📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วิสุทฺธิมคฺโค
(ทุติโย ภาโค)
๑๒. อิทฺธิวิธนิทฺเทโส
อภิฺากถา
๓๖๕. อิทานิ ¶ ¶ ยาสํ โลกิกาภิฺานํ วเสน อยํ สมาธิภาวนา อภิฺานิสํสาติ วุตฺตา, ตา อภิฺา สมฺปาเทตุํ ยสฺมา ปถวีกสิณาทีสุ อธิคตจตุตฺถชฺฌาเนน โยคินา โยโค กาตพฺโพ. เอวฺหิสฺส สา สมาธิภาวนา อธิคตานิสํสา เจว ภวิสฺสติ ถิรตรา จ, โส อธิคตานิสํสาย ถิรตราย สมาธิภาวนาย สมนฺนาคโต สุเขเนว ปฺาภาวนํ สมฺปาเทสฺสติ. ตสฺมา อภิฺากถํ ตาว อารภิสฺสาม.
ภควตา หิ อธิคตจตุตฺถชฺฌานสมาธีนํ กุลปุตฺตานํ สมาธิภาวนานิสํสทสฺสนตฺถฺเจว อุตฺตรุตฺตริ ปณีตปณีตธมฺมเทสนตฺถฺจ ¶ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อิทฺธิวิธาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมติ. โส อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๓๘) นเยน อิทฺธิวิธํ, ทิพฺพโสตธาตุาณํ, เจโตปริยาณํ, ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ, สตฺตานํ จุตูปปาเต าณนฺติ ปฺจ โลกิกาภิฺา วุตฺตา.
ตตฺถ ¶ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตีติอาทิกํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กาตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน โยคินา โอทาตกสิณปริยนฺเตสุ อฏฺสุ กสิเณสุ อฏฺ อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา –
กสิณานุโลมโต, กสิณปฏิโลมโต, กสิณานุโลมปฏิโลมโต, ฌานานุโลมโต, ฌานปฏิโลมโต, ฌานานุโลมปฏิโลมโต, ฌานุกฺกนฺติกโต, กสิณุกฺกนฺติกโต, ฌานกสิณุกฺกนฺติกโต, องฺคสงฺกนฺติโต, อารมฺมณสงฺกนฺติโต, องฺคารมฺมณสงฺกนฺติโต, องฺคววตฺถาปนโต, อารมฺมณววตฺถาปนโตติ.
อิเมหิ จุทฺทสหิ อากาเรหิ จิตฺตํ ปริทเมตพฺพํ.
๓๖๖. กตมํ ปเนตฺถ กสิณานุโลมํ…เป… กตมํ อารมฺมณววตฺถาปนนฺติ. อิธ ภิกฺขุ ปถวีกสิเณ ฌานํ สมาปชฺชติ, ตโต อาโปกสิเณติ เอวํ ปฏิปาฏิยา อฏฺสุ กสิเณสุ สตกฺขตฺตุมฺปิ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ สมาปชฺชติ, อิทํ กสิณานุโลมํ นาม.
โอทาตกสิณโต ปน ปฏฺาย ตเถว ปฏิโลมกฺกเมน สมาปชฺชนํ กสิณปฏิโลมํ นาม.
ปถวีกสิณโต ปฏฺาย ยาว โอทาตกสิณํ, โอทาตกสิณโตปิ ปฏฺาย ยาว ปถวีกสิณนฺติ เอวํ อนุโลมปฏิโลมวเสน ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนํ กสิณานุโลมปฏิโลมํ นาม.
ปมชฺฌานโต ปน ปฏฺาย ปฏิปาฏิยา ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ, ตาว ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนํ ฌานานุโลมํ นาม.
เนวสฺานาสฺายตนโต ¶ ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานํ, ตาว ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนํ ฌานปฏิโลมํ นาม.
ปมชฺฌานโต ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนํ, เนวสฺานาสฺายตนโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานนฺติ เอวํ อนุโลมปฏิโลมวเสน ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนํ ฌานานุโลมปฏิโลมํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปน ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺเถว ตติยํ สมาปชฺชติ, ตโต ตเทว อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, ตโต อากิฺจฺายตนนฺติ ¶ เอวํ กสิณํ อนุกฺกมิตฺวา ฌานสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ ฌานุกฺกนฺติกํ นาม. เอวํ อาโปกสิณาทิมูลิกาปิ โยชนา กาตพฺพา.
ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปุน ตเทว เตโชกสิเณ, ตโต นีลกสิเณ, ตโต โลหิตกสิเณติ อิมินา นเยน ฌานํ อนุกฺกมิตฺวา กสิณสฺเสว เอกนฺตริกภาเวน อุกฺกมนํ กสิณุกฺกนฺติกํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต เตโชกสิเณ ตติยํ, นีลกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, โลหิตกสิณโต อากิฺจฺายตนนฺติ อิมินา นเยน ฌานสฺส เจว กสิณสฺส จ อุกฺกมนํ ฌานกสิณุกฺกนฺติกํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปน ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺเถว อิตเรสมฺปิ สมาปชฺชนํ องฺคสงฺกนฺติกํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตเทว อาโปกสิเณ…เป… ตเทว โอทาตกสิเณติ เอวํ สพฺพกสิเณสุ เอกสฺเสว ฌานสฺส สมาปชฺชนํ อารมฺมณสงฺกนฺติกํ นาม.
ปถวีกสิเณ ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อาโปกสิเณ ทุติยํ, เตโชกสิเณ ตติยํ, วาโยกสิเณ จตุตฺถํ, นีลกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตนํ, ปีตกสิณโต วิฺาณฺจายตนํ ¶ , โลหิตกสิณโต อากิฺจฺายตนํ, โอทาตกสิณโต เนวสฺานาสฺายตนนฺติ เอวํ เอกนฺตริกวเสน องฺคานฺจ อารมฺมณานฺจ สงฺกมนํ องฺคารมฺมณสงฺกนฺติกํ นาม.
ปมํ ฌานํ ปน ปฺจงฺคิกนฺติ ววตฺถเปตฺวา ทุติยํ ติวงฺคิกํ, ตติยํ ทุวงฺคิกํ, ตถา จตุตฺถํ อากาสานฺจายตนํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนนฺติ เอวํ ฌานงฺคมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ องฺคววตฺถาปนํ นาม.
ตถา อิทํ ปถวีกสิณนฺติ ววตฺถเปตฺวา อิทํ อาโปกสิณํ…เป… อิทํ โอทาตกสิณนฺติ เอวํ อารมฺมณมตฺตสฺเสว ววตฺถาปนํ อารมฺมณววตฺถาปนํ นาม ¶ . องฺคารมฺมณววตฺถาปนมฺปิ เอเก อิจฺฉนฺติ. อฏฺกถาสุ ปน อนาคตตฺตา อทฺธา ตํ ภาวนามุขํ น โหติ.
๓๖๗. อิเมหิ ปน จุทฺทสหิ อากาเรหิ จิตฺตํ อปริทเมตฺวา ปุพฺเพ อภาวิตภาวโน อาทิกมฺมิโก โยคาวจโร อิทฺธิวิกุพฺพนํ สมฺปาเทสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. อาทิกมฺมิกสฺส หิ กสิณปริกมฺมมฺปิ ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. กตกสิณปริกมฺมสฺส นิมิตฺตุปฺปาทนํ ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. อุปฺปนฺเน นิมิตฺเต ตํ วฑฺเฒตฺวา อปฺปนาธิคโม ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. อธิคตปฺปนสฺส จุทฺทสหากาเรหิ จิตฺตปริทมนํ ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. จุทฺทสหากาเรหิ ปริทมิตจิตฺตสฺสาปิ อิทฺธิวิกุพฺพนํ นาม ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว สกฺโกติ. วิกุพฺพนปฺปตฺตสฺสาปิ ขิปฺปนิสนฺติภาโว นาม ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว ขิปฺปนิสนฺตี โหติ. เถรมฺพตฺถเล มหาโรหณคุตฺตตฺเถรสฺส คิลานุปฏฺานํ อาคเตสุ ตึสมตฺเตสุ อิทฺธิมนฺตสหสฺเสสุ อุปสมฺปทาย อฏฺวสฺสิโก รกฺขิตตฺเถโร วิย. ตสฺสานุภาโว ปถวีกสิณนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๗๘ อาทโย) วุตฺโตเยว. ตํ ปนสฺสานุภาวํ ทิสฺวา เถโร อาห ‘‘อาวุโส, สเจ รกฺขิโต นาภวิสฺส สพฺเพ ครหปฺปตฺตา อสฺสาม ‘นาคราชานํ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสู’ติ. ตสฺมา อตฺตนา คเหตฺวา วิจริตพฺพํ อาวุธํ นาม มลํ โสเธตฺวาว คเหตฺวา วิจริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เต เถรสฺส โอวาเท ตฺวา ตึสสหสฺสาปิ ภิกฺขู ขิปฺปนิสนฺติโน อเหสุํ.
ขิปฺปนิสนฺติยาปิ ¶ จ สติ ปรสฺส ปติฏฺาภาโว ภาโร, สเตสุ สหสฺเสสุ วา เอโกว โหติ, คิริภณฺฑวาหนปูชาย มาเรน องฺคารวสฺเส ปวตฺติเต อากาเส ปถวึ มาเปตฺวา องฺคารวสฺสปริตฺตารโก เถโร วิย.
พลวปุพฺพโยคานํ ปน พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอคฺคสาวกาทีนํ วินาปิ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน ภาวนานุกฺกเมน อรหตฺตปฏิลาเภเนว อิทฺจ อิทฺธิวิกุพฺพนํ อฺเ ¶ จ ปฏิสมฺภิทาทิเภทา คุณา อิชฺฌนฺติ. ตสฺมา ยถา ปิฬนฺธนวิกตึ กตฺตุกาโม สุวณฺณกาโร อคฺคิธมนาทีหิ สุวณฺณํ มุทุํ กมฺมฺํ กตฺวาว กโรติ, ยถา จ ภาชนวิกตึ กตฺตุกาโม กุมฺภกาโร มตฺติกํ สุปริมทฺทิตํ มุทุํ กตฺวา กโรติ, เอวเมว อาทิกมฺมิเกน อิเมหิ จุทฺทสหากาเรหิ จิตฺตํ ปริทเมตฺวา ฉนฺทสีสจิตฺตสีสวีริยสีสวีมํสาสีสสมาปชฺชนวเสน เจว อาวชฺชนาทิวสีภาววเสน จ มุทุํ กมฺมฺํ กตฺวา อิทฺธิวิธาย โยโค กรณีโย. ปุพฺพเหตุสมฺปนฺเนน ปน กสิเณสุ จตุตฺถชฺฌานมตฺเต จิณฺณวสินาปิ กาตุํ วฏฺฏติ. ยถา ปเนตฺถ โยโค กาตพฺโพ, ตํ วิธึ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทิมาห.
๓๖๘. ตตฺรายํ ปาฬินยานุสาเรเนว วินิจฺฉยกถา. ตตฺถ โสติ โส อธิคตจตุตฺถชฺฌาโน โยคี. เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมตํ. อิมินา ปมชฺฌานาธิคมาทินา กเมน จตุตฺถชฺฌานํ ปฏิลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิเตติ อิมินา จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. จิตฺเตติ รูปาวจรจิตฺเต. ปริสุทฺเธติอาทีสุ ปน อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุทฺเธ. ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหติ. สุขาทีนํ ปจฺจยานํ ฆาเตน วิหตราคาทิองฺคณตฺตา อนงฺคเณ. อนงฺคณตฺตาเยว วิคตูปกฺกิเลเส. องฺคเณน หิ ตํ จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสติ. สุภาวิตตฺตา มุทุภูเต, วสีภาวปฺปตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. วเส วตฺตมานํ หิ จิตฺตํ มุทุนฺติ วุจฺจติ. มุทุตฺตาเยว จ กมฺมนิเย, กมฺมกฺขเม กมฺมโยคฺเคติ วุตฺตํ โหติ. มุทุํ หิ จิตฺตํ กมฺมนิยํ โหติ สุทนฺตมิว สุวณฺณํ, ตฺจ อุภยมฺปิ สุภาวิตตฺตาเยวาติ. ยถาห ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ภาวิตํ พหุลีกตํ มุทฺุจ โหติ กมฺมนิยฺจ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๒๒).
เอเตสุ ปริสุทฺธภาวาทีสุ ิตตฺตา ิเต. ิตตฺตาเยว อาเนฺชปฺปตฺเต, อจเล นิริฺชเนติ วุตฺตํ โหติ. มุทุกมฺมฺภาเวน วา อตฺตโน วเส ิตตฺตา ิเต. สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อาเนฺชปฺปตฺเต ¶ . สทฺธาปริคฺคหิตํ หิ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเยน น อิฺชติ. วีริยปริคฺคหิตํ โกสชฺเชน น อิฺชติ. สติปริคฺคหิตํ ปมาเทน น อิฺชติ. สมาธิปริคฺคหิตํ อุทฺธจฺเจน น อิฺชติ ¶ . ปฺาปริคฺคหิตํ อวิชฺชาย น อิฺชติ. โอภาสคตํ กิเลสนฺธกาเรน น อิฺชติ. อิเมหิ ฉหิ ธมฺเมหิ ปริคฺคหิตํ อาเนฺชปฺปตฺตํ โหติ. เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย.
อปโร นโย, จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. นีวรณทูรภาเวน ปริสุทฺเธ. วิตกฺกาทิสมติกฺกเมน ปริโยทาเต. ฌานปฏิลาภปจฺจยานํ อิจฺฉาวจรานํ อภาเวน อนงฺคเณ. อภิชฺฌาทีนํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสานํ วิคเมน วิคตูปกฺกิเลเส. อุภยมฺปิ เจตํ อนงฺคณสุตฺตวตฺถสุตฺตานุสาเรน (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) เวทิตพฺพํ. วสิปฺปตฺติยา มุทุภูเต. อิทฺธิปาทภาวูปคเมน กมฺมนิเย. ภาวนาปาริปูริยา ปณีตภาวูปคเมน ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต. ยถา อาเนฺชปฺปตฺตํ โหติ, เอวํ ิเตติ อตฺโถ. เอวมฺปิ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย ปาทกํ ปทฏฺานภูตนฺติ.
ทสอิทฺธิกถา
๓๖๙. อิทฺธิวิธาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตีติ เอตฺถ อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ, นิปฺผตฺติอตฺเถน ปฏิลาภฏฺเน จาติ วุตฺตํ โหติ. ยฺหิ นิปฺผชฺชติ ปฏิลพฺภติ จ, ตํ อิชฺฌตีติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจตํ สมิชฺฌตี’’ติ (สุ. นิ. ๗๗๒). ตถา ‘‘เนกฺขมฺมํ อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, ปฏิหรตีติ ปาฏิหาริยํ. อรหตฺตมคฺโค อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, ปฏิหรตีติ ปาฏิหาริย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๒).
อปโร นโย, อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ. อุปายสมฺปทาเยตมธิวจนํ. อุปายสมฺปทา หิ อิชฺฌติ อธิปฺเปตผลปฺปสวนโต. ยถาห – ‘‘อยํ โข จิตฺโต คหปติ สีลวา กลฺยาณธมฺโม, สเจ ปณิทหิสฺสติ ‘อนาคตมทฺธานํ ราชา อสฺสํ จกฺกวตฺตี’ติ, ตสฺส โข อยํ อิชฺฌิสฺสติ สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๕๒).
อปโร นโย, เอตาย สตฺตา อิชฺฌนฺตีติ อิทฺธิ. อิชฺฌนฺตีติ อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ ¶ วุตฺตํ โหติ. สา ทสวิธา. ยถาห ‘‘กติ อิทฺธิโยติ ทส อิทฺธิโย’’. ปุน จปรํ อาห ‘‘กตมา ทส อิทฺธิโย ¶ ? อธิฏฺานา อิทฺธิ, วิกุพฺพนา อิทฺธิ, มโนมยา อิทฺธิ, าณวิปฺผารา อิทฺธิ, สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ, อริยา อิทฺธิ, กมฺมวิปากชา อิทฺธิ, ปฺุวโต อิทฺธิ, วิชฺชามยา อิทฺธิ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙).
๓๗๐. ตตฺถ ‘‘ปกติยา เอโก พหุกํ อาวชฺชติ. สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ ‘พหุโก โหมี’’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐) เอวํ วิภชิตฺวา ทสฺสิตา อิทฺธิ อธิฏฺานวเสน นิปฺผนฺนตฺตา อธิฏฺานา อิทฺธิ นาม.
๓๗๑. ‘‘โส ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารกวณฺณํ วา ทสฺเสติ นาควณฺณํ วา…เป… วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) เอวํ อาคตา อิทฺธิ ปกติวณฺณวิชหนวิการวเสน ปวตฺตตฺตา วิกุพฺพนา อิทฺธิ นาม.
๓๗๒. ‘‘อิธ ภิกฺขุ อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ รูปึ มโนมย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๔) อิมินา นเยน อาคตา อิทฺธิ สรีรพฺภนฺตเร อฺสฺเสว มโนมยสฺส สรีรสฺส นิปฺผตฺติวเสน ปวตฺตตฺตา มโนมยา อิทฺธิ นาม.
๓๗๓. าณุปฺปตฺติโต ปน ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา ตํขเณ วา าณานุภาวนิพฺพตฺโต วิเสโส าณวิปฺผารา อิทฺธิ นาม. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺาย ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ าณวิปฺผารา อิทฺธิ…เป… อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสานํ ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ าณวิปฺผารา อิทฺธิ. อายสฺมโต พากฺกุลสฺส าณวิปฺผารา อิทฺธิ. อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส าณวิปฺผารา อิทฺธิ. อายสฺมโต ภูตปาลสฺส าณวิปฺผารา อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๕).
ตตฺถ อายสฺมา พากฺกุโล ทหโรว มงฺคลทิวเส นทิยา นฺหาปิยมาโน ธาติยา ปมาเทน โสเต ปติโต. ตเมนํ มจฺโฉ คิลิตฺวา พาราณสีติตฺถํ อคมาสิ. ตตฺร ตํ มจฺฉพนฺโธ คเหตฺวา เสฏฺิภริยาย วิกฺกิณิ. สา มจฺเฉ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา อหเมว นํ ปจิสฺสามีติ ผาเลนฺตี มจฺฉกุจฺฉิยํ สุวณฺณพิมฺพํ วิย ทารกํ ทิสฺวา ปุตฺโต เม ลทฺโธติ โสมนสฺสชาตา อโหสิ. อิติ มจฺฉกุจฺฉิยํ อโรคภาโว อายสฺมโต พากฺกุลสฺส ¶ ปจฺฉิมภวิกสฺส เตน อตฺตภาเวน ปฏิลภิตพฺพอรหตฺตมคฺคาณานุภาเวน ¶ นิพฺพตฺตตฺตา าณวิปฺผารา อิทฺธิ นาม. วตฺถุ ปน วิตฺถาเรน กเถตพฺพํ.
สํกิจฺจตฺเถรสฺส ปน คพฺภคตสฺเสว มาตา กาลมกาสิ. ตสฺสา จิตกํ อาโรเปตฺวา สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ฌาปิยมานาย ทารโก สูลโกฏิยา อกฺขิกูเฏ ปหารํ ลภิตฺวา สทฺทํ อกาสิ. ตโต ทารโก ชีวตีติ โอตาเรตฺวา กุจฺฉึ ผาเลตฺวา ทารกํ อยฺยิกาย อทํสุ. โส ตาย ปฏิชคฺคิโต วุทฺธิมนฺวาย ปพฺพชิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิติ วุตฺตนเยเนว ทารุจิตกาย อโรคภาโว อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส าณวิปฺผารา อิทฺธิ นาม.
ภูตปาลทารกสฺส ปน ปิตา ราชคเห ทลิทฺทมนุสฺโส. โส ทารูนํ อตฺถาย สกเฏน อฏวึ คนฺตฺวา ทารุภารํ กตฺวา สายํ นครทฺวารสมีปํ ปตฺโต. อถสฺส โคณา ยุคํ โอสฺสชฺชิตฺวา นครํ ปวิสึสุ. โส สกฏมูเล ปุตฺตกํ นิสีทาเปตฺวา โคณานํ อนุปทํ คจฺฉนฺโต นครเมว ปาวิสิ. ตสฺส อนิกฺขนฺตสฺเสว ทฺวารํ ปิหิตํ. ทารกสฺส วาฬยกฺขานุจริเตปิ พหินคเร ติยามรตฺตึ อโรคภาโว วุตฺตนเยเนว าณวิปฺผารา อิทฺธิ นาม. วตฺถุ ปน วิตฺถาเรตพฺพํ.
๓๗๔. สมาธิโต ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา ตํขเณ วา สมถานุภาวนิพฺพตฺโต วิเสโส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปมชฺฌาเนน นีวรณานํ ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺาย ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ, อายสฺมโต สฺชีวสฺส, อายสฺมโต ขาณุโกณฺฑฺสฺส, อุตฺตราย อุปาสิกาย, สามาวติยา อุปาสิกาย สมาธิวิปฺผารา อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๖).
ตตฺถ ยทา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน สทฺธึ กโปตกนฺทรายํ วิหรโต ชุณฺหาย รตฺติยา นโวโรปิเตหิ เกเสหิ อชฺโฌกาเส นิสินฺนสฺส เอโก ทุฏฺยกฺโข สหายเกน ยกฺเขน วาริยมาโนปิ สีเส ปหารมทาสิ. ยสฺส เมฆสฺส วิย คชฺชโต ¶ สทฺโท อโหสิ. ตทา เถโร ตสฺส ปหรณสมเย สมาปตฺตึ อปฺเปสิ. อถสฺส เตน ปหาเรน น โกจิ อาพาโธ อโหสิ ¶ . อยํ ตสฺสายสฺมโต สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. วตฺถุ ปน อุทาเน (อุทา. ๓๔) อาคตเมว.
สฺชีวตฺเถรํ ปน นิโรธสมาปนฺนํ กาลกโตติ สลฺลกฺเขตฺวา โคปาลกาทโย ติณกฏฺโคมยานิ สงฺกฑฺเฒตฺวา อคฺคึ อทํสุ. เถรสฺส จีวเร อํสุมตฺตมฺปิ นชฺฌายิตฺถ. อยมสฺส อนุปุพฺพสมาปตฺติวเสน ปวตฺตสมถานุภาวนิพฺพตฺตตฺตา สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. วตฺถุ ปน สุตฺเต (ม. นิ. ๑.๕๐๗) อาคตเมว.
ขาณุโกณฺฑฺตฺเถโร ปน ปกติยาว สมาปตฺติพหุโล. โส อฺตรสฺมึ อรฺเ รตฺตึ สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทิ. ปฺจสตา โจรา ภณฺฑกํ เถเนตฺวา คจฺฉนฺตา ‘‘อิทานิ อมฺหากํ อนุปถํ อาคจฺฉนฺตา นตฺถี’’ติ วิสฺสมิตุกามา ภณฺฑกํ โอโรปยมานา ‘‘ขาณุโก อย’’นฺติ มฺมานา เถรสฺเสว อุปริ สพฺพภณฺฑกานิ เปสุํ. เตสํ วิสฺสมิตฺวา คจฺฉนฺตานํ ปมํ ปิตภณฺฑกสฺส คหณกาเล กาลปริจฺเฉทวเสน เถโร วุฏฺาสิ. เต เถรสฺส จลนาการํ ทิสฺวา ภีตา วิรวึสุ. เถโร ‘‘มา ภายิตฺถ อุปาสกา, ภิกฺขุ อห’’นฺติ อาห. เต อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เถรคเตน ปสาเทน ปพฺพชิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑). อยเมตฺถ ปฺจหิ ภณฺฑกสเตหิ อชฺโฌตฺถฏสฺส เถรสฺส อาพาธาภาโว สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ.
อุตฺตรา ปน อุปาสิกา ปุณฺณเสฏฺิสฺส ธีตา. ตสฺสา สิริมา นาม คณิกา อิสฺสาปกตา ตตฺตเตลกฏาหํ สีเส อาสิฺจิ. อุตฺตรา ตํขณฺเว เมตฺตํ สมาปชฺชิ. เตลํ โปกฺขรปตฺตโต อุทกพินฺทุ วิย วิวฏฺฏมานํ อคมาสิ. อยมสฺสา สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ. วตฺถุ ปน วิตฺถาเรตพฺพํ.
สามาวตี นาม อุเทนสฺส รฺโ อคฺคมเหสี. มาคณฺฑิยพฺราหฺมโณ อตฺตโน ธีตาย อคฺคมเหสิฏฺานํ ปตฺถยมาโน ตสฺสา วีณาย อาสีวิสํ ¶ ปกฺขิปาเปตฺวา ราชานํ อาห ‘‘มหาราช, สามาวตี ตํ มาเรตุกามา วีณาย อาสีวิสํ คเหตฺวา ปริหรตี’’ติ. ราชา ตํ ทิสฺวา กุปิโต สามาวตึ วธิสฺสามีติ ธนุํ อาโรเปตฺวา วิสปีตํ ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิ. สามาวตี สปริวารา ราชานํ เมตฺตาย ผริ. ราชา เนว สรํ ขิปิตุํ น โอโรเปตุํ สกฺโกนฺโต เวธมาโน อฏฺาสิ. ตโต นํ เทวี อาห ‘‘กึ, มหาราช, กิลมสี’’ติ? ‘‘อาม กิลมามี’’ติ. ‘‘เตน ¶ หิ ธนุํ โอโรเปหี’’ติ. สโร รฺโ ปาทมูเลเยว ปติ. ตโต นํ เทวี ‘‘มหาราช, อปฺปทุฏฺสฺส นปฺปทุสฺสิตพฺพ’’นฺติ โอวทิ. อิติ รฺโ สรํ มฺุจิตุํ อวิสหนภาโว สามาวติยา อุปาสิกาย สมาธิวิปฺผารา อิทฺธีติ.
๓๗๕. ปฏิกฺกูลาทีสุ อปฺปฏิกฺกูลสฺิวิหาราทิกา ปน อริยา อิทฺธิ นาม. ยถาห – ‘‘กตมา อริยา อิทฺธิ? อิธ – ภิกฺขุ สเจ อากงฺขติ ‘ปฏิกฺกูเล อปฺปฏิกฺกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฏิกฺกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ…เป… อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโน’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๗). อยฺหิ เจโตวสิปฺปตฺตานํ อริยานํเยว สมฺภวโต อริยา อิทฺธีติ วุจฺจติ.
เอตาย หิ สมนฺนาคโต ขีณาสโว ภิกฺขุ ปฏิกฺกูเล อนิฏฺเ วตฺถุสฺมึ เมตฺตาผรณํ วา ธาตุมนสิการํ วา กโรนฺโต อปฺปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ. อปฺปฏิกฺกูเล อิฏฺเ วตฺถุสฺมึ อสุภผรณํ วา อนิจฺจนฺติ มนสิการํ วา กโรนฺโต ปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ. ตถา ปฏิกฺกูลาปฏิกฺกูเลสุ ตเทว เมตฺตาผรณํ วา ธาตุมนสิการํ วา กโรนฺโต อปฺปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ. อปฺปฏิกฺกูลปฏิกฺกูเลสุ จ ตเทว อสุภผรณํ วา อนิจฺจนฺติ มนสิการํ วา กโรนฺโต ปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ. จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหตีติอาทินา นเยน วุตฺตํ ปน ฉฬงฺคุเปกฺขํ ปวตฺตยมาโน ปฏิกฺกูเล จ อปฺปฏิกฺกูเล จ ตทุภยํ อภินิวชฺชิตฺวา อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน. ปฏิสมฺภิทายฺหิ ‘‘กถํ ปฏิกฺกูเล อปฺปฏิกฺกูลสฺี วิหรติ? อนิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมึ เมตฺตาย วา ผรติ ธาตุโส วา อุปสํหรตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๑๗) นเยน อยเมว อตฺโถ วิภตฺโต. อยํ เจโตวสิปฺปตฺตานํ อริยานํเยว สมฺภวโต อริยา อิทฺธีติ วุจฺจติ.
๓๗๖. ปกฺขีอาทีนํ ปน ¶ เวหาสคมนาทิกา กมฺมวิปากชา อิทฺธิ นาม. ยถาห – ‘‘กตมา กมฺมวิปากชา อิทฺธิ? สพฺเพสํ ปกฺขีนํ สพฺเพสํ เทวานํ เอกจฺจานํ มนุสฺสานํ เอกจฺจานฺจ วินิปาติกานํ อยํ กมฺมวิปากชา อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๘). เอตฺถ หิ สพฺเพสํ ปกฺขีนํ ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา วินาเยว อากาเสน คมนํ. ตถา สพฺเพสํ เทวานํ ปมกปฺปิกานฺจ เอกจฺจานํ มนุสฺสานํ. ตถา ปิยงฺกรมาตา (สํ. นิ. ๑.๒๔๐) ยกฺขินี ¶ อุตฺตรมาตา ผุสฺสมิตฺตา ธมฺมคุตฺตาติ เอวมาทีนํ เอกจฺจานํ วินิปาติกานํ อากาเสน คมนํ กมฺมวิปากชา อิทฺธีติ.
๓๗๗. จกฺกวตฺติอาทีนํ เวหาสคมนาทิกา ปน ปฺุวโต อิทฺธิ นาม. ยถาห ‘‘กตมา ปฺุวโต อิทฺธิ? ราชา จกฺกวตฺตี เวหาสํ คจฺฉติ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย อนฺตมโส อสฺสพนฺธโคพนฺธปุริเส อุปาทาย. โชติกสฺส คหปติสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. ชฏิลกสฺส คหปติสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. โฆสิตสฺส คหปติสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. เมณฺฑกสฺส คหปติสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. ปฺจนฺนํ มหาปฺุานํ ปฺุวโต อิทฺธี’’ติ. สงฺเขปโต ปน ปริปากํ คเต ปฺุสมฺภาเร อิชฺฌนกวิเสโส ปฺุวโต อิทฺธิ.
เอตฺถ จ โชติกสฺส คหปติสฺส ปถวึ ภินฺทิตฺวา มณิปาสาโท อุฏฺหิ. จตุสฏฺิ จ กปฺปรุกฺขาติ อยมสฺส ปฺุวโต อิทฺธิ. ชฏิลกสฺส อสีติหตฺโถ สุวณฺณปพฺพโต นิพฺพตฺติ. โฆสิตสฺส สตฺตสุ าเนสุ มารณตฺถาย อุปกฺกเม กเตปิ อโรคภาโว ปฺุวโต อิทฺธิ. เมณฺฑกสฺส เอกกรีสมตฺเต ปเทเส สตฺตรตนมยานํ เมณฺฑกานํ ปาตุภาโว ปฺุวโต อิทฺธิ. ปฺจ มหาปฺุา นาม เมณฺฑกเสฏฺิ, ตสฺส ภริยา จนฺทปทุมสิรี, ปุตฺโต ธนฺจยเสฏฺิ, สุณิสา สุมนเทวี, ทาโส ปุณฺโณ นามาติ. เตสุ เสฏฺิสฺส สีสํ นฺหาตสฺส อากาสํ อุลฺโลกนกาเล อฑฺฒเตฬสโกฏฺสหสฺสานิ อากาสโต รตฺตสาลีนํ ปูเรนฺติ. ภริยาย นาฬิโกทนมตฺตมฺปิ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสิเก ปริวิสมานาย ภตฺตํ น ขียติ. ปุตฺตสฺส สหสฺสตฺถวิกํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสิกานมฺปิ เทนฺตสฺส กหาปณา น ขียนฺติ. สุณิสาย เอกํ ¶ วีหิตุมฺพํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสิกานมฺปิ ภาชยมานาย ธฺํ น ขียติ. ทาสสฺส เอเกน นงฺคเลน กสโต อิโต สตฺต อิโต สตฺตาติ จุทฺทส มคฺคา โหนฺติ. อยํ เนสํ ปฺุวโต อิทฺธิ.
๓๗๘. วิชฺชาธราทีนํ เวหาสคมนาทิกา ปน วิชฺชามยา อิทฺธิ. ยถาห ‘‘กตมา วิชฺชามยา อิทฺธิ? วิชฺชาธรา วิชฺชํ ปริชปิตฺวา เวหาสํ คจฺฉนฺติ. อากาเส อนฺตลิกฺเข หตฺถิมฺปิ ทสฺเสนฺติ…เป… วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๘).
๓๗๙. เตน เตน ปน สมฺมาปโยเคน ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส อิชฺฌนํ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ. ยถาห – ‘‘เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทสฺส ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ ตตฺถ ¶ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ…เป… อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสานํ ปหานฏฺโ อิชฺฌตีติ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๘). เอตฺถ จ ปฏิปตฺติสงฺขาตสฺเสว สมฺมาปโยคสฺส ทีปนวเสน ปุริมปาฬิสทิสาว ปาฬิ อาคตา. อฏฺกถายํ ปน สกฏพฺยูหาทิกรณวเสน ยํกิฺจิ สิปฺปกมฺมํ ยํกิฺจิ เวชฺชกมฺมํ ติณฺณํ เพทานํ อุคฺคหณํ ติณฺณํ ปิฏกานํ อุคฺคหณํ อนฺตมโส กสนวปนาทีนิ อุปาทาย ตํ ตํ กมฺมํ กตฺวา นิพฺพตฺตวิเสโส ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธีติ อาคตา. (๑๐)
อิติ อิมาสุ ทสสุ อิทฺธีสุ อิทฺธิวิธายาติ อิมสฺมึ ปเท อธิฏฺานา อิทฺธิเยว อาคตา. อิมสฺมึ ปนตฺเถ วิกุพฺพนามโนมยาอิทฺธิโยปิ อิจฺฉิตพฺพา เอว.
๓๘๐. อิทฺธิวิธายาติ อิทฺธิโกฏฺาสาย, อิทฺธิวิกปฺปาย วา. จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตีติ โส ภิกฺขุ วุตฺตปฺปการวเสน ตสฺมึ จิตฺเต อภิฺาปาทเก ชาเต อิทฺธิวิธาธิคมตฺถาย ปริกมฺมจิตฺตํ อภินีหรติ กสิณารมฺมณโต อปเนตฺวา อิทฺธิวิธาภิมุขํ เปเสติ. อภินินฺนาเมตีติ อธิคนฺตพฺพอิทฺธิโปณํ อิทฺธิปพฺภารํ กโรติ. โสติ โส เอวํ กตจิตฺตาภินีหาโร ภิกฺขุ. อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ นานปฺปการกํ. อิทฺธิวิธนฺติ อิทฺธิโกฏฺาสํ. ปจฺจนุโภตีติ ปจฺจนุภวติ, ผุสติ ¶ สจฺฉิกโรติ ปาปุณาตีติ อตฺโถ. อิทานิสฺส อเนกวิหิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอโกปิ หุตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอโกปิ หุตฺวาติ อิทฺธิกรณโต ปุพฺเพ ปกติยา เอโกปิ หุตฺวา. พหุธา โหตีติ พหูนํ สนฺติเก จงฺกมิตุกาโม วา สชฺฌายํ วา กตฺตุกาโม ปฺหํ วา ปุจฺฉิตุกาโม หุตฺวา สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ โหติ. กถํ ปนายเมวํ โหติ? อิทฺธิยา จตสฺโส ภูมิโย จตฺตาโร ปาทา อฏฺ ปทานิ โสฬส จ มูลานิ สมฺปาเทตฺวา าเณน อธิฏฺหนฺโต.
๓๘๑. ตตฺถ จตสฺโส ภูมิโยติ จตฺตาริ ฌานานิ เวทิตพฺพานิ. วุตฺตฺเหตํ ธมฺมเสนาปตินา ‘‘อิทฺธิยา กตมา จตสฺโส ภูมิโย? วิเวกชภูมิ ปมํ ฌานํ, ปีติสุขภูมิ ทุติยํ ฌานํ, อุเปกฺขาสุขภูมิ ตติยํ ฌานํ, อทุกฺขมสุขภูมิ จตุตฺถํ ฌานํ. อิทฺธิยา อิมา จตสฺโส ภูมิโย อิทฺธิลาภาย อิทฺธิปฏิลาภาย อิทฺธิวิกุพฺพนตาย อิทฺธิวิสวิตาย อิทฺธิวสิตาย อิทฺธิเวสารชฺชาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙). เอตฺถ จ ปุริมานิ ตีณิ ฌานานิ ยสฺมา ปีติผรเณน จ สุขผรเณน จ สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา ¶ ลหุมุทุกมฺมฺกาโย อิทฺธึ ปาปุณาติ, ตสฺมา อิมินา ปริยาเยน อิทฺธิลาภาย สํวตฺตนโต สมฺภารภูมิโยติ เวทิตพฺพานิ. จตุตฺถชฺฌานํ ปน อิทฺธิลาภาย ปกติภูมิเยว.
๓๘๒. จตฺตาโร ปาทาติ จตฺตาโร อิทฺธิปาทา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อิทฺธิยา กตเม จตฺตาโร ปาทา? อิธ ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ. วีริย… จิตฺต… วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ. อิทฺธิยา อิเม จตฺตาโร ปาทา อิทฺธิลาภาย…เป… อิทฺธิเวสารชฺชาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙). เอตฺถ จ ฉนฺทเหตุโก ฉนฺทาธิโก วา สมาธิ ฉนฺทสมาธิ. กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ อธิปตึ กริตฺวา ปฏิลทฺธสมาธิสฺเสตํ อธิวจนํ. ปธานภูตา สงฺขารา ปธานสงฺขารา. จตุกิจฺจสาธกสฺส สมฺมปฺปธานวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. สมนฺนาคตนฺติ ฉนฺทสมาธินา จ ปธานสงฺขาเรหิ จ อุเปตํ. อิทฺธิปาทนฺติ นิปฺผตฺติปริยาเยน วา อิชฺฌนฏฺเน, อิชฺฌนฺติ เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิมินา วา ปริยาเยน อิทฺธีติ สงฺขํ คตานํ อภิฺาจิตฺตสมฺปยุตฺตานํ ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารานํ ¶ อธิฏฺานฏฺเน ปาทภูตํ เสสจิตฺตเจตสิกราสินฺติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อิทฺธิปาโทติ ตถาภูตสฺส เวทนากฺขนฺโธ…เป… วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ (วิภ. ๔๓๔).
อถ วา ปชฺชเต อเนนาติ ปาโท. ปาปุณียตีติ อตฺโถ. อิทฺธิยา ปาโท อิทฺธิปาโท. ฉนฺทาทีนเมตํ อธิวจนํ. ยถาห – ‘‘ฉนฺทฺเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิสฺสาย ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ, อยํ วุจฺจติ ฉนฺทสมาธิ. โส อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ…เป… ปทหติ, อิเม วุจฺจนฺติ ปธานสงฺขารา. อิติ อยฺจ ฉนฺโท อยฺจ ฉนฺทสมาธิ อิเม จ ปธานสงฺขารา, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคโต อิทฺธิปาโท’’ติ (สํ. นิ. ๕.๘๒๕). เอวํ เสสิทฺธิปาเทสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓๘๓. อฏฺ ปทานีติ ฉนฺทาทีนิ อฏฺ เวทิตพฺพานิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อิทฺธิยา กตมานิ อฏฺ ปทานิ? ฉนฺทฺเจ ภิกฺขุ นิสฺสาย ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ. ฉนฺโท น สมาธิ, สมาธิ น ฉนฺโท. อฺโ ฉนฺโท, อฺโ สมาธิ. วีริยฺเจ ภิกฺขุ… จิตฺตฺเจ ภิกฺขุ… วีมํสฺเจ ภิกฺขุ นิสฺสาย ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ. วีมํสา น สมาธิ, สมาธิ น วีมํสา. อฺา วีมํสา, อฺโ สมาธิ. อิทฺธิยา อิมานิ อฏฺ ปทานิ อิทฺธิลาภาย…เป… อิทฺธิเวสารชฺชาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙). เอตฺถ หิ อิทฺธิมุปฺปาเทตุกามตาฉนฺโท ¶ สมาธินา เอกโต นิยุตฺโตว อิทฺธิลาภาย สํวตฺตติ; ตถา วีริยาทโย. ตสฺมา อิมานิ อฏฺ ปทานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ.
๓๘๔. โสฬส มูลานีติ โสฬสหิ อากาเรหิ อาเนฺชตา จิตฺตสฺส เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อิทฺธิยา กติ มูลานิ? โสฬส มูลานิ – อโนนตํ จิตฺตํ โกสชฺเช น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อนุนฺนตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺเจ น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อนภินตํ จิตฺตํ ราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อนปนตํ จิตฺตํ พฺยาปาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อนิสฺสิตํ จิตฺตํ ทิฏฺิยา น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, อปฺปฏิพทฺธํ จิตฺตํ ฉนฺทราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, วิปฺปมุตฺตํ จิตฺตํ กามราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, วิสํยุตฺตํ จิตฺตํ กิเลเส น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, วิมริยาทิกตํ จิตฺตํ กิเลสมริยาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, เอกตฺตคตํ จิตฺตํ นานตฺตกิเลเส น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, สทฺธาย ปริคฺคหิตํ ¶ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, วีริเยน ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ โกสชฺเช น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, สติยา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปมาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, สมาธินา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺเจ น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, ปฺาย ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อวิชฺชาย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ, โอภาสคตํ จิตฺตํ อวิชฺชนฺธกาเร น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อิทฺธิยา อิมานิ โสฬส มูลานิ อิทฺธิลาภาย…เป… อิทฺธิเวสารชฺชาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๙).
กามฺจ เอส อตฺโถ เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติอาทินาปิ สิทฺโธเยว, ปมชฺฌานาทีนํ ปน อิทฺธิยา ภูมิปาทปทมูลภาวทสฺสนตฺถํ ปุน วุตฺโต. ปุริโม จ สุตฺเตสุ อาคตนโย. อยํ ปฏิสมฺภิทายํ. อิติ อุภยตฺถ อสมฺโมหตฺถมฺปิ ปุน วุตฺโต.
๓๘๕. าเณน อธิฏฺหนฺโตติ สฺวายเมเต อิทฺธิยา ภูมิปาทปทภูเต ธมฺเม สมฺปาเทตฺวา อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย สเจ สตํ อิจฺฉติ ‘‘สตํ โหมิ สตํ โหมี’’ติ ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺาติ, อธิฏฺานจิตฺเตน สเหว สตํ โหติ. สหสฺสาทีสุปิ เอเสว นโย. สเจ เอวํ น อิชฺฌติ ปุน ปริกมฺมํ กตฺวา ทุติยมฺปิ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺาตพฺพํ. สํยุตฺตฏฺกถายํ หิ เอกวารํ ทฺเววารํ สมาปชฺชิตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปาทกชฺฌานจิตฺตํ นิมิตฺตารมฺมณํ. ปริกมฺมจิตฺตานิ สตารมฺมณานิ วา สหสฺสารมฺมณานิ วา, ตานิ จ โข วณฺณวเสน, โน ปณฺณตฺติวเสน. อธิฏฺานจิตฺตมฺปิ ตเถว สตารมฺมณํ ¶ วา สหสฺสารมฺมณํ วา. ตํ ปุพฺเพ วุตฺตํ อปฺปนาจิตฺตมิว โคตฺรภุอนนฺตรํ เอกเมว อุปฺปชฺชติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานิกํ.
๓๘๖. ยมฺปิ ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตํ ‘‘ปกติยา เอโก พหุกํ อาวชฺชติ สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา, อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ ‘พหุโก โหมี’ติ, พหุโก โหติ, ยถา อายสฺมา จูฬปนฺถโก’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐). ตตฺราปิ อาวชฺชตีติ ปริกมฺมวเสเนว วุตฺตํ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาตีติ อภิฺาาณวเสน วุตฺตํ. ตสฺมา พหุกํ อาวชฺชติ, ตโต เตสมฺปิ ปริกมฺมจิตฺตานํ อวสาเน สมาปชฺชติ, สมาปตฺติโต วุฏฺหิตฺวา ปุน พหุโก โหมีติ อาวชฺชิตฺวา ตโต ปรํ ปวตฺตานํ ติณฺณํ จตุนฺนํ วา ปุพฺพภาคจิตฺตานํ อนนฺตรา อุปฺปนฺเนน สนฺนิฏฺาปนวเสน อธิฏฺานนฺติ ¶ ลทฺธนาเมน เอเกเนว อภิฺาาเณน อธิฏฺาตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ยถา อายสฺมา จูฬปนฺถโก’’ติ, ตํ พหุธาภาวสฺส กายสกฺขิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตํ ปน วตฺถุนา ทีเปตพฺพํ. เต กิร ทฺเวภาตโร ปนฺเถ ชาตตฺตา ปนฺถกาติ นามํ ลภึสุ. เตสํ เชฏฺโ มหาปนฺถโก, โส ปพฺพชิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหา หุตฺวา จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชตฺวา –
ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ, ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ, ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเขติ. (อ. นิ. ๕.๑๙๕) –
อิมํ คาถํ อทาสิ. โส ตํ จตูหิ มาเสหิ ปคุณํ กาตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ เถโร อภพฺโพ ตฺวํ สาสเนติ วิหารโต นีหริ. ตสฺมิฺจ กาเล เถโร ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. ชีวโก เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สฺเว, ภนฺเต, ภควตา สทฺธึ ปฺจภิกฺขุสตานิ คเหตฺวา อมฺหากํ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. เถโรปิ เปตฺวา จูฬปนฺถกํ เสสานํ อธิวาเสมีติ อธิวาเสสิ.
จูฬปนฺถโก ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา โรทติ. ภควา ทิพฺพจกฺขุนา ทิสฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา กสฺมา โรทสีติ อาห. โส ตํ ปวตฺติมาจิกฺขิ. ภควา น สชฺฌายํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต มม ¶ สาสเน อภพฺโพ นาม โหติ, มา โสจิ ภิกฺขูติ ตํ พาหายํ คเหตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา อิทฺธิยา ปิโลติกขณฺฑํ อภินิมฺมินิตฺวา อทาสิ, หนฺท ภิกฺขุ อิมํ ปริมชฺชนฺโต รโชหรณํ รโชหรณนฺติ ปุนปฺปุนํ สชฺฌายํ กโรหีติ. ตสฺส ตถา กโรโต ตํ กาฬวณฺณํ อโหสิ. โส ปริสุทฺธํ วตฺถํ, นตฺเถตฺถ โทโส, อตฺตภาวสฺส ปนายํ โทโสติ สฺํ ปฏิลภิตฺวา ปฺจสุ ขนฺเธสุ าณํ โอตาเรตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนุโลมโต โคตฺรภุสมีปํ ปาเปสิ. อถสฺส ภควา โอภาสคาถา อภาสิ –
‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
ราคสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ปณฺฑิตา,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.
‘‘โทโส ¶ …เป….
‘‘โมโห รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ,
โมหสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ปณฺฑิตา,
วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน’’ติ. (มหานิ. ๒๐๙);
ตสฺส คาถาปริโยสาเน จตุปฏิสมฺภิทาฉฬภิฺาปริวารา นว โลกุตฺตรธมฺมา หตฺถคตาว อเหสุํ.
สตฺถา ทุติยทิวเส ชีวกสฺส เคหํ อคมาสิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ ทกฺขิโณทกาวสาเน ยาคุยา ทิยฺยมานาย หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. ชีวโก กึ ภนฺเตติ ปุจฺฉิ. วิหาเร เอโก ภิกฺขุ อตฺถีติ. โส ปุริสํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ, อยฺยํ คเหตฺวา สีฆํ เอหี’’ติ. วิหารโต นิกฺขนฺเต ปน ภควติ,
สหสฺสกฺขตฺตุมตฺตานํ ¶ , นิมฺมินิตฺวาน ปนฺถโก;
นิสีทมฺพวเน รมฺเม, ยาว กาลปฺปเวทนาติ. (เถรคา. ๕๖๓);
อถ โส ปุริโส คนฺตฺวา กาสาเวหิ เอกปชฺโชตํ อารามํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ภิกฺขูหิ ภริโต ภนฺเต อาราโม, นาหํ ชานามิ กตโม โส อยฺโยติ อาห. ตโต นํ ภควา อาห ‘‘คจฺฉ ยํ ปมํ ปสฺสสิ, ตํ จีวรกณฺเณ คเหตฺวา ‘สตฺถา ตํ อามนฺเตตี’ติ วตฺวา อาเนหี’’ติ. โส ตํ คนฺตฺวา เถรสฺเสว จีวรกณฺเณ อคฺคเหสิ. ตาวเทว สพฺเพปิ นิมฺมิตา อนฺตรธายึสุ. เถโร ‘‘คจฺฉ ตฺว’’นฺติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา มุขโธวนาทิสรีรกิจฺจํ นิฏฺเปตฺวา ปมตรํ คนฺตฺวา ปตฺตาสเน นิสีทิ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยถา อายสฺมา จูฬปนฺถโก’’ติ.
ตตฺร เย เต พหู นิมฺมิตา เต อนิยเมตฺวา นิมฺมิตตฺตา อิทฺธิมตา สทิสาว โหนฺติ. านนิสชฺชาทีสุ วา ภาสิตตุณฺหีภาวาทีสุ วา ยํ ยํ อิทฺธิมา กโรติ, ตํ ตเทว กโรนฺติ. สเจ ปน นานาวณฺเณ กาตุกาโม โหติ, เกจิ ปมวเย, เกจิ มชฺฌิมวเย, เกจิ ปจฺฉิมวเย, ตถา ¶ ทีฆเกเส, อุปฑฺฒมุณฺเฑ, มุณฺเฑ, มิสฺสเกเส, อุปฑฺฒรตฺตจีวเร, ปณฺฑุกจีวเร, ปทภาณธมฺมกถาสรภฺปฺหปุจฺฉนปฺหวิสฺสชฺชนรชนปจนจีวรสิพฺพนโธวนาทีนิ กโรนฺเต อปเรปิ วา นานปฺปการเก กาตุกาโม โหติ, เตน ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย เอตฺตกา ภิกฺขู ปมวยา โหนฺตูติอาทินา นเยน ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺาตพฺพํ. อธิฏฺานจิตฺเตน สทฺธึ อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปการาเยว โหนฺตีติ. เอส นโย พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหตีติอาทีสุ.
อยํ ปน วิเสโส, อิมินา ภิกฺขุนา เอวํ พหุภาวํ นิมฺมินิตฺวา ปุน ‘‘เอโกว หุตฺวา จงฺกมิสฺสามิ, สชฺฌายํ กริสฺสามิ, ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา วา, ‘‘อยํ วิหาโร อปฺปภิกฺขุโก, สเจ เกจิ อาคมิสฺสนฺติ ‘กุโต อิเม เอตฺตกา เอกสทิสา ภิกฺขู, อทฺธา เถรสฺส เอส อานุภาโว’ติ มํ ชานิสฺสนฺตี’’ติ อปฺปิจฺฉตาย วา อนฺตราว ‘‘เอโก โหมี’’ติ อิจฺฉนฺเตน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘เอโก โหมี’’ติ ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘เอโก โหมี’’ติ อธิฏฺาตพฺพํ. อธิฏฺานจิตฺเตน สทฺธึเยว เอโก โหติ. เอวํ อกโรนฺโต ปน ยถา ปริจฺฉินฺนกาลวเสน สยเมว เอโก โหติ.
๓๘๗. อาวิภาวํ ติโรภาวนฺติ เอตฺถ อาวิภาวํ กโรติ ติโรภาวํ กโรตีติ อยมตฺโถ ¶ . อิทเมว หิ สนฺธาย ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตํ ‘‘อาวิภาวนฺติ เกนจิ อนาวฏํ โหติ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ วิวฏํ ปากฏํ. ติโรภาวนฺติ เกนจิ อาวฏํ โหติ ปฏิจฺฉนฺนํ ปิหิตํ ปฏิกุชฺชิต’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑). ตตฺรายํ อิทฺธิมา อาวิภาวํ กาตุกาโม อนฺธการํ วา อาโลกํ กโรติ, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวฏํ, อนาปาถํ วา อาปาถํ กโรติ. กถํ? อยฺหิ ยถา ปฏิจฺฉนฺโนปิ ทูเร ิโตปิ วา ทิสฺสติ, เอวํ อตฺตานํ วา ปรํ วา กาตุกาโม ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย อิทํ อนฺธการฏฺานํ อาโลกชาตํ โหตูติ วา, อิทํ ปฏิจฺฉนฺนํ วิวฏํ โหตูติ วา, อิทํ อนาปาถํ อาปาถํ โหตูติ วา อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาติ, สห อธิฏฺานจิตฺเตน ยถาธิฏฺิตเมว โหติ. ปเร ทูเร ิตาปิ ปสฺสนฺติ. สยมฺปิ ปสฺสิตุกาโม ปสฺสติ.
๓๘๘. เอตํ ¶ ปน ปาฏิหาริยํ เกน กตปุพฺพนฺติ? ภควตา. ภควา หิ จูฬสุภทฺทาย นิมนฺติโต วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิเตหิ ปฺจหิ กูฏาคารสเตหิ สาวตฺถิโต สตฺตโยชนพฺภนฺตรํ สาเกตํ คจฺฉนฺโต ยถา สาเกตนครวาสิโน สาวตฺถิวาสิเก, สาวตฺถิวาสิโน จ สาเกตวาสิเก ปสฺสนฺติ, เอวํ อธิฏฺาสิ. นครมชฺเฌ จ โอตริตฺวา ปถวึ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ยาว อวีจึ อากาสฺจ ทฺวิธา วิยูหิตฺวา ยาว พฺรหฺมโลกํ ทสฺเสสิ.
เทโวโรหเณนปิ จ อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. ภควา กิร ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา จตุราสีติปาณสหสฺสานิ พนฺธนา ปโมเจตฺวา อตีตา พุทฺธา ยมกปาฏิหาริยาวสาเน กุหึ คตาติ อาวชฺชิตฺวา ตาวตึสภวนํ คตาติ อทฺทส. อเถเกน ปาเทน ปถวีตลํ อกฺกมิตฺวา ทุติยํ ยุคนฺธรปพฺพเต ปติฏฺเปตฺวา ปุน ปุริมปาทํ อุทฺธริตฺวา สิเนรุมตฺถกํ อกฺกมิตฺวา ตตฺถ ปณฺฑุกมฺพลสิลาตเล วสฺสํ อุปคนฺตฺวา สนฺนิปติตานํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ อาทิโต ปฏฺาย อภิธมฺมกถํ อารภิ. ภิกฺขาจารเวลาย นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. โส ธมฺมํ เทเสติ. ภควา นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรูสุ ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา อโนตตฺตทหตีเร ปริภฺุชติ. สาริปุตฺตตฺเถโร ตตฺถ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทติ. ภควา อชฺช เอตฺตกํ ธมฺมํ เทเสสินฺติ เถรสฺส นยํ เทติ. เอวํ ตโย มาเส อพฺโพจฺฉินฺนํ อภิธมฺมกถํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา อสีติโกฏิเทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.
ยมกปาฏิหาริเย สนฺนิปติตาปิ ทฺวาทสโยชนา ปริสา ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวาว คมิสฺสามาติ ¶ ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา อฏฺาสิ. ตํ จูฬอนาถปิณฺฑิกเสฏฺิเยว สพฺพปจฺจเยหิ อุปฏฺาสิ. มนุสฺสา กุหึ ภควาติ ชานนตฺถาย อนุรุทฺธตฺเถรํ ยาจึสุ. เถโร อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา อทฺทส ทิพฺเพน จกฺขุนา ตตฺถ วสฺสูปคตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา อาโรเจสิ.
เต ภควโต วนฺทนตฺถาย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ ยาจึสุ. เถโร ปริสมชฺเฌเยว มหาปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา สิเนรุปพฺพตํ นิพฺพิชฺฌิตฺวา ตถาคตปาทมูเล ¶ ภควโต ปาเท วนฺทมาโนว อุมฺมุชฺชิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘ชมฺพุทีปวาสิโน, ภนฺเต, ภควโต ปาเท วนฺทิตฺวา ปสฺสิตฺวาว คมิสฺสามาติ วทนฺตี’’ติ. ภควา อาห ‘‘กุหึ ปน เต, โมคฺคลฺลาน, เอตรหิ เชฏฺภาตา ธมฺมเสนาปตี’’ติ? ‘‘สงฺกสฺสนคเร ภนฺเต’’ติ. ‘‘โมคฺคลฺลาน, มํ ทฏฺุกามา สฺเว สงฺกสฺสนครํ อาคจฺฉนฺตุ, อหํ สฺเว มหาปวารณปุณฺณมาสีอุโปสถทิวเส สงฺกสฺสนคเร โอตริสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร ทสพลํ วนฺทิตฺวา อาคตมคฺเคเนว โอรุยฺห มนุสฺสานํ สนฺติกํ สมฺปาปุณิ. คมนาคมนกาเล จ ยถา นํ มนุสฺสา ปสฺสนฺติ, เอวํ อธิฏฺาสิ. อิทํ ตาเวตฺถ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อาวิภาวปาฏิหาริยํ อกาสิ.
โส เอวํ อาคโต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘ทูรนฺติ สฺํ อกตฺวา กตปาตราสาว นิกฺขมถา’’ติ อาห. ภควา สกฺกสฺส เทวรฺโ อาโรเจสิ ‘‘มหาราช, สฺเว มนุสฺสโลกํ คจฺฉามี’’ติ. เทวราชา วิสฺสกมฺมํ อาณาเปสิ ‘‘ตาต, สฺเว ภควา มนุสฺสโลกํ คนฺตุกาโม, ติสฺโส โสปานปนฺติโย มาเปหิ เอกํ กนกมยํ, เอกํ รชตมยํ, เอกํ มณิมย’’นฺติ. โส ตถา อกาสิ. ภควา ทุติยทิวเส สิเนรุมุทฺธนิ ตฺวา ปุรตฺถิมโลกธาตุํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ วิวฏานิ หุตฺวา เอกงฺคณํ วิย ปกาสึสุ. ยถา จ ปุรตฺถิเมน, เอวํ ปจฺฉิเมนปิ อุตฺตเรนปิ ทกฺขิเณนปิ สพฺพํ วิวฏมทฺทส. เหฏฺาปิ ยาว อวีจิ, อุปริ ยาว อกนิฏฺภวนํ, ตาว อทฺทส.
ตํ ทิวสํ กิร โลกวิวรณํ นาม อโหสิ. มนุสฺสาปิ เทเว ปสฺสนฺติ, เทวาปิ มนุสฺเส. ตตฺถ เนว มนุสฺสา อุทฺธํ อุลฺโลเกนฺติ, น เทวา อโธ โอโลเกนฺติ, สพฺเพ สมฺมุขาว อฺมฺํ ปสฺสนฺติ. ภควา มชฺเฌ มณิมเยน โสปาเนน โอตรติ, ฉกามาวจรเทวา วามปสฺเส กนกมเยน, สุทฺธาวาสา จ มหาพฺรหฺมา จ ทกฺขิณปสฺเส รชตมเยน. เทวราชา ปตฺตจีวรํ อคฺคเหสิ, มหาพฺรหฺมา ติโยชนิกํ เสตจฺฉตฺตํ, สุยาโม วาฬพีชนึ, ปฺจสิโข คนฺธพฺพปุตฺโต ¶ ติคาวุตมตฺตํ เพฬุวปณฺฑุวีณํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส ปูชํ กโรนฺโต โอตรติ. ตํทิวสํ ภควนฺตํ ทิสฺวา พุทฺธภาวาย ปิหํ อนุปฺปาเทตฺวา ิตสตฺโต นาม นตฺถิ. อิทเมตฺถ ภควา อาวิภาวปาฏิหาริยํ อกาสิ.
อปิจ ¶ ตมฺพปณฺณิทีเป ตลงฺครวาสี ธมฺมทินฺนตฺเถโรปิ ติสฺสมหาวิหาเร เจติยงฺคณสฺมึ นิสีทิตฺวา ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหตี’’ติ อปณฺณกสุตฺตํ (อ. นิ. ๓.๑๖) กเถนฺโต เหฏฺามุขํ พีชนึ อกาสิ, ยาว อวีจิโต เอกงฺคณํ อโหสิ. ตโต อุปริมุขํ อกาสิ, ยาว พฺรหฺมโลกา เอกงฺคณํ อโหสิ. เถโร นิรยภเยน ตชฺเชตฺวา สคฺคสุเขน จ ปโลเภตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามี อนาคามี อรหนฺโตติ.
๓๘๙. ติโรภาวํ กาตุกาโม ปน อาโลกํ วา อนฺธการํ กโรติ, อปฺปฏิจฺฉนฺนํ วา ปฏิจฺฉนฺนํ, อาปาถํ วา อนาปาถํ กโรติ. กถํ? อยฺหิ ยถา อปฺปฏิจฺฉนฺโนปิ สมีเป ิโตปิ วา น ทิสฺสติ, เอวํ อตฺตานํ วา ปรํ วา กาตุกาโม ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ‘‘อิทํ อาโลกฏฺานํ อนฺธการํ โหตู’’ติ วา, ‘‘อิทํ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหตู’’ติ วา, ‘‘อิทํ อาปาถํ อนาปาถํ โหตู’’ติ วา อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาติ. สห อธิฏฺานจิตฺเตน ยถาธิฏฺิตเมว โหติ. ปเร สมีเป ิตาปิ น ปสฺสนฺติ. สยมฺปิ อปสฺสิตุกาโม น ปสฺสติ.
๓๙๐. เอตํ ปน ปาฏิหาริยํ เกน กตปุพฺพนฺติ? ภควตา. ภควา หิ ยสํ กุลปุตฺตํ สมีเป นิสินฺนํเยว ยถา นํ ปิตา น ปสฺสติ, เอวมกาสิ. ตถา วีสโยชนสตํ มหากปฺปินสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตํ อนาคามิผเล, อมจฺจสหสฺสฺจสฺส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา, ตสฺส อนุมคฺคํ อาคตา สหสฺสิตฺถิปริวารา อโนชาเทวี อาคนฺตฺวา สมีเป นิสินฺนาปิ ยถา สปริสํ ราชานํ น ปสฺสติ, ตถา กตฺวา ‘‘อปิ, ภนฺเต, ราชานํ ปสฺสถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ปน เต ราชานํ คเวสิตุํ วรํ, อุทาหุ อตฺตาน’’นฺติ? ‘‘อตฺตานํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา นิสินฺนาย ตสฺสา ตถา ธมฺมํ เทเสสิ, ยถา สา สทฺธึ อิตฺถิสหสฺเสน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, อมจฺจา อนาคามิผเล, ราชา อรหตฺเตติ. อปิจ ตมฺพปณฺณิทีปํ ¶ ¶ อาคตทิวเส ยถา อตฺตนา สทฺธึ อาคเต อวเสเส ราชา น ปสฺสติ, เอวํ กโรนฺเตน มหินฺทตฺเถเรนาปิ อิทํ กตเมว (ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา).
๓๙๑. อปิจ สพฺพมฺปิ ปากฏํ ปาฏิหาริยํ อาวิภาวํ นาม. อปากฏปาฏิหาริยํ ติโรภาวํ นาม. ตตฺถ ปากฏปาฏิหาริเย อิทฺธิปิ ปฺายติ อิทฺธิมาปิ. ตํ ยมกปาฏิหาริเยน ทีเปตพฺพํ. ตตฺร หิ ‘‘อิธ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ. อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) เอวํ อุภยํ ปฺายิตฺถ. อปากฏปาฏิหาริเย อิทฺธิเยว ปฺายติ, น อิทฺธิมา. ตํ มหกสุตฺเตน (สํ. นิ. ๔.๓๔๖) จ พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺเตน (ม. นิ. ๑.๕๐๑ อาทโย) จ ทีเปตพฺพํ. ตตฺร หิ อายสฺมโต จ มหกสฺส, ภควโต จ อิทฺธิเยว ปฺายิตฺถ, น อิทฺธิมา.
ยถาห –
‘‘เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข จิตฺโต คหปติ อายสฺมนฺตํ มหกํ เอตทโวจ ‘สาธุ เม, ภนฺเต, อยฺโย มหโก อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตู’ติ. เตน หิ ตฺวํ คหปติ อาฬินฺเท อุตฺตราสงฺคํ ปฺาเปตฺวา ติณกลาปํ โอกาเสหีติ. ‘เอวํ, ภนฺเต’ติ โข จิตฺโต คหปติ อายสฺมโต มหกสฺส ปฏิสฺสุตฺวา อาฬินฺเท อุตฺตราสงฺคํ ปฺาเปตฺวา ติณกลาปํ โอกาเสสิ. อถ โข อายสฺมา มหโก วิหารํ ปวิสิตฺวา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา ตาลจฺฉิคฺคเฬน จ อคฺคฬนฺตริกาย จ อจฺจิ นิกฺขมิตฺวา ติณานิ ฌาเปสิ, อุตฺตราสงฺคํ น ฌาเปสี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๖).
ยถา จาห –
‘‘อถ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสึ ‘เอตฺตาวตา พฺรหฺมา จ พฺรหฺมปริสา จ พฺรหฺมปาริสชฺชา จ สทฺทฺจ เม โสสฺสนฺติ, น จ มํ ทกฺขิสฺสนฺตี’ติ อนฺตรหิโต อิมํ คาถํ อภาสึ –
‘ภเว ¶ ¶ วาหํ ภยํ ทิสฺวา, ภวฺจ วิภเวสินํ;
ภวํ นาภิวทึ กิฺจิ, นนฺทิฺจ น อุปาทิยิ’’’นฺติ. (ม. นิ. ๑.๕๐๔);
๓๙๒. ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ เสยฺยถาปิ อากาเสติ เอตฺถ ติโรกุฏฺฏนฺติ ปรกุฏฺฏํ, กุฏฺฏสฺส ปรภาคนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย อิตเรสุ. กุฏฺโฏติ จ เคหภิตฺติยา เอตมธิวจนํ. ปากาโรติ เคหวิหารคามาทีนํ ปริกฺเขปปากาโร. ปพฺพโตติ ปํสุปพฺพโต วา ปาสาณปพฺพโต วา. อสชฺชมาโนติ อลคฺคมาโน. เสยฺยถาปิ อากาเสติ อากาเส วิย. เอวํ คนฺตุกาเมน ปน อากาสกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย กุฏฺฏํ วา ปาการํ วา สิเนรุจกฺกวาเฬสุปิ อฺตรํ ปพฺพตํ วา อาวชฺชิตฺวา กตปริกมฺเมน อากาโส โหตูติ อธิฏฺาตพฺโพ. อากาโสเยว โหติ. อโธ โอตริตุกามสฺส, อุทฺธํ วา อาโรหิตุกามสฺส สุสิโร โหติ, วินิวิชฺฌิตฺวา คนฺตุกามสฺส ฉิทฺโท. โส ตตฺถ อสชฺชมาโน คจฺฉติ.
ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร ปเนตฺถาห – ‘‘อากาสกสิณสมาปชฺชนํ, อาวุโส, กิมตฺถิยํ, กึ หตฺถิอสฺสาทีนิ อภินิมฺมินิตุกาโม หตฺถิอสฺสาทิ กสิณานิ สมาปชฺชติ, นนุ ยตฺถ กตฺถจิ กสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺสมาปตฺติวสีภาโวเยว ปมาณํ. ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตเทว โหตี’’ติ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘ปาฬิยา, ภนฺเต, อากาสกสิณํเยว อาคตํ, ตสฺมา อวสฺสเมตํ วตฺตพฺพ’’นฺติ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘ปกติยา อากาสกสิณสมาปตฺติยา ลาภี โหติ. ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อาวชฺชติ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘อากาโส โหตู’ติ. อากาโส โหติ. ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต เกนจิ อนาวเฏ อปริกฺขิตฺเต อสชฺชมานา คจฺฉนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ อากาเส’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑).
สเจ ¶ ปนสฺส ภิกฺขุโน อธิฏฺหิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส อนฺตรา ปพฺพโต วา รุกฺโข วา อุฏฺเติ, กึ ปุน สมาปชฺชิตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ? โทโส นตฺถิ. ปุน สมาปชฺชิตฺวา อธิฏฺานํ หิ ¶ อุปชฺฌายสฺส สนฺติเก นิสฺสยคฺคหณสทิสํ โหติ. อิมินา จ ปน ภิกฺขุนา อากาโส โหตูติ อธิฏฺิตตฺตา อากาโส โหติเยว. ปุริมาธิฏฺานพเลเนว จสฺส อนฺตรา อฺโ ปพฺพโต วา รุกฺโข วา อุตุมโย อุฏฺหิสฺสตีติ อฏฺานเมเวตํ. อฺเน อิทฺธิมตา นิมฺมิเต ปน ปมนิมฺมานํ พลวํ โหติ. อิตเรน ตสฺส อุทฺธํ วา อโธ วา คนฺตพฺพํ.
๓๙๓. ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชนฺติ เอตฺถ อุมฺมุชฺชนฺติ อุฏฺานํ วุจฺจติ. นิมุชฺชนฺติ สํสีทนํ. อุมฺมุชฺชฺจ นิมุชฺชฺจ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ. เอวํ กาตุกาเมน อาโปกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย เอตฺตเก าเน ปถวี อุทกํ โหตูติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาตพฺพํ. สห อธิฏฺาเนน ยถา ปริจฺฉินฺเน าเน ปถวี อุทกเมว โหติ. โส ตตฺถ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘ปกติยา อาโปกสิณสมาปตฺติยา ลาภี โหติ. ปถวึ อาวชฺชติ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘อุทกํ โหตู’ติ. อุทกํ โหติ. โส ปถวิยา อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต อุทเก อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต ปถวิยา อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ, เสยฺยถาปิ อุทเก’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑).
น เกวลฺจ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชเมว, นฺหานปานมุขโธวนภณฺฑกโธวนาทีสุ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ กโรติ. น เกวลฺจ อุทกเมว, สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีสุปิ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อิทฺจิทฺจ เอตฺตกํ โหตูติ อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา อธิฏฺหนฺตสฺส ยถาธิฏฺิตเมว โหติ. อุทฺธริตฺวา ภาชนคตํ กโรนฺตสฺส สปฺปิ สปฺปิเมว โหติ. เตลาทีนิ เตลาทีนิเยว. อุทกํ อุทกเมว. โส ตตฺถ เตมิตุกาโมว เตเมติ, น เตมิตุกาโม น เตเมติ. ตสฺเสว จ สา ปถวี อุทกํ โหติ เสสชนสฺส ปถวีเยว. ตตฺถ มนุสฺสา ปตฺติกาปิ คจฺฉนฺติ, ยานาทีหิปิ คจฺฉนฺติ, กสิกมฺมาทีนิปิ กโรนฺติเยว. สเจ ปนายํ เตสมฺปิ อุทกํ โหตูติ ¶ อิจฺฉติ, โหติเยว. ปริจฺฉินฺนกาลํ ปน อติกฺกมิตฺวา ยํ ปกติยา ฆฏตฬากาทีสุ อุทกํ, ตํ เปตฺวา อวเสสํ ปริจฺฉินฺนฏฺานํ ปถวีเยว โหติ.
๓๙๔. อุทเกปิ อภิชฺชมาเนติ เอตฺถ ยํ อุทกํ อกฺกมิตฺวา สํสีทติ, ตํ ภิชฺชมานนฺติ ¶ วุจฺจติ. วิปรีตํ อภิชฺชมานํ. เอวํ คนฺตุกาเมน ปน ปถวีกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย เอตฺตเก าเน อุทกํ ปถวี โหตูติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาตพฺพํ. สห อธิฏฺาเนน ยถา ปริจฺฉินฺนฏฺาเน อุทกํ ปถวีเยว โหติ. โส ตตฺถ คจฺฉติ, ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘ปกติยา ปถวีกสิณสมาปตฺติยา ลาภี โหติ. อุทกํ อาวชฺชติ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘ปถวี โหตู’ติ. ปถวี โหติ. โส อภิชฺชมาเน อุทเก คจฺฉติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต อภิชฺชมานาย ปถวิยา คจฺฉนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อภิชฺชมาเน อุทเก คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ ปถวิย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑).
น เกวลฺจ คจฺฉติ, ยํ ยํ อิริยาปถํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ กโรติ. น เกวลฺจ ปถวิเมว กโรติ, มณิสุวณฺณปพฺพตรุกฺขาทีสุปิ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ วุตฺตนเยเนว อาวชฺชิตฺวา อธิฏฺาติ, ยถาธิฏฺิตเมว โหติ. ตสฺเสว จ ตํ อุทกํ ปถวี โหติ, เสสชนสฺส อุทกเมว, มจฺฉกจฺฉปา จ อุทกกากาทโย จ ยถารุจิ วิจรนฺติ. สเจ ปนายํ อฺเสมฺปิ มนุสฺสานํ ตํ ปถวึ กาตุํ อิจฺฉติ, กโรติเยว. ปริจฺฉินฺนกาลาติกฺกเมน ปน อุทกเมว โหติ.
๓๙๕. ปลฺลงฺเกน กมตีติ ปลฺลงฺเกน คจฺฉติ. ปกฺขี สกุโณติ ปกฺเขหิ ยุตฺตสกุโณ. เอวํ กาตุกาเมน ปน ปถวีกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย สเจ นิสินฺโน คนฺตุมิจฺฉติ, ปลฺลงฺกปฺปมาณํ านํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาตพฺพํ. สเจ นิปนฺโน คนฺตุกาโม โหติ มฺจปฺปมาณํ, สเจ ปทสา คนฺตุกาโม โหติ มคฺคปฺปมาณนฺติ เอวํ ยถานุรูปํ านํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วุตฺตนเยเนว ปถวี โหตูติ อธิฏฺาตพฺพํ, สห อธิฏฺาเนน ปถวีเยว โหติ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘อากาเสปิ ¶ ปลฺลงฺเกน กมติ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณติ. ปกติยา ปถวีกสิณสมาปตฺติยา ลาภี โหติ, อากาสํ อาวชฺชติ. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘ปถวี โหตู’ติ. ปถวี โหติ. โส อากาเส อนฺตลิกฺเข จงฺกมติปิ ติฏฺติปิ ¶ นิสีทติปิ เสยฺยมฺปิ กปฺเปติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต ปถวิยํ จงฺกมนฺติปิ…เป… เสยฺยมฺปิ กปฺเปนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อากาเส อนฺตลิกฺเข จงฺกมติปิ…เป… เสยฺยมฺปิ กปฺเปตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑).
อากาเส คนฺตุกาเมน จ ภิกฺขุนา ทิพฺพจกฺขุลาภินาปิ ภวิตพฺพํ. กสฺมา? อนฺตเร อุตุสมุฏฺานา วา ปพฺพตรุกฺขาทโย โหนฺติ, นาคสุปณฺณาทโย วา อุสูยนฺตา มาเปนฺติ, เนสํ ทสฺสนตฺถํ. เต ปน ทิสฺวา กึ กาตพฺพนฺติ? ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อากาโส โหตูติ ปริกมฺมํ กตฺวา อธิฏฺาตพฺพํ. เถโร ปนาห ‘‘สมาปตฺติสมาปชฺชนํ, อาวุโส, กิมตฺถิยํ, นนุ สมาหิตเมวสฺส จิตฺตํ, เตน ยํ ยํ านํ อากาโส โหตูติ อธิฏฺาติ, อากาโสเยว โหตี’’ติ. กิฺจาปิ เอวมาห, อถ โข ติโรกุฏฺฏปาริหาริเย วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
อปิจ โอกาเส โอโรหณตฺถมฺปิ อิมินา ทิพฺพจกฺขุลาภินา ภวิตพฺพํ, อยฺหิ สเจ อโนกาเส นฺหานติตฺเถ วา คามทฺวาเร วา โอโรหติ. มหาชนสฺส ปากโฏ โหติ. ตสฺมา ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา อโนกาสํ วชฺเชตฺวา โอกาเส โอตรตีติ.
๓๙๖. อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามสติ ปริมชฺชตีติ เอตฺถ จนฺทิมสูริยานํ ทฺวาจตฺตาลีสโยชนสหสฺสสฺส อุปริ จรเณน มหิทฺธิกตา, ตีสุ ทีเปสุ เอกกฺขเณ อาโลกกรเณน มหานุภาวตา เวทิตพฺพา. เอวํ อุปริ จรณอาโลกกรเณหิ วา มหิทฺธิเก เตเนว มหานุภาเว. ปรามสตีติ ปริคฺคณฺหติ เอกเทเส วา ฉุปติ. ปริมชฺชตีติ สมนฺตโต อาทาสตลํ วิย ปริมชฺชติ. อยํ ปนสฺส อิทฺธิ อภิฺาปาทกชฺฌานวเสเนว อิชฺฌติ, นตฺเถตฺถ กสิณสมาปตฺตินิยโม. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ –
‘‘อิเมปิ ¶ จนฺทิมสูริเย…เป… ปริมชฺชตีติ อิธ โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต จนฺทิมสูริเย อาวชฺชติ, อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ – ‘หตฺถปาเส โหตู’ติ. หตฺถปาเส โหติ. โส นิสินฺนโก วา นิปนฺนโก วา จนฺทิมสูริเย ปาณินา อามสติ ปรามสติ ปริมชฺชติ. ยถา มนุสฺสา ปกติยา อนิทฺธิมนฺโต กิฺจิเทว รูปคตํ หตฺถปาเส ¶ อามสนฺติ ปรามสนฺติ ปริมชฺชนฺติ, เอวเมว โส อิทฺธิมา…เป… ปริมชฺชตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๒).
สฺวายํ ยทิ อิจฺฉติ คนฺตฺวา ปรามสิตุํ, คนฺตฺวา ปรามสติ, ยทิ ปน อิเธว นิสินฺนโก วา นิปนฺนโก วา ปรามสิตุกาโม โหติ, หตฺถปาเส โหตูติ อธิฏฺาติ, อธิฏฺานพเลน วณฺฏา มุตฺตตาลผลํ วิย อาคนฺตฺวา หตฺถปาเส ิเต วา ปรามสติ, หตฺถํ วา วฑฺเฒตฺวา. วฑฺเฒนฺตสฺส ปน กึ อุปาทิณฺณกํ วฑฺฒติ, อนุปาทิณฺณกนฺติ? อุปาทิณฺณกํ นิสฺสาย อนุปาทิณฺณกํ วฑฺฒติ.
ตตฺถ ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร อาห ‘‘กึ ปนาวุโส, อุปาทิณฺณกํ ขุทฺทกมฺปิ มหนฺตมฺปิ น โหติ, นนุ ยทา ภิกฺขุ ตาลจฺฉิทฺทาทีหิ นิกฺขมติ, ตทา อุปาทิณฺณกํ ขุทฺทกํ โหติ. ยทา มหนฺตํ อตฺตภาวํ กโรติ, ตทา มหนฺตํ โหติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส วิยา’’ติ.
นนฺโทปนนฺทนาคทมนกถา
เอกสฺมึ กิร สมเย อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘สฺเว, ภนฺเต, ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อมฺหากํ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตตฺวา ปกฺกมิ. ภควา อธิวาเสตฺวา ตํทิวสาวเสสํ รตฺติภาคฺจ วีตินาเมตฺวา ปจฺจูสสมเย ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสิ. อถสฺส นนฺโทปนนฺโท นาม นาคราชา าณมุเข อาปาถมาคจฺฉิ. ภควา ‘‘อยํ นาคราชา มยฺหํ าณมุเข อาปาถมาคจฺฉิ, อตฺถิ นุ โข อสฺส อุปนิสฺสโย’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อยํ มิจฺฉาทิฏฺิโก ตีสุ รตเนสุ อปฺปสนฺโนติ ทิสฺวา โก นุ โข อิมํ มิจฺฉาทิฏฺิโต วิเวเจยฺยา’’ติ อาวชฺเชนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อทฺทส.
ตโต ¶ ปภาตาย รตฺติยา สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อาโรเจหิ ตถาคโต เทวจาริกํ คจฺฉตี’’ติ. ตํ ทิวสฺจ นนฺโทปนนฺทสฺส อาปานภูมึ สชฺชยึสุ. โส ทิพฺพรตนปลฺลงฺเก ทิพฺเพน เสตจฺฉตฺเตน ธาริยมาเนน ติวิธนาฏเกหิ เจว นาคปริสาย จ ปริวุโต ทิพฺพภาชเนสุ อุปฏฺาปิตํ อนฺนปานวิธึ โอโลกยมาโน นิสินฺโน โหติ. อถ ภควา ยถา นาคราชา ปสฺสติ, ตถา กตฺวา ตสฺส วิตานมตฺถเกเนว ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ตาวตึสเทวโลกาภิมุโข ปายาสิ.
เตน ¶ โข ปน สมเยน นนฺโทปนนฺทสฺส นาคราชสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘อิเม หิ นาม มุณฺฑกา สมณกา อมฺหากํ อุปรูปริภวเนน เทวานํ ตาวตึสานํ ภวนํ ปวิสนฺติปิ นิกฺขมนฺติปิ, น ทานิ อิโต ปฏฺาย อิเมสํ อมฺหากํ มตฺถเก ปาทปํสุํ โอกิรนฺตานํ คนฺตุํ ทสฺสามี’’ติ อุฏฺาย สิเนรุปาทํ คนฺตฺวา ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สิเนรุํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ กตฺวา ตาวตึสภวนํ อวกุชฺเชน ผเณน คเหตฺวา อทสฺสนํ คเมสิ.
อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘ปุพฺเพ, ภนฺเต, อิมสฺมึ ปเทเส ิโต สิเนรุํ ปสฺสามิ, สิเนรุปริภณฺฑํ ปสฺสามิ, ตาวตึสํ ปสฺสามิ, เวชยนฺตํ ปสฺสามิ, เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส อุปริ ธชํ ปสฺสามิ. โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย, ยํ เอตรหิ เนว สิเนรุํ ปสฺสามิ…เป… น เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส อุปริ ธชํ ปสฺสามี’’ติ. ‘‘อยํ, รฏฺปาล, นนฺโทปนนฺโท นาม นาคราชา ตุมฺหากํ กุปิโต สิเนรุํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผเณน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อนฺธการํ กตฺวา ิโต’’ติ. ‘‘ทเมมิ นํ, ภนฺเต’’ติ. น ภควา อนุชานิ. อถ โข อายสฺมา ภทฺทิโย อายสฺมา ราหุโลติ อนุกฺกเมน สพฺเพปิ ภิกฺขู อุฏฺหึสุ. น ภควา อนุชานิ.
อวสาเน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทเมมิ น’’นฺติ อาห. ‘‘ทเมหิ โมคฺคลฺลานา’’ติ ภควา อนุชานิ. เถโร อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มหนฺตํ นาคราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา นนฺโทปนนฺทํ จุทฺทสกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา ตสฺส ผณมตฺถเก อตฺตโน ผณํ เปตฺวา สิเนรุนา ¶ สทฺธึ อภินิปฺปีเฬสิ. นาคราชา ปธูมายิ. เถโรปิ น ตุยฺหํเยว สรีเร ธูโม อตฺถิ, มยฺหมฺปิ อตฺถีติ ปธูมายิ. นาคราชสฺส ธูโม เถรํ น พาธติ. เถรสฺส ปน ธูโม นาคราชานํ พาธติ. ตโต นาคราชา ปชฺชลิ. เถโรปิ น ตุยฺหํเยว สรีเร อคฺคิ อตฺถิ, มยฺหมฺปิ อตฺถีติ ปชฺชลิ. นาคราชสฺส เตโช เถรํ น พาธติ. เถรสฺส ปน เตโช นาคราชานํ พาธติ. นาคราชา อยํ มํ สิเนรุนา อภินิปฺปีเฬตฺวา ธูมายติ เจว ปชฺชลติ จาติ จินฺเตตฺวา ‘‘โภ ตฺวํ โกสี’’ติ ปฏิปุจฺฉิ. ‘‘อหํ โข, นนฺท, โมคฺคลฺลาโน’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อตฺตโน ภิกฺขุภาเวน ติฏฺาหี’’ติ.
เถโร ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา ตสฺส ทกฺขิณกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา วามกณฺณโสเตน นิกฺขมิ ¶ , วามกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา ทกฺขิณกณฺณโสเตน นิกฺขมิ, ตถา ทกฺขิณนาสโสเตน ปวิสิตฺวา วามนาสโสเตน นิกฺขมิ, วามนาสโสเตน ปวิสิตฺวา ทกฺขิณนาสโสเตน นิกฺขมิ. ตโต นาคราชา มุขํ วิวริ. เถโร มุเขน ปวิสิตฺวา อนฺโตกุจฺฉิยํ ปาจีเนน จ ปจฺฉิเมน จ จงฺกมติ. ภควา ‘‘โมคฺคลฺลาน, มนสิกโรหิ มหิทฺธิโก เอส นาโค’’ติ อาห. เถโร ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, ติฏฺตุ, ภนฺเต, นนฺโทปนนฺโท, อหํ นนฺโทปนนฺทสทิสานํ นาคราชานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ สตสหสฺสมฺปิ ทเมยฺย’’นฺติ อาห.
นาคราชา จินฺเตสิ ‘‘ปวิสนฺโต ตาว เม น ทิฏฺโ, นิกฺขมนกาเล ทานิ นํ ทานฺตเร ปกฺขิปิตฺวา สงฺขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขม ภนฺเต, มา มํ อนฺโตกุจฺฉิยํ อปราปรํ จงฺกมนฺโต พาธยิตฺถาติ อาห. เถโร นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺาสิ. นาคราชา อยํ โสติ ทิสฺวา นาสวาตํ วิสฺสชฺชิ. เถโร จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิ. โลมกูปมฺปิสฺส วาโต จาเลตุํ นาสกฺขิ. อวเสสา ภิกฺขู กิร อาทิโต ปฏฺาย สพฺพปาฏิหาริยานิ กาตุํ สกฺกุเณยฺยุํ, อิมํ ปน านํ ปตฺวา เอวํ ขิปฺปนิสนฺติโน หุตฺวา สมาปชฺชิตุํ น สกฺขิสฺสนฺตีติ เตสํ ภควา นาคราชทมนํ นานุชานิ.
นาคราชา ¶ ‘‘อหํ อิมสฺส สมณสฺส นาสวาเตน โลมกูปมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึ, มหิทฺธิโก สมโณ’’ติ จินฺเตสิ. เถโร อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สุปณฺณรูปํ อภินิมฺมินิตฺวา สุปณฺณวาตํ ทสฺเสนฺโต นาคราชานํ อนุพนฺธิ. นาคราชา ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วทนฺโต เถรสฺส ปาเท วนฺทิ. เถโร ‘‘สตฺถา, นนฺท, อาคโต, เอหิ คมิสฺสามา’’ติ นาคราชานํ ทมยิตฺวา นิพฺพิสํ กตฺวา คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. นาคราชา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ อาห. ภควา ‘‘สุขี โหหิ, นาคราชา’’ติ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อนาถปิณฺฑิกสฺส นิเวสนํ อคมาสิ.
อนาถปิณฺฑิโก ‘‘กึ, ภนฺเต, อติทิวา อาคตตฺถา’’ติ อาห. โมคฺคลฺลานสฺส จ นนฺโทปนนฺทสฺส จ สงฺคาโม อโหสีติ. กสฺส, ภนฺเต, ชโย, กสฺส ปราชโยติ. โมคฺคลฺลานสฺส ชโย, นนฺทสฺส ปราชโยติ. อนาถปิณฺฑิโก ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา สตฺตาหํ ¶ เอกปฏิปาฏิยา ภตฺตํ, สตฺตาหํ เถรสฺส สกฺการํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปมุขานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มหาสกฺการํ อกาสิ. อิติ อิมํ อิมสฺมึ นนฺโทปนนฺททมเน กตํ มหนฺตํ อตฺตภาวํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ยทา มหนฺตํ อตฺตภาวํ กโรติ, ตทา มหนฺตํ โหติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส วิยา’’ติ. เอวํ วุตฺเตปิ ภิกฺขู อุปาทิณฺณกํ นิสฺสาย อนุปาทิณฺณกเมว วฑฺฒตีติ อาหํสุ. อยเมว เจตฺถ ยุตฺติ.
โส เอวํ กตฺวา น เกวลํ จนฺทิมสูริเย ปรามสติ. สเจ อิจฺฉติ ปาทกถลิกํ กตฺวา ปาเท เปติ, ปีํ กตฺวา นิสีทติ, มฺจํ กตฺวา นิปชฺชติ, อปสฺเสนผลกํ กตฺวา อปสฺสยติ. ยถา จ เอโก, เอวํ อปโรปิ. อเนเกสุปิ หิ ภิกฺขุสตสหสฺเสสุ เอวํ กโรนฺเตสุ เตสฺจ เอกเมกสฺส ตเถว อิชฺฌติ. จนฺทิมสูริยานฺจ คมนมฺปิ อาโลกกรณมฺปิ ตเถว โหติ. ยถา หิ ปาติสหสฺเสสุ อุทกปูเรสุ สพฺพปาตีสุ จ จนฺทมณฺฑลานิ ทิสฺสนฺติ. ปากติกเมว จ จนฺทสฺส คมนํ อาโลกกรณฺจ โหติ. ตถูปมเมตํ ปาฏิหาริยํ.
๓๙๗. ยาว พฺรหฺมโลกาปีติ พฺรหฺมโลกมฺปิ ปริจฺเฉทํ กตฺวา. กาเยน วสํ วตฺเตตีติ ตตฺถ พฺรหฺมโลเก กาเยน อตฺตโน วสํ วตฺเตติ. ตสฺสตฺโถ ปาฬึ อนุคนฺตฺวา เวทิตพฺโพ. อยฺเหตฺถ ปาฬิ –
‘‘ยาว ¶ พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตตีติ. สเจ โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต พฺรหฺมโลกํ คนฺตุกาโม โหติ, ทูเรปิ สนฺติเก อธิฏฺาติ สนฺติเก โหตูติ, สนฺติเก โหติ. สนฺติเกปิ ทูเร อธิฏฺาติ ทูเร โหตูติ, ทูเร โหติ. พหุกมฺปิ โถกนฺติ อธิฏฺาติ โถกํ โหตูติ, โถกํ โหติ. โถกมฺปิ พหุกนฺติ อธิฏฺาติ พหุกํ โหตูติ, พหุกํ โหติ. ทิพฺเพน จกฺขุนา ตสฺส พฺรหฺมุโน รูปํ ปสฺสติ. ทิพฺพาย โสตธาตุยา ตสฺส พฺรหฺมุโน สทฺทํ สุณาติ. เจโตปริยาเณน ตสฺส พฺรหฺมุโน จิตฺตํ ปชานาติ. สเจ โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต ทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คนฺตุกาโม โหติ, กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมติ, กายวเสน จิตฺตํ อธิฏฺาติ, กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมตฺวา กายวเสน จิตฺตํ อธิฏฺหิตฺวา สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา ทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ. สเจ โส อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คนฺตุกาโม โหติ, จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมติ, จิตฺตวเสน ¶ กายํ อธิฏฺาติ. จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมตฺวา จิตฺตวเสน กายํ อธิฏฺหิตฺวา สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมิตฺวา อทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ. โส ตสฺส พฺรหฺมุโน ปุรโต รูปํ อภินิมฺมินาติ มโนมยํ สพฺพงฺคปฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริยํ. สเจ โส อิทฺธิมา จงฺกมติ, นิมฺมิโตปิ ตตฺถ จงฺกมติ. สเจ โส อิทฺธิมา ติฏฺติ, นิสีทติ, เสยฺยํ กปฺเปติ, นิมฺมิโตปิ ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปติ. สเจ โส อิทฺธิมา ธูมายติ, ปชฺชลติ, ธมฺมํ ภาสติ, ปฺหํ ปุจฺฉติ, ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ, นิมฺมิโตปิ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชติ. สเจ โส อิทฺธิมา เตน พฺรหฺมุนา สทฺธึ สนฺติฏฺติ, สลฺลปติ, สากจฺฉํ สมาปชฺชติ, นิมฺมิโตปิ ตตฺถ เตน พฺรหฺมุนา สทฺธึ สนฺติฏฺติ, สลฺลปติ, สากจฺฉํ สมาปชฺชติ. ยํ ยเทว หิ โส อิทฺธิมา กโรติ, ตํ ตเทว นิมฺมิโต กโรตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๒).
ตตฺถ ¶ ทูเรปิ สนฺติเก อธิฏฺาตีติ ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย ทูเร เทวโลกํ วา พฺรหฺมโลกํ วา อาวชฺชติ สนฺติเก โหตูติ. อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ สนฺติเก โหตูติ, สนฺติเก โหติ. เอส นโย เสสปเทสุปิ.
ตตฺถ โก ทูรํ คเหตฺวา สนฺติกํ อกาสีติ? ภควา. ภควา หิ ยมกปาฏิหาริยาวสาเน เทวโลกํ คจฺฉนฺโต ยุคนฺธรฺจ สิเนรฺุจ สนฺติเก กตฺวา ปถวีตลโต เอกปาทํ ยุคนฺธเร ปติฏฺเปตฺวา ทุติยํ สิเนรุมตฺถเก เปสิ. อฺโ โก อกาสิ? มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร. เถโร หิ สาวตฺถิโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา นิกฺขนฺตํ ทฺวาทสโยชนิกํ ปริสํ ตึสโยชนํ สงฺกสฺสนครมคฺคํ สงฺขิปิตฺวา ตงฺขณฺเว สมฺปาเปสิ.
อปิจ ตมฺพปณฺณิทีเป จูฬสมุทฺทตฺเถโรปิ อกาสิ. ทุพฺภิกฺขสมเย กิร เถรสฺส สนฺติกํ ปาโตว สตฺต ภิกฺขุสตานิ อาคมํสุ. เถโร ‘‘มหา ภิกฺขุสงฺโฆ กุหึ ภิกฺขาจาโร ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต สกลตมฺพปณฺณิทีเป อทิสฺวา ‘‘ปรตีเร ปาฏลิปุตฺเต ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ภิกฺขู ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ‘‘เอถาวุโส, ภิกฺขาจารํ คมิสฺสามา’’ติ ปถวึ สงฺขิปิตฺวา ปาฏลิปุตฺตํ คโต. ภิกฺขู ‘‘กตรํ, ภนฺเต, อิมํ นคร’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ปาฏลิปุตฺตํ, อาวุโสติ. ปาฏลิปุตฺตํ นาม ทูเร ภนฺเตติ. อาวุโส, มหลฺลกตฺเถรา นาม ทูเรปิ คเหตฺวา สนฺติเก กโรนฺตีติ. มหาสมุทฺโท กุหึ, ภนฺเตติ? นนุ, อาวุโส, อนฺตรา เอกํ นีลมาติกํ อติกฺกมิตฺวา ¶ อาคตตฺถาติ? อาม, ภนฺเต. มหาสมุทฺโท ปน มหนฺโตติ. อาวุโส, มหลฺลกตฺเถรา นาม มหนฺตมฺปิ ขุทฺทกํ กโรนฺตีติ.
ยถา จายํ, เอวํ ติสฺสทตฺตตฺเถโรปิ สายนฺหสมเย นฺหายิตฺวา กตุตฺตราสงฺโค มหาโพธึ วนฺทิสฺสามีติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน สนฺติเก อกาสิ.
สนฺติกํ ปน คเหตฺวา โก ทูรมกาสีติ? ภควา. ภควา หิ อตฺตโน จ องฺคุลิมาลสฺส (ม. นิ. ๒.๓๔๘) จ อนฺตรํ สนฺติกมฺปิ ทูรมกาสีติ.
อถ โก พหุกํ โถกํ อกาสีติ? มหากสฺสปตฺเถโร. ราชคเห กิร นกฺขตฺตทิวเส ปฺจสตา กุมาริโย จนฺทปูเว คเหตฺวา นกฺขตฺตกีฬนตฺถาย คจฺฉนฺติโย ภควนฺตํ ทิสฺวา กิฺจิ นาทํสุ. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ ปน เถรํ ทิสฺวา อมฺหากํ เถโร เอติ ปูวํ ทสฺสามาติ สพฺพา ปูเว ¶ คเหตฺวา เถรํ อุปสงฺกมึสุ. เถโร ปตฺตํ นีหริตฺวา สพฺพํ เอกปตฺตปูรมตฺตมกาสิ. ภควา เถรํ อาคมยมาโน ปุรโต นิสีทิ. เถโร อาหริตฺวา ภควโต อทาสิ.
อิลฺลิสเสฏฺิวตฺถุสฺมึ ปน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร โถกํ พหุกมกาสิ, กากวลิยวตฺถุสฺมิฺจ ภควา. มหากสฺสปตฺเถโร กิร สตฺตาหํ สมาปตฺติยา วีตินาเมตฺวา ทลิทฺทสงฺคหํ กโรนฺโต กากวลิยสฺส นาม ทุคฺคตมนุสฺสสฺส ฆรทฺวาเร อฏฺาสิ. ตสฺส ชายา เถรํ ทิสฺวา ปติโน ปกฺกํ อโลณมฺพิลยาคุํ ปตฺเต อากิริ. เถโร ตํ คเหตฺวา ภควโต หตฺเถ เปสิ. ภควา มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส ปโหนกํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เอกปตฺเตน อาภตา สพฺเพสํ ปโหสิ. กากวลิโยปิ สตฺตเม ทิวเส เสฏฺิฏฺานํ อลตฺถาติ.
น เกวลฺจ โถกสฺส พหุกรณํ, มธุรํ อมธุรํ, อมธุรํ มธุรนฺติอาทีสุปิ ยํ ยํ อิจฺฉติ, สพฺพํ อิทฺธิมโต อิชฺฌติ. ตถา หิ มหาอนุฬตฺเถโร นาม สมฺพหุเล ภิกฺขู ปิณฺฑาย จริตฺวา สุกฺขภตฺตเมว ลภิตฺวา คงฺคาตีเร นิสีทิตฺวา ปริภฺุชมาเน ทิสฺวา คงฺคาย อุทกํ สปฺปิมณฺฑนฺติ อธิฏฺหิตฺวา สามเณรานํ สฺํ อทาสิ. เต ถาลเกหิ อาหริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทํสุ. สพฺเพ มธุเรน สปฺปิมณฺเฑน ภฺุชึสูติ.
ทิพฺเพน ¶ จกฺขุนาติ อิเธว ิโต อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ตสฺส พฺรหฺมุโน รูปํ ปสฺสติ. อิเธว จ ิโต สพฺพํ ตสฺส ภาสโต สทฺทํ สุณาติ. จิตฺตํ ปชานาติ. กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมตีติ กรชกายสฺส วเสน จิตฺตํ ปริณาเมติ. ปาทกชฺฌานจิตฺตํ คเหตฺวา กาเย อาโรเปติ. กายานุคติกํ กโรติ ทนฺธคมนํ. กายคมนํ หิ ทนฺธํ โหติ. สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมตีติ ปาทกชฺฌานารมฺมเณน อิทฺธิจิตฺเตน สหชาตํ สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมติ ปวิสติ ผสฺเสติ สมฺปาปุณาติ. สุขสฺา นาม อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตสฺา. อุเปกฺขา หิ สนฺตํ สุขนฺติ วุตฺตา. สาเยว จ สฺา นีวรเณหิ เจว วิตกฺกาทีหิ ปจฺจนีเกหิ จ วิมุตฺตตฺตา ลหุสฺาติปิ เวทิตพฺพา. ตํ โอกฺกนฺตสฺส ปนสฺส กรชกาโยปิ ตูลปิจุ วิย สลฺลหุโก โหติ. โส เอวํ วายุกฺขิตฺตตูลปิจุนา ¶ วิย สลฺลหุเกน ทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ. เอวํ คจฺฉนฺโต จ สเจ อิจฺฉติ ปถวีกสิณวเสน อากาเส มคฺคํ นิมฺมินิตฺวา ปทสา คจฺฉติ. สเจ อิจฺฉติ วาโยกสิณวเสน วายุํ อธิฏฺหิตฺวา ตูลปิจุ วิย วายุนา คจฺฉติ. อปิจ คนฺตุกามตา เอว เอตฺถ ปมาณํ. ‘‘สติ หิ คนฺตุกามตาย’’ เอวํ กตจิตฺตาธิฏฺาโน อธิฏฺานเวคุกฺขิตฺโตว โส อิสฺสาสขิตฺตสโร วิย ทิสฺสมาโน คจฺฉติ.
จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมตีติ กายํ คเหตฺวา จิตฺเต อาโรเปติ. จิตฺตานุคติกํ กโรติ สีฆคมนํ. จิตฺตคมนํ หิ สีฆํ โหติ. สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมตีติ รูปกายารมฺมเณน อิทฺธิจิตฺเตน สหชาตํ สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมตีติ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิทํ ปน จิตฺตคมนเมว โหติ. เอวํ อทิสฺสมาเนน กาเยน คจฺฉนฺโต ปนายํ กึ ตสฺส อธิฏฺานจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ คจฺฉติ, อุทาหุ ิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ วาติ วุตฺเต ตีสุปิ ขเณสุ คจฺฉตีติ เถโร อาห. กึ ปน โส สยํ คจฺฉติ นิมฺมิตํ เปเสตีติ. ยถารุจิ กโรติ. อิธ ปนสฺส สยํ คมนเมว อาคตํ.
มโนมยนฺติ อธิฏฺานมเนน นิมฺมิตตฺตา มโนมยํ. อหีนินฺทฺริยนฺติ อิทํ จกฺขุโสตาทีนํ สณฺานวเสน วุตฺตํ. นิมฺมิตรูเป ปน ปสาโท นาม นตฺถิ. สเจ อิทฺธิมา จงฺกมติ นิมฺมิโตปิ ตตฺถ จงฺกมตีติอาทิ สพฺพํ สาวกนิมฺมิตํ สนฺธาย วุตฺตํ. พุทฺธนิมฺมิโต ปน ยํ ยํ ภควา กโรติ, ตํ ตมฺปิ กโรติ. ภควโต รุจิวเสน อฺมฺปิ กโรตีติ. เอตฺถ จ ยํ โส อิทฺธิมา อิเธว ิโต ทิพฺเพน จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา สทฺทํ สุณาติ, เจโตปริยาเณน ¶ จิตฺตํ ปชานาติ, น เอตฺตาวตา กาเยน วสํ วตฺเตติ. ยมฺปิ โส อิเธว ิโต เตน พฺรหฺมุนา สทฺธึ สนฺติฏฺติ สลฺลปติ สากจฺฉํ สมาปชฺชติ, เอตฺตาวตาปิ น กาเยน วสํ วตฺเตติ. ยมฺปิสฺส ทูเรปิ สนฺติเก อธิฏฺาตีติอาทิกํ อธิฏฺานํ, เอตฺตาวตาปิ น กาเยน วสํ วตฺเตติ. ยมฺปิ โส ทิสฺสมาเนน วา อทิสฺสมาเนน วา กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ, เอตฺตาวตาปิ น กาเยน วสํ วตฺเตติ. ยฺจ โข โส ตสฺส พฺรหฺมุโน ปุรโต รูปํ อภินิมฺมินาตีติอาทินา นเยน ¶ วุตฺตวิธานํ อาปชฺชติ, เอตฺตาวตา กาเยน วสํ วตฺเตติ นามํ. เสสํ ปเนตฺถ กาเยน วสํ วตฺตนาย ปุพฺพภาคทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ อยํ ตาว อธิฏฺานา อิทฺธิ.
๓๙๘. วิกุพฺพนาย ปน มโนมยาย จ อิทํ นานากรณํ. วิกุพฺพนํ ตาว กโรนฺเตน ‘‘โส ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารกวณฺณํ วา ทสฺเสติ, นาควณฺณํ วา ทสฺเสติ, สุปณฺณวณฺณํ วา ทสฺเสติ, อสุรวณฺณํ วา ทสฺเสติ, อินฺทวณฺณํ วา ทสฺเสติ, เทววณฺณํ วา ทสฺเสติ, พฺรหฺมวณฺณํ วา ทสฺเสติ, สมุทฺทวณฺณํ วา ทสฺเสติ, ปพฺพตวณฺณํ วา ทสฺเสติ, สีหวณฺณํ วา ทสฺเสติ, พฺยคฺฆวณฺณํ วา ทสฺเสติ, ทีปิวณฺณํ วา ทสฺเสติ, หตฺถิมฺปิ ทสฺเสติ, อสฺสมฺปิ ทสฺเสติ, รถมฺปิ ทสฺเสติ, ปตฺติมฺปิ ทสฺเสติ, วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) เอวํ วุตฺเตสุ กุมารกวณฺณาทีสุ ยํ ยํ อากงฺขติ, ตํ ตํ อธิฏฺาตพฺพํ. อธิฏฺหนฺเตน จ ปถวีกสิณาทีสุ อฺตรารมฺมณโต อภิฺาปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย อตฺตโน กุมารกวณฺโณ อาวชฺชิตพฺโพ. อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมาวสาเน ปุน สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย เอวรูโป นาม กุมารโก โหมีติ อธิฏฺาตพฺพํ. สห อธิฏฺานจิตฺเตน กุมารโก โหติ เทวทตฺโต วิย (จูฬว. ๓๓๓). เอส นโย สพฺพตฺถ.
หตฺถิมฺปิ ทสฺเสตีติอาทิ ปเนตฺถ พหิทฺธาปิ หตฺถิอาทิทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ หตฺถี โหมีติ อนธิฏฺหิตฺวา หตฺถี โหตูติ อธิฏฺาตพฺพํ, อสฺสาทีสุปิ เอเสว นโยติ. อยํ วิกุพฺพนา อิทฺธิ.
๓๙๙. มโนมยํ กาตุกาโม ปน ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย กายํ ตาว อาวชฺชิตฺวา วุตฺตนเยเนว สุสิโร โหตูติ อธิฏฺาติ, สุสิโร โหติ. อถสฺส อพฺภนฺตเร อฺํ กายํ อาวชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา วุตฺตนเยเนว อธิฏฺาติ, ตสฺส อพฺภนฺตเร อฺโ กาโย โหตูติ. โส ตํ มฺุชมฺหา อีสิกํ วิย โกสิยา อสึ วิย กรณฺฑาย อหึ วิย จ อพฺพาหติ ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘อิธ ภิกฺขุ อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ รูปึ มโนมยํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริยํ. เสยฺยถาปิ ปุริโส มฺุชมฺหา อีสิกํ ปวาเหยฺย, ตสฺส เอวมสฺส อยํ มฺุโช อยํ อีสิกา ¶ , อฺโ มฺุโช อฺา อีสิกา, มฺุชมฺหาตฺเวว อีสิกา ปวาฬฺหา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๓.๑๔). เอตฺถ จ ยถา อีสิกาทโย มฺุชาทีหิ สทิสา โหนฺติ, เอวํ มโนมยรูปํ อิทฺธิมตาสทิสเมว โหตีติ ทสฺสนตฺถํ เอตา อุปมา วุตฺตาติ. อยํ มโนมยา อิทฺธิ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
อิทฺธิวิธนิทฺเทโส นาม
ทฺวาทสโม ปริจฺเฉโท.
๑๓. อภิฺานิทฺเทโส
ทิพฺพโสตธาตุกถา
๔๐๐. อิทานิ ¶ ¶ ทิพฺพโสตธาตุยา นิทฺเทสกฺกโม อนุปฺปตฺโต. ตตฺถ ตโต ปราสุ จ ตีสุ อภิฺาสุ โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติอาทีนํ (ที. นิ. ๑.๒๔๐ อาทโย) อตฺโถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. สพฺพตฺถ ปน วิเสสมตฺตเมว วณฺณยิสฺสาม. ตตฺร ทิพฺพาย โสตธาตุยาติ เอตฺถ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพา. เทวานํ หิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตา ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธา อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉนสมตฺถา ทิพฺพปสาทโสตธาตุ โหติ. อยฺจาปิ อิมสฺส ภิกฺขุโน วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตา าณโสตธาตุ ตาทิสาเยวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพา. อปิจ ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพา. สวนฏฺเน นิชฺชีวฏฺเน จ โสตธาตุ. โสตธาตุกิจฺจกรเณน จ โสตธาตุ วิยาติปิ โสตธาตุ. ตาย ทิพฺพาย โสตธาตุยา.
วิสุทฺธายาติ ปริสุทฺธาย นิรุปกฺกิเลสาย. อติกฺกนฺตมานุสิกายาติ มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา สทฺทสวเนน มานุสิกํ มํสโสตธาตุํ อติกฺกนฺตาย วีติวตฺติตฺวา ิตาย. อุโภ สทฺเท สุณาตีติ ทฺเว สทฺเท สุณาติ. กตเม ทฺเว? ทิพฺเพ จ มานุเส จ, เทวานฺจ มนุสฺสานฺจ สทฺเทติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน ปเทสปริยาทานํ เวทิตพฺพํ. เย ทูเร สนฺติเก จาติ เย สทฺทา ทูเร ปรจกฺกวาเฬปิ เย จ สนฺติเก อนฺตมโส สเทหสนฺนิสฺสิตปาณกสทฺทาปิ, เต สุณาตีติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน นิปฺปเทสปริยาทานํ เวทิตพฺพํ.
กถํ ปนายํ อุปฺปาเทตพฺพาติ? เตน ภิกฺขุนา อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ปริกมฺมสมาธิจิตฺเตน ปมตรํ ปกติโสตปเถ ทูเร โอฬาริโก อรฺเ สีหาทีนํ สทฺโท อาวชฺชิตพฺโพ. วิหาเร ฆณฺฑิสทฺโท, เภริสทฺโท, สงฺขสทฺโท, สามเณรทหรภิกฺขูนํ สพฺพถาเมน สชฺฌายนฺตานํ ¶ สชฺฌายนสทฺโท, ปกติกถํ กเถนฺตานํ ‘‘กึ ภนฺเต, กิมาวุโส’’ติอาทิสทฺโท, สกุณสทฺโท, วาตสทฺโท, ปทสทฺโท, ปกฺกุถิตอุทกสฺส ¶ จิจฺจิฏายนสทฺโท, อาตเป สุสฺสมานตาลปณฺณสทฺโท, กุนฺถกิปิลฺลิกาทิสทฺโทติ เอวํ สพฺโพฬาริกโต ปภุติ ยถากฺกเมน สุขุมสทฺทา อาวชฺชิตพฺพา. เตน ปุรตฺถิมาย ทิสาย สทฺทานํ สทฺทนิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํ. ปจฺฉิมาย, อุตฺตราย, ทกฺขิณาย, เหฏฺิมาย, อุปริมาย ทิสาย, ปุรตฺถิมาย อนุทิสาย, ปจฺฉิมาย, อุตฺตราย, ทกฺขิณาย อนุทิสาย สทฺทานํ สทฺทนิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํ. โอฬาริกานมฺปิ สุขุมานมฺปิ สทฺทานํ สทฺทนิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํ. ตสฺส เต สทฺทา ปากติกจิตฺตสฺสาปิ ปากฏา โหนฺติ. ปริกมฺมสมาธิจิตฺตสฺส ปน อติวิย ปากฏา.
ตสฺเสวํ สทฺทนิมิตฺตํ มนสิกโรโต อิทานิ ทิพฺพโสตธาตุ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ เตสุ สทฺเทสุ อฺตรํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมึ นิรุทฺเธ จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ, เยสํ ปุริมานิ ตีณิ จตฺตาริ วา ปริกมฺมอุปจารานุโลมโคตฺรภุนามกานิ กามาวจรานิ, จตุตฺถํ ปฺจมํ วา อปฺปนาจิตฺตํ รูปาวจรํ จตุตฺถชฺฌานิกํ. ตตฺถ ยํ เตน อปฺปนาจิตฺเตน สทฺธึ อุปฺปนฺนํ าณํ, อยํ ทิพฺพโสตธาตูติ เวทิตพฺพา. ตโต ปรํ ตสฺมึ โสเต ปติโต โหติ. ตํ ถามชาตํ กโรนฺเตน ‘‘เอตฺถนฺตเร สทฺทํ สุณามี’’ติ เอกงฺคุลมตฺตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วฑฺเฒตพฺพํ. ตโต ทฺวงฺคุลจตุรงฺคุลอฏฺงฺคุลวิทตฺถิรตนอนฺโตคพฺภปมุขปาสาทปริเวณสงฺฆารามโคจรคามชนปทาทิวเสน ยาว จกฺกวาฬํ ตโต วา ภิยฺโยปิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา วฑฺเฒตพฺพํ.
เอวํ อธิคตาภิฺโ เอส ปาทกชฺฌานารมฺมเณน ผุฏฺโกาสพฺภนฺตรคเตปิ สทฺเท ปุน ปาทกชฺฌานํ อสมาปชฺชิตฺวาปิ อภิฺาาเณน สุณาติเยว. เอวํ สุณนฺโต จ สเจปิ ยาว พฺรหฺมโลกา สงฺขเภริปณวาทิสทฺเทหิ เอกโกลาหลํ โหติ, ปาฏิเยกฺกํ ววตฺถเปตุกามตาย สติ อยํ สงฺขสทฺโท อยํ เภริสทฺโทติ ววตฺถเปตุํ สกฺโกติเยวาติ.
ทิพฺพโสตธาตุกถา นิฏฺิตา.
เจโตปริยาณกถา
๔๐๑. เจโตปริยาณกถาย ¶ ¶ เจโตปริยาณายาติ เอตฺถ ปริยาตีติ ปริยํ, ปริจฺฉินฺทตีติ อตฺโถ. เจตโส ปริยํ เจโตปริยํ. เจโตปริยฺจ ตํ าณฺจาติ เจโตปริยาณํ. ตทตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ. ปรสตฺตานนฺติ อตฺตานํ เปตฺวา เสสสตฺตานํ. ปรปุคฺคลานนฺติ อิทมฺปิ อิมินา เอกตฺถเมว. เวเนยฺยวเสน ปน เทสนาวิลาเสน จ พฺยฺชนนานตฺตํ กตํ. เจตสา เจโตติ อตฺตโน จิตฺเตน เตสํ จิตฺตํ. ปริจฺจ ปชานาตีติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา สราคาทิวเสน นานปฺปการโต ชานาติ.
กถํ ปเนตํ าณํ อุปฺปาเทตพฺพนฺติ? เอตฺหิ ทิพฺพจกฺขุวเสน อิชฺฌติ, ตํ เอตสฺส ปริกมฺมํ. ตสฺมา เตน ภิกฺขุนา อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา ปรสฺส หทยรูปํ นิสฺสาย วตฺตมานสฺส โลหิตสฺส วณฺณํ ปสฺสิตฺวา จิตฺตํ ปริเยสิตพฺพํ. ยทา หิ โสมนสฺสจิตฺตํ วตฺตติ, ตทา รตฺตํ นิคฺโรธปกฺกสทิสํ โหติ. ยทา โทมนสฺสจิตฺตํ วตฺตติ, ตทา กาฬกํ ชมฺพุปกฺกสทิสํ. ยทา อุเปกฺขาจิตฺตํ วตฺตติ, ตทา ปสนฺนติลเตลสทิสํ. ตสฺมา เตน ‘‘อิทํ รูปํ โสมนสฺสินฺทฺริยสมุฏฺานํ, อิทํ โทมนสฺสินฺทฺริยสมุฏฺานํ, อิทํ อุเปกฺขินฺทฺริยสมุฏฺาน’’นฺติ ปรสฺส หทยโลหิตวณฺณํ ปสฺสิตฺวา จิตฺตํ ปริเยสนฺเตน เจโตปริยาณํ ถามคตํ กาตพฺพํ. เอวํ ถามคเต หิ ตสฺมึ อนุกฺกเมน สพฺพมฺปิ กามาวจรจิตฺตํ รูปาวจรารูปาวจรจิตฺตฺจ ปชานาติ จิตฺตา จิตฺตเมว สงฺกมนฺโต วินาปิ หทยรูปทสฺสเนน. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ ‘‘อารุปฺเป ปรสฺส จิตฺตํ ชานิตุกาโม กสฺส หทยรูปํ ปสฺสติ, กสฺสินฺทฺริยวิการํ โอโลเกตีติ? น กสฺสจิ. อิทฺธิมโต วิสโย เอส ยทิทํ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อาวชฺชนฺโต โสฬสปฺปเภทํ จิตฺตํ ชานาติ. อกตาภินิเวสสฺส ปน วเสน อยํ กถา’’ติ.
สราคํ วา จิตฺตนฺติอาทีสุ ปน อฏฺวิธํ โลภสหคตํ จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อวเสสํ จตุภูมกํ กุสลาพฺยากตํ จิตฺตํ วีตราคํ. ทฺเว โทมนสฺสจิตฺตานิ ทฺเว วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจจิตฺตานีติ อิมานิ ปน จตฺตาริ จิตฺตานิ อิมสฺมึ ทุเก สงฺคหํ น คจฺฉนฺติ. เกจิ ปน เถรา ตานิปิ สงฺคณฺหนฺติ. ทุวิธํ ปน โทมนสฺสจิตฺตํ สโทสํ จิตฺตํ นาม. สพฺพมฺปิ จตุภูมกํ ¶ กุสลาพฺยากตํ วีตโทสํ. เสสานิ ทสากุสลจิตฺตานิ อิมสฺมึ ทุเก สงฺคหํ น คจฺฉนฺติ. เกจิ ปน เถรา ตานิปิ สงฺคณฺหนฺติ.
สโมหํ ¶ วีตโมหนฺติ เอตฺถ ปน ปาฏิปุคฺคลิกนเยน วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตทฺวยเมว สโมหํ, โมหสฺส ปน สพฺพากุสเลสุ สมฺภวโต ทฺวาทสวิธมฺปิ อกุสลจิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อวเสสํ วีตโมหํ. ถินมิทฺธานุคตํ ปน สํขิตฺตํ. อุทฺธจฺจานุคตํ วิกฺขิตฺตํ. รูปาวจรารูปาวจรํ มหคฺคตํ. อวเสสํ อมหคฺคตํ. สพฺพมฺปิ เตภูมกํ สอุตฺตรํ. โลกุตฺตรํ อนุตฺตรํ. อุปจารปฺปตฺตํ อปฺปนาปฺปตฺตฺจ สมาหิตํ. อุภยมปฺปตฺตํ อสมาหิตํ. ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺติปฺปตฺตํ วิมุตฺตํ. ปฺจวิธมฺปิ เอตํ วิมุตฺติมปฺปตฺตํ อวิมุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิติ เจโตปริยาณลาภี ภิกฺขุ สพฺพปฺปการมฺปิ อิทํ สราคํ วา จิตฺตํ…เป… อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาตีติ.
เจโตปริยาณกถา นิฏฺิตา.
ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณกถา
๔๐๒. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณกถายํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณายาติ (ที. นิ. ๑.๒๔๔) ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติมฺหิ ยํ าณํ, ตทตฺถาย. ปุพฺเพนิวาโสติ ปุพฺเพ อตีตชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธา. นิวุตฺถาติ อชฺฌาวุตฺถา อนุภูตา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา. นิวุตฺถธมฺมา วา. นิวุตฺถาติ โคจรนิวาเสน นิวุตฺถา อตฺตโน วิฺาเณน วิฺาตา ปริจฺฉินฺนา, ปรวิฺาณวิฺาตาปิ วา ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสุ, เต พุทฺธานํเยว ลพฺภนฺติ. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสตีติ ยาย สติยา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, สา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ. าณนฺติ ตาย สติยา สมฺปยุตฺตาณํ. เอวมิมสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส อตฺถาย ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย เอตสฺส าณสฺส อธิคมาย ปตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ.
อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ, อเนเกหิ วา ปกาเรหิ ปวตฺติตํ, สํวณฺณิตนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสนฺติ สมนนฺตราตีตภวํ อาทึ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถสนฺตานํ. อนุสฺสรตีติ ขนฺธปฏิปาฏิวเสน ¶ จุติปฏิสนฺธิวเสน วา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สรติ. อิมฺหิ ปุพฺเพนิวาสํ ฉ ชนา อนุสฺสรนฺติ – ติตฺถิยา, ปกติสาวกา, มหาสาวกา, อคฺคสาวกา, ปจฺเจกพุทฺธา, พุทฺธาติ.
ตตฺถ ¶ ติตฺถิยา จตฺตาลีสํเยว กปฺเป อนุสฺสรนฺติ, น ตโต ปรํ. กสฺมา, ทุพฺพลปฺตฺตา. เตสฺหิ นามรูปปริจฺเฉทวิรหิตตฺตา ทุพฺพลา ปฺา โหติ. ปกติสาวกา กปฺปสตมฺปิ กปฺปสหสฺสมฺปิ อนุสฺสรนฺติเยว, พลวปฺตฺตา. อสีติมหาสาวกา สตสหสฺสกปฺเป อนุสฺสรนฺติ. ทฺเว อคฺคสาวกา เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ สตสหสฺสฺจ. ปจฺเจกพุทฺธา ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ. เอตฺตโก หิ เอเตสํ อภินีหาโร. พุทฺธานํ ปน ปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ.
ติตฺถิยา จ ขนฺธปฏิปาฏิเมว สรนฺติ, ปฏิปาฏึ มฺุจิตฺวา จุติปฏิสนฺธิวเสน สริตุํ น สกฺโกนฺติ. เตสฺหิ อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปเทโสกฺกมนํ นตฺถิ. ยถา ปน อนฺธา ยฏฺึ อมฺุจิตฺวาว คจฺฉนฺติ, เอวํ เต ขนฺธานํ ปฏิปาฏึ อมฺุจิตฺวาว สรนฺติ. ปกติสาวกา ขนฺธปฏิปาฏิยาปิ อนุสฺสรนฺติ จุติปฏิสนฺธิวเสนปิ สงฺกมนฺติ. ตถา อสีติมหาสาวกา. ทฺวินฺนํ ปน อคฺคสาวกานํ ขนฺธปฏิปาฏิกิจฺจํ นตฺถิ. เอกสฺส อตฺตภาวสฺส จุตึ ทิสฺวา ปฏิสนฺธึ ปสฺสนฺติ, ปุน อปรสฺส จุตึ ทิสฺวา ปฏิสนฺธินฺติ เอวํ จุติปฏิสนฺธิวเสเนว สงฺกมนฺตา คจฺฉนฺติ. ตถา ปจฺเจกพุทฺธา.
พุทฺธานํ ปน เนว ขนฺธปฏิปาฏิกิจฺจํ, น จุติปฏิสนฺธิวเสน สงฺกมนกิจฺจํ อตฺถิ. เตสฺหิ อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ เหฏฺา วา อุปริ วา ยํ ยํ านํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ตํ ปากฏเมว โหติ. ตสฺมา อเนกาปิ กปฺปโกฏิโย เปยฺยาลปาฬึ วิย สํขิปิตฺวา ยํ ยํ อิจฺฉนฺติ, ตตฺร ตตฺเรว โอกฺกมนฺตา สีโหกฺกนฺตวเสน คจฺฉนฺติ. เอวํ คจฺฉนฺตานฺจ เนสํ าณํ ยถา นาม กตวาลเวธปริจยสฺส สรภงฺคสทิสสฺส ธนุคฺคหสฺส ขิตฺโต สโร อนฺตรา รุกฺขลตาทีสุ อสชฺชมาโน ลกฺเขเยว ปตติ, น สชฺชติ, น วิรชฺฌติ, เอวํ อนฺตรนฺตราสุ ชาตีสุ น สชฺชติ, น วิรชฺฌติ, อสชฺชมานํ อวิรชฺฌมานํ อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํเยว คณฺหาติ.
อิเมสุ จ ปน ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรณสตฺเตสุ ติตฺถิยานํ ปุพฺเพนิวาสทสฺสนํ ขชฺชุปนกปภาสทิสํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ปกติสาวกานํ ทีปปฺปภาสทิสํ. มหาสาวกานํ อุกฺกาปภาสทิสํ ¶ . อคฺคสาวกานํ โอสธิตารกปฺปภาสทิสํ. ปจฺเจกพุทฺธานํ จนฺทปฺปภาสทิสํ. พุทฺธานํ รสฺมิสหสฺสปฏิมณฺฑิตสรทสูริยมณฺฑลสทิสํ หุตฺวา อุปฏฺาติ.
ติตฺถิยานฺจ ¶ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณํ อนฺธานํ ยฏฺิโกฏิคมนํ วิย โหติ. ปกติสาวกานํ ทณฺฑกเสตุคมนํ วิย. มหาสาวกานํ ชงฺฆเสตุคมนํ วิย. อคฺคสาวกานํ สกฏเสตุคมนํ วิย. ปจฺเจกพุทฺธานํ มหาชงฺฆมคฺคคมนํ วิย. พุทฺธานํ มหาสกฏมคฺคคมนํ วิย.
อิมสฺมึ ปน อธิกาเร สาวกานํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณํ อธิปฺเปตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุสฺสรตีติ ขนฺธปฏิปาฏิวเสน จุติปฏิสนฺธิวเสน วา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สรตี’’ติ.
๔๐๓. ตสฺมา เอวมนุสฺสริตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน ภิกฺขุนา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเตน รโหคเตน ปฏิสลฺลิเนน ปฏิปาฏิยา จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชิตฺวา อภิฺาปาทกจตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย สพฺพปจฺฉิมา นิสชฺชา อาวชฺชิตพฺพา. ตโต อาสนปฺาปนํ, เสนาสนปฺปเวสนํ, ปตฺตจีวรปฏิสามนํ, โภชนกาโล, คามโต อาคมนกาโล, คาเม ปิณฺฑาย จริตกาโล, คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺกาโล, วิหารโต นิกฺขมนกาโล, เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวนฺทนกาโล, ปตฺตโธวนกาโล, ปตฺตปฏิคฺคหณกาโล, ปตฺตปฏิคฺคหณโต ยาว มุขโธวนา กตกิจฺจํ, ปจฺจูสกาเล กตกิจฺจํ, มชฺฌิมยาเม กตกิจฺจํ, ปมยาเม กตกิจฺจนฺติ เอวํ ปฏิโลมกฺกเมน สกลํ รตฺตินฺทิวํ กตกิจฺจํ อาวชฺชิตพฺพํ. เอตฺตกํ ปน ปกติจิตฺตสฺสปิ ปากฏํ โหติ. ปริกมฺมสมาธิจิตฺตสฺส ปน อติปากฏเมว.
สเจ ปเนตฺถ กิฺจิ น ปากฏํ โหติ, ปุน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อาวชฺชิตพฺพํ. เอตฺตเกน ทีเป ชลิเต วิย ปากฏํ โหติ. เอวํ ปฏิโลมกฺกเมเนว ทุติยทิวเสปิ ตติยจตุตฺถปฺจมทิวเสปิ ทสาเหปิ อฑฺฒมาเสปิ มาเสปิ ยาว สํวจฺฉราปิ กตกิจฺจํ อาวชฺชิตพฺพํ. เอเตเนว อุปาเยน ทสวสฺสานิ วีสติวสฺสานีติ ยาว อิมสฺมึ ภเว อตฺตโน ปฏิสนฺธิ, ตาว อาวชฺชนฺเตน ปุริมภเว จุติกฺขเณ ปวตฺติตนามรูปํ อาวชฺชิตพฺพํ. ปโหติ หิ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ ปมวาเรเนว ปฏิสนฺธึ อุคฺฆาเฏตฺวา จุติกฺขเณ นามรูปมารมฺมณํ กาตุํ.
ยสฺมา ¶ ปน ปุริมภเว นามรูปํ อเสสํ นิรุทฺธํ อฺํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมา ตํ านํ อาหุนฺทริกํ อนฺธตมมิว โหติ ทุทฺทสํ ทุปฺปฺเน. เตนาปิ ‘‘น สกฺโกมหํ ¶ ปฏิสนฺธึ อุคฺฆาเฏตฺวา จุติกฺขเณ ปวตฺติตนามรูปมารมฺมณํ กาตุ’’นฺติ ธุรนิกฺเขโป น กาตพฺโพ. ตเทว ปน ปาทกชฺฌานํ ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชิตพฺพํ. ตโต จ วุฏฺาย วุฏฺาย ตํ านํ อาวชฺชิตพฺพํ.
เอวํ กโรนฺโต หิ เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส กูฏาคารกณฺณิกตฺถาย มหารุกฺขํ ฉินฺทนฺโต สาขาปลาสจฺเฉทนมตฺเตเนว ผรสุธาราย วิปนฺนาย มหารุกฺขํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวาว กมฺมารสาลํ คนฺตฺวา ติขิณํ ผรสุํ การาเปตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา ฉินฺเทยฺย, ปุน วิปนฺนาย จ ปุนปิ ตเถว กาเรตฺวา ฉินฺเทยฺย. โส เอวํ ฉินฺทนฺโต ฉินฺนสฺส ฉินฺนสฺส ปุน เฉตพฺพาภาวโต อจฺฉินฺนสฺส จ เฉทนโต นจิรสฺเสว มหารุกฺขํ ปาเตยฺย, เอวเมวํ ปาทกชฺฌานา วุฏฺาย ปุพฺเพ อาวชฺชิตํ อนาวชฺชิตฺวา ปฏิสนฺธิเมว อาวชฺชนฺโต นจิรสฺเสว ปฏิสนฺธึ อุคฺฆาเฏตฺวา จุติกฺขเณ ปวตฺติตนามรูปํ อารมฺมณํ กเรยฺยาติ. กฏฺผาลกเกโสหารกาทีหิปิ อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพ.
ตตฺถ ปจฺฉิมนิสชฺชโต ปภุติ ยาว ปฏิสนฺธิโต อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตํ าณํ ปุพฺเพนิวาสาณํ นาม น โหติ. ตํ ปน ปริกมฺมสมาธิาณํ นาม โหติ. อตีตํสาณนฺติปิ เอเก วทนฺติ. ตํ รูปาวจรํ สนฺธาย น ยุชฺชติ. ยทา ปนสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสนฺธึ อติกฺกมฺม จุติกฺขเณ ปวตฺติตนามรูปํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมิฺจ นิรุทฺเธ ตเทวารมฺมณํ กตฺวา จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ. เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปุริมานิ ปริกมฺมาทินามกานิ กามาวจรานิ โหนฺติ. ปจฺฉิมํ รูปาวจรํ จตุตฺถชฺฌานิกํ อปฺปนาจิตฺตํ. ตทาสฺส ยํ เตน จิตฺเตน สห าณํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ นาม. เตน าเณน สมฺปยุตฺตาย สติยา อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. เสยฺยถิทํ, เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรตีติ (ที. นิ. ๑.๒๔๔).
๔๐๔. ตตฺถ เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ปฏิสนฺธิมูลํ จุติปริโยสานํ เอกภวปริยาปนฺนํ ขนฺธสนฺตานํ. เอส นโย ทฺเวปิ ชาติโยติอาทีสุปิ. อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเปติอาทีสุ ปน ปริหายมาโน กปฺโป สํวฏฺฏกปฺโป, วฑฺฒมาโน วิวฏฺฏกปฺโปติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สํวฏฺเฏน สํวฏฺฏฏฺายี ¶ คหิโต ¶ โหติ, ตํมูลกตฺตา. วิวฏฺเฏน จ วิวฏฺฏฏฺายี, เอวฺหิ สติ ยานิ ตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? สํวฏฺโฏ, สํวฏฺฏฏฺายี, วิวฏฺโฏ, วิวฏฺฏฏฺายีติ (อ. นิ. ๔.๑๕๖ โถกํ วิสทิสํ) วุตฺตานิ, ตานิ ปริคฺคหิตานิ โหนฺติ.
ตตฺถ ตโย สํวฏฺฏา – อาโปสํวฏฺโฏ, เตโชสํวฏฺโฏ, วาโยสํวฏฺโฏติ. ติสฺโส สํวฏฺฏสีมา – อาภสฺสรา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลาติ.
ยทา กปฺโป เตเชน สํวฏฺฏติ, อาภสฺสรโต เหฏฺา อคฺคินา ฑยฺหติ. ยทา อาเปน สํวฏฺฏติ, สุภกิณฺหโต เหฏฺา อุทเกน วิลียติ. ยทา วายุนา สํวฏฺฏติ, เวหปฺผลโต เหฏฺา วาเตน วิทฺธํสติ. วิตฺถารโต ปน สทาปิ เอกํ พุทฺธเขตฺตํ วินสฺสติ.
พุทฺธเขตฺตํ นาม ติวิธํ โหติ – ชาติเขตฺตํ, อาณาเขตฺตํ, วิสยเขตฺตฺจ. ตตฺถ ชาติเขตฺตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ โหติ. ยํ ตถาคตสฺส ปฏิสนฺธิคหณาทีสุ กมฺปติ. อาณาเขตฺตํ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ, ยตฺถ รตนสุตฺตํ (ขุ. ปา. ๖.๑ อาทโย) ขนฺธปริตฺตํ (จูฬว. ๒๕๑; อ. นิ. ๔.๖๗) ธชคฺคปริตฺตํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) อาฏานาฏิยปริตฺตํ (ที. นิ. ๓.๒๗๕ อาทโย) โมรปริตฺตนฺติ (ชา. ๑.๒.๑๗-๑๘) อิเมสํ ปริตฺตานํ อานุภาโว วตฺตติ. วิสยเขตฺตํ อนนฺตมปริมาณํ. ยํ ‘‘ยาวตา วา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วุตฺตํ, ยตฺถ ยํ ยํ ตถาคโต อากงฺขติ, ตํ ตํ ชานาติ. เอวเมเตสุ ตีสุ พุทฺธเขตฺเตสุ เอกํ อาณาเขตฺตํ วินสฺสติ. ตสฺมึ ปน วินสฺสนฺเต ชาติเขตฺตมฺปิ วินฏฺเมว โหติ. วินสฺสนฺตฺจ เอกโตว วินสฺสติ, สณฺหนฺตมฺปิ เอกโต สณฺหติ. ตสฺเสวํ วินาโส จ สณฺหนฺจ เวทิตพฺพํ.
๔๐๕. ยสฺมึ หิ สมเย กปฺโป อคฺคินา นสฺสติ, อาทิโตว กปฺปวินาสกมหาเมโฆ วุฏฺหิตฺวา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬ เอกํ มหาวสฺสํ วสฺสติ. มนุสฺสา ตุฏฺหฏฺา สพฺพพีชานิ นีหริตฺวา วปนฺติ. สสฺเสสุ ปน โคขายิตกมตฺเตสุ ชาเตสุ คทฺรภรวํ รวนฺโต เอกพินฺทุมฺปิ น วสฺสติ, ตทา ปจฺฉินฺนํ ปจฺฉินฺนเมว วสฺสํ โหติ. อิทํ สนฺธาย หิ ภควตา ‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย ยํ พหูนิ วสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตานิ ¶ พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ ¶ วสฺสสตสหสฺสานิ เทโว น วสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๖) วุตฺตํ. วสฺสูปชีวิโน สตฺตา กาลงฺกตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, ปุปฺผผลูปชีวินิโย จ เทวตา. เอวํ ทีเฆ อทฺธาเน วีติวตฺเต ตตฺถ ตตฺถ อุทกํ ปริกฺขยํ คจฺฉติ, อถานุปุพฺเพน มจฺฉกจฺฉปาปิ กาลงฺกตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เนรยิกสตฺตาปิ. ตตฺถ เนรยิกา สตฺตมสูริยปาตุภาเว วินสฺสนฺตีติ เอเก.
ฌานํ วินา นตฺถิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ, เอเตสฺจ เกจิ ทุพฺภิกฺขปีฬิตา เกจิ อภพฺพา ฌานาธิคมาย, เต กถํ ตตฺถ นิพฺพตฺตนฺตีติ. เทวโลเก ปฏิลทฺธชฺฌานวเสน. ตทา หิ ‘‘วสฺสสตสหสฺสสฺสจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ โลกพฺยูหา นาม กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปฺุฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา มนุสฺสปเถ วิจรนฺตา เอวํ อาโรเจนฺติ ‘‘มาริสา อิโต วสฺสสตสหสฺสสฺสจฺจเยน กปฺปวุฏฺานํ ภวิสฺสติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโทปิ อุสฺสุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุทฺทยฺหิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ. ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ. เมตฺตํ มาริสา ภาเวถ, กรุณํ, มุทิตํ, อุเปกฺขํ มาริสา ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถา’’ติ.
เตสํ วจนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน มนุสฺสา จ ภุมฺมเทวตา จ สํเวคชาตา อฺมฺํ มุทุจิตฺตา หุตฺวา เมตฺตาทีนิ ปฺุานิ กริตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ. ตตฺถ ทิพฺพสุธาโภชนํ ภฺุชิตฺวา วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวา ฌานํ ปฏิลภนฺติ. ตทฺเ ปน อปราปริยเวทนีเยน กมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ. อปราปริยเวทนียกมฺมรหิโต หิ สํสาเร สํสรมาโน สตฺโต นาม นตฺถิ. เตปิ ตตฺถ ตเถว ฌานํ ปฏิลภนฺติ. เอวํ เทวโลเก ปฏิลทฺธชฺฌานวเสน สพฺเพปิ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตนฺตีติ.
วสฺสูปจฺเฉทโต ปน อุทฺธํ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ทุติโย สูริโย ปาตุภวติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา ‘‘โหติ โข โส, ภิกฺขเว, สมโย’’ติ สตฺตสูริยํ (อ. นิ. ๗.๖๖) วิตฺถาเรตพฺพํ. ปาตุภูเต จ ปน ตสฺมึ เนว ¶ รตฺติปริจฺเฉโท, น ทิวาปริจฺเฉโท ปฺายติ. เอโก สูริโย อุฏฺเติ, เอโก อตฺถํ คจฺฉติ. อวิจฺฉินฺนสูริยสนฺตาโปว โลโก โหติ. ยถา จ ปกติสูริเย สูริยเทวปุตฺโต โหติ, เอวํ กปฺปวินาสกสูริเย นตฺถิ. ตตฺถ ปกติสูริเย ¶ วตฺตมาเน อากาเส วลาหกาปิ ธูมสิขาปิ จรนฺติ. กปฺปวินาสกสูริเย วตฺตมาเน วิคตธูมวลาหกํ อาทาสมณฺฑลํ วิย นิมฺมลํ นภํ โหติ. เปตฺวา ปฺจ มหานทิโย เสสกุนฺนทีอาทีสุ อุทกํ สุสฺสติ.
ตโตปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ตติโย สูริโย ปาตุภวติ. ยสฺส ปาตุภาวา มหานทิโยปิ สุสฺสนฺติ.
ตโตปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน จตุตฺโถ สูริโย ปาตุภวติ. ยสฺส ปาตุภาวา หิมวติ มหานทีนํ ปภวา ‘‘สีหปปาโต หํสปาตโน กณฺณมุณฺฑโก รถการทโห อโนตตฺตทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโห’’ติ อิเม สตฺต มหาสรา สุสฺสนฺติ.
ตโตปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ปฺจโม สูริโย ปาตุภวติ. ยสฺส ปาตุภาวา อนุปุพฺเพน มหาสมุทฺเท องฺคุลิปพฺพเตมนมตฺตมฺปิ อุทกํ น สณฺาติ.
ตโตปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน ฉฏฺโ สูริโย ปาตุภวติ. ยสฺส ปาตุภาวา สกลจกฺกวาฬํ เอกธูมํ โหติ. ปริยาทิณฺณสิเนหํ ธูเมน. ยถา จิทํ, เอวํ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬานิปิ.
ตโตปิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน สตฺตโม สูริโย ปาตุภวติ. ยสฺส ปาตุภาวา สกลจกฺกวาฬํ เอกชาลํ โหติ สทฺธึ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬหิ. โยชนสติกาทิเภทานิ สิเนรุกูฏานิปิ ปลุชฺชิตฺวา อากาเสเยว อนฺตรธายนฺติ. สา อคฺคิชาลา อุฏฺหิตฺวา จาตุมหาราชิเก คณฺหาติ. ตตฺถ กนกวิมานรตนวิมานมณิวิมานานิ ฌาเปตฺวา ตาวตึสภวนํ คณฺหาติ. เอเตเนว อุปาเยน ยาว ปมชฺฌานภูมึ คณฺหาติ. ตตฺถ ตโยปิ พฺรหฺมโลเก ฌาเปตฺวา อาภสฺสเร อาหจฺจ ติฏฺติ. สา ยาว อณุมตฺตมฺปิ สงฺขารคตํ อตฺถิ, ตาว น นิพฺพายติ. สพฺพสงฺขารปริกฺขยา ปน สปฺปิเตลฌาปนคฺคิสิขา วิย ฉาริกมฺปิ ¶ อนวเสเสตฺวา นิพฺพายติ. เหฏฺาอากาเสน สห อุปริอากาโส เอโก โหติ มหนฺธกาโร.
๔๐๖. อถ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา ปมํ สุขุมํ สุขุมํ วสฺสติ ¶ . อนุปุพฺเพน กุมุทนาฬยฏฺิมุสลตาลกฺขนฺธาทิปฺปมาณาหิ ธาราหิ วสฺสนฺโต โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ สพฺพํ ทฑฺฒฏฺานํ ปูเรตฺวา อนฺตรธายติ. ตํ อุทกํ เหฏฺา จ ติริยฺจ วาโต สมุฏฺหิตฺวา ฆนํ กโรติ ปริวฏุมํ ปทุมินิปตฺเต อุทกพินฺทุสทิสํ. กถํ ตาว มหนฺตํ อุทกราสึ ฆนํ กโรตีติ เจ? วิวรสมฺปทานโต. ตฺหิสฺส ตมฺหิ ตมฺหิ วิวรํ เทติ. ตํ เอวํ วาเตน สมฺปิณฺฑิยมานํ ฆนํ กริยมานํ ปริกฺขยมานํ อนุปุพฺเพน เหฏฺา โอตรติ. โอติณฺเณ โอติณฺเณ อุทเก พฺรหฺมโลกฏฺาเน พฺรหฺมโลกา, อุปริ จตุกามาวจรเทวโลกฏฺาเน จ เทวโลกา ปาตุภวนฺติ.
ปุริมปถวิฏฺานํ โอติณฺเณ ปน พลววาตา อุปฺปชฺชนฺติ. เต ตํ ปิหิตทฺวาเร ธมกรเณ ิตอุทกมิว นิรสฺสาสํ กตฺวา รุนฺธนฺติ. มธุโรทกํ ปริกฺขยํ คจฺฉมานํ อุปริ รสปถวึ สมุฏฺาเปติ. สา วณฺณสมฺปนฺนา เจว โหติ คนฺธรสสมฺปนฺนา จ นิรุทกปายาสสฺส อุปริ ปฏลํ วิย.
ตทา จ อาภสฺสรพฺรหฺมโลเก ปมตราภินิพฺพตฺตา สตฺตา อายุกฺขยา วา ปฺุกฺขยา วา ตโต จวิตฺวา อิธูปปชฺชนฺติ. เต โหนฺติ สยํปภา อนฺตลิกฺขจรา. เต อคฺคฺสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๑๑๙) วุตฺตนเยน ตํ รสปถวึ สายิตฺวา ตณฺหาภิภูตา อาลุปฺปการกํ ปริภฺุชิตุํ อุปกฺกมนฺติ. อถ เนสํ สยํปภา อนฺตรธายติ, อนฺธกาโร โหติ. เต อนฺธการํ ทิสฺวา ภายนฺติ.
ตโต เนสํ ภยํ นาเสตฺวา สูรภาวํ ชนยนฺตํ ปริปุณฺณปณฺณาสโยชนํ สูริยมณฺฑลํ ปาตุภวติ, เต ตํ ทิสฺวา ‘‘อาโลกํ ปฏิลภิมฺหา’’ติ หฏฺตุฏฺา หุตฺวา ‘‘อมฺหากํ ภีตานํ ภยํ นาเสตฺวา สูรภาวํ ชนยนฺโต อุฏฺิโต, ตสฺมา ‘‘สูริโย โหตู’’ติ สูริโยตฺเววสฺส นามํ กโรนฺติ.
อถ ¶ สูริเย ทิวสํ อาโลกํ กตฺวา อตฺถงฺคเต ยมฺปิ อาโลกํ ลภิมฺหา, โสปิ โน นฏฺโติ ปุน ภีตา โหนฺติ. เตสํ เอวํ โหติ ‘‘สาธุ วตสฺส สเจ อฺํ อาโลกํ ลเภยฺยามา’’ติ. เตสํ จิตฺตํ ตฺวา วิย เอกูนปณฺณาสโยชนํ จนฺทมณฺฑลํ ปาตุภวติ. เต ตํ ทิสฺวา ภิยฺโยโส มตฺตาย หฏฺตุฏฺา หุตฺวา ‘‘อมฺหากํ ฉนฺทํ ตฺวา วิย อุฏฺิโต, ตสฺมา จนฺโท โหตู’’ติ ¶ จนฺโทตฺเววสฺส นามํ กโรนฺติ. เอวํ จนฺทิมสูริเยสุ ปาตุภูเตสุ นกฺขตฺตานิ ตารกรูปานิ ปาตุภวนฺติ.
ตโต ปภุติ รตฺตินฺทิวา ปฺายนฺติ, อนุกฺกเมน จ มาสทฺธมาสอุตุสํวจฺฉรา. จนฺทิมสูริยานํ ปน ปาตุภูตทิวเสเยว สิเนรุจกฺกวาฬหิมวนฺตปพฺพตา ปาตุภวนฺติ. เต จ โข อปุพฺพํ อจริมํ ผคฺคุณปุณฺณมทิวเสเยว ปาตุภวนฺติ. กถํ? ยถา นาม กงฺคุภตฺเต ปจฺจมาเน เอกปฺปหาเรเนว ปุปฺผุฬกานิ อุฏฺหนฺติ. เอเก ปเทสา ถูปถูปา โหนฺติ, เอเก นินฺนนินฺนา, เอเก สมสมา. เอวเมวํ ถูปถูปฏฺาเน ปพฺพตา โหนฺติ, นินฺนนินฺนฏฺาเน สมุทฺทา, สมสมฏฺาเน ทีปาติ.
อถ เตสํ สตฺตานํ รสปถวึ ปริภฺุชนฺตานํ กเมน เอกจฺเจ วณฺณวนฺโต, เอกจฺเจ ทุพฺพณฺณา โหนฺติ. ตตฺถ วณฺณวนฺโต ทุพฺพณฺเณ อติมฺนฺติ. เตสํ อติมานปจฺจยา สาปิ รสปถวี อนฺตรธายติ. ภูมิปปฺปฏโก ปาตุภวติ. อถ เนสํ เตเนว นเยน โสปิ อนฺตรธายติ. ปทาลตา ปาตุภวติ. เตเนว นเยน สาปิ อนฺตรธายติ. อกฏฺปาโก สาลิ ปาตุภวติ อกโณ อถุโส สุทฺโธ สุคนฺโธ ตณฺฑุลปฺผโล.
ตโต เนสํ ภาชนานิ อุปฺปชฺชนฺติ. เต สาลึ ภาชเน เปตฺวา ปาสาณปิฏฺิยา เปนฺติ, สยเมว ชาลสิขา อุฏฺหิตฺวา ตํ ปจติ. โส โหติ โอทโน สุมนชาติปุปฺผสทิโส, น ตสฺส สูเปน วา พฺยฺชเนน วา กรณียํ อตฺถิ. ยํ ยํ รสํ ภฺุชิตุกามา โหนฺติ, ตํ ตํ รโสว โหติ. เตสํ ตํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหรยตํ ตโต ปภุติ มุตฺตกรีสํ สฺชายติ. อถ เนสํ ตสฺส นิกฺขมนตฺถาย วณมุขานิ ปภิชฺชนฺติ, ปุริสสฺส ปุริสภาโว, อิตฺถิยาปิ อิตฺถิภาโว ปาตุภวติ.
ตตฺร ¶ สุทํ อิตฺถี ปุริสํ, ปุริโส จ อิตฺถึ อติเวลํ อุปนิชฺฌายติ. เตสํ อติเวลํ อุปนิชฺฌายนปจฺจยา กามปริฬาโห อุปฺปชฺชติ. ตโต เมถุนธมฺมํ ปฏิเสวนฺติ. เต อสทฺธมฺมปฏิเสวนปจฺจยา วิฺูหิ ครหิยมานา วิเหิยมานา ตสฺส อสทฺธมฺมสฺส ปฏิจฺฉาทนเหตุ อคารานิ กโรนฺติ. เต อคารํ อชฺฌาวสมานา อนุกฺกเมน อฺตรสฺส อลสชาติกสฺส สตฺตสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺตา สนฺนิธึ กโรนฺติ. ตโต ปภุติ กโณปิ ถุโสปิ ตณฺฑุลํ ปริโยนนฺธติ, ลายิตฏฺานมฺปิ น ปฏิวิรูหติ.
เต ¶ สนฺนิปติตฺวา อนุตฺถุนนฺติ ‘‘ปาปกา วต โภ ธมฺมา สตฺเตสุ ปาตุภูตา, มยํ หิ ปุพฺเพ มโนมยา อหุมฺหา’’ติ อคฺคฺสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๑๒๘) วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพํ. ตโต มริยาทํ เปนฺติ. อถ อฺตโร สตฺโต อฺสฺส ภาคํ อทินฺนํ อาทิยติ. ตํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปริภาเสตฺวา ตติยวาเร ปาณิเลฏฺฏุทณฺเฑหิ ปหรนฺติ. เต เอวํ อทินฺนาทานครหมุสาวาททณฺฑาทาเนสุ อุปฺปนฺเนสุ สนฺนิปติตฺวา จินฺตยนฺติ ‘‘ยํนูน มยํ เอกํ สตฺตํ สมฺมนฺเนยฺยาม, โย โน สมฺมา ขียิตพฺพํ ขีเยยฺย, ครหิตพฺพํ ครเหยฺย, ปพฺพาเชตพฺพํ ปพฺพาเชยฺย, มยํ ปนสฺส สาลีนํ ภาคํ อนุปฺปทสฺสามา’’ติ.
เอวํ กตสนฺนิฏฺาเนสุ ปน สตฺเตสุ อิมสฺมึ ตาว กปฺเป อยเมว ภควา โพธิสตฺตภูโต เตน สมเยน เตสุ สตฺเตสุ อภิรูปตโร จ ทสฺสนียตโร จ มเหสกฺขตโร จ พุทฺธิสมฺปนฺโน ปฏิพโล นิคฺคหปคฺคหํ กาตุํ. เต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจิตฺวา สมฺมนฺนึสุ. โส เตน มหาชเนน สมฺมโตติ มหาสมฺมโต, เขตฺตานํ อธิปตีติ ขตฺติโย, ธมฺเมน สเมน ปเร รฺเชตีติ ราชาติ ตีหิ นาเมหิ ปฺายิตฺถ. ยฺหิ โลเก อจฺฉริยฏฺานํ, โพธิสตฺโตว ตตฺถ อาทิปุริโสติ เอวํ โพธิสตฺตํ อาทึ กตฺวา ขตฺติยมณฺฑเล สณฺิเต อนุปุพฺเพน พฺราหฺมณาทโยปิ วณฺณา สณฺหึสุ.
ตตฺถ กปฺปวินาสกมหาเมฆโต ยาว ชาลุปจฺเฉโท, อิทเมกํ อสงฺขฺเยยฺยํ สํวฏฺโฏติ วุจฺจติ.
กปฺปวินาสกชาลุปจฺเฉทโต ¶ ยาว โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปริปูรโก สมฺปตฺติมหาเมโฆ, อิทํ ทุติยํ อสงฺขฺเยยฺยํ สํวฏฺฏฏฺายีติ วุจฺจติ.
สมฺปตฺติมหาเมฆโต ยาว จนฺทิมสูริยปาตุภาโว, อิทํ ตติยํ อสงฺขฺเยยฺยํ วิวฏฺโฏติ วุจฺจติ.
จนฺทิมสูริยปาตุภาวโต ยาว ปุน กปฺปวินาสกมหาเมโฆ, อิทํ จตุตฺถํ อสงฺขฺเยยฺยํ วิวฏฺฏฏฺายีติ วุจฺจติ. อิมานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ เอโก มหากปฺโป โหติ. เอวํ ตาว อคฺคินา วินาโส จ สณฺหนฺจ เวทิตพฺพํ.
๔๐๗. ยสฺมึ ปน สมเย กปฺโป อุทเกน นสฺสติ, อาทิโตว กปฺปวินาสกมหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวาติ ¶ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส, ยถา ตตฺถ ทุติยสูริโย, เอวมิธ กปฺปวินาสโก ขารุทกมหาเมโฆ วุฏฺาติ. โส อาทิโต สุขุมํ สุขุมํ วสฺสนฺโต อนุกฺกเมน มหาธาราหิ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬานํ ปูเรนฺโต วสฺสติ. ขารุทเกน ผุฏฺผุฏฺา ปถวีปพฺพตาทโย วิลียนฺติ, อุทกํ สมนฺตโต วาเตหิ ธาริยติ. ปถวิโต ยาว ทุติยชฺฌานภูมึ อุทกํ คณฺหาติ. ตตฺถ ตโยปิ พฺรหฺมโลเก วิลียาเปตฺวา สุภกิณฺเห อาหจฺจ ติฏฺติ. ตํ ยาว อณุมตฺตมฺปิ สงฺขารคตํ อตฺถิ, ตาว น วูปสมฺมติ. อุทกานุคตํ ปน สพฺพสงฺขารคตํ อภิภวิตฺวา สหสา วูปสมฺมติ อนฺตรธานํ คจฺฉติ. เหฏฺาอากาเสน สห อุปริอากาโส เอโก โหติ มหนฺธกาโรติ สพฺพํ วุตฺตสทิสํ. เกวลํ ปนิธ อาภสฺสรพฺรหฺมโลกํ อาทึ กตฺวา โลโก ปาตุภวติ. สุภกิณฺหโต จ จวิตฺวา อาภสฺสรฏฺานาทีสุ สตฺตา นิพฺพตฺตนฺติ.
ตตฺถ กปฺปวินาสกมหาเมฆโต ยาว กปฺปวินาสกุทกูปจฺเฉโท, อิทเมกํ อสงฺขฺเยยฺยํ. อุทกูปจฺเฉทโต ยาว สมฺปตฺติมหาเมโฆ, อิทํ ทุติยํ อสงฺขฺเยยฺยํ. สมฺปตฺติมหาเมฆโต…เป… อิมานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ เอโก มหากปฺโป โหติ. เอวํ อุทเกน วินาโส จ สณฺหนฺจ เวทิตพฺพํ.
๔๐๘. ยสฺมึ ¶ สมเย กปฺโป วาเตน วินสฺสติ, อาทิโตว กปฺปวินาสกมหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวาติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส, ยถา ตตฺถ ทุติยสูริโย, เอวมิธ กปฺปวินาสนตฺถํ วาโต สมุฏฺาติ. โส ปมํ ถูลรชํ อุฏฺาเปติ. ตโต สณฺหรชํ สุขุมวาลิกํ ถูลวาลิกํ สกฺขรปาสาณาทโยติ ยาว กูฏาคารมตฺเต ปาสาเณ วิสมฏฺาเน ิตมหารุกฺเข จ อุฏฺาเปติ. เต ปถวิโต นภมุคฺคตา น จ ปุน ปตนฺติ. ตตฺเถว จุณฺณวิจุณฺณา หุตฺวา อภาวํ คจฺฉนฺติ.
อถานุกฺกเมน เหฏฺา มหาปถวิยา วาโต สมุฏฺหิตฺวา ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา อุทฺธํมูลํ กตฺวา อากาเส ขิปติ. โยชนสตปฺปมาณาปิ ปถวิปฺปเทสา ทฺวิโยชนติโยชนจตุโยชนปฺจโยชนสตปฺปมาณาปิ ภิชฺชิตฺวา วาตเวเคน ขิตฺตา อากาเสเยว จุณฺณวิจุณฺณา หุตฺวา อภาวํ คจฺฉนฺติ. จกฺกวาฬปพฺพตมฺปิ สิเนรุปพฺพตมฺปิ วาโต อุกฺขิปิตฺวา อากาเส ขิปติ. เต อฺมฺํ อภิหนฺตฺวา จุณฺณวิจุณฺณา หุตฺวา วินสฺสนฺติ. เอเตเนว อุปาเยน ภุมฺมฏฺกวิมานานิ จ อากาสฏฺกวิมานานิ จ วินาเสนฺโต ฉกามาวจรเทวโลเก วินาเสตฺวา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬานิ ¶ วินาเสติ. ตตฺถ จกฺกวาฬา จกฺกวาเฬหิ หิมวนฺตา หิมวนฺเตหิ สิเนรู สิเนรูหิ อฺมฺํ สมาคนฺตฺวา จุณฺณวิจุณฺณา หุตฺวา วินสฺสนฺติ. ปถวิโต ยาว ตติยชฺฌานภูมึ วาโต คณฺหาติ. ตตฺถ ตโยปิ พฺรหฺมโลเก วินาเสตฺวา เวหปฺผลํ อาหจฺจ ติฏฺติ. เอวํ สพฺพสงฺขารคตํ วินาเสตฺวา สยมฺปิ วินสฺสติ. เหฏฺาอากาเสน สห อุปริอากาโส เอโก โหติ มหนฺธกาโรติ สพฺพํ วุตฺตสทิสํ. อิธ ปน สุภกิณฺหพฺรหฺมโลกํ อาทึ กตฺวา โลโก ปาตุภวติ. เวหปฺผลโต จ จวิตฺวา สุภกิณฺหฏฺานาทีสุ สตฺตา นิพฺพตฺตนฺติ.
ตตฺถ กปฺปวินาสกมหาเมฆโต ยาว กปฺปวินาสกวาตูปจฺเฉโท, อิทเมกํ อสงฺขฺเยยฺยํ. วาตูปจฺเฉทโต ยาว สมฺปตฺติมหาเมโฆ, อิทํ ทุติยํ อสงฺขฺเยยฺยํ…เป… อิมานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ เอโก มหากปฺโป โหติ. เอวํ วาเตน วินาโส จ สณฺหนฺจ เวทิตพฺพํ.
๔๐๙. กึการณา ¶ เอวํ โลโก วินสฺสติ? อกุสลมูลการณา. อกุสลมูเลสุ หิ อุสฺสนฺเนสุ เอวํ โลโก วินสฺสติ. โส จ โข ราเค อุสฺสนฺนตเร อคฺคินา วินสฺสติ. โทเส อุสฺสนฺนตเร อุทเกน วินสฺสติ. เกจิ ปน โทเส อุสฺสนฺนตเร อคฺคินา. ราเค อุสฺสนฺนตเร อุทเกนาติ วทนฺติ. โมเห อุสฺสนฺนตเร วาเตน วินสฺสติ. เอวํ วินสฺสนฺโตปิ จ นิรนฺตรเมว สตฺตวาเร อคฺคินา วินสฺสติ. อฏฺเม วาเร อุทเกน. ปุน สตฺตวาเร อคฺคินา. อฏฺเม วาเร อุทเกนาติ เอวํ อฏฺเม อฏฺเม วาเร วินสฺสนฺโต สตฺตกฺขตฺตุํ อุทเกน วินสฺสิตฺวา ปุน สตฺตวาเร อคฺคินา นสฺสติ. เอตฺตาวตา เตสฏฺิ กปฺปา อตีตา โหนฺติ. เอตฺถนฺตเร อุทเกน นสฺสนวารํ สมฺปตฺตมฺปิ ปฏิพาหิตฺวา ลทฺโธกาโส วาโต ปริปุณฺณจตุสฏฺิกปฺปายุเก สุภกิณฺเห วิทฺธํเสนฺโต โลกํ วินาเสติ.
๔๑๐. ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโตปิ จ กปฺปานุสฺสรณโก ภิกฺขุ เอเตสุ กปฺเปสุ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป อนุสฺสรติ. กถํ? ‘‘อมุตฺราสิ’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๔๔) นเยน.
ตตฺถ อมุตฺราสินฺติ อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเป อหํ อมุมฺหิ ภเว วา โยนิยา วา คติยา วา วิฺาณฏฺิติยา วา สตฺตาวาเส วา สตฺตนิกาเย วา อาสึ. เอวํนาโมติ ติสฺโส วา ผุสฺโส วา. เอวํโคตฺโตติ กจฺจาโน วา กสฺสโป วา. อิทมสฺส อตีตภเว อตฺตโน นามโคตฺตานุสฺสรณวเสน ¶ วุตฺตํ. สเจ ปน ตสฺมึ กาเล อตฺตโน วณฺณสมฺปตฺตึ วา ลูขปณีตชีวิกภาวํ วา สุขทุกฺขพหุลตํ วา อปฺปายุกทีฆายุกภาวํ วา อนุสฺสริตุกาโม โหติ, ตมฺปิ อนุสฺสรติเยว. เตนาห ‘‘เอวํวณฺโณ…เป… เอวมายุปริยนฺโต’’ติ.
ตตฺถ เอวํวณฺโณติ โอทาโต วา สาโม วา. เอวมาหาโรติ สาลิมํโสทนาหาโร วา ปวตฺตผลโภชโน วา. เอวํ สุขทุกฺขปฏิสํเวทีติ อเนกปฺปกาเรน กายิกเจตสิกานํ สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานํ วา สุขทุกฺขานํ ปฏิสํเวที. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ วสฺสสตปริมาณายุปริยนฺโต วา จตุราสีติกปฺปสตสหสฺสายุปริยนฺโต วา. โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทินฺติ โสหํ ตโต ¶ ภวโต โยนิโต คติโต วิฺาณฏฺิติโต สตฺตาวาสโต สตฺตนิกายโต วา จุโต ปุน อมุกสฺมึ นาม ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา อุทปาทึ. ตตฺราปาสินฺติ อถ ตตฺราปิ ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา ปุน อโหสึ. เอวํนาโมติอาทิ วุตฺตนยเมว.
อปิจ ยสฺมา อมุตฺราสินฺติ อิทํ อนุปุพฺเพน อาโรหนฺตสฺส ยาวทิจฺฉกํ อนุสฺสรณํ. โส ตโต จุโตติ ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ, ตสฺมา ‘‘อิธูปปนฺโน’’ติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรเมวสฺส อุปปตฺติฏฺานํ สนฺธาย ‘‘อมุตฺร อุทปาทิ’’นฺติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺราปาสินฺติ เอวมาทิ ปนสฺส ตตฺร อิมิสฺสา อุปปตฺติยา อนนฺตเร อุปปตฺติฏฺาเน นามโคตฺตาทีนํ อนุสฺสรณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโนติ สฺวาหํ ตโต อนนฺตรูปปตฺติฏฺานโต จุโต อิธ อสุกสฺมึ นาม ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา นิพฺพตฺโตติ. อิตีติ เอวํ. สาการํ สอุทฺเทสนฺติ นามโคตฺตวเสน สอุทฺเทสํ, วณฺณาทิวเสน สาการํ. นามโคตฺเตน หิ สตฺโต ติสฺโส กสฺสโปติ อุทฺทิสียติ. วณฺณาทีหิ สาโม โอทาโตติ นานตฺตโต ปฺายติ. ตสฺมา นามโคตฺตํ อุทฺเทโส, อิตเร อาการา. อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสมนุสฺสรตีติ อิทํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณกถา นิฏฺิตา.
จุตูปปาตาณกถา
๔๑๑. สตฺตานํ ¶ จุตูปปาตาณกถาย จุตูปปาตาณายาติ (ที. นิ. ๑.๒๔๗) จุติยา จ อุปปาเต จ าณาย. เยน าเณน สตฺตานํ จุติ จ อุปปาโต จ ายติ, ตทตฺถํ ทิพฺพจกฺขุาณตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตีติ ปริกมฺมจิตฺตํ อภินีหรติ เจว อภินินฺนาเมติ จ. โสติ โส กตจิตฺตาภินีหาโร ภิกฺขุ. ทิพฺเพนาติอาทีสุ ปน ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ. เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉนสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติ. อิทฺจาปิ วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตํ าณจกฺขุ ¶ ตาทิสเมวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ. ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพํ. อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตาปิ ทิพฺพํ. ติโรกุฏฺฏาทิคตรูปทสฺสเนน มหาคติกตฺตาปิ ทิพฺพํ. ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ.
ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ. จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขุ. จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธํ. โย หิ จุติมตฺตเมว ปสฺสติ, น อุปปาตํ. โส อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. โย อุปปาตมตฺตเมว ปสฺสติ, น จุตึ, โส นวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาติ. โย ปน ตทุภยํ ปสฺสติ, โส ยสฺมา ทุวิธมฺปิ ตํ ทิฏฺิคตํ อติวตฺตติ. ตสฺมาสฺส ตํทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุ โหติ. อุภยมฺปิ เจตํ พุทฺธปุตฺตา ปสฺสนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธ’’นฺติ.
มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา รูปทสฺสเนน อติกฺกนฺตมานุสกํ, มานุสกํ วา มํสจกฺขุํ อติกฺกนฺตตฺตา อติกฺกนฺตมานุสกนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน. สตฺเต ปสฺสตีติ มนุสฺสานํ มํสจกฺขุนา วิย สตฺเต โอโลเกติ.
จวมาเน อุปปชฺชมาเนติ เอตฺถ จุติกฺขเณ อุปปตฺติกฺขเณ วา ทิพฺพจกฺขุนา ทฏฺุํ น สกฺกา. เย ปน อาสนฺนจุติกา อิทานิ จวิสฺสนฺติ, เต จวมานา. เย จ คหิตปฏิสนฺธิกา สมฺปตินิพฺพตฺตาว, เต อุปปชฺชมานาติ อธิปฺเปตา. เต เอวรูเป จวมาเน จ อุปปชฺชมาเน จ ปสฺสตีติ ทสฺเสติ.
หีเนติ ¶ โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา หีนานํ ชาติกุลโภคาทีนํ วเสน หีฬิเต โอหีฬิเต โอฺาเต อวฺาเต. ปณีเตติ อโมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา ตพฺพิปรีเต. สุวณฺเณติ อโทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อิฏฺกนฺตมนาปวณฺณยุตฺเต. ทุพฺพณฺเณติ โทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อนิฏฺากนฺตอมนาปวณฺณยุตฺเต. อนภิรูเป วิรูเปติปิ อตฺโถ. สุคเตติ สุคติคเต. อโลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา อฑฺเฒ มหทฺธเน. ทุคฺคเตติ ทุคฺคติคเต. โลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปาเน.
ยถากมฺมุปเคติ ยํ ยํ กมฺมํ อุปจิตํ, เตน เตน อุปคเต. ตตฺถ ปุริเมหิ จวมาเนติอาทีหิ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจํ วุตฺตํ. อิมินา ปน ปเทน ยถากมฺมุปคาณกิจฺจํ. ตสฺส จ าณสฺส อยมุปฺปตฺติกฺกโม, อิธ ภิกฺขุ เหฏฺา นิรยาภิมุขํ ¶ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เนรยิเก สตฺเต ปสฺสติ มหาทุกฺขมนุภวมาเน. ตํ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจเมว. โส เอวํ มนสิกโรติ ‘‘กึ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี’’ติ. อถสฺส อิทํ นาม กตฺวาติ ตํกมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ. ตถา อุปริเทวโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา นนฺทนวนมิสฺสกวนผารุสกวนาทีสุ สตฺเต ปสฺสติ มหาสมฺปตฺตึ อนุภวมาเน. ตมฺปิ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจเมว. โส เอวํ มนสิกโรติ ‘‘กึ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี’’ติ. อถสฺส อิทํ นาม กตฺวาติ ตํกมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ. อิทํ ยถากมฺมุปคาณํ นาม. อิมสฺส วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถิ, ยถา จิมสฺส, เอวํ อนาคตํสาณสฺสาปิ. ทิพฺพจกฺขุปาทกาเนว หิ อิมานิ ทิพฺพจกฺขุนา สเหว อิชฺฌนฺติ.
กายทุจฺจริเตนาติอาทีสุ ทุฏฺุ จริตํ, ทุฏฺํ วา จริตํ กิเลสปูติกตฺตาติ ทุจฺจริตํ. กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา อุปฺปนฺนํ ทุจฺจริตนฺติ กายทุจฺจริตํ, อิตเรสุปิ เอเสว นโย. สมนฺนาคตาติ สมงฺคีภูตา. อริยานํ อุปวาทกาติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ อริยานํ อนฺตมโส คิหิโสตาปนฺนานมฺปิ อนตฺถกามา หุตฺวา อนฺติมวตฺถุนา วา คุณปริธํสเนน วา อุปวาทกา อกฺโกสกา ครหกาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ นตฺถิ อิเมสํ สมณธมฺโม, อสฺสมณา เอเตติ วทนฺโต อนฺติมวตฺถุนา อุปวทติ. นตฺถิ อิเมสํ ฌานํ วา วิโมกฺโข วา มคฺโค วา ผลํ วาติอาทีนิ วทนฺโต คุณปริธํสนวเสน อุปวทตีติ เวทิตพฺโพ. โส จ ชานํ วา อุปวเทยฺย อชานํ วา, อุภยถาปิ อริยูปวาโทว โหติ. ภาริยํ กมฺมํ อานนฺตริยสทิสํ สคฺคาวรณฺจ มคฺคาวรณฺจ, สเตกิจฺฉํ ปน โหติ. ตสฺส อาวิภาวตฺถํ อิทํ วตฺถุ เวทิตพฺพํ.
อฺตรสฺมึ ¶ กิร คาเม เอโก เถโร จ ทหรภิกฺขุ จ ปิณฺฑาย จรนฺติ. เต ปมฆเรเยว อุฬุงฺกมตฺตํ อุณฺหยาคุํ ลภึสุ. เถรสฺส จ กุจฺฉิวาโต รุชฺฌติ. โส จินฺเตสิ ‘‘อยํ ยาคุ มยฺหํ สปฺปายา, ยาว น สีตลา โหติ, ตาว นํ ปิวามี’’ติ. โส มนุสฺเสหิ อุมฺมารตฺถาย อาหเฏ ทารุขณฺเฑ นิสีทิตฺวา ปิวิ. อิตโร ตํ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘อติขุทฺทาภิภูโต มหลฺลโก, อมฺหากํ ลชฺชิตพฺพกํ อกาสี’’ติ อาห. เถโร ¶ คาเม จริตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ทหรภิกฺขุํ อาห ‘‘อตฺถิ เต, อาวุโส, อิมสฺมึ สาสเน ปติฏฺา’’ติ? อาม, ภนฺเต, โสตาปนฺโน อหนฺติ. เตน หาวุโส, อุปริมคฺคตฺถาย วายามํ มา อกาสิ. ขีณาสโว ตยา อุปวทิโตติ. โส ตํ ขมาเปสิ. เตนสฺส ตํ กมฺมํ ปากติกํ อโหสิ.
ตสฺมา โย อฺโปิ อริยํ อุปวทติ, เตน คนฺตฺวา สเจ อตฺตนา วุฑฺฒตโร โหติ, อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา ‘‘อหํ อายสฺมนฺตํ อิทฺจิทฺจ อวจํ, ตํ เม ขมาหี’’ติ ขมาเปตพฺโพ. สเจ นวกตโร โหติ, วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺเห อิทฺจิทฺจ อวจํ, ตํ เม ขมถา’’ติ ขมาเปตพฺโพ. สเจ ทิสาปกฺกนฺโต โหติ, สยํ วา คนฺตฺวา สทฺธิวิหาริกาทิเก วา เปเสตฺวา ขมาเปตพฺโพ.
สเจ จ นาปิ คนฺตุํ, น เปเสตุํ สกฺกา โหติ, เย ตสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู วสนฺติ, เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สเจ นวกตรา โหนฺติ, อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา, สเจ วุฑฺฒตรา, วุฑฺเฒ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, อสุกํ นาม อายสฺมนฺตํ อิทฺจิทฺจ อวจํ, ขมตุ เม โส อายสฺมา’’ติ วตฺวา ขมาเปตพฺพํ. สมฺมุขา อขมนฺเตปิ เอตเทว กตฺตพฺพํ.
สเจ เอกจาริกภิกฺขุ โหติ, เนวสฺส วสนฏฺานํ, น คตฏฺานํ ปฺายติ, เอกสฺส ปณฺฑิตสฺส ภิกฺขุโน สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, อสุกํ นาม อายสฺมนฺตํ อิทฺจิทฺจ อวจํ, ตํ เม อนุสฺสรโต วิปฺปฏิสาโร โหติ, กึ กโรมี’’ติ วตฺตพฺพํ. โส วกฺขติ ‘‘ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถ, เถโร ตุมฺหากํ ขมติ, จิตฺตํ วูปสเมถา’’ติ. เตนาปิ อริยสฺส คตทิสาภิมุเขน อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ขมตูติ วตฺตพฺพํ. สเจ โส ปรินิพฺพุโต โหติ, ปรินิพฺพุตมฺจฏฺานํ คนฺตฺวา ยาวสิวถิกํ คนฺตฺวาปิ ขมาเปตพฺพํ. เอวํ กเต เนว สคฺคาวรณํ, น มคฺคาวรณํ โหติ, ปากติกเมว โหตีติ.
มิจฺฉาทิฏฺิกาติ ¶ วิปรีตทสฺสนา. มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานาติ มิจฺฉาทิฏฺิวเสน สมาทินฺนนานาวิธกมฺมา, เย จ มิจฺฉาทิฏฺิมูลเกสุ กายกมฺมาทีสุ อฺเปิ สมาทเปนฺติ. เอตฺถ จ วจีทุจฺจริตคฺคหเณเนว อริยูปวาเท มโนทุจฺจริตคฺคหเณน จ มิจฺฉาทิฏฺิยา สงฺคหิตายปิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุน วจนํ ¶ มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. มหาสาวชฺโช หิ อริยูปวาโท, อานนฺตริยสทิสตฺตา. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, เอวํสมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ นิรเย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๙). มิจฺฉาทิฏฺิโต จ มหาสาวชฺชตรํ นาม อฺํ นตฺถิ. ยถาห ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ มหาสาวชฺชํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ, ภิกฺขเว, วชฺชานี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐).
กายสฺส เภทาติ อุปาทิณฺณกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรมฺมรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺติกฺขนฺธคฺคหเณ. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา. ปรมฺมรณาติ จุติจิตฺตโต อุทฺธํ. อปายนฺติ เอวมาทิ สพฺพํ นิรยเววจนเมว.
นิรโย หิ สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปฺุสมฺมตา อยา อเปตตฺตา, สุขานํ วา อายสฺส อภาวา อปาโย. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ, โทสพหุลตาย วา ทุฏฺเน กมฺมุนา นิพฺพตฺตา คตีติ ทุคฺคติ. วิวสา นิปตนฺติ เอตฺถ ทุกฺกฏการิโนติ วินิปาโต. วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ ปตนฺติ สํภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติปิ วินิปาโต. นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสฺิโต อโยติ นิรโย.
อถ วา อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนึ ทีเปติ. ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย สุคติโต อเปตตฺตา, น ทุคฺคติ มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโต. ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสยํ. โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ, สุคติโต อเปตตฺตา ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา. น ตุ วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปติตตฺตา. วินิปาตคฺคหเณน อสุรกายํ. โส หิ ยถาวุตฺเตน อตฺเถน อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สพฺพสมุสฺสเยหิ จ วินิปติตตฺตา วินิปาโตติ วุจฺจติ. นิรยคฺคหเณน ¶ อวีจิอาทิอเนกปฺปการํ นิรยเมวาติ. อุปปนฺนาติ อุปคตา, ตตฺถ อภินิพฺพตฺตาติ อธิปฺปาโย. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
อยํ ¶ ปน วิเสโส, ตตฺถ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหติ. สคฺคคฺคหเณน เทวคติเยว. ตตฺถ สุนฺทรา คตีติ สุคติ. รูปาทีหิ วิสเยหิ สุฏฺุ อคฺโคติ สคฺโค. โส สพฺโพปิ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ อยํ วจนตฺโถ.
‘‘อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติอาทิ สพฺพํ นิคมนวจนํ. เอวํ ทิพฺเพน จกฺขุนา…เป… ปสฺสตีติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ.
๔๑๒. เอวํ ปสฺสิตุกาเมน ปน อาทิกมฺมิเกน กุลปุตฺเตน กสิณารมฺมณํ อภิฺาปาทกชฺฌานํ สพฺพากาเรน อภินีหารกฺขมํ กตฺวา ‘‘เตโชกสิณํ, โอทาตกสิณํ, อาโลกกสิณ’’นฺติ อิเมสุ ตีสุ กสิเณสุ อฺตรํ อาสนฺนํ กาตพฺพํ. อุปจารชฺฌานโคจรํ กตฺวา วฑฺเฒตฺวา เปตพฺพํ. น ตตฺถ อปฺปนา อุปฺปาเทตพฺพาติ อธิปฺปาโย. สเจ หิ อุปฺปาเทติ, ปาทกชฺฌานนิสฺสยํ โหติ, น ปริกมฺมนิสฺสยํ. อิเมสุ จ ปน ตีสุ อาโลกกสิณํเยว เสฏฺตรํ. ตสฺมา ตํ วา อิตเรสํ วา อฺตรํ กสิณนิทฺเทเส วุตฺตนเยน อุปฺปาเทตฺวา อุปจารภูมิยํเยว ตฺวา วฑฺเฒตพฺพํ. วฑฺฒนานโยปิ จสฺส ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
วฑฺฒิตฏฺานสฺส อนฺโตเยว รูปคตํ ปสฺสิตพฺพํ. รูปคตํ ปสฺสโต ปนสฺส ปริกมฺมสฺส วาโร อติกฺกมติ. ตโต อาโลโก อนฺตรธายติ. ตสฺมึ อนฺตรหิเต รูปคตมฺปิ น ทิสฺสติ. อถาเนน ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานเมว ปวิสิตฺวา ตโต วุฏฺาย อาโลโก ผริตพฺโพ. เอวํ อนุกฺกเมน อาโลโก ถามคโต โหตีติ เอตฺถ อาโลโก โหตูติ ยตฺตกํ านํ ปริจฺฉินฺทติ, ตตฺถ อาโลโก ติฏฺติเยว. ทิวสมฺปิ นิสีทิตฺวา ปสฺสโต รูปทสฺสนํ โหติ. รตฺตึ ติณุกฺกาย มคฺคปฏิปนฺโน เจตฺถ ปุริโส โอปมฺมํ.
เอโก กิร รตฺตึ ติณุกฺกาย มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺส สา ติณุกฺกา วิชฺฌายิ. อถสฺส สมวิสมานิ น ปฺายึสุ. โส ตํ ติณุกฺกํ ภูมิยํ ฆํสิตฺวา ติณุกฺกา ปุน อุชฺชาเลสิ. สา ปชฺชลิตฺวา ปุริมาโลกโต มหนฺตตรํ อาโลกํ อกาสิ. เอวํ ปุนปฺปุนํ วิชฺฌาตํ ¶ อุชฺชาลยโต กเมน สูริโย อุฏฺาสิ. สูริเย อุฏฺิเต อุกฺกาย กมฺมํ นตฺถีติ ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ทิวสมฺปิ อคมาสิ. ตตฺถ อุกฺกาโลโก วิย ปริกมฺมกาเล กสิณาโลโก. อุกฺกาย ¶ วิชฺฌาตาย สมวิสมานํ อทสฺสนํ วิย รูปคตํ ปสฺสโต ปริกมฺมสฺส วาราติกฺกเมน อาโลเก อนฺตรหิเต รูปคตานํ อทสฺสนํ. อุกฺกาย ฆํสนํ วิย ปุนปฺปุนํ ปเวสนํ. อุกฺกาย ปุริมาโลกโต มหนฺตตราโลกกรณํ วิย ปุน ปริกมฺมํ กโรโต พลวตราโลกผรณํ. สูริยุฏฺานํ วิย ถามคตาโลกสฺส ยถาปริจฺเฉเทน านํ. ติณุกฺกํ ฉฑฺเฑตฺวา ทิวสมฺปิ คมนํ วิย ปริตฺตาโลกํ ฉฑฺเฑตฺวา ถามคเตนาโลเกน ทิวสมฺปิ รูปทสฺสนํ.
ตตฺถ ยทา ตสฺส ภิกฺขุโน มํสจกฺขุสฺส อนาปาถคตํ อนฺโตกุจฺฉิคตํ หทยวตฺถุนิสฺสิตํ เหฏฺาปถวีตลนิสฺสิตํ ติโรกุฏฺฏปพฺพตปาการคตํ ปรจกฺกวาฬคตนฺติ อิทํ รูปํ าณจกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, มํสจกฺขุนา ทิสฺสมานํ วิย โหติ, ตทา ทิพฺพจกฺขุ อุปฺปนฺนํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. ตเทว เจตฺถ รูปทสฺสนสมตฺถํ, น ปุพฺพภาคจิตฺตานิ.
ตํ ปเนตํ ปุถุชฺชนสฺส ปริพนฺโธ โหติ. กสฺมา? โส หิ ยสฺมา ยตฺถ ยตฺถ อาโลโก โหตูติ อธิฏฺาติ, ตํ ตํ ปถวีสมุทฺทปพฺพเต วินิวิชฺฌิตฺวาปิ เอกาโลกํ โหติ, อถสฺส ตตฺถ ภยานกานิ ยกฺขรกฺขสาทิรูปานิ ปสฺสโต ภยํ อุปฺปชฺชติ. เยน จิตฺตวิกฺเขปํ ปตฺวา ฌานวิพฺภนฺตโก โหติ, ตสฺมา รูปทสฺสเน อปฺปมตฺเตน ภวิตพฺพํ.
ตตฺรายํ ทิพฺพจกฺขุโน อุปฺปตฺติกฺกโม. วุตฺตปฺปการเมตํ รูปมารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ ตเทว รูปํ อารมฺมณํ กตฺวา จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ สพฺพํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธาปิ ปุพฺพภาคจิตฺตานิ สวิตกฺกสวิจารานิ กามาวจรานิ. ปริโยสาเน อตฺถสาธกจิตฺตํ จตุตฺถชฺฌานิกํ รูปาวจรํ. เตน สหชาตํ าณํ สตฺตานํ จุตูปปาเต าณนฺติปิ ทิพฺพจกฺขุาณนฺติปิ วุจฺจตีติ.
จุตูปปาตาณกถา นิฏฺิตา.
ปกิณฺณกกถา
อิติ ¶ ปฺจกฺขนฺธวิทู, ปฺจ อภิฺา อโวจ ยา นาโถ;
ตา ตฺวา ตาสุ อยํ, ปกิณฺณกกถาปิ วิฺเยฺยา.
เอตาสุ ¶ หิ ยเทตํ จุตูปปาตาณสงฺขาตํ ทิพฺพจกฺขุ, ตสฺส อนาคตํสาณฺจ ยถากมฺมุปคาณฺจาติ ทฺเวปิ ปริภณฺฑาณานิ โหนฺติ. อิติ อิมานิ จ ทฺเว อิทฺธิวิธาทีนิ จ ปฺจาติ สตฺต อภิฺาาณานิ อิธาคตานิ. อิทานิ เตสํ อารมฺมณวิภาเค อสมฺโมหตฺถํ –
อารมฺมณตฺติกา วุตฺตา, เย จตฺตาโร มเหสินา;
สตฺตนฺนมปิ าณานํ, ปวตฺตึ เตสุ ทีปเย.
ตตฺรายํ ทีปนา. จตฺตาโร หิ อารมฺมณตฺติกา มเหสินา วุตฺตา. กตเม จตฺตาโร? ปริตฺตารมฺมณตฺติโก, มคฺคารมฺมณตฺติโก, อตีตารมฺมณตฺติโก, อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติโกติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๓, ๑๖, ๑๙, ๒๑).
๔๑๔. ตตฺถ อิทฺธิวิธาณํ ปริตฺตมหคฺคตอตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณวเสน สตฺตสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ. กถํ? ตฺหิ ยทา กายํ จิตฺตสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา อทิสฺสมาเนน กาเยน คนฺตุกาโม จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมติ, มหคฺคตจิตฺเต สโมทหติ สมาโรเปติ, ตทา อุปโยคลทฺธํ อารมฺมณํ โหตีติ กตฺวา รูปกายารมฺมณโต ปริตฺตารมฺมณํ โหติ. ยทา จิตฺตํ กายสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ทิสฺสมาเนน กาเยน คนฺตุกาโม กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมติ, ปาทกชฺฌานจิตฺตํ รูปกาเย สโมทหติ สมาโรเปติ, ตทา อุปโยคลทฺธํ อารมฺมณํ โหตีติ กตฺวา มหคฺคตจิตฺตารมฺมณโต มหคฺคตารมฺมณํ โหติ.
ยสฺมา ปน ตเทว จิตฺตํ อตีตํ นิรุทฺธํ อารมฺมณํ กโรติ, ตสฺมา อตีตารมฺมณํ โหติ. มหาธาตุนิธาเน มหากสฺสปตฺเถราทีนํ วิย อนาคตํ อธิฏฺหนฺตานํ อนาคตารมฺมณํ โหติ. มหากสฺสปตฺเถโร กิร มหาธาตุนิธานํ กโรนฺโต ‘‘อนาคเต อฏฺารสวสฺสาธิกานิ ทฺเววสฺสสตานิ อิเม คนฺธา มา สุสฺสึสุ, ปุปฺผานิ มา มิลายึสุ, ทีปา มา นิพฺพายึสู’’ติ ¶ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๔๓๔) อธิฏฺหิ. สพฺพํ ตเถว อโหสิ. อสฺสคุตฺตตฺเถโร วตฺตนิยเสนาสเน ภิกฺขุสงฺฆํ สุกฺขภตฺตํ ภฺุชมานํ ทิสฺวา อุทกโสณฺฑึ ทิวเส ทิวเส ปุเรภตฺเต ทธิรสํ โหตูติ อธิฏฺาสิ. ปุเรภตฺเต คหิตํ ทธิรสํ โหติ. ปจฺฉาภตฺเต ปากติกอุทกเมว (ธ. ส. อฏฺ. ๑๔๓๔). กายํ ปน จิตฺตสนฺนิสฺสิตํ ¶ กตฺวา อทิสฺสมาเนน กาเยน คมนกาเล ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติ.
กายวเสน จิตฺตํ, จิตฺตวเสน วา กายํ ปริณามนกาเล อตฺตโน กุมารกวณฺณาทินิมฺมานกาเล จ สกายจิตฺตานํ อารมฺมณกรณโต อชฺฌตฺตารมฺมณํ โหติ. พหิทฺธา หตฺถิอสฺสาทิทสฺสนกาเล ปน พหิทฺธารมฺมณนฺติ เอวํ ตาว อิทฺธิวิธาณสฺส สตฺตสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
๔๑๕. ทิพฺพโสตธาตุาณํ ปริตฺตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณวเสน จตูสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ. กถํ? ตฺหิ ยสฺมา สทฺทํ อารมฺมณํ กโรติ, สทฺโท จ ปริตฺโต, ตสฺมา ปริตฺตารมฺมณํ โหติ. วิชฺชมานํเยว ปน สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนโต ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติ. ตํ อตฺตโน กุจฺฉิสทฺทสวนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ. ปเรสํ สทฺทสวนกาเล พหิทฺธารมฺมณนฺติ เอวํ ทิพฺพโสตธาตุาณสฺส จตูสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
๔๑๖. เจโตปริยาณํ ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณมคฺคอตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนพหิทฺธารมฺมณวเสน อฏฺสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ. กถํ? ตฺหิ ปเรสํ กามาวจรจิตฺตชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ โหติ. รูปาวจรอรูปาวจรจิตฺตชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํ โหติ. มคฺคผลชานนกาเล อปฺปมาณารมฺมณํ โหติ.
เอตฺถ จ ปุถุชฺชโน โสตาปนฺนสฺส จิตฺตํ น ชานาติ. โสตาปนฺโน วา สกทาคามิสฺสาติ เอวํ ยาว อรหโต เนตพฺพํ. อรหา ปน สพฺเพสํ จิตฺตํ ชานาติ. อฺโปิ จ อุปริโม เหฏฺิมสฺสาติ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพ. มคฺคจิตฺตารมฺมณกาเล มคฺคารมฺมณํ โหติ. ยทา ปน อตีเต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร จ อนาคเต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร จ ปเรสํ จิตฺตํ ชานาติ, ตทา อตีตารมฺมณํ อนาคตารมฺมณฺจ โหติ.
กถํ ¶ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติ. ปจฺจุปฺปนฺนํ นาม ติวิธํ – ขณปจฺจุปฺปนฺนํ, สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนฺจ. ตตฺถ อุปฺปาทฏฺิติภงฺคปฺปตฺตํ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ. เอกทฺเวสนฺตติวารปริยาปนฺนํ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ. ตตฺถ อนฺธกาเร นิสีทิตฺวา อาโลกฏฺานํ คตสฺส น ตาว อารมฺมณํ ปากฏํ โหติ, ยาว ปน ตํ ปากฏํ โหติ ¶ , เอตฺถนฺตเร เอกทฺเวสนฺตติวารา เวทิตพฺพา. อาโลกฏฺาเน วิจริตฺวา โอวรกํ ปวิฏฺสฺสาปิ น ตาว สหสา รูปํ ปากฏํ โหติ, ยาว ปน ตํ ปากฏํ โหติ, เอตฺถนฺตเร เอกทฺเวสนฺตติวารา เวทิตพฺพา. ทูเร ตฺวา ปน รชกานํ หตฺถวิการํ, ฆณฺฑิเภรีอาโกฏนวิการฺจ ทิสฺวาปิ น ตาว สทฺทํ สุณาติ, ยาว ปน ตํ สุณาติ, เอตสฺมิมฺปิ อนฺตเร เอกทฺเวสนฺตติวารา เวทิตพฺพา. เอวํ ตาว มชฺฌิมภาณกา.
สํยุตฺตภาณกา ปน รูปสนฺตติ อรูปสนฺตตีติ ทฺเว สนฺตติโย วตฺวา อุทกํ อกฺกมิตฺวา คตสฺส ยาว ตีเร อกฺกนฺตอุทกเลขา น วิปฺปสีทติ, อทฺธานโต อาคตสฺส ยาว กาเย อุสุมภาโว น วูปสมฺมติ, อาตปา อาคนฺตฺวา คพฺภํ ปวิฏฺสฺส ยาว อนฺธการภาโว น วิคจฺฉติ, อนฺโตคพฺเภ กมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา ทิวา วาตปานํ วิวริตฺวา โอโลเกนฺตสฺส ยาว อกฺขีนํ ผนฺทนภาโว น วูปสมฺมติ, อยํ รูปสนฺตติ นาม. ทฺเว ตโย ชวนวารา อรูปสนฺตติ นามาติ วตฺวา ตทุภยมฺปิ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ นามาติ วทนฺติ.
เอกภวปริจฺฉินฺนํ ปน อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ นาม. ยํ สนฺธาย ภทฺเทกรตฺตสุตฺเต ‘‘โย จาวุโส, มโน เย จ ธมฺมา อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตสฺมึ เจ ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราคปฺปฏิพทฺธํ โหติ วิฺาณํ, ฉนฺทราคปฺปฏิพทฺธตฺตา วิฺาณสฺส ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทนฺโต ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ สํหีรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๔) วุตฺตํ. สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนฺเจตฺถ อฏฺกถาสุ อาคตํ. อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ สุตฺเต.
ตตฺถ เกจิ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ จิตฺตํ เจโตปริยาณสฺส อารมฺมณํ โหตีติ วทนฺติ. กึ การณา? ยสฺมา อิทฺธิมโต จ ปรสฺส จ เอกกฺขเณ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ. อิทฺจ เนสํ โอปมฺมํ, ยถา อากาเส ขิตฺเต ปุปฺผมุฏฺิมฺหิ อวสฺสํ เอกํ ปุปฺผํ เอกสฺส วณฺเฏน วณฺฏํ ปฏิวิชฺฌติ, เอวํ ปรสฺส จิตฺตํ ชานิสฺสามีติ ราสิวเสน มหาชนสฺส จิตฺเต อาวชฺชิเต อวสฺสํ เอกสฺส จิตฺตํ เอเกน จิตฺเตน อุปฺปาทกฺขเณ วา ิติกฺขเณ วา ภงฺคกฺขเณ วา ปฏิวิชฺฌตีติ. ตํ ปน วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ อาวชฺชนฺโต เยน จ จิตฺเตน อาวชฺชติ ¶ , เยน จ ชานาติ. เตสํ ทฺวินฺนํ สหานาภาวโต อาวชฺชนชวนานฺจ อนิฏฺฏฺาเน นานารมฺมณภาวปฺปตฺติโทสโต อยุตฺตนฺติ อฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตํ.
สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ ¶ ปน อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนฺจ อารมฺมณํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ยํ วตฺตมานชวนวีถิโต อตีตานาคตวเสน ทฺวิตฺติชวนวีถิปริมาเณ กาเล ปรสฺส จิตฺตํ, ตํ สพฺพมฺปิ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ นาม. ‘‘อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ ปน ชวนวาเรน ทีเปตพฺพ’’นฺติ สํยุตฺตฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตํ สุฏฺุ วุตฺตํ.
ตตฺรายํ ทีปนา, อิทฺธิมา ปรสฺส จิตฺตํ ชานิตุกาโม อาวชฺชติ, อาวชฺชนํ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ อารมฺมณํ กตฺวา เตเนว สห นิรุชฺฌติ. ตโต จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ. เยสํ ปจฺฉิมํ อิทฺธิจิตฺตํ, เสสานิ กามาวจรานิ, เตสํ สพฺเพสมฺปิ ตเทว นิรุทฺธํ จิตฺตมารมฺมณํ โหติ, น จ ตานิ นานารมฺมณานิ โหนฺติ, อทฺธาวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา. เอการมฺมณตฺเตปิ จ อิทฺธิจิตฺตเมว ปรสฺส จิตฺตํ ชานาติ, น อิตรานิ. ยถา จกฺขุทฺวาเร จกฺขุวิฺาณเมว รูปํ ปสฺสติ, น อิตรานีติ. อิติ อิทํ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนสฺส เจว อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนสฺส จ วเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติ. ยสฺมา วา สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺเนเยว ปตติ, ตสฺมา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนวเสเนเวตํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณนฺติ เวทิตพฺพํ. ปรสฺส จิตฺตารมฺมณตฺตาเยว ปน พหิทฺธารมฺมณํ โหตีติ เอวํ เจโตปริยาณสฺส อฏฺสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
๔๑๗. ปุพฺเพนิวาสาณํ ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณมคฺคอตีตอชฺฌตฺตพหิทฺธานวตฺตพฺพารมฺมณวเสน อฏฺสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ. กถํ? ตฺหิ กามาวจรกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล ปริตฺตารมฺมณํ โหติ. รูปาวจรารูปาวจรกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล มหคฺคตารมฺมณํ. อตีเต อตฺตนา ปเรหิ วา ภาวิตมคฺคํ สจฺฉิกตผลฺจ อนุสฺสรณกาเล อปฺปมาณารมฺมณํ. ภาวิตมคฺคเมว อนุสฺสรณกาเล มคฺคารมฺมณํ. นิยมโต ปเนตํ อตีตารมฺมณเมว.
ตตฺถ กิฺจาปิ เจโตปริยาณยถากมฺมุปคาณานิปิ อตีตารมฺมณานิ โหนฺติ, อถ โข เตสํ เจโตปริยาณสฺส สตฺตทิวสพฺภนฺตราตีตํ จิตฺตเมว อารมฺมณํ. ตฺหิ อฺํ ขนฺธํ วา ขนฺธปฏิพทฺธํ วา น ชานาติ. มคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตารมฺมณตฺตา ปน ปริยายโต มคฺคารมฺมณนฺติ ¶ วุตฺตํ. ยถากมฺมุปคาณสฺส จ อตีตํ เจตนามตฺตเมว อารมฺมณํ. ปุพฺเพนิวาสาณสฺส ปน อตีตา ขนฺธา ขนฺธปฏิพทฺธฺจ กิฺจิ อนารมฺมณํ นาม นตฺถิ ¶ . ตฺหิ อตีตกฺขนฺธขนฺธปฏิพทฺเธสุ ธมฺเมสุ สพฺพฺุตฺาณคติกํ โหตีติ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพ. อยเมตฺถ อฏฺกถานโย. ยสฺมา ปน ‘‘กุสลา ขนฺธา อิทฺธิวิธาณสฺส เจโตปริยาณสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ยถากมฺมุปคาณสฺส อนาคตํสาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๔) ปฏฺาเน วุตฺตํ. ตสฺมา จตฺตาโรปิ ขนฺธา เจโตปริยาณยถากมฺมุปคาณานํ อารมฺมณา โหนฺติ. ตตฺราปิ ยถากมฺมุปคาณสฺส กุสลากุสลา เอวาติ.
อตฺตโน ขนฺธานุสฺสรณกาเล ปเนตํ อชฺฌตฺตารมฺมณํ. ปรสฺส ขนฺธานุสฺสรณกาเล พหิทฺธารมฺมณํ. ‘‘อตีเต วิปสฺสี ภควา อโหสิ. ตสฺส มาตา พนฺธุมตี, ปิตา พนฺธุมา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๒) นเยน นามโคตฺตปถวีนิมิตฺตาทิอนุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํ โหติ. นามโคตฺตนฺติ เจตฺถ ขนฺธูปนิพนฺโธ สมฺมุติสิทฺโธ พฺยฺชนตฺโถ ทฏฺพฺโพ, น พฺยฺชนํ. พฺยฺชนฺหิ สทฺทายตนสงฺคหิตตฺตา ปริตฺตํ โหติ. ยถาห ‘‘นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปริตฺตารมฺมณา’’ติ (วิภ. ๗๔๙). อยเมตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ. เอวํ ปุพฺเพนิวาสาณสฺส อฏฺสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
๔๑๘. ทิพฺพจกฺขุาณํ ปริตฺตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณวเสน จตูสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ. กถํ? ตฺหิ ยสฺมา รูปํ อารมฺมณํ กโรติ, รูปฺจ ปริตฺตํ, ตสฺมา ปริตฺตารมฺมณํ โหติ. วิชฺชมาเนเยว จ รูเป ปวตฺตตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ. อตฺตโน กุจฺฉิคตาทิรูปทสฺสนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ. ปรสฺส รูปทสฺสนกาเล พหิทฺธารมฺมณนฺติ เอวํ ทิพฺพจกฺขุาณสฺส จตูสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
๔๑๙. อนาคตํสาณํ ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณมคฺคอนาคตอชฺฌตฺตพหิทฺธานวตฺตพฺพารมฺมณวเสน อฏฺสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ. กถํ? ตฺหิ ‘‘อยํ อนาคเต กามาวจเร นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ โหติ. ‘‘รูปาวจเร อรูปาวจเร วา นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํ. ‘‘มคฺคํ ภาเวสฺสติ, ผลํ สจฺฉิกริสฺสตี’’ติ ชานนกาเล ¶ อปฺปมาณารมฺมณํ. ‘‘มคฺคํ ภาเวสฺสติ’’จฺเจว ชานนกาเล มคฺคารมฺมณํ. นิยมโต ปน ตํ อนาคตารมฺมณเมว.
ตตฺถ ¶ กิฺจาปิ เจโตปริยาณมฺปิ อนาคตารมฺมณํ โหติ, อถ โข ตสฺส สตฺตทิวสพฺภนฺตรานาคตํ จิตฺตเมว อารมฺมณํ. ตฺหิ อฺํ ขนฺธํ วา ขนฺธปฏิพทฺธํ วา น ชานาติ. อนาคตํสาณสฺส ปุพฺเพนิวาสาเณ วุตฺตนเยน อนาคเต อนารมฺมณํ นาม นตฺถิ. ‘‘อหํ อมุตฺร นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ ชานนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ. ‘‘อสุโก อมุตฺร นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ชานนกาเล พหิทฺธารมฺมณํ. ‘‘อนาคเต เมตฺเตยฺโย ภควา อุปฺปชฺชิสฺสติ (ที. นิ. ๓.๑๐๗). สุพฺรหฺมา นามสฺส พฺราหฺมโณ ปิตา ภวิสฺสติ. พฺรหฺมวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา’’ติอาทินา ปน นเยน นามโคตฺตชานนกาเล ปุพฺเพนิวาสาเณ วุตฺตนเยเนว น วตฺตพฺพารมฺมณํ โหตีติ เอวํ อนาคตํสาณสฺส อฏฺสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
๔๒๐. ยถากมฺมุปคาณํ ปริตฺตมหคฺคตอตีตอชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณวเสน ปฺจสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ. กถํ? ตฺหิ กามาวจรกมฺมชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ โหติ. รูปาวจรารูปาวจรกมฺมชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํ. อตีตเมว ชานาตีติ อตีตารมฺมณํ. อตฺตโน กมฺมํ ชานนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ. ปรสฺส กมฺมํ ชานนกาเล พหิทฺธารมฺมณํ โหติ. เอวํ ยถากมฺมุปคาณสฺส ปฺจสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ยฺเจตฺถ อชฺฌตฺตารมฺมณฺเจว พหิทฺธารมฺมณฺจาติ วุตฺตํ, ตํ กาเลน อชฺฌตฺตํ กาเลน พหิทฺธา ชานนกาเล อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณมฺปิ โหติเยวาติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
อภิฺานิทฺเทโส นาม
เตรสโม ปริจฺเฉโท.
๑๔. ขนฺธนิทฺเทโส
ปฺากถา
๔๒๑. อิทานิ ¶ ¶ ยสฺมา เอวํ อภิฺาวเสน อธิคตานิสํสาย ถิรตราย สมาธิภาวนาย สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยนฺติ เอตฺถ จิตฺตสีเสน นิทฺทิฏฺโ สมาธิ สพฺพากาเรน ภาวิโต โหติ.
ตทนนฺตรา ปน ปฺา ภาเวตพฺพา. สา จ อติสงฺเขปเทสิตตฺตา วิฺาตุมฺปิ ตาว น สุกรา, ปเคว ภาเวตุํ. ตสฺมา ตสฺสา วิตฺถารํ ภาวนานยฺจ ทสฺเสตุํ อิทํ ปฺหากมฺมํ โหติ.
กา ปฺา, เกนฏฺเน ปฺา, กานสฺสา ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ, กติวิธา ปฺา, กถํ ภาเวตพฺพา, ปฺาภาวนาย โก อานิสํโสติ?
๔๒๒. ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ, กา ปฺาติ ปฺา พหุวิธา นานปฺปการา. ตํ สพฺพํ วิภาวยิตุํ อารพฺภมานํ วิสฺสชฺชนํ อธิปฺเปตฺเจว อตฺถํ น สาเธยฺย, อุตฺตริ จ วิกฺเขปาย สํวตฺเตยฺย, ตสฺมา อิธ อธิปฺเปตเมว สนฺธาย วทาม. กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตํ วิปสฺสนาาณํ ปฺา.
๔๒๓. เกนฏฺเน ปฺาติ ปชานนฏฺเน ปฺา. กิมิทํ ปชานนํ นาม? สฺชานนวิชานนาการวิสิฏฺํ นานปฺปการโต ชานนํ. สฺาวิฺาณปฺานํ หิ สมาเนปิ ชานนภาเว, สฺา ‘‘นีลํ ปีตก’’นฺติ อารมฺมณสฺชานนมตฺตเมว โหติ. ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ลกฺขณปฏิเวธํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ. วิฺาณํ ‘‘นีลํ ปีตก’’นฺติ อารมฺมณฺจ ชานาติ, ลกฺขณปฏิเวธฺจ ปาเปติ. อุสฺสกฺกิตฺวา ปน มคฺคปาตุภาวํ ปาเปตุํ น ¶ สกฺโกติ. ปฺา วุตฺตนยวเสน อารมฺมณฺจ ชานาติ, ลกฺขณปฏิเวธฺจ ปาเปติ, อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปาตุภาวฺจ ปาเปติ.
ยถา หิ เหรฺิกผลเก ปิตํ กหาปณราสึ เอโก อชาตพุทฺธิทารโก, เอโก คามิกปุริโส, เอโก เหรฺิโกติ ตีสุ ชเนสุ ปสฺสมาเนสุ ¶ อชาตพุทฺธิทารโก กหาปณานํ จิตฺตวิจิตฺตทีฆจตุรสฺสปริมณฺฑลภาวมตฺตเมว ชานาติ, ‘‘อิทํ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ รตนสมฺมต’’นฺติ น ชานาติ. คามิกปุริโส จิตฺตวิจิตฺตาทิภาวํ ชานาติ, ‘‘อิทํ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ รตนสมฺมต’’นฺติ จ. ‘‘อยํ เฉโก, อยํ กูโฏ, อยํ อทฺธสาโร’’ติ อิมํ ปน วิภาคํ น ชานาติ. เหรฺิโก สพฺเพปิ เต ปกาเร ชานาติ, ชานนฺโต จ กหาปณํ โอโลเกตฺวาปิ ชานาติ, อาโกฏิตสฺส สทฺทํ สุตฺวาปิ, คนฺธํ ฆายิตฺวาปิ, รสํ สายิตฺวาปิ, หตฺเถน ธารยิตฺวาปิ, อสุกสฺมึ นาม คาเม วา นิคเม วา นคเร วา ปพฺพเต วา นทีตีเร วา กโตติปิ, อสุกาจริเยน กโตติปิ ชานาติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
สฺา หิ อชาตพุทฺธิโน ทารกสฺส กหาปณทสฺสนํ วิย โหติ, นีลาทิวเสน อารมฺมณสฺส อุปฏฺานาการมตฺตคหณโต. วิฺาณํ คามิกสฺส ปุริสสฺส กหาปณทสฺสนมิว โหติ, นีลาทิวเสน อารมฺมณาการคหณโต, อุทฺธํปิ จ ลกฺขณปฏิเวธสมฺปาปนโต. ปฺา เหรฺิกสฺส กหาปณทสฺสนมิว โหติ, นีลาทิวเสน อารมฺมณาการํ คเหตฺวา, ลกฺขณปฏิเวธฺจ ปาเปตฺวา, ตโต อุทฺธมฺปิ มคฺคปาตุภาวปาปนโต. ตสฺมา ยเทตํ สฺชานนวิชานนาการวิสิฏฺํ นานปฺปการโต ชานนํ. อิทํ ปชานนนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทํ สนฺธาย หิ เอตํ วุตฺตํ ‘‘ปชานนฏฺเน ปฺา’’ติ.
สา ปเนสา ยตฺถ สฺาวิฺาณานิ, น ตตฺถ เอกํเสน โหติ. ยทา ปน โหติ, ตทา อวินิพฺภุตฺตา เตหิ ธมฺเมหิ ‘‘อยํ สฺา, อิทํ วิฺาณํ, อยํ ปฺา’’ติ วินิพฺภุชฺชิตฺวา อลพฺภเนยฺยนานตฺตา สุขุมา ทุทฺทสา. เตนาห อายสฺมา นาคเสโน ‘‘ทุกฺกรํ, มหาราช, ภควตา กต’’นฺติ. กึ, ภนฺเต, นาคเสน ภควตา ทุกฺกรํ กตนฺติ? ‘ทุกฺกรํ, มหาราช, ภควตา กตํ ยํ อรูปีนํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ เอการมฺมเณ ปวตฺตมานานํ ววตฺถานํ อกฺขาตํ อยํ ผสฺโส, อยํ เวทนา, อยํ สฺา, อยํ เจตนา, อิทํ จิตฺต’’’นฺติ (มิ. ป. ๒.๗.๑๖).
๔๒๔. กานสฺสา ¶ ¶ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ เอตฺถ ปน ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขณา ปฺา, ธมฺมานํ สภาวปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสนรสา, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา. ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒) วจนโต ปน สมาธิ ตสฺสา ปทฏฺานํ.
ปฺาปเภทกถา
๔๒๕. กติวิธา ปฺาติ ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขเณน ตาว เอกวิธา. โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธา. ตถา สาสวานาสวาทิวเสน, นามรูปววตฺถาปนวเสน, โสมนสฺสุเปกฺขาสหคตวเสน, ทสฺสนภาวนาภูมิวเสน จ. ติวิธา จินฺตาสุตภาวนามยวเสน. ตถา ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณารมฺมณวเสน, อายาปายอุปายโกสลฺลวเสน, อชฺฌตฺตาภินิเวสาทิวเสน จ. จตุพฺพิธา จตูสุ สจฺเจสุ าณวเสน จตุปฏิสมฺภิทาวเสน จาติ.
๔๒๖. ตตฺถ เอกวิธโกฏฺาโส อุตฺตานตฺโถเยว. ทุวิธโกฏฺาเส โลกิยมคฺคสมฺปยุตฺตา โลกิยา. โลกุตฺตรมคฺคสมฺปยุตฺตา โลกุตฺตราติ เอวํ โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธา.
ทุติยทุเก อาสวานํ อารมฺมณภูตา สาสวา. เตสํ อนารมฺมณา อนาสวา. อตฺถโต ปเนสา โลกิยโลกุตฺตราว โหติ. อาสวสมฺปยุตฺตา สาสวา. อาสววิปฺปยุตฺตา อนาสวาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ สาสวานาสวาทิวเสน ทุวิธา.
ตติยทุเก ยา วิปสฺสนํ อารภิตุกามสฺส จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ ววตฺถาปเน ปฺา, อยํ นามววตฺถาปนปฺา. ยา รูปกฺขนฺธสฺส ววตฺถาปเน ปฺา, อยํ รูปววตฺถาปนปฺาติ เอวํ นามรูปววตฺถาปนวเสน ทุวิธา.
จตุตฺถทุเก ทฺวีสุ กามาวจรกุสลจิตฺเตสุ โสฬสสุ จ ปฺจกนเยน จตุกฺกชฺฌานิเกสุ มคฺคจิตฺเตสุ ปฺา โสมนสฺสสหคตา. ทฺวีสุ กามาวจรกุสลจิตฺเตสุ จตูสุ จ ปฺจมชฺฌานิเกสุ มคฺคจิตฺเตสุ ปฺา อุเปกฺขาสหคตาติ เอวํ โสมนสฺสุเปกฺขาสหคตวเสน ทุวิธา.
ปฺจมทุเก ¶ ปมมคฺคปฺา ¶ ทสฺสนภูมิ. อวเสสมคฺคตฺตยปฺา ภาวนาภูมีติ เอวํ ทสฺสนภาวนาภูมิวเสน ทุวิธา.
๔๒๗. ติเกสุ ปมตฺติเก ปรโต อสฺสุตฺวา ปฏิลทฺธปฺา อตฺตโน จินฺตาวเสน นิปฺผนฺนตฺตา จินฺตามยา. ปรโต สุตฺวา ปฏิลทฺธปฺา สุตวเสน นิปฺผนฺนตฺตา สุตมยา. ยถา ตถา วา ภาวนาวเสน นิปฺผนฺนา อปฺปนาปฺปตฺตา ปฺา ภาวนามยา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ตตฺถ กตมา จินฺตามยา ปฺา? โยควิหิเตสุ วา กมฺมายตเนสุ โยควิหิเตสุ วา สิปฺปายตเนสุ โยควิหิเตสุ วา วิชฺชาฏฺาเนสุ กมฺมสฺสกตํ วา สจฺจานุโลมิกํ วา รูปํ อนิจฺจนฺติ วา เวทนา…เป… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ อนิจฺจนฺติ วา, ยํ เอวรูปึ อนุโลมิกํ ขนฺตึ ทิฏฺึ รุจึ มุตึ เปกฺขํ ธมฺมนิชฺฌานขนฺตึ ปรโต อสฺสุตฺวา ปฏิลภติ, อยํ วุจฺจติ จินฺตามยา ปฺา…เป… สุตฺวา ปฏิลภติ, อยํ วุจฺจติ สุตมยา ปฺา. สพฺพาปิ สมาปนฺนสฺส ปฺา ภาวนามยา ปฺา’’ติ (วิภ. ๗๖๘).
เอวํ จินฺตาสุตภาวนามยวเสน ติวิธา.
ทุติยตฺติเก กามาวจรธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตา ปฺา ปริตฺตารมฺมณา. รูปาวจรารูปาวจเร อารพฺภ ปวตฺตา มหคฺคตารมฺมณา. สา โลกิยวิปสฺสนา. นิพฺพานํ อารพฺภ ปวตฺตา อปฺปมาณารมฺมณา. สา โลกุตฺตรวิปสฺสนาติ เอวํ ปริตฺตมหคฺคตาปฺปมาณารมฺมณวเสน ติวิธา.
ตติยตฺติเก อาโย นาม วุทฺธิ, สา ทุวิธา อนตฺถหานิโต อตฺถุปฺปตฺติโต จ. ตตฺถ โกสลฺลํ อายโกสลฺลํ. ยถาห –
‘‘ตตฺถ กตมํ อายโกสลฺลํ? อิเม เม ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อกุสลา ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อกุสลา ธมฺมา ปหียนฺติ, อิเม วา ปนิเม ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ. อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตนฺตีติ, ยา ตตฺถ ปฺา ¶ ปชานนา…เป… อโมโห ธมฺมวิจโย สมฺมาทิฏฺิ, อิทํ วุจฺจติ อายโกสลฺล’’นฺติ (วิภ. ๗๗๑).
อปาโยติ ¶ ปน อวุทฺธิ, สาปิ ทุวิธา อตฺถหานิโต จ อนตฺถุปฺปตฺติโต จ. ตตฺถ โกสลฺลํ อปายโกสลฺลํ. ยถาห ‘‘ตตฺถ กตมํ อปายโกสลฺลํ? อิเม ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทิ (วิภ. ๗๗๑).
สพฺพตฺถ ปน เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อุปาเยสุ นิพฺพตฺติการเณสุ ตํขณปฺปวตฺตํ านุปฺปตฺติกํ โกสลฺลํ อุปายโกสลฺลํ นาม. ยถาห – ‘‘สพฺพาปิ ตตฺรุปายา ปฺา อุปายโกสลฺล’’นฺติ (วิภ. ๗๗๑). เอวํ อายาปายอุปายโกสลฺลวเสน ติวิธา.
จตุตฺถตฺติเก อตฺตโน ขนฺเธ คเหตฺวา อารทฺธา วิปสฺสนา ปฺา อชฺฌตฺตาภินิเวสา. ปรสฺส ขนฺเธ พาหิรํ วา อนินฺทฺริยพทฺธรูปํ คเหตฺวา อารทฺธา พหิทฺธาภินิเวสา. อุภยํ คเหตฺวา อารทฺธา อชฺฌตฺตพหิทฺธาภินิเวสาติ เอวํ อชฺฌตฺตาภินิเวสาทิวเสน ติวิธา.
๔๒๘. จตุกฺเกสุ ปมจตุกฺเก ทุกฺขสจฺจํ อารพฺภ ปวตฺตํ าณํ ทุกฺเข าณํ. ทุกฺขสมุทยํ อารพฺภ ปวตฺตํ าณํ ทุกฺขสมุทเย าณํ. ทุกฺขนิโรธํ อารพฺภ ปวตฺตํ าณํ ทุกฺขนิโรเธ าณํ. ทุกฺขนิโรธคามินึ ปฏิปทํ อารพฺภ ปวตฺตํ าณํ ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณนฺติ เอวํ จตูสุ สจฺเจสุ าณวเสน จตุพฺพิธา.
ทุติยจตุกฺเก จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา นาม อตฺถาทีสุ ปเภทคตานิ จตฺตาริ าณานิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ธมฺเม าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. ตตฺรธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. าเณสุ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘).
ตตฺถ อตฺโถติ สงฺเขปโต เหตุผลสฺเสตํ อธิวจนํ. เหตุผลํ หิ ยสฺมา เหตุอนุสาเรน อริยติ อธิคมิยติ สมฺปาปุณิยติ, ตสฺมา อตฺโถติ วุจฺจติ. ปเภทโต ปน ยํ กิฺจิ ปจฺจยสมฺภูตํ, นิพฺพานํ, ภาสิตตฺโถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อตฺโถติ เวทิตพฺพา ¶ . ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ธมฺโมติปิ สงฺเขปโต ปจฺจยสฺเสตํ อธิวจนํ. ปจฺจโย หิ ยสฺมา ตํ ตํ ทหติ ปวตฺเตติ วา สมฺปาปุณิตุํ วา เทติ, ตสฺมา ธมฺโมติ วุจฺจติ. ปเภทโต ¶ ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ, อริยมคฺโค, ภาสิตํ, กุสลํ, อกุสลนฺติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ธมฺโมติ เวทิตพฺพา. ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา.
อยเมว หิ อตฺโถ อภิธมฺเม –
‘‘ทุกฺเข าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ทุกฺขสมุทเย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. เย ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา. อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ยมฺหา ธมฺมา เต ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, เตสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. ชรามรเณ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ชรามรณสมุทเย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา…เป… สงฺขารนิโรเธ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. สงฺขารนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ชานาติ สุตฺตํ เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ. อยํ วุจฺจติ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. โส ตสฺส ตสฺเสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ, อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ’ติ. อยํ วุจฺจติ อตฺถปฏิสมฺภิทา. กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ…เป… อิเม ธมฺมา กุสลา. อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติอาทินา (วิภ. ๗๑๙ อาทโย) นเยน วิภชิตฺวา ทสฺสิโต.
ตตฺรธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณนฺติ ตสฺมึ อตฺเถ จ ธมฺเม จ ยา สภาวนิรุตฺติ อพฺยภิจารี โวหาโร. ตทภิลาเป ตสฺส ภาสเน อุทีรเณ ตํ ภาสิตํ ลปิตํ อุทีริตํ สุตฺวาว อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ น สภาวนิรุตฺตีติ เอวํ ตสฺสา ธมฺมนิรุตฺติสฺิตาย สภาวนิรุตฺติยา มาคธิกาย สพฺพสตฺตานํ มูลภาสาย ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต หิ ผสฺโส เวทนาติ เอวมาทิวจนํ สุตฺวาว อยํ สภาวนิรุตฺตีติ ชานาติ. ผสฺสา เวทโนติ เอวมาทิกํ ปน อยํ น สภาวนิรุตฺตีติ.
าเณสุ ¶ ¶ าณนฺติ สพฺพตฺถ าณมารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส าณารมฺมณํ าณํ, ยถาวุตฺเตสุ วา เตสุ าเณสุ สโคจรกิจฺจาทิวเสน วิตฺถารโต าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ อตฺโถ.
๔๒๙. จตสฺโสปิ เจตา ปฏิสมฺภิทา ทฺวีสุ าเนสุ ปเภทํ คจฺฉนฺติ เสกฺขภูมิยฺจ อเสกฺขภูมิยฺจ.
ตตฺถ อคฺคสาวกานํ มหาสาวกานฺจ อเสกฺขภูมิยํ ปเภทคตา. อานนฺทตฺเถรจิตฺตคหปติธมฺมิกอุปาสกอุปาลิคหปติขุชฺชุตฺตราอุปาสิกาทีนํ เสกฺขภูมิยํ. เอวํ ทฺวีสุ ภูมีสุ ปเภทํ คจฺฉนฺติโยปิ เจตา อธิคเมน ปริยตฺติยา สวเนน ปริปุจฺฉาย ปุพฺพโยเคน จาติ อิเมหิ ปฺจหากาเรหิ วิสทา โหนฺติ.
ตตฺถ อธิคโม นาม อรหตฺตปฺปตฺติ. ปริยตฺติ นาม พุทฺธวจนสฺส ปริยาปุณนํ. สวนํ นาม สกฺกจฺจํ อตฺถึ กตฺวา ธมฺมสฺสวนํ. ปริปุจฺฉา นาม ปาฬิอฏฺกถาทีสุ คณฺิปทอตฺถปทวินิจฺฉยกถา, ปุพฺพโยโค นาม ปุพฺพพุทฺธานํ สาสเน คตปจฺจาคติกภาเวน ยาว อนุโลมํ โคตฺรภุสมีปํ, ตาว วิปสฺสนานุโยโค.
อปเร อาหุ –
‘‘ปุพฺพโยโค พาหุสจฺจํ, เทสภาสา จ อาคโม;
ปริปุจฺฉา อธิคโม, ครุสนฺนิสฺสโย ตถา;
มิตฺตสมฺปตฺติ เจวาติ, ปฏิสมฺภิทปจฺจยา’’ติ.
ตตฺถ ปุพฺพโยโค วุตฺตนโยว. พาหุสจฺจํ นาม เตสุ เตสุ สตฺเถสุ จ สิปฺปายตเนสุ จ กุสลตา. เทสภาสา นาม เอกสตโวหารกุสลตา. วิเสเสน ปน มาคธิเก โกสลฺลํ. อาคโม นาม อนฺตมโส โอปมฺมวคฺคมตฺตสฺสปิ พุทฺธวจนสฺส ปริยาปุณนํ. ปริปุจฺฉา นาม เอกคาถายปิ อตฺถวินิจฺฉยปุจฺฉนํ. อธิคโม นาม โสตาปนฺนตา วา…เป… อรหตฺตํ วา. ครุสนฺนิสฺสโย ¶ นาม สุตปฏิภานพหุลานํ ครูนํ สนฺติเก วาโส. มิตฺตสมฺปตฺติ นาม ตถารูปานํเยว มิตฺตานํ ปฏิลาโภติ.
ตตฺถ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ ปุพฺพโยคฺเจว อธิคมฺจ นิสฺสาย ปฏิสมฺภิทา ปาปุณนฺติ. สาวกา สพฺพานิปิ เอตานิ การณานิ. ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺติยา จ ปาฏิเยกฺโก ¶ กมฺมฏฺานภาวนานุโยโค นาม นตฺถิ. เสกฺขานํ ปน เสกฺขผลวิโมกฺขนฺติกา. อเสกฺขานํ อเสกฺขผลวิโมกฺขนฺติกาว ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺติ โหติ. ตถาคตานํ หิ ทสพลานิ วิย อริยานํ อริยผเลเนว ปฏิสมฺภิทา อิชฺฌนฺตีติ อิมา ปฏิสมฺภิทา สนฺธาย วุตฺตํ จตุปฏิสมฺภิทาวเสน จตุพฺพิธาติ.
ปฺาภูมิ-มูล-สรีรววตฺถานํ
๔๓๐. กถํ ภาเวตพฺพาติ เอตฺถ ปน ยสฺมา อิมาย ปฺาย ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภทา ธมฺมา ภูมิ. สีลวิสุทฺธิ เจว จิตฺตวิสุทฺธิ จาติ อิมา ทฺเว วิสุทฺธิโย มูลํ. ทิฏฺิวิสุทฺธิ, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ, าณทสฺสนวิสุทฺธีติ อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย สรีรํ. ตสฺมา เตสุ ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน าณปริจยํ กตฺวา มูลภูตา ทฺเว วิสุทฺธิโย สมฺปาเทตฺวา สรีรภูตา ปฺจ วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺเตน ภาเวตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขโป.
๔๓๑. อยํ ปน วิตฺถาโร, ยํ ตาว วุตฺตํ ‘‘ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภทา ธมฺมา ภูมี’’ติ, เอตฺถ ขนฺธาติ ปฺจ ขนฺธา รูปกฺขนฺโธ เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธ วิฺาณกฺขนฺโธติ.
รูปกฺขนฺธกถา
๔๓๒. ตตฺถ ยํ กิฺจิ สีตาทีหิ รุปฺปนลกฺขณํ ธมฺมชาตํ, สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวา รูปกฺขนฺโธติ เวทิตพฺพํ.
ตเทตํ รุปฺปนลกฺขเณน เอกวิธมฺปิ ภูโตปาทายเภทโต ทุวิธํ.
ตตฺถ ¶ ภูตรูปํ จตุพฺพิธํ – ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตูติ. ตาสํ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานานิ จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานิ. ปทฏฺานโต ปน ตา สพฺพาปิ อวเสสธาตุตฺตยปทฏฺานา.
อุปาทารูปํ จตุวีสติวิธํ – จกฺขุ, โสตํ, ฆานํ, ชิวฺหา, กาโย, รูปํ, สทฺโท, คนฺโธ, รโส, อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสินฺทฺริยํ, ชีวิตินฺทฺริยํ, หทยวตฺถุ, กายวิฺตฺติ, วจีวิฺตฺติ, อากาสธาตุ, รูปสฺส ลหุตา, รูปสฺส มุทุตา ¶ , รูปสฺส กมฺมฺตา, รูปสฺส อุปจโย, รูปสฺส สนฺตติ, รูปสฺส ชรตา, รูปสฺส อนิจฺจตา, กพฬีกาโร อาหาโรติ.
๔๓๓. ตตฺถ รูปาภิฆาตารหตปฺปสาทลกฺขณํ ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานภูตปฺปสาทลกฺขณํ วา จกฺขุ, รูเปสุ อาวิฺฉนรสํ, จกฺขุวิฺาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺานํ, ทฏฺุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฏฺานํ.
สทฺทาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณํ, โสตุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานภูตปฺปสาทลกฺขณํ วา โสตํ, สทฺเทสุ อาวิฺฉนรสํ, โสตวิฺาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺานํ, โสตุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฏฺานํ.
คนฺธาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณํ, ฆายิตุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานภูตปฺปสาทลกฺขณํ วา ฆานํ, คนฺเธสุ อาวิฺฉนรสํ, ฆานวิฺาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺานํ, ฆายิตุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฏฺานํ.
รสาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณา, สายิตุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานภูตปฺปสาทลกฺขณา วา ชิวฺหา, รเสสุ อาวิฺฉนรสา, ชิวฺหาวิฺาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺานา, สายิตุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฏฺานา.
โผฏฺพฺพาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขโณ, ผุสิตุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานภูตปฺปสาทลกฺขโณ วา กาโย, โผฏฺพฺเพสุ อาวิฺฉนรโส, กายวิฺาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺาโน, ผุสิตุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฏฺาโน.
๔๓๔. เกจิ ¶ ปน ‘‘เตชาธิกานํ ภูตานํ ปสาโท จกฺขุ, วายุปถวีอาปาธิกานํ ภูตานํ ปสาทา โสตฆานชิวฺหา, กาโย สพฺเพสมฺปี’’ติ วทนฺติ. อปเร ‘‘เตชาธิกานํ ปสาโท จกฺขุ, วิวรวายุอาปปถวาธิกานํ โสตฆานชิวฺหากายา’’ติ วทนฺติ. เต วตฺตพฺพา ‘‘สุตฺตํ อาหรถา’’ติ. อทฺธา สุตฺตเมว น ทกฺขิสฺสนฺติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘เตชาทีนํ คุเณหิ รูปาทีหิ อนุคยฺหภาวโต’’ติ การณํ ทสฺเสนฺติ. เต วตฺตพฺพา ‘‘โก ปเนวมาหรูปาทโย เตชาทีนํ คุณา’ติ. อวินิพฺโภควุตฺตีสุ หิ ภูเตสุ อยํ อิมสฺส คุโณ อยํ อิมสฺส คุโณติ น ลพฺภา วตฺตุ’’นฺติ. อถาปิ วเทยฺยุํ ‘‘ยถา เตสุ เตสุ สมฺภาเรสุ ตสฺส ตสฺส ¶ ภูตสฺส อธิกตาย ปถวีอาทีนํ สนฺธารณาทีนิ กิจฺจานิ อิจฺฉถ, เอวํ เตชาทิอธิเกสุ สมฺภาเรสุ รูปาทีนํ อธิกภาวทสฺสนโต อิจฺฉิตพฺพเมตํ รูปาทโย เตสํ คุณา’’ติ. เต วตฺตพฺพา ‘‘อิจฺเฉยฺยาม, ยทิ อาปาธิกสฺส อาสวสฺส คนฺธโต ปถวีอธิเก กปฺปาเส คนฺโธ อธิกตโร สิยา, เตชาธิกสฺส จ อุณฺโหทกสฺส วณฺณโต สีตุทกสฺส วณฺโณ ปริหาเยถ’’. ยสฺมา ปเนตํ อุภยมฺปิ นตฺถิ, ตสฺมา ปหาเยตํ เอเตสํ นิสฺสยภูตานํ วิเสสกปฺปนํ, ‘‘ยถา อวิเสเสปิ เอกกลาเป ภูตานํ รูปรสาทโย อฺมฺํ วิสทิสา โหนฺติ, เอวํ จกฺขุปสาทาทโย อวิชฺชมาเนปิ อฺสฺมึ วิเสสการเณ’’ติ คเหตพฺพเมตํ.
กึ ปน ตํ ยํ อฺมฺสฺส อสาธารณํ? กมฺมเมว เนสํ วิเสสการณํ. ตสฺมา กมฺมวิเสสโต เอเตสํ วิเสโส, น ภูตวิเสสโต. ภูตวิเสเส หิ สติ ปสาโทว น อุปฺปชฺชติ. สมานานฺหิ ปสาโท, น วิสมานานนฺติ โปราณา.
๔๓๕. เอวํ กมฺมวิเสสโต วิเสสวนฺเตสุ จ เอเตสุ จกฺขุโสตานิ อสมฺปตฺตวิสยคาหกานิ, อตฺตโน นิสฺสยํ อนลฺลีนนิสฺสเย เอว วิสเย วิฺาณเหตุตฺตา. ฆานชิวฺหากายา สมฺปตฺตวิสยคาหกา, นิสฺสยวเสน เจว, สยฺจ, อตฺตโน นิสฺสยํ อลฺลีเนเยว วิสเย วิฺาณเหตุตฺตา.
๔๓๖. จกฺขุ เจตฺถ ยเทตํ โลเก นีลปขุมสมากิณฺณกณฺหสุกฺกมณฺฑลวิจิตฺตํ นีลุปฺปลทลสนฺนิภํ จกฺขูติ วุจฺจติ. ตสฺส สสมฺภารจกฺขุโน เสตมณฺฑลปริกฺขิตฺตสฺส กณฺหมณฺฑลสฺส มชฺเฌ อภิมุเข ิตานํ สรีรสณฺานุปฺปตฺติปเทเส สตฺตสุ ปิจุปฏเลสุ อาสิตฺตเตลํ ปิจุปฏลานิ วิย สตฺต อกฺขิปฏลานิพฺยาเปตฺวา ธารณนฺหาปนมณฺฑนพีชนกิจฺจาหิ ¶ จตูหิ ธาตีหิ ขตฺติยกุมาโร วิย สนฺธารณพนฺธนปริปาจนสมุทีรณกิจฺจาหิ จตูหิ ธาตูหิ กตูปการํ อุตุจิตฺตาหาเรหิ อุปตฺถมฺภิยมานํ อายุนา อนุปาลิยมานํ ¶ วณฺณคนฺธรสาทีหิ ปริวุตํ ปมาณโต อูกาสิรมตฺตํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานํ ติฏฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ธมฺมเสนาปตินา –
‘‘เยน จกฺขุปสาเทน, รูปานิ มนุปสฺสติ;
ปริตฺตํ สุขุมํ เอตํ, อูกาสิรสมูปม’’นฺติ.
สสมฺภารโสตพิลสฺส อนฺโต ตนุตมฺพโลมาจิเต องฺคุลิเวธกสณฺาเน ปเทเส โสตํ วุตฺตปฺปการาหิ ธาตูหิ กตูปการํ อุตุจิตฺตาหาเรหิ อุปตฺถมฺภิยมานํ อายุนา อนุปาลิยมานํ วณฺณาทีหิ ปริวุตํ โสตวิฺาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานํ ติฏฺติ.
สสมฺภารฆานพิลสฺส อนฺโต อชปทสณฺาเน ปเทเส ฆานํ ยถาวุตฺตปฺปการุปการุปตฺถมฺภนานุปาลนปริวารํ ฆานวิฺาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานํ ติฏฺติ.
สสมฺภารชิวฺหามชฺฌสฺส อุปริ อุปฺปลทลคฺคสณฺาเน ปเทเส ชิวฺหา ยถาวุตฺตปฺปการุปการุปตฺถมฺภนานุปาลนปริวารา ชิวฺหาวิฺาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานา ติฏฺติ.
ยาวตา ปน อิมสฺมึ กาเย อุปาทิณฺณรูปํ นาม อตฺถิ. สพฺพตฺถ กาโย กปฺปาสปฏเล สฺเนโห วิย วุตฺตปฺปการุปการุปตฺถมฺภนานุปาลนปริวาโรว หุตฺวา กายวิฺาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมาโน ติฏฺติ.
วมฺมิกอุทกากาสคามสิวถิกสงฺขาตสโคจรนินฺนา วิย จ อหิสุสุมารปกฺขีกุกฺกุรสิงฺคาลารูปาทิสโคจรนินฺนาว เอเต จกฺขาทโยติ ทฏฺพฺพา.
๔๓๗. ตโต ปเรสุ ปน รูปาทีสุ จกฺขุปฏิหนนลกฺขณํ รูปํ, จกฺขุวิฺาณสฺส วิสยภาวรสํ ¶ , ตสฺเสว โคจรปจฺจุปฏฺานํ, จตุมหาภูตปทฏฺานํ. ยถา เจตํ ตถา สพฺพานิปิ อุปาทารูปานิ. ยตฺถ ปน วิเสโส อตฺถิ, ตตฺถ วกฺขาม. ตยิทํ นีลํ ปีตกนฺติอาทิวเสน อเนกวิธํ.
โสตปฏิหนนลกฺขโณ ¶ สทฺโท, โสตวิฺาณสฺส วิสยภาวรโส, ตสฺเสว โคจรปจฺจุปฏฺาโน. เภริสทฺโท มุทิงฺคสทฺโทติอาทินา นเยน อเนกวิโธ.
ฆานปฏิหนนลกฺขโณ คนฺโธ, ฆานวิฺาณสฺส วิสยภาวรโส, ตสฺเสว โคจรปจฺจุปฏฺาโน. มูลคนฺโธ สารคนฺโธติอาทินา นเยน อเนกวิโธ.
ชิวฺหาปฏิหนนลกฺขโณ รโส, ชิวฺหาวิฺาณสฺส วิสยภาวรโส, ตสฺเสว โคจรปจฺจุปฏฺาโน. มูลรโส ขนฺธรโสติอาทินา นเยน อเนกวิโธ.
๔๓๘. อิตฺถิภาวลกฺขณํ อิตฺถินฺทฺริยํ, อิตฺถีติ ปกาสนรสํ, อิตฺถิลิงฺคนิมิตฺตกุตฺตากปฺปานํ การณภาวปจฺจุปฏฺานํ. ปุริสภาวลกฺขณํ ปุริสินฺทฺริยํ, ปุริโสติ ปกาสนรสํ, ปุริสลิงฺคนิมิตฺตกุตฺตากปฺปานํ การณภาวปจฺจุปฏฺานํ. ตทุภยมฺปิ กายปฺปสาโท วิย สกลสรีรํ พฺยาปกเมว, น จ กายปสาเทน ิโตกาเส ิตนฺติ วา อฏฺิโตกาเส ิตนฺติ วาติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, รูปรสาทโย วิย อฺมฺํ สงฺกโร นตฺถิ.
๔๓๙. สหชรูปานุปาลนลกฺขณํ ชีวิตินฺทฺริยํ, เตสํ ปวตฺตนรสํ, เตสฺเว ปนปจฺจุปฏฺานํ, ยาปยิตพฺพภูตปทฏฺานํ. สนฺเตปิ จ อนุปาลนลกฺขณาทิมฺหิ วิธาเน อตฺถิกฺขเณเยว ตํ สหชรูปานิ อนุปาเลติ อุทกํ วิย อุปฺปลาทีนิ. ยถาสกํ ปจฺจยุปฺปนฺเนปิ จ ธมฺเม ปาเลติ ธาติ วิย กุมารํ. สยํ ปวตฺติตธมฺมสมฺพนฺเธเนว จ ปวตฺตติ นิยามโก วิย. น ภงฺคโต อุทฺธํ ปวตฺตติ, อตฺตโน จ ปวตฺตยิตพฺพานฺจ อภาวา. น ภงฺคกฺขเณ เปติ, สยํ ภิชฺชมานตฺตา. ขียมาโน วิย วฏฺฏิสฺเนโห ทีปสิขํ. น จ อนุปาลนปวตฺตนฏฺปนานุภาววิรหิตํ, ยถาวุตฺตกฺขเณ ตสฺส ตสฺส สาธนโตติ ทฏฺพฺพํ.
๔๔๐. มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยลกฺขณํ หทยวตฺถุ, ตาสฺเว ธาตูนํ อาธารณรสํ ¶ , อุพฺพหนปจฺจุปฏฺานํ. หทยสฺส อนฺโต กายคตาสติกถายํ ¶ วุตฺตปฺปการํ โลหิตํ นิสฺสาย สนฺธารณาทิกิจฺเจหิ ภูเตหิ กตูปการํ อุตุจิตฺตาหาเรหิ อุปตฺถมฺภิยมานํ อายุนา อนุปาลิยมานํ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนฺเจว ตํสมฺปยุตฺตธมฺมานฺจ วตฺถุภาวํ สาธยมานํ ติฏฺติ.
๔๔๑. อภิกฺกมาทิปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุยา สหชรูปกายถมฺภนสนฺธารณจลนสฺส ปจฺจโย อาการวิกาโร กายวิฺตฺติ, อธิปฺปายปกาสนรสา, กายวิปฺผนฺทนเหตุภาวปจฺจุปฏฺานา, จิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุปทฏฺานา. สา ปเนสา กายวิปฺผนฺทเนน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุตฺตา, สยฺจ เตน กายวิปฺผนฺทนสงฺขาเตน กาเยน วิฺเยฺยตฺตา ‘‘กายวิฺตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ตาย จ ปน จลิเตหิ จิตฺตชรูเปหิ อภิสมฺพนฺธานํ อุตุชาทีนมฺปิ จลนโต อภิกฺกมาทโย ปวตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพา.
วจีเภทปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานปถวีธาตุยา อุปาทิณฺณฆฏฺฏนสฺส ปจฺจโย อาการวิกาโร วจีวิฺตฺติ, อธิปฺปายปฺปกาสนรสา, วจีโฆสเหตุภาวปจฺจุปฏฺานา, จิตฺตสมุฏฺานปถวีธาตุปทฏฺานา. สา ปเนสา วจีโฆเสน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุตฺตา, สยฺจ ตาย วจีโฆสสงฺขาตาย วาจาย วิฺเยฺยตฺตา ‘‘วจีวิฺตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ยถา หิ อรฺเ อุสฺสาเปตฺวา พนฺธโคสีสาทิอุทกนิมิตฺตํ ทิสฺวา อุทกเมตฺถ อตฺถีติ วิฺายติ, เอวํ กายวิปฺผนฺทนฺเจว วจีโฆสฺจ คเหตฺวา กายวจีวิฺตฺติโยปิ วิฺายนฺติ.
๔๔๒. รูปปริจฺเฉทลกฺขณา อากาสธาตุ, รูปปริยนฺตปฺปกาสนรสา, รูปมริยาทาปจฺจุปฏฺานา, อสมฺผุฏฺภาวจฺฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฏฺานา วา, ปริจฺฉินฺนรูปปทฏฺานา. ยาย ปริจฺฉินฺเนสุ รูเปสุ อิทมิโต อุทฺธมโธ ติริยนฺติ จ โหติ.
๔๔๓. อทนฺธตาลกฺขณา รูปสฺส ลหุตา, รูปานํ ครุภาววิโนทนรสา, ลหุปริวตฺติตาปจฺจุปฏฺานา, ลหุรูปปทฏฺานา. อถทฺธตาลกฺขณา รูปสฺส มุทุตา, รูปานํ ถทฺธภาววิโนทนรสา, สพฺพกิริยาสุ อวิโรธิตาปจฺจุปฏฺานา, มุทุรูปปทฏฺานา. สรีรกิริยานุกูลกมฺมฺภาวลกฺขณา รูปสฺส ¶ กมฺมฺตา, อกมฺมฺตาวิโนทนรสา, อทุพฺพลภาวปจฺจุปฏฺานา, กมฺมฺรูปปทฏฺานา.
เอตา ¶ ปน ติสฺโส น อฺมฺํ วิชหนฺติ, เอวํ สนฺเตปิ โย อโรคิโน วิย รูปานํ ลหุภาโว อทนฺธตา ลหุปริวตฺติปฺปกาโร รูปทนฺธตฺตกรธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺาโน, โส รูปวิกาโร รูปสฺส ลหุตา. โย ปน สุปริมทฺทิตจมฺมสฺเสว รูปานํ มุทุภาโว สพฺพกิริยาวิเสเสสุ วสวตฺตนภาวมทฺทวปฺปกาโร รูปตฺถทฺธตฺตกรธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺาโน, โส รูปวิกาโร รูปสฺส มุทุตา. โย ปน สุทนฺตสุวณฺณสฺเสว รูปานํ กมฺมฺภาโว สรีรกิริยานุกูลภาวปฺปกาโร สรีรกิริยานํ อนนุกูลกรธาตุกฺโขภปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺาโน, โส รูปวิกาโร รูปสฺส กมฺมฺตาติ เอวเมตาสํ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
๔๔๔. อาจยลกฺขโณ รูปสฺส อุปจโย, ปุพฺพนฺตโต รูปานํ อุมฺมุชฺชาปนรโส, นิยฺยาตนปจฺจุปฏฺาโน, ปริปุณฺณภาวปจฺจุปฏฺาโน วา, อุปจิตรูปปทฏฺาโน. ปวตฺติลกฺขณา รูปสฺส สนฺตติ, อนุปฺปพนฺธนรสา, อนุปจฺเฉทปจฺจุปฏฺานา, อนุปฺปพนฺธกรูปปทฏฺานา. อุภยมฺเปตํ ชาติรูปสฺเสวาธิวจนํ, อาการนานตฺตโต ปน เวเนยฺยวเสน จ ‘‘อุปจโย สนฺตตี’’ติ อุทฺเทสเทสนา กตา. ยสฺมา ปเนตฺถ อตฺถโต นานตฺตํ นตฺถิ, ตสฺมา อิเมสํ ปทานํ นิทฺเทเส ‘‘โย อายตนานํ อาจโย, โส รูปสฺส อุปจโย. โย รูปสฺส อุปจโย, สา รูปสฺส สนฺตตี’’ติ (ธ. ส. ๖๔๑-๖๔๒) วุตฺตํ. อฏฺกถายมฺปิ ‘‘อาจโย นาม นิพฺพตฺติ, อุปจโย นาม วฑฺฒิ, สนฺตติ นาม ปวตฺตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๔๑) วตฺวา ‘‘นทีตีเร ขตกูปกมฺหิ อุทกุคฺคมนกาโล วิย อาจโย นิพฺพตฺติ, ปริปุณฺณกาโล วิย อุปจโย วฑฺฒิ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คมนกาโล วิย สนฺตติ ปวตฺตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๔๑) อุปมา กตา.
อุปมาวสาเน จ ‘‘เอวํ กึ กถิตํ โหติ? อายตเนน อาจโย กถิโต, อาจเยน อายตนํ กถิต’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺมา ยา รูปานํ ปมาภินิพฺพตฺติ, สา อาจโย. ยา เตสํ อุปริ อฺเสมฺปิ นิพฺพตฺตมานานํ นิพฺพตฺติ, สา วฑฺฒิอากาเรน อุปฏฺานโต อุปจโย. ยา เตสมฺปิ อุปริ ปุนปฺปุนํ ¶ อฺเสํ นิพฺพตฺตมานานํ นิพฺพตฺติ, สา อนุปพนฺธากาเรน อุปฏฺานโต สนฺตตีติ จ ปวุจฺจตีติ เวทิตพฺพา.
รูปปริปากลกฺขณา ชรตา, อุปนยนรสา, สภาวานปคเมปิ นวภาวาปคมปจฺจุปฏฺานา วีหิปุราณภาโว วิย, ปริปจฺจมานรูปปทฏฺานา. ขณฺฑิจฺจาทิภาเวน ทนฺตาทีสุ วิการทสฺสนโต ¶ อิทํ ปากฏชรํ สนฺธาย วุตฺตํ. อรูปธมฺมานํ ปน ปฏิจฺฉนฺนชรา นาม โหติ, ตสฺสา เอส วิกาโร นตฺถิ, ยา จ ปถวี อุทกปพฺพตจนฺทิมสูริยาทีสุ อวีจิชรา นาม.
ปริเภทลกฺขณา รูปสฺส อนิจฺจตา, สํสีทนรสา, ขยวยปจฺจุปฏฺานา, ปริภิชฺชมานรูปปทฏฺานา.
๔๔๕. โอชาลกฺขโณ กพฬีกาโร อาหาโร, รูปาหรณรโส, อุปตฺถมฺภนปจฺจุปฏฺาโน, กพฬํ กตฺวา อาหริตพฺพวตฺถุปทฏฺาโน. ยาย โอชาย สตฺตา ยาเปนฺติ, ตสฺสา เอตํ อธิวจนํ.
๔๔๖. อิมานิ ตาว ปาฬิยํ อาคตรูปาเนว. อฏฺกถายํ ปน พลรูปํ สมฺภวรูปํ ชาติรูปํ โรครูปํ เอกจฺจานํ มเตน มิทฺธรูปนฺติ เอวํ อฺานิปิ รูปานิ อาหริตฺวา ‘‘อทฺธา มุนีสิ สมฺพุทฺโธ, นตฺถิ นีวรณา ตวา’’ติอาทีนิ (สุ. นิ. ๕๔๖) วตฺวา มิทฺธรูปํ ตาว นตฺถิเยวาติ ปฏิกฺขิตฺตํ. อิตเรสุ โรครูปํ ชรตาอนิจฺจตาคฺคหเณน คหิตเมว, ชาติรูปํ อุปจยสนฺตติคฺคหเณน, สมฺภวรูปํ อาโปธาตุคฺคหเณน, พลรูปํ วาโยธาตุคฺคหเณน คหิตเมว. ตสฺมา เตสุ เอกมฺปิ วิสุํ นตฺถีติ สนฺนิฏฺานํ กตํ.
อิติ อิทํ จตุวีสติวิธํ อุปาทารูปํ ปุพฺเพ วุตฺตํ จตุพฺพิธํ ภูตรูปฺจาติ อฏฺวีสติวิธํ รูปํ โหติ อนูนมนธิกํ.
๔๔๗. ตํ สพฺพมฺปิ น เหตุ อเหตุกํ เหตุวิปฺปยุตฺตํ สปฺปจฺจยํ โลกิยํ สาสวเมวาติอาทินา นเยน เอกวิธํ.
อชฺฌตฺติกํ พาหิรํ, โอฬาริกํ สุขุมํ, ทูเร สนฺติเก, นิปฺผนฺนํ อนิปฺผนฺนํ, ปสาทรูปํ นปสาทรูปํ, อินฺทฺริยํ อนินฺทฺริยํ, อุปาทิณฺณํ อนุปาทิณฺณนฺติอาทิวเสน ทุวิธํ.
ตตฺถ ¶ จกฺขาทิปฺจวิธํ อตฺตภาวํ อธิกิจฺจ ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺติกํ, เสสํ ตโต พาหิรตฺตา พาหิรํ. จกฺขาทีนิ นว อาโปธาตุวชฺชิตา ติสฺโส ธาตุโย จาติ ทฺวาทสวิธํ ฆฏฺฏนวเสน คเหตพฺพโต โอฬาริกํ, เสสํ ตโต วิปรีตตฺตา สุขุมํ. ยํ สุขุมํ ตเทว ทุปฺปฏิวิชฺฌสภาวตฺตา ¶ ทูเร, อิตรํ สุปฺปฏิวิชฺฌสภาวตฺตา สนฺติเก. จตสฺโส ธาตุโย, จกฺขาทีนิ เตรส, กพฬีการาหาโร จาติ อฏฺารสวิธํ รูปํ ปริจฺเฉทวิการลกฺขณภาวํ อติกฺกมิตฺวา สภาเวเนว ปริคฺคเหตพฺพโต นิปฺผนฺนํ, เสสํ ตพฺพิปรีตตาย อนิปฺผนฺนํ. จกฺขาทิปฺจวิธํ รูปาทีนํ คหณปจฺจยภาเวน อาทาสตลํ วิย วิปฺปสนฺนตฺตา ปสาทรูปํ, อิตรํ ตโต วิปรีตตฺตา นปสาทรูปํ. ปสาทรูปเมว อิตฺถินฺทฺริยาทิตฺตเยน สทฺธึ อธิปติยฏฺเน อินฺทฺริยํ, เสสํ ตโต วิปรีตตฺตา อนินฺทฺริยํ. ยํ กมฺมชนฺติ ปรโต วกฺขาม, ตํ กมฺเมน อุปาทิณฺณตฺตา อุปาทิณฺณํ, เสสํ ตโต วิปรีตตฺตา อนุปาทิณฺณํ.
๔๔๘. ปุน สพฺพเมว รูปํ สนิทสฺสนกมฺมชาทีนํ ติกานํ วเสน ติวิธํ โหติ. ตตฺถ โอฬาริเก รูปํ สนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ, เสสํ อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ. สพฺพมฺปิ สุขุมํ อนิทสฺสนอปฺปฏิฆํ. เอวํ ตาว สนิทสฺสนตฺติกวเสน ติวิธํ. กมฺมชาทิตฺติกวเสน ปน กมฺมโต ชาตํ กมฺมชํ, ตทฺปจฺจยชาตํ อกมฺมชํ, นกุโตจิชาตํ เนว กมฺมชํ นากมฺมชํ. จิตฺตโต ชาตํ จิตฺตชํ, ตทฺปจฺจยชาตํ อจิตฺตชํ, นกุโตจิชาตํ เนว จิตฺตชํ นาจิตฺตชํ, อาหารโต ชาตํ อาหารชํ, ตทฺปจฺจยชาตํ อนาหารชํ, นกุโตจิชาตํ เนว อาหารชํ นอนาหารชํ. อุตุโต ชาตํ อุตุชํ, ตทฺปจฺจยชาตํ อนุตุชํ, นกุโตจิชาตํ เนว อุตุชํ นอนุตุชนฺติ เอวํ กมฺมชาทิตฺติกวเสน ติวิธํ.
๔๔๙. ปุน ทิฏฺาทิรูปรูปาทิวตฺถาทิจตุกฺกวเสน จตุพฺพิธํ. ตตฺถ รูปายตนํ ทิฏฺํ นาม ทสฺสนวิสยตฺตา, สทฺทายตนํ สุตํ นาม สวนวิสยตฺตา, คนฺธรสโผฏฺพฺพตฺตยํ มุตํ นาม สมฺปตฺตคาหกอินฺทฺริยวิสยตฺตา, เสสํ วิฺาตํ นาม วิฺาณสฺเสว วิสยตฺตาติ เอวํ ตาว ทิฏฺาทิจตุกฺกวเสน จตุพฺพิธํ.
นิปฺผนฺนรูปํ ปเนตฺถ รูปรูปํ นาม, อากาสธาตุ ปริจฺเฉทรูปํ นาม, กายวิฺตฺติอาทิ กมฺมฺตาปริยนฺตํ วิการรูปํ นาม, ชาติชราภงฺคํ ลกฺขณรูปํ นามาติ เอวํ รูปรูปาทิจตุกฺกวเสน จตุพฺพิธํ.
ยํ ¶ ปเนตฺถ หทยรูปํ นาม, ตํ วตฺถุ น ทฺวารํ. วิฺตฺติทฺวยํ ทฺวารํ น วตฺถุ. ปสาทรูปํ วตฺถุ เจว ทฺวารฺจ. เสสํ เนว วตฺถุ น ทฺวารนฺติ เอวํ วตฺถาทิจตุกฺกวเสน จตุพฺพิธํ.
๔๕๐. ปุน ¶ เอกชํ, ทฺวิชํ, ติชํ, จตุชํ, นกุโตจิชาตนฺติ อิเมสํ วเสน ปฺจวิธํ. ตตฺถ กมฺมชเมว จิตฺตชเมว จ เอกชํ นาม. เตสุ สทฺธึ หทยวตฺถุนา อินฺทฺริยรูปํ กมฺมชเมว. วิฺตฺติทฺวยํ จิตฺตชเมว. ยํ ปน จิตฺตโต จ อุตุโต จ ชาตํ, ตํ ทฺวิชํ นาม, ตํ สทฺทายตนเมว. ยํ อุตุจิตฺตาหาเรหิ ชาตํ, ตํ ติชํ นาม, ตํ ปน ลหุตาทิตฺตยเมว. ยํ จตูหิปิ กมฺมาทีหิ ชาตํ, ตํ จตุชํ นาม, ตํ ลกฺขณรูปวชฺชํ อวเสสํ โหติ. ลกฺขณรูปํ ปน นกุโตจิชาตํ. กสฺมา? น หิ อุปฺปาทสฺส อุปฺปาโท อตฺถิ, อุปฺปนฺนสฺส จ ปริปากเภทมตฺตํ อิตรทฺวยํ. ยมฺปิ ‘‘รูปายตนํ สทฺทายตนํ คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฏฺพฺพายตนํ อากาสธาตุ อาโปธาตุ รูปสฺส ลหุตา, รูปสฺส มุทุตา, รูปสฺส กมฺมฺตา, รูปสฺส อุปจโย, รูปสฺส สนฺตติ, กพฬีกาโร อาหาโร, อิเม ธมฺมา จิตฺตสมุฏฺานา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๐๑) ชาติยา กุโตจิชาตตฺตํ อนฺุาตํ, ตํ ปน รูปชนกปจฺจยานํ กิจฺจานุภาวกฺขเณ ทิฏฺตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
อิทํ ตาว รูปกฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขํ.
วิฺาณกฺขนฺธกถา
๔๕๑. อิตเรสุ ปน ยํกิฺจิ เวทยิตลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวา เวทนากฺขนฺโธ; ยํกิฺจิ สฺชานนลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวา สฺากฺขนฺโธ; ยํกิฺจิ อภิสงฺขรณลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวา สงฺขารกฺขนฺโธ; ยํกิฺจิ วิชานนลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวา วิฺาณกฺขนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ยสฺมา วิฺาณกฺขนฺเธ วิฺาเต อิตเร สุวิฺเยฺยา โหนฺติ, ตสฺมา วิฺาณกฺขนฺธํ อาทึ กตฺวา วณฺณนํ กริสฺสาม.
ยํกิฺจิ วิชานนลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวา วิฺาณกฺขนฺโธ เวทิตพฺโพติ หิ วุตฺตํ. กิฺจ วิชานนลกฺขณํ วิฺาณํ? ยถาห ‘‘วิชานาติ วิชานาตีติ โข, อาวุโส, ตสฺมา วิฺาณนฺติ วุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๔๙). วิฺาณํ จิตฺตํ มโนติ อตฺถโต เอกํ. ตเทตํ วิชานนลกฺขเณน สภาวโต ¶ เอกวิธมฺปิ ชาติวเสน ติวิธํ กุสลํ, อกุสลํ, อพฺยากตฺจ.
๔๕๒. ตตฺถ ¶ กุสลํ ภูมิเภทโต จตุพฺพิธํ กามาวจรํ รูปาวจรํ อรูปาวจรํ โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ กามาวจรํ โสมนสฺสุเปกฺขาาณสงฺขารเภทโต อฏฺวิธํ. เสยฺยถิทํ – โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขารํ สสงฺขารฺจ, ตถา าณวิปฺปยุตฺตํ. อุเปกฺขาสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขารํ สสงฺขารฺจ, ตถา าณวิปฺปยุตฺตํ.
ยทา หิ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺตึ อฺํ วา โสมนสฺสเหตุํ อาคมฺม หฏฺปหฏฺโ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ม. นิ. ๑.๔๔๑) สมฺมาทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา อสํสีทนฺโต อนุสฺสาหิโต ปเรหิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรติ, ตทาสฺส โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ อสงฺขารํ โหติ. ยทา ปน วุตฺตนเยน หฏฺตุฏฺโ สมฺมาทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา อมุตฺตจาคตาทิวเสน สํสีทมาโน วา ปเรหิ วา อุสฺสาหิโต กโรติ, ตทาสฺส ตเทว จิตฺตํ สสงฺขารํ โหติ. อิมสฺมิฺหิ อตฺเถ สงฺขาโรติ เอตํ อตฺตโน วา ปเรสํ วา วเสน ปวตฺตสฺส ปุพฺพปโยคสฺสาธิวจนํ. ยทา ปน าติชนสฺส ปฏิปตฺติทสฺสเนน ชาตปริจยา พาลทารกา ภิกฺขู ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา สหสา กิฺจิเทว หตฺถคตํ ททนฺติ วา วนฺทนฺติ วา, ตทา ตติยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ยทา ปน ‘‘เทถ วนฺทถาติ’’ าตีหิ อุสฺสาหิตา เอวํ ปฏิปชฺชนฺติ, ตทา จตุตฺถํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ยทา ปน เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกาทีนํ อสมฺปตฺตึ อฺเสํ วา โสมนสฺสเหตูนํ อภาวํ อาคมฺม จตูสุปิ วิกปฺเปสุ โสมนสฺสรหิตา โหนฺติ, ตทา เสสานิ จตฺตาริ อุเปกฺขาสหคตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ. เอวํ โสมนสฺสุเปกฺขาาณสงฺขารเภทโต อฏฺวิธํ กามาวจรกุสลํ เวทิตพฺพํ.
รูปาวจรํ ปน ฌานงฺคโยคเภทโต ปฺจวิธํ โหติ. เสยฺยถิทํ, วิตกฺกวิจารปีติสุขสมาธิยุตฺตํ ปมํ, อติกฺกนฺตวิตกฺกํ ทุติยํ, ตโต อติกฺกนฺตวิจารํ ตติยํ, ตโต วิรตฺตปีติกํ จตุตฺถํ, อตฺถงฺคตสุขํ อุเปกฺขาสมาธิยุตฺตํ ปฺจมนฺติ.
อรูปาวจรํ จตุนฺนํ อารุปฺปานํ โยควเสน จตุพฺพิธํ. วุตฺตปฺปกาเรน หิ อากาสานฺจายตนชฺฌาเนน สมฺปยุตฺตํ ปมํ, วิฺาณฺจายตนาทีหิ ทุติยตติยจตุตฺถานิ ¶ . โลกุตฺตรํ จตุมคฺคสมฺปโยคโต จตุพฺพิธนฺติ เอวํ ตาว กุสลวิฺาณเมว เอกวีสติวิธํ โหติ.
๔๕๓. อกุสลํ ¶ ปน ภูมิโต เอกวิธํ กามาวจรเมว, มูลโต ติวิธํ โลภมูลํ โทสมูลํ โมหมูลฺจ.
ตตฺถ โลภมูลํ โสมนสฺสุเปกฺขาทิฏฺิคตสงฺขารเภทโต อฏฺวิธํ. เสยฺยถิทํ, โสมนสฺสสหคตํ ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตํ อสงฺขารํ สสงฺขารฺจ, ตถา ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตํ. อุเปกฺขาสหคตํ ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตํ อสงฺขารํ สสงฺขารฺจ, ตถา ทิฏฺิคตวิปฺปยุตฺตํ.
ยทา หิ ‘‘นตฺถิ กาเมสุ อาทีนโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๙) อาทินา นเยน มิจฺฉาทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา หฏฺตุฏฺโ กาเม วา ปริภฺุชติ, ทิฏฺมงฺคลาทีนิ วา สารโต ปจฺเจติ สภาวติกฺเขเนว อนุสฺสาหิเตน จิตฺเตน, ตทา ปมํ อกุสลจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ยทา มนฺเทน สมุสฺสาหิเตน จิตฺเตน, ตทา ทุติยํ. ยทา มิจฺฉาทิฏฺึ อปุรกฺขตฺวา เกวลํ หฏฺตุฏฺโ เมถุนํ วา เสวติ, ปรสมฺปตฺตึ วา อภิชฺฌายติ, ปรภณฺฑํ วา หรติ สภาวติกฺเขเนว อนุสฺสาหิเตน จิตฺเตน, ตทา ตติยํ. ยทา มนฺเทน สมุสฺสาหิเตน จิตฺเตน, ตทา จตุตฺถํ. ยทา ปน กามานํ วา อสมฺปตฺตึ อาคมฺม อฺเสํ วา โสมนสฺสเหตูนํ อภาเวน จตูสุปิ วิกปฺเปสุ โสมนสฺสรหิตา โหนฺติ, ตทา เสสานิ จตฺตาริ อุเปกฺขาสหคตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ เอวํ โสมนสฺสุเปกฺขาทิฏฺิคตสงฺขารเภทโต อฏฺวิธํ โลภมูลํ เวทิตพฺพํ.
โทสมูลํ ปน โทมนสฺสสหคตํ ปฏิฆสมฺปยุตฺตํ อสงฺขารํ สสงฺขารนฺติ ทุวิธเมว โหติ, ตสฺส ปาณาติปาตาทีสุ ติกฺขมนฺทปฺปวตฺติกาเล ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
โมหมูลํ อุเปกฺขาสหคตํ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตํ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตฺจาติ ทุวิธํ. ตสฺส สนฺนิฏฺานวิกฺเขปกาเล ปวตฺติ เวทิตพฺพาติ เอวํ อกุสลวิฺาณํ ทฺวาทสวิธํ โหติ.
๔๕๔. อพฺยากตํ ชาติเภทโต ทุวิธํ วิปากํ กิริยฺจ. ตตฺถ วิปากํ ภูมิโต จตุพฺพิธํ กามาวจรํ รูปาวจรํ อรูปาวจรํ โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ ¶ กามาวจรํ ทุวิธํ กุสลวิปากํ อกุสลวิปากฺจ. กุสลวิปากมฺปิ ทุวิธํ อเหตุกํ สเหตุกฺจ.
ตตฺถ อโลภาทิวิปากเหตุวิรหิตํ อเหตุกํ, ตํ จกฺขุวิฺาณํ, โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณํ ¶ , สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจา มโนธาตุ, สนฺตีรณาทิกิจฺจา ทฺเว มโนวิฺาณธาตุโย จาติ อฏฺวิธํ.
ตตฺถ จกฺขุสนฺนิสฺสิตรูปวิชานนลกฺขณํ จกฺขุวิฺาณํ, รูปมตฺตารมฺมณรสํ, รูปาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานํ, รูปารมฺมณาย กิริยมโนธาตุยา อปคมปทฏฺานํ. โสตาทิสนฺนิสฺสิตสทฺทาทิวิชานนลกฺขณานิ โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณานิ, สทฺทาทิมตฺตารมฺมณรสานิ, สทฺทาทิอภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานานิ, สทฺทารมฺมณาทีนํ กิริยมโนธาตูนํ อปคมปทฏฺานานิ.
จกฺขุวิฺาณาทีนํ อนนฺตรํ รูปาทิวิชานนลกฺขณา มโนธาตุ, รูปาทิสมฺปฏิจฺฉนรสา, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา, จกฺขุวิฺาณาทิอปคมปทฏฺานา.
อเหตุกวิปากา สฬารมฺมณวิชานนลกฺขณา ทุวิธาปิ สนฺตีรณาทิกิจฺจา มโนวิฺาณธาตุ, สนฺตีรณาทิรสา, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา, หทยวตฺถุปทฏฺานา. โสมนสฺสุเปกฺขาโยคโต ปน ทฺวิปฺจฏฺานเภทโต จ ตสฺสา เภโท. เอตาสุ หิ เอกา เอกนฺตมิฏฺารมฺมเณ ปวตฺติสพฺภาวโต โสมนสฺสสมฺปยุตฺตา หุตฺวา สนฺตีรณตทารมฺมณวเสน ปฺจทฺวาเร เจว ชวนาวสาเน จ ปวตฺตนโต ทฺวิฏฺานา โหติ. เอกา อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมเณ ปวตฺติสพฺภาวโต อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตา หุตฺวา สนฺตีรณตทารมฺมณปฏิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ปวตฺตนโต ปฺจฏฺานา โหติ.
อฏฺวิธมฺปิ เจตํ อเหตุกวิปากวิฺาณํ นิยตานิยตารมฺมณตฺตา ทุวิธํ. อุเปกฺขาสุขโสมนสฺสเภทโต ติวิธํ. วิฺาณปฺจกํ เหตฺถ นิยตารมฺมณํ ยถากฺกมํ รูปาทีสุเยว ปวตฺติโต, เสสํ อนิยตารมฺมณํ. ตตฺร หิ มโนธาตุ ปฺจสุปิ รูปาทีสุ ปวตฺตติ, มโนวิฺาณธาตุทฺวยํ ฉสูติ. กายวิฺาณํ ปเนตฺถ สุขยุตฺตํ, ทฺวิฏฺานา มโนวิฺาณธาตุ โสมนสฺสยุตฺตา, เสสํ อุเปกฺขายุตฺตนฺติ. เอวํ ตาว กุสลวิปากาเหตุกํ อฏฺวิธํ เวทิตพฺพํ.
อโลภาทิวิปากเหตุสมฺปยุตฺตํ ปน สเหตุกํ, ตํ กามาวจรกุสลํ วิย โสมนสฺสาทิ เภทโต อฏฺวิธํ. ยถา ปน กุสลํ ทานาทิวเสน ¶ ฉสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ, น อิทํ ตถา. อิทฺหิ ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติตทารมฺมณวเสน ปริตฺตธมฺมปริยาปนฺเนสุเยว ฉสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตติ ¶ . สงฺขาราสงฺขารภาโว ปเนตฺถ อาคมนาทิวเสน เวทิตพฺโพ. สมฺปยุตฺตธมฺมานฺจ วิเสเส อสติปิ อาทาสตลาทีสุ มุขนิมิตฺตํ วิย นิรุสฺสาหํ วิปากํ, มุขํ วิย สอุสฺสาหํ กุสลนฺติ เวทิตพฺพํ.
เกวลํ หิ อกุสลวิปากํ อเหตุกเมว, ตํ จกฺขุวิฺาณํ, โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณํ, สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจา มโนธาตุ, สนฺตีรณาทิกิจฺจา ปฺจฏฺานา มโนวิฺาณธาตูติ สตฺตวิธํ. ตํ ลกฺขณาทิโต กุสลาเหตุกวิปาเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
เกวลฺหิ กุสลวิปากานิ อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมณานิ, อิมานิ อนิฏฺอนิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมณานิ. ตานิ จ อุเปกฺขาสุขโสมนสฺสเภทโต ติวิธานิ, อิมานิ ทุกฺขอุเปกฺขาวเสน ทุวิธานิ. เอตฺถ หิ กายวิฺาณํ ทุกฺขสหคตเมว, เสสานิ อุเปกฺขาสหคตานิ. สา จ เตสุ อุเปกฺขา หีนา ทุกฺขํ วิย นาติติขิณา, อิตเรสุ อุเปกฺขา ปณีตา สุขํ วิย นาติติขิณา. อิติ อิเมสํ สตฺตนฺนํ อกุสลวิปากานํ ปุริมานฺจ โสฬสนฺนํ กุสลวิปากานํ วเสน กามาวจรํ วิปากวิฺาณํ เตวีสติวิธํ.
รูปาวจรํ ปน กุสลํ วิย ปฺจวิธํ. กุสลํ ปน สมาปตฺติวเสน ชวนวีถิยํ ปวตฺตติ. อิทํ อุปปตฺติยํ ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน. ยถา จ รูปาวจรํ, เอวํ อรูปาวจรมฺปิ กุสลํ วิย จตุพฺพิธํ. ปวตฺติเภโทปิสฺส รูปาวจเร วุตฺตนโย เอว. โลกุตฺตรวิปากํ จตุมคฺคยุตฺตจิตฺตผลตฺตา จตุพฺพิธํ, ตํ มคฺควีถิวเสน เจว สมาปตฺติวเสน จ ทฺวิธา ปวตฺตติ. เอวํ สพฺพมฺปิ จตูสุ ภูมีสุ ฉตฺตึสวิธํ วิปากวิฺาณํ โหติ.
กิริยํ ปน ภูมิเภทโต ติวิธํ กามาวจรํ รูปาวจรํ อรูปาวจรฺจ. ตตฺถ กามาวจรํ ทุวิธํ อเหตุกํ สเหตุกฺจ. ตตฺถ อโลภาทิกิริยเหตุวิรหิตํ อเหตุกํ, ตํ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุเภทโต ทุวิธํ.
ตตฺถ จกฺขุวิฺาณาทิปุเรจรรูปาทิวิชานนลกฺขณา มโนธาตุ, อาวชฺชนรสา, รูปาทิอภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา, ภวงฺควิจฺเฉทปทฏฺานา, สา อุเปกฺขายุตฺตาว โหติ.
มโนวิฺาณธาตุ ¶ ¶ ปน ทุวิธา สาธารณา อสาธารณา จ. ตตฺถ สาธารณา อุเปกฺขาสหคตาเหตุกกิริยา สฬารมฺมณวิชานนลกฺขณา, กิจฺจวเสน ปฺจทฺวารมโนทฺวาเรสุ โวฏฺพฺพนาวชฺชนรสา, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา, อเหตุกวิปากมโนวิฺาณธาตุ ภวงฺคานํ อฺตราปคมปทฏฺานา.
อสาธารณา โสมนสฺสสหคตาเหตุกกิริยา สฬารมฺมณวิชานนลกฺขณา, กิจฺจวเสน อรหตํ อนุฬาเรสุ วตฺถูสุ หสิตุปฺปาทนรสา, ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา, เอกนฺตโต หทยวตฺถุปทฏฺานาติ. อิติ กามาวจรกิริยํ อเหตุกํ ติวิธํ.
สเหตุกํ ปน โสมนสฺสาทิเภทโต กุสลํ วิย อฏฺวิธํ. เกวลฺหิ กุสลํ เสกฺขปุถุชฺชนานํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ อรหตํเยวาติ อยเมตฺถ วิเสโส. เอวํ ตาว กามาวจรํ เอกาทสวิธํ.
รูปาวจรํ ปน อรูปาวจรฺจ กุสลํ วิย ปฺจวิธํ จตุพฺพิธฺจ โหติ. อรหตํ อุปฺปตฺติวเสเนว จสฺส กุสลโต วิเสโส เวทิตพฺโพติ. เอวํ สพฺพมฺปิ ตีสุ ภูมีสุ วีสติวิธํ กิริยวิฺาณํ โหติ.
๔๕๕. อิติ เอกวีสติ กุสลานิ ทฺวาทสากุสลานิ ฉตฺตึส วิปากานิ วีสติ กิริยานีติ สพฺพานิปิ เอกูนนวุติ วิฺาณานิ โหนฺติ. ยานิ ปฏิสนฺธิภวงฺคาวชฺชนทสฺสนสวนฆายนสายนผุสนสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณโวฏฺพฺพนชวนตทารมฺมณจุติวเสน จุทฺทสหิ อากาเรหิ ปวตฺตนฺติ.
กถํ? ยทา หิ อฏฺนฺนํ กามาวจรกุสลานํ อานุภาเวน เทวมนุสฺเสสุ สตฺตา นิพฺพตฺตนฺติ, ตทา เนสํ มรณกาเล ปจฺจุปฏฺิตํ กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตานํ อฺตรํ อารมฺมณํ กตฺวา อฏฺ สเหตุกกามาวจรวิปากานิ, มนุสฺเสสุ ปณฺฑกาทิภาวํ อาปชฺชมานานํ ทุพฺพลทฺวิเหตุกกุสลวิปากอุเปกฺขาสหคตาเหตุกวิปากมโนวิฺาณธาตุ จาติ ปฏิสนฺธิวเสน นว วิปากจิตฺตานิ ปวตฺตนฺติ. ยทา รูปาวจรารูปาวจรกุสลานุภาเวน รูปารูปภเวสุ นิพฺพตฺตนฺติ ¶ , ตทา เนสํ มรณกาเล ปจฺจุปฏฺิตํ กมฺมนิมิตฺตเมว อารมฺมณํ กตฺวา นว รูปารูปาวจรวิปากานิ ปฏิสนฺธิวเสน ปวตฺตนฺติ.
ยทา ¶ ปน อกุสลานุภาเวน อปาเย นิพฺพตฺตนฺติ, ตทา เนสํ มรณกาเล ปจฺจุปฏฺิตํ กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตานํ อฺตรํ อารมฺมณํ กตฺวา เอกา อกุสลวิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ ปฏิสนฺธิวเสน ปวตฺตตีติ เอวํ ตาเวตฺถ เอกูนวีสติยา วิปากวิฺาณานํ ปฏิสนฺธิวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
ปฏิสนฺธิวิฺาเณ ปน นิรุทฺเธ ตํ ตํ ปฏิสนฺธิวิฺาณมนุพนฺธมานํ ตสฺส ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากภูตํ ตสฺมิฺเว อารมฺมเณ ตาทิสเมว ภวงฺควิฺาณํ นาม ปวตฺตติ, ปุนปิ ตาทิสนฺติ เอวํ อสติ สนฺตานวินิวตฺตเก อฺสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท นทีโสตํ วิย สุปินํ อปสฺสโต นิทฺโทกฺกมนกาลาทีสุ อปริมาณสงฺขฺยมฺปิ ปวตฺตติเยวาติ เอวํ เตสฺเว วิฺาณานํ ภวงฺควเสนาปิ ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
เอวํ ปวตฺเต ปน ภวงฺคสนฺตาเน ยทา สตฺตานํ อินฺทฺริยานิ อารมฺมณคหณกฺขมานิ โหนฺติ, ตทา จกฺขุสฺสาปาถคเต รูเป รูปํ ปฏิจฺจ จกฺขุปสาทสฺส ฆฏฺฏนา โหติ, ตโต ฆฏฺฏนานุภาเวน ภวงฺคจลนํ โหติ, อถ นิรุทฺเธ ภวงฺเค ตเทว รูปํ อารมฺมณํ กตฺวา ภวงฺคํ วิจฺฉินฺทมานา วิย อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา กิริยมโนธาตุ อุปฺปชฺชติ. โสตทฺวาราทีสุปิ เอเสว นโย. มโนทฺวาเร ปน ฉพฺพิเธปิ อารมฺมเณ อาปาถคเต ภวงฺคจลนานนฺตรํ ภวงฺคํ วิจฺฉินฺทมานา วิย อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อเหตุกกิริยมโนวิฺาณธาตุ อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขาสหคตาติ เอวํ ทฺวินฺนํ กิริยวิฺาณานํ อาวชฺชนวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
อาวชฺชนานนฺตรํ ปน จกฺขุทฺวาเร ตาว ทสฺสนกิจฺจํ สาธยมานํ จกฺขุปสาทวตฺถุกํ จกฺขุวิฺาณํ, โสตทฺวาราทีสุ สวนาทิกิจฺจํ สาธยมานานิ โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณานิ ปวตฺตนฺติ. ตานิ อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺเตสุ วิสเยสุ กุสลวิปากานิ, อนิฏฺอนิฏฺมชฺฌตฺเตสุ วิสเยสุ อกุสลวิปากานีติ เอวํ ทสนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ทสฺสนสวนฆายนสายนผุสนวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
‘‘จกฺขุวิฺาณธาตุยา ¶ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธสมนนฺตรา อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ มโน มานสํ ตชฺชา มโนธาตู’’ติอาทิวจนโต (วิภ. ๑๘๔) ปน จกฺขุวิฺาณาทีนํ อนนฺตรา ¶ เตสฺเว วิสยํ สมฺปฏิจฺฉมานา กุสลวิปากานนฺตรํ กุสลวิปากา, อกุสลวิปากานนฺตรํ อกุสลวิปากา มโนธาตุ อุปฺปชฺชติ. เอวํ ทฺวินฺนํ วิปากวิฺาณานํ สมฺปฏิจฺฉนวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
‘‘มโนธาตุยาปิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธสมนนฺตรา อุปฺปชฺชติ จิตฺตํ มโน มานสํ ตชฺชามโนวิฺาณธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๔) วจนโต ปน มโนธาตุยา สมฺปฏิจฺฉิตเมว วิสยํ สนฺตีรยมานา อกุสลวิปากมโนธาตุยา อนนฺตรา อกุสลวิปากา, กุสลวิปากาย อนนฺตรา อิฏฺารมฺมเณ โสมนสฺสสหคตา, อิฏฺมชฺฌตฺเต อุเปกฺขาสหคตา อุปฺปชฺชติ วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตูติ เอวํ ติณฺณํ วิปากวิฺาณานํ สนฺตีรณวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
สนฺตีรณานนฺตรํ ปน ตเมว วิสยํ ววตฺถาปยมานา อุปฺปชฺชติ กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ อุเปกฺขาสหคตาติ เอวํ เอกสฺเสว กิริยวิฺาณสฺส โวฏฺพฺพนวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
โวฏฺพฺพนานนฺตรํ ปน สเจ มหนฺตํ โหติ รูปาทิอารมฺมณํ, อถ ยถาววตฺถาปิเต วิสเย อฏฺนฺนํ วา กามาวจรกุสลานํ ทฺวาทสนฺนํ วา อกุสลานํ นวนฺนํ วา อวเสสกามาวจรกิริยานํ อฺตรวเสน ฉ สตฺต วา ชวนานิ ชวนฺติ, เอโส ตาว ปฺจทฺวาเร นโย.
มโนทฺวาเร ปน มโนทฺวาราวชฺชนานนฺตรํ ตานิเยว. โคตฺรภุโต อุทฺธํ รูปาวจรโต ปฺจ กุสลานิ ปฺจ กิริยานิ, อรูปาวจรโต จตฺตาริ กุสลานิ จตฺตาริ กิริยานิ, โลกุตฺตรโต จตฺตาริ มคฺคจิตฺตานิ จตฺตาริ ผลจิตฺตานีติ อิเมสุ ยํ ยํ ลทฺธปจฺจยํ โหติ, ตํ ตํ ชวตีติ เอวํ ปฺจปฺาสาย กุสลากุสลกิริยวิปากวิฺาณานํ ชวนวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
ชวนาวสาเน ปน สเจ ปฺจทฺวาเร อติมหนฺตํ, มโนทฺวาเร จ วิภูตมารมฺมณํ โหติ, อถ กามาวจรสตฺตานํ กามาวจรชวนาวสาเน อิฏฺารมฺมณาทีนํ ปุริมกมฺมชวนจิตฺตาทีนฺจ วเสน โย โย ปจฺจโย ลทฺโธ โหติ, ตสฺส ตสฺส วเสน อฏฺสุ สเหตุกกามาวจรวิปาเกสุ ตีสุ ¶ วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตูสุ จ อฺตรํ ปฏิโสตคตํ นาวํ อนุพนฺธมานํ กิฺจิ อนฺตรํ อุทกมิว ภวงฺคสฺสารมฺมณโต อฺสฺมึ อารมฺมเณ ¶ ชวิตํ ชวนมนุพนฺธํ ทฺวิกฺขตฺตุํ สกึ วา วิปากวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ. ตเทตํ ชวนาวสาเน ภวงฺคสฺส อารมฺมเณ ปวตฺตนารหํ สมานํ ตสฺส ชวนสฺส อารมฺมณํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตฺตา ตทารมฺมณนฺติ วุจฺจติ. เอวํ เอกาทสนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ตทารมฺมณวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
ตทารมฺมณาวสาเน ปน ปุน ภวงฺคเมว ปวตฺตติ, ภวงฺเค วิจฺฉินฺเน ปุน อาวชฺชนาทีนีติ เอวํ ลทฺธปจฺจยจิตฺตสนฺตานํ ภวงฺคานนฺตรํ อาวชฺชนํ อาวชฺชนานนฺตรํ ทสฺสนาทีนีติ จิตฺตนิยมวเสเนว ปุนปฺปุนํ ตาว ปวตฺตติ, ยาว เอกสฺมึ ภเว ภวงฺคสฺส ปริกฺขโย. เอกสฺมึ หิ ภเว ยํ สพฺพปจฺฉิมํ ภวงฺคจิตฺตํ, ตํ ตโต จวนตฺตา จุตีติ วุจฺจติ. ตสฺมา ตมฺปิ เอกูนวีสติวิธเมว โหติ. เอวํ เอกูนวีสติยา วิปากวิฺาณานํ จุติวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
จุติโต ปน ปุน ปฏิสนฺธิ, ปฏิสนฺธิโต ปุน ภวงฺคนฺติ เอวํ ภวคติิตินิวาเสสุ สํสรมานานํ สตฺตานํ อวิจฺฉินฺนํ จิตฺตสนฺตานํ ปวตฺตติเยว. โย ปเนตฺถ อรหตฺตํ ปาปุณาติ, ตสฺส จุติจิตฺเต นิรุทฺเธ นิรุทฺธเมว โหตีติ.
อิทํ วิฺาณกฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขํ.
เวทนากฺขนฺธกถา
๔๕๖. อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘ยํกิฺจิ เวทยิตลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวา เวทนากฺขนฺโธ เวทิตพฺโพ’’ติ, เอตฺถาปิ เวทยิตลกฺขณํ นาม เวทนาว. ยถาห – ‘‘เวทยติ เวทยตีติ โข อาวุโส, ตสฺมา เวทนาติ วุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๐). สา ปน เวทยิตลกฺขเณน สภาวโต เอกวิธาปิ ชาติวเสน ติวิธา โหติ กุสลา, อกุสลา, อพฺยากตา จาติ.
ตตฺถ กามาวจรํ โสมนสฺสุเปกฺขาาณสงฺขารเภทโต อฏฺวิธนฺติอาทินา นเยน วุตฺเตน กุสลวิฺาเณน ¶ สมฺปยุตฺตา กุสลา, อกุสเลน สมฺปยุตฺตา อกุสลา, อพฺยากเตน สมฺปยุตฺตา อพฺยากตาติ เวทิตพฺพา. สา สภาวเภทโต ปฺจวิธา โหติ – สุขํ ทุกฺขํ โสมนสฺสํ โทมนสฺสํ อุเปกฺขาติ.
ตตฺถ ¶ กุสลวิปาเกน กายวิฺาเณน สมฺปยุตฺตํ สุขํ. อกุสลวิปาเกน ทุกฺขํ. กามาวจรโต จตูหิ กุสเลหิ, จตูหิ สเหตุกวิปาเกหิ, เอเกน อเหตุกวิปาเกน, จตูหิ สเหตุกกิริเยหิ, เอเกน อเหตุกกิริเยน, จตูหิ อกุสเลหิ, รูปาวจรโต เปตฺวา ปฺจมชฺฌานวิฺาณํ จตูหิ กุสเลหิ, จตูหิ วิปาเกหิ, จตูหิ กิริเยหิ, โลกุตฺตรํ ปน ยสฺมา อฌานิกํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อฏฺ โลกุตฺตรานิ ปฺจนฺนํ ฌานานํ วเสน จตฺตาลีสํ โหนฺติ. เตสุ เปตฺวา อฏฺ ปฺจมชฺฌานิกานิ เสเสหิ ทฺวตฺตึสาย กุสลวิปาเกหีติ เอวํ โสมนสฺสํ ทฺวาสฏฺิยา วิฺาเณหิ สมฺปยุตฺตํ. โทมนสฺสํ ทฺวีหิ อกุสเลหิ. อุเปกฺขา อวเสสปฺจปฺาสาย วิฺาเณหิ สมฺปยุตฺตา.
ตตฺถ อิฏฺโผฏฺพฺพานุภวนลกฺขณํ สุขํ, สมฺปยุตฺตานํ อุปพฺรูหนรสํ, กายิกอสฺสาทปจฺจุปฏฺานํ, กายินฺทฺริยปทฏฺานํ.
อนิฏฺโผฏฺพฺพานุภวนลกฺขณํ ทุกฺขํ, สมฺปยุตฺตานํ มิลาปนรสํ, กายิกาพาธปจฺจุปฏฺานํ, กายินฺทฺริยปทฏฺานํ.
อิฏฺารมฺมณานุภวนลกฺขณํ โสมนสฺสํ, ยถา ตถา วา อิฏฺาการสมฺโภครสํ, เจตสิกอสฺสาทปจฺจุปฏฺานํ, ปสฺสทฺธิปทฏฺานํ.
อนิฏฺารมฺมณานุภวนลกฺขณํ โทมนสฺสํ, ยถา ตถา วา อนิฏฺาการสมฺโภครสํ, เจตสิกาพาธปจฺจุปฏฺานํ, เอกนฺเตเนว หทยวตฺถุปทฏฺานํ.
มชฺฌตฺตเวทยิตลกฺขณา อุเปกฺขา, สมฺปยุตฺตานํ นาติอุปพฺรูหนมิลาปนรสา, สนฺตภาวปจฺจุปฏฺานา, นิปฺปีติกจิตฺตปทฏฺานาติ.
อิทํ เวทนากฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขํ.
สฺากฺขนฺธกถา
๔๕๗. อิทานิ ¶ ยํ วุตฺตํ ‘‘ยํกิฺจิ สฺชานนลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวา สฺากฺขนฺโธ เวทิตพฺโพ’’ติ, เอตฺถาปิ สฺชานนลกฺขณํ นาม สฺาว. ยถาห – ‘‘สฺชานาติ สฺชานาตีติ โข, อาวุโส, ตสฺมา สฺาติ วุจฺจตี’’ติ ¶ (ม. นิ. ๑.๔๕๐). สา ปเนสา สฺชานนลกฺขเณน สภาวโต เอกวิธาปิ ชาติวเสน ติวิธา โหติ กุสลา, อกุสลา, อพฺยากตา จ.
ตตฺถ กุสลวิฺาณสมฺปยุตฺตา กุสลา, อกุสลสมฺปยุตฺตา อกุสลา, อพฺยากตสมฺปยุตฺตา อพฺยากตา. น หิ ตํ วิฺาณํ อตฺถิ, ยํ สฺาย วิปฺปยุตฺตํ, ตสฺมา ยตฺตโก วิฺาณสฺส เภโท, ตตฺตโก สฺายาติ.
สา ปเนสา เอวํ วิฺาเณน สมปฺปเภทาปิ ลกฺขณาทิโต สพฺพาว สฺชานนลกฺขณา, ตเทเวตนฺติ ปุน สฺชานนปจฺจยนิมิตฺตกรณรสา ทารุอาทีสุ ตจฺฉกาทโย วิย, ยถาคหิตนิมิตฺตวเสน อภินิเวสกรณปจฺจุปฏฺานา หตฺถิทสฺสกอนฺธา (อุทา. ๕๔) วิย, ยถาอุปฏฺิตวิสยปทฏฺานา ติณปุริสเกสุ มิคโปตกานํ ปุริสาติ อุปฺปนฺนสฺา วิยาติ.
อิทํ สฺากฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขํ.
สงฺขารกฺขนฺธกถา
๔๕๘. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ยํกิฺจิ อภิสงฺขรณลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวา สงฺขารกฺขนฺโธ เวทิตพฺโพ’’ติ, เอตฺถ อภิสงฺขรณลกฺขณํ นาม ราสิกรณลกฺขณํ. กึ ปน ตนฺติ, สงฺขาราเยว. ยถาห – ‘‘สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา สงฺขาราติ วุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙). เต อภิสงฺขรณลกฺขณา, อายูหนรสา, วิปฺผารปจฺจุปฏฺานา, เสสขนฺธตฺตยปทฏฺานา.
เอวํ ลกฺขณาทิโต เอกวิธาปิ จ ชาติวเสน ติวิธา กุสลา, อกุสลา, อพฺยากตาติ ¶ . เตสุ กุสลวิฺาณสมฺปยุตฺตา กุสลา. อกุสลสมฺปยุตฺตา อกุสลา. อพฺยากตสมฺปยุตฺตา อพฺยากตา.
ตตฺถ กามาวจรปมกุสลวิฺาณสมฺปยุตฺตา ตาว นิยตา สรูเปน อาคตา สตฺตวีสติ, เยวาปนกา จตฺตาโร, อนิยตา ปฺจาติ ฉตฺตึส. ตตฺถ ผสฺโส, เจตนา, วิตกฺโก, วิจาโร, ปีติ, วีริยํ, ชีวิตํ, สมาธิ, สทฺธา, สติ, หิรี, โอตฺตปฺปํ, อโลโภ, อโทโส, อโมโห, กายปสฺสทฺธิ, จิตฺตปสฺสทฺธิ, กายลหุตา, จิตฺตลหุตา, กายมุทุตา, จิตฺตมุทุตา, กายกมฺมฺตา, จิตฺตกมฺมฺตา, กายปาคฺุตา, จิตฺตปาคฺุตา, กายุชุกตา, จิตฺตุชุกตาติ อิเม สรูเปน ¶ อาคตา สตฺตวีสติ (ธ. ส. ๑; ธ. ส. อฏฺ. ๑ เยวาปนกวณฺณนา). ฉนฺโท, อธิโมกฺโข, มนสิกาโร, ตตฺรมชฺฌตฺตตาติ อิเม เยวาปนกา จตฺตาโร (ธ. ส. อฏฺ. ๑ เยวาปนกวณฺณนา). กรุณา, มุทิตา, กายทุจฺจริตวิรติ, วจีทุจฺจริตวิรติ, มิจฺฉาชีววิรตีติ อิเม อนิยตา ปฺจ. เอเต หิ กทาจิ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปชฺชมานาปิ จ น เอกโต อุปฺปชฺชนฺติ.
๔๕๙. ตตฺถ ผุสตีติ ผสฺโส. สฺวายํ ผุสนลกฺขโณ. สงฺฆฏฺฏนรโส, สนฺนิปาตปจฺจุปฏฺาโน, อาปาถคตวิสยปทฏฺาโน. อยฺหิ อรูปธมฺโมปิ สมาโน อารมฺมเณ ผุสนากาเรเนว ปวตฺตติ. เอกเทเสน จ อนลฺลิยมาโนปิ รูปํ วิย จกฺขุ, สทฺโท วิย จ โสตํ จิตฺตํ อารมฺมณฺจ สงฺฆฏฺเฏติ, ติกสนฺนิปาตสงฺขาตสฺส อตฺตโน การณสฺส วเสน ปเวทิตตฺตา สนฺนิปาตปจฺจุปฏฺาโน. ตชฺชาสมนฺนาหาเรน เจว อินฺทฺริเยน จ ปริกฺขเต วิสเย อนนฺตราเยเนว อุปฺปชฺชนโต อาปาถคตวิสยปทฏฺาโนติ วุจฺจติ. เวทนาธิฏฺานภาวโต ปน นิจฺจมฺมคาวี (สํ. นิ. ๒.๖๓) วิย ทฏฺพฺโพ.
๔๖๐. เจตยตีติ เจตนา. อภิสนฺทหตีติ อตฺโถ. สา เจตนาภาวลกฺขณา, อายูหนรสา, สํวิทหนปจฺจุปฏฺานา สกิจฺจปรกิจฺจสาธิกา เชฏฺสิสฺสมหาวฑฺฒกีอาทโย วิย. อจฺจายิกกมฺมานุสฺสรณาทีสุ จ ปนายํ สมฺปยุตฺตานํ อุสฺสหนภาเวน ปวตฺตมานา ปากฏา โหติ.
วิตกฺกวิจารปีตีสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ ปถวีกสิณนิทฺเทเส ปมชฺฌานวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ๑.๗๑) วุตฺตเมว.
๔๖๑. วีรภาโว ¶ วีริยํ. ตํ อุสฺสหนลกฺขณํ, สหชาตานํ อุปตฺถมฺภนรสํ, อสํสีทนภาวปจฺจุปฏฺานํ. ‘‘สํวิคฺโค โยนิโส ปทหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๑๓) วจนโต สํเวคปทฏฺานํ, วีริยารมฺภวตฺถุปทฏฺานํ วา, สมฺมา อารทฺธํ สพฺพสมฺปตฺตีนํ มูลํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
๔๖๒. ชีวนฺติ เตน, สยํ วา ชีวติ, ชีวนมตฺตเมว วา ตนฺติ ชีวิตํ. ลกฺขณาทีนิ ปนสฺส รูปชีวิเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. ตฺหิ รูปธมฺมานํ ชีวิตํ, อิทํ อรูปธมฺมานนฺติ อิทเมเวตฺถ นานากรณํ.
๔๖๓. อารมฺมเณ ¶ จิตฺตํ สมํ อาธิยติ, สมฺมา วา อาธิยติ, สมาธานมตฺตเมว วา เอตํ จิตฺตสฺสาติ สมาธิ. โส อวิสารลกฺขโณ, อวิกฺเขปลกฺขโณ วา, สหชาตานํ สมฺปิณฺฑนรโส นฺหานิยจุณฺณานํ อุทกํ วิย, อุปสมปจฺจุปฏฺาโน, วิเสสโต สุขปทฏฺาโน, นิวาเต ทีปจฺจีนํ ิติ วิย เจตโส ิตีติ ทฏฺพฺโพ.
๔๖๔. สทฺทหนฺติ เอตาย, สยํ วา สทฺทหติ, สทฺทหนมตฺตเมว วา เอสาติ สทฺธา. สา สทฺทหนลกฺขณา, โอกปฺปนลกฺขณา วา, ปสาทนรสา อุทกปฺปสาทกมณิ วิย, ปกฺขนฺทนรสา วา โอฆุตฺตรโณ วิย. อกาลุสฺสิยปจฺจุปฏฺานา, อธิมุตฺติปจฺจุปฏฺานา วา, สทฺเธยฺยวตฺถุปทฏฺานา, สทฺธมฺมสฺสวนาทิโสตาปตฺติยงฺค(ที. นิ. ๓.๓๑๑; สํ. นิ. ๕.๑๐๐๑) ปทฏฺานา วา, หตฺถวิตฺตพีชานิ วิย ทฏฺพฺพา.
๔๖๕. สรนฺติ ตาย, สยํ วา สรติ สรณมตฺตเมว วา เอสาติ สติ. สา อปิลาปนลกฺขณา, อสมฺโมสรสา, อารกฺขปจฺจุปฏฺานา, วิสยาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา วา, ถิรสฺาปทฏฺานา, กายาทิสติปฏฺานปทฏฺานา วา. อารมฺมเณ ทฬฺหปติฏฺิตตฺตา ปน เอสิกา วิย, จกฺขุทฺวาราทิรกฺขณโต โทวาริโก วิย จ ทฏฺพฺพา.
๔๖๖. กายทุจฺจริตาทีหิ หิริยตีติ หิรี. ลชฺชาเยตํ อธิวจนํ. เตหิเยว โอตฺตปฺปตีติ โอตฺตปฺปํ. ปาปโต อุพฺเพคสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ปาปโต ชิคุจฺฉนลกฺขณา หิรี. อุตฺตาสนลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ. ลชฺชากาเรน ปาปานํ อกรณรสา หิรี. อุตฺตาสากาเรน โอตฺตปฺปํ. วุตฺตปฺปกาเรเนว ¶ จ ปาปโต สงฺโกจนปจฺจุปฏฺานา เอตา, อตฺตคารวปรคารวปทฏฺานา. อตฺตานํ ครุํ กตฺวา หิริยา ปาปํ ชหาติ กุลวธู วิย. ปรํ ครุํ กตฺวา โอตฺตปฺเปน ปาปํ ชหาติ เวสิยา วิย. อิเม จ ปน ทฺเว ธมฺมา โลกปาลกาติ (อ. นิ. ๒.๙) ทฏฺพฺพา.
๔๖๗. น ลุพฺภนฺติ เตน, สยํ วา น ลุพฺภติ, อลุพฺภนมตฺตเมว วา ตนฺติ อโลโภ. อโทสาโมเหสุปิ เอเสว นโย. เตสุ อโลโภ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อเคธลกฺขโณ, อลคฺคภาวลกฺขโณ วา กมลทเล ชลพินฺทุ วิย. อปริคฺคหรโส มุตฺตภิกฺขุ วิย, อนลฺลีนภาวปจฺจุปฏฺาโน อสุจิมฺหิ ปติตปุริโส วิย.
๔๖๘. อโทโส ¶ อจณฺฑิกฺกลกฺขโณ, อวิโรธลกฺขโณ วา อนุกูลมิตฺโต วิย, อาฆาตวินยรโส, ปริฬาหวินยรโส วา จนฺทนํ วิย, โสมฺมภาวปจฺจุปฏฺาโน ปุณฺณจนฺโท วิย.
๔๖๙. อโมโห ยถาสภาวปฏิเวธลกฺขโณ, อกฺขลิตปฏิเวธลกฺขโณ วา กุสลิสฺสาสขิตฺตอุสุปฏิเวโธ วิย, วิสโยภาสนรโส ปทีโป วิย. อสมฺโมหปจฺจุปฏฺาโน อรฺคตสุเทสโก วิย. ตโยปิ เจเต สพฺพกุสลานํ มูลภูตาติ ทฏฺพฺพา.
๔๗๐. กายสฺส ปสฺสมฺภนํ กายปสฺสทฺธิ. จิตฺตสฺส ปสฺสมฺภนํ จิตฺตปสฺสทฺธิ. กาโยติ เจตฺถ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา. อุโภปิ ปเนตา เอกโต กตฺวา กายจิตฺตทรถวูปสมลกฺขณา กายจิตฺตปสฺสทฺธิโย, กายจิตฺตทรถนิมทฺทนรสา, กายจิตฺตานํ อปริปฺผนฺทนสีติภาวปจฺจุปฏฺานา, กายจิตฺตปทฏฺานา. กายจิตฺตานํ อวูปสมกรอุทฺธจฺจาทิกิเลสปฏิปกฺขภูตาติ ทฏฺพฺพา.
กายสฺส ลหุภาโว กายลหุตา. จิตฺตสฺส ลหุภาโว จิตฺตลหุตา. ตา กายจิตฺตครุภาววูปสมลกฺขณา, กายจิตฺตครุภาวนิมทฺทนรสา, กายจิตฺตานํ อทนฺธตาปจฺจุปฏฺานา, กายจิตฺตปทฏฺานา. กายจิตฺตานํ ครุภาวกรถินมิทฺธาทิกิเลสปฏิปกฺขภูตาติ ทฏฺพฺพา.
กายสฺส มุทุภาโว กายมุทุตา. จิตฺตสฺส มุทุภาโว จิตฺตมุทุตา. ตา กายจิตฺตตฺถมฺภวูปสมลกฺขณา ¶ , กายจิตฺตถทฺธภาวนิมทฺทนรสา, อปฺปฏิฆาตปจฺจุปฏฺานา, กายจิตฺตปทฏฺานา. กายจิตฺตานํ ถทฺธภาวกรทิฏฺิมานาทิกิเลสปฏิปกฺขภูตาติ ทฏฺพฺพา.
กายสฺส กมฺมฺภาโว กายกมฺมฺตา. จิตฺตสฺส กมฺมฺภาโว จิตฺตกมฺมฺตา. ตา กายจิตฺตากมฺมฺภาววูปสมลกฺขณา, กายจิตฺตากมฺมฺภาวนิมทฺทนรสา, กายจิตฺตานํ อารมฺมณกรณสมฺปตฺติปจฺจุปฏฺานา, กายจิตฺตปทฏฺานา. กายจิตฺตานํ อกมฺมฺภาวกราวเสสนีวรณาทิปฏิปกฺขภูตา, ปสาทนียวตฺถูสุ ปสาทาวหา, หิตกิริยาสุ วินิโยคกฺขมภาวาวหา สุวณฺณวิสุทฺธิ วิยาติ ทฏฺพฺพา.
กายสฺส ¶ ปาคฺุภาโว กายปาคฺุตา. จิตฺตสฺส ปาคฺุภาโว จิตฺตปาคฺุตา. ตา กายจิตฺตานํ อเคลฺภาวลกฺขณา, กายจิตฺตเคลฺนิมทฺทนรสา, นิราทีนวปจฺจุปฏฺานา, กายจิตฺตปทฏฺานา. กายจิตฺตานํ เคลฺกรอสทฺธิยาทิปฏิปกฺขภูตาติ ทฏฺพฺพา.
กายสฺส อุชุกภาโว กายุชุกตา. จิตฺตสฺส อุชุกภาโว จิตฺตุชุกตา. ตา กายจิตฺตอชฺชวลกฺขณา, กายจิตฺตกุฏิลภาวนิมทฺทนรสา, อชิมฺหตาปจฺจุปฏฺานา, กายจิตฺตปทฏฺานา. กายจิตฺตานํ กุฏิลภาวกรมายาสาเยฺยาทิปฏิปกฺขภูตาติ ทฏฺพฺพา.
๔๗๑. ฉนฺโทติ กตฺตุกามตาเยตํ อธิวจนํ. ตสฺมา โส กตฺตุกามตาลกฺขโณ ฉนฺโท, อารมฺมณปริเยสนรโส, อารมฺมเณน อตฺถิกตาปจฺจุปฏฺาโน, ตเทวสฺส ปทฏฺานํ. อารมฺมณคฺคหเณ อยํ เจตโส หตฺถปฺปสารณํ วิย ทฏฺพฺโพ.
๔๗๒. อธิมุจฺจนํ อธิโมกฺโข. โส สนฺนิฏฺานลกฺขโณ, อสํสปฺปนรโส, นิจฺฉยปจฺจุปฏฺาโน, สนฺนิฏฺเยฺยธมฺมปทฏฺาโน, อารมฺมเณ นิจฺจลภาเวน อินฺทขีโล วิย ทฏฺพฺโพ.
๔๗๓. กิริยา กาโร. มนมฺหิ กาโร มนสิกาโร. ปุริมมนโต วิสทิสมนํ กโรตีติปิ มนสิกาโร. สฺวายํ อารมฺมณปฏิปาทโก, วีถิปฏิปาทโก, ชวนปฏิปาทโกติ ติปฺปกาโร.
ตตฺถ ¶ อารมฺมณปฏิปาทโก มนมฺหิ กาโรติ มนสิกาโร. โส สารณลกฺขโณ, สมฺปยุตฺตานํ อารมฺมเณ สํโยชนรโส, อารมฺมณาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺาโน, อารมฺมณปทฏฺาโน. สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺโน, อารมฺมณปฏิปาทกตฺเตน สมฺปยุตฺตานํ สารถิ วิย ทฏฺพฺโพ. วีถิปฏิปาทโกติ ปน ปฺจทฺวาราวชฺชนสฺเสตํ อธิวจนํ. ชวนปฏิปาทโกติ มโนทฺวาราวชฺชนสฺเสตํ อธิวจนํ. น เต อิธ อธิปฺเปตา.
๔๗๔. เตสุ ธมฺเมสุ มชฺฌตฺตตา ตตฺรมชฺฌตฺตตา. สา จิตฺตเจตสิกานํ สมวาหิตลกฺขณา, อูนาธิกตานิวารณรสา, ปกฺขปาตุปจฺเฉทนรสา วา, มชฺฌตฺตภาวปจฺจุปฏฺานา, จิตฺตเจตสิกานํ อชฺฌุเปกฺขนภาเวน สมปฺปวตฺตานํ อาชานียานํ อชฺฌุเปกฺขกสารถิ วิย ทฏฺพฺพา.
กรุณามุทิตา ¶ จ พฺรหฺมวิหารนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖๒) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. เกวลฺหิ ตา อปฺปนาปฺปตฺตา รูปาวจรา, อิมา กามาวจราติ อยเมว วิเสโส.
เกจิ ปน เมตฺตุเปกฺขาโยปิ อนิยเตสุ อิจฺฉนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. อตฺถโต หิ อโทโสเยว เมตฺตา, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาเยว อุเปกฺขาติ.
๔๗๕. กายทุจฺจริตโต วิรติ กายทุจฺจริตวิรติ. เอส นโย เสสาสุปิ. ลกฺขณาทิโต ปเนตา ติสฺโสปิ กายทุจฺจริตาทิวตฺถูนํ อวีติกฺกมลกฺขณา, อมทฺทนลกฺขณาติ วุตฺตํ โหติ. กายทุจฺจริตาทิวตฺถุโต สงฺโกจนรสา, อกิริยปจฺจุปฏฺานา, สทฺธาหิโรตฺตปฺปอปฺปิจฺฉตาทิคุณปทฏฺานา, ปาปกิริยโต จิตฺตสฺส วิมุขภาวภูตาติ ทฏฺพฺพา.
๔๗๖. อิติ อิเมว ฉตฺตึส สงฺขารา ปเมน กามาวจรกุสลวิฺาเณน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตีติ เวทิตพฺพา. ยถา จ ปเมน, เอวํ ทุติเยนาปิ. สสงฺขารภาวมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโส.
ตติเยน ปน เปตฺวา อโมหํ อวเสสา เวทิตพฺพา. ตถา จตุตฺเถน. สสงฺขารภาวมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโส.
ปเม ¶ วุตฺเตสุ ปน เปตฺวา ปีตึ อวเสสา ปฺจเมน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺติ. ยถา จ ปฺจเมน, เอวํ ฉฏฺเนาปิ. สสงฺขารภาวมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโส. สตฺตเมน จ ปน เปตฺวา อโมหํ อวเสสา เวทิตพฺพา. ตถา อฏฺเมน. สสงฺขารภาวมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโส.
ปเม วุตฺเตสุ เปตฺวา วิรติตฺตยํ เสสา รูปาวจรกุสเลสุ ปเมน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺติ. ทุติเยน ตโต วิตกฺกวชฺชา. ตติเยน ตโต วิจารวชฺชา. จตุตฺเถน ตโต ปีติวชฺชา. ปฺจเมน ตโต อนิยเตสุ กรุณามุทิตาวชฺชา. เตเยว จตูสุ อารุปฺปกุสเลสุ. อรูปาวจรภาโวเยว หิ เอตฺถ วิเสโส.
โลกุตฺตเรสุ ปมชฺฌานิเก ตาว มคฺควิฺาเณ ปมรูปาวจรวิฺาเณ วุตฺตนเยน, ทุติยชฺฌานิกาทิเภเท ทุติยรูปาวจรวิฺาณาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. กรุณามุทิตานํ ปน อภาโว, นิยตวิรติตา ¶ , โลกุตฺตรตา จาติ อยเมตฺถ วิเสโส. เอวํ ตาว กุสลาเยว สงฺขารา เวทิตพฺพา.
๔๗๗. อกุสเลสุ โลภมูเล ปมากุสลสมฺปยุตฺตา ตาว นิยตา สรูเปน อาคตา เตรส, เยวาปนกา จตฺตาโรติ สตฺตรส. ตตฺถ ผสฺโส, เจตนา, วิตกฺโก, วิจาโร, ปีติ, วีริยํ, ชีวิตํ, สมาธิ, อหิริกํ, อโนตฺตปฺปํ, โลโภ, โมโห, มิจฺฉาทิฏฺีติ อิเม สรูเปน อาคตา เตรส (ธ. ส. ๓๖๕; ธ. ส. อฏฺ. ๓๖๕). ฉนฺโท, อธิโมกฺโข, อุทฺธจฺจํ, มนสิกาโรติ อิเม เยวาปนกา จตฺตาโร (ธ. ส. อฏฺ. ๓๖๕).
๔๗๘. ตตฺถ น หิริยตีติ อหิริโก. อหิริกสฺส ภาโว อหิริกํ. น โอตปฺปตีติ อโนตฺตปฺปํ. เตสุ อหิริกํ กายทุจฺจริตาทีหิ อชิคุจฺฉนลกฺขณํ, อลชฺชาลกฺขณํ วา. อโนตฺตปฺปํ เตเหว อสารชฺชลกฺขณํ, อนุตฺตาสลกฺขณํ วา. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน หิโรตฺตปฺปานํ วุตฺตปฏิปกฺขวเสน เวทิตพฺโพ.
๔๗๙. ลุพฺภนฺติ เตน, สยํ วา ลุพฺภติ, ลุพฺภนมตฺตเมว วา ตนฺติ โลโภ. มุยฺหนฺติ เตน, สยํ วา มุยฺหติ, มุยฺหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโห. เตสุ โลโภ อารมฺมณคฺคหณลกฺขโณ มกฺกฏาเลโป วิย, อภิสงฺครโส ตตฺตกปาเล ขิตฺตมํสเปสิ วิย. อปริจฺจาคปจฺจุปฏฺาโน เตลฺชนราโค ¶ วิย. สํโยชนิยธมฺเมสุ อสฺสาททสฺสนปทฏฺาโน. ตณฺหานทีภาเวน วฑฺฒมาโน สีฆโสตา นที อิว มหาสมุทฺทํ อปายเมว คเหตฺวา คจฺฉตีติ ทฏฺพฺโพ.
๔๘๐. โมโห จิตฺตสฺส อนฺธภาวลกฺขโณ, อฺาณลกฺขโณ วา, อสมฺปฏิเวธรโส, อารมฺมณสภาวจฺฉาทนรโส วา, อสมฺมาปฏิปตฺติปจฺจุปฏฺาโน, อนฺธการปจฺจุปฏฺาโน วา, อโยนิโสมนสิการปทฏฺาโน, สพฺพากุสลานํ มูลนฺติ ทฏฺพฺโพ.
๔๘๑. มิจฺฉา ปสฺสนฺติ ตาย, สยํ วา มิจฺฉา ปสฺสติ, มิจฺฉาทสฺสนมตฺตํ วา เอสาติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สา อโยนิโส อภินิเวสลกฺขณา, ปรามาสรสา, มิจฺฉาภินิเวสปจฺจุปฏฺานา, อริยานํ อทสฺสนกามตาทิปทฏฺานา, ปรมํ วชฺชนฺติ ทฏฺพฺพา.
๔๘๒. อุทฺธตภาโว ¶ อุทฺธจฺจํ. ตํ อวูปสมลกฺขณํ วาตาภิฆาตจลชลํ วิย, อนวฏฺานรสํ วาตาภิฆาตจลธชปฏากา วิย, ภนฺตตฺตปจฺจุปฏฺานํ ปาสาณาภิฆาตสมุทฺธตภสฺมํ วิย, เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิการปทฏฺานํ, จิตฺตวิกฺเขโปติ ทฏฺพฺพํ. เสสา กุสเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. อกุสลภาโวเยว หิ อกุสลภาเวน จ ลามกตฺตํ เอเตสํ เตหิ วิเสโส.
๔๘๓. อิติ อิเม สตฺตรส สงฺขารา ปเมน อกุสลวิฺาเณน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตีติ เวทิตพฺพา. ยถา จ ปเมน, เอวํ ทุติเยนาปิ. สสงฺขารตา ปเนตฺถ ถินมิทฺธสฺส จ อนิยตตา วิเสโส.
ตตฺถ ถินนตา ถินํ. มิทฺธนตา มิทฺธํ. อนุสฺสาหสํหนนตา อสตฺติวิฆาโต จาติ อตฺโถ. ถินฺจ มิทฺธฺจ ถินมิทฺธํ. ตตฺถ ถินํ อนุสฺสาหลกฺขณํ, วีริยวิโนทนรสํ, สํสีทนปจฺจุปฏฺานํ. มิทฺธํ อกมฺมฺตาลกฺขณํ, โอนหนรสํ, ลีนตาปจฺจุปฏฺานํ, ปจลายิกานิทฺทาปจฺจุปฏฺานํ วา. อุภยมฺปิ อรติวิชมฺภิกาทีสุ อโยนิโสมนสิการปทฏฺานํ.
ตติเยน ปเม วุตฺเตสุ เปตฺวา มิจฺฉาทิฏฺึ อวเสสา เวทิตพฺพา. มาโน ปเนตฺถ อนิยโต ¶ โหติ. อยํ วิเสโส, โส อุณฺณติลกฺขโณ, สมฺปคฺคหรโส, เกตุกมฺยตาปจฺจุปฏฺาโน, ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลภปทฏฺาโน, อุมฺมาโท วิย ทฏฺพฺโพ.
จตุตฺเถน ทุติเย วุตฺเตสุ เปตฺวา มิจฺฉาทิฏฺึ อวเสสา เวทิตพฺพา. เอตฺถาปิ จ มาโน อนิยเตสุ โหติเยว. ปเม วุตฺเตสุ ปน เปตฺวา ปีตึ อวเสสา ปฺจเมน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺติ. ยถา จ ปฺจเมน, เอวํ ฉฏฺเนาปิ. สสงฺขารตา ปเนตฺถ ถินมิทฺธสฺส จ อนิยตภาโว วิเสโส. สตฺตเมน ปฺจเม วุตฺเตสุ เปตฺวา ทิฏฺึ อวเสสา เวทิตพฺพา. มาโน ปเนตฺถ อนิยโต โหติ. อฏฺเมน ฉฏฺเ วุตฺเตสุ เปตฺวา ทิฏฺึ อวเสสา เวทิตพฺพา. เอตฺถาปิ จ มาโน อนิยเตสุ โหติเยวาติ.
๔๘๔. โทสมูเลสุ ปน ทฺวีสุ ปมสมฺปยุตฺตา ตาว นิยตา สรูเปน อาคตา เอกาทส, เยวาปนกา จตฺตาโร, อนิยตา ตโยติ อฏฺารส ¶ . ตตฺถ ผสฺโส, เจตนา, วิตกฺโก, วิจาโร, วีริยํ, ชีวิตํ, สมาธิ, อหิริกํ, อโนปฺปตฺตํ, โทโส, โมโหติ อิเม สรูเปน อาคตา เอกาทส (ธ. ส. ๔๑๓; ธ. ส. อฏฺ. ๔๑๓). ฉนฺโท, อธิโมกฺโข, อุทฺธจฺจํ, มนสิกาโรติ อิเม เยวาปนกา จตฺตาโร (ธ. ส. อฏฺ. ๔๑๓). อิสฺสา, มจฺฉริยํ, กุกฺกุจฺจนฺติ อิเม อนิยตา ตโย (ธ. ส. อฏฺ. ๔๑๓).
๔๘๕. ตตฺถ ทุสฺสนฺติ เตน, สยํ วา ทุสฺสติ, ทุสฺสนมตฺตเมว วา ตนฺติ โทโส. โส จณฺฑิกฺกลกฺขโณ ปหฏาสีวิโส วิย, วิสปฺปนรโส วิสนิปาโต วิย, อตฺตโน นิสฺสยทหนรโส วา ทาวคฺคิ วิย. ทูสนปจฺจุปฏฺาโน ลทฺโธกาโส วิย สปตฺโต, อาฆาตวตฺถุปทฏฺาโน, วิสสํสฏฺปูติมุตฺตํ วิย ทฏฺพฺโพ.
๔๘๖. อิสฺสายนา อิสฺสา. สา ปรสมฺปตฺตีนํ อุสูยนลกฺขณา. ตตฺเถว อนภิรติรสา, ตโต วิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา, ปรสมฺปตฺติปทฏฺานา, สํโยชนนฺติ ทฏฺพฺพา.
๔๘๗. มจฺฉรภาโว มจฺฉริยํ. ตํ ลทฺธานํ วา ลภิตพฺพานํ วา อตฺตโน สมฺปตฺตีนํ นิคูหนลกฺขณํ, ตาสํเยว ปเรหิ สาธารณภาวอกฺขมนรสํ, สงฺโกจนปจฺจุปฏฺานํ, กฏุกฺจุกตาปจฺจุปฏฺานํ วา, อตฺตสมฺปตฺติปทฏฺานํ, เจตโส วิรูปภาโวติ ทฏฺพฺพํ.
๔๘๘. กุจฺฉิตํ ¶ กตํ กุกตํ. ตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจํ. ตํ ปจฺฉานุตาปลกฺขณํ, กตากตานุโสจนรสํ, วิปฺปฏิสารปจฺจุปฏฺานํ, กตากตปทฏฺานํ, ทาสพฺยมิว ทฏฺพฺพํ. เสสา วุตฺตปฺปการาเยวาติ.
อิติ อิเม อฏฺารส สงฺขารา ปเมน โทสมูเลน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตีติ เวทิตพฺพา. ยถา จ ปเมน, เอวํ ทุติเยนาปิ. สสงฺขารตา ปน อนิยเตสุ จ ถินมิทฺธสมฺภโวว วิเสโส.
๔๘๙. โมหมูเลสุ ทฺวีสุ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺเตน ตาว ผสฺโส, เจตนา, วิตกฺโก, วิจาโร, วีริยํ, ชีวิตํ, จิตฺตฏฺิติ, อหิริกํ, อโนตฺตปฺปํ ¶ , โมโห, วิจิกิจฺฉาติ สรูเปน อาคตา เอกาทส (ธ. ส. ๔๒๒; ธ. ส. อฏฺ. ๔๒๒), อุทฺธจฺจํ, มนสิกาโรติ เยวาปนกา ทฺเว จาติ เตรส.
๔๙๐. ตตฺถ จิตฺตฏฺิตีติ ปวตฺติฏฺิติมตฺโต ทุพฺพโล สมาธิ. วิคตา จิกิจฺฉาติ วิจิกิจฺฉา. สา สํสยลกฺขณา, กมฺปนรสา, อนิจฺฉยปจฺจุปฏฺานา, อเนกํสคาหปจฺจุปฏฺานา วา, วิจิกิจฺฉายํ อโยนิโสมนสิการปทฏฺานา, ปฏิปตฺติอนฺตรายกราติ ทฏฺพฺพา. เสสา วุตฺตปฺปการาเยว.
อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺเตน วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺเต วุตฺเตสุ เปตฺวา วิจิกิจฺฉํ เสสา ทฺวาทส. วิจิกิจฺฉาย อภาเวน ปเนตฺถ อธิโมกฺโข อุปฺปชฺชติ. เตน สทฺธึ เตรเสว, อธิโมกฺขสพฺภาวโต จ พลวตโร สมาธิ โหติ. ยฺเจตฺถ อุทฺธจฺจํ, ตํ สรูเปเนว อาคตํ. อธิโมกฺขมนสิการา เยวาปนกวเสนาติ เอวํ อกุสลสงฺขารา เวทิตพฺพา.
๔๙๑. อพฺยากเตสุ วิปากาพฺยากตา ตาว อเหตุกสเหตุกเภทโต ทุวิธา. เตสุ อเหตุกวิปากวิฺาณสมฺปยุตฺตา อเหตุกา. ตตฺถ กุสลากุสลวิปากจกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตา ตาว ผสฺโส, เจตนา, ชีวิตํ, จิตฺตฏฺิตีติ สรูเปน อาคตา จตฺตาโร (ธ. ส. ๔๓๑; ธ. ส. อฏฺ. ๔๓๑), เยวาปนโก มนสิกาโรเยวาติ ปฺจ. โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณสมฺปยุตฺตาปิ เอเตเยว. อุภยวิปากมโนธาตุยา เอเต เจว วิตกฺกวิจาราธิโมกฺขา จาติ ¶ อฏฺ, ตถา ติวิธายปิ อเหตุกมโนวิฺาณธาตุยา. ยา ปเนตฺถ โสมนสฺสสหคตา, ตาย สทฺธึ ปีติ อธิกา โหตีติ เวทิตพฺพา.
สเหตุกวิปากวิฺาณสมฺปยุตฺตา ปน สเหตุกา. เตสุ อฏฺกามาวจรวิปากสมฺปยุตฺตา ตาว อฏฺหิ กามาวจรกุสเลหิ สมฺปยุตฺตสงฺขารสทิสาเยว. ยา ปน ตา อนิยเตสุ กรุณามุทิตา, ตา สตฺตารมฺมณตฺตา วิปาเกสุ น สนฺติ. เอกนฺตปริตฺตารมฺมณา หิ กามาวจรวิปากา. น เกวลฺจ กรุณามุทิตา, วิรติโยปิ วิปาเกสุ น สนฺติ. ‘‘ปฺจ สิกฺขาปทา กุสลาเยวา’’ติ หิ วุตฺตํ.
รูปาวจรารูปาวจรโลกุตฺตรวิปากวิฺาณสมฺปยุตฺตา ¶ ปน เตสํ กุสลวิฺาณสมฺปยุตฺตสงฺขาเรหิ สทิสา เอว.
๔๙๒. กิริยาพฺยากตาปิ อเหตุกสเหตุกเภทโต ทุวิธา. เตสุ อเหตุกกิริยวิฺาณสมฺปยุตฺตา อเหตุกา. เต จ กุสลวิปากมโนธาตุอเหตุกมโนวิฺาณธาตุทฺวยยุตฺเตหิ สมานา. มโนวิฺาณธาตุทฺวเย ปน วีริยํ อธิกํ. วีริยสพฺภาวโต พลปฺปตฺโต สมาธิ โหติ. อยเมตฺถ วิเสโส.
สเหตุกกิริยวิฺาณสมฺปยุตฺตา ปน สเหตุกา. เตสุ อฏฺกามาวจรกิริยวิฺาณสมฺปยุตฺตา ตาว เปตฺวา วิรติโย อฏฺหิ กามาวจรกุสเลหิ สมฺปยุตฺตสงฺขารสทิสา. รูปาวจรารูปาวจรกิริยสมฺปยุตฺตา ปน สพฺพากาเรนปิ เตสํ กุสลวิฺาณสมฺปยุตฺตสทิสาเยวาติ เอวํ อพฺยากตาปิ สงฺขารา เวทิตพฺพาติ.
อิทํ สงฺขารกฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขํ.
อิทํ ตาว อภิธมฺเม ปทภาชนียนเยน ขนฺเธสุ วิตฺถารกถามุขํ.
อตีตาทิวิภาคกถา
๔๙๓. ภควตา ¶ ปน –
‘‘ยํกิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร สนฺติเก วา, ตเทกชฺฌํ อภิสํยูหิตฺวา อภิสงฺขิปิตฺวา อยํ วุจฺจติ รูปกฺขนฺโธ. ยา กาจิ เวทนา… ยา กาจิ สฺา… เย เกจิ สงฺขารา… ยํกิฺจิ วิฺาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป… อภิสงฺขิปิตฺวา อยํ วุจฺจติ วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ (วิภ. ๒,๒๖) –
เอวํ ขนฺธา วิตฺถาริตา.
ตตฺถ ยํกิฺจีติ อนวเสสปริยาทานํ. รูปนฺติ อติปฺปสงฺคนิยมนํ. เอวํ ปททฺวเยนาปิ รูปสฺส อนวเสสปริคฺคโห กโต โหติ. อถสฺส อตีตาทินา ¶ วิภาคํ อารภติ. ตฺหิ กิฺจิ อตีตํ, กิฺจิ อนาคตาทิเภทนฺติ. เอส นโย เวทนาทีสุ.
๔๙๔. ตตฺถ รูปํ ตาว อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสน จตุธา อตีตํ นาม โหติ. ตถา อนาคตปจฺจุปฺปนฺนํ.
ตตฺถ อทฺธาวเสน ตาว เอกสฺส เอกสฺมึ ภเว ปฏิสนฺธิโต ปุพฺเพ อตีตํ, จุติโต อุทฺธํ อนาคตํ, อุภินฺนมนฺตเร ปจฺจุปฺปนฺนํ.
สนฺตติวเสน สภาคเอกอุตุสมุฏฺานํ เอกาหารสมุฏฺานฺจ ปุพฺพาปริยวเสน วตฺตมานมฺปิ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ วิสภาคอุตุอาหารสมุฏฺานํ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ. จิตฺตชํ เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติสมุฏฺานํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ. กมฺมสมุฏฺานสฺส ปาฏิเยกฺกํ สนฺตติวเสน อตีตาทิเภโท นตฺถิ, เตสฺเว ปน อุตุอาหารจิตฺตสมุฏฺานานํ อุปตฺถมฺภกวเสน ตสฺส อตีตาทิภาโว เวทิตพฺโพ.
สมยวเสน ¶ เอกมุหุตฺตปุพฺพณฺหสายนฺหรตฺตินฺทิวาทีสุ สมเยสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ ตํ ตํ สมยํ ปจฺจุปฺปนฺนํ นาม, ตโต ปุพฺเพ อตีตํ, ปจฺฉา อนาคตํ.
ขณวเสน อุปฺปาทาทิขณตฺตยปริยาปนฺนํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ อนาคตํ, ปจฺฉา อตีตํ. อปิจ อติกฺกนฺตเหตุปจฺจยกิจฺจํ อตีตํ, นิฏฺิตเหตุกิจฺจํ อนิฏฺิตปจฺจยกิจฺจํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, อุภยกิจฺจํ อสมฺปตฺตํ อนาคตํ. สกิจฺจกฺขเณ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตโต ปุพฺเพ อนาคตํ, ปจฺฉา อตีตํ. เอตฺถ จ ขณาทิกถาว นิปฺปริยายา. เสสา สปริยายา.
๔๙๕. อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภโท วุตฺตนโย เอว. อปิจ อิธ นิยกชฺฌตฺตมฺปิ อชฺฌตฺตํ ปรปุคฺคลิกมฺปิ จ พหิทฺธาติ เวทิตพฺพํ. โอฬาริกสุขุมเภโท วุตฺตนโยว.
๔๙๖. หีนปณีตเภโท ทุวิโธ ปริยายโต นิปฺปริยายโต จ. ตตฺถ อกนิฏฺานํ รูปโต สุทสฺสีนํ รูปํ หีนํ. ตเทว สุทสฺสานํ รูปโต ปณีตํ. เอวํ ยาว นรกสตฺตานํ รูปํ, ตาว ปริยายโต หีนปณีตตา เวทิตพฺพา. นิปฺปริยายโต ปน ยตฺถ อกุสลวิปากํ อุปฺปชฺชติ, ตํ หีนํ. ยตฺถ กุสลวิปากํ, ตํ ปณีตํ.
ทูเร ¶ สนฺติเกติ อิทมฺปิ วุตฺตนยเมว. อปิจ โอกาสโตเปตฺถ อุปาทายุปาทาย ทูรสนฺติกตา เวทิตพฺพา.
๔๙๗. ตเทกชฺฌํ อภิสํยูหิตฺวา อภิสงฺขิปิตฺวาติ ตํ อตีตาทีหิ ปเทหิ วิสุํ วิสุํ นิทฺทิฏฺํ รูปํ สพฺพํ รุปฺปนลกฺขณสงฺขาเต เอกวิธภาเว ปฺาย ราสึ กตฺวา รูปกฺขนฺโธติ วุจฺจตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอเตน สพฺพมฺปิ รูปํ รุปฺปนลกฺขเณ ราสิภาวูปคมเนน รูปกฺขนฺโธติ ทสฺสิตํ โหติ. น หิ รูปโต อฺโ รูปกฺขนฺโธ นาม อตฺถิ.
๔๙๘. ยถา จ รูปํ, เอวํ เวทนาทโยปิ เวทยิตลกฺขณาทีสุ ราสิภาวูปคมเนน. น หิ เวทนาทีหิ อฺเ เวทนากฺขนฺธาทโย นาม อตฺถิ.
อตีตาทิวิภาเค ¶ ปเนตฺถ สนฺตติวเสน ขณาทิวเสน จ เวทนาย อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สนฺตติวเสน เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติปริยาปนฺนา เอกวีถิวิสยสมาโยคปฺปวตฺตา จ ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. ขณาทิวเสน ขณตฺตยปริยาปนฺนา ปุพฺพนฺตาปรนฺตมชฺฌตฺตคตา สกิจฺจฺจ กุรุมานา เวทนา ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภโท นิยกชฺฌตฺตวเสน เวทิตพฺโพ.
๔๙๙. โอฬาริกสุขุมเภโท ‘‘อกุสลา เวทนา โอฬาริกา, กุสลาพฺยากตา เวทนา สุขุมา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๑) นเยน วิภงฺเค วุตฺเตน ชาติสภาวปุคฺคลโลกิยโลกุตฺตรวเสน เวทิตพฺโพ. ชาติวเสน ตาว อกุสลา เวทนา สาวชฺชกิริยเหตุโต, กิเลสสนฺตาปภาวโต จ อวูปสนฺตวุตฺตีติ กุสลเวทนาย โอฬาริกา, สพฺยาปารโต, สอุสฺสาหโต, สวิปากโต, กิเลสสนฺตาปภาวโต, สาวชฺชโต จ วิปากาพฺยากตาย โอฬาริกา, สวิปากโต, กิเลสสนฺตาปภาวโต, สพฺยาพชฺฌโต, สาวชฺชโต จ กิริยาพฺยากตาย โอฬาริกา. กุสลาพฺยากตา ปน วุตฺตวิปริยายโต อกุสลาย สุขุมา. ทฺเวปิ กุสลากุสลเวทนา สพฺยาปารโต, สอุสฺสาหโต, สวิปากโต จ ยถาโยคํ ทุวิธายปิ อพฺยากตาย โอฬาริกา ¶ , วุตฺตวิปริยาเยน ทุวิธาปิ อพฺยากตา ตาหิ สุขุมา. เอวํ ตาว ชาติวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา.
๕๐๐. สภาววเสน ปน ทุกฺขา เวทนา นิรสฺสาทโต, สวิปฺผารโต, โขภกรณโต, อุพฺเพชนียโต, อภิภวนโต จ อิตราหิ ทฺวีหิ โอฬาริกา, อิตรา ปน ทฺเว สาตโต, สนฺตโต, ปณีตโต, มนาปโต, มชฺฌตฺตโต จ ยถาโยคํ ทุกฺขาย สุขุมา. อุโภ ปน สุขทุกฺขา สวิปฺผารโต, โขภกรณโต, ปากฏโต จ อทุกฺขมสุขาย โอฬาริกา, สา วุตฺตวิปริยาเยน ตทุภยโต สุขุมา. เอวํ สภาววเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา.
๕๐๑. ปุคฺคลวเสน ปน อสมาปนฺนสฺส เวทนา นานารมฺมเณ วิกฺขิตฺตภาวโต สมาปนฺนสฺส เวทนาย โอฬาริกา, วิปริยาเยน อิตรา สุขุมา. เอวํ ปุคฺคลวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา.
โลกิยโลกุตฺตรวเสน ¶ ปน สาสวา เวทนา โลกิยา, สา อาสวุปฺปตฺติเหตุโต, โอฆนิยโต, โยคนิยโต, คนฺถนิยโต, นีวรณิยโต, อุปาทานิยโต, สํกิเลสิกโต, ปุถุชฺชนสาธารณโต จ อนาสวาย โอฬาริกา. สา วิปริยาเยน สาสวาย สุขุมา. เอวํ โลกิยโลกุตฺตรวเสน โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา.
๕๐๒. ตตฺถ ชาติอาทิวเสน สมฺเภโท ปริหริตพฺโพ. อกุสลวิปากกอายวิฺาณสมฺปยุตฺตา หิ เวทนา ชาติวเสน อพฺยากตตฺตา สุขุมาปิ สมานา สภาวาทิวเสน โอฬาริกา โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อพฺยากตา เวทนา สุขุมา. ทุกฺขา เวทนา โอฬาริกา. สมาปนฺนสฺส เวทนา สุขุมา. อสมาปนฺนสฺส เวทนา โอฬาริกา. สาสวา เวทนา โอฬาริกา. อนาสวา เวทนา สุขุมา’’ติ (วิภ. ๑๑). ยถา จ ทุกฺขา เวทนา, เอวํ สุขาทโยปิ ชาติวเสน โอฬาริกา สภาวาทิวเสน สุขุมา โหนฺติ. ตสฺมา ยถา ชาติอาทิวเสน สมฺเภโท น โหติ, ตถา เวทนานํ โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพา. เสยฺยถิทํ – อพฺยากตา ชาติวเสน กุสลากุสลาหิ สุขุมา. ตตฺถ กตมา อพฺยากตา? กึ ทุกฺขา? กึ สุขา? กึ สมาปนฺนสฺส? กึ อสมาปนฺนสฺส? กึ สาสวา ¶ ? กึ อนาสวาติ? เอวํ สภาวาทิเภโท น ปรามสิตพฺโพ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อปิจ ตํ ตํ วา ปน เวทนํ อุปาทายุปาทาย เวทนา โอฬาริกสุขุมา ทฏฺพฺพาติ วจนโต อกุสลาทีสุปิ โลภสหคตาย โทสสหคตา เวทนา อคฺคิ วิย อตฺตโน นิสฺสยทหนโต โอฬาริกา, โลภสหคตา สุขุมา. โทสสหคตาปิ นิยตา โอฬาริกา, อนิยตา สุขุมา. นิยตาปิ กปฺปฏฺิติกา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. กปฺปฏฺิติกาสุปิ อสงฺขาริกา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. โลภสหคตา ปน ทิฏฺิสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. สาปิ นิยตา กปฺปฏฺิติกา อสงฺขาริกา โอฬาริกา, อิตรา สุขุมา. อวิเสเสน จ อกุสลา พหุวิปากา โอฬาริกา, อปฺปวิปากา สุขุมา. กุสลา ปน อปฺปวิปากา โอฬาริกา, พหุวิปากา สุขุมา.
อปิจ กามาวจรกุสลา โอฬาริกา. รูปาวจรา สุขุมา. ตโต อรูปาวจรา. ตโต โลกุตฺตรา. กามาวจรา ทานมยา โอฬาริกา. สีลมยา สุขุมา. ตโต ภาวนามยา. ภาวนามยาปิ ทุเหตุกา โอฬาริกา. ติเหตุกา สุขุมา. ติเหตุกาปิ สสงฺขาริกา โอฬาริกา. อสงฺขาริกา สุขุมา. รูปาวจรา จ ปมชฺฌานิกา โอฬาริกา…เป… ปฺจมชฺฌานิกา ¶ สุขุมา. อรูปาวจรา จ อากาสานฺจายตนสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมฺปยุตฺตา สุขุมาว. โลกุตฺตรา จ โสตาปตฺติมคฺคสมฺปยุตฺตา โอฬาริกา…เป… อรหตฺตมคฺคสมฺปยุตฺตา สุขุมาว. เอส นโย ตํ ตํ ภูมิวิปากกิริยเวทนาสุ จ ทุกฺขาทิอสมาปนฺนาทิสาสวาทิวเสน วุตฺตเวทนาสุ จ.
โอกาสวเสน จาปิ นิรเย ทุกฺขา โอฬาริกา. ติรจฺฉานโยนิยํ สุขุมา…เป… ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ สุขุมาว. ยถา จ ทุกฺขา, เอวํ สุขาปิ สพฺพตฺถ ยถานุรูปํ โยเชตพฺพา. วตฺถุวเสน จาปิ หีนวตฺถุกา ยา กาจิ เวทนา โอฬาริกา, ปณีตวตฺถุกา สุขุมา.
หีนปณีตเภเท ยา โอฬาริกา, สา หีนา. ยา จ สุขุมา, สา ปณีตาติ ทฏฺพฺพา.
๕๐๓. ทูรปทํ ปน ‘‘อกุสลา เวทนา กุสลาพฺยากตาหิ เวทนาหิ ทูเร’’. สนฺติเกปทํ ‘‘อกุสลา เวทนา อกุสลาย เวทนาย สนฺติเก’’ติอาทินา ¶ นเยน วิภงฺเค วิภตฺตํ. ตสฺมา อกุสลา เวทนา วิสภาคโต, อสํสฏฺโต, อสริกฺขโต จ กุสลาพฺยากตาหิ ทูเร, ตถา กุสลาพฺยากตา อกุสลาย. เอส นโย สพฺพวาเรสุ. อกุสลา ปน เวทนา สภาคโต, สริกฺขโต จ อกุสลาย สนฺติเกติ. อิทํ เวทนากฺขนฺธสฺส อตีตาทิวิภาเค วิตฺถารกถามุขํ. ตํตํเวทนาสมฺปยุตฺตานํ ปน สฺาทีนมฺปิ เอวเมว เวทิตพฺพํ.
กมาทิวินิจฺฉยกถา
๕๐๔. เอวํ วิทิตฺวา จ ปุน เอเตสฺเวว –
ขนฺเธสุ าณเภทตฺถํ, กมโตถ วิเสสโต;
อนูนาธิกโต เจว, อุปมาโต ตเถว จ.
ทฏฺพฺพโต ทฺวิธา เอวํ, ปสฺสนฺตสฺสตฺถสิทฺธิโต;
วินิจฺฉยนโย สมฺมา, วิฺาตพฺโพ วิภาวินา.
ตตฺถ ¶ กมโตติ อิธ อุปฺปตฺติกฺกโม, ปหานกฺกโม, ปฏิปตฺติกฺกโม, ภูมิกฺกโม, เทสนากฺกโมติ พหุวิโธ กโม.
ตตฺถ ‘‘ปมํ กลลํ โหติ, กลลา โหติ อพฺพุท’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๕) เอวมาทิ อุปฺปตฺติกฺกโม. ‘‘ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ธมฺมา, ภาวนาย ปหาตพฺพา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๘) เอวมาทิ ปหานกฺกโม. ‘‘สีลวิสุทฺธิ, จิตฺตวิสุทฺธี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๙; ปฏิ. ม. ๓.๔๑) เอวมาทิ ปฏิปตฺติกฺกโม. ‘‘กามาวจรา, รูปาวจรา’’ติ (ธ. ส. ๙๘๗) เอวมาทิ ภูมิกฺกโม. ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๔๕) วา, ‘‘ทานกถํ, สีลกถ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘) วา เอวมาทิ เทสนากฺกโม. เตสุ อิธ อุปฺปตฺติกฺกโม ตาว น ยุชฺชติ, กลลาทีนํ วิย ขนฺธานํ ปุพฺพาปริยววตฺถาเนน อนุปฺปตฺติโต. น ปหานกฺกโม, กุสลาพฺยากตานํ อปฺปหาตพฺพโต. นปฏิปตฺติกฺกโม, อกุสลานํ อปฺปฏิปชฺชนียโต. น ภูมิกฺกโม, เวทนาทีนํ จตุภูมิปริยาปนฺนตฺตา. เทสนากฺกโม ปน ยุชฺชติ.
อเภเทน หิ ปฺจสุ ขนฺเธสุ อตฺตคาหปติตํ เวเนยฺยชนํ สมูหฆนวินิพฺโภคทสฺสเนน อตฺตคาหโต โมเจตุกาโม ภควา หิตกาโม ¶ ตสฺส ตสฺส ชนสฺส สุขคหณตฺถํ จกฺขุอาทีนมฺปิ วิสยภูตํ โอฬาริกํ ปมํ รูปกฺขนฺธํ เทเสสิ. ตโต อิฏฺานิฏฺรูปสํเวทนิกํ เวทนํ. ‘‘ยํ เวทยติ, ตํ สฺชานาตี’’ติ เอวํ เวทนาวิสยสฺส อาการคาหิกํ สฺํ. สฺาวเสน อภิสงฺขารเก สงฺขาเร. เตสํ เวทนาทีนํ นิสฺสยํ อธิปติภูตฺจ เนสํ วิฺาณนฺติ เอวํ ตาว กมโต วินิจฺฉยนโย วิฺาตพฺโพ.
๕๐๕. วิเสสโตติ ขนฺธานฺจ อุปาทานกฺขนฺธานฺจ วิเสสโต. โก ปน เนสํ วิเสโส, ขนฺธา ตาว อวิเสสโต วุตฺตา. อุปาทานกฺขนฺธา สาสวอุปาทานิยภาเวน วิเสเสตฺวา. ยถาห –
‘‘ปฺจ เจว โว, ภิกฺขเว, ขนฺเธ เทเสสฺสามิ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ จ, ตํ สุณาถ. กตเม จ, ภิกฺขเว, ปฺจกฺขนฺธา, ยํกิฺจิ, ภิกฺขเว, รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ…เป… สนฺติเก วา, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, รูปกฺขนฺโธ. ยา ¶ กาจิ เวทนา…เป… ยํกิฺจิ วิฺาณํ…เป… สนฺติเก วา, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วิฺาณกฺขนฺโธ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ปฺจกฺขนฺธา. กตเม จ, ภิกฺขเว, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ยํกิฺจิ, ภิกฺขเว, รูปํ…เป… สนฺติเก วา สาสวํ อุปาทานิยํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, รูปุปาทานกฺขนฺโธ. ยา กาจิ เวทนา…เป… ยํกิฺจิ วิฺาณํ…เป… สนฺติเก วา สาสวํ อุปาทานิยํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, วิฺาณุปาทานกฺขนฺโธ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๔๘).
เอตฺถ จ ยถา เวทนาทโย อนาสวาปิ อตฺถิ, น เอวํ รูปํ. ยสฺมา ปนสฺส ราสฏฺเน ขนฺธภาโว ยุชฺชติ, ตสฺมา ขนฺเธสุ วุตฺตํ. ยสฺมา ราสฏฺเน จ สาสวฏฺเน จ อุปาทานกฺขนฺธภาโว ยุชฺชติ, ตสฺมา อุปาทานกฺขนฺเธสุ วุตฺตํ. เวทนาทโย ปน อนาสวาว ขนฺเธสุ วุตฺตา. สาสวา อุปาทานกฺขนฺเธสุ. อุปาทานกฺขนฺธาติ เจตฺถ อุปาทานโคจรา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิธ ปน สพฺเพเปเต เอกชฺฌํ กตฺวา ขนฺธาติ อธิปฺเปตา.
๕๐๖. อนูนาธิกโตติ กสฺมา ปน ภควตา ปฺเจว ขนฺธา วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ. สพฺพสงฺขตสภาเคกสงฺคหโต อตฺตตฺตนิยคาหวตฺถุสฺส เอตปรมโต อฺเสฺจ ตทวโรธโต. อเนกปฺปเภเทสุ หิ สงฺขตธมฺเมสุ ¶ สภาควเสน สงฺคยฺหมาเนสุ รูปมฺปิ รูปสภาเคกสงฺคหวเสน เอโก ขนฺโธ โหติ. เวทนา เวทนาสภาเคกสงฺคหวเสน เอโก ขนฺโธ โหติ. เอส นโย สฺาทีสุ. ตสฺมา สพฺพสงฺขตสภาเคกสงฺคหโต ปฺเจว วุตฺตา. เอตปรมฺเจตํ อตฺตตฺตนิยคาหวตฺถุ ยทิทํ รูปาทโย ปฺจ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘รูเป โข, ภิกฺขเว, สติ รูปํ อุปาทาย รูปํ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ. เวทนาย, สฺาย, สงฺขาเรสุ, วิฺาเณ สติ วิฺาณํ อุปาทาย วิฺาณํ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๐๗). ตสฺมา อตฺตตฺตนิยคาหวตฺถุสฺส เอตปรมโตปิ ปฺเจว วุตฺตา. เยปิ จฺเ สีลาทโย ปฺจ ธมฺมกฺขนฺธา วุตฺตา, เตปิ สงฺขารกฺขนฺเธ ปริยาปนฺนตฺตา เอตฺเถว อวโรธํ คจฺฉนฺติ. ตสฺมา อฺเสํ ตทวโรธโตปิ ปฺเจว วุตฺตาติ เอวํ อนูนาธิกโต วินิจฺฉยนโย วิฺาตพฺโพ.
๕๐๗. อุปมาโตติ เอตฺถ หิ คิลานสาลุปโม รูปุปาทานกฺขนฺโธ, คิลานุปมสฺส วิฺาณุปาทานกฺขนฺธสฺส ¶ วตฺถุทฺวารารมฺมณวเสน นิวาสฏฺานโต. เคลฺุปโม เวทนุปาทานกฺขนฺโธ, อาพาธกตฺตา. เคลฺสมุฏฺานุปโม สฺุปาทานกฺขนฺโธ, กามสฺาทิวเสน ราคาทิสมฺปยุตฺตเวทนาสพฺภาวา. อสปฺปายเสวนุปโม สงฺขารุปาทานกฺขนฺโธ, เวทนาเคลฺสฺส นิทานตฺตา. ‘‘เวทนํ เวทนตฺถาย อภิสงฺขโรนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๙) หิ วุตฺตํ. ตถา ‘‘อกุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ กายวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหติ ทุกฺขสหคต’’นฺติ (ธ. ส. ๕๕๖). คิลานุปโม วิฺาณุปาทานกฺขนฺโธ, เวทนาเคลฺเน อปริมุตฺตตฺตา. อปิจ จารกการณอปราธการณการกอปราธิกุปมา เอเต ภาชนโภชนพฺยฺชนปริเวสกภฺุชกูปมา จาติ เอวํ อุปมาโต วินิจฺฉยนโย วิฺาตพฺโพ.
๕๐๘. ทฏฺพฺพโต ทฺวิธาติ สงฺเขปโต วิตฺถารโต จาติ เอวํ ทฺวิธา ทฏฺพฺพโตเปตฺถ วินิจฺฉยนโย วิฺาตพฺโพ. สงฺเขปโต หิ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา อาสีวิสูปเม (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วุตฺตนเยน อุกฺขิตฺตาสิกปจฺจตฺถิกโต, ภารสุตฺตวเสน (สํ. นิ. ๓.๒๒) ภารโต, ขชฺชนียปริยายวเสน (สํ. นิ. ๓.๗๙) ขาทกโต, ยมกสุตฺตวเสน (สํ. นิ. ๓.๘๕) อนิจฺจทุกฺขานตฺตสงฺขตวธกโต ทฏฺพฺพา. วิตฺถารโต ปเนตฺถ เผณปิณฺโฑ วิย รูปํ ทฏฺพฺพํ, ปริมทฺทนาสหนโต. อุทกปุพฺพุฬํ วิย ¶ เวทนา, มุหุตฺตรมณียโต. มรีจิกา วิย สฺา, วิปฺปลมฺภนโต. กทลิกฺขนฺโธ วิย สงฺขารา, อสารกโต. มายา วิย วิฺาณํ, วฺจกโต. วิเสสโต จ สุฬารมฺปิ อชฺฌตฺติกํ รูปํ อสุภนฺติ ทฏฺพฺพํ. เวทนา ตีหิ ทุกฺขตาหิ อวินิมุตฺตโต ทุกฺขาติ. สฺาสงฺขารา อวิเธยฺยโต อนตฺตาติ. วิฺาณํ อุทยพฺพยธมฺมโต อนิจฺจนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๕๐๙. เอวํ ปสฺสนฺตสฺสตฺถสิทฺธิโตติ เอวฺจ สงฺเขปวิตฺถารวเสน ทฺวิธา ปสฺสโต ยา อตฺถสิทฺธิ โหติ, ตโตปิ วินิจฺฉยนโย วิฺาตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – สงฺเขปโต ตาว ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ อุกฺขิตฺตาสิกปจฺจตฺถิกาทิภาเวน ปสฺสนฺโต ขนฺเธหิ น วิหฺติ. วิตฺถารโต ปน รูปาทีนิ เผณปิณฺฑาทิสทิสภาเวน ปสฺสนฺโต น อสาเรสุ สารทสฺสี โหติ.
วิเสสโต จ อชฺฌตฺติกรูปํ อสุภโต ปสฺสนฺโต กพฬีการาหารํ ปริชานาติ, อสุเภ สุภนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ. กาโมฆํ อุตฺตรติ, กามโยเคน วิสํยุชฺชติ, กามาสเวน อนาสโว โหติ, อภิชฺฌากายคนฺถํ ภินฺทติ, กามุปาทานํ น อุปาทิยติ.
เวทนํ ¶ ทุกฺขโต ปสฺสนฺโต ผสฺสาหารํ ปริชานาติ, ทุกฺเข สุขนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ, ภโวฆํ อุตฺตรติ, ภวโยเคน วิสํยุชฺชติ, ภวาสเวน อนาสโว โหติ, พฺยาปาทกายคนฺถํ ภินฺทติ, สีลพฺพตุปาทานํ น อุปาทิยติ.
สฺํ สงฺขาเร จ อนตฺตโต ปสฺสนฺโต มโนสฺเจตนาหารํ ปริชานาติ, อนตฺตนิ อตฺตาติ วิปลฺลาสํ ปชหติ, ทิฏฺโฆํ อุตฺตรติ, ทิฏฺิโยเคน วิสํยุชฺชติ, ทิฏฺาสเวน อนาสโว โหติ. อิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถํ ภินฺทติ, อตฺตวาทุปาทานํ น อุปาทิยติ.
วิฺาณํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต วิฺาณาหารํ ปริชานาติ, อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ, อวิชฺโชฆํ อุตฺตรติ, อวิชฺชาโยเคน วิสํยุชฺชติ, อวิชฺชาสเวน อนาสโว โหติ, สีลพฺพตปรามาสกายคนฺถํ ภินฺทติ, ทิฏฺุปาทานํ น อุปาทิยติ.
เอวํ ¶ มหานิสํสํ, วธกาทิวเสน ทสฺสนํ ยสฺมา;
ตสฺมา ขนฺเธ ธีโร, วธกาทิวเสน ปสฺเสยฺยาติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
ขนฺธนิทฺเทโส นาม
จุทฺทสโม ปริจฺเฉโท.
๑๕. อายตนธาตุนิทฺเทโส
อายตนวิตฺถารกถา
๕๑๐. อายตนานีติ ¶ ¶ ทฺวาทสายตนานิ – จกฺขายตนํ, รูปายตนํ, โสตายตนํ, สทฺทายตนํ, ฆานายตนํ, คนฺธายตนํ, ชิวฺหายตนํ, รสายตนํ, กายายตนํ, โผฏฺพฺพายตนํ, มนายตนํ, ธมฺมายตนนฺติ. ตตฺถ –
อตฺถ ลกฺขณ ตาวตฺว, กม สงฺเขป วิตฺถารา;
ตถา ทฏฺพฺพโต เจว, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ตตฺถ วิเสสโต ตาว จกฺขตีติ จกฺขุ, รูปํ อสฺสาเทติ วิภาเวติ จาติ อตฺโถ. รูปยตีติ รูปํ, วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ อตฺโถ. สุณาตีติ โสตํ. สปฺปตีติ สทฺโท, อุทาหริยตีติ อตฺโถ. ฆายตีติ ฆานํ. คนฺธยตีติ คนฺโธ. อตฺตโน วตฺถุํ สูจยตีติ อตฺโถ. ชีวิตํ อวฺหยตีติ ชิวฺหา. รสนฺติ ตํ สตฺตาติ รโส, อสฺสาเทนฺตีติ อตฺโถ. กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโยติ กาโย. อาโยติ อุปฺปตฺติเทโส. ผุสิยตีติ โผฏฺพฺพํ. มุนาตีติ มโน. อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมา.
๕๑๑. อวิเสสโต ปน อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนนฺติ เวทิตพฺพํ. จกฺขุรูปาทีสุ หิ ตํตํทฺวารารมฺมณา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา เสน เสน อนุภวนาทินา กิจฺเจน อายตนฺติ อุฏฺหนฺติ ฆฏนฺติ, วายมนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เต จ อายภูเต ธมฺเม เอตานิ ตโนนฺติ, วิตฺถาเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ, อิทฺจ อนมตคฺเค สํสาเร ปวตฺตํ อตีว อายตํ สํสารทุกฺขํ ยาว น นิวตฺตติ, ตาว นยนฺเตว, ปวตฺตยนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อิติ ¶ สพฺเพปิเม ธมฺมา อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนํ อายตนนฺติ วุจฺจนฺติ.
๕๑๒. อปิจ นิวาสฏฺานฏฺเน อากรฏฺเน สโมสรณฏฺานฏฺเน สฺชาติเทสฏฺเน การณฏฺเน จ อายตนํ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ โลเก ‘‘อิสฺสรายตนํ วาสุเทวายตน’’นฺติอาทีสุ นิวาสฏฺานํ อายตนนฺติ ¶ วุจฺจติ. ‘‘สุวณฺณายตนํ รชตายตน’’นฺติอาทีสุ อากโร. สาสเน ปน ‘‘มโนรมฺเม อายตเน เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๓๘) สโมสรณฏฺานํ. ‘‘ทกฺขิณาปโถ คุนฺนํ อายตน’’นฺติอาทีสุ สฺชาติเทโส. ‘‘ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๐๒) การณํ.
จกฺขุอาทีสุ จาปิ เต เต จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา นิวสนฺติ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ จกฺขาทโย จ เนสํ นิวาสฏฺานํ. จกฺขาทีสุ จ เต อากิณฺณา ตนฺนิสฺสิตตฺตา ตทารมฺมณตฺตา จาติ จกฺขาทโย เนสํ อากโร. จกฺขาทโย จ เนสํ สโมสรณฏฺานํ, ตตฺถ ตตฺถ วตฺถุทฺวารารมฺมณวเสน สโมสรณโต. จกฺขาทโย จ เนสํ สฺชาติเทโส, ตนฺนิสฺสยารมฺมณภาเวน ตตฺเถว อุปฺปตฺติโต. จกฺขาทโย จ เนสํ การณํ, เตสํ อภาเว อภาวโตติ. อิติ นิวาสฏฺานฏฺเน, อากรฏฺเน, สโมสรณฏฺานฏฺเน, สฺชาติเทสฏฺเน, การณฏฺเนจาติ อิเมหิปิ การเณหิ เอเต ธมฺมา อายตนํ อายตนนฺติ วุจฺจนฺติ.
ตสฺมา ยถาวุตฺเตน อตฺเถน จกฺขุ จ ตํ อายตนฺจาติ จกฺขายตนํ…เป… ธมฺมา จ เต อายตนฺจาติ ธมฺมายตนนฺติ เอวํ ตาเวตฺถ อตฺถโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๑๓. ลกฺขณาติ จกฺขาทีนํ ลกฺขณโตเปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย. ตานิ จ ปน เตสํ ลกฺขณานิ ขนฺธนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
ตาวตฺวโตติ ตาวภาวโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – จกฺขาทโยปิ หิ ธมฺมา เอว, เอวํ สติ ธมฺมายตนมิจฺเจว อวตฺวา กสฺมา ทฺวาทสายตนานีติ วุตฺตานีติ เจ. ฉวิฺาณกายุปฺปตฺติทฺวารารมฺมณววตฺถานโต อิธ ฉนฺนํ วิฺาณกายานํ ทฺวารภาเวน อารมฺมณภาเวน จ ววตฺถานโต อยเมเตสํ เภโท โหตีติ ทฺวาทส วุตฺตานิ, จกฺขุวิฺาณวีถิปริยาปนฺนสฺส หิ วิฺาณกายสฺส ¶ จกฺขายตนเมว อุปฺปตฺติทฺวารํ, รูปายตนเมว จารมฺมณํ, ตถา อิตรานิ อิตเรสํ. ฉฏฺสฺส ปน ภวงฺคมนสงฺขาโต มนายตเนกเทโสว อุปฺปตฺติทฺวารํ, อสาธารณเมว จ ธมฺมายตนํ อารมฺมณนฺติ ¶ . อิติ ฉนฺนํ วิฺาณกายานํ อุปฺปตฺติทฺวารารมฺมณววตฺถานโต ทฺวาทส วุตฺตานีติ เอวเมตฺถ ตาวตฺวโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๑๔. กมโตติ อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺเตสุ อุปฺปตฺติกฺกมาทีสุ เทสนากฺกโมว ยุชฺชติ. อชฺฌตฺติเกสุ หิ อายตเนสุ สนิทสฺสนสปฺปฏิฆวิสยตฺตา จกฺขายตนํ ปากฏนฺติ ปมํ เทสิตํ, ตโต อนิทสฺสนสปฺปฏิฆวิสยานิ โสตายตนาทีนิ. อถ วา ทสฺสนานุตฺตริยสวนานุตฺตริยเหตุภาเวน พหูปการตฺตา อชฺฌตฺติเกสุ จกฺขายตนโสตายตนานิ ปมํ เทสิตานิ, ตโต ฆานายตนาทีนิ ตีณิ, ปฺจนฺนมฺปิ โคจรวิสยตฺตา อนฺเต มนายตนํ, จกฺขายตนาทีนํ ปน โคจรตฺตา ตสฺส ตสฺส อนฺตรนฺตรานิ พาหิเรสุ รูปายตนาทีนิ. อปิจ วิฺาณุปฺปตฺติการณววตฺถานโตปิ อยเมเตสํ กโม เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ…เป… มนฺจ ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๔๒๑; สํ. นิ. ๒.๔๓). เอวํ กมโตเปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๑๕. สงฺเขปวิตฺถาราติ สงฺเขปโต หิ มนายตนสฺส เจว ธมฺมายตเนกเทสสฺส จ นาเมน ตทวเสสานฺจ อายตนานํ รูเปน สงฺคหิตตฺตา ทฺวาทสาปิ อายตนานิ นามรูปมตฺตเมว โหนฺติ. วิตฺถารโต ปน อชฺฌตฺติเกสุ ตาว จกฺขายตนํ ชาติวเสน จกฺขุปสาทมตฺตเมว, ปจฺจยคตินิกายปุคฺคลเภทโต ปน อนนฺตปฺปเภทํ. ตถา โสตายตนาทีนิ จตฺตาริ. มนายตนํ กุสลากุสลวิปากกิริยวิฺาณเภเทน เอกูนนวุติปฺปเภทํ เอกวีสุตฺตรสตปฺปเภทฺจ. วตฺถุปฏิปทาทิเภทโต ปน อนนฺตปฺปเภทํ. รูปสทฺทคนฺธรสายตนานิ วิสภาคปจฺจยาทิเภทโต อนนฺตปฺปเภทานิ. โผฏฺพฺพายตนํ ปถวีธาตุเตโชธาตุวาโยธาตุวเสน ติปฺปเภทํ. ปจฺจยาทิเภทโต อเนกปฺปเภทํ. ธมฺมายตนํ เวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺธสุขุมรูปนิพฺพานานํ สภาวนานตฺตเภทโต อเนกปฺปเภทนฺติ. เอวํ สงฺเขปวิตฺถารา วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๑๖. ทฏฺพฺพโตติ เอตฺถ ปน สพฺพาเนว สงฺขตานิ อายตนานิ อนาคมนโต อนิคฺคมนโต จ ทฏฺพฺพานิ. น หิ ตานิ ปุพฺเพ อุทยา กุโตจิ อาคจฺฉนฺติ, นปิ อุทฺธํ วยา ¶ กุหิฺจิ คจฺฉนฺติ, อถ โข ปุพฺเพ อุทยา อปฺปฏิลทฺธสภาวานิ ¶ , อุทฺธํ วยา ปริภินฺนสภาวานิ, ปุพฺพนฺตาปรนฺตเวมชฺเฌ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อวสานิ ปวตฺตนฺติ. ตสฺมา อนาคมนโต อนิคฺคมนโต จ ทฏฺพฺพานิ. ตถา นิรีหกโต อพฺยาปารโต จ. น หิ จกฺขุรูปาทีนํ เอวํ โหติ ‘‘อโห วต อมฺหากํ สามคฺคิยํ วิฺาณํ นาม อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ, น จ ตานิ วิฺาณุปฺปาทนตฺถํ ทฺวารภาเวน วตฺถุภาเวน อารมฺมณภาเวน วา อีหนฺติ, น พฺยาปารมาปชฺชนฺติ, อถ โข ธมฺมตาเวสา, ยํ จกฺขุรูปาทิสามคฺคิยํ จกฺขุวิฺาณาทีนิ สมฺภวนฺตีติ. ตสฺมา นิรีหกโต อพฺยาปารโต จ ทฏฺพฺพานิ. อปิจ อชฺฌตฺติกานิ สฺุคาโม วิย ทฏฺพฺพานิ, ธุวสุภสุขตฺตภาววิรหิตตฺตา. พาหิรานิ คามฆาตกโจรา วิย, อชฺฌตฺติกานํ อภิฆาตกตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, หฺติ มนาปามนาเปหิ รูเปหี’’ติ วิตฺถาโร. อปิจ อชฺฌตฺติกานิ ฉ ปาณกา วิย ทฏฺพฺพานิ, พาหิรานิ เตสํ โคจรา วิยาติ. เอวเมตฺถ ทฏฺพฺพโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
อิทํ ตาว อายตนานํ วิตฺถารกถามุขํ.
ธาตุวิตฺถารกถา
๕๑๗. ตทนนฺตรา ปน ธาตุโยติ อฏฺารส ธาตุโย – จกฺขุธาตุ, รูปธาตุ, จกฺขุวิฺาณธาตุ, โสตธาตุ, สทฺทธาตุ, โสตวิฺาณธาตุ, ฆานธาตุ, คนฺธธาตุ, ฆานวิฺาณธาตุ, ชิวฺหาธาตุ, รสธาตุ, ชิวฺหาวิฺาณธาตุ, กายธาตุ, โผฏฺพฺพธาตุ, กายวิฺาณธาตุ, มโนธาตุ, ธมฺมธาตุ, มโนวิฺาณธาตูติ. ตตฺถ –
อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ, กม ตาวตฺวสงฺขโต;
ปจฺจยา อถ ทฏฺพฺพา, เวทิตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ตตฺถ อตฺถโตติ จกฺขตีติ จกฺขุ. รูปยตีติ รูปํ. จกฺขุสฺส วิฺาณํ จกฺขุวิฺาณนฺติ เอวมาทินา ตาว นเยน จกฺขาทีนํ วิเสสตฺถโต เวทิตพฺโพ วินิจฺฉโย. อวิเสเสน ปน วิทหติ, ธียเต, วิธานํ, วิธียเต เอตาย, เอตฺถ วา ธียตีติ ธาตุ. โลกิยา หิ ธาตุโย การณภาเวน ววตฺถิตา หุตฺวา สุวณฺณรชตาทิธาตุโย วิย สุวณฺณรชตาทึ ¶ , อเนกปฺปการํ สํสารทุกฺขํ วิทหนฺติ. ภารหาเรหิ จ ภาโร วิย, สตฺเตหิ ¶ ธียนฺเต, ธาริยนฺตีติ อตฺโถ. ทุกฺขวิธานมตฺตเมว เจสา, อวสวตฺตนโต. เอตาหิ จ กรณภูตาหิ สํสารทุกฺขํ สตฺเตหิ อนุวิธียติ. ตถาวิหิตฺจ ตํ เอตาสฺเวว ธียติ, ปิยตีติ อตฺโถ. อิติ จกฺขาทีสุ เอเกโก ธมฺโม ยถาสมฺภวํ วิทหติ, ธียตีติอาทินา อตฺถวเสน ธาตูติ วุจฺจติ.
๕๑๘. อปิจ ยถา ติตฺถิยานํ อตฺตา นาม สภาวโต นตฺถิ, น เอวเมตา, เอตา ปน อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตีติ ธาตุโย. ยถา โลเก วิจิตฺตา หริตาลมโนสิลาทโย เสลาวยวา ธาตุโยติ วุจฺจนฺติ, เอวเมตาปิ ธาตุโย วิย ธาตุโย. วิจิตฺตา เหเต าณเยฺยาวยวาติ. ยถา วา สรีรสงฺขาตสฺส สมุทายสฺส อวยวภูเตสุ รสโสณิตาทีสุ อฺมฺวิสภาคลกฺขณปริจฺฉินฺเนสุ ธาตุสมฺา, เอวเมเตสุปิ ปฺจกฺขนฺธสงฺขาตสฺส อตฺตภาวสฺส อวยเวสุ ธาตุสมฺา เวทิตพฺพา. อฺมฺวิสภาคลกฺขณปริจฺฉินฺนา เหเต จกฺขาทโยติ. อปิจ ธาตูติ นิชฺชีวมตฺตสฺเสเวตํ อธิวจนํ. ตถา หิ ภควา ‘‘ฉ ธาตุโร อยํ ภิกฺขุ ปุริโส’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๔๔) ชีวสฺาสมูหนนตฺถํ ธาตุเทสนํ อกาสีติ.
ตสฺมา ยถาวุตฺเตน อตฺเถน จกฺขุ จ ตํ ธาตุ จ จกฺขุธาตุ…เป… มโนวิฺาณฺจ ตํ ธาตุ จ มโนวิฺาณธาตูติ. เอวํ ตาเวตฺถ อตฺถโต เวทิตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๑๙. ลกฺขณาทิโตติ จกฺขาทีนํ ลกฺขณาทิโตเปตฺถ เวทิตพฺโพ วินิจฺฉโย. ตานิ จ ปน เนสํ ลกฺขณาทีนิ ขนฺธนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
กมโตติ อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺเตสุ อุปฺปตฺติกฺกมาทีสุ เทสนากฺกโมว ยุชฺชติ. โส จ ปนายํ เหตุผลานุปุพฺพววตฺถานวเสน วุตฺโต. จกฺขุธาตุ รูปธาตูติ อิทฺหิ ทฺวยํ เหตุ, จกฺขุวิฺาณธาตูติ ผลํ. เอวํ สพฺพตฺถ.
๕๒๐. ตาวตฺวโตติ ¶ ตาวภาวโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เตสุ เตสุ หิ สุตฺตาภิธมฺมปฺปเทเสสุ ‘‘อาภาธาตุ, สุภธาตุ, อากาสานฺจายตนธาตุ, วิฺาณฺจายตนธาตุ, อากิฺจฺายตนธาตุ, เนวสฺานาสฺายตนธาตุ, สฺาเวทยิตนิโรธธาตุ’’ (สํ. นิ. ๒.๙๕), ‘‘กามธาตุ ¶ , พฺยาปาทธาตุ, วิหึสาธาตุ, เนกฺขมฺมธาตุ, อพฺยาปาทธาตุ, อวิหึสาธาตุ’’ (วิภ. ๑๘๒; ที. นิ. ๓.๓๐๕; ม. นิ. ๓.๑๒๕), ‘‘สุขธาตุ, ทุกฺขธาตุ, โสมนสฺสธาตุ, โทมนสฺสธาตุ, อุเปกฺขาธาตุ, อวิชฺชาธาตุ’’ (วิภ. ๑๘๐; ม. นิ. ๓.๑๒๕), ‘‘อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุ’’ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓), ‘‘หีนธาตุ, มชฺฌิมธาตุ, ปณีตธาตุ’’ (ที. นิ. ๓.๓๐๕), ‘‘ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ, เตโชธาตุ, วาโยธาตุ (ที. นิ. ๓.๓๑๑), อากาสธาตุ, วิฺาณธาตุ’’ (ม. นิ. ๓.๑๒๕; วิภ. ๑๗๒), ‘‘สงฺขตธาตุ, อสงฺขตธาตุ’’ (ม. นิ. ๓.๑๒๕), ‘‘อเนกธาตุ นานาธาตุ โลโก’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๖๖; ม. นิ. ๑.๑๔๘) เอวมาทโย อฺาปิ ธาตุโย ทิสฺสนฺติ. เอวํ สติ สพฺพาสํ วเสน ปริจฺเฉทํ อกตฺวา กสฺมา อฏฺารสาติ อยเมว ปริจฺเฉโท กโตติ เจ. สภาวโต วิชฺชมานานํ สพฺพธาตูนํ ตทนฺโตคธตฺตา.
รูปธาตุเยว หิ อาภาธาตุ, สุภธาตุ ปน รูปาทิปฏิพทฺธา. กสฺมา, สุภนิมิตฺตตฺตา. สุภนิมิตฺตฺหิ สุภธาตุ. ตฺจ รูปาทิวินิมุตฺตํ น วิชฺชติ. กุสลวิปาการมฺมณา วา รูปาทโย เอว สุภธาตูติ รูปาทิมตฺตเมเวสา. อากาสานฺจายตนธาตุอาทีสุ จิตฺตํ มโนวิฺาณธาตุเยว, เสสา ธมฺมธาตุ. สฺาเวทยิตนิโรธธาตุ ปน สภาวโต นตฺถิ. ธาตุทฺวยนิโรธมตฺตเมว หิ สา.
กามธาตุ ธมฺมธาตุมตฺตํ วา โหติ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมา กามธาตุ? กามปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก มิจฺฉาสงฺกปฺโป’’ติ (วิภ. ๑๘๒). อฏฺารสาปิ วา ธาตุโย. ยถาห – ‘‘เหฏฺโต อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กริตฺวา อุปริโต ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทเว อนฺโตกริตฺวา ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา รูปา เวทนา สฺา สงฺขารา วิฺาณํ, อยํ วุจฺจติ กามธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒).
เนกฺขมฺมธาตุ ¶ ธมฺมธาตุ เอว, ‘‘สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒) วจนโต มโนวิฺาณธาตุปิ โหติเยว. พฺยาปาทวิหึสา-อพฺยาปาท-อวิหึสาสุข-ทุกฺข-โสมนสฺส-โทมนสฺสุเปกฺขา-อวิชฺชาอารมฺภ-นิกฺกม-ปรกฺกมธาตุโย ธมฺมธาตุเยว.
หีนมชฺฌิมปณีตธาตุโย อฏฺารส ธาตุมตฺตเมว. หีนา หิ จกฺขาทโย หีนา ธาตุ, มชฺฌิมปณีตา ¶ มชฺฌิมา เจว ปณีตา จ. นิปฺปริยาเยน ปน อกุสลา ธมฺมธาตุมโนวิฺาณธาตุโย หีนธาตุ, โลกิยา กุสลาพฺยากตา อุโภปิ จกฺขุธาตุอาทโย จ มชฺฌิมธาตุ, โลกุตฺตรา ปน ธมฺมธาตุมโนวิฺาณธาตุโย ปณีตธาตุ.
ปถวีเตโชวาโยธาตุโย โผฏฺพฺพธาตุเยว, อาโปธาตุ อากาสธาตุ จ ธมฺมธาตุเยว. วิฺาณธาตุ จกฺขุวิฺาณาทิสตฺตวิฺาณธาตุสงฺเขโปเยว.
สตฺตรส ธาตุโย ธมฺมธาตุเอกเทโส จ สงฺขตธาตุ, อสงฺขตา ปน ธาตุ ธมฺมธาตุเอกเทโสว. อเนกธาตุนานาธาตุโลโก ปน อฏฺารส ธาตุปฺปเภทมตฺตเมวาติ. อิติ สภาวโต วิชฺชมานานํ สพฺพธาตูนํ ตทนฺโตคธตฺตา อฏฺารเสว วุตฺตาติ.
๕๒๑. อปิจ วิชานนสภาเว วิฺาเณ ชีวสฺีนํ สฺาสมูหนนตฺถมฺปิ อฏฺารเสว วุตฺตา. สนฺติ หิ สตฺตา วิชานนสภาเว วิฺาเณ ชีวสฺิโน, เตสํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายมโนธาตุมโนวิฺาณธาตุเภเทน ตสฺส อเนกตํ จกฺขุรูปาทิปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อนิจฺจตฺจ ปกาเสตฺวา ทีฆรตฺตานุสยิตํ ชีวสฺํ สมูหนิตุกาเมน ภควตา อฏฺารส ธาตุโย ปกาสิตา. กิฺจ ภิยฺโย ตถา เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน จ. เย จ อิมาย อนติสงฺเขปวิตฺถาราย เทสนาย เวเนยฺยสตฺตา, ตทชฺฌาสยวเสน จ อฏฺารเสว ปกาสิตา.
สงฺเขปวิตฺถารนเยน ตถา ตถา หิ,
ธมฺมํ ปกาสยติ เอส ยถา ยถาสฺส;
สทฺธมฺมเตชวิหตํ วิลยํ ขเณน,
เวเนยฺยสตฺตหทเยสุ ตโม ปยาตีติ.
เอวเมตฺถ ตาวตฺวโต เวทิตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๒๒. สงฺขโตติ ¶ จกฺขุธาตุ ตาว ชาติโต เอโก ธมฺโมตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ จกฺขุปสาทวเสน, ตถา โสตฆานชิวฺหากายรูปสทฺทคนฺธรสธาตุโย โสตปฺปสาทาทิวเสน, โผฏฺพฺพธาตุ ปน ปถวีเตโชวาโยวเสน ตโย ธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติ. จกฺขุวิฺาณธาตุ กุสลากุสลวิปากวเสน ¶ ทฺเว ธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติ, ตถา โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณธาตุโย. มโนธาตุ ปน ปฺจทฺวาราวชฺชนกุสลากุสลวิปากสมฺปฏิจฺฉนวเสน ตโย ธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติ. ธมฺมธาตุ ติณฺณํ อรูปกฺขนฺธานํ โสฬสนฺนํ สุขุมรูปานํ อสงฺขตาย จ ธาตุยา วเสน วีสติ ธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติ. มโนวิฺาณธาตุ เสสกุสลากุสลาพฺยากตวิฺาณวเสน ฉสตฺตติ ธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติ. เอวเมตฺถ สงฺขโตปิ เวทิตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๒๓. ปจฺจยาติ เอตฺถ จ จกฺขุธาตุ ตาว จกฺขุวิฺาณธาตุยา วิปฺปยุตฺตปุเรชาตอตฺถิอวิคตนิสฺสยินฺทฺริยปจฺจยานํ วเสน ฉหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ, รูปธาตุ ปุเรชาตอตฺถิอวิคตารมฺมณปจฺจยานํ วเสน จตูหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. เอวํ โสตวิฺาณธาตุอาทีนํ โสตธาตุสทฺทธาตุอาทโย. ปฺจนฺนํ ปน เนสํ อาวชฺชนมโนธาตุ อนนฺตรสมนนฺตรนตฺถิวิคตานนฺตรูปนิสฺสยวเสน ปฺจหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ, ตา จ ปฺจปิ สมฺปฏิจฺฉนมโนธาตุยา. ตถา สมฺปฏิจฺฉนมโนธาตุ สนฺตีรณมโนวิฺาณธาตุยา, สา จ โวฏฺพฺพนมโนวิฺาณธาตุยา, โวฏฺพฺพนมโนวิฺาณธาตุ จ ชวนมโนวิฺาณธาตุยา. ชวนมโนวิฺาณธาตุ ปน อนนฺตราย ชวนมโนวิฺาณธาตุยา เตหิ เจว ปฺจหิ อาเสวนปจฺจเยน จาติ ฉหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. เอส ตาว ปฺจทฺวาเร นโย.
มโนทฺวาเร ปน ภวงฺคมโนวิฺาณธาตุ อาวชฺชนมโนวิฺาณธาตุยา. อาวชฺชนมโนวิฺาณธาตุ จ ชวนมโนวิฺาณธาตุยา ปุริเมหิ ปฺจหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. ธมฺมธาตุ ปน สตฺตนฺนมฺปิ วิฺาณธาตูนํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทีหิ พหุธา ปจฺจโย โหติ. จกฺขุธาตุอาทโย ปน เอกจฺจา จ ธมฺมธาตุ เอกจฺจาย มโนวิฺาณธาตุยา อารมฺมณปจฺจยาทีหิปิ ปจฺจยา โหนฺติ. จกฺขุวิฺาณธาตุอาทีนฺจ น เกวลํ จกฺขุรูปาทโย ปจฺจยา โหนฺติ, อถ โข อาโลกาทโยปิ. เตนาหุ ปุพฺพาจริยา –
‘‘จกฺขุรูปาโลกมนสิกาเร ¶ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ. โสตสทฺทวิวรมนสิกาเร ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ โสตวิฺาณํ. ฆานคนฺธวายุมนสิกาเร ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ ฆานวิฺาณํ. ชิวฺหารสอาปมนสิกาเร ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ ชิวฺหาวิฺาณํ. กายโผฏฺพฺพปถวีมนสิกาเร ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ กายวิฺาณํ. ภวงฺคมนธมฺมมนสิกาเร ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ มโนวิฺาณ’’นฺติ.
อยเมตฺถ ¶ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปน ปจฺจยปฺปเภโท ปฏิจฺจสมุปฺปาทนิทฺเทเส อาวิภวิสฺสตีติ เอวเมตฺถ ปจฺจยโตปิ เวทิตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๒๔. ทฏฺพฺพโตติ ทฏฺพฺพโตเปตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพติ อตฺโถ. สพฺพา เอว หิ สงฺขตธาตุโย ปุพฺพนฺตาปรนฺตวิวิตฺตโต ธุวสุภสุขตฺตภาวสฺุโต ปจฺจยายตฺตวุตฺติโต จ ทฏฺพฺพา.
วิเสสโต ปเนตฺถ เภริตลํ วิย จกฺขุธาตุ ทฏฺพฺพา, ทณฺโฑ วิย รูปธาตุ, สทฺโท วิย จกฺขุวิฺาณธาตุ. ตถา อาทาสตลํ วิย จกฺขุธาตุ, มุขํ วิย รูปธาตุ, มุขนิมิตฺตํ วิย จกฺขุวิฺาณธาตุ. อถ วา อุจฺฉุติลา วิย จกฺขุธาตุ, ยนฺตจกฺกยฏฺิ วิย รูปธาตุ, อุจฺฉุรสเตลานิ วิย จกฺขุวิฺาณธาตุ. ตถา อธรารณี วิย จกฺขุธาตุ, อุตฺตรารณี วิย รูปธาตุ, อคฺคิ วิย จกฺขุวิฺาณธาตุ. เอส นโย โสตธาตุอาทีสุ.
มโนธาตุ ปน ยถาสมฺภวโต จกฺขุวิฺาณธาตุอาทีนํ ปุเรจรานุจรา วิย ทฏฺพฺพา.
ธมฺมธาตุยา เวทนากฺขนฺโธ สลฺลมิว สูลมิว จ ทฏฺพฺโพ. สฺาสงฺขารกฺขนฺธา เวทนาสลฺลสูลโยคาอาตุรา วิย, ปุถุชฺชนานํ วา สฺา อาสาทุกฺขชนนโต ริตฺตมุฏฺิ วิย. อยถาภุจฺจนิมิตฺตคาหกโต วนมิโค วิย. สงฺขารา ปฏิสนฺธิยํ ปกฺขิปนโต องฺคารกาสุยํ ขิปนกปุริสา วิย. ชาติ ทุกฺขานุพนฺธโต ราชปุริสานุพนฺธโจรา วิย. สพฺพานตฺถาวหสฺส ขนฺธสนฺตานสฺส เหตุโต วิสรุกฺขพีชานิ วิย. รูปํ นานาวิธุปทฺทวนิมิตฺตโต ขุรจกฺกํ วิย ทฏฺพฺพํ. อสงฺขตา ปน ธาตุ อมตโต สนฺตโต เขมโต จ ทฏฺพฺพา. กสฺมา? สพฺพานตฺถาวหสฺส ปฏิปกฺขภูตตฺตา.
มโนวิฺาณธาตุ ¶ อารมฺมเณสุ ววตฺถานาภาวโต อรฺมกฺกโฏ วิย, ทุทฺทมนโต อสฺสขฬุงฺโก วิย, ยตฺถกามนิปาติโต เวหาสกฺขิตฺตทณฺโฑ วิย, โลภโทสาทินานปฺปการกิเลสเวสโยคโต รงฺคนโฏ วิย ทฏฺพฺพาติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
อายตนธาตุนิทฺเทโส นาม
ปนฺนรสโม ปริจฺเฉโท.
๑๖. อินฺทฺริยสจฺจนิทฺเทโส
อินฺทฺริยวิตฺถารกถา
๕๒๕. ธาตูนํ ¶ ¶ อนนฺตรํ อุทฺทิฏฺานิ ปน อินฺทฺริยานีติ พาวีสตินฺทฺริยานิ – จกฺขุนฺทฺริยํ โสตินฺทฺริยํ ฆานินฺทฺริยํ ชิวฺหินฺทฺริยํ กายินฺทฺริยํ มนินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริยํ สุขินฺทฺริยํ ทุกฺขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ โทมนสฺสินฺทฺริยํ อุเปกฺขินฺทฺริยํ สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริยํ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ อฺินฺทฺริยํ อฺาตาวินฺทฺริยนฺติ. ตตฺถ –
อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ, กมโต จ วิชานิยา;
เภทาเภทา ตถา กิจฺจา, ภูมิโต จ วินิจฺฉยํ.
ตตฺถ จกฺขาทีนํ ตาว จกฺขตีติ จกฺขูติอาทินา นเยน อตฺโถ ปกาสิโต. ปจฺฉิเมสุ ปน ตีสุ ปมํ ปุพฺพภาเค อนฺาตํ อมตํ ปทํ จตุสจฺจธมฺมํ วา ชานิสฺสามีติ เอวํ ปฏิปนฺนสฺส อุปฺปชฺชนโต อินฺทฺริยฏฺสมฺภวโต จ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ. ทุติยํ อาชานนโต อินฺทฺริยฏฺสมฺภวโต จ อฺินฺทฺริยํ. ตติยํ อฺาตาวิโน จตูสุ สจฺเจสุ นิฏฺิตฺาณกิจฺจสฺส ขีณาสวสฺส อุปฺปชฺชนโต อินฺทฺริยฏฺสมฺภวโต จ อฺาตาวินฺทฺริยํ.
โก ปน เนสํ อินฺทฺริยฏฺโ นามาติ? อินฺทลิงฺคฏฺโ อินฺทฺริยฏฺโ. อินฺทเทสิตฏฺโ อินฺทฺริยฏฺโ. อินฺททิฏฺฏฺโ อินฺทฺริยฏฺโ. อินฺทสิฏฺฏฺโ อินฺทฺริยฏฺโ. อินฺทชุฏฺฏฺโ อินฺทฺริยฏฺโ. โส สพฺโพปิ อิธ ยถาโยคํ ยุชฺชติ. ภควา หิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปรมิสฺสริยภาวโต อินฺโท. กุสลากุสลฺจ กมฺมํ, กมฺเมสุ กสฺสจิ อิสฺสริยาภาวโต. เตเนเวตฺถ กมฺมสฺชนิตานิ ตาว อินฺทฺริยานิ กุสลากุสลกมฺมํ ¶ อุลฺลิงฺเคนฺติ. เตน จ สิฏฺานีติ อินฺทลิงฺคฏฺเน อินฺทสิฏฺฏฺเน จ อินฺทฺริยานิ. สพฺพาเนว ปเนตานิ ภควตา ยถาภูตโต ปกาสิตานิ อภิสมฺพุทฺธานิ จาติ อินฺทเทสิตฏฺเน อินฺททิฏฺฏฺเน จ อินฺทฺริยานิ. เตเนว ภควตา มุนินฺเทน กานิจิ โคจราเสวนาย กานิจิ ภาวนาเสวนาย เสวิตานีติ อินฺทชุฏฺฏฺเนาปิ อินฺทฺริยานิ.
อปิจ ¶ อาธิปจฺจสงฺขาเตน อิสฺสริยฏฺเนาปิ เอตานิ อินฺทฺริยานิ. จกฺขุวิฺาณาทิปฺปวตฺติยฺหิ จกฺขาทีนํ สิทฺธํ อาธิปจฺจํ, ตสฺมึ ติกฺเข ติกฺขตฺตา มนฺเท จ มนฺทตฺตาติ. อยํ ตาเวตฺถ อตฺถโต วินิจฺฉโย.
ลกฺขณาทีหีติ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺาเนหิปิ จกฺขาทีนํ วินิจฺฉยํ วิชานิยาติ อตฺโถ. ตานิ จ เนสํ ลกฺขณาทีนิ ขนฺธนิทฺเทเส วุตฺตาเนว. ปฺินฺทฺริยาทีนิ หิ จตฺตาริ อตฺถโต อโมโหเยว. เสสานิ ตตฺถ สรูเปเนว อาคตานิ.
๕๒๖. กมโตติ อยมฺปิ เทสนากฺกโมว. ตตฺถ อชฺฌตฺตธมฺเม ปริฺาย อริยภูมิปฏิลาโภ โหตีติ อตฺตภาวปริยาปนฺนานิ จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ ปมํ เทสิตานิ. โส ปน อตฺตภาโว ยํ ธมฺมํ อุปาทาย อิตฺถีติ วา ปุริโสติ วา สงฺขํ คจฺฉติ, อยํ โสติ นิทสฺสนตฺถํ ตโต อิตฺถินฺทฺริยํ ปุริสินฺทฺริยฺจ. โส ทุวิโธปิ ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธวุตฺตีติ าปนตฺถํ ตโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ยาว ตสฺส ปวตฺติ, ตาว เอเตสํ เวทยิตานํ อนิวตฺติ. ยฺจ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขนฺติ าปนตฺถํ ตโต สุขินฺทฺริยาทีนิ. ตํนิโรธตฺถํ ปน เอเต ธมฺมา ภาเวตพฺพาติ ปฏิปตฺติทสฺสนตฺถํ ตโต สทฺธาทีนิ. อิมาย ปฏิปตฺติยา เอส ธมฺโม ปมํ อตฺตนิ ปาตุภวตีติ ปฏิปตฺติยา อโมฆภาวทสฺสนตฺถํ ตโต อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ. ตสฺเสว ผลตฺตา ตโต อนนฺตรํ ภาเวตพฺพโต จ ตโต อฺินฺทฺริยํ. ตโต ปรํ ภาวนาย อิมสฺส อธิคโม, อธิคเต จ ปน อิมสฺมึ นตฺถิ กิฺจิ อุตฺตริ กรณียนฺติ าปนตฺถํ อนฺเต ปรมสฺสาสภูตํ อฺาตาวินฺทฺริยํ เทสิตนฺติ อยเมตฺถ กโม.
เภทาเภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺเสว เจตฺถ เภโท. ตฺหิ รูปชีวิตินฺทฺริยํ อรูปชีวิตินฺทฺริยนฺติ ทุวิธํ โหติ. เสสานํ อเภโทติ เอวเมตฺถ เภทาเภทโต วินิจฺฉยํ วิชานิยา.
๕๒๗. กิจฺจาติ ¶ กึ อินฺทฺริยานํ กิจฺจนฺติ เจ. จกฺขุนฺทฺริยสฺส ตาว ‘‘จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วจนโต ยํ ตํ อินฺทฺริยปจฺจยภาเวน สาเธตพฺพํ อตฺตโน ติกฺขมนฺทาทิภาเวน จกฺขุวิฺาณาทิธมฺมานํ ติกฺขมนฺทาทิสงฺขาตํ อตฺตาการานุวตฺตาปนํ, อิทํ กิจฺจํ. เอวํ โสตฆานชิวฺหากายานํ. มนินฺทฺริยสฺส ปน ¶ สหชาตธมฺมานํ อตฺตโน วสวตฺตาปนํ. ชีวิตินฺทฺริยสฺส สหชาตธมฺมานุปาลนํ. อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยานํ อิตฺถิปุริสลิงฺคนิมิตฺตกุตฺตากปฺปาการานุวิธานํ. สุขทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสินฺทฺริยานํ สหชาตธมฺเม อภิภวิตฺวา ยถาสกํ โอฬาริกาการานุปาปนํ. อุเปกฺขินฺทฺริยสฺส สนฺตปณีตมชฺฌตฺตาการานุปาปนํ. สทฺธาทีนํ ปฏิปกฺขาภิภวนํ สมฺปยุตฺตธมฺมานฺจ ปสนฺนาการาทิภาวสมฺปาปนํ. อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยสฺส สํโยชนตฺตยปฺปหานฺเจว สมฺปยุตฺตานฺจ ตปฺปหานาภิมุขภาวกรณํ. อฺินฺทฺริยสฺส กามราคพฺยาปาทาทิตนุกรณปฺปหานฺเจว สหชาตานฺจ อตฺตโน วสานุวตฺตาปนํ. อฺาตาวินฺทฺริยสฺส สพฺพกิจฺเจสุ อุสฺสุกฺกปฺปหานฺเจว อมตาภิมุขภาวปจฺจยตา จ สมฺปยุตฺตานนฺติ เอวเมตฺถ กิจฺจโต วินิจฺฉยํ วิชานิยา.
๕๒๘. ภูมิโตติ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายอิตฺถิปุริสสุขทุกฺขโทมนสฺสินฺทฺริยานิ เจตฺถ กามาวจราเนว. มนินฺทฺริยชีวิตินฺทฺริยอุเปกฺขินฺทฺริยานิ สทฺธาวีริยสติสมาธิปฺินฺทฺริยานิ จ จตุภูมิปริยาปนฺนานิ. โสมนสฺสินฺทฺริยํ กามาวจรรูปาวจรโลกุตฺตรวเสน ภูมิตฺตยปริยาปนฺนํ. อวสาเน ตีณิ โลกุตฺตราเนวาติ เอวเมตฺถ ภูมิโตปิ วินิจฺฉยํ วิชาเนยฺย. เอวํ หิ วิชานนฺโต –
สํเวคพหุโล ภิกฺขุ, ิโต อินฺทฺริยสํวเร;
อินฺทฺริยานิ ปริฺาย, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตีติ.
อิทํ อินฺทฺริยานํ วิตฺถารกถามุขํ.
สจฺจวิตฺถารกถา
๕๒๙. ตทนนฺตรานิ ปน สจฺจานีติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ – ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, ทุกฺขสมุทโย ¶ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจนฺติ. ตตฺถ –
วิภาคโต ¶ นิพฺพจน, ลกฺขณาทิปฺปเภทโต;
อตฺถตฺถุทฺธารโต เจว, อนูนาธิกโต ตถา.
กมโต ชาติอาทีนํ, นิจฺฉยา าณกิจฺจโต;
อนฺโตคธานํ ปเภทา, อุปมาโต จตุกฺกโต.
สฺุเตกวิธาทีหิ, สภาควิสภาคโต;
วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ, วิฺุนา สาสนกฺกเม.
ตตฺถ วิภาคโตติ ทุกฺขาทีนํ หิ จตฺตาโร จตฺตาโร อตฺถา วิภตฺตา ตถา อวิตถา อนฺถา, เย ทุกฺขาทีนิ อภิสเมนฺเตหิ อภิสเมตพฺพา. ยถาห – ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ, อิเม จตฺตาโร ทุกฺขสฺส ทุกฺขฏฺา ตถา อวิตถา อนฺถา. สมุทยสฺส อายูหนฏฺโ นิทานฏฺโ สํโยคฏฺโ ปลิโพธฏฺโ. นิโรธสฺส นิสฺสรณฏฺโ วิเวกฏฺโ อสงฺขตฏฺโ อมตฏฺโ. มคฺคสฺส นิยฺยานฏฺโ เหตุฏฺโ ทสฺสนฏฺโ อธิปเตยฺยฏฺโ. อิเม จตฺตาโร มคฺคสฺส มคฺคฏฺา ตถา อวิตถา อนฺถา’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๘). ตถา ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑๑) เอวมาทิ. อิติ เอวํ วิภตฺตานํ จตุนฺนํ จตุนฺนํ อตฺถานํ วเสน ทุกฺขาทีนิ เวทิตพฺพานีติ. อยํ ตาเวตฺถ วิภาคโต วินิจฺฉโย.
๕๓๐. นิพฺพจนลกฺขณาทิปฺปเภทโตติ เอตฺถ ปน นิพฺพจนโต ตาว อิธ ทุ-อิติ อยํ สทฺโท กุจฺฉิเต ทิสฺสติ. กุจฺฉิตํ หิ ปุตฺตํ ทุปฺปุตฺโตติ วทนฺติ. ขํ-สทฺโท ปน ตุจฺเฉ. ตุจฺฉํ หิ อากาสํ ‘‘ข’’นฺติ วุจฺจติ. อิทฺจ ปมสจฺจํ กุจฺฉิตํ อเนกอุปทฺทวาธิฏฺานโต. ตุจฺฉํ พาลชนปริกปฺปิตธุวสุภสุขตฺตภาววิรหิตโต. ตสฺมา กุจฺฉิตตฺตา ตุจฺฉตฺตา จ ทุกฺขนฺติ วุจฺจติ.
สํ-อิติ ¶ จ อยํ สทฺโท ‘‘สมาคโม สเมต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๙๖; วิภ. ๑๙๙) สํโยคํ ทีเปติ. อุ-อิติ อยํ ‘‘อุปฺปนฺนํ อุทิต’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๑; มหาว. ๘๔) อุปฺปตฺตึ. อย-สทฺโท การณํ ทีเปติ. อิทฺจาปิ ทุติยสจฺจํ อวเสสปจฺจยสมาโยเค สติ ทุกฺขสฺสุปฺปตฺติการณํ. อิติ ทุกฺขสฺส สํโยเค อุปฺปตฺติการณตฺตา ทุกฺขสมุทยนฺติ วุจฺจติ.
ตติยสจฺจํ ¶ ปน ยสฺมา นิ-สทฺโท อภาวํ, โรธ-สทฺโท จ จารกํ ทีเปติ. ตสฺมา อภาโว เอตฺถ สํสารจารกสงฺขาตสฺส ทุกฺขโรธสฺส สพฺพคติสฺุตฺตา, สมธิคเต วา ตสฺมึ สํสารจารกสงฺขาตสฺส ทุกฺขโรธสฺส อภาโว โหติ, ตปฺปฏิปกฺขตฺตาติปิ ทุกฺขนิโรธนฺติ วุจฺจติ. ทุกฺขสฺส วา อนุปฺปาทนิโรธปจฺจยตฺตา ทุกฺขนิโรธนฺติ.
จตุตฺถสจฺจํ ปน ยสฺมา เอตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ อารมฺมณวเสน ตทภิมุขภูตตฺตา, ปฏิปทา จ โหติ ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา. ตสฺมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ วุจฺจติ.
๕๓๑. ยสฺมา ปเนตานิ พุทฺธาทโย อริยา ปฏิวิชฺฌนฺติ, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺติ. ยถาห ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานิ. กตมานิ…เป… อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. อริยา อิมานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตี’’ติ. อปิจ อริยสฺส สจฺจานีติปิ อริยสจฺจานิ. ยถาห ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… มนุสฺสาย ตถาคโต อริโย, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๘). อถ วา เอเตสํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา อริยภาวสิทฺธิโตปิ อริยสจฺจานิ. ยถาห – ‘‘อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ยถาภูตํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อริโยติ วุจฺจตี’’ติ. อปิจ โข ปน อริยานิ สจฺจานีติปิ อริยสจฺจานิ. อริยานีติ ตถานิ อวิตถานิ อวิสํวาทกานีติ อตฺโถ. ยถาห – ‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๗) เอวเมตฺถ นิพฺพจนโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๓๒. กถํ ลกฺขณาทิปฺปเภทโต? เอตฺถ หิ พาธนลกฺขณํ ทุกฺขสจฺจํ, สนฺตาปนรสํ, ปวตฺติปจฺจุปฏฺานํ. ปภวลกฺขณํ สมุทยสจฺจํ, อนุปจฺเฉทกรณรสํ, ปลิโพธปจฺจุปฏฺานํ. สนฺติลกฺขณํ ¶ นิโรธสจฺจํ, อจฺจุติรสํ, อนิมิตฺตปจฺจุปฏฺานํ. นิยฺยานลกฺขณํ มคฺคสจฺจํ, กิเลสปฺปหานรสํ, วุฏฺานปจฺจุปฏฺานํ. อปิจ ปวตฺติปวตฺตนนิวตฺตินิวตฺตนลกฺขณานิ ปฏิปาฏิยา. ตถา สงฺขตตณฺหา อสงฺขตทสฺสนลกฺขณานิ จาติ เอวเมตฺถ ลกฺขณาทิปฺปเภทโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๓๓. อตฺถตฺถุทฺธารโต ¶ เจวาติ เอตฺถ ปน อตฺถโต ตาว โก สจฺจฏฺโติ เจ? โย ปฺาจกฺขุนา อุปปริกฺขมานานํ มายาว วิปรีโต, มรีจิว วิสํวาทโก, ติตฺถิยานํ อตฺตาว อนุปลพฺภสภาโว จ น โหติ, อถ โข พาธนปฺปภวสนฺตินิยฺยานปฺปกาเรน ตจฺฉาวิปรีตภูตภาเวน อริยาณสฺส โคจโร โหติเยว. เอส อคฺคิลกฺขณํ วิย, โลกปกติ วิย จ ตจฺฉาวิปรีตภูตภาโว สจฺจฏฺโติ เวทิตพฺโพ. ยถาห – ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. อปิจ –
นาพาธกํ ยโต ทุกฺขํ, ทุกฺขา อฺํ น พาธกํ;
พาธกตฺตนิยาเมน, ตโต สจฺจมิทํ มตํ.
ตํ วินา นาฺโต ทุกฺขํ, น โหติ น จ ตํ ตโต;
ทุกฺขเหตุนิยาเมน, อิติ สจฺจํ วิสตฺติกา.
นาฺา นิพฺพานโต สนฺติ, สนฺตํ น จ น ตํ ยโต;
สนฺตภาวนิยาเมน, ตโต สจฺจมิทํ มตํ.
มคฺคา อฺํ น นิยฺยานํ, อนิยฺยาโน น จาปิ โส;
ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตา, อิติ โส สจฺจสมฺมโต.
อิติ ตจฺฉาวิปลฺลาส, ภูตภาวํ จตูสฺวปิ;
ทุกฺขาทีสฺววิเสเสน, สจฺจฏฺํ อาหุ ปณฺฑิตาติ.
เอวํ อตฺถโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๓๔. กถํ ¶ อตฺถุทฺธารโต? อิธายํ สจฺจ-สทฺโท อเนเกสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. เสยฺยถิทํ – ‘‘สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺยา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๒๔) วาจาสจฺเจ. ‘‘สจฺเจ ิตา สมณพฺราหฺมณา จา’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓) วิรติสจฺเจ. ‘‘กสฺมา นุ สจฺจานิ วทนฺติ นานา ปวาทิยาเส กุสลาวทานา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๙๑) ทิฏฺิสจฺเจ. ‘‘เอกํ หิ สจฺจํ น ทุติย’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๙๐) ปรมตฺถสจฺเจ นิพฺพาเน เจว มคฺเค จ. ‘‘จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ กติ กุสลา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๒๑๖) อริยสจฺเจ. สฺวายมิธาปิ อริยสจฺเจ วตฺตตีติ เอวเมตฺถ อตฺถุทฺธารโตปิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๓๕. อนูนาธิกโตติ ¶ กสฺมา ปน จตฺตาเรว อริยสจฺจานิ วุตฺตานิ อนูนานิ อนธิกานีติ เจ? อฺสฺสาสมฺภวโต อฺตรสฺส จ อปเนยฺยาภาวโต. น หิ เอเตหิ อฺํ อธิกํ วา, เอเตสํ วา เอกมฺปิ อปเนตพฺพํ สมฺโภติ. ยถาห – ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อาคจฺเฉยฺย สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ‘เนตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อฺํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ. อหเมตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เปตฺวา อฺํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปฺเปสฺสามี’ติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติอาทิ. ยถา จาห – ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํ วเทยฺย ‘เนตํ ทุกฺขํ ปมํ อริยสจฺจํ ยํ สมเณน โคตเมน เทสิตํ, อหเมตํ ทุกฺขํ ปมํ อริยสจฺจํ ปจฺจกฺขาย อฺํ ทุกฺขํ ปมํ อริยสจฺจํ ปฺเปสฺสามี’ติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๖).
อปิจ ปวตฺติมาจิกฺขนฺโต ภควา สเหตุกํ อาจิกฺขิ, นิวตฺติฺจ สอุปายํ. อิติ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตูนํ เอตปรมโต จตฺตาเรว วุตฺตานิ. ตถา ปริฺเยฺยปหาตพฺพสจฺฉิกาตพฺพภาเวตพฺพานํ, ตณฺหาวตฺถุตณฺหาตณฺหานิโรธตณฺหานิโรธุปายานํ, อาลยอาลยารามตาอาลยสมุคฺฆาตอาลยสมุคฺฆาตุปายานฺจ วเสนาปิ จตฺตาเรว วุตฺตานีติ เอวเมตฺถ อนูนาธิกโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๓๖. กมโตติ อยมฺปิ เทสนากฺกโมว. เอตฺถ จ โอฬาริกตฺตา, สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา จ สุวิฺเยฺยนฺติ ทุกฺขสจฺจํ ปมํ วุตฺตํ. ตสฺเสว เหตุทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สมุทยสจฺจํ. เหตุนิโรธา ผลนิโรโธติ าปนตฺถํ ตโต นิโรธสจฺจํ. ตทธิคมุปายทสฺสนตฺถํ อนฺเต มคฺคสจฺจํ. ภวสุขสฺสาทคธิตานํ วา สตฺตานํ สํเวคชนนตฺถํ ปมํ ทุกฺขมาห. ตํ เนว อกตํ อาคจฺฉติ ¶ , น อิสฺสรนิมฺมานาทิโต โหติ, อิโต ปน โหตีติ าปนตฺถํ ตทนนฺตรํ สมุทยํ. ตโต สเหตุเกน ทุกฺเขน อภิภูตตฺตา สํวิคฺคมานสานํ ทุกฺขนิสฺสรณคเวสีนํ นิสฺสรณทสฺสเนน อสฺสาสชนนตฺถํ นิโรธํ. ตโต นิโรธาธิคมตฺถํ นิโรธสมฺปาปกํ มคฺคนฺติ เอวเมตฺถ กมโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๓๗. ชาติอาทีนํ นิจฺฉยาติ เย เต อริยสจฺจานิ นิทฺทิสนฺเตน ภควตา ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, มรณมฺปิ ทุกฺขํ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา, อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุกฺโข, ปิเยหิ ¶ วิปฺปโยโค ทุกฺโข, ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ, สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ (วิภ. ๑๙๐) ทุกฺขนิทฺเทเส ทฺวาทส ธมฺมา, ‘‘ยายํ ตณฺหา โปโนพฺภวิกา นนฺทีราคสหคตา ตตฺรตตฺราภินนฺทินี. เสยฺยถิทํ, กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหา’’ติ (วิภ. ๒๐๓) สมุทยนิทฺเทเส ติวิธา ตณฺหา, ‘‘โย ตสฺสาเยว ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรโธ จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโย’’ติ (วิภ. ๒๐๔) เอวํ นิโรธนิทฺเทเส อตฺถโต เอกเมว นิพฺพานํ, ‘‘กตมํ ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสจฺจํ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ (วิภ. ๒๐๕) เอวํ มคฺคนิทฺเทเส อฏฺ ธมฺมาติ อิติ จตุนฺนํ สจฺจานํ นิทฺเทเส ชาติอาทโย ธมฺมา วุตฺตา, เตสํ ชาติอาทีนํ นิจฺฉยาปิ เอตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
ทุกฺขนิทฺเทสกถา
ชาตินิทฺเทโส
เสยฺยถิทํ, อยฺหิ ชาติ-สทฺโท อเนกตฺโถ. ตถา เหส ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔๔; ปารา. ๑๒) เอตฺถ ภเว อาคโต. ‘‘อตฺถิ, วิสาเข, นิคณฺา นาม สมณชาตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑) เอตฺถ นิกาเย. ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิตา’’ติ (ธาตุ. ๗๑) เอตฺถ สงฺขตลกฺขเณ. ‘‘ยํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ปมํ วิฺาณํ ปาตุภูตํ, ตทุปาทาย สาวสฺส ชาตี’’ติ (มหาว. ๑๒๔) เอตฺถ ปฏิสนฺธิยํ. ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๗) เอตฺถ ปสูติยํ. ‘‘อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๓๑) เอตฺถ กุเล. ‘‘ยโตหํ, ภคินิ, อริยาย ชาติยา ชาโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑) เอตฺถ อริยสีเล.
๕๓๘. สฺวายมิธ ¶ คพฺภเสยฺยกานํ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ยาว มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมนํ, ตาว ปวตฺเตสุ ขนฺเธสุ. อิตเรสํ ปฏิสนฺธิขนฺเธสฺเววาติ ทฏฺพฺโพ. อยมฺปิ จ ปริยายกถาว. นิปฺปริยายโต ปน ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตมานานํ สตฺตานํ เย เย ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, เตสํ เตสํ ปมปาตุภาโว ชาติ นาม.
สา ¶ ปเนสา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปมาภินิพฺพตฺติลกฺขณา, นิยฺยาตนรสา, อตีตภวโต อิธ อุมฺมุชฺชนปจฺจุปฏฺานา, ทุกฺขวิจิตฺตตาปจฺจุปฏฺานา วา.
๕๓๙. กสฺมา ปเนสา ทุกฺขาติ เจ? อเนเกสํ ทุกฺขานํ วตฺถุภาวโต. อเนกานิ หิ ทุกฺขานิ. เสยฺยถิทํ – ทุกฺขทุกฺขํ, วิปริณามทุกฺขํ, สงฺขารทุกฺขํ, ปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ, อปฺปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ, ปริยายทุกฺขํ, นิปฺปริยายทุกฺขนฺติ.
ตตฺถ กายิกเจตสิกา ทุกฺขา เวทนาสภาวโต จ นามโต จ ทุกฺขตฺตา ทุกฺขทุกฺขนฺติ วุจฺจติ.
สุขา เวทนา วิปริณาเมน ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต วิปริณามทุกฺขํ.
อุเปกฺขา เวทนา เจว อวเสสา จ เตภูมกา สงฺขารา อุทยพฺพยปฺปฏิปีฬิตตฺตา สงฺขารทุกฺขํ. กณฺณสูลทนฺตสูลราคชปริฬาหโทสชปริฬาหาทิ กายิกเจตสิโก อาพาโธ ปุจฺฉิตฺวา ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ อปากฏภาวโต ปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ นาม. อปากฏทุกฺขนฺติปิ วุจฺจติ.
ทฺวตฺตึสกมฺมการณาทิสมุฏฺาโน อาพาโธ อปุจฺฉิตฺวาว ชานิตพฺพโต อุปกฺกมสฺส จ ปากฏภาวโต อปฺปฏิจฺฉนฺนทุกฺขํ นาม. ปากฏทุกฺขนฺติปิ วุจฺจติ.
เปตฺวา ทุกฺขทุกฺขํ เสสํ ทุกฺขสจฺจวิภงฺเค อาคตํ ชาติอาทิ สพฺพมฺปิ ตสฺส ตสฺส ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ปริยายทุกฺขํ. ทุกฺขทุกฺขํ ปน นิปฺปริยายทุกฺขนฺติ วุจฺจติ.
ตตฺรายํ ¶ ชาติ ยํ ตํ พาลปณฺฑิตสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๔๖ อาทโย) ภควตาปิ อุปมาวเสน ปกาสิตํ อาปายิกํ ทุกฺขํ, ยฺจ สุคติยมฺปิ มนุสฺสโลเก คพฺโภกฺกนฺติมูลกาทิเภทํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขา.
๕๔๐. ตตฺริทํ คพฺโภกฺกนฺติมูลกาทิเภทํ ทุกฺขํ – อยํ หิ สตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตมาโน น อุปฺปลปทุมปุณฺฑรีกาทีสุ นิพฺพตฺตติ, อถ โข เหฏฺา อามาสยสฺส อุปริ ปกฺกาสยสฺส อุทรปฏลปิฏฺิกณฺฏกานํ เวมชฺเฌ ปรมสมฺพาเธ ติพฺพนฺธกาเรนานากุณปคนฺธปริภาวิตปรมทุคฺคนฺธปวนวิจริเต อธิมตฺตเชคุจฺเฉ กุจฺฉิปเทเส ปูติมจฺฉปูติกุมฺมาสจนฺทนิกาทีสุ กิมิ วิย นิพฺพตฺตติ. โส ตตฺถ นิพฺพตฺโต ทส มาเส มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน อุสฺมนา ปุฏปากํ วิย ปจฺจมาโน ปิฏฺปิณฺฑิ วิย เสทิยมาโน สมิฺชนปสารณาทิรหิโต อธิมตฺตํ ทุกฺขมนุโภตีติ, อิทํ ตาว คพฺโภกฺกนฺติมูลกํ ทุกฺขํ.
ยํ ¶ ปน โส มาตุ สหสา อุปกฺขลนคมนนิสีทนวุฏฺานปริวตฺตนาทีสุ สุราธุตฺตหตฺถคโต เอฬโก วิย อหิตุณฺฑิกหตฺถคโต สปฺปโปตโก วิย จ อากฑฺฒนปริกฑฺฒนโอธูนนนิทฺธูนนาทินา อุปกฺกเมน อธิมตฺตํ ทุกฺขมนุภวติ, ยฺจ มาตุ สีตูทกปานกาเล สีตนรกุปปนฺโน วิย, อุณฺหยาคุภตฺตาทิอชฺโฌหรณกาเล องฺคารวุฏฺิสมฺปริกิณฺโณ วิย, โลณมฺพิลาทิอชฺโฌหรณกาเล ขาราปฏิจฺฉกาทิกมฺมการณปตฺโต วิย ติพฺพํ ทุกฺขมนุโภติ, อิทํ คพฺภปริหรณมูลกํ ทุกฺขํ.
ยํ ปนสฺส มูฬฺหคพฺภาย มาตุยา มิตฺตามจฺจสุหชฺชาทีหิปิ อทสฺสนารเห ทุกฺขุปฺปตฺติฏฺาเน เฉทนผาลนาทีหิ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ คพฺภวิปตฺติมูลกํ ทุกฺขํ.
ยํ วิชายมานาย มาตุยา กมฺมเชหิ วาเตหิ ปริวตฺเตตฺวา นรกปปาตํ วิย อติภยานกํ โยนิมคฺคํ ปฏิปาติยมานสฺส ปรมสมฺพาเธน โยนิมุเขน ตาฬจฺฉิคฺคเฬน วิย นิกฺกฑฺฒิยมานสฺส มหานาคสฺส นรกสตฺตสฺส วิย จ สงฺฆาตปพฺพเตหิ วิจุณฺณิยมานสฺส ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ วิชายนมูลกํ ทุกฺขํ.
ยํ ปน ชาตสฺส ตรุณวณสทิสสุขุมาลสรีรสฺส หตฺถคหณนหาปนโธวนโจฬปริมชฺชนาทิกาเล ¶ สูจิมุขขุรธาราหิ วิชฺฌนผาลนสทิสํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ มาตุกุจฺฉิโต พหินิกฺขมนมูลกํ ทุกฺขํ.
ยํ ตโต ปรํ ปวตฺติยํ อตฺตนาว อตฺตานํ วเธนฺตสฺส อเจลกวตาทิวเสน อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺตสฺส, โกธวเสน อภฺุชนฺตสฺส, อุพฺพนฺธนฺตสฺส จ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ อตฺตูปกฺกมมูลกํ ทุกฺขํ. ยํ ปน ปรโต วธพนฺธนาทีนิ อนุภวนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, อิทํ ปรูปกฺกมมูลกํ ทุกฺขนฺติ.
อิติ อิมสฺส สพฺพสฺสาปิ ทุกฺขสฺส อยํ ชาติ วตฺถุเมว โหติ.
ชาเยถ โน เจ นรเกสุ สตฺโต,
ตตฺตคฺคิทาหาทิกมปฺปสยฺหํ;
ลเภถ ทุกฺขํ นุ กุหึ ปติฏฺํ,
อิจฺจาห ทุกฺขาติ มุนีธ ชาตึ.
ทุกฺขํ ¶ ติรจฺเฉสุ กสาปโตท-
ทณฺฑาภิฆาตาทิภวํ อเนกํ;
ยํ ตํ กถํ ตตฺถ ภเวยฺย ชาตึ,
วินา ตหึ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขา.
เปเตสุ ทุกฺขํ ปน ขุปฺปิปาสา-
วาตาตปาทิปฺปภวํ วิจิตฺตํ;
ยสฺมา อชาตสฺส น ตตฺถ อตฺถิ,
ตสฺมาปิ ทุกฺขํ มุนิ ชาติมาห.
ติพฺพนฺธกาเร ¶ จ อสยฺหสีเต,
โลกนฺตเร ยํ อสุเรสุ ทุกฺขํ;
น ตํ ภเว ตตฺถ น จสฺส ชาติ,
ยโต อยํ ชาติ ตโตปิ ทุกฺขา.
ยฺจาปิ คูถนรเก วิย มาตุคพฺเภ,
สตฺโต วสํ จิรมโต พหิ นิกฺขมฺจ;
ปปฺโปติ ทุกฺขมติโฆรมิทมฺปิ นตฺถิ,
ชาตึ วินา อิติปิ ชาติ อยฺหิ ทุกฺขา.
กึ ภาสิเตน พหุนา นนุ ยํ กุหิฺจิ,
อตฺถีธ กิฺจิทปิ ทุกฺขมิทํ กทาจิ;
เนวตฺถิ ชาติวิรเหน ยโต มเหสิ,
ทุกฺขาติ สพฺพปมํ อิมมาห ชาตินฺติ.
อยํ ตาว ชาติยํ วินิจฺฉโย.
ชรานิทฺเทโส
๕๔๒. ชราปิ ทุกฺขาติ เอตฺถ ทุวิธา ชรา สงฺขตลกฺขณฺจ, ขณฺฑิจฺจาทิสมฺมโต สนฺตติยํ เอกภวปริยาปนฺนขนฺธปุราณภาโว จ, สา อิธ อธิปฺเปตา. สา ปเนสา ชรา ขนฺธปริปากลกฺขณา, มรณูปนยนรสา, โยพฺพนวินาสปจฺจุปฏฺานา. ทุกฺขา สงฺขารทุกฺขภาวโต เจว ทุกฺขวตฺถุโต จ ¶ . ยํ หิ องฺคปจฺจงฺคสิถิลีภาวอินฺทฺริยวิการวิรูปตาโยพฺพนวินาสพลูปฆาตสติมติวิปฺปวาสปรปริภวาทิอเนกปจฺจยํ กายิกเจตสิกทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ชรา ตสฺส วตฺถุ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘องฺคานํ สิถิลีภาวา, อินฺทฺริยานํ วิการโต;
โยพฺพนสฺส วินาเสน, พลสฺส อุปฆาตโต.
‘‘วิปฺปวาสา ¶ สตาทีนํ, ปุตฺตทาเรหิ อตฺตโน;
อปสาทนียโต เจว, ภิยฺโย พาลตฺตปตฺติยา.
‘‘ปปฺโปติ ทุกฺขํ ยํ มจฺโจ, กายิกํ มานสํ ตถา;
สพฺพเมตํ ชราเหตุ, ยสฺมา ตสฺมา ชรา ทุขา’’ติ.
อยํ ชรายํ วินิจฺฉโย.
มรณนิทฺเทโส
๕๔๓. มรณมฺปิ ทุกฺขนฺติ เอตฺถาปิ ทุวิธํ มรณํ สงฺขตลกฺขณฺจ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑). เอกภวปริยาปนฺนชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธวิจฺเฉโท จ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิจฺจํ มรณโต ภย’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๘๑). ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. ชาติปจฺจยา มรณํ อุปกฺกมมรณํ สรสมรณํ อายุกฺขยมรณํ ปฺุกฺขยมรณนฺติปิ ตสฺเสว นามํ. ตยิทํ จุติลกฺขณํ, วิโยครสํ, คติวิปฺปวาสปจฺจุปฏฺานํ. ทุกฺขสฺส ปน วตฺถุภาวโต ทุกฺขนฺติ เวทิตพฺพํ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ปาปสฺส ปาปกมฺมาทิ-นิมิตฺตมนุปสฺสโต;
ภทฺทสฺสาปสหนฺตสฺส, วิโยคํ ปิยวตฺถุกํ;
มียมานสฺส ยํ ทุกฺขํ, มานสํ อวิเสสโต.
สพฺเพสฺจาปิ ยํ สนฺธิ-พนฺธนจฺเฉทนาทิกํ;
วิตุชฺชมานมมฺมานํ, โหติ ทุกฺขํ สรีรชํ.
อสยฺหมปฺปติการํ, ทุกฺขสฺเสตสฺสิทํ ยโต;
มรณํ วตฺถุ เตเนตํ, ทุกฺขมิจฺเจว ภาสิต’’นฺติ.
อยํ มรเณ วินิจฺฉโย.
โสกาทินิทฺเทสา
๕๔๔. โสกาทีสุ ¶ ¶ โสโก นาม าติพฺยสนาทีหิ ผุฏฺสฺส จิตฺตสนฺตาโป. โส กิฺจาปิ อตฺถโต โทมนสฺสเมว โหติ. เอวํ สนฺเตปิ อนฺโตนิชฺฌานลกฺขโณ, เจตโส ปริชฺฌาปนรโส, อนุโสจนปจฺจุปฏฺาโน. ทุกฺโข ปน ทุกฺขทุกฺขโต ทุกฺขวตฺถุโต จ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘สตฺตานํ หทยํ โสโก, วิสสลฺลํว ตุชฺชติ;
อคฺคิตตฺโตว นาราโจ, ภุสํว ทหเต ปุน.
‘‘สมาวหติ จ พฺยาธิ-ชรามรณเภทนํ;
ทุกฺขมฺปิ วิวิธํ ยสฺมา, ตสฺมา ทุกฺโขติ วุจฺจตี’’ติ.
อยํ โสเก วินิจฺฉโย.
ปริเทโว
๕๔๕. ปริเทโว นาม าติพฺยสนาทีหิ ผุฏฺสฺส วจีปลาโป. โส ลาลปฺปนลกฺขโณ, คุณโทสกิตฺตนรโส, สมฺภมปจฺจุปฏฺาโน. ทุกฺโข ปน สงฺขารทุกฺขภาวโต ทุกฺขวตฺถุโต จ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ยํ โสกสลฺลวิหโต ปริเทวมาโน,
กณฺโฏฺตาลุตลโสสชมปฺปสยฺหํ;
ภิยฺโยธิมตฺตมธิคจฺฉติเยว ทุกฺขํ,
ทุกฺโขติ เตน ภควา ปริเทวมาหา’’ติ.
อยํ ปริเทเว วินิจฺฉโย.
ทุกฺขํ
๕๔๖. ทุกฺขํ ¶ นาม กายิกํ ทุกฺขํ, ตํ กายปีฬนลกฺขณํ, ทุปฺปฺานํ โทมนสฺสกรณรสํ, กายิกาพาธปจฺจุปฏฺานํ. ทุกฺขํ ปน ทุกฺขทุกฺขโต มานสทุกฺขาวหนโต จ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ปีเฬติ กายิกมิทํ, ทุกฺขฺจ มานสํ ภิยฺโย;
ชนยติ ยสฺมา ตสฺมา, ทุกฺขนฺติ วิเสสโต วุตฺต’’นฺติ.
อยํ ทุกฺเข วินิจฺฉโย.
โทมนสฺสํ
๕๔๗. โทมนสฺสํ ¶ นาม มานสํ ทุกฺขํ. ตํ จิตฺตปีฬนลกฺขณํ, มโนวิฆาตรสํ, มานสพฺยาธิปจฺจุปฏฺานํ. ทุกฺขํ ปน ทุกฺขทุกฺขโต กายิกทุกฺขาวหนโต จ. เจโตทุกฺขสมปฺปิตา หิ เกเส ปกิริย กนฺทนฺติ, อุรานิ ปฏิปิสนฺติ, อาวฏฺฏนฺติ, วิวฏฺฏนฺติ, อุทฺธํปาทํ ปปตนฺติ, สตฺถํ อาหรนฺติ, วิสํ ขาทนฺติ, รชฺชุยา อุพฺพนฺธนฺติ, อคฺคึ ปวิสนฺตีติ ตํ นานปฺปการกํ ทุกฺขมนุภวนฺติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ปีเฬติ ยโต จิตฺตํ, กายสฺส จ ปีฬนํ สมาวหติ;
ทุกฺขนฺติ โทมนสฺสํ, วิโทมนสฺสา ตโต อาหู’’ติ.
อยํ โทมนสฺเส วินิจฺฉโย.
อุปายาโส
๕๔๘. อุปายาโส นาม าติพฺยสนาทีหิ ผุฏฺสฺส อธิมตฺตเจโตทุกฺขปฺปภาวิโต โทโสเยว. สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺโน เอโก ธมฺโมติ เอเก. โส จิตฺตปริทหนลกฺขโณ, นิตฺถุนนรโส ¶ , วิสาทปจฺจุปฏฺาโน. ทุกฺโข ปน สงฺขารทุกฺขภาวโต จิตฺตปริทหนโต กายวิสาทนโต จ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘จิตฺตสฺส จ ปริทหนา, กายสฺส วิสาทนา จ อธิมตฺตํ;
ยํ ทุกฺขมุปายาโส, ชเนติ ทุกฺโข ตโต วุตฺโต’’ติ.
อยํ อุปายาเส วินิจฺฉโย.
เอตฺถ จ มนฺทคฺคินา อนฺโตภาชเน ปาโก วิย โสโก. ติกฺขคฺคินา ปจฺจมานสฺส ภาชนโต พหินิกฺขมนํ วิย ปริเทโว. พหินิกฺขนฺตาวเสสสฺส นิกฺขมิตุํ อปฺปโหนฺตสฺส อนฺโตภาชเนเยว ยาว ปริกฺขยา ปาโก วิย อุปายาโส ทฏฺพฺโพ.
อปฺปิยสมฺปโยโค
๕๔๙. อปฺปิยสมฺปโยโค นาม อมนาเปหิ สตฺตสงฺขาเรหิ สโมธานํ. โส อนิฏฺสโมธานลกฺขโณ, จิตฺตวิฆาตกรณรโส, อนตฺถภาวปจฺจุปฏฺาโน. ทุกฺโข ปน ทุกฺขวตฺถุโต. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ทิสฺวาว ¶ อปฺปิเย ทุกฺขํ, ปมํ โหติ เจตสิ;
ตทุปกฺกมสมฺภูต-มถกาเย ยโต อิธ.
‘‘ตโต ทุกฺขทฺวยสฺสาปิ, วตฺถุโต โส มเหสินา;
ทุกฺโข วุตฺโตติ วิฺเยฺโย, อปฺปิเยหิ สมาคโม’’ติ.
อยํ อปฺปิยสมฺปโยเค วินิจฺฉโย.
ปิยวิปฺปโยโค
๕๕๐. ปิยวิปฺปโยโค นาม มนาเปหิ สตฺตสงฺขาเรหิ วินาภาโว. โส อิฏฺวตฺถุวิโยคลกฺขโณ ¶ , โสกุปฺปาทนรโส, พฺยสนปจฺจุปฏฺาโน. ทุกฺโข ปน โสกทุกฺขสฺส วตฺถุโต. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘าติธนาทิวิโยคา,
โสกสรสมปฺปิตา วิตุชฺชนฺติ;
พาลา ยโต ตโต ยํ,
ทุกฺโขติ มโต ปิยวิปฺปโยโค’’ติ.
อยํ ปิยวิปฺปโยเค วินิจฺฉโย.
อิจฺฉิตาลาโภ
๕๕๑. ยมฺปิจฺฉํ น ลภตีติ เอตฺถ ‘‘อโห วต มยํ น ชาติธมฺมา อสฺสามา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๙๘; วิภ. ๒๐๑) อลพฺภเนยฺยวตฺถูสุ อิจฺฉาว ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ, ตมฺปิ ทุกฺขนฺติ วุตฺตา. สา อลพฺภเนยฺยวตฺถุอิจฺฉนลกฺขณา, ตปฺปริเยสนรสา, เตสํ อปฺปตฺติปจฺจุปฏฺานา. ทุกฺขา ปน ทุกฺขวตฺถุโต. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ตํ ตํ ปตฺถยมานานํ, ตสฺส ตสฺส อลาภโต;
ยํ วิฆาตมยํ ทุกฺขํ, สตฺตานํ อิธ ชายติ.
‘‘อลพฺภเนยฺยวตฺถูนํ, ปตฺถนา ตสฺส การณํ;
ยสฺมา ตสฺมา ชิโน ทุกฺขํ, อิจฺฉิตาลาภมพฺรวี’’ติ.
อยํ อิจฺฉิตาลาเภ วินิจฺฉโย.
ปฺจุปาทานกฺขนฺธา
๕๕๒. สํขิตฺเตน ¶ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขาติ เอตฺถ ปน –
ชาติปฺปภุติกํ ¶ ทุกฺขํ, ยํ วุตฺตมิธ ตาทินา;
อวุตฺตํ ยฺจ ตํ สพฺพํ, วินา เอเต น วิชฺชติ.
ยสฺมา ตสฺมา อุปาทาน-กฺขนฺธา สงฺเขปโต อิเม;
ทุกฺขาติ วุตฺตา ทุกฺขนฺต-เทสเกน มเหสินา.
ตถา หิ อินฺธนมิว ปาวโก, ลกฺขมิว ปหรณานิ, โครูปํ วิย ฑํสมกสาทโย, เขตฺตมิว ลายกา, คามํ วิย คามฆาตกา อุปาทานกฺขนฺธปฺจกเมว ชาติอาทโย นานปฺปกาเรหิ วิพาเธนฺตา ติณลตาทีนิ วิย ภูมิยํ, ปุปฺผผลปลฺลวานิ วิย รุกฺเขสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุเยว นิพฺพตฺตนฺติ. อุปาทานกฺขนฺธานฺจ อาทิทุกฺขํ ชาติ, มชฺเฌทุกฺขํ ชรา, ปริโยสานทุกฺขํ มรณํ, มารณนฺติกทุกฺขาภิฆาเตน ปริฑยฺหนทุกฺขํ โสโก, ตทสหนโต ลาลปฺปนทุกฺขํ ปริเทโว, ตโต ธาตุกฺโขภสงฺขาตอนิฏฺโผฏฺพฺพสมาโยคโต กายสฺส อาพาธนทุกฺขํ ทุกฺขํ, เตน พาธิยมานานํ ปุถุชฺชนานํ ตตฺถ ปฏิฆุปฺปตฺติโต เจโตพาธนทุกฺขํ โทมนสฺสํ, โสกาทิวุทฺธิยา ชนิตวิสาทานํ อนุตฺถุนนทุกฺขํ อุปายาโส, มโนรถวิฆาตปฺปตฺตานํ อิจฺฉาวิฆาตทุกฺขํ อิจฺฉิตาลาโภติ เอวํ นานปฺปการโต อุปปริกฺขิยมานา อุปาทานกฺขนฺธาว ทุกฺขาติ. ยเทตํ เอกเมกํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานํ อเนเกหิปิ กปฺเปหิ น สกฺกา อเสสโต วตฺตุํ, ตสฺมา ตํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ เอกชลพินฺทุมฺหิ สกลสมุทฺทชลรสํ วิย เยสุ เกสุจิ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สํขิปิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ ภควา อโวจาติ. อยํ อุปาทานกฺขนฺเธสุ วินิจฺฉโย.
อยํ ตาว ทุกฺขนิทฺเทเส นโย.
สมุทยนิทฺเทสกถา
๕๕๓. สมุทยนิทฺเทเส ปน ยายํ ตณฺหาติ ยา อยํ ตณฺหา. โปโนพฺภวิกาติ ปุนพฺภวกรณํ ปุโนพฺภโว, ปุโนพฺภโว สีลเมติสฺสาติ ¶ โปโนพฺภวิกา. นนฺทีราเคน สหคตาติ นนฺทีราคสหคตา, นนฺทีราเคน สทฺธึ อตฺถโต เอกตฺตเมว คตาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺร ตตฺราภินนฺทินีติ ยตฺร ยตฺร อตฺตภาโว นิพฺพตฺตติ, ตตฺร ตตฺราภินนฺทินี. เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต ¶ , ตสฺส สา กตมาติ เจติ อตฺโถ. กามตณฺหา ภวตณฺหา วิภวตณฺหาติ อิมา ปฏิจฺจสมุปฺปาทนิทฺเทเส อาวิภวิสฺสนฺติ. อิธ ปนายํ ติวิธาปิ ทุกฺขสจฺจสฺส นิพฺพตฺตกฏฺเน เอกตฺตํ อุปเนตฺวา ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจนฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
อยํ สมุทยนิทฺเทเส นโย.
นิโรธนิทฺเทสกถา
๕๕๔. ทุกฺขนิโรธนิทฺเทเส โย ตสฺสาเยว ตณฺหายาติอาทินา นเยน สมุทยนิโรโธ วุตฺโต, โส กสฺมาติ เจ? สมุทยนิโรเธน ทุกฺขนิโรโธ. สมุทยนิโรเธน หิ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, น อฺถา. เตนาห –
‘‘ยถาปิ มูเล อนุปทฺทเว ทฬฺเห,
ฉินฺโนปิ รุกฺโข ปุนเทว รูหติ;
เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต,
นิพฺพตฺตตี ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุน’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๓๘);
อิติ ยสฺมา สมุทยนิโรเธเนว ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ภควา ทุกฺขนิโรธํ เทเสนฺโต สมุทยนิโรเธเนว เทเสสิ. สีหสมานวุตฺติโน หิ ตถาคตา. เต ทุกฺขํ นิโรเธนฺตา ทุกฺขนิโรธฺจ เทเสนฺตา เหตุมฺหิ ปฏิปชฺชนฺติ, น ผเล. สุวานวุตฺติโน ปน ติตฺถิยา. เต ทุกฺขํ นิโรเธนฺตา ทุกฺขนิโรธฺจ เทเสนฺตา อตฺตกิลมถานุโยคเทสนาทีหิ ผเล ปฏิปชฺชนฺติ, น เหตุมฺหีติ. เอวํ ตาว ทุกฺขนิโรธสฺส สมุทยนิโรธวเสน เทสนาย ปโยชนํ เวทิตพฺพํ.
๕๕๕. อยํ ปนตฺโถ – ตสฺสาเยว ตณฺหายาติ ตสฺสา ‘‘โปโนพฺภวิกา’’ติ วตฺวา กามตณฺหาทิวเสน วิภตฺตตณฺหาย. วิราโค วุจฺจติ มคฺโค. ‘‘วิราคา วิมุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๕; สํ. นิ. ๓.๑๔) หิ วุตฺตํ. วิราเคน นิโรโธ วิราคนิโรโธ. อนุสยสมุคฺฆาตโต อเสโส วิราคนิโรโธ อเสสวิราคนิโรโธ. อถ วา วิราโคติ ปหานํ วุจฺจติ, ตสฺมา อเสโส ¶ วิราโค อเสโส นิโรโธติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา ทฏฺพฺพา. อตฺถโต ปน สพฺพาเนว ¶ เอตานิ นิพฺพานสฺส เววจนานิ. ปรมตฺถโต หิ ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจนฺติ นิพฺพานํ วุจฺจติ. ยสฺมา ปน ตํ อาคมฺม ตณฺหา วิรชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, ตสฺมา วิราโคติ จ นิโรโธติ จ วุจฺจติ. ยสฺมา จ ตเทว อาคมฺม ตสฺสา จาคาทโย โหนฺติ, กามคุณาลเยสุ เจตฺถ เอโกปิ อาลโย นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโย’’ติ วุจฺจติ.
๕๕๖. ตยิทํ สนฺติลกฺขณํ, อจฺจุติรสํ, อสฺสาสกรณรสํ วา, อนิมิตฺตปจฺจุปฏฺานํ, นิปฺปปฺจปจฺจุปฏฺานํ วา.
นิพฺพานกถา
๕๕๗. นตฺเถว นิพฺพานํ, สสวิสาณํ วิย อนุปลพฺภนียโตติ เจ? น, อุปาเยน อุปลพฺภนียโต. อุปลพฺภติ หิ ตํ ตทนุรูปปฏิปตฺติสงฺขาเตน อุปาเยน, เจโตปริยาเณน ปเรสํ โลกุตฺตรจิตฺตํ วิย, ตสฺมา ‘‘อนุปลพฺภนียโต นตฺถี’’ติ น วตฺตพฺพํ. น หิ ‘‘ยํ พาลปุถุชฺชนา น อุปลภนฺติ, ตํ นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพํ.
๕๕๘. อปิจ นิพฺพานํ นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ, กสฺมา? ปฏิปตฺติยา วฺฌภาวาปชฺชนโต. อสติ หิ นิพฺพาเน สมฺมาทิฏฺิปุเรชวาย สีลาทิขนฺธตฺตยสงฺคหาย สมฺมาปฏิปตฺติยา วฺฌภาโว อาปชฺชติ. น จายํ วฺฌา, นิพฺพานปาปนโตติ. น ปฏิปตฺติยา วฺฌภาวาปตฺติ, อภาวปาปกตฺตาติ เจ. น, อตีตานาคตาภาเวปิ นิพฺพานปตฺติยา อภาวโต. วตฺตมานานมฺปิ อภาโว นิพฺพานนฺติ เจ. น, เตสํ อภาวาสมฺภวโต, อภาเว จ อวตฺตมานภาวาปชฺชนโต, วตฺตมานกฺขนฺธนิสฺสิตมคฺคกฺขเณ จ โสปาทิเสสนิพฺพานธาตุปฺปตฺติยา อภาวโทสโต. ตทา กิเลสานํ อวตฺตมานตฺตา น โทโสติ เจ. น, อริยมคฺคสฺส นิรตฺถกภาวาปชฺชนโต. เอวฺหิ สติ อริยมคฺคกฺขณโต ปุพฺเพปิ กิเลสา น สนฺตีติ อริยมคฺคสฺส นิรตฺถกภาโว อาปชฺชติ. ตสฺมา อการณเมตํ.
๕๕๙. ‘‘โย โข, อาวุโส, ราคกฺขโย’’ติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๔.๓๑๕) ‘‘ขโย นิพฺพาน’’นฺติ เจ. น, อรหตฺตสฺสาปิ ขยมตฺตาปชฺชนโต. ตมฺปิ หิ ¶ ‘‘โย โข, อาวุโส ¶ , ราคกฺขโย’’ติอาทินา (ส. นิ. ๔.๓๑๕) นเยน นิทฺทิฏฺํ. กิฺจ ภิยฺโย นิพฺพานสฺส อิตฺตรกาลาทิปฺปตฺติโทสโต. เอวฺหิ สติ นิพฺพานํ อิตฺตรกาลํ, สงฺขตลกฺขณํ, สมฺมาวายามนิรเปกฺขาธิคมนียภาวฺจ อาปชฺชติ. สงฺขตลกฺขณตฺตาเยว จ สงฺขตปริยาปนฺนํ, สงฺขตปริยาปนฺนตฺตา ราคาทีหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตํ, อาทิตฺตตฺตา ทุกฺขฺจาติปิ อาปชฺชติ. ยสฺมา ขยา ปฏฺาย น ภิยฺโย ปวตฺติ นาม โหติ, ตสฺส นิพฺพานภาวโต น โทโสติ เจ. น, ตาทิสสฺส ขยสฺส อภาวโต. ภาเวปิ จสฺส วุตฺตปฺปการโทสานติวตฺตนโต, อริยมคฺคสฺส จ นิพฺพานภาวาปชฺชนโต. อริยมคฺโค หิ โทเส ขีเณติ, ตสฺมา ขโยติ วุจฺจติ. ตโต จ ปฏฺาย น ภิยฺโย โทสานํ ปวตฺตีติ.
อนุปฺปตฺตินิโรธสงฺขาตสฺส ปน ขยสฺส ปริยาเยน อุปนิสฺสยตฺตา, ยสฺส อุปนิสฺสโย โหติ ตทุปจาเรน ‘‘ขโย’’ติ วุตฺตํ. สรูเปเนว กสฺมา น วุตฺตนฺติ เจ. อติสุขุมตฺตา. อติสุขุมตา จสฺส ภควโต อปฺโปสุกฺกภาวาวหนโต, อริเยน จกฺขุนา ปสฺสิตพฺพโต จ สิทฺธาติ.
๕๖๐. ตยิทํ มคฺคสมงฺคินา ปตฺตพฺพโต อสาธารณํ, ปุริมโกฏิยา อภาวโต อปฺปภวํ. มคฺคภาเว ภาวโต น อปฺปภวนฺติ เจ. น, มคฺเคน อนุปฺปาทนียโต. ปตฺตพฺพเมว เหตํ มคฺเคน, น อุปฺปาเทตพฺพํ. ตสฺมา อปฺปภวเมว. อปฺปภวตฺตา อชรามรณํ. ปภวชรามรณานํ อภาวโต นิจฺจํ.
นิพฺพานสฺเสว อณุอาทีนมฺปิ นิจฺจภาวาปตฺตีติ เจ. น, เหตุโน อภาวา. นิพฺพานสฺส นิจฺจตฺตา เต นิจฺจาติ เจ. น, เหตุลกฺขณสฺส อนุปปตฺติโต. นิจฺจา อุปฺปาทาทีนํ อภาวโต นิพฺพานํ วิยาติ เจ. น, อณุอาทีนํ อสิทฺธตฺตา.
๕๖๑. ยถาวุตฺตยุตฺติสพฺภาวโต ปน อิทเมว นิจฺจํ, รูปสภาวาติกฺกมโต อรูปํ. พุทฺธาทีนํ นิฏฺาย วิเสสาภาวโต เอกาว นิฏฺา. เยน ภาวนาย ปตฺตํ, ตสฺส กิเลสวูปสมํ, อุปาทิเสสฺจ อุปาทาย ปฺาปนียตฺตา สห อุปาทิเสเสน ปฺาปิยตีติ สอุปาทิเสสํ. โย จสฺส สมุทยปฺปหาเนน อุปหตายติกมฺมผลสฺส จริมจิตฺตโต จ อุทฺธํ ปวตฺติขนฺธานํ อนุปฺปาทนโต, อุปฺปนฺนานฺจ อนฺตรธานโต อุปาทิเสสาภาโว ¶ , ตํ อุปาทาย ปฺาปนียโต นตฺถิ เอตฺถ อุปาทิเสโสติ อนุปาทิเสสํ.
อสิถิลปรกฺกมสิทฺเธน ¶ าณวิเสเสน อธิคมนียโต, สพฺพฺุวจนโต จ ปรมตฺเถน สภาวโต นิพฺพานํ นาวิชฺชมานํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ.
อิทํ ทุกฺขนิโรธนิทฺเทเส วินิจฺฉยกถามุขํ.
มคฺคนิทฺเทสกถา
๕๖๒. ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทานิทฺเทเส วุตฺตา ปน อฏฺ ธมฺมา กามํ ขนฺธนิทฺเทเสปิ อตฺถโต ปกาสิตาเยว, อิธ ปน เนสํ เอกกฺขเณ ปวตฺตมานานํ วิเสสาวโพธนตฺถํ วทาม. สงฺเขปโต หิ จตุสจฺจปฏิเวธาย ปฏิปนฺนสฺส โยคิโน นิพฺพานารมฺมณํ อวิชฺชานุสยสมุคฺฆาตกํ ปฺาจกฺขุ สมฺมาทิฏฺิ. สา สมฺมา ทสฺสนลกฺขณา, ธาตุปฺปกาสนรสา, อวิชฺชนฺธการวิทฺธํสนปจฺจุปฏฺานา. ตถา สมฺปนฺนทิฏฺิโน ตํสมฺปยุตฺตํ มิจฺฉาสงฺกปฺปนิฆาตกํ เจตโส นิพฺพานปทาภินิโรปนํ สมฺมาสงฺกปฺโป. โส สมฺมา จิตฺตาภินิโรปนลกฺขโณ, อปฺปนารโส, มิจฺฉาสงฺกปฺปปฺปหานปจฺจุปฏฺาโน.
ตถา ปสฺสโต วิตกฺกยโต จ ตํสมฺปยุตฺตาว วจีทุจฺจริตสมุคฺฆาติกา มิจฺฉาวาจาย วิรติ สมฺมาวาจา นาม. สา ปริคฺคหลกฺขณา, วิรมณรสา, มิจฺฉาวาจาปฺปหานปจฺจุปฏฺานา. ตถา วิรมโต ตํสมฺปยุตฺตาว มิจฺฉากมฺมนฺตสมุจฺเฉทิกา ปาณาติปาตาทิวิรติ สมฺมากมฺมนฺโต นาม. โส สมุฏฺาปนลกฺขโณ, วิรมณรโส, มิจฺฉากมฺมนฺตปฺปหานปจฺจุปฏฺาโน. ยา ปนสฺส เตสํ สมฺมาวาจากมฺมนฺตานํ วิสุทฺธิภูตา ตํสมฺปยุตฺตาว กุหนาทิอุปจฺเฉทิกา มิจฺฉาชีววิรติ, โส สมฺมาอาชีโว นาม. โส โวทานลกฺขโณ, ายาชีวปวตฺติรโส, มิจฺฉาชีวปฺปหานปจฺจุปฏฺาโน.
อถสฺส โย ตสฺสา สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวสงฺขาตาย สีลภูมิยํ ปติฏฺิตสฺส ตทนุรูโป ตํสมฺปยุตฺโตว โกสชฺชสมุจฺเฉทโก วีริยารมฺโภ, เอส สมฺมาวายาโม นาม. โส ปคฺคหลกฺขโณ, อนุปฺปนฺนอกุสลานุปฺปาทนาทิรโส, มิจฺฉาวายามปฺปหานปจฺจุปฏฺาโน. ตสฺเสวํ วายมโต ตํสมฺปยุตฺโตว มิจฺฉาสติวินิทฺธุนโน เจตโส อสมฺโมโส ¶ สมฺมาสติ นาม. สา อุปฏฺานลกฺขณา, อสมฺมุสฺสนรสา, มิจฺฉาสติปฺปหานปจฺจุปฏฺานา. เอวํ อนุตฺตราย สติยา สํรกฺขิยมานจิตฺตสฺส ¶ ตํสมฺปยุตฺตาว มิจฺฉาสมาธิวิทฺธํสิกา จิตฺเตกคฺคตา สมฺมาสมาธิ นาม. โส อวิกฺเขปลกฺขโณ, สมาธานรโส, มิจฺฉาสมาธิปฺปหานปจฺจุปฏฺาโนติ. อยํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทานิทฺเทเส นโย. เอวเมตฺถ ชาติอาทีนํ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๖๓. าณกิจฺจโตติ สจฺจาณสฺส กิจฺจโตปิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ทุวิธํ หิ สจฺจาณํ – อนุโพธาณํ ปฏิเวธาณฺจ. ตตฺถ อนุโพธาณํ โลกิยํ อนุสฺสวาทิวเสน นิโรเธ มคฺเค จ ปวตฺตติ. ปฏิเวธาณํ โลกุตฺตรํ นิโรธมารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจโต จตฺตาริ สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ. ยถาห – ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสติ, ทุกฺขนิโรธมฺปิ ปสฺสติ, ทุกฺขนิโรธคามินึ ปฏิปทมฺปิ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) สพฺพํ วตฺตพฺพํ. ตํ ปนสฺส กิจฺจํ าณทสฺสนวิสุทฺธิยํ อาวิภวิสฺสติ.
ยํ ปเนตํ โลกิยํ, ตตฺถ ทุกฺขาณํ ปริยุฏฺานาภิภววเสน ปวตฺตมานํ สกฺกายทิฏฺึ นิวตฺเตติ. สมุทยาณํ อุจฺเฉททิฏฺึ. นิโรธาณํ สสฺสตทิฏฺึ. มคฺคาณํ อกิริยทิฏฺึ. ทุกฺขาณํ วา ธุวสุภสุขตฺตภาววิรหิเตสุ ขนฺเธสุ ธุวสุภสุขตฺตภาวสฺาสงฺขาตํ ผเล วิปฺปฏิปตฺตึ. สมุทยาณํ อิสฺสรปธานกาลสภาวาทีหิ โลโก ปวตฺตตีติ อการเณ การณาภิมานปฺปวตฺตํ เหตุมฺหิ วิปฺปฏิปตฺตึ. นิโรธาณํ อรูปโลกโลกถูปิกาทีสุ อปวคฺคคาหภูตํ นิโรเธ วิปฺปฏิปตฺตึ. มคฺคาณํ กามสุขลฺลิกอตฺตกิลมถานุโยคปฺปเภเท อวิสุทฺธิมคฺเค วิสุทฺธิมคฺคคาหวเสน ปวตฺตํ อุปาเย วิปฺปฏิปตฺตึ นิวตฺเตติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘โลเก โลกปฺปภเว, โลกตฺถคเม สิเว จ ตทุปาเย;
สมฺมุยฺหติ ตาว นโร, น วิชานาติ ยาว สจฺจานี’’ติ.
เอวเมตฺถ าณกิจฺจโตปิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๖๔. อนฺโตคธานํ ปเภทาติ ทุกฺขสจฺจสฺมึ หิ เปตฺวา ตณฺหฺเจว อนาสวธมฺเม จ เสสา สพฺพธมฺมา อนฺโตคธา. สมุทยสจฺเจ ฉตฺตึส ตณฺหาวิจริตานิ. นิโรธสจฺจํ อสมฺมิสฺสํ. มคฺคสจฺเจ สมฺมาทิฏฺิมุเขน วีมํสิทฺธิปาทปฺินฺทฺริยปฺาพลธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคานิ. สมฺมาสงฺกปฺปาปเทเสน ตโย ¶ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโย. สมฺมาวาจาปเทเสน จตฺตาริ วจีสุจริตานิ ¶ . สมฺมากมฺมนฺตาปเทเสน ตีณิ กายสุจริตานิ. สมฺมาชีวมุเขน อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺิตา จ. สพฺเพสํเยว วา เอเตสํ สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีวานํ อริยกนฺตสีลตฺตา อริยกนฺตสีลสฺส จ สทฺธาหตฺเถน ปฏิคฺคเหตพฺพตฺตา เตสํ อตฺถิตาย อตฺถิภาวโต สทฺธินฺทฺริยสทฺธาพลฉนฺทิทฺธิปาทา. สมฺมาวายามาปเทเสน จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยินฺทฺริยวีริยพลวีริยสมฺโพชฺฌงฺคานิ. สมฺมาสติอปเทเสน จตุพฺพิธสติปฏฺานสตินฺทฺริยสติพลสติสมฺโพชฺฌงฺคานิ. สมฺมาสมาธิอปเทเสน สวิตกฺกสวิจาราทโย ตโย สมาธี จิตฺตสมาธิ สมาธินฺทฺริยสมาธิพลปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคานิ อนฺโตคธานีติ เอวเมตฺถ อนฺโตคธานํ ปเภทโตปิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๖๕. อุปมาโตติ ภาโร วิย หิ ทุกฺขสจฺจํ ทฏฺพฺพํ, ภาราทานมิว สมุทยสจฺจํ, ภารนิกฺเขปนมิว นิโรธสจฺจํ, ภารนิกฺเขปนุปาโย วิย มคฺคสจฺจํ. โรโค วิย จ ทุกฺขสจฺจํ, โรคนิทานมิว สมุทยสจฺจํ, โรควูปสโม วิย นิโรธสจฺจํ, เภสชฺชมิว มคฺคสจฺจํ. ทุพฺภิกฺขมิว วา ทุกฺขสจฺจํ, ทุพฺพุฏฺิ วิย สมุทยสจฺจํ, สุภิกฺขมิว นิโรธสจฺจํ, สุวุฏฺิ วิย มคฺคสจฺจํ. อปิจ เวรี-เวรมูล-เวรสมุคฺฆาต-เวรสมุคฺฆาตุปาเยหิ, วิสรุกฺข-รุกฺขมูล-มูลุปจฺเฉท-ตทุปจฺเฉทุปาเยหิ, ภย-ภยมูล-นิพฺภย-ตทธิคมุปาเยหิ, โอริมตีร-มโหฆปาริมตีร-ตํสมฺปาปกวายาเมหิ จ โยเชตฺวาเปตานิ อุปมาโต เวทิตพฺพานีติ เอวเมตฺถ อุปมาโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๖๖. จตุกฺกโตติ อตฺถิ เจตฺถ ทุกฺขํ น อริยสจฺจํ, อตฺถิ อริยสจฺจํ น ทุกฺขํ, อตฺถิ ทุกฺขฺเจว อริยสจฺจฺจ, อตฺถิ เนว ทุกฺขํ น อริยสจฺจํ. เอส นโย สมุทยาทีสุ. ตตฺถ มคฺคสมฺปยุตฺตา ธมฺมา สามฺผลานิ จ ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) วจนโต สงฺขารทุกฺขตาย ทุกฺขํ, น อริยสจฺจํ. นิโรโธ อริยสจฺจํ, น ทุกฺขํ. อิตรํ ปน อริยสจฺจทฺวยํ สิยา ทุกฺขํ อนิจฺจโต, น ปน ยสฺส ปริฺาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถตฺเตน. สพฺพากาเรน ปน อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ ทุกฺขฺเจว อริยสจฺจฺจ อฺตฺร ตณฺหาย. มคฺคสมฺปยุตฺตา ธมฺมา สามฺผลานิ จ ยสฺส ปริฺตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถตฺเตน เนว ทุกฺขํ น อริยสจฺจํ. เอวํ สมุทยาทีสุปิ ยถาโยคํ โยเชตฺวา จตุกฺกโตเปตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๖๗. สฺุเตกวิธาทีหีติเอตฺถ ¶ ¶ สฺุโต ตาว ปรมตฺเถน หิ สพฺพาเนว สจฺจานิ เวทกการกนิพฺพุตคมกาภาวโต สฺุานีติ เวทิตพฺพานิ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ทุกฺขเมว หิ, น โกจิ ทุกฺขิโต;
การโก น, กิริยาว วิชฺชติ.
อตฺถิ นิพฺพุติ, น นิพฺพุโต ปุมา;
มคฺคมตฺถิ, คมโก น วิชฺชตี’’ติ.
อถ วา,
ธุวสุภสุขตฺตสฺุํ, ปุริมทฺวยมตฺตสฺุมมตปทํ;
ธุวสุขอตฺตวิรหิโต, มคฺโคอิติ สฺุตา เตสุ.
นิโรธสฺุานิ วา ตีณิ, นิโรโธ จ เสสตฺตยสฺุโ. ผลสฺุโ วา เอตฺถ เหตุ สมุทเย ทุกฺขสฺสาภาวโต, มคฺเค จ นิโรธสฺส, น ผเลน สคพฺโภ ปกติวาทีนํ ปกติ วิย. เหตุสฺฺุจ ผลํ ทุกฺขสมุทยานํ นิโรธมคฺคานฺจ อสมวายา, น เหตุสมเวตํ เหตุผลํ สมวายวาทีนํ ทฺวิอณุกาทิ วิย. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ตยมิธ นิโรธสฺุํ, ตเยน เตนาปิ นิพฺพุติ สฺุา;
สฺุโ ผเลน เหตุ, ผลมฺปิ ตํเหตุนา สฺุ’’นฺติ.
เอวํ ตาว สฺุโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
เอกวิธาทิวินิจฺฉยกถา
๕๖๘. เอกวิธาทีหีติ สพฺพเมว เจตฺถ ทุกฺขํ เอกวิธํ ปวตฺติภาวโต. ทุวิธํ นามรูปโต. ติวิธํ กามรูปารูปูปปตฺติภวเภทโต. จตุพฺพิธํ จตุอาหารเภทโต. ปฺจวิธํ ปฺจุปาทานกฺขนฺธเภทโต.
สมุทโยปิ ¶ เอกวิโธ ปวตฺตกภาวโต. ทุวิโธ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตาสมฺปยุตฺตโต. ติวิโธ กามภววิภวตณฺหาเภทโต. จตุพฺพิโธ จตุมคฺคปฺปเหยฺยโต. ปฺจวิโธ รูปาภินนฺทนาทิเภทโต. ฉพฺพิโธ ฉตณฺหากายเภทโต.
นิโรโธปิ ¶ เอกวิโธ อสงฺขตธาตุภาวโต. ปริยาเยน ปน ทุวิโธ สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสเภทโต. ติวิโธ ภวตฺตยวูปสมโต. จตุพฺพิโธ จตุมคฺคาธิคมนียโต. ปฺจวิโธ ปฺจาภินนฺทนวูปสมโต. ฉพฺพิโธ ฉตณฺหากายกฺขยเภทโต.
มคฺโคปิ เอกวิโธ ภาเวตพฺพโต. ทุวิโธ สมถวิปสฺสนาเภทโต, ทสฺสนภาวนาเภทโต วา. ติวิโธ ขนฺธตฺตยเภทโต. อยฺหิ สปฺปเทสตฺตา นครํ วิย รชฺเชน นิปฺปเทเสหิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิโต. ยถาห –
‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, อริเยน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน ตโย ขนฺธา สงฺคหิตา, ตีหิ จ โข, อาวุโส วิสาข, ขนฺเธหิ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค สงฺคหิโต. ยา จาวุโส วิสาข, สมฺมาวาจา, โย จ สมฺมากมฺมนฺโต, โย จ สมฺมาอาชีโว, อิเม ธมฺมา สีลกฺขนฺเธ สงฺคหิตา. โย จ สมฺมาวายาโม, ยา จ สมฺมาสติ, โย จ สมฺมาสมาธิ, อิเม ธมฺมา สมาธิกฺขนฺเธ สงฺคหิตา. ยา จ สมฺมาทิฏฺิ, โย จ สมฺมาสงฺกปฺโป, อิเม ธมฺมา ปฺากฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒).
เอตฺถ หิ สมฺมาวาจาทโย ตโย สีลเมว, ตสฺมา เต สชาติโต สีลกฺขนฺเธน สงฺคหิตา. กิฺจาปิ หิ ปาฬิยํ สีลกฺขนฺเธติ ภุมฺเมน นิทฺเทโส กโต, อตฺโถ ปน กรณวเสเนว เวทิตพฺโพ. สมฺมาวายามาทีสุ ปน ตีสุ สมาธิ อตฺตโน ธมฺมตาย อารมฺมเณ เอกคฺคภาเวน อปฺเปตุํ น สกฺโกติ, วีริเย ปน ปคฺคหกิจฺจํ สาเธนฺเต สติยา จ อปิลาปนกิจฺจํ สาเธนฺติยา ลทฺธุปกาโร หุตฺวา สกฺโกติ.
ตตฺรายํ อุปมา – ยถา หิ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามาติ อุยฺยานํ ปวิฏฺเสุ ตีสุ สหาเยสุ เอโก สุปุปฺผิตํ จมฺปกรุกฺขํ ทิสฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา คเหตุมฺปิ น สกฺกุเณยฺย. อถสฺส ทุติโย โอนมิตฺวา ¶ ปิฏฺึ ทเทยฺย, โส ตสฺส ปิฏฺิยํ ตฺวาปิ กมฺปมาโน คเหตุํ น สกฺกุเณยฺย. อถสฺส อิตโร อํสกูฏํ อุปนาเมยฺย. โส เอกสฺส ปิฏฺิยํ ตฺวา เอกสฺส อํสกูฏํ โอลุพฺภ ยถารุจิ ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปิฬนฺธิตฺวา นกฺขตฺตํ กีเฬยฺย. เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
เอกโต ¶ อุยฺยานํ ปวิฏฺา ตโย สหายา วิย หิ เอกโต ชาตา สมฺมาวายามาทโย ตโย ธมฺมา. สุปุปฺผิตจมฺปโก วิย อารมฺมณํ. หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวาปิ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต วิย อตฺตโน ธมฺมตาย อารมฺมเณ เอกคฺคภาเวน อปฺเปตุํ อสกฺโกนฺโต สมาธิ. ปิฏฺึ ทตฺวา โอนตสหาโย วิย วายาโม. อํสกูฏํ ทตฺวา ิตสหาโย วิย สติ. ยถา เตสุ เอกสฺส ปิฏฺิยํ ตฺวา เอกสฺส อํสกูฏํ โอลุพฺภ อิตโร ยถารุจิ ปุปฺผํ คเหตุํ สกฺโกติ, เอวเมว วีริเย ปคฺคหกิจฺจํ สาเธนฺเต สติยา จ อปิลาปนกิจฺจํ สาเธนฺติยา ลทฺธุปกาโร สมาธิ สกฺโกติ อารมฺมเณ เอกคฺคภาเวน อปฺเปตุํ. ตสฺมา สมาธิเยเวตฺถ สชาติโต สมาธิกฺขนฺเธน สงฺคหิโต, วายามสติโย ปน กิริยโต สงฺคหิตา โหนฺติ.
สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺเปสุปิ ปฺา อตฺตโน ธมฺมตาย อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ อารมฺมณํ นิจฺเฉตุํ น สกฺโกติ. วิตกฺเก ปน อาโกเฏตฺวา อาโกเฏตฺวา เทนฺเต สกฺโกติ. กถํ? ยถา หิ เหรฺิโก กหาปณํ หตฺเถ เปตฺวา สพฺพภาเคสุ โอโลเกตุกาโม สมาโนปิ น จกฺขุตเลเนว ปริวตฺเตตุํ สกฺโกติ. องฺคุลิปพฺเพหิ ปน ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกตุํ สกฺโกติ, เอวเมว น ปฺา อตฺตโน ธมฺมตาย อนิจฺจาทิวเสน อารมฺมณํ นิจฺเฉตุํ สกฺโกติ. อภินิโรปนลกฺขเณน ปน อาหนนปริยาหนนรเสน วิตกฺเกน อาโกเฏนฺเตน วิย ปริวตฺเตนฺเตน วิย จ อาทายาทาย ทินฺนเมว นิจฺเฉตุํ สกฺโกติ. ตสฺมา อิธาปิ สมฺมาทิฏฺิเยว สชาติโต ปฺากฺขนฺเธน สงฺคหิตา, สมฺมาสงฺกปฺโป ปน กิริยวเสน สงฺคหิโต โหติ.
อิติ อิเมหิ ตีหิ ขนฺเธหิ มคฺโค สงฺคหํ คจฺฉติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ติวิโธ ขนฺธตฺตยเภทโต’’ติ. จตุพฺพิโธ โสตาปตฺติมคฺคาทิวเสเนว.
อปิจ สพฺพาเนว สจฺจานิ เอกวิธานิ อวิตถตฺตา, อภิฺเยฺยตฺตา วา. ทุวิธานิ โลกิยโลกุตฺตรโต, สงฺขตาสงฺขตโต วา. ติวิธานิ ทสฺสน-ภาวนาหิ ปหาตพฺพโต, อปฺปหาตพฺพโต จ. จตุพฺพิธานิ ปริฺเยฺยาทิเภทโตติ เอวเมตฺถ เอกวิธาทีหิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
๕๖๙. สภาควิสภาคโตติ ¶ ¶ สพฺพาเนว สจฺจานิ อฺมฺํ สภาคานิ อวิตถโต อตฺตสฺุโต ทุกฺกรปฏิเวธโต จ. ยถาห –
‘‘ตํ กึ มฺสิ, อานนฺท, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา, โย วา ทูรโตว สุขุเมน ตาฬจฺฉิคฺคเฬน อสนํ อติปาเตยฺย โปงฺขานุโปงฺขํ อวิราธิตํ, โย วา สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏิยา โกฏึ ปฏิวิชฺเฌยฺยาติ? เอตเทว, ภนฺเต, ทุกฺกรตรฺเจว ทุรภิสมฺภวตรฺจ, โย วา สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏิยา โกฏึ ปฏิวิชฺเฌยฺยาติ. ตโต โข เต, อานนฺท, ทุปฺปฏิวิชฺฌตรํ ปฏิวิชฺฌนฺติ. เย อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปฏิวิชฺฌนฺติ…เป… อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ ยถาภูตํ ปฏิวิชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕).
วิสภาคานิ สลกฺขณววตฺถานโต. ปุริมานิ จ ทฺเว สภาคานิ ทุรวคาหตฺเถน คมฺภีรตฺตา โลกิยตฺตา สาสวตฺตา จ. วิสภาคานิ ผลเหตุเภทโต ปริฺเยฺยปฺปหาตพฺพโต จ. ปจฺฉิมานิปิ ทฺเว สภาคานิ คมฺภีรตฺเตน ทุรวคาหตฺตา โลกุตฺตรตฺตา อนาสวตฺตา จ. วิสภาคานิ วิสยวิสยีเภทโต สจฺฉิกาตพฺพภาเวตพฺพโต จ. ปมตติยานิ จาปิ สภาคานิ ผลาปเทสโต. วิสภาคานิ สงฺขตาสงฺขตโต. ทุติยจตุตฺถานิ จาปิ สภาคานิ เหตุอปเทสโต. วิสภาคานิ เอกนฺตกุสลากุสลโต. ปมจตุตฺถานิ จาปิ สภาคานิ สงฺขตโต. วิสภาคานิ โลกิยโลกุตฺตรโต. ทุติยตติยานิ จาปิ สภาคานิ เนวเสกฺขานาเสกฺขภาวโต. วิสภาคานิ สารมฺมณานารมฺมณโต.
อิติ เอวํ ปกาเรหิ, นเยหิ จ วิจกฺขโณ;
วิชฺา อริยสจฺจานํ, สภาควิสภาคตนฺติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
อินฺทฺริยสจฺจนิทฺเทโส นาม
โสฬสโม ปริจฺเฉโท.
๑๗. ปฺาภูมินิทฺเทโส
ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา
๕๗๐. อิทานิ ¶ ¶ ‘‘ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภทา ธมฺมา ภูมี’’ติ เอวํ วุตฺเตสุ อิมิสฺสา ปฺาย ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ ยสฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโทเจว, อาทิสทฺเทน สงฺคหิตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมา จ อวเสสา โหนฺติ, ตสฺมา เตสํ วณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต.
ตตฺถ อวิชฺชาทโย ตาว ธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท? อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑).
ชรามรณาทโย ปน ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมาติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมา? ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมํ. ชาติ, ภิกฺขเว…เป… ภโว… อุปาทานํ… ตณฺหา… เวทนา… ผสฺโส… สฬายตนํ… นามรูปํ… วิฺาณํ… สงฺขารา… อวิชฺชา, ภิกฺขเว, อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ¶ ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐).
๕๗๑. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป. ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ ปจฺจยธมฺมา เวทิตพฺพา. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมาติ เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ นิพฺพตฺตธมฺมา. กถมิทํ ชานิตพฺพนฺติ ¶ เจ? ภควโต วจเนน. ภควตา หิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมเทสนาสุตฺเต –
‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท? ชาติปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชรามรณํ, อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ิตาว สา ธาตุ ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตา อิทปฺปจฺจยตา. ตํ ตถาคโต อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ, อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา อภิสเมตฺวา อาจิกฺขติ เทเสติ ปฺเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ, ปสฺสถาติ จาห. ชาติปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชรามรณํ. ภวปจฺจยา, ภิกฺขเว, ชาติ…เป… อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขารา อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ…เป… อุตฺตานีกโรติ ปสฺสถาติ จาห. อวิชฺชาปจฺจยา, ภิกฺขเว, สงฺขารา. อิติ โข, ภิกฺขเว, ยา ตตฺร ตถตา อวิตถตา อนฺถตา อิทปฺปจฺจยตา. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐).
๕๗๒. เอวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสนฺเตน ตถตาทีหิ เววจเนหิ ปจฺจยธมฺมาว ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ วุตฺตา. ตสฺมา ชรามรณาทีนํ ธมฺมานํ ปจฺจยลกฺขโณ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, ทุกฺขานุพนฺธนรโส, กุมฺมคฺคปจฺจุปฏฺาโนติ เวทิตพฺโพ.
โส ปนายํ เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ อนูนาธิเกเหว ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส สมฺภวโต ตถตาติ, สามคฺคึ อุปคเตสุ ปจฺจเยสุ มุหุตฺตมฺปิ ตโต นิพฺพตฺตธมฺมานํ อสมฺภวาภาวโต อวิตถตาติ, อฺธมฺมปจฺจเยหิ อฺธมฺมานุปฺปตฺติโต อนฺถตาติ, ยถาวุตฺตานํ เอเตสํ ชรามรณาทีนํ ปจฺจยโต วา ปจฺจยสมูหโต วา อิทปฺปจฺจยตาติ วุตฺโต.
๕๗๓. ตตฺรายํ วจนตฺโถ, อิเมสํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา. อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา. อิทปฺปจฺจยานํ วา สมูโห อิทปฺปจฺจยตา. ลกฺขณํ ปเนตฺถ สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพํ.
๕๗๔. เกจิ ¶ ปน ปฏิจฺจ สมฺมา จ ติตฺถิยปริกปฺปิตปกติปุริสาทิการณนิรเปกฺโข อุปฺปาโท ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เอวํ อุปฺปาทมตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ วทนฺติ ¶ , ตํ น ยุชฺชติ. กสฺมา? สุตฺตาภาวโต, สุตฺตวิโรธโต, คมฺภีรนยาสมฺภวโต, สทฺทเภทโต จ. ‘‘อุปฺปาทมตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ หิ สุตฺตํ นตฺถิ. ตํ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ จ วทนฺตสฺส ปเทสวิหารสุตฺตวิโรโธ อาปชฺชติ. กถํ? ภควโต หิ ‘‘อถ โข ภควา รตฺติยา ปมํ ยามํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมํ มนสากาสี’’ติ (มหาว. ๑) อาทิวจนโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทมนสิกาโร ปมาภิสมฺพุทฺธวิหาโร, ปเทสวิหาโร จ ตสฺเสกเทสวิหาโร. ยถาห ‘‘เยน สฺวาหํ, ภิกฺขเว, วิหาเรน ปมาภิสมฺพุทฺโธ วิหรามิ, ตสฺส ปเทเสน วิหาสิ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑). ตตฺร จ ปจฺจยาการทสฺสเนน วิหาสิ, น อุปฺปาทมตฺตทสฺสเนนาติ. ยถาห ‘‘โส เอวํ ปชานามิ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยาปิ เวทยิตํ สมฺมาทิฏฺิปจฺจยาปิ เวทยิตํ มิจฺฉาสงฺกปฺปปจฺจยาปิ เวทยิต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. เอวํ อุปฺปาทมตฺตํ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ วทนฺตสฺส ปเทสวิหารสุตฺตวิโรโธ อาปชฺชติ. ตถา กจฺจานสุตฺตวิโรโธ.
กจฺจานสุตฺเตปิ หิ ‘‘โลกสมุทยํ โข, กจฺจาน, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต ยา โลเก นตฺถิตา, สา น โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕) อนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาโท โลกปจฺจยโต ‘‘โลกสมุทโย’’ติ อุจฺเฉททิฏฺิสมุคฺฆาตตฺถํ ปกาสิโต, น อุปฺปาทมตฺตํ. น หิ อุปฺปาทมตฺตทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา สมุคฺฆาโต โหติ. ปจฺจยานุปรมทสฺสเนน ปน โหติ. ปจฺจยานุปรเม ผลานุปรมโตติ. เอวํ อุปฺปาทมตฺตํ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ วทนฺตสฺส กจฺจานสุตฺตวิโรโธปิ อาปชฺชติ.
คมฺภีรนยาสมฺภวโตติ วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จา’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๕; สํ. นิ. ๒.๖๐). คมฺภีรตฺตฺจ นาม จตุพฺพิธํ, ตํ ปรโต วณฺณยิสฺสาม. ตํ อุปฺปาทมตฺเต นตฺถิ. จตุพฺพิธนยปฏิมณฺฑิตฺเจตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ วณฺณยนฺติ, ตมฺปิ นยจตุกฺกํ อุปฺปาทมตฺเต นตฺถีติ คมฺภีรนยาสมฺภวโตปิ น อุปฺปาทมตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท.
๕๗๕. สทฺทเภทโตติ ปฏิจฺจสทฺโท จ ปนายํ สมาเน กตฺตริ ปุพฺพกาเล ปยุชฺชมาโน อตฺถสิทฺธิกโร ¶ โหติ. เสยฺยถิทํ, ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๔๓). อิธ ปน ภาวสาธเนน อุปฺปาทสทฺเทน ¶ สทฺธึ ปยุชฺชมาโน สมานสฺส กตฺตุ อภาวโต สทฺทเภทํ คจฺฉติ, น จ กิฺจิ อตฺถํ สาเธตีติ สทฺทเภทโตปิ น อุปฺปาทมตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ.
ตตฺถ สิยา – ‘‘โหติ-สทฺเทน สทฺธึ โยชยิสฺสาม ‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท โหตี’ติ’’, ตํ น ยุตฺตํ. กสฺมา? โยคาภาวโต เจว, อุปฺปาทสฺส จ อุปฺปาทปตฺติโทสโต. ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท…เป… อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑). อิเมสุ หิ ปเทสุ เอเกนปิ สทฺธึ โหติ-สทฺโท โยคํ น คจฺฉติ, น จ อุปฺปาโท โหติ. สเจ ภเวยฺย, อุปฺปาทสฺสาปิ อุปฺปาโท ปาปุเณยฺยาติ.
๕๗๖. เยปิ มฺนฺติ ‘‘อิทปฺปจฺจยานํ ภาโว อิทปฺปจฺจยตา, ภาโว จ นาม โย อากาโร อวิชฺชาทีนํ สงฺขาราทิปาตุภาเว เหตุ, โส. ตสฺมิฺจ สงฺขารวิกาเร ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺา’’ติ, เตสํ ตํ น ยุชฺชติ. กสฺมา? อวิชฺชาทีนํ เหตุวจนโต. ภควตา หิ ‘‘ตสฺมาติห, อานนฺท, เอเสว เหตุ, เอตํ นิทานํ, เอส สมุทโย, เอส ปจฺจโย ชรามรณสฺส ยทิทํ ชาติ…เป… สงฺขารานํ, ยทิทํ อวิชฺชา’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๘ อาทโย) เอวํ อวิชฺชาทโยว เหตูติ วุตฺตา, น เตสํ วิกาโร. ตสฺมา ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ ปจฺจยธมฺมา เวทิตพฺพา’’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, ตํ สมฺมา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๕๗๗. ยา ปเนตฺถ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ อิมาย พฺยฺชนจฺฉายาย อุปฺปาโทเยวายํ วุตฺโตติ สฺา อุปฺปชฺชติ, สา อิมสฺส ปทสฺส เอวมตฺถํ คเหตฺวา วูปสเมตพฺพา. ภควตา หิ,
ทฺเวธา ตโต ปวตฺเต, ธมฺมสมูเห ยโต อิทํ วจนํ;
ตปฺปจฺจโย ตโตยํ, ผโลปจาเรน อิติ วุตฺโต.
โย หิ อยํ ปจฺจยตาย ปวตฺโต ธมฺมสมูโห, ตตฺถ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อิทํ วจนํ ทฺวิธา อิจฺฉนฺติ. โส หิ ยสฺมา ปตียมาโน หิตาย สุขาย จ สํวตฺตติ, ตสฺมา ปจฺเจตุมรหนฺติ ¶ นํ ปณฺฑิตาติ ปฏิจฺโจ. อุปฺปชฺชมาโน จ สห สมฺมา จ อุปฺปชฺชติ, น เอเกกโต, นาปิ อเหตุโตติ สมุปฺปาโท. เอวํ ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ¶ . อปิจ สห อุปฺปชฺชตีติ สมุปฺปาโท, ปจฺจยสามคฺคึ ปน ปฏิจฺจ อปจฺจกฺขายาติ เอวมฺปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ตสฺส จายํ เหตุสมูโห ปจฺจโยติ ตปฺปจฺจยตฺตา อยมฺปิ, ยถา โลเก เสมฺหสฺส ปจฺจโย คุโฬ เสมฺโห คุโฬติ วุจฺจติ, ยถา จ สาสเน สุขปฺปจฺจโย พุทฺธานํ อุปฺปาโท ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท’’ติ วุจฺจติ, ตถา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อิจฺเจว ผลโวหาเรน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ปฏิมุขมิโตติ วุตฺโต, เหตุสมูโห อยํ ปฏิจฺโจติ;
สหิเต อุปฺปาเทติ จ, อิติ วุตฺโต โส สมุปฺปาโท.
โย หิ เอส สงฺขาราทีนํ ปาตุภาวาย อวิชฺชาทิเอเกกเหตุสีเสน นิทฺทิฏฺโ เหตุสมูโห, โส สาธารณผลนิปฺผาทกฏฺเน อเวกลฺลฏฺเน จ สามคฺคิองฺคานํ อฺมฺเน ปฏิมุขํ อิโต คโตติ กตฺวา ปฏิจฺโจติ วุจฺจติ. สฺวายํ สหิเตเยว อฺมฺํ อวินิพฺโภควุตฺติธมฺเม อุปฺปาเทตีติ สมุปฺปาโทติปิ วุตฺโต. เอวมฺปิ ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท.
ปจฺจยตา อฺโฺํ, ปฏิจฺจ ยสฺมา สมํ สห จ ธมฺเม;
อยมุปฺปาเทติ ตโตปิ, เอวมิธ ภาสิตา มุนินา.
อวิชฺชาทิสีเสน นิทฺทิฏฺปจฺจเยสุ หิ เย ปจฺจยา ยํ สงฺขาราทิกํ ธมฺมํ อุปฺปาเทนฺติ, น เต อฺมฺํ อปฏิจฺจ อฺมฺเวกลฺเล สติ อุปฺปาเทตุํ สมตฺถาติ. ตสฺมา ปฏิจฺจ สมํ สห จ น เอเกกเทสํ, นาปิ ปุพฺพาปรภาเวน อยํ ปจฺจยตา ธมฺเม อุปฺปาเทตีติ อตฺถานุสารโวหารกุสเลน มุนินา เอวมิธ ภาสิตา, ปฏิจฺจสมุปฺปาโทตฺเวว ภาสิตาติ อตฺโถ.
๕๘๐. เอวํ ¶ ภาสมาเนน จ,
ปุริเมน สสฺสตาทีน, มภาโว ปจฺฉิเมน จ ปเทน;
อุจฺเฉทาทิวิฆาโต, ทฺวเยน ปริทีปิโต าโย.
ปุริเมนาติ ¶ ปจฺจยสามคฺคิปริทีปเกน ปฏิจฺจปเทน ปวตฺติธมฺมานํ ปจฺจยสามคฺคิยํ อายตฺตวุตฺติตฺตา สสฺสตาเหตุวิสมเหตุวสวตฺติวาทปฺปเภทานํ สสฺสตาทีนํ อภาโว ปริทีปิโต โหติ? กึ หิ สสฺสตานํ, อเหตุอาทิวเสน วา ปวตฺตานํ ปจฺจยสามคฺคิยาติ? ปจฺฉิเมน จ ปเทนาติ ธมฺมานํ อุปฺปาทปริทีปเกน สมุปฺปาทปเทน ปจฺจยสามคฺคิยํ ธมฺมานํ อุปฺปตฺติโต วิหตา อุจฺเฉทนตฺถิกอกิริยวาทาติ อุจฺเฉทาทิวิฆาโต ปริทีปิโต โหติ. ปุริมปุริมปจฺจยวเสน หิ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมาเนสุ ธมฺเมสุ กุโต อุจฺเฉโท, นตฺถิกากิริยวาทา จาติ. ทฺวเยนาติ สกเลน ปฏิจฺจสมุปฺปาทวจเนน ตสฺสา ตสฺสา ปจฺจยสามคฺคิยา สนฺตตึ อวิจฺฉินฺทิตฺวา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ สมฺภวโต มชฺฌิมา ปฏิปทา, ‘‘โส กโรติ โส ปฏิสํเวเทติ, อฺโ กโรติ อฺโ ปฏิสํเวเทตี’’ติ วาทปฺปหานํ, ชนปทนิรุตฺติยา อนภินิเวโส, สมฺาย อนติธาวนนฺติ อยํ าโย ปริทีปิโต โหตีติ อยํ ตาว ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ วจนมตฺตสฺส อตฺโถ.
๕๘๑. ยา ปนายํ ภควตา ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสนฺเตน ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน นิกฺขิตฺตา ตนฺติ, ตสฺสา อตฺถสํวณฺณนํ กโรนฺเตน วิภชฺชวาทิมณฺฑลํ โอตริตฺวา อาจริเย อนพฺภาจิกฺขนฺเตน สกสมยํ อโวกฺกมนฺเตน ปรสมยํ อนายูหนฺเตน สุตฺตํ อปฺปฏิพาหนฺเตน วินยํ อนุโลเมนฺเตน มหาปเทเส โอโลเกนฺเตน ธมฺมํ ทีเปนฺเตน อตฺถํ สงฺคาเหนฺเตน ตเมวตฺถํ ปุนราวตฺเตตฺวา อปเรหิปิ ปริยายนฺตเรหิ นิทฺทิสนฺเตน จ ยสฺมา อตฺถสํวณฺณนา กาตพฺพา โหติ, ปกติยาปิ จ ทุกฺกราว ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส อตฺถสํวณฺณนา. ยถาหุ โปราณา –
‘‘สจฺจํ สตฺโต ปฏิสนฺธิ, ปจฺจยาการเมว จ;
ทุทฺทสา จตุโร ธมฺมา, เทเสตุํ จ สุทุกฺกรา’’ติ.
ตสฺมา ¶ อฺตฺร อาคมาธิคมปฺปตฺเตหิ น สุกรา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺสตฺถวณฺณนาติ ปริตุลยิตฺวา,
วตฺตุกาโม ¶ อหํ อชฺช, ปจฺจยาการวณฺณนํ;
ปติฏฺํ นาธิคจฺฉามิ, อชฺโฌคาฬฺโหว สาครํ.
สาสนํ ปนิทํ นานา, เทสนานยมณฺฑิตํ;
ปุพฺพาจริยมคฺโค จ, อพฺโพจฺฉินฺโน ปวตฺตติ.
ยสฺมา ตสฺมา ตทุภยํ, สนฺนิสฺสายตฺถวณฺณนํ;
อารภิสฺสามิ เอตสฺส, ตํ สุณาถ สมาหิตา.
วุตฺตฺเหตํ ปุพฺพาจริเยหิ –
‘‘โย โกจิ มํ อฏฺิกตฺวา สุเณยฺย,
ลเภถ ปุพฺพาปริยํ วิเสสํ;
ลทฺธาน ปุพฺพาปริยํ วิเสสํ,
อทสฺสนํ มจฺจุราชสฺส คจฺเฉ’’ติ.
๕๘๒. อิติ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติอาทีสุ หิ อาทิโตเยว ตาว,
เทสนาเภทโต อตฺถ, ลกฺขเณกวิธาทิโต. องฺคานฺจ ววตฺถานา, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ตตฺถ เทสนาเภทโตติ ภควโต หิ วลฺลิหารกานํ จตุนฺนํ ปุริสานํ วลฺลิคหณํ วิย อาทิโต วา มชฺฌโต วา ปฏฺาย ยาว ปริโยสานํ, ตถา ปริโยสานโต วา มชฺฌโต วา ปฏฺาย ยาว อาทีติ จตุพฺพิธา ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา.
ยถา หิ วลฺลิหารเกสุ จตูสุ ปุริเสสุ เอโก วลฺลิยา มูลเมว ปมํ ปสฺสติ, โส ตํ มูเล ¶ เฉตฺวา สพฺพํ อากฑฺฒิตฺวา อาทาย กมฺเม อุปเนติ, เอวํ ภควา ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๐๒; สํ. นิ. ๒.๒) อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานาปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสติ.
ยถา ปน เตสุ ปุริเสสุ เอโก วลฺลิยา มชฺฌํ ปมํ ปสฺสติ, โส มชฺเฌ ฉินฺทิตฺวา อุปริภาคฺเว อากฑฺฒิตฺวา อาทาย กมฺเม อุปเนติ, เอวํ ภควา ‘‘ตสฺส ตํ เวทนํ อภินนฺทโต อภิวทโต อชฺโฌสาย ติฏฺโต ¶ อุปฺปชฺชติ นนฺที. ยา เวทนาสุ นนฺที, ตทุปาทานํ. ตสฺสุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๙; สํ. นิ. ๓.๕) มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานาปิ เทเสติ.
ยถา จ เตสุ ปุริเสสุ เอโก วลฺลิยา อคฺคํ ปมํ ปสฺสติ, โส อคฺเค คเหตฺวา อคฺคานุสาเรน ยาว มูลา สพฺพํ อาทาย กมฺเม อุปเนติ, เอวํ ภควา ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, ชาติปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, ชรามรณํ โน วา กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? ชาติปจฺจยา, ภนฺเต, ชรามรณํ. เอวํ โน เอตฺถ โหติ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ. ภวปจฺจยา ชาติ…เป… อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํ, อวิชฺชาปจฺจยา นุ โข, ภิกฺขเว, สงฺขารา โน วา กถํ โว เอตฺถ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๓) ปริโยสานโต ปฏฺาย ยาว อาทิโตปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสติ.
ยถา ปเนเตสุ ปุริเสสุ เอโก วลฺลิยา มชฺฌเมว ปมํ ปสฺสติ, โส มชฺเฌ ฉินฺทิตฺวา เหฏฺา โอตรนฺโต ยาว มูลา อาทาย กมฺเม อุปเนติ, เอวํ ภควา ‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาหารา กินฺนิทานา, กึสมุทยา, กึชาติกา, กึปภวา? อิเม จตฺตาโร อาหารา ตณฺหานิทานา, ตณฺหาสมุทยา, ตณฺหาชาติกา, ตณฺหาปภวา. ตณฺหา กินฺนิทานา… เวทนา… ผสฺโส… สฬายตนํ… นามรูปํ… วิฺาณํ… สงฺขารา กินฺนิทานา…เป… สงฺขารา อวิชฺชานิทานา…เป… อวิชฺชาปภวา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๑) มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว อาทิโต เทเสติ.
๕๘๓. กสฺมา ปเนวํ เทเสตีติ? ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส สมนฺตภทฺทกตฺตา สยฺจ เทสนาวิลาสปฺปตฺตตฺตา. สมนฺตภทฺทโก หิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, ตโต ตโต ายปฏิเวธาย สํวตฺตติเยว ¶ . เทสนาวิลาสปฺปตฺโต จ ภควา จตุเวสารชฺชปฏิสมฺภิทาโยเคน จตุพฺพิธคมฺภีรภาวปฺปตฺติยา จ. โส เทสนาวิลาสปฺปตฺตตฺตา นานานเยเหว ธมฺมํ เทเสติ.
วิเสสโต ปนสฺส ยา อาทิโต ปฏฺาย อนุโลมเทสนา, สา ปวตฺติการณวิภาคสํมูฬฺหํ เวเนยฺยชนํ สมนุปสฺสโต ยถาสเกหิ การเณหิ ปวตฺติสนฺทสฺสนตฺถํ อุปฺปตฺติกฺกมสนฺทสฺสนตฺถฺจ ปวตฺตาติ วิฺาตพฺพา. ยา ปริโยสานโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนา, สา ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก ¶ อาปนฺโน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔) นเยน กิจฺฉาปนฺนํ โลกํ อนุวิโลกยโต ปุพฺพภาคปฏิเวธานุสาเรน ตสฺส ตสฺส ชรามรณาทิกสฺส ทุกฺขสฺส อตฺตนา อธิคตการณสนฺทสฺสนตฺถํ. ยา มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว อาทิ ปวตฺตา, สา อาหารนิทานววตฺถาปนานุสาเรน ยาว อตีตํ อทฺธานํ อติหริตฺวา ปุน อตีตทฺธโต ปภุติ เหตุผลปฏิปาฏิสนฺทสฺสนตฺถํ. ยา ปน มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานํ ปวตฺตา, สา ปจฺจุปฺปนฺเน อทฺธาเน อนาคตทฺธเหตุสมุฏฺานโต ปภุติ อนาคตทฺธสนฺทสฺสนตฺถํ. ตาสุ ยา ปวตฺติการณสมฺมูฬฺหสฺส เวเนยฺยชนสฺส ยถาสเกหิ การเณหิ ปวตฺติสนฺทสฺสนตฺถํ อุปฺปตฺติกฺกมสนฺทสฺสนตฺถฺจ อาทิโต ปฏฺาย อนุโลมเทสนา วุตฺตา, สา อิธ นิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา.
๕๘๔. กสฺมา ปเนตฺถ อวิชฺชา อาทิโต วุตฺตา, กึ ปกติวาทีนํ ปกติ วิย อวิชฺชาปิ อการณํ มูลการณํ โลกสฺสาติ? น อการณํ. ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) หิ อวิชฺชาย การณํ วุตฺตํ. อตฺถิ ปน ปริยาโย เยน มูลการณํ สิยา, โก ปน โสติ? วฏฺฏกถาย สีสภาโว.
ภควา หิ วฏฺฏกถํ กเถนฺโต ทฺเว ธมฺเม สีสํ กตฺวา กเถติ, อวิชฺชํ วา. ยถาห – ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย ‘อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ, เอวฺเจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ, อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๑). ภวตณฺหํ วา. ยถาห – ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ ภวตณฺหาย ‘อิโต ปุพฺเพ ภวตณฺหา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ, เอวฺเจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ, อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา ภวตณฺหา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๒).
๕๘๕. กสฺมา ¶ ปน ภควา วฏฺฏกถํ กเถนฺโต อิเม ทฺเว ธมฺเม สีสํ กตฺวา กเถตีติ? สุคติทุคฺคติคามิโน กมฺมสฺส วิเสสเหตุภูตตฺตา. ทุคฺคติคามิโน หิ กมฺมสฺส วิเสสเหตุ อวิชฺชา. กสฺมา? ยสฺมา อวิชฺชาภิภูโต ปุถุชฺชโน อคฺคิสนฺตาปลคุฬาภิฆาตปริสฺสมาภิภูตา วชฺฌคาวี ตาย ปริสฺสมาตุรตาย นิรสฺสาทมฺปิ อตฺตโน อนตฺถาวหมฺปิ จ อุณฺโหทกปานํ ¶ วิย กิเลสสนฺตาปโต นิรสฺสาทมฺปิ ทุคฺคตินิปาตนโต จ อตฺตโน อนตฺถาวหมฺปิ ปาณาติปาตาทึ อเนกปฺปการํ ทุคฺคติคามิกมฺมํ อารภติ. สุคติคามิโน ปน กมฺมสฺส วิเสสเหตุ ภวตณฺหา. กสฺมา? ยสฺมา ภวตณฺหาภิภูโต ปุถุชฺชโน สา วุตฺตปฺปการา คาวี สีตูทกตณฺหาย สอสฺสาทํ อตฺตโน ปริสฺสมวิโนทนฺจ สีตูทกปานํ วิย กิเลสสนฺตาปวิรหโต สอสฺสาทํ สุคติสมฺปาปเนน อตฺตโน ทุคฺคติทุกฺขปริสฺสมวิโนทนฺจ ปาณาติปาตา เวรมณิอาทึ อเนกปฺปการํ สุคติคามิกมฺมํ อารภติ.
๕๘๖. เอเตสุ ปน วฏฺฏกถาย สีสภูเตสุ ธมฺเมสุ กตฺถจิ ภควา เอกธมฺมมูลิกํ เทสนํ เทเสติ. เสยฺยถิทํ, ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชูปนิสา สงฺขารา, สงฺขารูปนิสํ วิฺาณ’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๒๓). ตถา ‘‘อุปาทานิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๕๒). กตฺถจิ อุภยมูลิกมฺปิ. เสยฺยถิทํ, ‘‘อวิชฺชานีวรณสฺส, ภิกฺขเว, พาลสฺส ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺส เอวมยํ กาโย สมุทาคโต. อิติ อยฺเจว กาโย พหิทฺธา จ นามรูปํ อิตฺเถตํ ทฺวยํ. ทฺวยํ ปฏิจฺจ ผสฺโส สเฬวายตนานิ, เยหิ ผุฏฺโ พาโล สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑๙). ตาสุ เทสนาสุ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ อยมิธ อวิชฺชาวเสน เอกธมฺมมูลิกา เทสนาติ เวทิตพฺพา. เอวํ ตาเวตฺถ เทสนาเภทโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๘๗. อตฺถโตติ อวิชฺชาทีนํ ปทานํ อตฺถโต. เสยฺยถิทํ, ปูเรตุํ อยุตฺตฏฺเน กายทุจฺจริตาทิ อวินฺทิยํ นาม, อลทฺธพฺพนฺติ อตฺโถ. ตํ อวินฺทิยํ วินฺทตีติ อวิชฺชา. ตพฺพิปรีตโต กายสุจริตาทิ วินฺทิยํ นาม, ตํ วินฺทิยํ น วินฺทตีติ อวิชฺชา. ขนฺธานํ ราสฏฺํ, อายตนานํ อายตนฏฺํ, ธาตูนํ สฺุฏฺํ, อินฺทฺริยานํ อธิปติยฏฺํ, สจฺจานํ ตถฏฺํ อวิทิตํ กโรตีติปิ อวิชฺชา. ทุกฺขาทีนํ ปีฬนาทิวเสน วุตฺตํ จตุพฺพิธํ อตฺถํ อวิทิตํ กโรตีติปิ อวิชฺชา. อนฺตวิรหิเต สํสาเร สพฺพโยนิคติภววิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ สตฺเต ชวาเปตีติ ¶ อวิชฺชา. ปรมตฺถโต อวิชฺชมาเนสุ อิตฺถิปุริสาทีสุ ชวติ, วิชฺชมาเนสุปิ ขนฺธาทีสุ น ชวตีติ อวิชฺชา. อปิจ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ¶ วตฺถารมฺมณานํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนานฺจ ธมฺมานํ ฉาทนโตปิ อวิชฺชา.
ยํ ปฏิจฺจ ผลเมติ, โส ปจฺจโย. ปฏิจฺจาติ น วินา อปจฺจกฺขตฺวาติ อตฺโถ. เอตีติ อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จาติ อตฺโถ. อปิจ อุปการกฏฺโ ปจฺจยฏฺโ. อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย. ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา.
สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตีติ สงฺขารา. อปิจ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขาราติ ทุวิธา สงฺขารา. ตตฺถ ปฺุาปฺุาเนฺชาภิสงฺขารา ตโย, กายวจีจิตฺตสงฺขารา ตโยติ อิเม ฉ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา. เต สพฺเพปิ โลกิยกุสลากุสลเจตนามตฺตเมว โหนฺติ.
สงฺขตสงฺขาโร, อภิสงฺขตสงฺขาโร, อภิสงฺขรณกสงฺขาโร, ปโยคาภิสงฺขาโรติ อิเม ปน จตฺตาโร สงฺขาร-สทฺเทน อาคตสงฺขารา. ตตฺถ ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) วุตฺตา สพฺเพปิ สปฺปจฺจยา ธมฺมา สงฺขตสงฺขารา นาม. กมฺมนิพฺพตฺตา เตภูมกา รูปารูปธมฺมา อภิสงฺขตสงฺขาราติ อฏฺกถาสุ วุตฺตา, เตปิ ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๒๑; ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. วิสุํ ปน เนสํ อาคตฏฺานํ น ปฺายติ. เตภูมิกกุสลากุสลเจตนา ปน อภิสงฺขรณกสงฺขาโรติ วุจฺจติ, ตสฺส ‘‘อวิชฺชาคโตยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปฺฺุเจว สงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) อาคตฏฺานํ ปฺายติ. กายิกเจตสิกํ ปน วีริยํ ปโยคาภิสงฺขาโรติ วุจฺจติ, โส ‘‘ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ, ตาวติกา คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๕) อาคโต.
น เกวลฺจ เอเตเยว, อฺเปิ ‘‘สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปชฺชนฺตสฺส โข, อาวุโส วิสาข, ภิกฺขุโน ปมํ นิรุชฺฌติ วจีสงฺขาโร, ตโต กายสงฺขาโร, ตโต จิตฺตสงฺขาโร’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๔) นเยน สงฺขาร-สทฺเทน อาคตา อเนเก สงฺขารา. เตสุ นตฺถิ โส สงฺขาโร, โย สงฺขตสงฺขาเรหิ สงฺคหํ น คจฺเฉยฺย, อิโต ปรํ สงฺขารปจฺจยา วิฺาณนฺติอาทีสุ วุตฺตํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อวุตฺเต ¶ ¶ ปน วิชานาตีติ วิฺาณํ. นมตีติ นามํ. รุปฺปตีติ รูปํ. อาเย ตโนติ อายตฺจ นยตีติ อายตนํ. ผุสตีติ ผสฺโส. เวทยตีติ เวทนา. ปริตสฺสตีติ ตณฺหา. อุปาทิยตีติ อุปาทานํ. ภวติ ภาวยติ จาติ ภโว. ชนนํ ชาติ. ชิรณํ ชรา. มรนฺติ เอเตนาติ มรณํ. โสจนํ โสโก. ปริเทวนํ ปริเทโว. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขํ. อุปฺปาทฏฺิติวเสน วา ทฺวิธา ขณตีติปิ ทุกฺขํ. ทุมฺมนภาโว โทมนสฺสํ. ภุโส อายาโส อุปายาโส.
สมฺภวนฺตีติ อภินิพฺพตฺตนฺติ. น เกวลฺจ โสกาทีเหว, อถ โข สพฺพปเทหิ สมฺภวนฺติ-สทฺทสฺส โยชนา กาตพฺพา. อิตรถา หิ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ วุตฺเต กึ กโรนฺตีติ น ปฺาเยยฺย, สมฺภวนฺตีติ ปน โยชนาย สติ อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย. ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนววตฺถานํ กตํ โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
เอวนฺติ นิทฺทิฏฺนยนิทสฺสนํ. เตน อวิชฺชาทีเหว การเณหิ, น อิสฺสรนิมฺมานาทีหีติ ทสฺเสติ. เอตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส. เกวลสฺสาติ อสมฺมิสฺสสฺส, สกลสฺส วา. ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ทุกฺขสมูหสฺส, น สตฺตสฺส, น สุขสุภาทีนํ. สมุทโยติ นิพฺพตฺติ. โหตีติ สมฺภวติ. เอวเมตฺถ อตฺถโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๘๘. ลกฺขณาทิโตติ อวิชฺชาทีนํ ลกฺขณาทิโต. เสยฺยถิทํ – อฺาณลกฺขณา อวิชฺชา, สมฺโมหนรสา, ฉาทนปจฺจุปฏฺานา, อาสวปทฏฺานา. อภิสงฺขรณลกฺขณา สงฺขารา, อายูหนรสา, เจตนาปจฺจุปฏฺานา, อวิชฺชาปทฏฺานา. วิชานนลกฺขณํ วิฺาณํ, ปุพฺพงฺคมรสํ, ปฏิสนฺธิปจฺจุปฏฺานํ, สงฺขารปทฏฺานํ, วตฺถารมฺมณปทฏฺานํ วา. นมนลกฺขณํ นามํ, สมฺปโยครสํ, อวินิพฺโภคปจฺจุปฏฺานํ, วิฺาณปทฏฺานํ. รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ, วิกิรณรสํ, อพฺยากตปจฺจุปฏฺานํ, วิฺาณปทฏฺานํ. อายตนลกฺขณํ สฬายตนํ, ทสฺสนาทิรสํ, วตฺถุทฺวารภาวปจฺจุปฏฺานํ, นามรูปปทฏฺานํ. ผุสนลกฺขโณ ผสฺโส, สงฺฆฏฺฏนรโส, สงฺคติปจฺจุปฏฺาโน, สฬายตนปทฏฺาโน. อนุภวนลกฺขณา เวทนา, วิสยรสสมฺโภครสา, สุขทุกฺขปจฺจุปฏฺานา, ผสฺสปทฏฺานา. เหตุลกฺขณา ตณฺหา, อภินนฺทนรสา, อติตฺตภาวปจฺจุปฏฺานา, เวทนาปทฏฺานา. คหณลกฺขณํ ¶ อุปาทานํ, อมฺุจนรสํ, ตณฺหาทฬฺหตฺตทิฏฺิปจฺจุปฏฺานํ, ตณฺหาปทฏฺานํ. กมฺมกมฺมผลลกฺขโณ ภโว, ภาวนภวนรโส, กุสลากุสลาพฺยากตปจฺจุปฏฺาโน ¶ , อุปาทานปทฏฺาโน. ชาติอาทีนํ ลกฺขณาทีนิ สจฺจนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. เอวเมตฺถ ลกฺขณาทิโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๘๙. เอกวิธาทิโตติ เอตฺถ อวิชฺชา อฺาณาทสฺสนโมหาทิภาวโต เอกวิธา. อปฺปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺติโต ทุวิธา. ตถา สสงฺขาราสงฺขารโต. เวทนตฺตยสมฺปโยคโต ติวิธา. จตุสจฺจปฏิเวธโต จตุพฺพิธา. คติปฺจกาทีนวจฺฉาทนโต ปฺจวิธา. ทฺวารารมฺมณโต ปน สพฺเพสุปิ อรูปธมฺเมสุ ฉพฺพิธตา เวทิตพฺพา.
สงฺขารา สาสววิปากธมฺมธมฺมาทิภาวโต เอกวิธา. กุสลากุสลโต ทุวิธา. ตถา ปริตฺตมหคฺคตหีนมชฺฌิมมิจฺฉตฺตนิยตานิยตโต. ติวิธา ปฺุาภิสงฺขาราทิภาวโต. จตุพฺพิธา จตุโยนิสํวตฺตนโต. ปฺจวิธา ปฺจคติคามิโต.
วิฺาณํ โลกิยวิปากาทิภาวโต เอกวิธํ. สเหตุกาเหตุกาทิโต ทุวิธํ. ภวตฺตยปริยาปนฺนโต, เวทนตฺตยสมฺปโยคโต, อเหตุกทฺวิเหตุกติเหตุกโต จ ติวิธํ. โยนิคติวเสน จตุพฺพิธํ, ปฺจวิธฺจ.
นามรูปํ วิฺาณสนฺนิสฺสยโต กมฺมปจฺจยโต จ เอกวิธํ. สารมฺมณนารมฺมณโต ทุวิธํ. อตีตาทิโต ติวิธํ. โยนิคติวเสน จตุพฺพิธํ, ปฺจวิธฺจ.
สฬายตนํ สฺชาติสโมสรณฏฺานโต เอกวิธํ. ภูตปฺปสาทวิฺาณาทิโต ทุวิธํ. สมฺปตฺตาสมฺปตฺตโนภยโคจรโต ติวิธํ. โยนิคติปริยาปนฺนโต จตุพฺพิธํ ปฺจวิธฺจาติ อิมินา นเยน ผสฺสาทีนมฺปิ เอกวิธาทิภาโว เวทิตพฺโพติ เอวเมตฺถ เอกวิธาทิโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๕๙๐. องฺคานฺจ ววตฺถานาติ โสกาทโย เจตฺถ ภวจกฺกสฺส อวิจฺเฉททสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ชรามรณพฺภาหตสฺส หิ พาลสฺส เต สมฺภวนฺติ. ยถาห ¶ – ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน สารีริกาย ทุกฺขาย เวทนาย ผุฏฺโ สมาโน โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหมาปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๒). ยาว จ เตสํ ปวตฺติ, ตาว อวิชฺชายาติ ปุนปิ ¶ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ สมฺพนฺธเมว โหติ ภวจกฺกํ. ตสฺมา เตสํ ชรามรเณเนว เอกสงฺเขปํ กตฺวา ทฺวาทเสว ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานีติ เวทิตพฺพานิ. เอวเมตฺถ องฺคานํ ววตฺถานโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
อยํ ตาเวตฺถ สงฺเขปกถา.
อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารปทกถา
๕๖๑. อยํ ปน วิตฺถารนโย – อวิชฺชาติ สุตฺตนฺตปริยาเยน ทุกฺขาทีสุ จตูสุ าเนสุ อฺาณํ, อภิธมฺมปริยาเยน ปุพฺพนฺตาทีหิ สทฺธึ อฏฺสุ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ตตฺถ กตมา อวิชฺชา, ทุกฺเข อฺาณํ…เป… ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อฺาณํ, ปุพฺพนฺเต อฺาณํ, อปรนฺเต, ปุพฺพนฺตาปรนฺเต, อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ อฺาณ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๐๖). ตตฺถ กิฺจาปิ เปตฺวา โลกุตฺตรํ สจฺจทฺวยํ เสสฏฺาเนสุ อารมฺมณวเสน อวิชฺชา อุปฺปชฺชติ, เอวํ สนฺเตปิ ปฏิจฺฉาทนวเสเนว อิธ อธิปฺเปตา. สา หิ อุปฺปนฺนา ทุกฺขสจฺจํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ติฏฺติ, ยาถาวสรสลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ, ตถา สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํ, ปุพฺพนฺตสงฺขาตํ อตีตํ ขนฺธปฺจกํ, อปรนฺตสงฺขาตํ อนาคตํ ขนฺธปฺจกํ, ปุพฺพนฺตาปรนฺตสงฺขาตํ ตทุภยํ, อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมสงฺขาตํ อิทปฺปจฺจยตฺเจว ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺเม จ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ติฏฺติ. ‘‘อยํ อวิชฺชา, อิเม สงฺขารา’’ติ เอวํ ยาถาวสรสลกฺขณเมตฺถ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ. ตสฺมา ทุกฺเข อฺาณํ…เป… อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ อฺาณนฺติ วุจฺจติ.
๕๙๒. สงฺขาราติ ปฺุาทโย ตโย กายสงฺขาราทโย ตโยติ เอวํ ปุพฺเพ สงฺเขปโต วุตฺตา ฉ, วิตฺถารโต ปเนตฺถ ปฺุาภิสงฺขาโร ทานสีลาทิวเสน ปวตฺตา อฏฺ กามาวจรกุสลเจตนา เจว ภาวนาวเสน ปวตฺตา ปฺจ รูปาวจรกุสลเจตนา จาติ เตรส เจตนา โหนฺติ. อปฺุาภิสงฺขาโร ปาณาติปาตาทิวเสน ปวตฺตา ทฺวาทส อกุสลเจตนา ¶ . อาเนฺชาภิสงฺขาโร ภาวนาวเสเนว ปวตฺตา จตสฺโส อรูปาวจรกุสลเจตนา จาติ ตโยปิ สงฺขารา เอกูนตึส เจตนา โหนฺติ.
อิตเรสุ ¶ ปน ตีสุ กายสฺเจตนา กายสงฺขาโร, วจีสฺเจตนา วจีสงฺขาโร, มโนสฺเจตนา จิตฺตสงฺขาโร. อยํ ติโก กมฺมายูหนกฺขเณ ปฺุาภิสงฺขาราทีนํ ทฺวารโต ปวตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. กายวิฺตฺตึ สมุฏฺาเปตฺวา หิ กายทฺวารโต ปวตฺตา อฏฺ กามาวจรกุสลเจตนา, ทฺวาทส อกุสลเจตนาติ สมวีสติ เจตนา กายสงฺขาโร นาม. ตา เอว วจีวิฺตฺตึ สมุฏฺาเปตฺวา วจีทฺวารโต ปวตฺตา วจีสงฺขาโร นาม. อภิฺาเจตนา ปเนตฺถ ปรโต วิฺาณสฺส ปจฺจโย น โหตีติ น คหิตา. ยถา จ อภิฺาเจตนา, เอวํ อุทฺธจฺจเจตนาปิ น โหติ. ตสฺมา สาปิ วิฺาณสฺส ปจฺจยภาเว อปเนตพฺพา, อวิชฺชาปจฺจยา ปน สพฺพาเปตา โหนฺติ. อุโภปิ วิฺตฺติโย อสมุฏฺาเปตฺวา มโนทฺวาเร อุปฺปนฺนา ปน สพฺพาปิ เอกูนตึสติ เจตนา จิตฺตสงฺขาโรติ. อิติ อยํ ติโก ปุริมตฺติกเมว ปวิสตีติ อตฺถโต ปฺุาภิสงฺขาราทีนํเยว วเสน อวิชฺชาย ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ.
๕๙๓. ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘อิเม สงฺขารา อวิชฺชา ปจฺจยา โหนฺตี’’ติ? อวิชฺชาภาเว ภาวโต. ยสฺส หิ ทุกฺขาทีสุ อวิชฺชาสงฺขาตํ อฺาณํ อปฺปหีนํ โหติ, โส ทุกฺเข ตาว ปุพฺพนฺตาทีสุ จ อฺาเณน สํสารทุกฺขํ สุขสฺาย คเหตฺวา ตสฺเสว เหตุภูเต ติวิเธปิ สงฺขาเร อารภติ. สมุทเย อฺาเณน ทุกฺขเหตุภูเตปิ ตณฺหาปริกฺขาเร สงฺขาเร สุขเหตุโต มฺมาโน อารภติ. นิโรเธ ปน มคฺเค จ อฺาเณน ทุกฺขสฺส อนิโรธภูเตปิ คติวิเสเส ทุกฺขนิโรธสฺี หุตฺวา นิโรธสฺส จ อมคฺคภูเตสุปิ ยฺามรตปาทีสุ นิโรธมคฺคสฺี หุตฺวา ทุกฺขนิโรธํ ปตฺถยมาโน ยฺามรตปาทิมุเขน ติวิเธปิ สงฺขาเร อารภติ.
อปิจ โส ตาย จตูสุ สจฺเจสุ อปฺปหีนาวิชฺชตาย วิเสสโต ชาติชราโรคมรณาทิอเนกาทีนวโวกิณฺณมฺปิ ปฺุผลสงฺขาตํ ทุกฺขํ ทุกฺขโต อชานนฺโต ตสฺส อธิคมาย กายวจีจิตฺตสงฺขารเภทํ ปฺุาภิสงฺขารํ ¶ อารภติ เทวจฺฉรกามโก วิย มรุปฺปปาตํ. สุขสมฺมตสฺสาปิ จ ตสฺส ปฺุผลสฺส อนฺเต มหาปริฬาหชนิกํ วิปริณามทุกฺขตํ อปฺปสฺสาทตฺจ อปสฺสนฺโตปิ ตปฺปจฺจยํ วุตฺตปฺปการเมว ปฺุาภิสงฺขารํ อารภติ สลโภ วิย ทีปสิขาภินิปาตํ, มธุพินฺทุคิทฺโธ วิย จ มธุลิตฺตสตฺถธาราเลหนํ. กามุปเสวนาทีสุ จ สวิปาเกสุ อาทีนวํ อปสฺสนฺโต สุขสฺาย เจว กิเลสาภิภูตตาย จ ทฺวารตฺตยปฺปวตฺตมฺปิ อปฺุาภิสงฺขารํ อารภติ, พาโล วิย คูถกีฬนํ, มริตุกาโม วิย จ วิสขาทนํ. อารุปฺปวิปาเกสุ ¶ จาปิ สงฺขารวิปริณามทุกฺขตํ อนวพุชฺฌมาโน สสฺสตาทิวิปลฺลาเสน จิตฺตสงฺขารภูตํ อาเนฺชาภิสงฺขารํ อารภติ, ทิสามูฬฺโห วิย ปิสาจนคราภิมุขมคฺคคมนํ.
เอวํ ยสฺมา อวิชฺชาภาวโตว สงฺขารภาโว, น อภาวโต. ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ‘‘อิเม สงฺขารา อวิชฺชาปจฺจยา โหนฺตี’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อวิทฺวา, ภิกฺขเว, อวิชฺชาคโต ปฺุาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรติ, อปฺุาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรติ, อาเนฺชาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรติ. ยโต จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา; โส อวิชฺชาวิราคา วิชฺชุปฺปาทา เนว ปฺุาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติ.
ปฏฺานปจฺจยกถา
๕๙๔. เอตฺถาห – คณฺหาม ตาว เอตํ อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโยติ, อิทํ ปน วตฺตพฺพํ กตเมสํ สงฺขารานํ กถํ ปจฺจโย โหตีติ? ตตฺริทํ วุจฺจติ, ภควตา หิ ‘‘เหตุปจฺจโย, อารมฺมณปจฺจโย, อธิปติปจฺจโย, อนนฺตรปจฺจโย, สมนนฺตรปจฺจโย, สหชาตปจฺจโย, อฺมฺปจฺจโย, นิสฺสยปจฺจโย, อุปนิสฺสยปจฺจโย, ปุเรชาตปจฺจโย, ปจฺฉาชาตปจฺจโย, อาเสวนปจฺจโย, กมฺมปจฺจโย, วิปากปจฺจโย, อาหารปจฺจโย, อินฺทฺริยปจฺจโย, ฌานปจฺจโย, มคฺคปจฺจโย, สมฺปยุตฺตปจฺจโย, วิปฺปยุตฺตปจฺจโย, อตฺถิปจฺจโย, นตฺถิปจฺจโย, วิคตปจฺจโย, อวิคตปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.ปจฺจยุทฺเทส) จตุวีสติ ปจฺจยา วุตฺตา.
ตตฺถ ¶ เหตุ จ โส ปจฺจโย จาติ เหตุปจฺจโย, เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย, เหตุภาเวน ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหติ. อารมฺมณปจฺจยาทีสุปิ เอเสว นโย.
๕๙๕. ตตฺถ เหตูติ วจนาวยวการณมูลานเมตํ อธิวจนํ. ‘‘ปฏิฺา, เหตู’’ติอาทีสุ หิ โลเก วจนาวยโว เหตูติ วุจฺจติ. สาสเน ปน ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๖๐) การณํ. ‘‘ตโย กุสลเหตู, ตโย อกุสลเหตู’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๕๙) มูลํ เหตูติ วุจฺจติ, ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. ปจฺจโยติ เอตฺถ ปน อยํ วจนตฺโถ, ปฏิจฺจ เอตสฺมา เอตีติ ปจฺจโย. อปจฺจกฺขาย นํ วตฺตตีติ อตฺโถ. โย หิ ธมฺโม ยํ ธมฺมํ อปจฺจกฺขาย ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา, โส ตสฺส ¶ ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหติ. ลกฺขณโต ปน อุปการกลกฺขโณ ปจฺจโย. โย หิ ธมฺโม ยสฺส ธมฺมสฺส ิติยา วา อุปฺปตฺติยา วา อุปการโก โหติ, โส ตสฺส ปจฺจโยติ วุจฺจติ. ปจฺจโย, เหตุ, การณํ, นิทานํ, สมฺภโว, ปภโวติอาทิ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนโต นานํ. อิติ มูลฏฺเน เหตุ, อุปการกฏฺเน ปจฺจโยติ สงฺเขปโต มูลฏฺเน อุปการโก ธมฺโม เหตุปจฺจโย.
โส สาลิอาทีนํ สาลิพีชาทีนิ วิย, มณิปภาทีนํ วิย จ มณิวณฺณาทโย กุสลาทีนํ กุสลาทิภาวสาธโกติ อาจริยานํ อธิปฺปาโย. เอวํ สนฺเต ปน ตํสมุฏฺานรูเปสุ เหตุปจฺจยตา น สมฺปชฺชติ. น หิ โส เตสํ กุสลาทิภาวํ สาเธติ, น จ ปจฺจโย น โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑). อเหตุกจิตฺตานฺจ วินา เอเตน อพฺยากตภาโว สิทฺโธ, สเหตุกานมฺปิ จ โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, น สมฺปยุตฺตเหตุปฏิพทฺโธ. ยทิ จ สมฺปยุตฺตเหตูสุ สภาวโตว กุสลาทิภาโว สิยา, สมฺปยุตฺเตสุ เหตุปฏิพทฺโธ อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วา. ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โหติ, ตสฺมา ยถา สมฺปยุตฺเตสุ, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา ปริเยสิตพฺพา.
กุสลาทิภาวสาธนวเสน ¶ ปน เหตูนํ มูลฏฺํ อคเหตฺวา สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนวเสน คยฺหมาเน น กิฺจิ วิรุชฺฌติ. ลทฺธเหตุปจฺจยา หิ ธมฺมา วิรูฬฺหมูลา วิย ปาทปา ถิรา โหนฺติ สุปฺปติฏฺิตา, อเหตุกา ติลพีชกาทิเสวาลา วิย น สุปฺปติฏฺิตา. อิติ มูลฏฺเน อุปการโกติ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเนน อุปการโก ธมฺโม เหตุปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ.
๕๙๖. ตโต ปเรสุ อารมฺมณภาเวน อุปการโก ธมฺโม อารมฺมณปจฺจโย. โส ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) อารภิตฺวาปิ ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภ เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา, เต เต ธมฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) โอสาปิตตฺตา น โกจิ ธมฺโม น โหติ. ยถา หิ ทุพฺพโล ปุริโส ทณฺฑํ วา รชฺชุํ วา อาลมฺพิตฺวาว อุฏฺหติ เจว ติฏฺติ จ, เอวํ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา รูปาทิอารมฺมณํ อารพฺเภว อุปฺปชฺชนฺติ เจว ติฏฺนฺติ จ. ตสฺมา สพฺเพปิ จิตฺตเจตสิกานํ อารมฺมณภูตา ธมฺมา อารมฺมณปจฺจโยติ เวทิตพฺพา.
๕๙๗. เชฏฺกฏฺเน ¶ อุปการโก ธมฺโม อธิปติปจฺจโย, โส สหชาตารมฺมณวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๓.๓) ฉนฺทวีริยจิตฺตวีมํสาสงฺขาตา จตฺตาโร ธมฺมา อธิปติปจฺจโยติ เวทิตพฺพา, โน จ โข เอกโต. ยทา หิ ฉนฺทํ ธุรํ ฉนฺทํ เชฏฺกํ กตฺวา จิตฺตํ ปวตฺตติ, ตทา ฉนฺโทว อธิปติ, น อิตเร. เอส นโย เสเสสุปิ.
ยํ ปน ธมฺมํ ครุํ กตฺวา อรูปธมฺมา ปวตฺตนฺติ, โส เนสํ อารมฺมณาธิปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ ครุํ กตฺวา เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา, เต เต ธมฺมา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อธิปติปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๓).
๕๙๘. อนนฺตรภาเวน อุปการโก ธมฺโม อนนฺตรปจฺจโย. สมนนฺตรภาเวน อุปการโก ธมฺโม สมนนฺตรปจฺจโย. อิทฺจ ปจฺจยทฺวยํ ¶ พหุธา ปปฺจยนฺติ. อยํ ปเนตฺถ สาโร, โย หิ เอส จกฺขุวิฺาณานนฺตรา มโนธาตุ, มโนธาตุอนนฺตรา มโนวิฺาณธาตูติอาทิ จิตฺตนิยโม, โส ยสฺมา ปุริมปุริมจิตฺตวเสเนว อิชฺฌติ, น อฺถา, ตสฺมา อตฺตโน อตฺตโน อนนฺตรํ อนุรูปสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อุปฺปาทนสมตฺโถ ธมฺโม อนนฺตรปจฺจโย. เตเนวาห – ‘‘อนนฺตรปจฺจโยติ จกฺขุวิฺาณธาตุ ตํสมฺปยุตฺตกา จ ธมฺมา มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔). โย อนนฺตรปจฺจโย, สฺเวว สมนนฺตรปจฺจโย. พฺยฺชนมตฺตเมว เหตฺถ นานํ, อุปจยสนฺตตีสุ วิย อธิวจนนิรุตฺติทุกาทีสุ วิย จ. อตฺถโต ปน นานํ นตฺถิ.
ยมฺปิ ‘‘อตฺถานนฺตรตาย อนนฺตรปจฺจโย, กาลานนฺตรตาย สมนนฺตรปจฺจโย’’ติ อาจริยานํ มตํ, ตํ ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนกุสลํ ผลสมาปตฺติยา สมนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทีหิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๘) วิรุชฺฌติ. ยมฺปิ ตตฺถ วทนฺติ ‘‘ธมฺมานํ สมุฏฺาปนสมตฺถตา น ปริหายติ, ภาวนาพเลน ปน วาริตตฺตา ธมฺมา สมนนฺตรา นุปฺปชฺชนฺตี’’ติ, ตมฺปิ กาลานนฺตรตาย อภาวเมว สาเธติ. ภาวนาพเลน หิ ตตฺถ กาลานนฺตรตา นตฺถีติ, มยมฺปิ เอตเทว วทาม. ยสฺมา จ กาลานนฺตรตา นตฺถิ, ตสฺมา สมนนฺตรปจฺจยตา น ยุชฺชติ. กาลานนฺตรตาย หิ เตสํ สมนนฺตรปจฺจโย โหตีติ ลทฺธิ. ตสฺมา ¶ อภินิเวสํ อกตฺวา พฺยฺชนมตฺตโตเวตฺถ นานากรณํ ปจฺเจตพฺพํ, น อตฺถโต. กถํ? นตฺถิ เอเตสํ อนฺตรนฺติ หิ อนนฺตรา. สณฺานาภาวโต สุฏฺุ อนนฺตราติ สมนนฺตรา.
๕๙๙. อุปฺปชฺชมาโนว สห อุปฺปาทนภาเวน อุปการโก ธมฺโม สหชาตปจฺจโย ปกาสสฺส ปทีโป วิย. โส อรูปกฺขนฺธาทิวเสน ฉพฺพิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. จตฺตาโร มหาภูตา อฺมฺํ, โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อฺมฺํ, จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ, มหาภูตา อุปาทารูปานํ, รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ กิฺจิกาเล สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, กิฺจิกาเล น สหชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๖). อิทํ หทยวตฺถุเมว สนฺธาย วุตฺตํ.
๖๐๐. อฺมฺํ ¶ อุปฺปาทนุปตฺถมฺภนภาเวน อุปการโก ธมฺโม อฺมฺปจฺจโย อฺมฺูปตฺถมฺภกํ ติทณฺฑกํ วิย. โส อรูปกฺขนฺธาทิวเสน ติวิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺปจฺจเยน ปจฺจโย. จตฺตาโร มหาภูตา โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อฺมฺปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๗).
๖๐๑. อธิฏฺานากาเรน นิสฺสยากาเรน จ อุปการโก ธมฺโม นิสฺสยปจฺจโย ตรุจิตฺตกมฺมาทีนํ ปถวีปฏาทโย วิย. โส ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวํ สหชาเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ฉฏฺโ ปเนตฺถ โกฏฺาโส ‘‘จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา…เป… โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายายตนํ กายวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย. ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ วตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๘) เอวํ วิภตฺโต.
๖๐๒. อุปนิสฺสยปจฺจโยติ เอตฺถ ปน อยํ ตาว วจนตฺโถ, ตทธีนวุตฺติตาย อตฺตโน ผเลน นิสฺสิโต น ปฏิกฺขิตฺโตติ นิสฺสโย. ยถา ปน ภุโส อายาโส อุปายาโส, เอวํ ภุโส นิสฺสโย อุปนิสฺสโย, พลวการณสฺเสตํ อธิวจนํ. ตสฺมา พลวการณภาเวน อุปการโก ธมฺโม อุปนิสฺสยปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ.
โส ¶ อารมฺมณูปนิสฺสโย อนนฺตรูปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโยติ ติวิโธ โหติ. ตตฺถ ‘‘ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ตํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, ปุพฺเพ สุจิณฺณานิ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, ฌานา วุฏฺหิตฺวา ฌานํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขติ, เสกฺขา โคตฺรภุํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺติ, โวทานํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺติ. เสกฺขา มคฺคา วุฏฺหิตฺวา มคฺคํ ครุํกตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) เอวมาทินา นเยน อารมฺมณูปนิสฺสโย ตาว อารมฺมณาธิปตินา สทฺธึ นานตฺตํ อกตฺวาว วิภตฺโต. ตตฺถ ยํ อารมฺมณํ ครุํกตฺวา จิตฺตเจตสิกา อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ นิยมโต เตสุ อารมฺมเณสุ พลวารมฺมณํ โหติ. อิติ ครุกตฺตพฺพมตฺตฏฺเน ¶ อารมฺมณาธิปติ, พลวการณฏฺเน อารมฺมณูปนิสฺสโยติ เอวเมเตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
อนนฺตรูปนิสฺสโยปิ ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ขนฺธา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ขนฺธานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๙) นเยน อนนฺตรปจฺจเยน สทฺธึ นานตฺตํ อกตฺวาว วิภตฺโต. มาติกานิกฺเขเป ปน เนสํ ‘‘จกฺขุวิฺาณธาตุ ตํสมฺปยุตฺตกา จ ธมฺมา มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔) นเยน อนนฺตรสฺส, ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๙) นเยน อุปนิสฺสยสฺส อาคตตฺตา นิกฺเขเป วิเสโส อตฺถิ. โสปิ อตฺถโต เอกีภาวเมว คจฺฉติ. เอวํ สนฺเตปิ อตฺตโน อตฺตโน อนนฺตรา อนุรูปสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺตนสมตฺถตาย อนนฺตรตา, ปุริมจิตฺตสฺส ปจฺฉิมจิตฺตุปฺปาทเน พลวตาย อนนฺตรูปนิสฺสยตา เวทิตพฺพา. ยถา หิ เหตุปจฺจยาทีสุ กิฺจิ ธมฺมํ วินาปิ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, น เอวํ อนนฺตรจิตฺตํ วินา จิตฺตสฺส อุปฺปตฺติ นาม อตฺถิ. ตสฺมา พลวปจฺจโย โหติ. อิติ อตฺตโน อตฺตโน อนนฺตรา อนุรูปจิตฺตุปฺปาทนวเสน อนนฺตรปจฺจโย, พลวการณวเสน อนนฺตรูปนิสฺสโยติ เอวเมเตสํ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ปกตูปนิสฺสโย ปน ปกโต อุปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโย. ปกโต นาม อตฺตโน สนฺตาเน นิปฺผาทิโต วา สทฺธาสีลาทิ อุปเสวิโต วา อุตุโภชนาทิ. ปกติยา เอว วา อุปนิสฺสโย ปกตูปนิสฺสโย, อารมฺมณานนฺตเรหิ อสมฺมิสฺโสติ อตฺโถ. ตสฺส ปกตูปนิสฺสโย ‘‘สทฺธํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, ฌานํ อุปฺปาเทติ, วิปสฺสนํ ¶ อุปฺปาเทติ, มคฺคํ อุปฺปาเทติ, อภิฺํ อุปฺปาเทติ, สมาปตฺตึ อุปฺปาเทติ. สีลํ, สุตํ, จาคํ, ปฺํ อุปนิสฺสาย ทานํ เทติ…เป… สมาปตฺตึ อุปฺปาเทติ. สทฺธา, สีลํ, สุตํ, จาโค, ปฺา สทฺธาย, สีลสฺส, สุตสฺส, จาคสฺส, ปฺาย, อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) นเยน อเนกปฺปการโต ปเภโท เวทิตพฺโพ. อิติ อิเม สทฺธาทโย ปกตา เจว พลวการณฏฺเน อุปนิสฺสยา จาติ ปกตูปนิสฺสโยติ.
๖๐๓. ปมตรํ ¶ อุปฺปชฺชิตฺวา วตฺตมานภาเวน อุปการโก ธมฺโม ปุเรชาตปจฺจโย. โส ปฺจทฺวาเร วตฺถารมฺมณหทยวตฺถุวเสน เอกาทสวิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. โสต…เป… ฆาน, ชิวฺหา, กายายตนํ, รูป, สทฺท, คนฺธ, รส, โผฏฺพฺพายตนํ กายวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. รูป, สทฺท, คนฺธ, รส, โผฏฺพฺพายตนํ มโนธาตุยา. ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ วตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. มโนวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ กิฺจิกาเล ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย. กิฺจิกาเล น ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๐).
๖๐๔. ปุเรชาตานํ รูปธมฺมานํ อุปตฺถมฺภกตฺเตน อุปการโก อรูปธมฺโม ปจฺฉาชาตปจฺจโย คิชฺฌโปตกสรีรานํ อาหาราสาเจตนา วิย. เตน วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๑).
๖๐๕. อาเสวนฏฺเน อนนฺตรานํ ปคุณพลวภาวาย อุปการโก ธมฺโม อาเสวนปจฺจโย คนฺถาทีสุ ปุริมปุริมาภิโยโค วิย. โส กุสลากุสลกิริยชวนวเสน ติวิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย. ปุริมา ปุริมา อกุสลา…เป… กิริยาพฺยากตา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กิริยาพฺยากตานํ ธมฺมานํ อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๒).
๖๐๖. จิตฺตปโยคสงฺขาเตน กิริยภาเวน อุปการโก ธมฺโม กมฺมปจฺจโย. โส นานกฺขณิกาย เจว กุสลากุสลเจตนาย สหชาตาย จ สพฺพายปิ เจตนาย วเสน ทุวิโธ โหติ ¶ . ยถาห – ‘‘กุสลากุสลํ กมฺมํ วิปากานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย. เจตนา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๓).
๖๐๗. นิรุสฺสาหสนฺตภาเวน ¶ นิรุสฺสาหสนฺตภาวาย อุปการโก วิปากธมฺโม วิปากปจฺจโย. โส ปวตฺเต ตํสมุฏฺานานํ, ปฏิสนฺธิยํ กฏตฺตา จ รูปานํ, สพฺพตฺถ จ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปจฺจโย โหติ. ยถาห –‘‘วิปากาพฺยากโต เอโก ขนฺโธ ติณฺณนฺนํ ขนฺธานํ จิตฺตสมุฏฺานานฺจ รูปานํ วิปากปจฺจเยน ปจฺจโย…เป… ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากโต เอโก ขนฺโธ ติณฺณนฺนํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ. ตโย ขนฺธา เอกสฺส ขนฺธสฺส. ทฺเว ขนฺธา ทฺวินฺนํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ วิปากปจฺจเยน ปจฺจโย. ขนฺธา วตฺถุสฺส วิปากปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ.
๖๐๘. รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกฏฺเน อุปการกา จตฺตาโร อาหารา อาหารปจฺจโย. ยถาห –‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย. อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๕). ปฺหาวาเร ปน ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๙) วุตฺตํ.
๖๐๙. อธิปติยฏฺเน อุปการกา อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยวชฺชา วีสตินฺทฺริยา อินฺทฺริยปจฺจโย. ตตฺถ จกฺขุนฺทฺริยาทโย อรูปธมฺมานํเยว, เสสา รูปารูปานํ ปจฺจยา โหนฺติ. ยถาห – ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา…เป… โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายินฺทฺริยํ กายวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย. รูปชีวิตินฺทฺริยํ กฏตฺตารูปานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย. อรูปิโน อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๖). ปฺหาวาเร ปน ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ อินฺทฺริยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๐) วุตฺตํ.
๖๑๐. อุปนิชฺฌายนฏฺเน อุปการกานิ เปตฺวา ทฺวิปฺจวิฺาเณ สุขทุกฺขเวทนาทฺวยํ สพฺพานิปิ ¶ กุสลาทิเภทานิ สตฺต ฌานงฺคานิ ฌานปจฺจโย. ยถาห –‘‘ฌานงฺคานิ ฌานสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ ฌานปจฺจเยน ¶ ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๗). ปฺหาวาเร ปน ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตานิ ฌานงฺคานิ สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ ฌานปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๑) วุตฺตํ.
๖๑๑. ยโต ตโต วา นิยฺยานฏฺเน อุปการกานิ กุสลาทิเภทานิ ทฺวาทส มคฺคงฺคานิ มคฺคปจฺจโย. ยถาห – ‘‘มคฺคงฺคานิ มคฺคสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ มคฺคปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๘). ปฺหาวาเร ปน ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตานิ มคฺคงฺคานิ สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ มคฺคปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๒) วุตฺตํ. เอเต ปน ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา ทฺวิปฺจวิฺาณาเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺตีติ เวทิตพฺพา.
๖๑๒. เอกวตฺถุกเอการมฺมณเอกุปฺปาเทกนิโรธสงฺขาเตน สมฺปยุตฺตภาเวน อุปการกา อรูปธมฺมา สมฺปยุตฺตปจฺจโย. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ สมฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๙).
๖๑๓. เอกวตฺถุกาทิภาวานุปคเมน อุปการกา รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ, อรูปิโนปิ รูปีนํ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย. โส สหชาตปจฺฉาชาตปุเรชาตวเสน ติวิโธ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สหชาตา กุสลา ขนฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย. ปจฺฉาชาตา กุสลา ขนฺธา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔). อพฺยากตปทสฺส ปน สหชาตวิภงฺเค ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิปากาพฺยากตา ขนฺธา กฏตฺตารูปานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย. ขนฺธา วตฺถุสฺส. วตฺถุ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติปิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔) วุตฺตํ. ปุเรชาตํ ปน จกฺขุนฺทฺริยาทิวตฺถุวเสเนว เวทิตพฺพํ. ยถาห – ‘‘ปุเรชาตํ จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณสฺส…เป… กายายตนํ กายวิฺาณสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย. วตฺถุ วิปากาพฺยากตานํ กิริยาพฺยากตานํ ขนฺธานํ…เป… วตฺถุ กุสลานํ ขนฺธานํ…เป… วตฺถุ อกุสลานํ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔).
๖๑๔. ปจฺจุปฺปนฺนลกฺขเณน ¶ อตฺถิภาเวน ตาทิสสฺเสว ธมฺมสฺส อุปตฺถมฺภกตฺเตน อุปการโก ธมฺโม อตฺถิปจฺจโย. ตสฺส อรูปกฺขนฺธมหาภูตนามรูปจิตฺตเจตสิกมหาภูตอายตนวตฺถุวเสน สตฺตธา มาติกา ¶ นิกฺขิตฺตา. ยถาห –‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย, จตฺตาโร มหาภูตา, โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูปํ อฺมฺํ. จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ. มหาภูตา อุปาทารูปานํ. จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา…เป… กายายตนํ…เป… รูปายตนํ…เป… โผฏฺพฺพายตนํ กายวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย. รูปายตนํ…เป… โผฏฺพฺพายตนํ มโนธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ. ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ วตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒๑).
ปฺหาวาเร ปน สหชาตํ ปุเรชาตํ ปจฺฉาชาตํ อาหารํ อินฺทฺริยนฺติปิ นิกฺขิปิตฺวา สหชาเต ตาว ‘‘เอโก ขนฺโธ ติณฺณนฺนํ ขนฺธานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๕) นเยน นิทฺเทโส กโต, ปุเรชาเต ปุเรชาตานํ จกฺขาทีนํ วเสน นิทฺเทโส กโต. ปจฺฉาชาเต ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตานํ จิตฺตเจตสิกานํ ปจฺจยวเสน นิทฺเทโส กโต. อาหารินฺทฺริเยสุ ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย. รูปชีวิตินฺทฺริยํ กฏตฺตารูปานํ อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๕) เอวํ นิทฺเทโส กโตติ.
๖๑๕. อตฺตโน อนนฺตรา อุปฺปชฺชมานานํ อรูปธมฺมานํ ปวตฺติโอกาสทาเนน อุปการกา สมนนฺตรนิรุทฺธา อรูปธมฺมา นตฺถิปจฺจโย. ยถาห –‘‘สมนนฺตรนิรุทฺธา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปฏุปฺปนฺนานํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ นตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ.
เต เอว วิคตภาเวน อุปการกตฺตา วิคตปจฺจโย. ยถาห – ‘‘สมนนฺตรวิคตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปฏุปฺปนฺนานํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ วิคตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ.
อตฺถิ ปจฺจยธมฺมา เอว จ อวิคตภาเวน อุปการกตฺตา อวิคตปจฺจโยติ เวทิตพฺพา. เทสนาวิลาเสน ¶ ปน ตถา วิเนตพฺพเวเนยฺยวเสน วา อยํ ทุโก วุตฺโต, อเหตุกทุกํ วตฺวาปิ เหตุวิปฺปยุตฺตทุโก วิยาติ.
อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารปทวิตฺถารกถา
๖๑๖. เอวมิเมสุ ¶ จตุวีสติยา ปจฺจเยสุ อยํ อวิชฺชา,
ปจฺจโย โหติ ปฺุานํ, ทุวิธาเนกธา ปน;
ปเรสํ ปจฺฉิมานํ สา, เอกธา ปจฺจโย มตาติ.
ตตฺถ ปฺุานํ ทุวิธาติ อารมฺมณปจฺจเยน จ อุปนิสฺสยปจฺจเยน จาติ ทฺเวธา ปจฺจโย โหติ. สา หิ อวิชฺชํ ขยโต วยโต สมฺมสนกาเล กามาวจรานํ ปฺุาภิสงฺขารานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ. อภิฺาจิตฺเตน สโมหจิตฺตํ ชานนกาเล รูปาวจรานํ. อวิชฺชาสมติกฺกมตฺถาย ปน ทานาทีนิ เจว กามาวจรปฺุกิริยวตฺถูนิ ปูเรนฺตสฺส, รูปาวจรชฺฌานานิ จ อุปฺปาเทนฺตสฺส ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ. ตถา อวิชฺชาสมฺมูฬฺหตฺตา กามภวรูปภวสมฺปตฺติโย ปตฺเถตฺวา ตาเนว ปฺุานิ กโรนฺตสฺส.
อเนกธา ปน ปเรสนฺติ อปฺุาภิสงฺขารานํ อเนกธา ปจฺจโย โหติ. กถํ? เอสา หิ อวิชฺชํ อารพฺภ ราคาทีนํ อุปฺปชฺชนกาเล อารมฺมณปจฺจเยน, ครุํกตฺวา อสฺสาทนกาเล อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสเยหิ, อวิชฺชาสมฺมูฬฺหสฺส อนาทีนวทสฺสาวิโน ปาณาติปาตาทีนิ กโรนฺตสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน, ทุติยชวนาทีนํ อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยาเสวนนตฺถิวิคตปจฺจเยหิ, ยํกิฺจิ อกุสลํ กโรนฺตสฺส เหตุ สหชาต อฺมฺ นิสฺสย สมฺปยุตฺต อตฺถิ อวิคตปจฺจเยหีติ อเนกธา ปจฺจโย โหติ.
ปจฺฉิมานํ สา เอกธา ปจฺจโย มตาติ อาเนฺชาภิสงฺขารานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยเนว เอกธา ปจฺจโย มตา. โส ปนสฺสา อุปนิสฺสยภาโว ปฺุาภิสงฺขาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ.
๖๑๗. เอตฺถาห – กึ ปนายเมกาว อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย, อุทาหุ อฺเปิ ปจฺจยา ¶ สนฺตีติ? กึ ปเนตฺถ, ยทิ ตาว เอกาว, เอกการณวาโท อาปชฺชติ. อถฺเปิ สนฺติ, ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอกการณนิทฺเทโส นุปปชฺชตีติ? น นุปปชฺชติ. กสฺมา? ยสฺมา –
เอกํ น เอกโต อิธ, นาเนกมเนกโตปิ โน เอกํ;
ผลมตฺถิ อตฺถิ ปน เอก-เหตุผลทีปเน อตฺโถ.
เอกโต ¶ หิ การณโต น อิธ กิฺจิ เอกํ ผลมตฺถิ, น อเนกํ. นาปิ อเนเกหิ การเณหิ เอกํ. อเนเกหิ ปน การเณหิ อเนกเมว โหติ. ตถา หิ อเนเกหิ อุตุปถวีพีชสลิลสงฺขาเตหิ การเณหิ อเนกเมว รูปคนฺธรสาทิกํ องฺกุรสงฺขาตํ ผลํ อุปฺปชฺชมานํ ทิสฺสติ. ยํ ปเนตํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ เอเกกเหตุผลทีปนํ กตํ, ตตฺถ อตฺโถ อตฺถิ, ปโยชนํ วิชฺชติ.
ภควา หิ กตฺถจิ ปธานตฺตา, กตฺถจิ ปากฏตฺตา, กตฺถจิ อสาธารณตฺตา เทสนาวิลาสสฺส จ เวเนยฺยานฺจ อนุรูปโต เอกเมว เหตุํ วา ผลํ วา ทีเปติ. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ ปธานตฺตา เอกเมว เหตุผลมาห. ผสฺโส หิ เวทนาย ปธานเหตุ ยถาผสฺสํ เวทนา ววตฺถานโต. เวทนา จ ผสฺสสฺส ปธานผลํ ยถาเวทนํ ผสฺสววตฺถานโต. ‘‘เสมฺหสมุฏฺานา อาพาธา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๐) ปากฏตฺตา เอกํ เหตุมาห. ปากโฏ หิ เอตฺถ เสมฺโห, น กมฺมาทโย. ‘‘เย เกจิ, ภิกฺขเว, อกุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต อโยนิโสมนสิการมูลกา’’ติ อสาธารณตฺตา เอกํ เหตุมาห. อสาธารโณ หิ อโยนิโสมนสิกาโร อกุสลานํ, สาธารณานิ วตฺถารมฺมณาทีนีติ. ตสฺมา อยมิธ อวิชฺชา วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ วตฺถารมฺมณสหชาตธมฺมาทีสุ สงฺขารการเณสุ ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๒) จ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา อาสวสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๔) จ วจนโต อฺเสมฺปิ ตณฺหาทีนํ สงฺขารเหตูนํ เหตูติ ปธานตฺตา, ‘‘อวิทฺวา, ภิกฺขเว, อวิชฺชาคโต ปฺุาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรตี’’ติ ปากฏตฺตา, อสาธารณตฺตา จ สงฺขารานํ เหตุภาเวน ทีปิตาติ เวทิตพฺพา. เอเตเนว จ เอเกกเหตุผลทีปนปริหารวจเนน สพฺพตฺถ เอเกกเหตุผลทีปเน ปโยชนํ เวทิตพฺพนฺติ.
๖๑๘. เอตฺถาห ¶ – เอวํ สนฺเตปิ เอกนฺตานิฏฺผลาย สาวชฺชาย อวิชฺชาย กถํ ปฺุาเนฺชาภิสงฺขารปจฺจยตฺตํ ยุชฺชติ? น หิ นิมฺพพีชโต อุจฺฉุ อุปฺปชฺชตีติ. กถํ น ยุชฺชิสฺสติ? โลกสฺมิฺหิ –
วิรุทฺโธ ¶ จาวิรุทฺโธ จ, สทิสาสทิโส ตถา;
ธมฺมานํ ปจฺจโย สิทฺโธ, วิปากา เอว เต จ น.
ธมฺมานํ หิ านสภาวกิจฺจาทิวิรุทฺโธ จาวิรุทฺโธ จ ปจฺจโย โลเก สิทฺโธ. ปุริมจิตฺตํ หิ อปรจิตฺตสฺส านวิรุทฺโธ ปจฺจโย, ปุริมสิปฺปาทิสิกฺขา จ ปจฺฉา ปวตฺตมานานํ สิปฺปาทิกิริยานํ. กมฺมํ รูปสฺส สภาววิรุทฺโธ ปจฺจโย, ขีราทีนิ จ ทธิอาทีนํ. อาโลโก จกฺขุวิฺาณสฺส กิจฺจวิรุทฺโธ, คุฬาทโย จ อาสวาทีนํ. จกฺขุรูปาทโย ปน จกฺขุวิฺาณาทีนํ านาวิรุทฺธา ปจฺจยา. ปุริมชวนาทโย ปจฺฉิมชวนาทีนํ สภาวาวิรุทฺธา กิจฺจาวิรุทฺธา จ.
ยถา จ วิรุทฺธาวิรุทฺธา ปจฺจยา สิทฺธา, เอวํ สทิสาสทิสาปิ. สทิสเมว หิ อุตุอาหารสงฺขาตํ รูปํ รูปสฺส ปจฺจโย, สาลิพีชาทีนิ จ สาลิผลาทีนํ. อสทิสมฺปิ รูปํ อรูปสฺส, อรูปฺจ รูปสฺส ปจฺจโย โหติ, โคโลมาวิโลม-วิสาณ-ทธิติลปิฏฺาทีนิ จ ทุพฺพา-สรภูติณกาทีนํ. เยสฺจ ธมฺมานํ เต วิรุทฺธาวิรุทฺธสทิสาสทิสปจฺจยา, น เต ธมฺมา เตสํ ธมฺมานํ วิปากา เอว.
อิติ อยํ อวิชฺชา วิปากวเสน เอกนฺตานิฏฺผลา, สภาววเสน จ สาวชฺชาปิ สมานา สพฺเพสมฺปิ เอเตสํ ปฺุาภิสงฺขาราทีนํ ยถานุรูปํ านกิจฺจสภาววิรุทฺธาวิรุทฺธปจฺจยวเสน, สทิสาสทิสปจฺจยวเสน จ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพา. โส จสฺสา ปจฺจยภาโว ‘‘ยสฺส หิ ทุกฺขาทีสุ อวิชฺชาสงฺขาตํ อฺาณํ อปฺปหีนํ โหติ, โส ทุกฺเข ตาว ปุพฺพนฺตาทีสุ จ อฺาเณน สํสารทุกฺขํ สุขสฺาย คเหตฺวา ตสฺส เหตุภูเต ติวิเธปิ สงฺขาเร อารภตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต เอว.
๖๑๙. อปิจ อยํ อฺโปิ ปริยาโย –
จุตูปปาเต ¶ สํสาเร, สงฺขารานฺจ ลกฺขเณ;
โย ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน-ธมฺเมสุ จ วิมุยฺหติ.
อภิสงฺขโรติ โส เอเต, สงฺขาเร ติวิเธ ยโต;
อวิชฺชา ปจฺจโย เตสํ, ติวิธานมฺปยํ ตโตติ.
กถํ ¶ ปน โย เอเตสุ วิมุยฺหติ, โส ติวิเธเปเต สงฺขาเร กโรตีติ เจ. จุติยา ตาว วิมูฬฺโห ‘‘สพฺพตฺถ ขนฺธานํ เภโท มรณ’’นฺติ จุตึ อคณฺหนฺโต ‘‘สตฺโต มรติ, สตฺตสฺส เทหนฺตรสงฺกมน’’นฺติอาทีนิ วิกปฺเปติ.
อุปปาเต วิมูฬฺโห ‘‘สพฺพตฺถ ขนฺธานํ ปาตุภาโว ชาตี’’ติ อุปปาตํ อคณฺหนฺโต ‘‘สตฺโต อุปปชฺชติ, สตฺตสฺส นวสรีรปาตุภาโว’’ติอาทีนิ วิกปฺเปติ.
สํสาเร วิมูฬฺโห โย เอส,
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
เอวํ วณฺณิโต สํสาโร, ตํ เอวํ อคณฺหนฺโต ‘‘อยํ สตฺโต อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ คจฺฉติ, ปรสฺมา โลกา อิมํ โลกํ อาคจฺฉตี’’ติอาทีนิ วิกปฺเปติ.
สงฺขารานํ ลกฺขเณ วิมูฬฺโห สงฺขารานํ สภาวลกฺขณํ สามฺลกฺขณฺจ อคณฺหนฺโต สงฺขาเร อตฺตโต อตฺตนิยโต ธุวโต สุขโต สุภโต วิกปฺเปติ.
ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺเมสุ วิมูฬฺโห อวิชฺชาทีหิ สงฺขาราทีนํ ปวตฺตึ อคณฺหนฺโต ‘‘อตฺตา ชานาติ วา น ชานาติ วา, โส เอว กโรติ จ กาเรติ จ. โส ปฏิสนฺธิยํ อุปปชฺชติ, ตสฺส อณุอิสฺสราทโย กลลาทิภาเวน สรีรํ สณฺเปนฺโต อินฺทฺริยานิ สมฺปาเทนฺติ. โส อินฺทฺริยสมฺปนฺโน ผุสติ, เวทิยติ, ตณฺหียติ, อุปาทิยติ, ฆฏิยติ. โส ปุน ภวนฺตเร ภวตี’’ติ ¶ วา, ‘‘สพฺเพ สตฺตา นิยติสงฺคติภาวปริณตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) วา วิกปฺเปติ.
โส อวิชฺชาย อนฺธีกโต เอวํ วิกปฺเปนฺโต ยถา นาม อนฺโธ ปถวิยํ วิจรนฺโต มคฺคมฺปิ อมคฺคมฺปิ ถลมฺปิ นินฺนมฺปิ สมมฺปิ วิสมมฺปิ ปฏิปชฺชติ, เอวํ ปฺุมฺปิ อปฺุมฺปิ อาเนฺชาภิสงฺขารมฺปิ อภิสงฺขโรตีติ.
เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ยถาปิ ¶ นาม ชจฺจนฺโธ, นโร อปริณายโก;
เอกทา ยาติ มคฺเคน, อุมฺมคฺเคนาปิ เอกทา.
‘‘สํสาเร สํสรํ พาโล, ตถา อปริณายโก;
กโรติ เอกทา ปฺุํ, อปฺุมปิ เอกทา.
‘‘ยทา จ ตฺวา โส ธมฺมํ, สจฺจานิ อภิสเมสฺสติ;
ตทา อวิชฺชูปสมา, อุปสนฺโต จริสฺสตี’’ติ.
อยํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
สงฺขารปจฺจยาวิฺาณปทวิตฺถารกถา
๖๒๐. สงฺขารปจฺจยา วิฺาณปเท – วิฺาณนฺติ จกฺขุวิฺาณาทิ ฉพฺพิธํ. ตตฺถ จกฺขุวิฺาณํ กุสลวิปากํ อกุสลวิปากนฺติ ทุวิธํ โหติ. ตถา โสตฆานชิวฺหากอายวิฺาณานิ. มโนวิฺาณํ กุสลากุสลวิปากา ทฺเว มโนธาตุโย, ติสฺโส อเหตุกมโนวิฺาณธาตุโย, อฏฺ สเหตุกานิ กามาวจรวิปากจิตฺตานิ, ปฺจ รูปาวจรานิ, จตฺตาริ อรูปาวจรานีติ พาวีสติวิธํ โหติ. อิติ อิเมหิ ฉหิ วิฺาเณหิ สพฺพานิปิ พาตฺตึส โลกิยวิปากวิฺาณานิ ¶ สงฺคหิตานิ โหนฺติ. โลกุตฺตรานิ ปน วฏฺฏกถาย น ยุชฺชนฺตีติ น คหิตานิ.
ตตฺถ สิยา ‘‘กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ อิทํ วุตฺตปฺปการํ วิฺาณํ สงฺขารปจฺจยา โหตี’’ติ? อุปจิตกมฺมาภาเว วิปากาภาวโต. วิปากํ เหตํ, วิปากฺจ น อุปจิตกมฺมาภาเว อุปฺปชฺชติ. ยทิ อุปฺปชฺเชยฺย สพฺเพสํ สพฺพวิปากานิ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, น จ อุปฺปชฺชนฺตีติ ชานิตพฺพเมตํ สงฺขารปจฺจยา อิทํ วิฺาณํ โหตีติ.
กตรสงฺขารปจฺจยา กตรํ วิฺาณนฺติ เจ. กามาวจรปฺุาภิสงฺขารปจฺจยา ตาว กุสลวิปากานิ ปฺจ จกฺขุวิฺาณาทีนิ, มโนวิฺาเณ เอกา มโนธาตุ, ทฺเว มโนวิฺาณธาตุโย, อฏฺ กามาวจรมหาวิปากานีติ โสฬส. ยถาห –
‘‘กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหติ… โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายวิฺาณํ ¶ … วิปากา มโนธาตุ อุปฺปนฺนา โหติ. โสมนสฺสสหคตา มโนวิฺาณธาตุ อุปฺปนฺนา โหติ. อุเปกฺขาสหคตา มโนวิฺาณธาตุ อุปฺปนฺนา โหติ. โสมนสฺสสหคตา าณสมฺปยุตฺตา. โสมนสฺสสหคตา าณสมฺปยุตฺตา สสงฺขาเรน. โสมนสฺสสหคตา าณวิปฺปยุตฺตา. โสมนสฺสสหคตา าณวิปฺปยุตฺตา สสงฺขาเรน. อุเปกฺขาสหคตา าณสมฺปยุตฺตา. อุเปกฺขาสหคตา าณสมฺปยุตฺตา สสงฺขาเรน. อุเปกฺขาสหคตา าณวิปฺปยุตฺตา. อุเปกฺขาสหคตา าณวิปฺปยุตฺตา สสงฺขาเรนา’’ติ (ธ. ส. ๔๓๑, ๔๙๘).
รูปาวจรปฺุาภิสงฺขารปจฺจยา ปน ปฺจ รูปาวจรวิปากานิ. ยถาห –
‘‘ตสฺเสว รูปาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ วิวิจฺเจว กาเมหิ ปมํ ฌานํ…เป… ปฺจมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ธ. ส. ๔๙๙). เอวํ ปฺุาภิสงฺขารปจฺจยา เอกวีสติวิธํ วิฺาณํ โหติ.
อปฺุาภิสงฺขารปจฺจยา ¶ ปน อกุสลวิปากานิ ปฺจ จกฺขุวิฺาณาทีนิ, เอกา มโนธาตุ, เอกา มโนวิฺาณธาตูติ เอวํ สตฺตวิธํ วิฺาณํ โหติ. ยถาห –
‘‘อกุสลสฺส กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหติ… โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กายวิฺาณํ… วิปากา มโนธาตุ วิปากา มโนวิฺาณธาตุ อุปฺปนฺนา โหตี’’ติ (ธ. ส. ๕๕๖).
อาเนฺชาภิสงฺขารปจฺจยา ปน จตฺตาริ อรูปวิปากานีติ เอวํ จตุพฺพิธํ วิฺาณํ โหติ. ยถาห –
‘‘ตสฺเสว อรูปาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กฏตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา อากาสานฺจายตนสฺาสหคตํ…เป… วิฺาณฺจา…เป… อากิฺจฺา…เป… เนวสฺานาสฺายตนสหคตํ สุขสฺส จ ทุกฺขสฺส จ ปหานา จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ธ. ส. ๕๐๑).
๖๒๑. เอวํ ¶ ยํ สงฺขารปจฺจยา ยํ วิฺาณํ โหติ, ตํ ตฺวา อิทานิสฺส เอวํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา – สพฺพเมว หิ อิทํ ปวตฺติปฏิสนฺธิวเสน ทฺเวธา ปวตฺตติ. ตตฺถ ทฺเว ปฺจวิฺาณานิ, ทฺเว มโนธาตุโย, โสมนสฺสสหคตา อเหตุกมโนวิฺาณธาตูติ อิมานิ เตรส ปฺจโวการภเว ปวตฺติยฺเว ปวตฺตนฺติ. เสสานิ เอกูนวีสติ ตีสุ ภเวสุ ยถานุรูปํ ปวตฺติยมฺปิ ปฏิสนฺธิยมฺปิ ปวตฺตนฺติ.
กถํ? กุสลวิปากานิ ตาว จกฺขุวิฺาณาทีนิ ปฺจ กุสลวิปาเกน อกุสลวิปาเกน วา นิพฺพตฺตสฺส ยถากฺกมํ ปริปากํ อุปคตินฺทฺริยสฺส จกฺขาทีนํ อาปาถคตํ อิฏฺํ อิฏฺมชฺฌตฺตํ วา รูปาทิอารมฺมณํ อารพฺภ จกฺขาทิปสาทํ นิสฺสาย ทสฺสนสวนฆายนสายนผุสนกิจฺจํ สาธยมานานิ ปวตฺตนฺติ. ตถา อกุสลวิปากานิ ปฺจ. เกวลฺหิ เตสํ อนิฏฺํ อนิฏฺมชฺฌตฺตํ วา อารมฺมณํ โหติ. อยเมว วิเสโส. ทสปิ เจตานิ นิยตทฺวารารมฺมณวตฺถุฏฺานานิ นิยตกิจฺจาเนว จ ภวนฺติ.
ตโต ¶ กุสลวิปากานํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อนนฺตรา กุสลวิปากา มโนธาตุ เตสํเยว อารมฺมณํ อารพฺภ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ สาธยมานา ปวตฺตติ. ตถา อกุสลวิปากานํ อนนฺตรา อกุสลวิปากา. อิทฺจ ปน ทฺวยํ อนิยตทฺวารารมฺมณํ นิยตวตฺถุฏฺานํ นิยตกิจฺจฺจ โหติ.
โสมนสฺสสหคตา ปน อเหตุกมโนวิฺาณธาตุ กุสลวิปากมโนธาตุยา อนนฺตรา ตสฺสา เอว อารมฺมณํ อารพฺภ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย สนฺตีรณกิจฺจํ สาธยมานา ฉสุ ทฺวาเรสุ พลวารมฺมเณ กามาวจรสตฺตานํ เยภุยฺเยน โลภสมฺปยุตฺตชวนาวสาเน ภวงฺควีถึ ปจฺฉินฺทิตฺวา ชวเนน คหิตารมฺมเณ ตทารมฺมณวเสน จ สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ปวตฺตตีติ มชฺฌิมฏฺกถายํ วุตฺตํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ ปน ตทารมฺมเณ ทฺเว จิตฺตวารา อาคตา. อิทํ ปน จิตฺตํ ตทารมฺมณนฺติ จ ปิฏฺิภวงฺคนฺติ จาติ ทฺเว นามานิ ลภติ. อนิยตทฺวารารมฺมณํ นิยตวตฺถุกํ อนิยตฏฺานกิจฺจฺจ โหตีติ. เอวํ ตาว เตรส ปฺจโวการภเว ปวตฺติยฺเว ปวตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
เสเสสุ ¶ เอกูนวีสติยา น กิฺจิ อตฺตโน อนุรูปาย ปฏิสนฺธิยา น ปวตฺตติ. ปวตฺติยํ ปน กุสลากุสลวิปากา ตาว ทฺเว อเหตุกมโนวิฺาณธาตุโย ปฺจทฺวาเร กุสลากุสลวิปากมโนธาตูนํ อนนฺตรา สนฺตีรณกิจฺจํ, ฉสุ ทฺวาเรสุ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ตทารมฺมณกิจฺจํ, อตฺตนา ทินฺนปฏิสนฺธิโต อุทฺธํ อสติ ภวงฺคุปจฺเฉทเก จิตฺตุปฺปาเท ภวงฺคกิจฺจํ, อนฺเต จุติกิจฺจฺจาติ จตฺตาริ กิจฺจานิ สาธยมานา นิยตวตฺถุกา อนิยตทฺวารารมฺมณฏฺานกิจฺจา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ.
อฏฺ กามาวจรสเหตุกจิตฺตานิ วุตฺตนเยเนว ฉสุ ทฺวาเรสุ ตทารมฺมณกิจฺจํ, อตฺตนา ทินฺนปฏิสนฺธิโต อุทฺธํ อสติ ภวงฺคุปจฺเฉทเก จิตฺตุปฺปาเท ภวงฺคกิจฺจํ, อนฺเต จุติกิจฺจฺจาติ ตีณิ กิจฺจานิ สาธยมานานิ นิยตวตฺถุกานิ อนิยตทฺวารารมฺมณฏฺานกิจฺจานิ หุตฺวา ปวตฺตนฺติ.
ปฺจ รูปาวจรานิ จตฺตาริ จ อารุปฺปานิ อตฺตนา ทินฺนปฏิสนฺธิโต อุทฺธํ อสติ ภวงฺคุปจฺเฉทเก จิตฺตุปฺปาเท ภวงฺคกิจฺจํ, อนฺเต จุติกิจฺจฺจาติ กิจฺจทฺวยํ สาธยมานานิ ปวตฺตนฺติ ¶ . เตสุ รูปาวจรานิ นิยตวตฺถารมฺมณานิ อนิยตฏฺานกิจฺจานิ, อิตรานิ นิยตวตฺถุกานิ นิยตารมฺมณานิ อนิยตฏฺานกิจฺจานิ หุตฺวา ปวตฺตนฺตีติ เอวํ ตาว พาตฺตึสวิธมฺปิ วิฺาณํ ปวตฺติยํ สงฺขารปจฺจยา ปวตฺตติ. ตตฺราสฺส เต เต สงฺขารา กมฺมปจฺจเยน จ อุปนิสฺสยปจฺจเยน จ ปจฺจยา โหนฺติ.
๖๒๒. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘เสเสสุ เอกูนวีสติยา น กิฺจิ อตฺตโน อนุรูปาย ปฏิสนฺธิยา น ปวตฺตตี’’ติ, ตํ อติสํขิตฺตตฺตา ทุพฺพิชานํ. เตนสฺส วิตฺถารนยทสฺสนตฺถํ วุจฺจติ – กติ ปฏิสนฺธิโย, กติ ปฏิสนฺธิจิตฺตานิ, เกน กตฺถ ปฏิสนฺธิ โหติ, กึ ปฏิสนฺธิยา อารมฺมณนฺติ?
อสฺปฏิสนฺธิยา สทฺธึ วีสติ ปฏิสนฺธิโย. วุตฺตปฺปการาเนว เอกูนวีสติ ปฏิสนฺธิจิตฺตานิ. ตตฺถ อกุสลวิปากาย อเหตุกมโนวิฺาณธาตุยา อปาเยสุ ปฏิสนฺธิ โหติ. กุสลวิปากาย มนุสฺสโลเก ชจฺจนฺธชาติพธิรชาติอุมฺมตฺตกชาติเอฬมูคนปุํสกาทีนํ. อฏฺหิ สเหตุกกามาวจรวิปาเกหิ กามาวจรเทเวสุ เจว มนุสฺเสสุ จ ปฺุวนฺตานํ ปฏิสนฺธิ โหติ. ปฺจหิ รูปาวจรวิปาเกหิ รูปีพฺรหฺมโลเก. จตูหิ อรูปาวจรวิปาเกหิ อรูปโลเกติ. เยน จ ยตฺถ ปฏิสนฺธิ โหติ ¶ , สา เอว ตสฺส อนุรูปา ปฏิสนฺธิ นาม. สงฺเขปโต ปน ปฏิสนฺธิยา ตีณิ อารมฺมณานิ โหนฺติ อตีตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ นวตฺตพฺพฺจ. อสฺา ปฏิสนฺธิ อนารมฺมณาติ.
ตตฺถ วิฺาณฺจายตนเนวสฺานาสฺายตนปฏิสนฺธีนํ อตีตเมว อารมฺมณํ. ทสนฺนํ กามาวจรานํ อตีตํ วา ปจฺจุปฺปนฺนํ วา. เสสานํ นวตฺตพฺพเมว. เอวํ ตีสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺตมานา ปน ปฏิสนฺธิ ยสฺมา อตีตารมฺมณสฺส วา นวตฺตพฺพารมฺมณสฺส วา จุติจิตฺตสฺส อนนฺตรเมว ปวตฺตติ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ ปน จุติจิตฺตํ นาม นตฺถิ. ตสฺมา ทฺวีสุ อารมฺมเณสุ อฺตรารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ตีสุ อารมฺมเณสุ อฺตรารมฺมณาย ปฏิสนฺธิยา สุคติทุคฺคติวเสน ปวตฺตนากาโร เวทิตพฺโพ.
๖๒๓. เสยฺยถิทํ – กามาวจรสุคติยํ ตาว ิตสฺส ปาปกมฺมิโน ปุคฺคลสฺส ‘‘ตานิสฺส ตสฺมึ สมเย โอลมฺพนฺตี’’ติอาทิวจนโต (ม. นิ. ๓.๒๔๘) มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส ¶ ยถูปจิตํ ปาปกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ. ตํ อารพฺภ อุปฺปนฺนาย ตทารมฺมณปริโยสานาย ชวนวีถิยา อนนฺตรํ ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา จุติจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมึ นิรุทฺเธ ตเทว อาปาถคตํ กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา อารพฺภ อนุปจฺฉินฺนกิเลสพลวินามิตํ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา อตีตารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
อปรสฺส มรณสมเย วุตฺตปฺปการกมฺมวเสน นรกาทีสุ อคฺคิชาลวณฺณาทิกํ ทุคฺคตินิมิตฺตํ มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ตสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ ภวงฺเค อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ ตํ อารมฺมณํ อารพฺภ เอกํ อาวชฺชนํ, มรณสฺส อาสนฺนภาเวน มนฺทีภูตเวคตฺตา ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานีติ ตีณิ วีถิจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ตโต ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา เอกํ จุติจิตฺตํ. เอตฺตาวตา เอกาทส จิตฺตกฺขณา อตีตา โหนฺติ. อถสฺส อวเสสปฺจจิตฺตกฺขณายุเก ตสฺมิฺเว อารมฺมเณ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
อปรสฺส ¶ มรณสมเย ปฺจนฺนํ ทฺวารานํ อฺตรสฺมึ ราคาทิเหตุภูตํ หีนมารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ. ตสฺส ยถากฺกเมน อุปฺปนฺเน โวฏฺพฺพนาวสาเน มรณสฺส อาสนฺนภาเวน มนฺทีภูตเวคตฺตา ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานิ จ อุปฺปชฺชนฺติ. ตโต ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา เอกํ จุติจิตฺตํ. เอตฺตาวตา จ ทฺเว ภวงฺคานิ, อาวชฺชนํ, ทสฺสนํ, สมฺปฏิจฺฉนํ, สนฺตีรณํ, โวฏฺพฺพนํ, ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานิ, เอกํ จุติจิตฺตนฺติ ปฺจทส จิตฺตกฺขณา อตีตา โหนฺติ. อถาวเสสเอกจิตฺตกฺขณายุเก ตสฺมิฺเว อารมฺมเณ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยมฺปิ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ. เอส ตาว อตีตารมฺมณาย สุคติจุติยา อนนฺตรา อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย ทุคฺคติปฏิสนฺธิยา ปวตฺตนากาโร.
๖๒๔. ทุคฺคติยํ ิตสฺส ปน อุปจิตานวชฺชกมฺมสฺส วุตฺตนเยเนว ตํ อนวชฺชกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉตีติ กณฺหปกฺเข สุกฺกปกฺขํ เปตฺวา สพฺพํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยํ อตีตารมฺมณาย ทุคฺคติจุติยา อนนฺตรา อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย สุคติปฏิสนฺธิยา ปวตฺตนากาโร.
๖๒๕. สุคติยํ ¶ ิตสฺส ปน อุปจิตานวชฺชกมฺมสฺส ‘‘ตานิสฺส ตสฺมึ สมเย โอลมฺพนฺตี’’ติอาทิวจนโต มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส ยถูปจิตํ อนวชฺชกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ. ตฺจ โข อุปจิตกามาวจรานวชฺชกมฺมสฺเสว. อุปจิตมหคฺคตกมฺมสฺส ปน กมฺมนิมิตฺตเมว อาปาถมาคจฺฉติ. ตํ อารพฺภ อุปฺปนฺนาย ตทารมฺมณปริโยสานาย สุทฺธาย วา ชวนวีถิยา อนนฺตรํ ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา จุติจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมึ นิรุทฺเธ ตเมว อาปาถคตํ กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา อารพฺภ อนุปจฺฉินฺนกิเลสพลวินามิตํ สุคติปริยาปนฺนํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา อตีตารมฺมณา วา นวตฺตพฺพารมฺมณา วา ปฏิสนฺธิ.
อปรสฺส มรณสมเย กามาวจรอนวชฺชกมฺมวเสน มนุสฺสโลเก มาตุกุจฺฉิวณฺณสงฺขาตํ วา เทวโลเก อุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺขาทิวณฺณสงฺขาตํ วา สุคตินิมิตฺตํ มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ตสฺส ทุคฺคตินิมิตฺเต ¶ ทสฺสิตานุกฺกเมเนว จุติจิตฺตานนฺตรํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
อปรสฺส มรณสมเย าตกา ‘‘อยํ ตาต ตวตฺถาย พุทฺธปูชา กรียติ จิตฺตํ ปสาเทหี’’ติ วตฺวา ปุปฺผทามปฏากาทิวเสน รูปารมฺมณํ วา, ธมฺมสฺสวนตูริยปูชาทิวเสน สทฺทารมฺมณํ วา, ธูมวาสคนฺธาทิวเสน คนฺธารมฺมณํ วา, ‘‘อิทํ ตาต สายสฺสุ ตวตฺถาย ทาตพฺพเทยฺยธมฺม’’นฺติ วตฺวา มธุผาณิตาทิวเสน รสารมฺมณํ วา, ‘‘อิทํ ตาต ผุสสฺสุ ตวตฺถาย ทาตพฺพเทยฺยธมฺม’’นฺติ วตฺวา จีนปฏฺฏโสมารปฏฺฏาทิวเสน โผฏฺพฺพารมฺมณํ วา ปฺจทฺวาเร อุปสํหรนฺติ, ตสฺส ตสฺมึ อาปาถคเต รูปาทิอารมฺมเณ ยถากฺกเมน อุปฺปนฺนโวฏฺพฺพนาวสาเน มรณสฺส อาสนฺนภาเวน มนฺทีภูตเวคตฺตา ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานิ จ อุปฺปชฺชนฺติ. ตโต ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา เอกํ จุติจิตฺตํ, ตทวสาเน ตสฺมิฺเว เอกจิตฺตกฺขณฏฺิติเก อารมฺมเณ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยมฺปิ อตีตารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
๖๒๖. อปรสฺส ปน ปถวีกสิณชฺฌานาทิวเสน ปฏิลทฺธมหคฺคตสฺส สุคติยํ ิตสฺส มรณสมเย กามาวจรกุสลกมฺม-กมฺมนิมิตฺต-คตินิมิตฺตานํ วา อฺตรํ, ปถวีกสิณาทิกํ วา นิมิตฺตํ, มหคฺคตจิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, จกฺขุโสตานํ วา อฺตรสฺมึ กุสลุปฺปตฺติเหตุภูตํ ¶ ปณีตมารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ, ตสฺส ยถากฺกเมน อุปฺปนฺนโวฏฺพฺพนาวสาเน มรณสฺส อาสนฺนภาเวน มนฺทีภูตเวคตฺตา ปฺจ ชวนานิ อุปฺปชฺชนฺติ. มหคฺคตคติกานํ ปน ตทารมฺมณํ นตฺถิ, ตสฺมา ชวนานนฺตรํเยว ภวงฺควิสยํ อารมฺมณํ กตฺวา เอกํ จุติจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺสาวสาเน กามาวจรมหคฺคตสุคตีนํ อฺตรสุคติปริยาปนฺนํ ยถูปฏฺิเตสุ อารมฺมเณสุ อฺตรารมฺมณํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ นวตฺตพฺพารมฺมณาย สุคติจุติยา อนนฺตรา อตีตปจฺจุปฺปนฺนนวตฺตพฺพารมฺมณานํ อฺตรารมฺมณา ปฏิสนฺธิ.
เอเตนานุสาเรน อารุปฺปจุติยาปิ อนนฺตรา ปฏิสนฺธิ เวทิตพฺพา. อยํ อตีตนวตฺตพฺพารมฺมณาย สุคติจุติยา อนนฺตรา อตีตนวตฺตพฺพปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย ปฏิสนฺธิยา ปวตฺตนากาโร.
๖๒๗. ทุคฺคติยํ ¶ ิตสฺส ปน ปาปกมฺมิโน วุตฺตนเยเนว ตํ กมฺมํ กมฺมนิมิตฺตํ คตินิมิตฺตํ วา มโนทฺวาเร. ปฺจทฺวาเร วา ปน อกุสลุปฺปตฺติ เหตุภูตํ อารมฺมณํ อาปาถมาคจฺฉติ, อถสฺส ยถากฺกเมน จุติจิตฺตาวสาเน ทุคฺคติปริยาปนฺนํ เตสุ อารมฺมเณสุ อฺตรารมฺมณํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อยํ อตีตารมฺมณาย ทุคฺคติจุติยา อนนฺตรา อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย ปฏิสนฺธิยา ปวตฺตนากาโรติ. เอตฺตาวตา เอกูนวีสติวิธสฺสาปิ วิฺาณสฺส ปฏิสนฺธิวเสน ปวตฺติ ทีปิตา โหติ.
ปวตฺตมานํ สนฺธิมฺหิ, ทฺเวธา กมฺเมน วตฺตติ;
มิสฺสาทีหิ จ เภเทหิ, เภทสฺส ทุวิธาทิโก.
อิทฺหิ เอกูนวีสติวิธมฺปิ วิปากวิฺาณํ ปฏิสนฺธิมฺหิ ปวตฺตมานา ทฺเวธา กมฺเมน วตฺตติ. ยถาสกฺหิ เอกสฺส ชนกกมฺมํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จ ปจฺจโย โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กุสลากุสลํ กมฺมํ วิปากสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓). เอวํ วตฺตมานสฺส ปนสฺส มิสฺสาทีหิ เภเทหิ ทุวิธาทิโกปิ เภโท เวทิตพฺโพ.
เสยฺยถิทํ ¶ – อิทฺหิ ปฏิสนฺธิวเสน เอกธา ปวตฺตมานมฺปิ รูเปน สห มิสฺสามิสฺสเภทโต ทุวิธํ. กามรูปารูปภวเภทโต ติวิธํ. อณฺฑชชลาพุช-สํเสทช-โอปปาติกโยนิวเสน จตุพฺพิธํ. คติวเสน ปฺจวิธํ. วิฺาณฏฺิติวเสน สตฺตวิธํ. สตฺตาวาสวเสน อฏฺวิธํ โหติ.
มิสฺสํ ทฺวิธา ภาวเภทา, สภาวํ ตตฺถ จ ทฺวิธา;
ทฺเว วา ตโย วา ทสกา, โอมโต อาทินา สห.
มิสฺสํ ทฺวิธา ภาวเภทาติ ยํ เหตํ เอตฺถ อฺตฺร อรูปภวา รูปมิสฺสํ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ รูปภเว อิตฺถินฺทฺริยปุริสินฺทฺริยสงฺขาเตน ภาเวน วินา อุปฺปตฺติโต. กามภเว อฺตฺร ชาติปณฺฑกปฏิสนฺธิยา ภาเวน สห อุปฺปตฺติโต ส-ภาวํ, อ-ภาวนฺติ ทุวิธํ โหติ.
สภาวํ ¶ ตตฺถ จ ทฺวิธาติ ตตฺถาปิ จ ยํ ส-ภาวํ, ตํ อิตฺถิปุริสภาวานํ อฺตเรน สห อุปฺปตฺติโต ทุวิธเมว โหติ.
ทฺเว วา ตโย วา ทสกา โอมโต อาทินา สหาติ ยํ เหตเมตฺถ ‘‘มิสฺสํ อมิสฺส’’นฺติ ทุเก อาทิภูตํ รูปมิสฺสํ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ, เตน สห วตฺถุกายทสกวเสน ทฺเว วา, วตฺถุกายภาวทสกวเสน ตโย วา ทสกา โอมโต อุปฺปชฺชนฺติ, นตฺถิ อิโต ปรํ รูปปริหานีติ. ตํ ปเนตํ เอวํ โอมกปริมาณํ อุปฺปชฺชมานํ อณฺฑชชลาพุชนามิกาสุ ทฺวีสุ โยนีสุ ชาติอุณฺณาย เอเกน อํสุนา อุทฺธฏสปฺปิมณฺฑปฺปมาณํ กลลนฺติ ลทฺธสงฺขํ หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. ตตฺถ โยนีนํ คติวเสน สมฺภวเภโท เวทิตพฺโพ.
นิรเย ภุมฺมวชฺเชสุ, เทเวสุ จ น โยนิโย;
ติสฺโส ปุริมิกา โหนฺติ, จตสฺโสปิ คติตฺตเย.
ตตฺถ ¶ เทเวสุ จาติ จสทฺเทน ยถา นิรเย จ ภุมฺมวชฺเชสุ จ เทเวสุ, เอวํ นิชฺฌามตณฺหิกเปเตสุ จ ปุริมิกา ติสฺโส โยนิโย น สนฺตีติ เวทิตพฺพา. โอปปาติกา เอว หิ เต โหนฺติ. เสเส ปน ติรจฺฉานเปตฺติวิสยมนุสฺสสงฺขาเต คติตฺตเย ปุพฺเพ วชฺชิตภุมฺมเทเวสุ จ จตสฺโสปิ โยนิโย โหนฺติ. ตตฺถ,
ตึส นว เจว รูปีสุ, สตฺตติ อุกฺกํสโตถ รูปานิ;
สํเสทุปปาตโยนิสุ, อถ วา อวกํสโต ตึส.
รูปีพฺรหฺเมสุ ตาว โอปปาติกโยนิเกสุ จกฺขุโสตวตฺถุทสกานํ ชีวิตนวกสฺส จาติ จตุนฺนํ กลาปานํ วเสน ตึส จ นว จ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สห รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ. รูปี พฺรหฺเม ปน เปตฺวา อฺเสุ สํเสทชโอปปาติกโยนิเกสุ อุกฺกํสโต จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายวตฺถุภาวทสกานํ วเสน สตฺตติ, ตานิ จ นิจฺจํ เทเวสุ. ตตฺถ วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา จตสฺโส จาปิ ธาตุโย จกฺขุปสาโท ชีวิตนฺติ อยํ ทสรูปปริมาโณ รูปปฺุโช จกฺขุทสโก นาม. เอวํ เสสา เวทิตพฺพา ¶ . อวกํสโต ปน ชจฺจนฺธพธิรอฆานกนปุํสกสฺส ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อุกฺกํสาวกํสานํ ปน อนฺตเร อนุรูปโต วิกปฺโป เวทิตพฺโพ.
ขนฺธารมฺมณคติเหตุ-เวทนาปีติวิตกฺกวิจาเรหิ;
เภทาเภทวิเสโส, จุติสนฺธีนํ ปริฺเยฺโย.
ยา เหสา มิสฺสามิสฺสโต ทุวิธา ปฏิสนฺธิ, ยา จสฺสา อตีตานนฺตรา จุติ, ตาสํ อิเมหิ ขนฺธาทีหิ เภทาเภทวิเสโส าตพฺโพติ อตฺโถ.
กถํ? กทาจิ หิ จตุกฺขนฺธาย อารุปฺปจุติยา อนนฺตรา จตุกฺขนฺธาว อารมฺมณโตปิ อภินฺนา ปฏิสนฺธิ โหติ. กทาจิ อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาย มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณา. อยํ ตาว อรูปภูมีสุเยว นโย. กทาจิ ปน จตุกฺขนฺธาย อรูปจุติยา อนนฺตรา ปฺจกฺขนฺธา กามาวจรปฏิสนฺธิ ¶ . กทาจิ ปฺจกฺขนฺธาย กามาวจรจุติยา รูปาวจรจุติยา วา อนนฺตรา จตุกฺขนฺธา อรูปปฏิสนฺธิ. เอวํ อตีตารมฺมณาย จุติยา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ. เอกจฺจสุคติจุติยา เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธิ. อเหตุกจุติยา สเหตุกปฏิสนฺธิ. ทุเหตุกจุติยา ติเหตุกปฏิสนฺธิ. อุเปกฺขาสหคตจุติยา โสมนสฺสสหคตปฏิสนฺธิ. อปฺปีติกจุติยา สปฺปีติกปฏิสนฺธิ. อวิตกฺกจุติยา สวิตกฺกปฏิสนฺธิ. อวิจารจุติยา สวิจารปฏิสนฺธิ. อวิตกฺกาวิจารจุติยา สวิตกฺกสวิจารปฏิสนฺธีติ ตสฺส ตสฺส วิปรีตโต จ ยถาโยคํ โยเชตพฺพํ.
ลทฺธปจฺจยมิติ ธมฺมมตฺตเมตํ ภวนฺตรมุเปติ;
นาสฺส ตโต สงฺกนฺติ, น ตโต เหตุํ วินา โหติ.
อิติ เหตํ ลทฺธปจฺจยํ รูปารูปธมฺมมตฺตํ อุปฺปชฺชมานํ ภวนฺตรมุเปตีติ วุจฺจติ, น สตฺโต, น ชีโว. ตสฺส จ นาปิ อตีตภวโต อิธ สงฺกนฺติ อตฺถิ. นาปิ ตโต เหตุํ วินา อิธ ปาตุภาโว. ตยิทํ ปากเฏน มนุสฺสจุติปฏิสนฺธิกฺกเมน ปกาสยิสฺสาม.
อตีตภวสฺมึ ¶ หิ สรเสน อุปกฺกเมน วา สมาสนฺนมรณสฺส อสยฺหานํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคสนฺธิพนฺธนจฺเฉทกานํ มารณนฺติกเวทนาสตฺถานํ สนฺนิปาตํ อสหนฺตสฺส อาตเป ปกฺขิตฺตหริตตาลปณฺณมิว กเมน อุปสุสฺสมาเน สรีเร นิรุทฺเธสุ จกฺขาทีสุ อินฺทฺริเยสุ หทยวตฺถุมตฺเต ปติฏฺิเตสุ กายินฺทฺริยมนินฺทฺริยชีวิตินฺทฺริเยสุ ตงฺขณาวเสสหทยวตฺถุสนฺนิสฺสิตํ วิฺาณํ ครุกสมาเสวิตาสนฺนปุพฺพกตานํ อฺตรํ ลทฺธาวเสสปจฺจยสงฺขารสงฺขาตํ กมฺมํ, ตทุปฏฺาปิตํ วา กมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตสงฺขาตํ วิสยํ อารพฺภ ปวตฺตติ. ตเทวํ ปวตฺตมานํ ตณฺหาวิชฺชานํ อปฺปหีนตฺตา อวิชฺชาปฏิจฺฉาทิตาทีนเว ตสฺมึ วิสเย ตณฺหา นาเมติ, สหชาตสงฺขารา ขิปนฺติ. ตํ สนฺตติวเสน ตณฺหาย นามิยมานํ สงฺขาเรหิ ขิปฺปมานํ โอริมตีรรุกฺขวินิพทฺธรชฺชุมาลมฺพิตฺวา มาติกาติกฺกมโก วิย ปุริมฺจ นิสฺสยํ ชหติ, อปรฺจ กมฺมสมุฏฺาปิตํ นิสฺสยํ อสฺสาทยมานํ วา อนสฺสาทยมานํ วา อารมฺมณาทีหิเยว ปจฺจเยหิ ปวตฺตตีติ.
เอตฺถ จ ปุริมํ จวนโต จุติ. ปจฺฉิมํ ภวนฺตราทิปฏิสนฺธานโต ปฏิสนฺธีติ วุจฺจติ ¶ . ตเทตํ นาปิ ปุริมภวา อิธาคตํ, นาปิ ตโต กมฺมสงฺขารนติวิสยาทิเหตุํ วินา ปาตุภูตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สิยุํ นิทสฺสนาเนตฺถ, ปฏิโฆสาทิกา อถ;
สนฺตานพนฺธโต นตฺถิ, เอกตา นาปิ นานตา.
เอตฺถ เจตสฺส วิฺาณสฺส ปุริมภวโต อิธ อนาคมเน, อตีตภวปริยาปนฺนเหตูติ จ อุปฺปาเท ปฏิโฆส-ปทีป-มุทฺทา-ปฏิพิมฺพปฺปการา ธมฺมา นิทสฺสนานิ สิยุํ. ยถา หิ ปฏิโฆส-ปทีป-มุทฺทา-ฉายา สทฺทาทิเหตุกา โหนฺติ อฺตฺร อคนฺตฺวา เอวเมวํ อิทํ จิตฺตํ.
เอตฺถ จ สนฺตานพนฺธโต นตฺถิ เอกตา นาปิ นานตา. ยทิ หิ สนฺตานพนฺเธ สติ เอกนฺตเมกตา ภเวยฺย, น ขีรโต ทธิ สมฺภูตํ สิยา. อถาปิ เอกนฺตนานตา ภเวยฺย, น ขีรสฺสาธีโน ทธิ สิยา. เอส นโย สพฺพเหตุเหตุสมุปฺปนฺเนสุ. เอวฺจ สติ สพฺพโลกโวหารโลโป ¶ สิยา, โส จ อนิฏฺโ. ตสฺมา เอตฺถ น เอกนฺตเมกตา วา นานตา วา อุปคนฺตพฺพาติ.
๖๓๔. เอตฺถาห – นนุ เอวํ อสงฺกนฺติปาตุภาเว สติ เย อิมสฺมึ มนุสฺสตฺตภาเว ขนฺธา, เตสํ นิรุทฺธตฺตา, ผลปจฺจยสฺส จ กมฺมสฺส ตตฺถ อคมนโต อฺสฺส อฺโต จ ตํ ผลํ สิยา, อุปภฺุชเก จ อสติ กสฺส ตํ ผลํ สิยา, ตสฺมา น สุนฺทรมิทํ วิธานนฺติ. ตตฺริทํ วุจฺจติ –
สนฺตาเน ยํ ผลํ เอตํ, นาฺสฺส น จ อฺโต;
พีชานํ อภิสงฺขาโร, เอตสฺสตฺถสฺส สาธโก.
เอกสนฺตานสฺมึ หิ ผลํ อุปฺปชฺชมานํ ตตฺถ เอกนฺตเอกตฺตนานตฺตานํ ปฏิสิทฺธตฺตา อฺสฺสาติ วา อฺโตติ วา น โหติ. เอตสฺส จ ปนตฺถสฺส พีชานํ อภิสงฺขาโร สาธโก. อมฺพพีชาทีนํ หิ อภิสงฺขาเรสุ กเตสุ ตสฺส พีชสฺส สนฺตาเน ลทฺธปจฺจโย กาลนฺตเร ผลวิเสโส อุปฺปชฺชมาโน น อฺพีชานํ, นาปิ อฺาภิสงฺขารปจฺจยา อุปฺปชฺชติ ¶ , น จ ตานิ พีชานิ, เต อภิสงฺขารา วา ผลฏฺานํ ปาปุณนฺติ, เอวํ สมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. วิชฺชาสิปฺโปสธาทีหิ จาปิ พาลสรีเร อุปยุตฺเตหิ กาลนฺตเร วุฑฺฒสรีราทีสุ ผลเทหิ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อุปภฺุชเก จ อสติ กสฺส ตํ ผลํ สิยา’’ติ, ตตฺถ,
ผลสฺสุปฺปตฺติยา เอว, สิทฺธา ภฺุชกสมฺมุติ;
ผลุปฺปาเทน รุกฺขสฺส, ยถา ผลติ สมฺมุติ.
ยถา หิ รุกฺขสงฺขาตานํ ธมฺมานํ เอกเทสภูตสฺส รุกฺขผลสฺส อุปฺปตฺติยา เอว รุกฺโข ผลตีติ วา ผลิโตติ วา วุจฺจติ, ตถา เทวมนุสฺสสงฺขาตานํ ขนฺธานํ เอกเทสภูตสฺส อุปโภคสงฺขาตสฺส สุขทุกฺขผลสฺส อุปฺปาเทเนว เทโว, มนุสฺโส วา อุปภฺุชตีติ วา, สุขิโต, ทุกฺขิโตติ วา วุจฺจติ. ตสฺมา น เอตฺถ อฺเน อุปภฺุชเกน นาม โกจิ อตฺโถ อตฺถีติ.
๖๓๕. โยปิ ¶ วเทยฺย ‘‘เอวํ สนฺเตปิ เอเต สงฺขารา วิชฺชมานา วา ผลสฺส ปจฺจยา สิยุํ, อวิชฺชมานา วา, ยทิ จ วิชฺชมานา ปวตฺติกฺขเณเยว เนสํ วิปาเกน ภวิตพฺพํ, อถ อวิชฺชมานา ปวตฺติโต ปุพฺเพ ปจฺฉา จ นิจฺจํ ผลาวหา สิยุ’’นฺติ, โส เอวํ วตฺตพฺโพ –
กตตฺตา ปจฺจยา เอเต, น จ นิจฺจํ ผลาวหา;
ปาฏิโภคาทิกํ ตตฺถ, เวทิตพฺพํ นิทสฺสนํ.
กตตฺตาเยว หิ สงฺขารา อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยา โหนฺติ, น วิชฺชมานตฺตา, อวิชฺชมานตฺตา วา. ยถาห – ‘‘กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๔๓๑). ยถารหสฺส จ อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยา หุตฺวา น ปุน ผลาวหา โหนฺติ วิปากตฺตา. เอตสฺส จตฺถสฺส วิภาวเน อิทํ ปาฏิโภคาทิกํ นิทสฺสนํ เวทิตพฺพํ. ยถา หิ โลเก โย กสฺสจิ อตฺถสฺส นิยฺยาตนตฺถํ ปาฏิโภโค โหติ, ภณฺฑํ วา กิณาติ, อิณํ วา คณฺหาติ, ตสฺส ตํ กิริยากรณมตฺตเมว ตทตฺถนิยฺยาตนาทิมฺหิ ¶ ปจฺจโย โหติ, น กิริยาย วิชฺชมานตฺตํ, อวิชฺชมานตฺตํ วา, น จ ตทตฺถนิยฺยาตนาทิโต ปรมฺปิ ธารโกว โหติ. กสฺมา? นิยฺยาตนาทีนํ กตตฺตา. เอวํ กตตฺตาว สงฺขาราปิ อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยา โหนฺติ, น จ ยถารหํ ผลทานโต ปรมฺปิ ผลาวหา โหนฺตีติ. เอตฺตาวตา มิสฺสามิสฺสวเสน ทฺเวธาปิ วตฺตมานสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส สงฺขารปจฺจยา ปวตฺติ ทีปิตา โหติ.
๖๓๖. อิทานิ สพฺเพสฺเวว เตสุ พาตฺตึสวิปากวิฺาเณสุ สมฺโมหวิฆาตตฺถํ,
ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ, วเสเนเต ภวาทิสุ;
วิชานิตพฺพา สงฺขารา, ยถา เยสฺจ ปจฺจยา.
ตตฺถ ตโย ภวา, จตสฺโส โยนิโย, ปฺจ คติโย, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, นว สตฺตาวาสาติ เอเต ภวาทโย นาม. เอเตสุ ภวาทีสุ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ เอเต เยสํ วิปากวิฺาณานํ ปจฺจยา, ยถา จ ปจฺจยา โหนฺติ, ตถา วิชานิตพฺพาติ อตฺโถ.
ตตฺถ ¶ ปฺุาภิสงฺขาเร ตาว กามาวจรอฏฺเจตนาเภโท ปฺุาภิสงฺขาโร อวิเสเสน กามภเว สุคติยํ นวนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ปฏิสนฺธิยํ นานกฺขณิกกมฺมปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จาติ ทฺเวธา ปจฺจโย. รูปาวจรปฺจกุสลเจตนาเภโท ปฺุาภิสงฺขาโร รูปภเว ปฏิสนฺธิยํ เอว ปฺจนฺนํ.
วุตฺตปฺปเภทกามาวจโร ปน กามภเว สุคติยํ อุเปกฺขาสหคตาเหตุมโนวิฺาณธาตุวชฺชานํ สตฺตนฺนํ ปริตฺตวิปากวิฺาณานํ วุตฺตนเยเนว ทฺเวธา ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. สฺเวว รูปภเว ปฺจนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. กามภเว ปน ทุคฺคติยํ อฏฺนฺนมฺปิ ปริตฺตวิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. ตตฺถ นิรเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส นรกจาริกาทีสุ อิฏฺารมฺมณสมาโยเค โส ปจฺจโย โหติ, ติรจฺฉาเนสุ ปน เปตมหิทฺธิเกสุ จ อิฏฺารมฺมณํ ลพฺภติเยว.
สฺเวว กามภเว สุคติยํ โสฬสนฺนมฺปิ กุสลวิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต จ ¶ ปฏิสนฺธิยฺจ. อวิเสเสน ปน ปฺุาภิสงฺขาโร รูปภเว ทสนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต จ ปฏิสนฺธิยฺจ.
ทฺวาทสากุสลเจตนาเภโท อปฺุาภิสงฺขาโร กามภเว ทุคฺคติยํ เอกสฺส วิฺาณสฺส ตเถว ปจฺจโย ปฏิสนฺธิยํ, โน ปวตฺเต. ฉนฺนํ ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. สตฺตนฺนมฺปิ อกุสลวิปากวิฺาณานํ ปวตฺเต จ ปฏิสนฺธิยฺจ.
กามภเว ปน สุคติยํ เตสํเยว สตฺตนฺนํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. รูปภเว จตุนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. โส จ โข กามาวจเร อนิฏฺรูปทสฺสนสทฺทสวนวเสน, พฺรหฺมโลเก ปน อนิฏฺรูปาทโย นาม นตฺถิ. ตถา กามาวจรเทวโลเกปิ.
อาเนฺชาภิสงฺขาโร อรูปภเว จตุนฺนํ วิปากวิฺาณานํ ตเถว ปจฺจโย ปวตฺเต จ ปฏิสนฺธิยฺจ.
เอวํ ¶ ตาว ภเวสุ ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ วเสน เอเต สงฺขารา เยสํ ปจฺจยา, ยถา จ ปจฺจยา โหนฺติ, ตถา วิชานิตพฺพา. เอเตเนว นเยน โยนิอาทีสุปิ เวทิตพฺพา.
๖๓๗. ตตฺริทํ อาทิโต ปฏฺาย มุขมตฺตปกาสนํ – อิเมสุ หิ สงฺขาเรสุ ยสฺมา ปฺุาภิสงฺขาโร ตาว ทฺวีสุ ภเวสุ ปฏิสนฺธึ ทตฺวา สพฺพมตฺตโน วิปากํ ชเนติ. ตถา อณฺฑชาทีสุ จตูสุ โยนีสุ, เทวมนุสฺสสงฺขาตาสุ ทฺวีสุ คตีสุ, นานตฺตกายนานตฺตสฺีนานตฺตกายเอกตฺตสฺี-เอกตฺตกายนานตฺตสฺี-เอกตฺตกายเอกตฺตสฺีสงฺขาตาสุ จตูสุ วิฺาณฏฺิตีสุ. อสฺสตฺตาวาเส ปเนส รูปมตฺตเมวาภิสงฺขโรตีติ จตูสุเยว สตฺตาวาเสสุ จ ปฏิสนฺธึ ทตฺวา สพฺพมตฺตโน วิปากํ ชเนติ. ตสฺมา เอส เอเตสุ ทฺวีสุ ภเวสุ, จตูสุ โยนีสุ, ทฺวีสุ คตีสุ, จตูสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, จตูสุ สตฺตาวาเสสุ จ เอกวีสติยา วิปากวิฺาณานํ วุตฺตนเยเนว ปจฺจโย โหติ ยถาสมฺภวํ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ.
อปฺุาภิสงฺขาโร ปน ยสฺมา เอกสฺมึเยว กามภเว จตูสุ โยนีสุ, อวเสสาสุ ตีสุ คตีสุ ¶ , นานตฺตกายเอกตฺตสฺีสงฺขาตาย เอกิสฺสา วิฺาณฏฺิติยา, ตาทิเสเยว จ เอกสฺมึ สตฺตาวาเส ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ, ตสฺมา เอส เอกสฺมึ ภเว, จตูสุ โยนีสุ, ตีสุ คตีสุ, เอกิสฺสา วิฺาณฏฺิติยา, เอกมฺหิ จ สตฺตาวาเส สตฺตนฺนํ วิปากวิฺาณานํ วุตฺตนเยเนว ปจฺจโย ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ.
อาเนฺชาภิสงฺขาโร ปน ยสฺมา เอกสฺมึเยว อรูปภเว, เอกิสฺสา โอปปาติกโยนิยา, เอกิสฺสา เทวคติยา, อากาสานฺจายตนาทิกาสุ ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, อากาสานฺจายตนาทิเกสุ จ จตูสุ สตฺตาวาเสสุ ปฏิสนฺธิวเสน วิปจฺจติ, ตสฺมา เอส เอกสฺมึ ภเว, เอกิสฺสา โยนิยา, เอกิสฺสา คติยา, ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, จตูสุ สตฺตาวาเสสุ จตุนฺนํ วิฺาณานํ วุตฺตนเยเนว ปจฺจโย โหติ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จาติ. เอวํ,
ปฏิสนฺธิปวตฺตีนํ ¶ , วเสเนเต ภวาทิสุ;
วิชานิตพฺพา สงฺขารา, ยถา เยสฺจ ปจฺจยาติ.
อยํ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
วิฺาณปจฺจยานามรูปปทวิตฺถารกถา
๖๓๘. วิฺาณปจฺจยา นามรูปปเท –
วิภาคา นามรูปานํ, ภวาทีสุ ปวตฺติโต;
สงฺคหา ปจฺจยนยา, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
วิภาคา นามรูปานนฺติ เอตฺถ หิ นามนฺติ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต เวทนาทโย ตโย ขนฺธา, รูปนฺติ จตฺตาริ มหาภูตานิ จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูปํ. เตสํ วิภาโค ขนฺธนิทฺเทเส วุตฺโตเยวาติ. เอวํ ตาเวตฺถ วิภาคา นามรูปานํ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ภวาทีสุ ปวตฺติโตติ เอตฺถ จ นามํ เอกํ สตฺตาวาสํ เปตฺวา สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติเสสสตฺตาวาเสสุ ¶ ปวตฺตติ, รูปํ ทฺวีสุ ภเวสุ, จตูสุ โยนีสุ, ปฺจสุ คตีสุ, ปุริมาสุ จตูสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, ปฺจสุ สตฺตาวาเสสุ ปวตฺตติ.
เอวํ ปวตฺตมาเน จ เอตสฺมึ นามรูเป ยสฺมา อภาวกคพฺภเสยฺยกานํ อณฺฑชานฺจ ปฏิสนฺธิกฺขเณ วตฺถุกายทสกวเสน รูปโต ทฺเวสนฺตติสีสานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, ตสฺมา เตสํ วิตฺถาเรน รูปรูปโต วีสติ ธมฺมา, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ เอเต เตวีสติ ธมฺมา วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพา. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน เอกสนฺตติสีสโต นว รูปธมฺเม อปเนตฺวา จุทฺทส. สภาวกานํ ภาวทสกํ ปกฺขิปิตฺวา เตตฺตึส, เตสมฺปิ อคฺคหิตคฺคหเณน สนฺตติสีสทฺวยโต อฏฺารส รูปธมฺเม อปเนตฺวา ปนฺนรส.
ยสฺมา จ โอปปาติกสตฺเตสุ พฺรหฺมกายิกาทีนํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ จกฺขุโสตวตฺถุทสกานํ, ชีวิตินฺทฺริยนวกสฺส จ วเสน รูปโต จตฺตาริ สนฺตติสีสานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, ตสฺมา เตสํ วิตฺถาเรน รูปรูปโต เอกูนจตฺตาลีส ธมฺมา, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ ¶ เอเต พาจตฺตาลีส ธมฺมา วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพา. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน สนฺตติสีสตฺตยโต สตฺตวีสติ ธมฺเม อปเนตฺวา ปนฺนรส.
กามภเว ปน ยสฺมา เสสโอปปาติกานํ, สํเสทชานํ วา สภาวกปริปุณฺณายตนานํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ รูปโต สตฺต สนฺตติสีสานิ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธา ปาตุภวนฺติ, ตสฺมา เตสํ วิตฺถาเรน รูปรูปโต สตฺตติ ธมฺมา, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ เอเต เตสตฺตติ ธมฺมา วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพา. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน รูปสนฺตติสีสฉกฺกโต จตุปฺาส ธมฺเม อปเนตฺวา เอกูนวีสติ. เอส อุกฺกํโส. อวกํเสน ปน ตํตํรูปสนฺตติสีสวิกลานํ ตสฺส ตสฺส วเสน หาเปตฺวา หาเปตฺวา สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ ปฏิสนฺธิยํ วิฺาณปจฺจยา นามรูปสงฺขา เวทิตพฺพา.
อรูปีนํ ปน ตโยว อรูปิโน ขนฺธา. อสฺีนํ รูปโต ชีวิตินฺทฺริยนวกเมวาติ. เอส ตาว ปฏิสนฺธิยํ นโย.
ปวตฺเต ปน สพฺพตฺถ รูปปฺปวตฺติเทเส ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติกฺขเณ ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สห ปวตฺตอุตุโต ¶ อุตุสมุฏฺานํ สุทฺธฏฺกํ ปาตุภวติ. ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ปน รูปํ น สมุฏฺาเปติ. ตฺหิ ยถา ปปาเต ปติตปุริโส ปรสฺส ปจฺจโย โหตุํ น สกฺโกติ, เอวํ วตฺถุทุพฺพลตาย ทุพฺพลตฺตา รูปํ สมุฏฺาเปตุํ น สกฺโกติ. ปฏิสนฺธิจิตฺตโต ปน อุทฺธํ ปมภวงฺคโต ปภุติ จิตฺตสมุฏฺานํ สุทฺธฏฺกํ, สทฺทปาตุภาวกาเล ปฏิสนฺธิกฺขณโต อุทฺธํ ปวตฺตอุตุโต เจว จิตฺตโต จ สทฺทนวกํ, เย ปน กพฬีการาหารูปชีวิโน คพฺภเสยฺยกสตฺตา, เตสํ,
‘‘ยฺจสฺส ภฺุชติ มาตา, อนฺนํ ปานฺจ โภชนํ;
เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, มาตุกุจฺฉิคโต นโร’’ติ. –
วจนโต มาตรา อชฺโฌหริตาหาเรน อนุคเต สรีเร, โอปปาติกานํ สพฺพปมํ อตฺตโน มุขคตํ เขฬํ อชฺโฌหรณกาเล อาหารสมุฏฺานํ สุทฺธฏฺกนฺติ อิทํ อาหารสมุฏฺานสฺส สุทฺธฏฺกสฺส, อุตุจิตฺตสมุฏฺานานฺจ อุกฺกํสโต ทฺวินฺนํ นวกานํ วเสน ฉพฺพีสติวิธํ, ปุพฺเพ เอเกกจิตฺตกฺขเณ ¶ ติกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชมานํ วุตฺตํ กมฺมสมุฏฺานฺจ สตฺตติวิธนฺติ ฉนฺนวุติวิธํ รูปํ, ตโย จ อรูปิโน ขนฺธาติ สมาสโต นวนวุติ ธมฺมา. ยสฺมา วา สทฺโท อนิยโต กทาจิเทว ปาตุภาวโต, ตสฺมา ทุวิธมฺปิ ตํ อปเนตฺวา อิเม สตฺตนวุติ ธมฺมา ยถาสมฺภวํ สพฺพสตฺตานํ วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพํ. เตสํ หิ สุตฺตานมฺปิ ปมตฺตานมฺปิ ขาทนฺตานมฺปิ ปิวนฺตานมฺปิ ทิวา จ รตฺติฺจ เอเต วิฺาณปจฺจยา ปวตฺตนฺติ. ตฺจ เนสํ วิฺาณปจฺจยภาวํ ปรโต วณฺณยิสฺสาม.
ยมฺปเนตเมตฺถ กมฺมชรูปํ, ตํ ภวโยนิคติิติสตฺตาวาเสสุ สพฺพปมํ ปติฏฺหนฺตมฺปิ ติสมุฏฺานิกรูเปน อนุปตฺถทฺธํ น สกฺโกติ สณฺาตุํ, นาปิ ติสมุฏฺานิกํ เตน อนุปตฺถทฺธํ. อถ โข วาตพฺภาหตาปิ จตุทฺทิสา ววตฺถาปิตา นฬกลาปิโย วิย, อูมิเวคพฺภาหตาปิ มหาสมุทฺเท กตฺถจิ ลทฺธปติฏฺา ภินฺนวาหนิกา วิย จ อฺมฺุปตฺถทฺธาเนเวตานิ อปตมานานิ สณฺหิตฺวา เอกมฺปิ วสฺสํ ทฺเวปิ วสฺสานิ…เป… วสฺสสตมฺปิ ยาว เตสํ สตฺตานํ อายุกฺขโย วา ปฺุกฺขโย วา, ตาว ปวตฺตนฺตีติ. เอวํ ภวาทีสุ ปวตฺติโตเปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๓๙. สงฺคหาติ เอตฺถ จ ยํ อารุปฺเป ปวตฺติปฏิสนฺธีสุ, ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยํ วิฺาณปจฺจยา ¶ นามเมว, ยฺจ อสฺเสุ สพฺพตฺถ, ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยํ วิฺาณปจฺจยา รูปเมว, ยฺจ ปฺจโวการภเว สพฺพตฺถ วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, ตํ สพฺพํ นามฺจ รูปฺจ นามรูปฺจ นามรูปนฺติ เอวํ เอกเทสสรูเปกเสสนเยน สงฺคเหตฺวา วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เวทิตพฺพํ.
อสฺเสุ วิฺาณาภาวา อยุตฺตนฺติ เจ, นายุตฺตํ. อิทมฺปิ,
นามรูปสฺส ยํ เหตุ, วิฺาณํ ตํ ทฺวิธา มตํ;
วิปากมวิปากฺจ, ยุตฺตเมว ยโต อิทํ.
ยฺหิ นามรูปสฺส เหตุ วิฺาณํ, ตํ วิปากาวิปากเภทโต ทฺเวธา มตํ. อิทฺจ อสฺสตฺเตสุ กมฺมสมุฏฺานตฺตา ปฺจโวการภเว ปวตฺตอภิสงฺขารวิฺาณปจฺจยา รูปํ. ตถา ปฺจโวกาเร ปวตฺติยํ กุสลาทิจิตฺตกฺขเณ กมฺมสมุฏฺานนฺติ ยุตฺตเมว อิทํ. เอวํ สงฺคหโตเปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๔๐. ปจฺจยนยาติ ¶ เอตฺถ หิ,
นามสฺส ปากวิฺาณํ, นวธา โหติ ปจฺจโย;
วตฺถุรูปสฺส นวธา, เสสรูปสฺส อฏฺธา.
อภิสงฺขารวิฺาณํ, โหติ รูปสฺส เอกธา;
ตทฺํ ปน วิฺาณํ, ตสฺส ตสฺส ยถารหํ.
ยฺเหตํ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺติยํ วา วิปากสงฺขาตํ นามํ, ตสฺส รูปมิสฺสสฺส วา อมิสฺสสฺส วา ปฏิสนฺธิกํ วา อฺํ วา วิปากวิฺาณํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตวิปากาหารินฺทฺริยอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ นวธา ปจฺจโย โหติ.
วตฺถุรูปสฺส ปฏิสนฺธิยํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากาหารินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ¶ นวธา ปจฺจโย โหติ. เปตฺวา ปน วตฺถุรูปํ เสสรูปสฺส อิเมสุ นวสุ อฺมฺปจฺจยํ อปเนตฺวา เสเสหิ อฏฺหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ.
อภิสงฺขารวิฺาณํ ปน อสฺสตฺตรูปสฺส วา ปฺจโวการภเว วา กมฺมชสฺส รูปสฺส สุตฺตนฺติกปริยายโต อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ. อวเสสํ ปมภวงฺคโต ปภุติ สพฺพมฺปิ วิฺาณํ ตสฺส ตสฺส นามรูปสฺส ยถารหํ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ. วิตฺถารโต ปน ตสฺส ปจฺจยนเย ทสฺสิยมาเน สพฺพาปิ ปฏฺานกถา วิตฺถาเรตพฺพา โหตีติ น นํ อารภาม.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘ปฏิสนฺธินามรูปํ วิฺาณปจฺจยา โหตี’’ติ? สุตฺตโต ยุตฺติโต จ. สุตฺเต หิ ‘‘จิตฺตานุปริวตฺติโน ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๖๒) นเยน พหุธา เวทนาทีนํ วิฺาณปจฺจยตา สิทฺธา. ยุตฺติโต ปน,
จิตฺตเชน หิ รูเปน, อิธ ทิฏฺเน สิชฺฌติ;
อทิฏฺสฺสาปิ รูปสฺส, วิฺาณํ ปจฺจโย อิติ.
จิตฺเต หิ ปสนฺเน อปฺปสนฺเน วา ตทนุรูปานิ รูปานิ อุปฺปชฺชมานานิ ทิฏฺานิ. ทิฏฺเน จ อทิฏฺสฺส อนุมานํ โหตีติ อิมินา อิธ ทิฏฺเน จิตฺตชรูเปน อทิฏฺสฺสาปิ ปฏิสนฺธิรูปสฺส วิฺาณํ ปจฺจโย โหตีติ ชานิตพฺพเมตํ. กมฺมสมุฏฺานสฺสาปิ ¶ หิ ตสฺส จิตฺตสมุฏฺานสฺเสว วิฺาณปจฺจยตา ปฏฺาเน อาคตาติ. เอวํ ปจฺจยนยโตเปตฺถ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโยติ.
อยํ ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
นามรูปปจฺจยาสฬายตนปทวิตฺถารกถา
นามํ ขนฺธตฺตยํ รูปํ, ภูตวตฺถาทิกํ มตํ;
กเตกเสสํ ตํ ตสฺส, ตาทิสสฺเสว ปจฺจโย.
ยฺเหตํ ¶ สฬายตนสฺเสว ปจฺจยภูตํ นามรูปํ, ตตฺถ นามนฺติ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ, รูปํ ปน สสนฺตติปริยาปนฺนํ นิยมโต จตฺตาริ ภูตานิ ฉ วตฺถูนิ ชีวิตินฺทฺริยนฺติ เอวํ ภูตวตฺถาทิกํ มตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ ปน นามฺจ รูปฺจ นามรูปฺจ นามรูปนฺติ เอวํ กเตกเสสํ ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอวํ กเตกเสสสฺเสว สฬายตนสฺส ปจฺจโยติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? ยสฺมา อารุปฺเป นามเมว ปจฺจโย, ตฺจ ฉฏฺายตนสฺเสว น อฺสฺส. ‘‘นามปจฺจยา ฉฏฺายตน’’นฺติ (วิภ. ๓๒๒) หิ วิภงฺเค วุตฺตํ.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘นามรูปํ สฬายตนสฺส ปจฺจโย’’ติ? นามรูปภาเว ภาวโต. ตสฺส ตสฺส หิ นามสฺส รูปสฺส จ ภาเว ตํ ตํ อายตนํ โหติ, น อฺถา. สา ปนสฺส ตพฺภาวภาวิตา ปจฺจยนยสฺมึ เยว อาวิภวิสฺสติ. ตสฺมา,
ปฏิสนฺธิยา ปวตฺเต วา, โหติ ยํ ยสฺส ปจฺจโย;
ยถา จ ปจฺจโย โหติ, ตถา เนยฺยํ วิภาวินา.
ตตฺรายมตฺถทีปนา –
นามเมว หิ อารุปฺเป, ปฏิสนฺธิปวตฺติสุ;
ปจฺจโย สตฺตธา ฉธา, โหติ ตํ อวกํสโต.
กถํ? ปฏิสนฺธิยํ ตาว อวกํสโต สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตวิปากอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ สตฺตธา นามํ ฉฏฺายตนสฺส ปจฺจโย โหติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ ¶ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน อุกฺกํสาวกํโส เวทิตพฺโพ.
ปวตฺเตปิ วิปากํ วุตฺตนเยเนว ปจฺจโย โหติ, อิตรํ ปน อวกํสโต วุตฺตปฺปกาเรสุ ปจฺจเยสุ วิปากปจฺจยวชฺเชหิ ฉหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน อุกฺกํสาวกํโส เวทิตพฺโพ.
อฺสฺมิมฺปิ ¶ ภเว นามํ, ตเถว ปฏิสนฺธิยํ;
ฉฏฺสฺส อิตเรสํ ตํ, ฉหากาเรหิ ปจฺจโย.
อารุปฺปโต หิ อฺสฺมิมฺปิ ปฺจโวการภเว ตํ วิปากนามํ หทยวตฺถุโน สหายํ หุตฺวา ฉฏฺสฺส มนายตนสฺส ยถา อารุปฺเป วุตฺตํ, ตเถว อวกํสโต สตฺตธา ปจฺจโย โหติ. อิตเรสํ ปน ตํ ปฺจนฺนํ จกฺขายตนาทีนํ จตุมหาภูตสหายํ หุตฺวา สหชาตนิสฺสยวิปากวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ฉหากาเรหิ ปจฺจโย โหติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน อุกฺกํสาวกํโส เวทิตพฺโพ.
ปวตฺเตปิ ตถา โหติ, ปากํ ปากสฺส ปจฺจโย;
อปากํ อวิปากสฺส, ฉธา ฉฏฺสฺส ปจฺจโย.
ปวตฺเตปิ หิ ปฺจโวการภเว ยถา ปฏิสนฺธิยํ, ตเถว วิปากนามํ วิปากสฺส ฉฏฺายตนสฺส อวกํสโต สตฺตธา ปจฺจโย โหติ. อวิปากํ ปน อวิปากสฺส ฉฏฺสฺส อวกํสโตว ตโต วิปากปจฺจยํ อปเนตฺวา ฉธา ปจฺจโย โหติ. วุตฺตนเยเนว ปเนตฺถ อุกฺกํสาวกํโส เวทิตพฺโพ.
ตตฺเถว เสสปฺจนฺนํ, วิปากํ ปจฺจโย ภเว;
จตุธา อวิปากมฺปิ, เอวเมว ปกาสิตํ.
ตตฺเถว หิ ปวตฺเต เสสานํ จกฺขายตนาทีนํ ปฺจนฺนํ จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกํ อิตรมฺปิ วิปากนามํ ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ จตุธา ปจฺจโย โหติ. ยถา จ วิปากํ, อวิปากมฺปิ เอวเมว ปกาสิตํ. ตสฺมา กุสลาทิเภทมฺปิ เตสํ จตุธา ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ. เอวํ ¶ ตาว นามเมว ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต วา ยสฺส ยสฺส อายตนสฺส ปจฺจโย โหติ, ยถา จ ปจฺจโย โหติ, ตถา เวทิตพฺพํ.
รูปํ ปเนตฺถ อารุปฺเป, ภเว ภวติ ปจฺจโย;
น เอกายตนสฺสาปิ, ปฺจกฺขนฺธภเว ปน.
รูปโต ¶ สนฺธิยํ วตฺถุ, ฉธา ฉฏฺสฺส ปจฺจโย;
ภูตานิ จตุธา โหนฺติ, ปฺจนฺนํ อวิเสสโต.
รูปโต หิ ปฏิสนฺธิยํ วตฺถุรูปํ ฉฏฺสฺส มนายตนสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ฉธา ปจฺจโย โหติ. จตฺตาริ ปน ภูตานิ อวิเสสโต ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ ยํ ยํ อายตนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตสฺส วเสน ปฺจนฺนมฺปิ จกฺขายตนาทีนํ สหชาตนิสฺสยอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ จตุธา ปจฺจยา โหนฺติ.
ติธา ชีวิตเมเตสํ, อาหาโร จ ปวตฺติยํ;
ตาเนว ฉธา ฉฏฺสฺส, วตฺถุ ตสฺเสว ปฺจธา.
เอเตสํ ปน จกฺขาทีนํ ปฺจนฺนํ ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต จ อตฺถิ อวิคตอินฺทฺริยวเสน รูปชีวิตํ ติธา ปจฺจโย โหติ. อาหาโร จ อตฺถิอวิคตาหารวเสน ติวิธา ปจฺจโย โหติ, โส จ โข เย สตฺตา อาหารูปชีวิโน, เตสํ อาหารานุคเต กาเย ปวตฺติยํเยว, โน ปฏิสนฺธิยํ. ตานิ ปน ปฺจ จกฺขายตนาทีนิ ฉฏฺสฺส จกฺขุ โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณสงฺขาตสฺส มนายตนสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ฉหากาเรหิ ปจฺจยา โหนฺติ ปวตฺเต, โน ปฏิสนฺธิยํ. เปตฺวา ปน ปฺจวิฺาณานิ ตสฺเสว อวเสสมนายตนสฺส วตฺถุรูปํ นิสฺสยปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ปฺจธา ปจฺจโย โหติ ปวตฺเตเยว, โน ปฏิสนฺธิยํ. เอวํ รูปเมว ปฏิสนฺธิยํ ปวตฺเต วา ยสฺส ยสฺส อายตนสฺส ปจฺจโย โหติ, ยถา จ ปจฺจโย โหติ, ตถา เวทิตพฺพํ.
นามรูปํ ปนุภยํ, โหติ ยํ ยสฺส ปจฺจโย;
ยถา จ ตมฺปิ สพฺพตฺถ, วิฺาตพฺพํ วิภาวินา.
เสยฺยถิทํ ¶ . ปฏิสนฺธิยํ ตาว ปฺจโวการภเว ขนฺธตฺตยวตฺถุรูปสงฺขาตํ นามรูปํ ฉฏฺายตนสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจยาทีหิ ปจฺจโย โหตีติ. อิทเมตฺถ มุขมตฺตํ. วุตฺตนยานุสาเรน ปน สกฺกา สพฺพํ โยเชตุนฺติ น เอตฺถ วิตฺถาโร ทสฺสิโตติ.
อยํ ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
สฬายตนปจฺจยาผสฺสปทวิตฺถารกถา
๖๔๒. สฬายตนปจฺจยา ¶ ผสฺสปเท –
สเฬว ผสฺสา สงฺเขปา, จกฺขุสมฺผสฺสอาทโย;
วิฺาณมิว พาตฺตึส, วิตฺถาเรน ภวนฺติ เต.
สงฺเขเปน หิ สฬายตนปจฺจยา ผสฺโสติ จกฺขุสมฺผสฺโส, โสตสมฺผสฺโส, ฆานสมฺผสฺโส, ชิวฺหาสมฺผสฺโส, กายสมฺผสฺโส, มโนสมฺผสฺโสติ อิเม จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ฉ เอว ผสฺสา ภวนฺติ. วิตฺถาเรน ปน จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ปฺจ กุสลวิปากา, ปฺจ อกุสลวิปากาติ ทส, เสสา พาวีสติ-โลกิยวิปากวิฺาณสมฺปยุตฺตา จ พาวีสตีติ เอวํ สพฺเพปิ สงฺขารปจฺจยา วุตฺตวิฺาณมิว พาตฺตึส โหนฺติ.
ยํ ปเนตสฺส พาตฺตึสวิธสฺสาปิ ผสฺสสฺส ปจฺจโย สฬายตนํ, ตตฺถ,
ฉฏฺเน สห อชฺฌตฺตํ, จกฺขาทึ พาหิเรหิปิ;
สฬายตนมิจฺฉนฺติ, ฉหิ สทฺธึ วิจกฺขณา.
ตตฺถ เย ตาว ‘‘อุปาทิณฺณกปวตฺติกถา อย’’นฺติ สกสนฺตติปริยาปนฺนเมว ปจฺจยํ ปจฺจยุปฺปนฺนฺจ ทีเปนฺติ, เต ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ (วิภ. ๓๒๒) ปาฬิอนุสารโต อารุปฺเป ฉฏฺายตนฺจ, อฺตฺถ สพฺพสงฺคหโต สฬายตนฺจ ผสฺสสฺส ปจฺจโยติ เอกเทสสรูเปกเสสํ กตฺวา ฉฏฺเน สห อชฺฌตฺตํ จกฺขาทึ สฬายตนนฺติ อิจฺฉนฺติ. ตฺหิ ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
เย ปน ปจฺจยุปฺปนฺนเมว เอกสนฺตติปริยาปนฺนํ ทีเปนฺติ, ปจฺจยํ ปน ภินฺนสนฺตานมฺปิ, เต ยํ ยํ อายตนํ ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ, ตํ สพฺพมฺปิ ¶ ทีเปนฺตา พาหิรมฺปิ ปริคฺคเหตฺวา ตเทว ฉฏฺเน สห อชฺฌตฺตํ พาหิเรหิปิ รูปายตนาทีหิ สทฺธึ สฬายตนนฺติ อิจฺฉนฺติ. ตมฺปิ หิ ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอเตสํ เอกเสเส กเต สฬายตนนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.
เอตฺถาห ¶ – น สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺโภติ, นาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา, อยฺจ สฬายตนปจฺจยา ผสฺโสติ เอโกว วุตฺโต, โส กสฺมาติ. ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ – สจฺจเมตํ, สพฺเพหิ เอโก, เอกมฺหา วา สพฺเพ น สมฺโภนฺติ, สมฺโภติ ปน อเนเกหิ เอโก. ยถา จกฺขุสมฺผสฺโส จกฺขายตนา รูปายตนา จกฺขุวิฺาณสงฺขาตา มนายตนา อวเสสสมฺปยุตฺตธมฺมายตนา จาติ เอวํ สพฺพตฺถ ยถานุรูปํ โยเชตพฺพํ. ตสฺมา เอว หิ,
เอโกปเนกายตนปฺปภโว อิติ ทีปิโต;
ผสฺโสยํ เอกวจนนิทฺเทเสนีธ ตาทินา.
เอกวจนนิทฺเทเสนาติ สฬายตนปจฺจยา ผสฺโสติ อิมินา เอกวจนนิทฺเทเสน อเนเกหิ อายตเนหิ เอโก ผสฺโส โหตีติ ตาทินา ทีปิโตติ อตฺโถ. อายตเนสุ ปน,
ฉธา ปฺจ ตโต เอกํ, นวธา พาหิรานิ ฉ;
ยถาสมฺภวเมตสฺส, ปจฺจยตฺเต วิภาวเย.
ตตฺรายํ วิภาวนา – จกฺขายตนาทีนิ ตาว ปฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทิเภทโต ปฺจวิธสฺส ผสฺสสฺส นิสฺสยปุเรชาตินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ฉธา ปจฺจยา โหนฺติ. ตโต ปรํ เอกํ วิปากมนายตนํ อเนกเภทสฺส วิปากมโนสมฺผสฺสสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากาหารอินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน นวธา ปจฺจโย โหติ. พาหิเรสุ ปน รูปายตนํ จกฺขุสมฺผสฺสสฺส อารมฺมณปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน จตุธา ปจฺจโย โหติ. ตถา สทฺทายตนาทีนิ โสตสมฺผสฺสาทีนํ. มโนสมฺผสฺสสฺส ปน ตานิ จ ธมฺมายตนฺจ ตถา จ ¶ อารมฺมณปจฺจยมตฺเตเนว จาติ เอวํ พาหิรานิ ฉ ยถาสมฺภวเมตสฺส ปจฺจยตฺเต วิภาวเยติ.
อยํ ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
ผสฺสปจฺจยาเวทนาปทวิตฺถารกถา
ทฺวารโต ¶ เวทนา วุตฺตา, จกฺขุสมฺผสฺสชาทิกา;
สเฬว ตา ปเภเทน, เอกูนนวุตี มตา.
เอตสฺสปิ ปทสฺส วิภงฺเค ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา. โสต… ฆาน… ชิวฺหา… กาย… มโนสมฺผสฺสชา เวทนา’’ติ (วิภ. ๒๓๑) เอวํ ทฺวารโต สเฬว เวทนา วุตฺตา, ตา ปน ปเภเทน เอกูนนวุติยา จิตฺเตหิ สมฺปยุตฺตตฺตา เอกูนนวุติ มตา.
เวทนาสุ ปเนตาสุ, อิธ พาตฺตึส เวทนา;
วิปากจิตฺตยุตฺตาว, อธิปฺเปตาติ ภาสิตา.
อฏฺธา ตตฺถ ปฺจนฺนํ, ปฺจทฺวารมฺหิ ปจฺจโย;
เสสานํ เอกธา ผสฺโส, มโนทฺวาเรปิ โส ตถา.
ตตฺถ หิ ปฺจทฺวาเร จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกานํ ปฺจนฺนํ เวทนานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผสฺโส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากอาหารสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน อฏฺธา ปจฺจโย โหติ. เสสานํ ปน เอเกกสฺมึ ทฺวาเร สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ โส จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผสฺโส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ.
มโนทฺวาเรปิ โส ตถาติ มโนทฺวาเรปิ หิ ตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ โส สหชาตมโนสมฺผสฺสสงฺขาโต ผสฺโส ตเถว อฏฺธา ปจฺจโย โหติ, ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ปวตฺตานํ เตภูมกวิปากเวทนานมฺปิ. ยา ปน ตา มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสน ¶ ปวตฺตา กามาวจรเวทนา, ตาสํ มโนทฺวาราวชฺชนสมฺปยุตฺโต มโนสมฺผสฺโส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหตีติ.
อยํ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
เวทนาปจฺจยาตณฺหาปทวิตฺถารกถา
๖๔๔. เวทนาปจฺจยา ¶ ตณฺหาปเท –
รูปตณฺหาทิเภเทน, ฉ ตณฺหา อิธ ทีปิตา;
เอเกกา ติวิธา ตตฺถ, ปวตฺตาการโต มตา.
อิมสฺมึ หิ ปเท เสฏฺิปุตฺโต พฺราหฺมณปุตฺโตติ ปิติโต นามวเสน ปุตฺโต วิย ‘‘รูปตณฺหา. สทฺท… คนฺธ… รส… โผฏฺพฺพ… ธมฺมตณฺหา’’ติ (วิภ. ๒๓๒) อารมฺมณโต นามวเสน วิภงฺเค ฉ ตณฺหา ทีปิตา.
ตาสุ ปน ตณฺหาสุ เอเกกา ตณฺหา ปวตฺติอาการโต กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหาติ เอวํ ติวิธา มตา. รูปตณฺหาเยว หิ ยทา จกฺขุสฺส อาปาถมาคตํ รูปารมฺมณํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยมานา ปวตฺตติ, ตทา กามตณฺหา นาม โหติ. ยทา ตเทวารมฺมณํ ‘‘ธุวํ สสฺสต’’นฺติ ปวตฺตาย สสฺสตทิฏฺิยา สทฺธึ ปวตฺตติ, ตทา ภวตณฺหา นาม โหติ. สสฺสตทิฏฺิสหคโต หิ ราโค ภวตณฺหาติ วุจฺจติ. ยทา ปน ตเทวารมฺมณํ ‘‘อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสตี’’ติ ปวตฺตาย อุจฺเฉททิฏฺิยา สทฺธึ ปวตฺตติ, ตทา วิภวตณฺหา นาม โหติ. อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต หิ ราโค วิภวตณฺหาติ วุจฺจติ. เอส นโย สทฺทตณฺหาทีสุปีติ. เอตา อฏฺารส ตณฺหา โหนฺติ.
ตา อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฏฺารส, พหิทฺธา อฏฺารสาติ ฉตฺตึส. อิติ อตีตา ฉตฺตึส, อนาคตา ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนา ฉตฺตึสาติ อฏฺสตํ ตณฺหา โหนฺติ. ตา ปุน สงฺเขปฺปมาณา รูปาทิอารมฺมณวเสน ฉ, กามตณฺหาทิวเสน วา ติสฺโสว ตณฺหา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ปนิเม สตฺตา ปุตฺตํ อสฺสาเทตฺวา ปุตฺเต มมตฺเตน ธาติยา วิย รูปาทิอารมฺมณวเสน อุปฺปชฺชมานํ เวทนํ อสฺสาเทตฺวา เวทนาย มมตฺเตน ¶ รูปาทิอารมฺมณทายกานํ จิตฺตการ-คนฺธพฺพ-คนฺธิก-สูท-ตนฺตวายรสายนวิธายกเวชฺชาทีนํ มหาสกฺการํ กโรนฺติ. ตสฺมา สพฺพาเปสา เวทนาปจฺจยา ตณฺหา โหตีติ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ¶ เจตฺถ อธิปฺเปตา, วิปากสุขเวทนา;
เอกาว เอกธาเวสา, ตสฺมา ตณฺหาย ปจฺจโย.
เอกธาติ อุปนิสฺสยปจฺจเยเนว ปจฺจโย โหติ. ยสฺมา วา,
ทุกฺขี สุขํ ปตฺถยติ, สุขี ภิยฺโยปิ อิจฺฉติ;
อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา.
ตณฺหาย ปจฺจยา ตสฺมา, โหนฺติ ติสฺโสปิ เวทนา;
เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, อิติ วุตฺตา มเหสินา.
เวทนาปจฺจยา จาปิ, ยสฺมา นานุสยํ วินา;
โหติ ตสฺมา น สา โหติ, พฺราหฺมณสฺส วุสีมโตติ.
อยํ ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
ตณฺหาปจฺจยาอุปาทานปทวิตฺถารกถา
อุปาทานานิ จตฺตาริ, ตานิ อตฺถวิภาคโต;
ธมฺมสงฺเขปวิตฺถารา, กมโต จ วิภาวเย.
ตตฺรายํ วิภาวนา – กามุปาทานํ, ทิฏฺุปาทานํ, สีลพฺพตุปาทานํ, อตฺตวาทุปาทานนฺติ อิมานิ ตาเวตฺถ จตฺตาริ อุปาทานานิ. เตสํ อยํ อตฺถวิภาโค – วตฺถุสงฺขาตํ กามํ อุปาทิยตีติ กามุปาทานํ, กาโม จ โส อุปาทานฺจาติปิ กามุปาทานํ. อุปาทานนฺติ ทฬฺหคฺคหณํ. ทฬฺหตฺโถ เหตฺถ อุปสทฺโท อุปายาสอุปกฏฺาทีสุ วิย. ตถา ทิฏฺิ จ สา อุปาทานฺจาติ ทิฏฺุปาทานํ. ทิฏฺึ อุปาทิยตีติ วา ทิฏฺุปาทานํ. ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. ๑.๓๑) หิ ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ อุปาทิยติ. ตถา สีลพฺพตํ อุปาทิยตีติ สีลพฺพตุปาทานํ. สีลพฺพตฺจ ตํ อุปาทานฺจาติปิ สีลพฺพตุปาทานํ. โคสีลโควตาทีนิ หิ ‘‘เอวํ สุทฺธี’’ติ อภินิเวสโต สยเมว อุปาทานานิ. ตถา วทนฺติ เอเตนาติ วาโท. อุปาทิยนฺติ ¶ เอเตนาติ อุปาทานํ. กึ วทนฺติ, อุปาทิยนฺติ วา? อตฺตานํ. อตฺตโน วาทุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานํ. อตฺตวาทมตฺตเมว วา อตฺตาติ อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อตฺตวาทุปาทานํ. อยํ ตาว เตสํ อตฺถวิภาโค.
ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาเร ปน กามุปาทานํ ตาว ‘‘ตตฺถ กตมํ กามุปาทานํ? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามราโค กามนนฺที กามตณฺหา กามสฺเนโห กามปริฬาโห กามมุจฺฉา กามชฺโฌสานํ, อิทํ วุจฺจติ กามุปาทาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๐; วิภ. ๙๓๘) อาคตตฺตา สงฺเขปโต ตณฺหาทฬฺหตฺตํ วุจฺจติ. ตณฺหาทฬฺหตฺตํ นาม ปุริมตณฺหาอุปนิสฺสยปจฺจเยน ทฬฺหสมฺภูตา อุตฺตรตณฺหาว. เกจิ ปนาหุ ‘‘อปฺปตฺตวิสยปตฺถนา ตณฺหา อนฺธกาเร โจรสฺส หตฺถปฺปสารณํ วิย, สมฺปตฺตวิสยคฺคหณํ อุปาทานํ ตสฺเสว ภณฺฑคฺคหณํ วิย. อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาปฏิปกฺขา จ เต ธมฺมา. ตถา ปริเยสนารกฺขทุกฺขมูลา’’ติ. เสสุปาทานตฺตยํ ปน สงฺเขปโต ทิฏฺิมตฺตเมว.
วิตฺถารโต ปน ปุพฺเพ รูปาทีสุ วุตฺตอฏฺสตปฺปเภทายปิ ตณฺหาย ทฬฺหภาโว กามุปาทานํ. ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ ทิฏฺุปาทานํ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมํ ทิฏฺุปาทานํ? นตฺถิ ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ…เป… สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ ยา เอวรูปา ทิฏฺิ…เป… วิปริเยสคฺคาโห. อิทํ วุจฺจติ ทิฏฺุปาทาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๓๘). สีลพฺพเตหิ สุทฺธีติ ปรามสนํ ปน สีลพฺพตุปาทานํ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมํ สีลพฺพตุปาทานํ? สีเลน สุทฺธิ, วเตน สุทฺธิ, สีลพฺพเตน สุทฺธีติ ยา เอวรูปา ทิฏฺิ…เป… วิปริเยสคฺคาโห. อิทํ วุจฺจติ สีลพฺพตุปาทาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๒; วิภ. ๙๓๘). วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ อตฺตวาทุปาทานํ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมํ อตฺตวาทุปาทานํ? อิธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ…เป… วิปริเยสคฺคาโห, อิทํ วุจฺจติ อตฺตวาทุปาทาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๓; วิภ. ๙๓๘). อยเมตฺถ ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาโร.
กมโตติ เอตฺถ ปน ติวิโธ กโม อุปฺปตฺติกฺกโม ปหานกฺกโม เทสนากฺกโม จ. ตตฺถ อนมตคฺเค ¶ สํสาเร อิมสฺส ปมํ อุปฺปตฺตีติ อภาวโต กิเลสานํ นิปฺปริยาเยน อุปฺปตฺติกฺกโม น วุจฺจติ. ปริยาเยน ปน เยภุยฺเยน เอกสฺมึ ภเว อตฺตคฺคาหปุพฺพงฺคโม สสฺสตุจฺเฉทาภินิเวโส, ตโต ‘‘สสฺสโต อยํ อตฺตา’’ติ คณฺหโต อตฺตวิสุทฺธตฺถํ สีลพฺพตุปาทานํ, ‘‘อุจฺฉิชฺชตี’’ติ คณฺหโต ปรโลกนิรเปกฺขสฺส กามุปาทานนฺติ ¶ เอวํ ปมํ อตฺตวาทุปาทานํ, ตโต ทิฏฺิสีลพฺพตกามุปาทานานีติ อยเมเตสํ เอกสฺมึ ภเว อุปฺปตฺติกฺกโม.
ทิฏฺุปาทานาทีนิ เจตฺถ ปมํ ปหียนฺติ โสตาปตฺติมคฺควชฺฌตฺตา. กามุปาทานํ ปจฺฉา, อรหตฺตมคฺควชฺฌตฺตาติ อยเมเตสํ ปหานกฺกโม.
มหาวิสยตฺตา ปน ปากฏตฺตา จ เอเตสุ กามุปาทานํ ปมํ เทสิตํ. มหาวิสยํ หิ ตํ อฏฺจิตฺตสมฺปโยคา, อปฺปวิสยานิ อิตรานิ จตุจิตฺตสมฺปโยคา, เยภุยฺเยน จ อาลยรามตฺตา ปชาย ปากฏํ กามุปาทานํ, น อิตรานิ. กามุปาทาน วา กามานํ สมธิคมตฺถํ โกตูหลมงฺคลาทิพหุโล โหติ, สาสฺส ทิฏฺีติ ตทนนฺตรํ ทิฏฺุปาทานํ, ตํ ปภิชฺชมานํ สีลพฺพตอตฺตวาทุปาทานวเสน ทุวิธํ โหติ. ตสฺมึ ทฺวเย โคกิริยํ กุกฺกุรกิริยํ วา ทิสฺวาปิ เวทิตพฺพโต โอฬาริกนฺติ สีลพฺพตุปาทานํ ปมํ เทสิตํ. สุขุมตฺตา อนฺเต อตฺตวาทุปาทานนฺติ อยเมเตสํ เทสนากฺกโม.
ตณฺหา จ ปุริมสฺเสตฺถ, เอกธา โหติ ปจฺจโย;
สตฺตธา อฏฺธา วาปิ, โหติ เสสตฺตยสฺส สา.
เอตฺถ จ เอวํ เทสิเต อุปาทานจตุกฺเก ปุริมสฺส กามุปาทานสฺส กามตณฺหา อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ, ตณฺหาภินนฺทิเตสุ วิสเยสุ อุปฺปตฺติโต. เสสตฺตยสฺส ปน สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตเหตุวเสน สตฺตธา วา, อุปนิสฺสเยน สห อฏฺธา วาปิ ปจฺจโย โหติ. ยทา จ สา อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย โหติ, ตทา อสหชาตาว โหตีติ.
อยํ ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
อุปาทานปจฺจยาภวปทวิตฺถารกถา
๖๔๖. อุปาทานปจฺจยา ¶ ภวปเท –
อตฺถโต ธมฺมโต เจว, สาตฺถโต เภทสงฺคหา;
ยํ ยสฺส ปจฺจโย เจว, วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
ตตฺถ ¶ ภวตีติ ภโว. โส กมฺมภโว อุปปตฺติภโว จาติ ทุวิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘ภโว ทุวิเธน อตฺถิ กมฺมภโว, อตฺถิ อุปปตฺติภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔). ตตฺถ กมฺมเมว ภโว กมฺมภโว, ตถา อุปปตฺติเยว ภโว อุปปตฺติภโว. เอตฺถ จ อุปปตฺติ ภวตีติ ภโว. กมฺมํ ปน ยถา สุขการณตฺตา ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท’’ติ (ธ. ป. ๑๙๔) วุตฺโต, เอวํ ภวการณตฺตา ผลโวหาเรน ภโวติ เวทิตพฺพนฺติ. เอวํ ตาเวตฺถ อตฺถโต วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๔๗. ธมฺมโต ปน กมฺมภโว ตาว สงฺเขปโต เจตนา เจว เจตนาสมฺปยุตฺตา จ อภิชฺฌาทโย กมฺมสงฺขาตา ธมฺมา. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตโม กมฺมภโว? ปฺุาภิสงฺขาโร อปฺุาภิสงฺขาโร อาเนฺชาภิสงฺขาโร (วิภ. ๒๓๔) ปริตฺตภูมโก วา มหาภูมโก วา, อยํ วุจฺจติ กมฺมภโว. สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมํ กมฺมภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔). เอตฺถ หิ ปฺุาภิสงฺขาโรติ เตรส เจตนา. อปฺุาภิสงฺขาโรติ ทฺวาทส. อาเนฺชาภิสงฺขาโรติ จตสฺโส เจตนา. เอวํ ปริตฺตภูมโก วา มหาภูมโก วาติ เอเตน ตาสํเยว เจตนานํ มนฺทพหุวิปากตา วุตฺตา. สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมนฺติ อิมินา ปน เจตนาสมฺปยุตฺตา อภิชฺฌาทโย วุตฺตา.
อุปปตฺติภโว ปน สงฺเขปโต กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา, ปเภทโต นววิโธ โหติ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตโม อุปปตฺติภโว? กามภโว รูปภโว อรูปภโว สฺาภโว อสฺาภโว เนวสฺานาสฺาภโว, เอกโวการภโว จตุโวการภโว ปฺจโวการภโว, อยํ วุจฺจติ อุปปตฺติภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔). ตตฺถ กามสงฺขาโต ภโว กามภโว. เอส นโย รูปารูปภเวสุ. สฺาวตํ ภโว, สฺา วา เอตฺถ ภเว อตฺถีติ สฺาภโว. วิปริยาเยน อสฺาภโว. โอฬาริกาย สฺาย อภาวา สุขุมาย จ ภาวา เนวสฺา, นาสฺา อสฺมึ ¶ ภเวติ เนวสฺานาสฺาภโว. เอเกน รูปกฺขนฺเธน โวกิณฺโณ ภโว เอกโวการภโว. เอโก วา โวกาโร อสฺส ภวสฺสาติ เอกโวการภโว. เอส นโย จตุโวการปฺจโวการภเวสุ. ตตฺถ กามภโว ปฺจ อุปาทิณฺณกฺขนฺธา. ตถา รูปภโว. อรูปภโว จตฺตาโร ¶ , สฺาภโว ปฺจ. อสฺาภโว เอโก อุปาทิณฺณกฺขนฺโธ. เนวสฺานาสฺาภโว จตฺตาโร. เอกโวการภวาทโย เอกจตุปฺจกฺขนฺธา อุปาทิณฺณกฺขนฺเธหีติ เอวเมตฺถ ธมฺมโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๔๘. สาตฺถโตติ ยถา จ ภวนิทฺเทเส, ตเถว กามํ สงฺขารนิทฺเทเสปิ ปฺุาภิสงฺขาราทโยว วุตฺตา, เอวํ สนฺเตปิ ปุริเม อตีตกมฺมวเสน อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยตฺตา, อิเม ปจฺจุปฺปนฺนกมฺมวเสน อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยตฺตาติ ปุนวจนํ สาตฺถกเมว, ปุพฺเพ วา ‘‘ตตฺถ กตโม ปฺุาภิสงฺขาโร? กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติ (วิภ. ๒๒๖) เอวมาทินา นเยน เจตนาว สงฺขาราติ วุตฺตา. อิธ ปน ‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺม’’นฺติ (วิภ. ๒๓๔) วจนโต เจตนาสมฺปยุตฺตาปิ. ปุพฺเพ จ วิฺาณปจฺจยเมว กมฺมํ ‘‘สงฺขารา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ อสฺาภวนิพฺพตฺตกมฺปิ. กึ วา พหุนา, ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอตฺถ ปฺุาภิสงฺขาราทโยว กุสลากุสลา ธมฺมา วุตฺตา. ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ อิธ ปน อุปปตฺติภวสฺสาปิ สงฺคหิตตฺตา กุสลากุสลาพฺยากตา ธมฺมา วุตฺตา. ตสฺมา สพฺพถาปิ สาตฺถกเมวิทํ ปุนวจนนฺติ เอวเมตฺถ สาตฺถโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๔๙. เภทสงฺคหาติ อุปาทานปจฺจยา ภวสฺส เภทโต เจว สงฺคหโต จ. ยฺหิ กามุปาทานปจฺจยา กามภวนิพฺพตฺตกํ กมฺมํ กรียติ, โส กมฺมภโว. ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. เอส นโย รูปารูปภเวสุ. เอวํ กามุปาทานปจฺจยา ทฺเว กามภวา, ตทนฺโตคธา จ สฺาภวปฺจโวการภวา, ทฺเว รูปภวา, ตทนฺโตคธา จ สฺาภวอสฺาภวเอกโวการภวปฺจโวการภวา, ทฺเว อรูปภวา, ตทนฺโตคธา จ สฺาภวเนวสฺานาสฺาภวจตุโวการภวาติ สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ฉ ภวา. ยถา จ กามุปาทานปจฺจยา สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ฉ ภวา. ตถา เสสุปาทานปจฺจยาปีติ เอวํ อุปาทานปจฺจยา เภทโต สทฺธึ อนฺโตคเธหิ จตุวีสติ ภวา.
สงฺคหโต ปน กมฺมภวํ อุปปตฺติภวฺจ เอกโต กตฺวา กามุปาทานปจฺจยา สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ¶ เอโก กามภโว. ตถา รูปารูปภวาติ ตโย ภวา. ตถา เสสุปาทานปจฺจยา ปีติ. เอวํ อุปาทานปจฺจยา สงฺคหโต สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ทฺวาทส ภวา. อปิจ ¶ อวิเสเสน อุปาทานปจฺจยา กามภวูปคํ กมฺมํ กมฺมภโว. ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. เอส นโย รูปารูปภเวสุ. เอวํ อุปาทานปจฺจยา สทฺธึ อนฺโตคเธหิ ทฺเว กามภวา, ทฺเว รูปภวา, ทฺเว อรูปภวาติ อปเรน ปริยาเยน สงฺคหโต ฉ ภวา. กมฺมภวอุปปตฺติภวเภทํ วา อนุปคมฺม สทฺธึ อนฺโตคเธหิ กามภวาทิวเสน ตโย ภวา โหนฺติ. กามภวาทิเภทมฺปิ อนุปคมฺม กมฺมภวอุปปตฺติภววเสน ทฺเว ภวา โหนฺติ. กมฺมุปปตฺติเภทฺจาปิ อนุปคมฺม อุปาทานปจฺจยา ภโวติ ภววเสน เอโกว ภโว โหตีติ เอวเมตฺถ อุปาทานปจฺจยสฺส ภวสฺส เภทสงฺคหาปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
๖๕๐. ยํ ยสฺส ปจฺจโย เจวาติ ยฺเจตฺถ อุปาทานํ ยสฺส ปจฺจโย โหติ, ตโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโยติ อตฺโถ. กึ ปเนตฺถ กสฺส ปจฺจโย โหติ? ยํกิฺจิ ยสฺส กสฺสจิ ปจฺจโย โหติเยว. อุมฺมตฺตโก วิย หิ ปุถุชฺชโน. โส อิทํ ยุตฺตํ อิทํ อยุตฺตนฺติ อวิจาเรตฺวา ยสฺส กสฺสจิ อุปาทานสฺส วเสน ยํกิฺจิ ภวํ ปตฺเถตฺวา ยํกิฺจิ กมฺมํ กโรติเยว. ตสฺมา ยเทกจฺเจ สีลพฺพตุปาทาเนน รูปารูปภวา น โหนฺตีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. สพฺเพน ปน สพฺโพ โหตีติ คเหตพฺพํ.
เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ อนุสฺสววเสน วา ทิฏฺานุสาเรน วา ‘‘กามา นาเมเต มนุสฺสโลเก เจว ขตฺติยมหาสาลกุลาทีสุ, ฉ กามาวจรเทวโลเก จ สมิทฺธา’’ติ จินฺเตตฺวา เตสํ อธิคมตฺถํ อสทฺธมฺมสฺสวนาทีหิ วฺจิโต ‘‘อิมินา กมฺเมน กามา สมฺปชฺชนฺตี’’ติ มฺมาโน กามุปาทานวเสน กายทุจฺจริตาทีนิปิ กโรติ, โส ทุจฺจริตปาริปูริยา อปาเย อุปปชฺชติ. สนฺทิฏฺิเก วา ปน กาเม ปตฺถยมาโน ปฏิลทฺเธ จ โคปยมาโน กามุปาทานวเสน กายทุจฺจริตาทีนิ กโรติ, โส ทุจฺจริตปาริปูริยา อปาเย อุปปชฺชติ. ตตฺราสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว. กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวปฺจโวการภวา ปน ตทนฺโตคธา เอว.
อปโร ¶ ปน สทฺธมฺมสฺสวนาทีหิ อุปพฺรูหิตาโณ ‘‘อิมินา กมฺเมน กามา สมฺปชฺชนฺตี’’ติ มฺมาโน กามุปาทานวเสน กายสุจริตาทีนิ กโรติ. โส สุจริตปาริปูริยา ¶ เทเวสุ วา มนุสฺเสสุ วา อุปปชฺชติ. ตตฺราสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว. กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวปฺจโวการภวา ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ กามุปาทานํ สปฺปเภทสฺส สานฺโตคธสฺส กามภวสฺส ปจฺจโย โหติ.
อปโร ‘‘รูปารูปภเวสุ ตโต สมิทฺธตรา กามา’’ติ สุตฺวา ปริกปฺเปตฺวา วา กามุปาทานวเสเนว รูปารูปสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา สมาปตฺติพเลน รูปารูปพฺรหฺมโลเก อุปปชฺชติ. ตตฺราสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว. กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺา-อสฺา-เนวสฺานาสฺา-เอก-จตุ-ปฺจโวการภวา ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ กามุปาทานํ สปฺปเภทานํ สานฺโตคธานํ รูปารูปภวานมฺปิ ปจฺจโย โหติ.
อปโร ‘‘อยํ อตฺตา นาม กามาวจรสมฺปตฺติภเว วา รูปารูปภวานํ วา อฺตรสฺมึ อุจฺฉินฺเน สุอุจฺฉินฺโน โหตี’’ติ อุจฺเฉททิฏฺึ อุปาทาย ตทุปคํ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส ตํ กมฺมํ กมฺมภโว. กมฺมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวาทโย ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ ทิฏฺุปาทานํ สปฺปเภทานํ สานฺโตคธานํ ติณฺณมฺปิ กามรูปารูปภวานํ ปจฺจโย โหติ.
อปโร ‘‘อยํ อตฺตา นาม กามาวจรสมฺปตฺติภเว วา รูปารูปภวานํ วา อฺตรสฺมึ สุขี โหติ วิคตปริฬาโห’’ติ อตฺตวาทุปาทาเนน ตทุปคํ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส ตํ กมฺมํ กมฺมภโว. ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวาทโย ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ อตฺตวาทุปาทานํ สปฺปเภทานํ สานฺโตคธานํ ติณฺณํ ภวานํ ปจฺจโย โหติ.
อปโร ‘‘อิทํ สีลพฺพตํ นาม กามาวจรสมฺปตฺติภเว วา รูปารูปภวานํ วา อฺตรสฺมึ ปริปูเรนฺตสฺส สุขํ ปาริปูรึ คจฺฉตี’’ติ สีลพฺพตุปาทานวเสน ตทุปคํ กมฺมํ กโรติ, ตสฺส ตํ กมฺมํ กมฺมภโว. ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว. สฺาภวาทโย ปน ตทนฺโตคธา เอว. อิติ สีลพฺพตุปาทานํ สปฺปเภทานํ สานฺโตคธานํ ติณฺณํ ภวานํ ปจฺจโย โหติ. เอวเมตฺถ ยํ ยสฺส ปจฺจโย โหติ, ตโตปิ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย.
กึ ปเนตฺถ ¶ กสฺส ภวสฺส กถํ ปจฺจโย โหตีติ เจ?
รูปารูปภวานํ ¶ , อุปนิสฺสยปจฺจโย อุปาทานํ;
สหชาตาทีหิปิ ตํ, กามภวสฺสาติ วิฺเยฺยํ.
รูปารูปภวานํ หิ, กามภวปริยาปนฺนสฺส จ กมฺมภเว กุสลกมฺมสฺเสว, อุปปตฺติภวสฺส เจตํ จตุพฺพิธมฺปิ อุปาทานํ อุปนิสฺสยปจฺจยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ. กามภเว อตฺตนา สมฺปยุตฺตากุสลกมฺมภวสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตเหตุปจฺจยปฺปเภเทหิ สหชาตาทีหิ ปจฺจโย โหติ. วิปฺปยุตฺตสฺส ปน อุปนิสฺสยปจฺจเยเนวาติ.
อยํ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ ปทสฺมึ วิตฺถารกถา.
ภวปจฺจยาชาติอาทิวิตฺถารกถา
๖๕๑. ภวปจฺจยา ชาตีติอาทีสุ ชาติอาทีนํ วินิจฺฉโย สจฺจนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ภโวติ ปเนตฺถ กมฺมภโวว อธิปฺเปโต. โส หิ ชาติยา ปจฺจโย, น อุปปตฺติภโว. โส จ ปน กมฺมปจฺจยอุปนิสฺสยปจฺจยวเสน ทฺเวธา ปจฺจโย โหตีติ.
ตตฺถ สิยา – กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ภโว ชาติยา ปจฺจโยติ เจ? พาหิรปจฺจยสมตฺเตปิ หีนปณีตตาทิวิเสสทสฺสนโต. พาหิรานํ หิ ชนกชนนีสุกฺกโสณิตาหาราทีนํ ปจฺจยานํ สมตฺเตปิ สตฺตานํ ยมกานมฺปิ สตํ หีนปณีตตาทิวิเสโส ทิสฺสติ. โส จ น อเหตุโก สพฺพทา จ สพฺเพสฺจ อภาวโต, น กมฺมภวโต อฺเหตุโก ตทภินิพฺพตฺตกสตฺตานํ อชฺฌตฺตสนฺตาเน อฺสฺส การณสฺส อภาวโตติ กมฺมภวเหตุโกว. กมฺมํ หิ สตฺตานํ หีนปณีตตาทิวิเสสสฺส เหตุ. เตนาห ภควา ‘‘กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๙). ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ‘‘ภโว ชาติยา ปจฺจโย’’ติ.
ยสฺมา จ อสติ ชาติยา ชรามรณํ นาม, โสกาทโย วา ธมฺมา น โหนฺติ. ชาติยา ปน สติ ชรามรณฺเจว, ชรามรณสงฺขาตทุกฺขธมฺมผุฏฺสฺส จ พาลชนสฺส ชรามรณาภิสมฺพนฺธา ¶ วา เตน เตน ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺสฺส ¶ อนภิสมฺพนฺธา วา โสกาทโย จ ธมฺมา โหนฺติ. ตสฺมา อยมฺปิ ชาติ ชรามรณสฺส เจว โสกาทีนฺจ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพา. สา ปน อุปนิสฺสยโกฏิยา เอกธาว ปจฺจโย โหตีติ.
อยํ ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติอาทีสุ วิตฺถารกถา.
ภวจกฺกกถา
๖๕๒. ยสฺมา ปเนตฺถ โสกาทโย อวสาเน วุตฺตา, ตสฺมา ยา สา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ เอวเมตสฺส ภวจกฺกสฺส อาทิมฺหิ วุตฺตา, สา,
โสกาทีหิ อวิชฺชา, สิทฺธา ภวจกฺกมวิทิตาทิมิทํ;
การกเวทกรหิตํ, ทฺวาทสวิธสฺุตาสฺุํ.
สตตํ สมิตํ ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพํ.
กถํ ปเนตฺถ โสกาทีหิ อวิชฺชา สิทฺธา, กถมิทํ ภวจกฺกํ อวิทิตาทิ, กถํ การกเวทกรหิตํ, กถํ ทฺวาทสวิธสฺุตาสฺุนฺติ เจ? เอตฺถ หิ โสกโทมนสฺสุปายาสา อวิชฺชาย อวิโยคิโน, ปริเทโว จ นาม มูฬฺหสฺสาติ เตสุ ตาว สิทฺเธสุ สิทฺธา โหติ อวิชฺชา. อปิจ ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วุตฺตํ. อาสวสมุทยา เจเต โสกาทโย โหนฺติ.
กถํ? วตฺถุกามวิโยเค ตาว โสโก กามาสวสมุทยา โหติ. ยถาห –
‘‘ตสฺส เจ กามยานสฺส, ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน;
เต กามา ปริหายนฺติ, สลฺลวิทฺโธว รุปฺปตี’’ติ. (สุ. นิ. ๗๗๓);
ยถา จาห – ‘‘กามโต ชายติ โสโก’’ติ. (ธ. ป. ๒๑๕).
สพฺเพปิ ¶ เจเต ทิฏฺาสวสมุทยา โหนฺติ. ยถาห –
‘‘ตสฺส ‘อหํ รูปํ มม รูป’นฺติ ปริยุฏฺฏฺายิโน รูปวิปริณามฺถาภาวา อุปฺปชฺชนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑).
ยถา จ ทิฏฺาสวสมุทยา, เอวํ ภวาสวสมุทยาปิ. ยถาห –
‘‘เยปิ ¶ เต เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา อุจฺเจสุ วิมาเนสุ จิรฏฺิติกา, เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ภยํ สนฺตาสํ สํเวคมาปชฺชนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๘). ปฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา มรณภเยน สนฺตชฺชิตานํ เทวานํ วิย.
ยถา จ ภวาสวสมุทยา, เอวํ อวิชฺชาสวสมุทยาปิ. ยถาห –
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล ติวิธํ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๖).
อิติ ยสฺมา อาสวสมุทยา เอเต ธมฺมา โหนฺติ, ตสฺมา เอเต สิชฺฌมานา อวิชฺชาย เหตุภูเต อาสเว สาเธนฺติ. อาสเวสุ จ สิทฺเธสุ ปจฺจยภาเว ภาวโต อวิชฺชาปิ สิทฺธาว โหตีติ. เอวํ ตาเวตฺถ โสกาทีหิ อวิชฺชา สิทฺธา โหตีติ เวทิตพฺพา.
ยสฺมา ปน เอวํ ปจฺจยภาเว ภาวโต อวิชฺชาย สิทฺธาย ปุน อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณนฺติ เอวํ เหตุผลปรมฺปราย ปริโยสานํ นตฺถิ. ตสฺมา ตํ เหตุผลสมฺพนฺธวเสน ปวตฺตํ ทฺวาทสงฺคํ ภวจกฺกํ อวิทิตาทีติ สิทฺธํ โหติ.
เอวํ สติ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิทํ อาทิมตฺตกถนํ วิรุชฺฌตีติ เจ. นยิทํ อาทิมตฺตกถนํ. ปธานธมฺมกถนํ ปเนตํ. ติณฺณนฺนํ หิ วฏฺฏานํ อวิชฺชา ปธานา. อวิชฺชาคฺคหเณน หิ อวเสสกิเลสวฏฺฏฺจ กมฺมาทีนิ จ พาลํ ปลิโพเธนฺติ. สปฺปสิรคฺคหเณน เสสสปฺปสรีรํ วิย พาหํ. อวิชฺชาสมุจฺเฉเท ปน กเต เตหิ วิโมกฺโข โหติ ¶ . สปฺปสิรจฺเฉเท กเต ปลิโพธิตพาหาวิโมกฺโข วิย. ยถาห – ‘‘อวิชฺชายตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑; มหาว. ๑). อิติ ยํ คณฺหโต พนฺโธ, มุจฺจโต จ โมกฺโข โหติ, ตสฺส ปธานธมฺมสฺส กถนมิทํ, น อาทิมตฺตกถนนฺติ. เอวมิทํ ภวจกฺกํ อวิทิตาทีติ เวทิตพฺพํ.
ตยิทํ ¶ ยสฺมา อวิชฺชาทีหิ การเณหิ สงฺขาราทีนํ ปวตฺติ, ตสฺมา ตโต อฺเน ‘‘พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา เสฏฺโ สชิตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๒) เอวํ ปริกปฺปิเตน พฺรหฺมาทินา วา สํสารสฺส การเกน, ‘‘โส โข ปน เม อยํ อตฺตา วโท เวเทยฺโย’’ติ เอวํ ปริกปฺปิเตน อตฺตนา วา สุขทุกฺขานํ เวทเกน รหิตํ. อิติ การกเวทกรหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมา ปเนตฺถ อวิชฺชา อุทยพฺพยธมฺมกตฺตา ธุวภาเวน, สํกิลิฏฺตฺตา สํกิเลสิกตฺตา จ สุภภาเวน, อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา สุขภาเวน, ปจฺจยายตฺตวุตฺติตฺตา วสวตฺตนภูเตน อตฺตภาเวน จ สฺุา. ตถา สงฺขาราทีนิปิ องฺคานิ. ยสฺมา วา อวิชฺชา น อตฺตา, น อตฺตโน, น อตฺตนิ, น อตฺตวตี. ตถา สงฺขาราทีนิปิ องฺคานิ. ตสฺมา ทฺวาทสวิธสฺุตาสฺุเมตํ ภวจกฺกนฺติ เวทิตพฺพํ.
ตสฺสาวิชฺชาตณฺหา, มูลมตีตาทโย ตโย กาลา;
ทฺเว อฏฺ ทฺเว เอว จ, สรูปโต เตสุ องฺคานิ.
ตสฺส โข ปเนตสฺส ภวจกฺกสฺส อวิชฺชา ตณฺหา จาติ ทฺเว ธมฺมา มูลนฺติ เวทิตพฺพา. ตเทตํ ปุพฺพนฺตาหรณโต อวิชฺชามูลํ เวทนาวสานํ, อปรนฺตสนฺตานโต ตณฺหามูลํ ชรามรณาวสานนฺติ ทุวิธํ โหติ. ตตฺถ ปุริมํ ทิฏฺิจริตวเสน วุตฺตํ, ปจฺฉิมํ ตณฺหาจริตวเสน. ทิฏฺิจริตานํ หิ อวิชฺชา, ตณฺหาจริตานฺจ ตณฺหา สํสารนายิกา. อุจฺเฉททิฏฺิสมุคฺฆาตาย วา ปมํ, ผลุปฺปตฺติยา เหตูนํ อนุปจฺเฉทปฺปกาสนโต, สสฺสตทิฏฺิสมุคฺฆาตาย ทุติยํ, อุปฺปนฺนานํ ชรามรณปฺปกาสนโต. คพฺภเสยฺยกวเสน วา ปุริมํ, อนุปุพฺพปวตฺติทีปนโต, โอปปาติกวเสน ปจฺฉิมํ, สหุปฺปตฺติทีปนโต.
อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตา ¶ จสฺส ตโย กาลา. เตสุ ปาฬิยํ สรูปโต อาคตวเสน ‘‘อวิชฺชา, สงฺขารา จา’’ติ ทฺเว องฺคานิ อตีตกาลานิ. วิฺาณาทีนิ ภวาวสานานิ อฏฺ ปจฺจุปฺปนฺนกาลานิ. ชาติ เจว ชรามรณฺจ ทฺเว อนาคตกาลานีติ เวทิตพฺพานิ.
๖๕๔. ปุน ¶ ,
‘‘เหตุผลเหตุปุพฺพก-ติสนฺธิจตุเภทสงฺคหฺเจตํ;
วีสติ อาการารํ, ติวฏฺฏมนวฏฺิตํ ภมติ’’.
อิติปิ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ สงฺขารานฺจ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส จ อนฺตรา เอโก เหตุผลสนฺธิ นาม. เวทนาย จ ตณฺหาย จ อนฺตรา เอโก ผลเหตุสนฺธิ นาม. ภวสฺส จ ชาติยา จ อนฺตรา เอโก เหตุผลสนฺธีติ เอวมิทํ เหตุผลเหตุปุพฺพกติสนฺธีติ เวทิตพฺพํ.
สนฺธีนํ อาทิปริโยสานววตฺถิตา ปนสฺส จตฺตาโร สงฺคหา โหนฺติ. เสยฺยถิทํ – อวิชฺชาสงฺขารา เอโก สงฺคโห. วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนา ทุติโย. ตณฺหุปาทานภวา ตติโย. ชาติชรามรณํ จตุตฺโถติ. เอวมิทํ จตุเภทสงฺคหนฺติ เวทิตพฺพํ.
อตีเต เหตโว ปฺจ, อิทานิ ผลปฺจกํ;
อิทานิ เหตโว ปฺจ, อายตึ ผลปฺจกนฺติ.
เอเตหิ ปน วีสติยา อาการสงฺขาเตหิ อเรหิ วีสติอาการารนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ อตีเต เหตโว ปฺจาติ อวิชฺชา สงฺขารา จาติ อิเม ตาว ทฺเว วุตฺตา เอว. ยสฺมา ปน อวิทฺวา ปริตสฺสติ, ปริตสฺสิโต อุปาทิยติ, ตสฺสุปาทานปจฺจยา ภโว. ตสฺมา ตณฺหุปาทานภวาปิ คหิตา โหนฺติ. เตนาห ‘‘ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโวติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๗).
ตตฺถ ¶ ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติ ปุริเม กมฺมภเว, อตีตชาติยํ กมฺมภเว กริยมาเนติ อตฺโถ. โมโห อวิชฺชาติ โย ตทา ทุกฺขาทีสุ โมโห, เยน มูฬฺโห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชา. อายูหนา สงฺขาราติ ตํ กมฺมํ กโรโต ยา ปุริมเจตนาโย, ยถา ‘‘ทานํ ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา มาสมฺปิ สํวจฺฉรมฺปิ ทานุปกรณานิ สชฺเชนฺตสฺส อุปฺปนฺนา ปุริมเจตนาโย. ปฏิคฺคาหกานํ ปน หตฺเถ ทกฺขิณํ ปติฏฺาปยโต เจตนา ภโวติ วุจฺจติ. เอกาวชฺชเนสุ วา ฉสุ ชวเนสุ เจตนา อายูหนา สงฺขารา นาม ¶ . สตฺตเม ภโว. ยา กาจิ วา ปน เจตนา ภโว. สมฺปยุตฺตา อายูหนา สงฺขารา นาม. นิกนฺติ ตณฺหาติ ยา กมฺมํ กโรนฺตสฺส ผเล อุปปตฺติภเว นิกามนา ปตฺถนา, สา ตณฺหา นาม. อุปคมนํ อุปาทานนฺติ ยํ กมฺมภวสฺส ปจฺจยภูตํ ‘‘อิทํ กตฺวา อสุกสฺมึ นาม าเน กาเม เสวิสฺสามิ อุจฺฉิชฺชิสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตํ อุปคมนํ คหณํ ปรามสนํ, อิทํ อุปาทานํ นาม. เจตนา ภโวติ อายูหนาวสาเน วุตฺตา เจตนา ภโวติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ผลปฺจกนฺติ วิฺาณาทิเวทนาวสานํ ปาฬิยํ อาคตเมว. ยถาห – ‘‘อิธ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ, โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส, เวทยิตํ เวทนา, อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธูปปตฺติภวสฺมึ ปุเรกตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา’’ติ (ปฏิ. ๑.๔๗). ตตฺถ ปฏิสนฺธิ วิฺาณนฺติ ยํ ภวนฺตรปฏิสนฺธานวเสน อุปฺปนฺนตฺตา ปฏิสนฺธีติ วุจฺจติ, ตํ วิฺาณํ. โอกฺกนฺติ นามรูปนฺติ ยา คพฺเภ รูปารูปธมฺมานํ โอกฺกนฺติ อาคนฺตฺวา ปวิสนํ วิย, อิทํ นามรูปํ. ปสาโท อายตนนฺติ อิทํ จกฺขาทิปฺจายตนวเสน วุตฺตํ. ผุฏฺโ ผสฺโสติ โย อารมฺมณํ ผุฏฺโ ผุสนฺโต อุปฺปนฺโน, อยํ ผสฺโส. เวทยิตํ เวทนาติ ยํ ปฏิสนฺธิวิฺาเณน วา สฬายตนปจฺจเยน วา ผสฺเสน สห อุปฺปนฺนํ วิปากเวทยิตํ, สา เวทนาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ เหตโว ปฺจาติ ตณฺหาทโย ปาฬิยํ อาคตา ตณฺหุปาทานภวา. ภเว ปน คหิเต ตสฺส ปุพฺพภาคา ตํสมฺปยุตฺตา วา สงฺขารา คหิตาว โหนฺติ. ตณฺหุปาทานคฺคหเณน จ ตํสมฺปยุตฺตา, ยาย วา มูฬฺโห กมฺมํ กโรติ, สา อวิชฺชา คหิตาว โหตีติ. เอวํ ปฺจ. เตนาห ‘‘อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโวติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธ กมฺมภวสฺมึ อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา’’ติ ¶ (ปฏิ. ม. ๑.๔๗). ตตฺถ อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานนฺติ ปริปกฺกายตนสฺส กมฺมกรณกาเล สมฺโมโห ทสฺสิโต. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
อายตึ ผลปฺจกนฺติ วิฺาณาทีนิ ปฺจ. ตานิ ชาติคฺคหเณน วุตฺตานิ. ชรามรณํ ปน เตสํเยว ชรามรณํ. เตนาห – ‘‘อายตึ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ ¶ , โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส, เวทยิตํ เวทนา, อิเม ปฺจ ธมฺมา อายตึ อุปปตฺติภวสฺมึ อิธ กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๗). เอวมิทํ วีสติ อาการารํ โหติ.
ติวฏฺฏมนวฏฺิตํ ภมตีติ เอตฺถ ปน สงฺขารภวา กมฺมวฏฺฏํ, อวิชฺชาตณฺหุปาทานานิ กิเลสวฏฺฏํ, วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนา วิปากวฏฺฏนฺติ อิเมหิ ตีหิ วฏฺเฏหิ ติวฏฺฏมิทํ ภวจกฺกํ ยาว กิเลสวฏฺฏํ น อุปจฺฉิชฺชติ, ตาว อนุปจฺฉินฺนปจฺจยตฺตา อนวฏฺิตํ ปุนปฺปุนํ ปริวตฺตนโต ภมติเยวาติ เวทิตพฺพํ.
สจฺจปฺปภวโต กิจฺจา, วารณา อุปมาหิ จ;
คมฺภีรนยเภทา จ, วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
ตตฺถ ยสฺมา กุสลากุสลํ กมฺมํ อวิเสเสน สมุทยสจฺจนฺติ สจฺจวิภงฺเค วุตฺตํ, ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อวิชฺชาย สงฺขารา ทุติยสจฺจปฺปภวํ ทุติยสจฺจํ. สงฺขาเรหิ วิฺาณํ ทุติยสจฺจปฺปภวํ ปมสจฺจํ. วิฺาณาทีหิ ¶ นามรูปาทีนิ วิปากเวทนาปริโยสานานิ ปมสจฺจปฺปภวํ ปมสจฺจํ. เวทนาย ตณฺหา ปมสจฺจปฺปภวํ ทุติยสจฺจํ. ตณฺหาย อุปาทานํ ทุติยสจฺจปฺปภวํ ทุติยสจฺจํ. อุปาทานโต ภโว ทุติยสจฺจปฺปภวํ ปมทุติยสจฺจทฺวยํ. ภวโต ชาติ ทุติยสจฺจปฺปภวํ ปมสจฺจํ. ชาติยา ชรามรณํ ปมสจฺจปฺปภวํ ปมสจฺจนฺติ เอวํ ตาวิทํ สจฺจปฺปภวโต วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๕๖. ยสฺมา ปเนตฺถ อวิชฺชา วตฺถูสุ จ สตฺเต สมฺโมเหติ, ปจฺจโย จ โหติ สงฺขารานํ ¶ ปาตุภาวาย. ตถา สงฺขารา สงฺขตฺจ อภิสงฺขโรนฺติ, ปจฺจยา จ โหนฺติ วิฺาณสฺส. วิฺาณมฺปิ วตฺถฺุจ ปฏิวิชานาติ, ปจฺจโย จ โหติ นามรูปสฺส. นามรูปมฺปิ อฺมฺฺจ อุปตฺถมฺเภติ, ปจฺจโย จ โหติ สฬายตนสฺส. สฬายตนมฺปิ สวิสเย จ ปวตฺตติ, ปจฺจโย จ โหติ ผสฺสสฺส. ผสฺโสปิ อารมฺมณฺจ ผุสติ, ปจฺจโย จ โหติ เวทนาย. เวทนาปิ อารมฺมณรสฺจ อนุภวติ, ปจฺจโย จ โหติ ตณฺหาย. ตณฺหาปิ รชฺชนีเย จ ธมฺเม รชฺชติ, ปจฺจโย จ โหติ อุปาทานสฺส. อุปาทานมฺปิ อุปาทานิเย จ ธมฺเม อุปาทิยติ, ปจฺจโย จ โหติ ภวสฺส. ภโวปิ นานาคตีสุ จ วิกฺขิปติ, ปจฺจโย จ โหติ ชาติยา. ชาติปิ ขนฺเธ จ ชเนติ เตสํ อภินิพฺพตฺติภาเวน ปวตฺตตฺตา, ปจฺจโย จ โหติ ชรามรณสฺส. ชรามรณมฺปิ ขนฺธานํ ปากเภทภาวฺจ อธิติฏฺติ, ปจฺจโย จ โหติ ภวนฺตรปาตุภาวาย โสกาทีนํ อธิฏฺานตฺตา. ตสฺมา สพฺพปเทสุ ทฺเวธา ปวตฺติกิจฺจโตปิ อิทํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๕๗. ยสฺมา เจตฺถ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ อิทํ การกทสฺสนนิวารณํ. สงฺขารปจฺจยา วิฺาณนฺติ อตฺตสงฺกนฺติทสฺสนนิวารณํ. วิฺาณปจฺจยา นามรูปนฺติ ‘‘อตฺตา’’ติปริกปฺปิตวตฺถุเภททสฺสนโต ฆนสฺานิวารณํ. นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติอาทิ อตฺตา ปสฺสติ…เป… วิชานาติ, ผุสติ, เวทยติ, ตณฺหิยติ, อุปาทิยติ, ภวติ, ชายติ, ชียติ, มียตีติเอวมาทิทสฺสนนิวารณํ. ตสฺมา มิจฺฉาทสฺสนนิวารณโตเปตํ ภวจกฺกํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๕๘. ยสฺมา ¶ ปเนตฺถ สลกฺขณสามฺลกฺขณวเสน ธมฺมานํ อทสฺสนโต อนฺโธ วิย อวิชฺชา. อนฺธสฺส อุปกฺขลนํ วิย อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา. อุปกฺขลิตสฺส ปตนํ วิย สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ. ปติตสฺส คณฺฑปาตุภาโว วิย วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ. คณฺฑเภทปีฬกา วิย นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ. คณฺฑปีฬกาฆฏฺฏนํ วิย สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส. ฆฏฺฏนทุกฺขํ วิย ผสฺสปจฺจยา เวทนา, ทุกฺขสฺส ปฏิการาภิลาโส วิย เวทนาปจฺจยา ตณฺหา. ปฏิการาภิลาเสน อสปฺปายคฺคหณํ วิย ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ. อุปาทิณฺณอสปฺปายาเลปนํ วิย อุปาทานปจฺจยา ภโว. อสปฺปายาเลปเนน คณฺฑวิการปาตุภาโว วิย ภวปจฺจยา ชาติ. คณฺฑวิการโต คณฺฑเภโท วิย ชาติปจฺจยา ชรามรณํ. ยสฺมา วา ปเนตฺถ อวิชฺชา อปฺปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺติภาเวน สตฺเต อภิภวติ ปฏลํ วิย อกฺขีนิ ¶ . ตทภิภูโต จ พาโล ปุนพฺภวิเกหิ สงฺขาเรหิ อตฺตานํ เวเติ โกสการกิมิ วิย โกสปฺปเทเสหิ. สงฺขารปริคฺคหิตํ วิฺาณํ คตีสุ ปติฏฺํ ลภติ ปริณายกปริคฺคหิโต วิย ราชกุมาโร รชฺเช. อุปปตฺตินิมิตฺตปริกปฺปนโต วิฺาณํ ปฏิสนฺธิยํ อเนกปฺปการํ นามรูปํ อภินิพฺพตฺเตติ มายากาโร วิย มายํ. นามรูเป ปติฏฺิตํ สฬายตนํ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ สุภูมิยํ ปติฏฺิโต วนปฺปคุมฺโพ วิย. อายตนฆฏฺฏนโต ผสฺโส ชายติ อรณิสหิตาภิมนฺถนโต อคฺคิ วิย. ผสฺเสน ผุฏฺสฺส เวทนา ปาตุภวติ อคฺคินา ผุฏฺสฺส ทาโห วิย. เวทยมานสฺส ตณฺหา ปวฑฺฒติ โลณูทกํ ปิวโต ปิปาสา วิย. ตสิโต ภเวสุ อภิลาสํ กโรติ ปิปาสิโต วิย ปานีเย. ตทสฺสุปาทานํ, อุปาทาเนน ภวํ อุปาทิยติ อามิสโลเภน มจฺโฉ พฬิสํ วิย. ภเว สติ ชาติ โหติ พีเช สติ องฺกุโร วิย. ชาตสฺส อวสฺสํ ชรามรณํ อุปฺปนฺนสฺส รุกฺขสฺส ปตนํ วิย. ตสฺมา เอวํ อุปมาหิเปตํ ภวจกฺกํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๕๙. ยสฺมา จ ภควตา อตฺถโตปิ ธมฺมโตปิ เทสนโตปิ ปฏิเวธโตปิ คมฺภีรภาวํ สนฺธาย ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จา’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๕; สํ. นิ. ๒.๖๐) วุตฺตํ, ตสฺมา คมฺภีรเภทโตเปตํ ภวจกฺกํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
ตตฺถ ¶ ยสฺมา น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหติ, อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ เอวํ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺสฺส ทุรวโพธนียโต ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ คมฺภีโร. ตถา ชาติยา ภวปจฺจย…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ คมฺภีโร. ตสฺมา อิทํ ภวจกฺกํ อตฺถคมฺภีรนฺติ อยํ ตาเวตฺถ อตฺถคมฺภีรตา. เหตุผลฺหิ อตฺโถติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๐).
ยสฺมา ปน เยนากาเรน ยทวตฺถา จ อวิชฺชา เตสํ เตสํ สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ, ตสฺส ทุรวโพธนียโต อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ คมฺภีโร. ตถา สงฺขารานํ…เป… ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ คมฺภีโร, ตสฺมา อิทํ ภวจกฺกํ ธมฺมคมฺภีรนฺติ อยเมตฺถ ธมฺมคมฺภีรตา. เหตุโน หิ ธมฺโมติ นามํ. ยถาห – ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๐).
ยสฺมา ¶ จสฺส เตน เตน การเณน ตถา ตถา ปวตฺเตตพฺพตฺตา เทสนาปิ คมฺภีรา, น ตตฺถ สพฺพฺุตฺาณโต อฺํ าณํ ปติฏฺํ ลภติ. ตถาเหตํ กตฺถจิ สุตฺเต อนุโลมโต, กตฺถจิ ปฏิโลมโต, กตฺถจิ อนุโลมปฏิโลมโต, กตฺถจิ เวมชฺฌโต ปฏฺาย อนุโลมโต วา ปฏิโลมโต วา, กตฺถจิ ติสนฺธิจตุสงฺเขปํ, กตฺถจิ ทฺวิสนฺธิติสงฺเขปํ, กตฺถจิ เอกสนฺธิทฺวิสงฺเขปํ เทสิตํ, ตสฺมา อิทํ ภวจกฺกํ เทสนาคมฺภีรนฺติ อยํ เทสนาคมฺภีรตา.
ยสฺมา เจตฺถ โย โส อวิชฺชาทีนํ สภาโว, เยน ปฏิวิทฺเธน อวิชฺชาทโย สมฺมา สลกฺขณโต ปฏิวิทฺธา โหนฺติ, โส ทุปฺปริโยคาหตฺตา คมฺภีโร, ตสฺมา อิทํ ภวจกฺกํ ปฏิเวธคมฺภีรํ. ตถา เหตฺถ อวิชฺชาย อฺาณาทสฺสนสจฺจาสมฺปฏิเวธฏฺโ คมฺภีโร, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณายูหนสราควิราคฏฺโ, วิฺาณสฺส สฺุตอพฺยาปารอสงฺกนฺติปฏิสนฺธิปาตุภาวฏฺโ, นามรูปสฺส เอกุปฺปาทวินิพฺโภคาวินิพฺโภคนมนรุปฺปนฏฺโ, สฬายตนสฺส อธิปติโลกทฺวารเขตฺตวิสยิภาวฏฺโ, ผสฺสสฺส ผุสนสงฺฆฏฺฏนสงฺคติสนฺนิปาตฏฺโ ¶ , เวทนาย อารมฺมณรสานุภวนสุขทุกฺขมชฺฌตฺตภาวนิชฺชีวเวทยิตฏฺโ. ตณฺหาย อภินนฺทิตชฺโฌสานสริตาลตานทีตณฺหาสมุทฺททุปฺปูรฏฺโ, อุปาทานสฺส อาทานคฺคหณาภินิเวสปรามาสทุรติกฺกมฏฺโ, ภวสฺส อายูหนาภิสงฺขรณโยนิคติิตินิวาเสสุขิปนฏฺโ, ชาติยา ชาติ สฺชาติ โอกฺกนฺติ นิพฺพตฺติ ปาตุภาวฏฺโ, ชรามรณสฺส ขยวยเภทวิปริณามฏฺโ คมฺภีโรติ อยเมตฺถ ปฏิเวธคมฺภีรตา.
๖๖๐. ยสฺมา ปเนตฺถ เอกตฺตนโย, นานตฺตนโย, อพฺยาปารนโย, เอวํธมฺมตานโยติ จตฺตาโร อตฺถนยา โหนฺติ, ตสฺมา นยเภทโตเปตํ ภวจกฺกํ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
ตตฺถ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณนฺติ เอวํ พีชสฺส องฺกุราทิภาเวน รุกฺขภาวปฺปตฺติ วิย สนฺตานานุปจฺเฉโท เอกตฺตนโย นาม. ยํ สมฺมา ปสฺสนฺโต เหตุผลสมฺพนฺเธน สนฺตานสฺส อนุปจฺเฉทาวโพธโต อุจฺเฉททิฏฺึ ปชหติ. มิจฺฉา ปสฺสนฺโต เหตุผลสมฺพนฺเธน ปวตฺตมานสฺส สนฺตานานุปจฺเฉทสฺส เอกตฺตคหณโต สสฺสตทิฏฺึ อุปาทิยติ.
อวิชฺชาทีนํ ปน ยถาสกํลกฺขณววตฺถานํ นานตฺตนโย นาม. ยํ สมฺมา ปสฺสนฺโต นวนวานํ ¶ อุปฺปาททสฺสนโต สสฺสตทิฏฺึ ปชหติ. มิจฺฉา ปสฺสนฺโต เอกสนฺตานปติตสฺส ภินฺนสนฺตานสฺเสว นานตฺตคฺคหณโต อุจฺเฉททิฏฺึ อุปาทิยติ.
อวิชฺชาย สงฺขารา มยา อุปฺปาเทตพฺพา, สงฺขารานํ วา วิฺาณํ อมฺเหหีติ เอวมาทิพฺยาปาราภาโว อพฺยาปารนโย นาม. ยํ สมฺมา ปสฺสนฺโต การกสฺส อภาวาวโพธโต อตฺตทิฏฺึ ปชหติ. มิจฺฉา ปสฺสนฺโต โย อสติปิ พฺยาปาเร อวิชฺชาทีนํ สภาวนิยมสิทฺโธ เหตุภาโว, ตสฺส อคฺคหณโต อกิริยทิฏฺึ อุปาทิยติ.
อวิชฺชาทีหิ ปน การเณหิ สงฺขาราทีนํเยว สมฺภโว ขีราทีหิ ทธิอาทีนํ วิย, น อฺเสนฺติ อยํ เอวํธมฺมตานโย นาม. ยํ สมฺมา ปสฺสนฺโต ปจฺจยานุรูปโต ผลาวโพธา อเหตุกทิฏฺึ อกิริยทิฏฺิฺจ ปชหติ. มิจฺฉา ปสฺสนฺโต ปจฺจยานุรูปํ ผลปฺปวตฺตึ อคฺคเหตฺวา ยโต กุโตจิ ¶ ยสฺส กสฺสจิ อสมฺภวคฺคหณโต อเหตุกทิฏฺิฺเจว นิยตวาทฺจ อุปาทิยตีติ เอวมิทํ ภวจกฺกํ,
สจฺจปฺปภวโต กิจฺจา, วารณาอุปมาหิ จ;
คมฺภีรนยเภทา จ, วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.
๖๖๑. อิทฺหิ อติคมฺภีรโต อคาธํ. นานานยคหนโต ทุรติยานํ. าณาสินา สมาธิปวรสิลายํ สุนิสิเตน,
ภวจกฺกมปทาเลตฺวา, อสนิวิจกฺกมิว นิจฺจนิมฺมถนํ;
สํสารภยมตีโต, น โกจิ สุปินนฺตเรปฺยตฺถิ.
วุตฺตมฺปิ เหตํ ภควตา – ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีราวภาโส จ. เอตสฺส จานนฺท, ธมฺมสฺส อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา เอวมยํ ปชา ตนฺตากุลกชาตา กุลาคณฺิกชาตา มฺุชปพฺพชภูตา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตตี’’ติ (มหาว. ๙๕; สํ. นิ. ๒.๖๐). ตสฺมา อตฺตโน วา ปเรสํ วา หิตาย จ สุขาย จ ปฏิปนฺโน อวเสสกิจฺจานิ ปหาย,
คมฺภีเร ¶ ปจฺจยาการปฺปเภเท อิธ ปณฺฑิโต;
ยถา คาธํ ลเภเถวมนุยฺุเช สทา สโตติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
ปฺาภูมินิทฺเทโส นาม
สตฺตรสโม ปริจฺเฉโท.
๑๘. ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทโส
นามรูปปริคฺคหกถา
๖๖๒. อิทานิ ¶ ¶ ยา ‘‘อิเมสุ ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน าณปริจยํ กตฺวา ‘สีลวิสุทฺธิ เจว จิตฺตวิสุทฺธิ จา’ติ ทฺเว มูลภูตา วิสุทฺธิโย สมฺปาเทตพฺพา’’ติ วุตฺตา. ตตฺถ สีลวิสุทฺธิ นาม สุปริสุทฺธํ ปาติโมกฺขสํวราทิจตุพฺพิธํ สีลํ, ตฺจ สีลนิทฺเทเส วิตฺถาริตเมว. จิตฺตวิสุทฺธิ นาม สอุปจารา อฏฺ สมาปตฺติโย, ตาปิ จิตฺตสีเสน วุตฺตสมาธินิทฺเทเส สพฺพากาเรน วิตฺถาริตา เอว. ตสฺมา ตา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธิ, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ, าณทสฺสนวิสุทฺธีติ อิมา ปน ปฺจ วิสุทฺธิโย สรีร’’นฺติ, ตตฺถ นามรูปานํ ยาถาวทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธิ นาม.
๖๖๓. ตํ สมฺปาเทตุกาเมน สมถยานิเกน ตาว เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ อวเสสรูปารูปาวจรชฺฌานานํ อฺตรโต วุฏฺาย วิตกฺกาทีนิ ฌานงฺคานิ, ตํสมฺปยุตฺตา จ ธมฺมา ลกฺขณรสาทิวเสน ปริคฺคเหตพฺพา. ปริคฺคเหตฺวา สพฺพมฺเปตํ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต นมนฏฺเน นามนฺติ ววตฺถเปตพฺพํ.
ตโต ยถา นาม ปุริโส อนฺโตเคเห สปฺปํ ทิสฺวา ตํ อนุพนฺธมาโน ตสฺส อาสยํ ปสฺสติ, เอวเมว อยมฺปิ โยคาวจโร ตํ นามํ อุปปริกฺขนฺโต ‘‘อิทํ นามํ กึ นิสฺสาย ปวตฺตตี’’ติ ปริเยสมาโน ตสฺส นิสฺสยํ หทยรูปํ ปสฺสติ. ตโต หทยรูปสฺส นิสฺสยภูตานิ, ภูตนิสฺสิตานิ จ เสสุปาทายรูปานีติ รูปํ ปริคฺคณฺหาติ. โส สพฺพมฺเปตํ รุปฺปนโต ¶ รูปนฺติ ววตฺถเปติ. ตโต นมนลกฺขณํ นามํ, รุปฺปนลกฺขณํ รูปนฺติ สงฺเขปโต นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๔. สุทฺธวิปสฺสนายานิโก ปน อยเมว วา สมถยานิโก จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานํ อฺตรมุขวเสน สงฺเขปโต วา วิตฺถารโต วา จตสฺโส ธาตุโย ปริคฺคณฺหาติ. อถสฺส ยาถาวสรสลกฺขณโต อาวิภูตาสุ ธาตูสุ กมฺมสมุฏฺานมฺหิ ¶ ตาว เกเส ‘‘จตสฺโส ธาตุโย, วณฺโณ, คนฺโธ, รโส, โอชา, ชีวิตํ, กายปฺปสาโท’’ติ เอวํ กายทสกวเสน ทส รูปานิ, ตตฺเถว ภาวสฺส อตฺถิตาย ภาวทสกวเสน ทส, ตตฺเถว อาหารสมุฏฺานํ โอชฏฺมกํ, อุตุสมุฏฺานํ, จิตฺตสมุฏฺานนฺติ อปรานิปิ จตุวีสตีติ เอวํ จตุสมุฏฺาเนสุ จตุวีสติโกฏฺาเสสุ จตุจตฺตาลีส จตุจตฺตาลีส รูปานิ, เสโท, อสฺสุ, เขโฬ, สิงฺฆาณิกาติ อิเมสุ ปน จตูสุ อุตุจิตฺตสมุฏฺาเนสุ ทฺวินฺนํ โอชฏฺมกานํ วเสน โสฬส โสฬส รูปานิ, อุทริยํ, กรีสํ, ปุพฺโพ, มุตฺตนฺติ อิเมสุ จตูสุ อุตุสมุฏฺาเนสุ อุตุสมุฏฺานสฺเสว โอชฏฺมกสฺส วเสน อฏฺ อฏฺ รูปานิ ปากฏานิ โหนฺตีติ. เอส ตาว ทฺวตฺตึสากาเร นโย.
เย ปน อิมสฺมึ ทฺวตฺตึสากาเร อาวิภูเต อปเร ทส อาการา อาวิภวนฺติ. ตตฺถ อสิตาทิปริปาจเก ตาว กมฺมเช เตโชโกฏฺาสมฺหิ โอชฏฺมกฺเจว ชีวิตฺจาติ นว รูปานิ, ตถา จิตฺตเช อสฺสาสปสฺสาสโกฏฺาเสปิ โอชฏฺมกฺเจว สทฺโท จาติ นว, เสเสสุ จตุสมุฏฺาเนสุ อฏฺสุ ชีวิตนวกฺเจว ตีณิ จ โอชฏฺมกานีติ เตตฺตึส รูปานิ ปากฏานิ โหนฺติ.
ตสฺเสวํ วิตฺถารโต ทฺวาจตฺตาลีสาการวเสน อิเมสุ ภูตุปาทายรูเปสุ ปากเฏสุ ชาเตสุ วตฺถุทฺวารวเสน ปฺจ จกฺขุทสกาทโย, หทยวตฺถุทสกฺจาติ อปรานิปิ สฏฺิรูปานิ ปากฏานิ โหนฺติ. โส สพฺพานิปิ ตานิ รุปฺปนลกฺขเณน เอกโต กตฺวา ‘‘เอตํ รูป’’นฺติ ปสฺสติ.
ตสฺเสวํ ปริคฺคหิตรูปสฺส ทฺวารวเสน อรูปธมฺมา ปากฏา โหนฺติ. เสยฺยถิทํ – ทฺเวปฺจวิฺาณานิ, ติสฺโส มโนธาตุโย, อฏฺสฏฺิ มโนวิฺาณธาตุโยติ เอกาสีติ โลกิยจิตฺตานิ, อวิเสเสน จ เตหิ จิตฺเตหิ สหชาโต ผสฺโส, เวทนา, สฺา, เจตนา, ชีวิตํ, จิตฺตฏฺิติ, มนสิกาโรติ อิเม สตฺต สตฺต เจตสิกาติ. โลกุตฺตรจิตฺตานิ ปน เนว สุทฺธวิปสฺสกสฺส ¶ , น สมถยานิกสฺส ปริคฺคหํ คจฺฉนฺติ อนธิคตตฺตาติ. โส สพฺเพปิ เต อรูปธมฺเม นมนลกฺขเณน เอกโต กตฺวา ‘‘เอตํ นาม’’นฺติ ปสฺสติ. เอวเมโก จตุธาตุววตฺถานมุเขน วิตฺถารโต นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๕. อปโร ¶ อฏฺารสธาตุวเสน. กถํ? อิธ ภิกฺขุ อตฺถิ อิมสฺมึ อตฺตภาเว จกฺขุธาตุ…เป… มโนวิฺาณธาตูติ ธาตุโย อาวชฺชิตฺวา ยํ โลโก เสตกณฺหมณฺฑลวิจิตฺตํ อายตวิตฺถตํ อกฺขิกูปเก นฺหารุสุตฺตเกน อาพทฺธํ มํสปิณฺฑํ ‘‘จกฺขู’’ติ สฺชานาติ, ตํ อคฺคเหตฺวา ขนฺธนิทฺเทเส อุปาทารูเปสุ วุตฺตปฺปการํ จกฺขุปสาทํ ‘‘จกฺขุธาตู’’ติ ววตฺถเปติ.
ยานิ ปนสฺส นิสฺสยภูตา จตสฺโส ธาตุโย, ปริวารกานิ จตฺตาริ วณฺณ-คนฺธ-รส-โอชา-รูปานิ, อนุปาลกํ ชีวิตินฺทฺริยนฺติ นว สหชาตรูปานิ, ตตฺเถว ิตานิ กายทสกภาวทสกวเสน วีสติ กมฺมชรูปานิ, อาหารสมุฏฺานาทีนํ ติณฺณํ โอชฏฺมกานํ วเสน จตุวีสติ อนุปาทินฺนรูปานีติ เอวํ เสสานิ เตปณฺณาส รูปานิ โหนฺติ, น ตานิ จ ‘‘จกฺขุธาตู’’ติ ววตฺถเปติ. เอส นโย โสตธาตุอาทีสุปิ. กายธาตุยํ ปน อวเสสานิ เตจตฺตาลีส รูปานิ โหนฺติ. เกจิ ปน อุตุจิตฺตสมุฏฺานานิ สทฺเทน สห นว นว กตฺวา ปฺจจตฺตาลีสาติ วทนฺติ.
อิติ อิเม ปฺจ ปสาทา, เตสฺจ วิสยา รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพา ปฺจาติ ทส รูปานิ ทส ธาตุโย โหนฺติ. อวเสสรูปานิ ธมฺมธาตุเยว โหนฺติ. จกฺขุํ ปน นิสฺสาย รูปํ อารพฺภ ปวตฺตํ จิตฺตํ จกฺขุวิฺาณธาตุ นามาติ เอวํ ทฺเวปฺจวิฺาณานิ ปฺจ วิฺาณธาตุโย โหนฺติ. ตีณิ มโนธาตุจิตฺตานิ เอกา มโนธาตุ, อฏฺสฏฺิ มโนวิฺาณธาตุจิตฺตานิ มโนวิฺาณธาตูติ สพฺพานิปิ เอกาสีติ โลกิยจิตฺตานิ สตฺต วิฺาณธาตุโย. ตํสมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย ธมฺมธาตูติ เอวเมตฺถ อฑฺเฒกาทส ธาตุโย รูปํ, อฑฺฒฏฺมา ธาตุโย นามนฺติ เอวเมโก อฏฺารสธาตุวเสน นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๖. อปโร ทฺวาทสายตนวเสน. กถํ? จกฺขุธาตุยํ วุตฺตนเยเนว เปตฺวา เตปณฺณาส รูปานิ จกฺขุปสาทมตฺตํ ‘‘จกฺขายตน’’นฺติ ววตฺถเปติ. ตตฺถ วุตฺตนเยเนว จ โสตฆานชิวฺหากายธาตุโย ‘‘โสตฆานชิวฺหากายายตนานี’’ติ, เตสํ วิสยภูเต ปฺจธมฺเม ‘‘รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพายตนานี’’ติ ¶ , โลกิยสตฺตวิฺาณธาตุโย ‘‘มนายตน’’นฺติ, ตํสมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย เสสรูปฺจ ‘‘ธมฺมายตน’’นฺติ เอวเมตฺถ ¶ อฑฺเฒกาทส อายตนานิ รูปํ, ทิยฑฺฒอายตนานิ นามนฺติ เอวเมโก ทฺวาทสายตนวเสน นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๗. อปโร ตโต สํขิตฺตตรํ ขนฺธวเสน ววตฺถเปติ. กถํ? อิธ ภิกฺขุ อิมสฺมึ สรีเร จตุสมุฏฺานา จตสฺโส ธาตุโย, ตํนิสฺสิโต วณฺโณ, คนฺโธ, รโส, โอชา, จกฺขุปสาทาทโย ปฺจ ปสาทา, วตฺถุรูปํ, ภาโว, ชีวิตินฺทฺริยํ, ทฺวิสมุฏฺาโน สทฺโทติ อิมานิ สตฺตรส รูปานิ สมฺมสนุปคานิ นิปฺผนฺนานิ รูปรูปานิ. กายวิฺตฺติ, วจีวิฺตฺติ, อากาสธาตุ, รูปสฺส ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตา, อุปจโย, สนฺตติ, ชรตา, อนิจฺจตาติ อิมานิ ปน ทส รูปานิ น สมฺมสนุปคานิ, อาการวิการอนฺตรปริจฺเฉทมตฺตกานิ, น นิปฺผนฺนรูปานิ, น รูปรูปานิ. อปิจ โข รูปานํ อาการวิการอนฺตรปริจฺเฉทมตฺตโต รูปนฺติ สงฺขํ คตานิ. อิติ สพฺพานิ เปตานิ สตฺตวีสติ รูปานิ รูปกฺขนฺโธ, เอกาสีติยา โลกิยจิตฺเตหิ สทฺธึ อุปฺปนฺนา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา สฺา สฺากฺขนฺโธ, สงฺขารา สงฺขารกฺขนฺโธ, วิฺาณํ วิฺาณกฺขนฺโธติ. อิติ รูปกฺขนฺโธ รูปํ, จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา นามนฺติ เอวเมโก ปฺจกฺขนฺธวเสน นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๘. อปโร ‘‘ยํกิฺจิ รูปํ สพฺพํ รูปํ จตฺตาริ มหาภูตานิ จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๔๗; อ. นิ. ๑๑.๑๗) เอวํ สํขิตฺเตเนว อิมสฺมึ อตฺตภาเว รูปํ ปริคฺคเหตฺวา, ตถา มนายตนฺเจว ธมฺมายตเนกเทสฺจ นามนฺติ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อิติ อิทฺจ นามํ อิทฺจ รูปํ, อิทํ วุจฺจติ นามรูป’’นฺติ สงฺเขปโต นามรูปํ ววตฺถเปติ.
๖๖๙. สเจ ปนสฺส เตน เตน มุเขน รูปํ ปริคฺคเหตฺวา อรูปํ ปริคฺคณฺหโต สุขุมตฺตา อรูปํ น อุปฏฺาติ, เตน ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา รูปเมว ปุนปฺปุนํ สมฺมสิตพฺพํ มนสิกาตพฺพํ ปริคฺคเหตพฺพํ ววตฺถเปตพฺพํ. ยถา ยถา หิสฺส รูปํ สุวิกฺขาลิตํ โหติ นิชฺชฏํ สุปริสุทฺธํ, ตถา ตถา ตทารมฺมณา อรูปธมฺมา สยเมว ปากฏา โหนฺติ.
ยถา หิ จกฺขุมโต ปุริสสฺส อปริสุทฺเธ อาทาเส มุขนิมิตฺตํ โอโลเกนฺตสฺส นิมิตฺตํ น ปฺายติ, โส ‘‘นิมิตฺตํ น ปฺายตี’’ติ น อาทาสํ ¶ ฉฑฺเฑติ, อถ โข นํ ปุนปฺปุนํ ปริมชฺชติ ¶ . ตสฺส ปริสุทฺเธ อาทาเส นิมิตฺตํ สยเมว ปากฏํ โหติ. ยถา จ เตลตฺถิโก ติลปิฏฺํ โทณิยํ อากิริตฺวา อุทเกน ปริปฺโผเสตฺวา เอกวารํ ทฺเววารํ ปีฬนมตฺเตน เตเล อนิกฺขมนฺเต น ติลปิฏฺํ ฉฑฺเฑติ, อถ โข นํ ปุนปฺปุนํ อุณฺโหทเกน ปริปฺโผเสตฺวา มทฺทิตฺวา ปีเฬติ. ตสฺเสวํ กโรโต วิปฺปสนฺนํ ติลเตลํ นิกฺขมติ. ยถา วา ปน อุทกํ ปสาเทตุกาโม กตกฏฺึ คเหตฺวา อนฺโตฆเฏ หตฺถํ โอตาเรตฺวา เอกทฺเววาเร ฆํสนมตฺเตน อุทเก อวิปฺปสีทนฺเต น กตกฏฺึ ฉฑฺเฑติ, อถ โข นํ ปุนปฺปุนํ ฆํสติ. ตสฺเสวํ กโรนฺตสฺส กลลกทฺทมํ สนฺนิสีทติ. อุทกํ อจฺฉํ โหติ วิปฺปสนฺนํ, เอวเมวํ เตน ภิกฺขุนา ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา รูปเมว ปุนปฺปุนํ สมฺมสิตพฺพํ มนสิกาตพฺพํ ปริคฺคเหตพฺพํ ววตฺถเปตพฺพํ.
ยถา ยถา หิสฺส รูปํ สุวิกฺขาลิตํ โหติ นิชฺชฏํ สุปริสุทฺธํ, ตถา ตถา ตปฺปจฺจนีกกิเลสา สนฺนิสีทนฺติ, กทฺทมุปริ อุทกํ วิย จิตฺตํ ปสนฺนํ โหติ. ตทารมฺมณา อรูปธมฺมา สยเมว ปากฏา โหนฺติ. เอวํ อฺาหิปิ อุจฺฉุโจรโคณทธิมจฺฉาทีหิ อุปมาหิ อยมตฺโถ ปกาเสตพฺโพ.
อรูปธมฺมานํ อุปฏฺานาการกถา
๖๗๐. เอวํ สุวิสุทฺธรูปปริคฺคหสฺส ปนสฺส อรูปธมฺมา ตีหิ อากาเรหิ อุปฏฺหนฺติ ผสฺสวเสน วา เวทนาวเสน วา วิฺาณวเสน วา. กถํ? เอกสฺส ตาว ‘‘ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติอาทินา นเยน ธาตุโย ปริคฺคณฺหนฺตสฺส ปมาภินิปาโต ผสฺโส, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, สทฺธึ ผสฺเสน เจตนา สงฺขารกฺขนฺโธ, จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. ตถา ‘‘เกเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา…เป… อสฺสาสปสฺสาเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๗) ปมาภินิปาโต ผสฺโส, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ…เป… จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. เอวํ อรูปธมฺมา ผสฺสวเสน อุปฏฺหนฺติ.
เอกสฺส ‘‘ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ ตทารมฺมณรสานุภวนกเวทนา เวทนากฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา สฺา สฺากฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺโต ผสฺโส ¶ จ เจตนา จ สงฺขารกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. ตถา ‘‘เกเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา ¶ …เป… อสฺสาสปสฺสาเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ ตทารมฺมณรสานุภวนกเวทนา เวทนากฺขนฺโธ…เป… ตํสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ วิฺาณกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. เอวํ เวทนาวเสน อรูปธมฺมา อุปฏฺหนฺติ.
อปรสฺส ‘‘ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ อารมฺมณปฏิวิชานนํ วิฺาณํ วิฺาณกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, ผสฺโส จ เจตนา จ สงฺขารกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. ตถา ‘‘เกเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา…เป… อสฺสาสปสฺสาเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ อารมฺมณปฏิวิชานนํ วิฺาณํ วิฺาณกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, ผสฺโส จ เจตนา จ สงฺขารกฺขนฺโธติ อุปฏฺาติ. เอวํ วิฺาณวเสน อรูปธมฺมา อุปฏฺหนฺติ.
เอเตเนว อุปาเยน ‘‘กมฺมสมุฏฺาเน เกเส ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติอาทินา นเยน ทฺวาจตฺตาลีสาย ธาตุโกฏฺาเสสุ จตุนฺนํ จตุนฺนํ ธาตูนํ วเสน, เสเสสุ จ จกฺขุธาตุอาทีสุ รูปปริคฺคหมุเขสุ สพฺพํ นยเภทํ อนุคนฺตฺวา โยชนา กาตพฺพา.
๖๗๑. ยสฺมา จ เอวํ สุวิสุทฺธรูปปริคฺคหสฺเสว ตสฺส อรูปธมฺมา ตีหากาเรหิ ปากฏา โหนฺติ. ตสฺมา สุวิสุทฺธรูปปริคฺคเหเนว อรูปปริคฺคหาย โยโค กาตพฺโพ, น อิตเรน. สเจ หิ เอกสฺมึ วา รูปธมฺเม อุปฏฺิเต ทฺวีสุ วา รูปํ ปหาย อรูปปริคฺคหํ อารภติ กมฺมฏฺานโต ปริหายติ, ปถวีกสิณภาวนาย วุตฺตปฺปการา ปพฺพเตยฺยา คาวี วิย. สุวิสุทฺธรูปปริคฺคหสฺส ปน อรูปปริคฺคหาย โยคํ กโรโต กมฺมฏฺานํ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ.
โส เอวํ ผสฺสาทีนํ วเสน อุปฏฺิเต จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺเธ นามนฺติ, เตสํ อารมฺมณภูตานิ จตฺตาริ มหาภูตานิ, จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูปํ รูปนฺติ ววตฺถเปติ. อิติ อฏฺารส ธาตุโย ทฺวาทสายตนานิ ปฺจกฺขนฺธาติ สพฺเพปิ เตภูมเก ธมฺเม ขคฺเคน สมุคฺคํ วิวรมาโน ¶ วิย ยมกตาลกนฺทํ ผาลยมาโน วิย จ นามฺจ รูปฺจาติ ทฺเวธา ววตฺถเปติ. นามรูปมตฺตโต อุทฺธํ อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา เทโว วา พฺรหฺมา วา นตฺถีติ นิฏฺํ คจฺฉติ.
สมฺพหุลสุตฺตนฺตสํสนฺทนา
๖๗๒. โส ¶ เอวํ ยาถาวสรสโต นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา สุฏฺุตรํ ‘‘สตฺโต ปุคฺคโล’’ติ อิมิสฺสา โลกสมฺาย ปหานตฺถาย สตฺตสมฺโมหสฺส สมติกฺกมตฺถาย อสมฺโมหภูมิยํ จิตฺตํ ปนตฺถาย สมฺพหุลสุตฺตนฺตวเสน ‘‘นามรูปมตฺตเมวิทํ, น สตฺโต, น ปุคฺคโล อตฺถี’’ติ เอตมตฺถํ สํสนฺเทตฺวา ววตฺถเปติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยถาปิ องฺคสมฺภารา, โหติ สทฺโท รโถ อิติ;
เอวํ ขนฺเธสุ สนฺเตสุ, โหติ สตฺโตติ สมฺมุตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๑);
อปรมฺปิ วุตฺตํ, ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กฏฺฺจ ปฏิจฺจ วลฺลิฺจ ปฏิจฺจ มตฺติกฺจ ปฏิจฺจ ติณฺจ ปฏิจฺจ อากาโส ปริวาริโต อคารนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, เอวเมว โข, อาวุโส, อฏฺิฺจ ปฏิจฺจ นฺหารฺุจ ปฏิจฺจ มํสฺจ ปฏิจฺจ จมฺมฺจ ปฏิจฺจ อากาโส ปริวาริโต รูปนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๖).
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘ทุกฺขเมว หิ สมฺโภติ, ทุกฺขํ ติฏฺติ เวติ จ;
นาฺตฺร ทุกฺขา สมฺโภติ, นาฺํ ทุกฺขา นิรุชฺฌตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๑);
อุปมาหิ นามรูปวิภาวนา
๖๗๓. เอวํ อเนกสเตหิ สุตฺตนฺเตหิ นามรูปเมว ทีปิตํ, น สตฺโต น ปุคฺคโล. ตสฺมา ยถา อกฺขจกฺกปฺชรอีสาทีสุ องฺคสมฺภาเรสุ เอเกนากาเรน สณฺิเตสุ รโถติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต เอเกกสฺมึ องฺเค อุปปริกฺขิยมาเน รโถ นาม นตฺถิ. ยถา จ กฏฺาทีสุ เคหสมฺภาเรสุ เอเกนากาเรน อากาสํ ปริวาเรตฺวา ิเตสุ เคหนฺติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต เคหํ นาม นตฺถิ. ยถา จ องฺคุลิองฺคุฏฺาทีสุ เอเกนากาเรน ิเตสุ มุฏฺีติ โวหารมตฺตํ ¶ โหติ. โทณิตนฺติอาทีสุ วีณาติ. หตฺถิอสฺสาทีสุ เสนาติ. ปาการเคหโคปุราทีสุ ¶ นครนฺติ. ขนฺธสาขาปลาสาทีสุ เอเกนากาเรน ิเตสุ รุกฺโขติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต เอเกกสฺมึ อวยเว อุปปริกฺขิยมาเน รุกฺโข นาม นตฺถิ. เอวเมวํ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สติ ‘‘สตฺโต, ปุคฺคโล’’ติ โวหารมตฺตํ โหติ, ปรมตฺถโต เอเกกสฺมึ ธมฺเม อุปปริกฺขิยมาเน ‘‘อสฺมีติ วา อหนฺติ วา’’ติ คาหสฺส วตฺถุภูโต สตฺโต นาม นตฺถิ. ปรมตฺถโต ปน นามรูปมตฺตเมว อตฺถีติ. เอวํ ปสฺสโต หิ ทสฺสนํ ยถาภูตทสฺสนํ นาม โหติ.
๖๗๔. โย ปเนตํ ยถาภูตทสฺสนํ ปหาย ‘‘สตฺโต อตฺถี’’ติ คณฺหาติ. โส ตสฺส วินาสํ อนุชาเนยฺย อวินาสํ วา. อวินาสํ อนุชานนฺโต สสฺสเต ปตติ. วินาสํ อนุชานนฺโต อุจฺเฉเท ปตติ. กสฺมา? ขีรนฺวยสฺส ทธิโน วิย ตทนฺวยสฺส อฺสฺส อภาวโต. โส ‘‘สสฺสโต สตฺโต’’ติ คณฺหนฺโต โอลียติ นาม. ‘‘อุจฺฉิชฺชตี’’ติ คณฺหนฺโต อติธาวติ นาม. เตนาห ภควา –
‘‘ทฺวีหิ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิตา เทวมนุสฺสา โอลียนฺติ เอเก, อติธาวนฺติ เอเก, จกฺขุมนฺโต จ ปสฺสนฺติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, โอลียนฺติ เอเก? ภวารามา, ภิกฺขเว, เทวมนุสฺสา ภวรตา ภวสมุทิตา. เตสํ ภวนิโรธาย ธมฺเม เทสิยมาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ นปฺปสีทติ น สนฺติฏฺติ นาธิมุจฺจติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, โอลียนฺติ เอเก.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, อติธาวนฺติ เอเก? ภเวเนว โข ปเนเก อฏฺฏียมานา หรายมานา ชิคุจฺฉมานา วิภวํ อภินนฺทนฺติ, ยโต กิร โภ อยํ อตฺตา กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํมรณา, เอตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีตํ, เอตํ ยาถาวนฺติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, อติธาวนฺติ เอเก.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, จกฺขุมนฺโต ปสฺสนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภูตํ ภูตโต ¶ ปสฺสติ, ภูตํ ภูตโต ทิสฺวา ภูตสฺส นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย ปฏิปนฺโน โหติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, จกฺขุมนฺโต ปสฺสนฺตี’’ติ (อิติวุ. ๔๙).
๖๗๕. ตสฺมา ¶ ยถา ทารุยนฺตํ สฺุํ นิชฺชีวํ นิรีหกํ, อถ จ ปน ทารุรชฺชุกสมาโยควเสน คจฺฉติปิ ติฏฺติปิ. สอีหกํ สพฺยาปารํ วิย ขายติ, เอวมิทํ นามรูปมฺปิ สฺุํ นิชฺชีวํ นิรีหกํ, อถ จ ปน อฺมฺสมาโยควเสน คจฺฉติปิ ติฏฺติปิ. สอีหกํ สพฺยาปารํ วิย ขายตีติ ทฏฺพฺพํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘นามฺจ รูปฺจ อิธตฺถิ สจฺจโต,
น เหตฺถ สตฺโต มนุโช จ วิชฺชติ;
สฺุํ อิทํ ยนฺตมิวาภิสงฺขตํ,
ทุกฺขสฺส ปฺุโช ติณกฏฺสาทิโส’’ติ.
น เกวลฺเจตํ ทารุยนฺตุปมาย, อฺาหิปิ นฬกลาปีอาทีหิ อุปมาหิ วิภาเวตพฺพํ – ยถา หิ ทฺวีสุ นฬกลาปีสุ อฺมฺํ นิสฺสาย ปิตาสุ เอกา เอกิสฺสา อุปตฺถมฺโภ โหติ, เอกิสฺสา ปตมานาย อิตราปิ ปตติ, เอวเมวํ ปฺจโวการภเว นามรูปํ อฺมฺํ นิสฺสาย ปวตฺตติ, เอกํ เอกสฺส อุปตฺถมฺโภ โหติ. มรณวเสน เอกสฺมึ ปตมาเน อิตรมฺปิ ปตติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ยมกํ นามรูปฺจ, อุโภ อฺโฺนิสฺสิตา;
เอกสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ, อุโภ ภิชฺชนฺติ ปจฺจยา’’ติ.
๖๗๖. ยถา จ ทณฺฑาภิหตํ เภรึ นิสฺสาย สทฺเท ปวตฺตมาเน อฺา เภรี, อฺโ สทฺโท, เภริสทฺทา อสมฺมิสฺสา, เภรี สทฺเทน สฺุา, สทฺโท เภริยา สฺุโ, เอวเมวํ วตฺถุทฺวารารมฺมณสงฺขาตํ รูปํ นิสฺสาย นาเม ปวตฺตมาเน อฺํ รูปํ, อฺํ นามํ, นามรูปา อสมฺมิสฺสา, นามํ รูเปน สฺุํ, รูปํ นาเมน สฺุํ, อปิจ โข เภรึ ปฏิจฺจ สทฺโท วิย รูปํ ปฏิจฺจ นามํ ปวตฺตติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘น ¶ จกฺขุโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น รูปโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา;
เหตุํ ปฏิจฺจปฺปภวนฺติ สงฺขตา,
ยถาปิ สทฺโท ปหฏาย เภริยา.
‘‘น ¶ โสตโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น สทฺทโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา…เป….
‘‘น ฆานโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น คนฺธโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา…เป….
‘‘น ชิวฺหาโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น รสโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา…เป….
‘‘น กายโต ชายเร ผสฺสปฺจมา,
น ผสฺสโต โน จ อุภินฺนมนฺตรา…เป….
‘‘น วตฺถุรูปา ปภวนฺติ สงฺขตา,
น จาปิ ธมฺมายตเนหิ นิคฺคตา;
เหตุํ ปฏิจฺจปฺปภวนฺติ สงฺขตา,
ยถาปิ สทฺโท ปหฏาย เภริยา’’ติ.
๖๗๗. อปิเจตฺถ นามํ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน ปวตฺติตุํ สกฺโกติ, น ขาทติ, น ปิวติ, น พฺยาหรติ, น อิริยาปถํ กปฺเปติ. รูปมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน ปวตฺติตุํ สกฺโกติ. น หิ ตสฺสา ขาทิตุกามตา, นาปิ ปิวิตุกามตา, น พฺยาหริตุกามตา, น อิริยาปถํ กปฺเปตุกามตา, อถ โข นามํ นิสฺสาย รูปํ ปวตฺตติ, รูปํ นิสฺสาย นามํ ปวตฺตติ, นามสฺส ขาทิตุกามตาย ปิวิตุกามตาย พฺยาหริตุกามตาย อิริยาปถํ กปฺเปตุกามตาย สติ รูปํ ขาทติ, ปิวติ, พฺยาหรติ, อิริยาปถํ กปฺเปติ.
อิมสฺส ¶ ปนตฺถสฺส วิภาวนตฺถาย อิมํ อุปมํ อุทาหรนฺติ – ยถา ชจฺจนฺโธ จ ปีสปฺปี จ ทิสาปกฺกมิตุกามา อสฺสุ, ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปึ เอวมาห ‘‘อหํ โข ภเณ, สกฺโกมิ ปาเทหิ ปาทกรณียํ กาตุํ, นตฺถิ จ เม จกฺขูนิ เยหิ สมวิสมํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ. ปีสปฺปีปิ ชจฺจนฺธํ เอวมาห ‘‘อหํ โข ภเณ, สกฺโกมิ จกฺขุนา จกฺขุกรณียํ กาตุํ, นตฺถิ จ เม ปาทานิ เยหิ อภิกฺกเมยฺยํ วา ปฏิกฺกเมยฺยํ วา’’ติ. โส ตุฏฺหฏฺโ ชจฺจนฺโธ ปีสปฺปึ อํสกูฏํ อาโรเปสิ. ปีสปฺปี ชจฺจนฺธสฺส อํสกูเฏ นิสีทิตฺวา เอวมาห ‘‘วามํ มฺุจ ทกฺขิณํ คณฺห, ทกฺขิณํ มฺุจ วามํ คณฺหา’’ติ. ตตฺถ ชจฺจนฺโธปิ นิตฺเตโช ¶ ทุพฺพโล น สเกน เตเชน สเกน พเลน คจฺฉติ, ปีสปฺปีปิ นิตฺเตโช ทุพฺพโล น สเกน เตเชน สเกน พเลน คจฺฉติ, น จ เตสํ อฺมฺํ นิสฺสาย คมนํ นปฺปวตฺตติ, เอวเมวํ นามมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน อุปฺปชฺชติ, น ตาสุ ตาสุ กิริยาสุ ปวตฺตติ. รูปมฺปิ นิตฺเตชํ น สเกน เตเชน อุปฺปชฺชติ, น ตาสุ ตาสุ กิริยาสุ ปวตฺตติ, น จ เตสํ อฺมฺํ นิสฺสาย อุปฺปตฺติ วา ปวตฺติ วา น โหติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘น สเกน พเลน ชายเร,
โนปิ สเกน พเลน ติฏฺเร;
ปรธมฺมวสานุวตฺติโน,
ชายเร สงฺขตา อตฺตทุพฺพลา.
‘‘ปรปจฺจยโต จ ชายเร,
ปรอารมฺมณโต สมุฏฺิตา;
อารมฺมณปจฺจเยหิ จ,
ปรธมฺเมหิ จิเม ปภาวิตา.
‘‘ยถาปิ นาวํ นิสฺสาย, มนุสฺสา ยนฺติ อณฺณเว;
เอวเมว รูปํ นิสฺสาย, นามกาโย ปวตฺตติ.
‘‘ยถา จ มนุสฺเส นิสฺสาย, นาวา คจฺฉติ อณฺณเว;
เอวเมว นามํ นิสฺสาย, รูปกาโย ปวตฺตติ.
‘‘อุโภ ¶ นิสฺสาย คจฺฉนฺติ, มนุสฺสา นาวา จ อณฺณเว;
เอวํ นามฺจ รูปฺจ, อุโภ อฺโฺนิสฺสิตา’’ติ.
เอวํ นานานเยหิ นามรูปํ ววตฺถาปยโต สตฺตสฺํ อภิภวิตฺวา อสมฺโมหภูมิยํ ิตํ นามรูปานํ ยาถาวทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ. นามรูปววตฺถานนฺติปิ สงฺขารปริจฺเฉโทติปิ เอตสฺเสว อธิวจนํ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทโส นาม
อฏฺารสโม ปริจฺเฉโท.
๑๙. กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทโส
ปจฺจยปริคฺคหกถา
๖๗๘. เอตสฺเสว ¶ ¶ ปน นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคหเณน ตีสุ อทฺธาสุ กงฺขํ วิตริตฺวา ิตํ าณํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ นาม.
ตํ สมฺปาเทตุกาโม ภิกฺขุ ยถา นาม กุสโล ภิสกฺโก โรคํ ทิสฺวา ตสฺส สมุฏฺานํ ปริเยสติ. ยถา วา ปน อนุกมฺปโก ปุริโส ทหรํ กุมารํ มนฺทํ อุตฺตานเสยฺยกํ รถิกาย นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อยํ ปุตฺตโก’’ติ ตสฺส มาตาปิตโร อาวชฺชติ, เอวเมว ตสฺส นามรูปสฺส เหตุปจฺจยปริเยสนํ อาปชฺชติ.
โส อาทิโตว อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘น ตาวิธํ นามรูปํ อเหตุกํ, สพฺพตฺถ สพฺพทา สพฺเพสฺจ เอกสทิสภาวาปตฺติโต, น อิสฺสราทิเหตุกํ, นามรูปโต อุทฺธํ อิสฺสราทีนํ อภาวโต. เยปิ นามรูปมตฺตเมว อิสฺสราทโยติ วทนฺติ, เตสํ อิสฺสราทิสงฺขาตนามรูปสฺส อเหตุกภาวปฺปตฺติโต. ตสฺมา ภวิตพฺพมสฺส เหตุปจฺจเยหิ, เก นุ โข เต’’ติ.
๖๗๙. โส เอวํ นามรูปสฺส เหตุปจฺจเย อาวชฺเชตฺวา อิมสฺส ตาว รูปกายสฺส เอวํ เหตุปจฺจเย ปริคฺคณฺหาติ – ‘‘อยํ กาโย นิพฺพตฺตมาโน เนว อุปฺปลปทุมปุณฺฑรีกโสคนฺธิกาทีนํ อพฺภนฺตเร นิพฺพตฺตติ, น มณิมุตฺตาหาราทีนํ, อถ โข อามาสยปกฺกาสยานํ อนฺตเร อุทรปฏลํ ปจฺฉโต ปิฏฺิกณฺฏกํ ปุรโต กตฺวา อนฺตอนฺตคุณปริวาริโต สยมฺปิ ทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูโล ทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูเล ปรมสมฺพาเธ โอกาเส ปูติมจฺฉปูติกุมฺมาสโอฬิคลฺลจนฺทนิกาทีสุ กิมิว นิพฺพตฺตติ. ตสฺเสวํ นิพฺพตฺตมานสฺส ‘อวิชฺชา ตณฺหา อุปาทานํ กมฺม’นฺติ อิเม จตฺตาโร ธมฺมา นิพฺพตฺตกตฺตา เหตุ, อาหาโร อุปตฺถมฺภกตฺตา ปจฺจโยติ ปฺจ ¶ ธมฺมา เหตุปจฺจยา โหนฺติ. เตสุปิ อวิชฺชาทโย ตโย อิมสฺส กายสฺส มาตา วิย ทารกสฺส อุปนิสฺสยา โหนฺติ. กมฺมํ ปิตา วิย ปุตฺตสฺส ชนกํ ¶ . อาหาโร ธาติ วิย ทารกสฺส สนฺธารโก’’ติ. เอวํ รูปกายสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กตฺวา, ปุน ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๔๓) นเยน นามกายสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กโรติ.
โส เอวํ ปจฺจยโต นามรูปสฺส ปวตฺตึ ทิสฺวา ยถา อิทํ เอตรหิ, เอวํ อตีเตปิ อทฺธาเน ปจฺจยโต ปวตฺติตฺถ, อนาคเตปิ ปจฺจยโต ปวตฺติสฺสตีติ สมนุปสฺสติ.
๖๘๐. ตสฺเสวํ สมนุปสฺสโต ยา สา ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ, น นุ โข อโหสึ อตีตมทฺธานํ, กึ นุ โข อโหสึ อตีตมทฺธานํ, กถํ นุ โข อโหสึ อตีตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) ปฺจวิธา วิจิกิจฺฉา วุตฺตา, ยาปิ อปรนฺตํ อารพฺภ ‘‘ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ, น นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ, กึ นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ, กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ, กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธาน’’นฺติ ปฺจวิธา วิจิกิจฺฉา วุตฺตา, ยาปิ ปจฺจุปฺปนฺนํ อารพฺภ ‘‘เอตรหิ วา ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานํ อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหติ – อหํ นุ โขสฺมิ, โน นุ โขสฺมิ, กึ นุ โขสฺมิ, กถํ นุ โขสฺมิ, อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘) ฉพฺพิธา วิจิกิจฺฉา วุตฺตา, สา สพฺพาปิ ปหียติ.
๖๘๑. อปโร สาธารณาสาธารณวเสน ทุวิธํ นามสฺส ปจฺจยํ ปสฺสติ, กมฺมาทิวเสน จตุพฺพิธํ รูปสฺส. ทุวิโธ หิ นามสฺส ปจฺจโย สาธารโณ อสาธารโณ จ. ตตฺถ จกฺขาทีนิ ฉ ทฺวารานิ, รูปาทีนิ ฉ อารมฺมณานิ นามสฺส สาธารโณ ปจฺจโย, กุสลาทิเภทโต สพฺพปฺปการสฺสาปิ ตโต ปวตฺติโต. มนสิการาทิโก อสาธารโณ. โยนิโส มนสิการสทฺธมฺมสฺสวนาทิโก หิ กุสลสฺเสว โหติ, วิปรีโต อกุสลสฺส, กมฺมาทิโก วิปากสฺส, ภวงฺคาทิโก กิริยสฺสาติ.
รูปสฺส ¶ ปน กมฺมํ จิตฺตํ อุตุ อาหาโรติ อยํ กมฺมาทิโก จตุพฺพิโธ ปจฺจโย. ตตฺถ กมฺมํ อตีตเมว กมฺมสมุฏฺานสฺส รูปสฺส ปจฺจโย โหติ ¶ . จิตฺตํ จิตฺตสมุฏฺานสฺส อุปฺปชฺชมานํ. อุตุอาหารา อุตุอาหารสมุฏฺานสฺส ิติกฺขเณ ปจฺจยา โหนฺตีติ. เอวเมเวโก นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กโรติ.
โส เอวํ ปจฺจยโต นามรูปสฺส ปวตฺตึ ทิสฺวา ยถา อิทํ เอตรหิ, เอวํ อตีเตปิ อทฺธาเน ปจฺจยโต ปวตฺติตฺถ, อนาคเตปิ ปจฺจยโต ปวตฺติสฺสตีติ สมนุปสฺสติ. ตสฺเสวํ สมนุปสฺสโต วุตฺตนเยเนว ตีสุปิ อทฺธาสุ วิจิกิจฺฉา ปหียติ.
๖๘๒. อปโร เตสํเยว นามรูปสงฺขาตานํ สงฺขารานํ ชราปตฺตึ ชิณฺณานฺจ ภงฺคํ ทิสฺวา อิทํ สงฺขารานํ ชรามรณํ นาม ชาติยา สติ โหติ, ชาติ ภเว สติ, ภโว อุปาทาเน สติ, อุปาทานํ ตณฺหาย สติ, ตณฺหา เวทนาย สติ, เวทนา ผสฺเส สติ, ผสฺโส สฬายตเน สติ, สฬายตนํ นามรูเป สติ, นามรูปํ วิฺาเณ สติ, วิฺาณํ สงฺขาเรสุ สติ, สงฺขารา อวิชฺชาย สตีติ เอวํ ปฏิโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสน นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กโรติ. อถสฺส วุตฺตนเยเนว วิจิกิจฺฉา ปหียติ.
๖๘๓. อปโร ‘‘อิติ โข อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒) ปุพฺเพ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิตอนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสเนว นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กโรติ. อถสฺส วุตฺตนเยเนว กงฺขา ปหียติ.
๖๘๔. อปโร ‘‘ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโวติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา, อิธ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ, โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส, เวทยิตํ เวทนาติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธูปปตฺติภวสฺมึ ปุเรกตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา. อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโห อวิชฺชา…เป… เจตนา ภโวติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธ กมฺมภวสฺมึ อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๗) เอวํ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสน นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กโรติ.
๖๘๕. ตตฺถ ¶ จตุพฺพิธํ กมฺมํ – ทิฏฺธมฺมเวทนียํ, อุปปชฺชเวทนียํ, อปราปริยเวทนียํ, อโหสิกมฺมนฺติ. เตสุ เอกชวนวีถิยํ สตฺตสุ จิตฺเตสุ กุสลา ¶ วา อกุสลา วา ปมชวนเจตนา ทิฏฺิธมฺมเวทนียกมฺมํ นาม. ตํ อิมสฺมิฺเว อตฺตภาเว วิปากํ เทติ. ตถา อสกฺโกนฺตํ ปน ‘‘อโหสิกมฺมํ นาโหสิ กมฺมวิปาโก, น ภวิสฺสติ กมฺมวิปาโก, นตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๔) อิมสฺส ติกสฺส วเสน อโหสิกมฺมํ นาม โหติ. อตฺถสาธิกา ปน สตฺตมชวนเจตนา อุปปชฺชเวทนียกมฺมํ นาม. ตํ อนนฺตเร อตฺตภาเว วิปากํ เทติ. ตถา อสกฺโกนฺตํ วุตฺตนเยเนว อโหสิกมฺมํ นาม โหติ. อุภินฺนํ อนฺตเร ปฺจ ชวนเจตนา อปราปริยเวทนียกมฺมํ นาม. ตํ อนาคเต ยทา โอกาสํ ลภติ, ตทา วิปากํ เทติ. สติ สํสารปฺปวตฺติยา อโหสิกมฺมํ นาม น โหติ.
๖๘๖. อปรมฺปิ จตุพฺพิธํ กมฺมํ – ยํ ครุกํ, ยํ พหุลํ, ยทาสนฺนํ, กฏตฺตา วา ปน กมฺมนฺติ. ตตฺถ กุสลํ วา โหตุ อกุสลํ วา, ครุกาครุเกสุ ยํ ครุกํ มาตุฆาตาทิกมฺมํ วา มหคฺคตกมฺมํ วา, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ. ตถา พหุลาพหุเลสุปิ ยํ พหุลํ โหติ สุสีลฺยํ วา ทุสฺสีลฺยํ วา, ตเทว ปมํ วิปจฺจติ. ยทาสนฺนํ นาม มรณกาเล อนุสฺสริตกมฺมํ. ยฺหิ อาสนฺนมรโณ อนุสฺสริตุํ สกฺโกติ, เตเนว อุปปชฺชติ. เอเตหิ ปน ตีหิ มุตฺตํ ปุนปฺปุนํ ลทฺธาเสวนํ กฏตฺตา วา ปน กมฺมํ นาม โหติ, เตสํ อภาเว ตํ ปฏิสนฺธึ อากฑฺฒติ.
๖๘๗. อปรมฺปิ จตุพฺพิธํ กมฺมํ – ชนกํ, อุปตฺถมฺภกํ, อุปปีฬกํ, อุปฆาตกนฺติ. ตตฺถ ชนกํ นาม กุสลมฺปิ โหติ อกุสลมฺปิ. ตํ ปฏิสนฺธิยมฺปิ ปวตฺเตปิ รูปารูปวิปากกฺขนฺเธ ชเนติ. อุปตฺถมฺภกํ ปน วิปากํ ชเนตุํ น สกฺโกติ, อฺเน กมฺเมน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา ชนิเต วิปาเก อุปฺปชฺชมานกสุขทุกฺขํ อุปตฺถมฺเภติ, อทฺธานํ ปวตฺเตติ. อุปปีฬกํ อฺเน กมฺเมน ทินฺนาย ปฏิสนฺธิยา ชนิเต วิปาเก อุปฺปชฺชมานกสุขทุกฺขํ ปีเฬติ พาธติ, อทฺธานํ ปวตฺติตุํ น เทติ. อุปฆาตกํ ปน สยํ กุสลมฺปิ อกุสลมฺปิ สมานํ อฺํ ทุพฺพลกมฺมํ ฆาเตตฺวา ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรติ. เอวํ ปน กมฺเมน กเต โอกาเส ตํ วิปากํ อุปฺปนฺนํ นาม วุจฺจติ.
อิติ ¶ อิเมสํ ทฺวาทสนฺนํ กมฺมานํ กมฺมนฺตรฺเจว วิปากนฺตรฺจ พุทฺธานํ กมฺมวิปากาณสฺเสว ¶ ยาถาวสรสโต ปากฏํ โหติ, อสาธารณํ สาวเกหิ. วิปสฺสเกน ปน กมฺมนฺตรฺจ วิปากนฺตรฺจ เอกเทสโต ชานิตพฺพํ. ตสฺมา อยํ มุขมตฺตทสฺสเนน กมฺมวิเสโส ปกาสิโตติ.
๖๘๘. อิติ อิมํ ทฺวาทสวิธํ กมฺมํ กมฺมวฏฺเฏ ปกฺขิปิตฺวา เอวํ เอโก กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสน นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กโรติ. โส เอวํ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสน ปจฺจยโต นามรูปสฺส ปวตฺตึ ทิสฺวา ‘‘ยถา อิทํ เอตรหิ, เอวํ อตีเตปิ อทฺธาเน กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสน ปจฺจยโต ปวตฺติตฺถ, อนาคเตปิ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสเนว ปจฺจยโต ปวตฺติสฺสตี’’ติ. อิติ กมฺมฺเจว กมฺมวิปาโก จ, กมฺมวฏฺฏฺจ วิปากวฏฺฏฺจ, กมฺมปวตฺตฺจ วิปากปวตฺตฺจ, กมฺมสนฺตติ จ วิปากสนฺตติ จ, กิริยา จ กิริยาผลฺจ.
กมฺมา วิปากา วตฺตนฺติ, วิปาโก กมฺมสมฺภโว;
กมฺมา ปุนพฺภโว โหติ, เอวํ โลโก ปวตฺตตีติ. –
สมนุปสฺสติ. ตสฺเสวํ สมนุปสฺสโต ยา สา ปุพฺพนฺตาทโย อารพฺภ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตา โสฬสวิธา วิจิกิจฺฉา, สา สพฺพา ปหียติ. สพฺพภวโยนิคติฏฺิตินิวาเสสุ เหตุผลสมฺพนฺธวเสน ปวตฺตมานํ นามรูปมตฺตเมว ขายติ. โส เนว การณโต อุทฺธํ การกํ ปสฺสติ, น วิปากปฺปวตฺติโต อุทฺธํ วิปากปฏิสํเวทกํ. การเณ ปน สติ ‘‘การโก’’ติ, วิปากปฺปวตฺติยา สติ ‘‘ปฏิสํเวทโก’’ติ สมฺามตฺเตน ปณฺฑิตา โวหรนฺติจฺเจวสฺส สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ โหติ.
‘‘กมฺมสฺส การโก นตฺถิ, วิปากสฺส จ เวทโก;
สุทฺธธมฺมา ปวตฺตนฺติ, เอเวตํ สมฺมทสฺสนํ.
‘‘เอวํ กมฺเม วิปาเก จ, วตฺตมาเน สเหตุเก;
พีชรุกฺขาทิกานํว, ปุพฺพา โกฏิ น นายติ;
อนาคเตปิ สํสาเร, อปฺปวตฺตํ น ทิสฺสติ.
‘‘เอตมตฺถํ ¶ ¶ อนฺาย, ติตฺถิยา อสยํวสี;
สตฺตสฺํ คเหตฺวาน, สสฺสตุจฺเฉททสฺสิโน;
ทฺวาสฏฺิทิฏฺึ คณฺหนฺติ, อฺมฺวิโรธิตา.
‘‘ทิฏฺิพนฺธนพทฺธา เต, ตณฺหาโสเตน วุยฺหเร;
ตณฺหาโสเตน วุยฺหนฺตา, น เต ทุกฺขา ปมุจฺจเร.
‘‘เอวเมตํ อภิฺาย, ภิกฺขุ พุทฺธสฺส สาวโก;
คมฺภีรํ นิปุณํ สฺุํ, ปจฺจยํ ปฏิวิชฺฌติ.
‘‘กมฺมํ นตฺถิ วิปากมฺหิ, ปาโก กมฺเม น วิชฺชติ;
อฺมฺํ อุโภ สฺุา, น จ กมฺมํ วินา ผลํ.
‘‘ยถา น สูริเย อคฺคิ, น มณิมฺหิ น โคมเย;
น เตสํ พหิ โส อตฺถิ, สมฺภาเรหิ จ ชายติ.
‘‘ตถา น อนฺโต กมฺมสฺส, วิปาโก อุปลพฺภติ;
พหิทฺธาปิ น กมฺมสฺส, น กมฺมํ ตตฺถ วิชฺชติ.
‘‘ผเลน สฺุํ ตํ กมฺมํ, ผลํ กมฺเม น วิชฺชติ;
กมฺมฺจ โข อุปาทาย, ตโต นิพฺพตฺตเต ผลํ.
‘‘น เหตฺถ เทโว พฺรหฺมา วา, สํสารสฺสตฺถิการโก;
สุทฺธธมฺมา ปวตฺตนฺติ, เหตุสมฺภารปจฺจยา’’ติ.
๖๙๐. ตสฺเสวํ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสน นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กตฺวา ตีสุ อทฺธาสุ ปหีนวิจิกิจฺฉสฺส สพฺเพ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนธมฺมา จุติปฏิสนฺธิวเสน วิทิตา โหนฺติ, สาสฺส โหติ าตปริฺา.
โส ¶ เอวํ ปชานาติ – เย อตีเต กมฺมปจฺจยา นิพฺพตฺตา ขนฺธา, เต ตตฺเถว นิรุทฺธา, อตีตกมฺมปจฺจยา ปน อิมสฺมึ ภเว อฺเ นิพฺพตฺตา, อตีตภวโต อิมํ ภวํ อาคโต เอกธมฺโมปิ นตฺถิ, อิมสฺมิมฺปิ ภเว กมฺมปจฺจเยน นิพฺพตฺตา ขนฺธา นิรุชฺฌิสฺสนฺติ, ปุนพฺภเว อฺเ นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, อิมมฺหา ภวา ปุนพฺภวํ เอกธมฺโมปิ น คมิสฺสติ. อปิจ โข ยถา น อาจริยมุขโต สชฺฌาโย อนฺเตวาสิกสฺส มุขํ ปวิสติ, น จ ตปฺปจฺจยา ตสฺส ¶ มุเข สชฺฌาโย น วตฺตติ, น ทูเตน มนฺโตทกํ ปีตํ โรคิโน อุทรํ ปวิสติ, น จ ตสฺส ตปฺปจฺจยา โรโค น วูปสมฺมติ, น มุเข มณฺฑนวิธานํ อาทาสตลาทีสุ มุขนิมิตฺตํ คจฺฉติ, น จ ตตฺถ ตปฺปจฺจยา มณฺฑนวิธานํ น ปฺายติ, น เอกิสฺสา วฏฺฏิยา ทีปสิขา อฺํ วฏฺฏึ สงฺกมติ, น จ ตตฺถ ตปฺปจฺจยา ทีปสิขา น นิพฺพตฺตติ, เอวเมว น อตีตภวโต อิมํ ภวํ, อิโต วา ปุนพฺภวํ โกจิ ธมฺโม สงฺกมติ, น จ อตีตภเว ขนฺธายตนธาตุปจฺจยา อิธ, อิธ วา ขนฺธายตนธาตุปจฺจยา ปุนพฺภเว ขนฺธายตนธาตุโย น นิพฺพตฺตนฺตีติ.
ยเถว จกฺขุวิฺาณํ, มโนธาตุอนนฺตรํ;
น เจว อาคตํ นาปิ, น นิพฺพตฺตํ อนนฺตรํ.
ตเถว ปฏิสนฺธิมฺหิ, วตฺตเต จิตฺตสนฺตติ;
ปุริมํ ภิชฺชเต จิตฺตํ, ปจฺฉิมํ ชายเต ตโต.
เตสํ อนฺตริกา นตฺถิ, วีจิ เตสํ น วิชฺชติ;
น จิโต คจฺฉติ กิฺจิ, ปฏิสนฺธิ จ ชายตีติ.
๖๙๑. เอวํ จุติปฏิสนฺธิวเสน วิทิตสพฺพธมฺมสฺส สพฺพากาเรน นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคหาณํ ถามคตํ โหติ, โสฬสวิธา กงฺขา สุฏฺุตรํ ปหียติ. น เกวลฺจ สา เอว, ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘) อาทินยปฺปวตฺตา อฏฺวิธาปิ กงฺขา ปหียติเยว, ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ วิกฺขมฺภนฺติ. เอวํ นานานเยหิ นามรูปปจฺจยปริคฺคหเณน ตีสุ อทฺธาสุ กงฺขํ วิตริตฺวา ิตํ าณํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมฏฺิติาณนฺติปิ ยถาภูตาณนฺติปิ สมฺมาทสฺสนนฺติปิ เอตสฺเสวาธิวจนํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อวิชฺชา ¶ ปจฺจโย, สงฺขารา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา. อุโภเปเต ธมฺมา ปจฺจยสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๖).
‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรนฺโต กตเม ธมฺเม ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ, กถํ สมฺมาทสฺสนํ โหติ, กถํ ตทนฺวเยน สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจโต สุทิฏฺา โหนฺติ, กตฺถ กงฺขา ปหียติ? ทุกฺขโต…เป… อนตฺตโต มนสิกโรนฺโต กตเม ธมฺเม ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ…เป… กตฺถ กงฺขา ปหียตีติ?
‘‘อนิจฺจโต ¶ มนสิกโรนฺโต นิมิตฺตํ ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ, เตน วุจฺจติ สมฺมาทสฺสนํ. เอวํ ตทนฺวเยน สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจโต สุทิฏฺา โหนฺติ. เอตฺถ กงฺขา ปหียติ. ทุกฺขโต มนสิกโรนฺโต ปวตฺตํ ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ…เป… อนตฺตโต มนสิกโรนฺโต นิมิตฺตฺจ ปวตฺตฺจ ยถาภูตํ ชานาติ ปสฺสติ, เตน วุจฺจติ สมฺมาทสฺสนํ. เอวํ ตทนฺวเยน สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตโต สุทิฏฺา โหนฺติ. เอตฺถ กงฺขา ปหียติ.
‘‘ยฺจ ยถาภูตาณํ ยฺจ สมฺมาทสฺสนํ ยา จ กงฺขาวิตรณา, อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยฺชนา จ, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นานนฺติ? ยฺจ ยถาภูตาณํ ยฺจ สมฺมาทสฺสนํ ยา จ กงฺขาวิตรณา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗).
อิมินา ปน าเณน สมนฺนาคโต วิปสฺสโก พุทฺธสาสเน ลทฺธสฺสาโส ลทฺธปติฏฺโ นิยตคติโก จูฬโสตาปนฺโน นาม โหติ.
ตสฺมา ภิกฺขุ สทา สโต, นามรูปสฺส สพฺพโส;
ปจฺจเย ปริคฺคณฺเหยฺย, กงฺขาวิตรณตฺถิโกติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทโส นาม
เอกูนวีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๐. มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทโส
สมฺมสนาณกถา
๖๙๒. อยํ ¶ ¶ มคฺโค, อยํ น มคฺโคติ เอวํ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ตฺวา ิตํ าณํ ปน มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม.
ตํ สมฺปาเทตุกาเมน กลาปสมฺมสนสงฺขาตาย นยวิปสฺสนาย ตาว โยโค กรณีโย. กสฺมา? อารทฺธวิปสฺสกสฺส โอภาสาทิสมฺภเว มคฺคามคฺคาณสมฺภวโต. อารทฺธวิปสฺสกสฺส หิ โอภาสาทีสุ สมฺภูเตสุ มคฺคามคฺคาณํ โหติ, วิปสฺสนาย จ กลาปสมฺมสนํ อาทิ. ตสฺมา เอตํ กงฺขาวิตรณานนฺตรํ อุทฺทิฏฺํ. อปิจ ยสฺมา ตีรณปริฺาย วตฺตมานาย มคฺคามคฺคาณํ อุปฺปชฺชติ, ตีรณปริฺา จ าตปริฺานนฺตรา, ตสฺมาปิ ตํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธึ สมฺปาเทตุกาเมน กลาปสมฺมสเน ตาว โยโค กาตพฺโพ.
๖๙๓. ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ติสฺโส หิ โลกิยปริฺา าตปริฺา ตีรณปริฺา ปหานปริฺา จ. ยา สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อภิฺาปฺา าตฏฺเ าณํ. ปริฺาปฺา ตีรณฏฺเ าณํ. ปหานปฺา ปริจฺจาคฏฺเ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๗๕). ตตฺถ ‘‘รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ, เวทยิตลกฺขณา เวทนา’’ติ เอวํ เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ปจฺจตฺตลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตา ปฺา าตปริฺา นาม. ‘‘รูปํ อนิจฺจํ, เวทนา อนิจฺจา’’ติอาทินา นเยน เตสํเยว ธมฺมานํ สามฺลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปวตฺตา ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนา ปฺา ตีรณปริฺา นาม. เตสุเยว ปน ธมฺเมสุ นิจฺจสฺาทิปชหนวเสน ปวตฺตา ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนา ปฺา ปหานปริฺา นาม.
ตตฺถ สงฺขารปริจฺเฉทโต ปฏฺาย ยาว ปจฺจยปริคฺคหา าตปริฺาย ภูมิ. เอตสฺมึ หิ อนฺตเร ¶ ธมฺมานํ ปจฺจตฺตลกฺขณปฏิเวธสฺเสว อาธิปจฺจํ โหติ. กลาปสมฺมสนโต ปน ปฏฺาย ยาว อุทยพฺพยานุปสฺสนา ตีรณปริฺาย ภูมิ. เอตสฺมึ หิ อนฺตเร สามฺลกฺขณปฏิเวธสฺเสว อาธิปจฺจํ โหติ. ภงฺคานุปสฺสนํ อาทึ กตฺวา อุปริ ปหานปริฺาย ภูมิ ¶ . ตโต ปฏฺาย หิ อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหติ, ทุกฺขโต อนุปสฺสนฺโต สุขสฺํ, อนตฺตโต อนุปสฺสนฺโต อตฺตสฺํ, นิพฺพินฺทนฺโต นนฺทึ, วิรชฺชนฺโต ราคํ, นิโรเธนฺโต สมุทยํ, ปฏินิสฺสชฺชนฺโต อาทานํ ปชหตีติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๒) เอวํ นิจฺจสฺาทิปหานสาธิกานํ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ อาธิปจฺจํ. อิติ อิมาสุ ตีสุ ปริฺาสุ สงฺขารปริจฺเฉทสฺส เจว ปจฺจยปริคฺคหสฺส จ สาธิตตฺตา อิมินา โยคินา าตปริฺาว อธิคตา โหติ, อิตรา จ อธิคนฺตพฺพา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา ตีรณปริฺาย วตฺตมานาย มคฺคามคฺคาณํ อุปฺปชฺชติ, ตีรณปริฺา จ าตปริฺานนฺตรา, ตสฺมาปิ ตํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธึ สมฺปาเทตุกาเมน กลาปสมฺมสเน ตาว โยโค กาตพฺโพ’’ติ.
‘‘กถํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ? ยํกิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา…เป… ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ทุกฺขโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ยา กาจิ เวทนา…เป… ยํกิฺจิ วิฺาณํ…เป… อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ.
‘‘จกฺขุํ…เป… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ทุกฺขโต อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ.
‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยฏฺเน, ทุกฺขํ ภยฏฺเน, อนตฺตา อสารกฏฺเนาติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. เวทนํ… วิฺาณํ… จกฺขุํ…เป… ชรามรณํ…เป… สมฺมสเน าณํ.
‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ ¶ นิโรธธมฺมนฺติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. เวทนํ… วิฺาณํ… จกฺขุํ… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ…เป… นิโรธธมฺมนฺติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ.
‘‘ชาติปจฺจยา ¶ ชรามรณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. อตีตมฺปิ อทฺธานํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณนฺติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. ภวปจฺจยา ชาติ…เป… อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ. อตีตมฺปิ อทฺธานํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, อสติ อวิชฺชาย นตฺถิ สงฺขาราติ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณํ.
‘‘ตํ าตฏฺเน าณํ. ปชานนฏฺเน ปฺา. เตน วุจฺจติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺา สมฺมสเน าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘).
เอตฺถ จ จกฺขุํ…เป… ชรามรณนฺติ อิมินา เปยฺยาเลน ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตา ธมฺมา, ปฺจกฺขนฺธา, ฉ ทฺวารานิ, ฉ อารมฺมณานิ, ฉ วิฺาณานิ, ฉ ผสฺสา, ฉ เวทนา, ฉ สฺา, ฉ เจตนา, ฉ ตณฺหา, ฉ วิตกฺกา, ฉ วิจารา, ฉ ธาตุโย, ทส กสิณานิ, ทฺวตฺตึสโกฏฺาสา, ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, พาวีสติ อินฺทฺริยานิ, ติสฺโส ธาตุโย, นว ภวา, จตฺตาริ ฌานานิ, จตสฺโส อปฺปมฺา, จตสฺโส สมาปตฺติโย, ทฺวาทส ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานีติ อิเม ธมฺมราสโย สํขิตฺตาติ เวทิตพฺพา.
วุตฺตํ เหตํ อภิฺเยฺยนิทฺเทเส –
‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺยํ. กิฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ อภิฺเยฺยํ? จกฺขุ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺยํ. รูปา… จกฺขุวิฺาณํ… จกฺขุสมฺผสฺโส… ยมฺปิทํ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, ตมฺปิ ¶ อภิฺเยฺยํ. โสตํ…เป… ยมฺปิทํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, ตมฺปิ อภิฺเยฺยํ.
‘‘รูปํ…เป… วิฺาณํ… จกฺขุ…เป… มโน… รูปา…เป… ธมฺมา… จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ… จกฺขุสมฺผสฺโส…เป… มโนสมฺผสฺโส….
‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา ¶ เวทนา…เป… มโนสมฺผสฺสชา เวทนา… รูปสฺา…เป… ธมฺมสฺา… รูปสฺเจตนา…เป… ธมฺมสฺเจตนา… รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหา… รูปวิตกฺโก…เป… ธมฺมวิตกฺโก… รูปวิจาโร…เป… ธมฺมวิจาโร….
‘‘ปถวีธาตุ…เป… วิฺาณธาตุ… ปถวีกสิณํ…เป… วิฺาณกสิณํ… เกสา…เป… มุตฺตํ… มตฺถลุงฺคํ….
‘‘จกฺขายตนํ…เป… ธมฺมายตนํ… จกฺขุธาตุ…เป… มโนธาตุ… มโนวิฺาณธาตุ… จกฺขุนฺทฺริยํ…เป… อฺาตาวินฺทฺริยํ….
‘‘กามธาตุ… รูปธาตุ… อรูปธาตุ… กามภโว… รูปภโว… อรูปภโว… สฺาภโว… อสฺาภโว… เนวสฺานาสฺาภโว… เอกโวการภโว… จตุโวการภโว… ปฺจโวการภโว….
‘‘ปมํ ฌานํ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ… เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ…เป… อุเปกฺขาเจโตวิมุตฺติ… อากาสานฺจายตนสมาปตฺติ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ… อวิชฺชา อภิฺเยฺยา…เป… ชรามรณํ อภิฺเยฺย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๓; สํ. นิ. ๔.๔๖).
ตํ ตตฺถ เอวํ วิตฺถาเรน วุตฺตตฺตา อิธ สพฺพํ เปยฺยาเลน สํขิตฺตํ. เอวํ สํขิตฺเต ปเนตฺถ เย โลกุตฺตรา ธมฺมา อาคตา, เต อสมฺมสนุปคตฺตา อิมสฺมึ อธิกาเร น คเหตพฺพา. เยปิ จ สมฺมสนุปคา ¶ , เตสุ เย ยสฺส ปากฏา โหนฺติ สุเขน ปริคฺคหํ คจฺฉนฺติ, เตสุ เตน สมฺมสนํ อารภิตพฺพํ.
๖๙๕. ตตฺรายํ ขนฺธวเสน อารพฺภวิธานโยชนา – ยํกิฺจิ รูปํ…เป… สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ทุกฺขโต อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนนฺติ. เอตฺตาวตา อยํ ภิกฺขุ ‘‘ยํกิฺจิ รูป’’นฺติ เอวํ อนิยมนิทฺทิฏฺํ สพฺพมฺปิ รูปํ อตีตตฺติเกน เจว จตูหิ จ อชฺฌตฺตาทิทุเกหีติ เอกาทสหิ โอกาเสหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, อนิจฺจนฺติ สมฺมสติ.
กถํ ¶ ? ปรโต วุตฺตนเยน. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยฏฺเนา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘).
ตสฺมา เอส ยํ อตีตํ รูปํ, ตํ ยสฺมา อตีเตเยว ขีณํ, นยิมํ ภวํ สมฺปตฺตนฺติ อนิจฺจํ ขยฏฺเน.
ยํ อนาคตํ อนนฺตรภเว นิพฺพตฺติสฺสติ, ตมฺปิ ตตฺเถว ขียิสฺสติ, น ตโต ปรํ ภวํ คมิสฺสตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเน.
ยํ ปจฺจุปฺปนฺนํ รูปํ, ตมฺปิ อิเธว ขียติ, น อิโต คจฺฉตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเน.
ยํ อชฺฌตฺตํ, ตมฺปิ อชฺฌตฺตเมว ขียติ, น พหิทฺธาภาวํ คจฺฉตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเน.
ยํ พหิทฺธา…เป… โอฬาริกํ…เป… สุขุมํ…เป… หีนํ…เป… ปณีตํ…เป… ทูเร…เป… สนฺติเก, ตมฺปิ ตตฺเถว ขียติ, น ทูรภาวํ คจฺฉตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเนาติ สมฺมสติ.
อิทํ สพฺพมฺปิ ‘‘อนิจฺจํ ขยฏฺเนา’’ติ เอตสฺส วเสน เอกํ สมฺมสนํ. เภทโต ปน เอกาทสวิธํ โหติ.
สพฺพเมว จ ตํ ทุกฺขํ ภยฏฺเน. ภยฏฺเนาติ สปฺปฏิภยตาย. ยฺหิ อนิจฺจํ, ตํ ภยาวหํ โหติ สีโหปมสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๗๘; อ. นิ. ๔.๓๓) เทวานํ วิย. อิติ ¶ อิทมฺปิ ‘‘ทุกฺขํ ภยฏฺเนา’’ติ เอตสฺส วเสน เอกํ สมฺมสนํ. เภทโต ปน เอกาทสวิธํ โหติ.
ยถา จ ทุกฺขํ, เอวํ สพฺพมฺปิ ตํ อนตฺตา อสารกฏฺเน. อสารกฏฺเนาติ ‘‘อตฺตา นิวาสี การโก เวทโก สยํวสี’’ติ เอวํ ปริกปฺปิตสฺส อตฺตสารสฺส อภาเวน. ยฺหิ อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, ตํ อตฺตโนปิ อนิจฺจตํ วา อุทยพฺพยปีฬนํ วา วาเรตุํ น สกฺโกติ, กุโต ตสฺส การกาทิภาโว. เตนาห – ‘‘รูปฺจ หิทํ, ภิกฺขเว, อตฺตา อภวิสฺส. นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺยา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๕๙). อิติ อิทมฺปิ ‘‘อนตฺตา อสารกฏฺเนา’’ติ ¶ เอตสฺส วเสน เอกํ สมฺมสนํ. เภทโต ปน เอกาทสวิธํ โหติ. เอส นโย เวทนาทีสุ.
๖๙๖. ยํ ปน อนิจฺจํ, ตํ ยสฺมา นิยมโต สงฺขตาทิเภทํ โหติ. เตนสฺส ปริยายทสฺสนตฺถํ, นานากาเรหิ วา มนสิการปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ ‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺม’’นฺติ ปุน ปาฬิ วุตฺตา. เอส นโย เวทนาทีสูติ.
จตฺตารีสาการอนุปสฺสนากถา
๖๙๗. โส ตสฺเสว ปฺจสุ ขนฺเธสุ อนิจฺจทุกฺขานตฺตสมฺมสนสฺส ถิรภาวตฺถาย, ยํ ตํ ภควตา ‘‘กตเมหิ จตฺตารีสาย อากาเรหิ อนุโลมิกํ ขนฺตึ ปฏิลภติ, กตเมหิ จตฺตารีสาย อากาเรหิ สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมตี’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค –
‘‘ปฺจกฺขนฺเธ อนิจฺจโต, ทุกฺขโต, โรคโต, คณฺฑโต, สลฺลโต, อฆโต, อาพาธโต, ปรโต, ปโลกโต, อีติโต, อุปทฺทวโต, ภยโต, อุปสคฺคโต, จลโต, ปภงฺคุโต, อทฺธุวโต, อตาณโต, อเลณโต, อสรณโต, ริตฺตโต, ตุจฺฉโต, สฺุโต, อนตฺตโต, อาทีนวโต, วิปริณามธมฺมโต, อสารกโต, อฆมูลโต, วธกโต, วิภวโต, สาสวโต, สงฺขตโต, มารามิสโต, ชาติธมฺมโต, ชราธมฺมโต, พฺยาธิธมฺมโต, มรณธมฺมโต ¶ , โสกธมฺมโต, ปริเทวธมฺมโต, อุปายาสธมฺมโต, สํกิเลสิกธมฺมโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๗) –
จตฺตารีสาย อากาเรหิ,
‘‘ปฺจกฺขนฺเธ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต อนุโลมิกํ ขนฺตึ ปฏิลภติ. ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ นิจฺจํ นิพฺพานนฺติ ปสฺสนฺโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๓๘) นเยน,
อนุโลมาณํ วิภชนฺเตน ปเภทโต อนิจฺจาทิสมฺมสนํ วุตฺตํ. ตสฺสาปิ วเสน อิเม ปฺจกฺขนฺเธ สมฺมสติ.
๖๙๘. กถํ ¶ ? โส หิ เอเกกํ ขนฺธํ อนจฺจนฺติกตาย, อาทิอนฺตวนฺตตาย จ อนิจฺจโต. อุปฺปาทวยปฏิปีฬนตาย, ทุกฺขวตฺถุตาย จ ทุกฺขโต. ปจฺจยยาปนียตาย, โรคมูลตาย จ โรคโต. ทุกฺขตาสูลโยคิตาย, กิเลสาสุจิปคฺฆรณตาย, อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปริปกฺกปภินฺนตาย จ คณฺฑโต. ปีฬาชนกตาย, อนฺโตตุทนตาย, ทุนฺนีหรณียตาย จ สลฺลโต. วิครหณียตาย, อวฑฺฒิอาวหนตาย, อฆวตฺถุตาย จ อฆโต. อเสริภาวชนกตาย, อาพาธปทฏฺานตาย จ อาพาธโต. อวสตาย, อวิเธยฺยตาย จ ปรโต. พฺยาธิชรามรเณหิ ปลุชฺชนตาย ปโลกโต. อเนกพฺยสนาวหนตาย อีติโต. อวิทิตานํเยว วิปุลานํ อนตฺถานํ อาวหนโต, สพฺพุปทฺทววตฺถุตาย จ อุปทฺทวโต. สพฺพภยานํ อากรตาย, ทุกฺขวูปสมสงฺขาตสฺส ปรมสฺสาสสฺส ปฏิปกฺขภูตตาย จ ภยโต. อเนเกหิ อนตฺเถหิ อนุพทฺธตาย, โทสูปสฏฺตาย, อุปสคฺโค วิย อนธิวาสนารหตาย จ อุปสคฺคโต. พฺยาธิชรามรเณหิ เจว ลาภาลาภาทีหิ จ โลกธมฺเมหิ ปจลิตตาย จลโต. อุปกฺกเมน เจว สรเสน จ ปภงฺคุปคมนสีลตาย ปภงฺคุโต. สพฺพาวตฺถนิปาติตาย, ถิรภาวสฺส จ อภาวตาย อทฺธุวโต. อตายนตาย เจว, อลพฺภเนยฺยเขมตาย จ อตาณโต. อลฺลียิตุํ อนรหตาย, อลฺลีนานมฺปิ จ เลณกิจฺจาการิตาย อเลณโต. นิสฺสิตานํ ภยสารกตฺตาภาเวน อสรณโต. ยถาปริกปฺปิเตหิ ธุวสุภสุขตฺตภาเวหิ ริตฺตตาย ริตฺตโต. ริตฺตตาเยว ตุจฺฉโต อปฺปกตฺตา วา, อปฺปกมฺปิ หิ โลเก ตุจฺฉนฺติ วุจฺจติ. สามิ-นิวาสิ-การก-เวทกาธิฏฺายกวิรหิตตาย ¶ สฺุโต. สยฺจ อสฺสามิกภาวาทิตาย อนตฺตโต. ปวตฺติทุกฺขตาย, ทุกฺขสฺส จ อาทีนวตาย อาทีนวโต, อถ วา อาทีนํ วาติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, กปณมนุสฺสสฺเสตํ อธิวจนํ, ขนฺธาปิ จ กปณาเยวาติ อาทีนวสทิสตาย อาทีนวโต. ชราย เจว มรเณน จาติ ทฺเวธา ปริณามปกติตาย วิปริณามธมฺมโต. ทุพฺพลตาย, เผคฺคุ วิย สุขภฺชนียตาย จ อสารกโต. อฆเหตุตาย อฆมูลโต. มิตฺตมุขสปตฺโต ¶ วิย วิสฺสาสฆาติตาย วธกโต. วิคตภวตาย, วิภวสมฺภูตตาย จ วิภวโต. อาสวปทฏฺานตาย สาสวโต. เหตุปจฺจเยหิ อภิสงฺขตตาย สงฺขตโต. มจฺจุมารกิเลสมารานํ อามิสภูตตาย มารามิสโต. ชาติ-ชรา-พฺยาธิมรณปกติตาย ชาติ-ชรา-พฺยาธิ-มรณธมฺมโต. โสก-ปริเทว-อุปายาสเหตุตาย โสก-ปริเทวอุปายาสธมฺมโต. ตณฺหาทิฏฺิทุจฺจริตสํกิเลสานํ วิสยธมฺมตาย สํกิเลสิกธมฺมโตติ เอวํ ปเภทโต วุตฺตสฺส อนิจฺจาทิสมฺมสนสฺส วเสน สมฺมสติ.
เอตฺถ หิ อนิจฺจโต, ปโลกโต, จลโต, ปภงฺคุโต, อทฺธุวโต, วิปริณามธมฺมโต, อสารกโต, วิภวโต, สงฺขตโต, มรณธมฺมโตติ เอเกกสฺมึ ขนฺเธ ทส ทส กตฺวา ปฺาส อนิจฺจานุปสฺสนานิ. ปรโต, ริตฺตโต, ตุจฺฉโต, สฺุโต, อนตฺตโตติ เอเกกสฺมึ ขนฺเธ ปฺจ ปฺจ กตฺวา ปฺจวีสติ อนตฺตานุปสฺสนานิ. เสสานิ ทุกฺขโต, โรคโตติอาทีนิ เอเกกสฺมึ ขนฺเธ ปฺจวีสติ ปฺจวีสติ กตฺวา ปฺจวีสติสตํ ทุกฺขานุปสฺสนานีติ.
อิจฺจสฺส อิมินา ทฺวิสตเภเทน อนิจฺจาทิสมฺมสเนน ปฺจกฺขนฺเธ สมฺมสโต ตํ นยวิปสฺสนาสงฺขาตํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตสมฺมสนํ ถิรํ โหติ. อิทํ ตาเวตฺถ ปาฬินยานุสาเรน สมฺมสนารมฺภวิธานํ.
อินฺทฺริยติกฺขการณนวกกถา
๖๙๙. ยสฺส ปน เอวํ นยวิปสฺสนาย โยคํ กโรโตปิ นยวิปสฺสนา น สมฺปชฺชติ, เตน ‘‘นวหากาเรหิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ ภวนฺติ – อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ สงฺขารานํ ขยเมว ปสฺสติ, ตตฺถ จ สกฺกจฺจกิริยาย สมฺปาเทติ, สาตจฺจกิริยาย สมฺปาเทติ, สปฺปายกิริยาย สมฺปาเทติ, สมาธิสฺส จ นิมิตฺตคฺคาเหน, โพชฺฌงฺคานฺจ อนุปวตฺตนตาย, กาเย จ ชีวิเต จ ¶ อนเปกฺขตํ อุปฏฺาเปติ, ตตฺถ จ อภิภุยฺย เนกฺขมฺเมน, อนฺตรา จ อพฺโยสาเนนา’’ติ เอวํ วุตฺตานํ นวนฺนํ อาการานํ วเสน อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ กตฺวา ปถวีกสิณนิทฺเทเส วุตฺตนเยน สตฺต อสปฺปายานิ วชฺเชตฺวา สตฺต สปฺปายานิ เสวมาเนน กาเลน รูปํ สมฺมสิตพฺพํ, กาเลน อรูปํ. รูปํ สมฺมสนฺเตน รูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา.
รูปนิพฺพตฺติปสฺสนาการกถา
๗๐๐. เสยฺยถิทํ ¶ – อิทํ รูปํ นาม กมฺมาทิวเสน จตูหิ การเณหิ นิพฺพตฺตติ. ตตฺถ สพฺเพสํ สตฺตานํ รูปํ นิพฺพตฺตมานํ ปมํ กมฺมโต นิพฺพตฺตติ. ปฏิสนฺธิกฺขเณเยว หิ คพฺภเสยฺยกานํ ตาว ติสนฺตติวเสน วตฺถุ-กาย-ภาวทสกสงฺขาตานิ ตึส รูปานิ นิพฺพตฺตนฺติ, ตานิ จ โข ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว. ยถา จ อุปฺปาทกฺขเณ, ตถา ิติกฺขเณปิ ภงฺคกฺขเณปิ.
ตตฺถ รูปํ ทนฺธนิโรธํ ครุปริวตฺติ, จิตฺตํ ขิปฺปนิโรธํ ลหุปริวตฺติ. เตนาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๘). รูเป ธรนฺเตเยว หิ โสฬสวาเร ภวงฺคจิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขโณปิ ิติกฺขโณปิ ภงฺคกฺขโณปิ เอกสทิสา. รูปสฺส ปน อุปฺปาทภงฺคกฺขณาเยว ลหุกา, เตหิ สทิสา. ิติกฺขโณ ปน มหา, ยาว โสฬส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตาว วตฺตติ. ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย ทุติยํ ภวงฺคํ อุปฺปชฺชติ. เตน สทฺธึ อุปฺปนฺนํ านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย ตติยํ ภวงฺคํ อุปฺปชฺชติ. อิมินา นเยน ยาวตายุกํ จิตฺตปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา. อาสนฺนมรณสฺส ปน เอกเมว านปฺปตฺตํ ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย โสฬส จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ.
ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ รูปํ ปฏิสนฺธิจิตฺตโต อุทฺธํ โสฬสเมน จิตฺเตน สทฺธึ นิรุชฺฌติ. านกฺขเณ อุปฺปนฺนํ สตฺตรสมสฺส อุปฺปาทกฺขเณน สทฺธึ นิรุชฺฌติ. ภงฺคกฺขเณ อุปฺปนฺนํ สตฺตรสมสฺส านกฺขณํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ. ยาว ปวตฺติ นาม อตฺถิ, เอวเมว ปวตฺตติ. โอปปาติกานมฺปิ สตฺตสนฺตติวเสน สตฺตติ รูปานิ เอวเมว ปวตฺตนฺติ.
๗๐๑. ตตฺถ ¶ กมฺมํ, กมฺมสมุฏฺานํ, กมฺมปจฺจยํ, กมฺมปจฺจยจิตฺตสมุฏฺานํ, กมฺมปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ, กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานนฺติ เอส วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กมฺมํ นาม กุสลากุสลเจตนา. กมฺมสมุฏฺานํ นาม วิปากกฺขนฺธา จ, จกฺขุทสกาทิ สมสตฺตติรูปฺจ. กมฺมปจฺจยํ นาม ตเทว, กมฺมํ หิ กมฺมสมุฏฺานสฺส อุปตฺถมฺภกปจฺจโยปิ โหติ. กมฺมปจฺจยจิตฺตสมุฏฺานํ นาม วิปากจิตฺตสมุฏฺานํ รูปํ. กมฺมปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ นาม กมฺมสมุฏฺานรูเปสุ ¶ านปฺปตฺตา โอชา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ โอชา านํ ปตฺวา อฺนฺติ เอวํ จตสฺโส วา ปฺจ วา ปวตฺติโย ฆเฏติ. กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นาม กมฺมชเตโชธาตุ านปฺปตฺตา อุตุสมุฏฺานํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ อุตุ อฺํ โอชฏฺมกนฺติ เอวํ จตสฺโส วา ปฺจ วา ปวตฺติโย ฆเฏติ. เอวํ ตาว กมฺมชรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา.
๗๐๒. จิตฺตเชสุปิ จิตฺตํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, จิตฺตปจฺจยํ, จิตฺตปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ, จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺานนฺติ เอส วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ จิตฺตํ นาม เอกูนนวุติจิตฺตานิ.
เตสุ ทฺวตฺตึส จิตฺตานิ, ฉพฺพีเสกูนวีสติ;
โสฬส รูปิริยาปถวิฺตฺติชนกา มตา.
กามาวจรโต หิ อฏฺ กุสลานิ, ทฺวาทสากุสลานิ, มโนธาตุวชฺชา ทส กิริยา, กุสลกิริยโต ทฺเว อภิฺาจิตฺตานีติ ทฺวตฺตึส จิตฺตานิ รูปํ, อิริยาปถํ, วิฺตฺติฺจ ชเนนฺติ. วิปากวชฺชานิ เสสทสรูปาวจรานิ, อฏฺ อรูปาวจรานิ, อฏฺ โลกุตฺตรจิตฺตานีติ ฉพฺพีสติ จิตฺตานิ รูปํ, อิริยาปถฺจ ชนยนฺติ, น วิฺตฺตึ. กามาวจเร ทส ภวงฺคจิตฺตานิ, รูปาวจเร ปฺจ, ติสฺโส มโนธาตุโย, เอกา วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุโสมนสฺสสหคตาติ เอกูนวีสติ จิตฺตานิ รูปเมว ชนยนฺติ, น อิริยาปถํ, น วิฺตฺตึ. ทฺเวปฺจวิฺาณานิ, สพฺพสตฺตานํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, ขีณาสวานํ จุติจิตฺตํ, จตฺตาริ อารุปฺปวิปากานีติ โสฬส จิตฺตานิ เนว รูปํ ชนยนฺติ, น อิริยาปถํ, น วิฺตฺตึ. ยานิ เจตฺถ รูปํ ชเนนฺติ, ตานิ น ิติกฺขเณ, ภงฺคกฺขเณ วา, ตทา หิ จิตฺตํ ทุพฺพลํ โหติ. อุปฺปาทกฺขเณ ปน พลวํ, ตสฺมา ตํ ตทา ปุเรชาตํ วตฺถุํ นิสฺสาย รูปํ สมุฏฺาเปติ.
จิตฺตสมุฏฺานํ ¶ นาม ตโย อรูปิโน ขนฺธา, ‘‘สทฺทนวกํ, กายวิฺตฺติ, วจีวิฺตฺติ, อากาสธาตุ, ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตา, อุปจโย, สนฺตตี’’ติ สตฺตรสวิธํ รูปฺจ. จิตฺตปจฺจยํ นาม ‘‘ปจฺฉาชาตา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺสา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๑) เอวํ วุตฺตํ จตุสมุฏฺานรูปํ. จิตฺตปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ นาม จิตฺตสมุฏฺานรูเปสุ านปฺปตฺตา ¶ โอชา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, เอวํ ทฺเว ติสฺโส ปวตฺติโย ฆเฏติ. จิตฺตปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นาม จิตฺตสมุฏฺาโน อุตุ านปฺปตฺโต อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, เอวํ ทฺเว ติสฺโส ปวตฺติโย ฆเฏติ. เอวํ จิตฺตชรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา.
๗๐๓. อาหารเชสุปิ อาหาโร, อาหารสมุฏฺานํ, อาหารปจฺจยํ, อาหารปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ, อาหารปจฺจยอุตุสมุฏฺานนฺติ เอส วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อาหาโร นาม กพฬีกาโร อาหาโร. อาหารสมุฏฺานํ นาม อุปาทิณฺณํ กมฺมชรูปํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา ตตฺถ ปติฏฺาย านปฺปตฺตาย โอชาย สมุฏฺาปิตํ โอชฏฺมกํ, อากาสธาตุ, ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตา, อุปจโย, สนฺตตีติ จุทฺทสวิธํ รูปํ. อาหารปจฺจยํ นาม ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๕) เอวํ วุตฺตํ จตุสมุฏฺานรูปํ. อาหารปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ นาม อาหารสมุฏฺาเนสุ รูเปสุ านปฺปตฺตา โอชา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ โอชา อฺนฺติ เอวํ ทสทฺวาทสวาเร ปวตฺตึ ฆเฏติ. เอกทิวสํ ปริภุตฺตาหาโร สตฺตาหมฺปิ อุปตฺถมฺเภติ. ทิพฺพา ปน โอชา เอกมาสํ ทฺเวมาสมฺปิ อุปตฺถมฺเภติ. มาตรา ปริภุตฺตาหาโรปิ ทารกสฺส สรีรํ ผริตฺวา รูปํ สมุฏฺาเปติ. สรีเร มกฺขิตาหาโรปิ รูปํ สมุฏฺาเปติ. กมฺมชาหาโร อุปาทิณฺณกาหาโร นาม. โสปิ านปฺปตฺโต รูปํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ โอชา อฺํ สมุฏฺาเปตีติ เอวํ จตสฺโส วา ปฺจ วา ปวตฺติโย ฆเฏติ. อาหารปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นาม อาหารสมุฏฺานา เตโชธาตุ านปฺปตฺตา อุตุสมุฏฺานํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ. ตตฺรายํ อาหาโร อาหารสมุฏฺานานํ ชนโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, เสสานํ นิสฺสยาหารอตฺถิอวิคตวเสนาติ เอวํ อาหารชรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา.
๗๐๔. อุตุเชสุปิ อุตุ, อุตุสมุฏฺานํ, อุตุปจฺจยํ, อุตุปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ, อุตุปจฺจยอาหารสมุฏฺานนฺติ เอส วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อุตุ นาม จตุสมุฏฺานา เตโชธาตุ, อุณฺหอุตุ สีตอุตูติ เอวํ ปเนส ทุวิโธ โหติ. อุตุสมุฏฺานํ นาม จตุสมุฏฺาโน อุตุ อุปาทิณฺณกํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา านปฺปตฺโต สรีเร รูปํ สมุฏฺาเปติ. ตํ สทฺทนวกํ, อากาสธาตุ ¶ ¶ , ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตา, อุปจโย, สนฺตตีติ ปนฺนรสวิธํ โหติ. อุตุปจฺจยํ นาม อุตุ จตุสมุฏฺานิกรูปานํ ปวตฺติยา จ วินาสสฺส จ ปจฺจโย โหติ. อุตุปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นาม อุตุสมุฏฺานา เตโชธาตุ านปฺปตฺตา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ อุตุ อฺนฺติ เอวํ ทีฆมฺปิ อทฺธานํ อนุปาทิณฺณปกฺเข ตฺวาปิ อุตุสมุฏฺานํ ปวตฺตติเยว. อุตุปจฺจยอาหารสมุฏฺานํ นาม อุตุสมุฏฺานา านปฺปตฺตา โอชา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ, ตตฺราปิ โอชา อฺนฺติ เอวํ ทสทฺวาทสวาเร ปวตฺตึ ฆเฏติ. ตตฺรายํ อุตุ อุตุสมุฏฺานานํ ชนโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, เสสานํ นิสฺสยอตฺถิอวิคตวเสนาติ เอวํ อุตุชรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา. เอวฺหิ รูปสฺส นิพฺพตฺตึ ปสฺสนฺโต กาเลน รูปํ สมฺมสติ นาม.
อรูปนิพฺพตฺติปสฺสนาการกถา
๗๐๕. ยถา จ รูปํ สมฺมสนฺเตน รูปสฺส, เอวํ อรูปํ สมฺมสนฺเตนปิ อรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา. สา จ โข เอกาสีติ โลกิยจิตฺตุปฺปาทวเสเนว.
เสยฺยถิทํ – อิทฺหิ อรูปํ นาม ปุริมภเว อายูหิตกมฺมวเสน ปฏิสนฺธิยํ ตาว เอกูนวีสติจิตฺตุปฺปาทปฺปเภทํ นิพฺพตฺตติ. นิพฺพตฺตนากาโร ปนสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ตเทว ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อนนฺตรจิตฺตโต ปฏฺาย ภวงฺควเสน, อายุปริโยสาเน จุติวเสน. ยํ ตตฺถ กามาวจรํ, ตํ ฉสุ ทฺวาเรสุ พลวารมฺมเณ ตทารมฺมณวเสน.
ปวตฺเต ปน อสมฺภินฺนตฺตา จกฺขุสฺส อาปาถคตตฺตา รูปานํ อาโลกสนฺนิสฺสิตํ มนสิการเหตุกํ จกฺขุวิฺาณํ นิพฺพตฺตติ สทฺธึ สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ. จกฺขุปสาทสฺส หิ ิติกฺขเณ ิติปฺปตฺตเมว รูปํ จกฺขุํ ฆฏฺเฏติ. ตสฺมึ ฆฏฺฏิเต ทฺวิกฺขตฺตุํ ภวงฺคํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. ตโต ตสฺมึเยว อารมฺมเณ กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชติ. ตทนนฺตรํ ตเทว รูปํ ปสฺสมานํ กุสลวิปากํ อกุสลวิปากํ วา จกฺขุวิฺาณํ. ตโต ตเทว รูปํ สมฺปฏิจฺฉมานา วิปากมโนธาตุ. ตโต ตเทว รูปํ สนฺตีรยมานา วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ. ตโต ตเทว รูปํ ววตฺถาปยมานา กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ ¶ อุเปกฺขาสหคตา ¶ . ตโต ปรํ กามาวจรกุสลากุสลกิริยจิตฺเตสุ เอกํ วา อุเปกฺขาสหคตาเหตุกํ จิตฺตํ ปฺจ สตฺต วา ชวนานิ. ตโต กามาวจรสตฺตานํ เอกาทสสุ ตทารมฺมณจิตฺเตสุ ชวนานุรูปํ ยํกิฺจิ ตทารมฺมณนฺติ. เอส นโย เสสทฺวาเรสุปิ. มโนทฺวาเร ปน มหคฺคตจิตฺตานิปิ อุปฺปชฺชนฺตีติ. เอวํ ฉสุ ทฺวาเรสุ อรูปสฺส นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพา. เอวฺหิ อรูปสฺส นิพฺพตฺตึ ปสฺสนฺโต กาเลน อรูปํ สมฺมสติ นาม.
เอวํ กาเลน รูปํ กาเลน อรูปํ สมฺมสิตฺวาปิ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อนุกฺกเมน ปฏิปชฺชมาโน เอโก ปฺาภาวนํ สมฺปาเทติ.
รูปสตฺตกสมฺมสนกถา
๗๐๖. อปโร รูปสตฺตกอรูปสตฺตกวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสติ. ตตฺถ อาทานนิกฺเขปนโต, วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต, อาหารมยโต, อุตุมยโต, กมฺมชโต, จิตฺตสมุฏฺานโต, ธมฺมตารูปโตติ อิเมหิ อากาเรหิ อาโรเปตฺวา สมฺมสนฺโต รูปสตฺตกวเสน อาโรเปตฺวา สมฺมสติ นาม. เตนาหุ โปราณา –
‘‘อาทานนิกฺเขปนโต, วโยวุฑฺฒตฺถคามิโต;
อาหารโต จ อุตุโต, กมฺมโต จาปิ จิตฺตโต;
ธมฺมตารูปโต สตฺต, วิตฺถาเรน วิปสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ อาทานนฺติ ปฏิสนฺธิ. นิกฺเขปนนฺติ จุติ. อิติ โยคาวจโร อิเมหิ อาทานนิกฺเขเปหิ เอกํ วสฺสสตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา สงฺขาเรสุ ติลกฺขณํ อาโรเปติ. กถํ? เอตฺถนฺตเร สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา. กสฺมา? อุปฺปาทวยวตฺติโต, วิปริณามโต, ตาวกาลิกโต, นิจฺจปฏิกฺเขปโต จ. ยสฺมา ปน อุปฺปนฺนา สงฺขารา ิตึ ปาปุณนฺติ, ิติยํ ชราย กิลมนฺติ, ชรํ ปตฺวา อวสฺสํ ภิชฺชนฺติ, ตสฺมา อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนโต, ทุกฺขมโต ทุกฺขวตฺถุโต, สุขปฏิกฺเขปโต จ ทุกฺขา. ยสฺมา จ ‘‘อุปฺปนฺนา สงฺขารา ิตึ มา ปาปุณนฺตุ, านปฺปตฺตา มา ชีรนฺตุ, ชรปฺปตฺตา มา ภิชฺชนฺตู’’ติ อิเมสุ ตีสุ ¶ าเนสุ กสฺสจิ วสวตฺติภาโว ¶ นตฺถิ, สฺุา เตน วสวตฺตนากาเรน, ตสฺมา สฺุโต, อสฺสามิกโต, อวสวตฺติโต, อตฺตปฏิกฺเขปโต จ อนตฺตาติ.
๗๐๗. เอวํ อาทานนิกฺเขปนวเสน วสฺสสตปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ตโต ปรํ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต อาโรเปติ. ตตฺถ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคโม นาม วยวเสน วุฑฺฒสฺส วฑฺฒิตสฺส รูปสฺส อตฺถงฺคโม. ตสฺส วเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตีติ อตฺโถ.
กถํ? โส ตเมว วสฺสสตํ ปมวเยน มชฺฌิมวเยน ปจฺฉิมวเยนาติ ตีหิ วเยหิ ปริจฺฉินฺทติ. ตตฺถ อาทิโต เตตฺตึส วสฺสานิ ปมวโย นาม. ตโต จตุตฺตึส มชฺฌิมวโย นาม. ตโต เตตฺตึส ปจฺฉิมวโย นามาติ. อิติ อิเมหิ ตีหิ วเยหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา, ‘‘ปมวเย ปวตฺตํ รูปํ มชฺฌิมวยํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ. ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา. มชฺฌิมวเย ปวตฺตรูปมฺปิ ปจฺฉิมวยํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา. ปจฺฉิมวเย เตตฺตึส วสฺสานิ ปวตฺตรูปมฺปิ มรณโต ปรํ คมนสมตฺถํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
๗๐๘. เอวํ ปมวยาทิวเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ‘‘มนฺททสกํ, ขิฑฺฑาทสกํ, วณฺณทสกํ, พลทสกํ, ปฺาทสกํ, หานิทสกํ, ปพฺภารทสกํ, วงฺกทสกํ, โมมูหทสกํ, สยนทสก’’นฺติ อิเมสํ ทสนฺนํ ทสกานํ วเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
ตตฺถ ทสเกสุ ตาว วสฺสสตชีวิโน ปุคฺคลสฺส ปมานิ ทส วสฺสานิ มนฺททสกํ นาม, ตทา หิ โส มนฺโท โหติ จปโล กุมารโก. ตโต ปรานิ ทส ขิฑฺฑาทสกํ นาม, ตทา หิ โส ขิฑฺฑารติพหุโล โหติ. ตโต ปรานิ ทส วณฺณทสกํ นาม, ตทา หิสฺส วณฺณายตนํ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ. ตโต ปรานิ ทส พลทสกํ นาม, ตทา หิสฺส พลฺจ ถาโม จ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ. ตโต ปรานิ ทส ปฺาทสกํ นาม, ตทา หิสฺส ปฺา สุปฺปติฏฺิตา โหติ, ปกติยา กิร ทุพฺพลปฺสฺสาปิ ¶ ตสฺมึ กาเล อปฺปมตฺตกา ปฺา อุปฺปชฺชติเยว. ตโต ปรานิ ทส หานิทสกํ นาม, ตทา หิสฺส ขิฑฺฑารติวณฺณพลปฺา ปริหายนฺติ. ตโต ปรานิ ¶ ทส ปพฺภารทสกํ นาม, ตทา หิสฺส อตฺตภาโว ปุรโต ปพฺภาโร โหติ. ตโต ปรานิ ทส วงฺกทสกํ นาม, ตทา หิสฺส อตฺตภาโว นงฺคลโกฏิ วิย วงฺโก โหติ. ตโต ปรานิ ทส โมมูหทสกํ นาม. ตทา หิ โส โมมูโห โหติ, กตํ กตํ ปมุสฺสติ. ตโต ปรานิ ทส สยนทสกํ นาม, วสฺสสติโก หิ สยนพหุโลว โหติ.
ตตฺรายํ โยคี เอเตสํ ทสกานํ วเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปตุํ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ปมทสเก ปวตฺตรูปํ ทุติยทสกํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา. ทุติยทสเก…เป… นวมทสเก ปวตฺตรูปํ ทสมทสกํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ. ทสมทสเก ปวตฺตรูปํ ปุนพฺภวํ อปฺปตฺวา อิเธว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
๗๐๙. เอวํ ทสกวเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ตเทว วสฺสสตํ ปฺจปฺจวสฺสวเสน วีสติโกฏฺาเส กตฺวา วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปติ. กถํ? โส หิ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ปเม วสฺสปฺจเก ปวตฺตรูปํ ทุติยํ วสฺสปฺจกํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา. ทุติเย วสฺสปฺจเก ปวตฺตรูปํ ตติยํ…เป… เอกูนวีสติเม วสฺสปฺจเก ปวตฺตรูปํ วีสติมํ วสฺสปฺจกํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ. วีสติเม วสฺสปฺจเก ปวตฺตรูปํ มรณโต ปรํ คมนสมตฺถํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา ตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ.
เอวํ วีสติโกฏฺาสวเสน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ปฺจวีสติ โกฏฺาเส กตฺวา จตุนฺนํ จตุนฺนํ วสฺสานํ วเสน อาโรเปติ. ตโต เตตฺตึส โกฏฺาเส กตฺวา ติณฺณํ ติณฺณํ วสฺสานํ วเสน, ปฺาส โกฏฺาเส กตฺวา ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ วสฺสานํ วเสน, สตํ โกฏฺาเส กตฺวา เอเกกวสฺสวเสน. ตโต เอกํ วสฺสํ ตโย ¶ โกฏฺาเส กตฺวา วสฺสานเหมนฺตคิมฺเหสุ ตีสุ อุตูสุ เอเกกอุตุวเสน ตสฺมึ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
กถํ? ‘‘วสฺสาเน จตุมาสํ ปวตฺตรูปํ เหมนฺตํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. เหมนฺเต ปวตฺตรูปํ คิมฺหํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. คิมฺเห ปวตฺตรูปํ ปุน วสฺสานํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ. เอวํ อาโรเปตฺวา ปุน เอกํ วสฺสํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา – ‘‘วสฺสาเน ¶ ทฺเวมาสํ ปวตฺตรูปํ สรทํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. สรเท ปวตฺตรูปํ เหมนฺตํ. เหมนฺเต ปวตฺตรูปํ สิสิรํ. สิสิเร ปวตฺตรูปํ วสนฺตํ. วสนฺเต ปวตฺตรูปํ คิมฺหํ. คิมฺเห ปวตฺตรูปํ ปุน วสฺสานํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตสฺมึ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
เอวํ อาโรเปตฺวา ตโต กาฬชุณฺหวเสน – ‘‘กาเฬ ปวตฺตรูปํ ชุณฺหํ อปฺปตฺวา. ชุณฺเห ปวตฺตรูปํ กาฬํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ. ตโต รตฺตินฺทิววเสน – ‘‘รตฺตึ ปวตฺตรูปํ ทิวสํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. ทิวสํ ปวตฺตรูปมฺปิ รตฺตึ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ. ตโต ตเทว รตฺตินฺทิวํ ปุพฺพณฺหาทิวเสน ฉ โกฏฺาเส กตฺวา – ‘‘ปุพฺพณฺเห ปวตฺตรูปํ มชฺฌนฺหํ อปฺปตฺวา. มชฺฌนฺเห ปวตฺตรูปํ สายนฺหํ. สายนฺเห ปวตฺตรูปํ ปมยามํ. ปมยาเม ปวตฺตรูปํ มชฺฌิมยามํ. มชฺฌิมยาเม ปวตฺตรูปํ ปจฺฉิมยามํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ. ปจฺฉิมยาเม ปวตฺตรูปํ ปุน ปุพฺพณฺหํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุทฺธํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
๗๑๐. เอวํ อาโรเปตฺวา ปุน ตสฺมึเยว รูเป อภิกฺกมปฏิกฺกมอาโลกนวิโลกนสมิฺชนปสารณวเสน – ‘‘อภิกฺกเม ปวตฺตรูปํ ปฏิกฺกมํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ. ปฏิกฺกเม ปวตฺตรูปํ อาโลกนํ. อาโลกเน ปวตฺตรูปํ วิโลกนํ. วิโลกเน ปวตฺตรูปํ สมิฺชนํ. สมิฺชเน ปวตฺตรูปํ ปสารณํ อปฺปตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ. ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
ตโต เอกปทวารํ อุทฺธรณ อติหรณวีติหรณโวสฺสชฺชนสนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุมฺภนวเสน ฉ โกฏฺาเส กโรติ.
ตตฺถ ¶ อุทฺธรณํ นาม ปาทสฺส ภูมิโต อุกฺขิปนํ. อติหรณํ นาม ปุรโต หรณํ. วีติหรณํ นาม ขาณุกณฺฏกทีฆชาติอาทีสุ กิฺจิเทว ทิสฺวา อิโต จิโต จ ปาทสฺจารณํ. โวสฺสชฺชนํ นาม ปาทสฺส เหฏฺา โอโรปนํ. สนฺนิกฺเขปนํ นาม ปถวีตเล ปนํ. สนฺนิรุมฺภนํ นาม ปุน ปาทุทฺธรณกาเล ปาทสฺส ปถวิยา สทฺธึ อภินิปฺปีฬนํ. ตตฺถ อุทฺธรเณ ปถวีธาตุ ¶ อาโปธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย. ตถา อติหรณวีติหรเณสุ. โวสฺสชฺชเน เตโชธาตุ วาโยธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย. ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุมฺภเนสุ. เอวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา เตสํ วเสน ตสฺมึ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
กถํ? โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ยา อุทฺธรเณ ปวตฺตา ธาตุโย, ยานิ จ ตทุปาทายรูปานิ, สพฺเพ เต ธมฺมา อติหรณํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา. ตถา อติหรเณ ปวตฺตา วีติหรณํ. วีติหรเณ ปวตฺตา โวสฺสชฺชนํ. โวสฺสชฺชเน ปวตฺตา สนฺนิกฺเขปนํ. สนฺนิกฺเขปเน ปวตฺตา สนฺนิรุมฺภนํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌนฺติ. อิติ ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนา อิตรํ อิตรํ โกฏฺาสํ อปฺปตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว ปพฺพํ ปพฺพํ สนฺธิ สนฺธิ โอธิ โอธิ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลา วิย ตฏตฏายนฺตา สงฺขารา ภิชฺชนฺติ. ตสฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’’ติ. ตสฺเสวํ ปพฺพปพฺพคเต สงฺขาเร วิปสฺสโต รูปสมฺมสนํ สุขุมํ โหติ.
๗๑๑. สุขุมตฺเต จ ปนสฺส อิทํ โอปมฺมํ. เอโก กิร ทารุติณุกฺกาทีสุ กตปริจโย อทิฏฺปุพฺพปทีโป ปจฺจนฺตวาสิโก นครมาคมฺม อนฺตราปเณ ชลมานํ ปทีปํ ทิสฺวา เอกํ ปุริสํ ปุจฺฉิ อมฺโภ ‘‘กึ นาเมตํ เอวํ มนาป’’นฺติ? ตเมนํ โส อาห ‘‘กิเมตฺถ มนาปํ, ปทีโป นาเมส เตลกฺขเยน วฏฺฏิกฺขเยน จ คตมคฺโคปิสฺส น ปฺายิสฺสตี’’ติ. ตมฺโ เอวมาห ‘‘อิทํ โอฬาริกํ, อิมิสฺสา หิ วฏฺฏิยา อนุปุพฺเพน ฑยฺหมานาย ตติยภาเค ตติยภาเค ชาลา อิตรีตรํ ปเทสํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ. ตมฺโ เอวมาห ‘‘อิทมฺปิ โอฬาริกํ, อิมิสฺสา หิ องฺคุลงฺคุลนฺตเร อฑฺฒงฺคุลฑฺฒงฺคุลนฺตเร ¶ ตนฺตุมฺหิ ตนฺตุมฺหิ อํสุมฺหิ อํสุมฺหิ ชาลา อิตรีตรํ อํสุํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสติ. อํสุํ ปน มฺุจิตฺวา น สกฺกา ชาลํ ปฺาเปตุ’’นฺติ.
ตตฺถ ‘‘เตลกฺขเยน วฏฺฏิกฺขเยน จ ปทีปสฺส คตมคฺโคปิ น ปฺายิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน อาทานนิกฺเขปนโต วสฺสสเตน ปริจฺฉินฺนรูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘วฏฺฏิยา ตติยภาเค ตติยภาเค ชาลา อิตรีตรํ ปเทสํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ¶ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน วสฺสสตสฺส ตติยโกฏฺาสปริจฺฉินฺเน วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘องฺคุลงฺคุลนฺตเร ชาลา อิตรีตรํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน ทสวสฺส ปฺจวสฺส จตุวสฺส ติวสฺส ทฺวิวสฺส เอกวสฺส ปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘อฑฺฒงฺคุลฑฺฒงฺคุลนฺตเร ชาลา อิตรีตรํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน เอเกกอุตุวเสน เอกํ วสฺสํ ติธา, ฉธา จ วิภชิตฺวา จตุมาส-ทฺวิมาสปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘ตนฺตุมฺหิ ตนฺตุมฺหิ ชาลา อิตรีตรํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน กาฬชุณฺหวเสน, รตฺตินฺทิววเสน, เอกรตฺตินฺทิวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา ปุพฺพณฺหาทิวเสน จ ปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณาโรปนํ. ‘‘อํสุมฺหิ อํสุมฺหิ ชาลา อิตรีตรํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ ปุริสสฺส าณํ วิย โยคิโน อภิกฺกมาทิวเสน เจว อุทฺธรณาทีสุ จ เอเกกโกฏฺาสวเสน ปริจฺฉินฺเน รูเป ติลกฺขณาโรปนนฺติ.
๗๑๒. โส เอวํ นานากาเรหิ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ตเทว รูปํ วิสงฺขริตฺวา อาหารมยาทิวเสน จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา เอเกกโกฏฺาเส ติลกฺขณํ อาโรเปติ. ตตฺราสฺส อาหารมยํ รูปํ ฉาตสุหิตวเสน ปากฏํ โหติ. ฉาตกาเล สมุฏฺิตํ รูปํ หิ ฌตฺตํ โหติ กิลนฺตํ, ฌามขาณุโก วิย, องฺคารปจฺฉิยํ นิลีนกาโก วิย จ ทุพฺพณฺณํ ทุสฺสณฺิตํ. สุหิตกาเล สมุฏฺิตํ ธาตํ ปีณิตํ มุทุ สินิทฺธํ ผสฺสวนฺตํ โหติ. โส ตํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘ฉาตกาเล ¶ ปวตฺตรูปํ สุหิตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ. สุหิตกาเล สมุฏฺิตมฺปิ ฉาตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
๗๑๓. อุตุมยํ สีตุณฺหวเสน ปากฏํ โหติ. อุณฺหกาเล สมุฏฺิตํ รูปํ หิ ฌตฺตํ โหติ กิลนฺตํ ทุพฺพณฺณํ. สีตอุตุนา สมุฏฺิตํ รูปํ ธาตํ ปีณิตํ สินิทฺธํ โหติ. โส ตํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อุณฺหกาเล ปวตฺตรูปํ สีตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ. สีตกาเล ปวตฺตรูปํ อุณฺหกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
๗๑๔. กมฺมชํ อายตนทฺวารวเสน ปากฏํ โหติ. จกฺขุทฺวารสฺมึ หิ จกฺขุกายภาวทสกวเสน ¶ ตึส กมฺมชรูปานิ, อุปตฺถมฺภกานิ ปน เตสํ อุตุจิตฺตาหารสมุฏฺานานิ จตุวีสตีติ จตุปณฺณาส โหนฺติ. ตถา โสตฆานชิวฺหาทฺวาเรสุ. กายทฺวาเร กายภาวทสกวเสน เจว อุตุสมุฏฺานาทิวเสน จ จตุจตฺตาลีส. มโนทฺวาเร หทยวตฺถุกายภาวทสกวเสน เจว อุตุสมุฏฺานาทิวเสน จ จตุปณฺณาสเมว.
โส สพฺพมฺปิ ตํ รูปํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘จกฺขุทฺวาเร ปวตฺตรูปํ โสตทฺวารํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ. โสตทฺวาเร ปวตฺตรูปํ ฆานทฺวารํ. ฆานทฺวาเร ปวตฺตรูปํ ชิวฺหาทฺวารํ. ชิวฺหาทฺวาเร ปวตฺตรูปํ กายทฺวารํ. กายทฺวาเร ปวตฺตรูปํ มโนทฺวารํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
๗๑๕. จิตฺตสมุฏฺานํ โสมนสฺสิตโทมนสฺสิตวเสน ปากฏํ โหติ, โสมนสฺสิตกาเล อุปฺปนฺนํ หิ รูปํ สินิทฺธํ มุทุ ปีณิตํ ผสฺสวนฺตํ โหติ. โทมนสฺสิตกาเล อุปฺปนฺนํ ฌตฺตํ กิลนฺตํ ทุพฺพณฺณํ โหติ. โส ตํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘โสมนสฺสิตกาเล ปวตฺตรูปํ โทมนสฺสิตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ. โทมนสฺสิตกาเล ปวตฺตรูปํ โสมนสฺสิตกาลํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปติ.
ตสฺเสวํ ¶ จิตฺตสมุฏฺานรูปํ ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรปยโต อยมตฺโถ ปากโฏ โหติ –
ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;
เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุโส วตฺตเต ขโณ.
จุลฺลาสีติ สหสฺสานิ, กปฺปํ ติฏฺนฺติ เย มรู;
น ตฺเวว เตปิ ติฏฺนฺติ, ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สโมหิตา.
เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺส, ติฏฺมานสฺส วา อิธ;
สพฺเพว สทิสา ขนฺธา, คตา อปฺปฏิสนฺธิกา.
อนนฺตรา ¶ จ เย ภคฺคา, เย จ ภคฺคา อนาคเต;
ตทนฺตรา นิรุทฺธานํ, เวสมํ นตฺถิ ลกฺขเณ.
อนิพฺพตฺเตน น ชาโต, ปจฺจุปฺปนฺเนน ชีวติ;
จิตฺตภงฺคา มโต โลโก, ปฺตฺติ ปรมตฺถิยา.
อนิธานคตา ภคฺคา, ปฺุโช นตฺถิ อนาคเต;
นิพฺพตฺตา เยปิ ติฏฺนฺติ, อารคฺเค สาสปูปมา.
นิพฺพตฺตานฺจ ธมฺมานํ, ภงฺโค เนสํ ปุรกฺขโต;
ปโลกธมฺมา ติฏฺนฺติ, ปุราเณหิ อมิสฺสิตา.
อทสฺสนโต อายนฺติ, ภคฺคา คจฺฉนฺตุทสฺสนํ;
วิชฺชุปฺปาโทว อากาเส, อุปฺปชฺชนฺติ วยนฺติ จาติ. (มหานิ. ๑๐);
๗๑๖. เอวํ อาหารมยาทีสุ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปุน ธมฺมตารูเป ติลกฺขณํ อาโรเปติ. ธมฺมตารูปํ นาม พหิทฺธา อนินฺทฺริยพทฺธํ อยโลหติปุสีสสุวณฺณรชตมุตฺตามณิเวฬุริยสงฺขสิลาปวาฬโลหิตงฺคมสารคลฺลภูมิปาสาณปพฺพตติณรุกฺขลตาทิเภทํ วิวฏฺฏกปฺปโต ปฏฺาย อุปฺปชฺชนกรูปํ. ตทสฺส อโสกงฺกุราทิวเสน ปากฏํ โหติ.
อโสกงฺกุรํ หิ อาทิโตว ตนุรตฺตํ โหติ, ตโต ทฺวีหตีหจฺจเยน ฆนรตฺตํ, ปุน ทฺวีหตีหจฺจเยน มนฺทรตฺตํ, ตโต ตรุณปลฺลววณฺณํ, ตโต ¶ ปริณตปลฺลววณฺณํ, ตโต หริตปณฺณวณฺณํ. ตโต นีลปณฺณวณฺณํ. ตโต นีลปณฺณวณฺณกาลโต ปฏฺาย สภาครูปสนฺตติมนุปฺปพนฺธาปยมานํ สํวจฺฉรมตฺเตน ปณฺฑุปลาสํ หุตฺวา วณฺฏโต ฉิชฺชิตฺวา ปตติ.
โส ตํ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘ตนุรตฺตกาเล ปวตฺตรูปํ ฆนรตฺตกาลํ อปฺปตฺวา นิรุชฺฌติ. ฆนรตฺตกาเล ปวตฺตรูปํ มนฺทรตฺตกาลํ. มนฺทรตฺตกาเล ปวตฺตรูปํ ตรุณปลฺลววณฺณกาลํ. ตรุณปลฺลววณฺณกาเล ปวตฺตํ ปริณตปลฺลววณฺณกาลํ. ปริณตปลฺลววณฺณกาเล ปวตฺตํ หริตปณฺณวณฺณกาลํ ¶ . หริตปณฺณกาเล ปวตฺตํ นีลปณฺณวณฺณกาลํ. นีลปณฺณวณฺณกาเล ปวตฺตํ ปณฺฑุปลาสกาลํ. ปณฺฑุปลาสกาเล ปวตฺตํ วณฺฏโต ฉิชฺชิตฺวา ปตนกาลํ อปฺปตฺวาว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปติ, เอวํ ตตฺถ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อิมินา นเยน สพฺพมฺปิ ธมฺมตารูปํ สมฺมสติ.
เอวํ ตาว รูปสตฺตกวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสติ.
อรูปสตฺตกสมฺมสนกถา
๗๑๗. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อรูปสตฺตกวเสนา’’ติ, ตตฺถ อยํ มาติกา – กลาปโต, ยมกโต, ขณิกโต, ปฏิปาฏิโต, ทิฏฺิอุคฺฆาฏนโต, มานสมุคฺฆาฏนโต, นิกนฺติปริยาทานโตติ.
ตตฺถ กลาปโตติ ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา. กถํ กลาปโต สมฺมสตีติ? อิธ ภิกฺขุ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘เย อิเม ‘เกสา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’ติ สมฺมสเน อุปฺปนฺนา ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา, เย จ ‘โลมา…เป… มตฺถลุงฺคํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’ติ สมฺมสเน อุปฺปนฺนา ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา, สพฺเพ เต อิตรีตรํ อปฺปตฺวา ปพฺพํปพฺพํ โอธิโอธิ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลา วิย ตฏตฏายนฺตา วินฏฺา, ตสฺมา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’’ติ. อยํ ตาว วิสุทฺธิกถายํ นโย.
อริยวํสกถายํ ปน ‘‘เหฏฺา รูปสตฺตเก สตฺตสุ าเนสุ ‘รูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’ติ ปวตฺตํ จิตฺตํ อปเรน จิตฺเตน ‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’ติ สมฺมสนฺโต ‘กลาปโต ¶ สมฺมสตี’ติ’’ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตตรํ. ตสฺมา เสสานิปิ เตเนว นเยน วิภชิสฺสาม.
๗๑๘. ยมกโตติ อิธ ภิกฺขุ อาทานนิกฺเขปรูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตมฺปิ จิตฺตํ อปเรน จิตฺเตน ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูปํ, อาหารมยํ, อุตุมยํ, กมฺมชํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, ธมฺมตารูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ¶ สมฺมสิตฺวา ตมฺปิ จิตฺตํ อปเรน จิตฺเตน ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. เอวํ ยมกโต สมฺมสติ นาม.
๗๑๙. ขณิกโตติ อิธ ภิกฺขุ อาทานนิกฺเขปรูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตํ ปมจิตฺตํ ทุติยจิตฺเตน, ทุติยํ ตติเยน, ตติยํ จตุตฺเถน, จตุตฺถํ ปฺจเมน ‘‘เอตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูปํ, อาหารมยํ, อุตุมยํ, กมฺมชํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, ธมฺมตารูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตํ ปมจิตฺตํ ทุติยจิตฺเตน, ทุติยํ ตติเยน, ตติยํ จตุตฺเถน, จตุตฺถํ ปฺจเมน ‘‘เอตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. เอวํ รูปปริคฺคาหกจิตฺตโต ปฏฺาย จตฺตาริ จตฺตาริ จิตฺตานิ สมฺมสนฺโต ขณิกโต สมฺมสติ นาม.
๗๒๐. ปฏิปาฏิโตติ อาทานนิกฺเขปรูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตํ ปมจิตฺตํ ทุติยจิตฺเตน, ทุติยํ ตติเยน, ตติยํ จตุตฺเถน…เป… ทสมํ เอกาทสเมน ‘‘เอตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสติ. วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมรูปํ, อาหารมยํ, อุตุมยํ, กมฺมชํ, จิตฺตสมุฏฺานํ, ธมฺมตารูปํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสิตฺวา ตํ ปมจิตฺตํ ทุติยจิตฺเตน, ทุติยํ ตติเยน, ตติยํ จตุตฺเถน…เป… ทสมํ เอกาทสเมน ‘‘เอตมฺปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ เอวํ วิปสฺสนา ปฏิปาฏิยา สกลมฺปิ ทิวสภาคํ สมฺมสิตุํ วฏฺเฏยฺย. ยาว ทสมจิตฺตสมฺมสนา ปน รูปกมฺมฏฺานมฺปิ อรูปกมฺมฏฺานมฺปิ ปคุณํ โหติ. ตสฺมา ทสเมเยว เปตพฺพนฺติ วุตฺตํ. เอวํ สมฺมสนฺโต ปฏิปาฏิโต สมฺมสติ นาม.
๗๒๑. ทิฏฺิอุคฺฆาฏนโต มานอุคฺฆาฏนโต นิกนฺติปริยาทานโตติ อิเมสุ ตีสุ วิสุํ สมฺมสนนโย นาม นตฺถิ. ยํ ปเนตํ เหฏฺา ¶ รูปํ, อิธ จ อรูปํ ปริคฺคหิตํ, ตํ ปสฺสนฺโต รูปารูปโต อุทฺธํ อฺํ สตฺตํ นาม น ปสฺสติ. สตฺตสฺส อทสฺสนโต ปฏฺาย สตฺตสฺา อุคฺฆาฏิตา โหติ. สตฺตสฺํ อุคฺฆาฏิตจิตฺเตน สงฺขาเร ปริคฺคณฺหโต ทิฏฺิ นุปฺปชฺชติ. ทิฏฺิยา อนุปฺปชฺชมานาย ทิฏฺิ อุคฺฆาฏิตา นาม โหติ. ทิฏฺิอุคฺฆาฏิตจิตฺเตน สงฺขาเร ปริคฺคณฺหโต มาโน นุปฺปชฺชติ. มาเน อนุปฺปชฺชนฺเต มาโน สมุคฺฆาฏิโต นาม โหติ. มานสมุคฺฆาฏิตจิตฺเตน สงฺขาเร ปริคฺคณฺหโต ตณฺหา นุปฺปชฺชติ. ตณฺหาย อนุปฺปชฺชนฺติยา นิกนฺติ ปริยาทิณฺณา นาม โหตีติ อิทํ ตาว วิสุทฺธิกถายํ วุตฺตํ.
อริยวํสกถายํ ¶ ปน ‘‘ทิฏฺิอุคฺฆาฏนโต มานสมุคฺฆาฏนโต นิกนฺติปริยาทานโต’’ติ มาติกํ เปตฺวา อยํ นโย ทสฺสิโต.
‘‘อหํ วิปสฺสามิ, มม วิปสฺสนา’’ติ คณฺหโต หิ ทิฏฺิสมุคฺฆาฏนํ นาม น โหติ. ‘‘สงฺขาราว สงฺขาเร วิปสฺสนฺติ สมฺมสนฺติ ววตฺถเปนฺติ ปริคฺคณฺหนฺติ ปริจฺฉินฺทนฺตี’’ติ คณฺหโต ปน ทิฏฺิอุคฺฆาฏนํ นาม โหติ.
‘‘สุฏฺุ วิปสฺสามิ, มนาปํ วิปสฺสามี’’ติ คณฺหโต มานสมุคฺฆาโฏ นาม น โหติ. ‘‘สงฺขาราว สงฺขาเร วิปสฺสนฺติ สมฺมสนฺติ ววตฺถเปนฺติ ปริคฺคณฺหนฺติ ปริจฺฉินฺทนฺตี’’ติ คณฺหโต ปน มานสมุคฺฆาโฏ นาม โหติ.
‘‘วิปสฺสิตุํ สกฺโกมี’’ติ วิปสฺสนํ อสฺสาเทนฺตสฺส นิกนฺติปริยาทานํ นาม น โหติ. ‘‘สงฺขาราว สงฺขาเร วิปสฺสนฺติ สมฺมสนฺติ ววตฺถเปนฺติ ปริคฺคณฺหนฺติ ปริจฺฉินฺทนฺตี’’ติ คณฺหโต ปน นิกนฺติปริยาทานํ นาม โหติ.
สเจ สงฺขารา อตฺตา ภเวยฺยุํ, อตฺตาติ คเหตุํ วฏฺเฏยฺยุํ, อนตฺตา จ ปน อตฺตาติ คหิตา, ตสฺมา เต อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อุปฺปาทวยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขาติ ปสฺสโต ทิฏฺิอุคฺฆาฏนํ นาม โหติ.
สเจ สงฺขารา นิจฺจา ภเวยฺยุํ, นิจฺจาติ คเหตุํ วฏฺเฏยฺยุํ, อนิจฺจา จ ปน นิจฺจาติ คหิตา, ตสฺมา เต หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อุปฺปาทวยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตาติ ปสฺสโต มานสมุคฺฆาโฏ นาม โหติ.
สเจ ¶ สงฺขารา สุขา ภเวยฺยุํ, สุขาติ คเหตุํ วฏฺเฏยฺยุํ, ทุกฺขา จ ปน สุขาติ คหิตา, ตสฺมา เต อุปฺปาทวยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตาติ ปสฺสโต นิกนฺติปริยาทานํ นาม โหติ.
เอวํ สงฺขาเร อนตฺตโต ปสฺสนฺตสฺส ทิฏฺิสมุคฺฆาฏนํ นาม โหติ. อนิจฺจโต ปสฺสนฺตสฺส มานสมุคฺฆาฏนํ ¶ นาม โหติ. ทุกฺขโต ปสฺสนฺตสฺส นิกนฺติปริยาทานํ นาม โหติ. อิติ อยํ วิปสฺสนา อตฺตโน อตฺตโน าเนเยว ติฏฺตีติ.
เอวํ อรูปสตฺตกวเสนาปิ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสติ. เอตฺตาวตา ปนสฺส รูปกมฺมฏฺานมฺปิ อรูปกมฺมฏฺานมฺปิ ปคุณํ โหติ.
๗๒๒. โส เอวํ ปคุณรูปารูปกมฺมฏฺาโน ยา อุปริ ภงฺคานุปสฺสนโต ปฏฺาย ปหานปริฺาวเสน สพฺพาการโต ปตฺตพฺพา อฏฺารส มหาวิปสฺสนา, ตาสํ อิเธว ตาว เอกเทสํ ปฏิวิชฺฌนฺโต ตปฺปฏิปกฺเข ธมฺเม ปชหติ.
อฏฺารส มหาวิปสฺสนา นาม อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา ปฺา. ยาสุ อนิจฺจานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหติ, ทุกฺขานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต สุขสฺํ ปชหติ, อนตฺตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อตฺตสฺํ ปชหติ, นิพฺพิทานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต นนฺทึ ปชหติ, วิราคานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ราคํ ปชหติ, นิโรธานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต สมุทยํ ปชหติ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อาทานํ ปชหติ, ขยานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ฆนสฺํ ปชหติ, วยานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อายูหนํ ปชหติ, วิปริณามานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ธุวสฺํ ปชหติ, อนิมิตฺตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต นิมิตฺตํ ปชหติ, อปฺปณิหิตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต ปณิธึ ปชหติ, สฺุตานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อภินิเวสํ ปชหติ, อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนํ ภาเวนฺโต สาราทานาภินิเวสํ ปชหติ, ยถาภูตาณทสฺสนํ ภาเวนฺโต สมฺโมหาภินิเวสํ ปชหติ, อาทีนวานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อาลยาภินิเวสํ ปชหติ, ปฏิสงฺขานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อปฺปฏิสงฺขํ ปชหติ, วิวฏฺฏานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต สํโยคาภินิเวสํ ปชหติ.
ตาสุ ¶ ยสฺมา อิมินา อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยวเสน สงฺขารา ทิฏฺา, ตสฺมา อนิจฺจ-ทุกฺข-อนตฺตานุปสฺสนา ปฏิวิทฺธา โหนฺติ. ยสฺมา จ ‘‘ยา จ อนิจฺจานุปสฺสนา ยา จ อนิมิตฺตานุปสฺสนา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ’’. ตถา ‘‘ยา จ ทุกฺขานุปสฺสนา ยา จ อปฺปณิหิตานุปสฺสนา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ’’. ‘‘ยา จ อนตฺตานุปสฺสนา ยา จ สฺุตานุปสฺสนา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗) วุตฺตํ. ตสฺมา ตาปิ ปฏิวิทฺธา โหนฺติ.
อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา ¶ ปน สพฺพาปิ วิปสฺสนา. ยถาภูตาณทสฺสนํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยา เอว สงฺคหิตํ. อิติ อิทมฺปิ ทฺวยํ ปฏิวิทฺธเมว โหติ. เสเสสุ วิปสฺสนาาเณสุ กิฺจิ ปฏิวิทฺธํ, กิฺจิ อปฺปฏิวิทฺธํ, เตสํ วิภาคํ ปรโต อาวิกริสฺสาม.
ยเทว หิ ปฏิวิทฺธํ, ตํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ปคุณรูปารูปกมฺมฏฺาโน ยา อุปริ ภงฺคานุปสฺสนโต ปฏฺาย ปหานปริฺาวเสน สพฺพาการโต ปตฺตพฺพา อฏฺารส มหาวิปสฺสนา. ตาสํ อิเธว ตาว เอกเทสํ ปฏิวิชฺฌนฺโต ตปฺปฏิปกฺเข ธมฺเม ปชหตี’’ติ.
อุทยพฺพยาณกถา
๗๒๓. โส เอวํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิปฏิปกฺขานํ นิจฺจสฺาทีนํ ปหาเนน วิสุทฺธาโณ สมฺมสนาณสฺส ปารํ คนฺตฺวา, ยํ ตํ สมฺมสนาณานนฺตรํ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๖) อุทยพฺพยานุปสฺสนํ วุตฺตํ, ตสฺส อธิคมาย โยคํ อารภติ. อารภมาโน จ สงฺเขปโต ตาว อารภติ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘กถํ ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณํ? ชาตํ รูปํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโย, วิปริณามลกฺขณํ วโย, อนุปสฺสนา าณํ. ชาตา เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ… ชาตํ จกฺขุ…เป… ชาโต ภโว ปจฺจุปฺปนฺโน, ตสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโย, วิปริณามลกฺขณํ วโย, อนุปสฺสนา าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๙).
โส ¶ อิมินา ปาฬินเยน ชาตสฺส นามรูปสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณํ ชาตึ อุปฺปาทํ อภินวาการํ ‘‘อุทโย’’ติ, วิปริณามลกฺขณํ ขยํ ภงฺคํ ‘‘วโย’’ติ สมนุปสฺสติ. โส เอวํ ปชานาติ ‘‘อิมสฺส นามรูปสฺส อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนสฺส ราสิ วา นิจโย วา นตฺถิ, อุปฺปชฺชมานสฺสาปิ ราสิโต วา นิจยโต วา อาคมนํ นาม นตฺถิ, นิรุชฺฌมานสฺสาปิ ทิสาวิทิสาคมนํ นาม นตฺถิ, นิรุทฺธสฺสาปิ เอกสฺมึ าเน ราสิโต นิจยโต นิธานโต อวฏฺานํ ¶ นาม นตฺถิ. ยถา ปน วีณาย วาทิยมานาย อุปฺปนฺนสทฺทสฺส เนว อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ สนฺนิจโย อตฺถิ, น อุปฺปชฺชมาโน สนฺนิจยโต อาคโต, น นิรุชฺฌมานสฺส ทิสาวิทิสาคมนํ อตฺถิ, น นิรุทฺโธ กตฺถจิ สนฺนิจิโต ติฏฺติ, อถ โข วีณฺจ อุปวีณฺจ ปุริสสฺส จ ตชฺชํ วายามํ ปฏิจฺจ อหุตฺวา สมฺโภติ, หุตฺวา ปฏิเวติ. เอวํ สพฺเพปิ รูปารูปิโน ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺตี’’ติ.
๗๒๔. เอวํ สงฺเขปโต อุทยพฺพยมนสิการํ กตฺวา ปุน ยานิ เอตสฺเสว อุทยพฺพยาณสฺส วิภงฺเค –
‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. ตณฺหาสมุทยา… กมฺมสมุทยา… อาหารสมุทยา รูปสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ.
‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. ตณฺหานิโรธา… กมฺมนิโรธา… อาหารนิโรธา รูปนิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. รูปกฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโตปิ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ’’ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐).
ตถา ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. ตณฺหาสมุทยา… กมฺมสมุทยา… ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ. นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส ¶ อุทยํ ปสฺสติ. เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ. อวิชฺชานิโรธา… ตณฺหานิโรธา… กมฺมนิโรธา… ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสนฺโต อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ปสฺสติ’’ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐).
เวทนากฺขนฺธสฺส ¶ วิย จ สฺาสงฺขารวิฺาณกฺขนฺธานํ. อยํ ปน วิเสโส, วิฺาณกฺขนฺธสฺส ผสฺสฏฺาเน ‘‘นามรูปสมุทยา, นามรูปนิโรธา’’ติ –
เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส อุทยพฺพยทสฺสเน ทส ทส กตฺวา ปฺาส ลกฺขณานิ วุตฺตานิ. เตสํ วเสน เอวมฺปิ รูปสฺส อุทโย เอวมฺปิ รูปสฺส วโย, เอวมฺปิ รูปํ อุเทติ, เอวมฺปิ รูปํ เวตีติ ปจฺจยโต เจว ขณโต จ วิตฺถาเรน มนสิการํ กโรติ.
๗๒๕. ตสฺเสวํ มนสิกโรโต ‘‘อิติ กิริเม ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺตี’’ติ าณํ วิสทตรํ โหติ. ตสฺเสวํ ปจฺจยโต เจว ขณโต จ ทฺเวธา อุทยพฺพยํ ปสฺสโต สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทนยลกฺขณเภทา ปากฏา โหนฺติ.
๗๒๖. ยฺหิ โส อวิชฺชาทิสมุทยา ขนฺธานํ สมุทยํ, อวิชฺชาทินิโรธา จ ขนฺธานํ นิโรธํ ปสฺสติ, อิทมสฺส ปจฺจยโต อุทยพฺพยทสฺสนํ. ยํ ปน นิพฺพตฺติลกฺขณวิปริณามลกฺขณานิ ปสฺสนฺโต ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ปสฺสติ, อิทมสฺส ขณโต อุทยพฺพยทสฺสนํ, อุปฺปตฺติกฺขเณเยว หิ นิพฺพตฺติลกฺขณํ. ภงฺคกฺขเณ จ วิปริณามลกฺขณํ.
๗๒๗. อิจฺจสฺเสวํ ปจฺจยโต เจว ขณโต จ ทฺเวธา อุทยพฺพยํ ปสฺสโต ปจฺจยโต อุทยทสฺสเนน สมุทยสจฺจํ ปากฏํ โหติ ชนกาวโพธโต. ขณโต อุทยทสฺสเนน ทุกฺขสจฺจํ ปากฏํ โหติ ชาติทุกฺขาวโพธโต. ปจฺจยโต วยทสฺสเนน นิโรธสจฺจํ ปากฏํ โหติ ปจฺจยานุปฺปาเทน ปจฺจยวตํ อนุปฺปาทาวโพธโต. ขณโต วยทสฺสเนน ทุกฺขสจฺจเมว ปากฏํ โหติ มรณทุกฺขาวโพธโต. ยฺจสฺส ¶ อุทยพฺพยทสฺสนํ, มคฺโควายํ โลกิโกติ มคฺคสจฺจํ ปากฏํ โหติ ตตฺร สมฺโมหวิฆาตโต.
๗๒๘. ปจฺจยโต จสฺส อุทยทสฺสเนน อนุโลโม ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ปากโฏ โหติ, ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๔; สํ. นิ. ๒.๒๑; อุทา. ๑) อวโพธโต. ปจฺจยโต วยทสฺสเนน ปฏิโลโม ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ปากโฏ โหติ, ‘‘อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๖; สํ. นิ. ๒.๒๑; อุทา. ๒) อวโพธโต ¶ . ขณโต ปน อุทยพฺพยทสฺสเนน ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมา ปากฏา โหนฺติ สงฺขตลกฺขณาวโพธโต. อุทยพฺพยวนฺโต หิ สงฺขตา, เต จ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนาติ.
๗๒๙. ปจฺจยโต จสฺส อุทยทสฺสเนน เอกตฺตนโย ปากโฏ โหติ เหตุผลสมฺพนฺเธน สนฺตานสฺส อนุปจฺเฉทาวโพธโต. อถ สุฏฺุตรํ อุจฺเฉททิฏฺึ ปชหติ. ขณโต อุทยทสฺสเนน นานตฺตนโย ปากโฏ โหติ นวนวานํ อุปฺปาทาวโพธโต. อถ สุฏฺุตรํ สสฺสตทิฏฺึ ปชหติ. ปจฺจยโต จสฺส อุทยพฺพยทสฺสเนน อพฺยาปารนโย ปากโฏ โหติ ธมฺมานํ อวสวตฺติภาวาวโพธโต. อถ สุฏฺุตรํ อตฺตทิฏฺึ ปชหติ. ปจฺจยโต ปน อุทยทสฺสเนน เอวํธมฺมตานโย ปากโฏ โหติ ปจฺจยานุรูเปน ผลสฺส อุปฺปาทาวโพธโต. อถ สุฏฺุตรํ อกิริยทิฏฺึ ปชหติ.
๗๓๐. ปจฺจยโต จสฺส อุทยทสฺสเนน อนตฺตลกฺขณํ ปากฏํ โหติ ธมฺมานํ นิรีหกตฺตปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺติตาวโพธโต. ขณโต อุทยพฺพยทสฺสเนน อนิจฺจลกฺขณํ ปากฏํ โหติ หุตฺวา อภาวาวโพธโต, ปุพฺพนฺตาปรนฺตวิเวกาวโพธโต จ. ทุกฺขลกฺขณมฺปิ ปากฏํ โหติ อุทยพฺพเยหิ ปฏิปีฬนาวโพธโต. สภาวลกฺขณมฺปิ ปากฏํ โหติ อุทยพฺพยปริจฺฉินฺนาวโพธโต. สภาวลกฺขเณ สงฺขตลกฺขณสฺส ตาวกาลิกตฺตมฺปิ ปากฏํ โหติ อุทยกฺขเณ วยสฺส, วยกฺขเณ จ อุทยสฺส อภาวาวโพธโตติ.
๗๓๑. ตสฺเสวํ ปากฏีภูตสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทนยลกฺขณเภทสฺส ‘‘เอวํ กิร นามิเม ธมฺมา อนุปฺปนฺนปุพฺพา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ นิจฺจนวาว หุตฺวา สงฺขารา ¶ อุปฏฺหนฺติ. น เกวลฺจ นิจฺจนวา, สูริยุคฺคมเน อุสฺสาวพินฺทุ วิย อุทกพุพฺพุโฬ วิย อุทเก ทณฺฑราชิ วิย อารคฺเค สาสโป วิย วิชฺชุปฺปาโท วิย จ ปริตฺตฏฺายิโน. มายามรีจิสุปินนฺตอลาตจกฺกคนฺธพฺพนครเผณกทลิอาทโย วิย อสฺสารา นิสฺสาราติ จาปิ อุปฏฺหนฺติ.
เอตฺตาวตาเนน ‘‘วยธมฺมเมว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนฺจ วยํ อุเปตี’’ติ อิมินา อากาเรน สมปฺาส ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตํ อุทยพฺพยานุปสฺสนํ นาม ตรุณวิปสฺสนาาณํ อธิคตํ โหติ, ยสฺสาธิคมา อารทฺธวิปสฺสโกติ สงฺขํ คจฺฉติ.
วิปสฺสนุปกฺกิเลสกถา
๗๓๒. อถสฺส ¶ อิมาย ตรุณวิปสฺสนาย อารทฺธวิปสฺสกสฺส ทส วิปสฺสนุปกฺกิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ. วิปสฺสนุปกฺกิเลสา หิ ปฏิเวธปฺปตฺตสฺส อริยสาวกสฺส เจว วิปฺปฏิปนฺนกสฺส จ นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานสฺส กุสีตปุคฺคลสฺส นุปฺปชฺชนฺติ. สมฺมาปฏิปนฺนกสฺส ปน ยุตฺตปยุตฺตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส กุลปุตฺตสฺส อุปฺปชฺชนฺติเยว.
กตเม ปน เต ทส อุปกฺกิเลสาติ? โอภาโส, าณํ, ปีติ, ปสฺสทฺธิ, สุขํ, อธิโมกฺโข, ปคฺคโห, อุปฏฺานํ, อุเปกฺขา, นิกนฺตีติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กถํ ธมฺมุทฺธจฺจวิคฺคหิตมานสํ โหติ? อนิจฺจโต มนสิกโรโต โอภาโส อุปฺปชฺชติ, ‘โอภาโส ธมฺโม’ติ โอภาสํ อาวชฺชติ, ตโต วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ. เตน อุทฺธจฺเจน วิคฺคหิตมานโส อนิจฺจโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ทุกฺขโต… อนตฺตโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ’’.
ตถา ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต าณํ อุปฺปชฺชติ…เป… ปีติ… ปสฺสทฺธิ… สุขํ… อธิโมกฺโข… ปคฺคโห… อุปฏฺานํ… อุเปกฺขา… นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ, ‘นิกนฺติ ธมฺโม’ติ นิกนฺตึ อาวชฺชติ, ตโต วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ. เตน อุทฺธจฺเจน วิคฺคหิตมานโส อนิจฺจโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. ทุกฺขโต… อนตฺตโต อุปฏฺานํ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๖).
๗๓๓. ตตฺถ ¶ โอภาโสติ วิปสฺสโนภาโส. ตสฺมึ อุปฺปนฺเน โยคาวจโร ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูโป โอภาโส อุปฺปนฺนปุพฺโพ, อทฺธา มคฺคปฺปตฺโตสฺมิ ผลปตฺโตสฺมี’’ติ อมคฺคเมว ‘‘มคฺโค’’ติ, อผลเมว จ ‘‘ผล’’นฺติ คณฺหาติ. ตสฺส อมคฺคํ ‘‘มคฺโค’’ติ อผลํ ‘‘ผล’’นฺติ คณฺหโต วิปสฺสนาวีถิ อุกฺกนฺตา นาม โหติ. โส อตฺตโน มูลกมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา โอภาสเมว อสฺสาเทนฺโต นิสีทติ.
โส โข ปนายํ โอภาโส กสฺสจิ ภิกฺขุโน ปลฺลงฺกฏฺานมตฺตเมว โอภาเสนฺโต อุปฺปชฺชติ. กสฺสจิ ¶ อนฺโตคพฺภํ. กสฺสจิ พหิคพฺภมฺปิ. กสฺสจิ สกลวิหารํ, คาวุตํ, อฑฺฒโยชนํ, โยชนํ, ทฺวิโยชนํ, ติโยชนํ…เป… กสฺสจิ ปถวีตลโต ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา เอกาโลกํ กุรุมาโน. ภควโต ปน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอภาเสนฺโต อุทปาทิ.
เอวํ เวมตฺตตาย จสฺส อิทํ วตฺถุ – จิตฺตลปพฺพเต กิร ทฺวิกุฏฺฏเคหสฺส อนฺโต ทฺเว เถรา นิสีทึสุ. ตํทิวสฺจ กาฬปกฺขุโปสโถ โหติ, เมฆปฏลจฺฉนฺนา ทิสา, รตฺติภาเค จตุรงฺคสมนฺนาคตํ ตมํ ปวตฺตติ. อเถโก เถโร อาห – ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อิทานิ เจติยงฺคณมฺหิ สีหาสเน ปฺจวณฺณานิ กุสุมานิ ปฺายนฺตี’’ติ. ตํ อิตโร อาห – ‘‘อนจฺฉริยํ, อาวุโส, กเถสิ, มยฺหํ ปเนตรหิ มหาสมุทฺทมฺหิ โยชนฏฺาเน มจฺฉกจฺฉปา ปฺายนฺตี’’ติ.
อยํ ปน วิปสฺสนุปกฺกิเลโส เยภุยฺเยน สมถวิปสฺสนาลาภิโน อุปฺปชฺชติ. โส สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตานํ กิเลสานํ อสมุทาจารโต ‘‘อรหา อห’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทติ อุจฺจวาลิกวาสี มหานาคตฺเถโร วิย หํกนกวาสี มหาทตฺตตฺเถโร วิย จิตฺตลปพฺพเต นิงฺกเปณฺณกปธานฆรวาสี จูฬสุมนตฺเถโร วิย จ.
ตตฺริทํ เอกวตฺถุปริทีปนํ – ตลงฺครวาสี ธมฺมทินฺนตฺเถโร กิร นาม เอโก ปภินฺนปฏิสมฺภิโท มหาขีณาสโว มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาททายโก ¶ อโหสิ. โส เอกทิวสํ อตฺตโน ทิวาฏฺาเน นิสีทิตฺวา ‘‘กินฺนุ โข อมฺหากํ อาจริยสฺส อุจฺจวาลิกวาสีมหานาคตฺเถรสฺส สมณภาวกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ, โน’’ติ อาวชฺชนฺโต ปุถุชฺชนภาวเมวสฺส ทิสฺวา ‘‘มยิ อคจฺฉนฺเต ปุถุชฺชนกาลกิริยเมว กริสฺสตี’’ติ จ ตฺวา อิทฺธิยา เวหาสํ อุปฺปติตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส เถรสฺส สมีเป โอโรหิตฺวา วนฺทิตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ‘‘กึ, อาวุโส ธมฺมทินฺน, อกาเล อาคโตสี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘ปฺหํ, ภนฺเต, ปุจฺฉิตุํ อาคโตมฺหี’’ติ อาห. ตโต ‘‘ปุจฺฉาวุโส, ชานมานา กถยิสฺสามา’’ติ วุตฺเต ปฺหสหสฺสํ ปุจฺฉิ.
เถโร ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ อสชฺชมาโนว กเถสิ. ตโต ‘‘อติติกฺขํ โว, ภนฺเต, าณํ, กทา ตุมฺเหหิ อยํ ธมฺโม อธิคโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อิโต สฏฺิวสฺสกาเล, อาวุโส’’ติ อาห. สมาธิมฺปิ, ภนฺเต, วฬฺเชถาติ, น ยิทํ, อาวุโส, ภาริยนฺติ. เตน หิ, ภนฺเต, เอกํ หตฺถึ มาเปถาติ ¶ . เถโร สพฺพเสตํ หตฺถึ มาเปสิ. อิทานิ, ภนฺเต, ยถา อยํ หตฺถี อฺจิตกณฺโณ ปสาริตนงฺคุฏฺโ โสณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา เภรวํ โกฺจนาทํ กโรนฺโต ตุมฺหากํ อภิมุโข อาคจฺฉติ, ตถา นํ กโรถาติ. เถโร ตถา กตฺวา เวเคน อาคจฺฉโต หตฺถิสฺส เภรวํ อาการํ ทิสฺวา อุฏฺาย ปลายิตุํ อารทฺโธ. ตเมนํ ขีณาสวตฺเถโร หตฺถํ ปสาเรตฺวา จีวรกณฺเณ คเหตฺวา ‘‘ภนฺเต, ขีณาสวสฺส สารชฺชํ นาม โหตี’’ติ อาห.
โส ตมฺหิ กาเล อตฺตโน ปุถุชฺชนภาวํ ตฺวา ‘‘อวสฺสโย เม, อาวุโส, ธมฺมทินฺน โหหี’’ติ วตฺวา ปาทมูเล อุกฺกุฏิกํ นิสีทิ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ อวสฺสโย ภวิสฺสามิจฺเจวาหํ อาคโต, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ กมฺมฏฺานํ กเถสิ. เถโร กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา จงฺกมํ อารุยฺห ตติเย ปทวาเร อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เถโร กิร โทสจริโต อโหสิ. เอวรูปา ภิกฺขู โอภาเส กมฺปนฺติ.
๗๓๔. าณนฺติ วิปสฺสนาาณํ. ตสฺส กิร รูปารูปธมฺเม ตุลยนฺตสฺส ตีเรนฺตสฺส วิสฺสฏฺอินฺทวชิรมิว อวิหตเวคํ ติขิณํ สูรํ อติวิสทํ าณํ อุปฺปชฺชติ.
ปีตีติ ¶ วิปสฺสนาปีติ. ตสฺส กิร ตสฺมึ สมเย ขุทฺทกาปีติ, ขณิกาปีติ, โอกฺกนฺติกาปีติ, อุพฺเพคาปีติ, ผรณาปีตีติ อยํ ปฺจวิธา ปีติ สกลสรีรํ ปูรยมานา อุปฺปชฺชติ.
ปสฺสทฺธีติ วิปสฺสนาปสฺสทฺธิ. ตสฺส กิร ตสฺมึ สมเย รตฺติฏฺาเน วา ทิวาฏฺาเน วา นิสินฺนสฺส กายจิตฺตานํ เนว ทรโถ, น คารวํ, น กกฺขฬตา, น อกมฺมฺตา, น เคลฺํ, น วงฺกตา โหติ, อถ โข ปนสฺส กายจิตฺตานิ ปสฺสทฺธานิ ลหูนิ มุทูนิ กมฺมฺานิ สุวิสทานิ อุชุกานิเยว โหนฺติ. โส อิเมหิ ปสฺสทฺธาทีหิ อนุคฺคหิตกายจิตฺโต ตสฺมึ สมเย อมานุสึ นาม รตึ อนุภวติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘สฺุาคารํ ปวิฏฺสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
อมานุสี รติ โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต.
‘‘ยโต ¶ ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๓-๓๗๔);
เอวมสฺส อิมํ อมานุสึ รตึ สาธยมานา ลหุตาทิสมฺปยุตฺตา ปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชติ.
สุขนฺติ วิปสฺสนาสุขํ. ตสฺส กิร ตสฺมึ สมเย สกลสรีรํ อภิสนฺทยมานํ อติปณีตํ สุขํ อุปฺปชฺชติ.
อธิโมกฺโขติ สทฺธา. วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตาเยว หิสฺส จิตฺตเจตสิกานํ อติสยปสาทภูตา พลวตี สทฺธา อุปฺปชฺชติ.
ปคฺคโหติ วีริยํ. วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตเมว หิสฺส อสิถิลํ อนจฺจารทฺธํ สุปคฺคหิตํ วีริยํ อุปฺปชฺชติ.
อุปฏฺานนฺติ สติ. วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตาเยว หิสฺส สุปฏฺิตา สุปติฏฺิตา นิขาตา อจลา ปพฺพตราชสทิสา สติ อุปฺปชฺชติ. โส ยํ ยํ านํ อาวชฺชติ สมนฺนาหรติ มนสิกโรติ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ตํ านมสฺส โอกฺขนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ทิพฺพจกฺขุโน ปรโลโก วิย สติยา อุปฏฺาติ.
อุเปกฺขาติ ¶ วิปสฺสนุเปกฺขา เจว อาวชฺชนุเปกฺขา จ. ตสฺมึ หิสฺส สมเย สพฺพสงฺขาเรสุ มชฺฌตฺตภูตา วิปสฺสนุเปกฺขาปิ พลวตี อุปฺปชฺชติ. มโนทฺวาเร อาวชฺชนุเปกฺขาปิ. สา หิสฺส ตํ ตํ านํ อาวชฺชนฺตสฺส วิสฺสฏฺอินฺทวชิรมิว ปตฺตปุเฏ ปกฺขิตฺต ตตฺตนาราโจ วิย จ สูรา ติขิณา หุตฺวา วหติ.
นิกนฺตีติ วิปสฺสนานิกนฺติ. เอวํ โอภาสาทิปฏิมณฺฑิตาย หิสฺส วิปสฺสนาย อาลยํ กุรุมานา สุขุมา สนฺตาการา นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ. ยา นิกนฺติ กิเลโสติ ปริคฺคเหตุมฺปิ น สกฺกา โหติ.
ยถา ¶ จ โอภาเส, เอวํ เอเตสุปิ อฺตรสฺมึ อุปฺปนฺเน โยคาวจโร ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ าณํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, เอวรูปา ปีติ, ปสฺสทฺธิ, สุขํ, อธิโมกฺโข, ปคฺคโห, อุปฏฺานํ, อุเปกฺขา, นิกนฺติ อุปฺปนฺนปุพฺพา, อทฺธา มคฺคปฺปตฺโตสฺมิ ผลปฺปตฺโตสฺมี’’ติ อมคฺคเมว ‘‘มคฺโค’’ติ อผลเมว จ ‘‘ผล’’นฺติ คณฺหาติ. ตสฺส อมคฺคํ ‘‘มคฺโค’’ติ อผลํ ‘‘ผล’’นฺติ คณฺหโต วิปสฺสนาวีถิ อุกฺกนฺตา นาม โหติ. โส อตฺตโน มูลกมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา นิกนฺติเมว อสฺสาเทนฺโต นิสีทตีติ.
๗๓๕. เอตฺถ จ โอภาสาทโย อุปกฺกิเลสวตฺถุตาย อุปกฺกิเลสาติ วุตฺตา, น อกุสลตฺตา. นิกนฺติ ปน อุปกฺกิเลโส เจว อุปกฺกิเลสวตฺถุ จ. วตฺถุวเสเนว เจเต ทส. คาหวเสน ปน สมตึส โหนฺติ. กถํ? ‘‘มม โอภาโส อุปฺปนฺโน’’ติ คณฺหโต หิ ทิฏฺิคาโห โหติ, ‘‘มนาโป วต โอภาโส อุปฺปนฺโน’’ติ คณฺหโต มานคาโห, โอภาสํ อสฺสาทยโต ตณฺหาคาโห, อิติ โอภาเส ทิฏฺิมานตณฺหาวเสน ตโย คาหา. ตถา เสเสสุปีติ เอวํ คาหวเสน สมตึส อุปกฺกิเลสา โหนฺติ. เตสํ วเสน อกุสโล อพฺยตฺโต โยคาวจโร โอภาสาทีสุ กมฺปติ วิกฺขิปติ. โอภาสาทีสุ เอเกกํ ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) สมนุปสฺสติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘โอภาเส เจว าเณ จ, ปีติยา จ วิกมฺปติ;
ปสฺสทฺธิยา สุเข เจว, เยหิ จิตฺตํ ปเวธติ.
‘‘อธิโมกฺเข ¶ จ ปคฺคาเห, อุปฏฺาเน จ กมฺปติ;
อุเปกฺขาวชฺชนายฺจ, อุเปกฺขาย นิกนฺติยา’’ติ. (ปฏิ. ม. ๒.๗);
มคฺคามคฺคววตฺถานกถา
๗๓๖. กุสโล ปน ปณฺฑิโต พฺยตฺโต พุทฺธิสมฺปนฺโน โยคาวจโร โอภาสาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘อยํ โข เม โอภาโส อุปฺปนฺโน, โส โข ปนายํ อนิจฺโจ สงฺขโต ปฏิจฺจสมุปฺปนฺโน ขยธมฺโม วยธมฺโม วิราคธมฺโม นิโรธธมฺโม’’ติ อิติ วา ตํ ปฺาย ปริจฺฉินฺทติ อุปปริกฺขติ. อถ วา ปนสฺส เอวํ โหติ, ‘‘สเจ โอภาโส อตฺตา ภเวยฺย, ‘อตฺตา’ติ คเหตุํ ¶ วฏฺเฏยฺย. อนตฺตา จ ปนายํ ‘อตฺตา’ติ คหิโต. ตสฺมา โส อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺโจ, อุปฺปาทวยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺโข’’ติ สพฺพํ อรูปสตฺตเก วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพํ. ยถา จ โอภาเส, เอวํ เสเสสุปิ.
โส เอวํ อุปปริกฺขิตฺวา โอภาสํ ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) สมนุปสฺสติ. าณํ…เป… นิกนฺตึ ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) สมนุปสฺสติ. เอวํ สมนุปสฺสนฺโต โอภาสาทีสุ น กมฺปติ น เวธติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘อิมานิ ทส านานิ, ปฺายสฺส ปริจฺจิตา;
ธมฺมุทฺธจฺจกุสโล โหติ, น จ วิกฺเขปํ คจฺฉตี’’ติ. (ปฏิ. ม. ๒.๗);
โส เอวํ วิกฺเขปํ อคจฺฉนฺโต ตํ สมตึสวิธํ อุปกฺกิเลสชฏํ วิชเฏตฺวา โอภาสาทโย ธมฺมา น มคฺโค. อุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ ปน วีถิปฏิปนฺนํ วิปสฺสนาาณํ มคฺโคติ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ววตฺถเปติ. ตสฺเสวํ ‘‘อยํ มคฺโค, อยํ น มคฺโค’’ติ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ตฺวา ิตํ าณํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺตาวตา จ ปน เตน ติณฺณํ สจฺจานํ ววตฺถานํ กตํ โหติ. กถํ? ทิฏฺิวิสุทฺธิยํ ตาว นามรูปสฺส ววตฺถาปเนน ทุกฺขสจฺจสฺส ววตฺถานํ กตํ. กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยํ ปจฺจยปริคฺคหเณน สมุทยสจฺจสฺส ววตฺถานํ. อิมิสฺสํ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิยํ สมฺมามคฺคสฺส อวธารเณน มคฺคสจฺจสฺส ววตฺถานํ ¶ กตนฺติ, เอวํ โลกิเยเนว ตาว าเณน ติณฺณํ สจฺจานํ ววตฺถานํ กตํ โหติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทโส นาม
วีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๑. ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทโส
อุปกฺกิเลสวิมุตฺตอุทยพฺพยาณกถา
๗๓๗. อฏฺนฺนํ ¶ ¶ ปน าณานํ วเสน สิขาปฺปตฺตา วิปสฺสนา, นวมฺจ สจฺจานุโลมิกาณนฺติ อยํ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม. อฏฺนฺนนฺติ เจตฺถ อุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ วีถิปฏิปนฺนวิปสฺสนาสงฺขาตํ อุทยพฺพยานุปสฺสนาาณํ, ภงฺคานุปสฺสนาาณํ, ภยตุปฏฺานาณํ, อาทีนวานุปสฺสนาาณํ, นิพฺพิทานุปสฺสนาาณํ, มฺุจิตุกมฺยตาาณํ, ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณํ, สงฺขารุเปกฺขาาณนฺติ อิมานิ อฏฺ าณานิ เวทิตพฺพานิ. นวมํ สจฺจานุโลมิกาณนฺติ อนุโลมสฺเสตํ อธิวจนํ. ตสฺมา ตํ สมฺปาเทตุกาเมน อุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ อุทยพฺพยาณํ อาทึ กตฺวา เอเตสุ าเณสุ โยโค กรณีโย.
๗๓๘. ปุน อุทยพฺพยาเณ โยโค กิมตฺถิโยติ เจ? ลกฺขณสลฺลกฺขณตฺโถ. อุทยพฺพยาณํ หิ เหฏฺา ทสหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺํ หุตฺวา ยาถาวสรสโต ติลกฺขณํ สลฺลกฺเขตุํ นาสกฺขิ. อุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ ปน สกฺโกติ. ตสฺมา ลกฺขณสลฺลกฺขณตฺถเมตฺถ ปุน โยโค กรณีโย.
๗๓๙. ลกฺขณานิ ปน กิสฺส อมนสิการา เกน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น อุปฏฺหนฺติ? อนิจฺจลกฺขณํ ตาว อุทยพฺพยานํ อมนสิการา สนฺตติยา ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น อุปฏฺาติ. ทุกฺขลกฺขณํ อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนสฺส อมนสิการา อิริยาปเถหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น อุปฏฺาติ. อนตฺตลกฺขณํ นานาธาตุวินิพฺโภคสฺส อมนสิการา ฆเนน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา น อุปฏฺาติ. อุทยพฺพยมฺปน ปริคฺคเหตฺวา สนฺตติยา วิโกปิตาย อนิจฺจลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ. อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนํ มนสิกตฺวา อิริยาปเถ อุคฺฆาฏิเต ทุกฺขลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ. นานาธาตุโย วินิพฺภุชิตฺวา ฆนวินิพฺโภเค กเต อนตฺตลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาติ.
๗๔๐. เอตฺถ ¶ จ อนิจฺจํ, อนิจฺจลกฺขณํ, ทุกฺขํ, ทุกฺขลกฺขณํ, อนตฺตา, อนตฺตลกฺขณนฺติ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อนิจฺจนฺติ ขนฺธปฺจกํ. กสฺมา? อุปฺปาทวยฺถตฺตภาวา ¶ , หุตฺวา อภาวโต วา. อุปฺปาทวยฺถตฺตํ อนิจฺจลกฺขณํ หุตฺวา อภาวสงฺขาโต วา อาการวิกาโร.
‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) วจนโต ปน ตเทว ขนฺธปฺจกํ ทุกฺขํ. กสฺมา? อภิณฺหปฏิปีฬนา, อภิณฺหปฏิปีฬนากาโร ทุกฺขลกฺขณํ.
‘‘ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) ปน วจนโต ตเทว ขนฺธปฺจกํ อนตฺตา. กสฺมา? อวสวตฺตนโต, อวสวตฺตนากาโร อนตฺตลกฺขณํ.
ตยิทํ สพฺพมฺปิ อยํ โยคาวจโร อุปกฺกิเลสวิมุตฺเตน วีถิปฏิปนฺนวิปสฺสนาสงฺขาเตน อุทยพฺพยานุปสฺสนาาเณน ยาถาวสรสโต สลฺลกฺเขติ.
อุปกฺกิเลสวิมุตฺตอุทยพฺพยาณํ นิฏฺิตํ.
ภงฺคานุปสฺสนาาณกถา
๗๔๑. ตสฺเสวํ สลฺลกฺเขตฺวา ปุนปฺปุนํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ รูปารูปธมฺเม ตุลยโต ตีรยโต ตํ าณํ ติกฺขํ หุตฺวา วหติ, สงฺขารา ลหุํ อุปฏฺหนฺติ, าเณ ติกฺเข วหนฺเต สงฺขาเรสุ ลหุํ อุปฏฺหนฺเตสุ อุปฺปาทํ วา ิตึ วา ปวตฺตํ วา นิมิตฺตํ วา น สมฺปาปุณาติ. ขยวยเภทนิโรเธเยว สติ สนฺติฏฺติ. ตสฺส ‘‘เอวํ อุปฺปชฺชิตฺวา เอวํ นาม สงฺขารคตํ นิรุชฺฌตี’’ติ ปสฺสโต เอตสฺมึ าเน ภงฺคานุปสฺสนํ นาม วิปสฺสนาาณํ อุปฺปชฺชติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘กถํ อารมฺมณปฏิสงฺขา ภงฺคานุปสฺสเน ปฺา วิปสฺสเน าณํ? รูปารมฺมณตา จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชติ, ตํ อารมฺมณํ ปฏิสงฺขา ตสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคํ อนุปสฺสติ ¶ . อนุปสฺสตีติ กถํ อนุปสฺสติ? อนิจฺจโต อนุปสฺสติ โน นิจฺจโต, ทุกฺขโต อนุปสฺสติ โน สุขโต, อนตฺตโต อนุปสฺสติ โน อตฺตโต, นิพฺพินฺทติ โน นนฺทติ, วิรชฺชติ โน รชฺชติ, นิโรเธติ โน สมุเทติ, ปฏินิสฺสชฺชติ โน อาทิยติ.
‘‘อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหติ. ทุกฺขโต อนุปสฺสนฺโต สุขสฺํ, อนตฺตโต อนุปสฺสนฺโต อตฺตสฺํ, นิพฺพินฺทนฺโต ¶ นนฺทึ, วิรชฺชนฺโต ราคํ, นิโรเธนฺโต สมุทยํ ปฏินิสฺสชฺชนฺโต อาทานํ ปชหติ.
‘‘เวทนารมฺมณตา…เป… สฺารมฺมณตา… สงฺขารารมฺมณตา… วิฺาณารมฺมณตา… จกฺขารมฺมณตา…เป… ชรามรณารมฺมณตา จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชติ…เป… ปฏินิสฺสชฺชนฺโต อาทานํ ปชหติ.
‘‘วตฺถุสงฺกมนา เจว, ปฺาย จ วิวฏฺฏนา;
อาวชฺชนาพลฺเจว, ปฏิสงฺขาวิปสฺสนา.
‘‘อารมฺมณอนฺวเยน, อุโภ เอกววตฺถนา;
นิโรเธ อธิมุตฺตตา, วยลกฺขณวิปสฺสนา.
‘‘อารมฺมณฺจ ปฏิสงฺขา, ภงฺคฺจ อนุปสฺสติ;
สฺุโต จ อุปฏฺานํ, อธิปฺาวิปสฺสนา.
‘‘กุสโล ตีสุ อนุปสฺสนาสุ, จตสฺโส จ วิปสฺสนาสุ;
ตโย อุปฏฺาเน กุสลตา, นานาทิฏฺีสุ น กมฺปตี’’ติ.
‘‘ตํ าตฏฺเน าณํ, ปชานนฏฺเน ปฺา, เตน วุจฺจติ ‘อารมฺมณปฏิสงฺขา ภงฺคานุปสฺสเน ปฺา วิปสฺสเน าณ’’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๑-๕๒).
๗๔๒. ตตฺถ ¶ อารมฺมณปฏิสงฺขาติ ยํกิฺจิ อารมฺมณํ ปฏิสงฺขาย ชานิตฺวา, ขยโต วยโต ทิสฺวาติ อตฺโถ. ภงฺคานุปสฺสเน ปฺาติ ตสฺส, อารมฺมณํ ขยโต วยโต ปฏิสงฺขาย อุปฺปนฺนสฺส าณสฺส ภงฺคํ อนุปสฺสเน ยา ปฺา, อิทํ วิปสฺสเน าณนฺติ วุตฺตํ. ตํ กถํ โหตีติ อยํ ตาว กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาย อตฺโถ. ตโต ยถา ตํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปารมฺมณตา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ รูปารมฺมณตา จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชตีติ รูปารมฺมณํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชติ. อถ วา รูปารมฺมณภาเว จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชตีติ อตฺโถ. ตํ อารมฺมณํ ปฏิสงฺขาติ ตํ รูปารมฺมณํ ปฏิสงฺขาย ชานิตฺวา, ขยโต วยโต ทิสฺวาติ อตฺโถ. ตสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคํ อนุปสฺสตีติ เยน จิตฺเตน ตํ รูปารมฺมณํ ขยโต วยโต ทิฏฺํ, ตสฺส จิตฺตสฺส อปเรน จิตฺเตน ภงฺคํ อนุปสฺสตีติ อตฺโถ. เตนาหุ โปราณา ‘‘าตฺจ าณฺจ อุโภปิ วิปสฺสตี’’ติ.
เอตฺถ ¶ จ อนุปสฺสตีติ อนุ อนุ ปสฺสติ, อเนเกหิ อากาเรหิ ปุนปฺปุนํ ปสฺสตีติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘อนุปสฺสตีติ กถํ อนุปสฺสติ. อนิจฺจโต อนุปสฺสตี’’ติอาทิ.
ตตฺถ ยสฺมา ภงฺโค นาม อนิจฺจตาย ปรมา โกฏิ, ตสฺมา โส ภงฺคานุปสฺสโก โยคาวจโร สพฺพํ สงฺขารคตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต. ตโต อนิจฺจสฺส ทุกฺขตฺตา, ทุกฺขสฺส จ อนตฺตตฺตา ตเทว ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, โน สุขโต. อนตฺตโต อนุปสฺสติ โน อตฺตโต.
ยสฺมา ปน ยํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา, น ตํ อภินนฺทิตพฺพํ. ยฺจ อนภินนฺทิตพฺพํ, น ตตฺถ รชฺชิตพฺพํ. ตสฺมา เอตสฺมึ ภงฺคานุปสฺสนานุสาเรน ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ทิฏฺเ สงฺขารคเต นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติ. วิรชฺชติ, โน รชฺชติ. โส เอวํ อรชฺชนฺโต โลกิเกเนว ตาว าเณน ราคํ นิโรเธติ, โน สมุเทติ. สมุทยํ น กโรตีติ อตฺโถ.
อถ วา โส เอวํ วิรตฺโต ยถา ทิฏฺํ สงฺขารคตํ, ตถา อทิฏฺมฺปิ อนฺวยาณวเสน นิโรเธติ ¶ , โน สมุเทติ. นิโรธโตว มนสิกโรติ. นิโรธเมวสฺส ปสฺสติ, โน สมุทยนฺติ อตฺโถ.
โส เอวํ ปฏิปนฺโน ปฏินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติ. กึ วุตฺตํ โหติ? อยมฺปิ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนา ตทงฺควเสน สทฺธึ ขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลสานํ ปริจฺจชนโต, สงฺขตโทสทสฺสเนน จ ตพฺพิปรีเต นิพฺพาเน ตนฺนินฺนตาย ปกฺขนฺทนโต ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค เจว ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคฺโค จาติ วุจฺจติ. ตสฺมา ตาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาวุตฺเตน นเยน กิเลเส ปริจฺจชติ, นิพฺพาเน จ ปกฺขนฺทติ. นาปิ นิพฺพตฺตนวเสน กิเลเส อาทิยติ, น อโทสทสฺสิตาวเสน สงฺขตารมฺมณํ. เตน วุจฺจติ ‘‘ปฏินิสฺสชฺชติ โน อาทิยตี’’ติ.
๗๔๓. อิทานิสฺส เตหิ าเณหิ เยสํ ธมฺมานํ ปหานํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นนฺทินฺติ สปฺปีติกํ ตณฺหํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๗๔๔. คาถาสุ ¶ ปน วตฺถุสงฺกมนาติ รูปสฺส ภงฺคํ ทิสฺวา ปุน เยน จิตฺเตน ภงฺโค ทิฏฺโ, ตสฺสาปิ ภงฺคทสฺสนวเสน ปุริมวตฺถุโต อฺวตฺถุสงฺกมนา. ปฺาย จ วิวฏฺฏนาติ อุทยํ ปหาย วเย สนฺติฏฺนา. อาวชฺชนาพลฺเจวาติ รูปสฺส ภงฺคํ ทิสฺวา ปุน ภงฺคารมฺมณสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคทสฺสนตฺถํ อนนฺตรเมว อาวชฺชนสมตฺถตา. ปฏิสงฺขาวิปสฺสนาติ เอสา อารมฺมณปฏิสงฺขาภงฺคานุปสฺสนา นาม.
๗๔๕. อารมฺมณอนฺวเยน อุโภ เอกววตฺถนาติ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺสฺส อารมฺมณสฺส อนฺวเยน อนุคมเนน ยถา อิทํ, ตถา อตีเตปิ สงฺขารคตํ ภิชฺชิตฺถ, อนาคเตปิ ภิชฺชิสฺสตีติ เอวํ อุภินฺนํ เอกสภาเวเนว ววตฺถาปนนฺติ อตฺโถ.
วุตฺตมฺปิ เจตํ โปราเณหิ –
‘‘สํวิชฺชมานมฺหิ วิสุทฺธทสฺสโน,
ตทนฺวยํ เนติ อตีตนาคเต;
สพฺเพปิ ¶ สงฺขารคตา ปโลกิโน,
อุสฺสาวพินฺทู สูริเยว อุคฺคเต’’ติ.
นิโรเธ อธิมุตฺตตาติ เอวํ อุภินฺนํ ภงฺควเสน เอกววตฺถานํ กตฺวา ตสฺมิฺเว ภงฺคสงฺขาเต นิโรเธ อธิมุตฺตตา ตคฺครุตา ตนฺนินฺนตา ตปฺโปณตา ตปฺปพฺภารตาติ อตฺโถ. วยลกฺขณวิปสฺสนาติ เอสา วยลกฺขณวิปสฺสนา นามาติ วุตฺตํ โหติ.
๗๔๖. อารมฺมณฺจ ปฏิสงฺขาติ ปุริมฺจ รูปาทิอารมฺมณํ ชานิตฺวา. ภงฺคฺจ อนุปสฺสตีติ ตสฺสารมฺมณสฺส ภงฺคํ ทิสฺวา ตทารมฺมณสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคํ อนุปสฺสติ. สฺุโต จ อุปฏฺานนฺติ ตสฺเสวํ ภงฺคํ อนุปสฺสโต ‘‘สงฺขาราว ภิชฺชนฺติ, เตสํ เภโท มรณํ, น อฺโ โกจิ อตฺถี’’ติ สฺุโต อุปฏฺานํ อิชฺฌติ.
เตนาหุ ¶ โปราณา –
‘‘ขนฺธา นิรุชฺฌนฺติ น จตฺถิ อฺโ,
ขนฺธาน เภโท มรณนฺติ วุจฺจติ;
เตสํ ขยํ ปสฺสติ อปฺปมตฺโต,
มณึว วิชฺฌํ วชิเรน โยนิโส’’ติ.
อธิปฺาวิปสฺสนาติ ยา จ อารมฺมณปฏิสงฺขา ยา จ ภงฺคานุปสฺสนา ยฺจ สฺุโต อุปฏฺานํ, อยํ อธิปฺาวิปสฺสนา นามาติ วุตฺตํ โหติ.
๗๔๗. กุสโล ตีสุ อนุปสฺสนาสูติ อนิจฺจานุปสฺสนาทีสุ ตีสุ เฉโก ภิกฺขุ. จตสฺโส จ วิปสฺสนาสูติ นิพฺพิทาทีสุ จ จตูสุ วิปสฺสนาสุ. ตโย อุปฏฺาเน กุสลตาติ ขยโต วยโต สฺุโตติ อิมสฺมิฺจ ติวิเธ อุปฏฺาเน กุสลตาย. นานาทิฏฺีสุ น กมฺปตีติ สสฺสตทิฏฺิอาทีสุ นานปฺปการาสุ ทิฏฺีสุ น เวธติ.
๗๔๘. โส เอวํ อเวธมาโน ‘‘อนิรุทฺธเมว นิรุชฺฌติ, อภินฺนเมว ภิชฺชตี’’ติ ปวตฺตมนสิกาโร ¶ ทุพฺพลภาชนสฺส วิย ภิชฺชมานสฺส, สุขุมรชสฺเสว วิปฺปกิริยมานสฺส, ติลานํ วิย ภชฺชิยมานานํ สพฺพสงฺขารานํ อุปฺปาทฏฺิติปวตฺตนิมิตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา เภทเมว ปสฺสติ. โส ยถา นาม จกฺขุมา ปุริโส โปกฺขรณีตีเร วา นทีตีเร วา ิโต ถูลผุสิตเก เทเว วสฺสนฺเต อุทกปิฏฺเ มหนฺตมหนฺตานิ อุทกพุพฺพุฬกานิ อุปฺปชฺชิตฺวา อุปฺปชฺชิตฺวา สีฆํ สีฆํ ภิชฺชมานานิ ปสฺเสยฺย, เอวเมว สพฺเพ สงฺขารา ภิชฺชนฺติ ภิชฺชนฺตีติ ปสฺสติ. เอวรูปํ หิ โยคาวจรํ สนฺธาย วุตฺตํ ภควตา –
‘‘ยถา พุพฺพุฬกํ ปสฺเส, ยถา ปสฺเส มรีจิกํ;
เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๗๐);
๗๔๙. ตสฺเสวํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา ภิชฺชนฺติ ภิชฺชนฺตี’’ติ อภิณฺหํ ปสฺสโต อฏฺานิสํสปริวารํ ภงฺคานุปสฺสนาาณํ พลปฺปตฺตํ โหติ. ตตฺริเม อฏฺานิสํสา – ภวทิฏฺิปฺปหานํ, ชีวิตนิกนฺติปริจฺจาโค, สทายุตฺตปยุตฺตตา, วิสุทฺธาชีวิตา, อุสฺสุกฺกปฺปหานํ, วิคตภยตา, ขนฺติโสรจฺจปฏิลาโภ, อรติรติสหนตาติ.
เตนาหุ ¶ โปราณา –
‘‘อิมานิ อฏฺคฺคุณมุตฺตมานิ,
ทิสฺวา ตหึ สมฺมสเต ปุนปฺปุนํ;
อาทิตฺตเจลสฺสิรสูปโม มุนิ,
ภงฺคานุปสฺสี อมตสฺส ปตฺติยา’’ติ.
ภงฺคานุปสฺสนาาณํ นิฏฺิตํ.
ภยตุปฏฺานาณกถา
๗๕๐. ตสฺเสวํ สพฺพสงฺขารานํ ขยวยเภทนิโรธารมฺมณํ ภงฺคานุปสฺสนํ อาเสวนฺตสฺส ภาเวนฺตสฺส ¶ พหุลีกโรนฺตสฺส สพฺพภวโยนิคติิติสตฺตาวาเสสุ ปเภทกา สงฺขารา สุเขน ชีวิตุกามสฺส ภีรุกปุริสสฺส สีหพฺยคฺฆทีปิอจฺฉตรจฺฉยกฺขรกฺขสจณฺฑโคณจณฺฑกุกฺกุรปภินฺนมทจณฺฑหตฺถิโฆรอาสีวิสอสนิวิจกฺกสุสานรณภูมิชลิตองฺคารกาสุอาทโย วิย มหาภยํ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. ตสฺส ‘‘อตีตา สงฺขารา นิรุทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติ, อนาคเต นิพฺพตฺตนกสงฺขาราปิ เอวเมว นิรุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ ปสฺสโต เอตสฺมึ าเน ภยตุปฏฺานาณํ นาม อุปฺปชฺชติ.
ตตฺรายํ อุปมา – เอกิสฺสา กิร อิตฺถิยา ตโย ปุตฺตา ราชปราธิกา, เตสํ ราชา สีสจฺเฉทํ อาณาเปสิ. สา ปุตฺเตหิ สทฺธึ อาฆาตนํ อคมาสิ. อถสฺสา เชฏฺปุตฺตสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา มชฺฌิมสฺส ฉินฺทิตุํ อารภึสุ. สา เชฏฺสฺส สีสํ ฉินฺนํ มชฺฌิมสฺส จ ฉิชฺชมานํ ทิสฺวา กนิฏฺมฺหิ อาลยํ วิสฺสชฺชิ ‘‘อยมฺปิ เอเตสฺเว สทิโส ภวิสฺสตี’’ติ. ตตฺถ ตสฺสา อิตฺถิยา เชฏฺปุตฺตสฺส ฉินฺนสีสทสฺสนํ วิย โยคิโน อตีตสงฺขารานํ นิโรธทสฺสนํ, มชฺฌิมสฺส ฉิชฺชมานสีสทสฺสนํ วิย ปจฺจุปฺปนฺนานํ นิโรธทสฺสนํ, ‘‘อยมฺปิ เอเตสฺเว สทิโส ภวิสฺสตี’’ติ กนิฏฺปุตฺตมฺหิ อาลยวิสฺสชฺชนํ วิย ‘‘อนาคเตปิ นิพฺพตฺตนกสงฺขารา ภิชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อนาคตานํ นิโรธทสฺสนํ. ตสฺเสวํ ปสฺสโต เอตสฺมึ าเน อุปฺปชฺชติ ภยตุปฏฺานาณํ.
อปราปิ อุปมา – เอกา กิร ปูติปชา อิตฺถี ทส ทารเก วิชายิ. เตสุ นว มตา, เอโก หตฺถคโต มรติ, อปโร กุจฺฉิยํ. สา นว ทารเก ¶ มเต ทสมฺจ มียมานํ ทิสฺวา กุจฺฉิคเต อาลยํ วิสฺสชฺชิ ‘‘อยมฺปิ เอเตสฺเว สทิโส ภวิสฺสตี’’ติ. ตตฺถ ตสฺสา อิตฺถิยา นวนฺนํ ทารกานํ มรณานุสฺสรณํ วิย โยคิโน อตีตสงฺขารานํ นิโรธทสฺสนํ, หตฺถคตสฺส มียมานภาวทสฺสนํ วิย โยคิโน ปจฺจุปฺปนฺนานํ นิโรธทสฺสนํ, กุจฺฉิคเต อาลยวิสฺสชฺชนํ วิย อนาคตานํ นิโรธทสฺสนํ. ตสฺเสวํ ปสฺสโต เอตสฺมึ ขเณ อุปฺปชฺชติ ภยตุปฏฺานาณํ.
๗๕๑. ภยตุปฏฺานาณํ ปน ภายติ น ภายตีติ? น ภายติ. ตฺหิ อตีตา สงฺขารา นิรุทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติ, อนาคตา นิรุชฺฌิสฺสนฺตีติ ตีรณมตฺตเมว โหติ. ตสฺมา ยถา นาม จกฺขุมา ปุริโส นครทฺวาเร ติสฺโส องฺคารกาสุโย โอโลกยมาโน สยํ น ภายติ, เกวลํ หิสฺส ‘‘เย เย เอตฺถ นิปติสฺสนฺติ, สพฺเพ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุภวิสฺสนฺตี’’ติ ตีรณมตฺตเมว โหติ. ยถา วา ปน จกฺขุมา ปุริโส ขทิรสูลํ อโยสูลํ สุวณฺณสูลนฺติ ปฏิปาฏิยา ¶ ปิตํ สูลตฺตยํ โอโลกยมาโน สยํ น ภายติ, เกวลํ หิสฺส ‘‘เย เย อิเมสุ สูเลสุ นิปติสฺสนฺติ, สพฺเพ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุภวิสฺสนฺตี’’ติ ตีรณมตฺตเมว โหติ, เอวเมว ภยตุปฏฺานาณํ สยํ น ภายติ, เกวลํ หิสฺส องฺคารกาสุตฺตยสทิเสสุ, สูลตฺตยสทิเสสุ จ ตีสุ ภเวสุ ‘‘อตีตา สงฺขารา นิรุทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติ, อนาคตา นิรุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ ตีรณมตฺตเมว โหติ. ยสฺมา ปนสฺส เกวลํ สพฺพภวโยนิคติิตินิวาสคตา สงฺขารา พฺยสนาปนฺนา สปฺปฏิภยา หุตฺวา ภยโต อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา ภยตุปฏฺานนฺติ วุจฺจติ.
เอวํ ภยโต อุปฏฺาเน ปนสฺส อยํ ปาฬิ –
‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต กึ ภยโต อุปฏฺาติ? ทุกฺขโต. อนตฺตโต มนสิกโรโต กึ ภยโต อุปฏฺาตีติ? อนิจฺจโต มนสิกโรโต นิมิตฺตํ ภยโต อุปฏฺาติ. ทุกฺขโต มนสิกโรโต ปวตฺตํ ภยโต อุปฏฺาติ. อนตฺตโต มนสิกโรโต นิมิตฺตฺจ ปวตฺตฺจ ภยโต อุปฏฺาตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗).
ตตฺถ ¶ นิมิตฺตนฺติ สงฺขารนิมิตฺตํ. อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ สงฺขารานเมเวตํ อธิวจนํ. อนิจฺจโต มนสิกโรนฺโต หิ สงฺขารานํ มรณเมว ปสฺสติ, เตนสฺส นิมิตฺตํ ภยโต อุปฏฺาติ. ปวตฺตนฺติ รูปารูปภวปวตฺติ. ทุกฺขโต มนสิกโรนฺโต หิ สุขสมฺมตายปิ ปวตฺติยา อภิณฺหปฏิปีฬนภาวเมว ปสฺสติ, เตนสฺส ปวตฺตํ ภยโต อุปฏฺาติ. อนตฺตโต มนสิกโรนฺโต ปน อุภยมฺเปตํ สฺุคามํ วิย มรีจิคนฺธพฺพนคราทีนิ วิย จ ริตฺตํ ตุจฺฉํ สฺุํ อสฺสามิกํ อปริณายกํ ปสฺสติ. เตนสฺส นิมิตฺตฺจ ปวตฺตฺจ อุภยํ ภยโต อุปฏฺาตีติ.
ภยตุปฏฺานาณํ นิฏฺิตํ.
อาทีนวานุปสฺสนาาณกถา
๗๕๒. ตสฺส ตํ ภยตุปฏฺานาณํ อาเสวนฺตสฺส ภาเวนฺตสฺส พหุลีกโรนฺตสฺส สพฺพภวโยนิคติิติสตฺตาวาเสสุ ¶ เนว ตาณํ, น เลณํ, น คติ, นปฺปฏิสรณํ ปฺายติ. สพฺพภวโยนิคติิตินิวาสคเตสุ สงฺขาเรสุ เอกสงฺขาเรปิ ปตฺถนา วา ปรามาโส วา น โหติ. ตโย ภวา วีตจฺจิกงฺคารปุณฺณองฺคารกาสุโย วิย, จตฺตาโร มหาภูตา โฆรวิสอาสีวิสา วิย, ปฺจกฺขนฺธา อุกฺขิตฺตาสิกวธกา วิย, ฉ อชฺฌตฺติกายตนานิ สฺุคาโม วิย, ฉ พาหิรายตนานิ คามฆาตกโจรา วิย, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, นว จ สตฺตาวาสา เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตา สมฺปชฺชลิตา สโชติภูตา วิย จ, สพฺเพ สงฺขารา คณฺฑภูตา โรคภูตา สลฺลภูตา อฆภูตา อาพาธภูตา วิย จ นิรสฺสาทา นิรสา มหาอาทีนวราสิภูตา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ.
กถํ? สุเขน ชีวิตุกามสฺส ภีรุกปุริสสฺส รมณียาการสณฺิตมฺปิ สวาฬกมิว วนคหนํ, สสทฺทูลา วิย คุหา, สคาหรกฺขสํ วิย อุทกํ, สมุสฺสิตขคฺคา วิย ปจฺจตฺถิกา, สวิสํ วิย โภชนํ, สโจโร วิย มคฺโค, อาทิตฺตมิว อคารํ, อุยฺยุตฺตเสนา วิย รณภูมิ. ยถา หิ โส ปุริโส เอตานิ สวาฬกวนคหนาทีนิ อาคมฺม ภีโต สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต สมนฺตโต อาทีนวเมว ปสฺสติ, เอวเมวายํ โยคาวจโร ¶ ภงฺคานุปสฺสนาวเสน สพฺพสงฺขาเรสุ ภยโต อุปฏฺิเตสุ สมนฺตโต นิรสํ นิรสฺสาทํ อาทีนวเมว ปสฺสติ. ตสฺเสวํ ปสฺสโต อาทีนวาณํ นาม อุปฺปนฺนํ โหติ. ยํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ –
‘‘กถํ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณํ? อุปฺปาโท ภยนฺติ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณํ. ปวตฺตํ ภยนฺติ… นิมิตฺตํ ภยนฺติ… อายูหนา ภยนฺติ… ปฏิสนฺธิ ภยนฺติ… คติ ภยนฺติ… นิพฺพตฺติ ภยนฺติ… อุปปตฺติ ภยนฺติ… ชาติ ภยนฺติ… ชรา ภยนฺติ… พฺยาธิ ภยนฺติ… มรณํ ภยนฺติ… โสโก ภยนฺติ… ปริเทโว ภยนฺติ… อุปายาโส ภยนฺติ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณํ. อนุปฺปาโท เขมนฺติ สนฺติปเท าณํ. อปฺปวตฺตํ…เป… อนุปายาโส เขมนฺติ สนฺติปเท าณํ. อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขมนฺติ สนฺติปเท าณํ. ปวตฺตํ…เป… อุปายาโส ภยํ, อนุปายาโส เขมนฺติ สนฺติปเท าณํ.
‘‘อุปฺปาโท ทุกฺขนฺติ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณํ. ปวตฺตํ…เป… อุปายาโส ทุกฺขนฺติ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณํ. อนุปฺปาโท สุขนฺติ สนฺติปเท ¶ าณํ. อปฺปวตฺตํ…เป… อนุปายาโส สุขนฺติ สนฺติปเท าณํ. อุปฺปาโท ทุกฺขํ, อนุปฺปาโท สุขนฺติ สนฺติปเท าณํ. ปวตฺตํ…เป… อุปายาโส ทุกฺขํ, อนุปายาโส สุขนฺติ สนฺติปเท าณํ.
‘‘อุปฺปาโท สามิสนฺติ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณํ. ปวตฺตํ…เป… อุปายาโส สามิสนฺติ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณํ. อนุปฺปาโท นิรามิสนฺติ สนฺติปเท าณํ. อปฺปวตฺตํ…เป… อนุปายาโส นิรามิสนฺติ สนฺติปเท าณํ. อุปฺปาโท สามิสํ, อนุปฺปาโท นิรามิสนฺติ สนฺติปเท าณํ. ปวตฺตํ…เป… อุปายาโส สามิสํ, อนุปายาโส นิรามิสนฺติ สนฺติปเท าณํ.
อุปฺปาโท ¶ ‘‘สงฺขาราติ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณํ. ปวตฺตํ…เป… อุปายาโส สงฺขาราติ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณํ. อนุปฺปาโท นิพฺพานนฺติ สนฺติปเท าณํ. อปฺปวตฺตํ…เป… อนุปายาโส นิพฺพานนฺติ สนฺติปเท าณํ. อุปฺปาโท สงฺขารา, อนุปฺปาโท นิพฺพานนฺติ สนฺติปเท าณํ. ปวตฺตํ…เป… อุปายาโส สงฺขารา, อนุปายาโส นิพฺพานนฺติ สนฺติปเท าณํ.
‘‘อุปฺปาทฺจ ปวตฺตฺจ, นิมิตฺตํ ทุกฺขนฺติ ปสฺสติ;
อายูหนํ ปฏิสนฺธึ, าณํ อาทีนเว อิทํ.
‘‘อนุปฺปาทํ อปฺปวตฺตํ, อนิมิตฺตํ สุขนฺติ จ;
อนายูหนา อปฺปฏิสนฺธิ, าณํ สนฺติปเท อิทํ.
‘‘อิทํ อาทีนเว าณํ, ปฺจาเนสุ ชายติ;
ปฺจาเน สนฺติปเท, ทส าเณ ปชานาติ;
ทฺวินฺนํ าณานํ กุสลตา, นานาทิฏฺีสุ น กมฺปตี’’ติ.
‘‘ตํ าตฏฺเน าณํ. ปชานนฏฺเน ปฺา. เตน วุจฺจติ ‘‘ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๓).
๗๕๓. ตตฺถ ¶ อุปฺปาโทติ ปุริมกมฺมปจฺจยา อิธ อุปฺปตฺติ. ปวตฺตนฺติ ตถา อุปฺปนฺนสฺส ปวตฺติ. นิมิตฺตนฺติ สพฺพมฺปิ สงฺขารนิมิตฺตํ. อายูหนาติ อายตึ ปฏิสนฺธิเหตุภูตํ กมฺมํ. ปฏิสนฺธีติ อายตึ อุปฺปตฺติ. คตีติ ยาย คติยา สา ปฏิสนฺธิ โหติ. นิพฺพตฺตีติ ขนฺธานํ นิพฺพตฺตนํ. อุปปตฺตีติ ‘‘สมาปนฺนสฺส วา อุปปนฺนสฺส วา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๘๙, ๑๒๙๑) เอวํ วุตฺตา วิปากปฺปวตฺติ. ชาตีติ ชราทีนํ ปจฺจยภูตา ภวปจฺจยา ชาติ. ชรามรณาทโย ปากฏา เอว. เอตฺถ จ อุปฺปาทาทโย ปฺเจว อาทีนวาณสฺส วตฺถุวเสน วุตฺตา. เสสา เตสํ เววจนวเสน. นิพฺพตฺติ ชาตีติ อิทฺหิ ทฺวยํ อุปฺปาทสฺส เจว ปฏิสนฺธิยา จ เววจนํ. คติ อุปปตฺตีติ อิทํ ทฺวยํ ปวตฺตสฺส. ชราทโย นิมิตฺตสฺสาติ. เตนาห –
‘‘อุปฺปาทฺจ ปวตฺตฺจ, นิมิตฺตํ ทุกฺขนฺติ ปสฺสติ;
อายูหนํ ปฏิสนฺธึ, าณํ อาทีนเว อิท’’นฺติ จ.
‘‘อิทํ อาทีนเว าณํ, ปฺจาเนสุ ชายตี’’ติ จ.
อนุปฺปาโท ¶ เขมนฺติ สนฺติปเท าณนฺติอาทิ ปน อาทีนวาณสฺส ปฏิปกฺขาณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ภยตุปฏฺาเนน วา อาทีนวํ ทิสฺวา อุพฺพิคฺคหทยานํ อภยมฺปิ อตฺถิ เขมํ นิราทีนวนฺติ อสฺสาสชนนตฺถมฺปิ เอตํ วุตฺตํ. ยสฺมา วา ปนสฺส อุปฺปาทาทโย ภยโต สูปฏฺิตา โหนฺติ, ตสฺส ตปฺปฏิปกฺขนินฺนํ จิตฺตํ โหติ, ตสฺมา ภยตุปฏฺานวเสน สิทฺธสฺส อาทีนวาณสฺส อานิสํสทสฺสนตฺถมฺเปตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถ จ ยํ ภยํ, ตํ ยสฺมา นิยมโต ทุกฺขํ. ตํ วฏฺฏามิสโลกามิสกิเลสามิเสหิ อวิปฺปมุตฺตตฺตา สามิสเมว. ยฺจ สามิสํ, ตํ สงฺขารมตฺตเมว. ตสฺมา ‘‘อุปฺปาโท ทุกฺขนฺติ ภยตุปฏฺาเน ปฺา อาทีนเว าณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ ภยากาเรน ทุกฺขากาเรน สามิสากาเรนาติ เอวํ อาการนานตฺตโต ปวตฺติวเสเนเวตฺถ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ทสาเณ ปชานาตีติ อาทีนวาณํ ปชานนฺโต อุปฺปาทาทิวตฺถุกานิ ปฺจ, อนุปฺปาทาทิวตฺถุกานิ ปฺจาติ ทส าณานิ ปชานาติ ปฏิวิชฺฌติ สจฺฉิกโรติ. ทฺวินฺนํ าณานํ กุสลตาติ อาทีนวาณสฺส เจว สนฺติปทาณสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ กุสลตาย. นานาทิฏฺีสุ ¶ น กมฺปตีติ ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานาทิวเสน ปวตฺตาสุ ทิฏฺีสุ น เวธติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อาทีนวานุปสฺสนาาณํ นิฏฺิตํ.
นิพฺพิทานุปสฺสนาาณกถา
๗๕๔. โส เอวํ สพฺพสงฺขาเร อาทีนวโต ปสฺสนฺโต สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสคเต สเภทเก สงฺขารคเต นิพฺพินฺทติ อุกฺกณฺติ นาภิรมติ.
เสยฺยถาปิ นาม, จิตฺตกูฏปพฺพตปาทาภิรโต สุวณฺณราชหํโส อสุจิมฺหิ จณฺฑาลคามทฺวารอาวาเฏ นาภิรมติ, สตฺตสุ มหาสเรสุเยว อภิรมติ, เอวเมว อยมฺปิ โยคีราชหํโส สุปริทิฏฺาทีนเว สเภทเก สงฺขารคเต นาภิรมติ. ภาวนารามตาย ปน ภาวนารติยา สมนฺนาคตตฺตา สตฺตสุ อนุปสฺสนาสุเยว รมติ.
ยถา ¶ จ สุวณฺณปฺชเร ปกฺขิตฺโต สีโห มิคราชา นาภิรมติ, ติโยชนสหสฺสวิตฺถเต ปน หิมวนฺเตเยว รมติ, เอวมยํ โยคีสีโห ติวิเธ สุคติภเวปิ นาภิรมติ, ตีสุ ปน อนุปสฺสนาสุเยว รมติ.
ยถา จ สพฺพเสโต สตฺตปติฏฺโ อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม ฉทฺทนฺโต นาคราชา นครมชฺเฌ นาภิรมติ, หิมวติ ฉทฺทนฺตทหคหเนเยว อภิรมติ, เอวมยํ โยคีวรวารโณ สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารคเต นาภิรมติ, อนุปฺปาโท เขมนฺติอาทินา นเยน ทิฏฺเ สนฺติปเทเยว อภิรมติ, ตนฺนินฺนตปฺโปณตปฺปพฺภารมานโส โหตีติ.
นิพฺพิทานุปสฺสนาาณํ นิฏฺิตํ.
๗๕๕. ตํ ปเนตํ ปุริเมน าณทฺวเยน อตฺถโต เอกํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ภยตุปฏฺานํ ¶ เอกเมว ตีณิ นามานิ ลภติ, สพฺพสงฺขาเร ภยโต อทฺทสาติ ภยตุปฏฺานํ นาม ชาตํ. เตสุเยว สงฺขาเรสุ อาทีนวํ อุปฺปาเทตีติ อาทีนวานุปสฺสนา นาม ชาตํ. เตสุเยว สงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทมานํ อุปฺปนฺนนฺติ นิพฺพิทานุปสฺสนา นาม ชาต’’นฺติ.
ปาฬิยมฺปิ วุตฺตํ – ‘‘ยา จ ภยตุปฏฺาเน ปฺา, ยฺจ อาทีนเว าณํ, ยา จ นิพฺพิทา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗).
มฺุจิตุกมฺยตาาณกถา
๗๕๖. อิมินา ปน นิพฺพิทาาเณน อิมสฺส กุลปุตฺตสฺส นิพฺพินฺทนฺตสฺส อุกฺกณฺนฺตสฺส อนภิรมนฺตสฺส สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสคเตสุ สเภทเกสุ สงฺขาเรสุ เอกสงฺขาเรปิ จิตฺตํ น สชฺชติ, น ลคฺคติ, น พชฺฌติ, สพฺพสฺมา สงฺขารคตา มุจฺจิตุกามํ นิสฺสริตุกามํ โหติ. ยถา กึ? ยถา นาม ชาลพฺภนฺตรคโต มจฺโฉ, สปฺปมุขคโต มณฺฑูโก, ปฺชรปกฺขิตฺโต วนกุกฺกุโฏ, ทฬฺหปาสวสคโต มิโค, อหิตุณฺฑิกหตฺถคโต สปฺโป, มหาปงฺกปกฺขนฺโท กฺุชโร, สุปณฺณมุขคโต ¶ นาคราชา, ราหุมุขปฺปวิฏฺโ จนฺโท, สปตฺตปริวาริโต ปุริโสติ เอวมาทโย ตโต ตโต มุจฺจิตุกามา นิสฺสริตุกามาว โหนฺติ, เอวํ ตสฺส โยคิโน จิตฺตํ สพฺพสฺมา สงฺขารคตา มุจฺจิตุกามํ นิสฺสริตุกามํ โหติ. อถสฺส เอวํ สพฺพสงฺขาเรสุ วิคตาลยสฺส สพฺพสฺมา สงฺขารคตา มุจฺจิตุกามสฺส อุปฺปชฺชติ มฺุจิตุกมฺยตา าณนฺติ.
มฺุจิตุกมฺยตาาณํ นิฏฺิตํ.
ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณกถา
๗๕๗. โส เอวํ สพฺพภวโยนิคติฏฺิตินิวาสคเตหิ สเภทเกหิ สงฺขาเรหิ มุจฺจิตุกาโม สพฺพสฺมา สงฺขารคตา มุจฺจิตุํ ปุน เต เอวํ สงฺขาเร ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาเณน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ปริคฺคณฺหาติ.
โส ¶ สพฺพสงฺขาเร อนจฺจนฺติกโต, ตาวกาลิกโต, อุปฺปาทวยปริจฺฉินฺนโต, ปโลกโต, จลโต, ปภงฺคุโต, อทฺธุวโต, วิปริณามธมฺมโต, อสฺสารกโต, วิภวโต, สงฺขตโต, มรณธมฺมโตติอาทีหิ การเณหิ อนิจฺจาติ ปสฺสติ.
อภิณฺหปฏิปีฬนโต, ทุกฺขมโต, ทุกฺขวตฺถุโต, โรคโต, คณฺฑโต, สลฺลโต, อฆโต, อาพาธโต, อีติโต, อุปทฺทวโต, ภยโต, อุปสคฺคโต, อตาณโต, อเลณโต, อสรณโต, อาทีนวโต, อฆมูลโต, วธกโต, สาสวโต, มารามิสโต, ชาติธมฺมโต, ชราธมฺมโต, พฺยาธิธมฺมโต, โสกธมฺมโต, ปริเทวธมฺมโต, อุปายาสธมฺมโต, สํกิเลสิกธมฺมโตติอาทีหิ การเณหิ ทุกฺขาติ ปสฺสติ.
อชฺโต, ทุคฺคนฺธโต, เชคุจฺฉโต, ปฏิกฺกูลโต, อมณฺฑนารหโต, วิรูปโต, พีภจฺฉโตติอาทีหิ การเณหิ ทุกฺขลกฺขณสฺส ปริวารภูตโต อสุภโต ปสฺสติ.
ปรโต, ริตฺตโต, ตุจฺฉโต, สฺุโต, อสฺสามิกโต, อนิสฺสรโต, อวสวตฺติโตติอาทีหิ การเณหิ อนตฺตโต ปสฺสติ.
๗๕๘. เอวฺหิ ¶ ปสฺสตาเนน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขารา ปริคฺคหิตา นาม โหนฺติ. กสฺมา ปนายเมเต เอวํ ปริคฺคณฺหาตีติ? มฺุจนสฺส อุปายสมฺปาทนตฺถํ.
ตตฺรายํ อุปมา – เอโก กิร ปุริโส ‘‘มจฺเฉ คเหสฺสามี’’ติ มจฺฉขิปฺปํ คเหตฺวา อุทเก โอฑฺฑาเปสิ โส ขิปฺปมุเขน หตฺถํ โอตาเรตฺวา อนฺโตอุทเก สปฺปํ คีวาย คเหตฺวา ‘‘มจฺโฉ เม คหิโต’’ติ อตฺตมโน อโหสิ. โส ‘‘มหา วต มยา มจฺโฉ ลทฺโธ’’ติ อุกฺขิปิตฺวา ปสฺสนฺโต โสวตฺถิกตฺตยทสฺสเนน สปฺโปติ สฺชานิตฺวา ภีโต อาทีนวํ ทิสฺวา คหเณ นิพฺพินฺโน มฺุจิตุกาโม หุตฺวา มฺุจนสฺส อุปายํ กโรนฺโต อคฺคนงฺคุฏฺโต ปฏฺาย หตฺถํ นิพฺเพเตฺวา พาหุํ อุกฺขิปิตฺวา อุปริสีเส ทฺเว ตโย วาเร อาวิชฺฌิตฺวา สปฺปํ ทุพฺพลํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ ทุฏฺ สปฺปา’’ติ นิสฺสชฺชิตฺวา เวเคน ตฬากปาฬึ อารุยฺห ‘‘มหนฺตสฺส วต โภ สปฺปสฺส มุขโต มุตฺโตมฺหี’’ติ อาคตมคฺคํ โอโลกยมาโน อฏฺาสิ.
ตตฺถ ¶ ตสฺส ปุริสสฺส ‘‘มจฺโฉ’’ติ สปฺปํ คีวาย คเหตฺวา ตุฏฺกาโล วิย อิมสฺสาปิ โยคิโน อาทิโตว อตฺตภาวํ ปฏิลภิตฺวา ตุฏฺกาโล, ตสฺส ขิปฺปมุขโต สีสํ นีหริตฺวา โสวตฺถิกตฺตยทสฺสนํ วิย อิมสฺส ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา สงฺขาเรสุ ติลกฺขณทสฺสนํ, ตสฺส ภีตกาโล วิย อิมสฺส ภยตุปฏฺานาณํ. ตโต อาทีนวทสฺสนํ วิย อาทีนวานุปสฺสนาาณํ, คหเณ นิพฺพินฺทนํ วิย นิพฺพิทานุปสฺสนาาณํ. สปฺปํ มฺุจิตุกามตา วิย มฺุจิตุกมฺยตาาณํ, มฺุจนสฺส อุปายกรณํ วิย ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาเณน สงฺขาเรสุ ติลกฺขณาโรปนํ. ยถา หิ โส ปุริโส สปฺปํ อาวิชฺฌิตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา นิวตฺเตตฺวา ฑํสิตุํ อสมตฺถภาวํ ปาเปตฺวา สุมุตฺตํ มฺุจติ, เอวมยํ โยคาวจโร ติลกฺขณาโรปเนน สงฺขาเร อาวิชฺฌิตฺวา ทุพฺพเล กตฺวา ปุน นิจฺจสุขสุภอตฺตากาเรน อุปฏฺาตุํ อสมตฺถตํ ปาเปตฺวา สุมุตฺตํ มฺุจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มฺุจนสฺส อุปายสมฺปาทนตฺถํ เอวํ ปริคฺคณฺหาตี’’ติ.
๗๕๙. เอตฺตาวตา ตสฺส อุปฺปนฺนํ โหติ ปฏิสงฺขาาณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อนิจฺจโต ¶ มนสิกโรโต กึ ปฏิสงฺขา าณํ อุปฺปชฺชติ? ทุกฺขโต. อนตฺตโต มนสิกโรโต กึ ปฏิสงฺขา าณํ อุปฺปชฺชติ? อนิจฺจโต มนสิกโรโต นิมิตฺตํ ปฏิสงฺขา าณํ อุปฺปชฺชติ. ทุกฺขโต มนสิกโรโต ปวตฺตํ ปฏิสงฺขา าณํ อุปฺปชฺชติ. อนตฺตโต มนสิกโรโต นิมิตฺตฺจ ปวตฺตฺจ ปฏิสงฺขา าณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗).
เอตฺถ จ นิมิตฺตํ ปฏิสงฺขาติ สงฺขารนิมิตฺตํ ‘‘อทฺธุวํ ตาวกาลิก’’นฺติ อนิจฺจลกฺขณวเสน ชานิตฺวา. กามฺจ น ปมํ ชานิตฺวา ปจฺฉา าณํ อุปฺปชฺชติ, โวหารวเสน ปน ‘‘มนฺจ ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิฺาณ’’นฺติอาทีนิ (ม. นิ. ๓.๔๒๑) วิย เอวํ วุจฺจติ. เอกตฺตนเยน วา ปุริมฺจ ปจฺฉิมฺจ เอกํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิมินา นเยน อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเย อตฺโถ เวทิตพฺโพติ.
ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณํ นิฏฺิตํ.
สงฺขารุเปกฺขาาณกถา
๗๖๐. โส ¶ เอวํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาเณน ‘‘สพฺเพ สงฺขารา สฺุา’’ติ ปริคฺคเหตฺวา ปุน ‘‘สฺุมิทํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา’’ติ (ม. นิ. ๓.๖๙) ทฺวิโกฏิกํ สฺุตํ ปริคฺคณฺหาติ. โส เอวํ เนว อตฺตานํ, น ปรํ กิฺจิ อตฺตโน ปริกฺขารภาเว ิตํ ทิสฺวา ปุน ‘‘นาหํ กฺวจนิ, กสฺสจิ กิฺจนตสฺมึ, น จ มม กฺวจนิ, กิสฺมิฺจิ กิฺจนตตฺถี’’ติ ยา เอตฺถ จตุโกฏิกา สฺุตา กถิตา, ตํ ปริคฺคณฺหาติ.
กถํ? อยฺหิ นาหํ กฺวจนีติ กฺวจิ อตฺตานํ น ปสฺสติ. กสฺสจิ กิฺจนตสฺมินฺติ อตฺตโน อตฺตานํ กสฺสจิ ปรสฺส กิฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ น ปสฺสติ. ภาติฏฺาเนวา ภาตรํ, สหายฏฺาเน วา สหายํ, ปริกฺขารฏฺาเน วา ปริกฺขารํ มฺิตฺวา อุปเนตพฺพํ น ปสฺสตีติ อตฺโถ. น จ มม กฺวจนีติ เอตฺถ มม-สทฺทํ ตาว เปตฺวา น จ กฺวจนีติ ปรสฺส จ อตฺตานํ กฺวจิ นปสฺสตีติ ¶ อยมตฺโถ. อิทานิ มม-สทฺทํ อาหริตฺวา มม กิสฺมิฺจิ กิฺจนตตฺถีติ โส ปรสฺส อตฺตา มม กิสฺมิฺจิ กิฺจนภาเว อตฺถีติ น ปสฺสตีติ. อตฺตโน ภาติฏฺาเน วา ภาตรํ, สหายฏฺาเน วา สหายํ ปริกฺขารฏฺาเน วา ปริกฺขารนฺติ กิสฺมิฺจิ าเน ปรสฺส อตฺตานํ อิมินา กิฺจนภาเวน อุปเนตพฺพํ น ปสฺสตีติ อตฺโถ. เอวมยํ ยสฺมา เนว กตฺถจิ อตฺตานํ ปสฺสติ, น ตํ ปรสฺส กิฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ ปสฺสติ, น ปรสฺส อตฺตานํ ปสฺสติ, น ปรสฺส อตฺตานํ อตฺตโน กิฺจนภาเว อุปเนตพฺพํ ปสฺสติ. ตสฺมาเนน จตุโกฏิกา สฺุตา ปริคฺคหิตา โหตีติ.
๗๖๑. เอวํ จตุโกฏิกํ สฺุตํ ปริคฺคเหตฺวา ปุน ฉหากาเรหิ สฺุตํ ปริคฺคณฺหาติ. กถํ? จกฺขุ สฺุํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา นิจฺเจน วา ธุเวน วา สสฺสเตน วา อวิปริณามธมฺเมน วา…เป… มโน สฺุโ. รูปา สฺุา…เป… ธมฺมา สฺุา. จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ. จกฺขุสมฺผสฺโสติ เอวํ ยาว ชรามรณา นโย เนตพฺโพ.
๗๖๒. เอวํ ฉหากาเรหิ สฺุตํ ปริคฺคเหตฺวา ปุน อฏฺหากาเรหิ ปริคฺคณฺหาติ. เสยฺยถิทํ – รูปํ อสารํ นิสฺสารํ สาราปคตํ นิจฺจสารสาเรน วา ธุวสารสาเรน วา สุขสารสาเรน ¶ วา อตฺตสารสาเรน วา นิจฺเจน วา ธุเวน วา สสฺสเตน วา อวิปริณามธมฺเมน วา. เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ… จกฺขุ…เป… ชรามรณํ อสารํ นิสฺสารํ สาราปคตํ นิจฺจสารสาเรน วา ธุวสารสาเรน วา สุขสารสาเรน วา อตฺตสารสาเรน วา นิจฺเจน วา ธุเวน วา สสฺสเตน วา อวิปริณามธมฺเมน วา. ยถา นโฬ อสาโร นิสฺสาโร สาราปคโต. ยถา เอรณฺโฑ… ยถา อุทุมฺพโร… ยถา เสตวจฺโฉ… ยถา ปาฬิภทฺทโก… ยถา เผณปิณฺโฑ… ยถา อุทกพุพฺพุฬํ… ยถา มรีจิ… ยถา กทลิกฺขนฺโธ… ยถา มายา อสารา นิสฺสารา สาราปคตา, เอวเมว รูปํ…เป… ชรามรณํ อสารํ นิสฺสารํ สาราปคตํ นิจฺจสารสาเรน วา…เป… อวิปริณามธมฺเมน วาติ (จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๘).
๗๖๓. โส ¶ เอวํ อฏฺหากาเรหิ สฺุตํ ปริคฺคเหตฺวา ปุน ทสหากาเรหิ ปริคฺคณฺหาติ, รูปํ ริตฺตโต ปสฺสติ. ตุจฺฉโต… สฺุโต… อนตฺตโต… อนิสฺสริยโต… อกามการิยโต… อลพฺภนียโต… อวสวตฺตกโต… ปรโต… วิวิตฺตโต ปสฺสติ. เวทนํ…เป… วิฺาณํ ริตฺตโต…เป… วิวิตฺตโต ปสฺสตีติ.
๗๖๔. เอวํ ทสหากาเรหิ สฺุตํ ปริคฺคเหตฺวา ปุน ทฺวาทสหากาเรหิ ปริคฺคณฺหาติ. เสยฺยถิทํ – รูปํ น สตฺโต, น ชีโว, น นโร, น มาณโว, น อิตฺถี, น ปุริโส, น อตฺตา, น อตฺตนิยํ. นาหํ, น มม, น อฺสฺส, น กสฺสจิ. เวทนา…เป… วิฺาณํ น กสฺสจีติ (จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๘).
๗๖๕. เอวํ ทฺวาทสหากาเรหิ สฺุตํ ปริคฺคณฺหิตฺวา ปุน ตีรณปริฺาวเสน ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ สฺุตํ ปริคฺคณฺหาติ, รูปํ อนิจฺจโต… ทุกฺขโต… โรคโต… คณฺฑโต… สลฺลโต… อฆโต… อาพาธโต… ปรโต… ปโลกโต… อีติโต… อุปทฺทวโต… ภยโต… อุปสคฺคโต… จลโต… ปภงฺคุโต… อทฺธุวโต… อตาณโต… อเลณโต… อสรณโต… อสรณีภูตโต… ริตฺตโต… ตุจฺฉโต… สฺุโต… อนตฺตโต… อนสฺสาทโต… อาทีนวโต… วิปริณามธมฺมโต… อสฺสารกโต… อฆมูลโต… วธกโต… วิภวโต… สาสวโต… สงฺขตโต… มารามิสโต… ชาติธมฺมโต… ชราธมฺมโต… พฺยาธิธมฺมโต… มรณธมฺมโต… โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสอุปายาสธมฺมโต… สมุทยโต… อตฺถงฺคมโต… อนสฺสาทโต ¶ … อาทีนวโต… นิสฺสรณโต ปสฺสติ. เวทนํ…เป… วิฺาณํ อนิจฺจโต…เป… นิสฺสรณโต ปสฺสติ.
วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘รูปํ อนิจฺจโต…เป… นิสฺสรณโต ปสฺสนฺโต สฺุโต โลกํ อเวกฺขติ. เวทนํ…เป… วิฺาณํ อนิจฺจโต…เป… นิสฺสรณโต ปสฺสนฺโต สฺุโต โลกํ อเวกฺขติ’’.
‘‘สฺุโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ, โมฆราช สทา สโต;
อตฺตานุทิฏฺึ อูหจฺจ, เอวํ มจฺจุตโร สิยา;
เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๑๒๕; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๘);
๗๖๖. เอวํ ¶ สฺุโต ทิสฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร ปริคฺคณฺหนฺโต ภยฺจ นนฺทิฺจ วิปฺปหาย สงฺขาเรสุ อุทาสีโน อโหสิ มชฺฌตฺโต, อหนฺติ วา มมนฺติ วา น คณฺหาติ วิสฺสฏฺภริโย วิย ปุริโส.
ยถา นาม ปุริสสฺส ภริยา ภเวยฺย อิฏฺา กนฺตา มนาปา, โส ตาย วินา มุหุตฺตมฺปิ อธิวาเสตุํ น สกฺกุเณยฺย, อติวิย นํ มมาเยยฺย, โส ตํ อิตฺถึ อฺเน ปุริเสน สทฺธึ ิตํ วา นิสินฺนํ วา กเถนฺตึ วา หสนฺตึ วา ทิสฺวา กุปิโต อสฺส อนตฺตมโน, อธิมตฺตํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทยฺย. โส อปเรน สมเยน ตสฺสา อิตฺถิยา โทสํ ทิสฺวา มฺุจิตุกาโม หุตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชยฺย, น นํ มมาติ คณฺเหยฺย. ตโต ปฏฺาย ตํ เยนเกนจิ สทฺธึ ยํกิฺจิ กุรุมานํ ทิสฺวาปิ เนว กุปฺเปยฺย, น โทมนสฺสํ อาปชฺเชยฺย, อฺทตฺถุ อุทาสีโนว ภเวยฺย มชฺฌตฺโต. เอวเมวายํ สพฺพสงฺขาเรหิ มฺุจิตุกาโม หุตฺวา ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย สงฺขาเร ปริคฺคณฺหนฺโต อหํ มมาติ คเหตพฺพํ อทิสฺวา ภยฺจ นนฺทิฺจ วิปฺปหาย สพฺพสงฺขาเรสุ อุทาสีโน โหติ มชฺฌตฺโต.
ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต ตีสุ ภเวสุ จตูสุ โยนีสุ ปฺจสุ คตีสุ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ ¶ นวสุ สตฺตาวาเสสุ จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฏติ ปติวตฺตติ น สมฺปสาริยติ, อุเปกฺขา วา ปาฏิกุลฺยตา วา สณฺาติ.
เสยฺยถาปิ นาม ปทุมปลาเส อีสกโปเณ อุทกผุสิตานิ ปติลียนฺติ ปติกุฏนฺติ ปติวตฺตนฺติ น สมฺปสาริยนฺติ, เอวเมว…เป… เสยฺยถาปิ นาม กุกฺกุฏปตฺตํ วา นหารุททฺทุลํ วา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฏติ ปติวตฺตติ น สมฺปสาริยติ (อ. นิ. ๗.๔๙), เอวเมว ตสฺส ตีสุ ภเวสุ จิตฺตํ…เป… อุเปกฺขา วา ปาฏิกุลฺยตา วา สณฺาติ. อิจฺจสฺส สงฺขารุเปกฺขาาณํ นาม อุปฺปนฺนํ โหติ.
๗๖๗. ตํ ปเนตํ สเจ สนฺติปทํ นิพฺพานํ สนฺตโต ปสฺสติ, สพฺพํ สงฺขารปฺปวตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา นิพฺพานเมว ปกฺขนฺทติ. โน เจ นิพฺพานํ สนฺตโต ¶ ปสฺสติ, ปุนปฺปุนํ สงฺขารารมฺมณเมว หุตฺวา ปวตฺตติ สามุทฺทิกานํ ทิสากาโก วิย. สามุทฺทิกา กิร วาณิชกา นาวํ อาโรหนฺตา ทิสากากํ นาม คณฺหนฺติ, เต ยทา นาวา วาตกฺขิตฺตา วิเทสํ ปกฺขนฺทติ, ตีรํ น ปฺายติ, ตทา ทิสากากํ วิสฺสชฺเชนฺติ. โส กูปกยฏฺิโต อากาสํ ลงฺฆิตฺวา สพฺพา ทิสา จ วิทิสา จ อนุคนฺตฺวา สเจ ตีรํ ปสฺสติ, ตทภิมุโขว คจฺฉติ. โน เจ ปสฺสติ, ปุนปฺปุนํ อาคนฺตฺวา กูปกยฏฺึเยว อลฺลียติ. เอวเมว สเจ สงฺขารุเปกฺขาาณํ สนฺติปทํ นิพฺพานํ สนฺตโต ปสฺสติ, สพฺพํ สงฺขารปฺปวตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา นิพฺพานเมว ปกฺขนฺทติ. โน เจ ปสฺสติ, ปุนปฺปุนํ สงฺขารารมฺมณเมว หุตฺวา ปวตฺตติ.
ตทิทํ สุปฺปคฺเค ปิฏฺํ วฏฺฏยมานํ วิย. นิพฺพฏฺฏิตกปฺปาสํ วิหนมานํ วิย นานปฺปการโต สงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา ภยฺจ นนฺทิฺจ ปหาย สงฺขารวิจินเน มชฺฌตฺตํ หุตฺวา ติวิธานุปสฺสนาวเสน ติฏฺติ. เอวํ ติฏฺมานํ ติวิธวิโมกฺขมุขภาวํ อาปชฺชิตฺวา สตฺตอริยปุคฺคลวิภาคาย ปจฺจโย โหติ.
๗๖๘. ตตฺริทํ ติวิธานุปสฺสนาวเสน ปวตฺตนโต ติณฺณํ อินฺทฺริยานํ อาธิปเตยฺยวเสน ติวิธวิโมกฺขมุขภาวํ อาปชฺชติ นาม. ติสฺโส หิ อนุปสฺสนา ตีณิ วิโมกฺขมุขานีติ วุจฺจนฺติ. ยถาห –
‘‘ตีณิ ¶ โข ปนิมานิ วิโมกฺขมุขานิ โลกนิยฺยานาย สํวตฺตนฺติ, สพฺพสงฺขาเร ปริจฺเฉทปริวฏุมโต สมนุปสฺสนตาย, อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตาย, สพฺพสงฺขาเรสุ มโนสมุตฺเตชนตาย, อปฺปณิหิตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตาย, สพฺพธมฺเม ปรโต สมนุปสฺสนตาย, สฺุตาย จ ธาตุยา จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตาย, อิมานิ ตีณิ วิโมกฺขมุขานิ โลกนิยฺยานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๙).
ตตฺถ ปริจฺเฉทปริวฏุมโตติ อุทยพฺพยวเสน ปริจฺเฉทโต เจว ปริวฏุมโต จ. อนิจฺจานุปสฺสนํ หิ ‘‘อุทยโต ปุพฺเพ สงฺขารา นตฺถี’’ติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เตสํ คตึ สมนฺเนสมานํ ‘‘วยโต ปรํ น คจฺฉนฺติ, เอตฺเถว อนฺตรธายนฺตี’’ติ ปริวฏุมโต สมนุปสฺสติ. มโนสมุตฺเตชนตายาติ จิตฺตสํเวชนตาย ¶ . ทุกฺขานุปสฺสเนน หิ สงฺขาเรสุ จิตฺตํ สํเวเชติ. ปรโต สมนุปสฺสนตายาติ ‘‘นาหํ, น มมา’’ติ เอวํ อนตฺตโต สมนุปสฺสนตาย. อิติ อิมานิ ตีณิ ปทานิ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ วเสน วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. เตเนว ตทนนฺตเร ปฺหวิสฺสชฺชเน วุตฺตํ – ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต ขยโต สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ. ทุกฺขโต มนสิกโรโต ภยโต สงฺขารา อุปฏฺหนฺติ. อนตฺตโต มนสิกโรโต สฺุโต สงฺขารา อุปฏฺหนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๙).
๗๖๙. กตเม ปน เต วิโมกฺขา, เยสํ อิมานิ อนุปสฺสนานิ มุขานีติ? อนิมิตฺโต, อปฺปณิหิโต, สฺุโตติ เอเต ตโย. วุตฺตํ เหตํ ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรนฺโต อธิโมกฺขพหุโล อนิมิตฺตํ วิโมกฺขํ ปฏิลภติ. ทุกฺขโต มนสิกโรนฺโต ปสฺสทฺธิพหุโล อปฺปณิหิตํ วิโมกฺขํ ปฏิลภติ. อนตฺตโต มนสิกโรนฺโต เวทพหุโล สฺุตวิโมกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๓).
เอตฺถ จ อนิมิตฺโต วิโมกฺโขติ อนิมิตฺตากาเรน นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺโต อริยมคฺโค. โส หิ อนิมิตฺตาย ธาตุยา อุปฺปนฺนตฺตา อนิมิตฺโต. กิเลเสหิ จ วิมุตฺตตฺตา วิโมกฺโข. เอเตเนว นเยน อปฺปณิหิตากาเรน นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺโต อปฺปณิหิโต. สฺุตากาเรน นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺโต สฺุโตติ เวทิตพฺโพ.
๗๗๐. ยํ ปน อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิกํ อปจยคามึ ¶ ทิฏฺิคตานํ ปหานาย ปมาย ภูมิยา ปตฺติยา วิวิจฺเจว กาเมหิ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ อปฺปณิหิตํ สฺุต’’นฺติ (ธ. ส. ๓๔๓ อาทโย) เอวํ วิโมกฺขทฺวยเมว วุตฺตํ, ตํ นิปฺปริยายโต วิปสฺสนาคมนํ สนฺธาย. วิปสฺสนาาณํ หิ กิฺจาปิ ปฏิสมฺภิทามคฺเค –
‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาาณํ นิจฺจโต อภินิเวสํ มฺุจตีติ สฺุโต วิโมกฺโข. ทุกฺขานุปสฺสนาาณํ สุขโต อภินิเวสํ. อนตฺตานุปสฺสนาาณํ อตฺตโต อภินิเวสํ มฺุจตีติ ¶ สฺุโต วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๙) เอวํ อภินิเวสํ มฺุจนวเสน สฺุโต วิโมกฺโขติ จ,
‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาาณํ นิจฺจโต นิมิตฺตํ มฺุจตีติ อนิมิตฺโต วิโมกฺโข. ทุกฺขานุปสฺสนาาณํ สุขโต นิมิตฺตํ, อนตฺตานุปสฺสนาาณํ อตฺตโต นิมิตฺตํ มฺุจตีติ อนิมิตฺโต วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๙) เอวํ นิมิตฺตํ มฺุจนวเสน อนิมิตฺโต วิโมกฺโขติ จ,
‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาาณํ นิจฺจโต ปณิธึ มฺุจตีติ อปฺปณิหิโต วิโมกฺโข. ทุกฺขานุปสฺสนาาณํ สุขโต ปณิธึ. อนตฺตานุปสฺสนาาณํ อตฺตโต ปณิธึ มฺุจตีติ อปฺปณิหิโต วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๙) เอวํ ปณิธึ มฺุจนวเสน อปฺปณิหิโต วิโมกฺโขติ จ –
วุตฺตํ. ตถาปิ ตํ สงฺขารนิมิตฺตสฺส อวิชหนโต น นิปฺปริยาเยน อนิมิตฺตํ. นิปฺปริยาเยน ปน สฺุตฺเจว อปฺปณิหิตฺจ. ตสฺส จ อาคมนวเสน อริยมคฺคกฺขเณ วิโมกฺโข อุทฺธโฏ. ตสฺมา อปฺปณิหิตํ สฺุตนฺติ วิโมกฺขทฺวยเมว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อยํ ตาเวตฺถ วิโมกฺขกถา.
๗๗๑. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘สตฺตอริยปุคฺคลวิภาคาย ปจฺจโย โหตี’’ติ, ตตฺถ สทฺธานุสารี, สทฺธาวิมุตฺโต, กายสกฺขิ, อุภโตภาควิมุตฺโต, ธมฺมานุสารี, ทิฏฺิปฺปตฺโต, ปฺาวิมุตฺโตติ ¶ อิเม ตาว สตฺต อริยปุคฺคลา, เตสํ วิภาคาย อิทํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ ปจฺจโย โหติ.
๗๗๒. โย หิ อนิจฺจโต มนสิกโรนฺโต อธิโมกฺขพหุโล สทฺธินฺทฺริยํ ปฏิลภติ, โส โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ สทฺธานุสารี โหติ. เสเสสุ สตฺตสุ าเนสุ สทฺธาวิมุตฺโต.
๗๗๓. โย ปน ทุกฺขโต มนสิกโรนฺโต ปสฺสทฺธิพหุโล สมาธินฺทฺริยํ ปฏิลภติ, โส สพฺพตฺถ กายสกฺขิ นาม โหติ. อรูปชฺฌานํ ปน ปตฺวา อคฺคผลปฺปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต นาม โหติ.
๗๗๔. โย ¶ ปน อนตฺตโต มนสิกโรนฺโต เวทพหุโล ปฺินฺทฺริยํ ปฏิลภติ, โส โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ธมฺมานุสารี โหติ. ฉสุ าเนสุ ทิฏฺิปฺปตฺโต อคฺคผเล ปฺาวิมุตฺโตติ.
‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ. สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตฺตา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิลภติ, เตน วุจฺจติ สทฺธานุสารี’’ติ.
ตถา ‘‘อนิจฺจโต มนสิกโรโต สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตฺตา โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกตํ โหติ, เตน วุจฺจติ สทฺธาวิมุตฺโต’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๑).
‘‘สทฺทหนฺโต วิมุตฺโตติ สทฺธาวิมุตฺโต. ผุฏฺนฺตํ สจฺฉิกโตติ กายสกฺขิ. ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทิฏฺิปฺปตฺโต. สทฺทหนฺโต วิมุจฺจตีติ สทฺธาวิมุตฺโต. ฌานผสฺสํ ปมํ ผุสติ ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตีติ กายสกฺขิ. ‘ทุกฺขา สงฺขารา, สุโข นิโรโธ’ติ าตํ โหติ ทิฏฺํ วิทิตํ สจฺฉิกตํ ผุสิตํ ปฺายาติ ทิฏฺิปฺปตฺโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๑).
๗๗๗. อิตเรสุ ¶ ปน จตูสุ สทฺธํ อนุสรติ, สทฺธาย วา อนุสรติ คจฺฉตีติ สทฺธานุสารี. ตถา ปฺาสงฺขาตํ ธมฺมํ อนุสรติ, ธมฺเมน วา อนุสรตีติ ธมฺมานุสารี. อรูปชฺฌาเนน เจว อริยมคฺเคน จาติ อุภโตภาเคน วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต. ปชานนฺโต วิมุตฺโตติ ปฺาวิมุตฺโตติ เอวํ วจนตฺโถ เวทิตพฺโพติ.
สงฺขารุเปกฺขาาณํ.
๗๗๘. ตํ ปเนตํ ปุริเมน าณทฺวเยน อตฺถโต เอกํ. เตนาหุ โปราณา – ‘‘อิทํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ เอกเมว ตีณิ นามานิ ลภติ, เหฏฺา ¶ มฺุจิตุกมฺยตาาณํ นาม ชาตํ, มชฺเฌ ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณํ นาม, อนฺเต จ สิขาปฺปตฺตํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ นาม’’.
‘‘กถํ มฺุจิตุกมฺยตา-ปฏิสงฺขา-สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ? อุปฺปาทํ มฺุจิตุกมฺยตา-ปฏิสงฺขา-สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ. ปวตฺตํ…เป… นิมิตฺตํ…เป… อุปายาสํ มฺุจิตุกมฺยตาปฏิสงฺขา-สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณํ. อุปฺปาโท ทุกฺขนฺติ…เป… ภยนฺติ…เป… สามิสนฺติ…เป… อุปฺปาโท สงฺขาราติ…เป… อุปายาโส สงฺขาราติ มฺุจิตุกมฺยตา-ปฏิสงฺขา-สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๔).
๗๘๐. ตตฺถ มฺุจิตุกมฺยตา จ สา ปฏิสงฺขา จ สนฺติฏฺนา จาติ มฺุจิตุกมฺยตา-ปฏิสงฺขา-สนฺติฏฺนา. อิติ ปุพฺพภาเค นิพฺพิทาาเณน นิพฺพินฺนสฺส อุปฺปาทาทีนิ ปริจฺจชิตุกามตา มฺุจิตุกามตา. มฺุจนสฺส อุปายกรณตฺถํ มชฺเฌ ปฏิสงฺขานํ ปฏิสงฺขา. มฺุจิตฺวา อวสาเน อชฺฌุเปกฺขนํ สนฺติฏฺนา. ยํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปาโท สงฺขารา, เต สงฺขาเร อชฺฌุเปกฺขตีติ สงฺขารุเปกฺขา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๕๔) วุตฺตํ. เอวํ เอกเมวิทํ าณํ.
๗๘๑. อปิจ อิมายปิ ปาฬิยา อิทํ เอกเมวาติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘ยา จ มฺุจิตุกมฺยตา, ยา จ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา, ยา จ สงฺขารุเปกฺขา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗).
๗๘๒. เอวํ ¶ อธิคตสงฺขารุเปกฺขสฺส ปน อิมสฺส กุลปุตฺตสฺส วิปสฺสนา สิขาปฺปตฺตา วุฏฺานคามินี โหติ. สิขาปฺปตฺตา วิปสฺสนาติ วา วุฏฺานคามินีติ วา สงฺขารุเปกฺขาทิาณตฺตยสฺเสว เอตํ นามํ. สา หิ สิขํ อุตฺตมภาวํ ปตฺตตฺตา สิขาปฺปตฺตา. วุฏฺานํ คจฺฉตีติ วุฏฺานคามินี. วุฏฺานํ วุจฺจติ พหิทฺธานิมิตฺตภูตโต อภินิวิฏฺวตฺถุโต เจว อชฺฌตฺตปวตฺตโต จ วุฏฺหนโต มคฺโค, ตํ คจฺฉตีติ วุฏฺานคามินี, มคฺเคน สทฺธึ ฆฏิยตีติ อตฺโถ.
๗๘๓. ตตฺรายํ อภินิเวสวุฏฺานานํ อาวิภาวตฺถาย มาติกา – อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวา อชฺฌตฺตา วุฏฺาติ, อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวา พหิทฺธา วุฏฺาติ ¶ , พหิทฺธา อภินิวิสิตฺวา พหิทฺธา วุฏฺาติ, พหิทฺธา อภินิวิสิตฺวา อชฺฌตฺตา วุฏฺาติ, รูเป อภินิวิสิตฺวา รูปา วุฏฺาติ, รูเป อภินิวิสิตฺวา อรูปา วุฏฺาติ, อรูเป อภินิวิสิตฺวา อรูปา วุฏฺาติ, อรูเป อภินิวิสิตฺวา รูปา วุฏฺาติ, เอกปฺปหาเรน ปฺจหิ ขนฺเธหิ วุฏฺาติ, อนิจฺจโต อภินิวิสิตฺวา อนิจฺจโต วุฏฺาติ, อนิจฺจโต อภินิวิสิตฺวา ทุกฺขโต, อนตฺตโต วุฏฺาติ, ทุกฺขโต อภินิวิสิตฺวา ทุกฺขโต, อนิจฺจโต, อนตฺตโต วุฏฺาติ, อนตฺตโต อภินิวิสิตฺวา อนตฺตโต, อนิจฺจโต, ทุกฺขโต วุฏฺาติ.
๗๘๔. กถํ? อิเธกจฺโจ อาทิโตว อชฺฌตฺตสงฺขาเรสุ อภินิวิสติ, อภินิวิสิตฺวา เต ปสฺสติ. ยสฺมา ปน น สุทฺธอชฺฌตฺตทสฺสนมตฺเตเนว มคฺควุฏฺานํ โหติ, พหิทฺธาปิ ทฏฺพฺพเมว, ตสฺมา ปรสฺส ขนฺเธปิ อนุปาทิณฺณสงฺขาเรปิ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ ปสฺสติ. โส กาเลน อชฺฌตฺตํ สมฺมสติ, กาเลน พหิทฺธา. ตสฺเสวํ สมฺมสโต อชฺฌตฺตํ สมฺมสนกาเล วิปสฺสนา มคฺเคน สทฺธึ ฆฏิยติ. อยํ อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวา อชฺฌตฺตา วุฏฺาติ นาม.
สเจ ปนสฺส พหิทฺธา สมฺมสนกาเล วิปสฺสนา มคฺเคน สทฺธึ ฆฏิยติ, อยํ อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวา พหิทฺธา วุฏฺาติ นาม. เอส นโย พหิทฺธา อภินิวิสิตฺวา พหิทฺธา จ อชฺฌตฺตา จ วุฏฺาเนปิ.
๗๘๕. อปโร อาทิโตว รูเป อภินิวิสติ, อภินิวิสิตฺวา ภูตรูปฺจ อุปาทารูปฺจ ราสึ กตฺวา ปสฺสติ. ยสฺมา ปน น สุทฺธรูปทสฺสนมตฺเตเนว วุฏฺานํ โหติ, อรูปมฺปิ ทฏฺพฺพเมว. ตสฺมา ตํ รูปํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนํ เวทนํ สฺํ สงฺขาเร วิฺาณฺจ ‘‘อิทํ อรูป’’นฺติ อรูปํ ปสฺสติ. โส กาเลน รูปํ สมฺมสติ, กาเลน อรูปํ ¶ . ตสฺเสวํ สมฺมสโต รูปสมฺมสนกาเล วิปสฺสนา มคฺเคน สทฺธึ ฆฏิยติ, อยํ รูเป อภินิวิสิตฺวา รูปา วุฏฺาติ นาม.
สเจ ปนสฺส อรูปสมฺมสนกาเล วิปสฺสนา มคฺเคน สทฺธึ ฆฏิยติ, อยํ อรูเป อภินิวิสิตฺวา อรูปา วุฏฺาติ นาม. เอส นโย อรูเป อภินิวิสิตฺวา อรูปา จ รูปา จ วุฏฺาเนปิ.
๗๘๖. ‘‘ยํกิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘) เอวํ อภินิวิสิตฺวา เอวเมว วุฏฺานกาเล ปน เอกปฺปหาเรน ปฺจหิ ขนฺเธหิ วุฏฺาติ นาม.
๗๘๗. เอโก ¶ อาทิโตว อนิจฺจโต สงฺขาเร สมฺมสติ. ยสฺมา ปน น อนิจฺจโต สมฺมสนมตฺเตเนว วุฏฺานํ โหติ, ทุกฺขโตปิ อนตฺตโตปิ สมฺมสิตพฺพเมว, ตสฺมา ทุกฺขโตปิ อนตฺตโตปิ สมฺมสติ. ตสฺเสวํ ปฏิปนฺนสฺส อนิจฺจโต สมฺมสนกาเล วุฏฺานํ โหติ, อยํ อนิจฺจโต อภินิวิสิตฺวา อนิจฺจโต วุฏฺาติ นาม.
สเจ ปนสฺส ทุกฺขโต อนตฺตโต สมฺมสนกาเล วุฏฺานํ โหติ, อยํ อนิจฺจโต อภินิวิสิตฺวา ทุกฺขโต, อนตฺตโต วุฏฺาติ นาม. เอส นโย ทุกฺขโต อนตฺตโต อภินิวิสิตฺวา เสสวุฏฺาเนสุปิ.
๗๘๘. เอตฺถ จ โยปิ อนิจฺจโต อภินิวิฏฺโ, โยปิ ทุกฺขโต, โยปิ อนตฺตโต, วุฏฺานกาเล จ อนิจฺจโต วุฏฺานํ โหติ. ตโยปิ ชนา อธิโมกฺขพหุลา โหนฺติ, สทฺธินฺทฺริยํ ปฏิลภนฺติ, อนิมิตฺตวิโมกฺเขน วิมุจฺจนฺติ, ปมมคฺคกฺขเณ สทฺธานุสาริโน โหนฺติ, สตฺตสุ าเนสุ สทฺธาวิมุตฺตา. สเจ ปน ทุกฺขโต วุฏฺานํ โหติ, ตโยปิ ชนา ปสฺสทฺธิพหุลา โหนฺติ, สมาธินฺทฺริยํ ปฏิลภนฺติ, อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน วิมุจฺจนฺติ, สพฺพตฺถ กายสกฺขิโน โหนฺติ. ยสฺส ปเนตฺถ อรูปชฺฌานํ ปาทกํ, โส อคฺคผเล อุภโตภาควิมุตฺโต โหติ. อถ เนสํ อนตฺตโต วุฏฺานํ โหติ, ตโยปิ ชนา เวทพหุลา โหนฺติ, ปฺินฺทฺริยํ ปฏิลภนฺติ, สฺุตวิโมกฺเขน วิมุจฺจนฺติ, ปมมคฺคกฺขเณ ธมฺมานุสาริโน โหนฺติ, ฉสุ าเนสุ ทิฏฺิปฺปตฺตา อคฺคผเล ปฺาวิมุตฺตาติ.
๗๘๙. อิทานิ ¶ สทฺธึ ปุริมปจฺฉิมาเณหิ อิมิสฺสา วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย อาวิภาวตฺถํ ทฺวาทส อุปมา เวทิตพฺพา. ตาสํ อิทํ อุทฺทานํ –
‘‘วคฺคุลี กณฺหสปฺโป จ, ฆรํ โค ยกฺขิ ทารโก;
ขุทฺทํ ปิปาสํ สีตุณฺหํ, อนฺธการํ วิเสน จา’’ติ.
อิมา จ อุปมา ภยตุปฏฺานโต ปภุติ ยตฺถ กตฺถจิ าเณ ตฺวา อาหริตุํ วฏฺเฏยฺยุํ. อิมสฺมึ ปน าเน อาหริยมานาสุ ภยตุปฏฺานโต ยาว ผลาณํ สพฺพํ ปากฏํ โหติ, ตสฺมา อิเธว อาหริตพฺพาติ วุตฺตา.
๗๙๐. วคฺคุลีติ ¶ เอกา กิร วคฺคุลี ‘‘เอตฺถ ปุปฺผํ วา ผลํ วา ลภิสฺสามี’’ติ ปฺจสาเข มธุกรุกฺเข นิลียิตฺวา เอกํ สาขํ ปรามสิตฺวา น ตตฺถ กิฺจิ ปุปฺผํ ผลํ วา คยฺหุปคํ อทฺทส. ยถา จ เอกํ, เอวํ ทุติยํ, ตติยํ, จตุตฺถํ. ปฺจมมฺปิ สาขํ ปรามสิตฺวา นาทฺทส. สา ‘‘อผโล วตายํ รุกฺโข, นตฺเถตฺถ กิฺจิ คยฺหุปค’’นฺติ ตสฺมึ รุกฺเข อาลยํ วิสฺสชฺเชตฺวา อุชุกาย สาขาย อารุยฺห วิฏปนฺตเรน สีสํ นีหริตฺวา อุทฺธํ อุลฺโลเกตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา อฺสฺมึ ผลรุกฺเข นิลียติ.
ตตฺถ วคฺคุลิ วิย โยคาวจโร ทฏฺพฺโพ, ปฺจสาโข มธุกรุกฺโข วิย ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, ตตฺถ วคฺคุลิยา นิลียนํ วิย โยคิโน ขนฺธปฺจเก อภินิเวโส, ตสฺสา เอเกกํ สาขํ ปรามสิตฺวา กิฺจิ คยฺหุปคํ อทิสฺวา อวเสสสาขาปรามสนํ วิย โยคิโน รูปกฺขนฺธํ สมฺมสิตฺวา ตตฺถ กิฺจิ คยฺหุปคํ อทิสฺวา อวเสสกฺขนฺธสมฺมสนํ, ตสฺสา ‘‘อผโล วตายํ รุกฺโข’’ติ รุกฺเข อาลยวิสฺสชฺชนํ วิย โยคิโน ปฺจสุปิ ขนฺเธสุ อนิจฺจลกฺขณาทิทสฺสนวเสน นิพฺพินฺนสฺส มฺุจิตุกมฺยตาทิาณตฺตยํ, ตสฺสา อุชุกาย สาขาย อุปริ อาโรหนํ วิย โยคิโน อนุโลมํ, สีสํ นีหริตฺวา อุทฺธํ อุลฺโลกนํ วิย โคตฺรภุาณํ, อากาเส อุปฺปตนํ วิย มคฺคาณํ, อฺสฺมึ ผลรุกฺเข นิลียนํ วิย ผลาณํ.
๗๙๑. กณฺหสปฺปุปมา ปฏิสงฺขาาเณ วุตฺตาว. อุปมาสํสนฺทเน ปเนตฺถ สปฺปวิสฺสชฺชนํ วิย ¶ โคตฺรภุาณํ, มฺุจิตฺวา อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺตสฺส านํ วิย มคฺคาณํ, คนฺตฺวา อภยฏฺาเน านํ วิย ผลาณนฺติ อยํ วิเสโส.
๗๙๒. ฆรนฺติ ฆรสามิเก กิร สายํ ภฺุชิตฺวา สยนํ อารุยฺห นิทฺทํ โอกฺกนฺเต ฆรํ อาทิตฺตํ, โส ปพุชฺฌิตฺวา อคฺคึ ทิสฺวา ‘‘ภีโต สาธุ วตสฺส สเจ อฑยฺหมาโน นิกฺขเมยฺย’’นฺติ โอโลกยมาโน มคฺคํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา เวเคน เขมฏฺานํ คนฺตฺวา ิโต. ตตฺถ ฆรสามิกสฺส ภฺุชิตฺวา สยนํ อารุยฺห นิทฺโทกฺกมนํ วิย พาลปุถุชฺชนสฺส ขนฺธปฺจเก ‘‘อหํ มมา’’ติ คหณํ. ปพุชฺฌิตฺวา อคฺคึ ทิสฺวา ภีตกาโล วิย สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตฺวา ลกฺขณํ ทิสฺวา ภยตุปฏฺานาณํ, นิกฺขมนมคฺคํ โอโลกนํ วิย มฺุจิตุกมฺยตาาณํ ¶ , มคฺคทสฺสนํ วิย อนุโลมํ, นิกฺขมนํ วิย โคตฺรภุาณํ, เวเคน คมนํ วิย มคฺคาณํ, เขมฏฺาเน านํ วิย ผลาณํ.
๗๙๓. โคติ เอกสฺส กิร กสฺสกสฺส รตฺติภาเค นิทฺทํ โอกฺกนฺตสฺส วชํ ภินฺทิตฺวา โคณา ปลาตา, โส ปจฺจูสสมเย ตตฺถ คนฺตฺวา โอโลเกนฺโต เตสํ ปลาตภาวํ ตฺวา อนุปทํ คนฺตฺวา รฺโ โคเณ อทฺทส. เต ‘‘มยฺหํ โคณา’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา อาหรนฺโต ปภาตกาเล ‘‘น อิเม มยฺหํ โคณา, รฺโ โคณา’’ติ สฺชานิตฺวา ‘‘ยาว มํ ‘โจโร อย’นฺติ คเหตฺวา ราชปุริสา น อนยพฺยสนํ ปาเปนฺติ, ตาวเทว ปลายิสฺสามี’’ติ ภีโต โคเณ ปหาย เวเคน ปลายิตฺวา นิพฺภยฏฺาเน อฏฺาสิ. ตตฺถ ‘‘มยฺหํ โคณา’’ติ ราชโคณานํ คหณํ วิย พาลปุถุชฺชนสฺส ‘‘อหํ มมา’’ติ ขนฺธานํ คหณํ, ปภาเต ‘‘ราชโคณา’’ติ สฺชานนํ วิย โยคิโน ติลกฺขณวเสน ขนฺธานํ ‘‘อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’’ติ สฺชานนํ, ภีตกาโล วิย ภยตุปฏฺานาณํ, วิสฺสชฺชิตฺวา คนฺตุกามตา วิย มฺุจิตุกมฺยตา, วิสฺสชฺชนํ วิย โคตฺรภุ, ปลายนํ วิย มคฺโค, ปลายิตฺวา อภยเทเส านํ วิย ผลํ.
๗๙๔. ยกฺขีติ เอโก กิร ปุริโส ยกฺขินิยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ, สา รตฺติภาเค ‘‘สุตฺโต อย’’นฺติ มนฺตฺวา อามกสุสานํ คนฺตฺวา มนุสฺสมํสํ ขาทติ. โส ‘‘กุหึ เอสา คจฺฉตี’’ติ อนุพนฺธิตฺวา มนุสฺสมํสํ ขาทมานํ ทิสฺวา ตสฺสา อมนุสฺสิภาวํ ตฺวา ‘‘ยาว มํ น ขาทติ, ตาว ปลายิสฺสามี’’ติ ภีโต เวเคน ปลายิตฺวา เขมฏฺาเน อฏฺาสิ. ตตฺถ ยกฺขินิยา สทฺธึ สํวาโส วิย ขนฺธานํ ‘‘อหํ มมา’’ติ คหณํ, สุสาเน มนุสฺสมํสํ ขาทมานํ ¶ ทิสฺวา ‘‘ยกฺขินี อย’’นฺติ ชานนํ วิย ขนฺธานํ ติลกฺขณํ ทิสฺวา อนิจฺจาทิภาวชานนํ, ภีตกาโล วิย ภยตุปฏฺานํ, ปลายิตุกามตา วิย มฺุจิตุกมฺยตา, สุสานวิชหนํ วิย โคตฺรภุ, เวเคน ปลายนํ วิย มคฺโค, อภยเทเส านํ วิย ผลํ.
๗๙๕. ทารโกติ เอกา กิร ปุตฺตคิทฺธินี อิตฺถี, สา อุปริปาสาเท นิสินฺนาว อนฺตรวีถิยํ ทารกสทฺทํ สุตฺวา ‘‘ปุตฺโต นุ โข เม เกนจิ วิเหิยตี’’ติ เวคสา คนฺตฺวา ‘‘อตฺตโน ปุตฺโต’’ติ สฺาย ปรปุตฺตํ อคฺคเหสิ. สา ‘‘ปรปุตฺโต อย’’นฺติ สฺชานิตฺวา โอตฺตปฺปมานา อิโต จิโต ¶ จ โอโลเกตฺวา ‘‘มา เหว มํ โกจิ ‘ทารกโจรี อย’นฺติ วเทยฺยา’’ติ ทารกํ ตตฺเถว โอโรเปตฺวา ปุน เวคสา ปาสาทํ อารุยฺห นิสีทิ. ตตฺถ อตฺตโน ปุตฺตสฺาย ปรปุตฺตสฺส คหณํ วิย ‘‘อหํ มมา’’ติ ปฺจกฺขนฺธคหณํ, ‘‘ปรปุตฺโต อย’’นฺติ สฺชานนํ วิย ติลกฺขณวเสน ‘‘นาหํ, น มมา’’ติ สฺชานนํ, โอตฺตปฺปนํ วิย ภยตุปฏฺานํ, อิโต จิโต จ โอโลกนํ วิย มฺุจิตุกมฺยตาาณํ, ตตฺเถว ทารกสฺส โอโรปนํ วิย อนุโลมํ, โอโรเปตฺวา อนฺตรวีถิยํ ิตกาโล วิย โคตฺรภุ, ปาสาทารูหนํ วิย มคฺโค, อารุยฺห นิสีทนํ วิย ผลํ.
๗๙๖. ขุทฺทํ ปิปาสํ สีตุณฺหํ, อนฺธการํ วิเสน จาติ อิมา ปน ฉ อุปมา วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย ิตสฺส โลกุตฺตรธมฺมาภิมุขนินฺนโปณปพฺภารภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ยถา หิ ขุทฺทาย อภิภูโต สุชิฆจฺฉิโต ปุริโส สาทุรสํ โภชนํ ปตฺเถติ, เอวเมวายํ สํสารวฏฺฏชิฆจฺฉาย ผุฏฺโ โยคาวจโร อมตรสํ กายคตาสติโภชนํ ปตฺเถติ.
ยถา จ ปิปาสิโต ปุริโส ปริสุสฺสมานกณฺมุโข อเนกงฺคสมฺภารํ ปานกํ ปตฺเถติ, เอวเมวายํ สํสารวฏฺฏปิปาสาย ผุฏฺโ โยคาวจโร อริยํ อฏฺงฺคิกมคฺคปานกํ ปตฺเถติ.
ยถา ปน สีตสมฺผุฏฺโ ปุริโส อุณฺหํ ปตฺเถติ, เอวเมวายํ สํสารวฏฺเฏ ตณฺหาสิเนหสีเตน ผุฏฺโ โยคาวจโร กิเลสสนฺตาปกํ มคฺคเตชํ ปตฺเถติ.
ยถา จ อุณฺหสมฺผุฏฺโ ปุริโส สีตํ ปตฺเถติ, เอวเมวายํ สํสารวฏฺเฏ เอกาทสคฺคิสนฺตาปสนฺตตฺโต โยคาวจโร เอกาทสคฺคิวูปสมํ นิพฺพานํ ปตฺเถติ.
ยถา ¶ ปน อนฺธการปเรโต ปุริโส อาโลกํ ปตฺเถติ, เอวเมวายํ อวิชฺชนฺธกาเรน โอนทฺธปริโยนทฺโธ โยคาวจโร าณาโลกํ มคฺคภาวนํ ปตฺเถติ.
ยถา จ วิสสมฺผุฏฺโ ปุริโส วิสฆาตนํ เภสชฺชํ ปตฺเถติ, เอวเมวายํ กิเลสวิสสมฺผุฏฺโ โยคาวจโร กิเลสวิสนิมฺมถนํ อมโตสธํ นิพฺพานํ ปตฺเถติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตสฺเสวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต ¶ ตีสุ ภเวสุ…เป… นวสุ สตฺตาวาเสสุ จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฏติ ปติวตฺตติ น สมฺปสาริยติ. อุเปกฺขา วา ปาฏิกุลฺยตา วา สณฺาติ. เสยฺยถาปิ นาม ปทุมปลาเส อีสกโปเณ’’ติ สพฺพํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๗๙๗. เอตฺตาวตา จ ปเนส ปติลีนจโร นาม โหติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ปติลีนจรสฺส ภิกฺขุโน,
ภชมานสฺส วิวิตฺตมาสนํ;
สามคฺคิยมาหุ ตสฺส ตํ,
โย อตฺตานํ ภวเน น ทสฺสเย’’ติ. (สุ. นิ. ๘๑๖; มหานิ. ๔๕);
เอวมิทํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ โยคิโน ปติลีนจรภาวํ นิยเมตฺวา อุตฺตริ อริยมคฺคสฺสาปิ โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคปฏิปทาวิโมกฺขวิเสสํ นิยเมติ. เกจิ หิ เถรา โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคานํ วิเสสํ ปาทกชฺฌานํ นิยเมตีติ วทนฺติ. เกจิ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา ขนฺธา นิยเมนฺตีติ วทนฺติ. เกจิ ปุคฺคลชฺฌาสโย นิยเมตีติ วทนฺติ. เตสมฺปิ วาเทสุ อยํ ปุพฺพภาควุฏฺานคามินิวิปสฺสนาว นิยเมตีติ เวทิตพฺพา.
๗๙๘. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – วิปสฺสนานิยเมน หิ สุกฺขวิปสฺสกสฺส อุปฺปนฺนมคฺโคปิ, สมาปตฺติลาภิโน ฌานํ ปาทกํ อกตฺวา อุปฺปนฺนมคฺโคปิ, ปมชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา ปกิณฺณกสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อุปฺปาทิตมคฺโคปิ ปมชฺฌานิกาว โหนฺติ. สพฺเพสุ สตฺต โพชฺฌงฺคานิ อฏฺ มคฺคงฺคานิ ปฺจ ฌานงฺคานิ โหนฺติ. เตสํ หิ ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตาปิ อุเปกฺขาสหคตาปิ หุตฺวา วุฏฺานกาเล สงฺขารุเปกฺขาภาวํ ปตฺวา โสมนสฺสสหคตา ¶ โหติ. ปฺจกนเย ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานานิ ปาทกานิ กตฺวา อุปฺปาทิตมคฺเคสุ ยถากฺกเมเนว ฌานํ จตุรงฺคิกํ ติวงฺคิกํ ทุวงฺคิกฺจ โหติ. สพฺเพสุ ปน สตฺต มคฺคงฺคานิ โหนฺติ. จตุตฺเถ ฉ โพชฺฌงฺคานิ. อยํ วิเสโส ปาทกชฺฌานนิยเมน เจว วิปสฺสนานิยเมน จ โหติ. เตสมฺปิ หิ ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตาปิ อุเปกฺขาสหคตาปิ โหติ. วุฏฺานคามินี โสมนสฺสสหคตาว. ปฺจมชฺฌานํ ¶ ปาทกํ กตฺวา นิพฺพตฺติตมคฺเค ปน อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาวเสน ทฺเว ฌานงฺคานิ โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคานิ ฉ สตฺต เจว. อยมฺปิ วิเสโส อุภยนิยมวเสน โหติ. อิมสฺมึ หิ นเย ปุพฺพภาควิปสฺสนา โสมนสฺสสหคตา วา อุเปกฺขาสหคตา วา โหติ. วุฏฺานคามินี อุเปกฺขาสหคตาว. อรูปชฺฌานานิ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิตมคฺเคปิ เอเสว นโย. เอวํ ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย เยเกจิ สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา นิพฺพตฺติตมคฺคสฺส อาสนฺนปเทเส วุฏฺิตสมาปตฺติ อตฺตโน สทิสภาวํ กโรติ ภูมิวณฺโณ วิย โคธาวณฺณสฺส.
๗๙๙. ทุติยตฺเถรวาเท ปน ยโต ยโต สมาปตฺติโต วุฏฺาย เย เย สมาปตฺติธมฺเม สมฺมสิตฺวา มคฺโค นิพฺพตฺติโต โหติ, ตํตํสมาปตฺติสทิโสว โหติ. ตตฺราปิ จ วิปสฺสนานิยโม วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๘๐๐. ตติยตฺเถรวาเท อตฺตโน อตฺตโน อชฺฌาสยานุรูเปน ยํ ยํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา เย เย ฌานธมฺเม สมฺมสิตฺวา มคฺโค นิพฺพตฺติโต, ตํตํฌานสทิโสว โหติ. ปาทกชฺฌานํ ปน สมฺมสิตชฺฌานํ วา วินา อชฺฌาสยมตฺเตเนว ตํ น อิชฺฌติ. สฺวายมตฺโถ นนฺทโกวาทสุตฺเตน (ม. นิ. ๓.๓๙๘ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. เอตฺถาปิ จ วิปสฺสนานิยโม วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เอวํ ตาว สงฺขารุเปกฺขา โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคานิ นิยเมตีติ เวทิตพฺพา.
๘๐๑. สเจ ปนายํ อาทิโต กิเลเส วิกฺขมฺภยมานา ทุกฺเขน สปฺปโยเคน สสงฺขาเรน วิกฺขมฺเภตุํ อสกฺขิ, ทุกฺขาปฏิปทา นาม โหติ. วิปริยาเยน สุขาปฏิปทา. กิเลเส ปน วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนาปริวาสํ มคฺคปาตุภาวํ สณิกํ กุรุมานา ทนฺธาภิฺา นาม โหติ. วิปริยาเยน ขิปฺปาภิฺา. อิติ อยํ สงฺขารุเปกฺขา อาคมนียฏฺาเน ตฺวา อตฺตโน อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ เทติ. เตน มคฺโค จตฺตาริ นามานิ ลภติ.
สา ¶ ¶ ปนายํ ปฏิปทา กสฺสจิ ภิกฺขุโน นานา โหติ, กสฺสจิ จตูสุปิ มคฺเคสุ เอกาว. พุทฺธานํ ปน จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิฺาว อเหสุํ. ตถา ธมฺมเสนาปติสฺส. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ปน ปมมคฺโค สุขาปฏิปโท ขิปฺปาภิฺโ อโหสิ. อุปริ ตโย ทุกฺขาปฏิปทา ทนฺธาภิฺา. ยถา จ ปฏิปทา, เอวํ อธิปตโยปิ กสฺสจิ ภิกฺขุโน จตูสุ มคฺเคสุ นานา โหนฺติ. กสฺสจิ จตูสุปิ เอกาว. เอวํ สงฺขารุเปกฺขา ปฏิปทาวิเสสํ นิยเมติ. ยถา ปน วิโมกฺขวิเสสํ นิยเมติ, ตํ ปุพฺเพ วุตฺตเมว.
๘๐๒. อปิจ มคฺโค นาม ปฺจหิ การเณหิ นามํ ลภติ สรเสน วา ปจฺจนีเกน วา สคุเณน วา อารมฺมเณน วา อาคมเนน วา. สเจ หิ สงฺขารุเปกฺขา อนิจฺจโต สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา วุฏฺาติ, อนิมิตฺตวิโมกฺเขน วิมุจฺจติ. สเจ ทุกฺขโต สมฺมสิตฺวา วุฏฺาติ, อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน วิมุจฺจติ. สเจ อนตฺตโต สมฺมสิตฺวา วุฏฺาติ, สฺุตวิโมกฺเขน วิมุจฺจติ. อิทํ สรสโต นามํ นาม.
ยสฺมา ปเนส อนิจฺจานุปสฺสนาย สงฺขารานํ ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา นิจฺจนิมิตฺตธุวนิมิตฺตสสฺสตนิมิตฺตานิ ปชหนฺโต อาคโต, ตสฺมา อนิมิตฺโต. ทุกฺขานุปสฺสนาย ปน สุขสฺํ ปหาย ปณิธึ ปตฺถนํ สุกฺขาเปตฺวา อาคตตฺตา อปฺปณิหิโต. อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสตฺตปุคฺคลสฺํ ปหาย สงฺขารานํ สฺุโต ทิฏฺตฺตา สฺุโตติ อิทํ ปจฺจนีกโต นามํ นาม.
ราคาทีหิ ปเนส สฺุตฺตา สฺุโต, รูปนิมิตฺตาทีนํ ราคนิมิตฺตาทีนฺเว วา อภาเวน อนิมิตฺโต, ราคปณิธิอาทีนํ อภาวโต อปฺปณิหิโตติ อิทมสฺส สคุณโต นามํ.
สฺวายํ สฺุํ อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิตฺจ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรตีติปิ สฺุโต อนิมิตฺโต อปฺปณิหิโตติ วุจฺจติ. อิทมสฺส อารมฺมณโต นามํ.
๘๐๓. อาคมนํ ปน ทุวิธํ วิปสฺสนาคมนํ มคฺคาคมนฺจ. ตตฺถ มคฺเค วิปสฺสนาคมนํ ลภติ, ผเล มคฺคาคมนํ. อนตฺตานุปสฺสนา หิ สฺุตา นาม, สฺุตวิปสฺสนาย มคฺโค สฺุโต, อนิจฺจานุปสฺสนา อนิมิตฺตา นาม ¶ , อนิมิตฺตวิปสฺสนาย ¶ มคฺโค อนิมิตฺโต. อิทํ ปน นามํ น อภิธมฺมปริยาเยน ลพฺภติ, สุตฺตนฺตปริยาเยน ลพฺภติ. ตตฺร หิ โคตฺรภุาณํ อนิมิตฺตํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อนิมิตฺตนามกํ หุตฺวา สยํ อาคมนียฏฺาเน ตฺวา มคฺคสฺส นามํ เทตีติ วทนฺติ. เตน มคฺโค อนิมิตฺโตติ วุตฺโต. มคฺคาคมเนน ปน ผลํ อนิมิตฺตนฺติ ยุชฺชติเยว. ทุกฺขานุปสฺสนา สงฺขาเรสุ ปณิธึ สุกฺขาเปตฺวา อาคตตฺตา อปฺปณิหิตา นาม, อปฺปณิหิตวิปสฺสนาย มคฺโค อปฺปณิหิโต, อปฺปณิหิตมคฺคสฺส ผลํ อปฺปณิหิตํ. เอวํ วิปสฺสนา อตฺตโน นามํ มคฺคสฺส เทติ, มคฺโค ผลสฺสาติ อิทํ อาคมนโต นามํ. เอวมยํ สงฺขารุเปกฺขา วิโมกฺขวิเสสํ นิยเมตีติ.
สงฺขารุเปกฺขาาณํ นิฏฺิตํ.
อนุโลมาณกถา
๘๐๔. ตสฺส ตํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ อาเสวนฺตสฺส ภาเวนฺตสฺส พหุลีกโรนฺตสฺส อธิโมกฺขสทฺธา พลวตรา นิพฺพตฺตติ, วีริยํ สุปคฺคหิตํ โหติ, สติ สูปฏฺิตา, จิตฺตํ สุสมาหิตํ, ติกฺขตรา สงฺขารุเปกฺขา อุปฺปชฺชติ. ตสฺส ‘‘ทานิ มคฺโค อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ สงฺขารุเปกฺขา สงฺขาเร อนิจฺจาติ วา ทุกฺขาติ วา อนตฺตาติ วา สมฺมสิตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ. ภวงฺคานนฺตรํ สงฺขารุเปกฺขาย กตนเยเนว สงฺขาเร อนิจฺจาติ วา ทุกฺขาติ วา อนตฺตาติ วา อารมฺมณํ กุรุมานํ อุปฺปชฺชติ มโนทฺวาราวชฺชนํ. ตโต ภวงฺคํ อาวฏฺเฏตฺวา อุปฺปนฺนสฺส ตสฺส กิริยจิตฺตสฺสานนฺตรํ อวีจิกํ จิตฺตสนฺตตึ อนุปฺปพนฺธมานํ ตเถว สงฺขาเร อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ ปมํ ชวนจิตฺตํ, ยํ ปริกมฺมนฺติ วุจฺจติ. ตทนนฺตรํ ตเถว สงฺขาเร อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ ทุติยํ ชวนจิตฺตํ, ยํ อุปจารนฺติ วุจฺจติ. ตทนนฺตรมฺปิ ตเถว สงฺขาเร อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ ตติยํ ชวนจิตฺตํ, ยํ อนุโลมนฺติ วุจฺจติ. อิทํ เนสํ ปาฏิเยกฺกํ นามํ.
อวิเสเสน ปน ติวิธมฺเปตํ อาเสวนนฺติปิ ปริกมฺมนฺติปิ อุปจารนฺติปิ อนุโลมนฺติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. กิสฺสานุโลมํ? ปุริมภาคปจฺฉิมภาคานํ. ตฺหิ ปุริมานํ อฏฺนฺนํ ¶ วิปสฺสนาาณานํ ตถกิจฺจตาย จ อนุโลเมติ, อุปริ จ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ. ตฺหิ อนิจฺจลกฺขณาทิวเสน สงฺขาเร อารพฺภ ¶ ปวตฺตตฺตา, ‘‘อุทยพฺพยวนฺตานํเยว วต ธมฺมานํ อุทยพฺพยาณํ อุปฺปาทวเย อทฺทสา’’ติ จ, ‘‘ภงฺควนฺตานํเยว วต ภงฺคานุปสฺสนํ ภงฺคํ อทฺทสา’’ติ จ, ‘‘สภยํเยว วต ภยตุปฏฺานสฺส ภยโต อุปฏฺิต’’นฺติ จ, ‘‘สาทีนเวเยว วต อาทีนวานุปสฺสนํ อาทีนวํ อทฺทสา’’ติ จ, ‘‘นิพฺพินฺทิตพฺเพเยว วต นิพฺพิทาาณํ นิพฺพินฺน’’นฺติ จ, ‘‘มฺุจิตพฺพมฺหิเยว วต มฺุจิตุกมฺยตาาณํ มฺุจิตุกามํ ชาต’’นฺติ จ, ‘‘ปฏิสงฺขาตพฺพํเยว วต ปฏิสงฺขาาเณน ปฏิสงฺขาต’’นฺติ จ, ‘‘อุเปกฺขิตพฺพํเยว วต สงฺขารุเปกฺขาย อุเปกฺขิต’’นฺติ จ อตฺถโต วทมานํ วิย อิเมสฺจ อฏฺนฺนํ าณานํ ตถกิจฺจตาย อนุโลเมติ, อุปริ จ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตาย ปฏิปตฺติยา ปตฺตพฺพตฺตา.
ยถา หิ ธมฺมิโก ราชา วินิจฺฉยฏฺาเน นิสินฺโน โวหาริกมหามตฺตานํ วินิจฺฉยํ สุตฺวา อคติคมนํ ปหาย มชฺฌตฺโต หุตฺวา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ อนุโมทมาโน เตสฺจ วินิจฺฉยสฺส อนุโลเมติ, โปราณสฺส จ ราชธมฺมสฺส, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. ราชา วิย หิ อนุโลมาณํ, อฏฺ โวหาริกมหามตฺตา วิย อฏฺ าณานิ, โปราโณ ราชธมฺโม วิย สตฺตตึส โพธิปกฺขิยา. ตตฺถ ยถา ราชา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วทมาโน โวหาริกานฺจ วินิจฺฉยสฺส, ราชธมฺมสฺส จ อนุโลเมติ, เอวมิทํ อนิจฺจาทิวเสน สงฺขาเร อารพฺภ อุปฺปชฺชมานํ อฏฺนฺนฺจ าณานํ ตถกิจฺจตาย อนุโลเมติ, อุปริ จ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ. เตเนว สจฺจานุโลมิกาณนฺติ วุจฺจตีติ.
อนุโลมาณํ นิฏฺิตํ.
วุฏฺานคามินีวิปสฺสนากถา
๘๐๕. อิทฺจ ปน อนุโลมาณํ สงฺขารารมฺมณาย วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย ปริโยสานํ โหติ. สพฺเพน สพฺพํ ปน โคตฺรภุาณํ วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย ปริโยสานํ. อิทานิ ตสฺสาเยว วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย อสมฺโมหตฺถํ อยํ สุตฺตสํสนฺทนา เวทิตพฺพา.
อยฺหิ วุฏฺานคามินี วิปสฺสนา สฬายตนวิภงฺคสุตฺเต ‘‘อตมฺมยตํ, ภิกฺขเว, นิสฺสาย อตมฺมยตํ อาคมฺม ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา, ตํ ปชหถ ตํ สมติกฺกมถา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๐) เอวํ อตมฺมยตาติ วุตฺตา.
อลคทฺทสุตฺตนฺเต ‘‘นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๕) เอวํ นิพฺพิทาติ วุตฺตา.
สุสิมสุตฺตนฺเต ‘‘ปุพฺเพ โข, สุสิม, ธมฺมฏฺิติาณํ, ปจฺฉา นิพฺพาเน าณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๗๐) เอวํ ธมฺมฏฺิติาณนฺติ วุตฺตา.
โปฏฺปาทสุตฺตนฺเต ‘‘สฺา โข, โปฏฺปาท, ปมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา าณ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๔๑๖) เอวํ สฺคฺคนฺติ วุตฺตา.
ทสุตฺตรสุตฺตนฺเต ‘‘ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺค’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๕๙) เอวํ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคนฺติ วุตฺตา.
ปฏิสมฺภิทามคฺเค ‘‘ยา จ มฺุจิตุกมฺยตา ยา จ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา ยา จ สงฺขารุเปกฺขา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๒๗) เอวํ ตีหิ นาเมหิ วุตฺตา.
ปฏฺาเน ‘‘อนุโลมํ โคตฺรภุสฺส, อนุโลมํ โวทานสฺสา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) เอวํ ตีหิ นาเมหิ วุตฺตา.
รถวินีตสุตฺตนฺเต ‘‘กึ ปนาวุโส, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) เอวํ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธีติ วุตฺตา.
อิติเนเกหิ ¶ ¶ นาเมหิ, กิตฺติตา ยา มเหสินา;
วุฏฺานคามินี สนฺตา, ปริสุทฺธา วิปสฺสนา.
วุฏฺาตุกาโม สํสาร-ทุกฺขปงฺกา มหพฺภยา;
กเรยฺย สตตํ ตตฺถ, โยคํ ปณฺฑิตชาติโกติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทโส นาม
เอกวีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๒. าณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทโส
ปมมคฺคาณกถา
๘๐๖. อิโต ¶ ¶ ปรํ โคตฺรภุาณํ โหติ, ตํ มคฺคสฺส อาวชฺชนฏฺานิยตฺตา เนว ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธึ น าณทสฺสนวิสุทฺธึ ภชติ, อนฺตรา อพฺโพหาริกเมว โหติ. วิปสฺสนาโสเต ปติตตฺตา ปน วิปสฺสนาติ สงฺขํ คจฺฉติ. โสตาปตฺติมคฺโค สกทาคามิมคฺโค อนาคามิมคฺโค อรหตฺตมคฺโคติ อิเมสุ ปน จตูสุ มคฺเคสุ าณํ าณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม.
ตตฺถ ปมมคฺคาณํ ตาว สมฺปาเทตุกาเมน อฺํ กิฺจิ กาตพฺพํ นาม นตฺถิ. ยฺหิ อเนน กาตพฺพํ สิยา, ตํ อนุโลมาวสานํ วิปสฺสนํ อุปฺปาเทนฺเตน กตเมว. เอวํ อุปฺปนฺนอนุโลมาณสฺส ปนสฺส เตหิ ตีหิปิ อนุโลมาเณหิ อตฺตโน พลานุรูเปน ถูลถูเล สจฺจปฏิจฺฉาทเก ตมมฺหิ อนฺตรธาปิเต สพฺพสงฺขารคเตสุ จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ, น สนฺติฏฺติ, นาธิมุจฺจติ, น สชฺชติ, น ลคฺคติ, น พชฺฌติ. ปทุมปลาสโต อุทกํ วิย ปติลียติ ปติกุฏติ ปติวตฺตติ. สพฺพํ นิมิตฺตารมฺมณมฺปิ สพฺพํ ปวตฺตารมฺมณมฺปิ ปลิโพธโต อุปฏฺาติ. อถสฺส สพฺพสฺมึ นิมิตฺตปวตฺตารมฺมเณ ปลิโพธโต อุปฏฺิเต อนุโลมาณสฺส อาเสวนนฺเต อนิมิตฺตํ อปฺปวตฺตํ วิสงฺขารํ นิโรธํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กุรุมานํ ปุถุชฺชนโคตฺตํ ปุถุชฺชนสงฺขํ ปุถุชฺชนภูมึ อติกฺกมมานํ อริยโคตฺตํ อริยสงฺขํ อริยภูมึ โอกฺกมมานํ นิพฺพานารมฺมเณ ปมาวฏฺฏนปมาโภคปมสมนฺนาหารภูตํ มคฺคสฺส อนนฺตรสมนนฺตราเสวนอุปนิสฺสยนตฺถิวิคตวเสน ฉหิ อากาเรหิ ปจฺจยภาวํ สาธยมานํ สิขาปฺปตฺตํ วิปสฺสนาย มุทฺธภูตํ อปุนราวฏฺฏกํ อุปฺปชฺชติ โคตฺรภุาณํ.
ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘กถํ ¶ พหิทฺธา วุฏฺานวิวฏฺฏเน ปฺา โคตฺรภุาณํ? อุปฺปาทํ อภิภุยฺยตีติ โคตฺรภุ. ปวตฺตํ…เป… อุปายาสํ อภิภุยฺยตีติ โคตฺรภุ. พหิทฺธา สงฺขารนิมิตฺตํ อภิภุยฺยตีติ โคตฺรภุ. อนุปฺปาทํ ปกฺขนฺทตีติ โคตฺรภุ. อปฺปวตฺตํ…เป… อนุปายาสํ นิโรธํ นิพฺพานํ ปกฺขนฺทตีติ ¶ โคตฺรภุ. อุปฺปาทํ อภิภุยฺยิตฺวา อนุปฺปาทํ ปกฺขนฺทตีติ โคตฺรภู’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๙) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
๘๐๗. ตตฺรายํ เอกาวชฺชเนน เอกวีถิยํ ปวตฺตมานานมฺปิ อนุโลมโคตฺรภูนํ นานารมฺมเณ ปวตฺตนาการทีปิกา อุปมา – ยถา หิ มหามาติกํ ลงฺฆิตฺวา ปรตีเร ปติฏฺาตุกาโม ปุริโส เวเคน ธาวิตฺวา มาติกาย โอริมตีเร รุกฺขสาขาย พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตํ รชฺชุํ วา ยฏฺึ วา คเหตฺวา อุลฺลงฺฆิตฺวา ปรตีรนินฺนโปณปพฺภารกาโย หุตฺวา ปรตีรสฺส อุปริภาคํ ปตฺโต ตํ มฺุจิตฺวา เวธมาโน ปรตีเร ปติตฺวา สณิกํ ปติฏฺาติ, เอวเมวายํ โยคาวจโรปิ ภวโยนิคติฏฺิตินิวาสานํ ปรตีรภูเต นิพฺพาเน ปติฏฺาตุกาโม อุทยพฺพยานุปสฺสนาทินา เวเคน ธาวิตฺวา อตฺตภาวรุกฺขสาขาย พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตํ รูปรชฺชุํ วา เวทนาทีสุ อฺตรทณฺฑํ วา อนิจฺจนฺติ วา ทุกฺขนฺติ วา อนตฺตาติ วาติ อนุโลมาวชฺชเนน คเหตฺวา ตํ อมฺุจมาโนว ปเมน อนุโลมจิตฺเตน อุลฺลงฺฆิตฺวา ทุติเยน ปรตีรนินฺนโปณปพฺภารกาโย วิย นิพฺพานนินฺนโปณปพฺภารมานโส หุตฺวา ตติเยน ปรตีรสฺส อุปริภาคํ ปตฺโต วิย อิทานิ ปตฺตพฺพสฺส นิพฺพานสฺส อาสนฺโน หุตฺวา ตสฺส จิตฺตสฺส นิโรเธน ตํ สงฺขารารมฺมณํ มฺุจิตฺวา โคตฺรภุจิตฺเตน วิสงฺขาเร ปรตีรภูเต นิพฺพาเน ปตติ. เอการมฺมเณ ปน อลทฺธาเสวนตาย เวธมาโน โส ปุริโส วิย น ตาว สุปฺปติฏฺิโต โหติ, ตโต มคฺคาเณน ปติฏฺาตีติ.
๘๐๘. ตตฺถ อนุโลมํ สจฺจปฏิจฺฉาทกํ กิเลสตมํ วิโนเทตุํ สกฺโกติ, น นิพฺพานมารมฺมณํ กาตุํ. โคตฺรภุ นิพฺพานเมว อารมฺมณํ กาตุํ สกฺโกติ, น สจฺจปฏิจฺฉาทกํ ตมํ วิโนเทตุํ. ตตฺรายํ อุปมา – เอโก กิร จกฺขุมา ปุริโส ‘‘นกฺขตฺตโยคํ ชานิสฺสามี’’ติ รตฺติภาเค นิกฺขมิตฺวา จนฺทํ ปสฺสิตุํ อุทฺธํ อุลฺโลเกสิ, ตสฺส วลาหเกหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา จนฺโท น ปฺายิตฺถ. อเถโก วาโต อุฏฺหิตฺวา ถูลถูเล วลาหเก วิทฺธํเสติ. อปโร มชฺฌิเม, อปโร สุขุเมติ. ตโต โส ปุริโส วิคตวลาหเก นเภ จนฺทํ ทิสฺวา นกฺขตฺตโยคํ อฺาสิ.
ตตฺถ ¶ ¶ ตโย วลาหกา วิย สจฺจปฏิจฺฉาทกถูลมชฺฌิมสุขุมํ กิเลสนฺธการํ, ตโย วาตา วิย ตีณิ อนุโลมจิตฺตานิ, จกฺขุมา ปุริโส วิย โคตฺรภุาณํ, จนฺโท วิย นิพฺพานํ, เอเกกสฺส วาตสฺส ยถากฺกเมน วลาหกวิทฺธํสนํ วิย เอเกกสฺส อนุโลมจิตฺตสฺส สจฺจปฏิจฺฉาทกตมวิโนทนํ, วิคตวลาหเก นเภ ตสฺส ปุริสสฺส วิสุทฺธจนฺททสฺสนํ วิย วิคเต สจฺจปฏิจฺฉาทเก ตเม โคตฺรภุาณสฺส วิสุทฺธนิพฺพานทสฺสนํ.
ยเถว หิ ตโย วาตา จนฺทปฏิจฺฉาทเก วลาหเกเยว วิทฺธํเสตุํ สกฺโกนฺติ, น จนฺทํ ทฏฺุํ, เอวํ อนุโลมานิ สจฺจปฏิจฺฉาทกํ ตมฺเว วิโนเทตุํ สกฺโกนฺติ, น นิพฺพานํ ทฏฺุํ. ยถา โส ปุริโส จนฺทเมว ทฏฺุํ สกฺโกติ, น วลาหเก วิทฺธํเสตุํ, เอวํ โคตฺรภุาณํ นิพฺพานเมว ทฏฺุํ สกฺโกติ, น กิเลสตมํ วิโนเทตุํ. เตเนว เจตํ มคฺคสฺส อาวชฺชนนฺติ วุจฺจติ. ตฺหิ อนาวชฺชนมฺปิ สมานํ อาวชฺชนฏฺาเน ตฺวา ‘‘เอวํ นิพฺพตฺตาหี’’ติ มคฺคสฺส สฺํ ทตฺวา วิย นิรุชฺฌติ. มคฺโคปิ เตน ทินฺนสฺํ อมฺุจิตฺวาว อวีจิสนฺตติวเสน ตํ าณํ อนุปฺปพนฺธมาโน อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธํ โทสกฺขนฺธํ โมหกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌมาโนว ปทาลยมาโนว นิพฺพตฺตติ.
๘๐๙. ตตฺรายํ อุปมา – เอโก กิร อิสฺสาโส อฏฺอุสภมตฺเต ปเทเส ผลกสตํ ปาเปตฺวา วตฺเถน มุขํ เวเตฺวา สรํ สนฺนหิตฺวา จกฺกยนฺเต อฏฺาสิ. อฺโ ปุริโส จกฺกยนฺตํ อาวิชฺฌิตฺวา ยทา อิสฺสาสสฺส ผลกํ อภิมุขํ โหติ, ตทา ตตฺถ ทณฺฑเกน สฺํ เทติ. อิสฺสาโส ทณฺฑกสฺํ อมฺุจิตฺวาว สรํ ขิปิตฺวา ผลกสตํ นิพฺพิชฺฌติ. ตตฺถ ทณฺฑกสฺํ วิย โคตฺรภุาณํ, อิสฺสาโส วิย มคฺคาณํ. อิสฺสาสสฺส ทณฺฑกสฺํ อมฺุจิตฺวาว ผลกสตนิพฺพิชฺฌนํ วิย มคฺคาณสฺส โคตฺรภุาเณน ทินฺนสฺํ อมฺุจิตฺวาว นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อนิพฺพิทฺธปุพฺพานํ อปทาลิตปุพฺพานํ โลภโทสโมหกฺขนฺธานํ นิพฺพิชฺฌนปทาลนํ.
๘๑๐. น เกวลฺเจส มคฺโค โลภกฺขนฺธาทีนํ นิพฺพิชฺฌนเมว กโรติ, อปิจ โข อนมตคฺคสํสารวฏฺฏทุกฺขสมุทฺทํ โสเสติ, สพฺพอปายทฺวารานิ ปิทหติ, สตฺตนฺนํ อริยธนานํ สมฺมุขีภาวํ กโรติ, อฏฺงฺคิกํ มิจฺฉามคฺคํ ปชหติ, สพฺพเวรภยานิ วูปสเมติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอรสปุตฺตภาวํ อุปเนติ ¶ ¶ , อฺเสฺจ อเนกสตานํ อานิสํสานํ ปฏิลาภาย สํวตฺตตีติ เอวํ อเนกานิสํสทายเกน โสตาปตฺติมคฺเคน สมฺปยุตฺตํ าณํ โสตาปตฺติมคฺเค าณนฺติ.
ปมมคฺคาณํ นิฏฺิตํ.
โสตาปนฺนปุคฺคลกถา
๘๑๑. อิมสฺส ปน าณสฺส อนนฺตรํ ตสฺเสว วิปากภูตานิ ทฺเว ตีณิ วา ผลจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อนนฺตรวิปากตฺตาเยว หิ โลกุตฺตรกุสลานํ ‘‘สมาธิมานนฺตริกฺมาหู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๕) จ ‘‘ทนฺธํ อานนฺตริกํ ปาปุณาติ อาสวานํ ขยายา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๖๒) จ อาทิ วุตฺตํ. เกจิ ปน เอกํ ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ วา ผลจิตฺตานีติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ.
อนุโลมสฺส หิ อาเสวนนฺเต โคตฺรภุาณํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน ทฺวีหิ อนุโลมจิตฺเตหิ ภวิตพฺพํ. น หิ เอกํ อาเสวนปจฺจยํ ลภติ, สตฺตจิตฺตปรมา จ เอกาวชฺชนวีถิ. ตสฺมา ยสฺส ทฺเว อนุโลมานิ, ตสฺส ตติยํ โคตฺรภุ จตุตฺถํ มคฺคจิตฺตํ ตีณิ ผลจิตฺตานิ โหนฺติ. ยสฺส ตีณิ อนุโลมานิ, ตสฺส จตุตฺถํ โคตฺรภุ ปฺจมํ มคฺคจิตฺตํ ทฺเว ผลจิตฺตานิ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทฺเว ตีณิ วา ผลจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.
เกจิ ปน ยสฺส จตฺตาริ อนุโลมานิ, ตสฺส ปฺจมํ โคตฺรภุ ฉฏฺํ มคฺคจิตฺตํ เอกํ ผลจิตฺตนฺติ วทนฺติ, ตํ ปน ยสฺมา จตุตฺถํ ปฺจมํ วา อปฺเปติ, น ตโต ปรํ อาสนฺนภวงฺคตฺตาติ ปฏิกฺขิตฺตํ. ตสฺมา น สารโต ปจฺเจตพฺพํ.
๘๑๒. เอตฺตาวตา จ ปเนส โสตาปนฺโน นาม ทุติโย อริยปุคฺคโล โหติ. ภุสํ ปมตฺโตปิ หุตฺวา สตฺตกฺขตฺตุํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตสฺส กรณสมตฺโถ โหติ. ผลปริโยสาเน ปนสฺส จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตรติ, ตโต ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา มคฺคปจฺจเวกฺขณตฺถาย อุปฺปชฺชติ มโนทฺวาราวชฺชนํ, ตสฺมึ นิรุทฺเธ ปฏิปาฏิยา สตฺต มคฺคปจฺจเวกฺขณชวนานีติ. ปุน ภวงฺคํ โอตริตฺวา เตเนว นเยน ¶ ผลาทีนํ ปจฺจเวกฺขณตฺถาย อาวชฺชนาทีนิ ¶ อุปฺปชฺชนฺติ. เยสํ อุปฺปตฺติยา เอส มคฺคํ ปจฺจเวกฺขติ, ผลํ ปจฺจเวกฺขติ, ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขติ, อวสิฏฺกิเลเส ปจฺจเวกฺขติ, นิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขติ.
โส หิ ‘‘อิมินา วตาหํ มคฺเคน อาคโต’’ติ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขติ, ตโต ‘‘อยํ เม อานิสํโส ลทฺโธ’’ติ ผลํ ปจฺจเวกฺขติ. ตโต ‘‘อิเม นาม เม กิเลสา ปหีนา’’ติ ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขติ. ตโต ‘‘อิเม นาม เม กิเลสา อวสิฏฺา’’ติ อุปริมคฺคตฺตยวชฺเฌ กิเลเส ปจฺจเวกฺขติ. อวสาเน จ ‘‘อยํ เม ธมฺโม อารมฺมณโต ปฏิวิทฺโธ’’ติ อมตํ นิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขติ. อิติ โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส ปฺจ ปจฺจเวกฺขณานิ โหนฺติ. ยถา จ โสตาปนฺนสฺส, เอวํ สกทาคามิอนาคามีนมฺปิ. อรหโต ปน อวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณํ นาม นตฺถีติ. เอวํ สพฺพานิปิ เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณานิ นาม.
อุกฺกฏฺปริจฺเฉโทเยว เจโส. ปหีนาวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณฺหิ เสกฺขานมฺปิ โหติ วา น วา. ตสฺส หิ ปจฺจเวกฺขณสฺส อภาเวเนว มหานาโม ภควนฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘โกสุ นาม เม ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน, เยน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗๕) สพฺพํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ.
ทุติยมคฺคาณกถา
๘๑๓. เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปน โส โสตาปนฺโน อริยสาวโก ตสฺมิฺเว วา อาสเน นิสินฺโน, อปเรน วา สมเยน กามราคพฺยาปาทานํ ตนุภาวาย ทุติยาย ภูมิยา ปตฺติยา โยคํ กโรติ. โส อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา ตเทว รูปเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณเภทํ สงฺขารคตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ าเณน ปริมทฺทติ, ปริวตฺเตติ, วิปสฺสนาวีถึ โอคาหติ. ตสฺเสวํ ปฏิปนฺนสฺส วุตฺตนเยเนว สงฺขารุเปกฺขาวสาเน เอกาวชฺชเนน อนุโลมโคตฺรภุาเณสุ อุปฺปนฺเนสุ โคตฺรภุอนนฺตรํ สกทาคามิมคฺโค อุปฺปชฺชติ. เตน สมฺปยุตฺตํ าณํ สกทาคามิมคฺเค าณนฺติ.
ทุติยาณํ นิฏฺิตํ.
ตติยมคฺคาณกถา
๘๑๔. อิมสฺสาปิ ¶ ¶ าณสฺส อนนฺตรํ วุตฺตนเยเนว ผลจิตฺตานิ เวทิตพฺพานิ. เอตฺตาวตา เจส สกทาคามี นาม จตุตฺโถ อริยปุคฺคโล โหติ สกึเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกรณสมตฺโถ. ตโต ปรํ ปจฺจเวกฺขณํ วุตฺตนยเมว.
เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ โส สกทาคามี อริยสาวโก ตสฺมิฺเว วา อาสเน นิสินฺโน อปเรน วา สมเยน กามราคพฺยาปาทานํ อนวเสสปฺปหานาย ตติยาย ภูมิยา ปตฺติยา โยคํ กโรติ, โส อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา ตเทว สงฺขารคตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ าเณน ปริมทฺทติ, ปริวตฺเตติ, วิปสฺสนาวีถึ โอคาหติ. ตสฺเสวํ ปฏิปนฺนสฺส วุตฺตนเยเนว สงฺขารุเปกฺขาวสาเน เอกาวชฺชเนน อนุโลมโคตฺรภุาเณสุ อุปฺปนฺเนสุ โคตฺรภุอนนฺตรํ อนาคามิมคฺโค อุปฺปชฺชติ, เตน สมฺปยุตฺตํ าณํ อนาคามิมคฺเค าณนฺติ.
ตติยาณํ นิฏฺิตํ.
จตุตฺถมคฺคาณกถา
๘๑๕. อิมสฺสปิ าณสฺส อนนฺตรํ วุตฺตนเยเนว ผลจิตฺตานิ เวทิตพฺพานิ. เอตฺตาวตา เจส อนาคามี นาม ฉฏฺโ อริยปุคฺคโล โหติ โอปปาติโก ตตฺถปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ปฏิสนฺธิวเสน อิมํ โลกํ ปุน อนาคนฺตา. ตโต ปรํ ปจฺจเวกฺขณํ วุตฺตนยเมว.
เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ โส อนาคามี อริยสาวโก ตสฺมิฺเว วา อาสเน นิสินฺโน, อปเรน วา สมเยน รูปารูปราคมานอุทฺธจฺจอวิชฺชานํ อนวเสสปฺปหานาย จตุตฺถาย ภูมิยา ปตฺติยา โยคํ กโรติ, โส อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา ตเทว สงฺขารคตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ าเณน ปริมทฺทติ, ปริวตฺเตติ, วิปสฺสนาวีถึ โอคาหติ. ตสฺเสวํ ปฏิปนฺนสฺส วุตฺตนเยเนว สงฺขารุเปกฺขาวสาเน เอกาวชฺชเนน อนุโลมโคตฺรภุาเณสุ ¶ อุปฺปนฺเนสุ โคตฺรภุอนนฺตรํ อรหตฺตมคฺโค อุปฺปชฺชติ, เตน สมฺปยุตฺตํ าณํ อรหตฺตมคฺเค าณนฺติ.
จตุตฺถาณํ นิฏฺิตํ.
อรหนฺตปุคฺคลกถา
๘๑๖. อิมสฺสปิ ¶ าณสฺส อนนฺตรํ วุตฺตนเยเนว ผลจิตฺตานิ เวทิตพฺพานิ. เอตฺตาวตา เจส อรหา นาม อฏฺโม อริยปุคฺคโล โหติ มหาขีณาสโว อนฺติมเทหธารี โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมาทฺา วิมุตฺโต สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺโยติ.
อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ‘‘โสตาปตฺติมคฺโค สกทาคามิมคฺโค อนาคามิมคฺโค อรหตฺตมคฺโคติ อิเมสุ ปน จตูสุ มคฺเคสุ าณํ าณทสฺสนวิสุทฺธิ นามา’’ติ, ตํ อิมานิ อิมินา อนุกฺกเมน ปตฺตพฺพานิ จตฺตาริ าณานิ สนฺธาย วุตฺตํ.
โพธิปกฺขิยกถา
๘๑๗. อิทานิ อิมิสฺสาเยว จตุาณาย าณทสฺสนวิสุทฺธิยา อานุภาววิชานนตฺถํ –
ปริปุณฺณโพธิปกฺขิย, ภาโว วุฏฺานพลสมาโยโค;
เย เยน ปหาตพฺพา, ธมฺมา เตสํ ปหานฺจ.
กิจฺจานิ ปริฺาทีนิ, ยานิ วุตฺตานิ อภิสมยกาเล;
ตานิ จ ยถาสภาเวน, ชานิตพฺพานิ สพฺพานีติ.
๘๑๘. ตตฺถ ปริปุณฺณโพธิปกฺขิย, ภาโวติ โพธิปกฺขิยานํ ปริปุณฺณภาโว. จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ หิ อิเม สตฺตตึส ธมฺมา พุชฺฌนฏฺเน โพโธติ ลทฺธนามสฺส อริยมคฺคสฺส ปกฺเข ภวตฺตา โพธิปกฺขิยา นาม. ปกฺเข ภวตฺตาติ อุปการภาเว ิตตฺตา.
๘๑๙. เตสุ ¶ เตสุ อารมฺมเณสุ โอกฺขนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา อุปฏฺานโต ปฏฺานํ. สติเยว ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ ปนสฺสา อสุภ-ทุกฺข-อนิจฺจ-อนตฺตาการคหณวเสน ¶ สุภ-สุข-นิจฺจ-อตฺต-สฺาปหานกิจฺจสาธนวเสน จ ปวตฺติโต จตุธา เภโท โหติ. ตสฺมา จตฺตาโร สติปฏฺานาติ วุจฺจนฺติ.
๘๒๐. ปทหนฺติ เอเตนาติ ปธานํ. โสภนํ ปธานํ สมฺมปฺปธานํ. สมฺมา วา ปทหนฺติ เอเตนาติ สมฺมปฺปธานํ. โสภนํ วา ตํ กิเลสวิรูปตฺตวิรหโต ปธานฺจ หิตสุขนิปฺผาทกตฺเตน เสฏฺภาวาวหนโต ปธานภาวการณโต จาติ สมฺมปฺปธานํ. วีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. ตยิทํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ ปหานานุปฺปตฺติกิจฺจํ อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานฺจ กุสลานํ อุปฺปตฺติฏฺิติกิจฺจํ สาธยตีติ จตุพฺพิธํ โหติ, ตสฺมา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานาติ วุจฺจนฺติ.
๘๒๑. ปุพฺเพ วุตฺเตน อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ. ตสฺสา สมฺปยุตฺตาย ปุพฺพงฺคมฏฺเน ผลภูตาย ปุพฺพภาคการณฏฺเน จ อิทฺธิยา ปาโทติ อิทฺธิปาโท. โส ฉนฺทาทิวเสน จตุพฺพิโธ โหติ, ตสฺมา จตฺตาโร อิทฺธิปาทาติ วุจฺจนฺติ. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ฉนฺทิทฺธิปาโท จิตฺติทฺธิปาโท วีริยิทฺธิปาโท วีมํสิทฺธิปาโท’’ติ (วิภ. ๔๕๗). อิเม โลกุตฺตราว. โลกิยา ปน ‘‘ฉนฺทฺเจ ภิกฺขุ อธิปตึ กริตฺวา ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ. อยํ วุจฺจติ ฉนฺทสมาธี’’ติอาทิวจนโต (วิภ. ๔๓๒) ฉนฺทาทิอธิปติวเสน ปฏิลทฺธธมฺมาปิ โหนฺติ.
๘๒๒. อสฺสทฺธิยโกสชฺชปมาทวิกฺเขปสมฺโมหานํ อภิภวนโต อภิภวนสงฺขาเตน อธิปติยฏฺเน อินฺทฺริยํ. อสฺสทฺธิยาทีหิ จ อนภิภวนียโต อกมฺปิยฏฺเน พลํ. ตทุภยมฺปิ สทฺธาทิวเสน ปฺจวิธํ โหติ, ตสฺมา ปฺจินฺทฺริยานิ ปฺจ พลานีติ วุจฺจนฺติ.
๘๒๓. พุชฺฌนกสตฺตสฺส ปน องฺคภาเวน สติอาทโย สตฺต โพชฺฌงฺคา. นิยฺยานิกฏฺเน จ สมฺมาทิฏฺิอาทโย อฏฺ มคฺคงฺคา โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺคา อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ.
๘๒๔. อิติ ¶ อิเม สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา ปุพฺพภาเค โลกิยวิปสฺสนาย วตฺตมานาย จุทฺทสวิเธน กายํ ปริคฺคณฺหโต จ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ, นววิเธน เวทนํ ปริคฺคณฺหโต จ เวทนานุปสฺสนาสติปฏฺานํ, โสฬสวิเธน จิตฺตํ ปริคฺคณฺหโต จ จิตฺตานุปสฺสนาสติปฏฺานํ, ปฺจวิเธน ธมฺเม ปริคฺคณฺหโต จ ธมฺมานุปสฺสนาสติปฏฺานํ. อิมสฺมึ อตฺตภาเว ¶ อนุปฺปนฺนปุพฺพํ ปรสฺส อุปฺปนฺนํ อกุสลํ ทิสฺวา ‘‘ยถา ปฏิปนฺนสฺเสตํ อุปฺปนฺนํ, น ตถา ปฏิปชฺชิสฺสามิ เอวํ เม เอตํ นุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ, ตสฺส อนุปฺปาทาย วายมนกาเล ปมํ สมฺมปฺปธานํ. อตฺตโน สมุทาจารปฺปตฺตํ อกุสลํ ทิสฺวา ตสฺส ปหานาย วายมนกาเล ทุติยํ. อิมสฺมึ อตฺตภาเว อนุปฺปนฺนปุพฺพํ ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา อุปฺปาเทตุํ วายมนฺตสฺส ตติยํ. อุปฺปนฺนํ ยถา น ปริหายติ, เอวํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปาเทนฺตสฺส จตุตฺถํ สมฺมปฺปธานํ. ฉนฺทํ ธุรํ กตฺวา กุสลุปฺปาทนกาเล ฉนฺทิทฺธิปาโท. มิจฺฉาวาจาย วิรมณกาเล สมฺมาวาจาติ เอวํ นานาจิตฺเตสุ ลพฺภนฺติ. อิเมสํ ปน จตุนฺนํ าณานํ อุปฺปตฺติกาเล เอกจิตฺเต ลพฺภนฺติ. ผลกฺขเณ เปตฺวา จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเน อวเสสา เตตฺตึส ลพฺภนฺติ.
๘๒๕. เอวํ เอกจิตฺเต ลพฺภมาเนสุ เจเตสุ เอกาว นิพฺพานารมฺมณา สติ กายาทีสุ สุภสฺาทิปฺปหานกิจฺจสาธนวเสน จตฺตาโร สติปฏฺานาติ วุจฺจติ. เอกเมว จ วีริยํ อนุปฺปนฺนานํ อนุปฺปาทาทิกิจฺจสาธนวเสน จตฺตาโร สมฺมปฺปธานาติ วุจฺจติ. เสเสสุ ปน หาปนวฑฺฒนํ นตฺถิ.
นว เอกวิธา เอโก, ทฺเวธาถ จตุ ปฺจธา;
อฏฺธา นวธา เจว, อิติ ฉทฺธา ภวนฺติ เต.
นว เอกวิธาติ ฉนฺโท, จิตฺตํ, ปีติ, ปสฺสทฺธิ, อุเปกฺขา, สงฺกปฺโป, วาจา, กมฺมนฺโต, อาชีโวติ อิเม นว ฉนฺทิทฺธิปาทาทิวเสน เอกวิธาว โหนฺติ, น อฺํ โกฏฺาสํ ภชนฺติ. เอโก ทฺเวธาติ สทฺธา อินฺทฺริย, พลวเสน ทฺเวธา ิตา. อถ จตุ ปฺจธาติ อถฺโ เอโก จตุธา, อฺโ ปฺจธา ิโตติ อตฺโถ. ตตฺถ สมาธิ เอโก อินฺทฺริย, พล, โพชฺฌงฺค, มคฺคงฺควเสน จตุธา ิโต. ปฺา เตสฺจ จตุนฺนํ อิทฺธิปาทโกฏฺาสสฺส จ ¶ วเสน ปฺจธา. อฏฺธา นวธา เจวาติ อปโร เอโก อฏฺธา, เอโก นวธา ิโตติ อตฺโถ. จตุสติปฏฺาน, อินฺทฺริย, พล, โพชฺฌงฺค, มคฺคงฺควเสน สติ อฏฺธา ิตา. จตุสมฺมปฺปธาน, อิทฺธิปาท, อินฺทฺริย, พล, โพชฺฌงฺค, มคฺคงฺควเสน วีริยํ นวธาติ. เอวํ –
จุทฺทเสว ¶ อสมฺภินฺนา, โหนฺเตเต โพธิปกฺขิยา;
โกฏฺาสโต สตฺตวิธา, สตฺตตึสปฺปเภทโต.
สกิจฺจนิปฺผาทนโต, สรูเปน จ วุตฺติโต;
สพฺเพว อริยมคฺคสฺส, สมฺภเว สมฺภวนฺติ เตติ.
เอวํ ตาเวตฺถ ปริปุณฺณโพธิปกฺขิยภาโว ชานิตพฺโพ.
วุฏฺานพลสมาโยคกถา
๘๒๗. วุฏฺานพลสมาโยโคติ วุฏฺานฺเจว พลสมาโยโค จ. โลกิยวิปสฺสนา หิ นิมิตฺตารมฺมณตฺตา เจว ปวตฺติการณสฺส จ สมุทยสฺส อสมุจฺฉินฺทนโต เนว นิมิตฺตา น ปวตฺตา วุฏฺาติ. โคตฺรภุาณํ สมุทยสฺส อสมุจฺฉินฺทนโต ปวตฺตา น วุฏฺาติ. นิพฺพานารมฺมณโต ปน นิมิตฺตา วุฏฺาตีติ เอกโต วุฏฺานํ โหติ. เตนาห ‘‘พหิทฺธาวุฏฺานวิวฏฺฏเน ปฺา โคตฺรภุาณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๑๐). ตถา ‘‘อุปฺปาทา วิวฏฺฏิตฺวา อนุปฺปาทํ ปกฺขนฺทตีติ โคตฺรภุ, ปวตฺตา วิวฏฺฏิตฺวา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๙) สพฺพํ เวทิตพฺพํ. อิมานิ ปน จตฺตาริปิ าณานิ อนิมิตฺตารมฺมณตฺตา นิมิตฺตโต วุฏฺหนฺติ, สมุทยสฺส สมุจฺฉินฺทนโต ปวตฺตา วุฏฺหนฺตีติ ทุภโต วุฏฺานานิ โหนฺติ.
เตน วุตฺตํ –
‘‘กถํ ทุภโต วุฏฺานวิวฏฺฏเน ปฺา มคฺเค าณํ?
‘‘โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ทสฺสนฏฺเน สมฺมาทิฏฺิ มิจฺฉาทิฏฺิยา วุฏฺาติ, ตทนุวตฺตกกิเลเสหิ จ ขนฺเธหิ จ วุฏฺาติ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตหิ วุฏฺาติ. เตน วุจฺจติ ทุภโต วุฏฺานวิวฏฺฏเน ปฺา มคฺเค าณํ. อภินิโรปนฏฺเน สมฺมาสงฺกปฺโป มิจฺฉาสงฺกปฺปา…เป… ปริคฺคหฏฺเน สมฺมาวาจา มิจฺฉาวาจาย. สมุฏฺานฏฺเน สมฺมากมฺมนฺโต. โวทานฏฺเน สมฺมาอาชีโว. ปคฺคหฏฺเน สมฺมาวายาโม ¶ . อุปฏฺานฏฺเน สมฺมาสติ. อวิกฺเขปฏฺเน สมฺมาสมาธิ มิจฺฉาสมาธิโต วุฏฺาติ, ตทนุวตฺตกกิเลเสหิ จ ¶ ขนฺเธหิ จ วุฏฺาติ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตหิ วุฏฺาติ. เตน วุจฺจติ ‘ทุภโต วุฏฺานวิวฏฺฏเน ปฺา มคฺเค าณ’นฺติ.
‘‘สกทาคามิมคฺคกฺขเณ ทสฺสนฏฺเน สมฺมาทิฏฺิ…เป… อวิกฺเขปฏฺเน สมฺมาสมาธิ โอฬาริกา กามราคสํโยชนา ปฏิฆสํโยชนา โอฬาริกา กามราคานุสยา ปฏิฆานุสยา วุฏฺาติ…เป….
‘‘อนาคามิมคฺคกฺขเณ ทสฺสนฏฺเน สมฺมาทิฏฺิ…เป… อวิกฺเขปฏฺเน สมฺมาสมาธิ อนุสหคตา กามราคสํโยชนา ปฏิฆสํโยชนา อนุสหคตา กามราคานุสยา ปฏิฆานุสยา วุฏฺาติ…เป….
‘‘อรหตฺตมคฺคกฺขเณ ทสฺสนฏฺเน สมฺมาทิฏฺิ…เป… อวิกฺเขปฏฺเน สมฺมาสมาธิ รูปราคา อรูปราคา มานา อุทฺธจฺจา อวิชฺชาย มานานุสยา ภวราคานุสยา อวิชฺชานุสยา วุฏฺาติ, ตทนุวตฺตกกิเลเสหิ จ ขนฺเธหิ จ วุฏฺาติ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตหิ วุฏฺาติ. เตน วุจฺจติ ‘ทุภโต วุฏฺานวิวฏฺฏเน ปฺา มคฺเค าณ’’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๖๑).
๘๒๘. โลกิยานฺจ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ภาวนากาเล สมถพลํ อธิกํ โหติ. อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ ภาวนากาเล วิปสฺสนาพลํ. อริยมคฺคกฺขเณ ปน ยุคนทฺธา เต ธมฺมา ปวตฺตนฺติ อฺมฺํ อนติวตฺตนฏฺเน. ตสฺมา อิเมสุ จตูสุปิ าเณสุ อุภยพลสมาโยโค โหติ. ยถาห –
‘‘อุทฺธจฺจสหคตกิเลเสหิ จ ขนฺเธหิ จ วุฏฺหโต จิตฺตสฺส เอกคฺคตา อวิกฺเขโป สมาธิ นิโรธโคจโร, อวิชฺชาสหคตกิเลเสหิ จ ขนฺเธหิ จ วุฏฺหโต อนุปสฺสนฏฺเน วิปสฺสนา นิโรธโคจรา. อิติ วุฏฺานฏฺเน สมถวิปสฺสนา เอกรสา ¶ โหนฺติ, ยุคนทฺธา โหนฺติ, อฺมฺํ นาติวตฺตนฺตีติ. เตน วุจฺจติ วุฏฺานฏฺเน สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๕).
เอวเมตฺถ วุฏฺานพลสมาโยโค เวทิตพฺโพ.
ปหาตพฺพธมฺมปหานกถา
๘๒๙. เย ¶ เยน ปหาตพฺพา ธมฺมา, เตสํ ปหานฺจาติ อิเมสุ ปน จตูสุ าเณสุ เย ธมฺมา เยน าเณน ปหาตพฺพา, เตสํ ปหานฺจ ชานิตพฺพํ. เอตานิ หิ ยถาโยคํ สํโยชนกิเลสมิจฺฉตฺตโลกธมฺมมจฺฉริยวิปลฺลาสคนฺถอคติอาสวโอฆโยคนีวรณปรามาสอุปาทานอนุสยมลอกุสลกมฺมปถจิตฺตุปฺปาทสงฺขาตานํ ธมฺมานํ ปหานกรานิ.
ตตฺถ สํโยชนานีติ ขนฺเธหิ ขนฺธานํ ผเลน กมฺมสฺส ทุกฺเขน วา สตฺตานํ สํโยชกตฺตา รูปราคาทโย ทส ธมฺมา วุจฺจนฺติ. ยาวฺหิ เต, ตาว เอเตสํ อนุปรโมติ. ตตฺราปิ รูปราโค อรูปราโค มาโน อุทฺธจฺจํ อวิชฺชาติ อิเม ปฺจ อุทฺธํนิพฺพตฺตนกขนฺธาทิสํโยชกตฺตา อุทฺธํภาคิยสํโยชนานิ นาม. สกฺกายทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโส กามราโค ปฏิโฆติ อิเม ปฺจ อโธนิพฺพตฺตนกขนฺธาทิสํโยชกตฺตา อโธภาคิยสํโยชนานิ นาม.
กิเลสาติ สยํ สํกิลิฏฺตฺตา สมฺปยุตฺตธมฺมานฺจ สํกิเลสิกตฺตา โลโภ โทโส โมโห มาโน ทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา ถินํ อุทฺธจฺจํ อหิริกํ อโนตฺตปฺปนฺติ อิเม ทส ธมฺมา.
มิจฺฉตฺตาติ มิจฺฉาปวตฺตนโต มิจฺฉาทิฏฺิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวาจา มิจฺฉากมฺมนฺโต มิจฺฉาอาชีโว มิจฺฉาวายาโม มิจฺฉาสติ มิจฺฉาสมาธีติ อิเม อฏฺ ธมฺมา. มิจฺฉาวิมุตฺติมิจฺฉาาเณหิ วา สทฺธึ ทส.
โลกธมฺมาติ โลกปฺปวตฺติยา สติ อนุปรมธมฺมกตฺตา ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส สุขํ ทุกฺขํ นินฺทา ปสํสาติ อิเม อฏฺ. อิธ ปน การโณปจาเรน ลาภาทิวตฺถุกสฺส อนุนยสฺส อลาภาทิวตฺถุกสฺส ปฏิฆสฺส เจตํ โลกธมฺมคฺคหเณน คหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.
มจฺฉริยานีติ ¶ อาวาสมจฺฉริยํ กุลมจฺฉริยํ ลาภมจฺฉริยํ ธมฺมมจฺฉริยํ วณฺณมจฺฉริยนฺติ อิมาสุ อาวาสาทีสุ อฺเสํ สาธารณภาวํ อสหนากาเรน ปวตฺตานิ ปฺจ มจฺฉริยานิ.
วิปลฺลาสาติ ¶ อนิจฺจทุกฺขอนตฺตอสุเภสุเยว วตฺถูสุ ‘‘นิจฺจํ สุขํ อตฺตา สุภ’’นฺติ เอวํ ปวตฺโต สฺาวิปลฺลาโส จิตฺตวิปลฺลาโส ทิฏฺิวิปลฺลาโสติ อิเม ตโย.
คนฺถาติ นามกายสฺส เจว รูปกายสฺส จ คนฺถนโต อภิชฺฌาทโย จตฺตาโร. ตถา หิ เต อภิชฺฌา กายคนฺโถ, พฺยาปาโท กายคนฺโถ, สีลพฺพตปรามาโส กายคนฺโถ, อิทํสจฺจาภินิเวโส กายคนฺโถ อิจฺเจว วุตฺตา.
อคตีติ ฉนฺทโทสโมหภเยหิ อกตฺตพฺพกรณสฺส, กตฺตพฺพากรณสฺส จ อธิวจนํ. ตฺหิ อริเยหิ อคนฺตพฺพตฺตา อคตีติ วุจฺจติ.
อาสวาติ อารมฺมณวเสน อาโคตฺรภุโต, อาภวคฺคโต จ สวนา, อสํวุเตหิ วา ทฺวาเรหิ ฆฏฉิทฺเทหิ อุทกํ วิย สวนโต นิจฺจปคฺฆรณฏฺเน สํสารทุกฺขสฺส วา สวนโต กามราคภวราคมิจฺฉาทิฏฺิอวิชฺชานเมตํ อธิวจนํ.
ภวสาคเร อากฑฺฒนฏฺเน ทุรุตฺตรณฏฺเน จ โอฆาติปิ, อารมฺมณวิโยคสฺส เจว ทุกฺขวิโยคสฺส จ อปฺปทานโต โยคาติปิ เตสฺเว อธิวจนํ.
นีวรณานีติ จิตฺตสฺส อาวรณนีวรณปฏิจฺฉาทนฏฺเน กามจฺฉนฺทาทโย ปฺจ.
ปรามาโสติ ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส สภาวํ อติกฺกมฺม ปรโต อภูตํ สภาวํ อามสนากาเรน ปวตฺตนโต มิจฺฉาทิฏฺิยา เอตํ อธิวจนํ.
อุปาทานานีติ สพฺพากาเรน ปฏิจฺจสมุปฺปาทนิทฺเทเส วุตฺตานิ กามุปาทานาทีนิ จตฺตาริ.
อนุสยาติ ถามคตฏฺเน กามราคานุสโย, ปฏิฆ, มาน, ทิฏฺิ, วิจิกิจฺฉา, ภวราค, อวิชฺชานุสโยติ เอวํ วุตฺตา กามราคาทโย สตฺต ¶ . เต หิ ถามคตตฺตา ปุนปฺปุนํ กามราคาทีนํ อุปฺปตฺติเหตุภาเวน อนุเสนฺติเยวาติ อนุสยา.
มลาติ ¶ เตลฺชนกลลํ วิย สยฺจ อสุทฺธตฺตา, อฺเสฺจ อสุทฺธภาวกรณโต โลภโทสโมหา ตโย.
อกุสลกมฺมปถาติ อกุสลกมฺมภาเวน เจว ทุคฺคตีนฺจ ปถภาเวน ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ กาเมสุมิจฺฉาจาโร มุสาวาโท ปิสุณวาจา ผรุสวาจา สมฺผปฺปลาโป อภิชฺฌา พฺยาปาโท มิจฺฉาทิฏฺีติ อิเม ทส.
อกุสลจิตฺตุปฺปาทาติ โลภมูลา อฏฺ โทสมูลา ทฺเว โมหมูลา ทฺเวติ อิเม ทฺวาทส.
๘๓๐. อิติ เอเตสํ สํโยชนาทีนํ ธมฺมานํ เอตานิ ยถาโยคํ ปหานกรานิ. กถํ? สํโยชเนสุ ตาว สกฺกายทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโส อปายคมนียา จ กามราคปฏิฆาติ เอเต ปฺจ ธมฺมา ปมาณวชฺฌา, เสสา กามราคปฏิฆา โอฬาริกา ทุติยาณวชฺฌา, สุขุมา ตติยาณวชฺฌา, รูปราคาทโย ปฺจปิ จตุตฺถาณวชฺฌา เอว. ปรโตปิ จ ยตฺถ ยตฺถ เอวสทฺเทน นิยมํ น กริสฺสาม. ตตฺถ ตตฺถ ยํ ยํ ‘‘อุปริาณวชฺโฌ’’ติ วกฺขาม, โส โส ปุริมาเณหิ หตาปายคมนียาทิภาโวว หุตฺวา อุปริาณวชฺโฌ โหตีติ เวทิตพฺโพ.
กิเลเสสุ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉา ปมาณวชฺฌา, โทโส ตติยาณวชฺโฌ, โลภโมหมานถินอุทฺธจฺจอหิริกอโนตฺตปฺปานิ จตุตฺถาณวชฺฌานิ.
มิจฺฉตฺเตสุ มิจฺฉาทิฏฺิ มุสาวาโท มิจฺฉากมฺมนฺโต มิจฺฉาอาชีโวติ อิเม ปมาณวชฺฌา, มิจฺฉาสงฺกปฺโป ปิสุณวาจา ผรุสวาจาติ อิเม ตติยาณวชฺฌา, เจตนาเยว เจตฺถ วาจาติ เวทิตพฺพา. สมฺผปฺปลาปมิจฺฉาวายามสติสมาธิวิมุตฺติาณานิ จตุตฺถาณวชฺฌานิ.
โลกธมฺเมสุ ปฏิโฆ ตติยาณวชฺโฌ, อนุนโย จตุตฺถาณวชฺโฌ, ยเส จ ปสํสาย จ อนุนโย จตุตฺถาณวชฺโฌติ เอเก. มจฺฉริยานิ ปมาณวชฺฌาเนว.
วิปลฺลาเสสุ ¶ ¶ อนิจฺเจ นิจฺจํ, อนตฺตนิ อตฺตาติ จ สฺาจิตฺตทิฏฺิวิปลฺลาสา, ทุกฺเข สุขํ, อสุเภ สุภนฺติ ทิฏฺิวิปลฺลาโส จาติ อิเม ปมาณวชฺฌา, อสุเภ สุภนฺติ สฺาจิตฺตวิปลฺลาสา ตติยาณวชฺฌา, ทุกฺเข สุขนฺติ สฺาจิตฺตวิปลฺลาสา จตุตฺถาณวชฺฌา.
คนฺเถสุ สีลพฺพตปรามสอิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถา ปมาณวชฺฌา, พฺยาปาทกายคนฺโถ ตติยาณวชฺโฌ, อิตโร จตุตฺถาณวชฺโฌ.
อคติ ปมาณวชฺฌาว.
อาสเวสุ ทิฏฺาสโว ปมาณวชฺโฌ, กามาสโว ตติยาณวชฺโฌ, อิตเร ทฺเว จตุตฺถาณวชฺฌา. โอฆโยเคสุปิ เอเสว นโย.
นีวรเณสุ วิจิกิจฺฉานีวรณํ ปมาณวชฺฌํ, กามจฺฉนฺโท พฺยาปาโท กุกฺกุจฺจนฺติ ตีณิ ตติยาณวชฺฌานิ, ถินมิทฺธอุทฺธจฺจานิ จตุตฺถาณวชฺฌานิ.
ปรามาโส ปมาณวชฺโฌว.
อุปาทาเนสุ สพฺเพสมฺปิ โลกิยธมฺมานํ วตฺถุกามวเสน กามาติ อาคตตฺตา รูปารูปราโคปิ กามุปาทาเน ปตติ, ตสฺมา ตํ จตุตฺถาณวชฺฌํ, เสสานิ ปมาณวชฺฌานิ.
อนุสเยสุ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานุสยา ปมาณวชฺฌาว, กามราคปฏิฆานุสยา ตติยาณวชฺฌา, มานภวราคาวิชฺชานุสยา จตุตฺถาณวชฺฌา.
มเลสุ โทสมลํ ตติยาณวชฺฌํ, อิตรานิ จตุตฺถาณวชฺฌานิ.
อกุสลกมฺมปเถสุ ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ มิจฺฉาจาโร มุสาวาโท มิจฺฉาทิฏฺีติ อิเม ปมาณวชฺฌา ¶ , ปิสุณวาจา ผรุสวาจา พฺยาปาโทติ ตโย ตติยาณวชฺฌา, สมฺผปฺปลาปาภิชฺฌา จตุตฺถาณวชฺฌา.
อกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ จตฺตาโร ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตา วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺโต จาติ ปฺจ ปมาณวชฺฌาว, ทฺเว ปฏิฆสมฺปยุตฺตา ตติยาณวชฺฌา, เสสา จตุตฺถาณวชฺฌาติ.
ยฺจ เยน วชฺฌํ, ตํ เตน ปหาตพฺพํ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘อิติ เอเตสํ สํโยชนาทีนํ ธมฺมานํ เอตานิ ยถาโยคํ ปหานกรานี’’ติ.
๘๓๑. กึ ¶ ปเนตานิ เอเต ธมฺเม อตีตานาคเต ปชหนฺติ อุทาหุ ปจฺจุปฺปนฺเนติ. กึ ปเนตฺถ ยทิ ตาว อตีตานาคเต, อผโล วายาโม อาปชฺชติ. กสฺมา? ปหาตพฺพานํ นตฺถิตาย. อถ ปจฺจุปฺปนฺเน, ตถาปิ อผโล, วายาเมน สทฺธึ ปหาตพฺพานํ อตฺถิตาย, สํกิเลสิกา จ มคฺคภาวนา อาปชฺชติ, วิปฺปยุตฺตตา วา กิเลสานํ, น จ ปจฺจุปฺปนฺนกิเลโส จิตฺตวิปฺปยุตฺโต นาม อตฺถีติ. นายํ อาเวณิกา โจทนา. ปาฬิยํเยว หิ ‘‘สฺวายํ กิเลเส ปชหติ, อตีเต กิเลเส ปชหติ, อนาคเต กิเลเส ปชหติ, ปจฺจุปฺปนฺเน กิเลเส ปชหตี’’ติ วตฺวา, ปุน ‘‘หฺจิ อตีเต กิเลเส ปชหติ, เตนหิ ขีณํ เขเปติ, นิรุทฺธํ นิโรเธติ, วิคตํ วิคเมติ, อตฺถงฺคตํ อตฺถงฺคเมติ. อตีตํ ยํ นตฺถิ, ตํ ปชหตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๒๑) จ วตฺวา, ‘‘น อตีเต กิเลเส ปชหตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺตํ.
ตถา ‘‘หฺจิ อนาคเต กิเลเส ปชหติ, เตนหิ อชาตํ ปชหติ, อนิพฺพตฺตํ ปชหติ, อนุปฺปนฺนํ ปชหติ, อปาตุภูตํ ปชหติ. อนาคตํ ยํ นตฺถิ, ตํ ปชหตี’’ติ จ วตฺวา, ‘‘น อนาคเต กิเลเส ปชหตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺตํ.
ตถา ‘‘หฺจิ ปจฺจุปฺปนฺเน กิเลเส ปชหติ, เตนหิ รตฺโต ราคํ ปชหติ. ทุฏฺโ โทสํ, มูฬฺโห โมหํ, วินิพทฺโธ มานํ, ปรามฏฺโ ทิฏฺึ, วิกฺเขปคโต อุทฺธจฺจํ, อนิฏฺงฺคโต วิจิกิจฺฉํ, ถามคโต อนุสยํ ปชหติ. กณฺหสุกฺกา ธมฺมา ยุคนทฺธาว วตฺตนฺติ. สํกิเลสิกา มคฺคภาวนา โหตี’’ติ จ วตฺวา, ‘‘น อตีเต กิเลเส ปชหติ, น อนาคเต, น ปจฺจุปฺปนฺเน กิเลเส ปชหตี’’ติ สพฺพํ ปฏิกฺขิปิตฺวา, ‘‘เตนหิ นตฺถิ มคฺคภาวนา, นตฺถิ ผลสจฺฉิกิริยา ¶ , นตฺถิ กิเลสปฺปหานํ, นตฺถิ ธมฺมาภิสมโย’’ติ ปฺหาปริโยสาเน ‘‘น หิ นตฺถิ มคฺคภาวนา…เป… นตฺถิ ธมฺมาภิสมโย’’ติ ปฏิชานิตฺวา ‘‘ยถา กถํ วิยา’’ติ วุตฺเต อิทํ วุตฺตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ ตรุโณ รุกฺโข อชาตผโล, ตเมนํ ปุริโส มูเล ฉินฺเทยฺย, เย ตสฺส รุกฺขสฺส อชาตผลา, เต อชาตาเยว น ชายนฺติ, อนิพฺพตฺตาเยว น นิพฺพตฺตนฺติ, อนุปฺปนฺนาเยว น อุปฺปชฺชนฺติ, อปาตุภูตาเยว น ปาตุภวนฺติ, เอวเมว ¶ อุปฺปาโท เหตุ อุปฺปาโท ปจฺจโย กิเลสานํ นิพฺพตฺติยาติ อุปฺปาเท อาทีนวํ ทิสฺวา อนุปฺปาเท จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ, อนุปฺปาเท จิตฺตสฺส ปกฺขนฺทตฺตา เย อายูหนปจฺจยา กิเลสา นิพฺพตฺเตยฺยุํ, เต อชาตาเยว น ชายนฺติ…เป… อปาตุภูตาเยว น ปาตุภวนฺติ, เอวํ เหตุนิโรธา ทุกฺขนิโรโธ. ปวตฺตํ เหตุ…เป… นิมิตฺตํ เหตุ…เป… อายูหนา เหตุ…เป… อนายูหเน จิตฺตสฺส ปกฺขนฺทตฺตา เย อายูหนปจฺจยา กิเลสา นิพฺพตฺเตยฺยุํ, เต อชาตาเยว…เป… อปาตุภูตาเยว น ปาตุภวนฺติ, เอวํ เหตุนิโรธา ทุกฺขนิโรโธ. เอวํ อตฺถิ มคฺคภาวนา, อตฺถิ ผลสจฺฉิกิริยา, อตฺถิ กิเลสปฺปหานํ, อตฺถิ ธมฺมาภิสมโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๒๑).
๘๓๒. เอเตน กึ ทีปิตํ โหติ? ภูมิลทฺธานํ กิเลสานํ ปหานํ ทีปิตํ โหติ. ภูมิลทฺธา ปน กึ อตีตานาคตา อุทาหุ ปจฺจุปฺปนฺนาติ. ภูมิลทฺธุปฺปนฺนา เอว นาม เต.
๘๓๓. อุปฺปนฺนํ หิ วตฺตมานภูตาปคโตกาสกตภูมิลทฺธวเสน อเนกปฺปเภทํ. ตตฺถ สพฺพมฺปิ อุปฺปาทชราภงฺคสมงฺคิสงฺขาตํ วตฺตมานุปฺปนฺนํ นาม. อารมฺมณรสํ อนุภวิตฺวา นิรุทฺธํ อนุภูตาปคตสงฺขาตํ กุสลากุสลํ อุปฺปาทาทิตฺตยํ อนุปฺปตฺวา นิรุทฺธํ ภูตาปคตสงฺขาตํ เสสสงฺขตฺจ ภูตาปคตุปฺปนฺนํ นาม. ‘‘ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพกตานิ กมฺมานี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๘) เอวมาทินา นเยน วุตฺตํ กมฺมํ อตีตมฺปิ สมานํ อฺํ วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺโสกาสํ กตฺวา ิตตฺตา ตถา กโตกาสฺจ วิปากํ อนุปฺปนฺนมฺปิ สมานํ เอวํ กเต โอกาเส เอกนฺเตน อุปฺปชฺชนโต โอกาสกตุปฺปนฺนํ นาม. ตาสุ ตาสุ ภูมีสุ อสมูหตํ อกุสลํ ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นาม.
๘๓๔. เอตฺถ ¶ จ ภูมิยา ภูมิลทฺธสฺส จ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ. ภูมีติ หิ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา เตภูมกา ปฺจกฺขนฺธา. ภูมิลทฺธํ นาม เตสุ ขนฺเธสุ อุปฺปตฺติรหํ กิเลสชาตํ. เตนหิ สา ภูมิ ลทฺธา นาม โหตีติ ตสฺมา ภูมิลทฺธนฺติ วุจฺจติ, สา จ โข น อารมฺมณวเสน. อารมฺมณวเสน ¶ หิ สพฺเพปิ อตีตานาคเต ปริฺาเตปิ จ ขีณาสวานํ ขนฺเธ อารพฺภ กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ มหากจฺจานอุปฺปลวณฺณาทีนํ ขนฺเธ อารพฺภ โสเรยฺยเสฏฺิ นนฺทมาณวกาทีนํ วิย. ยทิ จ ตํ ภูมิลทฺธํ นาม สิยา, ตสฺส อปฺปเหยฺยโต น โกจิ ภวมูลํ ปชเหยฺย. วตฺถุวเสน ปน ภูมิลทฺธํ เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ยตฺถ หิ วิปสฺสนาย อปริฺาตา ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปาทโต ปภุติ เตสุ วฏฺฏมูลํ กิเลสชาตํ อนุเสติ. ตํ อปฺปหีนฏฺเน ภูมิลทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ.
๘๓๕. ตตฺถ จ ยสฺส เยสุ ขนฺเธสุ อปฺปหีนฏฺเน อนุสยิตา กิเลสา, ตสฺส เต เอว ขนฺธา เตสํ กิเลสานํ วตฺถุ, น อฺเสํ สนฺตกา ขนฺธา. อตีตกฺขนฺเธสุ จ อปฺปหีนานุสยิตานํ กิเลสานํ อตีตกฺขนฺธาว วตฺถุ, น อิตเร. เอส นโย อนาคตาทีสุ. ตถา กามาวจรกฺขนฺเธสุ อปฺปหีนานุสยิตานํ กิเลสานํ กามาวจรกฺขนฺธาว วตฺถุ, น อิตเร. เอส นโย รูปารูปาวจเรสุ. โสตาปนฺนาทีสุ ปน ยสฺส ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส ขนฺเธสุ ตํ ตํ วฏฺฏมูลํ กิเลสชาตํ เตน เตน มคฺเคน ปหีนํ, ตสฺส ตสฺส เต เต ขนฺธา ปหีนานํ เตสํ เตสํ วฏฺฏมูลกิเลสานํ อวตฺถุโต ภูมีติ สงฺขํ น ลภนฺติ. ปุถุชฺชนสฺส สพฺพโสว วฏฺฏมูลกิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา ยํกิฺจิ กริยมานํ กมฺมํ กุสลํ อกุสลํ วา โหติ. อิจฺจสฺส กมฺมกิเลสปจฺจยา วฏฺฏํ วฏฺฏติ. ตสฺเสตํ วฏฺฏมูลํ รูปกฺขนฺเธเยว, น เวทนากฺขนฺธาทีสุ. วิฺาณกฺขนฺเธเยว วา, น รูปกฺขนฺธาทีสูติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อวิเสเสน ปฺจสุปิ ขนฺเธสุ อนุสยิตตฺตา.
๘๓๖. กถํ? ปถวีรสาทิ วิย รุกฺเข. ยถา หิ มหารุกฺเข ปถวีตลํ อธิฏฺาย ปถวีรสฺจ อาโปรสฺจ นิสฺสาย ตปฺปจฺจยา มูลขนฺธสาขปสาขปลฺลวปลาสปุปฺผผเลหิ วฑฺฒิตฺวา นภํ ปูเรตฺวา ยาว กปฺปาวสานา พีชปรมฺปราย รุกฺขปเวณึ สนฺตานยมาเน ิเต ตํ ปถวีรสาทิ มูเลเยว, น ขนฺธาทีสุ…เป… ผเลเยว วา, น มูลาทีสูติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อวิเสเสน สพฺเพสุ มูลาทีสุ อนุคตตฺตาติ.
ยถา ¶ ปน ตสฺเสว รุกฺขสฺส ปุปฺผผลาทีสุ นิพฺพินฺโน โกจิ ปุริโส จตูสุ ทิสาสุ มณฺฑูกกณฺฏกํ นาม วิสกณฺฏกํ อาโกเฏยฺย, อถ โส ¶ รุกฺโข เตน วิสสมฺผสฺเสน ผุฏฺโ ปถวีรสอาโปรสานํ ปริยาทิณฺณตฺตา อปฺปสวนธมฺมตํ อาคมฺม ปุน สนฺตานํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺกุเณยฺย, เอวเมว ขนฺธปวตฺติยํ นิพฺพินฺโน กุลปุตฺโต ตสฺส ปุริสสฺส จตูสุ ทิสาสุ รุกฺเข วิสโยชนํ วิย อตฺตโน สนฺตาเน จตุมคฺคภาวนํ อารภติ. อถสฺส โส ขนฺธสนฺตาโน เตน จตุมคฺควิสสมฺผสฺเสน สพฺพโส วฏฺฏมูลกกิเลสานํ ปริยาทิณฺณตฺตา กิริยภาวมตฺตอุปคตกายกมฺมาทิสพฺพกมฺมปฺปเภโท หุตฺวา อายตึ ปุนพฺภวานภินิพฺพตฺตนธมฺมตํ อาคมฺม ภวนฺตรสนฺตานํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ. เกวลํ จริมวิฺาณนิโรเธน นิรินฺธโน วิย ชาตเวโท อนุปาทาโน ปรินิพฺพายติ, เอวํ ภูมิยา ภูมิลทฺธสฺส จ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
๘๓๗. อปิจ อปรมฺปิ สมุทาจารอารมฺมณาธิคฺคหิตอวิกฺขมฺภิตอสมูหตวเสน จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ. ตตฺถ วตฺตมานุปฺปนฺนเมว สมุทาจารุปฺปนฺนํ. จกฺขาทีนํ ปน อาปาถคเต อารมฺมเณ ปุพฺพภาเค อนุปฺปชฺชมานมฺปิ กิเลสชาตํ อารมฺมณสฺส อธิคฺคหิตตฺตา เอว อปรภาเค เอกนฺเตน อุปฺปตฺติโต อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ, กลฺยาณิคาเม ปิณฺฑาย จรโต มหาติสฺสตฺเถรสฺส วิสภาครูปทสฺสเนน อุปฺปนฺนกิเลสชาตํ วิย. สมถวิปสฺสนานํ อฺตรวเสน อวิกฺขมฺภิตํ กิเลสชาตํ จิตฺตสนฺตติมนารูฬฺหมฺปิ อุปฺปตฺตินิวารกสฺส เหตุโน อภาวา อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ นาม. สมถวิปสฺสนาวเสน ปน วิกฺขมฺภิตมฺปิ อริยมคฺเคน อสมูหตตฺตา อุปฺปตฺติธมฺมตํ อนตีตตาย อสมูหตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ, อากาเสน คจฺฉนฺตสฺส อฏฺสมาปตฺติลาภิโน เถรสฺส กุสุมิตรุกฺเข อุปวเน ปุปฺผานิ อุจฺจินนฺตสฺส มธุเรน สเรน คายโต มาตุคามสฺส คีตสวเนน อุปฺปนฺนกิเลสชาตํ วิย. ติวิธมฺปิ เจตํ อารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตอสมูหตุปฺปนฺนํ ภูมิลทฺเธเนว สงฺคหํ คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ.
๘๓๘. อิจฺเจตสฺมึ วุตฺตปฺปเภเท อุปฺปนฺเน ยเทตํ วตฺตมานภูตาปคโตกาสกตสมุทาจารสงฺขาตํ จตุพฺพิธํ อุปฺปนฺนํ, ตํ อมคฺควชฺฌตฺตา เกนจิปิ าเณน ปหาตพฺพํ น โหติ. ยํ ปเนตํ ภูมิลทฺธารมฺมณาธิคฺคหิตอวิกฺขมฺภิตอสมูหตสงฺขาตํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส ตํ อุปฺปนฺนภาวํ วินาสยมานํ ยสฺมา ตํ ตํ โลกิยโลกุตฺตราณํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตํ สพฺพมฺปิ ปหาตพฺพํ โหตีติ. เอวเมตฺถ เย เยน ปหาตพฺพา ธมฺมา, เตสํ ปหานฺจ ชานิตพฺพํ.
ปริฺาทิกิจฺจกถา
กิจฺจานิ ¶ ¶ ปริฺาทีนิ, ยานิ วุตฺตานิ อภิสมยกาเล;
ตานิ จ ยถาสภาเวน, ชานิตพฺพานิ สพฺพานีติ.
สจฺจาภิสมยกาลํ หิ เอเตสุ จตูสุ าเณสุ เอเกกสฺส เอกกฺขเณ ปริฺา ปหานํ สจฺฉิกิริยา ภาวนาติ เอตานิ ปริฺาทีนิ จตฺตาริ กิจฺจานิ วุตฺตานิ, ตานิ ยถาสภาเวน ชานิตพฺพานิ. วุตฺตํ เหตํ โปราเณหิ –
‘‘ยถา ปทีโป อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ กโรติ, วฏฺฏึ ฌาเปติ, อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกํ ปริวิทํเสติ, สิเนหํ ปริยาทิยติ, เอวเมว มคฺคาณํ อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ จตฺตาริ สจฺจานิ อภิสเมติ, ทุกฺขํ ปริฺาภิสมเยน อภิสเมติ, สมุทยํ ปหานาภิสมเยน อภิสเมติ, มคฺคํ ภาวนาภิสมเยน อภิสเมติ, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน อภิสเมติ. กึ วุตฺตํ โหติ? นิโรธํ อารมฺมณํ กริตฺวา จตฺตาริปิ สจฺจานิ ปาปุณาติ ปสฺสติ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ.
วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสติ, ทุกฺขนิโรธมฺปิ ปสฺสติ, ทุกฺขนิโรธคามินึ ปฏิปทมฺปิ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) สพฺพํ เวทิตพฺพํ.
อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘มคฺคสมงฺคิสฺส าณํ, ทุกฺเขเปตํ าณํ, ทุกฺขสมุทเยเปตํ าณํ, ทุกฺขนิโรเธเปตํ าณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทายเปตํ าณ’’นฺติ (วิภ. ๗๙๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๙).
ตตฺถ ยถา ปทีโป วฏฺฏึ ฌาเปติ, เอวํ มคฺคาณํ ทุกฺขํ ปริชานาติ. ยถา อนฺธการํ วิธมติ, เอวํ สมุทยํ ปชหติ. ยถา อาโลกํ ปริวิทํเสติ, เอวํ สหชาตาทิปจฺจยตาย สมฺมาสงฺกปฺปาทิธมฺมสงฺขาตํ มคฺคํ ภาเวติ. ยถา สิเนหํ ปริยาทิยติ, เอวํ กิเลสปริยาทานํ นิโรธํ สจฺฉิกโรตีติ เอวํ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ.
๘๔๐. อปโร ¶ นโย – ยถา สูริโย อุทยนฺโต อปุพฺพํ อจริมํ สห ปาตุภาวา จตฺตาริ กิจฺจานิ กโรติ, รูปคตานิ โอภาเสติ, อนฺธการํ ¶ วิธมติ, อาโลกํ ทสฺเสติ, สีตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภติ, เอวเมว มคฺคาณํ…เป… นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน อภิสเมติ. อิธาปิ ยถา สูริโย รูปคตานิ โอภาเสติ, เอวํ มคฺคาณํ ทุกฺขํ ปริชานาติ. ยถา อนฺธการํ วิธมติ, เอวํ สมุทยํ ปชหติ. ยถา อาโลกํ ทสฺเสติ, เอวํ สหชาตาทิปจฺจยตาย มคฺคํ ภาเวติ. ยถา สีตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภติ, เอวํ กิเลสปฏิปฺปสฺสทฺธึ นิโรธํ สจฺฉิกโรตีติ เอวํ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ.
๘๔๑. อปโร นโย – ยถา นาวา อปุพฺพํ อจริมํ เอกกฺขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ กโรติ, โอริมตีรํ ปชหติ, โสตํ ฉินฺทติ, ภณฺฑํ วหติ, ปาริมตีรํ อปฺเปติ, เอวเมว มคฺคาณํ…เป… นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน อภิสเมติ. เอตฺถาปิ ยถา นาวา โอริมตีรํ ปชหติ, เอวํ มคฺคาณํ ทุกฺขํ ปริชานาติ. ยถา โสตํ ฉินฺทติ, เอวํ สมุทยํ ปชหติ. ยถา ภณฺฑํ วหติ, เอวํ สหชาตาทิปจฺจยตาย มคฺคํ ภาเวติ. ยถา ปาริมตีรํ อปฺเปติ, เอวํ ปาริมตีรภูตํ นิโรธํ สจฺฉิกโรตีติ เอวํ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ.
๘๔๒. เอวํ สจฺจาภิสมยกาลสฺมึ เอกกฺขเณ จตุนฺนํ กิจฺจานํ วเสน ปวตฺตาณสฺส ปนสฺส โสฬสหากาเรหิ ตถฏฺเน จตฺตาริ กิจฺจานิ เอกปฏิเวธานิ โหนฺติ. ยถาห –
‘‘กถํ ตถฏฺเน จตฺตาริ กิจฺจานิ เอกปฏิเวธานิ? โสฬสหิ อากาเรหิ ตถฏฺเน จตฺตาริ กิจฺจานิ เอกปฏิเวธานิ. ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ, สงฺขตฏฺโ, สนฺตาปฏฺโ, วิปริณามฏฺโ, ตถฏฺโ. สมุทยสฺส อายูหนฏฺโ, นิทานฏฺโ, สํโยคฏฺโ, ปลิโพธฏฺโ, ตถฏฺโ. นิโรธสฺส นิสฺสรณฏฺโ, วิเวกฏฺโ, อสงฺขตฏฺโ, อมตฏฺโ, ตถฏฺโ. มคฺคสฺส นิยฺยานฏฺโ, เหตุฏฺโ, ทสฺสนฏฺโ, อธิปเตยฺยฏฺโ, ตถฏฺโ. อิเมหิ โสฬสหิ อากาเรหิ ตถฏฺเน จตฺตาริ สจฺจานิ เอกสงฺคหิตานิ. ยํ เอกสงฺคหิตํ, ตํ เอกตฺตํ. ยํ เอกตฺตํ, ตํ เอเกน าเณน ปฏิวิชฺฌตีติ จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฏิเวธานี’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑๑).
๘๔๓. ตตฺถ ¶ สิยา ยทา ทุกฺขาทีนํ อฺเปิ โรคคณฺฑาทโย อตฺถา อตฺถิ, อถ กสฺมา จตฺตาโรเยว วุตฺตาติ. เอตฺถ วทาม, อฺสจฺจทสฺสนวเสน อาวิภาวโต. ‘‘ตตฺถ กตมํ ¶ ทุกฺเข าณํ? ทุกฺขํ อารพฺภ ยา อุปฺปชฺชติ ปฺา ปชานนา’’ติอาทินา (วิภ. ๗๙๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๙) หิ นเยน เอเกกสจฺจารมฺมณวเสนาปิ สจฺจาณํ วุตฺตํ. ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสติ, สมุทยมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) นเยน เอกํ สจฺจํ อารมฺมณํ กตฺวา เสเสสุปิ กิจฺจนิปฺผตฺติวเสนาปิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ยทา เอเกกํ สจฺจํ อารมฺมณํ กโรติ, ตทา สมุทยทสฺสเนน ตาว สภาวโต ปีฬนลกฺขณสฺสาปิ ทุกฺขสฺส, ยสฺมา ตํ อายูหนลกฺขเณน สมุทเยน อายูหิตํ สงฺขตํ ราสิกตํ, ตสฺมาสฺส โส สงฺขตฏฺโ อาวิภวติ. ยสฺมา ปน มคฺโค กิเลสสนฺตาปหโร สุสีตโล, ตสฺมาสฺส มคฺคสฺส ทสฺสเนน สนฺตาปฏฺโ อาวิภวติ อายสฺมโต นนฺทสฺส อจฺฉราทสฺสเนน สุนฺทริยา อนภิรูปภาโว วิย. อวิปริณามธมฺมสฺส ปน นิโรธสฺส ทสฺสเนนสฺส วิปริณามฏฺโ อาวิภวตีติ วตฺตพฺพเมเวตฺถ นตฺถิ.
ตถา สภาวโต อายูหนลกฺขณสฺสาปิ สมุทยสฺส, ทุกฺขทสฺสเนน นิทานฏฺโ อาวิภวติ อสปฺปายโภชนโต อุปฺปนฺนพฺยาธิทสฺสเนน โภชนสฺส พฺยาธินิทานภาโว วิย. วิสํโยคภูตสฺส นิโรธสฺส ทสฺสเนน สํโยคฏฺโ. นิยฺยานภูตสฺส จ มคฺคสฺส ทสฺสเนน ปลิโพธฏฺโติ.
ตถา นิสฺสรณลกฺขณสฺสาปิ นิโรธสฺส, อวิเวกภูตสฺส สมุทยสฺส ทสฺสเนน วิเวกฏฺโ อาวิภวติ. มคฺคทสฺสเนน อสงฺขตฏฺโ, อิมินา หิ อนมตคฺคสํสาเร มคฺโค นทิฏฺปุพฺโพ, โสปิ จ สปฺปจฺจยตฺตา สงฺขโตเยวาติ อปฺปจฺจยธมฺมสฺส อสงฺขตภาโว อติวิย ปากโฏ โหติ. ทุกฺขทสฺสเนน ปนสฺส อมตฏฺโ อาวิภวติ, ทุกฺขํ หิ วิสํ, อมตํ นิพฺพานนฺติ.
ตถา นิยฺยานลกฺขณสฺสาปิ มคฺคสฺส, สมุทยทสฺสเนน ‘‘นายํ เหตุ นิพฺพานสฺส ปตฺติยา, อยํ เหตู’’ติ เหตุฏฺโ อาวิภวติ. นิโรธทสฺสเนน ทสฺสนฏฺโ, ปรมสุขุมานิ รูปานิ ปสฺสโต ‘‘วิปฺปสนฺนํ วต เม ¶ จกฺขู’’นฺติ จกฺขุสฺส วิปฺปสนฺนภาโว วิย. ทุกฺขทสฺสเนน อธิปเตยฺยฏฺโ, อเนกโรคาตุรกปณชนทสฺสเนน อิสฺสรชนสฺส อุฬารภาโว วิยาติ เอวเมตฺถ สลกฺขณวเสน เอเกกสฺส, อฺสจฺจทสฺสนวเสน จ อิตเรสํ ติณฺณํ ติณฺณํ อาวิภาวโต เอเกกสฺส จตฺตาโร จตฺตาโร อตฺถา วุตฺตา. มคฺคกฺขเณ ปน สพฺเพ เจเต อตฺถา เอเกเนว ทุกฺขาทีสุ ¶ จตุกิจฺเจน าเณน ปฏิเวธํ คจฺฉนฺตีติ. เย ปน นานาภิสมยํ อิจฺฉนฺติ, เตสํ อุตฺตรํ อภิธมฺเม กถาวตฺถุสฺมึ วุตฺตเมว.
ปริฺาทิปฺปเภทกถา
๘๔๔. อิทานิ ยานิ ตานิ ปริฺาทีนิ จตฺตาริ กิจฺจานิ วุตฺตานิ, เตสุ –
ติวิธา โหติ ปริฺา, ตถา ปหานมฺปิ สจฺฉิกิริยาปิ;
ทฺเว ภาวนา อภิมตา, วินิจฺฉโย ตตฺถ าตพฺโพ.
๘๔๕. ติวิธา โหติ ปริฺาติ าตปริฺา ตีรณปริฺา ปหานปริฺาติ เอวํ ปริฺา ติวิธา โหติ. ตตฺถ ‘‘อภิฺาปฺา าตฏฺเน าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๒๐) เอวํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘เย เย ธมฺมา อภิฺาตา โหนฺติ, เต เต ธมฺมา าตา โหนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๗๕) เอวํ สงฺเขปโต, ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺยํ. กิฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ อภิฺเยฺยํ? จกฺขุํ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺย’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒) นเยน วิตฺถารโต วุตฺตา าตปริฺา นาม. ตสฺสา สปฺปจฺจยนามรูปาภิชานนา อาเวณิกา ภูมิ.
๘๔๖. ‘‘ปริฺาปฺา ตีรณฏฺเน าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๒๑) เอวํ อุทฺทิสิตฺวา ปน ‘‘เย เย ธมฺมา ปริฺาตา โหนฺติ, เต เต ธมฺมา ตีริตา โหนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๗๕) เอวํ สงฺเขปโต, ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, ปริฺเยฺยํ. กิฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปริฺเยฺยํ? จกฺขุํ, ภิกฺขเว, ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒๑) นเยน วิตฺถารโต วุตฺตา ตีรณปริฺา นาม. ตสฺสา กลาปสมฺมสนโต ปฏฺาย อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ ตีรณวเสน ปวตฺตมานาย ยาว อนุโลมา อาเวณิกา ภูมิ.
๘๔๗. ‘‘ปหานปฺา ปริจฺจาคฏฺเน าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๒๒) เอวํ ปน อุทฺทิสิตฺวา ‘‘เย เย ธมฺมา ปหีนา โหนฺติ, เต เต ธมฺมา ปริจฺจตฺตา โหนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๗๕) เอวํ วิตฺถารโต ¶ วุตฺตา ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺํ ปชหตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตา ¶ ปหานปริฺา. ตสฺสา ภงฺคานุปสฺสนโต ปฏฺาย ยาว มคฺคาณา ภูมิ, อยํ อิธ อธิปฺเปตา.
ยสฺมา วา าตตีรณปริฺาโยปิ ตทตฺถาเยว, ยสฺมา จ เย ธมฺเม ปชหติ, เต นิยมโต าตา เจว ตีริตา จ โหนฺติ, ตสฺมา ปริฺาตฺตยมฺปิ อิมินา ปริยาเยน มคฺคาณสฺส กิจฺจนฺติ เวทิตพฺพํ.
๘๔๘. ตถา ปหานมฺปีติ ปหานมฺปิ หิ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ ตทงฺคปฺปหานํ สมุจฺเฉทปฺปหานนฺติ ปริฺา วิย ติวิธเมว โหติ. ตตฺถ ยํ สเสวาเล อุทเก ปกฺขิตฺเตน ฆเฏน เสวาลสฺส วิย เตน เตน โลกิยสมาธินา นีวรณาทีนํ ปจฺจนีกธมฺมานํ วิกฺขมฺภนํ, อิทํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นาม. ปาฬิยํ ปน ‘‘วิกฺขมฺภนปฺปหานฺจ นีวรณานํ ปมํ ฌานํ ภาวยโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๔) นีวรณานฺเว วิกฺขมฺภนํ วุตฺตํ, ตํ ปากฏตฺตา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. นีวรณานิ หิ ฌานสฺส ปุพฺพภาเคปิ ปจฺฉาภาเคปิ น สหสา จิตฺตํ อชฺโฌตฺถรนฺติ, วิตกฺกาทโย อปฺปิตกฺขเณเยว. ตสฺมา นีวรณานํ วิกฺขมฺภนํ ปากฏํ.
๘๔๙. ยํ ปน รตฺติภาเค สมุชฺชลิเตน ปทีเปน อนฺธการสฺส วิย เตน เตน วิปสฺสนาย อวยวภูเตน าณงฺเคน ปฏิปกฺขวเสเนว ตสฺส ตสฺส ปหาตพฺพธมฺมสฺส ปหานํ, อิทํ ตทงฺคปฺปหานํ นาม. เสยฺยถิทํ – นามรูปปริจฺเฉเทน ตาว สกฺกายทิฏฺิยา. ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฏฺิยา เจว กงฺขามลสฺส จ. กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ สมูหคาหสฺส. มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย. อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา. วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา. ภยตุปฏฺาเนน สภเย อภยสฺาย. อาทีนวทสฺสเนน อสฺสาทสฺาย. นิพฺพิทานุปสฺสเนน อภิรติสฺาย. มฺุจิตุกมฺยตาย อมฺุจิตุกามภาวสฺส. ปฏิสงฺขาเนน อปฺปฏิสงฺขานสฺส. อุเปกฺขาย อนุเปกฺขนสฺส. อนุโลเมน สจฺจปฏิโลมคาหสฺส ปหานํ.
ยํ วา ปน อฏฺารสสุ มหาวิปสฺสนาสุ อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺาย. ทุกฺขานุปสฺสนาย สุขสฺาย. อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสฺาย. นิพฺพิทานุปสฺสนาย นนฺทิยา. วิราคานุปสฺสนาย ราคสฺส. นิโรธานุปสฺสนาย ¶ สมุทยสฺส. ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย ¶ อาทานสฺส. ขยานุปสฺสนาย ฆนสฺาย. วยานุปสฺสนาย อายูหนสฺส. วิปริณามานุปสฺสนาย ธุวสฺาย. อนิมิตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตสฺส. อปฺปณิหิตานุปสฺสนาย ปณิธิยา. สฺุตานุปสฺสนาย อภินิเวสสฺส. อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย สาราทานาภินิเวสสฺส. ยถาภูตาณทสฺสเนน สมฺโมหาภินิเวสสฺส. อาทีนวานุปสฺสนาย อาลยาภินิเวสสฺส. ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย อปฺปฏิสงฺขาย. วิวฏฺฏานุปสฺสนาย สํโยคาภินิเวสสฺส ปหานํ. อิทมฺปิ ตทงฺคปฺปหานเมว.
๘๕๐. ตตฺถ ยถา อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ สตฺตหิ นิจฺจสฺาทีนํ ปหานํ โหติ, ตํ ภงฺคานุปสฺสเน วุตฺตเมว.
ขยานุปสฺสนาติ ปน ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา อนิจฺจํ ขยฏฺเนาติ เอวํ ขยํ ปสฺสโต าณํ. เตน ฆนสฺาย ปหานํ โหติ.
วยานุปสฺสนาติ –
อารมฺมณานฺวเยน, อุโภ เอกววตฺถานา;
นิโรเธ อธิมุตฺตตา, วยลกฺขณวิปสฺสนาติ. –
เอวํ วุตฺตา ปจฺจกฺขโต เจว อนฺวยโต จ สงฺขารานํ ภงฺคํ ทิสฺวา ตสฺมิฺเว ภงฺคสงฺขาเต นิโรเธ อธิมุตฺตตา, ตาย อายูหนสฺส ปหานํ โหติ. เยสํ หิ อตฺถาย อายูเหยฺย, ‘‘เต เอวํ วยธมฺมา’’ติ วิปสฺสโต อายูหเน จิตฺตํ น นมติ.
วิปริณามานุปสฺสนาติ รูปสตฺตกาทิวเสน ตํ ตํ ปริจฺเฉทํ อติกฺกมฺม อฺถาปวตฺติทสฺสนํ. อุปฺปนฺนสฺส วา ชราย เจว มรเณน จ ทฺวีหากาเรหิ วิปริณามทสฺสนํ, ตาย ธุวสฺาย ปหานํ โหติ.
อนิมิตฺตานุปสฺสนาติ อนิจฺจานุปสฺสนาว, ตาย นิจฺจนิมิตฺตสฺส ปหานํ โหติ.
อปฺปณิหิตานุปสฺสนาติ ทุกฺขานุปสฺสนาว, ตาย สุขปณิธิสุขปตฺถนาปหานํ โหติ.
สฺุตานุปสฺสนาติ อนตฺตานุปสฺสนาว, ตาย ‘‘อตฺถิ อตฺตา’’ติ อภินิเวสสฺส ปหานํ โหติ.
‘‘อารมฺมณฺจ ปฏิสงฺขา, ภงฺคฺจ อนุปสฺสติ;
สฺุโต จ อุปฏฺานํ, อธิปฺา วิปสฺสนา’’ติ. –
เอวํ วุตฺตา รูปาทิอารมฺมณํ ชานิตฺวา ตสฺส จ อารมฺมณสฺส ตทารมฺมณสฺส จ จิตฺตสฺส ภงฺคํ ทิสฺวา ‘‘สงฺขาราว ภิชฺชนฺติ, สงฺขารานํ มรณํ, น อฺโ โกจิ อตฺถี’’ติ ภงฺควเสน สฺุตํ คเหตฺวา ปวตฺตา วิปสฺสนา. สา อธิปฺา จ ธมฺเมสุ จ วิปสฺสนาติ กตฺวา อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาติ วุจฺจติ, ตาย นิจฺจสาราภาวสฺส จ อตฺตสาราภาวสฺส จ สุฏฺุ ทิฏฺตฺตา สาราทานาภินิเวสสฺส ปหานํ โหติ.
ยถาภูตาณทสฺสนนฺติ สปฺปจฺจยนามรูปปริคฺคโห, เตน ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิวเสน เจว, ‘‘อิสฺสรโต โลโก สมฺโภตี’’ติอาทิวเสน จ ปวตฺตสฺส สมฺโมหาภินิเวสสฺส ปหานํ โหติ.
อาทีนวานุปสฺสนาติ ภยตุปฏฺานวเสน อุปฺปนฺนํ สพฺพภวาทีสุ อาทีนวทสฺสนาณํ, เตน ‘‘กิฺจิ อลฺลียิตพฺพํ น ทิสฺสตี’’ติ อาลยาภินิเวสสฺส ปหานํ โหติ.
ปฏิสงฺขานุปสฺสนาติ มฺุจนสฺส อุปายกรณํ ปฏิสงฺขาาณํ, เตน อปฺปฏิสงฺขาย ปหานํ โหติ.
วิวฏฺฏานุปสฺสนาติ สงฺขารุเปกฺขา เจว อนุโลมฺจ. ตทา หิสฺส จิตฺตํ อีสกโปเณ ปทุมปลาเส อุทกพินฺทุ วิย สพฺพสฺมา สงฺขารคตา ปติลียติ, ปติกุฏติ, ปติวตฺตตีติ วุตฺตํ. ตสฺมา ตาย สํโยคาภินิเวสสฺส ปหานํ โหติ, กามสํโยคาทิกสฺส กิเลสาภินิเวสสฺส กิเลสปฺปวตฺติยา ปหานํ โหตีติ อตฺโถ. เอวํ วิตฺถารโต ตทงฺคปฺปหานํ เวทิตพฺพํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘ตทงฺคปฺปหานฺจ ทิฏฺิคตานํ นิพฺเพธภาคิยํ สมาธึ ภาวยโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๔) สงฺเขเปเนว วุตฺตํ.
๘๕๑. ยํ ¶ ปน อสนิวิจกฺกาภิหตสฺส รุกฺขสฺส วิย อริยมคฺคาเณน สํโยชนาทีนํ ธมฺมานํ ยถา น ปุน ปวตฺติ, เอวํ ปหานํ, อิทํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ นาม. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สมุจฺเฉทปฺปหานฺจ โลกุตฺตรํ ขยคามิมคฺคํ ภาวยโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๔) ¶ . อิติ อิเมสุ ตีสุ ปหาเนสุ สมุจฺเฉทปฺปหานเมว อิธ อธิปฺเปตํ. ยสฺมา ปน ตสฺส โยคิโน ปุพฺพภาเค วิกฺขมฺภนตทงฺคปฺปหานานิปิ ตทตฺถาเนว, ตสฺมา ปหานตฺตยมฺปิ อิมินา ปริยาเยน มคฺคาณสฺส กิจฺจนฺติ เวทิตพฺพํ. ปฏิราชานํ วธิตฺวา รชฺชํ ปตฺเตน หิ ยมฺปิ ตโต ปุพฺเพ กตํ, สพฺพํ ‘‘อิทฺจิทฺจ รฺา กต’’นฺติเยว วุจฺจติ.
๘๕๒. สจฺฉิกิริยาปีติ โลกิยสจฺฉิกิริยา โลกุตฺตรสจฺฉิกิริยาติ ทฺเวธา ภินฺนาปิ โลกุตฺตราย ทสฺสนภาวนาวเสน เภทโต ติวิธา โหติ. ตตฺถ ‘‘ปมสฺส ฌานสฺส ลาภีมฺหิ, วสีมฺหิ, ปมชฺฌานํ สจฺฉิกตํ มยา’’ติอาทินา (ปารา. ๒๐๓-๒๐๔) นเยน อาคตา ปมชฺฌานาทีนํ ผสฺสนา โลกิยสจฺฉิกิริยา นาม. ผสฺสนาติ อธิคนฺตฺวา ‘‘อิทํ มยา อธิคต’’นฺติ ปจฺจกฺขโต าณผสฺเสน ผุสนา. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘สจฺฉิกิริยา ปฺา ผสฺสนฏฺเ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๒๔) อุทฺทิสิตฺวา ‘‘เย เย ธมฺมา สจฺฉิกตา โหนฺติ, เต เต ธมฺมา ผสฺสิตา โหนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๗๕) สจฺฉิกิริยนิทฺเทโส วุตฺโต.
อปิจ อตฺตโน สนฺตาเน อนุปฺปาเทตฺวาปิ เย ธมฺมา เกวลํ อปรปฺปจฺจเยน าเณน าตา, เต สจฺฉิกตา โหนฺติ. เตเนว หิ ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, สจฺฉิกาตพฺพํ. กิฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ สจฺฉิกาตพฺพํ? จกฺขุ, ภิกฺขเว, สจฺฉิกาตพฺพ’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๒๙) วุตฺตํ.
อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘รูปํ ปสฺสนฺโต สจฺฉิกโรติ. เวทนํ…เป… วิฺาณํ ปสฺสนฺโต สจฺฉิกโรติ. จกฺขุํ…เป… ชรามรณํ…เป… อมโตคธํ นิพฺพานํ ปสฺสนฺโต สจฺฉิกโรตีติ. เย เย ธมฺมา สจฺฉิกตา โหนฺติ, เต เต ธมฺมา ผสฺสิตา โหนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๙).
ปมมคฺคกฺขเณ ปน นิพฺพานทสฺสนํ ทสฺสนสจฺฉิกิริยา. เสสมคฺคกฺขเณสุ ภาวนาสจฺฉิกิริยาติ. สา ทุวิธาปิ อิธ อธิปฺเปตา. ตสฺมา ทสฺสนภาวนาวเสน นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยา อิมสฺส าณสฺส กิจฺจนฺติ เวทิตพฺพํ.
๘๕๓. ทฺเว ¶ ¶ ภาวนา อภิมตาติ ภาวนา ปน โลกิยภาวนา โลกุตฺตรภาวนาติ ทฺเวเยว อภิมตา. ตตฺถ โลกิยานํ สีลสมาธิปฺานํ อุปฺปาทนํ, ตาหิ จ สนฺตานวาสนํ โลกิยภาวนา. โลกุตฺตรานํ อุปฺปาทนํ, ตาหิ จ สนฺตานวาสนํ โลกุตฺตรภาวนา. ตาสุ อิธ โลกุตฺตรา อธิปฺเปตา. โลกุตฺตรานิ หิ สีลาทีนิ จตุพฺพิธมฺเปตํ าณํ อุปฺปาเทติ. เตสํ สหชาตปจฺจยาทิตาย เตหิ จ สนฺตานํ วาเสตีติ โลกุตฺตรภาวนาวสฺส กิจฺจนฺติ.
เอวํ –
กิจฺจานิ ปริฺาทีนิ, ยานิ วุตฺตานิ อภิสมยกาเล;
ตานิ จ ยถาสภาเวน, ชานิตพฺพานิ สพฺพานีติ.
เอตฺตาวตา จ –
‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ. –
เอวํ สรูเปเนว อาภตาย ปฺาภาวนาย วิธานทสฺสนตฺถํ ยํ วุตฺตํ ‘‘มูลภูตา ทฺเว วิสุทฺธิโย สมฺปาเทตฺวา สรีรภูตา ปฺจ วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺเตน ภาเวตพฺพา’’ติ, ตํ วิตฺถาริตํ โหติ. กถํ ภาเวตพฺพาติ อยฺจ ปฺโห วิสฺสชฺชิโตติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
าณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทโส นาม
พาวีสติโม ปริจฺเฉโท.
๒๓. ปฺาภาวนานิสํสนิทฺเทโส
อานิสํสปกาสนา
๘๕๔. ยํ ¶ ¶ ปน วุตฺตํ ‘‘ปฺาภาวนาย โก อานิสํโส’’ติ, ตตฺถ วทาม. อยฺหิ ปฺาภาวนา นาม อเนกสตานิสํสา. ตสฺสา ทีเฆนาปิ อทฺธุนา น สุกรํ วิตฺถารโต อานิสํสํ ปกาเสตุํ. สงฺเขปโต ปนสฺสา นานากิเลสวิทฺธํสนํ, อริยผลรสานุภวนํ, นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนสมตฺถตา, อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธีติ อยมานิสํโส เวทิตพฺโพ.
นานากิเลสวิทฺธํสนกถา
๘๕๕. ตตฺถ ยํ นามรูปปริจฺเฉทโต ปฏฺาย สกฺกายทิฏฺาทีนํ วเสน นานากิเลสวิทฺธํสนํ วุตฺตํ, อยํ โลกิกาย ปฺาภาวนาย อานิสํโส. ยํ อริยมคฺคกฺขเณ สํโยชนาทีนํ วเสน นานากิเลสวิทฺธํสนํ วุตฺตํ, อยํ โลกุตฺตราย ปฺาภาวนาย อานิสํโสติ เวทิตพฺโพ.
ภีมเวคานุปติตา, อสนีว สิลุจฺจเย;
วายุเวคสมุฏฺิโต, อรฺมิว ปาวโก.
อนฺธการํ วิย รวิ, สเตชุชฺชลมณฺฑโล;
ทีฆรตฺตานุปติตํ, สพฺพานตฺถวิธายกํ.
กิเลสชาลํ ปฺา หิ, วิทฺธํสยติ ภาวิตา;
สนฺทิฏฺิกมโต ชฺา, อานิสํสมิมํ อิธ.
ผลสมาปตฺติกถา
๘๕๖. อริยผลรสานุภวนนฺติ ¶ น เกวลฺจ กิเลสวิทฺธํสนฺเว, อริยผลรสานุภวนมฺปิ ปฺาภาวนาย อานิสํโส. อริยผลนฺติ หิ โสตาปตฺติผลาทิ สามฺผลํ วุจฺจติ. ตสฺส ทฺวีหากาเรหิ รสานุภวนํ โหติ. มคฺควีถิยฺจ ผลสมาปตฺติวเสน จ ปวตฺติยํ. ตตฺราสฺส มคฺควีถิยํ ปวตฺติ ทสฺสิตาเยว.
๘๕๗. อปิจ ¶ เย ‘‘สํโยชนปฺปหานมตฺตเมว ผลํ นาม, น โกจิ อฺโ ธมฺโม อตฺถี’’ติ วทนฺติ, เตสํ อนุนยตฺถํ อิทํ สุตฺตมฺปิ ทสฺเสตพฺพํ – ‘‘กถํ ปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺา ผเล าณํ? โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ ทสฺสนฏฺเน สมฺมาทิฏฺิ มิจฺฉาทิฏฺิยา วุฏฺาติ, ตทนุวตฺตกกิเลเสหิ จ ขนฺเธหิ จ วุฏฺาติ, พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตหิ วุฏฺาติ. ตมฺปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา อุปฺปชฺชติ สมฺมาทิฏฺิ, มคฺคสฺเสตํ ผล’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๖๓) วิตฺถาเรตพฺพํ.
‘‘จตฺตาโร มคฺคา อปริยาปนฺนา, จตฺตาริ จ สามฺผลานิ, อิเม ธมฺมา อปฺปมาณารมฺมณา’’ (ธ. ส. ๑๔๒๒). ‘‘มหคฺคโต ธมฺโม อปฺปมาณสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๒.๖๒) เอวมาทีนิปิ เจตฺถ สาธกานิ.
๘๕๘. ผลสมาปตฺติยํ ปวตฺติทสฺสนตฺถํ ปนสฺส อิทํ ปฺหากมฺมํ – กา ผลสมาปตฺติ, เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺติ, กสฺมา สมาปชฺชนฺติ, กถฺจสฺสา สมาปชฺชนํ โหติ, กถํ านํ, กถํ วุฏฺานํ, กึ ผลสฺส อนนฺตรํ, กสฺส จ ผลํ อนนฺตรนฺติ?
๘๕๙. ตตฺถ กา ผลสมาปตฺตีติ ยา อริยผลสฺส นิโรเธ อปฺปนา.
๘๖๐. เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺตีติ สพฺเพปิ ปุถุชฺชนา น สมาปชฺชนฺติ. กสฺมา? อนธิคตตฺตา. อริยา ปน สพฺเพปิ สมาปชฺชนฺติ. กสฺมา? อธิคตตฺตา. อุปริมา ปน เหฏฺิมํ น สมาปชฺชนฺติ, ปุคฺคลนฺตรภาวุปคมเนน ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา. เหฏฺิมา จ อุปริมํ, อนธิคตตฺตา. อตฺตโน อตฺตโนเยว ปน ผลํ สมาปชฺชนฺตีติ อิทเมตฺถ สนฺนิฏฺานํ.
เกจิ ปน ‘‘โสตาปนฺนสกทาคามิโนปิ น สมาปชฺชนฺติ. อุปริมา ทฺเวเยว สมาปชฺชนฺตี’’ติ ¶ วทนฺติ. อิทฺจ เตสํ การณํ, เอเต หิ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโนติ. ตํ ปุถุชฺชนสฺสาปิ อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาธิสมาปชฺชนโต อการณเมว. กิฺเจตฺถ การณาการณจินฺตาย. นนุ ปาฬิยํเยว วุตฺตํ – ‘‘กตเม ทส โคตฺรภุธมฺมา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ? โสตาปตฺติมคฺคปฏิลาภตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ…เป… อุปายาสํ พหิทฺธา สงฺขารนิมิตฺตํ อภิภุยฺยตีติ โคตฺรภุ. โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถาย สกทาคามิมคฺคํ ¶ …เป… อรหตฺตผลสมาปตฺตตฺถาย… สฺุตวิหารสมาปตฺตตฺถาย… อนิมิตฺตวิหารสมาปตฺตตฺถาย อุปฺปาทํ…เป… พหิทฺธา สงฺขารนิมิตฺตํ อภิภุยฺยตีติ โคตฺรภู’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๖๐). ตสฺมา สพฺเพปิ อริยา อตฺตโน อตฺตโน ผลํ สมาปชฺชนฺตีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
๘๖๑. กสฺมา สมาปชฺชนฺตีติ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ. ยถา หิ ราชา รชฺชสุขํ, เทวตา ทิพฺพสุขํ อนุภวนฺติ, เอวํ อริยา ‘‘อริยํ โลกุตฺตรสุขํ อนุภวิสฺสามา’’ติ อทฺธานปฺปริจฺเฉทํ กตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ.
๘๖๒. กถฺจสฺสา สมาปชฺชนํ โหติ, กถํ านํ, กถํ วุฏฺานนฺติ ทฺวีหิ ตาว อากาเรหิ อสฺสา สมาปชฺชนํ โหติ – นิพฺพานโต อฺสฺส อารมฺมณสฺส อมนสิการา นิพฺพานสฺส จ มนสิการา. ยถาห – ‘‘ทฺเว โข, อาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา สพฺพนิมิตฺตานฺจ อมนสิกาโร, อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา มนสิกาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘).
๘๖๓. อยมฺปเนตฺถ สมาปชฺชนกฺกโม. ผลสมาปตฺตตฺถิเกน หิ อริยสาวเกน รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน อุทยพฺพยาทิวเสน สงฺขารา วิปสฺสิตพฺพา. ตสฺส ปวตฺตานุปุพฺพวิปสฺสนสฺส สงฺขารารมฺมณโคตฺรภุาณานนฺตรา ผลสมาปตฺติวเสน นิโรเธ จิตฺตํ อปฺเปติ. ผลสมาปตฺตินินฺนตาย เจตฺถ เสกฺขสฺสาปิ ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค.
เย ปน วทนฺติ ‘‘โสตาปนฺโน ‘ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิสฺสามี’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สกทาคามี โหติ. สกทาคามี จ อนาคามี’’ติ, เต วตฺตพฺพา ‘‘เอวํ สติ อนาคามี อรหา ภวิสฺสติ, อรหา ปจฺเจกพุทฺโธ, ปจฺเจกพุทฺโธ จ พุทฺโธ. ตสฺมา น กิฺจิ เอตํ, ปาฬิวเสเนว จ ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติปิ น คเหตพฺพํ. อิทเมว ปน คเหตพฺพํ – เสกฺขสฺสาปิ ผลเมว ¶ อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค. ผลฺจสฺส สเจ อเนน ปมชฺฌานิโก มคฺโค อธิคโต โหติ. ปมชฺฌานิกเมว อุปฺปชฺชติ. สเจ ทุติยาทีสุ อฺตรชฺฌานิโก, ทุติยาทีสุ อฺตรชฺฌานิกเมวาติ. เอวํ ตาวสฺสา สมาปชฺชนํ โหติ.
๘๖๔. ‘‘ตโย ¶ โข, อาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ิติยา สพฺพนิมิตฺตานฺจ อมนสิกาโร, อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา มนสิกาโร, ปุพฺเพ จ อภิสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘) วจนโต ปนสฺสา ตีหากาเรหิ านํ โหติ. ตตฺถ ปุพฺเพ จ อภิสงฺขาโรติ สมาปตฺติโต ปุพฺเพ กาลปริจฺเฉโท. ‘‘อสุกสฺมึ นาม กาเล วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ปริจฺฉินฺนตฺตา หิสฺสา ยาว โส กาโล นาคจฺฉติ, ตาว านํ โหติ. เอวมสฺสา านํ โหตีติ.
๘๖๕. ‘‘ทฺเว โข, อาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา วุฏฺานาย สพฺพนิมิตฺตานฺจ มนสิกาโร, อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา อมนสิกาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘) วจนโต ปนสฺสา ทฺวีหากาเรหิ วุฏฺานํ โหติ. ตตฺถ สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปนิมิตฺตเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณนิมิตฺตานํ. กามฺจ น สพฺพาเนเวตานิ เอกโต มนสิกโรติ สพฺพสงฺคาหิกวเสน ปเนตํ วุตฺตํ. ตสฺมา ยํ ภวงฺคสฺส อารมฺมณํ โหติ, ตํ มนสิกโรโต ผลสมาปตฺติวุฏฺานํ โหตีติ เอวมสฺสา วุฏฺานํ เวทิตพฺพํ.
๘๖๖. กึ ผลสฺส อนนฺตรํ, กสฺส จ ผลํ อนนฺตรนฺติ ผลสฺส ตาว ผลเมว วา อนนฺตรํ โหติ, ภวงฺคํ วา. ผลํ ปน อตฺถิ มคฺคานนฺตรํ, อตฺถิ ผลานนฺตรํ, อตฺถิ โคตฺรภุอนนฺตรํ, อตฺถิ เนวสฺานาสฺายตนานนฺตรํ. ตตฺถ มคฺควีถิยํ มคฺคานนฺตรํ, ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ผลานนฺตรํ. ผลสมาปตฺตีสุ ปุริมํ ปุริมํ โคตฺรภุอนนฺตรํ. โคตฺรภูติ เจตฺถ อนุโลมํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ปฏฺาเน – ‘‘อรหโต อนุโลมํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย. เสกฺขานํ อนุโลมํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗). เยน ผเลน นิโรธา วุฏฺานํ โหติ, ตํ เนวสฺานาสฺายตนานนฺตรนฺติ. ตตฺถ เปตฺวา มคฺควีถิยํ อุปฺปนฺนํ ผลํ อวเสสํ สพฺพํ ผลสมาปตฺติวเสน ปวตฺตํ นาม. เอวเมตํ มคฺควีถิยํ ผลสมาปตฺติยํ วา อุปฺปชฺชนวเสน,
ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถํ ¶ , อมตารมฺมณํ สุภํ;
วนฺตโลกามิสํ สนฺตํ, สามฺผลมุตฺตมํ.
โอชวนฺเตน สุจินา, สุเขน อภิสนฺทิตํ;
เยน สาตาติสาเตน, อมเตน มธุํ วิย.
ตํ ¶ สุขํ ตสฺส อริยสฺส, รสภูตมนุตฺตรํ;
ผลสฺส ปฺํ ภาเวตฺวา, ยสฺมา วินฺทติ ปณฺฑิโต.
ตสฺมา อริยผลสฺเสตํ, รสานุภวนํ อิธ;
วิปสฺสนาภาวนาย, อานิสํโสติ วุจฺจติ.
นิโรธสมาปตฺติกถา
๘๖๗. นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนสมตฺถตาติ น เกวลฺจ อริยผลรสานุภวนํเยว, อยํ ปน นิโรธสมาปตฺติยา สมาปชฺชนสมตฺถตาปิ อิมิสฺสา ปฺาภาวนาย อานิสํโสติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺริทํ นิโรธสมาปตฺติยา วิภาวนตฺถํ ปฺหากมฺมํ – กา นิโรธสมาปตฺติ, เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺติ, กตฺถ สมาปชฺชนฺติ, กสฺมา สมาปชฺชนฺติ, กถฺจสฺสา สมาปชฺชนํ โหติ, กถํ านํ, กถํ วุฏฺานํ, วุฏฺิตสฺส กึนินฺนํ จิตฺตํ โหติ, มตสฺส จ สมาปนฺนสฺส จ โก วิเสโส, นิโรธสมาปตฺติ กึ สงฺขตา อสงฺขตา โลกิยา โลกุตฺตรา นิปฺผนฺนา อนิปฺผนฺนาติ?
๘๖๘. ตตฺถ กา นิโรธสมาปตฺตีติ ยา อนุปุพฺพนิโรธวเสน จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ อปฺปวตฺติ. เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺตีติ สพฺเพปิ ปุถุชฺชนา, โสตาปนฺนา, สกทาคามิโน, สุกฺขวิปสฺสกา จ อนาคามิโน, อรหนฺโต น สมาปชฺชนฺติ. อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ปน อนาคามิโน, ขีณาสวา จ สมาปชฺชนฺติ. ‘‘ทฺวีหิ พเลหิ สมนฺนาคตตฺตา ¶ , ตโย จ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา, โสฬสหิ าณจริยาหิ, นวหิ สมาธิจริยาหิ วสีภาวตา ปฺา นิโรธสมาปตฺติยา าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๓๔) หิ วุตฺตํ. อยฺจ สมฺปทา เปตฺวา อฏฺสมาปตฺติลาภิโน อนาคามิขีณาสเว อฺเสํ นตฺถิ. ตสฺมา เตเยว สมาปชฺชนฺติ, น อฺเ.
๘๖๙. กตมานิ ปเนตฺถ ทฺเว พลานิ…เป… กตมา วสีภาวตาติ? น เอตฺถ กิฺจิ อมฺเหหิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ. สพฺพมิทํ เอตสฺส อุทฺเทสสฺส นิทฺเทเส วุตฺตเมว. ยถาห –
‘‘ทฺวีหิ ¶ พเลหีติ ทฺเว พลานิ สมถพลํ วิปสฺสนาพลํ. กตมํ สมถพลํ? เนกฺขมฺมวเสน จิตฺตสฺส เอกคฺคตา อวิกฺเขโป สมถพลํ. อพฺยาปาทวเสน… อาโลกสฺาวเสน… อวิกฺเขปวเสน…เป… ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิอสฺสาสวเสน… ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิปสฺสาสวเสน จิตฺตสฺส เอกคฺคตา อวิกฺเขโป สมถพลนฺติ. เกนฏฺเน สมถพลํ? ปมชฺฌาเนน นีวรเณ น กมฺปตีติ สมถพลํ. ทุติยชฺฌาเนน วิตกฺกวิจาเร…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺาย น กมฺปตีติ สมถพลํ. อุทฺธจฺเจ จ อุทฺธจฺจสหคตกิเลเส จ ขนฺเธ จ น กมฺปติ น จลติ น เวธตีติ สมถพลํ. อิทํ สมถพลํ.
‘‘กตมํ วิปสฺสนาพลํ? อนิจฺจานุปสฺสนา วิปสฺสนาพลํ. ทุกฺขานุปสฺสนา… อนตฺตานุปสฺสนา… นิพฺพิทานุปสฺสนา… วิราคานุปสฺสนา… นิโรธานุปสฺสนา… ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา วิปสฺสนาพลํ. รูเป อนิจฺจานุปสฺสนา…เป… รูเป ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา วิปสฺสนาพลํ. เวทนาย… สฺาย… สงฺขาเรสุ… วิฺาเณ… จกฺขุสฺมึ…เป… ชรามรเณ อนิจฺจานุปสฺสนา. ชรามรเณ ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา วิปสฺสนาพลนฺติ. เกนฏฺเน วิปสฺสนาพลํ? อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺาย น กมฺปตีติ วิปสฺสนาพลํ. ทุกฺขานุปสฺสนาย สุขสฺาย น กมฺปตีติ… อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสฺาย น กมฺปตีติ… นิพฺพิทานุปสฺสนาย นนฺทิยา น กมฺปตีติ… วิราคานุปสฺสนาย ราเค น กมฺปตีติ… นิโรธานุปสฺสนาย สมุทเย น กมฺปตีติ… ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทาเน น กมฺปตีติ วิปสฺสนาพลํ. อวิชฺชาย ¶ จ อวิชฺชาสหคตกิเลเส จ ขนฺเธ จ น กมฺปติ น จลติ น เวธตีติ วิปสฺสนาพลํ. อิทํ วิปสฺสนาพลํ.
‘‘ตโย จ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยาติ กตเมสํ ติณฺณนฺนํ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา? ทุติยชฺฌานํ สมาปนฺนสฺส วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขารา ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺติ. จตุตฺถํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขารา ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺติ. สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺนสฺส สฺา จ เวทนา จ จิตฺตสงฺขารา ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺติ. อิเมสํ ติณฺณนฺนํ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา.
‘‘โสฬสหิ ¶ าณจริยาหีติ กตมาหิ โสฬสหิ าณจริยาหิ? อนิจฺจานุปสฺสนา าณจริยา. ทุกฺขา… อนตฺตา… นิพฺพิทา… วิราคา… นิโรธา… ปฏินิสฺสคฺคา… วิวฏฺฏานุปสฺสนา าณจริยา. โสตาปตฺติมคฺโค าณจริยา. โสตาปตฺติผลสมาปตฺติ าณจริยา. สกทาคามิมคฺโค…เป… อรหตฺตผลสมาปตฺติ าณจริยา. อิมาหิ โสฬสหิ าณจริยาหิ.
‘‘นวหิ สมาธิจริยาหีติ กตมาหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ? ปมชฺฌานํ สมาธิจริยา. ทุติยชฺฌานํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ สมาธิจริยา. ปมชฺฌานปฏิลาภตฺถาย วิตกฺโก จ วิจาโร จ ปีติ จ สุขฺจ จิตฺเตกคฺคตา จ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปฏิลาภตฺถาย วิตกฺโก จ วิจาโร จ ปีติ จ สุขฺจ จิตฺเตกคฺคตา จ. อิมาหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ.
‘‘วสีติ ปฺจ วสิโย – อาวชฺชนวสี, สมาปชฺชนวสี, อธิฏฺานวสี, วุฏฺานวสี, ปจฺจเวกฺขณวสี. ปมชฺฌานํ ยตฺถิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ ยาวติจฺฉกํ อาวชฺชติ, อาวชฺชนาย ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ อาวชฺชนวสี. ปมชฺฌานํ ยตฺถิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ ยาวติจฺฉกํ สมาปชฺชติ, สมาปชฺชนาย ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ สมาปชฺชนวสี…เป… อธิฏฺาติ อธิฏฺาเน…เป… วุฏฺาติ วุฏฺาเน…เป… ปจฺจเวกฺขติ ปจฺจเวกฺขณาย ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ ปจฺจเวกฺขณวสี. ทุติยํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ยตฺถิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ ยาวติจฺฉกํ อาวชฺชติ ¶ …เป… ปจฺจเวกฺขติ. ปจฺจเวกฺขณาย ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ ปจฺจเวกฺขณวสี. อิมา ปฺจ วสิโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๘๓).
๘๗๐. เอตฺถ จ ‘‘โสฬสหิ าณจริยาหี’’ติ อุกฺกฏฺนิทฺเทโส เอส. อนาคามิโน ปน จุทฺทสหิ าณจริยาหิ โหติ. ยทิ เอวํ สกทาคามิโน ทฺวาทสหิ โสตาปนฺนสฺส จ ทสหิ กึ น โหตีติ? น โหติ, สมาธิปาริพนฺธิกสฺส ปฺจ กามคุณิกราคสฺส อปฺปหีนตฺตา. เตสํ หิ โส อปฺปหีโน. ตสฺมา สมถพลํ น ปริปุณฺณํ โหติ, ตสฺมึ อปริปูเร ทฺวีหิ พเลหิ สมาปชฺชิตพฺพํ นิโรธสมาปตฺตึ พลเวกลฺเลน สมาปชฺชิตุํ น สกฺโกนฺติ. อนาคามิสฺส ปน โส ปหีโน, ตสฺมา เอส ปริปุณฺณพโล ¶ โหติ. ปริปุณฺณพลตฺตา สกฺโกติ. เตนาห ภควา – ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนกุสลํ ผลสมาปตฺติยา อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗). อิทฺหิ ปฏฺาเน มหาปกรเณ อนาคามิโนว นิโรธา วุฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ.
๘๗๑. กตฺถ สมาปชฺชนฺตีติ ปฺจโวการภเว. กสฺมา? อนุปุพฺพสมาปตฺติสพฺภาวโต. จตุโวการภเว ปน ปมชฺฌานาทีนํ อุปฺปตฺติ นตฺถิ. ตสฺมา น สกฺกา ตตฺถ สมาปชฺชิตุนฺติ. เกจิ ปน ‘‘วตฺถุสฺส อภาวา’’ติ วทนฺติ.
๘๗๒. กสฺมา สมาปชฺชนฺตีติ สงฺขารานํ ปวตฺติเภเท อุกฺกณฺิตฺวา ทิฏฺเว ธมฺเม อจิตฺตกา หุตฺวา ‘‘นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ สมาปชฺชนฺติ.
๘๗๓. กถฺจสฺสา สมาปชฺชนํ โหตีติ สมถวิปสฺสนาวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจสฺส เนวสฺานาสฺายตนํ นิโรธยโต, เอวมสฺส สมาปชฺชนํ โหติ. โย หิ สมถวเสเนว อุสฺสกฺกติ, โส เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติ. โย ปน วิปสฺสนาวเสเนว อุสฺสกฺกติ, โส ผลสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติ. โย ปน อุภยวเสเนว อุสฺสกฺกิตฺวา ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ นิโรเธติ, โส ตํ สมาปชฺชตีติ อยเมตฺถ สงฺเขโป.
๘๗๔. อยํ ปน วิตฺถาโร – อิธ ภิกฺขุ นิโรธํ สมาปชฺชิตุกาโม กตภตฺตกิจฺโจ สุโธตหตฺถปาโท ¶ วิวิตฺเต โอกาเส สุปฺตฺตมฺหิ อาสเน นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา, โส ปมํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สงฺขาเร อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสติ.
วิปสฺสนา ปเนสา ติวิธา โหติ – สงฺขารปริคณฺหนกวิปสฺสนา, ผลสมาปตฺติวิปสฺสนา, นิโรธสมาปตฺติวิปสฺสนาติ. ตตฺถ สงฺขารปริคณฺหนกวิปสฺสนา มนฺทา วา โหตุ ติกฺขา วา, มคฺคสฺส ปทฏฺานํ โหติเยว. ผลสมาปตฺติวิปสฺสนา ¶ ติกฺขาว วฏฺฏติ มคฺคภาวนาสทิสา. นิโรธสมาปตฺติวิปสฺสนา ปน นาติมนฺทนาติติกฺขา วฏฺฏติ. ตสฺมา เอส นาติมนฺทาย นาติติกฺขาย วิปสฺสนาย เต สงฺขาเร วิปสฺสติ.
ตโต ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสติ. ตโต ตติยํ ฌานํ…เป… ตโต วิฺาณฺจายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสติ. ตถา อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย จตุพฺพิธํ ปุพฺพกิจฺจํ กโรติ – นานาพทฺธอวิโกปนํ, สงฺฆปฏิมานนํ, สตฺถุปกฺโกสนํ, อทฺธานปริจฺเฉทนฺติ.
๘๗๕. ตตฺถ นานาพทฺธอวิโกปนนฺติ ยํ อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ เอกาพทฺธํ น โหติ, นานาพทฺธํ หุตฺวา ิตํ ปตฺตจีวรํ วา มฺจปีํ วา นิวาสเคหํ วา อฺํ วา ปน กิฺจิ ปริกฺขารชาตํ, ตํ ยถา น วิกุปฺปติ, อคฺคิอุทกวาตโจรอุนฺทูราทีนํ วเสน น วินสฺสติ, เอวํ อธิฏฺาตพฺพํ.
ตตฺริทํ อธิฏฺานวิธานํ ‘‘อิทฺจ อิทฺจ อิมสฺมึ สตฺตาหพฺภนฺตเร มา อคฺคินา ฌายตุ, มา อุทเกน วุยฺหตุ, มา วาเตน วิทฺธํสตุ, มา โจเรหิ หริยตุ, มา อุนฺทูราทีหิ ขชฺชตู’’ติ. เอวํ อธิฏฺิเต ตํ สตฺตาหํ ตสฺส น โกจิ ปริสฺสโย โหติ.
อนธิฏฺหโต ปน อคฺคิอาทีหิ วินสฺสติ มหานาคตฺเถรสฺส วิย. เถโร กิร มาตุอุปาสิกาย คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อุปาสิกา ยาคุํ ทตฺวา อาสนสาลาย นิสีทาเปสิ. เถโร นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. ตสฺมึ นิสินฺเน อาสนสาลาย อคฺคินา คหิตาย เสสภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน นิสินฺนาสนํ คเหตฺวา ปลายึสุ. คามวาสิกา สนฺนิปติตฺวา ¶ เถรํ ทิสฺวา ‘‘อลสสมโณ’’ติ อาหํสุ. อคฺคิ ติณเวณุกฏฺานิ ฌาเปตฺวา เถรํ ปริกฺขิปิตฺวา อฏฺาสิ. มนุสฺสา ฆเฏหิ อุทกํ อาหริตฺวา นิพฺพาเปตฺวา ฉาริกํ อปเนตฺวา ปริภณฺฑํ กตฺวา ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา นมสฺสมานา อฏฺํสุ. เถโร ปริจฺฉินฺนกาลวเสน วุฏฺาย เต ทิสฺวา ‘‘ปากโฏมฺหิ ชาโต’’ติ เวหาสํ อุปฺปติตฺวา ปิยงฺคุทีปํ อคมาสิ. อิทํ นานาพทฺธอวิโกปนํ นาม.
ยํ เอกาพทฺธํ โหติ นิวาสนปาวุรณํ วา นิสินฺนาสนํ วา, ตตฺถ วิสุํ อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ. สมาปตฺติวเสเนว นํ รกฺขติ อายสฺมโต สฺชีวสฺส วิย ¶ . วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อายสฺมโต สฺชีวสฺส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ, อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธี’’ติ.
๘๗๖. สงฺฆปฏิมานนนฺติ สงฺฆสฺส ปฏิมานนํ อุทิกฺขนํ. ยาว เอโส ภิกฺขุ อาคจฺฉติ, ตาว สงฺฆกมฺมสฺส อกรณนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ จ น ปฏิมานนํ เอตสฺส ปุพฺพกิจฺจํ, ปฏิมานนาวชฺชนํ ปน ปุพฺพกิจฺจํ. ตสฺมา เอวํ อาวชฺชิตพฺพํ ‘‘สเจ มยิ สตฺตาหํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน สงฺโฆ อุตฺติกมฺมาทีสุ กิฺจิเทว กมฺมํ กตฺตุกาโม โหติ, ยาว มํ โกจิ ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา น ปกฺโกสติ, ตาวเทว วุฏฺหิสฺสามี’’ติ. เอวํ กตฺวา สมาปนฺโน หิ ตสฺมึ สมเย วุฏฺาติเยว.
โย ปน เอวํ น กโรติ, สงฺโฆ จ สนฺนิปติตฺวา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘อสุโก ภิกฺขุ กุหิ’’นฺติ ‘‘นิโรธสมาปนฺโน’’ติ วุตฺเต สงฺโฆ กฺจิ ภิกฺขุํ เปเสติ ‘‘คจฺฉ นํ สงฺฆสฺส วจเนน ปกฺโกสาหี’’ติ. อถสฺส เตน ภิกฺขุนา สวนูปจาเร ตฺวา ‘‘สงฺโฆ ตํ อาวุโส ปฏิมาเนตี’’ติ วุตฺตมตฺเตว วุฏฺานํ โหติ. เอวํ ครุกา หิ สงฺฆสฺส อาณา นาม. ตสฺมา ตํ อาวชฺชิตฺวา ยถา สยเมว วุฏฺาติ, เอวํ สมาปชฺชิตพฺพํ.
๘๗๗. สตฺถุปกฺโกสนนฺติ อิธาปิ สตฺถุปกฺโกสนาวชฺชนเมว อิมสฺส กิจฺจํ. ตสฺมา ตมฺปิ เอวํ อาวชฺชิตพฺพํ ‘‘สเจ มยิ สตฺตาหํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน สตฺถา โอติณฺณวตฺถุสฺมึ สิกฺขาปทํ วา ปฺเปติ, ตถารูปาย วา อตฺถุปฺปตฺติยา ธมฺมํ เทเสติ, ยาว มํ ¶ โกจิ อาคนฺตฺวา น ปกฺโกสติ, ตาวเทว วุฏฺหิสฺสามี’’ติ. เอวํ กตฺวา นิสินฺโน หิ ตสฺมึ สมเย วุฏฺาติเยว.
โย ปน เอวํ น กโรติ, สตฺถา จ สงฺเฆ สนฺนิปติเต ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘อสุโก ภิกฺขุ กุหิ’’นฺติ ‘‘นิโรธสมาปนฺโน’’ติ วุตฺเต กฺจิ ภิกฺขุํ เปเสติ ‘‘คจฺฉ นํ มม วจเนน ปกฺโกสา’’ติ. อถสฺส เตน ภิกฺขุนา สวนูปจาเร ตฺวา ‘‘สตฺถา อายสฺมนฺตํ อามนฺเตตี’’ติ วุตฺตมตฺเตว วุฏฺานํ โหติ. เอวํ ครุกํ หิ สตฺถุปกฺโกสนํ, ตสฺมา ตํ อาวชฺชิตฺวา ยถา สยเมว วุฏฺาติ, เอวํ สมาปชฺชิตพฺพํ.
๘๗๘. อทฺธานปริจฺเฉโทติ ชีวิตทฺธานสฺส ปริจฺเฉโท. อิมินา ภิกฺขุนา อทฺธานปริจฺเฉเท สุกุสเลน ภวิตพฺพํ. อตฺตโน ‘‘อายุสงฺขารา สตฺตาหํ ¶ ปวตฺติสฺสนฺติ น ปวตฺติสฺสนฺตี’’ติ อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํ. สเจ หิ สตฺตาหพฺภนฺตเร นิรุชฺฌนเก อายุสงฺขาเร อนาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชติ, นาสฺส นิโรธสมาปตฺติ มรณํ ปฏิพาหิตุํ สกฺโกติ. อนฺโตนิโรเธ มรณสฺส นตฺถิตาย อนฺตราว สมาปตฺติโต วุฏฺาติ. ตสฺมา เอตํ อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํ. อวเสสํ หิ อนาวชฺชิตุมฺปิ วฏฺฏติ. อิทํ ปน อาวชฺชิตพฺพเมวาติ วุตฺตํ.
๘๗๙. โส เอวํ อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อิมํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชติ. อเถกํ วา ทฺเว วา จิตฺตวาเร อติกฺกมิตฺวา อจิตฺตโก โหติ, นิโรธํ ผุสติ. กสฺมา ปนสฺส ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริจิตฺตานิ น ปวตฺตนฺตีติ? นิโรธสฺส ปโยคตฺตา. อิทฺหิ อิมสฺส ภิกฺขุโน ทฺเว สมถวิปสฺสนาธมฺเม ยุคนทฺเธ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติอาโรหนํ อนุปุพฺพนิโรธสฺส ปโยโค, น เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยาติ นิโรธสฺส ปโยคตฺตา ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริ น ปวตฺตนฺติ.
โย ปน ภิกฺขุ อากิฺจฺายตนโต วุฏฺาย อิทํ ปุพฺพกิจฺจํ อกตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชติ, โส ปรโต อจิตฺตโก ภวิตุํ น สกฺโกติ, ปฏินิวตฺติตฺวา ปุน อากิฺจฺายตเนเยว ปติฏฺาติ. มคฺคํ อคตปุพฺพปุริสูปมา เจตฺถ วตฺตพฺพา –
เอโก ¶ กิร ปุริโส เอกํ มคฺคํ อคตปุพฺโพ อนฺตรา อุทกกนฺทรํ วา คมฺภีรํ อุทกจิกฺขลฺลํ อติกฺกมิตฺวา ปิตํ จณฺฑาตปสนฺตตฺตปาสาณํ วา อาคมฺม ตํ นิวาสนปาวุรณํ อสณฺเปตฺวาว กนฺทรํ โอรูฬฺโห ปริกฺขารเตมนภเยน ปุนเทว ตีเร ปติฏฺาติ. ปาสาณํ อกฺกมิตฺวาปิ สนฺตตฺตปาโท ปุนเทว โอรภาเค ปติฏฺาติ. ตตฺถ ยถา โส ปุริโส อสณฺปิตนิวาสนปาวุรณตฺตา กนฺทรํ โอติณฺณมตฺโตว, ตตฺตปาสาณํ อกฺกนฺตมตฺโต เอว จ ปฏินิวตฺติตฺวา โอรโตว ปติฏฺาติ, เอวํ โยคาวจโรปิ ปุพฺพกิจฺจสฺส อกตตฺตา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปนฺนมตฺโตว ปฏินิวตฺติตฺวา อากิฺจฺายตเน ปติฏฺาติ.
ยถา ปน ปุพฺเพปิ ตํ มคฺคํ คตปุพฺพปุริโส ตํ านํ อาคมฺม เอกํ สาฏกํ ทฬฺหํ นิวาเสตฺวา อปรํ หตฺเถน คเหตฺวา กนฺทรํ อุตฺตริตฺวา ตตฺตปาสาณํ ¶ วา อกฺกนฺตมตฺตกเมว กริตฺวา ปรโต คจฺฉติ, เอวเมวํ กตปุพฺพกิจฺโจ ภิกฺขุ เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวาว ปรโต อจิตฺตโก หุตฺวา นิโรธํ ผุสิตฺวา วิหรติ.
๘๘๐. กถํ านนฺติ เอวํ สมาปนฺนาย ปนสฺสา กาลปริจฺเฉทวเสน เจว อนฺตราอายุกฺขยสงฺฆปฏิมานนสตฺถุปกฺโกสนาภาเวน จ านํ โหติ.
๘๘๑. กถํ วุฏฺานนฺติ อนาคามิสฺส อนาคามิผลุปฺปตฺติยา, อรหโต อรหตฺตผลุปฺปตฺติยาติ เอวํ ทฺเวธา วุฏฺานํ โหติ.
๘๘๒. วุฏฺิตสฺส กึนินฺนํ จิตฺตํ โหตีติ นิพฺพานนินฺนํ. วุตฺตํ เหตํ ‘‘สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฏฺิตสฺส โข, อาวุโส วิสาข, ภิกฺขุโน วิเวกนินฺนํ จิตฺตํ โหติ วิเวกโปณํ วิเวกปพฺภาร’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๖๔).
๘๘๓. มตสฺส จ สมาปนฺนสฺส จ โก วิเสโสติ อยมฺปิ อตฺโถ สุตฺเต วุตฺโตเยว. ยถาห – ‘‘ยฺวายํ, อาวุโส, มโต กาลงฺกโต, ตสฺส กายสงฺขารา นิรุทฺธา ปฏิปฺปสฺสทฺธา, วจีสงฺขารา… จิตฺตสงฺขารา นิรุทฺธา ปฏิปฺปสฺสทฺธา, อายุ ปริกฺขีโณ, อุสฺมา วูปสนฺตา, อินฺทฺริยานิ ปริภินฺนานิ. โย จายํ ภิกฺขุ สฺาเวทยิตนิโรธํ สมาปนฺโน, ตสฺสปิ กายสงฺขารา ¶ นิรุทฺธา ปฏิปฺปสฺสทฺธา, วจีสงฺขารา… จิตฺตสงฺขารา นิรุทฺธา ปฏิปฺปสฺสทฺธา, อายุ อปริกฺขีโณ, อุสฺมา อวูปสนฺตา, อินฺทฺริยานิ อปริภินฺนานี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๗).
๘๘๔. นิโรธสมาปตฺติ สงฺขตาติอาทิปุจฺฉายํ ปน สงฺขตาติปิ อสงฺขตาติปิ โลกิยาติปิ โลกุตฺตราติปิ น วตฺตพฺพา. กสฺมา? สภาวโต นตฺถิตาย. ยสฺมา ปนสฺสา สมาปชฺชนฺตสฺส วเสน สมาปนฺนา นาม โหติ, ตสฺมา นิปฺผนฺนาติ วตฺตุํ วฏฺฏติ, โน อนิปฺผนฺนา.
อิติ สนฺตํ สมาปตฺตึ, อิมํ อริยนิเสวิตํ;
ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานมิติสงฺขํ อุปาคตํ;
ภาเวตฺวา อริยํ ปฺํ, สมาปชฺชนฺติ ปณฺฑิตา.
ยสฺมา ตสฺมา อิมิสฺสาปิ, สมาปตฺติสมตฺถตา;
อริยมคฺเคสุ ปฺาย, อานิสํโสติ วุจฺจตีติ.
อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธิกถา
๘๘๕. อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธีติ ¶ น เกวลฺจ นิโรธสมาปตฺติยา สมาปชฺชนสมตฺถตาว, อยํ ปน อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธิปิ อิมิสฺสา โลกุตฺตรปฺาภาวนาย อานิสํโสติ เวทิตพฺโพ. อวิเสเสน หิ จตุพฺพิธายปิ เอติสฺสา ภาวิตตฺตา ภาวิตปฺโ ปุคฺคโล สเทวกสฺส โลกสฺส อาหุเนยฺโย โหติ ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลีกรณีโย อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺส.
๘๘๖. วิเสสโต ปเนตฺถ ปมมคฺคปฺํ ตาว ภาเวตฺวา มนฺทาย วิปสฺสนาย อาคโต มุทินฺทฺริโยปิ สตฺตกฺขตฺตุปรโม นาม โหติ, สตฺตสุคติภเว สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. มชฺฌิมาย วิปสฺสนาย อาคโต มชฺฌิมินฺทฺริโย โกลํโกโล นาม โหติ, ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ ¶ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. ติกฺขาย วิปสฺสนาย อาคโต ติกฺขินฺทฺริโย เอกพีชี นาม โหติ, เอกฺเว มานุสกํ ภวํ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ.
๘๘๗. ทุติยมคฺคปฺํ ภาเวตฺวา สกทาคามี นาม โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ.
๘๘๘. ตติยมคฺคปฺํ ภาเวตฺวา อนาคามี นาม โหติ. โส อินฺทฺริยเวมตฺตตาวเสน อนฺตราปรินิพฺพายี, อุปหจฺจปรินิพฺพายี, อสงฺขารปรินิพฺพายี, สสงฺขารปรินิพฺพายี, อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามีติ ปฺจธา. อิธ วิหายนิฏฺโ โหติ. ตตฺถ อนฺตราปรินิพฺพายีติ ยตฺถ กตฺถจิ สุทฺธาวาสภเว อุปปชฺชิตฺวา อายุเวมชฺฌํ อปฺปตฺวาว ปรินิพฺพายติ. อุปหจฺจปรินิพฺพายีติ อายุเวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา ปรินิพฺพายติ. อสงฺขารปรินิพฺพายีติ อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน อุปริมคฺคํ นิพฺพตฺเตติ. สสงฺขารปรินิพฺพายีติ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน อุปริมคฺคํ นิพฺพตฺเตติ. อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามีติ ยตฺถุปปนฺโน, ตโต อุทฺธํ ยาว อกนิฏฺภวา อารุยฺห ตตฺถ ปรินิพฺพายติ.
๘๘๙. จตุตฺถมคฺคปฺํ ภาเวตฺวา โกจิ สทฺธาวิมุตฺโต โหติ, โกจิ ปฺาวิมุตฺโต โหติ, โกจิ อุภโตภาควิมุตฺโต โหติ, โกจิ เตวิชฺโช, โกจิ ฉฬภิฺโ, โกจิ ปฏิสมฺภิทปฺปเภทปฺปตฺโต มหาขีณาสโว. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘มคฺคกฺขเณ ปเนส ตํ ชฏํ วิชเฏติ นาม ¶ . ผลกฺขเณ วิชฏิตชโฏ สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺโย โหตี’’ติ.
เอวํ อเนกานิสํสา, อริยปฺาย ภาวนา;
ยสฺมา ตสฺมา กเรยฺยาถ, รตึ ตตฺถ วิจกฺขโณ.
สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติ. –
อิมิสฺสา ¶ คาถาย สีลสมาธิปฺามุเขน เทสิเต วิสุทฺธิมคฺเค สานิสํสา ปฺาภาวนา ปริทีปิตา โหตีติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กเต วิสุทฺธิมคฺเค
ปฺาภาวนาธิกาเร
ปฺาภาวนานิสํสนิทฺเทโส นาม
เตวีสติโม ปริจฺเฉโท.
นิคมนกถา
๘๙๑. เอตฺตาวตา ¶ จ –
‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ. –
อิมํ คาถํ นิกฺขิปิตฺวา ยทโวจุมฺห –
‘‘อิมิสฺสา ทานิ คาถาย, กถิตาย มเหสินา;
วณฺณยนฺโต ยถาภูตํ, อตฺถํ สีลาทิเภทนํ.
‘‘สุทุลฺลภํ ลภิตฺวาน, ปพฺพชฺชํ ชินสาสเน;
สีลาทิสงฺคหํ เขมํ, อุชุํ มคฺคํ วิสุทฺธิยา.
‘‘ยถาภูตํ อชานนฺตา, สุทฺธิกามาปิ เย อิธ;
วิสุทฺธึ นาธิคจฺฉนฺติ, วายมนฺตาปิ โยคิโน.
‘‘เตสํ ¶ ปาโมชฺชกรณํ, สุวิสุทฺธวินิจฺฉยํ;
มหาวิหารวาสีนํ, เทสนานยนิสฺสิตํ.
‘‘วิสุทฺธิมคฺคํ ภาสิสฺสํ, ตํ เม สกฺกจฺจ ภาสโต;
วิสุทฺธิกามา สพฺเพปิ, นิสามยถ สาธโว’’ติ.
สฺวายํ ภาสิโต โหติ.
เตสํ สีลาทิเภทานํ, อตฺถานํ โย วินิจฺฉโย;
ปฺจนฺนมฺปิ นิกายานํ, วุตฺโต อฏฺกถานเย.
สมาหริตฺวา ตํ สพฺพํ, เยภุยฺเยน สนิจฺฉโย;
สพฺพสงฺกรโทเสหิ, มุตฺโต ยสฺมา ปกาสิโต.
ตสฺมา วิสุทฺธิกาเมหิ, สุทฺธปฺเหิ โยคิหิ;
วิสุทฺธิมคฺเค เอตสฺมึ, กรณีโยว อาทโรติ.
วิภชฺชวาทิเสฏฺานํ ¶ , เถริยานํ ยสสฺสินํ;
มหาวิหารวาสีนํ, วํสชสฺส วิภาวิโน.
ภทนฺตสงฺฆปาลสฺส, สุจิสลฺเลขวุตฺติโน;
วินยาจารยุตฺตสฺส, ยุตฺตสฺส ปฏิปตฺติยํ.
ขนฺติโสรจฺจเมตฺตาทิ-คุณภูสิตเจตโส;
อชฺเฌสนํ คเหตฺวาน, กโรนฺเตน อิมํ มยา.
สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน ¶ , โย ปตฺโต ปฺุสฺจโย;
ตสฺส เตเชน สพฺเพปิ, สุขเมธนฺตุ ปาณิโน.
วิสุทฺธิมคฺโค เอโส จ, อนฺตรายํ วินา อิธ;
นิฏฺิโต อฏฺปฺาส-ภาณวาราย ปาฬิยา.
ยถา ตเถว โลกสฺส, สพฺเพ กลฺยาณนิสฺสิตา;
อนนฺตรายา อิชฺฌนฺตุ, สีฆํ สีฆํ มโนรถาติ.
๘๙๕. ปรม วิสุทฺธ สทฺธา พุทฺธิ วีริย ปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชว มทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมย สมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ติปิฏกปริยตฺติเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุสาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวน มหาเวยฺยากรเณน กรณสมฺปตฺติชนิตสุขวินิคฺคตมธุโรทารวจนลาวณฺณยุตฺเตน ยุตฺตมุตฺตวาทินา วาทีวเรน มหากวินา ฉฬภิฺาปฏิสมฺภิทาทิ เภทคุณปฏิมณฺฑิเต อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อปฺปฏิหตพุทฺธีนํ เถรวํสปฺปทีปานํ เถรานํ มหาวิหารวาสีนํ วํสาลงฺการภูเตน วิปุลวิสุทฺธพุทฺธินา พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน มุทนฺตเขทกวตฺตพฺเพน กโต วิสุทฺธิมคฺโค นาม.
ตาว ติฏฺตุ โลกสฺมึ, โลกนิตฺถรเณสินํ;
ทสฺเสนฺโต กุลปุตฺตานํ, นยํ สีลาทิสุทฺธิยา.
ยาว ¶ พุทฺโธติ นามมฺปิ, สุทฺธจิตฺตสฺส ตาทิโน;
โลกมฺหิ โลกเชฏฺสฺส, ปวตฺตติ มเหสิโนติ.
อิติ สาธุชนปาโมชฺชตฺถาย กตา วิสุทฺธิมคฺคกถา,
ปาฬิคณนาย ปน สา อฏฺปฺาสภาณวารา โหตีติ.
วิสุทฺธิมคฺคปกรณํ นิฏฺิตํ.