทฺธตฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธิปาริสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ. เอวํ ปริยนฺตปาริสุทฺธิอาทิวเสน ปฺจวิธํ.

ทุติยสีลปฺจกํ

ทุติยปฺจเก ปาณาติปาตาทีนํ ปหานาทิวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ –

‘‘ปฺจ สีลานิ ปาณาติปาตสฺส ปหานํ สีลํ, เวรมณี สีลํ, เจตนา สีลํ, สํวโร สีลํ, อวีติกฺกโม สีลํ. อทินฺนาทานสฺส, กาเมสุมิจฺฉาจารสฺส, มุสาวาทสฺส, ปิสุณาย วาจาย, ผรุสาย วาจาย, สมฺผปฺปลาปสฺส, อภิชฺฌาย, พฺยาปาทสฺส, มิจฺฉาทิฏฺิยา, เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทสฺส, อพฺยาปาเทน พฺยาปาทสฺส, อาโลกสฺาย ถินมิทฺธสฺส, อวิกฺเขเปน อุทฺธจฺจสฺส, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉาย, าเณน อวิชฺชาย, ปาโมชฺเชน อรติยา, ปเมน ฌาเนน นีวรณานํ, ทุติเยน ฌาเนน วิตกฺกวิจารานํ, ตติเยน ฌาเนน ปีติยา, จตุตฺเถน ฌาเนน สุขทุกฺขานํ, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสฺาย ปฏิฆสฺาย นานตฺตสฺาย, วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติยา อากาสานฺจายตนสฺาย, อากิฺจฺายตนสมาปตฺติยา วิฺาณฺจายตนสฺาย, เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺาย, อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺาย, ทุกฺขานุปสฺสนาย สุขสฺาย, อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสนาย นนฺทิยา, วิราคานุปสฺสนาย ราคสฺส, นิโรธานุปสฺสนาย สมุทยสฺส, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทานสฺส, ขยานุปสฺสนาย ฆนสฺาย, วยานุปสฺสนาย อายูหนสฺส, วิปริณามานุปสฺสนาย ธุวสฺาย, อนิมิตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตสฺส, อปฺปณิหิตานุปสฺสนาย ปณิธิยา, สุฺตานุปสฺสนาย อภินิเวสสฺส, อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย สาราทานาภินิเวสสฺส, ยถาภูตาณทสฺสเนน สมฺโมหาภินิเวสสฺส, อาทีนวานุปสฺสนาย อาลยาภินิเวสสฺส, ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย อปฺปฏิสงฺขาย, วิวฏฺฏนานุปสฺสนาย สฺโคาภินิเวสสฺส, โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺเกฏฺานํ กิเลสานํ, สกทาคามิมคฺเคน โอฬาริกานํ กิเลสานํ, อนาคามิมคฺเคน อณุสหคตานํ กิเลสานํ, อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสานํ ปหานํ สีลํ, เวรมณี, เจตนา, สํวโร, อวีติกฺกโม สีลํ. เอวรูปานิ สีลานิ จิตฺตสฺส อวิปฺปฏิสาราย สํวตฺตนฺติ, ปาโมชฺชาย สํวตฺตนฺติ, ปีติยา สํวตฺตนฺติ, ปสฺสทฺธิยา สํวตฺตนฺติ, โสมนสฺสาย สํวตฺตนฺติ, อาเสวนาย สํวตฺตนฺติ, ภาวนาย สํวตฺตนฺติ, พหุลีกมฺมาย สํวตฺตนฺติ, อลงฺการาย สํวตฺตนฺติ, ปริกฺขาราย สํวตฺตนฺติ, ปริวาราย สํวตฺตนฺติ, ปาริปูริยา สํวตฺตนฺติ, เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๑).

เอตฺถ จ ปหานนฺติ โกจิ ธมฺโม นาม นตฺถิ อฺตฺร วุตฺตปฺปการานํ ปาณาติปาตาทีนํ อนุปฺปาทมตฺตโต. ยสฺมา ปน ตํ ตํ ปหานํ ตสฺส ตสฺส กุสลธมฺมสฺส ปติฏฺานฏฺเน อุปธารณํ โหติ, วิกมฺปาภาวกรเณน จ สมาทานํ. ตสฺมา ปุพฺเพ วุตฺเตเนว อุปธารณสมาธานสงฺขาเตน สีลนฏฺเน สีลนฺติ วุตฺตํ. อิตเร จตฺตาโร ธมฺมา ตโต ตโต เวรมณิวเสน, ตสฺส ตสฺส สํวรวเสน, ตทุภยสมฺปยุตฺตเจตนาวเสน, ตํ ตํ อวีติกฺกมนฺตสฺส อวีติกฺกมนวเสน จ เจตโส ปวตฺติสพฺภาวํ สนฺธาย วุตฺตา. สีลฏฺโ ปน เตสํ ปุพฺเพ ปกาสิโตเยวาติ. เอวํ ปหานสีลาทิวเสน ปฺจวิธํ.

เอตฺตาวตา จ กึ สีลํ? เกนฏฺเน สีลํ? กานสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ? กิมานิสํสํ สีลํ? กติวิธํ เจตํ สีลนฺติ? อิเมสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชนํ นิฏฺิตํ.

สีลสํกิเลสโวทานํ

๒๑. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘โก จสฺส สํกิเลโส, กึ โวทาน’’นฺติ. ตตฺร วทาม – ขณฺฑาทิภาโว สีลสฺส สํกิเลโส, อขณฺฑาทิภาโว โวทานํ. โส ปน ขณฺฑาทิภาโว ลาภยสาทิเหตุเกน เภเทน จ สตฺตวิธเมถุนสํโยเคน จ สงฺคหิโต.

ตถา หิ ยสฺส สตฺตสุ อาปตฺติกฺขนฺเธสุ อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา สิกฺขาปทํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส สีลํ ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิย ขณฺฑํ นาม โหติ. ยสฺส ปน เวมชฺเฌ ภินฺนํ, ตสฺส มชฺเฌ ฉิทฺทสาฏโก วิย ฉิทฺทํ นาม โหติ. ยสฺส ปฏิปาฏิยา ทฺเว ตีณิ ภินฺนานิ, ตสฺส ปิฏฺิยา วา กุจฺฉิยา วา อุฏฺิเตน วิสภาควณฺเณน กาฬรตฺตาทีนํ อฺตรสรีรวณฺณา คาวี วิย สพลํ นาม โหติ. ยสฺส อนฺตรนฺตรา ภินฺนานิ, ตสฺส อนฺตรนฺตรา วิสภาควณฺณพินฺทุวิจิตฺรา คาวี วิย กมฺมาสํ นาม โหติ. เอวํ ตาว ลาภาทิเหตุเกน เภเทน ขณฺฑาทิภาโว โหติ.

เอวํ สตฺตวิธเมถุนสํโยควเสน. วุตฺตฺหิ ภควตา –

‘‘อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา สมฺมา พฺรหฺมจารี ปฏิชานมาโน น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, อปิจ โข มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนํ ปริมทฺทนํ นฺหาปนํ สมฺพาหนํ สาทิยติ, โส ตทสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชติ, อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปิ. อยํ วุจฺจติ, พฺราหฺมณ, อปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ สํยุตฺโต เมถุเนน สํโยเคน, น ปริมุจฺจติ ชาติยา. ชราย มรเณน…เป… น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.

‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… ปฏิชานมาโน น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํ ทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ. นปิ มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนํ…เป… สาทิยติ. อปิจ โข มาตุคาเมน สทฺธึ สฺชคฺฆติ สํกีฬติ สํเกลายติ, โส ตทสฺสาเทติ…เป… น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.

‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํ ทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ. นปิ มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนํ…เป… สาทิยติ. นปิ มาตุคาเมน สทฺธึ สฺชคฺฆติ สํกีฬติ สํเกลายติ. อปิจ โข มาตุคามสฺส จกฺขุนา จกฺขุํ อุปนิชฺฌายติ เปกฺขติ, โส ตทสฺสาเทติ…เป… น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.

‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน… นปิ มาตุคามสฺส… นปิ มาตุคาเมน… นปิ มาตุคามสฺส…เป… เปกฺขติ. อปิจ โข มาตุคามสฺส สทฺทํ สุณาติ ติโรกุฏฺฏา วา ติโรปาการา วา หสนฺติยา วา ภณนฺติยา วา คายนฺติยา วา โรทนฺติยา วา, โส ตทสฺสาเทติ…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.

‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน… นปิ มาตุคามสฺส… นปิ มาตุคาเมน… นปิ มาตุคามสฺส…เป… โรทนฺติยา วา. อปิจ โข ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ มาตุคาเมน สทฺธึ หสิตลปิตกีฬิตานิ, ตานิ อนุสฺสรติ, โส ตทสฺสาเทติ…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.

‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน…เป… นปิ มาตุคามสฺส…เป… นปิ ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ มาตุคาเมน สทฺธึ หสิตลปิตกีฬิตานิ, ตานิ อนุสฺสรติ. อปิจ โข ปสฺสติ คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํ, โส ตทสฺสาเทติ…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.

‘‘ปุน จปรํ, พฺราหฺมณ, อิเธกจฺโจ สมโณ วา…เป… น เหว โข มาตุคาเมน…เป… นปิ ปสฺสติ คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา…เป… ปริจารยมานํ. อปิจ โข อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ. โส ตทสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปี’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๐).

เอวํ ลาภาทิเหตุเกน เภเทน จ สตฺตวิธเมถุนสํโยเคน จ ขณฺฑาทิภาโว สงฺคหิโตติ เวทิตพฺโพ.

อขณฺฑาทิภาโว ปน สพฺพโส สิกฺขาปทานํ อเภเทน, ภินฺนานฺจ สปฺปฏิกมฺมานํ ปฏิกมฺมกรเณน, สตฺตวิธเมถุนสํโยคาภาเวน จ, อปราย จ ‘‘โกโธ อุปนาโห มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเถยฺยํ ถมฺโภ สารมฺโภ มาโน อติมาโน มโท ปมาโท’’ติอาทีนํ ปาปธมฺมานํ อนุปฺปตฺติยา, อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาสลฺเลขตาทีนฺจ คุณานํ อุปฺปตฺติยา สงฺคหิโต.

ยานิ หิ สีลานิ ลาภาทีนมฺปิ อตฺถาย อภินฺนานิ, ปมาทโทเสน วา ภินฺนานิปิ ปฏิกมฺมกตานิ, เมถุนสํโยเคหิ วา โกธุปนาหาทีหิ วา ปาปธมฺเมหิ อนุปหตานิ, ตานิ สพฺพโส อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานีติ วุจฺจนฺติ. ตานิเยว ภุชิสฺสภาวกรณโต จ ภุชิสฺสานิ, วิฺูหิ ปสตฺถตฺตา วิฺุปสตฺถานิ, ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตา อปรามฏฺานิ, อุปจารสมาธึ วา อปฺปนาสมาธึ วา สํวตฺตยนฺตีติ สมาธิสํวตฺตนิกานิ จ โหนฺติ. ตสฺมา เนสํ เอส ‘อขณฺฑาทิภาโว โวทาน’นฺติ เวทิตพฺโพ.

ตํ ปเนตํ โวทานํ ทฺวีหากาเรหิ สมฺปชฺชติ สีลวิปตฺติยา จ อาทีนวทสฺสเนน, สีลสมฺปตฺติยา จ อานิสํสทสฺสเนน. ตตฺถ ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาทีนวา ทุสฺสีลสฺส สีลวิปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๙; อ. นิ. ๕.๒๑๓) เอวมาทิสุตฺตนเยน สีลวิปตฺติยา อาทีนโว ทฏฺพฺโพ.

อปิจ ทุสฺสีโล ปุคฺคโล ทุสฺสีลฺยเหตุ อมนาโป โหติ เทวมนุสฺสานํ, อนนุสาสนีโย สพฺรหฺมจารีนํ, ทุกฺขิโต ทุสฺสีลฺยครหาสุ, วิปฺปฏิสารี สีลวตํ ปสํสาสุ, ตาย จ ปน ทุสฺสีลฺยตาย สาณสาฏโก วิย ทุพฺพณฺโณ โหติ. เย โข ปนสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺติ, เตสํ ทีฆรตฺตํ อปายทุกฺขาวหนโต ทุกฺขสมฺผสฺโส. เยสํ เทยฺยธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหาติ, เตสํ นมหปฺผลกรณโต อปฺปคฺโฆ. อเนกวสฺสคณิกคูถกูโป วิย ทุพฺพิโสธโน. ฉวาลาตมิว อุภโต ปริพาหิโร. ภิกฺขุภาวํ ปฏิชานนฺโตปิ อภิกฺขุเยว โคคณํ อนุพนฺธคทฺรโภ วิย. สตตุพฺพิคฺโค สพฺพเวริกปุริโส วิย. อสํวาสารโห มตกเฬวรํ วิย. สุตาทิคุณยุตฺโตปิ สพฺรหฺมจารีนํ อปูชารโห สุสานคฺคิ วิย พฺราหฺมณานํ. อภพฺโพ วิเสสาธิคเม อนฺโธ วิย รูปทสฺสเน. นิราโส สทฺธมฺเม จณฺฑาลกุมารโก วิย รชฺเช. สุขิโตสฺมีติ มฺมาโนปิ ทุกฺขิโตว อคฺคิกฺขนฺธปริยาเย วุตฺตทุกฺขภาคิตาย.

ทุสฺสีลานฺหิ ปฺจกามคุณปริโภควนฺทนมานนาทิสุขสฺสาทคธิตจิตฺตานํ ตปฺปจฺจยํ อนุสฺสรณมตฺเตนาปิ หทยสนฺตาปํ ชนยิตฺวา อุณฺหโลหิตุคฺคารปฺปวตฺตนสมตฺถํ อติกฏุกํ ทุกฺขํ ทสฺเสนฺโต สพฺพากาเรน ปจฺจกฺขกมฺมวิปาโก ภควา อาห –

‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูต’นฺติ? เอวํ, ภนฺเตติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาลิงฺเคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วา, ยํ ขตฺติยกฺํ วา พฺราหฺมณกฺํ วา คหปติกฺํ วา มุทุตลุนหตฺถปาทํ อาลิงฺเคตฺวา อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วาติ. เอตเทว, ภนฺเต, วรํ ยํ ขตฺติยกฺํ วา…เป… อุปนิปชฺเชยฺย วา. ทุกฺขํ เหตํ, ภนฺเต, ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ…เป… อุปนิปชฺเชยฺย วาติ. อาโรจยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว, ยถา เอตเทว ตสฺส วรํ ทุสฺสีลสฺส ปาปธมฺมสฺส อสุจิสงฺกสฺสรสมาจารสฺส ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตสฺส อสฺสมณสฺส สมณปฏิฺสฺส อพฺรหฺมจาริสฺส พฺรหฺมจาริปฏิฺสฺส อนฺโตปูติกสฺส อวสฺสุตสฺส กสมฺพุชาตสฺส ยํ อมุํ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ…เป… อุปนิปชฺเชยฺย วา. ตํ กิสฺส เหตุ? ตโตนิทานํ หิ โส, ภิกฺขเว, มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ, น ตฺเวว ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๗.๗๒).

เอวํ อคฺคิกฺขนฺธุปมาย อิตฺถิปฏิพทฺธปฺจกามคุณปริโภคปจฺจยํ ทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา เอเตเนว อุปาเยน –

‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส ทฬฺหาย วาฬรชฺชุยา อุโภ ชงฺฆา เวเตฺวา ฆํเสยฺย, สา ฉวึ ฉินฺเทยฺย, ฉวึ เฉตฺวา จมฺมํ ฉินฺเทยฺย, จมฺมํ เฉตฺวา มํสํ ฉินฺเทยฺย, มํสํ เฉตฺวา นฺหารุํ ฉินฺเทยฺย, นฺหารุํ เฉตฺวา อฏฺึ ฉินฺเทยฺย, อฏฺึ เฉตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺเยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อภิวาทนํ สาทิเยยฺยา’’ติ จ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส ติณฺหาย สตฺติยา เตลโธตาย ปจฺโจรสฺมึ ปหเรยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา อฺชลิกมฺมํ สาทิเยยฺยา’’ติ จ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส ตตฺเตน อโยปฏฺเฏน อาทิตฺเตน สมฺปชฺชลิเตน สโชติภูเตน กายํ สมฺปลิเวเยฺย, ยํ วา ขตฺติยมหาสาลานํ วา พฺราหฺมณมหาสาลานํ วา คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ จีวรํ ปริภุฺเชยฺยา’’ติ จ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส ตตฺเตน อโยสงฺกุนา อาทิตฺเตน สมฺปชฺชลิเตน สโชติภูเตน มุขํ วิวริตฺวา ตตฺตํ โลหคุฬํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ มุเข ปกฺขิเปยฺย, ตํ ตสฺส โอฏฺมฺปิ ฑเหยฺย, มุขมฺปิ, ชิวฺหมฺปิ, กณฺมฺปิ, อุทรมฺปิ ฑเหยฺย, อนฺตมฺปิ อนฺตคุณมฺปิ อาทาย อโธภาคํ นิกฺขเมยฺย, ยํ วา ขตฺติย… พฺราหฺมณ… คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺเชยฺยา’’ติ จ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส สีเส วา คเหตฺวา ขนฺเธ วา คเหตฺวา ตตฺตํ อโยมฺจํ วา อโยปีํ วา อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อภินิสีทาเปยฺย วา อภินิปชฺชาเปยฺย วา, ยํ วา ขตฺติย… พฺราหฺมณ… คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ มฺจปีํ ปริภุฺเชยฺยา’’ติ จ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข วรํ ยํ พลวา ปุริโส อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา ตตฺตาย อโยกุมฺภิยา ปกฺขิเปยฺย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย, โส ตตฺถ เผณุทฺเทหกํ ปจฺจมาโน สกิมฺปิ อุทฺธํ คจฺเฉยฺย, สกิมฺปิ อโธ คจฺเฉยฺย, สกิมฺปิ ติริยํ คจฺเฉยฺย, ยํ วา ขตฺติย… พฺราหฺมณ… คหปติมหาสาลานํ วา สทฺธาเทยฺยํ วิหารํ ปริภุฺเชยฺยา’’ติ จาติ (อ. นิ. ๗.๗๒).

อิมาหิ วาฬรชฺชุติณฺหสตฺติอโยปฏฺฏอโยคุฬอโยมฺจอโยปีอโยกุมฺภีอุปมาหิ อภิวาทนอฺชลิกมฺมจีวรปิณฺฑปาตมฺจปีวิหารปริโภคปจฺจยํ ทุกฺขํ ทสฺเสสิ. ตสฺมา –

อคฺคิกฺขนฺธาลิงฺคนทุกฺขาธิกทุกฺขกฏุกผลํ;

อวิชหโต กามสุขํ, สุขํ กุโต ภินฺนสีลสฺส.

อภิวาทนสาทิยเน, กึ นาม สุขํ วิปนฺนสีลสฺส;

ทฬฺหวาฬรชฺชุฆํสนทุกฺขาธิกทุกฺขภาคิสฺส.

สทฺธานมฺชลิกมฺมสาทิยเน กึ สุขํ อสีลสฺส;

สตฺติปฺปหารทุกฺขาธิมตฺตทุกฺขสฺส ยํเหตุ.

จีวรปริโภคสุขํ, กึ นาม อสํยตสฺส;

เยน จิรํ อนุภวิตพฺโพ, นิรเย ชลิตอโยปฏฺฏสมฺผสฺโส.

มธุโรปิ ปิณฺฑปาโต, หลาหลวิสูปโม อสีลสฺส;

อาทิตฺตา คิลิตพฺพา, อโยคุฬา เยน จิรรตฺตํ.

สุขสมฺมโตปิ ทุกฺโข, อสีลิโน มฺจปีปริโภโค;

ยํ พาธิสฺสนฺติ จิรํ, ชลิตอโยมฺจปีานิ.

ทุสฺสีลสฺส วิหาเร, สทฺธาเทยฺยมฺหิ กา นิวาส รติ;

ชลิเตสุ นิวสิตพฺพํ, เยน อโยกุมฺภิมชฺเฌสุ.

สงฺกสรสมาจาโร, กสมฺพุชาโต อวสฺสุโต ปาโป;

อนฺโตปูตีติ จ ยํ, นินฺทนฺโต อาห โลกครุ.

ธี ชีวิตํ อสฺตสฺส, ตสฺส สมณชนเวสธาริสฺส;

อสฺสมณสฺส อุปหตํ, ขตมตฺตานํ วหนฺตสฺส.

คูถํ วิย กุณปํ วิย, มณฺฑนกามา วิวชฺชยนฺตีธ;

ยํ นาม สีลวนฺโต, สนฺโต กึ ชีวิตํ ตสฺส.

สพฺพภเยหิ อมุตฺโต, มุตฺโต สพฺเพหิ อธิคมสุเขหิ;

สุปิหิตสคฺคทฺวาโร, อปายมคฺคํ สมารูฬฺโห.

กรุณาย วตฺถุภูโต, การุณิกชนสฺส นาม โก อฺโ;

ทุสฺสีลสโม ทุสฺสี, ลตาย อิติ พหุวิธา โทสาติ.

เอวมาทินา ปจฺจเวกฺขเณน สีลวิปตฺติยํ อาทีนวทสฺสนํ วุตฺตปฺปการวิปรีตโต สีลสมฺปตฺติยา อานิสํสทสฺสนฺจ เวทิตพฺพํ. อปิจ –

ตสฺส ปาสาทิกํ โหติ, ปตฺตจีวรธารณํ;

ปพฺพชฺชา สผลา ตสฺส, ยสฺส สีลํ สุนิมฺมลํ.

อตฺตานุวาทาทิภยํ, สุทฺธสีลสฺส ภิกฺขุโน;

อนฺธการํ วิย รวึ, หทยํ นาวคาหติ.

สีลสมฺปตฺติยา ภิกฺขุ, โสภมาโน ตโปวเน;

ปภาสมฺปตฺติยา จนฺโท, คคเน วิย โสภติ.

กายคนฺโธปิ ปาโมชฺชํ, สีลวนฺตสฺส ภิกฺขุโน;

กโรติ อปิ เทวานํ, สีลคนฺเธ กถาว กา.

สพฺเพสํ คนฺธชาตานํ, สมฺปตฺตึ อภิภุยฺยติ;

อวิฆาตี ทิสา สพฺพา, สีลคนฺโธ ปวายติ.

อปฺปกาปิ กตา การา, สีลวนฺเต มหปฺผลา;

โหนฺตีติ สีลวา โหติ, ปูชาสกฺการภาชนํ.

สีลวนฺตํ น พาธนฺติ, อาสวา ทิฏฺธมฺมิกา;

สมฺปรายิกทุกฺขานํ, มูลํ ขนติ สีลวา.

ยา มนุสฺเสสุ สมฺปตฺติ, ยา จ เทเวสุ สมฺปทา;

น สา สมฺปนฺนสีลสฺส, อิจฺฉโต โหติ ทุลฺลภา.

อจฺจนฺตสนฺตา ปน ยา, อยํ นิพฺพานสมฺปทา;

มโน สมฺปนฺนสีลสฺส, ตเมว อนุธาวติ.

สพฺพสมฺปตฺติมูลมฺหิ, สีลมฺหิ อิติ ปณฺฑิโต;

อเนกาการโวการํ, อานิสํสํ วิภาวเยติ.

เอวฺหิ วิภาวยโต สีลวิปตฺติโต อุพฺพิชฺชิตฺวา สีลสมฺปตฺตินินฺนํ มานสํ โหติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตํ อิมํ สีลวิปตฺติยา อาทีนวํ อิมฺจ สีลสมฺปตฺติยา อานิสํสํ ทิสฺวา สพฺพาทเรน สีลํ โวทาเปตพฺพนฺติ.

เอตฺตาวตา จ ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ’’ติ อิมิสฺสา คาถาย สีลสมาธิปฺามุเขน เทสิเต วิสุทฺธิมคฺเค สีลํ ตาว ปริทีปิตํ โหติ.

อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค

สีลนิทฺเทโส นาม ปโม ปริจฺเฉโท.

๒. ธุตงฺคนิทฺเทโส

๒๒. อิทานิ เยหิ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาทีหิ คุเณหิ วุตฺตปฺปการสฺส สีลสฺส โวทานํ โหติ, เต คุเณ สมฺปาเทตุํ ยสฺมา สมาทินฺนสีเลน โยคินา ธุตงฺคสมาทานํ กาตพฺพํ. เอวฺหิสฺส อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาสลฺเลขปวิเวกาปจยวีริยารมฺภสุภรตาทิคุณสลิลวิกฺขาลิตมลํ สีลฺเจว สุปริสุทฺธํ ภวิสฺสติ, วตานิ จ สมฺปชฺชิสฺสนฺติ. อิติ อนวชฺชสีลพฺพตคุณปริสุทฺธสพฺพสมาจาโร โปราเณ อริยวํสตฺตเย ปติฏฺาย จตุตฺถสฺส ภาวนารามตาสงฺขาตสฺส อริยวํสสฺส อธิคมารโห ภวิสฺสติ. ตสฺมา ธุตงฺคกถํ อารภิสฺสาม.

ภควตา หิ ปริจฺจตฺตโลกามิสานํ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขานํ อนุโลมปฏิปทํเยว อาราเธตุกามานํ กุลปุตฺตานํ เตรสธุตงฺคานิ อนุฺาตานิ. เสยฺยถิทํ – ปํสุกูลิกงฺคํ, เตจีวริกงฺคํ, ปิณฺฑปาติกงฺคํ, สปทานจาริกงฺคํ, เอกาสนิกงฺคํ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ, อารฺิกงฺคํ, รุกฺขมูลิกงฺคํ, อพฺโภกาสิกงฺคํ, โสสานิกงฺคํ, ยถาสนฺถติกงฺคํ, เนสชฺชิกงฺคนฺติ. ตตฺถ –

อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ, สมาทานวิธานโต;

ปเภทโต เภทโต จ, ตสฺส ตสฺสานิสํสโต.

กุสลตฺติกโต เจว, ธุตาทีนํ วิภาคโต;

สมาสพฺยาสโต จาปิ, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

๒๓. ตตฺถ อตฺถโตติ ตาว รถิกสุสานสงฺการกูฏาทีนํ ยตฺถ กตฺถจิ ปํสูนํ อุปริ ิตตฺตา อพฺภุคฺคตฏฺเน เตสุ เตสุ ปํสุกูลมิวาติ ปํสุกูลํ, อถ วา ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาวํ อุลตีติ ปํสุกูลํ, กุจฺฉิตภาวํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ลทฺธนิพฺพจนสฺส ปํสุกูลสฺส ธารณํ ปํสุกูลํ, ตํ สีลมสฺสาติ ปํสุกูลิโก. ปํสุกูลิกสฺส องฺคํ ปํสุกูลิกงฺคํ. องฺคนฺติ การณํ วุจฺจติ. ตสฺมา เยน สมาทาเนน โส ปํสุกูลิโก โหติ, ตสฺเสตํ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ.

เอเตเนว นเยน สงฺฆาฏิอุตฺตราสงฺคอนฺตรวาสกสงฺขาตํ ติจีวรํ สีลมสฺสาติ เตจีวริโก. เตจีวริกสฺส องฺคํ เตจีวริกงฺคํ.

ภิกฺขาสงฺขาตานํ ปน อามิสปิณฺฑานํ ปาโตติ ปิณฺฑปาโต, ปเรหิ ทินฺนานํ ปิณฺฑานํ ปตฺเต นิปตนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตํ ปิณฺฑปาตํ อุฺฉติ ตํ ตํ กุลํ อุปสงฺกมนฺโต คเวสตีติ ปิณฺฑปาติโก. ปิณฺฑาย วา ปติตุํ วตเมตสฺสาติ ปิณฺฑปาตี, ปติตุนฺติ จริตุํ, ปิณฺฑปาตี เอว ปิณฺฑปาติโก. ปิณฺฑปาติกสฺส องฺคํ ปิณฺฑปาติกงฺคํ.

ทานํ วุจฺจติ อวขณฺฑนํ, อเปตํ ทานโตติ อปทานํ, อนวขณฺฑนนฺติ อตฺโถ. สห อปทาเนน สปทานํ, อวขณฺฑนรหิตํ อนุฆรนฺติ วุตฺตํ โหติ. สปทานํ จริตุํ อิทมสฺส สีลนฺติ สปทานจารี, สปทานจารี เอว สปทานจาริโก. ตสฺส องฺคํ สปทานจาริกงฺคํ.

เอกาสเน โภชนํ เอกาสนํ, ตํ สีลมสฺสาติ เอกาสนิโก. ตสฺส องฺคํ เอกาสนิกงฺคํ.

ทุติยภาชนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา เกวลํ เอกสฺมึเยว ปตฺเต ปิณฺโฑ ปตฺตปิณฺโฑ. อิทานิ ปตฺตปิณฺฑคหเณ ปตฺตปิณฺฑสฺํ กตฺวา ปตฺตปิณฺโฑ สีลมสฺสาติ ปตฺตปิณฺฑิโก. ตสฺส องฺคํ ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ.

ขลูติ ปฏิเสธนตฺเถ นิปาโต. ปวาริเตน สตา ปจฺฉา ลทฺธํ ภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตํ นาม, ตสฺส ปจฺฉาภตฺตสฺส โภชนํ ปจฺฉาภตฺตโภชนํ, ตสฺมึ ปจฺฉาภตฺตโภชเน ปจฺฉาภตฺตสฺํ กตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สีลมสฺสาติ ปจฺฉาภตฺติโก. น ปจฺฉาภตฺติโก ขลุปจฺฉาภตฺติโก. สมาทานวเสน ปฏิกฺขิตฺตาติริตฺตโภชนสฺเสตํ นามํ. อฏฺกถายํ ปน วุตฺตํ ขลูติ เอโก สกุโณ. โส มุเขน ผลํ คเหตฺวา ตสฺมึ ปติเต ปุน อฺํ น ขาทติ. ตาทิโส อยนฺติ ขลุปจฺฉาภตฺติโก. ตสฺส องฺคํ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ.

อรฺเ นิวาโส สีลมสฺสาติ อารฺิโก. ตสฺส องฺคํ อารฺิกงฺคํ.

รุกฺขมูเล นิวาโส รุกฺขมูลํ, ตํ สีลมสฺสาติ รุกฺขมูลิโก. รุกฺขมูลิกสฺส องฺคํ รุกฺขมูลิกงฺคํ. อพฺโภกาสิกโสสานิกงฺเคสุปิ เอเสว นโย.

ยเทว สนฺถตํ ยถาสนฺถตํ, อิทํ ตุยฺหํ ปาปุณาตีติ เอวํ ปมํ อุทฺทิฏฺเสนาสนสฺเสตํ อธิวจนํ. ตสฺมึ ยถาสนฺถเต วิหริตุํ สีลมสฺสาติ ยถาสนฺถติโก. ตสฺส องฺคํ ยถาสนฺถติกงฺคํ.

สยนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา นิสชฺชาย วิหริตุํ สีลมสฺสาติ เนสชฺชิโก. ตสฺส องฺคํ เนสชฺชิกงฺคํ.

สพฺพาเนว ปเนตานิ เตน เตน สมาทาเนน ธุตกิเลสตฺตา ธุตสฺส ภิกฺขุโน องฺคานิ, กิเลสธุนนโต วา ธุตนฺติ ลทฺธโวหารํ าณํ องฺคํ เอเตสนฺติ ธุตงฺคานิ. อถ วา ธุตานิ จ ตานิ ปฏิปกฺขนิทฺธุนนโต องฺคานิ จ ปฏิปตฺติยาติปิ ธุตงฺคานิ. เอวํ ตาเวตฺถ อตฺถโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.

สพฺพาเนว ปเนตานิ สมาทานเจตนาลกฺขณานิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โย สมาทิยติ, โส ปุคฺคโล. เยน สมาทิยติ, จิตฺตเจตสิกา เอเต ธมฺมา. ยา สมาทานเจตนา, ตํ ธุตงฺคํ. ยํ ปฏิกฺขิปติ, ตํ วตฺถู’’ติ. สพฺพาเนว จ โลลุปฺปวิทฺธํสนรสานิ, นิลฺโลลุปฺปภาวปจฺจุปฏฺานานิ อปฺปิจฺฉตาทิอริยธมฺมปทฏฺานานิ. เอวเมตฺถ ลกฺขณาทีหิ เวทิตพฺโพ วินิจฺฉโย.

สมาทานวิธานโตติอาทีสุ ปน ปฺจสุ สพฺพาเนว ธุตงฺคานิ ธรมาเน ภควติ ภควโตว สนฺติเก สมาทาตพฺพานิ. ปรินิพฺพุเต มหาสาวกสฺส สนฺติเก. ตสฺมึ อสติ ขีณาสวสฺส, อนาคามิสฺส, สกทาคามิสฺส, โสตาปนฺนสฺส, ติปิฏกสฺส, ทฺวิปิฏกสฺส, เอกปิฏกสฺส, เอกสงฺคีติกสฺส, อฏฺกถาจริยสฺส. ตสฺมึ อสติ ธุตงฺคธรสฺส, ตสฺมิมฺปิ อสติ เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก วทนฺเตน วิย สมาทาตพฺพานิ, อปิจ สยมฺปิ สมาทาตุํ วฏฺฏติ เอว. เอตฺถ จ เจติยปพฺพเต ทฺเว ภาติกตฺเถรานํ เชฏฺกภาตุ ธุตงฺคปฺปิจฺฉตาย วตฺถุ กเถตพฺพํ. อยํ ตาว สาธารณกถา.

๑. ปํสุกูลิกงฺคกถา

๒๔. อิทานิ เอเกกสฺส สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํเส วณฺณยิสฺสาม. ปํสุกูลิกงฺคํ ตาว ‘‘คหปติทานจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, ปํสุกูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสุ ทฺวีสุ วจเนสุ อฺตเรน สมาทินฺนํ โหติ. อิทํ ตาเวตฺถ สมาทานํ.

เอวํ สมาทินฺนธุตงฺเคน ปน เตน โสสานิกํ, ปาปณิกํ, รถิยโจฬํ, สงฺการโจฬํ, โสตฺถิยํ, นฺหานโจฬํ, ติตฺถโจฬํ, คตปจฺจาคตํ, อคฺคิฑฑฺฒํ, โคขายิตํ, อุปจิกาขายิตํ, อุนฺทูรขายิตํ, อนฺตจฺฉินฺนํ, ทสาจฺฉินฺนํ, ธชาหฏํ, ถูปจีวรํ, สมณจีวรํ, อาภิเสกิกํ, อิทฺธิมยํ, ปนฺถิกํ, วาตาหฏํ, เทวทตฺติยํ, สามุทฺทิยนฺติเอเตสุ อฺตรํ จีวรํ คเหตฺวา ผาเลตฺวา ทุพฺพลฏฺานํ ปหาย ถิรฏฺานานิ โธวิตฺวา จีวรํ กตฺวา โปราณํ คหปติจีวรํ อปเนตฺวา ปริภุฺชิตพฺพํ.

ตตฺถ โสสานิกนฺติ สุสาเน ปติตกํ. ปาปณิกนฺติ อาปณทฺวาเร ปติตกํ. รถิยโจฬนฺติ ปุฺตฺถิเกหิ วาตปานนฺตเรน รถิกาย ฉฑฺฑิตโจฬกํ. สงฺการโจฬนฺติ สงฺการฏฺาเน ฉฑฺฑิตโจฬกํ. โสตฺถิยนฺติ คพฺภมลํ ปุฺฉิตฺวา ฉฑฺฑิตวตฺถํ. ติสฺสามจฺจมาตา กิร สตคฺฆนเกน วตฺเถน คพฺภมลํ ปุฺฉาเปตฺวา ปํสุกูลิกา คณฺหิสฺสนฺตีติ ตาลเวฬิมคฺเค ฉฑฺฑาเปสิ. ภิกฺขู ชิณฺณกฏฺานตฺถเมว คณฺหนฺติ. นฺหานโจฬนฺติ ยํ ภูตเวชฺเชหิ สสีสํ นฺหาปิตา กาฬกณฺณิโจฬนฺติ ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ.

ติตฺถโจฬนฺติ นฺหานติตฺเถ ฉฑฺฑิตปิโลติกา. คตปจฺจาคตนฺติ ยํ มนุสฺสา สุสานํ คนฺตฺวา ปจฺจาคตา นฺหตฺวา ฉฑฺเฑนฺติ. อคฺคิฑฑฺฒนฺติ อคฺคินา ฑฑฺฒปฺปเทสํ. ตฺหิ มนุสฺสา ฉฑฺเฑนฺติ. โคขายิตาทีนิ ปากฏาเนว. ตาทิสานิปิ หิ มนุสฺสา ฉฑฺเฑนฺติ. ธชาหฏนฺติ นาวํ อาโรหนฺตา ธชํ พนฺธิตฺวา อารูหนฺติ. ตํ เตสํ ทสฺสนาติกฺกเม คเหตุํ วฏฺฏติ. ยมฺปิ ยุทฺธภูมิยํ ธชํ พนฺธิตฺวา ปิตํ, ตํ ทฺวินฺนมฺปิ เสนานํ คตกาเล คเหตุํ วฏฺฏติ.

ถูปจีวรนฺติ วมฺมิกํ ปริกฺขิปิตฺวา พลิกมฺมํ กตํ. สมณจีวรนฺติ ภิกฺขุสนฺตกํ. อาภิเสกิกนฺติ รฺโ อภิเสกฏฺาเน ฉฑฺฑิตจีวรํ. อิทฺธิมยนฺติ เอหิภิกฺขุจีวรํ. ปนฺถิกนฺติ อนฺตรามคฺเค ปติตกํ. ยํ ปน สามิกานํ สติสมฺโมเสน ปติตํ, ตํ โถกํ รกฺขิตฺวา คเหตพฺพํ. วาตาหฏนฺติ วาเตน ปหริตฺวา ทูเร ปาติตํ, ตํ ปน สามิเก อปสฺสนฺเตน คเหตุํ วฏฺฏติ. เทวทตฺติยนฺติ อนุรุทฺธตฺเถรสฺส วิย เทวตาหิ ทินฺนกํ. สามุทฺทิยนฺติ สมุทฺทวีจีหิ ถเล อุสฺสาริตํ.

ยํ ปน สงฺฆสฺส เทมาติ ทินฺนํ, โจฬกภิกฺขาย วา จรมาเนหิ ลทฺธํ, น ตํ ปํสุกูลํ. ภิกฺขุทตฺติเยปิ ยํ วสฺสคฺเคน คาเหตฺวา วา ทียติ, เสนาสนจีวรํ วา โหติ, น ตํ ปํสุกูลํ. โน คาหาเปตฺวา ทินฺนเมว ปํสุกูลํ. ตตฺรปิ ยํ ทายเกหิ ภิกฺขุสฺส ปาทมูเล นิกฺขิตฺตํ, เตน ปน ภิกฺขุนา ปํสุกูลิกสฺส หตฺเถ เปตฺวา ทินฺนํ, ตํ เอกโตสุทฺธิกํ นาม. ยํ ภิกฺขุโน หตฺเถ เปตฺวา ทินฺนํ, เตน ปน ปาทมูเล ปิตํ, ตมฺปิ เอกโตสุทฺธิกํ. ยํ ภิกฺขุโนปิ ปาทมูเล ปิตํ, เตนาปิ ตเถว ทินฺนํ, ตํ อุภโตสุทฺธิกํ. ยํ หตฺเถ เปตฺวา ลทฺธํ, หตฺเถเยว ปิตํ, ตํ อนุกฺกฏฺจีวรํ นาม. อิติ อิมํ ปํสุกูลเภทํ ตฺวา ปํสุกูลิเกน จีวรํ ปริภุฺชิตพฺพนฺติ อิทเมตฺถ วิธานํ.

อยํ ปน ปเภโท, ตโย ปํสุกูลิกา อุกฺกฏฺโ มชฺฌิโม มุทูติ. ตตฺถ โสสานิกํเยว คณฺหนฺโต อุกฺกฏฺโ โหติ. ปพฺพชิตา คณฺหิสฺสนฺตีติ ปิตกํ คณฺหนฺโต มชฺฌิโม. ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนกํ คณฺหนฺโต มุทูติ.

เตสุ ยสฺส กสฺสจิ อตฺตโน รุจิยา คิหิทินฺนกํ สาทิตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, ‘‘ปํสุกูลจีวรํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วจนโต นิสฺสยานุรูปปฏิปตฺติสพฺภาโว, ปเม อริยวํเส ปติฏฺานํ, อารกฺขทุกฺขาภาโว, อปรายตฺตวุตฺติตา, โจรภเยน อภยตา, ปริโภคตณฺหาย อภาโว, สมณสารุปฺปปริกฺขารตา, ‘‘อปฺปานิ เจว สุลภานิ จ ตานิ จ อนวชฺชานี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๗; อิติวุ. ๑๐๑) ภควตา สํวณฺณิตปจฺจยตา, ปาสาทิกตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ ผลนิปฺผตฺติ, สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุพฺรูหนํ, ปจฺฉิมาย ชนตาย ทิฏฺานุคติอาปาทนนฺติ.

มารเสนวิฆาตาย, ปํสุกูลธโร ยติ;

สนฺนทฺธกวโจ ยุทฺเธ, ขตฺติโย วิย โสภติ.

ปหาย กาสิกาทีนิ, วรวตฺถานิ ธาริตํ;

ยํ โลกครุนา โก ตํ, ปํสุกูลํ น ธารเย.

ตสฺมา หิ อตฺตโน ภิกฺขุ, ปฏิฺํ สมนุสฺสรํ;

โยคาจารานุกูลมฺหิ, ปํสุกูเล รโต สิยาติ.

อยํ ตาว ปํสุกูลิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๒. เตจีวริกงฺคกถา

๒๕. ตทนนฺตรํ ปน เตจีวริกงฺคํ ‘‘จตุตฺถกจีวรํ ปฏิกฺขิปามิ, เตจีวริกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน เตจีวริเกน จีวรทุสฺสํ ลภิตฺวา ยาว อผาสุกภาเวน กาตุํ วา น สกฺโกติ, วิจารกํ วา น ลภติ, สูจิอาทีสุ วาสฺส กิฺจิ น สมฺปชฺชติ, ตาว นิกฺขิปิตพฺพํ. นิกฺขิตฺตปจฺจยา โทโส นตฺถิ. รชิตกาลโต ปน ปฏฺาย นิกฺขิปิตุํ น วฏฺฏติ, ธุตงฺคโจโร นาม โหติ. อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺเน รชนกาเล ปมํ อนฺตรวาสกํ วา อุตฺตราสงฺคํ วา รชิตฺวา ตํ นิวาเสตฺวา อิตรํ รชิตพฺพํ. ตํ ปารุปิตฺวา สงฺฆาฏิ รชิตพฺพา. สงฺฆาฏึ ปน นิวาเสตุํ น วฏฺฏติ. อิทมสฺส คามนฺตเสนาสเน วตฺตํ. อารฺเก ปน ทฺเว เอกโต โธวิตฺวา รชิตุํ วฏฺฏติ. ยถา ปน กฺจิ ทิสฺวา สกฺโกติ กาสาวํ อากฑฺฒิตฺวา อุปริกาตุํ, เอวํ อาสนฺเน าเน นิสีทิตพฺพํ. มชฺฌิมสฺส รชนสาลายํ รชนกาสาวํ นาม โหติ, ตํ นิวาเสตฺวา วา ปารุปิตฺวา วา รชนกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. มุทุกสฺส สภาคภิกฺขูนํ จีวรานิ นิวาเสตฺวา วา ปารุปิตฺวา วา รชนกมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. ตตฺรฏฺกปจฺจตฺถรณมฺปิ ตสฺส วฏฺฏติ. ปริหริตุํ ปน น วฏฺฏติ. สภาคภิกฺขูนํ จีวรมฺปิ อนฺตรนฺตรา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ธุตงฺคเตจีวริกสฺส ปน จตุตฺถํ วตฺตมานํ อํสกาสาวเมว วฏฺฏติ. ตฺจ โข วิตฺถารโต วิทตฺถิ, ทีฆโต ติหตฺถเมว วฏฺฏติ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ จตุตฺถกจีวรํ สาทิตกฺขเณเยว ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, เตจีวริโก ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน. เตนสฺส ปกฺขิโน วิย สมาทาเยว คมนํ, อปฺปสมารมฺภตา, วตฺถสนฺนิธิปริวชฺชนํ, สลฺลหุกวุตฺติตา, อติเรกจีวรโลลุปฺปปฺปหานํ, กปฺปิเย มตฺตการิตาย สลฺเลขวุตฺติตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ ผลนิปฺผตฺตีติ เอวมาทโย คุณา สมฺปชฺชนฺตีติ.

อติเรกวตฺถตณฺหํ, ปหาย สนฺนิธิวิวชฺชิโต ธีโร;

สนฺโตสสุขรสฺู, ติจีวรธโร ภวติ โยคี.

ตสฺมา สปตฺตจรโณ, ปกฺขีว สจีวโรว โยคิวโร;

สุขมนุวิจริตุกาโม, จีวรนิยเม รตึ กยิราติ.

อยํ เตจีวริกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๓. ปิณฺฑปาติกงฺคกถา

๒๖. ปิณฺฑปาติกงฺคมฺปิ ‘‘อติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปามิ, ปิณฺฑปาติกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน ปิณฺฑปาติเกน ‘‘สงฺฆภตฺตํ, อุทฺเทสภตฺตํ, นิมนฺตนภตฺตํ, สลากภตฺตํ, ปกฺขิกํ, อุโปสถิกํ, ปาฏิปทิกํ, อาคนฺตุกภตฺตํ, คมิกภตฺตํ, คิลานภตฺตํ, คิลานุปฏฺากภตฺตํ, วิหารภตฺตํ, ธุรภตฺตํ, วารกภตฺต’’นฺติ เอตานิ จุทฺทส ภตฺตานิ น สาทิตพฺพานิ. สเจ ปน ‘‘สงฺฆภตฺตํ คณฺหถา’’ติอาทินา นเยน อวตฺวา ‘‘อมฺหากํ เคเห สงฺโฆ ภิกฺขํ คณฺหาตุ, ตุมฺเหปิ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา ทินฺนานิ โหนฺติ, ตานิ สาทิตุํ วฏฺฏนฺติ. สงฺฆโต นิรามิสสลากาปิ วิหาเร ปกฺกภตฺตมฺปิ วฏฺฏติเยวาติ อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ อาหฏภิกฺขํ คณฺหติ, ปตฺตทฺวาเร ตฺวา ปตฺตํ คณฺหนฺตานมฺปิ เทติ, ปฏิกฺกมนํ อาหริตฺวา ทินฺนภิกฺขมฺปิ คณฺหติ, ตํ ทิวสํ ปน นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ น คณฺหติ. มชฺฌิโม ตํ ทิวสํ นิสีทิตฺวาปิ คณฺหติ, สฺวาตนาย ปน นาธิวาเสติ. มุทุโกสฺวาตนายปิ ปุนทิวสายปิ ภิกฺขํ อธิวาเสติ. เต อุโภปิ เสริวิหารสุขํ น ลภนฺติ, อุกฺกฏฺโว ลภติ. เอกสฺมึ กิร คาเม อริยวํโส โหติ, อุกฺกฏฺโ อิตเร อาห – ‘‘อายามาวุโส, ธมฺมสวนายา’’ติ. เตสุ เอโก เอเกนมฺหิ, ภนฺเต, มนุสฺเสน นิสีทาปิโตติ อาห. อปโร มยา, ภนฺเต, สฺวาตนาย เอกสฺส ภิกฺขา อธิวาสิตาติ. เอวํ เต อุโภ ปริหีนา. อิตโร ปาโตว ปิณฺฑาย จริตฺวา คนฺตฺวา ธมฺมรสํ ปฏิสํเวเทสิ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ สงฺฆภตฺตาทิอติเรกลาภํ สาทิตกฺขเณว ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๗; อิติวุ. ๑๐๑) วจนโต นิสฺสยานุรูปปฏิปตฺติสพฺภาโว, ทุติเย อริยวํเส ปติฏฺานํ, อปรายตฺตวุตฺติตา, ‘‘อปฺปานิ เจว สุลภานิ จ ตานิ จ อนวชฺชานี’’ติ ภควตา สํวณฺณิตปจฺจยตา, โกสชฺชนิมฺมทฺทนตา, ปริสุทฺธาชีวตา, เสขิยปฏิปตฺติปูรณํ, อปรโปสิตา, ปรานุคฺคหกิริยา, มานปฺปหานํ, รสตณฺหานิวารณํ, คณโภชนปรมฺปรโภชนจาริตฺตสิกฺขาปเทหิ อนาปตฺติตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตา, สมฺมาปฏิปตฺติพฺรูหนํ, ปจฺฉิมชนตานุกมฺปนนฺติ.

ปิณฺฑิยาโลปสนฺตุฏฺโ, อปรายตฺตชีวิโก;

ปหีนาหารโลลุปฺโป, โหติ จาตุทฺทิโส ยติ.

วิโนทยติ โกสชฺชํ, อาชีวสฺส วิสุชฺฌติ;

ตสฺมา หิ นาติมฺเยฺย, ภิกฺขาจริยาย สุเมธโส.

เอวรูปสฺส หิ –

‘‘ปิณฺฑปาติกสฺส ภิกฺขุโน,

อตฺตภรสฺส อนฺโปสิโน;

เทวาปิ ปิหยนฺติ ตาทิโน,

โน เจ ลาภสิโลกนิสฺสิโต’’ติ.

อยํ ปิณฺฑปาติกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๔. สปทานจาริกงฺคกถา

๒๗. สปทานจาริกงฺคมฺปิ ‘‘โลลุปฺปจารํ ปฏิกฺขิปามิ, สปทานจาริกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน สปทานจาริเกน คามทฺวาเร ตฺวา ปริสฺสยาภาโว สลฺลกฺเขตพฺโพ. ยสฺสา รจฺฉาย วา คาเม วา ปริสฺสโย โหติ, ตํ ปหาย อฺตฺถ จริตุํ วฏฺฏติ. ยสฺมึ ฆรทฺวาเร วา รจฺฉาย วา คาเม วา กิฺจิ น ลภติ, อคามสฺํ กตฺวา คนฺตพฺพํ. ยตฺถ กิฺจิ ลภติ, ตํ ปหาย คนฺตุํ น วฏฺฏติ. อิมินา จ ภิกฺขุนา กาลตรํ ปวิสิตพฺพํ, เอวฺหิ อผาสุกฏฺานํ ปหาย อฺตฺถ คนฺตุํ สกฺขิสฺสติ. สเจ ปนสฺส วิหาเร ทานํ เทนฺตา อนฺตรามคฺเค วา อาคจฺฉนฺตา มนุสฺสา ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ วฏฺฏติ. อิมินา จ มคฺคํ คจฺฉนฺเตนาปิ ภิกฺขาจารเวลายํ สมฺปตฺตคามํ อนติกฺกมิตฺวา จริตพฺพเมว. ตตฺถ อลภิตฺวา วา โถกํ ลภิตฺวา วา คามปฏิปาฏิยา จริตพฺพนฺติ อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ ปุรโต อาหฏภิกฺขมฺปิ ปจฺฉโต อาหฏภิกฺขมฺปิ ปฏิกฺกมนํ อาหริตฺวา ทิยฺยมานมฺปิ น คณฺหติ, ปตฺตทฺวาเร ปน ปตฺตํ วิสฺสชฺเชติ. อิมสฺมิฺหิ ธุตงฺเค มหากสฺสปตฺเถเรน สทิโส นาม นตฺถิ. ตสฺสปิ ปตฺตวิสฺสฏฺฏฺานเมว ปฺายติ. มชฺฌิโม ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อาหฏมฺปิ ปฏิกฺกมนํ อาหฏมฺปิ คณฺหติ, ปตฺตทฺวาเรปิ ปตฺตํ วิสฺสชฺเชติ, น ปน ภิกฺขํ อาคมยมาโน นิสีทติ. เอวํ โส อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติกสฺส อนุโลเมติ. มุทุโก ตํ ทิวสํ นิสีทิตฺวา อาคเมติ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ โลลุปฺปจาเร อุปฺปนฺนมตฺเต ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, กุเลสุ นิจฺจนวกตา, จนฺทูปมตา, กุลมจฺเฉรปฺปหานํ, สมานุกมฺปิตา, กุลูปกาทีนวาภาโว, อวฺหานานภินนฺทนา, อภิหาเรน อนตฺถิกตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.

จนฺทูปโม นิจฺจนโว กุเลสุ,

อมจฺฉรี สพฺพสมานุกมฺโป;

กุลูปกาทีนววิปฺปมุตฺโต,

โหตีธ ภิกฺขุ สปทานจารี.

โลลุปฺปจารฺจ ปหาย ตสฺมา,

โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสี;

อากงฺขมาโน ภุวิ เสริจารํ,

จเรยฺย ธีโร สปทานจารนฺติ.

อยํ สปทานจาริกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๕. เอกาสนิกงฺคกถา

๒๘. เอกาสนิกงฺคมฺปิ ‘‘นานาสนโภชนํ ปฏิกฺขิปามิ, เอกาสนิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน เอกาสนิเกน อาสนสาลายํ นิสีทนฺเตน เถราสเน อนิสีทิตฺวา ‘‘อิทํ มยฺหํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ปติรูปํ อาสนํ สลฺลกฺเขตฺวา นิสีทิตพฺพํ. สจสฺส วิปฺปกเต โภชเน อาจริโย วา อุปชฺฌาโย วา อาคจฺฉติ, อุฏฺาย วตฺตํ กาตุํ วฏฺฏติ. ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร ปนาห ‘‘อาสนํ วา รกฺเขยฺย โภชนํ วา, อยฺจ วิปฺปกตโภชโน, ตสฺมา วตฺตํ กโรตุ, โภชนํ ปน มา ภุฺชตู’’ติ. อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ อปฺปํ วา โหตุ พหุ วา, ยมฺหิ โภชเน หตฺถํ โอตาเรติ, ตโต อฺํ คณฺหิตุํ น ลภติ. สเจปิ มนุสฺสา ‘‘เถเรน น กิฺจิ ภุตฺต’’นฺติ สปฺปิอาทีนิ อาหรนฺติ, เภสชฺชตฺถเมว วฏฺฏนฺติ, น อาหารตฺถํ. มชฺฌิโม ยาว ปตฺเต ภตฺตํ น ขียติ, ตาว อฺํ คณฺหิตุํ ลภติ. อยฺหิ โภชนปริยนฺติโก นาม โหติ. มุทุโก ยาว อาสนา น วุฏฺาติ ตาว ภุฺชิตุํ ลภติ. โส หิ อุทกปริยนฺติโก วา โหติ ยาว ปตฺตโธวนํ น คณฺหาติ ตาว ภุฺชนโต, อาสนปริยนฺติโก วา ยาว น วุฏฺาติ ตาว ภุฺชนโต.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ นานาสนโภชนํ ภุตฺตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, อปฺปาพาธตา, อปฺปาตงฺกตา, ลหุฏฺานํ, พลํ, ผาสุวิหาโร, อนติริตฺตปจฺจยา อนาปตฺติ, รสตณฺหาวิโนทนํ อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.

เอกาสนโภชเน รตํ,

น ยตึ โภชนปจฺจยา รุชา;

วิสหนฺติ รเส อโลลุโป,

ปริหาเปติ น กมฺมมตฺตโน.

อิติ ผาสุวิหารการเณ,

สุจิสลฺเลขรตูปเสวิเต;

ชนเยถ วิสุทฺธมานโส,

รติเมกาสนโภชเน ยตีติ.

อยํ เอกาสนิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๖. ปตฺตปิณฺฑิกงฺคกถา

๒๙. ปตฺตปิณฺฑิกงฺคมฺปิ ‘‘ทุติยกภาชนํ ปฏิกฺขิปามิ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน ปตฺตปิณฺฑิเกน ยาคุปานกาเล ภาชเน เปตฺวา พฺยฺชเน ลทฺเธ พฺยฺชนํ วา ปมํ ขาทิตพฺพํ, ยาคุ วา ปาตพฺพา. สเจ ปน ยาคุยํ ปกฺขิปติ, ปูติมจฺฉกาทิมฺหิ พฺยฺชเน ปกฺขิตฺเต ยาคุ ปฏิกูลา โหติ, อปฺปฏิกูลเมว จ กตฺวา ภุฺชิตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมา ตถารูปํ พฺยฺชนํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ. ยํ ปน มธุสกฺกราทิกํ อปฺปฏิกูลํ โหติ, ตํ ปกฺขิปิตพฺพํ. คณฺหนฺเตน จ ปมาณยุตฺตเมว คณฺหิตพฺพํ. อามกสากํ หตฺเถน คเหตฺวา ขาทิตุํ วฏฺฏติ. ตถา ปน อกตฺวา ปตฺเตเยว ปกฺขิปิตพฺพํ. ทุติยกภาชนสฺส ปน ปฏิกฺขิตฺตตฺตา อฺํ รุกฺขปณฺณมฺปิ น วฏฺฏตีติ อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺสฺส อฺตฺร อุจฺฉุขาทนกาลา กจวรมฺปิ ฉฑฺเฑตุํ น วฏฺฏติ. โอทนปิณฺฑมจฺฉมํสปูเวปิ ภินฺทิตฺวา ขาทิตุํ น วฏฺฏติ. มชฺฌิมสฺส เอเกน หตฺเถน ภินฺทิตฺวา ขาทิตุํ วฏฺฏติ, หตฺถโยคี นาเมส. มุทุโก ปน ปตฺตโยคี นาม โหติ, ตสฺส ยํ สกฺกา โหติ ปตฺเต ปกฺขิปิตุํ, ตํ สพฺพํ หตฺเถน วา ทนฺเตหิ วา ภินฺทิตฺวา ขาทิตุํ วฏฺฏติ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ ทุติยกภาชนํ สาทิตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, นานารสตณฺหาวิโนทนํ. อตฺริจฺฉตาย ปหานํ, อาหาเร ปโยชนมตฺตทสฺสิตา, ถาลกาทิปริหรณเขทาภาโว, อวิกฺขิตฺตโภชิตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.

นานาภาชนวิกฺเขปํ, หิตฺวา โอกฺขิตฺตโลจโน;

ขณนฺโต วิย มูลานิ, รสตณฺหาย สุพฺพโต.

สรูปํ วิย สนฺตุฏฺึ, ธารยนฺโต สุมานโส;

ปริภุฺเชยฺย อาหารํ, โก อฺโ ปตฺตปิณฺฑิโกติ.

อยํ ปตฺตปิณฺฑิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๗. ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคกถา

๓๐. ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคมฺปิ ‘‘อติริตฺตโภชนํ ปฏิกฺขิปามิ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน ขลุปจฺฉาภตฺติเกน ปวาเรตฺวา ปุน โภชนํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา น ภุฺชิตพฺพํ. อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ ยสฺมา ปมปิณฺเฑ ปวารณา นาม นตฺถิ, ตสฺมึ ปน อชฺโฌหริยมาเน อฺํ ปฏิกฺขิปโต โหติ, ตสฺมา เอวํ ปวาริโต ปมปิณฺฑํ อชฺโฌหริตฺวา ทุติยปิณฺฑํ น ภุฺชติ. มชฺฌิโม ยสฺมึ โภชเน ปวาริโต, ตเทว ภุฺชติ. มุทุโก ปน ยาว อาสนา น วุฏฺาติ ตาว ภุฺชติ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ ปวาริตานํ กปฺปิยํ การาเปตฺวา ภุตฺตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, อนติริตฺตโภชนาปตฺติยา ทูรภาโว, โอทริกตฺตาภาโว, นิรามิสสนฺนิธิตา, ปุน ปริเยสนาย อภาโว, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.

ปริเยสนาย เขทํ, น ยาติ น กโรติ สนฺนิธึ ธีโร;

โอทริกตฺตํ ปชหติ, ขลุปจฺฉาภตฺติโก โยคี.

ตสฺมา สุคตปสตฺถํ, สนฺโตสคุณาทิวุฑฺฒิสฺชนนํ;

โทเส วิธุนิตุกาโม, ภเชยฺย โยคี ธุตงฺคมิทนฺติ.

อยํ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๘. อารฺิกงฺคกถา

๓๑. อารฺิกงฺคมฺปิ ‘‘คามนฺตเสนาสนํ ปฏิกฺขิปามิ, อารฺิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน อารฺิเกน คามนฺตเสนาสนํ ปหาย อรฺเ อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. ตตฺถ สทฺธึ อุปจาเรน คาโมเยว คามนฺตเสนาสนํ.

คาโม นาม โย โกจิ เอกกุฏิโก วา อเนกกุฏิโก วา ปริกฺขิตฺโต วา อปริกฺขิตฺโต วา สมนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา อนฺตมโส อติเรกจาตุมาสนิวิฏฺโ โย โกจิ สตฺโถปิ.

คามูปจาโร นาม ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส สเจ อนุราธปุรสฺเสว ทฺเว อินฺทขีลา โหนฺติ, อพฺภนฺตริเม อินฺทขีเล ิตสฺส ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส เลฑฺฑุปาโต. ตสฺส ลกฺขณํ ยถา ตรุณมนุสฺสา อตฺตโน พลํ ทสฺเสนฺตา พาหํ ปสาเรตฺวา เลฑฺฑุํ ขิปนฺติ, เอวํ ขิตฺตสฺส เลฑฺฑุสฺส ปตนฏฺานพฺภนฺตรนฺติ วินยธรา. สุตฺตนฺติกา ปน กากนิวารณนิยเมน ขิตฺตสฺสาติ วทนฺติ. อปริกฺขิตฺตคาเม ยํ สพฺพปจฺจนฺติมสฺส ฆรสฺส ทฺวาเร ิโต มาตุคาโม ภาชเนน อุทกํ ฉฑฺเฑติ, ตสฺส ปตนฏฺานํ ฆรูปจาโร. ตโต วุตฺตนเยน เอโก เลฑฺฑุปาโต คาโม, ทุติโย คามูปจาโร.

อรฺํ ปน วินยปริยาเย ตาว ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (ปารา. ๙๒) วุตฺตํ. อภิธมฺมปริยาเย ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา, สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน สุตฺตนฺติกปริยาเย ‘‘อารฺกํ นาม เสนาสนํ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ อิทํ ลกฺขณํ. ตํ อาโรปิเตน อาจริยธนุนา ปริกฺขิตฺตสฺส คามสฺส อินฺทขีลโต อปริกฺขิตฺตสฺส ปมเลฑฺฑุปาตโต ปฏฺาย ยาว วิหารปริกฺเขปา มินิตฺวา ววตฺถเปตพฺพํ.

สเจ ปน วิหาโร อปริกฺขิตฺโต โหติ, ยํ สพฺพปมํ เสนาสนํ วา ภตฺตสาลา วา ธุวสนฺนิปาตฏฺานํ วา โพธิ วา เจติยํ วา ทูเร เจปิ เสนาสนโต โหติ, ตํ ปริจฺเฉทํ กตฺวา มินิตพฺพนฺติ วินยฏฺกถาสุ วุตฺตํ. มชฺฌิมฏฺกถายํ ปน วิหารสฺสปิ คามสฺเสว อุปจารํ นีหริตฺวา อุภินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺตรา มินิตพฺพนฺติ วุตฺตํ. อิทเมตฺถ ปมาณํ.

สเจปิ อาสนฺเน คาโม โหติ, วิหาเร ิเตหิ มานุสกานํ สทฺโท สุยฺยติ, ปพฺพตนทีอาทีหิ ปน อนฺตริตตฺตา น สกฺกา อุชุํ คนฺตุํ. โย ตสฺส ปกติมคฺโค โหติ, สเจปิ นาวาย สฺจริตพฺโพ, เตน มคฺเคน ปฺจธนุสติกํ คเหตพฺพํ. โย ปน อาสนฺนคามสฺส องฺคสมฺปาทนตฺถํ ตโต ตโต มคฺคํ ปิทหติ, อยํ ธุตงฺคโจโร โหติ.

สเจ ปน อารฺิกสฺส ภิกฺขุโน อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา คิลาโน โหติ, เตน อรฺเ สปฺปายํ อลภนฺเตน คามนฺตเสนาสนํ เนตฺวา อุปฏฺาตพฺโพ. กาลสฺเสว ปน นิกฺขมิตฺวา องฺคยุตฺตฏฺาเน อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. สเจ อรุณุฏฺานเวลายํ เตสํ อาพาโธ วฑฺฒติ, เตสํเยว กิจฺจํ กาตพฺพํ. น ธุตงฺคสุทฺธิเกน ภวิตพฺพนฺติ อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺเน สพฺพกาลํ อรฺเ อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพํ. มชฺฌิโม จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส คามนฺเต วสิตุํ ลภติ. มุทุโก เหมนฺติเกปิ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ ยถา ปริจฺฉินฺเน กาเล อรฺโต อาคนฺตฺวา คามนฺตเสนาสเน ธมฺมสฺสวนํ สุณนฺตานํ อรุเณ อุฏฺิเตปิ ธุตงฺคํ น ภิชฺชติ. สุตฺวา คจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค อุฏฺิเตปิ น ภิชฺชติ. สเจ ปน อุฏฺิเตปิ ธมฺมกถิเก มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา คมิสฺสามาติ นิทฺทายนฺตานํ อรุณํ อุฏฺหติ, อตฺตโน วา รุจิยา คามนฺตเสนาสเน อรุณํ อุฏฺเปนฺติ, ธุตงฺคํ ภิชฺชตีติ อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, อารฺิโก ภิกฺขุ อรฺสฺํ มนสิกโรนฺโต ภพฺโพ อลทฺธํ วา สมาธึ ปฏิลทฺธุํ ลทฺธํ วา รกฺขิตุํ, สตฺถาปิสฺส อตฺตมโน โหติ. ยถาห – ‘‘เตนาหํ, นาคิต, ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตมโน โหมิ อรฺวิหาเรนา’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๒; ๘.๘๖). ปนฺตเสนาสนวาสิโน จสฺส อสปฺปายรูปาทโย จิตฺตํ น วิกฺขิปนฺติ, วิคตสนฺตาโส โหติ, ชีวิตนิกนฺตึ ชหติ, ปวิเวกสุขรสํ อสฺสาเทติ, ปํสุกูลิกาทิภาโวปิ จสฺส ปติรูโป โหตีติ.

ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ, ปนฺตเสนาสเน รโต;

อาราธยนฺโต นาถสฺส, วนวาเสน มานสํ.

เอโก อรฺเ นิวสํ, ยํ สุขํ ลภเต ยติ;

รสํ ตสฺส น วินฺทนฺติ, อปิ เทวา สอินฺทกา.

ปํสุกูลฺจ เอโสว, กวจํ วิย ธารยํ;

อรฺสงฺคามคโต, อวเสสธุตายุโธ.

สมตฺโถ นจิรสฺเสว, เชตุํ มารํ สวาหินึ;

ตสฺมา อรฺวาสมฺหิ, รตึ กยิราถ ปณฺฑิโตติ.

อยํ อารฺิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๙. รุกฺขมูลิกงฺคกถา

๓๒. รุกฺขมูลิกงฺคมฺปิ ‘‘ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปามิ, รุกฺขมูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน รุกฺขมูลิเกน สีมนฺตริกรุกฺขํ, เจติยรุกฺขํ, นิยฺยาสรุกฺขํ, ผลรุกฺขํ, วคฺคุลิรุกฺขํ, สุสิรรุกฺขํ, วิหารมชฺเฌ ิตรุกฺขนฺติ อิเม รุกฺเข วิวชฺเชตฺวา วิหารปจฺจนฺเต ิตรุกฺโข คเหตพฺโพติ อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ ยถารุจิตํ รุกฺขํ คเหตฺวา ปฏิชคฺคาเปตุํ น ลภติ. ปาเทน ปณฺณสฏํ อปเนตฺวา วสิตพฺพํ. มชฺฌิโม ตํ านํ สมฺปตฺเตหิเยว ปฏิชคฺคาเปตุํ ลภติ. มุทุเกน อารามิกสมณุทฺเทเส ปกฺโกสิตฺวา โสธาเปตฺวา สมํ การาเปตฺวา วาลุกํ โอกิราเปตฺวา ปาการปริกฺเขปํ การาเปตฺวา ทฺวารํ โยชาเปตฺวา วสิตพฺพํ. มหทิวเส ปน รุกฺขมูลิเกน ตตฺถ อนิสีทิตฺวา อฺตฺถ ปฏิจฺฉนฺเน าเน นิสีทิตพฺพํ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ ฉนฺเน วาสํ กปฺปิตกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. ชานิตฺวา ฉนฺเน อรุณํ อุฏฺาปิตมตฺเตติ องฺคุตฺตรภาณกา. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาติ (มหาว. ๑๒๘) วจนโต นิสฺสยานุรูปปฏิปตฺติสพฺภาโว, อปฺปานิ เจว สุลภานิ จ ตานิ จ อนวชฺชานีติ (อ. นิ. ๔.๒๗; อิติวุ. ๑๐๑) ภควตา สํวณฺณิตปจฺจยตา, อภิณฺหํ ตรุปณฺณวิการทสฺสเนน อนิจฺจสฺาสมุฏฺาปนตา, เสนาสนมจฺเฉรกมฺมารามตานํ อภาโว, เทวตาหิ สหวาสิตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.

วณฺณิโต พุทฺธเสฏฺเน, นิสฺสโยติ จ ภาสิโต;

นิวาโส ปวิวิตฺตสฺส, รุกฺขมูลสโม กุโต.

อาวาสมจฺเฉรหเร, เทวตา ปริปาลิเต;

ปวิวิตฺเต วสนฺโต หิ, รุกฺขมูลมฺหิ สุพฺพโต.

อภิรตฺตานิ นีลานิ, ปณฺฑูนิ ปติตานิ จ;

ปสฺสนฺโต ตรุปณฺณานิ, นิจฺจสฺํ ปนูทติ.

ตสฺมา หิ พุทฺธทายชฺชํ, ภาวนาภิรตาลยํ;

วิวิตฺตํ นาติมฺเยฺย, รุกฺขมูลํ วิจกฺขโณติ.

อยํ รุกฺขมูลิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๑๐. อพฺโภกาสิกงฺคกถา

๓๓. อพฺโภกาสิกงฺคมฺปิ ‘‘ฉนฺนฺจ รุกฺขมูลฺจ ปฏิกฺขิปามิ, อพฺโภกาสิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

ตสฺส ปน อพฺโภกาสิกสฺส ธมฺมสฺสวนาย วา อุโปสถตฺถาย วา อุโปสถาคารํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. สเจ ปวิฏฺสฺส เทโว วสฺสติ, เทเว วสฺสมาเน อนิกฺขมิตฺวา วสฺสูปรเม นิกฺขมิตพฺพํ. โภชนสาลํ วา อคฺคิสาลํ วา ปวิสิตฺวา วตฺตํ กาตุํ, โภชนสาลาย เถเร ภิกฺขู ภตฺเตน อาปุจฺฉิตุํ, อุทฺทิสนฺเตน วา อุทฺทิสาเปนฺเตน วา ฉนฺนํ ปวิสิตุํ, พหิ ทุนฺนิกฺขิตฺตานิ มฺจปีาทีนิ อนฺโต ปเวเสตุฺจ วฏฺฏติ. สเจ มคฺคํ คจฺฉนฺเตน วุฑฺฒตรานํ ปริกฺขาโร คหิโต โหติ, เทเว วสฺสนฺเต มคฺคมชฺเฌ ิตํ สาลํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. สเจ น กิฺจิ คหิตํ โหติ, สาลาย สฺสามีติ เวเคน คนฺตุํ น วฏฺฏติ. ปกติคติยา คนฺตฺวา ปวิฏฺเน ปน ยาว วสฺสูปรมา ตฺวา คนฺตพฺพนฺติ อิทมสฺส วิธานํ. รุกฺขมูลิกสฺสาปิ เอเสว นโย.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺสฺส รุกฺขํ วา ปพฺพตํ วา เคหํ วา อุปนิสฺสาย วสิตุํ น วฏฺฏติ. อพฺโภกาเสเยว จีวรกุฏึ กตฺวา วสิตพฺพํ. มชฺฌิมสฺส รุกฺขปพฺพตเคหานิ อุปนิสฺสาย อนฺโต อปฺปวิสิตฺวา วสิตุํ วฏฺฏติ. มุทุกสฺส อจฺฉนฺนมริยาทํ ปพฺภารมฺปิ สาขามณฺฑโปปิ ปีปโฏปิ เขตฺตรกฺขกาทีหิ ฉฑฺฑิตา ตตฺรฏฺกกุฏิกาปิ วฏฺฏตีติ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ วาสตฺถาย ฉนฺนํ วา รุกฺขมูลํ วา ปวิฏฺกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. ชานิตฺวา ตตฺถ อรุณํ อุฏฺาปิตมตฺเตติ องฺคุตฺตรภาณกา. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, อาวาสปลิโพธุปจฺเฉโท, ถินมิทฺธปนูทนํ, ‘‘มิคา วิย อสงฺคจาริโน, อนิเกตา วิหรนฺติ ภิกฺขโว’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๒๔) ปสํสาย อนุรูปตา, นิสฺสงฺคตา, จาตุทฺทิสตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.

อนคาริยภาวสฺส, อนุรูเป อทุลฺลเภ;

ตารามณิวิตานมฺหิ, จนฺททีปปฺปภาสิเต.

อพฺโภกาเส วสํ ภิกฺขุ, มิคภูเตน เจตสา;

ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา, ภาวนารามตํ สิโต.

ปวิเวกรสสฺสาทํ, นจิรสฺเสว วินฺทติ;

ยสฺมา ตสฺมา หิ สปฺปฺโ, อพฺโภกาสรโต สิยาติ.

อยํ อพฺโภกาสิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๑๑. โสสานิกงฺคกถา

๓๔. โสสานิกงฺคมฺปิ ‘‘น สุสานํ ปฏิกฺขิปามิ, โสสานิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน โสสานิเกน ยํ มนุสฺสา คามํ นิเวสนฺตา ‘‘อิทํ สุสาน’’นฺติ ววตฺถเปนฺติ, น ตตฺถ วสิตพฺพํ. น หิ มตสรีเร อชฺฌาปิเต ตํ สุสานํ นาม โหติ, ฌาปิตกาลโต ปน ปฏฺาย สเจปิ ทฺวาทสวสฺสานิ ฉฑฺฑิตํ, ตํ สุสานเมว.

ตสฺมึ ปน วสนฺเตน จงฺกมมณฺฑปาทีนิ กาเรตฺวา มฺจปีํ ปฺเปตฺวา ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมํ วาเจนฺเตน น วสิตพฺพํ. ครุกํ หิ อิทํ ธุตงฺคํ, ตสฺมา อุปฺปนฺนปริสฺสยวิฆาตตฺถาย สงฺฆตฺเถรํ วา ราชยุตฺตกํ วา ชานาเปตฺวา อปฺปมตฺเตน วสิตพฺพํ. จงฺกมนฺเตน อทฺธกฺขิเกน อาฬาหนํ โอโลเกนฺเตน จงฺกมิตพฺพํ.

สุสานํ คจฺฉนฺเตนาปิ มหาปถา อุกฺกมฺม อุปฺปถมคฺเคน คนฺตพฺพํ. ทิวาเยว อารมฺมณํ ววตฺถเปตพฺพํ. เอวฺหิสฺส ตํ รตฺตึ ภยานกํ น ภวิสฺสติ, อมนุสฺสา รตฺตึ วิรวิตฺวา วิรวิตฺวา อาหิณฺฑนฺตาปิ น เกนจิ ปหริตพฺพา. เอกทิวสมฺปิ สุสานํ อคนฺตุํ น วฏฺฏติ. มชฺฌิมยามํ สุสาเน เขเปตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิกฺกมิตุํ วฏฺฏตีติ องฺคุตฺตรภาณกา. อมนุสฺสานํ ปิยํ ติลปิฏฺมาสภตฺตมจฺฉมํสขีรเตลคุฬาทิขชฺชโภชฺชํ น เสวิตพฺพํ. กุลเคหํ น ปวิสิตพฺพนฺติ อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺเน ยตฺถ ธุวฑาหธุวกุณปธุวโรทนานิ อตฺถิ, ตตฺเถว วสิตพฺพํ. มชฺฌิมสฺส ตีสุ เอกสฺมิมฺปิ สติ วฏฺฏติ. มุทุกสฺส วุตฺตนเยน สุสานลกฺขณํ ปตฺตมตฺเต วฏฺฏติ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ น สุสานมฺหิ วาสํ กปฺปเนน ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. สุสานํ อคตทิวเสติ องฺคุตฺตรภาณกา. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส มรณสฺสติปฏิลาโภ, อปฺปมาทวิหาริตา, อสุภนิมิตฺตาธิคโม, กามราควิโนทนํ, อภิณฺหํ กายสภาวทสฺสนํ, สํเวคพหุลตา อาโรคฺยมทาทิปฺปหานํ, ภยเภรวสหนตา, อมนุสฺสานํ ครุภาวนียตา, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.

โสสานิกฺหิ มรณานุสติปฺปภาวา,

นิทฺทาคตมฺปิ น ผุสนฺติ ปมาทโทสา;

สมฺปสฺสโต จ กุณปานิ พหูนิ ตสฺส,

กามานุภาววสคมฺปิ น โหติ จิตฺตํ.

สํเวคเมติ วิปุลํ น มทํ อุเปติ,

สมฺมา อโถ ฆฏติ นิพฺพุติเมสมาโน;

โสสานิกงฺคมิติเนกคุณาวหตฺตา,

นิพฺพานนินฺนหทเยน นิเสวิตพฺพนฺติ.

อยํ โสสานิกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๑๒. ยถาสนฺถติกงฺคกถา

๓๕. ยถาสนฺถติกงฺคมฺปิ ‘‘เสนาสนโลลุปฺปํ ปฏิกฺขิปามิ, ยถาสนฺถติกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน ยถาสนฺถติเกน ยทสฺส เสนาสนํ ‘‘อิทํ ตุยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ คาหิตํ โหติ, เตเนว ตุฏฺพฺพํ, น อฺโ อุฏฺาเปตพฺโพ. อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺโ อตฺตโน ปตฺตเสนาสนํ ทูเรติ วา อจฺจาสนฺเนติ วา อมนุสฺสทีฆชาติกาทีหิ อุปทฺทุตนฺติ วา อุณฺหนฺติ วา สีตลนฺติ วา ปุจฺฉิตุํ น ลภติ. มชฺฌิโม ปุจฺฉิตุํ ลภติ. คนฺตฺวา ปน โอโลเกตุํ น ลภติ. มุทุโก คนฺตฺวา โอโลเกตฺวา สจสฺส ตํ น รุจฺจติ, อฺํ คเหตุํ ลภติ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ เสนาสนโลลุปฺเป อุปฺปนฺนมตฺเต ธุตงฺคํ ภิชฺชตีติ อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, ‘‘ยํ ลทฺธํ เตน ตุฏฺพฺพ’’นฺติ (ชา. ๑.๑.๑๓๖; ปาจิ. ๗๙๓) วุตฺโตวาทกรณํ, สพฺรหฺมจารีนํ หิเตสิตา, หีนปณีตวิกปฺปปริจฺจาโค, อนุโรธวิโรธปฺปหานํ, อตฺริจฺฉตาย ทฺวารปิทหนํ, อปฺปิจฺฉตาทีนํ อนุโลมวุตฺติตาติ.

ยํ ลทฺธํ เตน สนฺตุฏฺโ, ยถาสนฺถติโก ยติ;

นิพฺพิกปฺโป สุขํ เสติ, ติณสนฺถรเกสุปิ.

น โส รชฺชติ เสฏฺมฺหิ, หีนํ ลทฺธา น กุปฺปติ;

สพฺรหฺมจารินวเก, หิเตน อนุกมฺปติ.

ตสฺมา อริยสตาจิณฺณํ, มุนิปุงฺคววณฺณิตํ;

อนุยุฺเชถ เมธาวี, ยถาสนฺถตรามตนฺติ.

อยํ ยถาสนฺถติกงฺเค สมาทานวิธานปฺปเภทเภทานิสํสวณฺณนา.

๑๓. เนสชฺชิกงฺคกถา

๓๖. เนสชฺชิกงฺคมฺปิ ‘‘เสยฺยํ ปฏิกฺขิปามิ, เนสชฺชิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ อิเมสํ อฺตรวจเนน สมาทินฺนํ โหติ.

เตน ปน เนสชฺชิเกน รตฺติยา ตีสุ ยาเมสุ เอกํ ยามํ อุฏฺาย จงฺกมิตพฺพํ. อิริยาปเถสุ หิ นิปชฺชิตุเมว น วฏฺฏติ. อิทมสฺส วิธานํ.

ปเภทโต ปน อยมฺปิ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ อุกฺกฏฺสฺส เนว อปสฺเสนํ, น ทุสฺสปลฺลตฺถิกา, น อาโยคปฏฺโฏ วฏฺฏติ. มชฺฌิมสฺส อิเมสุ ตีสุ ยํกิฺจิ วฏฺฏติ. มุทุกสฺส อปสฺเสนมฺปิ ทุสฺสปลฺลตฺถิกาปิ อาโยคปฏฺโฏปิ พิพฺโพหนมฺปิ ปฺจงฺโคปิ สตฺตงฺโคปิ วฏฺฏติ. ปฺจงฺโค ปน ปิฏฺิอปสฺสเยน สทฺธึ กโต. สตฺตงฺโค นาม ปิฏฺิอปสฺสเยน จ อุภโตปสฺเสสุ อปสฺสเยหิ จ สทฺธึ กโต. ตํ กิร มิฬาภยตฺเถรสฺส อกํสุ. เถโร อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายิ.

อิเมสํ ปน ติณฺณมฺปิ เสยฺยํ กปฺปิตมตฺเต ธุตงฺคํ ภิชฺชติ. อยเมตฺถ เภโท.

อยํ ปนานิสํโส, ‘‘เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖) วุตฺตสฺส เจตโส วินิพนฺธสฺส อุปจฺเฉทนํ, สพฺพกมฺมฏฺานานุโยคสปฺปายตา, ปาสาทิกอิริยาปถตา, วีริยารมฺภานุกูลตา, สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุพฺรูหนนฺติ.

อาภุชิตฺวาน ปลฺลงฺกํ, ปณิธาย อุชุํ ตนุํ;

นิสีทนฺโต วิกมฺเปติ, มารสฺส หทยํ ยติ.

เสยฺยสุขํ มิทฺธสุขํ, หิตฺวา อารทฺธวีริโย;

นิสชฺชาภิรโต ภิกฺขุ, โสภยนฺโต ตโปวนํ.

นิรามิสํ ปีติสุขํ, ยสฺมา สมธิคจฺฉติ;

ตสฺมา สมนุยุฺเชยฺย, ธีโร เนสชฺชิกํ วตนฺติ.

อยํ เนสชฺชิกงฺเค สมาทาน วิธานปฺปเภท เภทานิสํสวณฺณนา.

ธุตงฺคปกิณฺณกกถา

๓๗. อิทานิ

กุสลตฺติกโต เจว, ธุตาทีนํ วิภาคโต;

สมาสพฺยาสโต จาปิ, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโยติ. –

อิมิสฺสา คาถาย วเสน วณฺณนา โหติ.

ตตฺถ กุสลตฺติกโตติ สพฺพาเนว หิ ธุตงฺคานิ เสกฺขปุถุชฺชนขีณาสวานํ วเสน สิยา กุสลานิ, สิยา อพฺยากตานิ, นตฺถิ ธุตงฺคํ อกุสลนฺติ.

โย ปน วเทยฺย ‘‘ปาปิจฺโฉ อิจฺฉาปกโต อารฺิโก โหตีติ อาทิวจนโต (อ. นิ. ๕.๑๘๑; ปริ. ๓๒๕) อกุสลมฺปิ ธุตงฺค’’นฺติ. โส วตฺตพฺโพ – น มยํ ‘‘อกุสลจิตฺเตน อรฺเ น วสตี’’ติ วทาม. ยสฺส หิ อรฺเ นิวาโส, โส อารฺิโก. โส จ ปาปิจฺโฉ วา ภเวยฺย อปฺปิจฺโฉ วา. อิมานิ ปน เตน เตน สมาทาเนน ธุตกิเลสตฺตา ธุตสฺส ภิกฺขุโน องฺคานิ, กิเลสธุนนโต วา ธุตนฺติ ลทฺธโวหารํ าณํ องฺคเมเตสนฺติ ธุตงฺคานิ. อถ วา ธุตานิ จ ตานิ ปฏิปกฺขนิทฺธุนนโต องฺคานิ จ ปฏิปตฺติยาติปิ ธุตงฺคานีติ วุตฺตํ. น จ อกุสเลน โกจิ ธุโต นาม โหติ, ยสฺเสตานิ องฺคานิ ภเวยฺยุํ, น จ อกุสลํ กิฺจิ ธุนาติ, เยสํ ตํ องฺคนฺติกตฺวา ธุตงฺคานีติ วุจฺเจยฺยุํ. นาปิ อกุสลํ จีวรโลลุปฺปาทีนิ เจว นิทฺธุนาติ ปฏิปตฺติยา จ องฺคํ โหติ. ตสฺมา สุวุตฺตมิทํ ‘‘นตฺถิ อกุสลํ ธุตงฺค’’นฺติ.

‘‘เยสมฺปิ กุสลตฺติกวินิมุตฺตํ ธุตงฺคํ, เตสํ อตฺถโต ธุตงฺคเมว นตฺถิ. อสนฺตํ กสฺส ธุนนโต ธุตงฺคํ นาม ภวิสฺสติ. ธุตคุเณ สมาทาย วตฺตตีติ วจนวิโรโธปิ จ เนสํ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ อยํ ตาว กุสลตฺติกโต วณฺณนา.

ธุตาทีนํ วิภาคโตติ ธุโต เวทิตพฺโพ. ธุตวาโท เวทิตพฺโพ. ธุตธมฺมา เวทิตพฺพา. ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานิ. กสฺส ธุตงฺคเสวนา สปฺปายาติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ ธุโตติ ธุตกิเลโส วา ปุคฺคโล กิเลสธุนโน วา ธมฺโม.

ธุตวาโทติ เอตฺถ ปน อตฺถิ ธุโต น ธุตวาโท, อตฺถิ น ธุโต ธุตวาโท, อตฺถิ เนว ธุโต น ธุตวาโท, อตฺถิ ธุโต เจว ธุตวาโท จ.

ตตฺถ โย ธุตงฺเคน อตฺตโน กิเลเส ธุนิ, ปรํ ปน ธุตงฺเคน น โอวทติ, นานุสาสติ พากุลตฺเถโร วิย, อยํ ธุโต น ธุตวาโท. ยถาห, ‘‘ตยิทํ อายสฺมา พากุโล ธุโต น ธุตวาโท’’ติ. โย ปน น ธุตงฺเคน อตฺตโน กิเลเส ธุนิ, เกวลํ อฺเ ธุตงฺเคน โอวทติ อนุสาสติ อุปนนฺทตฺเถโร วิย, อยํ น ธุโต ธุตวาโท. ยถาห, ‘‘ตยิทํ อายสฺมา อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต น ธุโต ธุตวาโท’’ติ. โย อุภยวิปนฺโน ลาฬุทายี วิย, อยํ เนว ธุโต น ธุตวาโท. ยถาห, ‘‘ตยิทํ อายสฺมา ลาฬุทายี เนว ธุโต น ธุตวาโท’’ติ. โย ปน อุภยสมฺปนฺโน ธมฺมเสนาปติ วิย, อยํ ธุโต เจว ธุตวาโท จ. ยถาห, ‘‘ตยิทํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ธุโต เจว ธุตวาโท จาติ.

ธุตธมฺมา เวทิตพฺพาติ อปฺปิจฺฉตา, สนฺตุฏฺิตา, สลฺเลขตา, ปวิเวกตา, อิทมตฺถิตาติ อิเม ธุตงฺคเจตนาย ปริวารกา ปฺจ ธมฺมา ‘‘อปฺปิจฺฉตํเยว นิสฺสายา’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๕.๑๘๑; ปริ. ๓๒๕) ธุตธมฺมา นาม, ตตฺถ อปฺปิจฺฉตา จ สนฺตุฏฺิตา จ อโลโภ. สลฺเลขตา จ ปวิเวกตา จ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ อนุปตนฺติ อโลเภ จ อโมเห จ. อิทมตฺถิตา าณเมว. ตตฺถ จ อโลเภน ปฏิกฺเขปวตฺถูสุ โลภํ, อโมเหน เตสฺเวว อาทีนวปฏิจฺฉาทกํ โมหํ ธุนาติ. อโลเภน จ อนุฺาตานํ ปฏิเสวนมุเขน ปวตฺตํ กามสุขานุโยคํ, อโมเหน ธุตงฺเคสุ อติสลฺเลขมุเขน ปวตฺตํ อตฺตกิลมถานุโยคํ ธุนาติ. ตสฺมา อิเม ธมฺมา ธุตธมฺมาติ เวทิตพฺพา.

ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานีติ เตรส ธุตงฺคานิ เวทิตพฺพานิ ปํสุกูลิกงฺคํ…เป… เนสชฺชิกงฺคนฺติ. ตานิ อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ จ วุตฺตาเนว.

กสฺส ธุตงฺคเสวนา สปฺปายาติ ราคจริตสฺส เจว โมหจริตสฺส จ. กสฺมา? ธุตงฺคเสวนา หิ ทุกฺขาปฏิปทา เจว สลฺเลขวิหาโร จ. ทุกฺขาปฏิปทฺจ นิสฺสาย ราโค วูปสมฺมติ. สลฺเลขํ นิสฺสาย อปฺปมตฺตสฺส โมโห ปหียติ. อารฺิกงฺครุกฺขมูลิกงฺคปฏิเสวนา วา เอตฺถ โทสจริตสฺสาปิ สปฺปายา. ตตฺถ หิสฺส อสงฺฆฏฺฏิยมานสฺส วิหรโต โทโสปิ วูปสมฺมตีติ อยํ ธุตาทีนํ วิภาคโต วณฺณนา.

สมาสพฺยาสโตติ อิมานิ ปน ธุตงฺคานิ สมาสโต ตีณิ สีสงฺคานิ, ปฺจ อสมฺภินฺนงฺคานีติ อฏฺเว โหนฺติ. ตตฺถ สปทานจาริกงฺคํ, เอกาสนิกงฺคํ, อพฺโภกาสิกงฺคนฺติ อิมานิ ตีณิ สีสงฺคานิ. สปทานจาริกงฺคฺหิ รกฺขนฺโต ปิณฺฑปาติกงฺคมฺปิ รกฺขิสฺสติ. เอกาสนิกงฺคฺจ รกฺขโต ปตฺตปิณฺฑิกงฺคขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคานิปิ สุรกฺขนียานิ ภวิสฺสนฺติ. อพฺโภกาสิกงฺคํ รกฺขนฺตสฺส กึ อตฺถิ รุกฺขมูลิกงฺคยถาสนฺถติกงฺเคสุ รกฺขิตพฺพํ นาม. อิติ อิมานิ ตีณิ สีสงฺคานิ, อารฺิกงฺคํ, ปํสุกูลิกงฺคํ, เตจีวริกงฺคํ, เนสชฺชิกงฺคํ, โสสานิกงฺคนฺติ อิมานิ ปฺจ อสมฺภินฺนงฺคานิ จาติ อฏฺเว โหนฺติ.

ปุน ทฺเว จีวรปฏิสํยุตฺตานิ, ปฺจ ปิณฺฑปาตปฏิสํยุตฺตานิ, ปฺจ เสนาสนปฏิสํยุตฺตานิ, เอกํ วีริยปฏิสํยุตฺตนฺติ เอวํ จตฺตาโรว โหนฺติ. ตตฺถ เนสชฺชิกงฺคํ วีริยปฏิสํยุตฺตํ. อิตรานิ ปากฏาเนว.

ปุน สพฺพาเนว นิสฺสยวเสน ทฺเว โหนฺติ ปจฺจยนิสฺสิตานิ ทฺวาทส, วีริยนิสฺสิตํ เอกนฺติ. เสวิตพฺพาเสวิตพฺพวเสนปิ ทฺเวเยว โหนฺติ. ยสฺส หิ ธุตงฺคํ เสวนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ วฑฺฒติ, เตน เสวิตพฺพานิ. ยสฺส เสวโต หายติ, เตน น เสวิตพฺพานิ. ยสฺส ปน เสวโตปิ อเสวโตปิ วฑฺฒเตว, น หายติ, เตนาปิ ปจฺฉิมํ ชนตํ อนุกมฺปนฺเตน เสวิตพฺพานิ. ยสฺสาปิ เสวโตปิ อเสวโตปิ น วฑฺฒติ, เตนาปิ เสวิตพฺพานิเยว อายตึ วาสนตฺถายาติ.

เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพวเสน ทุวิธานิปิ สพฺพาเนว เจตนาวเสน เอกวิธานิ โหนฺติ. เอกเมว หิ ธุตงฺคํ สมาทานเจตนาติ. อฏฺกถายมฺปิ วุตฺตํ ‘‘ยา เจตนา, ตํ ธุตงฺคนฺติ วทนฺตี’’ติ.

พฺยาสโต ปน ภิกฺขูนํ เตรส, ภิกฺขุนีนํ อฏฺ, สามเณรานํ ทฺวาทส, สิกฺขมานสามเณรีนํ สตฺต, อุปาสกอุปาสิกานํ ทฺเวติ ทฺวาจตฺตาลีส โหนฺติ. สเจ ปน อพฺโภกาเส อารฺิกงฺคสมฺปนฺนํ สุสานํ โหติ, เอโกปิ ภิกฺขุ เอกปฺปหาเรน สพฺพธุตงฺคานิ ปริภุฺชิตุํ สกฺโกติ. ภิกฺขุนีนํ ปน อารฺิกงฺคํ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคฺจ ทฺเวปิ สิกฺขาปเทเนว ปฏิกฺขิตฺตานิ, อพฺโภกาสิกงฺคํ, รุกฺขมูลิกงฺคํ, โสสานิกงฺคนฺติ อิมานิ ตีณิ ทุปฺปริหารานิ. ภิกฺขุนิยา หิ ทุติยิกํ วินา วสิตุํ น วฏฺฏติ. เอวรูเป จ าเน สมานจฺฉนฺทา ทุติยิกา ทุลฺลภา. สเจปิ ลเภยฺย สํสฏฺวิหารโต น มุจฺเจยฺย. เอวํ สติ ยสฺสตฺถาย ธุตงฺคํ เสเวยฺย, สฺเววสฺสา อตฺโถ น สมฺปชฺเชยฺย. เอวํ ปริภุฺชิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปฺจ หาเปตฺวา ภิกฺขุนีนํ อฏฺเว โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ. ยถาวุตฺเตสุ ปน เปตฺวา เตจีวริกงฺคํ เสสานิ ทฺวาทส สามเณรานํ, สตฺต สิกฺขมานสามเณรีนํ เวทิตพฺพานิ. อุปาสกอุปาสิกานํ ปน เอกาสนิกงฺคํ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคนฺติ อิมานิ ทฺเว ปติรูปานิ เจว สกฺกา จ ปริภุฺชิตุนฺติ ทฺเว ธุตงฺคานีติ เอวํ พฺยาสโต ทฺเวจตฺตาลีส โหนฺตีติ อยํ สมาสพฺยาสโต วณฺณนา.

เอตฺตาวตา จ ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ’’ติ อิมิสฺสา คาถาย สีลสมาธิปฺามุเขน เทสิเต วิสุทฺธิมคฺเค เยหิ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาทีหิ คุเณหิ วุตฺตปฺปการสฺส สีลสฺส โวทานํ โหติ, เตสํ สมฺปาทนตฺถํ สมาทาตพฺพธุตงฺคกถา ภาสิตา โหติ.

อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค

ธุตงฺคนิทฺเทโส นาม ทุติโย ปริจฺเฉโท.

๓. กมฺมฏฺานคฺคหณนิทฺเทโส

๓๘. อิทานิ ยสฺมา เอวํ ธุตงฺคปริหรณสมฺปาทิเตหิ อปฺปิจฺฉตาทีหิ คุเณหิ ปริโยทาเต อิมสฺมึ สีเล ปติฏฺิเตน ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ วจนโต จิตฺตสีเสน นิทฺทิฏฺโ สมาธิ ภาเวตพฺโพ. โส จ อติสงฺเขปเทสิตตฺตา วิฺาตุมฺปิ ตาว น สุกโร, ปเคว ภาเวตุํ, ตสฺมา ตสฺส วิตฺถารฺจ ภาวนานยฺจ ทสฺเสตุํ อิทํ ปฺหากมฺมํ โหติ.

โก สมาธิ? เกนฏฺเน สมาธิ? กานสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ? กติวิโธ สมาธิ? โก จสฺส สํกิเลโส? กึ โวทานํ? กถํ ภาเวตพฺโพ? สมาธิภาวนาย โก อานิสํโสติ?

ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ. โก สมาธีติ สมาธิ พหุวิโธ นานปฺปการโก. ตํ สพฺพํ วิภาวยิตุํ อารพฺภมานํ วิสฺสชฺชนํ อธิปฺเปตฺเจว อตฺถํ น สาเธยฺย, อุตฺตริ จ วิกฺเขปาย สํวตฺเตยฺย, ตสฺมา อิธาธิปฺเปตเมว สนฺธาย วทาม, กุสลจิตฺเตกคฺคตา สมาธิ.

เกนฏฺเน สมาธีติ สมาธานฏฺเน สมาธิ. กิมิทํ สมาธานํ นาม? เอการมฺมเณ จิตฺตเจตสิกานํ สมํ สมฺมา จ อาธานํ, ปนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา ยสฺส ธมฺมสฺสานุภาเวน เอการมฺมเณ จิตฺตเจตสิกา สมํ สมฺมา จ อวิกฺขิปมานา อวิปฺปกิณฺณา จ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, อิทํ สมาธานนฺติ เวทิตพฺพํ.

กานสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ เอตฺถ ปน อวิกฺเขปลกฺขโณ สมาธิ, วิกฺเขปวิทฺธํสนรโส, อวิกมฺปนปจฺจุปฏฺาโน. ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ วจนโต ปน สุขมสฺส ปทฏฺานํ.

๓๙. กติวิโธ สมาธีติ อวิกฺเขปลกฺขเณน ตาว เอกวิโธ. อุปจารอปฺปนาวเสน ทุวิโธ, ตถา โลกิยโลกุตฺตรวเสน สปฺปีติกนิปฺปีติกวเสน สุขสหคตอุเปกฺขาสหคตวเสน จ. ติวิโธ หีนมชฺฌิมปณีตวเสน, ตถา สวิตกฺกสวิจาราทิวเสน ปีติสหคตาทิวเสน ปริตฺตมหคฺคตปฺปมาณวเสน จ. จตุพฺพิโธ ทุกฺขาปฏิปทาทนฺธาภิฺาทิวเสน, ตถา ปริตฺตปริตฺตารมฺมณาทิวเสน จตุฌานงฺควเสน หานภาคิยาทิวเสน กามาวจราทิวเสน อธิปติวเสน จ. ปฺจวิโธ ปฺจกนเย ปฺจฌานงฺควเสนาติ.

สมาธิเอกกทุกวณฺณนา

ตตฺถ เอกวิธโกฏฺาโส อุตฺตานตฺโถเยว. ทุวิธโกฏฺาเส ฉนฺนํ อนุสฺสติฏฺานานํ มรณสฺสติยา อุปสมานุสฺสติยา อาหาเร ปฏิกูลสฺาย จตุธาตุววตฺถานสฺสาติ อิเมสํ วเสน ลทฺธจิตฺเตกคฺคตา, ยา จ อปฺปนาสมาธีนํ ปุพฺพภาเค เอกคฺคตา, อยํ อุปจารสมาธิ. ‘‘ปมสฺส ฌานสฺส ปริกมฺมํ ปมสฺส ฌานสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อาทิวจนโต ปน ยา ปริกมฺมานนฺตรา เอกคฺคตา, อยํ อปฺปนาสมาธีติ เอวํ อุปจารปฺปนาวเสน ทุวิโธ.

ทุติยทุเก ตีสุ ภูมีสุ กุสลจิตฺเตกคฺคตา โลกิโย สมาธิ. อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา เอกคฺคตา โลกุตฺตโร สมาธีติ เอวํ โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิโธ.

ตติยทุเก จตุกฺกนเย ทฺวีสุ ปฺจกนเย ตีสุ ฌาเนสุ เอกคฺคตา สปฺปีติโก สมาธิ. อวเสเสสุ ทฺวีสุ ฌาเนสุ เอกคฺคตา นิปฺปีติโก สมาธิ. อุปจารสมาธิ ปน สิยา สปฺปีติโก, สิยา นิปฺปีติโกติ เอวํ สปฺปีติกนิปฺปีติกวเสน ทุวิโธ.

จตุตฺถทุเก จตุกฺกนเย ตีสุ ปฺจกนเย จตูสุ ฌาเนสุ เอกคฺคตา สุขสหคโต สมาธิ. อวเสสสฺมึ อุเปกฺขาสหคโต สมาธิ. อุปจารสมาธิ ปน สิยา สุขสหคโต, สิยา อุเปกฺขาสหคโตติ เอวํ สุขสหคตอุเปกฺขาสหคตวเสน ทุวิโธ.

สมาธิติกวณฺณนา

ติเกสุ ปมตฺติเก ปฏิลทฺธมตฺโต หีโน, นาติสุภาวิโต มชฺฌิโม, สุภาวิโต วสิปฺปตฺโต ปณีโตติ เอวํ หีนมชฺฌิมปณีตวเสน ติวิโธ.

ทุติยตฺติเก ปมชฺฌานสมาธิ สทฺธึ อุปจารสมาธินา สวิตกฺกสวิจาโร. ปฺจกนเย ทุติยชฺฌานสมาธิ อวิตกฺกวิจารมตฺโต. โย หิ วิตกฺกมตฺเตเยว อาทีนวํ ทิสฺวา วิจาเร อทิสฺวา เกวลํ วิตกฺกปฺปหานมตฺตํ อากงฺขมาโน ปมชฺฌานํ อติกฺกมติ, โส อวิตกฺกวิจารมตฺตํ สมาธึ ปฏิลภติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. จตุกฺกนเย ปน ทุติยาทีสุ ปฺจกนเย ตติยาทีสุ ตีสุ ฌาเนสุ เอกคฺคตา อวิตกฺกาวิจาโร สมาธีติ เอวํ สวิตกฺกสวิจาราทิวเสน ติวิโธ.

ตติยตฺติเก จตุกฺกนเย อาทิโต ทฺวีสุ ปฺจกนเย จ ตีสุ ฌาเนสุ เอกคฺคตา ปีติสหคโต สมาธิ. เตสฺเวว ตติเย จ จตุตฺเถ จ ฌาเน เอกคฺคตา สุขสหคโต สมาธิ. อวสาเน อุเปกฺขาสหคโต. อุปจารสมาธิ ปน ปีติสุขสหคโต วา โหติ อุเปกฺขาสหคโต วาติ เอวํ ปีติสหคตาทิวเสน ติวิโธ.

จตุตฺถตฺติเก อุปจารภูมิยํ เอกคฺคตา ปริตฺโต สมาธิ. รูปาวจรารูปาวจรกุสเล เอกคฺคตา มหคฺคโต สมาธิ. อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา เอกคฺคตา อปฺปมาโณ สมาธีติ เอวํ ปริตฺตมหคฺคตปฺปมาณวเสน ติวิโธ.

สมาธิจตุกฺกวณฺณนา

จตุกฺเกสุ ปมจตุกฺเก อตฺถิ สมาธิ ทุกฺขาปฏิปโท ทนฺธาภิฺโ, อตฺถิ ทุกฺขาปฏิปโท ขิปฺปาภิฺโ, อตฺถิ สุขาปฏิปโท ทนฺธาภิฺโ, อตฺถิ สุขาปฏิปโท ขิปฺปาภิฺโติ.

ตตฺถ ปมสมนฺนาหารโต ปฏฺาย ยาว ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส อุปจารํ อุปฺปชฺชติ, ตาว ปวตฺตา สมาธิภาวนา ปฏิปทาติ วุจฺจติ. อุปจารโต ปน ปฏฺาย ยาว อปฺปนา, ตาว ปวตฺตา ปฺา อภิฺาติ วุจฺจติ. สา ปเนสา ปฏิปทา เอกจฺจสฺส ทุกฺขา โหติ, นีวรณาทิปจฺจนีกธมฺมสมุทาจารคหณตาย กิจฺฉา อสุขาเสวนาติ อตฺโถ. เอกจฺจสฺส ตทภาเวน สุขา. อภิฺาปิ เอกจฺจสฺส ทนฺธา โหติ มนฺทา อสีฆปฺปวตฺติ. เอกจฺจสฺส ขิปฺปา อมนฺทา สีฆปฺปวตฺติ.

ตตฺถ ยานิ ปรโต สปฺปายาสปฺปายานิ จ ปลิโพธุปจฺเฉทาทีนิ ปุพฺพกิจฺจานิ จ อปฺปนาโกสลฺลานิ จ วณฺณยิสฺสาม, เตสุ โย อสปฺปายเสวี โหติ, ตสฺส ทุกฺขา ปฏิปทา ทนฺธา จ อภิฺา โหติ. สปฺปายเสวิโน สุขา ปฏิปทา ขิปฺปา จ อภิฺา. โย ปน ปุพฺพภาเค อสปฺปายํ เสวิตฺวา อปรภาเค สปฺปายเสวี โหติ, ปุพฺพภาเค วา สปฺปายํ เสวิตฺวา อปรภาเค อสปฺปายเสวี, ตสฺส โวมิสฺสกตา เวทิตพฺพา. ตถา ปลิโพธุปจฺเฉทาทิกํ ปุพฺพกิจฺจํ อสมฺปาเทตฺวา ภาวนมนุยุตฺตสฺส ทุกฺขา ปฏิปทา โหติ. วิปริยาเยน สุขา. อปฺปนาโกสลฺลานิ ปน อสมฺปาเทนฺตสฺส ทนฺธา อภิฺา โหติ. สมฺปาเทนฺตสฺส ขิปฺปา.

อปิจ ตณฺหาอวิชฺชาวเสน สมถวิปสฺสนาธิการวเสน จาปิ เอตาสํ ปเภโท เวทิตพฺโพ. ตณฺหาภิภูตสฺส หิ ทุกฺขา ปฏิปทา โหติ. อนภิภูตสฺส สุขา. อวิชฺชาภิภูตสฺส จ ทนฺธา อภิฺา โหติ. อนภิภูตสฺส ขิปฺปา. โย จ สมเถ อกตาธิกาโร, ตสฺส ทุกฺขา ปฏิปทา โหติ. กตาธิการสฺส สุขา. โย ปน วิปสฺสนาย อกตาธิกาโร โหติ, ตสฺส ทนฺธา อภิฺา โหติ, กตาธิการสฺส ขิปฺปา. กิเลสินฺทฺริยวเสน จาปิ เอตาสํ ปเภโท เวทิตพฺโพ. ติพฺพกิเลสสฺส หิ มุทินฺทฺริยสฺส ทุกฺขา ปฏิปทา โหติ ทนฺธา จ อภิฺา, ติกฺขินฺทฺริยสฺส ปน ขิปฺปา อภิฺา. มนฺทกิเลสสฺส จ มุทินฺทฺริยสฺส สุขา ปฏิปทา โหติ ทนฺธา จ อภิฺา. ติกฺขินฺทฺริยสฺส ปน ขิปฺปา อภิฺาติ.

อิติ อิมาสุ ปฏิปทาอภิฺาสุ โย ปุคฺคโล ทุกฺขาย ปฏิปทาย ทนฺธาย จ อภิฺาย สมาธึ ปาปุณาติ, ตสฺส โส สมาธิ ทุกฺขาปฏิปโท ทนฺธาภิฺโติ วุจฺจติ. เอส นโย เสสตฺตเยปีติ เอวํ ทุกฺขาปฏิปทาทนฺธาภิฺาทิวเสน จตุพฺพิโธ.

ทุติยจตุกฺเก อตฺถิ สมาธิ ปริตฺโต ปริตฺตารมฺมโณ, อตฺถิ ปริตฺโต อปฺปมาณารมฺมโณ, อตฺถิ อปฺปมาโณ ปริตฺตารมฺมโณ, อตฺถิ อปฺปมาโณ อปฺปมาณารมฺมโณติ. ตตฺถ โย สมาธิ อปฺปคุโณ อุปริฌานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ น สกฺโกติ, อยํ ปริตฺโต. โย ปน อวฑฺฒิเต อารมฺมเณ ปวตฺโต, อยํ ปริตฺตารมฺมโณ. โย ปคุโณ สุภาวิโต, อุปริฌานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สกฺโกติ, อยํ อปฺปมาโณ. โย จ วฑฺฒิเต อารมฺมเณ ปวตฺโต, อยํ อปฺปมาณารมฺมโณ. วุตฺตลกฺขณโวมิสฺสตาย ปน โวมิสฺสกนโย เวทิตพฺโพ. เอวํ ปริตฺตปริตฺตารมฺมณาทิวเสน จตุพฺพิโธ.

ตติยจตุกฺเก วิกฺขมฺภิตนีวรณานํ วิตกฺกวิจารปีติสุขสมาธีนํ วเสน ปฺจงฺคิกํ ปมํ ฌานํ, ตโต วูปสนฺตวิตกฺกวิจารํ ติวงฺคิกํ ทุติยํ, ตโต วิรตฺตปีติกํ ทุวงฺคิกํ ตติยํ, ตโต ปหีนสุขํ อุเปกฺขาเวทนาสหิตสฺส สมาธิโน วเสน ทุวงฺคิกํ จตุตฺถํ. อิติ อิเมสํ จตุนฺนํ ฌานานํ องฺคภูตา จตฺตาโร สมาธี โหนฺติ. เอวํ จตุฌานงฺควเสน จตุพฺพิโธ.

จตุตฺถจตุกฺเก อตฺถิ สมาธิ หานภาคิโย, อตฺถิ ิติภาคิโย, อตฺถิ วิเสสภาคิโย, อตฺถิ นิพฺเพธภาคิโย. ตตฺถ ปจฺจนีกสมุทาจารวเสน หานภาคิยตา, ตทนุธมฺมตาย สติยา สณฺานวเสน ิติภาคิยตา, อุปริวิเสสาธิคมวเสน วิเสสภาคิยตา, นิพฺพิทาสหคตสฺามนสิการสมุทาจารวเสน นิพฺเพธภาคิยตา จ เวทิตพฺพา. ยถาห, ‘‘ปมสฺส ฌานสฺส ลาภึ กามสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ หานภาคินี ปฺา. ตทนุธมฺมตา สติ สนฺติฏฺติ ิติภาคินี ปฺา. อวิตกฺกสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ วิเสสภาคินี ปฺา. นิพฺพิทาสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ วิราคูปสฺหิตา นิพฺเพธภาคินี ปฺา’’ติ (วิภ. ๗๙๙). ตาย ปน ปฺาย สมฺปยุตฺตา สมาธีปิ จตฺตาโร โหนฺตีติ. เอวํ หานภาคิยาทิวเสน จตุพฺพิโธ.

ปฺจมจตุกฺเก กามาวจโร สมาธิ, รูปาวจโร สมาธิ, อรูปาวจโร สมาธิ, อปริยาปนฺโน สมาธีติ เอวํ จตฺตาโร สมาธี. ตตฺถ สพฺพาปิ อุปจาเรกคฺคตา กามาวจโร สมาธิ. ตถา รูปาวจราทิกุสลจิตฺเตกคฺคตา อิตเร ตโยติ เอวํ กามาวจราทิวเสน จตุพฺพิโธ.

ฉฏฺจตุกฺเก ‘‘ฉนฺทํ เจ ภิกฺขุ อธิปตึ กริตฺวา ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ, อยํ วุจฺจติ ฉนฺทสมาธิ…เป… วีริยํ เจ ภิกฺขุ…เป… จิตฺตํ เจ ภิกฺขุ…เป… วีมํสํ เจ ภิกฺขุ อธิปตึ กริตฺวา ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ, อยํ วุจฺจติ วีมํสาสมาธี’’ติ (วิภ. ๔๓๒; สํ. นิ. ๓.๘๒๕) เอวํ อธิปติวเสน จตุพฺพิโธ.

ปฺจเก ยํ จตุกฺกเภเท วุตฺตํ ทุติยํ ฌานํ, ตํ วิตกฺกมตฺตาติกฺกเมน ทุติยํ, วิตกฺกวิจาราติกฺกเมน ตติยนฺติ เอวํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ปฺจ ฌานานิ เวทิตพฺพานิ. เตสํ องฺคภูตา จ ปฺจ สมาธีติ เอวํ ปฺจฌานงฺควเสน ปฺจวิธตา เวทิตพฺพา.

๔๐. โก จสฺส สํกิเลโส กึ โวทานนฺติ เอตฺถ ปน วิสฺสชฺชนํ วิภงฺเค วุตฺตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘สํกิเลสนฺติ หานภาคิโย ธมฺโม. โวทานนฺติ วิเสสภาคิโย ธมฺโม’’ติ (วิภ. ๘๒๘). ตตฺถ ‘‘ปมสฺส ฌานสฺส ลาภึ กามสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ หานภาคินี ปฺา’’ติ (วิภ. ๗๙๙) อิมินา นเยน หานภาคิยธมฺโม เวทิตพฺโพ. ‘‘อวิตกฺกสหคตา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ วิเสสภาคินี ปฺา’’ติ (วิภ. ๗๙๙) อิมินา นเยน วิเสสภาคิยธมฺโม เวทิตพฺโพ.

ทสปลิโพธวณฺณนา

๔๑. กถํ ภาเวตพฺโพติ เอตฺถ ปน โย ตาว อยํ โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิโธติอาทีสุ อริยมคฺคสมฺปยุตฺโต สมาธิ วุตฺโต, ตสฺส ภาวนานโย ปฺาภาวนานเยเนว สงฺคหิโต. ปฺาย หิ ภาวิตาย โส ภาวิโต โหติ. ตสฺมา ตํ สนฺธาย เอวํ ภาเวตพฺโพติ น กิฺจิ วิสุํ วทาม.

โย ปนายํ โลกิโย, โส วุตฺตนเยน สีลานิ วิโสเธตฺวา สุปริสุทฺเธ สีเล ปติฏฺิเตน ยฺวาสฺส ทสสุ ปลิโพเธสุ ปลิโพโธ อตฺถิ, ตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา กมฺมฏฺานทายกํ กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน จริยานุกูลํ จตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนสุ อฺตรํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สมาธิภาวนาย อนนุรูปํ วิหารํ ปหาย อนุรูเป วิหาเร วิหรนฺเตน ขุทฺทกปลิโพธุปจฺเฉทํ กตฺวา สพฺพํ ภาวนาวิธานํ อปริหาเปนฺเตน ภาเวตพฺโพติ อยเมตฺถ สงฺเขโป.

อยํ ปน วิตฺถาโร, ยํ ตาว วุตฺตํ ‘‘ยฺวาสฺส ทสสุ ปลิโพเธสุ ปลิโพโธ อตฺถิ, ตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา’’ติ, เอตฺถ –

อาวาโส จ กุลํ ลาโภ, คโณ กมฺมฺจ ปฺจมํ;

อทฺธานํ าติ อาพาโธ, คนฺโถ อิทฺธีติ เต ทสาติ. –

อิเม ทส ปลิโพธา นาม. ตตฺถ อาวาโสเยว อาวาสปลิโพโธ. เอส นโย กุลาทีสุ.

ตตฺถ อาวาโสติ เอโกปิ โอวรโก วุจฺจติ เอกมฺปิ ปริเวณํ สกโลปิ สงฺฆาราโม. สฺวายํ น สพฺพสฺเสว ปลิโพโธ โหติ. โย ปเนตฺถ นวกมฺมาทีสุ อุสฺสุกฺกํ วา อาปชฺชติ, พหุภณฺฑสนฺนิจโย วา โหติ, เยน เกนจิ วา การเณน อเปกฺขวา ปฏิพทฺธจิตฺโต, ตสฺเสว ปลิโพโธ โหติ, น อิตรสฺส.

ตตฺริทํ วตฺถุ – ทฺเว กิร กุลปุตฺตา อนุราธปุรา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ถูปาราเม ปพฺพชึสุ. เตสุ เอโก ทฺเว มาติกา ปคุณา กตฺวา ปฺจวสฺสิโก หุตฺวา ปวาเรตฺวา ปาจินขณฺฑราชึ นาม คโต. เอโก ตตฺเถว วสติ. ปาจินขณฺฑราชิคโต ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา เถโร หุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘ปฏิสลฺลานสารุปฺปมิทํ านํ, หนฺท นํ สหายกสฺสาปิ อาโรเจมี’’ติ. ตโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ถูปารามํ ปาวิสิ. ปวิสนฺตํเยว จ นํ ทิสฺวา สมานวสฺสิกตฺเถโร ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา วตฺตํ อกาสิ. อาคนฺตุกตฺเถโร เสนาสนํ ปวิสิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ เม สหาโย สปฺปึ วา ผาณิตํ วา ปานกํ วา เปเสสฺสติ. อยฺหิ อิมสฺมึ นคเร จิรนิวาสี’’ติ. โส รตฺตึ อลทฺธา ปาโต จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ อุปฏฺาเกหิ คหิตํ ยาคุขชฺชกํ เปเสสฺสตี’’ติ. ตมฺปิ อทิสฺวา ‘‘ปหิณนฺตา นตฺถิ, ปวิฏฺสฺส มฺเ ทสฺสตี’’ติ ปาโตว เตน สทฺธึ คามํ ปาวิสิ. เต ทฺเว เอกํ วีถึ จริตฺวา อุฬุงฺกมตฺตํ ยาคุํ ลภิตฺวา อาสนสาลายํ นิสีทิตฺวา ปิวึสุ. ตโต อาคนฺตุโก จินฺเตสิ ‘‘นิพทฺธยาคุ มฺเ นตฺถิ, ภตฺตกาเล อิทานิ มนุสฺสา ปณีตํ ภตฺตํ ทสฺสนฺตี’’ติ, ตโต ภตฺตกาเลปิ ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธเมว ภุฺชิตฺวา อิตโร อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, สพฺพกาลํ เอวํ ยาเปถา’’ติ? อามาวุโสติ. ภนฺเต, ปาจินขณฺฑราชิ ผาสุกา, ตตฺถ คจฺฉามาติ. เถโร นครโต ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมนฺโต กุมฺภการคามมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อิตโร อาห – ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อิมํ มคฺคํ ปฏิปนฺนตฺถา’’ติ? นนุ ตฺวมาวุโส, ปาจินขณฺฑราชิยา วณฺณํ อภาสีติ? กึ ปน, ภนฺเต, ตุมฺหากํ เอตฺตกํ กาลํ วสิตฏฺาเน น โกจิ อติเรกปริกฺขาโร อตฺถีติ? อามาวุโส มฺจปีํ สงฺฆิกํ, ตํ ปฏิสามิตเมว, อฺํ กิฺจิ นตฺถีติ. มยฺหํ ปน, ภนฺเต, กตฺตรทณฺโฑ เตลนาฬิ อุปาหนตฺถวิกา จ ตตฺเถวาติ. ตยาวุโส, เอกทิวสํ วสิตฺวา เอตฺตกํ ปิตนฺติ? อาม, ภนฺเต. โส ปสนฺนจิตฺโต เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ตุมฺหาทิสานํ, ภนฺเต, สพฺพตฺถ อรฺวาโสเยว. ถูปาราโม จตุนฺนํ พุทฺธานํ ธาตุนิธานฏฺานํ, โลหปาสาเท สปฺปายํ ธมฺมสฺสวนํ มหาเจติยทสฺสนํ เถรทสฺสนฺจ ลพฺภติ, พุทฺธกาโล วิย ปวตฺตติ. อิเธว ตุมฺเห วสถา’’ติ ทุติยทิวเส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา สยเมว อคมาสีติ. อีทิสสฺส อาวาโส น ปลิโพโธ โหติ.

กุลนฺติ าติกุลํ วา อุปฏฺากกุลํ วา. เอกจฺจสฺส หิ อุปฏฺากกุลมฺปิ ‘‘สุขิเตสุ สุขิโต’’ติอาทินา (วิภ. ๘๘๘; สํ. นิ. ๔.๒๔๑) นเยน สํสฏฺสฺส วิหรโต ปลิโพโธ โหติ, โส กุลมานุสเกหิ วินา ธมฺมสฺสวนาย สามนฺตวิหารมฺปิ น คจฺฉติ. เอกจฺจสฺส มาตาปิตโรปิ ปลิโพธา น โหนฺติ, โกรณฺฑกวิหารวาสิตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺยทหรภิกฺขุโน วิย.

โส กิร อุทฺเทสตฺถํ โรหณํ อคมาสิ. เถรภคินีปิ อุปาสิกา สทา เถรํ ตสฺส ปวตฺตึ ปุจฺฉติ. เถโร เอกทิวสํ ทหรํ อาเนสฺสามีติ โรหณาภิมุโข ปายาสิ. ทหโรปิ ‘‘จิรํ เม อิธ วุตฺถํ, อุปชฺฌายํ ทานิ ปสฺสิตฺวา อุปาสิกาย จ ปวตฺตึ ตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ โรหณโต นิกฺขมิ. เต อุโภปิ คงฺคาตีเร สมาคจฺฉึสุ. โส อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล เถรสฺส วตฺตํ กตฺวา ‘‘กุหึ ยาสี’’ติ ปุจฺฉิโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถโร สุฏฺุ เต กตํ, อุปาสิกาปิ สทา ปุจฺฉติ, อหมฺปิ เอตทตฺถเมว อาคโต, คจฺฉ ตฺวํ, อหํ ปน อิเธว อิมํ วสฺสํ วสิสฺสามีติ ตํ อุยฺโยเชสิ. โส วสฺสูปนายิกทิวเสเยว ตํ วิหารํ ปตฺโต. เสนาสนมฺปิสฺส ปิตรา การิตเมว ปตฺตํ.

อถสฺส ปิตา ทุติยทิวเส อาคนฺตฺวา ‘‘กสฺส, ภนฺเต, อมฺหากํ เสนาสนํ ปตฺต’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ‘‘อาคนฺตุกสฺส ทหรสฺสา’’ติ สุตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ เสนาสเน วสฺสํ อุปคตสฺส วตฺตํ อตฺถี’’ติ. กึ อุปาสกาติ? เตมาสํ อมฺหากํเยว ฆเร ภิกฺขํ คเหตฺวา ปวาเรตฺวา คมนกาเล อาปุจฺฉิตพฺพนฺติ. โส ตุณฺหิภาเวน อธิวาเสสิ. อุปาสโกปิ ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ อาวาเส เอโก อาคนฺตุโก อยฺโย อุปคโต สกฺกจฺจํ อุปฏฺาตพฺโพ’’ติ อาห. อุปาสิกา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาเทสิ. ทหโรปิ ภตฺตกาเล าติฆรํ อคมาสิ. น นํ โกจิ สฺชานิ.

โส เตมาสมฺปิ ตตฺถ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิตฺวา วสฺสํวุตฺโถ ‘‘อหํ คจฺฉามี’’ติ อาปุจฺฉิ. อถสฺส าตกา ‘‘สฺเว, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ ทุติยทิวเส ฆเรเยว โภเชตฺวา เตลนาฬึ ปูเรตฺวา เอกํ คุฬปิณฺฑํ นวหตฺถฺจ สาฏกํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. โส อนุโมทนํ กตฺวา โรหณาภิมุโข ปายาสิ.

อุปชฺฌาโยปิสฺส ปวาเรตฺวา ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺโต ปุพฺเพ ทิฏฺฏฺาเนเยว ตํ อทฺทส. โส อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล เถรสฺส วตฺตํ อกาสิ. อถ นํ เถโร ปุจฺฉิ ‘‘กึ, ภทฺทมุข, ทิฏฺา เต อุปาสิกา’’ติ? โส ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา เตน เตเลน เถรสฺส ปาเท มกฺเขตฺวา คุเฬน ปานกํ กตฺวา ตมฺปิ สาฏกํ เถรสฺเสว ทตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, โรหณํเยว สปฺปาย’’นฺติ อคมาสิ. เถโรปิ วิหารํ อาคนฺตฺวา ทุติยทิวเส โกรณฺฑกคามํ ปาวิสิ.

อุปาสิกาปิ ‘‘มยฺหํ ภาตา มม ปุตฺตํ คเหตฺวา อิทานิ อาคจฺฉตี’’ติ สทา มคฺคํ โอโลกยมานาว ติฏฺติ. สา ตํ เอกกเมว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มโต เม มฺเ ปุตฺโต, อยํ เถโร เอกโกว อาคจฺฉตี’’ติ เถรสฺส ปาทมูเล นิปติตฺวา ปริเทวมานา โรทิ. เถโร ‘‘นูน ทหโร อปฺปิจฺฉตาย อตฺตานํ อชานาเปตฺวาว คโต’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ปตฺตตฺถวิกโต ตํ สาฏกํ นีหริตฺวา ทสฺเสติ.

อุปาสิกา ปสีทิตฺวา ปุตฺเตน คตทิสาภิมุขา อุเรน นิปชฺชิตฺวา นมสฺสมานา อาห – ‘‘มยฺหํ ปุตฺตสทิสํ วต มฺเ ภิกฺขุํ กายสกฺขึ กตฺวา ภควา รถวินีตปฏิปทํ (ม. นิ. ๑.๒๕๒ อาทโย), นาลกปฏิปทํ (สุ. นิ. ๖๘๔ อาทโย), ตุวฏฺฏกปฏิปทํ (สุ. นิ. ๙๒๑ อาทโย), จตุปจฺจยสนฺโตสภาวนารามตาทีปกํ มหาอริยวํสปฏิปทฺจ (อ. นิ. ๔.๒๘; ที. นิ. ๓.๓๐๙) เทเสสิ. วิชาตมาตุยา นาม เคเห เตมาสํ ภุฺชมาโนปิ ‘อหํ ปุตฺโต ตฺวํ มาตา’ติ น วกฺขติ, อโห อจฺฉริยมนุสฺโส’’ติ. เอวรูปสฺส มาตาปิตโรปิ ปลิโพธา น โหนฺติ, ปเคว อฺํ อุปฏฺากกุล’’นฺติ.

ลาโภติ จตฺตาโร ปจฺจยา. เต กถํ ปลิโพธา โหนฺติ? ปุฺวนฺตสฺส หิ ภิกฺขุโน คตคตฏฺาเน มนุสฺสา มหาปริวาเร ปจฺจเย เทนฺติ. โส เตสํ อนุโมเทนฺโต ธมฺมํ เทเสนฺโต สมณธมฺมํ กาตุํ น โอกาสํ ลภติ. อรุณุคฺคมนโต ยาว ปมยาโม, ตาว มนุสฺสสํสคฺโค น อุปจฺฉิชฺชติ. ปุน พลวปจฺจูเสเยว พาหุลฺลิกปิณฺฑปาติกา อาคนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, อสุโก อุปาสโก อุปาสิกา อมจฺโจ อมจฺจธีตา ตุมฺหากํ ทสฺสนกามา’’ติ วทนฺติ, โส คณฺหาวุโส, ปตฺตจีวรนฺติ คมนสชฺโชว โหตีติ นิจฺจพฺยาวโฏ, ตสฺเสว เต ปจฺจยา ปลิโพธา โหนฺติ. เตน คณํ ปหาย ยตฺถ นํ น ชานนฺติ, ตตฺถ เอกเกน จริตพฺพํ. เอวํ โส ปลิโพโธ อุปจฺฉิชฺชตีติ.

คโณติ สุตฺตนฺติกคโณ วา อาภิธมฺมิกคโณ วา, โย ตสฺส อุทฺเทสํ วา ปริปุจฺฉํ วา เทนฺโต สมณธมฺมสฺส โอกาสํ น ลภติ, ตสฺเสว คโณ ปลิโพโธ โหติ, เตน โส เอวํ อุปจฺฉินฺทิตพฺโพ. สเจ เตสํ ภิกฺขูนํ พหุ คหิตํ โหติ, อปฺปํ อวสิฏฺํ, ตํ นิฏฺเปตฺวา อรฺํ ปวิสิตพฺพํ. สเจ อปฺปํ คหิตํ, พหุ อวสิฏฺํ, โยชนโต ปรํ อคนฺตฺวา อนฺโตโยชนปริจฺเฉเท อฺํ คณวาจกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิเม อายสฺมา อุทฺเทสาทีหิ สงฺคณฺหตู’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวํ อลภมาเนน ‘‘มยฺหมาวุโส, เอกํ กิจฺจํ อตฺถิ, ตุมฺเห ยถาผาสุกฏฺานานิ คจฺฉถา’’ติ คณํ ปหาย อตฺตโน กมฺมํ กตฺตพฺพนฺติ.

กมฺมนฺติ นวกมฺมํ. ตํ กโรนฺเตน วฑฺฒกีอาทีหิ ลทฺธาลทฺธํ ชานิตพฺพํ, กตากเต อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิตพฺพนฺติ สพฺพทา ปลิโพโธ โหติ. โสปิ เอวํ อุปจฺฉินฺทิตพฺโพ, สเจ อปฺปํ อวสิฏฺํ โหติ นิฏฺเปตพฺพํ. สเจ พหุ, สงฺฆิกฺเจ นวกมฺมํ, สงฺฆสฺส วา สงฺฆภารหารกภิกฺขูนํ วา นิยฺยาเทตพฺพํ. อตฺตโน สนฺตกฺเจ, อตฺตโน ภารหารกานํ นิยฺยาเทตพฺพํ. ตาทิเส อลภนฺเตน สงฺฆสฺส ปริจฺจชิตฺวา คนฺตพฺพนฺติ.

อทฺธานนฺติ มคฺคคมนํ. ยสฺส หิ กตฺถจิ ปพฺพชฺชาเปกฺโข วา โหติ, ปจฺจยชาตํ วา กิฺจิ ลทฺธพฺพํ โหติ. สเจ ตํ อลภนฺโต น สกฺโกติ อธิวาเสตุํ, อรฺํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺตสฺสปิ คมิกจิตฺตํ นาม ทุปฺปฏิวิโนทนียํ โหติ, ตสฺมา คนฺตฺวา ตํ กิจฺจํ ตีเรตฺวาว สมณธมฺเม อุสฺสุกฺกํ กาตพฺพนฺติ.

าตีติ วิหาเร อาจริยุปชฺฌายสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกสมานุปชฺฌายกสมานาจริยกา, ฆเร มาตา ปิตา ภาตาติ เอวมาทิกา. เต คิลานา อิมสฺส ปลิโพธา โหนฺติ, ตสฺมา โส ปลิโพโธ อุปฏฺหิตฺวา เตสํ ปากติกกรเณน อุปจฺฉินฺทิตพฺโพ.

ตตฺถ อุปชฺฌาโย ตาว คิลาโน สเจ ลหุํ น วุฏฺาติ, ยาวชีวมฺปิ ปฏิชคฺคิตพฺโพ. ตถา ปพฺพชฺชาจริโย อุปสมฺปทาจริโย สทฺธิวิหาริโก อุปสมฺปาทิตปพฺพาชิตอนฺเตวาสิกสมานุปชฺฌายกา จ. นิสฺสยาจริยอุทฺเทสาจริยนิสฺสยนฺเตวาสิกอุทฺเทสนฺเตวาสิกสมานาจริยกา ปน ยาว นิสฺสยอุทฺเทสา อนุปจฺฉินฺนา, ตาว ปฏิชคฺคิตพฺพา. ปโหนฺเตน ตโต อุทฺธมฺปิ ปฏิชคฺคิตพฺพา เอว. มาตาปิตูสุ อุปชฺฌาเย วิย ปฏิปชฺชิตพฺพํ. สเจปิ หิ เต รชฺเช ิตา โหนฺติ, ปุตฺตโต จ อุปฏฺานํ ปจฺจาสีสนฺติ, กาตพฺพเมว. อถ เตสํ เภสชฺชํ นตฺถิ, อตฺตโน สนฺตกํ ทาตพฺพํ. อสติ ภิกฺขาจริยาย ปริเยสิตฺวาปิ ทาตพฺพเมว. ภาตุภคินีนํ ปน เตสํ สนฺตกเมว โยเชตฺวา ทาตพฺพํ. สเจ นตฺถิ อตฺตโน สนฺตกํ ตาวกาลิกํ ทตฺวา ปจฺฉา ลภนฺเตน คณฺหิตพฺพํ. อลภนฺเตน น โจเทตพฺพา. อฺาตกสฺส ภคินิสามิกสฺส เภสชฺชํ เนว กาตุํ น ทาตุํ วฏฺฏติ. ‘‘ตุยฺหํ สามิกสฺส เทหี’’ติ วตฺวา ปน ภคินิยา ทาตพฺพํ. ภาตุชายายปิ เอเสว นโย. เตสํ ปน ปุตฺตา อิมสฺส าตกา เอวาติ เตสํ กาตุํ วฏฺฏตีติ.

อาพาโธติ โยโกจิ โรโค. โส พาธยมาโน ปลิโพโธ โหติ, ตสฺมา เภสชฺชกรเณน อุปจฺฉินฺทิตพฺโพ. สเจ ปน กติปาหํ เภสชฺชํ กโรนฺตสฺสปิ น วูปสมฺมติ, นาหํ ตุยฺหํ ทาโส, น ภฏโก, ตํเยว หิ โปเสนฺโต อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ ทุกฺขํ ปตฺโตติ อตฺตภาวํ ครหิตฺวา สมณธมฺโม กาตพฺโพติ.

คนฺโถติ ปริยตฺติหรณํ. ตํ สชฺฌายาทีหิ นิจฺจพฺยาวฏสฺส ปลิโพโธ โหติ, น อิตรสฺส. ตตฺริมานิ วตฺถูนิ –

มชฺฌิมภาณกเทวตฺเถโร กิร มลยวาสิเทวตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา กมฺมฏฺานํ ยาจิ. เถโร กีทิโสสิ, อาวุโส, ปริยตฺติยนฺติ ปุจฺฉิ. มชฺฌิโม เม, ภนฺเต, ปคุโณติ. อาวุโส, มชฺฌิโม นาเมโส ทุปฺปริหาโร, มูลปณฺณาสํ สชฺฌายนฺตสฺส มชฺฌิมปณฺณาสโก อาคจฺฉติ, ตํ สชฺฌายนฺตสฺส อุปริปณฺณาสโก. กุโต ตุยฺหํ กมฺมฏฺานนฺติ? ภนฺเต, ตุมฺหากํ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ ลภิตฺวา ปุน น โอโลเกสฺสามีติ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เอกูนวีสติวสฺสานิ สชฺฌายํ อกตฺวา วีสติเม วสฺเส อรหตฺตํ ปตฺวา สชฺฌายตฺถาย อาคตานํ ภิกฺขูนํ ‘‘วีสติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปริยตฺตึ อโนโลเกนฺตสฺส, อปิจ โข กตปริจโย อหเมตฺถ อารภถา’’ติ วตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา เอกพฺยฺชเนปิสฺส กงฺขา นาโหสิ.

กรุฬิยคิริวาสีนาคตฺเถโรปิ อฏฺารสวสฺสานิ ปริยตฺตึ ฉฑฺเฑตฺวา ภิกฺขูนํ ธาตุกถํ อุทฺทิสิ. เตสํ คามวาสิกตฺเถเรหิ สทฺธึ สํสนฺเทนฺตานํ เอกปฺโหปิ อุปฺปฏิปาฏิยา อาคโต นาโหสิ.

มหาวิหาเรปิ ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร นาม อฏฺกถํ อนุคฺคเหตฺวาว ปฺจนิกายมณฺฑเล ตีณิ ปิฏกานิ ปริวตฺเตสฺสามีติ สุวณฺณเภรึ ปหราเปสิ. ภิกฺขุสงฺโฆ กตมาจริยานํ อุคฺคโห, อตฺตโน อาจริยุคฺคหฺเว วทตุ, อิตรถา วตฺตุํ น เทมาติ อาห. อุปชฺฌาโยปิ นํ อตฺตโน อุปฏฺานมาคตํ ปุจฺฉิ ‘‘ตฺวมาวุโส, เภรึ ปหราเปสี’’ติ? อาม, ภนฺเต. กึ การณาติ? ปริยตฺตึ, ภนฺเต, ปริวตฺเตสฺสามีติ. อาวุโส อภย, อาจริยา อิทํ ปทํ กถํ วทนฺตีติ? เอวํ วทนฺติ, ภนฺเตติ. เถโร หุนฺติ ปฏิพาหิ. ปุน โส อฺเน อฺเน ปริยาเยน เอวํ วทนฺติ ภนฺเตติ ติกฺขตฺตุํ อาห. เถโร สพฺพํ หุนฺติ ปฏิพาหิตฺวา ‘‘อาวุโส, ตยา ปมํ กถิโต เอว อาจริยมคฺโค, อาจริยมุขโต ปน อนุคฺคหิตตฺตา ‘เอวํ อาจริยา วทนฺตี’ติ สณฺาตุํ นาสกฺขิ. คจฺฉ อตฺตโน อาจริยานํ สนฺติเก สุณาหี’’ติ. กุหึ, ภนฺเต, คจฺฉามีติ? คงฺคาย ปรโต โรหณชนปเท ตุลาธารปพฺพตวิหาเร สพฺพปริยตฺติโก มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถโร นาม วสติ, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาติ. สาธุ, ภนฺเตติ เถรํ วนฺทิตฺวา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. เถโร กสฺมา อาคโตสีติ ปุจฺฉิ. ธมฺมํ โสตุํ, ภนฺเตติ. อาวุโส อภย, ทีฆมชฺฌิเมสุ มํ กาเลน กาลํ ปุจฺฉนฺติ. อวเสสํ ปน เม ตึสมตฺตานิ วสฺสานิ น โอโลกิตปุพฺพํ. อปิจ ตฺวํ รตฺตึ มม สนฺติเก ปริวตฺเตหิ. อหํ เต ทิวา กถยิสฺสามีติ. โส สาธุ, ภนฺเตติ ตถา อกาสิ. ปริเวณทฺวาเร มหามณฺฑปํ กาเรตฺวา คามวาสิโน ทิวเส ทิวเส ธมฺมสฺสวนตฺถาย อาคจฺฉนฺติ. เถโร รตฺตึ ปริวตฺติ. ตํ ทิวา กถยนฺโต อนุปุพฺเพน เทสนํ นิฏฺเปตฺวา อภยตฺเถรสฺส สนฺติเก ตฏฺฏิกาย นิสีทิตฺวา ‘‘อาวุโส, มยฺหํ กมฺมฏฺานํ กเถหี’’ติ อาห. ภนฺเต, กึ ภณถ, นนุ มยา ตุมฺหากเมว สนฺติเก สุตํ? กิมหํ ตุมฺเหหิ อฺาตํ กเถสฺสามีติ? ตโต นํ เถโร อฺโ เอส, อาวุโส, คตกสฺส มคฺโค นามาติ อาห. อภยเถโร กิร ตทา โสตาปนฺโน โหติ. อถสฺส โส กมฺมฏฺานํ ทตฺวา อาคนฺตฺวา โลหปาสาเท ธมฺมํ ปริวตฺเตนฺโต เถโร ปรินิพฺพุโตติ อสฺโสสิ. สุตฺวา ‘‘อาหรถาวุโส, จีวร’’นฺติ จีวรํ ปารุปิตฺวา ‘‘อนุจฺฉวิโก, อาวุโส, อมฺหากํ อาจริยสฺส อรหตฺตมคฺโค. อาจริโย โน, อาวุโส, อุชุ อาชานีโย. โส อตฺตโน ธมฺมนฺเตวาสิกสฺส สนฺติเก ตฏฺฏิกาย นิสีทิตฺวา ‘มยฺหํ กมฺมฏฺานํ กเถหี’ติ อาห. อนุจฺฉวิโก, อาวุโส, เถรสฺส อรหตฺตมคฺโค’’ติ. เอวรูปานํ คนฺโถ ปลิโพโธ น โหตีติ.

อิทฺธีติ โปถุชฺชนิกา อิทฺธิ. สา หิ อุตฺตานเสยฺยกทารโก วิย ตรุณสสฺสํ วิย จ ทุปฺปริหารา โหติ. อปฺปมตฺตเกเนว ภิชฺชติ. สา ปน วิปสฺสนาย ปลิโพโธ โหติ, น สมาธิสฺส, สมาธึ ปตฺวา ปตฺตพฺพโต. ตสฺมา วิปสฺสนตฺถิเกน อิทฺธิปลิโพโธ อุปจฺฉินฺทิตพฺโพ, อิตเรน อวเสสาติ อยํ ตาว ปลิโพธกถาย วิตฺถาโร.

กมฺมฏฺานทายกวณฺณนา

๔๒. กมฺมฏฺานทายกํ กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวาติ เอตฺถ ปน ทุวิธํ กมฺมฏฺานํ สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานํ ปาริหาริยกมฺมฏฺานฺจ. ตตฺถ สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานํ นาม ภิกฺขุสงฺฆาทีสุ เมตฺตา มรณสฺสติ จ. อสุภสฺาติปิ เอเก.

กมฺมฏฺานิเกน หิ ภิกฺขุนา ปมํ ตาว ปริจฺฉินฺทิตฺวา สีมฏฺกภิกฺขุสงฺเฆ สุขิตา โหนฺตุ อพฺยาปชฺชาติ เมตฺตา ภาเวตพฺพา. ตโต สีมฏฺกเทวตาสุ. ตโต โคจรคามมฺหิ อิสฺสรชเน. ตโต ตตฺถ มนุสฺเส อุปาทาย สพฺพสตฺเตสุ. โส หิ ภิกฺขุสงฺเฆ เมตฺตาย สหวาสีนํ มุทุจิตฺตตํ ชเนติ. อถสฺส เต สุขสํวาสา โหนฺติ. สีมฏฺกเทวตาสุ เมตฺตาย มุทุกตจิตฺตาหิ เทวตาหิ ธมฺมิกาย รกฺขาย สุสํวิหิตรกฺโข โหติ. โคจรคามมฺหิ อิสฺสรชเน เมตฺตาย มุทุกตจิตฺตสนฺตาเนหิ อิสฺสเรหิ ธมฺมิกาย รกฺขาย สุรกฺขิตปริกฺขาโร โหติ. ตตฺถ มนุสฺเสสุ เมตฺตาย ปสาทิตจิตฺเตหิ เตหิ อปริภูโต หุตฺวา วิจรติ. สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตาย สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตจาโร โหติ. มรณสฺสติยา ปน อวสฺสํ มยา มริตพฺพนฺติ จินฺเตนฺโต อเนสนํ ปหาย อุปรูปริ วฑฺฒมานสํเวโค อโนลีนวุตฺติโก โหติ. อสุภสฺาปริจิตจิตฺตสฺส ปนสฺส ทิพฺพานิปิ อารมฺมณานิ โลภวเสน จิตฺตํ น ปริยาทิยนฺติ.

เอวํ พหูปการตฺตา สพฺพตฺถ อตฺถยิตพฺพํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ จ อธิปฺเปตสฺส โยคานุโยคกมฺมสฺส านฺจาติ สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานนฺติ วุจฺจติ.

จตฺตาลีสาย ปน กมฺมฏฺาเนสุ ยํ ยสฺส จริยานุกูลํ, ตํ ตสฺส นิจฺจํ ปริหริตพฺพตฺตา อุปริมสฺส จ อุปริมสฺส ภาวนากมฺมสฺส ปทฏฺานตฺตา ปาริหาริยกมฺมฏฺานนฺติ วุจฺจติ. อิติ อิมํ ทุวิธมฺปิ กมฺมฏฺานํ โย เทติ, อยํ กมฺมฏฺานทายโก นาม. ตํ กมฺมฏฺานทายกํ.

กลฺยาณมิตฺตนฺติ –

ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;

คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโกติ. (อ. นิ. ๗.๓๗);

เอวมาทิคุณสมนฺนาคตํ เอกนฺเตน หิเตสึ วุทฺธิปกฺเข ิตํ กลฺยาณมิตฺตํ.

‘‘มมํ หิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙; ๕.๒) อาทิวจนโต ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธเยว สพฺพาการสมฺปนฺโน กลฺยาณมิตฺโต. ตสฺมา ตสฺมึ สติ ตสฺเสว ภควโต สนฺติเก คหิตกมฺมฏฺานํ สุคหิตํ โหติ. ปรินิพฺพุเต ปน ตสฺมึ อสีติยา มหาสาวเกสุ โย ธรติ, ตสฺส สนฺติเก คเหตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมึ อสติ ยํ กมฺมฏฺานํ คเหตุกาโม โหติ, ตสฺเสว วเสน จตุกฺกปฺจกชฺฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อาสวกฺขยปฺปตฺตสฺส ขีณาสวสฺส สนฺติเก คเหตพฺพํ.

กึ ปน ขีณาสโว อหํ ขีณาสโวติ อตฺตานํ ปกาเสตีติ? กึ วตฺตพฺพํ, การกภาวํ หิ ชานิตฺวา ปกาเสติ. นนุ อสฺสคุตฺตตฺเถโร อารทฺธกมฺมฏฺานสฺส ภิกฺขุโน ‘‘กมฺมฏฺานการโก อย’’นฺติ ชานิตฺวา อากาเส จมฺมขณฺฑํ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน กมฺมฏฺานํ กเถสีติ.

ตสฺมา สเจ ขีณาสวํ ลภติ, อิจฺเจตํ กุสลํ, โน เจ ลภติ, อนาคามิสกทาคามิโสตาปนฺนฌานลาภีปุถุชฺชนติปิฏกธรทฺวิปิฏกธรเอกปิฏกธเรสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส สนฺติเก. เอกปิฏกธเรปิ อสติ ยสฺส เอกสงฺคีติปิ อฏฺกถาย สทฺธึ ปคุณา, อยฺจ ลชฺชี โหติ, ตสฺส สนฺติเก คเหตพฺพํ. เอวรูโป หิ ตนฺติธโร วํสานุรกฺขโก ปเวณีปาลโก อาจริโย อาจริยมติโกว โหติ, น อตฺตโนมติโก โหติ. เตเนว โปราณกตฺเถรา ‘‘ลชฺชี รกฺขิสฺสติ ลชฺชี รกฺขิสฺสตี’’ติ ติกฺขตฺตุํ อาหํสุ.

ปุพฺเพ วุตฺตขีณาสวาทโย เจตฺถ อตฺตนา อธิคตมคฺคเมว อาจิกฺขนฺติ. พหุสฺสุโต ปน ตํ ตํ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา อุคฺคหปริปุจฺฉานํ วิโสธิตตฺตา อิโต จิโต จ สุตฺตฺจ การณฺจ สลฺลกฺเขตฺวา สปฺปายาสปฺปายํ โยเชตฺวา คหนฏฺาเน คจฺฉนฺโต มหาหตฺถี วิย มหามคฺคํ ทสฺเสนฺโต กมฺมฏฺานํ กเถสฺสติ. ตสฺมา เอวรูปํ กมฺมฏฺานทายกํ กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส วตฺตปฏิปตฺตึ กตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตพฺพํ.

สเจ ปเนตํ เอกวิหาเรเยว ลภติ, อิจฺเจตํ กุสลํ, โน เจ ลภติ, ยตฺถ โส วสติ, ตตฺถ คนฺตพฺพํ. คจฺฉนฺเตน จ น โธตมกฺขิเตหิ ปาเทหิ อุปาหนา อารูหิตฺวา ฉตฺตํ คเหตฺวา เตลนาฬิมธุผาณิตาทีนิ คาหาเปตฺวา อนฺเตวาสิกปริวุเตน คนฺตพฺพํ. คมิกวตฺตํ ปน ปูเรตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรํ สยเมว คเหตฺวา อนฺตรามคฺเค ยํ ยํ วิหารํ ปวิสติ สพฺพตฺถ วตฺตปฏิปตฺตึ กุรุมาเนน สลฺลหุกปริกฺขาเรน ปรมสลฺเลขวุตฺตินา หุตฺวา คนฺตพฺพํ.

ตํ วิหารํ ปวิสนฺเตน อนฺตรามคฺเคเยว ทนฺตกฏฺํ กปฺปิยํ การาเปตฺวา คเหตฺวา ปวิสิตพฺพํ, น จ ‘‘มุหุตฺตํ วิสฺสเมตฺวา ปาทโธวนมกฺขนาทีนิ กตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ อฺํ ปริเวณํ ปวิสิตพฺพํ. กสฺมา? สเจ หิสฺส ตตฺร อาจริยสฺส วิสภาคา ภิกฺขู ภเวยฺยุํ, เต อาคมนการณํ ปุจฺฉิตฺวา อาจริยสฺส อวณฺณํ ปกาเสตฺวา ‘‘นฏฺโสิ, สเจ ตสฺส สนฺติกํ อาคโต’’ติ วิปฺปฏิสารํ อุปฺปาเทยฺยุํ, เยน ตโตว ปฏินิวตฺเตยฺย, ตสฺมา อาจริยสฺส วสนฏฺานํ ปุจฺฉิตฺวา อุชุกํ ตตฺเถว คนฺตพฺพํ.

สเจ อาจริโย ทหรตโร โหติ, ปตฺตจีวรปฏิคฺคหณาทีนิ น สาทิตพฺพานิ. สเจ วุฑฺฒตโร โหติ, คนฺตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา าตพฺพํ. ‘‘นิกฺขิปาวุโส, ปตฺตจีวร’’นฺติ วุตฺเตน นิกฺขิปิตพฺพํ. ‘‘ปานียํ ปิวา’’ติ วุตฺเตน สเจ อิจฺฉติ ปาตพฺพํ. ‘‘ปาเท โธวาหี’’ติ วุตฺเตน น ตาว ปาทา โธวิตพฺพา. สเจ หิ อาจริเยน อาภตํ อุทกํ ภเวยฺย, น สารุปฺปํ สิยา. ‘‘โธวาหาวุโส, น มยา อาภตํ, อฺเหิ อาภต’’นฺติ วุตฺเตน ปน ยตฺถ อาจริโย น ปสฺสติ, เอวรูเป ปฏิจฺฉนฺเน วา โอกาเส, อพฺโภกาเส วิหารสฺสาปิ วา เอกมนฺเต นิสีทิตฺวา ปาทา โธวิตพฺพา.

สเจ อาจริโย เตลนาฬึ อาหรติ อุฏฺหิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตพฺพา. สเจ หิ น คณฺเหยฺย, ‘‘อยํ ภิกฺขุ อิโต เอว ปฏฺาย สมฺโภคํ โกเปตี’’ติ อาจริยสฺส อฺถตฺตํ ภเวยฺย. คเหตฺวา ปน น อาทิโตว ปาทา มกฺเขตพฺพา. สเจ หิ ตํ อาจริยสฺส คตฺตพฺภฺชนเตลํ ภเวยฺย, น สารุปฺปํ สิยา. ตสฺมา สีสํ มกฺเขตฺวา ขนฺธาทีนิ มกฺเขตพฺพานิ. ‘‘สพฺพปาริหาริยเตลมิทํ, อาวุโส, ปาเทปิ มกฺเขหี’’ติ วุตฺเตน ปน โถกํ สีเส กตฺวา ปาเท มกฺเขตฺวา ‘‘อิมํ เตลนาฬึ เปมิ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา อาจริเย คณฺหนฺเต ทาตพฺพา.

อาคตทิวสโต ปฏฺาย กมฺมฏฺานํ เม, ภนฺเต, กเถถ อิจฺเจวํ น วตฺตพฺพํ. ทุติยทิวสโต ปน ปฏฺาย สเจ อาจริยสฺส ปกติอุปฏฺาโก อตฺถิ, ตํ ยาจิตฺวา วตฺตํ กาตพฺพํ. สเจ ยาจิโตปิ น เทติ, โอกาเส ลทฺเธเยว กาตพฺพํ. กโรนฺเตน ขุทฺทกมชฺฌิมมหนฺตานิ ตีณิ ทนฺตกฏฺานิ อุปนาเมตพฺพานิ. สีตํ อุณฺหนฺติ ทุวิธํ มุขโธวนอุทกฺจ นฺหาโนทกฺจ ปฏิยาเทตพฺพํ. ตโต ยํ อาจริโย ตีณิ ทิวสานิ ปริภุฺชติ, ตาทิสเมว นิจฺจํ อุปนาเมตพฺพํ. นิยมํ อกตฺวา ยํ วา ตํ วา ปริภุฺชนฺตสฺส ยถาลทฺธํ อุปนาเมตพฺพํ. กึ พหุนา วุตฺเตน? ยํ ตํ ภควตา ‘‘อนฺเตวาสิเกน, ภิกฺขเว, อาจริยมฺหิ สมฺมา วตฺติตพฺพํ. ตตฺรายํ สมฺมา วตฺตนา, กาลสฺเสว อุฏฺาย อุปาหนา โอมุฺจิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทนฺตกฏฺํ ทาตพฺพํ, มุโขทกํ ทาตพฺพํ, อาสนํ ปฺเปตพฺพํ. สเจ ยาคุ โหติ, ภาชนํ โธวิตฺวา ยาคุ อุปนาเมตพฺพา’’ติ (มหาว. ๗๘) อาทิกํ ขนฺธเก สมฺมาวตฺตํ ปฺตฺตํ, ตํ สพฺพมฺปิ กาตพฺพํ.

เอวํ วตฺตสมฺปตฺติยา ครุํ อาราธยมาเนน สายํ วนฺทิตฺวา ยาหีติ วิสฺสชฺชิเตน คนฺตพฺพํ, ยทา โส กิสฺสาคโตสีติ ปุจฺฉติ, ตทา อาคมนการณํ กเถตพฺพํ. สเจ โส เนว ปุจฺฉติ, วตฺตํ ปน สาทิยติ, ทสาเห วา ปกฺเข วา วีติวตฺเต เอกทิวสํ วิสฺสชฺชิเตนาปิ อคนฺตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา อาคมนการณํ อาโรเจตพฺพํ. อกาเล วา คนฺตฺวา กิมตฺถมาคโตสีติ ปุฏฺเน อาโรเจตพฺพํ. สเจ โส ปาโตว อาคจฺฉาติ วทติ, ปาโตว คนฺตพฺพํ.

สเจ ปนสฺส ตาย เวลาย ปิตฺตาพาเธน วา กุจฺฉิ ปริฑยฺหติ, อคฺคิมนฺทตาย วา ภตฺตํ น ชีรติ, อฺโ วา โกจิ โรโค พาธติ, ตํ ยถาภูตํ อาวิกตฺวา อตฺตโน สปฺปายเวลํ อาโรเจตฺวา ตาย เวลาย อุปสงฺกมิตพฺพํ. อสปฺปายเวลาย หิ วุจฺจมานมฺปิ กมฺมฏฺานํ น สกฺกา โหติ มนสิกาตุนฺติ. อยํ กมฺมฏฺานทายกํ กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวาติ เอตฺถ วิตฺถาโร.

จริยาวณฺณนา

๔๓. อิทานิ อตฺตโน จริยานุกูลนฺติ เอตฺถ จริยาติ ฉ จริยา ราคจริยา, โทสจริยา, โมหจริยา, สทฺธาจริยา, พุทฺธิจริยา, วิตกฺกจริยาติ. เกจิ ปน ราคาทีนํ สํสคฺคสนฺนิปาตวเสน อปราปิ จตสฺโส, ตถา สทฺธาทีนนฺติ อิมาหิ อฏฺหิ สทฺธึ จุทฺทส อิจฺฉนฺติ. เอวํ ปน เภเท วุจฺจมาเน ราคาทีนํ สทฺธาทีหิปิ สํสคฺคํ กตฺวา อเนกา จริยา โหนฺติ, ตสฺมา สงฺเขเปน ฉเฬว จริยา เวทิตพฺพา. จริยา, ปกติ, อุสฺสนฺนตาติ อตฺถโต เอกํ. ตาสํ วเสน ฉเฬว ปุคฺคลา โหนฺติ ราคจริโต, โทสจริโต, โมหจริโต, สทฺธาจริโต, พุทฺธิจริโต, วิตกฺกจริโตติ.

ตตฺถ ยสฺมา ราคจริตสฺส กุสลปฺปวตฺติสมเย สทฺธา พลวตี โหติ, ราคสฺส อาสนฺนคุณตฺตา. ยถา หิ อกุสลปกฺเข ราโค สินิทฺโธ นาติลูโข, เอวํ กุสลปกฺเข สทฺธา. ยถา ราโค วตฺถุกาเม ปริเยสติ, เอวํ สทฺธา สีลาทิคุเณ. ยถา ราโค อหิตํ น ปริจฺจชติ, เอวํ สทฺธา หิตํ น ปริจฺจชติ, ตสฺมา ราคจริตสฺส สทฺธาจริโต สภาโค.

ยสฺมา ปน โทสจริตสฺส กุสลปฺปวตฺติสมเย ปฺา พลวตี โหติ, โทสสฺส อาสนฺนคุณตฺตา. ยถา หิ อกุสลปกฺเข โทโส นิสฺสิเนโห น อารมฺมณํ อลฺลียติ, เอวํ กุสลปกฺเข ปฺา. ยถา จ โทโส อภูตมฺปิ โทสเมว ปริเยสติ, เอวํ ปฺา ภูตํ โทสเมว. ยถา โทโส สตฺตปริวชฺชนากาเรน ปวตฺตติ, เอวํ ปฺา สงฺขารปริวชฺชนากาเรน, ตสฺมา โทสจริตสฺส พุทฺธิจริโต สภาโค.

ยสฺมา ปน โมหจริตสฺส อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย วายมมานสฺส เยภุยฺเยน อนฺตรายกรา วิตกฺกา อุปฺปชฺชนฺติ, โมหสฺส อาสนฺนลกฺขณตฺตา. ยถา หิ โมโห ปริพฺยากุลตาย อนวฏฺิโต, เอวํ วิตกฺโก นานปฺปการวิตกฺกนตาย. ยถา จ โมโห อปริโยคาหณตาย จฺจโล. ตถา วิตกฺโก ลหุปริกปฺปนตาย, ตสฺมา โมหจริตสฺส วิตกฺกจริโต สภาโคติ.

อปเร ตณฺหามานทิฏฺิวเสน อปราปิ ติสฺโส จริยา วทนฺติ. ตตฺถ ตณฺหา ราโคเยว, มาโน จ ตํสมฺปยุตฺโตติ ตทุภยํ ราคจริยํ นาติวตฺตติ. โมหนิทานตฺตา จ ทิฏฺิยา ทิฏฺิจริยา โมหจริยเมว อนุปตติ.

๔๔. ตา ปเนตา จริยา กินฺนิทานา? กถฺจ ชานิตพฺพํ ‘‘อยํ ปุคฺคโล ราคจริโต, อยํ ปุคฺคโล โทสาทีสุ อฺตรจริโต’’ติ? กึ จริตสฺส ปุคฺคลสฺส กึ สปฺปายนฺติ?

ตตฺร ปุริมา ตาว ติสฺโส จริยา ปุพฺพาจิณฺณนิทานา, ธาตุโทสนิทานา จาติ เอกจฺเจ วทนฺติ. ปุพฺเพ กิร อิฏฺปฺปโยคสุภกมฺมพหุโล ราคจริโต โหติ, สคฺคา วา จวิตฺวา อิธูปปนฺโน. ปุพฺเพ เฉทนวธพนฺธนเวรกมฺมพหุโล โทสจริโต โหติ, นิรยนาคโยนีหิ วา จวิตฺวา อิธูปปนฺโน. ปุพฺเพ มชฺชปานพหุโล สุตปริปุจฺฉาวิหีโน จ โมหจริโต โหติ, ติรจฺฉานโยนิยา วา จวิตฺวา อิธูปปนฺโนติ เอวํ ปุพฺพาจิณฺณนิทานาติ วทนฺติ. ทฺวินฺนํ ปน ธาตูนํ อุสฺสนฺนตฺตา ปุคฺคโล โมหจริโต โหติ ปถวีธาตุยา จ อาโปธาตุยา จ. อิตราสํ ทฺวินฺนํ อุสฺสนฺนตฺตา โทสจริโต. สพฺพาสํ สมตฺตา ปน ราคจริโตติ. โทเสสุ จ เสมฺหาธิโก ราคจริโต โหติ. วาตาธิโก โมหจริโต. เสมฺหาธิโก วา โมหจริโต. วาตาธิโก ราคจริโตติ เอวํ ธาตุโทสนิทานาติ วทนฺติ.

ตตฺถ ยสฺมา ปุพฺเพ อิฏฺปฺปโยคสุภกมฺมพหุลาปิ สคฺคา จวิตฺวา อิธูปปนฺนาปิ จ น สพฺเพ ราคจริตาเยว โหนฺติ, น อิตเร วา โทสโมหจริตา. เอวํ ธาตูนฺจ ยถาวุตฺเตเนว นเยน อุสฺสทนิยโม นาม นตฺถิ. โทสนิยเม จ ราคโมหทฺวยเมว วุตฺตํ, ตมฺปิ จ ปุพฺพาปรวิรุทฺธเมว. สทฺธาจริยาทีสุ จ เอกิสฺสาปิ นิทานํ น วุตฺตเมว. ตสฺมา สพฺพเมตํ อปริจฺฉินฺนวจนํ.

อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถาจริยานํ มตานุสาเรน วินิจฺฉโย, วุตฺตฺเหตํ อุสฺสทกิตฺตเน (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘) ‘‘อิเม สตฺตา ปุพฺพเหตุนิยาเมน โลภุสฺสทา โทสุสฺสทา โมหุสฺสทา อโลภุสฺสทา อโทสุสฺสทา อโมหุสฺสทา จ โหนฺติ.

ยสฺส หิ กมฺมายูหนกฺขเณ โลโภ พลวา โหติ อโลโภ มนฺโท, อโทสาโมหา พลวนฺโต โทสโมหา มนฺทา, ตสฺส มนฺโท อโลโภ โลภํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ. อโทสาโมหา ปน พลวนฺโต โทสโมเห ปริยาทาตุํ สกฺโกติ. ตสฺมา โส เตน กมฺเมน ทินฺนปฏิสนฺธิวเสน นิพฺพตฺโต ลุทฺโธ โหติ สุขสีโล อกฺโกธโน ปฺวา วชิรูปมาโณ.

ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ โลภโทสา พลวนฺโต โหนฺติ อโลภาโทสา มนฺทา, อโมโห พลวา โมโห มนฺโท, โส ปุริมนเยเนว ลุทฺโธ เจว โหติ ทุฏฺโ จ. ปฺวา ปน โหติ วชิรูปมาโณ ทตฺตาภยตฺเถโร วิย.

ยสฺส กมฺมายูหนกฺขเณ โลภาโทสโมหา พลวนฺโต โหนฺติ อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว ลุทฺโธ เจว โหติ ทนฺโธ จ, สีลโก ปน โหติ อกฺโกธโน (พากุลตฺเถโร วิย).

ตถา ยสฺส กมฺมายูหนกฺขเณ ตโยปิ โลภโทสโมหา พลวนฺโต โหนฺติ อโลภาทโย มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว ลุทฺโธ เจว โหติ ทุฏฺโ จ มูฬฺโห จ.

ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ อโลภโทสโมหา พลวนฺโต โหนฺติ อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว อลุทฺโธ อปฺปกิเลโส โหติ ทิพฺพารมฺมณมฺปิ ทิสฺวา นิจฺจโล, ทุฏฺโ ปน โหติ ทนฺธปฺโ จ.

ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ อโลภาโทสโมหา พลวนฺโต โหนฺติ อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว อลุทฺโธ เจว โหติ อทุฏฺโ สีลโก จ, ทนฺโธ ปน โหติ.

ตถา ยสฺส กมฺมายูหนกฺขเณ อโลภโทสาโมหา พลวนฺโต โหนฺติ อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว อลุทฺโธ เจว โหติ ปฺวา จ, ทุฏฺโ จ ปน โหติ โกธโน.

ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ ตโยปิ อโลภาโทสาโมหา พลวนฺโต โหนฺติ โลภาทโย มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถโร วิย อลุทฺโธ อทุฏฺโ ปฺวา จ โหตี’’ติ.

เอตฺถ จ โย ลุทฺโธติ วุตฺโต, อยํ ราคจริโต. ทุฏฺทนฺธา โทสโมหจริตา. ปฺวา พุทฺธิจริโต. อลุทฺธอทุฏฺา ปสนฺนปกติตาย สทฺธาจริตา. ยถา วา อโมหปริวาเรน กมฺมุนา นิพฺพตฺโต พุทฺธิจริโต, เอวํ พลวสทฺธาปริวาเรน กมฺมุนา นิพฺพตฺโต สทฺธาจริโต. กามวิตกฺกาทิปริวาเรน กมฺมุนา นิพฺพตฺโต วิตกฺกจริโต. โลภาทินา โวมิสฺสปริวาเรน กมฺมุนา นิพฺพตฺโต โวมิสฺสจริโตติ. เอวํ โลภาทีสุ อฺตรฺตรปริวารํ ปฏิสนฺธิชนกํ กมฺมํ จริยานํ นิทานนฺติ เวทิตพฺพํ.

๔๕. ยํ ปน วุตฺตํ กถฺจ ชานิตพฺพํ อยํ ปุคฺคโล ราคจริโตติอาทิ. ตตฺรายํ นโย.

อิริยาปถโต กิจฺจา, โภชนา ทสฺสนาทิโต;

ธมฺมปฺปวตฺติโต เจว, จริยาโย วิภาวเยติ.

ตตฺถ อิริยาปถโตติ ราคจริโต หิ ปกติคมเนน คจฺฉนฺโต จาตุริเยน คจฺฉติ, สณิกํ ปาทํ นิกฺขิปติ, สมํ นิกฺขิปติ, สมํ อุทฺธรติ, อุกฺกุฏิกฺจสฺส ปทํ โหติ. โทสจริโต ปาทคฺเคหิ ขณนฺโต วิย คจฺฉติ, สหสา ปาทํ นิกฺขิปติ, สหสา อุทฺธรติ, อนุกฑฺฒิตฺจสฺส ปทํ โหติ. โมหจริโต ปริพฺยากุลาย คติยา คจฺฉติ, ฉมฺภิโต วิย ปทํ นิกฺขิปติ, ฉมฺภิโต วิย อุทฺธรติ, สหสานุปีฬิตฺจสฺส ปทํ โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ มาคณฺฑิยสุตฺตุปฺปตฺติยํ –

‘‘รตฺตสฺส หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว,

ทุฏฺสฺส โหติ อนุกฑฺฒิตํ ปทํ;

มูฬฺหสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ,

วิวฏฺฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ.

านมฺปิ ราคจริตสฺส ปาสาทิกํ โหติ มธุราการํ, โทสจริตสฺส ถทฺธาการํ, โมหจริตสฺส อากุลาการํ. นิสชฺชายปิ เอเสว นโย. ราคจริโต จ อตรมาโน สมํ เสยฺยํ ปฺเปตฺวา สณิกํ นิปชฺชิตฺวา องฺคปจฺจงฺคานิ สโมธาย ปาสาทิเกน อากาเรน สยติ, วุฏฺาปิยมาโน จ สีฆํ อวุฏฺาย สงฺกิโต วิย สณิกํ ปฏิวจนํ เทติ. โทสจริโต ตรมาโน ยถา วา ตถา วา เสยฺยํ ปฺเปตฺวา ปกฺขิตฺตกาโย ภากุฏึ กตฺวา สยติ, วุฏฺาปิยมาโน จ สีฆํ วุฏฺาย กุปิโต วิย ปฏิวจนํ เทติ. โมหจริโต ทุสฺสณฺานํ เสยฺยํ ปฺเปตฺวา วิกฺขิตฺตกาโย พหุลํ อโธมุโข สยติ, วุฏฺาปิยมาโน จ หุงฺการํ กโรนฺโต ทนฺธํ วุฏฺาติ. สทฺธาจริตาทโย ปน ยสฺมา ราคจริตาทีนํ สภาคา, ตสฺมา เตสมฺปิ ตาทิโสว อิริยาปโถ โหตีติ. เอวํ ตาว อิริยาปถโต จริยาโย วิภาวเย.

กิจฺจาติ สมฺมชฺชนาทีสุ จ กิจฺเจสุ ราคจริโต สาธุกํ สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา อตรมาโน วาลิกํ อวิปฺปกิรนฺโต สินฺทุวารกุสุมสนฺถรมิว สนฺถรนฺโต สุทฺธํ สมํ สมฺมชฺชติ. โทสจริโต คาฬฺหํ สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา ตรมานรูโป อุภโต วาลิกํ อุสฺสาเรนฺโต ขเรน สทฺเทน อสุทฺธํ วิสมํ สมฺมชฺชติ. โมหจริโต สิถิลํ สมฺมชฺชนึ คเหตฺวา สมฺปริวตฺตกํ อาโฬลยมาโน อสุทฺธํ วิสมํ สมฺมชฺชติ.

ยถา สมฺมชฺชเน, เอวํ จีวรโธวนรชนาทีสุปิ สพฺพกิจฺเจสุ นิปุณมธุรสมสกฺกจฺจการี ราคจริโต. คาฬฺหถทฺธวิสมการี โทสจริโต. อนิปุณพฺยากุลวิสมาปริจฺฉินฺนการี โมหจริโต. จีวรธารณมฺปิ จ ราคจริตสฺส นาติคาฬฺหํ นาติสิถิลํ โหติ ปาสาทิกํ ปริมณฺฑลํ. โทสจริตสฺส อติคาฬฺหํ อปริมณฺฑลํ. โมหจริตสฺส สิถิลํ ปริพฺยากุลํ. สทฺธาจริตาทโย เตสํเยวานุสาเรน เวทิตพฺพา, ตํ สภาคตฺตาติ. เอวํ กิจฺจโต จริยาโย วิภาวเย.

โภชนาติ ราคจริโต สินิทฺธมธุรโภชนปฺปิโย โหติ, ภุฺชมาโน จ นาติมหนฺตํ ปริมณฺฑลํ อาโลปํ กตฺวา รสปฏิสํเวที อตรมาโน ภุฺชติ, กิฺจิเทว จ สาทุํ ลภิตฺวา โสมนสฺสํ อาปชฺชติ. โทสจริโต ลูขอมฺพิลโภชนปฺปิโย โหติ, ภุฺชมาโน จ มุขปูรกํ อาโลปํ กตฺวา อรสปฏิสํเวที ตรมาโน ภุฺชติ, กิฺจิเทว จ อสาทุํ ลภิตฺวา โทมนสฺสํ อาปชฺชติ. โมหจริโต อนิยตรุจิโก โหติ, ภุฺชมาโน จ อปริมณฺฑลํ ปริตฺตํ อาโลปํ กตฺวา ภาชเน ฉฑฺเฑนฺโต มุขํ มกฺเขนฺโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต ตํ ตํ วิตกฺเกนฺโต ภุฺชติ. สทฺธาจริตาทโยปิ เตสํเยวานุสาเรน เวทิตพฺพา, ตํสภาคตฺตาติ. เอวํ โภชนโต จริยาโย วิภาวเย.

ทสฺสนาทิโตติ ราคจริโต อีสกมฺปิ มโนรมํ รูปํ ทิสฺวา วิมฺหยชาโต วิย จิรํ โอโลเกติ, ปริตฺเตปิ คุเณ สชฺชติ, ภูตมฺปิ โทสํ น คณฺหาติ, ปกฺกมนฺโตปิ อมุฺจิตุกาโมว หุตฺวา สาเปกฺโข ปกฺกมติ. โทสจริโต อีสกมฺปิ อมโนรมํ รูปํ ทิสฺวา กิลนฺตรูโป วิย น จิรํ โอโลเกติ, ปริตฺเตปิ โทเส ปฏิหฺติ, ภูตมฺปิ คุณํ น คณฺหาติ, ปกฺกมนฺโตปิ มุฺจิตุกาโมว หุตฺวา อนเปกฺโข ปกฺกมติ. โมหจริโต ยํกิฺจิ รูปํ ทิสฺวา ปรปจฺจยิโก โหติ, ปรํ นินฺทนฺตํ สุตฺวา นินฺทติ, ปสํสนฺตํ สุตฺวา ปสํสติ, สยํ ปน อฺาณุเปกฺขาย อุเปกฺขโกว โหติ. เอส นโย สทฺทสวนาทีสุปิ. สทฺธาจริตาทโย ปน เตสํเยวานุสาเรน เวทิตพฺพา, ตํสภาคตฺตาติ. เอวํ ทสฺสนาทิโต จริยาโย วิภาวเย.

ธมฺมปฺปวตฺติโต เจวาติ ราคจริตสฺส จ มายา, สาเยฺยํ, มาโน, ปาปิจฺฉตา, มหิจฺฉตา, อสนฺตุฏฺิตา, สิงฺคํ, จาปลฺยนฺติ เอวมาทโย ธมฺมา พหุลํ ปวตฺตนฺติ. โทสจริตสฺส โกโธ, อุปนาโห, มกฺโข, ปฬาโส, อิสฺสา, มจฺฉริยนฺติ เอวมาทโย. โมหจริตสฺส ถินํ, มิทฺธํ, อุทฺธจฺจํ, กุกฺกุจฺจํ, วิจิกิจฺฉา, อาธานคฺคาหิตา, ทุปฺปฏินิสฺสคฺคิตาติ เอวมาทโย. สทฺธาจริตสฺส มุตฺตจาคตา, อริยานํ ทสฺสนกามตา, สทฺธมฺมํ โสตุกามตา, ปาโมชฺชพหุลตา, อสตา, อมายาวิตา, ปสาทนีเยสุ าเนสุ ปสาโทติ เอวมาทโย. พุทฺธิจริตสฺส โสวจสฺสตา, กลฺยาณมิตฺตตา, โภชเนมตฺตฺุตา, สติสมฺปชฺํ, ชาคริยานุโยโค, สํเวชนีเยสุ าเนสุ สํเวโค, สํวิคฺคสฺส จ โยนิโส ปธานนฺติ เอวมาทโย. วิตกฺกจริตสฺส ภสฺสพหุลตา, คณารามตา, กุสลานุโยเค อรติ, อนวฏฺิตกิจฺจตา, รตฺตึ ธูมายนา, ทิวา ปชฺชลนา, หุราหุรํ ธาวนาติ เอวมาทโย ธมฺมา พหุลํ ปวตฺตนฺตีติ. เอวํ ธมฺมปฺปวตฺติโต จริยาโย วิภาวเย.

ยสฺมา ปน อิทํ จริยาวิภาวนวิธานํ สพฺพากาเรน เนว ปาฬิยํ น อฏฺกถายํ อาคตํ, เกวลํ อาจริยมตานุสาเรน วุตฺตํ, ตสฺมา น สารโต ปจฺเจตพฺพํ. ราคจริตสฺส หิ วุตฺตานิ อิริยาปถาทีนิ โทสจริตาทโยปิ อปฺปมาทวิหาริโน กาตุํ สกฺโกนฺติ. สํสฏฺจริตสฺส จ ปุคฺคลสฺส เอกสฺเสว ภินฺนลกฺขณา อิริยาปถาทโย น อุปปชฺชนฺติ. ยํ ปเนตํ อฏฺกถาสุ จริยาวิภาวนวิธานํ วุตฺตํ, ตเทว สารโต ปจฺเจตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เจโตปริยาณสฺส ลาภี อาจริโย จริยํ ตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถสฺสติ, อิตเรน อนฺเตวาสิโก ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ. ตสฺมา เจโตปริยาเณน วา ตํ วา ปุคฺคลํ ปุจฺฉิตฺวา ชานิตพฺพํ. อยํ ปุคฺคโล ราคจริโต, อยํ โทสาทีสุ อฺตรจริโตติ.

๔๖. กึ จริตสฺส ปุคฺคลสฺส กึ สปฺปายนฺติ เอตฺถ ปน เสนาสนํ ตาว ราคจริตสฺส อโธตเวทิกํ ภูมฏฺกํ อกตปพฺภารกํ ติณกุฏิกํ ปณฺณสาลาทีนํ อฺตรํ รโชกิณฺณํ ชตุกาภริตํ โอลุคฺควิลุคฺคํ อติอุจฺจํ วา อตินีจํ วา อุชฺชงฺคลํ สาสงฺกํ อสุจิวิสมมคฺคํ, ยตฺถ มฺจปีมฺปิ มงฺกุณภริตํ ทุรูปํ ทุพฺพณฺณํ, ยํ โอโลเกนฺตสฺเสว ชิคุจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตาทิสํ สปฺปายํ. นิวาสนปารุปนํ อนฺตจฺฉินฺนํ โอลมฺพวิลมฺพสุตฺตกากิณฺณํ ชาลปูวสทิสํ สาณิ วิย ขรสมฺผสฺสํ กิลิฏฺํ ภาริกํ กิจฺฉปริหรณํ สปฺปายํ. ปตฺโตปิ ทุพฺพณฺโณ มตฺติกาปตฺโต วา อาณิคณฺิกาหโต อโยปตฺโต วา ครุโก ทุสฺสณฺาโน สีสกปาลมิว เชคุจฺโฉ วฏฺฏติ. ภิกฺขาจารมคฺโคปิ อมนาโป อนาสนฺนคาโม วิสโม วฏฺฏติ. ภิกฺขาจารคาโมปิ ยตฺถ มนุสฺสา อปสฺสนฺตา วิย จรนฺติ, ยตฺถ เอกกุเลปิ ภิกฺขํ อลภิตฺวา นิกฺขมนฺตํ ‘‘เอหิ, ภนฺเต’’ติ อาสนสาลํ ปเวเสตฺวา ยาคุภตฺตํ ทตฺวา คจฺฉนฺตา คาวี วิย วเช ปเวเสตฺวา อนปโลเกนฺตา คจฺฉนฺติ, ตาทิโส วฏฺฏติ. ปริวิสกมนุสฺสาปิ ทาสา วา กมฺมกรา วา ทุพฺพณฺณา ทุทฺทสิกา กิลิฏฺวสนา ทุคฺคนฺธา เชคุจฺฉา, เย อจิตฺตีกาเรน ยาคุภตฺตํ ฉฑฺเฑนฺตา วิย ปริวิสนฺติ, ตาทิสา สปฺปายา. ยาคุภตฺตขชฺชกมฺปิ ลูขํ ทุพฺพณฺณํ สามากกุทฺรูสกกณาชกาทิมยํ ปูติตกฺกํ พิลงฺคํ ชิณฺณสากสูเปยฺยํ ยํกิฺจิเทว เกวลํ อุทรปูรมตฺตํ วฏฺฏติ. อิริยาปโถปิสฺส านํ วา จงฺกโม วา วฏฺฏติ. อารมฺมณํ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ยํกิฺจิ อปริสุทฺธวณฺณนฺติ อิทํ ราคจริตสฺส สปฺปายํ.

โทสจริตสฺส เสนาสนํ นาติอุจฺจํ นาตินีจํ ฉายูทกสมฺปนฺนํ สุวิภตฺตภิตฺติถมฺภโสปานํ สุปรินิฏฺิตมาลากมฺมลตากมฺมนานาวิธจิตฺตกมฺมสมุชฺชลสมสินิทฺธมุทุภูมิตลํ พฺรหฺมวิมานมิว กุสุมทามวิจิตฺรวณฺณเจลวิตานสมลงฺกตํ สุปฺตฺตสุจิมโนรมตฺถรณมฺจปีํ ตตฺถ ตตฺถ วาสตฺถาย นิกฺขิตฺตกุสุมวาสคนฺธสุคนฺธํ ยํ ทสฺสนมตฺเตเนว ปีติปาโมชฺชํ ชนยติ, เอวรูปํ สปฺปายํ. ตสฺส ปน เสนาสนสฺส มคฺโคปิ สพฺพปริสฺสยวิมุตฺโต สุจิสมตโล อลงฺกตปฏิยตฺโตว วฏฺฏติ. เสนาสนปริกฺขาโรเปตฺถ กีฏมงฺกุณทีฆชาติมูสิกานํ นิสฺสยปริจฺฉินฺทนตฺถํ นาติพหุโก, เอกมฺจปีมตฺตเมว วฏฺฏติ. นิวาสนปารุปนมฺปิสฺส จีนปฏฺฏโสมารปฏฺฏโกเสยฺยกปฺปาสิกสุขุมโขมาทีนํ ยํ ยํ ปณีตํ, เตน เตน เอกปฏฺฏํ วา ทุปฏฺฏํ วา สลฺลหุกํ สมณสารุปฺเปน สุรตฺตํ สุทฺธวณฺณํ วฏฺฏติ. ปตฺโต อุทกปุปฺผุฬมิว สุสณฺาโน มณิ วิย สุมฏฺโ นิมฺมโล สมณสารุปฺเปน สุปริสุทฺธวณฺโณ อโยมโย วฏฺฏติ. ภิกฺขาจารมคฺโค ปริสฺสยวิมุตฺโต สโม มนาโป นาติทูรนาจฺจาสนฺนคาโม วฏฺฏติ. ภิกฺขาจารคาโมปิ ยตฺถ มนุสฺสา ‘‘อิทานิ อยฺโย อาคมิสฺสตี’’ติ สิตฺตสมฺมฏฺเ ปเทเส อาสนํ ปฺาเปตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตํ อาทาย ฆรํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา สกฺกจฺจํ สหตฺถา ปริวิสนฺติ, ตาทิโส วฏฺฏติ. ปริเวสกา ปนสฺส เย โหนฺติ อภิรูปา ปาสาทิกา สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา ธูปวาสกุสุมคนฺธสุรภิโน นานาวิราคสุจิมนุฺวตฺถาภรณปฏิมณฺฑิตา สกฺกจฺจการิโน, ตาทิสา สปฺปายา. ยาคุภตฺตขชฺชกมฺปิ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนํ โอชวนฺตํ มโนรมํ สพฺพาการปณีตํ ยาวทตฺถํ วฏฺฏติ. อิริยาปโถปิสฺส เสยฺยา วา นิสชฺชา วา วฏฺฏติ, อารมฺมณํ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ยํกิฺจิ สุปริสุทฺธวณฺณนฺติ อิทํ โทสจริตสฺส สปฺปายํ.

โมหจริตสฺส เสนาสนํ ทิสามุขํ อสมฺพาธํ วฏฺฏติ, ยตฺถ นิสินฺนสฺส วิวฏา ทิสา ขายนฺติ, อิริยาปเถสุ จงฺกโม วฏฺฏติ. อารมฺมณํ ปนสฺส ปริตฺตํ สุปฺปมตฺตํ สราวมตฺตํ วา (ขุทฺทกํ) น วฏฺฏติ. สมฺพาธสฺมิฺหิ โอกาเส จิตฺตํ ภิยฺโย สมฺโมหมาปชฺชติ, ตสฺมา วิปุลํ มหากสิณํ วฏฺฏติ. เสสํ โทสจริตสฺส วุตฺตสทิสเมวาติ อิทํ โมหจริตสฺส สปฺปายํ.

สทฺธาจริตสฺส สพฺพมฺปิ โทสจริตมฺหิ วุตฺตวิธานํ สปฺปายํ. อารมฺมเณสุ จสฺส อนุสฺสติฏฺานมฺปิ วฏฺฏติ.

พุทฺธิจริตสฺส เสนาสนาทีสุ อิทํ นาม อสปฺปายนฺติ นตฺถิ.

วิตกฺกจริตสฺส เสนาสนํ วิวฏํ ทิสามุขํ ยตฺถ นิสินฺนสฺส อารามวนโปกฺขรณีรามเณยฺยกานิ คามนิคมชนปทปฏิปาฏิโย นีโลภาสา จ ปพฺพตา ปฺายนฺติ, ตํ น วฏฺฏติ, ตฺหิ วิตกฺกวิธาวนสฺเสว ปจฺจโย โหติ, ตสฺมา คมฺภีเร ทรีมุเข วนปฺปฏิจฺฉนฺเน หตฺถิกุจฺฉิปพฺภารมหินฺทคุหาสทิเส เสนาสเน วสิตพฺพํ. อารมฺมณมฺปิสฺส วิปุลํ น วฏฺฏติ. ตาทิสฺหิ วิตกฺกวเสน สนฺธาวนสฺส ปจฺจโย โหติ. ปริตฺตํ ปน วฏฺฏติ.

เสสํ ราคจริตสฺส วุตฺตสทิสเมวาติ อิทํ วิตกฺกจริตสฺส สปฺปายํ. อยํ อตฺตโน จริยานุกูลนฺติ เอตฺถ อาคตจริยานํ ปเภทนิทานวิภาวนสปฺปายปริจฺเฉทโต วิตฺถาโร. น จ ตาว จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ สพฺพากาเรน อาวิกตํ. ตฺหิ อนนฺตรสฺส มาติกาปทสฺส วิตฺถาเร สยเมว อาวิภวิสฺสติ.

จตฺตาลีสกมฺมฏฺานวณฺณนา

๔๗. ตสฺมา ยํ วุตฺตํ จตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนสุ อฺตรํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาติ เอตฺถ สงฺขาตนิทฺเทสโต, อุปจารปฺปนาวหโต, ฌานปฺปเภทโต, สมติกฺกมโต, วฑฺฒนาวฑฺฒนโต, อารมฺมณโต, ภูมิโต, คหณโต, ปจฺจยโต, จริยานุกูลโตติ อิเมหิ ตาว ทสหากาเรหิ กมฺมฏฺานวินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ สงฺขาตนิทฺเทสโตติ จตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนสูติ หิ วุตฺตํ, ตตฺริมานิ จตฺตาลีส กมฺมฏฺานานิ ทส กสิณา, ทส อสุภา, ทส อนุสฺสติโย, จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา, จตฺตาโร อารุปฺปา, เอกา สฺา, เอกํ ววตฺถานนฺติ.

ตตฺถ ปถวีกสิณํ, อาโปกสิณํ, เตโชกสิณํ, วาโยกสิณํ, นีลกสิณํ, ปีตกสิณํ, โลหิตกสิณํ, โอทาตกสิณํ, อาโลกกสิณํ, ปริจฺฉินฺนากาสกสิณนฺติ อิเม ทส กสิณา.

อุทฺธุมาตกํ, วินีลกํ, วิปุพฺพกํ, วิจฺฉิทฺทกํ, วิกฺขายิตกํ, วิกฺขิตฺตกํ, หตวิกฺขิตฺตกํ, โลหิตกํ, ปุฬุวกํ, อฏฺิกนฺติ อิเม ทส อสุภา.

พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺมานุสฺสติ, สงฺฆานุสฺสติ, สีลานุสฺสติ, จาคานุสฺสติ, เทวตานุสฺสติ, มรณานุสฺสติ, กายคตาสติ, อานาปานสฺสติ, อุปสมานุสฺสตีติ อิมา ทส อนุสฺสติโย.

เมตฺตา, กรุณา, มุทิตา, อุเปกฺขาติ อิเม จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา.

อากาสานฺจายตนํ, วิฺาณฺจายตนํ, อากิฺจฺายตนํ, เนวสฺานาสฺายตนนฺติ อิเม จตฺตาโร อารุปฺปา. อาหาเร ปฏิกูลสฺา เอกา สฺา. จตุธาตุววตฺถานํ เอกํ ววตฺถานนฺติ เอวํ สงฺขาตนิทฺเทสโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

อุปจารปฺปนาวหโตติ เปตฺวา กายคตาสติฺจ อานาปานสฺสติฺจ อวเสสา อฏฺ อนุสฺสติโย, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, จตุธาตุววตฺถานนฺติ อิมาเนว เหตฺถ ทสกมฺมฏฺานานิ อุปจารวหานิ. เสสานิ อปฺปนาวหานิ. เอวํ อุปจารปฺปนาวหโต.

ฌานปฺปเภทโตติ อปฺปนาวเหสุ เจตฺถ อานาปานสฺสติยา สทฺธึ ทส กสิณา จตุกฺกชฺฌานิกา โหนฺติ. กายคตาสติยา สทฺธึ ทส อสุภา ปมชฺฌานิกา. ปุริมา ตโย พฺรหฺมวิหารา ติกชฺฌานิกา. จตุตฺถพฺรหฺมวิหาโร จตฺตาโร จ อารุปฺปา จตุตฺถชฺฌานิกาติ เอวํ ฌานปฺปเภทโต.

สมติกฺกมโตติ ทฺเว สมติกฺกมา องฺคสมติกฺกโม จ อารมฺมณสมติกฺกโม จ. ตตฺถ สพฺเพสุปิ ติกจตุกฺกชฺฌานิเกสุ กมฺมฏฺาเนสุ องฺคสมติกฺกโม โหติ วิตกฺกวิจาราทีนิ ฌานงฺคานิ สมติกฺกมิตฺวา เตสฺเววารมฺมเณสุ ทุติยชฺฌานาทีนํ ปตฺตพฺพโต. ตถา จตุตฺถพฺรหฺมวิหาเร. โสปิ หิ เมตฺตาทีนํเยว อารมฺมเณ โสมนสฺสํ สมติกฺกมิตฺวา ปตฺตพฺโพติ. จตูสุ ปน อารุปฺเปสุ อารมฺมณสมติกฺกโม โหติ. ปุริเมสุ หิ นวสุ กสิเณสุ อฺตรํ สมติกฺกมิตฺวา อากาสานฺจายตนํ ปตฺตพฺพํ. อากาสาทีนิ จ สมติกฺกมิตฺวา วิฺาณฺจายตนาทีนิ. เสเสสุ สมติกฺกโม นตฺถีติ เอวํ สมติกฺกมโต.

วฑฺฒนาวฑฺฒนโตติ อิเมสุ จตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนสุ ทส กสิณาเนว วฑฺเฒตพฺพานิ. ยตฺตกฺหิ โอกาสํ กสิเณน ผรติ, ตทพฺภนฺตเร ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ โสตุํ ทิพฺเพน จกฺขุนา รูปานิ ปสฺสิตุํ ปรสตฺตานฺจ เจตสา จิตฺตมฺาตุํ สมตฺโถ โหติ. กายคตาสติ ปน อสุภานิ จ น วฑฺเฒตพฺพานิ. กสฺมา? โอกาเสน ปริจฺฉินฺนตฺตา อานิสํสาภาวา จ. สา จ เนสํ โอกาเสน ปริจฺฉินฺนตา ภาวนานเย อาวิภวิสฺสติ. เตสุ ปน วฑฺฒิเตสุ กุณปราสิเยว วฑฺฒติ, น โกจิ อานิสํโส อตฺถิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ โสปากปฺหาพฺยากรเณ, ‘‘วิภูตา ภควา รูปสฺา อวิภูตา อฏฺิกสฺา’’ติ. ตตฺร หิ นิมิตฺตวฑฺฒนวเสน รูปสฺา วิภูตาติ วุตฺตา. อฏฺิกสฺา อวฑฺฒนวเสน อวิภูตาติ วุตฺตา.

ยํ ปเนตํ ‘‘เกวลํ อฏฺิสฺาย, อผรี ปถวึ อิม’’นฺติ (เถรคา. ๑๘) วุตฺตํ, ตํ ลาภิสฺส สโต อุปฏฺานาการวเสน วุตฺตํ. ยเถว หิ ธมฺมาโสกกาเล กรวีกสกุโณ สมนฺตา อาทาสภิตฺตีสุ อตฺตโน ฉายํ ทิสฺวา สพฺพทิสาสุ กรวีกสฺี หุตฺวา มธุรํ คิรํ นิจฺฉาเรสิ, เอวํ เถโรปิ อฏฺิกสฺาย ลาภิตฺตา สพฺพทิสาสุ อุปฏฺิตํ นิมิตฺตํ ปสฺสนฺโต เกวลาปิ ปถวี อฏฺิกภริตาติ จินฺเตสีติ.

ยทิ เอวํ ยา อสุภชฺฌานานํ อปฺปมาณารมฺมณตา วุตฺตา, สา วิรุชฺฌตีติ. สา จ น วิรุชฺฌติ. เอกจฺโจ หิ อุทฺธุมาตเก วา อฏฺิเก วา มหนฺเต นิมิตฺตํ คณฺหาติ. เอกจฺโจ อปฺปเก. อิมินา ปริยาเยน เอกจฺจสฺส ปริตฺตารมฺมณํ ฌานํ โหติ. เอกจฺจสฺส อปฺปมาณารมฺมณนฺติ. โย วา เอตํ วฑฺฒเน อาทีนวํ อปสฺสนฺโต วฑฺเฒติ. ตํ สนฺธาย ‘‘อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติ วุตฺตํ. อานิสํสาภาวา ปน น วฑฺเฒตพฺพานีติ.

ยถา จ เอตานิ, เอวํ เสสานิปิ น วฑฺเฒตพฺพานิ. กสฺมา? เตสุ หิ อานาปานนิมิตฺตํ ตาว วฑฺฒยโต วาตราสิเยว วฑฺฒติ, โอกาเสน จ ปริจฺฉินฺนํ. อิติ สาทีนวตฺตา โอกาเสน จ ปริจฺฉินฺนตฺตา น วฑฺเฒตพฺพํ. พฺรหฺมวิหารา สตฺตารมฺมณา, เตสํ นิมิตฺตํ วฑฺฒยโต สตฺตราสิเยว วฑฺเฒยฺย, น จ เตน อตฺโถ อตฺถิ, ตสฺมา ตมฺปิ น วฑฺเฒตพฺพํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา’’ติ (ที. นิ. ๑.๕๕๖) อาทิ, ตํ ปริคฺคหวเสเนว วุตฺตํ. เอกาวาสทฺวิอาวาสาทินา หิ อนุกฺกเมน เอกิสฺสา ทิสาย สตฺเต ปริคฺคเหตฺวา ภาเวนฺโต เอกํ ทิสํ ผริตฺวาติ วุตฺโต. น นิมิตฺตํ วฑฺเฒนฺโต. ปฏิภาคนิมิตฺตเมว เจตฺถ นตฺถิ. ยทยํ วฑฺเฒยฺย, ปริตฺตอปฺปมาณารมฺมณตาเปตฺถ ปริคฺคหวเสเนว เวทิตพฺพา. อารุปฺปารมฺมเณสุปิ อากาสํ กสิณุคฺฆาฏิมตฺตา. ตฺหิ กสิณาปคมวเสเนว มนสิ กาตพฺพํ. ตโต ปรํ วฑฺฒยโตปิ น กิฺจิ โหติ. วิฺาณํ สภาวธมฺมตฺตา. น หิ สกฺกา สภาวธมฺมํ วฑฺเฒตุํ. วิฺาณาปคโม วิฺาณสฺส อภาวมตฺตตฺตา. เนวสฺานาสฺายตนารมฺมณํ สภาวธมฺมตฺตาเยว น วฑฺเฒตพฺพํ. เสสานิ อนิมิตฺตตฺตา. ปฏิภาคนิมิตฺตฺหิ วฑฺเฒตพฺพํ นาม ภเวยฺย. พุทฺธานุสฺสติอาทีนฺจ เนว ปฏิภาคนิมิตฺตํ อารมฺมณํ โหติ, ตสฺมา ตํ น วฑฺเฒตพฺพนฺติ เอวํ วฑฺฒนาวฑฺฒนโต.

อารมฺมณโตติ อิเมสุ จ จตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนสุ ทสกสิณา, ทสอสุภา, อานาปานสฺสติ, กายคตาสตีติ อิมานิ ทฺวาวีสติปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณานิ. เสสานิ น ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณานิ. ตถา ทสสุ อนุสฺสตีสุ เปตฺวา อานาปานสฺสติฺจ กายคตาสติฺจ อวเสสา อฏฺ อนุสฺสติโย, อาหาเร ปฏิกูลสฺา, จตุธาตุววตฺถานํ, วิฺาณฺจายตนํ, เนวสฺานาสฺายตนนฺติ อิมานิ ทฺวาทส สภาวธมฺมารมฺมณานิ. ทส กสิณา, ทส อสุภา, อานาปานสฺสติ, กายคตาสตีติ อิมานิ ทฺวาวีสติ นิมิตฺตารมฺมณานิ. เสสานิ ฉ น วตฺตพฺพารมฺมณานิ. ตถา วิปุพฺพกํ, โลหิตกํ, ปุฬุวกํ, อานาปานสฺสติ, อาโปกสิณํ, เตโชกสิณํ, วาโยกสิณํ, ยฺจ อาโลกกสิเณ สูริยาทีนํ โอภาสมณฺฑลารมฺมณนฺติ อิมานิ อฏฺ จลิตารมฺมณานิ, ตานิ จ โข ปุพฺพภาเค, ปฏิภาคํ ปน สนฺนิสินฺนเมว โหติ. เสสานิ น จลิตารมฺมณานีติ เอวํ อารมฺมณโต.

ภูมิโตติ เอตฺถ จ ทส อสุภา, กายคตาสติ, อาหาเร ปฏิกูลสฺาติ อิมานิ ทฺวาทส เทเวสุ นปฺปวตฺตนฺติ. ตานิ ทฺวาทส, อานาปานสฺสติ จาติ อิมานิ เตรส พฺรหฺมโลเก นปฺปวตฺตนฺติ. อรูปภเว ปน เปตฺวา จตฺตาโร อารุปฺเป อฺํ นปฺปวตฺตติ. มนุสฺเสสุ สพฺพานิปิ ปวตฺตนฺตีติ เอวํ ภูมิโต.

คหณโตติ ทิฏฺผุฏฺสุตคฺคหณโตเปตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตตฺร เปตฺวา วาโยกสิณํ เสสา นว กสิณา, ทส อสุภาติ อิมานิ เอกูนวีสติ ทิฏฺเน คเหตพฺพานิ. ปุพฺพภาเค จกฺขุนา โอโลเกตฺวา นิมิตฺตํ เนสํ คเหตพฺพนฺติ อตฺโถ. กายคตาสติยํ ตจปฺจกํ ทิฏฺเน, เสสํ สุเตนาติ เอวํ ตสฺสา อารมฺมณํ ทิฏฺสุเตน คเหตพฺพํ. อานาปานสฺสติ ผุฏฺเน, วาโยกสิณํ ทิฏฺผุฏฺเน, เสสานิ อฏฺารส สุเตน คเหตพฺพานิ. อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาโร, จตฺตาโร อารุปฺปาติ อิมานิ เจตฺถ น อาทิกมฺมิเกน คเหตพฺพานิ. เสสานิ ปฺจตึส คเหตพฺพานีติ เอวํ คหณโต.

ปจฺจยโตติ อิเมสุ ปน กมฺมฏฺาเนสุ เปตฺวา อากาสกสิณํ เสสา นว กสิณา อารุปฺปานํ ปจฺจยา โหนฺติ, ทส กสิณา อภิฺานํ, ตโย พฺรหฺมวิหารา จตุตฺถพฺรหฺมวิหารสฺส, เหฏฺิมํ เหฏฺิมํ อารุปฺปํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส, เนวสฺานาสฺายตนํ นิโรธสมาปตฺติยา, สพฺพานิปิ สุขวิหารวิปสฺสนาภวสมฺปตฺตีนนฺติ เอวํ ปจฺจยโต.

จริยานุกูลโตติ จริยานํ อนุกูลโตเปตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – ราคจริตสฺส ตาว เอตฺถ ทส อสุภา, กายคตาสตีติ เอกาทส กมฺมฏฺานานิ อนุกูลานิ. โทสจริตสฺส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา, จตฺตาริ วณฺณกสิณานีติ อฏฺ. โมหจริตสฺส, วิตกฺกจริตสฺส จ เอกํ อานาปานสฺสติ กมฺมฏฺานเมว. สทฺธาจริตสฺส ปุริมา ฉ อนุสฺสติโย. พุทฺธิจริตสฺส มรณสฺสติ, อุปสมานุสฺสติ, จตุธาตุววตฺถานํ, อาหาเร ปฏิกูลสฺาติ จตฺตาริ. เสสกสิณานิ, จตฺตาโร จ อารุปฺปา สพฺพจริตานํ อนุกูลานิ. กสิเณสุ จ ยํกิฺจิ ปริตฺตํ วิตกฺกจริตสฺส, อปฺปมาณํ โมหจริตสฺสาติ.

เอวเมตฺถ จริยานุกูลโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ สพฺพฺเจตํ อุชุวิปจฺจนีกวเสน จ อติสปฺปายวเสน จ วุตฺตํ. ราคาทีนํ ปน อวิกฺขมฺภิกา สทฺธาทีนํ วา อนุปการา กุสลภาวนา นาม นตฺถิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ เมฆิยสุตฺเต –

‘‘จตฺตาโร ธมฺมา อุตฺตริ ภาเวตพฺพา. อสุภา ภาเวตพฺพา ราคสฺส ปหานาย. เมตฺตา ภาเวตพฺพา พฺยาปาทสฺส ปหานาย. อานาปานสฺสติ ภาเวตพฺพา วิตกฺกุปจฺเฉทาย. อนิจฺจสฺา ภาเวตพฺพา อสฺมิมานสมุคฺฆาตายา’’ติ.

ราหุลสุตฺเตปิ ‘‘เมตฺตํ, ราหุล, ภาวนํ ภาเวหี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๑๒๐) นเยน เอกสฺเสว สตฺต กมฺมฏฺานานิ วุตฺตานิ. ตสฺมา วจนมตฺเต อภินิเวสํ อกตฺวา สพฺพตฺถ อธิปฺปาโย ปริเยสิตพฺโพติ อยํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาติ เอตฺถ กมฺมฏฺานกถา วินิจฺฉโย.

๔๘. คเหตฺวาติ อิมสฺส ปน ปทสฺส อยมตฺถทีปนา. ‘‘เตน โยคินา กมฺมฏฺานทายกํ กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว วุตฺตปฺปการํ กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา พุทฺธสฺส วา ภควโต อาจริยสฺส วา อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา สมฺปนฺนชฺฌาสเยน สมฺปนฺนาธิมุตฺตินา จ หุตฺวา กมฺมฏฺานํ ยาจิตพฺพํ.

ตตฺร ‘‘อิมาหํ ภควา อตฺตภาวํ ตุมฺหากํ ปริจฺจชามี’’ติ เอวํ พุทฺธสฺส ภควโต อตฺตา นิยฺยาเตตพฺโพ. เอวฺหิ อนิยฺยาเตตฺวา ปนฺเตสุ เสนาสเนสุ วิหรนฺโต เภรวารมฺมเณ อาปาถมาคเต สนฺถมฺภิตุํ อสกฺโกนฺโต คามนฺตํ โอสริตฺวา คิหีหิ สํสฏฺโ หุตฺวา อเนสนํ อาปชฺชิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาปุเณยฺย. นิยฺยาติตตฺตภาวสฺส ปนสฺส เภรวารมฺมเณ อาปาถมาคเตปิ ภยํ น อุปฺปชฺชติ. ‘‘นนุ ตยา, ปณฺฑิต, ปุริมเมว อตฺตา พุทฺธานํ นิยฺยาติโต’’ติ ปจฺจเวกฺขโต ปนสฺส โสมนสฺสเมว อุปฺปชฺชติ. ยถา หิ ปุริสสฺส อุตฺตมํ กาสิกวตฺถํ ภเวยฺย, ตสฺส ตสฺมึ มูสิกาย วา กีเฏหิ วา ขาทิเต อุปฺปชฺเชยฺย โทมนสฺสํ. สเจ ปน ตํ อจีวรกสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย, อถสฺส ตํ เตน ภิกฺขุนา ขณฺฑาขณฺฑํ กริยมานํ ทิสฺวาปิ โสมนสฺสเมว อุปฺปชฺเชยฺย. เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.

อาจริยสฺส นิยฺยาเตนฺเตนาปิ ‘‘อิมาหํ, ภนฺเต, อตฺตภาวํ ตุมฺหากํ ปริจฺจชามี’’ติ วตฺตพฺพํ. เอวํ อนิยฺยาติตตฺตภาโว หิ อตชฺชนีโย วา โหติ, ทุพฺพโจ วา อโนวาทกโร, เยนกามํคโม วา อาจริยํ อนาปุจฺฉาว ยตฺถิจฺฉติ, ตตฺถ คนฺตา, ตเมนํ อาจริโย อามิเสน วา ธมฺเมน วา น สงฺคณฺหาติ, คูฬฺหํ คนฺถํ น สิกฺขาเปติ. โส อิมํ ทุวิธํ สงฺคหํ อลภนฺโต สาสเน ปติฏฺํ น ลภติ, นจิรสฺเสว ทุสฺสีลฺยํ วา คิหิภาวํ วา ปาปุณาติ. นิยฺยาติตตฺตภาโว ปน เนว อตชฺชนีโย โหติ, น เยนกามํคโม, สุวโจ อาจริยายตฺตวุตฺติเยว โหติ. โส อาจริยโต ทุวิธํ สงฺคหํ ลภนฺโต สาสเน วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถรสฺส อนฺเตวาสิกา วิย.

เถรสฺส กิร สนฺติกํ ตโย ภิกฺขู อาคมํสุ. เตสุ เอโก ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากมตฺถายา’’ติ วุตฺเต สตโปริเส ปปาเต ปติตุํ อุสฺสเหยฺยนฺติ อาห. ทุติโย ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากมตฺถายา’’ติ วุตฺเต อิมํ อตฺตภาวํ ปณฺหิโต ปฏฺาย ปาสาณปิฏฺเ ฆํเสนฺโต นิรวเสสํ เขเปตุํ อุสฺสเหยฺยนฺติ อาห. ตติโย ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากมตฺถายา’’ติ วุตฺเต อสฺสาสปสฺสาเส อุปรุนฺธิตฺวา กาลกิริยํ กาตุํ อุสฺสเหยฺยนฺติ อาห. เถโร ภพฺพาวติเม ภิกฺขูติ กมฺมฏฺานํ กเถสิ. เต ตสฺส โอวาเท ตฺวา ตโยปิ อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ อยมานิสํโส อตฺตนิยฺยาตเน. เตน วุตฺตํ ‘‘พุทฺธสฺส วา ภควโต อาจริยสฺส วา อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา’’ติ.

๔๙. สมฺปนฺนชฺฌาสเยน สมฺปนฺนาธิมุตฺตินา จ หุตฺวาติ เอตฺถ ปน เตน โยคินา อโลภาทีนํ วเสน ฉหากาเรหิ สมฺปนฺนชฺฌาสเยน ภวิตพฺพํ. เอวํ สมฺปนฺนชฺฌาสโย หิ ติสฺสนฺนํ โพธีนํ อฺตรํ ปาปุณาติ. ยถาห, ‘‘ฉ อชฺฌาสยา โพธิสตฺตานํ โพธิปริปากาย สํวตฺตนฺติ, อโลภชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โลเภ โทสทสฺสาวิโน, อโทสชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โทเส โทสทสฺสาวิโน, อโมหชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โมเห โทสทสฺสาวิโน, เนกฺขมฺมชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา ฆราวาเส โทสทสฺสาวิโน, ปวิเวกชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สงฺคณิกาย โทสทสฺสาวิโน, นิสฺสรณชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สพฺพภวคตีสุ โทสทสฺสาวิโน’’ติ. เย หิ เกจิ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนา โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิขีณาสวปจฺเจกพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺธา, สพฺเพ เต อิเมเหว ฉหากาเรหิ อตฺตนา อตฺตนา ปตฺตพฺพํ วิเสสํ ปตฺตา. ตสฺมา อิเมหิ ฉหากาเรหิ สมฺปนฺนชฺฌาสเยน ภวิตพฺพํ. ตทธิมุตฺตตาย ปน อธิมุตฺติสมฺปนฺเนน ภวิตพฺพํ. สมาธาธิมุตฺเตน สมาธิครุเกน สมาธิปพฺภาเรน, นิพฺพานาธิมุตฺเตน นิพฺพานครุเกน นิพฺพานปพฺภาเรน จ ภวิตพฺพนฺติ อตฺโถ.

๕๐. เอวํ สมฺปนฺนชฺฌาสยาธิมุตฺติโน ปนสฺส กมฺมฏฺานํ ยาจโต เจโตปริยาณลาภินา อาจริเยน จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา จริยา ชานิตพฺพา. อิตเรน กึ จริโตสิ? เก วา เต ธมฺมา พหุลํ สมุทาจรนฺติ? กึ วา เต มนสิกโรโต ผาสุ โหติ? กตรสฺมึ วา เต กมฺมฏฺาเน จิตฺตํ นมตีติ เอวมาทีหิ นเยหิ ปุจฺฉิตฺวา ชานิตพฺพา. เอวํ ตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ กเถตพฺพํ.

กเถนฺเตน จ ติวิเธน กเถตพฺพํ. ปกติยา อุคฺคหิตกมฺมฏฺานสฺส เอกํ ทฺเว นิสชฺชานิ สชฺฌายํ กาเรตฺวา ทาตพฺพํ. สนฺติเก วสนฺตสฺส อาคตาคตกฺขเณ กเถตพฺพํ. อุคฺคเหตฺวา อฺตฺร คนฺตุกามสฺส นาติสํขิตฺตํ นาติวิตฺถาริกํ กตฺวา กเถตพฺพํ.

ตตฺถ ปถวีกสิณํ ตาว กเถนฺเตน จตฺตาโร กสิณโทสา, กสิณกรณํ, กตสฺส ภาวนานโย, ทุวิธํ นิมิตฺตํ, ทุวิโธ สมาธิ, สตฺตวิธํ สปฺปายาสปฺปายํ, ทสวิธํ อปฺปนาโกสลฺลํ, วีริยสมตา, อปฺปนาวิธานนฺติ อิเม นว อาการา กเถตพฺพา. เสสกมฺมฏฺาเนสุปิ ตสฺส ตสฺส อนุรูปํ กเถตพฺพํ. ตํ สพฺพํ เตสํ ภาวนาวิธาเน อาวิภวิสฺสติ.

เอวํ กถิยมาเน ปน กมฺมฏฺาเน เตน โยคินา นิมิตฺตํ คเหตฺวา โสตพฺพํ. นิมิตฺตํ คเหตฺวาติ อิทํ เหฏฺิมปทํ, อิทํ อุปริมปทํ, อยมสฺส อตฺโถ, อยมธิปฺปาโย, อิทโมปมฺมนฺติ เอวํ ตํ ตํ อาการํ อุปนิพนฺธิตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ นิมิตฺตํ คเหตฺวา สกฺกจฺจํ สุณนฺเตน หิ กมฺมฏฺานํ สุคฺคหิตํ โหติ. อถสฺส ตํ นิสฺสาย วิเสสาธิคโม สมฺปชฺชติ, น อิตรสฺสาติ อยํ คเหตฺวาติ อิมสฺส ปทสฺส อตฺถปริทีปนา.

เอตฺตาวตา กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน จริยานุกูลํ จตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนสุ อฺตรํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาติ อิมานิ ปทานิ สพฺพากาเรน วิตฺถาริตานิ โหนฺตีติ.

อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค

สมาธิภาวนาธิกาเร

กมฺมฏฺานคฺคหณนิทฺเทโส นาม

ตติโย ปริจฺเฉโท.

๔. ปถวีกสิณนิทฺเทโส

๕๑. อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘สมาธิภาวนาย อนนุรูปํ วิหารํ ปหาย อนุรูเป วิหาเร วิหรนฺเตนา’’ติ เอตฺถ ยสฺส ตาวาจริเยน สทฺธึ เอกวิหาเร วสโต ผาสุ โหติ, เตน ตตฺเถว กมฺมฏฺานํ ปริโสเธนฺเตน วสิตพฺพํ. สเจ ตตฺถ ผาสุ น โหติ, โย อฺโ คาวุเต วา อฑฺฒโยชเน วา โยชนมตฺเตปิ วา สปฺปาโย วิหาโร โหติ, ตตฺถ วสิตพฺพํ. เอวฺหิ สติ กมฺมฏฺานสฺส กิสฺมิฺจิเทว าเน สนฺเทเห วา สติสมฺโมเส วา ชาเต กาลสฺเสว วิหาเร วตฺตํ กตฺวา อนฺตรามคฺเค ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเนเยว อาจริยสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํทิวสมาจริยสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา ทุติยทิวเส อาจริยํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค ปิณฺฑาย จริตฺวา อกิลมนฺโตเยว อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคนฺตุํ สกฺขิสฺสติ. โย ปน โยชนปฺปมาเณปิ ผาสุกฏฺานํ น ลภติ, เตน กมฺมฏฺาเน สพฺพํ คณฺิฏฺานํ ฉินฺทิตฺวา สุวิสุทฺธํ อาวชฺชนปฏิพทฺธํ กมฺมฏฺานํ กตฺวา ทูรมฺปิ คนฺตฺวา สมาธิภาวนาย อนนุรูปํ วิหารํ ปหาย อนุรูเป วิหาเร วิหาตพฺพํ.

อนนุรูปวิหาโร

๕๒. ตตฺถ อนนุรูโป นาม อฏฺารสนฺนํ โทสานํ อฺตเรน สมนฺนาคโต. ตตฺริเม อฏฺารส โทสา – มหตฺตํ, นวตฺตํ, ชิณฺณตฺตํ, ปนฺถนิสฺสิตตฺตํ, โสณฺฑี, ปณฺณํ, ปุปฺผํ, ผลํ, ปตฺถนียตา, นครสนฺนิสฺสิตตา, ทารุสนฺนิสฺสิตตา, เขตฺตสนฺนิสฺสิตตา, วิสภาคานํ ปุคฺคลานํ อตฺถิตา, ปฏฺฏนสนฺนิสฺสิตตา, ปจฺจนฺตสนฺนิสฺสิตตา, รชฺชสีมสนฺนิสฺสิตตา, อสปฺปายตา, กลฺยาณมิตฺตานํ อลาโภติ อิเมสํ อฏฺารสนฺนํ โทสานํ อฺตเรน โทเสน สมนฺนาคโต อนนุรูโป นาม. น ตตฺถ วิหาตพฺพํ.

กสฺมา? มหาวิหาเร ตาว พหู นานาฉนฺทา สนฺนิปตนฺติ, เต อฺมฺํ ปฏิวิรุทฺธตาย วตฺตํ น กโรนฺติ. โพธิยงฺคณาทีนิ อสมฺมฏฺาเนว โหนฺติ. อนุปฏฺาปิตํ ปานียํ ปริโภชนียํ. ตตฺรายํ โคจรคาเม ปิณฺฑาย จริสฺสามีติ ปตฺตจีวรมาทาย นิกฺขนฺโต สเจ ปสฺสติ วตฺตํ วา อกตํ ปานียฆฏํ วา ริตฺตํ, อถาเนน วตฺตํ กาตพฺพํ โหติ, ปานียํ อุปฏฺาเปตพฺพํ. อกโรนฺโต วตฺตเภเท ทุกฺกฏํ อาปชฺชติ. กโรนฺตสฺส กาโล อติกฺกมติ, อติทิวา ปวิฏฺโ นิฏฺิตาย ภิกฺขาย กิฺจิ น ลภติ. ปฏิสลฺลานคโตปิ สามเณรทหรภิกฺขูนํ อุจฺจาสทฺเทน สงฺฆกมฺเมหิ จ วิกฺขิปติ. ยตฺถ ปน สพฺพํ วตฺตํ กตเมว โหติ, อวเสสาปิ จ สงฺฆฏฺฏนา นตฺถิ. เอวรูเป มหาวิหาเรปิ วิหาตพฺพํ.

นววิหาเร พหุ นวกมฺมํ โหติ, อกโรนฺตํ อุชฺฌายนฺติ. ยตฺถ ปน ภิกฺขู เอวํ วทนฺติ ‘‘อายสฺมา ยถาสุขํ สมณธมฺมํ กโรตุ, มยํ นวกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ เอวรูเป วิหาตพฺพํ.

ชิณฺณวิหาเร ปน พหุ ปฏิชคฺคิตพฺพํ โหติ, อนฺตมโส อตฺตโน เสนาสนมตฺตมฺปิ อปฺปฏิชคฺคนฺตํ อุชฺฌายนฺติ, ปฏิชคฺคนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ ปริหายติ.

ปนฺถนิสฺสิเต มหาปถวิหาเร รตฺตินฺทิวํ อาคนฺตุกา สนฺนิปตนฺติ. วิกาเล อาคตานํ อตฺตโน เสนาสนํ ทตฺวา รุกฺขมูเล วา ปาสาณปิฏฺเ วา วสิตพฺพํ โหติ. ปุนทิวเสปิ เอวเมวาติ กมฺมฏฺานสฺส โอกาโส น โหติ. ยตฺถ ปน เอวรูโป อาคนฺตุกสมฺพาโธ น โหติ, ตตฺถ วิหาตพฺพํ.

โสณฺฑี นาม ปาสาณโปกฺขรณี โหติ, ตตฺถ ปานียตฺถํ มหาชโน สโมสรติ, นครวาสีนํ ราชกุลูปกตฺเถรานํ อนฺเตวาสิกา รชนกมฺมตฺถาย อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ภาชนทารุโทณิกาทีนิ ปุจฺฉนฺตานํ อสุเก จ อสุเก จ าเนติ ทสฺเสตพฺพานิ โหนฺติ, เอวํ สพฺพกาลมฺปิ นิจฺจพฺยาวโฏ โหติ.

ยตฺถ นานาวิธํ สากปณฺณํ โหติ, ตตฺถสฺส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ทิวาวิหารํ นิสินฺนสฺสาปิ สนฺติเก สากหาริกา คายมานา ปณฺณํ อุจฺจินนฺติโย วิสภาคสทฺทสงฺฆฏฺฏเนน กมฺมฏฺานนฺตรายํ กโรนฺติ.

ยตฺถ ปน นานาวิธา มาลาคจฺฉา สุปุปฺผิตา โหนฺติ, ตตฺราปิ ตาทิโสเยว อุปทฺทโว.

ยตฺถ นานาวิธํ อมฺพชมฺพุปนสาทิผลํ โหติ, ตตฺถ ผลตฺถิกา อาคนฺตฺวา ยาจนฺติ, อเทนฺตสฺส กุชฺฌนฺติ, พลกฺกาเรน วา คณฺหนฺติ, สายนฺหสมเย วิหารมชฺเฌ จงฺกมนฺเตน เต ทิสฺวา ‘‘กึ อุปาสกา เอวํ กโรถา’’ติ วุตฺตา ยถารุจิ อกฺโกสนฺติ. อวาสายปิสฺส ปรกฺกมนฺติ.

ปตฺถนีเย ปน เลณสมฺมเต ทกฺขิณคิริหตฺถิกุจฺฉิเจติยคิริจิตฺตลปพฺพตสทิเส วิหาเร วิหรนฺตํ อยมรหาติ สมฺภาเวตฺวา วนฺทิตุกามา มนุสฺสา สมนฺตา โอสรนฺติ, เตนสฺส น ผาสุ โหติ, ยสฺส ปน ตํ สปฺปายํ โหติ, เตน ทิวา อฺตฺร คนฺตฺวา รตฺตึ วสิตพฺพํ.

นครสนฺนิสฺสิเต วิสภาคารมฺมณานิ อาปาถมาคจฺฉนฺติ, กุมฺภทาสิโยปิ ฆเฏหิ นิฆํสนฺติโย คจฺฉนฺติ, โอกฺกมิตฺวา มคฺคํ น เทนฺติ, อิสฺสรมนุสฺสาปิ วิหารมชฺเฌ สาณึ ปริกฺขิปิตฺวา นิสีทนฺติ.

ทารุสนฺนิสฺสเย ปน ยตฺถ กฏฺานิ จ ทพฺพุปกรณรุกฺขา จ สนฺติ, ตตฺถ กฏฺหาริกา ปุพฺเพ วุตฺตสากปุปฺผหาริกา วิย อผาสุํ กโรนฺติ, วิหาเร รุกฺขา สนฺติ, เต ฉินฺทิตฺวา ฆรานิ กริสฺสามาติ มนุสฺสา อาคนฺตฺวา ฉินฺทนฺติ. สเจ สายนฺหสมยํ ปธานฆรา นิกฺขมิตฺวา วิหารมชฺเฌ จงฺกมนฺโต เต ทิสฺวา ‘‘กึ อุปาสกา เอวํ กโรถา’’ติ วทติ, ยถารุจิ อกฺโกสนฺติ, อวาสายปิสฺส ปรกฺกมนฺติ.

โย ปน เขตฺตสนฺนิสฺสิโต โหติ สมนฺตา เขตฺเตหิ ปริวาริโต, ตตฺถ มนุสฺสา วิหารมชฺเฌเยว ขลํ กตฺวา ธฺํ มทฺทนฺติ, ปมุเขสุ สยนฺติ, อฺมฺปิ พหุํ อผาสุํ กโรนฺติ. ยตฺราปิ มหาสงฺฆโภโค โหติ, อารามิกา กุลานํ คาโว รุนฺธนฺติ, อุทกวารํ ปฏิเสเธนฺติ, มนุสฺสา วีหิสีสํ คเหตฺวา ‘‘ปสฺสถ ตุมฺหากํ อารามิกานํ กมฺม’’นฺติ สงฺฆสฺส ทสฺเสนฺติ. เตน เตน การเณน ราชราชมหามตฺตานํ ฆรทฺวารํ คนฺตพฺพํ โหติ, อยมฺปิ เขตฺตสนฺนิสฺสิเตเนว สงฺคหิโต.

วิสภาคานํ ปุคฺคลานํ อตฺถิตาติ ยตฺถ อฺมฺํ วิสภาคเวรี ภิกฺขู วิหรนฺติ, เย กลหํ กโรนฺตา มา, ภนฺเต, เอวํ กโรถาติ วาริยมานา เอตสฺส ปํสุกูลิกสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย นฏฺามฺหาติ วตฺตาโร ภวนฺติ.

โยปิ อุทกปฏฺฏนํ วา ถลปฏฺฏนํ วา นิสฺสิโต โหติ, ตตฺถ อภิณฺหํ นาวาหิ จ สตฺเถหิ จ อาคตมนุสฺสา โอกาสํ เทถ, ปานียํ เทถ, โลณํ เทถาติ ฆฏฺฏยนฺตา อผาสุํ กโรนฺติ.

ปจฺจนฺตสนฺนิสฺสิเต ปน มนุสฺสา พุทฺธาทีสุ อปฺปสนฺนา โหนฺติ.

รชฺชสีมสนฺนิสฺสิเต ราชภยํ โหติ. ตฺหิ ปเทสํ เอโก ราชา น มยฺหํ วเส วตฺตตีติ ปหรติ, อิตโรปิ น มยฺหํ วเส วตฺตตีติ. ตตฺรายํ ภิกฺขุ กทาจิ อิมสฺส รฺโ วิชิเต วิจรติ, กทาจิ เอตสฺส. อถ นํ ‘‘จรปุริโส อย’’นฺติ มฺมานา อนยพฺยสนํ ปาเปนฺติ.

อสปฺปายตาติ วิสภาครูปาทิอารมฺมณสโมสรเณน วา อมนุสฺสปริคฺคหิตตาย วา อสปฺปายตา. ตตฺริทํ วตฺถุ. เอโก กิร เถโร อรฺเ วสติ. อถสฺส เอกา ยกฺขินี ปณฺณสาลทฺวาเร ตฺวา คายิ. โส นิกฺขมิตฺวา ทฺวาเร อฏฺาสิ, สา คนฺตฺวา จงฺกมนสีเส คายิ. เถโร จงฺกมนสีสํ อคมาสิ. สา สตโปริเส ปปาเต ตฺวา คายิ. เถโร ปฏินิวตฺติ. อถ นํ สา เวเคนาคนฺตฺวา คเหตฺวา ‘‘มยา, ภนฺเต, น เอโก น ทฺเว ตุมฺหาทิสา ขาทิตา’’ติ อาห.

กลฺยาณมิตฺตานํ อลาโภติ ยตฺถ น สกฺกา โหติ อาจริยํ วา อาจริยสมํ วา อุปชฺฌายํ วา อุปชฺฌายสมํ วา กลฺยาณมิตฺตํ ลทฺธุํ. ตตฺถ โส กลฺยาณมิตฺตานํ อลาโภ มหาโทโสเยวาติ อิเมสํ อฏฺารสนฺนํ โทสานํ อฺตเรน สมนฺนาคโต อนนุรูโปติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถาสุ –

มหาวาสํ นวาวาสํ, ชราวาสฺจ ปนฺถนึ;

โสณฺฑึ ปณฺณฺจ ปุปฺผฺจ, ผลํ ปตฺถิตเมว จ.

นครํ ทารุนา เขตฺตํ, วิสภาเคน ปฏฺฏนํ;

ปจฺจนฺตสีมาสปฺปายํ, ยตฺถ มิตฺโต น ลพฺภติ.

อฏฺารเสตานิ านานิ, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต;

อารกา ปริวชฺเชยฺย, มคฺคํ สปฺปฏิภยํ ยถาติ.

อนุรูปวิหาโร

๕๓. โย ปน โคจรคามโต นาติทูรนาจฺจาสนฺนตาทีหิ ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคโต, อยํ อนุรูโป นาม. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, เสนาสนํ นาติทูรํ โหติ นาจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ, ทิวา อปฺปากิณฺณํ รตฺตึ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสํ, อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสํ, ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส อปฺปกสิเรเนว อุปฺปชฺชนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา. ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน เถรา ภิกฺขู วิหรนฺติ พหุสฺสุตา อาคตาคมา ธมฺมธรา วินยธรา มาติกาธรา, เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหติ ‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ อิมสฺส โก อตฺโถ’ติ, ตสฺส เต อายสฺมนฺโต อวิวฏฺเจว วิวรนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ อุตฺตานีกโรนฺติ, อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, เสนาสนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑).

อยํ ‘‘สมาธิภาวนาย อนนุรูปํ วิหารํ ปหาย อนุรูเป วิหาเร วิหรนฺเตนา’’ติ เอตฺถ วิตฺถาโร.

ขุทฺทกปลิโพธา

๕๔. ขุทฺทกปลิโพธุปจฺเฉทํ กตฺวาติ เอวํ ปติรูเป วิหาเร วิหรนฺเตน เยปิสฺส เต โหนฺติ ขุทฺทกปลิโพธา, เตปิ อุปจฺฉินฺทิตพฺพา. เสยฺยถิทํ, ทีฆานิ เกสนขโลมานิ ฉินฺทิตพฺพานิ. ชิณฺณจีวเรสุ ทฬฺหีกมฺมํ วา ตุนฺนกมฺมํ วา กาตพฺพํ. กิลิฏฺานิ วา รชิตพฺพานิ. สเจ ปตฺเต มลํ โหติ, ปตฺโต ปจิตพฺโพ. มฺจปีาทีนิ โสเธตพฺพานีติ. ‘‘อยํ ขุทฺทกปลิโพธุปจฺเฉทํ กตฺวา’’ติ เอตฺถ วิตฺถาโร.

ภาวนาวิธานํ

๕๕. อิทานิ สพฺพํ ภาวนาวิธานํ อปริหาเปนฺเตน ภาเวตพฺโพติ เอตฺถ อยํ ปถวีกสิณํ อาทึ กตฺวา สพฺพกมฺมฏฺานวเสน วิตฺถารกถา โหติ.

เอวํ อุปจฺฉินฺนขุทฺทกปลิโพเธน หิ ภิกฺขุนา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเตน ภตฺตสมฺมทํ ปฏิวิโนเทตฺวา ปวิวิตฺเต โอกาเส สุขนิสินฺเนน กตาย วา อกตาย วา ปถวิยา นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปถวีกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต ปถวิยํ นิมิตฺตํ คณฺหาติ กเต วา อกเต วา สานฺตเก, โน อนนฺตเก, สโกฏิเย, โน อโกฏิเย, สวฏฺฏุเม, โน อวฏฺฏุเม, สปริยนฺเต, โน อปริยนฺเต, สุปฺปมตฺเต วา สราวมตฺเต วา. โส ตํ นิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ กโรติ, สูปธาริตํ อุปธาเรติ, สุววตฺถิตํ ววตฺถเปติ. โส ตํ นิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ กตฺวา สูปธาริตํ อุปธาเรตฺวา สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตฺวา อานิสํสทสฺสาวี รตนสฺี หุตฺวา จิตฺตีการํ อุปฏฺเปตฺวา สมฺปิยายมาโน ตสฺมึ อารมฺมเณ จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ ‘อทฺธา อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณมฺหา มุจฺจิสฺสามี’ติ. โส วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ.

ตตฺถ เยน อตีตภเวปิ สาสเน วา อิสิปพฺพชฺชาย วา ปพฺพชิตฺวา ปถวีกสิเณ จตุกฺกปฺจกชฺฌานานิ นิพฺพตฺติตปุพฺพานิ, เอวรูปสฺส ปุฺวโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส อกตาย ปถวิยา กสิตฏฺาเน วา ขลมณฺฑเล วา นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, มลฺลกตฺเถรสฺส วิย. ตสฺส กิรายสฺมโต กสิตฏฺานํ โอโลเกนฺตสฺส ตํานปฺปมาณเมว นิมิตฺตํ อุทปาทิ. โส ตํ วฑฺเฒตฺวา ปฺจกชฺฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปทฏฺานํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.

โย ปเนวํ อกตาธิกาโร โหติ, เตน อาจริยสนฺติเก อุคฺคหิตกมฺมฏฺานวิธานํ อวิราเธตฺวา จตฺตาโร กสิณโทเส ปริหรนฺเตน กสิณํ กาตพฺพํ. นีลปีตโลหิตโอทาตสมฺเภทวเสน หิ จตฺตาโร ปถวีกสิณโทสา. ตสฺมา นีลาทิวณฺณํ มตฺติกํ อคฺคเหตฺวา คงฺคาวเห มตฺติกาสทิสาย อรุณวณฺณาย มตฺติกาย กสิณํ กาตพฺพํ. ตฺจ โข วิหารมชฺเฌ สามเณราทีนํ สฺจรณฏฺาเน น กาตพฺพํ. วิหารปจฺจนฺเต ปน ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน ปพฺภาเร วา ปณฺณสาลาย วา สํหาริมํ วา ตตฺรฏฺกํ วา กาตพฺพํ. ตตฺร สํหาริมํ จตูสุ ทณฺฑเกสุ ปิโลติกํ วา จมฺมํ วา กฏสารกํ วา พนฺธิตฺวา ตตฺถ อปนีตติณมูลสกฺขรกถลิกาย สุมทฺทิตาย มตฺติกาย วุตฺตปฺปมาณํ วฏฺฏํ ลิมฺเปตฺวา กาตพฺพํ. ตํ ปริกมฺมกาเล ภูมิยํ อตฺถริตฺวา โอโลเกตพฺพํ. ตตฺรฏฺกํ ภูมิยํ ปทุมกณฺณิกากาเรน ขาณุเก อาโกเฏตฺวา วลฺลีหิ วินนฺธิตฺวา กาตพฺพํ. ยทิ สา มตฺติกา นปฺปโหติ, อโธ อฺํ ปกฺขิปิตฺวา อุปริภาเค สุปริโสธิตาย อรุณวณฺณาย มตฺติกาย วิทตฺถิจตุรงฺคุลวิตฺถารํ วฏฺฏํ กาตพฺพํ. เอตเทว หิ ปมาณํ สนฺธาย ‘‘สุปฺปมตฺตํ วา สราวมตฺตํ วา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สานฺตเก โน อนนฺตเก’’ติอาทิ ปนสฺส ปริจฺเฉทตฺถาย วุตฺตํ.

๕๖. ตสฺมา เอวํ วุตฺตปฺปมาณปริจฺเฉทํ กตฺวา รุกฺขปาณิกา วิสภาควณฺณํ สมุฏฺเปติ. ตสฺมา ตํ อคฺคเหตฺวา ปาสาณปาณิกาย ฆํเสตฺวา สมํ เภรีตลสทิสํ กตฺวา ตํ านํ สมฺมชฺชิตฺวา นฺหตฺวา อาคนฺตฺวา กสิณมณฺฑลโต อฑฺฒเตยฺยหตฺถนฺตเร ปเทเส ปฺตฺเต วิทตฺถิจตุรงฺคุลปาทเก สุอตฺถเต ปีเ นิสีทิตพฺพํ. ตโต ทูรตเร นิสินฺนสฺส หิ กสิณํ น อุปฏฺาติ, อาสนฺนตเร กสิณโทสา ปฺายนฺติ. อุจฺจตเร นิสินฺเนน คีวํ โอนมิตฺวา โอโลเกตพฺพํ โหติ, นีจตเร ชณฺณุกานิ รุชนฺติ. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว นิสีทิตฺวา ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา’’ติอาทินา นเยน กาเมสุ อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กามนิสฺสรเณ สพฺพทุกฺขสมติกฺกมุปายภูเต เนกฺขมฺเม ชาตาภิลาเสน พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณานุสฺสรเณน ปีติปาโมชฺชํ ชนยิตฺวา ‘‘อยํ ทานิ สา สพฺพพุทฺธ ปจฺเจกพุทฺธ อริยสาวเกหิ ปฏิปนฺนา เนกฺขมฺมปฏิปทา’’ติ ปฏิปตฺติยา สฺชาตคารเวน ‘‘อทฺธา อิมาย ปฏิปทาย ปวิเวกสุขรสสฺส ภาคี ภวิสฺสามี’’ติ อุสฺสาหํ ชนยิตฺวา สเมน อากาเรน จกฺขูนิ อุมฺมีเลตฺวา นิมิตฺตํ คณฺหนฺเตน ภาเวตพฺพํ.

อติอุมฺมีลยโต หิ จกฺขุ กิลมติ, มณฺฑลฺจ อติวิภูตํ โหติ, เตนสฺส นิมิตฺตํ นุปฺปชฺชติ. อติมนฺทํ อุมฺมีลยโต มณฺฑลมวิภูตํ โหติ, จิตฺตฺจ ลีนํ โหติ, เอวมฺปิ นิมิตฺตํ นุปฺปชฺชติ. ตสฺมา อาทาสตเล มุขนิมิตฺตทสฺสินา วิย สเมนากาเรน จกฺขูนิ อุมฺมีเลตฺวา นิมิตฺตํ คณฺหนฺเตน ภาเวตพฺพํ, น วณฺโณ ปจฺจเวกฺขิตพฺโพ, น ลกฺขณํ มนสิกาตพฺพํ. อปิจ วณฺณํ อมุฺจิตฺวา นิสฺสยสวณฺณํ กตฺวา อุสฺสทวเสน ปณฺณตฺติธมฺเม จิตฺตํ ปฏฺเปตฺวา มนสิ กาตพฺพํ. ปถวี มหี, เมทินี, ภูมิ, วสุธา, วสุนฺธราติอาทีสุ ปถวีนาเมสุ ยมิจฺฉติ, ยทสฺส สฺานุกูลํ โหติ, ตํ วตฺตพฺพํ. อปิจ ปถวีติ เอตเทว นามํ ปากฏํ, ตสฺมา ปากฏวเสเนว ปถวี ปถวีติ ภาเวตพฺพํ. กาเลน อุมฺมีเลตฺวา กาเลน นิมีเลตฺวา อาวชฺชิตพฺพํ. ยาว อุคฺคหนิมิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, ตาว กาลสตมฺปิ กาลสหสฺสมฺปิ ตโต ภิยฺโยปิ เอเตเนว นเยน ภาเวตพฺพํ.

๕๗. ตสฺเสวํ ภาวยโต ยทา นิมีเลตฺวา อาวชฺชนฺตสฺส อุมฺมีลิตกาเล วิย อาปาถมาคจฺฉติ, ตทา อุคฺคหนิมิตฺตํ ชาตํ นาม โหติ. ตสฺส ชาตกาลโต ปฏฺาย น ตสฺมึ าเน นิสีทิตพฺพํ. อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ นิสินฺเนน ภาเวตพฺพํ. ปาทโธวนปปฺจปริหารตฺถํ ปนสฺส เอกปฏลิกุปาหนา จ กตฺตรทณฺโฑ จ อิจฺฉิตพฺโพ. อถาเนน สเจ ตรุโณ สมาธิ เกนจิเทว อสปฺปายการเณน นสฺสติ, อุปาหนา อารุยฺห กตฺตรทณฺฑํ คเหตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา นิมิตฺตํ อาทาย อาคนฺตฺวา สุขนิสินฺเนน ภาเวตพฺพํ, ปุนปฺปุนํ สมนฺนาหริตพฺพํ, ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กาตพฺพํ. ตสฺเสวํ กโรนฺตสฺส อนุกฺกเมน นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ, กิเลสา สนฺนิสีทนฺติ, อุปจารสมาธินา จิตฺตํ สมาธิยติ, ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ.

ตตฺรายํ ปุริมสฺส จ อุคฺคหนิมิตฺตสฺส อิมสฺส จ วิเสโส, อุคฺคหนิมิตฺเต กสิณโทโส ปฺายติ, ปฏิภาคนิมิตฺตํ ถวิกโต นิหตาทาสมณฺฑลํ วิย สุโธตสงฺขถาลํ วิย วลาหกนฺตรา นิกฺขนฺตจนฺทมณฺฑลํ วิย เมฆมุเข พลากา วิย อุคฺคหนิมิตฺตํ ปทาเลตฺวา นิกฺขนฺตมิว ตโต สตคุณํ สหสฺสคุณํ สุปริสุทฺธํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ตฺจ โข เนว วณฺณวนฺตํ, น สณฺานวนฺตํ. ยทิ หิ ตํ อีทิสํ ภเวยฺย, จกฺขุวิฺเยฺยํ สิยา โอฬาริกํ สมฺมสนุปคํ ติลกฺขณพฺภาหตํ, น ปเนตํ ตาทิสํ. เกวลฺหิ สมาธิลาภิโน อุปฏฺานาการมตฺตํ สฺชเมตนฺติ.

๕๘. อุปฺปนฺนกาลโต จ ปนสฺส ปฏฺาย นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตาเนว โหนฺติ, กิเลสา สนฺนิสินฺนาว, อุปจารสมาธินา จิตฺตํ สมาหิตเมวาติ.

ทุวิโธ หิ สมาธิ อุปจารสมาธิ จ อปฺปนาสมาธิ จ. ทฺวีหากาเรหิ จิตฺตํ สมาธิยติ อุปจารภูมิยํ วา ปฏิลาภภูมิยํ วา. ตตฺถ อุปจารภูมิยํ นีวรณปฺปหาเนน จิตฺตํ สมาหิตํ โหติ. ปฏิลาภภูมิยํ องฺคปาตุภาเวน.

ทฺวินฺนํ ปน สมาธีนํ อิทํ นานาการณํ, อุปจาเร องฺคานิ น ถามชาตานิ โหนฺติ, องฺคานํ อถามชาตตฺตา, ยถา นาม ทหโร กุมารโก อุกฺขิปิตฺวา ปิยมาโน ปุนปฺปุนํ ภูมิยํ ปตติ, เอวเมว อุปจาเร อุปฺปนฺเน จิตฺตํ กาเลน นิมิตฺตมารมฺมณํ กโรติ, กาเลน ภวงฺคโมตรติ. อปฺปนายํ ปน องฺคานิ ถามชาตานิ โหนฺติ, เตสํ ถามชาตตฺตา, ยถา นาม พลวา ปุริโส อาสนา วุฏฺาย ทิวสมฺปิ ติฏฺเยฺย, เอวเมว อปฺปนาสมาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน จิตฺตํ สกึ ภวงฺควารํ ฉินฺทิตฺวา เกวลมฺปิ รตฺตึ เกวลมฺปิ ทิวสํ ติฏฺติ, กุสลชวนปฏิปาฏิวเสเนว ปวตฺตตีติ.

ตตฺร ยเทตํ อุปจารสมาธินา สทฺธึ ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส อุปฺปาทนํ นาม อติทุกฺกรํ. ตสฺมา สเจ เตเนว ปลฺลงฺเกน ตํ นิมิตฺตํ วฑฺเฒตฺวา อปฺปนํ อธิคนฺตุํ สกฺโกติ, สุนฺทรํ. โน เจ สกฺโกติ, อถาเนน ตํ นิมิตฺตํ อปฺปมตฺเตน จกฺกวตฺติคพฺโภ วิย รกฺขิตพฺพํ. เอวฺหิ –

นิมิตฺตํ รกฺขโต ลทฺธ-ปริหานิ น วิชฺชติ;

อารกฺขมฺหิ อสนฺตมฺหิ, ลทฺธํ ลทฺธํ วินสฺสติ.

สตฺตสปฺปายา

๕๙. ตตฺรายํ รกฺขณวิธิ –

อาวาโส โคจโร ภสฺสํ, ปุคฺคโล โภชนํ อุตุ;

อิริยาปโถติ สตฺเตเต, อสปฺปาเย วิวชฺชเย.

สปฺปาเย สตฺต เสเวถ, เอวฺหิ ปฏิปชฺชโต;

นจิเรเนว กาเลน, โหติ กสฺสจิ อปฺปนา.

ตตฺรสฺส ยสฺมึ อาวาเส วสนฺตสฺส อนุปฺปนฺนํ วา นิมิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนํ วา วินสฺสติ, อนุปฏฺิตา จ สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อยํ อสปฺปาโย. ยตฺถ นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ เจว ถาวรฺจ โหติ, สติ อุปฏฺาติ, จิตฺตํ สมาธิยติ นาคปพฺพตวาสีปธานิยติสฺสตฺเถรสฺส วิย, อยํ สปฺปาโย. ตสฺมา ยสฺมึ วิหาเร พหู อาวาสา โหนฺติ, ตตฺถ เอกเมกสฺมึ ตีณิ ตีณิ ทิวสานิ วสิตฺวา ยตฺถสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, ตตฺถ วสิตพฺพํ. อาวาสสปฺปายตาย หิ ตมฺพปณฺณิทีปมฺหิ จูฬนาคเลเณ วสนฺตา ตตฺเถว กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. โสตาปนฺนาทีนํ ปน อฺตฺถ อริยภูมึ ปตฺวา ตตฺถ อรหตฺตปฺปตฺตานฺจ คณนา นตฺถิ. เอวมฺเสุปิ จิตฺตลปพฺพตวิหาราทีสุ.

โคจรคาโม ปน โย เสนาสนโต อุตฺตเรน วา ทกฺขิเณน วา นาติทูเร ทิยฑฺฒโกสพฺภนฺตเร โหติ สุลภสมฺปนฺนภิกฺโข, โส สปฺปาโย. วิปรีโต อสปฺปาโย.

ภสฺสนฺติ ทฺวตฺตึสติรจฺฉานกถาปริยาปนฺนํ อสปฺปายํ, ตฺหิสฺส นิมิตฺตนฺตรธานาย สํวตฺตติ. ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตํ สปฺปายํ, ตมฺปิ มตฺตาย ภาสิตพฺพํ.

ปุคฺคโลปิ อติรจฺฉานกถิโก สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ยํ นิสฺสาย อสมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิตํ วา จิตฺตํ ถิรตรํ โหติ, เอวรูโป สปฺปาโย. กายทฬฺหีพหุโล ปน ติรจฺฉานกถิโก อสปฺปาโย. โส หิ ตํ กทฺทโมทกมิว อจฺฉํ อุทกํ มลีนเมว กโรติ, ตาทิสฺจ อาคมฺม โกฏปพฺพตวาสีทหรสฺเสว สมาปตฺติปิ นสฺสติ, ปเคว นิมิตฺตํ.

โภชนํ ปน กสฺสจิ มธุรํ, กสฺสจิ อมฺพิลํ สปฺปายํ โหติ. อุตุปิ กสฺสจิ สีโต, กสฺสจิ อุณฺโห สปฺปาโย โหติ. ตสฺมา ยํ โภชนํ วา อุตุํ วา เสวนฺตสฺส ผาสุ โหติ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิตํ วา ถิรตรํ โหติ, ตํ โภชนํ โส จ อุตุ สปฺปาโย. อิตรํ โภชนํ อิตโร จ อุตุ อสปฺปาโย.

อิริยาปเถสุปิ กสฺสจิ จงฺกโม สปฺปาโย โหติ, กสฺสจิ สยนฏฺานนิสชฺชานํ อฺตโร. ตสฺมา ตํ อาวาสํ วิย ตีณิ ทิวสานิ อุปปริกฺขิตฺวา ยสฺมึ อิริยาปเถ อสมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิตํ วา ถิรตรํ โหติ, โส สปฺปาโย. อิตโร อสปฺปาโยติ เวทิตพฺโพ.

อิติ อิมํ สตฺตวิธํ อสปฺปายํ วชฺเชตฺวา สปฺปายํ เสวิตพฺพํ. เอวํ ปฏิปนฺนสฺส หิ นิมิตฺตาเสวนพหุลสฺส นจิเรเนว กาเลน โหติ กสฺสจิ อปฺปนา.

ทสวิธอปฺปนาโกสลฺลํ

๖๐. ยสฺส ปน เอวมฺปิ ปฏิปชฺชโต น โหติ, เตน ทสวิธํ อปฺปนาโกสลฺลํ สมฺปาเทตพฺพํ. ตตฺรายํ นโย, ทสาหากาเรหิ อปฺปนาโกสลฺลํ อิจฺฉิตพฺพํ, วตฺถุวิสทกิริยโต, อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนโต, นิมิตฺตกุสลโต, ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปคฺคเหตพฺพํ ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ, ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ นิคฺคเหตพฺพํ ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ นิคฺคณฺหาติ, ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ สมฺปหํสิตพฺพํ ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ สมฺปหํเสติ, ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ, อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนโต, สมาหิตปุคฺคลเสวนโต, ตทธิมุตฺตโตติ.

๖๑. ตตฺถ วตฺถุวิสทกิริยา นาม อชฺฌตฺติกพาหิรานํ วตฺถูนํ วิสทภาวกรณํ. ยทา หิสฺส เกสนขโลมานิ ทีฆานิ โหนฺติ, สรีรํ วา เสทมลคฺคหิตํ, ตทา อชฺฌตฺติกวตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ. ยทา ปนสฺส จีวรํ ชิณฺณํ กิลิฏฺํ ทุคฺคนฺธํ โหติ, เสนาสนํ วา อุกฺลาปํ โหติ, ตทา พาหิรวตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ. อชฺฌตฺติกพาหิเร จ วตฺถุมฺหิ อวิสเท อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ าณมฺปิ อปริสุทฺธํ โหติ, อปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลิกวฏฺฏิเตลานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. อปริสุทฺเธน าเณน สงฺขาเร สมฺมสโต สงฺขาราปิ อวิภูตา โหนฺติ, กมฺมฏฺานมนุยุฺชโต กมฺมฏฺานมฺปิ วุฑฺฒึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ น คจฺฉติ. วิสเท ปน อชฺฌตฺติกพาหิเร วตฺถุมฺหิ อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ าณมฺปิ วิสทํ โหติ ปริสุทฺธํ, ปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลิกวฏฺฏิเตลานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. ปริสุทฺเธน จ าเณน สงฺขาเร สมฺมสโต สงฺขาราปิ วิภูตา โหนฺติ, กมฺมฏฺานมนุยุฺชโต กมฺมฏฺานมฺปิ วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ คจฺฉติ.

๖๒. อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนํ นาม สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ สมภาวกรณํ. สเจ หิสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ อิตรานิ มนฺทานิ, ตโต วีริยินฺทฺริยํ ปคฺคหกิจฺจํ, สตินฺทฺริยํ อุปฏฺานกิจฺจํ, สมาธินฺทฺริยํ อวิกฺเขปกิจฺจํ, ปฺินฺทฺริยํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน วา ยถา วา มนสิกโรโต พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน หาเปตพฺพํ. วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสนํ. สเจ ปน วีริยินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, อถ เนว สทฺธินฺทฺริยํ อธิโมกฺขกิจฺจํ กาตุํ สกฺโกติ, น อิตรานิ อิตรกิจฺจเภทํ, ตสฺมา ตํ ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพํ. ตตฺราปิ โสณตฺเถรวตฺถุ ทสฺเสตพฺพํ. เอวํ เสเสสุปิ เอกสฺส พลวภาเว สติ อิตเรสํ อตฺตโน กิจฺเจสุ อสมตฺถตา เวทิตพฺพา. วิเสสโต ปเนตฺถ สทฺธาปฺานํ สมาธิวีริยานฺจ สมตํ ปสํสนฺติ. พลวสทฺโธ หิ มนฺทปฺโ มุทฺธปฺปสนฺโน โหติ, อวตฺถุสฺมึ ปสีทติ. พลวปฺโ มนฺทสทฺโธ เกราฏิกปกฺขํ ภชติ, เภสชฺชสมุฏฺิโต วิย โรโค อเตกิจฺโฉ โหติ. อุภินฺนํ สมตาย วตฺถุสฺมึเยว ปสีทติ. พลวสมาธึ ปน มนฺทวีริยํ สมาธิสฺส โกสชฺชปกฺขตฺตา โกสชฺชํ อภิภวติ. พลววีริยํ มนฺทสมาธึ วีริยสฺส อุทฺธจฺจปกฺขตฺตา อุทฺธจฺจํ อภิภวติ. สมาธิ ปน วีริเยน สํโยชิโต โกสชฺเช ปติตุํ น ลภติ. วีริยํ สมาธินา สํโยชิตํ อุทฺธจฺเจ ปติตุํ น ลภติ, ตสฺมา ตทุภยํ สมํ กาตพฺพํ. อุภยสมตาย หิ อปฺปนา โหติ. อปิจ สมาธิกมฺมิกสฺส พลวตีปิ สทฺธา วฏฺฏติ. เอวํ สทฺทหนฺโต โอกปฺเปนฺโต อปฺปนํ ปาปุณิสฺสติ. สมาธิปฺาสุ ปน สมาธิกมฺมิกสฺส เอกคฺคตา พลวตี วฏฺฏติ. เอวฺหิ โส อปฺปนํ ปาปุณาติ. วิปสฺสนากมฺมิกสฺส ปฺา พลวตี วฏฺฏติ. เอวฺหิ โส ลกฺขณปฏิเวธํ ปาปุณาติ. อุภินฺนํ ปน สมตายปิ อปฺปนา โหติเยว. สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฏฺฏติ. สติ หิ จิตฺตํ อุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สทฺธาวีริยปฺานํ วเสน อุทฺธจฺจปาตโต โกสชฺชปกฺเขน จ สมาธินา โกสชฺชปาตโต รกฺขติ, ตสฺมา สา โลณธูปนํ วิย สพฺพพฺยฺชเนสุ, สพฺพกมฺมิกอมจฺโจ วิย จ สพฺพราชกิจฺเจสุ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพา. เตนาห – ‘‘สติ จ ปน สพฺพตฺถิกา วุตฺตา ภควตา. กึ การณา? จิตฺตฺหิ สติปฏิสรณํ, อารกฺขปจฺจุปฏฺานา จ สติ, น วินา สติยา จิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคโห โหตี’’ติ.

๖๓. นิมิตฺตโกสลฺลํ นาม ปถวีกสิณาทิกสฺส จิตฺเตกคฺคตานิมิตฺตสฺส อกตสฺส กรณโกสลฺลํ, กตสฺส จ ภาวนาโกสลฺลํ, ภาวนาย ลทฺธสฺส รกฺขณโกสลฺลฺจ, ตํ อิธ อธิปฺเปตํ.

๖๔. กถฺจ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปคฺคเหตพฺพํ, ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ? ยทาสฺส อติสิถิลวีริยตาทีหิ ลีนํ จิตฺตํ โหติ, ตทา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ตโย อภาเวตฺวา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ภาเวติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ อลฺลานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย, อลฺลานิ จ โคมยานิ ปกฺขิเปยฺย, อลฺลานิ จ กฏฺานิ ปกฺขิเปยฺย, อุทกวาตฺจ ทเทยฺย, ปํสุเกน จ โอกิเรยฺย, ภพฺโพ นุ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุนฺติ? โน เหตํ, ภนฺเต. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยสฺมึ สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, อกาโล ตสฺมึ สมเย ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, อกาโล สมาธิ…เป… อกาโล อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย. ตํ กิสฺส เหตุ? ลีนํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธมฺเมหิ ทุสมุฏฺาปยํ โหติ. ยสฺมึ จ โข, ภิกฺขเว, ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย. ตํ กิสฺส เหตุ? ลีนํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธมฺเมหิ สุสมุฏฺาปยํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ จ โคมยานิ ปกฺขิเปยฺย, สุกฺขานิ จ กฏฺานิ ปกฺขิเปยฺย, มุขวาตฺจ ทเทยฺย, น จ ปํสุเกน โอกิเรยฺย, ภพฺโพ นุ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อุชฺชาเลตุนฺติ? เอวํ ภนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔).

เอตฺถ จ ยถาสกมาหารวเสน ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา สาวชฺชานวชฺชา ธมฺมา หีนปฺปณีตา ธมฺมา กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา ธมฺมา. ตตฺถ โยนิโส มนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารมฺภธาตุ นิกฺกมธาตุ ปรกฺกมธาตุ. ตตฺถ โยนิโส มนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยา ธมฺมา. ตตฺถ โยนิโส มนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

ตตฺถ สภาวสามฺลกฺขณปฏิเวธวเสน ปวตฺตมนสิกาโร กุสลาทีสุ โยนิโส มนสิกาโร นาม. อารมฺภธาตุอาทีนํ อุปฺปาทนวเสน ปวตฺตมนสิกาโร อารมฺภธาตุอาทีสุ โยนิโส มนสิกาโร นาม. ตตฺถ อารมฺภธาตูติ ปมวีริยํ วุจฺจติ. นิกฺกมธาตูติ โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตฺตา ตโต พลวตรํ. ปรกฺกมธาตูติ ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตรํ. ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยา ธมฺมาติ ปน ปีติยา เอว เอตํ นามํ. ตสฺสาปิ อุปฺปาทกมนสิกาโรว โยนิโส มนสิกาโร นาม.

อปิจ สตฺต ธมฺมา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ ปริปุจฺฉกตา, วตฺถุวิสทกิริยา, อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา, ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา, ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา, คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณา, ตทธิมุตฺตตาติ.

เอกาทสธมฺมา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ อปายาทิภยปจฺจเวกฺขณตา, วีริยายตฺตโลกิยโลกุตฺตรวิเสสาธิคมานิสํสทสฺสิตา, ‘‘พุทฺธปจฺเจกพุทฺธมหาสาวเกหิ คตมคฺโค มยา คนฺตพฺโพ, โส จ น สกฺกา กุสีเตน คนฺตุ’’นฺติ เอวํ คมนวีถิปจฺจเวกฺขณตา, ทายกานํ มหปฺผลภาวกรเณน ปิณฺฑาปจายนตา, ‘‘วีริยารมฺภสฺส วณฺณวาที เม สตฺถา, โส จ อนติกฺกมนียสาสโน อมฺหากฺจ พหูปกาโร ปฏิปตฺติยา จ ปูชิยมาโน ปูชิโต โหติ น อิตรถา’’ติ เอวํ สตฺถุ มหตฺตปจฺจเวกฺขณตา, ‘‘สทฺธมฺมสงฺขาตํ เม มหาทายชฺชํ คเหตพฺพํ, ตฺจ น สกฺกา กุสีเตน คเหตุ’’นฺติ เอวํ ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา, อาโลกสฺามนสิการอิริยาปถปริวตฺตนอพฺโภกาสเสวนาทีหิ ถินมิทฺธวิโนทนตา, กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนตา, อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนตา, สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณตา, ตทธิมุตฺตตาติ.

เอกาทสธมฺมา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺม… สงฺฆ… สีล… จาค… เทวตานุสฺสติ, อุปสมานุสฺสติ, ลูขปุคฺคลปริวชฺชนตา, สินิทฺธปุคฺคลเสวนตา, ปสาทนิยสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณตา, ตทธิมุตฺตตาติ. อิติ อิเมหิ อากาเรหิ เอเต ธมฺเม อุปฺปาเทนฺโต ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ภาเวติ นาม. เอวํ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปคฺคเหตพฺพํ, ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ.

๖๕. กถํ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ นิคฺคเหตพฺพํ, ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ นิคฺคณฺหาติ? ยทาสฺส อจฺจารทฺธวีริยตาทีหิ อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, ตทา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ตโย อภาเวตฺวา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ภาเวติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ สุกฺขานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย…เป… น จ ปํสุเกน โอกิเรยฺย, ภพฺโพ นุ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุนฺติ? โน เหตํ, ภนฺเต. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยสฺมึ สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, อกาโล ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, อกาโล วีริย…เป… อกาโล ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อุทฺธตํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธมฺเมหิ ทุวูปสมยํ โหติ. ยสฺมึ จ โข, ภิกฺขเว, สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย. ตํ กิสฺส เหตุ? อุทฺธตํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตํ เอเตหิ ธมฺเมหิ สุวูปสมยํ โหติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุกาโม อสฺส, โส ตตฺถ อลฺลานิ เจว ติณานิ ปกฺขิเปยฺย…เป… ปํสุเกน จ โอกิเรยฺย, ภพฺโพ นุ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพาเปตุนฺติ? เอวํ, ภนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔).

เอตฺถาปิ ยถาสกํ อาหารวเสน ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ ภาวนา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กายปสฺสทฺธิ จิตฺตปสฺสทฺธิ. ตตฺถ โยนิโส มนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมถนิมิตฺตํ อพฺยคฺคนิมิตฺตํ. ตตฺถ โยนิโส มนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยา ธมฺมา. ตตฺถ โยนิโส มนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

ตตฺถ ยถาสฺส ปสฺสทฺธิอาทโย อุปฺปนฺนปุพฺพา, ตํ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา เตสํ อุปฺปาทนวเสน ปวตฺตมนสิกาโรว ตีสุปิ ปเทสุ โยนิโส มนสิกาโร นาม. สมถนิมิตฺตนฺติ จ สมถสฺเสเวตมธิวจนํ. อวิกฺเขปฏฺเน จ ตสฺเสว อพฺยคฺคนิมิตฺตนฺติ.

อปิจ สตฺต ธมฺมา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ ปณีตโภชนเสวนตา, อุตุสุขเสวนตา, อิริยาปถสุขเสวนตา, มชฺฌตฺตปโยคตา, สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนตา, ปสฺสทฺธกายปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติ.

เอกาทส ธมฺมา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ วตฺถุวิสทตา, นิมิตฺตกุสลตา, อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนตา, สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคหณตา, สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคหณตา, นิรสฺสาทสฺส จิตฺตสฺส สทฺธาสํเวควเสน สมฺปหํสนตา, สมฺมาปวตฺตสฺส อชฺฌุเปกฺขนตา, อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา, สมาหิตปุคฺคลเสวนตา, ฌานวิโมกฺขปจฺจเวกฺขณตา, ตทธิมุตฺตตาติ.

ปฺจ ธมฺมา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ สตฺตมชฺฌตฺตตา, สงฺขารมชฺฌตฺตตา, สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตา, สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติ. อิติ อิเมหากาเรหิ เอเต ธมฺเม อุปฺปาเทนฺโต ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ภาเวติ นาม. เอวํ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ นิคฺคเหตพฺพํ ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ นิคฺคณฺหาติ.

๖๖. กถํ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ สมฺปหํสิตพฺพํ, ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ สมฺปหํเสติ? ยทาสฺส ปฺาปโยคมนฺทตาย วา อุปสมสุขานธิคเมน วา นิรสฺสาทํ จิตฺตํ โหติ, ตทา นํ อฏฺสํเวควตฺถุปจฺจเวกฺขเณน สํเวเชติ. อฏฺ สํเวควตฺถูนิ นาม ชาติชราพฺยาธิมรณานิ จตฺตาริ, อปายทุกฺขํ ปฺจมํ, อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺขนฺติ. พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณานุสฺสรเณน จสฺส ปสาทํ ชเนติ. เอวํ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ สมฺปหํสิตพฺพํ, ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ สมฺปหํเสติ.

กถํ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ, ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ? ยทาสฺส เอวํ ปฏิปชฺชโต อลีนํ อนุทฺธตํ อนิรสฺสาทํ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฏิปนฺนํ จิตฺตํ โหติ, ตทาสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ น พฺยาปารํ อาปชฺชติ, สารถิ วิย สมปฺปวตฺเตสุ อสฺเสสุ. เอวํ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ, ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ.

อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา นาม เนกฺขมฺมปฏิปทํ อนารุฬฺหปุพฺพานํ อเนกกิจฺจปสุตานํ วิกฺขิตฺตหทยานํ ปุคฺคลานํ อารกา ปริจฺจาโค.

สมาหิตปุคฺคลเสวนตา นาม เนกฺขมฺมปฏิปทํ ปฏิปนฺนานํ สมาธิลาภีนํ ปุคฺคลานํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนํ.

ตทธิมุตฺตตา นาม สมาธิอธิมุตฺตตา สมาธิครุสมาธินินฺนสมาธิโปณสมาธิปพฺภารตาติ อตฺโถ.

เอวเมตํ ทสวิธํ อปฺปนาโกสลฺลํ สมฺปาเทตพฺพํ.

๖๗.

เอวฺหิ สมฺปาทยโต, อปฺปนาโกสลฺลํ อิมํ;

ปฏิลทฺเธ นิมิตฺตสฺมึ, อปฺปนา สมฺปวตฺตติ.

เอวฺหิ ปฏิปนฺนสฺส, สเจ สา นปฺปวตฺตติ;

ตถาปิ น ชเห โยคํ, วายเมเถว ปณฺฑิโต.

หิตฺวา หิ สมฺมาวายามํ, วิเสสํ นาม มาณโว;

อธิคจฺเฉ ปริตฺตมฺปิ, านเมตํ น วิชฺชติ.

จิตฺตปฺปวตฺติอาการํ, ตสฺมา สลฺลกฺขยํ พุโธ;

สมตํ วีริยสฺเสว, โยชเยถ ปุนปฺปุนํ.

อีสกมฺปิ ลยํ ยนฺตํ, ปคฺคณฺเหเถว มานสํ;

อจฺจารทฺธํ นิเสเธตฺวา, สมเมว ปวตฺตเย.

เรณุมฺหิ อุปฺปลทเล, สุตฺเต นาวาย นาฬิยา;

ยถา มธุกราทีนํ, ปวตฺติ สมฺมวณฺณิตา.

ลีนอุทฺธตภาเวหิ, โมจยิตฺวาน สพฺพโส;

เอวํ นิมิตฺตาภิมุขํ, มานสํ ปฏิปาทเยติ.

นิมิตฺตาภิมุขปฏิปาทนํ

๖๘. ตตฺรายมตฺถทีปนา – ยถา หิ อเฉโก มธุกโร อสุกสฺมึ รุกฺเข ปุปฺผํ ปุปฺผิตนฺติ ตฺวา ติกฺเขน เวเคน ปกฺขนฺโท ตํ อติกฺกมิตฺวา ปฏินิวตฺเตนฺโต ขีเณ เรณุมฺหิ สมฺปาปุณาติ. อปโร อเฉโก มนฺเทน ชเวน ปกฺขนฺโท ขีเณเยว สมฺปาปุณาติ. เฉโก ปน สเมน ชเวน ปกฺขนฺโท สุเขน ปุปฺผราสึ สมฺปตฺวา ยาวทิจฺฉกํ เรณุํ อาทาย มธุํ สมฺปาเทตฺวา มธุรสมนุภวติ.

ยถา จ สลฺลกตฺตอนฺเตวาสิเกสุ อุทกถาลคเต อุปฺปลปตฺเต สตฺถกมฺมํ สิกฺขนฺเตสุ เอโก อเฉโก เวเคน สตฺถํ ปาเตนฺโต อุปฺปลปตฺตํ ทฺวิธา วา ฉินฺทติ, อุทเก วา ปเวเสติ. อปโร อเฉโก ฉิชฺชนปเวสนภยา สตฺถเกน ผุสิตุมฺปิ น วิสหติ. เฉโก ปน สเมน ปโยเคน ตตฺถ สตฺถปหารํ ทสฺเสตฺวา ปริโยทาตสิปฺโป หุตฺวา ตถารูเปสุ าเนสุ กมฺมํ กตฺวา ลาภํ ลภติ.

ยถา จ โย จตุพฺยามปฺปมาณํ มกฺกฏสุตฺตมาหรติ, โส จตฺตาริ สหสฺสานิ ลภตีติ รฺา วุตฺเต เอโก อเฉกปุริโส เวเคน มกฺกฏสุตฺตมากฑฺฒนฺโต ตหึ ตหึ ฉินฺทติเยว. อปโร อเฉโก เฉทนภยา หตฺเถน ผุสิตุมฺปิ น วิสหติ. เฉโก ปน โกฏิโต ปฏฺาย สเมน ปโยเคน ทณฺฑเก เวเธตฺวา อาหริตฺวา ลาภํ ลภติ.

ยถา จ อเฉโก นิยามโก พลววาเต ลงฺการํ ปูเรนฺโต นาวํ วิเทสํ ปกฺขนฺทาเปติ. อปโร อเฉโก มนฺทวาเต ลงฺการํ โอโรเปนฺโต นาวํ ตตฺเถว เปติ. เฉโก ปน มนฺทวาเต ลงฺการํ ปูเรตฺวา พลววาเต อฑฺฒลงฺการํ กตฺวา โสตฺถินา อิจฺฉิตฏฺานํ ปาปุณาติ.

ยถา จ โย เตเลน อฉฑฺเฑนฺโต นาฬึ ปูเรติ, โส ลาภํ ลภตีติ อาจริเยน อนฺเตวาสิกานํ วุตฺเต เอโก อเฉโก ลาภลุทฺโธ เวเคน ปูเรนฺโต เตลํ ฉฑฺเฑติ. อปโร อเฉโก เตลฉฑฺฑนภยา อาสิฺจิตุมฺปิ น วิสหติ. เฉโก ปน สเมน ปโยเคน ปูเรตฺวา ลาภํ ลภติ.

เอวเมว เอโก ภิกฺขุ อุปฺปนฺเน นิมิตฺเต สีฆเมว อปฺปนํ ปาปุณิสฺสามีติ คาฬฺหํ วีริยํ กโรติ, ตสฺส จิตฺตํ อจฺจารทฺธวีริยตฺตา อุทฺธจฺเจ ปตติ, โส น สกฺโกติ อปฺปนํ ปาปุณิตุํ. เอโก อจฺจารทฺธวีริยตาย โทสํ ทิสฺวา กึ ทานิเม อปฺปนายาติ วีริยํ หาเปติ, ตสฺส จิตฺตํ อติลีนวีริยตฺตา โกสชฺเช ปตติ, โสปิ น สกฺโกติ อปฺปนํ ปาปุณิตุํ. โย ปน อีสกมฺปิ ลีนํ ลีนภาวโต อุทฺธตํ อุทฺธจฺจโต โมเจตฺวา สเมน ปโยเคน นิมิตฺตาภิมุขํ ปวตฺเตติ, โส อปฺปนํ ปาปุณาติ, ตาทิเสน ภวิตพฺพํ. อิมมตฺถํ สนฺธาย เอตํ วุตฺตํ –

เรณุมฺหิ อุปฺปลทเล, สุตฺเต นาวาย นาฬิยา;

ยถา มธุกราทีนํ, ปวตฺติ สมฺมวณฺณิตา.

ลีนอุทฺธตภาเวหิ, โมจยิตฺวาน สพฺพโส;

เอวํ นิมิตฺตาภิมุขํ, มานสํ ปฏิปาทเยติ.

ปมชฺฌานกถา

๖๙. อิติ เอวํ นิมิตฺตาภิมุขํ มานสํ ปฏิปาทยโต ปนสฺส อิทานิ อปฺปนา อิชฺฌิสฺสตีติ ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ปถวี ปถวีติ อนุโยควเสน อุปฏฺิตํ ตเทว ปถวีกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนมุปฺปชฺชติ. ตโต ตสฺมึเยวารมฺมเณ จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ. เตสุ อวสาเน เอกํ รูปาวจรํ, เสสานิ กามาวจรานิ. ปกติจิตฺเตหิ พลวตรวิตกฺกวิจารปีติสุขจิตฺเตกคฺคตานิ ยานิ อปฺปนาย ปริกมฺมตฺตา ปริกมฺมานีติปิ, ยถา คามาทีนํ อาสนฺนปเทโส คามูปจาโร นครูปจาโรติ วุจฺจติ, เอวํ อปฺปนาย อาสนฺนตฺตา สมีปจารตฺตา วา อุปจารานีติปิ, อิโต ปุพฺเพ ปริกมฺมานํ, อุปริ อปฺปนาย จ อนุโลมโต อนุโลมานีติปิ วุจฺจนฺติ. ยฺเจตฺถ สพฺพนฺติมํ, ตํ ปริตฺตโคตฺตาภิภวนโต, มหคฺคตโคตฺตภาวนโต จ โคตฺรภูติปิ วุจฺจติ. อคหิตคฺคหเณน ปเนตฺถ ปมํ ปริกมฺมํ, ทุติยํ อุปจารํ, ตติยํ อนุโลมํ, จตุตฺถํ โคตฺรภุ. ปมํ วา อุปจารํ, ทุติยํ อนุโลมํ, ตติยํ โคตฺรภุ, จตุตฺถํ ปฺจมํ วา อปฺปนาจิตฺตํ. จตุตฺถเมว หิ ปฺจมํ วา อปฺเปติ, ตฺจ โข ขิปฺปาภิฺทนฺธาภิฺวเสน. ตโต ปรํ ชวนํ ปตติ. ภวงฺคสฺส วาโร โหติ.

อาภิธมฺมิกโคทตฺตตฺเถโร ปน ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๒) อิมํ สุตฺตํ วตฺวา อาเสวนปจฺจเยน ปจฺฉิโม ปจฺฉิโม ธมฺโม พลวา โหติ, ตสฺมา ฉฏฺเปิ สตฺตเมปิ อปฺปนา โหตีติ อาห, ตํ อฏฺกถาสุ ‘‘อตฺตโน มติมตฺตํ เถรสฺเสต’’นฺติ วตฺวา ปฏิกฺขิตฺตํ. จตุตฺถปฺจเมสุเยว ปน อปฺปนา โหติ. ปรโต ชวนํ ปติตํ นาม โหติ, ภวงฺคสฺส อาสนฺนตฺตาติ วุตฺตํ. ตเมว วิจาเรตฺวา วุตฺตตฺตา น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํ. ยถา หิ ปุริโส ฉินฺนปปาตาภิมุโข ธาวนฺโต าตุกาโมปิ ปริยนฺเต ปาทํ กตฺวา าตุํ น สกฺโกติ ปปาเต เอว ปตติ, เอวํ ฉฏฺเ วา สตฺตเม วา อปฺเปตุํ น สกฺโกติ, ภวงฺคสฺส อาสนฺนตฺตา. ตสฺมา จตุตฺถปฺจเมสุเยว อปฺปนา โหตีติ เวทิตพฺพา.

สา จ ปน เอกจิตฺตกฺขณิกาเยว. สตฺตสุ หิ าเนสุ อทฺธานปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ ปมปฺปนายํ, โลกิยาภิฺาสุ, จตูสุ มคฺเคสุ, มคฺคานนฺตรผเล, รูปารูปภเวสุ ภวงฺคชฺฌาเน, นิโรธสฺส ปจฺจเย เนวสฺานาสฺายตเน, นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส ผลสมาปตฺติยนฺติ. เอตฺถ มคฺคานนฺตรผลํ ติณฺณํ อุปริ น โหติ. นิโรธสฺส ปจฺจโย เนวสฺานาสฺายตนํ ทฺวินฺนมุปริ น โหติ. รูปารูเปสุ ภวงฺคสฺส ปริมาณํ นตฺถิ, เสสฏฺาเนสุ เอกเมว จิตฺตนฺติ. อิติ เอกจิตฺตกฺขณิกาเยว อปฺปนา. ตโต ภวงฺคปาโต. อถ ภวงฺคํ โวจฺฉินฺทิตฺวา ฌานปจฺจเวกฺขณตฺถาย อาวชฺชนํ, ตโต ฌานปจฺจเวกฺขณนฺติ.

เอตฺตาวตา จ ปเนส วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ (ธ. ส. ๑๖๐; ที. นิ. ๑.๒๒๖). เอวมเนน ปฺจงฺควิปฺปหีนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ ติวิธกลฺยาณํ ทสลกฺขณสมฺปนฺนํ ปมํ ฌานํ อธิคตํ โหติ ปถวีกสิณํ.

๗๐. ตตฺถ วิวิจฺเจว กาเมหีติ กาเมหิ วิวิจฺจิตฺวา วินา หุตฺวา อปกฺกมิตฺวา. โย ปนายเมตฺถ เอวกาโร, โส นิยมตฺโถติ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา จ นิยมตฺโถ, ตสฺมา ตสฺมึ ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณสมเย อวิชฺชมานานมฺปิ กามานํ ตสฺส ปมชฺฌานสฺส ปฏิปกฺขภาวํ กามปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคมํ ทีเปติ.

กถํ? ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ เอวฺหิ นิยเม กริยมาเน อิทํ ปฺายติ, นูน ฌานสฺส กามา ปฏิปกฺขภูตา เยสุ สติ อิทํ นปฺปวตฺตติ, อนฺธกาเร สติ ปทีโปภาโส วิย. เตสํ ปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคโม โหติ, โอริมตีรปริจฺจาเคน ปาริมตีรสฺเสว. ตสฺมา นิยมํ กโรตีติ.

ตตฺถ สิยา, กสฺมา ปเนส ปุพฺพปเทเยว วุตฺโต, น อุตฺตรปเท, กึ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ อวิวิจฺจาปิ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตํนิสฺสรณโต หิ ปุพฺพปเท เอส วุตฺโต. กามธาตุสมติกฺกมนโต หิ กามราคปฏิปกฺขโต จ อิทํ ฌานํ กามานเมว นิสฺสรณํ. ยถาห, ‘‘กามานเมตํ นิสฺสรณํ ยทิทํ เนกฺขมฺม’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๕๓). อุตฺตรปเทปิ ปน ยถา ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑) เอตฺถ เอวกาโร อาเนตฺวา วุจฺจติ, เอวํ วตฺตพฺโพ. น หิ สกฺกา อิโต อฺเหิปิ นีวรณสงฺขาเตหิ อกุสลธมฺเมหิ อวิวิจฺจ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. ตสฺมา ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺเจว อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ เอวํ ปททฺวเยปิ เอส ทฏฺพฺโพ. ปททฺวเยปิ จ กิฺจาปิ วิวิจฺจาติ อิมินา สาธารณวจเนน ตทงฺควิเวกาทโย, กายวิเวกาทโย จ สพฺเพปิ วิเวกา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, ตถาปิ กายวิเวโก จิตฺตวิเวโก วิกฺขมฺภนวิเวโกติ ตโย เอว อิธ ทฏฺพฺพา.

กาเมหีติ อิมินา ปน ปเทน เย จ นิทฺเทเส ‘‘กตเม วตฺถุกามา, มนาปิยา รูปา’’ติอาทินา (มหานิ. ๑) นเยน วตฺถุกามา วุตฺตา, เย จ ตตฺเถว วิภงฺเค จ ‘‘ฉนฺโท กาโม, ราโค กาโม, ฉนฺทราโค กาโม, สงฺกปฺโป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโม, อิเม วุจฺจนฺติ กามา’’ติ (มหานิ. ๑; วิภ. ๕๖๔) เอวํ กิเลสกามา วุตฺตา, เต สพฺเพปิ สงฺคหิตาอิจฺเจว ทฏฺพฺพา. เอวฺหิ สติ วิวิจฺเจว กาเมหีติ วตฺถุกาเมหิปิ วิวิจฺเจวาติ อตฺโถ ยุชฺชติ, เตน กายวิเวโก วุตฺโต โหติ. วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหีติ กิเลสกาเมหิ สพฺพากุสเลหิ วา วิวิจฺจาติ อตฺโถ ยุชฺชติ, เตน จิตฺตวิเวโก วุตฺโต โหติ. ปุริเมน เจตฺถ วตฺถุกาเมหิ วิเวกวจนโต เอว กามสุขปริจฺจาโค, ทุติเยน กิเลสกาเมหิ วิเวกวจนโต เนกฺขมฺมสุขปริคฺคโห วิภาวิโต โหติ. เอวํ วตฺถุกามกิเลสกามวิเวกวจนโตเยว จ เอเตสํ ปเมน สํกิเลสวตฺถุปฺปหานํ, ทุติเยน สํกิเลสปฺปหานํ. ปเมน โลลภาวสฺส เหตุปริจฺจาโค, ทุติเยน พาลภาวสฺส. ปเมน จ ปโยคสุทฺธิ, ทุติเยน อาสยโปสนํ วิภาวิตํ โหตีติ วิฺาตพฺพํ. เอส ตาว นโย กาเมหีติ เอตฺถ วุตฺตกาเมสุ วตฺถุกามปกฺเข.

กิเลสกามปกฺเข ปน ฉนฺโทติ จ ราโคติ จ เอวมาทีหิ อเนกเภโท กามจฺฉนฺโทเยว กาโมติ อธิปฺเปโต. โส จ อกุสลปริยาปนฺโนปิ สมาโน ‘‘ตตฺถ กตโม กาโม ฉนฺโท กาโม’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๔) นเยน วิภงฺเค ฌานปฏิปกฺขโต วิสุํ วุตฺโต. กิเลสกามตฺตา วา ปุริมปเท วุตฺโต, อกุสลปริยาปนฺนตฺตา ทุติยปเท. อเนกเภทโต จสฺส กามโตติ อวตฺวา กาเมหีติ วุตฺตํ.

อฺเสมฺปิ จ ธมฺมานํ อกุสลภาเว วิชฺชมาเน ‘‘ตตฺถ กตเม อกุสลา ธมฺมา, กามจฺฉนฺโท’’ติอาทินา นเยน วิภงฺเค อุปริ ฌานงฺคานํ ปจฺจนีกปฏิปกฺขภาวทสฺสนโต นีวรณาเนว วุตฺตานิ. นีวรณานิ หิ ฌานงฺคปจฺจนีกานิ, เตสํ ฌานงฺคาเนว ปฏิปกฺขานิ วิทฺธํสกานิ วิฆาตกานีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ปฏิปกฺโข, ปีติ พฺยาปาทสฺส, วิตกฺโก ถินมิทฺธสฺส, สุขํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส, วิจาโร วิจิกิจฺฉายาติ เปฏเก วุตฺตํ.

เอวเมตฺถ วิวิจฺเจว กาเมหีติ อิมินา กามจฺฉนฺทสฺส วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต โหติ. วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหีติ อิมินา ปฺจนฺนมฺปิ นีวรณานํ, อคหิตคฺคหเณน ปน ปเมน กามจฺฉนฺทสฺส, ทุติเยน เสสนีวรณานํ. ตถา ปเมน ตีสุ อกุสลมูเลสุ ปฺจกามคุณเภทวิสยสฺส โลภสฺส, ทุติเยน อาฆาตวตฺถุเภทาทิวิสยานํ โทสโมหานํ. โอฆาทีสุ วา ธมฺเมสุ ปเมน กาโมฆกามโยคกามาสวกามุปาทานอภิชฺฌากายคนฺถกามราคสํโยชนานํ, ทุติเยน อวเสสโอฆโยคาสวอุปาทานคนฺถสํโยชนานํ. ปเมน จ ตณฺหาย ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ, ทุติเยน อวิชฺชาย ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ. อปิจ ปเมน โลภสมฺปยุตฺตานํ อฏฺนฺนํ จิตฺตุปฺปาทานํ, ทุติเยน เสสานํ จตุนฺนํ อกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. อยํ ตาว วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหีติ เอตฺถ อตฺถปฺปกาสนา.

๗๑. เอตฺตาวตา จ ปมสฺส ฌานสฺส ปหานงฺคํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมฺปโยคงฺคํ ทสฺเสตุํ สวิตกฺกํ สวิจารนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วิตกฺกนํ วิตกฺโก, อูหนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สฺวายํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อภินิโรปนลกฺขโณ, อาหนนปริยาหนนรโส. ตถา หิ เตน โยคาวจโร อารมฺมณํ วิตกฺกาหตํ วิตกฺกปริยาหตํ กโรตีติ วุจฺจติ. อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อานยนปจฺจุปฏฺาโน.

วิจรณํ วิจาโร, อนุสฺจรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. สฺวายํ อารมฺมณานุมชฺชนลกฺขโณ, ตตฺถ สหชาตานุโยชนรโส, จิตฺตสฺส อนุปฺปพนฺธนปจฺจุปฏฺาโน.

สนฺเตปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค โอฬาริกฏฺเน ปุพฺพงฺคมฏฺเน จ ฆณฺฑาภิฆาโต วิย เจตโส ปมาภินิปาโต วิตกฺโก. สุขุมฏฺเน อนุมชฺชนสภาเวน จ ฆณฺฑานุรโว วิย อนุปฺปพนฺโธ วิจาโร. วิปฺผารวา เจตฺถ วิตกฺโก ปมุปฺปตฺติกาเล ปริปฺผนฺทนภูโต จิตฺตสฺส อากาเส อุปฺปติตุกามสฺส ปกฺขิโน ปกฺขวิกฺเขโป วิย ปทุมาภิมุขปาโต วิย จ คนฺธานุพนฺธเจตโส ภมรสฺส. สนฺตวุตฺติ วิจาโร นาติปริปฺผนฺทนภาโว จิตฺตสฺส อากาเส อุปฺปติตสฺส ปกฺขิโน ปกฺขปฺปสารณํ วิย, ปริพฺภมนํ วิย จ ปทุมาภิมุขปติตสฺส ภมรสฺส ปทุมสฺส อุปริภาเค. ทุกนิปาตฏฺกถายํ ปน ‘‘อากาเส คจฺฉโต มหาสกุณสฺส อุโภหิ ปกฺเขหิ วาตํ คเหตฺวา ปกฺเข สนฺนิสีทาเปตฺวา คมนํ วิย อารมฺมเณ เจตโส อภินิโรปนภาเวน ปวตฺโต วิตกฺโก. วาตคฺคหณตฺถํ ปกฺเข ผนฺทาปยมานสฺส คมนํ วิย อนุมชฺชนภาเวน ปวตฺโต วิจาโร’’ติ วุตฺตํ, ตํ อนุปฺปพนฺเธน ปวตฺติยํ ยุชฺชติ. โส ปน เนสํ วิเสโส ปมทุติยชฺฌาเนสุ ปากโฏ โหติ.

อปิจ มลคฺคหิตํ กํสภาชนํ เอเกน หตฺเถน ทฬฺหํ คเหตฺวา อิตเรน หตฺเถน จุณฺณเตลวาลณฺฑุปเกน ปริมชฺชนฺตสฺส ทฬฺหคหณหตฺโถ วิย วิตกฺโก, ปริมชฺชนหตฺโถ วิย วิจาโร. ตถา กุมฺภการสฺส ทณฺฑปฺปหาเรน จกฺกํ ภมยิตฺวา ภาชนํ กโรนฺตสฺส อุปฺปีฬนหตฺโถ วิย วิตกฺโก, อิโต จิโต จ สฺจรณหตฺโถ วิย วิจาโร. ตถา มณฺฑลํ กโรนฺตสฺส มชฺเฌ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ิตกณฺฏโก วิย อภินิโรปโน วิตกฺโก, พหิ ปริพฺภมนกณฺฏโก วิย อนุมชฺชโน วิจาโร. อิติ อิมินา จ วิตกฺเกน อิมินา จ วิจาเรน สห วตฺตติ รุกฺโข วิย ปุปฺเผน ผเลน จาติ อิทํ ฌานํ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ วุจฺจติ. วิภงฺเค ปน ‘‘อิมินา จ วิตกฺเกน อิมินา จ วิจาเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๕) นเยน ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตา. อตฺโถ ปน ตตฺราปิ เอวเมว ทฏฺพฺโพ.

วิเวกชนฺติ เอตฺถ วิวิตฺติ วิเวโก, นีวรณวิคโมติ อตฺโถ. วิวิตฺโตติ วา วิเวโก, นีวรณวิวิตฺโต ฌานสมฺปยุตฺตธมฺมราสีติ อตฺโถ. ตสฺมา วิเวกา, ตสฺมึ วา วิเวเก ชาตนฺติ วิเวกชํ.

๗๒. ปีติสุขนฺติ เอตฺถ ปีณยตีติ ปีติ. สา สมฺปิยายนลกฺขณา, กายจิตฺตปีนนรสา, ผรณรสา วา, โอทคฺยปจฺจุปฏฺานา. สา ปเนสา ขุทฺทิกา ปีติ, ขณิกาปีติ, โอกฺกนฺติกาปีติ, อุพฺเพคาปีติ, ผรณาปีตีติ ปฺจวิธา โหติ. ตตฺถ ขุทฺทิกาปีติ สรีเร โลมหํสมตฺตเมว กาตุํ สกฺโกติ. ขณิกาปีติ ขเณ ขเณ วิชฺชุปฺปาทสทิสา โหติ. โอกฺกนฺติกาปีติ สมุทฺทตีรํ วีจิ วิย กายํ โอกฺกมิตฺวา โอกฺกมิตฺวา ภิชฺชติ. อุพฺเพคาปีติ พลวตี โหติ กายํ อุทฺธคฺคํ กตฺวา อากาเส ลงฺฆาปนปฺปมาณปฺปตฺตา. ตถา หิ ปุณฺณวลฺลิกวาสี มหาติสฺสตฺเถโร ปุณฺณมทิวเส สายํ เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา จนฺทาโลกํ ทิสฺวา มหาเจติยาภิมุโข หุตฺวา ‘‘อิมาย วต เวลาย จตสฺโส ปริสา มหาเจติยํ วนฺทนฺตี’’ติ ปกติยา ทิฏฺารมฺมณวเสน พุทฺธารมฺมณํ อุพฺเพคาปีตึ อุปฺปาเทตฺวา สุธาตเล ปหฏจิตฺรเคณฺฑุโก วิย อากาเส อุปฺปติตฺวา มหาเจติยงฺคเณเยว ปติฏฺาสิ. ตถา คิริกณฺฑกวิหารสฺส อุปนิสฺสเย วตฺตกาลกคาเม เอกา กุลธีตาปิ พลวพุทฺธารมฺมณาย อุพฺเพคาปีติยา อากาเส ลงฺเฆสิ.

ตสฺสา กิร มาตาปิตโร สายํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย วิหารํ คจฺฉนฺตา ‘‘อมฺม ตฺวํ ครุภารา อกาเล วิจริตุํ น สกฺโกสิ, มยํ ตุยฺหํ ปตฺตึ กตฺวา ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ อคมํสุ. สา คนฺตุกามาปิ เตสํ วจนํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺตี ฆเร โอหียิตฺวา ฆราชิเร ตฺวา จนฺทาโลเกน คิริกณฺฑเก อากาสเจติยงฺคณํ โอโลเกนฺตี เจติยสฺส ทีปปูชํ อทฺทส, จตสฺโส จ ปริสา มาลาคนฺธาทีหิ เจติยปูชํ กตฺวา ปทกฺขิณํ กโรนฺติโย ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ คณสชฺฌายสทฺทํ อสฺโสสิ. อถสฺสา ‘‘ธฺาวติเม, เย วิหารํ คนฺตฺวา เอวรูเป เจติยงฺคเณ อนุสฺจริตุํ, เอวรูปฺจ มธุรธมฺมกถํ โสตุํ ลภนฺตี’’ติ มุตฺตราสิสทิสํ เจติยํ ปสฺสนฺติยา เอว อุพฺเพคาปีติ อุทปาทิ. สา อากาเส ลงฺฆิตฺวา มาตาปิตูนํ ปุริมตรํเยว อากาสโต เจติยงฺคเณ โอรุยฺห เจติยํ วนฺทิตฺวา ธมฺมํ สุณมานา อฏฺาสิ. อถ นํ มาตาปิตโร อาคนฺตฺวา ‘‘อมฺม ตฺวํ กตเรน มคฺเคน อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. สา ‘‘อากาเสน อาคตามฺหิ, น มคฺเคนา’’ติ วตฺวา ‘‘อมฺม อากาเสน นาม ขีณาสวา สฺจรนฺติ, ตฺวํ กถํ อาคตา’’ติ วุตฺตา อาห – ‘‘มยฺหํ จนฺทาโลเกน เจติยํ อาโลเกนฺติยา ิตาย พุทฺธารมฺมณา พลวปีติ อุปฺปชฺชิ. อถาหํ เนว อตฺตโน ิตภาวํ, น นิสินฺนภาวํ อฺาสึ, คหิตนิมิตฺเตเนว ปน อากาเส ลงฺฆิตฺวา เจติยงฺคเณ ปติฏฺิตามฺหี’’ติ.

เอวํ อุพฺเพคาปีติ อากาเส ลงฺฆาปนปฺปมาณา โหติ. ผรณาปีติยา ปน อุปฺปนฺนาย สกลสรีรํ ธมิตฺวา ปูริตวตฺถิ วิย มหตา อุทโกเฆน ปกฺขนฺทปพฺพตกุจฺฉิ วิย จ อนุปริปฺผุฏํ โหติ.

สา ปเนสา ปฺจวิธา ปีติ คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี ทุวิธํ ปสฺสทฺธึ ปริปูเรติ กายปสฺสทฺธิฺจ จิตฺตปสฺสทฺธิฺจ. ปสฺสทฺธิ คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี ทุวิธมฺปิ สุขํ ปริปูเรติ กายิกฺจ เจตสิกฺจ. สุขํ คพฺภํ คณฺหนฺตํ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ติวิธํ สมาธึ ปริปูเรติ ขณิกสมาธึ อุปจารสมาธึ อปฺปนา สมาธินฺติ. ตาสุ ยา อปฺปนาสมาธิสฺส มูลํ หุตฺวา วฑฺฒมานา สมาธิสมฺปโยคํ คตา ผรณาปีติ, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา ปีตีติ.

๗๓. อิตรํ ปน สุขนํ สุขํ, สุฏฺุ วา ขาทติ, ขนติ จ กายจิตฺตาพาธนฺติ สุขํ, ตํ สาตลกฺขณํ, สมฺปยุตฺตานํ อุปพฺรูหนรสํ, อนุคฺคหปจฺจุปฏฺานํ. สติปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค อิฏฺารมฺมณปฏิลาภตุฏฺิ ปีติ. ปฏิลทฺธรสานุภวนํ สุขํ. ยตฺถ ปีติ, ตตฺถ สุขํ. ยตฺถ สุขํ, ตตฺถ น นิยมโต ปีติ. สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ปีติ. เวทนากฺขนฺธสงฺคหิตํ สุขํ. กนฺตารขินฺนสฺส วนนฺตุทกทสฺสนสวเนสุ วิย ปีติ. วนจฺฉายาปเวสนอุทกปริโภเคสุ วิย สุขํ. ตสฺมึ ตสฺมึ สมเย ปากฏภาวโต เจตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิติ อยฺจ ปีติ อิทฺจ สุขํ อสฺส ฌานสฺส, อสฺมึ วา ฌาเน อตฺถีติ อิทํ ฌานํ ปีติสุขนฺติ วุจฺจติ.

อถ วา ปีติ จ สุขฺจ ปีติสุขํ, ธมฺมวินยาทโย วิย. วิเวกชํ ปีติสุขมสฺส ฌานสฺส, อสฺมึ วา ฌาเน อตฺถีติ เอวมฺปิ วิเวกชํปีติสุขํ. ยเถว หิ ฌานํ, เอวํ ปีติสุขมฺเปตฺถ วิเวกชเมว โหติ, ตฺจสฺส อตฺถิ, ตสฺมา เอกปเทเนว ‘‘วิเวกชํปีติสุข’’นฺติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ. วิภงฺเค ปน ‘‘อิทํ สุขํ อิมาย ปีติยา สหคต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๕๖๗) นเยน วุตฺตํ. อตฺโถ ปน ตตฺถาปิ เอวเมว ทฏฺพฺโพ.

ปมํ ฌานนฺติ อิทํ ปรโต อาวิภวิสฺสติ. อุปสมฺปชฺชาติ อุปคนฺตฺวา, ปาปุณิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อุปสมฺปาทยิตฺวา วา, นิปฺผาเทตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วิภงฺเค ปน ‘‘อุปสมฺปชฺชาติ ปมสฺส ฌานสฺส ลาโภ ปฏิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสาปิ เอวเมวตฺโถ ทฏฺพฺโพ. วิหรตีติ ตทนุรูเปน อิริยาปถวิหาเรน อิติวุตฺตปฺปการฌานสมงฺคี หุตฺวา อตฺตภาวสฺส อิริยํ วุตฺตึ ปาลนํ ยปนํ ยาปนํ จารํ วิหารํ อภินิปฺผาเทติ. วุตฺตฺเหตํ วิภงฺเค ‘‘วิหรตีติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติ, เตน วุจฺจติ วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๔๐).

ปฺจงฺควิปฺปหีนาทิ

๗๔. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ปฺจงฺควิปฺปหีนํ ปฺจงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ, ตตฺถ กามจฺฉนฺโท, พฺยาปาโท, ถินมิทฺธํ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, วิจิกิจฺฉาติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ นีวรณานํ ปหานวเสน ปฺจงฺควิปฺปหีนตา เวทิตพฺพา. น หิ เอเตสุ อปฺปหีเนสุ ฌานํ อุปฺปชฺชติ. เตนสฺเสตานิ ปหานงฺคานีติ วุจฺจนฺติ. กิฺจาปิ หิ ฌานกฺขเณ อฺเปิ อกุสลา ธมฺมา ปหียนฺติ, ตถาปิ เอตาเนว วิเสเสน ฌานนฺตรายกรานิ. กามจฺฉนฺเทน หิ นานาวิสยปฺปโลภิตํ จิตฺตํ น เอกตฺตารมฺมเณ สมาธิยติ. กามจฺฉนฺทาภิภูตํ วา ตํ น กามธาตุปฺปหานาย ปฏิปทํ ปฏิปชฺชติ. พฺยาปาเทน จารมฺมเณ ปฏิหฺมานํ น นิรนฺตรํ ปวตฺตติ. ถินมิทฺธาภิภูตํ อกมฺมฺํ โหติ. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปเรตํ อวูปสนฺตเมว หุตฺวา ปริพฺภมติ. วิจิกิจฺฉาย อุปหตํ ฌานาธิคมสาธิกํ ปฏิปทํ นาโรหติ. อิติ วิเสเสน ฌานนฺตรายกรตฺตา เอตาเนว ปหานงฺคานีติ วุตฺตานีติ.

ยสฺมา ปน วิตกฺโก อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรเปติ, วิจาโร อนุปฺปพนฺธติ, เตหิ อวิกฺเขปาย สมฺปาทิตปฺปโยคสฺส เจตโส ปโยคสมฺปตฺติสมฺภวา ปีติ ปีณนํ, สุขฺจ อุปพฺรูหนํ กโรติ. อถ นํ สเสสสมฺปยุตฺตธมฺมํ เอเตหิ อภินิโรปนานุปฺปพนฺธนปีณนอุปพฺรูหเนหิ อนุคฺคหิตา เอกคฺคตา เอกตฺตารมฺมเณ สมํ สมฺมา จ อาธิยติ, ตสฺมา วิตกฺโก วิจาโร ปีติ สุขํ จิตฺเตกคฺคตาติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ อุปฺปตฺติวเสน ปฺจงฺคสมนฺนาคตตา เวทิตพฺพา. อุปฺปนฺเนสุ หิ เอเตสุ ปฺจสุ ฌานํ อุปฺปนฺนํ นาม โหติ. เตนสฺส เอตานิ ปฺจ สมนฺนาคตงฺคานีติ วุจฺจนฺติ. ตสฺมา น เอเตหิ สมนฺนาคตํ อฺเทว ฌานํ นาม อตฺถีติ คเหตพฺพํ. ยถา ปน องฺคมตฺตวเสเนว จตุรงฺคินี เสนา, ปฺจงฺคิกํ ตูริยํ, อฏฺงฺคิโก จ มคฺโคติ วุจฺจติ, เอวมิทมฺปิ องฺคมตฺตวเสเนว ปฺจงฺคิกนฺติ วา ปฺจงฺคสมนฺนาคตนฺติ วา วุจฺจตีติ เวทิตพฺพํ.

เอตานิ จ ปฺจงฺคานิ กิฺจาปิ อุปจารกฺขเณปิ อตฺถิ, อถ โข อุปจาเร ปกติจิตฺตโต พลวตรานิ. อิธ ปน อุปจารโตปิ พลวตรานิ รูปาวจรลกฺขณปฺปตฺตานิ. เอตฺถ หิ วิตกฺโก สุวิสเทน อากาเรน อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรปยมาโน อุปฺปชฺชติ. วิจาโร อติวิย อารมฺมณํ อนุมชฺชมาโน. ปีติสุขํ สพฺพาวนฺตมฺปิ กายํ ผรมานํ. เตเนวาห – ‘‘นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส วิเวกเชน ปีติสุเขน อปฺผุฏํ โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๒๘). จิตฺเตกคฺคตาปิ เหฏฺิมมฺหิ สมุคฺคปฏเล อุปริมํ สมุคฺคปฏลํ วิย อารมฺมเณสุ ผุสิตา หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, อยเมเตสํ อิตเรหิ วิเสโส. ตตฺถ จิตฺเตกคฺคตา กิฺจาปิ สวิตกฺกํ สวิจารนฺติ อิมสฺมึ ปาเ น นิทฺทิฏฺา, ตถาปิ วิภงฺเค ‘‘ฌานนฺติ วิตกฺโก วิจาโร ปีติ สุขํ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (วิภ. ๕๖๙) เอวํ วุตฺตตฺตา องฺคเมว. เยน หิ อธิปฺปาเยน ภควตา อุทฺเทโส กโต, โสเยว เตน วิภงฺเค ปกาสิโตติ.

ติวิธกลฺยาณํ

๗๕. ติวิธกลฺยาณํ ทสลกฺขณสมฺปนฺนนฺติ เอตฺถ ปน อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน ติวิธกลฺยาณตา. เตสํเยว จ อาทิมชฺฌปริโยสานานํ ลกฺขณวเสน ทสลกฺขณสมฺปนฺนตา เวทิตพฺพา.

ตตฺรายํ ปาฬิ –

‘‘ปมสฺส ฌานสฺส ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาทิ, อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌ, สมฺปหํสนา ปริโยสานํ, ปมสฺส ฌานสฺส ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาทิ, อาทิสฺส กติ ลกฺขณานิ? อาทิสฺส ตีณิ ลกฺขณานิ, โย ตสฺส ปริพนฺโธ, ตโต จิตฺตํ วิสุชฺฌติ, วิสุทฺธตฺตา จิตฺตํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชติ, ปฏิปนฺนตฺตา ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ. ยฺจ ปริพนฺธโต จิตฺตํ วิสุชฺฌติ, ยฺจ วิสุทฺธตฺตา จิตฺตํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชติ, ยฺจ ปฏิปนฺนตฺตา ตตฺถ จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ. ปมสฺส ฌานสฺส ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาทิ, อาทิสฺส อิมานิ ตีณิ ลกฺขณานิ. เตน วุจฺจติ ปมํ ฌานํ อาทิกลฺยาณฺเจว โหติ ติลกฺขณสมฺปนฺนฺจ.

‘‘ปมสฺส ฌานสฺส อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌ, มชฺฌสฺส กติ ลกฺขณานิ? มชฺฌสฺส ตีณิ ลกฺขณานิ, วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ, สมถปฏิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขติ, เอกตฺตุปฏฺานํ อชฺฌุเปกฺขติ. ยฺจ วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ, ยฺจ สมถปฏิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขติ, ยฺจ เอกตฺตุปฏฺานํ อชฺฌุเปกฺขติ. ปมสฺส ฌานสฺส อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌ, มชฺฌสฺส อิมานิ ตีณิ ลกฺขณานิ. เตน วุจฺจติ ปมํ ฌานํ มชฺเฌกลฺยาณฺเจว โหติ ติลกฺขณสมฺปนฺนฺจ.

‘‘ปมสฺส ฌานสฺส สมฺปหํสนา ปริโยสานํ, ปริโยสานสฺส กติ ลกฺขณานิ? ปริโยสานสฺส จตฺตาริ ลกฺขณานิ, ตตฺถ ชาตานํ ธมฺมานํ อนติวตฺตนฏฺเน สมฺปหํสนา, อินฺทฺริยานํ เอกรสฏฺเน สมฺปหํสนา, ตทุปควีริยวาหนฏฺเน สมฺปหํสนา, อาเสวนฏฺเน สมฺปหํสนา. ปมสฺส ฌานสฺส สมฺปหํสนา ปริโยสานํ, ปริโยสานสฺส อิมานิ จตฺตาริ ลกฺขณานิ. เตน วุจฺจติ ปมํ ฌานํ ปริโยสานกลฺยาณฺเจว โหติ จตุลกฺขณสมฺปนฺนฺจา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๘).

ตตฺร ปฏิปทาวิสุทฺธิ นาม สสมฺภาริโก อุปจาโร. อุเปกฺขานุพฺรูหนา นาม อปฺปนา. สมฺปหํสนา นาม ปจฺจเวกฺขณาติ เอวเมเก วณฺณยนฺติ. ยสฺมา ปน ‘‘เอกตฺตคตํ จิตฺตํ ปฏิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทฺเจว โหติ อุเปกฺขานุพฺรูหิตฺจ าเณน จ สมฺปหํสิต’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๘) ปาฬิยํ วุตฺตํ, ตสฺมา อนฺโตอปฺปนายเมว อาคมนวเสน ปฏิปทาวิสุทฺธิ, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา, ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิภาวสาธเนน ปริโยทาปกสฺส าณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน สมฺปหํสนา จ เวทิตพฺพา.

กถํ? ยสฺมิฺหิ วาเร อปฺปนา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ โย นีวรณสงฺขาโต กิเลสคโณ ตสฺส ฌานสฺส ปริพนฺโธ, ตโต จิตฺตํ วิสุชฺฌติ. วิสุทฺธตฺตา อาวรณวิรหิตํ หุตฺวา มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชติ. มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ นาม สมปฺปวตฺโต อปฺปนาสมาธิเยว. ตทนนฺตรํ ปน ปุริมจิตฺตํ เอกสนฺตติปริณามนเยน ตถตฺตมุปคจฺฉมานํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชติ นาม, เอวํ ปฏิปนฺนตฺตา ตถตฺตุปคมเนน ตตฺถ ปกฺขนฺทติ นาม. เอวํ ตาว ปุริมจิตฺเต วิชฺชมานาการนิปฺผาทิกา ปมสฺส ฌานสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว อาคมนวเสน ปฏิปทาวิสุทฺธิ เวทิตพฺพา.

เอวํ วิสุทฺธสฺส ปน ตสฺส ปุน วิโสเธตพฺพาภาวโต วิโสธเน พฺยาปารํ อกโรนฺโต วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขติ นาม. สมถภาวุปคมเนน สมถปฏิปนฺนสฺส ปุน สมาธาเน พฺยาปารํ อกโรนฺโต สมถปฏิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขติ นาม. สมถปฏิปนฺนภาวโต เอว จสฺส กิเลสสํสคฺคํ ปหาย เอกตฺเตน อุปฏฺิตสฺส ปุน เอกตฺตุปฏฺาเน พฺยาปารํ อกโรนฺโต เอกตฺตุปฏฺานํ อชฺฌุเปกฺขติ นาม. เอวํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา เวทิตพฺพา.

เย ปเนเต เอวํ อุเปกฺขานุพฺรูหิเต ตตฺถ ชาตา สมาธิปฺาสงฺขาตา ยุคนทฺธธมฺมา อฺมฺํ อนติวตฺตมานา หุตฺวา ปวตฺตา, ยานิ จ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ นานากิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติรเสน เอกรสานิ หุตฺวา ปวตฺตานิ, ยฺเจส ตทุปคํ เตสํ อนติวตฺตนเอกรสภาวานํ อนุจฺฉวิกํ วีริยํ วาหยติ, ยา จสฺส ตสฺมึ ขเณ ปวตฺตา อาเสวนา, สพฺเพปิ เต อาการา ยสฺมา าเณน สํกิเลสโวทาเนสุ ตํ ตํ อาทีนวฺจ อานิสํสฺจ ทิสฺวา ตถา ตถา สมฺปหํสิตตฺตา วิโสธิตตฺตา ปริโยทาปิตตฺตา นิปฺผนฺนาว, ตสฺมา ‘‘ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิภาวสาธเนน ปริโยทาปกสฺส าณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน สมฺปหํสนา เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ.

ตตฺถ ยสฺมา อุเปกฺขาวเสน าณํ ปากฏํ โหติ. ยถาห – ‘‘ตถาปคฺคหิตํ จิตฺตํ สาธุกํ อชฺฌุเปกฺขติ, อุเปกฺขาวเสน ปฺาวเสน ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, อุเปกฺขาวเสน นานตฺตกิเลเสหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, วิโมกฺขวเสน ปฺาวเสน ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ. วิมุตฺตตฺตา เต ธมฺมา เอกรสา โหนฺติ. เอกรสฏฺเน ภาวนา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๐๑). ตสฺมา าณกิจฺจภูตา สมฺปหํสนา ปริโยสานนฺติ วุตฺตา.

อิทานิ ปมํ ฌานํ อธิคตํ โหติ ปถวีกสิณนฺติ เอตฺถ คณนานุปุพฺพตา ปมํ, ปมํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ปมํ. อารมฺมณูปนิชฺฌานโต ปจฺจนีกฌาปนโต วา ฌานํ. ปถวีมณฺฑลํ ปน สกลฏฺเน ปถวีกสิณนฺติ วุจฺจติ, ตํ นิสฺสาย ปฏิลทฺธนิมิตฺตมฺปิ, ปถวีกสิณนิมิตฺเต ปฏิลทฺธฌานมฺปิ. ตตฺร อิมสฺมึ อตฺเถ ฌานํ ปถวีกสิณนฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปมํ ฌานํ อธิคตํ โหติ ปถวีกสิณ’’นฺติ.

จิรฏฺิติสมฺปาทนํ

๗๖. เอวมธิคเต ปน เอตสฺมึ เตน โยคินา วาลเวธินา วิย, สูเทน วิย จ อาการา ปริคฺคเหตพฺพา. ยถา หิ สุกุสโล ธนุคฺคโห วาลเวธาย กมฺมํ กุรุมาโน ยสฺมึ วาเร วาลํ วิชฺฌติ, ตสฺมึ วาเร อกฺกนฺตปทานฺจ ธนุทณฺฑสฺส จ ชิยาย จ สรสฺส จ อาการํ ปริคฺคณฺเหยฺย. ‘‘เอวํ เม ิเตน เอวํ ธนุทณฺฑํ เอวํ ชิยํ เอวํ สรํ คเหตฺวา วาโล วิทฺโธ’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย ตเถว เต อากาเร สมฺปาเทนฺโต อวิราเธตฺวา วาลํ วิชฺเฌยฺย. เอวเมว โยคินาปิ ‘‘อิมํ นาม เม โภชนํ ภุฺชิตฺวา เอวรูปํ ปุคฺคลํ เสวมาเนน เอวรูเป เสนาสเน อิมินา นาม อิริยาปเถน อิมสฺมึ กาเล อิทํ อธิคต’’นฺติ เอเต โภชนสปฺปายาทโย อาการา ปริคฺคเหตพฺพา. เอวฺหิ โส นฏฺเ วา ตสฺมึ เต อากาเร สมฺปาเทตฺวา ปุน อุปฺปาเทตุํ, อปฺปคุณํ วา ปคุณํ กโรนฺโต ปุนปฺปุนํ อปฺเปตุํ สกฺขิสฺสติ.

ยถา จ กุสโล สูโท ภตฺตารํ ปริวิสนฺโต ตสฺส ยํ ยํ รุจิยา ภุฺชติ, ตํ ตํ สลฺลกฺเขตฺวา ตโต ปฏฺาย ตาทิสเมว อุปนาเมนฺโต ลาภสฺส ภาคี โหติ, เอวมยมฺปิ อธิคตกฺขเณ โภชนาทโย อากาเร คเหตฺวา เต สมฺปาเทนฺโต นฏฺเ นฏฺเ ปุนปฺปุนํ อปฺปนาย ลาภี โหติ. ตสฺมา เตน วาลเวธินา วิย สูเทน วิย จ อาการา ปริคฺคเหตพฺพา. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท ราชานํ วา ราชมหามตฺตํ วา นานจฺจเยหิ สูเปหิ ปจฺจุปฏฺิโต อสฺส อมฺพิลคฺเคหิปิ ติตฺตกคฺเคหิปิ กฏุกคฺเคหิปิ มธุรคฺเคหิปิ ขาริเกหิปิ อขาริเกหิปิ โลณิเกหิปิ อโลณิเกหิปิ. ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตุ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ ‘อิทํ วา เม อชฺช ภตฺตุ สูเปยฺยํ รุจฺจติ, อิมสฺส วา อภิหรติ, อิมสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อิมสฺส วา วณฺณํ ภาสติ, อมฺพิลคฺคํ วา เม อชฺช ภตฺตุ สูเปยฺยํ รุจฺจติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา อภิหรติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา พหุํ คณฺหาติ, อมฺพิลคฺคสฺส วา วณฺณํ ภาสติ…เป… อโลณิกสฺส วา วณฺณํ ภาสตี’ติ. ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท ลาภี เจว โหติ อจฺฉาทนสฺส, ลาภี เวตนสฺส, ลาภี อภิหารานํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล สูโท สกสฺส ภตฺตุ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป… เวทนาสุ เวทนา… จิตฺเต จิตฺตา… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. ตสฺส ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสิโน วิหรโต จิตฺตํ สมาธิยติ, อุปกฺกิเลสา ปหียนฺติ, โส ตํ นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาติ. ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล ภิกฺขุ ลาภี เจว โหติ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ, ลาภี สติสมฺปชฺสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต กุสโล ภิกฺขุ สกสฺส จิตฺตสฺส นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๔).

นิมิตฺตคฺคหเณน จสฺส ปุน เต อากาเร สมฺปาทยโต อปฺปนามตฺตเมว อิชฺฌติ, น จิรฏฺานํ. จิรฏฺานํ ปน สมาธิปริพนฺธานํ ธมฺมานํ สุวิโสธิตตฺตา โหติ. โย หิ ภิกฺขุ กามาทีนวปจฺจเวกฺขณาทีหิ กามจฺฉนฺทํ น สุฏฺุ วิกฺขมฺเภตฺวา, กายปสฺสทฺธิวเสน กายทุฏฺุลฺลํ น สุปฺปฏิปสฺสทฺธํ กตฺวา, อารมฺภธาตุมนสิการาทิวเสน ถินมิทฺธํ น สุฏฺุ ปฏิวิโนเทตฺวา, สมถนิมิตฺตมนสิการาทิวเสน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ น สุสมูหตํ กตฺวา, อฺเปิ สมาธิปริพนฺเธ ธมฺเม น สุฏฺุ วิโสเธตฺวา ฌานํ สมาปชฺชติ, โส อวิโสธิตํ อาสยํ ปวิฏฺภมโร วิย อวิสุทฺธํ อุยฺยานํ ปวิฏฺราชา วิย จ ขิปฺปเมว นิกฺขมติ. โย ปน สมาธิปริพนฺเธ ธมฺเม สุฏฺุ วิโสเธตฺวา ฌานํ สมาปชฺชติ, โส สุวิโสธิตํ อาสยํ ปวิฏฺภมโร วิย สุปริสุทฺธํ อุยฺยานํ ปวิฏฺราชา วิย จ สกลมฺปิ ทิวสภาคํ อนฺโตสมาปตฺติยํเยว โหติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘กาเมสุ ฉนฺทํ ปฏิฆํ วิโนทเย,

อุทฺธจฺจมิทฺธํ วิจิกิจฺฉปฺจมํ;

วิเวกปาโมชฺชกเรน เจตสา,

ราชาว สุทฺธนฺตคโต ตหึ รเม’’ติ.

ตสฺมา จิรฏฺิติกาเมน ปริพนฺธกธมฺเม วิโสเธตฺวา ฌานํ สมาปชฺชิตพฺพํ. จิตฺตภาวนาเวปุลฺลตฺถฺจ ยถาลทฺธํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ วฑฺเฒตพฺพํ. ตสฺส ทฺเว วฑฺฒนาภูมิโย อุปจารํ วา อปฺปนํ วา. อุปจารํ ปตฺวาปิ หิ ตํ วฑฺเฒตุํ วฏฺฏติ อปฺปนํ ปตฺวาปิ. เอกสฺมึ ปน าเน อวสฺสํ วฑฺเฒตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาลทฺธํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ วฑฺเฒตพฺพ’’นฺติ.

นิมิตฺตวฑฺฒนนโย

๗๗. ตตฺรายํ วฑฺฒนนโย, เตน โยคินา ตํ นิมิตฺตํ ปตฺตวฑฺฒนปูววฑฺฒนภตฺตวฑฺฒนลตาวฑฺฒนทุสฺสวฑฺฒนโยเคน อวฑฺเฒตฺวา ยถา นาม กสฺสโก กสิตพฺพฏฺานํ นงฺคเลน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริจฺเฉทพฺภนฺตเร กสติ, ยถา วา ปน ภิกฺขู สีมํ พนฺธนฺตา ปมํ นิมิตฺตานิ สลฺลกฺเขตฺวา ปจฺฉา พนฺธนฺติ, เอวเมว ตสฺส ยถาลทฺธสฺส นิมิตฺตสฺส อนุกฺกเมน เอกงฺคุลทฺวงฺคุลติวงฺคุลจตุรงฺคุลมตฺตํ มนสา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ยถาปริจฺเฉทํ วฑฺเฒตพฺพํ. อปริจฺฉินฺทิตฺวา ปน น วฑฺเฒตพฺพํ. ตโต วิทตฺถิรตนปมุขปริเวณวิหารสีมานํ คามนิคมชนปทรชฺชสมุทฺทสีมานฺจ ปริจฺเฉทวเสน วฑฺฒยนฺเตน จกฺกวาฬปริจฺเฉเทน วา ตโต วาปิ อุตฺตริ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วฑฺเฒตพฺพํ.

ยถา หิ หํสโปตกา ปกฺขานํ อุฏฺิตกาลโต ปฏฺาย ปริตฺตํ ปริตฺตํ ปเทสํ อุปฺปตนฺตา ปริจยํ กตฺวา อนุกฺกเมน จนฺทิมสูริยสนฺติกํ คจฺฉนฺติ, เอวเมว ภิกฺขุ วุตฺตนเยน นิมิตฺตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วฑฺเฒนฺโต ยาว จกฺกวาฬปริจฺเฉทา ตโต วา อุตฺตริ วฑฺเฒติ. อถสฺส ตํ นิมิตฺตํ วฑฺฒิตวฑฺฒิตฏฺาเน ปถวิยา อุกฺกูลวิกูลนทีวิทุคฺคปพฺพตวิสเมสุ สงฺกุสตสมพฺภาหตํ อุสภจมฺมํ วิย โหติ.

ตสฺมึ ปน นิมิตฺเต ปตฺตปมชฺฌาเนน อาทิกมฺมิเกน สมาปชฺชนพหุเลน ภวิตพฺพํ, น ปจฺจเวกฺขณพหุเลน. ปจฺจเวกฺขณพหุลสฺส หิ ฌานงฺคานิ ถูลานิ ทุพฺพลานิ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. อถสฺส ตานิ เอวํ อุปฏฺิตตฺตา อุปริ อุสฺสุกฺกนาย ปจฺจยตํ อาปชฺชนฺติ. โส อปฺปคุเณ ฌาเน อุสฺสุกฺกมาโน ปตฺตปมชฺฌานา จ ปริหายติ, น จ สกฺโกติ ทุติยํ ปาปุณิตุํ. เตนาห ภควา –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คาวี ปพฺพเตยฺยา พาลา อพฺยตฺตา อเขตฺตฺู อกุสลา วิสเม ปพฺพเต จริตุํ. ตสฺสา เอวมสฺส ‘ยํนูนาหํ อคตปุพฺพฺเจว ทิสํ คจฺเฉยฺยํ, อขาทิตปุพฺพานิ จ ติณานิ ขาเทยฺยํ, อปีตปุพฺพานิ จ ปานียานิ ปิเวยฺย’นฺติ. สา ปุริมํ ปาทํ น สุปติฏฺิตํ ปติฏฺาเปตฺวา ปจฺฉิมํ ปาทํ อุทฺธเรยฺย, สา น เจว อคตปุพฺพํ ทิสํ คจฺเฉยฺย, น จ อขาทิตปุพฺพานิ ติณานิ ขาเทยฺย, น จ อปีตปุพฺพานิ ปานียานิ ปิเวยฺย. ยสฺมิฺจสฺสา ปเทเส ิตาย เอวมสฺส ‘ยํนูนาหํ อคตปุพฺพฺเจว…เป… ปิเวยฺย’นฺติ. ตฺจ ปเทสํ น โสตฺถินา ปจฺจาคจฺเฉยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? ตถา หิ สา, ภิกฺขเว, คาวี ปพฺพเตยฺยา พาลา อพฺยตฺตา อเขตฺตฺู อกุสลา วิสเม ปพฺพเต จริตุํ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ พาโล อพฺยตฺโต อเขตฺตฺู อกุสโล วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. โส ตํ นิมิตฺตํ นาเสวติ, น ภาเวติ, น พหุลีกโรติ, น สฺวาธิฏฺิตํ อธิฏฺาติ, ตสฺส เอวํ โหติ ‘ยํนูนาหํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ. โส น สกฺโกติ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. ตสฺเสวํ โหติ ‘ยํนูนาหํ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ. โส น สกฺโกติ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุภโต ภฏฺโ อุภโต ปริหีโน, เสยฺยถาปิ สา คาวี ปพฺพเตยฺยา พาลา อพฺยตฺตา อเขตฺตฺู อกุสลา วิสเม ปพฺพเต จริตุ’’นฺติ (อ. นิ. ๙.๓๕).

ตสฺมาเนน ตสฺมึเยว ตาว ปมชฺฌาเน ปฺจหากาเรหิ จิณฺณวสินา ภวิตพฺพํ.

ปฺจวสีกถา

๗๘. ตตฺริมา ปฺจ วสิโย อาวชฺชนวสี, สมาปชฺชนวสี, อธิฏฺานวสี, วุฏฺานวสี, ปจฺจเวกฺขณวสีติ. ปมํ ฌานํ ยตฺถิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ ยาวทิจฺฉกํ อาวชฺเชติ, อาวชฺชนาย ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ อาวชฺชนวสี. ปมํ ฌานํ ยตฺถิจฺฉกํ…เป… สมาปชฺชติ, สมาปชฺชนาย ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ สมาปชฺชนวสี. เอวํ เสสาปิ วิตฺถาเรตพฺพา.

อยํ ปเนตฺถ อตฺถปฺปกาสนา, ปมชฺฌานโต วุฏฺาย ปมํ วิตกฺกํ อาวชฺชยโต ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ วิตกฺการมฺมณาเนว จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ. ตโต ทฺเว ภวงฺคานิ, ตโต ปุน วิจารารมฺมณํ อาวชฺชนํ, วุตฺตนยาเนว ชวนานีติ เอวํ ปฺจสุ ฌานงฺเคสุ ยทา นิรนฺตรํ จิตฺตํ เปเสตุํ สกฺโกติ, อถสฺส อาวชฺชนวสี สิทฺธา โหติ. อยํ ปน มตฺถกปฺปตฺตา วสี ภควโต ยมกปาฏิหาริเย ลพฺภติ, อฺเสํ วา เอวรูเป กาเล. อิโต ปรํ สีฆตรา อาวชฺชนวสี นาม นตฺถิ.

อายสฺมโต ปน มหาโมคฺคลฺลานสฺส นนฺโทปนนฺทนาคราชทมเน วิย สีฆํ สมาปชฺชนสมตฺถตา สมาปชฺชนวสี นาม.

อจฺฉรามตฺตํ วา ทสจฺฉรามตฺตํ วา ขณํ เปตุํ สมตฺถตา อธิฏฺานวสี นาม. ตเถว ลหุํ วุฏฺาตุํ สมตฺถตา วุฏฺานวสี นาม. ตทุภยทสฺสนตฺถํ พุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส วตฺถุํ กเถตุํ วฏฺฏติ.

โส หายสฺมา อุปสมฺปทาย อฏฺวสฺสิโก หุตฺวา เถรมฺพตฺถเล มหาโรหณคุตฺตตฺเถรสฺส คิลานุปฏฺานํ อาคตานํ ตึสมตฺตานํ อิทฺธิมนฺตสหสฺสานํ มชฺเฌ นิสินฺโน เถรสฺส ยาคุํ ปฏิคฺคาหยมานํ อุปฏฺากนาคราชานํ คเหสฺสามีติ อากาสโต ปกฺขนฺทนฺตํ สุปณฺณราชานํ ทิสฺวา ตาวเทว ปพฺพตํ นิมฺมินิตฺวา นาคราชานํ พาหายํ คเหตฺวา ตตฺถ ปาวิสิ. สุปณฺณราชา ปพฺพเต ปหารํ ทตฺวา ปลายิ. มหาเถโร อาห – ‘‘สเจ, อาวุโส, พุทฺธรกฺขิโต นาภวิสฺส, สพฺเพว คารยฺหา อสฺสามา’’ติ.

ปจฺจเวกฺขณวสี ปน อาวชฺชนวสิยา เอว วุตฺตา. ปจฺจเวกฺขณชวนาเนว หิ ตตฺถ อาวชฺชนานนฺตรานีติ.

ทุติยชฺฌานกถา

๗๙. อิมาสุ ปน ปฺจสุ วสีสุ จิณฺณวสินา ปคุณปมชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘อยํ สมาปตฺติ อาสนฺนนีวรณปจฺจตฺถิกา, วิตกฺกวิจารานํ โอฬาริกตฺตา องฺคทุพฺพลา’’ติ จ ตตฺถ โทสํ ทิสฺวา ทุติยชฺฌานํ สนฺตโต มนสิกตฺวา ปมชฺฌาเน นิกนฺตึ ปริยาทาย ทุติยาธิคมาย โยโค กาตพฺโพ. อถสฺส ยทา ปมชฺฌานา วุฏฺาย สตสฺส สมฺปชานสฺส ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขโต วิตกฺกวิจารา โอฬาริกโต อุปฏฺหนฺติ, ปีติสุขฺเจว จิตฺเตกคฺคตา จ สนฺตโต อุปฏฺาติ, ตทาสฺส โอฬาริกงฺคํ ปหานาย สนฺตองฺคปฏิลาภาย จ ตเทว นิมิตฺตํ ‘‘ปถวี ปถวี’’ติ ปุนปฺปุนํ มนสิกโรโต ‘‘อิทานิ ทุติยชฺฌานํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ตเทว ปถวีกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ. ตโต ตสฺมึเยวารมฺมเณ จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ, เยสมวสาเน เอกํ รูปาวจรํ ทุติยชฺฌานิกํ. เสสานิ วุตฺตปฺปการาเนว กามาวจรานีติ.

เอตฺตาวตา เจส วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวมเนน ทฺวงฺควิปฺปหีนํ ติวงฺคสมนฺนาคตํ ติวิธกลฺยาณํ ทสลกฺขณสมฺปนฺนํ ทุติยํ ฌานํ อธิคตํ โหติ ปถวีกสิณํ.

๘๐. ตตฺถ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ วิตกฺกสฺส จ วิจารสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วูปสมา สมติกฺกมา, ทุติยชฺฌานกฺขเณ อปาตุภาวาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ กิฺจาปิ ทุติยชฺฌาเน สพฺเพปิ ปมชฺฌานธมฺมา น สนฺติ. อฺเเยว หิ ปมชฺฌาเน ผสฺสาทโย, อฺเ อิธ. โอฬาริกสฺส ปน โอฬาริกสฺส องฺคสฺส สมติกฺกมา ปมชฺฌานโต ปเรสํ ทุติยชฺฌานาทีนํ อธิคโม โหตีติ ทีปนตฺถํ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อชฺฌตฺตนฺติ อิธ นิยกชฺฌตฺตมธิปฺเปตํ. วิภงฺเค ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺต’’นฺติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ยสฺมา จ นิยกชฺฌตฺตมธิปฺเปตํ, ตสฺมา อตฺตนิ ชาตํ อตฺตโน สนฺตาเน นิพฺพตฺตนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ. สมฺปสาทนนฺติ สมฺปสาทนํ วุจฺจติ สทฺธา. สมฺปสาทนโยคโต ฌานมฺปิ สมฺปสาทนํ. นีลวณฺณโยคโต นีลวตฺถํ วิย. ยสฺมา วา ตํ ฌานํ สมฺปสาทนสมนฺนาคตตฺตา วิตกฺกวิจารกฺโขภวูปสมเนน จ เจตโส สมฺปสาทยติ, ตสฺมาปิ สมฺปสาทนนฺติ วุตฺตํ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป สมฺปสาทนํ เจตโสติ เอวํ ปทสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ปุริมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป เจตโสติ เอตํ เอโกทิภาเวน สทฺธึ โยเชตพฺพํ.

ตตฺรายมตฺถโยชนา, เอโก อุเทตีติ เอโกทิ, วิตกฺกวิจาเรหิ อนชฺฌารูฬฺหตฺตา อคฺโค เสฏฺโ หุตฺวา อุเทตีติ อตฺโถ. เสฏฺโปิ หิ โลเก เอโกติ วุจฺจติ. วิตกฺกวิจารวิรหโต วา เอโก อสหาโย หุตฺวา อิติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อถ วา สมฺปยุตฺตธมฺเม อุทายตีติ อุทิ, อุฏฺาเปตีติ อตฺโถ. เสฏฺฏฺเน เอโก จ โส อุทิ จาติ เอโกทิ, สมาธิสฺเสตํ อธิวจนํ. อิติ อิมํ เอโกทึ ภาเวติ วฑฺเฒตีติ อิทํ ทุติยชฺฌานํ เอโกทิภาวํ. โส ปนายํ เอโกทิ ยสฺมา เจตโส, น สตฺตสฺส, น ชีวสฺส, ตสฺมา เอตํ เจตโส เอโกทิภาวนฺติ วุตฺตํ.

นนุ จายํ สทฺธา ปมชฺฌาเนปิ อตฺถิ, อยฺจ เอโกทินามโก สมาธิ, อถ กสฺมา อิทเมว ‘‘สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวฺจา’’ติ วุตฺตนฺติ. วุจฺจเต, อทุฺหิ ปมชฺฌานํ วิตกฺกวิจารกฺโขเภน วีจิตรงฺคสมากุลมิว ชลํ น สุปฺปสนฺนํ โหติ, ตสฺมา สติยาปิ สทฺธาย ‘‘สมฺปสาทน’’นฺติ น วุตฺตํ. น สุปฺปสนฺนตฺตาเยว เจตฺถ สมาธิปิ น สุฏฺุ ปากโฏ, ตสฺมา ‘‘เอโกทิภาว’’นฺติปิ น วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน ฌาเน วิตกฺกวิจารปลิโพธาภาเวน ลทฺโธกาสา พลวตี สทฺธา, พลวสทฺธาสหายปฏิลาเภเนว จ สมาธิปิ ปากโฏ, ตสฺมา อิทเมว เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิภงฺเค ปน ‘‘สมฺปสาทนนฺติ ยา สทฺธา สทฺทหนา โอกปฺปนา อภิปฺปสาโท. เจตโส เอโกทิภาวนฺติ ยา จิตฺตสฺส ิติ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. เอวํ วุตฺเตน ปน เตน สทฺธึ อยมตฺถวณฺณนา ยถา น วิรุชฺฌติ, อฺทตฺถุ สํสนฺทติ เจว สเมติ จ, เอวํ เวทิตพฺพา.

๘๑. อวิตกฺกํ อวิจารนฺติ ภาวนาย ปหีนตฺตา เอตสฺมึ, เอตสฺส วา วิตกฺโก นตฺถีติ อวิตกฺกํ. อิมินาว นเยน อวิจารํ. วิภงฺเคปิ วุตฺตํ ‘‘อิติ อยฺจ วิตกฺโก อยฺจ วิจาโร สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺติกตา, เตน วุจฺจติ อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ (วิภ. ๕๗๖).

เอตฺถาห ‘‘นนุ จ ‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’ติ อิมินาปิ อยมตฺโถ สิทฺโธ, อถ กสฺมา ปุน วุตฺตํ ‘อวิตกฺกํ อวิจาร’นฺติ’’. วุจฺจเต, เอวเมตํ สิทฺโธวายมตฺโถ, น ปเนตํ ตทตฺถทีปกํ. นนุ อโวจุมฺห ‘‘โอฬาริกสฺส ปน โอฬาริกสฺส องฺคสฺส สมติกฺกมา ปมชฺฌานโต ปเรสํ ทุติยชฺฌานาทีนํ สมธิคโม โหตีติ ทสฺสนตฺถํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ เอวํ วุตฺต’’นฺติ.

อปิจ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อิทํ สมฺปสาทนํ, น กิเลสกาลุสฺสิยสฺส. วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมา เอโกทิภาวํ, น อุปจารชฺฌานมิว นีวรณปฺปหานา, ปมชฺฌานมิว จ น องฺคปาตุภาวาติ เอวํ สมฺปสาทนเอโกทิภาวานํ เหตุปริทีปกมิทํ วจนํ. ตถา วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อิทํ อวิตกฺกํ อวิจารํ, น ตติยจตุตฺถชฺฌานานิ วิย จกฺขุวิฺาณาทีนิ วิย จ อภาวาติ เอวํ อวิตกฺกอวิจารภาวสฺส เหตุปริทีปกฺจ, น วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตปริทีปกํ. วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตปริทีปกเมว ปน ‘‘อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ อิทํ วจนํ. ตสฺมา ปุริมํ วตฺวาปิ วตฺตพฺพเมวาติ.

สมาธิชนฺติ ปมชฺฌานสมาธิโต สมฺปยุตฺตสมาธิโต วา ชาตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ กิฺจาปิ ปมมฺปิ สมฺปยุตฺตสมาธิโต ชาตํ, อถ โข อยเมว สมาธิ ‘‘สมาธี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ วิตกฺกวิจารกฺโขภวิรเหน อติวิย อจลตฺตา, สุปฺปสนฺนตฺตา จ, ตสฺมา อิมสฺส วณฺณภณนตฺถํ อิทเมว ‘‘สมาธิช’’นฺติ วุตฺตํ. ปีติสุขนฺติ อิทํ วุตฺตนยเมว.

ทุติยนฺติ คณนานุปุพฺพตา ทุติยํ. อิทํ ทุติยํ สมาปชฺชตีติปิ ทุติยํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ทฺวงฺควิปฺปหีนํ ติวงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ, ตตฺถ วิตกฺกวิจารานํ ปหานวเสน ทฺวงฺควิปฺปหีนตา เวทิตพฺพา. ยถา จ ปมชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณ นีวรณานิ ปหียนฺติ, น ตถา อิมสฺส วิตกฺกวิจารา. อปฺปนากฺขเณเยว จ ปเนตํ วินา เตหิ อุปฺปชฺชติ. เตนสฺส เต ‘‘ปหานงฺค’’นฺติ วุจฺจนฺติ. ปีติ สุขํ จิตฺเตกคฺคตาติ อิเมสํ ปน ติณฺณํ อุปฺปตฺติวเสน ติวงฺคสมนฺนาคตตา เวทิตพฺพา. ตสฺมา ยํ วิภงฺเค ‘‘ฌานนฺติ สมฺปสาโท ปีติ สุขํ จิตฺตสฺส เอกคฺคตา’’ติ (วิภ. ๕๘๐) วุตฺตํ, ตํ สปริกฺขารํ ฌานํ ทสฺเสตุํ ปริยาเยน วุตฺตํ. เปตฺวา ปน สมฺปสาทนํ นิปฺปริยาเยน อุปนิชฺฌานลกฺขณปฺปตฺตานํ องฺคานํ วเสน ติวงฺคิกเมว เอตํ โหติ. ยถาห – ‘‘กตมํ ตสฺมึ สมเย ติวงฺคิกํ ฌานํ โหติ, ปีติ สุขํ จิตฺตสฺส เอกคฺคตา’’ติ (ธ. ส. ๑๖๑; วิภ. ๖๒๘). เสสํ ปมชฺฌาเน วุตฺตนยเมว.

ตติยชฺฌานกถา

๘๒. เอวมธิคเต ปน ตสฺมิมฺปิ วุตฺตนเยเนว ปฺจหากาเรหิ จิณฺณวสินา หุตฺวา ปคุณทุติยชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘อยํ สมาปตฺติ อาสนฺนวิตกฺกวิจารปจฺจตฺถิกา, ‘ยเทว ตตฺถ ปีติคตํ เจตโส อุปฺปิลาวิตํ, เอเตเนตํ โอฬาริกํ อกฺขายตี’ติ (ที. นิ. ๑.๙๖) วุตฺตาย ปีติยา โอฬาริกตฺตา องฺคทุพฺพลา’’ติ จ ตตฺถ โทสํ ทิสฺวา ตติยชฺฌานํ สนฺตโต มนสิกริตฺวา ทุติยชฺฌาเน นิกนฺตึ ปริยาทาย ตติยาธิคมาย โยโค กาตพฺโพ. อถสฺส ยทา ทุติยชฺฌานโต วุฏฺาย สตสฺส สมฺปชานสฺส ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขโต ปีติ โอฬาริกโต อุปฏฺาติ, สุขฺเจว เอกคฺคตา จ สนฺตโต อุปฏฺาติ. ตทาสฺส โอฬาริกงฺคปฺปหานาย สนฺตองฺคปฏิลาภาย จ ตเทว นิมิตฺตํ ‘‘ปถวี ปถวี’’ติ ปุนปฺปุนํ มนสิกโรโต ‘‘อิทานิ ตติยชฺฌานํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ตเทว ปถวีกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ. ตโต ตสฺมึเยวารมฺมเณ จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ, เยสํ อวสาเน เอกํ รูปาวจรํ ตติยชฺฌานิกํ, เสสานิ วุตฺตนเยเนว กามาวจรานีติ. เอตฺตาวตา จ ปเนส ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารีติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ (ที. นิ. ๑.๒๓๐; ธ. ส. ๑๖๓). เอวมเนน เอกงฺควิปฺปหีนํ ทุวงฺคสมนฺนาคตํ ติวิธกลฺยาณํ ทสลกฺขณสมฺปนฺนํ ตติยํ ฌานํ อธิคตํ โหติ ปถวีกสิณํ.

๘๓. ตตฺถ ปีติยา จ วิราคาติ วิราโค นาม วุตฺตปฺปการาย ปีติยา ชิคุจฺฉนํ วา สมติกฺกโม วา. อุภินฺนํ ปน อนฺตรา จสทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, โส วูปสมํ วา สมฺปิณฺเฑติ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมํ วา. ตตฺถ ยทา วูปสมเมว สมฺปิณฺเฑติ, ตทา ‘‘ปีติยา จ วิราคา กิฺจ ภิยฺโย วูปสมา จา’’ติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. อิมิสฺสา จ โยชนาย วิราโค ชิคุจฺฉนตฺโถ โหติ, ตสฺมา ‘‘ปีติยา ชิคุจฺฉนา จ วูปสมา จา’’ติ อยมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยทา ปน วิตกฺกวิจารวูปสมํ สมฺปิณฺเฑติ, ตทา ‘‘ปีติยา จ วิราคา, กิฺจ ภิยฺโย วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมา’’ติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. อิมิสฺสา จ โยชนาย วิราโค สมติกฺกมนตฺโถ โหติ, ตสฺมา ‘‘ปีติยา จ สมติกฺกมา วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมา’’ติ อยมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

กามฺเจเต วิตกฺกวิจารา ทุติยชฺฌาเนเยว วูปสนฺตา, อิมสฺส ปน ฌานสฺส มคฺคปริทีปนตฺถํ วณฺณภณนตฺถฺเจตํ วุตฺตํ. วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมาติ หิ วุตฺเต อิทํ ปฺายติ, นูน วิตกฺกวิจารวูปสโม มคฺโค อิมสฺส ฌานสฺสาติ. ยถา จ ตติเย อริยมคฺเค อปฺปหีนานมฺปิ สกฺกายทิฏฺาทีนํ ‘‘ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๗๓; ม. นิ. ๒.๑๓๓; สํ. นิ. ๕.๑๘๔; อ. นิ. ๓.๘๘) เอวํ ปหานํ วุจฺจมานํ วณฺณภณนํ โหติ, ตทธิคมาย อุสฺสุกฺกานํ อุสฺสาหชนกํ, เอวเมว อิธ อวูปสนฺตานมฺปิ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม วุจฺจมาโน วณฺณภณนํ โหติ. เตนายมตฺโถ วุตฺโต ‘‘ปีติยา จ สมติกฺกมา วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมา’’ติ.

๘๔. อุเปกฺขโก จ วิหรตีติ เอตฺถ อุปปตฺติโต อิกฺขตีติ อุเปกฺขา. สมํ ปสฺสติ, อปกฺขปติตา หุตฺวา ปสฺสตีติ อตฺโถ. ตาย วิสทาย วิปุลาย ถามคตาย สมนฺนาคตตฺตา ตติยชฺฌานสมงฺคี อุเปกฺขโกติ วุจฺจติ.

อุเปกฺขา ปน ทสวิธา โหติ ฉฬงฺคุเปกฺขา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา, โพชฺฌงฺคุเปกฺขา, วีริยุเปกฺขา, สงฺขารุเปกฺขา, เวทนุเปกฺขา, วิปสฺสนุเปกฺขา, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา, ฌานุเปกฺขา, ปาริสุทฺธุเปกฺขาติ.

ตตฺถ ยา ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ, น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต สมฺปชาโน’’ติ (อ. นิ. ๖.๑) เอวมาคตา ขีณาสวสฺส ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฏฺานิฏฺฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ ฉฬงฺคุเปกฺขา นาม.

ยา ปน ‘‘อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ม. นิ. ๑.๗๗) เอวมาคตา สตฺเตสุ มชฺฌตฺตาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา นาม.

ยา ‘‘อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๗) เอวมาคตา สหชาตธมฺมานํ มชฺฌตฺตาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ โพชฺฌงฺคุเปกฺขา นาม.

ยา ปน ‘‘กาเลนกาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิกโรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๓) เอวมาคตา อนจฺจารทฺธนาติสิถิลวีริยสงฺขาตา อุเปกฺขา, อยํ วีริยุเปกฺขา นาม.

ยา ‘‘กติ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ, กติ สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ. อฏฺ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ. ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๗) เอวมาคตา นีวรณาทิปฏิสงฺขาสนฺติฏฺนา คหเณ มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา, อยํ สงฺขารุเปกฺขา นาม.

ยา ปน ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ อุเปกฺขาสหคต’’นฺติ (ธ. ส. ๑๕๐) เอวมาคตา อทุกฺขมสุขสฺิตา อุเปกฺขา, อยํ เวทนุเปกฺขา นาม.

ยา ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ, ตํ ปชหติ, อุเปกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๑; อ. นิ. ๗.๕๕) เอวมาคตา วิจินเน มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา, อยํ วิปสฺสนุเปกฺขา นาม.

ยา ปน ฉนฺทาทีสุ เยวาปนเกสุ อาคตา สหชาตานํ สมวาหิตภูตา อุเปกฺขา, อยํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา นาม.

ยา ‘‘อุเปกฺขโก จ วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๐; ธ. ส. ๑๖๓) เอวมาคตา อคฺคสุเขปิ ตสฺมึ อปกฺขปาตชนนี อุเปกฺขา, อยํ ฌานุเปกฺขา นาม.

ยา ปน ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ธ. ส. ๑๖๕) เอวมาคตา สพฺพปจฺจนีกปริสุทฺธา ปจฺจนีกวูปสมเนปิ อพฺยาปารภูตา อุเปกฺขา, อยํ ปาริสุทฺธุเปกฺขา นาม.

ตตฺร ฉฬงฺคุเปกฺขา จ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา จ โพชฺฌงฺคุเปกฺขา จ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา จ ฌานุเปกฺขา จ ปาริสุทฺธุเปกฺขา จ อตฺถโต เอกา, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว โหติ. เตน เตน อวตฺถาเภเทน ปนสฺสา อยํ เภโท. เอกสฺสาปิ สโต สตฺตสฺส กุมารยุวเถรเสนาปติราชาทิวเสน เภโท วิย. ตสฺมา ตาสุ ยตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา, น ตตฺถ โพชฺฌงฺคุเปกฺขาทโย. ยตฺถ วา ปน โพชฺฌงฺคุเปกฺขา, น ตตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขาทโย โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.

ยถา เจตาสมตฺถโต เอกีภาโว, เอวํ สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนุเปกฺขานมฺปิ. ปฺา เอว หิ สา กิจฺจวเสน ทฺวิธา ภินฺนา. ยถา หิ ปุริสสฺส สายํ เคหํ ปวิฏฺํ สปฺปํ อชปททณฺฑํ คเหตฺวา ปริเยสมานสฺส ตํ ถุสโกฏฺเก นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘สปฺโป นุ โข, โน’’ติ อวโลเกนฺตสฺส โสวตฺติกตฺตยํ ทิสฺวา นิพฺเพมติกสฺส ‘‘สปฺโป, น สปฺโป’’ติ วิจินเน มชฺฌตฺตตา โหติ, เอวเมว ยา อารทฺธวิปสฺสกสฺส วิปสฺสนาาเณน ลกฺขณตฺตเย ทิฏฺเ สงฺขารานํ อนิจฺจภาวาทิวิจินเน มชฺฌตฺตตา อุปฺปชฺชติ, อยํ วิปสฺสนุเปกฺขา นาม. ยถา ปน ตสฺส ปุริสสฺส อชปททณฺเฑน คาฬฺหํ สปฺปํ คเหตฺวา ‘‘กึ ตาหํ อิมํ สปฺปํ อวิเหเนฺโต อตฺตานฺจ อิมินา อฑํสาเปนฺโต มุฺเจยฺย’’นฺติ มุฺจนาการเมว ปริเยสโต คหเณ มชฺฌตฺตตา โหติ. เอวเมว ยา ลกฺขณตฺตยสฺส ทิฏฺตฺตา อาทิตฺเต วิย ตโย ภเว ปสฺสโต สงฺขารคฺคหเณ มชฺฌตฺตตา, อยํ สงฺขารุเปกฺขา นาม. อิติ วิปสฺสนุเปกฺขาย สิทฺธาย สงฺขารุเปกฺขาปิ สิทฺธาว โหติ. อิมินา ปเนสา วิจินนคฺคหเณสุ มชฺฌตฺตสงฺขาเตน กิจฺเจน ทฺวิธา ภินฺนาติ. วีริยุเปกฺขา ปน เวทนุเปกฺขา จ อฺมฺฺจ อวเสสาหิ จ อตฺถโต ภินฺนา เอวาติ.

อิติ อิมาสุ อุเปกฺขาสุ ฌานุเปกฺขา อิธาธิปฺเปตา. สา มชฺฌตฺตลกฺขณา, อนาโภครสา, อพฺยาปารปจฺจุปฏฺานา, ปีติวิราคปทฏฺานาติ. เอตฺถาห, นนุ จายมตฺถโต ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว โหติ, สา จ ปมทุติยชฺฌาเนสุปิ อตฺถิ. ตสฺมา ตตฺราปิ อุเปกฺขโก จ วิหรตีติ เอวมยํ วตฺตพฺพา สิยา, สา กสฺมา น วุตฺตาติ. อปริพฺยตฺตกิจฺจโต. อปริพฺยตฺตฺหิ ตสฺสา ตตฺถ กิจฺจํ วิตกฺกาทีหิ อภิภูตตฺตา. อิธ ปนายํ วิตกฺกวิจารปีตีหิ อนภิภูตตฺตา อุกฺขิตฺตสิรา วิย หุตฺวา ปริพฺยตฺตกิจฺจา ชาตา, ตสฺมา วุตฺตาติ.

นิฏฺิตา อุเปกฺขโก จ วิหรตีติ เอตสฺส

สพฺพโส อตฺถวณฺณนา.

๘๕. อิทานิ สโต จ สมฺปชาโนติ เอตฺถ สรตีติ สโต. สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโน. ปุคฺคเลน สติ จ สมฺปชฺฺจ วุตฺตํ. ตตฺถ สรณลกฺขณา สติ, อสมฺมุสฺสนรสา, อารกฺขปจฺจุปฏฺานา. อสมฺโมหลกฺขณํ สมฺปชฺํ, ตีรณรสํ, ปวิจยปจฺจุปฏฺานํ.

ตตฺถ กิฺจาปิ อิทํ สติสมฺปชฺํ ปุริมชฺฌาเนสุปิ อตฺถิ. มุฏฺสติสฺส หิ อสมฺปชานสฺส อุปจารมตฺตมฺปิ น สมฺปชฺชติ, ปเคว อปฺปนา. โอฬาริกตฺตา ปน เตสํ ฌานานํ ภูมิยํ วิย ปุริสสฺส จิตฺตสฺส คติ สุขา โหติ, อพฺยตฺตํ ตตฺถ สติสมฺปชฺกิจฺจํ. โอฬาริกงฺคปฺปหาเนน ปน สุขุมตฺตา อิมสฺส ฌานสฺส ปุริสสฺส ขุรธารายํ วิย สติสมฺปชฺกิจฺจปริคฺคหิตา เอว จิตฺตสฺส คติ อิจฺฉิตพฺพาติ อิเธว วุตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย, ยถา เธนุปโค วจฺโฉ เธนุโต อปนีโต อรกฺขิยมาโน ปุนเทว เธนุํ อุปคจฺฉติ, เอวมิทํ ตติยชฺฌานสุขํ ปีติโต อปนีตํ, ตํ สติสมฺปชฺารกฺเขน อรกฺขิยมานํ ปุนเทว ปีตึ อุปคจฺเฉยฺย, ปีติสมฺปยุตฺตเมว สิยา. สุเข วาปิ สตฺตา สารชฺชนฺติ, อิทฺจ อติมธุรํ สุขํ, ตโต ปรํ สุขาภาวา. สติสมฺปชฺานุภาเวน ปเนตฺถ สุเข อสารชฺชนา โหติ, โน อฺถาติ อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทสฺเสตุํ อิทมิเธว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อิทานิ สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทตีติ เอตฺถ กิฺจาปิ ตติยชฺฌานสมงฺคิโน สุขปฏิสํเวทนาโภโค นตฺถิ. เอวํ สนฺเตปิ ยสฺมา ตสฺส นามกาเยน สมฺปยุตฺตํ สุขํ. ยํ วา ตํ นามกายสมฺปยุตฺตํ สุขํ, ตํสมุฏฺาเนนสฺส ยสฺมา อติปณีเตน รูเปน รูปกาโย ผุโฏ, ยสฺส ผุฏตฺตา ฌานา วุฏฺิโตปิ สุขํ ปฏิสํเวเทยฺย. ตสฺมา เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทตีติ อาห.

๘๖. อิทานิ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารีติ เอตฺถ ยํฌานเหตุ ยํฌานการณา ตํ ตติยชฺฌานสมงฺคิปุคฺคลํ พุทฺธาทโย อริยา อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺติ ปฺเปนฺติ ปฏฺเปนฺติ วิวรนฺติ วิภชนฺติ อุตฺตานีกโรนฺติ ปกาเสนฺติ, ปสํสนฺตีติ อธิปฺปาโย. กินฺติ? อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารีติ. ตํ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.

กสฺมา ปน ตํ เต เอวํ ปสํสนฺตีติ? ปสํสารหโต. อยฺหิ ยสฺมา อติมธุรสุเข สุขปารมิปฺปตฺเตปิ ตติยชฺฌาเน อุเปกฺขโก, น ตตฺถ สุขาภิสงฺเคน อากฑฺฒิยติ. ยถา จ ปีติ น อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุปฏฺิตสติตาย สติมา. ยสฺมา จ อริยกนฺตํ อริยชนเสวิตเมว จ อสํกิลิฏฺํ สุขํ นามกาเยน ปฏิสํเวเทติ, ตสฺมา ปสํสารโห โหติ. อิติ ปสํสารหโต นํ อริยา เต เอวํ ปสํสาเหตุภูเต คุเณ ปกาเสนฺโต ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ เอวํ ปสํสนฺตีติ เวทิตพฺพํ.

ตติยนฺติ คณนานุปุพฺพตา ตติยํ, อิทํ ตติยํ สมาปชฺชตีติปิ ตติยํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘เอกงฺควิปฺปหีนํ ทุวงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ, เอตฺถ ปีติยา ปหานวเสน เอกงฺควิปฺปหีนตา เวทิตพฺพา. สา ปเนสา ทุติยชฺฌานสฺส วิตกฺกวิจารา วิย อปฺปนากฺขเณเยว ปหียติ. เตน นสฺส สา ปหานงฺคนฺติ วุจฺจติ. สุขํ จิตฺเตกคฺคตาติ อิเมสํ ปน ทฺวินฺนํ อุปฺปตฺติวเสน ทุวงฺคสมนฺนาคตตา เวทิตพฺพา. ตสฺมา ยํ วิภงฺเค ‘‘ฌานนฺติ อุเปกฺขา สติ สมฺปชฺํ สุขํ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (วิภ. ๕๙๑) วุตฺตํ, ตํ สปริกฺขารํ ฌานํ ทสฺเสตุํ ปริยาเยน วุตฺตํ. เปตฺวา ปน อุเปกฺขาสติสมฺปชฺานิ นิปฺปริยาเยน อุปนิชฺฌานลกฺขณปฺปตฺตานํ องฺคานํ วเสน ทุวงฺคิกเมเวตํ โหติ. ยถาห – ‘‘กตมํ ตสฺมึ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ, สุขํ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (ธ. ส. ๑๖๓; วิภ. ๖๒๔). เสสํ ปมชฺฌาเน วุตฺตนยเมว.

จตุตฺถชฺฌานกถา

๘๗. เอวมธิคเต ปน ตสฺมึปิ วุตฺตนเยเนว ปฺจหากาเรหิ จิณฺณวสินา หุตฺวา ปคุณตติยชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘อยํ สมาปตฺติ อาสนฺนปีติปจฺจตฺถิกา, ‘ยเทว ตตฺถ สุขมิติ เจตโส อาโภโค, เอเตเนตํ โอฬาริกํ อกฺขายตี’ติ (ที. นิ. ๑.๙๖) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส โอฬาริกตฺตา องฺคทุพฺพลา’’ติ จ ตตฺถ โทสํ ทิสฺวา จตุตฺถํ ฌานํ สนฺตโต มนสิกตฺวา ตติยชฺฌาเน นิกนฺตึ ปริยาทาย จตุตฺถาธิคมาย โยโค กาตพฺโพ. อถสฺส ยทา ตติยชฺฌานโต วุฏฺาย สตสฺส สมฺปชานสฺส ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขโต เจตสิกโสมนสฺสสงฺขาตํ สุขํ โอฬาริกโต อุปฏฺาติ, อุเปกฺขาเวทนา เจว จิตฺเตกคฺคตา จ สนฺตโต อุปฏฺาติ, ตทาสฺส โอฬาริกงฺคปฺปหานาย สนฺตองฺคปฏิลาภาย จ ตเทว นิมิตฺตํ ‘‘ปถวี ปถวี’’ติ ปุนปฺปุนํ มนสิกโรโต ‘‘อิทานิ จตุตฺถํ ฌานํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ตเทว ปถวีกสิณํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ. ตโต ตสฺมึเยวารมฺมเณ จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ อุปฺปชฺชนฺติ, เยสํ อวสาเน เอกํ รูปาวจรํ จตุตฺถชฺฌานิกํ, เสสานิ วุตฺตปฺปการาเนว กามาวจรานิ. อยํ ปน วิเสโส, ยสฺมา สุขเวทนา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย น โหติ, จตุตฺถชฺฌาเน จ อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อุปฺปชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา ตานิ อุเปกฺขาเวทนาสมฺปยุตฺตานิ โหนฺติ. อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตตฺตาเยว เจตฺถ ปีติปิ ปริหายตีติ. เอตฺตาวตา เจส สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ธ. ส. ๑๖๕). เอวมเนน เอกงฺควิปฺปหีนํ ทุวงฺคสมนฺนาคตํ ติวิธกลฺยาณํ ทสลกฺขณสมฺปนฺนํ จตุตฺถํ ฌานํ อธิคตํ โหติ ปถวีกสิณํ.

๘๘. ตตฺถ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานาติ กายิกสุขสฺส จ กายิกทุกฺขสฺส จ ปหานา. ปุพฺเพวาติ ตฺจ โข ปุพฺเพว, น จตุตฺถชฺฌานกฺขเณ. โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาติ เจตสิกสุขสฺส จ เจตสิกทุกฺขสฺส จาติ อิเมสมฺปิ ทฺวินฺนํ ปุพฺเพว อตฺถงฺคมา, ปหานา อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ.

กทา ปน เนสํ ปหานํ โหตีติ. จตุนฺนํ ฌานานํ อุปจารกฺขเณ. โสมนสฺสฺหิ จตุตฺถชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว ปหียติ. ทุกฺขโทมนสฺสสุขานิ ปมทุติยตติยชฺฌานานํ อุปจารกฺขเณสุ. เอวเมเตสํ ปหานกฺกเมน อวุตฺตานมฺปิ อินฺทฺริยวิภงฺเค ปน อินฺทฺริยานํ อุทฺเทสกฺกเมเนว อิธาปิ วุตฺตานํ สุขทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสานํ ปหานํ เวทิตพฺพํ.

ยทิ ปเนตานิ ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว ปหียนฺติ, อถ กสฺมา ‘‘กตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ, อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิปิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ. กตฺถ จุปฺปนฺนํ โทมนสฺสินฺทฺริยํ สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ, อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺถ จุปฺปนฺนํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๐) เอวํ ฌาเนสฺเวว นิโรโธ วุตฺโตติ? อติสยนิโรธตฺตา. อติสยนิโรโธ หิ เนสํ ปมชฺฌานาทีสุ, น นิโรโธเยว. นิโรโธเยว ปน อุปจารกฺขเณ, นาติสยนิโรโธ.

ตถา หิ นานาวชฺชเน ปมชฺฌานุปจาเร นิรุทฺธสฺสาปิ ทุกฺขินฺทฺริยสฺส ฑํสมกสาทิสมฺผสฺเสน วา วิสมาสนุปตาเปน วา สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว อนฺโตอปฺปนายํ. อุปจาเร วา นิรุทฺธมฺเปตํ น สุฏฺุ นิรุทฺธํ โหติ, ปฏิปกฺเขน อวิหตตฺตา. อนฺโตอปฺปนายํ ปน ปีติผรเณน สพฺโพ กาโย สุโขกฺกนฺโต โหติ, สุโขกฺกนฺตกายสฺส จ สุฏฺุ นิรุทฺธํ โหติ ทุกฺขินฺทฺริยํ, ปฏิปกฺเขน วิหตตฺตา. นานาวชฺชเนเยว จ ทุติยชฺฌานุปจาเร ปหีนสฺส โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส ยสฺมา เอตํ วิตกฺกวิจารปจฺจเยปิ กายกิลมเถ จิตฺตุปฆาเต จ สติ อุปฺปชฺชติ. วิตกฺกวิจาราภาเว จ เนว อุปฺปชฺชติ. ยตฺถ ปน อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ วิตกฺกวิจารภาเว, อปฺปหีนา เอว จ ทุติยชฺฌานุปจาเร วิตกฺกวิจาราติ ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว ทุติยชฺฌาเน, ปหีนปจฺจยตฺตา. ตถา ตติยชฺฌานุปจาเร ปหีนสฺสาปิ สุขินฺทฺริยสฺส ปีติสมุฏฺานปณีตรูปผุฏกายสฺส สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว ตติยชฺฌาเน. ตติยชฺฌาเน หิ สุขสฺส ปจฺจยภูตา ปีติ สพฺพโส นิรุทฺธาติ. ตถา จตุตฺถชฺฌานุปจาเร ปหีนสฺสาปิ โสมนสฺสินฺทฺริยสฺส อาสนฺนตฺตา อปฺปนาปฺปตฺตาย อุเปกฺขาย อภาเวน สมฺมา อนติกฺกนฺตตฺตา จ สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว จตุตฺถชฺฌาเน. ตสฺมา เอว จ เอตฺถุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตีติ ตตฺถ ตตฺถ อปริเสสคฺคหณํ กตนฺติ.

เอตฺถาห ‘‘อเถวํ ตสฺส ตสฺส ฌานสฺสุปจาเร ปหีนาปิ เอตา เวทนา อิธ กสฺมา สมาหฏา’’ติ? สุขคฺคหณตฺถํ. ยา หิ อยํ อทุกฺขมสุขนฺติ เอตฺถ อทุกฺขมสุขา เวทนา วุตฺตา, สา สุขุมา ทุวิฺเยฺยา น สกฺกา สุเขน คเหตุํ, ตสฺมา ยถา นาม ทุฏฺสฺส ยถา วา ตถา วา อุปสงฺกมิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส โคณสฺส สุขคฺคหณตฺถํ โคโป เอกสฺมึ วเช สพฺพา คาโว สมาหรติ, อเถเกกํ นีหรนฺโต ปฏิปาฏิยา อาคตํ ‘‘อยํ โส คณฺหถ น’’นฺติ ตมฺปิ คาหยติ, เอวเมว ภควา สุขคฺคหณตฺถํ สพฺพา เอตา สมาหริ. เอวฺหิ สมาหฏา เอตา ทสฺเสตฺวา ยํ เนว สุขํ น ทุกฺขํ น โสมนสฺสํ น โทมนสฺสํ, อยํ อทุกฺขมสุขา เวทนาติ สกฺกา โหติ เอสา คาหยิตุํ.

อปิจ อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา ปจฺจยทสฺสนตฺถฺจาปิ เอตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ทุกฺขปฺปหานาทโย หิ ตสฺสา ปจฺจยา. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร โข, อาวุโส, ปจฺจยา อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา. อิธาวุโส, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเม ขฺวาวุโส, จตฺตาโร ปจฺจยา อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘).

ยถา วา อฺตฺถ ปหีนาปิ สกฺกายทิฏฺิอาทโย ตติยมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ ตตฺถ ปหีนาติ วุตฺตา, เอวํ วณฺณภณนตฺถมฺเปตสฺส ฌานสฺเสตา อิธ วุตฺตาติปิ เวทิตพฺพา.

ปจฺจยฆาเตน วา เอตฺถ ราคโทสานมติทูรภาวํ ทสฺเสตุมฺเปตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. เอตาสุ หิ สุขํ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โสมนสฺสํ ราคสฺส. ทุกฺขํ โทมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โทมนสฺสํ โทสสฺส. สุขาทิฆาเตน จสฺส สปฺปจฺจยา ราคโทสา หตาติ อติทูเร โหนฺตีติ.

อทุกฺขมสุขนฺติ ทุกฺขาภาเวน อทุกฺขํ. สุขาภาเวน อสุขํ. เอเตเนตฺถ ทุกฺขสุขปฏิปกฺขภูตํ ตติยเวทนํ ทีเปติ, น ทุกฺขสุขาภาวมตฺตํ. ตติยเวทนา นาม อทุกฺขมสุขา, อุเปกฺขาติปิ วุจฺจติ. สา อิฏฺานิฏฺวิปรีตานุภวนลกฺขณา, มชฺฌตฺตรสา, อวิภูตปจฺจุปฏฺานา, สุขทุกฺขนิโรธปทฏฺานาติ เวทิตพฺพา.

๘๙. อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ อุเปกฺขาย ชนิตสติยา ปาริสุทฺธึ. อิมสฺมิฺหิ ฌาเน สุปริสุทฺธา สติ, ยา จ ตสฺสา สติยา ปาริสุทฺธิ, สา อุเปกฺขาย กตา, น อฺเน. ตสฺมา เอตํ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ วุจฺจติ. วิภงฺเคปิ วุตฺตํ ‘‘อยํ สติ อิมาย อุเปกฺขาย วิสทา โหติ ปริสุทฺธา ปริโยทาตา. เตน วุจฺจติ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธี’’ติ (วิภ. ๕๙๗). ยาย จ อุเปกฺขาย เอตฺถ สติยา ปาริสุทฺธิ โหติ, สา อตฺถโต ตตฺรมชฺฌตฺตตาติเวทิตพฺพา. น เกวลฺเจตฺถ ตาย สติเยว ปริสุทฺธา, อปิจ โข สพฺเพปิ สมฺปยุตฺตธมฺมา, สติสีเสน ปน เทสนา วุตฺตา.

ตตฺถ กิฺจาปิ อยํ อุเปกฺขา เหฏฺาปิ ตีสุ ฌาเนสุ วิชฺชติ. ยถา ปน ทิวา สูริยปฺปภาภิภวา โสมฺมภาเวน จ อตฺตโน อุปการกตฺเตน วา สภาคาย รตฺติยา อลาภา ทิวา วิชฺชมานาปิ จนฺทเลขา อปริสุทฺธา โหติ อปริโยทาตา, เอวมยมฺปิ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาจนฺทเลขา วิตกฺกาทิปจฺจนีกธมฺมเตชาภิภวา สภาคาย จ อุเปกฺขาเวทนารตฺติยา อปฺปฏิลาภา วิชฺชมานาปิ ปมาทิชฺฌานเภเทสุ อปริสุทฺธา โหติ. ตสฺสา จ อปริสุทฺธาย ทิวา อปริสุทฺธจนฺทเลขาย ปภา วิย สหชาตาปิ สติอาทโย อปริสุทฺธาว โหนฺติ. ตสฺมา เตสุ เอกมฺปิ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ น วุตฺตํ. อิธ ปน วิตกฺกาทิปจฺจนีกธมฺมเตชาภิภวาภาวา สภาคาย จ อุเปกฺขาเวทนารตฺติยา ปฏิลาภา อยํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาจนฺทเลขา อติวิย ปริสุทฺธา. ตสฺสา ปริสุทฺธตฺตา ปริสุทฺธจนฺทเลขาย ปภา วิย สหชาตาปิ สติอาทโย ปริสุทฺธา โหนฺติ ปริโยทาตา. ตสฺมา อิทเมว ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

จตุตฺถนฺติ คณนานุปุพฺพตา จตุตฺถํ. อิทํ จตุตฺถํ สมาปชฺชตีติปิ จตุตฺถํ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘เอกงฺควิปฺปหีนํ ทุวงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ, ตตฺถ โสมนสฺสสฺส ปหานวเสน เอกงฺควิปฺปหีนตา เวทิตพฺพา. ตฺจ ปน โสมนสฺสํ เอกวีถิยํ ปุริมชวเนสุเยว ปหียติ. เตนสฺส ตํ ปหานงฺคนฺติ วุจฺจติ. อุเปกฺขาเวทนา จิตฺตสฺเสกคฺคตาติ อิเมสํ ปน ทฺวินฺนํ อุปฺปตฺติวเสน ทุวงฺคสมนฺนาคตตา เวทิตพฺพา. เสสํ ปมชฺฌาเน วุตฺตนยเมว. เอส ตาว จตุกฺกชฺฌาเน นโย.

ปฺจกชฺฌานกถา

๙๐. ปฺจกชฺฌานํ ปน นิพฺพตฺเตนฺเตน ปคุณปมชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘อยํ สมาปตฺติ อาสนฺนนีวรณปจฺจตฺถิกา, วิตกฺกสฺส โอฬาริกตฺตา องฺคทุพฺพลา’’ติ จ ตตฺถ โทสํ ทิสฺวา ทุติยชฺฌานํ สนฺตโต มนสิกริตฺวา ปมชฺฌาเน นิกนฺตึ ปริยาทาย ทุติยาธิคมาย โยโค กาตพฺโพ. อถสฺส ยทา ปมชฺฌานา วุฏฺาย สตสฺส สมฺปชานสฺส ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขโต วิตกฺกมตฺตํ โอฬาริกโต อุปฏฺาติ, วิจาราทโย สนฺตโต. ตทาสฺส โอฬาริกงฺคปฺปหานาย สนฺตงฺคปฏิลาภาย จ ตเทว นิมิตฺตํ ‘‘ปถวี ปถวี’’ติ ปุนปฺปุนํ มนสิกโรโต วุตฺตนเยเนว ทุติยชฺฌานํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺส วิตกฺกมตฺตเมว ปหานงฺคํ. วิจาราทีนิ จตฺตาริ สมนฺนาคตงฺคานิ. เสสํ วุตฺตปฺปการเมว.

เอวมธิคเต ปน ตสฺมิมฺปิ วุตฺตนเยเนว ปฺจหากาเรหิ จิณฺณวสินา หุตฺวา ปคุณทุติยชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘อยํ สมาปตฺติ อาสนฺนวิตกฺกปจฺจตฺถิกา, วิจารสฺส โอฬาริกตฺตา องฺคทุพฺพลา’’ติ จ ตตฺถ โทสํ ทิสฺวา ตติยํ ฌานํ สนฺตโต มนสิกริตฺวา ทุติยชฺฌาเน นิกนฺตึ ปริยาทาย ตติยาธิคมาย โยโค กาตพฺโพ. อถสฺส ยทา ทุติยชฺฌานโต วุฏฺาย สตสฺส สมฺปชานสฺส ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขโต วิจารมตฺตํ โอฬาริกโต อุปฏฺาติ, ปีติอาทีนิ สนฺตโต. ตทาสฺส โอฬาริกงฺคปฺปหานาย สนฺตงฺคปฏิลาภาย จ ตเทว นิมิตฺตํ ‘‘ปถวี ปถวี’’ติ ปุนปฺปุนํ มนสิกโรโต วุตฺตนเยเนว ตติยํ ฌานํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺส วิจารมตฺตเมว ปหานงฺคํ จตุกฺกนยสฺส ทุติยชฺฌาเน วิย ปีติอาทีนิ ตีณิ สมนฺนาคตงฺคานิ. เสสํ วุตฺตปฺปการเมว.

อิติ ยํ จตุกฺกนเย ทุติยํ, ตํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ปฺจกนเย ทุติยฺเจว ตติยฺจ โหติ. ยานิ จ ตตฺถ ตติยจตุตฺถานิ, ตานิ จ จตุตฺถปฺจมานิ โหนฺติ. ปมํ ปมเมวาติ.

อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค

สมาธิภาวนาธิกาเร

ปถวีกสิณนิทฺเทโส นาม

จตุตฺโถ ปริจฺเฉโท.

๕. เสสกสิณนิทฺเทโส

อาโปกสิณกถา

๙๑. อิทานิ ปถวีกสิณานนฺตเร อาโปกสิเณ วิตฺถารกถา โหติ. ยเถว หิ ปถวีกสิณํ, เอวํ อาโปกสิณมฺปิ ภาเวตุกาเมน สุขนิสินฺเนน อาปสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพํ, กเต วา อกเต วาติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถ. อิโต ปรฺหิ เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา วิเสสมตฺตเมว วกฺขาม.

อิธาปิ ปุพฺเพกตาธิการสฺส ปุฺวโต อกเต อาปสฺมึ โปกฺขรณิยา วา ตฬาเก วา โลณิยํ วา สมุทฺเท วา นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ จูฬสิวตฺเถรสฺส วิย. ตสฺส กิรายสฺมโต ลาภสกฺการํ ปหาย วิวิตฺตวาสํ วสิสฺสามีติ มหาติตฺเถ นาวมารูหิตฺวา ชมฺพุทีปํ คจฺฉโต อนฺตรา มหาสมุทฺทํ โอโลกยโต ตปฺปฏิภาคํ กสิณนิมิตฺตํ อุทปาทิ.

อกตาธิกาเรน จตฺตาโร กสิณโทเส ปริหรนฺเตน นีลปีตโลหิโตทาตวณฺณานมฺตรวณฺณํ อาปํ อคเหตฺวา ยํ ปน ภูมึ อสมฺปตฺตเมว อากาเส สุทฺธวตฺเถน คหิตํ อุทกํ, อฺํ วา ตถารูปํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ, เตน ปตฺตํ วา กุณฺฑิกํ วา สมติตฺติกํ ปูเรตฺวา วิหารปจฺจนฺเต วุตฺตปฺปกาเร ปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส เปตฺวา สุขนิสินฺเนน น วณฺโณ ปจฺจเวกฺขิตพฺโพ. น ลกฺขณํ มนสิ กาตพฺพํ. นิสฺสยสวณฺณเมว กตฺวา อุสฺสทวเสน ปณฺณตฺติธมฺเม จิตฺตํ เปตฺวา อมฺพุ, อุทกํ, วาริ, สลิลนฺติอาทีสุ อาโปนาเมสุ ปากฏนามวเสเนว ‘‘อาโป อาโป’’ติ ภาเวตพฺพํ.

ตสฺเสวํ ภาวยโต อนุกฺกเมน วุตฺตนเยเนว นิมิตฺตทฺวยํ อุปฺปชฺชติ. อิธ ปน อุคฺคหนิมิตฺตํ จลมานํ วิย อุปฏฺาติ, สเจ เผณปุปฺผุฬกมิสฺสํ อุทกํ โหติ, ตาทิสเมว อุปฏฺาติ, กสิณโทโส ปฺายติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปน นิปฺปริปฺผนฺทํ อากาเส ปิตมณิตาลวณฺฏํ วิย มณิมยาทาสมณฺฑลมิว จ หุตฺวา อุปฏฺาติ. โส ตสฺส สห อุปฏฺาเนเนว อุปจารชฺฌานํ, วุตฺตนเยเนว จตุกฺกปฺจกชฺฌานานิ จ ปาปุณาตีติ. อาโปกสิณํ.

เตโชกสิณกถา

๙๒. เตโชกสิณํ ภาเวตุกาเมนาปิ เตชสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพํ. ตตฺถ กตาธิการสฺส ปุฺวโต อกเต นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺส ทีปสิขาย วา อุทฺธเน วา ปตฺตปจนฏฺาเน วา ทวทาเห วา ยตฺถ กตฺถจิ อคฺคิชาลํ โอโลเกนฺตสฺส นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ จิตฺตคุตฺตตฺเถรสฺส วิย. ตสฺส หายสฺมโต ธมฺมสฺสวนทิวเส อุโปสถาคารํ ปวิฏฺสฺส ทีปสิขํ โอโลเกนฺตสฺเสว นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชิ.

อิตเรน ปน กาตพฺพํ. ตตฺริทํ กรณวิธานํ, สินิทฺธานิ สารทารูนิ ผาเลตฺวา สุกฺขาเปตฺวา ฆฏิกํ ฆฏิกํ กตฺวา ปติรูปํ รุกฺขมูลํ วา มณฺฑปํ วา คนฺตฺวา ปตฺตปจนากาเรน ราสึ กตฺวา อาลิมฺเปตฺวา กฏสารเก วา จมฺเม วา ปเฏ วา วิทตฺถิจตุรงฺคุลปฺปมาณํ ฉิทฺทํ กาตพฺพํ. ตํ ปุรโต เปตฺวา วุตฺตนเยเนว นิสีทิตฺวา เหฏฺา ติณกฏฺํ วา อุปริ ธูมสิขํ วา อมนสิกริตฺวา เวมชฺเฌ ฆนชาลาย นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพํ, นีลนฺติ วา ปีตนฺติ วาติอาทิวเสน วณฺโณ น ปจฺจเวกฺขิตพฺโพ, อุณฺหตฺตวเสน ลกฺขณํ น มนสิ กาตพฺพํ. นิสฺสยสวณฺณเมว กตฺวา อุสฺสทวเสน ปณฺณตฺติธมฺเม จิตฺตํ เปตฺวา ปาวโก, กณฺหวตฺตนี, ชาตเวโท, หุตาสโนติอาทีสุ อคฺคินาเมสุ ปากฏนามวเสเนว ‘‘เตโช เตโช’’ติ ภาเวตพฺพํ.

ตสฺเสวํ ภาวยโต อนุกฺกเมน วุตฺตนเยเนว นิมิตฺตทฺวยํ อุปฺปชฺชติ. ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ ชาลํ ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนสทิสํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. อกเต คณฺหนฺตสฺส ปน กสิณโทโส ปฺายติ, อลาตขณฺฑํ วา องฺคารปิณฺโฑ วา ฉาริกา วา ธูโม วา อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ นิจฺจลํ อากาเส ปิตรตฺตกมฺพลกฺขณฺฑํ วิย สุวณฺณตาลวณฺฏํ วิย กฺจนตฺถมฺโภ วิย จ อุปฏฺาติ. โส ตสฺส สห อุปฏฺาเนเนว อุปจารชฺฌานํ, วุตฺตนเยเนว จตุกฺกปฺจกชฺฌานานิ จ ปาปุณาตีติ. เตโชกสิณํ.

วาโยกสิณกถา

๙๓. วาโยกสิณํ ภาเวตุกาเมนาปิ วายุสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพํ. ตฺจ โข ทิฏฺวเสน วา ผุฏฺวเสน วา. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถาสุ ‘‘วาโยกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต วายุสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ, อุจฺฉคฺคํ วา เอริตํ สเมริตํ อุปลกฺเขติ, เวฬคฺคํ วา…เป… รุกฺขคฺคํ วา เกสคฺคํ วา เอริตํ สเมริตํ อุปลกฺเขติ, กายสฺมึ วา ผุฏฺํ อุปลกฺเขตี’’ติ. ตสฺมา สมสีสฏฺิตํ ฆนปตฺตํ อุจฺฉุํ วา เวฬุํ วา รุกฺขํ วา จตุรงฺคุลปฺปมาณํ ฆนเกสสฺส ปุริสสฺส สีสํ วา วาเตน ปหริยมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ วาโต เอตสฺมึ าเน ปหรตี’’ติ สตึ เปตฺวา, ยํ วา ปนสฺส วาตปานนฺตริกาย วา ภิตฺติฉิทฺเทน วา ปวิสิตฺวา วาโต กายปฺปเทสํ ปหรติ, ตตฺถ สตึ เปตฺวา วาตมาลุตอนิลาทีสุ วายุนาเมสุ ปากฏนามวเสเนว ‘‘วาโต วาโต’’ติ ภาเวตพฺพํ. อิธ อุคฺคหนิมิตฺตวฑฺฒนโต โอตาริตมตฺตสฺส ปายาสสฺส อุสุมวฏฺฏิสทิสํ จลํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ สนฺนิสินฺนํ โหติ นิจฺจลํ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ. วาโยกสิณํ.

นีลกสิณกถา

๙๔. ตทนนฺตรํ ปน นีลกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต นีลกสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ ปุปฺผสฺมึ วา วตฺถสฺมึ วา วณฺณธาตุยา วาติ วจนโต กตาธิการสฺส ปุฺวโต ตาว ตถารูปํ มาลาคจฺฉํ วา ปูชาาเนสุ ปุปฺผสนฺถรํ วา นีลวตฺถมณีนํ วา อฺตรํ ทิสฺวาว นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อิตเรน นีลุปฺปลคิริกณฺณิกาทีนิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา ยถา เกสรํ วา วณฺฏํ วา น ปฺายติ, เอวํ จงฺโคฏกํ วา กรณฺฑปฏลํ วา ปตฺเตหิเยว สมติตฺติกํ ปูเรตฺวา สนฺถริตพฺพํ. นีลวณฺเณน วา วตฺเถน ภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา ปูเรตพฺพํ. มุขวฏฺฏิยํ วา อสฺส เภริตลมิว พนฺธิตพฺพํ. กํสนีลปลาสนีลอฺชนนีลานํ วา อฺตเรน ธาตุนา ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยน สํหาริมํ วา ภิตฺติยํเยว วา กสิณมณฺฑลํ กตฺวา วิสภาควณฺเณน ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ. ตโต ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยน ‘‘นีลํ นีล’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. อิธาปิ อุคฺคหนิมิตฺเต กสิณโทโส ปฺายติ, เกสรทณฺฑกปตฺตนฺตริกาทีนิ อุปฏฺหนฺติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ กสิณมณฺฑลโต มุฺจิตฺวา อากาเส มณิตาลวณฺฏสทิสํ อุปฏฺาติ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ. นีลกสิณํ.

ปีตกสิณกถา

๙๕. ปีตกสิเณปิ เอเสว นโย. วุตฺตฺเหตํ ปีตกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต ปีตกสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ ปุปฺผสฺมึ วา วตฺถสฺมึ วา วณฺณธาตุยา วาติ. ตสฺมา อิธาปิ กตาธิการสฺส ปุฺวโต ตถารูปํ มาลาคจฺฉํ วา ปุปฺผสนฺถรํ วา ปีตวตฺถธาตูนํ วา อฺตรํ ทิสฺวาว นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ จิตฺตคุตฺตตฺเถรสฺส วิย. ตสฺส กิรายสฺมโต จิตฺตลปพฺพเต ปตฺตงฺคปุปฺเผหิ กตํ อาสนปูชํ ปสฺสโต สห ทสฺสเนเนว อาสนปฺปมาณํ นิมิตฺตํ อุทปาทิ. อิตเรน กณิการปุปฺผาทินา วา ปีตวตฺเถน วา ธาตุนา วา นีลกสิเณ วุตฺตนเยเนว กสิณํ กตฺวา ‘‘ปีตกํ ปีตก’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. เสสํ ตาทิสเมวาติ. ปีตกสิณํ.

โลหิตกสิณกถา

๙๖. โลหิตกสิเณปิ เอเสว นโย. วุตฺตฺเหตํ โลหิตกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต โลหิตกสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ ปุปฺผสฺมึ วา วตฺถสฺมึ วา วณฺณธาตุยา วาติ. ตสฺมา อิธาปิ กตาธิการสฺส ปุฺวโต ตถารูปํ พนฺธุชีวกาทิมาลาคจฺฉํ วา ปุปฺผสนฺถรํ วา โลหิตกวตฺถมณิธาตูนํ วา อฺตรํ ทิสฺวาว นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อิตเรน ชยสุมนพนฺธุชีวกรตฺตโกรณฺฑกาทิปุปฺเผหิ วา รตฺตวตฺเถน วา ธาตุนา วา นีลกสิเณ วุตฺตนเยเนว กสิณํ กตฺวา ‘‘โลหิตกํ โลหิตก’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. เสสํ ตาทิสเมวาติ. โลหิตกสิณํ.

โอทาตกสิณกถา

๙๗. โอทาตกสิเณปิ โอทาตกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต โอทาตสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ ปุปฺผสฺมึ วา วตฺถสฺมึ วา วณฺณธาตุยา วาติ วจนโต กตาธิการสฺส ตาว ปุฺวโต ตถารูปํ มาลาคจฺฉํ วา วสฺสิกสุมนาทิปุปฺผสนฺถรํ วา กุมุทปทุมราสึ วา โอทาตวตฺถธาตูนํ วา อฺตรํ ทิสฺวาว นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ติปุมณฺฑลรชตมณฺฑลจนฺทมณฺฑเลสุปิ อุปฺปชฺชติเยว. อิตเรน วุตฺตปฺปกาเรหิ โอทาตปุปฺเผหิ วา โอทาตวตฺเถน วา ธาตุนา วา นีลกสิเณ วุตฺตนเยเนว กสิณํ กตฺวา ‘‘โอทาตํ โอทาต’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. เสสํ ตาทิสเมวาติ. โอทาตกสิณํ.

อาโลกกสิณกถา

๙๘. อาโลกกสิเณ ปน อาโลกกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต อาโลกสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ ภิตฺติฉิทฺเท วา ตาฬจฺฉิทฺเท วา วาตปานนฺตริกาย วาติ วจนโต กตาธิการสฺส ตาว ปุฺวโต ยํ ภิตฺติฉิทฺทาทีนํ อฺตเรน สูริยาโลโก วา จนฺทาโลโก วา ปวิสิตฺวา ภิตฺติยํ วา ภูมิยํ วา มณฺฑลํ สมุฏฺาเปติ, ฆนปณฺณรุกฺขสาขนฺตเรน วา ฆนสาขามณฺฑปนฺตเรน วา นิกฺขมิตฺวา ภูมิยเมว มณฺฑลํ สมุฏฺาเปติ, ตํ ทิสฺวาว นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อิตเรนาปิ ตเทว วุตฺตปฺปการโมภาสมณฺฑลํ ‘‘โอภาโส โอภาโส’’ติ วา ‘‘อาโลโก อาโลโก’’ติ วา ภาเวตพฺพํ. ตถา อสกฺโกนฺเตน ฆเฏ ทีปํ ชาเลตฺวา ฆฏมุขํ ปิทหิตฺวา ฆเฏ ฉิทฺทํ กตฺวา ภิตฺติมุขํ เปตพฺพํ. เตน ฉิทฺเทน ทีปาโลโก นิกฺขมิตฺวา ภิตฺติยํ มณฺฑลํ กโรติ, ตํ อาโลโก อาโลโกติ ภาเวตพฺพํ. อิทมิตเรหิ จิรฏฺิติกํ โหติ. อิธ อุคฺคหนิมิตฺตํ ภิตฺติยํ วา ภูมิยํ วา อุฏฺิตมณฺฑลสทิสเมว โหติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ฆนวิปฺปสนฺนอาโลกปุฺชสทิสํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ. อาโลกกสิณํ.

ปริจฺฉินฺนากาสกสิณกถา

๙๙. ปริจฺฉินฺนากาสกสิเณปิ อากาสกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต อากาสสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ ภิตฺติฉิทฺเท วา ตาฬจฺฉิทฺเท วา วาตปานนฺตริกาย วาติ วจนโต กตาธิการสฺส ตาว ปุฺวโต ภิตฺติฉิทฺทาทีสุ อฺตรํ ทิสฺวาว นิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อิตเรน สุจฺฉนฺนมณฺฑเป วา จมฺมกฏสารกาทีนํ วา อฺตรสฺมึ วิทตฺถิจตุรงฺคุลปฺปมาณํ ฉิทฺทํ กตฺวา ตเทว วา ภิตฺติฉิทฺทาทิเภทํ ฉิทฺทํ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ ภาเวตพฺพํ. อิธ อุคฺคหนิมิตฺตํ สทฺธึ ภิตฺติปริยนฺตาทีหิ ฉิทฺทสทิสเมว โหติ, วฑฺฒิยมานมฺปิ น วฑฺฒติ. ปฏิภาคนิมิตฺตมากาสมณฺฑลเมว หุตฺวา อุปฏฺาติ, วฑฺฒิยมานฺจ วฑฺฒติ. เสสํ ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ. ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ.

อิติ กสิณานิ ทสพโล,

ทส ยานิ อโวจ สพฺพธมฺมทโส;

รูปาวจรมฺหิ จตุกฺกปฺจกชฺฌานเหตูนิ.

เอวํ ตานิ จ เตสฺจ,

ภาวนานยมิมํ วิทิตฺวาน;

เตสฺเวว อยํ ภิยฺโย,

ปกิณฺณกกถาปิ วิฺเยฺยา.

ปกิณฺณกกถา

๑๐๐. อิเมสุ หิ ปถวีกสิณวเสน เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตีติอาทิภาโว, อากาเส วา อุทเก วา ปถวึ นิมฺมินิตฺวา ปทสา คมนํ, านนิสชฺชาทิกปฺปนํ วา, ปริตฺตอปฺปมาณนเยน อภิภายตนปฏิลาโภติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

อาโปกสิณวเสน ปถวิยํ อุมฺมุชฺชนนิมฺมุชฺชนํ, อุทกวุฏฺิสมุปฺปาทนํ, นทีสมุทฺทาทินิมฺมานํ, ปถวีปพฺพตปาสาทาทีนํ กมฺปนนฺติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

เตโชกสิณวเสน ธูมายนา, ปชฺชลนา, องฺคารวุฏฺิสมุปฺปาทนํ, เตชสา เตโชปริยาทานํ, ยเทว โส อิจฺฉติ ตสฺส ฑหนสมตฺถตา, ทิพฺเพน จกฺขุนา รูปทสฺสนตฺถาย อาโลกกรณํ, ปรินิพฺพานสมเย เตโชธาตุยา สรีรชฺฌาปนนฺติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

วาโยกสิณวเสน วายุคติคมนํ, วาตวุฏฺิสมุปฺปาทนนฺติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

นีลกสิณวเสน นีลรูปนิมฺมานํ, อนฺธการกรณํ, สุวณฺณทุพฺพณฺณนเยน อภิภายตนปฏิลาโภ, สุภวิโมกฺขาธิคโมติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

ปีตกสิณวเสน ปีตกรูปนิมฺมานํ, สุวณฺณนฺติ อธิมุจฺจนา, วุตฺตนเยเนว อภิภายตนปฏิลาโภ, สุภวิโมกฺขาธิคโม จาติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

โลหิตกสิณวเสน โลหิตกรูปนิมฺมานํ, วุตฺตนเยเนว อภิภายตนปฏิลาโภ, สุภวิโมกฺขาธิคโมติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

โอทาตกสิณวเสน โอทาตรูปนิมฺมานํ, ถินมิทฺธสฺส ทูรภาวกรณํ, อนฺธการวิธมนํ, ทิพฺเพน จกฺขุนา รูปทสฺสนตฺถาย อาโลกกรณนฺติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

อาโลกกสิณวเสน สปฺปภารูปนิมฺมานํ, ถินมิทฺธสฺส ทูรภาวกรณํ, อนฺธการวิธมนํ, ทิพฺเพน จกฺขุนา รูปทสฺสนตฺถํ อาโลกกรณนฺติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

อากาสกสิณวเสน ปฏิจฺฉนฺนานํ วิวฏกรณํ, อนฺโตปถวีปพฺพตาทีสุปิ อากาสํ นิมฺมินิตฺวา อิริยาปถกปฺปนํ, ติโรกุฑฺฑาทีสุ อสชฺชมานคมนนฺติ เอวมาทีนิ อิชฺฌนฺติ.

สพฺพาเนว อุทฺธํ อโธ ติริยํ อทฺวยํ อปฺปมาณนฺติ อิมํ ปเภทํ ลภนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปถวีกสิณเมโก สฺชานาติ. อุทฺธมโธติริยํ อทฺวยมปฺปมาณ’’นฺติอาทิ.

ตตฺถ อุทฺธนฺติ อุปริคคนตลาภิมุขํ. อโธติ เหฏฺาภูมิตลาภิมุขํ. ติริยนฺติ เขตฺตมณฺฑลมิว สมนฺตา ปริจฺฉินฺทิตํ. เอกจฺโจ หิ อุทฺธเมว กสิณํ วฑฺเฒติ, เอกจฺโจ อโธ, เอกจฺโจ สมนฺตโต. เตน เตน วา การเณน เอวํ ปสาเรติ. อาโลกมิว ทิพฺพจกฺขุนา รูปทสฺสนกาโม. เตน วุตฺตํ อุทฺธมโธติริยนฺติ. อทฺวยนฺติ อิทํ ปน เอกสฺส อฺภาวานุปคมนตฺถํ วุตฺตํ. ยถา หิ อุทกํ ปวิฏฺสฺส สพฺพทิสาสุ อุทกเมว โหติ, น อฺํ, เอวเมว ปถวีกสิณํ ปถวีกสิณเมว โหติ, นตฺถิ ตสฺส อฺโ กสิณสมฺเภโทติ. เอเสว นโย สพฺพตฺถ. อปฺปมาณนฺติ อิทํ ตสฺส ผรณอปฺปมาณวเสน วุตฺตํ. ตฺหิ เจตสา ผรนฺโต สกลเมว ผรติ. น อยมสฺส อาทิ อิทํ มชฺฌนฺติ ปมาณํ คณฺหาตีติ.

๑๐๑. เย จ เต สตฺตา กมฺมาวรเณน วา สมนฺนาคตา กิเลสาวรเณน วา สมนฺนาคตา วิปากาวรเณน วา สมนฺนาคตา อสทฺธา อจฺฉนฺทิกา ทุปฺปฺา อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนฺติ วุตฺตา, เตสเมกสฺสาเปกกสิเณปิ ภาวนา น อิชฺฌติ. ตตฺถ กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตาติ อานนฺตริยกมฺมสมงฺคิโน. กิเลสาวรเณน สมนฺนาคตาติ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิกา เจว อุภโตพฺยฺชนกปณฺฑกา จ. วิปากาวรเณน สมนฺนาคตาติ อเหตุกทฺวิเหตุกปฏิสนฺธิกา. อสทฺธาติ พุทฺธาทีสุ สทฺธาวิรหิตา. อจฺฉนฺทิกาติ อปจฺจนีกปฏิปทายํ ฉนฺทวิรหิตา. ทุปฺปฺาติ โลกิยโลกุตฺตรสมฺมาทิฏฺิยา วิรหิตา. อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนฺติ กุสเลสุ ธมฺเมสุ นิยามสงฺขาตํ สมฺมตฺตสงฺขาตฺจ อริยมคฺคํ โอกฺกมิตุํ อภพฺพาติ อตฺโถ. น เกวลฺจ กสิเณเยว, อฺเสุปิ กมฺมฏฺาเนสุ เอเตสเมกสฺสปิ ภาวนา น อิชฺฌติ. ตสฺมา วิคตวิปากาวรเณนปิ กุลปุตฺเตน กมฺมาวรณฺจ กิเลสาวรณฺจ อารกา ปริวชฺเชตฺวา สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยาทีหิ สทฺธฺจ ฉนฺทฺจ ปฺฺจ วฑฺเฒตฺวา กมฺมฏฺานานุโยเค โยโค กรณีโยติ.

อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค

สมาธิภาวนาธิกาเร

เสสกสิณนิทฺเทโส นาม

ปฺจโม ปริจฺเฉโท.

๖. อสุภกมฺมฏฺานนิทฺเทโส

อุทฺธุมาตกาทิปทตฺถวณฺณนา

๑๐๒. กสิณานนฺตรมุทฺทิฏฺเสุ ปน อุทฺธุมาตกํ, วินีลกํ, วิปุพฺพกํ, วิจฺฉิทฺทกํ, วิกฺขายิตกํ, วิกฺขิตฺตกํ, หตวิกฺขิตฺตกํ, โลหิตกํ, ปุฬวกํ, อฏฺิกนฺติ ทสสุ อวิฺาณกาสุเภสุ ภสฺตา วิย วายุนา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา ยถานุกฺกมํ สมุคฺคเตน สูนภาเวน อุทฺธุมาตตฺตา อุทฺธุมาตํ, อุทฺธุมาตเมว อุทฺธุมาตกํ. ปฏิกฺกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ อุทฺธุมาตนฺติ อุทฺธุมาตกํ. ตถารูปสฺส ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ.

วินีลํ วุจฺจติ วิปริภินฺนนีลวณฺณํ, วินีลเมว วินีลกํ. ปฏิกฺกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วินีลนฺติ วินีลกํ. มํสุสฺสทฏฺาเนสุ รตฺตวณฺณสฺส ปุพฺพสนฺนิจยฏฺาเนสุ เสตวณฺณสฺส เยภุยฺเยน จ นีลวณฺณสฺส นีลฏฺาเน นีลสาฏกปารุตสฺเสว ฉวสรีรสฺเสตมธิวจนํ.

ปริภินฺนฏฺาเนสุ วิสฺสนฺทมานํ ปุพฺพํ วิปุพฺพํ, วิปุพฺพเมว วิปุพฺพกํ. ปฏิกฺกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิปุพฺพนฺติ วิปุพฺพกํ. ตถารูปสฺส ฉวสรีรสฺเสตมธิวจนํ.

วิจฺฉิทฺทํ วุจฺจติ ทฺวิธา ฉินฺทเนน อปธาริตํ, วิจฺฉิทฺทเมว วิจฺฉิทฺทกํ. ปฏิกฺกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิจฺฉิทฺทนฺติ วิจฺฉิทฺทกํ. เวมชฺเฌ ฉินฺนสฺส ฉวสรีรสฺเสตมธิวจนํ.

อิโต จ เอตฺโต จ วิวิธากาเรน โสณสิงฺคาลาทีหิ ขาทิตนฺติ วิกฺขายิตํ, วิกฺขายิตเมว วิกฺขายิตกํ. ปฏิกฺกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิกฺขายิตนฺติ วิกฺขายิตกํ. ตถารูปสฺส ฉวสรีรสฺเสตมธิวจนํ.

วิวิธํ ขิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ, วิกฺขิตฺตเมว วิกฺขิตฺตกํ. ปฏิกฺกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิกฺขิตฺตนฺติ วิกฺขิตฺตกํ. อฺเน หตฺถํ อฺเน ปาทํ อฺเน สีสนฺติ เอวํ ตโต ตโต ขิตฺตสฺส ฉวสรีรสฺเสตมธิวจนํ.

หตฺจ ตํ ปุริมนเยเนว วิกฺขิตฺตกฺจาติ หตวิกฺขิตฺตกํ. กากปทากาเรน องฺคปจฺจงฺเคสุ สตฺเถน หนิตฺวา วุตฺตนเยน วิกฺขิตฺตสฺส ฉวสรีรสฺเสตมธิวจนํ.

โลหิตํ กิรติ วิกฺขิปติ อิโต จิโต จ ปคฺฆรตีติ โลหิตกํ. ปคฺฆริตโลหิตมกฺขิตสฺส ฉวสรีรสฺเสตมธิวจนํ.

ปุฬวา วุจฺจนฺติ กิมโย, ปุฬเว กิรตีติ ปุฬวกํ. กิมิปริปุณฺณสฺส ฉวสรีรสฺเสตมธิวจนํ.

อฏฺิเยว อฏฺิกํ. ปฏิกฺกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ อฏฺีติ อฏฺิกํ. อฏฺิสงฺขลิกายปิ เอกฏฺิกสฺสเปตมธิวจนํ. อิมานิ จ ปน อุทฺธุมาตกาทีนิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนนิมิตฺตานมฺปิ นิมิตฺเตสุ ปฏิลทฺธชฺฌานานมฺเปตาเนว นามานิ.

อุทฺธุมาตกกมฺมฏฺานํ

๑๐๓. ตตฺถ อุทฺธุมาตกสรีเร อุทฺธุมาตกนิมิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อุทฺธุมาตกสงฺขาตํ ฌานํ ภาเวตุกาเมน โยคินา ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยเนว วุตฺตปฺปการํ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตพฺพํ. เตนสฺส กมฺมฏฺานํ กเถนฺเตน อสุภนิมิตฺตตฺถาย คมนวิธานํ, สมนฺตา นิมิตฺตุปลกฺขณํ, เอกาทสวิเธน นิมิตฺตคฺคาโห, คตาคตมคฺคปจฺจเวกฺขณนฺติ เอวํ อปฺปนาวิธานปริโยสานํ สพฺพํ กเถตพฺพํ. เตนาปิ สพฺพํ สาธุกํ อุคฺคเหตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการํ เสนาสนํ อุปคนฺตฺวา อุทฺธุมาตกนิมิตฺตํ ปริเยสนฺเตน วิหาตพฺพํ.

๑๐๔. เอวํ วิหรนฺเตน จ อสุกสฺมึ นาม คามทฺวาเร วา อฏวิมุเข วา ปนฺเถ วา ปพฺพตปาเท วา รุกฺขมูเล วา สุสาเน วา อุทฺธุมาตกสรีรํ นิกฺขิตฺตนฺติ กเถนฺตานํ วจนํ สุตฺวาปิ น ตาวเทว อติตฺเถน ปกฺขนฺทนฺเตน วิย คนฺตพฺพํ. กสฺมา? อสุภํ หิ นาเมตํ วาฬมิคาธิฏฺิตมฺปิ อมนุสฺสาธิฏฺิตมฺปิ โหติ. ตตฺรสฺส ชีวิตนฺตราโยปิ สิยา. คมนมคฺโค วา ปเนตฺถ คามทฺวาเรน วา นหานติตฺเถน วา เกทารโกฏิยา วา โหติ. ตตฺถ วิสภาครูปํ อาปาถมาคจฺฉติ, ตเทว วา สรีรํ วิสภาคํ โหติ. ปุริสสฺส หิ อิตฺถิสรีรํ อิตฺถิยา จ ปุริสสรีรํ วิสภาคํ, ตเทตํ อธุนามตํ สุภโตปิ อุปฏฺาติ, เตนสฺส พฺรหฺมจริยนฺตราโยปิ สิยา. สเจ ปน ‘‘นยิทํ มาทิสสฺส ภาริย’’นฺติ อตฺตานํ ตกฺกยติ, เอวํ ตกฺกยมาเนน คนฺตพฺพํ.

๑๐๕. คจฺฉนฺเตน จ สงฺฆตฺเถรสฺส วา อฺตรสฺส วา อภิฺาตสฺส ภิกฺขุโน กเถตฺวา คนฺตพฺพํ. กสฺมา? สเจ หิสฺส สุสาเน อมนุสฺสสีหพฺยคฺฆาทีนํ รูปสทฺทาทิอนิฏฺารมฺมณาภิภูตสฺส องฺคปจฺจงฺคานิ วา ปเวเธนฺติ, ภุตฺตํ วา น ปริสณฺาติ, อฺโ วา อาพาโธ โหติ. อถสฺส โส วิหาเร ปตฺตจีวรํ สุรกฺขิตํ กริสฺสติ. ทหเร วา สามเณเร วา ปหิณิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ปฏิชคฺคิสฺสติ. อปิจ สุสานํ นาม นิราสงฺกฏฺานนฺติ มฺมานา กตกมฺมาปิ อกตกมฺมาปิ โจรา สโมสรนฺติ. เต มนุสฺเสหิ อนุพทฺธา ภิกฺขุสฺส สมีเป ภณฺฑกํ ฉฑฺเฑตฺวาปิ ปลายนฺติ. มนุสฺสา ‘‘สโหฑฺฒํ โจรํ อทฺทสามา’’ติ ภิกฺขุํ คเหตฺวา วิเหเนฺติ. อถสฺส โส ‘‘มา อิมํ วิเหยิตฺถ, มมายํ กเถตฺวา อิมินา นาม กมฺเมน คโต’’ติ เต มนุสฺเส สฺาเปตฺวา โสตฺถิภาวํ กริสฺสติ. อยํ อานิสํโส กเถตฺวา คมเน. ตสฺมา วุตฺตปฺปการสฺส ภิกฺขุโน กเถตฺวา อสุภนิมิตฺตทสฺสเน สฺชาตาภิลาเสน ยถานาม ขตฺติโย อภิเสกฏฺานํ, ยชมาโน ยฺสาลํ, อธโน วา ปน นิธิฏฺานํ ปีติโสมนสฺสชาโต คจฺฉติ, เอวํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา อฏฺกถาสุ วุตฺเตน วิธินา คนฺตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อุทฺธุมาตกํ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺโต เอโก อทุติโย คจฺฉติ อุปฏฺิตาย สติยา อสมฺมุฏฺาย อนฺโตคเตหิ อินฺทฺริเยหิ อพหิคเตน มานเสน คตาคตมคฺคํ ปจฺจเวกฺขมาโน. ยสฺมึ ปเทเส อุทฺธุมาตกํ อสุภนิมิตฺตํ นิกฺขิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ ปเทเส ปาสาณํ วา วมฺมิกํ วา รุกฺขํ วา คจฺฉํ วา ลตํ วา สนิมิตฺตํ กโรติ, สารมฺมณํ กโรติ. สนิมิตฺตํ กตฺวา สารมฺมณํ กตฺวา อุทฺธุมาตกํ อสุภนิมิตฺตํ สภาวภาวโต อุปลกฺเขติ, วณฺณโตปิ ลิงฺคโตปิ สณฺานโตปิ ทิสโตปิ โอกาสโตปิ ปริจฺเฉทโตปิ สนฺธิโต วิวรโต นินฺนโต ถลโต สมนฺตโต. โส ตํ นิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ กโรติ, สูปธาริตํ อุปธาเรติ, สุววตฺถิตํ ววตฺถเปติ. โส ตํ นิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ กตฺวา สูปธาริตํ อุปธาเรตฺวา สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตฺวา เอโก อทุติโย คจฺฉติ อุปฏฺิตาย สติยา อสมฺมุฏฺาย อนฺโตคเตหิ อินฺทฺริเยหิ อพหิคเตน มานเสน คตาคตมคฺคํ ปจฺจเวกฺขมาโน. โส จงฺกมนฺโตปิ ตพฺภาคิยฺเว จงฺกมํ อธิฏฺาติ. นิสีทนฺโตปิ ตพฺภาคิยฺเว อาสนํ ปฺเปติ.

‘‘สมนฺตา นิมิตฺตุปลกฺขณา กิมตฺถิยา กิมานิสํสาติ? สมนฺตา นิมิตฺตุปลกฺขณา อสมฺโมหตฺถา อสมฺโมหานิสํสา. เอกาทสวิเธน นิมิตฺตคฺคาโห กิมตฺถิโย กิมานิสํโสติ? เอกาทสวิเธน นิมิตฺตคฺคาโห อุปนิพนฺธนตฺโถ อุปนิพนฺธนานิสํโส. คตาคตมคฺคปจฺจเวกฺขณา กิมตฺถิยา กิมานิสํสาติ? คตาคตมคฺคปจฺจเวกฺขณา วีถิสมฺปฏิปาทนตฺถา วีถิสมฺปฏิปาทนานิสํสา.

‘‘โส อานิสํสทสฺสาวี รตนสฺี หุตฺวา จิตฺตีการํ อุปฏฺเปตฺวา สมฺปิยายมาโน ตสฺมึ อารมฺมเณ จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ ‘อทฺธา อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณมฺหา ปริมุจฺจิสฺสามี’ติ. โส วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตสฺสาธิคตํ โหติ รูปาวจรํ ปมํ ฌานํ ทิพฺโพ จ วิหาโร ภาวนามยฺจ ปุฺกิริยวตฺถุ’’นฺติ.

๑๐๖. ตสฺมา โย จิตฺตสฺตฺตตฺถาย สิวถิกทสฺสนํ คจฺฉติ, โส ฆณฺฑึ ปหริตฺวา คณํ สนฺนิปาเตตฺวาปิ คจฺฉตุ. กมฺมฏฺานสีเสน ปน คจฺฉนฺเตน เอกเกน อทุติเยน มูลกมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวา ตํ มนสิกโรนฺเตเนว สุสาเน โสณาทิปริสฺสยวิโนทนตฺถํ กตฺตรทณฺฑํ วา ยฏฺึ วา คเหตฺวา, สูปฏฺิต ภาวสมฺปาทเนน อสมฺมุฏฺํ สตึ กตฺวา, มนจฺฉฏฺานฺจ อินฺทฺริยานํ อนฺโตคตภาวสมฺปาทนโต อพหิคตมเนน หุตฺวา คนฺตพฺพํ.

วิหารโต นิกฺขมนฺเตเนว อสุกทิสาย อสุกทฺวาเรน นิกฺขนฺโตมฺหีติ ทฺวารํ สลฺลกฺเขตพฺพํ. ตโต เยน มคฺเคน คจฺฉติ, โส มคฺโค ววตฺถเปตพฺโพ, อยํ มคฺโค ปาจินทิสาภิมุโข วา คจฺฉติ, ปจฺฉิมอุตฺตรทกฺขิณทิสาภิมุโข วา วิทิสาภิมุโขวาติ. อิมสฺมึ ปน าเน วามโต คจฺฉติ, อิมสฺมึ าเน ทกฺขิณโต, อิมสฺมึ จสฺส าเน ปาสาโณ, อิมสฺมึ วมฺมิโก, อิมสฺมึ รุกฺโข, อิมสฺมึ คจฺโฉ, อิมสฺมึ ลตาติ. เอวํ คมนมคฺคํ ววตฺถเปนฺเตน นิมิตฺตฏฺานํ คนฺตพฺพํ. โน จ โข ปฏิวาตํ. ปฏิวาตํ คจฺฉนฺตสฺส หิ กุณปคนฺโธ ฆานํ ปหริตฺวา มตฺถลุงฺคํ วา สงฺโขเภยฺย, อาหารํ วา ฉฑฺฑาเปยฺย, วิปฺปฏิสารํ วา ชเนยฺย ‘‘อีทิสํ นาม กุณปฏฺานํ อาคโตมฺหี’’ติ. ตสฺมา ปฏิวาตํ วชฺเชตฺวา อนุวาตํ คนฺตพฺพํ. สเจ อนุวาตมคฺเคน น สกฺกา โหติ คนฺตุํ, อนฺตรา ปพฺพโต วา ปปาโต วา ปาสาโณ วา วติ วา กณฺฏกฏฺานํ วา อุทกํ วา จิกฺขลฺลํ วา โหติ, จีวรกณฺเณน นาสํ ปิทหิตฺวา คนฺตพฺพํ. อิทมสฺส คมนวตฺตํ.

๑๐๗. เอวํ คเตน ปน น ตาว อสุภนิมิตฺตํ โอโลเกตพฺพํ. ทิสา ววตฺถเปตพฺพา. เอกสฺมึ หิ ทิสาภาเค ิตสฺส อารมฺมณฺจ น วิภูตํ หุตฺวา ขายติ, จิตฺตฺจ น กมฺมนิยํ โหติ. ตสฺมา ตํ วชฺเชตฺวา ยตฺถ ิตสฺส อารมฺมณฺจ วิภูตํ หุตฺวา ขายติ, จิตฺตฺจ กมฺมนิยํ โหติ, ตตฺถ าตพฺพํ. ปฏิวาตานุวาตฺจ ปหาตพฺพํ. ปฏิวาเต ิตสฺส หิ กุณปคนฺเธน อุพฺพาฬฺหสฺส จิตฺตํ วิธาวติ. อนุวาเต ิตสฺส สเจ ตตฺถ อธิวตฺถา อมนุสฺสา โหนฺติ, เต กุชฺฌิตฺวา อนตฺถํ กโรนฺติ. ตสฺมา อีสกํ อุกฺกมฺม นาติอนุวาเต าตพฺพํ. เอวํ ติฏฺมาเนนาปิ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน นานุปาทํ นานุสีสํ าตพฺพํ. อติทูเร ิตสฺส หิ อารมฺมณํ อวิภูตํ โหติ. อจฺจาสนฺเน ภยมุปฺปชฺชติ. อนุปาทํ วา อนุสีสํ วา ิตสฺส สพฺพํ อสุภํ สมํ น ปฺายติ. ตสฺมา นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน โอโลเกนฺตสฺส ผาสุกฏฺาเน สรีรเวมชฺฌภาเค าตพฺพํ.

๑๐๘. เอวํ ิเตน ‘‘ตสฺมึ ปเทเส ปาสาณํ วา…เป… ลตํ วา สนิมิตฺตํ กโรตี’’ติ เอวํ วุตฺตานิ สมนฺตา นิมิตฺตานิ อุปลกฺเขตพฺพานิ. ตตฺริทํ อุปลกฺขณวิธานํ, สเจ ตสฺส นิมิตฺตสฺส สมนฺตา จกฺขุปเถ ปาสาโณ โหติ, โส ‘‘อยํ ปาสาโณ อุจฺโจ วา นีโจ วา ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา ตมฺโพ วา กาโฬ วา เสโต วา ทีโฆ วา ปริมณฺฑโล วา’’ติ ววตฺถเปตพฺโพ. ตโต ‘‘อิมสฺมึ นาม โอกาเส อยํ ปาสาโณ อิทํ อสุภนิมิตฺตํ, อิทํ อสุภนิมิตฺตํ อยํ ปาสาโณ’’ติ สลฺลกฺเขตพฺพํ. สเจ วมฺมิโก โหติ, โสปิ ‘‘อุจฺโจ วา นีโจ วา ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา ตมฺโพ วา กาโฬ วา เสโต วา ทีโฆ วา ปริมณฺฑโล วา’’ติ ววตฺถเปตพฺโพ. ตโต ‘‘อิมสฺมึ นาม โอกาเส อยํ วมฺมิโก อิทํ อสุภนิมิตฺต’’นฺติ สลฺลกฺเขตพฺพํ. สเจ รุกฺโข โหติ, โสปิ ‘‘อสฺสตฺโถ วา นิคฺโรโธ วา กจฺฉโก วา กปีตโน วา อุจฺโจ วา นีโจ วา ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา ตมฺโพ วา กาโฬ วา เสโต วา’’ติ ววตฺถเปตพฺโพ. ตโต ‘‘อิมสฺมึ นาม โอกาเส อยํ รุกฺโข อิทํ อสุภนิมิตฺต’’นฺติ สลฺลกฺเขตพฺพํ. สเจ คจฺโฉ โหติ, โสปิ ‘‘สินฺทิวา กรมนฺโท วา กณวีโร วา กุรณฺฑโก วา อุจฺโจ วา นีโจ วา ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา’’ติ ววตฺถเปตพฺโพ. ตโต ‘‘อิมสฺมึ นาม โอกาเส อยํ คจฺโฉ อิทํ อสุภนิมิตฺต’’นฺติ สลฺลกฺเขตพฺพํ. สเจ ลตา โหติ, สาปิ ‘‘ลาพุ วา กุมฺภณฺฑี วา สามา วา กาฬวลฺลิ วา ปูติลตา วา’’ติ ววตฺถเปตพฺพา. ตโต ‘‘อิมสฺมึ นาม โอกาเส อยํ ลตา อิทํ อสุภนิมิตฺตํ, อิทํ อสุภนิมิตฺตํ อยํ ลตา’’ติ สลฺลกฺเขตพฺพํ.

๑๐๙. ยํ ปน วุตฺตํ สนิมิตฺตํ กโรติ สารมฺมณํ กโรตีติ, ตํ อิเธว อนฺโตคธํ. ปุนปฺปุนํ ววตฺถเปนฺโต หิ สนิมิตฺตํ กโรติ นาม. อยํ ปาสาโณ อิทํ อสุภนิมิตฺตํ, อิทํ อสุภนิมิตฺตํ อยํ ปาสาโณติ เอวํ ทฺเว ทฺเว สมาเสตฺวา สมาเสตฺวา ววตฺถเปนฺโต สารมฺมณํ กโรติ นาม.

เอวํ สนิมิตฺตํ สารมฺมณฺจ กตฺวา ปน สภาวภาวโต ววตฺถเปตีติ วุตฺตตฺตา ยฺวาสฺส สภาวภาโว อนฺสาธารโณ อตฺตนิโย อุทฺธุมาตกภาโว, เตน มนสิกาตพฺพํ. วณิตํ อุทฺธุมาตกนฺติ เอวํ สภาเวน สรเสน ววตฺถเปตพฺพนฺติ อตฺโถ.

๑๑๐. เอวํ ววตฺถเปตฺวา วณฺณโตปิ ลิงฺคโตปิ สณฺานโตปิ ทิสโตปิ โอกาสโตปิ ปริจฺเฉทโตปีติ ฉพฺพิเธน นิมิตฺตํ คเหตพฺพํ. กถํ? เตน หิ โยคินา อิทํ สรีรํ กาฬสฺส วา โอทาตสฺส วา มงฺคุรจฺฉวิโน วาติ วณฺณโต ววตฺถเปตพฺพํ. ลิงฺคโต ปน อิตฺถิลิงฺคํ วา ปุริสลิงฺคํ วาติ อววตฺถเปตฺวา ปมวเย วา มชฺฌิมวเย วา ปจฺฉิมวเย วา ิตสฺส อิทํ สรีรนฺติ ววตฺถเปตพฺพํ. สณฺานโต อุทฺธุมาตกสฺส สณฺานวเสเนว อิทมสฺส สีสสณฺานํ, อิทํ คีวาสณฺานํ, อิทํ หตฺถสณฺานํ, อิทํ อุทรสณฺานํ, อิทํ นาภิสณฺานํ, อิทํ กฏิสณฺานํ, อิทํ อูรุสณฺานํ, อิทํ ชงฺฆาสณฺานํ, อิทํ ปาทสณฺานนฺติ ววตฺถเปตพฺพํ. ทิสโต ปน อิมสฺมึ สรีเร ทฺเว ทิสา นาภิยา อโธ เหฏฺิมทิสา อุทฺธํ อุปริมทิสาติ ววตฺถเปตพฺพํ. อถ วา อหํ อิมิสฺสา ทิสาย ิโต อสุภนิมิตฺตํ อิมิสฺสาติ ววตฺถเปตพฺพํ. โอกาสโต ปน อิมสฺมึ นาม โอกาเส หตฺถา, อิมสฺมึ ปาทา, อิมสฺมึ สีสํ, อิมสฺมึ มชฺฌิมกาโย ิโตติ ววตฺถเปตพฺพํ. อถ วา อหํ อิมสฺมึ โอกาเส ิโต อสุภนิมิตฺตํ อิมสฺมินฺติ ววตฺถเปตพฺพํ. ปริจฺเฉทโต อิทํ สรีรํ อโธ ปาทตเลน อุปริ เกสมตฺถเกน ติริยํ ตเจน ปริจฺฉินฺนํ, ยถาปริจฺฉินฺเน จ าเน ทฺวตฺตึสกุณปภริตเมวาติ ววตฺถเปตพฺพํ. อถ วา อยมสฺส หตฺถปริจฺเฉโท, อยํ ปาทปริจฺเฉโท, อยํ สีสปริจฺเฉโท, อยํ มชฺฌิมกายปริจฺเฉโทติ ววตฺถเปตพฺพํ. ยตฺตกํ วา ปน านํ คณฺหติ, ตตฺตกเมว อิทํ อีทิสํ อุทฺธุมาตกนฺติ ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ. ปุริสสฺส ปน อิตฺถิสรีรํ อิตฺถิยา วา ปุริสสรีรํ น วฏฺฏติ. วิสภาเค สรีเร อารมฺมณํ น อุปฏฺาติ, วิปฺผนฺทนสฺเสว ปจฺจโย โหติ. ‘‘อุคฺฆาฏิตาปิ หิ อิตฺถี ปุริสสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๕๕) มชฺฌิมฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตสฺมา สภาคสรีเรเยว เอวํ ฉพฺพิเธน นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพํ.

๑๑๑. โย ปน ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก อาเสวิตกมฺมฏฺาโน ปริหตธุตงฺโค ปริมทฺทิตมหาภูโต ปริคฺคหิตสงฺขาโร ววตฺถาปิตนามรูโป อุคฺฆาฏิตสตฺตสฺโ กตสมณธมฺโม วาสิตวาสโน ภาวิตภาวโน สพีโช าณุตฺตโร อปฺปกิเลโส กุลปุตฺโต, ตสฺส โอโลกิโตโลกิตฏฺาเนเยว ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฏฺาติ. โน เจ เอวํ อุปฏฺาติ, อเถวํ ฉพฺพิเธน นิมิตฺตํ คณฺหโต อุปฏฺาติ. ยสฺส ปน เอวมฺปิ น อุปฏฺาติ, เตน สนฺธิโต วิวรโต นินฺนโต ถลโต สมนฺตโตติ ปุนปิ ปฺจวิเธน นิมิตฺตํ คเหตพฺพํ.

๑๑๒. ตตฺถ สนฺธิโตติ อสีติสตสนฺธิโต. อุทฺธุมาตเก ปน กถํ อสีติสตสนฺธโย ววตฺถเปสฺสติ. ตสฺมาเนน ตโย ทกฺขิณหตฺถสนฺธี, ตโย วามหตฺถสนฺธี, ตโย ทกฺขิณปาทสนฺธี, ตโย วามปาทสนฺธี, เอโก คีวสนฺธิ, เอโก กฏิสนฺธีติ เอวํ จุทฺทสมหาสนฺธิวเสน สนฺธิโต ววตฺถเปตพฺพํ. วิวรโตติ วิวรํ นาม หตฺถนฺตรํ ปาทนฺตรํ อุทรนฺตรํ กณฺณนฺตรนฺติ เอวํ วิวรโต ววตฺถเปตพฺพํ. อกฺขีนมฺปิ นิมฺมีลิตภาโว วา อุมฺมีลิตภาโว วา มุขสฺส จ ปิหิตภาโว วา วิวฏภาโว วา ววตฺถเปตพฺโพ. นินฺนโตติ ยํ สรีเร นินฺนฏฺานํ อกฺขิกูโป วา อนฺโตมุขํ วา คลวาฏโก วา, ตํ ววตฺถเปตพฺพํ. อถ วา อหํ นินฺเน ิโต สรีรํ อุนฺนเตติ ววตฺถเปตพฺพํ. ถลโตติ ยํ สรีเร อุนฺนตฏฺานํ ชณฺณุกํ วา อุโร วา นลาฏํ วา, ตํ ววตฺถเปตพฺพํ. อถ วา อหํ ถเล ิโต สรีรํ นินฺเนติ ววตฺถเปตพฺพํ. สมนฺตโตติ สพฺพํ สรีรํ สมนฺตโต ววตฺถเปตพฺพํ. สกลสรีเร าณํ จาเรตฺวา ยํ านํ วิภูตํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตตฺถ ‘‘อุทฺธุมาตกํ อุทฺธุมาตก’’นฺติ จิตฺตํ เปตพฺพํ. สเจ เอวมฺปิ น อุปฏฺาติ, อุทรปริโยสานํ อติเรกํ อุทฺธุมาตกํ โหติ, ตตฺถ ‘‘อุทฺธุมาตกํ อุทฺธุมาตก’’นฺติ จิตฺตํ เปตพฺพํ.

๑๑๓. อิทานิ ‘‘โส ตํ นิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ กโรตี’’ติอาทีสุ อยํ วินิจฺฉยกถา

เตน โยคินา ตสฺมึ สรีเร ยถาวุตฺตนิมิตฺตคฺคาหวเสน สุฏฺุ นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพํ. สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา อาวชฺชิตพฺพํ. เอวํ ปุนปฺปุนํ กโรนฺเตน สาธุกํ อุปธาเรตพฺพฺเจว ววตฺถเปตพฺพฺจ. สรีรโต นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน ปเทเส ิเตน วา นิสินฺเนน วา จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกตฺวา นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพํ. ‘‘อุทฺธุมาตกปฏิกฺกูลํ อุทฺธุมาตกปฏิกฺกูล’’นฺติ สตกฺขตฺตุํ สหสฺสกฺขตฺตุํ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกตพฺพํ, นิมฺมีเลตฺวา อาวชฺชิตพฺพํ. เอวํ ปุนปฺปุนํ กโรนฺตสฺส อุคฺคหนิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ โหติ. กทา สุคฺคหิตํ โหติ? ยทา อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกนฺตสฺส นิมฺมีเลตฺวา อาวชฺเชนฺตสฺส จ เอกสทิสํ หุตฺวา อาปาถมาคจฺฉติ, ตทา สุคฺคหิตํ นาม โหติ.

โส ตํ นิมิตฺตํ เอวํ สุคฺคหิตํ กตฺวา สูปธาริตํ อุปธาเรตฺวา สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตฺวา สเจ ตตฺเถว ภาวนาปริโยสานํ ปตฺตุํ น สกฺโกติ, อถาเนน อาคมนกาเล วุตฺตนเยเนว เอกเกน อทุติเยน ตเทว กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺเตน สูปฏฺิตํ สตึ กตฺวา อนฺโตคเตหิ อินฺทฺริเยหิ อพหิคเตน มานเสน อตฺตโน เสนาสนเมว คนฺตพฺพํ.

สุสานา นิกฺขมนฺเตเนว จ อาคมนมคฺโค ววตฺถเปตพฺโพ, เยน มคฺเคน นิกฺขนฺโตสฺมิ, อยํ มคฺโค ปาจีนทิสาภิมุโข วา คจฺฉติ, ปจฺฉิมอุตฺตรทกฺขิณทิสาภิมุโข วา คจฺฉติ, วิทิสาภิมุโข วา คจฺฉติ. อิมสฺมึ ปน าเน วามโต คจฺฉติ, อิมสฺมึ ทกฺขิณโต, อิมสฺมึ จสฺส าเน ปาสาโณ, อิมสฺมึ วมฺมิโก, อิมสฺมึ รุกฺโข, อิมสฺมึ คจฺโฉ, อิมสฺมึ ลตาติ เอวํ อาคมนมคฺคํ ววตฺถเปตฺวา อาคเตน จงฺกมนฺเตนาปิ ตพฺภาคิโยว จงฺกโม อธิฏฺาตพฺโพ, อสุภนิมิตฺตทิสาภิมุเข ภูมิปฺปเทเส จงฺกมิตพฺพนฺติ อตฺโถ. นิสีทนฺเตน อาสนมฺปิ ตพฺภาคิยเมว ปฺเปตพฺพํ. สเจ ปน ตสฺสํ ทิสายํ โสพฺโภ วา ปปาโต วา รุกฺโข วา วติ วา กลลํ วา โหติ, น สกฺกา ตํทิสาภิมุเข ภูมิปฺปเทเส จงฺกมิตุํ, อาสนมฺปิ อโนกาสตฺตา น สกฺกา ปฺเปตุํ. ตํ ทิสํ อนปโลเกนฺเตนาปิ โอกาสานุรูเป าเน จงฺกมิตพฺพฺเจว นิสีทิตพฺพฺจ. จิตฺตํ ปน ตํทิสาภิมุขํเยว กาตพฺพํ.

๑๑๔. อิทานิ ‘‘สมนฺตา นิมิตฺตุปลกฺขณา กิมตฺถิยา’’ติอาทิปฺหานํ ‘‘อสมฺโมหตฺถา’’ติอาทิวิสฺสชฺชเน อยํ อธิปฺปาโย. ยสฺส หิ อเวลายํ อุทฺธุมาตกนิมิตฺตฏฺานํ คนฺตฺวา สมนฺตา นิมิตฺตุปลกฺขณํ กตฺวา นิมิตฺตคฺคหณตฺถํ จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกนฺตสฺเสว ตํ มตสรีรํ อุฏฺหิตฺวา ิตํ วิย อชฺโฌตฺถรมานํ วิย อนุพนฺธมานํ วิย จ หุตฺวา อุปฏฺาติ, โส ตํ พีภจฺฉํ เภรวารมฺมณํ ทิสฺวา วิกฺขิตฺตจิตฺโต อุมฺมตฺตโก วิย โหติ, ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ ปาปุณาติ. ปาฬิยํ หิ วิภตฺตอฏฺตึสารมฺมเณสุ อฺํ เอวรูปํ เภรวารมฺมณํ นาม นตฺถิ. อิมสฺมึ หิ กมฺมฏฺาเน ฌานวิพฺภนฺตโก นาม โหติ. กสฺมา? อติเภรวตฺตา กมฺมฏฺานสฺส. ตสฺมา เตน โยคินา สนฺถมฺเภตฺวา สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา มตสรีรํ อุฏฺหิตฺวา อนุพนฺธนกํ นาม นตฺถิ. สเจ หิ โส ‘‘เอตสฺส สมีเป ิโต ปาสาโณ วา ลตา วา อาคจฺเฉยฺย, สรีรมฺปิ อาคจฺเฉยฺย. ยถา ปน โส ปาสาโณ วา ลตา วา นาคจฺฉติ, เอวํ สรีรมฺปิ นาคจฺฉติ. อยํ ปน ตุยฺหํ อุปฏฺานากาโร สฺโช สฺาสมฺภโว, กมฺมฏฺานํ เต อชฺช อุปฏฺิตํ, มา ภายิ ภิกฺขู’’ติ ตาสํ วิโนเทตฺวา หาสํ อุปฺปาเทตฺวา ตสฺมึ นิมิตฺเต จิตฺตํ สฺจราเปตพฺพํ. เอวํ วิเสสมธิคจฺฉติ. อิทเมตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สมนฺตา นิมิตฺตุปลกฺขณา อสมฺโมหตฺถา’’ติ.

เอกาทสวิเธน ปน นิมิตฺตคฺคาหํ สมฺปาเทนฺโต กมฺมฏฺานํ อุปนิพนฺธติ. ตสฺส หิ จกฺขูนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลกนปจฺจยา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมึ มานสํ จาเรนฺตสฺส ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตตฺถ มานสํ จาเรนฺโต อปฺปนํ ปาปุณาติ. อปฺปนายํ ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกาทสวิเธน นิมิตฺตคฺคาโห อุปนิพนฺธนตฺโถ’’ติ.

๑๑๕. คตาคตมคฺคปจฺจเวกฺขณา วีถิสมฺปฏิปาทนตฺถาติ เอตฺถ ปน ยา คตมคฺคสฺส จ อาคตมคฺคสฺส จ ปจฺจเวกฺขณา วุตฺตา, สา กมฺมฏฺานวีถิยา สมฺปฏิปาทนตฺถาติ อตฺโถ. สเจ หิ อิมํ ภิกฺขุํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺตํ อนฺตรามคฺเค เกจิ อชฺช, ภนฺเต, กติมีติ ทิวสํ วา ปุจฺฉนฺติ, ปฺหํ วา ปุจฺฉนฺติ, ปฏิสนฺถารํ วา กโรนฺติ, อหํ กมฺมฏฺานิโกติ ตุณฺหีภูเตน คนฺตุํ น วฏฺฏติ. ทิวโส กเถตพฺโพ, ปฺโห วิสฺสชฺเชตพฺโพ. สเจ น ชานาติ, น ชานามีติ วตฺตพฺพํ. ธมฺมิโก ปฏิสนฺถาโร กาตพฺโพ. ตสฺเสวํ กโรนฺตสฺส อุคฺคหิตํ ตรุณนิมิตฺตํ นสฺสติ. ตสฺมึ นสฺสนฺเตปิ ทิวสํ ปุฏฺเน กเถตพฺพเมว. ปฺหํ อชานนฺเตน น ชานามีติ วตฺตพฺพํ. ชานนฺเตน เอกเทเสน กเถตุมฺปิ วฏฺฏติ, ปฏิสนฺถาโรปิ กาตพฺโพ. อาคนฺตุกํ ปน ภิกฺขุํ ทิสฺวา อาคนฺตุกปฏิสนฺถาโร กาตพฺโพว. อวเสสานิปิ เจติยงฺคณวตฺตโพธิยงฺคณวตฺตอุโปสถาคารวตฺตโภชนสาลาชนฺตาฆรอาจริยุปชฺฌายอาคนฺตุกคมิกวตฺตาทีนิ สพฺพานิ ขนฺธกวตฺตานิ ปูเรตพฺพาเนว. ตสฺส ตานิ ปูเรนฺตสฺสาปิ ตํ ตรุณนิมิตฺตํ นสฺสติ, ปุน คนฺตฺวา นิมิตฺตํ คณฺหิสฺสามีติ คนฺตุกามสฺสาปิ อมนุสฺเสหิ วา วาฬมิเคหิ วา อธิฏฺิตตฺตา สุสานมฺปิ คนฺตุํ น สกฺกา โหติ, นิมิตฺตํ วา อนฺตรธายติ. อุทฺธุมาตกํ หิ เอกเมว วา ทฺเว วา ทิวเส ตฺวา วินีลกาทิภาวํ คจฺฉติ. สพฺพกมฺมฏฺาเนสุ เอเตน สมํ ทุลฺลภํ กมฺมฏฺานํ นาม นตฺถิ. ตสฺมา เอวํ นฏฺเ นิมิตฺเต เตน ภิกฺขุนา รตฺติฏฺาเน วา ทิวาาเน วา นิสีทิตฺวา อหํ อิมินา นาม ทฺวาเรน วิหารา นิกฺขมิตฺวา อสุกทิสาภิมุขํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา อสุกสฺมึ นาม าเน วามํ คณฺหิ, อสุกสฺมึ ทกฺขิณํ. ตสฺส อสุกสฺมึ าเน ปาสาโณ, อสุกสฺมึ วมฺมิกรุกฺขคจฺฉลตานมฺตรํ. โสหํ เตน มคฺเคน คนฺตฺวา อสุกสฺมึ นาม าเน อสุภํ อทฺทสํ. ตตฺถ อสุกทิสาภิมุโข ตฺวา เอวฺเจวฺจ สมนฺตา นิมิตฺตานิ สลฺลกฺเขตฺวา เอวํ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคเหตฺวา อสุกทิสาย สุสานโต นิกฺขมิตฺวา เอวรูเปน นาม มคฺเคน อิทฺจิทฺจ กโรนฺโต อาคนฺตฺวา อิธ นิสินฺโนติ เอวํ ยาว ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนฏฺานํ, ตาว คตาคตมคฺโค ปจฺจเวกฺขิตพฺโพ. ตสฺเสวํ ปจฺจเวกฺขโต ตํ นิมิตฺตํ ปากฏํ โหติ, ปุรโต นิกฺขิตฺตํ วิย อุปฏฺาติ. กมฺมฏฺานํ ปุริมากาเรเนว วีถึ ปฏิปชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘คตาคตมคฺคปจฺจเวกฺขณา วีถิสมฺปฏิปาทนตฺถา’’ติ.

๑๑๖. อิทานิ อานิสํสทสฺสาวี รตนสฺี หุตฺวา จิตฺตีการํ อุปฏฺเปตฺวา สมฺปิยายมาโน ตสฺมึ อารมฺมเณ จิตฺตํ อุปนิพนฺธตีติ เอตฺถ อุทฺธุมาตกปฏิกฺกูเล มานสํ จาเรตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต ‘‘อทฺธา อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณมฺหา ปริมุจฺจิสฺสามี’’ติ เอวํ อานิสํสทสฺสาวินา ภวิตพฺพํ.

ยถา ปน ทุคฺคโต ปุริโส มหคฺฆํ มณิรตนํ ลภิตฺวา ทุลฺลภํ วต เม ลทฺธนฺติ ตสฺมึ รตนสฺี หุตฺวา คารวํ ชเนตฺวา วิปุเลน เปเมน สมฺปิยายมาโน ตํ รกฺเขยฺย, เอวเมว ‘‘ทุลฺลภํ เม อิทํ กมฺมฏฺานํ ลทฺธํ ทุคฺคตสฺส มหคฺฆมณิรตนสทิสํ. จตุธาตุกมฺมฏฺานิโก หิ อตฺตโน จตฺตาโร มหาภูเต ปริคฺคณฺหาติ, อานาปานกมฺมฏฺานิโก อตฺตโน นาสิกวาตํ ปริคฺคณฺหาติ, กสิณกมฺมฏฺานิโก กสิณํ กตฺวา ยถาสุขํ ภาเวติ, เอวํ อิตรานิ กมฺมฏฺานานิ สุลภานิ. ‘อิทํ ปน เอกเมว วา ทฺเว วา ทิวเส ติฏฺติ, ตโต ปรํ วินีลกาทิภาวํ ปาปุณาตี’ติ นตฺถิ อิโต ทุลฺลภตร’’นฺติ ตสฺมึ รตนสฺินา หุตฺวา จิตฺตีการํ อุปฏฺเปตฺวา สมฺปิยายมาเนน ตํ นิมิตฺตํ รกฺขิตพฺพํ. รตฺติฏฺาเน จ ทิวาาเน จ ‘‘อุทฺธุมาตกปฏิกฺกูลํ อุทฺธุมาตกปฏิกฺกูล’’นฺติ ตตฺถ ปุนปฺปุนํ จิตฺตํ อุปนิพนฺธิตพฺพํ. ปุนปฺปุนํ ตํ นิมิตฺตํ อาวชฺชิตพฺพํ, มนสิกาตพฺพํ. ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กาตพฺพํ.

๑๑๗. ตสฺเสวํ กโรโต ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตตฺริทํ นิมิตฺตทฺวยสฺส นานากรณํ, อุคฺคหนิมิตฺตํ วิรูปํ พีภจฺฉํ เภรวทสฺสนํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปน ยาวทตฺถํ ภุฺชิตฺวา นิปนฺโน ถูลงฺคปจฺจงฺคปุริโส วิย. ตสฺส ปฏิภาคนิมิตฺตปฏิลาภสมกาลเมว พหิทฺธา กามานํ อมนสิการา วิกฺขมฺภนวเสน กามจฺฉนฺโท ปหียติ. อนุนยปฺปหาเนเนว จสฺส โลหิตปฺปหาเนน ปุพฺโพ วิย พฺยาปาโทปิ ปหียติ. ตถา อารทฺธวีริยตาย ถินมิทฺธํ, อวิปฺปฏิสารกรสนฺตธมฺมานุโยควเสน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, อธิคตวิเสสสฺส ปจฺจกฺขตาย ปฏิปตฺติเทสเก สตฺถริ ปฏิปตฺติยํ ปฏิปตฺติผเล จ วิจิกิจฺฉา ปหียตีติ ปฺจ นีวรณานิ ปหียนฺติ. ตสฺมิฺเว จ นิมิตฺเต เจตโส อภินิโรปนลกฺขโณ วิตกฺโก, นิมิตฺตานุมชฺชนกิจฺจํ สาธยมาโน วิจาโร, ปฏิลทฺธวิเสสาธิคมปจฺจยา ปีติ, ปีติมนสฺส ปสฺสทฺธิสมฺภวโต ปสฺสทฺธิ, ตนฺนิมิตฺตํ สุขํ, สุขิตสฺส จิตฺตสมาธิสมฺภวโต สุขนิมิตฺตา เอกคฺคตา จาติ ฌานงฺคานิ ปาตุภวนฺติ. เอวมสฺส ปมชฺฌานปฏิพิมฺพภูตํ อุปจารชฺฌานมฺปิ ตงฺขณฺเว นิพฺพตฺตติ. อิโต ปรํ ยาว ปมชฺฌานสฺส อปฺปนา เจว วสิปฺปตฺติ จ, ตาว สพฺพํ ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

วินีลกาทิกมฺมฏฺานานิ

๑๑๘. อิโต ปเรสุ ปน วินีลกาทีสุปิ ยํ ตํ ‘‘อุทฺธุมาตกํ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺโต เอโก อทุติโย คจฺฉติ อุปฏฺิตาย สติยา’’ติอาทินา นเยน คมนํ อาทึ กตฺวา ลกฺขณํ วุตฺตํ, ตํ สพฺพํ ‘‘วินีลกํ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺโต, วิปุพฺพกํ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺโต’’ติ เอวํ ตสฺส ตสฺส วเสน ตตฺถ ตตฺถ อุทฺธุมาตกปทมตฺตํ ปริวตฺเตตฺวา วุตฺตนเยเนว สวินิจฺฉยาธิปฺปายํ เวทิตพฺพํ.

อยํ ปน วิเสโส – วินีลเก ‘‘วินีลกปฏิกฺกูลํ วินีลกปฏิกฺกูล’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. อุคฺคหนิมิตฺตฺเจตฺถ กพรกพรวณฺณํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปน อุสฺสทวเสน อุปฏฺาติ.

วิปุพฺพเก ‘‘วิปุพฺพกปฏิกฺกูลํ วิปุพฺพกปฏิกฺกูล’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. อุคฺคหนิมิตฺตํ ปเนตฺถ ปคฺฆรนฺตมิว อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ นิจฺจลํ สนฺนิสินฺนํ หุตฺวา อุปฏฺาติ.

วิจฺฉิทฺทกํ ยุทฺธมณฺฑเล วา โจราฏวิยํ วา สุสาเน วา ยตฺถ ราชาโน โจเร ฉินฺทาเปนฺติ. อรฺเ วา ปน สีหพฺยคฺเฆหิ ฉินฺนปุริสฏฺาเน ลพฺภติ. ตสฺมา ตถารูปํ านํ คนฺตฺวา สเจ นานาทิสายํ ปติตมฺปิ เอกาวชฺชเนน อาปาถมาคจฺฉติ อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ อาคจฺฉติ, สยํ หตฺเถน น ปรามสิตพฺพํ. ปรามสนฺโต หิ วิสฺสาสํ อาปชฺชติ. ตสฺมา อารามิเกน วา สมณุทฺเทเสน วา อฺเน วา เกนจิ เอกฏฺาเน กาเรตพฺพํ. อลภนฺเตน กตฺตรยฏฺิยา วา ทณฺฑเกน วา เอกงฺคุลนฺตรํ กตฺวา อุปนาเมตพฺพํ. เอวํ อุปนาเมตฺวา ‘‘วิจฺฉิทฺทกปฏิกฺกูลํ วิจฺฉิทฺทกปฏิกฺกูล’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ มชฺเฌ ฉิทฺทํ วิย อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปน ปริปุณฺณํ หุตฺวา อุปฏฺาติ.

วิกฺขายิตเก วิกฺขายิตกปฏิกฺกูลํ วิกฺขายิตกปฏิกฺกูลนฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. อุคฺคหนิมิตฺตํ ปเนตฺถ ตหึ ตหึ ขายิตสทิสเมว อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปริปุณฺณํว หุตฺวา อุปฏฺาติ.

วิกฺขิตฺตกมฺปิ วิจฺฉิทฺทเก วุตฺตนเยเนว องฺคุลงฺคุลนฺตรํ กาเรตฺวา วา กตฺวา วา ‘‘วิกฺขิตฺตกปฏิกฺกูลํ วิกฺขิตฺตกปฏิกฺกูล’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. เอตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ ปากฏนฺตรํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปน ปริปุณฺณํว หุตฺวา อุปฏฺาติ.

หตวิกฺขิตฺตกมฺปิ วิจฺฉิทฺทเก วุตฺตปฺปกาเรสุเยว าเนสุ ลพฺภติ. ตสฺมา ตตฺถ คนฺตฺวา วุตฺตนเยเนว องฺคุลงฺคุลนฺตรํ กาเรตฺวา วา กตฺวา วา ‘‘หตวิกฺขิตฺตกปฏิกฺกูลํ หตวิกฺขิตฺตกปฏิกฺกูล’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. อุคฺคหนิมิตฺตํ ปเนตฺถ ปฺายมานํ ปหารมุขํ วิย โหติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปริปุณฺณเมว หุตฺวา อุปฏฺาติ.

โลหิตกํ ยุทฺธมณฺฑลาทีสุ ลทฺธปฺปหารานํ หตฺถปาทาทีสุ วา ฉินฺเนสุ ภินฺนคณฺฑปีฬกาทีนํ วา มุขโต ปคฺฆรมานกาเล ลพฺภติ. ตสฺมา ตํ ทิสฺวา ‘‘โลหิตกปฏิกฺกูลํ โลหิตกปฏิกฺกูล’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. เอตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ วาตปฺปหตา วิย รตฺตปฏากา จลมานาการํ อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปน สนฺนิสินฺนํ หุตฺวา อุปฏฺาติ.

ปุฬวกํ ทฺวีหตีหจฺจเยน กุณปสฺส นวหิ วณมุเขหิ กิมิราสิปคฺฆรณกาเล โหติ. อปิจ ตํ โสณสิงฺคาลมนุสฺสโคมหึสหตฺถิอสฺสอชคราทีนํ สรีรปฺปมาณเมว หุตฺวา สาลิภตฺตราสิ วิย ติฏฺติ. เตสุ ยตฺถ กตฺถจิ ‘‘ปุฬวกปฏิกฺกูลํ ปุฬวกปฏิกฺกูล’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถรสฺส หิ กาฬทีฆวาปิยา อนฺโต หตฺถิกุณเป นิมิตฺตํ อุปฏฺาสิ. อุคฺคหนิมิตฺตํ ปเนตฺถ จลมานํ วิย อุปฏฺาติ. ปฏิภาคนิมิตฺตํ สาลิภตฺตปิณฺโฑ วิย สนฺนิสินฺนํ หุตฺวา อุปฏฺาติ.

อฏฺิกํ ‘‘เสยฺยถาปิ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ อฏฺิสงฺขลิกํ สมํสโลหิตํ นหารุสมฺพนฺธ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๕๔) นเยน นานปฺปการโต วุตฺตํ. ตตฺถ ยตฺถ ตํ นิกฺขิตฺตํ โหติ, ตตฺถ ปุริมนเยเนว คนฺตฺวา สมนฺตา ปาสาณาทีนํ วเสน สนิมิตฺตํ สารมฺมณํ กตฺวา อิทํ อฏฺิกนฺติ สภาวภาวโต อุปลกฺเขตฺวา วณฺณาทิวเสน เอกาทสหากาเรหิ นิมิตฺตํ อุคฺคเหตพฺพํ.

๑๑๙. ตํ ปน วณฺณโต เสตนฺติ โอโลเกนฺตสฺส น อุปฏฺาติ, โอทาตกสิณสมฺเภโท โหติ. ตสฺมา อฏฺิกนฺติ ปฏิกฺกูลวเสเนว โอโลเกตพฺพํ. ลิงฺคนฺติ อิธ หตฺถาทีนํ นามํ. ตสฺมา หตฺถปาทสีสอุรพาหุกฏิอูรุชงฺฆานํ วเสน ลิงฺคโต ววตฺถเปตพฺพํ. ทีฆรสฺสวฏฺฏจตุรสฺสขุทฺทกมหนฺตวเสน ปน สณฺานโต ววตฺถเปตพฺพํ. ทิโสกาสา วุตฺตนยา เอว. ตสฺส ตสฺส อฏฺิโน ปริยนฺตวเสน ปริจฺเฉทโต ววตฺถเปตฺวา ยเทเวตฺถ ปากฏํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตํ คเหตฺวา อปฺปนา ปาปุณิตพฺพา. ตสฺส ตสฺส อฏฺิโน นินฺนฏฺานถลฏฺานวเสน ปน นินฺนโตถลโต จ ววตฺถเปตพฺพํ. ปเทสวเสนาปิ อหํ นินฺเน ิโต, อฏฺิ ถเล, อหํ ถเล, อฏฺิ นินฺเนติปิ ววตฺถเปตพฺพํ. ทฺวินฺนํ ปน อฏฺิกานํ ฆฏิตฆฏิตฏฺานวเสน สนฺธิโต ววตฺถเปตพฺพํ. อฏฺิกานํเยว อนฺตรวเสน วิวรโต ววตฺถเปตพฺพํ. สพฺพตฺเถว ปน าณํ จาเรตฺวา อิมสฺมึ าเน อิทมฏฺีติ สมนฺตโต ววตฺถเปตพฺพํ. เอวมฺปิ นิมิตฺเต อนุปฏฺหนฺเต นลาฏฏฺิมฺหิ จิตฺตํ สณฺเปตพฺพํ.

๑๒๐. ยถา เจตฺถ, เอวํ อิทํ เอกาทสวิเธน นิมิตฺตคฺคหณํ อิโต ปุริเมสุ ปุฬวกาทีสุปิ ยุชฺชมานวเสน สลฺลกฺเขตพฺพํ. อิทฺจ ปน กมฺมฏฺานํ สกลายปิ อฏฺิกสงฺขลิกาย เอกสฺมิมฺปิ อฏฺิเก สมฺปชฺชติ. ตสฺมา เตสุ ยตฺถกตฺถจิ เอกาทสวิเธน นิมิตฺตํ อุคฺคเหตฺวา ‘‘อฏฺิกปฏิกฺกูลํ อฏฺิกปฏิกฺกูล’’นฺติ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. อิธ อุคฺคหนิมิตฺตมฺปิ ปฏิภาคนิมิตฺตมฺปิ เอกสทิสเมว โหตีติ วุตฺตํ, ตํ เอกสฺมึ อฏฺิเก ยุตฺตํ. อฏฺิกสงฺขลิกาย ปน อุคฺคหนิมิตฺเต ปฺายมาเน วิวรตา. ปฏิภาคนิมิตฺเต ปริปุณฺณภาโว ยุชฺชติ. เอกฏฺิเกปิ จ อุคฺคหนิมิตฺเตน พีภจฺเฉน ภยานเกน ภวิตพฺพํ. ปฏิภาคนิมิตฺเตน ปีติโสมนสฺสชนเกน, อุปจาราวหตฺตา.

อิมสฺมึ หิ โอกาเส ยํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ, ตํ ทฺวารํ ทตฺวาว วุตฺตํ. ตถา หิ ตตฺถ ‘‘จตูสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ ทสสุ จ อสุเภสุ ปฏิภาคนิมิตฺตํ นตฺถิ. พฺรหฺมวิหาเรสุ หิ สีมสมฺเภโทเยว นิมิตฺตํ. ทสสุ จ อสุเภสุ นิพฺพิกปฺปํ กตฺวา ปฏิกฺกูลภาเวเยว ทิฏฺเ นิมิตฺตํ นาม โหตี’’ติ วตฺวาปิ ปุน อนนฺตรเมว ‘‘ทุวิธํ อิธ นิมิตฺตํ อุคฺคหนิมิตฺตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ. อุคฺคหนิมิตฺตํ วิรูปํ พีภจฺฉํ ภยานกํ หุตฺวา อุปฏฺาตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺมา ยํ วิจาเรตฺวา อโวจุมฺห, อิทเมเวตฺถ ยุตฺตํ.

อปิจ มหาติสฺสตฺเถรสฺส ทนฺตฏฺิกมตฺตาวโลกเนน สกลิตฺถิสรีรสฺส อฏฺิสงฺฆาตภาเวน อุปฏฺานาทีนิ เจตฺถ นิทสฺสนานีติ.

อิติ อสุภานิ สุภคุโณ, ทสสตโลจเนน ถุตกิตฺติ;

ยานิ อโวจ ทสพโล, เอเกกชฺฌานเหตุนีติ.

เอวํ ตานิ จ เตสฺจ, ภาวนานยมิมํ วิทิตฺวาน;

เตสฺเวว อยํ ภิยฺโย, ปกิณฺณกกถาปิ วิฺเยฺยา.

ปกิณฺณกกถา

๑๒๑. เอเตสุ หิ ยตฺถ กตฺถจิ อธิคตชฺฌาโน สุวิกฺขมฺภิตราคตฺตา วีตราโค วิย นิลฺโลลุปฺปจาโร โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ยฺวายํ อสุภปฺปเภโท วุตฺโต, โส สรีรสภาวปฺปตฺติวเสน จ ราคจริตเภทวเสน จาติ เวทิตพฺโพ. ฉวสรีรํ หิ ปฏิกฺกูลภาวํ อาปชฺชมานํ อุทฺธุมาตกสภาวปฺปตฺตํ วา สิยา, วินีลกาทีนํ วา อฺตรสภาวปฺปตฺตํ. อิติ ยาทิสํ ยาทิสํ สกฺกา โหติ ลทฺธุํ, ตาทิเส ตาทิเส อุทฺธุมาตกปฏิกฺกูลํ วินีลกปฏิกฺกูลนฺติ เอวํ นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพเมวาติ สรีรสภาวปฺปตฺติวเสน ทสธา อสุภปฺปเภโท วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

วิเสสโต เจตฺถ อุทฺธุมาตกํ สรีรสณฺานวิปตฺติปฺปกาสนโต สณฺานราคิโน สปฺปายํ. วินีลกํ ฉวิราควิปตฺติปฺปกาสนโต สรีรวณฺณราคิโน สปฺปายํ. วิปุพฺพกํ กายวณปฏิพทฺธสฺส ทุคฺคนฺธภาวสฺส ปกาสนโต มาลาคนฺธาทิวเสน สมุฏฺาปิตสรีรคนฺธราคิโน สปฺปายํ. วิจฺฉิทฺทกํ อนฺโตสุสิรภาวปฺปกาสนโต สรีเร ฆนภาวราคิโน สปฺปายํ. วิกฺขายิตกํ มํสุปจยสมฺปตฺติวินาสปฺปกาสนโต ถนาทีสุ สรีรปฺปเทเสสุ มํสุปจยราคิโน สปฺปายํ. วิกฺขิตฺตกํ องฺคปจฺจงฺคานํ วิกฺเขปปฺปกาสนโต องฺคปจฺจงฺคลีลาราคิโน สปฺปายํ. หตวิกฺขิตฺตกํ สรีรสงฺฆาตเภทวิการปฺปกาสนโต สรีรสงฺฆาตสมฺปตฺติราคิโน สปฺปายํ. โลหิตกํ โลหิตมกฺขิตปฏิกฺกูลภาวปฺปกาสนโต อลงฺการชนิตโสภราคิโน สปฺปายํ. ปุฬวกํ กายสฺส อเนกกิมิกุลสาธารณภาวปฺปกาสนโต กาเย มมตฺตราคิโน สปฺปายํ. อฏฺิกํ สรีรฏฺีนํ ปฏิกฺกูลภาวปฺปกาสนโต ทนฺตสมฺปตฺติราคิโน สปฺปายนฺติ เอวํ ราคจริตเภทวเสนาปิ ทสธา อสุภปฺปเภโท วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

ยสฺมา ปน ทสวิเธปิ เอตสฺมึ อสุเภ เสยฺยถาปิ นาม อปริสณฺิตชลาย สีฆโสตาย นทิยา อริตฺตพเลเนว นาวา ติฏฺติ, วินา อริตฺเตน น สกฺกา เปตุํ, เอวเมว ทุพฺพลตฺตา อารมฺมณสฺส วิตกฺกพเลเนว จิตฺตํ เอกคฺคํ หุตฺวา ติฏฺติ, วินา วิตกฺเกน น สกฺกา เปตุํ, ตสฺมา ปมชฺฌานเมเวตฺถ โหติ, น ทุติยาทีนิ.

ปฏิกฺกูเลปิ จ เอตสฺมึ อารมฺมเณ ‘‘อทฺธา อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณมฺหา ปริมุจฺจิสฺสามี’’ติ เอวมานิสํสทสฺสาวิตาย เจว นีวรณสนฺตาปปฺปหาเนน จ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, ‘‘พหุํ ทานิ เวตนํ ลภิสฺสามี’’ติ อานิสํสทสฺสาวิโน ปุปฺผฉฑฺฑกสฺส คูถราสิมฺหิ วิย, อุสฺสนฺนพฺยาธิทุกฺขสฺส โรคิโน วมนวิเรจนปฺปวตฺติยํ วิย จ.

๑๒๒. ทสวิธมฺปิ เจตํ อสุภํ ลกฺขณโต เอกเมว โหติ. ทสวิธสฺสาปิ เหตสฺส อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูลภาโว เอว ลกฺขณํ. ตเทตํ อิมินา ลกฺขเณน น เกวลํ มตสรีเร, ทนฺตฏฺิกทสฺสาวิโน ปน เจติยปพฺพตวาสิโน มหาติสฺสตฺเถรสฺส วิย, หตฺถิกฺขนฺธคตํ ราชานํ โอโลเกนฺตสฺส สงฺฆรกฺขิตตฺเถรูปฏฺากสามเณรสฺส วิย จ ชีวมานกสรีเรปิ อุปฏฺาติ. ยเถว หิ มตสรีรํ, เอวํ ชีวมานกมฺปิ อสุภเมว. อสุภลกฺขณํ ปเนตฺถ อาคนฺตุเกน อลงฺกาเรน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น ปฺายติ. ปกติยา ปน อิทํ สรีรํ นาม อติเรกติสตอฏฺิกสมุสฺสยํ อสีติสตสนฺธิสงฺฆฏิตํ นวนฺหารุสตนิพนฺธนํ นวมํสเปสิสตานุลิตฺตํ อลฺลจมฺมปริโยนทฺธํ ฉวิยา ปฏิจฺฉนฺนํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ เมทกถาลิกา วิย นิจฺจุคฺฆริตปคฺฆริตํ กิมิสงฺฆนิเสวิตํ โรคานํ อายตนํ ทุกฺขธมฺมานํ วตฺถุ ปริภินฺนปุราณคณฺโฑ วิย นวหิ วณมุเขหิ สตตวิสฺสนฺทนํ. ยสฺส อุโภหิ อกฺขีหิ อกฺขิคูถโก ปคฺฆรติ, กณฺณพิเลหิ กณฺณคูถโก, นาสาปุเฏหิ สิงฺฆาณิกา, มุขโต อาหารปิตฺตเสมฺหรุธิรานิ, อโธทฺวาเรหิ อุจฺจารปสฺสาวา, นวนวุติยา โลมกูปสหสฺเสหิ อสุจิเสทยูโส ปคฺฆรติ. นีลมกฺขิกาทโย สมฺปริวาเรนฺติ. ยํ ทนฺตกฏฺมุขโธวนสีสมกฺขนนหานนิวาสนปารุปนาทีหิ อปฺปฏิชคฺคิตฺวา ยถาชาโตว ผรุสวิปฺปกิณฺณเกโส หุตฺวา คาเมน คามํ วิจรนฺโต ราชาปิ ปุปฺผฉฑฺฑกจณฺฑาลาทีสุ อฺตโรปิ สมสรีรปฏิกฺกูลตาย นิพฺพิเสโส โหติ, เอวํ อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูลตาย รฺโ วา จณฺฑาลสฺส วา สรีเร เวมตฺตํ นาม นตฺถิ. ทนฺตกฏฺมุขโธวนาทีหิ ปเนตฺถ ทนฺตมลาทีนิ ปมชฺชิตฺวา นานาวตฺเถหิ หิริโกปีนํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา นานาวณฺเณน สุรภิวิเลปเนน วิลิมฺปิตฺวา ปุปฺผาภรณาทีหิ อลงฺกริตฺวา ‘‘อหํ มม’’นฺติ คเหตพฺพาการปฺปตฺตํ กโรนฺติ. ตโต อิมินา อาคนฺตุเกน อลงฺกาเรน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา ตทสฺส ยาถาวสรสํ อสุภลกฺขณํ อสฺชานนฺตา ปุริสา อิตฺถีสุ, อิตฺถิโย จ ปุริเสสุ รตึ กโรนฺติ. ปรมตฺถโต ปเนตฺถ รชฺชิตพฺพกยุตฺตฏฺานํ นาม อณุมตฺตมฺปิ นตฺถิ. ตถา หิ เกสโลมนขทนฺตเขฬสิงฺฆาณิกอุจฺจารปสฺสาวาทีสุ เอกโกฏฺาสมฺปิ สรีรโต พหิ ปติตํ สตฺตา หตฺเถน ฉุปิตุมฺปิ น อิจฺฉนฺติ, อฏฺฏียนฺติ หรายนฺติ ชิคุจฺฉนฺติ. ยํ ยํ ปเนตฺถ อวเสสํ โหติ, ตํ ตํ เอวํ ปฏิกฺกูลมฺปิ สมานํ อวิชฺชนฺธการปริโยนทฺธา อตฺตสิเนหราครตฺตา ‘‘อิฏฺํ กนฺตํ นิจฺจํ สุขํ อตฺตา’’ติ คณฺหนฺติ. เต เอวํ คณฺหนฺตา อฏวิยํ กึสุกรุกฺขํ ทิสฺวา รุกฺขโต อปติตปุปฺผํ ‘‘อยํ มํสเปสี’’ติ วิหฺมาเนน ชรสิงฺคาเลน สมานตํ อาปชฺชนฺติ. ตสฺมา –

ยถาปิ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, สิงฺคาโล กึสุกํ วเน;

มํสรุกฺโข มยา ลทฺโธ, อิติ คนฺตฺวาน เวคสา.

ปติตํ ปติตํ ปุปฺผํ, ฑํสิตฺวา อติโลลุโป;

นยิทํ มํสํ อทุํ มํสํ, ยํ รุกฺขสฺมินฺติ คณฺหติ.

โกฏฺาสํ ปติตํเยว, อสุภนฺติ ตถา พุโธ;

อคฺคเหตฺวาน คณฺเหยฺย, สรีรฏฺมฺปิ นํ ตถา.

อิมฺหิ สุภโต กายํ, คเหตฺวา ตตฺถ มุจฺฉิตา;

พาลา กโรนฺตา ปาปานิ, ทุกฺขา น ปริมุจฺจเร.

ตสฺมา ปสฺเสยฺย เมธาวี, ชีวโต วา มตสฺส วา;

สภาวํ ปูติกายสฺส, สุภภาเวน วชฺชิตํ.

วุตฺตฺเหตํ –

ทุคฺคนฺโธ อสุจิ กาโย, กุณโป อุกฺกรูปโม;

นินฺทิโต จกฺขุภูเตหิ, กาโย พาลาภินนฺทิโต.

อลฺลจมฺมปฏิจฺฉนฺโน, นวทฺวาโร มหาวโณ;

สมนฺตโต ปคฺฆรติ, อสุจิ ปูติคนฺธิโย.

สเจ อิมสฺส กายสฺส, อนฺโต พาหิรโก สิยา;

ทณฺฑํ นูน คเหตฺวาน, กาเก โสเณ นิวารเยติ.

ตสฺมา ทพฺพชาติเกน ภิกฺขุนา ชีวมานสรีรํ วา โหตุ

มตสรีรํ วา ยตฺถ ยตฺถ อสุภากาโร ปฺายติ, ตตฺถ ตตฺเถว นิมิตฺตํ คเหตฺวา กมฺมฏฺานํ อปฺปนํ ปาเปตพฺพนฺติ.

อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค

สมาธิภาวนาธิกาเร

อสุภกมฺมฏฺานนิทฺเทโส นาม

ฉฏฺโ ปริจฺเฉโท.

๗. ฉอนุสฺสตินิทฺเทโส

๑. พุทฺธานุสฺสติกถา

๑๒๓. อสุภานนฺตรํ อุทฺทิฏฺาสุ ปน ทสสุ อนุสฺสตีสุ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต สติเยว อนุสฺสติ, ปวตฺติตพฺพฏฺานมฺหิเยว วา ปวตฺตตฺตา สทฺธาปพฺพชิตสฺส กุลปุตฺตสฺส อนุรูปา สตีติปิ อนุสฺสติ, พุทฺธํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ พุทฺธานุสฺสติ, พุทฺธคุณารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ. ธมฺมํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ ธมฺมานุสฺสติ, สฺวากฺขาตตาทิธมฺมคุณารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ. สงฺฆํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ สงฺฆานุสฺสติ, สุปฺปฏิปนฺนตาทิสงฺฆคุณารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ. สีลํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ สีลานุสฺสติ, อขณฺฑตาทิสีลคุณารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ. จาคํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ จาคานุสฺสติ, มุตฺตจาคตาทิจาคคุณารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ. เทวตา อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ เทวตานุสฺสติ, เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา อตฺตโน สทฺธาทิคุณารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ. มรณํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ มรณานุสฺสติ, ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ. เกสาทิเภทํ รูปกายํ คตา, กาเย วา คตาติ กายคตา, กายคตา จ สา สติ จาติ กายคตสตีติ วตฺตพฺเพ รสฺสํ อกตฺวา กายคตาสตีติ วุตฺตา, เกสาทิกายโกฏฺาสนิมิตฺตารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ. อานาปาเน อารพฺภ อุปฺปนฺนา สติ อานาปานสฺสติ, อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ. อุปสมํ อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนุสฺสติ อุปสมานุสฺสติ, สพฺพทุกฺขูปสมารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจนํ.

๑๒๔. อิติ อิมาสุ ทสสุ อนุสฺสตีสุ พุทฺธานุสฺสตึ ตาว ภาเวตุกาเมน อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคเตน โยคินา ปติรูปเสนาสเน รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐) เอวํ พุทฺธสฺส ภควโต คุณา อนุสฺสริตพฺพา.

ตตฺรายํ อนุสฺสรณนโย – โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควาติ อนุสฺสรติ. อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติ.

๑๒๕. ตตฺถ อารกตฺตา อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ โส ภควา อรหนฺติ อนุสฺสรติ. อารกา หิ โส สพฺพกิเลเสหิ สุวิทูรวิทูเร ิโต มคฺเคน สวาสนานํ กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตาติ อารกตฺตา อรหํ.

โส ตโต อารกา นาม, ยสฺส เยนาสมงฺคิตา;

อสมงฺคี จ โทเสหิ, นาโถ เตนารหํ มโตติ.

๑๒๖. เต จาเนน กิเลสารโย มคฺเคน หตาติ อรีนํ หตตฺตาปิ อรหํ.

ยสฺมา ราคาทิสงฺขาตา, สพฺเพปิ อรโย หตา;

ปฺาสตฺเถน นาเถน, ตสฺมาปิ อรหํ มโตติ.

๑๒๗. ยฺเจตํ อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภิ ปุฺาทิอภิสงฺขารารํ ชรามรณเนมิ อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา ติภวรเถ สมาโยชิตํ อนาทิกาลปฺปวตฺตํ สํสารจกฺกํ, ตสฺสาเนน โพธิมณฺเฑ วีริยปาเทหิ สีลปถวิยํ ปติฏฺาย สทฺธาหตฺเถน กมฺมกฺขยกรํ าณผรสุํ คเหตฺวา สพฺเพ อรา หตาติ อรานํ หตตฺตาปิ อรหํ.

๑๒๘. อถ วา สํสารจกฺกนฺติ อนมตคฺคํ สํสารวฏฺฏํ วุจฺจติ. ตสฺส จ อวิชฺชา นาภิ, มูลตฺตา. ชรามรณํ เนมิ, ปริโยสานตฺตา. เสสา ทส ธมฺมา อรา, อวิชฺชามูลกตฺตา ชรามรณปริยนฺตตฺตา จ, ตตฺถ ทุกฺขาทีสุ อฺาณํ อวิชฺชา. กามภเว จ อวิชฺชา กามภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ, รูปภเว อวิชฺชา รูปภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ, อรูปภเว อวิชฺชา อรูปภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ. กามภเว สงฺขารา กามภเว ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส ปจฺจยา โหนฺติ, เอส นโย อิตเรสุ. กามภเว ปฏิสนฺธิวิฺาณํ กามภเว นามรูปสฺส ปจฺจโย โหติ, ตถา รูปภเว. อรูปภเว นามสฺเสว ปจฺจโย โหติ. กามภเว นามรูปํ กามภเว สฬายตนสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปภเว นามรูปํ รูปภเว ติณฺณํ อายตนานํ ปจฺจโย โหติ, อรูปภเว นามํ อรูปภเว เอกสฺส อายตนสฺส ปจฺจโย โหติ. กามภเว สฬายตนํ กามภเว ฉพฺพิธสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปภเว ตีณิ อายตนานิ รูปภเว ติณฺณํ ผสฺสานํ ปจฺจยา โหนฺติ, อรูปภเว เอกํ อายตนํ อรูปภเว เอกสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ. กามภเว ฉ ผสฺสา กามภเว ฉนฺนํ เวทนานํ ปจฺจยา โหนฺติ, รูปภเว ตโย ผสฺสา ตตฺเถว ติสฺสนฺนํ, อรูปภเว เอโก ตตฺเถว เอกิสฺสา เวทนาย ปจฺจโย โหติ. กามภเว ฉ เวทนา กามภเว ฉนฺนํ ตณฺหากายานํ ปจฺจยา โหนฺติ, รูปภเว ติสฺโส ตตฺเถว ติณฺณํ, อรูปภเว เอกา เวทนา อรูปภเว เอกสฺส ตณฺหากายสฺส ปจฺจโย โหติ. ตตฺถ ตตฺถ สา สา ตณฺหา ตสฺส ตสฺส อุปาทานสฺส, อุปาทานาทโย ภวาทีนํ.

กถํ? อิเธกจฺโจ กาเม ปริภุฺชิสฺสามีติ กามุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ, ทุจฺจริตปาริปูริยา อปาเย อุปปชฺชติ. ตตฺถสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว, กมฺมนิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว, ขนฺธานํ นิพฺพตฺติ ชาติ, ปริปาโก ชรา, เภโท มรณํ.

อปโร สคฺคสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามีติ ตเถว สุจริตํ จรติ, สุจริตปาริปูริยา สคฺเค อุปปชฺชติ. ตตฺถสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโวติ โส เอว นโย.

อปโร ปน พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามีติ กามุปาทานปจฺจยาเอว เมตฺตํ ภาเวติ, กรุณํ, มุทิตํ, อุเปกฺขํ ภาเวติ, ภาวนาปาริปูริยา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ. ตตฺถสฺส นิพฺพตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโวติ โส เอว นโย.

อปโร อรูปภเว สมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามีติ ตเถว อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติโย ภาเวติ, ภาวนาปาริปูริยา ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตติ. ตตฺถสฺส นิพฺพตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว, กมฺมนิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว, ขนฺธานํ นิพฺพตฺติ ชาติ, ปริปาโก ชรา, เภโท มรณนฺติ. เอส นโย เสสุปาทานมูลิกาสุปิ โยชนาสุ.

เอวํ อยํ อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณํ. อตีตมฺปิ อทฺธานํ อนาคตมฺปิ อทฺธานํ อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณนฺติ เอเตเนว นเยน สพฺพปทานิ วิตฺถาเรตพฺพานิ.

ตตฺถ อวิชฺชาสงฺขารา เอโก สงฺเขโป, วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนา เอโก, ตณฺหุปาทานภวา เอโก, ชาติชรามรณํ เอโก. ปุริมสงฺเขโป เจตฺถ อตีโต อทฺธา, ทฺเว มชฺฌิมา ปจฺจุปฺปนฺโน, ชาติชรามรณํ อนาคโต. อวิชฺชาสงฺขารคฺคหเณน เจตฺถ ตณฺหุปาทานภวา คหิตาว โหนฺตีติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อตีเต กมฺมวฏฺฏํ, วิฺาณาทโย ปฺจ เอตรหิ วิปากวฏฺฏํ, ตณฺหุปาทานภวคฺคหเณน อวิชฺชาสงฺขารา คหิตาว โหนฺตีติ อิเม ปฺจ ธมฺมา เอตรหิ กมฺมวฏฺฏํ, ชาติชรามรณาปเทเสน วิฺาณาทีนํ นิทฺทิฏฺตฺตา อิเม ปฺจ ธมฺมา อายตึ วิปากวฏฺฏํ. เต อาการโต วีสติวิธา โหนฺติ. สงฺขารวิฺาณานฺเจตฺถ อนฺตรา เอโก สนฺธิ, เวทนาตณฺหานมนฺตรา เอโก, ภวชาตีนมนฺตรา เอโกติ, อิติ ภควา เอตํ จตุสงฺเขปํ ติยทฺธํ วีสตาการํ ติสนฺธึ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ อฺาติ ปฏิวิชฺฌติ. ตํ าตฏฺเน าณํ, ปชานนฏฺเน ปฺา, เตน วุจฺจติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณนฺติ. อิมินา ธมฺมฏฺิติาเณน ภควา เต ธมฺเม ยถาภูตํ ตฺวา เตสุ นิพฺพินฺทนฺโต วิรชฺชนฺโต วิมุจฺจนฺโต วุตฺตปฺปการสฺส อิมสฺส สํสารจกฺกสฺส อเร หนิ วิหนิ วิทฺธํเสสิ. เอวมฺปิ อรานํ หตตฺตา อรหํ.

อรา สํสารจกฺกสฺส, หตา าณาสินา ยโต;

โลกนาเถน เตเนส, อรหนฺติ ปวุจฺจติ.

๑๒๙. อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา จ จีวราทิปจฺจเย อรหติ ปูชาวิเสสฺจ. เตเนว จ อุปฺปนฺเน ตถาคเต เยเกจิ มเหสกฺขา เทวมนุสฺสา, น เต อฺตฺถ ปูชํ กโรนฺติ. ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ สิเนรุมตฺเตน รตนทาเมน ตถาคตํ ปูเชสิ. ยถาพลฺจ อฺเ เทวา มนุสฺสา จ พิมฺพิสารโกสลราชาทโย. ปรินิพฺพุตมฺปิ จ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา อโสกมหาราชา สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ ปติฏฺาเปสิ. โก ปน วาโท อฺเสํ ปูชาวิเสสานนฺติ ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตาปิ อรหํ.

ปูชาวิเสสํ สห ปจฺจเยหิ,

ยสฺมา อยํ อรหติ โลกนาโถ;

อตฺถานุรูปํ อรหนฺติ โลเก,

ตสฺมา ชิโน อรหติ นามเมตํ.

๑๓๐. ยถา จ โลเก เยเกจิ ปณฺฑิตมานิโน พาลา อสิโลกภเยน รโห ปาปํ กโรนฺติ, เอวเมส น กทาจิ กโรตีติ ปาปกรเณ รหาภาวโตปิ อรหํ.

ยสฺมา นตฺถิ รโห นาม, ปาปกมฺเมสุ ตาทิโน;

รหาภาเวน เตเนส, อรหํ อิติ วิสฺสุโต.

เอวํ สพฺพถาปิ –

อารกตฺตา หตตฺตา จ, กิเลสารีน โส มุนิ;

หตสํสารจกฺกาโร, ปจฺจยาทีน จารโห;

น รโห กโรติ ปาปานิ, อรหํ เตน วุจฺจตีติ.

๑๓๑. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ตถาหิ เอส สพฺพธมฺเม สมฺมา สามฺจ พุทฺโธ, อภิฺเยฺเย ธมฺเม อภิฺเยฺยโต พุทฺโธ, ปริฺเยฺเย ธมฺเม ปริฺเยฺยโต, ปหาตพฺเพ ธมฺเม ปหาตพฺพโต, สจฺฉิกาตพฺเพ ธมฺเม สจฺฉิกาตพฺพโต, ภาเวตพฺเพ ธมฺเม ภาเวตพฺพโต. เตเนว จาห –

อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;

ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณาติ. (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๖๓);

๑๓๒. อปิจ จกฺขุํ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺส มูลการณภาเวน สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจนฺติ เอวํ เอเกกปทุทฺธาเรนาปิ สพฺพธมฺเม สมฺมา สามฺจ พุทฺโธ, เอส นโย โสตฆานชิวฺหากายมเนสุ. เอเตเนว นเยน รูปาทีนิ ฉ อายตนานิ, จกฺขุวิฺาณาทโย ฉวิฺาณกายา, จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ฉ ผสฺสา, จกฺขุสมฺผสฺสชาทโย ฉ เวทนา, รูปสฺาทโย ฉ สฺา, รูปสฺเจตนาทโย ฉ เจตนา, รูปตณฺหาทโย ฉ ตณฺหากายา, รูปวิตกฺกาทโย ฉ วิตกฺกา, รูปวิจาราทโย ฉ วิจารา, รูปกฺขนฺธาทโย ปฺจกฺขนฺธา, ทส กสิณานิ, ทส อนุสฺสติโย, อุทฺธุมาตกสฺาทิวเสน ทส สฺา, เกสาทโย ทฺวตฺตึสาการา, ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, กามภวาทโย นว ภวา, ปมาทีนิ จตฺตาริ ฌานานิ, เมตฺตาภาวนาทโย จตสฺโส อปฺปมฺา, จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย, ปฏิโลมโต ชรามรณาทีนิ, อนุโลมโต อวิชฺชาทีนิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ จ โยเชตพฺพานิ.

ตตฺรายํ เอกปทโยชนา, ชรามรณํ ทุกฺขสจฺจํ, ชาติ สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนมฺปิ นิสฺสรณํ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจนฺติ เอวเมเกกปทุทฺธาเรน สพฺพธมฺเม สมฺมา สามฺจ พุทฺโธ อนุพุทฺโธ ปฏิพุทฺโธ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ.

๑๓๓. วิชฺชาหิ ปน จรเณน จ สมฺปนฺนตฺตา วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน. ตตฺถ วิชฺชาติ ติสฺโสปิ วิชฺชา อฏฺปิ วิชฺชา. ติสฺโส วิชฺชา ภยเภรวสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๕๒ อาทโย) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา, อฏฺ อมฺพฏฺสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๒๗๘ อาทโย). ตตฺร หิ วิปสฺสนาาเณน มโนมยิทฺธิยา จ สห ฉ อภิฺา ปริคฺคเหตฺวา อฏฺ วิชฺชา วุตฺตา. จรณนฺติ สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานีติ อิเม ปนฺนรส ธมฺมา เวทิตพฺพา. อิเมเยว หิ ปนฺนรส ธมฺมา ยสฺมา เอเตหิ จรติ อริยสาวโก คจฺฉติ อมตํ ทิสํ, ตสฺมา จรณนฺติ วุตฺตา. ยถาห – ‘‘อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สีลวา โหตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๔) สพฺพํ มชฺฌิมปณฺณาสเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ภควา อิมาหิ วิชฺชาหิ อิมินา จ จรเณน สมนฺนาคโต. เตน วุจฺจติ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ.

ตตฺถ วิชฺชาสมฺปทา ภควโต สพฺพฺุตํ ปูเรตฺวา ิตา. จรณสมฺปทา มหาการุณิกตํ. โส สพฺพฺุตาย สพฺพสตฺตานํ อตฺถานตฺถํ ตฺวา มหาการุณิกตาย อนตฺถํ ปริวชฺเชตฺวา อตฺเถ นิโยเชติ. ยถา ตํ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน. เตนสฺส สาวกา สุปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ, โน ทุปฺปฏิปนฺนา วิชฺชาจรณวิปนฺนานํ สาวกา อตฺตนฺตปาทโย วิย.

๑๓๔. โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ านํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา, สมฺมา จ คทตฺตา สุคโต. คมนมฺปิ หิ คตนฺติ วุจฺจติ. ตฺจ ภควโต โสภนํ ปริสุทฺธมนวชฺชํ. กึ ปน ตนฺติ? อริยมคฺโค. เตน เหส คมเนน เขมํ ทิสํ อสชฺชมาโน คโตติ โสภนคมนตฺตา สุคโต. สุนฺทรฺเจส านํ คโต อมตํ นิพฺพานนฺติ สุนฺทรํ านํ คตตฺตาปิ สุคโต. สมฺมา จ คโต เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส ปุน อปจฺจาคจฺฉนฺโต. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต…เป… อรหตฺตมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต’’ติ, สมฺมา วา คโต ทีปงฺกรปาทมูลโต ปภุติ ยาว โพธิมณฺฑา ตาว สมตึสปารมีปูริกาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สพฺพโลกสฺส หิตสุขเมว กโรนฺโต สสฺสตํ, อุจฺเฉทํ, กามสุขํ, อตฺตกิลมถนฺติ อิเม จ อนฺเต อนุปคจฺฉนฺโต คโตติ สมฺมา คตตฺตาปิ สุคโต. สมฺมา เจส คทติ ยุตฺตฏฺาเน ยุตฺตเมว วาจํ ภาสตีติ สมฺมา คทตฺตาปิ สุคโต. ตตฺริทํ สาธกสุตฺตํ ‘‘ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสฺหิตํ, สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสฺหิตํ, สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ โข ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสฺหิตํ, สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณาย. ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสฺหิตํ, สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสฺหิตํ, สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ โข ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสฺหิตํ, สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณายา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๖). เอวํ สมฺมา คทตฺตาปิ สุคโตติ เวทิตพฺโพ.

๑๓๕. สพฺพถาปิ วิทิตโลกตฺตา ปน โลกวิทู. โส หิ ภควา สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโตติ สพฺพถา โลกํ อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ. ยถาห – ‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามิ, น จาหํ, อาวุโส, อปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิ. อปิ จาหํ, อาวุโส, อิมสฺมิฺเว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ โลกสมุทยฺจ โลกนิโรธฺจ โลกนิโรธคามินิฺจ ปฏิปทํ.

คมเนน น ปตฺตพฺโพ, โลกสฺสนฺโต กุทาจนํ;

น จ อปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํ.

ตสฺมา หเว โลกวิทู สุเมโธ,

โลกนฺตคู วูสิตพฺรหฺมจริโย;

โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ตฺวา,

นาสีสติ โลกมิมํ ปรฺจาติ. (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕);

๑๓๖. อปิจ ตโย โลกา สงฺขารโลโก สตฺตโลโก โอกาสโลโกติ. ตตฺถ เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกาติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ. สสฺสโต โลโกติ วา อสสฺสโต โลโกติ วาติ (ที. นิ. ๑.๔๒๑) อาคตฏฺาเน สตฺตโลโก.

ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ, ทิสา ภนฺติ วิโรจมานา;

ตาว สหสฺสธา โลโก, เอตฺถ เต วตฺตตี วโสติ. (ม. นิ. ๑.๕๐๓) –

อาคตฏฺาเน โอกาสโลโก. ตมฺปิ ภควา สพฺพถา อเวทิ. ตถา หิสฺส ‘‘เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา. ทฺเว โลกา นามฺจ รูปฺจ. ตโย โลกา ติสฺโส เวทนา. จตฺตาโร โลกา จตฺตาโร อาหารา. ปฺจ โลกา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ฉ โลกา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ. สตฺต โลกา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. อฏฺ โลกา อฏฺ โลกธมฺมา. นว โลกา นว สตฺตาวาสา. ทส โลกา ทสายตนานิ. ทฺวาทส โลกา ทฺวาทสายตนานิ. อฏฺารส โลกา อฏฺารส ธาตุโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) อยํ สงฺขารโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต.

ยสฺมา ปเนส สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺตึ ชานาติ, อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข, ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย, สฺวากาเร ทฺวากาเร, สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย, ภพฺเพ อภพฺเพ สตฺเต ชานาติ. ตสฺมาสฺส สตฺตโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต.

๑๓๗. ยถา จ สตฺตโลโก, เอวํ โอกาสโลโกปิ. ตถา เหส เอกํ จกฺกวาฬํ อายามโต จ วิตฺถารโต จ โยชนานํ ทฺวาทสสตสหสฺสานิ จตุตึสสตานิ จ ปฺาสฺจ โยชนานิ. ปริกฺเขปโต ปน –

สพฺพํ สตสหสฺสานิ, ฉตฺตึสปริมณฺฑลํ;

ทส เจว สหสฺสานิ, อฑฺฒุฑฺฒานิ สตานิ จ.

ตตฺถ –

ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;

เอตฺตกํ พหลตฺเตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธรา.

ตสฺสาเยว สนฺธารกํ –

จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, อฏฺเว นหุตานิ จ;

เอตฺตกํ พหลตฺเตน, ชลํ วาเต ปติฏฺิตํ.

ตสฺสาปิ สนฺธารโก –

นว สตสหสฺสานิ, มาลุโต นภมุคฺคโต;

สฏฺิฺเจว สหสฺสานิ, เอสา โลกสฺส สณฺิติ.

เอวํ สณฺิเต เจตฺถ โยชนานํ –

จตุราสีติ สหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว;

อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, สิเนรุ ปพฺพตุตฺตโม.

ตโต อุปฑฺฒุปฑฺเฒน, ปมาเณน ยถากฺกมํ;

อชฺโฌคาฬฺหุคฺคตา ทิพฺพา, นานารตนจิตฺติตา.

ยุคนฺธโร อีสธโร, กรวีโก สุทสฺสโน;

เนมินฺธโร วินตโก, อสฺสกณฺโณ คิริ พฺรหา.

เอเต สตฺต มหาเสลา, สิเนรุสฺส สมนฺตโต;

มหาราชานมาวาสา, เทวยกฺขนิเสวิตา.

โยชนานํ สตานุจฺโจ, หิมวา ปฺจ ปพฺพโต;

โยชนานํ สหสฺสานิ, ตีณิ อายตวิตฺถโต.

จตุราสีติสหสฺเสหิ, กูเฏหิ ปฏิมณฺฑิโต;

ติปฺจโยชนกฺขนฺธ-ปริกฺเขปา นควฺหยา.

ปฺาสโยชนกฺขนฺธ-สาขายามา สมนฺตโต;

สตโยชนวิตฺถิณฺณา, ตาวเทว จ อุคฺคตา;

ชมฺพู ยสฺสานุภาเวน, ชมฺพุทีโป ปกาสิโต.

ยฺเจตํ ชมฺพุยา ปมาณํ, เอตเทว อสุรานํ จิตฺรปาฏลิยา, ครุฬานํ สิมฺพลิรุกฺขสฺส, อปรโคยาเน กทมฺพสฺส, อุตฺตรกุรูสุ กปฺปรุกฺขสฺส, ปุพฺพวิเทเห สิรีสสฺส, ตาวตึเสสุ ปาริจฺฉตฺตกสฺสาติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ปาฏลี สิมฺพลี ชมฺพู, เทวานํ ปาริจฺฉตฺตโก;

กทมฺโพ กปฺปรุกฺโข จ, สิรีเสน ภวติ สตฺตมนฺติ.

‘‘ทฺเวอสีติ สหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว;

อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, จกฺกวาฬสิลุจฺจโย;

ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สพฺพํ, โลกธาตุมยํ ิโต’’ติ.

ตตฺถ จนฺทมณฺฑลํ เอกูนปฺาสโยชนํ. สูริยมณฺฑลํ ปฺาสโยชนํ. ตาวตึสภวนํ ทสสหสฺสโยชนํ. ตถา อสุรภวนํ อวีจิมหานิรโย ชมฺพุทีโป จ. อปรโคยานํ สตฺตสหสฺสโยชนํ. ตถา ปุพฺพวิเทหํ. อุตฺตรกุรุ อฏฺสหสฺสโยชนํ. เอกเมโก เจตฺถ มหาทีโป ปฺจสตปฺจสตปริตฺตทีปปริวาโร. ตํ สพฺพมฺปิ เอกํ จกฺกวาฬํ เอกา โลกธาตุ. ตทนฺตเรสุ โลกนฺตริกนิรยา.

เอวํ อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ อนนฺตา โลกธาตุโย ภควา อนนฺเตน พุทฺธาเณน อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ. เอวมสฺส โอกาสโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต. เอวมฺปิ สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา โลกวิทู.

๑๓๘. อตฺตนา ปน คุเณหิ วิสิฏฺตรสฺส กสฺสจิ อภาวโต นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตโรติ อนุตฺตโร. ตถา เหส สีลคุเณนาปิ สพฺพํ โลกมภิภวติ, สมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนคุเณนาปิ. สีลคุเณนาปิ อสโม อสมสโม อปฺปฏิโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโล…เป… วิมุตฺติาณทสฺสนคุเณนาปิ. ยถาห – ‘‘น โข ปนาหํ สมนุปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ปชาย อตฺตนา สีลสมฺปนฺนตร’’นฺติ วิตฺถาโร. เอวํ อคฺคปสาทสุตฺตาทีนิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) ‘‘น เม อาจริโย อตฺถี’’ติอาทิกา (ม. นิ. ๑.๒๘๕; มหาว. ๑๑) คาถาโย จ วิตฺถาเรตพฺพา.

๑๓๙. ปุริสทมฺเม สาเรตีติ ปุริสทมฺมสารถิ. ทเมติ วิเนตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ปุริสทมฺมาติ อทนฺตา ทเมตุํ ยุตฺตา ติรจฺฉานปุริสาปิ มนุสฺสปุริสาปิ อมนุสฺสปุริสาปิ. ตถา หิ ภควตา ติรจฺฉานปุริสาปิ อปลาโล นาคราชา, จูโฬทโร, มโหทโร, อคฺคิสิโข, ธูมสิโข, อรวาโฬ นาคราชา, ธนปาลโก หตฺถีติ เอวมาทโย ทมิตา นิพฺพิสา กตา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาปิตา, มนุสฺสปุริสาปิ สจฺจกนิคณฺปุตฺตอมฺพฏฺมาณวโปกฺขรสาติ โสณทนฺตกูฏทนฺตาทโย, อมนุสฺสปุริสาปิ อาฬวกสูจิโลมขรโลมยกฺขสกฺกเทวราชาทโย ทมิตา วินีตา วิจิตฺเรหิ วินยนูปาเยหิ. ‘‘อหํ โข, เกสิ, ปุริสทมฺเม สณฺเหนปิ วิเนมิ, ผรุเสนปิ วิเนมิ, สณฺหผรุเสนปิ วิเนมี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๑) อิทฺเจตฺถ สุตฺตํ วิตฺถาเรตพฺพํ.

อปิจ ภควา วิสุทฺธสีลาทีนํ ปมชฺฌานาทีนิ โสตาปนฺนาทีนฺจ อุตฺตริ มคฺคปฏิปทํ อาจิกฺขนฺโต ทนฺเตปิ ทเมติเยว.

อถ วา อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถีติ เอกเมวิทํ อตฺถปทํ. ภควา หิ ตถา ปุริสทมฺเม สาเรติ, ยถา เอกปลฺลงฺเกเนว นิสินฺนา อฏฺ ทิสา อสชฺชมานา ธาวนฺติ. ตสฺมา อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถีติ วุจฺจติ. ‘‘หตฺถิทมเกน, ภิกฺขเว, หตฺถิทมฺโม สาริโต เอกํเยว ทิสํ ธาวตี’’ติ อิทฺเจตฺถ สุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๑๒) วิตฺถาเรตพฺพํ.

๑๔๐. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ อนุสาสตีติ สตฺถา. อปิจ สตฺถา วิยาติ สตฺถา, ภควา สตฺถวาโห. ยถา สตฺถวาโห สตฺเถ กนฺตารํ ตาเรติ โจรกนฺตารํ ตาเรติ วาฬกนฺตารํ ตาเรติ ทุพฺภิกฺขกนฺตารํ ตาเรติ นิรุทกกนฺตารํ ตาเรติ อุตฺตาเรติ นิตฺตาเรติ ปตาเรติ เขมนฺตภูมึ สมฺปาเปติ, เอวเมว ภควา สตฺถา สตฺถวาโห สตฺเต กนฺตารํ ตาเรติ, ชาติกนฺตารํ ตาเรตีติอาทินา นิทฺเทสนเยนเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เทวมนุสฺสานนฺติ เทวานฺจ มนุสฺสานฺจ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน, ภพฺพปุคฺคลปริจฺเฉทวเสน เจตํ วุตฺตํ. ภควา ปน ติรจฺฉานคตานมฺปิ อนุสาสนิปฺปทาเนน สตฺถาเยว. เตปิ หิ ภควโต ธมฺมสฺสวเนน อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ปตฺวา ตาย เอว อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ทุติเย วา ตติเย วา อตฺตภาเว มคฺคผลภาคิโน โหนฺติ. มณฺฑูกเทวปุตฺตาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.

ภควติ กิร คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร จมฺปานครวาสีนํ ธมฺมํ เทสิยมาเน เอโก มณฺฑูโก ภควโต สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ, ตํ เอโก วจฺฉปาลโก ทณฺฑํ โอลุพฺภ ติฏฺนฺโต สีเส สนฺนิรุมฺภิตฺวา อฏฺาสิ. โส ตาวเทว กาลงฺกตฺวา ตาวตึสภวเน ทฺวาทสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ. สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย จ ตตฺถ อจฺฉราสงฺฆปริวุตํ อตฺตานํ ทิสฺวา ‘‘อเร อหมฺปิ นาม อิธ นิพฺพตฺโต, กึ นุ โข กมฺมมกาสิ’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต น อฺํ กิฺจิ อทฺทส อฺตฺร ภควโต สเร นิมิตฺตคฺคาหา. โส ตาวเทว สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทิ. ภควา ชานนฺโตว ปุจฺฉิ –

‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ.

มณฺฑูโกหํ ปุเร อาสึ, อุทเก วาริโคจโร;

ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺส, อวธิ วจฺฉปาลโกติ.

ภควา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เทวปุตฺโตปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สิตํ กตฺวา ปกฺกมีติ.

๑๔๑. ยํ ปน กิฺจิ อตฺถิ เยฺยํ นาม, สพฺพสฺเสว พุทฺธตฺตา วิโมกฺขนฺติกฺาณวเสน พุทฺโธ. ยสฺมา วา จตฺตาริ สจฺจานิ อตฺตนาปิ พุชฺฌิ, อฺเปิ สตฺเต โพเธสิ, ตสฺมา เอวมาทีหิปิ การเณหิ พุทฺโธ. อิมสฺส จ ปนตฺถสฺส วิฺาปนตฺถํ ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ. โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติ เอวํ ปวตฺโต สพฺโพปิ นิทฺเทสนโย (มหานิ. ๑๙๒) ปฏิสมฺภิทานโย (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) วา วิตฺถาเรตพฺโพ.

๑๔๒. ภควาติ อิทํ ปนสฺส คุณวิสิฏฺสพฺพสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนํ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;

ครุคารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.

จตุพฺพิธํ วา นามํ อาวตฺถิกํ ลิงฺคิกํ เนมิตฺติกํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ นาม โลกิยโวหาเรน ยทิจฺฉกนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ วจฺโฉ ทมฺโม พลีพทฺโทติ เอวมาทิ อาวตฺถิกํ. ทณฺฑี ฉตฺตี สิขี กรีติ เอวมาทิ ลิงฺคิกํ. เตวิชฺโช ฉฬภิฺโติ เอวมาทิ เนมิตฺติกํ. สิริวฑฺฒโก ธนวฑฺฒโกติ เอวมาทิ วจนตฺถํ อนเปกฺขิตฺวา ปวตฺตํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ. อิทํ ปน ภควาติ นามํ เนมิตฺติกํ, น มหามายาย, น สุทฺโธทนมหาราเชน, น อสีติยา าติสหสฺเสหิ กตํ, น สกฺกสนฺตุสิตาทีหิ เทวตาวิเสเสหิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ธมฺมเสนาปตินา ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ…เป… วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ ภควา’’ติ (มหานิ. ๘๔).

๑๔๓. ยํคุณเนมิตฺติกฺเจตํ นามํ, เตสํ คุณานํ ปกาสนตฺถํ อิมํ คาถํ วทนฺติ –

‘‘ภคี ภชี ภาคิ วิภตฺตวา อิติ,

อกาสิ ภคฺคนฺติ ครูติ ภาคฺยวา;

พหูหิ าเยหิ สุภาวิตตฺตโน,

ภวนฺตโค โส ภควาติ วุจฺจตี’’ติ. –

นิทฺเทเส (มหานิ. ๘๔) วุตฺตนเยเนว เจตฺถ เตสํ เตสํ ปทานํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๑๔๔. อยํ ปน อปโร นโย.

ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;

ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโตติ.

ตตฺถ วณฺณาคโม วณฺณวิปริยโยติอาทิกํ นิรุตฺติลกฺขณํ คเหตฺวา สทฺทนเยน วา ปิโสทราทิปกฺเขปลกฺขณํ คเหตฺวา ยสฺมา โลกิยโลกุตฺตรสุขาภินิพฺพตฺตกํ ทานสีลาทิปารปฺปตฺตํ ภาคฺยมสฺส อตฺถิ, ตสฺมา ภาคฺยวาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจตีติ าตพฺพํ.

ยสฺมา ปน อหิริกาโนตฺตปฺปโกธูปนาหมกฺขปฬาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปมาทตณฺหาอวิชฺชา- ติวิธากุสลมูลทุจฺจริตสํกิเลสมลวิสมสฺาวิตกฺกปปฺจจตุพฺพิธวิปริเยส- อาสวคนฺถโอฆโยคอคติตณฺหุปฺปาทุปาทานปฺจเจโตขีลวินิพนฺธนีวรณาภินนฺทนา- ฉวิวาทมูลตณฺหากายสตฺตานุสยอฏฺมิจฺฉตฺตนวตณฺหามูลกทสากุสลกมฺมปถทฺวาสฏฺิทิฏฺิคต- อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภทสพฺพทรถปริฬาหกิเลสสตสหสฺสานิ, สงฺเขปโต วา ปฺจ กิเลสขนฺธอภิสงฺขารเทวปุตฺตมจฺจุมาเร อภฺชิ. ตสฺมา ภคฺคตฺตา เอเตสํ ปริสฺสยานํ ภคฺควาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ. อาห เจตฺถ –

‘‘ภคฺคราโค ภคฺคโทโส, ภคฺคโมโห อนาสโว;

ภคฺคาสฺส ปาปกา ธมฺมา, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.

ภาคฺยวตาย จสฺส สตปุฺลกฺขณธรสฺส รูปกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ. ภคฺคโทสตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติ. ตถา โลกิยสริกฺขกานํ พหุมตภาโว, คหฏฺปพฺพชิเตหิ อภิคมนียตา, อภิคตานฺจ เนสํ กายจิตฺตทุกฺขาปนยเน ปฏิพลภาโว, อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการิตา, โลกิยโลกุตฺตรสุเขหิ จ สํโยชนสมตฺถตา ทีปิตา โหติ.

ยสฺมา จ โลเก อิสฺสริยธมฺมยสสิริกามปยตฺเตสุ ฉสุ ธมฺเมสุ ภคสทฺโท ปวตฺตติ, ปรมฺจสฺส สกจิตฺเต อิสฺสริยํ, อณิมาลงฺฆิมาทิกํ วา โลกิยสมฺมตํ สพฺพาการปริปูรํ อตฺถิ. ตถา โลกุตฺตโร ธมฺโม. โลกตฺตยพฺยาปโก ยถาภุจฺจคุณาธิคโต อติวิย ปริสุทฺโธ ยโส. รูปกายทสฺสนพฺยาวฏชนนยนปฺปสาทชนนสมตฺถา สพฺพาการปริปูรา สพฺพงฺคปจฺจงฺคสิรี. ยํ ยํ เอเตน อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ อตฺตหิตํ ปรหิตํ วา, ตสฺส ตสฺส ตเถว อภินิปฺผนฺนตฺตา อิจฺฉิตตฺถนิพฺพตฺติสฺิโต กาโม. สพฺพโลกครุภาวปฺปตฺติเหตุภูโต สมฺมาวายามสงฺขาโต ปยตฺโต จ อตฺถิ. ตสฺมา อิเมหิ ภเคหิ ยุตฺตตฺตาปิ ภคา อสฺส สนฺตีติ อิมินา อตฺเถน ภควาติ วุจฺจติ.

ยสฺมา ปน กุสลาทีหิ เภเทหิ สพฺพธมฺเม, ขนฺธายตนธาตุสจฺจอินฺทฺริยปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีหิ วา กุสลาทิธมฺเม, ปีฬนสงฺขตสนฺตาปวิปริณามฏฺเน วา ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อายูหนนิทานสํโยคปลิโพธฏฺเน สมุทยํ, นิสฺสรณวิเวกาสงฺขตอมตฏฺเน นิโรธํ, นิยฺยานิกเหตุทสฺสนาธิปเตยฺยฏฺเน มคฺคํ วิภตฺตวา, วิภชิตฺวา วิวริตฺวา เทสิตวาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา วิภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ.

ยสฺมา จ เอส ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเร กายจิตฺตอุปธิวิเวเก สุฺตปฺปณิหิตานิมิตฺตวิโมกฺเข อฺเ จ โลกิยโลกุตฺตเร อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม ภชิ เสวิ พหุลํ อกาสิ, ตสฺมา ภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ.

ยสฺมา ปน ตีสุ ภเวสุ ตณฺหาสงฺขาตํ คมนํ อเนน วนฺตํ, ตสฺมา ภเวสุ วนฺตคมโนติ วตฺตพฺเพ ภวสทฺทโต ภการํ คมนสทฺทโต คการํ วนฺตสทฺทโต วการฺจ ทีฆํ กตฺวา อาทาย ภควาติ วุจฺจติ ยถา โลเก เมหนสฺส ขสฺส มาลาติ วตฺตพฺเพ เมขลาติ.

๑๔๕. ตสฺเสวํ อิมินา จ อิมินา จ การเณน โส ภควา อรหํ…เป… อิมินา จ อิมินา จ การเณน ภควาติ พุทฺธคุเณ อนุสฺสรโต เนว ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตมารพฺภ (อ. นิ. ๖.๑๐). อิจฺจสฺส เอวํ ราคาทิปริยุฏฺานาภาเวน วิกฺขมฺภิตนีวรณสฺส กมฺมฏฺานาภิมุขตาย อุชุคตจิตฺตสฺส พุทฺธคุณโปณา วิตกฺกวิจารา ปวตฺตนฺติ. พุทฺธคุเณ อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต ปีติ อุปฺปชฺชติ. ปีติมนสฺส ปีติปทฏฺานาย ปสฺสทฺธิยา กายจิตฺตทรถา ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ. ปสฺสทฺธทรถสฺส กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ สุขํ อุปฺปชฺชติ. สุขิโน พุทฺธคุณารมฺมณํ หุตฺวา จิตฺตํ สมาธิยตีติ อนุกฺกเมน เอกกฺขเณ ฌานงฺคานิ อุปฺปชฺชนฺติ. พุทฺธคุณานํ ปน คมฺภีรตาย นานปฺปการคุณานุสฺสรณาธิมุตฺตตาย วา อปฺปนํ อปฺปตฺวา อุปจารปฺปตฺตเมว ฌานํ โหติ. ตเทตํ พุทฺธคุณานุสฺสรณวเสน อุปฺปนฺนตฺตา พุทฺธานุสฺสติจฺเจว สงฺขํ คจฺฉติ.

อิมฺจ ปน พุทฺธานุสฺสตึ อนุยุตฺโต ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว โหติ สปฺปติสฺโส, สทฺธาเวปุลฺลํ สติเวปุลฺลํ ปฺาเวปุลฺลํ ปุฺเวปุลฺลฺจ อธิคจฺฉติ, ปีติปาโมชฺชพหุโล โหติ, ภยเภรวสโห ทุกฺขาธิวาสนสมตฺโถ, สตฺถารา สํวาสสฺํ ปฏิลภติ. พุทฺธคุณานุสฺสติยา อชฺฌาวุตฺถฺจสฺส สรีรมฺปิ เจติยฆรมิว ปูชารหํ โหติ. พุทฺธภูมิยํ จิตฺตํ นมติ. วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุสมาโยเค จสฺส สมฺมุขา สตฺถารํ ปสฺสโต วิย หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาติ. อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต ปน สุคติปรายโน โหติ.

ตสฺมา หเว อปฺปมาทํ, กยิราถ สุเมธโส;

เอวํ มหานุภาวาย, พุทฺธานุสฺสติยา สทาติ.

อิทํ ตาว พุทฺธานุสฺสติยํ วิตฺถารกถามุขํ.

๒. ธมฺมานุสฺสติกถา

๑๔๖. ธมฺมานุสฺสตึ ภาเวตุกาเมนาปิ รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐) เอวํ ปริยตฺติธมฺมสฺส เจว นววิธสฺส จ โลกุตฺตรธมฺมสฺส คุณา อนุสฺสริตพฺพา.

๑๔๗. สฺวากฺขาโตติ อิมสฺมึ หิ ปเท ปริยตฺติธมฺโมปิ สงฺคหํ คจฺฉติ, อิตเรสุ โลกุตฺตรธมฺโมว. ตตฺถ ปริยตฺติธมฺโม ตาว สฺวากฺขาโต อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณตฺตา สาตฺถสพฺยฺชนเกวลปริปุณฺณปริสุทฺธพฺรหฺมจริยปฺปกาสนตฺตา จ. ยฺหิ ภควา เอกคาถมฺปิ เทเสติ, สา สมนฺตภทฺทกตฺตา ธมฺมสฺส ปมปาเทน อาทิกลฺยาณา, ทุติยตติยปาเทหิ มชฺเฌกลฺยาณา, ปจฺฉิมปาเทน ปริโยสานกลฺยาณา. เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสน มชฺเฌกลฺยาณํ. นานานุสนฺธิกํ สุตฺตํ ปมานุสนฺธินา อาทิกลฺยาณํ, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสหิ มชฺเฌกลฺยาณํ. อปิจ สนิทานสอุปฺปตฺติกตฺตา อาทิกลฺยาณํ, เวเนยฺยานํ อนุรูปโต อตฺถสฺส อวิปรีตตาย จ เหตุทาหรณยุตฺตโต จ มชฺเฌกลฺยาณํ, โสตูนํ สทฺธาปฏิลาภชนเนน นิคมเนน จ ปริโยสานกลฺยาณํ.

สกโลปิ สาสนธมฺโม อตฺตโน อตฺถภูเตน สีเลน อาทิกลฺยาโณ, สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ. สีลสมาธีหิ วา อาทิกลฺยาโณ, วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ. พุทฺธสุโพธิตาย วา อาทิกลฺยาโณ, ธมฺมสุธมฺมตาย มชฺเฌกลฺยาโณ, สงฺฆสุปฺปฏิปฺปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ตํ สุตฺวา ตถตฺถาย ปฏิปนฺเนน อธิคนฺตพฺพาย อภิสมฺโพธิยา วา อาทิกลฺยาโณ, ปจฺเจกโพธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, สาวกโพธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ.

สุยฺยมาโน เจส นีวรณวิกฺขมฺภนโต สวเนนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ อาทิกลฺยาโณ, ปฏิปชฺชิยมาโน สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโต ปฏิปตฺติยาปิ กลฺยาณํ อาวหตีติ มชฺเฌกลฺยาโณ, ตถาปฏิปนฺโน จ ปฏิปตฺติผเล นิฏฺิเต ตาทิภาวาวหนโต ปฏิปตฺติผเลนปิ กลฺยาณํ อาวหตีติ ปริโยสานกลฺยาโณติ เอวํ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณตฺตา สฺวากฺขาโต.

ยํ ปเนส ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ ปกาเสติ นานานเยหิ ทีเปติ, ตํ ยถานุรูปํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ, อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถํ, ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชนํ. อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต สาตฺถํ, ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชนํ. ปณฺฑิตเวทนียโต ปริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ สาตฺถํ, สทฺเธยฺยโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนํ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถํ, อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนํ. อุปเนตพฺพสฺส อภาวโต สกลปริปุณฺณภาเวน เกวลปริปุณฺณํ. อปเนตพฺพสฺส อภาวโต นิทฺโทสภาเวน ปริสุทฺธํ.

อปิจ ปฏิปตฺติยา อธิคมพฺยตฺติโต สาตฺถํ, ปริยตฺติยา อาคมพฺยตฺติโต สพฺยฺชนํ, สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธยุตฺตโต เกวลปริปุณฺณํ, นิรุปกฺกิเลสโต นิตฺตรณตฺถาย ปวตฺติโต โลกามิสนิรเปกฺขโต จ ปริสุทฺธนฺติ เอวํ สาตฺถสพฺยฺชนเกวลปริปุณฺณปริสุทฺธพฺรหฺมจริยปฺปกาสนโต สฺวากฺขาโต.

อตฺถวิปลฺลาสาภาวโต วา สุฏฺุ อกฺขาโตติ สฺวากฺขาโต. ยถา หิ อฺติตฺถิยานํ ธมฺมสฺส อตฺโถ วิปลฺลาสมาปชฺชติ, อนฺตรายิกาติ วุตฺตธมฺมานํ อนฺตรายิกตฺตาภาวโต, นิยฺยานิกาติ วุตฺตธมฺมานํ นิยฺยานิกตฺตาภาวโต. เตน เต ทุรกฺขาตธมฺมาเยว โหนฺติ, น ตถา ภควโต ธมฺมสฺส อตฺโถ วิปลฺลาสมาปชฺชติ. อิเม ธมฺมา อนฺตรายิกา, อิเม ธมฺมา นิยฺยานิกาติ เอวํ วุตฺตธมฺมานํ ตถาภาวานติกฺกมนโตติ. เอวํ ตาว ปริยตฺติธมฺโม สฺวากฺขาโต.

โลกุตฺตรธมฺโม ปน นิพฺพานานุรูปาย ปฏิปตฺติยา ปฏิปทานุรูปสฺส จ นิพฺพานสฺส อกฺขาตตฺตา สฺวากฺขาโต. ยถาห – ‘‘สุปฺตฺตา โข ปน เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา สํสนฺทติ นิพฺพานฺจ ปฏิปทา จ. เสยฺยถาปิ นาม คงฺโคทกํ ยมุโนทเกน สํสนฺทติ สเมติ, เอวเมว สุปฺตฺตา (ที. นิ. ๒.๒๙๖) เตน ภควตา สาวกานํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา สํสนฺทติ นิพฺพานฺจ ปฏิปทา จา’’ติ. อริยมคฺโค เจตฺถ อนฺตทฺวยํ อนุปคมฺม มชฺฌิมา ปฏิปทาภูโตว ‘‘มชฺฌิมา ปฏิปทา’’ติ อกฺขาตตฺตา สฺวากฺขาโต. สามฺผลานิ ปฏิปสฺสทฺธกิเลสาเนว ‘‘ปฏิปสฺสทฺธกิเลสานี’’ติ อกฺขาตตฺตา สฺวากฺขาตานิ. นิพฺพานํ สสฺสตามตตาณเลณาทิสภาวเมว สสฺสตาทิสภาววเสน อกฺขาตตฺตา สฺวากฺขาตนฺติ เอวํ โลกุตฺตรธมฺโมปิ สฺวากฺขาโต.

๑๔๘. สนฺทิฏฺิโกติ เอตฺถ ปน อริยมคฺโค ตาว อตฺตโน สนฺตาเน ราคาทีนํ อภาวํ กโรนฺเตน อริยปุคฺคเลน สามํ ทฏฺพฺโพติ สนฺทิฏฺิโก. ยถาห –‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทิณฺณจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ. เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. ราเค ปหีเน เนว อตฺตพฺยาพาธาย เจเตติ, น ปรพฺยาพาธาย เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธาย เจเตติ, น เจตสิกํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. เอวมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, สนฺทิฏฺิโก ธมฺโม โหตี’’ติ(อ. นิ. ๓.๕๔). อปิจ นววิโธปิ โลกุตฺตรธมฺโม เยน เยน อธิคโต โหติ, เตน เตน ปรสทฺธาย คนฺตพฺพตํ หิตฺวา ปจฺจเวกฺขณาเณน สยํ ทฏฺพฺโพติ สนฺทิฏฺิโก. อถ วา ปสตฺถา ทิฏฺิ สนฺทิฏฺิ, สนฺทิฏฺิยา ชยตีติ สนฺทิฏฺิโก. ตถา เหตฺถ อริยมคฺโค สมฺปยุตฺตาย, อริยผลํ การณภูตาย, นิพฺพานํ วิสยิภูตาย สนฺทิฏฺิยา กิเลเส ชยติ. ตสฺมา ยถา รเถน ชยตีติ รถิโก, เอวํ นววิโธปิ โลกุตฺตรธมฺโม สนฺทิฏฺิยา ชยตีติ สนฺทิฏฺิโก.

อถ วา ทิฏฺนฺติ ทสฺสนํ วุจฺจติ. ทิฏฺเมว สนฺทิฏฺํ, ทสฺสนนฺติ อตฺโถ. สนฺทิฏฺํ อรหตีติ สนฺทิฏฺิโก. โลกุตฺตรธมฺโม หิ ภาวนาภิสมยวเสน สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน จ ทิสฺสมาโนเยว วฏฺฏภยํ นิวตฺเตติ. ตสฺมา ยถา วตฺถํ อรหตีติ วตฺถิโก, เอวํ สนฺทิฏฺํ อรหตีติ สนฺทิฏฺิโก.

๑๔๙. อตฺตโน ผลทานํ สนฺธาย นาสฺส กาโลติ อกาโล. อกาโลเยว อกาลิโก. น ปฺจาหสตฺตาหาทิเภทํ กาลํ เขเปตฺวา ผลํ เทติ, อตฺตโน ปน ปวตฺติสมนนฺตรเมว ผลโทติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อตฺตโน ผลทาเน ปกฏฺโ กาโล ปตฺโต อสฺสาติ กาลิโก. โก โส? โลกิโย กุสลธมฺโม. อยํ ปน สมนนฺตรผลตฺตา น กาลิโกติ อกาลิโก. อิทํ มคฺคเมว สนฺธาย วุตฺตํ.

๑๕๐. ‘‘เอหิ ปสฺส อิมํ ธมฺม’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ เอหิปสฺสวิธึ อรหตีติ เอหิปสฺสิโก. กสฺมา ปเนส ตํ วิธึ อรหตีติ? วิชฺชมานตฺตา ปริสุทฺธตฺตา จ. ริตฺตมุฏฺิยํ หิ หิรฺํ วา สุวณฺณํ วา อตฺถีติ วตฺวาปิ ‘‘เอหิ ปสฺส อิม’’นฺติ น สกฺกา วตฺตุํ. กสฺมา? อวิชฺชมานตฺตา. วิชฺชมานมฺปิ จ คูถํ วา มุตฺตํ วา มนุฺภาวปฺปกาสเนน จิตฺตสมฺปหํสนตฺถํ ‘‘เอหิ ปสฺส อิม’’นฺติ น สกฺกา วตฺตุํ. อปิจ โข ปน ติเณหิ วา ปณฺเณหิ วา ปฏิจฺฉาเทตพฺพเมว โหติ. กสฺมา? อปริสุทฺธตฺตา. อยํ ปน นววิโธปิ โลกุตฺตรธมฺโม สภาวโตว วิชฺชมาโน วิคตวลาหเก อากาเส สมฺปุณฺณจนฺทมณฺฑลํ วิย ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺตชาติมณิ วิย จ ปริสุทฺโธ. ตสฺมา วิชฺชมานตฺตา ปริสุทฺธตฺตา จ เอหิปสฺสวิธึ อรหตีติ เอหิปสฺสิโก.

๑๕๑. อุปเนตพฺโพติ โอปเนยฺยิโก. อยํ ปเนตฺถ วินิจฺฉโย, อุปนยนํ อุปนโย, อาทิตฺตํ เจลํ วา สีสํ วา อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ภาวนาวเสน อตฺตโน จิตฺเต อุปนยนํ อรหตีติ โอปนยิโก. โอปนยิโกว โอปเนยฺยิโก. อิทํ สงฺขเต โลกุตฺตรธมฺเม ยุชฺชติ. อสงฺขเต ปน อตฺตโน จิตฺเตน อุปนยนํ อรหตีติ โอปเนยฺยิโก. สจฺฉิกิริยาวเสน อลฺลียนํ อรหตีติ อตฺโถ.

อถ วา นิพฺพานํ อุปเนตีติ อริยมคฺโค อุปเนยฺโย. สจฺฉิกาตพฺพตํ อุปเนตพฺโพติ ผลนิพฺพานธมฺโม อุปเนยฺโย. อุปเนยฺโย เอว โอปเนยฺยิโก.

๑๕๒. ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหีติ สพฺเพหิปิ อุคฺฆฏิตฺูอาทีหิ วิฺูหิ อตฺตนิ อตฺตนิ เวทิตพฺโพ ‘‘ภาวิโต เม มคฺโค, อธิคตํ ผลํ, สจฺฉิกโต นิโรโธ’’ติ. น หิ อุปชฺฌาเยน ภาวิเตน มคฺเคน สทฺธิวิหาริกสฺส กิเลสา ปหียนฺติ, น โส ตสฺส ผลสมาปตฺติยา ผาสุวิหรติ, น เตน สจฺฉิกตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติ. ตสฺมา น เอส ปรสฺส สีเส อาภรณํ วิย ทฏฺพฺโพ, อตฺตโน ปน จิตฺเตเยว ทฏฺพฺโพ, อนุภวิตพฺโพ วิฺูหีติ วุตฺตํ โหติ. พาลานํ ปน อวิสโย เจส.

อปิจ สฺวากฺขาโต อยํ ธมฺโม. กสฺมา? สนฺทิฏฺิกตฺตา. สนฺทิฏฺิโก, อกาลิกตฺตา. อกาลิโก, เอหิปสฺสิกตฺตา. โย จ เอหิปสฺสิโก, โส นาม โอปเนยฺยิโก โหตีติ.

๑๕๓. ตสฺเสวํ สฺวากฺขาตตาทิเภเท ธมฺมคุเณ อนุสฺสรโต เนว ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ธมฺมํ อารพฺภาติ (อ. นิ. ๖.๑๐) ปุริมนเยเนว วิกฺขมฺภิตนีวรณสฺส เอกกฺขเณ ฌานงฺคานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ธมฺมคุณานํ ปน คมฺภีรตาย นานปฺปการคุณานุสฺสรณาธิมุตฺตตาย วา อปฺปนํ อปฺปตฺวา อุปจารปฺปตฺตเมว ฌานํ โหติ. ตเทตํ ธมฺมคุณานุสฺสรณวเสน อุปฺปนฺนตฺตา ธมฺมานุสฺสติจฺเจว สงฺขํ คจฺฉติ.

อิมฺจ ปน ธมฺมานุสฺสตึ อนุยุตฺโต ภิกฺขุ เอวํ โอปเนยฺยิกสฺส ธมฺมสฺส เทเสตารํ อิมินาปงฺเคน สมนฺนาคตํ สตฺถารํ เนว อตีตํเส สมนุปสฺสามิ, น ปเนตรหิ อฺตฺร เตน ภควตาติ เอวํ ธมฺมคุณทสฺสเนเนว สตฺถริ สคารโว โหติ สปฺปติสฺโส. ธมฺเม ครุจิตฺตีกาโร สทฺธาทิเวปุลฺลํ อธิคจฺฉติ, ปีติปาโมชฺชพหุโล โหติ, ภยเภรวสโห, ทุกฺขาธิวาสนสมตฺโถ, ธมฺเมน สํวาสสฺํ ปฏิลภติ, ธมฺมคุณานุสฺสติยา อชฺฌาวุตฺถฺจสฺส สรีรมฺปิ เจติยฆรมิว ปูชารหํ โหติ, อนุตฺตรธมฺมาธิคมาย จิตฺตํ นมติ, วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุสมาโยเค จสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ สมนุสฺสรโต หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาติ. อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต ปน สุคติปรายโน โหติ.

ตสฺมา หเว อปฺปมาทํ, กยิราถ สุเมธโส;

เอวํ มหานุภาวาย, ธมฺมานุสฺสติยา สทาติ.

อิทํ ธมฺมานุสฺสติยํ วิตฺถารกถามุขํ.

๓. สงฺฆานุสฺสติกถา

๑๕๔. สงฺฆานุสฺสตึ ภาเวตุกาเมนาปิ รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย, ปาหุเนยฺโย, ทกฺขิเณยฺโย, อฺชลิกรณีโย, อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐) เอวํ อริยสงฺฆคุณา อนุสฺสริตพฺพา.

๑๕๕. ตตฺถ สุปฺปฏิปนฺโนติ สุฏฺุ ปฏิปนฺโน, สมฺมาปฏิปทํ อนิวตฺติปฏิปทํ อนุโลมปฏิปทํ อปจฺจนีกปฏิปทํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปทํ ปฏิปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. ภควโต โอวาทานุสาสนึ สกฺกจฺจํ สุณนฺตีติ สาวกา. สาวกานํ สงฺโฆ สาวกสงฺโฆ, สีลทิฏฺิสามฺตาย สงฺฆาตภาวมาปนฺโน สาวกสมูโหติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน สา สมฺมาปฏิปทา อุชุ อวงฺกา อกุฏิลา อชิมฺหา, อริโย จ าโยติปิ วุจฺจติ, อนุจฺฉวิกตฺตา จ สามีจีติปิ สงฺขํ คตา. ตสฺมา ตมฺปฏิปนฺโน อริยสงฺโฆ อุชุปฺปฏิปนฺโน ายปฺปฏิปนฺโน สามีจิปฺปฏิปนฺโนติปิ วุตฺโต.

เอตฺถ จ เย มคฺคฏฺา, เต สมฺมาปฏิปตฺติสมงฺคิตาย สุปฺปฏิปนฺนา. เย ผลฏฺา, เต สมฺมาปฏิปทาย อธิคนฺตพฺพสฺส อธิคตตฺตา อตีตํ ปฏิปทํ สนฺธาย สุปฺปฏิปนฺนาติ เวทิตพฺพา.

อปิจ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ยถานุสิฏฺํ ปฏิปนฺนตฺตาปิ อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺนตฺตาปิ สุปฺปฏิปนฺโน.

มชฺฌิมาย ปฏิปทาย อนฺตทฺวยมนุปคมฺม ปฏิปนฺนตฺตา กายวจีมโนวงฺกกุฏิลชิมฺหโทสปฺปหานาย ปฏิปนฺนตฺตา จ อุชุปฺปฏิปนฺนตฺตา จ อุชุปฺปฏิปนฺโน.

าโย วุจฺจติ นิพฺพานํ. ตทตฺถาย ปฏิปนฺนตฺตา ายปฺปฏิปนฺโน.

ยถา ปฏิปนฺนา สามีจิปฺปฏิปนฺนารหา โหนฺติ, ตถา ปฏิปนฺนตฺตา สามีจิปฺปฏิปนฺโน.

๑๕๖. ยทิทนฺติ ยานิ อิมานิ. จตฺตาริ ปุริสยุคานีติ ยุคฬวเสน ปมมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ อิทเมกํ ยุคฬนฺติ เอวํ จตฺตาริ ปุริสยุคฬานิ โหนฺติ. อฏฺ ปุริสปุคฺคลาติ ปุริสปุคฺคลวเสน เอโก ปมมคฺคฏฺโ เอโก ผลฏฺโติ อิมินา นเยน อฏฺเว ปุริสปุคฺคลา โหนฺติ. เอตฺถ จ ปุริโสติ วา ปุคฺคโลติ วา เอกตฺถานิ เอตานิ ปทานิ. เวเนยฺยวเสน ปเนตํ วุตฺตํ. เอส ภควโต สาวกสงฺโฆติ ยานิมานิ ยุควเสน จตฺตาริ ปุริสยุคานิ, ปาฏิเอกฺกโต อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ, อาหุเนยฺโยติอาทีสุ อาเนตฺวา หุนิตพฺพนฺติ อาหุนํ, ทูรโตปิ อาเนตฺวา สีลวนฺเตสุ ทาตพฺพนฺติ อตฺโถ. จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตมธิวจนํ. ตํ อาหุนํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโต ตสฺส มหปฺผลกรณโตติ อาหุเนยฺโย. อถ วา ทูรโตปิ อาคนฺตฺวา สพฺพสาปเตยฺยมฺปิ เอตฺถ หุนิตพฺพนฺติ อาหวนีโย. สกฺกาทีนมฺปิ วา อาหวนํ อรหตีติ อาหวนีโย. โย จายํ พฺราหฺมณานํ อาหวนีโย นาม อคฺคิ, ยตฺถ หุตํ มหปฺผลนฺติ เตสํ ลทฺธิ. สเจ หุตสฺส มหปฺผลตาย อาหวนีโย, สงฺโฆว อาหวนีโย. สงฺเฆ หุตฺหิ มหปฺผลํ โหติ. ยถาห –

‘‘โย จ วสฺสสตํ ชนฺตุ, อคฺคึ ปริจเร วเน;

เอกฺจ ภาวิตตฺตานํ, มุหุตฺตมปิ ปูชเย;

สาเยว ปูชนา เสยฺโย, ยฺเจ วสฺสสตํ หุต’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๐๗);

ตเทตํ นิกายนฺตเร อาหวนีโยติ ปทํ อิธ อาหุเนยฺโยติ อิมินา ปเทน อตฺถโต เอกํ. พฺยฺชนโต ปเนตฺถ กิฺจิมตฺตเมว นานํ. อิติ อาหุเนยฺโย.

ปาหุเนยฺโยติ เอตฺถ ปน ปาหุนํ วุจฺจติ ทิสาวิทิสโต อาคตานํ ปิยมนาปานํ าติมิตฺตานมตฺถาย สกฺกาเรน ปฏิยตฺตํ อาคนฺตุกทานํ. ตมฺปิ เปตฺวา เต ตถารูเป ปาหุนเก สงฺฆสฺเสว ทาตุํ ยุตฺตํ, สงฺโฆว ตํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโต. สงฺฆสทิโส หิ ปาหุนโก นตฺถิ. ตถา เหส เอกพุทฺธนฺตเร จ ทิสฺสติ, อพฺโพกิณฺณฺจ ปิยมนาปตฺตกเรหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโตติ. เอวํ ปาหุนมสฺส ทาตุํ ยุตฺตํ ปาหุนฺจ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ ปาหุเนยฺโย. เยสํ ปน ปาหวนีโยติ ปาฬิ, เตสํ ยสฺมา สงฺโฆ ปุพฺพการมรหติ, ตสฺมา สพฺพปมํ อาเนตฺวา เอตฺถ หุนิตพฺพนฺติ ปาหวนีโย. สพฺพปฺปกาเรน วา อาหวนมรหตีติ ปาหวนีโย. สฺวายมิธ เตเนว อตฺเถน ปาหุเนยฺโยติ วุจฺจติ.

ทกฺขิณาติ ปน ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพทานํ วุจฺจติ. ตํ ทกฺขิณํ อรหติ, ทกฺขิณาย วา หิโต ยสฺมา นํ มหปฺผลกรณตาย วิโสเธตีติ ทกฺขิเณยฺโย.

อุโภ หตฺเถ สิรสฺมึ ปติฏฺเปตฺวา สพฺพโลเกน กยิรมานํ อฺชลิกมฺมํ อรหตีติ อฺชลิกรณีโย.

อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ สพฺพโลกสฺส อสทิสํ ปุฺวิรูหนฏฺานํ. ยถา หิ รฺโ วา อมจฺจสฺส วา สาลีนํ วา ยวานํ วา วิรูหนฏฺานํ รฺโ สาลิกฺเขตฺตํ รฺโ ยวกฺเขตฺตนฺติ วุจฺจติ, เอวํ สงฺโฆ สพฺพโลกสฺส ปุฺานํ วิรูหนฏฺานํ. สงฺฆํ นิสฺสาย หิ โลกสฺส นานปฺปการหิตสุขสํวตฺตนิกานิ ปุฺานิ วิรูหนฺติ. ตสฺมา สงฺโฆ อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ.

๑๕๗. เอวํ สุปฺปฏิปนฺนตาทิเภเท สงฺฆคุเณ อนุสฺสรโต เนว ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ สงฺฆํ อารพฺภาติ (อ. นิ. ๖.๑๐) ปุริมนเยเนว วิกฺขมฺภิตนีวรณสฺส เอกกฺขเณ ฌานงฺคานิ อุปฺปชฺชนฺติ. สงฺฆคุณานํ ปน คมฺภีรตาย นานปฺปการคุณานุสฺสรณาธิมุตฺตตาย วา อปฺปนํ อปฺปตฺวา อุปจารปฺปตฺตเมว ฌานํ โหติ. ตเทตํ สงฺฆคุณานุสฺสรณวเสน อุปฺปนฺนตฺตา สงฺฆานุสฺสติจฺเจว สงฺขํ คจฺฉติ.

อิมฺจ ปน สงฺฆานุสฺสตึ อนุยุตฺโต ภิกฺขุ สงฺเฆ สคารโว โหติ สปฺปติสฺโส. สทฺธาทิเวปุลฺลํ อธิคจฺฉติ, ปีติปาโมชฺชพหุโล โหติ, ภยเภรวสโห, ทุกฺขาธิวาสนสมตฺโถ, สงฺเฆน สํวาสสฺํ ปฏิลภติ. สงฺฆคุณานุสฺสติยา อชฺฌาวุตฺถฺจสฺส สรีรํ สนฺนิปติตสงฺฆมิว อุโปสถาคารํ ปูชารหํ โหติ, สงฺฆคุณาธิคมาย จิตฺตํ นมติ, วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุสมาโยเค จสฺส สมฺมุขา สงฺฆํ ปสฺสโต วิย หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาติ, อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต ปน สุคติปรายโน โหติ.

ตสฺมา หเว อปฺปมาทํ, กยิราถ สุเมธโส;

เอวํ มหานุภาวาย, สงฺฆานุสฺสติยา สทาติ.

อิทํ สงฺฆานุสฺสติยํ วิตฺถารกถามุขํ.

๔. สีลานุสฺสติกถา

๑๕๘. สีลานุสฺสตึ ภาเวตุกาเมน ปน รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ‘‘อโห วต เม สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐) เอวํ อขณฺฑตาทิคุณวเสน อตฺตโน สีลานิ อนุสฺสริตพฺพานิ. ตานิ จ คหฏฺเน คหฏฺสีลานิ, ปพฺพชิเตน ปพฺพชิตสีลานิ.

คหฏฺสีลานิ วา โหนฺตุ ปพฺพชิตสีลานิ วา, เยสํ อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา เอกมฺปิ น ภินฺนํ, ตานิ ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิย น ขณฺฑานีติ อขณฺฑานิ. เยสํ เวมชฺเฌ เอกมฺปิ น ภินฺนํ, ตานิ มชฺเฌ วินิวิทฺธสาฏโก วิย น ฉิทฺทานีติ อจฺฉิทฺทานิ. เยสํ ปฏิปาฏิยา ทฺเว วา ตีณิ วา น ภินฺนานิ, ตานิ ปิฏฺิยา วา กุจฺฉิยา วา อุฏฺิเตน ทีฆวฏฺฏาทิสณฺาเนน วิสภาควณฺเณน กาฬรตฺตาทีนํ อฺตรสรีรวณฺณา คาวี วิย น สพลานีติ อสพลานิ. ยานิ อนฺตรนฺตรา น ภินฺนานิ, ตานิ วิสภาคพินฺทุวิจิตฺรา คาวี วิย น กมฺมาสานีติ อกมฺมาสานิ. อวิเสเสน วา สพฺพานิปิ สตฺตวิเธน เมถุนสํโยเคน โกธุปนาหาทีหิ จ ปาปธมฺเมหิ อนุปหตตฺตา อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ. ตานิเยว ตณฺหาทาสพฺยโต โมเจตฺวา ภุชิสฺสภาวกรเณน ภุชิสฺสานิ. พุทฺธาทีหิ วิฺูหิ ปสตฺถตฺตา วิฺุปฺปสตฺถานิ. ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตาย เกนจิ วา อยํ เต สีเลสุ โทโสติ เอวํ ปรามฏฺุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อปรามฏฺานิ. อุปจารสมาธึ อปฺปนาสมาธึ วา, อถ วา ปน มคฺคสมาธึ ผลสมาธิฺจาปิ สํวตฺเตนฺตีติ สมาธิสํวตฺตนิกานิ.

๑๕๙. เอวํ อขณฺฑตาทิคุณวเสน อตฺตโน สีลานิ อนุสฺสรโต เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ, สีลํ อารพฺภาติ ปุริมนเยเนว วิกฺขมฺภิตนีวรณสฺส เอกกฺขเณ ฌานงฺคานิ อุปฺปชฺชนฺติ. สีลคุณานํ ปน คมฺภีรตาย นานปฺปการคุณานุสฺสรณาธิมุตฺตตาย วา อปฺปนํ อปฺปตฺวา อุปจารปฺปตฺตเมว ฌานํ โหติ. ตเทตํ สีลคุณานุสฺสรณวเสน อุปฺปนฺนตฺตา สีลานุสฺสติจฺเจว สงฺขํ คจฺฉติ.

อิมฺจ ปน สีลานุสฺสตึ อนุยุตฺโต ภิกฺขุ สิกฺขาย สคารโว โหติ สภาควุตฺติ, ปฏิสนฺถาเร อปฺปมตฺโต, อตฺตานุวาทาทิภยวิรหิโต, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สทฺธาทิเวปุลฺลํ อธิคจฺฉติ, ปีติปาโมชฺชพหุโล โหติ. อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต ปน สุคติปรายโน โหติ.

ตสฺมา หเว อปฺปมาทํ, กยิราถ สุเมธโส;

เอวํ มหานุภาวาย, สีลานุสฺสติยา สทาติ.

อิทํ สีลานุสฺสติยํ วิตฺถารกถามุขํ.

๕. จาคานุสฺสติกถา

๑๖๐. จาคานุสฺสตึ ภาเวตุกาเมน ปน ปกติยา จาคาธิมุตฺเตน นิจฺจปฺปวตฺตทานสํวิภาเคน ภวิตพฺพํ. อถ วา ปน ภาวนํ อารภนฺเตน อิโต ทานิ ปภุติ สติ ปฏิคฺคาหเก อนฺตมโส เอกาโลปมตฺตมฺปิ ทานํ อทตฺวา น ภุฺชิสฺสามีติ สมาทานํ กตฺวา ตํทิวสํ คุณวิสิฏฺเสุ ปฏิคฺคาหเกสุ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ทานํ ทตฺวา ตตฺถ นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวา รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ‘‘ลาภา วต เม สุลทฺธํ วต เม, โยหํ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตาย ปชาย วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสา วิหรามิ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต’’ติ เอวํ วิคตมลมจฺเฉรตาทิคุณวเสน อตฺตโน จาโค อนุสฺสริตพฺโพ.

ตตฺถ ลาภา วต เมติ มยฺหํ วต ลาภา, เย อิเม ‘‘อายุํ โข ปน ทตฺวา อายุสฺส ภาคี โหติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา’’ อิติ (อ. นิ. ๕.๓๗) จ, ‘‘ททํ ปิโย โหติ ภชนฺติ นํ พหู’’ อิติ (อ. นิ. ๕.๓๔) จ, ‘‘ททมาโน ปิโย โหติ, สตํ ธมฺมํ อนุกฺกมํ’’ อิติ (อ. นิ. ๕.๓๕) จ เอวมาทีหิ นเยหิ ภควตา ทายกสฺส ลาภา สํวณฺณิตา, เต มยฺหํ อวสฺสํ ภาคิโนติ อธิปฺปาโย. สุลทฺธํ วต เมติ ยํ มยา อิทํ สาสนํ มนุสฺสตฺตํ วา ลทฺธํ, ตํ สุลทฺธํ วต เม. กสฺมา? โยหํ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตาย ปชาย…เป… ทานสํวิภาครโตติ.

ตตฺถ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตายาติ มจฺเฉรมเลน อภิภูตาย. ปชายาติ ปชายนวเสน สตฺตา วุจฺจนฺติ. ตสฺมา อตฺตโน สมฺปตฺตีนํ ปรสาธารณภาวมสหนลกฺขเณน จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวทูสกานํ กณฺหธมฺมานํ อฺตเรน มจฺเฉรมเลน อภิภูเตสุ สตฺเตสูติ อยเมตฺถ อตฺโถ. วิคตมลมจฺเฉเรนาติ อฺเสมฺปิ ราคโทสาทิมลานฺเจว มจฺเฉรสฺส จ วิคตตฺตา วิคตมลมจฺเฉเรน. เจตสา วิหรามีติ ยถาวุตฺตปฺปการจิตฺโต หุตฺวา วสามีติ อตฺโถ. สุตฺเตสุ ปน มหานามสกฺกสฺส โสตาปนฺนสฺส สโต นิสฺสยวิหารํ ปุจฺฉโต นิสฺสยวิหารวเสน เทสิตตฺตา อคารํ อชฺฌาวสามีติ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิภวิตฺวา วสามีติ อตฺโถ.

มุตฺตจาโคติ วิสฺสฏฺจาโค. ปยตปาณีติ ปริสุทฺธหตฺโถ. สกฺกจฺจํ สหตฺถา เทยฺยธมฺมํ ทาตุํ สทา โธตหตฺโถเยวาติ วุตฺตํ โหติ. โวสฺสคฺครโตติ โวสฺสชฺชนํ โวสฺสคฺโค, ปริจฺจาโคติ อตฺโถ. ตสฺมึ โวสฺสคฺเค สตตาภิโยควเสน รโตติ โวสฺสคฺครโต. ยาจโยโคติ ยํ ยํ ปเร ยาจนฺติ, ตสฺส ตสฺส ทานโต ยาจนโยโคติ อตฺโถ. ยาชโยโคติปิ ปาโ. ยชนสงฺขาเตน ยาเชน ยุตฺโตติ อตฺโถ. ทานสํวิภาครโตติ ทาเน จ สํวิภาเค จ รโต. อหฺหิ ทานฺจ เทมิ, อตฺตนา ปริภุฺชิตพฺพโตปิ จ สํวิภาคํ กโรมิ, เอตฺเถว จสฺมิ อุภเย รโตติ เอวํ อนุสฺสรตีติ อตฺโถ.

๑๖๑. ตสฺเสวํ วิคตมลมจฺเฉรตาทิคุณวเสน อตฺตโน จาคํ อนุสฺสรโต เนว ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ จาคํ อารพฺภาติ (อ. นิ. ๕.๑๐) ปุริมนเยเนว วิกฺขมฺภิตนีวรณสฺส เอกกฺขเณ ฌานงฺคานิ อุปฺปชฺชนฺติ. จาคคุณานํ ปน คมฺภีรตาย นานปฺปการจาคคุณานุสฺสรณาธิมุตฺตตาย วา อปฺปนํ อปฺปตฺวา อุปจารปฺปตฺตเมว ฌานํ โหติ. ตเทตํ จาคคุณานุสฺสรณวเสน อุปฺปนฺนตฺตา จาคานุสฺสติจฺเจว สงฺขํ คจฺฉติ.

อิมฺจ ปน จาคานุสฺสตึ อนุยุตฺโต ภิกฺขุ ภิยฺโยโส มตฺตาย จาคาธิมุตฺโต โหติ, อโลภชฺฌาสโย, เมตฺตาย อนุโลมการี, วิสารโท, ปีติปาโมชฺชพหุโล, อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต ปน สุคติปรายโน โหติ.

ตสฺมา หเว อปฺปมาทํ, กยิราถ สุเมธโส;

เอวํ มหานุภาวาย, จาคานุสฺสติยา สทาติ.

อิทํ จาคานุสฺสติยํ วิตฺถารกถามุขํ.

๖. เทวตานุสฺสติกถา

๑๖๒. เทวตานุสฺสตึ ภาเวตุกาเมน ปน อริยมคฺควเสน สมุทาคเตหิ สทฺธาทีหิ คุเณหิ สมนฺนาคเตน ภวิตพฺพํ. ตโต รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ‘‘สนฺติ เทวา จาตุมหาราชิกา, สนฺติ เทวา ตาวตึสา, ยามา, ตุสิตา, นิมฺมานรติโน, ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน, สนฺติ เทวา พฺรหฺมกายิกา, สนฺติ เทวา ตตุตฺตริ, ยถารูปาย สทฺธาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถ อุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา สทฺธา สํวิชฺชติ. ยถารูเปน สีเลน. ยถารูเปน สุเตน. ยถารูเปน จาเคน. ยถารูปาย ปฺาย สมนฺนาคตา ตา เทวตา อิโต จุตา ตตฺถ อุปปนฺนา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา ปฺา สํวิชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐) เอวํ เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา อตฺตโน สทฺธาทิคุณา อนุสฺสริตพฺพา.

สุตฺเต ปน ยสฺมึ มหานาม สมเย อริยสาวโก อตฺตโน จ ตาสฺจ เทวตานํ สทฺธฺจ สีลฺจ สุตฺจ จาคฺจ ปฺฺจ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหตีติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ วุตฺตํ, อถ โข ตํ สกฺขิฏฺาเน เปตพฺพเทวตานํ อตฺตโน สทฺธาทีหิ สมานคุณทีปนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อฏฺกถายฺหิ เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา อตฺตโน คุเณ อนุสฺสรตีติ ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตํ.

๑๖๓. ตสฺมา ปุพฺพภาเค เทวตานํ คุเณ อนุสฺสริตฺวา อปรภาเค อตฺตโน สํวิชฺชมาเน สทฺธาทิคุเณ อนุสฺสรโต จสฺส เนว ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ. น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ เทวตา อารพฺภาติ (อ. นิ. ๖.๑๐) ปุริมนเยเนว วิกฺขมฺภิตนีวรณสฺส เอกกฺขเณ ฌานงฺคานิ อุปฺปชฺชนฺติ. สทฺธาทิคุณานํ ปน คมฺภีรตาย นานปฺปการคุณานุสฺสรณาธิมุตฺตตาย วา อปฺปนํ อปฺปตฺวา อุปจารปฺปตฺตเมว ฌานํ โหติ. ตเทตํ เทวตานํ คุณสทิสสทฺธาทิคุณานุสฺสรณวเสน เทวตานุสฺสติจฺเจว สงฺขํ คจฺฉติ.

อิมฺจ ปน เทวตานุสฺสตึ อนุยุตฺโต ภิกฺขุ เทวตานํ ปิโย โหติ มนาโป, ภิยฺโยโส มตฺตาย สทฺธาทิเวปุลฺลํ อธิคจฺฉติ, ปีติปาโมชฺชพหุโล วิหรติ. อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต ปน สุคติปรายโน โหติ.

ตสฺมา หเว อปฺปมาทํ, กยิราถ สุเมธโส;

เอวํ มหานุภาวาย, เทวตานุสฺสติยา สทาติ.

อิทํ เทวตานุสฺสติยํ วิตฺถารกถามุขํ.

ปกิณฺณกกถา

๑๖๔. ยํ ปน เอตาสํ วิตฺถารเทสนายํ ‘‘อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตํ อารพฺภา’’ติอาทีนิ วตฺวา ‘‘อุชุคตจิตฺโต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐) วุตฺตํ, ตตฺถ อิติปิ โส ภควาติอาทีนํ อตฺถํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ ตุฏฺึ สนฺธาย ลภติ อตฺถเวทนฺติ วุตฺตํ. ปาฬึ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ ตุฏฺึ สนฺธาย ลภติ ธมฺมเวทํ. อุภยวเสน ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชนฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ยฺจ เทวตานุสฺสติยํ เทวตา อารพฺภาติ วุตฺตํ, ตํ ปุพฺพภาเค เทวตา อารพฺภ ปวตฺตจิตฺตวเสน เทวตาคุณสทิเส วา เทวตาภาวนิปฺผาทเก คุเณ อารพฺภ ปวตฺตจิตฺตวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๑๖๕. อิมา ปน ฉ อนุสฺสติโย อริยสาวกานฺเว อิชฺฌนฺติ. เตสํ หิ พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณา ปากฏา โหนฺติ. เต จ อขณฺฑตาทิคุเณหิ สีเลหิ, วิคตมลมจฺเฉเรน จาเคน, มหานุภาวานํ เทวตานํ คุณสทิเสหิ สทฺธาทิคุเณหิ สมนฺนาคตา. มหานามสุตฺเต (อ. นิ. ๖.๑๐) จ โสตาปนฺนสฺส นิสฺสยวิหารํ ปุฏฺเน ภควตา โสตาปนฺนสฺส นิสฺสยวิหารทสฺสนตฺถเมว เอตา วิตฺถารโต กถิตา.

เคธสุตฺเตปิ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, อิติปิ โส ภควา…เป… อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ นิกฺขนฺตํ มุตฺตํ วุฏฺิตํ เคธมฺหา. เคโธติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานมธิวจนํ. อิทมฺปิ โข, ภิกฺขเว, อารมฺมณํ กริตฺวา เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๒๕) เอวํ อริยสาวกสฺส อนุสฺสติวเสน จิตฺตํ วิโสเธตฺวา อุตฺตริ ปรมตฺถวิสุทฺธิอธิคมตฺถาย กถิตา.

อายสฺมตา มหากจฺจาเนน เทสิเต สมฺพาโธกาสสุตฺเตปิ ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส, ยาวฺจิทํ เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน สมฺพาเธ โอกาสาธิคโม อนุพุทฺโธ สตฺตานํ วิสุทฺธิยา…เป… นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ. กตมานิ ฉ? อิธาวุโส, อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ…เป… เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา วิสุทฺธิธมฺมา ภวนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๒๖) เอวํ อริยสาวกสฺเสว ปรมตฺถวิสุทฺธิธมฺมตาย โอกาสาธิคมวเสน กถิตา.

อุโปสถสุตฺเตปิ ‘‘กถฺจ, วิสาเข, อริยูโปสโถ โหติ? อุปกฺกิลิฏฺสฺส, วิสาเข, จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ. กถฺจ, วิสาเข, อุปกฺกิลิฏฺสฺส จิตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปริโยทปนา โหติ? อิธ, วิสาเข, อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑) เอวํ อริยสาวกสฺเสว อุโปสถํ อุปวสโต จิตฺตวิโสธนกมฺมฏฺานวเสน อุโปสถสฺส มหปฺผลภาวทสฺสนตฺถํ กถิตา.

เอกาทสนิปาเตปิ ‘‘สทฺโธ โข, มหานาม, อาราธโก โหติ, โน อสฺสทฺโธ. อารทฺธวีริโย, อุปฏฺิตสติ, สมาหิโต, ปฺวา, มหานาม, อาราธโก โหติ, โน ทุปฺปฺโ. อิเมสุ โข ตฺวํ, มหานาม, ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย ฉ ธมฺเม อุตฺตริ ภาเวยฺยาสิ. อิธ ตฺวํ, มหานาม, ตถาคตํ อนุสฺสเรยฺยาสิ อิติปิ โส ภควา’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑๑) เอวํ อริยสาวกสฺเสว ‘‘เตสํ โน, ภนฺเต, นานาวิหาเรน วิหรตํ เกนสฺส วิหาเรน วิหริตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉโต วิหารทสฺสนตฺถํ กถิตา.

๑๖๖. เอวํ สนฺเตปิ ปริสุทฺธสีลาทิคุณสมนฺนาคเตน ปุถุชฺชเนนาปิ มนสิ กาตพฺพา. อนุสฺสววเสนาปิ หิ พุทฺธาทีนํ คุเณ อนุสฺสรโต จิตฺตํ ปสีทติเยว. ยสฺสานุภาเวน นีวรณานิ วิกฺขมฺเภตฺวา อุฬารปาโมชฺโช วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํเยว สจฺฉิกเรยฺย กฏอนฺธการวาสี ผุสฺสเทวตฺเถโร วิย.

โส กิรายสฺมา มาเรน นิมฺมิตํ พุทฺธรูปํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ตาว สราคโทสโมโห เอวํ โสภติ, กถํ นุ โข ภควา น โสภติ, โส หิ สพฺพโส วีตราคโทสโมโห’’ติ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ ปฏิลภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณีติ.

อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค

สมาธิภาวนาธิกาเร

ฉอนุสฺสตินิทฺเทโส นาม

สตฺตโม ปริจฺเฉโท.

๘. อนุสฺสติกมฺมฏฺานนิทฺเทโส

มรณสฺสติกถา

๑๖๗. อิทานิ อิโต อนนฺตราย มรณสฺสติยา ภาวนานิทฺเทโส อนุปฺปตฺโต. ตตฺถ มรณนฺติ เอกภวปริยาปนฺนสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉโท. ยํ ปเนตํ อรหนฺตานํ วฏฺฏทุกฺขสมุจฺเฉทสงฺขาตํ สมุจฺเฉทมรณํ, สงฺขารานํ ขณภงฺคสงฺขาตํ ขณิกมรณํ, รุกฺโข มโต โลหํ มตนฺติอาทีสุ สมฺมุติมรณฺจ, น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ.

ยมฺปิ เจตํ อธิปฺเปตํ, ตํ กาลมรณํ อกาลมรณนฺติ ทุวิธํ โหติ. ตตฺถ กาลมรณํ ปุฺกฺขเยน วา อายุกฺขเยน วา อุภยกฺขเยน วา โหติ. อกาลมรณํ กมฺมุปจฺเฉทกกมฺมวเสน.

ตตฺถ ยํ วิชฺชมานายปิ อายุสนฺตานชนกปจฺจยสมฺปตฺติยา เกวลํ ปฏิสนฺธิชนกสฺส กมฺมสฺส วิปกฺกวิปากตฺตา มรณํ โหติ, อิทํ ปุฺกฺขเยน มรณํ นาม. ยํ คติกาลาหาราทิสมฺปตฺติยา อภาเวน อชฺชตนกาลปุริสานํ วิย วสฺสสตมตฺตปริมาณสฺส อายุโน ขยวเสน มรณํ โหติ, อิทํ อายุกฺขเยน มรณํ นาม. ยํ ปน ทูสีมารกลาพุราชาทีนํ วิย ตงฺขณฺเว านาจาวนสมตฺเถน กมฺมุนา อุปจฺฉินฺนสนฺตานานํ, ปุริมกมฺมวเสน วา สตฺถหรณาทีหิ อุปกฺกเมหิ อุปจฺฉิชฺชมานสนฺตานานํ มรณํ โหติ, อิทํ อกาลมรณํ นาม. ตํ สพฺพมฺปิ วุตฺตปฺปกาเรน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉเทน สงฺคหิตํ. อิติ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทสงฺขาตสฺส มรณสฺส สรณํ มรณสฺสติ.

๑๖๘. ตํ ภาเวตุกาเมน รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน ‘‘มรณํ ภวิสฺสติ, ชีวิตินฺทฺริยํ อุปจฺฉิชฺชิสฺสตี’’ติ วา, ‘‘มรณํ มรณ’’นฺติ วา โยนิโส มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. อโยนิโส ปวตฺตยโต หิ อิฏฺชนมรณานุสฺสรเณ โสโก อุปฺปชฺชติ วิชาตมาตุยา ปิยปุตฺตมรณานุสฺสรเณ วิย. อนิฏฺชนมรณานุสฺสรเณ ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ เวรีนํ เวริมรณานุสฺสรเณ วิย. มชฺฌตฺตชนมรณานุสฺสรเณ สํเวโค น อุปฺปชฺชติ มตกเฬวรทสฺสเน ฉวฑาหกสฺส วิย. อตฺตโน มรณานุสฺสรเณ สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ อุกฺขิตฺตาสิกํ วธกํ ทิสฺวา ภีรุกชาติกสฺส วิย. ตเทตํ สพฺพมฺปิ สติสํเวคาณวิรหโต โหติ. ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ หตมตสตฺเต โอโลเกตฺวา ทิฏฺปุพฺพสมฺปตฺตีนํ สตฺตานํ มตานํ มรณํ อาวชฺเชตฺวา สติฺจ สํเวคฺจ าณฺจ โยเชตฺวา ‘‘มรณํ ภวิสฺสตี’’ติอาทินา นเยน มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. เอวํ ปวตฺเตนฺโต หิ โยนิโส ปวตฺเตติ, อุปาเยน ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. เอวํ ปวตฺตยโตเยว หิ เอกจฺจสฺส นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ, มรณารมฺมณา สติ สณฺาติ, อุปจารปฺปตฺตเมว กมฺมฏฺานํ โหติ.

๑๖๙. ยสฺส ปน เอตฺตาวตา น โหติ, เตน วธกปจฺจุปฏฺานโต, สมฺปตฺติวิปตฺติโต, อุปสํหรณโต, กายพหุสาธารณโต, อายุทุพฺพลโต, อนิมิตฺตโต, อทฺธานปริจฺเฉทโต, ขณปริตฺตโตติ อิเมหิ อฏฺหากาเรหิ มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ.

ตตฺถ วธกปจฺจุปฏฺานโตติ วธกสฺส วิย ปจฺจุปฏฺานโต. ยถา หิ อิมสฺส สีสํ ฉินฺทิสฺสามีติ อสึ คเหตฺวา คีวาย จารยมาโน วธโก ปจฺจุปฏฺิโตว โหติ, เอวํ มรณมฺปิ ปจฺจุปฏฺิตเมวาติ อนุสฺสริตพฺพํ. กสฺมา? สห ชาติยา อาคตโต, ชีวิตหรณโต จ. ยถา หิ อหิจฺฉตฺตกมกุฬํ มตฺถเกน ปํสุํ คเหตฺวาว อุคฺคจฺฉติ, เอวํ สตฺตา ชรามรณํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตนฺติ. ตถา หิ เนสํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปาทานนฺตรเมว ชรํ ปตฺวา ปพฺพตสิขรโต ปติตสิลา วิย ภิชฺชติ สทฺธึ สมฺปยุตฺตขนฺเธหิ. เอวํ ขณิกมรณํ ตาว สห ชาติยา อาคตํ. ชาตสฺส ปน อวสฺสํ มรณโต อิธาธิปฺเปตมรณมฺปิ สห ชาติยา อาคตํ. ตสฺมา เอส สตฺโต ชาตกาลโต ปฏฺาย ยถา นาม อุฏฺิโต สูริโย อตฺถาภิมุโข คจฺฉเตว, คตคตฏฺานโต อีสกมฺปิ น นิวตฺตติ. ยถา วา นที ปพฺพเตยฺยา สีฆโสตา หารหารินี สนฺทเตว วตฺตเตว อีสกมฺปิ น นิวตฺตติ, เอวํ อีสกมฺปิ อนิวตฺตมาโน มรณาภิมุโขว ยาติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยเมกรตฺตึ ปมํ, คพฺเภ วสติ มาณโว;

อพฺภุฏฺิโตว โส ยาติ, ส คจฺฉํ น นิวตฺตตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓);

เอวํ คจฺฉโต จสฺส คิมฺหาภิตตฺตานํ กุนฺนทีนํ ขโย วิย, ปาโต อาโปรสานุคตพนฺธนานํ ทุมปฺผลานํ ปตนํ วิย, มุคฺคราภิตาฬิตานํ มตฺติกภาชนานํ เภโท วิย, สูริยรสฺมิสมฺผุฏฺานํ อุสฺสาวพินฺทูนํ วิทฺธํสนํ วิย จ มรณเมว อาสนฺนํ โหติ. เตนาห –

‘‘อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา, ชีวิตมุปรุชฺฌติ;

อายุ ขียติ มจฺจานํ, กุนฺนทีนํว โอทกํ. (สํ. นิ. ๑.๑๔๖);

‘‘ผลานมิว ปกฺกานํ, ปาโต ปปตโต ภยํ;

เอวํ ชาตาน มจฺจานํ, นิจฺจํ มรณโต ภยํ.

‘‘ยถาปิ กุมฺภการสฺส, กตํ มตฺติกภาชนํ;

ขุทฺทกฺจ มหนฺตฺจ, ยํ ปกฺกํ ยฺจ อามกํ;

สพฺพํ เภทนปริยนฺตํ, เอวํ มจฺจาน ชีวิตํ’. (สุ. นิ. ๕๘๑-๕๘๒);

‘‘อุสฺสาโวว ติณคฺคมฺหิ, สูริยุคฺคมนํ ปติ;

เอวมายุ มนุสฺสานํ, มา มํ อมฺม นิวารยา’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๗๙);

เอวํ อุกฺขิตฺตาสิโก วธโก วิย สห ชาติยา อาคตํ ปเนตํ มรณํ คีวาย อสึ จารยมาโน โส วธโก วิย ชีวิตํ หรติเยว, น อหริตฺวา นิวตฺตติ. ตสฺมา สห ชาติยา อาคตโต, ชีวิตหรณโต จ อุกฺขิตฺตาสิโก วธโก วิย มรณมฺปิ ปจฺจุปฏฺิตเมวาติ เอวํ วธกปจฺจุปฏฺานโต มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ.

๑๗๐. สมฺปตฺติวิปตฺติโตติ อิธ สมฺปตฺติ นาม ตาวเทว โสภติ, ยาว นํ วิปตฺติ นาภิภวติ, น จ สา สมฺปตฺติ นาม อตฺถิ, ยา วิปตฺตึ อติกฺกมฺม ติฏฺเยฺย. ตถา หิ –

‘‘สกลํ เมทินึ ภุตฺวา, ทตฺวา โกฏิสตํ สุขี;

อฑฺฒามลกมตฺตสฺส, อนฺเต อิสฺสรตํ คโต.

‘‘เตเนว เทหพนฺเธน, ปุฺมฺหิ ขยมาคเต;

มรณาภิมุโข โสปิ, อโสโก โสกมาคโต’’ติ.

อปิจ สพฺพํ อาโรคฺยํ พฺยาธิปริโยสานํ, สพฺพํ โยพฺพนํ ชราปริโยสานํ, สพฺพํ ชีวิตํ มรณปริโยสานํ, สพฺโพเยว โลกสนฺนิวาโส ชาติยา อนุคโต, ชราย อนุสโฏ, พฺยาธินา อภิภูโต, มรเณน อพฺภาหโต. เตนาห –

‘‘ยถาปิ เสลา วิปุลา, นภํ อาหจฺจ ปพฺพตา;

สมนฺตา อนุปริเยยฺยุํ, นิปฺโปเถนฺตา จตุทฺทิสา.

‘‘เอวํ ชรา จ มจฺจุ จ, อธิวตฺตนฺติ ปาณิเน;

ขตฺติเย พฺราหฺมเณ เวสฺเส, สุทฺเท จณฺฑาลปุกฺกุเส;

น กิฺจิ ปริวชฺเชติ, สพฺพเมวาภิมทฺทติ.

‘‘น ตตฺถ หตฺถีนํ ภูมิ, น รถานํ น ปตฺติยา;

น จาปิ มนฺตยุทฺเธน, สกฺกา เชตุํ ธเนน วา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๓๖);

เอวํ ชีวิตสมฺปตฺติยา มรณวิปตฺติปริโยสานตํ ววตฺถเปนฺเตน สมฺปตฺติวิปตฺติโต มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ.

๑๗๑. อุปสํหรณโตติ ปเรหิ สทฺธึ อตฺตโน อุปสํหรณโต. ตตฺถ สตฺตหากาเรหิ อุปสํหรณโต มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ, ยสมหตฺตโต, ปุฺมหตฺตโต, ถามมหตฺตโต, อิทฺธิมหตฺตโต, ปฺามหตฺตโต, ปจฺเจกพุทฺธโต, สมฺมาสมฺพุทฺธโตติ. กถํ? อิทํ มรณํ นาม มหายสานํ มหาปริวารานํ สมฺปนฺนธนวาหนานํ มหาสมฺมตมนฺธาตุมหาสุทสฺสน ทฬฺหเนมิ นิมิปฺปภุตีนมฺปิ อุปริ นิราสงฺกเมว ปติตํ, กิมงฺคํ ปน มยฺหํ อุปริ น ปติสฺสติ?

มหายสา ราชวรา, มหาสมฺมตอาทโย;

เตปิ มจฺจุวสํ ปตฺตา, มาทิเสสุ กถาว กาติ.

เอวํ ตาว ยสมหตฺตโต อนุสฺสริตพฺพํ.

กถํ ปุฺมหตฺตโต?

โชติโก ชฏิโล อุคฺโค, เมณฺฑโก อถ ปุณฺณโก;

เอเต จฺเ จ เย โลเก, มหาปุฺาติ วิสฺสุตา;

สพฺเพ มรณมาปนฺนา, มาทิเสสุ กถาว กาติ.

เอวํ ปุฺมหตฺตโต อนุสฺสริตพฺพํ.

กถํ ถามมหตฺตโต?

วาสุเทโว พลเทโว, ภีมเสโน ยุธิฏฺิโล;

จานุโร โย มหามลฺโล, อนฺตกสฺส วสํ คตา.

เอวํ ถามพลูเปตา, อิติ โลกมฺหิ วิสฺสุตา;

เอเตปิ มรณํ ยาตา, มาทิเสสุ กถาว กาติ.

เอวํ ถามมหตฺตโต อนุสฺสริตพฺพํ.

กถํ อิทฺธิมหตฺตโต?

ปาทงฺคุฏฺกมตฺเตน, เวชยนฺตมกมฺปยิ;

โย นามิทฺธิมตํ เสฏฺโ, ทุติโย อคฺคสาวโก.

โสปิ มจฺจุมุขํ โฆรํ, มิโค สีหมุขํ วิย;

ปวิฏฺโ สห อิทฺธีหิ, มาทิเสสุ กถาว กาติ.

เอวํ อิทฺธิมหตฺตโต อนุสฺสริตพฺพํ.

กถํ ปฺามหตฺตโต?

โลกนาถํ เปตฺวาน, เย จฺเ อตฺถิ ปาณิโน;

ปฺาย สาริปุตฺตสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.

เอวํ นาม มหาปฺโ, ปโม อคฺคสาวโก;

มรณสฺส วสํ ปตฺโต, มาทิเสสุ กถาว กาติ.

เอวํ ปฺามหตฺตโต อนุสฺสริตพฺพํ.

กถํ ปจฺเจกพุทฺธโต? เยปิ เต อตฺตโน าณวีริยพเลน สพฺพกิเลสสตฺตุนิมฺมถนํ กตฺวา ปจฺเจกโพธึ ปตฺตา ขคฺควิสาณกปฺปา สยมฺภุโน, เตปิ มรณโต น มุตฺตา, กุโต ปนาหํ มุจฺจิสฺสามีติ.

ตํ ตํ นิมิตฺตมาคมฺม, วีมํสนฺตา มเหสโย;

สยมฺภุฺาณเตเชน, เย ปตฺตา อาสวกฺขยํ.

เอกจริยนิวาเสน, ขคฺคสิงฺคสมูปมา;

เตปิ นาติคตา มจฺจุํ, มาทิเสสุ กถาว กาติ.

เอวํ ปจฺเจกพุทฺธโต อนุสฺสริตพฺพํ.

กถํ สมฺมาสมฺพุทฺธโต? โยปิ โส ภควา อสีติอนุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺรรูปกาโย สพฺพาการปริสุทฺธสีลกฺขนฺธาทิคุณรตนสมิทฺธธมฺมกาโย ยสมหตฺตปุฺมหตฺตถามมหตฺตอิทฺธิมหตฺตปฺามหตฺตานํ ปารํ คโต อสโม อสมสโม อปฺปฏิปุคฺคโล อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, โสปิ สลิลวุฏฺินิปาเตน มหาอคฺคิกฺขนฺโธ วิย มรณวุฏฺินิปาเตน านโส วูปสนฺโต.

เอวํ มหานุภาวสฺส, ยํ นาเมตํ มเหสิโน;

น ภเยน น ลชฺชาย, มรณํ วสมาคตํ.

นิลฺลชฺชํ วีตสารชฺชํ, สพฺพสตฺตาภิมทฺทนํ;

ตยิทํ มาทิสํ สตฺตํ, กถํ นาภิภวิสฺสตีติ.

เอวํ สมฺมาสมฺพุทฺธโต อนุสฺสริตพฺพํ.

ตสฺเสวํ ยสมหตฺตตาทิสมฺปนฺเนหิ ปเรหิ สทฺธึ มรณสามฺตาย อตฺตานํ อุปสํหริตฺวา เตสํ วิย สตฺตวิเสสานํ มยฺหมฺปิ มรณํ ภวิสฺสตีติ อนุสฺสรโต อุปจารปฺปตฺตํ กมฺมฏฺานํ โหตีติ. เอวํ อุปสํหรณโต มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ.

๑๗๒. กายพหุสาธารณโตติ อยํ กาโย พหุสาธารโณ. อสีติยา ตาว กิมิกุลานํ สาธารโณ, ตตฺถ ฉวินิสฺสิตา ปาณา ฉวึ ขาทนฺติ, จมฺมนิสฺสิตา จมฺมํ ขาทนฺติ, มํสนิสฺสิตา มํสํ ขาทนฺติ, นฺหารุนิสฺสิตา นฺหารุํ ขาทนฺติ, อฏฺินิสฺสิตา อฏฺึ ขาทนฺติ, มิฺชนิสฺสิตา มิฺชํ ขาทนฺติ. ตตฺเถว ชายนฺติ ชียนฺติ มียนฺติ, อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺติ. กาโยว เนสํ สูติฆรฺเจว คิลานสาลา จ สุสานฺจ วจฺจกุฏิ จ ปสฺสาวโทณิกา จ. สฺวายํ เตสมฺปิ กิมิกุลานํ ปโกเปน มรณํ นิคจฺฉติเยว. ยถา จ อสีติยา กิมิกุลานํ, เอวํ อชฺฌตฺติกานํเยว อเนกสตานํ โรคานํ พาหิรานฺจ อหิวิจฺฉิกาทีนํ มรณสฺส ปจฺจยานํ สาธารโณ.

ยถา หิ จตุมหาปเถ ปิเต ลกฺขมฺหิ สพฺพทิสาหิ อาคตา สรสตฺติโตมรปาสาณาทโย นิปตนฺติ, เอวํ กาเยปิ สพฺพุปทฺทวา นิปตนฺติ. สฺวายํ เตสมฺปิ อุปทฺทวานํ นิปาเตน มรณํ นิคจฺฉติเยว. เตนาห ภควา – ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทิวเส นิกฺขนฺเต รตฺติยา ปฏิหิตาย อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ, พหุกา โข เม ปจฺจยา มรณสฺส, อหิ วา มํ ฑํเสยฺย, วิจฺฉิโก วา มํ ฑํเสยฺย, สตปที วา มํ ฑํเสยฺย, เตน เม อสฺส กาลงฺกิริยา, โส มมสฺส อนฺตราโย, อุปกฺขลิตฺวา วา ปปเตยฺยํ, ภตฺตํ วา เม ภุตฺตํ พฺยาปชฺเชยฺย, ปิตฺตํ วา เม กุปฺเปยฺย, เสมฺหํ วา เม กุปฺเปยฺย, สตฺถกา วา เม วาตา กุปฺเปยฺยุํ, เตน เม อสฺส กาลงฺกิริยา, โส มมสฺส อนฺตราโย’’ติ. เอวํ (อ. นิ. ๖.๒๐) กายพหุสาธารณโต มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ.

๑๗๓. อายุทุพฺพลโตติ อายุ นาเมตํ อพลํ ทุพฺพลํ. ตถา หิ สตฺตานํ ชีวิตํ อสฺสาสปสฺสาสูปนิพทฺธฺเจว อิริยาปถูปนิพทฺธฺจ สีตุณฺหูปนิพทฺธฺจ มหาภูตูปนิพทฺธฺจ อาหารูปนิพทฺธฺจ. ตเทตํ อสฺสาสปสฺสาสานํ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ปวตฺตติ. พหิ นิกฺขนฺตนาสิกวาเต ปน อนฺโต อปวิสนฺเต, ปวิฏฺเ วา อนิกฺขมนฺเต มโต นาม โหติ. จตุนฺนํ อิริยาปถานมฺปิ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ปวตฺตติ. อฺตรฺตรสฺส ปน อธิมตฺตตาย อายุสงฺขารา อุปจฺฉิชฺชนฺติ. สีตุณฺหานมฺปิ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ปวตฺตติ. อติสีเตน ปน อติอุณฺเหน วา อภิภูตสฺส วิปชฺชติ. มหาภูตานมฺปิ สมวุตฺติตํ ลภมานเมว ปวตฺตติ. ปถวีธาตุยา ปน อาโปธาตุอาทีนํ วา อฺตรฺตรสฺส ปโกเปน พลสมฺปนฺโนปิ ปุคฺคโล ปตฺถทฺธกาโย วา อติสาราทิวเสน กิลินฺนปูติกาโย วา มหาฑาหปเรโต วา สมฺภิชฺชมานสนฺธิพนฺธโน วา หุตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณาติ. กพฬีการาหารมฺปิ ยุตฺตกาเล ลภนฺตสฺเสว ชีวิตํ ปวตฺตติ, อาหารํ อลภมานสฺส ปน ปริกฺขยํ คจฺฉตีติ. เอวํ อายุทุพฺพลโต มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ.

๑๗๔. อนิมิตฺตโตติ อววตฺถานโต, ปริจฺเฉทาภาวโตติ อตฺโถ. สตฺตานํ หิ –

ชีวิตํ พฺยาธิ กาโล จ, เทหนิกฺเขปนํ คติ;

ปฺเจเต ชีวโลกสฺมึ, อนิมิตฺตา น นายเร.

ตตฺถ ชีวิตํ ตาว ‘‘เอตฺตกเมว ชีวิตพฺพํ, น อิโต ปร’’นฺติ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺตํ. กลลกาเลปิ หิ สตฺตา มรนฺติ, อพฺพุทเปสิฆนมาสิกทฺเวมาสเตมาสจตุมาสปฺจมาสทสมาสกาเลปิ. กุจฺฉิโต นิกฺขนฺตสมเยปิ. ตโต ปรํ วสฺสสตสฺส อนฺโตปิ พหิปิ มรนฺติเยว. พฺยาธิปิ ‘‘อิมินาว พฺยาธินา สตฺตา มรนฺติ, นาฺเนา’’ติ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺโต. จกฺขุโรเคนาปิ หิ สตฺตา มรนฺติ, โสตโรคาทีนํ อฺตเรนาปิ. กาโลปิ ‘‘อิมสฺมึเยว กาเล มริตพฺพํ, นาฺสฺมิ’’นฺติ เอวํ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺโต. ปุพฺพณฺเหปิ หิ สตฺตา มรนฺติ, มชฺฌนฺหิกาทีนํ อฺตรสฺมิมฺปิ. เทหนิกฺเขปนมฺปิ ‘‘อิเธว มียมานานํ เทเหน ปติตพฺพํ, นาฺตฺรา’’ติ เอวํ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺตํ. อนฺโตคาเม ชาตานํ หิ พหิคาเมปิ อตฺตภาโว ปตติ. พหิคาเม ชาตานมฺปิ อนฺโตคาเม. ตถา ถลชานํ วา ชเล, ชลชานํ วา ถเลติ อเนกปฺปการโต วิตฺถาเรตพฺพํ. คติปิ ‘‘อิโต จุเตน อิธ นิพฺพตฺติตพฺพ’’นฺติ เอวํ ววตฺถานาภาวโต อนิมิตฺตา. เทวโลกโต หิ จุตา มนุสฺเสสุปิ นิพฺพตฺตนฺติ, มนุสฺสโลกโต จุตา เทวโลกาทีนมฺปิ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺตนฺตีติ เอวํ ยนฺตยุตฺตโคโณ วิย คติปฺจเก โลโก สมฺปริวตฺตตีติ เอวํ อนิมิตฺตโต มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ.

๑๗๕. อทฺธานปริจฺเฉทโตติ มนุสฺสานํ ชีวิตสฺส นาม เอตรหิ ปริตฺโต อทฺธา. โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ, อปฺปํ วา ภิยฺโย. เตนาห ภควา – ‘‘อปฺปมิทํ, ภิกฺขเว, มนุสฺสานํ อายุ, คมนีโย สมฺปราโย, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณํ. โย, ภิกฺขเว, จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ, อปฺปํ วา ภิยฺโยติ.

อปฺปมายุมนุสฺสานํ, หีเฬยฺย นํ สุโปริโส;

จเรยฺยาทิตฺตสีโสว, นตฺถิ มจฺจุสฺส นาคโมติ. (สํ. นิ. ๑.๑๔๕);

อปรมฺปิ อาห – ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อรโก นาม สตฺถา อโหสี’’ติ สพฺพมฺปิ สตฺตหิ อุปมาหิ อลงฺกตํ สุตฺตํ วิตฺถาเรตพฺพํ.

อปรมฺปิ อาห – ‘‘โยจายํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ, อโห วตาหํ รตฺตินฺทิวํ ชีเวยฺยํ, ภควโต สาสนํ มนสิกเรยฺยํ, พหุํ วต เม กตํ อสฺสาติ. โยจายํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ, อโห วตาหํ ทิวสํ ชีเวยฺยํ, ภควโต สาสนํ มนสิกเรยฺยํ, พหุํ วต เม กตํ อสฺสาติ. โย จายํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ, อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ, ยทนฺตรํ เอกํ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชามิ, ภควโต สาสนํ มนสิกเรยฺยํ, พหุํ วต เม กตํ อสฺสาติ. โย จายํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ, อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ, ยทนฺตรํ จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป สงฺขาทิตฺวา อชฺโฌหรามิ, ภควโต สาสนํ มนสิกเรยฺยํ, พหุํ วต เม กตํ อสฺสาติ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู ปมตฺตา วิหรนฺติ, ทนฺธํ มรณสฺสตึ ภาเวนฺติ อาสวานํ ขยาย. โย จ ขฺวายํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ, อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ, ยทนฺตรํ เอกํ อาโลปํ สงฺขาทิตฺวา อชฺโฌหรามิ, ภควโต สาสนํ มนสิกเรยฺยํ, พหุํ วต เม กตํ อสฺสาติ. โย จายํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํ มรณสฺสตึ ภาเวติ, อโห วตาหํ ตทนฺตรํ ชีเวยฺยํ, ยทนฺตรํ อสฺสสิตฺวา วา ปสฺสสามิ, ปสฺสสิตฺวา วา อสฺสสามิ, ภควโต สาสนํ มนสิกเรยฺยํ, พหุํ วต เม กตํ อสฺสาติ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อปฺปมตฺตา วิหรนฺติ, ติกฺขํ มรณสฺสตึ ภาเวนฺติ อาสวานํ ขยายา’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๙). เอวํ จตุปฺจาโลปสงฺขาทนมตฺตํ อวิสฺสาสิโย ปริตฺโต ชีวิตสฺส อทฺธาติ เอวํ อทฺธานปริจฺเฉทโต มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ.

๑๗๖. ขณปริตฺตโตติ ปรมตฺถโต หิ อติปริตฺโต สตฺตานํ ชีวิตกฺขโณ เอกจิตฺตปฺปวตฺติมตฺโตเยว. ยถา นาม รถจกฺกํ ปวตฺตมานมฺปิ เอเกเนว เนมิปฺปเทเสน ปวตฺตติ, ติฏฺมานมฺปิ เอเกเนว ติฏฺติ, เอวเมว เอกจิตฺตกฺขณิกํ สตฺตานํ ชีวิตํ. ตสฺมึ จิตฺเต นิรุทฺธมตฺเต สตฺโต นิรุทฺโธติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘อตีเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิตฺถ, น ชีวติ, น ชีวิสฺสติ. อนาคเต จิตฺตกฺขเณ น ชีวิตฺถ, น ชีวติ, ชีวิสฺสติ. ปจฺจุปฺปนฺเน จิตฺตกฺขเณ น ชีวิตฺถ, ชีวติ, น ชีวิสฺสติ.

‘‘ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;

เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุ โส วตฺตเต ขโณ.

‘‘เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺส, ติฏฺมานสฺส วา อิธ;

สพฺเพปิ สทิสา ขนฺธา, คตา อปฺปฏิสนฺธิกา.

‘‘อนิพฺพตฺเตน น ชาโต, ปจฺจุปฺปนฺเนน ชีวติ;

จิตฺตภงฺคา มโต โลโก, ปฺตฺติ ปรมตฺถิยา’’ติ. (มหานิ. ๓๙);

เอวํ ขณปริตฺตโต มรณํ อนุสฺสริตพฺพํ.

๑๗๗. อิติ อิเมสํ อฏฺนฺนํ อาการานํ อฺตรฺตเรน อนุสฺสรโตปิ ปุนปฺปุนํ มนสิการวเสน จิตฺตํ อาเสวนํ ลภติ, มรณารมฺมณา สติ สนฺติฏฺติ, นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ, ฌานงฺคานิ ปาตุภวนฺติ. สภาวธมฺมตฺตา ปน สํเวชนียตฺตา จ อารมฺมณสฺส อปฺปนํ อปฺปตฺวา อุปจารปฺปตฺตเมว ฌานํ โหติ. โลกุตฺตรชฺฌานํ ปน ทุติยจตุตฺถานิ จ อารุปฺปชฺฌานานิ สภาวธมฺเมปิ ภาวนาวิเสเสน อปฺปนํ ปาปุณนฺติ. วิสุทฺธิภาวนานุกฺกมวเสน หิ โลกุตฺตรํ อปฺปนํ ปาปุณาติ. อารมฺมณาติกฺกมภาวนาวเสน อารุปฺปํ. อปฺปนาปตฺตสฺเสว หิ ฌานสฺส อารมฺมณสมติกฺกมนมตฺตํ ตตฺถ โหติ. อิธ ปน ตทุภยมฺปิ นตฺถิ. ตสฺมา อุปจารปฺปตฺตเมว ฌานํ โหติ. ตเทตํ มรณสฺสติพเลน อุปฺปนฺนตฺตา มรณสฺสติจฺเจว สงฺขํ คจฺฉติ.

อิมฺจ ปน มรณสฺสตึ อนุยุตฺโต ภิกฺขุ สตตํ อปฺปมตฺโต โหติ, สพฺพภเวสุ อนภิรติสฺํ ปฏิลภติ, ชีวิตนิกนฺตึ ชหาติ, ปาปครหี โหติ, อสนฺนิธิพหุโล ปริกฺขาเรสุ วิคตมลมจฺเฉโร, อนิจฺจสฺา จสฺส ปริจยํ คจฺฉติ, ตทนุสาเรเนว ทุกฺขสฺา อนตฺตสฺา จ อุปฏฺาติ. ยถา อภาวิตมรณา สตฺตา สหสา วาฬมิคยกฺขสปฺปโจรวธกาภิภูตา วิย มรณสมเย ภยํ สนฺตาสํ สมฺโมหํ อาปชฺชนฺติ, เอวํ อนาปชฺชิตฺวา อภโย อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ. สเจ ทิฏฺเว ธมฺเม อมตํ นาราเธติ, กายสฺส เภทา สุคติปรายโน โหติ.

ตสฺมา หเว อปฺปมาทํ, กยิราถ สุเมธโส;

เอวํ มหานุภาวาย, มรณสฺสติยา สทาติ.

อิทํ มรณสฺสติยํ วิตฺถารกถามุขํ.

กายคตาสติกถา

๑๗๘. อิทานิ ยํ ตํ อฺตฺร พุทฺธุปฺปาทา อปฺปวตฺตปุพฺพํ สพฺพติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ เตสุ เตสุ สุตฺตนฺเตสุ ‘‘เอกธมฺโม, ภิกฺขเว, ภาวิโต พหุลีกโต มหโต สํเวคาย สํวตฺตติ. มหโต อตฺถาย สํวตฺตติ. มหโต โยคกฺเขมาย สํวตฺตติ. มหโต สติสมฺปชฺาย สํวตฺตติ. าณทสฺสนปฏิลาภาย สํวตฺตติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติ. วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยาย สํวตฺตติ. กตโม เอกธมฺโม? กายคตา สติ… (อ. นิ. ๑.๕๖๓ อาทโย). อมตํ เต, ภิกฺขเว, ปริภุฺชนฺติ, เย กายคตาสตึ ปริภุฺชนฺติ. อมตํ เต, ภิกฺขเว, น ปริภุฺชนฺติ, เย กายคตาสตึ น ปริภุฺชนฺติ. อมตํ เตสํ, ภิกฺขเว, ปริภุตฺตํ… อปริภุตฺตํ… ปริหีนํ… อปริหีนํ… วิรทฺธํ… อวิรทฺธํ, เยสํ กายคตาสติ อารทฺธาติ (อ. นิ. ๑.๖๐๓) เอวํ ภควตา อเนเกหิ อากาเรหิ ปสํสิตฺวา ‘‘กถํ ภาวิตา, ภิกฺขเว, กายคตาสติ กถํ พหุลีกตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๕๔) นเยน อานาปานปพฺพํ, อิริยาปถปพฺพํ, จตุสมฺปชฺปพฺพํ, ปฏิกฺกูลมนสิการปพฺพํ, ธาตุมนสิการปพฺพํ, นวสิวถิกปพฺพานีติ อิเมสํ จุทฺทสนฺนํ ปพฺพานํ วเสน กายคตาสติกมฺมฏฺานํ นิทฺทิฏฺํ, ตสฺส ภาวนานิทฺเทโส อนุปฺปตฺโต.

ตตฺถ ยสฺมา อิริยาปถปพฺพํ จตุสมฺปชฺปพฺพํ ธาตุมนสิการปพฺพนฺติ อิมานิ ตีณิ วิปสฺสนาวเสน วุตฺตานิ. นว สิวถิกปพฺพานิ วิปสฺสนาาเณสุเยว อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตานิ. ยาปิ เจตฺถ อุทฺธุมาตกาทีสุ สมาธิภาวนา อิชฺเฌยฺย, สา อสุภนิทฺเทเส ปกาสิตาเยว. อานาปานปพฺพํ ปน ปฏิกฺกูลมนสิการปพฺพฺจ อิมาเนเวตฺถ ทฺเว สมาธิวเสน วุตฺตานิ. เตสุ อานาปานปพฺพํ อานาปานสฺสติวเสน วิสุํ กมฺมฏฺานํเยว. ยํ ปเนตํ ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา อโธ เกสมตฺถกา ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ. อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา…เป… มุตฺต’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๕๔) เอวํ มตฺถลุงฺคํ อฏฺิมิฺเชน สงฺคเหตฺวา ปฏิกฺกูลมนสิการวเสน เทสิตํ ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ, อิทมิธ กายคตาสตีติ อธิปฺเปตํ.

๑๗๙. ตตฺถายํ