📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วิสุทฺธิมคฺค-มหาฏีกา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
สทฺธมฺมรํสิมาลี ¶ ¶ โย, วิเนยฺยกมลากเร;
วิโพเธสิ มหาโมห-ตมํ หนฺตฺวาน สพฺพโส.
าณาติสยพิมฺพํ ตํ, วิสุทฺธกรุณารุณํ;
วนฺทิตฺวา นิรุปกฺเลสํ, พุทฺธาทิจฺจํ มโหทยํ.
โลกาโลกกรํ ธมฺมํ, คุณรสฺมิสมุชฺชลํ;
อริยสงฺฆฺจ สมฺผุลฺลํ, วิสุทฺธกมลากรํ.
วนฺทนาชนิตํ ¶ ปฺุํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;
หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.
สมฺปนฺนสีลาจาเรน, ธีมตา สุจิวุตฺตินา;
อชฺเฌสิโต ทาานาคตฺเถเรน ถิรเจตสา.
วิสุทฺธจริโต นาโถ, ยํ วิสุทฺธิมนุตฺตรํ;
ปตฺวา เทเสสิ กรุณาสมุสฺสาหิตมานโส.
ตสฺสา อธิคมูปาโย, วิสุทฺธนยมณฺฑิโต;
วิสุทฺธิมคฺโค โย วุตฺโต, สุวิสุทฺธปทกฺกโม.
สุวิสุทฺธํ อสํกิณฺณํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ;
มหาวิหารวาสีนํ, สมยํ อวิโลมยํ.
ตสฺส ¶ นิสฺสาย โปราณํ, กถามคฺคํ อนากุลํ;
ตนฺตินยานุคํ สุทฺธํ, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ.
อิติ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตึ;
วิภชนฺตสฺส ตสฺสตฺถํ, นิสามยถ สาธโวติ.
นิทานาทิกถาวณฺณนา
๑. สฺวายํ วิสุทฺธิมคฺโค ยํ สุตฺตปทํ นิสฺสาย ปฏฺปียติ, ตํ ตาว นิกฺขิปิตฺวา ตสฺส นิทานาทินิทฺธารณมุเขน นานปฺปการโต อตฺถํ สํวณฺเณตุํ ‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ธมฺมํ สํวณฺเณนฺเตน หิ อาทิโต ตสฺส นิทานํ วตฺตพฺพํ, ตโต ปโยชนํ ปิณฺฑตฺโถ ปทตฺโถ สมฺพนฺโธ อธิปฺปาโย โจทนา โสธนํ วตฺตพฺพํ. ตถา เจว อาจริเยน ปฏิปนฺนํ. เอตฺถ หิ ภควนฺตํ กิราติอาทิ เทสนาย นิทานปโยชนนิทฺธารณํ, วิสุทฺธิมคฺคํ ภาสิสฺสนฺติอาทิ ปิณฺฑตฺถนิทฺธารณํ ¶ , สีเล ตฺวาติอาทิ ปทตฺถสมฺพนฺธาธิปฺปายวิภาวนา, กึ สีลนฺติอาทิ โจทนา, ตโต ปรํ โสธนํ, สมาธิปฺากถาสุปิ เอเสว นโย. กสฺมา ปเนตฺถ วิสฺสชฺชนคาถา อาทิมฺหิ นิกฺขิตฺตา, น ปุจฺฉาคาถา. ปุจฺฉาปุพฺพิกา หิ วิสฺสชฺชนาติ? วุจฺจเต – ตทตฺถสฺส มงฺคลภาวโต, สาสนสฺส อาทิกลฺยาณาทิภาววิภาวนโต, ภยาทิอุปทฺทวนิวารเณน อนฺตรายวิธมนโต, อุปริ สํวณฺเณตพฺพธมฺมสงฺคหโต จาติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถาห – กสฺมา ปนายํ วิสุทฺธิมคฺคกถา วตฺถุปุพฺพิกา อารทฺธา, น สตฺถุโถมนาปุพฺพิกาติ? วุจฺจเต – วิสุํ อสํวณฺณนาทิภาวโต. สุมงฺคลวิลาสินีอาทโย วิย หิ ทีฆนิกายาทีนํ นายํ วิสุํ สํวณฺณนา, น ปกรณนฺตรํ วา อภิธมฺมาวตารสุมตาวตาราทิ วิย. ตาสํเยว ปน สุมงฺคลวิลาสินีอาทีนํ วิเสสภูตา. เตเนวาห ‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา; ม. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.คนฺถารมฺภกถา; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.คนฺถารมฺภกถา). อถ วา โถมนาปุพฺพิกาปิ จายํ กถา น วตฺถุปุพฺพิกาวาติ ทฏฺพฺพํ. สาสเน หิ วตฺถุกิตฺตนํ น โลเก วิย เกวลํ โหติ, สาสนสมฺปตฺติกิตฺตนตฺตา ปน สตฺถุ อวิปรีตธมฺมเทสนาภาววิภาวเนน สตฺถุคุณสํกิตฺตนํ อุลฺลิงฺคนฺตเมว ปวตฺตติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘เอตฺตาวตา ติสฺโส สิกฺขา’’ติอาทิ. โสตาปนฺนาทิภาวสฺส จ การณนฺติ เอตฺถ หิ อาทิ-สทฺเทน สพฺพสกทาคามิอนาคามิโน ¶ วิย สพฺเพปิ อรหนฺโต สงฺคยฺหนฺติ วิภาคสฺส อนุทฺธฏตฺตา. เตน ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ นิพฺเพธภาคิยา สีลาทโย อิธ ‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ติอาทิวจเนน สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ. ติณฺณมฺปิ หิ เนสํ จริมภเว วิเสสโต สํสารภยิกฺขณํ, ยถาสกํ สีเล ปติฏฺาย สมถวิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตณฺหาชฏาวิชฏนปฏิปตฺติ จ สมานาติ. อถ วา ‘‘โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ สาธารณวจเนน สาติสยํ, นิรติสยฺจ ตณฺหาชฏาวิชฏนํ คหิตํ. ตตฺถ ยํ นิรติสยํ สวาสนปฺปหานตาย. เตน สตฺถุ ปหานสมฺปทา กิตฺติตา โหติ, ตนฺนิมิตฺตา าณสมฺปทา จ. ตทุภเยน นานนฺตริกตาย อานุภาวสมฺปทาทโยปีติ. เอวมฺปิ โถมนาปุพฺพิกายํ กถาติ เวทิตพฺพํ. อถ วา โถมนาปุพฺพิกา เอวายํ กถาติ ทฏฺพฺพํ, ‘‘สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณจาโร’’ติอาทินา สตฺถุ โถมนํ ปุรกฺขตฺวา สํวณฺณนาย อารทฺธตฺตา. สา ปนายํ ยสฺมา ปุจฺฉนฺตสฺส อชฺฌาสยานุรูปํ พฺยากรณสมตฺถตาย วิภาวนวเสน ปวตฺติตา, อาจิณฺณฺเจตํ อาจริยสฺส ยทิทํ สํวณฺเณตพฺพธมฺมานุกูลํ สํวณฺณนารมฺเภ สตฺถุ อภิตฺถวนํ. ตสฺมา ¶ อิมินา การเณน เอวเมตฺถ โถมนา ปวตฺติตาติ. โถมนาการสฺส วุจฺจมานสฺส การณํ อุทฺธรนฺเตน ปมํ วิสฺสชฺชนคาถํ นิกฺขิปิตฺวา ตสฺสา นิทานโจทนามุเขน ปุจฺฉาคาถํ สรูปโต จ อตฺถโต จ ทสฺเสตฺวา ตสฺสา ปุจฺฉาย อวิปรีตพฺยากรณสมตฺถภาวาวโชตนํ ภควโต โถมนํ ปุรกฺขตฺวา ยถาธิปฺเปตธมฺมสํวณฺณนา กตา. เตนาห ‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ติอาทิ. ตตฺถ คาถาย อตฺโถ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
อิตีติอาทีสุ อิตีติ อยํ อิติ-สทฺโท เหตุ ปริสมาปนาทิปทตฺถวิปริยายปการาวธารณนิทสฺสนาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส ‘‘รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา ‘รูป’นฺติ วุจฺจตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๗๙) เหตุมฺหิ อาคโต. ‘‘ตสฺมาติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทา. อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) ปริสมาปเน. ‘‘อิติ วา อิติ เอวรูปา นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๙๗) อาทิอตฺเถ. ‘‘มาคณฺฑิโยติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร นามํ ¶ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยฺชนํ อภิลาโป’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๗๓, ๗๕) ปทตฺถวิปริยาเย. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต. สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต. สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) ปกาเร. ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ, กึปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๙๖) อวธารเณ, สนฺนิฏฺาเนติ อตฺโถ. ‘‘อตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) นิทสฺสเน. อิธาปิ นิทสฺสเน ทฏฺพฺโพ, ปกาเรติปิ วตฺตุํ วฏฺฏเตว. ปโม ปน อิติ-สทฺโท ปริสมาปเน ทฏฺพฺโพ. หีติ อวธารเณ. อิทนฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํ ยถาธิคตสฺส สุตฺตปทสฺส อภิมุขีกรณโต.
วุตฺตนฺติ อยํ วุตฺต-สทฺโท สอุปสคฺโค, อนุปสคฺโค จ วปฺปนวาปสมีกรณเกโสหารณชีวิตวุตฺติปมุตฺตภาวปาวจนปวตฺติตอชฺเฌสนกถนาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ อยํ –
‘‘คาโว ¶ ตสฺส ปชายนฺติ, เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหติ;
วุตฺตานํ ผลมสฺนาติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภตี’’ติ. –
อาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๙) วปฺปเน อาคโต. ‘‘โน จ โข ปฏิวุตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒๘๙) อฏฺทนฺตกาทีหิ วาปสมีกรเณ. ‘‘กาปฏิโก มาณโว ทหโร วุตฺตสิโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๒๖) เกโสหารเณ. ‘‘ปนฺนโลโม ปรทตฺตวุตฺโต มิคภูเตน เจตสา วิหรตี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๓๒) ชีวิตวุตฺติยํ. ‘‘เสยฺยถาปิ นาม ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปวุตฺโต อภพฺโพ หริตตฺถายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๕๙; ปารา. ๙๒; ปาจิ. ๖๖๖; มหาว. ๑๒๙) พนฺธนโต ปมุตฺตภาเว. ‘‘เยสมิทํ เอตรหิ โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๕; ม. นิ. ๒.๔๒๗; มหาว. ๓๐๐) ปาวจนภาเวน ปวตฺติเต. โลเก ปน ‘‘วุตฺโต คุโณ วุตฺโต ปารายโน’’ติอาทีสุ อชฺเฌสเน. ‘‘วุตฺตํ โข ¶ ปเนตํ ภควตา ‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’ติ’’อาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) กถเน. อิธาปิ กถเน เอว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา ‘‘อิติ หิ เอวเมว อิทํ สุตฺตํ เทสิต’’นฺติ ยถานิกฺขิตฺตํ คาถํ เทสิตภาเวน นิทสฺเสติ. ตสฺสา วา เทสิตาการํ อวธาเรติ.
กสฺมาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกํ. ปนาติ วจนาลงฺการมตฺตํ. อุภเยนาปิ การณํ ปุจฺฉติ. เอตนฺติ ยถาวุตฺตํ สุตฺตปทํ ปจฺจามสติ. วุตฺตนฺติ ปุจฺฉานิมิตฺตํ. ตทตฺถสฺส อตฺตโน พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานตํ อุปาทาย ‘‘อิท’’นฺติ วตฺวา ปุน ภควตา ภาสิตาการํ สนฺธาย ‘‘เอต’’นฺติ วุตฺตํ. สกเลน ปนาเนน วจเนน เทสนาย นิทานํ โชติตํ โหติ. ปรโต ตสฺสา เทสกเทสกาลปฏิคฺคาหเก วิภาเวตุํ ‘‘ภควนฺตํ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. เตน วุจฺจมานสฺสตฺถสฺส อนุ อนุ สุยฺยมานตํ ทีเปติ. รตฺติภาเคติ รตฺติยา เอกสฺมึ โกฏฺาเส, มชฺฌิมยาเมติ อธิปฺปาโย. เวสฺสวณาทโย วิย อปากฏนามเธยฺยตฺตา อฺตโร. เทโว เอว เทวปุตฺโต. สํสยสมุคฺฆาฏตฺถนฺติ วิจิกิจฺฉาสลฺลสมุทฺธรณตฺถํ ปุจฺฉีติ โยชนา. ‘‘สํสยสมุคฺฆาฏตฺถ’’นฺติ จ อิมินา ปฺจสุ ปุจฺฉาสุ อยํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉาติ ทสฺเสติ. เยน อตฺเถน ตณฺหา ‘‘ชฏา’’ติ วุตฺตา, ตเมว อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชาลินิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สา หิ อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภโท อตฺตโน อวยวภูโต เอว ชาโล เอติสฺสา อตฺถีติ ‘‘ชาลินี’’ติ วุจฺจติ.
อิทานิสฺสา ¶ ชฏากาเรน ปวตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘สา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ รูปาทีสุ อารมฺมเณสูติ ตสฺสา ปวตฺติฏฺานมาห, รูปาทิฉฬารมฺมณวินิมุตฺตสฺส ตณฺหาวิสยสฺส อภาวโต. เหฏฺุปริยวเสนาติ กทาจิ รูปารมฺมเณ กทาจิ ยาว ธมฺมารมฺมเณ กทาจิ ธมฺมารมฺมเณ กทาจิ ยาว รูปารมฺมเณติ เอวํ เหฏฺา, อุปริ จ ปวตฺติวเสน. เทสนากฺกเมน เจตฺถ เหฏฺุปริยตา ทฏฺพฺพา. กทาจิ กามภเว กทาจิ รูปภเว กทาจิ อรูปภเว กทาจิ วา อรูปภเว…เป… กทาจิ กามภเวติ เอวเมตฺถ เหฏฺุปริยวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา. สพฺพสงฺขารานํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวตฺตา อปราปรุปฺปตฺติ เอตฺถ สํสิพฺพนนฺติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต’’ติ. ‘‘สํสิพฺพนฏฺเนา’’ติ อิทํ เยน สมฺพนฺเธน ชฏา วิยาติ ชฏาติ ¶ ชฏาตณฺหานํ อุปมูปเมยฺยตา, ตํทสฺสนํ. อยํ เหตฺถ อตฺโถ – ยถา ชาลิโน เวฬุคุมฺพสฺส สาขา, โกสสฺจยาทโย จ อตฺตนา อตฺตโน อวยเวหิ สํสิพฺพิตา วินทฺธา ‘‘ชฏา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ ตณฺหาปิ สํสิพฺพนสภาเวนาติ, ‘‘สํสิพฺพิตฏฺเนา’’ติ วา ปาโ, อตฺตนาว อตฺตโน สํสิพฺพิตภาเวนาติ อตฺโถ. อยํ หิ ตณฺหา โกสการกิมิ วิย อตฺตนาว อตฺตานมฺปิ สํสิพฺพนฺตี ปวตฺตติ. เตนาห ภควา ‘‘รูปตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๘๖; วิภ. ๒๐๓). อิเม สตฺตา ‘‘มม อิท’’นฺติ ปริคฺคหิตํ วตฺถุํ อตฺตนิพฺพิเสสํ มฺมานา อพฺภนฺตริมํ กโรนฺติ. อพฺภนฺตรตฺโถ จ อนฺโตสทฺโทติ สกปริกฺขาเร อุปฺปชฺชมานาปิ ตณฺหา ‘‘อนฺโตชฏา’’ติ วุตฺตา. ปพฺพชิตสฺส ปตฺตาทิ, คหฏฺสฺส หตฺถิอาทิ สกปริกฺขาโร.
‘‘อตฺตา’’ติ ภวติ เอตฺถ อภิมาโนติ อตฺตภาโว, อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ. สรีรนฺติ เกจิ. มม อตฺตภาโว สุนฺทโร, อสุกสฺส วิย มม อตฺตภาโว ภเวยฺยาติ วา อาทินา สกอตฺตภาวาทีสุ ตณฺหาย อุปฺปชฺชมานากาโร เวทิตพฺโพ. อตฺตโน จกฺขาทีนิ อชฺฌตฺติกายตนานิ. อตฺตโน, ปเรสฺจ รูปาทีนิ พาหิรายตนานิ. ปเรสํ สพฺพานิ วา, สปรสนฺตติปริยาปนฺนานิ วา จกฺขาทีนิ อชฺฌตฺติกายตนานิ. ตถา รูปาทีนิ พาหิรายตนานิ. ปริตฺตมหคฺคตภเวสุ ปวตฺติยาปิ ตณฺหาย อนฺโตชฏาพหิชฏาภาโว เวทิตพฺโพ. กามภโว หิ กสฺสจิปิ กิเลสสฺส อวิกฺขมฺภิตตฺตา กถฺจิปิ อวิมุตฺโต อชฺฌตฺตคฺคหณสฺส วิเสสปจฺจโยติ ‘‘อชฺฌตฺตํ, อนฺโต’’ติ จ วุจฺจติ. ตพฺพิปริยายโต รูปารูปภโว ‘‘พหิทฺธา, พหี’’ติ จ. เตนาห ภควา ‘‘อชฺฌตฺตสํโยชโน ปุคฺคโล, พหิทฺธาสํโยชโน ปุคฺคโล’’ติ (อ. นิ. ๒.๓๗). วิสยเภเทน, ปวตฺติอาการเภเทน จ อเนกเภทภินฺนมฺปิ ตณฺหํ ¶ ชฏาภาวสามฺเน เอกนฺติ คเหตฺวา ‘‘ตาย เอวํ อุปฺปชฺชมานาย ชฏายา’’ติ วุตฺตํ. สา ปน ‘‘ปชา’’ติ วุตฺตสตฺตสนฺตานปริยาปนฺนา เอว หุตฺวา ปุนปฺปุนํ ตํ ชเฏนฺตี วินนฺธนฺตี ปวตฺตตีติ อาห ‘‘ชฏาย ชฏิตา ปชา’’ติ. ตถา หิ ปรมตฺถโต ยทิปิ อวยวพฺยติเรเกน สมุทาโย นตฺถิ, เอกเทโส ปน สมุทาโย นาม น โหตีติ อวยวโต สมุทายํ ภินฺนํ กตฺวา อุปมูปเมยฺยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา นาม ¶ เวฬุชฏาทีหิ…เป… สํสิพฺพิตา’’ติ อาห. อิมํ ชฏนฺติ สมฺพนฺโธ. ตีสุ ธาตูสุ เอกมฺปิ อเสเสตฺวา สํสิพฺพเนน เตธาตุกํ ชเฏตฺวา ิตํ. เตนสฺสา มหาวิสยตํ, วิชฏนสฺส จ สุทุกฺกรภาวมาห. ‘‘วิชเฏตุํ โก สมตฺโถ’’ติ อิมินา ‘‘วิชฏเย’’ติ ปทํ สตฺติอตฺถํ, น วิธิอาทิอตฺถนฺติ ทสฺเสติ.
เอวํ ‘‘อนฺโตชฏา’’ติอาทินา ปุฏฺโ ปน อสฺส เทวปุตฺตสฺส อิมํ คาถมาหาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘เอทิโสว อิมํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชยฺยา’’ติ สตฺถารํ คุณโต ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณจาโร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพธมฺเมสูติ อตีตาทิเภทภินฺเนสุ สพฺเพสุ เยฺยธมฺเมสุ. อปฺปฏิหตาณจาโรติ อนวเสสเยฺยาวรณปฺปหาเนน นิสฺสงฺคจารตฺตา นวิหตาณปวตฺติโก. เอเตน ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณตาวิภาวเนน อาทิโต ติณฺณํ อาเวณิกธมฺมานํ คหเณเนว ตเทกลกฺขณตาย ตทวินาภาวโต จ ภควโต เสสาเวณิกธมฺมานมฺปิ คหิตภาโว เวทิตพฺโพ. ทิพฺพนฺติ กามคุณาทีหิ กีฬนฺติ ลฬนฺติ, เตสุ วา วิหรนฺติ, วิชยสมตฺถตาโยเคน ปจฺจตฺถิเก วิเชตุํ อิจฺฉนฺติ, อิสฺสริยธนาทิสกฺการทานคฺคหณํ, ตํตํอตฺถานุสาสนฺจ กโรนฺตา โวหรนฺติ, ปฺุาติสยโยคานุภาวปฺปตฺตาย ชุติยา โชตนฺติ, ยถาธิปฺเปตฺจ วิสยํ อปฺปฏิฆาเตน คจฺฉนฺติ, ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเน จ สกฺโกนฺตีติ เทวา. อถ วา เทวนียา ตํตํพฺยสนนิตฺถรณตฺถิเกหิ สรณํ ปรายณนฺติ คมนียา, อภิตฺถวนียา วา, โสภาวิเสสโยเคน กมนียาติ วา เทวา. เต ติวิธา – สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ. ภควา ปน นิรติสยาย อภิฺากีฬาย อุตฺตเมหิ ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ สปรสนฺตานคตปฺจวิธมารวิชยิจฺฉานิปฺผตฺติยา จิตฺติสฺสริยสตฺตธนาทิสมฺมาปฏิปตฺติ อเวจฺจปสาทสกฺการทานคฺคหณสงฺขาเตน, ธมฺมสภาวปุคฺคลชฺฌาสยานุรูปานุสาสนีสงฺขาเตน จ โวหาราติสเยน ปรมาย ปฺาสรีรปฺปภาสงฺขาตาย ชุติยา, อนฺสาธารณาย าณสรีรคติยา, มารวิชยสพฺพสพฺพฺุคุณปรหิตนิปฺผาทเนสุ อปฺปฏิหตาย สตฺติยา จ สมนฺนาคตตฺตา สเทวเกน โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ คมนียโต, อภิตฺถวนียโต, ภตฺติวเสน กมนียโต จ สพฺเพ ¶ เต เทเว เตหิ คุเณหิ อภิภุยฺย ิตตฺตา เตสํ เทวานํ เสฏฺโ อุตฺตโม เทโวติ เทวเทโว. สพฺพเทเวหิ ¶ ปูชนียตโร เทโวติ วา, วิสุทฺธิเทวภาวสฺส วา สพฺพฺุคุณาลงฺการสฺส วา อธิคตตฺตา อฺเสํ เทวานํ อติสเยน เทโวติ เทวเทโว.
อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สกฺกานํ, มหาพฺรหฺมานฺจ คุณาภิภวนโต อธิโก อติสโย อติเรกตโร วา สกฺโก พฺรหฺมา จาติ สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา. าณปฺปหานเทสนาวิเสเสสุ สเทวเก โลเก เกนจิ อวิกฺขมฺภนียฏฺานตาย กุโตจิปิ อุตฺรสฺตาภาวโต จตูหิ เวสารชฺเชหิ วิสารโทติ จตุเวสารชฺชวิสารโท. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธาติ ตตฺร วต มํ สมโณ วา…เป… เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐; อ. นิ. ๔.๘). านาานาณาทีหิ ทสหิ าณพเลหิ สมนฺนาคตตฺตา ทสพลธโร. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิธ ตถาคโต านฺจ านโต, อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๒๑; วิภ. ๘๐๙). ยํ กิฺจิ เยฺยํ นาม, ตตฺถ สพฺพตฺเถว อนาวฏาณตาย อนาวรณาโณ. ตฺจ สพฺพํ สมนฺตโต สพฺพาการโต หตฺถตเล อามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ทสฺสนสมตฺเถน าณจกฺขุนา สมนฺนาคตตฺตา สมนฺตจกฺขุ, สพฺพฺูติ อตฺโถ. อิเมหิ ปน ทฺวีหิ ปเทหิ ปจฺฉิมานิ ทฺเว อสาธารณาณานิ คหิตานิ. ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓ อาทโย) วิตฺถารโต อาคมิสฺสติ.
เอตฺถ จ ‘‘สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณจาโร’’ติ อิมินา ติยทฺธารุฬฺหานํ ปุจฺฉานํ ภควโต พฺยากรณสมตฺถตาย ทสฺสิตาย กึ เทวตานมฺปิ ปุจฺฉํ พฺยากาตุํ สมตฺโถ ภควาติ อาสงฺกาย ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘เทวเทโว’’ติ วุตฺตํ. เทวานํ อติเทโว สกฺโก เทวานมินฺโท เทวตานํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, ‘‘ตโต อิมสฺส โก วิเสโส’’ติ จินฺเตนฺตานํ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘สกฺกานํ อติสกฺโก’’ติ วุตฺตํ. สกฺเกนปิ ปุจฺฉิตมตฺถํ สนงฺกุมาราทโย พฺรหฺมาโน วิสฺสชฺเชนฺติ, ‘‘ตโต อิมสฺส โก อติสโย’’ติ จินฺเตนฺตานํ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา’’ติ วุตฺตํ. อยํ จสฺส วิเสโส จตุเวสารชฺชทสพลาเณหิ ปากโฏ ชาโตติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘จตุ…เป… ¶ ธโร’’ติ วุตฺตํ. อิมานิ จ าณานิ อิมสฺส าณทฺวยสฺส อธิคเมน สเหว สิทฺธานีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนาวรณาโณ สมนฺตจกฺขู’’ติ วุตฺตํ. ตยิทํ าณทฺวยํ ปฺุาณสมฺภารูปจยสิทฺธาย ภคฺคโทสตาย สิทฺธนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควา’’ติ อโวจาติ. เอวเมเตสํ ¶ ปทานํ คหเณ ปโยชนํ, อนุปุพฺพิ จ เวทิตพฺพา. ยํ ปเนตํ ปจฺฉิมํ อนาวรณาณํ สพฺพฺุตฺาณนฺติ าณทฺวยํ, ตํ อตฺถโต อภินฺนํ. เอกเมว หิ ตํ าณํ วิสยปวตฺติมุเขน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํ. อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมารมฺมณตาย สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย ‘‘อนาวรณาณ’’นฺติปิ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓ อาทโย) วกฺขาม.
๒. มหนฺเต สีลกฺขนฺธาทิเก เอสี คเวสีติ มเหสิ, ภควา. เตน มเหสินา. วณฺณยนฺโตติ วิวรนฺโต วิตฺถาเรนฺโต. ยถาภูตนฺติ อวิปรีตํ. สีลาทิเภทนนฺติ สีลสมาธิปฺาทิวิภาคํ. สุทุลฺลภนฺติ อฏฺกฺขณวชฺชิเตน นวเมน ขเณน ลทฺธพฺพตฺตา สุฏฺุ ทุลฺลภํ. สีลาทิสงฺคหนฺติ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคหํ. อริยมคฺโค หิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิโต สปฺปเทสตฺตา นครํ วิย รชฺเชน, น ตโย ขนฺธา อริยมคฺเคน นิปฺปเทสตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, อริเยน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน ตโย ขนฺธา สงฺคหิตา; ตีหิ จ โข, อาวุโส วิสาข, ขนฺเธหิ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค สงฺคหิโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒). กิเลสโจเรหิ อปริปนฺถนียตาย เขมํ. อนฺตทฺวยปริวชฺชนโต, มายาทิกายวงฺกาทิปฺปหานโต จ อุชุํ. สพฺเพสํ สํกิเลสธมฺมานํ มารณวเสน คมนโต ปวตฺตนโต, นิพฺพานสฺส มคฺคนโต, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคิตพฺพโต จ มคฺคํ. วิสุทฺธิยาติ นิพฺพานาย, วิสุทฺธิภาวาย วา, อรหตฺตายาติ อตฺโถ.
ยถาภูตํ อชานนฺตาติ เอวํ สีลวิสุทฺธิอาทิวิสุทฺธิปรมฺปราย อธิคนฺตพฺโพ เอวรูโป เอวํกิจฺจโก เอวมตฺโถติ ยาถาวโต อนวพุชฺฌนฺตา. สกลสํกิเลสโต, สํสารโต จ สุทฺธึ วิมุตฺตึ กาเมนฺติ ปตฺเถนฺตีติ สุทฺธิกามา. อปิ-สทฺโท สมฺภาวเน. เตน น เกวลํ สีลมตฺเตน ปริตุฏฺา, อถ โข วิสุทฺธิกามาปิ สมานาติ ทสฺเสติ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ภาวนาย ยุตฺตปยุตฺตตาย โยคิโน วายมนฺตาปิ วิสุทฺธึ ¶ อุทฺทิสฺส ปโยคํ ปรกฺกมํ กโรนฺตาปิ อุปายสฺส อนธิคตตฺตา วิสุทฺธึ นาธิคจฺฉนฺตีติ โยชนา. เตสนฺติ โยคีนํ. กามฺจายํ วิสุทฺธิมคฺโค สมนฺตภทฺทกตฺตา สวนธารณปริจยาทิปสุตานํ สพฺเพสมฺปิ ปาโมชฺชกโร, โยคีนํ ปน สาติสยํ ปโมทเหตูติ อาห ‘‘เตสํ ปาโมชฺชกรณ’’นฺติ. พาหิรกนิกายนฺตรลทฺธีหิ อสมฺมิสฺสตาย สุฏฺุ วิสุทฺธวินิจฺฉยตฺตา สุวิสุทฺธวินิจฺฉยํ. มหาวิหารวาสีนนฺติ อตฺตโน อปสฺสยภูตํ นิกายํ ทสฺเสติ ¶ . เทสนานยนิสฺสิตนฺติ ธมฺมสํวณฺณนานยสนฺนิสฺสิตํ. เอตฺถ จ ‘‘เตสํ ปาโมชฺชกรณ’’นฺติอาทินา สพฺพสํกิเลสมลวิสุทฺธตาย วิสุทฺธึ นิพฺพานํ ปตฺเถนฺตานํ โยคีนํ เอกํเสน ตทาวหตฺตา ปาโมชฺชกโร าณุตฺตเรหิ สมฺมาปฏิปนฺเนหิ อธิฏฺิตตฺตา สุฏฺุ สมฺมา วิสุทฺธวินิจฺฉโย มหาวิหารวาสีนํ กถามคฺโคติ ทสฺเสติ. สกฺกจฺจํ เม ภาสโต สกฺกจฺจํ นิสามยถาติ โยเชตพฺพํ.
เอตฺถ จ ‘‘อิมิสฺสา ทานิ คาถายา’’ติ อิมินา วิสุทฺธิมคฺคภาสนสฺส นิสฺสยํ, ‘‘กถิตาย มเหสินา’’ติ อิมินา ตสฺส ปมาณภาวํ, ‘‘ยถาภูตํ อตฺถํ สีลาทิเภทน’’นฺติ อิมินา อวิปรีตปิณฺฑตฺถํ, ‘‘สุทุลฺลภํ…เป… โยคิโน’’ติ อิมินา นิมิตฺตํ, ‘‘เตสํ ปาโมชฺชกรณ’’นฺติ อิมินา ปโยชนํ, ‘‘วณฺณยนฺโต อตฺถํ, สุวิสุทฺธวินิจฺฉยํ มหาวิหารวาสีนํ เทสนานยนิสฺสิตํ, สกฺกจฺจ’’นฺติ จ อิมินา กรณปฺปการํ ทสฺเสตฺวา ‘‘วิสุทฺธิกามา สพฺเพปิ, นิสามยถ สาธโว’’ติ อิมินา ตตฺถ สกฺกจฺจสวเน สาธุชเน นิโยเชติ. สาธุกํ สวนปฏิพทฺธา หิ สาสนสมฺปตฺติ.
๓. วจนตฺถวิภาวเนน ปเวทิตวิสุทฺธิมคฺคสามฺตฺถสฺส วิสุทฺธิมคฺคกถา วุจฺจมานา อภิรุจึ อุปฺปาเทตีติ ปทตฺถโต วิสุทฺธิมคฺคํ วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺถ วิสุทฺธี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตตฺถาติ ยทิทํ ‘‘วิสุทฺธิมคฺคํ ภาสิสฺส’’นฺติ เอตฺถ วิสุทฺธิมคฺคปทํ วุตฺตํ, ตตฺถ. สพฺพมลวิรหิตนฺติ สพฺเพหิ ราคาทิมเลหิ, สพฺเพหิ สํกิเลสมเลหิ จ วิรหิตํ วิวิตฺตํ. ตโต เอว อจฺจนฺตปริสุทฺธํ, สพฺพทา สพฺพถา จ วิสุทฺธนฺติ อตฺโถ. ยถาวุตฺตํ วิสุทฺธึ มคฺคติ คเวสติ อธิคจฺฉติ เอเตนาติ วิสุทฺธิมคฺโค. เตนาห ‘‘มคฺโคติ อธิคมูปาโย วุจฺจตี’’ติ. วิสุทฺธิมคฺโคติ จ นิปฺปริยาเยน โลกุตฺตรมคฺโค เวทิตพฺโพ, ตทุปายตฺตา ปน ปุพฺพภาคมคฺโค, ตนฺนิสฺสโย กถาปพนฺโธ จ ตถา วุจฺจติ.
สฺวายํ ¶ วิสุทฺธิมคฺโค สตฺถารา เทสนาวิลาสโต, เวเนยฺยชฺฌาสยโต จ นานานเยหิ เทสิโต, เตสุ อยเมโก นโย คหิโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘โส ปนาย’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ กตฺถจีติ กิสฺมิฺจิ สุตฺเต. วิปสฺสนามตฺตวเสเนวาติ อวธารเณน สมถํ นิวตฺเตติ. โส หิ ตสฺสา ปฏิโยคี, น สีลาทิ. มตฺต-สทฺเทน จ วิเสสนิวตฺติอตฺเถน สวิเสสํ สมาธึ นิวตฺเตติ. โส อุปจารปฺปนาเภโท วิปสฺสนายานิกสฺส เทสนาติ กตฺวา น สมาธิมตฺตํ. น หิ ¶ ขณิกสมาธึ วินา วิปสฺสนา สมฺภวติ. วิปสฺสนาติ จ ติวิธาปิ อนุปสฺสนา เวทิตพฺพา, น อนิจฺจานุปสฺสนาว. น หิ อนิจฺจทสฺสนมตฺเตน สจฺจาภิสมโย สมฺภวติ. ยํ ปน คาถายํ อนิจฺจลกฺขณสฺเสว คหณํ กตํ, ตํ ยสฺส ตเทว สุฏฺุตรํ ปากฏํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตาทิสสฺส วเสน. โสปิ หิ อิตรํ ลกฺขณทฺวยํ วิภูตตรํ กตฺวา สมฺมสิตฺวา วิเสสํ อธิคจฺฉติ, น อนิจฺจลกฺขณเมว.
สพฺเพ สงฺขาราติ สพฺเพ เตภูมกสงฺขารา, เต หิ สมฺมสนียา. อนิจฺจาติ น นิจฺจา อทฺธุวา อิตฺตรา ขณภงฺคุราติ. ปฺายาติ วิปสฺสนาปฺาย. ปสฺสติ สมฺมสติ. อถ ปจฺฉา อุทยพฺพยาณาทีนํ อุปฺปตฺติยา อุตฺตรกาลํ. นิพฺพินฺทติ ทุกฺเขติ ตสฺมึเยว อนิจฺจาการโต ทิฏฺเ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา’’ติ วุตฺเต เตภูมเก ขนฺธปฺจกสงฺขาเต ทุกฺเข นิพฺพินฺทติ นิพฺพิทาาณํ ปฏิลภติ. เอส มคฺโค วิสุทฺธิยาติ เอส นิพฺพิทานุปสฺสนาสงฺขาโต วิราคาทีนํ การณภูโต นิพฺพานสฺส อธิคมูปาโย.
ฌานปฺาวเสนาติ สมถวิปสฺสนาวเสน. ฌานนฺติ เจตฺถ วิปสฺสนาย ปาทกภูตํ ฌานํ อธิปฺเปตํ. ยมฺหีติ ยสฺมึ ปุคฺคเล. ฌานฺจ ปฺา จาติ เอตฺถายมตฺโถ – โย ปุคฺคโล ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตํ อุสฺสุกฺกาเปติ. ส เว นิพฺพานสนฺติเกติ โส พฺยตฺตํ นิพฺพานสฺส สมีเป เอกนฺตโต นิพฺพานํ อธิคจฺฉตีติ.
กมฺมนฺติ มคฺคเจตนา. สา หิ อปจยคามิตาย สตฺตานํ สุทฺธึ อาวหติ. วิชฺชาติ สมฺมาทิฏฺิ. สีลนฺติ สมฺมาวาจากมฺมนฺตา. ชีวิตมุตฺตมนฺติ สมฺมาอาชีโว. ธมฺโมติ อวเสสา จตฺตาโร อริยมคฺคธมฺมา. อถ วา กมฺมนฺติ สมฺมากมฺมนฺตสฺส คหณํ. ‘‘ยา จาวุโส วิสาข, สมฺมาทิฏฺิ, โย จ ¶ สมฺมาสงฺกปฺโป, อิเม ธมฺมา ปฺากฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) วจนโต. วิชฺชาติ สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปานํ คหณํ. ธมฺโมติ สมาธิ ‘‘เอวํธมฺมา เต ภควนฺโต อเหสุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๓๗๘) วิย. ตคฺคหเณเนว ‘‘โย จาวุโส วิสาข, สมฺมาวายาโม, ยา จ สมฺมาสติ, โย จ สมฺมาสมาธิ, อิเม ธมฺมา สมาธิกฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ วจนโต สมฺมาวายามสตีนมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. สีลนฺติ สมฺมาวาจาชีวานํ. ชีวิตมุตฺตมนฺติ เอวรูปสฺส อริยปุคฺคลสฺส ชีวิตํ อุตฺตมํ ชีวิตนฺติ เอวเมตฺถ อฏฺงฺคิโก อริยมคฺโค วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
สีลาทิวเสนาติ ¶ สีลสมาธิปฺาวีริยวเสน. สพฺพทาติ สมาทานโต ปภุติ สพฺพกาลํ. สีลสมฺปนฺโนติ จตุปาริสุทฺธิสีลสมฺปทาย สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต. ปฺวาติ โลกิยโลกุตฺตราย ปฺาย สมนฺนาคโต. สุสมาหิโตติ ตํสมฺปยุตฺเตน สมาธินา สุฏฺุ สมาหิโต. อารทฺธวีริโยติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ปคฺคหิตวีริโย. ปหิตตฺโตติ นิพฺพานํ ปติเปสิตตฺตตาย กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขจิตฺโต. โอฆนฺติ กาโมฆาทิจตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ, สํสารมโหฆเมว วา.
เอกายโนติ เอกมคฺโค. มคฺคปริยาโย หิ อิธ อยน-สทฺโท, ตสฺมา เอกปถภูโต อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค, น ทฺเวธาปถภูโตติ อตฺโถ. เอกํ วา นิพฺพานํ อยติ คจฺฉตีติ เอกายโน, เอเกน วา คณสงฺคณิกํ ปหาย วิเวกฏฺเน อยิตพฺโพ ปฏิปชฺชิตพฺโพติ เอกายโน, อยนฺติ เตนาติ วา อยโน, เอกสฺส เสฏฺสฺส ภควโต อยโนติ เอกายโน, เตน อุปฺปาทิตตฺตา, เอกสฺมึ วา อิมสฺมึเยว ธมฺมวินเย อยโนติ เอกายโน. สตฺตานํ วิสุทฺธิยาติ ราคาทิมเลหิ, อภิชฺฌาวิสมโลภาทิอุปกฺกิเลเสหิ จ สตฺตานํ วิสุทฺธตฺถาย วิสุชฺฌนตฺถาย. ยทิทนฺติ นิปาโต, เย อิเมติ อตฺโถ. ปุพฺเพ สรณลกฺขเณน มคฺคฏฺเน จ มคฺโคติ วุตฺตสฺเสว กายาทิวิสยเภเทน จตุพฺพิธตฺตา ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ วุตฺตํ. สมฺมปฺปธานาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อปฺปมาทาภิรติอาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ ¶ . อปฺปมาทาภิรติอาทิวเสนาปิ หิ กตฺถจิ วิสุทฺธิมคฺโค เทสิโต. ยถาห –
‘‘อปฺปมาทรโต ภิกฺขุ, ปมาเท ภยทสฺสิ วา;
อภพฺโพ ปริหานาย, นิพฺพานสฺเสว สนฺติเก’’ติ. (ธ. ป. ๓๒);
๔. ตตฺราติ ตสฺสํ คาถายํ. อุปริ วุจฺจมานา คาถาย วิตฺถารสํวณฺณนา นิทฺเทสปฏินิทฺเทสฏฺานิยา, ตโต สํขิตฺตตรา อตฺถวณฺณนา อุทฺเทสฏฺานิยาติ อาห ‘‘อยํ สงฺเขปวณฺณนา’’ติ. ยถาอุทฺทิฏฺสฺส หิ อตฺถสฺส นิทฺเทสปฏินิทฺเทสา สุกรา, สุโพธา จ โหนฺตีติ. สีเล ปติฏฺายาติ เอตฺถ สีเลติ กุสลสีเล. ยทิปิ ‘‘กตเม จ, ถปติ, อกุสลา สีลา’’ติอาทีสุ อกุสลา ธมฺมาปิ สีลนฺติ อาคตา. วุจฺจมานาย ปน จิตฺตปฺาภาวนาย อธิฏฺานาโยคฺยตาย กิริยสีลานมฺปิ อสมฺภโว, กุโต อิตเรสนฺติ กุสลสีลเมเวตฺถ อธิปฺเปตํ. สีลํ ปริปูรยมาโนติอาทีสุ ปริปูรยมาโนติ ปริปาเลนฺโต, ปริวฑฺเฒนฺโต วา, สพฺพภาเคหิ สํวรนฺโต ¶ , อวีติกฺกมนฺโต จาติ อตฺโถ. ตถาภูโต หิ ตํ อวิชหนฺโต ตตฺถ ปติฏฺิโต นาม โหติ. ‘‘สีเล’’ติ หิ อิทํ อาธาเร ภุมฺมํ. ปติฏฺายาติ ทุวิธา ปติฏฺา นิสฺสยูปนิสฺสยเภทโต. ตตฺถ อุปนิสฺสยปติฏฺา โลกิยา, อิตรา โลกุตฺตรา อภินฺทิตฺวา คหเณ. ภินฺทิตฺวา ปน คหเณ ยถา โลกิยจิตฺตุปฺปาเทสุ สหชาตานํ, ปุริมปจฺฉิมานฺจ วเสน นิสฺสยูปนิสฺสยปติฏฺา สมฺภวติ, เอวํ โลกุตฺตเรสุ เหฏฺิมมคฺคผลสีลวเสน อุปนิสฺสยปติฏฺาปิ สมฺภวติ. ‘‘ปติฏฺายา’’ติ จ ปทสฺส ยทา อุปนิสฺสยปติฏฺา อธิปฺเปตา, ตทา ‘‘สทฺธํ อุปนิสฺสายา’’ติอาทีสุ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๓) วิย ปุริมกาลกิริยาวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุทฺโธ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓๑). ยทา ปน นิสฺสยปติฏฺา อธิปฺเปตา, ตทา ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ๓.๔๒๑; สํ. นิ. ๔.๖๐) วิย สมานกาลกิริยาวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมฺมาวาจาทโย หิ อตฺตนา สมฺปยุตฺตานํ สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ สหชาตวเสเนว นิสฺสยปจฺจยา โหนฺตีติ.
นรติ ¶ เนตีติ นโร, ปุริโส. ยถา หิ ปมปกติภูโต สตฺโต, อิตราย ปกติยา เสฏฺฏฺเน ปุริ อุจฺเจ าเน เสติ ปวตฺตตีติ ‘‘ปุริโส’’ติ วุจฺจติ, เอวํ นยนฏฺเน ‘‘นโร’’ติ วุจฺจติ. ปุตฺตภาตุภูโตปิ หิ ปุคฺคโล มาตุเชฏฺภคินีนํ เนตุฏฺาเน ติฏฺติ, ปเคว อิตโร อิตราสํ. นเรน โยคโต, นรสฺส อยนฺติ วา นารี, อิตฺถี. สาปิ เจตฺถ กามํ ตณฺหาชฏาวิชฏนสมตฺถตา อตฺถิ, ปธานเมว ปน สตฺตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นโร’’ติ อาห ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕). อฏฺกถายํ ปน อวิภาเคน ปุคฺคลปริยาโย อยนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘นโรติ สตฺโต’’ติ วุตฺตํ. สปฺโติ วิปากภูตาย สห ปฺาย ปวตฺตตีติ สปฺโ. ตาย หิ อาทิโต ปฏฺาย สนฺตานวเสน พหุลํ ปวตฺตมานาย อยํ สตฺโต สวิเสสํ ‘‘สปฺโ’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. วิปากปฺาปิ หิ สนฺตานวิเสสเนน ภาวนาปฺุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสโย โหติ อเหตุกทฺวิเหตุกานํ ตทภาวโต. สมฺปชฺสงฺขาตาย จ ตํตํกิจฺจการิกาย ปฺาย วเสน ‘‘สปฺโ’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อฏฺกถายํ ปน นิปก-สทฺเทน ปาริหาริกปฺา คยฺหตีติ วิปากปฺาวเสเนเวตฺถ อตฺโถ วุตฺโต. กมฺมชติเหตุกปฏิสนฺธิปฺายาติ กมฺมชาย ติเหตุกปฏิสนฺธิยํ ปฺายาติ เอวํ ติเหตุก-สทฺโท ปฏิสนฺธิ-สทฺเทน สมฺพนฺธิตพฺโพ, น ปฺา-สทฺเทน. น หิ ปฺา ติเหตุกา อตฺถิ. ปฏิสนฺธิโต ปภุติ ปวตฺตมานา ปฺา ‘‘ปฏิสนฺธิยํ ปฺา’’ติ วุตฺตา ตํมูลกตฺตา, น ปฏิสนฺธิกฺขเณ ปวตฺตา เอว.
จินฺเตติ ¶ อารมฺมณํ อุปนิชฺฌายตีติ จิตฺตํ, สมาธิ. โส หิ สาติสยํ อุปนิชฺฌานกิจฺโจ. น หิ วิตกฺกาทโย วินา สมาธินา ตมตฺถํ สาเธนฺติ, สมาธิ ปน เตหิ วินาปิ สาเธตีติ. ปคุณพลวภาวาปาทเนน ปจฺจเยหิ จิตํ, ตถา สนฺตานํ จิโนตีติปิ จิตฺตํ, สมาธิ. ปมชฺฌานาทิวเสน จิตฺตวิจิตฺตตาย, อิทฺธิวิธาทิจิตฺตกรเณน จ สมาธิ จิตฺตนฺติ วินาปิ ปโรปเทเสนสฺส จิตฺตปริยาโย ลพฺภเตว. อฏฺกถายํ ปน จิตฺต-สทฺโท วิฺาเณ นิรุฬฺโหติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จิตฺตสีเสน เหตฺถ สมาธิ นิทฺทิฏฺโ’’ติ. ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ชานาตีติ ปฺา. สา ยทิปิ กุสลาทิเภทโต พหุวิธา. ‘‘ภาวย’’นฺติ ปน วจนโต ภาเวตพฺพา อิธาธิปฺเปตาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปสฺสน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ภาวย’’นฺติ จ อิทํ ปจฺเจกํ ¶ โยเชตพฺพํ ‘‘จิตฺตฺจ ภาวยํ, ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ. ตยิทํ ทฺวยํ กึ โลกิยํ, อุทาหุ โลกุตฺตรนฺติ? โลกุตฺตรนฺติ ทฏฺพฺพํ อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต. ตํ หิ ภาวยมาโน อริยมคฺคกฺขเณ ตณฺหาชฏํ สมุจฺเฉทวเสน วิชเฏตีติ วุจฺจติ, น โลกิยํ. นานนฺตริยภาเวน ปเนตฺถ โลกิยาปิ คหิตาว โหนฺติ โลกิยสมถวิปสฺสนาย วินา ตทภาวโต. สมถยานิกสฺส หิ อุปจารปฺปนาปฺปเภทํ สมาธึ อิตรสฺส ขณิกสมาธึ, อุภเยสมฺปิ วิโมกฺขมุขตฺตยํ วินา น กทาจิปิ โลกุตฺตราธิคโม สมฺภวติ. เตนาห ‘‘สมาธิฺเจว วิปสฺสนฺจ ภาวยมาโน’’ติ. ตตฺถ ยทา โลกิยา สมถวิปสฺสนา อธิปฺเปตา, ตทา ‘‘ภาวย’’นฺติ อิทํ ภาวนากิริยาย เหตุภาวกถนํ, ภาวนาเหตูติ อตฺโถ. ตํภาวนาเหตุกา หิ วิชฏนกิริยาติ. ยทา ปน โลกุตฺตรา อธิปฺเปตา, ตทา เกวลํ วตฺตมานภาวนิทฺเทโส. ตทุภยภาวนาสมกาลเมว หิ ตณฺหาชฏาวิชฏนํ.
‘‘อาตาปี นิปโก’’ติ อิทํ ยถาวุตฺตภาวนาย อุปการกธมฺมกิตฺตนํ. กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชนฺตสฺส หิ วีริยํ สติ สมฺปชฺนฺติ อิเม ตโย ธมฺมา พหูปการา. วีริยูปตฺถทฺธฺหิ กมฺมฏฺานํ สติสมฺปชฺานุปาลิตํ น ปริปตติ, อุปริ จ วิเสสํ อาวหติ. ปติฏฺาสิทฺธิยา เจตฺถ สทฺธาสิทฺธิ, สทฺธูปนิสฺสยตฺตา สีลสฺส, วีริยาทิสิทฺธิยา จ. น หิ สทฺเธยฺยวตฺถุํ อสทฺทหนฺตสฺส ยถาวุตฺตวีริยาทโย สมฺภวนฺติ, ตถา สมาธิปิ. ยถา หิ เหตุภาวโต วีริยาทีหิ สทฺธาสิทฺธิ, เอวํ ผลภาวโต เตหิ สมาธิสิทฺธิ. วีริยาทีสุ หิ สมฺปชฺชมาเนสุ สมาธิ สมฺปนฺโนว โหติ อสมาหิตสฺส ตทภาวโต. กถํ ปเนตฺถ สติสิทฺธิ? นิปกคฺคหณโต. ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺตา หิ สติ ‘‘เนปกฺก’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต’’ติ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘เนปกฺกํ ปฺา’’ติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต. ตคฺคหเณเนว ¶ สติปิ คหิตาว โหติ. น หิ สติวิรหิตา ปฺา อตฺถีติ. อปเร ปน ‘‘สปฺโ’’ติ อิมินาว ปาริหาริกปฺาปิ คยฺหตีติ ‘‘นิปโก’’ติ ปทสฺส ‘‘สโต’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. ยทิปิ กิเลสานํ ปหานํ อาตาปนํ, ตํ สมฺมาทิฏฺิอาทีนมฺปิ อตฺเถว. อาตปฺปสทฺโท วิย ปน อาตาปสทฺโท วีริเยเยว ¶ นิรุฬฺโหติ อาห ‘‘อาตาปีติ วีริยวา’’ติ. อถ วา ปฏิปกฺขปฺปหาเน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อพฺภุสฺสหนวเสน ปวตฺตมานสฺส วีริยสฺส สาติสยํ ตทาตาปนนฺติ วีริยเมว ตถา วุจฺจติ, น อฺเ ธมฺมา. อาตาปีติ จายมีกาโร ปสํสาย, อติสยสฺส วา ทีปโก. วีริยวาติ วา-สทฺโทปิ ตทตฺโถ เอว ทฏฺพฺโพ. เตน สมฺมปฺปธานสมงฺคิตา วุตฺตา โหติ. เตนาห ‘‘กิเลสานํ อาตาปนปริตาปนฏฺเนา’’ติ. อาตาปนคฺคหเณน เจตฺถ อารมฺภ ธาตุมาห อาทิโต วีริยารมฺโภติ กตฺวา, ปริตาปนคฺคหเณน นิกฺกมปรกฺกมธาตุโย สพฺพโส ปฏิปกฺขโต นิกฺขนฺตตํ, อุปรูปริ วิเสสปฺปตฺติฺจ อุปาทาย. นิปยติ วิโสเสติ ปฏิปกฺขํ, ตโต วา อตฺตานํ นิปาติ รกฺขตีติ นิปโก, สมฺปชาโน. กมฺมฏฺานสฺส ปริหรเณ นิยุตฺตาติ ปาริหาริกา.
อภิกฺกมาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ สาตฺถกสมฺปชฺาทิวเสน ปริจฺฉิชฺช เนตีติ สพฺพกิจฺจปริณายิกา. กมฺมฏฺานสฺส วา อุคฺคโห ปริปุจฺฉา ภาวนารมฺโภ มนสิการวิธิ, ตตฺถ จ สกฺกจฺจการิตา สาตจฺจการิตา สปฺปายการิตา นิมิตฺตกุสลตา ปหิตตฺตตา อนฺตราอสงฺโกโจ อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา วีริยสมตาปาทนํ วีริยสมตาโยชนนฺติ เอวมาทีนํ สพฺเพสํ กิจฺจานํ ปริณายิกา สพฺพกิจฺจปริณายิกา. ภยํ อิกฺขตีติ ภิกฺขูติ สาธารณโต ภิกฺขุลกฺขณกถเนน ปฏิปตฺติยาว ภิกฺขุภาโว, น ภิกฺขกภินฺนปฏธราทิภาเวนาติ ทสฺเสติ. เอวํ หิ กตกิจฺจานํ สามเณราทีนํ, ปฏิปนฺนานฺจ อปพฺพชิตานมฺปิ สงฺคโห กโต โหติ. อิธ ปน ปฏิปชฺชนกวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ภินฺทติ ปาปเก อกุสเล ธมฺเมติ วา ภิกฺขุ. โส อิมํ วิชฏเยติ โย นโร สปฺปฺโ สีเล ปติฏฺาย อาตาปี นิปโก จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยนฺติ วุตฺโต, โส ภิกฺขุ อิมํ ตณฺหาชฏํ วิชฏเยติ สมฺพนฺโธ. อิทานิ ตมฺปิ วิชฏนํ เวฬุคุมฺพวิชฏเนน อุปเมตฺวา ทสฺเสตุํ คาถาย ยถาวุตฺเต สีลาทิธมฺเม ‘‘อิมินา จ สีเลนา’’ติอาทินา ปจฺจามสติ. ตตฺถ ยสฺมา โยคาวจรสนฺตานคตา นานากฺขณิกา มิสฺสกา สีลาทิธมฺมา คาถาย คหิตา, ตสฺมา เต เอกจฺจํ คณฺหนฺโต ‘‘ฉหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต’’ติ อาห. น หิ เต ฉ ธมฺมา เอกสฺมึ สนฺตาเน เอกสฺมึ ขเณ ¶ ลพฺภนฺติ. ยสฺมา จ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน คาถา ภาสิตา, ตสฺมา ปุคฺคลาธิฏฺานเมว อุปมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ สุนิสิตนฺติ สุฏฺุ นิสิตํ, อติวิย ติขิณนฺติ อตฺโถ. สตฺถสฺส นิสานสิลายํ นิสิตตรภาวกรณํ, พาหุพเลน จสฺส อุกฺขิปนนฺติ อุภยมฺเปตํ อตฺถาปนฺนํ กตฺวา อุปมา วุตฺตาติ ตทุภยํ อุปเมยฺเย ทสฺเสนฺโต ‘‘สมาธิสิลายํ สุนิสิตํ…เป… ปฺาหตฺเถน อุกฺขิปิตฺวา’’ติ อาห. สมาธิคุเณน หิ ปฺาย ติกฺขภาโว. เตนาห ภควา ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๒.๑.๑๔). วีริยฺจสฺสา อุปตฺถมฺภกํ ปคฺคณฺหนโต. วิชเฏยฺยาติ วิชเฏตุํ สกฺกุเณยฺย. วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาย หิ วตฺตมานาย โยคาวจโร ตณฺหาชฏํ วิชเฏตุํ สมตฺโถ นาม. วิชฏนํ เจตฺถ สมุจฺเฉทวเสน ปหานนฺติ อาห ‘‘สฺฉินฺเทยฺย สมฺปทาเลยฺยา’’ติ. ทกฺขิณํ อรหตีติ ทกฺขิเณยฺโย, อคฺโค จ โส ทกฺขิเณยฺโย จาติ อคฺคทกฺขิเณยฺโย, อคฺคา วา ทกฺขิณา อคฺคทกฺขิณา, ตํ อรหตีติ อคฺคทกฺขิเณยฺโย.
๕. ตตฺราติ ตสฺสํ คาถายํ. อยนฺติ ‘‘นโร’’ติ จ ‘‘ภิกฺขู’’ติ จ วุตฺโต โยคาวจโร. ปุน ตตฺราติ ตสฺสํ ปฺายํ. อสฺสาติ ภิกฺขุโน. กตฺตริ เจตํ สามิวจนํ, อเนนาติ อตฺโถ. กรณียํ นตฺถิ วิเสสาธานสฺส ติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาย อภาวโต. เตนาห ‘‘ปุริมกมฺมานุภาเวเนว หิสฺส สา สิทฺธา’’ติ. เตนาติ โยคินา. ภาวนายํ สตตปวตฺติตวีริยตาย สาตจฺจการินา. ปฺาวเสนาติ ยถาวุตฺตเนปกฺกสงฺขาตปฺาวเสน. ยํ กิฺจิ กตฺตพฺพํ, ตสฺส สพฺพสฺส สมฺปชานวเสเนว กรณสีโล, ตตฺถ วา สมฺปชานกาโร เอตสฺส อตฺถิ, สมฺปชานสฺส วา อสมฺโมหสฺส การโก อุปฺปาทโกติ สมฺปชานการี, เตน สมฺปชานการินา. อตฺราติ อสฺสํ คาถายํ. สีลาทิสมฺปาทเน วีริยสฺส เตสํ องฺคภาวโต ตํ วิสุํ อคฺคเหตฺวา ‘‘สีลสมาธิปฺามุเขนา’’ติ วุตฺตํ.
‘‘วิสุทฺธิมคฺคํ ทสฺเสตี’’ติ อวิภาคโต เทสนาย ปิณฺฑตฺถํ วตฺวา ปุน ตํ วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอตฺตาวตาติ เอตฺตกาย เทสนาย. สิกฺขาติ สิกฺขิตพฺพฏฺเน สิกฺขา. สิกฺขนํ เจตฺถ อาเสวนํ ทฏฺพฺพํ. สีลาทิธมฺเมหิ สํวรณาทิวเสน อาเสวนฺโต เต สิกฺขตีติ ¶ วุจฺจติ. สาสนนฺติ ปฏิปตฺติสาสนํ. อุปนิสฺสโย พลวการณํ. วชฺชนํ อนุปคมนํ. เสวนา ภาวนา. ปฏิปกฺโขติ ปหายกปฏิปกฺโข. ยทิปิ คาถายํ ‘‘สีเล’’ติ สามฺโต วุตฺตํ, น ‘‘อธิสีเล’’ติ. ตํ ปน ตณฺหาชฏาวิชฏนสฺส ปติฏฺาภูตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘สีเลน อธิสีลสิกฺขา ปกาสิตา’’ติ. ภวคามิ หิ สีลํ สีลเมว, วิภวคามิ ¶ สีลํ อธิสีลสิกฺขา. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ. เอส นโย เสสสิกฺขาสุปิ.
สีเลนาติ อธิสีลสิกฺขาภูเตน สีเลน. ตํ หิ อนฺสาธารณตาย สาสนสฺส อาทิกลฺยาณตํ ปกาเสติ, น ยมนิยมาทิมตฺตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สีลฺจ สุวิสุทฺธํ, สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติ จ. กุสลานนฺติ มคฺคกุสลานํ. กุสลานนฺติ วา อนวชฺชานํ. เตน อริยผลธมฺมานมฺปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. สพฺพปาปสฺส อกรณนฺติ สพฺพสฺสาปิ สาวชฺชสฺส อกิริยา อนชฺฌาปชฺชนํ. เอเตน จาริตฺตวาริตฺตเภทสฺส สพฺพสฺส สีลสฺส คหณํ กตํ โหติ. กตฺตพฺพากรณมฺปิ หิ สาวชฺชเมวาติ. อาทิวจนโตติ คาถายํ วุตฺตสมาธิปฺานํ อาทิมฺหิ วจนโต. อาทิภาโว จสฺส ตมฺมูลกตฺตา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ. อาทีนํ วา วจนํ อาทิวจนํ. อาทิสทฺเทน เจตฺถ ‘‘สีลํ สมาธิ ปฺา จ, วิมุตฺติ จ อนุตฺตรา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘๖) เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สีลสฺส วิสุทฺธตฺตา วิปฺปฏิสาราทิเหตูนํ ทูรีกรณโต อวิปฺปฏิสาราทิคุณาวหํ. ‘‘อวิปฺปฏิสาราทิคุณาวหตฺตา’’ติ เอเตน น เกวลํ สีลสฺส กลฺยาณตาว วิภาวิตา, อถ โข อาทิภาโวปีติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิสฺส สุตฺเต (ปริ. ๓๖๖) อวิปฺปฏิสาราทีนํ วิมุตฺติาณปริโยสานานํ ปรมฺปรปจฺจยตา วุตฺตา. สมาธินาติ อธิจิตฺตสิกฺขาภูเตน สมาธินา. สกลํ สาสนํ สงฺคเหตฺวา ปวตฺตาย คาถาย อาทิปเทน อาทิมฺหิ ปฏิปชฺชิตพฺพสฺส สีลสฺส, ตติยปเทน ปริโยสาเน ปฏิปชฺชิตพฺพาย ปฺาย คหิตตฺตา มชฺเฌ ปฏิปชฺชิตพฺโพ สมาธิ ปาริเสสโต ทุติยปเทน คยฺหตีติ ‘‘กุสลสฺส อุปสมฺปทาติอาทิวจนโต หิ สมาธิ สาสนสฺส มชฺเฌ’’ติ วุตฺตํ, น กุสลสทฺทสฺส สมาธิปริยายตฺตา. ปุพฺพูปนิสฺสยวโต หิ สมาหิตตาทิอฏฺงฺคสมนฺนาคเมน อภินีหารกฺขมตา สมาธิสฺส อิทฺธิวิธาทิคุณาวหตฺตํ, อคฺคมคฺคปฺาย อธิคตาย ยทตฺถํ ปพฺพชติ, ตํ ปริโยสิตนฺติ ปฺา สาสนสฺส ¶ ปริโยสานํ. เตนาห ภควา ‘‘สิกฺขานิสํสมิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ สทฺธาธิปเตยฺยํ ปฺุตฺตรํ วิมุตฺติสาร’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๒๔๕). สกํ จิตฺตํ สจิตฺตํ, สจิตฺตสฺส สพฺพโส กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทเนน วิโสธนํ สจิตฺตปริโยทาปนํ. เอวํ ปน ปฺากิจฺเจ มตฺถกปฺปตฺเต อุตฺตริ กรณียาภาวโต สาสนสฺส ปฺุตฺตรตา เวทิตพฺพา. ตาทิภาวาวหนโตติ ยาทิโส อิฏฺเสุ, ลาภาทีสุ จ อนุนยาภาวโต, ตาทิโส อนิฏฺเสุ, อลาภาทีสุ จ ปฏิฆาภาวโต. ตโต เอว วา ยาทิโส อนาปาถคเตสุ อิฏฺานิฏฺเสุ, ตาทิโส อาปาถคเตสุปีติ ตาที. ตสฺส ภาโว ตาทิภาโว, ตสฺส อาวหนโต. วาเตนาติ ¶ วาตเหตุ. น สมีรตีติ น จลติ. น สมิฺชนฺตีติ น ผนฺทนฺติ, กุโต จลนนฺติ อธิปฺปาโย.
ตถาติ ยถา สีลาทโย อธิสีลสิกฺขาทีนํ ปกาสกา, ตถา เตวิชฺชตาทีนํ อุปนิสฺสยสฺสาติ เตสํ ปกาสนาการูปสํหารตฺโถ ตถา-สทฺโท. ยสฺมา สีลํ วิสุชฺฌมานํ สติสมฺปชฺพเลน, กมฺมสฺสกตาณพเลน จ สํกิเลสมลโต วิสุชฺฌติ ปาริปูริฺจ คจฺฉติ, ตสฺมา สีลสมฺปทา สิชฺฌมานา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติภาเวน สติพลํ, าณพลฺจ ปจฺจุปฏฺเปตีติ ตสฺสา วิชฺชตฺตยูปนิสฺสยตา เวทิตพฺพา สภาคเหตุสมฺปาทนโต. สติเนปกฺเกน หิ ปุพฺเพนิวาสวิชฺชาสิทฺธิ, สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺเจสุ สุทิฏฺการิตาปริจเยน จุตูปปาตาณานุพนฺธาย ทุติยวิชฺชาสิทฺธิ, วีติกฺกมาภาเวน สํกิเลสปฺปหานสพฺภาวโต วิวฏฺฏูปนิสฺสยตาวเสน อชฺฌาสยสุทฺธิยา ตติยวิชฺชาสิทฺธิ. ปุเรตรํ สิทฺธานํ สมาธิปฺานํ ปาริปูรึ วินา สีลสฺส อาสวกฺขยาณูปนิสฺสยตา สุกฺขวิปสฺสกขีณาสเวหิ ทีเปตพฺพา. สมาธิปฺา วิย อภิฺาปฏิสมฺภิทานํ สีลํ น สภาคเหตูติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘น ตโต ปร’’นฺติ. ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๒.๑.๑๔) วจนโต สมาธิสมฺปทา ฉฬภิฺตาย อุปนิสฺสโย. ปฺา วิย ปฏิสมฺภิทานํ สมาธิ น สภาคเหตูติ วุตฺตํ ‘‘น ตโต ปร’’นฺติ. ‘‘โยคา เว ชายเต ภูรี’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒) วจนโต ปุพฺพโยเคน, ครุวาสเทสภาสากโอสลฺลอุคฺคหปริปุจฺฉาทีหิ จ ปริภาวิตา ปฺาสมฺปตฺติ ปฏิสมฺภิทาปเภทสฺส อุปนิสฺสโย ¶ ปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธิโยปิ ปฺาสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยาติ ปฺาย อนธิคนฺตพฺพสฺส วิเสสสฺส อภาวโต, ตสฺสา จ ปฏิสมฺภิทาปเภทสฺส เอกนฺติกการณโต เหฏฺา วิย ‘‘น ตโต ปร’’นฺติ อวตฺวา ‘‘น อฺเน การเณนา’’ติ วุตฺตํ.
เอตฺถ จ ‘‘สีลสมฺปตฺติฺหิ นิสฺสายา’’ติ วุตฺตตฺตา ยสฺส สมาธิวิชมฺภนภูตา อนวเสสา ฉ อภิฺา น อิชฺฌนฺติ, ตสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน น สมาธิสมฺปทา อตฺถีติ. สติปิ วิชฺชานํ อภิฺเกเทสภาเว สีลสมฺปตฺติสมุทาคตา เอว ติสฺโส วิชฺชา คหิตา. ยถา หิ ปฺาสมฺปตฺติสมุทาคตา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส มคฺเคเนว อิชฺฌนฺติ, มคฺคกฺขเณ เอว ตาสํ ปฏิลภิตพฺพโต, เอวํ สีลสมฺปตฺติสมุทาคตา ติสฺโส วิชฺชา สมาธิสมฺปตฺติสมุทาคตา จ ฉ อภิฺา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส มคฺเคเนว อิชฺฌนฺตีติ มคฺคาธิคเมเนว ¶ ตาสํ อธิคโม เวทิตพฺโพ. ปจฺเจกพุทฺธานํ, สมฺมาสมฺพุทฺธานฺจ ปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธิสมธิคมสทิสา หิ อิเมสํ อริยานํ อิเม วิเสสาธิคมาติ. วินยสุตฺตาภิธมฺเมสุ สมฺมาปฏิปตฺติยา เตวิชฺชตาทีนํ อุปนิสฺสยตาปิ ยถาวุตฺตวิธินา เวทิตพฺพา.
สมฺปนฺนสีลสฺส กามเสวนาภาวโต สีเลน ปมนฺตวิวชฺชนํ วุตฺตํ. เยภุยฺเยน หิ สตฺตา กามเหตุ ปาณาติปาตาทิวเสนาปิ อสุทฺธปโยคา โหนฺติ. ฌานสุขลาภิโน กายกิลมถสฺส สมฺภโว เอว นตฺถีติ สมาธินา ทุติยนฺตวิวชฺชนํ วุตฺตํ ฌานสมุฏฺานปณีตรูปผุฏกายตฺตา. ปฺายาติ มคฺคปฺาย. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน หิ เอกํสโต อริยมคฺโคว มชฺฌิมา ปฏิปตฺติ นาม. เอวํ สนฺเตปิ โลกิยปฺาวเสนปิ อนฺตทฺวยวิวชฺชนํ วิภาเวตพฺพํ.
สีลํ ตํสมงฺคิโน กามสุคตีสุเยว นิพฺพตฺตาปนโต จตูหิ อปาเยหิ วิมุตฺติยา การณนฺติ อาห ‘‘สีเลน อปายสมติกฺกมนุปาโย ปกาสิโต โหตี’’ติ. น หิ ปาณาติปาตาทิปฏิวิรติ ทุคฺคติปริกิเลสํ อาวหติ. สมาธิ ตํสมงฺคิโน มหคฺคตภูมิยํเยว นิพฺพตฺตาปเนน สกลกามภวโต วิโมเจตีติ วุตฺตํ ‘‘สมาธินา กามธาตุสมติกฺกมนุปาโย ปกาสิโต โหตี’’ติ. น หิ กามาวจรกมฺมสฺส อนุพลปฺปทายีนํ กามจฺฉนฺทาทีนํ วิกฺขมฺภกํ ฌานํ กามธาตุปริกิเลสาวหํ โหติ. น เจตฺถ อุปจารชฺฌานํ นิทสฺเสตพฺพํ, อปฺปนาสมาธิสฺส ¶ อธิปฺเปตตฺตา. นาปิ ‘‘สีเลเนว อติกฺกมิตพฺพสฺส อปายภวสฺส สมาธินา อติกฺกมิตพฺพตา’’ติ วจโนกาโส. สุคติภวมฺปิ อติกฺกมนฺตสฺส ทุคฺคติสมติกฺกมเน กา กถาติ. สพฺพภวสมติกฺกมนุปาโยติ กามภวาทีนํ นวนฺนมฺปิ ภวานํ สมติกฺกมนุปาโย สีลสมาธีหิ อติกฺกนฺตาปิ ภวา อนติกฺกนฺตา เอว, การณสฺส อปหีนตฺตา. ปฺาย ปนสฺส สุปฺปหีนตฺตา เต สมติกฺกนฺตา เอว.
ตทงฺคปฺปหานวเสนาติ ทีปาโลเกเนว ตมสฺส ปฺุกิริยวตฺถุคเตน เตน เตน กุสลงฺเคน ตสฺส ตสฺส อกุสลงฺคสฺส ปหานวเสน. สมาธินา วิกฺขมฺภนปฺปหานวเสนาติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺตินิวารเณน ฆฏปฺปหาเรเนว ชลตเล เสวาลสฺส เตสํ เตสํ นีวรณาทิธมฺมานํ ปหานวเสน. ปฺายาติ อริยมคฺคปฺาย. สมุจฺเฉทปฺปหานวเสนาติ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อตฺตโน สนฺตาเน ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗) วุตฺตสฺส ¶ สมุทยปกฺขิยสฺส กิเลสคณสฺส อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติสงฺขาตสมุจฺฉินฺทนปฺปหานวเสน.
กิเลสานํ วีติกฺกมปฏิปกฺโขติ สํกิเลสธมฺมานํ, กมฺมกิเลสานํ วา โย กายวจีทฺวาเรสุ วีติกฺกโม อชฺฌาจาโร, ตสฺส ปฏิปกฺโข สีเลน ปกาสิโต โหติ, อวีติกฺกมสภาวตฺตา สีลสฺส. โอกาสาทานวเสน กิเลสานํ จิตฺเต กุสลปฺปวตฺตึ ปริยาทิยิตฺวา อุฏฺานํ ปริยุฏฺานํ. ตํ สมาธิ วิกฺขมฺเภตีติ อาห ‘‘สมาธินา ปริยุฏฺานปฏิปกฺโข ปกาสิโต โหตี’’ติ, สมาธิสฺส ปริยุฏฺานปฺปหายกตฺตา. อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ สยนโต การณลาเภ อุปฺปตฺติรหา อนุสยา, เต ปน อนุรูปํ การณํ ลทฺธา อุปฺปชฺชนารหา ถามคตา กามราคาทโย สตฺต กิเลสา เวทิตพฺพา. เต อริยมคฺคปฺาย สพฺพโส ปหียนฺตีติ อาห ‘‘ปฺาย อนุสยปฏิปกฺโข ปกาสิโต โหตี’’ติ.
กายทุจฺจริตาทิ ทุฏฺุ จริตํ, กิเลเสหิ วา ทูสิตํ จริตนฺติ ทุจฺจริตํ, ตเมว ยตฺถ อุปฺปนฺนํ, ตํ สนฺตานํ สํกิเลเสติ วิพาธติ, อุปตาเปติ จาติ สํกิเลโส, ตสฺส วิโสธนํ สีเลน ตทงฺควเสน ปหานํ วีติกฺกมปฏิปกฺขตฺตา สีลสฺส. ตณฺหาสํกิเลสสฺส วิโสธนํ วิกฺขมฺภนวเสน ¶ ปหานํ ปริยุฏฺานปฏิปกฺขตฺตา สมาธิสฺส, ตณฺหาย จสฺส อุชุวิปจฺจนิกภาวโต. ทิฏฺิสํกิเลสสฺส วิโสธนํ สมุจฺเฉทวเสน ปหานํ อนุสยปฏิปกฺขตฺตา ปฺาย, ทิฏฺิคตานฺจ อยาถาวคาหีนํ ยาถาวคาหินิยา ปฺาย อุชุวิปจฺจนิกภาวโต.
การณนฺติ อุปนิสฺสยปจฺจโย. สีเลสุ ปริปูรการีติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตตฺตา อาทิพฺรหฺมจริยกานํ ปาราชิกสงฺฆาทิเสสสงฺขาตานํ มหาสีลสิกฺขาปทานํ อวีติกฺกมนโต ขุทฺทานุขุทฺทกานํ อาปชฺชเน สหสาว เตหิ วุฏฺาเนน สีเลสุ ยํ กตฺตพฺพํ, ตํ ปริปูรํ สมตฺถํ กโรตีติ สีเลสุ ปริปูรการี. ตถา สกทาคามีติ ‘‘สีเลสุ ปริปูรการี’’ติ เอตํ อุปสํหรติ ตถา-สทฺเทน. เอเต หิ ทฺเว อริยา สมาธิปาริปนฺถิกานํ กามราคพฺยาปาทานํ ปฺาปาริปนฺถิกสฺส สจฺจปฏิจฺฉาทกโมหสฺส สพฺพโส อสมูหตตฺตา สมาธึ, ปฺฺจ ภาเวนฺตาปิ สมาธิปฺาสุ ยํ กตฺตพฺพํ, ตํ มตฺตโส ปมาเณน ปเทสมตฺตเมว กโรนฺตีติ สมาธิสฺมึ, ปฺาย จ มตฺตโส การิโน ‘‘สีเลสุ ปริปูรการิโน’’อิจฺเจว วุจฺจนฺติ. อนาคามี ¶ ปน กามราคพฺยาปาทานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สมาธิสฺมึ ปริปูรการี. อรหา สพฺพโส สมฺโมหสฺส สุสมูหตตฺตา ปฺาย ปริปูรการี.
วุตฺตํ เหตํ ภควตา (อ. นิ. ๓.๘๗) –
‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมึ มตฺตโส การี, ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ, ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺาติปิ. ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตา. ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ, ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ ิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ. อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ…เป… โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ. สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี ¶ โหติ, สมาธิสฺมึ ปริปูรการี, ปฺาย มตฺตโส การี. โส ยานิ ตานิ…เป… สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ…เป… อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา. อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมึ ปริปูรการี, ปฺาย ปริปูรการี. โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ…เป… สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ. โส อาสวานํ ขยา…เป… อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ.
‘‘กถ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา สิกฺขาทิเก วิภชิตฺวา วุตฺตเมวตฺถํ นิคเมตุํ ‘‘เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อฺเ จาติ ตโย วิเวกา, ตีณิ กุสลมูลานิ, ตีณิ วิโมกฺขมุขานิ, ตีณิ อินฺทฺริยานีติ เอวมาทโย, สิกฺขตฺติกาทีหิ อฺเ จ คุณตฺติกา. เอวรูปาติ ยาทิสกา สิกฺขตฺติกาทโย อิธ สีลาทีหิ ปกาสิตา โหนฺติ, เอทิสา.
เอตฺถ หิ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตสฺส สีลสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา สีเลน กายวิเวโก ปกาสิโต โหติ, สมาธินา จิตฺตวิเวโก, ปฺาย อุปธิวิเวโก. ตถา สีเลน อโทโส กุสลมูลํ ปกาสิตํ โหติ, ติติกฺขปฺปธานตาย, อปรูปฆาตสภาวตาย จ สีลสฺส. สมาธินา อโลโภ ¶ กุสลมูลํ, โลภปฏิปกฺขโต, อโลภปธานตาย จ สมาธิสฺส. ปฺาย ปน อโมโหเยว. สีเลน จ อนิมิตฺตวิโมกฺขมุขํ ปกาสิตํ โหติ. อโทสปฺปธานํ หิ สีลสมฺปทํ นิสฺสาย โทเส อาทีนวทสฺสิโน อนิจฺจานุปสฺสนา สุเขเนว อิชฺฌติ, อนิจฺจานุปสฺสนา จ อนิมิตฺตวิโมกฺขมุขํ. สมาธินา อปฺปณิหิตวิโมกฺขมุขํ. ปฺาย สฺุตวิโมกฺขมุขํ. อโลภปฺปธานํ หิ กามนิสฺสรณํ สมาธิสมฺปทํ นิสฺสาย กาเมสุ อาทีนวทสฺสิโน ทุกฺขานุปสฺสนา สุเขเนว อิชฺฌติ, ทุกฺขานุปสฺสนา จ อปฺปณิหิตวิโมกฺขมุขํ. ปฺาสมฺปทํ นิสฺสาย อนตฺตานุปสฺสนา สุเขเนว อิชฺฌติ, อนตฺตานุปสฺสนา จ สฺุตวิโมกฺขมุขํ. ตถา สีเลน อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ ปกาสิตํ โหติ. ตํ หิ สีเลสุ ปริปูรการิโน อฏฺมกสฺส อินฺทฺริยํ. สมาธินา อฺินฺทฺริยํ. ตํ หิ อุกฺกํสคตํ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโน อนาคามิโน, อคฺคมคฺคฏฺสฺส จ อินฺทฺริยํ. ปฺาย อฺาตาวินฺทฺริยํ ปกาสิตํ โหติ. ตทุปฺปตฺติยา หิ อรหา ปฺาย ปริปูรการีติ. อิมินา นเยน อฺเ จ เอวรูปา คุณตฺติกา สีลาทีหิ ปกาเสตพฺพา.
๑. สีลนิทฺเทสวณฺณนา
สีลสรูปาทิกถาวณฺณนา
๖. เอวนฺติ ¶ วุตฺตปฺปกาเรน. อเนกคุณสงฺคาหเกนาติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ, อฺเสฺจ อเนเกสํ คุณานํ สงฺคาหเกน. สีลสมาธิปฺามุเขนาติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๗๗; เถรคา. ๖๗๖; เนตฺติ. ๕) วิย วิปสฺสนามตฺตาทิมุเขน สงฺเขปโต อเทเสตฺวา สีลสมาธิปฺามุเขน เทสิโตปิ, สตฺตตึสายปิ วา โพธิปกฺขิยธมฺมานํ วิสุทฺธิมคฺคนฺโตคธตฺตา ตตฺถ สีลสมาธิปฺา มุขํ ปมุขํ กตฺวา เทสิโตปิ. เอเตน สีลสมาธิปฺาสุ อวเสสโพธิปกฺขิยธมฺมานํ สภาวโต, อุปการโต จ อนฺโตคธภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺพํ. อติสงฺเขปเทสิโตเยว โหติ สภาววิภาคาทิโต อวิภาวิตตฺตา. นาลนฺติ น ปริยตฺตํ น สมตฺถํ. สพฺเพสนฺติ นาติสงฺเขปนาติวิตฺถารรุจีนมฺปิ, วิปฺจิตฺุเนยฺยานมฺปิ วา. สงฺเขปเทสนา หิ สํขิตฺตรุจีนํ, อุคฺฆฏิตฺูนํเยว จ อุปการาย โหติ, น ปนิตเรสํ. อสฺส วิสุทฺธิมคฺคสฺส. ปุจฺฉนฏฺเน ปฺหา, กิริยา กรณํ กมฺมํ, ปฺหาว กมฺมํ ปฺหากมฺมํ, ปุจฺฉนปโยโค.
กึ สีลนฺติ สรูปปุจฺฉา. เกนฏฺเน สีลนฺติ เกน อตฺเถน สีลนฺติ วุจฺจติ, ‘‘สีล’’นฺติ ปทํ กํ อภิเธยฺยํ นิสฺสาย ปวตฺตนฺติ อตฺโถ. ตยิทํ สีลํ สภาวโต, กิจฺจโต, อุปฏฺานาการโต, อาสนฺนการณโต จ กถํ ชานิตพฺพนฺติ อาห ‘‘กานสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานี’’ติ. ปฏิปตฺติ นาม ทิฏฺานิสํเส เอว โหตีติ อาห ‘‘กิมานิสํส’’นฺติ. กติวิธนฺติ ปเภทปุจฺฉา. วิภาควนฺตานํ หิ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ. โวทานํ วิสุทฺธิ. สา จ สํกิเลสมลวิมุตฺติ. ตํ อิจฺฉนฺเตน ยสฺมา อุปายโกสลฺลตฺถินา อนุปายโกสลฺลํ วิย สํกิเลโส ชานิตพฺโพติ อาห ‘‘โก จสฺส สํกิเลโส’’ติ.
ตตฺราติ ¶ ตสฺมึ, ตสฺส วา ปฺหากมฺมสฺส. วิสฺสชฺชนนฺติ วิวรณํ. ปุจฺฉิโต หิ อตฺโถ อวิภาวิตตฺตา นิคูฬฺโห มุฏฺิยํ กโต วิย ติฏฺติ. ตสฺส วิวรณํ วิสฺสชฺชนํ วิภูตภาวการณโต. ปาณาติปาตาทีหีติ เอตฺถ ¶ ปาโณติ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺส สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตเร เอว อติว ปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ, อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต, ปาณฆาโต. อาทิสทฺเทน อทินฺนาทานาทึ สงฺคณฺหาติ. เตหิ ปาณาติปาตาทีหิ ทุสฺสีลฺยกมฺเมหิ. วิรมนฺตสฺสาติ สมาทานวิรติวเสน, สมฺปตฺตวิรติวเสน จ โอรมนฺตสฺส. วตฺตปฏิปตฺตินฺติ อุปชฺฌายวตฺตาทิวตฺตกรณํ. เจตนาทโย ธมฺมาติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ ปาฬิวเสน วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เจตยตีติ เจตนา, อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ สทฺธึ อารมฺมเณ อภิสนฺทหตีติ อตฺโถ. เจตนาย อนุกูลวเสเนว หิ ตํสมฺปยุตฺตา ธมฺมา อารมฺมเณ ปวตฺตนฺติ. เจตนา กามํ กุสลตฺติกสาธารณา, อิธ ปน สีลเจตนา อธิปฺเปตาติ กตฺวา ‘‘กุสลา’’ติ เวทิตพฺพา. เจตสิ นิยุตฺตํ เจตสิกํ, จิตฺตสมฺปยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เจตนาย สติปิ เจตสิกตฺเต ‘‘เจตนา สีล’’นฺติ วิสุํ คหิตตฺตา ตทฺเมว วิรติอนภิชฺฌาทิกํ เจตสิกํ สีลํ ทฏฺพฺพํ โคพลีพทฺทาเยน. สํวรณํ สํวโร. ยถา อกุสลา ธมฺมา จิตฺเต น โอตรนฺติ, ตถา ปิทหนํ. อวีติกฺกโม วีติกฺกมสฺส ปฏิปกฺขภูตา อวีติกฺกมวเสน ปวตฺตจิตฺตเจตสิกา. ตตฺถ เจตนา สีลํ นามาติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส สุตฺตปทสฺส วิวรณํ. วิรมนฺตสฺส เจตนาติ วิรติสมฺปยุตฺตํ ปธานภูตํ เจตนมาห. ปูเรนฺตสฺส เจตนาติ วตฺตปฏิปตฺติอายูหินี. วิรมนฺตสฺส วิรตีติ วิรติยา ปธานภาวํ คเหตฺวา วุตฺตํ.
เอตฺถ หิ ยทา ‘‘ติวิธา, ภิกฺขเว, กายสฺเจตนา กุสลํ กายกมฺม’’นฺติอาทิ (กถา. ๕๓๙) วจนโต ปาณาติปาตาทีนํ ปฏิปกฺขภูตา ตพฺพิรติวิสิฏฺา เจตนา ตถาปวตฺตา ปธานภาเวน ปาณาติปาตาทิปฏิวิรติสาธิกา โหติ, ตทา ตํสมฺปยุตฺตา วิรติอนภิชฺฌาทโย จ เจตนาปกฺขิกา วา, อพฺโพหาริกา วาติ อิมมตฺถํ สนฺธาย เจตนาสีลํ วุตฺตํ. ยทา ปน ปาณาติปาตาทีหิ สงฺโกจํ อาปชฺชนฺตสฺส ตโต วิรมณากาเรน ปวตฺตมานา เจตนาวิสิฏฺา วิรติ, อนภิชฺฌาทโย จ ตตฺถ ตตฺถ ปธานภาเวน กิจฺจสาธิกา โหนฺติ, ตทา ตํสมฺปยุตฺตา เจตนา วิรติอาทิปกฺขิกา ¶ วา โหติ, อพฺโพหาริกา วาติ อิมมตฺถํ สนฺธาย เจตสิกสีลํ วุตฺตํ.
อิทานิ ¶ สุตฺเต อาคตนเยน กุสลกมฺมปถวเสน เจตนาเจตสิกสีลานิ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปชหนฺตสฺสาติ สมาทานวเสน ‘‘อิโต ปฏฺาย น กริสฺสามี’’ติ สมฺปตฺตวตฺถุกานิปิ อนชฺฌาจรเณน ปชหนฺตสฺส. สตฺต กมฺมปถเจตนาติ ปาณาติปาตาทิปหานสาธิกา ปฏิปาฏิยา สตฺต กุสลกมฺมปถเจตนา. อภิชฺฌาทิวเสน ยํ ปรทารคมนาทิ กรียติ, ตสฺส ปหายกา อนภิชฺฌาทโย สีลนฺติ อาห ‘‘เจตสิกํ สีลํ นาม อนภิชฺฌา…เป… สมฺมาทิฏฺิธมฺมา’’ติ. ยถา หิ อภิชฺฌาพฺยาปาทวเสน มิจฺฉาจารปาณาติปาตาทโย กรียนฺติ, เอวํ มิจฺฉาทิฏฺิวเสนาปิ เต ปุตฺตมุขทสฺสนาทิอตฺถํ กรียนฺติ. เตสฺจ ปชหนกา อนภิชฺฌาทโยติ. ปาติโมกฺขสํวโร จาริตฺตวาริตฺตวิภาคํ วินยปริยาปนฺนํ สิกฺขาปทสีลํ. สติสํวโร มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อารกฺขา, สา จ ตถาปวตฺตา สติเยว. าณสํวโร ปฺา. ขนฺติสํวโร อธิวาสนา, สา จ ตถาปวตฺตา อโทสปธานา ขนฺธา, อโทโส เอว วา. วีริยสํวโร กามวิตกฺกาทีนํ วิโนทนวเสน ปวตฺตํ วีริยํ. ปาติโมกฺขสํวรสติสํวราทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
โสตานีติ ตณฺหาทิฏฺิอวิชฺชาทุจฺจริตอวสิฏฺกิเลสโสตานิ. ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมี’’ติ วตฺวา ‘‘ปฺาเยเต ปิธิยฺยเร’’ติ วจเนน โสตานํ สํวโร ปิทหนํ สมุจฺเฉทนํ าณนฺติ วิฺายติ.
อิทมตฺถิกตํ มนสิ กตฺวา เยน าเณน โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจยา ปฏิเสวียนฺติ. ตํ ปจฺจยปฏิเสวนมฺปิ าณสภาวตฺตา เอตฺเถว าณสํวเร เอว สโมธานํ สงฺคหํ คจฺฉติ. ขมติ อธิวาเสตีติ ขโม. อุปฺปนฺนนฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ ชาตํ นิพฺพตฺตํ. กามวิตกฺกนฺติ กามูปสํหิตํ วิตกฺกํ. นาธิวาเสตีติ จิตฺตํ อาโรเปตฺวา อพฺภนฺตเร น วาเสติ. อาชีวปาริสุทฺธิปีติ พุทฺธปฏิกุฏฺํ มิจฺฉาชีวํ ปหาย อนวชฺเชน ปจฺจยปริเยสเนน สิชฺฌนกํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลมฺปิ เอตฺเถว วีริยสํวเร เอว สโมธานํ คจฺฉติ วีริยสาธนตฺตา. เอตฺถ จ ยถา าณํ ตณฺหาทิโสตานํ ปวตฺตินิวารณโต ปิทหนฏฺเน สํวรณโต สํวโร จ, ปรโต ปวตฺตนกคุณานํ อาธาราทิภาวโต สีลนฏฺเน สีลํ ¶ , เอวํ ขนฺติ อนธิวาสเนน อุปฺปชฺชนกกิเลสานํ อธิวาสเนน สํวรณโต สํวโร จ, ขมนเหตุ อุปฺปชฺชนกคุณานํ อาธาราทิภาวโต สีลนฏฺเน สีลํ, วีริยํ วิโนเทตพฺพานํ ปาปธมฺมานํ วิโนทเนน สํวรณโต สํวโร จ, วิโนทนเหตุ อุปฺปชฺชนกคุณานํ อาธาราทิภาวโต สีลนฏฺเน สีลนฺติ ¶ เวทิตพฺพํ. ยถา ปน ปาติโมกฺขสีลาทิ ตสฺส ตสฺส ปาปธมฺมสฺส ปวตฺติตุํ อปฺปทานวเสน สํวรณํ ปิทหนํ, ตํ อุปาทาย สํวโร, เอวํ อสมาทินฺนสีลสฺส อาคตวตฺถุโต วิรมณมฺปีติ อาห ‘‘ยา จ ปาปภีรุกานํ…เป… สํวรสีลนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. น วีติกฺกมติ เอเตนาติ อวีติกฺกโม. ตถาปวตฺโต กุสลจิตฺตุปฺปาโท.
๗. อวเสเสสุ ปน ปฺเหสุ. สมาธานํ สณฺปนํ. ทุสฺสีลฺยวเสน หิ ปวตฺตา กายกมฺมาทโย สมฺปติ, อายติฺจ อหิตทุกฺขาวหา, น สมฺมา ปิตาติ อสณฺปิตา วิปฺปกิณฺณา วิสฏา จ นาม โหนฺติ, สุสีลฺยวเสน ปน ปวตฺตา ตพฺพิปริยายโต สณฺปิตา อวิปฺปกิณฺณา อวิสฏา จ นาม โหนฺติ ยถา ตํ โอกฺขิตฺตจกฺขุตา อพาหุปฺปจาลนาทิ. เตนาห ‘‘กายกมฺมาทีนํ สุสีลฺยวเสน อวิปฺปกิณฺณตาติ อตฺโถ’’ติ. เอเตน สมาธิกิจฺจโต สีลนํ วิเสเสติ. ตสฺส หิ สมาธานํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อวิกฺเขปเหตุตา. อิทํ กายกมฺมาทีนํ สณฺปนํ สํยมนํ. อุปธารณํ อธิฏฺานํ มูลภาโว. ตถา หิสฺส อาทิจรณาทิภาโว วุตฺโต. เตน ปถวีธาตุกิจฺจโต สีลนํ วิเสสิตํ โหติ. สา หิ สหชาตรูปธมฺมานํ สนฺธารณวเสน ปวตฺตติ. อิทํ ปน อนวชฺชธมฺมานํ มูลาธิฏฺานภาเวน. เตนาห ‘‘กุสลานํ ธมฺมาน’’นฺติอาทิ. ตตฺถ กุสลธมฺมา นาม สปุพฺพภาคา มหคฺคตานุตฺตรา ธมฺมา. อฺเ ปน อาจริยา. สิรฏฺโติ ยถา สิรสิ ฉินฺเน สพฺโพ อตฺตภาโว วินสฺสติ, เอวํ สีเล ภินฺเน สพฺพํ คุณสรีรํ วินสฺสติ. ตสฺมา ตสฺส อุตฺตมงฺคฏฺโ สีลฏฺโ. ‘‘สิโร สีส’’นฺติ วา วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘สีล’’นฺติ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. สีตลฏฺโ ปริฬาหวูปสมนฏฺโ. เตน ต-การสฺส โลปํ กตฺวา นิรุตฺตินเยเนว ‘‘สีล’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. ตถา หิทํ ปโยคสมฺปาทิตํ สพฺพกิเลสปริฬาหวูปสมกรํ โหติ. เอวมาทินาติ ¶ อาทิ-สทฺเทน สยนฺติ อกุสลา เอตสฺมึ สติ อปวิฏฺา โหนฺตีติ สีลํ, สุปนฺติ วา เตน วิหตุสฺสาหานิ สพฺพทุจฺจริตานีติ สีลํ, สพฺเพสํ วา กุสลธมฺมานํ ปเวสารหสาลาติ สีลนฺติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
๘. ‘‘สีลนฏฺเน สีล’’นฺติ ปุพฺเพ สทฺทตฺถุทฺธาเรน ปกาสิโตปิ ภาวตฺโถ เอวาติ อาห ‘‘สีลนํ ลกฺขณํ ตสฺสา’’ติ. น หิ ตสฺส เจตนาทิเภทภินฺนสฺส อนวเสสโต สงฺคาหโก ตโต อฺโ อตฺโถ อตฺถิ, โย ลกฺขณภาเวน วุจฺเจยฺย. นนุ จ อเนกเภทสงฺคาหกํ สามฺลกฺขณํ นาม สิยา, น วิเสสลกฺขณนฺติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘สนิทสฺสนตฺตํ รูปสฺส, ยถา ภินฺนสฺสเนกธา’’ติ.
ยถา ¶ หิ นีลาทิวเสน อเนกเภทภินฺนสฺสาปิ รูปายตนสฺส สนิทสฺสนตฺตํ วิเสสลกฺขณํ ตทฺธมฺมาสาธารณโต. น อนิจฺจตาทิ วิย, รุปฺปนํ วิย วา สามฺลกฺขณํ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพํ. กึ ปเนตํ สนิทสฺสนตฺตํ นาม? ทฏฺพฺพตา จกฺขุวิฺาณสฺส โคจรภาโว. ตสฺส ปน รูปายตนโต อนฺตฺเตปิ อฺเหิ ธมฺเมหิ รูปายตนํ วิเสเสตุํ อฺํ วิย กตฺวา สห นิทสฺสเนน สนิทสฺสนนฺติ วุจฺจติ. ธมฺมสภาวสามฺเน หิ เอกีภูเตสุ ธมฺเมสุ โย นานตฺตกโร สภาโว, โส อฺํ วิย กตฺวา อุปจริตุํ ยุตฺโต. เอวํ หิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติ. อถ วา ‘‘สห นิทสฺสเนนา’’ติ เอตฺถ ตพฺภาวตฺโถ สห-สทฺโท ยถา นนฺทิราคสหคตาติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔; ปฏิ. ม. ๒.๓๐).
ทุสฺสีลฺยวิทฺธํสนรสนฺติ กายิกอสํวราทิเภทสฺส ทุสฺสีลฺยสฺส วิธมนกิจฺจํ. อนวชฺชรสนฺติ อคารยฺหสมฺปตฺติกํ อครหิตพฺพภาเวน สมฺปชฺชนกํ, อวชฺชปฏิปกฺขภาเวน วา สมฺปชฺชนกํ. ลกฺขณาทีสูติ ลกฺขณรสาทีสุ วุจฺจมาเนสุ กิจฺจเมว, สมฺปตฺติ วา รโสติ วุจฺจติ, น รสายตนรสาทีติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘กิจฺจเมวา’’ติ อวธารณํ ตสฺส อิตรรสโต พลวภาวทสฺสนตฺถนฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, กิจฺจเมว, สมฺปตฺติ เอว วา รโสติ อิมสฺส อตฺถสฺส อธิปฺเปตตฺตา.
โสเจยฺยปจฺจุปฏฺานนฺติ ¶ กายาทีหิ สุจิภาเวน ปจฺจุปฏฺาติ. คหณภาวนฺติ คเหตพฺพภาวํ. เตน อุปฏฺานาการฏฺเน ปจฺจุปฏฺานํ วุตฺตํ, ผลฏฺเน ปน อวิปฺปฏิสารปจฺจุปฏฺานํ, สมาธิปจฺจุปฏฺานํ วา. สีลํ หิ สมฺปติเยว อวิปฺปฏิสารํ ปจฺจุปฏฺาเปติ, ปรมฺปราย สมาธึ. อิมสฺส ปน อานิสํสผลสฺส อานิสํสกถายํ วกฺขมานตฺตา อิธ อคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ผลสฺส อนิจฺฉิตตฺตา อิธ อคฺคหณนฺติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ผลสฺส อเนกวิธตฺตา, โลกิยาทิสีลสฺสาปิ วิภชิยมานตฺตา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘นิสฺสิตานิสฺสิตวเสนา’’ติอาทิ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๐). ยถา ปถวีธาตุยา กมฺมาทิ ทูรการณํ, เสสภูตตฺตยํ อาสนฺนการณํ, ยถา จ วตฺถสฺส ตนฺตวายตุริเวมสลากาทิ ทูรการณํ, ตนฺตโว อาสนฺนการณํ, เอวํ สีลสฺส สทฺธมฺมสฺสวนาทิ ทูรการณํ, หิริโอตฺตปฺปมสฺส อาสนฺนการณนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘หิโรตฺตปฺปฺจ ปนา’’ติอาทิ. หิโรตฺตปฺเป หีติอาทิ ตสฺส อาสนฺนการณภาวสาธนํ. ตตฺถ อุปฺปชฺชติ สมาทานวเสน, ติฏฺติ อวีติกฺกมวเสนาติ เวทิตพฺพํ.
สีลานิสํสกถาวณฺณนา
๙. อวิปฺปฏิสาราทีติ ¶ เอตฺถ วิปฺปฏิสารปฏิปกฺโข กุสลจิตฺตุปฺปาโท อวิปฺปฏิสาโร. โส ปน วิเสสโต ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม สุปริสุทฺธํ สีล’’นฺติ อตฺตโน สีลสฺส ปจฺจเวกฺขณวเสน ปวตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อาทิ-สทฺเทน ปาโมชฺชโภคสมฺปตฺติกิตฺติสทฺทาทึ สงฺคณฺหาติ. อวิปฺปฏิสารตฺถานีติ อวิปฺปฏิสารปฺปโยชนานิ. กุสลานีติ อนวชฺชานิ. อวิปฺปฏิสารานิสํสานีติ อวิปฺปฏิสารุทฺทยานิ. เอเตน อวิปฺปฏิสาโร นาม สีลสฺส อุทฺทยมตฺตํ, สํวฑฺฒิตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาปุปฺผสทิสํ. อฺโ เอว ปนาเนน นิปฺผาเทตพฺโพ สมาธิอาทิคุโณติ ทสฺเสติ.
สีลวโต สีลสมฺปทายาติ ปริสุทฺธํ ปริปุณฺณํ กตฺวา สีลสฺส สมฺปาทเนน สีลวโต, ตาย เอว สีลสมฺปทาย. อปฺปมาทาธิกรณนฺติ อปฺปมาทการณา. โภคกฺขนฺธนฺติ โภคราสึ. กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตีติ ‘‘อิติปิ สีลวา, อิติปิ กลฺยาณธมฺโม’’ติ สุนฺทโร ถุติโฆโส อุฏฺหติ, โลกํ ปตฺถรติ. วิสารโทติ อตฺตนิ กิฺจิ ครหิตพฺพํ ¶ อุปวทิตพฺพํ อปสฺสนฺโต วิคตสารชฺโช นิพฺภโย. อมงฺกุภูโตติ อวิลกฺโข. อสมฺมูฬฺโหติ ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘) วิปฺปฏิสาราภาวโต, กุสลกมฺมาทีนํเยว จ ตทา อุปฏฺานโต อมูฬฺโห ปสนฺนมานโส เอว กาลํกโรติ. กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา, ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํ. สุคตินฺติ สุนฺทรํ คตึ. เตน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหติ. สคฺคนฺติ เทวคตึ. สา หิ รูปาทีหิ วิสเยหิ สุฏฺุ อคฺโคติ สคฺโค, โลกิยติ เอตฺถ อุฬารํ ปฺุผลนฺติ โลโกติ จ วุจฺจติ.
อากงฺเขยฺย เจติ ยทิ อิจฺเฉยฺย. ปิโย จ อสฺสนฺติ ปิยายิตพฺโพ ปิยจกฺขูหิ ปสฺสิตพฺโพ เปมนิโย ภเวยฺยนฺติ อตฺโถ. มนาโปติ สพฺรหฺมจารีนํ มนวฑฺฒนโก, เตสํ วา มเนน ปตฺตพฺโพ, เมตฺตจิตฺเตน ผริตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. ครูติ ครุฏฺานิโย ปาสาณฉตฺตสทิโส. ภาวนีโยติ ‘‘อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสตี’’ติ สมฺภาวนีโย. สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุ เอว ปริปูรการี อสฺส, อนูนการี ปริปูรณากาเรน สมนฺนาคโต ภเวยฺย. ‘‘อาทินา นเยนา’’ติ เอเตน ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต ¶ อนิรากตชฺฌาโน วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต พฺรูเหตา สฺุาคาราน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๖๕) เอวมาทิเก สีลโถมนสุตฺตาคเต สตฺตรส สีลานิสํเส สงฺคณฺหาติ.
อิทานิ น เกวลมิเม เอว อวิปฺปฏิสาราทโย, อถ โข อฺเปิ พหู สีลานิสํสา วิชฺชนฺตีติ เต ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ สาสเนติ อิมสฺมึ สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณาวเห สตฺถุสาสเน. อาจารกุลปุตฺตานํ ยํ สีลํ วินา ปติฏฺา อวฏฺานํ นตฺถิ, ตสฺส เอวํ มหานุภาวสฺส สีลสฺส อานิสํสานํ ปริจฺเฉทํ ปริมาณํ โก วเท โก วตฺตุํ สกฺกุเณยฺยาติ อตฺโถ. เอเตน สพฺเพสํเยว โลกิยโลกุตฺตรานํ คุณานํ สีลเมว มูลภูตนฺติ ทสฺเสตฺวา ตโต ปรมฺปิ มลวิโสธเนน, ปริฬาหวูปสมเนน, สุจิคนฺธวายเนน, สคฺคนิพฺพานาธิคมูปายภาเวน, โสภาลงฺการสาธนตาย ภยวิธมเนน, กิตฺติปาโมชฺชชเนน จ สีลสทิสํ อฺํ สตฺตานํ หิตสุขาวหํ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น คงฺคา’’ติอาทิกา คาถา อภาสิ.
ตตฺถ ¶ สรภูติ เอกา นที, ‘‘ยํ โลเก สรภู’’ติ วทนฺติ. นินฺนคา วาจิรวตีติ ‘‘อจิรวตี’’ติ เอวํนามิกา นที, วาติ สพฺพตฺถ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ. เตน อวุตฺตา โคธาวรีจนฺทภาคาทิกา สงฺคณฺหาติ. ปาณนฏฺเน ปาณีนํ สตฺตานํ ยํ มลํ สีลชลํ วิโสธยติ, ตํ มลํ วิโสเธตุํ น สกฺกุณนฺติ คงฺคาทโย นทิโยติ ปมคาถาย น-การํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. หาราติ มุตฺตาหารา. มณโยติ เวฬุริยาทิมณโย. อริยนฺติ วิสุทฺธํ. สีลสมุฏฺาโน กิตฺติสทฺโท คนฺโธ มโนหรภาวโต, ทิสาสุ อภิพฺยาปนโต จ ‘‘สีลคนฺโธ’’ติ วุตฺโต. โส หิ ปฏิวาเตปิ ปวตฺตติ. เตนาห ภควา ‘‘สตฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมตี’’ติ (ธ. ป. ๕๔; อ. นิ. ๓.๘๐; มิ. ป. ๕.๔.๑). โทสานํ พลํ นาม วตฺถุชฺฌาจาโร, ตํ เตสํ กาตุํ อเทนฺตํ สีลํ โทสานํ พลํ ฆาเตตีติ เวทิตพฺพํ.
สีลปฺปเภทกถาวณฺณนา
๑๐. ‘‘กติวิธ’’นฺติ เอตฺถ วิธ-สทฺโท โกฏฺาสปริยาโย ‘‘เอกวิเธน รูปสงฺคโห’’ติอาทีสุ วิย, ปการตฺโถ วา, กติปฺปการํ กิตฺตกา สีลสฺส ปการเภทาติ อตฺโถ. สีลนลกฺขเณนาติ สีลนสงฺขาเตน สภาเวน.
จรนฺติ ¶ เตน สีเลสุ ปริปูรการิตํ อุปคจฺฉนฺตีติ จริตฺตํ, จริตฺตเมว จาริตฺตํ. วาริตโต เตน อตฺตานํ ตายนฺติ รกฺขนฺตีติ วาริตฺตํ. อธิโก สมาจาโร อภิสมาจาโร, ตตฺถ นิยุตฺตํ, โส วา ปโยชนํ เอตสฺสาติ อาภิสมาจาริกํ. อาทิ พฺรหฺมจริยสฺสาติ อาทิพฺรหฺมจริยํ, ตเทว อาทิพฺรหฺมจริยกํ. วิรมติ เอตาย, สยํ วา วิรมติ, วิรมณํ วา วิรติ, น วิรตีติ อวิรติ. นิสฺสยตีติ นิสฺสิตํ, น นิสฺสิตนฺติ อนิสฺสิตํ. ปริยนฺโต เอตสฺส อตฺถีติ ปริยนฺตํ, กาเลน ปริยนฺตํ กาลปริยนฺตํ, ยถาปริจฺฉินฺโน วา กาโล ปริยนฺโต เอตสฺสาติ กาลปริยนฺตํ. ยาว ปาณนํ ชีวนํ โกฏิ เอตสฺสาติ อาปาณโกฏิกํ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ โลเก นิยุตฺตํ, ตตฺถ วา วิทิตนฺติ โลกิยํ. โลกํ อุตฺตรตีติ โลกุตฺตรํ.
ปจฺจยโต, ผลโต จ มชฺฌิมปณีเตหิ นิหีนํ, เตสํ วา คุเณหิ ปริหีนนฺติ หีนํ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีตนฺติ ปณีตํ. อุภินฺนเมว เวมชฺเฌ ¶ ภวํ มชฺฌิมํ. อตฺตาธิปติโต อาคตํ อตฺตาธิปเตยฺยํ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ตณฺหาย, ทิฏฺิยา วา ปรามฏฺํ ปธํสิตนฺติ ปรามฏฺํ. ตปฺปฏิกฺเขปโต อปรามฏฺํ. ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลสํ ปฏิปฺปสฺสทฺธํ. สิกฺขาสุ ชาตํ, เสกฺขสฺส อิทนฺติ วา เสกฺขํ. ปรินิฏฺิตสิกฺขากิจฺจตาย อเสกฺขธมฺมปริยาปนฺนํ อเสกฺขํ. ตทุภยปฏิกฺเขเปน เนวเสกฺขนาเสกฺขํ. หานํ ภชติ, หานภาโค วา เอตสฺส อตฺถีติ หานภาคิยํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อปฺปปริมาณตฺตา ปริยนฺตวนฺตํ, ปาริสุทฺธิวนฺตฺจ สีลํ ปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ. อนปฺปปริมาณตฺตา อปริยนฺตํ, ปาริสุทฺธิวนฺตฺจ สีลํ อปริยนฺตปาริสุทฺธิสีลํ. สพฺพโส ปุณฺณํ, ปาริสุทฺธิวนฺตฺจ สีลํ ปริปุณฺณปาริสุทฺธิสีลํ.
๑๑. วุตฺตนเยนาติ ‘‘สีลนฏฺเน สีล’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๗) เหฏฺา วุตฺเตน นเยน. อิทํ กตฺตพฺพนฺติ ปฺตฺตสิกฺขาปทปูรณนฺติ อิทํ อาภิสมาจาริกํ กตฺตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ เอวํ ปฺตฺตสฺส สิกฺขาปทสีลสฺส ปูรณํ. สิกฺขาปทสีลํ หิ ปูเรนฺโต สิกฺขาปทมฺปิ ปูเรติ ปาเลติ นาม. สิกฺขา เอว วา สิกฺขิตพฺพโต, ปฏิปชฺชิตพฺพโต จ สิกฺขาปทํ. ตสฺส ปูรณนฺติปิ โยเชตพฺพํ. อิทํ น กตฺตพฺพนฺติ ปฏิกฺขิตฺตสฺส อกรณนฺติ อิทํ ทุจฺจริตํ น กตฺตพฺพนฺติ ภควตา ปฏิกฺขิตฺตสฺส อกรณํ วิรมณํ. จรนฺติ ตสฺมินฺติ ตสฺมึ สีเล ตํสมงฺคิโน จรนฺตีติ สีลสฺส อธิกรณตํ วิภาเวนฺโต เตสํ ปวตฺติฏฺานภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘สีเลสุ ปริปูรการิตาย ปวตฺตนฺตี’’ติ. วาริตนฺติ อิทํ น กตฺตพฺพนฺติ ปฏิกฺขิตฺตํ อกปฺปิยํ ¶ . ตายนฺตีติ อกรเณเนว ตายนฺติ. เตนาติ วาริตฺตสีลมาห. วาเรติ วา สตฺถา เอตฺถ, เอเตน วาติ วาริตํ, สิกฺขาปทํ. ตํ อวิโกเปนฺโต ตายนฺติ เตนาติ วาริตฺตํ. สทฺธาวีริยสาธนนฺติ สทฺธาย, อุฏฺานวีริเยน จ สาเธตพฺพํ. น หิ อสทฺโธ, กุสีโต จ วตฺตปฏิปตฺตึ ปริปูเรติ, สทฺโธ เอว สตฺถารา ปฏิกฺขิตฺเต อณุมตฺเตปิ วชฺเช ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ อาห ‘‘สทฺธาสาธนํ วาริตฺต’’นฺติ.
อธิสีลสิกฺขาปริยาปนฺนตฺตา อภิวิสิฏฺโ สมาจาโรติ อภิสมาจาโรติ อาห ‘‘อุตฺตมสมาจาโร’’ติ. อภิสมาจาโรว อาภิสมาจาริกํ, ยถา เวนยิโกติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘) อธิปฺปาโย. อภิสมาจาโร อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต ¶ มคฺคสีลํ, ผลสีลฺจ, ตํ อารพฺภ อุทฺทิสฺส ตทตฺถํ ตปฺปโยชนํ ปฺตฺตํ อาภิสมาจาริกํ. สุปริสุทฺธานิ ตีณิ กายกมฺมานิ, จตฺตาริ วจีกมฺมานิ, สุปริสุทฺโธ อาชีโวติ อิทํ อาชีวฏฺมกํ. ตตฺถ กามํ อาชีวเหตุกโต สตฺตวิธทุจฺจริตโต วิรติ สมฺมาอาชีโวติ โสปิ สตฺตวิโธ โหติ, สมฺมาชีวตาสามฺเน ปน ตํ เอกํ กตฺวา วุตฺตํ. อถ วา ติวิธกุหนวตฺถุสนฺนิสฺสยโต มิจฺฉาชีวโต วิรตึ เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺโต ‘‘อาชีโว สุปริสุทฺโธ’’ติ. เสฏฺจริยภาวโต มคฺโค เอว พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ, ตสฺส. อาทิภาวภูตนฺติ อาทิมฺหิ ภาเวตพฺพตํ นิปฺผาเทตพฺพตํ ภูตํ ปตฺตํ อาทิภาวภูตํ. กิฺจาปิ เทสนานุกฺกเมน สมฺมาทิฏฺิ อาทิ, ปฏิปตฺติกฺกเมน ปน อาชีวฏฺมกสีลํ อาทีติ. ตสฺส สมฺปตฺติยาติ อาภิสมาจาริกสฺส สมฺปชฺชเนน ปริปูรเณน อาทิพฺรหฺมจริยกํ สมฺปชฺชติ. โย หิ ลหุกานิปิ อปฺปสาวชฺชานิ ปริวชฺเชติ, โส ครุกานิ มหาสาวชฺชานิ พหฺวาทีนวานิ ปริวชฺเชสฺสตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ. สุตฺตํ ปน เอตมตฺถํ พฺยติเรกวเสน วิภาเวติ. ตตฺถ ธมฺมนฺติ สีลํ. ตํ หิ อุปริคุณวิเสสานํ ธารณฏฺเน ธมฺโมติ วุจฺจติ.
วิรติสีลสฺส อิตรสีเลน สติปิ สมฺปโยคาทิเก อสมฺมิสฺสกตาทสฺสนตฺถํ ‘‘เวรมณิมตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.
‘‘นิสฺสิตานิสฺสิตวเสนา’’ติ เอตฺถ ลพฺภมานนิสฺสยํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘นิสฺสโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตณฺหาจริเตน นิสฺสยิตพฺพโต ตณฺหาว ตณฺหานิสฺสโย. ตถา ทิฏฺินิสฺสโย. ทิฏฺิจริโต หิ อสติปิ ทิฏฺิยา ตณฺหาวิรเห ทิฏฺินิสฺสิโตว ปวตฺตติ. เทโวติ จตุมหาราชสกฺกสุยามาทิปากฏเทวมาห ¶ . เทวฺตโรติ อปากฏํ. ตณฺหํ เอว นิสฺสิตนฺติ ตณฺหานิสฺสิตํ. ตณฺหาย นิสฺสิตนฺติ จ เกจิ วทนฺติ. เตสํ ‘‘ทฺเว นิสฺสยา’’ติอาทินา วิรุชฺฌติ. สุทฺธิทิฏฺิยาติ ‘‘อิติ สํสารสุทฺธิ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปวตฺตทิฏฺิยา, โลกุตฺตรํ สีลนฺติ อธิปฺปาโย. ตสฺเสวาติ โลกุตฺตรสฺเสว สมฺภารภูตํ การณภูตํ, วิวฏฺฏูปนิสฺสยนฺติ อตฺโถ.
กาลปริจฺเฉทํ กตฺวาติ ‘‘อิมฺจ รตฺตึ, อิมฺจ ทิว’’นฺติอาทินา (อ. นิ. ๘.๔๑) วิย กาลวเสน ปริจฺเฉทํ กตฺวา. กาลปริจฺเฉทํ อกตฺวา สมาทินฺนมฺปิ อนฺตราวิจฺฉินฺนํ ¶ สมฺปตฺตวิรติวเสน ยาวชีวํ ปวตฺติตมฺปิ อาปาณโกฏิกํ น โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาวชีวํ สมาทิยิตฺวา ตเถว ปวตฺติต’’นฺติ วุตฺตํ.
ลาภยสาติองฺคชีวิตวเสนาติ ลาภยสานํ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทนวเสน, อุปฺปนฺนานํ รกฺขณวเสน เจว วฑฺฒนวเสน จ าติองฺคชีวิตานํ อวินาสนวเสน. กึ โส วีติกฺกมิสฺสตีติ โย วีติกฺกมาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, โส กายวาจาหิ วีติกฺกมิสฺสตีติ กึ อิทํ, นตฺเถตนฺติ อตฺโถ. ปฏิกฺเขเป หิ อยํ กึ-สทฺโท.
อารมฺมณภาเวน วโณ วิย อาสเว กามาสวาทิเก ปคฺฆรตีติ สมฺปโยคภาวาภาเวปิ สหาสเวหีติ สาสวํ. เตภูมกธมฺมชาตนฺติ สีลํ ตปฺปริยาปนฺนนฺติ อาห ‘‘สาสวํ สีลํ โลกิย’’นฺติ. ภววิเสสา สมฺปตฺติภวา. วินโยติ วินยปริยตฺติ, ตตฺถ วา อาคตสิกฺขาปทานิ. ปาโมชฺชํ ตรุณปีติ. ยถาภูตาณทสฺสนํ สปจฺจยนามรูปทสฺสนํ, ตทธิฏฺานา วา ตรุณวิปสฺสนา. นิพฺพิทาติ นิพฺพิทาาณํ. เตน พลววิปสฺสนมาห. วิราโค มคฺโค. วิมุตฺติ อรหตฺตผลํ. วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณา. กถาติ วินยกถา. มนฺตนาติ วินยวิจารณา. อุปนิสาติ ยถาวุตฺตการณปรมฺปราสงฺขาโต อุปนิสฺสโย. โลกุตฺตรํ มคฺคผลจิตฺตสมฺปยุตฺตํ อาชีวฏฺมกสีลํ. ตตฺถ มคฺคสีลํ ภวนิสฺสรณาวหํ โหติ, ปจฺจเวกฺขณาณสฺส จ ภูมิ, ผลสีลํ ปน ปจฺจเวกฺขณาาณสฺเสว ภูมิ.
๑๒. หีนาธิมุตฺติวเสน ฉนฺทาทีนมฺปิ หีนตา. ปณีตาธิมุตฺติวเสน ปณีตตา. ตทุภยเวมชฺฌตาวเสน มชฺฌิมตา. ยเถว หิ กมฺมํ อายูหนวเสน หีนาทิเภทภินฺนํ โหติ, เอวํ ¶ ฉนฺทาทโยปิ ปวตฺติอาการวเสน. โส จ เนสํ ปวตฺติอากาโร อธิมุตฺติเภเทนาติ ทฏฺพฺพํ. ยสกามตายาติ กิตฺติสิโลกาภิรติยา, ปริวาริจฺฉาย วา. ‘‘กถํ นาม มาทิโส อีทิสํ กเรยฺยา’’ติ ปาปชิคุจฺฉาย อริยภาวํ นิสฺสาย. อนุปกฺกิลิฏฺนฺติ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนาหิ, อฺเหิ จ อุปกฺกิเลเสหิ อนุปกฺกิลิฏฺํ. ภวโภคตฺถายาติ ภวสมฺปตฺติอตฺถฺเจว โภคสมฺปตฺติอตฺถฺจ. อตฺตโน วิโมกฺขตฺถาย ปวตฺติตนฺติ สาวกปจฺเจกโพธิสตฺตสีลมาห. สพฺพสตฺตานํ วิโมกฺขตฺถายาติ สพฺพสตฺตานํ สํสารพนฺธนโต ¶ วิโมจนตฺถาย. ปารมิตาสีลํ มหาโพธิสตฺตสีลํ. ยา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา มหาโพธึ อารพฺภ ปวตฺตา ปรมุกฺกํสคตโสเจยฺยสลฺเลขา เทสกาลสตฺตาทิวิกปฺปรหิตา สีลปารมิตา.
อนนุรูปนฺติ อสารุปฺปํ. อตฺตา เอว ครุ อธิปติ เอตสฺสาติ อตฺตครุ, ลชฺชาธิโก. อตฺตาธิปติโต อาคตํ อตฺตาธิปเตยฺยํ. โลโก อธิปติ ครุ เอตสฺสาติ โลกาธิปติ, โอตฺตปฺปาธิโก. ธมฺโม นามายํ มหานุภาโว เอกนฺตนิยฺยานิโก, โส จ ปฏิปตฺติยาว ปูเชตพฺโพ. ตสฺมา ‘‘นํ สีลสมฺปทาย ปูเชสฺสามี’’ติ เอวํ ธมฺมมหตฺตํ ปูเชตุกาเมน.
ปรามฏฺตฺตาติ ปราภววเสน อามฏฺตฺตา. ตณฺหาทิฏฺิโย หิ ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา, อิมินา เม สีเลน สํสารสุทฺธิ ภวิสฺสตี’’ติ ปวตฺตสฺส สีลํ ปรามสนฺติโย ตํ ปราภวํ ปาเปนฺติ มคฺคสฺส อนุปนิสฺสยภาวกรณโต. ปุถุชฺชนกลฺยาณกสฺสาติ ปุถุชฺชเนสุ กลฺยาณกสฺส. โส หิ ปุถุชฺชโนว หุตฺวา กลฺยาเณหิ สีลาทีหิ สมนฺนาคโต. ปรามสนกิเลสานํ วิกฺขมฺภนโต, สมุจฺฉินฺทนโต จ เตหิ น ปรามฏฺนฺติ อปรามฏฺํ. ตสฺส ตสฺส กิเลสทรถสฺส ปฏิปฺปสฺสมฺภนโต วูปสมนโต ปฏิปฺปสฺสทฺธํ.
กตปฏิกมฺมนฺติ วุฏฺานเทสนาหิ ยถาธมฺมํ กตปฏิการํ. เอวํ หิ ตํ สีลํ ปฏิปากติกเมว โหติ. เตนาห ‘‘ตํ วิสุทฺธ’’นฺติ. ‘‘กตปฏิกมฺม’’นฺติ อิมินา จ ‘‘น ปุเนวํ กริสฺส’’นฺติ อธิฏฺานมฺปิ สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อจฺฉมํสํ นุ โข, สูกรมํสํ นุ โข’’ติอาทินา วตฺถุมฺหิ วา, ‘‘ปาจิตฺติยํ นุ โข, ทุกฺกฏํ นุ โข’’ติอาทินา อาปตฺติยา วา, ‘‘มยา ตํ วตฺถุ วีติกฺกนฺตํ นุ โข, น นุ โข วีติกฺกนฺต’’นฺติอาทินา อชฺฌาจาเร วา เวมติกสฺส สํสยาปนฺนสฺส. วิโสเธตพฺพํ ยถาธมฺมํ ปฏิกมฺเมน. วิมติ เอว เวมติกํ, ตสฺมึ เวมติเก สติ, วิมติยา อุปฺปนฺนายาติ อตฺโถ. วิมติ ปฏิวิเนตพฺพาติ สยํ วา ตํ วตฺถุํ ¶ วิจาเรตฺวา, วินยธเร วา ปุจฺฉิตฺวา กงฺขา วิโนเทตพฺพา. นิกฺกงฺเขน ปน กปฺปิยํ เจ กาตพฺพํ, อกปฺปิยํ เจ ฉฑฺเฑตพฺพํ. เตนาห ‘‘อิจฺจสฺส ผาสุ ภวิสฺสตี’’ติ.
‘‘จตูหิ ¶ อริยมคฺเคหี’’ติอาทินา มคฺคผลปริยาปนฺนํ สีลํ มคฺคผลสมฺปยุตฺตํ วุตฺตํ. สมุทาเยสุ ปวตฺตโวหารา อวยเวสุปิ ปวตฺตนฺตีติ. เสสนฺติ สพฺพํ โลกิยสีลํ.
ปกติปีติ สภาโวปิ. สุขสีโล สขิโล สุขสํวาโส. เตน ปริยาเยนาติ ปกติอตฺถวาจกตฺเถน. เอกจฺจํ อพฺยากตํ สีลํ อิธาธิปฺเปตสีเลน เอกสงฺคหนฺติ อกุสลสฺเสวายุชฺชมานตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ อกุสล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตถา หิ เสกฺขตฺติกํ อิธ คหิตํ, อิธ น อุปนีตํ กุสลตฺติกนฺติ อธิปฺปาโย. วุตฺตนเยเนวาติ วุตฺเตเนว นเยน กุสลตฺติกํ อคฺคเหตฺวา หีนตฺติกาทีนํ ปฺจนฺนํ ติกานํ วเสน อสฺส สีลสฺส ติวิธตา เวทิตพฺพา.
๑๓. โยธาติ โย อิธ. วตฺถุวีติกฺกเมติ อาปตฺติยา วตฺถุโน วีติกฺกมเน อชฺฌาจาเร. กามสงฺกปฺปาทโย นว มหาวิตกฺกา มิจฺฉาสงฺกปฺปา. เอวรูปสฺสาติ เอทิสสฺส. ตสฺส หิ สีลวนฺเต อนุปสงฺกมิตฺวา ทุสฺสีเล เสวนฺตสฺส ตโต เอว เตสํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชเนน ปณฺณตฺติวีติกฺกเม อโทสทสฺสาวิโน มิจฺฉาสงฺกปฺปพหุลตาย มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ อรกฺขโต สีลํ เอกํเสเนว หานภาคิยํ โหติ, น ิติภาคิยํ, กุโต วิเสสาทิภาคิยตา. สีลสมฺปตฺติยาติ สีลปาริปูริยา จตุปาริสุทฺธิสีเลน. อฆฏนฺตสฺส อุตฺตรีติ อุตฺตริ วิเสสาธิคมาย อวายมนฺตสฺส. ิติภาคิยํ สีลํ ภวติ อสมาธิสํวตฺตนิยตฺตา. สมฺปาทิเต หิ สมาธิสฺมึ สีลสฺส สมาธิสํวตฺตนิยตา นิจฺฉิยติ. สมาธตฺถายาติ สมถวเสน สมาธานตฺถาย. นิพฺพิทนฺติ วิปสฺสนํ. พลววิปสฺสนาทสฺสนตฺถํ นิพฺพิทาคหณํ ตาวตาปิ สีลสฺส นิพฺเพธภาคิยภาวสิทฺธิโต.
ยานิ จ สิกฺขาปทานิ เนสํ รกฺขิตพฺพานีติ สมฺพนฺโธ, ตานิ ปน อสาธารณปฺตฺติโต อฺานิ. เนสนฺติ ‘‘รกฺขิตพฺพานี’’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา กตฺตริ สามิวจนํ, เตหิ ภิกฺขูหีติ อตฺโถ. สติ วา อุสฺสาเหติ อุสฺสกฺกิตฺวา สีลานิ รกฺขิตุํ อุสฺสาเห สติ. ทสาติ สามเณเรหิ รกฺขิตพฺพสีลมาห ฆฏิการาทีนํ วิย. อฏฺาติ นจฺจาทิมาลาทิเวรมณึ เอกํ กตฺวา สพฺพปจฺฉิมวชฺชานิ อฏฺ.
อวีติกฺกโมติ ¶ ¶ ปฺจนฺนํ สีลานํ อวีติกฺกโม. ปกติสีลนฺติ สภาวสีลํ. ตตฺรูปปตฺตินิยตํ หิ สีลํ อุตฺตรกุรุกานํ. มริยาทาจาริตฺตนฺติ ตสฺส ตสฺส สาวชฺชสฺส อกรเณ มริยาทภูตํ, ตตฺถ ตตฺถ กุลาทีสุ ปุพฺพปุริเสหิ ปิตํ จาริตฺตํ. กุลเทสปาสณฺฑธมฺโม หิ ‘‘อาจารสีล’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตตฺถ กุลธมฺโม ตาว พฺราหฺมณาทีนํ อมชฺชปานาทิ, เทสธมฺโม เอกจฺจชนปทวาสีนํ อหึสนาทิ, ปาสณฺฑธมฺโม ติตฺถิยานํ ยมนิยมาทิ. ติตฺถิยมตํ หิ ทิฏฺิปาเสน, ตณฺหาปาเสน จ เฑติ ปวตฺตติ, ปาสํ วา พาธํ อริยวินยสฺส เฑตีติ ‘‘ปาสณฺฑ’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘ปกติยา สีลวตี โหตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐) วจนโต โพธิสตฺตมาตุ ปฺจสิกฺขาปทสีลํ ปริปุณฺณเมว. อิทํ ปน อุกฺกํสคตํ โพธิสตฺตปิตริปิ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตนปิ อสํกิลิฏฺํ ‘‘ธมฺมตาสีล’’นฺติ วุตฺตํ. กามคุณูปสํหิตนฺติ กามโกฏฺาเสสุ อสฺสาทูปสํหิตํ กามสฺสาทคธิตํ. ธมฺมตาสีลนฺติ ธมฺมตาย การณนิยาเมน อาคตํ สีลํ. สีลปารมึ หิ ปรมุกฺกํสํ ปาเปตฺวา กุจฺฉิคตสฺส มหาโพธิสตฺตสฺส สีลเตเชน คุณานุภาเวน โพธิสตฺตมาตุ สรเสเนว ปรมสลฺเลขปฺปตฺตํ สีลํ โหติ. มหากสฺสปาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน ภทฺทาทิเก สงฺคณฺหาติ. เต กิร สุจิรํ กาลํ สุปริสุทฺธสีลา เอว หุตฺวา อาคตา. เตนาห ‘‘สุทฺธสตฺตาน’’นฺติ. ตาสุ ตาสุ ชาตีสูติ สีลวราชมหึสราชาทิชาตีสุ. ปุพฺเพ ปุริมชาติยํ สิทฺโธ เหตุ เอตสฺสาติ ปุพฺพเหตุกสีลํ. อิทํ ปน ปกติสีลาทิสมาทาเนน วินา อวีติกฺกมลกฺขณํ สมฺปตฺตวิรติสงฺคหํ ทฏฺพฺพํ.
ยํ ภควตา เอวํ วุตฺตํ สีลนฺติ สมฺพนฺโธ. อิธาติ วกฺขมานสีลปริปูรกสฺส ปุคฺคลสฺส สนฺนิสฺสยภูตสาสนปริทีปนํ, อฺสาสนสฺส จ ตถาภาวปฏิเสธนํ. วุตฺตํ เหตํ ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป… สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔; ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑). ภิกฺขูติ ตสฺส สีลสฺส ปริปูรกปุคฺคลปริทีปนํ. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ อิทมสฺส ปาติโมกฺขสีเล ปติฏฺิตภาวปริทีปนํ. วิหรตีติ อิทมสฺส ตทนุรูปวิหารสมงฺคิภาวปริทีปนํ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ อิทํ ปาติโมกฺขสํวรสฺส, อุปริอธิคนฺตพฺพคุณานฺจ อุปการกธมฺมปริทีปนํ. อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อิทํ ปาติโมกฺขโต อจวนภาวปริทีปนํ. สมาทายาติ สิกฺขาปทานํ อนวเสสโต อาทานปริทีปนํ. สิกฺขตีติ สิกฺขาย สมงฺคิภาวปริทีปนํ ¶ . สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปนํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
โสติ ¶ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ปติฏฺิตภิกฺขุ. เตน ยาทิสสฺส อินฺทฺริยสํวรสีลํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตํ ทสฺเสติ. จกฺขุนาติ ยโต โส สํวโร, ตํ ทสฺเสติ. รูปนฺติ ยตฺถ โส สํวโร, ตํ ทสฺเสติ. ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหีติ สํวรสฺส อุปายํ ทสฺเสติ. ยตฺวาธิกรณ…เป… อนฺวาสฺสเวยฺยุนฺติ สํวรสฺส ปฏิปกฺขํ ตตฺถ อาทีนวํ ทสฺเสติ. สํวราย ปฏิปชฺชตีติ ปเคว สติยา อุปฏฺเปตพฺพตํ ทสฺเสติ. รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยนฺติ สติยา อุปฏฺาปนเมว จกฺขุนฺทฺริยสฺส อารกฺขาติ ทสฺเสติ. จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตีติ ตถาภูตา สติเยเวตฺถ สํวโรติ ทสฺเสติ. วีติกฺกมสฺส วเสนาติ สมฺพนฺโธ. ฉนฺนํ สิกฺขาปทานนฺติ ‘‘อาชีวเหตุ อาชีวการณา อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปตี’’ติอาทินา อาคตานํ ฉนฺนํ ปาราชิกาทิปฏิสํยุตฺตานํ สิกฺขาปทานํ. สามนฺตชปฺปนาทินา ติวิเธน กุหนวตฺถุนา วิมฺหาปนํ กุหนา. อตฺตานํ, ทายกํ วา อุกฺขิปิตฺวา ยถา โส กิฺจิ ททาติ, เอวํ กถนํ ลปนา. นิมิตฺตํ วุจฺจติ ปจฺจยทานสฺุปฺปาทกํ กายวจีกมฺมํ, เตน นิมิตฺเตน จรติ, นิมิตฺตํ วา กโรตีติ เนมิตฺติโก, ตสฺส ภาโว เนมิตฺติกตา. คนฺธาทโย วิย ลาภาย ปเรสํ อกฺโกสนาทินา นิปิสตีติ นิปฺเปโส, นิปฺเปโสว นิปฺเปสิโก, ตสฺส ภาโว นิปฺเปสิกตา. มหิจฺฉตาย อตฺตนา ลทฺธลาเภน ปรโต ลาภปริเยสนา ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตา. เอวมาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อนุปฺปิยภาณิตาจาฏุกมฺยตาทึ สงฺคณฺหาติ. ปฏิสงฺขาเนน ปจฺจเวกฺขณาย ปริสุทฺโธ อสํกิลิฏฺโ ปฏิสงฺขานปริสุทฺโธ. จตฺตาโร ปจฺจยา ปริภฺุชียนฺติ เอเตนาติ จตุปจฺจยปริโภโค, ตถาปวตฺตา อนวชฺชเจตนา.
ปาติโมกฺขสํวรสีลวณฺณนา
๑๔. ตตฺราติ เตสุ ปาติโมกฺขสํวราทีสุ. อาทิโต ปฏฺายาติ ‘‘อิธ ภิกฺขู’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘; ที. นิ. ๑.๑๙๔) อาคตเทสนาย อาทิโต ปภุติ. วินิจฺฉยกถาติ ตตฺถ สํสยวิธมเนน วินิจฺฉยาวหา กถา. ปมสฺส อตฺถสฺส ¶ สพฺพสาธารณตฺตา อสาธารณํ ปพฺพชิตาเวณิกํ ปริยายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฉินฺนภินฺนปฏธราทิตาย วา’’ติ อาห. เอวํ หิสฺส ปริปุณฺณปาติโมกฺขสํวรโยคฺยตา ทสฺสิตา โหติ. ภินฺนปฏธราทิภาโว จ นาม ทลิทฺทสฺสาปิ นิคฺคหิตสฺส โหตีติ ตโต วิเสเสตุํ ‘‘สทฺธาปพฺพชิโต’’ติ วตฺวา ปฏิปตฺติยา โยคฺยภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘กุลปุตฺโต’’ติ วุตฺตํ. อาจารกุลปุตฺโต วา หิ ปฏิปชฺชิตุํ สกฺโกติ ชาติกุลปุตฺโต วา. สิกฺขาปทสีลนฺติ จาริตฺตวาริตฺตปฺปเภทํ สิกฺขาปทวเสน ปฺตฺตํ สีลํ. โยติ ¶ อนิยมนิทฺเทโส โย โกจิ ปุคฺคโล. นนฺติ วินยปริยาปนฺนํ สีลํ. ตนฺติ ปุคฺคลํ. โมกฺเขติ สหการิการณภาวโต. อปาเย ภวานิ อาปายิกานิ. อาทิ-สทฺเทน ตทฺํ สพฺพสํสารทุกฺขํ สงฺคณฺหาติ. สํวรณํ กายวจีทฺวารานํ ปิทหนํ. เยน เต สํวุตา ปิหิตา โหนฺติ, โส สํวโร. ยสฺมา ปน โส สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกโม วีติกฺกมปฏิปกฺโขติ กตฺวา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กายิกวาจสิกสฺส อวีติกฺกมสฺเสตํ นาม’’นฺติ. ปาติโมกฺขสํวเรน สํวุโตติ ปาติโมกฺขสํวเรน ปิหิตกายวจีทฺวาโร. ตถาภูโต จ ยสฺมา ตํ อุเปโต เตน จ สมงฺคี นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุปคโต สมนฺนาคโตติ อตฺโถ’’ติ.
อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต, ปาปกิริยาย สุกรภาวโต, ปฺุกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิตฺโต ฆฏิยนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน วา ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปาตนสีโลติ ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วา. ตํ ปาตินํ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. จิตฺตสฺส หิ วิโมกฺเขน สตฺโต ‘‘วิมุตฺโต’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตํ หิ ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ, ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จ. อถ วา อวิชฺชาทินา เหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาตี, ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔) หิ วุตฺตํ. ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺขํ ¶ . ‘‘กณฺเกาโฬ’’ติอาทีนํ วิยสฺส สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตํ หิ ‘‘จิตฺเตน นียติ โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒). ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺขํ, ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข, สํสารทุกฺเข จาติ ปาตี, ตณฺหาทิสํกิเลโส. วุตฺตํ หิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ (สํ. นิ. ๑.๕๕-๕๗), ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; อ. นิ. ๔.๙; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส) จ อาทิ. ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺขํ. อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาตีนิ, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ. วุตฺตํ หิ ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๐; สุ. นิ. ๑๗๑). ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺขํ. อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส ¶ อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺขํ, อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ‘‘ปตี’’ติ วุจฺจติ. มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข, ปติโน โมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺขํ. สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ โส ยถาวุตฺเตนตฺเถน โมกฺโข จาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺขํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโร.
อถ วา ป-อิติ ปกาเร, อตี-ติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. อิทํ หิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน, สมุจฺเฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺขํ, ปติ ปติ โมกฺโขติ วา ปติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺขํ. โมกฺโขติ วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปฏิพิมฺพภูโตติ ปติโมกฺโข. สีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโค วิย ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโต, ปติโมกฺโขเยว ปาติโมกฺขํ. อถ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ, โมกฺขาภิมุขนฺติ วา ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวเมตฺถ ปาติโมกฺข-สทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิริยตีติ อตฺตภาวํ ปวตฺเตติ. ‘‘วิหรตี’’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิตสฺส ¶ ภิกฺขุโน อิริยาปถวิหาโร ทสฺสิโต. ปาฬิยนฺติ ฌานวิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๕๐๘ อาทโย).
ตตฺถ กามํ สมณจารํ, สมณโคจรฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติ วุตฺตํ, ยถา ปน มคฺคํ อาจิกฺขนฺโต ‘‘วามํ มฺุจ, ทกฺขิณํ คณฺหา’’ติ วชฺเชตพฺพปุพฺพกํ คเหตพฺพํ วเทยฺย, ยถา วา สสีสนฺหาเนน ปหีนเสทมลชลฺลิกสฺส มาลาคนฺธวิเลปนาทิวิภูสนสํวิธานํ ยุตฺตรูปํ, เอวํ ปหีนปาปธมฺมสฺส กลฺยาณธมฺมสมาโยโค ยุตฺตรูโปติ ‘‘อตฺถิ อาจาโร, อตฺถิ อนาจาโร’’ติ ทฺวยํ อุทฺทิสิตฺวา อนาจารํ ตาว วิภชิตุํ ‘‘ตตฺถ กตโม อนาจาโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กายิโก วีติกฺกโมติ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ. วาจสิโก วีติกฺกโมติ จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ. กายิกวาจสิโกติ ตทุภยํ.
เอวํ อาชีวฏฺมกสีลสฺส วีติกฺกโม ทสฺสิโต. อิทานิ มานสํ อนาจารํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพมฺปิ ¶ ทุสฺสีลฺยํ อนาจาโร’’ติ วตฺวา ตตฺถ เอกจฺจิยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเธกจฺโจ เวฬุทาเนน วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เวฬุทาเนนาติ ปจฺจยุปฺปาทนตฺเถน เวฬุทาเนน. ปตฺตทานาทีสุปิ เอเสว นโย. เวฬูติ มนุสฺสานํ ปโยชนาวโห โย โกจิ เวฬุทณฺโฑ. ปตฺตํ คนฺธิกาทีนํ คนฺธปลิเวนาทิอตฺถํ วา, ตาลนาฬิเกราทิปตฺตํ วา. ปุปฺผํ ยํ กิฺจิ มนุสฺสานํ ปโยชนาวหํ. ตถา ผลํ. สินานํ สิรีสจุณฺณาทินฺหานิยจุณฺณํ. มตฺติกาปิ เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉติ. ทนฺตกฏฺํ ยํ กิฺจิ มุขโสธนตฺถํ ทนฺตโปนํ. จาฏุกมฺยตา อตฺตานํ ทาสํ วิย นีจฏฺาเน เปตฺวา ปรสฺส ขลิตวจนํ สณฺเปตฺวา ปิยกามตาย ปคฺคยฺหวจนํ. มุคฺคสูปฺยตาติ มุคฺคสูปสมตา สจฺจาลิเกน ชีวิตกปฺปนํ. ยถา หิ มุคฺคสูเป ปจฺจนฺเต พหู มุคฺคา ปจฺจนฺติ, กติปยา น ปจฺจนฺติ, เอวํ สจฺจาลิเกน ชีวิตกปฺปเน พหุ อลิกํ โหติ, อปฺปกํ สจฺจนฺติ. ปริภฏตีติ ปริภโฏ, ปเรสํ ทารเก ปริหรนฺโต. ปริภฏสฺส กมฺมํ ปาริภฏฺยํ, สา เอว ปาริภฏฺยตา, อลงฺกรณาทินา กุลทารกปริหรณสฺเสตํ นามํ. เตสํ เตสํ คิหีนํ คามนฺตรเทสนฺตราทีสุ สาสนปฏิสาสนหรณํ ชงฺฆเปสนิกํ. อฺตรฺตเรนาติ เอเตสํ วา เวฬุทานาทีนํ เวชฺชกมฺมภณฺฑาคาริกกมฺมปิณฺฑปฏิปิณฺฑกมฺมสงฺฆุปฺปาทเจติยุปฺปาทปฏฺปนาทีนํ วา มิจฺฉาชีเวน ชีวิตกปฺปนกกมฺมานํ เยน เกนจิ ¶ . พุทฺธปฏิกุฏฺเนาติ พุทฺเธหิ ครหิเตน ปฏิสิทฺเธน. มิจฺฉาชีเวนาติ น สมฺมาอาชีเวน. อยํ วุจฺจติ อนาจาโรติ อยํ สพฺโพปิ ‘‘อนาจาโร’’ติ กถียติ. อาจารนิทฺเทโส วุตฺตปฏิปกฺขนเยเนว เวทิตพฺโพ.
โคจรนิทฺเทเสปิ ปมํ อโคจรสฺส วจเน การณํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. โคจโรติ ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานํ. อยุตฺตฏฺานํ อโคจโร. เวสิยา โคจโร อสฺสาติ เวสิยาโคจโร, มิตฺตสนฺถววเสน อุปสงฺกมิตพฺพฏฺานนฺติ อตฺโถ. เวสิยา นาม รูปูปชีวินิโย, ตา มิตฺตสนฺถววเสน น อุปสงฺกมิตพฺพา, สมณภาวสฺส อนฺตรายกรตฺตา, ปริสุทฺธาสยสฺสาปิ ครหเหตุโต, ตสฺมา ทกฺขิณาทานวเสน สตึ อุปฏฺเปตฺวาว อุปสงฺกมิตพฺพา. วิธวา วุจฺจนฺติ มตปติกา, ปวุตฺถปติกา วา. ถุลฺลกุมาริกาติ มหลฺลิกา อนิวิฏฺกุมาริโย, ปณฺฑกาติ นปุํสกา. เต หิ อุสฺสนฺนกิเลสา อวูปสนฺตปริฬาหา โลกามิสสนฺนิสฺสิตกถาพหุลา, ตสฺมา น อุปสงฺกมิตพฺพา. ภิกฺขุนิโย นาม อุสฺสนฺนพฺรหฺมจริยา. ตถา ภิกฺขูปิ. เตสํ อฺมฺํ วิสภาควตฺถุภาวโต สนฺถววเสน อุปสงฺกมเน กติปาเหเนว พฺรหฺมจริยนฺตราโย สิยา, ตสฺมา น อุปสงฺกมิตพฺพา. คิลานปุจฺฉนาทิวเสน อุปสงฺกมเน สโตการินา ภวิตพฺพํ. ปานาคารนฺติ สุราปานฆรํ. ตํ โสณฺฑชเนหิ ¶ อวิวิตฺตํ โหติ. ตตฺถ เตหิ โสณฺฑตาทิวเสน น อุปสงฺกมิตพฺพํ พฺรหฺมจริยนฺตรายกรตฺตา. สํสฏฺโ วิหรติ ราชูหีติอาทีสุ ราชาโน นาม เย รชฺชมนุสาสนฺติ. ราชมหามตฺตา ราชิสฺสริยสทิสาย อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคตา. ติตฺถิยาติ วิปรีตทสฺสนา พาหิรกปริพฺพาชกา. ติตฺถิยสาวกาติ เตสุ ทฬฺหภตฺตา ปจฺจยทายกา. อนนุโลมิเกน สํสคฺเคนาติ ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ อนนุโลมิเกน ปจฺจนีกภูเตน สํสคฺเคน สํสฏฺโ วิหรติ, เยน พฺรหฺมจริยนฺตรายํ วา สลฺเลขปริหานึ วา ปาปุณาติ.
อิทานิ อปเรนปิ ปริยาเยน อโคจรํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยานิ วา ปน ตานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อสฺสทฺธานีติ พุทฺธาทีสุ สทฺธาวิรหิตานิ. ตโต เอว อปฺปสนฺนานิ, กมฺมกมฺมผลสทฺธาย วา อภาเวน อสฺสทฺธานิ. รตนตฺตยปฺปสาทาภาเวน อปฺปสนฺนานิ. อกฺโกสกปริภาสกานีติ อกฺโกสวตฺถูหิ ¶ อกฺโกสกานิ เจว ภยทสฺสเนน สนฺตชฺชนกานิ จ. อตฺถํ น อิจฺฉนฺติ อนตฺถเมว อิจฺฉนฺตีติ อนตฺถกามานิ. หิตํ น อิจฺฉนฺติ อหิตเมว อิจฺฉนฺตีติ อหิตกามานิ. ผาสุ น อิจฺฉนฺติ อผาสุํเยว อิจฺฉนฺตีติ อผาสุกกามานิ. โยคกฺเขมํ นิพฺภยํ น อิจฺฉนฺติ, อโยคกฺเขมเมว อิจฺฉนฺตีติ อโยคกฺเขมกามานิ. ภิกฺขูนนฺติ เอตฺถ สามเณรานมฺปิ สงฺคโห. ภิกฺขุนีนนฺติ เอตฺถ สิกฺขมานสามเณรีนํ. สพฺเพสํ หิ สาสนิกานํ อนตฺถกามตาทีปนปทมิทํ วจนํ. ตถารูปานิ กุลานีติ ตาทิสานิ ขตฺติยกุลาทีนิ. เสวตีติ นิสฺสาย ชีวติ. ภชตีติ อุปสงฺกมติ. ปยิรุปาสตีติ ปุนปฺปุนํ อุปคจฺฉติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ เวสิยาทิโก, ราชาทิโก, อสฺสทฺธกุลาทิโก จ ตํ ตํ เสวนฺตสฺส ติปฺปกาโรปิ อยุตฺโต โคจโรติ อโคจโร. เอตฺถ หิ เวสิยาทิโก ปฺจกามคุณนิสฺสยโต อโคจโร. ยถาห ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อโคจโร ปรวิสโย? ยทิทํ ปฺจ กามคุณา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒). ราชาทิโก สมณธมฺมสฺส อนุปนิสฺสยโต, ลาภสกฺการาสนิวิจกฺกนิปฺโปถนทิฏฺิวิปตฺติเหตุโต จ. อสฺสทฺธกุลาทิโก สทฺธาหานิจิตฺตสนฺตาสาวหโต อโคจโร.
โคจรนิทฺเทเส ‘‘น เวสิยาโคจโร’’ติอาทีนิ วุตฺตปฏิปกฺขวเสน เวทิตพฺพานิ. โอปานภูตานีติ อุทปานภูตานิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส, ภิกฺขุนีสงฺฆสฺส จ จตุมหาปเถ ขตโปกฺขรณี วิย ยถาสุขํ โอคาหนกฺขมานิ. กาสาวปชฺโชตานีติ ภิกฺขูนํ, ภิกฺขุนีนฺจ นิวตฺถปารุตกาสาวานํเยว ปภาหิ เอโกภาสานิ. อิสิวาตปฏิวาตานีติ เคหํ ปวิสนฺตานํ ¶ , นิกฺขมนฺตานฺจ ภิกฺขุภิกฺขุนีสงฺขาตานํ อิสีนํ จีวรวาเตน เจว สมิฺชนปสารณาทิชนิตสรีรวาเตน จ ปฏิวาตานิ ปวายิตานิ วินิทฺธุตกิพฺพิสานิ วา.
อิทานิ นิทฺเทเส อาคตนเยนาปิ อาจารโคจเร ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ปาติโมกฺขสีลนิทฺเทเส. อิมินาปิ นเยนาติ อิทานิ วุจฺจมานวิธินาปิ. สงฺฆคโตติ สงฺฆสนฺนิปาตํ คโต. อจิตฺตีการกโตติ อกตจิตฺตีกาโร, อกตคารโวติ อตฺโถ. ฆฏฺฏยนฺโตติ สรีเรน, จีวเรน วา ฆํสนฺโต. ปุรโตปิ ติฏฺติ อจิตฺตีการกโตติ ¶ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ิตโกปีติ อุปริ ติฏฺนฺโต วิย อาสนฺนตรฏฺาเน ิตโกปิ ภณติ. พาหาวิกฺเขปโกติ พาหุํ วิกฺขิปนฺโต. อนุปาหนานนฺติ อนาทเร สามิวจนํ. สอุปาหโนติ อุปาหนารุฬฺโห. เถเร ภิกฺขู อนุปขชฺชาติ เถรานํ ภิกฺขูนํ ิตฏฺานํ อนุปวิสิตฺวา เตสํ อาสนฺนตรฏฺานํ อุปคนฺตฺวา. กฏฺํ ปกฺขิปติ อคฺคิกุณฺเฑ. โวกฺกมฺมาติ ปสฺสโต อติกฺกมิตฺวา. คูฬฺหานิ สภาวโต ปฏิจฺฉนฺนานิ สาณิปาการาทินา ปฏิจฺฉาทิตานิ. อนาปุจฺฉาติ อนาปุจฺฉิตฺวา. อสฺสาติ อนาจารสฺส.
อปิจ ภิกฺขูติอาทิ สพฺพสฺเสว ภิกฺขุโน อาจารทสฺสนวเสน ปวตฺตํ อฏฺกถาวจนํ, น นิทฺเทสปาฬิ. สทฺธาสีลสุตจาคาทิคุณเหตุโก ครุภาโว ครุกรณํ วา คารโว, สห คารเวนาติ สคารโว. ครุฏฺานิเยสุ คารวสารชฺชาทิวเสน ปฏิสฺสายนา ปติสฺสา, สปฺปติสฺสวปฏิปตฺติ. สห ปติสฺสายาติ สปฺปติสฺโส. สวิเสสํ หิริมนตาย, โอตฺตปฺปิภาเวน จ หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน. เสขิยธมฺมปาริปูริวเสน สุนิวตฺโถ สุปารุโต. ปาสาทิเกนาติ ปสาทาวเหน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ. เอเสว นโย อิโต ปเรสุปิ ฉสุ ปเทสุ. อภิกฺกนฺเตนาติ อภิกฺกเมน. อิริยาปถสมฺปนฺโนติ สมฺปนฺนอิริยาปโถ. เตน เสสอิริยาปถานมฺปิ ปาสาทิกตมาห. อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโรติ จกฺขุนฺทฺริยาทีสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ สุสํวิหิตารกฺโข. โภชเน มตฺตฺูติ ปริภฺุชิตพฺพโต โภชนสฺิเต จตุพฺพิเธปิ ปจฺจเย ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภคาทิวเสน สพฺพโส ปมาณฺู. ชาคริยมนุยุตฺโตติ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ภาวนามนสิการสงฺขาตํ ชาคริยํ สาตจฺจการิตาวเสน อนุ อนุ ยุตฺโต ตตฺถ ยุตฺตปยุตฺโต. สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโตติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส อาจารสฺส สมฺภารทสฺสนํ. ตตฺถ อปฺปิจฺโฉติ นิอิจฺโฉ. สนฺตุฏฺโติ ยถาลาภาทิวเสน สนฺโตเสน ตุฏฺโ. สกฺกจฺจการีติ อาทรการี. ครุจิตฺตีการพหุโลติ ¶ ครุฏฺานิเยสุ ครุกรณพหุโล. อยํ วุจฺจติ อาจาโรติ อยํ สคารวตาทิ อตฺถกาเมหิ อาจริตพฺพโต อาจาโร.
สีลาทีนํ คุณานํ อุปนิสฺสยภูโต อุปนิสฺสยโคจโร. สติสงฺขาโต จิตฺตสฺส อารกฺขภูโต เอว โคจโร อารกฺขโคจโร. กมฺมฏฺานสงฺขาโต จิตฺตสฺส อุปนิพนฺธนฏฺานภูโต โคจโร อุปนิพนฺธโคจโร. อปฺปิจฺฉตาทีหิ ¶ ทสหิ วิวฏฺฏนิสฺสิตาย กถาย วตฺถุภูเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต. ตโต เอว กลฺยาโณ สุนฺทโร มิตฺโตติ กลฺยาณมิตฺโต. ตสฺส ลกฺขณํ ปรโต อาคมิสฺสติ. อสฺสุตํ สุตฺตเคยฺยาทึ. สุณาตีติ สุตมยํ าณํ อุปฺปาเทติ. สุตํ ปริโยทาเปตีติ ตเมว ยถาสุตํ อวิสทตาย อปริโยทาตํ ปุนปฺปุนํ ปริปุจฺฉนาทินา วิโสเธติ นิชฺชฏํ นิคุมฺพํ กโรติ. ตตฺถ จ เย กงฺขฏฺานิยา ธมฺมา, เตสุ สํสยํ ฉินฺทนฺโต กงฺขํ วิตรติ. กมฺมกมฺมผเลสุ, รตนตฺตเย จ สมฺมาทิฏฺิยา อุชุกรเณน ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ. ตโต เอว จ ทุวิธายปิ สทฺธาสมฺปทาย จิตฺตํ ปสาเทติ. อถ วา ยถาสุตํ ธมฺมํ ปริโยทเปตฺวา ตตฺถาคเต รูปารูปธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา สปจฺจยํ นามรูปํ ปริคฺคณฺหนฺโต สตฺตทิฏฺิวงฺกวิธมเนน ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ. ธมฺมานํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตามตฺตทสฺสเนน ตีสุปิ อทฺธาสุ กงฺขํ วิตรติ. ตโต ปรํ จ อุทยพฺพยาณาทิวเสน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยภูมึ โอกฺกมนฺโต อเวจฺจปสาเทน รตนตฺตเย จิตฺตํ ปสาเทติ. ตถาภูโตว ตสฺส กลฺยาณมิตฺตสฺส อนุสิกฺขเนน สทฺธาทีหิ คุเณหิ น หายติ, อฺทตฺถุ วฑฺฒเตว. เตนาห ‘‘ยสฺส วา’’ติอาทิ.
อนฺตรฆรนฺติ อนฺตเร อนฺตเร ฆรานิ เอตฺถ, ตํ เอตสฺสาติ วา ‘‘อนฺตรฆร’’นฺติ ลทฺธนามํ โคจรคามํ ปวิฏฺโ. ตตฺถ ฆเร ฆเร ภิกฺขาปริเยสนาย วีถึ ปฏิปนฺโน. โอกฺขิตฺตจกฺขูติ เหฏฺาขิตฺตจกฺขุ. กิตฺตเกน ปน โอกฺขิตฺตจกฺขุ โหตีติ อาห ‘‘ยุคมตฺตทสฺสาวี’’ติ. สุสํวุโตติ สํยโต. ยถา ปเนตฺถ สุสํวุโต นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น หตฺถึ โอโลเกนฺโต’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ยตฺถาติ เยสุ สติปฏฺาเนสุ. จิตฺตํ ภาวนาจิตฺตํ. อุปนิพนฺธตีติ อุปเนตฺวา นิพนฺธติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยถา ¶ ถมฺเภ นิพนฺเธยฺย, วจฺฉํ ทมํ นโร อิธ;
พนฺเธยฺเยวํ สกํ จิตฺตํ, สติยารมฺมเณ ทฬฺห’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๒๑๗; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๗; ปารา. อฏฺ. ๒.๑๖๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๖๓);
สติปฏฺานานํ อุปนิพนฺธโคจรภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สโก เปตฺติโก วิสโยติ อตฺตโน ปิตุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺตโก, เตน ทิฏฺโ ทสฺสิโต จ วิสโย.
อณุปฺปมาเณสูติ ¶ ปรมาณุปฺปมาเณสุ. อสฺจิจฺจอาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสูติ อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิเยสุ อกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสูติ เอวํ อสฺจิจฺจคฺคหณํ เสขิยวิเสสนํ ทฏฺพฺพํ. เสขิยคฺคหเณน เจตฺถ วตฺตกฺขนฺธกาทีสุ (จูฬว. ๓๕๖ อาทโย) อาคตวตฺตาทีนมฺปิ คหณํ. เตปิ หิ สิกฺขิตพฺพฏฺเน ‘‘เสขิยา’’ติ อิจฺฉิตา. ตถา หิ มาติกายํ ปาราชิกาทีนํ วิย เสขิยานํ ปริจฺเฉโท น กโต. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยา’’ติ อสฺจิจฺจคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ. น หิ มาติกายํ อาคเตสุ ปฺจสตฺตติยา เสขิเยสุ โนสฺาวิโมกฺโข นาม อตฺถิ, อสฺจิจฺจคฺคหเณเนว เจตฺถ อสติอชานนานมฺปิ สงฺคโห กโต. เกจิ ปเนตฺถ อสิฺจิจฺจ อาปนฺนคฺคหเณน อจิตฺตกาปตฺติโย คหิตาติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, ครุกาปตฺตีสุปิ กาสฺจิ อจิตฺตกภาวสพฺภาวโต, อธิฏฺานาวิกมฺมสฺส, เทสนาวิกมฺมสฺเสว วา สพฺพลหุกสฺส วชฺชสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา. เตนาห ‘‘ยานิ ตานิ วชฺชานิ อปฺปมตฺตกานิ โอรมตฺตกานิ ลหุกานิ ลหุสมฺมตานี’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน ปาติโมกฺขสํวรวิสุทฺธตฺถํ อนติกฺกมนียานํ อนาปตฺติคมนียานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ภยทสฺสนสีโลติ ปรมาณุมตฺตํ วชฺชํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสิเนรุปพฺพตสทิสํ กตฺวา ทสฺสนสภาโว, สพฺพลหุกํ วา ทุพฺภาสิตมตฺตํ ปาราชิกสทิสํ กตฺวา ทสฺสนสภาโว. ยํ กิฺจีติ มูลปฺตฺติอนุปฺตฺติสพฺพตฺถปฺตฺติปเทสปฺตฺติอาทิเภทํ ยํ กิฺจิ สิกฺขิตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ ปูเรตพฺพํ สีลํ. สมฺมา อาทายาติ สมฺมเทว สกฺกจฺจํ, สพฺพโส จ อาทิยิตฺวา. อยํ ปน อาจารโคจรสมฺปทา กึ ปาติโมกฺขสีเล ปริยาปนฺนา, อุทาหุ อปริยาปนฺนาติ? ปริยาปนฺนา. ยทิ เอวํ กสฺมา ปุน วุตฺตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ.
อินฺทฺริยสํวรสีลวณฺณนา
๑๕. อินฺทฺริยสํวรสีลํ ¶ ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส สมฺภารภูตํ, ตสฺมึ สติเยว อิจฺฉิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘โสติ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิโต ภิกฺขู’’ติ. สมฺปาทิเต หิ เอตสฺมึ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ สุคุตฺตํ สุรกฺขิตเมว โหติ, สุสํวิหิตกณฺฏกวติ วิย สสฺสนฺติ. การณวเสนาติ อสาธารณการณสฺส วเสน. อสาธารณการณวเสน ¶ หิ ผลํ อปทิสียติ, ยถา ยวงฺกุโร เภริสทฺโทติ. นิสฺสยโวหาเรน วา เอตํ นิสฺสิตวจนํ, ยถา มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตีติ. รูปนฺติ รูปายตนํ. จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ เอตฺถ ยทิ จกฺขุ รูปํ ปสฺเสยฺย, อฺวิฺาณสมงฺคิโนปิ ปสฺเสยฺยุํ, น เจตํ อตฺถิ, กสฺมา? อเจตนตฺตา จกฺขุสฺส. เตนาห ‘‘จกฺขุ รูปํ น ปสฺสติ อจิตฺตกตฺตา’’ติ. อถ วิฺาณํ รูปํ ปสฺเสยฺย, ติโรกุฏฺฏาทิคตมฺปิ นํ ปสฺเสยฺย อปฺปฏิฆภาวโต, อิทมฺปิ นตฺถิ สพฺพสฺส วิฺาณสฺส ทสฺสนาภาวโต. เตนาห ‘‘จิตฺตํ น ปสฺสติ อจกฺขุกตฺตา’’ติ. ตตฺถ ยถา จกฺขุสนฺนิสฺสิตํ วิฺาณํ ปสฺสติ, น ยํ กิฺจิ. ตฺจ เกนจิ กุฏฺฏาทินา อนฺตริเต น อุปฺปชฺชติ, ยตฺถ อาโลกสฺส วิพนฺโธ. ยตฺถ ปน น วิพนฺโธ ผลิกคพฺภปฏลาทิเก, ตตฺถ อนฺตริเตปิ อุปฺปชฺชเตว. เอวํ วิฺาณาธิฏฺิตํ จกฺขุ ปสฺสติ, น ยํ กิฺจีติ วิฺาณาธิฏฺิตํ จกฺขุํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา’’ติ.
ทฺวารารมฺมณสงฺฆฏฺเฏติ ทฺวารสฺส อารมฺมเณน สงฺฆฏฺเฏ สติ, จกฺขุสฺส รูปารมฺมเณ อาปาถคเตติ อธิปฺปาโย. ปสาทวตฺถุเกน จิตฺเตนาติ จกฺขุปสาทวตฺถุเกน ตนฺนิสฺสาย ปวตฺเตน วิฺาเณน, ยํ ‘‘จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ วุจฺจติ. ปสฺสตีติ โอโลเกติ. จกฺขุปสาทสนฺนิสฺสเย หิ วิฺาเณ อาโลกานุคฺคหิตํ รูปารมฺมณํ สนฺนิสฺสยคุเณน โอภาเสนฺเต ตํสมงฺคิปุคฺคโล ‘‘รูปํ ปสฺสตี’’ติ วุจฺจติ. โอภาสนฺเจตฺถ อารมฺมณสฺส ยถาสภาวโต วิภาวนํ, ยํ ‘‘ปจฺจกฺขโต คหณ’’นฺติ วุจฺจติ. อุสุนา ลกฺขสฺส เวเธ สิชฺฌนฺเต ตสฺส สมฺภารภูเตน ธนุนา วิชฺฌตีติ วจนํ วิย วิฺาเณน รูปทสฺสเน สิชฺฌนฺเต จกฺขุนา รูปํ ปสฺสตีติ อีทิสี สสมฺภารกถา นาเมสา โหติ. สสมฺภารา กถา สสมฺภารกถา, ทสฺสนสฺส การณสหิตาติ อตฺโถ. สสมฺภารสฺส วา ทสฺสนสฺส กถา สสมฺภารกถา. ตสฺมาติ ยสฺมา เกวเลน จกฺขุนา, เกวเลน วา วิฺาเณน รูปทสฺสนํ นตฺถิ, ตสฺมา.
อิตฺถิปุริสนิมิตฺตํ วาติ เอตฺถ อิตฺถิสนฺตานนิสฺสิตรูปมุเขน คยฺหมานํ สณฺานํ ถนมํสาวิสทตา ¶ นิมฺมสฺสุมุขตา เกสพนฺธนวตฺถคฺคหณํ อวิสทฏฺานคมนาทิ จ สพฺพํ ‘‘อิตฺถี’’ติ สฺชานนสฺส การณภาวโต อิตฺถินิมิตฺตํ. วุตฺตวิปริยายโต ปุริสนิมิตฺตํ เวทิตพฺพํ. สุภนิมิตฺตาทิกํ วาติ เอตฺถ ราคุปฺปตฺติเหตุภูโต อิฏฺากาโร สุภนิมิตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน ปฏิฆนิมิตฺตาทีนํ ¶ สงฺคโห. โส ปน โทสุปฺปตฺติอาทิเหตุภูโต อนิฏฺาทิอากาโร เวทิตพฺโพ. กามฺเจตฺถ ปาฬิยํ อภิชฺฌาโทมนสฺสาว สรูปโต อาคตา, อุเปกฺขานิมิตฺตสฺสาปิ ปน สงฺคโห อิจฺฉิตพฺโพ, อสมเปกฺขเนน อุปฺปชฺชนกโมหสฺสาปิ อสํวรภาวโต. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘มุฏฺสจฺจํ วา อฺาณํ วา’’ติ. อุเปกฺขานิมิตฺตนฺติ เจตฺถ อฺาณุเปกฺขาย วตฺถุภูตํ อารมฺมณํ, ตฺจสฺส อสมเปกฺขนวเสน เวทิตพฺพํ. เอวํ สงฺเขปโต ราคโทสโมหานํ การณํ ‘‘สุภนิมิตฺตาทิก’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘กิเลสวตฺถุภูตํ นิมิตฺต’’นฺติ. ทิฏฺมตฺเตเยว สณฺาตีติ ‘‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ (อุทา. ๑๐) สุตฺเต วุตฺตนเยน วณฺณายตเน จกฺขุวิฺาเณน, วีถิจิตฺเตหิ จ คหิตมตฺเตเยว ติฏฺติ, น ตโต ปรํ กิฺจิ สุภาทิอาการํ ปริกปฺเปติ. ปากฏภาวกรณโตติ ปริพฺยตฺตภาวกรณโต วิภูตภาวกรณโต. วิสภาควตฺถุโน หิ หตฺถาทิอวยเวสุ สุภาทิโต ปริกปฺเปนฺตสฺส อปราปรํ ตตฺถ อุปฺปชฺชมานา กิเลสา ปริพฺยตฺตา โหนฺตีติ เต เตสํ อนุพฺยฺชนา นาม. เต ปน ยสฺมา ตถา ตถา สนฺนิวิฏฺานํ ภูตุปาทายรูปานํ สนฺนิเวสากาโร. น หิ ตํ มฺุจิตฺวา ปรมตฺถโต หตฺถาทิ นาม โกจิ อตฺถิ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘หตฺถปาท…เป… อาการํ น คณฺหาตี’’ติ. กึ ปน คณฺหาตีติ อาห ‘‘ยํ ตตฺถ ภูตํ, ตเทว คณฺหาตี’’ติ. ยํ ตสฺมึ สรีเร วิชฺชมานํ เกสโลมาทิ ภูตุปาทายมตฺตํ วา, ตเทว ยาถาวโต คณฺหาติ. ตตฺถ อสุภาการคหณสฺส นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เจติยปพฺพตวาสี’’ติอาทินา มหาติสฺสตฺเถรวตฺถุํ อาหริ.
ตตฺถ สุมณฺฑิตปสาธิตาติ สุฏฺุ มณฺฑิตา ปสาธิตา จ. อาภรณาทีหิ อาหาริเมหิ มณฺฑนํ. สรีรสฺส อุจฺฉาทนาทิวเสน ปฏิสงฺขรณํ ปสาธนนฺติ วทนฺติ, อาภรเณหิ, ปน วตฺถาลงฺการาทีหิ จ อลงฺกรณํ ปสาธนํ. อูนฏฺานปูรณํ มณฺฑนํ. วิปลฺลตฺถจิตฺตาติ ราควเสน วิปรีตจิตฺตา. โอโลเกนฺโตติ เถโร กมฺมฏฺานมนสิกาเรเนว คจฺฉนฺโต สทฺทกณฺฏกตฺตา ปุพฺพภาคมนสิการสฺส หสิตสทฺทานุสาเรน ‘‘กิเมต’’นฺติ โอโลเกนฺโต. อสุภสฺนฺติ อฏฺิกสฺํ. อฏฺิกกมฺมฏฺานํ หิ เถโร ตทา ปริหรติ. อรหตฺตํ ปาปุณีติ เถโร ¶ กิร ตสฺสา หสนฺติยา ทนฺตฏฺิทสฺสเนเนว ปุพฺพภาคภาวนาย สุภาวิตตฺตา ปฏิภาคนิมิตฺตํ, สาติสยฺจ อุปจารชฺฌานํ ลภิตฺวา ยถาิโตว ตตฺถ ปมชฺฌานํ อธิคนฺตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา ¶ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคปรมฺปราย อาสวกฺขยํ ปาปุณิ. ปุพฺพสฺํ อนุสฺสรีติ ปุพฺพกํ ยถารทฺธํ กาเลน กาลํ อนุยฺุชิยมานํ อฏฺิกกมฺมฏฺานํ อนุสฺสริ สมนฺนาหริ. อนุมคฺคนฺติ อนุปถํ ตสฺสา ปทานุปทํ. เถรสฺส กิร ภาวนาย ปคุณภาวโต ทนฺตฏฺิทสฺสเนเนว ตสฺสา สกลสรีรํ อฏฺิกสงฺฆาตภาเวน อุปฏฺาสิ. น ตํ ‘‘อิตฺถี’’ติ วา ‘‘ปุริโส’’ติ วา สฺชานิ. เตนาห ‘‘นาภิชานามิ…เป… มหาปเถ’’ติ.
‘‘ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตู’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ตสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส สติกวาเฏน ปิทหนตฺถายา’’ติ วุตฺตํ, น อสํวรสฺสาติ. ยทิทํ ยํ จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ อภิชฺฌาทิอนฺวาสฺสวนํ ทสฺสิตํ, ตํ อสํวุตจกฺขุนฺทฺริยสฺเสว เหตุ ปวตฺตํ ทสฺสิตนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. จกฺขุทฺวาริกสฺส หิ อภิชฺฌาทิอนฺวาสฺสวนสฺส ตํทฺวาริกวิฺาณสฺส วิย จกฺขุนฺทฺริยํ ปธานการณํ. จกฺขุนฺทฺริยสฺส อสํวุตตฺเต สติ เต อนฺวาสฺสวนฺตีติ อสํวริยมานจกฺขุนฺทฺริยเหตุโก โส อสํวโร ตถา วุตฺโตติ. ยตฺวาธิกรณนฺติ หิ ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยสฺส การณาติ อตฺโถ. กีทิสสฺส จ การณาติ? อสํวุตสฺส, กิฺจ อสํวุตํ? ยสฺส จกฺขุนฺทฺริยาสํวรสฺส เหตุ อภิชฺฌาทโย อนฺวาสฺสวนฺติ, ตสฺส สํวรายาติ อยเมตฺถ โยชนา.
ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ วาติอาทิ ปุน อวจนตฺถํ อิเธว สพฺพํ วุตฺตนฺติ ฉสุ ทฺวาเรสุ ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺพํ. น หิ ปฺจทฺวาเร กายวจีทุจฺจริตสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ อตฺถิ, ตสฺมา ทุสฺสีลฺยาสํวโร มโนทฺวารวเสน, เสสาสํวโร ฉทฺวารวเสน โยเชตพฺโพ. มุฏฺสจฺจาทีนํ หิ สติปฏิปกฺขากุสลธมฺมาทิภาวโต สิยา ปฺจทฺวาเร อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว กายิกวาจสิกวีติกฺกมภูตสฺส ทุสฺสีลฺยสฺส ตตฺถ อุปฺปตฺติ, ปฺจทฺวาริกชวนานํ อวิฺตฺติชนกตฺตา. ทุสฺสีลฺยาทโย เจตฺถ ปฺจ อสํวรา สีลสํวราทีนํ ปฺจนฺนํ สํวรานํ ปฏิปกฺขภาเวน วุตฺตา. ตสฺมึ สตีติ ตสฺมึ อสํวเร สติ.
ยถา ¶ กินฺติ เยน ปกาเรน ชวเน อุปฺปชฺชมาโน อสํวโร ‘‘จกฺขุนฺทฺริเย อสํวโร’’ติ วุจฺจติ, ตํ นิทสฺสนํ กินฺติ อตฺโถ. ยถาติอาทินา นครทฺวาเร อสํวเร สติ ตํสมฺพนฺธานํ ฆราทีนํ อสํวุตตา วิย ชวเน อสํวเร สติ ตํสมฺพนฺธานํ ทฺวาราทีนํ อสํวุตตาติ เอวํ อฺาสํวเร อฺาสํวุตตา สามฺเมว นิทสฺเสติ, น ปุพฺพาปรสามฺํ, อนฺโตพหิสามฺํ วา. สติ วา ทฺวารภวงฺคาทิเก ปุน อุปฺปชฺชมานํ ชวนํ พาหิรํ วิย กตฺวา นครทฺวารสมานํ วุตฺตํ ¶ , อิตรฺจ อนฺโตนคเร ฆราทิสมานํ. ปจฺจยภาเวน หิ ปุริมนิปฺผนฺนํ ชวนกาเล อสนฺตมฺปิ ภวงฺคาทิ จกฺขาทิ วิย ผลนิปฺผตฺติยา สนฺตํเยว นาม โหติ. น หิ ธรมานํเยว ‘‘สนฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘พาหิรํ วิย กตฺวา’’ติ จ ปรมตฺถโต ชวนสฺส พาหิรภาเว, อิตรสฺส จ อพฺภนฺตรภาเว อสติปิ ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๑.๔๙) วจนโต อาคนฺตุกภูตสฺส กทาจิ กทาจิ อุปฺปชฺชมานสฺส ชวนสฺส พาหิรภาโว, ตพฺพิธุรสภาวสฺส อิตรสฺส อพฺภนฺตรภาโว เอเกน ปริยาเยน โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ชวเน วา อสํวเร อุปฺปนฺเน ตโต ปรํ ทฺวารภวงฺคาทีนํ อสํวรเหตุภาวาปตฺติโต. อสํวรสฺส หิ อุปฺปตฺติยา ทฺวารภวงฺคาทีนํ ตสฺส เหตุภาโว ปฺายตีติ. นครทฺวารสทิเสน ชวเนน ปวิสิตฺวา ทุสฺสีลฺยาทิโจรานํ ทฺวารภวงฺคาทีสุ มุสนํ กุสลภณฺฑวินาสนํ กถิตํ. ยสฺมึ หิ ทฺวาเร อสํวโร อุปฺปชฺชติ, โส ตตฺถ ทฺวาราทีนํ สํวรูปนิสฺสยภาวํ อุปจฺฉินฺทนฺโตเยว ปวตฺตตีติ. ทฺวารภวงฺคาทีนํ ชวเนน สห สมฺพนฺโธ เอกสนฺตติปริยาปนฺนโต ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถ จ จกฺขุทฺวาเร รูปารมฺมเณ อาปาถคเต นิยมิตาทิวเสน กุสลากุสลชวเน สตฺตกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภวงฺคํ โอติณฺเณ ตทนุรูปเมว มโนทฺวาริกชวเน ตสฺมึเยวารมฺมเณ สตฺตกฺขตฺตุํเยว อุปฺปชฺชิตฺวา ภวงฺคํ โอติณฺเณ ปุน ตสฺมึเยว ทฺวาเร ตเทวารมฺมณํ นิสฺสาย ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติอาทินา ววตฺถเปนฺตํ ปสาทรชฺชนาทิวเสน สตฺตกฺขตฺตุํ ชวนํ ชวติ. เอวํ ปวตฺตมานํ ชวนํ สนฺธาย ‘‘ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตสฺมึ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
ตสฺมึ ปน ชวเน. สีลาทีสูติ สีลสํวรสติสํวราณสํวรขนฺติสํวรวีริยสํวเรสุ อุปฺปนฺเนสุ. ยถา หิ ปเคว สติอารกฺขํ อนุปฏฺเปนฺตสฺส ¶ ทุสฺสีลฺยาทีนํ อุปฺปตฺติ, เอวํ ปเคว สติอารกฺขํ อุปฏฺเปนฺตสฺส สีลาทีนํ อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. สทฺทาทีสุปิ ยถารหํ นิมิตฺตานุพฺยฺชนานิ เวทิตพฺพานิ. โสตวิฺาเณน หิ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิตฺถิสทฺโท’’ติ วา ‘‘ปุริสสทฺโท’’ติ วา อิฏฺานิฏฺาทิกํ วา กิเลสวตฺถุภูตํ นิมิตฺตํ น คณฺหาติ, สุตมตฺเต เอว สณฺาติ. โย จ คีตสทฺทาทิกสฺส กิเลสานํ อนุ อนุ พฺยฺชนโต ‘‘อนุพฺยฺชน’’นฺติ ลทฺธโวหาโร มนฺทตาราทิวเสน ววตฺถิโต ฉชฺชาทิเภทภินฺโน อากาโร, ตมฺปิ น คณฺหาตีติ. เอวํ คนฺธาทีสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. มโนทฺวาเร ปน สาวชฺชนภวงฺคํ มโนทฺวารํ ตสฺมึ ทฺวาเร ธมฺมารมฺมเณ ¶ อาปาถคเต ตํ ชวนมนสาว วิฺาย วิชานิตฺวาติอาทินา โยเชตพฺพํ. กิเลโส อนุพนฺโธ เอตสฺสาติ กิเลสานุพนฺโธ, โส เอว นิมิตฺตาทิคาโห, ตโต ปริวชฺชนลกฺขณํ กิเลสานุพนฺธนิมิตฺตาทิคฺคาหปริวชฺชนลกฺขณํ. อาทิ-สทฺเทน อนุพฺยฺชนํ สงฺคณฺหาติ.
อาชีวปาริสุทฺธิสีลวณฺณนา
๑๖. วุตฺเตติ อิเธว อุทฺเทสวเสน ปุพฺเพ วุตฺเต. ตถา หิ ‘‘อาชีวเหตุ ปฺตฺตานํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทาน’’นฺติ ปทุทฺธารํ กตฺวา ตานิ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘ยานิ ตานี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยานิ ตานิ เอวํ ปฺตฺตานิ ฉ สิกฺขาปทานีติ สมฺพนฺโธ. อาชีวเหตูติ ชีวิกนิมิตฺตํ, ‘‘เอวาหํ ปจฺจเยหิ อกิลมนฺโต ชีวิสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน. อาชีวการณาติ ตสฺเสว เววจนํ. ปาปิจฺโฉติ ปาปิกาย อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย สมนฺนาคโต. อิจฺฉาปกโตติ อิจฺฉาย อปกโต อุปทฺทุโต, อภิภูโต วา. อสนฺตนฺติ อวิชฺชมานํ. อภูตนฺติ อนุปฺปนฺนํ. อนุปฺปนฺนตฺตา หิ ตสฺส ตํ อสนฺตนฺติ ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ การณวจนํ. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมนฺติ อุตฺตริมนุสฺสานํ อุกฺกฏฺปุริสานํ ธมฺมํ, มนุสฺสธมฺมโต วา อุตฺตริ อุกฺกฏฺํ. อุลฺลปตีติ อุคฺคตายุโก ลปติ. สีลํ หิ ภิกฺขุโน อายุ, ตํ ตสฺส ตถาลปนสมกาลเมว วิคจฺฉติ. เตนาห ‘‘อาปตฺติ ปาราชิกสฺสา’’ติ ปาราชิกสงฺขาตา อาปตฺติ อสฺส, ปาราชิกสฺิตสฺส วา วีติกฺกมสฺส อาปชฺชนํ อุลฺลปนนฺติ อตฺโถ. สฺจริตฺตํ สมาปชฺชตีติ สฺจรณภาวํ อาปชฺชติ, อิตฺถิยา วา ปุริสมตึ, ปุริสสฺส วา อิตฺถิมตึ อาโรเจตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อิเมสํ ฉนฺนํ สิกฺขาปทานํ วีติกฺกมสฺส วเสนา’’ติ สมฺพนฺโธ เหฏฺา ทสฺสิโต เอว.
กุหนาติอาทีสูติ ¶ เหฏฺา อุทฺทิฏฺปาฬิยาว ปทุทฺธาโร. อยํ ปาฬีติ อยํ วิภงฺเค (วิภ. ๘๖๑) อาคตา นิทฺเทสปาฬิ.
๑๗. จีวราทิปจฺจยา ลพฺภนฺตีติ ลาภา. เต เอว สกฺกจฺจํ อาทรวเสน ทิยฺยมานา สกฺการา. ปตฺถฏยสตา กิตฺติสทฺโท. ตํ ลาภฺจ สกฺการฺจ กิตฺติสทฺทฺจ. สนฺนิสฺสิตสฺสาติ เอตฺถ ตณฺหานิสฺสโย อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ปตฺถยนฺตสฺสา’’ติ. อสนฺตคุณทีปนกามสฺสาติ อสนฺเต อตฺตนิ อวิชฺชมาเน สทฺธาทิคุเณ สมฺภาเวตุกามสฺส. อสนฺตคุณสมฺภาวนตาลกฺขณา, ปฏิคฺคหเณ ¶ จ อมตฺตฺุตาลกฺขณา หิ ปาปิจฺฉตา. อิจฺฉาย อปกตสฺสาติ ปาปิกาย อิจฺฉาย สมฺมาอาชีวโต อเปโต กโตติ อปกโต. ตถาภูโต จ อาชีวูปทฺทเวน อุปทฺทุโตติ กตฺวา อาห ‘‘อุปทฺทุตสฺสาติ อตฺโถ’’ติ.
กุหนเมว ปจฺจยุปฺปาทนสฺส วตฺถูติ กุหนวตฺถุ. ติวิธมฺเปตํ ตตฺถ อาคตํ ตสฺส นิสฺสยภูตาย อิมาย ปาฬิยา ทสฺเสตุนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตทตฺถิกสฺเสวาติ เตหิ จีวราทีหิ อตฺถิกสฺเสว. ปฏิกฺขิปเนนาติ จีวราทีนํ ปฏิกฺขิปนเหตุ. อสฺสาติ ภเวยฺย. ปฏิคฺคหเณน จาติ จ-สทฺเทน ปุพฺเพ วุตฺตํ ปฏิกฺขิปนํ สมุจฺจิโนติ.
ภิยฺโยกมฺยตนฺติ พหุกามตํ. ยนฺติ กิริยาปรามสนํ, ตสฺมา ‘‘ธาเรยฺยา’’ติ เอตฺถ ยเทตํ สงฺฆาฏึ กตฺวา ธารณํ, เอตํ สมณสฺส สารุปฺปนฺติ โยชนา. ปาปณิกานีติ อาปณโต ฉฑฺฑิตานิ. นนฺตกานีติ อนฺตรหิตานิ โจฬขณฺฑานิ. อุจฺจินิตฺวาติ อฺุฉเนน จินิตฺวา สงฺคเหตฺวา. อฺุฉาจริยายาติ อฺุฉาจริยาย ลทฺเธน. คิลานสฺส ปจฺจยภูตา เภสชฺชสงฺขาตา ชีวิตปริกฺขารา คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา. ปูติมุตฺตนฺติ ปุราณสฺส, อปุราณสฺส จ สพฺพสฺส โคมุตฺตสฺเสตํ นามํ. ปูติมุตฺเตนาติ ปูติภาเวน มุตฺเตน ปเรหิ ฉฑฺฑิเตน, ปูติภูเตน วา โคมุตฺเตน. ธุตวาโทติ ปเรสมฺปิ ธุตคุณวาที. สมฺมุขีภาวาติ สมฺมุขโต วิชฺชมานตฺตา, ลพฺภมานตายาติ อตฺโถ.
อตฺตานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคมสฺส สามนฺเต กตฺวา ชปฺปนํ สามนฺตชปฺปนํ. มเหสกฺโขติ มหานุภาโว, อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคเมนาติ อธิปฺปาโย. ‘‘มิตฺโต’’ติ สามฺโต วตฺวา ปุน ตํ วิเสเสติ ‘‘สนฺทิฏฺโ สมฺภตฺโต’’ติ ¶ . ทิฏฺมตฺโต หิ มิตฺโต สนฺทิฏฺโ. ทฬฺหภตฺติโก สมฺภตฺโต. สหาโยติ สห อายนโก, สขาติ อตฺโถ. สตฺตปทิโน หิ ‘‘สขา’’ติ วุจฺจนฺติ. วิหาโร ปาการปริจฺฉินฺโน สกโล อาวาโส. อฑฺฒโยโค ทีฆปาสาโท, ครุฬสณฺานปาสาโทติปิ วทนฺติ. ปาสาโท จตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท. กูฏาคารํ ทฺวีหิ กณฺณิกาหิ กตฺตพฺพปาสาโท. อฏฺโฏ ปฏิราชูนมฺปิ ปฏิพาหนโยคฺโย จตุปฺจภูมโก ปฏิสฺสยวิเสโส. มาโฬ เอกกูฏสงฺคหิโต อเนกโกณวนฺโต ปฏิสฺสยวิเสโส. อุทฺทณฺโฑ อคพฺภิกา เอกทฺวารา ทีฆสาลาติ วทนฺติ. อปเร ปน ภณนฺติ – วิหาโร นาม ทีฆมุขปาสาโท. อฑฺฒโยโค เอกปสฺเสน ฉทนกเสนาสนํ. ตสฺส กิร เอกปสฺเส ภิตฺติ อุจฺจตรา โหติ, อิตรปสฺเส นีจา, เตน ตํ เอกปสฺสฉทนกํ ¶ โหติ. ปาสาโท อายตจตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนํ จนฺทิกงฺคณยุตฺตํ. คุหา เกวลา ปพฺพตคุหา. เลณํ ทฺวารพทฺธํ. กูฏาคารํ โย โกจิ กณฺณิกาพทฺธปาสาโท. อฏฺโฏ พหลภิตฺติเคหํ. ยสฺส โคปานสิโย อคฺคเหตฺวา อิฏฺกาหิ เอว ฉทนํ โหติ. อฏฺฏาลกากาเรน กรียตีติปิ วทนฺติ. มาโฬ วฏฺฏากาเรน กตเสนาสนํ. อุทฺทณฺโฑ เอโก ปฏิสฺสยวิเสโส. โย ‘‘ภณฺฑสาลา, อุโทสิต’’นฺติปิ วุจฺจติ. อุปฏฺานสาลา สนฺนิปตนฏฺานํ.
กุจฺฉิตรชภูตาย ปาปิจฺฉตาย นิรตฺถกํ กายวจีวิปฺผนฺทนิคฺคณฺหนํ โกรชํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ โกรชิโก, โกหฺเน สํยตกาโย, อติวิย, อภิณฺหํ วา โกรชิโก โกรชิกโกรชิโก. อติปริสงฺกิโตติ เกจิ. อติวิย กุโห กุหกกุหโก, สาติสยวิมฺหาปโกติ อตฺโถ. อติวิย ลโป ลปนโก ลปกลปโก. มุขสมฺภาวิโกติ โกรชิกโกรชิกาทิภาเวน ปวตฺตวจเนหิ อตฺตโน มุขมตฺเตน อฺเหิ สมฺภาวิโก. โส เอวรูโป เอวรูปตาย เอว อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา ‘‘อยํ สมโณ’’ติอาทีนิ กเถติ. คมฺภีรนฺติอาทิ ตสฺสา กถาย อุตฺตริมนุสฺสธมฺมปฏิพทฺธตาย วุตฺตํ.
สมฺภาวนาธิปฺปายกเตนาติ ‘‘กถํ นุ โข มํ ชโน ‘อริโย’ติ วา ‘วิเสสลาภี’ติ วา สมฺภาเวยฺยา’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน กเตน. คมนํ สณฺเปตีติ วิเสสลาภีนํ คมนํ วิย อตฺตโน คมนํ สกฺกจฺจํ เปติ ¶ , สโต สมฺปชาโนว คจฺฉนฺโต วิย โหติ. ปณิธายาติ ‘‘อรหาติ มํ ชานนฺตู’’ติ จิตฺตํ สณฺเปตฺวา, ปตฺเถตฺวา วา. สมาหิโต วิยาติ ฌานสมาธินา สมาหิโต วิย. อาปาถกชฺฌายีติ มนุสฺสานํ อาปาถฏฺาเน สมาธิสมาปนฺโน วิย นิสีทนฺโต อาปาถเก ชนสฺส ปากฏฏฺาเน ฌายี. อิริยาปถสงฺขาตนฺติ อิริยาปถสณฺปนสงฺขาตํ.
ปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาเตนาติ อโยนิโส อุปฺปาทิตานํ ปจฺจยานํ ปฏิเสวนนฺติ เอวํ กถิเตน, เตน วา ปจฺจยปฏิเสวเนน สงฺขาตพฺเพน กถิตพฺเพน. อฺํ วิย กตฺวา อตฺตโน สมีเป ภณนํ สามนฺตชปฺปิตํ. อา-การสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ‘‘อฏฺปนา’’ติ วุตฺตํ. กุหนํ กุโห, ตสฺส อยนา ปวตฺติ กุหายนา, กุหสฺส วา ปุคฺคลสฺส อยนา คติ กิริยา กุหายนา. กุเหติ, กุเหน วา อิโตติ กุหิโต, กุหโก.
ปุฏฺสฺสาติ ¶ ‘‘โก ติสฺโส, โก ราชปูชิโต’’ติ ปุฏฺสฺส. อุทฺธํ กตฺวาติ อุกฺขิปิตฺวา วิภวสมฺปตฺติอาทินา ปคฺคเหตฺวา.
อุนฺนหนาติ อุทฺธํ อุทฺธํ พนฺธนา ปลิเวนา. ทฺเว กิร ภิกฺขู เอกํ คามํ ปวิสิตฺวา อาสนสาลาย นิสีทิตฺวา เอกํ กุมาริกํ ปกฺโกสึสุ. ตาย อาคตาย ตตฺเรโก เอกํ ปุจฺฉิ ‘‘อยํ, ภนฺเต, กสฺส กุมาริกา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ อุปฏฺายิกาย เตลกนฺทริกาย ธีตา, อิมิสฺสา มาตา มยิ เคหํ คเต สปฺปึ ททมานา ฆเฏเนว เทติ, อยมฺปิ มาตา วิย ฆเฏน เทตี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๘๖๒) อุกฺกาเจสิ. อิมํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เตลกนฺทริกวตฺถุ เจตฺถ วตฺตพฺพ’’นฺติ.
ธมฺมานุรูปา วาติ มตฺตาวจนานุรูปํ วา. มตฺตาวจนํ หิ ‘‘ธมฺโม’’ติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘สุภาสิตํ อุตฺตมมาหุ สนฺโต, ธมฺมํ ภเณ นาธมฺมํ ตํ ทุติย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๑๓; สุ. นิ. ๔๕๒). เตน พหุํ วิปฺปลปนมาห, สจฺจโต วา อฺา สุภาสิตา วาจา ‘‘ธมฺโม’’ติ เวทิตพฺโพ. มุคฺคสูปสทิสกมฺโม ปุคฺคโล มุคฺคสูปฺโย. เตนาห ‘‘อยํ ปุคฺคโล มุคฺคสูปฺโยติ วุจฺจตี’’ติ. ปริภฏสฺส กมฺมํ ปาริภฏฺยํ, ตเทว ปาริภฏฺยตา.
นิมิตฺเตน จรนฺโต, ชีวนฺโต วา นิมิตฺตโก, ตสฺส ภาโว เนมิตฺติกตา. อตฺตโน อิจฺฉาย ปกาสนํ โอภาโส. โก ปน โสติ ¶ ? ‘‘อชฺช ภิกฺขูนํ ปจฺจยา ทุลฺลภา ชาตา’’ติอาทิกา ปจฺจยปฏิสํยุตฺตกถา. อิจฺฉิตวตฺถุสฺส สมีเป กถนํ สามนฺตชปฺปา.
อกฺโกสนภเยนาปิ ทเทยฺยาติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนํ. ตถา วมฺภนาทโย. อุเปกฺขนา อุปาสกานํ ทายกาทิภาวโต พหิ ฉฑฺฑนา. ขิปนาติ เขปวจนํ. ตํ ปน อวหสิตฺวา วจนํ โหตีติ อาห ‘‘อุปฺปณฺฑนา’’ติ. ปาปนาติ อทายกตฺตสฺส, อวณฺณสฺส วา ปติฏฺาปนํ. ปเรสํ ปิฏฺิมํสขาทนสีโล ปรปิฏฺิมํสิโก, ตสฺส ภาโว ปรปิฏฺิมํสิกตา. อพฺภงฺคนฺติ อพฺภฺชนํ. นิปิสิตฺวา คนฺธมคฺคนา วิยาติ อนิปฺปิสิเต อลพฺภมานสฺส คนฺธสฺส นิปิสเน ลาโภ วิย ปรคุเณ อนิปฺปิสิเต อลพฺภมานานํ ปจฺจยานํ นิปิสเนน ลาโภ ทฏฺพฺโพติ.
นิกตฺตุํ ¶ อปฺเปน ลาเภน พหุกํ วฺเจตฺวา คเหตุํ อิจฺฉนํ นิชิคีสนํ, ตสฺส ภาโว นิชิคีสนตา. ตสฺเสว อิจฺฉนสฺส ปวตฺติอากาโร, ตํสหชาตํ วา คเวสนกมฺมํ.
องฺคนฺติ หตฺถปาทาทิองฺคานิ อุทฺทิสฺส ปวตฺตํ วิชฺชํ. นิมิตฺตนฺติ นิมิตฺตสตฺถํ. อุปฺปาตนฺติ อุกฺกาปาตทิสาฑาห-ภูมิจาลาทิอุปฺปาตปฏิพทฺธวิชฺชํ. สุปินนฺติ สุปินสตฺถํ. ลกฺขณนฺติ อิตฺถิปุริสานํ ลกฺขณชานนสตฺถํ. มูสิกจฺฉินฺนนฺติ วตฺถาทีนํ อสุกภาเค มูสิกจฺเฉเท สติ อิทํ นาม ผลํ โหตีติ ชานนกสตฺถํ. ปลาสคฺคิอาทีสุ อิมินา นาม อคฺคินา หุเต อิทํ นาม โหตีติ อคฺคิวเสน โหมวิธานํ อคฺคิโหมํ. อิมินา นเยน ทพฺพิโหมํ เวทิตพฺพํ. อาทิ-สทฺเทน ถุสโหมาทีนํ, อฺเสฺจ สุตฺเต อาคตานํ มิจฺฉาชีวานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. วีริยสาธนตฺตา อาชีวปาริสุทฺธิสีลสฺส ‘‘ปจฺจยปริเยสนวายาโม’’ติ วุตฺตํ. ตสฺส ปาริสุทฺธิ อนวชฺชภาโว, เยน ธมฺเมน สเมน ปจฺจยลาโภ โหติ. น หิ อลโส าเยน ปจฺจเย ปริเยสิตุํ สกฺโกตีติ.
ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลวณฺณนา
๑๘. ปฏิสงฺขาติ อยํ ‘‘สยํ อภิฺา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๑) วิย ย-การโลเปน นิทฺเทโส. โยนิโสติ เจตฺถ อุปายตฺโถ โยนิโส-สทฺโทติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุปาเยน ปเถนา’’ติ. ‘‘ปฏิสงฺขาย ตฺวา’’ติ ¶ วตฺวา ตยิทํ ปฏิสงฺขานํ ปจฺจเวกฺขณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ อตฺโถ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา หิ ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ สีตปฏิฆาตาทิกํ ตํ ตํ ปโยชนํ ปติ ปติ อเวกฺขิตฺวา, าเณน ปสฺสิตฺวาติ อตฺโถ, เอวํ ปฏิสงฺขายาติ ตเทว ปโยชนํ ปติ ปติ สงฺขาย, ชานิตฺวาติ อตฺโถ. าณปริยาโย หิ อิธ สงฺขา-สทฺโทติ. เอตฺถ จ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส’’ติอาทิ กามํ ปจฺจยปริโภคกาเลน วุจฺจติ, ธาตุวเสน ปน ปฏิกูลวเสน วา ปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ สุชฺฌตีติ อปเร. ภิชฺชตีติ เกจิ. เอเก ปน ปมํ เอว ปริยตฺตนฺติ วทนฺติ, วีมํสิตพฺพํ. ‘‘จีวร’’นฺติ เอกวจนํ เอกตฺตมตฺตํ วาจกนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘อนฺตรวาสกาทีสุ ยํ กิฺจี’’ติ วุตฺตํ, ชาติสทฺทตาย ปน ตสฺส ปาฬิยํ เอกวจนนฺติ ยตฺตกานิ จีวรานิ โยคินา ปริหริตพฺพานิ, เตสํ สพฺเพสํ เอกชฺฌํ คหณนฺติ สกฺกา วิฺาตุํ, ยํ กิฺจีติ วา อนวเสสปริยาทานเมตํ, น อนิยมวจนํ. ‘‘นิวาเสติ วา ปารุปติ วา’’ติ วิกปฺปนํ ปน ปฏิเสวนปริยายสฺส ปริโภคสฺส ¶ วิภาคทสฺสนนฺติ ตํ ปฺเปตฺวา สยนนิสีทน-จีวรกุฏิกรณาทิวเสนาปิ ปริโภคสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
ปโยชนานํ มริยาทา ปโยชนาวธิ, ตสฺส ปริจฺฉินฺทนวเสน โย นิยโม, ตสฺส วจนํ ปโยชนา…เป… วจนํ. อิทานิ ตํ นิยมํ วิวริตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺตกเมว หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อวธารเณน ลีฬาวิภูสาวิลมฺพนานฏมฺพราทิวเสน วตฺถปริโภคํ นิเสเธติ. เตนาห ‘‘น อิโต ภิยฺโย’’ติ. ลีฬาวเสน หิ เอกจฺเจ สตฺตา วตฺถานิ ปริทหนฺติ เจว อุปสํวิยนฺติ จ. ยถา ตํ โยพฺพเน ิตา นาคริกมนุสฺสา. เอกจฺเจ วิภูสนวเสน, ยถา ตํ รูปูปชีวินิอาทโย. วิลมฺพนวเสน วิลมฺพกา. นฏมฺพรวเสน โภชาทโย. อชฺฌตฺตธาตุกฺโขโภ สีตโรคาทิอุปฺปาทโก. อุตุปริณามนวเสนาติ อุตุโน ปริวตฺตนวเสน วิสภาคสีตอุตุสมุฏฺาเนน. วา-สทฺเทน เหมนฺตาทีสุ หิมปาตาทิวเสน ปวตฺตสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, น อุปฺปาเทติ สีตนฺติ อธิปฺปาโย. ยทตฺถํ ปน ตํ วิโนทนํ, ตํ มตฺถกปฺปตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สีตพฺภาหเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ ‘‘อุณฺหสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทีสุ สพฺเพสุ เสสปโยชเนสุ. ยทิปิ สูริยสนฺตาโปปิ อุณฺโหว, ตสฺส ปน อาตปคฺคหเณน คหิตตฺตา ‘‘อคฺคิสนฺตาปสฺสา’’ติ ¶ วุตฺตํ. เอกจฺโจ ทาวคฺคิสนฺตาโป กายํ จีวเรน ปฏิจฺฉาเทตฺวา สกฺกา วิโนเทตุนฺติ อาห ‘‘ตสฺส วนทาหาทีสุ สมฺภโว เวทิตพฺโพ’’ติ. ฑํสาติ ปิงฺคลมกฺขิกา. เต ปน ยสฺมา ฑํสนสีลา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ฑํสนมกฺขิกา’’ติ. สปฺปาทโยติ สปฺปสตปทิอุณฺณนาภิสรพูวิจฺฉิกาทโย. ผุฏฺสมฺผสฺโสติ ผุฏฺวิสมาห. ติวิธา หิ สปฺปา – ทฏฺวิสา ผุฏฺวิสา ทิฏฺวิสา. เตสุ ปุริมกา ทฺเว เอว คหิตา. สตปทิอาทีนมฺปิ ตาทิสานํ สงฺคณฺหนตฺถํ. นิยตปโยชนํ เอกนฺติกํ, สพฺพกาลิกฺจ ปโยชนํ. หิรี กุปฺปติ นิลฺลชฺชตา สณฺาติ. เตนาห ‘‘วินสฺสตี’’ติ. กูปาวตรณํ วา ปฏิจฺฉาทนํ อรหตีติ โกปินํ. หิริยิตพฺพฏฺเน หิรี จ ตํ โกปินฺจาติ หิริโกปินนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตสฺส จาติ จ-สทฺโท ปุพฺเพ วุตฺตปโยชนานํ สมฺปิณฺฑนตฺโถ.
ยํ กิฺจิ อาหารนฺติ ขาทนียโภชนียาทิเภทํ ยํ กิฺจิ อาหริตพฺพวตฺถุํ. ปิณฺฑาย ภิกฺขาย อุลตีติ ปิณฺโฑโล, ตสฺส กมฺมํ ปิณฺโฑลฺยํ. เตน ปิณฺโฑลฺเยน ภิกฺขาจริยาย. ปติตตฺตาติ ปกฺขิปิตตฺตา. ปิณฺฑปาโต ปตฺเต ปกฺขิตฺตภิกฺขาหาโร. ปิณฺฑานํ วา ปาโตติ ฆเร ฆเร ลทฺธภิกฺขานํ สนฺนิปาโต. ‘‘นตฺถิ ทวา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) สหสา กิริยาปิ ¶ ‘‘ทวา’’ติ วุจฺจติ, ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ทวตฺถํ, กีฬานิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห. มุฏฺิกมลฺลา มุฏฺิยุทฺธยุชฺฌนกา. อาทิ-สทฺเทน นิพุทฺธยุชฺฌนกาทีนํ คหณํ. พลมทนิมิตฺตนฺติ พลํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกมโท พลมโท. ตํ นิมิตฺตํ, พลสฺส อุปฺปาทนตฺถนฺติ อตฺโถ. โปริสมทนิมิตฺตนฺติ โปริสมโท วุจฺจติ ปุริสมาโน ‘‘อหํ ปุริโส’’ติ อุปฺปชฺชนกมาโน. อสทฺธมฺมเสวนาสมตฺถตํ นิสฺสาย ปวตฺโต มาโน, ราโค เอว วา โปริสมโทติ เกจิ. ตํ นิมิตฺตํ. อนฺเตปุริกา ราโชโรธา. สพฺเพสํ สนฺนิเวสโยคฺยตาย เวสิโย รูปูปชีวินิโย. มณฺฑนํ นาม อิธาวยวปาริปูรีติ อาห ‘‘องฺคปจฺจงฺคานํ ปีณภาวนิมิตฺต’’นฺติ, ปริพฺรูหนเหตูติ อตฺโถ. นฏา นาม รงฺคนฏา. นจฺจกา ลงฺฆกาทโย. วิภูสนํ โสภาสมุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘ปสนฺนจฺฉวิวณฺณตานิมิตฺต’’นฺติ.
เอตํ ปทํ. โมหูปนิสฺสยปฺปหานตฺถนฺติ โมหสฺส อุปนิสฺสยตาปหานาย. ทวา หิ โมเหน โหติ, โมหฺจ วฑฺเฒตีติ ตสฺสา วชฺชเนน โมหสฺส อนุปนิสฺสยตา. โทสูปนิสฺสยปฺปหานตฺถนฺติ อิทํ พลมทสฺส, ปุริสมทสฺส ¶ จ โทสเหตุโน วเสน วุตฺตํ, อิตรสฺส ปน วเสน ‘‘ราคูปนิสฺสยปฺปหานตฺถ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. มณฺฑนวิภูสนปฏิกฺเขโป สิยา โมหูปนิสฺสยปฺปหานายปิ, ราคูปนิสฺสยตาย ปน อุชุปฏิปกฺโขติ วุตฺตํ ‘‘ราคูปนิสฺสยปฺปหานตฺถ’’นฺติ. ยทิปิ เอกจฺจสฺส ทวมเท อารพฺภ ปรสฺส ปฏิฆสํโยชนาทีนํ อุปฺปตฺติ โหติเยว มโนปโทสิกเทวาทีนํ วิย, อตฺตโน ปน ทวมเท อารพฺภ เยสํ สวิเสสํ ราคโมหมานาทโย ปาปธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ. เต สนฺธาย ‘‘อตฺตโน สํโยชนุปฺปตฺติปฏิเสธนตฺถ’’นฺติ วตฺวา มณฺฑนวิภูสนานิ ปฏิจฺจ สวิเสสํ ปรสฺสปิ ราคโมหาทโย ปวตฺตนฺตีติ ‘‘ปรสฺสปิ สํโยชนุปฺปตฺติปฏิเสธนตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ. อโยนิโส ปฏิปตฺติยาติ เอตฺถ กามสุขลฺลิกานุโยคํ มฺุจิตฺวา สพฺพาปิ มิจฺฉาปฏิปตฺติ อโยนิโส ปฏิปตฺติ. ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ อโยนิโส ปฏิปตฺติยา, ปจฺฉิเมหิ ทฺวีหิ กามสุขลฺลิกานุโยคสฺส ปหานํ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. ‘‘จตูหิปิ เจเตหี’’ติ ปน วจนโต สพฺเพหิ อุภินฺนมฺปิ ปหานํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. กามกีฬาปิ ทวนฺโตคธา โหติเยว, ปุริสมโทปิ กามสุขลฺลิกานุโยคสฺส เหตุเยวาติ.
จาตุมหาภูติกสฺสาติ จตุมหาภูเต สนฺนิสฺสิตสฺส. รูปกายสฺสาติ จตุสนฺตติรูปสมูหสฺส. ิติยาติ ิตตฺถํ. สา ปนสฺส ิติ ปพนฺธวเสน อิจฺฉิตาติ อาห ‘‘ปพนฺธฏฺิตตฺถ’’นฺติ. ปวตฺติยาติ ชีวิตินฺทฺริยปฺปวตฺติยา. ตถา หิ ชีวิตินฺทฺริยํ ‘‘ยาปนา วตฺตนา’’ติ ¶ (ธ. ส. ๑๙, ๖๓๔) จ นิทฺทิฏฺํ. ตสฺสา จ อวิจฺเฉโท อาหารูปโยเคน โหติ. กายสฺส จิรตรํ ยาว อายุกปฺโป, ตาว อวตฺถานํ ยาปนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘จิรกาลฏฺิตตฺถํ วา’’ติ อาห. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘ฆรูปตฺถมฺภมิวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถายํ โยชนา – ยถา ชิณฺณฆรสามิโก ฆรสฺส อุปตฺถมฺภนํ กโรติ ตสฺส อปตนตฺถํ, ยถา จ สากฏิโก อกฺขพฺภฺชนํ กโรติ ตสฺส สมฺปวตฺตนตฺถํ, เอวเมส โยคี กายสฺส ิตตฺถํ, ยาปนตฺถฺจ ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวติ ปริภฺุชตีติ. เอเตน ิติ นาม อปตนํ ยาปนา ปวตฺตีติ ทสฺเสติ. น ทวมทมณฺฑนวิภูสนตฺถนฺติ อิทํ ‘‘ยาวเทวา’’ติ อวธารเณน นิวตฺติตตฺถทสฺสนํ. ติฏฺนฺติ อุปาทินฺนธมฺมา เอตายาติ ิติ, อายูติ อาห ‘‘ิตีติ ชีวิตินฺทฺริยสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ตถา หิ ตํ อายุ ‘‘ิตี’’ติ นิทฺทิฏฺํ, ิติยา ยาปนายาติ กายสฺส ¶ ิติเหตุตาย ‘‘ิตี’’ติ ลทฺธโวหารสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส ปวตฺตนตฺถนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ชีวิตินฺทฺริยปวตฺตาปนตฺถ’’นฺติ. อาพาธฏฺเนาติ วิพาธนฏฺเน, โรคฏฺเน วา. ชิฆจฺฉาปรมา หิ โรคา. อุปรมตฺถนฺติ วูปสมตฺถํ. วณาเลปนมิว วณิโก. อุณฺหสีตาทีสุ อภิภวนฺเตสุ ตปฺปฏิการํ สีตุณฺหํ วิย ปฏิเสวตีติ สมฺพนฺโธ. มคฺคพฺรหฺมจริยํ เปตฺวา สิกฺขตฺตยสงฺคหา สาสนาวจริตพฺพา อนุสาสนี สาสนพฺรหฺมจริยนฺติ อาห ‘‘สกลสาสนพฺรหฺมจริยสฺส จ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส จา’’ติ. อนุคฺคหณตฺถนฺติ อนุ อนุ คณฺหนตฺถํ สมฺปาทนตฺถํ. กายพลํ นิสฺสายาติ ยถาสมารทฺธํ คุณวิเสสปาริปูริเหตุภูตํ กายพลมตฺตํ นิสฺสาย. เตนาห ‘‘สิกฺขตฺตยานุโยควเสนา’’ติอาทิ. กนฺตารนิตฺถรณตฺถิกา ชายมฺปติกา, นทีสมุทฺทนิตฺถรณตฺถิกา จ ปุตฺตมํสาทีนิ ยถา อคิทฺธา อมุจฺฉิตา เกวลํ ตํ ตํ อตฺถสิทฺธิเมว อเวกฺขนฺตา ปฏิเสวนฺติ เตหิ วินา อสิชฺฌนโต, เอวมยมฺปิ เกวลํ ภวกนฺตารนิตฺถรณตฺถิโก อคิทฺโธ อมุจฺฉิโต เตน วินา อสิชฺฌนโต ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวตีติ อุปมาสํสนฺทนํ.
อิตีติ ปการตฺเถ นิปาตปทํ. เตน ปฏิเสวิยมานสฺส ปิณฺฑปาตสฺส ปฏิเสวนากาโร คยฺหตีติ อาห ‘‘เอวํ อิมินา ปิณฺฑปาตปฏิเสวเนนา’’ติ. ปุราณนฺติ โภชนโต ปุริมกาลิกตฺตา ปุราตนํ. ปฏิหงฺขามีติ ปฏิหนิสฺสามิ. นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ ปฏิเสวตีติ โยชนา. กีทิสํ, กถฺจาติ อาห ‘‘อปริมิต…เป… อฺตโร วิยา’’ติ. อปริมิตํ อปริมาณํ โภชนํ ปจฺจโย เอติสฺสาติ อปริมิตโภชนปจฺจยา, ตํ อปริมิตโภชนปจฺจยํ อตฺตโน คหณีเตชปมาณโต อติกฺกนฺตปมาณโภชนเหตุกนฺติ อตฺโถ. โย พหุํ ภฺุชิตฺวา อตฺตโน ¶ ธมฺมตาย อุฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อาหร หตฺถ’’นฺติ วทติ, อยํ อาหรหตฺถโก. โย ภฺุชิตฺวา อจฺจุทฺธุมาตกุจฺฉิตาย อุฏฺิโตปิ สาฏกํ นิวาเสตุํ น สกฺโกติ, อยํ อลํสาฏโก. โย ภฺุชิตฺวา อุฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว ปริวตฺตติ, อยํ ตตฺรวฏฺฏโก. โย ยถา กาเกหิ อามสิตุํ สกฺกา, เอวํ ยาว มุขทฺวารํ อาหาเรติ, อยํ กากมาสโก. โย ภฺุชิตฺวา มุเข สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว วมติ, อยํ ภุตฺตวมิตโก. เอเตสํ อฺตโร วิย. อถ วา ปุราณเวทนา นาม อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกเวทนา. ตํ ‘‘ปฏิหนิสฺสามี’’ติ ¶ ปฏิเสวติ. นวเวทนา นาม อติภุตฺตปจฺจเยน อุปฺปชฺชนกเวทนา. ตํ ‘‘น อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ปฏิเสวติ. อถ วา นวเวทนา นาม อภุตฺตปจฺจเยน อุปฺปชฺชนกเวทนา, ตสฺสา อนุปฺปนฺนาย อนุปฺปชฺชนตฺถเมว ปฏิเสวติ. อภุตฺตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกาติ เจตํ ขุทฺทาย วิเสสนํ. ยสฺสา อปฺปวตฺติ โภชเนน กาตพฺพา, ตสฺสา ทสฺสนตฺถํ. อภุตฺตปจฺจเยน, ภุตฺตปจฺจเยน จ อุปฺปชฺชนกานุปฺปชฺชนกเวทนาสุ ปุริมา ยถาปวตฺตา ชิฆจฺฉานิมิตฺตา เวทนา. สา หิ อภฺุชนฺตสฺส ภิยฺโยปวฑฺฒนวเสน อุปฺปชฺชติ. ปจฺฉิมาปิ ขุทฺทานิมิตฺตาว องฺคทาหสูลาทิเวทนา ปวตฺตา. สา หิ ภุตฺตปจฺจยา ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนาว นุปฺปชฺชิสฺสตีติ อยเมตาสํ วิเสโส. วิหึสานิมิตฺตตา เจตาสํ วิหึสาย วิเสโส.
ยา เวทนา. อธุนาติ เอตรหิ. อสปฺปายาปริมิตโภชนํ นิสฺสายาติ อสปฺปายาปริมิตสฺส อาหารสฺส ภฺุชนปโยคํ อาคมฺม อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. ปุราณกมฺมปจฺจยวเสนาติ ปุพฺเพ ปุริมชาติยํ กตตฺตา ปุราณสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยตาวเสน ปโยควิปตฺตึ อาคมฺม อุปฺปชฺชนารหตาย ตํ วชฺเชตฺวา ปโยคสมฺปตฺติยา อุปฏฺาปนํ ทุกฺขเวทนาปจฺจยฆาโต, ปฏิหนนฺจ โหตีติ อาห ‘‘ตสฺสา ปจฺจยํ วินาเสนฺโต ตํ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามี’’ติ. อยุตฺตปริโภโค ปจฺจเย อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริโภโค. โส เอว กตูปจิตกมฺมตาย กมฺมูปจโย. ตํ นิสฺสาย ปฏิจฺจ อายตึ อนาคเต กาเล อุปฺปชฺชนโต ยา จายํ ‘‘นวเวทนา’’ติ วุจฺจตีติ โยชนา. ยุตฺตปริโภควเสนาติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปจฺจยานํ ปริโภควเสน, ตสฺสา นวเวทนาย มูลํ อยุตฺตปริโภคกมฺมํ อนิพฺพตฺเตนฺโต สพฺเพน สพฺพํ อนุปฺปาเทนฺโต. เอตฺตาวตาติ ‘‘อิติ ปุราณ’’นฺติอาทินา วุตฺเตน ปททฺวเยน. ‘‘วิหึสูปรติยา’’ติอาทินา วา ปทจตุกฺเกน ยุตฺตปริโภคสงฺคโห ปพฺพชิตานุจฺฉวิกสฺส ปจฺจยปริโภคสฺส วุตฺตตฺตา. อตฺตกิลมถานุโยคปฺปหานํ ชิฆจฺฉาทิทุกฺขปฏิฆาตสฺส ภาสิตตฺตา. ฌานสุขาทีนํ ¶ ปจฺจยภูตสฺส กายสุขสฺส อวิสฺสชฺชนโต ธมฺมิกสุขาปริจฺจาโค จ ทีปิโต โหติ.
อสปฺปายาปริมิตูปโยเคน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทโก, อิริยาปถภฺชนโก วา สิยา ปริสฺสโย, สปฺปายปริมิตูปโยเคน ปน โส น โหติ. ตถา สติ จิรกาลปฺปวตฺติสงฺขาตา สรีรสฺส ยาตฺรา ¶ ยาปนา ภวิสฺสตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปริมิตปริโภเคน…เป… ภวิสฺสตี’’ติ อาห. โย โรโค สาทฺโธ อสาทฺโธ จ น โหติ, โส ยาปฺยโรโค, โส เอตสฺส อตฺถีติ ยาปฺยโรคี. โส หิ นิจฺจกาลํ เภสชฺชํ อุปเสวติ, ตถา อยมฺปีติ. ยทิ ยาตฺราปิ ยาปนา, ปุพฺเพปิ ‘‘ยาปนายา’’ติ วุตฺตํ, โก เอตฺถ วิเสโสติ? ปุพฺเพ ‘‘ยาปนายา’’ติ ชีวิตินฺทฺริยยาปนา อธิปฺเปตา, อิธ ปน จตุนฺนมฺปิ อิริยาปถานํ อวิจฺเฉทสงฺขาตา ยาปนา ยาตฺราติ อยเมตฺถ วิเสโส. พุทฺธปฏิกุฏฺเน มิจฺฉาชีเวน ปจฺจยปริเยสนา อยุตฺตปริเยสนา. ทายกเทยฺยธมฺมานํ, อตฺตโน จ ปมาณํ อชานิตฺวา ปฏิคฺคหณํ, สทฺธาเทยฺยวินิปาตนตฺถํ วา ปฏิคฺคหณํ อยุตฺตปฏิคฺคหณํ, เยน วา อาปตฺตึ อาปชฺชติ. อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริโภโค อยุตฺตปริโภโค. เตสํ ปริวชฺชนํ ธมฺเมน สเมน ปจฺจยุปฺปาทนาทิวเสน เวทิตพฺพํ. ธมฺเมน หิ ปจฺจเย ปริเยสิตฺวา ธมฺเมน ปฏิคฺคเหตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนํ อนวชฺชตา นาม.
อรตีติ อุกฺกณฺา. ปนฺตเสนาสเนสุ, อธิกุสลธมฺเมสุ จ อนภิรติ. ตนฺทีติ ปจลายิกา นิทฺทา. วิชมฺภิตาติ ถินมิทฺธาภิภเวน กายสฺส วิชมฺภนา. วิฺูหิ ครหา วิฺูครหา. เอกจฺโจ หิ อนวชฺชํเยว สาวชฺชํ กโรติ, ‘‘ลทฺธํ เม’’ติ ปมาณาธิกํ ภฺุชิตฺวา ตํ ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต อุทฺธํวิเรจนอโธวิเรจนาทีหิ กิลมติ, สกลวิหาเร ภิกฺขู ตสฺส สรีรปฏิชคฺคนเภสชฺชปริเยสนาปสุตา โหนฺติ. อฺเ เต ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกสฺส อุทรํ อุทฺธุมาต’’นฺติอาทีนิ สุตฺวา ‘‘นิจฺจกาลเมส เอวํปกติโก อตฺตโน กุจฺฉิปมาณํ นาม น ชานาตี’’ติ นินฺทนฺติ, เอวํ อนวชฺชํเยว สาวชฺชํ กโรติ. เอวํ อกตฺวา ‘‘อนวชฺชตา จ ภวิสฺสตี’’ติ ปฏิเสวติ. อตฺตโน หิ ปกติอคฺคิพลาทึ ชานิตฺวา ‘‘เอวํ เม อรติอาทีนํ อภาเวน กายสุขตา, อครหิตพฺพตา จ ภวิสฺสตี’’ติ ปมาณยุตฺตเมว ปฏิเสวติ. ยาวตโก โภชเนน อตฺโถ, ตสฺส สาธเนน ยาวทตฺถํ อุทรสฺส ปริปูรเณน อุทราวเทหกํ โภชนํ ยาวทตฺถอุทราวเทหกโภชนํ, ตสฺส ปริวชฺชเนน. เสยฺยาย สยเนน ลทฺธพฺพสุขํ เสยฺยสุขํ, อุโภหิ ปสฺเสหิ ¶ สมฺปริวตฺตนกํ สยนฺตสฺส อุปฺปชฺชนสุขํ ปสฺสสุขํ ¶ , มิทฺเธน นิทฺทายเนน อุปฺปชฺชนสุขํ มิทฺธสุขํ, เตสํ เสยฺย…เป… สุขานํ ปหานโต จตุนฺนํ อิริยาปถานํ โยคฺยภาวสฺส ปฏิปาทนํ กายสฺส จตุอิริยาปถโยคฺยภาวปฏิปาทนํ, ตโต. สุโข อิริยาปถวิหาโร ผาสุวิหาโร. ปจฺฉิเม วิกปฺเป, สพฺพวิกปฺเปสุ วา วุตฺตํ ผาสุวิหารลกฺขณํ อาคเมน สมตฺเถตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตีสุปิ วิกปฺเปสุ อาหารสฺส อูนปริโภควเสเนว หิ ผาสุวิหาโร วุตฺโตติ.
เอตฺตาวตาติ ‘‘ยาตฺรา’’ติอาทินา วุตฺเตน ปทตฺตเยน. ‘‘ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตี’’ติ ปโยชนปริคฺคหทีปนา. ยาตฺรา หิ นํ อาหารูปโยคํ ปโยเชตีติ. ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคเหตุโก ผาสุวิหาโร มชฺฌิมา ปฏิปทา อนฺตทฺวยปริวชฺชนโต. อิมสฺมึ ปน าเน อฏฺ องฺคานิ สโมธาเนตพฺพานิ – ‘‘เนว ทวายา’’ติ เอกํ องฺคํ, ‘‘น มทายา’’ติ เอกํ, ‘‘น มณฺฑนายา’’ติ เอกํ, ‘‘น วิภูสนายา’’ติ เอกํ, ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนายา’’ติ เอกํ, ‘‘วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหายา’’ติ เอกํ, ‘‘อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ เอกํ, ‘‘ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตี’’ติ เอกํ. ‘‘อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’’ติ อยเมตฺถ โภชนานิสํโส. มหาสิวตฺเถโร ปนาห ‘‘เหฏฺา จตฺตาริ องฺคานิ ปฏิกฺเขโป นาม, อุปริ ปน อฏฺงฺคานิ สโมธาเนตพฺพานี’’ติ. ตตฺถ ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติ เอกํ องฺคํ, ‘‘ยาปนายา’’ติ เอกํ, ‘‘วิหึสูปรติยา’’ติ เอกํ, ‘‘พฺรหฺมจริยานุคฺคหายา’’ติ เอกํ, ‘‘อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามี’’ติ เอกํ, ‘‘นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ เอกํ, ‘‘ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตี’’ติ เอกํ, ‘‘อนวชฺชตา จา’’ติ เอกํ. ผาสุวิหาโร ปน โภชนานิสํโสติ. เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรนฺโต ปฏิสงฺขา โยนิโส ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวติ นาม.
ยตฺถ ยตฺถาติ ภุมฺมนิทฺเทเสน เสน-สทฺทสฺส อธิกรณตฺถวุตฺติมาห. ตถา อาสน-สทฺทสฺสาติ. อฑฺฒโยคาทิมฺหีติ อาทิ-สทฺเทน ปาสาทาทึ, มฺจาทิฺจ สงฺคณฺหาติ. ยตฺถ ยตฺถ วิหาเร วา อฑฺฒโยคาทิมฺหิ วา อาสตีติ วิหารอฑฺฒโยคาทิเก อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อิธ อาทิ-สทฺเทน ปีสนฺถตาทีนมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปริสหนฏฺเนาติ อภิภวนฏฺเน, วิพาธนฏฺเนาติ อตฺโถ. อุตุเยว อุตุปริสฺสโยติ สีตุณฺหาทิอุตุเยว ¶ อสปฺปาโย วุตฺตนเยน อุตุปริสฺสโย. ตสฺส อุตุปริสฺสยสฺส วิโนทนตฺถํ, อนุปฺปนฺนสฺส อนุปฺปาทนตฺถํ, อุปฺปนฺนสฺส วูปสมนตฺถฺจาติ อตฺโถ. นานารมฺมณโต ¶ ปฏิสํหริตฺวา กมฺมฏฺานภูเต เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ จิตฺตสฺส สมฺมเทว ลยนํ ปฏิสลฺลานํ, ตตฺถ อาราโม อภิรติ ปฏิสลฺลานาราโม, ตทตฺถํ. เสนาสนํ หิ วิวิตฺตํ โยคิโน ภาวนานุกูลํ สฺุาคารภาวโต. ตํ ปเนตํ อตฺถทฺวยํ วิภาเวตุํ ‘‘โย สรีราพาธจิตฺตวิกฺเขปกโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกีภาวสุขตฺถนฺติ เอกีภาวเหตุกํ สุขํ เอกีภาวสุขํ, ตทตฺถํ. คณสงฺคณิกกิเลสสงฺคณิกาภาเวน อุปฺปชฺชนกสุขํ.
ยทิ อุตุเยว อุตุปริสฺสโย, ‘‘อุตุ จ สีตุณฺห’’นฺติ สีตุณฺหปฏิฆาตํ วตฺวา อุตุปริสฺสยวิโนทนํ กสฺมา วุตฺตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘กามฺจา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘นิยตํ อุตุปริสฺสยวิโนทน’’นฺติ เอเตน ‘‘สีตสฺส ปฏิฆาตาย อุณฺหสฺส ปฏิฆาตายา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ สีตุณฺหํ อนิยตํ กทาจิ กทาจิ อุปฺปชฺชนกํ, อุตุปริสฺสโย ปน สพฺพทาภาวี อธิปฺเปโตติ ทสฺเสติ. วุตฺตปฺปกาโรติ ‘‘สีตาทิโก, อสปฺปาโย’’ติ จ เอวํ วุตฺตปฺปกาโร วิวฏงฺคณรุกฺขมูลาทีสุ นิสินฺนสฺส อปริคุตฺติยา อสํวุตทฺวาราทิตาย ปากฏปริสฺสยา, อสปฺปายรูปทสฺสนาทินา อปากฏปริสฺสยา จ ภิกฺขุสฺส กายจิตฺตานํ อาพาธํ กเรยฺยุํ. ยตฺถ คุตฺเต เสนาสเน อาพาธํ น กโรนฺติ. เอวํ ชานิตฺวาติ อุภยปริสฺสยรหิตนฺติ เอวํ ตฺวา ปฏิเสวนฺโต ภิกฺขุ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ.
ธาตุกฺโขภลกฺขณสฺส, ตํเหตุกทุกฺขเวทนาลกฺขณสฺส วา โรคสฺส ปฏิปกฺขภาโว ปฏิอยนฏฺโ. เตนาห ‘‘ปจฺจนีกคมนฏฺเนาติ อตฺโถ’’ติ, วูปสมนฏฺเนาติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺส กสฺสจีติ สปฺปิอาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ. สปฺปายสฺสาติ หิ ตสฺส วิการวูปสเมนาติ อธิปฺปาโย. ภิสกฺกสฺส กมฺมํ เตน วิธาตพฺพโต. เตนาห ‘‘เตน อนฺุาตตฺตา’’ติ. นครปริกฺขาเรหีติ นครํ ปริวาเรตฺวา รกฺขณเกหิ. วิวฏปริกฺเขโป ปริกฺขา อุฑฺฑาโป ปากาโร เอสิกา ปลิโฆ ปาการปตฺถณฺฑิลนฺติ สตฺต ‘‘นครปริกฺขารา’’ติ วทนฺติ. สีลปริกฺขาโรติ สุวิสุทฺธสีลาลงฺกาโร ¶ . อริยมคฺโค หิ อิธ ‘‘รโถ’’ติ อธิปฺเปโต. ตสฺส จ สมฺมาวาจาทโย อลงฺการฏฺเน ‘‘ปริกฺขาโร’’ติ วุตฺตา. ชีวิตปริกฺขาราติ ชีวิตสฺส ปวตฺติการณานิ. สมุทาเนตพฺพาติ สมฺมา อุทฺธํ อุทฺธํ อาเนตพฺพา ปริเยสิตพฺพา. ปริวาโรปิ โหติ อนฺตรายานํ ปริโต วารณโต. เตนาห ‘‘ชีวิต…เป… รกฺขณโต’’ติ.
ตตฺถ อนฺตรนฺติ วิวรํ, โอกาโสติ อตฺโถ. เวริกานํ อนฺตรํ อทตฺวา อตฺตโน สามิกานํ ¶ ปริวาเรตฺวา ิตเสวกา วิย รกฺขณโต. อสฺสาติ ชีวิตสฺส. การณภาวโตติ จิรปฺปวตฺติยา การณภาวโต. รสายนภูตํ หิ เภสชฺชํ สุจิรมฺปิ กาลํ ชีวิตํ ปวตฺเตติเยว. ยทิปิ อนุปฺปนฺนา เอว ทุกฺขเวทนา เภสชฺชปริโภเคน ปฏิหฺนฺติ, น อุปฺปนฺนา ตาสํ สรเสเนว ภิชฺชนโต, อุปฺปนฺนสทิสา ปน ‘‘อุปฺปนฺนา’’ติ วุจฺจนฺติ. ภวติ หิ ตํสทิเสสุ ตพฺโพหาโร, ยถา สา เอว ติตฺติริ, ตานิเยว โอสธานีติ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุปฺปนฺนานนฺติ ชาตานํ ภูตานํ นิพฺพตฺตาน’’นฺติ. สฺจยโต ปฏฺาย โส ธาตุกฺโขโภ สมุฏฺานํ เอเตสนฺติ ตํสมุฏฺานา. ‘‘ทุกฺขเวทนา’’ติ วตฺวา สา อกุสลสภาวาปิ อตฺถีติ ตโต วิเสเสตุํ ‘‘อกุสลวิปากเวทนา’’ติ วุตฺตํ. พฺยาพาธนฏฺเน พฺยาพาโธ, พฺยาพาโธว พฺยาพชฺฌํ, ทุกฺขนฺติ อตฺโถ. นตฺถิ เอตฺถ พฺยาพชฺฌนฺติ อพฺยาพชฺฌํ, นิทฺทุกฺขตา. เตนาห ‘‘อพฺยาพชฺฌปรมตายา’’ติ นิทฺทุกฺขปรมตายาติ. ตํ ทุกฺขนฺติ โรคนิมิตฺตกํ ทุกฺขํ.
จีวราทีนํ ปจฺจยานํ นิสฺสยนํ ปริโภโค เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เต ปฏิจฺจ นิสฺสายา’’ติ วตฺวา ‘‘ปริภฺุชมานา’’ติ วุตฺตํ. ปวตฺตนฺตีติ ชีวนฺติ. ชีวนมฺปิ หิ ปวตฺตนํ, ยโต ชีวิตินฺทฺริยํ ‘‘ปวตฺตนรส’’นฺติ วุจฺจติ.
จตุปาริสุทฺธิสมฺปาทนวิธิวณฺณนา
๑๙. เอวํ ปาติโมกฺขสํวราทิเภเทน นิทฺทิฏฺํ สีลํ ปุน สาธนวิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมตสฺมิ’’นฺติอาทิมารทฺธํ. ตตฺถ สาธียติ สมฺปาทิยติ เอเตนาติ สาธนํ, สทฺธา สาธนํ เอตสฺสาติ สทฺธาสาธโน. นนุ จ วีริยสติปฺาหิปิ วินา ปาติโมกฺขสํวโร น สิชฺฌตีติ? สจฺจํ น สิชฺฌติ, สทฺธาย ปน วิเสสเหตุภาวํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห
‘‘สาวกวิสยาตีตตฺตา ¶ สิกฺขาปทปฺตฺติยา’’ติ. ครุกลหุกาทิเภเท โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ ตสฺส ตสฺส อปราธสฺส อนุรูปํ สิกฺขาปทปฺาปนํ นาม สาวกานํ อวิสโย, พุทฺธานํ เอว วิสโย. สิกฺขาปทปฺาปนํ ตาว ติฏฺตุ, ตสฺส กาโลปิ นาม สาวกานํ อวิสโย, พุทฺธานํ เอว วิสโยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนปฏิกฺเขโป เจตฺถ นิทสฺสน’’นฺติ อาห. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺต, อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺต, ตถาคโตว ตตฺถ กาลํ ¶ ชานิสฺสตี’’ติ (ปารา. ๒๑). ตตฺถ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน ‘‘อปฺตฺตํ น ปฺเปม, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺทาม, ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺตามา’’ติ (ปารา. ๕๖๕) เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สทฺธายาติ สทฺทหเนน สตฺถริ, ธมฺเม จ สทฺธาย ปจฺจุปฏฺาปเนน. ชีวิเตปิ ปเคว ชีวิตปริกฺขาเรติ อธิปฺปาโย.
กิกีว อณฺฑนฺติ กิกีสกุณิกา วิย อตฺตโน อณฺฑํ. สา กิร ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา อณฺฑเมว รกฺขติ. จมรีว วาลธินฺติ จมรีมิโค วิย อตฺตโน วาลธึ. จมรีมิคา กิร พฺยาเธน ปริปาติยมานา ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา กณฺฑกคุมฺพาทีสุ ลคฺคํ อตฺตโน วาลเมว รกฺขนฺติ. ปิยํว ปุตฺตํ เอกกนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยถา หิ เอกปุตฺตโก กุฏุมฺพิโก ตํ เอกปุตฺตํ, เอกนยโน จ ตํ เอกนยนํ สุฏฺุตรํ รกฺขติ. ตเถว สีลํ อนุรกฺขมานกาติ อนุกมฺปนวเสน วุตฺตํ. สุเปสลาติ สุฏฺุ ปิยสีลา. สทา สพฺพกาลํ ทหรมชฺฌิมเถรกาเลสุ. ฉนฺนมฺปิ คารวานํ วเสน สคารวา, ครุการวนฺโตติ อตฺโถ.
เอวเมว โขติ ยถา มหาสมุทฺโท ิตธมฺโม เวลํ นาติกฺกมติ, เอวเมว. มม สาวกาติ อริยสาวเก สนฺธายาห. เต หิ ธุวสีลา. อิมสฺมึ อตฺเถติ ชีวิตเหตุปิ สีลสฺส อวีติกฺกมเน.
มหาวตฺตนิอฏวี นาม วิฺฌาฏวี. หิมวนฺตปสฺเส อฏวีติ เกจิ. เถรนฺติ นามโคตฺตวเสน อปฺาตํ เอกํ เถรํ. นิปชฺชาเปสุํ คนฺตฺวา กสฺสจิ มา อาโรเจยฺยาติ.
ปูติลตายาติ ¶ คโฬจิลตาย. สมสีสีติ ชีวิตสมสีสี. ยสฺส หิ กิเลสสีสํ อวิชฺชํ มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตมคฺโค ปริยาทิยติ, ตโต เอกูนวีสติเม ปจฺจเวกฺขณาเณ ปติฏฺาย ภวงฺโคตฺตรเณ วฏฺฏสีสํ ชีวิตินฺทฺริยํ จุติจิตฺตํ ปริยาทิยติ, โส อิมาย วารสมตาย ‘‘ชีวิตสมสีสี’’ติ วุจฺจติ. โส จ เถโร ตถา ปรินิพฺพายิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายี’’ติ. อภยตฺเถโร กิร มหาภิฺโ. ตสฺมา เจติยํ การาเปสีติ วทนฺติ. อปฺเปวาติ อปฺเปว นาม อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ชเหยฺย, น ภินฺเทติ น ภินฺเทยฺย, น วีติกฺกเมยฺย.
สติยา ¶ อธิฏฺิตานนฺติ ปเคว อุปฏฺิตาย สติยา อารกฺขวเสน อธิฏฺิตานํ อินฺทฺริยานํ. อนนฺวาสฺสวนียโตติ ทฺวารภาเวน อภิชฺฌาทีหิ อนนุพนฺธิตพฺพโต. วรนฺติ เสฏฺํ. ตตฺตายาติ อุณฺหาย. อาทิตฺตายาติ อาทิโต ปฏฺาย ทิตฺตาย. สมฺปชฺชลิตายาติ สมนฺตโต ชลนฺติยา. สโชติภูตายาติ เอกชาลีภูตาย. สมฺปลิมฏฺนฺติ สพฺพโส อามฏฺํ, อฺจิตนฺติ อตฺโถ. น ตฺเวว วรนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. รูเปสูติ รูปารมฺมเณสุ. อนุพฺยฺชนโส นิมิตฺตคฺคาโหติ กิเลสานํ อนุ อนุ พฺยฺชนวเสน อุปฺปาทเนน ปากฏีกรณวเสน สุภาทินิมิตฺตคฺคาโห, อถ วา อนุพฺยฺชนโสติ หตฺถปาทาทิอนุพฺยฺชนโต, นิมิตฺตคฺคาโหติ อิตฺถิปุริสาทิสุภาทินิมิตฺตคฺคหณํ. จกฺขุทฺวาราทิปวตฺตสฺสาติ จกฺขุทฺวาราทีหิ ปวตฺตสฺส. วิฺาณสฺสาติ ชวนวิฺาณสฺส. นิมิตฺตาทิคฺคาหํ นิเสเธนฺเตน สมฺปาเทตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. อสํวิหิตสาขาปริวารนฺติ สมฺมา อวิหิตวติปริกฺเขปํ. ปรสฺสหารีหีติ ปรสนฺตกาวหารเกหิ โจเรหิ. สมติวิชฺฌตีติ สพฺพโส อติวิชฺฌติ อนุปวิสติ.
รูเปสูติ รูปเหตุ รูปนิมิตฺตํ. อุปฺปชฺชนกอนตฺถโต รกฺข อินฺทฺริยนฺติ สมฺพนฺโธ. เอวํ เสเสสุ. เอเต หิ ทฺวาราติ เอเต จกฺขาทิทฺวารา. สติกวาเฏน อสํวุตตฺตา วิวฏา. ตโต เอว อรกฺขิตา. กิเลสุปฺปตฺติยา เหตุภาเวน ตํสมงฺคินํ หนนฺตีติ การณูปจาเรเนว วุตฺตํ. เอเต วา รูปาทโย. กิเลสานํ อารมฺมณภูตา ทฺวารา จกฺขาทิทฺวารา. เต กีทิสา วิวฏา อรกฺขิตา อสํวุตจกฺขาทิเหตุํ ตํสมงฺคินํ หนนฺตีติ การณูปจาเรเนว วุตฺตํ. อคารนฺติ เคหํ. ทุจฺฉนฺนนฺติ น สมฺมา ฉาทิตํ. อภาวิตนฺติ โลกุตฺตรภาวนารหิตํ.
สมฺปาทิเตติอาทิสฺส ¶ โวทานปกฺขสฺส อตฺโถ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. อยํ ปน สพฺพโส กิเลสานํ อนุปฺปาโท อติอุกฺกฏฺเทสนา มคฺเคนาคตสทิสตฺตา. สมฺปาเทตพฺโพติ ‘‘น ปุเนวํ กริสฺส’’นฺติ อธิฏฺานสุทฺธิยา สมฺปาเทตพฺโพ.
อธุนาปพฺพชิเตนาติ น จิรปพฺพชิเตน, นวปพฺพชิเตนาติ อตฺโถ. กามราเคน ฑยฺหามีติ กามราคคฺคินา ปริฑยฺหามิ. โส จ ปน ทาโห อิทานิ จิตฺตคโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จิตฺตํ เม ปริฑยฺหตี’’ติ. สาธูติ อายาจนา. นิพฺพาปนนฺติ ตสฺส นิพฺพาปนุปายํ. โคตมาติ เถรํ โคตฺเตน อาลปติ.
สฺาย ¶ วิปริเยสาติ ‘‘อสุเภ สุภ’’นฺติ ปวตฺตสฺาวิปริเยสเหตุ วิปรีตสฺานิมิตฺตํ. นิมิตฺตํ ปริวชฺเชหิ กีทิสํ? ราคูปสฺหิตํ ราคุปฺปตฺติเหตุภูตํ สุภนิมิตฺตํ ปริวชฺเชหิ น มนสิ กโรหิ. น เกวลํ สุภนิมิตฺตสฺสามนสิกาโร เอว, อถ โข อสุภภาวนาย อตฺตโน จิตฺตํ ภาเวหิ. กถํ? เอกคฺคํ สุสมาหิตํ ยถา ตํ อสุภารมฺมเณ วิกฺเขปาภาเวน เอกคฺคํ, สุฏฺุ อปฺปิตภาเวน สุสมาหิตฺจ โหติ, เอวํ ภาเวหีติ. เอวํ สมถภาวนาย กามราคสฺส วิกฺขมฺภนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมุจฺเฉทนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺขาเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สงฺขาเร ปรโต ปสฺสาติ สพฺเพปิ สงฺขาเร อวิเธยฺยกตาย ‘‘ปเร’’ติ ปสฺส. อนิจฺจตาย ปน อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา ทุกฺขโต, อนตฺตสภาวตฺตา, อตฺตวิรหโต จ โน อตฺตโต ปสฺส. เอวํ ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต มคฺคปฏิปาฏิยา จตุตฺถมคฺเคน สพฺพโส นิพฺพาเปหิ มหาราคํ เตภูมกสฺส อภิภวนโต มหาวิสยตาย มหาราคํ วูปสเมหิ. ยถา เอตรหิ, เอวํ มา ฑยฺหิตฺโถ ปุนปฺปุนนฺติ ทฬฺหตรํ ราควิโนทเน นิโยเชสิ.
เอวํ อินฺทฺริยสํวรสีลสฺส สมฺปาทเน วิธึ ทสฺเสตฺวา เอวํ ตํ สุสมฺปาทิตํ โหตีติ นยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทินา ตตฺถ ปริปูรการิโน เถเร นิทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘เลณํ น อุลฺโลกิตปุพฺพ’’นฺติ อิทํ สพฺพตฺเถว เถรสฺส ยุคมตฺตทสฺสิตาย วุตฺตํ. กึ ปน เถโร เสนาสนํ น โสเธติ ¶ ? ‘‘อุลฺโลกา ปมํ โอหาเรตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ, อนฺเตวาสิกาทโย เอว กิรสฺส เสนาสนํ โสเธนฺติ. อสฺส นาครุกฺขสฺส.
ตสฺมึ คาเมติ มหาคาเม. ตรุณา ถฺปิวนกา ปุตฺตธีตโร ยาสํ ตา ตรุณปุตฺตา, ตาสํ. ลฺชาเปสีติ ถนปฏฺฏิกาย ถเน พนฺธาเปตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺชาเปสิ. ราชา เถรํ จิรตรํ ทฏฺุํ กาลวิกฺเขปํ กโรนฺโต ‘‘สฺเว สีลานิ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาห. เถโร รฺโ จ เทวิยา จ วนฺทนกาเล สตฺตาการมตฺตํ คณฺหาติ. อิตฺถี ปุริโสติ ปน วิเวกํ น กโรติ. เตนาห ‘‘ววตฺถานํ น กโรมี’’ติ. ‘‘อโห สุปริสุทฺธสีโล วตายํ อยฺโย’’ติ ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. อติปริสุทฺธํ ปากฏนฺติ สปฺปายลาเภน กมฺมฏฺานํ อติวิย ปริสุทฺธํ วิภูตํ อโหสิ. สกลํ ปพฺพตํ อุนฺนาทยนฺโตติ ปถวิกมฺปเนน สกลํ ปพฺพตํ เอกํ นินฺนาทํ กโรนฺโต. ตนฺนิวาสิเทวตานํ สาธุการทาเนนาติ เกจิ. ภนฺโตติ อนวฏฺิโต. พาโลติ ตรุณทารโก. อุตฺรสฺโตติ าตเกหิ วินาภาเวน สนฺตฺรสฺโต.
วิสคณฺฑกโรโคติ ¶ ถนกนฺทฬโรคมาห. มาสโรคาทิโกปิ วิสคณฺฑกโรโคติ วทนฺติ. ยโต ปพฺพชิโต, ตโต ปฏฺาย ปพฺพชิตกาลโต ปภุตีติ อตฺโถ. อินฺทฺริยานีติ อินฺทฺริยสํวรสีลานิ. เตสุ หิ ภินฺเนสุ อินฺทฺริยานิปิ ภินฺนานีติ วุจฺจนฺติ อารกฺขาภาวโต, อินฺทฺริยาเนว วา นิมิตฺตานุพฺยฺชนคฺคาหสฺส ทฺวารภูตานิ ภินฺนานิ นาม ตํสมงฺคิโน อนตฺถุปฺปตฺติโต, วิปริยายโต อภินฺนานีติ เวทิตพฺพานิ. อินฺทฺริยานํ วา อโยนิโส อุปสํหาโร เภทนํ, โยนิโส อุปสํหาโร อเภทนนฺติ อปเร. มิตฺตตฺเถโรวาติ มหามิตฺตตฺเถโร วิย. วเรติ เสฏฺเ.
ตถา วีริเยนาติ ตถา-สทฺเทน วีริยํ วิเสเสติ. ยถา สติ อนวชฺชลกฺขณาว อินฺทฺริยสํวรสาธนํ, ตถา วีริยํ อนวชฺชลกฺขณํ อาชีวปาริสุทฺธิสาธนนฺติ. วีริยาเปกฺขเมว วิเสสนํ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘สมฺมาอารทฺธวีริยสฺสา’’ติ. อยุตฺตา เอสนา อเนสนา, ยถาวุตฺตมิจฺฉาชีวสงฺคหา. สา เอว สตฺถุสาสนสฺส น ปติรูปาติ อปฺปติรูปํ, ตํ อเนสนํ อปฺปติรูปํ. อถ วา ปติรูปวิโรธินี อปฺปติรูปา, ปริคฺคหิตธุตงฺคสฺส ¶ ธุตงฺคนิยมวิโรธินี ยสฺส กสฺสจิ สลฺเลขวิโกปินี ปฏิปตฺติ. อิมสฺมึ ปกฺเข จ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, อเนสนํ, อปฺปติรูปฺจ ปหายาติ. ปฏิเสวมาเนน ปริวชฺชยตา สมฺปาเทตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ปริสุทฺธุปฺปาเท’’ติ อิมินาว ธมฺมเทสนาทีนํ ปริสุทฺธาย สมุฏฺานตา ทีปิตา โหตีติ ‘‘ธมฺมเทสนาทีหิ จสฺส คุเณหิ ปสนฺนาน’’นฺติ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน พาหุสจฺจวตฺตปริปูรณอิริยาปถสมฺปตฺติอาทีนํ คหณํ เวทิตพฺพํ. ธุตคุเณ จสฺส ปสนฺนานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปิณฺฑปาตจริยาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน มิตฺตสุหชฺชปํสุกูลจริยาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ธุตงฺคนิยมานุโลเมนาติ ตํตํธุตงฺคนิยตาย ปฏิปตฺติยา อนุโลมวเสน, อวิโกปนวเสนาติ อตฺโถ. มหิจฺฉสฺเสว มิจฺฉาชีเวน ชีวิกา, น อปฺปิจฺฉสฺส. อปฺปิจฺฉตาย อุกฺกํสคตาย มิจฺฉาชีวสฺส อสมฺภโว เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกพฺยาธิวูปสมตฺถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปูติหริตกีติ ปูติมุตฺตปริภาวิตํ, ปูติภาเวน วา ฉฑฺฑิตํ หริตกํ. อริยวํโส เอตสฺส อตฺถีติ, อริยวํเส วา นิยุตฺโตติ อริยวํสิโก, ปจฺจยเคธสฺส ทูรสมุสฺสาริตตฺตา อุตฺตโม จ โส อริยวํสิโก จาติ อุตฺตมอริยวํสิโก. ยสฺส กสฺสจีติ ปริคฺคหิตาปริคฺคหิตธุตงฺเคสุ ยสฺส กสฺสจิ.
นิมิตฺตํ นาม ปจฺจเย อุทฺทิสฺส ยถา อธิปฺปาโย ายติ เอวํ นิมิตฺตกมฺมํ. โอภาโส นาม ¶ อุชุกเมว อกเถตฺวา ยถา อธิปฺปาโย วิภูโต โหติ, เอวํ โอภาสนํ. ปริกถา นาม ปริยาเยน กถนํ. ตถา อุปฺปนฺนนฺติ นิมิตฺตาทิวเสน อุปฺปนฺนํ.
ทฺวารํ ทินฺนนฺติ โรคสีเสน ปริโภคสฺส ทฺวารํ ทินฺนํ. ตสฺมา อโรคกาเลปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, อาปตฺติ น โหตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘กิฺจาปิ อาปตฺติ น โหตี’’ติอาทิ. น วฏฺฏตีติ สลฺเลขปฏิปตฺติยํ ิตสฺส น วฏฺฏติ, สลฺเลขํ โกเปตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อาชีวํ ปน โกเปตี’’ติ อิมินาว เสนาสนปฏิสํยุตฺตธุตงฺคธรสฺส นิมิตฺตาทโย น วฏฺฏนฺตีติ วทนฺติ. ตทฺธุตงฺคธรสฺสาปิ น วฏฺฏนฺติเยวาติ อปเร. อกโรนฺโตติ ยถาสกํ อนฺุาตวิสเยปิ อกโรนฺโต. อฺตฺเรวาติ เปตฺวา เอว.
คณวาสํ ¶ ปหาย อรฺายตเน ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวกสฺส มุทฺธภูตาย อคฺคผลสมาปตฺติยา วิหรนฺโต มหาเถโร ‘‘ปวิเวกํ พฺรูหยมาโน’’ติ วุตฺโต. อุทรสนฺนิสฺสิโต วาตาพาโธ อุทรวาตาพาโธ. อสมฺภินฺนํ ขีรํ เอตสฺสาติ อสมฺภินฺนขีรํ, ตเทว ปายาสนฺติ อสมฺภินฺนขีรปายาสํ, อุทเกน อสมฺมิสฺสขีเรน ปกฺกปายาสนฺติ อตฺโถ. ตสฺสาติ ปายาสสฺส. อุปฺปตฺติมูลนฺติ ‘‘คิหิกาเล เม, อาวุโส, มาตา สปฺปิมธุสกฺกราทีหิ โยเชตฺวา อสมฺภินฺนขีรปายาสํ อทาสิ, เตน เม ผาสุ อโหสี’’ติ อตฺตโน วจีนิจฺฉารณสงฺขาตํ อุปฺปตฺติเหตุํ. ‘‘อปริโภคารโห ปิณฺฑปาโต’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เถรสฺส โอภาสนาทิจิตฺตุปฺปตฺติเยว นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, อชฺฌาสยํ ปน อชานนฺตา เอกจฺเจ ปุถุชฺชนา ตถา มฺเยฺยุํ, อนาคเต จ สพฺรหฺมจาริโน เอวํ มม ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยุนฺติ ปฏิกฺขิปิ. อปิจ มหาเถรสฺส ปรมุกฺกํสคตา สลฺเลขปฏิปตฺติ. ตถา หิ ทหรภิกฺขุโน ‘‘กสฺส สมฺปนฺนํ น มนาป’’นฺติ (ปาจิ. ๒๐๙, ๒๕๗, ๖๑๒, ๑๒๒๘, ๑๒๓๔; จูฬว. ๓๔๓) วจนํ นิสฺสาย ยาว ปรินิพฺพานา ปิฏฺขาทนียํ น ขาทติ.
วจีวิฺตฺติวิปฺผาราติ วจีนิจฺฉารณเหตุ. อตฺถวิฺาปนวเสน ปวตฺตมาโน หิ สทฺโท อสติปิ วิฺตฺติยา ตสฺส เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจยภาเว วจีวิฺตฺติวเสเนว ปวตฺตตีติ ‘‘วจีวิฺตฺติวิปฺผาโร’’ติ วุจฺจติ. ภุตฺโตติ ภุตฺตวา สเจ ภเวยฺยํ อหํ. สาติ อสฺส. อการโลเปน หิ นิทฺเทโส ‘‘เอวํส เต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘; ๘.๗) วิย. อนฺตคุณนฺติ อนฺตโภโค. พหิ จเรติ อาสยโต นิกฺขมิตฺวา โคจรคฺคหณวเสน ¶ พหิ ยทิ วิจเรยฺย. ปรมปฺปิจฺฉํ ทสฺเสตุํ โลกโวหาเรเนวมาห. โลเก หิ อยุตฺตโภชนํ โอทริยํ ครหนฺตา เอวํ วทนฺติ ‘‘กึสุ นาม ตสฺส อนฺตานิ พหิ จรนฺตี’’ติ. อาราเธมีติ อาทิโต ปฏฺาย ราเธมิ, วเส วตฺเตมีติ อตฺโถ.
มหาติสฺสตฺเถโร กิร ทุพฺภิกฺขกาเล มคฺคํ คจฺฉนฺโต ภตฺตจฺเฉเทน, มคฺคกิลมเถน จ กิลนฺตกาโย ทุพฺพโล อฺตรสฺส ผลิตสฺส อมฺพสฺส มูเล นิปชฺชิ, พหูนิ อมฺพผลานิ ตหํ ตหํ ปติตานิ โหนฺติ. ตตฺเถโก วุฑฺฒตโร อุปาสโก เถรสฺส สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ปริสฺสมํ ตฺวา ¶ อมฺพปานํ ปาเยตฺวา อตฺตโน ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา วสนฏฺานํ เนติ. เถโร –
‘‘น ปิตา นปิ เต มาตา, น าติ นปิ พนฺธโว;
กโรเตตาทิสํ กิจฺจํ, สีลวนฺตสฺส การณา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐) –
อตฺตานํ โอวทิตฺวา สมฺมสนํ อารภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตสฺส ปิฏฺิคโต เอว มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. อิมํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อมฺพขาทกมหาติสฺสตฺเถรวตฺถุปิ เจตฺถ กเถตพฺพ’’นฺติ. สพฺพถาปีติ สพฺพปฺปกาเรนปิ อเนสนวเสน, จิตฺตุปฺปตฺติวเสนปิ, ปเคว กายวจีวิปฺผนฺทิตวเสนาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อเนสนายา’’ติอาทิ.
อปจฺจเวกฺขิตปริโภเค อิณปริโภคอาปตฺติอาทีนวสฺส, ตพฺพิปริยายโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภเค อานิสํสสฺส จ ทสฺสนํ อาทีนวานิสํสทสฺสนํ. ตสฺส ปน ปจฺจยาธิการตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปจฺจเยสู’’ติ. การณการณมฺปิ หิ การณภาเวน วุจฺจติ ยถา ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธนฺติ. เยน การเณน ภิกฺขุโน อปจฺจเวกฺขิตปริโภโค นาม สิยา, ตสฺมึ วชฺชิเต ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ สิชฺฌติ, วิสุชฺฌติ จาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปจฺจยเคธนฺติ เคธคฺคหเณเนว สมฺโมโหปิ คหิโตติ ทฏฺพฺโพ เตน สห ปวตฺตนโต, ตทุปนิสฺสยโต จ. ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺเนติ อิทํ ปจฺจยานํ อาคมนสุทฺธิทสฺสนํ, น ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลวิสุทฺธิทสฺสนํ. ปจฺจยานํ หิ อิทมตฺถิตํ อุปธาเรตฺวา ปริภฺุชนํ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ. ยสฺมา ปน เต ปจฺจยา ายาธิคตา เอว ภิกฺขุนา ปริภฺุชิตพฺพา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺเน ปจฺจเย’’ติ. ยถาวุตฺเตน วิธินาติ ‘‘สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘; มหานิ. ๒๐๖) วุตฺตวิธินา.
ธาตุวเสน ¶ วาติ ‘‘ยถาปจฺจยํ วตฺตมานํ ธาตุมตฺตเมเวตํ, ยทิทํ จีวราทิ, ตทุปภฺุชโก จ ปุคฺคโล’’ติ เอวํ ธาตุมนสิการวเสน วา. ปฏิกูลวเสน วาติ ปิณฺฑปาเต ตาว อาหาเร ปฏิกูลสฺาวเสน, ‘‘สพฺพานิ ปน อิมานิ จีวราทีนิ อชิคุจฺฉนียานิ, อิมํ ปูติกายํ ปตฺวา อติวิย ชิคุจฺฉนียานิ ชายนฺตี’’ติ เอวํ ปฏิกูลมนสิการวเสน วา. ตโต อุตฺตรีติ ปฏิลาภกาลโต อุปริ. อนวชฺโชว ปริโภโค ¶ อาทิโตว ปฺาย ปริโสธิตตฺตา อธิฏฺหิตฺวา ปิตปตฺตจีวรานํ วิยาติ. ปจฺจเวกฺขณาย อาทิสุทฺธิทสฺสนปรเมตํ, น ปริโภคกาเล ปจฺจเวกฺขณปฏิกฺเขปปรํ. เตนาห ‘‘ปริโภคกาเลปี’’ติอาทิ. ตตฺราติ ตสฺมึ ปริโภคกาเล ปจฺจเวกฺขเณ. สนฺนิฏฺานกโรติ อสนฺเทหกโร เอกนฺติโก.
เถยฺยปริโภโค นาม อนรหสฺส ปริโภโค. ภควตาปิ อตฺตโน สาสเน สีลวโต ปจฺจยา อนฺุาตา, น ทุสฺสีลสฺส. ทายกานมฺปิ สีลวโต เอว ปริจฺจาโค, น ทุสฺสีลสฺส. อตฺตโน การานํ มหปฺผลภาวสฺส ปจฺจาสีสนโต. อิติ สตฺถารา อนนฺุาตตฺตา, ทายเกหิ จ อปริจฺจตฺตตฺตา ทุสฺสีลสฺส ปริโภโค เถยฺยาย ปริโภโค เถยฺยปริโภโค. อิณวเสน ปริโภโค อิณปริโภโค, ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิยา อภาวโต อิณํ คเหตฺวา ปริโภโค วิยาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ‘‘สีลวโต’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ. จีวรํ กายโต โมเจตฺวา ปริโภเค ปริโภเค ปุเรภตฺต…เป… ปจฺฉิมยาเมสุ ปจฺจเวกฺขิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ตถา อสกฺโกนฺเตน ยถาวุตฺตกาลวิเสสวเสน เอกทิวเส จตุกฺขตฺตุํ ติกฺขตฺตุํ ทฺวิกฺขตฺตุํ สกึเยว วา ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. สเจ อรุณํ อุคฺคจฺฉติ, อิณปริโภคฏฺาเน ติฏฺติ. หิยฺโย ยํ มยา จีวรํ ปริภุตฺตํ, ตํ ยาวเทว สีตสฺส ปฏิฆาตาย…เป… หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนตฺถํ. หิยฺโย โย มยา ปิณฺฑปาโต ปริภุตฺโต, โส ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทินา สเจ อตีตปริโภคปจฺจเวกฺขณํ น กเรยฺยาติ วทนฺติ, ตํ วีมํสิตพฺพํ. เสนาสนมฺปิ ปริโภเค ปริโภเคติ ปเวเส ปเวเส. สติปจฺจยตาติ สติยา ปจฺจยภาโว ปฏิคฺคหณสฺส, ปริโภคสฺส จ ปจฺจเวกฺขณสติยา ปจฺจยภาโว ยุชฺชติ, ปจฺจเวกฺขิตฺวาว ปฏิคฺคเหตพฺพํ, ปริภฺุชิตพฺพฺจาติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘สตึ กตฺวา’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ ทฺวีสุปิ าเนสุ ปจฺจเวกฺขณา ยุตฺตา, เอวํ สนฺเตปิ. อปเร ปนาหุ – สติ ปจฺจยตาติ สติ เภสชฺชปริโภคสฺส ปจฺจยภาเว, สติ ปจฺจเยติ อตฺโถ. เอวํ สนฺเตปีติ ปจฺจเย สติปีติ. ตํ เตสํ มติมตฺตํ. ตถา หิ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลํ ปจฺจเวกฺขณาย วิสุชฺฌติ, น ปจฺจยสฺส ภาวมตฺเตน.
เอวํ ¶ ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลสฺส วิสุทฺธึ ทสฺเสตฺวา เตเนว ปสงฺเคน สพฺพาปิ วิสุทฺธิโย ทสฺเสตุํ ‘‘จตุพฺพิธา หิ สุทฺธี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุชฺฌติ ¶ เอตายาติ สุทฺธิ, ยถาธมฺมํ เทสนาว สุทฺธิ เทสนาสุทฺธิ. วุฏฺานสฺสาปิ เจตฺถ เทสนาย เอว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ฉินฺนมูลาปตฺตีนํ ปน อภิกฺขุตาปฏิฺาว เทสนา. อธิฏฺานวิสิฏฺโ สํวโรว สุทฺธิ สํวรสุทฺธิ. ธมฺเมน สเมน ปจฺจยานํ ปริเยฏฺิ เอว สุทฺธิ ปริเยฏฺิสุทฺธิ. จตูสุปิ ปจฺจเยสุ วุตฺตวิธินา ปจฺจเวกฺขณาว สุทฺธิ ปจฺจเวกฺขณสุทฺธิ. เอส ตาว สุทฺธีสุ สมาสนโย. สุทฺธิมนฺเตสุ ปน เทสนา สุทฺธิ เอตสฺสาติ เทสนาสุทฺธิ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. สุทฺธิ-สทฺโท ปน วุตฺตนโยว. เอวนฺติ สํวรเภทํ สนฺธายาห. ปหายาติ วชฺเชตฺวา, อกตฺวาติ อตฺโถ.
ทาตพฺพฏฺเน ทายํ, ตํ อาทิยนฺตีติ ทายาทา. อนนฺุาเตสุ สพฺเพน สพฺพํ ปริโภคาภาวโต, อนฺุาเตสุ เอว จ ปริโภคสมฺภวโต ภิกฺขูหิ ปริภฺุชิตพฺพปจฺจยา ภควโต สนฺตกา. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ มา อามิสทายาทา. อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ โน อามิสทายาทา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๙) เอวํ ปวตฺตํ ธมฺมทายาทสุตฺตฺจ เอตฺถ เอตสฺมึ อตฺเถ สาธกํ.
อวีตราคานํ ตณฺหาปรวสตาย ปจฺจยปริโภเค สามิภาโว นตฺถิ, ตทภาเวน วีตราคานํ ตตฺถ สามิภาโว ยถารุจิปริโภคสมฺภวโต. ตถา หิ เต ปฏิกูลมฺปิ อปฺปฏิกูลากาเรน, อปฺปฏิกูลมฺปิ ปฏิกูลากาเรน, ตทุภยมฺปิ วชฺเชตฺวา อชฺฌุเปกฺขนากาเรน ปจฺจเย ปริภฺุชนฺติ, ทายกานฺจ มโนรถํ ปริปูเรนฺติ. เตนาห ‘‘เต หิ ตณฺหาย ทาสพฺยํ อตีตตฺตา สามิโน หุตฺวา ปริภฺุชนฺตี’’ติ.
สพฺเพสนฺติ อริยานํ, ปุถุชฺชนานฺจ. กถํ ปุถุชฺชนานํ อิเม ปริโภคา สมฺภวนฺติ? อุปจารวเสน. โย หิ ปุถุชฺชนสฺสาปิ สลฺเลขปฏิปตฺติยํ ิตสฺส ปจฺจยเคธํ ปหาย ตตฺถ ตตฺถ อนุปลิตฺเตน จิตฺเตน ปริโภโค, โส สามิปริโภโค วิย โหติ. สีลวโต ปน ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค ทายชฺชปริโภโค วิย โหติ, ทายกานํ มโนรถสฺส อวิราธนโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ทายชฺชปริโภเคเยว วา สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ. กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส ปริโภเค วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ตสฺส เสกฺขสงฺคหโต. เสกฺขสุตฺตํ (สํ. นิ. ๕.๑๓) เหตสฺสตฺถสฺส สาธกํ. เตนาห ‘‘สีลวาปิ ¶ หี’’ติอาทิ. ปจฺจนีกตฺตาติ ยถา อิณายิโก อตฺตโน รุจิยา อิจฺฉิตเทสํ คนฺตุํ น ¶ ลภติ, เอวํ อิณปริโภคยุตฺโต โลกโต นิสฺสริตุํ น ลภตีติ ตปฺปฏิปกฺขตฺตา สีลวโต ปจฺจเวกฺขิตปริโภโค อาณณฺยปริโภโคติ อาห ‘‘อาณณฺยปริโภโค วา’’ติ. เอเตน นิปฺปริยายโต จตุปริโภควินิมุตฺโต วิสุํเยวายํ ปริโภโคติ ทสฺเสติ. อิมาย สิกฺขายาติ สีลสงฺขาตาย สิกฺขาย. กิจฺจการีติ ปฏิฺานุรูปํ ปฏิปชฺชนโต ยุตฺตปตฺตการี.
อิทานิ ตเมว กิจฺจการิตํ สุตฺตปเทน วิภาเวตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วิหารนฺติ ปติสฺสยํ. สยนาสนนฺติ มฺจาทึ. อุภเยนปิ เสนาสนเมว วุตฺตํ. อาปนฺติ อุทกํ. สงฺฆาฏิรชูปวาหนนฺติ ปํสุมลาทิโน สงฺฆาฏิคตรชสฺส โธวนํ. สุตฺวาน ธมฺมํ สุคเตน เทสิตนฺติ จีวราทีสุ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวติ สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘; มหานิ. ๒๐๖) นเยน ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา. สงฺขาย เสเว วรปฺสาวโกติ ‘‘ปิณฺฑ’’นฺติ วุตฺตํ ปิณฺฑปาตํ, วิหาราทิปเทหิ วุตฺตํ เสนาสนํ, ‘‘ปิปาสาเคลฺสฺส วูปสมนโต ปานียมฺปิ คิลานปจฺจโย’’ติ อาปมุเขน ทสฺสิตํ คิลานปจฺจยํ, สงฺฆาฏิยาทิจีวรนฺติ จตุพฺพิธํ ปจฺจยํ สงฺขาย ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; ๒.๒๔; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๖.๕๘; ๘.๙; ธ. ส. ๑๓๕๕) นเยน ปจฺจเวกฺขิตฺวา. เสเว เสวิตุํ สกฺกุเณยฺย อุตฺตมปฺสฺส ภควโต สาวโก เสโข วา ปุถุชฺชโน วา.
ยสฺมา จ สงฺขาย เสวี วรปฺสาวโก, ตสฺมา หิ ปิณฺเฑ…เป… โปกฺขเร วาริพินฺทุ, ตถา โหติ. กาเลนาติ อริยานํ โภชนกาเล. ลทฺธาติ ลภิตฺวา. ปรโตติ อฺโต ทายกโต. อนุคฺคหาติ อนุกมฺปาย พหุมฺหิ อุปนีเต มตฺตํ โส ชฺา ชาเนยฺย สตตํ สพฺพกาลํ อุปฏฺิโต อุปฏฺิตสฺสติ. อาเลปนรูหเน ยถาติ เภสชฺชเลปเนน วณสฺส รุหเน วิย, มตฺตํ ชาเนยฺยาติ โยชนา. อาหเรติ อาหเรยฺย. ‘‘อาหเรยฺยาหาร’’นฺติ วา ปาโ. ยาปนตฺถนฺติ สรีรสฺส ยาปนาย. อมุจฺฉิโตติ ตณฺหามุจฺฉาย อมุจฺฉิโต เคธํ ตณฺหํ อนาปนฺโน.
อตฺตโน ¶ มาตุลสฺส สงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺเสว นามสฺส คหิตตฺตา ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตสามเณโร. สาลิกูรนฺติ สาลิภตฺตํ. สุนิพฺพุตนฺติ สุสีตลํ. อสฺโตติ อปจฺจเวกฺขณํ สนฺธายาห. สพฺพาสวปริกฺขีโณติ ปริกฺขีณสพฺพาสโว.
ปมสีลปฺจกวณฺณนา
๒๐. ปริยนฺโต ¶ เอเตสํ อตฺถีติ ปริยนฺตานิ, ปริยนฺตานิ สิกฺขาปทานิ เยสํ เต ปริยนฺตสิกฺขาปทา, เตสํ ปริยนฺตสิกฺขาปทานํ. อุปสมฺปนฺนานนฺติ เปตฺวา กลฺยาณปุถุชฺชนเสกฺขาเสกฺเข ตทฺเสํ อุปสมฺปนฺนานํ. สามฺโชตนาปิ หิ วิเสเส ติฏฺติ. กุสลธมฺเม ยุตฺตานนฺติ วิปสฺสนาจาเร ยุตฺตปยุตฺตานํ. เสกฺขธมฺมา ปริยนฺตา ปรมา มริยาทา เอตสฺสาติ เสกฺขปริยนฺโต. นามรูปปริจฺเฉทโต, กุสลธมฺมสมาทานโต วา ปน ปฏฺาย ยาว โคตฺรภู, ตาว ปวตฺตกุสลธมฺมปฺปพนฺโธ เสกฺขธมฺเม อาหจฺจ ิโต เสกฺขปริยนฺโต. เสกฺขธมฺมานํ วา เหฏฺิมนฺตภูตา สิกฺขิตพฺพา โลกิยา ติสฺโส สิกฺขา เสกฺขปริยนฺโต, ตสฺมึ เสกฺขปริยนฺเต. ปริปูรการีนนฺติ กิฺจิปิ สิกฺขํ อหาเปตฺวา ปูเรนฺตานํ. อุปริวิเสสาธิคมตฺถํ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขานํ. ตโต เอว สีลปาริปูริอตฺถํ ปริจฺจตฺตชีวิตานํ. ทิฏฺิสํกิเลเสน อปรามสนียโต ปาริสุทฺธิวนฺตํ สีลํ อปรามฏฺปาริสุทฺธิสีลํ. กิเลสานํ สพฺพโส ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ปาริสุทฺธิวนฺตํ สีลํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปาริสุทฺธิสีลํ.
อนุปสมฺปนฺนานํ อเสกฺขานํ, เสกฺขานํ, กลฺยาณปุถุชฺชนานฺจ สีลํ มหานุภาวตาย อานุภาวโต อปริยนฺตเมวาติ อาห ‘‘คณนวเสน สปริยนฺตตฺตา’’ติ. กายวาจานํ สํวรณโต, วินยนโต จ สํวรวินยา. เปยฺยาลมุเขน นิทฺทิฏฺาติ ตตฺถ ตตฺถ สตฺถารา เทสิตวิตฺถารนเยน ยถาวุตฺตคณนโต นิทฺทิฏฺา. สิกฺขาติ สีลสงฺขาตา สิกฺขา. วินยสํวเรติ วินยปิฏเก. คณนวเสน สปริยนฺตมฺปิ อุปสมฺปนฺนานํ สีลนฺติ เหฏฺา วุตฺตํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยํ กิฺจิ หิ อุปสมฺปนฺเนน สิกฺขิตพฺพํ สีลํ นาม, ตตฺถ กสฺสจิปิ อนวเสสโต อนวเสสวเสน ¶ . สมาทานภาวนฺติ สมาทานสพฺภาวํ. ลาภ…เป… วเสน อทิฏฺปริยนฺตภาโว ลาภาทิเหตุ สีลสฺส อวีติกฺกโม.
ธนํ จเช องฺควรสฺส เหตุ ปาริปนฺถิกโจราทีหิ อุปทฺทุโต. องฺคํ จเช ชีวิตํ รกฺขมาโน สปฺปทฏฺาทิกาเล. องฺคํ ธนํ ชีวิตฺจาปิ สพฺพํ, จเช นโร ธมฺมมนุสฺสรนฺโต สุตโสมมหาโพธิสตฺตาทโย วิย. เตนาห ‘‘อิมํ สปฺปุริสานุสฺสตึ อวิชหนฺโต’’ติ. ชิฆจฺฉาปริสฺสเมน ชีวิตสํสเย สติปิ. สิกฺขาปทํ อวีติกฺกมฺมาติ อสฺสามิเกสุ อมฺพผเลสุ ¶ ภูมิยํ ปติเตสุ สมีเปเยว สนฺเตสุปิ ปฏิคฺคาหกาภาเวน อปริภฺุชนฺโต ปฏิคฺคหณสิกฺขาปทํ อวีติกฺกมิตฺวา.
สีลวนฺตสฺสาติ สีลวนฺตภาวสฺส การณา, สีลวนฺตสฺส วา ตุยฺหํ เอตาทิสํ อํเสน วาหณาทิกํ กิจฺจํ กโรติ, การณา สีลสฺสาติ อธิปฺปาโย. สุโธตชาติมณิ วิยาติ จตูสุ ปาสาเณสุ สมฺมเทว โธตชาติมณิ วิย. มหาสงฺฆรกฺขิตภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตตฺเถรานํ วิยาติ มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส, ตสฺเสว ภาคิเนยฺยสงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส วิย จ. ‘‘กิมตฺถํ มยํ อิธาคตา’’ติ มหาชนสฺส วิปฺปฏิสาโร ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. อจฺฉริกายาติ องฺคุลิโผฏเนน. อสติยาติ สติสมฺโมเสน. อฺาณปกตนฺติ อฺาเณน อปรชฺฌิตฺวา กตํ, อชานิตฺวา กตนฺติ อตฺโถ.
อปฺปสฺสุโตปิ เจ โหตีติ สุตฺตเคยฺยาทิสุตรหิโต โหติ เจ. สีเลสุ อสมาหิโตติ ปาติโมกฺขสํวราทิสีเลสุปิ น สมฺมา ปติฏฺิโต โหติ เจ. นาสฺส สมฺปชฺชเต สุตนฺติ อสฺส สีลรหิตสฺส ปุคฺคลสฺส สุตํ อตฺตโน, ปเรสฺจ กตฺถจิ ภวสมฺปตฺติอาวหํ น โหติ. ‘‘ทุสฺสีโลยํ ปุริสปุคฺคโล’’ติ หิ สิกฺขากามา น ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมนฺติ. พหุสฺสุโตปิ เจติ เอตฺถ เจ-ติ นิปาตมตฺตํ. ปสํสิโตติ ปสํสิโต เอว นาม.
ราควเสน อปรามฏฺคหเณน ตณฺหาปรามาสาภาวมาห. ตถารูปนฺติ ราควเสน อปรามฏฺํ. ภินฺทิตฺวาติ หนิตฺวา. สฺเปสฺสามีติ สฺตฺตึ ¶ กริสฺสามิ, อปฺปกํ เวลํ มํ วิสฺเสชฺเชตุนฺติ อธิปฺปาโย. อฏฺฏิยามีติ ชิคุจฺฉามิ. หรายามีติ ลชฺชามิ.
ปลิปนฺโนติ สีทนฺโต, สมฺมกฺขิโต วา. สีเลเนว สทฺธึ มริสฺสามีติ สีลํ อวินาเสนฺโต เตน สเหว มริสฺสามิ, น อิทานิ กทาจิปิ ตํ ปริจฺจชิสฺสามิ. สติ หิ ภวาทาเน สีเลน วิโยโค สิยา, ภวเมว นาทิยิสฺสามีติ อธิปฺปาโย. โรคํ สมฺมสนฺโตติ โรคภูตํ เวทนํ เวทนามุเขน เสสารูปธมฺเม, รูปธมฺเม จ ปริคฺคเหตฺวา วิปสฺสนฺโต.
รุปฺปโตติ วิการํ อาปาทิยมานสรีรสฺส. ปริสุสฺสตีติ สมนฺตโต สุสฺสติ. ยถา กึ? ปุปฺผํ ยถา ปํสุนิ อาตเป กตํ สูริยาตปสนฺตตฺเต ปํสุนิ ปิตํ สิรีสาทิปุปฺผํ วิยาติ ¶ อตฺโถ. อชฺนฺติ อมนฺุํ ชิคุจฺฉนียํ. ชฺสงฺขาตนฺติ พาเลหิ ‘‘ชฺ’’นฺติ เอวํ กิตฺติตํ. ชฺรูปํ อปสฺสโตติ ยถาภูตํ อปฺปสฺสโต อวิทฺทสุโน ‘‘ชฺ’’นฺติ ปสํสิตํ. ธิรตฺถุมนฺติ ธิ อตฺถุ อิมํ, ธิ-สทฺทโยเคน สพฺพตฺถ อุปโยควจนํ, อิมสฺส ปูติกายสฺส ธิกาโร โหตูติ อตฺโถ. ทุคฺคนฺธิยนฺติ ทุคฺคนฺธิกํ ทุคฺคนฺธวนฺตํ. ยตฺถ ยถาวุตฺเต ปูติกาเย ราคเหตุ ปมตฺตา ปมาทํ อาปนฺนา. ปชาติ สตฺตา. หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยาติ สุคตูปปตฺติยา มคฺคํ, สีลมฺปิ หาเปนฺติ, ปเคว ฌานาทินฺติ อธิปฺปาโย. เกวลํ ‘‘อรหนฺโต’’ติ วตฺตพฺพา สาวกขีณาสวา, อิตเร ปน ปจฺเจกพุทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺธาติ สห วิเสสเนนาติ อาห ‘‘อรหนฺตาทีน’’นฺติ. สพฺพทรถปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิยาติ สพฺพกิเลสทรถปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิยา.
ทุติยสีลปฺจกวณฺณนา
ปาณาติปาตาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อทินฺนาทานาทีนํ อคฺคมคฺควชฺฌกิเลสปริโยสานานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ปหานาทีติ อาทิ-สทฺเทน เวรมณิอาทีนํ จตุนฺนํ. เกสุจิ โปตฺถเกสุ ‘‘ปหานวเสนา’’ติ ลิขนฺติ, สา ปมาทเลขา. ปาณาติปาตสฺส ปหานํ สีลนฺติ หิโรตฺตปฺปกรุณาโลภาทิปมุเขน เยน กุสลจิตฺตุปฺปาเทน ปาณาติปาโต ปหียติ, ตํ ปาณาติปาตสฺส ปหานํ สีลนฏฺเน สีลํ. ตถา ปาณาติปาตา ¶ วิรติ เวรมณี สีลํ. ปาณาติปาตสฺส ปฏิปกฺขเจตนา เจตนา สีลํ. ปาณาติปาตสฺส สํวรณํ ปเวสทฺวารปิธานํ สํวโร สีลํ. ปาณาติปาตสฺส อวีติกฺกมนํ อวีติกฺกโม สีลํ. อทินฺนาทานสฺสาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อภิชฺฌาทีนํ ปน อนภิชฺฌาทิวเสน ปหานํ เวทิตพฺพํ. เวรมณี เจตนา ตํสมฺปยุตฺตา สํวราวีติกฺกมา ตปฺปมุขา ธมฺมา.
เอวํ ทสกุสลกมฺมปถวเสน ปหานสีลาทีนิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สอุปายานํ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ, อฏฺารสนฺนํ มหาวิปสฺสนานํ, อริยมคฺคานฺจ วเสน ตานิ ทสฺเสตุํ ‘‘เนกฺขมฺเมนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ เนกฺขมฺเมนาติ อโลภปฺปธาเนน กุสลจิตฺตุปฺปาเทน. กุสลา หิ ธมฺมา กามปฏิปกฺขา อิธ ‘‘เนกฺขมฺม’’นฺติ อธิปฺเปตา. เตนาห ‘‘กามจฺฉนฺทสฺส ปหานํ สีล’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ปหานสีลาทีนิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. วิเสสเมว วกฺขาม. อพฺยาปาเทนาติ เมตฺตาย. อาโลกสฺายาติ วิภูตํ กตฺวา มนสิกรเณน อุปฏฺิตอาโลกสฺชานเนน ¶ . อวิกฺเขเปนาติ สมาธินา. ธมฺมววตฺถาเนนาติ กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาวนิจฺฉเยน. สปจฺจยนามรูปววตฺถาเนนาติปิ วทนฺติ.
เอวํ กามจฺฉนฺทาทินีวรณปฺปหาเนน ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๓๘) วุตฺตาย ปมชฺฌานาธิคมสฺส อุปายภูตาย ปุพฺพภาคปฏิปทาย วเสน ปหานสีลาทีนิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สอุปายานํ อฏฺสมาปตฺติอาทีนํ วเสน ทสฺเสตุํ ‘‘าเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นามรูปปริคฺคหกงฺขาวิตรณานํ หิ วิพนฺธภูตสฺส โมหสฺส ทูรีกรเณน าตปริฺาย ิตสฺส อนิจฺจสฺาทโย สิชฺฌนฺติ. ตถา ฌานสมาปตฺตีสุ อภิรตินิมิตฺเตน ปาโมชฺเชน. ตตฺถ อนภิรติยา วิโนทิตาย ฌานาทีนํ สมธิคโมติ สมาปตฺติวิปสฺสนานํ อรติวิโนทนอวิชฺชาปทาลนาทินา อุปาโยติ วุตฺตํ ‘‘าเณน อวิชฺชาย, ปาโมชฺเชน อรติยา’’ติ. อุปฺปฏิปาฏินิทฺเทโส ปน นีวรณสภาวาย อวิชฺชาย เหฏฺานีวรเณสุปิ สงฺคหทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ปเมน ¶ ฌาเนน นีวรณาน’’นฺติอาทีสุ กถํ ฌานานํ สีลภาโว, กถํ วา ตตฺถ วิรติยา สมฺภโว. สุวิสุทฺธกายกมฺมาทิกสฺส หิ จิตฺตสมาทานวเสน อิมานิ ฌานานิ ปวตฺตนฺติ, น ปริตฺตกุสลานิ วิย กายกมฺมาทิวิโสธนวเสน, นาปิ มคฺคผลธมฺมา วิย ทุจฺจริตทุราชีวสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสนาติ? สจฺจเมตํ. มหคฺคตธมฺเมสุ นิปฺปริยาเยน นตฺถิ สีลนฏฺโ, กุโต วิรมณฏฺโ. ปริยาเยน ปเนตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. โก ปน โส ปริยาโย? ยทคฺเคน มหคฺคตา กุสลธมฺมา ปฏิปกฺเข ปชหนฺติ, ตทคฺเคน ตโต โอรตา. เต จ ยถา จิตฺตํ นาโรหนฺติ, เอวํ สํวุตา นาม โหนฺติ. ปริยุฏฺานสงฺขาโต มโนทฺวาเร วีติกฺกโม นตฺถิ เอเตสูติ อวีติกฺกมาติ จ วุจฺจนฺติ, เจตนา ปน ตํสมฺปยุตฺตาติ. โสยมตฺโถ ปรโต อาคมิสฺสติ. เอวฺจ กตฺวา วิตกฺกาทิปหานวจนมฺปิ สมตฺถิตํ โหติ. น หิ นิปฺปริยายโต สีลํ กุสลธมฺมานํ ปหายกํ ยุชฺชติ, น เจตฺถ อกุสลวิตกฺกาทโย อธิปฺเปตา. กิฺจาปิ ปมชฺฌานูปจาเรเยว ทุกฺขสฺส, จตุตฺถชฺฌานูปจาเร จ สุขสฺส ปหานํ โหติ, อติสยปหานํ ปน สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จตุตฺเถน ฌาเนน สุขทุกฺขานํ ปหาน’’นฺติ. ‘‘อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อารุปฺปกถายํ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๗๕ อาทโย) อาคมิสฺสติ.
อนิจฺจสฺส, อนิจฺจนฺติ วา อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา. เตภูมิกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ¶ ปวตฺตาย วิปสฺสนาเยตํ นามํ. นิจฺจสฺายาติ ‘‘สงฺขตธมฺมา นิจฺจา สสฺสตา’’ติ เอวํ ปวตฺตาย มิจฺฉาสฺาย, สฺาคฺคหเณเนว ทิฏฺิจิตฺตานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อิโต ปราสุปิ. นิพฺพิทานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นนฺทิยาติ สปฺปีติกตณฺหาย. วิราคานุปสฺสนายาติ วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. ราคสฺสาติ สงฺขาเรสุ ราคสฺส. นิโรธานุปสฺสนายาติ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนาย. ยถา วา สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายตึ ปุนพฺภววเสน น อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. เตเนวาห ‘‘นิโรธานุปสฺสนาย นิโรเธติ โน สมุเทตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๘๓). มฺุจิตุกามตาย หิ อยํ พลปฺปตฺตา. สงฺขารานํ ปฏินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา. ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา หิ อยํ ¶ . อาทานสฺสาติ นิจฺจาทิวเสน คหณสฺส. สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณวเสน เอกตฺตคหณํ ฆนสฺา, ตสฺสา ฆนสฺาย. อายูหนสฺสาติ อภิสงฺขรณสฺส. สงฺขารานํ อวตฺถาทิวิเสสาปตฺติ วิปริณาโม. ธุวสฺายาติ ถิรภาวคหณสฺส. นิมิตฺตสฺสาติ สมูหาทิฆนวเสน สกิจฺจปริจฺเฉทตาย จ สงฺขารานํ สวิคฺคหตาย. ปณิธิยาติ ราคาทิปณิธิยา, ตณฺหาวเสน สงฺขาเรสุ นินฺนตายาติ อตฺโถ. อภินิเวสสฺสาติ อตฺตานุทิฏฺิยา. อนิจฺจทุกฺขาทิวเสน สพฺพเตภูมกธมฺมติรณา อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา. สาราทานาภินิเวสสฺสาติ อสาเรสุ สารคหณวิปลฺลาสสฺส. ยถาภูตาณทสฺสนํ ถิรภาวปตฺตา อนิจฺจาทิอนุปสฺสนาว. อุทยพฺพยาณนฺติ เกจิ. สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนนฺติ อปเร. ‘‘อิสฺสรกุตฺตาทิวเสน โลโก สมุปฺปนฺโน’’ติ อภินิเวโส สมฺโมหาภินิเวโส. อุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวโสติ เกจิ. ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) สํสยาปตฺติ สมฺโมหาภินิเวโสติ อปเร. สงฺขาเรสุ ตาณเลณภาวคหณํ อาลยาภินิเวโส. ‘‘อาลยรตา อาลยสมฺมุทิตา’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗-๘) วจนโต อาลโย ตณฺหา. สา เอว จกฺขาทีสุ, รูปาทีสุ จ อภินิวิสนวเสน ปวตฺติยา อาลยาภินิเวโสติ อปเร. ‘‘เอวํ ิตา เต สงฺขารา ปฏินิสฺสชฺชียนฺตี’’ติ ปวตฺตํ าณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา. อปฺปฏิสงฺขา ปฏิสงฺขาย ปฏิปกฺขภูตา โมหปฺปธานา อกุสลธมฺมา. วฏฺฏโต วิคตตฺตา วิวฏฺฏํ นิพฺพานํ, ตตฺถ นินฺนภาวสงฺขาเตน อนุปสฺสเนน ปวตฺติ วิวฏฺฏานุปสฺสนา, สงฺขารุเปกฺขา เจว อนุโลมาณฺจ. สฺโคาภินิเวโส สํยุชฺชนวเสน สงฺขาเรสุ อภินิวิสนํ.
ทิฏฺเกฏฺานนฺติ ¶ ทิฏฺิยา สหเชกฏฺานฺจ ปหาเนกฏฺานฺจ. โอฬาริกานนฺติ อุปริมคฺควชฺเฌ กิเลเส อุปาทาย วุตฺตํ. อฺถา ทสฺสเนน ปหาตพฺพาปิ ทุติยมคฺควชฺเฌหิ โอฬาริกา. อณุสหคตานนฺติ อณุภูตานํ, อิทํ เหฏฺิมมคฺควชฺเฌ อุปาทาย วุตฺตํ. สพฺพกิเลสานนฺติ อวสิฏฺสพฺพกิเลสานํ. น หิ ปมมคฺคาทีหิ ปหีนา กิเลสา ปุน ปหียนฺติ.
‘‘จิตฺตสฺส ¶ อวิปฺปฏิสาราย สํวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ สํวโร อวิปฺปฏิสารตฺถาย. ‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑) วจนโต เจตโส อวิปฺปฏิสารตฺถาย ภวนฺติ. อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถาย. ‘‘โยนิโส มนสิ กโรโต ปาโมชฺชํ ชายตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๙) วจนโต ปาโมชฺชาย สํวตฺตนฺติ. ปาโมชฺชํ ปีติยา. ‘‘ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๖๖; ๓.๓๕๙; อ. นิ. ๓.๙๖; ๖.๑๐; ๑๑.๑๒) วจนโต ปีติยา สํวตฺตนฺติ. ปีติ ปสฺสทฺธตฺถาย. ‘‘ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๖๖; ๓.๓๕๙; อ. นิ. ๓.๙๖; ๖.๑๐; ๑๑.๑๒) วจนโต ปสฺสทฺธิยา สํวตฺตนฺติ. ปสฺสทฺธิ สุขตฺถาย. ‘‘ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๖๖; ๓.๓๕๙; อ. นิ. ๓.๙๖; ๖.๑๐; ๑๑.๑๒) วจนโต โสมนสฺสาย สํวตฺตนฺตีติ. ‘‘สุขตฺถาย สุขํ เวเทตี’’ติ เจตฺถ โสมนสฺสํ ‘‘สุข’’นฺติ วุตฺตํ. อาเสวนายาติ สมาธิสฺส อาเสวนาย. นิรามิเส หิ สุเข สิทฺเธ ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๖๖; ๓.๓๕๙; อ. นิ. ๓.๙๖; ๖.๑๐; ๑๑.๑๒) วจนโต สมาธิ สิทฺโธเยว โหติ, ตสฺมา สมาธิสฺส อาเสวนาย ปคุณพลวภาวาย สํวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. ภาวนายาติ ตสฺเสว สมาธิสฺส วฑฺฒิยา. พหุลีกมฺมายาติ ปุนปฺปุนํ กิริยาย. อลงฺการายาติ ตสฺเสว สมาธิสฺส ปสาธนภูตสทฺธินฺทฺริยาทินิปฺผตฺติยา อลงฺการาย สํวตฺตนฺติ. ปริกฺขารายาติ อวิปฺปฏิสาราทิกสฺส สมาธิสมฺภารสฺส สิทฺธิยา ตสฺเสว สมาธิสฺส ปริกฺขาราย สํวตฺตนฺติ. สมฺภารตฺโถ หิ อิธ ปริกฺขาร-สทฺโท. ‘‘เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๑) วิย สมฺภาโรติ จ ปจฺจโย เวทิตพฺโพ. กามฺจายํ ปริกฺขาร-สทฺโท ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๔) อลงฺการตฺโถ. ‘‘สตฺตหิ นครปริกฺขาเรหิ สุปริกฺขตฺตํ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๖๗) ปริวารตฺโถ วุตฺโต. อิธ ปน อลงฺการปริวารานํ วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘สมฺภารตฺโถ’’ติ วุตฺตํ ¶ . ปริวารายาติ มูลการณภาเวเนว สมาธิสฺส ปริวารภูตสติวีริยาทิธมฺมวิเสสสาธเนน ปริวารสมฺปตฺติยา สํวตฺตนฺติ. ปาริปูริยาติ วสีภาวสมฺปาปเนน, วิปสฺสนาย ปทฏฺานภาวาปาทเนน จ ปริปุณฺณภาวสาธนโต สมาธิสฺส ปาริปูริยา สํวตฺตนฺติ.
เอวํ สุปริสุทฺธสีลมูลกํ สพฺพาการปริปูรํ สมาธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘สมาหิโต ปชานาติ ปสฺสติ, ยถาภูตํ ชานํ ปสฺสํ นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ ¶ , วิราคา วิมุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒; ส. นิ. ๓.๑๔) วจนโต สีลมูลกานิ สมาธิปทฏฺานานิ ปโยชนานิ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิพฺพิทาย หิ ทสฺสิตาย ตสฺสา ปทฏฺานภูตํ ยถาภูตาณทสฺสนํ ทสฺสิตเมว โหติ, ตสฺมึ อสติ นิพฺพิทาย อสิชฺฌนโต. นิพฺพิทาทโย อตฺถโต วิภตฺตา เอว. ยถาภูตาณทสฺสนนฺติ ปเนตฺถ สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ อธิปฺเปตํ. เอวเมตฺถ อมตมหานิพฺพานปริโยสานํ สีลสฺส ปโยชนํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ ปหานาทีสุ สีลตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปชหนํ อนุปฺปาทนิโรโธ ปหานนฺติ ตสฺส ภาวสาธนตํ สนฺธาย ‘‘ปหานนฺติ โกจิ ธมฺโม นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. ยถา ปนสฺส ธมฺมภาโว สมฺภวติ, ตถา เหฏฺา สํวณฺณิตเมว. เอวํ หิสฺส สีลภาโว สุฏฺุ ยุชฺชติ. ตํ ตํ ปหานนฺติ ‘‘ปาณาติปาตสฺส ปหานํ, อทินฺนาทานสฺส ปหาน’’นฺติ เอวํ วุตฺตํ ตํ ตํ ปหานํ. ตสฺส ตสฺส กุสลธมฺมสฺสาติ ปาณาติปาตสฺส ปหานํ เมตฺตาทิกุสลธมฺมสฺส, อทินฺนาทานสฺส ปหานํ จาคาทิกุสลธมฺมสฺสาติ เอวํ ตสฺส ตสฺส กุสลธมฺมสฺส. ปติฏฺานฏฺเนาติ ปติฏฺานภาเวน. ปหานํ หิ ตสฺมึ สติ โหติ, อสติ น โหติ, ตสฺส ‘‘ปติฏฺาน’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ กตฺวา ยสฺมึ สนฺตาเน ปาณาติปาตาทโย ตสฺส ปกมฺปเหตโวติ ตปฺปหานํ วิกมฺปาภาวกรเณน จ สมาธานํ วุตฺตํ. เอวํ เสสปหาเนสุปิ วตฺตพฺพํ. สมาธานํ สณฺปนํ, สํยมนํ วา. อิตเร จตฺตาโรติ เวรมณิอาทโย จตฺตาโร ธมฺมา น ปหานํ วิย โวหารมตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ตโต ตโตติ ตมฺหา ตมฺหา ปาณาติปาตาทิโต. ตสฺส ตสฺสาติ ปาณาติปาตาทิกสฺส สํวรณวเสน, ตสฺส ตสฺส วา สํวรสฺส วเสน. ตทุภยสมฺปยุตฺตเจตนาวเสนาติ เวรมณีหิ, สํวรธมฺเมหิ จ สมฺปยุตฺตาย เจตนาย วเสน. ตํ ตํ อวีติกฺกมนฺตสฺสาติ ตํ ตํ ปาณาติปาตาทึ อวีติกฺกมนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส, ธมฺมสมูหสฺส วา วเสน เจตโส ปวตฺติสพฺภาวํ สนฺธาย วุตฺตา. ตสฺมา เอกกฺขเณปิ ลพฺภนฺตีติ อธิปฺปาโย.
สีลสํกิเลสโวทานวณฺณนา
๒๑. สํกิลิสฺสติ ¶ ¶ เตนาติ สํกิเลโส. โก ปน โสติ อาห ‘‘ขณฺฑาทิภาโว สีลสฺส สํกิเลโส’’ติ. โวทายติ วิสุชฺฌติ เอเตนาติ โวทานํ, อขณฺฑาทิภาโว. ลาภยสาทีติ อาทิ-สทฺเทน าติองฺคชีวิตาทีนํ สงฺคโห. สตฺตสุ อาปตฺติกฺขนฺเธสุ อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา เวมชฺเฌติ จ อิทํ เตสํ อุทฺเทสาทิปาฬิวเสน วุตฺตํ. น หิ อฺโ โกจิ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อนุกฺกโม อตฺถิ. ขณฺฑนฺติ ขณฺฑวนฺตํ, ขณฺฑิตํ วา. ฉิทฺทนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิยาติ วตฺถนฺเต, ทสนฺเต วา ฉินฺนวตฺถํ วิย.
เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน. เมถุนสํโยควเสนาติ ราคปริยุฏฺาเนน สทิสภาวาปตฺติยา มิถุนานํ อิทนฺติ เมถุนํ, นิพนฺธนํ. เมถุนวเสน สมาโยโค เมถุนสํโยโค. อิธ ปน เมถุนสํโยโค วิยาติ เมถุนสํโยโค, ตสฺส วเสน. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. เอกจฺโจติ เอโก. สมโณ วา พฺราหฺมโณ วาติ ปพฺพชฺชามตฺเตน สมโณ วา ชาติมตฺเตน พฺราหฺมโณ วา. ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตินฺติ ทฺวีหิ ทฺวีหิ สมาปชฺชิตพฺพํ, เมถุนนฺติ อตฺโถ. น เหว โข สมาปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. อุจฺฉาทนํ อุพฺพตฺตนํ. สมฺพาหนํ ปริมทฺทนํ. สาทิยตีติ อธิวาเสติ. ตทสฺสาเทตีติ ตํ อุจฺฉาทนาทึ อภิรมติ. นิกาเมตีติ อิจฺฉติ. วิตฺตินฺติ ตุฏฺึ. อิทมฺปิ โขติ เอตฺถ อิทนฺติ ยถาวุตฺตํ สาทิยนาทึ ขณฺฑภาวาทิวเสน เอกํ กตฺวา วุตฺตํ. ปิ-สทฺโท วกฺขมานํ อุปาทาย สมุจฺจยตฺโถ. โข-สทฺโท อวธารณตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยเทตํ พฺรหฺมจารีปฏิฺสฺส อสติปิ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺติยํ มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนนฺหาปนสมฺพาหนสาทิยนาทิ, อิทมฺปิ เอกํเสน ตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑาทิภาวาปาทนโต ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปีติ. เอวํ ปน ขณฺฑาทิภาวาปตฺติยา โส อปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ, น ปริสุทฺธํ, สํยุตฺโต เมถุนสํโยเคน, น วิสํยุตฺโต. ตโต จสฺส น ชาติอาทีหิ ปริมุตฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ วุจฺจตี’’ติอาทิมาห.
สฺชคฺฆตีติ กิเลสวเสน มหาหสิตํ หสติ. สํกีฬตีติ กายสํสคฺควเสน กีฬติ. สํเกลายตีติ สพฺพโส มาตุคามํ เกลายนฺโต ¶ วิหรติ. จกฺขุนาติ อตฺตโน จกฺขุนา. จกฺขุนฺติ มาตุคามสฺส จกฺขุํ. อุปนิชฺฌายตีติ อุเปจฺจ นิชฺฌายติ โอโลเกติ. ติโรกุฏฺฏาติ กุฏฺฏสฺส ¶ ปรโต. ตถา ติโรปาการา. มตฺติกามยา ภิตฺติ กุฏฺฏํ, อิฏฺกามยา ปากาโรติ วทนฺติ. ยา กาจิ วา ภิตฺติ โปริสโต ทิยฑฺฒรตนุจฺจปฺปมาณา กุฏฺฏํ, กุฏฺฏโต อธิโก ปากาโร.
อสฺสาติ พฺรหฺมจารีปฏิฺสฺส. ปุพฺเพติ วตสมาทานโต ปุพฺเพ. กามคุเณหีติ กามโกฏฺาเสหิ. สมปฺปิตนฺติ สุฏฺุ อปฺปิตํ สหิตํ. สมงฺคีภูตนฺติ สมนฺนาคตํ. ปริจารยมานนฺติ กีฬนฺตํ, อุปฏฺหิยมานํ วา. ปณิธายาติ ปตฺเถตฺวา. สีเลนาติอาทีสุ ยมนิยมาทิสมาทานวเสน สีลํ. อวีติกฺกมวเสน วตํ. อุภยมฺปิ สีลํ. ทุกฺกรจริยวเสน ปวตฺติตํ วตํ. ตํตํอกิจฺจสมฺมตโต วา นิวตฺติลกฺขณํ สีลํ. ตํตํสมาทานวโต เวสโภชนกิจฺจกรณาทิวิเสสปฏิปตฺติ วตํ. สพฺพถาปิ ทุกฺกรจริยา ตโป. เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยํ.
สพฺพโสติ อนวเสสโต, สพฺเพสํ วา. อเภเทนาติ อวีติกฺกเมน. อปราย จ ปาปธมฺมานํ อนุปฺปตฺติยา, คุณานํ อุปฺปตฺติยา สงฺคหิโตติ โยชนา. ตตฺถ กุชฺฌนลกฺขโณ โกโธ. อุปนนฺธนลกฺขโณ อุปนาโห. ปเรสํ คุณมกฺขนลกฺขโณ มกฺโข. ยุคคฺคาหลกฺขโณ ปฬาโส. ปรสมฺปตฺติอุสูยนลกฺขณา อิสฺสา. อตฺตสมฺปตฺตินิคูหนลกฺขณํ มจฺฉริยํ. สนฺตโทสปฏิจฺฉาทนลกฺขณา มายา. อสนฺตคุณสมฺภาวนลกฺขณํ สาเยฺยํ. จิตฺตสฺส ถทฺธภาวลกฺขโณ ถมฺโภ. กรณุตฺตริยลกฺขโณ สารมฺโภ. อุนฺนติลกฺขโณ มาโน. อพฺภุนฺนติลกฺขโณ อติมาโน. มชฺชนลกฺขโณ มโท. จิตฺตโวสคฺคลกฺขโณ ปมาโท. อาทิ-สทฺเทน โลภโมหวิปรีตมนสิการาทีนํ สงฺคโห.
อิทานิ ‘‘อขณฺฑาทิภาโว ปนา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘ยานิ หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนุปหตานีติ อนุปทฺทุตานิ. วิวฏฺฏูปนิสฺสยตาย ตณฺหาทาสพฺยโต โมจเนน ภุชิสฺสภาวกรณํ. อวิฺูนํ อปฺปมาณตฺตา วุตฺตํ ‘‘วิฺูหิ ปสตฺถตฺตา’’ติ. สมาธิสํวตฺตนํ วา เอเตสํ ปโยชนํ, สมาธิสํวตฺตเน วา นิยุตฺตานีติ สมาธิสํวตฺตนิกานิ. นิทฺทาเนน สสฺสสมฺปตฺติ วิย ปฏิปกฺขวิคเมน สีลสมฺปทา, สา จ ตตฺถ ¶ สติ โทสทสฺสเนติ อาห ‘‘สีลวิปตฺติยา จ อาทีนวทสฺสเนนา’’ติ. นิสมฺมการีนํ ปโยชนครุกตาย ทิฏฺคุเณเยว สมฺมาปฏิปตฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สีลสมฺปตฺติยา จ อานิสํสทสฺสเนนา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สีลวิปตฺติยา อาทีนโว สีลสมฺปทาย เหฏฺา ทสฺสิตอานิสํสปฏิปกฺขโต เวทิตพฺโพ, ตํ สุวิฺเยฺยนฺติ อวิตฺถาเรตฺวา ปการนฺตเรหิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติ อารทฺธํ. ตตฺถ ยถา สีลสมฺปทา สตฺตานํ มนฺุภาวการณํ, เอวํ สีลวิปตฺติ อมนฺุภาวการณนฺติ อาห ‘‘ทุสฺสีโล…เป… เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. อนนุสาสนีโย ชิคุจฺฉิตพฺพโต. ทุกฺขิโตติ สฺชาตทุกฺโข. วิปฺปฏิสารีติ ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณ’’นฺติอาทินา ปจฺจานุตาปี. ทุพฺพณฺโณติ คุณวณฺเณน, กายวณฺเณน จ วิรหิโต. อสฺสาติ ทุสฺสีลสฺส. สมฺผสฺสิตานํ ทุกฺโข ทุกฺขาวโห สมฺผสฺโส เอตสฺสาติ ทุกฺขสมฺผสฺโส. คุณานุภาวาภาวโต อปฺปํ อคฺฆตีติ อปฺปคฺโฆ. อเนกวสฺสคณิกคูถกูโป วิยาติ อเนกวสฺสสมูเห สฺจิตุกฺการาวาโฏ วิย. ทุพฺพิโสธโน โสเธตุํ อสกฺกุเณยฺโย. ฉวาลาตํ ฉวฑาเห สนฺตชฺชนุมฺมุกฺกํ. อุภโต ปริพาหิโรติ สามฺโต, คิหิโภคโต จ ปริหีโน. สพฺเพสํ เวรี, สพฺเพ วา เวรี เอตสฺสาติ สพฺพเวรี, โส เอว สพฺพเวริโก, ปุริโส. สํวาสํ นารหตีติ อสํวาสารโห. สทฺธมฺเมติ ปฏิปตฺติสทฺธมฺเม, ปฏิเวธสทฺธมฺเม จ.
‘‘อคฺคิกฺขนฺธปริยาเย วุตฺตทุกฺขภาคิตายา’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทุสฺสีลานฺหี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ปฺจกามคุณปริโภคสุเข, ปเรหิ กยิรมานวนฺทนมานนาทิสุเข จ อสฺสาเทน คธิตจิตฺตา ปฺจกาม…เป… คธิตจิตฺตา, เตสํ. เต ยถาวุตฺตสุขสฺสาทา ปจฺจยา เอตสฺสาติ ตปฺปจฺจยํ. ทุกฺขนฺติ สมฺพนฺโธ.
ปสฺสถ โนติ ปสฺสถ นุ, อปิ ปสฺสถ. มหนฺตนฺติ วิปุลํ. อคฺคิกฺขนฺธนฺติ อคฺคิสมูหํ. อาทิตฺตนฺติ ปทิตฺตํ. สมฺปชฺชลิตนฺติ สมนฺตโต ปชฺชลิตํ อจฺฉิวิปฺผุลิงฺคานิ มุจฺจนฺตํ. สโชติภูตนฺติ สปภํ สมนฺตโต อุฏฺิตาหิ ชาลาหิ เอกปฺปภาสมุทยภูตํ. ตํ กึ มฺถาติ ตํ อิทานิ มยา วุจฺจมานมตฺถํ กึ มฺถาติ อนุมติคหณตฺถํ ปุจฺฉติ. อาลิงฺเคตฺวาติ อุปคูหิตฺวา. อุปนิสีเทยฺยาติ เตเนว อาลิงฺคเนน อุเปจฺจ นิสีเทยฺย. ยทตฺถเมตฺถ สตฺถา อคฺคิกฺขนฺธาลิงฺคนํ, กฺาลิงฺคนฺจ อาเนสิ, ตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘อาโรจยามี’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ อาโรจยามีติ อามนฺเตมิ. โวติ ตุมฺเห. ปฏิเวทยามีติ ปโพเธมิ. ทุสฺสีลสฺสาติ นิสฺสีลสฺส สีลวิรหิตสฺส. ปาปธมฺมสฺสาติ ทุสฺสีลตฺตา เอว หีนชฺฌาสยตาย ลามกสภาวสฺส. อสุจิสงฺกสฺสรสมาจารสฺสาติ อปริสุทฺธกายสมาจาราทิตาย อสุจิสฺส หุตฺวา สงฺกาย สริตพฺพสมาจารสฺส. ทุสฺสีโล หิ กิฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ ¶ อสุเกน กตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปเรสํ อาสงฺกนีโยว โหติ, เกนจิเทว วา กรณีเยน มนฺตยนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข อิเม มยา กตํ กมฺมํ ชานิตฺวา มนฺเตนฺตี’’ติ อตฺตโนเยว สงฺกาย สริตพฺพสมาจาโรติ. ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตสฺสาติ ลชฺชิตพฺพตาย ปฏิจฺฉาเทตพฺพกมฺมนฺตสฺส. อสฺสมณสฺสาติ น สมณสฺส. สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘อหมฺปิ สมโณ’’ติ มิจฺฉาปฏิฺาย สมณปฏิฺสฺส. อเสฏฺจาริตาย อพฺรหฺมจาริสฺส. อุโปสถาทีสุ ‘‘อหมฺปิ พฺรหฺมจารี’’ติ มิจฺฉาปฏิฺาย พฺรหฺมจาริปฏิฺสฺส. ปูตินา กมฺเมน สีลวิปตฺติยา อนฺโต อนุปวิฏฺตฺตา อนฺโตปูติกสฺส. ฉหิ ทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสานุวสฺสเนน ตินฺตตฺตา อวสฺสุตสฺส. สฺชาตราคาทิกจวรตฺตา, สีลวนฺเตหิ ฉฑฺเฑตพฺพตฺตา จ กสมฺพุชาตสฺส. อคฺคิกฺขนฺธูปมาย หีนูปมภูตายาติ อตฺโถ. เตนาห ภควา – ‘‘เอตเทว ตสฺส วร’’นฺติ. ภควา ทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา ทุกฺขํ ทสฺเสตีติ สมฺพนฺโธ.
วาฬรชฺชุยาติ วาเฬหิ กตรชฺชุยา. สา หิ ขรตรา โหติ. ฆํเสยฺยาติ ปธํสนวเสน ฆํเสยฺย. เตลโธตายาติ เตเลน นิสิตาย. ปจฺโจรสฺมินฺติ ปติอุรสฺมึ อุราภิมุขํ, อุรมชฺเฌติ อธิปฺปาโย. อโยสงฺกุนาติ สณฺฑาเสน. เผณุทฺเทหกนฺติ เผณํ อุทฺเทเหตฺวา, อเนกวารํ เผณํ อุฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ.
อคฺคิกฺขนฺธาลิงฺคนทุกฺขโตปิ อธิมตฺตทุกฺขตาย กฏุกภูตํ ทุกฺขํ ผลํ เอตสฺสาติ อคฺคิกฺขนฺธาลิงฺคนทุกฺขาธิกทุกฺขกฏุกผลํ. กามสุขํ อวิชหโต ภินฺนสีลสฺส ทุสฺสีลสฺส กุโต ตสฺส สุขํ นตฺเถวาติ อธิปฺปาโย. สาทเนติ สาทิยเน. ยนฺติ อฺชลิกมฺมสาทนํ. อสีลิโนติ ทุสฺสีลสฺส. อุปหตนฺติ สีลพฺยสเนน อุปทฺทุตํ. ขตนฺติ กุสลมูลานํ ขณเนน ขตํ, ขณิตํ วา คุณํ สรีเรติ อธิปฺปาโย. สพฺพภเยหีติ อตฺตานุวาทาทิสพฺพภเยหิ. อุปจารชฺฌานํ อุปาทาย สพฺเพหิ อธิคมสุเขหิ.
วุตฺตปฺปการวิปรีตโตติ ¶ สีลวิปตฺติยํ วุตฺตาการปฏิปกฺขโต ‘‘มนาโป โหติ เทวมนุสฺสาน’’นฺติอาทินา. กายคนฺโธปิ ปาโมชฺชํ, สีลวนฺตสฺส ภิกฺขุโน. กโรติ อปิ เทวานนฺติ เอตฺถ ‘‘คนฺโธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตาน’’นฺติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) คาถา วิตฺถาเรตพฺพา. อวิฆาตีติ อปฺปฏิฆาตี. วธพนฺธาทิปริกิเลสา ทิฏฺธมฺมิกา อาสวา อุปทฺทวา. สมฺปรายิกทุกฺขานํ มูลํ นาม ทุสฺสีลฺยํ. อนฺตมติกฺกนฺตํ อจฺจนฺตํ, อจฺจนฺตํ สนฺตา อจฺจนฺตสนฺตา ¶ กิเลสปริฬาหสงฺขาตทรถานํ อภาเวน สพฺพทา สนฺตา. อุพฺพิชฺชิตฺวาติ าณุตฺราเสน อุตฺตสิตฺวา. โวทาเปตพฺพนฺติ วิโสเธตพฺพํ.
สีลนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ ปมปริจฺเฉทวณฺณนา.
๒. ธุตงฺคนิทฺเทสวณฺณนา
๒๒. อปฺปา ¶ ¶ อิจฺฉา เอตสฺสาติ อปฺปิจฺโฉ, ปจฺจยเคธรหิโต. ตสฺส ภาโว อปฺปิจฺฉตา, อโลภชฺฌาสยตาติ อตฺโถ. สมํ ตุฏฺิ, สนฺเตน, สเกน วา ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ, สนฺตุฏฺิ เอว สนฺตุฏฺิตา, อฺํ อปตฺเถตฺวา ยถาลทฺเธหิ อิตรีตเรหิ ปจฺจเยหิ ปริตุสฺสนา. สนฺตุฏฺิตาทีหีติ ต-กาโร วา ปทสนฺธิกโร. ‘‘สนฺตุฏฺิอาทีหี’’ติ วา ปาโ. เต คุเณติ เต สีลโวทานสฺส เหตุภูเต อปฺปิจฺฉตาทิคุเณ. สมฺปาเทตุนฺติ สมฺปนฺเน กาตุํ. เต หิ สีลวิสุทฺธิยา ปฏิลทฺธมตฺตา หุตฺวา ธุตธมฺเมหิ สมฺปนฺนตรา โหนฺติ. ธุตงฺคสมาทานนฺติ กิเลสานํ ธุนนกองฺคานํ วิทฺธํสนการณานํ สมฺมเทว อาทานํ. เอวนฺติ เอวํ สนฺเต, ธุตงฺคสมาทาเน กเตติ อตฺโถ. อสฺส โยคิโน. สลฺเลโข กิเลสานํ สมฺมเทว ลิขนา เฉทนา ตนุกรณํ. ปวิเวโก จิตฺตวิเวกสฺส อุปายภูตา วิเวกฏฺกายตา. อปจโย ยถา ปฏิปชฺชนโต กิเลสา นํ อปจินนฺติ น อาจินนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชนา. วีริยารมฺโภ อนุปฺปนฺนานํ ปาปธมฺมานํ อนุปฺปาทนาทิวเสน อารทฺธวีริยตา. สุภรตา ยถาวุตฺตอปฺปิจฺฉภาวาทิสิทฺธา อุปฏฺกานํ สุขภรณียตา สุโปสตา. อาทิ-สทฺเทน อปฺปกิจฺจตาสลฺลหุกวุตฺติอาทิเก สงฺคณฺหาติ. สีลฺเจว ยถาสมาทินฺนํ ปฏิปกฺขธมฺมานํ ทูรีภาเวน สุปริสุทฺธํ ภวิสฺสติ. วตานิ จ ธุตธมฺมา จ สมฺปชฺชิสฺสนฺติ สมฺปนฺนา ภวิสฺสนฺติ, นิปฺผชฺชิสฺสนฺติ วา. ยา ถิรภูตา อิตรีตรจีวรปิณฺฑปาตเสนาสนสนฺตุฏฺิ โปราณานํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ ปเวณิภาเวน ิตา, ตตฺถ ปติฏฺิตภาวํ สนฺธายาห ‘‘โปราเณ อริยวํสตฺตเย ปติฏฺายา’’ติ. ภาวนา อารมิตพฺพฏฺเน อาราโม เอตสฺสาติ ภาวนาราโม, ตพฺภาโว ภาวนารามตา, สมถวิปสฺสนาภาวนาสุ ยุตฺตปฺปยุตฺตตา. ยสฺมา อธิคมารโห ภวิสฺสติ, ตสฺมาติ สมฺพนฺโธ.
ลาภสกฺการาทิ ตณฺหาย อามสิตพฺพโต, โลกปริยาปนฺนตาย จ โลกามิสํ. นิพฺพานาธิคมสฺส อนุโลมโต อนุโลมปฏิปทา วิปสฺสนาภาวนา. อตฺถโตติ วจนตฺถโต. ปเภทโตติ ¶ วิภาคโต. เภทโตติ วินาสโต. ธุตาทีนนฺติ ธุตธุตวาทธุตธมฺมธุตงฺคานํ. สมาสพฺยาสโตติ สงฺเขปวิตฺถารโต.
๒๓. รถิกาติ ¶ รจฺฉา. สงฺการกูฏาทีนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อพฺภุคฺคตฏฺเนาติ อุสฺสิตฏฺเน. ‘‘นทิยา กูล’’นฺติอาทีสุ วิย สมุสฺสยตฺโถ กูล-สทฺโทติ อาห ‘‘ปํสุกูลมิว ปํสุกูล’’นฺติ. กุ-สทฺโท กุจฺฉายํ อุล-สทฺโท คติอตฺโถติ อาห ‘‘กุจฺฉิตภาวํ คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, ปํสุ วิย กุจฺฉิตํ อุลติ ปวตฺตตีติ วา ปํสุกูลํ. ปํสุกูลสฺส ธารณํ ปํสุกูลํ อุตฺตรปทโลเปน, ตํ สีลมสฺสาติ ปํสุกูลิโก, ยถา ‘‘อาปูปิโก’’ติ. องฺคติ อตฺตโน ผลํ ปฏิจฺจ เหตุภาวํ คจฺฉตีติ องฺคํ, การณํ. เยน ปุคฺคโล ‘‘ปํสุกูลิโก’’ติ วุจฺจติ, โส สมาทานเจตนาสงฺขาโต ธมฺโม ปํสุกูลิกสฺส องฺคนฺติ ปํสุกูลิกงฺคํ. เตนาห ‘‘ปํสุกูลิกสฺสา’’ติอาทิ. ตสฺสาติ สมาทานสฺส. สมาทิยติ เอเตนาติ สมาทานํ, เจตนา.
เอเตเนว นเยนาติ ยถา ปํสุกูลธารณํ ปํสุกูลํ, ตํสีโล ปํสุกูลิโก, ตสฺส องฺคํ สมาทานเจตนา ‘‘ปํสุกูลิกงฺค’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ เอเตเนว วจนตฺถนเยน ติจีวรธารณํ ติจีวรํ, ตํสีโล เตจีวริโก, ตสฺส องฺคํ สมาทานเจตนา ‘‘เตจีวริกงฺค’’นฺติ เวทิตพฺพํ. สงฺฆาฏิอาทีสุ เอว ตีสุ จีวเรสุ ติจีวรสมฺา, น กณฺฑุปฏิจฺฉาทิวสฺสิกสาฏิกาทีสูติ ตานิ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘สงฺฆาฏิอุตฺตราสงฺคอนฺตรวาสกสงฺขาต’’นฺติ อาห.
ตํ ปิณฺฑปาตนฺติ ปเรหิ ทิยฺยมานานํ ปิณฺฑานํ ปตฺเต ปตนสงฺขาตํ ปิณฺฑปาตํ, ตํ อฺุฉตีติ ปิณฺฑปาติโก, ยถา พาทริโก สามากิโก. ปิณฺฑปาติ เอว ปิณฺฑปาติโก, ยถา ภทฺโท เอว ภทฺทโก. อวขณฺฑนํ วิจฺฉินฺทนํ นิรนฺตรมปฺปวตฺติ. ตปฺปฏิกฺเขปโต อนวขณฺฑนํ อวิจฺฉินฺทนํ นิรนฺตรปฺปวตฺติ. สห อปทาเนนาติ สห อนวขณฺฑเนน. สปทานนฺติ ปทสฺส กิริยาวิเสสนภาวํ, ยตฺถ จ ตํ อนวขณฺฑนํ, ตฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘อวขณฺฑนรหิตํ อนุฆรนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอกาสเนติ อิริยาปถนฺตเรน อนนฺตริตาย เอกายเยว นิสชฺชาย. ปตฺเต ปิณฺโฑติ เอตฺถ วตฺถุเภโท อิธาธิปฺเปโต, น สามฺํ. เอว-กาโร จ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เกวลํ เอกสฺมึเยว ปตฺเต’’ติ อาห. อุตฺตรปทโลปํ กตฺวา อยํ นิทฺเทโสติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปตฺตปิณฺฑคหเณ ปตฺตปิณฺฑสฺํ กตฺวา’’ติ อาห. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ.
ปจฺฉาภตฺตํ ¶ ¶ นาม ปวารณโต ปจฺฉา ลทฺธภตฺตํ เอว. ขลุ-สทฺทสฺส ปฏิเสธตฺถวาจกตฺตา เตน สมานตฺถํ น-การํ คเหตฺวา อาห ‘‘น ปจฺฉาภตฺติโก’’ติ. สิกฺขาปทสฺส วิสโย สิกฺขาปเทเนว ปฏิกฺขิตฺโต. โย ตสฺส อวิสโย, โส เอว สมาทานสฺส วิสโยติ อาห ‘‘สมาทานวเสน ปฏิกฺขิตฺตาติริตฺตโภชนสฺสา’’ติ. อพฺโภกาเส นิวาโส อพฺโภกาโส. สุสาเน นิวาโส สุสานํ, ตํ สีลํ อสฺสาติอาทินา สพฺพํ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘เอเสว นโย’’ติ. ยถาสนฺถตํ วิย ยถาสนฺถตํ, อาทิโต ยถาอุทฺทิฏฺํ. ตํ เหส ‘‘อิทํ พหุมงฺกุณํ ทุคฺคนฺธปวาต’’นฺติอาทิวเสน อปฺปฏิกฺขิปิตฺวาว สมฺปฏิจฺฉติ. เตเนวาห ‘‘อิทํ ตุยฺห’’นฺติอาทิ. สยนนฺติ นิปชฺชนมาห. เตน เตน สมาทาเนนาติ เตน เตน ปํสุกูลิกงฺคาทิกสฺส สมาทาเนน ธุตกิเลสตฺตาติ วิทฺธํสิตกิเลสตฺตา, ตทงฺควเสน ปหีนตณฺหุปาทานาทิปาปธมฺมตฺตาติ อตฺโถ. เยหิ ตํ กิเลสธุนนํ, ตานิเยว อิธ ธุตสฺส ภิกฺขุโน องฺคานีติ อธิปฺเปตานิ, น อฺานิ ยานิ กานิจิ, อฺเน วา ธุตสฺสาติ อยมตฺโถ อตฺถโต อาปนฺโน. ‘‘าณํ องฺคํ เอเตส’’นฺติ อิมินา าณปุพฺพกตํ เตสํ สมาทานสฺส วิภาเวติ. ปฏิปตฺติยาติ สีลาทิสมฺมาปฏิปตฺติยา. สมาทิยติ เอเตนาติ สมาทานํ, สมาทานวเสน ปวตฺตา เจตนา, ตํ ลกฺขณํ เอเตสนฺติ สมาทานเจตนาลกฺขณานิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถายํ –
‘‘สมาทานกิริยาย, สาธกตมภาวโต;
สมฺปยุตฺตธมฺมา เยนาติ, กรณภาเวน ทสฺสิตา’’ติ.
สมาทานเจตนาย คหณํ ตํมูลกตฺตา ปริหรณเจตนาปิ ธุตงฺคเมว. อตฺตนา, ปรมฺมุเขน จ กุสลภณฺฑสฺส ภุสํ วิลุปฺปนฏฺเน โลลุปฺปํ ตณฺหาจาโร, ตสฺส วิทฺธํสนกิจฺจตฺตา โลลุปฺปวิทฺธํสนรสานิ. ตโต เอว นิลฺโลลุปฺปภาเวน ปจฺจุปติฏฺนฺติ, ตํ วา ปจฺจุปฏฺาเปนฺตีติ นิลฺโลลุปฺปภาวปจฺจุปฏฺานานิ. อริยธมฺมปทฏฺานานีติ ปริสุทฺธสีลาทิสทฺธมฺมปทฏฺานานิ.
ภควโตว สนฺติเก สมาทาตพฺพานีติ อิทํ อนฺตรา อวิจฺเฉทนตฺถํ วุตฺตํ, รฺโ สนฺติเก ปฏิฺาตารหสฺส อตฺถสฺส ตทุปชีวิโน เอกํสโต อวิสํวาทนํ วิย. เสสานํ สนฺติเก สมาทาเนปิ เอเสว นโย. เอกสงฺคีติกสฺสาติ ¶ ปฺจสุ ทีฆนิกายาทีสุ นิกาเยสุ เอกนิกายิกสฺส. อฏฺกถาจริยสฺสาติ ยสฺส อฏฺกถาตนฺติเยว วิเสสโต ปคุณา, ตสฺส. เอตฺถาติ อตฺตนาปิ สมาทานสฺส รุหเน. เชฏฺกภาตุ ธุตงฺคปฺปิจฺฉตาย วตฺถูติ โส กิร เถโร เนสชฺชิโก ¶ , ตสฺส ตํ น โกจิ ชานาติ. อเถกทิวสํ รตฺติยา สยนปิฏฺเ นิสินฺนํ วิชฺชุลโตภาเสน ทิสฺวา อิตโร ปุจฺฉิ ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุมฺเห เนสชฺชิกา’’ติ. เถโร ธุตงฺคปฺปิจฺฉตาย ตาวเทว นิปชฺชิตฺวา ปจฺฉา สมาทิยีติ เอวมาคตํ วตฺถุ.
๑. ปํสุกูลิกงฺคกถาวณฺณนา
๒๔. คหปติทานจีวรนฺติ เอตฺถ ทายกภาเวน สมณาปิ อุกฺกฏฺสฺส คหปติปกฺขํเยว ปวิฏฺาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปพฺพชิโต คณฺหิสฺสตี’’ติ ปิตกํ สิยา คหปติจีวรํ, น ปน คหปติทานจีวรนฺติ ตาทิสํ นิวตฺเตตุํ ทานคฺคหณํ. อฺตเรนาติ เอตฺถ สมาทานวจเนน ตาว สมาทินฺนํ โหตุ, ปฏิกฺเขปวจเนน ปน กถนฺติ? อตฺถโต อาปนฺนตฺตา. ยถา ‘‘เทวทตฺโต ทิวา น ภฺุชตี’’ติ วุตฺเต ‘‘รตฺติยํ ภฺุชตี’’ติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหติ, ตสฺส อาหาเรน วินา สรีรฏฺิติ นตฺถีติ, เอวมิธาปิ ภิกฺขุโน คหปติทานจีวเร ปฏิกฺขิตฺเต ตทฺจีวรปฺปฏิคฺคโห อตฺถโต อาปนฺโน เอว โหติ, จีวเรน วินา สาสเน ิติ นตฺถีติ.
เอวํ สมาทินฺนธุตงฺเคนาติอาทิวิธานํ ปํสุกูลิกงฺเค ปฏิปชฺชนวิธิ. สุสาเน ลทฺธํ โสสานิกํ. ตํ ปน ยสฺมา ตตฺถ เกนจิ ฉฑฺฑิตตฺตา ปติตํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สุสาเน ปติตก’’นฺติ. เอวํ ปาปณิกมฺปิ ทฏฺพฺพํ. ตาลเวฬิมคฺโค นาม มหาคาเม เอกา วีถิ. อนุราธปุเรติ จ วทนฺติ. ฑฑฺโฒ ปเทโส เอตสฺสาติ ฑฑฺฒปฺปเทสํ, วตฺถํ. มคฺเค ปติตกํ พหุทิวสาติกฺกนฺตํ คเหตพฺพนฺติ วทนฺติ. ‘‘ทฺวตฺติทิวสาติกฺกนฺต’’นฺติ อปเร. โถกํ รกฺขิตฺวาติ กติปยํ กาลํ อาคเมตฺวา. วาตาหตมฺปิ สามิกานํ สติสมฺโมเสน ปติตสทิสนฺติ ‘‘สามิเก อปสฺสนฺเตน คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา โถกํ อาคเมตฺวา คเหตพฺพํ.
‘‘สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทินฺนํ, โจฬกภิกฺขาวเสน ลทฺธฺจ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย ‘‘สมณจีวรํ สิยา นุ โข, โน’’ติ อาสงฺกํ นิวตฺเตตุํ ‘‘น ตํ ปํสุกูล’’นฺติ วุตฺตํ. น หิ ตํ เตวีสติยา อุปฺปตฺติฏฺาเนสุ กตฺถจิ ปริยาปนฺนํ. อิทานิ อิมินาว ปสงฺเคน ยํ ภิกฺขุทตฺติเย ลกฺขณปตฺตํ ¶ ปํสุกูลํ, ตสฺส จ อุกฺกฏฺานุกฺกฏฺวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภิกฺขุทตฺติเยปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ คาเหตฺวา วา ทียตีติ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา เทนฺเตหิ ยํ จีวรํ วสฺสคฺเคน ปาเปตฺวา ภิกฺขูนํ ทียติ. เสนาสนจีวรนฺติ เสนาสนํ กาเรตฺวา ‘‘เอตสฺมึ เสนาสเน วสนฺตา ปริภฺุชนฺตู’’ติ ¶ ทินฺนจีวรํ. น ตํ ปํสุกูลนฺติ อปํสุกูลภาโว ปุพฺเพ วุตฺตการณโต, คาเหตฺวา ทินฺนตฺตา จ. เตนาห ‘‘โน คาหาเปตฺวา ทินฺนเมว ปํสุกูล’’นฺติ. ตตฺรปีติ ยํ คาเหตฺวา น ทินฺนํ ภิกฺขุทตฺติยํ, ตตฺรปิ เยน ภิกฺขุนา จีวรํ ทียติ, ตสฺส ลาเภ, ทาเน จ วิสุํ วิสุํ อุภยตฺถ อาทรคารวานํ สพฺภาวโต, ตทภาวโต จ ภิกฺขุทตฺติยสฺส เอกโตสุทฺธิ อุภโตสุทฺธิ อนุกฺกฏฺตา โหนฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ทายเกหี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ปาทมูเล เปตฺวา ทินฺนกํ สมเณนาติ อธิปฺปาโย. ยสฺส กสฺสจีติ อุกฺกฏฺาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ. รุจิยาติ ฉนฺเทน. ขนฺติยาติ นิชฺฌานกฺขนฺติยา.
นิสฺสยานุรูปปฏิปตฺติสพฺภาโวติ อุปสมฺปนฺนสมนนฺตรํ อาจริเยน วุตฺเตสุ จตูสุ นิสฺสเยสุ อตฺตนา ยถาปฏิฺาตทุติยนิสฺสยานุรูปาย ปฏิปตฺติยา วิชฺชมานตา. อารกฺขทุกฺขาภาโวติ จีวรารกฺขนทุกฺขสฺส อภาโว ปํสุกูลจีวรสฺส อโลภนียตฺตา. ปริโภคตณฺหาย อภาโว สวิเสสลูขสภาวตฺตา. ปาสาทิกตาติ ปเรสํ ปสาทาวหตา. อปฺปิจฺฉตาทีนํ ผลนิปฺผตฺติ ธุตงฺคปริหรณสฺส อปฺปิจฺฉตาทีหิเยว นิปฺผาเทตพฺพโต. ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตนํ ยาวเทว อุปริ สมฺมาปฏิปตฺติสมฺปาทนายาติ วุตฺตํ ‘‘สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุพฺรูหน’’นฺติ. มารเสนวิฆาตายาติ มารสฺส, มารเสนาย จ วิหนนาย วิทฺธํสนาย. กายวาจาจิตฺเตหิ ยโต สํยโตติ ยติ, ภิกฺขุ. ธาริตํ ยํ โลกครุนา ปํสุกูลํ, ตํ โก น ธารเย, ยสฺมา วา โลกครุนา ปํสุกูลํ ธาริตํ, ตสฺมา โก ตํ น ธารเยติ โยชนา ยํตํสทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธิภาวโต. ปฏิฺํ สมนุสฺสรนฺติ อุปสมฺปทมาเฬ ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ อาจริยปมุขสฺส สงฺฆสฺส สมฺมุขา ทินฺนํ ปฏิฺํ สมนุสฺสรนฺโต.
อิติ ปํสุกูลิกงฺคกถาวณฺณนา.
๒. เตจีวริกงฺคกถาวณฺณนา
๒๕. จตุตฺถกจีวรนฺติ ¶ นิวาสนปารุปนโยคฺยํ จตุตฺถกจีวรนฺติ อธิปฺปาโย, อํสกาสาวสฺส อปฺปฏิกฺขิปิตพฺพโต. อฺตรวจเนนาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. ยาว น สกฺโกติ, ยาว น ลภติ, ยาว น สมฺปชฺชตีติ ปจฺเจกํ ยาว-สทฺโท สมฺพนฺธิตพฺโพ. น สมฺปชฺชตีติ น สิชฺฌติ. นิกฺขิตฺตปจฺจยา โทโส นตฺถีติ นิจยสนฺนิธิธุตงฺคสํกิเลสโทโส ¶ นตฺถิ. อาสนฺเนติ จีวรสฺส อาสนฺเน าเน. รชนกฺขเณ ปริภฺุชนกาสาวํ รชนกาสาวํ. ตตฺรฏฺกปจฺจตฺถรณํ นาม อตฺตโน, ปรสฺส วา สนฺตกํ เสนาสเน ปจฺจตฺถรณวเสน อธิฏฺิตํ. ‘‘อํสกาสาวํ ปริกฺขารโจฬํ โหติ, อิติ ปจฺจตฺถรณํ, อํสกาสาวนฺติ อิมานิ ทฺเวปิ อติเรกจีวรฏฺาเน ิตานิปิ ธุตงฺคเภทํ น กโรนฺตี’’ติ อฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. ปริหริตุํ ปน น วฏฺฏตีติ รชนกาเล เอว อนฺุาตตฺตา นิจฺจปริโภควเสน น วฏฺฏติ เตจีวริกสฺส. อํสกาสาวนฺติ ขนฺเธ เปตพฺพกาสาวํ. กายปริหาริเกนาติ วาตาตปาทิปริสฺสยโต กายสฺส ปริหรณมตฺเตน. สมาทาเยวาติ คเหตฺวา เอว. อปฺปสมารมฺภตาติ อปฺปกิจฺจตา. กปฺปิเย มตฺตการิตายาติ นิสีทนาทิวเสน, ปริกฺขารโจฬวเสน จ พหูสุ จีวเรสุ อนฺุาเตสุปิ ติจีวรมตฺเต ิตตฺตา. สห ปตฺตจรณายาติ สปตฺตจรโณ. ปกฺขี สปกฺขโก.
อิติ เตจีวริกงฺคกถาวณฺณนา.
๓. ปิณฺฑปาติกงฺคกถาวณฺณนา
๒๖. อติเรกลาภนฺติ ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสายา’’ติ (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) เอวํ วุตฺตภิกฺขาหารลาภโต อติเรกลาภํ, สงฺฆภตฺตาทินฺติ อตฺโถ. สกลสฺส สงฺฆสฺส ทาตพฺพภตฺตํ สงฺฆภตฺตํ. กติปเย ภิกฺขู อุทฺทิสิตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ. เอกสฺมึ ปกฺเข เอกทิวสํ ทาตพฺพภตฺตํ ปกฺขิกํ. อุโปสเถ อุโปสเถ ทาตพฺพภตฺตํ อุโปสถิกํ. ปฏิปททิวเส ทาตพฺพภตฺตํ ปาฏิปทิกํ. วิหารํ อุทฺทิสฺส ทาตพฺพภตฺตํ วิหารภตฺตํ. ธุรเคเห เอว เปตฺวา ทาตพฺพภตฺตํ ธุรภตฺตํ. คามวาสีอาทีหิ วาเรน ทาตพฺพภตฺตํ ¶ วารกภตฺตํ. ‘‘สงฺฆภตฺตํ คณฺหถาติอาทินา’’ติ อาทิ-สทฺเทน อุทฺเทสภตฺตาทึ สงฺคณฺหาติ. สาทิตุํ วฏฺฏนฺตีติ ภิกฺขาปริยาเยน วุตฺตตฺตา. เภสชฺชาทิปฏิสํยุตฺตา นิรามิสสลากา. ยาวกาลิกวชฺชาติ จ วทนฺติ. วิหาเร ปกฺกภตฺตมฺปีติ อุปาสกา อิเธว ภตฺตํ ปจิตฺวา ‘‘สพฺเพสํ อยฺยานํ ทสฺสามา’’ติ วิหาเรเยว ภตฺตํ สมฺปาเทนฺติ, ตํ ปิณฺฑปาติกานมฺปิ วฏฺฏติ. อาหริตฺวาติ ปตฺตํ คเหตฺวา เคหโต อาเนตฺวา. ตํ ทิวสํ นิสีทิตฺวาติ ‘‘มา, ภนฺเต, ปิณฺฑาย จริตฺถ, วิหาเรเยว ภิกฺขา อานียตี’’ติ วทนฺตานํ สมฺปฏิจฺฉเนน ตํ ทิวสํ นิสีทิตฺวา. เสริวิหารสุขนฺติ อปรายตฺตวิหาริตาสุขํ ¶ . อริยวํโสติ อริยวํสสุตฺตปฏิสํยุตฺตา (ที. นิ. ๓.๓๐๙; อ. นิ. ๔.๒๘) ธมฺมกถา. ธมฺมรสนฺติ ธมฺมูปสฺหิตํ ปาโมชฺชาทิรสํ.
ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ปิณฺฑปริเยสนโต โกสชฺชนิมฺมทฺทนตา. ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๔๙; เนตฺติ. ๑๒๓) วุตฺตวิธินา อาหารปริเยสนโต ปริสุทฺธาชีวตา. นิจฺจํ อนฺตรฆรํ ปวิสนฺตสฺเสว สุปฺปฏิจฺฉนฺนคมนาทโย เสขิยธมฺมา สมฺปชฺชนฺตีติ เสขิยปฏิปตฺติปูรณํ. ปฏิคฺคหเณ มตฺตฺุตาย, สํสฏฺวิหาราภาวโต จ อปรโปสิตา. กุเล กุเล อปฺปกอปฺปกปิณฺฑคหเณน ปรานุคฺคหกิริยา. อนฺติมาย ชีวิกาย อวฏฺาเนน มานปฺปหานํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกานํ, ยทิทํ ปิณฺโฑลฺย’’นฺติอาทิ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐). มิสฺสกภตฺเตน ยาปนโต รสตณฺหานิวารณํ. นิมนฺตนาสมฺปฏิจฺฉนโต คณโภชนาทิสิกฺขาปเทหิ อนาปตฺติตา.
อปฺปฏิหตวุตฺติตาย จตูสุปิ ทิสาสุ วตฺตนฏฺเน จาตุทฺทิโส. อาชีวสฺส วิสุชฺฌตีติ อาชีโว อสฺส วิสุชฺฌติ. อตฺตภรสฺสาติ อปฺปานวชฺชสุลภรูเปหิ ปจฺจเยหิ อตฺตโน ภรณโต อตฺตภรสฺส. ตโต เอว เอกวิหาริตาย สทฺธิวิหาริกาทีนมฺปิ อฺเสํ อโปสนโต อนฺโปสิโน. ปททฺวเยนาปิ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน วิจรณโต สลฺลหุกวุตฺติตํ, สุภรตํ, ปรมอปฺปิจฺฉตํ, สนฺตุฏฺิฺจ ทสฺเสติ. เทวาปิ ปิหยนฺติ ตาทิโนติ ตาทิสสฺส ภุสํ อติวิย สนฺตกายวจีมโนกมฺมตาย อุปสนฺตสฺส ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคมโต สพฺพกาลํ สติมโต ปิณฺฑปาติกสฺส ภิกฺขุสฺส สกฺกาทโย ¶ เทวาปิ ปิหยนฺติ ปตฺเถนฺติ. ตสฺส สีลาทิคุเณสุ พหุมานํ อุปฺปาเทนฺตา อาทรํ ชเนนฺติ, ปเคว มนุสฺสา. สเจ โส ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิโต น โหติ, ตทภิกงฺขี น โหตีติ อตฺโถ.
อิติ ปิณฺฑปาติกงฺคกถาวณฺณนา.
๔. สปทานจาริกงฺคกถาวณฺณนา
๒๗. อิมินาติ สปทานจาริเกน. กาลตรนฺติ กาลสฺเสว. อผาสุกฏฺานนฺติ สปริสฺสยาทิวเสน ¶ ทุปฺปเวสนฏฺานํ. ปุรโตติ วีถิยํ คจฺฉนฺตสฺส ปุรโต ฆรํ อปวิฏฺสฺเสว. ปตฺตวิสฺสฏฺฏฺานนฺติ เปสการวีถิยํ เปสการภาวํ นิมฺมินิตฺวา ิตสฺส สกฺกสฺส ฆรทฺวาเร ปตฺตวิสฺสฏฺฏฺานํ. อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติโก ตํ ทิวสํ น ภิกฺขํ อาคมยมาโน นิสีทติ, ตสฺมา ตํ อนุโลเมติ. กตฺถจิปิ กุเล นิพทฺธํ อุปสงฺกมนาภาวโต ปริจยาภาเวน กุเลสุ นิจฺจนวกตา. สพฺพตฺถ อลคฺคมานสตาย จ โสมฺมภาเวน จ จนฺทูปมตา. กุเลสุ ปริคฺคหจิตฺตาภาเวน ตตฺถ มจฺเฉรปฺปหานํ. หิเตสิตาย วิภาคาภาวโต สมานุกมฺปิตา. กุลานํ สงฺคณฺหนสํสฏฺตาทโย กุลูปกาทีนวา. อวฺหานานภินนฺทนาติ นิมนฺตนวเสน อวฺหานสฺส อสมฺปฏิจฺฉนา. อภิหาเรนาติ ภิกฺขาภิหาเรน. เสริจารนฺติ ยถารุจิ วิจรณํ.
อิติ สปทานจาริกงฺคกถาวณฺณนา.
๕. เอกาสนิกงฺคกถาวณฺณนา
๒๘. นานาสนโภชนนฺติ อเนกสฺมึ อาสเน โภชนํ, เอกนิสชฺชาย เอว อภฺุชิตฺวา วิสุํ วิสุํ นิสชฺชาสุ อาหารปริโภคนฺติ อตฺโถ. ปติรูปนฺติ ยุตฺตรูปํ อนุฏฺาปนียํ. วตฺตํ กาตุํ วฏฺฏตีติ วตฺตํ กาตุํ ยุชฺชติ. วตฺตํ นาม ครุฏฺานีเย กตฺตพฺพเมว. ตตฺถ ปน ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสตุํ ยํ เถรวาทํ อาห ‘‘อาสนํ วา รกฺเขยฺย โภชนํ วา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – เอกาสนิกํ ภิกฺขุํ ภฺุชนฺตํ อาสนํ วา รกฺเขยฺย, ธุตงฺคเภทโต ยาว โภชนปริโยสานา น วุฏฺาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ ¶ . โภชนํ วา รกฺเขยฺย ธุตงฺคเภทโต, อภฺุชิยมานํ ยาว ภฺุชิตุํ นารภติ, ตาว วุฏฺาตพฺพนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา ตยิทํ ทฺวยํ อิธ นตฺถิ, ตสฺมา วตฺตกรณํ ธุตงฺคํ น รกฺขตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อยฺจา’’ติอาทิ. ‘‘เภสชฺชตฺถเมวา’’ติ อิมินา เภสชฺชปริโภควเสเนว สปฺปิอาทีนิปิ วฏฺฏนฺตีติ ทสฺเสติ. อปฺปาพาธตาติ อโรคตา. อปฺปาตงฺกตาติ อกิจฺฉชีวิตา สรีรทุกฺขาภาโว. ลหุฏฺานนฺติ กายสฺส ลหุปริวตฺติตา. พลนฺติ สรีรพลํ. ผาสุวิหาโรติ สุขวิหาโร. สพฺพเมตํ พหุกฺขตฺตุํ ภฺุชนปจฺจยา อุปฺปชฺชนวิการปฏิกฺเขปปทํ. รุชาติ โรคา. น กมฺมมตฺตโนติ อตฺตโน โยคกมฺมํ ปุเรภตฺตํ, ปจฺฉาภตฺตฺจ น ปริหาเปติ, พหุโส โภชเน อพฺยาวฏภาวโต, อโรคภาวโต จาติ อธิปฺปาโย.
อิติ เอกาสนิกงฺคกถาวณฺณนา.
๖. ปตฺตปิณฺฑิกงฺคกถาวณฺณนา
๒๙. อปฺปฏิกูลํ ¶ กตฺวา ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ ปฏิกูลสฺส ภุตฺตสฺส อคณฺหนมฺปิ สิยาติ อธิปฺปาโย. ปมาณยุตฺตเมว คณฺหิตพฺพนฺติ ‘‘เอกภาชนเมว คณฺหามี’’ติ พหุํ คเหตฺวา น ฉฑฺเฑตพฺพํ. นานารสตณฺหาวิโนทนนฺติ นานารสโภชเน ตณฺหาย วิโนทนํ. อตฺร อตฺร นานาภาชเน ิเต นานารเส อิจฺฉา เอตสฺสาติ อตฺริจฺโฉ, ตสฺส ภาโว อตฺริจฺฉตา, ตสฺสา อตฺริจฺฉตาย ปหานํ. อาหาเร ปโยชนมตฺตทสฺสิตาติ อสมฺภินฺนนานารเส เคธํ อกตฺวา อาหาเร สตฺถารา อนฺุาตปโยชนมตฺตทสฺสิตา. วิสุํ วิสุํ ภาชเนสุ ิตานิ พฺยฺชนานิ คณฺหโต ตตฺถ ตตฺถ สาโภคตาย สิยา วิกฺขิตฺตโภชิตา, น ตถา อิมสฺส เอกปตฺตคตสฺิโนติ วุตฺตํ ‘‘อวิกฺขิตฺตโภชิตา’’ติ. โอกฺขิตฺตโลจโนติ ปตฺตสฺิตาย เหฏฺาขิตฺตจกฺขุ. ปริภฺุเชยฺยาติ ปริภฺุชิตุํ สกฺกุเณยฺย.
อิติ ปตฺตปิณฺฑิกงฺคกถาวณฺณนา.
๗. ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคกถาวณฺณนา
๓๐. ภฺุชนฺตสฺส ¶ ยํ อุปนีตํ, ตสฺส ปฏิกฺเขเปน ตํ อติริตฺตํ โภชนนฺติ อติริตฺตโภชนํ. ปุน โภชนํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา น ภฺุชิตพฺพํ, ตพฺพิสยตฺตา อิมสฺส ธุตงฺคสฺส. เตนาห ‘‘อิทมสฺส วิธาน’’นฺติ. ยสฺมึ โภชเนติ ยสฺมึ ภฺุชิยมาเน โภชเน. ตเทว ภฺุชติ, น อฺํ. อนติริตฺตโภชนปจฺจยา อาปตฺติ อนติริตฺตโภชนาปตฺติ, ตโต ทูรีภาโว อนาปชฺชนํ. โอทริกตฺตํ ฆสฺมรภาโว กุจฺฉิปูรกตา, ตสฺส อภาโว เอกปิณฺเฑนาปิ ยาปนโต. นิรามิสสนฺนิธิตา นิหิตสฺส อภฺุชนโต. ปุน ปริเยสนวเสน ปริเยสนาย เขทํ น ยาติ. อภิสลฺเลขกานํ สนฺโตสคุณาทีนํ วุทฺธิยา สฺชนนํ สนฺโตสคุณาทิวุฑฺฒิสฺชนนํ. อิทนฺติ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ.
อิติ ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคกถาวณฺณนา.
๘. อารฺิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๑. คามนฺตเสนาสนํ ¶ ปหาย อรฺเ อรุณํ อุฏฺาเปตพฺพนฺติ เอตฺถ คามนฺตํ, อรฺฺจ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ สทฺธึ อุปจาเรนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ คามปริยาปนฺนตฺตา คามนฺตเสนาสนสฺส ‘‘คาโมเยว คามนฺตเสนาสน’’นฺติ วุตฺตํ. โย โกจิ สตฺโถปิ คาโม นามาติ สมฺพนฺโธ. อินฺทขีลาติ อุมฺมารา. ตสฺสาติ เลฑฺฑุปาตสฺส. วินยปริยาเยน อรฺลกฺขณํ อทินฺนาทานปาราชิเก (ปารา. ๙๒) อาคตํ. ตตฺถ หิ ‘‘คามา วา อรฺา วา’’ติ อนวเสสโต อวหารฏฺานปริคฺคเห ตทุภยํ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ ‘‘เปตฺวา คามฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คามูปจาโร หิ โลเก คามสงฺขเมว คจฺฉตีติ. นิปฺปริยายโต ปน คามวินิมุตฺตํ านํ อรฺเมว โหตีติ อภิธมฺเม (วิภ. ๕๒๙) คามา ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา, สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ. สุตฺตนฺติกปริยาเยน อารฺกสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๕๔) ‘‘ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ อาคตํ อารฺิกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย. น หิ โส วินยปริยายิเก ‘‘อรฺเ วสนโต อารฺิโก ปนฺตเสนาสโน’’ติ สุตฺเต วุตฺโต. อยฺจ สุตฺตสํวณฺณนาติ อิธ สพฺพตฺถ สุตฺตนฺตกถาว ¶ ปมาณํ. ตสฺมา ตตฺถ อาคตเมว ลกฺขณํ คเหตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํ อาโรปิเตน อาจริยธนุนา’’ติอาทินา มินนวิธึ อาห. เตเนว หิ มชฺฌิมฏฺกถานโยว (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙๖) อิทเมตฺถ ปมาณนฺติ จ วุตฺโต.
ตโต ตโต มคฺคนฺติ ตตฺถ ตตฺถ ขุทฺทกมคฺคํ ปิทหติ. ธุตงฺคสุทฺธิเกน ธุตงฺคโสธนปสุเตน. ยถาปริจฺฉินฺเน กาเลติ อุกฺกฏฺสฺส ตโยปิ อุตู, มชฺฌิมสฺส ทฺเว, มุทุกสฺส เอโก อุตุ. ตตฺถปิ ธุตงฺคํ น ภิชฺชติ สอุสฺสาหตฺตา. นิปชฺชิตฺวา คมิสฺสามาติ จิตฺตสฺส สิถิลภาเวน ธุตงฺคํ ภิชฺชตีติ วุตฺตํ. อรฺสฺํ มนสิ กโรนฺโตติ ‘‘อหํ วิเวกวาสํ วสิสฺสามิ, ยถาลทฺโธว กายวิเวโก สาตฺถโก กาตพฺโพ’’ติ มนสิการสพฺภาวโต ‘‘ภพฺโพ…เป… รกฺขิตุ’’นฺติ วุตฺตํ. อสฺส อารฺิกสฺส จิตฺตํ น วิกฺขิปนฺติ อาปาถมนุปคมนโต. วิคตสนฺตาโส โหติ วิเวกปริจยโต. ชีวิตนิกนฺตึ ชหติ พหุปริสฺสเย อรฺเ นิวาเสเนว มรณภยสฺส ทูรีกรณโต. ปวิเวกสุขรสํ อสฺสาเทติ อนุภวติ ชนสํสคฺคาภาวโต. อาราธยนฺโตติ อนุนยนฺโต. ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา วิเวกสฺส อธิฏฺานภาวโต อารฺิกงฺคโยคิโน วาหนสทิสนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อวเสสธุตายุโธ’’ติ, อวสิฏฺธุตธมฺมายุโธติ อตฺโถ.
อิติ อารฺิกงฺคกถาวณฺณนา.
๙. รุกฺขมูลิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๒. ฉนฺนนฺติ ¶ อิฏฺกาฉทนาทีหิ ฉาทิตํ, อาวสถนฺติ อตฺโถ. สีมนฺตริกรุกฺโขติ ทฺวินฺนํ ราชูนํ รชฺชสีมาย ิตรุกฺโข. ตตฺถ หิ เตสํ ราชูนํ พลกาโย อุปคนฺตฺวา อนฺตรนฺตรา ยุทฺธํ กเรยฺย, โจราปิ ปาริปนฺถิกา สโมสรนฺตา ภิกฺขุสฺส สุเขน นิสีทิตุํ น เทนฺติ. เจติยรุกฺโข ‘‘เทวตาธิฏฺิโต’’ติ มนุสฺเสหิ สมฺมตรุกฺโข ปูเชตุํ อุปคเตหิ มนุสฺเสหิ อวิวิตฺโต โหติ. นิยฺยาสรุกฺโข สชฺชรุกฺขาทิ. วคฺคุลิรุกฺโข วคฺคุลินิเสวิโต. สีมนฺตริกรุกฺขาทโย สปริสฺสยา, ทุลฺลภวิเวกา จาติ อาห ‘‘อิเม รุกฺเข วิวชฺเชตฺวา’’ติ. ปณฺณสฏนฺติ ¶ รุกฺขโต ปติตปณฺณํ. ปฏิจฺฉนฺเน าเน นิสีทิตพฺพํ รุกฺขมูลิกภาวสฺส ปฏิจฺฉาทนตฺถํ. ฉนฺเน วาสกปฺปนา ธมฺมสฺสวนาทีนมตฺถายปิ โหติ. ตสฺมา ‘‘ชานิตฺวา อรุณํ อุฏฺาปิตมตฺเต’’ติ วุตฺตํ.
อภิณฺหํ ตรุปณฺณวิการทสฺสเนนาติ อภิกฺขณํ ตรูสุ, ตรูนํ วา ปณฺเณสุ วิการสฺส ขณภงฺคสฺส ทสฺสเนน. เสนาสนมจฺเฉรกมฺมารามตานนฺติ อาวาสมจฺฉริยนวกมฺมรตภาวานํ. เทวตาหีติ รุกฺขเทวตาหิ. ตาปิ หิ รุกฺขฏฺวิมาเนสุ วสนฺติโย รุกฺเขสุ วสนฺติ. อยมฺปิ รุกฺเขติ สหวาสิตา. วณฺณิโตติ ‘‘อปฺปานิ เจวา’’ติอาทินา ปสํสิโต. ‘‘รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) เอวํ นิสฺสโยติ จ ภาสิโต. อภิรตฺตานิ ตรุณกาเล, นีลานิ มชฺฌิมกาเล, ปณฺฑูนิ ชิณฺณกาเล. ปติตานิ มิลายนวเสน. เอวํ ปสฺสนฺโต ตรุปณฺณานิ ปจฺจกฺขโต เอว นิจฺจสฺํ ปนูทติ ปชหติ, อนิจฺจสฺา เอวสฺส สณฺาติ. ยสฺมา ภควโต ชาติโพธิธมฺมจกฺกปวตฺตนปรินิพฺพานานิ รุกฺขมูเลเยว ชาตานิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘พุทฺธทายชฺชํ รุกฺขมูล’’นฺติ.
อิติ รุกฺขมูลิกงฺคกถาวณฺณนา.
๑๐. อพฺโภกาสิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๓. ‘‘รุกฺขมูลํ ปฏิกฺขิปามี’’ติ เอตฺตเก วุตฺเต ฉนฺนํ อปฺปฏิกฺขิตฺตเมว โหตีติ ‘‘ฉนฺนฺจ ¶ รุกฺขมูลฺจ ปฏิกฺขิปามี’’ติ วุตฺตํ. ธุตงฺคสฺส สพฺพโส ปฏิโยคิปฏิกฺเขเปน หิ สมาทานํ อิชฺฌติ, โน อฺถาติ. ‘‘ธมฺมสฺสวนายา’’ติ อิมินาว ธมฺมํ กเถนฺเตนาปิ อุโปสถทิวสาทีสุ สุณนฺตานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ เตหิ ยาจิเตน ฉนฺนํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ, ธมฺมํ ปน กเถตฺวา อพฺโภกาโสว คนฺตพฺโพ. รุกฺขมูลิกสฺสาปิ เอเสว นโย. อุโปสถตฺถายาติ อุโปสถกมฺมาย. อุทฺทิสนฺเตนาติ ปเรสํ อุทฺเทสํ เทนฺเตน. อุทฺทิสาเปนฺเตนาติ สยํ อุทฺเทสํ คณฺหนฺเตน. มคฺคมชฺเฌ ิตํ สาลนฺติ สีหฬทีเป วิย มคฺคา อโนกฺกมฺม อุชุกเมว ปวิสิตพฺพสาลํ. เวเคน คนฺตุํ น วฏฺฏติ อสารุปฺปตฺตา. ยาว วสฺสูปรมา ตฺวา คนฺตพฺพํ, น ตาว ธุตงฺคเภโท โหตีติ อธิปฺปาโย.
รุกฺขสฺส ¶ อนฺโต นาม รุกฺขมูลํ. ปพฺพตสฺส ปน ปพฺภารสทิโส ปพฺพตปเทโส. อจฺฉนฺนมริยาทนฺติ ยถา วสฺโสทกํ อนฺโต น ปวิสติ, เอวํ ฉทนสงฺเขเปน อุปริ อกตมริยาทํ. อนฺโต ปน ปพฺภารสฺส วสฺโสทกํ ปวิสติ เจ, อพฺโภกาสสงฺเขปเมวาติ ตตฺถ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. สาขามณฺฑโปติ รุกฺขสาขาหิ วิรฬจฺฉนฺนมณฺฑโป. ปีปโฏ ขลิตฺถทฺธสาฏโก.
ปวิฏฺกฺขเณ ธุตงฺคํ ภิชฺชติ ยถาวุตฺตปพฺภาราทิเก เปตฺวาติ อธิปฺปาโย. ชานิตฺวาติ ธมฺมสฺสวนาทิอตฺถํ ฉนฺนํ รุกฺขมูลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺโน ‘‘อิทานิ อรุโณ อุฏฺหตี’’ติ ชานิตฺวา. รุกฺขมูเลปิ กตฺถจิ อตฺเถว นิวาสผาสุกตาติ สิยา ตตฺถ อาสงฺคปุพฺพโก อาวาสปลิโพโธ, น ปน อพฺโภกาเสติ อิเธว อาวาสปลิโพธุปจฺเฉโท อานิสํโส วุตฺโต. ปสํสายานุรูปตาติ อนิเกตาติ วุตฺตปสํสาย อนาลยภาเวน อนุจฺฉวิกตา. นิสฺสงฺคตาติ อาวาสปริคฺคหาภาเวเนว ตตฺถ นิสฺสงฺคตา. อสุกทิสาย วสนฏฺานํ นตฺถิ, ตสฺมา ตตฺถ คนฺตุํ เนว สกฺกาติ เอทิสสฺส ปริวิตกฺกสฺส อภาวโต จาตุทฺทิโส. มิคภูเตนาติ ปริคฺคหาภาเวน มิคสฺส วิย ภูเตน. สิโตติ นิสฺสิโต. วินฺทตีติ ลภติ.
อิติ อพฺโภกาสิกงฺคกถาวณฺณนา.
๑๑. โสสานิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๔. น ¶ สุสานนฺติ อสุสานํ. อฺตฺโถ น-กาโร, สุสานลกฺขณรหิตํ วสนฏฺานนฺติ อธิปฺปาโย. น ตตฺถาติ ‘‘สุสาน’’นฺติ ววตฺถปิตมตฺเต าเน น วสิตพฺพํ. น หิ นามมตฺเตน สุสานลกฺขณํ สิชฺฌติ. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. ฌาปิตกาลโต ปน ปฏฺาย…เป… สุสานเมว ฉเวน สยิตมตฺตาย สุสานลกฺขณปฺปตฺติโต. ฉวสยนํ หิ ‘‘สุสาน’’นฺติ วุจฺจติ.
โสสานิเกน นาม อปฺปกิจฺเจน สลฺลหุกวุตฺตินา ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมึ ปน วสนฺเตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ครุกนฺติ ทุปฺปริหารํ. ตเมว หิ ทุปฺปริหารภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุปฺปนฺนปริสฺสยวิฆาตตฺถายาติ ¶ ‘‘สุสานํ นาม มนุสฺสราหสฺเสยฺยก’’นฺติ โจรา กตกมฺมาปิ อกตกมฺมาปิ โอสรนฺติ, ตตฺถ โจเรสุ ภณฺฑสามิเก ทิสฺวา ภิกฺขุสมีเป ภณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลาเตสุ มนุสฺสา ภิกฺขุํ ‘‘โจโร’’ติ คเหตฺวา โปเถยฺยุํ, ตสฺมา วิหาเร สงฺฆตฺเถรํ วา โคจรคาเม รฺา นิยุตฺตํ ราชยุตฺตกํ วา อตฺตโน โสสานิกภาวํ ชานาเปตฺวา ยถา ตาทิโส, อฺโ วา ปริสฺสโย น โหติ, ตถา อปฺปมตฺเตน วสิตพฺพํ. จงฺกมนฺตสฺส ยทา อาฬหนํ อภิมุขํ น โหติ, ตทาปิ สํเวคชนนตฺถํ ตตฺถ ทิฏฺิ วิสฺสชฺเชตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อทฺธกฺขิเกน อาฬหนํ โอโลเกนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ.
อุปฺปถมคฺเคน คนฺตพฺพํ อตฺตโน โสสานิกภาวสฺส อปากฏภาวตฺถํ. อารมฺมณนฺติ ตสฺมึ สุสาเน ‘‘อยํ วมฺมิโก, อยํ รุกฺโข, อยํ ขาณุโก’’ติอาทินา ทิวาเยว อารมฺมณํ ววตฺถเปตพฺพํ. ภยานกนฺติ ภยชนกํ วมฺมิกาทึ. เกนจิ เลฑฺฑุปาสาณาทินา อาสนฺเน วิจรนฺตีติ น ปหริตพฺพา. ติลปิฏฺํ วุจฺจติ ปลลํ. มาสมิสฺสํ ภตฺตํ มาสภตฺตํ. คุฬาทีติ อาทิ-สทฺเทน ติลสํคุฬิกาทิฆนปูวฺจ สงฺคณฺหาติ. กุลเคหํ น ปวิสิตพฺพนฺติ เปตธูเมน วาสิตตฺตา, ปิสาจานุพนฺธตฺตา จ กุลเคหสฺส อพฺภนฺตรํ น ปวิสิตพฺพํ. เทวสิกํ ฉวฑาโห ธุวฑาโห. มตาตกานํ ตตฺถ คนฺตฺวา เทวสิกํ โรทนํ ธุวโรทนํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ฌาปิตกาลโต ปน ปฏฺายา’’ติ วุตฺตนเยน. ‘‘ปจฺฉิมยาเม ปฏิกฺกมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิจฺฉิตตฺตา ‘‘สุสานํ อคตทิวเส’’ติ องฺคุตฺตรภาณกา.
สุสาเน นิจฺจกาลํ สิวถิกทสฺสเนน มรณสฺสติปฏิลาโภ. ตโต เอว อปฺปมาทวิหาริตา ¶ . ตตฺถ ฉฑฺฑิตสฺส มตกเฬวรสฺส ทสฺสเนน อสุภนิมิตฺตาธิคโม. ตโต เอว กามราควิโนทนํ. พหุลํ สรีรสฺส อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉภาวสลฺลกฺขณโต อภิณฺหํ กายสภาวทสฺสนํ. ตโต มรณสฺสติปฏิลาภโต จ สํเวคพหุลตา. พฺยาธิกานํ, ชราชิณฺณานฺจ มตานํ ตตฺถ ทสฺสเนน อาโรคฺยโยพฺพนชีวิตมทปฺปหานํ. ขุทฺทกสฺส, มหโต จ ภยสฺส อภิภวนโต ภยเภรวสหนตา. สํวิคฺคสฺส โยนิโส ปทหนํ สมฺภวตีติ อมนุสฺสานํ ครุภาวนียตา. นิทฺทาคตมฺปีติ สุตฺตมฺปิ, สุปินนฺเตปีติ อธิปฺปาโย.
อิติ โสสานิกงฺคกถาวณฺณนา.
๑๒. ยถาสนฺถติกงฺคกถาวณฺณนา
๓๕. เสนาสนคาหเณ ¶ ปเร อุฏฺาเปตฺวา คหณํ, ‘‘อิทํ สุนฺทรํ, อิทํ น สุนฺทร’’นฺติ ปริตุลยิตฺวา ปุจฺฉนา, โอโลกนา จ เสนาสนโลลุปฺปํ. ตุฏฺพฺพนฺติ ตุสฺสิตพฺพํ. วิหารสฺส ปริยนฺตภาเวน ทูเรติ วา พหูนํ สนฺนิปาตฏฺานาทีนํ อจฺจาสนฺเนติ วา ปุจฺฉิตุํ น ลภติ, ปุจฺฉเนนปิสฺส ธุตงฺคสฺส สํกิลิสฺสนโต. โอโลเกตุนฺติ โลลุปฺปวเสน ปสฺสิตุํ. สจสฺส ตํ น รุจฺจตีติ อสฺส ยถาสนฺถติกสฺส ตํ ยถาคาหิตํ เสนาสนํ อผาสุกภาเวน สเจ น รุจฺจติ, มุทุกสฺส อสติ โรเค ยถาคาหิตํ ปหาย อฺสฺส เสนาสนสฺส คหณํ โลลุปฺปํ, มชฺฌิมสฺส คนฺตฺวา โอโลกนา, อุกฺกฏฺสฺส ปุจฺฉนา. สพฺเพสมฺปิ อุฏฺาเปตฺวา คหเณ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
อุปฏฺาปนียานมฺปิ อนุฏฺาปเนน สพฺรหฺมจารีนํ หิเตสิตา. ตาย กรุณาวิหารานุคุณตา. สุนฺทราสุนฺทรวิภาคากรณโต หีนปณีตวิกปฺปปริจฺจาโค. เตน ตาทิลกฺขณานุคุณตา. ตโต เอว อนุโรธวิโรธปฺปหานํ. ทฺวารปิทหนํ โอกาสาทานโต. ยถาสนฺถตรามตนฺติ ยถาคาหิเต ยถานิทฺทิฏฺเ เสนาสเน อภิรตภาวํ.
อิติ ยถาสนฺถติกงฺคกถาวณฺณนา.
๑๓. เนสชฺชิกงฺคกถาวณฺณนา
๓๖. เสยฺยนฺติ ¶ อิริยาปถลกฺขณํ เสยฺยํ. ตปฺปฏิกฺเขเปเนว หิ ตทตฺถา ‘‘มฺโจ ภิสี’’ติ เอวมาทิกา (จูฬว. ๓๒๑, ๓๒๒) เสยฺยา ปฏิกฺขิตฺตา เอว โหนฺติ. ‘‘เนสชฺชิโก’’ติ จ สยนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา นิสชฺชาย เอว วิหริตุํ สีลมสฺสาติ อิมสฺส อตฺถสฺส อิธ อธิปฺเปตตฺตา เสยฺยา เอเวตฺถ ปฏิโยคินี, น อิตเร ตถา อนิฏฺตฺตา, อสมฺภวโต จ. โกสชฺชปกฺขิโย หิ อิริยาปโถ อิธ ปฏิโยคิภาเวน อิจฺฉิโต, น อิตเร. น จ สกฺกา านคมเนหิ วินา นิสชฺชาย เอว ยาเปตุํ ตถา ปวตฺเตตุนฺติ เสยฺยาเวตฺถ ปฏิโยคินี. เตนาห ‘‘เตน ปนา’’ติอาทิ. จงฺกมิตพฺพํ น ‘‘เนสชฺชิโก อห’’นฺติ สพฺพรตฺตึ นิสีทิตพฺพํ. อิริยาปถนฺตรานุคฺคหิโต หิ กาโย มนสิการกฺขโม โหติ.
จตฺตาโร ¶ ปาทา, ปิฏฺิอปสฺสโย จาติ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ ปฺจงฺโค. จตูหิ อฏฺฏนีหิ, ปิฏฺิอปสฺสเยน จ ปฺจงฺโคติ อปเร. อุโภสุ ปสฺเสสุ ปิฏฺิปสฺเส จ ยถาสุขํ อปสฺสาย วิหรโต เนสชฺชิกสฺส ‘‘อเนสชฺชิกโต โก วิเสโส’’ติ คาหํ นิวาเรตุํ อภยตฺเถโร นิทสฺสิโต ‘‘เถโร อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายี’’ติ.
อุปจฺเฉทียติ เอเตนาติ อุปจฺเฉทนนฺติ วินิพนฺธุปจฺเฉทสฺส สาธกตมภาโว ทฏฺพฺโพ. สพฺพกมฺมฏฺานานุโยคสปฺปายตา อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิกตฺตา นิสชฺชาย. ตโต เอว ปาสาทิกอิริยาปถตา. วีริยารมฺภานุกูลตา วีริยสมตาโยชนสฺส อนุจฺฉวิกตา. ตโต เอว สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุพฺรูหนตา. ปณิธายาติ เปตฺวา. ตนุนฺติ อุปริมกายํ. วิกมฺเปตีติ จาเลติ, อิจฺฉาวิฆาตํ กโรตีติ อธิปฺปาโย. วตนฺติ ธุตงฺคํ.
อิติ เนสชฺชิกงฺคกถาวณฺณนา.
ธุตงฺคปกิณฺณกกถาวณฺณนา
๓๗. เสกฺขปุถุชฺชนานํ วเสน สิยา กุสลานิ, ขีณาสวานํ วเสน สิยา อพฺยากตานิ ¶ . ตตฺถ เสกฺขปุถุชฺชนา ปฏิปตฺติปูรณตฺถํ, ขีณาสวา ผาสุวิหารตฺถํ ธุตงฺคานิ ปริหรนฺติ. อกุสลมฺปิ ธุตงฺคนฺติ อกุสลจิตฺเตนาปิ ธุตงฺคเสวนา อตฺถีติ อธิปฺปาโย. ตํ น ยุตฺตํ, เยน อกุสลจิตฺเตน ปพฺพชิตสฺส อารฺิกตฺตํ, ตํ ธุตงฺคํ นาม น โหติ. กสฺมา? ลกฺขณาภาวโต. ยํ หิทํ กิเลสานํ ธุนนโต ธุตสฺส ปุคฺคลสฺส, าณสฺส, เจตนาย วา องฺคตฺตํ, น ตํ อกุสลธมฺเมสุ สมฺภวติ. ตสฺมา อรฺวาสาทิมตฺเตน อารฺิกาทโย ตาว โหนฺตุ, อารฺิกงฺคาทีนิ ปน น โหนฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘น มย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิมานีติ ธุตงฺคานิ. วุตฺตํ เหฏฺา วจนตฺถนิทฺเทเส. น จ อกุสเลน โกจิ ธุโต นาม โหติ, กิเลสานํ ธุนนฏฺเนาติ อธิปฺปาโย. ยสฺส ภิกฺขุโน เอตานิ สมาทานานิ องฺคานิ, เอเตน ปเมนาปิ อตฺถวิกปฺเปน ‘‘นตฺถิ อกุสลํ ธุตงฺค’’นฺติ ทสฺเสติ. น จ อกุสลํ กิฺจิ ธุนาตีติ อกุสลํ กิฺจิ ปาปํ น จ ธุนาติ เอว อปฺปฏิปกฺขโต. เยสํ สมาทานานํ ตํ อกุสลํ าณํ วิย ¶ องฺคนฺติ กตฺวา ตานิ ธุตงฺคานีติ วุจฺเจยฺยุํ. อิมินา ทุติเยนาปิ อตฺถวิกปฺเปน ‘‘นตฺถิ อกุสลํ ธุตงฺค’’นฺติ ทสฺเสติ. นาปิ อกุสลนฺติอาทิ ตติยอตฺถวิกปฺปวเสน โยชนา. ตสฺมาติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนํ.
เยสนฺติ อภยคิริวาสิเก สนฺธายาห. เต หิ ธุตงฺคํ นาม ปฺตฺตีติ วทนฺติ. ตถา สติ ตสฺส ปรมตฺถโต อวิชฺชมานตฺตา กิเลสานํ ธุนนฏฺโปิ น สิยา, สมาทาตพฺพตา จาติ เตสํ วจนํ ปาฬิยา วิรุชฺฌตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘กุสลตฺติกวินิมุตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปฺตฺติปกฺเข เอเต โทสา ทุนฺนิวารา, ตสฺมา ตํ เตสํ วจนํ น คเหตพฺพํ, วุตฺตนโย เจตนาปกฺโขเยว คเหตพฺโพติ อตฺโถ. ยสฺมา เอเต ธุตคุณา กุสลตฺติเก ปมตติยปทสงฺคหิตา, ตสฺมา สิยา สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, สิยา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, สิยา วิปากธมฺมธมฺมา, สิยา เนววิปากนวิปากธมฺมธมฺมา, สิยา อนุปาทินฺนุปาทานิยา, สิยา อสํกิลิฏฺสํกิเลสิกาติ เอวํ เสสติกทุกปเทหิปิ เนสํ ยถารหํ สงฺคโห วิภาเวตพฺโพ.
กามํ สพฺโพปิ อรหา ธุตกิเลโส, อิธ ปน ธุตงฺคเสวนามุเขน กิเลเส วิธุนิตฺวา ิโต ขีณาสโว ‘‘ธุตกิเลโส ปุคฺคโล’’ติ อธิปฺเปโต. ตถา สพฺโพปิ อริยมคฺโค นิปฺปริยาเยน กิเลสธุนโน ธมฺโม, วิเสสโต อคฺคมคฺโค. ปริยาเยน ปน วิปสฺสนาาณาทิ. เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ธุตงฺคเจตนาสมฺปยุตฺตาณํ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ธุตํ ทสฺเสตฺวา ธุตวาเท ทสฺเสตพฺเพ ยสฺมา ธุตวาทเภเทน ¶ ธุโต วิย ธุตเภเทน ธุตวาโทปิ ทุวิโธ, ตสฺมา เตสํ, ตทุภยปฏิกฺเขปสฺส จ วเสน จตุกฺกเมตฺถ สมฺภวตีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถิ ธุโต’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตยิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส ‘‘โส อย’’นฺติ อตฺโถ. ธุตธมฺมา นามาติ ธุตงฺคเสวนาย ปฏิปกฺขภูตานํ ปาปธมฺมานํ ธุนนวเสน ปวตฺติยา ‘‘ธุโต’’ติ ลทฺธนามาย ธุตงฺคเจตนาย อุปการกา ธมฺมาติ กตฺวา ธุตธมฺมา นาม. อสมฺปตฺตสมฺปตฺเตสุ ปจฺจเยสุ อลุพฺภนากาเรน ปวตฺตนโต อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺิตา จ อตฺถโต อโลโภ. ปจฺจยเคธาทิเหตุกานํ โลลตาทีนํ สํกิเลสานํ สมฺมเทว ลิขนโต ¶ เฉทนโต คณสงฺคณิกาทิเภทโต สํสคฺคโต จิตฺตสฺส วิเวจนโต สลฺเลขตา ปวิเวกตา จ อโลโภ อโมโหติ อิเมสุ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ อนุปตนฺติ ตทนฺโตคธา ตปฺปริยาปนฺนา โหนฺติ, ตทุภยสฺเสว ปวตฺติวิเสสภาวโต. อิเมหิ กุสลธมฺเมหิ อตฺถี อิทมตฺถี, เยน าเณน ปพฺพชิเตน นาม ปํสุกูลิกงฺคาทีสุ ปติฏฺิเตน ภวิตพฺพนฺติ ยถานุสิฏฺํ ธุตคุเณ สมาทิยติ เจว ปริหรติ จ, ตํ าณํ อิทมตฺถิตา. เตนาห ‘‘อิทมตฺถิตา าณเมวา’’ติ. ปฏิกฺเขปวตฺถูสูติ คหปติจีวราทีสุ เตหิ เตหิ ธุตงฺเคหิ ปฏิกฺขิปิตพฺพวตฺถูสุ. โลภนฺติ ตณฺหํ. เตสฺเวว วาติ ปฏิกฺเขปวตฺถูสุ เอว. อาทีนวปฏิจฺฉาทกนฺติ อารกฺขทุกฺขปราธีนวุตฺติโจรภยาทิอาทีนวปฏิจฺฉาทกํ. อนฺุาตานนฺติ สตฺถารา นิจฺฉนฺทราคปริโภควเสน อนฺุาตานํ สุขสมฺผสฺสอตฺถรณปาวุรณาทีนํ. ปฏิเสวนมุเขนาติ ปฏิเสวนทฺวาเรน, เตน เลเสนาติ อตฺโถ. อติสลฺเลขมุเขนาติ อติวิย สลฺเลขปฏิปตฺติมุเขน, อุกฺกฏฺสฺส วตฺตนกานมฺปิ ปฏิกฺขิปนวเสนาติ อตฺโถ.
สุขุมกรณสนฺนิสฺสโย ราโค ทุกฺขาย ปฏิปตฺติยา ปติฏฺํ น ลภตีติ อาห ‘‘ทุกฺขาปฏิปทฺจ นิสฺสาย ราโค วูปสมฺมตี’’ติ. สลฺเลโข นาม สมฺปชานสฺส โหติ, สติสมฺปชฺเ โมโห อปติฏฺโว อปฺปมาทสมฺภวโตติ วุตฺตํ ‘‘สลฺเลขํ นิสฺสาย อปฺปมตฺตสฺส โมโห ปหียตี’’ติ. เอตฺถาติ เอเตสุ ธุตงฺเคสุ. ตตฺถาติ อรฺรุกฺขมูเลสุ.
สีสงฺคานีติ สีสภูตานิ องฺคานิ, ปเรสมฺปิ เกสฺจิ นานนฺตริกตาย, สุกรตาย จ สงฺคณฺหนโต อุตฺตมงฺคานีติ อตฺโถ. อสมฺภินฺนงฺคานีติ เกหิจิ สมฺเภทรหิตานิ, วิสุํเยว องฺคานีติ วุตฺตํ โหติ. กมฺมฏฺานํ วฑฺฒติ ราคจริตสฺส โมหจริตสฺส โทสจริตสฺสาปิ, ตํ เอกจฺจํ ¶ ธุตงฺคํ เสวนฺตสฺสาติ อธิปฺปาโย. หายติ กมฺมฏฺานํ สุกุมารภาเวนลูขปฏิปตฺตึ อสหนฺตสฺส. วฑฺฒเตว มหาปุริสชาติกสฺสาติ อธิปฺปาโย. น วฑฺฒติ กมฺมฏฺานํ อุปนิสฺสยรหิตสฺส. เอกเมว หิ ธุตงฺคํ ยถา กิเลสธุนนฏฺเน, เอวํ เจตนาสภาวตฺตา. เตนาห ‘‘สมาทานเจตนา’’ติ.
เตรสาปิ ¶ ธุตงฺคานิ สมาทาย ปริหรนฺตานํ ปุคฺคลานํ วเสน ‘‘ทฺวาจตฺตาลีส โหนฺตี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูนํ เตรสนฺนมฺปิ ปริหรณสฺส เอกชฺฌํเยว สมฺภวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘เอกปฺปหาเรน สพฺพธุตงฺคานิ ปริภฺุชิตุํ สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ. กถํ อพฺโภกาเส วิหรนฺตสฺส รุกฺขมูลิกงฺคํ? ‘‘ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปามิ, รุกฺขมูลิกงฺคํ สมาทิยามี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๒) วจนโต ฉนฺเน อรุณํ อุฏฺาปิตมตฺเต ธุตงฺคํ ภิชฺชติ, น อพฺโภกาเส, ตสฺมา เภทเหตุโน อภาเวน ตมฺปิ อโรคเมว. ตถา เสนาสนโลลุปฺปสฺส อภาเวน ยถาสนฺถติกงฺคนฺติ ทฏฺพฺพํ. อารฺิกงฺคํ คณมฺหา โอหียนสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๖๙๑-๖๙๒) ปฏิกฺขิตฺตํ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคํ อนติริตฺตโภชนสิกฺขาปเทน (ปาจิ. ๒๓๘-๒๔๐). ปวาริตาย หิ ภิกฺขุนิยา อติริตฺตํ กตฺวา ภฺุชิตุํ น ลพฺภติ. กปฺปิเย จ วตฺถุสฺมึ โลลตาปหานาย ธุตงฺคสมาทานํ, น อกปฺปิเย, สิกฺขาปเทเนว ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. อฏฺเว โหนฺติ ภิกฺขุนิยา สํกจฺจิกจีวราทีหิ สทฺธึ ปฺจปิ ติจีวรสงฺขเมว คจฺฉนฺตีติ กตฺวา. ยถาวุตฺเตสูติ ภิกฺขูนํ วุตฺเตสุ เตรสสุ ติจีวราธิฏฺานวินยกมฺมาภาวโต เปตฺวา เตจีวริกงฺคํ ทฺวาทส สามเณรานํ. สตฺตาติ ภิกฺขุนีนํ วุตฺเตสุ อฏฺสุ เอกํ ปหาย สตฺต ติจีวราธิฏฺานวินยกมฺมาภาวโต. ‘‘เปตฺวา เตจีวริกงฺค’’นฺติ หิ อิมํ อนุวตฺตมานเมว กตฺวา ‘‘สตฺต สิกฺขมานสามเณรีน’’นฺติ วุตฺตํ. ปติรูปานีติ อุปาสกภาวสฺส อนุจฺฉวิกานิ.
ธุตงฺคนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ ทุติยปริจฺเฉทวณฺณนา.
๓. กมฺมฏฺานคฺคหณนิทฺเทสวณฺณนา
๓๘. อปฺปิจฺฉตาทีหีติ ¶ ¶ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิสลฺเลขปวิเวกาปจยวีริยารมฺภาทีหิ. ปริโยทาเตติ สุวิสุทฺเธ นิรุปกฺกิเลเส. อิมสฺมึ สีเลติ ยถาวุตฺเต จตุปาริสุทฺธิสีเล. ‘‘จิตฺตํ ภาวย’’นฺติ อิมเมว เทสนํ สนฺธายาห ‘‘อติสงฺเขปเทสิตตฺตา’’ติ. โก สมาธีติ สรูปปุจฺฉา. เกนฏฺเน สมาธีติ เกน อตฺเถน สมาธีติ วุจฺจติ, ‘‘สมาธี’’ติ ปทํ กํ อภิเธยฺยตฺถํ นิสฺสาย ปวตฺตนฺติ อตฺโถ. กติวิโธติ ปเภทปุจฺฉา.
‘‘โก สมาธี’’ติ กามฺจายํ สรูปปุจฺฉา, วิภาควนฺตานํ ปน สรูปวิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ วิภาโค ตาว อนวเสสโต ทสฺเสตพฺโพ. ตํทสฺสเน จ อยมาทีนโวติ ทสฺเสตุํ ‘‘สมาธิ พหุวิโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พหุวิโธติ กุสลาทิวเสน อเนกวิโธ. นานปฺปการโกติ อาลมฺพนมนสิการฉนฺทปณิธิอธิโมกฺขอภินีหารสฺานานตฺตาทินานปฺปกาโร. น สาเธยฺยาติ โลกิยสมาธิสฺส ภาวนา อิธ อธิปฺเปตตฺโถ, ตฺจ น สาเธยฺย. ฌานวิโมกฺขาทีสุ หิ สมาธึ อุทฺธริตฺวา ตสฺส ลพฺภมาเนหิ วิภาเคหิ วิสฺสชฺชเน กริยมาเน ฌานวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๕๐๘ อาทโย) อาคโต สพฺโพ สมาธิปเภโท วิสฺสชฺเชตพฺโพ สิยา. ตถา จ สติ ยฺวายํ โลกิยสมาธิสฺส ภาวนาวิธิ อธิปฺเปโต, ตสฺส วิสฺสชฺชนาย โอกาโสว น ภเวยฺย. กิฺจ เยนสฺส ติกจตุกฺกฌานิเกน หีนาทิเภทภินฺเนน ปวตฺติวิภาเคน พฺรหฺมปาริสชฺชาทิวเสน นววิโธ, ปฺจมชฺฌานิเกน เวหปฺผลาทิวเสน ทสวิโธ วา เอกาทสวิโธ วา ภวปฺปเภโท นิปฺปชฺชติ. สฺวาสฺส ปวตฺติวิภาโค อยํ โสติ นิทฺธาเรตฺวา วุจฺจมาโน วิกฺเขปาย สิยา, ยถา ตํ อวิสเย. เตนาห ‘‘อุตฺตริ จ วิกฺเขปาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ. กุสลจิตฺเตกคฺคตาติ กุสลา อนวชฺชสุขวิปากลกฺขณา จิตฺเตกคฺคตา.
จิตฺตเจตสิกานํ สมํ อวิสารวเสน สมฺปิณฺเฑนฺตสฺส วิย อาธานํ สมาธานํ. อวิสารลกฺขโณ ¶ หิ สมาธิ, สมฺปิณฺฑนรโส จ. สมฺมา อวิกฺขิปนวเสน อาธานํ สมาธานํ. อวิกฺเขปลกฺขโณ วา หิ ¶ สมาธิ, วิกฺเขปวิทฺธํสนรโส จาติ. สฺวายํ ยสฺมา เอการมฺมเณ จิตฺตสฺส ิติเหตุ, ตสฺมา ‘‘ปนนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห. ตถา เหส ‘‘จิตฺตสฺส ิติ สณฺิติ อวฏฺิตี’’ติ (ธ. ส. ๑๕) นิทฺทิฏฺโ. เอการมฺมณคฺคหณฺเจตฺถ สมาธิสฺส สนฺตานฏฺิติภาวทสฺสนตฺถํ. ตถา หิสฺส อฏฺกถายํ ทีปจฺจิฏฺิติ นิทสฺสิตา. อานุภาเวนาติ พเลน, ปจฺจยภาเวนาติ อตฺโถ. อวิกฺขิปมานาติ น วิกฺขิปมานา วูปสมมานา. อุปสมปจฺจุปฏฺาโน หิ สมาธิ. เอเตนสฺส วิกฺเขปปฏิปกฺขตํ ทสฺเสติ. อวิปฺปกิณฺณาติ อวิสฏา. เอเตน อวิสารลกฺขณตํ.
สยํ น วิกฺขิปติ, สมฺปยุตฺตา วา น วิกฺขิปนฺติ เอเตนาติ อวิกฺเขโป, โส ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อวิกฺเขปลกฺขโณ. วิกฺเขปํ วิทฺธํเสติ, ตถา วา สมฺปชฺชตีติ วิกฺเขปวิทฺธํสนรโส. อุทฺธจฺเจ อวิกมฺปนวเสน ปจฺจุปติฏฺติ, สมฺปยุตฺตานํ วา ตํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อวิกมฺปนปจฺจุปฏฺาโน. สุขนฺติ นิรามิสํ สุขํ ทฏฺพฺพํ.
๓๙. อวิกฺเขปลกฺขณํ นาม สมาธิสฺส อาเวณิโก สภาโว, น เตนสฺส โกจิ วิภาโค ลพฺภตีติ อาห ‘‘อวิกฺเขปลกฺขเณน ตาว เอกวิโธ’’ติ. สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมเณ อปฺเปนฺโต วิย ปวตฺตตีติ วิตกฺโก อปฺปนา. ตถา หิ โส ‘‘อปฺปนา พฺยปฺปนา’’ติ (ธ. ส. ๗) นิทฺทิฏฺโ. ตปฺปมุขตาวเสน ปน สพฺพสฺมึ มหคฺคตานุตฺตเร ฌานธมฺเม ‘‘อปฺปนา’’ติ อฏฺกถาโวหาโร. ตถา ตสฺส อนุปฺปตฺติฏฺานภูเต ปริตฺตฌาเน อุปจารโวหาโร. คามาทีนํ สมีปฏฺาเน คามูปจาราทิสมฺา วิยาติ อาห ‘‘อุปจารปฺปนาวเสน ทุวิโธ’’ติ. อิธ ปน สมาธิวเสน เวทิตพฺพํ. ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ วุจฺจติ วฏฺฏํ, ตปฺปริยาปนฺนตาย โลเก นิยุตฺโต, ตตฺถ วา วิทิโตติ โลกิโย. ตตฺถ อปริยาปนฺนตาย โลกโต อุตฺตโร อุตฺติณฺโณติ โลกุตฺตโร. กามฺเจตฺถ โลกิยสมาธิ ภาเวตพฺพภาเวน คยฺหติ, อุภยํ ปน เอกชฺฌํ คเหตฺวา ตโต อิตรํ นิทฺธาเรตุํ ‘‘โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิโธ’’ติ วุตฺตํ. สปฺปีติกนิปฺปีติกวเสนาติ สห ปีติยา วตฺตตีติ สปฺปีติโก, ปีติสมฺปยุตฺโต. นตฺถิ เอตสฺส ปีตีติ นิปฺปีติโก, ปีติวิปฺปยุตฺโต. เตสํ วเสน. สุเขน สห เอกุปฺปาทาทิภาวํ คโตติ สุขสหคโต ¶ , สุขสมฺปยุตฺโตติ อตฺโถ. อุเปกฺขาสหคเตปิ เอเสว นโย. อุเปกฺขาติ เจตฺถ อทุกฺขมสุขเวทนา อธิปฺเปตา. สา หิ สุขทุกฺขาการปวตฺตึ อุเปกฺขติ มชฺฌตฺตาการสณฺิตตฺตา. สุขสหคต-ปเทน ¶ เจตฺถ สปฺปีติโก, นิปฺปีติเกกเทโส จ สงฺคหิโต, อุเปกฺขาสหคต-ปเทน ปน นิปฺปีติเกกเทโสวาติ อยเมเตสํ ปทานํ วิเสโส.
สภาวโต, ปจฺจยโต, ผลโต จ มชฺฌิมปณีเตหิ นิหีโน, เตสํ วา คุเณหิ ปริหีโนติ หีโน, อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีโต ปณีโต, อุภินฺนํ มชฺเฌ ภโว มชฺฌิโม. สมฺปโยควเสน ปวตฺตมาเนน สห วิตกฺเกน สวิตกฺโก, สห วิจาเรน สวิจาโร, สวิตกฺโก จ โส สวิจาโร จาติ สวิตกฺกสวิจาโร. อาทิ-สทฺเทน อวิตกฺกวิจารมตฺโต, อวิตกฺกาวิจาโร จ คหิโต. ตตฺถ วิจารโต อุตฺตริ วิตกฺเกน สมฺปโยคาภาวโต อวิตกฺโก จ โส วิจารมตฺโต จาติ อวิตกฺกวิจารมตฺโต. วิเสสนิวตฺติอตฺโถ วา มตฺต-สทฺโท. สวิตกฺกสวิจาโร หิ สมาธิ วิตกฺกวิสิฏฺเน วิจาเรน สวิจาโร, อยํ ปน วิจารมตฺเตน วิตกฺกสงฺขาตวิเสสรหิเตน, ตสฺมา อวิตกฺกวิจารมตฺโต. อถ วา ภาวนาย ปหีนตฺตา วิตกฺกาภาเวนายํ วิจารมตฺโต, น วิจารโต อฺสฺส อตฺตโน สมฺปยุตฺตธมฺมสฺส กสฺสจิ อภาวาติ ทสฺเสตุํ อวิตกฺก-วจเนน วิจารมตฺต-ปทํ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. อุภยรหิโต อวิตกฺกาวิจาโร. ปีติสหคตาทิวเสนาติ ปีติสหคตสุขสหคตอุเปกฺขาสหคตวเสน. ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ สุขสหคตทุเก วุตฺตนยเมว. ปฏิปกฺเขหิ สมนฺตโต ขณฺฑิตตฺตา ปริตฺโต. ปริตฺตนฺติ วา อปฺปมตฺตกํ วุจฺจติ, อยมฺปิ อปฺปานุภาวตาย ปริตฺโต วิยาติ ปริตฺโต. กิเลสวิกฺขมฺภนโต, วิปุลผลโต, ทีฆสนฺตานโต จ มหนฺตภาวํ คโต, มหนฺเตหิ วา อุฬารจฺฉนฺทาทีหิ คโต ปฏิปนฺโนติ มหคฺคโต. อารมฺมณกรณวเสนาปิ นตฺถิ เอตสฺส ปมาณกรธมฺมา, เตสํ วา ปฏิปกฺโขติ อปฺปมาโณ.
ปฏิปชฺชติ ฌานํ เอตายาติ ปฏิปทา, ปุพฺพภาคภาวนา. ทุกฺขา กิจฺฉา ปฏิปทา เอตสฺสาติ ทุกฺขาปฏิปโท. ปกติปฺาย อภิวิสิฏฺตฺตา อภิฺา นาม อปฺปนาวหา ภาวนาปฺา, ทนฺธา มนฺทา อภิฺา เอตสฺสาติ ทนฺธาภิฺโ. ทุกฺขาปฏิปโท จ โส ทนฺธาภิฺโ จาติ ทุกฺขาปฏิปทาทนฺธาภิฺโ ¶ , สมาธิ. ตทาทิวเสน. จตุฌานงฺควเสนาติ จตุนฺนํ ฌานานํ องฺคภาววเสน, จตุกฺกนยวเสน เจตํ วุตฺตํ. หานภาคิยาทิวเสนาติ หานโกฏฺาสิกาทิวเสน.
สมาธิเอกกทุกวณฺณนา
ฉนฺนํ ¶ อนุสฺสติฏฺานานนฺติ พุทฺธานุสฺสติอาทีนํ ฉนฺนํ อนุสฺสติกมฺมฏฺานานํ. อิเมสํ วเสนาติ อิเมสํ ทสนฺนํ กมฺมฏฺานานํ วเสน. ‘‘ปุพฺพภาเค เอกคฺคตา’’ติ อิมินา อปฺปนาย อุปการกนานาวชฺชนุปจารสฺสปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, น เอกาวชฺชนสฺเสว. อปฺปนาสมาธีนนฺติ อุปกตฺตพฺพอุปการกสมฺพนฺเธ สามิวจนํ ‘‘ปุริสสฺส อตฺโถ’’ติอาทีสุ วิย. ปริกมฺมนฺติ โคตฺรภุ. อปริตฺโต สมาธีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมสฺส ฌานสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตีสุ ภูมีสูติ กามรูปารูปภูมีสุ. กุสลจิตฺเตกคฺคตาย อธิปฺเปตตฺตา ‘‘อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา’’ติ วุตฺตํ. สิยา สปฺปีติโก, สิยา นิปฺปีติโกติ อนิยมวจนํ อุปจารสมาธิสามฺเน สพฺเพสมฺปิ วา ฌานานํ นานาวชฺชนวีถิยํ อุปจารสมาธิ สิยา สปฺปีติโก, สิยา นิปฺปีติโก. เอกาวชฺชนวีถิยํ ปน อาทิโต ทุกติกชฺฌานานํ อุปจารสมาธิ สปฺปีติโกว, อิตเรสํ นิปฺปีติโกว, วิสภาคเวทนสฺส จิตฺตสฺส อาเสวนปจฺจยตาภาวโต, เอกวีถิยํ เวทนาปริวตฺตนาภาวโต จ. สิยา สุขสหคโต, สิยา อุเปกฺขาสหคโตติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปน ‘‘ทุกติกชฺฌานาน’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ‘‘ติกจตุกฺกชฺฌานาน’’นฺติ วตฺตพฺพํ.
สมาธิติกวณฺณนา
ปฏิลทฺธมตฺโตติ อธิคตมตฺโต อนาเสวิโต อพหุลีกโต. โส หิ ปริทุพฺพลภาเวน หีโน โหติ. นาติสุภาวิโตติ อติวิย ปคุณภาวํ อปาปิโต. สุภาวิโตติ สุฏฺุ ภาวิโต สมฺมเทว ปคุณตํ อุปนีโต. เตนาห ‘‘วสิปฺปตฺโต’’ติ. ฉนฺทาทีนํ หีนตาทิวเสนาปิ อิเมสํ หีนาทิตา เวทิตพฺพา. ตถา หิ อุฬารปฺุผลกามตาวเสน ปวตฺติโต หีโน, โลกิยาภิฺาสมฺปาทนาย ปวตฺติโต มชฺฌิโม, วิเวกกามตาย อริยภาเว ิเตน ปวตฺติโต ปณีโต ¶ . อตฺตหิตาย ภวสมฺปตฺติอตฺถํ ปวตฺติโต วา หีโน, เกวลํ อโลภชฺฌาสเยน ปวตฺติโต มชฺฌิโม, ปรหิตาย ปวตฺติโต ปณีโต. วฏฺฏชฺฌาสเยน วา ปวตฺติโต หีโน, วิเวกชฺฌาสเยน ปวตฺติโต มชฺฌิโม, วิวฏฺฏชฺฌาสเยน โลกุตฺตรปาทกตฺถํ ปวตฺติโต ปณีโต.
สทฺธึ อุปจารสมาธินาติ สพฺเพสมฺปิ ฌานานํ อุปจารสมาธินา สห. วิตกฺกมตฺเตเยว อาทีนวํ ¶ ทิสฺวาติ วิตกฺเกเยว โอฬาริกโต อุปฏฺหนฺเต ‘‘จิตฺตสฺส โขภกรธมฺโม อย’’นฺติ อาทีนวํ ทิสฺวา วิจารฺจ สนฺตโต มนสิ กริตฺวา. เตนาห ‘‘วิจาเร อทิสฺวา’’ติ. ตํ สนฺธายาติ ตํ เอวํ ปฏิลทฺธํ สมาธึ สนฺธาย. เอตํ ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺโต สมาธี’’ติ ทุติยปทํ วุตฺตํ. ตีสูติ อาทิโต ตีสุ.
เตสฺเววาติ เตสุ เอว จตุกฺกปฺจกนเยสุ. ตติเย จตุตฺเถติ จตุกฺกนเย ตติเย, ปฺจกนเย จตุตฺเถติ โยเชตพฺพํ. อวสาเนติ ทฺวีสุปิ นเยสุ ปริโยสานชฺฌาเน. ยถากฺกมํ จตุตฺเถ, ปฺจเม วา. ปีติสุขสหคโต วาติ เอตฺถาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ สติปิ ปีติสหคตสฺสาปิ สมาธิสฺส สุขสหคตตฺเต ตีณิปิ ปทานิ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ นิปฺปีติกสุขโต สปฺปีติกสุขสฺส วิเสสทสฺสนตฺถํ สตฺถุ ปีติติกเทสนาติ นิปฺปีติกสฺเสว สุขสฺส วเสน สุขสหคโต สมาธิ คหิโตติ ทฏฺพฺโพ.
อุปจารภูมิยนฺติ อุปจารชฺฌานสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาเท. จิตฺตุปฺปาโท หิ สหชาตธมฺมานํ อุปฺปตฺติฏฺานตาย ‘‘ภูมี’’ติ วุจฺจติ ‘‘สุขภูมิยํ กามาวจเร’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๙๘๘) วิย. ปริตฺโต สมาธิ กามาวจรภาวโต.
สมาธิจตุกฺกวณฺณนา
ปมสมนฺนาหาโร ภาวนํ อารภนฺตสฺส ‘‘ปถวี ปถวี’’ติอาทินา กมฺมฏฺาเน ปมาภินิเวโส. ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส อุปจารนฺติ นีวรณวิตกฺกวิจารนิกนฺติอาทีนํ วูปสเม ถิรภูตํ กามาวจรชฺฌานํ. ‘‘ยาว อปฺปนา’’ติ อิมินา ปุพฺพภาคปฺาย เอว อภิฺาภาโว วุตฺโต วิย ทิสฺสตีติ วทนฺติ ¶ . อปฺปนาปฺา ปน อภิฺาว. ยทคฺเคน หิ ปุพฺพภาคปฺาย ทนฺธสีฆตา, ตทคฺเคน อปฺปนาปฺายปีติ. สมุทาจารคหณตายาติ สมุทาจารสฺส คหณภาเวน, ปวตฺติพาหุลฺลโตติ อตฺโถ. อสุขาเสวนาติ กสิรภาวนา.
ปลิโพธุปจฺเฉทาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน ภาวนาวิธานาปริหาปนาทึ สงฺคณฺหาติ. อสปฺปายเสวีติ อุปจาราธิคมโต ปุพฺเพ อสปฺปายเสวิตาย ทุกฺขา ปฏิปทา. ปจฺฉา อสปฺปายเสวิตาย ทนฺธา อภิฺา โหติ. สปฺปายเสวิโนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปุพฺพภาเคติ อุปจารชฺฌานาธิคมโต ¶ โอรภาเค. อปรภาเคติ ตโต อุทฺธํ. ตสฺส โวมิสฺสกตาติ โย ปุพฺพภาเค อสปฺปายํ เสวิตฺวา อปรภาเค สปฺปายเสวี, ตสฺส ทุกฺขา ปฏิปทา ขิปฺปาภิฺา. อิตรสฺส สุขา ปฏิปทา ทนฺธาภิฺา โหติ. เอวํ ปมจตุตฺถานํ โวมิสฺสกตาย ทุติยตติยาติ อตฺโถ. อกตปลิโพธุปจฺเฉทสฺส สปริปนฺถตาย ปฏิปทา ทุกฺขา โหติ, อิตรสฺส สุขา. อสมฺปาทิตอปฺปนาโกสลฺลสฺส าณสฺส อวิสทตาย ทนฺธา อภิฺา โหติ, วิสทตาย ขิปฺปา อภิฺา.
ตณฺหาอวิชฺชาวเสนาติ ตณฺหาอวิชฺชานํ อภิภวานภิภววเสน. สมถวิปสฺสนาธิการวเสนาติ สมถวิปสฺสนาสุ อสโต, สโต จ อธิการสฺส วเสน. ตณฺหาย สมาธิสฺส อุชุปฏิปกฺขตฺตา สา สมถปฏิปทาย ปริปนฺถินีติ อาห ‘‘ตณฺหาภิภูตสฺส หิ ทุกฺขา ปฏิปทา โหตี’’ติ. อภิภโว จสฺสา อิตรกิเลเสหิ อธิกตาย อนภิภูตสฺส ตณฺหายาติ อธิการโต เวทิตพฺพํ. ตถา อวิชฺชา ปฺาย อุชุปฏิปกฺขาติ ตทภิภูตสฺส ทนฺธาภิฺตา วุตฺตา. อกตาธิกาโรติ ภวนฺตเร อกตปริจโย ยถา ปคุณํ กตฺวา วิสฺสฏฺคนฺโถ อปฺปมตฺตเกน ปโยเคน สุปฺปวตฺติ วาจุคฺคโตว โหติ, เอวํ ปุพฺเพ กตปริจยสฺส ภาวนา อปฺปกสิเรเนว อิชฺฌตีติ อาห ‘‘กตาธิการสฺส สุขา’’ติ. สฺวายํ อกโต, กโต จ อธิกาโร สมถนิสฺสิโต ปฏิปทายํ วุตฺโต สมาธิปฺปธานตฺตา ปฏิปทาย. วิปสฺสนานิสฺสิโต อภิฺายํ าณปฺปธานตฺตา อปฺปนาย. กิเลสินฺทฺริยวเสนาติ ติกฺขาติกฺขานํ กิเลสินฺทฺริยานํ วเสน. เตนาห ‘‘ติพฺพกิเลสสฺสา’’ติอาทิ ¶ . ตตฺถ กิเลสา กามจฺฉนฺทาทโย, อินฺทฺริยานิ สทฺธาทีนิ.
ยถาวุตฺตา ปฏิปทาภิฺา ปุคฺคลาธิฏฺานาติ ธมฺมนิทฺเทสมฺปิ ปุคฺคลาธิฏฺานมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘โย ปุคฺคโล’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปคุโณติ น สุภาวิโต วสีภาวํ อปาปิโต. เตนาห ‘‘อุปริฌานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ น สกฺโกตี’’ติ. อยํ ปริตฺโตติ อยํ สมาธิ อปฺปานุภาวตาย ปริตฺโต. อวฑฺฒิเตติ เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ น วฑฺฒิเต ยถาอุปฏฺิเต อารมฺมเณ. เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ หิ วฑฺฒิตํ อปฺปมาณเมวาติ วทนฺติ. ‘‘ปคุโณ สุภาวิโต’’ติ วตฺวา ‘‘อุปริฌานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สกฺโกตี’’ติ อิมินา ยถา ปคุโณปิ อุปริฌานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสกฺโกนฺโต สมาธิ ปริตฺโตเยว โหติ, น อปฺปมาโณ, เอวํ าณุตฺตรสฺส เอกาสเนเนว อุปริฌานนิพฺพตฺตเนนาติ สุภาวิโตปิ อุปริฌานสฺส ปจฺจยภาวสงฺขาตาย สุภาวิตกิจฺจสิทฺธิยา ‘‘อปฺปมาโณ’’ตฺเวว วุจฺจติ. อปเร ปน สเจ สุภาวิโต ปคุโณ วสีภาวํ ปตฺโต ¶ อุปริฌานสฺส ปจฺจโย อโหนฺโตปิ อปฺปมาโณ เอว, ปมาณกรานํ ราคาทิปฏิปกฺขานํ สุวิทูรภาวโตติ วทนฺติ. วุตฺตลกฺขณโวมิสฺสตายาติ โย อปฺปคุโณ อุปริฌานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ น สกฺโกติ, วฑฺฒิเต อารมฺมเณ ปวตฺโต, อยํ ปริตฺโต อปฺปมาณารมฺมโณ. โย ปน ปคุโณ อุปริฌานสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สกฺโกติ, อวฑฺฒิเต อารมฺมเณ ปวตฺโต, อยํ อปฺปมาโณ ปริตฺตารมฺมโณติ เอวํ ปมจตุตฺถสมาธีนํ วุตฺตลกฺขณสฺส โวมิสฺสกภาเวน ทุติยตติยสมาธิสงฺคาหโก โวมิสฺสกนโย เวทิตพฺโพ.
ตโตติ ตโต ปมชฺฌานโต อุทฺธํ. วิรตฺตปีติกนฺติ อติกฺกนฺตปีติกํ วา ชิคุจฺฉิตปีติกํ วา. อวยโว สมุทายสฺส องฺคนฺติ วุจฺจติ, ‘‘เสนงฺคํ รถงฺค’’นฺติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘จตุนฺนํ ฌานานํ องฺคภูตา จตฺตาโร สมาธี’’ติ.
หานํ ภชตีติ หานภาคิโย, หานภาโค วา เอตสฺส อตฺถีติ หานภาคิโย, ปริหานโกฏฺาสิโกติ อตฺโถ. อาลยสฺส อเปกฺขาย อปริจฺจชนโต ิตึ ภชตีติ ิติภาคิโย. วิเสสํ ภชตีติ วิเสสภาคิโย. ปจฺจนีกสมุทาจารวเสนาติ ตสฺส ตสฺส ¶ ฌานสฺส ปจฺจนีกานํ นีวรณวิตกฺกวิจาราทีนํ ปวตฺติวเสน. ตทนุธมฺมตายาติ ตทนุรูปภูตาย สติยา. สณฺานวเสนาติ สณฺหนวเสน ปติฏฺานวเสน. ‘‘สา ปน ตทสฺสาทสงฺขาตา, ตทสฺสาทสมฺปยุตฺตกฺขนฺธสงฺขาตา วา มิจฺฉาสตี’’ติ สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๗๙๙) วุตฺตํ. ตตฺถ สาเปกฺขสฺส อุปริ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อวิคตนิกนฺติกา ตํตํปริหรณสตีติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สติยา วา นิกนฺติยา วา’’ติ วิกปฺปวจนฺจ ยุตฺตํ โหติ. วิเสสาธิคมวเสนาติ วิเสสาธิคมสฺส ปจฺจยภาววเสน, วิเสสํ วา อธิคจฺฉติ เอเตนาติ วิเสสาธิคโม, ตสฺส วเสน. นิพฺพิทาสหคตสฺามนสิการสมุทาจารวเสนาติ อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมนิพฺพินฺทนาณสมฺปยุตฺตสฺาย จ อาโภคสฺส จ ปวตฺติวเสน. นิพฺเพธภาคิยตาติ สจฺจานํ นิพฺพิชฺฌนปกฺขิกตา วิปสฺสนาย สํวตฺตตีติ อตฺโถ.
กามสหคตาติ กามารมฺมณา, กามสฺาหิ วา โวกิณฺณา. อวิตกฺกสหคตาติ ‘‘กถํ นุ โข เม อวิตกฺกํ ฌานํ ภเวยฺยา’’ติ เอวํ อวิตกฺการมฺมณา อวิตกฺกวิสยา. กามฺจายํ ‘‘ปมสฺส ฌานสฺสา’’ติอาทิโก ปาโ ปฺาวเสน อาคโต, สมาธิสฺสาปิ ปเนตฺถ สงฺคโห ¶ อตฺเถวาติ อุทาหรณสฺส สาตฺถกตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตาย ปน ปฺาย สมฺปยุตฺตา สมาธีปิ จตฺตาโร โหนฺตี’’ติ เตสํ วเสน เอวํ วุตฺตนฺติ อตฺโถ.
ภาวนามยสฺส สมาธิสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา อุปจาเรกคฺคตา ‘‘กามาวจโร สมาธี’’ติ วุตฺตํ. อธิปตึ กริตฺวาติ ‘‘ฉนฺทวโต เจ สมาธิ โหติ, มยฺหมฺปิ เอวํ โหตี’’ติ ฉนฺทํ อธิปตึ, ฉนฺทํ ธุรํ เชฏฺกํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา. ลภติ สมาธินฺติ เอวํ ยํ สมาธึ ลภติ, อยํ วุจฺจติ ฉนฺทสมาธิ, ฉนฺทาธิปติสมาธีติ อตฺโถ. เอวํ วีริยสมาธิอาทโยปิ เวทิตพฺพา.
จตุกฺกเภเทติ จตุกฺกวเสน สมาธิปฺปเภทนิทฺเทเส. อฺตฺถ สมฺปโยควเสน วิจาเรน สห วตฺตมาโน วิตกฺโก ปฺจกนเย ทุติยชฺฌาเน วิโยชิโตปิ น สุฏฺุ วิโยชิโตติ, เตน สทฺธึเยว วิจารสมติกฺกมํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘วิตกฺกวิจาราติกฺกเมน ตติย’’นฺติ. ทฺวิธา ¶ ภินฺทิตฺวา จตุกฺกเภเท วุตฺตํ ทุติยํ ฌานนฺติ โยชนา. ปฺจฌานงฺควเสนาติ ปฺจนฺนํ ฌานานํ องฺคภาววเสน สมาธิสฺส ปฺจวิธตา เวทิตพฺพา.
๔๐. วิภงฺเคติ าณวิภงฺเค. ตตฺถ หิ ‘‘ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสโวทาน’’นฺติ, เอตฺถ ‘‘สํกิเลส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หานภาคิโย ธมฺโมติ อปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ กามาทิอนุปกฺขนฺทนํ. วิเสสภาคิโย ธมฺโมติ ปคุเณหิ ปมชฺฌานาทีหิ วุฏฺิตสฺส สฺามนสิการานํ ทุติยชฺฌานาทิอนุปกฺขนฺทนํ. เตนาห ‘‘ปมสฺส ฌานสฺส ลาภิ’’นฺติอาทิ. ตสฺสตฺโถ (วิภ. อฏฺ. ๘๒๘) – อปคุณสฺส ปมสฺส ฌานสฺส ลาภีนํ ตโต วุฏฺิตํ อารมฺมณวเสน กามสหคตา หุตฺวา สฺามนสิการา สมุทาจรนฺติ โจเทนฺติ ตุทนฺติ, ตสฺส กามานุปกฺขนฺทานํ สฺามนสิการานํ วเสน สา ปมชฺฌานปฺา หายติ, ตสฺมา หานภาคินี ปฺา. อวิตกฺกสหคตาติ อวิตกฺกํ ทุติยํ ฌานํ สนฺตโต ปณีตโต มนสิ กโรโต อารมฺมณวเสน อวิตกฺกสหคตา สมุทาจรนฺติ ปคุณปมชฺฌานโต วุฏฺิตํ ทุติยชฺฌานาธิคมตฺถาย โจเทนฺติ ตุทนฺติ, ตสฺส ทุติยชฺฌานานุปกฺขนฺทานํ สฺามนสิการานํ วเสน ปมชฺฌานปฺา วิเสสภูตสฺส ทุติยชฺฌานสฺส อุปฺปตฺติยา ปทฏฺานตาย วิเสสภาคินี ปฺา. ตํสมฺปยุตฺโต สมาธิ อิธาธิปฺเปโต. อิมินา นเยนาติ อิมินา ปมชฺฌาเน วุตฺเตน วิธินา ทุติยชฺฌานาทีสุปิ หานภาคิยธมฺโม, วิเสสภาคิยธมฺโม จ เวทิตพฺโพ.
ทสปลิโพธวณฺณนา
๔๑. อริยมคฺคสมฺปยุตฺโตติ ¶ โลกุตฺตรอปฺปมาณอปริยาปนฺนคฺคหเณน โลกิเยหิ อสาธารณโต, สปฺปีติกาทิคฺคหเณน สาธารณโต จ อริยมคฺคสมฺปยุตฺโต สมาธิ วุตฺโต. ภาวิโต โหติ สฺาย สมฺปยุตฺตตฺตา. ตนฺติ อริยมคฺคสมาธึ. วิสุนฺติ ปฺาภาวนาย วิสุํ กตฺวา น วทาม.
กมฺมฏฺานภาวนํ ¶ ปริพุนฺเธติ อุปโรเธติ ปวตฺติตุํ น เทตีติ ปลิโพโธ ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา, ปริปนฺโถติ อตฺโถ. อุปจฺฉินฺทิตฺวาติ สมาปเนน, สงฺคหเณน วา อุปรุนฺธิตฺวา, อปลิโพธํ กตฺวาติ อตฺโถ.
อาวสนฺติ เอตฺถาติ อาวาโส. ปริจฺเฉทวเสน เวณิยติ ทิสฺสตีติ ปริเวณํ. วิหาเร ภิกฺขูนํ ตํ ตํ วสนฏฺานํ. สฺวายํ อาวาโส. นวกมฺมาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน อาวาสสฺส ตทฺํ อภิวุทฺธิการณํ สงฺคณฺหาติ. การเณนาติ ‘‘ฉายูทกสมฺปนฺนํ สุลภภิกฺข’’นฺติอาทินา การเณน. อเปกฺขวาติ สาลโย.
ตตฺราติ ตสฺมึ ปลิโพธาภาเว. ปาจีนขณฺฑราชินฺติ ปุรตฺถิมทิสายํ ปพฺพตขณฺฑานํ อนฺตเร วนราชิฏฺานํ. ‘‘นามา’’ติ อิมินา ตสฺส ปเทสสฺส อยํ สมฺาติ ทสฺเสติ. ปฏิสามิตเมวาติ นิจฺจกาลํ ปฏิสาเมตฺวาว วิหารโต นิกฺขมามีติ ทสฺเสติ. ธาตุนิธานฏฺานนฺติ กายพนฺธนธมฺมกรณนฺหานสาฏิกอกฺขกธาตุสงฺขาตานํ ปริโภคสรีรธาตูนํ นิทหิตฏฺานํ. อีทิสสฺส อยํ เถโร วิย อลคฺคจิตฺตสฺส. เอเตน ‘‘ภิกฺขุนา นาม อาวาเส เอวรูเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ โอวาโท ทินฺโน โหติ. อิโต ปเรสุปิ วตฺถูสุ เอเสว นโย.
กุลนฺติ กุลคฺคหเณน กุลมนุสฺสานํ คหณํ คามคฺคหเณน คามวาสีนํ วิย. อุปฏฺากกุลมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ปเคว าติกุลนฺติ ทสฺเสติ. อุทฺเทสตฺถนฺติ อุทฺทิสาปนตฺถํ, ปาํ อุทฺทิสาเปตฺวา สชฺฌายิตุนฺติ อตฺโถ. อิเธวาติ อิมสฺมึเยว ปเทเส, ยตฺถ กตฺถจิ วิหาเรติ อตฺโถ. ตํ วิหารนฺติ ตํ โกรณฺฑกวิหารํ.
อุปคโตติ ¶ วสฺสํ อุปคโต. สทาติ คตกาลโต ปภุติ วิเสสโต ปวาริตทิวสโต ปฏฺาย สพฺพทา ทิวเส ทิวเส. ปริเทวมานาติ ตํตํวิลปนวเสน วิวิธํ ปริเทวนฺตี. สพฺพํ ปวตฺตินฺติ อตฺตนา ตตฺถ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ปจฺฉา สมาคมปริโยสานํ ทหรสฺส สพฺพํ ปวตฺตึ.
กายสกฺขินฺติ ¶ ‘‘ปสฺส อิม’’นฺติ มุขปฏิคฺคาหกํ กตฺวา. รถวินีตปฏิปทนฺติ ทสกถาวตฺถุกิตฺตนปุพฺพิกํ รถวินีตูปมาหิ วิภาวิตํ รถวินีตสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๕๒) อาคตํ สตฺตวิสุทฺธิปฏิปทํ. นาลกปฏิปทนฺติ ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปฺิสฺส’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๗๐๖) สตฺถารา นาลกตฺเถรสฺส เทสิตปฏิปทํ. ตุวฏกปฏิปทนฺติ ‘‘มูลํ ปปฺจสงฺขายา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๙๒๒) ภควตา เทสิตปฏิปทํ. ตตฺถ หิ ยถากฺกมํ –
‘‘น มุนี คามมาคมฺม, กุเลสุ สหสา จเร;
ฆาเสสนํ ฉินฺนกโถ, น วาจํ ปยุตํ ภเณ’’. (สุ. นิ. ๗๑๖);
‘‘คาเม จ นาภิสชฺเชยฺย, ลาภกมฺยา ชนํ น ลปเยยฺยา’’ติ. (สุ. นิ. ๙๓๕) –
เอวมาทิกา ปรมปฺปิจฺฉกถา อาคตา. จตุปจฺจยสนฺโตสภาวนารามตาทีปกนฺติ จีวราทีสุ จตูสุ ปจฺจเยสุ สนฺโตสสฺส, ภาวนารามตาย จ ปกาสกํ.
ลพฺภตีติ ลาโภ. เตนาห ‘‘จตฺตาโร ปจฺจยา’’ติ. มหาปริวาเรติ วิปุลปริวาเร. ปิณฺฑปาตํ ตาว เทนฺตา พุทฺธปูชาปตฺตจีวราทีนิ ตสฺส ปริวารานิ กตฺวา เทนฺติ, ตถา จีวราทิทาเนปิ. พาหุลฺลิกปิณฺฑปาติกาติ ปิณฺฑปาติกา หุตฺวา ปจฺจยพาหุลฺลิกา. วทนฺตีติ ปุริมทิวเส ภิกฺขาย อาหิณฺฑนกาเล ยถาสุตํ วทนฺติ. นิจฺจพฺยาวโฏ อุปาสกาทีนํ สงฺคณฺหเน.
ตสฺสาติ คณสฺส. โสติ คณปลิโพโธ. เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน คณวาจกสฺส ปริเยสนมฺปิ ลหุกเมว อิจฺฉิตพฺพนฺติ อาห ‘‘โยชนโต ปรํ อคนฺตฺวา’’ติ. อตฺตโน กมฺมนฺติ สมณธมฺมมาห.
กตากเตติ ¶ กเต จ อกเต จ กมฺเม ชานนวเสน อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิตพฺพํ, กตากเตติ วา อปฺปเก จ มหนฺเต จ กเต, ยถา ‘‘ผลาผเล’’ติ. สเจ พหุํ อวสิฏฺนฺติ สมฺพนฺโธ. ภารหารา สงฺฆกิจฺจปริณายกา.
ปพฺพชฺชาเปกฺโขติ ¶ สีหฬทีเป กิร กุลทารกานํ ปพฺพชฺชา อาวาหวิวาหสทิสา, ตสฺมา ตํ ปริจฺฉินฺนทิวสํ อติกฺกเมตุํ น สกฺกา. ‘‘สเจ ตํ อลภนฺโต น สกฺโกติ อธิวาเสตุ’’นฺติอาทินา สมาปเนน ปลิโพธุปจฺเฉโท วุตฺโต, พฺยติเรกโต ปน ‘‘สเจ ตํ อลภนฺโต สกฺโกติ อธิวาเสตุํ, อรฺํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺโมว กาตพฺโพ’’ติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ สงฺคหเณน ปลิโพธุปจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. เอส นโย เสเสสุปิ.
ตถาติ ยถา อุปชฺฌาโย คิลาโน ยาวชีวํ อุปฏฺาตพฺโพ, ตถา อุปสมฺปาทิตอนฺเตวาสิโก อตฺตโน กมฺมวาจํ วตฺวา อุปสมฺปาทิโต.
โย โกจิ โรโคติ มูลภูโต, อนุพนฺโธ วา อตฺตโน อุปฺปนฺโน. อนมตคฺเคติ อนุ อนุ อมตคฺเค อนาทิมติ.
‘‘คนฺโถ’’ติ อิมินา คนฺถปลิโพโธ อิธ วุตฺโตติ อาห ‘‘ปริยตฺติหรณ’’นฺติ. สชฺฌายาทีหีติ สชฺฌายธารณปริจยปุจฺฉาทีหิ. อิตรสฺสาติ อพฺยาวฏสฺส. ยสฺส คนฺถธุรํ วิสฺสชฺเชตฺวา ิตสฺสาปิ คนฺโถ วตฺตเตว, น ตสฺส คนฺโถ ปลิโพโธ. ยถา ตมฺหิ ตมฺหิ วตฺถุมฺหิ อาคตตฺเถรานํ, นาปิ สพฺเพน สพฺพํ อคนฺถปสุตสฺส. มชฺฌิมปณฺณาสโก อาคจฺฉติ, สุตฺตปเทสานํ วารานฺจ สทิสตาย พฺยามุยฺหนโต. ปุน น โอโลเกสฺสามีติ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คนฺถธุรํ วิสฺสชฺเชมีติ อตฺโถ.
คามวาสิกตฺเถเรหีติ อนุราธปุรวาสีหิ. อนุคฺคเหตฺวาติ อคฺคเหตฺวา ตตฺถ ปริจยํ อกตฺวา. ปฺจนิกายมณฺฑเลติ ทีฆาคมาทิเก ปฺจปิ นิกาเย สิกฺขิตปริสาย. ปริวตฺเตสฺสามีติ วณฺณยิสฺสามิ. สุวณฺณเภรินฺติ เสฏฺเภรึ. กตมาจริยานํ อุคฺคโหติ กตเมสํ อาจริยานํ อุคฺคโห, เกน ปริวตฺตียตีติ อธิปฺปาโย. อาจริยมคฺโคติ อาจริยานํ กถามคฺโค. อตฺตโน อาจริยานนฺติ อตฺตโน กเถตุํ ยุตฺตานํ อาจริยานํ. สุวินิจฺฉิตา สพฺพา ติปิฏกปริยตฺติ ¶ เอตสฺมึ อตฺถีติ สพฺพปริยตฺติโก, เตปิฏโกติ อตฺโถ. ปีเ นิสินฺโน ตโต โอตริตฺวา ภูมิยํ ตฏฺฏิกาย นิสีทิตฺวา. คตกสฺสาติ ปฏิปตฺติคมเนน คตสฺส ทิฏฺสจฺจสฺส. จีวรํ ปารุปิตฺวาติ อาจริยสฺส อปจิติทสฺสนตฺถํ ¶ ปริมณฺฑลํ จีวรํ ปารุปิตฺวา. สาเยฺยาภาวโต อุชุ. การณาการณสฺส อาชานนโต อาชานีโย.
โปถุชฺชนิกาติ ปุถุชฺชเน ภวา. ทุปฺปริหารา พหุปริสฺสยตาย. ตถา หิสฺสา อุตฺตานเสยฺยกทารโก, ตรุณสสฺสฺจ นิทสฺสิตํ. วิปสฺสนาย ปลิโพโธ สมถยานิกสฺส, น วิปสฺสนายานิกสฺส. เยภุยฺเยน หิ ฌานลาภี สมถยานิโกว โหติ วิปสฺสนาสุขโต. อิตเรนาติ สมถตฺถิเกน. อวเสสา นว ปลิโพธา.
กมฺมฏฺานทายกวณฺณนา
๔๒. กมฺมฏฺาเน นิยุตฺโต กมฺมฏฺานิโก, ภาวนมนุยฺุชนฺโต. เตน กมฺมฏฺานิเกน. ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร สพฺเพ ภิกฺขู’’ติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา. สหวาสีนํ ภิกฺขูนํ. มุทุจิตฺตตนฺติ อตฺตนิ มุทุจิตฺตตํ ชเนติ, อยฺจ สหวาสีนํ จิตฺตมทฺทวชนนาทิอตฺโถ ‘‘มนุสฺสานํ ปิโย โหตี’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน เมตฺตานิสํสสุตฺเตน (อ. นิ. ๑๑.๑๕; ปฏิ. ม. ๒.๒๒; มิ. ป. ๔.๔.๖) ทีเปตพฺโพ. อโนลีนวุตฺติโก โหติ สมฺมาปฏิปตฺติยํ. ทิพฺพานิปิ อารมฺมณานิ ปเคว อิตรานิ. สพฺพตฺถ สพฺพสฺมึ สมณกรณีเย, สพฺพสฺมึ วา กมฺมฏฺานานุโยเค. ปุพฺพาเสวนวเสน อตฺถยิตพฺพํ. โยคสฺส ภาวนาย อนุยฺุชนํ โยคานุโยโค, ตเทว กรณียฏฺเน กมฺมํ, ตสฺส โยคานุโยคกมฺมสฺส านํ นิปฺผตฺติเหตุ.
นิจฺจํ ปริหริตพฺพตฺตาติ สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานํ วิย เอกทาว อนนุยฺุชิตฺวา สพฺพกาลํ ปริหรณียตฺตา อนุยฺุชิตพฺพตฺตา. เอวมาทิคุณสมนฺนาคตนฺติ ปิยภาวาทีหิ คุเณหิ สมฺปนฺนํ. กลฺยาณมิตฺโต หิ สทฺธาสมฺปนฺโน โหติ สีลสมฺปนฺโน สุตสมฺปนฺโน จาคสมฺปนฺโน วีริยสมฺปนฺโน สติสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ, กมฺมผลฺจ, เตน สมฺมาสมฺโพธิยา เหตุภูตํ สตฺเตสุ หิเตสิตํ น ปริจฺจชติ. สีลสมฺปตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ ครุ ภาวนีโย โจทโก ปาปครหี วตฺตา วจนกฺขโม, สุตสมฺปตฺติยา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิปฏิสํยุตฺตานํ คมฺภีรานํ กถานํ กตฺตา โหติ, จาคสมฺปตฺติยา อปฺปิจฺโฉ โหติ ¶ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ, วีริยสมฺปตฺติยา อารทฺธวีริโย โหติ อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติยํ, สติสมฺปตฺติยา ¶ อุปฏฺิตสฺสติ โหติ, สมาธิสมฺปตฺติยา อวิกฺขิตฺโต สมาหิตจิตฺโต, ปฺาสมฺปตฺติยา อวิปรีตํ ปชานาติ. โส สติยา กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเนสมาโน ปฺาย สตฺตานํ หิตาหิตํ ยถาภูตํ ชานิตฺวา สมาธินา ตตฺถ เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา วีริเยน สตฺเต อหิตํ นิเสเธตฺวา หิเต นิโยเชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปิโย…เป… นิโยชโกติ เอวมาทิคุณสมนฺนาคต’’นฺติ.
ตํ ปน กลฺยาณมิตฺตํ ปรมุกฺกํสคตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มมํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. การกภาวํ โยคกมฺมสฺส. ปกาเสติ อตฺตานํ ปฏิปตฺติยา อโมฆภาวทสฺสเนน สมุตฺเตชนาย, สมฺปหํสนาย จ, นนุ กเถสิ ปเวณิปาลนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. เอวรูโปติ เปสโล หุตฺวา พหุสฺสุโต. ตนฺติธโรติ สุตฺตธโร ตตฺถ เกหิจิปิ อสํหีโร. วํสานุรกฺขโกติ พุทฺธานุพุทฺธวํสสฺส อนุรกฺขโก. ปเวณิปาลโกติ ปเวณิยา อาจริยุคฺคหณสฺส อนุปาลโก. อาจริยมติโกติ อาจริยมติยํ นิยุตฺโต ตสฺสา อนติวตฺตนโต. น อตฺตโนมตึ ปกาเสติ กเถตีติ น อตฺตโนมติโก, อตฺตโน มตึ ปคฺคยฺห วตฺตา น โหตีติ อตฺโถ.
‘‘ปุพฺเพ วุตฺตขีณาสวาทโย’’ติอาทิ เอกจฺจขีณาสวโต พหุสฺสุโตว กมฺมฏฺานทาเน เสยฺโยติ ทสฺสนตฺถํ อารทฺธํ. ตตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตขีณาสวาทโยติ ‘‘ยํ กมฺมฏฺานํ คเหตุกาโม’’ติอาทินา วุตฺตขีณาสวาทิกา. อุคฺคหปริปุจฺฉานํ วิโสธิตตฺตาติ อุคฺคเหตพฺพโต ‘‘อุคฺคโห’’ติ ลทฺธนามาย กมฺมฏฺานุปการาย ปาฬิยา, ตทตฺถํ ปริปุจฺฉนโต ‘‘ปริปุจฺฉา’’ติ ลทฺธสมฺาย อตฺถสํวณฺณนาย จ วิเสสโต โสธิตตฺตา นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา คหิตตฺตา. อิโต จิโต จ สุตฺตฺจ การณฺจ สลฺลกฺเขตฺวาติ ปฺจสุปิ นิกาเยสุ อิโต จิโต จ ตสฺส ตสฺส กมฺมฏฺานสฺส อนุรูปํ สุตฺตปทฺเจว สุตฺตานุคตํ ยุตฺติฺจ สุฏฺุ อุปลกฺเขตฺวา. สปฺปายาสปฺปายํ โยเชตฺวาติ ยสฺส กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขติ, ตสฺส อุปการานุปการํ ยุตฺตึ มคฺคเนน โยเชตฺวา, สมาทาย วา สมฺมเทว หทเย เปตฺวาติ อตฺโถ. มหามคฺคํ ทสฺเสนฺโตติ กมฺมฏฺานวิธึ มหามคฺคํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต.
สพฺพตฺถาติ ¶ ตตฺถ ตตฺถ วิหาเร. วตฺตปฏิปตฺตึ กุรุมาเนนาติ ปวิฏฺกาเล อาคนฺตุกวตฺตํ, นิกฺขมนกาเล คมิกวตฺตนฺติ ยถารหํ ตํ ตํ วตฺตํ ปูเรนฺเตน. สพฺพปาริหาริยเตลนฺติ สพฺเพสํ องฺคานํ ¶ , สพฺเพสํ วา ภิกฺขูนํ อตฺถาย ปริหริตพฺพเตลํ. เปมีติ อนุชานาปนํ. ยํ ตํ สมฺมาวตฺตํ ปฺตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. เอกทิวสํ สายํ วิสฺสชฺชิเตนาปีติ โยชนา. อาโรเจตพฺพํ อาคมนการณํ. สปฺปายเวลา สรีรจิตฺตานํ กลฺลสมโย.
จริยาวณฺณนา
๔๓. สนฺตาเน ราคสฺส อุสฺสนฺนภาเวน จรณํ ปวตฺติ ราคจริยา, สา สสฺสตาสยาทโย วิย ทฏฺพฺพา. ตถา โทสจริยาทโย. สํสคฺโค สมฺปโยคารหวเสน เวทิตพฺโพ, ยถา ‘‘ราคโมหจริยา โทสโมหจริยา’’ติอาทิ. สนฺนิปาโต เอกสนฺตติปริยาปนฺนตาวเสน, ยถา ‘‘ราคโทสจริยา ราคโทสโมหจริยา’’ติอาทิ. อิมา เอว หิ สนฺธาย ‘‘อปราปิ จตสฺโส’’ติ วุตฺตํ. ตถาติ ยถา ราคาทีนํ, ตถา สทฺธาทีนํ สํสคฺคสนฺนิปาตวเสน สทฺธาพุทฺธิจริยา สทฺธาวิตกฺกจริยา พุทฺธิวิตกฺกจริยา สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกจริยาติ. อิมา อปราปิ จตสฺโส. เอวนฺติ สํสคฺคสนฺนิปาตวเสน. สํสคฺคนฺติ สํสชฺชนํ มิสฺสีกรณํ ‘‘ราคสทฺธาจริยา โทสสทฺธาจริยา’’ติอาทินา. อเนกาติ เตสฏฺิ, ตโต อติเรกาปิ วา, ตา ปน อสมฺโมหนฺเตน สํยุตฺตสุตฺตฏีกายํ วิตฺถารโต ทสฺสิตาติ ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. ‘‘ปกตี’’ติ อิมินา อสติ ปฏิปกฺขภาวนายํ ตตฺถ ตตฺถ สนฺตาเน จริยาย สภาวภูตตํ ทสฺเสติ. อุสฺสนฺนตา อฺธมฺเมหิ ราคาทีนํ อธิกตา, ยโต ราคจริยาทีนํ ปจฺจยสมวาเย ราคาทโย พลวนฺโต โหนฺติ, อภิณฺหฺจ ปวตฺตนฺติ. ตาสํ วเสนาติ ฉนฺนํ มูลจริยานํ วเสน ฉเฬว ปุคฺคลา โหนฺติ. อฺถา อเนกปุคฺคลา สิยุํ, ตถา จ สติ อธิปฺเปตตฺถสิทฺธิ จ น สิยาติ อธิปฺปาโย.
สทฺธา พลวตี โหติ ราคุสฺสนฺเน สนฺตาเน ตทนุคุณสฺส ธมฺมสฺส นิโยคโต อธิกภาวสมฺภวโต. เตนาห ‘‘ราคสฺส อาสนฺนคุณตฺตา’’ติ, สิเนหปริเยสนาปริจฺจชเนหิ สภาคธมฺมตฺตาติ อตฺโถ. สภาโค หิ ทูเรปิ อาสนฺเนเยวาติ สภาคตาลกฺขณมิธ อาสนฺนคฺคหณํ. ตตฺถ สทฺธาย สินิยฺหนํ ปสาทวเสน อกาลุสฺสิยํ อลูขตา ¶ , ราคสฺส ปน รฺชนวเสน. สทฺธาย ปริเยสนํ อธิมุจฺจนวเสน ตนฺนินฺนตา, ราคสฺส ตณฺหายนวเสน. สทฺธาย อปริจฺจชนํ โอกปฺปนวเสน อนุปกฺขนฺทนํ, ราคสฺส อภิสงฺควเสนาติ เอวํ ภินฺนสภาวานมฺปิ ¶ เตสํ ยถา อลูขตาทิสามฺเน สภาคตา, เอวํ ตํสมงฺคีนมฺปิ ปุคฺคลานนฺติ อาห ‘‘ราคจริตสฺส สทฺธาจริโต สภาโค’’ติ.
ปฺา พลวตี โหติ โทสุสฺสนฺเน สนฺตาเน ตทนุคุณสฺส ธมฺมสฺส นิโยคโต อธิกภาวสมฺภวโต. เตนาห ‘‘โทสสฺส อาสนฺนคุณตฺตา’’ติ, อนลฺลียนปริเยสนปริวชฺชเนหิ สภาคธมฺมตฺตาติ อตฺโถ. ตตฺถ ปฺาย อารมฺมณสฺส อนลฺลียนํ ตสฺส ยถาสภาวาวโพธวเสน วิสํสฏฺตา, โทสสฺส ปน พฺยาปชฺชนวเสน. ปฺาย ปริเยสนํ ยถาภูตโทสปวิจโย, โทสสฺส อภูตโทสนิชิคีสา. ปฺาย ปริวชฺชนํ นิพฺพินฺทนาทิวเสน าณุตฺราโส, โทสสฺส อหิตาธานวเสน ฉฑฺฑนนฺติ เอวํ ภินฺนสภาวานมฺปิ เตสํ ยถา อนลฺลียนาทิสามฺเน สภาคตา, เอวํ ตํสมงฺคีนมฺปิ ปุคฺคลานนฺติ อาห ‘‘โทสจริตสฺส พุทฺธิจริโต สภาโค’’ติ.
อนฺตรายกรา วิตกฺกาติ มิจฺฉาวิตกฺกา มิจฺฉาสงฺกปฺปา อุปฺปชฺชนฺติ โมหุสฺสนฺเน สนฺตาเน ตทนุคุณสฺส ธมฺมสฺส เยภุยฺเยน ปวตฺติสพฺภาวโต. เตนาห ‘‘โมหสฺส อาสนฺนลกฺขณตฺตา’’ติ, อนวฏฺานจฺจลภาเวหิ สภาคธมฺมตฺตาติ อตฺโถ. ตตฺถ วิตกฺกสฺส อนวฏฺานํ ปริกปฺปวเสน สวิปฺผารตาย, โมหสฺส สมฺมูฬฺหตาวเสน พฺยากุลตาย. ตถา วิตกฺกสฺส ลหุปริวิตกฺกเนน ตทงฺคจลตาย จฺจลตา, โมหสฺส อโนคาฬฺหตายาติ เอวํ ภินฺนสภาวานมฺปิ เตสํ ยถา อนวฏฺานาทิสามฺเน สภาคตา, เอวํ ตํสมงฺคีนมฺปิ ปุคฺคลานนฺติ อาห ‘‘โมหจริตสฺส วิตกฺกจริโต สภาโค’’ติ.
ตณฺหา ราโคเยว สภาวโต, ตสฺมา ราคจริยาวินิมุตฺตา ตณฺหาจริยา นตฺถีติ อตฺโถ. ตํสมฺปยุตฺโตติ เตน ราเคน สมฺปยุตฺโต, โทสาทโย วิย เตน วิปฺปยุตฺโต นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ตทุภยนฺติ ตณฺหามานทฺวยํ. นาติวตฺตตีติ สภาวโต, สมฺปโยควเสน จ น อติกฺกมิตฺวา วฏฺฏติ. กามฺเจตฺถ ยถา ราคโทเสหิ สมฺปโยควเสน สห ¶ วตฺตมานสฺสปิ โมหสฺส อุสฺสนฺนตาวเสน วิสุํ จริยาภาโว, น เกวลํ โมหสฺเสว, ตถา สทฺธาพุทฺธิวิตกฺกานํ. เอวํ ราเคน สติปิ สมฺปโยเค มานสฺสาปิ วิสุํ จริยาภาโว ยุตฺโต สิยา, เอวํ สนฺเตปิ ราคปฏิฆมานทิฏฺิวิจิกิจฺฉาวิชฺชานํ วิย อนุสยฏฺโ อิเมสํ ราคาทีนํเยว อาเวณิโก จริยฏฺโติ, นตฺเถว มานจริยา. ยโต จริยา ‘‘ปกตี’’ติ วุตฺตา. ปกติ จ สภาโวติ. เอเตเนว ทิฏฺิยาปิ วิสุํ จริยาภาวาภาโว สํวณฺณิโตติ ทฏฺพฺโพ. อฏฺกถายํ ปน โมหจริยนฺโตคธาว ¶ ทิฏฺิจริยาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โมหนิทานตฺตา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จ-สทฺเทน สมฺปโยคํ สมุจฺจิโนติ โมหนิทานตฺตา, โมหสมฺปยุตฺตตฺตา จาติ.
๔๔. กึ สปฺปายนฺติ กีทิสํ เสนาสนาทิสปฺปายํ. ปุพฺพาจิณฺณํ ปุริมชาตีสุ อาจริตํ. เอกจฺเจติ อุปติสฺสตฺเถรํ สนฺธายาห. เตน หิ วิมุตฺติมคฺเค ตถา วุตฺตํ. ปุพฺเพ กิราติ กิร-สทฺโท อรุจิสูจนตฺโถ. อิฏฺปฺปโยโค มนาปกิริยา. สุภกมฺมพหุโล เยภุยฺเยน โสภนกมฺมการี. น สพฺเพ ราคจริตา เอว โหนฺติ, อลุทฺธานมฺปิ ปุพฺเพ อิฏฺปฺปโยคสุภกมฺมพหุลตาสมฺภวโต, สคฺคา จวิตฺวา อิธูปปตฺติสมฺภวโต จ. เอเตน อสติ ปุพฺพเหตุนิยาเม ยถาวุตฺตการณมตฺเตน น เตสํ ลุทฺธตา, ลุทฺธภาวเหตุกา จ ราคจริยาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.
อิตเรติ เฉทนาทิกมฺมพหุลา นิรยาทิโต อิธูปปนฺนา จ น สพฺเพ โทสโมหจริตา เอว โหนฺตีติ โยชนา. อิธาปิ ยถาวุตฺตการณสฺส โกธนภาเว, มูฬฺหภาเว จ อเนกนฺติกตฺตา โทสโมหจริตตายปิ อเนกํสิกตา เวทิตพฺพา. ธาตูนํ อุสฺสทนิยโม ยทิ ปมาณโต, โส นตฺถิ, อถ สามตฺถิยโต, โสปิ เอกํสิโก น อุปลพฺภตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถาวุตฺเตเนว นเยน อุสฺสทนิยโม นาม นตฺถี’’ติ. ตตฺถ ยถาวุตฺเตเนวาติ ‘‘ทฺวินฺนํ ปน ธาตูน’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรเนว. โทสนิยเมติ เสมฺหาทิโทสาธิกตาย ราคาทิจริโต โหตีติ โทสวเสน จริยานิยเม ‘‘เสมฺหาธิโก ราคจริโต’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘เสมฺหาธิโก โมหจริโต’’ติ, ‘‘วาตาธิโก โมหจริโต’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘วาตาธิโก ราคจริโต’’ติ จ วุตฺตตฺตา ตมฺปิ โทสวเสน นิยมวจนํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธเมว. อปริจฺฉินฺนวจนนฺติ ¶ ปริจฺเฉทการิกาย ปฺาย น ปริจฺฉินฺทิตฺวา วุตฺตวจนํ, อนุปปริกฺขิตวจนนฺติ อตฺโถ.
อุสฺสทกิตฺตเนติ วิปากกถายํ คหิตอุสฺสทกิตฺตเน. ปุพฺพเหตุนิยาเมนาติ ปุริมภเว ปวตฺตโลภาทิเหตุนิยาเมน. นิยาโมติ จ เตสํเยว โลภาทีนํ ปฏินิยโต ลุพฺภนาทิสภาโว ทฏฺพฺโพ. โลโภ อุสฺสโท เอเตสนฺติ โลภุสฺสทา, อุสฺสนฺนโลภา, โลภาธิกาติ อตฺโถ. อโมหุสฺสทา จาติ เอตฺถ จ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน เย อิเม โลภุสฺสทตาทีนํ ปจฺเจกํ โวมิสฺสโต จ จุทฺทส ปเภทา อิจฺฉิตา, เต อนวเสสโต สมฺปิณฺเฑติ ยถาวุตฺเตสุ ฉสฺเวว เตสํ อนฺโตคธตฺตา. ผลภูตา เจตฺถ โลภุสฺสทตาทโย ทฏฺพฺพา.
อิทานิ ¶ ตํ เนสํ โลภุสฺสทตาทีนํ ปจฺเจกํ โวมิสฺสกตาทึ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. กมฺมายูหนกฺขเณติ กมฺมกรณเวลายํ. โลโภ พลวาติ โลโภ ตชฺชาย ปจฺจยสามคฺคิยา สามตฺถิยโต อธิโก โหติ. อโลโภ มนฺโทติ ตปฺปฏิปกฺโข อโลโภ ทุพฺพโล. กถํ ปเนเต โลภาโลภา อฺมฺํ อุชุวิปจฺจนีกภูตา เอกกฺขเณ ปวตฺตนฺตีติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘เอกกฺขเณ ปวตฺตนฺตี’’ติ. นิกนฺติกฺขณํ ปน อายูหนปกฺขิยเมว กตฺวา เอวํ วุตฺตํ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. ปริยาทาตุนฺติ อภิภวิตุํ น สกฺโกติ. โย หิ ‘‘เอวํสุนฺทรํ เอวํวิปุลํ เอวํมหคฺฆฺจ น สกฺกา ทาตุ’’นฺติอาทินา อมุตฺตจาคตาทิวเสน ปวตฺตาย เจตนาย สมฺปยุตฺโต อโลโภ, โส สมฺมเทว โลภํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ. โทสโมหานํ อนุปฺปตฺติยา, ตาทิสปจฺจยลาเภน จ อโทสาโมหา พลวนฺโต. ตสฺมาติ โลภาโทสาโมหานํ พลวภาวโต, อโลภโทสโมหานฺจ ทุพฺพลภาวโตติ วุตฺตเมว การณํ ปจฺจามสติ. โสติ ตํสมงฺคีปุคฺคโล. เตน กมฺเมนาติ เตน โลภาทิอุปนิสฺสยวตา กุสลกมฺมุนา. สุขสีโลติ สขิโล. ตเมวตฺถํ ‘‘อกฺโกธโน’’ติ ปริยาเยน วทติ.
ปุริมนเยเนวาติ ปุพฺเพ วุตฺตนยานุสาเรน มนฺทา อโลภาโทสา โลภโทเส ปริยาทาตุํ น สกฺโกนฺติ, อโมโห ปน พลวา โมหํ ปริยาทาตุํ สกฺโกตีติ เอวํ ตตฺถ ตตฺถ วาเร ยถารหํ อติเทสตฺโถ ¶ เวทิตพฺโพ. ทุฏฺโติ โกธโน. ทนฺโธติ มนฺทปฺโ. สีลโกติ สุขสีโล.
เอตฺถ จ โลภวเสน, โทสโมหโลภโทสโลภโมหโทสโมหโลภโทสโมหวเสนาติ ตโย เอกกา, ตโย ทุกา, เอโก ติโกติ โลภาทิอุสฺสทวเสน อกุสลปกฺเขเยว สตฺต วารา, ตถา กุสลปกฺเข อโลภาทิอุสฺสทวเสนาติ จุทฺทส วารา ลพฺภนฺติ. ตตฺถ อโลภโทสาโมหา, อโลภาโทสโมหา, อโลภโทสโมหา พลวนฺโตติ อาคเตหิ กุสลปกฺเข ตติยทุติยปมวาเรหิ โทสุสฺสทโมหุสฺสทโทสโมหุสฺสทวารา คหิตา เอว โหนฺติ, ตถา อกุสลปกฺเข โลภาโทสโมหา, โลภโทสาโมหา, โลภาโทสาโมหา พลวนฺโตติ อาคเตหิ ตติยทุติยปมวาเรหิ อโทสุสฺสทอโมหุสฺสทอโทสาโมหุสฺสทวารา คหิตา เอวาติ อกุสลกุสลปกฺเขสุ ตโย ตโย วาเร อนฺโตคเธ กตฺวา อฏฺเว วารา ทสฺสิตา. เย ปน อุภเยสํ มิสฺสตาวเสน โลภาโลภุสฺสทวาราทโย อปเร เอกูนปฺาส วารา ทสฺเสตพฺพา, เต อลพฺภนโต เอว น ทสฺสิตา. น หิ เอกสฺมึ สนฺตาเน อนฺตเรน อวตฺถนฺตรํ ‘‘โลโภ จ พลวา, อโลโภ จา’’ติอาทิ ยุชฺชตีติ, ปฏิปกฺขวเสน วา หิ เอเตสํ พลวทุพฺพลภาโว, สหชาตธมฺมวเสน ¶ วา. ตตฺถ โลภสฺส ตาว ปฏิปกฺขวเสน อโลเภน อนธิภูตตาย พลวภาโว, ตถา โทสโมหานํ อโทสาโมเหหิ. อโลภาทีนํ ปน โลภาทิอภิภวนโต, สพฺเพสฺจ สมานชาติยมภิภุยฺย ปวตฺติวเสน สหชาตธมฺมโต พลวภาโว. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘โลโภ พลวา อโลโภ มนฺโท, อโทสาโมหา พลวนฺโต โทสโมหา มนฺทา’’ติ. โส จ เนสํ มนฺทพลวภาโว ปุริมูปนิสฺสยโต ตถา อาสยสฺส ปริภาวิตตาย เวทิตพฺโพ.
โย ลุทฺโธติ วุตฺโตติ โย อุสฺสทกิตฺตเน ‘‘ลุทฺโธ’’ติ วุตฺโต, อยํ อิธ จริยาวิจาเร ‘‘ราคจริโต’’ติ เวทิตพฺโพ. ทุฏฺทนฺธาติ ‘‘ทุฏฺโ, ทนฺโธ’’ติ จ วุตฺตา ยถากฺกมํ โทสโมหจริตา. ปฺวาติ สาติสยํ สปฺปฺโ. ยโต สทฺธาวิตกฺเกสุ วิชฺชมาเนสุปิ พุทฺธิจริโตติ วุจฺจติ. อโลภาโทสานํ ¶ พลวภาโว สทฺธูปนิสฺสยตาย วินา น โหตีติ อาห ‘‘อลุทฺธอทุฏฺา ปสนฺนปกติตาย สทฺธาจริตา’’ติ.
อยฺจ นโย สาธารณโต วุตฺโตติ นิพฺพตฺติตปุพฺพเหตุนิยามวเสเนว พุทฺธิจริตาทิเกปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อโมหปริวาเรนาติ อโมหปริกฺขิตฺเตน, อุปนิสฺสยโต สมฺปโยคโต จ ปฺาย อภิสงฺขเตนาติ อตฺโถ. เสสปทตฺตเยปิ เอเสว นโย. โลภาทินา โวมิสฺสปริวาเรนาติ เอตฺถ โลภโมหาทินา อฺมฺอวิรุทฺธโวมิสฺสปริวาเรนาติ อตฺโถ. อวิโรโธ จ ยุคคฺคาหวเสน อปฺปวตฺติยา เวทิตพฺโพ. ตถา หิ สทฺธานุสาริธมฺมานุสาริโคตฺตานิ อฺมฺมฺปิ ภินฺนสภาวาเนว. เอกํเสน จ มิสฺสกจริยาปิ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพา ปุพฺพเหตุนิยาเมน จริยาสิทฺธิโต. ตถา เจว อุสฺสทกิตฺตนํ ปวตฺตํ ยถารหํ โลภาโลภาทีนํ วิปากสฺส ปจฺจยภาวโต. เตนาห ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๒) –
‘‘คติสมฺปตฺติยา าณสมฺปยุตฺเต กตเมสํ อฏฺนฺนํ เหตูนํ ปจฺจยา อุปปตฺติ โหติ? กุสลกมฺมสฺส ชวนกฺขเณ ตโย เหตู กุสลา ตสฺมึ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, เตน วุจฺจติ กุสลมูลปจฺจยาปิ สงฺขารา. นิกนฺติกฺขเณ ทฺเว เหตู อกุสลา ตสฺมึ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, เตน วุจฺจติ อกุสลมูลปจฺจยาปิ สงฺขารา. ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตโย เหตู อพฺยากตา ตสฺมึ ขเณ ชาตเจตนาย สหชาตปจฺจยา โหนฺติ, เตน วุจฺจติ นามรูปปจฺจยาปิ วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยาปิ นามรูป’’นฺติ –
อาทิ ¶ . ปุพฺพเหตุนิยาเมน จ ยถา ติเหตุกสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ, น ตถา ทุเหตุกสฺส. ยถา จ ทุเหตุกสฺส อิติกตฺตพฺพตา เนปกฺกํ, น ตถา อเหตุกสฺส. เอวํ โลภุสฺสทาทโย ปุคฺคลา ราคจริตาทโย โหนฺตีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ. ยถาวุตฺตมตฺถํ นิคมวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ โลภาทีสู’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๔๕. ตตฺราติ ¶ ตสฺมึ ปุจฺฉาวจเน. นโยติ ชานนนโย. ปุคฺคลาธิฏฺาเนน วุตฺโตปิ อตฺโถ ธมฺมมุเขเนว ปฺายตีติ ธมฺมาธิฏฺาเนนาห ‘‘จริยาโย วิภาวเย’’ติ. ปกติคมเนนาติ อกิตฺติเมน สภาวคมเนน. จาตุริเยนาติ จาตุรภาเวน สิงฺคาเรน. อุกฺกุฏิกนฺติ อสมฺผุฏฺมชฺฌํ. ขณนฺโต วิยาติ ภูมึ ขณนฺโต วิย. อนุกฑฺฒิตนฺติ ปาทนิกฺเขปสมเย กฑฺฒนฺโต วิย ปาทํ นิกฺขิปติ. เตนสฺส ปทํ อนุกฑฺฒิตํ ปจฺฉโต อฺฉิตํ โหติ. ปริพฺยากุลายาติ ปริโต อาลุฬิตาย. ฉมฺภิโต วิยาติ วิตฺถายนฺโต วิย. ภีโต วิยาติ เกจิ. สหสานุปีฬิตนฺติ อคฺคปาเทน, ปณฺหิยา จ สหสาว สนฺนิรุชฺฌิตํ. วิวฏฺฏจฺฉทสฺสาติ วินิวฏฺฏจฺฉทนสฺส ปหีนกิเลสสฺส. อิทมีทิสํ ปทนฺติ ภควโต ปทํ ทิสฺวา วทติ.
ปาสาทิกนฺติ ปสาทาวหํ. มธุราการนฺติ อิฏฺาการํ. ถทฺธาการนฺติ ถมฺภิตาการํ. อตรมาโนติ นตรมาโน, สณิกนฺติ อตฺโถ. สโมธายาติ สมฺมเทว โอธาย อวิกฺขิปิตฺวา. นิปชฺชิตฺวาติ กายปสารณลกฺขณาย นิปชฺชาย เสยฺยาย นิปชฺชิตฺวา สยติ นิทฺทายติ. ปกฺขิตฺตกาโยติ อวกฺขิตฺตกาโย อวโส วิย สหสา ปติตกาโย. ทุสฺสณฺานนฺติ วิรูปสนฺนิเวสํ. วิกฺขิตฺตกาโยติ อิโต จิโต จ ขิตฺตองฺคปจฺจงฺโค.
สมฺปริวตฺตกนฺติ สมฺปริวตฺติตฺวา. อาโลฬยมาโน วาลิกากจวรานิ อากุลยนฺโต.
นิปุณมธุรสมสกฺกจฺจการีติ สุโกสลฺลํ สุนฺทรํ อวิสมํ สาภิสงฺขารฺจ กรณสีโล. คาฬฺหถทฺธวิสมการีติ ถิรํ อสิถิลํ วิสมฺจ กรณสีโล. อปริจฺฉินฺนํ อปรินิฏฺิตํ.
มุขปูรกนฺติ มุขสฺส ปูรณํ มหนฺตํ. อรสปฏิสํเวทีติ นรสปฏิสํเวที. ภาชเน ฉฑฺเฑนฺโตติ โภชนภาชเน สิตฺถานิ ฉฑฺเฑนฺโต. มุขํ มกฺเขนฺโตติ พหิมุขํ มกฺเขนฺโต.
กิลนฺตรูโป ¶ วิยาติ ตสฺส อสหเนน เขทปฺปตฺโต วิย. อฺาณุเปกฺขายาติ อฺาณภูตาย อุเปกฺขาย. อฺาณสงฺขาตาย อุเปกฺขายาติ เกจิ.
มายาทีสุ ¶ สนฺตโทสปฏิจฺฉทนลกฺขณา มายา. อสนฺตคุณปกาสนลกฺขณํ สาเยฺยํ. อุนฺนติลกฺขโณ มาโน. อสนฺตคุณสมฺภาวนามุเขน ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺุตาลกฺขณา ปาปิจฺฉตา. สนฺตคุณสมฺภาวนามุเขน ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺุตาลกฺขณา มหิจฺฉตา. สกลาเภน อสนฺตุสฺสนลกฺขณา อสนฺตุฏฺิตา. วิชฺฌนฏฺเน สิงฺคํ, สิงฺคารตานาคริกภาวสงฺขาตํ กิเลสสิงฺคํ. อตฺตโน สรีรสฺส, จีวราทิปริกฺขารสฺส จ มณฺฑนวเสน ปวตฺตํ โลลุปฺปํ จาปลฺยํ. เอวมาทโยติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อหิริกาโนตฺตปฺปมทปฺปมาทาทโย สงฺคยฺหนฺติ.
ปราปราธสฺส อุปนยฺหนลกฺขโณ อุปนาโห. ปเรสํ คุณมกฺขณลกฺขโณ มกฺโข. ปรสฺส คุเณ ฑํสิตฺวา อปเนนฺโต วิย ยุคคฺคาหลกฺขโณ ปฬาโส. ปรสมฺปตฺติอุสูยนลกฺขณา อิสฺสา. อตฺตสมฺปตฺตินิคูหนลกฺขณํ มจฺฉริยํ. อิธ อาทิ-สทฺเทน โทวจสฺสตาปาปมิตฺตตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อนุสฺสาหนํ ถินํ. อสตฺติวิฆาโต มิทฺธํ. เจตโส อวูปสโม อุทฺธจฺจํ. วิปฺปฏิสาโร กุกฺกุจฺจํ. สํสโย วิจิกิจฺฉา. อโยนิโส ทฬฺหคฺคาโห อาธานคฺคาหิตา. ยถาคหิตสฺส มิจฺฉาคาหสฺส ทุพฺพิเวิยตา ทุปฺปฏินิสฺสคฺคิยตา. อิธ อาทิ-สทฺเทน มุฏฺสจฺจอสมฺปชฺาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
มุตฺตจาคตาติ วิสฺสฏฺจาคตา นิสฺสงฺคปริจฺจาโค. ยถา มายาทโย, ตถา ปวตฺตา อกุสลกฺขนฺธา, ยถา อริยานํ ทสฺสนกามตาทโย, ตถา ปวตฺตา กุสลกฺขนฺธา เวทิตพฺพา.
ปสาทนียฏฺานํ นาม วตฺถุตฺตยํ. สํเวชนียฏฺานานิ ชาติอาทีนิ. กุสลานุโยเคติ กุสลธมฺมภาวนายํ. ‘‘เอวฺจ เอวฺจ กริสฺสามี’’ติ กิจฺจานํ รตฺติภาเค ปริวิตกฺกนํ รตฺตึ ธูมายนา. ตถาวิตกฺกิตานํ เตสํ ทิวสภาเค อนุฏฺานํ ทิวา ปชฺชลนา. หุราหุรํ ธาวนาติ อิโต จิโต จ ตตฺถ ตตฺถ อารมฺมเณ จิตฺตโวสคฺโค. เตเนวาห ‘‘อิทํ ปุเร จิตฺตมจาริ จาริกํ, เยนิจฺฉกํ ¶ ยตฺถกามํ ยถาสุข’’นฺติ (ธ. ป. ๓๒๖), ‘‘จิตฺตมสฺส วิธาวตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๕๕) จ.
ธมฺมปฺปวตฺติทสฺสนาทิ ¶ จ ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ อนาคตเมวาติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ ‘‘สพฺพากาเรนา’’ติ วุตฺตํ. กิฺจิ กิฺจิ อาคตมฺปิ อตฺเถวาติ หิ อธิปฺปาโย. ‘‘น สารโต ปจฺเจตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ราคจริตสฺส หี’’ติอาทิมาห. อปฺปมาทวิหาริโนติ ตตฺถ วินิธาย ภาวํ ปฏิปชฺชเนน อปฺปมาทการิโน. ภินฺนลกฺขณา อิริยาปถาทโยติ จาตุริเยน อจาตุริเยน สณิกํ, สหสา จ คมนาทโย. น อุปปชฺชนฺตีติ น ยุชฺชนฺติ. ปุจฺฉิตฺวา ชานิตพฺพนฺติ ธมฺมปฺปวตฺติอาทึ ปุจฺฉิตฺวา ชานิตพฺพํ.
๔๖. สปฺปายํ หิตํ, กิเลสวิฆาตีติ อตฺโถ. อโธตเวทิกนฺติ อปริสุทฺธปริกฺเขปเวทิกํ. ภูมฏฺกนฺติ ภูมิตเลเยว อุฏฺาปิตํ อุปริมตลรหิตํ. เอกโต โอนตสฺส ปพฺพตปาทสฺส เหฏฺาภาโค อกตภิตฺติภูมิปริกมฺโม อกตปพฺภาโร. ชตุกาภริตนฺติ อโธมุขาหิ โอลมฺพมานมุขาหิ ขุทฺทกวคฺคุลีหิ ปริปุณฺณํ. โอลุคฺควิลุคฺคนฺติ ฉินฺนภินฺนํ. อุชฺชงฺคลํ ลูขธูสรํ ฉายูทกรหิตํ. สีหพฺยคฺฆาทิภเยน สาสงฺกํ. ทุรูปนฺติ วิรูปํ. ทุพฺพณฺณนฺติ อสุนฺทรวณฺณํ, ทุสฺสณฺานํ วา. ชาลากาเรน กตปูวํ ชาลปูวํ. สาณิ วิย ขรสมฺผสฺสนฺติ สาณิผลโก วิย ทุกฺขสมฺผสฺสํ. ภาริกภาเวน, อนฺตรนฺตรา ตุนฺนกรเณน จ กิจฺฉปริหรณํ. อาณิคณฺิกาหโตติ อาณินา, คณฺิยา จ หตโสโภ. อิทํ ราคจริตสฺส สปฺปายํ, เอวมสฺส กิเลสสมุทาจาโร น โหตีติ อธิปฺปาโย. เอเสว นโย เสเสสุปิ.
ทิสามุขนฺติ ทิสาภิมุขํ, อพฺโภกาสาภิมุขนฺติ อธิปฺปาโย. มหากสิณนฺติ มหนฺตํ กสิณมณฺฑลํ. เสสํ เสนาสนาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ โมหจริตสฺส, ตํ โทสจริตสฺส วุตฺตสทิสเมว.
วิตกฺกวิธาวนสฺเสว ปจฺจโย โหติ ยถา ตํ อายสฺมโต เมฆิยตฺเถรสฺส. ทรีมุเขติ ปพฺพตวิวเร. ปริตฺตนฺติ สุปฺปสราวมตฺตํ.
ปเภทปริจฺเฉทโต นิทานปริจฺเฉทโต วิภาวนปริจฺเฉทโต สปฺปายปริจฺเฉทโตติ ปจฺเจกํ ปริจฺเฉท-สทฺโท โยเชตพฺโพ. วิภาวนาติ ‘‘อยํ ราคจริโต’’ติอาทินา ชานนวิภาวนา. เอกจฺจกสิณานุสฺสติฏฺานมตฺตสฺส ¶ ปสงฺเคน กถิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘น จ ตาว จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ สพฺพากาเรน อาวิกต’’นฺติ.
จตฺตาลีสกมฺมฏฺานวณฺณนา
๔๗. สงฺขาตนิทฺเทสโตติ ¶ สงฺขาตานํ ‘‘จตฺตาลีสายา’’ติ สงฺขฺยาวเสน คหิตานํ อุทฺทิฏฺานํ นิทฺเทสโต. ‘‘เอตฺถ เอตฺตกานิ อุปจารชฺฌานาวหานิ, เอตฺตกานิ อปฺปนาชฺฌานาวหานี’’ติ อุปจารปฺปนาวหโต. ‘‘เอตฺตกานิ เอกชฺฌานิกานิ, เอตฺตกานิ ทุกติกชฺฌานิกานิ, เอตฺตกานิ สกลชฺฌานิกานี’’ติ ฌานปฺปเภทโต. ‘‘เอเตสุ องฺคสมติกฺกโม, เอเตสุ อารมฺมณสมติกฺกโม’’ติ เอวํ สมติกฺกมโต. ‘‘เอตฺตกาเนตฺถ วฑฺเฒตพฺพานิ, เอตฺตกานิ น วฑฺเฒตพฺพานี’’ติ วฑฺฒนาวฑฺฒนโต. อารมฺมณโตติ สภาวธมฺมนิมิตฺตนวตฺตพฺพวเสน, จลิตาจลิตวเสน จ อารมฺมณวิภาคโต. ภูมิโตติ กามาวจราทิภูมิวิภาคโต. คหณโตติ ทิฏฺาทิวเสน คหณวิภาคโต. ปจฺจยโตติ อารุปฺปาทีนํ ยถารหํ ปจฺจยภาวโต. จริยานุกูลโตติ ราคจริยาทีนํ อนุกูลภาวโต.
กมฺมฏฺานานีติ อารมฺมณภาเวน โยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานานิ. จตุกฺกชฺฌานิกาติ จตุพฺพิธรูปาวจรชฺฌานวนฺโต, เตสํ อารมฺมณภูตาติ อตฺโถ. จตุกฺกนยวเสน เจตํ วุตฺตํ. ติกจตุกฺกชฺฌานิเกสูติ ติกชฺฌานิเกสุ ปุริเมสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ, จตุกฺกชฺฌานิเกสุ อานาปานกสิเณสุ. เสเสสูติ วุตฺตาวเสเสสุ เอกวีสติยา กมฺมฏฺาเนสุ.
ทิพฺพจกฺขุนา ทิฏฺหทยรูปสฺส สตฺตสฺส จิตฺตํ อาทิกมฺมิโก เจโตปริยาเณน ปริจฺฉินฺทิตุํ สกฺโกติ, น อิตรสฺสาติ กสิณผรณํ เจโตปริยาณสฺส ปจฺจโย โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปรสตฺตานฺจ เจตสา จิตฺตมฺาตุํ สมตฺโถ โหตี’’ติ. โอกาเสน ปริจฺฉินฺนตฺตาติ อตฺตโน ิโตกาเสน ปริจฺฉินฺนตฺตา. ตถา อุคฺคหโกสลฺลสฺส สมฺปาทิตตฺตา ปริจฺฉินฺนากาเรเนว ตานิ อุปติฏฺนฺติ, ตสฺมา น ตตฺถ วฑฺฒนาติ อธิปฺปาโย. สเจ ปน โกจิ วฑฺเฒยฺย, น เตน โกจิ คุโณติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อานิสํสาภาวา จา’’ติ. ‘‘เตสุ ปนา’’ติอาทินา ตเมว อานิสํสาภาวํ วิวรติ. ยสฺมา วฑฺฒิเตสุ กุณปราสิเยว วฑฺฒติ, อวฑฺฒิเตปิ กามราควิกฺขมฺภนา ¶ โหติเยว, ตสฺมา อานิสํสาภาโว. วิภูตาติ วิปุลารมฺมณตาย สุปากฏา, วฑฺฒิตนิมิตฺตตาย อปฺปมาณารมฺมณภาเวน ปริพฺยตฺตาติ อตฺโถ.
เกวลนฺติ ¶ สกลํ อนวเสสํ. ‘‘ปถวึ อิม’’นฺติ วจนํ อุปฏฺานากาเรน วุตฺตํ, น นิมิตฺตสฺส วฑฺฒเนนาติ อธิปฺปาโย. ลาภิตฺตาติ สาติสยํ ลาภิตาย, อุกฺกํสคตวสิภาวโตติ อตฺโถ. เถโร หิ ปรมาย วสิปตฺติยา อสฺสมณฺฑเล อสฺสํ สาเรนฺโต วิย ยตฺถ ตตฺถ นิสินฺโนปิ ิโตปิ ตํ ฌานํ สมาปชฺชเตว. เตนสฺส สมนฺตโต นิมิตฺตํ วฑฺฒิตํ วิย อุปฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพทิสาสู’’ติอาทิ.
วุตฺตาติ ธมฺมสงฺคเห วุตฺตา. มหนฺเตติ วิปุเล. นินฺนถลาทิวเสน หิ เอกเทเส อฏฺตฺวา สมนฺตโต คหณวเสน สกลสรีเร นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺส ตํ มหนฺตํ โหติ. มหนฺเต วา สรีเร. อปฺปเกติ สรีรสฺส เอกเทเส นิมิตฺตํ คณฺหาตีติ โยชนา. อปฺปเก วา ขุทฺทเก ทารกสรีเร. เอตนฺติ อสุภนิมิตฺตํ. อาทีนวนฺติ ‘‘อสุภราสิ เอว วฑฺฒติ, น จ โกจิ อานิสํโส’’ติ วุตฺตํ อาทีนวํ.
เสสานิปิ น วฑฺเฒตพฺพานีติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ อุปปตฺติโต วิวริตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิจุปิณฺฑาทิวเสน อุปฏฺหนฺตมฺปิ นิมิตฺตํ วาตสงฺฆาตสนฺนิสฺสยนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘วาตราสิเยว วฑฺฒตี’’ติ. โอกาเสน ปริจฺฉินฺนนฺติ นาสิกคฺคมุขนิมิตฺตาทิโอกาเสน สปริจฺเฉทํ. วาโยกสิณวฑฺฒเน วิย น เอตฺถ โกจิ คุโณ, เกวลํ วาตวฑฺฒนเมวาติ อาห ‘‘สาทีนวตฺตา’’ติ. เตสนฺติ พฺรหฺมวิหารานํ. นิมิตฺตนฺติ อารมฺมณํ. น จ เตน อตฺโถ อตฺถีติ เตน สตฺตราสิวฑฺฒเนน ปถวีกสิณาทิวฑฺฒเน วิย กิฺจิ ปโยชนํ นตฺถิ. ปริคฺคหวเสนาติ อปริคฺคหิตสฺส ภาวนาวิสยสฺส ปริคฺคหวเสน, น นิมิตฺตวฑฺฒนวเสน. เตนาห ‘‘เอกาวาสทฺวิอาวาสาทินา’’ติอาทิ. เอตฺถาติ พฺรหฺมวิหารภาวนายํ. ยทยนฺติ ยํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ อยํ โยคี. สีมาสมฺเภเทเนว เหตฺถ อุปจารชฺฌานุปฺปตฺติ, น นิมิตฺตุปฺปตฺติยา. ยทิ เอวํ กถํ ปริตฺตาทิอารมฺมณตา ฌานสฺสาติ อาห ‘‘ปริตฺตอปฺปมาณารมฺมณตาเปตฺถ ปริคฺคหวเสนา’’ติ, กติปเย สตฺเต ปริคฺคเหตฺวา ปวตฺตา เมตฺตาทโย ปริตฺตารมฺมณา, พหุเก อปฺปมาณารมฺมณาติ อตฺโถ. อากาสํ กสิณุคฺฆาฏิมตฺตา น วฑฺเฒตพฺพนฺติ โยชนา. วกฺขติ วา ยํ เตน สมฺพนฺธิตพฺพํ. ปริกปฺปชเมว อารมฺมณํ วฑฺเฒตุํ สกฺกา, น อิตรนฺติ อาห ‘‘น หิ สกฺกา สภาวธมฺมํ ¶ วฑฺเฒตุ’’นฺติ ¶ . อารุปฺปานํ ปริตฺตอปฺปมาณารมฺมณตา ปริตฺตกสิณุคฺฆาฏิมากาเส, วิปุลกสิณุคฺฆาฏิมากาเส จ ปวตฺติยา เวทิตพฺพา. เสสานิ พุทฺธานุสฺสติอาทีนิ ทส กมฺมฏฺานานิ. อนิมิตฺตตฺตาติ ปฏิภาคนิมิตฺตาภาวา.
ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณานีติ ปฏิภาคนิมิตฺตภูตานิ อารมฺมณานิ. เสสานิ อฏฺารส. เสสานิ ฉาติ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา, อากาสานฺจายตนํ, อากิฺจฺายตนนฺติ อิมานิ เสสานิ ฉ. วิสฺสนฺทมานปุพฺพตาย วิปุพฺพกํ. ปคฺฆรมานโลหิตตาย โลหิตกํ. กิมีนํ ปจลเนน ปุฬุวกํ, จลิตารมฺมณํ วุตฺตํ. วาตปานวิวราทีหิ อนฺโตปวิฏฺสฺส สูริยาโลกาทิกสฺส จลนากาโร ปฺายตีติ โอภาสมณฺฑลารมฺมณมฺปิ จลิตารมฺมณํ วุตฺตํ. ปุพฺพภาเคติ ปฏิภาคนิมิตฺตปฺปวตฺติยา ปุพฺพภาเค. สนฺนิสินฺนเมวาติ สนฺตํ นิจฺจลเมว.
เทเวสูติ กามาวจรเทเวสุ, ตตฺถ อสุภานํ ปฏิกูลสฺส จ อาหารสฺส อภาวโต. อสฺสาสปสฺสาสานํ พฺรหฺมโลเก อภาวโต ‘‘อานาปานสฺสติ จา’’ติ วุตฺตํ.
ทิฏฺเนาติ ทิฏฺเน วตฺถุนา การณภูเตน. คเหตพฺพานีติ อุคฺคเหตพฺพานิ, อุปฺปาเทตพฺพอุคฺคหนิมิตฺตานีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปุพฺพภาเค’’ติอาทิ. ตสฺสาติ กายคตาสติยา. อุจฺฉุสสฺสาทีนํ ปตฺเตสุ ปจลมานวณฺณคฺคหณมุเขน วา ตสฺส คเหตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘วาโยกสิณํ ทิฏฺผุฏฺเนา’’ติ. น อาทิกมฺมิเกน คเหตพฺพานีติ อาทิกมฺมิเกน น คเหตพฺพานิ, ภาวนารมฺภวเสน น ปฏฺเปตพฺพานิ, เหฏฺิเม ตโย พฺรหฺมวิหาเร, กสิเณสุ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานฺจ อนธิคนฺตฺวา สมฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา.
อิเมสุ ปน กมฺมฏฺาเนสูติ เอตฺถ กมฺมฏฺานคฺคหเณน ยถารหํ อารมฺมณานํ, ฌานานฺจ คหณํ เวทิตพฺพํ. สุขวิหารสฺสาติ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสฺส.
‘‘เอกาทส กมฺมฏฺานานิ อนุกูลานี’’ติ อุชุวิปจฺจนีกวเสน เจตํ วุตฺตํ. เอวํ เสเสสุปิ. วกฺขติ หิ ‘‘สพฺพฺเจต’’นฺติอาทิ. อนุกูลานิ ราควิกฺขมฺภนสฺส อุปายภาวโต. อฏฺ อนุกูลานีติ โยชนา. เอวํ เสเสสุ. เอกนฺติ อิทํ อนุสฺสติอเปกฺขํ อนุสฺสตีสุ เอกนฺติ, น โมหจริตวิตกฺกจริตาเปกฺขํ เตสํ อฺสฺสาปิ อนุกูลสฺส อลพฺภนโต ¶ . ‘‘สทฺธาจริตสฺส ¶ ปุริมา ฉ อนุสฺสติโย’’ติ อิทํ อติสปฺปายวเสน วุตฺตํ. อิมสฺเสว อุชุวิปจฺจนีกํ อิมสฺส อติสปฺปายนฺติ คเหตพฺพสฺส วิเสสสฺส อภาวโต สพฺพจริตานํ อนุกูลานิ. ปริตฺตนฺติ สราวมตฺตํ, อปฺปมาณนฺติ ตโต อธิกปมาณํ. ปริตฺตํ วา สุปฺปสราวมตฺตํ, อปฺปมาณํ อธิกปมาณํ ขลมณฺฑลาทิกสิณภาเวน ปริคฺคหิตํ.
จตฺตาโร ธมฺมาติ จตฺตาโร มนสิกรณียา ธมฺมา. อุตฺตรีติ สีลสมฺปทา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายธมฺมสฺสวนํ, วีริยํ; ปฺาติ อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺานโต อุปริ. อสุภาติ อสุภภาวนา เอกาทสสุ อสุภกมฺมฏฺาเนสุ ภาวนานุโยคา. เมตฺตาติ อโนธิโส, โอธิโส วา ปวตฺตา เมตฺตาภาวนา. อานาปานสฺสตีติ โสฬสวตฺถุกา อานาปานสฺสติสมาธิภาวนา. วิตกฺกุปจฺเฉทายาติ มิจฺฉาวิตกฺกานํ อุปจฺฉินฺทนตฺถาย. อนิจฺจสฺาติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓๗; ธ. ป. ๒๗๗; มหานิ. ๒๗) เอวํ ปวตฺตา อนิจฺจานุปสฺสนา. อสฺมิมานสมุคฺฆาตายาติ ‘‘อสฺมี’’ติ อุปฺปชฺชนกสฺส นววิธสฺสาปิ มานสฺส สมุจฺฉินฺทนาย. เอตฺถ หิ เอกสฺเสว จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพา วุตฺตา, น เอกสฺส จตุจริยตาย. เตน วิฺายติ ‘‘สพฺพานิปิ กมฺมฏฺานานิ สพฺพากุสลวิกฺขมฺภนานิ สพฺพกุสลปริพฺรูหนานี’’ติ.
เอกสฺเสว สตฺต กมฺมฏฺานานิ วุตฺตานิ, น จายสฺมา ราหุโล สพฺพจริโตติ อธิปฺปาโย. วจนมตฺเตติ ‘‘อสุกกมฺมฏฺานํ อสุกจริตสฺส อนุกูล’’นฺติ เอวํ วุตฺตวจนมตฺเต. อธิปฺปาโยติ ตถาวจนสฺส อธิปฺปาโย. โส ปน ‘‘สพฺพฺเจต’’นฺติอาทินา วิภาวิโต เอว.
๔๘. ‘‘ปิโย ครู’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๓๗) วุตฺตปฺปการํ กลฺยาณมิตฺตํ. ‘‘อตฺตโน ปตฺตจีวรํ สยเมว คเหตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตนเยน อุปสงฺกมิตฺวา. โสมนสฺสเมว อุปฺปชฺชติ ‘‘เอวํ พหุปริสฺสโยยํ อตฺตภาโว าเนเยว มยา นิยฺยาติโต’’ติ. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ.
อตชฺชนีโยติ น ตชฺเชตพฺโพ น นิคฺคเหตพฺโพ. สฺวายํ อตชฺชนียภาโว โทวจสฺสตาย วา สิยา, อาจริเย อนิวิฏฺเปมตาย วาติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุพฺพโจ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โย หิ อาจริเยน ตชฺชิยมาโน โกปฺจ โทสฺจ อปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, โย วา ‘‘กิมสฺส ¶ ¶ สนฺติเก วาเสนา’’ติ ปกฺกมติ, อยํ ทุวิโธปิ อตชฺชนีโย. ธมฺเมนาติ โอวาทานุสาสนิธมฺเมน. คูฬฺหํ คนฺถนฺติ กมฺมฏฺานคนฺถํ, สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิสหิตํ คมฺภีรํ สฺุตาปฏิสํยุตฺตฺจ.
ตุมฺหากมตฺถายาติ วุตฺเตติ ‘‘สตโปริเส ปปาเต ปตเนน ตุมฺหากํ โกจิ อตฺโถ โหตี’’ติ เกนจิ วุตฺเต. ฆํเสนฺโตติ ‘‘มนุสฺสกกฺเกน ตุมฺหากํ โกจิ อตฺโถ’’ติ วุตฺเต ฆํเสนฺโต นิรวเสสํ อตฺตภาวํ เขเปตุํ อุสฺสเหยฺยํ. ‘‘มม อสฺสาสปสฺสาสนิรุนฺธเนน ตุมฺหากํ โกจิ โรควูปสมาทิโก อตฺโถ อตฺถี’’ติ เกนจิ วุตฺเต. ตีหิปิ ภิกฺขูหิ อาจริเย ภตฺติปเวทนมุเขน วีริยารมฺโภ เอว ปเวทิโต.
๔๙. อฺตฺถ ปวตฺติตฺวาปิ จิตฺตํ อาคมฺม ยตฺถ เสติ, โส ตสฺส อาสโย ‘‘มิคาสโย’’ วิย, อาสโย เอว อชฺฌาสโย. โส ทุวิโธ วิปนฺโน, สมฺปนฺโนติ. ตตฺถ วิปนฺโน สสฺสตาทิมิจฺฉาภินิเวสนิสฺสิโต. สมฺปนฺโน ทุวิโธ วฏฺฏนิสฺสิโต, วิวฏฺฏนิสฺสิโตติ. เตสุ วิวฏฺฏนิสฺสิโต อชฺฌาสโย ‘‘สมฺปนฺนชฺฌาสเยนา’’ติ อิธาธิปฺเปโต. อิทานิ นํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘อโลภาทีนํ วเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ฉหากาเรหีติ อลุพฺภนาทีหิ ฉหิ อากาเรหิ. สมฺปนฺนชฺฌาสเยนาติ ปุพฺพภาคิยานํ สีลสมฺปทาทีนํ สาธนวเสน, โลกุตฺตรานํ อุปนิสฺสยภาเวน จ สมฺปนฺโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ สมฺปนฺนชฺฌาสโย, เตน. อโลภาทโย หิ อเนกโทสวิธมนโต, อเนกคุณาวหโต จ สตฺตานํ พหุการา วิเสสโต โยคิโน. ตถา หิ อโลภาทโย มจฺเฉรมลาทีนํ ปฏิปกฺขภาเวน ปวตฺตนฺติ. วุตฺตํ เหตํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ มูลราสีวณฺณนา) –
‘‘อโลโภ มจฺเฉรมลสฺส ปฏิปกฺโข, อโทโส ทุสฺสีลฺยมลสฺส, อโมโห กุสเลสุ ธมฺเมสุ อภาวนาย. อโลโภ เจตฺถ ทานเหตุ, อโทโส สีลเหตุ, อโมโห ภาวนาเหตุ. เตสุ จ อโลเภน อนธิกํ คณฺหาติ ลุทฺธสฺส อธิกคฺคหณโต, อโทเสน อนูนํ ทุฏฺสฺส อูนคฺคหณโต, อโมเหน อวิปรีตํ มูฬฺหสฺส วิปรีตคฺคหณโต.
‘‘อโลเภน ¶ เจตฺถ วิชฺชมานํ โทสํ โทสโต ธาเรนฺโต โทเส ปวตฺตติ, ลุทฺโธ หิ โทสํ ปฏิจฺฉาเทติ. อโทเสน วิชฺชมานํ คุณํ คุณโต ธาเรนฺโต คุเณ ปวตฺตติ, ทุฏฺโ หิ คุณํ มกฺเขติ. อโมเหน ยาถาวสภาวํ ยาถาวสภาวโต ธาเรนฺโต ยาถาวสภาเว ปวตฺตติ ¶ , มูฬฺโห หิ ตจฺฉํ ‘อตจฺฉ’นฺติ, อตจฺฉฺจ ‘ตจฺฉ’นฺติ คณฺหาติ. อโลเภน จ ปิยวิปฺปโยคทุกฺขํ น โหติ ลุทฺธสฺส ปิยสพฺภาวโต, ปิยวิปฺปโยคาสหนโต จ, อโทเสน อปฺปิยสมฺปโยคทุกฺขํ น โหติ ทุฏฺสฺส อปฺปิยสพฺภาวโต, อปฺปิยสมฺปโยคาสหนโต จ, อโมเหน อิจฺฉิตาลาภทุกฺขํ น โหติ, อมูฬฺหสฺส หิ ‘ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’ติ เอวมาทิปจฺจเวกฺขณสพฺภาวโต.
‘‘อโลเภน เจตฺถ ชาติทุกฺขํ น โหติ อโลภสฺส ตณฺหาปฏิปกฺขโต, ตณฺหามูลกตฺตา จ ชาติทุกฺขสฺส, อโทเสน ชราทุกฺขํ น โหติ ติกฺขโทสสฺส ขิปฺปํ ชราสมฺภวโต, อโมเหน มรณทุกฺขํ น โหติ, สมฺโมหมรณฺหิ ทุกฺขํ, น จ ตํ อมูฬฺหสฺส โหติ. อโลเภน จ คหฏฺานํ, อโมเหน ปพฺพชิตานํ, อโทเสน ปน สพฺเพสมฺปิ สุขสํวาสตา โหติ.
‘‘วิเสสโต เจตฺถ อโลเภน เปตฺติวิสเย อุปปตฺติ น โหติ, เยภุยฺเยน หิ สตฺตา ตณฺหาย เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชนฺติ, ตณฺหาย จ ปฏิปกฺโข อโลโภ. อโทเสน นิรเย อุปปตฺติ น โหติ, โทเสน หิ จณฺฑชาติตาย โทสสทิสํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ, โทสสฺส จ ปฏิปกฺโข อโทโส. อโมเหน ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺติ น โหติ, โมเหน หิ นิจฺจสมฺมูฬฺหํ ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชนฺติ, โมหปฏิปกฺโข จ อโมโห. เอเตสุ จ อโลโภ ราควเสน อุปคมนสฺส อภาวกโร, อโทโส โทสวเสน อปคมนสฺส, อโมโห โมหวเสน อมชฺฌตฺตภาวสฺส.
‘‘ตีหิปิ ¶ เจเตหิ ยถาปฏิปาฏิยา เนกฺขมฺมสฺา อพฺยาปาทสฺา อวิหึสาสฺาติ อิมา ติสฺโส, อสุภสฺา อปฺปมาณสฺา ธาตุสฺาติ อิมา จ ติสฺโส สฺาโย โหนฺติ. อโลเภน ปน กามสุขลฺลิกานุโยคอนฺตสฺส, อโทเสน อตฺตกิลมถานุโยคอนฺตสฺส ปริวชฺชนํ โหติ, อโมเหน มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปฏิปชฺชนํ. ตถา อโลเภน อภิชฺฌากายคนฺถสฺส ปเภทนํ โหติ, อโทเสน พฺยาปาทกายคนฺถสฺส, อโมเหน เสสคนฺถทฺวยสฺส. ปุริมานิ จ ทฺเว สติปฏฺานานิ ปุริมานํ ทฺวินฺนํ อานุภาเวน, ปจฺฉิมานิ ปจฺฉิมสฺเสว อานุภาเวน อิชฺฌนฺติ.
‘‘อโลโภ ¶ เจตฺถ อาโรคฺยสฺส ปจฺจโย โหติ, อลุทฺโธ หิ โลภนียมฺปิ อสปฺปายํ น เสวติ, เตน อโรโค โหติ. อโทโส โยพฺพนสฺส, อทุฏฺโ หิ วลิตปลิตาวเหน โทสคฺคินา อฑยฺหมาโน ทีฆรตฺตํ ยุวา โหติ. อโมโห ทีฆายุกตาย, อมูฬฺโห หิ หิตาหิตํ ตฺวา อหิตํ ปริวชฺเชนฺโต, หิตฺจ ปฏิเสวมาโน ทีฆายุโก โหติ.
‘‘อโลโภ เจตฺถ โภคสมฺปตฺติยา ปจฺจโย จาเคน โภคปฏิลาภโต, อโทโส มิตฺตสมฺปตฺติยา เมตฺตาย มิตฺตานํ ปฏิลาภโต, อปริหานโต จ, อโมโห อตฺตสมฺปตฺติยา, อมูฬฺโห หิ อตฺตโน หิตเมว กโรนฺโต อตฺตานํ สมฺปาเทติ. อโลโภ จ ทิพฺพวิหารสฺส ปจฺจโย โหติ, อโทโส พฺรหฺมวิหารสฺส, อโมโห อริยวิหารสฺส.
‘‘อโลเภน เจตฺถ สกปกฺเขสุ สตฺตสงฺขาเรสุ นิพฺพุโต โหติ เตสํ วินาเสน อภิสงฺคเหตุกสฺส ทุกฺขสฺส อภาวา, อโทเสน ปรปกฺเขสุ, อทุฏฺสฺส หิ เวรีสุปิ เวริสฺาย อภาวโต, อโมเหน อุทาสีนปกฺเขสุ อมูฬฺหสฺส สพฺพาภิสงฺคตาย อภาวโต.
‘‘อโลเภน ¶ จ อนิจฺจทสฺสนํ โหติ, ลุทฺโธ หิ อุปโภคาสาย อนิจฺเจปิ สงฺขาเร อนิจฺจโต น ปสฺสติ. อโทเสน ทุกฺขทสฺสนํ, อโทสชฺฌาสโย หิ ปริจฺจตฺตอาฆาตวตฺถุปริคฺคโห สงฺขาเรเยว ทุกฺขโต ปสฺสติ. อโมเหน อนตฺตทสฺสนํ, อมูฬฺโห หิ ยาถาวคหณกุสโล อปริณายกํ ขนฺธปฺจกํ อปริณายกโต พุชฺฌติ. ยถา จ เอเตหิ อนิจฺจทสฺสนาทีนิ, เอวํ เอเตปิ อนิจฺจทสฺสนาทีหิ โหนฺติ. อนิจฺจทสฺสเนน หิ อโลโภ โหติ, ทุกฺขทสฺสเนน อโทโส, อนตฺตทสฺสเนน อโมโห. โก หิ นาม ‘อนิจฺจมิท’นฺติ สมฺมา ตฺวา ตสฺสตฺถาย ปิหํ อุปฺปาเทยฺย, สงฺขาเร วา ‘ทุกฺข’นฺติ ชานนฺโต อปรมฺปิ อจฺจนฺตติขิณํ โกธทุกฺขํ อุปฺปาเทยฺย, อตฺตสฺุตฺจ พุชฺฌิตฺวา ปุน สมฺโมหํ อาปชฺเชยฺยา’’ติ.
เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพภาคิยานํ สีลสมฺปทาทีนํ สาธนวเสน โลกุตฺตรานํ, อุปนิสฺสยภาเวน จ สมฺปนฺโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ สมฺปนฺนชฺฌาสโย’’ติ. เตนาห ‘‘เอวํ ติสฺสนฺนํ โพธีนํ อฺตรํ ปาปุณาตี’’ติ.
อิทานิ ¶ เต อชฺฌาสเย ปาฬิยาว วิภาเวตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ฉาติ คณนปริจฺเฉโท. อชฺฌาสยาติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ. อุภยํ ปน เอกชฺฌํ กตฺวา ฉพฺพิธา อชฺฌาสยาติ อตฺโถ. โพธิสตฺตาติ พุชฺฌนกสตฺตา, โพธิยา วา นิยตภาเวน สตฺตา ลคฺคา, อธิมุตฺตา ตนฺนินฺนา ตปฺโปณาติ อตฺโถ. โพธิปริปากาย สํวตฺตนฺตีติ ยถาภินีหารํ อตฺตนา ปตฺตพฺพโพธิยา ปริปาจนาย ภวนฺติ. อโลภชฺฌาสยาติ อลุพฺภนากาเรน ปวตฺตอชฺฌาสยา, อาทิโต ‘‘กถํ นุ โข มยํ สพฺพตฺถ, สพฺพทา จ อลุทฺธา เอว เหสฺสามา’’ติ, มชฺเฌ จ อลุพฺภนวเสเนว, ปจฺฉา จ ตสฺเสว โรจนวเสน ปวตฺตอชฺฌาสยา. โลเภ โทสทสฺสาวิโนติ ลุพฺภนลกฺขเณ โลเภ สพฺพปฺปกาเรน อาทีนวทสฺสาวิโน. อิทํ ตสฺส อชฺฌาสยสฺส เอกเทสโต พฺรูหนาการทสฺสนํ. โลเภ หิ อาทีนวํ, อโลเภ จ อานิสํสํ ปสฺสนฺตสฺส อโลภชฺฌาสโย ปริวฑฺฒติ, สฺวายํ ตตฺถ อาทีนวานิสํสทสฺสนวิธิ วิภาวิโตเยว. เสสปเทสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ ¶ ปน วิเสโส – เนกฺขมฺมนฺติ อิธ ปพฺพชฺชา. ปวิเวโก ตทงฺควิเวโก, วิกฺขมฺภนวิเวโก, กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก จ. นิสฺสรณํ นิพฺพานํ. สพฺพภวคตีสูติ สพฺเพสุ ภเวสุ, สพฺพาสุ จ คตีสุ. ตทธิมุตฺตตายาติ ยทตฺถํ ภาวนานุโยโค, ยทตฺถา จ ปพฺพชฺชา, ตทธิมุตฺเตน. เตเนวาห ‘‘สมาธาธิมุตฺเตนา’’ติอาทิ.
๕๐. ‘‘กึ จริโตสี’’ติ ปุจฺฉิโต สเจ ‘‘น ชานามี’’ติ วเทยฺย, ‘‘เก วา เต ธมฺมา พหุลํ สมุทาจรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ. กึ วาติ กึ อสุภํ วา อนุสฺสติฏฺานํ วา อฺํ วา. กึ เต มนสิ กโรโต ผาสุ โหตีติ จิตฺตสฺส เอกคฺคภาเวน สุขํ โหติ. จิตฺตํ นมตีติ ปกติยาว อภิรติวเสน นมติ. เอวมาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน อิริยาปถาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เตปิ หิ น สพฺพสฺส เอกํสโต พฺยภิจาริโน เอว. ตถา หิ สมุทาจาโร ปุจฺฉิตพฺโพ วุตฺโต. ‘‘อสุกฺจ อสุกฺจ มนสิการวิธึ กติปยทิวสํ อนุยฺุชาหี’’ติ จ วตฺตพฺโพ.
‘‘ปกติยา อุคฺคหิตกมฺมฏฺานสฺสา’’ติ อิทํ ยํ กมฺมฏฺานํ คเหตุกาโม, ตตฺถ สชฺฌายวเสน วา มนสิการวเสน วา กตปริจยํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอกํ ทฺเว นิสชฺชานีติ เอกํ วา ทฺเว วา อุณฺหาสนานิ. สชฺฌายํ กาเรตฺวา อตฺตโน สมฺมุขาว อธียาเปตฺวา ทาตพฺพํ, โส เจ อฺตฺถ คนฺตุกาโมติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘สนฺติเก วสนฺตสฺสา’’ติ. อาคตาคตกฺขเณ กเถตพฺพํ, ปวตฺตึ สุตฺวาติ อธิปฺปาโย.
ปถวีกสิณนฺติ ¶ ปถวีกสิณกมฺมฏฺานํ. กตสฺสาติ กตสฺส กสิณสฺส. ตํ ตํ อาการนฺติ อาจริเยน กมฺมฏฺาเน วุจฺจมาเน ปทปทตฺถาธิปฺปายโอปมฺมาทิกํ อตฺตโน าณสฺส ปจฺจุปฏฺิตํ ตํ ตํ อาการํ, ยํ ยํ นิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ. อุปนิพนฺธิตฺวาติ อุปเนตฺวา นิพทฺธํ วิย กตฺวา, หทเย เปตฺวา อปมุสฺสนฺตํ กตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ สุฏฺุ อุปฏฺิตสฺสติตาย นิมิตฺตํ คเหตฺวา ตตฺถ สมฺปชานการิตาย สกฺกจฺจํ สุณนฺเตน. ตนฺติ ตํ ยถาวุตฺตํ สุคฺคหิตํ นิสฺสาย. อิตรสฺสาติ ตถา อคณฺหนฺตสฺส. สพฺพากาเรนาติ กสฺสจิปิ ปการสฺส ตตฺถ อเสสิตตฺตา วุตฺตํ.
กมฺมฏฺานคฺคหณนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ ตติยปริจฺเฉทวณฺณนา.
๔. ปถวีกสิณนิทฺเทสวณฺณนา
๕๑. ผาสุ ¶ ¶ โหตีติ อาวาสสปฺปายาทิลาเภน มนสิการผาสุตา ภาวนานุกูลตา โหติ. ปริโสเธนฺเตนาติ เตสํ เตสํ คณฺิฏฺานานํ ฉินฺทนวเสน วิโสเธนฺเตน. อกิลมนฺโตเยวาติ อกิลนฺตกาโย เอว. สติ หิ กายกิลมเถ สิยา กมฺมฏฺานมนสิการสฺส อนฺตราโยติ อธิปฺปาโย. คณฺิฏฺานนฺติ อตฺถโต, อธิปฺปายโต จ ทุพฺพินิเวธตาย คณฺิภูตํ านํ. ฉินฺทิตฺวาติ ยาถาวโต อตฺถสฺส, อธิปฺปายสฺส จ วิภาวเนน ฉินฺทิตฺวา, วิภูตํ สุปากฏํ กตฺวาติ อธิปฺปาโย. สุวิสุทฺธนฺติ สุฏฺุ วิสุทฺธํ, นิคุมฺพํ นิชฺชฏนฺติ อตฺโถ.
อนนุรูปวิหารวณฺณนา
๕๒. อฺตเรนาติ อฺตเรนาปิ, ปเคว อเนเกหีติ อธิปฺปาโย. มหนฺตภาโว มหตฺตํ. ตถา เสเสสุ. โสณฺฑวา โสณฺฑี. ตถา ปณฺณนฺติอาทีสุ. โพธิองฺคณาทีสุ กาตพฺพํ อิธ ‘‘วตฺต’’นฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปานียฆฏํ วา ริตฺต’’นฺติ. นิฏฺิตายาติ ปวิฏฺปวิฏฺานํ ทาเนน ปริกฺขีณาย. ชิณฺณวิหาเรปิ ยตฺร ภิกฺขู เอวํ วทนฺติ ‘‘อายสฺมา, ยถาสุขํ สมณธมฺมํ กโรตุ, มยํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ. เอวรูเป วิหาตพฺพนฺติ อยมฺปิ นโย ลพฺภติ, วุตฺตนยตฺตา ปน น วุตฺโต.
มหาปถวิหาเรติ มหาปถสมีเป วิหาเร. ภาชนทารุโทณิกาทีนีติ รชนภาชนานิ, รชนตฺถาย ทารุ, ทารุมยโทณิกา, รชนปจนฏฺานํ, โธวนผลกนฺติ เอวมาทีนิ. สากหาริกาติ สากหารินิโย อิตฺถิโย. วิสภาคสทฺโท กามคุณูปสํหิโต คีตสทฺโทติ วทนฺติ, เกวโลปิ อิตฺถิสทฺโท วิสภาคสทฺโท เอว. ตตฺราติ ปุปฺผวนฺเต วิหาเร. ตาทิโสเยวาติ ‘‘ตตฺถสฺส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา’’ติอาทินา ยาทิโส ปณฺณวนฺเต วิหาเร อุปทฺทโว วุตฺโต, ตาทิโสเยว. ‘‘ปุปฺผหาริกาโย ปุปฺผํ โอจินนฺติโย’’ติ ปน วตฺตพฺพํ. อยมิธ วิเสโส.
ปตฺถนีเยติ ¶ ตตฺถ วสนฺเตสุ สมฺภาวนาวเสน อุปสงฺกมนาทินา ปตฺเถตพฺเพ. เตนาห ‘‘เลณสมฺมเต’’ติ. ทกฺขิณาคิรีติ มคธวิสเย ทกฺขิณาคิรีติ วทนฺติ.
วิสภาคารมฺมณานิ ¶ อิฏฺานิ, อนิฏฺานิ จ. อนิฏฺานํ หิ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ฆเฏหิ นิฆํสนฺติโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทพฺพูปกรณโยคฺคา รุกฺขา ทพฺพูปกรณรุกฺขา.
โย ปน วิหาโร. ขลนฺติ ธฺกรณฏฺานํ. คาโว รุนฺธนฺติ ‘‘สสฺสํ ขาทึสู’’ติ. อุทกวารนฺติ เกทาเรสุ สสฺสานํ ทาตพฺพอุทกวารํ. อยมฺปีติ มหาสงฺฆโภโคปิ วิหาโร. วาริยมานา กมฺมฏฺานิเกน ภิกฺขุนา.
สมุทฺทสามุทฺทิกนทีนิสฺสิตํ อุทกปฏฺฏนํ. มหานครานํ อายทฺวารภูตํ อฏวิมุขาทินิสฺสิตํ ถลปฏฺฏนํ. อปฺปสนฺนา โหนฺติ. เตนสฺส ตตฺถ ผาสุวิหาโร น โหตีติ อธิปฺปาโย. มฺมานา ราชมนุสฺสา.
สโมสรเณนาติ อิโต จิโต สฺจรเณน. ปปาเตติ ปปาตสีเส ตฺวา คายิ ‘‘คีตสทฺเทน อิธาคตํ ปปาเต ปาเตตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ. เวเคน คเหตฺวาติ เวเคนาคนฺตฺวา ‘‘กุหึ ยาสี’’ติ ขนฺเธ คเหตฺวา.
ยตฺถาติ ยสฺมึ วิหาเร, วิหารสามนฺตา วา น สกฺกา โหติ กลฺยาณมิตฺตํ ลทฺธุํ, ตตฺถ วิหาเร โส อลาโภ มหาโทโสติ โยชนา.
ปนฺถนินฺติ ปนฺเถ นีโต ปวตฺติโตติ ปนฺถนี, มคฺคนิสฺสิโต วิหาโร. ตํ ปนฺถนึ. โสณฺฑินฺติ โสณฺฑิสหิโต วิหาโร โสณฺฑี, ตํ โสณฺฑึ. ตถา ปณฺณนฺติอาทีสุ. นครนิสฺสิตํ นครนฺติ วุตฺตํ อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘ภีมเสโน ภีโม’’ติ. ทารุนาติ ทารุนิสฺสิเตน สห. วิสภาเคนาติ โย วิสภาเคหิ วุสียติ, วิสภาคานํ วา นิวาโส, โส วิหาโร วิสภาโค. เตน วิสภาเคน สทฺธึ. ปจฺจนฺตนิสฺสิตฺจ สีมานิสฺสิตฺจ อสปฺปายฺจ ปจฺจนฺตสีมาสปฺปายํ. ยตฺถ มิตฺโต น ลพฺภติ, ตมฺปีติ สพฺพตฺถ าน-สทฺทาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส. อิติ วิฺายาติ ‘‘ภาวนาย อนนุรูปานี’’ติ เอวํ วิชานิตฺวา.
อนุรูปวิหารวณฺณนา
๕๓. อยํ ¶ อนุรูโป นามาติ อยํ วิหาโร ภาวนาย อนุรูโป นาม. นาติทูรนฺติ โคจรฏฺานโต อฑฺฒคาวุตโต โอรภาคตาย น ¶ อติทูรํ. นาจฺจาสนฺนนฺติ ปจฺฉิเมน ปมาเณน โคจรฏฺานโต ปฺจธนุสติกตาย น อติอาสนฺนํ. ตาย จ ปน นาติทูรนาจฺจาสนฺนตาย, โคจรฏฺานํ ปริสฺสยาทิรหิตมคฺคตาย จ คมนสฺส จ อาคมนสฺส จ ยุตฺตรูปตฺตา คมนาคมนสมฺปนฺนํ. ทิวสภาเค มหาชนสํกิณฺณตาภาเวน ทิวา อปฺปากิณฺณํ. อภาวตฺโถ หิ อยํ อปฺป-สทฺโท ‘‘อปฺปิจฺโฉ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๖) วิย. รตฺติยํ ชนาลาปสทฺทาภาเวน รตฺตึ อปฺปสทฺทํ. สพฺพทาปิ ชนสนฺนิปาตนิคฺโฆสาภาเวน อปฺปนิคฺโฆสํ. อปฺปกสิเรนาติ อกสิเรน สุเขเนว. สีลาทิคุณานํ ถิรภาวปฺปตฺติยา เถรา. สุตฺตเคยฺยาทิ พหุ สุตํ เอเตสนฺติ พหุสฺสุตา. วาจุคฺคตกรเณน, สมฺมเทว ครูนํ สนฺติเก อาคมิตภาเวน จ อาคโต ปริยตฺติธมฺมสงฺขาโต อาคโม เอเตสนฺติ อาคตาคมา. สุตฺตาภิธมฺมสงฺขาตสฺส ธมฺมสฺส ธารเณน ธมฺมธรา. วินยสฺส ธารเณน วินยธรา. เตสํเยว ธมฺมวินยานํ มาติกาย ธารเณน มาติกาธรา. ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมปริปุจฺฉาย ปริปุจฺฉติ. อตฺถปริปุจฺฉาย ปริปฺหติ วีมํสติ วิจาเรติ. อิทํ, ภนฺเต, กถํ อิมสฺส โก อตฺโถติ ปริปุจฺฉนปริปฺหาการทสฺสนํ. อวิวฏฺเจว ปาฬิยา อตฺถํ ปเทสนฺตรปาฬิทสฺสเนน อาคมโต วิวรนฺติ. อนุตฺตานีกตฺจ ยุตฺติวิภาวเนน อุตฺตานีกโรนฺติ. กงฺขฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ สํสยุปฺปตฺติยา เหตุตาย คณฺิฏฺานภูเตสุ ปาฬิปเทเสสุ ยาถาวโต วินิจฺฉยทาเนน กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘นาติทูรํ, นาจฺจาสนฺนํ, คมนาคมนสมฺปนฺน’’นฺติ เอกํ องฺคํ, ‘‘ทิวา อปฺปากิณฺณํ, รตฺตึ อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆส’’นฺติ เอกํ, ‘‘อปฺปฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺส’’นฺติ เอกํ, ‘‘ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน วิหรนฺตสฺส…เป… ปริกฺขารา’’ติ เอกํ, ‘‘ตสฺมึ โข ปน เสนาสเน เถรา…เป… กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺตี’’ติ เอกํ. เอวํ ปฺจ องฺคานิ เวทิตพฺพานิ.
ขุทฺทกปลิโพธวณฺณนา
๕๔. ขุทฺทกปลิโพธุปจฺเฉเท ปโยชนํ ปรโต อาคมิสฺสติ. อคฺคฬอนุวาตปริภณฺฑทานาทินา ทฬฺหีกมฺมํ วา. ตนฺตจฺเฉทาทีสุ ตุนฺนกมฺมํ วา กาตพฺพํ.
ภาวนาวิธานวณฺณนา
๕๕. สพฺพกมฺมฏฺานวเสนาติ ¶ ¶ อนุกฺกเมน นิทฺทิสิยมานสฺส จตฺตาลีสวิธสฺส สพฺพสฺส กมฺมฏฺานสฺส วเสน. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺเตนาติ ปิณฺฑปาตปริโภคโต ปฏินิวตฺเตน, ปิณฺฑปาตภุตฺตาวินา โอนีตปตฺตปาณินาติ อตฺโถ. ภตฺตสมฺมทํ ปฏิวิโนเทตฺวาติ โภชนนิมิตฺตํ ปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา. อาหาเร หิ อาสยํ ปวิฏฺมตฺเต ตสฺส อาคนฺตุกตาย เยภุยฺเยน สิยา สรีรสฺส โกจิ ปริสฺสโม, ตํ วูปสเมตฺวา. ตสฺมึ หิ อวูปสนฺเต สรีรเขเทน จิตฺตํ เอกคฺคตํ น ลเภยฺยาติ. ปวิวิตฺเตติ ชนวิวิตฺเต. สุขนิสินฺเนนาติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย นิสชฺชาย สุขนิสินฺเนน. วุตฺตฺเหตนฺติ ยํ ‘‘กตาย วา’’ติอาทินา ปถวิยา นิมิตฺตคฺคหณํ อิธ วุจฺจติ, วุตฺตํ เหตํ โปราณฏฺกถายํ.
อิทานิ ตํ อฏฺกถาปาฬึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปถวีกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – ปถวีกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโตติ อุคฺคหนิมิตฺตภาเวน ปถวีกสิณํ คณฺหนฺโต อาทิยนฺโต, อุคฺคหนิมิตฺตภูตํ ปถวีกสิณํ อุปฺปาเทนฺโตติ อตฺโถ. อุปฺปาทนฺเจตฺถ ตถานิมิตฺตสฺส อุปฏฺาปนํ ทฏฺพฺพํ. ปถวิยนฺติ วกฺขมานวิเสเส ปถวีมณฺฑเล. นิมิตฺตํ คณฺหาตีติ ตตฺถ จกฺขุนา อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ วิย ภาวนาาเณน วกฺขมานวิเสสํ ปถวีนิมิตฺตํ คณฺหาติ. ‘‘ปถวิย’’นฺติ วตฺวาปิ มณฺฑลาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส. กเตติ วกฺขมานวิธินา อภิสงฺขเตติ อตฺโถ. วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ. อกเตติ ปากติเก ขลมณฺฑลาทิเก ปถวีมณฺฑเล. สานฺตเกติ สอนฺตเก เอว, สปริจฺเฉเท เอวาติ อตฺโถ. สาวธารณฺเหตํ วจนํ. ตถา หิ เตน นิวตฺติตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โน อนนฺตเก’’ติ วุตฺตํ. สโกฏิเยติอาทีนิปิ ตสฺเสว เววจนานิ. สุปฺปมตฺเต วาติอาทีสุ สุปฺปสราวานิ สมปฺปมาณานิ อิจฺฉิตานิ. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘สราวมตฺตํ วิทตฺถิจตุรงฺคุลํ โหติ, สุปฺปมตฺตํ ตโต อธิกปฺปมาณนฺติ. กิตฺติมํ กสิณมณฺฑลํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน สราวมตฺตํ, อุปริมปริจฺเฉเทน สุปฺปมตฺตํ, น ตโต อโธ, อุทฺธํ วาติ ปริตฺตปฺปมาณเภทสงฺคณฺหนตฺถํ ‘สุปฺปมตฺเต วา สราวมตฺเต วา’ติ วุตฺต’’นฺติ. ยถาอุปฏฺิเต อารมฺมเณ เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ วฑฺฒิตํ อปฺปมาณเมวาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘ฉตฺตมตฺตมฺปิ กสิณมณฺฑลํ กาตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ.
โส ¶ ตํ นิมิตฺตํ สุคฺคหิตํ กโรตีติ โส โยคาวจโร ตํ ปถวีมณฺฑลํ สุคฺคหิตํ นิมิตฺตํ ¶ กโรติ. ยทา จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกตฺวา ตตฺถ นิมิตฺตํ คเหตฺวา นิมฺมีเลตฺวา อาวชฺเชนฺตสฺส อุมฺมีเลตฺวา โอโลกิตกฺขเณ วิย อุปฏฺาติ, ตทา สุคฺคหิตํ กโรติ นาม. อเถตฺถ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา อพหิคเตน มานเสน ปุนปฺปุนํ สลฺลกฺเขนฺโต สูปธาริตํ อุปธาเรติ นาม. เอวํ อุปธาริตํ ปน นํ ปุนปฺปุนํ อาวชฺเชนฺโต มนสิ กโรนฺโต ตเมวารพฺภ อาเสวนํ ภาวนํ พหุลํ ปวตฺเตนฺโต สุววตฺถิตํ ววตฺถเปติ นาม. ตสฺมึ อารมฺมเณติ เอวํ สุคฺคหิตกรณาทินา สมฺมเทว อุปฏฺิเต ตสฺมึ ปถวีกสิณสฺิเต อารมฺมเณ. จิตฺตํ อุปนิพนฺธตีติ อตฺตโน จิตฺตํ อุปจารชฺฌานํ อุปเนตฺวา นิพนฺธติ อฺารมฺมณโต วินิวตฺตํ กโรติ. อทฺธา อิมายาติอาทิ อานิสํสทสฺสาวิตาทสฺสนํ.
อิทานิ ยถาทสฺสิตสฺส อฏฺกถาปาสฺส อตฺถปฺปกาสเนน สทฺธึ ภาวนาวิธึ วิภาเวตุกาโม อกเต ตาว นิมิตฺตคฺคหณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ เยน อตีตภเวปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ อฏฺกถาปาเ. จตุกฺกปฺจกชฺฌานานีติ จตุกฺกปฺจกนยวเสน วทติ. ปฺุวโตติ ภาวนามยปฺุวโต. อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺสาติ ตาทิเสเนว อุปนิสฺสเยน สมนฺนาคตสฺส. ขลมณฺฑเลติ มณฺฑลากาเร ธฺกรณฏฺาเน. ตํานปฺปมาณเมวาติ โอโลกิตฏฺานปฺปมาณเมว.
อวิราเธตฺวาติ อวิรชฺฌิตฺวา วุตฺตวิธินา เอว. นีลปีตโลหิตโอทาตสมฺเภทวเสนาติ นีลาทิวณฺณาหิ มตฺติกาหิ ปจฺเจกํ, เอกชฺฌฺจ สํสคฺควเสน. คงฺคาวเหติ คงฺคาโสเต. สีหฬทีเป กิร ราวณคงฺคา นาม นที, ตสฺสา โสเตน ฉินฺนตฏฏฺาเน มตฺติกา อรุณวณฺณา. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘คงฺคาวเห มตฺติกาสทิสาย อรุณวณฺณายา’’ติ. อรุณวณฺณาย อรุณนิภาย, อรุณปฺปภาวณฺณายาติ อตฺโถ.
เอวํ กสิณโทเส ทสฺเสตฺวา อิทานิ กสิณกรณาทิเก เสสากาเร ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺจ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ. สํหาริมนฺติ สํหริตพฺพํ คเหตฺวา จรณโยคฺคํ. ตตฺรฏฺกนฺติ ยตฺร กตํ, ตตฺเถว ติฏฺนกํ. วุตฺตปฺปมาณนฺติ ¶ ‘‘สุปฺปมตฺเต วา สราวมตฺเต วา’’ติ วุตฺตปฺปมาณํ. วฏฺฏนฺติ มณฺฑลสณฺานํ. ปริกมฺมกาเลติ นิมิตฺตุคฺคหณาย ภาวนากาเล. เอตเทวาติ ยํ วิทตฺถิจตุรงฺคุลวิตฺถารํ, เอตเทว ปมาณํ สนฺธาย ‘‘สุปฺปมตฺตํ วา สราวมตฺตํ วา’’ติ วุตฺตํ. สุปฺปํ หิ นาติมหนฺตํ, สราวฺจ มหนฺตํ จาฏิปิธานปฺปโหนกนฺติ สมปฺปมาณํ โหติ.
๕๖. ตสฺมาติ ¶ ปริจฺเฉทตฺถาย วุตฺตตฺตา. เอวํ วุตฺตปมาณํ ปริจฺเฉทนฺติ ยถาวุตฺตปฺปมาณํ วิทตฺถิจตุรงฺคุลวิตฺถารํ ปริจฺเฉทํ กตฺวา, เอวํ วุตฺตปฺปมาณํ วา กสิณมณฺฑลํ วิสภาควณฺเณน ปริจฺเฉทํ กตฺวา. รุกฺขปาณิกาติ กุจนฺทนาทิรุกฺขปาณิกา อรุณวณฺณสฺส วิสภาควณฺณํ สมุฏฺเปติ. ตสฺมา ตํ อคฺคเหตฺวาติ วุตฺตํ. ปกติรุกฺขปาณิกา ปน ปาสาณปาณิกาคติกาว. นินฺนุนฺนตฏฺานาภาเวน เภรีตลสทิสํ กตฺวา. ตโต ทูรตเรติอาทิ ยถาวุตฺตโต ปเทสโต, ปีโต จ อฺสฺมึ อาทีนวทสฺสนํ. กสิณโทสาติ หตฺถปาณิปทาทโย อิธ กสิณโทสา.
วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘อฑฺฒเตยฺยหตฺถนฺตเร ปเทเส, วิทตฺถิจตุรงฺคุลปาทเก ปีเ’’ติ จ วุตฺตวิธินาว. กาเมสุ อาทีนวนฺติ ‘‘กามา นาเมเต อฏฺิกงฺกลูปมา นิรสฺสาทฏฺเน, ติณุกฺกูปมา อนุทหนฏฺเน, องฺคารกาสูปมา มหาภิตาปฏฺเน, สุปินกูปมา อิตฺตรปจฺจุปฏฺานฏฺเน, ยาจิตกูปมา ตาวกาลิกฏฺเน, รุกฺขผลูปมา สพฺพงฺคปจฺจงฺคปลิภฺชนฏฺเน, อสิสูนูปมา อธิกุฏฺฏนฏฺเน, สตฺติสูลูปมา วินิวิชฺฌนฏฺเน, สปฺปสิรูปมา สปฏิภยฏฺเนา’’ติอาทินา (ปาจิ. อฏฺ. ๔๑๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๓๔) ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๔๑๗; ม. นิ. ๑.๒๓๔; ๒.๔๒) ‘‘กามสุขฺจ นาเมตํ พหุปริสฺสยํ, สาสงฺกํ, สภยํ, สํกิลิฏฺํ, มีฬฺหปริโภคสทิสํ, หีนํ, คมฺมํ, โปถุชฺชนิกํ, อนริยํ, อนตฺถสํหิต’’นฺติอาทินา จ อเนกาการโวการํ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อาทีนวํ โทสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. กามนิสฺสรเณติ กามานํ นิสฺสรณภูเต, เตหิ วา นิสฺสเฏ. อคฺคมคฺคสฺส ปาทกภาเวน สพฺพทุกฺขสมติกฺกมสฺส อุปายภูเต. เนกฺขมฺเมติ ฌาเน. ชาตาภิลาเสน สฺชาตจฺฉนฺเทน. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต ภควา อวิปรีตธมฺมเทสนตฺตา, สฺวากฺขาโต ¶ ธมฺโม เอกนฺตนิยฺยานิกตฺตา, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนโต’’ติ เอวํ พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณานุสฺสรเณน รตนตฺตยวิสยํ ปีติปาโมชฺชํ ชนยิตฺวา. เนกฺขมฺมํ ปฏิปชฺชติ เอตายาติ เนกฺขมฺมปฏิปทา, สอุปจารสฺส ฌานสฺส, วิปสฺสนาย, มคฺคสฺส, นิพฺพานสฺส จ อธิคมการณนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพ ปน ปมชฺฌานเมว เนกฺขมฺมนฺติ วุตฺตตฺตา วุตฺตาวเสสา สพฺเพปิ เนกฺขมฺมธมฺมา. ยถาห –
‘‘ปพฺพชฺชา ปมํ ฌานํ, นิพฺพานํ จ วิปสฺสนา;
สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา, ‘เนกฺขมฺม’นฺติ ปวุจฺจเร’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๑๐๙);
ปวิเวกสุขรสสฺสาติ ¶ จิตฺตวิเวกาทิวิเวกชสฺส สุขรสสฺส. เอวเมเตหิ ปฺจหิ ปเทหิ ‘‘อานิสํสทสฺสาวี’’ติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ. สเมน อากาเรนาติ อติอุมฺมีลนอติมนฺทาโลจนานิ วชฺเชตฺวา นาติอุมฺมีลนนาติมนฺทาโลจนสงฺขาเตน สเมน อาโลจนากาเรน. นิมิตฺตํ คณฺหนฺเตนาติ ปถวีกสิเณ จกฺขุนา คหิตนิมิตฺตํ มนสา คณฺหนฺเตน. ภาเวตพฺพนฺติ ตถาปวตฺตํ นิมิตฺตคฺคหณํ วฑฺเฒตพฺพํ อาเสวิตพฺพํ พหุลีกาตพฺพํ.
จกฺขุ กิลมติ อติสุขุมํ, อติภาสุรฺจ รูปคตํ อุปนิชฺฌายโต วิย. อติวิภูตํ โหติ อตฺตโน สภาวาวิภาวโต. ตถา จ วณฺณโต วา ลกฺขณโต วา อุปติฏฺเยฺย. เตน วุตฺตํ ‘‘เตนสฺส นิมิตฺตํ นุปฺปชฺชตี’’ติ. อวิภูตํ โหติ คชนิมฺมีลเนน เปกฺขนฺตสฺส รูปคตํ วิย. จิตฺตฺจ ลีนํ โหติ ทสฺสเน มนฺทพฺยาปารตาย โกสชฺชปาตโต. เตนาห ‘‘เอวมฺปิ นิมิตฺตํ นุปฺปชฺชตี’’ติ. อาทาสตเล มุขนิมิตฺตทสฺสินา วิยาติ ยถา อาทาสตเล มุขนิมิตฺตทสฺสี ปุริโส น ตตฺถ อติคาฬฺหํ อุมฺมีลติ, นาปิ อติมนฺทํ, น อาทาสตลสฺส วณฺณํ ปจฺจเวกฺขติ, นาปิ ลกฺขณํ มนสิ กโรติ. อถ โข สเมน อากาเรน โอโลเกนฺโต อตฺตโน มุขนิมิตฺตเมว ปสฺสติ, เอวเมว อยมฺปิ ปถวีกสิณํ สเมน อากาเรน โอโลเกนฺโต นิมิตฺตคฺคหณปฺปสุโตเยว โหติ, เตน วุตฺตํ ‘‘สเมน อากาเรนา’’ติอาทิ. น วณฺโณ ปจฺจเวกฺขิตพฺโพติ โย ตตฺถ ปถวีกสิเณ อรุณวณฺโณ, โส น จินฺเตตพฺโพ. จกฺขุวิฺาเณน ปน คหณํ น สกฺกา นิวาเรตุํ. เตเนเวตฺถ ‘‘น โอโลเกตพฺโพ’’ติ ¶ อวตฺวา ปจฺจเวกฺขณคฺคหณํ กตํ. น ลกฺขณํ มนสิ กาตพฺพนฺติ ยํ ตตฺถ ปถวีธาตุยา ถทฺธลกฺขณํ, ตํ น มนสิ กาตพฺพํ.
ทิสฺวา คเหตพฺพตฺตา ‘‘วณฺณํ อมฺุจิตฺวา’’ติ วตฺวาปิ วณฺณวเสเนตฺถ อาโภโค น กาตพฺโพ, โส ปน วณฺโณ นิสฺสยคติโก กาตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นิสฺสยสวณฺณํ กตฺวา’’ติ. นิสฺสเยน สมานาการสนฺนิสฺสิโต โส วณฺโณ ตาย ปถวิยา สมานคติกํ กตฺวา, วณฺเณน สเหว ‘‘ปถวี’’ติ มนสิ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. อุสฺสทวเสน ปณฺณตฺติธมฺเมติ ปถวีธาตุยา อุสฺสนฺนภาเวน สตฺติโต อธิกภาเวน สสมฺภารปถวิยํ ‘‘ปถวี’’ติ โย โลกโวหาโร, ตสฺมึ ปณฺณตฺติธมฺเม จิตฺตํ ปฏฺเปตฺวา ‘‘ปถวี, ปถวี’’ติ มนสิ กาตพฺพํ. ยทิ โลกโวหาเรน ปณฺณตฺติมตฺเต จิตฺตํ เปตพฺพํ, นามนฺตรวเสนปิ ปถวี มนสิ กาตพฺพา ภเวยฺยาติ, โหตุ, โก โทโสติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มหี เมทินี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยมิจฺฉตีติ ยํ นามํ วตฺตุํ อิจฺฉติ, ตํ วตฺตพฺพํ. ตฺจ โข ยทสฺส สฺานุกูลํ ¶ โหติ ยํ นามํ อสฺส โยคิโน ปุพฺเพ ตตฺถ คหิตสฺาวเสน อนุกูลํ ปจุรตาย, ปคุณตาย วา อาคจฺฉติ, ตํ วตฺตพฺพํ. วตฺตพฺพนฺติ จ ปมสมนฺนาหาเร กสฺสจิ วจีเภโทปิ โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ, อาจริเยน วา วตฺตพฺพตํ สนฺธาย. กึ วา พหุนา, ปากฏภาโวเยเวตฺถ ปมาณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กาเลน อุมฺมีเลตฺวา กาเลน นิมฺมีเลตฺวาติ กิฺจิ กาลํ จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา นิมิตฺตคฺคหณวเสน ปถวีมณฺฑลํ โอโลเกตฺวา ปุน กิฺจิ กาลํ จกฺขุํ นิมฺมีเลตฺวา อาวชฺชิตพฺพํ. เยนากาเรน โอโลเกตฺวา คหิตํ, เตนากาเรน ปุน ตํ สมนฺนาหริตพฺพํ.
๕๗. อาปาถมาคจฺฉตีติ มโนทฺวาริกชวนานํ โคจรภาวํ อุปคจฺฉติ. ตสฺส อุคฺคหนิมิตฺตสฺส. น ตสฺมึ าเน นิสีทิตพฺพํ. กสฺมา? ยทิ อุคฺคหนิมิตฺเต ชาเตปิ ปถวีมณฺฑลํ โอโลเกตฺวา ภาเวติ, ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติ น สิยา. สมีปฏฺเน จ น โอโลเกตุํ น สกฺกา. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา’’ติอาทิ. นิสฺสทฺทภาวาย เอกปฏลิกูปาหนาคหณํ, ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ กตฺตรทณฺฑคฺคหณํ. สเจ นสฺสติ, อถาเนน ภาเวตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. วกฺขมาเนสุ อสปฺปาเยสุ เกนจิเทว อสปฺปาเยน การณภูเตน. นิมิตฺตํ อาทายาติ ยถาชาตํ อุคฺคหนิมิตฺตํ คเหตฺวา. สมนฺนาหริตพฺพนฺติ อาวชฺชิตพฺพํ นิมิตฺตนฺติ อธิปฺปาโย, สมฺมา วา อนุ ¶ อนุ อาหริตพฺพํ กมฺมฏฺานนฺติ อตฺโถ. ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตนฺติ ตกฺกนโต, สวิเสสํ ตกฺกนโต จ ‘‘ตกฺโก, วิตกฺโก’’ติ จ เอวํ ลทฺธนาเมน ภาวนาจิตฺตสมฺปยุตฺเตน สมฺมาสงฺกปฺเปน อาหนนปริยาหนนกิจฺเจน อปราปรํ วตฺตมาเนน กมฺมฏฺานํ อาหตํ, ปริยาหตฺจ กาตพฺพํ, พลปฺปตฺตวิตกฺโก มนสิกาโร พหุลํ ปวตฺเตตพฺโพติ อตฺโถ. เอวํ กโรนฺตสฺสาติ เอวํ กมฺมฏฺานํ ตกฺกาหตํ วิตกฺกาหตํ กโรนฺตสฺส. ยถา ภาวนา ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ อาวหติ, เอวํ อนุยฺุชนฺตสฺส. อนุกฺกเมนาติ ภาวนานุกฺกเมน. ยทา สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ สุวิสทานิ ติกฺขานิ ปวตฺตนฺติ, ตทา อสฺสทฺธิยาทีนํ ทูรีภาเวน สาติสยถามปฺปตฺเตหิ สตฺตหิ พเลหิ ลทฺธูปตฺถมฺภานิ วิตกฺกาทีนิ กามาวจราเนว ฌานงฺคานิ พหูนิ หุตฺวา ปาตุภวนฺติ. ตโต เอว เตสํ อุชุวิปจฺจนีกภูตา กามจฺฉนฺทาทโย สทฺธึ ตเทกฏฺเหิ ปาปธมฺเมหิ วิทูรี ภวนฺติ, ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติยา สทฺธึ ตํ อารพฺภ อุปจารชฺฌานํ อุปฺปชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺตี’’ติอาทิ. ตตฺถ สนฺนิสีทนฺตีติ สมฺมเทว สีทนฺติ, อุปสมนฺตีติ อตฺโถ.
อิมสฺสาติ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส. องฺคุลิปทปาณิปทาทิโก กสิณโทโส. อาทาสมณฺฑลูปมาทีหิ ¶ อุคฺคหนิมิตฺตโต ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส สุปริสุทฺธตํ, สณฺหสุขุมตฺจ ทสฺเสติ. ตฺจ โข ปฏิภาคนิมิตฺตํ เนว วณฺณวนฺตํ น สณฺานวนฺตํ อปรมตฺถสภาวตฺตา. อีทิสนฺติ วณฺณสณฺานวนฺตํ. ติลกฺขณพฺภาหตนฺติ อุปฺปาทาทิลกฺขณตฺตยานุปวิฏฺํ, อนิจฺจตาทิลกฺขณตฺตยงฺกิตํ วา. ยทิ น ปเนตํ ตาทิสํ วณฺณาทิวนฺตํ, กถํ ฌานสฺส อารมฺมณภาโวติ อาห ‘‘เกวลฺหี’’ติอาทิ. สฺชนฺติ ภาวนาสฺาชนิตํ, ภาวนาสฺาย สฺชาตมตฺตํ. น หิ อสภาวสฺส กุโตจิ สมุฏฺานํ อตฺถิ. เตนาห ‘‘อุปฏฺานาการมตฺต’’นฺติ.
๕๘. วิกฺขมฺภิตาเนว สนฺนิสินฺนาว, น ปน ตทตฺถํ อุสฺสาโห กาตพฺโพติ อธิปฺปาโย. ‘‘อุปจารสมาธินา’’ติ วุตฺเต อิตโรปิ สมาธิ อตฺถีติ อตฺถโต อาปนฺนนฺติ ตมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุวิโธ หิ สมาธี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ทฺวีหากาเรหีติ ฌานธมฺมานํ ปฏิปกฺขทูรีภาโว, ถิรภาวปฺปตฺติ จาติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ. อิทานิ ตานิ การณานิ อวตฺถามุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘อุปจารภูมิยํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปจารภูมิยนฺติ อุปจาราวตฺถายํ. ยทิปิ ตทา ฌานงฺคานิ ปฏุตรานิ มหคฺคตภาวปฺปตฺตานิ น อุปฺปชฺชนฺติ, เตสํ ¶ ปน ปฏิปกฺขธมฺมานํ วิกฺขมฺภเนน จิตฺตํ สมาธิยติ. เตนาห ‘‘นีวรณปฺปหาเนน จิตฺตํ สมาหิตํ โหตี’’ติ. ปฏิลาภภูมิยนฺติ ฌานสฺส อธิคมาวตฺถายํ. ตทา หิ อปฺปนาปตฺตานํ ฌานธมฺมานํ อุปฺปตฺติยา จิตฺตํ สมาธิยติ. เตนาห ‘‘องฺคปาตุภาเวนา’’ติ. จิตฺตํ สมาหิตํ โหตีติ สมฺพนฺโธ.
น ถามชาตานีติ น ชาตถามานิ, น ภาวนาพลํ ปตฺตานีติ อตฺโถ. จิตฺตนฺติ ฌานจิตฺตํ. เกวลมฺปิ รตฺตึ เกวลมฺปิ ทิวสํ ติฏฺตีติ สมาปตฺติเวลํ สนฺธายาห. อุปจารภูมิยํ นิมิตฺตวฑฺฒนํ ยุตฺตนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘นิมิตฺตํ วฑฺเฒตฺวา’’ติ. ลทฺธปริหานีติ ลทฺธอุปจารชฺฌานปริหานิ. นิมิตฺเต อวินสฺสนฺเต ตทารมฺมณฌานมฺปิ อปริหีนเมว โหติ, นิมิตฺเต ปน อารกฺขาภาเวน วินฏฺเ ลทฺธํ ลทฺธํ ฌานมฺปิ วินสฺสติ ตทายตฺตวุตฺติโต. เตนาห ‘‘อารกฺขมฺหี’’ติอาทิ.
สตฺตสปฺปายวณฺณนา
๕๙. ‘‘ถาวรฺจ โหตี’’ติ วตฺวา ยถา ถาวรํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สติ อุปฏฺาติ, จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ วุตฺตํ. ยถาลทฺธฺหิ นิมิตฺตํ ตตฺถ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา เอกคฺคตํ วินฺทนฺตสฺส ¶ ถิรํ นาม โหติ, สุรกฺขิตฺจ. สติ-คฺคหเณน เจตฺถ สมฺปชฺํ, สมาธิคฺคหเณน วีริยฺจ สงฺคหิตํ โหติ นานนฺตริยภาวโต. ตตฺถาติ เตสุ อาวาเสสุ. ตีณิ ตีณีติ เอเกกสฺมึ อาวาเส อวุตฺถอวุตฺถฏฺาเน วสนนิยาเมน ตโย ตโย ทิวเส วสิตฺวา.
อุตฺตเรน วา ทกฺขิเณน วาติ วุตฺตํ คมนาคมเน สูริยาภิมุขภาวนิวารณตฺถนฺติ. สหสฺสธนุปฺปมาณํ ทิยฑฺฒโกสํ.
ทฺวตฺตึส ติรจฺฉานกถาติ ราชกถาทิเก (ที. นิ. ๑.๑๗; ม. นิ. ๒.๒๒๓; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๐; อ. นิ. ๑๐.๖๙; ปาจิ. ๕๐๘) สนฺธายาห. ตา หิ ปาฬิยํ สรูปโต อนาคตาปิ อรฺปพฺพตนทีทีปกถา อิติ-สทฺเทน สงฺคเหตฺวา สคฺคโมกฺขานํ ติรจฺฉานภาวโต ‘‘ทฺวตฺตึส ติรจฺฉานกถา’’ติ วุตฺตา. ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตนฺติ ‘‘อปฺปิจฺฉตา, สนฺตุฏฺิ, ปวิเวโก, อสํสคฺโค, วีริยารมฺโภ, สีล, สมาธิ, ปฺา, วิมุตฺติ, วิมุตฺติาณทสฺสน’’นฺติ อิมานิ อปฺปิจฺฉกถาทีนํ วตฺถูนิ, ตนฺนิสฺสิตํ ภสฺสํ สปฺปายํ.
อติรจฺฉานกถิโกติ ¶ นติรจฺฉานกถิโก, ติรจฺฉานกถา วิธุรํ ธมฺมิกํ กมฺมฏฺานปฏิสํยุตฺตเมว กถํ กเถตีติ อธิปฺปาโย. สีลาทิคุณสมฺปนฺโนติ สีลสมาธิอาทิคุณสมฺปนฺโน. โย หิ สมาธิกมฺมฏฺานิโก, สมาธิกมฺมฏฺานสฺส วา ปารํ ปตฺโต, โส อิมสฺส โยคิโน สปฺปาโย. เตนาห ‘‘ยํ นิสฺสายา’’ติอาทิ. กายทฬฺหีพหุโลติ กายสฺส สนฺตปฺปนโปสนปฺปสุโต. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖; อ. นิ. ๕.๒๐๖).
โภชนํ เยภุยฺเยน มธุรมฺพิลรสวเสน สตฺตานํ อุปโยคํ คจฺฉติ ทธิอาทีสุ ตถา ทสฺสนโต. กฏุกาทิรสา ปน เกวลํ อภิสงฺขารกา เอวาติ อาห ‘‘กสฺสจิ มธุรํ, กสฺสจิ อมฺพิลํ สปฺปายํ โหตี’’ติ.
ยสฺมึ อิริยาปเถ อาธารภูเต, วตฺตมาเน วา, ยสฺมึ วา อิริยาปเถ ปวตฺตมานสฺส. นิมิตฺตาเสวนพหุลสฺสาติ นิมิตฺเต อาเสวนาพหุลสฺส ปฏิภาคนิมิตฺเต วิสยภูเต ภาวนามนสิการํ ¶ พหุลํ อาเสวนฺตสฺส, นิมิตฺตสฺส วา โคจราเสวนวเสน อาเสวนาพหุลสฺส. เยน หิ ภาเวนฺตสฺส ภาวนาเสวนา, เตน โคจราเสวนาปิ อิจฺฉิตพฺพาติ.
ทสวิธอปฺปนาโกสลฺลวณฺณนา
๖๐. น โหติ อปฺปนา. เยน วิธินา อปฺปนายํ กุสโล โหติ, โส ทสวิโธ วิธิ อปฺปนาโกสลฺลํ, ตนฺนิพฺพตฺตํ วา าณํ. วตฺถุวิสทกิริยโตติ วตฺถูนํ วิสทภาวกรณโต อปฺปนาโกสลฺลํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. เอวํ เสเสสุปิ.
๖๑. จิตฺตเจตสิกานํ หิ ปวตฺติฏฺานภาวโต สรีรํ, ตปฺปฏิพทฺธานิ จีวราทีนิ จ อิธ ‘‘วตฺถูนี’’ติ อธิปฺเปตานิ. ตานิ ยถา จิตฺตสฺส สุขาวหานิ โหนฺติ, ตถา กรณํ เตสํ วิสทภาวกรณํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อชฺฌตฺติกพาหิราน’’นฺติอาทิ. สรีรํ วาติ วา-สทฺโท อฏฺานปฺปยุตฺโต, สรีรํ เสทมลคฺคหิตํ วา อฺเน วา อวสฺสุตกิจฺเจน วิพาธิตนฺติ อธิปฺปาโย. เสนาสนํ วาติ วา-สทฺเทน ปตฺตาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นนุ จายํ นโย ¶ ขุทฺทกปลิโพธุปจฺเฉเทน สงฺคหิโต, ปุน กสฺมา วุตฺโตติ? สจฺจํ สงฺคหิโต, โส จ โข ภาวนาย อารมฺภกาเล. อิธ ปน อารทฺธกมฺมฏฺานสฺส อุปจารชฺฌาเน ตฺวา อปฺปนาปริวาสํ วสนฺตสฺส กาลนฺตเร ชาเต ตถาปฏิปตฺติ อปฺปนาโกสลฺลาย วุตฺตา. อวิสเท สติ, วิสยภูเต วา. กถํ ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส ตานิ วิสโย? อนฺตรนฺตรา ปวตฺตนกจิตฺตุปฺปาทวเสเนวํ วุตฺตํ. เต หิ จิตฺตุปฺปาทา จิตฺเตกคฺคตาย อปริสุทฺธภาวาย สํวตฺตนฺติ. จิตฺตเจตสิเกสุ นิสฺสยาทิปจฺจยภูเตสุ. าณมฺปีติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑเน. เตน ‘‘น เกวลํ ตํ วตฺถุเยว, อถ โข ตสฺมึ อปริสุทฺเธ าณมฺปิ อปริสุทฺธํ โหตี’’ติ ทสฺสิตํ. ตํสมฺปยุตฺตานํ ปน อปริสุทฺธตา อวุตฺตสิทฺธา, าณสฺส จ วิสุํ คหณํ อปฺปนาย พหุการตฺตา. ตถา หิ ฌานํ ‘‘ทนฺธาภิฺํ, ขิปฺปาภิฺ’’นฺติ าณมุเขน นิทฺทิฏฺํ. นิสฺสยนิสฺสโยปิ นิสฺสโยตฺเวว วุจฺจตีติ อาห ‘‘ทีปกปลฺลิกวฏฺฏิเตลานิ นิสฺสายา’’ติ. าเณ อวิสเท วิปสฺสนาภาวนา วิย สมาธิภาวนาปิ ปริทุพฺพลา โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปริสุทฺเธน าเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กมฺมฏฺานนฺติ สมถกมฺมฏฺานํ อาห. วุฑฺฒึ องฺคปาตุภาเวน, วิรูฬฺหึ คุณภาเวน, เวปุลฺลํ สพฺพโส วสิภาวปฺปตฺติยา เวทิตพฺพํ. วิสเท ปนาติ สุกฺกปกฺโข, ตสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๖๒. สมภาวกรณนฺติ ¶ กิจฺจโต อนูนาธิกภาวกรณํ. ยถาปจฺจยํ สทฺเธยฺยวตฺถุสฺมึ อธิโมกฺขกิจฺจสฺส ปฏุตรภาเวน, ปฺาย อวิสทตาย, วีริยาทีนํ จ สิถิลตาทินา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ. เตนาห ‘‘อิตรานิ มนฺทานี’’ติ. ตโตติ ตสฺมา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาวโต, อิตเรสฺจ มนฺทตฺตา. โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปคฺคณฺหนํ อนุพลปฺปทานํ ปคฺคโห, ปคฺคโหว กิจฺจํ, ปคฺคหกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกตีติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา านํ, อนิสฺสชฺชนํ วา อุปฏฺานํ, วิกฺเขปปฏิปกฺโข. เยน วา สมฺปยุตฺตา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส อวิกฺเขโป. รูปคตํ วิย จกฺขุนา เยน ยาถาวโต วิสยสภาวํ ปสฺสติ, ตํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ พลวตา สทฺธินฺทฺริเยน อภิภูตตฺตา. สหชาตธมฺเมสุ หิ อินฺทฏฺํ กาเรนฺตานํ สหปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ เอกรสตาวเสเนว อตฺถสิทฺธิ, น อฺถา. ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ ¶ . ตนฺติ สทฺธินฺทฺริยํ. ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณนาติ ยสฺส สทฺเธยฺยวตฺถุโน อุฬารตาทิคุเณ อธิมุจฺจนสฺส สาติสยปฺปวตฺติยา สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตสฺส ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนาทิวิภาคโต ยาถาวโต วีมํสเนน. เอวฺหิ เอวํธมฺมตานเยน สภาวรสโต ปริคฺคยฺหมาเน สวิปฺผาโร อธิโมกฺโข น โหติ, ‘‘อยํ อิเมสํ ธมฺมานํ สภาโว’’ติ ปริชานนวเสน ปฺาพฺยาปารสฺส สาติสยตฺตา. ธุริยธมฺเมสุ หิ ยถา สทฺธาย พลวภาเว ปฺาย มนฺทภาโว โหติ, เอวํ ปฺาย พลวภาเว สทฺธาย มนฺทภาโว โหตีติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน หาเปตพฺพ’’นฺติ.
ตถา อมนสิกาเรนาติ เยนากาเรน ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, เตนากาเรน ภาวนาย อนนุยฺุชนโตติ วุตฺตํ โหติ. อิธ ทุวิเธน สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว, อตฺตโน วา ปจฺจยวิเสสโต กิจฺจุตฺตริเยน, วีริยาทีนํ วา มนฺทกิจฺจตาย. ตตฺถ ปมวิกปฺเป หาปนวิธิ ทสฺสิโต, ทุติยวิกปฺเป ปน ยถา มนสิ กโรโต วีริยาทีนํ มนฺทกิจฺจตาย สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน วีริยาทีนํ ปฏุกิจฺจภาวาวเหน มนสิกาเรน สทฺธินฺทฺริยํ เตหิ สมรสํ กโรนฺเตน หาเปตพฺพํ. อิมินา นเยน เสสินฺทฺริเยสุปิ หาปนวิธิ เวทิตพฺโพ.
วกฺกลิตฺเถรวตฺถูติ โส หิ อายสฺมา สทฺธาธิมุตฺตตาย กตาธิกาโร สตฺถุ รูปกายทสฺสนปฺปสุโต เอว หุตฺวา วิหรนฺโต สตฺถารา ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน? โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๘๗) โอวทิตฺวา ¶ กมฺมฏฺาเน นิโยชิโตปิ ตํ อนนุยฺุชนฺโต ปณามิโต อตฺตานํ วินิปาเตตุํ ปปาตฏฺานํ อภิรุหิ. อถ นํ สตฺถา ยถานิสินฺโนว โอภาสํ วิสชฺเชนฺโต อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา –
‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๘๑) –
คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิ วกฺกลี’’ติ อาห. โส เตน อมเตเนว อภิสิตฺโต หฏฺตุฏฺโ หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ. สทฺธาย ปน พลวภาวโต ¶ วิปสฺสนาวีถึ น โอตริ. ตํ ตฺวา ภควา อินฺทฺริยสมตํ ปฏิปาเทนฺโต กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา อทาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนนเยน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ ‘‘วกฺกลิตฺเถรวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสน’’นฺติ.
อิตรกิจฺจเภทนฺติ อุปฏฺานาทิกิจฺจวิเสสํ. ปสฺสทฺธาทีติ อาทิ-สทฺเทน สมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. หาเปตพฺพนฺติ ยถา สทฺธินฺทฺริยสฺส พลวภาโว ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน หายติ, เอวํ วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตา ปสฺสทฺธิอาทิภาวนาย หายติ, สมาธิปกฺขิยตฺตา ตสฺสา. ตถา หิ สา สมาธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ โกสชฺชปาตโต รกฺขนฺตี วีริยาทิภาวนา วิย วีริยินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตํ อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขนฺตี เอกํสโต หาเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพ’’นฺติ.
โสณตฺเถรสฺส วตฺถูติ (มหาว. ๒๔๓) สุกุมารสฺส โสณตฺเถรสฺส วตฺถุ. โส หิ อายสฺมา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สีตวเน วิหรนฺโต ‘‘มม สรีรํ สุขุมาลํ, น จ สกฺกา สุเขเนว สุขํ อธิคนฺตุํ, กายํ กิลเมตฺวาปิ สมณธมฺโม กาตพฺโพ’’ติ านจงฺกมเมว อธิฏฺาย ปธานมนุยฺุชนฺโต ปาทตเลสุ โผเฏสุ อุฏฺิเตสุปิ เวทนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ทฬฺหํ วีริยํ กโรนฺโต อจฺจารทฺธวีริยตาย วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา วีโณวาเทน โอวทิตฺวา วีริยสมตาโยชนวิธึ ทสฺเสนฺโต กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา คิชฺฌกูฏํ คโต. เถโรปิ สตฺถารา ทินฺนนเยน วีริยสมตํ โยเชนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘โสณตฺเถรสฺส วตฺถุ ทสฺเสตพฺพ’’นฺติ.
เสเสสุปีติ ¶ สติสมาธิปฺินฺทฺริเยสุปิ. เอกสฺสาติ เอเกกสฺส. สามฺนิทฺเทโสวายํ ทฏฺพฺโพ. เอวํ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ ปจฺเจกํ อธิมตฺตตาย ปน หาปนวเสน สมตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ เยสํ วิเสสโต อสาธารณโต, สาธารณโต จ สมตา อิจฺฉิตพฺพา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิเสสโต ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถาติ เอเตสุ ปฺจสุ อินฺทฺริเยสุ. สมตนฺติ สทฺธาปฺานํ อฺมฺํ อนูนานธิกภาวํ. ตถา สมาธิวีริยานํ ¶ . ยถา หิ สทฺธาปฺานํ วิสุํ วิสุํ ธุริยธมฺมภูตานํ กิจฺจโต อฺมฺานติวตฺตนํ วิเสสโต อิจฺฉิตพฺพเมว, ยโต เนสํ สมธุรตาย อปฺปนา สมฺปชฺชตีติ, เอวํ สมาธิวีริยานํ โกสชฺชอุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สมรสตาย สติ อฺมฺูปตฺถมฺภนโต สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อนฺตทฺวยปาตาภาเวน สมฺมเทว อปฺปนา อิชฺฌติ.
‘‘พลวสทฺโธ หี’’ติอาทิ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – โย พลวติยา สทฺธาย สมนฺนาคโต อวิสทาโณ, โส มุทฺธปฺปสนฺโน โหติ, น อเวจฺจปฺปสนฺโน. ตถา หิ โส อวตฺถุสฺมึ ปสีทติ เสยฺยถาปิ ติตฺถิยสาวกา. เกราฏิกปกฺขนฺติ สาเยฺยปกฺขํ ภชติ. สทฺธาหีนาย ปฺาย อติธาวนฺโต ‘‘เทยฺยวตฺถุปริจฺจาเคน วินา จิตฺตุปฺปาทมตฺเตนปิ ทานมยํ ปฺุํ โหตี’’ติอาทีนิ ปริกปฺเปติ เหตุปฏิรูปเกหิ วฺจิโต. เอวํภูโต ปน สุกฺขตกฺกวิลุตฺตจิตฺโต ปณฺฑิตานํ วจนํ นาทิยติ, สฺตฺตึ น คจฺฉติ. เตนาห ‘‘เภสชฺชสมุฏฺิโต วิย โรโค อเตกิจฺโฉ โหตี’’ติ. ยถา เจตฺถ สทฺธาปฺานํ อฺมฺวิรโห น อตฺถาวโห อนตฺถาวโห จ, เอวมิธาปิ สมาธิวีริยานํ อฺมฺวิรโห น อวิกฺเขปาวโห วิกฺเขปาวโห จาติ เวทิตพฺพํ. โกสชฺชํ อภิภวติ, เตน อปฺปนํ น ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย. อุทฺธจฺจํ อภิภวตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตทุภยนฺติ ตํ สทฺธาปฺาทฺวยํ, สมาธิวีริยทฺวยฺจ. สมํ กาตพฺพนฺติ สมรสํ กาตพฺพํ.
สมาธิกมฺมิกสฺสาติ สมถกมฺมฏฺานิกสฺส. เอวนฺติ เอวํ สนฺเต, สทฺธาย เตสํ พลวภาเว สตีติ อตฺโถ. สทฺทหนฺโตติ ‘‘ปถวี ปถวี’’ติ มนสิกรณมตฺเตน กถํ ฌานุปฺปตฺตีติ อจินฺเตตฺวา ‘‘อทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตวิธิ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ สทฺทหนฺโต สทฺธํ ชเนนฺโต. โอกปฺเปนฺโตติ อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย อธิมุจฺจนวเสน โอกปฺเปนฺโต ปกฺขนฺทนฺโต. เอกคฺคตา พลวตี วฏฺฏติ สมาธิปธานตฺตา ฌานสฺส. อุภินฺนนฺติ สมาธิปฺานํ, สมาธิกมฺมิกสฺส สมาธิโน อธิมตฺตตาปิ อิจฺฉิตพฺพาติ อาห ‘‘สมตายปี’’ติ, สมภาเวนาปีติ อตฺโถ. อปฺปนาติ อิธาธิปฺเปตอปฺปนา. ตถา หิ ‘‘โหติเยวา’’ติ สาสงฺกํ วทติ ¶ , โลกุตฺตรปฺปนา ปน เตสํ สมภาเวเนว อิจฺฉิตา. ยถาห – ‘‘สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑, ๕).
ยทิ ¶ วิเสสโต สทฺธาปฺานํ, สมาธิวีริยานฺจ สมตา อิจฺฉิตา, กถํ สตีติ อาห ‘‘สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฏฺฏตี’’ติ. สพฺพตฺถาติ ลีนุทฺธจฺจปกฺเขสุ ปฺจสุ อินฺทฺริเยสุ. อุทฺธจฺจปกฺขิเย คณฺหนฺโต ‘‘สทฺธาวีริยปฺาน’’นฺติ อาห. อฺถาปีติ จ คเหตพฺพา สิยา. ตถา หิ ‘‘โกสชฺชปกฺเขน สมาธินา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, น ‘‘ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาหี’’ติ. สา สติ. สพฺเพสุ ราชกมฺเมสุ นิยุตฺโต สพฺพกมฺมิโก. เตน การเณน สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพตฺเถน. อาห อฏฺกถายํ. สพฺพตฺถ นิยุตฺตา สพฺพตฺถิกา, สพฺเพน วา ลีนุทฺธจฺจปกฺขิเยน โพชฺฌงฺคคฺคหเณน อตฺเถตพฺพา สพฺพตฺถิยา, สพฺพตฺถิยาว สพฺพตฺถิกา. จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺตํ. ตสฺส หิ สติ ปฏิสรณํ ปรายณํ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย. เตนาห ‘‘อารกฺขปจฺจุปฏฺานา’’ติอาทิ.
๖๓. จิตฺเตกคฺคตานิมิตฺตสฺสาติ จิตฺเตกคฺคตาย นิมิตฺตสฺส, จิตฺเตกคฺคตาสงฺขาตสฺส จ นิมิตฺตสฺส. จิตฺตสฺส หิ สมาหิตาการํ สลฺลกฺเขตฺวา สมถนิมิตฺตํ รกฺขนฺโตเยว กสิณนิมิตฺตํ รกฺขติ. ตสฺมา ปถวีกสิณาทิกสฺสาติ อาทิ-สทฺเทน น เกวลํ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺเสว, อถ โข สมถนิมิตฺตสฺสาปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. ตนฺติ รกฺขณโกสลฺลํ. อิธ อปฺปนาโกสลฺลกถายํ ‘‘นิมิตฺตโกสลฺล’’นฺติ อธิปฺเปตํ, กรณภาวนาโกสลฺลานํ ปเคว สิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย.
๖๔. อติสิถิลวีริยตาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน ปโมทนสํเวชนวิปริยาเย สงฺคณฺหาติ. ลีนนฺติ สงฺกุจิตํ โกสชฺชปกฺขปติตํ. จิตฺตนฺติ ภาวนาจิตฺตํ. ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคาทโย ภาเวตีติ เอตฺถ ‘‘ตโย’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยถา ปน เต ภาเวตพฺพา, ตํ สยเมว วกฺขติ.
ปริตฺตนฺติ อปฺปกํ. อุชฺชาเลตุกาโมติ ปทีเปตุกาโม. อุทกวาตํ ทเทยฺยาติ อุทกมิสฺสํ วาตํ อุปเนยฺย. อกาโลติ นกาโล, อยุตฺตกาโล วา. สติอาทิธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา พุชฺฌติ เอตายาติ กตฺวา, ตํสมงฺคิโน วา พุชฺฌตีติ โพธิโน โยคิโน องฺคนฺติ โพชฺฌงฺโค ¶ , ปสตฺโถ, สุนฺทโร วา โพชฺฌงฺโค สมฺโพชฺฌงฺโค ¶ . กายจิตฺตทรถวูปสมลกฺขณา ปสฺสทฺธิเยว สมฺโพชฺฌงฺโค ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, ตสฺส ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส. สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคาทีสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – สมาธิสฺส ตาว ปทตฺถลกฺขณานิ เหฏฺา อาคตาเนว. อุปปตฺติโต อิกฺขตีติ อุเปกฺขา. สา ปนายํ อตฺถโต ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว อิธ โพชฺฌงฺคุเปกฺขา เวทิตพฺพา. ทุสมุฏฺาปยนฺติ สมุฏฺาเปตุํ อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยํ. ธมฺมานํ, ธมฺเมสุ วา วิจโย ธมฺมวิจโย, ปฺาติ อตฺโถ. วีรสฺส ภาโว, กมฺมํ วา, วิธินา วา อีเรตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วีริยํ, อุสฺสาโห. ปีเณติ กายํ, จิตฺตํ จ สนฺตปฺเปตีติ ปีติ.
ยํ ยํ สกํ ยถาสกํ, อตฺตโน อตฺตโนติ อตฺโถ. อาหารวเสนาติ ปจฺจยวเสน. ภาวนาติ อุปฺปาทนา, วฑฺฒนา จ. กุสลากุสลาติ โกสลฺลสมฺภูตฏฺเน กุสลา, ตปฺปฏิปกฺขโต อกุสลา. เย อกุสลา, เต สาวชฺชา. เย กุสลา, เต อนวชฺชา. อกุสลา หีนา, อิตเร ปณีตา. กุสลาปิ วา หีเนหิ ฉนฺทาทีหิ อารทฺธา หีนา, อิตเร ปณีตา. กณฺหาติ กาฬกา จิตฺตสฺส อปภสฺสรภาวกรณา, สุกฺกาติ โอทาตา จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณา. กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหา, สุกฺกาภิชาติเหตุโต สุกฺกา. เต เอว สปฺปฏิภาคา. กณฺหา หิ อุชุวิปจฺจนีกตาย สุกฺเกหิ สปฺปฏิภาคา. ตถา สุกฺกาปิ อิตเรหิ. อถ วา กณฺหา จ สุกฺกา จ สปฺปฏิภาคา จ กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา. สุขา หิ เวทนา ทุกฺขาย เวทนาย สปฺปฏิภาคา, ทุกฺขา จ เวทนา สุขาย สปฺปฏิภาคาติ. อนุปฺปนฺนสฺสาติ อนิพฺพตฺตสฺส. อุปฺปาทายาติ อุปฺปาทนตฺถาย. อุปฺปนฺนสฺสาติ นิพฺพตฺตสฺส. ภิยฺโยภาวายาติ ปุนปฺปุนภาวาย. เวปุลฺลายาติ วิปุลภาวาย. ภาวนายาติ วฑฺฒิยา. ปาริปูริยาติ ปริปูรณตฺถาย.
ตตฺถาติ ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทินา ทสฺสิตปาเ. สภาวสามฺลกฺขณปฏิเวธวเสนาติ เอกชฺฌํ กตฺวา คหเณ อนวชฺชสุขวิปากาทิกสฺส วิสุํ วิสุํ ปน ผุสนาทิกสฺส สภาวลกฺขณสฺส, อนิจฺจาทิกสฺส สามฺลกฺขณสฺส จ ปฏิวิชฺฌนวเสน. ปวตฺตมนสิกาโรติ กุสลาทีนํ ตํตํสภาวลกฺขณาทิกสฺส ยาถาวโต อวพุชฺฌนวเสน อุปฺปนฺนชวนจิตฺตุปฺปาโท. โส หิ อวิปรีตมนสิการตาย ‘‘โยนิโสมนสิกาโร’’ติ วุตฺโต. ตทาโภคตาย อาวชฺชนาปิ ตคฺคติกาว. รุปฺปนลกฺขณาทิกมฺปิ ¶ อิธ สามฺลกฺขเณเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กุสลกิริยาย อาทิอารมฺภวเสน ปวตฺตวีริยํ ธิติสภาวตาย ‘‘ธาตู’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อารมฺภธาตูติ ปมวีริยํ วุจฺจตี’’ติ. ลทฺธาเสวนํ วีริยํ พลปฺปตฺตํ ¶ หุตฺวา ปฏิปกฺขํ วิธมตีติ อาห ‘‘โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตฺตา ตโต พลวตร’’นฺติ. อธิมตฺตาธิมตฺตตรานํ ปฏิปกฺขธมฺมานํ วิธมนสมตฺถํ ปฏุปฏุตราทิภาวปฺปตฺตํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตร’’นฺติ. ติฏฺติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ านิยา, ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส านิยา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยา. าตพฺโพ วา านิโย, ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค านิโย เอเตสูติ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยา, อปราปรํ วตฺตมานา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสมฺปยุตฺตา ธมฺมา. ยสฺมา ปน เตสุ ปีติเยว ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส วิเสสการณํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปีติยา เอว เอตํ นาม’’นฺติ. อุปฺปาทกมนสิกาโรติ ยถา มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺโน ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ วฑฺฒติ, ตถา ปวตฺตมนสิกาโร.
ปริปุจฺฉกตาติ ปริโยคาเหตฺวา ปุจฺฉกภาโว. ปฺจปิ หิ นิกาเย อุคฺคเหตฺวา อาจริเย ปริยุปาสิตฺวา ตสฺส ตสฺส อตฺถํ ปริปุจฺฉนฺตสฺส, เต วา สห อฏฺกถาย ปริโยคาเหตฺวา ยํ ยํ ตตฺถ คณฺิฏฺานํ, ตํ ตํ ‘‘อิทํ, ภนฺเต, กถํ, อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉนฺตสฺส ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชตีติ. วตฺถุวิสทกิริยา อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา สงฺเขปโต, วิตฺถารโต จ ปกาสิตา เอว. ตตฺถ ปน สมาธิสํวตฺตนิยภาเวน อาคตา, อิธ ปฺาสํวตฺตนิยภาเวน. ยทคฺเคน หิ สมาธิสํวตฺตนิกา, ตทคฺเคน ปฺาสํวตฺตนิกา สมาธิสฺส าณปจฺจุปฏฺานโต. ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑) วุตฺตํ. ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา นาม ทุปฺปฺานํ มนฺทพุทฺธีนํ ภตฺตนิกฺขิตฺตกากมํสนิกฺขิตฺตสุนขสทิสานํ โมมูหปุคฺคลานํ ทูรโต ปริจฺจชนา. ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา นาม ปฺาย กตาธิการานํ สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีสุ กุสลานํ อริยานํ, วิปสฺสนากมฺมิกานํ วา มหาปฺานํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนํ. คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณาติ คมฺภีราเณหิ จริตพฺพานํ ขนฺธายตนธาตาทีนํ, สจฺจปจฺจยาการาทิทีปนานํ วา สฺุตาปฏิสํยุตฺตานํ สุตฺตนฺตานํ ปจฺจเวกฺขณา. ตทธิมุตฺตตาติ ปฺาธิมุตฺตตา, ปฺาย นินฺนโปณปพฺภารตาติ อตฺโถ.
อปายาทีติ ¶ อาทิ-สทฺเทน ชาติอาทึ อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกฺจ ทุกฺขํ สงฺคณฺหาติ. วีริยายตฺตสฺส โลกิยโลกุตฺตรวิเสสสฺส อธิคโม เอว อานิสํโส, ตสฺส ทสฺสนสีลตา วีริยายตฺต…เป… ทสฺสิตา. สปุพฺพภาโค นิพฺพานคามิมคฺโค คมนวีถิ คนฺตพฺพา ปฏิปชฺชิตพฺพา ปฏิปทาติ กตฺวา ¶ . ทายกานํ มหปฺผลภาวกรเณน ปิณฺฑาปจายนตาติ ปจฺจยทายกานํ อตฺตนิ การสฺส อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติยา มหปฺผลการภาวสฺส กรเณน ปิณฺฑสฺส ภิกฺขาย ปฏิปูชนา. อิตรถาติ อามิสปูชาย. กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนตาติ อลสานํ ภาวนาย นามมตฺตมฺปิ อชานนฺตานํ กายทฬฺหีพหุลานํ ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขาทิอนุยฺุชนกานํ ติรจฺฉานกถิกานํ ปุคฺคลานํ ทูรโต ปริจฺจชนา. อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนตาติ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๑๙; อ. นิ. ๓.๑๖) ภาวนารมฺภวเสน อารทฺธวีริยานํ ทฬฺหปรกฺกมานํ ปุคฺคลานํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนา. สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณตาติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานานุภาวสฺส ปจฺจเวกฺขณตา. ตทธิมุตฺตตาติ ตสฺมึ วีริยสมฺโพชฺฌงฺเค อธิมุตฺติ สพฺพิริยาปเถสุ นินฺนโปณปพฺภารตา. เอตฺถ จ ถินมิทฺธวิโนทนกุสีตปุคฺคลปริวชฺชนอารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนตทธิมุตฺตตา ปฏิปกฺขวิธมนปจฺจยูปสํหารวเสน, อปายาทิภยปจฺจเวกฺขณาทโย สมุตฺเตชนวเสน วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทกา ทฏฺพฺพา.
พุทฺธาทีสุ ปสาทสิเนหาภาเวน ถุสขรหทยา ลูขปุคฺคลา, ตพฺพิปริยาเยน สินิทฺธปุคฺคลา เวทิตพฺพา. พุทฺธาทีนํ คุณปริทีปนา สมฺปสาทนียสุตฺตาทโย (ที. นิ. ๓.๑๔๑ อาทโย) ปสาทนียสุตฺตนฺตา. อิเมหิ อากาเรหีติ ยถาวุตฺเตหิ กุสลาทีนํ สภาวสามฺลกฺขณปฏิวิชฺฌนาทิอากาเรหิ เจว ปริปุจฺฉกตาทิอากาเรหิ จ. เอเต ธมฺเมติ เอเต กุสลาทีสุ โยนิโสมนสิการาทิเก เจว ธมฺมตฺถฺุตาทิเก จ.
๖๕. อจฺจารทฺธวีริยตาทีหีติ อติวิย ปคฺคหิตวีริยตาทีหิ. อาทิ-สทฺเทน สํเวชนปโมทนาทึ สงฺคณฺหาติ. อุทฺธตนฺติ สมาธิอาทีนํ มนฺทตาย อวูปสนฺตํ. ทุวูปสมยนฺติ วูปสเมตุํ สมาธาตุํ อสกฺกุเณยฺยํ.
ตํ ¶ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวาติ เยนากาเรน อสฺส โยคิโน ปสฺสทฺธิ สมาธิ อุเปกฺขาติ อิเม ปสฺสทฺธิอาทโย ธมฺมา ปุพฺเพ ยถารหํ ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล อุปฺปนฺนปุพฺพา, ตํ จิตฺตตํสมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปสฺสทฺธาการํ, สมาหิตาการํ, อชฺฌุเปกฺขิตาการฺจ อุปลกฺเขตฺวา อุปธาเรตฺวา. ตีสุปิ ปเทสูติ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กายปฺปสฺสทฺธี’’ติอาทินา อาคเตสุ ตีสุปิ วากฺเยสุ, เตหิ วา ปกาสิเตสุ ตีสุ ธมฺมโกฏฺาเสสุ. ยถาสมาหิตาการํ สลฺลกฺเขตฺวา คยฺหมาโน ¶ สมโถ เอว สมถนิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘สมถนิมิตฺตนฺติ จ สมถสฺเสเวตมธิวจน’’นฺติ. นานารมฺมเณ ปริพฺภมเนน วิวิธํ อคฺคํ เอตสฺสาติ พฺยคฺโค, วิกฺเขโป. ตถา หิ โส อนวฏฺานรโส, ภนฺตตาปจฺจุปฏฺาโน จ วุตฺโต. เอกคฺคตาภาวโต พฺยคฺคปฏิปกฺโขติ อพฺยคฺโค, สมาธิ. โส เอว นิมิตฺตนฺติ ปุพฺเพ วิย วตฺตพฺพํ. เตนาห ‘‘อวิกฺเขปฏฺเน จ ตสฺเสว อพฺยคฺคนิมิตฺตนฺติ อธิวจน’’นฺติ.
สรีราวตฺถํ ตฺวา มตฺตโส ปริภุตฺโต ปณีตาหาโร กายลหุตาทีนํ สมุฏฺาปเนน ปสฺสทฺธิยา ปจฺจโย โหติ, ตถา อุตุสปฺปายํ, อิริยาปถสปฺปายฺจ เสวิตํ, ปโยโค จ กายิโก ปวตฺติโตติ อาห ‘‘ปณีตโภชนเสวนตา’’ติอาทิ. ปโยคสมตาทีนํ อภาเวน สทรถกายจิตฺตา ปุคฺคลา สารทฺธปุคฺคลา. วุตฺตวิปริยาเยน ปสฺสทฺธกายา ปุคฺคลา เวทิตพฺพา.
นิรสฺสาทสฺสาติ ภาวนสฺสาทรหิตสฺส. ภาวนา หิ วีถิปฏิปนฺนา ปุพฺเพนาปรํ วิเสสวตี ปวตฺตมานา จิตฺตสฺส อสฺสาทํ อุปสมสุขํ อาวหติ, ตทภาวโต นิรสฺสาทํ จิตฺตํ โหติ. สทฺธาสํเวควเสนาติ สทฺธาวเสน, สํเวควเสน จ. สมฺปหํสนตาติ สมฺมเทว ปหํสนตา สํเวชนปุพฺพกปสาทุปฺปาทเนน ภาวนา จิตฺตสฺส โตสนา. สมฺมาปวตฺตสฺสาติ ลีนุทฺธจฺจวิรเหน, สมถวีถิปฏิปตฺติยา จ สมํ, สวิเสสฺจ ปวตฺติยา สมฺมเทว ปวตฺตสฺส ภาวนาจิตฺตสฺส. อชฺฌุเปกฺขนตาติ ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฏตา. ฌานวิโมกฺขปจฺจเวกฺขณตาติ ปมาทีนิ ฌานานิ ปจฺจนีกธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตาทินา เตเยว วิโมกฺขา เตสํ ‘‘เอวํ ภาวนา, เอวํ สมาปชฺชนา, เอวํ อธิฏฺานํ, เอวํ วุฏฺานํ, เอวํ สํกิเลโส, เอวํ โวทาน’’นฺติ ปติ ปติ อเวกฺขณา.
สตฺตมชฺฌตฺตตาติ ¶ สตฺเตสุ ปิยฏฺานิเยสุปิ คหฏฺปพฺพชิเตสุ มชฺฌตฺตากาโร อชฺฌุเปกฺขนา. สงฺขารมชฺฌตฺตตาติ อชฺฌตฺติเกสุ จกฺขาทีสุ, พาหิเรสุ ปตฺตจีวราทีสุ มชฺฌตฺตากาโร อชฺฌุเปกฺขนา. สตฺตสงฺขารานํ มมายนํ สตฺตสงฺขารเกลายนํ. อิเมหากาเรหีติ อิเมหิ ยถาวุตฺเตหิ กายจิตฺตานํ ปสฺสทฺธาการสลฺลกฺขณาทิอากาเรหิ เจว สปฺปายาหารเสวนาทิอากาเรหิ จ. เอเต ธมฺเมติ เอเต ปสฺสทฺธิอาทิธมฺเม.
๖๖. ปฺาปโยคมนฺทตายาติ ปฺาพฺยาปารสฺส อปฺปภาเวน. ยถา หิ ทานสีลานิ อโลภาโทสปฺปธานานิ ¶ , เอวํ ภาวนา อโมหปฺปธานา วิเสสโต อปฺปนาวหา. ตตฺถ ยทา ปฺา น พลวตี โหติ, ตทา ภาวนาจิตฺตสฺส อนภิสงฺขโต วิย อาหาโร ปุริสสฺส อภิรุจึ น ชเนติ, เตน ตํ นิรสฺสาทํ โหติ. ยทา จ ภาวนา ปุพฺเพนาปรํ วิเสสาวหา น โหติ สมฺมเทว อวีถิปฏิปตฺติยา, ตทา อุปสมสุขสฺส อลาเภน จิตฺตํ นิรสฺสาทํ โหติ. ตทุภยํ สนฺธายาห ‘‘ปฺาปโยคมนฺทตายา’’ติอาทิ. นนฺติ จิตฺตํ. ชาติชราพฺยาธิมรณานิ ยถารหํ สุคติยํ, ทุคฺคติยฺจ โหนฺตีติ ตทฺเมว ปฺจวิธพนฺธนาทิขุปฺปิปาสาทิอฺมฺวิพาธนาทิเหตุกํ อปายทุกฺขํ ทฏฺพฺพํ. ตยิทํ สพฺพํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปนฺนภวนิสฺสิตํ คหิตนฺติ อตีเต, อนาคเต จ กาเล วฏฺฏมูลกทุกฺขานิ วิสุํ คหิตานิ. เย ปน สตฺตา อาหารูปชีวิโน, ตตฺถ จ อุฏฺานผลูปชีวิโน, เตสํ อฺเหิ อสาธารณํ ชีวิตทุกฺขํ อฏฺมํ สํเวควตฺถุ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อสฺสาติ จิตฺตสฺส. อลีนนฺติอาทีสุ โกสชฺชปกฺขิยานํ ธมฺมานํ อนธิมตฺตตาย อลีนํ. อุทฺธจฺจปกฺขิกานํ ธมฺมานํ อนธิมตฺตตาย อนุทฺธตํ. ปฺาปโยคสมฺปตฺติยา, อุปสมสุขาธิคเมน จ อนิรสฺสาทํ. ปุพฺเพนาปรํ สวิเสสํ ตโต เอว อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ, สมถวีถิปฏิปนฺนฺจ. ตตฺถ อลีนตาย ปคฺคเห, อนุทฺธตตาย นิคฺคเห, อนิรสฺสาทตาย สมฺปหํสเน น พฺยาปารํ อาปชฺชติ. อลีนานุทฺธตตาย หิ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ อนิรสฺสาทตาย สมถวีถิปฏิปนฺนํ. สมปฺปวตฺติยา วา อลีนํ อนุทฺธตํ, สมถวีถิปฏิปตฺติยา อนิรสฺสาทนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เนกฺขมฺมปฏิปทนฺติ ฌานปฏิปตฺตึ. สมาธิอธิมุตฺตตาติ สมาธินิพฺพตฺตเน ฌานาธิคเม ยุตฺตปฺปยุตฺตตา. สา ปน ยสฺมา สมาธึ ครุํ กตฺวา ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน ¶ ปวตฺติยา โหติ, ตสฺมา ‘‘สมาธิครู’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๖๗. ปฏิลทฺเธ นิมิตฺตสฺมึ เอวํ หิ สมฺปาทยโต อปฺปนาโกสลฺลํ อิมํ อปฺปนา สมฺปวตฺตตีติ สมฺพนฺโธ. สาติ อปฺปนา. หิตฺวา หีติ หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา านเมตํ น วิชฺชติ, ตสฺมา จิตฺตปฺปวตฺติอาการํ ภาวนาจิตฺตสฺส ลีนุทฺธตาทิวเสน ปวตฺติอาการํ สลฺลกฺขยํ อุปธาเรนฺโต. สมตํ วีริยสฺเสว วีริยสฺส สมาธินา สมรสตํเยว โยชเยถ. กถํ ปน โยชเยถาติ อาห ‘‘อีสกมฺปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ลยนฺติ ลีนภาวํ, สงฺโกจนฺติ อตฺโถ. ยนฺตนฺติ คจฺฉนฺตํ ¶ , ปคฺคณฺเหเถว สมภาวายาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อจฺจารทฺธํ นิเสเธตฺวา สมเมว ปวตฺตเย’’ติ. กถํ ปน สมเมว ปวตฺตเยติ อาห ‘‘เรณุมฺหี’’ติอาทิ. ยถาติ เรณุอาทีสุ ยถา มธุกราทีนํ ปวตฺติ อุปมาภาเวน อฏฺกถายํ สมฺมวณฺณิตา, เอวํ ลีนุทฺธตภาเวหิ โมจยิตฺวา วีริยสมตาโยชเนน นิมิตฺตาภิมุขํ มานสํ ปฏิปาทเย ปฏิภาคนิมิตฺตาภิมุขํ ภาวนาจิตฺตํ สมฺปาเทยฺยาติ อตฺโถ.
นิมิตฺตาภิมุขปฏิปาทนวณฺณนา
๖๘. ตตฺราติ ตสฺมึ ‘‘เรณุมฺหี’’ติอาทินา วุตฺตคาถาทฺวเย. อตฺถทีปนา อุปมูปเมยฺยตฺถวิภาวนา. อเฉโกติ อกุสโล. ปกฺขนฺโทติ ธาวิตุํ อารทฺโธ. วิกสนกฺขเณเยว สรสํ กุสุมปราคํ โหติ, ปจฺฉา วาตาทีหิ ปริปตติ, วิรสํ วา โหติ. ตสฺมา นิวตฺตเน เรณุ ขียตีติ อาห ‘‘ขีเณ เรณุมฺหิ สมฺปาปุณาตี’’ติ. ปุปฺผราสินฺติ รุกฺขสาขาสุ นิสฺสิตํ ปุปฺผสฺจยํ.
สลฺลกตฺตอนฺเตวาสิเกสูติ สลฺลกตฺตอาจริยสฺส อนฺเตวาสิเกสุ. อุทกถาลคเตติ อุทกถาลิยํ ปิเต. สตฺถกมฺมนฺติ สิราเวธนาทิสตฺถกมฺมํ. ผุสิตุมฺปิ อุปฺปลปตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. สเมนาติ ปุริมกา วิย ครุํ, มนฺทฺจ ปโยคํ อกตฺวา สมปฺปมาเณน ปโยเคน. ตตฺถาติ อุปฺปลปตฺเต. ปริโยทาตสิปฺโปติ สุวิสุทฺธสิปฺโป นิปฺผนฺนสิปฺโป.
มกฺกฏกสุตฺตนฺติ ¶ ลูตสุตฺตํ. นิยามโก นาวาสารถี. ลงฺการนฺติ กิลฺชาทิมยํ นาวากฏสารกํ. เตเลน อฉฑฺเฑนฺโต นาฬึ ปูเรตีติ สราวาทิคเตน เตเลน อฉฑฺเฑนฺโต สุขุมจฺฉิทฺทกํ เตลนาฬึ ปูเรติ. เอวเมวาติ ยถา เต อาทิโต วุตฺตมธุกรสลฺลกตฺตอนฺเตวาสิสุตฺตากฑฺฒกนิยามกเตลปูรกา เวเคน ปโยคํ กโรนฺติ, เอวเมว โย ภิกฺขุ ‘‘สีฆํ อปฺปนํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ คาฬฺหํ วีริยํ กโรติ, โย มชฺเฌ วุตฺตมธุกราทโย วิย วีริยํ น กโรติ, อิเม ทฺเวปิ วีริยสมตาภาเวน อปฺปนํ ปาปุณิตุํ น สกฺโกนฺติ. โย ปน อวสาเน วุตฺตมธุกราทโย วิย สมปฺปโยโค, อยํ อปฺปนํ ปาปุณิตุํ สกฺโกติ วีริยสมตาโยคโตติ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอโก ภิกฺขู’’ติอาทิ. ลีนํ ภาวนาจิตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
ปมชฺฌานกถาวณฺณนา
๖๙. เอวนฺติ ¶ วุตฺตปฺปกาเรน. วีริยสมตาโยชนวเสน วีถิปฏิปนฺนํ ภาวนามานสํ ปฏิภาคนิมิตฺเตเยว ปนวเสน นิมิตฺตาภิมุขํ ปฏิปาทยโต อสฺส โยคิโน. อิชฺฌิสฺสตีติ สมิชฺฌิสฺสติ, อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อตฺโถ. อนุโยควเสนาติ ภาวนาวเสน. เสสานีติ เสสานิ ตีณิ, จตฺตาริ วา. ปกติจิตฺเตหีติ ปากติเกหิ กามาวจรจิตฺเตหิ. พลว…เป… จิตฺเตกคฺคตานิ ภาวนาพเลน ปฏุตรสภาวปฺปตฺติยา. ปริกมฺมตฺตาติ ปฏิสงฺขารกตฺตา. ยทิ อาสนฺนตฺตา อุปจารตา, โคตฺรภุโน เอว อุปจารสมฺา สิยาติ อาห ‘‘สมีปจาริตฺตา วา’’ติ. อนจฺจาสนฺโนปิ หิ นาติทูรปวตฺตี สมีปจารี นาม โหติ. อปฺปนํ อุเปจฺจ จรนฺตีติ อุปจารานิ. อิโต ปุพฺเพ ปริกมฺมานนฺติ นานาวชฺชนวีถิยํ ปริกมฺมานํ. เอตฺถาติ เอเตสุ ปริกมฺมุปจารานุโลมสฺิเตสุ. สพฺพนฺติมนฺติ ตติยํ, จตุตฺถํ วา. ปริตฺตโคตฺตาภิภวนโตติ ปริตฺตสฺส โคตฺตสฺส อภิภวนโต. คํตายตีติ หิ โคตฺตํ, ‘‘ปริตฺต’’นฺติ ปวตฺตมานํ อภิธานํ, พุทฺธิฺจ เอกํสิกวิสยตาย รกฺขตีติ ปริตฺตโคตฺตํ. ยถา หิ พุทฺธิ อารมฺมณภูเตน อตฺเถน วินา น ปวตฺตติ, เอวํ อภิธานํ อภิเธยฺยภูเตน. ตสฺมา โส ตานิ ตายติ รกฺขตีติ วุจฺจติ. ตํ ปน มหคฺคตานุตฺตรวิธุรํ กามตณฺหาย โคจรภูตํ กามาวจรธมฺมานํ อาเวณิกรูปํ ทฏฺพฺพํ. มหคฺคตโคตฺเตปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ภาวนโตติ อุปฺปาทนโต.
อวิเสเสน ¶ สพฺเพสํ สพฺพา สมฺาติ ปมนโย คหิตคฺคหณํ โหตีติ อาห ‘‘อคฺคหิตคฺคหเณนา’’ติอาทิ. นานาวชฺชนปริกมฺมเมว ปริกมฺมนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปมํ วา อุปจาร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. จตุตฺถํ อปฺปนาจิตฺตํ, ปฺจมํ วา อปฺปนาจิตฺตํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน สเจ จตุตฺถํ โคตฺรภุ โหตีติ อตฺโถ. ปฺจมํ วาติ วา-สทฺโท อนิยเม. สฺวายํ อนิยโม อิมินา การเณนาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺจ โข ขิปฺปาภิฺทนฺธาภิฺวเสนา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ขิปฺปาภิฺสฺส จตุตฺถํ อปฺเปติ, ทนฺธาภิฺสฺส ปฺจมํ. กสฺมา ปน จตุตฺถํ, ปฺจมํ วา อปฺเปติ, น ตโต ปรนฺติ อาห ‘‘ตโต ปรํ ชวนํ ปตตี’’ติ. ตโต ปฺจมโต ปรํ ฉฏฺํ, สตฺตมฺจ ชวนํ ปตนฺตํ วิย โหติ ปริกฺขีณชวตฺตาติ อธิปฺปาโย.
ยถา อลทฺธาเสวนํ ปมชวนํ ทุพฺพลตฺตา โคตฺรภุํ น อุปฺปาเทติ, ลทฺธาเสวนํ ปน พลวภาวโต ¶ ทุติยํ, ตติยํ วา โคตฺรภุํ อุปฺปาเทติ, เอวํ ลทฺธาเสวนตาย พลวภาวโต ฉฏฺํ, สตฺตมมฺปิ อปฺเปตีติ เถรสฺส อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺมา ฉฏฺเปิ สตฺตเมปิ อปฺปนา โหตี’’ติ. ตนฺติ เถรสฺส วจนํ. สุตฺตสุตฺตานุโลมอาจริยวาเทหิ อนุปตฺถมฺภิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อตฺตโนมติมตฺต’’นฺติ. ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๒) ปน สุตฺตปทมการณํ อาเสวนปจฺจยลาภสฺส พลวภาเว อเนกนฺติกตฺตา. ตถา หิ อลทฺธาเสวนาปิ ปมเจตนา ทิฏฺธมฺมเวทนียา โหติ, ลทฺธาเสวนา ทุติยเจตนา ยาว ฉฏฺเจตนา อปราปริยเวทนียา. จตุตฺถปฺจเมสุเยวาติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ยุตฺติทสฺสนมุเขน นิคมนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทิ ฉฏฺสตฺตมํ ชวนํ ปติตํ นาม โหติ ปริกฺขีณชวตฺตา, กถํ สตฺตมชวนเจตนา อุปปชฺชเวทนียา, อานนฺตริยา จ โหตีติ? นายํ วิเสโส อาเสวนปจฺจยลาเภน พลปฺปตฺติยา. กิฺจรหิ กิริยาวตฺถาวิเสสโต. กิริยาวตฺถา หิ อารมฺภมชฺฌปริโยสานวเสน ติวิธา. ตตฺถ จ ปริโยสานาวตฺถาย สนฺนิฏฺาปกเจตนาภาเวน อุปปชฺชเวทนียาทิตา โหติ, น พลวภาเวนาติ ทฏฺพฺพํ. ปฏิสนฺธิยา อนนฺตรปจฺจยภาวิโน วิปากสนฺตานสฺส อนนฺตรปจฺจยภาเวน ตถา อภิสงฺขตตฺตาติ จ วทนฺติ. ตสฺมา ฉฏฺสตฺตมานํ ปปาตาภิมุขตาย ปริกฺขีณชวตา น สกฺกา นิวาเรตุํ. ตถา หิ ‘‘ยถา หิ ปุริโส’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สา ¶ จ ปน อปฺปนา. อทฺธานปริจฺเฉโทติ กาลปริจฺเฉโท. โส ปเนตฺถ สตฺตสุ าเนสุ กตฺถจิ อปริมาณจิตฺตกฺขณตาย, กตฺถจิ อติอิตฺตรขณตาย นตฺถีติ วุตฺโต. น เหตฺถ สมฺปุณฺณชวนวีถิ อทฺธา ลพฺภติ. เตเนวาห ‘‘เอตฺถ มคฺคานนฺตรผล’’นฺติอาทิ. เสสฏฺาเนสูติ ปมปฺปนา, โลกิยาภิฺา, มคฺคกฺขโณ, นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส ผลกฺขโณติ เอเตสุ จตูสุ าเนสุ.
เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน ภาวนากฺกเมน เอส โยคาวจโร ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. เอวํ วิหรตา จ อเนน ตเทว ปมํ ฌานํ อธิคตํ โหติ ปถวีกสิณนฺติ สมฺพนฺโธ.
๗๐. ตตฺถาติ ตสฺมึ ฌานปาเ. วิวิจฺจิตฺวาติ วิสุํ หุตฺวา. เตนาห ‘‘วินา หุตฺวา อปกฺกมิตฺวา’’ติ, ปชหนวเสน อปสกฺกิตฺวาติ อตฺโถ. วิวิจฺเจว กาเมหีติ เอตฺถ ‘‘วิวิจฺจา’’ติ อิมินา วิเวจนํ ฌานกฺขเณ กามานํ อภาวมตฺตํ วุตฺตํ. ‘‘วิวิจฺเจวา’’ติ ปน อิมินา เอกํสโต กามานํ วิเวเจตพฺพตาทีปเนน ตปฺปฏิปกฺขตา ฌานสฺส, กามวิเวกสฺส จ ฌานาธิคมูปายตา ¶ ทสฺสิตา โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมํ ฌาน’’นฺติอาทึ วตฺวา ตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อนฺธกาเร สติ ปทีโปภาโส วิยา’’ติ เอเตน ยถา ปทีโปภาสาภาเวน รตฺติยํ อนฺธการาภิภโว, เอวํ ฌานาภาเวน สตฺตสนฺตติยํ กามาภิภโวติ ทสฺเสติ.
เอตนฺติ ปุพฺพปเทเยว อวธารณวจนํ. น โข ปน เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘กาเมหิ เอวา’’ติ อวธารณสฺส อกตตฺตา. นิสฺสรนฺติ นิคฺคจฺฉนฺติ เอเตน, เอตฺถ วาติ นิสฺสรณํ. เก นิคฺคจฺฉนฺติ? กามา, เตสํ กามานํ นิสฺสรณํ ปหานํ ตนฺนิสฺสรณํ, ตโต. กถํ ปน สมาเน วิกฺขมฺภเน กามานเมเวตํ นิสฺสรณํ, น พฺยาปาทาทีนนฺติ โจทนํ ยุตฺติโต, อาคมโต จ โสเธตุํ ‘‘กามธาตู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กามธาตุสมติกฺกมนโตติ สกลสฺสปิ กามภวสฺส สมติกฺกมปฏิปทาภาวโต. เตน อิมสฺส ฌานสฺส กามปริฺาภาวมาห. กามราคปฏิปกฺขโตติ วกฺขมานวิภาคสฺส กิเลสกามสฺส ปจฺจตฺถิกภาวโต. เตน ยถา เมตฺตา พฺยาปาทสฺส, กรุณา วิหึสาย, เอวมิทํ ฌานํ กามราคสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตนฺติ ทสฺเสติ. เอวมตฺตโน ปวตฺติยา, วิปากปฺปวตฺติยา จ กามราคโต, กามธาตุโต ¶ จ วินิวตฺตสภาวตฺตา อิทํ ฌานํ วิเสสโต กามานเมว นิสฺสรณํ. สฺวายมตฺโถ ปาคโต เอวาติ อาห ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ. กามฺเจตมตฺถํ ทีเปตุํ ปุริมปเทเยว อวธารณํ คหิตํ, อุตฺตรปเทปิ ปน ตํ คเหตพฺพเมว ตถา อตฺถสมฺภวโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุตฺตรปเทปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิโตติ กามจฺฉนฺทโต. เอส นิยโม. สาธารณวจเนนาติ อวิเสสวจเนน. ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปฏิปสฺสทฺธินิสฺสรณวิเวกา ตทงฺควิเวกาทโย. จิตฺตกายอุปธิวิเวกา จิตฺตวิเวกาทโย. ตโย เอว อิธ ฌานกถายํ ทฏฺพฺพา สมุจฺเฉทวิเวกาทีนํ อสมฺภวโต.
นิทฺเทเสติ มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๑, ๗). ตตฺถ หิ ‘‘อุทฺทานโต ทฺเว กามา – วตฺถุกามา กิเลสกามา จา’’ติ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘ตตฺถ กตเม วตฺถุกามา? มนาปิยา รูปา…เป… มนาปิยา โผฏฺพฺพา’’ติอาทินา วตฺถุกามา นิทฺทิฏฺา. เต ปน กามียนฺตีติ กามาติ เวทิตพฺพา. ตตฺเถวาติ นิทฺเทเส เอว. วิภงฺเคติ ฌานวิภงฺเค (วิภ. ๕๖๔). ปตฺถนากาเรน ปวตฺโต ทุพฺพโล โลโภ ฉนฺทนฏฺเน ฉนฺโท, ตโต พลวา รฺชนฏฺเน ราโค, ตโตปิ พลวตโร พหลราโค ฉนฺทราโค. นิมิตฺตานุพฺยฺชนานิ สงฺกปฺเปติ เอเตนาติ สงฺกปฺโป, ตถาปวตฺโต โลโภ, ตโต พลวา รฺชนฏฺเน ราโค, สงฺกปฺปนวเสเนว ปวตฺโต ตโตปิ พลวตโร สงฺกปฺปราโคติ. สฺวายํ ¶ ปเภโท เอกสฺเสว โลภสฺส ปวตฺติอาการวเสน, อวตฺถาเภทวเสน จ เวทิตพฺโพ ยถา ‘‘วจฺโฉ ทมฺโม พลีพทฺโท’’ติ. อิเม กิเลสกามา. กาเมนฺตีติ กามา, กาเมนฺติ เอเตหีติ วา.
เอวฺหิ สตีติ เอวํ อุภเยสมฺปิ กามานํ สงฺคเห สติ. วตฺถุกาเมหิปีติ ‘‘วตฺถุกาเมหิ วิวิจฺเจวา’’ติปิ อตฺโถ ยุชฺชตีติ เอวํ ยุชฺชมานตฺถนฺตรสมุจฺจยตฺโถ ปิ-สทฺโท, น กิเลสกามสมุจฺจยตฺโถ. กสฺมา? อิมสฺมึ อตฺเถ กิเลสกาเมหิ วิเวกสฺส ทุติยปเทน วุตฺตตฺตา. เตนาติ วตฺถุกามวิเวเกน. กายวิเวโก วุตฺโต โหติ ปุตฺตทาราทิปริคฺคหวิเวกทีปนโต. ปุริเมนาติ กายวิเวเกน. เอตฺถาติ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหิ, วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ เอตสฺมึ ปททฺวเย, อิโต วา นิทฺธาริเต วิเวกทฺวเย. อกุสล-สทฺเทน ยทิปิ ¶ กิเลสกามา, สพฺพากุสลาปิ วา คหิตา, สพฺพถา ปน กิเลสกาเมหิ วิเวโก วุตฺโตติ อาห ‘‘ทุติเยน กิเลสกาเมหิ วิเวกวจนโต’’ติ. ทุติเยนาติ จ จิตฺตวิเวเกนาติ อตฺโถ. เอเตสนฺติ ยถาวุตฺตานํ ทฺวินฺนํ ปทานํ, นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. ตณฺหาทิสํกิเลสานํ วตฺถุโน ปหานํ สํกิเลสวตฺถุปฺปหานํ. โลลภาโว นาม ตตฺถ ตตฺถ รูปาทีสุ ตณฺหุปฺปาโท, ตสฺส เหตุ วตฺถุกามา เอว เวทิตพฺพา. พาลภาโว อวิชฺชา, ทุจฺจินฺติตจินฺติตาทิ วา, ตสฺส อโยนิโสมนสิกาโร, สพฺเพปิ วา อกุสลา ธมฺมา เหตุ. กามคุณาธิคมเหตุปิ ปาณาติปาตาทิอสุทฺธปโยโค โหตีติ ตพฺพิเวเกน ปโยคสุทฺธิ วิภาวิตา. ตณฺหาสํกิเลสโสธเนน, วิวฏฺฏูปนิสฺสยสํวฑฺฒเนน จ อชฺฌาสยวิโสธนํ อาสยโปสนํ. กาเมสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ.
อเนกเภโทติ กามาสวกามราคสํโยชนาทิวเสน, รูปตณฺหาทิวเสน จ อเนกปฺปเภโท. กามจฺฉนฺโทเยวาติ กามสภาโวเยว ฉนฺโท, น กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท, นาปิ กุสลจฺฉนฺโทติ อธิปฺปาโย. ฌานปฏิปกฺขโตติ ฌานสฺส ปฏิปกฺขภาวโต ตํเหตุ ตนฺนิมิตฺตํ วิสุํ วุตฺโต. อกุสลภาวสามฺเน อคฺคเหตฺวา วิสุํ สรูเปน คหิโต. ยทิ กิเลสกาโมว ปุริมปเท วุตฺโต, กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘อเนกเภทโต’’ติอาทิ.
อฺเสมฺปิ ทิฏฺิมานอหิริกาโนตฺตปฺปาทีนํ, ตํสหิตผสฺสาทีนฺจ. อุปริ วุจฺจมานานิ ฌานงฺคานิ อุปริฌานงฺคานิ, เตสํ อตฺตโน ปจฺจนีกานํ ปฏิปกฺขภาวทสฺสนโต ตปฺปจฺจนีกนีวรณวจนํ. นีวรณานิ หิ ฌานงฺคปจฺจนีกานิ เตสํ ปวตฺตินิวารณโต. สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ¶ ปฏิปกฺโข ราคปฺปณิธิยา อุชุวิปจฺจนีกภาวโต, นานารมฺมเณหิ ปโลภิตสฺส ปริพฺภมนฺตสฺส จิตฺตสฺส สมาธานโต จ. ปีติ พฺยาปาทสฺส ปฏิปกฺขา ปาโมชฺเชน สมานโยคกฺเขมตฺตา. วิตกฺโก ถินมิทฺธสฺส ปฏิปกฺโข โยนิโส สงฺกปฺปนวเสน สวิปฺผารปวตฺติโต. สุขํ อวูปสมานุตาปสภาวสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปฏิปกฺขํ วูปสนฺตสีตลสภาวตฺตา. วิจาโร วิจิกิจฺฉาย ปฏิปกฺโข อารมฺมเณ อนุมชฺชนวเสน ปฺาปฏิรูปสภาวตฺตา. มหากจฺจานตฺเถเรน เทสิตํ ปิฏกานํ สํวณฺณนา เปฏกํ, ตสฺมึ เปฏเก.
ปฺจกามคุณเภทวิสยสฺสาติ ¶ รูปาทิปฺจกามคุณวิเสสวิสยสฺส. อาฆาตวตฺถุเภทาทิวิสยานนฺติ พฺยาปาทวิเวกวจเนน ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๐; อ. นิ. ๙.๒๙; วิภ. ๙๖๐) อาทิอาฆาตวตฺถุเภทวิสยสฺส โทสสฺส, โมหาธิเกหิ ถินมิทฺธาทีหิ วิเวกวจเนน ปฏิจฺฉาทนวเสน ทุกฺขาทิปุพฺพนฺตาทิเภทวิสยสฺส โมหสฺส วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต. กามราคพฺยาปาทตเทกฏฺถินมิทฺธาทิวิกฺขมฺภกฺเจตํ สพฺพากุสลปฏิปกฺขสภาวตฺตา. สพฺพกุสลานํ เตน สภาเวน สพฺพากุสลปฺปหายกํ โหติ, โหนฺตมฺปิ กามราคาทิวิกฺขมฺภนสภาวเมว โหติ ตํสภาวตฺตาติ อวิเสเสตฺวา นีวรณากุสลมูลาทีนํ ‘‘วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต โหตี’’ติ อาห.
๗๑. ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานานํ สภาวธมฺมานํ นตฺถิ กาจิ วสวตฺติตาติ วสวตฺติภาวนิวารณตฺถํ ‘‘วิตกฺกนํ วิตกฺโก’’ติ วุตฺตํ. ตยิทํ ‘‘วิตกฺกนํ อีทิสมิท’’นฺติ อารมฺมณสฺส ปริกปฺปนนฺติ อาห ‘‘อูหนนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ยสฺมา จิตฺตํ วิตกฺกพเลน อารมฺมณํ อภินิรุฬฺหํ วิย โหติ, ตสฺมา โส อารมฺมณาภินิโรปนลกฺขโณ วุตฺโต. ยถา หิ โกจิ ราชวลฺลภํ, ตํสมฺพนฺธินํ มิตฺตํ วา นิสฺสาย ราชเคหํ อาโรหติ อนุปวิสติ, เอวํ วิตกฺกํ นิสฺสาย จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ. ยทิ เอวํ, กถํ อวิตกฺกํ จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหตีติ? วิตกฺกพเลเนว. ยถา หิ โส ปุริโส ปริจเยน เตน วินาปิ นิราสงฺโก ราชเคหํ ปวิสติ, เอวํ ปริจเยน วิตกฺเกน วินาปิ อวิตกฺกํ จิตฺตํ อารมฺมณํ อาโรหติ. ปริจเยนาติ จ สนฺตาเน ปวตฺตวิตกฺกภาวนาสงฺขาเตน ปริจเยน. วิตกฺกสฺส หิ สนฺตาเน อภิณฺหํ ปวตฺตสฺส วเสน จิตฺตสฺส อารมฺมณาภิรุหณํ จิรปริจิตํ. เตน ตํ กทาจิ วิตกฺเกน วินาปิ ตตฺถ ปวตฺตเตว. ยถา ตํ าณสหิตํ หุตฺวา สมฺมสนวเสน จิรปริจิตํ กทาจิ าณวิรหิตมฺปิ สมฺมสนวเสน ปวตฺตติ, ยถา วา กิเลสสหิตํ หุตฺวา ปวตฺตํ สพฺพโส ¶ กิเลสรหิตมฺปิ ปริจเยน กิเลสวาสนาวเสน ปวตฺตติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. อาทิโต, อภิมุขํ วา หนนํ อาหนนํ. ปริโต, ปริวตฺเตตฺวา วา อาหนนํ ปริยาหนนํ. ‘‘รูปํ รูปํ, ปถวี ปถวี’’ติ อาโกเฏนฺตสฺส วิย ปวตฺติ ‘‘อาหนนํ, ปริยาหนน’’นฺติ จ เวทิตพฺพํ. อานยนํ จิตฺตสฺส อารมฺมเณ อุปนยนํ, อากฑฺฒนํ วา.
อนุสฺจรณํ ¶ อนุปริพฺภมนํ. สฺวายํ วิเสโส สนฺตานมฺหิ ลพฺภมาโน เอว สนฺตาเน ปากโฏ โหตีติ ทฏฺพฺโพ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อนุมชฺชนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อนุมสนํ, ปริมชฺชนนฺติ อตฺโถ. ตถา หิ วิจาโร ‘‘ปริมชฺชนหตฺโถ วิย, สฺจรณหตฺโถ วิยา’’ติ จ วุตฺโต. ตตฺถาติ อารมฺมเณ. สหชาตานํ อนุโยชนํ อารมฺมเณ อนุวิจารณสงฺขาตอนุมชฺชนวเสเนว เวทิตพฺพํ. อนุปฺปพนฺธนํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อวิจฺฉินฺนสฺส วิย ปวตฺติ. ตถา หิ โส ‘‘อนุสนฺธานตา’’ติ (ธ. ส. ๘) นิทฺทิฏฺโ. เตเนว จ ‘‘ฆณฺฑานุรโว วิย, ปริพฺภมนํ วิยา’’ติ จ วุตฺโต.
กตฺถจีติ ปมชฺฌาเน, ปริตฺตจิตฺตุปฺปาเทสุ จ. วิจารโต โอฬาริกฏฺเน, วิจารสฺเสว จ ปุพฺพงฺคมฏฺเน อนุรวโต โอฬาริโก, ตสฺส จ ปุพฺพงฺคโม ฆณฺฑาภิฆาโต วิย วิตกฺโก. ยถา หิ ฆณฺฑาภิฆาโต ปมาภินิปาโต โหติ, เอวํ อารมฺมณาภิมุขนิโรปนฏฺเน วิตกฺโก เจตโส ปมาภินิปาโต โหติ. อภิฆาต-คฺคหเณน เจตฺถ อภิฆาตโช สทฺโท คหิโตติ เวทิตพฺโพ. วิปฺผารวาติ วิจลนยุตฺโต สปริปฺผนฺโท. ปริพฺภมนํ วิย ปริสฺสยาภาววีมํสนตฺถํ. อนุปฺปพนฺเธน ปวตฺติยนฺติ อุปจาเร วา อปฺปนายํ วา สนฺตาเนน ปวตฺติยํ. ตตฺถ หิ วิตกฺโก นิจฺจโล หุตฺวา อารมฺมณํ อนุปวิสิตฺวา วิย ปวตฺตติ, น ปมาภินิปาเต. ปากโฏ โหตีติ วิตกฺกสฺส วิเสโส อภินิโรปนากาโร โอฬาริกตฺตา ปมชฺฌาเน ปากโฏ โหติ, ตทภาวโต ปฺจกนเย ทุติยชฺฌาเน วิจารสฺส วิเสโส อนุมชฺชนากาโร ปากโฏ โหติ.
วาลณฺฑุปกํ เอฬกโลมาทีหิ กตจุมฺพฏกํ. อุปฺปีฬนหตฺโถติ ปิณฺฑสฺส อุปฺปีฬนหตฺโถ. ตสฺเสว อิโต จิโต จ สฺจรณหตฺโถ. มณฺฑลนฺติ กํสภาชนาทีสุ กิฺจิ มณฺฑลํ วฏฺฏเลขํ กโรนฺตสฺส. ยถา ปุปฺผผลสาขาทิอวยววินิมุตฺโต อวิชฺชมาโนปิ รุกฺโข ‘‘สปุปฺโผ สผโล’’ติ โวหรียติ, เอวํ วิตกฺกาทิองฺควินิมุตฺตํ อวิชฺชมานมฺปิ ฌานํ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ โวหรียตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘รุกฺโข วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ฌานภาวนาย ปุคฺคลวเสน เทเสตพฺพตฺตา ¶ ‘‘อิธ ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา ปุคฺคลาธิฏฺาเนน ฌานานิ อุทฺทิฏฺานีติ. ยทิปิ วิภงฺเค ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตา, อตฺโถ ปน ตตฺราปิ วิภงฺเคปิ ยถา อิธ ‘‘อิมินา ¶ จ วิตกฺเกนา’’ติอาทินา ธมฺมวเสน วุตฺโต, เอวเมว ทฏฺพฺโพ, ปรมตฺถโต ปุคฺคลสฺเสว อภาวโตติ อธิปฺปาโย. อตฺโถ…เป… ทฏฺพฺโพ ฌานสมงฺคิโน วิตกฺกวิจารสมงฺคิตาทสฺสเนน, ฌานสฺเสว จ สวิตกฺกสวิจารตาย วุตฺตตฺตาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
วิเวกาติ วิเวกา เหตุภูตาติ วิเวก-สทฺทสฺส ภาวสาธนตํ สนฺธายาห. วิเวเกติ กตฺตุสาธนตํ, กมฺมสาธนตํ วา. ‘‘วิวิตฺโต’’ติ หิ อิมินา นีวรเณหิ วินาภูโต เตหิ วิเวจิโตติ จ สาธนทฺวยมฺปิ สงฺคหิตเมวาติ.
๗๒. ปีณยตีติ ตปฺเปติ, วฑฺเฒติ วา. สมฺปิยายนลกฺขณาติ ปริตุสฺสนลกฺขณา. ปีณนรสาติ ปริพฺรูหนรสา. ผรณรสาติ ปณีตรูเปหิ กายสฺส พฺยาปนรสา. อุทคฺคภาโว โอทคฺยํ. ขุทฺทิกา ลหุํ โลมหํสนมตฺตํ กตฺวา ภินฺนา น ปุน อุปฺปชฺชติ. ขณิกา พหุลํ อุปฺปชฺชติ. อุพฺเพคโต ผรณา นิจฺจลตฺตา, จิรฏฺิติกตฺตา จ ปณีตตรา. เจติยงฺคณํ คนฺตฺวาติ ปุณฺณวลฺลิกวิหาเร เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา. ปกติยา ทิฏฺารมฺมณวเสนาติ ปุพฺเพ มหาเจติยํ คหิตารมฺมณวเสน. จิตฺรเคณฺฑุโก วิจิตฺรากาเรน กตเคณฺฑุโก. อุปนิสฺสเยติ สมีเป, ตสฺส วา วิหารสฺส นิสฺสยภูเต, โคจรฏฺานภูเตติ อตฺโถ.
ฆราชิเรติ เคหงฺคเณ. ปพฺพตสิขเร กตเจติยํ ‘‘อากาสเจติย’’นฺติ วุตฺตํ. คหิตนิมิตฺเตเนวาติ เจติยวนฺทนํ, ธมฺมสฺสวนฺจ อุทฺทิสฺส ‘‘ธฺา วติเม’’ติอาทินา คหิตกุสลนิมิตฺเตเนว การณภูเตน. คหิตํ วา นิมิตฺตํ เอเตนาติ คหิตนิมิตฺตํ, วุตฺตากาเรน ปวตฺตจิตฺตํ, เตน คหิตนิมิตฺเตเนว จิตฺเตน สห. ปกฺขนฺทนฺติ อนุปวิฏฺํ. อนุปริปฺผุฏนฺติ อนุ อนุ สมนฺตโต ผุฏํ, สพฺพโส อนุวิสฏนฺติ อตฺโถ.
ปสฺสทฺธิยา นิมิตฺตภาเวน คพฺภํ คณฺหนฺตี. ปริปาจนวเสน ปริปากํ คจฺฉนฺตี. อปฺปนาสมฺปยุตฺตาว ปีติ อปฺปนาสมาธิปูริกา. ขณิกสมาธิปูริกา จ อุปจารสมาธิปูริกา จ อปฺปนาสมาธิสฺส วิทูรตราติ ตทุภยํ อนามสนฺโต ‘‘ตาสุ ยา อปฺปนาสมาธิสฺสา’’ติอาทิมาห ¶ . สมาธิสมฺปโยคํ คตาติ ปุพฺเพ อุปจารสมาธินา สมฺปยุตฺตา หุตฺวา อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อปฺปนาสมาธินา สมฺปโยคํ คตา.
๗๓. สุขยตีติ ¶ สุขํ, อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺเม ลทฺธสฺสาเท กโรตีติ อตฺโถ. สฺวายํ กตฺตุนิทฺเทโส ปริยายลทฺโธ ธมฺมโต อฺสฺส กตฺตุ นิวตฺตนตฺโถ, นิปฺปริยาเยน ปน ภาวสาธนเมว ลพฺภตีติ ‘‘สุขนํ สุข’’นฺติ วุตฺตํ. อิฏฺสภาวตฺตา ตํสมงฺคีปุคฺคลํ, สมฺปยุตฺตธมฺเม วา อตฺตนิ สาทยตีติ สาตํ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. สาตํ ‘‘มธุร’’นฺติ วทนฺติ. สาตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ สาตลกฺขณํ. อุปพฺรูหนํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สํวฑฺฒนํ. ทุกฺขํ วิย อวิสฺสชฺเชตฺวา อทุกฺขมสุขา วิย อนชฺฌุเปกฺขิตฺวา อนุ อนุ คณฺหนํ, อุปการิตา วา อนุคฺคโห. กตฺถจิ ปมชฺฌานาทิเก. ปฏิลาภตุฏฺีติ ปฏิลาภวเสน อุปฺปชฺชนกตุฏฺิ. ปฏิลทฺธรสานุภวนนฺติ ปฏิลทฺธสฺส อารมฺมณรสสฺส อนุภวนนฺติ สภาวโต ปีติสุขานิ วิภชิตฺวา ทสฺเสติ. ยตฺถ ปีติ, ตตฺถ สุขนฺติ วิตกฺกสฺส วิย อิตเรน ปีติยา สุเขน อจฺจนฺตสํโยคมาห. ‘‘ยตฺถ สุขํ, ตตฺถ น นิยมโต ปีตี’’ติ วิจารสฺส วิย วิตกฺเกน สุขสฺส ปีติยา อนจฺจนฺตสํโยคํ. เตน อจฺจนฺตานจฺจนฺตสํโยคิตาย ปีติสุขานํ วิเสสํ ทสฺเสติ. กํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตารํ, นิรุทกมรุฏฺานํ. วนเมว วนนฺตํ. ตสฺมึ ตสฺมึ สมเยติ อิฏฺารมฺมณสฺส ปฏิลาภสมเย, ปฏิลทฺธสฺส รสานุภวนสมเย, วนจฺฉายาทีนํ สวนทสฺสนสมเย, ปเวสปริโภคสมเย จ. ปากฏภาวโตติ ยถากฺกมํ ปีติสุขานํ วิภูตภาวโต.
วิเวกชํ ปีติสุขนฺติ เอตฺถ ปุริมสฺมึ อตฺเถ วิเวกชนฺติ ฌานํ วุตฺตํ. ปีติสุขสทฺทโต จ อตฺถิอตฺถวิเสสโต ‘‘อสฺส ฌานสฺส, อสฺมึ วา ฌาเน’’ติ เอตฺถ อ-กาโร ทฏฺพฺโพ. ทุติเย ปีติสุขเมว วิเวกชํ. ‘‘วิเวกชํปีติสุข’’นฺติ จ อฺปทตฺถสมาโส, ปจฺจตฺตนิทฺเทสสฺส จ อโลโป กโต. โลเป วา สติ ‘‘วิเวกชปีติสุข’’นฺติ ปาโติ อยํ วิเสโส.
อุปสมฺปชฺชาติ เอตฺถ อุป-สํ-สทฺทา ‘‘อุปลพฺภติ, สํภฺุชตี’’ติอาทีสุ วิย นิรตฺถกาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปคนฺตฺวา’’ติอาทึ วตฺวา ปุน เตสํ สาตฺถกภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปสมฺปาทยิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺมา ปตฺวา, สาเธตฺวาติ วา อตฺโถ. อิริยนฺติ กิริยํ. วุตฺติอาทีนิ ตสฺเสว เววจนานิ. ปาลนาติ หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อิริยาปถนฺตเรหิ รกฺขณา.
ปฺจงฺควิปฺปหีนาทิวณฺณนา
๗๔. ปฺจ ¶ ¶ องฺคานิ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนานิ เอตสฺสาติ ปฺจงฺควิปฺปหีนํ. ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ เอตฺถ อาหิต-สทฺทสฺส วิย วิปฺปหีน-สทฺทสฺเสตฺถ ปรวจนํ ทฏฺพฺพํ, ปฺจหิ องฺเคหิ วิปฺปหีนนฺติ วา ปฺจงฺควิปฺปหีนํ. นนุ อฺเปิ อกุสลา ธมฺมา อิมินา ฌาเนน ปหียนฺติ, อถ กสฺมา ปฺจงฺควิปฺปหีนตาว วุจฺจตีติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. ฌานลาภิโนปิ อฌานสมงฺคิกาเล ฌานปฏิปกฺขโลภจิตฺตาทีนํ ปวตฺติสพฺภาวโต ‘‘ฌานกฺขเณ’’ติ วุตฺตํ. ปหียนฺตีติ วิคจฺฉนฺติ, นปฺปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. เอกตฺตารมฺมเณติ ปถวีกสิณาทิวเสน เอกสภาเว, เอกคฺคตาสงฺขาเต เอกตฺตาวเห วา อารมฺมเณ. ตนฺติ ตํ นานาวิสยปโลภิตํ จิตฺตํ. กามธาตุปฺปหานายาติ นานาวิสยสมูปพฺยูฬฺหาย กามธาตุยา ปหานาย สมติกฺกมาย ปฏิปทํ ฌานํ นปฺปฏิปชฺชติ. นิรนฺตรนฺติ วิกฺเขเปน อนนฺตริตํ, สหิตนฺติ อตฺโถ. อกมฺมฺนฺติ อกมฺมนียํ, ภาวนากมฺมสฺส อโยคฺยนฺติ อตฺโถ. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปเรตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺเจน อภิภูตํ. ปริพฺภมติ อนวฏฺานโต, อวฏฺานสฺส สมาธานสฺส อภาวโตติ อตฺโถ. วิจิกิจฺฉาย อุปหตนฺติ สาติสยสฺส วิจารสฺส อภาวโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ นุ โข ภควา, น นุ โข’’ติ, ‘‘ปถวี ปถวี’’ติอาทินา มนสิกาเรน, ‘‘ฌานํ สิยา นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา จ ปวตฺตาย วิจิกิจฺฉาย อุปหตํ. นาโรหติ อปฺปฏิปตฺตินิมิตฺตตฺตา. วิเสเสน ฌานนฺตรายกรตฺตาติ สมาธิอาทีนํ อุชุวิปจฺจนีกภาเวน ฌานาธิคมสฺส อนฺตรายกรณโต.
เตหีติ ฌานาธิคมสฺส ปจฺจยภูเตหิ วิตกฺกวิจาเรหิ. อวิกฺเขปาย สมฺปาทิตปฺปโยคสฺสาติ ตโต เอวํ สมาธานาย นิปฺผาทิตภาวนาปโยคสฺส. เจตโส ปโยคสมฺปตฺติสมฺภวาติ ยถาวุตฺตภาวนาปโยคสมฺปตฺติสมุฏฺานา. ปีติ ปีณนํ ภาวนาวเสน ตปฺปนํ. อุปพฺรูหนํ ภาวนาวเสน ปริวุทฺธึ เจตโส กโรตีติ สมฺพนฺโธ. นนฺติ จิตฺตํ. สเสสสมฺปยุตฺตธมฺมนฺติ อวสิฏฺผสฺสาทิธมฺมสหิตํ, สมํ สมฺมา จ อาธิยตีติ สมฺพนฺโธ. อินฺทฺริยสมตาวเสน สมํ, ปฏิปกฺขธมฺมานํ. ทูรีภาเว ลีนุทฺธจฺจาภาเวน สมฺมา จ เปตีติ อตฺโถ. เอกคฺคตา หิ สมาธานกิจฺเจน จิตฺตํ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ อตฺตานํ อนุวตฺตาเปนฺตี ฌานกฺขเณ สาติสยํ สมาหิเต กโรตีติ. อุปฺปตฺติวเสนาติ ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชนวเสน ¶ . เอเตสุ ¶ วิตกฺกาทีสุ ฌานํ อุปฺปนฺนํ นาม โหติ ตตฺเถว ฌานโวหารโต. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทินาปิ อุปมาวเสน ตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กโรติ.
ปกติจิตฺตโตติ ปากติกกามาวจรจิตฺตโต. สุวิสเทนาติ สุฏฺุ วิสเทน, ปฏุตเรนาติ อตฺโถ. สพฺพาวนฺตนฺติ สพฺพาวยววนฺตํ, อนวเสสนฺติ อตฺโถ. อปฺผุฏนฺติ อสมฺผุฏฺํ. อารมฺมเณสุ ผุสิตาติ อปฺปนาวเสน ปวตฺตมานา จิตฺเตกคฺคตา สมนฺตโต อารมฺมณํ ผรนฺตี วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ ฌานปาเ อคฺคหิตา จิตฺเตกคฺคตา คหิตาติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถ จิตฺเตกคฺคตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาติ เตสุ ฌานงฺเคสุ. น นิทฺทิฏฺาติ สรูปโต น นิทฺทิฏฺา, สามฺโต ปน ฌานคฺคหเณน คหิตา. เอวํ วุตฺตตฺตาติ สรูเปเนว วุตฺตตฺตา, องฺคเมว จิตฺเตกคฺคตาติ สมฺพนฺโธ. เยน อธิปฺปาเยนาติ เยน วิตกฺกาทีหิ สห วตฺตนฺตํ ธมฺมํ ทีเปตุํ ตสฺส ปกาสนาธิปฺปาเยน ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติอาทินา อุทฺเทโส กโต. โส เอว อธิปฺปาโย เตน ภควตา วิภงฺเค ‘‘จิตฺเตกคฺคตา’’ติ นิทฺทิสนฺเตน ปกาสิโต. ตสฺมา สา ฌานปาเ อคฺคหิตาติ น จินฺเตตพฺพํ.
ติวิธกลฺยาณวณฺณนา
๗๕. อาทิมชฺฌปริโยสานวเสนาติ ฌานสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน. ลกฺขณวเสนาติ เตสํเยว อปฺปนายํ ลกฺขิตพฺพภาววเสน.
ตตฺราติ ตสฺมึ กลฺยาณตาลกฺขณานํ วิภาวเน. ปฏิปทาวิสุทฺธีติ ปฏิปชฺชติ ฌานํ เอตายาติ ปฏิปทา, โคตฺรภุปริโยสาโน ปุพฺพภาคิโย ภาวนานโย. ปริปนฺถโต วิสุชฺฌนํ วิสุทฺธิ, ปฏิปทาย วิสุทฺธิ ปฏิปทาวิสุทฺธิ. สา ปนายํ ยสฺมา ฌานสฺส อุปฺปาทกฺขเณ ลพฺภติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปฏิปทาวิสุทฺธิ อาที’’ติ. อุเปกฺขานุพฺรูหนาติ วิโสเธตพฺพตาทีนํ อภาวโต ฌานปริยาปนฺนาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจนิปฺผตฺติยา อนุพฺรูหนา. สา ปนายํ วิเสสโต ฌานสฺส ิติกฺขเณ ลพฺภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุเปกฺขานุพฺรูหนา มชฺเฌ’’ติ. สมฺปหํสนาติ ตตฺถ ธมฺมานํ อนติวตฺตนาทิสาธกสฺส าณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติวเสน ปริโยทปนา. สา ปน ยสฺมา ฌานสฺส โอสานกฺขเณ ปากฏา โหติ ¶ , ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมฺปหํสนา ปริโยสาน’’นฺติ. อิมานิ ตีณิ ลกฺขณานีติ ปริปนฺถโต จิตฺตสฺส วิสุชฺฌนากาโร ¶ , มชฺฌิมสฺส สมถนิมิตฺตสฺส ปฏิปชฺชนากาโร, ตตฺถ ปกฺขนฺทนากาโรติ อิมานิ ตีณิ ฌานสฺส อาทิโต อุปฺปาทกฺขเณ อปฺปนาปตฺติลกฺขณานิ เตหิ อากาเรหิ วินา อปฺปนาปตฺติยา อภาวโต, อสติ จ อปฺปนาย ตทภาวโต. อาทิกลฺยาณฺเจว วิสุทฺธิปฏิปทตฺตา. ยถาวุตฺเตหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตตฺตา, สมฺปนฺนลกฺขณตฺตา จ ติลกฺขณสมฺปนฺนฺจ. อิมินา นเยน มชฺฌปริโยสานลกฺขณานฺจ โยชนา เวทิตพฺพา.
สมฺภรียติ ฌานํ เอเตนาติ สมฺภาโร, นานาวชฺชนปริกมฺมํ. สห สมฺภาเรนาติ สสมฺภาโร, โส เอว สสมฺภาริโก. อุปจาโรติ เอกาวชฺชนูปจารมาห. ปคฺคหาทิกิจฺจสฺส ปุพฺพภาเค ภาวนาย เอว สาธิตตฺตา ยา ตตฺถ เอกาวชฺชนูปจาเร สิทฺธา อชฺฌุเปกฺขนา, สา ฌานกฺขเณ ปริพฺรูหิตา นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุเปกฺขานุพฺรูหนา นาม อปฺปนา’’ติ. ยถาธิคตํ ฌานํ นิสฺสาย โย ปหฏฺากาโร จิตฺตสฺส ปริโตโส, ตํ ปจฺจเวกฺขณาวเสน ปวตฺตํ สนฺธายาห ‘‘สมฺปหํสนา นาม ปจฺจเวกฺขณา’’ติ. เอเกติ อภยคิริวาสิโน. เต หิ เอวํ ปฏิปทาวิสุทฺธิอาทิเก วณฺณยนฺติ, ตทยุตฺตํ. ตถา หิ สติ อชฺฌานธมฺเมหิ ฌานสฺส คุณสํกิตฺตนํ นาม กตํ โหติ. น หิ ภูมนฺตรํ ภูมนฺตรปริยาปนฺนํ โหติ. ปาฬิยา เจตํ วิรุทฺธนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกตฺตคตํ จิตฺตนฺติ อินฺทฺริยานํ เอกรสภาเวน, เอกคฺคตาย จ สิขาปฺปตฺติยา ตทนุคุณํ เอกตฺตํ คตนฺติ เอกตฺตคตํ, สสมฺปยุตฺตํ อปฺปนาปตฺตจิตฺตํ. ตสฺเสว ปฏิปทาวิสุทฺธิปกฺขนฺทตาทิ อนนฺตรเมว วุจฺจติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอกสฺมึเยว อปฺปนาจิตฺตกฺขเณ ปฏิปทาวิสุทฺธิอาทิ ปาฬิยํ วุตฺตํ, ตสฺมา อาคมนวเสนาติ ปริกมฺมาคมนวเสน. อนติวตฺตนาทีติ อาทิ-สทฺเทน อินฺทฺริเยกรสตาตทุปควีริยวาหนาเสวนานิ สงฺคณฺหาติ. ปริโยทาปกสฺสาติ ปริโสธกสฺส ปภสฺสรภาวกรสฺส. อนติวตฺตนาทิภาวสาธนเมว เจตฺถ าณสฺส กิจฺจนิปฺผตฺติ เวทิตพฺพา.
ตสฺมินฺติ ตสฺมึ วาเร, จตุปฺจจิตฺตปริมาณาย อปฺปนาวีถิยนฺติ อตฺโถ. ตโต ปริปนฺถโต. จิตฺตํ วิสุชฺฌตีติ ยทิปิ อาคมนํ คเหตุํ อวิเสเสน วิย วุตฺตํ, ปริกมฺมวิสุทฺธิโต ปน อปฺปนาวิสุทฺธิ สาติสยาว. เตนาห ‘‘วิสุทฺธตฺตา’’ติอาทิ. อาวรณวิรหิตํ หุตฺวาติ เยนาวรเณน ¶ อาวฏตฺตา จิตฺตํ ตโต ปุพฺเพ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชิตุํ น สกฺโกติ, เตน วิวิตฺตํ หุตฺวา, ตํ วิกฺขมฺเภตฺวาติ อตฺโถ. ลีนุทฺธจฺจสงฺขาตานํ อุภินฺนํ อนฺตานํ อนุปคมเนน มชฺฌิโม, สวิเสสํ ปจฺจนีกธมฺมานํ วูปสมนโต ¶ สมโถ, โยคิโน สุขวิเสสานํ การณภาวโต นิมิตฺตฺจาติ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ. เตนาห ‘‘สมปฺปวตฺโต อปฺปนาสมาธิเยวา’’ติ. ตทนนฺตรํ ปน ปุริมจิตฺตนฺติ ตสฺส อปฺปนาจิตฺตสฺส อนนฺตรปจฺจยภูตํ ปุริมํ จิตฺตํ, โคตฺรภุจิตฺตนฺติ อตฺโถ. เอกสนฺตติปริณามนเยนาติ ยถา ‘‘ตเทว ขีรํ ทธิสมฺปนฺน’’นฺติ, เอวํ สติปิ ปริตฺตมหคฺคตภาวเภเท, ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาวเภเท จ เอกิสฺสา เอว สนฺตติยา ปริณามูปคมนนเยน เอกตฺตนยวเสน. ตถตฺตนฺติ ตถภาวํ อปฺปนาสมาธิวเสน สมาหิตภาวํ. เอวํ ปฏิปนฺนตฺตาติ วุตฺตากาเรน ปฏิปชฺชมานตฺตา. ยสฺมิฺหิ ขเณ ตถตฺตํ มชฺฌิมํ สมถนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชติ, ตสฺมึเยว ขเณ ตถตฺตุปคมเนน อปฺปนาสมาธินา สมาหิตภาวูปคมเนน ตตฺถ ปกฺขนฺทติ นาม. ปุริมจิตฺเตติ อปฺปนาจิตฺตสฺส ปุริมสฺมึ จิตฺเต โคตฺรภุจิตฺเต. วิชฺชมานาการนิปฺผาทิกาติ ตสฺมึ จิตฺเต วิชฺชมานานํ ปริปนฺถวิสุทฺธิมชฺฌิมสมถปฏิปตฺติปกฺขนฺทนาการานํ นิปฺผาทิกา, เตนากาเรน นิปฺผชฺชมานาติ อตฺโถ. เตเยว หิ อาการา ปจฺจยวิเสสโต ฌานกฺขเณ นิปฺผชฺชมานา ‘‘ปฏิปทาวิสุทฺธี’’ติ ลทฺธสมฺา ฌานสฺส ตํ วิเสสํ นิปฺผาเทนฺตา วิย วุตฺตา. อุปฺปาทกฺขเณเยวาติ อตฺตลาภเวลายเมว. ยทิ เอวํ, กถํ เต อาการา นิปฺผชฺชนฺตีติ อาห ‘‘อาคมนวเสนา’’ติ.
ตสฺสาติ จิตฺตสฺส. ‘‘วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขตี’’ติ ปาฬิยํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๘) ปุคฺคลาธิฏฺาเนน อาคตาติ ‘‘พฺยาปารํ อกโรนฺโต’’ติ อาห. สมถปฏิปตฺติตถตฺตุปคมนฺจ อิธ สมถภาวาปตฺติเยวาติ อาห ‘‘สมถภาวูปคมเนนา’’ติ. กิเลสสํสคฺคํ ปหาย เอกตฺเตน อุปฏฺิตสฺสาติ ปุพฺเพ ‘‘กถํ นุ โข กิเลสสํสคฺคํ ปชเหยฺย’’นฺติ ปฏิปนฺนสฺส อิทานิ สมถปฏิปตฺติยา ตสฺส ปหีนตฺตา กิเลสสงฺคณิกาภาเวน เอกตฺเตน อุปฏฺิตสฺส ฌานจิตฺตสฺส. ปริปนฺถวิสุทฺธิมชฺฌิมสมถปฏิปตฺติปกฺขนฺทเนหิ วุทฺธิปฺปตฺติยา อนุพฺรูหิเต ฌานจิตฺเต ลทฺโธกาสา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา สมฺปยุตฺเตสุ สมวาหิตภาเวน ปวตฺตมานา เต อนุพฺรูเหนฺตี วิย โหตีติ อาห ‘‘ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย กิจฺจวเสน อุเปกฺขานุพฺรูหนา เวทิตพฺพา’’ติ.
เย ¶ ปเนเต ยุคนทฺธธมฺมาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ฌานจิตฺเต. อฺมฺานติวตฺตนวเสน กิจฺจกรณโต ยุเค นทฺธา พทฺธา วิย ยุคนทฺธา. วิมุตฺติรเสนาติ วิมุจฺจนกิจฺเจน, วิมุจฺจนสมฺปตฺติยา วา. เอส โยคี. วาหยตีติ ปวตฺเตติ. อสฺสาติ ฌานจิตฺตสฺส. ตสฺมึ ขเณติ ภงฺคกฺขเณ. อุปฺปาทกฺขเณ อตีเต หิ ิติกฺขณโต ปฏฺาย อาเสวนา ¶ ปวตฺตติ นาม. เต อาการาติ อฺมฺานติวตฺตนาทโย ตตฺถ ธมฺมานํ ปวตฺติอาการา. อาเสวนาปิ หิ อาเสวนปจฺจยภาวีนํ ธมฺมานํ ปวตฺติอากาโรเยว. สํกิเลสโวทาเนสูติ สมาธิปฺานํ สมรสตาย อกรณํ ภาวนาย สํกิเลโส, กรณํ โวทานํ. ตถา เสเสสุปิ. เอวเมเตสุ สํกิเลสโวทาเนสุ ตํ ตํ อาทีนวํ โทสํ อานิสํสํ คุณํ ปุเรตรํ ปาฏิหาริยาเณน ทิสฺวา ยถา อฺมฺานติวตฺตนาทโย โหนฺติ, ตถา ภาวนาย สมฺปหํสิตตฺตา เตเนว าเณน วิโสธิตตฺตา. วิโสธนํ เหตฺถ สมฺปหํสนํ. เต อาการา ยสฺมา นิปฺผนฺนา, ตสฺมา ‘‘ธมฺมานํ…เป… เวทิตพฺพาติ วุตฺต’’นฺติ ลกฺขณสํวณฺณนาย อาทิมฺหิ วุตฺตํ นิคมนวเสน ทสฺเสติ.
‘‘ยสฺมา อุเปกฺขาวเสน าณํ ปากฏํ โหตี’’ติ โก สมฺพนฺโธ. กสฺมา สมฺปหํสนาว ปริโยสานนฺติ วุตฺตา, น อุเปกฺขานุพฺรูหนาติ โจทนํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถ ยสฺมา อุเปกฺขาวเสน าณํ ปากฏํ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ภาวนาจิตฺเต. อุเปกฺขาวเสน าณํ ปากฏํ โหตีติ อปฺปนากาเล ภาวนาย สมปฺปวตฺติยา, ปฏิปกฺขสฺส จ ปหานโต ปคฺคหาทีสุ พฺยาปารสฺส อกาตพฺพโต อชฺฌุเปกฺขนาว โหติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สมเย จิตฺตสฺส อชฺฌุเปกฺขนา, วิสุทฺธํ จิตฺตํ อชฺฌุเปกฺขตี’’ติ จ อาทิ. สา ปนายํ อชฺฌุเปกฺขนา าณสฺส กิจฺจสิทฺธิยา โหติ, วิเสสโต าณสาธนตฺตา อปฺปนาพฺยาปารสฺสาติ ผเลน การณานุมานาเยน. ยสฺมา อุเปกฺขาวเสน าณํ ปากฏํ โหติ, ตสฺมา าณกิจฺจภูตา สมฺปหํสนา ปริโยสานนฺติ วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถาปคฺคหิตํ จิตฺตนฺติ ยถา ภาวนาจิตฺตํ โกสชฺชปกฺเข น ปตติ, ตถา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยานํ ธมฺมานํ พหุลีการวเสน ปคฺคหิตํ. สาธุกํ อชฺฌุเปกฺขตีติ ปคฺคณฺหนฺเตนาปิ สมาธิสฺส วีริยสมตาโยชนวเสน ปคฺคหิตตฺตา สกฺกจฺจํ อชฺฌุเปกฺขติ, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา โอกาสํ ¶ ลภติ. ตํ ปน อชฺฌุเปกฺขนํ อุเปกฺขาวเสน ปุพฺเพ ปวตฺตปาริหาริยปฺาวเสน อปฺปนาปฺาย กิจฺจาธิกตาติ อาห ‘‘ปฺาวเสน ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหตี’’ติ. ตสฺส อธิมตฺตตฺตา เอว อชฺฌุเปกฺขนฺตสฺเสว นานาสภาเวหิ นีวรณปมุเขหิ กิเลเสหิ อปฺปนาจิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิโมกฺขวเสน วิมุจฺจนวเสน. ปฺาวเสนาติ ปุพฺเพ ปวตฺตปาริหาริยปฺาวเสน. วิมุตฺตตฺตาติ นานากิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา เอว. เต ธมฺมา สทฺธาทโย, วิเสสโต สทฺธาปฺาวีริยสมาธโย ¶ จ เอกรสา สมานกิจฺจา โหนฺติ. เอวมยํ อินฺทฺริยานํ เอกรสฏฺเน ภาวนา นิปฺผชฺชมานา าณพฺยาปาโรติ อาห ‘‘าณกิจฺจภูตา สมฺปหํสนา ปริโยสาน’’นฺติ. เอวํ ติวิธาย ปฏิปทาวิสุทฺธิยา ลทฺธวิเสสาย ติวิธาย อุเปกฺขานุพฺรูหนาย สาติสยํ ปฺินฺทฺริยสฺส อธิมุตฺตภาเวน จตุพฺพิธาปิ สมฺปหํสนา สิชฺฌตีติ อาคมนุเปกฺขา าณกิจฺจวเสน ทสปิ อาการา ฌาเน เอว เวทิตพฺพา.
คณนานุปุพฺพตาติ คณนานุปุพฺพตาย, คณนานุปุพฺพตามตฺตํ วา ปมนฺติ อิทนฺติ อตฺโถ. เตน เทสนากฺกมํ อุลฺลิงฺเคติ. ‘‘ปมํ อุปฺปนฺนนฺติ ปม’’นฺติ อิมินา ปฏิปตฺติกฺกมํ, อุปฺปนฺนนฺติ หิ อธิคตนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปมํ สมาปชฺชิตพฺพนฺติ ปม’’นฺติ อิทํ ปน น เอกนฺตลกฺขณนฺติ อฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖๐) ปฏิสิทฺธตฺตา อิธ น คหิตํ. อารมฺมณูปนิชฺฌานํ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ ทุวิเธ ฌาเน อิธาธิปฺเปตชฺฌานเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อารมฺมณูปนิชฺฌานโต’’ติ วุตฺตํ. ปถวีกสิณสงฺขาตสฺส อตฺตโน อตฺตโน อารมฺมณสฺส รูปํ วิย จกฺขุนา อุปนิชฺฌายนโต. ปจฺจนีกฌาปนโตติ นีวรณาทีนํ ปจฺจนีกธมฺมานํ ทหนโต วิกฺขมฺภนวเสน ปชหนโต. สกลฏฺเนาติ เหฏฺา วุตฺตนเยน กเต วา อกเต วา ปริจฺฉิชฺช คหิเต ปถวีภาเค ปถวีมณฺฑเล สกลารมฺมณกรณฏฺเน. น หิ ตสฺส เอกเทสมารมฺมณํ กรียติ. ปถวีกสิณสนฺนิสฺสยตาย นิมิตฺตํ ปถวีกสิณํ ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ. ตํสหจรณโต ฌานํ ปถวีกสิณํ ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ.
จิรฏฺิติสมฺปาทนวณฺณนา
๗๖. ลกฺขฏฺาเน ิตํ สเรน วาลํ วิชฺฌตีติ วาลเวธี. อิธ ปน อเนกธา ภินฺนสฺส วาลสฺส อํสุํ วิชฺฌนฺโต ‘‘วาลเวธี’’ติ อธิปฺเปโต. เตน ¶ วาลเวธินา. สูเทนาติ ภตฺตกาเรน. ‘‘อาการา ปริคฺคเหตพฺพา’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุกุสโลติ สุฏฺุ เฉโก. ธนุคฺคโหติ อิสฺสาโส. กมฺมนฺติ โยคฺยํ. อกฺกนฺตปทานนฺติ วิชฺฌนกาเล อกฺกมนวเสน ปวตฺตปทานํ. อาการนฺติ ธนุชิยาสรานํ คหิตาการํ. ปริคฺคณฺเหยฺยาติ อุปธาเรยฺย. โภชนสปฺปายาทโยติ อาทิ-สทฺโท อวุตฺตาการานมฺปิ สงฺคาหโก ทฏฺพฺโพ. เตน อุตุภาวนานิมิตฺตาทีนมฺปิ ปริคฺคณฺหนํ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมินฺติ ตสฺมึ ตรุณสมาธิมฺหิ.
ภตฺตารนฺติ ¶ สามินํ, ภตฺตเวตนาทีหิ โปสกนฺติ อตฺโถ. ปริวิสนฺโตติ โภเชนฺโต. ตสฺส รุจฺจิตฺวา ภฺุชนาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ตสฺส อุปนาเมนฺโตติ โยชนา. อยมฺปิ โยคี. อธิคตกฺขเณ โภชนาทโย อากาเรติ ปุพฺเพ ฌานสฺส อธิคตกฺขเณ กิจฺจสาธเก โภชนาทิคเต อากาเร. คเหตฺวาติ ปริคฺคเหตฺวา สลฺลกฺเขตฺวา. นฏฺเ นฏฺเ สมาธิมฺหิ ปุนปฺปุนํ อปฺปนาย.
มหานสวิชฺชาปริจเยน ปณฺฑิโต. ตตฺถ วิสทาณตาย พฺยตฺโต. านุปฺปตฺติกกโอสลฺลโยเคน กุสโล. นานจฺจเยหีติ นานจฺจเยหิ นานาสภาเวหิ, นานารเสหีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อมฺพิลคฺเคหี’’ติอาทิ. สูเปหีติ พฺยฺชเนหิ. อมฺพิลคฺเคหีติ อมฺพิลโกฏฺาเสหิ, เย วา อมฺพิลรสา หุตฺวา อคฺคภูตา, เตหิ จตุรมฺพิลาทิมิสฺเสหิ. เอส นโย ติตฺตกคฺคาทีสุปิ. ขาริเกหีติ วาติงฺคณกฬีราทิมิสฺเสหิ. นิมิตฺตนฺติ อาการํ รุจฺจนวเสน ภฺุชนาการํ. อุคฺคณฺหาตีติ อุปรูปริ คณฺหาติ อุปธาเรติ. อิมสฺส วา สูเปยฺยสฺส อตฺถาย หตฺถํ อภิหรติ. อภิหารานนฺติ อภิมุเขน หริตพฺพานํ ปณฺณาการานํ, ปูชาภิหารานํ วา. นิมิตฺตํ อุคฺคณฺหาตีติ ‘‘เอวํ เม จิตฺตํ สมาหิตํ อโหสี’’ติ นิมิตฺตํ คณฺหาติ สลฺลกฺเขติ.
สมาธิปริปนฺถานนฺติ สมาธิสฺส ปริปนฺถภูตานํ. ธมฺมานนฺติ กามจฺฉนฺทาทินีวรณธมฺมานํ. สุวิโสธิตตฺตาติ สุฏฺุ วิโสธิตตฺตา, วิกฺขมฺภนวเสเนว สมฺมเทว ปหีนตฺตาติ อตฺโถ. กามาทีนวปจฺจเวกฺขณาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน อสุภมนสิการเนกฺขมฺมานิสํสปจฺจเวกฺขณาทีนิ สงฺคณฺหาติ. เนกฺขมฺมคุณทสฺสเนนาปิ ¶ หิ ตสฺส วิพนฺธภูเต กามจฺฉนฺเท อาทีนโว วิเสสโต ปากโฏ โหตีติ. กายทุฏฺุลฺลนฺติ กายทรถํ สารทฺธกายตํ. เตน กายจิตฺตานํ สารมฺภนิมิตฺตสฺส พฺยาปาทนีวรณสฺส น วิโสธนมาห. อารมฺภธาตุมนสิการาทีติ อาทิ-สทฺเทน วีริยสมฺโพชฺฌงฺคนิมิตฺตานํ, อาโลกสฺาทีนฺจ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สมถนิมิตฺตมนสิการาทีติ อาทิ-สทฺเทน สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยานํ ธมฺมานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อฺเปิ สมาธิปริปนฺเถติ วิจิกิจฺฉาฏฺานิเย, มทมานาทิเก จ สนฺธายาห. อาสยนฺติ วสนกสุสิรํ. สุปริสุทฺธนฺติ อาสงฺกนียตฺตาภาเวน สุฏฺุ ปริสุทฺธํ. เอตฺถาห – นนุ จายํ ปเคว กามาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สมถปฏิปทํ ปฏิปนฺโน อุปจารกฺขเณเยว ฌาเนน นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตานิ, อถ กสฺมา ปุน กามาทีนวปจฺจเวกฺขณาทิ คหิตนฺติ? สจฺจเมตํ. ตํ ปน ปหานมตฺตนฺติ ฌานสฺส จิรฏฺิติยา อติสยปหานตฺถํ ปุน คหิตํ.
อุทฺธจฺจ ¶ มิทฺธนฺติ กุกฺกุจฺจํ, ถินฺจ ตเทกฏฺตาย คหิตเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ. สุทฺธนฺตคโตติ สุปริสุทฺธปริยนฺตํ สพฺพโส วิโสธิตโกณปริยนฺตํ อุยฺยานํ คโต. ตหึ รเมติ ตสฺมึ ฌาเน รเมยฺย ทิวสภาคมฺปิ ฌานสมงฺคี เอว ภเวยฺย.
จิตฺตภาวนาเวปุลฺลตฺถนฺติ สมาธิภาวนาย วิปุลภาวาย. ยถา หิ ภาวนาวเสน นิมิตฺตสฺส อุปฺปตฺติ, เอวมสฺส ภาวนาวเสเนว วฑฺฒนมฺปิ. ตสฺมา เอกงฺคุลาทิวเสน นิมิตฺตํ วฑฺเฒนฺตสฺส ปุนปฺปุนํ พหุลีกาเรน ฌานํ ภาวนาปิ วุทฺธึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตภาวนาเวปุลฺลตฺถฺจ ยถาลทฺธํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ วฑฺเฒตพฺพ’’นฺติ. ตสฺสาติ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส.
นิมิตฺตวฑฺฒนนยวณฺณนา
๗๗. ตตฺราติ สามิอตฺเถ ภุมฺมวจนํ, ตสฺสาติ อตฺโถ. อวฑฺเฒตฺวาติ ยถา กุมฺภกาโร มตฺติกาย ปตฺตํ กโรนฺโต ปมํ อปริจฺฉินฺทิตฺวาว ปตฺตํ วฑฺเฒติ, เอวํ ปตฺตวฑฺฒนโยเคน ปตฺตวฑฺฒนยุตฺติยา อวฑฺเฒตฺวา ปูวิกสฺส ปูววฑฺฒนํ. ภตฺตสฺส อุปริ ภตฺตปกฺขิปนํ ภตฺตวฑฺฒนํ. วตฺถสฺส ตินฺตสฺส อฺฉนาทิ ทุสฺสวฑฺฒนํ. ปจฺเจกํ โยค-สทฺโท โยเชตพฺโพ. อปริจฺฉินฺทิตฺวา ¶ น วฑฺเฒตพฺพํ สปริจฺเฉเท เอว ภาวนาปวตฺติโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สานฺตเก โน อนนฺตเก’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๕๕).
หํสโปตกาติ ชวนหํสโปตกา. อุกฺกูลํ อุนฺนตฏฺานํ. วิกูลํ นินฺนฏฺานํ. นทีโสเตน กตํ วิทุคฺคํ นทีวิทุคฺคํ. วิสมากาเรน ิโต ปพฺพตปเทโส ปพฺพตวิสโม.
ถูลานิ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ ปจฺจเวกฺขณาพาหุลฺเลน วิภูตภาวโต. ทุพฺพลานิ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ ปคุณพลวภาวสฺส อนาปาทิกตฺตา. อุปริ อุสฺสุกฺกนายาติ ภาวนาย อุปริ อาโรหนาย, ทุติยชฺฌานาธิคมายาติ อตฺโถ.
ปพฺพเตยฺยาติ ปพฺพเต พหุลจารินี. อเขตฺตฺูติ อโคจรฺู. สมาธิปริปนฺถานํ วิโสธนานภิฺาตาย พาโล. ฌานสฺส ปคุณภาวาปาทนเวยฺยตฺติยสฺส อภาเวน อพฺยตฺโต. อุปริฌานสฺส ¶ ปทฏฺานภาวานวโพเธน อเขตฺตฺู. สพฺพถาปิ สมาปตฺติโกสลฺลาภาเวน อกุสโล. สมาธินิมิตฺตสฺส วา อนาเสวนาย พาโล. อภาวนาย อพฺยตฺโต. อพหุลีกาเรน อเขตฺตฺู. สมฺมเทว อนธิฏฺานโต อกุสโลติ โยเชตพฺพํ. อุภโต ภฏฺโติ อุภยโต ฌานโต ภฏฺโ. โส หิ อปฺปคุณตาย น สุปฺปติฏฺิตตาย สอุสฺสาโหปิ วินาสโต, อสามตฺถิยโต จ ฌานทฺวยโต ปริหีโน. จิณฺณวสินาติ อาเสวิตวสินา.
ปฺจวสีกถาวณฺณนา
๗๘. วสนํ วสีติ ธาตุนิทฺเทสตาย กิริยานิทฺเทโสติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘วสิโย’’ติ, ยถารุจิ ปวตฺติโยติ อตฺโถ. อาวชฺชนาย วสี, อาวชฺชนาวเสน วา วสี อาวชฺชนวสี. ฌานํ อาวชฺชิตุํ ยตฺถ ยตฺถ ปเทเส อิจฺฉา ยตฺถิจฺฉกํ. ยทา ยทา, ยสฺมึ ยสฺมึ วา ฌานงฺเค อิจฺฉา ยทิจฺฉกํ. ยาว ยาว อิจฺฉา ยาวทิจฺฉกํ, ท-กาโร ปทสนฺธิกโร. ‘‘ยาวา’’ติ จ อิทํ พหูนํ ชวนวารานํ นิรนฺตรํ วิย ตถาปวตฺตนํ สนฺธาย วุตฺตํ, น เอกเมว. โส หิ ปริจฺฉินฺนจิตฺตกฺขโณติ. อาวชฺชนาย ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ วุตฺตนเยน ยตฺถ กตฺถจิ าเน ยทา ยทา ¶ ยํ กิฺจิ ฌานงฺคํ อาวชฺเชนฺตสฺส ยถิจฺฉิตํ กาลํ อาวชฺชนาย อาวชฺชนปฺปวตฺติยา ทนฺธายิตตฺตํ วิตฺถายิตตฺตํ, จิรายิตตฺตํ วา นตฺถิ. เอวํ อาวชฺชนวสี สิทฺธา นาม โหตีติ อตฺโถ. เสสาติ วุฏฺานอธิฏฺานปจฺจเวกฺขณาวสิโย.
องฺคสมุทายภาวโต ฌานสฺส ฌาเน อาวชฺชนวสึ นิปฺผาเทตุกาเมน ปฏิปาฏิยา ฌานงฺคานิ อาวชฺเชตพฺพานีติ อาห ‘‘ปมํ วิตกฺกํ อาวชฺชยโต’’ติ. ยทิปิ อาวชฺชนเมเวตฺถ อิจฺฉิตํ อาวชฺชนวสิยา อธิปฺเปตตฺตา, อาวชฺชนาย ปน อุปฺปนฺนาย ชวเนหิ ภวิตพฺพํ. ตานิ จ โข อาวชฺชนตปฺปรตาย จิตฺตาภินีหารสฺส ยถาวชฺชิตฌานงฺคารมฺมณานิ กติปยาเนว โหนฺติ, น ปริปุณฺณานีติ วุตฺตํ ‘‘วิตกฺการมฺมณาเนว จตฺตาริ ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺตี’’ติ. จตฺตาริ ติกฺขินฺทฺริยสฺส. ปฺจ นาติติกฺขินฺทฺริยสฺสาติ ทฏฺพฺพํ. นิรนฺตรนฺติ วิสภาเคหิ นิรนฺตรํ. อยํ ปนาติ ภวงฺคทฺวยนฺตริตา จตุชวนจิตฺตา ยถาวุตฺตา อาวชฺชนวสี. อฺเสํ วา ธมฺมเสนาปติอาทีนํ. เอวรูเป กาเลติ อุฏฺาย สมุฏฺาย ลหุตรํ อาวชฺชนวสีนิพฺพตฺตนกาเล. สา จ โข อิตฺตรา ปริตฺตกาลา, น สตฺถุ ยมกมหาปาฏิหาริเย วิย ¶ จิรตรปฺปพนฺธวตี. ตถา หิ ตํ สาวเกหิ อสาธารณํ วุตฺตํ. อธิคเมน สมํ สสมฺปยุตฺตสฺส ฌานสฺส สมฺมา อาปชฺชนํ ปฏิปชฺชนํ สมาปชฺชนํ, ฌานสมงฺคิตา.
สีฆนฺติ เอตฺถ สมาปชฺชิตุกามตานนฺตรํ ทฺวีสุ ภวงฺเคสุ อุปฺปนฺเนสุ ภวงฺคํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ สมาปชฺชนํ สีฆํ สมาปชฺชนสมตฺถตา. อยฺจ มตฺถกปฺปตฺตา สมาปชฺชนวสี สตฺถุ ธมฺมเทสนายํ ลพฺภติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตสฺสา เอว กถาย ปริโยสาเน ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทึ กโรมิ สมาทหามิ เยนสฺสุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗). อิโต สีฆตรา หิ สมาปชฺชนวสี นาม นตฺถิ. ชุณฺหาย รตฺติยา นโวโรปิเตหิ เกเสหิ กโปตกนฺทรายํ วิหรนฺตสฺส อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ยกฺเขน มหนฺตมฺปิ ปพฺพตกูฏํ ปทาเลตุํ สมตฺเถ ปหาเร สีเส ทินฺเน สมาปชฺชนมฺเปตฺถ นิทสฺเสตพฺพํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ตทา เถโร ตสฺส ปหรณสมเย สมาปตฺตึ อปฺเปสี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๗๔). ปาฬิยํ ปน ‘‘อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺโน’’ติ (อุทา. ๓๔) วุตฺตํ. อิเม ปน เถรา ¶ ‘‘สมาปตฺติโต วุฏฺานสมกาลํ เตน ปหาโร ทินฺโน’’ติ วทนฺติ.
อจฺฉรามตฺตนฺติ องฺคุลิโผฏมตฺตํ ขณํ. เปตุนฺติ เสตุ วิย สีฆโสตาย นทิยา โอฆํ เวเคน ปวตฺติตุํ อทตฺวา ยถาวุตฺตกฺขณํ ฌานํ เปตุํ สมตฺถตา. อภิภุยฺย ปนํ, อธิฏฺานํ วิยาติ วา อธิฏฺานํ. ตตฺถ วสี อธิฏฺานวสี. ตเถว ลหุํ วุฏฺาตุนฺติ อจฺฉรามตฺตํ วา ทสจฺฉรามตฺตํ วา ลหุํ ขณํ ฌานสมงฺคี หุตฺวา ฌานโต วุฏฺาตุํ สมตฺถตา. ภวงฺคจิตฺตุปฺปตฺติเยว เหตฺถ ฌานโต วุฏฺานํ นาม. เอตฺถ จ ยถา ‘‘เอตฺตกเมว ขณํ ฌานํ เปสฺสามี’’ติ ปุพฺพปริกมฺมวเสน อธิฏฺานสมตฺถตา อธิฏฺานวสี, เอวํ ‘‘เอตฺตกเมว ขณํ ฌานสมงฺคี หุตฺวา ฌานโต วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ปุพฺพปริกมฺมวเสน วุฏฺานสมตฺถตา วุฏฺานวสี เวทิตพฺพา, ยา สมาปตฺติ ‘‘วุฏฺานกุสลตา’’ติ วุจฺจติ. ตทุภยทสฺสนตฺถนฺติ อธิฏฺานวุฏฺานวสีทสฺสนตฺถํ.
ตตฺถาติ ตสฺมึ นิมฺมิตปพฺพเต ตสฺส วิวเร. กิฺจาปิ เอกํเยว ตํ อภิฺาจิตฺตํ เยน ปพฺพตํ นิมฺมิเนยฺย, อภิฺาปาทกสฺส ปน ฌานสฺส ลหุตรํ ปนํ, วุฏฺานฺจ อิธ นิทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘เอตฺตกา อิทฺธิมนฺตา เอกํ อุปฏฺากํ ครุฬโต รกฺขิตุํ น สกฺขึสู’’ติ คารยฺหา อสฺสาม.
อาวชฺชนานนฺตรานีติ ¶ อาวชฺชนวสีภาวาย ยถากฺกมํ วิตกฺกาทีนํ ฌานงฺคานํ อาวชฺชนาย ปรโต ยานิ ชวนานิ ปวตฺตานิ, ตานิ เตสํ ปจฺจเวกฺขณานิ. ยทคฺเคน อาวชฺชนวสีสิทฺธิ, ตทคฺเคน ปจฺจเวกฺขณาวสีสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
ทุติยชฺฌานกถาวณฺณนา
๗๙. นีวรณปฺปหานสฺส ตปฺปมตาย อาสนฺนนีวรณปจฺจตฺถิกา. ถูลํ นาม วิปุลมฺปิ เผคฺคุ วิย สุขภฺชนียนฺติ อาห ‘‘โอฬาริกตฺตา องฺคทุพฺพลา’’ติ. สนฺตโต มนสิ กริตฺวาติ ปมชฺฌานํ วิย อโนฬาริกงฺคตฺตา, สนฺตธมฺมสมงฺคิตาย จ ‘‘สนฺต’’นฺติ มนสิ กตฺวา. เย หิ ธมฺมา ทุติยชฺฌาเน ปีติสุขาทโย, กามํ เต ปมชฺฌาเนปิ สนฺติ, เตหิ ปน เต สนฺตตรา เจว ปณีตตรา จ ภวนฺตีติ. นิกนฺตินฺติ นิกามนํ, อเปกฺขนฺติ ¶ อตฺโถ. ปริยาทายาติ เขเปตฺวา. จตฺตาริ ปฺจาติ วา-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ทุติยชฺฌานํ เอตสฺส อตฺถีติ ทุติยชฺฌานิกํ. วุตฺตปฺปการาเนวาติ ปมชฺฌาเน วุตฺตปฺปการานิเยว, ปริกมฺมาทินามกานีติ อตฺโถ.
๘๐. วูปสมาติ วูปสมเหตุ, วูปสโมติ เจตฺถ ปหานํ อธิปฺเปตํ, ตฺจ วิตกฺกวิจารานํ. อติกฺกโม อตฺถโต ทุติยชฺฌานกฺขเณ อนุปฺปาโทติ อาห ‘‘สมติกฺกมา’’ติอาทิ. กตเมสํ ปเนตฺถ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม อธิปฺเปโต, กึ ปมชฺฌานิกานํ, อุทาหุ ทุติยชฺฌานิกานนฺติ. กิฺเจตฺถ ยทิ ปมชฺฌานิกานํ, นตฺถิ เตสํ วูปสโม. น หิ กทาจิ ปมชฺฌานํ วิตกฺกวิจารรหิตํ อตฺถิ. อถ ทุติยชฺฌานิกานํ, เอวมฺปิ นตฺเถว วูปสโม, สพฺเพน สพฺพํ เตสํ ตตฺถ อภาวโตติ? วุจฺจเต – เยหิ วิตกฺกวิจาเรหิ ปมชฺฌานสฺส โอฬาริกตา, เตสํ สมติกฺกมา ทุติยสฺส ฌานสฺส สมธิคโม, น สภาวโต อโนฬาริกานํ ผสฺสาทีนํ สมติกฺกมาติ อยมตฺโถ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอเตน ทีปิโต. ตสฺมา ‘‘กึ ปมชฺฌานิกานํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม อิธาธิปฺเปโต, อุทาหุ ทุติยชฺฌานิกาน’’นฺติ เอทิสี โจทนา อโนกาสาว. ยสฺมา ทิฏฺาทีนวสฺส ตํตํฌานกฺขเณ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนํ วูปสมนํ อธิปฺเปตํ. วิตกฺกาทโย เอว ฌานงฺคภูตา ตถา กรียนฺติ, น ตํสมฺปยุตฺตา ผสฺสาทโย, ตสฺมา วิตกฺกาทีนํเยว วูปสมาทิวจนํ ายาคตํ. ยสฺมา ปน วิตกฺกาทีนํ วิย ตํสมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ เอเตน ‘‘เอตํ โอฬาริก’’นฺติ อาทีนวทสฺสนํ สุตฺเต อาคตํ, ตสฺมา อวิเสเสน ¶ วิตกฺกาทีนํ, ตํสหคตานฺจ วูปสมาทิเก วตฺตพฺเพ วิตกฺกาทีนํเยว วูปสโม วุจฺจมาโน อธิกวจนํ อฺํ อตฺถํ โพเธตีติ กตฺวา กิฺจิ วิเสสํ ทีเปตีติ ทสฺเสตุํ อฏฺกถายํ ‘‘โอฬาริกสฺส ปนา’’ติอาทิ คหิตนฺติ อิธ ‘‘เยหิ วิตกฺกวิจาเรหี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปีติยา จ วิราคา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมา วิตกฺกวิจารปีติสุขสมติกฺกมวจนานิ โอฬาริโกฬาริกงฺคสมติกฺกมา ทุติยาทิอธิคมทีปกานีติ เตสํ เอกเทสภูตํ วิตกฺกวิจารสมติกฺกมวจนํ ตํทีปกํ วุตฺตํ. วิสุํ วิสุํ ิเตปิ หิ วิตกฺกวิจารสมติกฺกมวจนาทิเก ปเหยฺยงฺคนิทฺเทสตาสามฺเน จิตฺเตน สมูหโต คหิเต วิตกฺกวิจารวูปสมวจนสฺส ตเทกเทสตา ทฏฺพฺพา. อยฺจ อตฺโถ ¶ อวยเวน สมุทาโยปลกฺขณนเยน วุตฺโต. อถ วา วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนเนว ตํสมติกฺกมา ทุติยาธิคมทีปเกน ปีติวิราคาทิวจนานํ ปีติอาทิสมติกฺกมา ตติยาทิอธิคมทีปกตา ทีปิตา โหตีติ ตสฺส ตํทีปกตา วุตฺตา.
นิยกชฺฌตฺตมธิปฺเปตํ น อชฺฌตฺตชฺฌตฺตาทิ. ตตฺถ การณมาห ‘‘วิภงฺเค ปนา’’ติอาทิ. นีลวณฺณโยคโต นีลวตฺถํ วิยาติ นีลโยคโต วตฺถํ นีลํ วิยาติ อธิปฺปาโย. เยน สมฺปสาทเนน โยคา ฌานํ สมฺปสาทนํ. ตสฺมึ ทสฺสิเต ‘‘สมฺปสาทนํ ฌาน’’นฺติ สมานาธิกรณนิทฺเทเสเนว ตํโยคา ฌาเน ตํสทฺทปฺปวตฺติ ทสฺสิตาติ อวิโรโธ ยุตฺโต. เอโกทิภาเว กถนฺติ เอโกทิมฺหิ ทสฺสิเต เอโกทิภาวํ ฌานนฺติ สมานาธิกรณนิทฺเทเสเนว ฌานสฺส เอโกทิวฑฺฒนตา วุตฺตา โหตีติ เจ? ‘‘เอโกทิภาว’’นฺติ ปทํ อุทฺธริตฺวา เอโกทิสฺส นิทฺเทโส น กาตพฺโพ สิยาติ เอโกทิภาวสทฺโท เอว สมาธิมฺหิ ปวตฺโต สมฺปสาทนสทฺโท วิย ฌาเน ปวตฺตตีติ ยุตฺตํ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเปติ ‘‘เจตโส สมฺปสาทยตี’’ติ เอตสฺมึ ปกฺเข ‘‘เจตโส’’ติ จ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. ปุริมสฺมินฺติ ‘‘สมฺปสาทนโยคโต ฌานํ สมฺปสาทน’’นฺติ วุตฺตปกฺเข. เจตโสติ สมฺพนฺเธ สามิวจนํ.
เสฏฺโปิ โลเก ‘‘เอโก’’ติ วุจฺจติ ‘‘ยาว ปเร เอกาหํ เต กโรมี’’ติอาทีสุ. เอโก อทุติโย ‘‘เอกากีภิ ขุทฺทเกหิ ชิต’’นฺติอาทีสุ อสหายตฺโถปิ เอก-สทฺโท ทิฏฺโติ อาห ‘‘เอโก อสหาโย หุตฺวา’’ติ. สทฺธาทโยปิ กามํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สาธารณโต, อสาธารณโต จ ปจฺจยา โหนฺติเยว, สมาธิ ปน ฌานกฺขเณ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อวิกฺเขปลกฺขเณ อินฺทฏฺกรเณน สาติสยํ ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺปยุตฺตธมฺเม…เป… อธิวจน’’นฺติ อาห.
‘‘สมฺปสาทนํ ¶ , เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติ วิเสสนทฺวยํ ฌานสฺส อติสยวจนิจฺฉาวเสน คหิตํ. สฺวายมติสโย ยถา อิมสฺมึ ฌาเน ลพฺภติ, น ตถา ปมชฺฌาเนติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘นนุ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อารมฺมเณ อาหนนปริยาหนนวเสน, อนุมชฺชนอนุโยชนวเสน จ ปวตฺตมานา ธมฺมา สติปิ นีวรณปฺปหาเนน กิเลสกาลุสฺสิยาปคเม ¶ สมฺปยุตฺตานํ กฺจิ โขภํ กโรนฺตา วิย เตหิ จ เต น สนฺนิสินฺนา โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘วิตกฺกวิจารกฺโขเภน น สุปฺปสนฺน’’นฺติ. ขุทฺทิกา อูมิโย วีจิโย. มหติโย ตรงฺคา. สติปิ อินฺทฺริยสมตฺเต, วีริยสมตาย จ เตเนว โขเภน, สมฺปสาทาภาเวน จ สมาธิปิ น สุฏฺุ ปากโฏ พหเล วิย ชเล มจฺโฉ. ยถาวุตฺตกฺโขโภ เอว ปลิโพโธ. เอวํ วุตฺเตนาติ ยสฺสา สทฺธาย วเสน สมฺปสาทนํ, ยสฺสา จ จิตฺเตกคฺคตาย วเสน เอโกทิภาวนฺติ จ ฌานํ วุตฺตํ. ตาสํ เอว ‘‘สทฺทหนา’’ติอาทินา ปวตฺติอาการสฺส วิเสสวิภาวนาวเสน วุตฺเตน. เตน วิภงฺคปาเน. ‘‘สมฺปสาทนโยคโต, สมฺปสาทนโต วา สมฺปสาทนํ, เอโกทึ ภาเวตีติ เอโกทิภาวนฺติ ฌานํ วุตฺต’’นฺติ เอวํ ปวตฺตา อยํ อตฺถวณฺณนา น วิรุชฺฌติ. ยถา ปน อวิโรโธ, โส วุตฺโต เอว.
๘๑. สนฺตาติ สมํ นิโรธํ คตา. สมิตาติ ภาวนาย สมํ คมิตา นิโรธิตา. วูปสนฺตาติ ตโต เอว สุฏฺุ อุปสนฺตา. อตฺถงฺคตาติ อตฺถํ วินาสํ คตา. อพฺภตฺถงฺคตาติ อุปสคฺเคน ปทํ วฑฺเฒตฺวา วุตฺตํ. อปฺปิตาติ วินาสํ คมิตา. โสสิตาติ ปวตฺติสงฺขาตสฺส สนฺตานสฺส อภาเวน โสสํ สุกฺขภาวํ อิตา. พฺยนฺติกตาติ วิคตนฺตกตา.
อยมตฺโถติ ภาวนาย ปหีนตฺตา วิตกฺกวิจารานํ อภาโว. โจทเกน วุตฺตมตฺถํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปริหริตุํ ‘‘เอวเมตํ สิทฺโธวายมตฺโถ’’ติ วตฺวา ‘‘น ปเนต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอตํ วจนํ. ตทตฺถทีปกนฺติ ตสฺส วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส ทีปกํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ทุติยชฺฌานาทิอธิคมูปายทีปเกน อชฺฌตฺตสมฺปสาทนตาย, เจตโส เอโกทิภาวตาย จ เหตุทีปเกน, อวิตกฺกอวิจารภาวเหตุทีปเกน จ วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนเนว วิตกฺกวิจาราภาโว ทีปิโตติ กึ ปุน อวิตกฺกอวิจารวจเนน กเตนาติ? น, อทีปิตตฺตา. น หิ วิตกฺกวิจารวูปสมวจเนน วิตกฺกวิจารานํ อปฺปวตฺติ วุตฺตา โหติ. วิตกฺกวิจาเรสุ หิ ตณฺหาปฺปหานํ เอเตสํ วูปสมนํ, เย จ สงฺขาเรสุ ตณฺหาปฺปหานํ กโรนฺติ, เตสุ มคฺเคสุ, ปหีนตณฺเหสุ ¶ จ ผเลสุ สงฺขารปวตฺติ โหติ เอว ¶ , เอวเมวิธาปิ วิกฺขมฺภิตวิตกฺกวิจารตณฺหสฺส ทุติยชฺฌานสฺส วิตกฺกวิจารสมฺปโยโค ปุริเมน น นิวาริโต สิยาติ ตํนิวารณตฺถํ, อาวชฺชิตุกามตาทิอติกฺกโมว เตสํ วูปสโมติ ทสฺสนตฺถฺจ ‘‘อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ วุตฺตํ. ปมมฺปีติ ปมํ ฌานมฺปิ.
‘‘ทุติยํ อุปฺปนฺนนฺติปิ ทุติย’’นฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. น ตถา อิมสฺส วิตกฺกวิจาราติ ยถา ปมชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณ นีวรณานิ ปหียนฺติ, ตถา อิมสฺส ทุติยชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณ วิตกฺกวิจารา น ปหียนฺติ อสํกิลิฏฺสภาวตฺตา, อุปจารภาวนาย จ เต ปหาตุํ อสมตฺถภาวโต. ยทิปิ ตาย เตสุ ตณฺหา ปหียติ, น ปน สวิเสสํ. สวิเสสฺหิ ตตฺถ ตณฺหาปฺปหานํ อปฺปนาย เอว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปฺปนากฺขเณเยวา’’ติอาทิ. ปหานงฺคตาปิ อติสยปฺปหานวเสเนว เวทิตพฺพา ยถา นีวรณานํ ปมชฺฌานสฺส. ตสฺมาติ ยสฺมา ติวงฺคเมเวตํ ฌานํ, ตสฺมา. ตนฺติ วิภงฺเค วจนํ. รถสฺส ปณฺฑุกมฺพลํ วิย สมฺปสาโท ฌานสฺส ปริกฺขาโร, น ฌานงฺคนฺติ อาห ‘‘สปริกฺขารํ ฌานํ ทสฺเสตุ’’นฺติ.
ตติยชฺฌานกถาวณฺณนา
๘๒. อุปฺปิลาวิตนฺติ กามฺจายํ ปริคฺคเหสุ อปริจฺจตฺตเปมสฺส อนาทีนวทสฺสิโน ตณฺหาสหคตาย ปีติยา ปวตฺติอากาโร, อิธ ปน ทุติยชฺฌานปีติ อธิปฺเปตา. ตถาปิ สพฺพโส ปีติยํ อวิรตฺตํ, สาปิ อนุพนฺเธยฺยาติ วุตฺตํ. อุปฺปิลาวิตํ วิยาติ วา อุปฺปิลาวิตํ. อาทีนวํ หิ ตตฺถ ปากฏตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๘๓. วิรชฺชนํ วิราโค. ตํ ปน วิรชฺชนํ นิพฺพินฺทนมุเขน หีฬนํ วา ตปฺปฏิพทฺธราคปฺปหานํ วาติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตปฺปการาย ปีติยา ชิคุจฺฉนํ วา สมติกฺกโม วา’’ติ อาห. วุตฺตปฺปการายาติ ‘‘ยเทว ตตฺถ ปีตี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปการาย. สมฺปิณฺฑนํ สมุจฺจโย.
มคฺโคติ อุปาโย. ตทธิคมายาติ ตติยมคฺคาธิคมาย.
๘๔. อุปปตฺติโตติ ¶ สมวาหิตภาเวน ปติรูปโต. ฌานุเปกฺขาปิ สมวาหิตเมว อนฺโตนีตํ กตฺวา ปวตฺตตีติ อาห ‘‘สมํ ปสฺสตี’’ติ. วิสทายาติ ¶ ปริพฺยตฺตาย สํกิเลสวิคเมน. วิปุลายาติ มหติยา สาติสยํ มหคฺคตภาวปฺปตฺติยา. ถามคตายาติ ปีติวิคเมน ถิรภาวปฺปตฺตาย.
ปริสุทฺธปกติ ขีณาสวปกติ นิกฺกิเลสตา. สตฺเตสุ กมฺมสฺสกตาทสฺสนเหตุโก สมภาวทสฺสนากาโร มชฺฌตฺตากาโร พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา.
สหชาตธมฺมานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. สมปฺปวตฺติยา ภาวนาย วีถิปฏิปนฺนาย อลีนานุทฺธตา นิรสฺสาทตาย ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ พฺยาปาราภาวโต สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ มชฺฌตฺตาการภูตา โพชฺฌงฺคุเปกฺขา.
อุเปกฺขานิมิตฺตนฺติ เอตฺถ ลีนุทฺธจฺจปกฺขปาตรหิตํ มชฺฌตฺตํ วีริยํ อุเปกฺขา. ตเทว ตํ อาการํ คเหตฺวา ปวตฺเตตพฺพสฺส ตาทิสสฺส วีริยสฺส นิมิตฺตภาวโต อุเปกฺขานิมิตฺตํ ภาวนาย สมปฺปวตฺติกาเล อุเปกฺขียตีติ อุเปกฺขา, วีริยเมว อุเปกฺขา วีริยุเปกฺขา.
‘‘ปมํ ฌานํ ปฏิลาภตฺถาย นีวรเณ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปฏิลาภตฺถาย อากิฺจฺายตนสฺํ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๗) เอวมาคตา อิมา อฏฺ สมาธิวเสน อุปฺปชฺชนฺติ. ‘‘โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิลาภตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฏิสนฺธึ คตึ นิพฺพตฺตึ อุปปตฺตึ ชาตึ ชรํ พฺยาธึ มรณํ โสกํ ปริเทวํ อุปายาสํ. โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ…เป… อรหตฺตมคฺคํ ปฏิลาภตฺถาย อุปฺปาทํ…เป… อุปายาสํ…เป… อรหตฺตผลสมาปตฺตตฺถาย สฺุตาวิหารสมาปตฺตตฺถาย อนิมิตฺตวิหารสมาปตฺตตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฏิสนฺธึ คตึ นิพฺพตฺตึ อุปปตฺตึ ชาตึ ชรํ พฺยาธึ มรณํ โสกํ ปริเทวํ อุปายาสํ ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา ปฺา สงฺขารุเปกฺขาสุ าณ’’นฺติ เอวมาคตา อิมา ทส วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ. เอตฺถ จ ปมชฺฌานาทีหิ วิกฺขมฺภิตานิ นีวรณวิตกฺกวิจาราทีนิ ปฏิสงฺขาย สภาวโต อุปปริกฺขิตฺวา สนฺนิฏฺานวเสน ติฏฺมานา นีวรณาทิปฏิสงฺขาสนฺติฏฺนา ทิฏฺาทีนวตฺตา เตสํ คหเณ อุปฺปาทเน อชฺฌุเปกฺขนฺตี วิปสฺสนาปฺา คหเณ มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา.
ตตฺถ ¶ ¶ อุปฺปาทนฺติ ปุริมกมฺมปจฺจยา ขนฺธานํ อิธ อุปฺปตฺติมาห. ปวตฺตนฺติ ตถาอุปฺปนฺนสฺส ปวตฺตึ. นิมิตฺตนฺติ สพฺพมฺปิ เตภูมกสงฺขารคตํ นิมิตฺตภาเวน อุปฏฺานโต. อายูหนนฺติ อายตึ ปฏิสนฺธิเหตุภูตํ กมฺมํ. ปฏิสนฺธินฺติ อายตึ อุปฺปตฺตึ. คตินฺติ ยาย คติยา สา ปฏิสนฺธิ โหติ. นิพฺพตฺตินฺติ ขนฺธานํ นิพฺพตฺตนํ. อุปปตฺตินฺติ ‘‘สมาปนฺนสฺส วา อุปปนฺนสฺส วา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๗๒) เอตฺถ ‘‘อุปปนฺนสฺสา’’ติ วุตฺตวิปากปฺปวตฺตึ. ชาตินฺติ ชราทีนํ ปจฺจยภูตํ ภวปจฺจยา ชาตึ. ชราพฺยาธิมรณาทโย ปากฏา เอว. เอตฺถ จ อุปฺปาทาทโย ปฺเจว สงฺขารุเปกฺขาาณสฺส วิสยวเสน วุตฺตา, เสสา เตสํ เววจนวเสน. ‘‘นิพฺพตฺติ, ชาตี’’ติ อิทฺหิ ทฺวยํ อุปฺปาทสฺส เจว ปฏิสนฺธิยา จ เววจนํ, ‘‘คติ, อุปปตฺติ จา’’ติ อิทํ ทฺวยํ ปวตฺตสฺส, ชราทโย นิมิตฺตสฺสาติ เวทิตพฺพํ. อปฺปณิหิตวิโมกฺขวเสน มคฺคุปฺปตฺติเหตุภูตา จตสฺโส, ตถา ผลสมาปตฺติยา จตสฺโส, สฺุตวิหารอนิมิตฺตวิหารวเสน ทฺเวติ ทส สงฺขารุเปกฺขา.
ยาติ วิปสฺสนาปฺา. ยทตฺถีติ ยํ อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยํ อุปลพฺภติ. ยํ ภูตนฺติ ยํ ปจฺจยนิพฺพตฺตตฺตา ภูตํ ขนฺธปฺจกํ. ตํ ปชหตีติ อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ นิจฺจสฺาทโย ปชหนฺโต สมฺมเทว ทิฏฺาทีนวตฺตา ตปฺปฏิพทฺธจฺฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหติ, ยถา อายตึ อาทานํ น โหติ, ตถา ปฏิปตฺติยา ปชหติ. ตถาภูโต จ ตตฺถ อุเปกฺขํ ปฏิลภติ. วิจินเนติ อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสเนปิ.
สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สมปฺปวตฺติเหตุตาย สมวาหิตภูตา. นีวรณวิตกฺกวิจาราทิสพฺพปจฺจนีเกหิ วิมุตฺตตฺตา สพฺพปจฺจนีกปริสุทฺธา. เตสํ วูปสนฺตตฺตา ปจฺจนีกวูปสมเนปิ อพฺยาปารภูตา อพฺยาปารภาเวน ปวตฺตา, อพฺยาปารตํ วา ปตฺตา.
ยทิ อตฺถโต เอกา, กถมยํ เภโทติ อาห ‘‘เตน เตนา’’ติอาทิ. ตสฺมาติ ยสฺมา สติปิ สภาวโต อเภเท เยหิ ปน ปจฺจยวิเสเสหิ สฺวายมิมาสํ อวตฺถาเภโท, เตสํ เอกชฺฌํ อปฺปวตฺติโต น ตาสํ อเภโท, เอกชฺฌํ วา ปวตฺติ, ตสฺมา. เตนาห ‘‘ยตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา’’ติอาทิ.
เอกีภาโวติ ¶ เอกตา. สติปิ มชฺฌตฺตาภาวสามฺเ วิสยเภเทน ปนสฺสา เภโท. ยมตฺถํ ¶ สนฺธาย ‘‘กิจฺจวเสน ทฺวิธา ภินฺนา’’ติ วุตฺตํ, ตํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. อยํ วิปสฺสนุเปกฺขา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ, ตํ ปชหติ, อุเปกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๑; อ. นิ. ๗.๕๕). ตตฺถ ยทตฺถิ ยํ ภูตนฺติ ขนฺธปฺจกํ, ตํ มฺุจิตุกมฺยตาาเณน ปชหติ. ทิฏฺโสวตฺติกตฺตยสฺส สพฺพลกฺขณวิจินเน วิย ทิฏฺลกฺขณตฺตยสฺส ภูตสฺส สงฺขารลกฺขณวิจินเน อุเปกฺขํ ปฏิลภติ. สงฺขารานํ อนิจฺจาทิลกฺขณสฺส สุทิฏฺตฺตา เตสํ วิจินเน มชฺฌตฺตภูตาย วิปสฺสนุเปกฺขาย สิทฺธาย ตถา ทิฏฺาทีนวานํ เตสํ คหเณปิ อชฺฌุเปกฺขนา สิทฺธาว โหติ, สพฺพโส วิสงฺขารนินฺนตฺตา อชฺฌาสยสฺส.
อนาโภครสาติ ปณีตสุเขปิ ตสฺมึ อวนติปฏิปกฺขกิจฺจาติ อตฺโถ. อพฺยาปารปจฺจุปฏฺานาติ สติปิ สุขปารมิปฺปตฺติยํ ตสฺมึ สุเข อพฺยาวฏา หุตฺวา ปจฺจุปติฏฺติ, สมฺปยุตฺตานํ วา ตตฺถ อพฺยาปารํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อตฺโถ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ โขภํ, อุปฺปิลวฺจ อาวหนฺเตหิ วิตกฺกาทีหิ อภิภูตตฺตา อปริพฺยตฺตํ. ตตฺถ ตตฺรมชฺฌตฺตตาย กิจฺจํ. ตทภาวโต อิธ ปริพฺยตฺตํ.
นิฏฺิตา ‘‘อุเปกฺขโก จ วิหรตี’’ติ เอตสฺส
สพฺพโส อตฺถวณฺณนา.
๘๕. ‘‘สรตีติ สโต’’ติ ปทสฺส กตฺตุสาธนตมาห. สมฺปชานาตีติ สมฺมเทว ปชานาติ. สรณํ จินฺตนํ อุปฏฺานํ ลกฺขณเมติสฺสาติ สรณลกฺขณา. สมฺมุสฺสนปฏิปกฺโข อสมฺมุสฺสนํ, ตํ กิจฺจํ เอติสฺสาติ อสมฺมุสฺสนรสา. กิเลเสหิ อารกฺขา หุตฺวา ปจฺจุปติฏฺติ, ตโต วา อารกฺขํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อารกฺขปจฺจุปฏฺานา. อสมฺมุยฺหนํ สมฺมเทว ปชานนํ, สมฺโมหปฏิปกฺโข วา อสมฺโมโห. ตีรณํ กิจฺจสฺส ปารคมนํ. ปวิจโย วีมํสา.
กามํ อุปจารชฺฌานาทีนิ อุปาทาย ปมทุติยชฺฌานานิปิ สุขุมาเนว, อิมํ ปน อุปริฌานํ อุปาทาย ‘‘โอฬาริกตฺตา’’ติ วุตฺตํ. สา จ โอฬาริกตา วิตกฺกาทิถูลงฺคตาย เวทิตพฺพา. เกจิ ‘‘พหุเจตสิกตายา’’ติ จ วทนฺติ ¶ . คติ สุขา โหติ ตตฺถ ฌาเนสูติ อธิปฺปาโย. อพฺยตฺตํ ตตฺถ สติสมฺปชฺกิจฺจํ ‘‘อิทํ นาม ทุกฺกรํ กรียตี’’ติ วตฺตพฺพสฺส อภาวโต. โอฬาริกงฺคปฺปหาเนน สุขุมตฺตาติ อยมตฺโถ กามํ ทุติยชฺฌาเนปิ สมฺภวติ, ตถาปิ เยภุยฺเยน ¶ อวิปฺปโยคีภาเวน วตฺตมาเนสุ ปีติสุเขสุ ปีติสงฺขาตสฺส โอฬาริกงฺคสฺส ปหาเนน สุขุมตาย อิธ สาติสโย สติสมฺปชฺพฺยาปาโรติ วุตฺตํ ‘‘ปุริสสฺสา’’ติอาทิ. ปุนเทว ปีตึ อุปคจฺเฉยฺยาติ หานภาคิยํ ฌานํ สิยา ทุติยชฺฌานเมว สมฺปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปีติสมฺปยุตฺตเมว สิยา’’ติ. ‘‘อิทฺจ อติมธุรํ สุข’’นฺติ ตติยชฺฌานสุขํ สนฺธายาห. อติมธุรตา จสฺส ปหาโสทคฺยสภาวาย ปีติยา อภาเวเนว เวทิตพฺพา. อิทนฺติ ‘‘สโต, สมฺปชาโน’’ติ ปททฺวยํ.
ตสฺมา เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโตติ ยสฺมา ตสฺส ฌานสมงฺคิโน ยํ นามกาเยน สมฺปยุตฺตํ สุขํ, ตํ โส ปฏิสํเวเทยฺย. ยํ วา ตนฺติ อถ วา ยํ ตํ ยถาวุตฺตํ นามกายสมฺปยุตฺตํ สุขํ. ตํสมุฏฺาเนน ตโต สมุฏฺิเตน อติปณีเตน รูเปน อสฺส ฌานสมงฺคิโน รูปกาโย ยสฺมา ผุโฏ. ยสฺส รูปกายสฺส ผุฏตฺตา ฌานา วุฏฺิโตปิ ฌานสมงฺคี กายิกํ สุขํ ปฏิสํเวเทยฺย. ตสฺมา เอตํ เจตสิกกายิกสุขปฏิสํเวทนสงฺขาตํ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทตีติ อาหา’’ติ โยชนา. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – นามกาเยน เจตสิกสุขํ, กายิกสุขเหตุรูปสมุฏฺาปเนน กายิกสุขฺจ ฌานสมงฺคี ปฏิสํเวเทตีติ วุจฺจติ. ผุฏตฺตาติ พฺยาปิตตฺตาติ อตฺโถ. ยถา หิ อุทเกน ผุฏสรีรสฺส ตาทิเส นาติปจฺจนีเก วาตาทิโผฏฺพฺเพ ผุเฏ สุขํ อุปฺปชฺชติ, เอวเมเตหิ ผุฏสรีรสฺสาติ. อปโร นโย – สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทตีติ เอตฺถ กถมาโภเคน วินา สุขปฏิสํเวทนาติ โจทนายํ ‘‘กิฺจาปิ…เป… เอวํ สนฺเตปี’’ติ. ยสฺมา ตสฺส นามกาเยน สมฺปยุตฺตํ สุขํ, ตสฺมา สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทตีติ โยชนา. อิทานิ สหาปิ อาโภเคน สุขปฏิสํเวทนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ วา ต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๘๖. ยนฺติ เหตุอตฺเถ นิปาโต, ยสฺมาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยํฌานเหตู’’ติ. ‘‘อาจิกฺขนฺตี’’ติอาทีนิ ปทานิ กิตฺตนตฺถานีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปสํสนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติ. กินฺตีติ ปสํสนาการปุจฺฉา. เอทิเสสุ ¶ าเนสุ สติคฺคหเณเนว สมฺปชฺมฺปิ คหิตํ โหตีติ อิธ ปาฬิยํ สติยา เอว คหิตตฺตา เอวํ อุปฏฺิตสติตาย ‘‘สติมา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, ‘‘สมฺปชาโน’’ติ เหฏฺา วุตฺตตฺตา วา.
ฌานกฺขเณ เจตสิกสุขเมว ลพฺภตีติ ‘‘สุขํ นามกาเยน ปฏิสํเวเทตี’’ติ จ วุตฺตํ. ตติยนฺติ ¶ คณนานุปุพฺพตาติ อิโต ปฏฺาย ทุติยตติยชฺฌานกถาหิ อวิเสโส, วิเสโส จ วุตฺโตติ.
จตุตฺถชฺฌานกถาวณฺณนา
๘๗. อิทานิ นิพฺพตฺติตวิเสสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ วตฺวา ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาห. อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย น โหติ, อนิฏฺเ าเน ปทนฺตรสงฺคหิตสฺส อาเสวนปจฺจยตฺตาภาวโต. อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อุปฺปชฺชิตพฺพํ สาติสยํ สุขวิราคภาวนาภาวโต. ตานีติ อปฺปนาวีถิยํ ชวนานิ สนฺธายาห.
๘๘. ‘‘ปุพฺเพวา’’ติ วุตฺตตฺตา กทา ปน เตสํ ปหานํ โหตีติ โจทนายํ อาห ‘‘จตุนฺนํ ฌานานํ อุปจารกฺขเณ’’ติ. เอวํ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ปหานกฺกโม นาม ปหายกธมฺมานํ อุปฺปตฺติปฏิปาฏิ. เตน ปน วุจฺจมาเน ‘‘ทุกฺขํ โทมนสฺสํ สุขํ โสมนสฺส’’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา. กสฺมา อิโต อฺถา วจนนฺติ อาห ‘‘อินฺทฺริยวิภงฺเค’’ติอาทิ. อถ กสฺมา ฌาเนสฺเวว นิโรโธ วุตฺโตติ สมฺพนฺโธ.
กตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ. กตฺถ จ อปริเสสํ นิรุชฺฌตีติ นิโรธฏฺานํ ปุจฺฉติ. เตน ‘‘กตฺถา’’ติ ปุจฺฉายํ, ‘‘เอตฺถา’’ติ วิสฺสชฺชเนปิ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํ ทฏฺพฺพํ. ฌานานุภาวนิมิตฺตํ หิ อนุปฺปชฺชนฺตํ ‘‘ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ. อติสยนิโรโธ สุฏฺุ ปหานํ อุชุปฏิปกฺเขน วูปสโม.
นานาวชฺชเนติ เยน อาวชฺชเนน อปฺปนาวีถิ, ตโต ภินฺนาวชฺชเน, อเนกาวชฺชเน วา. อปฺปนาวีถิยฺหิ อุปจาโร เอกาวชฺชโน, อิตโร อเนกาวชฺชโน อเนกกฺขตฺตุํ ปวตฺตนโต. วิสมนิสชฺชาย อุปฺปนฺนกิลมโถ วิสมาสนุปตาโป. ปีติผรเณนาติ ปีติยา ผรณรสตฺตา, ปีติสมุฏฺานานํ วา ปณีตรูปานํ กายสฺส พฺยาปนโต วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สพฺโพ กาโย สุโขกฺกนฺโต โหตี’’ติ. วิตกฺกวิจารปจฺจเยปีติ ปิ-สทฺโท ¶ อฏฺานปฺปยุตฺโต, โส ‘‘ปหีนสฺสา’’ติ เอตฺถ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺโพ ‘‘ปหีนสฺสาปิ โทมนสฺสินฺทฺริยสฺสา’’ติ. เอตํ โทมนสฺสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ตสฺส มยฺหํ อติจิรํ วิตกฺกยโต วิจารยโต กาโยปิ กิลมิจิตฺตมฺปิ อุหฺี’’ติ วจนโต กายจิตฺตเขทานํ วิตกฺกวิจารปฺปจฺจยตา เวทิตพฺพา ¶ . ‘‘วิตกฺกวิจารภาเว อุปฺปชฺชติ โทมนสฺสินฺทฺริย’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺตีติ ตตฺถ ทุติยชฺฌานูปจาเร อสฺส โทมนสฺสสฺส อุปฺปตฺติ ภเวยฺย.
เอตฺถ จ ยเทเก ‘‘ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺตี’’ติ วทนฺเตน ฌานลาภีนมฺปิ โทมนุสฺสุปฺปตฺติ อตฺถีติ ทสฺสิตํ โหติ. เตน จ อนีวรณสภาโว โลโภ วิย โทโสปิ อตฺถีติ ทีเปติ. น หิ โทเสน วินา โทมนสฺสํ ปวตฺตติ. น เจตฺถ ปฏฺานปาฬิยา วิโรโธ จินฺเตตพฺโพ. ยสฺมา ตตฺถ ปริหีนํ ฌานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานํ โทมนสฺสํ ทสฺสิตํ, อปริหีนชฺฌานมารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชมานสฺส โทมนสฺสสฺส อสมฺภวโต. ฌานลาภีนํ สพฺพโส โทมนสฺสํ นุปฺปชฺชตีติ จ น สกฺกา วตฺตุํ, อฏฺสมาปตฺติลาภิโน อปิ ตสฺส อุปฺปนฺนตฺตา. น เหว โข โส ปหีนชฺฌาโน อโหสีติ วทนฺติ, ตํ อยุตฺตํ อนีวรณสภาวสฺส โทสสฺส อภาวโต. ยทิ สิยา, รูปารูปาวจรสตฺตานมฺปิ อุปฺปชฺเชยฺย, น จ อุปฺปชฺชติ. ตถา หิ ‘‘อรูเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณ’’นฺติอาทีสุ พฺยาปาทกุกฺกุจฺจนีวรณานิ อนุทฺธฏานิ. น เจตฺถ นีวรณตฺตา ปริหาโร, กามจฺฉนฺทาทีนมฺปิ อนีวรณานํเยว นีวรณสทิสตาย นีวรณปริยายสฺส วุตฺตตฺตา. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อฏฺสมาปตฺติลาภิโน อปิ ตสฺส อุปฺปนฺนตฺตา’’ติ, ตมฺปิ อการณํ อุปฺปชฺชมาเนน จ โทมนสฺเสน ฌานโต ปริหายนโต. ลหุเกน ปน ปจฺจเยน ปริหีนํ ตาทิสา อปฺปกสิเรเนว ปฏิปากติกํ กโรนฺตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺตี’’ติ อิทํ ปน ปริกปฺปวจนํ อุปจารกฺขเณ โทมนสฺสสฺส อปฺปหีนภาวทสฺสนตฺถํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น ตฺเวว อนฺโตอปฺปนาย’’นฺติ. ยทิ ปน ตทา โทมนสฺสํ อุปฺปชฺเชยฺย, ปมชฺฌานมฺปิสฺส ปริหีนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ปหีนมฺปิ โสมนสฺสินฺทฺริยํ ปีติ วิย น ทูเรติ กตฺวา ¶ ‘‘อาสนฺนตฺตา’’ติ วุตฺตํ. นานาวชฺชนูปจาเร ปหีนมฺปิ ปหานงฺคํ ปฏิปกฺเขน อวิหตตฺตา อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺเชยฺย วาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตายา’’ติอาทิมาห. ตาทิสาย อาเสวนาย อิจฺฉิตพฺพตฺตา ยถา มคฺควีถิโต ปุพฺเพ ทฺเว ตโย ชวนวารา สทิสานุปสฺสนาว ปวตฺตนฺติ, เอวมิธาปิ อปฺปนาวารโต ปุพฺเพ ทฺเว ตโย ชวนวารา อุเปกฺขาสหคตาว ปวตฺตนฺตีติ วทนฺติ.
สมาหฏาติ สมานีตา, สงฺคเหตฺวา วุตฺตาติ อตฺโถ. สุขทุกฺขานิ วิย อโนฬาริกตฺตา อวิภูตตาย สุขุมา. ตโต เอว อนุมินิตพฺพสภาวตฺตา ทุวิฺเยฺยา. ทุฏฺสฺสาติ ทุฏฺปโยคสฺส, ทุทฺทมฺมสฺสาติ อตฺโถ. สกฺกา โหติ เอสา คาหยิตุํ อฺาโปหนนเยนาติ อธิปฺปาโย.
อทุกฺขมสุขาย ¶ เจโตวิมุตฺติยาติ อิทเมว จตุตฺถชฺฌานํ ทฏฺพฺพํ. ปจฺจยทสฺสนตฺถนฺติ อธิคมสฺส อุปายภูตปจฺจยทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘ทุกฺขปฺปหานาทโย หิ ตสฺสา ปจฺจยา’’ติ. ทุกฺขปฺปหานาทโยติ จ โสปจารา ปมชฺฌานาทโยเวตฺถ อธิปฺเปตา.
ปหีนาติ วุตฺตา ‘‘ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา’’ติ. เอตาติ สุขาทโย เวทนา.
โสมนสฺสํ ราคสฺส ปจฺจโย. วุตฺตฺหิ ‘‘สุขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕). โทมนสฺสํ โทสสฺส ปจฺจโย. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ทุกฺขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ปฏิฆานุสโย อนุเสตี’’ติ. สุขาทิฆาเตนาติ สุขาทีนํ ปหาเนน. อสฺส ฌานสฺส.
น ทุกฺขนฺติ อทุกฺขํ, ทุกฺขวิธุรํ. ยสฺมา ตตฺถ ทุกฺขํ นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขาภาเวนา’’ติ. อสุขนฺติ เอตฺถปิ เอเสว นโย. เอเตนาติ ทุกฺขสุขปฏิกฺเขปวจเนน. ‘‘ปฏิปกฺขภูต’’นฺติ อิทํ อิธ ตติยเวทนาย ทุกฺขาทีนํ สมติกฺกมวเสน ปตฺตพฺพตฺตา วุตฺตํ, น กุสลากุสลานํ วิย อุชุวิปจฺจนีกตาย. อิฏฺานิฏฺวิปรีตสฺส มชฺฌตฺตารมฺมณสฺส, อิฏฺานิฏฺวิปรีตํ วา มชฺฌตฺตากาเรน อนุภวนลกฺขณา อิฏฺานิฏฺวิปรีตานุภวนลกฺขณา. ตโต เอว มชฺฌตฺตรสา. อวิภูตปจฺจุปฏฺานาติ สุขทุกฺขานิ วิย น วิภูตาการา ¶ , ปิฏฺิปาสาเณ มิคคตมคฺโค วิย เตหิ อนุมาตพฺพา อวิภูตากาโรปฏฺานา. สุขนิโรโธ นาม อิธ จตุตฺถชฺฌานูปจาโร, โส ปทฏฺานํ เอติสฺสาติ สุขนิโรธปทฏฺานา.
๘๙. ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปเนตํ สมาสปทนฺติ อาห ‘‘อุเปกฺขาย ชนิตสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ. สพฺพปจฺจนีกธมฺมปริสุทฺธาย ปจฺจนีกสมเนปิ อพฺยาวฏาย ปาริสุทฺธิอุเปกฺขาย วตฺตมานาย จตุตฺถชฺฌาเน สติ สมฺปหํสนปฺา วิย สุปริสุทฺธา, สุวิสทา จ โหตีติ อาห ‘‘ยา จ ตสฺสา สติยา ปาริสุทฺธิ, สา อุเปกฺขาย กตา, น อฺเนา’’ติ. ยทิ ตตฺรมชฺฌตฺตตา อิธ ‘‘อุเปกฺขา’’ติ อธิปฺเปตา, กถํ สติเยว ‘‘ปริสุทฺธา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ.
เอวมฺปิ ¶ กสฺมา อยเมว สติ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธี’’ติ วุตฺตาติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เหฏฺา ตีสุ ฌาเนสุ วิชฺชมานายปิ ตตฺรมชฺฌตฺตตาย ปจฺจนีกาภิภวโต, สหายปจฺจยเวกลฺลโต จ อปาริสุทฺธิ, ตถา ตํสมฺปยุตฺตานํ. ตทภาวโต อิธ ปาริสุทฺธีติ อิมมตฺถํ รูปกวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สูริยปฺปภาภิภวาติ สูริยปฺปภาย อภิภุยฺยมานตฺตา. อติกฺขตาย จนฺทเลขา วิย รตฺติปิ โสมฺมสภาวา สภาคาย รตฺติยเมว จ จนฺทเลขา สมุชฺชลตีติ สา ตสฺสา สภาคาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสมฺมภาเวน จ อตฺตโน อุปการกตฺเตน วา สภาคาย รตฺติยา’’ติ อาห.
‘‘เอกวีถิย’’นฺติ อิทํ ตตฺถ โสมนสฺสสฺส เอกํเสน อภาวโต วุตฺตํ, น ตโต ปุริมตเรสุ เอกํเสน ภาวโต. ยถา ปน วิตกฺกาทโย ทุติยาทิชฺฌานกฺขเณเยว ปหียนฺติ, น เตสํ เอกวีถิยํ ปุริมชวเนสุ, น เอวเมตนฺติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. จตุกฺกชฺฌาเนติ จตุกฺกนยวเสน นิพฺพตฺติตชฺฌานจตุกฺเก.
ปฺจกชฺฌานกถาวณฺณนา
๙๐. ตตฺถาติ ปมชฺฌาเน. จตุกฺกนยสฺส ทุติยชฺฌาเน วิยาติ จตุกฺกนยสมฺพนฺธินิ ทุติยชฺฌาเน วิย. ตํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวาติ จตุกฺกนเย ทุติยํ ¶ ‘‘อวิตกฺกํ วิจารมตฺตํ, อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ จ เอวํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ปฺจกนเย ทุติยฺเจว ตติยฺจ โหติ อภิธมฺเมติ (ธ. ส. ๑๖๘) อธิปฺปาโย. สุตฺตนฺเตสุ ปน สรูปโต ปฺจกนโย น คหิโต.
กสฺมา ปเนตฺถ นยทฺวยวิภาโค คหิโตติ? อภิธมฺเม นยทฺวยวเสน ฌานานํ เทสิตตฺตา. กสฺมา จ ตตฺถ ตถา ตานิ เทสิตานิ? ปุคฺคลชฺฌาสยโต, เทสนาวิลาสโต จ. สนฺนิปติตเทวปริสาย กิร เยสํ ยถาเทสิเต ปมชฺฌาเน วิตกฺโก เอว โอฬาริกโต อุปฏฺาสิ, อิตเร สนฺตโต. เตสํ อชฺฌาสยวเสน จ จตุรงฺคิกํ อวิตกฺกํ วิจารมตฺตํ ฌานํ เทสิตํ. เยสํ วิจาโร, เยสํ ปีติ, เยสํ สุขํ โอฬาริกโต อุปฏฺาสิ, อิตเร สนฺตโต. เตสํ เตสํ อชฺฌาสยวเสน ตติยาทีนิ ฌานานิ เทสิตานิ. อยํ ตาว ปุคฺคลชฺฌาสโย.
ยสฺสา ปน ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา ภควา ยสฺมา เทสนาวิลาสปฺปตฺโต, ตสฺมา าณมหนฺตตาย ¶ เทสนาย สุกุสโล ยํ ยํ องฺคํ ลพฺภติ, ตสฺส ตสฺส วเสน ยถารุจึ เทสนํ นิยาเมนฺโต จตุกฺกนยวเสน, ปฺจกนยวเสน จ. ตตฺถ จ ปฺจงฺคิกํ ปมํ, จตุรงฺคิกํ ทุติยํ, ติวงฺคิกํ ตติยํ, ทุวงฺคิกํ จตุตฺถํ, ทุวงฺคิกเมว ปฺจมํ ฌานํ เทเสสีติ อยํ เทสนาวิลาโส. เอตฺถ จ ปฺจกนเย ทุติยชฺฌานํ จตุกฺกนเย ทุติยชฺฌานปกฺขิกํ กตฺวา วิภตฺตํ ‘‘ยสฺมึ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ อวิตกฺกํ วิจารมตฺตํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ธ. ส. ๑๖๘). กสฺมา? เอกตฺตกายนานตฺตสฺีสตฺตาวาสผลตาย ทุติยชฺฌาเนน สมานผลตฺตา, ปมชฺฌานสมาธิโต ชาตตฺตา จ. ปมชฺฌานเมว หิ ‘‘กาเมหิ อกุสเลหิ จ วิวิตฺต’’นฺติ ตทภาวา น อิธ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหี’’ติ สกฺกา วตฺตุํ, นาปิ ‘‘วิเวกช’’นฺติ. สุตฺตนฺตเทสนาสุ จ ปฺจกนเย ทุติยตติยชฺฌานานิ ทุติยชฺฌานเมว ภชนฺติ วิตกฺกวูปสมา วิจารวูปสมา อวิตกฺกตฺตา, อวิจารตฺตา จ. เอวฺจ กตฺวา สุตฺตนฺตเทสนายปิ ปฺจกนโย ลพฺภเตวาติ สิทฺธํ โหติ. นนุ สุตฺตนฺเต จตฺตาริเยว ฌานานิ วิภตฺตานีติ ปฺจกนโย น ลพฺภตีติ? น, ‘‘สวิตกฺกสวิจาโร สมาธี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๐๕) สมาธิตฺตยาปเทเสน ปฺจกนยสฺส ¶ ลพฺภมานตฺตา. จตุกฺกนยนิสฺสิโต ปน กตฺวา ปฺจกนโย วิภตฺโตติ สุตฺตนฺตเทสนายปิ ปฺจกนโย นิทฺธาเรตพฺโพ. ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ หิ วิตกฺกสฺส, วิจารสฺส, วิตกฺกวิจารานฺจ ‘‘วิตกฺกวิจาราน’’นฺติ สกฺกา วตฺตุํ. ตถา ‘‘อวิตกฺกํ, อวิจาร’’นฺติ จ วินา, สห จ วิจาเรน วิตกฺกปฺปหาเนน อวิตกฺกํ, สห, วินา จ วิตกฺเกน วิจารปฺปหาเนน อวิจารนฺติ อวิตกฺกํ, อวิจารํ, อวิตกฺกฺจ อวิจารฺจาติ วา ติวิธมฺปิ สกฺกา สงฺคเหตุํ.
ทุติยนฺติ จ วิตกฺกรหิเต, วิตกฺกวิจารทฺวยรหิเต จ ายาคตา เทสนา ทุติยํ อธิคนฺตพฺพตฺตา, วิจารมตฺตรหิเตปิ ทฺวยปฺปหานาธิคตสมานธมฺมตฺตา. เอวฺจ กตฺวา ปฺจกนยนิทฺเทเส ทุติเย วูปสนฺโตปิ วิตกฺโก สหายภูตวิจาราวูปสเมน น สมฺมา วูปสนฺโตติ วิตกฺกวิจารทฺวยรหิเต วิย วิจารวูปสเมเนว ตทุปสมํ, เสสธมฺมานํ สมานตฺจ ทสฺเสนฺเตน ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ ตติยํ จตุกฺกนเย ทุติเยน นิพฺพิเสสํ วิภตฺตํ. ทุวิธสฺสาปิ สหายวิรเหน, อฺถา จ วิตกฺกปฺปหาเนน อวิตกฺกตฺตํ, สมาธิชํ ปีติสุขตฺตฺจ สมานนฺติ สมานธมฺมตฺตาปิ ทุติยนฺติ นิทฺเทโส ¶ . วิจารมตฺตมฺปิ หิ วิตกฺกวิจารทฺวยรหิตํ วิย ‘‘ยสฺมึ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ อวิตกฺกํ วิจารมตฺตํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ธ. ส. ๑๖๘) อวิตกฺกํ สมาธิชํ ปีติสุขนฺติ วิภตฺตํ. ปมชฺฌาเน วา สหจารีสุ วิตกฺกวิจาเรสุ เอกํ อติกฺกมิตฺวา ทุติยมฺปิ ตตฺรฏฺเมว โทสโต ทิสฺวา อุภยมฺปิ สหาติกฺกมนฺตสฺส ปฺจกนเย ตติยํ วุตฺตํ, ตติยํ อธิคนฺตพฺพตฺตา. ปมโต อนนฺตรภาเวน ปนสฺส ทุติยภาโว จ อุปฺปชฺชตีติ. กสฺมา ปเนวํ สรูปโต ปฺจกนโย น วิภตฺโตติ? วิเนยฺยชฺฌาสยโต. ยถานุโลมเทสนา หิ สุตฺตนฺตเทสนาติ.
ปถวีกสิณนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ จตุตฺถปริจฺเฉทวณฺณนา.
๕. เสสกสิณนิทฺเทสวณฺณนา
อาโปกสิณกถาวณฺณนา
๙๑. ยถาวิตฺถาริตสฺส ¶ ¶ อตฺถสฺส อติเทโสปิ วิตฺถารฏฺาเนเยว ติฏฺตีติ อาห ‘‘วิตฺถารกถา โหตี’’ติ. อาโปกสิณนฺติ อาโปกสิณชฺฌานํ, อาโปกสิณกมฺมฏฺานํ วา. สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพนฺติ ปถวีกสิณกมฺมฏฺาเน วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพํ. เอตฺตกมฺปีติ ‘‘กเต วา อกเต วาติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพ’’นฺติ เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา. สามุทฺทิเกน โลณุทเกน ภริโต ชลาสโย โลณี. นีลาทิวณฺณสงฺกรปริหรณตฺถํ ‘‘สุทฺธวตฺเถน คหิต’’นฺติ วุตฺตํ. อฺนฺติ ภูมึ สมฺปตฺตํ. ตถารูปนฺติ ยาทิสํ อากาสชํ อุทกํ, ตาทิสํ. เตนาห ‘‘วิปฺปสนฺนํ อนาวิล’’นฺติ, ยํ ปน อุทกนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘น วณฺโณ ปจฺจเวกฺขิตพฺโพ’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปถวีกสิณกถายํ วุตฺตเมว. ลกฺขณํ ปน อิธ ปคฺฆรณลกฺขณํ เวทิตพฺพํ.
วุตฺตนเยเนวาติ ปถวีกสิณภาวนายํ วุตฺตนเยเนว. ตรงฺคุฏฺานาทิ, เผณมิสฺสตาทิ จ อิธ กสิณโทโส. โสติ โยคาวจโร. ตสฺสาติ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส.
เตโชกสิณกถาวณฺณนา
๙๒. สินิทฺธานิ สิเนหวนฺตานิ. สารทารูนิ น เผคฺคุทารูนิ. ชาลาย จิรฏฺิตตฺถํ สินิทฺธสารทารุคฺคหณํ. ฆฏิกํ ฆฏิกํ กตฺวาติ ขนฺธโส กริตฺวา. อาลิมฺเปตฺวาติ ชาเลตฺวา. ฆนชาลายาติ อวิรฬวเสน ปวตฺตอคฺคิชาลายํ.
ปตนสทิสนฺติ ปตมานสทิสํ. อกเต คณฺหนฺตสฺสาติ วุตฺตนเยน ยถา กสิณมณฺฑลํ ปฺายติ, เอวํ อนภิสงฺขเต เกวเล เตชสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺส.
วาโยกสิณกถาวณฺณนา
๙๓. วุตฺตฺเหตนฺติ ¶ เอตฺถ หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ, ยสฺมาติ อตฺโถ. ตสฺส ‘‘ตสฺมา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อุจฺฉคฺคนฺติ อุจฺฉุเขตฺเต ยถาิตานํ อคฺคํ. เอริตนฺติ ¶ วาเตน จลิตํ. สเมริตนฺติ สพฺพโส จลิตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘วาโยกสิณํ…เป… อุปลกฺเขตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ อฏฺกถายํ, ตสฺมา. สมสีสฏฺิตนฺติ อุปริ ปตฺตานํ วเสน สมสีสํ หุตฺวา ิตํ. เวฬุํ วา รุกฺขํ วาติ เอตฺถาปิ ‘‘สมสีสํ ิตํ ฆนปตฺตเวฬุํ วา ฆนปตฺตรุกฺขํ วา’’ติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. เอกงฺคุลาทิปฺปมาเณสุ เกเสสุ รสฺสภาวโต, ทีฆตเรสุ โอลมฺพนโต, วิรเฬสุ อนุปฺปเวสโต วาตปฺปหาโร น ปฺายตีติ จตุรงฺคุลปฺปมาณคฺคหณํ, ฆนคฺคหณฺจ กตํ. เอตสฺมึ าเน ปหรตีติ สตึ เปตฺวาติ อุจฺฉคฺคาทีนํ ปจลนาการคฺคหณมุเขน เตสํ ปหารเก วาตสงฺฆาเต สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ตตฺถ สตึ เปตฺวาติ ตสฺมึ กายปเทสสฺส สงฺฆฏฺฏนวเสน ปวตฺเต วายุปิณฺเฑ สงฺฆฏฺฏนาการคฺคหณมุเขน สตึ อุปฏฺเปตฺวา. ‘‘อุสุมวฏฺฏิสทิส’’นฺติ เอเตน ปุริมกสิณสฺส วิย อิมสฺสาปิ นิมิตฺตสฺส สํวิคฺคหตํ ทสฺเสติ. ‘‘นิจฺจล’’นฺติ อิมินา นิจฺจลภาโวเยว อุคฺคหนิมิตฺตโต อิมสฺส วิเสโสติ ปฏิภาคนิมิตฺตสฺสาปิ อุสุมวฏฺฏิสทิสตาว วิภาวิตา โหติ.
นีลกสิณกถาวณฺณนา
๙๔. อฺชนราชิวฏฺฏาทิ วณฺณธาตุยา วา. ตถารูปํ มาลาคจฺฉนฺติ อวิรฬวิกสิตนีลวณฺณปุปฺผสฺฉนฺนํ ปุปฺผคจฺฉํ. อิตเรนาติ อกตาธิกาเรน. คิริกณฺณิกคฺคหเนน นีลํ คิริกณฺณิกมาห. กรณฺฑปฏลํ สมุคฺคปิธานํ. ปตฺเตหิเยวาติ นีลุปฺปลาทีนํ เกสรวณฺฏานิ อปเนตฺวา เกวเลหิ ปตฺเตหิเยว. ปูเรตพฺพนฺติ นีลวณฺณํ วตฺถํ คเหตฺวา ภณฺฑิกํ วิย พนฺธิตฺวา ยถา นีลมณฺฑลํ หุตฺวา ปฺายติ, ตถา จงฺโกฏกํ วา กรณฺฑปฏลํ วา ปูเรตพฺพํ. มุขวฏฺฏิยํ วา อสฺสาติ อสฺส จงฺโกฏกสฺส, กรณฺฑปฏลสฺส วา มุขวฏฺฏิยํ พนฺธิตพฺพํ. มณิตาลวณฺฏํ อินฺทนีลมณิมยํ ตาลวณฺฏํ.
ปีตกสิณกถาวณฺณนา
๙๕. ปีตกสิเณ มาลาคจฺฉนฺติ อิกฺกฏาทิมาลาคจฺฉํ. หริตาลํ, มโนสิลา วา ธาตุ. ปตฺตงฺคปุปฺเผหีติ ¶ ปตฺตงฺคนามิกา ปีตวณฺณปุปฺผา เอกา คจฺฉชาติ, ตสฺส ปุปฺเผหิ. อาสนปูชนฺติ เจติยงฺคเณ กตํ อาสนปูชํ ¶ . กณิการปุปฺผาทินาติ อาทิ-สทฺเทน อากุลิกิงฺกิราตปุปฺผาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
โลหิตกสิณกถาวณฺณนา
๙๖. โลหิตมณิ โลหิตงฺคมณิอาทิ. โลหิตธาตุ เครุกชาติหิงฺคุลิกาทิ.
โอทาตกสิณกถาวณฺณนา
๙๗. โอทาตกสิเณ มาลาคจฺฉนฺติ นนฺทิยาวตฺตาทิมาลาคจฺฉํ. ธาตุ กกฺกฏิมุตฺตเสติกาทิ.
อาโลกกสิณกถาวณฺณนา
๙๘. ตถา อสกฺโกนฺเตนาติ ยถา สูริยาโลกาทิวเสน โอภาสนิมิตฺตุปฺปาทนํ วุตฺตํ, ตสฺส โอภาสมณฺฑลสฺส น จิรฏฺิติตาย ตถา นิมิตฺตุปฺปาทนํ กาตุํ อสกฺโกนฺเตน. ฆฏมุเขน นิคฺคจฺฉนกโอภาสสฺส มหนฺตภาวโต ‘‘ฆฏมุขํ ปิทหิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ภิตฺติมุขนฺติ ภิตฺติอภิมุขํ. อุฏฺิตมณฺฑลสทิสนฺติ ภิตฺติอาทีสุ อุฏฺิตปากติกอาโลกมณฺฑลสทิสํ. ฆนวิปฺปสนฺนํ อาโลกปฺุชสทิสนฺติ ภควโต พฺยามปฺปภา วิย พหโล, วิปฺปสนฺโน จ หุตฺวา ปฺุชภูโต อาโลโก อตฺถิ เจ, ตํสทิโสติ อตฺโถ.
ปริจฺฉินฺนากาสกสิณกถาวณฺณนา
๙๙. ฉิทฺทสทิสเมว โหตีติ เยหิ ภิตฺติปริยนฺตาทีหิ ปริจฺฉินฺนํ, ตํ ฉิทฺทํ, ตํสทิสํ, เตนวากาเรน อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. ‘‘วฑฺฒิยมานมฺปิ น วฑฺฒตี’’ติ อุคฺคหนิมิตฺตสฺส อวฑฺฒนียตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. สพฺพมฺปิ หิ อุคฺคหนิมิตฺตํ วฑฺฒิยมานํ น วฑฺฒติเยว. สติปิ จ วฑฺเฒตุกามตายํ วฑฺฒนา น สมฺภวติ ภาวนาย ปริทุพฺพลตฺตา. ภาวนาวเสน หิ นิมิตฺตวฑฺฒนา ¶ . ปฏิภาคนิมิตฺตํ ปน ตสฺมึ อุปฺปนฺเน ภาวนา ถิราติ กตฺวา ‘‘วฑฺฒิยมานํ วฑฺฒตี’’ติ วุตฺตํ.
กิฺจาปิ ¶ ปาฬิยํ ‘‘ปถวีกสิณาทีนิ รูปฌานารมฺมณานิ อฏฺเว กสิณานิ สรูปโต อาคตานิ, โอทาตกสิเณ ปน อาโลกกสิณํ, อากาสกสิเณ จ ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ อนฺโตคธํ กตฺวา เทสนา กตา’’ติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อิติ กสิณานิ ทสพโล, ทส ยานิ อโวจา’’ติ. ปกิณฺณกกถาปิ วิฺเยฺยาติ ปุพฺเพ วิย อสาธารณํ ตสฺมึ ตสฺมึ กสิเณ ปฏินิยตเมว อตฺถํ อคฺคเหตฺวา อสาธารณโต, สาธารณโต จ ตตฺถ ตตฺถ ปกิณฺณกํ วิสฏํ อตฺถํ คเหตฺวา ปวตฺตา ปกิณฺณกกถาปิ วิชานิตพฺพา.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
๑๐๐. อาทิภาโวติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ยสฺส กสฺสจิ ปถวีปกฺขิยสฺส วตฺถุโน นิมฺมานาทึ สงฺคณฺหาติ. านนิสชฺชาทิกปฺปนํ วาติ เอตฺถาปิ ‘‘อากาเส วา อุทเก วา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ปริตฺตอปฺปมาณนเยนาติ นีลาทิวณฺณํ อนามสิตฺวา ปริตฺตอปฺปมาณนเยเนว. เอวมาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน สรีรโต อุทกธารานิมฺมานาทึ สงฺคณฺหาติ.
ยเทว โส อิจฺฉติ ตสฺส ฑหนสมตฺถตาติ พหูสุ กปฺปาสปิจุสารทารุอาทีสุ เอกชฺฌํ ราสิภูเตสุ ิเตสุ ยํ ยเทว อิจฺฉติ, ตสฺส ตสฺเสว ฑหนสมตฺถตา. อิธ อาทิ-สทฺเทน อนฺธการวิธมนาทึ สงฺคณฺหาติ.
วายุคติยา คมนํ วายุคติคมนํ, อติสีฆคมนํ. อิธ อาทิ-สทฺเทน ยทิจฺฉิตเทสนฺตรํ ปาปุณนาทึ สงฺคณฺหาติ.
สุวณฺณนฺติ อธิมุจฺจนา สุวณฺณภาวาธิฏฺานํ เสยฺยถาปิ อายสฺมา ปิลินฺทวจฺโฉ (ปารา. ๖๑๙-๖๒๐) ติณณฺฑุปคปาสาทาทีนํ. วุตฺตนเยนาติ สุวณฺณทุพฺพณฺณนเยน.
วณฺณกสิเณสุ ¶ ตตฺถ ตตฺถ อาทิ-สทฺเทน นีโลภาสนิมฺมานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ปถวีปพฺพตาทีติ อาทิ-สทฺเทน สมุทฺทาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
สพฺพาเนว ¶ ทสปิ กสิณานิ. อิมํ ปเภทํ ลภนฺตีติ อิมํ วฑฺฒนาทิวิเสสํ ปาปุณนฺติ. เอโกติ เอกจฺโจ. สฺชานาตีติ ภาวนาปฺาย สฺชานาติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘อาโปกสิณ’’นฺติอาทิปาฬึ สงฺคณฺหาติ.
อุปริคคนตลาภิมุขํ ‘‘ปถวีกสิณเมโก สฺชานาตี’’ติ ปาฬิปทานิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตฺจ โข วฑฺฒนวเสน. เตนาห ‘‘เอกจฺโจ หิ อุทฺธเมว กสิณํ วฑฺเฒตี’’ติ. เหฏฺาภูมิตลาภิมุขนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ปุพฺเพ วฑฺฒนกาเล ปโยชนํ อนเปกฺขิตฺวา วฑฺเฒนฺตานํ วเสน วุตฺตตฺตา อิทานิ ‘‘เตน เตน วา การเณน เอวํ ปสาเรตี’’ติ อาห, กสิณํ วฑฺเฒตีติ อตฺโถ. ยถา กินฺติ อาห ‘‘อาโลกมิว ทิพฺพจกฺขุนา รูปทสฺสนกาโม’’ติ. อุทฺธฺเจ รูปํ ทฏฺุกาโม อุทฺธํ อาโลกํ ปสาเรติ, อโธ เจ รูปํ ทฏฺุกาโม อโธ อาโลกํ ปสาเรติ, สมนฺตโต เจ รูปํ ทฏฺุกาโม สมนฺตโต อาโลกํ ปสาเรติ, เอวมยํ กสิณนฺติ อตฺโถ.
เอกสฺสาติ ปถวีกสิณาทีสุ เอเกกสฺส. อฺภาวานุปคมนตฺถนฺติ อฺกสิณภาวานุปคมนทีปนตฺถํ, น อฺํ ปถวีอาทิ. น หิ อุทเกน ิตฏฺาเน สสมฺภารปถวี อตฺถิ. อฺโ กสิณสมฺเภโทติ อาโปกสิณาทินา สงฺกโร. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ อาโปกสิณาทีสุ เสสกสิเณสุ. เอกเทเส อฏฺตฺวา อนวเสเสน ผรณปฺปมาณสฺส อคฺคหณโต ผรณํ อปฺปมาณํ. เตเนว หิ เนสํ กสิณสมฺา. ตถา จาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ เจตสา ผรนฺโตติ ภาวนาจิตฺเตน อาลมฺพนํ กโรนฺโต. ภาวนาจิตฺตฺหิ กสิณํ ปริตฺตํ วา วิปุลํ วา เอกกฺขเณ สกลเมว มนสิ กโรติ, น เอกเทสนฺติ.
๑๐๑. อานนฺตริยกมฺมสมงฺคิโนติ ปฺจสุ อานนฺตริยกมฺเมสุ เยน เกนจิ สมนฺนาคตา. นิยตมิจฺฉาทิฏฺิกาติ อเหตุกทิฏฺิ อกิริยทิฏฺิ นตฺถิกทิฏฺีติ ตีสุ มิจฺฉาทิฏฺีสุ ยาย กายจิ นิยตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมนฺนาคตา. อุภโตพฺยฺชนกปณฺฑกาติ อุภโตพฺยฺชนกา, ปณฺฑกา จ. กามฺเจเต อเหตุกปฏิสนฺธิกตฺตา วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา โหนฺติ, ตถาปิ ติพฺพกิเลสตฺตา กิเลสาวรเณน สมนฺนาคตา วุตฺตา. อเหตุกทฺวิเหตุกปฏิสนฺธิกาติ อเหตุกปฏิสนฺธิกา ¶ , ทฺวิเหตุกปฏิสนฺธิกา จ. ทุเหตุกปฏิสนฺธิกานมฺปิ หิ อริยมคฺคปฏิเวโธ, ฌานปฏิลาโภ ¶ จ นตฺถิ, ตสฺมา เตปิ วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา เอว.
อปจฺจนีกปฏิปทายนฺติ มคฺคสฺส อนุโลมปฏิปทายํ สจฺจานุโลมิกายํ วิปสฺสนายํ. อจฺฉนฺทิกาติ ‘‘กตฺตุกมฺยตาฉนฺทรหิตา’’ติ สมฺโมหวิโนทนิยํ วุตฺตํ, ตมฺปิ นิพฺพานาธิคมตฺถเมว กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุตฺตรกุรุกาปิ มนุสฺสา มาราทโย วิย อจฺฉนฺทิกฏฺานํ ปวิฏฺา นิพฺพุติฉนฺทรหิตตฺตา. ทุปฺปฺาติ ภวงฺคปฺาย ปริหีนา. ‘‘ภวงฺคปฺาย ปริปุณฺณายปิ ยสฺส ภวงฺคํ โลกุตฺตรสฺส ปาทกํ น โหติ, โสปิ ทุปฺปฺโเยวา’’ติ สมฺโมหวิโนทนิยํ วุตฺตํ. ยสฺมึ หิ ภวงฺเค วตฺตมาเน ตํสนฺตติยํ โลกุตฺตรํ นิพฺพตฺตติ, ตํ ตสฺส ปาทกํ นาม โหติ.
กุสเลสุ ธมฺเมสูติ อนวชฺชธมฺเมสุ, สุขวิปากธมฺเมสุ วา. โอกฺกมิตุนฺติ อธิคนฺตุํ. กสิเณเยวาติ กสิณกมฺมฏฺาเนเยว. เอเตสนฺติ กมฺมาวรณสมนฺนาคตาทีนํ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอเต วิปากนฺตรายาทโย เอวํ อตฺถชานิกรา, อนตฺถเหตุภูตา จ, ตสฺมา. ติณฺณเมว เจตฺถ อนฺตรายานํ คหณํ อิตรสฺส สปฺปฏิการตฺตา, กมฺมนฺตรายปกฺขิกตฺตา วาติ ทฏฺพฺพํ. สปฺปุริสูปนิสฺสยาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน ตชฺชํ โยนิโสมนสิการาทึ สงฺคณฺหาติ. สทฺธนฺติ กมฺมผลสทฺธํ, รตนตฺตยสทฺธฺจ. ฉนฺทนฺติ ภาวนานุโยเค ติพฺพกตฺตุกมฺยตาสงฺขาตํ กุสลจฺฉนฺทํ. ปฺนฺติ ปาริหาริยปฺํ. วฑฺเฒตฺวาติ ยถา ภาวนา อิชฺฌติ, ตถา ปริพฺรูเหตฺวา. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยตฺตา, เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา จ น วิภตฺตํ.
เสสกสิณนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ ปฺจมปริจฺเฉทวณฺณนา.
๖. อสุภกมฺมฏฺานนิทฺเทสวณฺณนา
อุทฺธุมาตกาทิปทตฺถวณฺณนา
๑๐๒. ‘‘อวิฺาณกาสุเภสู’’ติ ¶ ¶ อิทํ อุทฺธุมาตกาทีนํ สภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ตสฺมา ภูตกถนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ, น สวิฺาณกอสุภสฺส อกมฺมฏฺานภาวโต. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘น เกวลํ มตสรีร’’นฺติอาทิ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๒). อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานาติ ชีวิตกฺขยโต อุปริ มรณโต ปรํ. สมุคฺคเตนาติ อุฏฺิเตน. อุทฺธุมาตตฺตาติ อุทฺธํ อุทฺธํ ธุมาตตฺตา สูนตฺตา. อุทฺธุมาตเมว อุทฺธุมาตกนฺติ ก-กาเรน ปทวฑฺฒนมาห อนตฺถนฺตรโต ยถา ‘‘ปีตกํ โลหิตก’’นฺติ. ปฏิกฺกูลตฺตาติ ชิคุจฺฉนียตฺตา. กุจฺฉิตํ อุทฺธุมาตํ อุทฺธุมาตกนฺติ กุจฺฉนตฺเถ วา อยํ ก-กาโรติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (มหาว. ๒๘๕; ปริ. ๓๒๕; ที. นิ. ๒.๑๔๙; อ. นิ. ๕.๒๑๓). ตถารูปสฺสาติ ‘‘ภสฺตา วิย วายุนา’’ติอาทินา ยถารูปํ วุตฺตํ, ตถารูปสฺส.
เสตรตฺเตหิ ปริภินฺนํ วิมิสฺสิตํ นีลํ วินีลํ, ปุริมวณฺณวิปริณามภูตํ วา นีลํ วินีลํ.
ปริภินฺนฏฺาเนสุ กากกงฺกาทีหิ. วิสฺสนฺทมานปุพฺพนฺติ วิสฺสวนฺตปุพฺพํ, ตหํ ตหํ ปคฺฆรนฺตปุพฺพนฺติ อตฺโถ.
อปธาริตนฺติ วิวฏํ อุคฺฆาฏิตํ. ขิตฺตนฺติ ฉฑฺฑิตํ, โสณสิงฺคาลาทีหิ วิสุํ กตฺวา ขาทเนน สรีรสงฺฆาตโต ลฺุจิตฺวา ตหํ ตหํ ฉฑฺฑิตํ. วิวิธํ ขิตฺตนฺติ วิกฺขิตฺตํ.
ปุริมนเยนาติ ‘‘วิวิธํ ขิตฺต’’นฺติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน. สตฺเถน หนิตฺวาติ เวรีหิ ขคฺคกรวาลาทินา ¶ สตฺเถน ปหริตฺวา. วุตฺตนเยนาติ ‘‘อฺเน หตฺถ’’นฺติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน.
อพฺภนฺตรโต นิกฺขมนฺเตหิ กิมีหิ ปคฺฆรนฺตกิมิกุลํ ปุฬวกนฺติ อาห ‘‘กิมิปริปุณฺณสฺสา’’ติ.
อุทฺธุมาตกาทีนิ ¶ อามกสุสานาทีสุ ฉฑฺฑิตาสุภานิ. นิสฺสายาติ ปฏิจฺจ ตานิปิ อารพฺภ. นิมิตฺตานนฺติ อุคฺคหปฏิภาคนิมิตฺตานํ. เอตาเนว อุทฺธุมาตกาทีเนว นามานิ.
อุทฺธุมาตกกมฺมฏฺานวณฺณนา
๑๐๓. ภาเวตุกาเมนาติ อุปฺปาเทตุกาเมน. เตนาติ อาจริเยน. อสฺสาติ โยคิโน. อสุภนิมิตฺตตฺถายาติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคณฺหนตฺถาย, อสุเภ วา อุคฺคหนิมิตฺตสฺส อตฺถาย. คมนวิธานนฺติ คมนวิธิ. เยน วิธินา คนฺตพฺพํ, โส วิธิ. อุคฺคหนิมิตฺตสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย ปถวีกสิเณ วุตฺตํ ปฏิปชฺชนวิธึ สนฺธายาห ‘‘อปฺปนาวิธานปริโยสาน’’นฺติ.
๑๐๔. ตาวเทวาติ สุตกฺขเณเยว. อติตฺเถน ปุณฺณนทีอาทึ ปกฺขนฺทนฺเตน วิย อนุปวิสนฺเตน วิย. เกทารโกฏิยาติ เกทารมริยาทาย. วิสภาครูปนฺติ เขตฺตรกฺขิกาทิวิสภาควตฺถุรูปํ. สรีรนฺติ อุทฺธุมาตกกเฬวรํ. อธุนามตนฺติ อจิรมตํ อุทฺธุมาตกภาวํ อปฺปตฺตํ. ตกฺกยตีติ สมฺภาเวติ ภาริยํ กตฺวา น มฺติ.
๑๐๕. รูปสทฺทาทีติ เอตฺถ อมนุสฺสานํ รูเปหิ, สีหพฺยคฺฆาทีนํ สทฺทาทีหิ, อมนุสฺสานมฺปิ วา รูปสทฺทาทีหิ. ตถา สีหพฺยคฺฆาทีนนฺติ ยถารหํ โยเชตพฺพํ. อนิฏฺารมฺมณาภิภูตสฺสาติ เภรวาทิภาเวน อนิฏฺเหิ อารมฺมเณหิ อภิภูตสฺส อชฺโฌตฺถฏสฺส. น ปฏิสณฺาตีติ วิทาหวเสน อาสเย น ติฏฺติ, อุจฺฉฑฺเฑตพฺพํ โหตีติ อตฺโถ. อฺโติ อมนุสฺสาทีนํ วเสน วา อฺถา วา วุตฺตปฺปการโต อฺโ อาพาโธ โหติ. โสติ สงฺฆตฺเถโร, อภิฺาตภิกฺขุ วา. ยสฺสาเนน อาโรจิตํ, โส. กตกมฺมาติ กตเถยฺยกมฺมา. อกตกมฺมาติ เถยฺยกมฺมํ กาตุกามา. กตกมฺมา ปน อิธาธิปฺเปตา. ตสฺมา เตติ กตกมฺมา โจรา. สห โอฑฺเฒนาติ สโหฑฺฒํ, เถเนตฺวา คหิยมานภณฺเฑน สทฺธินฺติ อตฺโถ. ยชมาโนติ ยฺํ ยชนฺโต ¶ ยฺสามิโก. ‘‘อทฺธา อิมาย ปฏิปตฺติยา ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา.
เอวํ ¶ คมนวิธานํ เอกเทเสน วตฺวา อิทานิ อฏฺกถาสุ อาคตนเยน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺกถาสุ วุตฺเตน วิธินา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุคฺคณฺหนฺโตติ อุคฺคณฺหนเหตุ. เอโกติ อยํ เอก-สทฺโท อสหายตฺโถ, น อฺาทิอตฺโถติ ‘‘อทุติโย’’ติ วุตฺตํ. ยถา วณฺณาทิโต ววตฺถานํ เอกํสโต สมุทิตเมว อิจฺฉิตพฺพํ สพฺพตฺถกภาวโต, น ตถา สนฺธิอาทิโตติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘วณฺณโตปี’’ติอาทินา ฉสุ าเนสุ สมฺปิณฺฑนตฺโถ ปิ-สทฺโท คหิโต. ปุน เอโก อทุติโยติอาทิ คหิตนิมิตฺตสฺส โยคิโน นิวตฺติตฺวา วสนฏฺานคมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตพฺภาคิยฺเวาติ ตปฺปกฺขิยํเยว อสุภนิมิตฺตมนสิการสหิตเมว. อาสนํ ปฺเปตีติ นิสชฺชํ กปฺเปติ. ยํ ปน ‘‘อสุภนิมิตฺตทิสาภิมุเข ภูมิปฺปเทเส’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๑๓) วกฺขติ, ตมฺปิ อิมเมวตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ เกวเลน ทิสาภิมุขภาเวน กิฺจิ อิชฺฌติ.
สมนฺตา นิมิตฺตุปลกฺขณาติ อุทฺธุมาตกสฺส สมนฺตา ปาสาณาทินิมิตฺตสลฺลกฺขณา. อสมฺโมหตฺถาติ อุคฺคหนิมิตฺเต อุปฏฺิเต อุปฺปชฺชนกสมฺโมหวิคมตฺถา. เอกาทสวิเธนาติ วณฺณาทิวเสน เอกาทสวิเธน. อุปนิพนฺธนตฺโถติ อสุภารมฺมเณ จิตฺตํ อุปเนตฺวา นิพนฺธนตฺโถ. วีถิสมฺปฏิปาทนตฺถาติ กมฺมฏฺานวีถิยา สมฺมเทว ปฏิปาทนตฺถา. ปฺุกิริยวตฺถุ อธิคตํ โหตีติ สมฺพนฺโธ.
๑๐๖. ตสฺมาติ ยสฺมา อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคณฺหนํ อริยมคฺคปทฏฺานสฺส ปมชฺฌานสฺส อธิคมุปาโย, ยสฺมา วา ‘‘อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺโต เอโก อทุติโย คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา. จิตฺตสฺตฺตตฺถายาติ สรีรสภาวสลฺลกฺขเณน, สํเวคชนเนน จ อตฺตโน จิตฺตสฺส สฺตฺติอตฺถํ สฺาปนตฺถํ. ‘‘จิตฺตสฺตตฺถายา’’ติ วา ปาโ, กิเลสวเสน อสํยตสฺส จิตฺตสฺส สํยมนตฺถํ ทมนตฺถํ, น กมฺมฏฺานตฺถนฺติ อตฺโถ. กมฺมฏฺานสีเสนาติ กมฺมฏฺาเนน สีสภูเตน, ตํ อุตฺตมงฺคํ ปธานํ การณํ กตฺวา. มูลกมฺมฏฺานนฺติ ปกติยา อตฺตนา กาเลน กาลํ ปริหริยมานํ พุทฺธานุสฺสติอาทิสพฺพตฺถกกมฺมฏฺานํ. ‘‘กมฺมฏฺานสีเสน คจฺฉามี’’ติ ตํ อวิสฺสชฺเชตฺวา. เตนาห ‘‘ตํ มนสิกโรนฺเตเนวา’’ติ. สูปฏฺิตภาวสมฺปาทเนนาติ มูลกมฺมฏฺาเน สุฏฺุ อุปฏฺิตภาวสฺส สมฺปาทเนน. เอวํ ¶ หิ สติ อสมฺมุฏฺา นาม โหติ. พหิทฺธา ¶ ปุถุตฺตารมฺมเณ อปฺปวตฺติตฺวา กมฺมฏฺาเนเยว ปวตฺตมานํ มานสํ อพหิคตํ นาม. ตถาภูเตน จาเนน รูปินฺทฺริยานิ อปฺปวตฺตกิจฺจานิ กตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘มนจฺฉฏฺานํ…เป… คนฺตพฺพ’’นฺติ.
ทฺวารํ สลฺลกฺเขตพฺพนฺติ วิหาเร ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุ อสุกทิสาย อิทํ ทฺวารํ, ตโต เอว ตาย ทิสาย สลฺลกฺขิเตน อสุกทฺวาเรน นิกฺขนฺโตมฺหีติ ทฺวารํ อุปธาเรตพฺพํ. ตโตติ ทฺวารสลฺลกฺขณโต ปจฺฉา. เยน มคฺเคน คจฺฉติ สยํ. นิมิตฺตฏฺานนฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส คณฺหนฏฺานํ. อาหารํ ฉฑฺฑาเปยฺยาติ วมนํ การาเปยฺย. กณฺฏกฏฺานนฺติ กณฺฏกวนฺตํ านํ.
๑๐๗. ทิสา ววตฺถเปตพฺพาติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เอกสฺมึ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขายตีติ อุปฏฺาติ. กมฺมนิยนฺติ ภาวนาย กมฺมกฺขมํ. อุพฺพาฬฺหสฺสาติ พาธิตสฺส. วิธาวตีติ นานารมฺมเณ วิสรติ. อุกฺกมฺมาติ อุชุกํ อนุวาตโต อปกฺกมฺม. มตกเฬวรํ ปุถุชฺชนสฺส เยภุยฺเยน ภยโต อุปฏฺาตีติ อาห ‘‘อจฺจาสนฺเน ภยมุปฺปชฺชตี’’ติ. อนุปาทนฺติ ปาทสมีปํ. ยตฺถ ิตสฺส สุเขน โอโลเกตุํ สกฺกา, ตํ โอโลเกนฺตสฺส ผาสุกฏฺานํ.
๑๐๘. สมนฺตาติ สมนฺตโต. ปุน สมนฺตาติ สามนฺตา สมีเป. กจฺฉโกติ กาฬกจฺฉโก, ‘‘ปิลกฺโข’’ติปิ วทนฺติ. กปีตโนติ ปิปฺปลิรุกฺโข. สินฺทีติ ขุทฺทกขชฺชุรี. กรมนฺทาทโย ปากฏา เอว. สามาติ สามลตา. กาฬวลฺลีติ กาฬวณฺณา อปตฺติกา เอกา ลตาชาติ. ปูติลตาติ ชีวนวลฺลิ, ยา ‘‘คโลจี’’ติ วุจฺจติ.
๑๐๙. ตํ นิมิตฺตกรณาทิ อิเธว ยถาวุตฺเต ปาสาณาทินิมิตฺตกรเณ เอว อนฺโตคธํ ปริยาปนฺนํ. สนิมิตฺตํ กโรตีติ สห นิมิตฺตํ กโรติ, อสุภํ ปาสาณาทินิมิตฺเตน สห กโรติ ววตฺถเปติ. อถ วา อสุภนิมิตฺตํ, ปาสาณาทินิมิตฺตฺจ สห เอกชฺฌํ กโรนฺโต ววตฺถเปนฺโต ‘‘สนิมิตฺตํ กโรตี’’ติ วุตฺโต. สมานกาลตาทีปเกน หิ สห-สทฺเทน อยํ สมาโส ยถา ‘‘สจกฺกํ เทหี’’ติ. ตยิทํ นิมิตฺตกรณํ อปราปรํ สลฺลกฺขเณน ¶ โหติ, น เอกวารเมวาติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ ววตฺถเปนฺโต หิ สนิมิตฺตํ กโรตี’’ติ. ทฺเวติ ปาสาณาสุภนิมิตฺตานิ. สมาเสตฺวา สงฺคเหตฺวา เอกชฺฌํ กตฺวา. สารมฺมณนฺติ อสุภารมฺมเณน สทฺธึ ปาสาณาทึ สมานารมฺมณํ กโรติ, สห วา อารมฺมณํ กโรติ, เอการมฺมณํ วิย อุภยํ ¶ อารมฺมณํ กโรติ, เอกชฺฌํ วิย จ อปราปรํ สลฺลกฺเขนฺโต ปาสาณาทึ, อสุภนิมิตฺตฺจาติ ทฺวยํ อารมฺมณํ กโรตีติ อตฺโถ.
อตฺตนิโยติ สโก. วณิตนฺติ สูนํ. สภาเวน สรเสนาติ อุทฺธุมาตกภาวสงฺขาเตน อตฺตโน ลกฺขเณน, ปเรสํ ชิคุจฺฉุปฺปาทนสงฺขาเตน อตฺตโน กิจฺเจน จ, สภาโว เอว วา ตถา นิปฺผชฺชนโต ‘‘รโส’’ติ วุตฺโต.
๑๑๐. ฉพฺพิเธน นิมิตฺตํ คเหตพฺพนฺติ วณฺณาทินา ฉปฺปกาเรน ตาว อุทฺธุมาตกอสุภนิมิตฺตํ คเหตพฺพํ. เกจิ ‘‘กเฬวรสฺส ทีฆรสฺสาทิปฺปมาเณน สทฺธึ สตฺตวิเธนา’’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถายํ นตฺถิ. ลิงฺคโตติ เอตฺถ ลิงฺคํ นาม วโย ลิงฺคํ, น ถนมสฺสุอาทิ อิตฺถิปุริสลิงฺคนฺติ ทสฺเสนฺเตน ‘‘อิตฺถิลิงฺคํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ิตสฺส สตฺตสฺส อิทํ สรีรนฺติ สมฺพนฺโธ. อุทฺธุมาตกสณฺานวเสเนว, น ปากติกสณฺานวเสน. เอเตน ยทิ ตตฺถ โกจิ อนุทฺธุมาตกภาวปฺปตฺโต ปเทโส สิยา, โส น คเหตพฺโพติ ทสฺเสติ. โอฬาริกาวยววเสน อิทํ สณฺานววตฺถานํ, น สุขุมาวยววเสนาติ สีสสณฺานาทิกํ นววิธเมว สณฺานํ คหิตํ.
อิมิสฺสา ทิสายาติ อิมิสฺสา ปุรตฺถิมาย, ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตราย ทิสาย, อนุทิสาย วา ิโตติ โยชนา. อิมสฺมึ นาม โอกาเส หตฺถาติ อิมสฺมึ นาม ภูมิปฺปเทเส อิมสฺส กเฬวรสฺส หตฺถา ิตาติ ววตฺถเปตพฺพนฺติ โยชนา.
อโธ ปาทตเลนาติอาทิ นาภิยา เหฏฺา อโธ, ตโต อุทฺธํ อุปรีติ อิมสฺส ววตฺถานสฺส วเสน วุตฺตํ. หตฺถปริจฺเฉโท เหฏฺา องฺคุลิอคฺเคน อุปริ อํสกูฏสนฺธินา ติริยํ ตจปริยนฺเตน คเหตพฺโพ. เอส นโย ปาทปริจฺเฉทาทีสุปิ. ยตฺตกํ วา ปน านํ คณฺหตีติ สเจ สพฺพํ สรีรํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา คเหตุํ น สกฺโกติ, ปเทโส ตสฺส อุทฺธุมาโต, โส ¶ ยตฺตกํ สรีรปฺปเทสํ อุทฺธุมาตกวเสน าเณน ปริคฺคณฺหาติ, ตตฺตกเมว ยถาปริคฺคหิตเมว. อิทํ อีทิสนฺติ อิทํ หตฺถาทิกํ อีทิสํ เอวมาการํ. อุทฺธุมาตกนฺติ ยถาสภาวโต ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ. วิสภาเค สรีเร อารมฺมณนฺติ กมฺมฏฺานํ ปฏิกฺกูลากาโร น อุปฏฺาติ น ขายติ, สุภโต อุปฏฺเหยฺย. เตนาห ‘‘วิปฺผนฺทนสฺเสว ปจฺจโย โหตี’’ติ, กิเลสปริปฺผนฺทนสฺเสว นิมิตฺตํ โหตีติ อตฺโถ. อุคฺฆาฏิตาปีติ ¶ อุทฺธุมาตภาวปฺปตฺตาปิ, สพฺพโส กุถิตสรีราปีติ วา อตฺโถ. สฺวายมตฺโถ ปมปาราชิเก (ปารา. ๖๗ อาทโย) วินีตวตฺถูหิ ทีเปตพฺโพ.
๑๑๑. อาเสวิตกมฺมฏฺาโนติ อสุภกมฺมฏฺาเน กตปริจโย. โสสานิกงฺคาทีนํ วเสน ปริหตธุตงฺโค. จตุธาตุววตฺถานวเสน ปริมทฺทิตมหาภูโต. สลกฺขณโต าเณน ปริคฺคหิตสงฺขาโร. ปจฺจยปริคฺคหวเสน ววตฺถาปิตนามรูโป. สลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย อุกฺกํสเนน สฺุตานุปสฺสนาพเลน อุคฺฆาฏิตสตฺตสฺโ. วิปสฺสนาย ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิสมฺปาปเนน กตสมณธมฺโม. ตโต เอว สพฺพโส กุสลวาสนาย, กุสลภาวนาย จ ปูรเณน วาสิตวาสโน ภาวิตภาวโน. วิวฏฺฏูปนิสฺสยกุสลพีเชน สพีโช. าณสฺส ปริปกฺกภาเวน าณุตฺตโร. ยถาวุตฺตาย ปฏิปตฺติยา กิเลสานํ ตนุกรเณน อปฺปกิเลโส. โอโลกิโตโลกิตฏฺาเนเยวาติ อุทฺธุมาตกาทิอสุภสฺส ยตฺถ ยตฺถ โอโลกิโตโลกิตฏฺาเน เอว, ตาทิสสฺส กาลวิเสโส, อสุภสฺส ปเทสวิเสโส วา อเปกฺขิตพฺโพ นตฺถีติ อตฺโถ. โน เจ เอวํ อุปฏฺาตีติ เอวํ ยถาวุตฺตปุริสวิเสสสฺส วิย ปฏิภาคนิมิตฺตํ โน เจ อุปฏฺาติ. เอวํ ฉพฺพิเธนาติ เอวํ วุตฺตากาเรน วณฺณาทิวเสน ฉพฺพิเธน. ปุนปีติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน นิมิตฺตคฺคหณวิธึ สมฺปิณฺเฑติ, น ปฺจวิธตํ. ฉพฺพิเธน หิ ปุพฺเพ นิมิตฺตคฺคหณํ วิหิตํ.
๑๑๒. อสีติสตสนฺธิโตติ สพฺเพปิ สนฺธโย ตทาปิ อตฺเถวาติ ทสฺสนตฺถํ วตฺวา อุทฺธุมาตภาเวน เยภุยฺเยน น ปฺายนฺติ. เย ปน ปฺายนฺติ, เต ววตฺถเปตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทฺธุมาตเก ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตโย ทกฺขิณหตฺถสนฺธีติ อํสกปฺปรมณิพนฺธานํ วเสน ¶ ตโย ทกฺขิณหตฺถสนฺธโย. ตถา วามหตฺถสนฺธโย. กฏิชณฺณุโคปฺผกานํ วเสน ตโย ทกฺขิณปาทสนฺธโย. ตถา วามปาทสนฺธโย. เอโก กฏิสนฺธีติ กฏิยา สทฺธึ ปิฏฺิกณฺฏกสนฺธึ สนฺธาย วทติ. หตฺถนฺตรนฺติ ทกฺขิณหตฺถทกฺขิณปสฺสานํ, วามหตฺถวามปสฺสานฺจ อนฺตรํ วิวรํ. ปาทนฺตรนฺติ อุภินฺนํ ปาทานํ เวมชฺฌํ. อุทรนฺตรนฺติ นาภิฏฺานสฺิตํ กุจฺฉิเวมชฺฌํ, อุทรสฺส วา อพฺภนฺตรํ. กณฺณนฺตรนฺติ กณฺณฉิทฺทํ. อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน นาสจฺฉิทฺทาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อกฺขีนํ, มุขสฺส จ วเสนาปิ วิวรํ ลพฺภเตวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อกฺขีนมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมนฺตโตติ เอวํ สนฺธิอาทิโต อุทฺธุมาตกํ ววตฺถเปนฺตสฺส เจ นิมิตฺตํ อุปติฏฺติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ, สมนฺตโต ววตฺถเปตพฺพนฺติ ววตฺถาปนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สกลสรีเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ าณํ จาเรตฺวาติ สพฺพตฺถกเมว สรีรํ ¶ อาวชฺเชตฺวา ตตฺถ ปฏิกฺกูลาการสหิตํ อุทฺธุมาตกภาวํ อารพฺภ นิรนฺตรํ ภาวนาาณํ ปวตฺเตตฺวา. ยํ านนฺติ เอวํ ปน าณํ จาเรนฺตสฺส ตสฺมึ สรีเร โย ปเทโส วิภูโต หุตฺวา อุทฺธุมาตกากาเรน วิภูตภาเวน อุปฏฺาติ. อุทรปริโยสานํ อุปริมสรีรํ.
วินิจฺฉยกถาวณฺณนา
๑๑๓. วินิจฺฉยกถาติ วินิจฺฉยสหิตา อตฺถวณฺณนา. ยถาวุตฺตนิมิตฺตคฺคาหวเสนาติ วณฺณาทิโต, สนฺธิอาทิโต จ วุตฺตปฺปการอุทฺธุมาตกนิมิตฺตคฺคหณวเสน. สุฏฺุ นิมิตฺตํ คณฺหิตพฺพนฺติ ยถา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฏฺหติ, เอวํ สมฺมเทว อสุภนิมิตฺตํ คเหตพฺพํ. อิทานิ ตเมว นิมิตฺตสฺส สุฏฺุ คหณาการํ อุปทิสนฺโต ‘‘สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอวํ ปุนปฺปุนํ กโรนฺเตนาติ ยถา ‘‘อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ สฺชาตาทเรน สติสมฺปชฺฺจ สุฏฺุ อุปฏฺเปตฺวา อุทฺธุมาตกอสุภํ ปมํ อาวชฺชิตํ, เอวํ ปุนปฺปุนํ ตตฺถ อาวชฺชนํ กโรนฺเตน. สาธุกํ อุปธาเรตพฺพฺเจว ววตฺถเปตพฺพฺจาติ สกฺกจฺจํ สติยา สลฺลกฺเขตพฺพฺเจว ปฺาย นิจฺเฉตพฺพฺจ. สติ หิ ‘‘ธารณา’’ติ นิทฺทิฏฺา, ธารณฺเจตฺถ สลฺลกฺขณํ. ปฺา ‘‘ปวิจโย’’ติ (ธ. ส. ๑๖) นิทฺทิฏฺา, ปวิจโย เจตฺถ นิจฺฉโยติ. อถ วา อุปธาเรตพฺพนฺติ สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อุปลกฺเขตพฺพํ ¶ . น หิ กทาจิ สติรหิตา ปฺา อตฺถิ. ววตฺถเปตพฺพนฺติ ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา นิจฺฉินิตพฺพํ. ปฺาสหิตา เอว หิ สติ อิธาธิปฺเปตา, น ตพฺพิรหิตา. อทฺธกฺขิอปงฺคาทิวเสนาปิ โอโลกนํ อตฺถีติ ‘‘อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เตน ปริพฺยตฺตเมว โอโลกนํ ทสฺเสติ. เอวํ ปุนปฺปุนํ กโรนฺตสฺสาติ วุตฺตปฺปกาเรน จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวา โอโลกนํ, นิมฺมีเลตฺวา อาวชฺชนฺจ อปราปรํ อเนกวารํ กโรนฺตสฺส. อุคฺคหนิมิตฺตนฺติ อุทฺธุมาตเก อุคฺคณฺหนนิมิตฺตํ. สุคฺคหิตนฺติ สุฏฺุ คหิตํ. ยถา น วินสฺสติ น ปมุฏฺํ โหติ, เอวํ คหิตํ. เอกสทิสนฺติ สมานสทิสํ. สมานตฺโถ หิ อยํ เอก-สทฺโท, ยถา ‘‘อริยวินเยติ วา, สปฺปุริสวินเยติ วา, เอเสเส เอเก เอกฏฺเ สเม สมภาเค ตชฺชาเต ตฺเ วา’’ติ.
อาคมนกาเลติ วิหารโต สุสานํ อุทฺทิสฺส อาคมนกาเล. วุตฺตนเยเนวาติ อติเทสวเสน ทีปิตมฺปิ อตฺถํ ‘‘เอกเกนา’’ติอาทินา สรูปโต ทสฺเสติ. ตตฺถ ตเทว กมฺมฏฺานนฺติ อุทฺธุมาตกกมฺมฏฺานํ. มูลกมฺมฏฺานนฺติ เอเก, ตทยุตฺตํ. อุปฏฺิตนิมิตฺตํ หิ กมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา ¶ กมฺมฏฺานนฺตรมนสิกาโร รฺโ รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา วิเทสคมนํ วิยาติ. อาคเตนาติ อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคเตน.
๑๑๔. อเวลายนฺติ สฺฌาเวลาทิอยุตฺตเวลายํ. พีภจฺฉนฺติ วิรูปํ. เภรวารมฺมณนฺติ เวตาฬสทิสํ ภยานกํ วิสยํ. วิกฺขิตฺตจิตฺโตติ ภีรุกปุริโส วิย ปิสาจาทึ ทิสฺวา จิตฺตวิกฺเขปํ ปตฺโต. อุมฺมตฺตโก วิยาติ ยกฺขุมฺมตฺตโก วิย เอกจฺโจ โหติ. ฌานวิพฺภนฺตโกติ ฌานโต วิจฺจุตโก สีลวิพฺภนฺตกมนฺตวิพฺภนฺตกา วิย. สนฺถมฺเภตฺวาติ อุปฺปนฺนปริตฺตาสวูปสมเนน วิคตกมฺปตาย นิจฺจโล หุตฺวา. สตึ สูปฏฺิตนฺติอาทิ สนฺถมฺภนสฺส อุปายทสฺสนํ. มตสรีรํ อุฏฺหิตฺวา อนุพนฺธนกํ นาม นตฺถิ อสติ ตาทิเส มนฺตปฺปโยเค. โสปิ อุทฺธุมาตกาทิภาวมปฺปตฺเต อวินฏฺรูเป เอว อิชฺฌติ, ตถา เทวตาธิคฺคโห, น เอวรูเปติ อธิปฺปาโย. สฺโชติ ภาวนาปริกปฺปสฺาย ชาโต. ตโต เอว สฺาสมฺภโว สฺามตฺตสมุฏฺาโน. ตาสํ วิโนเทตฺวาติ นิมิตฺตุปฏฺานนิมิตฺตํ อุปฺปนฺนจิตฺตสนฺตาสํ วุตฺตปฺปกาเรน วิโนเทตฺวา วูปสเมตฺวา ¶ . ‘‘อิทานิ ตว ปริสฺสโม สปฺผโล ชาโต’’ติ หาสํ ปีตึ ปโมทนํ อุปฺปาเทตฺวา. จิตฺตํ สฺจราเปตพฺพนฺติ ภาวนาจิตฺตํ ปวตฺเตตพฺพํ มนสิกาตพฺพํ.
นิมิตฺตคฺคาหนฺติ นิมิตฺตสฺส อุคฺคณฺหนํ, อุคฺคหนิมิตฺตํ. สมฺปาเทนฺโตติ สาเธนฺโต นิปฺผาเทนฺโต. กมฺมฏฺานํ อุปนิพนฺธตีติ ภาวนํ ยถาวุตฺเต นิมิตฺเต อุปเนนฺโต นิพนฺธติ. โยคกมฺมํ หิ โยคิโน สุขวิเสสานํ การณภาวโต ‘‘กมฺมฏฺาน’’นฺติ อธิปฺเปตํ, โยคกมฺมสฺส วา ปวตฺติฏฺานตาย ยถาอุปฏฺิตนิมิตฺตํ กมฺมฏฺานํ, ตํ ภาวนาจิตฺเต อุปนิพนฺธติ. ตํ ปนสฺส อุปนิพนฺธนํ สนฺธาย จิตฺตํ สฺจราเปตพฺพํ. เอวํ ‘‘วิเสสมธิคจฺฉตี’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺสาติ โยคิโน, ตสฺส วา อุทฺธุมาตกาสุภสฺส. มานสํ จาเรนฺตสฺสาติ ภาวนาจิตฺตํ อปราปรํ ปวตฺเตนฺตสฺส, อุคฺคหนิมิตฺตํ ปุนปฺปุนํ มนสิ กโรนฺตสฺสาติ อตฺโถ.
๑๑๕. ‘‘วีถิสมฺปฏิปาทนตฺถา’’ติ ปทสฺส ‘‘กมฺมฏฺานวีถิยา สมฺปฏิปาทนตฺถา’’ติ อตฺถํ วตฺวา ตํ ปน กมฺมฏฺานวีถึ, ตสฺสา จ สมฺปฏิปาทนวิธึ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กติมีติ ปกฺขสฺส กตมี, กึ ทุติยา, ตติยาทีสุ วา อฺตราติ อตฺโถ. ตุณฺหีภูเตน คนฺตุํ น วฏฺฏติ ปุจฺฉนฺตานํ จิตฺตสฺส อฺถตฺตปริหรณตฺถํ. อปฺปสนฺนานฺหิ ปสาทาย, ปสนฺนานฺจ ภิยฺโยภาวาย สาสนสมฺปฏิปตฺติ. นสฺสตีติ น ทิสฺสติ ¶ , น อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. ‘‘อาคนฺตุกปฏิสนฺถาโร กาตพฺโพ’’ติ อิมินา อาคนฺตุกวตฺตํ เอกเทเสน ทสฺสิตนฺติ ‘‘อวเสสานิปี’’ติ วตฺวา อาคนฺตุกวตฺตํ ปริปุณฺณํ คเหตุํ ปุน อาคนฺตุกคฺคหณํ กตํ. คมิกวตฺตาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อาวาสิกอนุโมทนปิณฺฑจาริกอนุโมทนปิณฺฑจาริกอารฺิกเสนาสนวจฺจกุฏิวตฺตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. วตฺตกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๕๖) หิ อาคตานิ มหาวตฺตานิ อิธ ‘‘ขนฺธกวตฺตานี’’ติ วุตฺตานิ. ตชฺชนียกมฺมกตาทิกาเล ปน ปาริวาสิกาทิกาเล จ จริตพฺพานิ อิมสฺส ภิกฺขุโน อสมฺภวโต อิธ นาธิปฺเปตานิ. นิมิตฺตํ วา อนฺตรธายตีติ สุสาเน ิตํ อสุภนิมิตฺตํ อุทฺธุมาตกภาวาปคเมน อนฺตรธายติ. เตนาห ‘‘อุทฺธุมาตก’’นฺติอาทิ. ตสฺมาติ เตน ¶ การเณน, อิมสฺส กมฺมฏฺานสฺส ทุลฺลภตฺตาติ อตฺโถ. นิสีทิตฺวา ปจฺจเวกฺขิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ.
นิมิตฺตํ คเหตุํ คมเน วิย นิมิตฺตํ คเหตฺวา นิวตฺตเนปิ ยถาสลฺลกฺขิตทิสาทิปจฺจเวกฺขณํ ยาว นิมิตฺตวินาสา ปวตฺติตกิริยาย อวิจฺเฉเทน อุปธารณตฺถํ. สติ หิ ตสฺส นิรนฺตรูปธารเณ วิหารํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนกาเล กมฺมฏฺานสฺส อุปฏฺิตากาโร สมถนิมิตฺตสฺส คหเณ จิตฺตสฺส สมาหิตากาโร วิย ปากโฏ หุตฺวา อุปติฏฺเยฺยาติ. เตนาห ‘‘ตสฺเสวํ…เป… วีถึ ปฏิปชฺชตี’’ติ. ปุริมากาเรน นิมิตฺตสฺส ปากฏภาเวน อุปฏฺิตตฺตา ปุริมากาเรเนว กมฺมฏฺานมนสิกาโร ภาวนาวีถึ ปฏิปชฺชติ.
๑๑๖. อุทฺธุมาตกํ นาม อติวิย อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูลํ พีภจฺฉํ ภยานกฺจ, เอวรูเป อารมฺมเณ ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส เอวํ อาพทฺธปริกมฺมสฺส ถิรีภูตสฺเสว โยคิโน อธิปฺปาโย สมิชฺฌตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อานิสํสทสฺสาวี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวนฺติ เอวเมว วุตฺตปฺปกาเรเนว อานิสํสทสฺสาวินา. ตํ รกฺเขยฺยาติ ‘‘อทฺธา อิมินา สุขํ ชีวิสฺสามี’’ติ อตฺตโน ชีวิตํ วิย ตํ มณิรตนํ รกฺเขยฺย. จตุธาตุกมฺมฏฺานิโกติอาทิ เนสํ กมฺมฏฺานานํ สุลภตาทสฺสนํ. ตตฺถ จตุธาตุกมฺมฏฺานิโกติ จตุธาตุกมฺมฏฺานํ วา ตตฺถ วา นิยุตฺโต, จตุธาตุกมฺมฏฺานํ วา ปริหรนฺโต. อิตรานีติ วุตฺตาวสิฏฺานิ อนุสฺสติพฺรหฺมวิหาราทีนิ. ตํ นิมิตฺตนฺติ ตํ ยถาลทฺธํ อุคฺคหนิมิตฺตํ. ‘‘รกฺขิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา รกฺขณวิธึ ปุน ทสฺเสตุํ ‘‘รตฺติฏฺาเน’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๑๑๗. นานา กรียติ เอเตนาติ นานากรณํ, เภโท. พีภจฺฉํ เภรวทสฺสนํ หุตฺวา อุปฏฺาติ มนสิการสฺส ¶ อนุฬารตาย, อนุปสนฺตตาย จ อารมฺมณสฺส. ตพฺพิปริยายโต ‘‘ปฏิภาคนิมิตฺตํ ถูลงฺคปจฺจงฺคปุริโส วิย อุปฏฺาตี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. พหิทฺธาติ โคจรชฺฌตฺตโต พหิทฺธา. กามานํ อมนสิการาติ อสุภภาวนานุภาเวน กามสฺาย ทูรสมุสฺสาริตตฺตา กามคุเณ อารพฺภ มนสิการสฺเสว อภาวา. อมนสิการาติ วา มนสิการปฏิปกฺขเหตุ. ยาย หิ กามสฺาย วเสน สตฺตา กาเม มนสิ กโรนฺติ, ตสฺสา ปฏิปกฺขภูตา อสุภสฺา กามานํ อมนสิกาโร, ตนฺนิมิตฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ¶ ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน กามจฺฉนฺโท ปหียตี’’ติ. ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณาย หิ อสุภสฺาย สทฺธึ พลปฺปตฺโต สมาธิ อุปฺปชฺชมาโนว กามจฺฉนฺทํ วิกฺขมฺเภติ, อนุโรธมูลโก อาฆาโต มูลการเณ วิกฺขมฺภิเต วิกฺขมฺภิโตเยว โหตีติ อาห ‘‘อนุนย…เป… ปหียตี’’ติ. น หิ กทาจิ ปหีนานุนยสฺส พฺยาปาโท สมฺภวติ. ยถาวุตฺตอสุภสฺาสหคตา หิ ปีติ สาติสยา ปวตฺตมานาว พฺยาปาทํ วิกฺขมฺเภนฺตี ปวตฺตติ. ตถา อารทฺธวีริยตายาติ ยถา อุปจารชฺฌานํ อุปฺปชฺชติ, ตถา กมฺมฏฺานมนสิการวเสน ปคฺคหิตวีริยตาย. วีริยฺหิ ปคฺคณฺหนฺตสฺส สมฺมาสงฺกปฺโป มิจฺฉาสงฺกปฺปํ วิย สวิปฺผารตาย ถินมิทฺธํ วิกฺขมฺเภนฺตเมว อุปฺปชฺชติ.
วิปฺปฏิสาโร ปจฺฉานุตาโป, ตปฺปฏิปกฺขโต อวิปฺปฏิสาโร ทรถปริฬาหาภาเวน จิตฺตสฺส นิพฺพุตตา. ตสฺส อวิปฺปฏิสารสฺส ปจฺจยภูตํ สีลํ, ตํสหคตา ตทุปนิสฺสยา จ ปีติปสฺสทฺธิสุขาทโย สภาวโต, เหตุโต จ สนฺตสภาวา, เตสํ อนุยฺุชเนน อวูปสนฺตสภาวํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียตีติ อาห ‘‘อวิปฺปฏิสารกรสนฺตธมฺมานุโยควเสน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียตี’’ติ. ภาวนาย หิ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ อาวหนฺติยา ยํ สาติสยํ สุขํ ลพฺภติ, ตํ อนุปสนฺตสภาวํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ วิกฺขมฺเภนฺตเมว อุปฺปชฺชติ. อธิคตวิเสสสฺสาติ ยถาธิคตสฺส ภาวนาวิเสสสฺส. ปจฺจกฺขตายาติ ปฏิปชฺชนฺตสฺส โยคิโน ปจฺจกฺขภาวโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, โย เอวรูปึ สมฺมาปฏิปตฺตึ เทเสตี’’ติ ปฏิปตฺติเทสเก สตฺถริ. ปฏิปตฺติยนฺติ ปฏิปชฺชมานชฺฌานปฏิปตฺติยํ. ปฏิปตฺติผเลติ ตาย สาเธตพฺเพ โลกิยโลกุตฺตรผเล. วิจิกิจฺฉา ปหียติ ธมฺมนฺวยวิจาราหิตพเลน วิจารพเลน. อิติ ปฺจ นีวรณานิ ปหียนฺตีติ เอวํ ปฏิภาคนิมิตฺตปฏิลาภสมกาลเมว เหฏฺา ปวตฺตภาวนานุภาวนิปฺผนฺเนหิ สมาธิอาทีหิ กามจฺฉนฺทาทีนิ ปฺจ นีวรณานิ วิกฺขมฺภนวเสน ปหียนฺติ. น หิ ปฏิปกฺเขน วินา ปหาตพฺพสฺส ปหานํ สมฺภวติ, ปฏิปกฺขา ¶ จ สมาธิอาทโย กามจฺฉนฺทาทีนํ. ยถาห เปฏเก ‘‘สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ปฏิปกฺโข’’ติอาทิ.
เตเนว ¶ จ ‘‘อิเมหิ เตสํ นีวรณานํ ปหาน’’นฺติ ปหานปริทีปนมุเขน ฌานงฺคานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมิฺเว จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺมิฺเว จาติ ยํ ตํ ยถาอุปฏฺิตํ อุคฺคหนิมิตฺตํ ภินฺทิตฺวา วิย อุปฏฺิตํ, ตสฺส ปฏิจฺฉนฺนภูตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ, ตสฺมิฺเว นิมิตฺเต. เจตโสติ อตฺตนา สมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส. อภินิโรปนลกฺขโณติ อาโรปนลกฺขโณ, อปฺปนาสภาโวติ อตฺโถ. นิมิตฺตานุมชฺชนํ ปฏิภาคนิมิตฺเต อนุวิจรณํ. อารมฺมเณ หิ ภมรสฺส ปทุมสฺสูปริ อนุปริพฺภมนํ วิย วิจารสฺส อนุวิจารณากาเรน ปวตฺติ อนุมชฺชนกิจฺจํ. วิเสโส เอว อธิคนฺตพฺพโต วิเสสาธิคโม, ปฏิลทฺโธ จ โส วิเสสาธิคโม จาติ ปฏิ…เป… คโม, ตปฺปจฺจยา ตํเหตุกา ปฏิลทฺธวิเสสาธิคมปจฺจยา ปีติ. ปีติมนสฺส ปีติสหิตจิตฺตสฺส. ปสฺสทฺธิสมฺภวโตติ กายจิตฺตปสฺสทฺธีนํ สํสิชฺฌนโต. ‘‘ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภตี’’ติ หิ วุตฺตํ. ปสฺสทฺธินิมิตฺตํ ปสฺสทฺธิเหตุกํ สุขํ ‘‘ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทิยตี’’ติ วจนโต. สุขนิมิตฺตา สุขปจฺจยา เอกคฺคตา. ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๖๖; อ. นิ. ๓.๙๖; ๑๑.๑๒) หิ วุตฺตํ. อิติ ฌานงฺคานิ ปาตุภวนฺตีติ เอวํ เอตานิ วิตกฺกาทีนิ ฌานงฺคานิ ตสฺมึเยว นิมิตฺเต อุปฺปชฺชนฺติ. ปมชฺฌานปฏิพิมฺพภูตนฺติ ปมชฺฌานสฺส ปฏิจฺฉนฺนภูตํ. ตงฺขณฺเว ปฏิภาคนิมิตฺตปฏิลาภสมกาลเมว อุปจารชฺฌานมฺปิ นิพฺพตฺตติ, น นีวรณปฺปหานเมวาติ อธิปฺปาโย.
วินีลกาทิกมฺมฏฺานวณฺณนา
๑๑๘. วินีลกาทีสุปิ กมฺมฏฺาเนสุ. ลกฺขณํ วุตฺตนฺติ ยํ ตํ นิมิตฺตคฺคหณลกฺขณํ วุตฺตํ. วุตฺตนเยเนวาติ อุทฺธุมาตเก วุตฺตนเยเนว. สห วินิจฺฉเยน, อธิปฺปาเยน จาติ สวินิจฺฉยาธิปฺปายํ. ตํ สพฺพํ ลกฺขณํ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.
กพรกพรวณฺณนฺติ เยภุยฺเยน สพลวณฺณํ. อุสฺสทวเสนาติ รตฺตเสตนีลวณฺเณสุ อุสฺสทสฺส วณฺณสฺส วเสน.
สนฺนิสินฺนนฺติ ¶ นิจฺจลภาเวเนว สพฺพโส ถิรตํ.
โจราฏวิยนฺติ โจเรหิ ปริยุฏฺิตอรฺเ. ยตฺถาติ ยสฺมึ อาฆาตเน. ฉินฺนปุริสฏฺาเนติ ฉินฺนปุริสวนฺเต าเน. นานาทิสายํ ปติตมฺปีติ ¶ ฉินฺนํ หุตฺวา สรีรสฺส ขณฺฑทฺวยํ วิสุํ ทิสาสุ ปติตมฺปิ. เอกาวชฺชเนนาติ เอกสมนฺนาหาเรน. อาปาถมาคจฺฉตีติ เอกชฺฌํ อาปาถํ อาคจฺฉติ. วิสฺสาสํ อาปชฺชตีติ อเชคุจฺฉิตํ อุปคจฺเฉยฺย เสยฺยถาปิ ฉวฑาหโก. สหตฺถา อปรามสเน ชิคุจฺฉา สณฺาติเยวาติ อาห ‘‘กตฺตรยฏฺิยา วา ทณฺฑเกน วา…เป… อุปนาเมตพฺพ’’นฺติ. วิจฺฉิทฺทกภาวปฺายนตฺถํ เอกงฺคุลนฺตรกรณํ. อุปนาเมตพฺพนฺติ อุปเนตพฺพํ.
ขายิตสทิสเมวาติ ขายิตาสุภสทิสเมว. องฺคุลงฺคุลนฺตรนฺติ วิวิธํ ขิตฺตํ สรีราวยวํ องฺคุลนฺตรํ องฺคุลนฺตรํ. กตฺวา วาติ กตฺตรยฏฺิยา วา ทณฺฑเกน วา สยํ กตฺวา วา.
ลทฺธปฺปหารานนฺติ ลทฺธาวุธปฺปหารานํ มุขโตติ สมฺพนฺโธ. มุขโตติ ปหาราทิมุขโต. ปคฺฆรมานกาเลติ โลหิตํ ปคฺฆรมานกาเล. โลหิตกํ ลพฺภตีติ โยชนา.
ตนฺติ ปุฬวกํ. เตสูติ โสณาทิสรีเรสุ. อฏฺิกนฺติ อฏฺิกอสุภํ นานปฺปการโต วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. ปุริมนเยเนวาติ ปุพฺเพ อุทฺธุมาตเก วุตฺตนเยเนว.
๑๑๙. ตนฺติ อฏฺิกํ. น อุปฏฺาตีติ สภาวโต น อุปฏฺาติ, ปฏิกฺกูลวเสน น อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โอทาตกสิณสมฺเภโท โหตี’’ติ. อฏฺิเก ปมวยาทิสํลกฺขณํ น สกฺกาติ ‘‘ลิงฺคนฺติ อิธ หตฺถาทีนํ นาม’’นฺติ วุตฺตํ. อฏฺิกสงฺขลิกา ปน ‘‘อยํ ทหรสฺส, อยํ โยพฺพเน ิตสฺส, อยํ อวยเวหิ วุทฺธิปตฺติสฺสา’’ติ เอวํ วยวเสน ววตฺถเปตุํ สกฺกุเณยฺยาว, อพฺยาปิตาย ปน น คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยทิปิ อฏฺิกสงฺขลิกายํ สนฺธิโต ววตฺถาปนํ ลพฺภติ, อฏฺิเก ปน น ลพฺภตีติ ตสฺส อนิยตภาวทีปนตฺถํ กมวิลงฺฆนํ กตฺวา ‘‘ตสฺส ตสฺส อฏฺิโน นินฺนฏฺานถลฏฺานวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นินฺนฏฺานํ นาม อฏฺิโน วินตปฺปเทโส. ถลฏฺานํ อุนฺนตปฺปเทโส. ฆฏิตฆฏิตฏฺานวเสนาติ อนุปคตนฺหารุพนฺธานํ, อิตเรสฺจ อฺมฺํ สํกิลิฏฺสํกิลิฏฺฏฺานวเสน. อนฺตรวเสนาติ อฺมฺสฺส อนฺตรวเสน, สุสิรวเสน จ. สพฺพตฺเถวาติ สกลาย อฏฺิสงฺขลิกาย, สพฺพสฺมึ วา อฏฺิเก.
๑๒๐. เอตฺถาติ ¶ ¶ เอตสฺมึ อฏฺิกาสุเภ. ยุชฺชมานวเสน สลฺลกฺเขตพฺพนฺติ ยํ นิมิตฺตคฺคหณํ ยตฺถ ยุชฺชติ, ตํ ตตฺถ อุคฺคณฺหนตฺถํ นิมิตฺตคฺคหณวเสน อุปลกฺเขตพฺพํ. สกลายาติ อนวเสสภาคาย ปริปุณฺณาวยวาย. สมฺปชฺชติ นิมิตฺตุปฏฺานวเสน. เตสูติ อฏฺิกสงฺขลิกฏฺิเกสุ. วุตฺตํ อฏฺกถายํ. ตนฺติ ‘‘เอกสทิสเมวา’’ติ วจนํ. เอกสฺมึ อฏฺิเก ยุตฺตนฺติ อิทํ ยถา วินีลกาทีสุ อุภินฺนํ นิมิตฺตานํ ยถารหํ วณฺณวิเสสโต, ปริปุณฺณาปริปุณฺณโต, สวิวราวิวรโต, จลาจลโต จ วิเสโส ลพฺภติ, น เอวเมตสฺสาติ กตฺวา วุตฺตํ, น ปน สพฺเพน สพฺพํ วิเสสาภาวโต. เตเนวาห ‘‘เอกฏฺิเกปิ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ พีภจฺเฉนาติ สุวิภูตอฏฺิรูปตฺตา อฏฺิภาเวเนว วิรูเปน. ภยานเกนาติ เตเนว ปากติกสตฺตานํ ภยาวเหน. ปีติโสมนสฺสชนเกนาติ สณฺหมฏฺภาเวน อุปฏฺานโต, ภาวนาย จ สวิเสสตฺตา ปีติยา, โสมนสฺสสฺส จ อุปฺปาทเกน. เตเนวาห ‘‘อุปจาราวหตฺตา’’ติ.
อิมสฺมึ โอกาเสติ อุคฺคหปฏิภาคนิมิตฺตานํ วุตฺตฏฺาเน. ทฺวารํ ทตฺวา วาติ ‘‘ปฏิกฺกูลภาเวเยว ทิฏฺเ นิมิตฺตํ นาม โหตี’’ติ เอตฺตเก เอว อฏฺตฺวา อนนฺตรเมว ‘‘ทุวิธํ อิธ นิมิตฺต’’นฺติอาทินา อุคฺคหปฏิภาคนิมิตฺตานิ วิภชิตฺวา วจเนน ยถาวุตฺตสฺส นิมิตฺตวิภาคสฺส ทฺวารํ ทตฺวาว วุตฺตํ. นิพฺพิกปฺปนฺติ ‘‘สุภ’’นฺติ วิกปฺเปน นิพฺพิกปฺปํ, อสุภนฺตฺเววาติ อตฺโถ. วิจาเรตฺวาติ ‘‘เอกสฺมึ อฏฺิเก ยุตฺต’’นฺติอาทินา วิจาเรตฺวา.
มหาติสฺสตฺเถรสฺสาติ เจติยปพฺพตวาสีมหาติสฺสตฺเถรสฺส. นิทสฺสนานีติ ทนฺตฏฺิกมตฺตทสฺสเนน สกลสฺสาปิ ตสฺสา อิตฺถิยา สรีรสฺส อฏฺิสงฺฆาตภาเวน อุปฏฺานาทีนิ เอตฺถ อฏฺิกกมฺมฏฺาเน อุคฺคหปฏิภาคนิมิตฺตานํ วิเสสวิภาวนานิ อุทาหรณานิ.
สุภคุโณติ สวาสนานํ กิเลสานํ ปหีนตฺตา สุปริสุทฺธคุโณ. ทสสตโลจเนนาติ สหสฺสกฺเขน เทวานมินฺเทน. โส หิ เอกาสเนเนว สหสฺสอตฺถานํ วิจารณสมตฺเถน ปฺาจกฺขุนา สมนฺนาคตตฺตา ‘‘สหสฺสกฺโข’’ติ วุจฺจติ. ถุตกิตฺตีติ ‘‘โย ธีโร สพฺพธิ ทนฺโต’’ติอาทินา (มหาว. ๕๘) อภิตฺถุตกิตฺติสทฺโท.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
๑๒๑. อุชุปฏิปกฺเขน ¶ ¶ ปหีนภาวํ สนฺธายาห ‘‘สุวิกฺขมฺภิตราคตฺตา’’ติ. อสุภปฺปเภโทติ อุทฺธุมาตกาทิอสุภวิภาโค. สรีรสภาวปฺปตฺติวเสนาติ สรีรสฺส อตฺตโน สภาวูปคมนวเสน. สรีรฺหิ วินสฺสมานํ อฺรูเปน ิตสฺส รกฺขสสฺส วิย สภาวปฺปตฺติวเสเนว วินสฺสติ. ราคจริตเภทวเสนาติ ราคจริตวิภาควเสน. ยทิ สรีรสภาวปฺปตฺติวเสน อยมสุภปฺปเภโท วุตฺโต, มหาสติปฏฺานาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๒ อาทโย; ม. นิ. ๑.๑๐๕ อาทโย) กถํ นวปฺปเภโทติ? โส สรสโต เอว สภาวปฺปตฺติวเสน วุตฺโต, อยํ ปน ปรูปกฺกเมนาปิ. ตตฺถ จ อิธาคเตสุ ทสสุ อสุเภสุ เอกจฺจาเนว คหิตานิ, อฏฺิกฺจ ปฺจวิธา วิภตฺตํ. ตานิ จ วิปสฺสนาวเสน, อิมานิ สมถวเสนาติ ปากโฏยํ เภโทติ.
อิเมสํ ปน ทสฺสนมฺปิ อสุภภาวสามฺเน สติปิ อวิเสสโต ราคจริตานํ สปฺปายภาเว ยํ วุตฺตํ ‘‘ราคจริตเภทวเสน จา’’ติ, ตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘วิเสสโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. สูนภาเวน สุสณฺิตมฺปิ สรีรํ ทุสฺสณฺิตเมว โหตีติ อุทฺธุมาตกสรีเร สณฺานวิปตฺตึ ทีเปตีติ อาห ‘‘สรีรสณฺานวิปตฺติปฺปกาสนโต’’ติ. สณฺานสมฺปตฺติยํ รตฺโต สณฺานราคี, ตสฺส สปฺปายํ สณฺานราคสฺส วิกฺขมฺภนุปายภาวโต. กาโย เอว กายวโณ, ตตฺถ ปฏิพทฺธสฺส นิสฺสิตสฺส. สุสิรภาวปฺปกาสนโตติ สุสิรสฺส วิวรสฺส อตฺถิภาวปฺปกาสนโต. สรีเร ฆนภาวราคิโนติ สรีเร องฺคปจฺจงฺคานํ ถิรภาวํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนกราควโต. วิกฺเขปปฺปกาสนโตติ โสณสิงฺคาลาทีหิ อิโต จิโต จ วิกฺเขปสฺส ปกาสนโต องฺคปจฺจงฺคลีลาราคิโน สปฺปายํ. อีทิสานํ กิร อนวฏฺิตรูปานํ อวยวานํ โก ลีฬาวิลาโสติ วิราคสมฺภวโต. สงฺฆาตเภทวิการปฺปกาสนโตติ สงฺฆาตสฺส องฺคปจฺจงฺคานํ สํหตภาวสฺส สุสมฺพนฺธตาย เภโท เอว วิกาโร สงฺฆาตเภทวิกาโร, ตสฺส ปกาสนโต. โลหิตํ มกฺขิตํ หุตฺวา ปฏิกฺกูลภาโว โลหิตมกฺขิตปฏิกฺกูลภาโว, ตสฺส ปกาสนโต. มมตฺตราคิโนติ ‘‘มม อย’’นฺติ อุปฺปชฺชนกราควโต. ทนฺตสมฺปตฺติราคิโนติ ทนฺตสมฺปตฺติยํ รชฺชนสีลสฺส.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ อุทฺธุมาตกาทิเก ปมชฺฌานเมว อุปฺปชฺชติ, น ทุติยาทีนีติ อนุโยคํ ¶ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. อปริสณฺิตชลายาติ โสตวเสน ปวตฺติยา สมนฺตโต อฏฺิตชลาย อสนฺนิสินฺนสลิลาย. อริตฺตพเลนาติ ปาชนทณฺฑพเลน. ทุพฺพลตฺตา อารมฺมณสฺสาติ ปฏิกฺกูลภาเวน อตฺตนิ จิตฺตํ เปตุํ อสมตฺถภาโว อารมฺมณสฺส ทุพฺพลตา. ปฏิกฺกูเล หิ อารมฺมเณ สรสโต จิตฺตํ ปวตฺติตุํ น สกฺโกติ, อภินิโรปนลกฺขเณน ปน วิตกฺเกน อภินิโรปิยมานเมว จิตฺตํ เอกคฺคตํ ลภติ. น วินา วิตกฺเกนาติ วิตกฺกรหิตานิ ทุติยาทิชฺฌานานิ ตตฺถ ปติฏฺํ น ลภนฺติ. เตนาห ‘‘วิตกฺกพเลเนวา’’ติอาทิ.
ยทิ ปฏิกฺกูลภาวโต อุทฺธุมาตาทิอารมฺมเณ ทุติยาทิชฺฌานานิ น ปวตฺตนฺติ, เอวํ สนฺเต ปมชฺฌาเนนาปิ ตตฺถ น อุปฺปชฺชิตพฺพํ. น หิ ตตฺถ ปีติโสมนสฺสานํ สมฺภโว ยุตฺโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ปฏิกฺกูเลปิ จ เอตสฺมิ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อานิสํสทสฺสาวิตานีวรณสนฺตาปโรควูปสมานํ ยถากฺกมํ ปุปฺผจฺฉฑฺฑก, วมนวิเรจนอุปมา โยเชตพฺพา.
๑๒๒. ยถาวุตฺตการเณน ทสธา ววตฺถิตมฺปิ สภาวโต เอกวิธเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทสวิธมฺปิ เจต’’นฺติอาทึ วตฺวา สฺวายํ สภาโว ยถา อวิฺาณเกสุ, เอวํ สวิฺาณเกสุปิ ลพฺภเตว. ตสฺมา ตตฺถาปิ โยนิโสมนสิการวโต ภาวนา อิชฺฌเตวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเทตํ อิมินา ลกฺขเณนา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ชีวมานกสรีเร. อลงฺกาเรนาติ ปฏิชคฺคนปุพฺพเกน อลงฺกรเณน. น ปฺายติ ปจุรชนสฺสาติ อธิปฺปาโย. อติเรกติสตอฏฺิกสมุสฺสยํ ทนฺตฏฺิเกหิ สทฺธึ, เตหิ ปน วินา ‘‘ติมตฺตานิ อฏฺิสตานี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙๐) กายคตาสติยํ วกฺขติ. ฉิทฺทาวฉิทฺทนฺติ ขุทฺทานุขุทฺทฉิทฺทวนฺตํ. เมทกถาลิกา เมทภริตภาชนํ. นิจฺจุคฺฆริตปคฺฆริตนฺติ นิจฺจกาลํ อุปริ, เหฏฺา จ วิสฺสวนฺตํ. เวมตฺตนฺติ นานตฺตํ. นานาวตฺเถหีติ นานาวณฺเณหิ วตฺเถหิ. หิริยา ลชฺชาย โกปนโต วินาสนโต หิริโกปินํ, อุจฺจารปสฺสาวมคฺคํ. ยาถาวสรสนฺติ ยถาภูตํ สภาวํ. ยาถาวโต รสียติ ายตีติ หิ รโส, สภาโว. รตินฺติ อภิรตึ อภิรุจึ. อตฺตสิเนหสงฺขาเตน ¶ ราเคน รตฺตา อตฺตสิเนหราครตฺตา. วิหฺมาเนนาติ อิจฺฉิตาลาเภน วิฆาตํ อาปชฺชนฺเตน.
กึสุกนฺติ ปาลิภทฺทกํ, ปลาโสติ เกจิ, สิมฺพลีติ อปเร. อติโลลุโปติ อติวิย โลลสภาโว ¶ . อทุนฺติ เอตํ. นนฺติ เกสาทิสรีรโกฏฺาสํ. มุจฺฉิตาติ โมหิตา, มุจฺฉาปาปิกาย วา ตณฺหาย วเสน มุจฺฉํ ปตฺตา. สภาวนฺติ ปฏิกฺกูลภาวํ.
อุกฺกรูปโมติ อุจฺจารปสฺสาวฏฺานสโม, วจฺจกูปสโม วา. จกฺขุภูเตหีติ จกฺขุํ ปตฺเตหิ ปฏิลทฺธปฺาจกฺขุเกหิ, โลกสฺส วา จกฺขุภูเตหิ. อลฺลจมฺมปฏิจฺฉนฺโนติ อลฺลจมฺมปริโยนทฺโธ.
ทพฺพชาติเกนาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม ปฏิลทฺธุํ ภพฺพรูเปน. ยตฺถ ยตฺถ สรีเร, สรีรสฺส วา ยตฺถ ยตฺถ โกฏฺาเส. นิมิตฺตํ คเหตฺวาติ อสุภาการสฺส สุฏฺุ สลฺลกฺขณวเสน ยถา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุคฺคณฺหนวเสน นิมิตฺตํ คเหตฺวา, อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. กมฺมฏฺานํ อปฺปนํ ปาเปตพฺพนฺติ ยถาลทฺเธ อุคฺคหนิมิตฺเต กมฺมํ กโรนฺเตน ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อุปจารชฺฌาเน ิเตน ตเมว ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺเตน อสุภกมฺมฏฺานํ อปฺปนํ ปาเปตพฺพํ. อธิคตปฺปโน หิ ปมชฺฌาเน ิโต ตเมว ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต นจิรสฺเสว สพฺพาสเว เขเปตีติ.
อสุภกมฺมฏฺานนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ ฉฏฺปริจฺเฉทวณฺณนา.
๗. ฉอนุสฺสตินิทฺเทสวณฺณนา
๑. พุทฺธานุสฺสติกถาวณฺณนา
๑๒๓. อสุภานนฺตรนฺติ ¶ ¶ อสุภกมฺมฏฺานานนฺตรํ. อนุสฺสตีสูติ อนุสฺสติกมฺมฏฺาเนสุ. ‘‘อนุ อนุ สติ อนุสฺสตี’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต’’ติ วตฺวา น เอตฺถ อนุ-สทฺทโยเคน สติ-สทฺโท อตฺถนฺตรวาจโกติ ทสฺเสตุํ ‘‘สติเยว อนุสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. เตน นายมนุ-สทฺโท ‘‘อุปลพฺภตี’’ติอาทีสุ อุป-สทฺโท วิย อนตฺถโก, นาปิ ‘‘สฺชานนํ ปชานน’’นฺติอาทีสุ สํ-สทฺทาทโย วิย อตฺถนฺตรทีปโกติ ทสฺเสติ. ‘‘ปวตฺติตพฺพฏฺานมฺหิเยว วา ปวตฺตตฺตา’’ติ อิมินา จ อนุสฺสติยา อนุสฺสริตพฺพานุรูปตา วุตฺตา โหตีติ ปวตฺตกสฺเสว อนุรูปตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุลปุตฺตสฺส อนุรูปา’’ติ วุตฺตํ, สทฺธาปพฺพชิตสฺส วา กุลปุตฺตสฺส. อนุรูปตา นาม ปวตฺติตพฺพฏฺานสฺส อนุรูปตาย เอว โหตีติ ปวตฺตกสฺเสว อนุรูปตา วุตฺตา, น อุภยสฺส. อนุรูปาติ จ ยุตฺตาติ อตฺโถ. พุทฺธนฺติ เย คุเณ อุปาทาย ภควติ ‘‘พุทฺโธ’’ติ ปฺตฺติ, เต คุเณ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘พุทฺธคุณารมฺมณาย สติยา เอตมธิวจน’’นฺติ. อารพฺภาติ อาลมฺพิตฺวา. ธมฺมนฺติ ปริยตฺติธมฺเมน สทฺธึ นววิธมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ. นนุ จ นิพฺพานํ วิสุํ กมฺมฏฺานภาเวน วกฺขติ? กิฺจาปิ วกฺขติ, ธมฺมภาวสามฺเน ปน มคฺคผเลหิ สทฺธึ อิธ ปาฬิยา สงฺคหิตตฺตา ตสฺสาปิ ธมฺมานุสฺสติกมฺมฏฺาเน คหณํ ทฏฺพฺพํ, อสงฺขตามตาทิภาเวน ปน มคฺคผเลหิ วิสิฏฺตาย ตสฺส วิสุํ กมฺมฏฺานภาเวน คหณํ กตํ. สีลานุสฺสติอาทีนํ ปน ติสฺสนฺนํ อนุสฺสตีนํ วิสุํ กมฺมฏฺานภาเวน คหณํ โยคาวจรสฺส อตฺตโน เอว สีลสฺส จาคสฺส สทฺธาทีนฺจ อนุสฺสติฏฺานภาเวน คเหตพฺพตฺตา. รูปกายํ คตาติ อตฺตโน กรชกายํ อารพฺภ อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺตา. กาเยติ กาเย วิสยภูเต. โกฏฺาสนิมิตฺตารมฺมณายาติ เกสาทิโกฏฺาเสสุ ปฏิกฺกูลนิมิตฺตารมฺมณาย. อิโต ปุริมาสุ สตฺตสุ อนุสฺสตีสุ นตฺถิ นิมิตฺตุปฺปตฺติ ¶ , อิธ อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ นิมิตฺต-คฺคหณํ. ตถา อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตารมฺมณายาติ เอตฺถาปิ. อุปสมนฺติ สพฺพสงฺขารูปสมํ, นิพฺพานนฺติ อตฺโถ.
๑๒๔. อเวจฺจ ¶ พุทฺธคุเณ ยาถาวโต ตฺวา อุปฺปนฺโน ปสาโท อเวจฺจปฺปสาโท, อริยมคฺเคน อาคตปฺปสาโท, ตํสทิโสปิ วา โย ทิฏฺิคตวาเตหิ อจโล อสมฺปกมฺปิโย, เตน สมนฺนาคเตน. ตาทิสสฺส พุทฺธานุสฺสติภาวนา อิชฺฌติ, น อิตรสฺส. ปติรูปเสนาสเนติ ยถาวุตฺตอฏฺารสโทสวชฺชิเต ปฺจงฺคสมนฺนาคเต เสนาสเน. รโหคเตนาติ รหสิ คเตน. เตน กายวิเวกํ ทสฺเสติ. ปฏิสลฺลีเนนาติ นานารมฺมณโต ปฏิสลฺลีเนน, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต ปฏิกฺกมาเปตฺวา กมฺมฏฺาเน สลฺลีเนน, สุสิลิฏฺจิตฺเตนาติ อตฺโถ. เอวนฺติ อิมาย ปาฬิยา อาคตนเยน.
โส ภควาติ เอตฺถ โสติ โย โส สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ เทวานํ อติเทโว พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา โลกนาโถ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ สเทวเก โลเก ‘‘ภควา’’ติ ปตฺถฏกิตฺติสทฺโท, โส. ภควาติ อิทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กต’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๑๙๘, ๒๑๐; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒). ปรโต ปน ภควาติ คุณกิตฺตนํ. อรหนฺติอาทีสุ นวสุ าเนสุ ปจฺเจกํ อิติปิ-สทฺทํ โยเชตฺวา พุทฺธคุณา อนุสฺสริตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติปิ อรหํ…เป… อิติปิ ภควาติ อนุสฺสรตี’’ติ อาห. ‘‘อิติเปตํ ภูตํ อิติเปตํ ตจฺฉ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖) วิย อิติ-สทฺโท อาสนฺนปจฺจกฺขกรณตฺโถ, ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน เนสํ พหุภาโว ทีปิโต, ตานิ จ คุณสลฺลกฺขณการณานิ ภาเวนฺเตน จิตฺตสฺส สมฺมุขีภูตานิ กาตพฺพานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห.
๑๒๕. ทูรตา นาม อาสนฺนตา วิย อุปาทายุปาทาย วุจฺจตีติ ปรมุกฺกํสคตํ ทูรภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุวิทูรวิทูเร’’ติ อาห, สุฏฺุ วิทูรภาเวเนว วิทูเรติ อตฺโถ. สา ปนสฺส กิเลสโต ทูรตา เตสํ สพฺพโส ปหีนตฺตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มคฺเคน กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตา’’ติ. นนุ อฺเสมฺปิ ขีณาสวานํ เต ปหีนา เอวาติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สวาสนาน’’นฺติ. น หิ ภควนฺตํ เปตฺวา อฺเ สห วาสนาย กิเลเส ปหาตุํ สกฺโกนฺติ ¶ , เอเตน อฺเหิ อสาธารณํ ¶ ภควโต อรหตฺตนฺติ ทสฺสิตํ โหติ. กา ปนายํ วาสนา นาม? ปหีนกิเลสสฺสาปิ อปฺปหีนกิเลสสฺส ปโยคสทิสปโยคเหตุภูโต กิเลสนิหิโต สามตฺถิยวิเสโส อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉสฺส (ปารา. ๖๒๑) วสลสมุทาจารนิมิตฺตํ วิย. กถํ ปน ‘‘อารกา’’ติ วุตฺเต ‘‘กิเลเสหี’’ติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ? สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต, วิเสสตฺถินา จ วิเสสสฺส อนุปโยเชตพฺพโต, ‘‘อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทีนิ (ม. นิ. ๑.๔๓๔) สุตฺตปทาเนตฺถ อุทาหริตพฺพานิ. อารกาติ เจตฺถ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ, ก-การสฺส จ ห-การํ, สานุสารํ กตฺวา นิรุตฺตินเยน ‘‘อรห’’นฺติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. วุตฺตเมวตฺถํ สุขคฺคหณตฺถํ ‘‘โส ตโต อารกา นามา’’ติ คาถาพนฺธมาห. ตตฺถ สมฺชนสีโล สมงฺคี, น สมงฺคิตา อสมงฺคิตา อสมนฺนาคโม อสหวุตฺติตา.
๑๒๖. อนตฺถจรเณน กิเลสา เอว อรโยติ กิเลสารโย. ‘‘อรีนํ หตตฺตา อริหา’’ติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน ‘‘อรห’’นฺติ วุตฺตํ.
๑๒๗. ยฺเจตํ สํสารจกฺกนฺติ สมฺพนฺโธ. รถจกฺกสฺส นาภิ วิย มูลาวยวภูตํ อนฺโต, พหิ จ สมวฏฺิตํ อวิชฺชาภวตณฺหามยํ ทฺวยนฺติ วุตฺตํ ‘‘อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภี’’ติ. นาภิยา, เนมิยา จ สมฺพนฺธา อรสทิสา ปจฺจยผลภูเตหิ อวิชฺชาตณฺหาชรามรเณหิ สมฺพนฺธา ปฺุาทิสงฺขาราติ วุตฺตํ ‘‘ปฺุาทิอภิสงฺขาราร’’นฺติ. ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปริยนฺตภาเวน ปากฏํ ชรามรณนฺติ ตํ เนมิฏฺานิยํ กตฺวา อาห ‘‘ชรามรณเนมี’’ติ. ยถา จ รถจกฺกปวตฺติยา ปธานการณํ อกฺโข, เอวํ สํสารจกฺกปวตฺติยา อาสวสมุทโยติ อาห ‘‘อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา’’ติ. อาสวา เอว อวิชฺชาทีนํ การณตฺตา อาสวสมุทโย. ยถาห ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓). วิปากกฏตฺตารูปปฺปเภโท กามภวาทิโก ติภโว เอว รโถ, ตสฺมึ ติภวรเถ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ สมํ, สพฺพโส วา อาทิโต ปฏฺาย โยชิตนฺติ สมาโยชิตํ. อาทิรหิตํ กาลํ ปวตฺตตีติ กตฺวา อนาทิกาลปฺปวตฺตํ.
‘‘ขนฺธานฺจ ¶ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, ‘สํสาโร’ติ ปวุจฺจตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙) –
เอวํ ¶ วุตฺตสํสาโรว สํสารจกฺกํ. อเนนาติ ภควตา. โพธิมณฺเฑติ โพธิสงฺขาตสฺส าณสฺส มณฺฑภาวปฺปตฺเต าเน, กาเล วา. วีริยปาเทหีติ สํกิเลสโวทานปกฺขิเยสุ สนฺนิรุมฺภนสนฺนิกฺขิปนกิจฺจตาย ทฺวิธา ปวตฺเตหิ อตฺตโน วีริยสงฺขาเตหิ ปาเทหิ. สีลปถวิยนฺติ ปติฏฺฏฺเน สีลเมว ปถวี, ตสฺสํ. ปติฏฺายาติ สมฺปาทนวเสน ปติฏฺหิตฺวา. สทฺธาหตฺเถนาติ อนวชฺชธมฺมาทานสาธนโต สทฺธาว หตฺโถ, เตน. กมฺมกฺขยกรนฺติ กายกมฺมาทิเภทสฺส สพฺพสฺสปิ กมฺมสฺส ขยกรณโต กมฺมกฺขยกรํ. าณผรสุนฺติ สมาธิสิลายํ สุนิสิตมคฺคาณผรสุํ คเหตฺวา.
๑๒๘. เอวํ ‘‘อรานํ หตตฺตา’’ติ เอตฺถ วุตฺตอรฆาเต สํสารํ จกฺกํ วิย จกฺกนฺติ คเหตฺวา อตฺถโยชนํ กตฺวา อิทานิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนากฺกเมนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อนมตคฺคํ สํสารวฏฺฏนฺติ อนุ อนุ อมตคฺคํ อวิฺาตโกฏิกํ สํสารมณฺฑลํ. เสสา ทส ธมฺมา สงฺขาราทโย ชาติปริโยสานา อรา. กถํ? นาภิยา อวิชฺชาย มูลโต, เนมิยา ชรามรเณน อนฺตโต สมฺพนฺธตฺตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อวิชฺชามูลกตฺตา ชรามรณปริยนฺตตฺตา จา’’ติ. ทุกฺขาทีสูติ ทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺเคสุ. ตตฺถ ทุกฺเข อฺาณํ ตทนฺโตคธตฺตา, ตปฺปฏิจฺฉาทนโต จ, เสเสสุ ปฏิจฺฉาทนโตว. ทุกฺขนฺติ เจตฺถ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ อธิปฺเปตนฺติ ตํ กามภวาทิวเสน ติธา ภินฺทิตฺวา ตถา ตปฺปฏิจฺฉาทิกํ อวิชฺชํ, อวิชฺชาทิปจฺจเย ตีสุ ภเวสุ สงฺขาราทิเก จ ปฏิปาฏิยา ทสฺเสนฺโต ‘‘กามภเว จ อวิชฺชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กามภเว อวิชฺชาติ กามภเว อาทีนวปฺปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. รูปภเว อรูปภเว อวิชฺชาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กามภเว สงฺขารานนฺติ กามภูมิปริยาปนฺนานํ สงฺขารานํ, กามภเว วา นิปฺผาเทตพฺพา เย สงฺขารา, เตสํ กามภวูปปตฺตินิพฺพตฺตกสงฺขารานนฺติ อตฺโถ. ปจฺจโย โหตีติ ปฺุาภิสงฺขารานํ ตาว อารมฺมณปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จาติ ทฺวิธา ปจฺจโย โหติ. อปฺุาภิสงฺขาเรสุ สหชาตสฺส สหชาตาทิวเสน ¶ , อสหชาตสฺส อนนฺตรสมนนฺตราทิวเสน, นานนฺตรสฺส ปน อารมฺมณวเสน เจว อุปนิสฺสยวเสน จ ปจฺจโย โหติ. อรูปภเว สงฺขารานนฺติ อาเนฺชาภิสงฺขารานํ ¶ . ปจฺจโย โหติ อุปนิสฺสยวเสเนว. อิมสฺมึ ปนตฺเถ เอตฺถ วิตฺถาริยมาเน อติปฺปปฺโจ โหติ, สยเมว จ ปรโต อาคมิสฺสตีติ น นํ วิตฺถารยาม.
ติณฺณํ อายตนานนฺติ จกฺขุโสตมนายตนานํ. เอกสฺสายตนสฺสาติ มนายตนสฺส. อิมินา นเยน ผสฺสาทีนมฺปิ วิภาโค เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ตตฺถ สา สา ตณฺหาติ รูปตณฺหาทิเภทา ตตฺถ ตตฺถ กามภวาทีสุ อุปฺปชฺชนกา ตณฺหา.
ตณฺหาทิมูลิกา กถา อติสํขิตฺตาติ ตํ, อุปาทานภเว จ วิภชิตฺวา วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘กาเม ปริภฺุชิสฺสามี’’ติ อิมินา กามตณฺหาปวตฺติมาห. ตถา ‘‘สคฺคสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติอาทีหิ. สา ปน ตณฺหา ยสฺมา ภุสมาทานวเสน ปวตฺตมานา กามุปาทานํ นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กามุปาทานปจฺจยา’’ติ. ตเถวาติ กามุปาทานปจฺจยา เอว.
พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตินฺติ รูปีพฺรหฺมโลเก สมฺปตฺตึ. ‘‘สพฺเพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียฏฺเน กามา’’ติ (มหานิ. ๑; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘ โถก วิสทิสํ) วจนโต ภวราโคปิ กามุปาทานเมวาติ กตฺวา ‘‘กามุปาทานปจฺจยา เอว เมตฺตํ ภาเวตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสุปาทานมูลิกาสุปีติ เอตฺถายํ โยชนา – อิเธกจฺโจ ‘‘นตฺถิ ปโร โลโก’’ติ นตฺถิกทิฏฺึ คณฺหาติ, โส ทิฏฺุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรตีติอาทิ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ. อปโร ‘‘อสุกสฺมึ สมฺปตฺติภเว อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ, โส ตตฺรูปปตฺติยา กาเยน สุจริตํ จรตีติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. อปโร ‘‘รูปี มโนมโย หุตฺวา อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ. ภาวนาปาริปูริยาติ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อปโร ‘‘อรูปภเว อุปฺปชฺชิตฺวา อตฺตา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อรูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ. ภาวนาปาริปูริยาติ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอตาหิเยว อตฺตวาทุปาทานมูลิกาปิ โยชนา สํวณฺณิตาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวเสนาปิ ¶ โยชนา เวทิตพฺพา. อปโร ‘‘สีเลน สุทฺธี’’ติ ‘‘อสุทฺธิมคฺคํ สุทฺธิมคฺโค’’ติ ปรามสนฺโต สีลพฺพตุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรตีติอาทินา สพฺพํ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ.
อิทานิ ยฺวายํ สํสารจกฺกํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘กามภเว อวิชฺชา กามภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหตี’’ติอาทินา ¶ อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยภาโว, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนภาโว จ ทสฺสิโต, ตเมว ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬึ อาเนตฺวา นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ อย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา สงฺขารา เหตุนิพฺพตฺตา, เอวํ อวิชฺชาปิ กามาสวาทินา สเหตุกา เอวาติ อาห ‘‘อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนา’’ติ. ปจฺจยปริคฺคเหติ นามรูปสฺส ปจฺจยานํ อวิชฺชาทีนํ ปริจฺฉิชฺช คหเณ, นิปฺผาเทตพฺเพ ภุมฺมํ. ปฺาติ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิสงฺขาตา ปการโต ชานนา. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทาวโพโธ. อิทฺจ ธมฺมฏฺิติาณํ ยสฺมา อทฺธาตฺตเย กงฺขามลวิตรณวเสน ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘อตีตมฺปิ อทฺธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอเตเนว นเยนาติ เอเตน ‘‘อวิชฺชา เหตู’’ติอาทินา อวิชฺชายํ วุตฺเตน นเยน. ‘‘สงฺขารา เหตุ, วิฺาณํ เหตุสมุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๔๖) สพฺพปทานิ วิตฺถาเรตพฺพานิ.
สํขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย, วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขโป, เหตุ, วิปาโก จ. เหตุ วิปาโกติ วา สํขิปฺปตีติ สงฺเขโป, อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จ. สงฺเขปภาวสามฺเน ปน เอกวจนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เต ปน สงฺเขปา อตีเต เหตุ, เอตรหิ วิปาโก, เอตรหิ เหตุ, อายตึ วิปาโกติ เอวํ กาลวิภาเคน จตฺตาโร ชาตา. เตนาห ‘‘ปุริมสงฺเขโป เจตฺถ อตีโต อทฺธา’’ติอาทิ. สงฺเขป-สทฺโท วา ภาคาธิวจนนฺติ อตีโต เหตุภาโค ปโม สงฺเขโป. เอส นโย เสเสสุปิ. ตณฺหุปาทานภวา คหิตาว โหนฺติ กิเลสกมฺมภาวสามฺโต, เตหิ วินา อวิชฺชาสงฺขารานํ สกิจฺจากรณโต จ. กมฺมํ ตณฺหา จ ตสฺส สหการีการณํ หุตฺวา วฏฺฏนตฺเถน กมฺมวฏฺฏํ.
วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนานํ ชาติชราภงฺคาวตฺถา ‘‘ชาติชรามรณ’’นฺติ วุตฺตาติ อาห ‘‘ชาติชรามรณาปเทเสน วิฺาณาทีนํ ¶ นิทฺทิฏฺตฺตา’’ติ. อิเมติ วิฺาณาทโย. อายตึ วิปากวฏฺฏํ ปจฺจุปฺปนฺนเหตุโต ภาวีนํ อนาคตานํ คหิตตฺตา. เตติ อวิชฺชาทโย. อาการโตติ สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺคเห อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา, อตีตเหตุอาทีนํ วา ปการา อาการา, ตโต อาการโต. วีสติวิธา โหนฺติ อตีเตเหตุปฺจกาทิเภทโต.
สงฺขารวิฺาณานํ อนฺตรา เอโก สนฺธีติ เหตุโต ผลสฺส อวิจฺเฉทปฺปวตฺติภาวโต เหตุผลสมฺพนฺธภูโต เอโก สนฺธิ. ตถา ภวชาตีนมนฺตรา. เวทนาตณฺหานมนฺตรา ปน ผลโต เหตุโน ¶ อวิจฺเฉทปฺปวตฺติภาวโต ผลเหตุสมฺพนฺธภูโต เอโก สนฺธิ. ผลภูโตปิ หิ ธมฺโม อฺสฺส เหตุสภาวสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย โหตีติ.
อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. เตนาห ‘‘จตุสงฺเขป’’นฺติอาทิ. สพฺพาการโตติ อิธ วุตฺเตหิ, อวุตฺเตหิ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺเค (วิภ. ๒๒๕ อาทโย), อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานาทีสุ จ อาคเตหิ สพฺเพหิ อากาเรหิ. ชานาตีติ อวพุชฺฌติ. ปสฺสตีติ ทสฺสนภูเตน าณจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต ปสฺสติ. อฺาติ ปฏิวิชฺฌตีติ เตสํเยว เววจนํ. ตนฺติ ตํ ชานนํ. าตฏฺเนาติ ยถาสภาวโต ชานนฏฺเน. ปชานนฏฺเนาติ อนิจฺจาทีหิ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌนฏฺเน.
อิทานิ ยทตฺถมิทํ ภวจกฺกํ อิธานีตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมินา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เต ธมฺเมติ เต อวิชฺชาทิเก ธมฺเม. ยถาภูตํ ตฺวาติ มหาวชิราเณน ยาถาวโต ชานิตฺวา. นิพฺพินฺทนฺโต พลววิปสฺสนาย วิรชฺชนฺโต วิมุจฺจนฺโต อริยมคฺเคหิ อเร หนีติ โยชนา. ตตฺถ ยทา ภควา วิรชฺชติ วิมุจฺจติ, ตทา อเร หนติ นาม. ตโต ปรํ ปน อภิสมฺพุทฺธกฺขณํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘หนิ วิหนิ วิทฺธํเสสี’’ติ.
๑๒๙. จกฺกวตฺติโน อเจตเน จกฺกรตเน อุปฺปนฺเน ตตฺเถว โลโก ปูชํ กโรติ, อฺตฺถ ปูชาวิเสสา ปจฺฉิชฺชนฺติ, กิมงฺคํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธ อุปฺปนฺเนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปฺปนฺเน ตถาคเต’’ติอาทิมาห. โก ปน วาโท อฺเสํ ปูชาวิเสสานนฺติ ยถาวุตฺตโต อฺเสํ อมเหสกฺเขหิ เทวมนุสฺเสหิ กริยมานานํ นาติอุฬารานํ ปูชาวิเสสานํ อรหภาเว ¶ กา นาม กถา. อตฺถานุรูปนฺติ อรหตฺตตฺถสฺส อนุรูปํ อนฺวตฺถํ.
๑๓๐. อสิโลกภเยนาติ อกิตฺติภเยน. รโห ปาปํ กโรนฺติ ‘‘มา นํ โกจิ ชฺา’’ติ เอส ภควา น กทาจิ กโรติ ปาปเหตูนํ โพธิมณฺเฑ เอว สุปฺปหีนตฺตา. อปโร นโย – อารกาติ อรหํ, สุวิทูรภาวโตอิจฺเจว อตฺโถ. กุโต ปน สุวิทูรภาวโตติ? เย อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา, ตโต เอว อปฺปหีนราคโทสโมหา อริยธมฺมสฺส อโกวิทา อริยธมฺเม อวินีตา อริยธมฺมสฺส อทสฺสาวิโน อปฺปฏิปนฺนา มิจฺฉาปฏิปนฺนา จ, ตโต สุวิทูรภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สงฺฆาฏิกณฺเณเจปิ ¶ เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺโธ อสฺส ปาเท ปาทํ นิกฺขิปนฺโต, โส จ โหติ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค พฺยาปนฺนจิตฺโต ปทุฏฺมนสงฺกปฺโป มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิตฺโต ปากตินฺทฺริโย. อถ โข โส อารกาว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมํ หิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสนฺโต มํ น ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒).
ยถาวุตฺตปุคฺคลา หิ สเจปิ สายํ ปาตํ สตฺถุ สนฺติกาวจราว สิยุํ, น เต ตาวตา ‘‘สตฺถุ สนฺติกา’’ติ วตฺตพฺพา, ตถา สตฺถาปิ เนสํ. อิติ อสปฺปุริสานํ อารกา ทูเรติ อรหํ.
‘‘สมฺมา น ปฏิปชฺชนฺติ, เย นิหีนาสยา นรา;
อารกา เตหิ ภควา, ทูเร เตนารหํ มโต’’ติ.
ตถา อารกาติ อรหํ, อาสนฺนภาวโตติ อตฺโถ. กุโต ปน อาสนฺนภาวโตติ? เย ภาวิตกายา ภาวิตสีลา ภาวิตจิตฺตา ภาวิตปฺา, ตโต เอว ปหีนราคโทสโมหา อริยธมฺมสฺส โกวิทา อริยธมฺเม สุวินีตา อริยธมฺมสฺส ทสฺสาวิโน สมฺมาปฏิปนฺนา, ตโต อาสนฺนภาวโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
‘‘โยชนสเต ¶ เจปิ เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิหเรยฺย, โส จ โหติ อนภิชฺฌาลุ กาเมสุ น ติพฺพสาราโค อพฺยาปนฺนจิตฺโต อปฺปทุฏฺมนสงฺกปฺโป อุปฏฺิตสฺสติ สมฺปชาโน สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต สํวุตินฺทฺริโย. อถ โข โส สนฺติเกว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ธมฺมํ หิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปสฺสติ, ธมฺมํ ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสตี’’ติ (อิติวุ. ๙๒).
ตถารูปา หิ ปุคฺคลา สตฺถุ โยชนสหสฺสนฺตริกาปิ โหนฺติ, น ตาวตา เต ‘‘สตฺถุ ทูรจาริโน’’ติ วตฺตพฺพา, ตถา สตฺถาปิ เนสํ. อิติ สปฺปุริสานํ อารกา อาสนฺเนติ อรหํ.
เย ¶ สมฺมา ปฏิปชฺชนฺติ, สุปฺปณีตาธิมุตฺติกา;
อารกา เตหิ อาสนฺเน, เตนาปิ อรหํ ชิโน.
เย อิเม ราคาทโย ปาปธมฺมา ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺส ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ อนตฺถํ อาวหนฺติ. นิพฺพานคามินิยา ปฏิปทาย เอกํเสเนว อุชุวิปจฺจนีกภูตา จ, เต อตฺตหิตํ, ปรหิตฺจ ปริปูเรตุํ สมฺมา ปฏิปชฺชนฺเตหิ สาธูหิ ทูรโต รหิตพฺพา ปริจฺจชิตพฺพา ปหาตพฺพาติ รหา นาม, เต จ ยสฺมา ภควโต โพธิมูเลเยว อริยมคฺเคน สพฺพโส ปหีนา สมุจฺฉินฺนา. ยถาห –
‘‘ตถาคตสฺส โข, พฺราหฺมณ, ราโค ปหีโน โทโส โมโห, สพฺเพปิ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ (ปารา. ๙-๑๐ อตฺถโต สมานํ).
ตสฺมา สพฺพโส น สนฺติ เอตสฺส รหาติ อรโหติ วตฺตพฺเพ โอการสฺส สานุสารํ อ-การาเทสํ กตฺวา ‘‘อรห’’นฺติ วุตฺตํ.
ปาปธมฺมา รหา นาม, สาธูหิ รหิตพฺพโต;
เตสํ สุฏฺุ ปหีนตฺตา, ภควา อรหํ มโต.
เย เต สพฺพโส ปริฺาตกฺขนฺธา ปหีนกิเลสา ภาวิตมคฺคา สจฺฉิกตนิโรธา อรหนฺโต ขีณาสวา, เย จ เสกฺขา อปฺปตฺตมานสา อนุตฺตรํ ¶ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมานา วิหรนฺติ, เย จ ปริสุทฺธปโยคา กลฺยาณชฺฌาสยา สทฺธาสีลสุตาทิคุณสมฺปนฺนา ปุคฺคลา, เตหิ น รหิตพฺโพ น ปริจฺจชิตพฺโพ, เต จ ภควตาติ อรหํ. ตถา หิ อริยปุคฺคลา สตฺถารา ทิฏฺธมฺมสฺส ปจฺจกฺขกรณโต สตฺถุ ธมฺมสรีเรน อวิรหิตา เอว โหนฺติ. ยถาห อายสฺมา ปิงฺคิโย –
‘‘ปสฺสามิ นํ มนสา จกฺขุนาว,
รตฺตินฺทิวํ พฺราหฺมณ อปฺปมตฺโต;
นมสฺสมาโน ¶ วิวเสมิ รตฺตึ,
เตเนว มฺามิ อวิปฺปวาสํ.
‘‘สทฺธา จ ปีติ จ มโน สติ จ,
นาเปนฺติเม โคตมสาสนมฺหา;
ยํ ยํ ทิสํ วชติ ภูริปฺโ,
ส เตน เตเนว นโตหมสฺมี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๑๔๘-๑๑๔๙);
เตเนว จ เต อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสนฺติ. ยถาห –
‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺยาติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. ๑.๒๗๖).
กลฺยาณปุถุชฺชนาปิ เยภุยฺเยน สตฺถริ นิจฺจลสทฺธา เอว โหนฺติ. อิติ สุปฺปฏิปนฺเนหิ ปุริสวิเสเสหิ อวิรหิตพฺพโต, เตสฺจ อวิรหนโต น สนฺติ เอตสฺส รหา ปริจฺจชนกา, นตฺถิ วา เอตสฺส รโห สาธูหิ ปริจฺจชิตพฺพตาติ อรหํ.
‘‘เย สจฺฉิกตสทฺธมฺมา, อริยา สุทฺธโคจรา;
น เตหิ รหิโต โหติ, นาโถ เตนารหํ มโต’’ติ.
รโหติ จ คมนํ วุจฺจติ, ภควโต จ นานาคตีสุ ปริพฺภมนสงฺขาตํ สํสาเร คมนํ นตฺถิ กมฺมกฺขยกเรน อริยมคฺเคน โพธิมูเลเยว สพฺพโส สสมฺภารสฺส กมฺมวฏฺฏสฺส วิทฺธํสิตตฺตา. ยถาห –
‘‘เยน ¶ เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);
เอวํ ¶ นตฺถิ เอตสฺส รโหคมนํ คตีสุ ปจฺจาชาตีติปิ อรหํ.
รโห วา คมนํ ยสฺส, สํสาเร นตฺถิ สพฺพโส;
ปหีนชาติมรโณ, อรหํ สุคโต มโต.
ปาสํสตฺตา วา ภควา อรหํ. อกฺขรจินฺตกา หิ ปสํสายํ อรห-สทฺทํ วณฺเณนฺติ. ปาสํสภาโว จ ภควโต อนฺสาธารโณ ยถาภุจฺจคุณาธิคโต สเทวเก โลเก สุปฺปติฏฺิโต. ตถา เหส อนุตฺตเรน สีเลน อนุตฺตเรน สมาธินา อนุตฺตราย ปฺาย อนุตฺตราย วิมุตฺติยา อสโม อสมสโม อปฺปฏิโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโลติ เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ คุเณ วิภชิตฺวา วุจฺจมาเน ปณฺฑิตปุริเสหิ เทเวหิ พฺรหฺเมหิ ภควตา วา ปน ปริโยสาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยรูโป. อิติ ปาสํสตฺตาปิ ภควา อรหํ.
คุเณหิ สทิโส นตฺถิ, ยสฺมา โลเก สเทวเก;
ตสฺมา ปาสํสิยตฺตาปิ, อรหํ ทฺวิปทุตฺตโม.
เอวํ สพฺพถาปิ –
‘‘อารกา มนฺทพุทฺธีนํ, อารกา จ วิชานตํ;
รหานํ สุปฺปหีนตฺตา, วิทูนมรเหยฺยโต;
ภเวสุ จ รหาภาวา, ปาสํสา อรหํ ชิโน’’ติ.
๑๓๑. สมฺมาติ อวิปรีตํ. สามนฺติ สยเมว. สมฺพุทฺโธติ หิ เอตฺถ สํ-สทฺโท ‘‘สย’’นฺติ เอตสฺส อตฺถสฺส โพธโก ทฏฺพฺโพ. สพฺพธมฺมานนฺติ อนวเสสานํ เยฺยธมฺมานํ. กถํ ปเนตฺถ สพฺพธมฺมาวโพโธ ¶ ลพฺภตีติ? เอกเทสสฺส อคฺคหณโต. ปเทสคฺคหเณ หิ อสติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตาว วิฺายติ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา อตฺถวิเสสานเปกฺขา กตฺตริ เอว พุทฺธสทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา กมฺมวจนิจฺฉาย อภาวโต. ‘‘สมฺมา สามํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ เอตฺตกเมว หิ อิธ สทฺทโต ลพฺภติ, ‘‘สพฺพธมฺมาน’’นฺติ ปน อตฺถโต ลพฺภมานํ คเหตฺวา วุตฺตํ. น หิ พุชฺฌนกิริยา อวิสยา ยุชฺชติ.
อิทานิ ¶ ตสฺสา วิสยํ ‘‘สพฺพธมฺเม’’ติ สามฺโต วุตฺตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺเยฺเย ธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิฺเยฺเยติ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานิตพฺเพ. เก ปน เตติ? จตุสจฺจธมฺเม. อภิฺเยฺยโต พุทฺโธติ อภิฺเยฺยภาวโต พุชฺฌิ. ปุพฺพภาเค วิปสฺสนาปฺาย, อธิคมกฺขเณ มคฺคปฺาย, อปรภาเค สพฺพฺุตฺาณาทีหิ อฺาสีติ อตฺโถ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. ปริฺเยฺเย ธมฺเมติ ทุกฺขํ อริยสจฺจมาห. ปหาตพฺเพติ สมุทยปกฺขิเย. สจฺฉิกาตพฺเพติ นิพฺพานํ สนฺธายาห. พหุวจนนิทฺเทโส ปน โสปาทิเสสาทิกํ ปริยายสิทฺธํ เภทํ คเหตฺวา กโต, อุทฺเทโส วา อยํ จตุสจฺจธมฺมานนฺติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘จกฺขุํ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ. อุทฺเทโส จ อวินิจฺฉิตตฺถปริจฺเฉทสฺส ธมฺมสฺส วเสน กรียติ. อุทฺเทเสน หิ อุทฺทิสิยมานานํ ธมฺมานํ อตฺถิตามตฺตํ วุจฺจติ, น ปริจฺเฉโทติ อปริจฺเฉเทน พหุวจเนน วุตฺตํ ยถา ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา, อสงฺขตา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗-๘). สจฺฉิกาตพฺเพติ วา ผลวิมุตฺตีนมฺปิ คหณํ, น นิพฺพานสฺเสวาติ พหุวจนนิทฺเทโส กโต. เอวฺจ ภาเวตพฺเพติ เอตฺถ ฌานานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ.
คาถายํ ภาเวตพฺพฺจาติ เอตฺถ จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ, เตน สจฺฉิกาตพฺพสฺส คหณํ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา พุทฺโธสฺมีติ ยสฺมา จตฺตาริ สจฺจานิ มยา พุทฺธานิ, สจฺจวินิมุตฺตฺจ กิฺจิ เยฺยํ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพมฺปิ เยฺยํ พุทฺโธสฺมิ, อพฺภฺาสินฺติ อตฺโถ.
๑๓๒. เอวํ สจฺจวเสน สามฺโต วุตฺตมตฺถํ ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตธมฺเมหิ, ขนฺธาทีหิ จ สจฺจวเสเนว วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิ จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ มูลการณภาเวนาติ สนฺเตสุปิ อวิชฺชาทีสุ อฺเสุ การเณสุ เตสมฺปิ มูลภูตการณภาเวน. ตณฺหา หิ กมฺมสฺส วิจิตฺตภาวเหตุโต, สหายภาวูปคมนโต จ ทุกฺขวิจิตฺตตาย ปธานการณํ. สมุฏฺาปิกาติ อุปฺปาทิกา. ปุริมตณฺหาติ ปุริมภวสิทฺธา ตณฺหา. อุภินฺนนฺติ จกฺขุสฺส ¶ , ตํสมุทยสฺส จ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. นิโรธปชานนาติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิโรธสฺส ปฏิวิชฺฌนา. เอเกกปทุทฺธาเรนาติ ‘‘จกฺขุํ จกฺขุสมุทโย’’ติอาทินา เอเกกโกฏฺาสนิทฺธารเณน ¶ . ตณฺหายปิ ปริฺเยฺยภาวสพฺภาวโต, อุปาทานกฺขนฺธนฺโตคธตฺตา จ ทุกฺขสจฺจสงฺคหํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปตณฺหาทโย ฉ ตณฺหากายา’’ติ วุตฺตํ.
กสิณานีติ กสิณชฺฌานานิ. ทฺวตฺตึสาการาติ ทฺวตฺตึส โกฏฺาสา, ตทารมฺมณชฺฌานานิ จ. นว ภวาติ กามภวาทโย ตโย, สฺีภวาทโย ตโย, เอกโวการภวาทโย ตโยติ นว ภวา. จตฺตาริ ฌานานีติ อคฺคหิตารมฺมณวิเสสานิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ, วิปากชฺฌานานํ วา เอตํ คหณํ. เอตฺถ จ กุสลธมฺมานํ อุปนิสฺสยภูตา ตณฺหา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหาติ เวทิตพฺพา. กิริยธมฺมานํ ปน ยตฺถ เต ตสฺส อตฺตภาวสฺส การณภูตา.
อนุพุทฺโธติ พุชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อนุรูปโต พุทฺโธ. เตนาติ ตสฺมา. ยสฺมา สามฺโต, วิเสสโต จ เอเกกปทุทฺธาเรน สพฺพธมฺเม พุทฺโธ, ตสฺมา วุตฺตํ. กินฺติ อาห ‘‘สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา’’ติ, สพฺพสฺสปิ เยฺยสฺส สพฺพาการโต อวิปรีตํ สยเมว อภิสมฺพุทฺธตฺตาติ อตฺโถ. อิมินาสฺส ปโรปเทสรหิตสฺส สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส อากงฺขปฺปฏิพทฺธวุตฺติโน อนาวรณาณสงฺขาตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส อธิคโม ทสฺสิโต.
นนุ จ สพฺพฺุตฺาณโต อฺํ อนาวรณาณํ, อฺถา ‘‘ฉ อสาธารณาณานิ พุทฺธาณานี’’ติ (ปฏิ. ม. มาติกา ๑.๗๓) วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ? น วิรุชฺฌติ, วิสยปวตฺติเภทวเสน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ เอกสฺเสว าณสฺส ทฺวิธา วุตฺตตฺตา. เอกเมว หิ ตํ าณํ อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมวิสยตาย สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ จ อาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย ‘‘อนาวรณาณ’’นฺติ วุตฺตํ. ยถาห ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘สพฺพํ สงฺขตมสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙). ตสฺมา นตฺถิ เนสํ อตฺถโต เภโท, เอกนฺเตน เจตํ เอวมิจฺฉิตพฺพํ. อฺถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ สาธารณตา, อสพฺพธมฺมารมฺมณตา จ อาปชฺเชยฺย. น หิ ภควโต าณสฺส อณุมตฺตมฺปิ อาวรณํ อตฺถิ, อนาวรณาณสฺส จ อสพฺพธมฺมารมฺมณภาเว ยตฺถ ตํ น ปวตฺตติ, ตตฺถาวรณสพฺภาวโต อนาวรณภาโวเยว น สิยา. อถ วา ปน โหตุ ¶ อฺเมว อนาวรณาณํ สพฺพฺุตฺาณโต, อิธ ปน สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย ¶ อนาวรณาณนฺติ สพฺพฺุตฺาณเมว อธิปฺเปตํ. ตสฺส จาธิคเมน ภควา ‘‘สพฺพฺู, สพฺพวิทู, สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ จ วุจฺจติ น สกึเยว สพฺพธมฺมาวโพธโต. ตถา จ วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) ‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ ‘‘พุทฺโธ’’ติ. สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถาณสมธิคเมน หิ ภควโต สนฺตาเน อนวเสสธมฺเม ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถตา อโหสีติ.
เอตฺถาห – กึ ปนิทํ าณํ ปวตฺตมานํ สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อุทาหุ กเมนาติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธาทิเภทภินฺนานํ สงฺขตธมฺมานํ, อสงฺขตสมฺมุติธมฺมานฺจ เอกชฺฌํ อุปฏฺาเน ทูรโต จิตฺตปฏํ เปกฺขนฺตสฺส วิย ปฏิวิภาเคนาวโพโธ น สิยา, ตถา จ สติ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนฺตานํ อนตฺตากาเรน วิย สพฺพธมฺมา อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณสฺส วิสยา โหนฺตีติ อาปชฺชติ. เยปิ ‘‘สพฺพเยฺยธมฺมานํ ิตลกฺขณวิสยํ วิกปฺปรหิตํ สพฺพกาลํ พุทฺธานํ าณํ ปวตฺตติ, เตน เต ‘สพฺพวิทู’ติ วุจฺจนฺติ, เอวฺจ กตฺวา ‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฏฺนฺโตปิ สมาหิโต’ติ อิทมฺปิ วจนํ สุวุตฺตํ โหตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตโทสานาติวตฺติ, ิตลกฺขณารมฺมณตาย จ อตีตานาคตสมฺมุติธมฺมานํ ตทภาวโต เอกเทสวิสยเมว ภควโต าณํ สิยา. ตสฺมา สกึเยว าณํ ปวตฺตตีติ น ยุชฺชติ.
อถ กเมน สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ ปวตฺตติ? เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน, ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เยฺเย กเมน คยฺหมาเน ตสฺส อนวเสสปฏิเวโธ สมฺภวติ, อปริยนฺตภาวโต เยฺยสฺส. เย ปน ‘‘อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ‘เสเสปิ เอว’นฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปเนน สพฺพฺู ภควา, ตฺจ าณํ น อนุมานิกํ สํสยาภาวโต. สํสยานุพทฺธํ หิ โลเก อนุมานาณ’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ ตํ น ยุตฺตํ. สพฺพสฺส หิ อปฺปจฺจกฺขภาเว อตฺถาวิสํวาทเนน เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ ¶ กตฺวา ‘‘เสเสปิ เอว’’นฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปนสฺส อสมฺภวโต. ยฺหิ ตํ เสสํ, ตํ อปฺปจฺจกฺขนฺติ.
อถ ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ, ตสฺส เสสภาโว เอว น สิยาติ? สพฺพเมตํ อการณํ. กสฺมา ¶ ? อวิสยวิจารณภาวโต. วุตฺตํ เหตํ ภควตา ‘‘พุทฺธวิสโย, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ. โย จินฺเตยฺย, อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – ยํกิฺจิ ภควตา าตุํ อิจฺฉิตํ สกลํ, เอกเทโส วา, ตตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ, นิจฺจสมาธานฺจ วิกฺเขปาภาวโต. าตุํ อิจฺฉิตสฺส จ สกลสฺส อวิสยภาเว ตสฺส อากงฺขปฺปฏิพทฺธวุตฺติตา น สิยา, เอกนฺเตเนว สา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อาวชฺชนปฺปฏิพทฺธา อากงฺขปฺปฏิพทฺธา มนสิการปฺปฏิพทฺธา จิตฺตุปฺปาทปฺปฏิพทฺธา’’ติ วจนโต. อตีตานาคตวิสยมฺปิ ภควโต าณํ อนุมานาคมตกฺกคฺคหณวิรหิตตฺตา ปจฺจกฺขเมว.
นนุ จ เอตสฺมึ ปกฺเข ยทา สกลํ าตุํ อิจฺฉิตํ, ตทา สกึเยว สกลวิสยตาย อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺเตยฺยาติ วุตฺตโทสานาติวตฺติเยวาติ? น, ตสฺส วิโสธิตตฺตา. วิโสธิโต หิ โส พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. อฺถา ปจุรชนาณสมานวุตฺติตาย พุทฺธานํ ภควนฺตานํ าณสฺส อจินฺเตยฺยตา น สิยา. ตสฺมา สกลธมฺมารมฺมณมฺปิ ตํ เอกธมฺมารมฺมณํ วิย สุววตฺถาปิเตเยว เต ธมฺเม กตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมตฺถ อจินฺเตยฺยํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ. เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕). เอวเมกชฺฌํ, วิสุํ, สกึ, กเมน วา อิจฺฉานุรูปํ สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ.
๑๓๓. วิชฺชาหีติ เอตฺถ วินฺทิยํ วินฺทตีติ วิชฺชา, ยาถาวโต อุปลพฺภตีติ อตฺโถ. อตฺตโน วา ปฏิปกฺขสฺส วิชฺฌนฏฺเน วิชฺชา, ตโมกฺขนฺธาทิกสฺส ปทาลนฏฺเนาติ อตฺโถ. ตโต เอว อตฺตโน วิสยสฺส วิทิตกรณฏฺเนปิ วิชฺชา. สมฺปนฺนตฺตาติ สมนฺนาคตตฺตา, ปริปุณฺณตฺตา วา, อวิกลตฺตาติ อตฺโถ. ติสฺสนฺนํ, อฏฺนฺนํ จ วิชฺชานํ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเต คหณํ วิเนยฺยชฺฌาสยวเสนาติ ¶ ทฏฺพฺพํ. สตฺต สทฺธมฺมา นาม สทฺธา หิรี โอตฺตปฺปํ พาหุสจฺจํ วีริยํ สติ ปฺา จ. เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิธ ภิกฺขุ สทฺโธ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๑๑). จตฺตาริ ฌานานีติ ยานิ กานิจิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ.
กสฺมา ปเนตฺถ สีลาทโย ปนฺนรเสว ‘‘จรณ’’นฺติ วุตฺตาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อิเมเยว หี’’ติอาทิ ¶ . เตน เตสํ สิกฺขตฺตยสงฺคหโต นิพฺพานุปคมเน เอกํสโต สาธนภาวมาห. อิทานิ ตทตฺถสาธนาย อาคมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถาหา’’ติอาทิมาห. ภควาติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ.
นนุ จายํ วิชฺชาจรณสมฺปทา สาวเกสุปิ ลพฺภตีติ? กิฺจาปิ ลพฺภติ, น ปน ตถา, ยถา ภควโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ วิชฺชาสมฺปทา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จรณธมฺมปริยาปนฺนตฺตา กรุณาพฺรหฺมวิหารสฺส, โส เจตฺถ มหคฺคตภาวปฺปตฺตา สาธารณภาโวติ อาห ‘‘จรณสมฺปทา มหาการุณิกตํ ปูเรตฺวา ิตา’’ติ. ยถา สตฺตานํ อนตฺถํ ปริวชฺเชตฺวา อตฺเถ นิโยชนํ ปฺาย วินา น โหติ, เอวํ เนสํ อตฺถานตฺถชานนํ สตฺถุ กรุณาย วินา น โหตีติ อุภยมฺปิ อุภยตฺถ สกิจฺจกเมว สิยา. ยตฺถ ปน ยสฺสา ปธานภาโว, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส สพฺพฺุตายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา ตํ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ ยถา อฺโปิ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน, เตน วิชฺชาจรณสมฺปนฺนสฺเสวายํ อาเวณิกา ปฏิปตฺตีติ ทสฺเสติ. สา ปนายํ สตฺถุ วิชฺชาจรณสมฺปทา สาสนสฺส นิยฺยานิกตาย สาวกานํ สมฺมาปฏิปตฺติยา เอกนฺตการณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอตฺถ จ วิชฺชาสมฺปทาย สตฺถุ ปฺามหตฺตํ ปกาสิตํ โหติ, จรณสมฺปทาย กรุณามหตฺตํ. เตสุ ปฺาย ภควโต ธมฺมรชฺชปฺปตฺติ, กรุณาย ธมฺมสํวิภาโค. ปฺาย สํสารทุกฺขนิพฺพิทา, กรุณาย สํสารทุกฺขสหนํ. ปฺาย ปรทุกฺขปริชานนํ, กรุณาย ปรทุกฺขปติการารมฺโภ. ปฺาย ปรินิพฺพานาภิมุขภาโว, กรุณาย ตทธิคโม. ปฺาย สยํ ตรณํ, กรุณาย ปเรสํ ตารณํ. ปฺาย พุทฺธภาวสิทฺธิ, กรุณาย พุทฺธกิจฺจสิทฺธิ. กรุณาย วา โพธิสตฺตภูมิยํ สํสาราภิมุขภาโว, ปฺาย ตตฺถ อนภิรติ. ตถา กรุณาย ปเรสํ อภึสาปนํ ¶ , ปฺาย สยํ ปเรหิ อภายนํ. กรุณาย ปรํ รกฺขนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ, ปฺาย อตฺตานํ รกฺขนฺโต ปรํ รกฺขติ. ตถา กรุณาย อปรนฺตโป, ปฺาย อนตฺตนฺตโป. เตน อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ จตุตฺถปุคฺคลภาโว สิทฺโธ โหติ. ตถา กรุณาย โลกนาถตา, ปฺาย อตฺตนาถตา. กรุณาย จสฺส นินฺนตาภาโว, ปฺาย อุนฺนมาภาโว. ตถา กรุณาย สพฺพสตฺเตสุ ชนิตานุคฺคโห ปฺานุคตตฺตา น จ น สพฺพตฺถ วิรตฺตจิตฺโต, ปฺาย สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺโต กรุณานุคตตฺตา น จ น สพฺพสตฺตานุคฺคหาย ปวตฺโต. ยถา หิ กรุณา ภควโต สิเนหโสกวิรหิตา, เอวํ ปฺา อหํการมมํการวินิมุตฺตาติ ¶ อฺมฺวิโสธิตา ปรมวิสุทฺธา คุณวิเสสา วิชฺชาจรณสมฺปทาหิ ปกาสิตาติ ทฏฺพฺพํ.
๑๓๔. คมนมฺปิ หิ คตนฺติ วุจฺจติ ‘‘คเต ิเต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๑๔; ๒.๓๗๖). โสภนนฺติ สุภํ. สุภภาโว วิสุทฺธตาย, วิสุทฺธตา โทสวิคเมนาติ อาห ‘‘ปริสุทฺธมนวชฺช’’นฺติ. คมนฺจ นาม พหุวิธนฺติ อิธาธิปฺเปตํ คมนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อริยมคฺโค’’ติ อาห. โส หิ นิพฺพานสฺส คติ อธิคโมติ กตฺวา ‘‘คตํ, คมน’’นฺติ จ วุจฺจติ. อิทานิ ตสฺเสว คหเณ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน เหสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เขมํ ทิสนฺติ นิพฺพานํ. อสชฺชมาโนติ ปริปนฺถาภาเวน สุคติคมเนปิ อสชฺชนฺโต สงฺคํ อกโรนฺโต, ปเคว อิตรตฺถ. อถ วา เอกาสเน นิสีทิตฺวา ขิปฺปภิฺาวเสเนว จตุนฺนมฺปิ มคฺคานํ ปฏิลทฺธภาวโต อสชฺชมาโน อสชฺชนฺโต คโต. ยํ คมนํ คจฺฉนฺโต สพฺพมนตฺถํ อปหรติ, สพฺพฺจ อนุตฺตรํ สมฺปตฺตึ อาวหติ, ตเทว โสภนํ นาม. เตน จ ภควา คโตติ อาห ‘‘อิติ โสภนคมนตฺตา สุคโต’’ติ โสภนตฺโถ สุ-สทฺโทติ กตฺวา.
อสุนฺทรานํ ทุกฺขานํ สงฺขารปฺปวตฺตีนํ อภาวโต อจฺจนฺตสุขตฺตา เอกนฺตโต สุนฺทรํ นาม อสงฺขตา ธาตูติ อาห ‘‘สุนฺทรฺเจส านํ คโต อมตํ นิพฺพาน’’นฺติ. เตนาห ภควา ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕; ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔). สมฺมาติ สุฏฺุ. สุฏฺุ คมนฺจ นาม ปฏิปกฺเขน อนภิภูตสฺส คมนนฺติ อาห ‘‘ปหีเน กิเลเส ปุน อปจฺจาคจฺฉนฺโต’’ติ. อิทฺจ สิขาปฺปตฺตํ สมฺมาคมนํ, ยาย อาคมนียปฏิปทาย สิทฺธํ, สาปิ สมฺมาคมนเมวาติ เอวมฺปิ ¶ ภควา สุคโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺมา วา คโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมฺมาปฏิปตฺติยาติ สมฺมาสมฺโพธิยา สมฺปาปเน อวิปรีตปฏิปตฺติยา. ‘‘สพฺพโลกสฺส หิตสุขเมว กโรนฺโต’’ติ เอเตน มหาโพธิยา ปฏิปทา อวิภาเคน สพฺพสตฺตานํ สพฺพทา หิตสุขาวหภาเวเนว ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ. ‘‘สสฺสตํ อุจฺเฉทนฺติ อิเม อนฺเต อนุปคจฺฉนฺโต คโต’’ติ เอเตน ปฏิจฺจสมุปฺปาทคตึ ทสฺเสติ. ‘‘กามสุขํ อตฺตกิลมถนฺติ อิเม อนุปคจฺฉนฺโต คโต’’ติ เอเตน อริยมคฺคคตึ ทสฺเสติ.
ตตฺราติ ยุตฺตฏฺาเน ยุตฺตสฺเสว ภาสเน นิปฺผาเทตพฺเพ, สาเธตพฺเพ เจตํ ภุมฺมํ. อภูตนฺติ อภูตตฺถํ. อตฺถมุเขน หิ วาจาย อภูตตา, ภูตตา วา. อตจฺฉนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อภูตนฺติ ¶ วา อสนฺตํ อวิชฺชมานํ. อตจฺฉนฺติ อตถาการํ อฺถาสนฺตํ. อนตฺถสฺหิตนฺติ ทิฏฺธมฺมิเกน, สมฺปรายิเกน วา อนตฺเถน สฺหิตํ, อนตฺถาวหํ. น อตฺโถติ อนตฺโถ, อตฺถสฺส ปฏิปกฺโข, อภาโว จ, เตน สฺหิตํ, ปิสุณวาจํ, สมฺผปฺปลาปฺจาติ อตฺโถ. เอวเมตฺถ จตุพฺพิธสฺสาปิ วจีทุจฺจริตสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ ปมา วาจา สีลวนฺตํ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ, อจณฺฑาลาทิเมว ‘‘จณฺฑาโล’’ติอาทินา ภาสมานสฺส ทฏฺพฺพา. ทุติยา ทุสฺสีลํ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ, จณฺฑาลาทิเมว ‘‘จณฺฑาโล’’ติอาทินา อวินเยน ภาสมานสฺส. ตติยา เนรยิกาทิกสฺส เนรยิกาทิภาววิภาวนีกถา ยถา ‘‘อาปายิโก เทวทตฺโต เนรยิโก’’ติอาทิกา (จูฬว. ๓๔๘). จตุตฺถี ‘‘เวทวิหิเตน ยฺวิธินา ปาณาติปาตาทิกตํ สุคตึ อาวหตี’’ติ โลกสฺส พฺยาโมหนกถา. ปฺจมี ภูเตน เปสฺุูปสํหาราทิกถา. ฉฏฺา ยุตฺตปฺปตฺตฏฺาเน ปวตฺติตา ทานสีลาทิกถา เวทิตพฺพา. เอวํ สมฺมา คทตฺตาติ ยถาวุตฺตํ อภูตาทึ วชฺเชตฺวา ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสฺหิตํ ปิยํ มนาปํ ตโต เอว สมฺมา สุฏฺุ คทนโต สุคโต ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. อาปาถคมนมตฺเตน กสฺสจิ อปฺปิยมฺปิ หิ ภควโต วจนํ ปิยํ มนาปเมว อตฺถสิทฺธิยา โลกสฺส หิตสุขาวหตฺตา.
อปิจ โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. ภควโต หิ เวเนยฺยชนุปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต โสภนํ ภทฺทกํ ¶ . ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทุตวิลมฺพิตขลิตานุกฑฺฒนนิปฺปีฬนุกฺกุฏิกกุฏิลากุลตาทิโทสรหิตวิลาสิตราชหํสวสภวารณมิคราชคมนํ กายคมนํ, าณคมนฺจ วิปุลนิมฺมลกรุณาสติวีริยาทิคุณวิเสสสหิตํ อภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อนวชฺชตาย, สตฺตานํ หิตสุขาวหตาย จ โสภนเมว. อถ วา สยมฺภูาเณน สกลมฺปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต. ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต. โลกนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต. ตถา ยํ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, สพฺพํ ตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย สมฺมา ปจฺจกฺขโต คโต อพฺภฺาสีติ สุคโต.
๑๓๕. สพฺพถาติ สพฺพปฺปกาเรน. โย โย โลโก ยถา ยถา เวทิตพฺโพ, ตถา ตถา. เต ¶ ปน ปกาเร ทสฺเสตุํ ‘‘สภาวโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สภาวโตติ ทุกฺขสภาวโต. สพฺโพ หิ โลโก ทุกฺขสภาโว. ยถาห ‘‘สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา’’ติ (มหาว. ๑๔; ที. นิ. ๒.๓๘๗). สมุทยโตติ ยโต โส สมุเทติ, ตโต ตณฺหาทิโต. นิโรธโตติ ยตฺถ โส นิรุชฺฌติ, ตโต วิสงฺขารโต. นิโรธูปายโตติ เยน วิธินา โส นิโรโธ ปตฺตพฺโพ, ตโต อริยมคฺคโต, อิโต อฺสฺส ปการสฺส อภาวา.
อิติ ‘‘สพฺพถา โลกํ อเวที’’ติ วตฺวา ตทตฺถสาธกํ สุตฺตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยตฺถ โข อาวุโส’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘น ชายตี’’ติอาทินา อุชุกํ ชาติอาทีนิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘น จวติ น อุปปชฺชตี’’ติ ปททฺวเยน อปราปรํ จวนุปปชฺชนานิ ปฏิกฺขิปติ. เกจิ ปน ‘‘น ชายตีติอาทิ คพฺภเสยฺยกวเสน วุตฺตํ, อิตรํ โอปปาติกวเสนา’’ติ วทนฺติ. ตนฺติ ชาติอาทิรหิตํ. คมเนนาติ ปทสา คมเนน. าเตยฺยนฺติ ชานิตพฺพํ. ‘‘าตาย’’นฺติ วา ปาโ, าตา อยํ นิพฺพานตฺถิโกติ อธิปฺปาโย.
กามํ ¶ ปาทคมเนน คนฺตฺวา โลกสฺสนฺตํ าตุํ, ทฏฺุํ, ปตฺตุํ วา น สกฺกา, อปิจ ปริมิตปริจฺฉินฺนฏฺาเน ตํ ปฺาเปตฺวา ทสฺเสมีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สสฺิมฺหีติ สฺาสหิเต. ตโต เอว สมนเก สวิฺาณเก. อวิฺาณเก ปน อุตุสมุฏฺานรูปสมุทายมตฺเต ปฺาเปตุํ น สกฺกาติ อธิปฺปาโย. โลกนฺติ ขนฺธาทิโลกํ. โลกนิโรธนฺติ ตสฺส โลกสฺส นิรุชฺฌนํ, นิพฺพานเมว วา. อเทสมฺปิ หิ ตํ เยสํ นิโรโธ, เตสํ วเสน อุปจารโต, เทสโตปิ นิทฺทิสียติ ยถา ‘‘จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๐๑; ม. นิ. ๑.๑๓๔; วิภ. ๒๐๔).
คมเนนาติ ปากติกคมเนน. โลกสฺสนฺโตติ สงฺขารโลกสฺส อนฺโต อนฺตกิริยาเหตุภูตํ นิพฺพานํ. กุทาจนนฺติ กทาจิปิ. อปตฺวาติ อคฺคมคฺเคน อนธิคนฺตฺวา. ปโมจนนฺติ ปมุตฺติ นิสฺสรณํ. ตสฺมาติ ยสฺมา โลกสฺสนฺตํ อปตฺวา วฏฺฏทุกฺขโต มุตฺติ นตฺถิ, ตสฺมา. หเวติ นิปาตมตฺตํ. โลกวิทูติ สภาวาทิโต สพฺพํ โลกํ ชานนฺโต. สุเมโธติ สุนฺทรปฺโ. โลกนฺตคูติ ปริฺาภิสมเยน โลกํ วิทิตฺวา ปหานาภิสมเยน โลกนฺตคู. มคฺคพฺรหฺมจริยวาสสฺส ปรินิฏฺิตตฺตา วุสิตพฺรหฺมจริโย. สพฺเพสํ กิเลสานํ สมิตตฺตา, จตุสจฺจธมฺมานํ ¶ วา อภิสมิตตฺตา สมิตาวี. นาสีสติ น ปตฺเถติ. ยถา อิมํ โลกํ, เอวํ ปรฺจ โลกํ อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา.
๑๓๖. เอวํ ยทิปิ โลกวิทุตา อนวเสสโต ทสฺสิตา สภาวโต ทสฺสิตตฺตา, โลโก ปน เอกเทเสเนว วุตฺโตติ ตํ อนวเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจ ตโย โลกา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อินฺทฺริยพทฺธานํ ขนฺธานํ สมูโห, สนฺตาโน จ สตฺตโลโก. รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺโต, โลกียนฺติ เอตฺถ กุสลากุสลํ, ตพฺพิปาโก จาติ โลโกติ. อนินฺทฺริยพทฺธานํ รูปาทีนํ สมูโห, สนฺตาโน จ โอกาสโลโก โลกิยนฺติ เอตฺถ ตสา, ถาวรา จ, เตสฺจ โอกาสภูโตติ. ตทาธารตาย เหส ‘‘ภาชนโลโก’’ติปิ วุจฺจติ. อุภเยปิ ขนฺธา สงฺขารโลโก ปจฺจเยหิ สงฺขรียนฺติ, ลุชฺชนฺติ ปลุชฺชนฺติ จาติ. อาหารฏฺิติกาติ ปจฺจยฏฺิติกา, ปจฺจยายตฺตวุตฺติกาติ ¶ อตฺโถ. ปจฺจยตฺโถ เหตฺถ อาหาร-สทฺโท ‘‘อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทายา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) วิย. เอวํ หิ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิมินา อสฺสตฺตาปิ ปริคฺคหิตา โหนฺติ. สา ปนายํ อาหารฏฺิติกตา นิปฺปริยายโต สงฺขารธมฺโม, น สตฺตธมฺโมติ อาห ‘‘อาหารฏฺิติกาติ อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ.
ยทิ เอวํ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิทํ กถนฺติ? ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนาติ นายํ โทโส. ยถา อฺตฺถาปิ ‘‘เอกธมฺเม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา วิมุจฺจมาโน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมทตฺถํ อภิสเมจฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. กตมสฺมึ เอกธมฺเม? สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗). ทิฏฺิคติกานํ สสฺสตาทิวเสน ‘‘อตฺตา, โลโก’’ติ จ ปริกปฺปนา เยภุยฺเยน สตฺตวิสยา, น สงฺขารวิสยาติ อาห ‘‘สสฺสโต โลโกติ วา อสสฺสโต โลโกติ วา อาคตฏฺาเน สตฺตโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ.
ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺตีติ ยตฺตเก าเน จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺติ ปริพฺภมนฺติ. ทิสา ภนฺติ วิโรจมานาติ เตสํ ปริพฺภมเนเนว ตา ทิสา ปภสฺสรา หุตฺวา วิโรจนฺติ. ตาว สหสฺสธา โลโกติ ตตฺตกํ สหสฺสปฺปกาโร โอกาสโลโก, สหสฺสโลกธาตุโยติ อตฺโถ. ‘‘ตาว สหสฺสวา’’ติ วา ปาโ.
ตมฺปีติ ¶ ตํ ติวิธมฺปิ โลกํ. ตถา หิสฺส สพฺพถาปิ วิทิโตติ สมฺพนฺโธ. เอโก โลโกติ ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ ยาย ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺเพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา วุตฺตา, ตาย สพฺโพ สงฺขารโลโก เอโก เอกวิโธ ปการนฺตรสฺส อภาวโต. ทฺเว โลกาติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นาม-คฺคหเณน เจตฺถ นิพฺพานสฺส อคฺคหณํ, ตสฺส อโลกสภาวตฺตา. นนุ จ ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย มคฺคผลธมฺมานมฺปิ โลกตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ปริฺเยฺยานํ ทุกฺขสจฺจธมฺมานํ อิธ ‘‘โลโก’’ติ อธิปฺเปตตฺตา. อถ วา ‘‘น ลุชฺชติ น ปลุชฺชตี’’ติ ¶ โย คหิโต ตถา น โหติ, โส โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตา. อุปาทานานํ อารมฺมณภูตา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา. ทสายตนานีติ ทส รูปายตนานิ.
เอตฺถ จ ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาวจเนน สงฺขารานํ อนิจฺจตา. ตาย จ ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) วจนโต ทุกฺขานตฺตตา จ ปกาสิตา โหนฺตีติ ตีณิปิ สามฺลกฺขณานิ คหิตานิ. นามนฺติ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา, เต จ อตฺถโต ผสฺสาทโย. รูปนฺติ ภูตุปาทายรูปานิ, ตานิ จ อตฺถโต ปถวีอาทโยติ อวิเสเสเนว สลกฺขณโต สงฺขารา คหิตา. ตคฺคหเณเนว เย เตสํ วิเสสา กุสลาทโย, เหตุอาทโย จ, เตปิ คหิตา เอว โหนฺตีติ อาห ‘‘อิติ อยํ สงฺขารโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต’’ติ.
อาคมฺม จิตฺตํ เสติ เอตฺถาติ อาสโย มิคาสโย วิย. ยถา มิโค โคจราย คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา ตตฺเถว วนคหเน สยตีติ โส ตสฺส อาสโย, เอวํ อฺถา ปวตฺติตฺวาปิ จิตฺตํ อาคมฺม ยตฺถ เสติ, โส ตสฺส อาสโยติ วุจฺจติ. โส ปน สสฺสตทิฏฺิอาทิวเสน จตุพฺพิโธ. วุตฺตฺจ –
‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิ จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;
ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสทฺทิต’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพทิฏฺีนํ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺีหิ สงฺคหิตตฺตา สพฺเพปิ ทิฏฺิคติกา สตฺตา อิมา เอว ทฺเว ทิฏฺิโย สนฺนิสฺสิตา. ยถาห ‘‘ทฺวยนิสฺสิโต ขฺวายํ, กจฺจาน, โลโก เยภุยฺเยน อตฺถิตฺจ นตฺถิตฺจา’’ติ ¶ (สํ. นิ. ๒.๑๕). อตฺถิตาติ หิ สสฺสตคฺคาโห อธิปฺเปโต, นตฺถิตาติ อุจฺเฉทคฺคาโห. อยํ ตาว วฏฺฏนิสฺสิตานํ ปุถุชฺชนานํ อาสโย. วิวฏฺฏนิสฺสิตานํ ปน สุทฺธสตฺตานํ อนุโลมิกา ขนฺติ, ยถาภูตาณนฺติ ทุวิโธ อาสโย.
อาสยํ ชานาตีติ จตุพฺพิธมฺปิ สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ. ชานนฺโต จ เตสํ ทิฏฺิคตานํ, เตสฺจ าณานํ อปฺปวตฺติกฺขเณปิ ชานาติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กามํ ¶ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล กามครุโก กามาสโย กามาธิมุตฺโต’ติ, กามํ เสวนฺตฺเว ชานาติ ‘อยํ ปุคฺคโล เนกฺขมฺมครุโก เนกฺขมฺมาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต’ติ’’อาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).
อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ สยนฺตีติ อนุสยา, อนุรูปํ การณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. เอเตน เนสํ การณลาเภ อุปฺปชฺชนารหตํ ทสฺเสติ. อปฺปหีนา หิ กิเลสา การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนฺติ. เก ปน เต? ราคาทโย สตฺต อนาคตา กิเลสา, อตีตา, ปจฺจุปฺปนฺนา จ ตํสภาวตฺตา ตถา วุจฺจนฺติ. น หิ ธมฺมานํ กาลเภเทน สภาวเภโท อตฺถิ. ตํ สตฺตวิธํ อนุสยํ ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส สนฺตาเน ปโรปรภาเวน ปวตฺตมานํ ชานาติ.
จริตนฺติ สุจริตทุจฺจริตํ. ตํ หิ วิภงฺเค (วิภ. ๘๑๔, ๘๑๗) จริตนิทฺเทเส นิทฺทิฏฺํ. อถ วา จริตนฺติ จริยา เวทิตพฺพา. ตา ปน ราคโทสโมหสทฺธาพุทฺธิวิตกฺกวเสน ฉ มูลจริยา, ตาสํ อปริยนฺโต อนฺตรเภโท, สํสคฺคเภโท ปน เตสฏฺิวิโธ. ตํ จริตํ สภาวโต สํกิเลสโวทานโต สมุฏฺานโต ผลโต นิสฺสนฺทโตติ เอวมาทินา ปกาเรน ชานาติ.
อธิมุตฺติ อชฺฌาสยธาตุ. สา ทุวิธา หีนาธิมุตฺติ ปณีตาธิมุตฺตีติ. ยาย หีนาธิมุตฺติกา สตฺตา หีนาธิมุตฺติเกเยว เสวนฺติ, ปณีตาธิมุตฺติกา จ ปณีตาธิมุตฺติเกเยว. สา อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโว อธิมุตฺติ. ตํ อธิมุตฺตึ ชานาติ ‘‘อิมสฺส อธิมุตฺติ หีนา, อิมสฺส ปณีตา’’ติ, ตตฺถาปิ ‘‘อิมสฺส มุทุ, อิมสฺส มุทุตรา, อิมสฺส มุทุตมา’’ติอาทินา. อินฺทฺริยานํ หิ ติกฺขมุทุภาวาทินา ยถารหํ อธิมุตฺติยา ติกฺขมุทุภาวาทิโก เวทิตพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนียํ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๘, ๘๒๐) ‘‘เหฏฺา ¶ คหิตาปิ อธิมุตฺติ อิธ สตฺตานํ ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยภาวทสฺสนตฺถํ ปุน คหิตา’’ติ.
อปฺปรชํ อกฺขํ เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขา, อปฺปํ วา รชํ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขา, อนุสฺสทราคาทิรชา สตฺตา, เต อปฺปรชกฺเข. มหารชกฺเขติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อุสฺสทราคาทิรชา มหารชกฺขา.
ติกฺขินฺทฺริเยติ ¶ ติขิเณหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคเต. มุทินฺทฺริเยติ มุทุเกหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคเต. อุปนิสฺสยอินฺทฺริยานิ นาม อิธาธิปฺเปตานิ. สฺวากาเรติ สุนฺทรากาเร กลฺยาณปกติเก, วิวฏฺฏชฺฌาสเยติ อตฺโถ. สุวิฺาปเยติ สมฺมตฺตนิยามํ วิฺาเปตุํ สุกเร สทฺเธ, ปฺวนฺเต จ. ภพฺเพ อภพฺเพติ เอตฺถ ภพฺเพติ กมฺมาวรณกิเลสาวรณวิปากาวรณรหิเต. วุตฺตวิปริยาเยน ทฺวาการทุวิฺาปยาภพฺพา เวทิตพฺพา. เอตฺถ จ ‘‘อิมสฺส ราครโช อปฺโป, อิมสฺส โทสรโช อปฺโป’’ติอาทินา อปฺปรชกฺเขสุ ชานนํ เวทิตพฺพํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมาติ ยสฺมา ภควา อปริมาเณ สตฺเต อาสยาทิโต อนวเสเสตฺวา ชานาติ, ตสฺมา อสฺส ภควโต สตฺตโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต.
นนุ จ สตฺเตสุ ปมาณาทิปิ ชานิตพฺโพ อตฺถีติ? อตฺถิ. ตสฺส ปน ชานนํ น นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธายาติ อิธ น คหิตํ, ภควโต ปน ตมฺปิ สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตเมว, ปโยชนาภาวา เทสนํ นารุฬฺหํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อถ โข ภควา ปริตฺตํ นขสิขายํ ปํสุํ อาโรเปตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข พหุตรํ – โย วายํ มยา ปริตฺโต นขสิขายํ ปํสุ อาโรปิโต, อยํ วา มหาปถวี’’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๑๒๑).
๑๓๗. โอกาสโลโกปิ สพฺพถา วิทิโตติ สมฺพนฺโธ. จกฺกวาฬนฺติ โลกธาตุ. สา หิ เนมิมณฺฑลสทิเสน จกฺกวาฬปพฺพเตน สมนฺตโต ปริกฺขิตฺตตฺตา ‘‘จกฺกวาฬ’’นฺติ วุจฺจติ. จตุตึสสตานิ จาติ จตุอธิกานิ ตึสสตานิ, ตีณิสหสฺสานิ, จตฺตาริสตานิ จาติ อตฺโถ ¶ . อฑฺฒุฑฺฒานีติ อุปฑฺฒจตุตฺถานิ, ตีณิสตานิ, ปฺาสฺจาติ อตฺโถ. นหุตานีติ ทสสหสฺสานิ. สงฺขาตาติ กถิตา. สณฺิตีติ เหฏฺา, อุปริโต จาติ สพฺพโส ิติ.
เอวํ สณฺิเตติ เอวมวฏฺิเต. เอตฺถาติ จกฺกวาเฬ. อจฺจุคฺคโต ตาวเทวาติ ตตฺตกเมว จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิเยว อุพฺเพโธ ¶ . น เกวลํ เจตฺถ อุพฺเพโธว, อถ โข อายามวิตฺถาราปิสฺส ตตฺตกาเยว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สิเนรุ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชา จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิ อายาเมน, จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิ วิตฺถาเรนา’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๖).
ตโตติ สิเนรุสฺส เหฏฺา, อุปริ จ วุตฺตปฺปมาณโต. อุปฑฺฒุปฑฺเฒนาติ อุปฑฺเฒน อุปฑฺเฒน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ทฺวาจตฺตาลีส โยชนสหสฺสานิ สมุทฺเท อชฺโฌคาฬฺโห ตตฺตกเมว จ อุปริ อุคฺคโต ยุคนฺธรปพฺพโต, เอกวีส โยชนสหสฺสานิ สมุทฺเท อชฺโฌคาฬฺโห ตตฺตกเมว จ อุปริ อุคฺคโต อีสธโร ปพฺพโตติ อิมินา นเยน เสเสสุปิ อุปฑฺฒุปฑฺฒปมาณตา เวทิตพฺพา. ยถา มหาสมุทฺโท ยาว จกฺกวาฬปาทมูลา อนุปุพฺพนินฺโน, เอวํ ยาว สิเนรุปาทมูลาติ เหฏฺา สิเนรุปมาณโต อุปฑฺฒปมาโณปิ ยุคนฺธรปพฺพโต ปถวิยํ สุปฺปติฏฺิโต, เอวํ อีสธราทโยปีติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตํ เหตํ ‘‘มหาสมุทฺโท, ภิกฺขเว, อนุปุพฺพนินฺโน อนุปุพฺพโปโณ อนุปุพฺพปพฺภาโร’’ติ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๔; อ. นิ. ๘.๑๙). สิเนรุยุคนฺธราทีนํ อนฺตเร สีทนฺตรสมุทฺทา นาม. เต วิตฺถารโต ยถากฺกมํ สิเนรุอาทีนํ อจฺจุคฺคตสมานปริมาณาติ วทนฺติ. พฺรหาติ มหนฺโต.
สิเนรุสฺส สมนฺตโตติ ปริกฺขิปนวเสน สิเนรุสฺส สมนฺตโต ิตา. สิเนรุํ ตาว ปริกฺขิปิตฺวา ิโต ยุคนฺธโร, ตํ ปริกฺขิปิตฺวา อีสธโร. เอวํ ตํ ตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตา ‘‘สิเนรุสฺส สมนฺตโต’’ติ วุตฺตา.
โยชนานํ สตานุจฺโจ, หิมวา ปฺจ ปพฺพโตติ หิมวา ปพฺพโต ปฺจ โยชนานํ สตานิ อุจฺโจ อุพฺเพโธ. นควฺหยาติ นค-สทฺเทน อวฺหาตพฺพา รุกฺขาภิธานา. ปฺาสโยชนกฺขนฺธสาขายามาติ’ อุพฺเพธโต ปฺาสโยชนกฺขนฺธายามา, อุพฺเพธโต, สมนฺตโต จ ปฺาสโยชนสาขายามา ¶ จ. ตโต เอว สตโยชนวิตฺถิณฺณา, ตาวเทว จ อุคฺคตา. ยสฺสานุภาเวนาติ ยสฺสา มหนฺตตา กปฺปฏฺายิตาทิปฺปกาเรน ปภาเวน.
ครุฬานํ สิมฺพลิรุกฺโข สิเนรุสฺส ทุติยปริภณฺเฑ ปติฏฺิโต.
สิรีเสนาติ ¶ ปจฺจตฺเต กรณวจนํ. สตฺตมนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, สิรีโส ภวติ สตฺตโมติ อตฺโถ.
ตตฺถ จณฺฑมณฺฑลํ เหฏฺา, สูริยมณฺฑลํ อุปริ. ตสฺส อาสนฺนภาเวน จนฺทมณฺฑลํ อตฺตโน ฉายาย วิกลภาเวน อุปฏฺาติ. ตานิ โยชนนฺตริกานิ ยุคนฺธรคฺคปมาเณ อากาเส วิจรนฺติ. อสุรภวนํ สิเนรุสฺส เหฏฺา. อวีจิ ชมฺพุทีปสฺส. ชมฺพุทีโป สกฏสณฺาโน. อปรโคยานํ อาทาสสณฺาโน. ปุพฺพวิเทโห อทฺธจนฺทสณฺาโน. อุตฺตรกุรุ ปีสณฺาโน. ตํตํนิวาสีนํ, ตํตํปริวารทีปวาสีนฺจ มนุสฺสานํ มุขมฺปิ ตํตํสณฺานนฺติ วทนฺติ. ตทนฺตเรสูติ เตสํ จกฺกวาฬานํ อนฺตเรสุ. ติณฺณํ หิ ปตฺตานํ อฺมฺอาสนฺนภาเวน ปิตานํ อนฺตรสทิเส ติณฺณํ ติณฺณํ จกฺกวาฬานํ อนฺตเร เอเกโก โลกนฺตรนิรโย.
อนนฺตานีติ อปริมาณานิ, ‘‘เอตฺตกานี’’ติ อฺเหิ มินิตุํ อสกฺกุเณยฺยานิ. ภควา อนนฺเตน พุทฺธาเณน อเวทิ ‘‘อนนฺโต อากาโส, อนนฺโต สตฺตนิกาโย, อนนฺตานิ จกฺกวาฬานี’’ติ ติวิธมฺปิ อนนฺตํ พุทฺธาณํ ปริจฺฉินฺทติ สยมฺปิ อนนฺตตฺตา. ยาวตกํ หิ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ. เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺยนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนนฺเตน พุทฺธาเณน อเวที’’ติ. อนนฺตตา จสฺส อนนฺตเยฺยปฏิวิชฺฌเนเนว เวทิตพฺพา ตตฺถ อปฺปฏิหตจารตฺตา. นนุ เจตฺถ วิวฏฺฏาทีนมฺปิ วิทิตตา วตฺตพฺพาติ? สจฺจํ วตฺตพฺพํ, สา ปน ปรโต อภิฺากถายํ อาคมิสฺสตีติ อิธ น คหิตา.
๑๓๘. อตฺตนาติ นิสฺสกฺกวจนเมตํ. คุเณหิ อตฺตนา วิสิฏฺตรสฺสาติ สมฺพนฺโธ. ตร-คฺคหณํ เจตฺถ ‘‘อนุตฺตโร’’ติ ปทสฺส อตฺถนิทฺเทสตาย กตํ, น วิสิฏฺสฺส กสฺสจิ อตฺถิตาย. สเทวเก หิ โลเก สทิสกปฺโปปิ นาม โกจิ ตถาคตสฺส นตฺถิ, กุโต สทิโส. วิสิฏฺเ ปน กา ¶ กถา. กสฺสจีติ กสฺสจิปิ. อภิภวตีติ สีลสมฺปทาย อุปนิสฺสยภูตานํ หิโรตฺตปฺปเมตฺตากรุณานํ, วิเสสปจฺจยานํ สทฺธาสติวีริยปฺานฺจ อุกฺกํสปฺปตฺติยา สมุทาคมโต ปฏฺาย อนฺสาธารโณ สวาสนปฏิปกฺขสฺส ปหีนตฺตา อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต สตฺถุ สีลคุโณ. เตน ภควา สเทวกํ โลกํ อฺทตฺถุ อภิภุยฺย ¶ ปวตฺตติ, น สยํ เกนจิ อภิภุยฺยตีติ อธิปฺปาโย. เอวํ สมาธิคุณาทีสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. สีลาทโย เจเต โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา เวทิตพฺพา. วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปน โลกิยํ กามาวจรเมว.
ยทิ เอวํ, กถํ เตน สเทวกํ โลกํ อภิภวตีติ? ตสฺสาปิ อานุภาวโต อสทิสตฺตา. ตมฺปิ หิ วิสยโต, ปวตฺติโต, ปวตฺติ อาการโต จ อุตฺตริตรเมว. ตํ หิ อนฺสาธารณํ สตฺถุ วิมุตฺติคุณํ อารพฺภ ปวตฺตติ, ปวตฺตมานฺจ อตกฺกาวจรํ ปรมคมฺภีรํ สณฺหสุขุมํ สวิสยํ ปฏิปกฺขธมฺมานํ สุปฺปหีนตฺตา สุฏฺุ ปากฏํ วิภูตตรํ กตฺวา ปวตฺตติ, สมฺมเทว จ วสีภาวสฺส ปาปิตตฺตา, ภวงฺคปริวาสสฺส จ อติปริตฺตกตฺตา ลหุํ ลหุํ ปวตฺตตีติ.
เอวํ สีลาทิคุเณหิ ภควโต อุตฺตริตรสฺส อภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สทิสสฺสาปิ อภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสโม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อสโมติ เอกสฺมึ กาเล นตฺถิ เอตสฺส สีลาทิคุเณน สมา สทิสาติ อสโม. ตถา อสเมหิ อตีตานาคตพุทฺเธหิ สโม, อสมา วา สมา เอตสฺสาติ อสมสโม. สีลาทิคุเณน นตฺถิ เอตสฺส ปฏิมาติ อปฺปฏิโม. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ตตฺถ อุปมามตฺตํ ปฏิมา, สทิสูปมา ปฏิภาโค, ยุคคฺคาหวเสน ิโต ปฏิปุคฺคโล เวทิตพฺโพ.
น โข ปนาหํ สมนุปสฺสามีติ มม สมนฺตจกฺขุนา หตฺถตเล อามลกํ วิย สพฺพโลกํ ปสฺสนฺโตปิ ตตฺถ สเทวเก…เป… ปชาย อตฺตนา อตฺตโต สีลสมฺปนฺนตรํ สมฺปนฺนตรสีลํ กฺจิ ปุคฺคลํ น โข ปน ปสฺสามิ, ตาทิสสฺส อภาวโตติ อธิปฺปาโย. อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนีติ เอตฺถ –
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา รูปิโน วา อรูปิโน วา สฺิโน วา อสฺิโน วา เนวสฺินาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. เย, ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺนา, อคฺเค ¶ เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; ๑๐.๑๕; อิติวุ๙๐) –
อิทํ ¶ อคฺคปฺปสาทสุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน –
‘‘สเทวเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺตี, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔; ที. นิ. ๓.๑๘๘) –
เอวมาทีนิ สุตฺตปทานิ เวทิตพฺพานิ. อาทิกา คาถาโยติ เอตฺถ –
‘‘อหํ หิ อรหา โลเก, อหํ สตฺถา อนุตฺตโร;
เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต. (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑);
‘‘ทนฺโต ทมยตํ เสฏฺโ, สนฺโต สมยตํ อิสิ;
มุตฺโต โมจยตํ อคฺโค, ติณฺโณ ตารยตํ วโร. (อิติวุ. ๑๑๒);
‘‘นยิมสฺมึ โลเก ปรสฺมึ วา ปน,
พุทฺเธน เสฏฺโ สทิโส จ วิชฺชติ;
ยมาหุ ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺคตํ คโต,
ปฺุตฺถิกานํ วิปุลผเลสิน’’นฺติ. (วิ. ว. ๑๐๔๗; กถา. ๗๙๙) –
เอวมาทิกา คาถา วิตฺถาเรตพฺพา.
๑๓๙. ทเมตีติ สเมติ, กายสมาทีหิ โยเชตีติ อตฺโถ. ตํ ปน กายสมาทีหิ โยชนํ ยถารหํ ตทงฺควินยาทีสุ ปติฏฺาปนํ โหตีติ อาห ‘‘วิเนตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ทเมตุํ ยุตฺตาติ ¶ ทมนารหา. อมนุสฺสปุริสาติ เอตฺถ น มนุสฺสาติ อมนุสฺสา. ตํสทิสตา เอตฺถ โชตียติ, เตน มนุสฺสตฺตมตฺตํ นตฺถิ, อฺํ สมานนฺติ ยกฺขาทโย ‘‘อมนุสฺสา’’ติ อธิปฺเปตา, น เย เกจิ มนุสฺเสหิ อฺเ. ตถา หิ ติรจฺฉานปุริสานํ วิสุํ คหณํ กตํ, ยกฺขาทโย เอว จ นิทฺทิฏฺา. อปลาโล หิมวนฺตวาสี. จูโฬทรมโหทรา นาคทีปวาสิโน. อคฺคิสิขธูมสิขา สีหฬทีปวาสิโน. นิพฺพิสา กตา โทสวิสสฺส วิโนทเนน. เตนาห ‘‘สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาปิตา’’ติ. กูฏทนฺตาทโยติ อาทิ-สทฺเทน โฆฏมุขอุปาลิคหปติอาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สกฺกเทวราชาทโยติ อาทิ-สทฺเทน อชกลาปยกฺขพกพฺรหฺมาทีนํ ¶ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อิทํ เจตฺถ สุตฺตนฺติ อิทํ เกสิสุตฺตํ. วินีตา วิจิตฺเรหิ วินยนูปาเยหีติ เอตสฺมึ อตฺเถ วิตฺถาเรตพฺพํ ยถารหํ สณฺหาทีหิ อุปาเยหิ วินยสฺส ทีปนโต.
วิสุทฺธสีลาทีนํ ปมชฺฌานาทีนีติ ‘‘วิสุทฺธสีลสฺส ปมชฺฌานํ, ปมชฺฌานลาภิโน ทุติยชฺฌาน’’นฺติอาทินา ตสฺส ตสฺส อุปรูปริ วิเสสํ อาจิกฺขนฺโตติ สมฺพนฺโธ. โสตาปนฺนาทีนนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ทนฺเตปิ ทเมติเยวา’’ติ อิทํ ปุพฺเพ ‘‘สพฺเพน สพฺพํ ทมถํ อนุปคตา ปุริสทมฺมา’’ติ วุตฺตาติ กตฺวา วุตฺตํ. เย ปน วิปฺปกตทมฺมภาวา สพฺพถา ทเมตพฺพตํ นาติวตฺตา, เต สตฺเต สนฺธาย ‘‘ทนฺเตปิ ทเมติเยวา’’ติ วุตฺตํ. เตปิ หิ ปุริสทมฺมา เอวาติ, ยโต เน สตฺถา ทเมติ.
อตฺถปทนฺติ อตฺถาภิพฺยฺชกปทํ, วากฺยนฺติ อตฺโถ. วากฺเยน หิ อตฺถาภิพฺยตฺติ, น นามาทิปทมตฺเตน. เอกปทภาเวน จ อนฺสาธารโณ สตฺถุ ปุริสทมฺมสารถิภาโว ทสฺสิโต โหติ. เตนาห ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ. อฏฺ ทิสาติ อฏฺ สมาปตฺติโย. ตา หิ อฺมฺสมฺพนฺธาปิ อสํกิณฺณภาเวน ทิสฺสนฺติ อปทิสฺสนฺตีติ ทิสา, ทิสา วิยาติ วา ทิสา. อสชฺชมานาติ น สชฺชมานา วสีภาวปฺปตฺติยา นิสฺสงฺคจารา. ธาวนฺติ ชวนวุตฺติโยคโต. เอกํเยว ทิสํ ธาวติ, อตฺตโน กายํ อปริวตฺเตนฺโตติ อธิปฺปาโย. สตฺถารา ปน ทมิตา ปุริสทมฺมา เอกิริยาปเถเนว อฏฺ ทิสา ธาวนฺติ. เตนาห ‘‘เอกปลฺลงฺเกเนว นิสินฺนา’’ติ. อฏฺ ทิสาติ จ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, โลกิเยหิ อคตปุพฺพํ นิโรธสมาปตฺติทิสํ, อมตทิสฺจ ปกฺขนฺทนโต.
๑๔๐. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, ตตฺถ นิยุตฺโตติ ทิฏฺธมฺมิโก, อิธโลกตฺโถ ¶ . กมฺมกิเลสวเสน สมฺปเรตพฺพโต สมฺมา คนฺตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก, ตตฺถ นิยุตฺโตติ สมฺปรายิโก, ปรโลกตฺโถ. ปรโม อุตฺตโม อตฺโถ ปรมตฺโถ, นิพฺพานํ. เตหิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ. ยถารหนฺติ ยถานุรูปํ. เตสุ อตฺเถสุ โย โย ปุคฺคโล ยํ ยํ อรหติ, ตทนุรูปํ. อนุสาสตีติ วิเนติ ตสฺมึ อตฺเถ ปติฏฺเปติ, สห อตฺเถน วตฺตตีติ สตฺโถ, ภณฺฑมูเลน วาณิชฺชาย เทสนฺตรํ คจฺฉนฺโต ชนสมูโห. หิตุปเทสาทิวเสน ปริปาเลตพฺโพ สาสิตพฺโพ โส เอตสฺส ¶ อตฺถีติ สตฺถา, สตฺถวาโห. โส วิย ภควาติ อาห ‘‘สตฺถา วิยาติ สตฺถา, ภควา สตฺถวาโห’’ติ.
อิทานิ ตมตฺถํ นิทฺเทสปาฬินเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา สตฺถวาโห’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สตฺเถติ สตฺถิเก ชเน. กํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตาโร, นิรุทโก อรฺปฺปเทโส. รุฬฺหีวเสน ปน อิตโรปิ อรฺปฺปเทโส ตถา วุจฺจติ. โจรกนฺตารนฺติ โจเรหิ อธิฏฺิตกนฺตารํ. ตถา วาฬกนฺตารํ. ทุพฺภิกฺขกนฺตารนฺติ ทุลฺลภภิกฺขํ กนฺตารํ. ตาเรตีติ อเขมนฺตฏฺานํ อติกฺกาเมติ. อุตฺตาเรตีติอาทิ อุปสคฺเคน ปทํ วฑฺเฒตฺวา วุตฺตํ. อถ วา อุตฺตาเรตีติ เขมนฺตภูมึ อุปเนนฺโต ตาเรติ. นิตฺตาเรตีติ อเขมนฺตฏฺานโต นิกฺขาเมนฺโต ตาเรติ. ปตาเรตีติ ปริคฺคเหตฺวา ตาเรติ, หตฺเถน ปริคฺคเหตฺวา วิย ตาเรตีติ อตฺโถ. สพฺพมฺเปตํ ตารณุตฺตารณาทิเขมฏฺาเน ปนเมวาติ อาห ‘‘เขมนฺตภูมึ สมฺปาเปตี’’ติ. สตฺเตติ เวเนยฺยสตฺเต. มหาคหนตาย, มหานตฺถตาย, ทุนฺนิตฺถรณตาย จ ชาติเยว กนฺตาโร ชาติกนฺตาโร, ตํ ชาติกนฺตารํ.
อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสนาติ อุกฺกฏฺสตฺตปริจฺเฉทวเสน. เทวมนุสฺสา เอว หิ อุกฺกฏฺสตฺตา, น ติรจฺฉานาทโย. ภพฺพปุคฺคลปริจฺเฉทวเสนาติ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนสฺส โยคฺยปุคฺคลสฺส ปริจฺฉินฺทนวเสน. เอตนฺติ ‘‘เทวมนุสฺสาน’’นฺติ เอตํ วจนํ. ภควโตติ นิสฺสกฺกวจนํ ยถา ‘‘อุปชฺฌายโต อชฺเฌตี’’ติ, ภควโต สนฺติเกติ วา อตฺโถ. อุปนิสฺสยสมฺปตฺตินฺติ ติเหตุกปฏิสนฺธิอาทิกํ มคฺคผลาธิคมสฺส พลวการณํ.
คคฺครายาติ คคฺคราย นาม รฺโ เทวิยา, ตาย วา การิตตฺตา ‘‘คคฺครา’’ติ ลทฺธนามาย. สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสีติ ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ ธมฺมสฺาย สเร นิมิตฺตํ คณฺหิ, คณฺหนฺโต จ ปสนฺนจิตฺโต ปริสปริยนฺเต นิปชฺชิ. สนฺนิรุมฺภิตฺวา อฏฺาสีติ ตสฺส สีเส ทณฺฑสฺส ปิตภาวํ อปสฺสนฺโต ตตฺถ ทณฺฑํ อุปฺปีเฬตฺวา อฏฺาสิ. มณฺฑูโกปิ ทณฺเฑ ปิเตปิ ¶ อุปฺปีฬิเตปิ ธมฺมคเตน ปสาเทน วิสฺสรมกโรนฺโตว กาลมกาสิ. เทวโลเก นิพฺพตฺตสตฺตานํ อยํ ธมฺมตา, ยา ‘‘กุโตหํ อิธ นิพฺพตฺโต, ตตฺถ กึ นุ โข กมฺมมกาสิ’’นฺติ อาวชฺชนา. ตสฺมา อตฺตโน ปุริมภวสฺส ทิฏฺตฺตา อาห ‘‘อเร อหมฺปิ นาม อิธ นิพฺพตฺโต’’ติ ¶ . ภควโต ปาเท วนฺทิ กตฺุตาสํวฑฺฒิเตน เปมคารวพหุมาเนน.
ภควา ชานนฺโตว มหาชนสฺส กมฺมผลํ, พุทฺธานุภาวฺจ ปจฺจกฺขํ กาตุกาโม ‘‘โก เม วนฺทตี’’ติ คาถาย ปุจฺฉิ. ตตฺถ โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก, กตโมติ อตฺโถ. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยา. ‘‘ยสสา’’ติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน, ปริจฺเฉเทน จ. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน สุนฺทเรน. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ สพฺพา ทสปิ ทิสา ปภาเสนฺโต, จนฺโท วิย, สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโตติ อตฺโถ.
เอวํ ปน ภควตา ปุจฺฉิโต เทวปุตฺโต อตฺตานํ ปเวเทนฺโต ‘‘มณฺฑูโกหํ ปุเร อาสิ’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ปุเรติ ปุริมชาติยํ. ‘‘อุทเก’’ติ อิทํ ตทา อตฺตโน อุปฺปตฺติฏฺานทสฺสนํ. ‘‘อุทเก มณฺฑูโก’’ติ เอเตน อุทฺธมายิกาทิกสฺส ถเล มณฺฑูกสฺส นิวตฺตนํ กตํ โหติ. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, คุนฺนํ ฆาเสสนฏฺานํ. อิธ ปน โคจโร วิยาติ โคจโร, วาริ อุทกํ โคจโร เอตสฺสาติ วาริโคจโร. อุทกจารีปิ หิ โกจิ กจฺฉปาทิ อวาริโคจโรปิ โหตีติ ‘‘วาริโคจโร’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺสาติ พฺรหฺมสฺสเรน กรวีกรุตมฺชุนา เทเสนฺตสฺส ตว ธมฺมํ ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ สเร นิมิตฺตคฺคาหวเสน สุณนฺตสฺส. อนาทเร เจตํ สามิวจนํ. อวธิ วจฺฉปาลโกติ วจฺเฉ รกฺขนฺโต โคปาลทารโก มม สมีปํ อาคนฺตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ติฏฺนฺโต มม สีเส ทณฺฑํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา มํ มาเรสีติ อตฺโถ.
สิตํ กตฺวาติ ‘‘ตถา ปริตฺตตเรนาปิ ปฺุานุภาเวน เอวํ อติวิย อุฬารา โลกิยโลกุตฺตรา สมฺปตฺติโย ลพฺภนฺตี’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต ภาสุรตรธวลวิปฺผุรนฺตทสฺสนกิรณาวลีหิ ภิยฺโยโส มตฺตาย ตํ ปเทสํ โอภาเสนฺโต สิตํ กตฺวา. ปีติโสมนสฺสวเสน หิ โส –
‘‘มุหุตฺตํ ¶ จิตฺตปสาทสฺส, อิทฺธึ ปสฺส ยสฺจ เม;
อานุภาวฺจ เม ปสฺส, วณฺณํ ปสฺส ชุติฺจ เม.
‘‘เย ¶ จ เต ทีฆมทฺธานํ, ธมฺมํ อสฺโสสุํ โคตม;
ปตฺตา เต อจลฏฺานํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๙-๘๖๐);
อิมา ทฺเว คาถา วตฺวา ปกฺกามิ.
๑๔๑. ยํ ปน กิฺจีติ เอตฺถ ยนฺติ อนิยมิตวจนํ. ตถา กิฺจีติ. ปนาติ วจนาลงฺการมตฺตํ. ตสฺมา ยํ กิฺจีติ เยฺยสฺส อนวเสสปริยาทานํ กตํ โหติ. ปนาติ วา วิเสสตฺถทีปโก นิปาโต. เตน ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อิมินา สงฺเขปโต, วิตฺถารโต จ สตฺถุ จตุสจฺจาภิสมฺโพโธ วุตฺโต. ‘‘พุทฺโธ’’ติ ปน อิมินา ตทฺสฺสปิ เยฺยสฺสาวโพโธ. ปุริเมน วา สตฺถุ ปฏิเวธาณานุภาโว, ปจฺฉิเมน เทสนาาณานุภาโว. ปีติ อุปริ วุจฺจมาโน วิเสโส โชตียติ. สพฺพโส ปฏิปกฺเขหิ วิมุจฺจตีติ วิโมกฺโข, อคฺคมคฺโค. ตสฺส อนฺโต อคฺคผลํ, ตตฺถ ภวํ ตสฺมึ ลทฺเธ ลทฺธพฺพโต วิโมกฺขนฺติกาณํ, สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สพฺพมฺปิ พุทฺธาณํ. เอวํ ปวตฺโตติ เอตฺถ –
‘‘สพฺพฺุตาย พุทฺโธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธ, อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธ, วิสวิตาย พุทฺโธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธ, นิรุปเลปสงฺขาเตน พุทฺโธ, เอกนฺตวีตราโคติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโทโสติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโมโหติ พุทฺโธ, เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ พุทฺโธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธ. พุทฺโธติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิกตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ. วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ (มหานิ. ๑๙๒) –
อยํ ¶ นิทฺเทสปาฬินโย. ยสฺมา เจตฺถ ตสฺสา ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา เภโท นตฺถิ, ตสฺมา ทฺวีสุ เอเกนาปิ อตฺถสิทฺธีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏิสมฺภิทานโย วา’’ติ อนิยมตฺโถ วา-สทฺโท วุตฺโต.
ตตฺถ ¶ ยถา โลเก อวคนฺตา ‘‘อวคโต’’ติ วุจฺจติ, เอวํ พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ สุทฺธกตฺตุวเสน. ยถา ปณฺณโสสา วาตา ‘‘ปณฺณสุสา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ เหตุกตฺตุวเสน, เหตุอตฺโถ เจตฺถ อนฺโตนีโต.
สพฺพฺุตาย พุทฺโธติ สพฺพธมฺมพุชฺฌนสมตฺถาย พุทฺธิยา พุทฺโธติ อตฺโถ. สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธติ สพฺพธมฺมานํ าณจกฺขุนา ทิฏฺตฺตา พุทฺโธติ อตฺโถ. อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธติ อฺเน อโพธนีโต สยเมว พุทฺธตฺตา พุทฺโธติ อตฺโถ. วิสวิตาย พุทฺโธติ นานาคุณวิสวนโต ปทุมมิว วิกสนฏฺเน พุทฺโธติ อตฺโถ. ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธติ เอวมาทีหิ ฉหิ ปริยาเยหิ นิทฺทกฺขยวิพุทฺโธ ปุริโส วิย สพฺพกิเลสนิทฺทกฺขยวิพุทฺธตฺตา พุทฺโธติ วุตฺตํ โหติ. เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธติ คมนตฺถานํ พุทฺธิอตฺถตาย พุทฺธิอตฺถานมฺปิ คมนตฺถตา ลพฺภตีติ เอกายนมคฺคํ คตตฺตา พุทฺโธติ วุจฺจตีติ อตฺโถ. เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธติ น ปเรหิ พุทฺธตฺตา พุทฺโธ, อถ โข สยเมว อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺธตฺตา พุทฺโธติ อตฺโถ. อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธติ พุทฺธิ พุทฺธํ โพโธติ อนตฺถนฺตรํ. ตตฺถ ยถา รตฺตคุณโยคโต รตฺโต ปโฏ, เอวํ พุทฺธคุณโยคโต พุทฺโธติ าปนตฺถํ วุตฺตํ. ตโต ปรํ พุทฺโธติ เนตํ นามนฺติอาทิ อตฺถานุคตายํ ปฺตฺตีติ โพธนตฺถํ วุตฺตนฺติ เอวเมตฺถ อิมินาปิ การเณน ภควา พุทฺโธติ เวทิตพฺพํ.
๑๔๒. อสฺสาติ ภควโต. คุณวิสิฏฺสพฺพสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนนฺติ สพฺเพหิ สีลาทิคุเณหิ วิสิฏฺสฺส ตโต เอว สพฺพสตฺเตหิ อุตฺตมสฺส ครุโน คารววเสน วุตฺตวจนมิทํ ภควาติ. ตถา หิ โลกนาโถ อปริมิตนิรุปมปฺปภาวสีลาทิคุณวิเสสสมงฺคิตาย สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย ¶ นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย, อจฺจนฺตุปการิตาย จ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมคารวฏฺานนฺติ.
ภควาติ วจนํ เสฏฺนฺติ เสฏฺวาจกํ วจนํ เสฏฺคุณสหจรณโต ‘‘เสฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ. ตสฺมา โย ‘‘ภควา’’ติ วจเนน วจนีโย อตฺโถ, โส เสฏฺโติ อตฺโถ. ภควาติ วจนมุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต, ครุกรณํ วา สาติสยํ อรหตีติ คารวยุตฺโต, คารวารโหติ อตฺโถ.
คุณวิเสสเหตุกํ ¶ ‘‘ภควา’’ติ อิทํ ภควโต นามนฺติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต วิภชิตุกาโม นามํเยว ตาว อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘จตุพฺพิธํ วา นาม’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาวตฺถิกนฺติ อวตฺถาย วิทิตํ ตํ ตํ อวตฺถํ อุปาทาย ปฺตฺตํ โวหริตํ. ตถา ลิงฺคิกํ เตน เตน ลิงฺเคน โวหริตํ. เนมิตฺติกนฺติ นิมิตฺตโต อาคตํ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ ยทิจฺฉาย ปวตฺตํ, ยทิจฺฉาย อาคตํ ยทิจฺฉกํ. ปเมน อาทิ-สทฺเทน พาโล, ยุวา, วุฑฺโฒติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ, ทุติเยน มุณฺฑี, ชฏีติ เอวมาทึ, ตติเยน พหุสฺสุโต, ธมฺมกถิโก, ฌายีติ เอวมาทึ, จตุตฺเถน อฆมริสนํ ปาวจนนฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. ‘‘เนมิตฺติก’’นฺติ วุตฺตมตฺถํ พฺยติเรกวเสน ปติฏฺาเปตุํ ‘‘น มหามายายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘วิโมกฺขนฺติก’’นฺติ อิมินา อิทํ นามํ อริยาย ชาติยา ชาตกฺขเณเยว ชาตนฺติ ทสฺเสติ. ยทิ วิโมกฺขนฺติกํ, อถ กสฺมา อฺเหิ ขีณาสเวหิ อสาธารณนฺติ อาห ‘‘สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา’’ติ. พุทฺธานฺหิ อรหตฺตผลํ นิปฺผชฺชมานํ สพฺพฺุตฺาณาทีหิ สพฺเพหิ พุทฺธคุเณหิ สทฺธึเยว นิปฺผชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิโมกฺขนฺติก’’นฺติ. สจฺฉิกา ปฺตฺตีติ สพฺพธมฺมานํ สจฺฉิกิริยานิมิตฺตา ปฺตฺติ. อถ วา สจฺฉิกา ปฺตฺตีติ ปจฺจกฺขสิทฺธา ปฺตฺติ. ยํคุณนิมิตฺตา หิ สา, เต สตฺถุ ปจฺจกฺขภูตาติ คุณา วิย สาปิ สจฺฉิกตา เอว นาม โหติ, น ปเรสํ โวหารมตฺเตนาติ อธิปฺปาโย.
๑๔๓. วทนฺตีติ ¶ มหาเถรสฺส ครุภาวโต พหุวจเนนาห, สงฺคีติกาเรหิ วา กตมนุวาทํ สนฺธาย. อิสฺสริยาทิเภโท ภโค อสฺส อตฺถีติ ภคี. อกาสิ ภคฺคนฺติ ราคาทิปาปธมฺมํ ภคฺคํ อกาสิ, ภคฺควาติ อตฺโถ. พหูหิ าเยหีติ กายภาวนาทิเกหิ อเนเกหิ ภาวนากฺกเมหิ. สุภาวิตตฺตโนติ สมฺมเทว ภาวิตสภาวสฺส. ปจฺจตฺเต เจตํ สามิวจนํ.
นิทฺเทเส วุตฺตนเยนาติ เอตฺถายํ นิทฺเทสนโย –
‘‘ภควาติ คารวาธิวจนเมตํ. อปิจ ภคฺคราโคติ ภควา, ภคฺคโทโสติ ภควา, ภคฺคโมโหติ ภควา, ภคฺคมาโนติ ภควา, ภคฺคทิฏฺีติ ภควา, ภคฺคตณฺโหติ ภควา, ภคฺคกิเลโสติ ภควา, ภชิ วิภชิ ปวิภชิ ธมฺมรตนนฺติ ภควา, ภวานํ อนฺตกโรติ ภควา, ภาวิตกาโย ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปฺโติ ภควา, ภชิ ¶ วา ภควา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานีติ ภควา, ภาคี วา ภควา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานนฺติ ภควา, ภาคี วา ภควา อตฺถรสสฺส ธมฺมรสสฺส วิมุตฺติรสสฺส อธิสีลสฺส อธิจิตฺตสฺส อธิปฺายาติ ภควา, ภาคี วา ภควา จตุนฺนํ ฌานานํ จตุนฺนํ อปฺปมฺานํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนนฺติ ภควา, ภาคี วา ภควา อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ อฏฺนฺนํ อภิภายตนานํ นวนฺนํ อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีนนฺติ ภควา, ภาคี วา ภควา ทสนฺนํ สฺาภาวนานํ ทสนฺนํ กสิณสมาปตฺตีนํ อานาปานสฺสติสมาธิสฺส อสุภสมาปตฺติยาติ ภควา, ภาคี วา ภควา จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ ปฺจนฺนํ พลานํ สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ อริยสฺส อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺสาติ ภควา, ภาคี วา ภควา ทสนฺนํ ตถาคตพลานํ จตุนฺนํ เวสารชฺชานํ จตุนฺนํ ปฏิสมฺภิทานํ ฉนฺนํ อภิฺานํ ฉนฺนํ พุทฺธธมฺมานนฺติ ภควา, ภควาติ เนตํ นามํ…เป… สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ ภควา’’ติ (มหานิ. ๘๓).
เอตฺถ ¶ จ ‘‘คารวาธิวจน’’นฺติอาทีนิ ยทิปิ คาถายํ อาคตปทานุกฺกเมน น นิทฺทิฏฺานิ, ยถารหํ ปน เตสํ สพฺเพสมฺปิ นิทฺเทสภาเวน เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ คารวาธิวจนนฺติ ครูนํ ครุภาววาจกํ วจนํ. ภชีติ ภาคโส กเถสิ. เตนาห ‘‘วิภชี’’ติ. ธมฺมรตนนฺติ มคฺคผลาทิอริยธมฺมรตนํ. ปุน ภชีติ เสวิ. ภาคีติ ภาคเธยฺยวา. ปุน ภาคีติ ภชนสีโล. อตฺถรสสฺสาติ อตฺถสนฺนิสฺสยสฺส รสสฺส. วิมุตฺตายตนสีเส หิ ตฺวา ธมฺมํ กเถนฺตสฺส, สุณนฺตสฺส จ ตทตฺถํ อารพฺภ อุปฺปชฺชนกปีติโสมนสฺสํ อตฺถรโส. ธมฺมํ อารพฺภ ธมฺมรโส. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวท’’นฺติ (อ. นิ. ๖.๑๐). วิมุตฺติรสสฺสาติ วิมุตฺติภูตสฺส, วิมุตฺติสนฺนิสฺสยสฺส วา รสสฺส. สฺาภาวนานนฺติ อนิจฺจสฺาทีนํ ทสนฺนํ สฺาภาวนานํ. ฉนฺนํ พุทฺธธมฺมานนฺติ ฉ อสาธารณาณานิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ ‘‘ภควา’’ติ สทฺทสิทฺธิ นิรุตฺตินเยน เวทิตพฺพา.
๑๔๔. ยทิปิ ‘‘ภาคฺยวา’’ติอาทีหิ ปเทหิ วุจฺจมาโน อตฺโถ ‘‘ภคี ภชี’’ติ นิทฺเทสคาถาย สงฺคหิโต เอว, ตถาปิ ปทสิทฺธิ อตฺถวิภาคอตฺถโยชนาทิสหิโต สํวณฺณนานโย ตโต อฺากาโรติ วุตฺตํ ‘‘อยํ ปน อปโร นโย’’ติ. อาทิกนฺติ อาทิ-สทฺเทน วณฺณวิกาโร ¶ , วณฺณโลโป, ธาตุอตฺเถน นิโยชนฺจาติ อิมํ ติวิธํ ลกฺขณํ สงฺคณฺหาติ. สทฺทนเยนาติ พฺยากรณนเยน. ปิโสทราทีนํ สทฺทานํ อากติคณภาวโต วุตฺตํ ‘‘ปิโสทราทิปกฺเขปลกฺขณํ คเหตฺวา’’ติ. ปกฺขิปนเมว ลกฺขณํ. ตปฺปริยาปนฺนตากรณํ หิ ปกฺขิปนํ. ปารปฺปตฺตนฺติ ปรมุกฺกํสคตํ ปารมิภาวปฺปตฺตํ. ภาคฺยนฺติ กุสลํ. ตตฺถ มคฺคกุสลํ โลกุตฺตรสุขนิพฺพตฺตกํ, อิตรํ โลกิยสุขนิพฺพตฺตกํ, อิตรมฺปิ วา วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปริยายโต โลกุตฺตรสุขนิพฺพตฺตกํ สิยา.
โลภาทโย เอกกวเสน คหิตา. ตถา วิปรีตมนสิกาโร วิปลฺลาสภาวสามฺเน, อหิริกาทโย ทุกวเสน. โลภาทโย จ ปุน ‘‘ติวิธากุสลมูล’’นฺติ ติกวเสน คหิตา. กายทุจฺจริตาทิ-ตณฺหาสํกิเลสาทิราคมลาทิราควิสมาทิกามสฺาทิกามวิตกฺกาทิตณฺหาปปฺจาทโย ติวิธทุจฺจริตาทโย. สุภสฺาทิกา จตุพฺพิธวิปริเยสา. ‘‘จีวรเหตุ วา ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, ปิณฺฑปาต ¶ , เสนาสน, อิติภวาภวเหตุ วา’’ติ (อ. นิ. ๔.๙) เอวมาคตา จตฺตาโร ตณฺหุปฺปาทา. ‘‘พุทฺเธ กงฺขติ, ธมฺเม, สงฺเฆ, สิกฺขาย, สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขีลชาโต’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๙; ม. นิ. ๑.๑๘๕; อ. นิ. ๕.๒๐๕; ๙.๗๑; วิภ. ๙๔๑) เอวมาคตานิ ปฺจ เจโตขีลานิ. ‘‘กาเม อวีตราโค โหติ, กาเย อวีตราโค, รูเป อวีตราโค, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๐; ม. นิ. ๑.๑๘๖) อาคตา ปฺจ วินิพนฺธา. รูปาภินนฺทนาทโย ปฺจาภินนฺทนา. โกโธ, มกฺโข, อิสฺสา, สาเยฺยํ, ปาปิจฺฉตา, สนฺทิฏฺิปรามาโสติ อิมานิ ฉ วิวาทมูลานิ. รูปตณฺหาทโย ฉ ตณฺหากายา.
กามราคปฏิฆทิฏฺิวิจิกิจฺฉาภวราคมานาวิชฺชา สตฺตานุสยา. มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย อฏฺ มิจฺฉตฺตา. ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา, ปริเยสนํ ปฏิจฺจ ลาโภ, ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย, วินิจฺฉยํ ปฏิจฺจ ฉนฺทราโค, ฉนฺทราคํ ปฏิจฺจ อชฺโฌสานํ, อชฺโฌสานํ ปฏิจฺจ ปริคฺคโห, ปริคฺคหํ ปฏิจฺจ มจฺฉริยํ, มจฺฉริยํ ปฏิจฺจ อารกฺขา, อารกฺขาธิกรณํ ทณฺฑาทานาทโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๓; ๓.๓๕๙) เอเต นว ตณฺหามูลกา. จตฺตาโร สสฺสตวาทา, จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา, จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา, จตฺตาโร อมราวิกฺเขปิกา, ทฺเว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา, โสฬส สฺีวาทา, อฏฺ อสฺีวาทา, อฏฺ เนวสฺีนาสฺีวาทา ¶ , สตฺต อุจฺเฉทวาทา, ปฺจ ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ เอตานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ. อชฺฌตฺติกสฺส อุปาทาย ‘‘อสฺมี’’ติ โหติ, ‘‘อิตฺถสฺมี’’ติ, ‘‘เอวสฺมี’’ติ, ‘‘อฺถาสฺมี’’ติ, ‘‘ภวิสฺส’’นฺติ, ‘‘อิตฺถํ ภวิสฺส’’นฺติ, ‘‘เอวํ ภวิสฺส’’นฺติ, ‘‘อฺถา ภวิสฺส’’นฺติ, ‘‘อสสฺมี’’ติ, ‘‘สาตสฺมี’’ติ, ‘‘สิย’’นฺติ, ‘‘อิตฺถํ สิย’’นฺติ, ‘‘เอวํ สิย’’นฺติ, ‘‘อฺถา สิย’’นฺติ, ‘‘อปาหํ สิย’’นฺติ, ‘‘อปาหํ อิตฺถํ สิย’’นฺติ, ‘‘อปาหํ เอวํ สิย’’นฺติ, ‘‘อปาหํ อฺถา สิย’’นฺติ โหตีติ อฏฺารส, พาหิรสฺสุปาทาย ‘‘อิมินา อสฺมี’’ติ โหติ, ‘‘อิมินา อิตฺถสฺมี’’ติ, ‘‘อิมินา เอวสฺมี’’ติ, ‘‘อิมินา อฺถาสฺมี’’ติอาทิกา (วิภ. ๙๗๕-๙๗๖) วุตฺตนยา อฏฺารสาติ ฉตฺตึส, อตีตา ฉตฺตึส, อนาคตา ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนา ฉตฺตึสาติ อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ.
ปเภท-สทฺโท ¶ ปจฺเจกํ สมฺพนฺธิตพฺโพ. ตตฺถายํ โยชนา – โลภปฺปเภทา โทสปฺปเภทา ยาว อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภทาติ. สพฺพานิ สตฺตานํ ทรถปริฬาหกรานิ กิเลสานํ อเนกานิ สตสหสฺสานิ อภฺชีติ โยชนา. อารมฺมณาทิวิภาคโต หิ ปวตฺติอาการวิภาคโต จ อนนฺตปฺปเภทา กิเลสาติ. สงฺเขปโตติ เอตฺถ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สพฺพโส อปฺปวตฺติกรเณน กิเลสมารํ, สมุทยปฺปหานปริฺาวเสน ขนฺธมารํ, สหายเวกลฺลกรณวเสน สพฺพถา อปฺปวตฺติกรเณน อภิสงฺขารมารํ, พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน เทวปุตฺตมจฺจุมารฺจ อภฺชิ ภคฺเค อกาสิ. ปริสฺสยานนฺติ อุปทฺทวานํ. สมฺปติ, อายติฺจ สตฺตานํ อนตฺถาวหตฺตา มารณฏฺเน วิพาธนฏฺเน กิเลสาว มาโรติ กิเลสมาโร. วธกฏฺเน ขนฺธาว มาโรติ ขนฺธมาโร. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘วธกํ รูปํ ‘วธกํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๘๕). ชาติชราทิมหาพฺยสนนิพฺพตฺตเนน อภิสงฺขาโรว มาโรติ อภิสงฺขารมาโร. สํกิเลสนิมิตฺตํ หุตฺวา คุณมารณฏฺเน เทวปุตฺโตว มาโรติ เทวปุตฺตมาโร. สตฺตานํ ชีวิตสฺส, ชีวิตปริกฺขารานฺจ ชานิกรเณน มหาพาธรูปตฺตา มจฺจุ เอว มาโรติ มจฺจุมาโร.
สตปฺุลกฺขณธรสฺสาติ อเนกสตปฺุนิพฺพตฺตมหาปุริสลกฺขณวหโต รูปกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ, อิตราสํ ผลสมฺปทานํ มูลภาวโต, อธิฏฺานภาวโต จ. ธมฺมกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ, ปหานสมฺปทาปุพฺพกตฺตา าณสมฺปทาทีนํ. ภาคฺยวตาย โลกิยานํ พหุมตภาโว. ภคฺคโทสตาย ปริกฺขกานํ พหุมตภาโวติ โยชนา. เอวํ อิโต ปเรสุปิ ยถาสงฺขฺยํ โยเชตพฺพํ. ปฺุวนฺตํ หิ คหฏฺา ขตฺติยาทโย อภิคจฺฉนฺติ, ปหีนโทสํ ปพฺพชิตตาปสปริพฺพาชกาทโย ¶ ‘‘โทสวินยาย ธมฺมํ เทเสตี’’ติ. อภิคตานฺจ เนสํ กายจิตฺตทุกฺขาปนยเน ปฏิพลภาโว, อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการสพฺภาวโต. รูปกายํ ตสฺส ปสาทจกฺขุนา, ธมฺมกายํ ปฺาจกฺขุนา ทิสฺวา ทุกฺขทฺวยสฺส ปฏิปฺปสฺสมฺภนโต อุปคตานฺจ เตสํ อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการิตา, ‘‘ปุพฺเพ อามิสทานธมฺมทาเนหิ มยา อยํ ¶ โลกคฺคภาโว อธิคโต, ตสฺมา ตุมฺเหหิปิ เอวเมว ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ เอวํ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยชเนน อภิคตานํ โลกิยโลกุตฺตรสุเขหิ สํโยชนสมตฺถตา จ ทีปิตา โหติ.
สกจิตฺเต อิสฺสริยํ อตฺตโน จิตฺตสฺส วสีภาวาปาทนํ, เยน ปฏิกฺกูลาทีสุ อปฺปฏิกฺกูลสฺิตาทิวิหารสิทฺธิ, อธิฏฺานิทฺธิอาทิโก อิทฺธิวิโธปิ จิตฺติสฺสริยเมว จิตฺตภาวนาย วสีภาวปฺปตฺติยา อิชฺฌนโต. อณิมาลฆิมาทิกนฺติ อาทิ-สทฺเทน มหิมา ปตฺติ ปากมฺมํ อีสิตา วสิตา ยตฺถกามาวสายิตาติ อิเม ฉปิ สงฺคหิตา. ตตฺถ กายสฺส อณุภาวกรณํ อณิมา. ลหุภาโว ลฆิมา อากาเส ปทสา คมนาทินา. มหตฺตํ มหิมา กายสฺส มหนฺตตาปาทนํ. อิฏฺเทสปฺปตฺติ ปตฺติ. อธิฏฺานาทิวเสน อิจฺฉิตนิปฺผาทนํ ปากมฺมํ. สยํวสิตา อิสฺสรภาโว อีสิตา. อิทฺธิวิเธ วสีภาโว วสิตา. อากาเสน วา คจฺฉโต, อฺํ วา กิฺจิ กโรโต ยตฺถ กตฺถจิ โวสานปฺปตฺติ ยตฺถกามาวสายิตา. ‘‘กุมารกรูปาทิทสฺสน’’นฺติปิ วทนฺติ. เอวมิทํ อฏฺวิธํ โลกิยสมฺมตํ อิสฺสริยํ. ตํ ปน ภควโต อิทฺธิวิธนฺโตคธํ, อนฺสาธารณฺจาติ อาห ‘‘สพฺพาการปริปูรํ อตฺถี’’ติ.
เกสฺจิ ปเทสวุตฺติ, อยถาภูตคุณสนฺนิสฺสยตฺตา อปริสุทฺโธ จ ยโส โหติ, น เอวํ ตถาคตสฺสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โลกตฺตยพฺยาปโก’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิธ อธิคตสตฺถุคุณานํ อารุปฺเป อุปฺปนฺนานํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา ภควโต คุเณ อนุสฺสรนฺตานํ ยโส ปากโฏ โหตีติ อาห ‘‘โลกตฺตยพฺยาปโก’’ติ. ยถาภุจฺจคุณาธิคตตฺตา เอว อติวิย ปริสุทฺโธ. อนวเสสลกฺขณานุพฺยฺชนาทิสมฺปตฺติยา สพฺพาการปริปูรา. สพฺพงฺคปจฺจงฺคสิรี สพฺเพสํ องฺคปจฺจงฺคานํ โสภา. ‘‘ติณฺโณ ตาเรยฺย’’นฺติอาทินา ยํ ยํ เอเตน โลกนาเถน อิจฺฉิตํ มโนวจีปณิธานวเสน, ปตฺถิตํ กายปณิธานวเสน. ตเถวาติ ปณิธานานุรูปเมว. วีริยปารมิภาวปฺปตฺโต, อริยมคฺคปริยาปนฺโน จ สมฺมาวายามสงฺขาโต ปยตฺโต.
เภเทหีติ สพฺพตฺติกทุกปทสํหิเตหิ ปเภเทหิ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน น เกวลํ ¶ วิภงฺคปาฬิยํ อาคตา สติปฏฺานาทโยว สงฺคหิตา, อถ โข สงฺคหาทโย, สมยวิมุตฺตาทโย, ปนาทโย ¶ , ติกปฏฺานาทโย จ สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพํ. ทุกฺขสจฺจสฺส ปีฬนฏฺโ ตํสมงฺคิโน สตฺตสฺส หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สงฺขตฏฺโ สเมจฺจสมฺภูยปจฺจเยหิ กตภาโว. สนฺตาปฏฺโ ทุกฺขทุกฺขตาทีหิ สนฺตปฺปนํ ปริทหนํ. วิปริณามฏฺโ ชราย, มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพตา. สมุทยสฺส อายูหนฏฺโ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตนวเสน สมฺปิณฺฑนํ. นิทานฏฺโ ‘‘อิทํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ นิททนฺตสฺส วิย สมุฏฺาปนํ. สํโยคฏฺโ สํสารทุกฺเขน สํโยชนํ. ปลิโพธฏฺโ มคฺคาธิคมสฺส นิวารณํ. นิโรธสฺส นิสฺสรณฏฺโ สพฺพูปธีนํ ปฏินิสฺสคฺคสภาวตฺตา ตโต วินิสฺสฏตา, ตนฺนิสฺสรณนิมิตฺตตา วา. วิเวกฏฺโ สพฺพสงฺขารวิสํยุตฺตตา. อสงฺขตฏฺโ เกนจิปิ ปจฺจเยน อนภิสงฺขตตา. อมตฏฺโ นิจฺจสภาวตฺตา มรณาภาโว, สตฺตานํ มรณาภาวเหตุตา วา. มคฺคสฺส นิยฺยานฏฺโ วฏฺฏทุกฺขโต นิคฺคมนฏฺโ. เหตุอตฺโถ นิพฺพานสฺส สมฺปาปกภาโว. ทสฺสนฏฺโ อจฺจนฺตสุขุมสฺส นิพฺพานสฺส สจฺฉิกรณํ. อาธิปเตยฺยฏฺโ จตุสจฺจทสฺสเน สมฺปยุตฺตานํ อาธิปจฺจกรณํ, อารมฺมณาธิปติภาโว วา วิเสสโต มคฺคาธิปติวจนโต. สติปิ หิ ฌานาทีนํ อารมฺมณาธิปติภาเว ‘‘ฌานาธิปติโน ธมฺมา’’ติ เอวมาทึ อวตฺวา ‘‘มคฺคาธิปติโน ธมฺมา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, ตสฺมา วิฺายติ ‘‘อตฺถิ มคฺคสฺส อารมฺมณาธิปติภาเว วิเสโส’’ติ. เอเต จ ปีฬนาทโย โสฬสาการา นาม. กสฺมา ปเนตฺถ อฺเสุ โรคคณฺาทิอากาเรสุ วิชฺชมาเนสุ เอเตว ปริคฺคยฺหนฺตีติ? สลกฺขณโต จ สจฺจนฺตรทสฺสนโต จ อาวิภาวโต. สฺวายมตฺโถ ปรโต สจฺจกถายเมว อาวิ ภวิสฺสติ.
ทิพฺพวิหาโร กสิณาทิอารมฺมณานิ รูปาวจรชฺฌานานิ. เมตฺตาทิชฺฌานานิ พฺรหฺมวิหาโร. ผลสมาปตฺติ อริยวิหาโร. กาเมหิ วิเวกฏฺกายตาวเสน เอกีภาโว กายวิเวโก. ปมชฺฌานาทินา นีวรณาทีหิ วิวิตฺตจิตฺตตา จิตฺตวิเวโก. อุปธิวิเวโก นิพฺพานํ. อฺเติ โลกิยาภิฺาทิเก.
กิเลสาภิสงฺขารวเสน ภเวสุ ปริพฺภมนํ, โส จ ตณฺหาปฺปธาโนติ วุตฺตํ ‘‘ตณฺหาสงฺขาตํ คมน’’นฺติ. วนฺตนฺติ อริยมคฺคมุเขน อุคฺคิริตํ ปุน อปจฺจาวมนวเสน ฉฑฺฑิตํ. ภควาติ วุจฺจติ นิรุตฺตินเยนาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยถา…เป… เมขลา’’ติ.
อปโร ¶ ¶ นโย – ภาควาติ ภควา, ภตวาติ ภควา, ภาเค วนีติ ภควา, ภเค วนีติ ภควา, ภตฺตวาติ ภควา, ภเค วมีติ ภควา. ภาเค วมีติ ภควา.
ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;
ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน.
ตตฺถ กถํ ภาควาติ ภควา? เย เต สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา คุณโกฏฺาสา, เต อนฺสาธารณา นิรติสยา ตถาคตสฺส อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ. ตถา หิสฺส สีลํ สมาธิ ปฺา วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ, หิรี โอตฺตปฺปํ, สทฺธา วีริยํ, สติ สมฺปชฺํ, สีลวิสุทฺธิ ทิฏฺิวิสุทฺธิ, สมโถ วิปสฺสนา, ตีณิ กุสลมูลานิ, ตีณิ สุจริตานิ, ตโย สมฺมาวิตกฺกา, ติสฺโส อนวชฺชสฺา, ติสฺโส ธาตุโย, จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ อริยผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณานิ, จตฺตาโร อริยวํสา, จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ, ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, ปฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ, ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สฺา, ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ, ฉ คารวา, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ฉ สตตวิหารา, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, ฉ อภิฺา, ฉ อสาธารณาณานิ, สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา, สตฺต อริยธมฺมา, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, สตฺต สปฺปุริสธมฺมา, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต สฺา, สตฺตทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา, สตฺตวิฺาณฏฺิติเทสนา, สตฺตขีณาสวพลเทสนา, อฏฺปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา, อฏฺ สมฺมตฺตานิ, อฏฺโลกธมฺมาติกฺกมา, อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ, อฏฺอกฺขณเทสนา, อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา, อฏฺอภิภายตนเทสนา, อฏฺ วิโมกฺขา, นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นวสตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฏิวินยา, นว สฺา, นว นานตฺตา, นว อนุปุพฺพวิหารา, ทส นาถการณา ธมฺมา, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาสา, ทส อเสกฺขธมฺมา, ทส ตถาคตพลานิ, เอกาทส เมตฺตานิสํสา, ทฺวาทส ¶ ธมฺมจกฺกาการา, เตรส ธุตคุณา, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ, โสฬส อปรนฺตปนียา ธมฺมา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ ¶ , ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ, ปโรปฺาส กุสลธมฺมา, สตฺตสตฺตติาณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณํ, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ, ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ เอวมาทโย อนนฺตาปริมาณเภทา อนฺสาธารณา นิรติสยา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตวิภาคา คุณภาคา อสฺส อตฺถีติ ภาควาติ วตฺตพฺเพ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต. เอวํ ตาว ภาควาติ ภควา.
ยสฺมา สีลาทโย สพฺเพ, คุณภาคา อเสสโต;
วิชฺชนฺติ สุคเต ตสฺมา, ‘‘ภควา’’ติ ปวุจฺจติ.
กถํ ภตวาติ ภควา? เย เต สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺเนหิ มนุสฺสตฺตาทิเก อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา สมฺมาสมฺโพธิยา กตมหาภินีหาเรหิ มหาโพธิสตฺเตหิ ปริปูเรตพฺพา ทานปารมี, สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมีติ ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย, ทานาทีนิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ, สจฺจาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, อตฺตปริจฺจาโค, นยน, ธน, รชฺช, ปุตฺตทารปริจฺจาโคติ ปฺจ มหาปริจฺจาคา, ปุพฺพโยโค, ปุพฺพจริยา, ธมฺมกฺขานํ, าตตฺถจริยา, โลกตฺถจริยา, พุทฺธตฺถจริยาติ เอวมาทโย, สงฺเขปโต วา สพฺเพ ปฺุสมฺภาราณสมฺภารพุทฺธการกธมฺมา, เต มหาภินีหารโต ปฏฺาย กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยานิ ยถา หานภาคิยา, สํกิเลสภาคิยา, ิติภาคิยา วา น โหนฺติ, อถ โข อุตฺตรุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหนฺติ, เอวํ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ อนวเสสโต ภตา สมฺภตา อสฺส อตฺถีติ ภตวาติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต นิรุตฺตินเยน ต-การสฺส ค-การํ กตฺวา. อถ วา ภตวาติ เตเยว ยถาวุตฺเต พุทฺธการกธมฺเม วุตฺตนเยน ภริ สมฺภริ, ปริปูเรสีติ อตฺโถ. เอวมฺปิ ภตวาติ ภควา.
สมฺมาสมฺโพธิยา ¶ สพฺเพ, ทานปารมิอาทิเก;
สมฺภาเร ภตวา นาโถ, ตสฺมาปิ ภควา มโต.
กถํ ¶ ภาเค วนีติ ภควา? เย เต จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ วฬฺชนกสมาปตฺติภาคา, เต อนวเสสโต โลกหิตตฺถํ, อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ นิจฺจกปฺปํ นิจฺจกปฺปํ วนิ ภชิ เสวิ พหุลมกาสีติ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา อภิฺเยฺยธมฺเมสุ, กุสลาทีสุ, ขนฺธาทีสุ จ เย เต ปริฺเยฺยาทิวเสน สงฺเขปโต วา จตุพฺพิธา อภิสมยภาคา, วิตฺถารโต ปน ‘‘จกฺขุํ ปริฺเยฺยํ…เป… ชรามรณํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา อเนกปริฺเยฺยภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ…เป… ชรามรณสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ’’ติอาทินา ปหาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรโธ…เป… ชรามรณสฺส นิโรโธ สจฺฉิกาตพฺโพ’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒๑) สจฺฉิกาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติอาทินา, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา จ อเนกเภทา ภาเวตพฺพภาคา จ ธมฺมา, เต สพฺเพ วนิ ภชิ ยถารหํ โคจรภาวนาเสวนานํ วเสน เสวิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา เย อิเม สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา สาวเกหิ สาธารณา คุณโกฏฺาสา คุณภาคา, ‘‘กินฺติ นุ โข เต เวเนยฺยสนฺตาเนสุ ปติฏฺเปยฺย’’นฺติ มหากรุณาย วนิ อภิปตฺถยิ, สา จสฺส อภิปตฺถนา ยถาธิปฺเปตผลาวหา อโหสิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา.
ยสฺมา เยฺยสมาปตฺติ-คุณภาเค ตถาคโต;
ภชิ ปตฺถยิ สตฺตานํ, หิตาย ภควา ตโต.
กถํ ภเค วนีติ ภควา? สมาสโต ตาว กตปฺุเหิ ปโยคสมฺปนฺเนหิ ยถาวิภวํ ภชียนฺตีติ ภคา, โลกิยโลกุตฺตรสมฺปตฺติโย. ตตฺถ โลกิเย ตาว ตถาคโต สมฺโพธิโต ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูโต ปรมุกฺกํสคเต วนิ ภชิ เสวิ, ยตฺถ ปติฏฺาย นิรวเสสโต พุทฺธการกธมฺเม สมนฺนาเนนฺโต พุทฺธธมฺเม ปริปาเจสิ. พุทฺธภูโต ¶ ปน เต นิรวชฺชสุขูปสํหิเต อนฺสาธารเณ โลกุตฺตเรปิ วนิ ภชิ เสวิ. วิตฺถารโต ปน ปเทสรชฺชอิสฺสริยจกฺกวตฺติสมฺปตฺติเทวรชฺชสมฺปตฺติอาทิวเสน, ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติาณทสฺสนมคฺคภาวนาผลสจฺฉิกิริยาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺมวเสน จ อเนกวิหิเต อนฺสาธารเณ ภเค วนิ ภชิ เสวิ. เอวมฺปิ ภเค วนีติ ภควา.
ยา ¶ ตา สมฺปตฺติโย โลเก, ยา จ โลกุตฺตรา ปุถู;
สพฺพา ตา ภชิ สมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ภควา มโต.
กถํ ภตฺตวาติ ภควา? ภตฺตา ทฬฺหภตฺติกา อสฺส พหู อตฺถีติ ภตฺตวา. ตถาคโต หิ มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคิ ภาวโต สพฺพสตฺตุตฺตโม สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตุปการิตาย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาทิอนฺสาธารณคุณวิเสสปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ยถาภุจฺจคุณาธิคเตน ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน โลกตฺตยพฺยาปินาสุวิปุเลน, สุวิสุทฺเธน จ ถุติโฆเสน สมนฺนาคตตฺตา, อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตาสุ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิอาทีสุ สุปติฏฺิตภาวโต, ทสพลจตุเวสารชฺชาทินิรติสยคุณวิเสสสมงฺคิภาวโต จ ‘‘รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน, โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน, ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน, ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโน’’ติ เอวํ จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส สพฺพถาปิ ปสาทาวหภาเวน สมนฺตปาสาทิกตฺตา อปริมาณานํ สตฺตานํ สเทวมนุสฺสานํ อาทรพหุมานคารวายตนตาย ปรมเปมสมฺภตฺติฏฺานํ. เย ตสฺส โอวาเท ปติฏฺิตา อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา โหนฺติ, เกนจิ อสํหาริยา เตสํ สมฺภตฺติ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วาติ. ตถา หิ เต อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาเคปิ ตตฺถ ปสาทํ น ปริจฺจชนฺติ, ตสฺส วา อาณํ ทฬฺหภตฺติภาวโต. เตเนวาห –
‘‘โย เว กตฺู กตเวทิ ธีโร,
กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๗๘);
‘‘เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเว, มหาสมุทฺโท ิตธมฺโม เวลํ นาติวตฺตติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕) จ.
เอวํ ภตฺตวาติ ภควา นิรุตฺตินเยน เอกสฺส ต-การสฺส โลปํ กตฺวา อิตรสฺส ค-การํ กตฺวา.
คุณาติสยยุตฺตสฺส ¶ , ยสฺมา โลกหิเตสิโน;
สมฺภตฺตา พหโว สตฺถุ, ภควา เตน วุจฺจติ.
กถํ ภเค วมีติ ภควา? ยสฺมา ตถาคโต โพธิสตฺตภูโตปิ ปุริมาสุ ชาตีสุ ปารมิโย ปูเรนฺโต ภคสงฺขาตํ สิรึ, อิสฺสริยํ, ยสฺจ วมิ อุคฺคิริ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ. ตถา หิสฺส โสมนสฺสกุมารกาเล (ชา. ๑.๑๕.๒๑๑ อาทโย) หตฺถิปาลกุมารกาเล (ชา. ๑.๑๕.๓๓๗ อาทโย) อโยฆรปณฺฑิตกาเล (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓ อาทโย) มูคปกฺขปณฺฑิตกาเล (ชา. ๒.๒๒.๑ อาทโย) จูฬสุตโสมกาเลติ (ชา. ๒.๑๗.๑๙๕ อาทโย) เอวมาทีสุ เนกฺขมฺมปารมิปูรณวเสน เทวรชฺชสทิสาย รชฺชสิริยา ปริจฺจตฺตอตฺตภาวานํ ปริมาณํ นตฺถิ. จริมตฺตภาเวปิ หตฺถคตํ จกฺกวตฺติสิรึ เทวโลกาธิปจฺจสทิสํ จตุทีปิสฺสริยํ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยํ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสฺจ ติณายปิ อมฺมาโน นิรเปกฺโข ปหาย อภินิกฺขมิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา อิเม สิริอาทิเก ภเค วมีติ ภควา. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา, สิเนรุยุคนฺธรอุตฺตรกุรุหิมวนฺตาทิภาชนโลกวิเสสสนฺนิสฺสยา โสภา กปฺปฏฺิยภาวโต. เตปิ ภควา วมิ ตนฺนิวาสสตฺตาวาสสมติกฺกมนโต ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหีติ. เอวมฺปิ ภเค วมีติ ภควา.
จกฺกวตฺติสิรึ ยสฺมา, ยสํ อิสฺสริยํ สุขํ;
ปหาสิ โลกจิตฺตฺจ, สุคโต ภควา ตโต.
กถํ ภาเค วมีติ ภควา? ภาคา นาม สภาวธมฺมโกฏฺาสา, เต ขนฺธายตนธาตาทิวเสน, ตตฺถาปิ รูปเวทนาทิวเสน, อตีตาทิวเสน จ อเนกวิธา, เต จ ภควา ‘‘สพฺพํ ปปฺจํ, สพฺพํ โยคํ, สพฺพํ ¶ คนฺถํ, สพฺพํ สํโยชนํ สมุจฺฉินฺทิตฺวา อมตํ ธาตุํ สมธิคจฺฉนฺโต วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ น ปจฺจาวมิ. ตถา เหส สพฺพตฺถกเมว ปถวึ อาปํ เตชํ วายํ, จกฺขุํ โสตํ ฆานํ ชิวฺหํ กายํ มนํ, รูเป สทฺเท คนฺเธ รเส โผฏฺพฺเพ ธมฺเม, จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ, จกฺขุสมฺผสฺสํ…เป… มโนสมฺผสฺสํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ สฺํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ สฺํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เจตนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เจตนํ, รูปตณฺหํ ¶ …เป… ธมฺมตณฺหํ, รูปวิตกฺกํ…เป… ธมฺมวิตกฺกํ, รูปวิจารํ…เป… ธมฺมวิจาร’’นฺติอาทินา อนุปทธมฺมวิภาควเสนปิ สพฺเพว ธมฺมโกฏฺาเส อนวเสสโต วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺขปริจฺจาเคน ฉฑฺฑยิ. วุตฺตํ เหตํ –
‘‘ยํ ตํ, อานนฺท, จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตํ ตถาคโต ปุน ปจฺจาวมิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘๓).
เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา. อถ วา ภาเค วมีติ สพฺเพปิ กุสลากุสเล สาวชฺชานวชฺเช หีนปณีเต กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม อริยมคฺคาณมุเขน วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺโข ปริจฺจชิ ปชหิ, ปเรสฺจ ตถตฺตาย ธมฺมํ เทเสสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา (ม. นิ. ๑.๒๔๐). กุลฺลูปมํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถายา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๔๐).
เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา.
ขนฺธายตนธาตาทิ-ธมฺมเภทา มเหสินา;
กณฺหา สุกฺกา ยโต วนฺตา, ตโตปิ ภควา มโต.
เตน วุตฺตํ –
‘‘ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;
ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน’’ติ.
เอตฺถ จ ยสฺมา สงฺเขปโต อตฺตหิตสมฺปตฺติปรหิตปฏิปตฺติวเสน ทุวิธา พุทฺธคุณา, ตาสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปหานสมฺปทาาณสมฺปทาเภทโต ทุวิธา, อานุภาวสมฺปทาทีนํ ตทวินาภาเวน ตทนฺโตคธตฺตา. ปรหิตปฏิปตฺติ ปโยคาสยเภทโต ¶ ทุวิธา. ตตฺถ ปโยคโต ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมูปเทโส, อาสยโต ปฏิวิรุทฺเธสุปิ นิจฺจํ หิเตสิตา, าณปริปากกาลาคมนาทิปรหิตปฏิปตฺติ จ, อามิสปฏิคฺคหณาทินาปิ อตฺถจริยา ¶ ปรหิตปฏิปตฺติ โหติเยว. ตสฺมา เตสํ วิภาวนวเสน ปาฬิยํ ‘‘อรห’’นฺติอาทีนํ ปทานํ คหณํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ‘‘อรห’’นฺติ อิมินา ปเทน ปหานสมฺปทาวเสน ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ วิภาวิตา. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ, โลกวิทู’’ติ จ อิเมหิ ปเทหิ าณสมฺปทาวเสน. นนุ จ ‘‘โลกวิทู’’ติ อิมินาปิ สมฺมาสมฺพุทฺธตา วิภาวียตีติ? สจฺจํ วิภาวียติ, อตฺถิ ปน วิเสโส, ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อิมินา สพฺพฺุตฺาณานุภาโว วิภาวิโต, ‘‘โลกวิทู’’ติ ปน อิมินา อาสยานุสยาณาทีนมฺปิ อานุภาโว วิภาวิโตติ. ‘‘วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน’’ติ อิมินา สพฺพาปิ ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ วิภาวิตา. ‘‘สุคโต’’ติ ปน อิมินา สมุทาคมโต ปฏฺาย ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ, ปรหิตปฏิปตฺติ จ วิภาวิตา. ‘‘อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ อิเมหิ ปเทหิ ภควโต ปรหิตปฏิปตฺติ วิภาวิตา. ‘‘พุทฺโธ’’ติ อิมินา ภควโต อตฺตหิตสมฺปตฺติ, ปรหิตปฏิปตฺติ จ วิภาวิตา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ วตฺวา ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. เตเนวาห ‘‘อตฺตนาปิ พุชฺฌิ อฺเปิ สตฺเต โพเธสี’’ติอาทิ. ‘‘ภควา’’ติ จ อิมินาปิ สมุทาคมโต ปฏฺาย ภควโต สพฺพา อตฺตหิตสมฺปตฺติ, ปรหิตปฏิปตฺติ จ วิภาวิตา.
อปโร นโย – เหตุผลสตฺตูปการวเสน สงฺเขปโต ติวิธา พุทฺธคุณา. ตตฺถ ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โลกวิทู’’ติ อิเมหิ ปเทหิ ผลสมฺปตฺติวเสน พุทฺธคุณา วิภาวิตา. ‘‘อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ อิเมหิ สตฺตูปการวเสน พุทฺธคุณา ปกาสิตา. ‘‘พุทฺโธ’’ติ อิมินา ผลวเสน, สตฺตูปการวเสน จ พุทฺธคุณา วิภาวิตา. ‘‘สุคโต ภควา’’ติ ปน อิเมหิ ปเทหิ เหตุผลสตฺตูปการวเสน พุทฺธคุณา วิภาวิตาติ เวทิตพฺพํ.
๑๔๕. ตสฺสาติ ¶ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานิกสฺส โยคิโน. เอวนฺติ ‘‘ตตฺรายํ นโย’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน. ตสฺมึ สมเยติ พุทฺธคุณานุสฺสรณสมเย. ราคปริยุฏฺิตนฺติ ราเคน ปริยุฏฺิตํ, ปริยุฏฺานปฺปตฺเตหิ ราเคหิ สหิตํ จิตฺตํ อรฺมิว โจเรหิ เตน ปริยุฏฺิตนฺติ วุตฺตํ, ตสฺส ปริยุฏฺานฏฺานภาวโต, ปริยุฏฺิตราคนฺติ อตฺโถ. ยํ วา ราคสฺส ปริยุฏฺานํ, ตํ ตํสหิเต จิตฺเต อุปจริตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตสฺมึ ปกฺเข ราเคนาติ ราเคน เหตุนาติ ¶ อตฺโถ. อุชุคตเมวาติ ปเคว กายวงฺกาทีนํ อปนีตตฺตา, จิตฺตสฺส จ อนุชุภาวกรานํ มายาทีนํ อภาวโต, ราคาทิปริยุฏฺานาภาเวน วา โอนติอุนฺนติวิรหโต อุชุภาวเมว กตํ. อถ วา อุชุคตเมวาติ กมฺมฏฺานสฺส วีถึ โอติณฺณตาย ลีนุทฺธจฺจวิคมนโต มชฺฌิมสมถนิมิตฺตปฏิปตฺติยา อุชุภาวเมว คตํ. ตถาคตํ อารพฺภาติ ตถาคตคุเณ อารมฺมณํ กตฺวา.
อิจฺจสฺสาติ อิติ อสฺส. ‘‘โส ภควา อิติปิ อรห’’นฺติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรน พุทฺธคุเณ อนุวิตกฺกยโตติ สมฺพนฺโธ. เอวนฺติ ‘‘เนว ตสฺมึ สมเย’’ติอาทินา วุตฺตนเยน. พุทฺธคุณโปณาติ พุทฺธคุณนินฺนา. ‘‘วิตกฺกวิจารา ปวตฺตนฺตี’’ติ เอเตน พุทฺธคุณสงฺขาตํ กมฺมฏฺานํ วิตกฺกาหตํ, วิตกฺกปริยาหตํ, ปุนปฺปุนํ อนุมชฺชนฺจ กโรตีติ ทสฺเสติ. ปีติ อุปฺปชฺชตีติ ภาวนาวเสน อุปจารชฺฌานนิปฺผาทิกา พลวตี ปีติ อุปฺปชฺชติ. ปีติมนสฺส วุตฺตปฺปการปีติสหิตจิตฺตสฺส. กายจิตฺตทรถาติ กายจิตฺตปสฺสทฺธีนํ ปฏิปกฺขภูตา สุขุมาวตฺถา อุทฺธจฺจสหคตา กิเลสา. ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺตีติ สนฺนิสีทนฺติ. อนุกฺกเมน เอกกฺขเณติ ยทา พุทฺธคุณารมฺมณา ภาวนา อุปรูปริ วิเสสํ อาวหนฺตี ปวตฺตติ, ตทา นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตาเนว โหนฺติ, กิเลสา สนฺนิสินฺนาว โหนฺติ, สุวิสทานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ โหนฺติ, ภาวนาย ปคุณตาย วิตกฺกวิจารา สาติสยํ ปฏุกิจฺจาว โหนฺติ, พลวตี ปีติ อุปฺปชฺชติ, ปีติปทฏฺานา ปสฺสทฺธิ สวิเสสา ชายติ, ปสฺสทฺธกายสฺส สมาธิปทฏฺานํ สุขํ ถิรตรํ หุตฺวา ปวตฺตติ, สุเขน อนุพฺรูหิตํ จิตฺตํ กมฺมฏฺาเน สมฺมเทว สมาธิยติ. เอวํ อนุกฺกเมน ปุพฺพภาเค วิตกฺกาทโย อุปรูปริ ปฏุปฏุตรภาเวน ปวตฺติตฺวา ภาวนาย มชฺฌิมสมถปฏิปตฺติยา อินฺทฺริยานฺจ เอกรสภาเวน ปฏุตมานิ หุตฺวา เอกกฺขเณ ฌานงฺคานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ภควตา –
‘‘ยสฺมึ ¶ , มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ…เป… สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐).
กสฺมา ปเนตฺถ ฌานํ อปฺปนาปตฺตํ น โหตีติ อาห ‘‘พุทฺธคุณานํ ปน คมฺภีรตายา’’ติอาทิ. คมฺภีเร หิ อารมฺมเณ คมฺภีเร อุทเก ปติตนาวา วิย สมถภาวนา ปติฏฺํ ¶ น ลภติ, ‘‘คมฺภีรตายา’’ติ จ อิมินา สภาวธมฺมตาปิ สงฺคหิตา. สภาวธมฺโม หิ คมฺภีโร น ปฺตฺติ. นนุ จ ตชฺชาปฺตฺติวเสน สภาวธมฺโม คยฺหตีติ? สจฺจํ คยฺหติ ปุพฺพภาเค, ภาวนาย ปน วฑฺฒมานาย ปฺตฺตึ สมติกฺกมิตฺวา สภาเวเยว จิตฺตํ ติฏฺติ. นนุ จ สภาวธมฺเมปิ กตฺถจิ อปฺปนา สมิชฺฌติ ทุติยารุปฺปชฺฌานาทีติ? สจฺจํ สมิชฺฌติ, ตฺจ โข เอกปฺปกาเร อารมฺมเณ, อิทํ ปน นานปฺปการนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นานปฺปการคุณานุสฺสรณาธิมุตฺตตายา’’ติ อาห. เอวมฺปิ ยถา นานปฺปกาเรสุ เกสาทิโกฏฺาเสสุ มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส เอกสฺมึเยว โกฏฺาเส อปฺปนาวเสน ภาวนา อวติฏฺติ, เอวมิธ กสฺมา น โหตีติ? วิสโมยํ อุปฺาโส. ตตฺถ หิ สติปิ โกฏฺาสพหุภาเว เอกปฺปกาเรเนว ภาวนา วตฺตติ ปฏิกฺกูลาการสฺเสว คหณโต, อิธ ปน นานปฺปกาเรน คุณานํ นานปฺปการตฺตา, น อยเมกสฺมึเยว คุเณ าตุํ สกฺโกติ ภาวนาพเลน ปจฺจกฺขโต พุทฺธคุเณสุ อุปฏฺหนฺเตสุ สทฺธาย พลวภาวโต. เตเนว หิ ‘‘อธิมุตฺตตายา’’ติ วุตฺตํ. ยทิ อุปจารปฺปตฺตํ ฌานํ โหติ, กถํ พุทฺธานุสฺสตีติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตเทต’’นฺติอาทิ.
สคารโว โหติ สปฺปติสฺโส, สตฺถุ คุณสรีรสฺส ปจฺจกฺขโต อุปฏฺหนโต. ตโตเยว สทฺธาเวปุลฺลํ อเวจฺจปฺปสาทสทิสํ สทฺธามหตฺตํ. พุทฺธคุณานํ อนุสฺสรณวเสน ภาวนาย ปวตฺตตฺตา สติเวปุลฺลํ. เตสํ ปรมคมฺภีรตาย, นานปฺปการตาย จ ปฺาเวปุลฺลํ. เตสํ อุฬารปฺุกฺเขตฺตตาย ปฺุเวปุลฺลฺจ อธิคจฺฉติ. ปีติปาโมชฺชพหุโล โหติ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียตฺตา พุทฺธานุสฺสติยา. ภยเภรวสโห พุทฺธคุณารมฺมณาย สติยา ภยเภรวาภิภวนโต. เตนาห ภควา ‘‘อนุสฺสเรถ สมฺพุทฺธํ, ภยํ ตุมฺหาก โน สิยา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙ โถกํ วิสทิสํ). ทุกฺขาธิวาสนสมตฺโถ พุทฺธานุสฺสติยา สรีรทุกฺขสฺส ปทุมปลาเส อุทกสฺส วิย วินิวฏฺฏนโต ¶ . สํวาสสฺนฺติ สหวาสสฺํ. พุทฺธภูมิยํ จิตฺตํ นมติ พุทฺธคุณานํ มหนฺตภาวสฺส ปจฺจกฺขโต อุปฏฺานโต. พุทฺธานุสฺสติภาวนาย สพฺพทา พุทฺธคุณานํ จิตฺเต วิปริวตฺตนโต วุตฺตํ ‘‘สมฺมุขา สตฺถารํ ปสฺสโต วิยา’’ติ. อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโตติ อิมาย ภาวนาย อุปริ ตํ อธิฏฺานํ กตฺวา สจฺจานิ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต. สุคติปรายโณติ สุคติสมฺปราโย.
อปฺปมาทนฺติ อปฺปมชฺชนํ สกฺกจฺจํ อนุโยคํ. กยิราถาติ กเรยฺย. สุเมธโสติ สุนฺทรปฺโ ¶ . เอวํ มหานุภาวายาติ วุตฺตปฺปกาเรน นีวรณวิกฺขมฺภนาทิสมตฺเถน สตฺถริ สคารวภาวาทิเหตุภูเตน มหตา สามตฺถิเยน สมนฺนาคตาย.
๒. ธมฺมานุสฺสติกถาวณฺณนา
๑๔๖. ธมฺมานุสฺสตินฺติ เอตฺถ ปทตฺโถ, สภาวตฺโถ จ อาทิโต วุตฺโตเยวาติ ตํ อนามสิตฺวา ภาวนาวิธานเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมานุสฺสตึ ภาเวตุกาเมนาปี’’ติอาทิ อารทฺธํ. กสฺมา ปเนตฺถ พุทฺธานุสฺสติยํ วิย ‘‘อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคเตนา’’ติ น วุตฺตํ. นนุ เอตา ปฏิปาฏิยา ฉ อนุสฺสติโย อริยสาวกานํ วเสน เทสนํ อารุฬฺหาติ? สจฺจเมตํ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ปริสุทฺธสีลาทิคุณานํ ปุถุชฺชนานมฺปิ อิชฺฌนฺตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคเตนา’’ติ อิธ น วุตฺตํ, อริยสาวกานํ ปน สุเขน อิชฺฌนฺตีติ. ตถาปิ ปาฬิยํ อาคตตฺตา จ พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, อยฺจ วิจาโร ปรโต อาคมิสฺสเตว.
๑๔๗. ปริยตฺติธมฺโมปีติ ปิ-สทฺเทน โลกุตฺตรธมฺมํ สมฺปิณฺเฑติ. อิตเรสูติ สนฺทิฏฺิกาทิปเทสุ. โลกุตฺตรธมฺโมวาติ อวธารณํ นิปฺปริยาเยน สนฺทิฏฺิกาทิอตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปริยายโต ปเนเต ปริยตฺติธมฺเมปิ สมฺภวนฺเตว. ตถา หิ ปริยตฺติธมฺโม พหุสฺสุเตน อาคตาคเมน ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคเตน ปฺวตา อาทิกลฺยาณตาทิวิเสสโต สยํ ทฏฺพฺโพติ สนฺทิฏฺิโก. อาจริยปยิรุปาสนาย วินา น ลพฺภาติ เจ? โลกุตฺตรธมฺเมปิ สมาเน กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยเนว สิชฺฌนโต, ตถา สตฺถุสนฺทสฺสเนปิ. ‘‘สนฺทิฏฺิยา ชยตี’’ติ อยํ ปนตฺโถ ติตฺถิยนิมฺมทฺทเน นิปฺปริยายโตว ลพฺภติ ¶ , กิเลสชเย ปริยายโต ปรมฺปราเหตุภาวโต. ‘‘สนฺทิฏฺํ อรหตี’’ติ อยมฺปิ อตฺโถ ลพฺภเตว, สพฺพโส สํกิเลสธมฺมานํ ปหานํ, โวทานธมฺมานํ ปริพฺรูหนฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตฺตา. อยฺจ อตฺโถ ‘‘เย โข ตฺวํ, โคตมิ, ธมฺเม ชาเนยฺยาสิ, อิเม ธมฺมา สราคาย สํวตฺตนฺติ โน วิราคาย, สฺโคาย สํวตฺตนฺติ โน วิสฺโคาย, สอุปาทานาย สํวตฺตนฺติ โน อนุปาทานาย. เอกํเสน, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ ‘เนโส ธมฺโม, เนโส วินโย, เนตํ สตฺถุสาสน’’’นฺติ (จูฬว. ๔๐๖; อ. นิ. ๘.๕๓), ‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐) จ เอวมาทีหิ สุตฺตปเทหิ วิภาเวตพฺโพ. อกาลิกาธิคมุปายตาย อกาลิโก. วิชฺชมานตาปริสุทฺธตาหิ เอหิปสฺสวิธึ อรหตีติ เอหิปสฺสิโก. ตโต เอว วฏฺฏทุกฺขนิตฺถรณตฺถิเกหิ ¶ อตฺตโน จิตฺเต อุปนยนํ, จิตฺตสฺส วา ตตฺถ อุปนยนํ อรหตีติ โอปเนยฺยิโก. วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา ปริจเยน สมฺมเทว อตฺถเวทํ, ธมฺมเวทฺจ ลภนฺเตหิ ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหีติ. เอวํ สนฺทิฏฺิกาทิปเทสุ ปริยตฺติธมฺมมฺปิ ปกฺขิปิตฺวา มนสิกาโร ยุชฺชเตว.
สาติ คาถา. สมนฺตภทฺรกตฺตาติ สพฺพภาเคหิ สุนฺทรตฺตา. ธมฺมสฺสาติ สาสนธมฺมสฺส. กิฺจาปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม ปรมตฺถโต โกจิ นตฺถิ, เยสุ ปน อวยเวสุ สมุทายรูเปน อเวกฺขิเตสุ ‘‘คาถา’’ติ สมฺา, ตํ ตโต ภินฺนํ วิย กตฺวา สํสามิโวหารํ อาโรเปตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ปเมน ปาเทน อาทิกลฺยาณา’’ติอาทิมาห. ‘‘เอกานุสนฺธิก’’นฺติ อิทํ นาติพหุวิภาคํ ยถานุสนฺธินา เอกานุสนฺธิกํ สนฺธาย วุตฺตํ, อิตรสฺส ปน เตเนว เทเสตพฺพธมฺมวิภาเคน อาทิมชฺฌปริโยสานภาคา ลพฺภนฺตีติ. นิทาเนนาติ กาลเทสเทสกปริสาทิอปทิสนลกฺขเณน นิทานคนฺเถน. นิคมเนนาติ ‘‘อิทมโวจา’’ติอาทิเกน (สํ. นิ. ๑.๒๔๙), ‘‘อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗) วา ยถาวุตฺตตฺถนิคมเนน.
อยํ กถา วิเสสโต สุตฺตปิฏกสํวณฺณนาติ กตฺวา สุตฺตปิฏกวเสน ธมฺมสฺส อาทิกลฺยาณาทิกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สุตฺตปิฏกวินยปิฏกานํ วเสน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สนิทานสอุปฺปตฺติกตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สนิทานสอุปฺปตฺติกตฺตาติ ยถาวุตฺตนิทาเนน สนิทานตาย, สอฏฺุปฺปตฺติกตาย ¶ จ. เวเนยฺยานํ อนุรูปโตติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา, ธมฺมเทสนาย จ ตํตํสิกฺขาปทภาเวน ปฺาปิยมานสฺส เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺติยมานสฺส อนุรูปโต. อตฺถสฺสาติ เทสิยมานสฺส จ สีลาทิอตฺถสฺส. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙)? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๙๕) ตตฺถ ตตฺถ เหตูปมาคหเณน เหตุทาหรณยุตฺตโต.
เอวํ สุตฺตวินยวเสน ปริยตฺติธมฺมสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตีณิ ปิฏกานิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สกโลปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาสนธมฺโมติ –
‘‘สพฺพปาปสฺส ¶ อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐) –
เอวํ วุตฺตสฺส สตฺถุสาสนสฺส ปกาสโก ปริยตฺติธมฺโม. สีเลน อาทิกลฺยาโณ สีลมูลกตฺตา สาสนสฺส. สมถาทีหิ มชฺเฌกลฺยาโณ เตสํ สาสนสมฺปตฺติยา เวมชฺฌภาวโต. นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ ตทธิคมโต อุตฺตริกรณียาภาวโต. สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ นาม ปฺาย โหติ, ตสฺสา จ สีลํ, สมาธิ จ มูลนฺติ อาห ‘‘สีลสมาธีหิ อาทิกลฺยาโณ’’ติ. ปฺา ปน อนุโพธปฏิเวธวเสน ทุวิธาติ ตทุภยมฺปิ คณฺหนฺโต ‘‘วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ’’ติ อาห. ตสฺส นิปฺผตฺติ ผลํ, กิจฺจํ นิพฺพานสจฺฉิกิริยา, ตโต ปรํ กตฺตพฺพํ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ’’ติ. ผลคฺคหเณน วา สอุปาทิเสสนิพฺพานมาห, อิตเรน อิตรํ, ตทุภยฺจ สาสนสมฺปตฺติยา โอสานนฺติ อาห ‘‘ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ’’ติ.
พุทฺธสฺส สุโพธิตา สมฺมาสมฺพุทฺธตา, ตาย อาทิกลฺยาโณ ตปฺปภวตฺตา. สพฺพโส สํกิเลสปฺปหานํ โวทานํ, ปาริปูรี จ ธมฺมสุธมฺมตา, ตาย มชฺเฌกลฺยาโณ ตํสรีรตฺตา. สตฺถารา ยถานุสิฏฺํ ตถา ปฏิปตฺติ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติ, ตาย ปริโยสานกลฺยาโณ, ตาย สาสนสฺส โลเก สุปฺปติฏฺิตภาวโต. ตนฺติ สาสนธมฺมํ. ตถตฺตายาติ ยถตฺตาย ภควตา ธมฺโม เทสิโต, ตถตฺตาย ตถภาวาย. โส ปน อภิสมฺโพธิ ปจฺเจกโพธิ สาวกโพธีติ ติวิโธ ¶ , อิโต อฺถา นิพฺพานาธิคมสฺส อภาวโต. ตตฺถ สพฺพคุเณหิ อคฺคภาวโต, อิตรโพธิทฺวยมูลตาย จ ปมาย โพธิยา อาทิกลฺยาณตา, คุเณหิ เวมชฺฌภาวโต ทุติยาย มชฺเฌกลฺยาณตา, ตทุภยาวรตาย, ตโทสานตาย จ สาสนธมฺมสฺส ตติยาย ปริโยสานกลฺยาณตา วุตฺตา.
เอโสติ สาสนธมฺโม. นีวรณวิกฺขมฺภนโตติ วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา สทฺธมฺมํ สุณนฺตสฺส นีวรณานํ วิกฺขมฺภนสมฺภวโต. วุตฺตํ เหตํ –
‘‘ยถา ยถาวุโส, ภิกฺขุโน สตฺถา วา ธมฺมํ เทเสติ, อฺตโร วา ครุฏฺานิโย สพฺรหฺมจารี ¶ , ตถา ตถา โส ตตฺถ ลภติ อตฺถเวทํ ลภติ ธมฺมเวท’’นฺติ (อ. นิ. ๕.๒๖).
‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ปฺจสฺส นีวรณานิ ตสฺมึ สมเย ปหีนานิ โหนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๑๙) –
จ อาทิ. สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโตติ สมถสุขสฺส จ วิปสฺสนาสุขสฺส จ สมฺปาทนโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุข’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๗๙; ม. นิ. ๒.๑๓๘).
ตถา –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํ;
อมานุสี รตี โหติ, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ จ. (ธ. ป. ๓๗๔, ๓๗๓);
ตถาปฏิปนฺโนติ ยถา สมถวิปสฺสนาสุขํ อาวหติ, ยถา วา สตฺถารา อนุสิฏฺํ, ตถา ปฏิปนฺโน สาสนธมฺโม. ตาทิภาวาวหนโตติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวสฺส โลกธมฺเมหิ อนุปเลปสฺส อาวหนโต. เอส ภควา วุตฺตนเยน ติวิธกลฺยาณํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ยํ สาสนพฺรหฺมจริยํ, มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ ปกาเสติ, ตํ ยถานุรูปํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนนฺติ โยชนา.
ตตฺถ ¶ อวิเสเสน ติสฺโส สิกฺขา, สกโล จ ตนฺติธมฺโม สาสนพฺรหฺมจริยํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กตเมสานํ โข, ภนฺเต, พุทฺธานํ ภควนฺตานํ พฺรหฺมจริยํ นจิรฏฺิติกํ อโหสี’’ติอาทิ (ปารา. ๑๘). สพฺพสิกฺขานํ มณฺฑภูตสิกฺขตฺตยสงฺคหิโต อริยมคฺโค มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ยํ สนฺธาย ¶ วุตฺตํ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณีย’’นฺติ (มหาว. ๒๓; สํ. นิ. ๕.๑๘๖). ยถานุรูปนฺติ ยถารหํ. สิกฺขตฺตยสงฺคหํ หิ สาสนพฺรหฺมจริยํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ. มคฺคพฺรหฺมจริเย วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อตฺถสมฺปตฺติยาติ สมฺปนฺนตฺถตาย. สมฺปตฺติอตฺโถ หิ อิธ สห-สทฺโท. อิตรํ ปน ยถาวุตฺเตนตฺเถน สาตฺถํ, สพฺยฺชนฺจ. เย ปเนตฺถ ‘‘วจนสภาวํ สาตฺถํ, อตฺถสภาวํ สพฺยฺชน’’นฺติ วิภชิตฺวา วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ, ตถา วิภตฺตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส อภาวโต. สทฺทตฺถา หิ อภินฺนรูปา วิย หุตฺวา วินิโยคํ คจฺฉนฺติ. ตถา หิ เนสํ โลกิยามิสฺสีภาวํ ปฏิชานนฺติ. สติปิ วา เภเท ‘‘สพฺยฺชน’’นฺติ เอตฺถ ยทิ ตุลฺยโยโค อธิปฺเปโต ‘‘สปุตฺโต อาคโต’’ติอาทีสุ วิย, เอวํ สติ ‘‘อตฺถปฏิสรณา, ภิกฺขเว, โหถ, มา พฺยฺชนปฏิสรณา’’ติ อตฺถปฺปธานวาโท พาธิโต สิยา, อถ วิชฺชมานตามตฺตํ ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ วิย พฺยฺชนสมฺปตฺติ อคฺคหิตา สิยา. ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ.
สาตฺถํ สพฺยฺชนนฺติ เอตฺถ เนตฺตินเยนาปิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺกาสน…เป… สพฺยฺชน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทิปิ เนตฺติยํ พฺยฺชนมุเขน พฺยฺชนตฺถคฺคหณํ โหตีติ ‘‘อกฺขรํ ปท’’นฺติอาทินา (เนตฺติ. ๔ ทฺวาทสปท) พฺยฺชนปทานิ ปมํ อุทฺทิฏฺานิ, อิธ ปน ปาฬิยํ ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติ อาคตตฺตา อตฺถปทานิเยว ปมํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺกาสนปกาสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สงฺเขปโต กาสนํ ทีปนํ สงฺกาสนํ ‘‘มฺมาโน ภิกฺขุ พทฺโธ มารสฺส, อมฺมาโน มุตฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๔) วิย. ตตฺตเกน หิ เตน ภิกฺขุนา ปฏิวิทฺธํ. เตนาห ‘‘อฺาตํ ภควา’’ติอาทิ. ปมํ กาสนํ ปกาสนํ. อาทิกมฺมสฺมึ หิ อยํ ปสทฺโท ‘‘ปฺเปติ ปฏฺเปตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๒๐) วิย. ติกฺขินฺทฺริยาเปกฺขํ เจตํ ปททฺวยํ อุทฺเทสภาวโต. ติกฺขินฺทฺริโย หิ สงฺเขปโต ปมฺจ วุตฺตมตฺถํ ปฏิปชฺชติ ¶ . สํขิตฺตสฺส วิตฺถารวจนํ, สกึ วุตฺตสฺส ปุน วจนฺจ วิวรณวิภชนานิ. ยถา ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติ สงฺเขปโต สกึเยว จ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺต’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑) วิตฺถารโต วิวรณวเสน, วิภชนวเสน จ ปุน วจนํ. มชฺฌิมินฺทฺริยาเปกฺขเมตํ ปททฺวยํ นิทฺเทสภาวโต. วิวฏสฺส วิตฺถารตราภิธานํ, วิภตฺตสฺส จ ปกาเรหิ าปนํ เวเนยฺยานํ จิตฺตปริโตสนํ อุตฺตานีกรณปฺาปนานิ. ยถา ‘‘ผสฺโส โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒) วิวฏวิภตฺตสฺส อตฺถสฺส ‘‘กตโม ตสฺมึ สมเย ผสฺโส? โย ตสฺมึ สมเย ผสฺโส ผุสนา สมฺผุสนา’’ติอาทินา ¶ (ธ. ส. ๒) อุตฺตานีกิริยา, ปฺาปนา จ. มุทินฺทฺริยาเปกฺขเมตํ ปททฺวยํ ปฏินิทฺเทสภาวโต. ‘‘ปฺาปนปฏฺปนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปกาสนอตฺถปทสมาโยคโต’’ติปิ ปาโ.
กถํ ปนายํ ปาวิกปฺโป ชาโตติ? วุจฺจเต – เนตฺติปาฬิยํ อาคตนเยน ปุริมปาโ. ตตฺถ หิ –
‘‘สงฺกาสนา ปกาสนา,
วิวรณา วิภชนุตฺตานีกมฺมปฺตฺติ;
เอเตหิ ฉหิ ปเทหิ,
อตฺโถ กมฺมฺจ นิทฺทิฏฺ’’นฺติ. (เนตฺติ. ๔ ทฺวาทสปท) –
เทสนาหารโยชนาย จ เอตสฺเสวตฺถสฺส ‘‘สงฺกาสนา ปกาสนา’’ติอาทินา อาคตํ. ปจฺฉิโม ปน ‘‘ปฺเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ ‘ปสฺสถา’ติ จาหา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) สุตฺเต อาคตนเยน พฺยฺชนมตฺตกโต. เอวฺจ เนสํ ทฺวินฺนํ ปาานํ วิเสโส, น อตฺถโต. ตถา หิ สงฺเขปโต ‘‘ปมํ าปนํ ปฺาปนํ, ปมเมว ปนํ ปฏฺปน’’นฺติ อิมานิ ปทานิ สงฺกาสนปกาสนปเทหิ อตฺถโต อวิสิฏฺานิ. ยฺจ ปุริมปาเ ฉฏฺํ ปทํ ‘‘ปการโต าปน’’นฺติ ปฺาปนํ วุตฺตํ, ตํ ทุติยปาเ ปกาสนปเทน ‘‘นิพฺพิเสสํ ปการโต กาสน’’นฺติ กตฺวา. ยสฺมา าปนกาสนานิ อตฺถาวภาสนสภาวตาย อภินฺนานิ, สพฺเพสฺจ เวเนยฺยานํ จิตฺตสฺส โตสนํ, พุทฺธิยา จ นิสานํ ยาถาวโต วตฺถุสภาวาวภาสเน ชายตีติ. เอวํ อตฺถปทรูปตฺตา ปริยตฺติอตฺถสฺส ยถาวุตฺตฉอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ สาสนํ.
อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยาติ ¶ เอตฺถ อุจฺจารณเวลายํ อปริโยสิเต ปเท วณฺโณ อกฺขรํ. ‘‘เอกกฺขรํ ปทํ อกฺขร’’นฺติ เอเก ‘‘อา เอวํ กิร ต’’นฺติอาทีสุ อา-การาทโย วิย. ‘‘วิสุทฺธกรณานํ มนสา เทสนาวาจาย อกฺขรณโต อกฺขร’’นฺติ อฺเ. วิภตฺติยนฺตํ อตฺถาปนโต ปทํ. สงฺเขปโต วุตฺตํ ปทาภิหิตํ อตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, วากฺยํ. ‘‘กิริยาปทํ อพฺยยการกวิเสสนยุตฺตํ วากฺย’’นฺติ หิ วทนฺติ. ปการโต วากฺยวิภาโค ¶ อากาโร. อาการาภิหิตํ นิพฺพจนํ นิรุตฺติ. นิพฺพจนวิตฺถาโร นิสฺเสสุปเทสโต นิทฺเทโส. เอเตสํ อกฺขราทีนํ พฺยฺชนปทานํ สมฺปตฺติยา สมฺปนฺนตาย สพฺยฺชนํ.
ตตฺรายมสฺส อตฺถปทสมาโยโค, พฺยฺชนสมฺปตฺติ จ – อกฺขเรหิ สงฺกาเสติ, ปเทหิ ปกาเสติ, พฺยฺชเนหิ วิวรติ, อากาเรหิ วิภชติ, นิรุตฺตีหิ อุตฺตานีกโรติ, นิทฺเทเสหิ ปฺเปติ, ตถา อกฺขเรหิ อุคฺฆาเฏตฺวา ปเทหิ วิเนติ อุคฺฆฏิตฺุํ, พฺยฺชเนหิ วิปฺเจตฺวา อากาเรหิ วิเนติ วิปฺจิตฺุํ, นิรุตฺตีหิ เนตฺวา นิทฺเทเสหิ วิเนติ เนยฺยํ. เอวฺจายํ ธมฺโม อุคฺฆฏิยมาโน อุคฺฆฏิตฺุํ วิเนติ, วิปฺจิยมาโน วิปฺจิตฺุํ, นิยฺยมาโน เนยฺยํ. ตตฺถ อุคฺฆฏนา อาทิ, วิปฺจนา มชฺเฌ, นยนมนฺเต. เอวํ ตีสุ กาเลสุ ติธา เทสิโต โทสตฺตยวิธมโน คุณตฺตยาวโห ติวิธเวเนยฺยวินยโนติ. เอวมฺปิ ติวิธกลฺยาโณยํ ธมฺโม อตฺถพฺยฺชนปาริปูริยา ‘‘สาตฺโถ สพฺยฺชโน’’ติ เวทิตพฺโพ ‘‘ปริปุณฺโณ, ปริสุทฺโธ’’ติ จ.
อตฺถคมฺภีรตาติอาทีสุ อตฺโถ นาม ตนฺติอตฺโถ. ธมฺโม ตนฺติ. ปฏิเวโธ ตนฺติยา, ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. เทสนา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. เต ปเนเต อตฺถาทโย ยสฺมา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาหา, อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. อถ วา อตฺโถ นาม เหตุผลํ. ธมฺโม เหตุ. เทสนา ปฺตฺติ, ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโป, อนุโลมปฏิโลมสงฺเขปวิตฺถาราทิวเสน วา กถนํ. ปฏิเวโธ อภิสมโย, อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสุ, ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสุ, ปฺตฺติปถานุรูปํ ปฺตฺตีสุ อวโพโธ, เตสํ เตสํ วา ธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว. เตปิ เจเต อตฺถาทโย ยสฺมา อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุปฺปฺเหิ ¶ สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาหา, อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เตสุ ปฏิเวธสฺสาปิ อตฺถสนฺนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถ’’นฺติ อตฺถคุณทีปนโต. ตาสํ ธมฺมเทสนานํ พฺยฺชนสนฺนิสฺสิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชน’’นฺติ ตาสํ พฺยฺชนสมฺปตฺติทีปนโต.
อตฺเถสุ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสุ ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ อิมิสฺสาปิ ปฏิสมฺภิทาย อตฺถวิสยตฺตา อาห ‘‘อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต สาตฺถ’’นฺติ, อตฺถสมฺปตฺติยา อสติ ตทภาวโต. ธมฺโมติ ตนฺติ ¶ . นิรุตฺตีติ ตนฺติปทานํ นิทฺธาเรตฺวา วจนํ. ตตฺถ ปเภทคตานิ าณานิ ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาติ อาห ‘‘ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชนนฺติ, อสติ พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ตทภาวโต. ปริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา ปริกฺขกชนานํ กึกุสลคเวสีนํ ปสาทาวหํ, ตสฺมา สาตฺถํ. อตฺถสมฺปนฺนนฺติ ผเลน เหตุโน อนุมานํ นทีปูเรน วิย อุปริ วุฏฺิปฺปวตฺติยา. สาตฺถกตา ปนสฺส ปณฺฑิตเวทนียตาย, สา ปรมคมฺภีรสณฺหสุขุมภาวโต เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘คมฺภีโร ทุทฺทโส’’ติอาทิ (มหาว. ๘). โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนนฺติ ยสฺมา โลกิยชนสฺส ปสาทาวหํ, ตสฺมา สพฺยฺชนํ. โลกิยชโน หิ พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ตุสฺสติ, อิธาปิ ผเลน เหตุโน อนุมานํ. สพฺยฺชนตา ปนสฺส สทฺเธยฺยตาย, สา อาทิกลฺยาณาทิภาวโต เวทิตพฺพา.
อถ วา ปณฺฑิตเวทนียโต สาตฺถ’’นฺติ ปฺาปทฏฺานตาย อตฺถสมฺปนฺนตํ อาห, ตโต ปริกฺขกชนปฺปสาทกํ. สทฺเธยฺยโต สพฺยฺชนนฺติ สทฺธาปทฏฺานตาย พฺยฺชนสมฺปนฺนตํ, ตโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถนฺติ อธิปฺปายโต อคาธาปารตาย อตฺถสมฺปนฺนํ อฺถา ตทภาวโต. อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนนฺติ สุโพธสทฺทตาย พฺยฺชนสมฺปนฺนํ, ปรมคมฺภีรสฺสปิ อตฺถสฺส เวเนยฺยานํ สุวิฺเยฺยภาวาปาทนโต. สพฺโพเปส ปมสฺส อตฺถทฺวยสฺส ปเภโท ทฏฺพฺโพ, ตถา เจว ตตฺถ ตตฺถ สํวณฺณิตํ. ตถา เหตฺถ ¶ วิกปฺปสฺส, สมุจฺจยสฺส วา อคฺคหณํ. อุปเนตพฺพสฺสาติ ปกฺขิปิตพฺพสฺส โวทานตฺถสฺส อวุตฺตสฺส อภาวโต. สกลปริปุณฺณภาเวนาติ สพฺพภาเคหิ ปริปุณฺณตาย. อปเนตพฺพสฺสาติ สํกิเลสธมฺมสฺส.
ปฏิปตฺติยาติ สีลวิสุทฺธิยาทิสมฺมาปฏิปตฺติยา, ตนฺนิมิตฺตํ. อธิคมพฺยตฺติโตติ สจฺจปฏิเวเธน อธิคมเวยฺยตฺติยสพฺภาวโต สาตฺถํ กปิลวตาทิ วิย ตุจฺฉํ นิรตฺถกํ อหุตฺวา อตฺถสมฺปนฺนนฺติ กตฺวา. ปริยตฺติยาติ ปริยตฺติธมฺมปริจเยน. อาคมพฺยตฺติโตติ ทุรกฺขาตธมฺเมสุ ปริจยํ กโรนฺตสฺส วิย สมฺโมหํ อชเนตฺวา พาหุสจฺจเวยฺยตฺติยสพฺภาวโต สพฺยฺจนํ. พฺยฺชนสมฺปตฺติยา หิ สติ อาคมพฺยตฺตีติ. สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธยุตฺตโตติ สีลาทีหิ ปฺจหิ ธมฺมโกฏฺาเสหิ อวิรหิตตฺตา. เกวลปริปุณฺณํ อนวเสเสน สมนฺตโต ปุณฺณํ ปูริตํ. นิรุปกฺกิเลสโตติ ทิฏฺิมานาทิอุปกฺกิเลสาภาวโต. นิตฺถรณตฺถายาติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณาย. โลกามิสนิรเปกฺขโตติ กถฺจิปิ ตณฺหาสนฺนิสฺสยสฺส อนิสฺสยนโต.
เอวํ ¶ อาทิกลฺยาณตาทิอปเทเสน สตฺถุ ปุริมเวสารชฺชทฺวยวเสน ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตํ วิภาเวตฺวา อิทานิ ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยวเสนาปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถวิปลฺลาสาภาวโต วา สุฏฺุ อกฺขาโตติ สฺวากฺขาโต’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวนฺโต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิปลฺลาสมาปชฺชตีติ เตสํ ธมฺเม ‘‘อนฺตรายิกา’’ติ วุตฺตธมฺมานํ วิปากาทีนํ อนฺตรายิกตฺตาภาวโต เอกํเสน อปายูปปตฺติเหตุตาย อภาวโต. นิยฺยานิกตฺตาภาวโตติ อตมฺมยตาภาวโต, สํสารโต จ นิยฺยานิกาติ วุตฺตธมฺมานํ เอกจฺจยฺกิริยาปกติปุริสนฺตรฺาณาทีนํ ตโต นิยฺยานิกตฺตาภาวโต วิปรีโต เอว โหติ. เตนาติ อตฺถสฺส วิปลฺลาสาปชฺชเนน. เต อฺติตฺถิยา. ตถาภาวานติกฺกมนโตติ กมฺมนฺตรายาทีนํ ปฺจนฺนํ อนฺตรายิกภาวสฺส อริยมคฺคธมฺมานํ นิยฺยานิกภาวสฺส กทาจิปิ อนติวตฺตนโต.
นิพฺพานานุรูปาย ปฏิปตฺติยาติ อธิคนฺตพฺพสฺส สพฺพสงฺขตวินิสฺสฏสฺส นิพฺพานสฺส อนุรูปาย สพฺพสงฺขารนิสฺสรณูปายภูตาย สปุพฺพภาคาย สมฺมาปฏิปตฺติยา ¶ อกฺขาตตฺตาติ โยชนา. ปฏิปทานุรูปสฺสาติ สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกภูตา อารมฺมณกรณมตฺเตนาปิ กิเลเสหิ อนามสนียา ยาทิสี ปฏิปทา, ตทนุรูปสฺส. สุปฺตฺตาติ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคหิตา สมฺมาทิฏฺิอาทิปฺปเภทา มิจฺฉาทิฏฺิอาทีนํ ปหายิกภาเวน สุฏฺุ สมฺมเทว วิหิตา. สํสนฺทติ กิเลสมลวิสุทฺธิตาย สเมติ. เอวํ มคฺคนิพฺพานานํ ปฏิปทาปฏิปชฺชนียภาเวหิ อฺมฺานุรูปตาย สฺวากฺขาตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ติวิธสฺสาปิ โลกุตฺตรธมฺมสฺส ปจฺเจกํ สฺวากฺขาตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อริยมคฺโค เจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อนฺตทฺวยนฺติ สสฺสตุจฺเฉทํ, กามสุขอตฺตกิลมถานุโยคํ, ลีนุทฺธจฺจํ, ปติฏฺานายูหนนฺติ เอวํ ปเภทํ อนฺตทฺวยํ. อนุปคมฺมาติ อนุปคนฺตฺวา, อนุปคมนเหตุ วา. ปฏิปสฺสทฺธกิเลสานีติ สุฏฺุ วูปสนฺตกิเลสานิ, ปฏิปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน สมฺมเทว ปหีนโทสานิ. สสฺสตาทิสภาววเสนาติ ‘‘สสฺสตฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ อมตฺจ ตาณฺจ เลณฺจา’’ติอาทินา เตสุ เตสุ สุตฺเตสุ สสฺสตาทิภาวกิตฺตนวเสน.
๑๔๘. ‘‘ราคาทีนํ อภาวํ กโรนฺเตน อริยปุคฺคเลน สามํ ทฏฺพฺโพ’’ติ อิมินา ‘‘อริยมคฺเคน มม ราคาทโย ปหีนา’’ติ สยํ อตฺตนา อนฺเนยฺเยน ทฏฺพฺโพติ สนฺทิฏฺิ, สนฺทิฏฺิ เอว สนฺทิฏฺิโก.
เตน ¶ เตน อริยสาวเกน ปรสทฺธาย ปรสฺส สทฺทหเนน ปรเนยฺเยน คนฺตพฺพตํ หิตฺวา าเปตพฺพตํ ปหาย ปจฺจเวกฺขณาเณน กรณภูเตน. ปสตฺถา ทิฏฺิ สนฺทิฏฺิ ยถา สมฺโพชฺฌงฺโค. อริยมคฺโค อตฺตนา สมฺปยุตฺตาย สนฺทิฏฺิยา กิเลเส ชยติ, อริยผลํ ตาย เอว อตฺตโน การณภูตาย, นิพฺพานํ อารมฺมณกรเณน อตฺตโน วิสยีภูตาย สนฺทิฏฺิยา กิเลเส ชยตีติ โยชนา.
ภาวนาภิสมยวเสน มคฺคธมฺโม. สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิพฺพานธมฺโม. ผลมฺปิ เหฏฺิมํ สกทาคามิวิปสฺสนาทีนํ ปจฺจยภาเวน อุปริ มคฺคาธิคมสฺส อุปนิสฺสยภาวโต ปริยายโต ‘‘ทิสฺสมาโน วฏฺฏภยํ นิวตฺเตตี’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภติ.
๑๔๙. นาสฺส ¶ กาโลติ นาสฺส อาคเมตพฺโพ กาโล อตฺถิ. ยถา หิ โลกิยกุสลสฺส ‘‘อุปปชฺเช, อปรปริยาเย’’ติอาทินา ผลทานํ ปติ อาคเมตพฺโพ กาโล อตฺถิ, น เอวเมตสฺสาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น ปฺจาหา’’ติอาทิ. ปกฏฺโติ ทูโร. ผลทานํ ปติ กาโล ปกฏฺโ อสฺสาติ กาลิโก, กาลนฺตรผลทายี. เตนาห ‘‘อตฺตโน ผลทาเน’’ติ. ปตฺโตติ อุปนีโต. อิทนฺติ ‘‘อกาลิโก’’ติ ปทํ.
๑๕๐. วิธินฺติ วิธานํ, ‘‘เอหิ ปสฺสา’’ติ เอวํปวตฺตวิธิวจนํ. วิชฺชมานตฺตาติ ปรมตฺถโต อุปลพฺภมานตฺตา. ปริสุทฺธตฺตาติ กิเลสมลวิรเหน สพฺพถา วิสุทฺธตฺตา. อมนฺุมฺปิ กทาจิ ปโยชนวเสน ยถาสภาวปฺปกาสเนน ทสฺเสตพฺพํ ภเวยฺยาติ ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มนฺุภาวปฺปกาสเนนา’’ติ.
๑๕๑. อุปเนตพฺโพติ อุปเนยฺโย, อุปเนยฺโยว โอปเนยฺยิโกติ อิมสฺส อตฺถสฺส อธิปฺเปตตฺตา อาห ‘‘อุปเนตพฺโพติ โอปเนยฺยิโก’’ติ. จิตฺเต อุปนยนํ อุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘อิทํ สงฺขเต โลกุตฺตรธมฺเม ยุชฺชตี’’ติ. จิตฺเต อุปนยนนฺติ ปน อารมฺมณภูตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณภาวูปนยเน อธิปฺเปเต อสงฺขเตปิ ยุชฺเชยฺย ‘‘อารมฺมณกรณสงฺขาตํ อุปนยนํ อรหตีติ โอปเนยฺยิโก’’ติ. อลฺลียนนฺติ ผุสนํ. นิพฺพานํ อุปเนติ อริยปุคฺคลนฺติ อธิปฺปาโย.
๑๕๒. วิฺูหีติ ¶ วิทูหิ, ปฏิวิทฺธสจฺเจหีติ อตฺโถ. เต ปน เอกํสโต อุคฺฆฏิตฺูอาทโย โหนฺตีติ อาห ‘‘อุคฺฆฏิตฺูอาทีหี’’ติ. ‘‘ปจฺจตฺต’’นฺติ เอตสฺส ‘‘ปติ อตฺตนี’’ติ ภุมฺมวเสน อตฺโถ คเหตพฺโพติ อาห ‘‘อตฺตนิ อตฺตนี’’ติ. เวทิตพฺโพติ วุตฺตํ, กถํ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ภาวิโต เม’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เม’’ติ อิมินา ‘‘ปจฺจตฺต’’นฺติ ปเทน วุตฺตมตฺถํ อนฺวยโต ทสฺเสตฺวา ปุน พฺยติเรเกน ทสฺเสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว. ‘‘วิฺูหี’’ติ อิทํ อนฺโตคธาวธารณนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พาลานํ ปน อวิสโย เจสา’’ติ อาห.
เอวํ อาทิกลฺยาณตาทินา อฺมฺสฺส อนุรูปเทสนาย ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ปทํ การณวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สนฺทิฏฺิกตฺตาติ ยสฺมา ¶ อยํ ธมฺโม วุตฺตนเยน สามํ ทฏฺพฺโพ, สนฺทิฏฺิยา กิเลเส วิทฺธํเสติ, สนฺทสฺสนฺจ อรหติ, ตสฺมา สฺวากฺขาโต ทุรกฺขาเต ติตฺถิยธมฺเม ตทภาวโต. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ ยถารหํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๑๕๓. ตสฺเสวนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ พุทฺธานุสฺสติยํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
๓. สงฺฆานุสฺสติกถาวณฺณนา
๑๕๔. อริยสงฺฆคุณาติ อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต, สเทวเกน จ โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ อรณียโต อริโย จ โส สงฺโฆ จ, อริยานํ วา สงฺโฆ อริยสงฺโฆ, ตสฺส คุณา.
๑๕๕. ยํ สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺโน ‘‘สุฏฺุ ปฏิปนฺโน’’ติ วุจฺจติ. สา อริยมคฺคปฏิปทา ปฏิปกฺขธมฺเม อนิวตฺติธมฺเม กตฺวา ปชหนโต ปโยชนาภาวา สยมฺปิ อนิวตฺติธมฺมา, อธิคนฺตพฺพสฺส จ นิพฺพานสฺส เอกํสโต อนุโลมีติ. ตโต เอว อปจฺจนีกา, อนุธมฺมภูตา จ, ตสฺสา จ ปฏิปนฺนตฺตา อริยสงฺโฆ ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน’’ติ วุตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘สุฏฺุ ปฏิปนฺโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อนิวตฺติปฏิปท’’นฺติ อิมินา อุชุปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. ปุนปฺปุนํ นิวตฺตเน หิ สติ อุชุปฺปฏิปตฺติ น โหติ. ‘‘อนุโลมปฏิปทํ อปจฺจนีกปฏิปท’’นฺติ ¶ อิมินา ายปฺปฏิปตฺตึ. ปฏิปชฺชิตพฺพสฺส หิ นิพฺพานสฺส อนุโลมเนน, อปจฺจนีกตาย จสฺสา ายโต. ‘‘ธมฺมานุธมฺมปฏิปท’’นฺติ อิมินา สามีจิปฺปฏิปตฺตึ อนุจฺฉวิกภาวทีปนโต. เอเตน ปมปทสฺส ปปฺจนิทฺเทโส, อิตรานิ ตีณิ ปทานีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ.
ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชเนน กิจฺจสิทฺธิโต อริยภาวาวหํ สวนํ สกฺกจฺจสวนํ นามาติ วุตฺตํ ‘‘สกฺกจฺจํ สุณนฺตีติ สาวกา’’ติ, เตน อริยา เอว นิปฺปริยายโต สตฺถุ สาวกา นามาติ ทสฺเสติ. สีลทิฏฺิสามฺตายาติ อริเยน สีเลน, อริยาย จ ทิฏฺิยา สมานภาเวน. อริยานฺหิ สีลทิฏฺิโย มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย นินฺนานากรณํ มคฺเคนาคตตฺตา. เตน ¶ เต ยตฺถ กตฺถจิ ิตาปิ สํหตาว. เตนาห ‘‘สงฺฆาตภาวมาปนฺโน’’ติ. มายาสาเยฺยาทิปาปธมฺมสมุจฺเฉเทน อุชุ. ตโต เอว โคมุตฺตวงฺกาภาเวน อวงฺกา. จนฺทเลขาวงฺกาภาเวน อกุฏิลา. นงฺคลโกฏิวงฺกาภาเวน อชิมฺหา. อวงฺกาทิภาเวน วา อุชุ. ปริสุทฺธฏฺเน อริยา. อปณฺณกภาเวน ายติ กมติ นิพฺพานํ, ตํ วา ายติ ปฏิวิชฺฌียติ เอเตนาติ าโย. วฏฺฏทุกฺขนิยฺยานาย อนุจฺฉวิกตฺตา. อนุรูปตฺตา สามีจิ โอปายิกาติปิ สงฺขํ สมฺํ คตา สมฺมาปฏิปตฺติ, ตาย สมงฺคิตาย สุปฺปฏิปนฺนา ‘‘สมฺมา ปฏิปชฺชนฺตี’’ติ กตฺวา. วตฺตมานตฺโถ หิ อยํ ปฏิปนฺน-สทฺโท ยถา ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติ (ปุ. ป. ๒๐๖). อตีตํ ปฏิปทนฺติ ยถาวุตฺตมคฺคสมฺมาปฏิปตฺตึ วทติ. อุภเยน จ สามฺนิทฺเทเสน, ‘‘สุปฺปฏิปนฺนา จ สุปฺปฏิปนฺนา จ สุปฺปฏิปนฺนา’’ติ เอกเสสนเยน วา คหิตานํ สมูโห ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน’’ติ วุตฺโตติ ทสฺเสติ.
เอวํ อาทิปทตฺถนิทฺเทสภาเวน อิตรปทานํ อตฺถํ วตฺวา อิทานิ จตุนฺนมฺปิ ปทานํ อโวมิสฺสกํ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถานุสิฏฺนฺติ สตฺถารา ยถา อนุสิฏฺํ, ตถา อนุสาสนีอนุรูปนฺติ อตฺโถ. อปณฺณกปฏิปทนฺติ อวิรชฺฌนกปฏิปทํ, อนวชฺชปฏิปตฺตินฺติ อตฺโถ. เอตฺถ จ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺนตฺตาติ เอวํ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ปุริมปเทน สมฺพนฺเธ ทุติยปทํ น วตฺตพฺพํ สิยา, นนุ จ ทุติยปเทน สมฺพนฺเธปิ ปมํ ปทํ น วตฺตพฺพํ สิยาติ? น ตสฺส ปมํ อเปกฺขิตตฺตา. สา ปน สาวกานํ อปณฺณกปฏิปทา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปทาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปนฺนตฺตา’’ติ วตฺตพฺพํ ¶ . อุภยสฺสาปิ วา สุปฺปฏิปนฺนภาวสาธนตฺตา อุภยํ วุตฺตํ. ตถา หิ ปิ-สทฺเทน อุภยํ สมุจฺจิโนติ.
กิเลสชิมฺหวเสน อนฺตทฺวยคาโหติ สพฺพโส ตํ ปหาย สมฺมาปฏิปทา กายาทิวงฺกปฺปหายินี อุชุปฺปฏิปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘มชฺฌิมาย ปฏิปทาย…เป… อุชุปฺปฏิปนฺโน’’ติ.
าโย นาม ยุตฺตปฺปตฺตปฏิปตฺติ, นิพฺพานฺจ, สพฺพสงฺขารสมถตาย อาทิตฺตํ เจลํ, สีสํ วา อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ปฏิปชฺชิตพฺพเมวาติ อาห ‘‘าโย วุจฺจติ นิพฺพาน’’นฺติ. นิพฺพายนกิริยามุเขน เจตฺถ นิพฺพานํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ ¶ , มคฺคาณาทีหิ วา ายติ ปฏิวิชฺฌียติ สจฺฉิกรียติ จาติ าโย นิพฺพานนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
คุณสมฺภาวนาย ปเรหิ กยิรมานํ ปจฺจุปฏฺานาทิสามีจิกมฺมํ อรหนฺตีติ สามีจิกมฺมารหา.
๑๕๖. ยทิทนฺติ อนฺโตคธลิงฺควจนเภโท นิปาโตติ ตสฺส วจนเภเทน อตฺถมาห ‘‘ยา อิมานี’’ติ. เอวนฺติ ปการตฺเถ นิปาโต, อิมินา ปกาเรนาติ อตฺโถ. เตน อิตรานิ ตีณิ ยุคฬานิ ทสฺสิตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘เอวํ จตฺตาริ ปุริสยุคฬานิ โหนฺตี’’ติ. เอตนฺติ เอตํ ‘‘ปุริสปุคฺคลา’’ติ พหุวจนวเสน วุตฺตํ ปทํ. ปุริสา จ เต ปุคฺคลา จ ปุริสปุคฺคลา. ตตฺถ ‘‘ปุริสา’’ติ อิมินา ปมาย ปกติยา คหณํ, ‘‘ปุคฺคลา’’ติ ปน ทุติยายปิ สตฺตสามฺเนาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. จตุนฺนํ ปจฺจยานํ กีทิสานํ? อาเนตฺวา หุนิตพฺพานนฺติ อธิการโต ปากโฏยมตฺโถ. ทาตพฺพนฺติ วา ปจฺจตฺตวจนํ ‘‘จตุนฺนํ ปจฺจยาน’’นฺติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา สามิวเสน ปริณาเมตพฺพํ, อฺถา เยสํ เกสฺจิ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ‘‘อาหุน’’นฺติ สมฺา สิยา. อาหุนํ อรหตีติ วา อาหุเนยฺโย. สกฺกาทีนมฺปิ วา อาหวนนฺติ สกฺกาทีหิปิ ทิยฺยมานํ ทานํ. ยตฺถ หุตํ มหปฺผลนฺติ ยสฺมึ อาวหนียคฺคิมฺหิ หุตํ ทธิอาทิ อาหุเนยฺยคฺคิคหปตคฺคิทกฺขิเณยฺยคฺคีสุ หุตโต อุฬารผลนฺติ เตสํ พฺราหฺมณานํ ลทฺธิ. หุตนฺติ ทินฺนํ. นิกายนฺตเรติ สพฺพตฺถิกวาทินิกาเย.
เปตฺวา ๑๖๕ เตติ เต ปิยมนาเป าติมิตฺเต อปเนตฺวา, เตสํ อทตฺวาติ อธิปฺปาโย. เอส เอโส. เอกพุทฺธนฺตเร จ ทิสฺสตีติ เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร วีติวตฺเต ทิสฺสติ. จ-สทฺเทน กทาจิ อสงฺขฺเยยฺเยปิ กปฺเป วีติวตฺเตติ ทสฺเสติ. อพฺโพกิณฺณนฺติ ปฏิปกฺเขหิ อโวมิสฺสํ, กิริยาวิเสสกฺเจตํ. ปิยมนาปตฺตกรธมฺมา นาม สีลาทโย, เต อริยสงฺเฆ สุปฺปติฏฺิตา. อยํ เหตฺถ อธิปฺปาโย – าติมิตฺตา วิปฺปยุตฺตา น จิรสฺเสว สมาคจฺฉนฺติ, อนวฏฺิตา จ เตสุ ปิยมนาปตา, น เอวมริยสงฺโฆ. ตสฺมา สงฺโฆว ปาหุเนยฺโยติ. ปุพฺพการนฺติ อคฺคกิริยํ. สพฺพปฺปกาเรนาติ อาทรคารวพหุมานาทินา, เทยฺยธมฺมสฺส สกฺกจฺจกรณาทินา ¶ จ สพฺเพน ปกาเรน. สฺวายํ ปาหวนีย-สทฺโท ‘‘ปาหุเนยฺโย’’ติ วุจฺจติ ปริยายภาเวน.
ทกฺขนฺติ เอตาย สตฺตา ยถาธิปฺเปตาหิ สมฺปตฺตีหิ วฑฺฒนฺตีติ ทกฺขิณา. ตถาภาวกรเณน ทกฺขิณํ อรหติ. ยถา อุฬาราติวิปุลุทฺรยลาเภน วิโสธิตํ นาม โหติ, เอวํ ทกฺขิณา วิปุลผลตายาติ วุตฺตํ ‘‘มหปฺผลกรณตาย วิโสเธตี’’ติ.
ปฺุตฺถิเกหิ อฺชลิ กรณียา เอตฺถาติ อฺชลิกรณีโย.
ยทิปิ ปาฬิยํ ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ วุตฺตํ. นตฺถิ อิโต อุตฺตรํ วิสิฏฺนฺติ หิ อนุตฺตรํ. สมมฺปิสฺส ปน นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสทิส’’นฺติ อาห. ขิตฺตํ วุตฺตํ พีชํ มหปฺผลภาวกรเณน ตายติ รกฺขติ, ขิปนฺติ วปนฺติ เอตฺถ พีชานีติ วา เขตฺตํ, เกทาราทิ, เขตฺตํ วิย เขตฺตํ, ปฺุานํ เขตฺตํ ปฺุกฺเขตฺตํ. เสสํ พุทฺธานุสฺสติยํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
๔. สีลานุสฺสติกถาวณฺณนา
๑๕๘. อโห วต สีลานิ อขณฺฑานิ, อโห วต อจฺฉิทฺทานีติ เอวํ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. อโห วตาติ จ สมฺภาวเน นิปาโต. เตนาห ‘‘อขณฺฑตาทิคุณวเสนา’’ติ. อขณฺฑภาวาทิสมฺปตฺติวเสนาติ อตฺโถ. ปรสฺส สีลานิ อนุสฺสริยมานานิ ปิยมนาปภาวาวหเนน เกวลํ เมตฺตาย ปทฏฺานํ โหนฺติ, น วิสุํ กมฺมฏฺานนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน สีลานิ อนุสฺสริตพฺพานี’’ติ. จาคาทีสุปิ เอเสว นโย.
เยสนฺติ ¶ สีลาทีนํ. ปฏิปาฏิยา สมาทาเน สมาทานกฺกเมน, เอกชฺฌํ สมาทาเน อุทฺเทสกฺกเมน สีลานํ อาทิอนฺตํ เวทิตพฺพํ. ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิยาติ วตฺถนฺเต, ทสนฺเต วา ฉินฺนวตฺถํ วิย, วิสทิสูทาหรณํ เจตํ. เอวํ เสสานิปิ อุทาหรณานิ. วินิเวธวเสน ฉินฺนสาฏโก วินิวิทฺธสาฏโก. วิสภาควณฺเณน คาวี วิยาติ สมฺพนฺโธ. สพลรหิตานิ วา อสพลานิ. ตถา อกมฺมาสานิ. สตฺตวิธเมถุนสํโยโค เหฏฺา สีลกถายํ วุตฺโต เอว. โกธูปนาหาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน มกฺขปฬาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยมานาติมานาทโย คหิตา. ตานิเยว อขณฺฑาทิคุณานิ สีลานิ. สีลสฺส ตณฺหาทาสพฺยโต ¶ โมจนํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยภาวาปาทนํ. ตโต เอว ตํสมงฺคีปุคฺคโล เสรี สยํวสี ภุชิสฺโส นาม โหติ. เตนาห ‘‘ภุชิสฺสภาวกรเณน ภุชิสฺสานี’’ติ. ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภเวยฺยํ เทวฺตโร วา, ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต’’ติ, ‘‘สีเลน สุทฺธี’’ติ จ เอวมาทินา ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตา อยํ เต สีเลสุ โทโสติ จตูสุ วิปตฺตีสุ ยาย กายจิ วิปตฺติยา ทสฺสเนน ปรามฏฺุํ อนุทฺธํเสตุํ. สมาธิสํวตฺตนปฺปโยชนานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ.
๑๕๙. สิกฺขาย สคารโวติ สีลธนํ นิสฺสาย ปฏิลทฺธสมาทานตฺตา สาติสยํ สิกฺขาย สคารโว สปฺปติสฺโส โหติ. สภาควุตฺตีติ สมฺปนฺนสีเลหิ สภาควุตฺติโก, ตาย เอว วา สิกฺขาย สภาควุตฺติ. โย หิ สิกฺขาคารวรหิโต, โส ตาย วิสภาควุตฺติ นาม โหติ วิโลมนโต. ยถา ปเรหิ สทฺธึ อตฺตโน ฉิทฺทํ น โหติ, เอวํ ธมฺมามิเสหิ ปฏิสนฺถรณํ ปฏิสนฺถาโร. สิกฺขาย สคารวตฺตา เอว ตตฺถ อปฺปมตฺโต โหติ. อตฺตานุวาทภยํ ปรานุวาทภยํ ทณฺฑภยํ ทุคฺคติภยนฺติ เอวมาทีนิ ภยานิ อิมสฺส ทูรสมุสฺสาริตานีติ อาห ‘‘อตฺตานุวาทาทิภยวิรหิโต’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
๕. จาคานุสฺสติกถาวณฺณนา
๑๖๐. ปกติยาติ สภาเวน. จาคาธิมุตฺเตนาติ เทยฺยธมฺมปริจฺจาเค ยุตฺตปฺปยุตฺเตน ตนฺนินฺเนน ตปฺโปเณน. นิจฺจํ สทา ปวตฺตา ทานสํวิภาคา ยสฺส โส นิจฺจปวตฺตทานสํวิภาโค, เตน. อิธาปิ ‘‘ปกติยา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยํ ปรสฺส ปฏิยตฺตํ ทิยฺยติ, ตํ ทานํ. ยํ อตฺตนา ปริภฺุชิตพฺพโต สํวิภชติ, โส สํวิภาโค. อิโต ทานิ ปภุตีติ อิโต ปฏฺาย ทานิ อชฺชตคฺเค อชฺชทิวสํ อาทึ กตฺวา. อทตฺวา น ภฺุชิสฺสามีติ ทานสมาทานํ กตฺวา ¶ . ตํทิวสนฺติ ตสฺมึ ภาวนารมฺภทิวเส. ตตฺถ นิมิตฺตํ คณฺหิตฺวาติ ตสฺมึ ทาเน ปริจฺจาคเจตนาย ปวตฺติอาการสฺส สลฺลกฺขณวเสน นิมิตฺตํ คเหตฺวา. วิคตมลมจฺเฉรตาทิคุณวเสนาติ วิคตานิ มลมจฺเฉรานิ เอตสฺมาติ วิคตมลมจฺเฉโร, จาโค, ตสฺส ภาโว วิคตมลมจฺเฉรตา. ตทาทีนํ คุณานํ, สมฺปตฺตีนํ, อานิสํสานํ วา วเสน.
สตํ ¶ ธมฺมํ อนุกฺกมนฺติ สาธูนํ โพธิสตฺตานํ ธมฺมํ ปเวณึ อนุ อนุ กมนฺโต โอกฺกมนฺโต, อโวกฺกมนฺโต วา. เย อิเม ทายกสฺส ลาภา อายุวณฺณสุขพลปฏิภานาทโย, ปิยภาวาทโย จ ภควตา สํวณฺณิตา ปกิตฺติตา. มนุสฺสตฺตํ วาติ วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปตฺโถ, เตน อินฺทฺริยปาฏวภาวกมฺมสฺสกตาาณาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
มจฺเฉรมเลนาติ มจฺเฉรสงฺขาเตน มเลน. อถ วา มจฺเฉรฺจ มลฺจ มจฺเฉรมลํ, เตน มจฺเฉเรน เจว โลภาทิมเลน จาติ อตฺโถ. ปชายนวเสนาติ ยถาสกํ กมฺมนิพฺพตฺตนวเสน. กณฺหธมฺมานนฺติ โลภาทิเอกนฺตกาฬกานํ ปาปธมฺมานํ. วิคตตฺตาติ ปหีนตฺตา. วิคตมลมจฺเฉเรน เจตสาติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. โสตาปนฺนสฺส สโตติ เคหํ อาวสนฺตสฺส โสตาปนฺนสฺส สมานสฺส. นิสฺสยวิหารนฺติ นิสฺสาย วิหริตพฺพวิหารํ, เทวสิกํ วฬฺชนกกมฺมฏฺานนฺติ อตฺโถ. อภิภวิตฺวาติ อคารํ อาวสนฺตานํ อฺเสํ อุปฺปชฺชนกราคาทิอุปกฺกิเลเส อภิภุยฺย.
โย กิฺจิ เทนฺโตปิ สาเปกฺโขว เทติ, โส มุตฺตจาโค น โหติ, อยํ ปน น เอวนฺติ ‘‘มุตฺตจาโค’’ติ วุตฺตํ. วิสฺสฏฺจาโคติ นิรเปกฺขปริจฺจาโคติ อตฺโถ. ยถา ปาณาติปาตพหุโล ปุคฺคโล ‘‘โลหิตปาณี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ทานพหุโล ปุคฺคโล ‘‘ปยตปาณี’’ติ วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทาตุํ สทา โธตหตฺโถเยวา’’ติ อาห. ตตฺถ สทาติ นิจฺจํ, อภิณฺหนฺติ อตฺโถ. ปริจฺจาโคติ เทยฺยธมฺมปริจฺจาโคติ อธิการโต วิฺายติ. ยํ ยํ เทยฺยธมฺมํ ปเร ยาจนกา. ยาจเน โยโค ยาจนโยโค, ปเรหิ ยาจิตุํ ยุตฺโตติ อตฺโถ. ยาเชน ยุตฺโตติ ทาเนน ยุตฺโต สทา ปริจฺจชนโต. อุภเยติ ยถาวุตฺเต ทาเน, สํวิภาเค จ รโต อภิรโต.
๑๖๑. ยถา ปริสุทฺธสีลสฺส ปุคฺคลสฺส อขณฺฑตาทิคุณวเสน อตฺตโน สีลสฺส อนุสฺสรนฺตสฺส สีลานุสฺสติภาวนา อิชฺฌติ, เอวํ ปริสุทฺธอุฬารปริจฺจาคสฺส ปุคฺคลสฺส อนุปกฺกิลิฏฺเมว ¶ อตฺตโน ปริจฺจาคํ อนุสฺสรนฺตสฺส ภาวนา อิชฺฌตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิคตมลมจฺเฉรตาทิคุณวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ วุตฺตตฺถเมว.
ภิยฺโยโสติ ¶ อุปริปิ. มตฺตาย ปมาณสฺส มหติยา มตฺตาย, วิปุเลน ปมาเณนาติ อตฺโถ. จาคาธิมุตฺโตติ ปริจฺจาเค อธิมุตฺโต นินฺนโปณปพฺภาโร. ตโต เอว อโลภชฺฌาสโย กตฺถจิปิ อนภิสงฺคจิตฺโต. ปฏิคฺคาหเกสุ เมตฺตายนวเสน ปริจฺจาโค โหตีติ เมตฺตาย เมตฺตาภาวนาย อนุโลมการี อนุรูปปฏิปตฺติ. วิสารโทติ วิสโท อตฺตโนว คุเณน กตฺถจิปิ อมงฺกุภูโต อภิภุยฺย วิหารี. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
๖. เทวตานุสฺสติกถาวณฺณนา
๑๖๒. อริยมคฺควเสนาติ อริยมคฺคสฺส อธิคมวเสน. สมุทาคเตหีติ สมฺมเทว ตทุปฺปตฺติโต อุทฺธํ อาคเตหิ. ยาทิสา หิ อริยานํ สนฺตาเน โลกิยาปิ สทฺธาทโย, น ตาทิสา กทาจิปิ โปถุชฺชนิกา สทฺธาทโย. ทิพฺพนฺตีติ เทวา. จตฺตาโร มหาราชาโน เอเตสนฺติ จตุมหาราชา, เต เอว จาตุมหาราชิกา. เตตฺตึส สหปฺุการิโน ตตฺถูปปนฺนาติ ตํสหจริตํ านํ ตาวตึสํ, ตนฺนิวาสิโนปิ เทวา ตํสหจรณโต เอว ตาวตึสา. ทุกฺขโต ยาตา อปยาตาติ ยามา. ตุสาย ปีติยา อิตา อุปคตาติ ตุสิตา. โภคานํ นิมฺมาเน รติ เอเตสนฺติ นิมฺมานรติโน. ปรนิมฺมิเตสุ โภเคสุ วสํ วตฺเตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน. พฺรหฺมานํ กาโย สมูโห พฺรหฺมกาโย, ตปฺปริยาปนฺนตาย ตตฺถ ภวาติ พฺรหฺมกายิกา. ตตุตฺตรีติ ตโต พฺรหฺมกายิเกหิ อุตฺตริ, อุปริ ปริตฺตาภาทิเก สนฺธาย วทติ. เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวาติ ‘‘ยถารูปาย มคฺเคนาคตาย สทฺธาย สมนฺนาคตา, สีเลน สุเตน จาเคน ปฺาย สมนฺนาคตา อิโต จุตา ตตฺถ อุปปนฺนา ตา เทวตา, มยฺหมฺปิ ตถารูปา สทฺธา สีลํ สุตํ จาโค ปฺา จ สํวิชฺชตี’’ติ เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา สกฺขึ โอตาเรนฺเตน วิย อตฺตโน สทฺธาทิคุณา อนุสฺสริตพฺพา.
ยทิ เอวํ สุตฺเต (อ. นิ. ๖.๑๐) อุภยคุณานุสฺสรณํ วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘สุตฺเต ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ กิฺจาปิ วุตฺตนฺติ ‘‘อตฺตโน จ, ตาสฺจ เทวตาน’’นฺติ อุภยํ สมธุรํ วิย สุตฺเต (อ. นิ. ๖.๑๐) กิฺจาปิ วุตฺตํ. อถ ¶ โข ตํ ‘‘เทวตานํ สทฺธฺจ สีลฺจา’’ติอาทิวจนํ. สกฺขิฏฺาเน เปตพฺพนฺติ ‘‘วุตฺต’’นฺติ ปรโต ปทํ ¶ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. กิมตฺถํ ปน สกฺขิฏฺาเน ปนนฺติ อาห ‘‘เทวตานํ อตฺตโน สทฺธาทีหิ สมานคุณทีปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ. กสฺมา ปน สุตฺเต ยถารุตวเสน อตฺถํ อคฺคเหตฺวา เอวํ อตฺโถ คยฺหตีติ อาห ‘‘อฏฺกถายฺหี’’ติอาทิ.
๑๖๓. ตสฺมาติ ยสฺมา อฏฺกถายํ เทวตา สกฺขิฏฺาเน เปตฺวา อตฺตโน คุณานุสฺสรณํ ทฬฺหํ กตฺวา วุตฺตํ, สีลจาคานุสฺสตีสุ วิย อิธาปิ อตฺตโน คุณานุสฺสรณํ ฌานุปฺปตฺตินิมิตฺตํ ยุตฺตํ, ตสฺมา. ปุพฺพภาเค ภาวนารมฺเภ. อปรภาเคติ ยถา ภาเวนฺตสฺส อุปจารชฺฌานํ อิชฺฌติ, ตถา ภาวนากาเล. ยทิ อตฺตโน เอว อิธ คุณา อนุสฺสริตพฺพา, กถมยํ เทวตานุสฺสตีติ อาห ‘‘เทวตานํ คุณสทิสสทฺธาทิคุณานุสฺสรณวเสนา’’ติ. เตน สทิสกปฺปนาย อยํ ภาวนา ‘‘เทวตานุสฺสตี’’ติ วุตฺตา, น เทวตานํ, ตาสํ คุณานํ วา อนุสฺสรเณนาติ ทสฺเสติ. ปุพฺพภาเค วา ปวตฺตํ เทวตาคุณานุสฺสรณํ อุปาทาย ‘‘เทวตานุสฺสตี’’ติ อิมิสฺสา สมฺา เวทิตพฺพา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปุพฺพภาเค เทวตา อารพฺภ ปวตฺตจิตฺตวเสนา’’ติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
๑๖๔. เอตาสนฺติ เอตาสํ พุทฺธานุสฺสติอาทีนํ ฉนฺนํ อนุสฺสตีนํ. วิตฺถารเทสนายนฺติ วิตฺถารวเสน ปวตฺตเทสนายํ, มหานามสุตฺตํ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑) สนฺธาย วทติ. ภควาติอาทีนํ อตฺถนฺติ ภควาติอาทีนํ ปทานํ อตฺถํ. อตฺถเวทนฺติ วา เหตุผลํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ตุฏฺิมาห. ธมฺมเวทนฺติ เหตุํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนํ ตุฏฺึ. ‘‘อารกตฺตา อรห’’นฺติ อนุสฺสรนฺตสฺส หิ ยํ ตํ ภควโต กิเลเสหิ อารกตฺตํ, โส เหตุ. าปโก เจตฺถ เหตุ อธิปฺเปโต, น การโก, สมฺปาปโก วา. โยเนน ายมาโน อรหตฺตตฺโถ, ตํ ผลํ. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ เหตุผลวิภาโค เวทิตพฺโพ. ธมฺมานุสฺสติอาทีสุปิ ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณตฺตา’’ติอาทินา, ‘‘ยสฺมา ปน สา สมฺมาปฏิปทา’’ติอาทินา จ ตตฺถ ตตฺถ เหตุอปเทโส กโตเยวาติ. ธมฺมูปสํหิตนฺติ ยถาวุตฺตเหตุเหตุผลสงฺขาตคุณูปสํหิตํ. คุเณติ อตฺตโน คุเณ.
๑๖๕. อริยสาวกานฺเว ¶ อิชฺฌนฺตีติ อริยสาวกานํ อิชฺฌนฺติเยวาติ อุตฺตรปทาวธารณํ ทฏฺพฺพํ, อวธารณฺจ เตสํ สุขสิทฺธิทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘เตสํ หี’’ติอาทิ. น ปุถุชฺชนานํ สพฺเพน สพฺพํ อิชฺฌนฺตีติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ ¶ , กสฺมา มหานามสุตฺตาทีสุ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑) พหูสุ สุตฺเตสุ อริยสาวกคฺคหณํ กตนฺติ? เตสํ พหุลวิหารตายาติ อาจริยา.
นิกฺขนฺตนฺติ นิคฺคตํ นิสฺสฏํ. มุตฺตนฺติ วิสฺสฏฺํ. วุฏฺิตนฺติ อเปตํ. สพฺพเมตํ วิกฺขมฺภนเมว สนฺธาย วทติ. เคธมฺหาติ ปลิโพธโต. อิทมฺปีติ พุทฺธานุสฺสติวเสน ลทฺธํ อุปจารชฺฌานมาห. อารมฺมณํ กริตฺวาติ ปจฺจยํ กตฺวา, ปาทกํ กตฺวาติ อตฺโถ. วิสุชฺฌนฺตีติ ปรมตฺถวิสุทฺธึ ปาปุณนฺติ.
สมฺพาเธติ ตณฺหาสํกิเลสาทินา สมฺปีเฬ สํกเฏ ฆราวาเส. โอกาสาธิคโม โลกุตฺตรธมฺมสฺส อธิคมาย อธิคนฺตพฺพโอกาโส. อนุสฺสติโย เอว อนุสฺสติฏฺานานิ. วิสุทฺธิธมฺมาติ วิสุชฺฌนสภาวา, วิสุชฺฌิตุํ วา ภพฺพา. ปรมตฺถวิสุทฺธิธมฺมตายาติ ปรมตฺถวิสุทฺธิยา นิพฺพานสฺส ภพฺพภาเวน. อุปกฺกเมนาติ ปโยเคน. ปริโยทปนาติ วิโสธนา.
๑๖๖. เอวํ สนฺเตปีติ เอวํ มหานามสุตฺตาทีสุ อเนเกสุ สุตฺเตสุ อริยสาวกสฺเสว วเสน ฉสุ อนุสฺสตีสุ เทสิตาสุปิ. ยสฺสานุภาเวนาติ ยสฺส จิตฺตปฺปสาทสฺส พเลน. ปีตึ ปฏิลภิตฺวาติ อนุสฺสววเสน พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา.
ฉอนุสฺสตินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สตฺตมปริจฺเฉทวณฺณนา.
๘. อนุสฺสติกมฺมฏฺานนิทฺเทสวณฺณนา
มรณสฺสติกถาวณฺณนา
๑๖๗. อิโตติ ¶ ¶ เทวตานุสฺสติยา. สา หิ ฉสุ อนุสฺสตีสุ สพฺพปจฺฉา นิทฺทิฏฺตฺตา อาสนฺนา, ปจฺจกฺขา จ. อนนฺตรายาติ ตทนนฺตรํ อุทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตํ. มรณสฺส สติ มรณสฺสตีติ มรณํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ มรณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. กามฺเจตฺถ ขนฺธานํ เภโท ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑) วจนโต จุติขนฺธานํ วินาโส มรณนฺติ วตฺตพฺพํ, วิเสสโต ปน ตํ ชีวิตินฺทฺริยสฺส วินาสภาเวน กมฺมฏฺานิกานํ ปจฺจุปติฏฺตีติ ‘‘ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉโท’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห นิทฺเทเส ‘‘กเฬวรสฺส นิกฺเขโป ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปจฺเฉโท’’ติ (วิภ. ๒๓๖; ที. นิ. ๒.๓๙๐; ม. นิ. ๑.๙๒, ๑๒๓). ตตฺถ เอกภวปริยาปนฺนสฺสาติ เอเกน ภเวน ปริจฺฉินฺนสฺส. ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉโทติ ชีวิตินฺทฺริยปฺปพนฺธสฺส วิจฺเฉโท อายุกฺขยาทิวเสน อนฺตรธานํ. สมุจฺเฉทมรณนฺติ อรหโต สนฺตานสฺส สพฺพโส อุจฺเฉทภูตํ มรณํ. สงฺขารานํ ขณภงฺคสงฺขาตนฺติ สงฺขตธมฺมานํ อุทยวยปริจฺฉินฺนสฺส ปวตฺติขณสฺส ภงฺโค นิโรโธติ สงฺขํ คตํ. ขณิกมรณนฺติ ยถาวุตฺตขณวนฺตํ ตสฺมึเยว ขเณ ลพฺภมานํ มรณํ. ยํ ขนฺธปฺปพนฺธํ อุปาทาย รุกฺขาทิสมฺา, ตสฺมึ อนุปจฺฉินฺเนปิ อลฺลตาทิวิคมนํ นิสฺสาย มตโวหาโร สมฺมุติมรณํ. น ตํ อิธ อธิปฺเปตนฺติ ตํ สมุจฺเฉทขณิกสมฺมุติมรณํ อิธ มรณานุสฺสติยํ นาธิปฺเปตํ อพาหุลฺลโต, อนุปฏฺหนโต, อสํเวควตฺถุโต จาติ อธิปฺปาโย.
อธิปฺเปตํ สติยา อารมฺมณภาเวน. อายุอาทีนํ ขยกาเล มรณํ กาลมรณํ. เตสํ อปริกฺขีณกาเล มรณํ อกาลมรณํ. ‘‘กาลมรณํ ปฺุกฺขเยนา’’ติ อิทํ ยถาธิการํ สมฺปตฺติภววเสน วุตฺตํ, วิปตฺติภววเสน ปน ‘‘ปาปกฺขเยนา’’ติ วตฺตพฺพํ.
อายุสนฺตานชนกปจฺจยสมฺปตฺติยาติ ¶ อายุปฺปพนฺธสฺส ปวตฺตาปนกานํ อาหาราทิปจฺจยานํ สมฺปตฺติยํ. วิปกฺกวิปากตฺตาติ อตฺตโน ผลานุรูปํ ทาตพฺพวิปากสฺส ทินฺนตฺตา. คติกาลาหาราทิสมฺปตฺติยา อภาเวนาติ ¶ เทวานํ วิย คติสมฺปตฺติยา, ปมกปฺปิยานํ วิย กาลสมฺปตฺติยา, อุตฺตรกุรุกาทีนํ วิย อาหารสมฺปตฺติยา จ อภาเวน. อาทิ-สทฺเทน อุตุสุกฺกโสณิตาทึ ปริคฺคยฺหติ. อชฺชตนกาลปุริสานํ วิยาติ วิย-สทฺโท อฏฺาเน ปฏฺปิโต, อชฺชตนกาลปุริสานํ วสฺสสตมตฺตปริมาณสฺส วิย อายุโน ขยวเสนาติ โยชนา. เอวํ หิ อนาคเตปิ ปรมายุโน สงฺคโห กโต โหติ, อตีเต ปน คติสมฺปตฺติยา วิย กาลาหาราทิสมฺปตฺติยา ภาเวน อเนกวสฺสสหสฺส ปริมาโณปิ อายุ อโหสิ. อยฺจ วิภาโค วตฺตมานสฺส อนฺตรกปฺปสฺส วเสน วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. กลาพุราชาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน นนฺทยกฺขนนฺทมาณวกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตํ สพฺพมฺปีติ ยํ ‘‘กาลมรณํ อกาลมรณํ, ตตฺถาปิ ปฺุกฺขยมรณํ อายุกฺขยมรณํ อุภยกฺขยมรณํ อุปกฺกมมรณ’’นฺติ วุตฺตปฺปเภทํ มรณํ, ตํ สพฺพมฺปิ.
๑๖๘. โยนิโสติ อุปาเยน. มนสิกาโรติ มรณารมฺมโณ มนสิกาโร. เยน ปน อุปาเยน มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘อโยนิโส ปวตฺตยโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อโยนิโส ปวตฺตยโตติ อนุปาเยน สตึ, สํเวคํ, าณฺจ อนุปฏฺเปตฺวา มรณํ อนุสฺสรโต. ตเทตํ สพฺพมฺปีติ โสกปาโมชฺชานํ อุปฺปชฺชนํ, สํเวคสฺส อนุปฺปชฺชนํ, สนฺตาสสฺส อุปฺปชฺชนฺจ ยถากฺกมํ สติสํเวคาณวิหรโต โหติ. โย หิ ‘‘มรณํ นาเมตํ ชาตสฺส เอกนฺติก’’นฺติ ปณฺฑิตานํ วจนํ สรติ, ตตฺถ สํเวคชาโต โหติ สมฺปชาโน จ, ตสฺส อิฏฺชนมรณาทินิมิตฺตํ โสกาทโย อโนกาสาว. ตสฺมาติ ยสฺมา อโยนิโส มนสิการํ ปวตฺตยโต เอเต โทสา, ตสฺมา. ตตฺถ ตตฺถาติ อรฺสุสานาทีสุ. หตมตสตฺเตติ โจราทีหิ หเต, สรเสน มเต จ สตฺเต. ทิฏฺปุพฺพา สมฺปตฺติ เยสํ เต ทิฏฺปุพฺพสมฺปตฺตี, เตสํ ทิฏฺปุพฺพสมฺปตฺตีนํ. โยเชตฺวาติ อุปฏฺเปตฺวา. เอกจฺจสฺสาติ ติกฺขินฺทฺริยสฺส าณุตฺตรสฺส.
๑๖๙. วธกปจฺจุปฏฺานโตติ ฆาตกสฺส วิย ปติ ปติ อุปฏฺานโต อาสนฺนภาวโต. สมฺปตฺติวิปตฺติโตติ อาโรคฺยาทิสมฺปตฺตีนํ วิย ชีวิตสมฺปตฺติยา วิปชฺชนโต. อุปสํหรณโตติ ปเรสํ มรณํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน ¶ มรณสฺส อุปนยนโต. กายพหุสาธารณโตติ สรีรสฺส พหูนํ สาธารณภาวโต. อายุทุพฺพลโตติ ชีวิตสฺส ทุพฺพลภาวโต. อนิมิตฺตโตติ มรณสฺส ววตฺถิตนิมิตฺตาภาวโต ¶ . อทฺธานปริจฺเฉทโตติ กาลสฺส ปริจฺฉนฺนภาวโต. ขณปริตฺตโตติ ชีวิตกฺขณสฺส อิตฺตรภาวโต.
วธกปจฺจุปฏฺานโตติ เอตฺถ วิย-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วธกสฺส วิย ปจฺจุปฏฺานโต’’ติ วตฺวา ตเมวตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จารยมาโนติ อาคุเรนฺโต ปหรณาการํ กโรนฺโต. ปจฺจุปฏฺิโตว อุปคนฺตฺวา ิโต สมีเป เอว. ชรามรณํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตนฺติ ‘‘ยถา หิ อหิจฺฉตฺตกมกุฬํ อุคฺคจฺฉนฺตํ ปํสุวิรหิตํ น โหติ, เอวํ สตฺตา นิพฺพตฺตนฺตา ชรามรณวิรหิตา น โหนฺตี’’ติ เอตฺตเกน อุปมา. อหิจฺฉตฺตกมกุฬํ กทาจิ กตฺถจิ ปํสุวิรหิตมฺปิ ภเวยฺย, สตฺตา ปน กถฺจิปิ ชรามรณวิรหิตา น โหนฺตีติ ขณิกมรณํ ตาว อุปมาภาเวน ทสฺเสตฺวา อิธาธิปฺเปตํ มรณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา ยทิเม สตฺตา ชรามรณํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตนฺติ, นิพฺพตฺติสมนนฺตรเมว มริตพฺพนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ. อวสฺสํ มรณโตติ อวสฺสํ มริตพฺพโต, เอกนฺเตน มรณสพฺภาวโต วา. ปพฺพเตยฺยาติ ปพฺพตโต อาคตา. หารหารินีติ ปวาเห ปติตสฺส ติณปณฺณาทิกสฺส อติวิย หรณสีลา. สนฺทเตวาติ สวติ เอว. วตฺตเตวาติ ปวาหวเสน วตฺตติ เอว น ติฏฺติ.
ยเมกรตฺตินฺติ ยสฺสํ เอกรตฺติยํ, ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ, อจฺจนฺตสํโยเค วา. ปมนฺติ สพฺพปมํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ. คพฺเภติ มาตุกุจฺฉิยํ. มาณโวติ สตฺโต. เยภุยฺเยน สตฺตา รตฺติยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตีติ รตฺติคฺคหณํ. อพฺภุฏฺิโตวาติ อุฏฺิตอพฺโภ วิย, อภิมุขภาเวน วา อุฏฺิโตว มรณสฺสาติ อธิปฺปาโย. โส ยาตีติ โส มาณโว ยาติ, ปมกฺขณโต ปฏฺาย คจฺฉเตว. ส คจฺฉํ น นิวตฺตตีติ โส เอวํ คจฺฉนฺโต ขณมตฺตมฺปิ น นิวตฺตติ, อฺทตฺถุ มรณํเยว อุปคจฺฉติ.
กุนฺนทีนนฺติ ปพฺพตโต ปติตานํ ขุทฺทกนทีนํ. ปาโต อาโปรสานุคตพนฺธนานนฺติ ปุริมทิวเส ทิวา สูริยสนฺตาเปน อนฺโต อนุปวิสิตฺวา ปุน รตฺติยํ พนฺธนมูลํ อุปคเตน อาโปรเสน ตินฺตสิถิลพนฺธนตาย ปาโต อาโปรสานุคตพนฺธนานํ.
อจฺจยนฺตีติ ¶ อติกฺกมนฺติ. อุปรุชฺฌตีติ นิรุชฺฌติ. อุทกเมว โอทกํ, อุทโกฆํ วา ¶ . ยสฺมา อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา, ตสฺมา ชีวิตํ อุปรุชฺฌติ. ยสฺมา ชีวิตํ อุปรุชฺฌติ, ตสฺมา อายุ ขียติ มจฺจานํ. ปปตโตติ ปปตนโต ภยํ สามิกานํ รุกฺเข ตฺวา กมฺเม วินิยฺุชิตุกามานํ, เหฏฺา ปวิฏฺานํ วา. อุคฺคมนํ ปติ อุคฺคมนนิมิตฺตํ. มา มํ อมฺม นิวารย ปพฺพชฺชายาติ อธิปฺปาโย.
โกจิ มิตฺตมุขสตฺตุรนฺธคเวสี สห วตฺตมาโนปิ น หเนยฺย, อยํ ปน เอกํเสน หนติเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สหชาติยา อาคตโต’’ติ วตฺวา ‘‘ชีวิตหรณโต จา’’ติ วุตฺตํ.
๑๗๐. นนฺติ สมฺปตฺตึ. สุขีติ ทิพฺพสทิเสหิ โภเคหิ, อาธิปเตยฺเยน จ สุขสมงฺคี. เทหพนฺเธนาติ สรีเรน. อโสโกติ อโสกมหาราชา. โสกมาคโตติ โสจิตพฺพตํ คโต.
อาโรคฺยํ โยพฺพนานํ. พฺยาธิชราปริโยสานตา ชีวิตสฺส มรณปริโยสานตาย อุทาหรณวเสน อานีตา, ปจฺจยภาควเสน วา. โลโกเยว โลกสนฺนิวาโส ยถา สตฺตาวาสาติ, สนฺนิวสิตพฺพตาย วา สตฺตนิกาโย โลกสนฺนิวาโส. อนุคโตติ อนุพนฺโธ ปจฺจตฺถิเกน วิย. อนุสโฏติ อนุปวิฏฺโ อุปวิเสน วิย. อภิภูโตติ อชฺโฌตฺถโฏ มทฺทหตฺถีหิ วิย. อพฺภาหโตติ ปหโฏ ภูเตหิ วิย.
เสลาติ สิลามยา, น ปํสุอาทิมยา. วิปุลาติ มหนฺตา อเนกโยชนายามวิตฺถารา. นภํ อาหจฺจาติ วิปุลตฺตา เอว อากาสํ อภิวิหจฺจ สพฺพทิสาสุ ผริตฺวา. อนุปริเยยฺยุนฺติ อนุวิจเรยฺยุํ. นิปฺโปเถนฺตาติ อตฺตนา อาฆาติตํ จุณฺณวิจุณฺณํ กโรนฺตา. อธิวตฺตนฺตีติ อธิภวนฺติ. กุเลน วา รูเปน วา สีเลน วา สุเตน วา สทฺธาทีหิ วา เสฏฺโติ สมฺภาวนาย ขตฺติยาทีสุ น กฺจิ ปริวชฺเชติ. เตหิ เอว นิหีโนติ อวมฺมานาย สุทฺทาทีสุ น กฺจิ ปริวชฺเชติ. อฺทตฺถุ สพฺพเมว อภิมทฺทติ นิมฺมถติ. ทณฺฑาทิอุปายา จ ตตฺถ อวิสยา เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น ตตฺถ หตฺถีนํ ภูมี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ มนฺตยุทฺเธนาติ ¶ อาถพฺพณเวทวิหิเตน มนฺตสงฺคามปฺปโยเคน. ธเนนาติ ธนทาเนน. วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปนตฺโถ. เตน สามํ, เภทฺจ สงฺคณฺหาติ.
๑๗๑. ปเรหิ สทฺธึ อตฺตโน อุปสํหรณโตติ ปเรหิ มเตหิ สทฺธึ ‘‘เตปิ นาม มตา, กิมงฺคํ ¶ ปน มาทิสา’’ติ อตฺตโน มรณสฺส อุปนยนโต. ยสมหตฺตโตติ ปริวารมหตฺตโต, วิภวมหตฺตโต จ. ปฺุมหตฺตโตติ มหาปฺุภาวโต. ถามมหตฺตโตติ วีริยพลมหตฺตโต. ยุธิฏฺิโล ธมฺมปุตฺโต. จานุโร โย พลเทเวน นิพฺพุทฺธํ กตฺวา มาริโต.
สห อิทฺธีหีติ เวชยนฺตกมฺปนนนฺโทปนนฺททมนาทีสุ ทิฏฺานุภาวาหิ อตฺตโน อิทฺธีหิ สทฺธึ มจฺจุมุขํ ปวิฏฺโ.
กลํ นคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ โสฬสนฺนํ ปูรณภาคํ น อคฺฆนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อายสฺมโต เถรสฺส สาริปุตฺตสฺส ปฺํ โสฬสภาเค กตฺวา ตโต เอกํ ภาคํ โสฬสธา คเหตฺวา ลทฺธํ เอกภาคสงฺขาตํ กลํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เปตฺวา อฺเสํ สตฺตานํ ปฺา น อคฺฆนฺตีติ.
สพฺพสฺสาปิ สํกิเลสปกฺขสฺส สมุคฺฆาโต าเยน อารทฺธวีริยสฺส โหตีติ อาห ‘‘าณวีริยพเลนา’’ติ. สมฺมาทิฏฺิสมฺมาวายาเมสุ หิ สิทฺเธสุ อฏฺงฺคิโก อริยมคฺโค สิทฺโธว โหตีติ. เอกากีภาเวน ขคฺควิสาณกปฺปา. ปรโตโฆเสน วินา สยเมว ภูตา ปฏิวิทฺธากุปฺปาติ สยมฺภุโน.
หตฺถคตสุวณฺณวลยานํ อฺมฺํ สงฺฆฏฺฏนํ วํสกฬีรสฺส กตฺถจิ อสตฺตตาติ เอวมาทิกํ ตํ ตํ นิมิตฺตํ การณํ อาคมฺม. วีมํสนฺตาติ ปวตฺตินิวตฺติโย อุปปริกฺขนฺตา. มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสนฏฺเน มเหสโย. เอกจริยนิวาเสนาติ เอกจริยนิวาสมตฺเตน, น สีลาทินา. ขคฺคมิคสิงฺคสมา อุปมา เยสํ, ขคฺคมิคสิงฺคํ วา สมูปมา เยสํ เต ขคฺคสิงฺคสมูปมา.
ตมฺพนขตุงฺคนขตาทิอสีติอนุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิเตหิ สุปฺปติฏฺิตปาทตาทีหิ ทฺวตฺตึสาย มหาปุริสลกฺขเณหิ วิจิตฺโร อจฺฉริยพฺภุโต รูปกาโย เอตสฺสาติ อสีติ…เป… รูปกาโย. สห วาสนาย สพฺเพสํ กิเลสานํ ¶ ปหีนตฺตา สพฺพาการปริสุทฺธสีลกฺขนฺธาทิคุณรตเนหิ สมิทฺโธ ธมฺมกาโย เอตสฺสาติ สพฺพาการ…เป… ธมฺมกาโย. านโสติ ตงฺขเณเยว.
เอวํ ¶ มหานุภาวสฺสาติ เอวํ ยถาวุตฺตรูปกายสมฺปตฺติยา, ธมฺมกายสมฺปตฺติยา จ วิฺายมานวิปุลาปริเมยฺยพุทฺธานุภาวสฺส, วสํ นาคตํ อนุปคมนวเสนาติ อธิปฺปาโย.
มรณํ สามฺํ เอตสฺสาติ มรณสามฺโ, ตสฺส ภาโว มรณสามฺตา, ตาย.
๑๗๒. กิมิกุลานนฺติ กิมิสมูหานํ, กิมิชาตีนํ วา. ชียนฺตีติ ชรํ ปาปุณนฺติ.
นิกฺขนฺเตติ วีติวตฺเต. ปฏิหิตายาติ ปจฺจานุคตาย. โส มมสฺส อนฺตราโยติ สา ยถาวุตฺตา น เกวลํ กาลกิริยาว, อถ โข มม อติทุลฺลภํ ขณํ ลภิตฺวา ิตสฺส สตฺถุสาสนมนสิการสฺส อนฺตราโย อสฺส ภเวยฺย. พฺยาปชฺเชยฺยาติ วิปตฺตึ คจฺเฉยฺย. สตฺถเกน วิย องฺคปจฺจงฺคานํ กนฺตนกา มรณกาเล สนฺธิพนฺธนจฺเฉทนกวาตา สตฺถกวาตา.
๑๗๓. อพลนฺติ พลหีนํ. ทุพฺพลนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อภาวตฺโถ หิ อยํ ทุ-สทฺโท ‘‘ทุสฺสีโล (อ. นิ. ๕.๒๑๓; อ. นิ. ๑๐.๗๕) ทุปฺปฺโ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๔๙) วิย. ตเทตํ อายุ. อสฺสาสปสฺสาสานํ สมวุตฺติตา อปราปรํ ปเวสนิกฺขโมว. พหิ นิกฺขนฺตนาสิกวาเต อนฺโต อปวิสนฺเต, ปวิฏฺเ วา อนิกฺขมนฺเตติ เอกสฺเสว ปเวสนิกฺขโม วิย วุตฺตํ, ตํ นาสิกวาตภาวสามฺเนาติ ทฏฺพฺพํ. อธิมตฺตตาย อจฺจาสนฺนอธิฏฺานาทินา. ตทภาโว หิ อิริยาปถานํ สมวุตฺติตา. อติสีเตน อภิภูตสฺส กายสฺส วิปชฺชนํ มหึสรฏฺาทีสุ หิมปาตกาเลน ทีเปตพฺพํ. ตตฺถ หิ สตฺตา สีเตน ภินฺนสรีรา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ. อติอุณฺเหน อภิภูตสฺส วิปชฺชนํ มรุกนฺตาเร อุณฺหาภิตตฺตาย ปจฺฉึ, ตตฺถ ปิตํ อุปริ สาฏกํ, ปุตฺตฺจ อกฺกมิตฺวา มตาย อิตฺถิยา ทีเปตพฺพํ. มหาภูตานํ สมวุตฺติตา ปโกปาภาโว ¶ . ปถวีธาตุอาทีนํ ปโกเปน สรีรสฺส วิการาปตฺติ ปรโต ธาตุกมฺมฏฺานกถายํ อาคมิสฺสติ. ยุตฺตกาเลติ ภฺุชิตุํ ยุตฺตกาเล ขุทฺทาภิภูตกาเล.
๑๗๔. อววตฺถานโตติ กาลาทิวเสน ววตฺถานาภาวโต. ววตฺถานนฺติ เจตฺถ ปริจฺเฉโท อธิปฺเปโต, น อสงฺกรโต ววตฺถานํ, นิจฺฉโย จาติ อาห ‘‘ปริจฺเฉทาภาวโต’’ติ. น นายเรติ น ายนฺติ.
อิโต ¶ ปรนฺติ เอตฺถ ปรนฺติ ปรํ อฺํ กาลนฺติ อตฺโถ. เตน โอรกาลสฺสาปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. ปรมายุโต โอรกาลํ เอว เจตฺถ ‘‘ปร’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตโต ปรํ สตฺตานํ ชีวนสฺส อภาวโต ‘‘ววตฺถานาภาวโต’’ติ วตฺตุํ น สกฺกาติ. อพฺพุทเปสีติอาทีสุ ‘‘อพฺพุทกาเล เปสิกาเล’’ติอาทินา กาล-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. กาโลติ อิธ ปุพฺพณฺหาทิเวลา อธิปฺเปตา. เตนาห ‘‘ปุพฺพณฺเหปิ หี’’ติอาทิ. อิเธว เทเหน ปติตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. อเนกปฺปการโตติ นคเร ชาตานํ คาเม, คาเม ชาตานํ นคเร, วเน ชาตานํ ชนปเท, ชนปเท ชาตานํ วเนติอาทินา อเนกปฺปการโต. อิโต จุเตนาติ อิโต คติโต จุเตน. อิธ อิมิสฺสํ คติยํ. ยนฺตยุตฺตโคโณ วิยาติ ยถา ยนฺเต ยุตฺตโคโณ ยนฺตํ นาติวตฺตติ, เอวํ โลโก คติปฺจกนฺติ เอตฺตเกน อุปมา.
๑๗๕. อปฺปํ วา ภิยฺโยติ วสฺสสตโต อุปริ ‘‘ทส วา วสฺสานิ, วีสติ วา’’ติอาทินา ทุติยํ วสฺสสตํ อปาปุณนฺโต อปฺปกํ วา ชีวตีติ อตฺโถ. คมนีโยติ คนฺธพฺโพ อุปปชฺชนวเสน. สมฺปราโยติ ปรโลโก.
หีเฬยฺยาติ ปริภเวยฺย น สมฺภาเวยฺย. นนฺติ อายุํ. สุโปริโสติ สาธุปุริโส ปฺวา. จเรยฺยาติ สุจริตํ จเรยฺย. เตนาห ‘‘อาทิตฺตสีโสวา’’ติ.
สตฺตหิ อุปมาหีติ –
‘‘เสยฺยถาปิ, พฺราหฺมณ, ติณคฺเค อุสฺสาวพินฺทุ สูริเย อุคฺคจฺฉนฺเต ขิปฺปํเยว ปฏิวิคจฺฉติ, น จิรฏฺิติกํ โหติ. อุทเก อุทกปุพฺพุฬํ. อุทเก ¶ ทณฺฑราชิ. นที ปพฺพเตยฺยา ทูรงฺคมา สีฆโสตา หารหารินี. พลวา ปุริโส ชิวฺหคฺเค เขฬปิณฺฑํ สํยูหิตฺวา อกสิเรเนว วเมยฺย. ทิวสํ สนฺตตฺเต อโยกฏาเห มํสเปสิ ปกฺขิตฺตา ขิปฺปํเยว ปฏิวิคจฺฉติ, น จิรฏฺิติกา โหติ. คาวี วชฺฌา อาฆาตนํ นียมานา ยํ ยเทว ปาทํ อุทฺธรติ, สนฺติเกว โหติ วธสฺส, สนฺติเกว มรณสฺส, เอวเมวํ โข, พฺราหฺมณ, โควชฺฌูปมํ ชีวิตํ มนุสฺสานํ ปริตฺตํ ลหุกํ พหุทุกฺขํ พหุปายาสํ มนฺตายํ โพทฺธพฺพํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ, จริตพฺพํ พฺรหฺมจริยํ, นตฺถิ ชาตสฺส อมรณ’’นฺติ (อ. นิ. ๗.๗๔) –
เอวมาคตาหิ ¶ อิมาหิ สตฺตหิ อุปมาหิ อลงฺกตํ.
รตฺตินฺทิวนฺติ เอกํ รตฺตินฺทิวํ. ภควโต สาสนนฺติ อริยมคฺคปฏิเวธาวหํ สตฺถุ โอวาทํ. พหุํ วต เม กตํ อสฺสาติ พหุํ วต มยา อตฺตหิตํ ปพฺพชิตกิจฺจํ กตํ ภเวยฺย. ตทนฺตรนฺติ ตํ ขณํ ตตฺตกํ เวลํ. เอกํ ปิณฺฑปาตนฺติ เอกํ ทิวสํ ยาปนปฺปโหนกํ ปิณฺฑปาตํ. ทนฺธนฺติ มนฺทํ จิราย. อวิสฺสาสิโย อวิสฺสาสนีโย.
๑๗๖. จิตฺเต ธรนฺเตเยว สตฺตานํ ชีวิตโวหาโร, จิตฺตสฺส จ อติอิตฺตโร ขโณ ลหุปริวตฺติภาวโต. ยถาห ภควา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ, ยถยิทํ จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๘; กถา. ๓๓๕). ตสฺมา สตฺตานํ ชีวิตํ เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา ลหุสํ อิตฺตรนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปรมตฺถโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ปรมตฺถโต’’ติ อิมินา ยายํ ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสต’’นฺติอาทินา สตฺตานํ (ที. นิ. ๒.๗; สํ. นิ. ๑.๑๔๕; อ. นิ. ๗.๗๔) ชีวิตปฺปวตฺติ วุตฺตา, สา ปพนฺธวิสยตฺตา โวหารวเสนาติ ตํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘อติปริตฺโต’’ติ อิมินา –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคหา สุสิกฺขิตา กตหตฺถา กตูปาสนา จตุทฺทิสา ิตา อสฺสุ, อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ‘อหํ อิเมสํ…เป… กตูปาสนานํ จตุทฺทิสา กณฺเฑ ขิตฺเต อปฺปติฏฺิเต ปถวิยํ คเหตฺวา อาหริสฺสามี’ติ. ยถา ¶ จ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส ชโว, ยถา จ จนฺทิมสูริยานํ ชโว, ตโต สีฆตโร. ยถา จ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส ชโว, ยถา จ จนฺทิมสูริยานํ ชโว, ยถา จ ยา เทวตา จนฺทิมสูริยานํ ปุรโต ธาวนฺติ, ตาสํ เทวตานํ ชโว, ตโต สีฆตรํ อายุสงฺขารา ขียนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๒๘) –
เอวํ วุตฺตํ ปริตฺตมฺปิ ปฏิกฺขิปติ. ตตฺร หิ คมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฏฺุปริเยน ปฏิมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ, ปาเท จ พทฺธขุรธาราสนฺนิปาตโตปิ ปริตฺตโก รูปชีวิตินฺทฺริยสฺส โส ขโณ วุตฺโต, จิตฺตสฺส ปน อติวิย ปริตฺตตโร, ยสฺส อุปมาปิ นตฺถิ. เตเนวาห ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, อุปมาปิ น สุกรา, ยาว ลหุปริวตฺตํ จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๘). ชีวิตกฺขโณติ ชีวนกฺขโณ. เอกจิตฺตปฺปวตฺติมตฺโตเยว เอกสฺส จิตฺตสฺส ปวตฺติมตฺเตเนว ¶ สตฺตานํ ปรมตฺถโต ชีวนกฺขณสฺส ปริจฺฉินฺนตฺตา. อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย ปกาเสนฺโต ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปวตฺตมานนฺติ ปวตฺตนฺตํ. เอกจิตฺตกฺขณิกนฺติ เอกจิตฺตกฺขณมตฺตวนฺตํ. ตสฺมึ จิตฺเต นิรุทฺธมตฺเตติ เยน วตฺตมานจิตฺตกฺขเณน ‘‘ชีวตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมึ จิตฺเต นิโรธํ ภงฺคํ ปตฺตมตฺเต ตํสมงฺคี สตฺโต นิรุทฺโธ มโตติ วุจฺจติ. วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา วิภาเวตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน ตีสุปิ กาเลสุ สตฺตานํ ปรมตฺถโต ชีวนํ นาม จิตฺตกฺขณวเสเนวาติ ทสฺเสติ.
ชีวิตนฺติ ชีวิตินฺทฺริยํ. สุขทุกฺขาติ สุขทุกฺขเวทนา. อุเปกฺขาปิ หิ สุขทุกฺขาสุ เอว อนฺโตคธา อิฏฺานิฏฺภาวโต. อตฺตภาโวติ ชีวิตเวทนาวิฺาณานิ เปตฺวา อวสิฏฺธมฺมา วุตฺตา. เกวลาติ อตฺตนา, นิจฺจภาเวน วา อโวมิสฺสา. เอกจิตฺตสมายุตฺตาติ เอเกเกน จิตฺเตน สหิตา. ลหุโส วตฺตติ ขโณติ วุตฺตนเยน เอกจิตฺตกฺขณิกตาย ลหุโก อติอิตฺตโร ชีวิตาทีนํ ขโณ วตฺตติ.
เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺสาติ จวนฺตสฺส สตฺตสฺส จุติโต อุทฺธํ ‘‘นิรุทฺธา’’ติ วตฺตพฺพา เย ขนฺธา. ติฏฺมานสฺส วา อิธาติ เย วา อิธ ปวตฺติยํ ติฏฺนฺตสฺส ธรนฺตสฺส ภงฺคปฺปตฺติยา นิรุทฺธา ขนฺธา. สพฺเพปิ สทิสา เต สพฺเพปิ เอกสทิสา. กถํ? คตา อปฺปฏิสนฺธิกา ปุน อาคนฺตฺวา ปฏิสนฺธานาภาเวน วิคตา. ยถา ¶ หิ จุติขนฺธา น นิวตฺตนฺติ, เอวํ ตโต ปุพฺเพปิ ขนฺธา, ตสฺมา เอกจิตฺตกฺขณิกํ สตฺตานํ ชีวิตนฺติ อธิปฺปาโย.
อนิพฺพตฺเตน น ชาโตติ อนุปฺปนฺเนน จิตฺเตน ชาโต น โหติ อชาโต นาม โหติ. ปจฺจุปฺปนฺเนน วตฺตมาเนน จิตฺเตน ชีวติ ชีวมาโน นาม โหติ. จิตฺตภงฺคา มโต โลโกติ จุติจิตฺตสฺส วิย สพฺพสฺสปิ ตสฺส ตสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคปฺปตฺติยา อยํ โลโก ปรมตฺถโต มโต นาม โหติ นิรุทฺธสฺส อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา. เอวํ สนฺเตปิ ปฺตฺติ ปรมตฺถิยา ยา ตํ ตํ ธรนฺตํ จิตฺตํ อุปาทาย ‘‘ติสฺโส ชีวติ, ผุสฺโส ชีวตี’’ติ วจนปฺปวตฺติยา วิสยภูตา สนฺตานปฺตฺติ, สา เอตฺถ ปรมตฺถิยา ปรมตฺถภูตา. ตถา หิ วทนฺติ ‘‘นามโคตฺตํ น ชีรตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๗๖).
๑๗๗. อฺตรฺตเรน อากาเรน. จิตฺตนฺติ กมฺมฏฺานารมฺมณํ จิตฺตํ. อาเสวนํ ลภตีติ ภาวนาเสวนํ ¶ ลภติ, พหิทฺธา วิกฺเขปํ ปหาย เอกตฺตวเสน มรณารมฺมณเมว โหตีติ. เตนาห ‘‘มรณารมฺมณา สติ สนฺติฏฺตี’’ติ. สภาวธมฺมานํ เภโท สภาวธมฺมคติโก เอวาติ อาห ‘‘สภาวธมฺมตฺตา ปน อารมฺมณสฺสา’’ติ. เตนาห ภควา ‘‘ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๒๐). สํเวชนียตฺตาติ สํเวคชนนโต มหาภูเตสุ มหาวิการตา วิย คยฺหมานา มรณํ อนุสฺสริยมานํ อุปรูปริ อุพฺเพคเมว อาวหตีติ ตตฺถ น ภาวนาจิตฺตํ อปฺเปตุํ สกฺโกติ. ยทิ สภาวธมฺมตฺตา อปฺปนํ น ปาปุณาติ, โลกุตฺตรชฺฌานํ เอกจฺจานิ อรูปชฺฌานานิ จ กถนฺติ อาห ‘‘โลกุตฺตรชฺฌานํ ปนา’’ติอาทิ. วิสุทฺธิภาวนานุกฺกมวเสนาติ เหฏฺิมวิสุทฺธิยา อานุภาเวน อธิคตาติสยาย ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิภาวนาย, สพฺพสงฺขาเรหิ นิพฺพินฺทนวิรชฺชนาทิวิสํโยคาธิมุตฺติอปฺปนาย จ ปฏิปกฺขภูตานํ ปาปธมฺมานํ วิคโมติ เอวํภูตสฺส วิสุทฺธิภาวนานุกฺกมสฺส วเสน โลกุตฺตรชฺฌานํ อปฺปนาปฺปตฺตเมว โหติ. อารมฺมณสมติกฺกมนมตฺตํ ตตฺถ โหตีติ อฺเสํ สภาวธมฺมารมฺมณกมฺมฏฺานานํ วิย จิตฺตสฺส สมาธาเน พฺยาปาโร นตฺถิ. ยถาสมาหิเตน ปน จิตฺเตน อารมฺมณสมติกฺกมนมตฺตเมว ภาวนาย กาตพฺพํ, ตสฺมา สภาวธมฺเมปิ อารุปฺปชฺฌานํ อปฺเปตีติ.
สตตํ ¶ อปฺปมตฺโต โหติ สํเวคพหุลตฺตา, ตโต เอวสฺส สพฺพภเวสุ อนภิรติสฺาปฏิลาโภ. ชีวิตนิกนฺตึ ชหาติ มรณสฺส อวสฺสํภาวิตาทสฺสนโต. ปาปครหี โหติ อนิจฺจสฺาปฏิลาภโต, ตโต เอว อสนฺนิธิพหุลตา, วิคตมลมจฺเฉรตา จ. ตทนุสาเรนาติ อนิจฺจสฺาปริจยานุสาเรน. อภาวิตมรณาติ อภาวิตมรณานุสฺสรณา. อภโย อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ ปเคว มรณสฺาย สูปฏฺิตตฺตา.
กายคตาสติกถาวณฺณนา
๑๗๘. พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ เอตฺถาติ พุทฺธุปฺปาโท, พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนกาโล, ตสฺมา. อฺตฺร ตํ เปตฺวา, อฺสฺมึ กาเลติ อตฺโถ. น ปวตฺตปุพฺพนฺติ อปวตฺตปุพฺพํ. ตโต เอว สพฺพติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ. นนุ จ สุเนตฺตสตฺถาราทโย (อ. นิ. ๖.๕๔; ๗.๖๖, ๗๓), อฺเ จ ตาปสปริพฺพาชกา สรีรํ ‘‘อสุภ’’นฺติ ชานึสุ. ตถา หิ สุเมธตาปเสน สรีรํ ชิคุจฺฉนฺเตน วุตฺตํ –
‘‘ยนฺนูนิมํ ¶ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๘) –
อาทิ. กามํ โพธิสตฺตา, อฺเ จ ตาปสาทโย สรีรํ ‘‘อสุภ’’นฺติ ชานนฺติ, กมฺมฏฺานภาเวน ปน น ชานนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฺตฺร พุทฺธุปฺปาทา’’ติอาทิ. สํเวคาย สํวตฺตติ ยาถาวโต กายสภาวปฺปเวทนโต. อตฺถายาติ ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถาย. โยคกฺเขมายาติ จตูหิ โยเคหิ เขมภาวาย. สติสมฺปชฺายาติ สพฺพตฺถ สติอวิปฺปวาสาย จ สตฺตฏฺานิยสมฺปชฺาย จ. าณทสฺสนปฏิลาภายาติ วิปสฺสนาาณาธิคมาย. วิชฺชาวิมุตฺติผลสจฺฉิกิริยายาติ ติสฺโส วิชฺชา, จิตฺตสฺส อธิมุตฺติ นิพฺพานํ, จตฺตาริ สามฺผลานีติ เอเตสํ ปจฺจกฺขกรณาย. อมตสฺส นิพฺพานสฺส อธิคมเหตุตาย, อมตสทิสาตปฺปกสุขสหิตตาย จ กายคตาสติ ‘‘อมต’’นฺติ วุตฺตา. ปริภฺุชนฺตีติ ฌานสมาปชฺชเนน วฬฺชนฺติ. ปริหีนนฺติ ชินํ. วิรทฺธนฺติ อนธิคเมน วิรชฺฌิตํ. อารทฺธนฺติ สาธิตํ นิปฺผาทิตํ. อเนเกหิ อากาเรหิ เตสุ เตสุ สุตฺตนฺเตสุ ปสํสิตฺวา ยํ ตํ กายคตาสติกมฺมฏฺานํ นิทฺทิฏฺนฺติ สมฺพนฺโธ ¶ . กตฺถ ปน นิทฺทิฏฺนฺติ? กายคตาสติสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๕๓ อาทโย). ตตฺถ หิ ‘‘กถํ ภาวิตา จ ภิกฺขเว’’ติอาทินา อยํ เทสนา อาคตา. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, เกน ปกาเรน กายคตาสติภาวนา ภาวิตา, เกน จ ปกาเรน ปุนปฺปุนํ กตา อานาปานชฺฌานาทีนํ นิปฺผตฺติยา มหปฺผลา, เตสํ เตสํ วิชฺชาภาคิยานํ, อภิฺาสจฺฉิกรณียานฺจ ธมฺมานํ, อรติรติสหนตาทีนฺจ สํสิทฺธิยา มหานิสํสา จ โหตีติ? อานาปานปพฺพนฺติ อานาปานกมฺมฏฺานาวธิ. เอส นโย เสเสสุปิ.
ธาตุมนสิการกมฺมฏฺาเนน ยทิปิ อุปจารสมาธิ อิชฺฌติ, สมฺมสนวาโร ปน ตตฺถ สาติสโยติ ธาตุมนสิการปพฺพมฺปิ ‘‘วิปสฺสนาวเสน วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๗๙; ม. นิ. ๑.๑๑๒) ตตฺถ ตตฺถ อสุภานิจฺจตาทีหิ สทฺธึ กาเย อาทีนวสฺส วิภาวนวเสน เทสนาย อาคตตฺตา ‘‘นวสิวถิก…เป… วุตฺตานี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ อุทฺธุมาตกาทีสูติ เอเตสุ สิวถิกปพฺเพสุ อาคตอุทฺธุมาตกาทีสุ. อานาปานสฺสติวเสนาติ อานาปานสฺสติภาวนาวเสน. โย อุปริ ‘‘กรีสํ มตฺถลุงฺค’’นฺติ มตฺถลุงฺคโกฏฺาโส คยฺหติ, ตํ อิธ ปาฬิยํ (ม. นิ. ๓.๑๕๔) อฏฺิมิฺเชเนว สงฺคณฺหิตฺวา เทสนา อาคตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มตฺถลุงฺคํ อฏฺิมิฺเชน สงฺคเหตฺวา’’ติ อาห ¶ . อิธาติ อิมสฺมึ อนุสฺสตินิทฺเทเส. กายํ คตา, กาเย วา คตา สติ กายคตาสตีติ สติสีเสน อิทํ ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ อธิปฺเปตนฺติ โยชนา.
๑๗๙. จตุมหาภูติกนฺติ จตุมหาภูตสนฺนิสฺสยํ. ปูติกายนฺติ ปูติภูตํ ปรมทุคฺคนฺธกายํ. านคมนาวตฺถํ สรีรํ สนฺธาย, ตสฺส วา อวยเวสุ สพฺพเหฏฺิมํ ปาทตลนฺติ วุตฺตํ ‘‘อุทฺธํ ปาทตลา’’ติ. ติริยํ ตจปริจฺฉินฺนนฺติ เอตฺถ นนุ เกสโลมนขานํ, ตจสฺส จ อตจปริจฺฉินฺนตา อตฺถีติ? กิฺจาปิ อตฺถิ, ตจปริจฺฉินฺนพหุลตาย ปน กายสฺส ตจปริจฺฉินฺนตา โหตีติ เอวํ วุตฺตํ. ตโจ ปริยนฺโต อสฺสาติ ตจปริยนฺโตติ เอเตน ปน วจเนน กาเยกเทสภูโต ตโจ คหิโต เอว, ตปฺปฏิพทฺธา จ เกสาทโย ตทนุปวิฏฺมูลา ตจปริยนฺตาว โหนฺตีติ ¶ ทฺวตฺตึสาการสมูโห สพฺโพปิ กาโย ตจปริยนฺโต วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
อตฺถีติ วจนวิปลฺลาเสน วุตฺตํ, นิปาตปทํ วา เอตํ. ตสฺมา ตีสุปิ สงฺขาสุ ตเทวสฺส รูปํ. เตนาห ‘‘สํวิชฺชนฺตี’’ติ. อกฺขรจินฺตเกหิ สรีเร กาย-สทฺทํ วณฺณนฺเตหิปิ อสุจิสมุทายภาเวเนว อิจฺฉิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสุจิสฺจยโต’’ติ วตฺวา ปุน นํ นิรุตฺตินเยน ทสฺเสตุํ ‘‘กุจฺฉิตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อายภูตโตติ อุปฺปตฺติฏฺานภูตตฺตา. ‘‘ปูรํ นานปฺปการสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เก ปน เต ปการา? เยหิ นานปฺปการํ อสุจิ วุตฺต’’นฺติ เต เกสาทิเก ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘เอเต เกสาทโย ทฺวตฺตึสาการา’’ติ. อาการา ปการาติ หิ เอโก อตฺโถติ. เอวํ สมฺพนฺโธติ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย นขา’’ติอาทินา สพฺพโกฏฺาเสสุ ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย’’ติ ปทตฺตเยน สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
ปริโตติ ติริยํ, สมนฺตโต วา ปาทตลเกสมูเลสุ จ ตจสฺส ลพฺภนโต. สุจิภาวนฺติ สุจิโน สพฺภาวํ, สุจิเมว วา.
๑๘๐. เยน วิธินา อุคฺคเห กุสโล โหติ, โส สตฺตวิโธ วิธิ ‘‘อุคฺคหโกสลฺล’’นฺติ วุจฺจติ, ตนฺนิพฺพตฺตํ วา าณํ. มนสิการโกสลฺเลปิ เอเสว นโย.
สชฺฌายนฺตา วาติ สชฺฌายํ กโรนฺตา เอว. เตสํ กิร จตฺตาโร มาเส สชฺฌายนฺตานํ สชฺฌายมคฺเคเนว ¶ โกฏฺาเส อุปธาเรนฺตานํ ปฏิปาฏิยา ทฺวตฺตึสาการา วิภูตตรา หุตฺวา ขายึสุ, ปฏิกฺกูลสฺา สณฺาสิ, เต ตสฺมึ นิมิตฺเต ฌานํ อปฺเปตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ทสฺสนมคฺคํ ปฏิวิชฺฌึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘สชฺฌายนฺตา ว โสตาปนฺนา อเหสุ’’นฺติ.
ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ตจปฺจกาทิวเสเนว ปริจฺเฉทํ กตฺวา. ปถวีธาตุพหุลภาวโต มตฺถลุงฺคสฺส กรีสาวสาเน ตนฺติอาโรปนมาห. เอตฺถ จ มํสํ, นฺหารุ, อฏฺิ, อฏฺิมิฺชํ วกฺกํ, วกฺกํ อฏฺิมิฺชํ, อฏฺิ, นฺหารุ, มํสํ, ตโจ, ทนฺตา, นขา, โลมา, เกสาติ เอวํ วกฺกปฺจกาทีสุ อนุโลมสชฺฌายํ วตฺวา ปฏิโลมสชฺฌาโย ปุริเมหิ สมฺพนฺโธ วุตฺโต. สฺวายํ สมฺโมหวิโนทนิยํ ¶ (วิภ. อฏฺ. ๓๕๖) วิสุํ ติปฺจาหํ, ปุริเมหิ เอกโต ติปฺจาหนฺติ ฉปฺจาหํ สชฺฌาโย วุตฺโต, ตตฺถ อาทิอนฺตทสฺสนวเสน วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. อนุโลมปฏิโลมสชฺฌาเยปิ หิ ปฏิโลมสชฺฌาโย อนฺติโม โหติ, สชฺฌายปฺปการนฺตรํ วา เอตมฺปีติ เวทิตพฺพํ.
หตฺถสงฺขลิกาติ องฺคุลิปนฺติมาห.
มนสา สชฺฌาโยติ จิตฺเตน จินฺตนมาห, ยํ มานสํ ‘‘ชปฺปน’’นฺติ วุจฺจติ, สมฺมเทว อชฺฌาโยติ วา สชฺฌาโย, จินฺตนนฺติ อตฺโถ. จิรตรํ สุฏฺุ ปวตฺตเนน ปคุณภูตา กมฺมฏฺานตนฺติ สมาวชฺชิตฺวา มนสิ กโรนฺตสฺส อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา กตฺถจิ อสชฺชมานา นิรนฺตรเมว อุปฏฺาติ, ตทนุสาเรน ตทตฺโถปิ วิภูตตโร หุตฺวา ขายตีติ อาห ‘‘วจสา สชฺฌาโย หิ…เป… ปฏิเวธสฺส ปจฺจโย โหตี’’ติ. ลกฺขณปฏิเวธสฺสาติ อสุภลกฺขณปฏิเวธสฺส.
ปฏิกฺกูลสภาวสลฺลกฺขณสฺส กสฺสจิ วณฺณคฺคหณมุเขน โกฏฺาสา ววตฺถานํ คจฺฉนฺติ, กสฺสจิ สณฺานคฺคหณมุเขน, กสฺสจิ ทิสาวิภาคคฺคหณมุเขน, กสฺสจิ ปติฏฺิโตกาสคฺคหณมุเขน, กสฺสจิ สพฺพโส ปริจฺฉิชฺชคฺคหณมุเขนาติ วณฺณาทิโต สลฺลกฺขณํ อุคฺคหโกสลฺลาวหํ วุตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เกสาทีนํ วณฺโณ ววตฺถเปตพฺโพ’’ติอาทิมาห.
อตฺตโน ภาโค สภาโค, สภาเคน ปริจฺเฉโท สภาคปริจฺเฉโท, เหฏฺุปริติริยปริยนฺเตหิ, สโกฏฺาสิกเกสนฺตราทีหิ ¶ จ ปริจฺเฉโทติ อตฺโถ. อมิสฺสกตาวเสนาติ โกฏฺาสนฺตเรหิ อโวมิสฺสกตาวเสน. อสภาโค หิ อิธ ‘‘วิสภาโค’’ติ อธิปฺเปโต, น วิรุทฺธสภาโค. สฺวายมตฺโถ เกสาทิสทฺทโต เอว ลพฺภติ. สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ ‘‘เกสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อเกสา น โหนฺตี’’ติ อยมตฺโถ วิฺายติ. เก ปน เต อเกสา? โลมาทโย, น จ ฆฏาทีสุ ปสงฺโคปกรเณเนว เตสํ นิวตฺติตตฺตา.
ปฏิกฺกูลวเสเนว กถิตํ ธาตุวิภาคสฺส สามฺโตปิ อคหิตตฺตา. ตตฺเถว วิสุํ ธาตุกมฺมฏฺานสฺส กถิตตฺตา จ ธาตุวิภงฺโค ปกฺกุสาติสุตฺตํ ¶ (ม. นิ. ๓.๓๔๒) วิภงฺคปฺปกรเณ ธาตุวิภงฺคปาฬิ (วิภ. ๑๗๒ อาทโย) จ. ยสฺส วณฺณโต อุปฏฺาติ เกสาทิ, ตํ ปุคฺคลํ สนฺธาย ฌานานิ เกสาทีสุ วณฺณกสิณารมฺมณานิ วิภตฺตานิ. ตฺวา อาจิกฺขิตพฺพนฺติ ยทตฺถํ วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ธาตุวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ ปฏิกฺกูลมนสิการปพฺเพ. กายคตาสติสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๕๓ อาทโย) หิ ปฏิกฺกูลมนสิการปพฺพํ คเหตฺวา อิธ กายคตาสติภาวนา นิทฺทิสียติ.
๑๘๑. น เอกนฺตริกายาติ เอกนฺตริกายปิ น มนสิ กาตพฺพํ, ปเคว ทฺวนฺตริกาทินาติ อธิปฺปาโย. น ภาวนํ สมฺปาเทติ, ลกฺขณปฏิเวธํ น ปาปุณาติ เอกนฺตริกาย มนสิ กโรนฺโตติ สมฺพนฺโธ.
โอกฺกมนวิสฺสชฺชนนฺติ ปฏิปชฺชิตพฺพวิสฺสชฺเชตพฺเพ มคฺเค. ปุจฺฉิตฺวาว คนฺตพฺพํ โหติ คเหตพฺพวิสฺสชฺเชตพฺพฏฺานสฺส อสลฺลกฺขณโต. กมฺมฏฺานํ ปริโยสานํ ปาปุณาตีติ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา มนสิการมตฺตํ โหตีติ อธิปฺปาโย. อวิภูตํ ปน โหติ ปฏิกฺกูลาการสฺส สุฏฺุ อสลฺลกฺขณโต. ตโต เอว น วิเสสํ อาวหติ.
กมฺมฏฺานํ ปริโยสานํ น คจฺฉตีติ ปฏิปาฏิยา สพฺพโกฏฺาเส มนสิ กโรโตเยว วิภูตา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. เต สาติสยํ ปาฏิกฺกูลโต มนสิ กโรนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ ปริโยสานํ คจฺเฉยฺย, อิมสฺส ปน อติวิย ทนฺธํ มนสิ กโรโต วิภูตโต อุปฏฺานเมว นตฺถิ, กุโต ปฏิกฺกูลตาย สณฺานํ. เตนาห ‘‘วิเสสาธิคมสฺส ปจฺจโย น โหตี’’ติ.
พหิทฺธา ¶ ปุถุตฺตารมฺมเณติ ‘‘อสุจิ ปฏิกฺกูล’’นฺติ เกสาทีสุ ปวตฺเตตพฺพํ อสุภานุปสฺสนํ หิตฺวา สุภาทิวเสน คยฺหมานา เกสาทโยปิ อิธ ‘‘พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณเมวา’’ติ เวทิตพฺพา. รูปาทโย หิ นีลาทิวเสน ปุถุสภาวตาย ปุถุตฺตารมฺมณํ นาม, นานารมฺมณนฺติ อตฺโถ. อสมาธานํ เจตโส วิรูโป เขโปติ วิกฺเขโป. โส สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา สกฺกจฺจํ กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺเตน ปฏิพาหิตพฺโพ. ปริหายตีติ หายติ. ปริธํสตีติ วินสฺสติ.
ยา ¶ อยํ เกสา โลมาติอาทิกา โลกสงฺเกตานุคตา. ปณฺณตฺตีติ อฏฺ ธมฺเม อุปาทาย ปณฺณตฺติ. ตํ เกสาทิปณฺณตฺตึ. อติกฺกมิตฺวาติ ปฏิกฺกูลภาวนาย อติกฺกมิตฺวา อุคฺฆาเฏตฺวา. ตสฺสา อุคฺฆาฏิตตฺตา ตสฺมึ ตสฺมึ โกฏฺาเส ปฏิกฺกูลโต อุปฏฺหนฺเต ‘‘ปฏิกฺกูล’’นฺติ จิตฺตํ เปตพฺพํ. อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวนฺโต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – มนุสฺสา วิย โยคาวจโร. อุทปานํ วิย โกฏฺาสา. ตาลปณฺณาทิสฺาณํ วิย เกสาทิปฺตฺติ. เตน มนุสฺสานํ อุทปาเน นฺหานปิวนาทิ วิย โยคาวจรสฺส ปุพฺพภาเค เกสา โลมาติ ปณฺณตฺติวเสน มนสิกาโร. อภิณฺหสฺจาเรน มนุสฺสานํ สฺาเณน วินา อุทปาเน กิจฺจกรณํ วิย โยคาวจรสฺส มนสิการพเลน ปณฺณตฺตึ อติกฺกมิตฺวา ปฏิกฺกูลภาเวเยว จิตฺตํ เปตฺวา ภาวนานุโยโค. ปุพฺพภาเค…เป… ปากโฏ โหตีติ ‘‘เกสา โลมา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๕๔) ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส เกสาทิปฺตฺติยา สทฺธึเยว โกฏฺาสานํ ปฏิกฺกูลภาโว ปุพฺพภาเค ปากโฏ โหติ. อถาติ ปจฺฉา ภาวนาย วีถิปฏิปนฺนกาเล. ปฏิกฺกูลภาเวเยว จิตฺตํ เปตพฺพนฺติ โกฏฺาสานํ ปฏิกฺกูลากาเรเยว ภาวนาจิตฺตํ ปวตฺเตตพฺพํ.
อนุปุพฺเพน มฺุจนํ อนุปุพฺพมฺุจนํ, อนุปฏฺหนฺตสฺส อนุปฏฺหนฺตสฺส มฺุจนนฺติ อตฺโถ. กถํ ปน อนุปฏฺานํ โหตีติ อาห ‘‘อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติอาทิ. ปริโยสานโกฏฺาสเมว อาหจฺจ ติฏฺตีติ อิทํ กมฺมฏฺานํ ตนฺติอนุสาเรน อาทิโต กมฺมฏฺานมนสิกาโร ปวตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ตถา หิสฺส มนสา สชฺฌาโย วิย มนสิกาโร เต เต โกฏฺาเส อามฏฺมตฺเต กตฺวา คจฺฉติ, น ลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน. ยทา ปน เน ลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน สุฏฺุ อุปธาเรนฺโต มนสิ กโรติ, ตทา เกจิ อุปฏฺหนฺติ, เกจิ น อุปฏฺหนฺติ. ตตฺถ ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กมฺมนฺติ มนสิการกมฺมํ ตาว กาตพฺพํ. กีว จิรนฺติ? ยาว ทฺวีสุ อุปฏฺิเตสุ, เตสมฺปิ ทฺวินฺนํ เอโก สุฏฺุตรํ อุปฏฺหติ ตาว.
อุกฺกุฏฺุกฺกุฏฺิฏฺาเนเยว ¶ อุฏฺหิตฺวาติ ปุพฺเพ วิย เอกตฺถกตาย อุกฺกุฏฺิยา กเมน สพฺพตาเลสุ ปติตฺวา อุฏฺหิตฺวา อุฏฺหิตฺวา ปริยนฺตตาลํ ¶ , อาทิตาลฺจ อาคนฺตฺวา ตโต ตโต ตตฺถ ตตฺเถว กตาย อุกฺกุฏฺิยา อุฏฺหิตฺวาติ อตฺโถ.
ทฺเว ภิกฺขาติ ทฺวีสุ เคเหสุ ลทฺธภิกฺขา.
อปฺปนาโตติ อปฺปนาการโต ทฺวตฺตึสากาเร อปฺปนา โหนฺติ. กึ ปจฺเจกํ โกฏฺาเสสุ โหติ อุทาหุ อฺถาติ วิจารณายํ อาห ‘‘อปฺปนาโกฏฺาสโต’’ติ, โกฏฺาสโต โกฏฺาสโตติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เกสาทีสู’’ติอาทิ.
อธิจิตฺตนฺติ สมถวิปสฺสนาจิตฺตํ.
อนุยุตฺเตนาติ ยุตฺตปฺปยุตฺเตน, ภาเวนฺเตนาติ อตฺโถ. กาเลนกาลนฺติ กาเล กาเล. สมาธินิมิตฺตํ อุปลกฺขิตสมาธานากาโร สมาธิ เอว. มนสิ กาตพฺพนฺติ จิตฺเต กาตพฺพํ, อุปฺปาเทตพฺพนฺติ อตฺโถ. สมาธิการณํ วา อารมฺมณํ สมาธินิมิตฺตํ, ตํ อาวชฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ปคฺคหนิมิตฺตอุเปกฺขานิมิตฺเตสุปิ เอเสว นโย. านํ อตฺถีติ วจนเสโส. ตํ ภาวนา จิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย, เอตสฺส สํวตฺตนสฺส านํ การณํ อตฺถีติ อตฺโถ. ตํ วา มนสิกรณจิตฺตํ โกสชฺชาย สํวตฺเตยฺย, เอตสฺส านํ การณํ อตฺถีติ อตฺโถ. มุทุนฺติ สุภาวิตภาเวน มุทุภูตํ, วสีภาวปฺปตฺตนฺติ อตฺโถ. มุทุตฺตา เอว กมฺมฺํ กมฺมกฺขมํ กมฺมโยคฺคํ. ปภสฺสรนฺติ อุปกฺกิเลสวิคเมน ปริสุทฺธํ, ปริโยทาตนฺติ อตฺโถ. น จ ปภงฺคูติ กมฺมนิยภาวูปคมเนน น จ ปภิชฺชนสภาวํ สุทฺธนฺตํ วิย สุวณฺณํ วินิโยคกฺขมํ. เตนาห ‘‘สมฺมา สมาธิยติ อาสวานํ ขยายา’’ติ.
อุกฺกํ พนฺธตีติ มูสํ สมฺปาเทติ. อาลิมฺเปตีติ อาทีเปติ ชาเลติ. ตฺจาติ ตํ ปิฬนฺธนวิกติสงฺขาตํ อตฺถํ ปโยชนํ อสฺส สุวณฺณการสฺส อนุโภติ ปโหติ สาเธติ. อสฺส วา สุวณฺณสฺส อตฺถํ สุวณฺณกาโร อนุโภติ ปาปุณาติ.
อภิฺาย อิทฺธิวิธาทิาเณน สจฺฉิกรณียสฺส อิทฺธิวิธปจฺจนุภวนาทิกสฺส อภิฺา สจฺฉิกรณียสฺส ¶ . ยสฺส ปจฺจกฺขํ อตฺถิ, โส สกฺขิ. สกฺขิโน ภพฺพตา สกฺขิภพฺพตา, สกฺขิภวนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สกฺขิ จ โส ¶ ภพฺโพ จาติ วา สกฺขิภพฺโพ. อยฺหิ อิทฺธิวิธาทีนํ ภพฺโพ, ตตฺถ จ สกฺขีติ สกฺขิภพฺโพ, ตสฺส ภาโว สกฺขิภพฺพตา, ตํ ปาปุณาติ. สติ สติ อายตเนติ ตสฺมึ ตสฺมึ ปุพฺพเหตุอาทิเก การเณ สติ.
สีติภาวนฺติ นิพฺพานํ, กิเลสทรถวูปสมํ วา. นิคฺคณฺหาตีติ อุทฺธฏํ จิตฺตํ อุทฺธจฺจปาตโต รกฺขณวเสน นิคฺคณฺหาติ. ปคฺคณฺหาตีติ ลีนํ จิตฺตํ โกสชฺชปาตโต รกฺขณวเสน ปคฺคณฺหาติ. สมฺปหํเสตีติ สมปฺปวตฺตํ จิตฺตํ ตถาปวตฺติยํ ปฺาย โตเสติ, อุตฺเตเชติ วา. ยทา วา นิรสฺสาทํ จิตฺตํ ภาวนาย น ปกฺขนฺทติ, ตทา ชาติอาทีนิ สํเวควตฺถูนิ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๔๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๗) ปจฺจเวกฺขิตฺวา สมฺปหํเสติ สมุตฺเตเชติ. อชฺฌุเปกฺขตีติ ยทา ปน จิตฺตํ อลีนํ อนุทฺธตํ สมฺมเทว ภาวนาวีถึ โอติณฺณํ โหติ, ตทา ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ กฺจิ พฺยาปารํ อกตฺวา สมปฺปวตฺเตสุ ยุเคสุ สารถิ วิย อชฺฌุเปกฺขติ อุเปกฺขโกว โหติ. ปณีตาธิมุตฺติโกติ ปณีเต อุตฺตเม มคฺคผเล อธิมุตฺโต นินฺนโปณปพฺภาโร.
สุคฺคหิตํ กตฺวาติ ยถาวุตฺตํ อุคฺคหโกสลฺลสงฺขาตํ วิธึ สุฏฺุ อุคฺคหิตํ ปริยาปุณนาทินา สุปริคฺคหิตํ กตฺวา. สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวาติ มนสิการโกสลฺลสงฺขาตํ วิธึ สมฺมเทว สลฺลกฺขณวเสน อุปธาเรตฺวา. วิเสสนฺติ ปุพฺเพนาปรํ ภาวนาย วิเสสํ. ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตตฺวาติ กมฺมฏฺานตนฺตึ ปคุณภาวํ ปาเปนฺโต ภิยฺโย ภิยฺโย วาจาย, มนสา จ ปริวตฺเตตฺวา. คณฺิฏฺานนฺติ ยถา รุกฺขสฺส ทุพฺพินิเภโท อรฺสฺส วา คหนภูโต ปเทโส ‘‘คณฺิฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ กมฺมฏฺานตนฺติยา อตฺถโต ทุพฺพินิเภโท คหนภูโต จ ปเทโส ‘‘คณฺิฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปริปุจฺฉนาทิลทฺเธน าณผรสุนา ฉินฺทิตฺวา.
นิมิตฺตนฺติ กมฺมฏฺานนิมิตฺตํ, อสุภากาโร. เอทิเสน ปโยชเนน ลฺุจนมฺปิ อนวชฺชนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ลฺุจิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ฉินฺนฏฺาเนติ มุณฺฑิตฏฺาเน. วฏฺฏติเยว นิสฺสรณชฺฌาสเยน โอโลกนโต. อุสฺสทวเสนาติ อผลิตานํ, ผลิตานํ วา พหุลตาวเสน. ทิสฺวาว นิมิตฺตํ คเหตพฺพํ ทสฺสนโยคฺยตาย ตจปฺจกสฺส, อิตเรสุ สุตฺวา จ ตฺวา จ นิมิตฺตํ คเหตพฺพํ.
โกฏฺาสววตฺถาปนกถาวณฺณนา
๑๘๒. อทฺทาริฏฺกวณฺณาติ ¶ ¶ อภินวาริฏฺผลวณฺณา. กณฺณจูฬิกาติ อุปริกณฺณสกฺขลิกาย ปรภาคํ สนฺธาย วุตฺตํ. ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนา, กถํ? ทฺเว เกสา เอกโต นตฺถีติ.
อาสโยติ นิสฺสโย, ปจฺจโยติ อตฺโถ.
๑๘๔. อสมฺภินฺนกาฬกา อฺเน วณฺเณน อสมฺมิสฺสกาฬกา.
๑๘๕. ปตฺตสทิสตฺตา นขา เอว นขปตฺตานิ. นขา ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนาติ วิสุํ ววตฺถิตตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทฺเว นขา เอกโต นตฺถี’’ติ อาห.
๑๘๖. ทนฺตปาฬิยาติ ทนฺตาวลิยา. ยานกอุปตฺถมฺภินีติ สกฏสฺส ธุรฏฺาเน อุปตฺถมฺภกทณฺโฑ. ทนฺตานํ อาธารภูตา อฏฺิ หนุกฏฺิ.
๑๘๗. สงฺกฑฺฒิยมานาติ สมฺปิณฺฑิยมานา. โกสการกโกโส อุปลฺลิณฺฑุโปฏฺฏลกํ, ยํ ‘‘โกเสยฺยผล’’นฺติปิ วุจฺจติ. ปุฏพนฺธอุปาหโน สกลปิฏฺิปาทจฺฉาทนอุปาหโน. อานิสทํ อาสนปเทโส. ตูณิโร สราวาโส. คลกฺจุกํ กณฺตฺตาณํ. กีฏกุลาวกํ ขรมุขกุฏิ.
อนุโลเมน ปฏิโลเมน จาติ เอตฺถ อํสปเทสโต ปฏฺาย พาหุโน ปิฏฺิปเทเสน โอตรณํ อนุโลโม, มณิพนฺธโต ปฏฺาย พาหุโน ปุริมภาเคน อาโรหนํ ปฏิโลโม. เตเนว นเยนาติ ทกฺขิณหตฺเถ วุตฺเตน นเยน อนุโลเมน ปฏิโลเมน จาติ อตฺโถ. สุขุมมฺปีติ ยถาวุตฺตโอฬาริกจมฺมโต สุขุมํ. อนฺโตมุขจมฺมาทิโกฏฺาเสสุ วา ตเจน ปริจฺฉินฺนตฺตา ยํ ทุรุปลกฺขณียํ, ตํ ‘‘สุขุม’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺหิ วุตฺตนเยน าเณน ตจํ วิวริตฺวา ปสฺสนฺตสฺส ปากฏํ โหติ. อิธ ฉวิปิ ตจคติกา เอวาติ ‘‘ตโจ อุปริ อากาเสน ปริจฺฉินฺโน’’ติ วุตฺโต.
๑๘๘. นิสทโปโต ¶ ¶ สิลาปุตฺตโก. อุทฺธนโกฏีติ มตฺติกาปิณฺเฑน กตอุทฺธนสฺส โกฏิ. ตาลคุฬปฏลํ นาม ปกฺกตาลผลลสิกํ ตาลปฏฺฏิกาทีสุ ลิมฺปิตฺวา สุกฺขาเปตฺวา อุทฺธริตฺวา คหิตปฏลํ. สุขุมนฺติ ยถาวุตฺตมํสโต สุขุมํ. ปณฺหิกมํสาทิถูลานํ สกลสรีรสฺส กิสานํ เยภุยฺเยน มํเสน ปฏิจฺฉาทิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺน’’นฺติ.
๑๘๙. ชาลากาโร กฺจุโก ชาลกฺจุโก. วิสุํ ววตฺถิตภาเวเนว นฺหารู ติริยํ อฺมฺเน ปริจฺฉินฺนา.
๑๙๐. ทนฺตานํ วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘เปตฺวา ทฺวตฺตึส ทนฺตฏฺีนี’’ติ วุตฺตํ. เอกํ ชณฺณุกฏฺิ, เอกํ อูรุฏฺีติ เอก-คฺคหณํ ‘‘เอเกกสฺมึ ปาเท’’ติ อธิกตตฺตา. เอวํ ติมตฺตานีติ เอวํ มตฺตสทฺเทหิ อานิสทฏฺิอาทีนิ อิธ อวุตฺตานิปิ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อติเรกติสตอฏฺิกสมุสฺสย’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๒) อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ.
กีฬาโคฬกานิ สุตฺเตน พนฺธิตฺวา อฺมฺํ ฆฏฺเฏตฺวา กีฬนโคฬกานิ. ธนุกทณฺโฑ ทารกานํ กีฬนกขุทฺทกธนุกํ. ตตฺถ ชงฺฆฏฺิกสฺส ปติฏฺิตฏฺานนฺติ ชณฺณุกฏฺิมฺหิ ปวิสิตฺวา ิตฏฺานนฺติ อธิปฺปาโย. เตน อูรุฏฺินา ปติฏฺิตํ านํ ยํ กฏิฏฺิโน, ตํ อคฺคจฺฉินฺนมหาปุนฺนาคผลสทิสํ.
กุมฺภกาเรน นิปฺผาทิตํ อุทฺธนํ กุมฺภการิกอุทฺธนํ. สีสกปฏฺฏเวกํ เวเตฺวา ปิตํ สีสมยํ ปฏฺฏกํ. เยน สุตฺตํ กนฺตนฺติ, ตสฺมึ ตกฺกมฺหิ วิชฺฌิตฺวา ปิตโคฬกา วฏฺฏนา นาม, วฏฺฏนานํ อาวฬิ วฏฺฏนาวฬิ.
มณฺฑลากาเรน ฉินฺนวํสกฬีรขณฺฑานิ วํสกฬีรจกฺกลกานิ. อวเลขนสตฺถกํ อุจฺฉุตจาวเลขนสตฺถกํ.
๑๙๒. วกฺกภาเคน ปริจฺฉินฺนนฺติ วกฺกปริยนฺเตน ภาเคน ปริจฺฉินฺนํ. อิโต ปเรสุปิ เอวรูเปสุ เอเสว นโย.
๑๙๓. ยํ ¶ นิสฺสายาติ ยํ โลหิตํ นิสฺสาย, นิสฺสยนิสฺสโยปิ ‘‘นิสฺสโย’’ตฺเวว วุจฺจติ. ภวติ หิ การณการเณปิ การณโวหาโร ยถา ‘‘โจเรหิ คาโม ทฑฺโฒ’’ติ. อถ วา ยสฺมึ รูปกลาเป หทยวตฺถุ ¶ , ตมฺปิ โลหิตคติกเมว หุตฺวา ติฏฺตีติ ‘‘ยํ นิสฺสายา’’ติ วุตฺตํ.
๑๙๔. ปณฺฑุกธาตุกนฺติ ปณฺฑุสภาวํ.
๑๙๕. ปริโยนหนมํสนฺติ ปฏิจฺฉาทกมํสํ.
๑๙๖. อุทรชิวฺหามํสนฺติ ชิวฺหาสณฺานํ อุทรสฺส มตฺถกปสฺเส ติฏฺนกมํสํ. ‘‘นีล’’นฺติ วตฺวา นีลํ นาม พหุธาตุกนฺติ อาห ‘‘นิคฺคุณฺฑิปุปฺผวณฺณ’’นฺติ.
๑๙๗. ปปฺผาสมํสนฺติ ยถาาเน เอว ลมฺพิตฺวา โถกํ ปริวตฺตกมํสํ. นิรสนฺติ นิหีนรสํ. นิโรชนฺติ นิปฺปภํ, โอชารหิตํ วา.
๑๙๘. โอภคฺคาติ อวภุชิตฺวา ิตา. สกฺขรสุธาวณฺณนฺติ มรุมฺเพหิ กตสุธาวณฺณํ. ‘‘เสตสกฺขรสุธาวณฺณ’’นฺติปิ ปาโ, เสตสกฺขรวณฺณํ, สุธาวณฺณฺจาติ อตฺโถ.
๑๙๙. อนฺตสฺส อาภุชิตฺวา อาภุชิตฺวา ิตปฺปเทสา อนฺตโภคฏฺานานิ. เตสํ พนฺธนภูตํ อนฺตคุณํ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนฺตคุณนฺติ อนฺตโภคฏฺาเนสุ พนฺธน’’นฺติ. กุทฺทาลผรสุกมฺมาทีนิ กโรนฺตานํ อนฺตโภเค อคฬนฺเต เอกโต อาพนฺธิตฺวา, กึ วิย? ยนฺตสุตฺตกมิว ยนฺตผลกานีติ. กิมิว ตตฺถ ิตนฺติ อาห ‘‘ปาทปฺุฉน…เป… ิต’’นฺติ. ปุริมฺเจตฺถ อาพนฺธนสฺส, ทุติยํ านาการสฺส นิทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๒๐๐. อสิตํ นาม ภุตฺตํ โอทนาทิ. ปีตํ นาม ปิวนวเสน อชฺโฌหฏปานกาทิ. ขายิตํ นาม สํขาทิตํ ปิฏฺมูลผลขชฺชาทิ. สายิตํ นาม อสฺสาทิตํ อมฺพปกฺกมธุผาณิตาทิ.
ยตฺถาติ ¶ ยสฺมึ อุทเร. ยนฺติ จ อุทรเมว ปจฺจามสติ. ยตฺถ ปานโภชนาทีนิ ปติตฺวา ติฏฺตีติ สมฺพนฺโธ. สุวานวมถุ สารเมยฺยวนฺตํ. วิเวกนฺติ วิภาคํ.
๒๐๑. เหฏฺานาภิปิฏฺิกณฺฏกมูลานํ ¶ อนฺตเรติ ปุริมภาควเสน นาภิยา เหฏฺาปเทสสฺส ปจฺฉิมภาควเสน เหฏฺิมปิฏฺิกณฺฏกานํ เวมชฺเฌ. เวฬุนาฬิกสทิโส ปเทโสติ อธิปฺปาโย.
๒๐๔. ปูติภาวํ อาปนฺนํ กุกฺกุฏณฺฑํ ปูติกุกฺกุฏณฺฑํ. อุทฺเทโก ปิตฺตาทีหิ วินา เกวโล อุทฺธงฺคมวาโต.
๒๐๖. วกฺกหทยยกนปปฺผาเส เตมยมานนฺติ เอตฺถ ยกนํ เหฏฺาภาคปูรเณเนว เตเมติ, อิตรานิ เตสํ อุปริ โถกํ โถกํ ปคฺฆรเณนาติ ทฏฺพฺพํ.
๒๐๗. อุตุวิกาโร อุณฺหวลาหกาทิเหตุโก. วิสมจฺฉินฺโน ภิสาทิกลาโป วิสมํ อุทกํ ปคฺฆรติ, เอวเมวํ สรีรํ เกสกูปาทิวิวเรหิ อุปริ, เหฏฺา, ติริยฺจ เสทํ วิสมํ ปคฺฆรตีติ ทสฺเสตุํ วิสมจฺฉินฺน-คฺคหณํ กตํ.
๒๐๘. วิสมาหารนฺติ ตทาปวตฺตมานสรีราวตฺถาย อสปฺปายาหารํ, อติกฏุกอจฺจุณฺหาทิวิสภาคาหารํ วา. สมฺโมหวิโนทนิยํ (วิภ. อฏฺ. ๓๕๖) ปน ‘‘วิสภาคาหาร’’นฺตฺเวว วุตฺตํ ตทา ปวตฺตมานานํ ธาตูนํ วิสภาคตฺตา.
๒๐๙. ‘‘นฺหานกาเล’’ติ อิทํ อุทกสฺส อุปริ สิเนหสฺส สมฺภวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปริพฺภมนฺตสิเนหพินฺทุวิสฏสณฺานาติ วิสฏํ หุตฺวา ปริพฺภมนฺตสิเนหพินฺทุสณฺานา. อุตุวิสภาโค พหิทฺธาสมุฏฺาโน. ธาตุวิสภาโค อนฺโตสมุฏฺาโน. เต ปเทสาติ เต หตฺถตลาทิปเทสา.
๒๑๐. กิฺจีติ ¶ อุณฺหาทิรสานํ อฺตรํ อาหารวตฺถุ. เนสนฺติ สตฺตานํ. หทยํ อาคิลายตีติ วิสภาคาหาราทึ ปฏิจฺจ หทยปฺปเทโส วิวตฺตติ.
๒๑๑. ทธิโน ¶ วิสฺสนฺทนอจฺฉรโส ทธิมุตฺตํ. คฬิตฺวาติ สนฺทิตฺวา. ตาลุมตฺถกวิวเรน โอตริตฺวาติ มตฺถกวิวรโต อาคนฺตฺวา ตาลุมตฺถเกน โอตริตฺวา.
๒๑๒. เตลํ วิย สกฏสฺส นาภิอกฺขสีสานํ อฏฺิสนฺธีนํ อพฺภฺชนกิจฺจํ สาธยมานา. กฏกฏายนฺตีติ ‘‘กฏ กฏา’’ติ สทฺทํ กโรนฺติ. อนุรวทสฺสนํ เหตํ. ทุกฺขนฺตีติ ทุกฺขิตานิ สฺชาตทุกฺขานิ โหนฺติ.
๒๑๓. สมูลกูลมาสํ ฌาเปตฺวา ฉาริกํ อวสฺสาเวตฺวา คหิตยูโส มาสขาโร. อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฏฺานํ จนฺทนิกา. รวณฆฏํ นาม ปกติยา สมฺมุขเมว โหติ. ยสฺส ปน อารคฺคมตฺตมฺปิ อุทกสฺส ปวิสนมุขํ นตฺถิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อมุเข รวณฆเฏ’’ติ วุตฺตํ. อายูหนนฺติ สมีหนํ.
๒๑๔. เอวฺหีติอาทิ ยถาวุตฺตาย อุคฺคหโกสลฺลปฏิปตฺติยา นิคมนํ. อิทานิ ยถาวุตฺตํ มนสิการโกสลฺลปฏิปตฺติมฺปิ นิคมนวเสน คเหตฺวา กมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปุพฺพโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปณฺณตฺติสมติกฺกมาวสาเนติ เกสาทิปณฺณตฺติสมติกฺกมวเสน ปวตฺตาย ภาวนาย อวสาเน. อปุพฺพาปริยมิวาติ เอกชฺฌมิว. เกสาติ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เอวมาทินา อิมินา ปกาเรน วาติ อตฺโถ. เต ธมฺมาติ วณฺณาทิวเสน ววตฺถาปิตา ปฏิกฺกูลาการโต อุปฏฺิตา โกฏฺาสธมฺมา.
พหิทฺธาปีติ สสนฺตานโต พหิปิ, ปรสนฺตานกาเยปีติ อตฺโถ. มนสิการํ อุปสํหรตีติ ยถาวุตฺตํ ปฏิกฺกูลมนสิการํ อุปเนติ. ยถา อิทํ, ตถา เอตนฺติ. เอวํ สพฺพโกฏฺาเสสุ ปากฏีภูเตสูติ ยถา อตฺตโน กาเย, เอวํ ปเรสมฺปิ กาเย สพฺเพสุ เกสาทิโกฏฺาเสสุ ปฏิกฺกูลวเสน วิภูตภาเวน อุปฏฺิเตสูติ อตฺโถ. อยเมตฺถ กสิเณสุ วฑฺฒนสทิโส โยคิโน ภาวนาวิเสโส ทสฺสิโต.
อนุปุพฺพมฺุจนาทีติ ¶ อาทิ-สทฺเทน สุตฺตนฺตนเยน วิภาวิตํ วีริยสมตาโยชนํ สงฺคณฺหาติ. ปุนปฺปุนํ มนสิ กโรโตติ วุตฺตนเยน อตฺตโน ¶ กาเย เกสาทิเก ‘‘ปฏิกฺกูลา ปฏิกฺกูลา’’ติ อภิณฺหโส มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส ยทา สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ลทฺธสมถานิ วิสทานิ ปวตฺตนฺติ, ตทา อสฺสทฺธิยาทีนํ ทูรีภาเวน สาติสยํ พลปฺปตฺเตหิ สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ ลทฺธูปตฺถมฺภานิ วิตกฺกาทีนิ ฌานงฺคานิ ปฏุตรานิ หุตฺวา ปาตุภวนฺติ. เตสํ อุชุวิปจฺจนีกตาย นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตาเนว โหนฺติ สทฺธึ ตเทกฏฺเหิ ปาปธมฺเมหิ. อุปจารสมาธินา จิตฺตํ สมาธิยติ, โส ตํเยว นิมิตฺตํ อาเสวนฺโต ภาเวนฺโต พหุลีกโรนฺโต อปฺปนํ ปาปุณาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุกฺกเมน อปฺปนา อุปฺปชฺชตี’’ติ. สพฺพาการโตติ วณฺณาทิวเสน ปฺจธาปิ. สาติ อปฺปนา.
ยทิ ปเนตํ กมฺมฏฺานํ อวิฺาณกาสุภกมฺมฏฺานานิ วิย ปมชฺฌานวเสน สิชฺฌติ, อถ กสฺมา ‘‘กายคตาสตี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ ปมชฺฌานวเสนา’’ติอาทิ. นานาวณฺณสณฺานาทีสุ ทฺวตฺตึสาย โกฏฺาเสสุ ปวตฺตมานาย สติยา กิจฺจเมตฺถ สาติสยนฺติ อาห ‘‘สติพเลน อิชฺฌนโต’’ติ.
ปนฺตเสนาสเนสุ, อธิกุสเลสุ จ อรตึ, กามคุเณสุ จ รตึ สหติ อภิภวตีติ อรติรติสโห สรีรสภาวจินฺตเนน อนภิรติยา ปหีนตฺตา. ตถา โกฏฺาสภาวนาย อตฺตสิเนหสฺส ปริกฺขีณตฺตา ภยเภรวํ สหติ, สีตาทีนฺจ อธิวาสกชาติโก โหติ. อตฺตสิเนหวเสน หิ ปุริสสฺส ภยเภรวํ โหติ, ทุกฺขสฺส จ อนธิวาสนํ. อิมํ ปน โกฏฺาสภาวนมนุยุตฺตสฺส น เกวลํ ปมชฺฌานมตฺตเมว, อุตฺตริปิ ปฏิเวโธ อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกสาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
อานาปานสฺสติกถาวณฺณนา
๒๑๕. ยํ ตํ เอวํ ปสํสิตฺวา อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ นิทฺทิฏฺนฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ยสฺมา ‘‘กถํ ภาวิโต’’ติอาทิกาย ปุจฺฉาปาฬิยา อตฺเถ วิภาวิเต โถมนาปาฬิยาปิ อตฺโถ วิภาวิโตเยว โหติ เภทาภาวโต, ตสฺมา ตํ ลงฺฆิตฺวา ‘‘กถํ ภาวิโต จา’’ติอาทินา อารภติ. ตตฺถ หิ อิโต ปสํสาภาโว ‘‘อยมฺปิ โข’’ติ วจนฺจ วิเสโส. เตสุ ปสํสาภาวํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ปสํสิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ปสํสา จ ตตฺถ อภิรุจิชนเนน อุสฺสาหนตฺถา. ตฺหิ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘ภควา อิมํ สมาธึ อเนเกหิ อากาเรหิ ปสํสติ, สนฺโต ¶ กิรายํ สมาธิ ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร ปาปธมฺเม จ านโส อนฺตรธาเปตี’’ติ สฺชาตาภิรุจโย อุสฺสาหชาตา สกฺกจฺจํ อนุยฺุชิตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ มฺนฺติ. ‘‘อยมฺปิ โข’’ติ ปทสฺส เย อิเม มยา นิพฺพานมหาสรสฺส โอตรณติตฺถภูตา กสิณชฺฌานอสุภชฺฌานาทโย เทสิตา, น เกวลํ เต เอว, อยมฺปิ โขติ ภควา อตฺตโน ปจฺจกฺขภูตํ สมาธึ เทสนานุภาเวน เตสมฺปิ ภิกฺขูนํ อาสนฺนํ, ปจฺจกฺขฺจ กโรนฺโต สมฺปิณฺฑนวเสน เอวมาหาติ สมฺพนฺธมุเขน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
โสฬสวตฺถุกนฺติ จตูสุ อนุปสฺสนาสุ จตุนฺนํ จตุกฺกานํ วเสน โสฬสฏฺานํ. สพฺพาการปริปูโรติ กมฺมฏฺานปาฬิยา ปทตฺโถ ปิณฺฑตฺโถ อุปมา โจทนา ปริหาโร ปโยชนนฺติ เอวมาทีหิ สพฺเพหิ อากาเรหิ ปริปุณฺโณ. นิทฺเทโสติ กมฺมฏฺานสฺส นิสฺเสสโต วิตฺถาโร.
๒๑๖. กถนฺติ อิทํ ปุจฺฉนาการวิภาวนปทํ. ปุจฺฉา เจตฺถ กเถตุกมฺยตาวเสน อฺาสํ อสมฺภวโต. สา จ อุปริ เทสนํ อารุฬฺหานํ สพฺเพสํ ปการวิเสสานํ อามสนวเสนาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กถนฺติ…เป… กมฺยตาปุจฺฉา’’ติ อาห. กถํ พหุลีกโตติ เอตฺถาปิ ‘‘อานาปานสฺสติสมาธี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตตฺถ กถนฺติ อานาปานสฺสติสมาธิพหุลีการํ นานปฺปการโต วิตฺถาเรตุกมฺยตาปุจฺฉา. พหุลีกโต อานาปานสฺสติสมาธีติ ตถาปุฏฺธมฺมนิทสฺสนนฺติ อิมมตฺถํ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติ. ตถา สนฺตภาวาทโยปิ ตสฺส เยหิ ภาวนาพหุลีกาเรหิ สิทฺธา, ตคฺคหเณเนว คหิตา โหนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘กถํ พหุลีกโต…เป… วูปสเมตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ.
‘‘ปุน จ ปรํ, อุทายิ, อกฺขาตา มยา สาวกานํ ปฏิปทา, ยถาปฏิปนฺนา เม สาวกา จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๔๗) อุปฺปาทนวฑฺฒนฏฺเน ภาวนา วุจฺจตีติ ตทุภยวเสน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภาวิโตติ อุปฺปาทิโต วฑฺฒิโต วา’’ติ อาห. ตตฺถ ภาวํ วิชฺชมานตํ อิโต คโตติ ภาวิโต, อุปฺปาทิโต ปฏิลทฺธมตฺโตติ อตฺโถ. อุปฺปนฺโน ปน ลทฺธาเสวโน, ภาวิโต ปคุณภาวํ อาปาทิโต, วฑฺฒิโตติ อตฺโถ ¶ . อานาปานปริคฺคาหิกายาติ ทีฆรสฺสาทิวิเสเสหิ สทฺธึ อสฺสาสปสฺสาเส ปริจฺฉิชฺชคาหิกาย, เต อารพฺภ ปวตฺตาย, สติยํ ¶ ปจฺจยภูตายนฺติ อตฺโถ. ปุริมสฺมิฺหิ อตฺเถ สมาธิสฺส สติยา สหชาตาทิปจฺจยภาโว วุตฺโต สมฺปยุตฺตวจนโต, ทุติยสฺมึ ปน อุปนิสฺสยภาโวปิ. อุปจารชฺฌานสหคตา หิ สติ อปฺปนาสมาธิสฺส อุปนิสฺสโย โหตีติ. พหุลีกโตติ พหุลํ ปวตฺติโต, เตน อาวชฺชนาทิวสีภาวปฺปตฺติมาห. โย หิ วสีภาวํ อาปาทิโต, โส อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตพฺพโต ปุนปฺปุนํ ปวตฺตียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ กโต’’ติ. ยถา ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑), ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) จ เอวมาทีสุ ปมปเท วุตฺโต เอว-สทฺโท ทุติยาทีสุปิ วุตฺโต เอว โหติ, เอวมิธาปีติ อาห ‘‘อุภยตฺถ เอวสทฺเทน นิยโม เวทิตพฺโพ’’ติ. อุภยปทนิยเมน ลทฺธคุณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อสุภกมฺมฏฺานนฺติ อสุภารมฺมณฌานมาห. ตํ หิ อสุเภสุ โยคกมฺมภาวโต, โยคิโน สุขวิเสสานํ การณภาวโต จ ‘‘อสุภกมฺมฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘เกวล’’นฺติ อิมินา อารมฺมณํ นิวตฺเตติ. ปฏิเวธวเสนาติ ฌานปฏิเวธวเสน. ฌานฺหิ ภาวนาวิเสเสน อิชฺฌนฺตํ อตฺตโน วิสยํ ปฏิวิชฺฌนฺตเมว ปวตฺตติ, ยถาสภาวโต ปฏิวิชฺฌียติ จาติ ‘‘ปฏิเวโธ’’ติ วุจฺจติ. โอฬาริการมฺมณตฺตาติ พีภจฺฉารมฺมณตฺตา. ปฏิกฺกูลารมฺมณตฺตาติ ชิคุจฺฉิตพฺพารมฺมณตฺตา. ปริยาเยนาติ การเณน, เลสนฺตเรน วา. อารมฺมณสนฺตตายาติ อนุกฺกเมน วิเจตพฺพตํ ปตฺตํ อารมฺมณสฺส ปรมสุขุมตํ สนฺธายาห. สนฺเต หิ สนฺนิสินฺเน อารมฺมเณ ปวตฺตมาโน ธมฺโม สยมฺปิ สนฺนิสินฺโนว โหติ. เตนาห ‘‘สนฺโต วูปสนฺโต นิพฺพุโต’’ติ, นิพฺพุตสพฺพปริฬาโหติ อตฺโถ. อารมฺมณสนฺตตาย ตทารมฺมณธมฺมานํ สนฺตตา โลกุตฺตรธมฺมารมฺมณาหิ ปจฺจเวกฺขณาหิ ทีเปตพฺพา.
นาสฺส สนฺตปณีตภาวาวหํ กิฺจิ เสจนนฺติ อเสจนโก. อเสจนกตฺตา อนาสิตฺตโก. อนาสิตฺตกตฺตา เอว อพฺโพกิณฺโณ อสมฺมิสฺโส ปริกมฺมาทินา. ตโต เอว ปาฏิเยกฺโก วิสุํเยเวโก. อาเวณิโก อสาธารโณ. สพฺพเมตํ สรสโต เอว สนฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ¶ วุตฺตํ. ปริกมฺมํ วา สนฺตภาวนิมิตฺตํ, ปริกมฺมนฺติ จ กสิณกรณาทีนิ นิมิตฺตุปฺปาทปริโยสานํ, ตาทิสํ อิธ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ตทา หิ กมฺมฏฺานํ นิรสฺสาทตฺตา อสนฺตมปฺปณีตํ สิยา. อุปจาเรน วา นตฺถิ เอตฺถ สนฺตตาติ โยชนา. ยถา อุปจารกฺขเณ นีวรณวิคเมน, องฺคปาตุภาเวน ¶ จ ปเรสํ สนฺตตา โหติ, น เอวมิมสฺส. อยํ ปน อาทิสมนฺนา…เป… ปณีโต จาติ โยชนา. เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิเก สนฺธายาห. อนาสิตฺตโกติ อุปเสจเนน น อาสิตฺตโก. เตนาห ‘‘โอชวนฺโต’’ติ, โอชวนฺตสทิโสติ อตฺโถ. มธูโรติ อิฏฺโ, เจตสิกสุขปฏิลาภสํวตฺตนํ ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน, อุเปกฺขาย วา สนฺตภาเวน สุขคติกตฺตา สพฺเพสมฺปิ วเสน เวทิตพฺพํ. ฌานสมุฏฺานปณีตรูปผุฏฺสรีรตาวเสน ปน กายิกสุขปฏิลาภสํวตฺตนํ ทฏฺพฺพํ, ตฺจ โข ฌานโต วุฏฺิตกาเล. อิมสฺมึ ปกฺเข ‘‘อปฺปิตปฺปิตกฺขเณ’’ติ อิทํ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํ ทฏฺพฺพํ. อวิกฺขมฺภิเตติ ฌาเนน สกสนฺตานโต อนีหเฏ อปฺปหีเน. อโกสลฺลสมฺภูเตติ อโกสลฺลํ วุจฺจติ อวิชฺชา, ตโต สมฺภูเต. อวิชฺชาปุพฺพงฺคมา หิ สพฺเพ ปาปธมฺมา. ขเณเนวาติ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณเนว. อนฺตรธาเปตีติ เอตฺถ อนฺตรธาปนํ วินาสนํ, ตํ ปน ฌานกตฺตุกสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา ปริยุฏฺานปฺปหานํ โหตีติ อาห ‘‘วิกฺขมฺเภตี’’ติ. วูปสเมตีติ วิเสเสน อุปสเมติ. วิเสเสน อุปสมนํ ปน สมฺมเทว อุปสมนํ โหตีติ อาห ‘‘สุฏฺุ อุปสเมตี’’ติ.
นนุ จ อฺโปิ สมาธิ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณเนว ปฏิปกฺขธมฺเม อนฺตรธาเปติ วูปสเมติ, อถ กสฺมา อยเมว สมาธิ เอวํ วิเสเสตฺวา วุตฺโตติ? ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย นานาวิตกฺกวูปสมสพฺภาวโต. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อานาปานสฺสติ ภาเวตพฺพา วิตกฺกุปจฺเฉทายา’’ติ (อ. นิ. ๙.๑; อุทา. ๓๑). อปิจ ติกฺขปฺสฺส าณุตฺตรสฺเสตํ กมฺมฏฺานํ, าณุตฺตรสฺส จ กิเลสปฺปหานํ อิตเรหิ สาติสยํ, ยถา สทฺธาธิมุตฺเตหิ ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส. ตสฺมา อิมํ วิเสสํ สนฺธาย ‘‘านโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมตี’’ติ วุตฺตํ. อถ วา นิมิตฺตปาตุภาเว สติ ขเณเนว องฺคปาตุภาวสพฺภาวโต อยเมว สมาธิ ‘‘านโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมตี’’ติ วุตฺโต. ยถา ตํ มหโต อกาลเมฆสฺส อุฏฺิตสฺส ธารานิปาเต ขเณเนว ปถวิยํ ¶ รโชชลฺลสฺส วูปสโม. เตนาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาอกาลเมโฆ อุฏฺิโต’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๙๘๕; ปารา. ๑๖๕). สาสนิกสฺส ฌานภาวนา เยภุยฺเยน นิพฺเพธภาคิยาว โหตีติ อาห ‘‘นิพฺเพธภาคิยตฺตา’’ติ. พุทฺธานํ ปน เอกํเสน นิพฺเพธภาคิยาว โหติ. อิมเมว หิ กมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา สพฺเพปิ สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ. อริยมคฺคสฺส ปาทกภูโต อยํ สมาธิ อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อริยมคฺคภาวํ อุปคโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อนุปุพฺเพน อริยมคฺควุทฺธิปฺปตฺโต’’ติ.
อยํ ¶ ปนตฺโถ วิราคนิโรธปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนานํ วเสน สมฺมเทว ยุชฺชติ. เหฏฺา ปปฺจวเสน วุตฺตมตฺถํ สุขคฺคหณตฺถํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ’’ติ อาห, ปิณฺฑตฺโถติ วุตฺตํ โหติ.
๒๑๗. ตมตฺถนฺติ ตํ ‘‘กถํ ภาวิโต’’ติอาทินา ปุจฺฉาวเสน สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ. ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๙๐; ม. นิ. ๑.๒๙๑; อ. นิ. ๓.๖๑) อิธ-สทฺโท โลกํ อุปาทาย วุตฺโต, ‘‘อิเธว ติฏฺมานสฺสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๖๙) โอกาสํ, ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) ปทปูรณมตฺตํ, ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๗๓) ปน สาสนํ, ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติ อิธาปิ สาสนเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขเว, อิมสฺมึ สาสเน ภิกฺขู’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพปฺปการอานาปานสฺสติสมาธินิพฺพตฺตกสฺสาติ สพฺพปฺปการคฺคหณํ โสฬส ปกาเร สนฺธาย. เต หิ อิมสฺมึเยว สาสเน. พาหิรกา หิ ชานนฺตา อาทิโต จตุปฺปการเมว ชานนฺติ. เตนาห ‘‘อฺสาสนสฺส ตถาภาวปฏิเสธโน’’ติ, ยถาวุตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส นิสฺสยภาวปฏิเสธโนติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘อิธ ภิกฺขเว’’ติ อิทํ อนฺโตคเธวสทฺทนฺติ ทสฺเสติ. สนฺติ หิ เอกปทานิปิ สาวธารณานิ ยถา ‘‘วายุภกฺโข’’ติ. เตเนวาห ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ’’ติอาทิ. ปริปุณฺณสมณกรณธมฺโม หิ โส, โย สพฺพปฺปการอานาปานสฺสติสมาธินิพฺพตฺตโก. ปรปฺปวาทาติ ปเรสํ อฺติตฺถิยานํ นานปฺปการา วาทา ติตฺถายตนานิ.
อรฺาทิกสฺเสว ¶ ภาวนานุรูปเสนาสนตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทุทฺทโม ทมถํ อนุปคโต โคโณ กูฏโคโณ. ยถา ถเนหิ สพฺพโส ขีรํ น ปคฺฆรติ, เอวํ โทหปฏิพนฺธินี กูฏเธนุ. รูปสทฺทาทิเก ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนโก อสฺสาโท รูปารมฺมณาทิรโส. ปุพฺเพ อาจิณฺณารมฺมณนฺติ ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ, อนาทิมติ วา สํสาเร ปริจิตารมฺมณํ.
นิพนฺเธยฺยาติ พนฺเธยฺย. สติยาติ สมฺมเทว กมฺมฏฺานสลฺลกฺขณสมฺปวตฺตาย สติยา. อารมฺมเณติ กมฺมฏฺานารมฺมเณ. ทฬฺหนฺติ ถิรํ, ยถา สโตการิสฺส อุปจารปฺปนาเภโท สมาธิ อิชฺฌติ, ตถา ถามคตํ กตฺวาติ อตฺโถ.
วิเสสาธิคมทิฏฺธมฺมสุขวิหารปทฏฺานนฺติ ¶ สพฺเพสํ พุทฺธานํ, เอกจฺจานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ, พุทฺธสาวกานฺจ วิเสสาธิคมสฺส เจว อฺกมฺมฏฺาเนน อธิคตวิเสสานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสฺส จ ปทฏฺานภูตํ.
วตฺถุวิชฺชาจริโย วิย ภควา โยคีนํ อนุรูปนิวาสฏฺานุปทิสนโต.
ภิกฺขุ ทีปิสทิโส อรฺเ เอกิโก วิหริตฺวา ปฏิปกฺขนิมฺมถเนน อิจฺฉิตตฺถสาธนโต. ผลมุตฺตมนฺติ สามฺผลมาห. ปรกฺกมชวโยคฺคภูมินฺติ ภาวนุสฺสาหชวสฺส โยคฺคกรณภูมิภูตํ.
๒๑๘. เอวํ วุตฺตลกฺขเณสูติ อภิธมฺมปริยาเยน (วิภ. ๕๓๐), สุตฺตนฺตปริยาเยน จ วุตฺตลกฺขเณสุ. รุกฺขสมีปนฺติ ‘‘ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล สมนฺตา ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูลนฺติ วุจฺจตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ รุกฺขสฺส สมีปฏฺานํ. อวเสสสตฺตวิธเสนาสนนฺติ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อพฺโภกาสํ ปลาลปฺุชนฺติ เอวํ วุตฺตํ.
อุตุตฺตยานุกูลํ ธาตุจริยานุกูลนฺติ คิมฺหาทิอุตุตฺตยสฺส, เสมฺหาทิธาตุตฺตยสฺส, โมหาทิจริยตฺตยสฺส จ อนุกูลํ. ตถา หิ คิมฺหกาเล จ อรฺํ อนุกูลํ, เหมนฺเต รุกฺขมูลํ, วสฺสกาเล สฺุาคารํ, เสมฺหธาตุกสฺส เสมฺหปกติกสฺส อรฺํ, ปิตฺตธาตุกสฺส รุกฺขมูลํ ¶ , วาตธาตุกสฺส สฺุาคารํ อนุกูลํ, โมหจริตสฺส อรฺํ, โทสจริตสฺส รุกฺขมูลํ, ราคจริตสฺส สฺุาคารํ อนุกูลํ. อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิกนฺติ อสงฺโกจาวิกฺเขปปกฺขิกํ. สยนฺหิ โกสชฺชปกฺขิกํ, านจงฺกมนานิ อุทฺธจฺจปกฺขิกานิ, น เอวํ นิสชฺชา. ตโต เอวสฺส สนฺตตา. นิสชฺชาย ทฬฺหภาวํ ปลฺลงฺกาภุชเนน, อสฺสาสปสฺสาสานํ ปวตฺตนสุขตํ อุปริมกายสฺส อุชุกฏฺปเนน, อารมฺมณปริคฺคหูปายํ ปริมุขํ สติยา ปเนน ทสฺเสนฺโต. อูรุพทฺธาสนนฺติ อูรูนมโธพนฺธนวเสน นิสชฺชา. เหฏฺิมกายสฺส อนุชุกํ ปนํ นิสชฺชา-วจเนเนว โพธิตนฺติ ‘‘อุชุํ กาย’’นฺติ เอตฺถ กาย-สทฺโท อุปริมกายวิสโยติ อาห ‘‘อุปริมสรีรํ อุชุกํ เปตฺวา’’ติ. ตํ ปน อุชุกฏฺปนํ สรูปโต, ปโยชนโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺารสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น ปณมนฺตีติ น โอนมนฺติ. น ปริปตตีติ ¶ น วิคจฺฉติ วีถึ น วิลงฺฆติ, ตโต เอว ปุพฺเพนาปรํ วิเสสุปฺปตฺติยา วุทฺธึ ผาตึ อุปคจฺฉติ. อิธ ปริ-สทฺโท อภิ-สทฺเทน สมานตฺโถติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานาภิมุข’’นฺติ, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺานํเยว ปุรกฺขิตฺวาติ อตฺโถ. ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖) วิย. นิยฺยานฏฺโ ปฏิปกฺขโต นิคฺคมนฏฺโ. ตสฺมา ปริคฺคหิตนิยฺยานนฺติ สพฺพถา คหิตาสมฺโมสํ ปริจฺจตฺตสมฺโมสํ สตึ กตฺวา, ปรมํ สติเนปกฺกํ อุปฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ.
๒๑๙. สโตวาติ สติยา สมนฺนาคโต เอว สรนฺโต เอว อสฺสสติ นาสฺส กาจิ สติวิรหิตา อสฺสาสปฺปวตฺติ โหตีติ อตฺโถ. สโต ปสฺสสตีติ เอตฺถาปิ สโตว ปสฺสสตีติ เอว-สทฺโท อาเนตฺวา วตฺตพฺโพ. สโตการีติ สโต เอว หุตฺวา, สติยา เอว วา กาตพฺพสฺส กตฺตา, กรณสีโล วา. ยทิ ‘‘สโตว อสฺสสติ สโต ปสฺสสตี’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค (ม. นิ. ๓.๑๔๘; สํ. นิ. ๕.๙๘๖; ปารา. ๑๖๕) วุตฺตํ, อถ กสฺมา ‘‘อสฺสสติ ปสฺสสติ’’จฺเจว อวตฺวา ‘‘สโตการี’’ติ วุตฺตํ? เอกรสํ เทสนํ กาตุกามตาย. ปมจตุกฺเก ปททฺวยเมว หิ วตฺตมานกาลวเสน อาคตํ, อิตรานิ อนาคตกาลวเสน. ตสฺมา เอกรสํ เทสนํ กาตุกามตาย สพฺพตฺถ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๕ อาทโย) ‘‘สโตการิ’’จฺเจว วุตฺตํ.
ทีฆํ ¶ อสฺสาสวเสนาติ ทีฆอสฺสาสวเสน วิภตฺติอโลปํ กตฺวา นิทฺเทโส. ทีฆนฺติ วา ภควตา วุตฺตอสฺสาสวเสน. จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิกฺเขปนฺติ วิกฺเขปสฺส ปฏิปกฺขภาวโต ‘‘อวิกฺเขโป’’ติ ลทฺธนามจิตฺตสฺส เอกคฺคภาวํ ปชานโต. สติ อุปฏฺิตา โหตีติ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ิตา โหติ. ตาย สติยา เตน าเณนาติ ยถาวุตฺตาย สติยา, ยถาวุตฺเตน จ าเณน. อิทํ วุตฺต โหติ – ทีฆํ อสฺสาสํ อารมฺมณภูตํ อวิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส, อสมฺโมหโต วา ปชานนฺตสฺส ตตฺถ สติ อุปฏฺิตา เอว โหติ, ตํ สมฺปชานนฺตสฺส อารมฺมณกรณวเสน, อสมฺโมหวเสน วา สมฺปชฺํ, ตทธีนสติสมฺปชฺเน ตํสมงฺคี โยคาวจโร สโตการี นาม โหตีติ. ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี อสฺสาสวเสนาติ ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี หุตฺวา อสฺสสนสฺส วเสน. ‘‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสีอสฺสาสวเสนา’’ติ วา ปาโ. ตสฺส ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิโน อสฺสาสา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสีอสฺสาสา, เตสํ วเสนาติ อตฺโถ. วินยนเยน อนฺโต อุฏฺิตสสนํ อสฺสาโส, พหิ อุฏฺิตสสนํ ปสฺสาโส. สุตฺตนฺตนเยน ปน พหิ อุฏฺหิตฺวาปิ อนฺโต สสนโต อสฺสาโส, อนฺโต อุฏฺหิตฺวาปิ พหิ สสนโต ปสฺสาโส. อยเมว จ นโย –
‘‘อสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานํ ¶ สติยา อนุคจฺฉโต อชฺฌตฺตํ วิกฺเขปคเตน จิตฺเตน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ สารทฺธา จ โหนฺติ อิฺชิตา จ ผนฺทิตา จา’’ติ, ‘‘ปสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานํ สติยา อนุคจฺฉโต พหิทฺธา วิกฺเขปคเตน จิตฺเตน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ สารทฺธา จ โหนฺติ อิฺชิตา จ ผนฺทิตา จา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๕๗) –
อิมาย ปาฬิยา สเมติ.
ปมํ อพฺภนฺตรวาโต พหิ นิกฺขมติ, ตสฺมา ปวตฺติกฺกเมน อสฺสาโส ปมํ วุตฺโตติ วทนฺติ. ตาลุํ อาหจฺจ นิพฺพายตีติ ตาลุํ อาหจฺจ นิรุชฺฌติ. เตน กิร สมฺปติชาโต พาลทารโก ขิปิตํ กโรติ. เอวํ ตาวาติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส นิคมนํ. เกจิ ‘‘เอวํ ตาวาติ อเนน ปวตฺติกฺกเมน อสฺสาโส พหินิกฺขมนวาโตติ คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย’’ติ วทนฺติ.
อทฺธานวเสนาติ ¶ กาลทฺธานวเสน. อยํ หิ อทฺธาน-สทฺโท กาลสฺส, เทสสฺส จ วาจโก. ตตฺถ เทสทฺธานํ อุทาหรณภาเวน ทสฺเสตฺวา กาลทฺธานวเสน อสฺสาสปสฺสาสานํ ทีฆรสฺสตํ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โอกาสทฺธานนฺติ โอกาสภูตํ อทฺธานํ. ผริตฺวาติ พฺยาเปตฺวา. จุณฺณวิจุณฺณาปิ อเนกกลาปภาเวน. ทีฆํ อทฺธานนฺติ ทีฆํ ปเทสํ. ตสฺมาติ สณิกํ ปวตฺติยา ทีฆสนฺตานตาย ‘‘ทีฆา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอตฺถ จ หตฺถิอาทิสรีเร, สุนขาทิสรีเร จ อสฺสาสปสฺสาสานํ เทสทฺธานวิสิฏฺเน กาลทฺธานวเสเนว ทีฆรสฺสตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘สณิกํ ปูเรตฺวา สณิกเมว นิกฺขมนฺติ’’, ‘‘สีฆํ ปูเรตฺวา สีฆเมว นิกฺขมนฺตี’’ติ จ วจนโต. มนุสฺเสสูติ สมานปฺปมาเณสุปิ มนุสฺสสรีเรสุ. ทีฆํ อสฺสสนฺตีติ ทีฆํ อสฺสาสปฺปพนฺธํ ปวตฺเตนฺตีติ อตฺโถ. ปสฺสสนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สุนขสสาทโย วิย รสฺสํ อสฺสสนฺติ จ ปสฺสสนฺติ จาติ โยชนา. อิทํ ปน ทีฆํ, รสฺสฺจ อสฺสสนํ, ปสฺสสนฺจ เตสํ สตฺตานํ สรีรสภาโวติ ทฏฺพฺพํ. เตสนฺติ สตฺตานํ. เตติ อสฺสาสปสฺสาสา. อิตฺตรมทฺธานนฺติ อปฺปกํ กาลํ.
นวหากาเรหีติ ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส ปุพฺเพนาปรํ อลทฺธวิเสสสฺส เกวลํ อทฺธานวเสน อาทิโต ¶ วุตฺตา ตโย อาการา, เต จ โข เอกจฺโจ อสฺสาสํ สุฏฺุ สลฺลกฺเขติ, เอกจฺโจ ปสฺสาสํ, เอกจฺโจ ตทุภยนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ วเสน. เกจิ ปน ‘‘อสฺสสติปิ ปสฺสสติปีติ เอกชฺฌํ วจนํ ภาวนาย นิรนฺตรํ ปวตฺติทสฺสนตฺถ’’นฺติ วทนฺติ. ฉนฺทวเสน ปุพฺเพ วิย ตโย, ตถา ปาโมชฺชวเสนาติ อิเมหิ นวหากาเรหิ.
กามํ เจตฺถ เอกสฺส ปุคฺคลสฺส ตโย เอว อาการา ลพฺภนฺติ, ตนฺติวเสน ปน สพฺเพสํ ปาฬิอารุฬฺหตฺตา, เตสํ วเสน ปริกมฺมสฺส กาตพฺพตฺตา จ ‘‘ตตฺรายํ ภิกฺขุ นวหากาเรหี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ปชานโตติ เอวํ ยถาวุตฺเตหิ อากาเรหิ อสฺสาสปสฺสาเส ปชานโต, ตตฺถ มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส. เอเกนากาเรนาติ ทีฆํ อสฺสาสาทีสุ จตูสุ อากาเรสุ เอเกน อากาเรน, นวสุ ตีสุ วา เอเกน. ตถา หิ วกฺขติ –
‘‘ทีโฆ รสฺโส จ อสฺสาโส, ปสฺสาโสปิ จ ตาทิโส;
จตฺตาโร วณฺณา วตฺตนฺติ, นาสิกคฺเค ว ภิกฺขุโน’’ติ.
อยํ ¶ ภาวนา อสฺสาสปสฺสาสกายานุปสฺสนาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘กายานุปสฺสนาสติปฏฺานภาวนา สมฺปชฺชตี’’ติ.
อิทานิ ปาฬิวเสเนว เต นว อากาเร, ภาวนาวิธิฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ กถํ ปชานาตีติ ปชานนวิธึ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉติ. ทีฆํ อสฺสาสนฺติ วุตฺตลกฺขณํ ทีฆํ อสฺสาสํ. อทฺธานสงฺขาเตติ ‘‘อทฺธาน’’นฺติ สงฺขํ คเต ทีเฆ กาเล, ทีฆํ ขณนฺติ อตฺโถ. โกฏฺาสปริยาโย วา สงฺขาต-สทฺโท ‘‘เถยฺยสงฺขาต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๙๑) วิย, ตสฺมา อทฺธานสงฺขาเตติ อทฺธานโกฏฺาเส, เทสภาเคติ อตฺโถ. ฉนฺโท อุปฺปชฺชตีติ ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสํ อาวหนฺติยา ลทฺธสฺสาทตฺตา ตตฺถ สาติสโย กตฺตุกามตาลกฺขโณ กุสลจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชติ. ฉนฺทวเสนาติ ตถาปวตฺตฉนฺทสฺส วเสน สวิเสสํ ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ วุทฺธึ ผาตึ คเมนฺตสฺส. ตโต สุขุมตรนฺติ ยถาวุตฺตฉนฺทปฺปวตฺติยา ปุริมโต สุขุมตรํ. ภาวนาพเลน หิ ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถปริฬาหตาย กายสฺส อสฺสาสปสฺสาสา สุขุมตรา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ. ปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชตีติ อสฺสาสปสฺสาสานํ สุขุมตรภาเวน อารมฺมณสฺส สนฺตตรตาย, กมฺมฏฺานสฺส จ วีถิปฏิปนฺนตาย ภาวนาจิตฺตสหคโต ปโมโท ขุทฺทิกาทิเภทา ¶ ตรุณปีติ อุปฺปชฺชติ. จิตฺตํ วิวตฺตตีติ อนุกฺกเมน อสฺสาสปสฺสาสานํ อติวิย สุขุมตรภาวปฺปตฺติยา อนุปฏฺหเน วิเจตพฺพาการปฺปตฺเตหิ จิตฺตํ วินิวตฺตตีติ เกจิ. ภาวนาพเลน ปน สุขุมตรภาวปฺปตฺเตสุ อสฺสาสปสฺสาเสสุ ตตฺถ ปฏิภาคนิมิตฺเต อุปฺปนฺเน ปกติอสฺสาสปสฺสาสโต จิตฺตํ นิวตฺตติ. อุเปกฺขา สณฺาตีติ ตสฺมึ ปฏิภาคนิมิตฺเต อุปจารปฺปนาเภเท สมาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน ปุน ฌานนิพฺพตฺตนตฺถํ พฺยาปาราภาวโต อชฺฌุเปกฺขนํ โหตีติ. สา ปนายํ อุเปกฺขา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาติ เวทิตพฺพา.
อิเมหิ นวหิ อากาเรหีติ อิเมหิ ยถาวุตฺเตหิ นวหิ ปกาเรหิ ปวตฺตา. ทีฆํ อสฺสาสปสฺสาสา กาโยติ ทีฆาการา อสฺสาสปสฺสาสา จุณฺณวิจุณฺณาปิ สมูหฏฺเน กาโย. อสฺสาสปสฺสาเส นิสฺสาย อุปฺปนฺนนิมิตฺตมฺเปตฺถ อสฺสาสปสฺสาสสมฺเมว วุตฺตํ. อุปฏฺานํ สตีติ อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา ติฏฺตีติ สติ อุปฏฺานํ นาม. อนุปสฺสนา ¶ าณนฺติ สมถวเสน นิมิตฺตสฺส อนุปสฺสนา, วิปสฺสนาวเสน อสฺสาสปสฺสาเส, ตนฺนิสฺสยฺจ กายํ ‘‘รูป’’นฺติ, จิตฺตํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺเม จ ‘‘อรูป’’นฺติ ววตฺถเปตฺวา นามรูปสฺส อนุปสฺสนา จ าณํ, ตตฺถ ยถาภูตาวโพโธ. กาโย อุปฏฺานนฺติ โส กาโย อารมฺมณกรณวเสน อุปคนฺตฺวา สติ เอตฺถ ติฏฺตีติ อุปฏฺานํ นาม. เอตฺถ จ ‘‘กาโย อุปฏฺาน’’นฺติ อิมินา อิตรกายสฺสาปิ สงฺคโห โหติ ยถาวุตฺตสมฺมสนจารสฺสาปิ อิธ อิจฺฉิตตฺตา. โน สตีติ โส กาโย สติ นาม น โหติ. สติ อุปฏฺานฺเจว สติ จ สรณฏฺเน, อุปติฏฺนฏฺเน จ. ตาย สติยาติ ยถาวุตฺตาย สติยา. เตน าเณนาติ ยถาวุตฺเตเนว าเณน. ตํ กายนฺติ ตํ อสฺสาสปสฺสาสกายฺเจว ตนฺนิสฺสยรูปกายฺจ. อนุปสฺสตีติ ฌานสมฺปยุตฺตาเณน เจว วิปสฺสนาาเณน จ อนุ อนุ ปสฺสติ. เตน วุจฺจติ กาเย กายานุปสฺสนาสติปฏฺานภาวนาติ เตน อนุปสฺสเนน ยถาวุตฺเต กาเย อยํ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานภาวนาติ วุจฺจติ.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา อยํ ยถาวุตฺเต อสฺสาสปสฺสาสกาเย, ตสฺส นิสฺสยภูเต กรชกาเย จ กายสฺเสว อนุปสฺสนา อนุทกภูตาย มรีจิยา อุทกานุปสฺสนา วิย น อนิจฺจาทิสภาเว กาเย นิจฺจาทิภาวานุปสฺสนา, อถ โข ยถารหํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตาสุภภาวสฺเสวานุปสฺสนา. อถ วา กาเย ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา ‘‘อิตฺถี’’ติ วา ‘‘ปุริโส’’ติ วา คเหตพฺพสฺส กสฺสจิ อภาวโต ตาทิสํ อนนุปสฺสิตฺวา กายมตฺตสฺเสว อนุปสฺสนา ¶ กายานุปสฺสนา, ตาย กายานุปสฺสนาย สมฺปยุตฺตา สติเยว อุปฏฺานํ สติปฏฺานํ, ตสฺส ภาวนา วฑฺฒนา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานภาวนาติ.
เอส นโยติ ‘‘นวหิ อากาเรหี’’ติอาทินา วุตฺตวิธึ รสฺส-ปเท อติทิสติ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ยถาทสฺสิเต ‘‘กถํ ทีฆํ อสฺสสนฺโต’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๔๘; สํ. นิ. ๕.๙๘๖; ปารา. ๑๖๕) อาคเต ปาฬินเย. อิธาติ อิมสฺมึ รสฺสปทวเสน อาคเต ปาฬินเย.
อยนฺติ โยคาวจโร. อทฺธานวเสนาติ ทีฆกาลวเสน. อิตฺตรวเสนาติ ปริตฺตกาลวเสน. อิเมหิ อากาเรหีติ อิเมหิ นวหิ อากาเรหิ.
ตาทิโสติ ¶ ทีโฆ, รสฺโส จ. จตฺตาโร วณฺณาติ จตฺตาโร อาการา, เต จ ทีฆาทโย เอว. นาสิกคฺเค ว ภิกฺขุโนติ คาถาพนฺธสุขตฺถํ รสฺสํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘นาสิกคฺเค วา’’ติ, วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน อุตฺตโรฏฺํ สงฺคณฺหาติ.
๒๒๐. สพฺพกายปฏิสํเวทีติ สพฺพสฺส กายสฺส ปฏิ ปฏิ ปจฺเจกํ สมฺมเทว เวทนสีโล ชานนสีโล, ตสฺส วา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวโท เอตสฺส อตฺถิ, ตํ วา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวทมาโนติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺถ สพฺพ-คฺคหเณน อสฺสาสาทิกายสฺส อนวเสสปริยาทาเน สิทฺเธปิ อเนกกลาปสมุทายภาวโต ตสฺส สพฺเพสมฺปิ ภาคานํ สํเวทนทสฺสนตฺถํ ปฏิ-สทฺทคฺคหณํ. ตตฺถ สกฺกจฺจการีภาวทสฺสนตฺถํ สํ-สทฺทคฺคหณนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกลสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา สมาเนปิ อสฺสาสปสฺสาเสสุ โยคิโน ปฏิปตฺติวิธาเน ปจฺเจกํ สกฺกจฺจํเยว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ วิสุํ เทสนา กตา, เอวํ ตเมวตฺถํ ทีเปตุํ สติปิ อตฺถสฺส สมานตาย ‘‘สกลสฺสา’’ติอาทินา ปททฺวยสฺส วิสุํ วิสุํ อตฺถวณฺณนา กตาติ เวทิตพฺพํ. ปากฏํ กโรนฺโตติ วิภูตํ กโรนฺโต, สพฺพโส วิภาเวนฺโตติ อตฺโถ. ปากฏีกรณํ วิภาวนํ ตตฺถ อสมฺมุยฺหนํ าเณเนว เนสํ ปวตฺตเนน โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ วิทิตํ กโรนฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตเนว อสฺสาสปสฺสาเส ปวตฺเตติ, น วิปฺปยุตฺตจิตฺเตน, ตสฺมา เอวํภูโต สพฺพกายปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามิ ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขตีติ วุจฺจติ พุทฺธาทีหีติ โยชนา. จุณฺณวิจุณฺณวิสเฏติ อเนกกลาปตาย จุณฺณวิจุณฺณภาเวน ¶ วิสเฏ. อาทิ ปากโฏ โหติ สติยา, าณสฺส จ วเสน ตถา ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส ปวตฺตตฺตา. ตาทิเสน ภวิตพฺพนฺติ จตุตฺถปุคฺคลสทิเสน ภวิตพฺพํ, ปเคว สตึ, าณฺจ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ตีสุปิ าเนสุ าณสมฺปยุตฺตเมว จิตฺตํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน สพฺพกายปฏิสํเวทนวเสเนว. ฆฏตีติ อุสฺสหติ. วายมตีติ วายามํ กโรติ, มนสิการํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. ตถาภูตสฺสาติ อานาปานสฺสตึ ภาเวนฺตสฺส. สํวโรติ สติ ¶ , วีริยมฺปิ วา. ตาย สติยาติ ยา อานาปาเน อารพฺภ ปวตฺตา สติ, ตาย. เตน มนสิกาเรนาติ โย โส ตตฺถ สติปุพฺพงฺคโม ภาวนามนสิกาโร, เตน สทฺธินฺติ อธิปฺปาโย. อาเสวตีติ ‘‘ติสฺโส สิกฺขาโย’’ติ วุตฺเต อธิกุสลธมฺเม อาเสวติ. ตทาเสวนฺเหตฺถ สิกฺขนนฺติ อธิปฺเปตํ.
ปุริมนเยติ ปุริมสฺมึ ภาวนานเย, ปมวตฺถุทฺวเยติ อธิปฺปาโย. ตตฺถาปิ กามํ าณุปฺปาทนํ ลพฺภเตว อสฺสาสปสฺสาสานํ ยาถาวโต ทีฆรสฺสภาวาวโพธสพฺภาวโต, ตถาปิ ตํ น ทุกฺกรํ ยถาปวตฺตานํ เตสํ คหณมตฺตภาวโตติ ตตฺถ วตฺตมานกาลปฺปโยโค กโต. อิทํ ปน ทุกฺกรํ ปุริสสฺส ขุรธารายํ คมนสทิสํ, ตสฺมา สาติสเยเนตฺถ ปุพฺพาภิสงฺขาเรน ภวิตพฺพนฺติ ทีเปตุํ อนาคตกาลปฺปโยโค กโตติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ยสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ าณุปฺปาทนาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน กายสงฺขารปสฺสมฺภนปีติปฏิสํเวทนาทึ สงฺคณฺหาติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘สํวรสมาทานานํ สงฺคโห’’ติ วทนฺติ.
กายสงฺขารนฺติ อสฺสาสปสฺสาสํ. โส หิ จิตฺตสมุฏฺาโนปิ สมาโน กรชกายปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย เตน สงฺขรียตีติ กายสงฺขาโรติ วุจฺจติ. โย ปน ‘‘กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๒) เอวมาคโต กายสงฺขาโร เจตนาลกฺขโณ สติปิ ทฺวารนฺตรุปฺปตฺติยํ เยภุยฺยวุตฺติยา, ตพฺพหุลวุตฺติยา จ กายทฺวาเรน ลกฺขิโต, โส อิธ นาธิปฺเปโต. ปสฺสมฺเภนฺโตติอาทีสุ ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ ปทํ ปุริมสฺส ปุริมสฺส อตฺถวจนํ, ตสฺมา ปสฺสมฺภนํ นาม วูปสมนํ, ตฺจ ตถาปโยเค อสติ อุปฺปชฺชนารหสฺส โอฬาริกสฺส กายสงฺขารสฺส ปโยคสมฺปตฺติยา อนุปฺปาทนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺราติ ‘‘โอฬาริกํ กายสงฺขารํ ปสฺสมฺเภนฺโต’’ติ เอตฺถ. อปริคฺคหิตกาเลติ กมฺมฏฺานสฺส อนารทฺธกาเล, ตโต เอว กายจิตฺตานมฺปิ อปริคฺคหิตกาเล. ‘‘นิสีทติ ¶ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธายา’’ติ หิ อิมินา กายปริคฺคโห, ‘‘ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ อิมินา จิตฺตปริคฺคโห วุตฺโต. เตเนวาห ‘‘กาโยปิ จิตฺตมฺปิ ปริคฺคหิตา โหนฺตี’’ติ. กาโยติ กรชกาโย. สทรถาติ สปริฬาหา, สา ¶ จ เนสํ สทรถตา ครุภาเวน วิย โอฬาริกตาย อวินาภาวินีติ อาห ‘‘โอฬาริกา’’ติ. พลวตราติ สพลา ถูลา. สนฺตา โหนฺตีติ จิตฺตํ ตาวํ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาเวน เอกคฺคํ หุตฺวา กมฺมฏฺานํ ปริคฺคเหตฺวา ปวตฺตมานํ สนฺตํ โหติ วูปสนฺตํ, ตโต เอว ตํสมุฏฺานา รูปธมฺมา ลหุมุทุกมฺมฺภาวปฺปตฺตา, ตทนุคุณตาย เสสํ ติสนฺตติรูปนฺติ เอวํ จิตฺเต, กาเย จ วูปสนฺเต ปวตฺตมาเน ตนฺนิสฺสิตา อสฺสาสปสฺสาสา สนฺตสภาวา อนุกฺกเมน สุขุมตรสุขุมตมา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยทา ปนสฺส กาโยปี’’ติอาทิ.
อาภุชนํ อาโภโค, ‘‘ปสฺสมฺเภมี’’ติ ปมาวชฺชนา. สมฺมา อนุ อนุ อาหรณํ สมนฺนาหาโร, ตสฺมึเยว อตฺเถ อปราปรํ ปวตฺตอาวชฺชนา. ตสฺเสว อตฺถสฺส มนสิ กรณํ จิตฺเต ปนํ มนสิกาโร. วีมํสา ปจฺจเวกฺขณา.
สารทฺเธติ สทรเถ สปริฬาเห. อธิมตฺตนฺติ พลวํ โอฬาริกํ. ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ. กายสงฺขาโรติ หิ อธิปฺเปโต. ‘‘อธิมตฺตํ หุตฺวา ปวตฺตตี’’ติ กิริยาวิเสสนํ วา เอตํ. สุขุมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กายมฺหีติ เอตฺถ ‘‘จิตฺเต จา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.
๒๒๑. ปมชฺฌานโต วุฏฺาย กริยมานํ ทุติยชฺฌานสฺส นานาวชฺชนํ ปริกมฺมํ ปมชฺฌานํ วิย ทูรสมุสฺสาริตปฏิปกฺขนฺติ กตฺวา ตํสมุฏฺาโน กายสงฺขาโร ปมชฺฌาเน จ ทุติยชฺฌานูปจาเร จ โอฬาริโกติ สทิโส วุตฺโต. เอส นโย เสสูปจารทฺวเยปิ. อถ วา ทุติยชฺฌานาทีนํ อธิคมาย ปฏิปชฺชโต ทุกฺขาปฏิปทาทิวเสน กิลมโต โยคิโน กายกิลมถจิตฺตูปฆาตาทิวเสน, วิตกฺกาทิสงฺโขเภน จ สปริผนฺทตาย จิตฺตปฺปวตฺติยา ทุติยชฺฌานาทิอุปจาเรสุ กายสงฺขารสฺส โอฬาริกตา เวทิตพฺพา. อติสุขุโมติ อฺตฺถ ลพฺภมาโน กายสงฺขาโร จตุตฺถชฺฌาเน อติกฺกนฺตสุขุโม. สุขุมภาโวปิสฺส ตตฺถ นตฺถิ, กุโต โอฬาริกตา อปฺปวตฺตนโต. เตนาห ‘‘อปฺปวตฺติเมว ปาปุณาตี’’ติ.
ลาภิสฺส ¶ สโต อนุปุพฺพสมาปตฺติสมาปชฺชนเวลํ, เอกาสเนเนว วา สพฺเพสํ ฌานานํ ปฏิลาภํ ¶ สนฺธาย มชฺฌิมภาณกา เหฏฺิมเหฏฺิมชฺฌานโต อุปรูปริฌานูปจาเรปิ สุขุมตรํ อิจฺฉนฺติ. ตตฺถ หิ โสปจารานํ ฌานานํ อุปรูปริ วิเสสวนฺตตา, สนฺตตา จ สมฺภเวยฺย, เอกาวชฺชนูปจารํ วา สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. เอวฺหิ เหฏฺา วุตฺตวาเทน อิมสฺส วาทสฺส อวิโรโธ สิทฺโธ ภินฺนวิสยตฺตา. สพฺเพสฺเวาติ อุภเยสมฺปิ. ยสฺมา เต สพฺเพปิ วุจฺจมาเนน วิธินา ปสฺสทฺธิมิจฺฉนฺติเยว. ‘‘อปริคฺคหิตกาเล ปวตฺตกายสงฺขาโร ปริคฺคหิตกาเล ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ อิทํ สทิสสนฺตานตาย วุตฺตํ. น หิ เต เอว โอฬาริกา อสฺสาสาทโย สุขุมา โหนฺติ. ปสฺสมฺภนากาโร ปน เนสํ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
มหาภูตปริคฺคเห สุขุโมติ จตุธาตุมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ สนฺธาย วุตฺตํ. สกลรูปปริคฺคเห สุขุโม ภาวนาย อุปรูปริ ปณีตภาวโต. เตเนวาห ‘‘รูปารูปปริคฺคเห สุขุโม’’ติ. ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาติ กลาปสมฺมสนมาห. นิพฺพิทานุปสฺสนโต ปฏฺาย พลววิปสฺสนา. ตโต โอรํ ทุพฺพลวิปสฺสนา. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ ‘‘อปริคฺคหิตกาเล’’ติอาทินา สมถนเย วุตฺเตน นเยน ‘‘อปริคฺคเห ปวตฺโต กายสงฺขาโร มหาภูตปริคฺคเห ปฏิปฺปสฺสมฺภตี’’ติอาทินา วิปสฺสนานเยปิ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ โยเชตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ.
อสฺสาติ อิมสฺส ‘‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขาร’’นฺติ ปทสฺส. โจทนาโสธนาหีติ อนุโยคปริหาเรหิ. เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน.
กถนฺติ ยํ อิทํ ‘‘ปสฺสมฺภยํ…เป… สิกฺขตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗๑) วุตฺตํ, ตํ กถํ เกน ปกาเรน กายสงฺขารสฺส ปสฺสมฺภนํ, โยคิโน จ สิกฺขนํ โหตีติ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉิตฺวา กายสงฺขาเร สรูปโต, โอฬาริกสุขุมโต, วูปสมโต, อนุโยคปริหารโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘กตเม กายสงฺขารา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ กายิกาติ รูปกาเย ภวา. กายปฏิพทฺธาติ กายสนฺนิสฺสิตา. กาเย สติ โหนฺติ, อสติ น โหนฺติ, ตโต เอว เต อกายสมุฏฺานาปิ กาเยน สงฺขรียนฺตีติ กายสงฺขารา. ปสฺสมฺเภนฺโตติ โอฬาริโกฬาริกํ ปสฺสมฺเภนฺโต. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. โอฬาริกฺหิ กายสงฺขารํ อวูปสนฺตสภาวํ สนฺนิสีทาเปนฺโต ¶ ‘‘ปสฺสมฺเภนฺโต’’ติ วุจฺจติ, อนุปฺปาทนิโรธํ ปาเปนฺโต ‘‘นิโรเธนฺโต’’ติ, สุฏฺุ สนฺตสภาวํ นยนฺโต ‘‘วูปสเมนฺโต’’ติ.
ยถารูเปหีติ ¶ ยาทิเสหิ. กายสงฺขาเรหีติ โอฬาริเกหิ กายสงฺขาเรหิ. อานมนาติ อภิมุขภาเวน กายสฺส นมนา. วินมนาติ วิสุํ วิสุํ ปสฺสโต นมนา. สนฺนมนาติ สพฺพโต, สุฏฺุ วา นมนา. ปณมนาติ ปจฺฉโต นมนา. อิฺชนาทีนิ อานมนาทีนํ เววจนานิ, อธิมตฺตานิ วา อภิมุขํ จลนาทีนิ อานมนาทโย, มนฺทานิ อิฺชนาทโย. ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารนฺติ ตถารูปํ อานมนาทีนํ การณภูตํ โอฬาริกํ กายสงฺขารํ ปสฺสมฺเภนฺโต. ตสฺมึ หิ ปสฺสมฺภิเต อานมนาทโยปิ ปสฺสมฺภิตา เอว โหนฺติ.
สนฺตํ สุขุมนฺติ ยถารูเปหิ กายสงฺขาเรหิ กายสฺส อปริปฺผนฺทนเหตูหิ อานมนาทโย น โหนฺติ, ตถารูปํ ทรถาภาวโต สนฺตํ, อโนฬาริกตาย สุขุมํ. ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารนฺติ สามฺโต เอกํ กตฺวา วทติ. อถ วา ปุพฺเพ โอฬาริโกฬาริกํ กายสงฺขารํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภนฺโต อนุกฺกเมน กายสฺส อปริปฺผนฺทนเหตุภูเต สุขุมสุขุมตเร อุปฺปาเทตฺวา เตปิ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ปรมสุขุมตาย โกฏิปฺปตฺตํ ยํ กายสงฺขารํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สนฺตํ สุขุมํ ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขาร’’นฺติ.
อิตีติอาทิ โจทกวจนํ. ตตฺถ อิตีติ ปการตฺเถ นิปาโต. กิราติ อรุจิสูจเน, เอวํ เจติ อตฺโถ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – วุตฺตปฺปกาเรน ยทิ อติสุขุมมฺปิ กายสงฺขารํ ปสฺสมฺเภตีติ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ สติ ตยา วุตฺตากาเร ลพฺภมาเน. วาตูปลทฺธิยาติ วาตสฺส อุปลทฺธิยา. จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, อสฺสาสาทิวาตารมฺมณสฺส จิตฺตสฺส ปภาวนา อุปฺปาทนา ปวตฺตนา น โหติ, เต จ เตน ปสฺสมฺเภตพฺพาติ อธิปฺปาโย. อสฺสาสปสฺสาสานฺจ ภาวนาติ โอฬาริเก อสฺสาสปสฺสาเส ภาวนาย ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา สุขุมานํ เตสํ ปภาวนา จ น โหติ, อุภเยสํ เตสํ เตน ปฏิปฺปสฺสมฺเภตพฺพโต. อานาปานสฺสติยาติ อานาปานารมฺมณาย สติยา จ ปวตฺตนํ น โหติ, อานาปานานํ อภาวโต. ตโต เอว ตํสมฺปยุตฺตสฺส อานาปานสฺสติสมาธิสฺส จ ปภาวนา อุปฺปาทนาปิ น โหติ. น หิ กทาจิ อารมฺมเณน วินา สารมฺมณธมฺมา สมฺภวนฺติ. น จ นํ ตนฺติ เอตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ ¶ . ตํ วุตฺตวิธานํ สมาปตฺตึ ปณฺฑิตา ปฺวนฺโต น เจว สมาปชฺชนฺติปิ ตโต น วุฏฺหนฺติปีติ โยชนา. เอวํ โจทโก สพฺเพน สพฺพํ อภาวูปนยนํ ปสฺสมฺภนนฺติ อธิปฺปาเยน โจเทติ.
ปุน อิติ กิราติอาทิ ยถาวุตฺตาย โจทนาย วิสฺสชฺชนา. ตตฺถ กิราติ ‘‘ยที’’ติ เอตสฺส ¶ อตฺเถ นิปาโต. อิติ กิร สิกฺขติ, มยา วุตฺตากาเรน ยทิ สิกฺขตีติ อตฺโถ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ ปสฺสมฺภเน สติ. ปภาวนา โหตีติ ยทิปิ โอฬาริกา กายสงฺขารา ปฏิปฺปสฺสมฺภนฺติ, สุขุมา ปน อตฺเถวาติ อนุกฺกเมน ปรมสุขุมภาวปฺปตฺตสฺส วเสน นิมิตฺตุปฺปตฺติยา อานาปานสฺสติยา, อานาปานสฺสติสมาธิสฺส จ ปภาวนา อิชฺฌเตวาติ อธิปฺปาโย.
ยถา กถํ วิยาติ ยถาวุตฺตวิธานํ ตํ กถํ วิย ทฏฺพฺพํ, อตฺถิ กิฺจิ ตทตฺถสมฺปฏิปาทเน โอปมฺมนฺติ อธิปฺปาโย. อิทานิ โอปมฺมํ ทสฺเสตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เสยฺยถาปีติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. กํเสติ กํสภาชเน. นิมิตฺตนฺติ นิมิตฺตสฺส, เตสํ สทฺทานํ ปวตฺตาการสฺสาติ อตฺโถ. สามิอตฺเถ หิ อิทํ อุปโยควจนํ. สุคฺคหิตตฺตาติ สุฏฺุ คหิตตฺตา. สุมนสิกตตฺตาติ สุฏฺุ จิตฺเต ปิตตฺตา. สูปธาริตตฺตาติ สมฺมเทว อุปธาริตตฺตา สลฺลกฺขิตตฺตา. สุขุมกา สทฺทาติ อนุรเว อาห, เย อปฺปกา. อปฺปตฺโถ หิ อยํ ก-สทฺโท. สุขุมสทฺทนิมิตฺตารมฺมณตาปีติ สุขุโม สทฺโทว นิมิตฺตํ สุขุมสทฺทนิมิตฺตํ, ตทารมฺมณตายปิ. กึ วุตฺตํ โหติ? กามํ ตทาสุขุมาปิ สทฺทา นิรุทฺธา, สทฺทนิมิตฺตสฺส ปน สุคฺคหิตตฺตา สุขุมตรสทฺทนิมิตฺตารมฺมณภาเวนาปิ จิตฺตํ ปวตฺตติ. อาทิโต ปฏฺาย หิ ตสฺส ตสฺส นิรุทฺธสฺส สทฺทสฺส นิมิตฺตํ อวิกฺขิตฺเตน จิตฺเตน อุปธาเรนฺตสฺส อนุกฺกเมน ปริโยสาเน อติสุขุมสทฺทนิมิตฺตมฺปิ อารมฺมณํ กตฺวา จิตฺตํ ปวตฺตเตว. จิตฺตํ น วิกฺเขปํ คจฺฉติ ตสฺมึ ยถาอุปฏฺิเต นิมิตฺเต สมาธานสพฺภาวโต.
เอวํ สนฺเตติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺส สุตฺตปทสฺส สทฺธึ โจทนาโสธนาหิ อตฺโถ วุตฺโต, ตํ อุทฺธริตฺวา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานานิ วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปสฺสมฺภย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตํ สพฺพํ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมว.
๒๒๒. อาทิกมฺมิกสฺส ¶ กมฺมฏฺานวเสนาติ สมถกมฺมฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ. วิปสฺสนํ กมฺมฏฺานํ ปน อิตรจตุกฺเกสุปิ ลพฺภเตว. เอตฺถาติ ปมจตุกฺเก. ปฺจสนฺธิกนฺติ ปฺจปพฺพํ, ปฺจภาคนฺติ อตฺโถ.
กมฺมฏฺานสฺส อุคฺคณฺหนนฺติ กมฺมฏฺานคนฺถสฺส อุคฺคณฺหนํ. ตทตฺถปริปุจฺฉา กมฺมฏฺานสฺส ปริปุจฺฉนา ¶ . อถ วา คนฺถโต, อตฺถโต จ กมฺมฏฺานสฺส อุคฺคณฺหนํ อุคฺคโห. ตตฺถ สํสยปริปุจฺฉนา ปริปุจฺฉา. กมฺมฏฺานสฺส อุปฏฺานนฺติ นิมิตฺตุปฏฺานํ, เอวํ ภาวนมนุยฺุชนฺตสฺส ‘‘เอวมิธ นิมิตฺตํ อุปฏฺาตี’’ติ อุปธารณํ, ตถา กมฺมฏฺานปฺปนา ‘‘เอวํ ฌานมปฺเปตี’’ติ. กมฺมฏฺานสฺส ลกฺขณนฺติ คณนานุพนฺธนาผุสนานํ วเสน ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ปนาย สมฺปตฺติ, ตโต ปรมฺปิ วา สลฺลกฺขณาทิวเสน มตฺถกปฺปตฺตีติ กมฺมฏฺานสภาวสฺส สลฺลกฺขณํ. เตนาห ‘‘กมฺมฏฺานสภาวูปธารณนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.
อตฺตนาปิ น กิลมติ โอธิโส กมฺมฏฺานสฺส อุคฺคณฺหนโต. ตโต เอว อาจริยมฺปิ น วิเหเสติ ธมฺมาธิกรณมฺปิ ภาวนาย มตฺถกํ ปาปนโต. ตสฺมาติ ตํ นิมิตฺตํ อตฺตโน อกิลมนอาจริยาวิเหสนเหตุ. โถกนฺติ โถกํ โถกํ. อุคฺคเหตพฺพโต อุคฺคโห, สพฺโพปิ กมฺมฏฺานวิธิ, น ปุพฺเพ วุตฺตอุคฺคหมตฺตํ. อาจริยโต อุคฺคโห อาจริยุคฺคโห, ตโต. เอกปทมฺปีติ เอกโกฏฺาสมฺปิ.
๒๒๓. อนุวหนาติ อสฺสาสปสฺสาสานํ อนุคมนวเสน สติยา นิรนฺตรํ อนุปวตฺตนา. ผุสนาติ อสฺสาสปสฺสาเส คเณนฺตสฺส คณนํ ปฏิสํหริตฺวา เต สติยา อนุพนฺธนฺตสฺส ยถา อปฺปนา โหติ, ตถา จิตฺตํ เปนฺตสฺส จ นาสิกคฺคาทิฏฺานสฺส เนสํ ผุสนา. ยสฺมา ปน คณนาทิวเสน วิย ผุสนาวเสน วิสุํ มนสิกาโร นตฺถิ, ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว คณนาทิ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ อิธ ผุสนาคหณนฺติ ทีเปนฺโต ‘‘ผุสนาติ ผุฏฺฏฺาน’’นฺติ อาห. ปนาติ สมาธานํ. ตํ หิ สมฺมเทว อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อาธานํ ปนํ โหติ. ตถา หิ สมาธิ ‘‘จิตฺตสฺส ิติ สณฺิตี’’ติ (ธ. ส. ๑๑.๑๕) นิทฺทิฏฺโ. สมาธิปฺปธานา ปน อปฺปนาติ อาห ‘‘ปนาติ อปฺปนา’’ติ. อนิจฺจตาทีนํ สลฺลกฺขณโต สลฺลกฺขณา วิปสฺสนา. ปวตฺตโต, นิมิตฺตโต จ วินิวฏฺฏนโต วิวฏฺฏนา นาม มคฺโค. สกลสํกิเลสปฏิปฺปสฺสทฺธิภาวโต ¶ สพฺพโส สุทฺธีติ ปาริสุทฺธิ ผลํ. เตสนฺติ วิวฏฺฏนาปาริสุทฺธีนํ. ปฏิปสฺสนาติ ปฏิ ปฏิ ทสฺสนํ เปกฺขนํ. เตนาห ‘‘ปจฺจเวกฺขณา’’ติ.
ขณฺฑนฺติ เอกํ ตีณิ ปฺจาติ เอวํ คณนาย ขณฺฑนํ. โอกาเสติ คณนวิธึ สนฺธายาห. คณนนิสฺสิโตว น กมฺมฏฺานนิสฺสิโต. ‘‘สิขาปฺปตฺตํ นุ โข’’ติ อิทํ จิรตรํ คณนาย มนสิ กโรนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ. โส หิ ตถา ลทฺธํ อวิกฺเขปมตฺตํ นิสฺสาย เอวํ มฺเยฺย ¶ . ‘‘อสฺสาสปสฺสาเสสุ โย อุปฏฺาติ, ตํ คเหตฺวา’’ติ อิทํ อสฺสาสปสฺสาเสสุ ยสฺส เอโกว ปมํ อุปฏฺาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ยสฺส ปน อุโภปิ อุปฏฺหนฺติ, เตน อุภยมฺปิ คเหตฺวา คเณตพฺพํ. ‘‘โย อุปฏฺาตี’’ติ อิมินา จ ทฺวีสุ นาสาปุฏวาเตสุ โย ปากฏตโร อุปฏฺาติ, โส คเหตพฺโพติ อยมฺปิ อตฺโถ ทีปิโตติ ทฏฺพฺพํ. ปวตฺตมานํ ปวตฺตมานนฺติ อาเมฑิตวจเนน นิรนฺตรํ อสฺสาสปสฺสาสานํ อุปลกฺขณํ ทสฺเสติ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน อุปลกฺเขตฺวา วาติ อตฺโถ. ปากฏา โหนฺติ คณนาวเสน พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต.
ปลิฆสฺส ปริวตฺตนํ, ตํ ยตฺถ นิกฺขิปนฺติ, โส ปลิฆตฺถมฺโภ. ติยามรตฺตินฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. ปุริมนเยนาติ สีฆคณนาย, โคปาลกคณนายาติ อตฺโถ. เอโก ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจาติ คณนาวิธิทสฺสนํ. ตสฺมา อฏฺาติอาทีสุปิ เอกโต ปฏฺาเยว ปจฺเจกํ อฏฺาทีนิ ปาเปตพฺพานิ. สีฆํ สีฆํ คเณตพฺพเมว. กสฺมาติ ตตฺถ การณํ, นิทสฺสนฺจ ทสฺเสติ ‘‘คณนปฏิพทฺเธ หี’’ติอาทินา. ตตฺถ อรียติ เตน นาวาติ อริตฺตํ, ปาชนทณฺโฑ. อริตฺเตน อุปตฺถมฺภนํ อริตฺตุปตฺถมฺภนํ, ตสฺส วเสน.
นิปฺปริยายโต นิรนฺตรปฺปวตฺติ นาม ปนายเมวาติ อาห ‘‘นิรนฺตรํ ปวตฺตํ วิยา’’ติ. อนฺโต ปวิสนฺตํ วาตํ มนสิ กโรนฺโต อนฺโต จิตฺตํ ปเวเสติ นาม. พหิ จิตฺตนีหรเณปิ เอเสว นโย. วาตพฺภาหตนฺติ อพฺภนฺตรคตํ วาตํ พหุลํ มนสิ กโรนฺตสฺส วาเตน ตํ านํ อพฺภาหตํ วิย, เมเทน ปูริตํ วิย จ โหติ, ตถา อุปฏฺาติ. นีหรโต ผุฏฺโกาสํ ¶ มฺุจิตฺวา, ตถา ปน นีหรโต วาตสฺส คติสมนฺเนสนมุเขน นานารมฺมเณสุ จิตฺตํ วิธาวตีติ อาห ‘‘ปุถุตฺตารมฺมเณ จิตฺตํ วิกฺขิปตี’’ติ.
เอตนฺติ เอตํ อสฺสาสปสฺสาสชาตํ.
๒๒๔. อนุคมนนฺติ ปวตฺตปวตฺตานํ อสฺสาสปสฺสาสานํ อารมฺมณกรณวเสน สติยา อนุ อนุ ปวตฺตนํ อนุคจฺฉนํ. เตเนวาห ‘‘ตฺจ โข น อาทิมชฺฌปริโยสานานุคมนวเสนา’’ติ. นาภิ อาทิ ตตฺถ ปมํ อุปฺปชฺชนโต. ปมุปฺปตฺติวเสน หิ อิธ อาทิจินฺตา, น อุปฺปตฺติมตฺตวเสน. ตถา หิ เต นาภิโต ปฏฺาย ยาว นาสิกคฺคา สพฺพตฺถ อุปฺปชฺชนฺเตว. ยตฺถ ยตฺถ จ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ ธมฺมานํ คมนาภาวโต. ยถาปจฺจยํ ปน เทสนฺตรุปฺปตฺติยํ ¶ คติสมฺา. หทยํ มชฺฌนฺติ หทยสมีปํ ตสฺส อุปริภาโค มชฺฌํ. นาสิกคฺคํ ปริโยสานนฺติ นาสิกฏฺานํ ตสฺส ปริโยสานํ อสฺสาสปสฺสาสสมฺาย ตทวธิภาวโต. ตถา เหเต ‘‘จิตฺตสมุฏฺานา’’ติ วุตฺตา, น จ พหิทฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ สมฺภโว อตฺถิ. เตนาห ‘‘อพฺภนฺตรํ ปวิสนวาตสฺส นาสิกคฺคํ อาที’’ติ. ปวิสนนิกฺขมนปริยาโย ปน ตํสทิสวเสน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. วิกฺเขปคตนฺติ วิกฺเขปํ อุปคตํ, วิกฺขิตฺตํ อสมาหิตนฺติ อตฺโถ. สารทฺธายาติ สทรถภาวาย. อิฺชนายาติ กมฺมฏฺานมนสิการสฺส จลนาย.
วิกฺเขปคเตน จิตฺเตนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ วา. สารทฺธาติ สทรถา. อิฺชิตาติ อิฺชนกา จลนกา. ตถา ผนฺทิตา.
อาทิมชฺฌปริโยสานวเสนาติ อาทิมชฺฌปริโยสานานุคมนวเสน น มนสิ กาตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อนุพนฺธนาย มนสิ กโรนฺเตน ผุสนาวเสน จ ปนาวเสน จ มนสิ กาตพฺพ’’นฺติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตํ วิวริตุํ ‘‘คณนานุพนฺธนาวเสน วิยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิสุํ มนสิกาโร นตฺถีติ คณนาย, อนุพนฺธนาย จ วินา ยถากฺกมํ เกวลํ ผุสนาวเสน, ปนาวเสน จ กมฺมฏฺานมนสิกาโร นตฺถิ. นนุ ผุสนาย วินา ปนาย วิย, ผุสนาย วินา คณนายปิ มนสิกาโร นตฺถิเยว? ยทิปิ นตฺถิ, คณนา ปน ยถา กมฺมฏฺานมนสิการสฺส มูลภาวโต ปธานภาเวน ¶ คเหตพฺพา, เอวํ อนุพนฺธนา ปนาย, ตาย วินา ปนาย อสมฺภวโต. ตสฺมา สติปิ ผุสนาย นานนฺตริกภาเว คณนานุพนฺธนา เอว มูลภาวโต ปธานภาเวน คเหตฺวา อิตราสํ ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘คณนานุพนฺธนาวเสน วิย หิ ผุสนาปนาวเสน วิสุํ มนสิกาโร นตฺถี’’ติ. ยทิ เอวํ ตา กสฺมา อุทฺเทเส วิสุํ คหิตาติ อาห ‘‘ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว คเณนฺโต’’ติ อิมินา คณนาย ผุสนา องฺคนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘คณนาย จ ผุสนาย จ มนสิ กโรตี’’ติ. ตตฺเถวาติ ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว. เตติ อสฺสาสปสฺสาเส. สติยา อนุพนฺธนฺโตติ คณนาวีถึ อนุคนฺตฺวา สติยา นิพนฺธนฺโต, ผุฏฺโกาเสเยว เต นิรนฺตรํ อุปธาเรนฺโตติ อตฺโถ. อปฺปนาวเสน จิตฺตํ เปนฺโตติ ยถา อปฺปนา โหติ, เอวํ ยถาอุปฏฺิเต นิมิตฺเต จิตฺตํ เปนฺโต สมาทหนฺโต. อนุพนฺธนาย จาติอาทีสุ อนุพนฺธนาย จ ผุสนาย จ ปนาย จ มนสิ กโรตีติ วุจฺจตีติ โยชนา. สฺวายมตฺโถติ ยฺวายํ ‘‘ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว คเณนฺโต, ตตฺเถว คณนํ ปฏิสํหริตฺวา ¶ เต สติยา อนุพนฺธนฺโต’’ติ จ วุตฺโต, โส อยมตฺโถ. ยา อจฺจนฺตาย น มิโนติ น วินิจฺฉินาติ, สา มานสฺส สมีเปติ อุปมา ยถา ‘‘โคโณ วิย ควโย’’ติ.
๒๒๕. ปงฺคุโฬติ ปีสปฺปี. โทลา เปโขโล. กีฬตนฺติ กีฬนฺตานํ. มาตาปุตฺตานนฺติ อตฺตโน ภริยาย, ปุตฺตสฺส จ. อุโภ โกฏิโยติ อาคจฺฉนฺตสฺส ปุริมโกฏึ, คจฺฉนฺตสฺส ปจฺฉิมโกฏินฺติ ทฺเวปิ โกฏิโย. มชฺฌนฺติ โทลาผลกสฺเสว มชฺฌํ. อุปนิพนฺธนถมฺโภ วิยาติ อุปนิพนฺธนถมฺโภ, นาสิกคฺคํ, มุขนิมิตฺตํ วา, ตสฺส มูเล สมีเป ตฺวา. กถํ ตฺวา? สติยา วเสน. สติฺหิ ตตฺถ สูปฏฺิตํ กโรนฺโต โยคาวจโร ตตฺถ ิโต นาม โหติ, อวยวธมฺเมน สมุทายสฺส อปทิสิตพฺพโต. นิมิตฺเตติ นาสิกคฺคาทินิมิตฺเต. สติยา นิสีทนฺโตติ สติวเสน นิสีทนฺโต. ‘‘สติฺหิ ตตฺถา’’ติอาทินา าเน วิย วตฺตพฺพํ. ตตฺถาติ ผุฏฺผุฏฺฏฺาเน.
๒๒๖. เตติ ¶ นครสฺส อนฺโตพหิคตา มนุสฺสา, เตสํ สงฺคหา จ หตฺถคตา.
๒๒๗. อาทิโต ปฏฺายาติ อุปเมยฺยตฺถทสฺสนโต ปฏฺาย. คาถายํ นิมิตฺตนฺติ อุปนิพนฺธนานิมิตฺตํ. อนารมฺมณเมกจิตฺตสฺสาติ เอกสฺส จิตฺตสฺส น อารมฺมณํ, อารมฺมณํ น โหนฺตีติ อตฺโถ. อชานโต จ ตโย ธมฺเมติ นิมิตฺตํ อสฺสาโส ปสฺสาโสติ อิเม ตโย ธมฺเม อารมฺมณกรณวเสน อวินฺทนฺตสฺส. จ-สทฺโท พฺยติเรเก. ภาวนาติ อานาปานสฺสติสมาธิภาวนา. นุปลพฺภตีติ น อุปลพฺภติ น สิชฺฌตีติ อยํ โจทนาคาถาย อตฺโถ, ทุติยา ปน ปริหารคาถา สุวิฺเยฺยาว.
กถนฺติ ตาสํ อตฺถํ วิวริตุํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. อิเม ตโย ธมฺมาติอาทีสุ ปทโยชนาย สทฺธึ อยมตฺถนิทฺเทโส – อิเม นิมิตฺตาทโย ตโย ธมฺมา เอกจิตฺตสฺส กถํ อารมฺมณํ น โหนฺติ, ตถาปิ น จิเม น จ อิเม ตโย ธมฺมา อวิทิตา โหนฺติ, กถํ น จ โหนฺติ อวิทิตา? เตสฺหิ อวิทิตตฺเต จิตฺตฺจ กถํ วิกฺเขปํ น คจฺฉติ, ปธานฺจ ภาวนาย นิปฺผาทกํ วีริยฺจ กถํ ปฺายติ, นีวรณานํ วิกฺขมฺภกํ สมฺมเทว สมาธานาวหํ ภาวนานุโยคสงฺขาตํ ปโยคฺจ โยคี กถํ สาเธติ, อุปรูปริ โลกิยโลกุตฺตรฺจ วิเสสํ กถมธิคจฺฉตีติ.
อิทานิ ¶ ตมตฺถํ กกจูปมาย สาเธตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภูมิภาคสฺส วิสมตาย จฺจเล รุกฺเข เฉทนกิริยา น สุกรา สิยา, ตถา จ สติ กกจทนฺตคติ ทุพฺพิฺเยฺยาติ อาห ‘‘สเม ภูมิภาเค’’ติ. กกเจนาติ ขุทฺทเกน ขรปตฺเตน. เตนาห ‘‘ปุริโส’’ติ. ผุฏฺกกจทนฺตานนฺติ ผุฏฺผุฏฺกกจทนฺตานํ วเสน. เตน กกจทนฺเตหิ ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว ปุริสสฺส สติยา อุปฏฺานํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘น อาคเต วา คเต วา กกจทนฺเต มนสิ กโรตี’’ติ. กกจสฺส อากฑฺฒนกาเล ปุริสาภิมุขํ ปวตฺตา อาคตา. เปลฺลนกาเล ตโต วิคตา ‘‘คตา’’ติ วุตฺตา. น จ อาคตา วา คตา วา กกจทนฺตา อวิทิตา โหนฺติ สพฺพตฺถ สติยา อุปฏฺิตตฺตา ฉินฺทิตพฺพฏฺานํ อผุสิตฺวา คจฺฉนฺตานํ, อาคจฺฉนฺตานฺจ กกจทนฺตานํ อภาวโต. ปธานนฺติ รุกฺขสฺส เฉทนวีริยํ ¶ . ปโยคนฺติ ตสฺเสว เฉทนกิริยํ. วิเสสนฺติ อเนกภาวาปาทนํ, เตน จ สาเธตพฺพํ ปโยชนวิเสสํ.
ยถา รุกฺโขติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. อุปนิพนฺธติ อารมฺมเณ จิตฺตํ เอตายาติ สติ อุปนิพนฺธนา นาม, ตสฺสา อสฺสาสปสฺสาสานํ สลฺลกฺขณสฺส นิมิตฺตนฺติ อุปนิพนฺธนานิมิตฺตํ, นาสิกคฺคํ, มุขนิมิตฺตํ วา. เอวเมวาติ ยถาปิ โส ปุริโส กกเจน รุกฺขํ ฉินฺทนฺโต อาคตคเต กกจทนฺเต อมนสิกโรนฺโตปิ ผุฏฺผุฏฺฏฺาเนเยว สติยา อุปฏฺปเนน อาคตคเต กกจทนฺเต ชานาติ, สุตฺตปทฺจ อวิรชฺฌนฺโต อตฺถกิจฺจํ สาเธติ, เอวเมว. นาสิกคฺเค มุขนิมิตฺเตติ ทีฆนาสิโก นาสิกคฺเค อิตโร มุขํ ทสนํ นิมียติ ฉาทียติ เอเตนาติ มุขนิมิตฺตนฺติ ลทฺธนาเม อุตฺตโรฏฺเ.
อิทํ ปธานนฺติ เยน วีริยารมฺเภน อารทฺธวีริยสฺส โยคิโน กาโยปิ จิตฺตมฺปิ กมฺมนิยํ ภาวนากมฺมกฺขมํ ภาวนากมฺมโยคฺคํ โหติ, อิทํ วีริยํ ปธานนฺติ ผเลน เหตุํ ทสฺเสติ. อุปกฺกิเลสา ปหียนฺตีติ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสภูตานิ นีวรณานิ วิกฺขมฺภนวเสน ปหียนฺติ. วิตกฺกา วูปสมนฺตีติ ตโต เอว กามวิตกฺกาทโย มิจฺฉาวิตกฺกา อุปสมํ คจฺฉนฺติ, นีวรณปฺปหาเนน วา ปมชฺฌานาธิคมํ ทสฺเสตฺวา วิตกฺกวูปสมาปเทเสน ทุติยชฺฌานาทีนมธิคมมาห. อยํ ปโยโคติ อยํ ฌานาธิคมสฺส เหตุภูโต กมฺมฏฺานานุโยโค ปโยโค. สํโยชนา ปหียนฺตีติ ทสปิ สํโยชนานิ มคฺคปฏิปาฏิยา สมุจฺเฉทวเสน ปหียนฺติ. อนุสยา พฺยนฺตี โหนฺตีติ ตถา สตฺตปิ อนุสยา อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน ภงฺคมตฺตสฺสปิ อนวเสสโต วิคตนฺตา โหนฺติ. เอตฺถ จ สํโยชนปฺปหานํ นาม อนุสยนิโรเธเนว โหติ, ปหีเนสุ จ ¶ สํโยชเนสุ อนุสยานํ เลโสปิ น ภวิสฺสตีติ จ ทสฺสนตฺถํ ‘‘สํโยชนา ปหียนฺติ อนุสยา พฺยนฺตี โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อยํ วิเสโสติ อิมํ สมาธึ นิสฺสาย อนุกฺกเมน ลพฺภมาโน อยํ สํโยชนปฺปหานาทิโก อิมสฺส สมาธิสฺส วิเสโสติ อตฺโถ.
ยสฺสาติ เยน. อนุปุพฺพนฺติ อนุกฺกเมน. ปริจิตาติ ปริจิณฺณา. อยํ เหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – อานาปานสฺสติ ยถา พุทฺเธน ภควตา เทสิตา ¶ , ตเถว เยน ทีฆรสฺสปชานนาทิวิธินา อนุปุพฺพํ ปริจิตา สุฏฺุ ภาวิตา, ตโต เอว ปริปุณฺณา โสฬสนฺนํ วตฺถูนํ ปาริปูริยา สพฺพโส ปุณฺณา. โส ภิกฺขุ อิมํ อตฺตโน ขนฺธาทิโลกํ ปฺโภาเสน ปภาเสติ. ยถา กึ อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา อพฺภุปกฺกิเลสวิมุตฺโต จนฺทิมา ตารกราชา วิยาติ.
อิธาติ กกจูปมายํ. อสฺสาติ โยคิโน. อิธาติ วา อิมสฺมึ าเน. อสฺสาติ อุปมาภูตสฺส กกจสฺส. อาคตคตวเสน ยถา ตสฺส ปุริสสฺส อมนสิกาโร, เอวํ อสฺสาสปสฺสาสานํ อาคตคตวเสน อมนสิการมตฺตเมว ปโยชนํ.
๒๒๘. นิมิตฺตนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตํ. อวเสสฌานงฺคปฏิมณฺฑิตาติ อปฺปนาวิตกฺกาทิอวเสสฌานงฺคปฏิมณฺฑิตาติ วทนฺติ, วิจาราทีติ ปน วตฺตพฺพํ นิปฺปริยาเยน วิตกฺกสฺส อปฺปนาภาวโต. โส หิ ปาฬิยํ ‘‘อปฺปนา พฺยปฺปนา’’ติ (ธ. ส. ๗) นิทฺทิฏฺโ, ตํสมฺปโยคโต วา ยสฺมา ฌานํ ‘‘อปฺปนา’’ติ อฏฺกถาโวหาโร, ฌานงฺเคสุ จ สมาธิ ปธานํ, ตสฺมา ตํ ‘‘อปฺปนา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อวเสสฌานงฺคปฏิมณฺฑิตา อปฺปนาสงฺขาตา ปนา จ สมฺปชฺชตี’’ติ อาห. กสฺสจิ ปน คณนาวเสเนว มนสิการกาลโต ปภุตีติ เอตฺถ ‘‘อนุกฺกมโต…เป… ลงฺฆนาการปฺปตฺตํ วิย โหตี’’ติ เอตฺตโก คนฺโถ ปริหีโน.
สารทฺธกายสฺส กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส. โอนมติ ปฏฺฏิกาทีนํ ปลมฺพเนน. วิกูชตีติ สทฺทํ กโรติ. คตฺตานิสทกปฺปราทีนํ สนฺธิฏฺาเนสุ วลึ คณฺหาติ ตตฺถ ตตฺถ วลิตํ โหติ. กสฺมา? ยสฺมา สารทฺธกาโย ครุโก โหตีติ กายทรถวูปสเมน สทฺธึ สิชฺฌมาโน โอฬาริกอสฺสาสปสฺสาสนิโรโธ พฺยติเรกมุเขน ตสฺส สาธนํ วิย วุตฺโต. โอฬาริกอสฺสาสปสฺสาสนิโรธวเสนาติ อนฺวยวเสน ตทตฺถสาธนํ. ตตฺถ กายทรเถ วูปสนฺเตติ จิตฺตชรูปานํ ลหุมุทุกมฺมฺภาเวน โย เสสติสนฺตติรูปานมฺปิ ลหุอาทิภาโว, โส อิธ กายสฺส ลหุภาโวติ ¶ อธิปฺเปโต. สฺวายํ ยสฺมา จิตฺตสฺส ลหุอาทิภาเวน วินา นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กาโยปิ จิตฺตมฺปิ ลหุกํ โหตี’’ติ.
โอฬาริเก ¶ อสฺสาสปสฺสาเส นิรุทฺเธติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนยมฺปิ วิเจตพฺพาการปฺปตฺตสฺส กายสงฺขารสฺส วิจยนวิธึ ทสฺเสตุํ อานีตํ.
๒๒๙. อุปรูปริ วิภูตานีติ ภาวนาพเลน อุทฺธํ อุทฺธํ ปากฏานิ โหนฺติ. เทสโตติ ปกติยา ผุสนเทสโต, ปุพฺเพ อตฺตนา ผุสนวเสน อุปธาริตฏฺานโต.
‘‘กตฺถ นตฺถี’’ติ านวเสน, ‘‘กสฺส นตฺถี’’ติ ปุคฺคลวเสน วีมํสิยมานมตฺถํ เอกชฺฌํ กตฺวา วิภาเวตุํ ‘‘อนฺโตมาตุกุจฺฉิย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อุทเก นิมุคฺคสฺส ปุคฺคลสฺส นิรุทฺโธกาสตาย อสฺสาสปสฺสาสา น ปวตฺตนฺติ, เอวํ อนฺโตมาตุกุจฺฉิยํ. ยถา มตานํ สมุฏฺาปกจิตฺตาภาวโต, เอวํ อสฺีภูตานํ มุจฺฉาปเรตานํ, อสฺีสุ วา ชาตานํ, ตถา นิโรธสมาปนฺนานํ. จตุตฺถชฺฌานสมาปนฺนานํ ปน ธมฺมตาวเสเนว เนสํ อนุปฺปชฺชนํ, ตถา รูปารูปภวสมงฺคีนํ. เกจิ ปน ‘‘อนุปุพฺพโต สุขุมภาวปฺปตฺติยา จตุตฺถชฺฌานสมาปนฺนสฺส, รูปภเว รูปานํ ภวงฺคสฺส จ สุขุมภาวโต รูปภวสมงฺคีนํ นตฺถี’’ติ การณํ วทนฺติ. อตฺถิเยว เต อสฺสาสปสฺสาสา ปริเยสโตติ อธิปฺปาโย, ยถาวุตฺตสตฺตฏฺานวินิมุตฺตสฺส อสฺสาสปสฺสาสานํ อนุปฺปชฺชนฏฺานสฺส อภาวโต. ปกติผุฏฺวเสนาติ ปกติยา ผุสนฏฺานวเสน. นิมิตฺตํ เปตพฺพนฺติ สติยา ตตฺถ ตตฺถ สุขปฺปวตฺตนตฺถํ ถิรตรสฺชานนํ ปวตฺเตตพฺพํ. ถิรสฺาปทฏฺานา หิ สติ. อิมเมวาติ อิมํ เอว อนุปฏฺหนฺตสฺส กายสงฺขารสฺส กณฺฏกุฏฺาปนนเยน อุปฏฺาปนวิธิเมว. อตฺถวสนฺติ เหตุํ. อตฺโถติ หิ ผลํ, โส ยสฺส วเสน ปวตฺตติ, โส อตฺถวโสติ. มุฏฺสฺสติสฺสาติ วินฏฺสฺสติสฺส. อสมฺปชานสฺสาติ สมฺปชฺรหิตสฺส, ภาเวนฺตสฺส อนุกฺกเมน อนุปฏฺหนฺเต อสฺสาสปสฺสาเส วีมํสิตฺวา ‘‘อิเม เต’’ติ อุปธาเรตุํ, สมฺมเทว ปชานิตฺุจ สมตฺถาหิ สติปฺาหิ วิรหิตสฺสาติ อธิปฺปาโย.
๒๓๐. อิโต อฺํ กมฺมฏฺานํ. ครุกนฺติ ภาริยํ. สา จสฺส ครุกตา ภาวนาย สุทุกฺกรภาเวนาติ อาห ‘‘ครุกภาวน’’นฺติ. อุปรูปริ ¶ สนฺตสุขุมภาวปฺปตฺติโต ‘‘พลวตี สุวิสทา สูรา จ สติปฺา จ อิจฺฉิตพฺพา’’ติ วตฺวา สุขุมสฺส นาม อตฺถสฺส สาธเนนาปิ สุขุเมเนว ¶ ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิทานิ อนุปฏฺหนฺตานํ อสฺสาสปสฺสาสานํ ปริเยสนุปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตาหิ จ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โคจรมุเขติ โคจราภิมุเข. อนุปทนฺติ ปทานุปทํ. จริตฺวาติ โคจรํ คเหตฺวา. ตสฺมึเยว าเนติ อุปนิพนฺธนานิมิตฺตสฺิตฏฺาเน. โยเชตฺวาติ มนสิกาเรน โยเชตฺวา. สติรสฺมิยา พนฺธิตฺวาติ วา วุตฺตเมวตฺถมาห ‘‘ตสฺมึเยว าเน โยเชตฺวา’’ติ. น หิ อุปเมยฺเย พนฺธนโยชนฏฺานานิ วิสุํ ลพฺภนฺติ.
๒๓๑. นิมิตฺตนฺติ อุคฺคหนิมิตฺตํ, ปฏิภาคนิมิตฺตํ วา. อุภยมฺปิ หิ อิธ เอกชฺฌํ วุตฺตํ. ตถา หิ ตูลปิจุอาทิอุปมตฺตยํ อุคฺคเห ยุชฺชติ, เสสํ อุภยตฺถ. เอกจฺเจติ เอเก อาจริยา.
ตารกรูปํ วิยาติ ตารกาย ปภารูปํ วิย. มณิคุฬิกาทิอุปมา ปฏิภาเค วฏฺฏนฺติ. กถํ ปเนตํ เอกํเยว กมฺมฏฺานํ อเนกาการโต อุปฏฺาตีติ อาห ‘‘ตฺจ ปเนต’’นฺติอาทิ. สุตฺตนฺตนฺติ เอกํ สุตฺตํ. ปคุณปฺปวตฺติภาเวน อวิจฺเฉทํ, มหาวิสยตฺจ สนฺธายาห ‘‘มหตี ปพฺพเตยฺยา นที วิยา’’ติ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปตฺติยา สมนฺตภทฺทกํ สุตฺตํ สพฺพภาคมโนหรา สพฺพปาลิผุลฺลา วนฆฏา วิยาติ อาห ‘‘เอกา วนราชิ วิยา’’ติ. เตนาห ภควา – ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถ ผุสฺสิตคฺเค’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๓; สุ. นิ. ๒๓๖). นานานุสนฺธิกํ นานาเปยฺยาลํ วิวิธนยนิปุณํ พหุวิธกมฺมฏฺานมุขสุตฺตนฺตํ อตฺถิเกหิ สกฺกจฺจํ สมุปชีวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘สีตจฺฉาโย…เป… รุกฺโข วิยา’’ติ. สฺานานตายาติ นิมิตฺตุปฏฺานโต ปุพฺเพว ปวตฺตสฺานํ นานาวิธภาวโต.
อิเม ตโย ธมฺมาติ อสฺสาโส, ปสฺสาโส, นิมิตฺตนฺติ อิเม ตโย ธมฺมา. นตฺถีติ กมฺมฏฺานวเสน มนสิกาตพฺพภาเวน นตฺถิ น อุปลพฺภนฺติ. น จ อุปจารนฺติ อุปจารมฺปิ น ปาปุณาติ, ปเคว อปฺปนนฺติ อธิปฺปาโย. ยสฺส ปนาติ วิชฺชมานปกฺโข วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ.
อิทานิ วุตฺตสฺเสว อตฺถสฺส สมตฺถนตฺถํ กกจูปมายํ อาคตา ‘‘นิมิตฺต’’นฺติอาทิกา คาถา ปจฺจานีตา.
๒๓๒. นิมิตฺเตติ ¶ ¶ ยถาวุตฺเต ปฏิภาคนิมิตฺเต. เอวํ โหตีติ ภาวนมนุยุตฺตสฺส เอว โหติ. ตสฺมา ‘‘ปุนปฺปุนํ เอวํ มนสิ กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. โวสานํ อาปชฺเชยฺยาติ ‘‘นิมิตฺตํ นาม ทุกฺกรํ อุปฺปาเทตุํ, ตยิทํ ลทฺธํ, หนฺทาหํ ทานิ ยทา วา ตทา วา วิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ สงฺโกจํ อาปชฺเชยฺย. วิสีเทยฺยาติ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส นิมิตฺตมฺปิ น อุปฺปนฺนํ, อภพฺโพ มฺเ วิเสสสฺสา’’ติ วิสาทํ อาปชฺเชยฺย.
‘‘อิมาย ปฏิปทาย ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามีติ ปฏิปนฺนสฺส นิมิตฺต’’นฺติ วุตฺเต กถํ สงฺโกจาปตฺติ, ภิยฺโยโส มตฺตาย อุสฺสาหเมว กเรยฺยาติ ‘‘นิมิตฺตมิทํ…เป… วตฺตพฺโพ’’ติ มชฺฌิมภาณกา อาหุ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน ปฏิภาคนิมิตฺเตเยว ภาวนาจิตฺตสฺส ปเนน. อิโต ปภุตีติ อิโต ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย. ปุพฺเพ ยํ วุตฺตํ ‘‘อนุพนฺธนาย จ ผุสนาย จ ปนาย จ มนสิ กโรตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒๔), ตตฺถ อนุพนฺธนํ, ผุสนฺจ วิสฺสชฺเชตฺวา ปนาวเสน ภาวนา โหตีติ ปนาวเสเนว ภาเวตพฺพนฺติ อตฺโถ.
โปราเณหิ วุตฺโตวายมตฺโถติ ‘‘นิมิตฺเต’’ติ คาถมาห. ตตฺถ นิมิตฺเตติ ปฏิภาคนิมิตฺเต. ปยํ จิตฺตนฺติ ภาวนาจิตฺตํ เปนฺโต, ปนาวเสน มนสิ กโรนฺโตติ อตฺโถ. นานาการนฺติ ‘‘จตฺตาโร วณฺณา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๑๙; ปารา. อฏฺ. ๒.๑๖๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๖๓) เอวํ วุตฺตํ นานาการํ. อาการสามฺวเสน เหตํ เอกวจนํ. วิภาวยนฺติ วิภาเวนฺโต อนฺตรธาเปนฺโต. นิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย หิ เต อาการา อมนสิกโรโต อนฺตรหิตา วิย โหนฺติ. อสฺสาสปสฺสาเสติ อสฺสาสปสฺสาเส โย นานากาโร, ตํ วิภาวยํ, อสฺสาสปสฺสาสสมฺภูเต วา นิมิตฺเต. สกํ จิตฺตํ นิพนฺธตีติ ตาย เอว ปนาย อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ, อปฺเปตีติ อตฺโถ. เย ปน ‘‘วิภาวยนฺติ วิภาเวนฺโต วิทิตํ ปากฏํ กโรนฺโต’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ ปุพฺพภาควเสน ยุชฺเชยฺย. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีโร โยคี อสฺสาสปสฺสาเส นานาการํ วิภาเวนฺโต นานาการโต เต ปชานนฺโต วิทิเต ปากเฏ กโรนฺโต, นานาการํ วา โอฬาริโกฬาริเก ปสฺสมฺเภนฺโต วูปสเมนฺโต ตตฺถ ยํ ลทฺธํ นิมิตฺตํ, ตสฺมึ จิตฺตํ เปนฺโต อนุกฺกเมน สกํ จิตฺตํ นิพนฺธติ อปฺเปตีติ.
วณฺณโตติ ¶ ปิจุปิณฺฑตารกรูปาทีสุ วิย อุปฏฺิตวณฺณโต. ลกฺขณโตติ ขรภาวาทิสภาวโต, อนิจฺจาทิลกฺขณโต วา. รกฺขิตพฺพํ ตํ นิมิตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. นิมิตฺตสฺส ¶ รกฺขณํ นาม ตตฺถ ปฏิลทฺธสฺส อุปจารฌานสฺส รกฺขเณเนว โหตีติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ มนสิการวเสน วุทฺธึ วิรุฬฺหึ คมยิตฺวา’’ติ.
๒๓๓. เอตฺถาติ เอติสฺสํ กายานุปสฺสนายํ. ปาริสุทฺธึ ปตฺตุกาโมติ อธิคนฺตุกาโม, สมาปชฺชิตุกาโม จ, ตตฺถ สลฺลกฺขณาวิวฏฺฏนาวเสน อธิคนฺตุกาโม, สลฺลกฺขณาวเสน สมาปชฺชิตุกาโมติ โยเชตพฺพํ. นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตีติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา หีติอาทิ กายสฺส, จิตฺตสฺส จ อสฺสาสปสฺสาสานํ สมุทยภาวทสฺสนํ. กมฺมารคคฺคริยาติ กมฺมารานํ อุกฺกายํ อคฺคิธมนภสฺตา. ธมมานายาติ ธมยนฺติยา, วาตํ คาหาเปนฺติยาติ อตฺโถ. ตชฺชนฺติ ตทนุรูปํ. เอวเมวาติ เอตฺถ กมฺมารคคฺครี วิย กรชกาโย, วายาโม วิย จิตฺตํ ทฏฺพฺพํ. กิฺจาปิ อสฺสาสปสฺสาสา จิตฺตสมุฏฺานา, กรชกายํ ปน วินา เตสํ อปฺปวตฺตนโต ‘‘กายฺจ จิตฺตฺจ ปฏิจฺจ อสฺสาสปสฺสาสา’’ติ วุตฺตํ.
ตสฺสาติ นามรูปสฺส. ปจฺจยํ ปริเยสตีติ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) อวิชฺชาทิกํ ปจฺจยํ วีมํสติ ปริคฺคณฺหาติ. กงฺขํ วิตรตีติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) อาทินยปฺปวตฺตํ โสฬสวตฺถุกํ วิจิกิจฺฉํ อติกฺกมติ ปชหติ. ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๔๗; ๓๖๑; ๓.๘๖; อ. นิ. ๔.๑๘๑) อาทินยปฺปวตฺตํ กลาปสมฺมสนํ. ปุพฺพภาเคติ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิปริยาปนฺนาย อุทยพฺพยานุปสฺสนาย ปุพฺพภาเค อุปฺปนฺเน. โอภาสาทโยติ โอภาโส าณํ ปีติ ปสฺสทฺธิ สุขํ อธิโมกฺโข ปคฺคโห อุเปกฺขา อุปฏฺานํ นิกนฺตีติ อิเม โอภาสาทโย ทส. อุทยํ ปหายาติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาย คหิตํ สงฺขารานํ อุทยํ วิสฺสชฺเชตฺวา เตสํ ภงฺคสฺเสว อนุปสฺสนโต ภงฺคานุปสฺสนํ าณํ ปตฺวา อาทีนวานุปสฺสนาปุพฺพงฺคมาย นิพฺพิทานุปสฺสนาย นิพฺพินฺทนฺโต. มฺุจิตุกมฺยตาปฏิสงฺขานุปสฺสนาสงฺขารุเปกฺขานุโลมาณานํ จิณฺณปริยนฺเต อุปฺปนฺนโคตฺรภุาณานนฺตรํ อุปฺปนฺเนน มคฺคาเณน สพฺพสงฺขาเรสุ วิรชฺชนฺโต วิมุจฺจนฺโต. มคฺคกฺขเณ ¶ หิ อริโย วิรชฺชติ วิมุจฺจตีติ จ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ยถากฺกเมน จตฺตาโร อริยมคฺเค ปาปุณิตฺวา’’ติ. มคฺคผลนิพฺพานปหีนาวสิฏฺกิเลสสงฺขาตสฺส ปจฺจเวกฺขิตพฺพสฺส ปเภเทน เอกูนวีสติเภทสฺส ¶ . อรหโต หิ อวสิฏฺกิเลสาภาเวน เอกูนวีสติตา. อสฺสาติ อานาปานกมฺมฏฺานิกสฺส.
๒๓๔. วิสุํ กมฺมฏฺานภาวนานโย นาม นตฺถิ ปมจตุกฺกวเสน อธิคตฌานสฺส เวทนาจิตฺตธมฺมานุปสฺสนาวเสน เทสิตตฺตา. เตสนฺติ ติณฺณํ จตุกฺกานํ.
ปีติปฏิสํเวทีติ ปีติยา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวทนาสีโล, ตสฺสา วา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวโท เอตสฺส อตฺถิ, ตํ วา ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว เวทยมาโน. ตตฺถ กามํ สํเวทน-คฺคหเณเนว ปีติยา สกฺกจฺจํ วิทิตภาโว โพธิโต โหติ, เยหิ ปน ปกาเรหิ ตสฺสา สํเวทนํ อิจฺฉิตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ปฏิ-สทฺทคฺคหณํ ‘‘ปฏิ ปฏิ สํเวทีติ ปฏิสํเวที’’ติ. เตนาห ‘‘ทฺวีหากาเรหี’’ติอาทิ.
ตตฺถ กถํ อารมฺมณโต ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตีติ ปุจฺฉาวจนํ. สปฺปีติเก ทฺเว ฌาเน สมาปชฺชตีติ ปีติสหคตานิ ทฺเว ปมทุติยฌานานิ ปฏิปาฏิยา สมาปชฺชติ. ตสฺสาติ เตน. ‘‘ปฏิสํวิทิตา’’ติ หิ ปทํ อเปกฺขิตฺวา กตฺตุอตฺเถ เอตํ สามิวจนํ. สมาปตฺติกฺขเณติ สมาปนฺนกฺขเณ. ฌานปฏิลาเภนาติ ฌาเนน สมงฺคิภาเวน. อารมฺมณโตติ อารมฺมณมุเขน, ตทารมฺมณฌานปริยาปนฺนา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ อารมฺมณสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา นาม สปฺปปริเยสนํ จรนฺเตน ตสฺส อาสเย ปฏิสํวิทิเต โสปิ ปฏิสํวิทิโต คหิโต เอว โหติ มนฺตาคทพเลน ตสฺส คหณสฺส สุกรตฺตา, เอวํ ปีติยา อาสยภูเต อารมฺมเณ ปฏิสํวิทิเต สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา เอว โหติ สลกฺขณโต, สามฺโต จ ตสฺสา คหณสฺส สุกรตฺตาติ.
กถํ อสมฺโมหโต ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. วิปสฺสนากฺขเณติ วิปสฺสนาปฺาย ติกฺขวิสทปฺปตฺตาย วิสยโต ¶ ทสฺสนกฺขเณ. ลกฺขณปฏิเวเธนาติ ปีติยา สลกฺขณสฺส, สามฺลกฺขณสฺส จ ปฏิวิชฺฌเนน. ยํ หิ ยสฺส วิเสสโต, สามฺโต จ ลกฺขณํ, ตสฺมึ วิทิเต โส ยาถาวโต วิทิโต เอว โหติ. เตนาห ‘‘อสมฺโมหโต ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตี’’ติ.
อิทานิ ¶ ตมตฺถํ ปาฬิยา เอว วิภาเวตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ทีฆํ อสฺสาสวเสนาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตตฺถ ปน สโตการิตาทสฺสนวเสน ปาฬิ อาคตา, อิธ ปีติปฏิสํเวทิตาวเสน, ปีติปฏิสํเวทิตา จ อตฺถโต วิภตฺตา เอว. อปิจ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ทีฆํ อสฺสาสวเสนาติ ทีฆสฺส อสฺสาสสฺส อารมฺมณภูตสฺส วเสน ปชานโต สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตีติ สมฺพนฺโธ. จิตฺตสฺส เอกคฺคตํ อวิกฺเขปํ ปชานโตติ ฌานปริยาปนฺนํ ‘‘อวิกฺเขโป’’ติ ลทฺธนามํ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ ตํสมฺปยุตฺตาย ปฺาย ปชานโต. ยเถว หิ อารมฺมณมุเขน ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ อารมฺมณมุเขน ปฏิสํวิทิตา เอว โหนฺตีติ. สติ อุปฏฺิตา โหตีติ ทีฆํ อสฺสาสวเสน ฌานสมฺปยุตฺตา สติ ตสฺส อารมฺมเณ อุปฏฺิตา อารมฺมณมุเขน ฌาเนปิ อุปฏฺิตา นาม โหติ. ตาย สติยาติ เอวํ อุปฏฺิตาย ตาย สติยา ยถาวุตฺเตน เตน าเณน สุปฺปฏิวิทิตตฺตา อารมฺมณสฺส ตสฺส วเสน ตทารมฺมณา สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหติ. ทีฆํ ปสฺสาสวเสนาติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอวํ ปมจตุกฺกวเสน ทสฺสิตํ ปีติปฏิสํเวทนํ อารมฺมณโต, อสมฺโมหโต จ วิภาคโส ทสฺเสตุํ ‘‘อาวชฺชโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาวชฺชโตติ ฌานํ อาวชฺชนฺตสฺส. สา ปีตีติ สา ฌานปริยาปนฺนา ปีติ. ชานโตติ สมาปนฺนกฺขเณ อารมฺมณมุเขน ชานโต. ตสฺส สา ปีติ ปฏิสํวิทิตา โหตีติ สมฺพนฺโธ. ปสฺสโตติ ทสฺสนภูเตน าเณน ฌานโต วุฏฺาย ปสฺสนฺตสฺส. ปจฺจเวกฺขโตติ ฌานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส. จิตฺตํ อธิฏฺหโตติ ‘‘เอตฺตกํ เวลํ ฌานสมงฺคี ภวิสฺสามี’’ติ ฌานจิตฺตํ อธิฏฺหนฺตสฺส. เอวํ ปฺจนฺนํ วสีภาวานํ วเสน ฌานสฺส ปชานนมุเขน อารมฺมณโต ปีติยา ปฏิสํเวทนา ทสฺสิตา.
อิทานิ ¶ เยหิ ธมฺเมหิ ฌานํ, วิปสฺสนา จ สิชฺฌนฺติ; เตสํ ฌานปริยาปนฺนานํ, วิปสฺสนามคฺคปริยาปนฺนานฺจ สทฺธาทีนํ วเสน ปีติปฏิสํเวทนํ ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธาย อธิมุจฺจโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อธิมุจฺจโตติ สทฺทหนฺตสฺส, สมถวิปสฺสนาวเสนาติ อธิปฺปาโย. วีริยํ ปคฺคณฺหโตติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อภิฺเยฺยนฺติ อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ชานิตพฺพํ. อภิชานโตติ วิปสฺสนาปฺาปุพฺพงฺคมาย มคฺคปฺาย ชานโต. ปริฺเยฺยนฺติ ทุกฺขสจฺจํ ตีรณปริฺาย, มคฺคปฺาย จ ปริชานโต. ปหาตพฺพนฺติ สมุทยสจฺจํ ปหานปริฺาย, มคฺคปฺาย จ ปชหโต. ภาวยโต สจฺฉิกโรโต ภาเวตพฺพํ มคฺคสจฺจํ ¶ , สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธสจฺจํ. เกจิ ปเนตฺถ ปีติยา เอว วเสน อภิฺเยฺยาทีนิ อุทฺธรนฺติ, ตํ อยุตฺตํ ฌานาทิสมุทายํ อุทฺธริตฺวา ตโต ปีติยา นิทฺธารณสฺส อธิปฺเปตตฺตา.
เอตฺถ จ ‘‘ทีฆํ อสฺสาสวเสนา’’ติอาทินา ปมจตุกฺกวเสน อารมฺมณโต ปีติปฏิสํเวทนํ วุตฺตํ, ตถา ‘‘อาวชฺชโต’’ติอาทีหิ ปฺจหิ ปเทหิ. ‘‘อภิฺเยฺยํ อภิชานโต’’ติอาทีหิ ปน อสมฺโมหโต. ‘‘สทฺธาย อธิมุจฺจโต’’ติอาทีหิ อุภยถาปีติ สงฺเขปโต สมถวเสน อารมฺมณโต, วิปสฺสนาวเสน อสมฺโมหโต ปีติปฏิสํเวทนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กสฺมา ปเนตฺถ เวทนานุปสฺสนายํ ปีติสีเสน เวทนา คหิตา, น สรูปโต เอวาติ? ภูมิวิภาคาทิวเสน เวทนํ ภินฺทิตฺวา จตุธา เวทนานุปสฺสนํ ทสฺเสตุํ. อปิจ เวทนากมฺมฏฺานํ ทสฺเสนฺโต ภควา ปีติยา โอฬาริกตฺตา ตํสมฺปยุตฺตสุขํ สุขคฺคหณตฺถํ ปีติสีเสน ทสฺเสติ.
เอเตเนว นเยน อวเสสปทานีติ ‘‘สุขปฏิสํเวที จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที’’ติ ปทานิ ปีติปฏิสํเวทิปเท อาคตนเยเนว อตฺถโต เวทิตพฺพานิ. สกฺกา หิ ‘‘ทฺวีหากาเรหิ สุขปฏิสํเวทิตา โหติ, จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวทิตา โหติ อารมฺมณโต’’ติอาทินา ปีติฏฺาเน สุขาทิปทานิ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘สุขสหคตานิ ตีณิ ฌานานิ, จตฺตาริ วา ฌานานิ สมาปชฺชตี’’ติอาทินา อตฺถํ วิฺาตุํ. เตนาห ‘‘ติณฺณํ ฌานานํ วเสนา’’ติอาทิ. เวทนาทโยติ อาทิ-สทฺเทน สฺา คหิตา. เตนาห ‘‘ทฺเว ขนฺธา’’ติ. วิปสฺสนาภูมิทสฺสนตฺถนฺติ ปกิณฺณกสงฺขารสมฺมสนวเสน วิปสฺสนาย ภูมิทสฺสนตฺถํ ‘‘สุขนฺติ ทฺเว สุขานี’’ติอาทิ วุตฺตํ ¶ สมเถ กายิกสุขาภาวโต. โสติ โส ปสฺสมฺภนปริยาเยน วุตฺโต นิโรโธ. ‘‘อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน ปุพฺเพ อปริคฺคหิตกาเล’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒๐) วิตฺถารโต กายสงฺขาเร วุตฺโต, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กายสงฺขารวเสน อาคโต, อิธ จิตฺตสงฺขารวเสนาติ อยเมว วิเสโส.
เอวํ จิตฺตสงฺขารสฺส ปสฺสมฺภนํ อติเทเสน ทสฺเสตฺวา ยทฺํ อิมสฺมึ จตุกฺเก วตฺตพฺพํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปีติปเทติ ‘‘ปีติปฏิสํเวที’’ติอาทินา เทสิตโกฏฺาเส. ปีติสีเสน เวทนา วุตฺตาติ ปีติอปเทเสน ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา วุตฺตา, น ปีตีติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ทฺวีสุ จิตฺตสงฺขารปเทสูติ ‘‘จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขาร’’นฺติ จิตฺตสงฺขารปฏิสํยุตฺเตสุ ทฺวีสุ ปเทสุ. ‘‘วิฺาณปจฺจยา ¶ นามรูป’’นฺติ (มหาว. ๑; ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑) วจนโต จิตฺเตน ปฏิพทฺธาติ จิตฺตปฏิพทฺธา. ตโต เอว กามํ จิตฺเตน สงฺขรียนฺตีติ จิตฺตสงฺขารา, สฺาเวทนาทโย, อิธ ปน อุปลกฺขณมตฺตํ สฺา เวทนาว อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘สฺาสมฺปยุตฺตา เวทนา’’ติ.
๒๓๕. จิตฺตปฏิสํเวทีติ เอตฺถ ทฺวีหากาเรหิ จิตฺตปฏิสํเวทิตา โหติ อารมฺมณโต, อสมฺโมหโต จ. กถํ อารมฺมณโต? จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชติ, ตสฺส สมาปตฺติกฺขเณ ฌานปฏิลาเภนาติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรน สพฺพํ สุวิฺเยฺยนฺติ อาห ‘‘จตุนฺนํ ฌานานํ วเสน จิตฺตปฏิสํเวทิตา เวทิตพฺพา’’ติ. จิตฺตํ โมเทนฺโตติ ฌานสมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ สมฺปยุตฺตาย ปีติยา โมทยมาโน, ตํ วา ปีตึ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตํ วิปสฺสนาจิตฺตํ ตาย เอว อารมฺมณภูตาย ปีติยา โมทยมาโน. ปโมเทนฺโตติอาทีนิ ปทานิ ตสฺเสว เววจนานิ ปีติปริยายภาวโต.
สมฺปยุตฺตาย ปีติยา จิตฺตํ อาโมเทตีติ ฌานจิตฺตสมฺปยุตฺตาย ปีติสมฺโพชฺฌงฺคภูตาย โอทคฺยลกฺขณาย ฌานปีติยา ตเมว ฌานจิตฺตํ สหชาตาทิปจฺจยวเสน เจว ฌานปจฺจยวเสน จ ปริพฺรูเหนฺโต หฏฺปหฏฺาการํ ปาเปนฺโต อาโมเทติ ปโมเทติ จ. อารมฺมณํ กตฺวาติ ¶ อุฬารํ ฌานสมฺปยุตฺตํ ปีตึ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานํ วิปสฺสนาจิตฺตํ ตาย เอว อารมฺมณภูตาย ปีติยา โยคาวจโร หฏฺปหฏฺาการํ ปาเปนฺโต ‘‘อาโมเทติ ปโมเทตี’’ติ วุจฺจติ.
สมํ เปนฺโตติ ยถา อีสกมฺปิ ลีนปกฺขํ, อุทฺธจฺจปกฺขฺจ อนุปคมฺม อโนนตํ อนุนฺนตํ ยถา อินฺทฺริยานํ สมตฺตปฏิปตฺติยา อวิสมํ, สมาธิสฺส วา อุกฺกํสคมเนน อาเนฺชปฺปตฺติยา สมฺมเทว ิตํ โหติ, เอวํ อปฺปนาวเสน เปนฺโต. ลกฺขณปฏิเวเธนาติ อนิจฺจาทิกสฺส ลกฺขณสฺส ปฏิ ปฏิ วิชฺฌเนน ขเณ ขเณ อวโพเธน. ขณิกจิตฺเตกคฺคตาติ ขณมตฺตฏฺิติโก สมาธิ. โสปิ หิ อารมฺมเณ นิรนฺตรํ เอกากาเรน ปวตฺตมาโน ปฏิปกฺเขน อนภิภูโต อปฺปิโต วิย จิตฺตํ นิจฺจลํ เปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ อุปฺปนฺนายา’’ติอาทิ.
โมเจนฺโตติ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติวเสน วิเวเจนฺโต วิสุํ กโรนฺโต, นีวรณานิ ปชหนฺโตติ อตฺโถ. วิปสฺสนากฺขเณติ ภงฺคานุปสฺสนากฺขเณ. ภงฺโค หิ นาม อนิจฺจตาย ปรมา โกฏิ, ตสฺมา ¶ ตาย ภงฺคานุปสฺสโก โยคาวจโร จิตฺตมุเขน สพฺพสงฺขารคตํ อนิจฺจโต ปสฺสติ, โน นิจฺจโต. อนิจฺจสฺส ทุกฺขตฺตา, ทุกฺขสฺส จ อนตฺตกตฺตา ตเทว ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, โน สุขโต. อนตฺตโต อนุปสฺสติ, โน อตฺตโต. ยสฺมา ปน ยํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, น ตํ อภินนฺทิตพฺพํ. ยฺจ น อภินนฺทิตพฺพํ, น ตํ รฺชิตพฺพํ. ตสฺมา ภงฺคทสฺสนานุสาเรน ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ สงฺขารคเต ทิฏฺเ ตสฺมึ นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติ. วิรชฺชติ, โน รชฺชติ. โส เอวํ นิพฺพินฺทนฺโต วิรชฺชนฺโต โลกิเยเนว ตาว าเณน ราคํ นิโรเธติ, โน สมุเทติ, นาสฺส สมุทยํ กโรตีติ อตฺโถ. อถ วา โส เอวํ วิรตฺโต ยถา ทิฏฺํ สงฺขารคตํ, ตถา อทิฏฺํ อตฺตโน าเณน นิโรเธติ, โน สมุเทติ. นิโรธเมวสฺส มนสิกโรติ, โน สมุทยนฺติ อตฺโถ. โส เอวํ ปฏิปนฺโน ปฏินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติ. กึ วุตฺตํ โหติ? อยฺหิ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนา สทฺธึ ขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลสานํ ปริจฺจชนโต, สงฺขตโทสทสฺสเนน ตพฺพิปรีเต นิพฺพาเน ตนฺนินฺนตาย ปกฺขนฺทนโต ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคฺโค จาติ วุจฺจติ. ตสฺมา ตาย สมนฺนาคโต โยคาวจโร วุตฺตนเยน กิเลเส จ ปริจฺจชติ, นิพฺพาเน จ ปกฺขนฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส วิปสฺสนากฺขเณ อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺาโต จิตฺตํ โมเจนฺโต วิโมเจนฺโต ¶ …เป… ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทานโต จิตฺตํ โมเจนฺโต วิโมเจนฺโต อสฺสสติ เจว ปสฺสสติ จา’’ติ.
ตตฺถ อนิจฺจสฺส, อนิจฺจนฺติ วา อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา. เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ปวตฺตาย วิปสฺสนาย เอตํ นามํ. นิจฺจสฺาโตติ สงฺขตธมฺเม ‘‘นิจฺจา สสฺสตา’’ติ ปวตฺตาย มิจฺฉาสฺาย. สฺาสีเสน จิตฺตทิฏฺีนมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย สุขสฺาทีสุปิ. นิพฺพิทานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นนฺทิโตติ สปฺปีติกตณฺหาโต. วิราคานุปสฺสนายาติ ตถา วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. เตน วุตฺตํ ‘‘ราคโต โมเจนฺโต’’ติ. นิโรธานุปสฺสนายาติ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนาย. ยถา สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายตึ ปุนพฺภววเสน น อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ วา อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. มฺุจิตุกมฺยตา หิ อยํ พลปฺปตฺตา. เตนาห ‘‘สมุทยโต โมเจนฺโต’’ติ. ปฏินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา. อาทานโตติ นิจฺจาทิวเสน คหณโต, ปฏิสนฺธิคฺคหณโต วาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๒๓๖. อนิจฺจนฺติ ¶ อนุปสฺสี, อนิจฺจสฺส วา อนุปสฺสนสีโล อนิจฺจานุปสฺสีติ เอตฺถ กึ ปเนตํ อนิจฺจํ, กถํ วา อนิจฺจํ, กา วา อนิจฺจานุปสฺสนา, กสฺส วา อนิจฺจานุปสฺสนาติ จตุกฺกํ วิภาเวตพฺพนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิจฺจํ เวทิตพฺพ’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺถ นิจฺจํ นาม ธุวํ สสฺสตํ ยถา ตํ นิพฺพานํ, น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, อุทยพฺพยวนฺตํ, อตฺถโต สงฺขตา ธมฺมาติ อาห ‘‘อนิจฺจนฺติ ปฺจกฺขนฺธา. กสฺมา? อุปฺปาทวยฺถตฺตภาวา’’ติ, อุปฺปาทวยฺถตฺตสพฺภาวาติ อตฺโถ. ตตฺถ สงฺขตธมฺมานํ เหตุปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชนํ อหุตฺวา สมฺภโว อตฺตลาโภ อุปฺปาโท. อุปฺปนฺนานํ เตสํ ขณนิโรโธ วินาโส วโย. ชราย อฺถาภาโว อฺถตฺตํ. ยถา หิ อุปฺปาทาวตฺถาย ภินฺนาย ภงฺคาวตฺถายํ วตฺถุเภโท นตฺถิ, เอวํ ิติสงฺขาตาย ภงฺคาภิมุขาวตฺถายมฺปิ วตฺถุเภโท นตฺถิ, ยตฺถ ชราโวหาโร. ตสฺมา เอกสฺสาปิ ธมฺมสฺส ชรา ยุชฺชติ, ยา ขณิกชราติ วุจฺจติ. เอกํเสน จ อุปฺปาทภงฺคาวตฺถาสุ วตฺถุโน อเภโท อิจฺฉิตพฺโพ, อฺถา ‘‘อฺโ อุปฺปชฺชติ, อฺโ ภิชฺชตี’’ติ อาปชฺเชยฺย ¶ . ตยิมํ ขณิกชรํ สนฺธายาห ‘‘อฺถตฺต’’นฺติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต กถยิสฺสาม.
ยสฺส ลกฺขณตฺตยสฺส ภาวา ขนฺเธสุ อนิจฺจสมฺา, ตสฺมึ ลกฺขณตฺตเย อนิจฺจตาสมฺาติ ‘‘อนิจฺจตาติ เตสํเยว อุปฺปาทวยฺถตฺต’’นฺติ วตฺวา วิเสสโต ธมฺมานํ ขณิกนิโรเธ อนิจฺจตาโวหาโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘หุตฺวา อภาโว วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺปาทปุพฺพกตฺตา อภาวสฺส หุตฺวาคหณํ. เตน ปากภาวปุพฺพกตฺตํ วินาสภาวสฺส ทสฺเสติ. เตเนวากาเรนาติ นิพฺพตฺตนากาเรเนว. ขณภงฺเคนาติ ขณิกนิโรเธน. ตสฺสา อนิจฺจตายาติ ขณิกภงฺคสงฺขาตาย อนิจฺจตาย. ตาย อนุปสฺสนายาติ ยถาวุตฺตาย อนิจฺจานุปสฺสนาย. สมนฺนาคโตติ สมงฺคิภูโต โยคาวจโร.
ขโย สงฺขารานํ วินาโส, วิรชฺชนํ เตสํเยว วิลุชฺชนํ วิราโค, ขโย เอว วิราโค ขยวิราโค, ขณิกนิโรโธ. อจฺจนฺตเมตฺถ เอตสฺมึ อธิคเต สงฺขารา วิรชฺชนฺติ นิรุชฺฌนฺตีติ อจฺจนฺตวิราโค, นิพฺพานํ. เตนาห ‘‘ขยวิราโค สงฺขารานํ ขณภงฺโค, อจฺจนฺตวิราโค นิพฺพาน’’นฺติ. ตทุภยวเสน ปวตฺตาติ ขยวิราคานุปสฺสนาวเสน วิปสฺสนาย, อจฺจนฺตวิราคานุปสฺสนาวเสน มคฺคสฺส ปวตฺติ โยเชตพฺพา. อารมฺมณโต วา วิปสฺสนาย ขยวิราคานุปสฺสนาวเสน ¶ ปวตฺติ, ตนฺนินฺนภาวโต อจฺจนฺตวิราคานุปสฺสนาวเสน, มคฺคสฺส ปน อสมฺโมหโต ขยวิราคานุปสฺสนาวเสน, อารมฺมณโต อจฺจนฺตวิราคานุปสฺสนาวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ยสฺมา วิราคานุปสฺสี-ปเท วุตฺตนยานุสาเรน ‘‘ทฺเว นิโรธา ขยนิโรโธ จ อจฺจนฺตนิโรโธ จา’’ติ เอวมาทิอตฺถวณฺณนํ อติทิสติ, ตสฺมา วิราคฏฺาเน นิโรธปทํ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘ขโย สงฺขารานํ วินาโส’’ติอาทินา อิธ วุตฺตนเยน ตสฺส อตฺถวณฺณนา เวทิตพฺพา.
ปฏินิสฺสชฺชนํ ปหาตพฺพสฺส ตทงฺควเสน วา สมุจฺเฉทวเสน วา ปริจฺจชนํ ปริจฺจาคปฏินิสฺสคฺโค. ตถา สพฺพูปธีนํ ปฏินิสฺสคฺคภูเต วิสงฺขาเร อตฺตโน นิสฺสชฺชนํ, ตนฺนินฺนตาย วา ตทารมฺมณตาย วา ตตฺถ ปกฺขนฺทนํ ปกฺขนฺทนปฏินิสฺสคฺโค.
ตทงฺควเสนาติ ¶ เอตฺถ อนิจฺจานุปสฺสนา ตาว ตทงฺคปฺปหานวเสน นิจฺจสฺํ ปริจฺจชติ, ปริจฺจชนฺตี จ ตถา อปฺปวตฺติยํ เย ‘‘นิจฺจ’’นฺติ คหณวเสน กิเลสา, ตมฺมูลกา อภิสงฺขารา, ตทุภยมูลกา จ วิปากกฺขนฺธา อนาคเต อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เต สพฺเพปิ อปฺปวตฺติกรณวเสน ปริจฺจชติ, ตถา ทุกฺขสฺาทโย. เตนาห ‘‘วิปสฺสนา หิ ตทงฺควเสน สทฺธึ ขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลเส ปริจฺจชตี’’ติ.
สงฺขตโทสทสฺสเนนาติ สงฺขเต เตภูมเก สงฺขารคเต อนิจฺจตาทิโทสทสฺสเนน. นิจฺจาทิภาเวน ตพฺพิปรีเต. ตนฺนินฺนตายาติ ตทธิมุตฺตตาย. ปกฺขนฺทตีติ อนุปวิสติ อนุปวิสนฺตํ วิย โหติ. สทฺธึ ขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลเส ปริจฺจชตีติ มคฺเคน กิเลเสสุ ปริจฺจตฺเตสุ อวิปากธมฺมตาปาทเนน อภิสงฺขารา, ตมฺมูลกา จ ขนฺธา อนุปฺปตฺติรหภาเวน ปริจฺจตฺตา นาม โหนฺตีติ สพฺเพปิ เต มคฺโค ปริจฺจชตีติ วุตฺตํ. อุภยนฺติ วิปสฺสนาาณํ, มคฺคาณฺจ. มคฺคาณมฺปิ หิ โคตฺรภุาณสฺส อนุ ปจฺฉา นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘อนุปสฺสนา’’ติ วุจฺจติ.
โสฬสวตฺถุวเสน จาติ โสฬสนฺนํ วตฺถูนํ วเสนาปิ วุจฺจมานสนฺตภาวาทิวเสนาปีติ สมุจฺจยตฺโถ จ-สทฺโท. ‘‘อานาปานสฺสติ ภาวิตา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.
๒๓๗. อสฺสาติ อานาปานสฺสติสมาธิสฺส. กามวิตกฺกาทิวิตกฺกุปจฺเฉทสมตฺถตายปิ มหานิสํสตา ¶ เวทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. อยนฺติ อานาปานสฺสติสมาธิ. อุจฺจาวเจสุ อารมฺมเณสุ ปวตฺติเยว อิโต จิโต จ จิตฺตสฺส วิธาวนํ.
วิชฺชา นาม มคฺโค. วิมุตฺติ ผลํ. มูลภาโว วิปสฺสนาย ปาทกภาโว. จตฺตาโร สติปฏฺาเน ปริปูเรติ กายานุปสฺสนาทีนํ จตุนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน ตสฺสา ภาวนาย ปวตฺตนโต. สตฺต โพชฺฌงฺเค ปริปูเรนฺติ โพชฺฌงฺคภาวนาย วินา สติปฏฺานภาวนาปาริปูริยา อภาวโต. วิชฺชาวิมุตฺตึ ปริปูเรนฺติ โพชฺฌงฺคภาวนาย ตาสํ สิขาปฺปตฺติภาวโต. จริมกานนฺติ อนฺติมกานํ.
๒๓๘. นิโรธวเสนาติ ¶ นิรุชฺฌนวเสน. ภวจริมกาติ ภววเสน จริมกา นิหีนภวปวตฺติโน. ตถา ฌานจริมกา เวทิตพฺพา. จุติจริมกาติ จุติยา จริมกา จุติกฺขณปวตฺติโน สพฺพปริโยสานกา. ตสฺมาติ ตีสุ ภเวสุ นิหีเน กามภเว ปวตฺตนโต. เตติ อสฺสาสปสฺสาสา. ปุรโตติ เหฏฺา. ยสฺมา วิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๒๖ ปกิณฺณกกถา) รูปธมฺมานํ โสฬสจิตฺตกฺขณายุกตา วิภาวิตา, ตสฺมา ‘‘โสฬสเมน จิตฺเตน สทฺธึ อุปฺปชฺชิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. จุติจิตฺตสฺส ปุรโตติ วา จุติจิตฺตํ อวธิภาเวน คเหตฺวา ตโต โอรํ โสฬสเมน จิตฺเตน สทฺธึ อุปฺปชฺชิตฺวาติ เอวํ ปน อตฺเถ คยฺหมาเน สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกตาว อสฺสาสปสฺสาสานํ วุตฺตา โหติ.
อิเม กิร อิมํ กมฺมฏฺานํ อนุยุตฺตสฺส ภิกฺขุโน ปากฏา โหนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อานาปานารมฺมณสฺส สุฏฺุ ปริคฺคหิตตฺตา’’ติ. ตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘จุติจิตฺตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ อายุอนฺตรํ นาม ชีวิตนฺตรํ ชีวนกฺขณาวธิ. ธมฺมตาย เอวาติ สภาเวเนว, รุจิวเสเนวาติ อตฺโถ.
จนฺทาโลกํ โอโลเกตฺวาติ ชุณฺหปกฺเข ปโทสเวลายํ สมนฺตโต อาสิฺจมานขีรธารํ วิย คคนตลํ, รชตปตฺตสทิสวาลิกาสนฺถตฺจ ภูมิภาคํ ทิสฺวา ‘‘รมณีโย วตายํ กาโล, เทโส จ มม อชฺฌาสยสทิโส, กีว จิรํ นุ โข อยํ ทุกฺขภาโร วหิตพฺโพ’’ติ อตฺตโน อายุสงฺขาเร อุปธาเรตฺวา ปริกฺขีเณติ อธิปฺปาโย. เลขํ กตฺวาติ จงฺกเม ติริยํ เลขํ กตฺวา.
อนุยฺุเชถาติ อนุยฺุเชยฺย, ภาเวยฺยาติ อตฺโถ.
อุปสมานุสฺสติกถาวณฺณนา
๒๓๙. เอวนฺติ ¶ ยถาวุตฺเตน วิราคาทิคุณานุสฺสรณปฺปกาเรน. สพฺพทุกฺขูปสมสงฺขาตสฺสาติ ทุกฺขทุกฺขาทิเภทํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ อุปสมฺมติ เอตฺถาติ สพฺพทุกฺขูปสโมติ สงฺขาตพฺพสฺส.
‘‘ปฺตฺติธมฺมา’’ติอาทีสุ อสภาโวปิ าเณน ธารียติ อวธารียตีติ ธมฺโมติ วุจฺจตีติ ตโต นิวตฺเตนฺโต ‘‘ธมฺมาติ สภาวา’’ติ อาห ¶ . ภวนํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานตา ภาโว, สห ภาเวนาติ สภาวา, สจฺฉิกฏฺปรมตฺถโต ลพฺภมานรูปาติ อตฺโถ. เต หิ อตฺตโน สภาวสฺส ธารณโต ธมฺมาติ, ยถาวุตฺเตนฏฺเน สภาวาติ จ วุจฺจนฺติ. สงฺคมฺมาติ ปจฺจยสโมธานลกฺขเณน สงฺคเมน สนฺนิปติตฺวา. สมาคมฺมาติ ตสฺเสว เววจนํ. ปจฺจเยหีติ อนุรูเปหิ ปจฺจเยหิ. กตาติ นิพฺพตฺติตา. อกตาติ เกหิจิปิ ปจฺจเยหิ น กตา. อสงฺขตาติ พหุวจนสฺส การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อคฺคมกฺขายตีติ อคฺโค อกฺขายติ, ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. โส อสงฺขตลกฺขโณ สภาวธมฺโม วิราโคติ ปจฺเจตพฺโพ, วิรชฺชติ เอตฺถ สํกิเลสธมฺโมติ. นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมาเนน อริยมคฺเคน ปหียมานา มานมทาทโย ตํ ปตฺวา ปหียนฺติ นามาติ อาห ‘‘ตมาคมฺม…เป… วินสฺสนฺตี’’ติ. ตตฺถ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๒๑; สํ. นิ. ๔.๑๐๘) มฺนาวเสน ปวตฺโต มาโน เอว มานมโท. ปุริสภาวํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกมโท ปุริสมโท. อาทิ-สทฺเทน ชาติมทาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นิมฺมทาติ วิคตมทภาวา. อิมเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อมทา’’ติ วุตฺตํ. มทา นิมฺมทียนฺติ เอตฺถ อมทภาวํ วินาสํ คจฺฉนฺตีติ มทนิมฺมทโน. เอเสว นโย เสสปเทสุปิ. กามปิปาสาติ กามานํ ปาตุกมฺยตา, กามตณฺหา. กามคุณา เอว อาลิยนฺติ เอตฺถ สตฺตาติ กามคุณาลยา. เตภูมกํ วฏฺฏนฺติ ตีสุ ภูมีสุ กมฺมกิเลสวิปากวฏฺฏํ. เอส อสงฺขตธมฺโม. อปราปรภาวายาติ อปราปรํ โยนิอาทิโต โยนิอาทิภาวาย. อาพนฺธนํ คณฺิกรณํ. สํสิพฺพนํ ตุนฺนการณํ. นิกฺขมนํ, นิสฺสรณฺจสฺส ตณฺหาย วิสํโยโค เอวาติ อาห ‘‘วิสํยุตฺโต’’ติ.
เย คุเณ นิมิตฺตํ กตฺวา มทนิมฺมทนาทินามานิ นิพฺพาเน นิรุฬฺหานิ, เต มทนิมฺมทนตาทิเก ยถาวุตฺเต นิพฺพตฺติตนิพฺพานคุเณ เอว คเหตฺวา อาห ‘‘มทนิมฺมทนตาทีนํ คุณานํ วเสนา’’ติ, น ปน มทา นิมฺมทียนฺติ เอเตนาติ เอวมาทิเก. เต หิ อริยมคฺคคุณา ¶ . ภควตา อุปสมคุณา วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. กตฺถ ปน วุตฺตาติ? อสงฺขตสํยุตฺตาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๓๖๖ อาทโย). ตตฺถ สจฺจนฺติ อวิตถํ. นิพฺพานํ หิ เกนจิ ปริยาเยน อสนฺตภาวาภาวโต เอกํเสเนว สนฺตตฺตา อวิปรีตฏฺเน สจฺจํ. เตนาห ‘‘เอกํ หิ สจฺจํ, น ทุติยมตฺถี’’ติ ¶ (สุ. นิ. ๘๙๐). ปารนฺติ สํสารสฺส ปรตีรภูตํ. เตเนวาห ‘‘ติณฺโณ ปารงฺคโต ถเล ติฏฺติ พฺราหฺมโณ’’ติ (อิติวุ. ๖๙), ‘‘อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ, เย ชนา ปารคามิโน’’ติ (ธ. ป. ๘๕) จ. สุทุทฺทสนฺติ ปรมคมฺภีรตาย, อติสุขุมสนฺตสภาวตาย จ อนุปจิตาณสมฺภาเรหิ ทฏฺุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สุฏฺุ ทุทฺทสํ. นตฺถิ เอตฺถ ชรา, เอตสฺมึ วา อธิคเต ปุคฺคลสฺส ชราภาโวติ อชรํ. ตโต เอว ชราทีหิ อปโลกิยตาย ถิรฏฺเน ธุวํ. ตณฺหาทิปปฺจาภาวโต นิปฺปปฺจํ. นตฺถิ เอตฺถ มตนฺติ อมตํ. อสิวภาวกรานํ สํกิเลสธมฺมานํ อภาเวน สิวํ. จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมํ. วิสงฺขารภาเวน อจฺฉริยตาย, อภูตปุพฺพตาย จ อพฺภุตํ. สพฺพาสํ อีตีนํ อนตฺถานํ อภาเวน อนีติกํ. นิทฺทุกฺขตาย อพฺยาพชฺฌํ. สพฺพสํกิเลสมลโต อจฺจนฺตสุทฺธิยา วิเสสโต สุทฺธีติ วิสุทฺธิ. จตูหิปิ โอเฆหิ อนชฺโฌตฺถรณียตาย ทีปํ. สกลวฏฺฏทุกฺขโต ปริปาลนฏฺเน ตาณํ.
‘‘สจฺจฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทิกา ปาฬิ สํขิตฺตาติ เวทิตพฺพา. อาทิ-สทฺเทน อนนฺตอนาสวนิปุณอชชฺชรอปโลกิตอนิทสฺสนปณีตอจฺฉริยอนีติกธมฺมมุตฺติเลณปรายณคมฺภีราทิวจเนหิ จ โพธิตา อิธ อวุตฺตา คุณา สงฺคยฺหนฺติ, ตตฺถ นตฺถิ เอตสฺส อุปฺปาทนฺโต วา วยนฺโต วาติ อนนฺโต, อสงฺขตธมฺโม. อาสวานํ อนารมฺมณตาย อนาสโว. นิปุณาณโคจรตาย นิปุโณ. สงฺขตธมฺโม วิย ชราย อชชฺชริตตาย อชชฺชโร. พฺยาธิอาทีหิ อปโลกิยตาย อปโลกิตํ. อจกฺขุวิฺาณวิฺเยฺยตาย อนิทสฺสโน. อติตฺติกรฏฺเน ปณีโต. อปจุรตาย อจฺฉริโย. อีตีหิ อนภิภวนียสภาวตฺตา, อนีติกภาวเหตุโต จ อนีติกธมฺโม. วฏฺฏทุกฺขมุตฺตินิมิตฺตตาย มุตฺติ. สํสารํ ภยโต ปสฺสนฺเตหิ นิลียนียโต เลณํ. เตสํเยว ปรา คตีติ ปรายโณ. ปกติาเณน อลทฺธปติฏฺตาย อคาธฏฺเน คมฺภีโร. กตปฺุเหิปิ ทุกฺเขน กิจฺเฉน อนุพุชฺฌิตพฺพโต ทุรนุโพโธ. สจฺฉิกิริยํ มฺุจิตฺวา น ตกฺกาเณน อวจริตพฺโพติ อตกฺกาวจโร ¶ . พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตเหว เวทิตพฺพโต อธิคนฺตพฺพโต ปณฺฑิตเวทนีโยติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อริยสาวกสฺเสว ¶ อิชฺฌติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน นิพฺพานคุณานํ ปากฏภาวโต. อฏฺาเน จายํ เอว-สทฺโท วุตฺโต, อิชฺฌติ เอวาติ โยชนา. สุขสิทฺธิวเสน วา เอวํ วุตฺตํ ‘‘อริยสาวกสฺเสวา’’ติ. เตเนวาห ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ. อุปสมครุเกนาติ นิพฺพานนินฺเนน. มนสิ กาตพฺพา ยถาวุตฺตา อุปสมคุณา. สุขํ สุปตีติอาทีสุ วตฺตพฺพํ เมตฺตากถายํ อาวิ ภวิสฺสติ. ปณีตาธิมุตฺติโก โหติ นิพฺพานาธิมุตฺตตฺตา.
อนุสฺสติกมฺมฏฺานนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ อฏฺมปริจฺเฉทวณฺณนา.
๙. พฺรหฺมวิหารนิทฺเทสวณฺณนา
เมตฺตาภาวนากถาวณฺณนา
๒๔๐. เมตฺตํ ¶ ¶ พฺรหฺมวิหารํ. ภาเวตุกาเมนาติ อุปฺปาเทตุกาเมน ปจฺจเวกฺขิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. สุขนิสินฺเนนาติ วิสมํ อนิสีทิตฺวา ปลฺลงฺกาภุชเนน สุขนิสินฺเนน.
กสฺมาติ ปจฺจเวกฺขณาย การณปุจฺฉา, อฺํ อธิคนฺตุกาเมน อฺตฺถ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณา กิมตฺถิยาติ อธิปฺปาโย. เมตฺตา นาม อตฺถโต อโทโส. ตถา หิ อโทสนิทฺเทเส ‘‘เมตฺติ เมตฺตายนา เมตฺตายิตตฺต’’นฺติ (ธ. ส. ๑๐๖๒) นิทฺทิฏฺํ. ขนฺตีติ จ อิธ อธิวาสนกฺขนฺติ อธิปฺเปตา. สา ปน อตฺถโต อโทสปฺปธานา จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธาติ เมตฺตาย สิชฺฌมานาย ติติกฺขาขนฺติ สิทฺธา เอว โหตีติ อาห ‘‘ขนฺติ อธิคนฺตพฺพา’’ติ. เตน ขนฺติยํ อานิสํสปจฺจเวกฺขณา สตฺถิกาวาติ ทสฺเสติ. อภิภูโต ปริยุฏฺาเนน. ปริยาทินฺนจิตฺโต กุสลุปฺปตฺติยา โอกาสาลาเภน. อาทีนโว ทฏฺพฺโพ ปาณฆาตาทิวเสน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกาทิอนตฺถมูลภาวโต.
ขนฺตี ปรมํ ตโปติ ปราปการสหนาทิกา ติติกฺขลกฺขณา ขนฺติ อุตฺตมํ ตโป อกตฺตพฺพากรณกตฺตพฺพกรณลกฺขณาย สมฺมาปฏิปตฺติยา มูลภาวโต. ขนฺติพลํ พลานีกนฺติ ปรมํ มงฺคลภูตา ขนฺติ เอว พลํ เอตสฺสาติ ขนฺติพลํ. วุตฺตฺหิ ‘‘ขนฺติพลา สมณพฺราหฺมณา’’ติ. โทสาทิปฏิปกฺขวิธมนสมตฺถตาย อนีกภูเตน เตเนว จ ขนฺติพเลน พลานีกํ. ขนฺตฺยา ภิยฺโย น วิชฺชตีติ อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถปฏิพาหโน, อตฺถาวโห จ ขนฺติโต อุตฺตริ อปสฺสโย นตฺถิ.
วิเวจนตฺถายาติ วิกฺขมฺภนตฺถาย. ขนฺติยา สํโยชนตฺถาย อตฺตานนฺติ อธิปฺปาโย. ภาวนํ ¶ ทูเสนฺตีติ โทสา, ปุคฺคลาเยว โทสา ปุคฺคลโทสา. เยสุ ภาวนา น สมฺปชฺชติ, อฺทตฺถุ วิปชฺชเตว, เต เอว ¶ วุตฺตา. ปมนฺติ วกฺขมาเนน โกฏฺาสโต โกฏฺาสนฺตรุปสํหรณนเยน วินา สพฺพปมํ.
ปิยายิตพฺโพ ปิโย, ตปฺปฏิปกฺโข อปฺปิโย. โส สงฺเขปโต ทุวิโธ อตฺถสฺส อการโก, อนตฺถสฺส การโกติ. ตตฺถ โย อตฺตโน, ปิยสฺส จ อนตฺถสฺส การโก, โส เวริปุคฺคโล ทฏฺพฺโพ. โย ปน อตฺตโน, ปิยสฺส จ อตฺถสฺส อการโก, อปฺปิยสฺส จ อตฺถสฺส การโก, ‘‘อตฺถํ เม นาจรี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๓๗), ‘‘อปฺปิยสฺส เม อมนาปสฺส อตฺถํ อจรี’’ติอาทินา จ อาฆาตวตฺถุภูโต, โส อปฺปิโย, อนนุกูลวุตฺติโก อนิฏฺโติ อตฺโถ. ลิงฺควิสภาเคติ อิตฺถิลิงฺคาทินา ลิงฺเคน วิสทิเส. โอธิโสติ ภาคโส. ‘‘ติสฺส ทตฺตา’’ติอาทินา โอธิสกนฺติ อตฺโถ.
อิทานิ ยถาวุตฺเตสุ ฉสุ ปุคฺคเลสุ อภาเวตพฺพตาย การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปิยํ หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อปฺปิยํ หิ ปิยฏฺาเน เปนฺโต กิลมตีติ โทเสน ภาวนาย สปริสฺสยตมาห. อปฺปิยตา หิ ปิยภาวสฺส อุชุปฏิปกฺขา, น จ ตสฺส ปิยฏฺาเน ปเนน วินา ภาวนา สิชฺฌติ. อติปฺปิยสหายกํ มชฺฌตฺตฏฺาเน เปนฺโต กิลมตีติ ราเคน ภาวนาย สปริสฺสยตมาห อติปฺปิยสหายสฺส เคหสฺสิตเปมฏฺานภาวโต. เตนาห ‘‘อปฺปมตฺตเกปี’’ติอาทิ. มชฺฌตฺตํ อิฏฺานิฏฺตาหิ มชฺฌสภาวํ เนว ปิยํ นาปฺปิยนฺติ อตฺโถ. ครุฏฺาเน ปิยฏฺาเน จ เปนฺโต กิลมติ มชฺฌตฺเต สมฺภาวนียปิยายิตพฺพตานํ อภาวา. น หิ อชฺฌุเปกฺขิตพฺเพ ภาวนียตา, มนาปตา วา ปจฺจุปฏฺาติ, ปิยครุภาวสมฺปนฺเน จ ปมํ เมตฺตา ภาเวตพฺพา. โกโธ อุปฺปชฺชติ โกฏฺาสนฺตรภาวานุปนยนโต.
ตเมวาติ วิสภาคลิงฺคเมว. ลิงฺคสภาเคติ อวิเสเสตฺวา ‘‘ปิยปุคฺคเล’’ติ อาห. ภิตฺติยุทฺธมกาสีติ สีลํ อธิฏฺาย ปิหิตทฺวาเร คพฺเภ สยนปีเ นิสีทิตฺวา เมตฺตํ ภาเวนฺโต เมตฺตามุเขน อุปฺปนฺนราเคน อนฺธีกโต ภริยาย สนฺติกํ คนฺตุกาโม ทฺวารํ อสลฺลกฺเขตฺวา ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวาปิ นิกฺขมิตุกามตาย ภิตฺตึ ปหริ. เตนาห ¶ ‘‘เมตฺตายนามุเขน ราโค วฺเจตี’’ติ (เนตฺติ. อฏฺ. ๒๑), ‘‘อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติ จ.
อาทานนิกฺเขปปริจฺฉินฺเน ¶ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนภูเต ธรมานตาย ปจฺจกฺขโต วิย อุปลพฺภมาเน ขนฺธปฺปพนฺเธ อิธ สตฺตาทิคฺคหณํ, น ติยทฺธคเตติ อาห ‘‘กาลกเต ปนา’’ติอาทิ. กสฺมา ปน กาลกเต เมตฺตาภาวนา น อิชฺฌตีติ? เมตฺตาพฺยาปารสฺส อโยคฺยฏฺานภาวโต. น หิ มตปุคฺคโล หิตูปสํหารารโห. ยตฺถ สติ สมฺภเว ปโยคโต หิตูปสํหาโร ลพฺเภยฺย, ตตฺเถว มานโส หิตูปสํหาโร ยุชฺเชยฺย. ทุกฺขาปนยนโมทปฺปวตฺตีสุปิ เอเสว นโยติ กรุณาภาวนาทีนมฺปิ กาลกเต อนิชฺฌนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อฺตฺถ ปคุณเมตฺตาฌาโน อาจริยสฺส กาลกตภาวํ อชานนฺโต ตํ เมตฺตาย ผริตุกาโม ‘‘อาจริยํ อารพฺภ เมตฺตํ อารภตี’’ติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘ปคุณาว เม เมตฺตาฌานสมาปตฺตี’’ติ. นิมิตฺตนฺติ อารมฺมณํ. คเวสาหีติ ‘‘ยํ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺสเมตฺตํ อารภสิ, โส ชีวติ น ชีวตี’’ติ ชานาหีติ อตฺโถ. เมตฺตายนฺโตติ เมตฺตํ กโรนฺโต, เมตฺตํ ภาเวนฺโตติ อตฺโถ.
๒๔๑. อตฺตนิ ภาวนา นาม สกฺขิภาวตฺถาติ นานาวิธสุขานุพนฺธอนวชฺชสุขอพฺยาเสกสุขาทิ ยํ อตฺตนิ อุปลพฺภติ, ตํ นิทสฺเสนฺโต ตสฺส วตฺตมานตาย อาห ‘‘อหํ สุขิโต โหมี’’ติ. สรีรสุขํ นาม อเนกนฺติกํ, อีทิสสฺส ปุคฺคลสฺส อโนกาสํ จิตฺตทุกฺขนฺติ ตทภาวํ สนฺธายาห ‘‘นิทฺทุกฺโขติ วา’’ติ. โหมีติ สมฺพนฺโธ. ตถา อเวโรติอาทีสุ, วิเสสโต จ ทุกฺขาภาเว สุขสฺา. สา ปนายํ นิทฺทุกฺขตา เวรีนํ ปุคฺคลานํ เวรสฺิตานํ ปาปธมฺมานํ อภาวโต, วิเสสโต พฺยาปาทวิรหโต อีฆสฺิตาย อีติยา อภาวโต, อนวชฺชกายิกสุขสมงฺคิตาย จ โหตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อเวโร อพฺยาปชฺโช อนีโฆ สุขี’’ติ. อตฺตานํ ปริหรามีติ เอวํภูโต หุตฺวา มม อตฺตภาวํ ปวตฺเตมิ, ยาเปมีติ อตฺโถ.
เอวํ สนฺเต ยํ วิภงฺเค วุตฺตํ, ตํ วิรุชฺฌตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ สติ, ยทิ อตฺตนิปิ เมตฺตา ภาเวตพฺพาติ อตฺโถ. ‘‘ยํ วิภงฺเค วุตฺต’’นฺติ วตฺวา ¶ วิภงฺคเทสนาย สมานคติกํ สุตฺตปทํ อาหรนฺโต ‘‘กถฺจ ภิกฺขู’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ ปรโต อาคมิสฺสติ.
ตนฺติ วิภงฺคาทีสุ วจนํ. อปฺปนาวเสนาติ อปฺปนาวหภาวนาวเสน. อิทนฺติ ‘‘อหํ สุขิโต โหมี’’ติอาทิวจนํ. สกฺขิภาววเสนาติ อหํ วิย สพฺเพ สตฺตา อตฺตโน สุขกามา, ตสฺมา เตสุ มยา อตฺตนิ วิย สุขูปสํหาโร กาตพฺโพติ เอวํ ตตฺถ อตฺตานํ สกฺขิภาเว ¶ ปนวเสน. เตนาห ‘‘สเจปิ หี’’ติอาทิ. กสฺมา ปน อตฺตนิ ภาวนา อปฺปนาวหา น โหตีติ? อตฺตสิเนหวเสน สปริสฺสยภาวโต. โกฏฺาสนฺตเร ปน ภาวิตภาวนสฺส ตตฺถาปิ สีมสมฺเภโท โหติเยว.
สพฺพา ทิสาติ อนวเสสา ทสปิ ทิสา. อนุปริคมฺม เจตสาติ จิตฺเตน ปริเยสนวเสน อนุคนฺตฺวา. เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจีติ สพฺพุสฺสาเหน ปริเยสนฺโต อติสเยน อตฺตโต ปิยตรํ อฺํ สตฺตํ กตฺถจิ ทิสาย เนว อธิคจฺเฉยฺย น ปสฺเสยฺย. เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสนฺติ เอวํ กสฺสจิ อตฺตโต ปิยตรสฺส อนุปลพฺภนวเสน ปุถุ วิสุํ วิสุํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตฺตา ปิโย. ตสฺมา เตน การเณน, อตฺตกาโม อตฺตโน หิตสุขํ อิจฺฉนฺโต, ปรํ สตฺตํ อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกมฺปิ, น หึเส น หเนยฺย, น วิเหเยฺยาติ อตฺโถ.
อยํ นโยติ สพฺเพหิ สตฺเตหิ, อตฺตโน จ ปิยตรภาวํ นิทสฺเสตฺวา เตสุ กรุณายนํ วทตา ภควตา สุเขสิตาย ‘‘อตฺตานํ สกฺขิภาเว เปตฺวา สตฺเตสุ เมตฺตา ภาเวตพฺพา’’ติ เมตฺตาภาวนาย นยทสฺสนํ กตเมวาติ อตฺโถ.
๒๔๒. สุขปวตฺตนตฺถนฺติ สุเขน อกิจฺเฉน เมตฺตาย ปวตฺตนตฺถํ. ยฺวาสฺสาติ โย ปุคฺคโล อสฺส โยคิโน. ปิโยติ อิฏฺโ. มนาโปติ มนวฑฺฒนโก. ครูติ คุณวิเสสวเสน ครุกาตพฺโพ. ภาวนีโยติ สมฺภาเวตพฺโพ. อาจริยมตฺโตติ สีลาทินา อาจริยปฺปมาโณ. ปิยวจนาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อตฺถจริยาทิเก สงฺคณฺหาติ. สีลสุตาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน สทฺธาทิเก, ธุตธมฺมชาคริยานุโยคาทิเก จ สงฺคณฺหาติ.
กามนฺติ ¶ ยุตฺตปฺปตฺตการิตาสุขสิทฺธิทีปโนยํ นิปาโต. เตเนตํ ทีเปติ – ตาทิสํ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส ภาวนํ อารภนฺโต โยคี ยุตฺตปฺปตฺตการี, สุเขน จสฺส ตตฺถ ภาวนา อิชฺฌติ, เตน ปน โยคินา ตาวตา สนฺโตโส น กาตพฺโพติ. เตนาห ‘‘อปฺปนา สมฺปชฺชตี’’ติอาทิ. สีมาสมฺเภทนฺติ มริยาทาปนยนํ, อตฺตา ปิโย มชฺฌตฺโต เวรีติ วิภาคากรณนฺติ อตฺโถ. ตทนนฺตรนฺติ ตโต ปิยมนาปครุภาวนียโต, ตตฺถ วา เมตฺตาธิคมโต อนนฺตรํ. อติปฺปิยสหายเก เมตฺตา ภาเวตพฺพาติ สมฺพนฺโธ, ครุฏฺานีเย ปฏิลทฺธํ เมตฺตามนสิการํ อติปฺปิยสหายเก อุปสํหริตพฺพนฺติ อตฺโถ. สุขูปสํหารกตสฺส ตํ โหติ ปเคว ปฏิปกฺขธมฺมานํ ¶ วิกฺขมฺภิตตฺตา. อติปฺปิยสหายกโต อนนฺตรํ มชฺฌตฺเต เมตฺตา ภาเวตพฺพา มชฺฌตฺตํ ปิยครุฏฺาเน เปตุํ สุกรภาวโต. ‘‘อติปฺปิยสหายกโต’’ติ จ อิทํ ปุริมาวตฺถํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ปคุณมนสิการาธิคมโต ปฏฺาย หิสฺส โสปิ ปิยฏฺาเน เอว ติฏฺติ. มชฺฌตฺตโต เวรีปุคฺคเลติ มชฺฌตฺตปุคฺคเล เมตฺตายนฺเตน ตตฺถ ปคุณมนสิการาธิคเมน ปิยภาวํ อุปสํหริตฺวา ตทนนฺตรํ เวรีปุคฺคลํ ภาวนาย มชฺฌตฺเต เปตฺวา ตโต มชฺฌตฺตโต ปิยภาวูปสํหาเรน เวรีปุคฺคเล เมตฺตา ภาเวตพฺพา. ‘‘เวรีปุคฺคเล’’ติ จ อิทํ ปุริมาวตฺถํ คเหตฺวา วุตฺตํ. เอเกกสฺมึ โกฏฺาเส มุทุํ กมฺมนิยํ จิตฺตํ กตฺวาติ ปิยครุฏฺานีโย, อติปฺปิโย, มชฺฌตฺโต, เวรีติ จตูสุ ปุคฺคลโกฏฺาเสสุ ปมํ ตาว ปิยครุฏฺานีเย เมตฺตาภาวนํ อธิคนฺตฺวา วสีภาวปฺปตฺติยา ตถาปวตฺตํ จิตฺตํ โกฏฺาสนฺตรูปสํหารตฺถํ มุทุํ กมฺมนิยํ กตฺวา ตทนนฺตรํ อติปฺปิยสหาเย อติปฺปิยภาวํ วิกฺขมฺเภตฺวา ปิยภาวมตฺเต จิตฺตํ เปนฺเตน ภาวนา อุปสํหริตพฺพา, ตมฺปิ วสีภาวาปาทเนน มุทุํ กมฺมนิยํ กตฺวา ตทนนฺตรํ มชฺฌตฺเต อุทาสินภาวํ วิกฺขมฺเภตฺวา ปิยภาวํ อุปฏฺเปตฺวา ภาวนา อุปสํหริตพฺพา, ปุน ตมฺปิ วสีภาวาปาทเนน มุทุํ กมฺมนิยํ กตฺวา ตทนนฺตรํ เวริมฺหิ เวรีสฺํ วิกฺขมฺเภตฺวา มชฺฌตฺตภาวูปฏฺปนมุเขน ปิยภาวํ อุปฺปาเทนฺเตน ภาวนา อุปสํหริตพฺพา. เตน วุตฺตํ ‘‘ตทนนฺตเร ตทนนฺตเร อุปสํหริตพฺพ’’นฺติ, ฌานจิตฺตํ อุปเนตพฺพํ อุปฺปาเทตพฺพนฺติ อตฺโถ.
เวรีปุคฺคโล วา นตฺถิ กมฺมพเลน วา เอตรหิ ปโยคสมฺปตฺติยา วา สพฺพโส อนตฺถกรสฺส อภาวโต. มหาปุริสชาติกตฺตาติ มหาปุริสสภาวตฺตา ¶ จิรกาลปริจยสมิทฺธขนฺติเมตฺตานุทฺทยาทิคุณสมฺปนฺนตาย อุฬารชฺฌาสยตฺตาติ อตฺโถ. ตาทิโส หิ สพฺพสโห ปราปราธํ ติณายปิ น มฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนตฺถํ กโรนฺเตปิ ปเร เวรีสฺาว นุปฺปชฺชตี’’ติ. เตนาติ เตน โยคินา. อตฺถิ เวรีปุคฺคโลติ สมฺพนฺโธ.
๒๔๓. ปุริมปุคฺคเลสูติ ปิยาทีสุ ฌานสฺส อารมฺมณภูเตสุ ปุริเมสุ ปุคฺคเลสุ. เมตฺตํ สมาปชฺชิตฺวาติ ปฏิฆํ วิกฺขมฺเภตฺวา อุปฺปาทิตํ เมตฺตาฌานํ สมาปชฺชิตฺวา. เมตฺตายนฺเตน ปฏิฆํ ปฏิวิโนเทตพฺพนฺติ เอตฺถ เกจิ ปน ‘‘อุปจารชฺฌานํ สมฺปาเทตฺวา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, เตสํ อุปจารชฺฌานโต วุฏฺานมฺปิ อิจฺฉิตพฺพํ สิยา ‘‘วุฏฺหิตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา. ปุพฺเพ ตสฺมึ ปุคฺคเล อสติยา อมนสิกาเรน ปฏิฆํ อนุปฺปาเทนฺตสฺส สาธารณโต ตํ วิกฺขมฺเภตฺวา ฌานสฺส อุปฺปาทนํ, สมาปชฺชนฺจ วุตฺตํ. อิทานิ ปน ตํ อนุสฺสรนฺตสฺสปิ มนสิ กโรนฺตสฺสปิ ยถา ปฏิฆํ ¶ น อุปฺปชฺชติ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ ‘‘ตํ ปุคฺคลํ เมตฺตายนฺเตน ปฏิฆํ วิโนเทตพฺพ’’นฺติ. เมตฺตายนเมว หิ อิธ ปฏิฆวิโนทนํ อธิปฺเปตํ. น นิพฺพาตีติ น วูปสมฺมติ.
อนุสารโตติ อนุคมนโต, ปจฺจเวกฺขณโตติ อตฺโถ. ฆฏิตพฺพนฺติ วายมิตพฺพํ.
ตฺจ โข ฆฏนํ วายมนํ. อิมินา อิทานิ วกฺขมาเนน อากาเรน.
อุภโต ทฺวีสุ าเนสุ ทณฺโฑ เอตสฺสาติ อุภโตทณฺฑกํ, เตน. โอจรกา ลามกาจารา ปาปปุริสา. ตตฺราปีติ เตสุปิ องฺคมงฺคานิ โอกฺกนฺเตสุปิ. เตนาติ มโนปโทเสน. น สาสนกโร. สพฺพปาปสฺส อกรณํ หิ สาสนํ. ตสฺเสวาติ ตโตปิ. นิสฺสกฺเก หิ อิทํ สามิวจนํ, สมุจฺจเย จ เอว-สทฺโท, ปมํ กุทฺธปุริสโตปีติ อตฺโถ. เตนาติ กุชฺฌเนน. ปาปิโยติ ปาปตโร. สารมฺภาทิกสฺส กิเลสานุพนฺธสฺส วตฺถุภาวโต โกธสฺส สาวชฺชตํ ตฺวาปิ กุชฺฌนโต สเจ โกเธ อนวชฺชสฺี กุทฺธสฺส ปุคฺคลสฺส น ปฏิกุชฺเฌยฺยาติ เกจิ. อุภินฺนนฺติ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ. เตนาห ‘‘อตฺตโน จ ปรสฺส จา’’ติ. อถ วา อุภินฺนนฺติ อุภเยสํ โลกานํ, อิธโลกปรโลกานนฺติ อตฺโถ.
สปตฺตกนฺตาติ ¶ ปฏิสตฺตูหิ อิจฺฉิตา. สปตฺตกรณาติ เตหิ กาตพฺพา. โกธนนฺติ กุชฺฌนสีลํ. โกธนายนฺติ โกธโน อยํ, อยนฺติ จ นิปาตมตฺตํ. โกธปเรโตติ โกเธน อนุคโต, ปราภิภูโต วา. ทุพฺพณฺโณว โหตีติ ปกติยา วณฺณวาปิ อลงฺกตปฏิยตฺโตปิ มุขวิการาทิวเสน วิรูโป เอว โหติ เอตรหิ, อายตึ จาติ. โกธาภิภวสฺส เอกนฺติกมิทํ ผลนฺติ ทีเปตุํ ‘‘ทุพฺพณฺโณ วา’’ติ อวธารณํ กตฺวา ปุน ‘‘โกธาภิภูโต’’ติ วุตฺตํ. น ปจุรตฺโถติ น ปหูตธโน. น โภควาติ อุปโภคปริโภควตฺถุรหิโต. น ยสวาติ น กิตฺติมา.
ฉวาลาตนฺติ ฉวทหนาลาตํ, จิตกายํ สนฺตชฺชนุมฺมุกฺกนฺติปิ วทนฺติ. อุภโตปทิตฺตนฺติ อุโภสุ โกฏีสุ ทฑฺฒํ. มชฺเฌ คูถคตนฺติ เวมชฺฌฏฺาเน สุนขสฺส วา สิงฺคาลสฺส วา อุหเทน คูเถน มกฺขิตํ. กฏฺตฺถนฺติ ทารุกิจฺจํ. เนว ผรติ น สาเธติ. ตถูปมาหนฺติ ตถูปมํ ตาทิสํ อหํ. อิมนฺติ ‘‘โส จ โหติ อภิชฺฌาลู’’ติอาทินา (อิติวุ. ๙๒) เหฏฺา วุตฺตํ สนฺธาย สตฺถา ¶ วทติ, ตสฺมา กาเมสุ ติพฺพสาราคตาทินา สีลรหิตนฺติ อธิปฺปาโย. อิธ ปน พฺยาปนฺนจิตฺตํ ปทุฏฺมนสงฺกปฺปตาวเสน โยเชตพฺพํ.
โส ทานิ ตฺวนฺติอาทิ ยถาวุตฺเตหิ สุตฺตปเทหิ อตฺตโน โอวทนาการทสฺสนํ.
๒๔๔. โย โย ธมฺโมติ กายสมาจาราทีสุ โย โย สุจริตธมฺโม. วูปสนฺโตติ สํยโต. ปริสุทฺโธติ กิเลสมลวิคเมน วิสุทฺโธ. กิเลสทาหาภาเวน วา อุปสนฺโต, อนวชฺชภาเวน ปริสุทฺโธ, กายสมาจารสฺเสว อุปสโม จิรกาลํ สํยตกายกมฺมตาย เวทิตพฺโพ. เอวํ เสเสสุปิ.
เตติ วจีมโนสมาจาเร.
โสติ อุปสนฺตวจีสมาจาโร ปุคฺคโล. ปฏิสนฺถารกุสโลติ ยถา ปเรหิ ฉิทฺทํ น โหติ, เอวํ ปฏิสนฺถรเณ กุสโล. สขิโลติ อธิวาสนขนฺติสงฺขาเตน ¶ สขิลภาเวน สมนฺนาคโต. สุขสมฺภาโสติ ปิยกโถ. สมฺโมทโกติ สมฺโมทนียกถาย สมฺโมทนสีโล. อุตฺตานมุโขติ วิกุณิตมุโข อหุตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสน วิกสิตมุโข. ปุพฺพภาสีติ เยน เกนจิ สมาคโต ปฏิสนฺถารวเสน ปมํเยว อาภาสนสีโล. มธุเรน สเรน ธมฺมํ โอสาเรติ สรภฺวเสน. สรภาณํ ปน กโรนฺโต ปริมณฺฑเลหิ ปริปุณฺเณหิ ปเทหิ จ พฺยฺชเนหิ จ อพฺยากุเลหิ ธมฺมกถํ กเถติ.
สพฺพชนสฺส ปากโฏ สกฺกจฺจกิริยายาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘โย หี’’ติอาทิ. โอกปฺเปตฺวาติ สทฺทหิตฺวา. โอกปฺปนลกฺขณา หิ สทฺธา. โอหิตโสโตติ อวหิตโสโต, สุสฺสุสนฺโตติ อตฺโถ. อฏฺึกตฺวา อตฺถํ กตฺวา, อตฺถิโก วา หุตฺวา.
‘‘เอโกปิ น วูปสนฺโต โหตี’’ติ ปาโ, เอวรูโป ปุคฺคโล นิรยโต นิรยํ อุปปชฺชนฺโต พหุกาลํ ตตฺเถว สํสรตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺมหานิรยโสฬสอุสฺสทนิรยปริปูรโก ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ สฺชีวาทโย อฏฺ มหานิรยา. อวีจิมหานิรยสฺส ทฺวาเร ทฺวาเร จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา กุกฺกุฬาทโย โสฬส อุสฺสทนิรยา. การฺุํ อุปฏฺเปตพฺพํ มหาทุกฺขภาคิภาวโต. ยสฺมึ ¶ ปุคฺคเล อวิเหสาภูตา ทุกฺขาปนยนกามตา อุปติฏฺติ, ตตฺถ ปฏิโฆ อโนกาโสวาติ อาห ‘‘การฺุมฺปิ ปฏิจฺจ อาฆาโต วูปสมฺมตี’’ติ.
อิมสฺส จ อตฺถสฺสาติ ‘‘โย โย ธมฺโม’’ติอาทินา วุตฺตสฺส อตฺถสฺส.
๒๔๕. ยํ เวรี ทุกฺขาเปตุํ สกฺโกติ, โส ตสฺส วเสน ‘‘อตฺตโน วิสเย’’ติ วุตฺโต ภิกฺขุโน กาโย. กินฺติ กึ การณํ. ตสฺสาติ เวริโน. อวิสเยติ ทุกฺขํ อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อโคจเร. สจิตฺเตติ อตฺตโน จิตฺเต. มหานตฺถกรนฺติ อิธโลกตฺถปรโลกตฺถปรมตฺถานํ วิราธนวเสน มหโต วิปุลสฺส, นานาวิธสฺส จ ทิฏฺธมฺมิกาทิเภทสฺส อนตฺถสฺส การณํ. มูลนิกนฺตนนฺติ สีลสฺส มูลานิ นาม หิโรตฺตปฺปขนฺติเมตฺตานุทฺทยา, เตสํ ฉินฺทนํ. โกโธ หิ อุปฺปชฺชมาโนว ปาณาติปาตาทิวเสน หิโรตฺตปฺปาทีนิ อุจฺฉินฺทติ. ชโฬติ อนฺธพาโล.
อนริยํ ¶ กมฺมนฺติ เวรินา กตมหาปราธมาห. โย สยนฺติ โย ตฺวํ สยมฺปิ. โทเสตุกาโมติ โกธํ อุปฺปาเทตุกาโม. ยทิ กริ ยทิ อกาสิ. โทสุปฺปาเทนาติ โทสสฺส อุปฺปาทเนน. ทุกฺขํ ตสฺส จ นามาติ ทุกฺขฺจ นาม ตสฺส อปราธกสฺส. นามาติ อสมฺภาวเน นิปาโต, เตน ตสฺส การณํ อเนกนฺติกนฺติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘กาหสิ วา น วา’’ติ, กริสฺสสิ น วา กริสฺสสีติ อตฺโถ. อหิตํ มคฺคนฺติ อตฺตโน อหิตาวหํ ทุคฺคติมคฺคํ.
อฏฺาเนติ โทโส ตว อปฺปิยสฺส การาปโก, สตฺตุ ปน ตสฺส วสวตฺติตาย ทาสสทิโสติ อฏฺานํ ปจฺจาปกิริยาย. ตสฺมา ตเมว โทสํ ฉินฺทสฺสุ อุจฺฉินฺท. ขณิกตฺตาติ อุทยวยปริจฺฉินฺโน อตฺตโน ปวตฺติกาลสงฺขาโต ขโณ เอเตสํ อตฺถีติ ขณิกา, ตพฺภาวโต ขณปภงฺคุภาวโตติ อตฺโถ. กสฺส ทานีธ กุชฺฌสีติ อปราธกสฺส สนฺตาเน เยหิ ขนฺเธหิ เต อปราโธ กโต, เต ตํขณํเยว สพฺพโส นิรุทฺธา. อิทานิ ปน อฺเ ติฏฺนฺตีติ กสฺส ตฺวํ อิธ กุชฺฌสิ. น หิ ยุตฺตํ อนปราเธสุ กุชฺฌนนฺติ อธิปฺปาโย. ตํ วินา กสฺส โส กเรติ โย ปุคฺคโล ยสฺส ทุกฺขํ กโรติ, ตํ ทุกฺขกิริยาย วิสยภูตํ ปุคฺคลํ วินา กสฺส นาม โส ทุกฺขการโก ทุกฺขํ กเร กเรยฺย. สยมฺปิ ทุกฺขเหตุ ตฺวมิตีติ เอวํ สยมฺปิ ตฺวํ เอตสฺส ทุกฺขสฺส ¶ เหตุ, เอวํ สมาเน ตสฺส ตุยฺหฺจ ตสฺส ทุกฺขสฺส เหตุภาเว กึ การณา ตสฺส กุชฺฌสิ น ตุยฺหนฺติ อตฺโถ.
๒๔๖. ปรโลเกปิ อนุคามิภาวโต กมฺมํเยว สกํ สนฺตกํ เอเตสนฺติ กมฺมสฺสกา, เตสํ ภาโว กมฺมสฺสกตา. ปจฺจเวกฺขณา นาม นิเสธนตฺถา, นิเสธนฺจ ภาวิโน กมฺมสฺสาติ อาห ‘‘ยํ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ. ปฏิฆวเสน ปน ปวตฺตกมฺมํ ปากฏภาวโต อาสนฺนํ, ปจฺจกฺขฺจาติ อาห ‘‘อิทฺจา’’ติ. จ-สทฺโท พฺยติเรเก, โส ตสฺส กมฺมสฺส ผลนิสฺสนฺเทน ‘‘เนว สมฺมาสมฺโพธิ’’นฺติอาทินา พฺยติเรกโต วุจฺจมานเมวตฺถํ โชเตติ. เนว สมตฺถนฺติ สมฺพนฺโธ. นิรเย นิยุตฺตํ, ชาตนฺติ วา เนรยิกํ. อตฺตานํเยว โอกิรติ โทสรเชนาติ อธิปฺปาโย.
๒๔๗. สตฺถุ ¶ ปุพฺพจริยคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา, สตฺถุ คารเวนาปิ ปฏิฆํ วูปสเมยฺยาติ.
โพธิสตฺโตปิ สมาโน นนุ เต สตฺถา จิตฺตํ นปฺปทูเสสิ, ปเคว อภิสมฺพุทฺโธติ อธิปฺปาโย. เทวิยา ปทุฏฺเนาติ เทวิยา สทฺธึ ปทุพฺภินา มิจฺฉาจารวเสน อปรทฺเธน. ยตฺถ สุสาเน ฉวสรีรํ ฉฑฺฑียติ, ตํ อามกสุสานํ. นิขฺมาโนติ นิขณิยมาโน. ปุริสการํ กตฺวาติ อาวาฏโต นิกฺขมนตฺถาย พาหุพเลน ปุริสการํ กตฺวา. ยกฺขานุภาเวนาติ อฑฺฑวินิจฺฉเยน อาราธิตจิตฺตสฺส ยกฺขสฺส อานุภาเวน. สิริคพฺภนฺติ วาสาคาเร.
อาสีเสเถวาติ ยถาธิปฺเปเต อตฺเถ ายโต อนวชฺชโต อาสํ กเรยฺย. น นิพฺพินฺเทยฺยาติ ‘‘เอวํ กิจฺฉาปนฺนสฺส เม กุโต โสตฺถิภาโว’’ติ น นิพฺพินฺเทยฺย. วุตฺตฺหิ ‘‘อาปทาสุ โข, มหาราช, ถาโม เวทิตพฺโพ’’ติ (อุทา. ๕๓). ยถา อิจฺฉินฺติ เยน ปกาเรน กสฺสจิ ปีฬํ อกตฺวา รชฺเช ปติฏฺิตํ อตฺตานํ อิจฺฉึ, ตถา อหํ อหุนฺติ ปสฺสามิ. โวติ หิ นิปาตมตฺตํ.
กาสิรฺาติ กลาพุนา กาสิราเชน. สกณฺฏกาหีติ อยกณฺฏเกหิ สกณฺฏกาหิ.
มหลฺลโกติ วุทฺโธ วโยอนุปฺปตฺโต. รุชฺฌนฺตีติ นิรุชฺฌนฺติ.
จิตฺตปริคฺคณฺหนกาโลติ ¶ วิเสวนํ กาตุํ อทตฺวา จิตฺตสฺส สมฺมเทว ทมนกาโล.
ปุถุสลฺเลนาติ วิปุเลน สลฺเลน. นาโคติ หตฺถินาโค. วธีติ วิชฺฌิ, มาเรสีติ วา อตฺโถ. อิมํ านํ อาคนฺตฺวา มยิ เอวํ กรณํ นาม น ตว วเสน โหติ, ตสฺมา กสฺส วา รฺโ, ราชมตฺตสฺส วา อยํ ปโยโค อุยฺโยชนาติ อตฺโถ.
ฉพฺพณฺณรสฺมีติ นีลปีตโลหิตาทิวเสน ฉพฺพณฺณมยูขา. ฉพฺพณฺณกิรณวนฺตทนฺตตาย หิ เต หตฺถี ‘‘ฉทฺทนฺตา’’ติ วุจฺจนฺติ, น ฉทฺทนฺตวนฺตตาย.
ฉาโตติ ชิฆจฺฉิโต. ขาเทยฺยาติ ขาเทยฺยํ, อยเมว วา ปาโ. อาหิโตติ ¶ สุหิโต. สมฺพลนฺติ มคฺคาหารํ. ตํ ปน ยสฺมา อุปจาเรน ปถสฺส หิตนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘ปาเถยฺย’’นฺติปิ วุตฺตํ. ‘‘มิตฺตทุพฺภี วตายํ อนฺธพาโล’’ติ การฺุเน อสฺสุปุณฺเณหิ เนตฺเตหิ ตํ ปุริสํ อุทิกฺขมาโน.
มา อยฺโยสิ เม ภทนฺเตติ เอตฺถ มาติ นิปาตมตฺตํ, มาติ วา ปฏิกฺเขโป, เตน อุปริ เตน กาตพฺพํ วิปฺปการํ ปฏิเสเธติ. อยฺโย เมติ อยฺยิรโก ตฺวํ มม อติถิภาวโต. ภทนฺเตติ ปิยสมุทาจาโร. ตฺวํ นาเมตาทิสํ กรีติ ตฺวมฺปิ เอวรูปํ อกาสิ นาม.
ติรจฺฉานภูโตปิ ปน มหากปิ หุตฺวา เขมนฺตภูมึ สมฺปาเปสีติ โยชนา.
เปฬาย ปกฺขิปนฺเตปีติ ขุทฺทกาย เปฬาย ปาเทหิ โกเฏตฺวา ปกฺขิปนฺเตปิ. มทฺทนฺเตปีติ ทุพฺพลภาวกรณตฺถํ นานปฺปกาเรหิ มทฺทนฺเตปิ. อลมฺปาเนติ เอวํนามเก อหิตุณฺฑิเก.
ปีตํ วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท อวุตฺตตฺถวิกปฺเป, เตน โอทาตมฺชิฏฺาทึ อวุตฺตํ สงฺคณฺหาติ. จิตฺตานุวตฺตนฺโตติ จิตฺตํ อนุวตฺตนฺโต. โหมิ จินฺติตสนฺนิโภ เอวมยํ พหุลาภํ ลภตูติ. อานุภาเวน ปน ถลํ กเรยฺย อุทกํ…เป… ฉาริกํ กเร. เอวํ ปน ยทิ จิตฺตวสี เหสฺสํ…เป… อุตฺตมตฺโถ น สิชฺฌตีติ ตทา อตฺตนา ตตฺถ ทิฏฺํ อาทีนวํ ทสฺเสติ ภควา. ตตฺถ อุตฺตมตฺโถติ พุทฺธภาวมาห. โภชปุตฺเตหีติ ลุทฺทปุตฺเตหิ.
อฬาราติ ¶ เยน สยํ ตทา ลุทฺทหตฺถโต โมจิโต, ตํ สตฺถวาหํ นาเมน อาลปติ. อติกสฺสาติ นาสาย อาวุตรชฺชุํ อากฑฺฒิตฺวา. สมฺปริคยฺหาติ กาฬเวตฺตลตาทีหิ สพฺพโส ปริคฺคเหตฺวา, อจฺฉริยานิ ทุสฺสหานํ สหนวเสนาติ อธิปฺปาโย.
อติวิย อยุตฺตํ อปฺปติรูปํ ปฏิฆจิตฺตุปฺปาทเนน เกนจิ อปฺปฏิสมขนฺติคุณสฺส สตฺถุสาสนาโวกฺกมนปฺปสงฺคโต.
๒๔๘. ‘‘อนมตคฺโคยํ, ภิกฺขเว, สํสาโร’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๑๒๔; ๓.๙๙, ๑๐๐; ๓.๕.๕๒๐; กถา. ๗๕) อาคตานิ สุตฺตปทานิ อนมตคฺคสทฺโท, ตทตฺโถ วา เอเตสนฺติ อนมตคฺคิยานิ.
อเชหิ ¶ คมนมคฺโค อชปโถ. สงฺกู ลคฺคาเปตฺวา เต อาลมฺพิตฺวา คมนมคฺโค สงฺกุปโถ. สงฺกูติ องฺกุสากาเรน กตทีฆทณฺโฑ วุจฺจติ. อาทิ-สทฺเทน ปปาตมคฺคทุคฺคมคฺคาทิเก สงฺคณฺหาติ. อุภโตพฺยูฬฺเหติ สมฺปหารตฺถํ ทฺวีหิปิ ปกฺเขหิ คาฬฺหสนฺนาเห. อฺานิ จ ทุกฺกรานิ กริตฺวา ธนาสาย ปพฺพตวิทุคฺคนทีวิทุคฺคาทิปกฺขนฺทนวเสนาติ อธิปฺปาโย. มํ โปเสสิ, อุปการํ อกาสิ, ตตฺร นปฺปติรูปํ มนํ ปทูเสตุนฺติ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. เอวํ จิตฺตุปฺปาทนฺจ เอตรหิ ทิสฺสมาเนน ปุตฺตาทีนํ โปสนาทินา อตีตสฺส อนุมานโต คหณวเสน เวทิตพฺพํ.
๒๔๙. เมตฺตายาติ เมตฺตาสงฺขาตาย, เมตฺตาสหิตาย วา. เจโตวิมุตฺติยาติ จิตฺตสมาธาเน. อาเสวิตายาติ อาทเรน เสวิตาย. ภาวิตายาติ วฑฺฒิตาย. พหุลีกตายาติ ปุนปฺปุนํ กตาย. ยานีกตายาติ ยุตฺตยานํ วิย กตาย. วตฺถุกตายาติ อธิฏฺานวตฺถุํ วิย กตาย. อนุฏฺิตายาติ อธิฏฺิตาย. ปริจิตายาติ ปริจิณฺณาย จิณฺณวสีภาวาย. สุสมารทฺธายาติ สุฏฺุ สมฺปาทิตาย. ปาฏิกงฺขาติ อิจฺฉิตพฺพา อวสฺสํภาวิโน. เสสํ ปรโต อาคมิสฺสติ.
๒๕๐. ธาตุวินิพฺโภโคติ สสมฺภารสงฺเขปาทินา ธาตูนํ วินิพฺภุชนํ. อปราโธ นาม อปรชฺฌนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส รูปธมฺมมุเขน คยฺหตีติ กตฺวา อาห ‘‘กึ เกสานํ กุชฺฌสี’’ติอาทิ, เกสาทิวินิมุตฺตสฺส อปรชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส อภาวโต. อิทานิ นิพฺพตฺติตปรมตฺถธมฺมวเสเนว ¶ วินิพฺโภควิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺจกฺขนฺเธ อุปาทาย, ทฺวาทสายตนานิ อุปาทายาติ ปจฺเจกํ อุปาทาย-สทฺโท โยเชตพฺโพ. โกธสฺส ปติฏฺานฏฺานํ น โหตีติ ยถา อารคฺเค สาสปสฺส, อากาเส จ จิตฺตกมฺมสฺส ปติฏฺานฏฺานํ นตฺถิ, เอวมสฺส ‘‘เวรี’’ติ ปริกปฺปิเต ปุคฺคเล โกธสฺส ปติฏฺานฏฺานํ น โหติ, เกสาทีนํ อกุชฺฌิตพฺพโต, ตพฺพินิมุตฺตสฺส จ ปุคฺคลสฺส อภาวโต.
๒๕๑. สํวิภาโคติ อามิสสํวิภาโค. ปรสฺสาติ ปจฺจตฺถิกสฺส. ภินฺนาชีโวติ อปริสุทฺธาชีโว. ตสฺเสวํ กโรโตติ เอวํ สํวิภาคํ กโรนฺตสฺส ตสฺส ทายกสฺส. อิตรสฺสาติ ปฏิคฺคาหกสฺส. ‘‘มม มาตรา อุปาสิกาย ¶ ทินฺโน’’ติ อิทํ ‘‘ธมฺมิยลาโภ’’ติ เอตสฺส การณวจนํ. เตน ปน ตสฺส อาคมนสุทฺธึ ทสฺเสติ.
สพฺพตฺถสาธกนฺติ ‘‘อตฺตตฺโถ ปรตฺโถ ทิฏฺธมฺมิโก อตฺโถ สมฺปรายิโก อตฺโถ’’ติ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) เอวมาทีนํ สพฺเพสํ อตฺถานํ, หิตานํ, ปโยชนานฺจ นิปฺผาทกํ. อุนฺนมนฺติ ทายกา. นมนฺติ ปฏิคฺคาหกา.
๒๕๒. เอวนฺติ ยถาวุตฺเตหิ กกจูปโมวาทานุสฺสรณาทีหิ อตฺตโน โอวทนากาเรหิ. วูปสนฺตปฏิฆสฺสาติ ปฏิสงฺขานพเลน วิโนทิตาฆาตสฺส. ตสฺมิมฺปีติ เวรีปุคฺคเลปิ. เวรี-คหเณเนว เจตฺถ อปฺปิยปุคฺคลสฺสาปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ เวริมฺหิ เมตฺตาย สิทฺธาย ตสฺมิมฺปิ เมตฺตาสิทฺธิโต, ปิยโต ปน อติปฺปิยสหายกสฺส วิสุํ คหณํ อาสนฺนปจฺจตฺถิกสฺส ทุพฺพินิโมจยภาวทสฺสนตฺถํ. เมตฺตาวเสนาติ เมตฺตายนวเสน. สมจิตฺตตนฺติ หิตูปสํหาเรน สมานจิตฺตตํ. สีมาสมฺเภโท สา เอว สมจิตฺตตา. อิมสฺมึ ปุคฺคเลติ เมตฺตากมฺมฏฺานิกปุคฺคเล. นิสินฺเนติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ.
หิตมชฺฌตฺเตติ ปิเย, มชฺฌตฺเต จ. จตุพฺพิเธติ จตุพฺพิเธ ชเน, ยตฺถ กตฺถจีติ อธิปฺปาโย. นานตฺตนฺติ ปิยมชฺฌตฺตาทินานากรณํ. หิตจิตฺโตว ปาณินนฺติ เกวลํ สตฺเตสุ หิตจิตฺโต เอวาติ ปวุจฺจติ, น ปน ‘‘เมตฺตาย นิกามลาภี’’ติ วา ‘‘กุสลี’’ติ วา ปวุจฺจติ. กสฺมา? ยสฺมา อตฺตาทีสุ ปสฺสติ นานตฺตนฺติ. กสฺมา ปนายํ หิตจิตฺโต กุสลีติ น วุจฺจตีติ? สาติสยสฺส กุสลสฺส วเสน กุสลิภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อิมสฺส จ ¶ ปุคฺคลสฺส เมตฺตาภาวนา น วิเสสวตี. อถ วา น นิกามลาภี เมตฺตาย ยโต อตฺตาทีสุ ปสฺสติ นานตฺตํ. กุสลีติ ปวุจฺจติ, ยสฺมา หิตจิตฺโตว ปาณินนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. คามสีมาทโย วิย คามนฺตราทีหิ สตฺตสงฺขาเต เมตฺตาวิสเย ภาวนาย ปุพฺเพ อฺมฺํ อสํกิณฺณมริยาทารูเปน ิตตฺตา อตฺตาทโย อิธ สีมา นามาติ อาห ‘‘จตสฺโส สีมาโย’’ติ. สมฺภินฺนา โหนฺตีติ เอตฺถ วุตฺตํ สมฺเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมํ ผรติ เมตฺตายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มหาวิเสโสติ มหนฺโต ภาวนาย วิเสโส อติสโย. ปุริเมน ปุริมโต อตฺตาทินานตฺตทสฺสินา. น นายตีติ น ายติ.
๒๕๓. นิมิตฺตนฺติ ¶ ยถา กสิณกมฺมฏฺานาทีสุ ตํตํกสิณมณฺฑลาทิปริคฺคหมุเขน ภาวนาวเสน ลทฺธํ อุคฺคหนิมิตฺตํ นิสฺสาย ฌานสฺส โคจรภาเวน ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปติฏฺติ, น เอวมิธ อุปฏฺิตํ นิมิตฺตํ นาม อตฺถิ. โย ปนายํ ยถาวุตฺโต สีมาสมฺเภโท ลทฺโธ, สฺเวว นิมิตฺตํ วิยาติ นิมิตฺตํ. ตสฺมึ หิ ลทฺเธ ภาวนาย สาติสยตฺตา นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตาเนว โหนฺติ, กิเลสา สนฺนิสินฺนาว, อุปจารสมาธินา จิตฺตํ สมาหิตเมว. เตนาห ‘‘นิมิตฺตฺจ อุปจารฺจ ลทฺธํ โหตี’’ติ. ตเมว นิมิตฺตนฺติ สีมาสมฺเภทวเสน ปวตฺตสมถนิมิตฺตํ. อปฺปกสิเรเนว อกิจฺเฉเนว, ปเคว ปริปนฺถสฺส วิโสธิตตฺตา.
เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน ภาวนานุโยเคน. อเนน โยคินา. ปฺจงฺควิปฺปหีนนฺติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว.
‘‘ปมชฺฌานาทีนํ อฺตรวเสนา’’ติ อิทํ วกฺขมานาย วิกุพฺพนาย เตสํ สาธารณตาย วุตฺตํ. อปฺปนาปฺปตฺตจิตฺตสฺเสว น อุปจารมตฺตลาภิโน. ปคุณพลวภาวาปาทเนน เวปุลฺลาทิวิเสสปฺปตฺตสฺส โอธิโส, อโนธิโส จ ทิสาผรณาทิวเสน ฌานสฺส ปวิชมฺภนา วิกุพฺพนา วิวิธา กิริยาติ กตฺวา.
๒๕๔. เมตฺตาสหคเตนาติ อุปฺปาทโต ยาว ภงฺคา เมตฺตาย สห ปวตฺเตน สํสฏฺเน สมฺปยุตฺเตนาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ตํ วุตฺตนเยน เมตฺตาย สหคตํ, ตาย เอกุปฺปาทาทิวิธินา สมฺมเทว อาคตํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมตฺตาย สมนฺนาคเตนา’’ติ. เจโต-สทฺโท ‘‘อธิเจตโส’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๕๓; อุทา. ๓๗) สมาธิปริยาโยปิ โหตีติ ตโต วิเสเสตุํ ¶ ‘‘เจตสาติ จิตฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. เอตนฺติ เอตํ ปทํ. ทิโสธิปริคฺคโห สตฺโตธิปริคฺคหมุเขเนว โหตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอกิสฺสา ทิสาย ปมปริคฺคหิตํ สตฺตํ อุปาทายา’’ติ. ทิสาสุ หิ ิตสตฺตา ทิสาคหเณน คหิตา. เตนาห ‘‘เอกทิสาปริยาปนฺนสตฺตผรณวเสน วุตฺต’’นฺติ. ผรณฺจ สารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อตฺตโน อารมฺมณสฺส ผสฺสนา ปจฺจกฺขโต ทสฺสนํ คหณํ อารมฺมณกรณเมวาติ อาห ‘‘ผริตฺวาติ ผุสิตฺวา อารมฺมณํ กตฺวา’’ติ. พฺรหฺมวิหาราธิฏฺิตนฺติ เมตฺตาฌานุปตฺถมฺภิตํ. ตถาติ นิยมนํ. ตํ ¶ อนิยมาเปกฺขสมฺพนฺธีภาวโต อุปมาการนิยมนํ. ทุติยนฺติ อุปเมยฺยทสฺสนํ, อุปเมยฺยฺจ นาม อุปมํ, เตน สมฺพนฺธฺจ วินา นตฺถีติ ตทุภยมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ปุรตฺถิมาทีสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตถา ทุติยนฺติ เอตฺถ ผริตฺวา วิหรตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอวํ ตติยํ จตุตฺถนฺติ เอตฺถาปิ. ตทนนฺตรนฺติ จ ผรณาเปกฺขํ อนนฺตรคฺคหณํ, น ผริตพฺพทิสาเปกฺขํ ทิสานํ อนิทฺทิฏฺรูปตฺตา. ผรณานุกฺกเมน หิ ตาสํ ทุติยาทิตา, น สรูปโต. เตเนวาห ‘‘ยํ กิฺจิ เอกํ ทิส’’นฺติ. อิตีติ เอวํ ยถาวุตฺตํ จตสฺโส, เอวํ อุทฺธํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เอเตเนว นเยนา’’ติ. อิทมฺปิ อิติ-สทฺทสฺเสว อตฺถทสฺสนํ. ปาฬิยํ (ม. นิ. ๓.๓๐๙; ๓.๒๓๐; วิภ. ๖๔๒) อโธ ติริยนฺติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ทสฺเสตุํ ‘‘อโธทิสมฺปิ ติริยํ ทิสมฺปี’’ติ วุตฺตํ. เอเตเนว ‘‘ทุติย’’นฺติอาทีสุปิ ปิ-สทฺทสฺส ลุตฺตนิทฺทิฏฺตา ทีปิตาติ เวทิตพฺพํ. เอวเมวาติ อิทมฺปิ อิติ-สทฺทสฺเสว อตฺถทสฺสนํ. เอตฺถ จ ‘‘อโธ’’ติ อิมินา ยถา นิรเยสุ, นาคภวนาทีสุ, ยตฺถ ตตฺถ วา อตฺตโน เหฏฺิมทิสาย สตฺตา คยฺหนฺติ, เอวํ ‘‘อุทฺธ’’นฺติ อิมินา เทวโลเก, ยตฺถ ตตฺถ วา อตฺตโน อุปริมทิสายํ สตฺตา คหิตาติ เวทิตพฺพํ.
มชฺฌตฺตาทีติ อาทิ-สทฺเทน อิตฺถิปุริสอริยานริยเทวมนุสฺสาทิเก ปเภเท สงฺคณฺหาติ. อีสกมฺปิ พหิ อวิกฺขิปมาโนติ อปฺปกมฺปิ กมฺมฏฺานโต พหิ วิกฺเขปํ อนาปชฺชนฺโต หิตูปสํหารโต อฺถา โถกมฺปิ อวตฺตมาโน. สพฺพตฺตตายาติ วา สพฺเพน อตฺตภาเวน ยถา สพฺพภาเวน อตฺตนิ อตฺตโน อตฺตภาเว หิเตสิตา, เอวํ สพฺพธิ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตาย ผริตฺวา วิหรตีติ อตฺโถ. เมตฺตาย วุจฺจมานตฺตา สตฺตวิสโย สพฺพ-สทฺโท, โส จ ทีฆํ กตฺวา วุตฺโต, ตสฺมา สพฺพสตฺตกายสงฺขาตา ปชา เอตสฺส อตฺถีติ สพฺพาวนฺโตติ ปทตฺถโต ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพาวนฺตนฺติ สพฺพสตฺตวนฺต’’นฺติ อาห. เอตฺถ จ สพฺพธีติ ทิโสธินา, เทโสธินา จ อโนธิโสผรณํ วุตฺตํ, สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตนฺติ สตฺโตธินา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อโนธิโส ทสฺสนตฺถ’’นฺติ ¶ . เอกเมวตฺถํ ปการโต ปริยาเยนฺติ าเปนฺตีติ ปริยายา, เววจนานิ. วิปุลาทิสทฺทา เจตฺถ ตาทิสาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘วิปุเลนาติ เอวมาทิปริยายทสฺสนโต’’ติ. ปริยายทสฺสเน จ ปุพฺเพ คหิตปทานิปิ ¶ ปุน คยฺหนฺติ, ยถา ‘‘สทฺธา สทฺทหนา’’ติ (ธ. ส. ๑๒) เอตฺถ วุตฺตมฺปิ สทฺธาปทํ ปุน อินฺทฺริยาทิปริยายทสฺสเน ‘‘สทฺธา สทฺธินฺทฺริย’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒) วุตฺตํ. ตถาสทฺโท วา อิติสทฺโท วา น วุตฺโตติ ‘‘เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ เอตสฺส อนุวตฺตโก ตถา-สทฺโท จ อิติ-สทฺโท จ เตสํ ผรณานนฺตราทิฏฺานํ อฏฺานนฺติ กตฺวา เต น วุตฺตาติ ปุน ‘‘เมตฺตาสหคเตน เจตสาติ วุตฺต’’นฺติ อตฺโถ. วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปุน วจนํ นิคมนนฺติ อาห ‘‘นิคมนวเสน วา เอตํ วุตฺต’’นฺติ. นนุ จ สมาปนวเสน วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปุน วจนํ นิคมนนฺติ? นายํ โทโส โอธิโสอโนธิโสผรณานํ สมาปเน เอว วุตฺตตฺตา. วิปุเลนาติ มหนฺเตน, มหตฺตฺจสฺส อสุภกมฺมฏฺานาทีสุ วิย อารมฺมณสฺส เอกเทสเมว อคฺคเหตฺวา อนวเสสคฺคหณวเสนาติ อาห ‘‘ผรณวเสน วิปุลตา ทฏฺพฺพา’’ติ.
กิเลสวิกฺขมฺภนสมตฺถตาทีหิ มหตฺตํ คตํ, มหนฺเตหิ วา อุฬารจฺฉนฺทจิตฺตวีริยปฺเหิ คตํ ปฏิปนฺนนฺติ มหคฺคตํ. ตยิทํ ยสฺมา เอกนฺตโต รูปาวจรํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภูมิวเสน มหคฺคต’’นฺติ. นิรุฬฺโห หิ รูปารูปาวจเรสุ มหคฺคตโวหาโร. ปคุณวเสนาติ ปการโต คุณิตํ พหุลีกตํ ปคุณํ, ตสฺส วเสน, สุภาวิตภาเวนาติ อตฺโถ. ตํ หิ ปมาณํ คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อปฺปมาณํ นาม โหติ. อปฺปมาณสตฺตารมฺมณวเสนาติ อปริมาณสตฺตารมฺมณกรณวเสน. สยมฺปิ เวรรหิตตฺตา, ตํสมงฺคิโน เวราภาวเหตุตฺตา จ อเวรํ. ตยิทํ ทฺวยํ ยโต ลภติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘พฺยาปาทปจฺจตฺถิกปฺปหาเนนา’’ติ วุตฺตํ. เจตโส พฺยาปตฺติวเสน หนนโต พฺยาปชฺชํ, เจตสิกํ อสาตํ, ตทภาวโต อพฺยาปชฺชํ. เตนาห ‘‘นิทฺทุกฺข’’นฺติ. ตํ ปนสฺส อพฺยาปชฺชตฺตํ ปฺจวิฺาณาทีนํ วิย น สภาวโต, อถ โข ปจฺจตฺถิกวิเวกโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โทมนสฺสปฺปหานโต’’ติ อาห. อยนฺติ อิธ ยถานีตํ อปฺปมฺาวิภงฺเค (วิภ. ๖๔๒), เตสุ เตสุ จ สุตฺตปเทเสสุ (ม. นิ. ๑.๔๕๙; ๒.๓๐๙, ๓๑๕) อาคตํ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารวิกุพฺพนมาห.
๒๕๕. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา อิมิสฺสา ‘‘ปฺจหากาเรหิ, สตฺตหากาเรหิ, ทสหากาเรหี’’ติ อาการวิภาเคน ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๒.๒๒) วุตฺตาย จ วิกุพฺพนาย ¶ มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส ¶ วิย เภทาภาวมุปสํหรติ โอธิโสผรณอโนธิโสผรณทิสาผรณวเสน เทสนาย อาคตตฺตา. เกวลํ ปเนตฺถ ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๒.๒๒) วิย สตฺโตธิ น คหิโตติ อยเมว วิเสโส. ยมฺปีติ วิกุพฺพนํ สนฺธายาห.
อิทานิ เภทาภาวทสฺสนมุเขน อุทฺเทสโต อานีตํ ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬึ นิทฺเทสโต ทสฺเสตฺวา ตสฺสา อนุตฺตานปทวณฺณนํ กาตุํ ‘‘ตตฺถ จา’’ติอาทิมาห.
๒๕๖. ตตฺถ สพฺเพ สตฺตาติ สพฺพ-สทฺโท กามํ ปเทสสพฺพวิสโย, น สพฺพสพฺพวิสโย ยถา ‘‘สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙-๑๒๐), ‘‘สตฺตา’’ติ ปน ปเทน ปริจฺฉินฺนํ อตฺตโน วิสยํ อเสเสตฺวาว ปริยาทิยตีติ อาห ‘‘อนวเสสปริยาทานเมต’’นฺติ.
ตตฺราติ ตสฺมึ รูเป. สตฺโตติ สชฺชนกิจฺเจน ฉนฺทาทิปริยาเยน โลเภน อาสตฺโต ลคฺโค. ตตฺราติ วา กรเณ ภุมฺมํ, เตน ฉนฺทาทินาติ อตฺโถ.
ยทิ สตฺตตาย สตฺตา, กถํ วีตราเคสูติ อาห ‘‘รุฬฺหีสทฺเทนา’’ติอาทิ. อวีตราเคสุ รุฬฺเหน, อวีตราเคสุ วา ปวตฺติตฺวา อินฺทฺริยพทฺธขนฺธสนฺตานตาย ตํสทิเสสุ วีตราเคสุ รุฬฺเหน สทฺเทน. อถ วา กิฺจิ นิมิตฺตํ คเหตฺวา สติปิ อฺสฺมึ ตนฺนิมิตฺตยุตฺเต กตฺถจิ วิสเย สมฺมุติยา จิรกาลตาย นิมิตฺตวิรเหปิ ปวตฺติ รุฬฺหี นาม ยถา ‘‘คจฺฉนฺตีติ คาโว’’ติ, เอวํ สตฺตสทฺทสฺสาปิ รุฬฺหีภาโว ทฏฺพฺโพ. ภูตปุพฺพคติยา วา วีตราเคสุ สตฺตโวหาโร ทฏฺพฺโพ. สตฺวโยคโตติ เอตฺถ สตฺวํ นาม พุทฺธิ, วีริยํ, เตโช วา, เตน โยคโต สตฺตา, ยถา ‘‘นีลคุณโยคโต นีโล ปโฏ’’ติ.
ปาณนฺติ เอเตนาติ ปาณนํ, อสฺสาสปสฺสาสา, ตสฺส กมฺมํ ปาณนตา, ตาย, อสฺสาสปสฺสาสสมฺปโยเคนาติ อตฺโถ. ภูตตฺตาติ กมฺมกิเลเสหิ ชาตตฺตา. ปูรณโต, คลนโต จ ปุคฺคลาติ เนรุตฺตา. สตฺตา หิ นิพฺพตฺตนฺตา ตํตํสตฺตนิกายํ ปูเรนฺตา วิย โหนฺติ, สพฺพาวตฺถนิปาติตาย จ คลนฺติ จวนฺตีติ อตฺโถ. อปริฺาตวตฺถุกานํ ‘‘อตฺตา’’ติ ¶ ภวติ เอตฺถ อภิธานํ, จิตฺตฺจาติ อตฺตภาโว, สรีรํ, ขนฺธปฺจกเมว วา. ตนฺติ ขนฺธปฺจกํ ¶ . อุปาทายาติ คเหตฺวา อุปาทานํ นิสฺสยํ กตฺวา. ปฺตฺติมตฺตสมฺภวโตติ ปรมตฺถโต อสนฺเตปิ สตฺตสฺิเต ปฺตฺติมตฺเตน สมฺภวโต.
ยถา จ สตฺตาติ วจนนฺติ ยถา สตฺต-สทฺโท ยถาวุตฺเตนฏฺเน นิปฺปริยายโต ปเทสวุตฺติปิ รุฬฺหีวเสน อนวเสสปริยาทายโก. เสสานิปีติ ปาณาทิวจนานิปิ. ตานิปิ หิ รูปารูปภวูปคจตุตฺถชฺฌานาทิสมงฺคีนํ อสฺสาสปสฺสาสาภาวโต อวินิปาตธมฺมานํ ปุคลนสฺส อภาวโต ปเทสวุตฺตีนิ. รุฬฺหีวเสน อาโรเปตฺวา ยถาวุตฺตาย รุฬฺหิยา วเสน กตฺถจิ วิสเย อวิชฺชมานมฺปิ ปาณปุคฺคลภาวํ อาโรเปตฺวา. ยทิ สาธารณโต สตฺตเววจนานีติ คเหตฺวา อโนธิโสผรณา เมตฺตา วุจฺจติ, อถ กสฺมา ปฺจเหว อากาเรหิ วุตฺตาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘กามฺจา’’ติอาทิ. เกจิ ปนาหุ ‘‘น โข ปเนตานิ ‘‘สตฺตา’’ติอาทีนิ ปทานิ เววจนตามตฺตํ อุปาทาย คหิตานิ, ยโต ชนฺตุอาทีนมฺปิ คหณํ อาปชฺเชยฺย, อตฺถวิเสสํ ปน นิมิตฺตภูตํ อุปาทาย คหิตานี’’ติ, เต สนฺธายาห ‘‘เย ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺถโตติ สชฺชนฏฺเน สตฺตา, ปาณนฏฺเน ปาณาติ เอวมาทิอตฺถโต. เตสํ ตํ มติมตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อโนธิโสผรณา วิรุชฺฌตี’’ติ. กสฺมา? เกจิ สตฺตา, เกจิ ปาณา, เกจิ ปุคฺคลาติ อาปชฺชนโต. ตถา อตฺถํ อคฺคเหตฺวาติ สตฺตาทิสทฺทา สปฺปเทสวิสยาติ เอวมตฺถํ อคฺคเหตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน นิปฺปเทสวิสยาติ เอวมตฺถํ คเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อิเมสู’’ติอาทิ. ปฺจสุ อากาเรสูติ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติอาทินา ปาฬิยํ (ปฏิ. ม. ๒.๒๒) อาคเตสุ ปฺจสุ ภาวนากาเรสุ. อฺตรวเสนาติ ยสฺส กสฺสจิ วเสน.
๒๕๗. อิทานิ ทฺวาวีสติยา ภาวนากาเรสุ อปฺปนา ปริคฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. พฺยาปาทรหิตาติ โทมนสฺสพฺยาปาทรหิตา. ตสฺมาติ ยสฺมา น เกวลํ ยถาวุตฺตอาการวิภาคมตฺตโต อปฺปนาวิภาโค, ตสฺมา. อิเมสุปิ ปเทสูติ ‘‘สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตู’’ติอาทิโกฏฺาเสสุปิ. ยํ ยํ ปากฏํ โหตีติ ยทิปิ ปุพฺพภาเค ¶ ตตฺถ ตตฺถ อภินิเวเส อเนกโกฏฺาสวเสเนว มนสิการํ ปวตฺเตติ, ภาวนาย สมิชฺฌนกฺขเณ ปน ตตฺถ ยํ ปคุณตรตาย สุปากฏํ โหติ, ตสฺส วเสน อปฺปนา โหติ, ยถา ตํ ทฺวตฺตึสากาเร. ตตฺถ ปน อารมฺมณํ, อิธ ภาวนากาโรติ อยเมว วิเสโส. จตุนฺนนฺติ จตุนฺนํ จตุนฺนํ. พฺยาปนิจฺฉาโลเปน หิ นิทฺทิฏฺํ. เอส นโย เสเสสุปิ.
ลิงฺควเสน ¶ วุตฺตํ เตสํ ปจุรโต ลพฺภมานตฺตา. ตติยา ปน ปกติ ยทิปิ ปมทุเกน น สงฺคหิตา, ทุติยทุเกน ปน ติเกน จ สงฺคหิตา เอว.
อิติ สพฺพานิปีติ อโนธิโสผรเณ วีสติ, โอธิโสผรเณ อฏฺวีสติ, ทิสาผรเณ จตฺตาริ สตานิ, อสีติ จาติ เอวํ สพฺพานิปิ. สต-สทฺทาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส.
๒๕๘. เอวํ เมตฺตาภาวนํ วิภาเวตฺวา อิทานิ ตตฺถ อานิสํเส วิภาเวตุํ ‘‘อิตี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ เสสา ชนาติ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา อลาภิโน. สมฺปริวตฺตมานาติ ทกฺขิเณน ปสฺเสน อสยิตฺวา สพฺพโส ปริวตฺตมานา. กากจฺฉมานาติ ฆุรุฆุรุปสฺสาสวเสน วิสฺสรํ กโรนฺตา. สุขํ สุปตีติ เอตฺถ ทุวิธาสุปนา สยเน ปิฏฺิปฺปสารณลกฺขณา, กิริยามยจิตฺเตหิ อโวกิณฺณภวงฺคปฺปวตฺติลกฺขณา จ. ตตฺถายํ อุภยถาปิ สุขเมว สุปติ. ยสฺมา สณิกํ นิปชฺชิตฺวา องฺคปจฺจงฺคานิ สโมธาย ปาสาทิเกน อากาเรน สยติ, นิทฺโทกฺกมเนปิ ฌานํ สมาปนฺโน วิย โหติ. เตนาห ‘‘เอวํ อสุปิตฺวา’’ติอาทิ.
นิทฺทากาเล สุขํ อลภิตฺวา ทุกฺเขน สุตฺตตฺตา เอว ปฏิพุชฺฌนกาเล สรีรเขเทน นิตฺถุนนํ, วิชมฺภนํ, อิโต จิโต วิปริวตฺตนฺจ โหตีติ อาห ‘‘นิตฺถุนนฺตา วิชมฺภนฺตา สมฺปริวตฺตนฺตา ทุกฺขํ ปฏิพุชฺฌนฺตี’’ติ. อยํ ปน สุเขน สุตฺตตฺตา สรีรเขทาภาวโต นิตฺถุนนาทิรหิโตว ปฏิพุชฺฌติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ อปฺปฏิพุชฺฌิตฺวา’’ติอาทิ. สุขปฏิโพโธ จ สรีรวิการาภาเวนาติ อาห ‘‘สุขํ นิพฺพิการ’’นฺติ.
‘‘ภทฺทกเมว ¶ สุปินํ ปสฺสตี’’ติ อิทํ อนุภูตปุพฺพวเสน, เทวตูปสํหารวเสน จสฺส ภทฺทกเมว สุปินํ โหติ, น ปาปกนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เจติยํ วนฺทนฺโต วิยา’’ติอาทิ. ธาตุกฺโขภเหตุกมฺปิ จสฺส พหุลํ ภทฺทกเมว สิยา เยภุยฺเยน จิตฺตชรูปานุคุณตาย อุตุอาหารชรูปานํ.
อุเร อามุตฺตมุตฺตาหาโร วิยาติ คีวาย พนฺธิตฺวา อุเร ลมฺพิตมุตฺตาหาโร วิยาติ เกหิจิ วุตฺตํ. ตํ เอกาวลิวเสน วุตฺตํ สิยา, อเนกรตนาวลิสมูหภูโต ปน มุตฺตาหาโร อํสปฺปเทสโต ปฏฺาย ยาว กฏิปฺปเทสสฺส เหฏฺาภาคา ปลมฺพนฺโต อุเร อามุกฺโกเยว นาม โหติ.
ตตฺเถวาติ ¶ ปาฏลิปุตฺเตเยว. สกฺกา นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา เทสสฺส เขมตาย, ตสฺส ตสฺส ปเทสสฺส รมณียตาย จ.
ทสาว อนฺโต ทสนฺโต, วตฺถสฺส โอสานนฺโต.
สมปฺปวตฺตวาสนฺติ ตตฺถ ตตฺถ วิหาเร สมปฺปวตฺตวตฺตวาสํ. เถโร กิร อตฺตนา ปวิฏฺปวิฏฺวิหาเร ‘‘อหเมตฺถ อาคนฺตุโก’’ติ อจินฺเตตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ อตฺตนา กาตพฺพวตฺตานิ ปริปูเรนฺโต เอว วิหาสิ. อปเร ปน ภณนฺติ สพฺพสตฺเตสุ สมปฺปวตฺตเมตฺตาวิหารวาสํ. อยํ หิ เถโร อรหตฺตาธิคมโต ปุพฺเพปิ เมตฺตาวิหารี อโหสิ.
วนนฺตเร ิโตติ เถโร กิร ตถา สมปฺปวตฺตวาสวเสน จรมาโน เอกทิวสํ อฺตรํ รมณียํ วนนฺตรํ ทิสฺวา ตตฺถ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ยถาปริจฺเฉเทน ตโต อุฏฺิโต อตฺตโน คุณาวชฺชนเหตุเกน ปีติโสมนสฺเสน อุทาเนนฺโต ‘‘ยาวตา อุปสมฺปนฺโน’’ติ คาถํ อภาสิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘วนนฺตเร ิโต’’ติ ปมคาถา ปิตา. ตตฺถ คชฺชมานโกติ สีหคชฺชิตํ คชฺชนฺโต. คุณเมสนฺโตติ อตฺตโน คุณสมุทยํ คเวสนฺโต ปจฺจเวกฺขนฺโต.
มณิลรุกฺเข นิวาสิตาย ตํ เทวตํ ‘‘มณิลิยา’’ติ โวหรนฺติ, ตสฺมา สา เทวตาปิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, มณิลิยา’’ติ อาห. รุกฺขเทวตานํ หิ เยภุยฺเยน นิวาสรุกฺขวเสน โวหาโร ยถา ผนฺทนเทวตาติ. ตตฺเถวาติ จิตฺตลปพฺพเตเยว.
‘‘พลวปิยจิตฺตตายา’’ติ ¶ อิมินา พลวปิยจิตฺตตามตฺเตนปิ สตฺถํ น กมติ, ปเคว เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยาติ ทสฺเสติ.
ขิปฺปเมว จิตฺตํ สมาธิยติ เกนจิ ปริปนฺเถน ปริหีนชฺฌานสฺส พฺยาปาทสฺส ทูรสมุสฺสาริตภาวโต ขิปฺปเมว สมาธิยติ. อาสวานํ ขยายาติ เกจิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อิโต อฺกมฺมฏฺานวเสน อธิคตชฺฌานานมฺปิ สุขสุปนาทโย อานิสํสา ลพฺภนฺติ, ยถาห –
‘‘สุขํ ¶ สุปนฺติ มุนโย, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตา;
สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ, สทา โคตมสาวกา’’ติ. –
จ อาทิ, ตถาปิเม อานิสํสา พฺรหฺมวิหารลาภิโน อนวเสสา ลพฺภนฺติ พฺยาปาทาทีนํ อุชุวิปจฺจนีกภาวโต พฺรหฺมวิหารานํ. เตเนวาห ‘‘นิสฺสรณํ เหตํ, อาวุโส, พฺยาปาทสฺส, ยทิทํ เมตฺตา เจโตวิมุตฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๒๖; อ. นิ. ๖.๑๓). พฺยาปาทาทิวเสน จ สตฺตานํ ทุกฺขสุปนาทโยติ ตปฺปฏิปกฺขภูเตสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ สิทฺเธสุ สุขสุปนาทโย หตฺถคตา เอว โหนฺตีติ.
กรุณาภาวนาวณฺณนา
๒๕๙. กรุณนฺติ กรุณาพฺรหฺมวิหารํ. นิกฺกรุณตายาติ วิเหสาย, ‘‘อิเธกจฺโจ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา อฺตรฺตเรน วา สตฺตานํ วิเหนชาติโก โหตี’’ติ เอวํ วุตฺตวิเหเนติ อตฺโถ. อาทีนวนฺติ โทสํ. ยถา ตถา สตฺตานํ วิเหนาย ปาปโก วิปาโก อิธ เจว สมฺปราเย จ. ตถา หิ โย สตฺเต ชีวิตา โวโรปเนน วา องฺคปจฺจงฺคจฺเฉทเนน วา ธนชานิยา วา อลาภาย วา อวาสาย วา อนตฺถาย วา อยสตฺถาย วา ปริสํสกฺกเนน วา อนฺตมโส ยถาวชฺชทสฺสเนนปิ วิเหเติ, ตสฺส โส ปมาทวิหาโร ทิฏฺเว ธมฺเม อลาภายปิ โหติ, ลทฺธสฺส ปริหานายปิ โหติ, ตนฺนิมิตฺตํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อวิสารโท ¶ ปริสํ อุปสงฺกมติ มงฺกุภูโต, สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, กายสฺส เภทา ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา, สุคติยมฺปิ มนุสฺสภูโต ทุชฺชจฺโจปิ โหติ นีจกุลิโก, ทุพฺพณฺโณปิ โหติ ทุทฺทสิโก, พหฺวาพาโธปิ โหติ โรคพหุโล, ทุคฺคโตปิ โหติ อปฺปนฺนปาโน, อปฺปายุโกปิ โหติ ปริตฺตชีวิโตติ เอวมาทิอเนกานตฺถานุพนฺธิตา วิเหสาย ปจฺจเวกฺขิตพฺพา, ตปฺปฏิปกฺขโต กรุณาย อานิสํสา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. เตน วุตฺตํ ‘‘นิกฺกรุณตาย อาทีนวํ กรุณาย จ อานิสํสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา’’ติ. ‘‘ปิโย หี’’ติอาทินา ปมํ ปิยปุคฺคลาทีสุ อนารมฺภสฺส การณมาห. ปิยํ หิ ปุคฺคลํ กรุณายิตุมารภนฺตสฺส น ตาว ปิยภาโว วิคจฺฉติ, อวิคเต จ ตสฺมึ กุโต กรุณายนา. เตนาห ‘‘ปิยฏฺาเนเยว ติฏฺตี’’ติ. เสสปุคฺคเลสุปิ เอเสว นโย. ลิงฺควิสภาคกาลกตานํ อเขตฺตภาเว การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ยตฺถ ¶ ปน ปมํ อารภิตพฺพา, ตํ ปาฬินเยเนว ทสฺเสตุํ ‘‘กถฺจ ภิกฺขู’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ทุคฺคตนฺติ ทลิทฺทํ. โส หิ โภคปาริชฺุโต สุขสาธนานํ อภาเวน ทุกฺขํ คโต อุปคโต ทุคฺคโตติ วุจฺจติ. อถ วา ทุคฺคตนฺติ ทุกฺเขน สมงฺคิภาวํ คตํ. ทุรุเปตนฺติ กายทุจฺจริตาทีหิ อุเปตํ. คติกุลรูปาทิวเสน วา ตมภาเว ิโต ทุคฺคโต. กายทุจฺจริตาทีหิ อุเปตตฺตา ตมปรายณภาเว ิโต ทุรุเปโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปรมกิจฺฉปฺปตฺตนฺติ อติวิย กิจฺฉมาปนฺนํ มหาพฺยสนํ นิมุคฺคํ. อปฺเปว นามาติ สาธุ วต.
วเธถ นนฺติ ‘‘ฆาเตถ นํ โจร’’นฺติ เอวํ ปหิตาย รฺโ อาณาย ขาทนียมฺปิ…เป… เทนฺติ ‘‘อิทาเนว มาริยมาโน เอตฺตกมฺปิ สุขํ ลภตู’’ติ. สุสชฺชิโตติ สุขานุภวเน สนฺนทฺโธ.
เอเตเนว อุปาเยนาติ เยน เยน วิธินา เอตรหิ ยถาวุตฺเต ปรมกิจฺฉาปนฺเน อายตึ วา ทุกฺขภาคิมฺหิ ปุคฺคเล กรุณายิตุํ กรุณา อุปฺปาทิตา, เอเตเนว นเยน. ปิยปุคฺคเลติ ปิยายิตพฺพปุคฺคเล. เอตรหิ วา ทิสฺสมานํ อายตึ วา ภาวินึ ทุกฺขปฺปตฺตึ คเหตฺวา กรุณา ปวตฺเตตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. มชฺฌตฺตเวรีสุปิ เอเสว นโย. โย หิ โส กรุณาย วตฺถุภูโต ทุวิโธ ปุคฺคโล วุตฺโต, กามํ ตตฺถ กรุณาภาวนา สุเขเนว อิชฺฌติ, อิมินา ปน ภิกฺขุนา ตตฺถ ภาวนํ ปคุณตรํ กตฺวา ¶ สีมาสมฺเภทํ กาตุํ ตทนนฺตรํ ปิยปุคฺคเล, ตโต มชฺฌตฺเต, ตโต เวริปุคฺคเล กรุณา ภาเวตพฺพา. ภาเวนฺเตน จ เอเกกสฺมึ โกฏฺาเส มุทุํ กมฺมนิยํ จิตฺตํ กตฺวา ตทนนฺตเร ตทนนฺตเร อุปสํหริตพฺพํ. ยสฺส ปน เวริปุคฺคโล วา นตฺถิ, มหาปุริสชาติกตฺตา วา อนตฺถํ กโรนฺเตปิ เวริสฺาว นุปฺปชฺชติ, เตน มชฺฌตฺเต เม จิตฺตํ กมฺมนิยํ ชาตํ, อิทานิ เวริมฺหิ อุปสํหรามีติ พฺยาปาโรว น กาตพฺโพ. ยสฺส ปน อตฺถิ, ตํ สนฺธายาห ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนวาติ เมตฺตากมฺมฏฺานิกสฺส (วิสุทฺธิ. ๑.๒๔๐ อาทโย) วุตฺตนเยน. ตํ เมตฺตาย วุตฺตนเยเนว. วูปสเมตพฺพนฺติ ‘‘อถาเนน ปุริมปุคฺคเลสู’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๔๓), ‘‘กกจูปมโอวาทาทีนํ อนุสฺสรโต’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๔๓) จ เมตฺตาภาวนาย วุตฺเตน นเยน ตํ ปฏิฆํ วูปสเมตพฺพํ. เอวํ เอตรหิ มหาทุกฺขปฺปตฺเต สุขิเตปิ อกตกุสลตาย อายตึ ทุกฺขปฺปตฺติยา วเสน กรุณายนวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กตกลฺยาเณปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โยปิ เจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตสนฺติ พฺยสนานํ. วฏฺฏทุกฺขํ อนติกฺกนฺตตฺตาติ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺเธนาปิ อกฺขาเนน ปริโยสาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส อนาคตสฺส อาปายิกสฺส สุคตีสุปิ ชาติชราทิเภทสฺสาติ อปริมิตสฺส สํสารทุกฺขสฺส อนติกฺกนฺตภาวโต. สพฺพถาปิ กรุณายิตฺวาติ ทุกฺขปฺปตฺติยา, สุขปฺปตฺติยา อกตกุสลตาย วา กตากุสลตาย วาติ สพฺพปกาเรนปิ กรุณาย วตฺถุภาวสฺส สลฺลกฺขเณน ตสฺมึ ตสฺมึ ปุคฺคเล กรุณํ กตฺวา กรุณาภาวนํ วฑฺเฒตฺวา. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘อถาเนน ปุนปฺปุนํ เมตฺตายนฺเตนา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๔๓) เมตฺตาภาวนายํ วุตฺเตน นเยน. ตํ นิมิตฺตนฺติ สีมาสมฺเภทวเสน ปวตฺตํ สมถนิมิตฺตํ. เมตฺตาย วุตฺตนเยเนวาติ ยถา เมตฺตาภาวนายํ ‘‘อปฺปกสิเรเนวา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๕๓) ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน อปฺปนา ‘‘เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๕๓-๒๕๔) ตสฺสา วฑฺฒนา จ วุตฺตา, เอวมิธ กรุณาภาวนายํ ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน อปฺปนา เวทิตพฺพา จ วฑฺเฒตพฺพา จ, ตเถวสฺสา วฑฺฒนาวิธิปิ เวทิตพฺพาติ อธิปฺปาโย. วุตฺตนเยเนวาติ อวธารเณน ‘‘ปมํ เวริปุคฺคโล กรุณายิตพฺโพ’’ติ อิทํ ยถา ปาฬิวิรุทฺธํ, เอวํ ยุตฺติวิรุทฺธมฺปีติ อิมมตฺถํ ¶ ทีเปติ. ปมํ หิ เวรึ สมนุสฺสรโต โกโธ อุปฺปชฺเชยฺย, น กรุณา. อตฺตาปิ สกฺขิภาเวน กรุณายนวเสน คเหตพฺโพ, โส กิมิติ ปจฺฉา คยฺหตีติ. ‘‘อปฺปนา วฑฺเฒตพฺพา’’ติ อิมินา จ อปฺปนาปฺปตฺตจิตฺตสฺเสว ‘‘กรุณาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๕๐๙; ๒.๓๐๙, ๓๑๕, ๔๕๒, ๔๗๑; ๓.๒๓๐) วุตฺตวิกุพฺพนา อิชฺฌตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต.
กรุณาปทมตฺตเมว จสฺสา ปาฬิยา วิเสโสติ ตํ อนามสิตฺวา ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตวิกุพฺพนา, เมตฺตาย วุตฺตอานิสํสา จ อิธ ลพฺภนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโต ปรํ…เป… เวทิตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตโต ปรนฺติ ‘‘กรุณาสหคเตน เจตสา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๕๐๙; ๒.๓๐๙, ๓๑๕, ๔๕๒, ๔๗๑; ๓.๒๓๐) วุตฺตวิกุพฺพนโต อุปริ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
มุทิตาภาวนาวณฺณนา
๒๖๐. ปิยปุคฺคลาทีสูติ ปิยมชฺฌตฺตเวรีสุ น อารภิตพฺพา. มุทิตาภาวนาติ วิภตฺตึ ปริณาเมตฺวา โยชนา. น หีติอาทิ ตตฺถ การณวจนํ. ปิยภาวมตฺเตนาติ เอตฺถ มตฺต-สทฺโท ¶ วิเสสนิวตฺติ อตฺโถ, เตน โสมนสฺสปฏิสนฺธิกตาทิสิทฺธา นิจฺจปฺปหํสิตมุขตา, ปุพฺพภาสิตา, สุขสมฺภาสตา, สขิลตา, สมฺโมทกตาติ เอวมาทิเก มุทิตาย ปทฏฺานภูเต วิเสเส อุลฺลิงฺเคติ, อีทิเสหิ วิเสเสหิ วิรหิโตติ วุตฺตํ โหติ. เอว-กาเรน ปน ปิยปุคฺคลสฺส สุขสมปฺปิตตาทึ, มุทิตาย จ เหตุภูตํ ปโมทปฺปวตฺตึ นิวตฺเตติ. ปิยปุคฺคเลปิ หิ ปรมาย สมฺปตฺติยา ปมุทิเต หฏฺตุฏฺเ ภิกฺขุโน มุทิโตกาสํ ลเภยฺย. วกฺขติ หิ ‘‘ปิยปุคฺคลํ วา’’ติอาทิ. อาทิโต มชฺฌตฺตปุคฺคลํ อนุสฺสรนฺตสฺส อุทาสินตา สณฺาติ, เวรึ สมนุสฺสรนฺตสฺส โกโธ อุปฺปชฺชติ. เตนาห ‘‘ปเคว มชฺฌตฺตเวริโน’’ติ.
ปโมทปฺปวตฺติยา โสณฺฑสทิโส สหาโย โสณฺฑสหาโย. มุทิตมุทิโตวาติ ปสาทโสมฺมตาย อติวิย มุทิโต เอว. ปสาเท หิ อิทํ อาเมฑิตํ. เอวํ อฏฺกถานเยน อาทิโต มุทิตาภาวนาย วตฺถุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปาฬินเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ปิยปุคฺคลํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุขิตนฺติ สฺชาตสุขํ, สุขปฺปตฺตนฺติ อตฺโถ. สชฺชิตนฺติ สุขานุภวเน สนฺนทฺธํ ปฏิยตฺตสุขสาธนํ. อโห สาธูติ ตสฺส สตฺตสฺส สมฺปตฺติยํ ¶ สมฺปชฺปุพฺพปโมทนาการทสฺสนํ. ปุน อโห สุฏฺูติ ตสฺส ปโมทนสฺส พหุลีการทสฺสนํ. ปิยํ มนาปนฺติ เอตฺถ มนาป-คฺคหเณน ปาฬิยมฺปิ อติปฺปิยสหายโก อธิปฺเปโตติ เอเก.
อตีเตติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว อตีเต. อนาคเตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. น หิ ภวนฺตรคเต พฺรหฺมวิหารภาวนา รุหติ. ยทิ เอวํ, อตีตานาคเต กถนฺติ? นายํ โทโส. ‘‘โส เอวายํ ทตฺโต ติสฺโส’’ติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนตาย วิชฺชมานภาเวน คเหตพฺพโต. กถํ ปนสฺส อนาคเต สมฺปตฺติ อารมฺมณํ โหตีติ? อาเทสาทิโต, ปจฺจุปฺปนฺนาย วา ปโยคสมฺปตฺติยา อนุมานโต ลทฺธาย คเหตพฺพโต.
ปิยปุคฺคเลติ โสณฺฑสหายสฺิเต อติปฺปิยปุคฺคเล, ปิยปุคฺคเล จ. ทุวิโธปิ เจส อิธ ปิยภาวสามฺโต ‘‘ปิยปุคฺคโล’’ติ วุตฺโต. อนุกฺกเมนาติ อติปฺปิยปุคฺคโล ปิยปุคฺคโล มชฺฌตฺโต เวรีติ จตูสุ โกฏฺาเสสุ เอเกกสฺมึ กมฺมฏฺานํ ปคุณํ, มุทุํ, กมฺมนิยฺจ กตฺวา เสเสสุ อุปสํหรณานุกฺกเมน. กิฺจาปิ จตูสุ ชเนสุ สมจิตฺตตาว สีมาสมฺเภโท สีมา สมฺภิชฺชติ เอตายาติ กตฺวา. ภาวนาย ปน ตถา พหุโส ปวตฺตมานาย ปุริมสิทฺธํ เหตุํ, อิตรํ ผลฺจ กตฺวา ¶ วุตฺตํ ‘‘สมจิตฺตตาย สีมาสมฺเภทํ กตฺวา’’ติ. ยถาวุตฺตสีมาภาโว วา สีมาสมฺเภโทติ วุตฺตํ ‘‘สมจิตฺตตาย สีมาสมฺเภทํ กตฺวา’’ติ. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
อุเปกฺขาภาวนาวณฺณนา
๒๖๑. อุเปกฺขาภาวนนฺติ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารภาวนํ. ยสฺมา ปุริมพฺรหฺมวิหารตฺตยนิสฺสนฺโท จตุตฺถพฺรหฺมวิหาโร, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมตฺตาทีสุ ปฏิลทฺธติกจตุกฺกชฺฌาเนนา’’ติ. ปคุณตติยชฺฌานาติ สุภาวิตํ วสีภาวํ ปาปิตํ ปคุณํ, ตถารูปา ตติยพฺรหฺมวิหารชฺฌานโต. อปฺปคุณํ หิ อุปริฌานสฺส ปทฏฺานํ น โหติ. จตุกฺกนยวเสน เจตฺถ ตติยคฺคหณํ. สุขิตา โหนฺตูติอาทิวเสนาติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘นิทฺทุกฺขา โหนฺตู’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สตฺตเกลายนํ สตฺเตสุ มมายนํ ¶ มมตฺตกรณํ, ตถา มนสิกาเรน โยโค สตฺตเกลายนมนสิการยุตฺตตฺตํ, ตสฺมา. เมตฺตาทีนํ ราคเคหสฺสิตโทมนสฺสโสมนสฺสานํ อาสนฺนวุตฺติตาย ยถารหํ ปฏิฆานุนยสมีปจาริตา เวทิตพฺพา. อถ วา ‘‘สุขิตา โหนฺตุ, ทุกฺขโต มุจฺจนฺตุ โมทนฺตู’’ติ หิเตสิตภาวปฺปตฺติยา ติสฺสนฺนมฺปิ อนุนยสฺส อาสนฺนจาริตา. สติ จ ตพฺพิปริยาเย โลหิตปฺปโกเป ปุพฺโพ วิย ลทฺโธกาสเมเวตฺถ ปฏิฆนฺติ อวิเสเสน ตาสํ ปฏิฆานุนยสมีปจาริตา ทฏฺพฺพา.
‘‘โสมนสฺสโยเคน โอฬาริกตฺตา’’ติ อิทํ ตติยชฺฌานสฺส วเสน วุตฺตํ, ตโต วุฏฺิตสฺส อิทมาทีนวทสฺสนนฺติ. เมตฺตาทิวเสน ปน โอฬาริกภาเว วุจฺจมาเน วิตกฺกวิจารปีติโยเคเนว โอฬาริกตา วตฺตพฺพา สิยา, ตาหิปิ ตาสํ สมาโยคสมฺภวโต, อุเปกฺขาย จ ตทภาวโต. น วา วตฺตพฺพา ตติยชฺฌานิกานํเยว เมตฺตาทีนํ อิธาธิปฺเปตตฺตา, ตํตํฌานสมติกฺกเมเนว จ ตํตํฌานิกา เมตฺตาทโยปิ สมติกฺกนฺตา เอว นาม โหนฺติ, ฌานสามฺเน วิย เมตฺตาทิสามฺเน โวหารมตฺตํ. ปุริมาสูติ เมตฺตากรุณามุทิตาสุ. สนฺตภาวโตติ ยถาวุตฺตสตฺตเกลายนาทิอนุปสนฺตภาวาภาวโต อุเปกฺขาย สนฺตภาวโต. ‘‘สนฺตภาวโต’’ติ จ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. สุขุมตา ปณีตตา วิทูรกิเลสตา วิปุลผลตาติ เอวมาทโยปิ อุเปกฺขาย อานิสํสา ทฏฺพฺพา. ปกติมชฺฌตฺโตติ กิฺจิ การณํ อนเปกฺขิตฺวา ปกติยา สภาเวเนว อิมสฺส ภิกฺขุโน อุทาสินปกฺเข ิโต. อชฺฌุเปกฺขิตฺวาติ อตฺตนา กตกมฺมวเสเนว อยมายสฺมา อาคโต คจฺฉติ จ, ตฺวมฺปิ อตฺตนา กตกมฺมวเสเนว อาคโต ¶ คจฺฉสิ จ, น ตสฺส ตว ปโยเคน กิฺจิ สุขํ วา อุปเนตุํ, ทุกฺขํ วา อปเนตุํ ลพฺภา, เกวลํ ปเนตํ จิตฺตสฺส อนุชุกมฺมํ, ยทิทํ เมตฺตายนาทินา สตฺเตสุ เกลายนํ. พุทฺธาทีหิ อริเยหิ คตมคฺโค เจส อปณฺณกปฏิปทาภูโต, ยทิทํ สพฺพสตฺเตสุ มชฺฌตฺตตาติ เอวํ ปฏิปกฺขชิคุจฺฉามุเขน มชฺฌตฺตตาย สมุปชาตคารวพหุมานาทโร ตํ ปุคฺคลํ ปุนปฺปุนํ อชฺฌุเปกฺขติ, ตตฺถ จ สวิเสสํ อุเปกฺขํ ปจฺจุปฏฺเปติ, ตสฺส ตถา ปฏิปชฺชโต ปกติยาปิ อุทาสินตฺตา สาติสยํ ตตฺถ มชฺฌตฺตตา สณฺาติ ¶ . ภาวนาพเลน นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตาเนว โหนฺติ, กิเลสา สนฺนิสินฺนา เอว โหนฺติ, โส ตํ อุเปกฺขํ ปิยปุคฺคลาทีสุ อุปสํหรติ. เตนาห ‘‘อุเปกฺขา อุปฺปาเทตพฺพา. ตโต ปิยปุคฺคลาทีสู’’ติ. เอกํ ปุคฺคลนฺติ เอตฺถ อฺตฺโถ เอก-สทฺโท ‘‘อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗) วิย. เอกวจเนเนว เจตฺถ สงฺขฺยาวิเสโส สิทฺโธ, ตสฺมา อฺํ เอกํ ปุคฺคลนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เตน อตฺตานํ นิวตฺเตติ. ‘‘เนว มนาป’’นฺติ อิมินา ปิยปุคฺคลํ, อติปฺปิยสหายกฺจ นิวตฺเตติ, อตฺตานมฺปิ วา อตฺตนิ อมนาปตาย อภาวโต. ‘‘น อมนาป’’นฺติ อิมินา อปฺปิยํ, เวริปุคฺคลฺจ, ปาริเสสโต มชฺฌตฺตปุคฺคลสฺส คหณํ อาปนฺนํ. อิติ ‘‘เอกํ ปุคฺคลํ เนว มนาปํ นามนาป’’นฺติ อิมินา อตฺตโน, ปิยาทีนฺจ ปฏิกฺเขปมุเขน อุทาสินปุคฺคลํ ทสฺเสติ.
วุตฺตนเยนาติ ‘‘ยฺวาสฺส ปกติมชฺฌตฺโต’’ติอาทินา อนนฺตรํ วุตฺเตน นเยน. อตฺตสิเนหสฺส พลวภาวโต เวริโตปิ อตฺตนิ มชฺฌตฺตตาย ทุรูปสํหารตฺตา ‘‘อิเมสุ จ อตฺตนิ จา’’ติ อตฺตา ปจฺฉา วุตฺโต. ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘อยํ สมาปตฺติ อาสนฺนปีติปจฺจตฺถิกา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๘๗) ปถวีกสิเณ วุตฺตนเยน. ยํ หิ เหฏฺา ‘‘ปคุณตติยชฺฌานา วุฏฺายา’’ติอาทิ (วิสุทฺธิ. ๑.๘๗) วุตฺตํ, ตํ เหฏฺา ตีสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ, จตุตฺถพฺรหฺมวิหาเร จ อาทีนวานิสํสทสฺสนวเสน วุตฺตํ. อิทํ ปน ตติยชฺฌาเน อาทีนวํ, จตุตฺถชฺฌาเน จ อานิสํสํ ทิสฺวา จตุตฺถาธิคมาย โยคํ กโรนฺตสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส อุปฺปชฺชนาการทสฺสนํ. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ปถวีสทฺทํ อปเนตฺวา ตเทว นิมิตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ.
ปถวีกสิณาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน เสสกสิณานิ, อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตฺจ สงฺคณฺหาติ. กามํ กสิณานาปาเนสุ อุปฺปนฺนสฺสาปิ ตติยชฺฌานสฺส อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาเรน รูปาวจรชฺฌานาทิตาย อตฺเถว สภาคตา, ตํ ปน อการณํ อารมฺมณสฺส วิสทิสตายาติ อาห ¶ ‘‘อารมฺมณวิสภาคตายา’’ติ. นนุ จ อฺถาว กสิณาทิภาวนา, อฺถา พฺรหฺมวิหารภาวนาติ ภาวนาวเสนาปิ ยถาวุตฺตชฺฌานานํ อตฺเถว วิสทิสตาติ? สจฺจเมตํ, ภาวนาวเสน ปน วิสทิสตา อนุปฺปตฺติยา น เอกนฺติกํ การณํ. ตถา หิ อฺถาว เมตฺตาทิภาวนา ¶ , อฺถา อุเปกฺขาภาวนา. ตถาปิ สตฺเตสุ ยถาปวตฺติตํ หิเตสิตาทิอาการํ พฺยติเรกมุเขน อามสนฺตี, ตโต วินิวตฺตมานรูเปน อชฺฌุเปกฺขนากาเรน พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา ปวตฺตติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กมฺมสฺสกา สตฺตา, เต กสฺส รุจิยา สุขิตา วา ภวิสฺสนฺตี’’ติอาทิ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖๓). อารมฺมณสภาคตาปิ เจตฺถ อตฺถีติ เมตฺตาทิวเสน ปฏิลทฺธตติยชฺฌานสฺส อิชฺฌติ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาโร. เตน วุตฺตํ ‘‘เมตฺตาทีสู’’ติอาทิ. ตตฺถ เมตฺตาทีสูติ เมตฺตาทีสุ นิปฺผาเทตพฺเพสุ, เมตฺตาทิวเสนาติ อตฺโถ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
๒๖๒. พฺรหฺมุตฺตเมนาติ เอตฺถ สมฺมุติพฺรหฺมาโน อุปปตฺติพฺรหฺมาโน วิสุทฺธิพฺรหฺมาโนติ ติวิธา พฺรหฺมาโน.
‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ภฺุชนฺติ โกสิย;
ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น เน วาเรตุมุสฺสเห. (ชา. ๑.๑๔.๑);
ปริพฺพช มหาพฺรหฺเม, ปจนฺตฺเปิ ปาณิโน’’ติ. (ปาจิ. ๖๔๗) –
จ เอวมาทีสุ หิ พฺรหฺมสทฺเทน สมฺมุติพฺรหฺมาโน วุตฺตา.
‘‘อปารุตา เตสํ อมตสฺส ทฺวารา,
เย โสตวนฺโต ปมฺุจนฺตุ สทฺธํ;
วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ,
ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’.
‘‘อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๗๑; ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๔๐; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๙) จ ¶ เอวมาทีสุ พฺรหฺมสทฺเทน อุปปตฺติพฺรหฺมาโน วุตฺตา. ‘‘พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๔๘; สํ. นิ. ๒.๒๑; อ. นิ. ๔.๘; ๕.๑๑; ปฏิ. ม. ๒.๔๔) วจนโต ‘‘พฺรหฺม’’นฺติ อริยธมฺโม วุจฺจติ, ตโต นิพฺพตฺตตฺตา อวิเสเสน สพฺเพปิ อริยา วิสุทฺธิพฺรหฺมาโน นาม ปรมตฺถพฺรหฺมตาย. วิเสสโต ปน ‘‘พฺรหฺมาติ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วจนโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุตฺตมพฺรหฺมา นาม สเทวเก โลเก พฺรหฺมภูเตหิ คุเณหิ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติโต. อิติ พฺรหฺมานํ อุตฺตโม, พฺรหฺมา จ โส อุตฺตโม จาติ วา ¶ พฺรหฺมุตฺตโม, ภควา. เตน กถิเต ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๕๕๖; ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๔๕๙, ๕๐๙; ๒.๓๐๙, ๓๑๕, ๔๕๑, ๔๗๑) ตตฺถ ตตฺถ เวเนยฺยานํ เทสิเต. อิตีติ เอวํ ยถาวุตฺเตน ภาวนากฺกเมน เจว อตฺถวณฺณนากฺกเมน จ วิทิตฺวา ชานิตฺวา. ปกิณฺณกกถาปิ วิฺเยฺยาติ ปุพฺเพ วิย อสาธารณํ ตํตํพฺรหฺมวิหารปฏินิยตเมว อตฺถํ อคฺคเหตฺวา สาธารณภาวโต ตตฺถ ตตฺถ ปกิณฺณกํ วิสฏํ อตฺถํ คเหตฺวา ปวตฺติตา ปกิณฺณกกถาปิ วิชานิตพฺพา.
เมชฺชตีติ ธมฺมโต อฺสฺส กตฺตุนิวตฺตนตฺถํ ธมฺมเมว กตฺตารํ กตฺวา นิทฺทิสติ. สินิยฺหตีติ เอตฺถ สตฺเตสุ พฺยาปชฺชนวเสน ลูขภาวสฺส ปฏิปกฺขภูตํ าณปุพฺพงฺคมํ หิตาการปวตฺติวเสน สิเนหนํ ทฏฺพฺพํ, น ตณฺหายนวเสน. ตํ หิ โมหปุพฺพงฺคมํ ลุพฺภนสภาวํ, อิทํ ปน อทุสฺสนสภาวํ อโลภสมฺปยุตฺตํ. นนุ จ ตณฺหาสิเนโหปิ พฺยาปาทวิโรธี เตน สหานวฏฺานโต. ยทิปิ เตน สห เอกสฺมึ จิตฺเต นปฺปวตฺตติ, วิโรธี ปน น โหติ อปฺปหายกโต. เมชฺชตีติ มิตฺโต, หิตชฺฌาสโย ขนฺธปฺปพนฺโธ, ตปฺปริยาปนฺนตาย มิตฺเต ภวา, มิตฺเต วา อารมฺมณภูเต ปิเย ปุคฺคเล ภวา, มิตฺตสฺส เอสา ปวตฺติ เมชฺชนวเสน วาติ เวทิตพฺพา.
กโรตีติ กรุณา, กึ กโรติ, เกสํ, กึ นิมิตฺตนฺติ อาห ‘‘ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ หทยกมฺปน’’นฺติ. กมฺปนนฺติ จ ปเรสํ ทุกฺขํ ทิสฺวา ตสฺส อปเนตุกามสฺส อสหนากาเรน จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ. ตยิทํ สปฺปุริสานํเยว โหตีติ อาห ‘‘สาธูน’’นฺติ. สปฺปุริสา หิ สปรหิตสาธเนน ‘‘สาธู’’ติ วุจฺจนฺติ. วินาเสตีติ อทสฺสนํ คเมติ, อปเนตีติ อตฺโถ. เตเนตฺถ หึสนํ อปนยนนฺติ ทสฺเสติ. ปรทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติลกฺขณา หิ กรุณา. ผรณวเสนาติ ¶ ผุสนวเสน, อารมฺมณกรณวเสนาติ อตฺโถ. อารมฺมณกรณฺเจตฺถ ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขาปนยนากาเรเนวาติ ทฏฺพฺพํ.
โมทนฺติ ตายาติ โมทนกิริยาย มุทิตาย กรณภาวนิทฺเทโส, สฺวายํ อุปจารสิทฺโธ, มุทิตาวินิมุตฺโต นตฺถิ ตตฺถ โกจิ กตฺตาติ ตเมว กตฺตุภาเวน นิทฺทิสติ ‘‘สยํ วา โมทตี’’ติ, อยมฺปิ อุปจารนิทฺเทโสว. ธมฺมานํ อวสวตฺตนโตติ วสวตฺติภาวนิวารณตฺถํ ‘‘โมทนมตฺตเมว วา ตนฺติ มุทิตา’’ติ อาห.
ปิยาทีสุ ¶ ปกฺขปาตุปจฺเฉทนมุเขน อุทาสินภาวสงฺขาตา อุปปตฺติโต อิกฺขา อุเปกฺขา. เตนาห ‘‘อเวรา โหนฺตู’’ติอาทิ. ตตฺถ อุเปกฺขตีติ กตฺตุนิทฺเทเส การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
๒๖๓. หิโต นาม อตฺถจโร, ตสฺมา หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณาติ สตฺตานํ หิตจรณากาเรน ปวตฺติลกฺขณา, หิตาการสฺส วา ปวตฺตนลกฺขณา. หิตูปสํหารรสาติ สตฺเตสุ หิตสฺส อุปนยนกิจฺจา, อุปนยนสมฺปตฺติกา วา. ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๓๗; วิภ. ๙๐๙) ปวตฺตนกสฺส อาฆาตสฺส วินยนากาเรน ปจฺจุปติฏฺติ, าณสฺส โคจรภาวํ คจฺฉติ, ยตฺถ วา สยํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ อาฆาตวินยนํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อาฆาตวินยปจฺจุปฏฺานา. อมนาปานมฺปิ สตฺตานํ ปฏิกฺกูเล อปฺปฏิกฺกูลสฺิตารูเปน, ปเคว มนาปานํ ยํ มนาปภาวทสฺสนํ, ตถาปวตฺโต โยนิโสมนสิกาโร, ตํ ปทฏฺานํ เอติสฺสาติ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. พฺยาปาทูปสโมติ พฺยาปาทสฺส วิกฺขมฺภนวเสน วูปสโม. สมฺปตฺตีติ สมฺปชฺชนํ สมฺมเทว นิพฺพตฺติ. สิเนหสมฺภโวติ ตณฺหาสิเนหสฺส อุปฺปตฺติ. วิปตฺตีติ วินาโส. เมตฺตามุเขน หิ ราโค วฺเจติ.
กรุณาทีนํ ลกฺขณาทีสุ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วิเสสมตฺตเมว วณฺณยิสฺสาม. สตฺตานํ ปวตฺตทุกฺขสฺส อปนยนากาโร. อปนยนํ ปน โหตุ วา มา วา, โย ทุกฺขาปนยนากาโร, ตถาปวตฺติลกฺขณา ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติลกฺขณา. อปเนตุกามตาย ปเรสํ ทุกฺขสฺส อสหนํ อนธิวาสนํ ปรทุกฺขาสหนํ. น วิหึสา อวิหึสา, สตฺตานํ อวิเหนํ. ตํ ปจฺจุปฏฺเปติ, วิหึสาย วา ปฏิปกฺขภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ อวิหึสาปจฺจุปฏฺานา. วิหึสูปสโมติ เอตฺถ วิหึสนฺติ เอตาย สตฺเต, วิหึสนํ วา เนสํ ตนฺติ วิหึสา ¶ , สตฺตานํ วิเหนากาเรน ปวตฺโต กรุณาย ปฏิปกฺขภูโต ปฏิฆจิตฺตุปฺปาโท. กรุณามุเขน โสโก วฺเจตีติ อาห ‘‘โสกสมฺภโว วิปตฺตี’’ติ.
ปโมทนลกฺขณาติ ปรสมฺปตฺติยา ปโมทนลกฺขณา. อนิสฺสายนรสาติ อิสฺสายนสฺส อุสูยนสฺส ปฏิปกฺขภาวกิจฺจา. สตฺตานํ สมฺปตฺติยา, ปนฺตเสนาสเนสุ, อธิกุสลธมฺเมสุ จ อสหนํ อรมณํ อรติอิจฺเจว ¶ สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺสา วิหนนากาเรน ปจฺจุปติฏฺติ, ตสฺส วา วิฆาตํ วูปสมํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อรติวิฆาตปจฺจุปฏฺานา.
ปหาโส เคหสิตปีติวเสน ปหฏฺภาโว อุปฺปิลาวิตตฺตํ. สตฺเตสุ สมภาวทสฺสนรสาติ ปิยาทิเภเทสุ สพฺพสตฺเตสุ อุทาสินวุตฺติยา สมภาวสฺเสว ทสฺสนกิจฺจา, อุปปตฺติโต อิกฺขณโต สมภาเวเนว เตสํ คหณกิจฺจาติ อตฺโถ. สตฺเตสุ ปฏิกฺกูลาปฏิกฺกูลาการานํ อคฺคหณโต ตตฺถ ปฏิฆานุนยานํ วูปสมนากาเรน วุตฺติยา เตสํ วูปสมํ วิกฺขมฺภนํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ ปฏิฆานุนยวูปสมปจฺจุปฏฺานา. เอวํ ปวตฺตกมฺมสฺสกตาทสฺสนปทฏฺานาติ เอตฺถ ‘‘เอว’’นฺติ อิมินา พฺยติเรกมุเขน หิตูปสํหารทุกฺขาปนยนสมฺปตฺติปโมทนากาเรน ปจฺจามสนฺโต เมตฺตาทีนํ ติสฺสนฺนํ ปวตฺติอาการปฏิเสธนมุเขน ปวตฺตํ กมฺมสฺสกตาาณํ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสฺส อาสนฺนการณํ, น ยํ กิฺจีติ ทสฺเสติ.
๒๖๔. วิปสฺสนาสุขฺเจว ภวสมฺปตฺติ จาติ เอตฺถ ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร จาติ วตฺตพฺพํ. ตมฺปิ หิ เนสํ สาธารณปโยชนํ. ตถา ‘‘สุขํ สุปตี’’ติอาทโย (อ. นิ. ๘.๑; ๑๑.๑๕) เอกาทสานิสํสา. เต ปน เหฏฺา วุตฺตา เอวาติ อิธ น คหิตา.
นิสฺสรติ อปคจฺฉติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, ปหายกํ. กามฺเจเตหิ ปฺจปิ นีวรณานิ, ตเทกฏฺา จ ปาปธมฺมา วิกฺขมฺภนวเสน ปหียนฺติ, อุชุวิปจฺจนีกทสฺสนวเสน ปน พฺยาปาทาทโย ปาฬิยํ (ที. นิ. ๓.๓๒๖; อ. นิ. ๖.๑๓) วุตฺตา. เอวฺจ กตฺวา ราคนิสฺสรณตาวจนํ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสฺส สุฏฺุ สมตฺถิตํ ทฏฺพฺพํ.
๒๖๕. เอตฺถาติ เอเตสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ. เมตฺตา สตฺเตสุ ยถารหํ ทานปิยวจนาทิสีลสุตาทิคุณคหณวเสน ปวตฺตติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา’’ติ. ราโคปิ ¶ ตตฺถ ยถา ตถา คุณคฺคหณมุเขเนว ปวตฺตติ มนาปสฺาปโลภโตติ อาห ‘‘คุณทสฺสนสภาคตายา’’ติ. ตสฺมา มิตฺตมุขสปตฺโต วิย ตุลฺยากาเรน ทูสนโต ราโค เมตฺตาย อาสนฺนปจฺจตฺถิโก, โส ลหุํ โอตารํ ลภติ สติสมฺโมสมตฺเตนาปิ เมตฺตํ อปนีย ตสฺสา วตฺถุสฺมึ อุปฺปชฺชนารหตฺตา ¶ . ตโตติ ราคโต, ราคสฺส วา โอตารลาภโต. สภาควิสภาคตายาติ สภาคสฺส, สภาเคน วา วิสภาคตาย. สตฺเตสุ หิ มนาปาการคาหิโน เมตฺตาสภาคสฺส ตพฺพิปรีตสภาโว พฺยาปาโท เตน วิสภาโค. ตสฺมา โส โอตารํ ลภมาโน จิเรเนว ลเภยฺยาติ ปุริสสฺส ทูเร ิตสปตฺโต วิย เมตฺตาย ทูรปจฺจตฺถิโก. ตโตติ พฺยาปาทโต. นิพฺภเยนาติ อนุสฺสงฺกนปริสงฺกเนน, ลทฺธปติฏฺาย เมตฺตาย พฺยาปาเทน ทุปฺปธํสิยตฺตาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘เมตฺตายิสฺสตี’’ติอาทิ.
อิฏฺานนฺติ ปิยานํ. กนฺตานนฺติ กมนียานํ. มนาปานนฺติ มนวฑฺฒนกานํ. ตโต เอว มโน รเมนฺตีติ มโนรมานํ. โลกามิสปฏิสํยุตฺตานนฺติ ตณฺหาสนฺนิสฺสิตานํ. อปฺปฏิลาภโต สมนุปสฺสโตติ อปฺปฏิลาเภน อหมิเม น ลภามีติ ปริตสฺสโต. อตีตนฺติ อติกฺกนฺตํ. นิรุทฺธนฺติ นิโรธปฺปตฺตํ. วิปริณตนฺติ สภาววิคเมน วิคตํ. สมนุสฺสรโตติ อนุตฺถุนนวเสน จินฺตยโต. เคหสิตนฺติ กามคุณนิสฺสิตํ. ‘‘อาทินา’’ติ อิมินา ‘‘โสตวิฺเยฺยานํ สทฺทาน’’นฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. วิปตฺติทสฺสนสภาคตายาติ เยสุ สตฺเตสุ โภคาทิวิปตฺติทสฺสนมุเขน กรุณา ปวตฺตติ, เตสุ ตนฺนิมิตฺตเมว อโยนิโส อาโภเค สติ ยถาวุตฺตโทมนสฺสมุเขน โสโก อุปฺปชฺเชยฺย, โส กรุณาย อาสนฺนปจฺจตฺถิโก. โสโก หิ อิธ โทมนสฺสสีเสน วุตฺโต. สภาควิสภาคตายาติ เอตฺถ สตฺเตสุ ทุกฺขาปนยนกามตาการสฺส กรุณาสภาคสฺส เตสุ ทุกฺขูปนยนากาโร วิเหสาสภาโว วิสภาโคติ ตาย สภาควิสภาคตาย สา โอตารํ ลภมานา จิเรเนว ลเภยฺยาติ ปุริสสฺส ทูเร ิตสปตฺโต วิย กรุณาย ทูรปจฺจตฺถิกา วุตฺตา.
สมฺปตฺติทสฺสนสภาคตายาติ เยสุ สตฺเตสุ โภคาทิสมฺปตฺติทสฺสนมุเขน มุทิตา ปวตฺตติ, เตสุ ตนฺนิมิตฺตเมว อโยนิโส อาโภเค สติ ‘‘จกฺขุวิฺเยฺยานํ รูปาน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๖) วุตฺตโสมนสฺสมุเขน ปหาโส อุปฺปชฺเชยฺย, โส จ มุทิตาย อาสนฺนปจฺจตฺถิโก. ปหาโส หิ อิธ โสมนสฺสสีเสน วุตฺโต. สภาควิสภาคตายาติ โภคาทิสมฺปตฺตีหิ ¶ มุทิเตสุ สตฺเตสุ ปโมทนาการสฺส มุทิตาสภาคสฺส ตตฺถ อนภิรมนาการา อรติ วิสภาคาติ ตาย สภาควิสภาคตาย ¶ สา โอตารํ ลภมานา จิเรเนว ลเภยฺยาติ ปุริสสฺส ทูเร ิตสปตฺโต วิย มุทิตาย ทูรปจฺจตฺถิกา วุตฺตา. ปมุทิโต จาติอาทิ มุทิตาย สิทฺธาย อยมฺปิ อรติ น โหตีติ ลทฺธพฺพคุณทสฺสนวเสน วุตฺตํ, น อิธาธิปฺเปตอรตินิคฺคหทสฺสนวเสน. กายจิตฺตวิเวกปฏิปกฺขาย วา อรติยา วิกฺขมฺภิตาย มุทิตาย ปฏิปกฺขา อรติ สุวิกฺขมฺภเนยฺยา โหตีติ ทสฺสนตฺถํ เอกเทเสน อรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. อธิกุสลธมฺเมสูติ สมถวิปสฺสนาธมฺเมสุ.
พาลกรธมฺมโยคโต พาลสฺส. อตฺตหิตปรหิตพฺยามูฬฺหตาย มูฬฺหสฺส. ปุถูนํ กิเลสาทีนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชนสฺส. กิเลโสธีนํ มคฺโคธีหิ อชิตตฺตา อโนธิชินสฺส, โอธิชินา วา เสกฺขา โอธิโสว กิเลสานํ ชิตตฺตา. เตน อิมสฺส โอธิชิตภาวํ ปฏิกฺขิปติ. สตฺตมภวาทิโต อุทฺธํ ปวตฺตนวิปากสฺส อชิตตฺตา อวิปากชินสฺส, วิปากชินา วา อรหนฺโต อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา. เตนสฺส อเสกฺขตฺตํ ปฏิกฺขิปติ. อเนกาทีนเว สพฺเพสมฺปิ ปาปธมฺมานํ มูลภูเต สมฺโมเห อาทีนวานํ อทสฺสนสีลตาย อนาทีนวทสฺสาวิโน. อาคมาธิคมาภาวา อสฺสุตวโต. เอทิโส เอกํเสน อนฺธปุถุชฺชโน นาม โหตีติ ตสฺส อนฺธปุถุชฺชนภาวทสฺสนตฺถํ ปุนปิ ‘‘ปุถุชฺชนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. เอวรูปาติ วุตฺตากาเรน สมฺโมหปุพฺพิกา. รูปํ สา นาติวตฺตตีติ รูปานํ สมติกฺกมนาย การณํ น โหติ, รูปารมฺมเณ กิเลเส นาติวตฺตตีติ อธิปฺปาโย. โสมนสฺสโทมนสฺสรหิตํ อฺาณเมว อฺาณุเปกฺขา. โทสคุณาวิจารณวเสน สภาคตฺตาติ ยถา พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา เมตฺตาทโย วิย สตฺเตสุ หิตูปสํหาราทิวเสน คุณโทเส อวิจาเรนฺตี เกวลํ อชฺฌุเปกฺขนวเสเนว ปวตฺตติ, เอวํ อฺาณุเปกฺขา สตฺเตสุ วิชฺชมานมฺปิ คุณโทสํ อจินฺเตนฺตี เกวลํ อชฺฌุเปกฺขนวเสเนว ปวตฺตตีติ โทสคุณาวิจารณวเสน สภาคา. ตสฺมา สา ลหุํ โอตารํ ลภตีติ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขาย อาสนฺนปจฺจตฺถิกา วุตฺตา. สภาควิสภาคตายาติ อิฏฺานิฏฺเสุ มชฺฌตฺตาการสฺส อุเปกฺขาสภาคสฺส ¶ ตตฺถ อนุโรธวิโรธปวตฺติอาการา ราคปฏิฆา วิสภาคาติ ตาย สภาควิสภาคตาย เต โอตารํ ลภมานา จิเรเนว ลเภยฺยุนฺติ ปุริสสฺส ทูเร ิตสปตฺโต วิย อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสฺส ทูรปจฺจตฺถิกา วุตฺตา.
๒๖๖. กตฺตุกามตา ฉนฺโท อาทิ ‘‘ฉนฺทมูลกา กุสลา ธมฺมา’’ติ (อ. นิ. ๘.๘๓) วจนโต, อถ วา สตฺเตสุ หิเตสิตาทุกฺขาปนยนกามตาทินา อนวชฺชาภิปตฺถนาวเสน ¶ ปวตฺตนโต ‘‘กตฺตุกามตา ฉนฺโท อาที’’ติ วุตฺตํ. อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาโรปิ หิ สตฺเตสุ อนิรากตหิตจฺฉนฺโทเยว ‘‘ตตฺถ อพฺยาวฏตา อปณฺณกปฏิปทา’’ติ อชฺฌุเปกฺขนากาเรน ปวตฺตติ มาตา วิย สกิจฺจปสุเต ปุตฺเต. นีวรณาทีติ อาทิ-สทฺเทน ตเทกฏฺกิเลสานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. กตฺถจิ สตฺตคฺคหณมฺปิ สงฺขารคฺคหณเมว โหติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ยถา ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗; ขุ. ปา. ๔.๑), น เอวมิธาติ อาห ‘‘ปฺตฺติธมฺมวเสน เอโก วา สตฺโต อเนเก วา สตฺตา อารมฺมณ’’นฺติ. ปฺตฺติธมฺมวเสนาติ ปฺตฺติสงฺขาตธมฺมวเสน. กามฺเจตฺถ ‘‘สุขิตา โหนฺตู’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๒.๒๓) ภาวนายํ สุขาทิคฺคหณมฺปิ ลพฺภติ. ตํ ปน ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ (ธ. ป. ๒๕๕; เถรคา. ๖๗๖; เนตฺติ. ๕) วิปสฺสนาย อนิจฺจลกฺขณคหณํ วิย อปฺปธานภูตํ, สตฺตปฺตฺติ เอว ปธานภาเวน คยฺหตีติ ทฏฺพฺพํ. อุปจาเร วา ปตฺเต อารมฺมณวฑฺฒนํ ตตฺถาปิ สีมาสมฺเภทสิทฺธิโตติ อธิปฺปาโย.
เอกมาวาสํ ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘สตฺเต เมตฺตาย ผริสฺสามี’’ติ เอวํ าเณน ปริจฺเฉทํ กตฺวา เอกา รจฺฉา ปริจฺฉินฺทิตพฺพาติ โยชนา. รจฺฉาคหเณน รจฺฉาวาสิโน สตฺตา คหิตา ยถา เอกํ ทิสนฺติ. เอวํ สพฺพตฺถ.
๒๖๗. กสิณานํ นิสฺสนฺโทติ กสิณชฺฌานานํ นิสฺสนฺทผลสทิสา อารุปฺปา อรูปชฺฌานานิ, กสิณชฺฌานานํ ปาริปูริยาว สิชฺฌนโต. เตหิ วินา อสิชฺฌนโตติ เกจิ. สมาธินิสฺสนฺโทติ รูปชฺฌานสมาธีนํ, เหฏฺิมานํ ติณฺณํ อรูปชฺฌานสมาธีนฺจ นิสฺสนฺโท ปฏิปาฏิยา เต อธิคนฺตฺวาว ปฏิลภิตพฺพโต ¶ . วิปสฺสนานิสฺสนฺโท วิปสฺสนานุภาเวน ลทฺธพฺพโต, วิปสฺสนาวเสเนว จ สมาปชฺชิตพฺพโต. สมถวิปสฺสนานิสฺสนฺโท นิโรธสมาปตฺติ. ยถาห ‘‘ทฺวีหิ พเลหิ สมนฺนาคตตฺตา’’ติอาทิ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๖๘). ‘‘ปุริมพฺรหฺมวิหารตฺตยนิสฺสนฺโท’’ติ อิมินา เมตฺตาทิวเสน ตีณิ ฌานานิ อธิคนฺตฺวา ิตสฺเสว อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาโร, น อิตรสฺสาติ ทสฺเสติ. ตเมวตฺถํ อุปมาย ปากฏตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
๒๖๘. สิยาติ วุจฺจมานากาเรน สิยา กสฺสจิ ปริวิตกฺโก. เอตฺถาติ เอเตสุ เมตฺตาทีสุ พฺรหฺมวิหารตา เวทิตพฺพา, อิตรกมฺมฏฺานานิ อตฺตหิตปฏิปตฺติมตฺตานิ. อิมานิ ปน ‘‘สพฺเพ ¶ สตฺตา สุขิตา โหนฺตู’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๒.๒๒) ปรหิตปฏิปตฺติภูตานิ. ตสฺมา สตฺเตสุ สมฺมา ปฏิปตฺติภาเวน เสฏฺา เอเต วิหารา. พฺรหฺมาโนติ อุปปตฺติพฺรหฺมาโน. เต หิ อิธ ฌานภาวนาย วินีวรณจิตฺตา หุตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนา ตตฺถ ยาวตายุกํ วินีวรณจิตฺตาว โหนฺติ. ตสฺมา ‘‘นิทฺโทสจิตฺตา วิหรนฺตี’’ติ วทนฺติ. พฺรหฺมาโนติ วา สกลพุทฺธคุณเหตุภูตานํ ทานปารมิตาทีนํ พุทฺธกรธมฺมานํ ปริปูรณวเสน พฺรูหิตคุณา มหาสตฺตา โพธิสตฺตา. เต หิ สพฺพสตฺตานํ หิเตสเนน, อหิตาปนยเนน, สมฺปตฺติปโมทเนน, สพฺพตฺถ วิวชฺชิตาคติคมนมชฺฌตฺตภาวาธิฏฺาเนน จ นิทฺโทสจิตฺตา วิหรนฺติ. เอวนฺติ ยถา เต อุปปตฺติพฺรหฺมาโน, มหาโพธิสตฺตพฺรหฺมาโน วา, เอวํ เอเตหิ พฺรหฺมวิหาเรหิ สมฺปยุตฺตา สมงฺคีภูตา.
๒๖๙. จตสฺโสวาติอาทิปฺหสฺสาติ จตสฺโสติอาทิกสฺส ติวิธสฺส ปฺหสฺส. วิสุทฺธิมคฺคาทิวสาติ เอตฺถ พฺยาปาทสํกิเลสาทิโต วิสุชฺฌนุปาโย วิสุทฺธิมคฺโค. อาทิ-สทฺเทน หิตูปสํหาราทิมนสิการวิเสสา สงฺคหิตา. อาสํ เมตฺตาทีนํ. อปฺปมาเณติ ปมาณรหิเต. เยนาติ เยน การเณน. ตนฺติ ตสฺมา. ท-กาโร ปทสนฺธิกโร.
พฺยาปาทพหุลสฺส วิสุทฺธิมคฺโคติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ, อุชุวิปจฺจนีกภาวโตติ อธิปฺปาโย. เอส นโย เสเสสุปิ. ปกฺขปาตวเสน อนาภุชนมนาโภโค มชฺฌตฺตากาโรติ อธิปฺปาโย. ยฺวายํ จตุพฺพิโธ สตฺเตสุ ¶ มนสิกาโร วุตฺโต, ตเมว อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา จ ยถา มาตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วุตฺตสฺสาปิ หิตูปสํหาราทิอตฺถสฺส อุปเมยฺยภาวํ อุปเนตฺวา ทสฺเสตุํ อตฺถุปนยนตฺโถ ‘‘ยสฺมา จา’’ติ จ-สทฺโท. ปริยาเยติ วาเร, ตสฺมึ ตสฺมึ กิจฺจวเสน ปริวตฺตนกฺกเมติ อตฺโถ. อพฺยาวฏาติ อนุสฺสุกฺกา. ตถาติ ยถา มาตา ทหราทีสุ ปุตฺเตสุ, ตถา สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตาทิวเสน เมตฺตายนาทิวสิเกน ภวิตพฺพนฺติ โยชนา. ตสฺมาติ ยสฺมา สพฺเพปิ สํกิเลสธมฺมา ยถารหํ โทสโมหราคปกฺขิยา, เตหิ จ วิสุชฺฌนุปาโย อปฺปมฺา, หิตูปสํหาราทิวเสน จตุพฺพิโธ จ สตฺเตสุ มนสิกาโร, ตสฺมา วิสุทฺธิมคฺคาทิวสา จตสฺโสว อปฺปมฺา. จตสฺโสปิ เอตา ภาเวตุกาเมน น เอเกกนฺติ อธิปฺปาโย. สติ หิ สพฺพสงฺคเห กเมน ภวิตพฺพํ. หิเตสิตา เมตฺตายนนฺติ อาห ‘‘เอวํ ปตฺถิตหิตาน’’นฺติ. สมฺภาเวตฺวา วาติ ‘‘อิมาย ปฏิปตฺติยา อยํ นิรยาทีสุ นิพฺพตฺเตยฺยา’’ติ ปริกปฺเปตฺวา วา. ทุกฺขาปนยนากอารปฺปวตฺติวเสน ¶ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ตโต ปรนฺติ ตโต หิตาการปฺปวตฺติอาทิโต ปรํ. กตฺตพฺพาภาวโตติ จตุตฺถสฺส ปการสฺส กตฺตพฺพสฺส อภาวโต. อยํ กโมติ อยํ อิมาสํ อปฺปมฺานํ เยภุยฺเยน ปวตฺตนกฺกโมติ กตฺวา วุตฺตํ, น ‘‘อิมินาว กเมน เอตาสํ ปวตฺติ, น อฺถา’’ติ. เมตฺตาทีนํ หิ ติสฺสนฺนํ ภาวนานํ กมนิยโม นตฺถิ, ยํ วา ตํ วา ปมํ ภาเวตุํ ลพฺภา, เทสนากฺกมวเสน วา เอวํ วุตฺตํ.
เอกสตฺตสฺสาปีติ เอกสฺสาปิ สตฺตสฺส. อปฺปฏิภาคนิมิตฺตตฺตา ปริจฺเฉทคฺคหณํ นตฺถิ, น จ สมฺมุติสจฺจวเสน ปวตฺตํ สตฺตคฺคหณํ ปริจฺฉินฺนรูปาทิคฺคหณํ โหตีติ อปฺปนาปฺปตฺติยา อปรามาสสตฺตคฺคหณมุทฺธภูตานํ เมตฺตาทีนํ เอกสตฺตารมฺมณานมฺปิ อปฺปมาณโคจรตา วุตฺตา. เอวํ ปมาณํ อคฺคเหตฺวาติ ยถา อุทฺธุมาตกาทีสุ อติเรกุทฺธุมาตกาทิภาวปฺปตฺเต ปเทเส นิมิตฺตํ คยฺหติ, เอวํ ปมาณํ อคฺคเหตฺวา. สกลผรณวเสนาติ นิรวเสสผรณวเสน.
๒๗๐. นิสฺสรณตฺตาติ เอตฺถ ยํ ยสฺส นิสฺสรณํ, ตํ ตสฺส อุชุปฏิปกฺขภูตเมว โหติ. ยถา กามานํ เนกฺขมฺมํ, รูปานํ อารุปฺปา, สงฺขารานํ นิพฺพานํ ¶ , เอวํ โทมนสฺสสหิตานํ พฺยาปาทวิหึสารตีนํ นิสฺสรณภูตา เมตฺตากรุณามุทิตา น โสมนสฺสรหิตา โหนฺติ. นิสฺสรณคฺคหเณเนว จ ปุพฺพภาคิยานํ ตาสํ อุเปกฺขาสมฺปโยโคปิ อนฺุาโตติ ทฏฺพฺพํ อนิสฺสรณภาวโต. ตถา หิ อฏฺวีสติยา จิตฺตุปฺปาเทสุ กรุณามุทิตานํ ปวตฺตึ อาจริยา อิจฺฉนฺติ. น หิ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา อุเปกฺขาเวทนํ วินา วตฺตติ ปาริสุทฺธิอุเปกฺขา วิย. น หิ กทาจิ ปาริสุทฺธิอุเปกฺขา เวทนุเปกฺขํ วินา วตฺตตีติ.
๒๗๑. สาตสหคตนฺติ สุขสหคตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘ตโต ตฺวํ ภิกฺขู’’ติอาทิกาย (อ. นิ. ๘.๖๓) เทสนาย จตุนฺนมฺปิ อปฺปมฺานํ สวิตกฺกาทิภาโว วิย อุเปกฺขาสหคตภาโวปิ วิฺายติ, ตสฺมา. จตสฺโสปิ อปฺปมฺา จตุกฺกปฺจกชฺฌานิกาติ โจทกสฺส อธิปฺปาโย. เอวฺหิ สตีติ ยทิ มูลสมาธิมฺหิ วุตฺตมตฺถํ อนนฺตรํ วุตฺตตาย พฺรหฺมวิหาเรสุ ปกฺขิปติ, เอวํ สนฺเต กายานุปสฺสนาทโยปิ จตุกฺกปฺจกชฺฌานิกา สิยุํ, น ปน โหนฺติ วิปสฺสนาวเสน เทสิตตฺตาติ อธิปฺปาโย, โหนฺตุ กายานุปสฺสนาทโย อานาปานภาวนาวเสน จตุกฺกปฺจกชฺฌานิกาติ วเทยฺยาติ อาสงฺกนฺโต อาห ‘‘เวทนาทีสู’’ติอาทิ. พฺยฺชนจฺฉายามตฺตํ คเหตฺวาติ ‘‘เมตฺตา เม เจโตวิมุตฺติ ภาวิตา ภวิสฺสตี’’ติอาทีหิ ¶ พฺยฺชเนหิ ปกาสิโต เอว จิตฺตสมาธิ ‘‘อชฺฌตฺตํ เม จิตฺตํ ิตํ ภวิสฺสตี’’ติอาทีหิปิ พฺยฺชเนหิ ปกาสิโตติ พฺยฺชนโต ลพฺภมานสมาธิจฺฉายามตฺตํ คเหตฺวา อุภยตฺถ ลพฺภมานํ อธิปฺปายํ อคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. สุตฺตตฺถํ หิ อฺถา วทนฺโต อยถาวาทิตาย สตฺถารํ อปวทนฺโต นาม โหติ. เตนาห ‘‘มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขี’’ติ.
๒๗๒. ‘‘ตยิมํ โทสํ ปริหริตุกาเมน น สพฺพํ สุตฺตํ นีตตฺถเมว, ตสฺมา ครุกุลโต อธิปฺปาโย มคฺคิตพฺโพ’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘คมฺภีรํ หี’’ติอาทึ วตฺวา ตตฺถ อาทิโต ปฏฺาย อธิปฺปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิมาห. อายาจิตา ธมฺมเทสนา เอเตนาติ อายาจิตธมฺมเทสโน, ตํ อายาจิตธมฺมเทสนํ. เอวเมวาติ ครหเน นิปาโต, มุทา เอวาติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตนฺติ โคจรชฺฌตฺเต, กมฺมฏฺานารมฺมเณติ อตฺโถ ¶ . ยสฺมา จิตฺเตกคฺคตา นาม สสนฺตติปริยาปนฺนา โหติ, ตสฺมา อตฺถวณฺณนายํ ‘‘นิยกชฺฌตฺตวเสนา’’ติ วุตฺตํ. จิตฺตํ ิตํ ภวิสฺสตีติ พหิทฺธา อวิกฺขิปฺปมานํ เอกคฺคภาเว ิตํ ภวิสฺสติ. ตโต เอว สุสณฺิตํ, สุฏฺุ สมาหิตนฺติ อตฺโถ. อุปฺปนฺนาติ อวิกฺขมฺภิตา. ปาปกาติ ลามกา. อกุสลา ธมฺมาติ กามจฺฉนฺทาทโย อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลา ธมฺมา. จิตฺตํ ปริยาทาย ปวตฺติตุํ โอกาสาทาเนน กุสลจิตฺตํ เขเปตฺวา น จ สฺสนฺตีติ โยชนา. อิมินา ยถาวุตฺตสฺส สมาธานสฺส การณมาห.
จิตฺเตกคฺคตามตฺโตติ ภาวนมนุยุตฺเตน ปฏิลทฺธมตฺตํ นาติสุภาวิตํ สมาธานํ. ตํ ปน อุปริ วุจฺจมานานํ สมาธิวิเสสานํ มูลการณภาวโต ‘‘มูลสมาธี’’ติ วุตฺโต. สฺวายํ จิตฺเตกคฺคตามตฺโต ‘‘อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทึ กโรมิ สมาทหามี’’ติอาทีสุ วิย ขณิกสมาธิ อธิปฺเปโต. ยเถว หิ อฺตฺถาปิ ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, ภิกฺขเว, วีริยํ อโหสิ อสลฺลีนํ…เป… สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺค’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๑๑) วตฺวา ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๘.๑๑) ปมํ วุตฺตจิตฺเตกคฺคตา ‘‘ขณิกสมาธี’’ติ วิฺายติ, เอวมิธาปีติ. โส เอว สมาธีติ มูลสมาธิมาห.
อสฺสาติ ภิกฺขุโน, อสฺส วา มูลสมาธิสฺส. ภาวนนฺติ วฑฺฒนํ. อยํ สมาธีติ จ มูลสมาธิเยว อธิปฺเปโต. เอวํ ภาวิโตติ ยถา อรณิสหิเตน อุปฺปาทิโต อคฺคิ โคมยจุณฺณาทีหิ ¶ วฑฺฒิโต โคมยคฺคิอาทิภาวํ ปตฺโตปิ อรณิสหิเตน อุปฺปาทิตมูลคฺคีตฺเวว วุจฺจติ, เอวมิธาปิ มูลสมาธิ เอว เมตฺตาทิวเสน วฑฺฒิโตติ กตฺวา วุตฺตํ.
อฺเสุปิ อารมฺมเณสุ ปถวีกสิณาทีสุ. ตตฺถ ยถา เมตฺตาภาวนาปุพฺพงฺคเมน ภาวนานเยน ปถวีกสิณาทีสุ สวิตกฺกาทิภาววเสน จตุกฺกปฺจกชฺฌานสมฺปาปนวิธินา มูลสมาธิสฺส ภาวนา วุตฺตา, เอวํ กรุณาทิภาวนาปุพฺพงฺคมํ ปถวีกสิณาทีสุปิ ภาวนาวิธึ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา กายานุปสฺสนาทิปุพฺพงฺคมํ ภาวนาวิธึ ทสฺเสนฺโต อาสวกฺขยาย ธมฺมํ เทเสสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘กรุณา เม เจโตวิมุตฺตี’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ ธมฺมานุปสฺสนาปริโยสานาย เทสนาย อรหตฺตาธิคมาย กมฺมฏฺานสฺส ¶ กถิตตฺตา ปุน ‘‘ตโต ตฺวํ, ภิกฺขุ, อิมํ สมาธึ สวิตกฺกมฺปี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๘.๖๓) กสฺมา วุตฺตนฺติ? ธมฺมานุปสฺสนาย มตฺถกปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. สา หิ สงฺขารุเปกฺขาภาเวน วตฺตมานา ยถาวุตฺตชฺฌานธมฺเม สมฺมสนฺตี วิเสสโต มตฺถกปฺปตฺตา นาม โหติ. ผลสมาปตฺติภูมิทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เกจิ.
ปุน ยโต โข เตติอาทิ อรหตฺตปฺปตฺติโต อุทฺธํ ลทฺธพฺพผาสุวิหารทสฺสนํ. ตตฺถ คคฺฆสีติ คมิสฺสสิ. ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘สวิตกฺกมฺปี’’ติอาทิกา เทสนา เมตฺตาทีนํ อารมฺมณโต อฺสฺมึ อารมฺมเณ สมาธึ สนฺธาย วุตฺตา, น อปฺปมฺา, ตสฺมา. ‘‘ตเถวา’’ติอาทินา คนฺถนฺตเรนปิ ตเมวตฺถํ สมตฺเถติ. ตตฺถ ตเถวาติ ติกจตุกฺกชฺฌานวเสเนว. อภิธมฺเมติ จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ (ธ. ส. ๒๕๑ อาทโย), อปฺปมฺาวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๖๘๔ อาทโย) จ ตตฺถ ตตฺถ อภิธมฺมปฺปเทเสสุ.
๒๗๓. สุภปรมาทิวเสนาติ สุภ-สทฺโท ‘‘สุภนฺเตว อธิมุตฺโต โหตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒; อ. นิ. ๘.๖๖) เอวํ วุตฺตสุภวิโมกฺขํ สนฺธาย วุตฺโต อุตฺตรปทโลเปน. ปรม-สทฺโท อุกฺกํสตฺโถ. สุโภ สุภวิโมกฺโข ปรโม อุกฺกํโส ปรมา โกฏิ เอติสฺสาติ สุภปรมา, เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, ตโต ปรํ ตาย สาเธตพฺพํ นตฺถีติ อตฺโถ. อสาธารณสฺส อตฺถสฺส อธิปฺเปตตฺตา วิปสฺสนาสุขาทโย อิธ อนวสรา. อิตเรตรวิสิฏฺาเปเต วิเสสา, ปเคว ปเรหิ. เตนาห ‘‘อฺมฺํ อสทิโส อานุภาววิเสโส เวทิตพฺโพ’’ติ. วิเสเสตฺวาติ อฺมฺํ วิสิฏฺํ กตฺวา.
ตสฺส ¶ ตสฺส อุปนิสฺสยตฺตาติ สุภวิโมกฺขาทิกสฺส ตสฺส ตสฺส วิโมกฺขสฺส ปกตูปนิสฺสยวเสน อุปนิสฺสยปจฺจยภาวโต. อิทานิ ตมตฺถํ ปากฏตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เมตฺตาวิหาริสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสฺส เมตฺตาวิหาริสฺส จิตฺตํ อุปสํหรโตติ สมฺพนฺโธ. อปฺปฏิกฺกูลปริจยาติ เมตฺตาภาวนาวเสน สตฺตสฺิเต ยตฺถ กตฺถจิ อารมฺมเณ อปฺปฏิกฺกูลากาเรเนว คหณสฺส ปริจิตตฺตา. ตสฺส สงฺขารภูตมฺปิ ยํ กิฺจิ อารมฺมณํ อปฺปฏิกฺกูลากาเรเนว ปจฺจุปติฏฺติ, ปเคว สภาวโต. ‘‘อปฺปฏิกฺกูล’’นฺติ ¶ ตตฺถสฺส จิตฺตํ อภิรติวเสน นิราสงฺกํ ปวตฺตติ, ปจฺจนีกธมฺเมหิ จ สุเขน, สุฏฺุ จ วิมุจฺจติ, ยตสฺส ฌานสฺส วิโมกฺขปริยาโย วุตฺโต. เตนาห ‘‘อปฺปฏิกฺกูเลสู’’ติอาทิ. ยถาวุตฺโต จ อตฺโถ อนตฺถจรณาทิอธิปฺปาเยน สเจตเน อารมฺมเณ อาฆาตํ อุปฺปาเทนฺตสฺส ปฏิกฺกูลปริจยา อเจตเนปิ วาตาตปาทิเก อาฆาตุปฺปตฺติยา วิภาเวตพฺโพ. น ตโต ปรนฺติ ตโต สุภวิโมกฺขโต ปรํ กสฺสจิ วิโมกฺขสฺส อุปนิสฺสโย น โหตีติ อตฺโถ.
อภิหนนฺติ เอเตนาติ อภิฆาโต, ทณฺโฑ อภิฆาโต ยสฺส ตํ ทณฺฑาภิฆาตํ, ตํ อาทิ ยสฺส ตํ ทณฺฑาภิฆาตาทิ, ทณฺฑาภิฆาตาทิ รูปํ นิมิตฺตํ ยสฺส ตํ ทณฺฑาภิฆาตาทิรูปนิมิตฺตํ. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘สตฺตทุกฺข’’นฺติ, ทณฺฑปฺปหาราทิชนิตํ กรชรูปเหตุกํ สตฺตานํ อุปฺปชฺชนกทุกฺขนฺติ อตฺโถ. รูเป อาทีนโว สุปริวิทิโต โหติ กรุณาวิหาริสฺส รูปนิมิตฺตตฺตา, ทุกฺขสฺส กรุณาย จ ปรทุกฺขาสหนรสตฺตาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ อากาเส. จิตฺตํ ปกฺขนฺทติ สพฺพโส รูปานํ อภาโว วิวรมปคโมติ.
เตน เตนาติอาทีสุ อยํ โยชนา – เตน เตน โภคสมฺปตฺติอาทินา ปาโมชฺชการเณน ปมุทิตานํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนปาโมชฺชวิฺาณํ สมนุปสฺสนฺตสฺส โยคิโน ‘‘สาธุ วตายํ สตฺโต ปโมทตี’’ติ มุทิตาย ปวตฺติสมฺภวโต ปมุทิตวิฺาณสฺส ทสฺสเนน วิฺาณคฺคหณปริจิตํ จิตฺตํ โหตีติ.
อนุกฺกมาธิคตนฺติ อากาสกสิณวชฺเช ยตฺถ กตฺถจิ กสิเณ รูปาวจรชฺฌานาธิคมานุกฺกเมน รูปวิราคภาวนาย อธิคตํ. อากาสนิมิตฺตํ โคจโร เอตสฺสาติ อากาสนิมิตฺตโคจรํ, ตสฺมึ อากาสนิมิตฺตโคจเร ปมารุปฺปวิฺาเณ. จิตฺตํ อุปสํหรโตติ ทุติยารุปฺปาธิคมาย ภาวนาจิตฺตํ เนนฺตสฺส, ตถา ภาวยโตติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ¶ ปมารุปฺปวิฺาเณ. จิตฺตนฺติ วิฺาณฺจายตนจิตฺตํ. ปกฺขนฺทตีติ อนุปวิสติ วิโมกฺขภาเวน อปฺเปติ.
อาโภคาภาวโตติ ‘‘สุขิตา โหนฺตู’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๒.๒๓) สุขาสีสนาทิวเสน อาภุชนาภาวโต. สตฺตานํ สุขาสีสนาทิวเสน ปวตฺตมานา ¶ เมตฺตาทิภาวนาว ปรมตฺถคฺคหณมุเขน สตฺเต อารมฺมณํ กโรติ, อุเปกฺขาภาวนา ปน ตถา อปฺปวตฺติตฺวา เกวลํ อชฺฌุเปกฺขนวเสเนว สตฺเต อารมฺมณํ กโรตีติ อาห ‘‘อุเปกฺขาวิหาริสฺส สุขทุกฺขาทิปรมตฺถคฺคาหวิมุขภาวโต อวิชฺชมานคฺคหณทุกฺขํ จิตฺตํ โหตี’’ติ. นนุ จ ‘‘กมฺมสฺสกา สตฺตา, เต กสฺส รุจิยา สุขิตา วา ภวิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ปฏิกฺเขปวเสนปิ ปรมตฺถคฺคหณมุเขเนว อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาโรปิ สตฺเต อารมฺมณํ กโรตีติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน ภาวนาย ปุพฺพภาเค, มตฺถกปฺปตฺติยํ ปน เกวลํ อชฺฌุเปกฺขนวเสเนว สตฺเต อารมฺมณํ กโรตีติ สวิเสสํ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาเน เอว วิสเย ตสฺส ปวตฺติ. อวิชฺชมานคฺคหณทุกฺขตา จ อชฺฌุเปกฺขนวเสน อปฺปนาปฺปตฺติยา อปรามาสสตฺตคฺคหณมุทฺธภูตตาย เวทิตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๒๗๔. สพฺพาเปตาติ สพฺพาปิ เอตา อปฺปมฺา. ทานาทีนนฺติ ปารมิภาวปฺปตฺตานํ ทานาทีนํ พุทฺธกรธมฺมานํ. สพฺพกลฺยาณธมฺมานนฺติ สพฺเพสํ อนวชฺชธมฺมานํ, สมตึสาย ปารมิตานํ, ตนฺนิมิตฺตานํ พุทฺธยานิยานฺจ, สพฺเพหิ วา สุนฺทรสภาวานํ. น หิ โลกิยธมฺมา พุทฺธกรธมฺเมหิ อานุภาวโต อุกฺกฏฺา นาม อตฺถิ, พุทฺธธมฺเมสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ปริปูริกาติ ปริวุทฺธิกรา. อธิฏฺานานิ วิย หิ อปฺปมฺา สพฺพาสํ ปารมิตานํ ปาริปูริกรา. ‘‘หิตชฺฌาสยตายา’’ติอาทินา เมตฺตาพฺรหฺมวิหาราทีนํ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสฺส อธิฏฺานภาวทสฺสนมุเขน จตูหิ อปฺปมฺาหิ อตฺตโน สนฺตานสฺส ปเคว อภิสงฺขตตฺตา มหาโพธิสตฺตา ทานาทิปารมิโย ปูเรตุํ สมตฺถา โหนฺติ, นาฺถาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. อิมสฺส ทาตพฺพํ, อิมสฺส น ทาตพฺพนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ, ‘‘อิทํ ทาตพฺพํ, อิทํ น ทาตพฺพนฺติ จ วิภาคํ อกตฺวา’’ติ วตฺตพฺพโต. เทยฺยปฏิคฺคาหกวิกปฺปรหิตา หิ ทานปารมิตา. ยถาห –
‘‘ยถาปิ กุมฺโภ สมฺปุณฺโณ, ยสฺส กสฺสจิ อโธกโต;
วมเตวุทกํ นิสฺเสสํ, น ตตฺถ ปริรกฺขตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๑๘);
‘‘สพฺพสตฺตาน’’นฺติ ¶ อิทํ ‘‘สุขนิทาน’’นฺติ อิมินาปิ สมฺพนฺธิตพฺพํ, ‘‘เทนฺตี’’ติ อิมินา จ. เตน เทยฺยธมฺเมน วิย ทานธมฺเมนาปิ มหาสตฺตานํ โลกสฺส พหูปการตา ¶ วุตฺตา โหติ, ตถา ตสฺส ปริณามนโต. ตทตฺถทีปนตฺถํ หิ ‘‘วิภาคํ อกตฺวา’’ติ วตฺวาปิ ‘‘สพฺพสตฺตาน’’นฺติ วุตฺตํ. เตสนฺติ สพฺพสตฺตานํ. อุปฆาตนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘วิภาคํ อกตฺวา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อยํ เหตฺถ ปทโยชนา – วิภาคํ อกตฺวา อุปฆาตํ ปริวชฺชยนฺตา สพฺพสตฺตานํ สุขนิทานํ สีลํ สมาทิยนฺตีติ. สตฺตกาลวิกปฺปรหิตา หิ สีลปารมิตา, โลกตฺถเมว จสฺส ผลํ ปริณมียติ. เนกฺขมฺมํ ภชนฺตีติ ปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉนฺติ. ปพฺพชิตสฺส หิ สพฺพโส สีลํ ปริปูรติ, น คหฏฺสฺส. อิธาปิ ‘‘วิภาคํ อกตฺวา สพฺพสตฺตานํ สุขนิทาน’’นฺติ อิทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. น หิ โพธิสตฺตา กาลวิภาคํ กตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุติฏฺนฺติ, สีลํ วา สมาทิยนฺติ, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ ฌานาทิเนกฺขมฺมภชนสฺสาปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. สพฺพสตฺตานํ สุขนิทานตา เหฏฺา วุตฺตนยาว. เอส นโย เสเสสุปิ. หิตาหิเตสูติ อตฺถานตฺเถสุ. อสมฺโมหตฺถายาติ สมฺโมหวิทฺธํสนาย. ปฺํ ปริโยทเปนฺตีติ โยควิหิตํ วิชฺชาฏฺานาทึ อสฺสุตํ สุณนฺตา สุตํ โวทเปนฺตา อหํการมมํการาทึ วิธุนนฺตา าณํ วิโสเธนฺติ. ‘‘อหํ มมา’’ติ วิกปฺปรหิตา หิ ปฺาปารมิตา. หิตสุขตฺถายาติ สตฺตานํ หิตสุขาทิวุทฺธิยตฺถเมว. นิจฺจนฺติ สตตํ อวิจฺเฉเทน ปฏิปกฺเขน อโวกิณฺณํ. วีริยมารภนฺตีติ ยถา สตฺตานํ อนุปฺปนฺนํ หิตสุขํ อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนํ อภิวฑฺฒติ, เอวํ ปรกฺกมํ กโรนฺติ. สงฺโกจวิกฺเขปรหิตา หิ วีริยปารมิตา. ‘‘วีรภาวํ ปตฺตาปี’’ติ อิมินา อปรทฺธานํ นิคฺคหสมตฺถตํ ทสฺเสติ. นานปฺปการกํ อปราธํ ขมนฺตีติ มมฺมจฺเฉทนากาเรน อตฺตนิ ปวตฺติตํ นานาวิธํ อปราธํ สหนฺติ. อตฺตปรวิกปฺปวิรหิตา หิ โทสสหนา ขนฺติปารมิตา.
ปฏิฺํ น วิสํวาเทนฺตีติ อวิสํวาทนสามฺเน สพฺพสฺสปิ อนริยโวหารสฺส อกรณมาห. ปฏิฺาเต, อปฏิฺาเต จ ทิฏฺาทิเก มิจฺฉาวิกปฺปรหิตา หิ สจฺจปารมิตา. อวิจลาธิฏฺานาติ ยถาสมาทินฺเนสุ ทานาทิธมฺเมสุ นิจฺจลาธิฏฺายิโน อจลสมาทานาธิฏฺานา, สมาทินฺเนสุ จ พุทฺธกรธมฺเมสุ สมฺมเทว อวฏฺานํ อธิฏฺานปารมิตา. เตสูติ สตฺเตสุ. อวิจลายาติ ปฏิปกฺเขน อกมฺปนียาย. เอวนฺติ ยถาวุตฺเตน สตฺเตสุ หิตชฺฌาสยตาทิอากาเรน. ยถา จ พฺรหฺมวิหาราธิฏฺานา ปารมิโย, เอวํ อธิฏฺานาธิฏฺานาปิ. ตถา หิ ยถาปฏิฺํ ปรานุคฺคหาย ปารมีนํ ¶ อนุฏฺาเนน สจฺจาธิฏฺานํ, ตปฺปฏิปกฺขปริจฺจาคโต ¶ จาคาธิฏฺานํ, ปารมีหิ สจิตฺตุปสมโต อุปสมาธิฏฺานํ, ตาหิ ปรหิตูปายโกสลฺลโต ปฺาธิฏฺานํ. เอวํ ปจฺเจกมฺปิ ปารมิตาสุ ยถารหํ เนตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน ปารมิตาสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ จริยาปิฏกวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห. ตถา ทสพลาณาทิเกติ. เอตาว โหนฺตีติ เอตา โหนฺติ เอวาติ โยชนา.
พฺรหฺมวิหารนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ นวมปริจฺเฉทวณฺณนา.
๑๐. อารุปฺปนิทฺเทสวณฺณนา
ปมารุปฺปวณฺณนา
๒๗๕. อุทฺทิฏฺเสูติ ¶ ¶ ‘‘จตฺตาโร อารุปฺปา’’ติ เอวํ อุทฺทิฏฺเสุ, นิทฺธารเณ เจตํ ภุมฺมํ. เตเนวาห ‘‘จตูสุ อารุปฺเปสู’’ติ. ตตฺถ รูปวิเวเกน อรูปํ, อรูปเมว อารุปฺปํ ฌานํ, อิธ ปน ตทตฺถํ กมฺมฏฺานํ อธิปฺเปตํ. ตํ ภาเวตุกาโม จตุตฺถชฺฌานํ อุปฺปาเทตีติ สมฺพนฺโธ. รูปาธิกรณนฺติ รูปเหตุ. เหตุอตฺโถ หิ เอตฺถ อธิกรณ-สทฺโท ‘‘กามาธิกรณ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๖๘-๑๖๙) วิย. ทณฺฑนฏฺเน ทณฺโฑ, มุคฺคราทิ. ปรปีฬาธิปฺปาเยน ตสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ. สตฺตานํ สสนฏฺเน สตฺถํ, อาวุธํ. ภณฺฑนํ กลโห. วิโรโธ วิคฺคโห. นานาวาโท วิวาโท. เอตนฺติ ยถาวุตฺตํ ทณฺฑาทานาทิกํ. สพฺพโสติ อนวเสสโต. อารุปฺเป อรูปภาเว, อารุปฺเป วา ภเว. รูปานํเยวาติ ทิฏฺาทีนวานํ รูปานํเยว, น อรูปานนฺติ อธิปฺปาโย. นิพฺพิทายาติ วิกฺขมฺภนวเสน นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคายาติ วิรชฺชนตฺถาย. นิโรธายาติ นิรุชฺฌนตฺถาย. สพฺพเมตํ สมติกฺกมํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทณฺฑาทานาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน อทินฺนาทานาทิกํ สพฺพํ รูปเหตุกํ อนตฺถํ สงฺคณฺหาติ, น อิธ ปาฬิยํ อาคตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. กรชรูเปติ ยถาวุตฺตาทีนวาธิกรณภาวโยคฺยํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, โอฬาริกรูเปติ อตฺโถ. อาทีนวนฺติ โทสํ. ตสฺสาติ รูปสฺส. อาโลโกติ วณฺณวิเสโส เอวาติ ตตฺถ ปวตฺตํ ปฏิภาคนิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏตฺวา สิยา อากาสนิมิตฺตํ อุคฺคเหตุํ, น ปน ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา. ตสฺส หิ อุคฺฆาฏนา นาม รูปนิมิตฺเตเนว สิยาติ อาห ‘‘เปตฺวา ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ นวสู’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อาโลกกสิณมฺปิ เปตฺวา อฏฺสู’’ติ วทนฺติ, ตสฺส ปน ปเน การณํ น ทิสฺสติ, กรชรูปํ อติกฺกนฺตํ โหติ ตสฺส อนาลมฺพนโต.
ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘จตุตฺถชฺฌานวเสนา’’ติ วุตฺตํ. นนุ ปมชฺฌานาทีนิปิ ตสฺส อนาลมฺพนวเสเนว ปวตฺตนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณตฺตา? สจฺจเมตํ, โอฬาริกงฺคปฺปหานโต ปน สนฺตสภาเวน ¶ อาเนฺชปฺปตฺเตน จตุตฺถชฺฌาเนน อติกฺกนฺตํ สุฏฺุ อติกฺกนฺตํ นาม โหตีติ ‘‘จตุตฺถชฺฌานวเสนา’’ติ วุตฺตํ ¶ . เกจิ ‘‘อสฺสาสปสฺสาสานํ นิรุชฺฌนโต, กามธาตุสมติกฺกมนโต จา’’ติ วทนฺติ, ตํ อการณํ, อิตเรสํ จิตฺตสมุฏฺานรูปานํ สมฺภวโต, เหฏฺิมชฺฌานานฺจ อกามธาตุสํวตฺตนียโต. ตปฺปฏิภาคเมวาติ กรชรูปปฏิภาคเมว นิมิตฺตคฺคาหสมฺภวโต. สทิสฺจ นาม ตํ น โหติ, ตสฺมา กึ ตสฺส สมติกฺกมเนนาติ อนุโยคํ สนฺธาย ‘‘กถํ? ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กถนฺติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. ยถาติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. เลขาจิตฺตนฺติ กาฬวณฺณาทินา กตปริกมฺมาย เลขาย จิตฺตํ. ผลิตนฺตรนฺติ วิวรํ. ทิสฺวาติ ทูรโต ทิสฺวา. สมานรูปสทฺทสมุทาจารนฺติ สทิสรูปสณฺานสรปฺปโยคํ.
อารมฺมณวเสนาติ ‘‘มม จกฺขุ โสภนํ, มม กาโย ถิโร, มม ปริกฺขารา สุนฺทรา’’ติ เอวํ อารมฺมณกรณวเสน. กรชรูปสมงฺคิกาโลติ อตฺตโน อตฺตภาวรูเปน เจว อารมฺมณรูเปน จ สมนฺนาคตกาโล. ตมฺปีติ กสิณรูปสฺสปิ. สามิอตฺเถ หิ อิทํ อุปโยควจนํ. ภยสนฺตาสอทสฺสนกามตา วิย สมติกฺกมิตุกามตาติ โยชนา. อิทฺจ ยถาวุตฺตานํ นิพฺพิทาวิราคนิโรธานํ สาธารณวจนํ. เต หิ ตโย อเปกฺขิตฺวา ภยสนฺตาสอทสฺสนกามตา วุตฺตา. เอโก กิร สุนโข วเน สูกเรน ปหฏมตฺโต ปลาโต, โส อรูปทสฺสนเวลาย ภตฺตปจนอุกฺขลึ ทูรโต ทิสฺวา สูกรสฺาย ภีโต อุตฺตสนฺโต ปลายิ, ปิสาจภีรุโก ปุริโส รตฺติภาเค อปริจิเต เทเส มตฺถกจฺฉินฺนํ ตาลกฺขนฺธํ ทิสฺวา ปิสาจสฺาย ภีโต อุตฺตสนฺโต มุจฺฉิโต ปปติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สูกรา…เป… เวทิตพฺพา’’ติ.
๒๗๖. เอวนฺติ ยถาวุตฺตํ โอปมฺมตฺถํ นิคเมนฺโต อาห. โสติ โยคาวจโร. ตสฺมึ ฌาเน อาทีนวํ ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. รูปนฺติ กสิณรูปํ. สนฺตวิโมกฺขโตติ อรูปชฺฌานโต. ตานิ หิ ‘‘เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๗๒; ๑๐.๙) สนฺตวิโมกฺขาติ อาคตา. สนฺตตาสิทฺธิ จสฺส อนุสฺสุติโต ทฏฺพฺพา. ยเถวาติ เอว-กาเรน เยน ปกาเรน เอตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ ทุวงฺคิกํ, เอวํ อารุปฺปานิปีติ ¶ อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตาวเสน ทุวงฺคิกตฺตํ ทสฺเสติ, น ตติยชฺฌาเน วิย ทุวงฺคิกตามตฺตํ. นนุ เจตฺถาปิ ทุวงฺคิกตามตฺตเมว ภูมิเภทโตติ? นายํ โทโส อุปโมปเมยฺยภาวสฺส ภินฺนาธิกรณโต.
ตตฺถาติ ตสฺมึ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเน. นิกนฺตินฺติ อเปกฺขํ. ปริยาทายาติ อาทีนวทสฺสเนน ¶ ตสฺมึ ฌาเน เขเปตฺวา, อนเปกฺโข หุตฺวาติ อตฺโถ. สนฺตโต มนสิกรเณเนว ปณีตโต, สุขุมโต จ มนสิกาโร สิทฺโธ โหตีติ อาห ‘‘สนฺตโต อนนฺตโต มนสิ กริตฺวา’’ติ. ปตฺถริตฺวาติ ปเคว วฑฺฒิตํ, ตทา วฑฺฒนวเสน วา ปตฺถริตฺวา. เตนาติ กสิณรูเปน. อุคฺฆาเฏติ กสิณนฺติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสฺส อารมฺมณภูตํ ปถวีกสิณาทิกสิณรูปํ อปเนติ. อุคฺฆาฏนวิธึ ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘อุคฺฆาเฏนฺโต หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สํเวลฺเลตีติ ปฏิสํหรติ. อฺทตฺถูติ เอกํเสน. เนว อุพฺพฏฺฏตีติ เนว อุฏฺหติ. น วิวฏฺฏตีติ น วินิวฏฺฏติ. อิมสฺสาติ อิมสฺส กสิณรูปสฺส. อมนสิการนฺติ มนสิ อกรณํ อจินฺตนํ. มนสิการฺจ ปฏิจฺจาติ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ ภาวนามนสิการฺจ นิสฺสาย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสฺส อารมฺมณภูตํ กสิณรูปํ น สพฺเพน สพฺพํ มนสิ กโรโต, เตน จ ผุฏฺโกาสํ ‘‘อากาโส อากาโส’’ติ มนสิ กโรโต ยทา ตํ ภาวนานุภาเวน อากาสํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตทา โส กสิณํ อุคฺฆาเฏติ นาม, ตฺจ เตน อุคฺฆาฏิตํ นาม โหตีติ. เตนาห ‘‘กสิณุคฺฆาฏิมากาสมตฺตํ ปฺายตี’’ติ. สพฺพเมตนฺติ ติวิธมฺเปตํ เอกเมว ปริยายภาวโต.
‘‘นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ รูปาวจรปมชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตานิ, ตโต ปฏฺาย จสฺส น เนสํ ปริยุฏฺานํ. ยทิ สิยา, ฌานโต ปริหาเยยฺย? ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘อตฺเถว สุขุมานิ อรูปชฺฌานวิกฺขมฺภเนยฺยานิ นีวรณานิ, ตานิ สนฺธาเยตํ วุตฺต’’นฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ มหคฺคตกุสเลสุ โลกุตฺตรกุสเลสุ วิย โอธิโส ปหานํ นาม อตฺถิ. โย ปน รูปาวจเรหิ อารุปฺปานํ อุฬารผลตาทิวิเสโส, โส ภาวนาวิเสเสน สนฺตตรปณีตตรภาเวน เตสุเยว ปุริมปุริเมหิ ปจฺฉิมปจฺฉิมานํ ¶ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วิกฺขมฺภนฺตี’’ติ ปน วจนํ วณฺณภณนวเสน วุตฺตํ. ตถา หิ อฺตฺถาปิ เหฏฺา ปหีนานํ อุปริ ปหานํ วุจฺจติ. เย ปน ‘‘สพฺเพ กุสลา ธมฺมา สพฺเพสํ อกุสลานํ ปฏิปกฺขาติ กตฺวา เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, เตหิ ทุติยชฺฌานูปจาราทีสุ นีวรณวิกฺขมฺภนาวจนสฺส การณํ วตฺตพฺพํ. สติ สนฺติฏฺตีติ อากาสนิมิตฺตารมฺมณา สติ สมฺมา สูปฏฺิตา หุตฺวา ติฏฺติ. สติสีเสน เจตฺถ อุปจารชฺฌานานุคุณานํ สทฺธาปฺจมานํ สกิจฺจโยคํ ทสฺเสติ. อุปจาเรนาติ อุปจารชฺฌาเนน. อิธาปีติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ สนฺธาย สมฺปิณฺฑนํ. ตํ หิ อุเปกฺขาเวทนาสมฺปยุตฺตํ. เสสนฺติ ‘‘เสสานิ กามาวจรานี’’ติอาทิ. ยํ อิธ วตฺตพฺพมวุตฺตํ, ตํ ปน ปถวีกสิณนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๕๑ อาทโย) วุตฺตนยานุสาเรน ¶ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปถวีกสิเณ วุตฺตนยเมวา’’ติ.
เอวํ ยํ ตตฺถ อวิสิฏฺํ, ตํ อติทิสิตฺวา อิทานิ วิสิฏฺํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติอาทิมาห. ยานปฺปุโตฬิ กุมฺภิมุขาทีนนฺติ โอคุณฺนสิวิกาทิยานานํ มุขํ ยานมุขํ, ปุโตฬิยา ขุทฺทกทฺวารสฺส มุขํ ปุโตฬิมุขํ, กุมฺภิมุขนฺติ ปจฺเจกํ มุข-สทฺโท สมฺพนฺธิตพฺโพ. อากาสํเยว ยานมุขาทิปริจฺฉินฺนํ. ปริกมฺมมนสิกาเรนาติ ปริกมฺมภูเตน มนสิกาเรน อุปจารชฺฌาเนน. ปริกมฺมํ อนุโลมํ อุปจาโรติ จ อนตฺถนฺตรฺเหตํ. เปกฺขมาโน อรูปาวจรชฺฌานจกฺขุนา.
๒๗๗. สพฺพากาเรนาติ รูปนิมิตฺตํ ทณฺฑาทานสมฺภวทสฺสนาทินา สพฺเพน รูปธมฺเมสุ, ปถวีกสิณาทิรูปนิมิตฺเตสุ, ตทารมฺมณชฺฌาเนสุ จ โทสทสฺสนากาเรน, เตสุ เอว วา รูปาทีสุ นิกนฺติปฺปหานอนาวชฺชิตุกามตาทินา. รูปชฺฌานมฺปิ รูปนฺติ วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖๐; วิภ. ๖๒๕) ยถา รูปภโว รูปํ. รูปีติ หิ รูปชฺฌานลาภีติ อตฺโถ. อารมฺมณมฺปิ กสิณรูปํ รูปนฺติ วุจฺจติ ปุริมปทโลเปน ยถา ‘‘เทวทตฺโต ทตฺโต’’ติ. รูปานิ ปสฺสตีติ กสิณรูปานิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา อุตฺตรปทโลเปน, ปุริมปทโลเปน จ ยถากฺกมํ รูปชฺฌานกสิณรูเปสุ รูปโวหาโร ทิสฺสติ, ตสฺมา. รูเป รูปชฺฌาเน ตํสหคตา สฺา รูปสฺา. ตทารมฺมณสฺส จาติ จ-สทฺเทน ยถาวุตฺตํ รูปาวจรชฺฌานํ สมฺปิณฺเฑติ, เตน ¶ ปาฬิยํ ‘‘รูปสฺาน’’นฺติ สรูเปกเสเสน นิทฺเทโส กโตติ ทสฺเสติ. วิราคาติ ชิคุจฺฉนโต. นิโรธาติ ตปฺปฏิพนฺธฉนฺทราควิกฺขมฺภเนน นิโรธนโต. วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘กึ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺส สพฺพากาเรน วิราคา อนวเสสานํ นิโรธาติ เอวํ วา เอตฺถ โยชนา กาตพฺพา.
‘‘อารมฺมเณ อวิรตฺตสฺส สฺาสมติกฺกโม น โหตี’’ติ อิทํ ยสฺมา อิมานิ ฌานานิ อารมฺมณาติกฺกเมน ปตฺตพฺพานิ, น องฺคาติกฺกเมนาติ กตฺวา วุตฺตํ. ยสฺมา ปเนตฺถ สฺาสมติกฺกโม อารมฺมณสมติกฺกเมน วินา น โหติ, ตสฺมา ‘‘สมติกฺกนฺตาสุ จ สฺาสุ อารมฺมณํ สมติกฺกนฺตเมว โหตี’’ติ อาห. อวตฺวา วุตฺโตติ สมฺพนฺโธ. สมาปนฺนสฺสาติอาทีสุ ¶ กุสลสฺาวเสน สมาปนฺนคฺคหณํ, วิปากสฺาวเสน อุปปนฺนคฺคหณํ, กิริยาสฺาวเสน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารคฺคหณํ. อรหโต หิ ฌานานิ วิเสสโต ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร. ยทิ สฺาสมติกฺกมสฺส อนุนิปฺผาทิอารมฺมณสมติกฺกโม วิภงฺเค จ อวุตฺโต, อถ กสฺมา อิธ คหิโตติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. อารมฺมณสมติกฺกมวเสนาปิ อยมตฺถวณฺณนา กตา, ‘‘ตทารมฺมณสฺส เจตํ อธิวจน’’นฺติอาทินา วิภงฺเค วิย สฺาสมติกฺกมเมว อวตฺวาติ อธิปฺปาโย.
๒๗๘. ปฏิฆาเตนาติ ปฏิหนเนน วิสยีวิสยสโมธาเนน. อตฺถงฺคมาติอาทีสุ ปุริมํ ปุริมํ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส อตฺถวจนํ, ตสฺมา ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคโม ฌานสมงฺคิกาเล อนุปฺปตฺตีติ ตสฺส อิเธว คหเณ การณํ อนุโยคมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘กามฺเจตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุสฺสาหชนนตฺถํ ปฏิปชฺชนกานํ. เอตาสํ ปฏิฆสฺานํ. เอตฺถ ปมารุปฺปกถายํ. วจนํ อตฺถงฺคมวเสน.
กึ วา ปสํสากิตฺตเนน, ปฏิฆสฺานํ ปน อตฺถงฺคโม อิเธว วตฺตพฺพตฺตา วุตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สภาวธมฺมสฺส อภาโว นาม ปฏิปกฺเขน ปหีนตาย วา ปจฺจยาภาเวน วา. เตสุ รูปชฺฌานสมงฺคิโน ปฏิฆสฺานํ อภาโว ปจฺจยาภาวมตฺเตน, น ปฏิปกฺขาธิคเมนาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ตาติ ปฏิฆสฺา ¶ . รูปาวจรนฺติ รูปาวจรชฺฌานํ. สมาปนฺนสฺสาติ สมาปชฺชิตฺวา วิหรนฺตสฺส. กิฺจาปิ น สนฺตีติ โยชนา. น ปหีนตฺตา น สนฺตีติ น ตทา ปฏิฆสฺา ปหีนภาเวน น สนฺติ นาม. ตตฺถ การณมาห ‘‘น หิ รูปวิราคาย รูปาวจรภาวนา สํวตฺตตี’’ติ. นนุ จ ปฏิฆสฺาปิ อรูปธมฺมา เอวาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘รูปายตฺตา จ เอตาสํ ปวตฺตี’’ติ. อยํ ปน ภาวนาติ อรูปภาวนมาห. ธาเรตุนฺติ อวธาเรตุํ. อิธาติ อรูปชฺฌาเน. อาเนฺชาภิสงฺขารวจนาทีหิ อาเนฺชตา. ‘‘เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๗๒; ๑๐.๙) สนฺตวิโมกฺขตา จ วุตฺตา.
๒๗๙. โทสทสฺสนปุพฺพกปฏิปกฺขภาวนาวเสน ปฏิฆสฺานํ สุปฺปหีนตฺตา มหตาปิ สทฺเทน อรูปสมาปตฺติโต น วุฏฺาติ. ตถา ปน น สุปฺปหีนตฺตา สพฺพรูปาวจรสมาปตฺติโต วุฏฺานํ สิยา, ปมชฺฌานํ ปน อปฺปกมฺปิ สทฺทํ น สหตีติ ตํ สมาปนฺนสฺส สทฺโท กณฺฏโกติ ¶ วุตฺตํ. อารุปฺปภาวนาย อภาเว จุติโต อุทฺธํ อุปฺปตฺติรหานํ รูปสฺาปฏิฆสฺานํ ยาว อตฺตโน วิปากปฺปวตฺติ, ตาว อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน สมติกฺกโม, อตฺถงฺคโม จ วุตฺโต. นานตฺตสฺาสุ ปน ยา ตสฺมึ ภเว น อุปฺปชฺชนฺติ เอกนฺตรูปนิสฺสิตา, ตา อโนกาสตาย น อุปฺปชฺชนฺติ, น อารุปฺปภาวนาย นิวาริตตฺตา, อนิวาริตตฺตา จ กาจิ อุปฺปชฺชนฺติ. ตสฺมา ตาสํ อมนสิกาโร อนาวชฺชนํ อปจฺจเวกฺขณํ, ชวนปฏิปาทเกน วา ภวงฺคมนสฺส อนฺโต อกรณํ อปฺปเวสนํ วุตฺตํ.
เตน จ นานตฺตสฺามนสิการเหตูนํ รูปานํ สมติกฺกมา สมาธิสฺส ถิรภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺเขปโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปิจ อิเมหิ ตีหิ ปเทหิ อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา วณฺโณ กถิโต โสตูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ, ปโลภนตฺถฺจ. เย หิ อกุสลา เอวํคาหิโน ‘‘สพฺพสฺสาทรหิเต อากาเส ปวตฺติตสฺาย โก อานิสํโส’’ติ, เต ตโต มิจฺฉาคาหโต นิวตฺเตตุํ ตีหิ ปเทหิ ฌานสฺส อานิสํโส กถิโต. ตํ หิ สุตฺวา เตสํ เอวํ ภวิสฺสติ ‘‘เอวํ สนฺตา กิรายํ สมาปตฺติ เอวํ ปณีตา, หนฺทสฺสา นิพฺพตฺตนตฺถํ อุสฺสาหํ กริสฺสามี’’ติ.
๒๘๐. อสฺสาติ ¶ อากาสสฺส. อุปฺปาโท เอว อนฺโต อุปฺปาทนฺโต, ตถา วยนฺโต. สภาวธมฺโม หิ อหุตฺวา สมฺภวโต, หุตฺวา จ วินสฺสนโต อุทยวยปริจฺฉินฺโน. อากาโส ปน อสภาวธมฺมตฺตา ตทุภยาภาวโต อนนฺโต วุตฺโต. อชฏากาสปริจฺฉินฺนากาสานํ อิธ อนธิปฺเปตตฺตา ‘‘อากาโสติ กสิณุคฺฆาฏิมากาโส วุจฺจตี’’ติ อาห. กสิณํ อุคฺฆาฏียติ เอเตนาติ กสิณุคฺฆาโฏ, ตเทว กสิณุคฺฆาฏิมํ. มนสิการวเสนาปีติ รูปวิเวกมตฺตคฺคหเณน ปริจฺเฉทสฺส อคฺคหณโต อนนฺตผรณากาเรน ปวตฺตปริกมฺมมนสิการวเสนาปิ. อนนฺตํ ผรตีติ อคฺคหิตปริจฺเฉทตาย อนนฺตํ กตฺวา ปริกมฺมสมฺผสฺสปุพฺพเกน ฌานสมฺผสฺเสน ผุสติ. ยถา ภิสคฺคเมว เภสชฺชํ, เอวํ อากาสานนฺตเมว อากาสานฺจํ สํโยคปรสฺส ต-การสฺส จ-การํ กตฺวา. ฌานสฺส ปวตฺติฏฺานภาวโต อารมฺมณํ อธิฏฺานฏฺเน ‘‘อายตนมสฺสา’’ติ วุตฺตํ, อธิฏฺานฏฺเ อายตน-สทฺทสฺส ทสฺสนโต. การณากรสฺชาติเทสนิวาสตฺเถปิ อายตน-สทฺโท อิธ ยุชฺชเตว.
วิฺาณฺจายตนกถาวณฺณนา
๒๘๑. จิณฺโณ ¶ จริโต ปคุณิกโต อาวชฺชนาทิลกฺขโณ วสีภาโว เอเตนาติ จิณฺณวสีภาโว, เตน จิณฺณวสีภาเวน. รูปาวจรสฺํ อนติกฺกมิตฺวา อนธิคนฺตพฺพโต, ตํสหคตสฺามนสิการสมุทาจารสฺส หานภาคิยภาวาวหโต, ตํสมติกฺกเมเนว ตทฺเสํ สมติกฺกมิตพฺพานํ สมติกฺกมสิทฺธิโต จ วุตฺตํ ‘‘อาสนฺนรูปาวจรชฺฌานปจฺจตฺถิกา’’ติ. วีถิปฏิปนฺนาย ภาวนาย อุปรูปริวิเสสาวหภาวโต, ปณีตภาวสิทฺธิโต จ ปมารุปฺปโต ทุติยารุปฺปํ สนฺตตรสภาวนฺติ อาห ‘‘โน จ วิฺาณฺจายตนมิว สนฺตา’’ติ วกฺขติ หิ ‘‘สุปฺปณีตตรา โหนฺติ, ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา อิธา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๙๐). อนนฺตํ อนนฺตนฺติ เกวลํ ‘‘อนนฺตํ อนนฺต’’นฺติ น มนสิ กาตพฺพํ น ภาเวตพฺพํ, ‘‘อนนฺตํ วิฺาณํ, อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ ปน มนสิ กาตพฺพํ, ‘‘วิฺาณํ วิฺาณ’’นฺติ วา.
ตสฺมึ นิมิตฺเตติ ตสฺมึ ปมารุปฺปวิฺาณสงฺขาเต วิฺาณนิมิตฺเต. จิตฺตํ จาเรนฺตสฺสาติ ภาวนาจิตฺตํ ปวตฺเตนฺตสฺส. อากาสผุเฏ วิฺาเณติ ¶ กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ ผริตฺวา ปวตฺเต ปมารุปฺปวิฺาเณ อารมฺมณภูเต. อปฺเปตีติ อปฺปนาวเสน ปวตฺตติ. สภาวธมฺเมปิ อารมฺมณสมติกฺกมภาวนาภาวโต อิทํ อปฺปนาปฺปตฺตํ โหติ จตุตฺถารุปฺปํ วิย. อปฺปนานโย ปเนตฺถ วุตฺตนเยเนวาติ เอตฺถ ทุติยารุปฺปชฺฌาเน ปุริมภาเค ตีณิ, จตฺตาริ วา ชวนานิ กามาวจรานิ อุเปกฺขาเวทนาสมฺปยุตฺตาเนว โหนฺติ. ‘‘จตุตฺถํ ปฺจมํ วา อรูปาวจร’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๗๖) ปมารุปฺปชฺฌาเน วุตฺเตน นเยน, อถ วา อปฺปนานโยติ สภาวธมฺเมปิ อารมฺมเณ ฌานสฺส อปฺปนานโย อารมฺมณาติกฺกมภาวนาวเสน อารุปฺปํ อปฺปนํ ปาปุณาติ, ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตสฺเสว หิ ฌานสฺส อารมฺมณสมติกฺกมนมตฺตํ ตตฺถ โหตี’’ติ มรณานุสฺสตินิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๗) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพติ อตฺโถ.
๒๘๒. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน ปมารุปฺเป ‘‘อาสนฺนรูปชฺฌานปจฺจตฺถิกตา, อสนฺตสภาวตา’’ติ เอวมาทินา สพฺเพน โทสทสฺสนากาเรน, ตตฺถ วา นิกนฺติปหานอนาวชฺชิตุกามตาทิอากาเรน, สพฺพํ วา กุสลวิปากกิริยาเภทโต อนวเสสนฺติ อตฺโถ. สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนเยน าตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘สพฺพโสติ อิทํ วุตฺตนยเมวา’’ติ. ฌานสฺส อากาสานฺจายตนตา พาหิรตฺถสมาสวเสน เหฏฺา วุตฺตาติ อาห ‘‘ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ฌานมฺปิ อากาสานฺจายตน’’นฺติ ¶ . อารมฺมณสฺส ปน สมานาธิกรณสมาสวเสนาติ สนฺทสฺเสตุํ ‘‘อารมฺมณมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ปุริมนเยเนวา’’ติ อิทํ ‘‘นาสฺส อนฺโต’’ติอาทินา วุตฺตปทสิทฺธึ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถา อธิฏฺานฏฺเน, เอวํ สฺชาติเทสฏฺเนปิ อายตน-สทฺเทน อิธ อตฺโถ ยุชฺชตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สฺชายติ เอตฺถาติ สฺชาติ, สฺชาติ เอว เทโส สฺชาติเทโส. ฌานํ อปฺปวตฺติกรเณน. อารมฺมณํ อมนสิกรเณน. อุภยมฺปิ วา อุภยตา โยเชตพฺพา. ฌานสฺสปิ หิ อนาวชฺชนํ, ชวนปฏิปาทเกน วา ภวงฺคมนสฺส อนฺโต อกรณํ อมนสิกรณํ, อารมฺมณสฺส จ อารมฺมณกรณวเสน อปฺปวตฺตนํ อปฺปวตฺติกรณนฺติ อตฺถสฺส สมฺภวโต เอกชฺฌํ กตฺวา สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา.
ปุพฺเพ ¶ อนนฺตสฺส อากาสสฺส อารมฺมณกรณวเสน ปมารุปฺปวิฺาณํ อตฺตโน ผรณากาเรเนว ‘‘อนนฺต’’นฺติ มนสิ กาตพฺพตฺตา ‘‘อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ ปุน ‘‘มนสิการวเสน วา อนนฺต’’นฺติ วุตฺตํ, สพฺพโส มนสิกรณวเสนาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อนวเสสโต มนสิ กโรนฺโต ‘อนนฺต’นฺติ มนสิ กโรตี’’ติ. ฌานวิภงฺเคปิ อยเมวตฺโถ วุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ปน วิภงฺเค วุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสา ปาฬิยา เอวํ วา อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ตํเยว อากาสํ ผุฏํ วิฺาณํ วิฺาณฺจายตนวิฺาเณน มนสิ กโรตีติ. อยํ ปนตฺโถ ยุตฺโต วิย ทิสฺสติ, ตํเยว อากาสํ วิฺาเณน ผุฏํ เตน คหิตาการํ มนสิ กโรติ. เอวํ ตํ วิฺาณํ อนนฺตํ ผรตีติ. ยํ หิ อากาสํ ปมารุปฺปสมงฺคี วิฺาเณน อนนฺตํ ผรติ, ตํ ผรณาการสหิตเมว วิฺาณํ มนสิ กโรนฺโต ทุติยารุปฺปสมงฺคี อนนฺตํ ผรตีติ วุจฺจติ.
มนสิการวเสน อนนฺตผรณากาเรน อิธ อนนฺตตา, น อากาสสฺส วิย อุปฺปาทนฺตาทิอภาเวนาติ ‘‘นาสฺส อนฺโตติ อนนฺต’’นฺติ เอตฺตกเมวาห. ‘‘รุฬฺหีสทฺโท’’ติ อิมินา ‘‘วิฺาณานฺจ’’นฺติ เอตสฺส ปทสฺส อตฺเถ วิฺาณฺจ-สทฺโท นิรุฬฺโหติ ทสฺเสติ, ยถาวุตฺตํ วา วิฺาณํ ทุติยารุปฺปชฺฌาเนน อฺจียติ วุตฺตากาเรน อาลมฺพียตีติ วิฺาณฺจนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสํ วุตฺตตฺถเมวาติ อาห ‘‘เสสํ ปุริมสทิสเมวา’’ติ.
อากิฺจฺายตนกถาวณฺณนา
๒๘๓. ตติยารุปฺปกมฺมฏฺาเน ยํ เหฏฺา วุตฺตสทิสํ, ตํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ, อปุพฺพเมว ¶ วณฺณยิสฺสาม. ตตฺถ ตสฺเสวาติ ยํ อารพฺภ วิฺาณฺจายตนํ ปวตฺตํ, ตสฺเสว. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘อากาสานฺจายตนวิฺาณสฺสา’’ติ. เอเตน ตโต อฺํ ตติยารุปฺปชฺฌานสฺส อารมฺมณํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. ‘‘อารมฺมณภูตสฺสา’’ติ อิมินา ตสฺส อนารมฺมณภูตํ ทุติยารุปฺปวิฺาณํ นิวตฺเตติ. อภาโวติ นตฺถิตา. สฺุตาติ ริตฺตตา. วิวิตฺตากาโรติ วิเวโก. ตีหิ ปเทหิ ปมารุปฺปวิฺาณสฺส อปคมเมว วทติ. ‘‘มนสิ กาตพฺโพ’’ติ วตฺวา ¶ มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ วิฺาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อมนสิกริตฺวาติ สพฺเพน สพฺพํ มนสิ อกตฺวา อจินฺเตตฺวา. วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน ตีสุ ปกาเรสุ เอเกนปิ อตฺถสิทฺธีติ ทสฺเสติ.
ตสฺมึ นิมิตฺเตติ ตสฺมึ ปมารุปฺปวิฺาณสฺส อภาวสงฺขาเต ฌานุปฺปตฺตินิมิตฺเต. อากาเส ผุเฏติ อากาสํ ผริตฺวา ปวตฺเต. ‘‘อากาสผุเฏ’’ติ วา ปาโ. สฺุวิวิตฺตนตฺถิภาเวติ สฺุภาเว, วิวิตฺตภาเว, นตฺถิภาเว จาติ เยน อากาเรน ภาวิตํ, ตสฺส คหณตฺถํ วุตฺตํ. อถ วา สฺุวิวิตฺตนตฺถิภาเวติ สฺุวิวิตฺตตาสงฺขาเต นตฺถิภาเว, เตน วินาสาภาวเมว ทสฺเสติ, น ปุเร อภาวาทิเก.
ตสฺมึ หิ อปฺปนาจิตฺเตติ อากิฺจฺายตนชฺฌานสมฺปยุตฺเต อปฺปนาวเสน ปวตฺเต จิตฺเต, ตสฺมึ วา ปมารุปฺปสฺส อปคมสงฺขาเต นตฺถิภาเว ยถาวุตฺเต อปฺปนาจิตฺเต อุปฺปนฺเน. โส ภิกฺขุ อภาวเมว ปสฺสนฺโต วิหรตีติ สมฺพนฺโธ. ปุริโส กตฺถจิ คนฺตฺวา อาคนฺตฺวา สฺุเมว ปสฺสติ, นตฺถิภาวเมว ปสฺสตีติ โยชนา. ตํ านนฺติ ตํ สนฺนิปาตฏฺานํ. ‘‘ปริกมฺมมนสิกาเรน อนฺตรหิเต’’ติ อิมินา อารมฺมณกรณาภาเวน ตสฺส อนฺตรธานํ น นฏฺตฺตาติ ทสฺเสติ. ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ยถา โส ปุริโส ตตฺถ สนฺนิปติตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา คโต, ตโต สพฺเพสุ ภิกฺขูสุ เกนจิเทว กรณีเยน อปคเตสุ อาคนฺตฺวา ตํ านํ ภิกฺขูหิ สฺุเมว ปสฺสติ, น ภิกฺขูนํ ตโตปิ อปคตการณํ, เอวมยํ โยคาวจโร ปุพฺเพ วิฺาณฺจายตนชฺฌานจกฺขุนา ปมารุปฺปวิฺาณํ ทิสฺวา ปจฺฉา นตฺถีติ ปริกมฺมมนสิกาเรน ตสฺมึ อปคเต ตติยารุปฺปชฺฌานจกฺขุนา ตสฺส นตฺถิภาวเมว ปสฺสนฺโต วิหรติ, น ตสฺส อปคมนการณํ วีมํสติ ฌานสฺส ตาทิสาโภคาภาวโตติ. สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺมาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
๒๘๔. นตฺถิตา ¶ ปริยายาสฺุวิวิตฺตภาวาติ ‘‘นตฺถี’’ติ ปทสฺส อตฺถํ วทนฺเตน สฺุวิวิตฺตปทานิปิ คหิตานิ. อาเมฑิตวจนํ ปน ภาวนาการทสฺสนํ. วิภงฺเคปิ อิมสฺส ปทสฺส อยเมวตฺโถ วุตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยมฺปิ วิภงฺเค’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตฺเว วิฺาณํ อภาเวตีติ ยํ ปุพฺเพ ‘‘อนนฺตํ วิฺาณ’’นฺติ มนสิ กตํ ปมารุปฺปวิฺาณํ, ตํเยวาติ อตฺโถ ¶ . ตํเยว หิ อารมฺมณภูตํ ปเมน วิย รูปนิมิตฺตํ ตติเยนารุปฺเปนาภาเวตีติ. ขยโต สมฺมสนนฺติ ภงฺคานุปสฺสนมาห. สา หิ สงฺขตธมฺมานํ ภงฺคาภาวเมว ปสฺสนฺตี ‘‘วิฺาณมฺปิ อภาเวตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพตํ ลภตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ขยโต สมฺมสนํ วิย วุตฺต’’นฺติ. อสฺสาติ ปาสฺส. ปุน อสฺสาติ วิฺาณสฺส. อภาเวตีติ อภาวํ กโรติ. ยถา าณสฺส น อุปติฏฺติ, เอวํ กโรติ อมนสิกรณโต. ตโต เอว วิภาเวติ วิคตภาวํ กโรติ, วินาเสติ วา ยถา น ทิสฺสติ, ตถา กรณโต. เตเนว อนฺตรธาเปติ ติโรภาวํ คเมติ. น อฺถาติ อิมิสฺสา ปาฬิยา เอวมตฺโถ, น อิโต อฺถา อยุชฺชมานกตฺตาติ อธิปฺปาโย.
อสฺสาติ ปมารุปฺปวิฺาณาภาวสฺส. กิฺจนนฺติ กิฺจิปิ. สภาวธมฺมสฺส อปฺปาวเสสตา นาม ภงฺโค เอว สิยาติ อาห ‘‘ภงฺคมตฺตมฺปิ อสฺส อวสิฏฺํ นตฺถี’’ติ. สติ หิ ภงฺคมตฺเตปิ ตสฺส สกิฺจนตา สิยา. อกิฺจนนฺติ จ วิฺาณสฺส กิฺจิ ปการํ อคฺคเหตฺวา สพฺเพน สพฺพํ วิภาวนมาห. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เนวสฺานาสฺายตนกถาวณฺณนา
๒๘๕. โน จ สนฺตาติ ยถา เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา สวิเสสา สนฺตา, เอวมยํ อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ โน จ สนฺตา ตทภาวโต. ยา อยํ ขนฺเธสุ ปจฺจยยาปนียตาย, โรคมูลตาย จ โรคสริกฺขตา, ทุกฺขตาสูลโยคาทินา คณฺฑสริกฺขตา, ปีฬาชนนาทินา สลฺลสริกฺขตา จ, สา สฺาย สติ โหติ, นาสตีติ วุตฺตํ ‘‘สฺา โรโค, สฺา คณฺโฑ, สฺา สลฺล’’นฺติ. สา เจตฺถ ปฏุกิจฺจา ปฺจโวการภวโต โอฬาริกสฺา เวทิตพฺพา. น เกวลํ สฺา เอว, อถ โข เวทนาเจตนาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สฺาสีเสน ปน นิทฺเทโส กโต. เอตํ สนฺตนฺติ เอตํ อสนฺตภาวกรโรคาทิสริกฺขสฺาวิรหโต สนฺตํ. ตโต เอว ปณีตํ. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘เนวสฺานาสฺา’’ติ ¶ ? ตทปเทเสน ¶ ตํสมฺปยุตฺตชฺฌานมาห ‘‘อาทีนว’’นฺติ. เอตฺถ โรคาทิสริกฺขสฺาทิสพฺภาโวปิ อาทีนโว ทฏฺพฺโพ, น อาสนฺนวิฺาณฺจายตนปจฺจตฺถิกตาว. อุปรีติ จตุตฺถารุปฺเป. สา วาติ สา เอว. วตฺติตาติ ปวตฺติตา นิพฺพตฺติตา วฬฺชิตา.
ตสฺมึ นิมิตฺเตติ ตสฺมึ ตติยารุปฺปสมาปตฺติสงฺขาเต ฌานนิมิตฺเต. มานสนฺติ จิตฺตํ ‘‘มโน เอว มานส’’นฺติ กตฺวา, ภาวนามนสิการํ วา. ตํ หิ มนสิ ภวนฺติ มานสนฺติ วุจฺจติ. ฌานสมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ ฌานานุคุณตาย สมาปตฺติปริยาโย ลพฺภตีติ อาห ‘‘อากิฺจฺายตนสมาปตฺติสงฺขาเตสุ จตูสุ ขนฺเธสู’’ติ, อารมฺมณภูเตสูติ อธิปฺปาโย.
๒๘๖. ยถาวุตฺตํ อากิฺจฺํ อารมฺมณปจฺจยภาวโต อายตนํ การณมสฺสาติ ฌานํ อากิฺจฺายตนํ, อากิฺจฺเมว อารมฺมณปจฺจยภูตํ ฌานสฺส การณนฺติ อารมฺมณํ อากิฺจฺายตนนฺติ เอวํ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสเมตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
ยาย สฺาย ภาวโตติ ยาทิสาย สฺาย อตฺถิภาเวน. ยา หิ สา ปฏุสฺากิจฺจสฺส อภาวโต สฺาติปิ น วตฺตพฺพา, สฺาสภาวานาติวตฺตนโต อสฺาติปิ น วตฺตพฺพา, ตสฺสา วิชฺชมานตฺตาติ อตฺโถ. ตนฺติ ตํ ฌานํ. ตํ ตาว ทสฺเสตุนฺติ เอตฺถ ตนฺติ ตํ สสาปฏิปทํ, ยถาวุตฺตสฺํ, ตสฺสา จ อธิคมุปายนฺติ อตฺโถ. เนวสฺีนาสฺีติ หิ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน ธมฺมํ อุทฺธรนฺเตน สฺาวนฺตมุเขน สฺา อุทฺธฏา, อฺถา เนวสฺานาสฺายตนนฺติ อุทฺธริตพฺพํ สิยา. สา ปน ปฏิปทา ยตฺถ ปวตฺตติ, ยถา จ ปวตฺตติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อากิฺจฺายตนํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺตึ ภาเวตี’’ติ วุตฺตํ. อากิฺจฺายตนํ หิ จตุตฺถารุปฺปภาวนาย ปวตฺติฏฺานํ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺติ ปวตฺติอากาโรติ. ยตฺร หิ นามาติ ยา นาม. นตฺถิภาวมฺปีติ วิฺาณสฺส สฺุตมฺปิ, เอวํ สุขุมมฺปีติ อธิปฺปาโย. สนฺตารมฺมณตายาติ สนฺตํ อารมฺมณํ เอติสฺสาติ สนฺตารมฺมณา, ตพฺภาโว สนฺตารมฺมณตา, ตาย, น ฌานสนฺตตาย. น หิ ตติยารุปฺปสมาปตฺติ จตุตฺถารุปฺปชฺฌานโต สนฺตา.
โจทโก ¶ ‘‘ยํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, น ตตฺถ อาทีนวทสฺสนํ ภเวยฺย. อสติ จ อาทีนวทสฺสเน สมติกฺกโม เอว น สิยา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สนฺตโต เจ มนสิ กโรติ, กถํ สมติกฺกโม ¶ โหตี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘อสมาปชฺชิตุกามตายา’’ติ ปริหารมาห, เตน อาทีนวทสฺสนมฺปิ อตฺเถวาติ ทสฺเสติ. โส หีติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กโรติ. ตตฺถ ยสฺมึ ฌาเน อภิรติ, ตตฺถ อาวชฺชนสมาปชฺชนาทิปฏิปตฺติยา ภวิตพฺพํ. สา ปนสฺส ตติยารุปฺเป สพฺพโส นตฺถิ, เกวลํ อฺาภาวโต อารมฺมณกรณมตฺตเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิมาห.
สมติกฺกมิตฺวาว คจฺฉตีติ เตสํ สิปฺปีนํ ชีวิกํ ติณายปิ อมฺมาโน เต วีติวตฺตติเยว. โสติ โยคาวจโร. ตนฺติ ตติยารุปฺปสมาปตฺตึ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ ‘‘สนฺตา วตายํ สมาปตฺตี’’ติอาทินา วุตฺเตน นเยน สนฺตโต มนสิ กโรนฺโต. ตนฺติ ยาย เนวสฺีนาสฺี นาม โหติ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺตึ ภาเวตีติ วุจฺจติ, ตํ สฺํ ปาปุณาตีติ โยชนา. สฺาสีเสน หิ เทสนา. ปรมสุขุมนฺติ อุกฺกํสคตสุขุมภาวํ. สงฺขาราวเสสสมาปตฺตินฺติ อุกฺกํสคตสุขุมตาย สงฺขารานํ เสสตามตฺตํ สมาปตฺตึ. เตนาห ‘‘อจฺจนฺตสุขุมภาวปฺปตฺตสงฺขาร’’นฺติ. อนฺตมติจฺจ อจฺจนฺตํ. ยโต สุขุมตมํ นาม นตฺถิ, ตถาปรมุกฺกํสคตสุขุมสงฺขารนฺติ อตฺโถ. ปมชฺฌานูปจารโต ปฏฺาย หิ ตจฺฉนฺติยา วิย ปวตฺตมานาย ภาวนาย อนุกฺกเมน สงฺขารา ตตฺถ อนฺติมโกฏฺาสตํ ปาปิตา, ตโต ปรํ นิโรโธ เอว, น สงฺขารปฺปวตฺตีติ. เตน วุจฺจติ ‘‘สงฺขาราวเสสสมาปตฺตี’’ติ.
๒๘๗. ยํ ตํ จตุกฺขนฺธํ. อตฺถโตติ กุสลาทิวิเสสวิสิฏฺปรมตฺถโต. วิเสสโต อธิปฺาสิกฺขาย อธิฏฺานภูตํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อิธ สมาปนฺนสฺส จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา อธิปฺเปตา’’ติ. โอฬาริกาย สฺาย อภาวโตติ ยทิปิ จตุตฺถารุปฺปวิปากสฺาย จตุตฺถารุปฺปกุสลสฺา โอฬาริกา, ตถา วิปสฺสนามคฺคผลสฺาหิ, ตถาปิ โอฬาริกสุขุมตา นาม อุปาทายุปาทาย คเหตพฺพาติ ปฺจโวการภวปริยาปนฺนาย วิย จตุโวกาเรปิ เหฏฺา ตีสุ ภูมีสุ สฺาย วิย โอฬาริกาย อภาวโต. สุขุมายาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา สุขุมาย สฺาย ภาวโต วิชฺชมานตฺตา. เนวสฺาติ เอตฺถ ¶ น-กาโร อภาวตฺโถ, นาสฺนฺติ เอตฺถ น-กาโร อฺตฺโถ, อ-กาโร อภาวตฺโถว, อสฺํ อนสฺฺจาติ อตฺโถ. ปริยาปนฺนตฺตาติ เอกเทสภาเวน อนฺโตคธตฺตา. เอตฺถาติ จตุตฺถารุปฺเป. ทุติเย อตฺถวิกปฺเป เนวสฺาติ เอตฺถ น-กาโร อฺตฺโถ. ตถา นาสฺาติ เอตฺถ น-กาโร, อ-กาโร จ อฺตฺโถ เอวาติ เตน ทฺวเยน สฺาภาโว เอว ทสฺสิโตติ ธมฺมายตนปริยาปนฺนตาย ¶ อายตนภาโว วุตฺโตวาติ ‘‘อธิฏฺานฏฺเนา’’ติ วุตฺตํ นิสฺสยปจฺจยภาวโต.
กึ ปน การณํ, เยเนตฺถ สฺาว เอทิสี ชาตาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ. สฺาสีเสนายํ เทสนา กตา ‘‘นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๑, ๓๕๙; อ. นิ. ๙.๒๔) วิยาติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ เอส อตฺโถติ กฺจิ วิเสสํ อุปาทาย สภาวโต อตฺถีติ วตฺตพฺพสฺเสว ธมฺมสฺส กฺจิ วิเสสํ อุปาทาย นตฺถีติ วตฺตพฺพตาสงฺขาโต อตฺโถ.
อติโถกมฺปิ ยํ เตลมตฺถิ ภนฺเตติ อาห อกปฺปิยภาวํ อุปาทาย, ตเทว นตฺถิ, ภนฺเต, เตลนฺติ อาห นาฬิปูรณํ อุปาทาย. เตนาห ‘‘ตตฺถ ยถา’’ติอาทิ.
ยทิ อารมฺมณสฺชานนํ สฺากิจฺจํ, ตํ สฺา สมานา กถมยํ กาตุํ น สกฺโกตีติ อาห ‘‘ทหนกิจฺจมิวา’’ติอาทิ. สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติยา เอว เหสา ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตโต เอว จ าณสฺส สุคยฺหาปิ น โหติ. เตนาห ‘‘นิพฺพิทาชนนมฺปิ กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ. อกตาภินิเวโสติ อกตวิปสฺสนาภินิเวโส อปฺปวตฺติตสมฺมสนจาโร. ปกติวิปสฺสโกติ ปกติยา วิปสฺสโก. ขนฺธาทิมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสิตฺวา ทฺวาราลมฺพเนหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตธมฺมานํ วิปสฺสโก สกฺกุเณยฺย ตพฺพิสยอุทยพฺพยาณํ อุปฺปาเทตุํ, ยถา ปน สกฺโกติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โสปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กลาปสมฺมสนวเสเนวาติ จตุตฺถารุปฺปจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺเน ผสฺสาทิธมฺเม อวินิพฺภุชฺช เอกโต คเหตฺวา กลาปโต สมูหโต สมฺมสนวเสน นยวิปสฺสนาสงฺขาตกลาปสมฺมสนวเสน. ผสฺสาทิธมฺเม วินิพฺภุชฺชิตฺวา วิสุํ วิสุํ สรูปโต คเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสนํ อนุปทธมฺมวิปสฺสนา ¶ . เอวํ สุขุมตฺตํ คตา ยถา ธมฺมเสนาปตินาปิ นาม อนุปทํ น วิปสฺสเนยฺยาติ อตฺโถ.
เถรสฺสาติ อฺตรสฺส เถรสฺส. อฺาหิปีติ เอตฺถ อยมปรา อุปมา – เอโก กิร พฺราหฺมโณ อฺตรํ ปุริสํ มนฺุํ มตฺติกภาชนํ คเหตฺวา ิตํ ทิสฺวา ยาจิ ‘‘เทหิ เม อิมํ ภาชน’’นฺติ. โส สุราสิตฺตตํ สนฺธาย ‘‘นายฺโย สกฺกา ทาตุํ, สุรา เอตฺถ อตฺถี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ¶ อตฺตโน สมีเป ิตํ ปุริสํ อุทฺทิสฺส อาห ‘‘เตน หิ อิมสฺส ปาตุํ เทหี’’ติ. อิตโร ‘‘นตฺถยฺโย’’ติ อาห. ตตฺถ ยถา พฺราหฺมณสฺส อโยคฺยภาวํ อุปาทาย ‘‘อตฺถี’’ติปิ วตฺตพฺพํ, ปาตพฺพตาย ตตฺถ อภาวโต ‘‘นตฺถี’’ติปิ วตฺตพฺพํ ชาตํ, เอวํ อิธาปีติ ทฏฺพฺพํ.
กสฺมา ปเนตฺถ ยถา เหฏฺา ‘‘อนนฺโต อากาโส, อนนฺตํ วิฺาณํ, นตฺถิ กิฺจี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ภาวนากาโร คหิโต, เอวํ โกจิ ภาวนากาโร น คหิโตติ? เกจิ ตาว อาหุ – ‘‘ภาวนากาโร นาม โสปจารสฺส ฌานสฺส ยถาสกํ อารมฺมเณ ปวตฺติอากาโร, อารมฺมณฺเจตฺถ อากิฺจฺายตนธมฺมา. เต ปน คยฺหมานา เอกสฺส วา ปุพฺพงฺคมธมฺมสฺส วเสน คเหตพฺพา สิยุํ, สพฺเพ เอว วา. ตตฺถ ปมปกฺเข วิฺาณสฺส คหณํ อาปนฺนนฺติ ‘วิฺาณํ วิฺาณ’นฺติ มนสิกาเร จตุตฺถารุปฺปสฺส วิฺาณฺจายตนภาโว อาปชฺชติ. ทุติยปกฺเข ปน สพฺพโส อากิฺจฺายตนธมฺมารมฺมณตาย ฌานสฺส ‘อากิฺจฺํ อากิฺจฺ’นฺติ มนสิกาเร อากิฺจฺายตนตา วา สิยา, อภาวารมฺมณตา วา. สพฺพถา เนวสฺานาสฺายตนภาโว น ลพฺภตี’’ติ. ตทิทมการณํ ตถา ฌานสฺส อปฺปวตฺตนโต. น หิ จตุตฺถารุปฺปภาวนา วิฺาณมากิฺจฺํ วา อามสนฺตี ปวตฺตติ, กิฺจรหิ? ตติยารุปฺปสฺส สนฺตตํ.
ยทิ เอวํ, กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘สนฺต’’นฺติ น คหิตนฺติ? กิฺจาปิ น คหิตตํ สุตฺเต (ที. นิ. ๒.๑๒๙; สํ. นิ. ๒.๑๕๒), วิภงฺเค (วิภ. ๖๐๖ อาทโย) ปน คหิตเมว. ยถาห – ‘‘ตฺเว อากิฺจฺายตนํ สนฺตโต มนสิ กโรติ, สงฺขาราวเสสสมาปตฺตึ ภาเวตี’’ติ (วิภ. ๖๑๙). อถ กสฺมา วิภงฺเค วิย สุตฺเต ภาวนากาโร น คหิโตติ? เวเนยฺยชฺฌาสยโต, เทสนาวิลาสโต จ. เย หิ เวเนยฺยา ยถา เหฏฺา ตีสุ ¶ อารุปฺเปสุ ‘‘อนนฺโต อากาโส, อนนฺตํ วิฺาณํ, นตฺถิ กิฺจี’’ติ ภาวนากาโร คหิโต, เอวํ อคฺคหิเต เอว ตสฺมึ ตมตฺถํ ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ วเสน สุตฺเต ตถา เทสนา กตา, สุตฺตนฺตคติกาว อภิธมฺเม สุตฺตนฺตภาชนีเย (วิภ. ๖๐๕ อาทโย) อุทฺเทสเทสนา. เย ปน เวเนยฺยา วิภชิตฺวา วุตฺเตเยว ตสฺมึ ตมตฺถํ ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ วเสน วิภงฺเค ภาวนากาโร วุตฺโต. ธมฺมิสฺสโร ปน ภควา สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมานํ เทเสตพฺพปฺปการํ ชานนฺโต กตฺถจิ ภาวนาการํ คณฺหาติ, กตฺถจิ ภาวนาการํ น คณฺหาติ. สา จ เทสนา ยาวเทว เวเนยฺยวินยตฺถาติ อยเมตฺถ เทสนาวิลาโส. สุตฺตนฺตเทสนา วา ปริยายกถาติ ตตฺถ ภาวนากาโร ¶ น คหิโต, อภิธมฺมเทสนา ปน นิปฺปริยายกถาติ ตตฺถ ภาวนากาโร คหิโตติ เอวมฺเปตฺถ ภาวนาการสฺส คหเณ, อคฺคหเณ จ การณํ เวทิตพฺพํ.
อปเร ปน ภณนฺติ – ‘‘จตุตฺถารุปฺเป วิเสสทสฺสนตฺถํ สุตฺเต ภาวนาการสฺส อคฺคหณํ, สฺวายํ วิเสโส อนุปุพฺพภาวนาชนิโต. สา จ อนุปุพฺพภาวนา ปหานกฺกโมปชนิตา ปหาตพฺพสมติกฺกเมน ฌานานํ อธิคนฺตพฺพโต. ตถา หิ กามาทิวิเวกวิตกฺกวิจารวูปสมปีติวิราคโสมนสฺสตฺถงฺคมมุเขน รูปาวจรชฺฌานานิ เทสิตานิ, รูปสฺาทิสมติกฺกมมุเขน อรูปชฺฌานานิ. น เกวลฺจ ฌานานิเยว, อถ โข สพฺพมฺปิ สีลํ, สพฺพาปิ ปฺา ปฏิปกฺขธมฺมปฺปหานวเสเนว สมฺปาเทตพฺพโต ปหาตพฺพธมฺมสมติกฺกมทสฺสนมุเขเนว เทสนา อารุฬฺหา. ตถา หิ ‘‘ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๘, ๑๙๔) สีลสํวโร, ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยฺชนคฺคาหี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๔๑๑, ๔๒๑; ๓.๑๕, ๗๕) อินฺทฺริยสํวโร, ‘‘เนว ทวาย น มทายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓, ๔๒๒; ๒.๒๔; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๒.๖๓; อ. นิ. ๖.๕๘; มหานิ. ๒๐๖; วิภ. ๕๑๘) โภชเน มตฺตฺุตา, ‘‘อิธ ภิกฺขุ มิจฺฉาชีวํ ปหาย สมฺมาอาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๘) อาชีวปาริสุทฺธิ, ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๗; ม. นิ. ๑.๔๑๒, ๔๒๕; ๓.๑๖, ๗๕) ชาคริยานุโยโค, ‘‘อนิจฺจสฺา ภาเวตพฺพา อสฺมิมานสมุคฺฆาตาย, อนิจฺจสฺิโน, เมฆิย, อนตฺตสฺา ¶ สณฺาติ, อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ คจฺฉติ, อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทินา ปฺา ปฏิปกฺขธมฺมปฺปหานวเสเนว เทสิตา. ตสฺมา ฌานานิ เทเสนฺโต ภควา ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) ปหาตพฺพธมฺมสมติกฺกมทสฺสนมุเขเนว เทเสสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘กามาทิวิเวกวิตกฺกวิจารวูปสมปีติวิราคโสมนสฺสตฺถงฺคมมุเขน รูปาวจรชฺฌานานิ เทสิตานิ, รูปสฺาทิสมติกฺกมมุเขน อรูปชฺฌานานี’’ติ. ตตฺถ ยถา รูปาวจรํ ปมํ ฌานํ ภาวนาวิเสสาธิคเตหิ วิตกฺกาทีหิ วิย สทฺธาทีหิปิ ติกฺขวิสทสูรสภาเวหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา กามจฺฉนฺทาทีนํ นีวรณานํ, ตเทกฏฺานฺจ ปาปธมฺมานํ วิกฺขมฺภนโต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมภาวปฺปตฺตํ ¶ กามาวจรธมฺเมหิ สณฺหสุขุมํ, สนฺตํ, ปณีตฺจ โหติ; ทุติยชฺฌานาทีนิ ปน ภาวนาวิเสเสน โอฬาริกงฺคปฺปหานโต ตโต สาติสยํ สณฺหสุขุมสณฺหสุขุมตราทิภาวปฺปตฺตานิ โหนฺติ. ตถา อรูปาวจรํ ปมชฺฌานํ รูปวิราคภาวนาภาเวน ปวตฺตมานํ อารมฺมณสนฺตตายปิ องฺคสนฺตตายปิ ปากติกปริตฺตธมฺเมหิ วิย สพฺพรูปาวจรธมฺเมหิ สนฺตสุขุมภาวปฺปตฺตํ โหติ. อารมฺมณสนฺตภาเวนาปิ หิ ตทารมฺมณธมฺมา สนฺตสภาวา โหนฺติ, เสยฺยถาปิ โลกุตฺตรธมฺมารมฺมณา ธมฺมา.
สติปิ ธมฺมโต, มหคฺคตภาเวนาปิ จ อเภเท รูปาวจรจตุตฺถโต อารุปฺปํ องฺคโตปิ สนฺตเมว, ยตสฺส สนฺตวิโมกฺขตา วุตฺตา. ทุติยารุปฺปาทีนิ ปน ปมารุปฺปาทิโต องฺคโต, อารมฺมณโต จ สนฺตสนฺตตรสนฺตตมภาวปฺปตฺตานิ ตถา ภาวนาวิเสสสมาโยคโต, สฺวายํ ภาวนาวิเสโส ปมชฺฌานูปจารโต ปฏฺาย ตํตํปหาตพฺพสมติกฺกมนวเสน ตสฺส ตสฺส ฌานสฺส สนฺตสุขุมภาวํ อาปาเทนฺโต จตุตฺถารุปฺเป สงฺขาราวเสสสุขุมภาวํ ปาเปติ. ยโต จตุตฺถารุปฺปํ ยถา อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสน วิปสฺสนาย อารมฺมณภาวํ อุปคนฺตฺวา ปกติวิปสฺสกสฺสาปิ นิพฺพิทุปฺปตฺติยา ปจฺจโย น โหติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติโต, ตถา สยํ ตติยารุปฺปธมฺเมสุ ปวตฺตมานํ เต ยาถาวโต วิภาเวตุํ น สกฺโกติ, ยถา ตทฺชฺฌานานิ อตฺตโน อารมฺมณํ. เกวลํ ปน อารพฺภ ปวตฺติมตฺตเมวสฺส ตตฺถ โหติ ¶ , ตยิทํ อารมฺมณภาเวนาปิ นาม วิภูตาการตาย าตุํ อปฺปโหนฺตํ อารมฺมณกรเณ กึ ปโหติ. ตสฺมา ตทสฺส อวิภูตกิจฺจตํ ทิสฺวา สตฺถา เหฏฺา ตีสุ าเนสุ ภาวนาการํ วตฺวา ตาทิโส อิธ น ลพฺภตีติ ทีเปตุํ จตุตฺถารุปฺปเทสนายํ สุตฺเต ภาวนาการํ ปริยายเทสนตฺตา น กเถสิ.
ยสฺมา ปน สารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมเณ ปวตฺติอากาโร อตฺเถวาติ อติสุขุมภาวปฺปตฺตํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํเยว อากิฺจฺายตนํ สนฺตโต มนสิ กโรตี’’ติ (วิภ. ๖๑๙) วิภงฺเค วุตฺตํ ยถาธมฺมสาสนภาวโต, ปุพฺพภาควเสน วา วิภงฺเค ‘‘สนฺตโต มนสิ กโรตี’’ติ วุตฺตํ ตทา โยคิโน ตสฺส วิภูตภาวโต. อปฺปนาวเสน ปน สุตฺเต ภาวนากาโร น คหิโต อวิภูตภาวโต. กมฺมฏฺานํ หิ กิฺจิ อาทิโต อวิภูตํ โหติ, ยถา ตํ? พุทฺธานุสฺสติอาทิ. กิฺจิ มชฺเฌ, ยถา ตํ? อานาปานสฺสติ. กิฺจิ อุภยตฺถ, ยถา ตํ? อุปสมานุสฺสติอาทิ. จตุตฺถารุปฺปกมฺมฏฺานํ ปน ปริโยสาเน อวิภูตํ ภาวนาย มตฺถกปฺปตฺติยํ ¶ อารมฺมณสฺส อวิภูตภาวโต. ตสฺมา จตุตฺถารุปฺเป อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ สตฺถารา สุตฺเต ภาวนากาโร น คหิโต, น สพฺเพน สพฺพํ อภาวโตติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
ปกิณฺณกกถาวณฺณนา
๒๘๘. อสทิสรูโปติ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาทีหิ รูปคุเณหิ อฺเหิ อสาธารณรูปกาโย, สภาวตฺโถ วา รูป-สทฺโท ‘‘ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๓) วิย. ตสฺมา อสทิสรูโปติ อสทิสสภาโว, เตน ทสพลจตุเวสารชฺชาทิคุณวิเสสสมาโยคทีปนโต สตฺถุ ธมฺมกายสมฺปตฺติยาปิ อสทิสตา ทสฺสิตา โหติ. อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน. ตสฺมินฺติ อารุปฺเป. ปกิณฺณกกถาปิ วิฺเยฺยาติ ปุพฺเพ วิย อสาธารณํ ตตฺถ ตตฺถ ฌาเน ปตินิยตเมว อตฺถํ อคฺคเหตฺวา สาธารณภาวโต ตตฺถ ตตฺเถว ปกิณฺณกํ วิสฏํ อตฺถํ คเหตฺวา ปวตฺตา ปกิณฺณกกถาปิ วิชานิตพฺพา.
๒๘๙. รูปนิมิตฺตาติกฺกมโตติ ¶ กสิณรูปสงฺขาตสฺส ปฏิภาคนิมิตฺตสฺส อติกฺกมนโต. อากาสาติกฺกมโตติ กสิณุคฺฆาฏิมากาสสฺส อติกฺกมนโต. อากาเส ปวตฺติตวิฺาณาติกฺกมโตติ ปมารุปฺปวิฺาณสฺส อติกฺกมนโต, น ทุติยารุปฺปวิฺาณาติกฺกมนโต. ตทติกฺกมโต หิ ตสฺเสว วิภาวนํ โหติ. ทุติยารุปฺปวิฺาณวิภาวเน หิ ตเทว อติกฺกนฺตํ สิยา, น ตสฺส อารมฺมณํ, น จ อารมฺมเณ โทสํ ทิสฺวา อนารมฺมณสฺส วิภาวนาติกฺกโม ยุชฺชติ. ปาฬิยฺจ ‘‘วิฺาณฺจายตนํ สโต สมาปชฺชติ…เป… สโต วุฏฺหิตฺวา ตํเยว วิฺาณํ อภาเวตี’’ติ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘ตํเยว วิฺาณฺจายตนํ อภาเวตี’’ติ, ‘‘ตํเยว อภาเวตี’’ติ วา. ‘‘อนนฺตํ วิฺาณนฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺชา’’ติ เอตฺถ ปน ทฺวยํ วุตฺตํ อารมฺมณฺจ วิฺาณํ, วิฺาณฺจายตนฺจ. ตสฺมึ ทฺวเย เยน เกนจิ, ยโต วา วุฏฺิโต, เตเนว ปธานนิทฺทิฏฺเน ตํ-สทฺทสฺส สมฺพนฺเธ อาปนฺเน ‘‘อยฺจ อารมฺมณาติกฺกมภาวนา’’ติ วิฺาณฺจายตนสฺส นิวตฺตนตฺถํ วิฺาณวจนํ. ตสฺมา ปมารุปฺปวิฺาณสฺเสว อภาวนาติกฺกโม วุตฺโต.
๒๙๐. เอวํ ¶ สนฺเตปีติ องฺคาติกฺกเม อสติปิ. สุปฺปณีตตราติ สุฏฺุ ปณีตตรา, สุนฺทรา ปณีตตรา จาติ วา อตฺโถ. สติปิ จตุนฺนํ ปาสาทตลานํ, สาฏิกานฺจ ตพฺภาวโต, ปมาณโต จ สมภาเว อุปรูปริ ปน กามคุณานํ, สุขสมฺผสฺสาทีนฺจ วิเสเสน ปณีตตราทิภาโว วิย เอตาสํ จตุนฺนํ สมาปตฺตีนํ อารุปฺปภาวโต, องฺคโต จ สติปิ สมภาเว ภาวนาวิเสสสิทฺโธ ปน สาติสโย อุปรูปริ ปณีตตราทิภาโวติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา.
๒๙๑. นิสฺสิโตติ นิสฺสาย ิโต. ทุฏฺิตาติ น สมฺมา ิตา, ทุกฺขํ วา ิตา. ตนฺนิสฺสิตนฺติ เตน นิสฺสิตํ, านนฺติ อตฺโถ. ตนฺนิสฺสิตนฺติ วา ตํ มณฺฑปลคฺคํ ปุริสํ นิสฺสาย ิตํ ปุริสนฺติ อตฺโถ. มณฺฑปลคฺคฺหิ อนิสฺสาย เตน วินาภูเต วิวิตฺเต พหิ โอกาเส านํ วิย อากาสลคฺควิฺาณสฺส วิเวเก ตทปคเม ตติยารุปฺปสฺส านนฺติ.
๒๙๒. อารมฺมณํ ¶ กโรเตว, อฺาภาเวน ตํ อิทนฺติ ‘‘อาสนฺนวิฺาณฺจายตนปจฺจตฺถิกรูปาสนฺนากาสารมฺมณวิฺาณาปคมารมฺมณํ, โน จ สนฺต’’นฺติ จ ทิฏฺาทีนวมฺปิ ตํ อากิฺจฺายตนํ อิทํ เนวสฺานาสฺายตนชฺฌานํ อฺสฺส ตาทิสสฺส อารมฺมณภาวโยคฺยสฺส อภาเวน อลาเภน อารมฺมณํ กโรติ เอว. ‘‘สพฺพทิสมฺปติ’’นฺติ อิทํ ชนสฺส อคติกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. วุตฺตินฺติ ชีวิกํ. วตฺตตีติ ชีวติ.
๒๙๓. อารุฬฺโหติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา โกจิ ปุริโส อเนกโปริสํ ทีฆนิสฺเสณึ อารุฬฺโห ตสฺส อุปริมปเท ิโต ตสฺสา นิสฺเสณิยา พาหุเมว โอลุพฺภติ อฺสฺส อลาภโต, ยถา จ ปํสุปพฺพตสฺส, มิสฺสกปพฺพตสฺส วา อคฺคโกฏึ อารุฬฺโห ตสฺส มตฺถกเมว โอลุพฺภติ, ยถา จ คิรึ สิลาปพฺพตํ อารุฬฺโห ปริปฺผนฺทมาโน อฺาภาวโต อตฺตโน ชณฺณุกเมว โอลุพฺภติ, ตถา เอตํ จตุตฺถารุปฺปชฺฌานํ ตํ ตติยารุปฺปํ โอลุพฺภิตฺวา ปวตฺตตีติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ อุตฺตานเมว.
อารุปฺปนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ ทสมปริจฺเฉทวณฺณนา.
๑๑. สมาธินิทฺเทสวณฺณนา
อาหาเรปฏิกฺกูลภาวนาวณฺณนา
๒๙๔. อุทฺเทโส ¶ ¶ นาม นิทฺเทสตฺโถ มุทุมชฺฌิมปฺาพาหุลฺลโต, อาคโต จ ภาโร อวสฺสํ วหิตพฺโพติ อาห ‘‘เอกา สฺาติ เอวํ อุทฺทิฏฺาย อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺาย ภาวนานิทฺเทโส อนุปฺปตฺโต’’ติ. ตตฺถายํ สฺา-สทฺโท ‘‘รูปสฺา สทฺทสฺา’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๔) สฺชานนลกฺขเณ ธมฺเม อาคโต, ‘‘อนิจฺจสฺา ทุกฺขสฺา’’ติอาทีสุ วิปสฺสนายํ อาคโต, ‘‘อุทฺธุมาตกสฺาติ วา โสปากรูปสฺาติ วา อิเม ธมฺมา เอกตฺถา อุทาหุ นานตฺถา’’ติอาทีสุ สมเถ อาคโต. อิธ ปน สมถสฺส ปริกมฺเม ทฏฺพฺโพ. อาหาเร หิ ปฏิกฺกูลาการคฺคหณํ, ตปฺปภาวิตํ วา อุปจารชฺฌานํ อิธ ‘‘อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺา’’ติ อธิปฺเปตํ. ตตฺถ ยสฺมึ อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺา ภาเวตพฺพา, ตตฺถ นิพฺเพทวิราคุปฺปาทนาย ตปฺปสงฺเคน สพฺพมฺปิ อาหารํ กิจฺจปฺปเภทาทีนโวปมฺเมหิ วิภาเวตุํ ‘‘อาหรตีติ อาหาโร’’ติอาทิ อารทฺธํ.
ตตฺถ อาหรตีติ อาหารปจฺจยสงฺขาเตน อุปฺปตฺติยา, ิติยา วา ปจฺจยภาเวน อตฺตโน ผลํ อาเนติ นิพฺพตฺเตติ ปวตฺเตติ จาติ อตฺโถ. กพฬํ กรียตีติ กพฬีกาโร, วตฺถุวเสน เจตํ วุตฺตํ, ลกฺขณโต ปน โอชาลกฺขโณ เวทิตพฺโพ, กพฬีกาโร จ โส ยถาวุตฺเตนตฺเถน อาหาโร จาติ กพฬีการาหาโร. เอส นโย เสเสสุปิ. ผุสตีติ ผสฺโส. อยํ หิ อรูปธมฺโมปิ สมาโน อารมฺมเณ ผุสนากาเรเนว ปวตฺตติ. ตถา หิ โส ผุสนลกฺขโณติ วุจฺจติ. เจตยตีติ เจตนา, อตฺตโน สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ สทฺธึ อารมฺมเณ อภิสนฺทหตีติ อตฺโถ, มโนสนฺนิสฺสิตา เจตนา มโนสฺเจตนา. อุปปตฺติปริกปฺปนวเสน วิชานาตีติ วิฺาณํ. เอวเมตฺถ สามฺตฺถโต, วิเสสตฺถโต จ อาหารา เวทิตพฺพา. กสฺมา ปเนเต จตฺตาโรว วุตฺตา, อฺเ ธมฺมา กึ อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยา น โหนฺตีติ? โน น โหนฺติ, อิเม ปน ตถา ¶ จ โหนฺติ ¶ อฺถา จาติ สมาเนปิ ปจฺจยภาเว อติเรกปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา อาหาราติ วุจฺจนฺติ.
กถํ? เอเตสุ หิ ปโม สยํ ยสฺมึ กลาเป ตปฺปริยาปนฺนานํ ยถารหํ ปจฺจโย โหนฺโตว โอชฏฺมกํ รูปํ อาหรติ, ทุติโย ติสฺโส เวทนา อาหรติ, ตติโย ตีสุ ภเวสุ ปฏิสนฺธึ อาหรติ, จตุตฺโถ ปฏิสนฺธิกฺขเณ นามรูปํ อาหรติ. เตนาห ‘‘กพฬีการาหาโร’’ติอาทิ. เอตฺถ จ กมฺมชาทิเภทภินฺนา โอชา สติ ปจฺจยลาเภ ทฺเว ติสฺโส ปเวณิโย ฆเฏนฺตี โอชฏฺมกรูปํ อาหรติ, สุขเวทนียาทิเภทภินฺโน ผสฺสาหาโร ยถารหํ ติสฺโส เวทนา อาหรติ, ปฺุาภิสงฺขาราทิเภทภินฺโน มโนสฺเจตนาหาโร กามภวาทีสุ ตีสุ ภเวสุ ยถารหํ สวิฺาณํ, อวิฺาณฺจ ปฏิสนฺธึ อาหรติ, วิฺาณาหาโร ยถาปจฺจยํ ปฏิสนฺธิกฺขเณ นามํ รูปํ, นามรูปฺจ อาหรตีติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อุปตฺถมฺภกฏฺเน อิเม เอว ธมฺมา อาหาราติ วุตฺตา. ยถา หิ กพฬีการาหาโร รูปกายสฺส อุปตฺถมฺภกฏฺเน ปจฺจโย, เอวํ อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย, อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑๕). อปโร นโย – อชฺฌตฺติกสนฺตติยา วิเสสปจฺจยตฺตา กพฬีการาหาโร, ผสฺสาทโย จ ตโย ธมฺมา อาหาราติ วุตฺตา. วิเสสปจฺจโย หิ กพฬีการาหารภกฺขานํ สตฺตานํ รูปกายสฺส กพฬีการาหาโร, นามกาเย เวทนาย ผสฺโส, วิฺาณสฺส มโนสฺเจตนา, นามรูปสฺส วิฺาณํ. ยถาห ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อยํ กาโย อาหารฏฺิติโก, อาหารํ ปฏิจฺจ ติฏฺติ, อนาหาโร โน ติฏฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓). ตถา ผสฺสปจฺจยา เวทนา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (อุทา. ๑; มหาว. ๑; เนตฺติ. ๒๔).
กพฬีการาหาเรติ กพฬีกาเร อาหาเร นิกนฺติ ตณฺหา, ตํ ภยํ อนตฺถาวหโต. คธิตสฺส หิ อาหารปริโภโค อนตฺถาย โหติ. เหตุอตฺเถ ภุมฺมํ. เอวํ เสเสสุ. นิกนฺตีติ นิกามนา ฉนฺทราโค ¶ . ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, นิกนฺติ เอว ภยํ นิกนฺติภยํ. กพฬีการาหารเหตุ อิเมสํ สตฺตานํ ฉนฺทราโค ภยํ ภยานกํ ทิฏฺธมฺมิกาทิเภทสฺส อนตฺถสฺส สกลสฺสาปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส เหตุภาวโต. เตเนวาห ‘‘กพฬีกาเร เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗). อุปคมนํ ¶ อปฺปหีนวิปลฺลาสสฺส อารมฺมเณน สโมธานํ สงฺคติ สุขเวทนียาทิผสฺสุปฺปตฺติ ภยํ ภยานกํ ตีหิ ทุกฺขตาหิ อปริมุจฺจนโต. เตนาห ‘‘สุขเวทนียํ, ภิกฺขเว, ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขา เวทนา (สํ. นิ. ๔.๑๒๙), ตสฺส เวทนาปจฺจยา ตณฺหา…เป… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ (อุทา. ๑). ตตฺถ ตตฺถ ภเว อุปปชฺชติ เอเตนาติ อุปปตฺติ, อุปปชฺชนํ วา อุปปตฺติ, ขิปนํ ภยํ ภยานกํ อุปปตฺติมูลเกหิ พฺยสเนหิ อปริมุตฺตโต. เตนาห ‘‘อวิทฺวา, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปฺฺุเจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ปฺุุปคํ ภวติ วิฺาณํ. อปฺฺุเจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, อปฺุุปคํ ภวติ วิฺาณ’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๕๑). ปฏิสนฺธีติ ภวนฺตราทีหิ ปฏิสนฺธานํ, ตํ ภยํ ภยานกํ ปฏิสนฺธินิมิตฺเตหิ ทุกฺเขหิ อวิมุจฺจนโต. เตนาห ‘‘วิฺาเณ เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔).
ปุตฺตมํสูปเมน โอวาเทน ทีเปตพฺโพ นิจฺฉนฺทราคปริโภคาย. เอวํ หิ ตตฺถ นิกนฺติภยํ น โหติ. นิจฺจมฺมา คาวี ยํ ยํ านํ อุปคจฺฉติ, ตตฺถ ตตฺเถว นํ ปาณิโน ขาทนฺติเยว. เอวํ ผสฺเส สติ เวทนา อุปฺปชฺชติ, เวทนา จ ทุกฺขสลฺลาทิโต ทฏฺพฺพาติ ผสฺเส อาทีนวํ ปสฺสนฺตสฺส อุปคมนภยํ น โหตีติ อาห ‘‘ผสฺสาหาโร นิจฺจมฺมคาวูปเมน ทีเปตพฺโพ’’ติ. เอกาทสหิ อคฺคีหิ สพฺพโส อาทิตฺตา ภวา องฺคารกาสุสทิสาติ ปสฺสโต อุปปตฺติภยํ น โหตีติ อาห ‘‘มโนสฺเจตนาหาโร องฺคารกาสูปเมน ทีเปตพฺโพ’’ติ. โจรสทิสํ วิฺาณํ อนตฺถปาตโต, ปหารสทิสี เวทนา ทุรธิวาสโตติ สมฺมเทว ปสฺสโต ปฏิสนฺธิภยํ น โหตีติ อาห ‘‘วิฺาณาหาโร สตฺติสตูปเมน ทีเปตพฺโพ’’ติ.
เอวํ ¶ กิจฺจาทิมุเขน อาหาเรสุ อาทีนวํ วิภาเวตฺวา อิทานิ ตตฺถ ยถาธิปฺเปตํ อาหารํ นิทฺธาเรตฺวา ปฏิกฺกูลโต มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปาทายรูปนิทฺเทเสปิ ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร’’ติ (ธ. ส. ๕๙๕) อาคตตฺตา ตโต วิเสเสนฺโต ‘‘อสิตปีตขายิตสายิตปฺปเภโท’’ติ อาห, ภูตกถนํ วา เอตํ. ตตฺถ อสิตปีตขายิตสายิตปฺปเภโทติ อสิตพฺพปาตพฺพขายิตพฺพสายิตพฺพวิภาโค กาลเภทวจนิจฺฉาย อภาวโต ยถา ‘‘ทุทฺธ’’นฺติ. กพฬีกาโร อาหาโร วาติ อวธารณํ ยถา ผสฺสาหาราทินิวตฺตนํ, เอวํ โอชาหารนิวตฺตนมฺปิ ทฏฺพฺพํ. สวตฺถุโก เอว หิ อาหาโร อิธ กมฺมฏฺานภูโต, เตน อาหรียตีติ ¶ อาหาโรติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาหรตีติ อาหาโรติ อยํ ปนตฺโถ นิพฺพตฺติตโอชาวเสน เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ อตฺเถติ อิมสฺมึ กมฺมฏฺานสงฺขาเต อตฺเถ. อุปฺปนฺนา สฺาติ สฺาสีเสน ภาวนํ วทติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปฏิกฺกูลาการคฺคหณวเสน ปนา’’ติอาทิ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๕).
กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวาติ กมฺมฏฺานํ ปริยตฺติธมฺมโต, อตฺถโต จ สุคฺคหิตํ สุมนสิกตํ สูปธาริตํ กตฺวา. เตนาห ‘‘อุคฺคหโต เอกปทมฺปิ อวิรชฺฌนฺเตนา’’ติ. ตตฺถ อุคฺคหโตติ อาจริยุคฺคหโต. เอกปทมฺปีติ เอกมฺปิ ปทํ, เอกโกฏฺาสมฺปิ วา, ปเทสมตฺตมฺปีติ อตฺโถ. ทสหากาเรหีติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อนฺติมชีวิกาภาวโต, ปิณฺฑปาตสฺส อลาภลาเภสุ ปริตสฺสนเคธาทิสมุปฺปตฺติโต, ภุตฺตสฺส สมฺมทชนนโต, กิมิกุลสํวทฺธนโตติ เอวมาทีหิปิ อากาเรหิ อาหาเร ปฏิกฺกูลตา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา? วุตฺตํ เหตํ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกานํ ยทิทํ ปิณฺโฑลฺยํ, อภิสาโปยํ, ภิกฺขเว, โลกสฺมึ ‘ปิณฺโฑโล วิจรสิ ปตฺตปาณี’’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๐), ‘‘อลทฺธา จ ปิณฺฑปาตํ ปริตสฺสติ, ลทฺธา จ ปิณฺฑปาตํ คธิโต มุจฺฉิโต อชฺโฌสนฺโน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ ปริภฺุชตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๔), ‘‘ภุตฺโต จ อาหาโร กสฺสจิ กทาจิ มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ อาวหติ, อุกฺโกจกาทโย, ตกฺโกฏกาทโย จ ทฺวตฺตึส ทฺวตฺตึส กุลปฺปเภทา กิมโย จ นํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตี’’ติ.
วุจฺจเต ¶ – อนฺติมชีวิกาภาโว ตาว จิตฺตสํกิเลสวิโสธนตฺถํ กมฺมฏฺานาภินิเวสโต ปเคว มนสิ กาตพฺโพ ‘‘มาหํ ฉวาลาตสทิโส ภเวยฺย’’นฺติ. ตถา ปิณฺฑปาตสฺส อลาภลาเภสุปิ ปริตสฺสนเคธาทิสมุปฺปตฺตินิวารณํ ปเคว อนุฏฺาตพฺพํ สุปริสุทฺธสีลสฺส ปฏิสงฺขานวโต ตทภาวโต. ภตฺตสมฺมโท อเนกนฺติโก, ปริโภคนฺโตคโธ วา เวทิตพฺโพ. กิมิกุลสํวทฺธนํ ปน น สงฺคเหตพฺพํ, สงฺคหิตเมว วา ‘‘ทสหากาเรหี’’ติ เอตฺถ นิยมสฺส อกตตฺตา. อิมินา วา นเยน อิตเรสมฺเปตฺถ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ ยถาสมฺภวเมตฺถ ปฏิกฺกูลตาปจฺจเวกฺขณสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตถา หิ ฆรโคฬิกวจฺจมูสิกชตุกวจฺจาทิกํ สมฺภวนฺตํ คหิตํ, น เอกนฺติกนฺติ. ตถา ปริเยสนาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ วตฺตพฺพํ.
คมนโตติอาทีสุ ปจฺจาคมนมฺปิ คมนสภาคตฺตา คมเนเนว สงฺคหิตํ. ปฏิกฺกมนสาลาทิอุปสงฺกมนํ ¶ วิย ปริเยสเน สมานปฏิกฺกูลํ หิ อสุจิฏฺานกฺกมนวิรูปทุคฺคนฺธทสฺสนฆายนาธิวาสเนหิ. คมนโตติ ภิกฺขาจารวเสน โคจรคามํ อุทฺทิสฺส คมนโต. ปริเยสนโตติ โคจรคาเม ภิกฺขตฺถํ อาหิณฺฑนโต. ปริโภคโตติ อาหารสฺส ปริภฺุชนโต. อุภยํ อุภเยน อาสยติ, เอกชฺฌํ ปวตฺตมาโนปิ กมฺมพลววตฺถิโต หุตฺวา มริยาทวเสน อฺมฺํ อสงฺกรโต สยติ ติฏฺติ ปวตฺตตีติ อาสโย, อามาสยสฺส อุปริ ติฏฺนโก ปิตฺตาทิโก. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร, ตโต อาสยโต. นิทธาติ ยถาภุตฺโต อาหาโร นิจิโต หุตฺวา ติฏฺติ เอตฺถาติ นิธานํ, อามาสโย, ตโต นิธานโต. อปริปกฺกโตติ คหณีสงฺขาเตน กมฺมชเตเชน อปริปกฺกโต. ปริปกฺกโตติ ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปกฺกภาวโต. ผลโตติ นิพฺพตฺติโต. นิสฺสนฺทโตติ อิโต จิโต จ วิสฺสนฺทนโต. สมฺมกฺขนโตติ สพฺพโส มกฺขนโต. สพฺพตฺถ อาหาเร ปฏิกฺกูลตา ปจฺจเวกฺขิตพฺพาติ โยชนา. ตํตํกิริยานิปฺผตฺติปฏิปาฏิวเสน จายํ คมนโตติอาทิกา อนุปุพฺพี ปิตา, สมฺมกฺขนํ ปน ปริโภคาทีสุ ลพฺภมานมฺปิ นิสฺสนฺทวเสน วิเสสโต ปฏิกฺกูลนฺติ สพฺพปจฺฉา ปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๒๙๕. เอวํ มหานุภาเวติ อิทานิ วตฺตพฺพปฏิปตฺติยา มหานุภาเวติ วทนฺติ, สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานปริหรณาทิสิทฺธํ วา ธมฺมสุธมฺมตํ ปุรกฺขตฺวา โยคาวจเรน ¶ เอวํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ มหานุภาเว นาม สาสเน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นาม-สทฺโท สมฺภาวเน ทฏฺพฺโพ. ปพฺพชิเตน คามาภิมุเขน คนฺตพฺพนฺติ โยชนา. อยฺจ คมนาทิโต ปจฺจเวกฺขณา โยคิโน น อตฺตุทฺเทสิกาว, อถ โข อนุทฺเทสิกาปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกลรตฺติ’’นฺติอาทินา ธุรทฺวยํ ปริคฺคเหสิ. ปริเวณนฺติ ปริเวณงฺคณํ. วีสตึสวาเรติ เอตฺถ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนวเสน วารปริจฺเฉโทติ เกจิ, อปเร ปน ‘‘อุณฺหาสเนนา’’ติ วทนฺติ. นีวรณวิกฺขมฺภนฺหิ อปฺปตฺตา ภาวนา ผรณปีติยา อภาวโต นิสชฺชาวเสน กายกิลมถํ น วิโนทติเยวาติ อิริยาปถจลนํ โหติเยว. วีสตึสคฺคหณํ ปน ยถาสลฺลกฺขิตภิกฺขาจรณเวลาวเสน. อถ วา คมนโต ยาว สมฺมกฺขนมนสิกาโร เอโก วาโร, เอวํ วีสตึสวาเร กมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา. นิชนสมฺพาธานีติ ชนสมฺพาธรหิตานิ, เตน อปฺปากิณฺณตํ, อปฺปสทฺทตํ, อปฺปนิคฺโฆสตฺจ ทสฺเสติ. ตโต เอว ปวิเวกสุขานิ ชนวิเวเกน อิฏฺานิ, ปวิเวกสฺส วา ฌานานุโยคสฺส อุปการานิ. ยสฺมา ฉายูทกสมฺปนฺนานิ, ตสฺมา ¶ สีตลานิ. ยสฺมา สุจีนิ, ตสฺมา รมณียภูมิภาคานีติ ปุริมานิ ทฺเว ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ การณวจนานิ. อริยนฺติ นิทฺโทสํ. วิเวกรตินฺติ ฌานานุโยครตึ.
กิฺจาปิ โยคาวจรานํ วสนฏฺานํ นาม สุชคฺคิตํ สุสมฺมฏฺเมว โหติ, กทาจิ ปน ชคฺคนโต ปจฺฉา เอวมฺปิ สิยาติ ปฏิกฺกูลตาปจฺจเวกฺขณาย สมฺภวทสฺสนตฺถํ ‘‘ปาทรชฆรโคลิกวจฺจาทิสมฺปริกิณฺณ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ปจฺจตฺถรณนฺติ ภูมิยา ฉวิรกฺขณตฺถํ อตฺถริตพฺพํ จิมิลิกาทิอตฺถรณมาห. ชตุกา ขุทฺทกวคฺคุลิโย. อุปหตตฺตาติ ทูสิตตฺตา. ตโตติ ตโต ตโต. อปฺเปกทา อุลูกปาราวตาทีหีติ อิธาปิ ‘‘อปฺเปกทา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อุทกจิกฺขลฺลาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน กจวราทึ สงฺคณฺหาติ. ปริเวณโต วิหารงฺคณปฺปเวสมคฺโค วิหารรจฺฉา.
วิตกฺกมาฬเกติ ‘‘กตฺถ นุ โข อชฺช ภิกฺขาย จริตพฺพ’’นฺติอาทินา วิตกฺกนมาฬเก. คามมคฺคนฺติ คามคามิมคฺคํ. ขาณุกณฺฏกมคฺโคติ ขาณุกณฺฏกวนฺโต มคฺโค. ทฏฺพฺโพ โหตีติ ทสฺสเนน คมนํ อุปลกฺเขติ.
คณฺฑํ ¶ ปฏิจฺฉาเทนฺเตนาติอาทิ เอวมชฺฌาสเยน นิวาสนาทิ กาตพฺพนฺติ วตฺตทสฺสนํ, คณฺฑโรคินา วาตาตปาทิปริสฺสยวิโนทนตฺถํ คณฺฑํ ปฏิจฺฉาทยมาเนน วิย. อถ วา คณฺฑํ วิย คณฺฑํ ปฏิจฺฉาทยมาเนนาติ เอกํ คณฺฑ-สทฺทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ ภวติ. ‘‘คณฺโฑติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๙.๑๕; สํ. นิ. ๔.๑๐๓) วจนโต คณฺโฑติ อตฺตภาวสฺส ปริยาโย, วิเสสโต รูปกายสฺส ทุกฺขตาสูลโยคโต, อสุจิปคฺฆรณโต, อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตกปกฺกปภิชฺชนโต. วณโจฬกนฺติ วณปฏิจฺฉาทกวตฺถขณฺฑํ. นีหริตฺวาติ ถวิกโต อุทฺธริตฺวา. กุณปานิปีติ ปิ-สทฺโท ครหายํ เอวรูปานิปิ ทฏฺพฺพานิ ภวนฺตีติ, สมฺภวทสฺสเน วา อิทมฺปิ ตตฺถ สมฺภวตีติ. อธิวาเสตพฺโพติ ขมิตพฺโพ อฺถา อาหารสฺส อนุปลพฺภนโต. คามทฺวาเรติ คามทฺวารสมีเป, อุมฺมารพฺภนฺตเร วา. คามรจฺฉา วินิวิชฺฌิตฺวา ิตา โอโลเกตพฺพา โหนฺติ ยุคมตฺตทสฺสินาปิ สตาติ อธิปฺปาโย.
ปจฺจตฺถรณาทีติ ฆรโคลิกวจฺจาทิสํกิลิฏฺปจฺจตฺถรณาทิกํ. อเนกกุณปปริโยสานนฺติ เอตฺถ ¶ ทุนฺนิวตฺถทุปฺปารุตมนุสฺสสมากุลานํ คามรจฺฉานํ โอโลกนมฺปิ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ. ตมฺปิ หิ ปฏิกฺกูลเมวาติ. อโห วตาติ ครหเน นิปาโต. โภติ ธมฺมาลปนํ. ยาวฺจิทํ ปฏิกฺกูโล อาหาโร ยทตฺถํ คมนมฺปิ นาม เอวํ เชคุจฺฉํ, ทุรธิวาสนฺจาติ อตฺโถ.
๒๙๖. คมนปฏิกฺกูลนฺติ คมนเมว ปฏิกฺกูลํ คมนปฏิกฺกูลํ. อธิวาเสตฺวาปีติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน ‘‘เอตฺตเกนาปิ มุตฺติ นตฺถิ, อิโต ปรมฺปิ มหนฺตํ ปฏิกฺกูลํ สกลํ อธิวาเสตพฺพเมวา’’ติ วกฺขมานํ ปฏิกฺกูลํ สมฺปิณฺเฑติ. สงฺฆาฏิปารุเตนาติ สงฺฆาฏิยา กปฺปนปารุปเนน ปารุตสรีเรน. ยตฺถาติ ยาสุ วีถีสุ. ยาว ปิณฺฑิกมํสาปีติ ยาว ชงฺฆปิณฺฑิกมํสปฺปเทสาปิ. อุทกจิกฺขลฺเลติ อุทกมิสฺเส กทฺทเม. เอเกน จีวรนฺติ เอเกน หตฺเถน นิวตฺถจีวรํ. มจฺฉา โธวียนฺติ เอเตนาติ มจฺฉโธวนํ, อุทกํ. สมฺมิสฺส-สทฺโท ปจฺเจกํ สมฺพนฺธิตพฺโพ. โอฬิคลฺลานิ อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ สกทฺทมานํ สนฺทนฏฺานานิ, ยานิ ชณฺณุมตฺตอสุจิภริตานิปิ โหนฺติ. จนฺทนิกานิ เกวลานํ อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ สนฺทนฏฺานานิ ¶ . ยโตติ โอฬิคลฺลาทิโต. ตา มกฺขิกาติ ตตฺถ สณฺฑสณฺฑจาริโน นีลมกฺขิกา. นิลียนฺตีติ อจฺฉนฺติ.
ททมานาปีติอาทิ สติปิ เกสฺจิ สทฺธานํ วเสน สกฺกจฺจกาเร ปฏิกฺกูลปจฺจเวกฺขณาโยคฺยํ ปน อสทฺธานํ วเสน ปวตฺตนกอสกฺกจฺจการเมว ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ตุณฺหี โหนฺติ สยเมว ริฺจิตฺวา คจฺฉิสฺสตีติ. คจฺฉาติ อเปหิ. เรติ อมฺโภ. มุณฺฑกาติ อนาทราลปนํ. สมุทาจรนฺตีติ กเถนฺติ. ปิณฺโฑลฺยสฺส อนฺติมชีวิกาภาเวนาห ‘‘กปณมนุสฺเสน วิย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ.
๒๙๗. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปตฺตคเต อาหาเร. ลชฺชิตพฺพํ โหติ ‘‘อุจฺฉิฏฺํ นุ โข อยํ มยฺหํ ทาตุกาโม’’ติ อาสงฺเกยฺยาติ, เสโท ปคฺฆรมาโน อาหารสฺส วา อุณฺหตาย, ภิกฺขุโน วา สปริฬาหตายาติ อธิปฺปาโย. สุกฺขถทฺธภตฺตมฺปีติ สุกฺขตาย ถทฺธมฺปิ ภตฺตํ, ปเคว ตกฺกกฺชิกาทินา อุปสิตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. เตน เสเทน กิลินฺนตาย ปฏิกฺกูลตํ วทติ.
ตสฺมินฺติ ปิณฺฑปาเต. สมฺภินฺนโสเภติ สพฺพโส วินฏฺโสเภ. เวมชฺฌโต ปฏฺายาติ ชิวฺหาย มชฺฌโต ปฏฺาย. ทนฺตคูถโก ทนฺตมลํ. วิจุณฺณิตมกฺขิโตติ อุภเยหิ ทนฺเตหิ วิจุณฺณิโต ¶ เขฬาทีหิ สมุปลิตฺโต. เอวํภูตสฺส จสฺส ยายํ ปุพฺเพ วณฺณสมฺปทา, คนฺธสมฺปทา, อภิสงฺขารสมฺปทา จ, สา เอกํเสน วินสฺสติ, รโส ปน นสฺเสยฺย วา น วาติ อาห ‘‘อนฺตรหิตวณฺณคนฺธสงฺขารวิเสโส’’ติ. สุวานโทณิยนฺติ สารเมยฺยานํ ภฺุชนกอมฺพเณ. สุวานวมถุ วิยาติ วนฺตสุนขฉฑฺฑนํ วิย. จกฺขุสฺส อาปาถํ อตีตตฺตา อชฺโฌหริตพฺโพ โหตีติ อุกฺกํสคตํ ตสฺส ปฏิกฺกูลภาวํ วิภาเวติ.
๒๙๘. ปริโภคนฺติ อชฺโฌหรณํ. เอส อาหาโร อนฺโต ปวิสมาโน พหลมธุกเตลมกฺขิโต วิย ปรมเชคุจฺโฉ โหตีติ สมฺพนฺโธ. อนฺโตติ โกฏฺสฺส อพฺภนฺตเร. นิธานมนุปคโต อามาสยํ อปฺปตฺโตเยว อาหาโร ปิตฺตาทีหิ วิมิสฺสิโต โหตีติ อาห ‘‘ปวิสมาโน’’ติ. อามาสยปกฺกาสยวินิมุตฺโต โกยมาสโย นามาติ ¶ อาสงฺกํ สนฺธายาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. ปิตฺตเมวาสโย ปิตฺตาสโย. อธิโก โหตีติ วุตฺตํ มนฺทปฺุพาหุลฺลโต โลกสฺส. เอวํ อาสยโตติ เชคุจฺโฉ หุตฺวา อนฺโต ปวิฏฺโ เชคุจฺฉตเรหิ ปิตฺตาทีหิ วิมิสฺสิโต อติวิย เชคุจฺโฉ โหตีติ เอวํ อาสยโต ปฏิกฺกูลตา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
๒๙๙. นิธานโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. โสติ อาหาโร. ทสวสฺสิเกนาติ ชาติยา ทสวสฺเสน สตฺเตน. โอกาเสติ อามาสยสงฺขาเต ปเทเส.
๓๐๐. เอวรูเปติ เอทิเส, ทสวสฺสานิ ยาว วสฺสสตํ อโธตวจฺจกูปสทิเสติ อตฺโถ. นิธานนฺติ นิธาตพฺพตํ. ยถาวุตฺตปฺปกาเรติ สเจ ปน ‘‘ทสวสฺสิเกนา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๒๙๙) ยถาวุตฺโต ปกาโร เอตสฺสาติ ยถาวุตฺตปฺปกาโร, ตสฺมึ. ปรมนฺธการติมิเสติ อติวิย อนฺธกรณมหาตมสิ. อติทุคฺคนฺธเชคุจฺเฉ ปเทเส ปรมเชคุจฺฉภาวํ อุปคนฺตฺวา ติฏฺตีติ สมฺพนฺโธ. กตฺถ กึ วิยาติ อาห ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ. กาลเมเฆน อภิวุฏฺเ อาวาเฏ พหุโส วสฺสเนน เอกจฺจํ อสุจิชาตํ อุปฺปิลวิตฺวา วิคจฺเฉยฺยาติ อกาลเมฆ-คฺคหณํ. ติณปณฺณกิลฺชขณฺฑ-คฺคหณํ น อสุภสฺสาปิ อสุเภน สมฺมิสฺสตาย อสุภภาวปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. กายคฺคิสนฺตาปกุถิตกุถนสฺชาตเผณปุพฺพุฬกาจิโตติ คหณิเตเชน ปกฺกุถิตนิปฺปกฺกตาย สมุปฺปนฺนเผณปุพฺพุฬนิจิโต. อปริปกฺกโตติ อปริปกฺกภาวโต.
๓๐๑. สุวณฺณรชตาทิธาตุโย วิยาติ ยถา สุวณฺณรชตาทิธาตุโย วิธินา ตาปิยมานา สุวณฺณรชตาทิเก ¶ มฺุจนฺติโย สุวณฺณรชตาทิภาวํ อุปคจฺฉนฺตีติ วุจฺจนฺติ, น เอวมยํ. อยํ ปน อาหาโร กายคฺคินา ปริปกฺโก เผณปุพฺพุฬเก มฺุจนฺโต สณฺหํ กโรนฺติ เอตฺถาติ ‘‘สณฺหกรณี’’ติ ลทฺธนามเก นิสเท ปิสิตฺวา นาฬิเก ขุทฺทกเวฬุนาฬิกายํ วณฺณสณฺานมตฺเตน ปกฺขิปฺปมานปณฺฑุมตฺติกา วิย กรีสภาวํ อุปคนฺตฺวา ปกฺกาสยํ ปูเรติ, มุตฺตภาวํ อุปคนฺตฺวา มุตฺตวตฺถึ ปูเรตีติ โยชนา. คหณิยา อินฺธนภาโค วิย กิมิภกฺขภาโค จ อปากโฏว ¶ . รสภาโค ผลโต ปกาสียติ, อปริปกฺกสภาคา จ เตติ เต อนามสิตฺวา กรีสมุตฺตภาคา เอเวตฺถ ทสฺสิตา.
๓๐๒. ปฏิกฺกูลสฺส นาม ผเลน ปฏิกฺกูเลเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺมา ปริปจฺจมาโน’’ติอาทิมาห. นขทนฺตาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน น เกวลํ ตจาทีนิ เอว ทฺวตฺตึสาการปาฬิยํ (ม. นิ. ๓.๑๕๔; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺตึสาการ) อาคตานิ, อถ โข อกฺขิคูถกณฺณคูถทนฺตมลชลฺลิกาสมฺภวาทีนิ ทฺวตฺตึสโกฏฺาสวินิมุตฺตานิ อสุภานิ สงฺคณฺหนฺโต ‘‘นานากุณปานี’’ติ อาหาติ ทฏฺพฺพํ.
๓๐๓. นิสฺสนฺทมาโนติ วิสฺสวนฺโต, ปคฺฆรนฺโตติ อตฺโถ. อาทินา ปกาเรนาติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน นาสิกาย สิงฺฆาณิกา, มุเขน เขโฬ, กทาจิ ปิตฺตํ, เสมฺหํ, โลหิตํ วมติ, วจฺจมคฺเคน อุจฺจาโร, ปสฺสาวมคฺเคน ปสฺสาโว, สกลกาเย โลมกูเปหิ เสทชลฺลิกาติ เอวํปการํ อสุจึ สงฺคณฺหาติ. ‘‘ปมทิวเส’’ติ อิทํ นิสฺสนฺททิวสาเปกฺขาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ทุติยทิวเส นิสฺสนฺเทนฺโต’’ติ. วิกุณิตมุโขติ ชิคุจฺฉาวเสน สงฺกุจิตมุโข. เตนาห ‘‘เชคุจฺฉี’’ติ. มงฺกุภูโตติ วิมนกชาโต ‘‘อิมมฺปิ นาม โปเสมี’’ติ. รตฺโตติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามากาเรน ฉนฺทราเคน รตฺโต. คิทฺโธติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิคิชฺฌเนน คิทฺโธ เคธํ อาปนฺโน. คธิโตติ ทุมฺโมจนียภาเวน คนฺถิโต วิย ตตฺถ ปฏิพทฺโธ. มุจฺฉิโตติ รสตณฺหาย มุจฺฉํ โมหํ อาปนฺโน. วิรตฺโตติ วิคตราโค. อฏฺฏียมาโนติ ทุกฺขิยมาโน. หรายมาโนติ ลชฺชมาโน. ชิคุจฺฉมาโนติ หีเฬนฺโต.
นวทฺวาเรหีติ ปากฏานํ มหนฺตานํ วเสน วุตฺตํ, โลมกูปวิวเรหิปิ สนฺทเตวาติ. นิลียตีติ อตฺตานํ อทสฺเสนฺโต นิคูหติ, สงฺกุจติ วา. เอวนฺติ เอเกน ทฺวาเรน ปเวสนํ อเนเกหิ ทฺวาเรหิ อเนกธา นิกฺขามนํ, ปกาสนํ ปเวสนํ, นิคูฬฺหํ นิกฺขามนมฺปีติ โสมนสฺสชาเตน ¶ ปเวสนํ, มงฺกุภูเตน นิกฺขามนํ, สารตฺเตน ปเวสนํ, วิรตฺเตน นิกฺขามนนฺติ อิเมหิ ปกาเรหิ.
๓๐๔. ปริโภคกาเลปีติ ¶ ปิ-สทฺเทน ปวิฏฺมตฺโตปิ นาม ปเวสทฺวารํ เชคุจฺฉํ กโรติ, ปเคว ลทฺธปริวาโส ปริปากปฺปตฺโต อิตรทฺวารานีติ ทสฺเสติ. เอส อาหาโร. คนฺธหรณตฺถนฺติ วิสฺสคนฺธาปนยนตฺถํ. กายคฺคินาติ คหณิเตชานุคเตน กายุสฺมานา. เผณุทฺเทหกนฺติ เผณานิ อุฏฺเปตฺวา อุฏฺเปตฺวา. ปจฺจิตฺวาติ ปริปากํ คนฺตฺวา. อุตฺตรมาโนติ อุปฺปิลวนฺโต. เสมฺหาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปิตฺตาทิเก สงฺคณฺหาติ. กรีสาทีติ อาทิ-สทฺเทน เสทชลฺลิกาทิเก. อิมานิ ทฺวารานิ มุขาทีนิ. เอกจฺจนฺติ ปสฺสาวมคฺคํ สนฺธาย วทติ. โจกฺขชาติกา ปน มุขาทีนิปิ โธวิตฺวา หตฺถํ ปุน โธวนฺติเยว. ปุน เอกจฺจนฺติ วจฺจมคฺคํ. ทฺวตฺติกฺขตฺตุนฺติ ทฺวิกฺขตฺตุํ, ติกฺขตฺตุํ วา. เอตฺถ จ อาหารตฺถาย คมนปริเยสนานํ ปฏิกฺกูลตา อาหาเร ปฏิกฺกูลตา วุตฺตา. ปริโภคสฺส ตนฺนิสฺสยโต, อาสยนิธานานํ ตํสมฺพนฺธโต, อิตเรสํ ตพฺพิการโตติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ. กิมิภกฺขภาโวปิ หิสฺส วิการปกฺเขเยว เปตพฺโพติ.
๓๐๕. ตํ นิมิตฺตนฺติ ยถาวุตฺเตหิ อากาเรหิ ปุนปฺปุนํ มนสิ กโรนฺตสฺส ปฏิกฺกูลาการวเสน อุปฏฺิตํ กพฬีการาหารสฺิตํ ภาวนาย นิมิตฺตํ อารมฺมณํ, น อุคฺคหปฏิภาคนิมิตฺตํ. ยทิ หิ ตตฺถ อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺย, ปฏิภาคนิมิตฺเตนปิ ภวิตพฺพํ. ตถา จ สติ อปฺปนาปฺปตฺเตน ฌาเนน ภวิตพฺพํ, น จ ภวติ, กสฺมา? ภาวนาย นานาการโต, สภาวธมฺมภาเวน จ กมฺมฏฺานสฺส คมฺภีรภาวโต. เตนาห ‘‘กพฬีการาหารสฺส สภาวธมฺมตาย คมฺภีรตฺตา’’ติ. เอตฺถ หิ ยทิปิ ปฏิกฺกูลาการวเสน ภาวนา ปวตฺตติ. เย ปน ธมฺเม อุปาทาย กพฬีการาหารปฺตฺติ, เต เอว ธมฺมา ปฏิกฺกูลา, น ปฺตฺตีติ ปฏิกฺกูลาการคฺคหณมุเขนปิ สภาวธมฺเมเยว อารพฺภ ภาวนาย ปวตฺตนโต, สภาวธมฺมานฺจ สภาเวเนว คมฺภีรภาวโต น ตตฺถ ฌานํ อปฺเปตุํ สกฺโกติ. คมฺภีรภาวโต หิ ปุริมสจฺจทฺวยํ ทุทฺทสํ ชาตนฺติ. ยทิ อุปจารสมาธินา จิตฺตํ สมาธิยติ, กถํ กมฺมฏฺานํ ‘‘สฺา’’ อิจฺเจว โวหรียตีติ อาห ‘‘ปฏิกฺกูลาการคฺคหณวเสน ปนา’’ติอาทิ.
อิทานิ อิมิสฺสา ภาวนาย อานิสํสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมฺจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รสตณฺหายาติ มธุราทิรสวิสยาย ตณฺหาย. ปติลียตีติ สงฺกุจติ อเนกาการํ ตตฺถ ปฏิกฺกูลตาย ¶ สณฺิตตฺตา. ปติกุฏตีติ อปสกฺกติ ¶ น วิสรติ. ปติวตฺตตีติ นิวตฺตติ. กนฺตารนิตฺถรณตฺถิโกติ มหโต ทุพฺภิกฺขกนฺตารสฺส นิตฺถรณปฺปโยชโน. วิคตมโทติ มานมทาทีนํ อภาเวน นิมฺมโท, มทาภาวคฺคหเณเนว จสฺส ทวมณฺฑนวิภูสนาทีนมฺปิ อภาโว คหิโตเยวาติ ทฏฺพฺพํ. กพฬีการาหารปริฺามุเขนาติ วุตฺตนเยน ปฏิกฺกูลาการโต กพฬีการาหารสฺส ปริจฺฉิชฺช ชานนทฺวาเรน. ปฺจกามคุณิโก ราโคติ อนติวตฺตนฏฺเน ปฺจสุ กามคุเณสุ นิยุตฺโต, ตปฺปโยชโน วา ราโค. ปริฺํ สมติกฺกมํ คจฺฉติ. รสตณฺหาย หิ สมฺมเทว วิคตาย รูปตณฺหาทโยปิ วิคตา เอว โหนฺติ โภชเน มตฺตฺุตาย อุกฺกํสคมนโต. สติ จ วิสยิสมติกฺกเม วิสโย สมติกฺกนฺโต เอว โหตีติ อาห ‘‘โส ปฺจกามคุณปริฺามุเขน รูปกฺขนฺธํ ปริชานาตี’’ติ. รูปายตนาทีสุ หิ ปริฺํ คจฺฉนฺเตสุ ตนฺนิสฺสยภูตานิ, ตคฺคาหกา ปสาทา จ สุเขเนว ปริฺํ คจฺฉนฺตีติ. อปริปกฺกาทีติ อาทิ-สทฺเทน อาสยนิธานานมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ อปริปกฺกํ ตาว อุทริยเมว. อาสยคฺคหเณน ปิตฺตเสมฺหปุพฺพโลหิตานํ, ปริปกฺกคฺคหเณน กรีสมุตฺตานํ, ผลคฺคหเณน เกสาทีนํ สพฺเพสํ ปริคฺคโห สิทฺโธ โหตีติ อาห ‘‘กายคตาสติภาวนาปิ ปาริปูรึ คจฺฉตี’’ติ. อสุภสฺายาติ อสุภภาวนาย, อวิฺาณกอสุภภาวนานุโยคสฺสาติ อตฺโถ. อนุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ ปฏิกฺกูลาการคฺคหเณน กายสฺส อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉภาวสลฺลกฺขณโต. อิมํ ปน ปฏิปตฺตินฺติ อิมํ อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺาภาวนํ. อมตปริโยสานตนฺติ นิพฺพานนิฏฺิตํ อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺาภาวนาสงฺขาตํ อุปจารชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นิพฺพานาธิคมนฺติ อตฺโถ.
อาหาเรปฏิกฺกูลภาวนาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุธาตุววตฺถานภาวนาวณฺณนา
๓๐๖. ‘‘เอกํ ววตฺถานนฺติ เอวํ อุทฺทิฏฺสฺส จตุธาตุววตฺถานสฺส ภาวนานิทฺเทโส อนุปฺปตฺโต’’ติ อุทฺเทโส นาม นิทฺเทสตฺโถ มุทุมชฺฌปฺาพาหุลฺลโต ¶ , อาคโต จ ภาโร อวสฺสํ วหิตพฺโพติ กตฺวา วุตฺตํ. ตตฺถ สติปิ วิสยเภเทน ววตฺถานสฺส เภเท ววตฺถานภาวสามฺเน ปน ตํ อภินฺนํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เอกํ ววตฺถาน’’นฺติ, ปุพฺพภาเค วา สติปิ วิสยเภเท อตฺถสิทฺธิยํ ¶ ตสฺส เอกวิสยตาวาติ ‘‘เอกํ ววตฺถาน’’นฺติ วุตฺตํ. ยถา หิ ทฺวตฺตึสากาเร กมฺมํ กโรนฺตสฺส โยคิโน ยทิปิ ปุพฺพภาเค วิสุํ วิสุํ โกฏฺาเสสุ มนสิกาโร ปวตฺตติ, อปรภาเค ปน เอกสฺมึ ขเณ เอกสฺมึเยว โกฏฺาเส อตฺถสิทฺธิ โหติ, น สพฺเพสุ, เอวมิธาปีติ. ตตฺถ สิยา – ยถา ปฏิกฺกูลภาวสามฺเน ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺาเน อเภทโต มนสิกาโร ปวตฺตติ, เอวํ อิธ ธาตุภาวสามฺเน อเภทโต มนสิกาโร ปวตฺตตีติ ‘‘เอกํ ววตฺถาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ? นยิทเมวํ. ตตฺถ หิ ปณฺณตฺติสมติกฺกมโต ปฏฺาย ปฏิกฺกูลวเสเนว สพฺพตฺถ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ, อิธ ปน สภาวสรสลกฺขณโต ธาตุโย มนสิ กาตพฺพา, น ธาตุภาวสามฺโต. เตเนวาห ‘‘สภาวูปลกฺขณวเสน สนฺนิฏฺาน’’นฺติ. กึ วา เอเตน ปปฺเจน, อฺเหิ เอกูนจตฺตาลีสาย กมฺมฏฺาเนหิ อสํสฏฺํ จตุธาตุววตฺถานํ นาม เอกํ กมฺมฏฺานนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกํ ววตฺถาน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘จตุธาตุววตฺถานสฺส ภาวนานิทฺเทโส’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ จตุธาตุววตฺถานํ ภาวนาว? สจฺจํ ภาวนาว, สกึ ปวตฺตํ ปน ววตฺถานํ, ตสฺส พหุลีกาโร ภาวนาติ วจนเภเทน วุตฺตํ. กถํ ปน ภาวนา นิทฺทิสียติ ตสฺสา วจีโคจราติกฺกนฺตภาวโตติ? นายํ โทโส ภาวนตฺเถ ภาวนาโวหารโต. ภาวนตฺโถ หิ กมฺมฏฺานปริคฺคโห อิธ ‘‘ภาวนา’’ติ อธิปฺเปโต.
สภาวูปลกฺขณวเสนาติ กกฺขฬตฺตาทิกสฺส สลกฺขณสฺส อุปธารณวเสน. อิทํ หิ กมฺมฏฺานํ ปถวีกสิณาทิกมฺมฏฺานํ วิย น ปณฺณตฺติมตฺตสลฺลกฺขณวเสน, นีลกสิณาทิกมฺมฏฺานํ วิย น นีลาทิวณฺณสลฺลกฺขณวเสน, นาปิ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ วิย สงฺขารานํ อนิจฺจตาทิสามฺลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตติ, อถ โข ปถวีอาทีนํ สภาวสลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สภาวูปลกฺขณวเสนา’’ติ, กกฺขฬตฺตาทิกสฺส สลกฺขณสฺส อุปธารณวเสนาติ อตฺโถ. สนฺนิฏฺานนฺติ าณวินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ, น เยวาปนกวินิจฺฉโย, นาปิ วิตกฺกาทิวินิจฺฉโย ¶ . ธาตุมนสิกาโรติ ธาตูสุ มนสิกาโร, จตสฺโส ธาตุโย อารพฺภ ภาวนามนสิกาโรติ อตฺโถ. กาตพฺพโต กมฺมํ, โยคิโน สุขวิเสสานํ การณภาวโต านฺจาติ กมฺมฏฺานํ, จตุนฺนํ มหาภูตานํ สภาวสลฺลกฺขณวเสน ปวตฺตํ โยคกมฺมํ. เตนาห ‘‘ธาตุมนสิกาโร, ธาตุกมฺมฏฺานํ, จตุธาตุววตฺถานนฺติ อตฺถโต เอก’’นฺติ. ตยิทํ จตุธาตุววตฺถานํ. ‘‘ทฺวิธา อาคต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ธาตุวิภงฺเค นาติสงฺเขปวิตฺถารวเสน อาคตํ, ตสฺมา ‘‘ติธา อาคต’’นฺติ วตฺตพฺพนฺติ? น, ตตฺถาปิ อชฺฌตฺติกานํ ธาตูนํ ปเภทโต อนวเสสปริยาทานสฺส กตตฺตา, พาหิรานฺจ ธาตูนํ ปริคฺคหิตตฺตา ¶ . อถ วา ทฺวิธา อาคตนฺติ เอตฺถ ทฺวิธาว อาคตนฺติ น เอวํ นิยโม คเหตพฺโพ, อถ โข ทฺวิธา อาคตเมวาติ, เตน ตติยสฺสาปิ ปการสฺส สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. โส จ นาติสงฺเขปวิตฺถารนโย ‘‘สงฺเขปโต จ วิตฺถารโต จา’’ติ เอตฺถ อาวุตฺติวเสน, จ-สทฺเทเนว วา สงฺคโหติ ทฏฺพฺโพ. อถ วา โย นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยน อติสงฺเขปปฏิกฺเขปมุเขน ลพฺภมาโน วิตฺถารภาโค, ตํ วิตฺถารนยนฺโตคธเมว กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทฺวิธา อาคต’’นฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘นาติติกฺขปฺสฺส ธาตุกมฺมฏฺานิกสฺส วเสน วิตฺถารโต อาคต’’นฺติ อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ‘‘มหาสติปฏฺาเน’’ติ จ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ, สติปฏฺาน(ที. นิ. ๒.๓๗๘ อาทโย; ม. นิ. ๓.๑๑๑ อาทโย) กายคตาสติสุตฺตาทีสุปิ (ม. นิ. ๓.๑๕๓ อาทโย) ตเถว อาคตตฺตา. ราหุโลวาเทติ มหาราหุโลวาเท (ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย). ธาตุวิภงฺเคติ ธาตุวิภงฺคสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย), อภิธมฺเม ธาตุวิภงฺเค (วิภ. ๑๗๒ อาทโย) จ.
กามํ มหาสติปฏฺาเน อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา เทสนา อาคตา, อุปมา จ นาม ยาวเทว อุปเมยฺยตฺถวิภาวนตฺถาติ อุปมํ ตาว ทสฺเสตฺวา อุปเมยฺยตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทินา ปาฬิ อานีตา. กสฺมา ปเนตฺถ ธาตุวเสน, ตตฺถปิ จตุมหาภูตวเสน กมฺมฏฺานนิทฺเทโส กโตติ? สตฺตสฺุตาสนฺทสฺสนตฺถํ, เอตฺถ ธาตุวเสน, ตตฺถาปิ โอฬาริกภาเวน สุปากฏตาย, เอกจฺจเวเนยฺยชนจริตานุกุลตาย จ มหาภูตวเสน กมฺมฏฺานนิทฺเทโส กโตติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปถวีธาตูติอาทีสุ ธาตุตฺโถ นาม สภาวตฺโถ, สภาวตฺโถ ¶ นาม สฺุตตฺโถ, สฺุตตฺโถ นาม นิสฺสตฺตตฺโถ. เอวํ สภาวสฺุตนิสฺสตฺตตฺเถน ปถวีเยว ธาตุ ปถวีธาตุ. อาโปธาตุอาทีสุปิ เอเสว นโย. ปถวีธาตูติ สหชรูปธมฺมานํ ปติฏฺา ธาตุ, ตถา อาโปธาตูติ อาพนฺธนธาตุ, เตโชธาตูติ ปริปาจนธาตุ, วาโยธาตูติ วิตฺถมฺภนธาตูติ เอวเมตฺถ สมาโส, ภาวตฺโถ จ เวทิตพฺโพ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรโต อาคมิสฺสติ.
เอวํ ติกฺขปฺสฺสาติอาทีสุ เอวนฺติ ยถาทสฺสิตํ ปาฬึ ปจฺจามสติ. นาติติกฺขปฺสฺส วิตฺถารเทสนาติ กตฺวา อาห ‘‘ติกฺขปฺสฺสา’’ติ. ยถา วตฺถยุคํ อรหตีติ วตฺถยุคิโก, เอวํ ธาตุกมฺมฏฺานํ อรหติ, ธาตุกมฺมฏฺานปโยชโนติ วา ธาตุกมฺมฏฺานิโก, ตสฺส ธาตุกมฺมฏฺานิกสฺส.
เฉโกติ ¶ ตํตํสมฺาย กุสโล, ยถาชาเต สูนสฺมึ นงฺคุฏฺขุรวิสาณาทิวนฺเต อฏฺิมํสาทิอวยวสมุทาเย อวิภตฺเต คาวีสมฺา, น วิภตฺเต, วิภตฺเต ปน อฏฺิมํสาทิอวยวสมฺาติ ชานนโก. โคฆาตโกติ ชีวิกตฺถาย คุนฺนํ ฆาตโก. อนฺเตวาสีติ กมฺมกรณวเสน ตสฺส สมีปวาสี ตสฺส ตนฺนิสฺสาย ชีวนโต. วินิวิชฺฌิตฺวาติ เอกสฺมึ าเน อฺํ วินิวิชฺฌิตฺวา. มหาปถานํ เวมชฺฌฏฺานสงฺขาเตติ จตุนฺนํ มหาปถานํ ตาย เอว วินิวิชฺฌนฏฺานสงฺขาเต. ยสฺมา เต จตฺตาโร มหาปถา จตูหิ ทิสาหิ อาคนฺตฺวา สโมหิตา วิย โหนฺติ, ตสฺมา ตํ านํ จตุมหาปถานํ, ตสฺมึ จตุมหาปเถ. วิลียนฺติ ภิชฺชนฺติ วิภชฺชนฺตีติ พีลา, ภาคา, ว-การสฺส พ-การํ, อิ-การสฺส จ อี-การํ กตฺวา. ตเมว หิ ภาคตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โกฏฺาสํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ิต-สทฺโท ‘‘ิโต วา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๒๘) วิย านสงฺขาตอิริยาปถสมงฺคิตาย, คตินิวตฺติอตฺถตาย วา า-สทฺทสฺส อฺตฺถ เปตฺวา คมนํ เสสอิริยาปถสมงฺคิตาย โพธโก, อิธ ปน ยถา ตถา รูปกายสฺส ปวตฺติอาการโพธโก อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘จตุนฺนํ อิริยาปถานํ เยน เกนจิ อากาเรน ิตตฺตา ยถาิต’’นฺติ ¶ . ตตฺถ อากาเรนาติ านาทินา รูปกายสฺส ปวตฺติอากาเรน. านาทโย หิ อิริยาสงฺขาตาย กายิกกิริยาย ปวตฺติฏฺานตาย ‘‘อิริยาปถา’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถาิตนฺติ ยถาปวตฺตํ. ยถาวุตฺตฏฺานเมเวตฺถ ปณิธานนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ยถาิตตฺตาว ยถาปณิหิต’’นฺติ. ิตนฺติ วา กายสฺส านสงฺขาตอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ. ปณิหิตนฺติ ตทฺอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ. ิตนฺติ วา กายสงฺขาตานํ รูปธมฺมานํ ตสฺมึ ตสฺมึ ขเณ สกิจฺจวเสน อวฏฺานปริทีปนํ. ปณิหิตนฺติ ปจฺจยกิจฺจวเสน เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ ปการโต นิหิตํ ปณิหิตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ธาตุโสติ ธาตุํ ธาตุํ ปถวีอาทิธาตุํ วิสุํ วิสุํ กตฺวา. ปจฺจเวกฺขตีติ ปติ ปติ อเวกฺขติ าณจกฺขุนา วินิพฺภุชิตฺวา ปสฺสติ.
ยถา เฉโกติอาทินา ปาฬิยา สทฺทตฺถวิวรณวเสน วุตฺตเมวตฺถํ อิทานิ ภาวตฺถวิภาวนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา โคฆาตกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โปเสนฺตสฺสาติ มํสูปจยปริพฺรูหนาย กุณฺฑกภตฺตกปฺปาสฏฺิอาทีหิ สํวฑฺเฒนฺตสฺส. วธิตํ มตนฺติ หึสิตํ หุตฺวา มตํ. มตนฺติ จ มตมตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตาวเทวา’’ติ. คาวีติ สฺา น อนฺตรธายติ ยานิ องฺคปจฺจงฺคานิ อุปาทาย คาวีสมฺา, มตมตฺตายปิ คาวิยา เตสํ สนฺนิเวสสฺส อวินฏฺตฺตา. พิลาโสติ พิลํ พิลํ กตฺวา. วิภชิตฺวาติ อฏฺิสงฺฆาตโต มํสํ วิเวเจตฺวา, ตโต วา วิเวจิตํ ¶ มํสํ ภาคโส กตฺวา. เตเนวาห ‘‘มํสสฺา ปวตฺตตี’’ติ. ปพฺพชิตสฺสปิ อปริคฺคหิตกมฺมฏฺานสฺส. ฆนวินิพฺโภคนฺติ สนฺตติสมูหกิจฺจฆนานํ วินิพฺภุชนํ วิเวจนํ. ธาตุโส ปจฺจเวกฺขโตติ ยถาวุตฺตํ ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา ธาตุโส ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส. สตฺตสฺาติ อตฺตานุทิฏฺิวเสน ปวตฺตา สตฺตสฺาติ วทนฺติ, โวหารวเสน ปวตฺตสตฺตสฺายปิ ตทา อนฺตรธานํ ยุตฺตเมว ยาถาวโต ฆนวินิพฺโภคสฺส สมฺปาทนโต. เอวํ หิ สติ ยถาวุตฺตโอปมฺมตฺเถน โอปเมยฺยตฺโถ อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติ. เตเนวาห ‘‘ธาตุวเสเนว จิตฺตํ สนฺติฏฺตี’’ติ.
๓๐๗. เอวํ ธาตุกมฺมฏฺานสฺส สงฺเขปโต อาคตฏฺานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตฺถารโต อาคตฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘มหาหตฺถิปทูปเม ปนา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. เอวนฺติ อิมินา ราหุโลวาท- (ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย) ธาตุวิภงฺเคสุ (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย; วิภ. ๑๗๒ อาทโย) ธาตุกมฺมฏฺานสฺส วิตฺถารโต อาคมนเมว อุปสํหรติ, น สพฺพํ เทสนานยํ อฺถาปิ ตตฺถ เทสนานยสฺส อาคตตฺตา.
ตตฺราติ ตสฺมึ ยถาทสฺสิเต มหาหตฺถิปทูปมปาเ. อชฺฌตฺติกาติ สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนา. อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตนฺติ ปททฺวเยนาปิ ตํตํปาฏิปุคฺคลิกธมฺโม วุจฺจตีติ อาห ‘‘อุภยมฺปิ นิยกสฺส อธิวจน’’นฺติ. สสนฺตติปริยาปนฺนตาย ปน อตฺตนิ คเหตพฺพภาวูปคมนวเสน อตฺตานํ อธิกิจฺจ ปวตฺตํ อชฺฌตฺตํ. ตํตํสนฺตติปริยาปนฺนตาย ปจฺจตฺตํ. เตเนวาห ‘‘อตฺตนิ ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺตํ, อตฺตานํ ปฏิจฺจ ปฏิจฺจ ปวตฺตตฺตา ปจฺจตฺต’’นฺติ. กกฺขฬนฺติ กถินํ. ยสฺมา ตํ ถทฺธภาเวน สหชาตานํ ปติฏฺา โหติ, ตสฺมา ‘‘ถทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. ขริคตนฺติ ขรีสุ ขรสภาเวสุ คตํ ตปฺปริยาปนฺนํ, ขรสภาวเมวาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ขรสภาวํ ผรุสากาเรน อุปฏฺานโต ผรุสาการํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ผรุส’’นฺติ. เตนาห ‘‘ทุติยํ อาการวจน’’นฺติ. อุปาทินฺนํ นาม สรีรฏฺกํ. ตํ ปน กมฺมสมุฏฺานตํ สนฺธาย อุปาทินฺนมฺปิ อตฺถิ อนุปาทินฺนมฺปิ, ตณฺหาทีหิ อาทินฺนคหิตปรามฏฺวเสน สพฺพมฺเปตํ อุปาทินฺนเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปาทินฺนนฺติ ทฬฺหํ อาทินฺน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘มม’’นฺติ คหิตํ ‘‘อห’’นฺติ ปรามฏฺนฺติ โยชนา. เสยฺยถิทนฺติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาวาจีติ อาห ‘‘ตํ กตมนฺติ เจติ อตฺโถ’’ติ. ตโตติ ปจฺฉา. ตนฺติ ตํ อชฺฌตฺติกาทิเภทโต ทสฺสิตํ ปถวีธาตุํ. ทสฺเสนฺโตติ วตฺถุวิภาเคน ทสฺเสนฺโต. กิฺจาปิ มตฺถลุงฺคํ อฏฺิมิฺเชเนว สงฺคเหตฺวา อิธ ปาฬิยํ วิสุํ น อุทฺธฏํ, ปฏิสมฺภิทามคฺเค ¶ (ปฏิ. ม. ๑.๔) ปน วีสติยา อากาเรหิ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทสฺเสตุํ วิสุํ คหิตนฺติ ตมฺปิ สงฺคณฺหนฺโต ถทฺธภาวาธิกตาย ปถวีธาตุโกฏฺาเสสุเยว ‘‘มตฺถลุงฺคํ ปกฺขิปิตฺวา วีสติยา อากาเรหิ ปถวีธาตุ นิทฺทิฏฺาติ เวทิตพฺพา’’ติ อาห. ‘‘ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจี’’ติ วา อิมินา ปาฬิยํ มตฺถลุงฺคสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อิธ ‘‘ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจี’’ติ อิทํ ปุพฺพาปราเปกฺขํ ‘‘มตฺถลุงฺคํ ปกฺขิปิตฺวา วีสติยา อากาเรหิ ปถวีธาตุ นิทฺทิฏฺาติ เวทิตพฺพา, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจี’’ติ วจนโต. ปุน ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจีติ อวเสเสสุ ตีสุ โกฏฺาเสสูติ ¶ โยเชตพฺพํ. ตีสุ โกฏฺาเสสูติ ติปฺปกาเรสุ โกฏฺาเสสุ. น หิ เต ตโย โกฏฺาสา.
วิสฺสนฺทนภาเวนาติ ปคฺฆรณสภาเวน. อปฺโปตีติ วิสรติ. ปปฺโปตีติ ปาปุณาติ, สสมฺภารอาปวเสน เจตํ วุตฺตํ. โส หิ วิสฺสนฺทนภาเวน สสมฺภารปถวีสงฺขาตํ ตํ ตํ านํ วิสรติ, ปาปุณาติ จ, ลกฺขณาปวเสเนว วา. โสปิ หิ สหชาตอฺมฺนิสฺสยาทิปจฺจยตาย เสสภูตตฺตยสงฺขาตํ ตํ ตํ านํ ทฺรวภาวสิทฺเธน วิสฺสนฺทนภาเวน อาพนฺธตฺตํ, อาสตฺตตฺตํ, อวิปฺปกิณฺณฺจ กโรนฺตํ ‘‘อปฺโปติ ปปฺโปตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ.
เตชนวเสนาติ นิสิตภาเวน ติกฺขภาเวน. วุตฺตนเยนาติ กมฺมสมุฏฺานาทิวเสน ‘‘นานาวิเธสู’’ติ อาโปธาตุยํ วุตฺตนเยน. กุปิเตนาติ ขุภิเตน. อุสุมชาโตติ อุสฺมาภิภูโต. ชีรตีติ ชิณฺโณ โหติ. เตโชธาตุวเสน ลพฺภมานา อิมสฺมึ กาเย ชราปวตฺติ ปากฏชราวเสน เวทิตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อินฺทฺริยเวกลฺลต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สรีเร ปกติอุสุมํ อติกฺกมิตฺวา อุณฺหภาโว สนฺตาโป, สรีรสฺส ทหนวเสน ปวตฺโต มหาทาโห ปริทาโหติ อยเมเตสํ วิเสโส. เยน ชีรียตีติ จ เอกาหิกาทิชรโรเคน ชรียตีติปิ อตฺโถ ยุชฺชติ. สตกฺขตฺตุํ ตาเปตฺวา ตาเปตฺวา สีตุทเก ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธฏา สปฺปิ ‘‘สตโธตสปฺปี’’ติ วทนฺติ. อสิตนฺติ ภุตฺตํ. ขายิตนฺติ ขาทิตํ. สายิตนฺติ อสฺสาทิตํ. สมฺมา ปริปากํ คจฺฉตีติ สมเวปากินิยา คหณิยา วเสน วุตฺตํ, อสมฺมาปริปาโกปิ ปน วิสมเวปากินิยา ตสฺสา เอว วเสน เวทิตพฺโพ. รสาทิภาเวนาติ รสรุธิรมํสเมทนฺหารุอฏฺิอฏฺิมิฺชสุกฺกวเสน. วิเวกนฺติ ปุถุภาวํ อฺมฺํ วิสทิสภาวํ. อสิตาทิเภทสฺส หิ อาหารสฺส ปริณาเม รโส โหติ, ตํ ปฏิจฺจ รสธาตุ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. เอวํ ‘‘รสสฺส ปริณาเม รุธิร’’นฺติอาทินา สพฺพํ เนตพฺพํ.
วายนวเสนาติ ¶ สมุทีรณวเสน, สเวคคมนวเสน วา. อุคฺคารหิกฺกาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อุทฺเทกขิปนาทิปวตฺตนกวาตานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ ¶ . อุจฺจารปสฺสาวาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปิตฺตเสมฺหลสิกาเกวลทุคฺคนฺธาทินีหรณกานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ยทิปิ กุจฺฉิ-สทฺโท อุทรปริยาโย, โกฏฺ-สทฺเทน ปน อนฺตนฺตรสฺส วุจฺจมานตฺตา ตทวสิฏฺโ อุทรปฺปเทโส อิธ กุจฺฉิ-สทฺเทน วุจฺจตีติ อาห ‘‘กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตา’’ติ. สมิฺชนปสารณาทีติ อาทิ-สทฺเทน อาโลกนวิโลกนอุทฺธรณาติหรณาทิกา สพฺพา กายิกกิริยา สงฺคหิตา. ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา จิตฺตสมุฏฺานาวา’’ติ เอเตน อสฺสาสปสฺสาสานํ สรีรํ มฺุจิตฺวา ปวตฺติ นตฺถีติ ทีเปติ. น หิ พหิทฺธา จิตฺตสมุฏฺานสฺส สมฺภโว อตฺถีติ. ยทิ เอวํ กถํ ‘‘ปสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสิกวาโต, ทีฆนาสิกสฺส นาสิกคฺคํ, อิตรสฺส อุตฺตโรฏฺํ ผุสนฺโต ปวตฺตตี’’ติ วจนํ? ตํ นิกฺขมนากาเรน ปวตฺติยา จิตฺตสมุฏฺานสฺส, สนฺตาเน ปวตฺตอุตุสมุฏฺานสฺส จ วเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺพตฺถาติ อาโปธาตุอาทีนํ ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ นิทฺเทสํ สนฺธายาห. ตตฺถ อาโปธาตุนิทฺเทเส ‘‘ยํ วา ปนฺ’’นฺติ อิมินา สมฺภวสฺส, เตโชธาตุนิทฺเทเส สรีเร ปากติกอุสฺมาย, วาโยธาตุนิทฺเทเส ธมนิชาลานุสฏสฺส ตตฺถ ตตฺถ จมฺมขีลปีฬกาทินิพฺพตฺตกวายุโน สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สมิฺชนาทินิพฺพตฺตกวาตา จิตฺตสมุฏฺานาว. ยทิ เอวํ, กถํ ‘‘ปุริมา ปฺจ จตุสมุฏฺานา’’ติ วจนํ? น หิ สมิฺชนาทินิพฺพตฺตกา เอว องฺคมงฺคานุสาริโน วาตา, อถ โข ตทฺเปีติ นตฺถิ วิโรโธ.
อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. เตนาห ‘‘วีสติยา อากาเรหี’’ติอาทิ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ วิตฺถารโต อาคเต ธาตุกมฺมฏฺาเนติ อตฺโถ. เตน อยํ วณฺณนา น เกวลํ มหาหตฺถิปทูปมสฺเสว (ม. นิ. ๑.๓๐๐ อาทโย), อถ โข มหาราหุโลวาท- (ม. นิ. ๒.๑๑๓ อาทโย) ธาตุวิภงฺคสุตฺตานมฺปิ (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย) อตฺถสํวณฺณนา โหติเยวาติ ทสฺสิตํ โหติ. ภาวนานเยปิ เอเสว นโย. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ราหุโลวาทธาตุวิภงฺเคสุปี’’ติ.
๓๐๘. ภาวนานเยติ ภาวนาย นเย. เยน กมฺมฏฺานภาวนา อิชฺฌติ, ตสฺมึ ภาวนาวิธิมฺหีติ อตฺโถ. เอตฺถาติ ธาตุกมฺมฏฺาเน. ยสฺมา เยสํ ‘‘ติกฺขปฺโ นาติติกฺขปฺโ’’ติ อิเมสํ ทุวิธานํ ปุคฺคลานํ วเสน อิทํ กมฺมฏฺานํ ทฺวิธา อาคตํ ทฺวิธา เทสิตํ, ตสฺมา กมฺมฏฺานาภินิเวโสปิ เตสํ ทฺวิธาว อิจฺฉิตพฺโพติ ตํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ติกฺขปฺสฺส ภิกฺขุโน’’ติอาทิ ¶ อารทฺธํ. โลมา ปถวีธาตูตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ ¶ . เอวํ วิตฺถารโต ธาตุปริคฺคโหติ ‘‘เกสา ปถวีธาตุ, โลมา ปถวีธาตู’’ติอาทินา เอวํ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ วิตฺถารโต ธาตุกมฺมฏฺานปริคฺคโห. ปปฺจโตติ ทนฺธโต สณิกโต. ยํ ถทฺธลกฺขณนฺติ เกสาทีสุ ยํ ถทฺธลกฺขณํ กกฺขฬภาโว. ยํ อาพนฺธนลกฺขณนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ มนสิ กโรโตติ วตฺถุํ อนามสิตฺวา เอวํ ลกฺขณมตฺตโต มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส. อสฺสาติ ติกฺขปฺสฺส. กมฺมฏฺานํ ปากฏํ โหตีติ โยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานภูตํ ตเทว ลกฺขณํ วิภูตํ โหติ, ตสฺส วา ลกฺขณสฺส สุฏฺุ อุปฏฺานโต ตํ อารพฺภ ปวตฺตมานํ มนสิการสงฺขาตํ กมฺมฏฺานํ วิภูตํ วิสทํ โหติ, ติกฺขปฺสฺส อินฺทฺริยปาฏเวน สํขิตฺตรุจิภาวโต. สพฺพโส มนฺทปฺสฺส ภาวนาว น อิชฺฌตีติ อาห ‘‘นาติติกฺขปฺสฺสา’’ติ. เอวํ มนสิ กโรโตติ วุตฺตนเยน สงฺเขปโต มนสิ กโรโต. อนฺธการํ อวิภูตํ โหตีติ อนุปฏฺานโต อนฺธํ วิย กโรนฺตํ อปากฏํ โหติ กมฺมฏฺานนฺติ โยชนา. ปุริมนเยนาติ ‘‘เกสา ปถวีธาตู’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน. วตฺถุอามสเนน วิตฺถารโต มนสิ กโรนฺตสฺส ปากฏํ โหติ กมฺมฏฺานํ, นาติติกฺขปฺสฺส อขิปฺปนิสนฺติตาย วิตฺถารรุจิภาวโต.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา ทฺวีสุ ภิกฺขูสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เปยฺยาลมุขนฺติ เปยฺยาลปาฬิยา มุขภูตํ ทฺวารภูตํ อาทิโต วารํ, วารทฺวยํ วา. วิตฺถาเรตฺวาติ อนวเสสโต สชฺฌายิตฺวา. อุภโตโกฏิวเสเนวาติ ตสฺส ตสฺส วารสฺส อาทิอนฺตคฺคหณวเสเนว. โอฏฺปริยาหตมตฺตนฺติ โอฏฺานํ สมฺผุสนมตฺตํ. ยถา คนฺถปริวตฺตเน ติกฺขปฺสฺส ภิกฺขุโน สงฺเขโป รุจฺจติ, น วิตฺถาโร. อิตรสฺส จ วิตฺถาโร รุจฺจติ, น สงฺเขโป, เอวํ ภาวนานเยปีติ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ.
ตสฺมาติ ยสฺมา ติกฺขปฺสฺส สงฺเขโป, นาติติกฺขปฺสฺส จ วิตฺถาโร สปฺปาโย, ตสฺมา. ยสฺมา กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตุกามสฺส สีลวิโสธนาทิปุพฺพกิจฺจํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตํ สพฺพาการสมฺปนฺนํ เหฏฺา วุตฺตเมวาติ อิธ น อามฏฺํ. ยสฺมา ปน วิเวกฏฺกายสฺส, วิเวกฏฺจิตฺตสฺเสว จ ภาวนา อิชฺฌติ ¶ , น อิตรสฺส, ตสฺมา ตทุภยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนนา’’ติ อาห. ตตฺถ รโหคเตนาติ รหสิ คเตน, เอกากินา ภาวนานุกูลฏฺานํ อุปคเตนาติ อตฺโถ. ปฏิสลฺลีเนนาติ ปติ ปติ ปุถุตฺตารมฺมณโต จิตฺตํ นิเสเธตฺวา กมฺมฏฺาเน สลฺลีเนน, ตตฺถ สํสิลิฏฺจิตฺเตนาติ อตฺโถ. สกลมฺปิ อตฺตโน รูปกายํ อาวชฺเชตฺวาติ อุทฺธํ ปาทตลา, อโธ เกสมตฺถกา, ติริยํ ตจปริยนฺตํ สพฺพมฺปิ ¶ อตฺตโน กรชกายํ ธาตุวเสน มนสิ กโรนฺโต ยสฺมา จาตุมหาภูติโก อยํ กาโย, ตสฺมา ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’’ติ จตุมหาภูตวเสน สมนฺนาหริตฺวาติ อตฺโถ. อิทานิ ตาสํ ธาตูนํ ลกฺขณโต, อุปฏฺานาการโต จ มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘โย อิมสฺมึ กาเย’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ถทฺธภาโวติ ลกฺขณมาห. ถทฺธตฺตลกฺขณา หิ ปถวีธาตุ. ขรภาโวติ อุปฏฺานาการํ, าเณน คเหตพฺพาการนฺติ อตฺโถ. ทฺรวภาโว ลกฺขณํ อาโปธาตุยา ปคฺฆรณสภาวตฺตา. อาพนฺธนํ อุปฏฺานากาโร. อุณฺหภาโว ลกฺขณํ เตโชธาตุยา อุสฺมาสภาวตฺตา. ปริปาจนํ อุปฏฺานากาโร. วิตฺถมฺภนํ ลกฺขณํ วาโยธาตุยา อุปตฺถมฺภนสภาวตฺตา. สมุทีรณํ อุปฏฺานากาโร, อุปฏฺานากาโร จ นาม ธาตูนํ สกิจฺจกรณวเสน าณสฺส วิภูตากาโร. กสฺมา ปเนตฺถ อุภยคฺคหณํ? ปุคฺคลชฺฌาสยโต. เอกจฺจสฺส หิ ธาตุโย มนสิ กโรนฺตสฺส ตา สภาวโต คเหตพฺพตํ คจฺฉนฺติ, เอกจฺจสฺส สกิจฺจกรณโต, โย รโสติ วุจฺจติ. ตตฺรายํ โยคี ธาตุโย มนสิ กโรนฺโต อาทิโต ปจฺเจกํ สลกฺขณโต, สรสโตปิ ปริคฺคณฺหาติ. เตนาห ‘‘โย อิมสฺมึ กาเย ถทฺธภาโว วา ขรภาโว วา…เป… เอวํ สํขิตฺเตน ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา’’ติ. ตตฺถ ปริคฺคเหตฺวาติ ปริคฺคาหกภูเตน าเณน ธาตุโย ลกฺขณโต, รสโต วา ปริจฺฉิชฺช คเหตฺวา. อยํ ตาว สํขิตฺตโต ภาวนานเย กมฺมฏฺานาภินิเวโส.
เอวํ ปน ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ ถทฺธภาโว วา ขรภาโว วา, อาโปธาตุ ทฺรวภาโว วา อาพนฺธนภาโว วา, เตโชธาตุ อุณฺหภาโว วา ปริปาจนภาโว วา, วาโยธาตุ วิตฺถมฺภนภาโว ¶ วา สมุทีรณภาโว วา’’ติ เอวํ ลกฺขณาทีหิ สทฺธึเยว ธาตุโย มนสิ กโรนฺเตน กาลสตมฺปิ กาลสหสฺสมฺปิ ปุนปฺปุนํ อาวชฺชิตพฺพํ มนสิ กาตพฺพํ, ตกฺกาหตํ วิตกฺกปริยาหตํ กาตพฺพํ. ตสฺเสวํ มนสิ กโรโต ยํ ลกฺขณาทีสุ สุปากฏํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ตเทว คเหตฺวา อิตรํ วิสฺสชฺเชตฺวา เตน สทฺธึ ‘‘ปถวีธาตุ อาโปธาตู’’ติอาทินา มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ. เอวํ มนสิ กโรนฺเตน หิ อนุปุพฺพโต, นาติสีฆโต, นาติสณิกโต, วิกฺเขปปฏิพาหนโต, ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโต, อนุปฏฺานมฺุจนโต, ลกฺขณโต, ตโย จ สุตฺตนฺตาติ อิเมหิ ทสหากาเรหิ มนสิการโกสลฺลํ อนุฏฺาตพฺพํ.
ตตฺถ อนุปุพฺพโตติ อนุปฏิปาฏิโต อาจริยสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตปฏิปาฏิโต, สา จ เทสนาปฏิปาฏิเยว ¶ . เอวํ อนุปุพฺพโต มนสิ กโรนฺเตนาปิ นาติสีฆโต มนสิ กาตพฺพํ. อติสีฆโต มนสิ กโรโต หิ อปราปรํ กมฺมฏฺานมนสิกาโร นิรนฺตรํ ปวตฺตติ, กมฺมฏฺานํ ปน อวิภูตํ โหติ, น วิเสสํ อาวหติ. ตสฺมา นาติสีฆโต มนสิ กาตพฺพํ. ยถา จ นาติสีฆโต, เอวํ นาติสณิกโตปิ. อติสณิกโต มนสิ กโรโต หิ กมฺมฏฺานํ ปริโยสานํ น คจฺฉติ, วิเสสาธิคมสฺส ปจฺจโย น โหติ. อติสีฆํ อติสณิกฺจ มคฺคํ คจฺฉนฺตา ปุริสา เอตฺถ นิทสฺเสตพฺพา. วิกฺเขปปฏิพาหนโตติ กมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมเณ เจตโส วิกฺเขโป ปฏิพาหิตพฺโพ. พหิทฺธา วิกฺเขเป หิ สติ กมฺมฏฺานา ปริหายติ ปริธํสติ. เอกปทิกมคฺคคามี ปุริโส เจตฺถ นิทสฺเสตพฺโพ. ปณฺณตฺติสมติกฺกมนโตติ ‘‘ยา อยํ ปถวีธาตู’’ติอาทิกา ปณฺณตฺติ, ตํ อติกฺกมิตฺวา ลกฺขเณสุ เอว จิตฺตํ เปตพฺพํ.
เอวํ ปณฺณตฺตึ วิชหิตฺวา กกฺขฬลกฺขณาทีสุ เอว มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส ลกฺขณานิ สุปากฏานิ สุวิภูตานิ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. ตสฺเสวํ ปุนปฺปุนํ มนสิการวเสน จิตฺตํ อาเสวนํ ลภติ. สพฺโพ รูปกาโย ธาตุมตฺตโต อุปฏฺาติ สฺุโ นิสฺสตฺโต นิชฺชีโว ยนฺตํ วิย ยนฺตสุตฺเตน อปราปรํ ปริวตฺตมาโน. สเจ ปน พหิทฺธาปิ มนสิการํ อุปสํหรติ, อถสฺส อาหิณฺฑนฺตา มนุสฺสติรจฺฉานาทโย สตฺตาการํ วิชหิตฺวา ¶ ธาตุสมูหวเสเนว อุปฏฺหนฺติ, เตหิ กริยมานา กิริยา ธาตุมเยน ยนฺเตน ปวตฺติยมานา หุตฺวา อุปฏฺาติ, เตหิ อชฺโฌหริยมานํ ปานโภชนาทิ ธาตุสงฺฆาเต ปกฺขิปฺปมาโน ธาตุสงฺฆาโต วิย อุปฏฺาติ. อถสฺส ตถา ลทฺธาเสวนมฺปิ จิตฺตํ ยทิ อจฺจารทฺธวีริยตาย อุทฺธจฺจวเสน วา อติลีนวีริยตาย โกสชฺชวเสน วา ภาวนาวิธึ น โอตเรยฺย, ตทา อธิจิตฺตสุตฺตํ (อ. นิ. ๓.๑๐๓), อนุตฺตรสีติภาวสุตฺตํ (อ. นิ. ๖.๘๕), โพชฺฌงฺคสุตฺตนฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๙๔-๑๙๕) อิเมสุ ตีสุ สุตฺเตสุ อาคตนเยน วีริยสมาธิโยชนา กาตพฺพา. เตน วุตฺตํ ‘‘ตโย จ สุตฺตนฺตา’’ติ. เอวํ ปน วีริยสมตํ โยเชตฺวา ตสฺมึเยว ลกฺขเณ มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส ยทา สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ลทฺธสมตานิ สุวิสทานิ ปวตฺตนฺติ, ตทา อสทฺธิยาทีนํ ทูรีภาเวน สาติสยํ ถามปฺปตฺเตหิ สตฺตหิ พเลหิ ลทฺธูปตฺถมฺภานิ วิตกฺกาทีนิ ฌานงฺคานิ ปฏุตรานิ หุตฺวา ปาตุภวนฺติ, เตสํ อุชุวิปจฺจนีกตาย นีวรณานิ วิกฺขมฺภิตานิเยว โหนฺติ สทฺธึ ตเทกฏฺเหิ ปาปธมฺเมหิ. เอตฺตาวตา จาเนน อุปจารชฺฌานํ สมธิคตํ โหติ ธาตุลกฺขณารมฺมณํ ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ ปถวีธาตุ อาโปธาตูติ…เป… อุปจารมตฺโต สมาธิ อุปฺปชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ ธาตุมตฺตโตติ วิเสสนิวตฺติอตฺโถ มตฺต-สทฺโท. เตน ยํ อิโต พาหิรกา, โลกิยมหาชโน จ ‘‘สตฺโต ชีโว’’ติอาทิกํ วิเสสํ อิมสฺมึ อตฺตภาเว อวิชฺชมานํ วิกปฺปนามตฺเตเนว สมาโรเปนฺติ, ตํ นิวตฺเตติ. เตเนวาห ‘‘นิสฺสตฺตโต นิชฺชีวโต’’ติ. อาวชฺชิตพฺพนฺติ สมนฺนาหริตพฺพํ. มนสิ กาตพฺพนฺติ ปุนปฺปุนํ ภาวนาวเสน ธาตุมตฺตโต ธาตุลกฺขณํ มนสิ เปตพฺพํ. ปจฺจเวกฺขิตพฺพนฺติ ตเทว ธาตุลกฺขณํ ปติ ปติ อเวกฺขิตพฺพํ, ภาวนาสิทฺเธน าณจกฺขุนา อปราปรํ ปจฺจกฺขโต ปสฺสิตพฺพํ.
ตสฺเสวํ วายมมานสฺสาติ ตสฺส โยคิโน เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน ภาวนํ อนุยฺุชนฺตสฺส, ตตฺถ จ ภาวนาอนุโยเค สกฺกจฺจการิตาย, สาตจฺจการิตาย, สปฺปายเสวิตาย, สมถนิมิตฺตสลฺลกฺขเณน, โพชฺฌงฺคานํ อนุปวตฺตเนน, กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขวุตฺติตาย, อนฺตรา สงฺโกจํ อนาปชฺชนฺเตน ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อุสฺโสฬฺหิยํ อวฏฺาเนน ¶ สมฺมเทว วายามํ ปโยคํ ปรกฺกมํ ปวตฺเตนฺตสฺส. ธาตุปฺปเภทาวภาสนปฺาปริคฺคหิโตติ ปถวีอาทีนํ ธาตูนํ สภาวลกฺขณาวภาสเนน อวภาสนกิจฺจาย ภาวนาปฺาย อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ อวิชหเนน สพฺพโต คหิโต มหคฺคตภาวํ อปฺปตฺตตาย อุปจารมตฺโต สิขาปฺปตฺโต กามาวจรสมาธิ อุปฺปชฺชติ. อุปจารสมาธีติ จ รุฬฺหีวเสน เวทิตพฺพํ. อปฺปนํ หิ อุเปจฺจ จารี สมาธิ อุปจารสมาธิ, อปฺปนา เจตฺถ นตฺถิ. ตาทิสสฺส ปน สมาธิสฺส สมานลกฺขณตาย เอวํ วุตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ อปฺปนา น โหตีติ? ตตฺถ การณมาห ‘‘สภาวธมฺมารมฺมณตฺตา’’ติ. สภาวธมฺเม หิ ตสฺส คมฺภีรภาวโต อสติ ภาวนาวิเสเส อปฺปนาฌานํ น อุปฺปชฺชติ, โลกุตฺตรํ ปน ฌานํ วิสุทฺธิภาวนานุกฺกมวเสน, อารุปฺปํ อารมฺมณาติกฺกมภาวนาวเสน อปฺปนาปฺปตฺตํ โหตีติ มรณานุสฺสตินิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๗) วุตฺโตวายมตฺโถ.
เอวํ รูปกาเย อวิเสเสน จตุนฺนํ ธาตูนํ ปริคฺคณฺหนวเสน ธาตุกมฺมฏฺานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ อฏฺิอาทีนํ วินิพฺภุชนวเสน สงฺเขปโต สุตฺเต อาคตํ ธาตุมนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ เย อิเม จตฺตาโร โกฏฺาสา วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ยถาปจฺจยํ ิตา สนฺนิเวสวิสิฏฺา กฏฺวลฺลิติณมตฺติกาโย อุปาทาย ยถา อคารสมฺา, น ตตฺถ ¶ โกจิ อคาโร นาม อตฺถิ, เอวํ ยถาปจฺจยํ สนฺนิเวสวิสิฏฺานิ ปวตฺตมานานิ อฏฺินฺหารุมํสจมฺมานิ ปฏิจฺจ สรีรสมฺา, น เอตฺถ โกจิ อตฺตา ชีโว. เกวลํ เตหิ ปริวาริตมากาสมตฺตนฺติ ทสฺเสติ. เทสนา สตฺตสฺุตาสนฺทสฺสนปราติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘นิสฺสตฺตภาวทสฺสนตฺถ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อฏฺิฺจ ปฏิจฺจาติ ปณฺหิกฏฺิกาทิเภทํ ปฏิปาฏิยา อุสฺสิตํ หุตฺวา ิตํ อติเรกติสตเภทํ อฏฺึ อุปาทาย. นฺหารฺุจาติ ตเมว อฏฺิสงฺฆาฏํ อาพนฺธิตฺวา ิตํ นวสตปฺปเภทํ นฺหารุํ. มํสนฺติ ตเมว อฏฺิสงฺฆาฏํ อนุลิมฺปิตฺวา ิตํ นวเปสิสตปฺปเภทํ มํสํ. จมฺมนฺติ มจฺฉิกปตฺตกจฺฉายาย ฉวิยา สฺฉาทิตํ สกลสรีรํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ พหลจมฺมํ ปฏิจฺจ อุปาทาย. สพฺพตฺถ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. อากาโส ปริวาริโตติ ยถา ภิตฺติปาทาทิวเสน ปิตํ กฏฺํ, ตสฺเสว อาพนฺธนวลฺลิ, อนุเลปนมตฺติกา, ฉาทนติณนฺติ เอตานิ กฏฺาทีนิ อนฺโต, พหิ จ ปริวาเรตฺวา ิโต อากาโส ¶ อคารนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, เคหนฺติ ปณฺณตฺตึ ลภติ, เอวเมว ยถาวุตฺตานิ อฏฺิอาทีนิ อนฺโต, พหิ จ ปริวาเรตฺวา ิโต อากาโส ตาเนว อฏฺิอาทีนิ อุปาทาย รูปนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, สรีรนฺติ โวหารํ ลภติ. ยถา จ กฏฺาทีนิ ปฏิจฺจ สงฺขํ คตํ อคารํ โลเก ‘‘ขตฺติยเคหํ, พฺราหฺมณเคห’’นฺติ วุจฺจติ, เอวมิทมฺปิ ‘‘ขตฺติยสรีรํ พฺราหฺมณสรีร’’นฺติ โวหรียติ, นตฺเถตฺถ โกจิ สตฺโต วา ชีโว วาติ อธิปฺปาโย.
เตติ เต จตฺตาโร โกฏฺาเส วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวาติ โยชนา. ตํตํอนฺตรานุสารินาติ อฏฺินฺหารูนํ นฺหารุมํสานํ มํสจมฺมานนฺติ เตสํ เตสํ โกฏฺาสานํ วิวรานุปาตินา าณสงฺขาเตน หตฺเถน. วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวาติ อเนกกฺขตฺตุํ วินิเวเตฺวา. อถ วา วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวาติ ปจฺเจกํ อฏฺิอาทีนํ อนฺตรานุสารินา าณหตฺเถน วินิพฺโภคํ กตฺวา. เอเตสูติ สกลมฺปิ อตฺตโน รูปกายํ จตุธา กตฺวา วิภตฺเตสุ ยถาวุตฺเตสุ อฏฺิอาทีสุ จตูสุ โกฏฺาเสสุ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘โย อิมสฺมึ กาเย ถทฺธภาโว วา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ ภาวนาวิธานํ, ตํ อนนฺตรนเย วุตฺตากาเรเนว วตฺตพฺพํ.
๓๐๙. วิตฺถารโต อาคเต ปน ‘‘จตุธาตุววตฺถาเน’’ติ อาเนตฺวา โยชนา. เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน เวทิตพฺโพ ภาวนานโย. ‘‘ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ ธาตุโย อุคฺคณฺหิตฺวา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อาทิโต ทฺวตฺตึสาการา ธาตุโย น โหนฺตีติ? วตฺถุสีเสน ธาตูนํเยว อุคฺคเหตพฺพตฺตา ¶ นายํ โทโส. วุตฺตปฺปกาเรติ ‘‘โคจรคามโต นาติทูรนาจฺจาสนฺนตาทีหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคเต’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๕๓) วุตฺตปฺปกาเร. กตสพฺพกิจฺเจนาติ ปลิโพธุปจฺเฉทาทิกํ กตํ สพฺพกิจฺจํ เอเตนาติ กตสพฺพกิจฺโจ, เตนสฺส สีลวิโสธนาทิ ปน กมฺมฏฺานุคฺคหณโต ปเคว สิทฺธํ โหตีติ ทสฺเสติ. สสมฺภารสงฺเขปโตติ สมฺภรียนฺติ เอเตน พุทฺธิโวหาราติ สมฺภาโร, ตนฺนิมิตฺตํ. กึ ปเนตํ? ปถวีอาทิ. เกสาทีสุ หิ วีสติยา อากาเรสุ ‘‘ปถวี’’ติ พุทฺธิโวหารา ปถวีนิมิตฺตกา ถทฺธตํ อุปาทาย ปวตฺตนโต. ตสฺมา ¶ ตตฺถ ปถวีสมฺภาโร นาม สวิเสสาย ตสฺสา อตฺถิตาย เกสาทโย สห สมฺภาเรหีติ สสมฺภารา. อาโปโกฏฺาสาทีสุปิ เอเสว นโย. สสมฺภารานํ สงฺเขโป สสมฺภารสงฺเขโป, ตโต สสมฺภารสงฺเขปโต ภาเวตพฺพนฺติ โยชนา. สงฺเขปโต วีสติยา, ทฺวาทสสุ, จตูสุ, ฉสุ จ โกฏฺาเสสุ ยถากฺกมํ ปถวีอาทิกา จตสฺโส ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ธาตุววตฺถานํ สสมฺภารสงฺเขปโต ภาวนา. เตนาห ‘‘อิธ ภิกฺขุ วีสติยา โกฏฺาเสสู’’ติอาทิ.
สสมฺภารวิภตฺติโตติ สสมฺภารานํ เกสาทีนํ วิภาคโต เกสาทิเก วีสติ โกฏฺาเส ปุพฺเพ วิย เอกชฺฌํ อคฺคเหตฺวา วิภาคโต ปถวีธาตุภาเวน ววตฺถาปนํ. อาโปโกฏฺาสาทีสุปิ เอเสว นโย. สลกฺขณสงฺเขปโตติ ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณํ, ธมฺมานํ สภาโว, อิธ ปน ถทฺธตาทิ. ตสฺมา ถทฺธลกฺขณาทิวนฺตตาย สห ลกฺขเณหีติ สลกฺขณา, เกสาทโย ทฺวาจตฺตาลีส อาการา. เตสํ สงฺเขปโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เกสาทิเก วีสติ โกฏฺาเส เอกชฺฌํ คเหตฺวา ตตฺถ ถทฺธตาทิกํ จตุพฺพิธมฺปิ ลกฺขณํ ววตฺถเปตฺวา ภาวนา สลกฺขณสงฺเขปโต ภาวนา. เอส นโย อาโปโกฏฺาสาทีสุปิ. สลกฺขณวิภตฺติโตติ ถทฺธลกฺขณาทินา สลกฺขณานํ เกสาทีนํ วิภาคโต เกสาทีสุ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรสุ ปจฺเจกํ ถทฺธตาทีนํ จตุนฺนํ จตุนฺนํ ลกฺขณานํ ววตฺถาปนวเสน ภาวนา.
เอวํ จตูหิ อากาเรหิ อุทฺทิฏฺํ ภาวนานยํ นิทฺทิสิตุํ ‘‘กถํ สสมฺภารสงฺเขปโต ภาเวตี’’ติอาทิ อารทฺธํ. เอตฺถ จ ยถา ติกฺขปฺโ ปุคฺคโล ติกฺขตาย ปโรปริยตฺตสพฺภาวโต ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยตาวเสน ทุวิโธติ. ตตฺถ ติกฺขินฺทฺริยสฺส วเสน สงฺเขปโต ปมนโย วุตฺโต, มุทินฺทฺริยสฺส วเสน ทุติโย. เอวํ นาติติกฺขปฺโปิ ปุคฺคโลติ. ตตฺถ โย วิสทินฺทฺริโย ปุคฺคโล, ตสฺส วเสน สสมฺภารสงฺเขปโต, สลกฺขณสงฺเขปโต จ ภาวนานโย นิทฺทิฏฺโ. โย ปน นาติวิสทินฺทฺริโย, ตสฺส วเสน สสมฺภารวิภตฺติโต, สลกฺขณวิภตฺติโต จ ภาวนานโย นิทฺทิฏฺโติ ¶ เวทิตพฺโพ. ตสฺส เอวํ ววตฺถาปยโต เอว ธาตุโย ปากฏา โหนฺติ สวิเสสํ ธาตูนํ ปริคฺคหิตตฺตา. ภาวนาวิธานํ ปเนตฺถ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๓๑๐. ยสฺสาติ ¶ นาติวิสทินฺทฺริยํ ปุคฺคลํ สนฺธาย วทติ. เอวํ ภาวยโตติ สสมฺภารสงฺเขปโต ภาเวนฺตสฺส. เยน วิธินา อุคฺคเหตฺวา กุสโล โหติ, โส สตฺตวิโธ วิธิ ‘‘อุคฺคหโกสลฺล’’นฺติ วุจฺจติ, ตนฺนิพฺพตฺตํ วา าณํ. เอวํ มนสิการโกสลฺลมฺปิ เวทิตพฺพํ. ทฺวตฺตึสากาเรติ ธาตุมนสิการวเสน ปริคฺคหิเต เกสาทิเก ทฺวตฺตึสวิเธ โกฏฺาเส. ‘‘ทฺวตฺตึสากาเร’’ติ จ อิทํ เตชวายุโกฏฺาเสสุ วณฺณาทิวเสน ววตฺถานสฺส อภาวโต วุตฺตํ. สพฺพํ ตตฺถ วุตฺตวิธานํ กาตพฺพนฺติ ‘‘วจสา มนสา’’ติอาทินา วุตฺตอุคฺคหโกสลฺลุทฺเทสโต ปฏฺาย ยาว ‘‘อนุปุพฺพมฺุจนาทิวเสนา’’ติ ปทํ, ตาว อาคตํ สพฺพํ ภาวนาวิธานํ กาตพฺพํ สมฺปาเทตพฺพํ. วณฺณาทิวเสนาติ วณฺณสณฺานทิโสกาสปริจฺเฉทวเสน. อยฺจ วณฺณาทิวเสน มนสิกาโร ธาตุปฏิกฺกูลวณฺณมนสิการานํ สาธารโณ ปุพฺพภาโคติ นิพฺพตฺติตธาตุมนสิการเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อวสาเน เอวํ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ.
๓๑๑. อฺมฺํ อาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาติ เอเต ‘‘สีสกฏาหปลิเวนจมฺมํ เกสา’’ติ เอวํ โวหริยมานา ภูตุปาทายธมฺมา ‘‘มยิ เกสา ชาตา, มยเมตฺถ ชาตา’’ติ เอวํ อฺมฺํ อาโภคปจฺจเวกฺขณสฺุา. อิมินา การณสฺส จ ผลสฺส จ อพฺยาปารตาย ธาตุมตฺตตํ สนฺทสฺเสติ, เตน จ อาโภคปจฺจเวกฺขณานมฺปิ เอวเมว อพฺยาปารตา ทีปิตาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ตานิ, เตสํ การณานิ จ ตถา ตถา อาภุชิตฺวา, ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ อุปฺปชฺชนฺติ, ปจฺจยภาวํ วา คจฺฉนฺตีติ. อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. อเจตโนติ น เจตโน, เจตนารหิโต วา. อพฺยากโตติ อพฺยากตราสิปริยาปนฺโน. สฺุโติ อตฺตสฺุโ. ตโต เอว นิสฺสตฺโต. ถทฺธลกฺขณาธิกตาย ถทฺโธ. ตโต เอว ปถวีธาตูติ เอวํ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. เอวํ สพฺพตฺถ.
๓๑๒. สฺุคามฏฺาเนติ เอตฺถ สฺุคามคฺคหณํ ปรมตฺถโต เวทกวิรหทสฺสนตฺถํ กายสฺส.
๓๑๔. เคหถมฺภานํ ¶ ¶ อาธารภาเวน ปิตสิลาโย ปาสาณอุทุกฺขลกานีติ อธิปฺเปตานิ.
๓๑๕. ทุคฺคนฺธาทิภาเว จสฺส สทิสภาวทสฺสนตฺถํ อลฺลโคจมฺมคฺคหณํ.
๓๑๖. เยภุยฺเยน มํสเปสีนํ พหลตาย มหามตฺติกคฺคหณํ.
๓๑๗. กุฏฺฏทารูสูติ ทารุกุฏฺฏิกาย กุฏิยา ภิตฺติปาทภูเตสุ กฏฺเสุ.
๓๑๘. ปณฺหิกฏฺิอาทีนํ อาธารภาโว วิย โคปฺผกฏฺิอาทีนํ อาเธยฺยภาโวปิ อสมนฺนาหารสิทฺโธติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปณฺหิกฏฺิโคปฺผกฏฺึ อุกฺขิปิตฺวา ิต’’นฺติอาทึ วตฺวา ปุน ‘‘สีสฏฺิคีวฏฺิเก ปติฏฺิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๓๑๙. สินฺนเวตฺตคฺคาทีสูติ เสทิตเวตฺตกฬีราทีสุ.
๓๒๑. อุรฏฺิสงฺฆาโฏ ปฺชรสทิสตาย ‘‘อุรฏฺิปฺชร’’นฺติ วุตฺโต. ตสฺส อถิรภาวทสฺสนตฺถํ ชิณฺณสนฺทมานิกปฺชรํ นิทสฺสนภาเวน คหิตํ.
๓๒๒. ยมกมํสปิณฺเฑติ มํสปิณฺฑยุคเฬ.
๓๒๓. กิโลมกสฺส เสตวณฺณตาย ‘‘ปิโลติกปลิเวิเต’’ติ ปิโลติกํ นิทสฺสนภาเวน วุตฺตํ. เอวเมว น วกฺกหทยานิ สกลสรีเร จ มํสํ ชานาตีติ เอตฺถ น วกฺกหทยานิ ชานนฺติ ‘‘มยํ ปฏิจฺฉนฺนกิโลมเกน ปฏิจฺฉนฺนานี’’ติ, น สกลสรีเร จ มํสํ ชานาติ ‘‘อหํ ปฏิจฺฉนฺนกิโลมเกน ปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ โยเชตพฺพํ.
๓๒๔. โกฏฺมตฺถกปสฺสนฺติ กุสูลสฺส อพฺภนฺตเร มตฺถกปสฺสํ.
๓๒๕. ทฺวินฺนํ ถนานมนฺตเรติ ทฺวินฺนํ ถนปฺปเทสานํ เวมชฺเฌ, ถนปฺปเทโส จ อพฺภนฺตรวเสน เวทิตพฺโพ.
๓๒๗. เอกวีสติอนฺตโภเคติ ¶ เอกวีสติยา าเนสุ โอภคฺโคภคฺเค อนฺตมณฺฑเล.
๓๒๘. อามาสเย ¶ ิโต ปริภุตฺตาหาโร อุทริยนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อุทริยํ อุทเร ิตํ อสิตปีตขายิตสายิต’’นฺติ.
๓๓๑. อพทฺธปิตฺตํ สํสรณโลหิตํ วิย, กายุสฺมา วิย จ กมฺมชรูปปฏิพทฺธวุตฺติกนฺติ อาห ‘‘อาพทฺธปิตฺตํ ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธํ สกลสรีรํ พฺยาเปตฺวา ิต’’นฺติ. ปฏิพทฺธตาวจเนน จสฺส ชีวิตินฺทฺริเย สติ สพฺภาวเมว ทีเปติ, น ชีวิตินฺทฺริยสฺส วิย เอกนฺตกมฺมชตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปิตฺตโกสเกติ มหาโกสาฏกีโกสสทิเส ปิตฺตาธาเร. ยูสภูโตติ รสภูโต.
๓๓๒. อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฏฺานํ จนฺทนิกา, ตสฺสํ จนฺทนิกายํ.
๓๓๓. ปุพฺพาสโย มนฺทปฺานํ เกสฺจิเทว โหตีติ กตฺวา อสพฺพสาธารณนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปุพฺโพ อนิพทฺโธกาโส’’ติ.
๓๓๔. ปิตฺตํ วิยาติ อพทฺธปิตฺตํ วิย. สกลสรีรนฺติ ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธํ สพฺพํ สรีรปฺปเทสํ. วกฺกหทยยกนปปฺผาสานิ เตเมนฺตนฺติ เอตฺถ ยกนํ เหฏฺาภาคปูรเณน, อิตรานิ เตสํ อุปริ โถกํ โถกํ ปคฺฆรเณน จ เตเมตีติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺา เลฑฺฑุขณฺฑาทีนิ เตมยมาเนติ เตมกเตมิตพฺพานํ อพฺยาปารตาสามฺนิทสฺสนตฺถํ เอว อุปมา ทฏฺพฺพา, น านสามฺนิทสฺสนตฺถํ. สนฺนิจิตโลหิเตน หิ เตเมตพฺพานํ เกสฺจิ เหฏฺา, กสฺสจิ อุปริ ิตตา กายคตาสตินิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐๖) ทสฺสิตาติ. ยกนสฺส เหฏฺาภาคฏฺานํ ‘‘มยิ โลหิตํ ิต’’นฺติ น ชานาติ, วกฺกาทีนิ ‘‘อมฺเห เตมยมานํ โลหิตํ ิต’’นฺติ น ชานนฺตีติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
๓๓๖. ปตฺถินฺนสิเนโหติ ถินภาวํ ฆนภาวํ คตสิเนโห. สกลสรีเร มํสนฺติ โยชนา, ตฺจ ถูลสรีรํ สนฺธาย วุตฺตํ. เมทสฺส สติปิ ปตฺถินฺนตาย ฆนภาเว มํสสฺส วิย น พทฺธตาติ วุตฺตํ ‘‘ปตฺถินฺนยูโส’’ติ. เตเนวสฺส อาโปโกฏฺาสตา.
๓๓๗. อุทกปุณฺเณสุ ¶ ¶ ตรุณตาลฏฺิกูปเกสูติ นาติปริณตานํ สชลกานํ อคฺคโต ฉินฺนานํ ตาลสลาฏุกานํ วิวรานิ สนฺธาย วุตฺตํ.
๓๓๘. วสาย อตฺตโน อาธาเร อภิพฺยาปนมุเขน อพฺยาปารตาสามฺํ วิภาเวตพฺพนฺติ อาจามคตเตลํ นิทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๓๓๙. เขฬุปฺปตฺติปจฺจเย อมฺพิลคฺคมธุรคฺคาทิเก.
๓๔๓. เกสาทีสุ มนสิการํ ปวตฺเตตฺวา เตโชโกฏฺาเสสุ ปวตฺเตตพฺโพ มนสิกาโรติ วิภตฺตึ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. เยน สนฺตปฺปตีติ เยน กาโย สนฺตปฺปติ, อยํ สนฺตปฺปนกิจฺโจ. เตโชติ ตสฺส ปริคฺคณฺหนากาโร เอว ปจฺจามฏฺโ. เยน ชีรียตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
๓๔๔. อสฺสาสปสฺสาสวเสนาติ อนฺโตปวิสนพหินิกฺขมนนาสิกาวาตภาเวน. ‘‘เอวํ ปวตฺตมนสิการสฺสา’’ติ อิมินา วุตฺตากาเรน สสมฺภารวิภตฺติโต ปวตฺตกมฺมฏฺานมนสิการสฺส. ธาตุโย ปากฏา โหนฺตีติ วิตฺถารโต ปริคฺคหิตตฺตา ธาตุโย วิภูตา โหนฺติ. อิธาปิ ภาวนาวิธานํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๓๔๕. ตตฺเถวาติ เตสุเยว วีสติยา โกฏฺาเสสุ. ปริปาจนลกฺขณํ วิตฺถมฺภนลกฺขณนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘ตตฺเถวา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.
ปุน ตตฺเถวาติ เตสุเยว ทฺวาทสสุ โกฏฺาเสสูติ อตฺโถ. เอตฺถ จ เกสาทิโกฏฺาสานํ สํวิคฺคหตาย ตตฺถ วิชฺชมานา อาโปธาตุอาทโย นฺหานิยจุณฺณาทีสุ อุทกาทโย วิย สุวิฺเยฺยาติ ‘‘ตตฺเถว อาพนฺธนลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
สนฺตปฺปนาทิเตโชโกฏฺาเสสุ ปน วาโยธาตุอาทโย น ตถา สุวิฺเยฺยาติ กตฺวา ‘‘เตน อวินิภุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, น ตตฺเถวาติ. ยทิ เอวํ, วายุโกฏฺาเสสุ กถํ ตตฺเถวาติ? วายุโกฏฺาสาปิ หิ อุทฺธงฺคมวาตาทโย ปิณฺฑากาเรเนว ปริคฺคเหตพฺพตํ อุปคจฺฉนฺติ, น ปน สนฺตปฺปนาทิเตโชโกฏฺาสาติ ¶ นายํ โทโส. ตตฺถ เตนาติ เตน เตเชน. อวินิภุตฺตนฺติ อวินาภูตํ, ตํตํกลาปคตวเสน วา เอวํ วุตฺตํ. เอวํ ววตฺถาปยโตติ วุตฺตากาเรน สลกฺขณสงฺเขปโต ธาตุโย ววตฺถาเปนฺตสฺส ¶ . วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตสฺเสวํ วายมมานสฺสา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๘) เหฏฺา วุตฺตนเยน.
๓๔๖. เอวมฺปิ ภาวยโตติ สลกฺขณสงฺเขปโต ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ภาเวนฺตสฺสาปิ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ สสมฺภารวิภตฺติโต ภาวนายํ วุตฺเตน นเยน. เอวนฺติ ยถา เกเส, เอวํ. สพฺพโกฏฺาเสสูติ เอกจตฺตาลีสเภเทสุ เสสสพฺพโกฏฺาเสสุ เอวเมตฺถ อฏฺสฏฺิธาตุสตสฺส ปริคฺคโห วุตฺโต โหติ. ภาวนาวิธานํ ปเนตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
อิทานิ วจนตฺถาทิมุเขนปิ ธาตูสุ มนสิการวิธานํ ทสฺเสตุํ ‘‘วจนตฺถโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วจนตฺถโตติ ยสฺมา สพฺพปมํ กมฺมฏฺานสฺส อุคฺคหณํ วจนวเสน โหติ วจนทฺวาเรน ตทตฺถสฺส อาทิโต คเหตพฺพโต, ตสฺมา วจนตฺถโตปิ ธาตูนํ มนสิกาตพฺพตา วุตฺตา. กลาปโตติ วจนตฺถวเสน วิเสสโต, สามฺโต จ ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ิตสฺส ยสฺมา ตา ปิณฺฑโส ปวตฺตนฺติ, น ปจฺเจกํ, ตสฺมา กลาปโตปิ มนสิกาตพฺพตา วุตฺตา. เต ปน กลาปา ปรมาณุปริมาณา โหนฺตีติ ตปฺปริยาปนฺนานํ ปถวีธาตุอาทีนํ เอกสฺมึ สรีเร ปริเมยฺยปริจฺเฉทํ ทสฺเสตุํ จุณฺณโต มนสิกาตพฺพตา วุตฺตา. โส ปนายํ ตาสํ จุณฺณโต มนสิกาโร สงฺฆาฏวเสน โหตีติ นิพฺพฏฺฏิตสรูปเมว ปริคฺคเหตพฺพํ ทสฺเสตุํ ลกฺขณาทิโต มนสิกาโร วุตฺโต. ลกฺขณาทิโต ธาตุโย ปริคฺคณฺหนฺเตน สลกฺขณวิภตฺติโต กมฺมฏฺานาภินิเวเส ยสฺมา ทฺวาจตฺตาลีสาย โกฏฺาสานํ วเสน ธาตูสุ ปริคฺคยฺหมานาสุ ‘‘เอตฺตกา อุตุสมุฏฺานา, เอตฺตกา จิตฺตาทิสมุฏฺานา’’ติ อยํ วิภาโค าตพฺโพ โหติ, ตสฺมา สมุฏฺานโต มนสิกาโร วุตฺโต.
เอวํ ปริฺาตสมุฏฺานานมฺปิ ตาสํ สทฺทานุสาเรน วินา วิเสสสามฺปริคฺคโห กาตพฺโพติ ทสฺเสตุํ นานตฺเตกตฺตโต มนสิกาโร วุตฺโต. ลกฺขณวิเสสโต วินิภุตฺตรูปาปิ เอตา อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานตาย ปเทเสน อวินิภุตฺตาติ อยํ วิเสโส ปริคฺคเหตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ¶ วินิพฺโภคาวินิพฺโภคโต มนสิกาโร วุตฺโต. สติปิ อวินิพฺโภควุตฺติยํ กาจิเทว กาสฺจิ สภาคา, กาจิ วิสภาคาติ อยมฺปิ วิเสโส ปริคฺคเหตพฺโพติ ทสฺเสตุํ สภาควิสภาคโต มนสิกาโร วุตฺโต. สภาควิสภาคาปิ ธาตุโย อชฺฌตฺติกา อีทิสกิจฺจวิเสสยุตฺตา, พาหิรา ตพฺพิปรีตาติ ¶ อยํ วิเสโส ปริคฺคเหตพฺโพติ ทสฺเสตุํ อชฺฌตฺติกพาหิรวิเสสโต มนสิกาโร วุตฺโต. สชาติสงฺคหาทิโก ธาตุสงฺคหวิเสโสปิ ปริคฺคหิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ สงฺคหโต มนสิกาโร วุตฺโต. สนฺธารณาทีหิ ยถาสกกิจฺเจหิ อฺมฺูปตฺถมฺภภาวโตปิ ธาตุโย ปริคฺคเหตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ปจฺจยโต มนสิกาโร วุตฺโต. อพฺยาปารนยโต ธาตุโย ปริคฺคเหตพฺพาติ ทสฺเสตุํ อสมนฺนาหารโต มนสิกาโร วุตฺโต. อตฺตโน ปจฺจยธมฺมวิเสสโต, ปจฺจยภาววิเสสโต จ ธาตุโย ปริคฺคเหตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ปจฺจยวิภาคโต มนสิกาโร วุตฺโตติ เอวเมเตสํ เตรสนฺนํ อาการานํ ปริคฺคเห การณํ เวทิตพฺพํ. อากาเรหีติ ปกาเรหิ, การเณหิ วา.
๓๔๗. ตตฺถ ปตฺถฏตฺตาติ ปุถุตฺตา, เตน ปุถุภาวโต ปุถุวี, ปุถุวี เอว ปถวีติ นิรุตฺตินเยน สทฺทตฺถมาห. ปตฺถนฏฺเน วา ปถวี, ปติฏฺาภาเวน ปตฺถายติ อุปติฏฺตีติ อตฺโถ. ‘‘อปฺโปตี’’ติ ปทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว. อาปียตีติ โสสียติ, ปิวียตีติ เกจิ. ‘‘อยํ ปนตฺโถ สสมฺภาราเป ยุชฺชตี’’ติ วทนฺติ, ลกฺขณาเปปิ ยุชฺชเตว. โสปิ หิ ผรุสปาจนวิโสสนากาเรน เสสภูตตฺตเยน ปียมาโน วิย ปวตฺตตีติ. อปฺปายตีติ พฺรูเหติ. ปริพฺรูหนรสา หิ อาโปธาตุ. เตชตีติ นิเสติ, ติกฺขภาเวน เสสภูตตฺตยํ อุสฺมาปยตีติ อตฺโถ. วายตีติ สมีเรติ, เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน ภูตสงฺฆาตํ คเมตีติ อตฺโถ.
เอวํ ตาว วิเสสโต วจนตฺถํ วตฺวา อิทานิ สามฺโต วตฺตุํ ‘‘อวิเสเสน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สลกฺขณธารณโตติ ยถา ติตฺถิยปริกปฺปิโต ‘‘ปกติ อตฺตา’’ติ เอวมาทิโก สภาวโต นตฺถิ, น เอวเมตา. เอตา ปน สลกฺขณํ สภาวํ ธาเรนฺตีติ ธาตุโย. ทุกฺขาทานโตติ ¶ ทุกฺขสฺส วิทหนโต. เอตา หิ ธาตุโย การณภาเวน ววตฺถิตา หุตฺวา อยโลหาทิธาตุโย วิย อยโลหาทึ อเนกปฺปการํ สํสารทุกฺขํ วิทหนฺติ. ทุกฺขาธานโตติ อนปฺปกสฺส ทุกฺขสฺส วิธานมตฺตโต อวสวตฺตนโต, ตํ วา ทุกฺขํ เอตาหิ การณภูตาหิ สตฺเตหิ อนุวิธียติ, ตถาวิหิตฺจ ตํ เอตาสฺเวว ธียติ ปียตีติ เอวํ ทุกฺขาธานโต, ธาตุโย. อปิจ ‘‘นิชฺชีวฏฺโ ธาตุฏฺโ’’ติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ตถา หิ ภควา ‘‘ฉธาตุโรยํ ภิกฺขุ ปุริโส’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๔๓-๓๔๕) ชีวสฺาสมูหนนตฺถํ ธาตุเทสนํ อกาสีติ. อิติ วจนตฺถมุเขนปิ อสาธารณโต, สาธารณโต จ ธาตูนํ สรสลกฺขณเมว วิภาวียตีติ อาห ‘‘เอวํ วิเสสสามฺวเสน วจนตฺถโต มนสิ กาตพฺพา’’ติ. มนสิกาโร ปน วจนตฺถมุเขน ธาตุโย ปริคฺคเหตฺวา ิตสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๓๔๘. อากาเรหีติ ¶ ปกาเรหิ. อถ วา อากรียนฺติ ทิสฺสนฺติ เอตฺถ ธาตุโยติ อาการา, โกฏฺาสา. อฏฺธมฺมสโมธานาติ ยถาวุตฺตานํ ปจฺจยวิเสเสน วิสิฏฺรูปานํ วณฺณาทีนํ อฏฺนฺนํ ธมฺมานํ สมวธานโต สนฺนิเวสวิเสสวเสน สหาวฏฺานโต ตํ อุปาทาย. เกสาติ สมฺมุติ สมฺามตฺตํ โหติ. เตสํเยว วินิพฺโภคาติ เตสํเยว วณฺณาทีนํ วินิพฺภุชนโต. ยถา หิ วณฺณาทโย อฏฺ ธมฺมา ปฺาย วินิพฺภุชฺชมานา อฺมฺพฺยติเรเกน ปรมตฺถโต อุปลพฺภนฺติ, น เอวํ วณฺณาทิพฺยติเรเกน ปรมตฺถโต เกสา อุปลพฺภนฺติ. ตสฺมา เย จ ธมฺเม สมุทิเต อุปาทาย ‘‘เกสา’’ติ สมฺมุติ, เตสุ วิสุํ วิสุํ กเตสุ นตฺถิ ‘‘เกสา’’ติ สมฺมุติ, โวหารมตฺตนฺติ อตฺโถ.
‘‘อฏฺธมฺมกลาปมตฺตเมวา’’ติ อิทํ เกสปฺตฺติยา อุปาทายภูเต วณฺณาทิเก เอกตฺเตน คเหตฺวา วุตฺตํ, น เตสํ อฏฺธมฺมมตฺตภาวโต. กมฺมสมุฏฺาโน โกฏฺาโสติ เกเสสุ ตาว เกสมูลํ, เอวํ โลมาทีสุปิ ยถารหํ เวทิตพฺพํ. ทสธมฺมกลาโปปีติ เอตฺถ อสิตาทิปริปาจโก เตโชโกฏฺาโส นวธมฺมกลาโปปีติ วตฺตพฺโพ. ยทิเม เกสาทิโกฏฺาสา ยถารหํ อฏฺนวทสธมฺมสมูหภูตา ¶ , อถ กสฺมา ปถวีอาทิธาตุมตฺตโต มนสิ กรียนฺตีติ อาห ‘‘อุสฺสทวเสน ปนา’’ติอาทิ. ยสฺมา อยํ ธาตุมนสิกาโร ยาวเทว สตฺตสฺาสมุคฺฆาฏนตฺโถ, ธมฺมวินิพฺโภโค จ สาติสยํ สตฺตสฺาสมุคฺฆาฏาย สํวตฺตติ, ตสฺมา โกฏฺาเสสุ เอวํ ธมฺมวิภาโค เวทิตพฺโพ. เอตฺถ หิ อุทริยํ กรีสํ ปุพฺโพ มุตฺตฺจ อุตุสมุฏฺานา, อสิตาทิปริปาจกเตโช กมฺมสมุฏฺาโน, อสฺสาสปสฺสาสวาโต จิตฺตสมุฏฺาโนติ ฉ เอกสมุฏฺานา, เสโทอสฺสุ เขโฬ สิงฺฆาณิกาติ จตฺตาโร อุตุจิตฺตวเสน ทฺวิสมุฏฺานา, เสสา ทฺวตฺตึส จตุสมุฏฺานา.
เตสุ อสิตาทิปริปาจเก เตโชโกฏฺาเส เอโก กลาโป ชีวิตนวโก, อฺเสุ เอกสมุฏฺาเนสุ อุตุสมุฏฺาโน, จิตฺตสมุฏฺาโน วา เอเกโก อฏฺโก, ทฺวิสมุฏฺาเนสุ อุตุจิตฺตวเสน ทฺเว ทฺเว อฏฺกา, จตุสมุฏฺาเนสุ อุตุจิตฺตาหารสมุฏฺานา ตโย ตโย อฏฺกา, อุตุจิตฺตสมุฏฺาเนสุ สทฺทนวกา, อฏฺสุ เตโชวาโยโกฏฺาเสสุ อฏฺ ชีวิตนวกา, เสเสสุ จตุวีสติยา โกฏฺาเสสุ กายภาวทสกทฺวยสหิตา, จกฺขาทิสฺิเตสุ มํสโกฏฺาเสสุ จกฺขุโสตฆานชิวฺหาวตฺถุทสกสหิตา จาติ ปริปุณฺณายตนเก รูปกาเย เภทํ อนามสิตฺวา เอกตฺตวเสน คยฺหมานา สตฺตจตฺตาลีสาธิกสตรูปกลาปา รูปวิภาคโต สาธิกํ ทิยฑฺฒรูปสหสฺสํ โหติ, โกฏฺาสานํ ปน อวยววิภาเคน ตทวยวกลาปานํ เภเท คยฺหมาเน รูปธมฺมานํ อสงฺขฺเยยฺยเภทตา เวทิตพฺพา ¶ . เอวํ ธมฺมวิภาคโต อเนกเภทภินฺนาปิ อิเม ทฺวาจตฺตาลีส โกฏฺาสา อุสฺสทคฺคหเณน จตุธาตุวเสเนว ววตฺถเปตพฺพา. เตนาห ‘‘อุสฺสทวเสน ปน…เป… มนสิ กาตพฺพา’’ติ. ตตฺถ มนสิการวิธิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๓๔๙. มชฺฌิเมน ปมาเณนาติ อาโรหปริณาเหหิ มชฺฌิมสรีเร ลพฺภมาเนน มชฺฌิเมน ปริมาเณน. ปริคฺคยฺหมานาติ ปฺาย ปริตกฺเกตฺวา คยฺหมานา. ปรมาณุเภทสฺจุณฺณาติ เอตฺถ ยถา ‘‘องฺคุลสฺส อฏฺโม ภาโค ยโว, ยวสฺส อฏฺโม ภาโค อูกา, อูกาย ¶ อฏฺโม ภาโค ลิกฺขา, ลิกฺขาย อฏฺโม ภาโค รถเรณุ, รถเรณุสฺส อฏฺโม ภาโค ตชฺชารี, ตชฺชาริยา อฏฺโม ภาโค อณุ, เอวํ อณุโน อฏฺโม ภาโค ปรมาณุ นามา’’ติ เกจิ. อฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๕๑๕) ปน ‘‘สตฺตธฺมาสปฺปมาณํ เอกํ องฺคุลํ, สตฺตอูกาปมาโณ เอโก ธฺมาโส, สตฺตลิกฺขาปมาณา เอกา อูกา, ฉตฺตึสรถเรณุปฺปมาณา เอกา ลิกฺขา, ฉตฺตึสตชฺชาริปฺปมาโณ เอโก รถเรณุ, ฉตฺตึสอณุปฺปมาณา เอกา ตชฺชารี, ฉตฺตึสปรมาณุปฺปมาโณ เอโก อณู’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อณุโน ฉตฺตึสติมภาคมตฺโต ปรมาณุ นาม อากาสโกฏฺาสิโก มํสจกฺขุสฺส อโคจโร ทิพฺพจกฺขุสฺเสว โคจรภูโต. ตํ สนฺธายาห ‘‘ปรมาณุเภทสฺจุณฺณา’’ติ, ยถาวุตฺตปรมาณุปฺปเภเทน จุณฺณวิจุณฺณภูตา. สุขุมรชภูตาติ ตโตเยว อติวิย สุขุมรชภาวํ คตา.
โทณมตฺตา สิยาติ โสฬส นาฬิมตฺตา. อิธาปิ ‘‘มชฺฌิเมน ปมาเณนา’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เตน ‘‘ปกติยา จตุมุฏฺิกํ กุฑุวํ, จตุกุฑุวํ นาฬิ, ตาย นาฬิยา โสฬส นาฬิโย โทณํ, ตํ ปน มคธนาฬิยา ทฺวาทส นาฬิโย โหนฺตี’’ติ วทนฺติ. สงฺคหิตาติ ยถา น วิปฺปกิรติ, เอวํ อาพนฺธนวเสน สมฺปิณฺฑิตฺวา คหิตา. อนุปาลิตาติ ยถา ปคฺฆรณสภาวาย อาโปธาตุยา วเสน กิลินฺนภาวํ, ปิจฺฉิลภาวํ วา นาปชฺชติ, เอวํ อนุรกฺขิตา. วิตฺถมฺภิตาติ สงฺฆาตวายุนา อติวิย วิตฺถมฺภนํ ปาปิตา. น วิกิรติ น วิทฺธํสตีติ สุขุมรชภูตาปิ ปถวีธาตุ อาพนฺธนปริปาจนสมุทีรณกิจฺจาหิ อาโปเตโชวาโยธาตูหิ ลทฺธปจฺจยา สิเนเหน เตมิตา เตชสา ปริปกฺกา วายุนา วิตฺถมฺภนํ ปาปิตา ปิฏฺจุณฺณา วิย น อิโต จิโต จ วิกิรติ น วิทฺธํสติ, อถ โข ปิณฺฑิตา ฆนภูตา หุตฺวา นานปฺปกาเรน คเหตพฺพตํ อาปชฺชติ. เตนาห ‘‘อวิกิริยมานา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิกปฺปนฺติ วิภาคํ. ยทิปิ เตโชวาโยธาตุโยปิ สวิคฺคหา รูปธมฺมภาวโต, ยาทิโส ปน ฆนภาโว ปถวีอาโปธาตูสุ ลพฺภติ ¶ , น ตาทิโส เตโชวาโยธาตูสุ ลพฺภตีติ เมยฺยภาวาภาวโต ตตฺถ จุณฺณเภโท น อุทฺธโฏ. ตถา หิ สสมฺภารเตโชวายูสุปิ เมยฺยภาโว น ลพฺภเตว.
ยูสคตาติ ¶ ยูสภาวํ ทฺรวภาวํ คตา. ตโต เอว อาพนฺธนาการภูตา. น ปคฺฆรตีติ น โอคฬติ. น ปริสฺสวตีติ น วิสฺสนฺทติ. ปีณิตปีณิตภาวํ ทสฺเสตีติ อาโปธาตุยา พฺรูหนรสตาย วุตฺตํ.
อุสุมาการภูตาติ เอเตน กาเย ปากติกอุสฺมาปิ คหณีสงฺขาตาย ตสฺสาเยว เตโชธาตุยา วเสน โหตีติ ทสฺเสติ. ปริปาเจตีติ สนฺเตเชติ. สา หิ ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส สมฺมา ปริณามเนน รสาทิสมฺปตฺติยา เหตุภาวํ คจฺฉนฺตี อิมํ กายํ ปริปาเจติ สนฺเตเชตีติ วุจฺจติ. เตเนวาห ‘‘น ปูติภาวํ ทสฺเสตี’’ติ. กมฺมูปนิสฺสยาย, จิตฺตปฺปสาทเหตุกาย จ สรีเร วณฺณสมฺปทาย เตโชธาตุ วิเสสปจฺจโย, ปเคว อุตุอาหารสมุฏฺานาย รูปสมฺปตฺติยา ยถาวุตฺตเตโชธาตูติ อาห ‘‘วณฺณสมฺปตฺติฺจสฺส อาวหตี’’ติ.
สมุทีรณวิตฺถมฺภนลกฺขณาติ เอตฺถ สมุทีรณํ อนุเปลฺลนํ, วิโสสนนฺติ เกจิ. วิตฺถมฺภนํ เสสภูตตฺตยสฺส ถมฺภิตตฺตาปาทนํ, อุปฺปีลนนฺติ เอเก. ตายาติ วิตฺถมฺภนลกฺขณาย วาโยธาตุยา. อปรายาติ สมุทีรณลกฺขณาย. สา หิ เปลฺลนสภาวา. เตนาห ‘‘สมพฺภาหโต’’ติ. สมพฺภาหนฺจ รูปกลาปสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติยา เหตุภาโว. อวฆฏฺฏนํ อาสนฺนตรุปฺปตฺติยา. ลาเฬตีติ ปริวตฺเตติ. อิทานิ ยทตฺถํ จุณฺณโต มนสิกาโร อาคโต, ตํ นิคมนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ธาตุยนฺตนฺติ สุตฺเตน วิย ยนฺตรูปกํ อสติปิ กตฺตุภูเต อตฺตนิ จิตฺตวเสน ธาตุมยํ ยนฺตํ ปวตฺตติ, อิธาปิ มนสิการวิธิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๓๕๐. ยทิปิ จตุนฺนํ ธาตูนํ ลกฺขณาทโย เหฏฺา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตา เอว, ตถาปิ เต อนวเสสโต ทสฺเสตฺวา วิสุํ กมฺมฏฺานปริคฺคหวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ลกฺขณาทิโต’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณํ, กกฺขฬตฺตํ ลกฺขณเมติสฺสาติ กกฺขฬตฺตลกฺขณา. นนุ จ กกฺขฬตฺตเมว ปถวีธาตูติ? สจฺจเมตํ, ตถาปิ วิฺาตาวิฺาตสทฺทตฺถตาวเสน อภินฺเนปิ ธมฺเม กปฺปนาสิทฺเธน เภเทน เอวํ นิทฺเทโส กโต. เอวํ หิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติ. อถ วา ¶ ลกฺขียตีติ ¶ ลกฺขณํ, กกฺขฬตฺตํ หุตฺวา ลกฺขิยมานา ธาตุ กกฺขฬตฺตลกฺขณาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เสสาสุปิ เอเสว นโย. ปติฏฺานรสาติ สหชาตธมฺมานํ ปติฏฺาภาวกิจฺจา. ตโต เอว เนสํ สมฺปฏิจฺฉนากาเรน าณสฺส ปจฺจุปติฏฺตีติ สมฺปฏิจฺฉนปจฺจุปฏฺานา. ปทฏฺานํ ปเนตฺถ อฺธมฺมตาย น อุทฺธฏํ, สาธารณภาวสพฺภาวโต วา ทูรการณํ วิย. ยถา วา ธมฺมุทฺเทสวารวณฺณนาทีสุ รสาทินา อฺเสํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสตฺวา ปจฺจยวนฺตตาทสฺสนตฺถํ ปทฏฺานํ อุทฺธฏํ, น เอวมิธ. อิธ ปน ธาตูนํ อนฺสาธารณวิเสสวิภาวนปราย โจทนาย อฺธมฺมภูตํ ปทฏฺานํ น อุทฺธฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. พฺรูหนรสาติ สหชาตธมฺมานํ วฑฺฒนกิจฺจา. ตถา หิ สา เนสํ ปีณิตภาวํ ทสฺเสตีติ วุจฺจติ. สงฺคหปจฺจุปฏฺานาติ พาหิรอุทกํ วิย นฺหานียจุณฺณสฺส สหชาตธมฺมานํ สงฺคหณปจฺจุปฏฺานา. มทฺทวานุปฺปทานปจฺจุปฏฺานาติ พาหิรคฺคิ วิย ชตุโลหาทีนํ สหชาตธมฺมานํ มุทุภาวานุปฺปทานปจฺจุปฏฺานา. อภินีหาโร ภูตสงฺฆาฏสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาโว, นีหรณํ วา พีชโต องฺกุรสฺส วิย.
๓๕๑. อุตุสมุฏฺานาว กมฺมาทิวเสน อนุปฺปตฺติโต. อุตุจิตฺตสมุฏฺานา กทาจิ อุตุโต, กทาจิ จิตฺตโต อุปฺปชฺชนโต. อวเสสาติ วุตฺตาวเสสา เกสาทโย จตุวีสติ, อาทิโต ตโย เตโชโกฏฺาสา, ปฺจ วาโยโกฏฺาสา จาติ ทฺวตฺตึส. สพฺเพปีติ เต สพฺเพปิ กมฺมาทิวเสน อุปฺปชฺชนโต จตุสมุฏฺานา. เกสาทีนมฺปิ หิ มํสโต อวิมุตฺตภาโค กมฺมาหารจิตฺตสมุฏฺาโนว โหตีติ.
๓๕๒. นานตฺเตกตฺตโตติ วิเสสสามฺโต. ธมฺมานํ หิ อฺมฺํ วิสทิสตา นานตฺตํ, สมานตา เอกตฺตํ. สพฺพาสมฺปีติ จตุนฺนมฺปิ. สลกฺขณาทิโตติ สกํ ลกฺขณํ สลกฺขณํ, ตโต สลกฺขณาทิโต. อาทิ-สทฺเทน รสปจฺจุปฏฺานานํ วิย มุทุสณฺหผรุสภาวาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘กมฺมสมุฏฺานาทิวเสน นานตฺตภูตาน’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ กมฺมสมุฏฺานาทิวเสน จตุนฺนํ ธาตูนํ เอกตฺตํ โหติ สาธารณตฺตาติ? น, ‘‘อฺา เอว ธาตุโย กมฺมสมุฏฺานา, อฺา อุตุอาทิสมุฏฺานา’’ติอาทิกํ เภทํ สนฺธาย ตถา วจนโต. เอตาสํ ธาตูนํ. รุปฺปนลกฺขณํ รุปฺปนสภาวํ. กิมฺปเนตํ รุปฺปนํ นาม? ยา สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ, ตสฺมึ วา สติ โย วิชฺชมานสฺเสว วิสทิสุปฺปตฺติยา ¶ เหตุภาโว, ตํ รุปฺปนํ. อนตีตตฺตาติ อปริจฺจชนโต.
มหนฺตปาตุภาโว ¶ เจตฺถ สสมฺภารธาตุวเสน เวทิตพฺโพ, ตถา มหาวิการตา มหาภูตสามฺลกฺขณธาตุวเสน, มหาปริหารตา, มหตฺตวิชฺชมานตา จ อุภยวเสนาติ. ภูตสทฺทาเปกฺขาย ‘‘เอตานี’’ติ นปุํสกนิทฺเทโส. มหนฺตานิ ปาตุภูตานิ อเนกสตสหสฺส รูปกลาปสงฺฆาฏตาย สมูหวเสน, สนฺตติวเสน จ อปริมิตปริมาณานํ, อเนกโยชนายามวิตฺถารานฺจ อุปฺปชฺชนโต. จตฺตาริ นหุตานีติ จตฺตาริ ทสสหสฺสานิ. เทวทานวาทีนํ ติคาวุตาทิสรีรวเสน มหนฺตานิ ปาตุภูตานิ.
ตตฺถายํ วจนตฺโถ – มหนฺตานิ ภูตานิ ชาตานิ นิพฺพตฺตานีติ มหาภูตานีติ. อเนกาภูตวิเสสทสฺสเนน, อเนกพฺภุตทสฺสเนน จ อเนกจฺฉริยทสฺสนวเสน มหนฺโต อพฺภุโต, มหนฺตานิ วา อภูตานิ เอตฺถาติ มหาภูโต, มายากาโร. ยกฺขาทโย ชาติวเสเนว มหนฺตา ภูตาติ มหาภูตา, นิรุฬฺโห วา อยํ เตสุ มหาภูตสทฺโท ทฏฺพฺโพ. ปถวีอาทโย ปน วฺจกตาย, อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานตาย จ มหาภูตา วิย มหาภูตา. ภูตสทฺทสฺส อุภยลิงฺคตาย นปุํสกตา กตา. ตตฺถ วฺจกตา สยํ อนีลาทิสภาวานิ หุตฺวา นีลาทิสภาวสฺส อุปฏฺาปนํ, อนิตฺถิปุริสาทิสภาวาเนว จ หุตฺวา อิตฺถิปุริสาทิอาการสฺส อุปฏฺาปนํ. ตถา อฺมฺสฺส อนฺโต, พหิ จ อฏฺิตานํเยว อฺมฺํ นิสฺสาย อวฏฺานโต อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานตา. ยทิ หิ อิมา ธาตุโย อฺมฺสฺส อนฺโต ิตา, น สกิจฺจกรา สิยุํ อฺมฺานุปฺปเวสนโต, อถ พหิ ิตา วินิพฺภุตฺตา สิยุํ. ตถา สติ อวินิพฺภุตฺตวาโท หาเยยฺย, ตสฺมา น นิทฺทิสิตพฺพฏฺานา. เอวํ สนฺเตปิ ปติฏฺานาทินา ยถาสกํ กิจฺจวิเสเสน เสสานํ ติณฺณํ ติณฺณํ อุปการิกา โหนฺติ, เยน สหชาตาทินา ปจฺจเยน ปจฺจยา โหนฺติ. เตนาห ‘‘น จ อฺมฺํ นิสฺสาย น ติฏฺนฺตี’’ติ. มนาเปหีติ มโนหเรหิ จาตุริยวนฺเตหิ. วณฺณสณฺานวิกฺเขเปหีติ กาฬสามตาทิวณฺเณหิ, ปุถุลวิวรกิสตาทิสณฺาเนหิ, หตฺถภมุกาทิวิกฺเขเปหิ จ. สรสลกฺขณนฺติ สภาวภูตํ ลกฺขณํ, สกิจฺจกํ วา สภาวํ.
มหาปริหารโตติ ¶ เอตฺถ วจนตฺถํ วทนฺโต อาห ‘‘มหนฺเตหิ…เป… ภูตานิ, มหาปริหารานิ วา ภูตานี’’ติ. ตตฺถ ปจฺฉิมตฺเถ ปุริมปเท อุตฺตรปทสฺส ปริหาร-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘มหาภูตานี’’ติ วุตฺตํ.
ตถา หีติ ตโต เอว วิการสฺส มหนฺตตฺตา เอวาติ ตํ วิการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภูมิโต’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ตตฺถ อจฺจิมโตติ อคฺคิสฺส. โกฏิสตสหสฺสํ เอกํ โกฏิสตสหสฺเสกํ จกฺกวาฬนฺติ ตํ สพฺพํ อาณาเขตฺตภาเวน เอกํ กตฺวา วทติ. วิลียตีติ วิปตฺติกรเมฆาภิวุฏฺเน ขารุทเกน ลวณํ วิย วิลยํ คจฺฉติ วิทฺธํสติ. กุปิเตนาติ ขุภิเตน. วิกีรตีติ วิธมติ วิทฺธํสติ.
อนุปาทินฺเนสุ วิการมหตฺตํ ทสฺเสตฺวา อุปาทินฺเนสุ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปตฺถทฺโธ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กฏฺมุเขน วาติ วา-สทฺโท อุปมตฺโถ. ยถา กฏฺมุเขน สปฺเปน ฑฏฺโ ปตฺถทฺโธ โหติ, เอวํ ปถวีธาตุปฺปโกเปน โส กาโย กฏฺมุเขว โหติ, กฏฺมุขมุขคโต วิย ปตฺถทฺโธ โหตีติ อตฺโถ. อถ วา วา-สทฺโท อวธารณตฺโถ. โส ‘‘ปถวีธาตุปฺปโกเปน วา’’ติ เอวํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺโพ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – กฏฺมุเขน ฑฏฺโปิ กาโย ปถวีธาตุปฺปโกเปเนว ปตฺถทฺโธ โหติ, ตสฺมา ปถวีธาตุยา อวิยุตฺโต โส กาโย สพฺพทา กฏฺมุขมุขคโต วิย โหตีติ. วา-สทฺโท วา อนิยมตฺโถ, ตตฺรายมตฺโถ – กฏฺมุเขน ฑฏฺโ กาโย ปตฺถทฺโธ โหติ วา, น วา โหติ มนฺตาคทวเสน, ปถวีธาตุปฺปโกเปน ปน มนฺตาคทรหิโต โส กาโย กฏฺมุขมุขคโต วิย โหติ เอกนฺตปตฺถทฺโธติ.
ปูติโยติ กุถิโต. สนฺตตฺโตติ สพฺพโส ตตฺโต สมุปฺปนฺนทาโห. สฺฉินฺโนติ สมนฺตโต ฉินฺโน ปรมาณุเภทสฺจุณฺโณ อายสฺมโต อุปเสนตฺเถรสฺส สรีรํ วิย. มหาวิการานิ ภูตานีติ มหาวิการวนฺตานิ ภูตานิ มหาภูตานีติ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปน นิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ. ‘‘ปถวี’’ติอาทินา สพฺพโลกสฺส ปากฏานิปิ วิปลฺลาสํ มฺุจิตฺวา ยถาสภาวโต ปริคฺคณฺหเน มหนฺเตน วายาเมน วินา น ปริคฺคณฺหนฺตีติ ทุวิฺเยฺยสภาวตฺตา ‘‘มหนฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติ. ตานิ หิ สุวิฺเยฺยานิ. ‘‘อมหนฺตานี’’ติ มนฺตฺวา ิตา เตสํ ทุปฺปริคฺคหตํ ทิสฺวา ¶ ‘‘อโห มหนฺตานิ เอตานี’’ติ ชานาตีติ มหาภูเตกเทสตาทีหิ วา การเณหิ มหาภูตานิ. เอตา หิ ธาตุโย มหาภูเตกเทสโต, มหาภูตสามฺโต, มหาภูตสนฺนิสฺสยโต, มหาภูตภาวโต, มหาภูตปริโยสานโต จาติ อิเมหิปิ การเณหิ ‘‘มหาภูตานี’’ติ วุจฺจนฺติ.
ตตฺถ มหาภูเตกเทสโตติ ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) หิ อวิเสเสน ขนฺธปฺจกํ ‘‘ภูต’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ ยทิทํ กามภเว, รูปภเว, ปฺจโวการภเว, เอกจฺเจ จ สฺีภเว ปวตฺตํ ขนฺธปฺจกํ, ตํ มหาวิสยตาย ‘‘มหาภูต’’นฺติ ¶ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ปถวีอาทโย ปน จตสฺโส ธาตุโย ตสฺส มหาภูตสฺส เอกเทสภูตา ‘‘มหาภูตา’’ติ วุจฺจนฺติ. สมุทาเยสุ หิ ปวตฺตโวหารา อวยเวสุปิ ทิสฺสนฺติ ยถา ‘‘สมุทฺโท ทิฏฺโ, ปโฏ ทฑฺโฒ’’ติ จ. มหาภูตสมฺโตติ ตทธีนวุตฺติตาย ภวนฺติ เอตฺถ อุปาทารูปานีติ ภูตานิ, ปถวีอาทโย จตสฺโส ธาตุโย. สา ปนายเมตาสุ ภูตสมฺา อนฺตฺถวุตฺติตาย อุปาทารูปานํ อวิปรีตฏฺา, โลกสฺส เจตา พหูปการา, จกฺขุสมุทฺทาทีนํ นิสฺสยภูตา จาติ มหนฺตานิ ภูตานีติ สมฺายึสุ. มหาภูตสนฺนิสฺสยโตติ มหนฺตานํ มหานุภาวานํ มหาสมฺมตมนฺธาตุปฺปภุตีนํ รฺํ, สกฺกาทีนํ เทวานํ, เวปจิตฺติอาทีนํ อสุรานํ, มหาพฺรหฺมาทีนํ พฺรหฺมานํ, คุณโต วา มหนฺตานํ พุทฺธานํ, ปจฺเจกพุทฺธานํ, สาวกานํ อุปาทายุปาทาย วา สพฺเพสมฺปิ ภูตานํ สตฺตานํ นิสฺสยภูตตาย มหนฺตา ภูตา เอเตสูติ มหาภูตา. จาตุมหาภูติโก หิ เนสํ กาโยติ. มหาภูตภาวโตติ พหุภูตภาวโต. อยํ หิ มหา-สทฺโท ‘‘มหาชโน สนฺนิปติโต’’ติอาทีสุ พหุภาเว ทิสฺสติ. ปถวีอาทโย จ ธาตุโย เอกสฺมิมฺปิ อตฺตภาเว อปริเมยฺยปฺปเภทา ปวตฺตนฺติ. ตสฺมา มหนฺตา พหู อเนกสตสหสฺสปฺปเภทา ภูตาติ มหาภูตา. มหาภูตปริโยสานโตติ มหาภูตสฺส วเสน ปริโยสานปฺปตฺติโต.
‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา;
โย จ กาลฆโส ภูโต, ส ภูตปจนึ ปจี’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๙๐) –
หิ ¶ เอวมาทีสุ ขีณาสโว ‘‘ภูโต’’ติ วุตฺโต. โส หิ อุจฺฉินฺนภวเนตฺติกตาย อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา เอกนฺตโต ‘‘ภูโต’’ติ วุจฺจติ, น อิตเร, ภวิสฺสนฺตีติ โวหารํ อนตีตตฺตา. ภูโต เอว อิธ ปูชาวเสน ‘‘มหาภูโต’’ติ วุตฺโต ยถา ‘‘มหาขีณาสโว, มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ จ. อิมาสฺจ ธาตูนํ อนาทิมติ สํสาเร ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานานํ ยถาวุตฺตสฺส มหาภูตสฺเสว สนฺตาเน ปริโยสานปฺปตฺติ, นาฺตฺร. ตสฺมา มหาภูเต ภูตา ปริโยสานํ ปตฺตาติ มหาภูตา ปุริมปเท ภูต-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา. เอวเมตา ธาตุโย มหาภูเตกเทสตาทีหิ มหาภูตาติ เวทิตพฺพา. ปถวีอาทีนํ กกฺขฬปคฺฆรณาทิวิเสสลกฺขณสมงฺคิตา อปริจฺจตฺตธาตุลกฺขณานํเยวาติ อาห ‘‘ธาตุลกฺขณํ อนตีตตฺตา’’ติ. น หิ สามฺปริจฺจาเคน วิเสโส, วิเสสนิรเปกฺขํ วา สามฺํ ปวตฺตติ. ตถา หิ วทนฺติ –
‘‘ตมตฺถาเปกฺขโต ¶ เภทํ, สสามฺํ ชหาติ โน;
คณฺหาติ สํสยุปฺปาทา, สเมเวกตฺถกํ ทฺวย’’นฺติ.
สลกฺขณธารเณน จาติ เยน สลกฺขณธารเณน ‘‘ธาตุโย’’ติ วุจฺจนฺติ, เตเนว ‘‘ธมฺมา’’ติปิ วุจฺจนฺติ อุภยถาปิ นิสฺสตฺตนิชฺชีวตาย เอว วิภาวนโต. เตเนวาห – ‘‘ฉธาตุโรยํ ภิกฺขุ ปุริโส, ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรตี’’ติ จ. อรูปานํ ขณโต รูปานํ ขณสฺส นาติอิตฺตรตายาห ‘‘อตฺตโน ขณานุรูป’’นฺติ. ธรเณนาติ าเนน, ปวตฺตเนนาติ อตฺโถ. ขยฏฺเนาติ ขณภงฺคุตาย. ภยฏฺเนาติ อุทยวยปฏิปีฬนาทินา สปฺปฏิภยตาย. อสารกฏฺเนาติ อตฺตสารวิรเหน.
๓๕๓. สหุปฺปนฺนาว เอตาติ เอตา จตสฺโส ธาตุโย สห อุปฺปนฺนาว สห ปวตฺตมานาว สมานกาเล ลพฺภมานาปิ อวกํสโต สพฺพปริยนฺติเม อุตุจิตฺตาหารสมุฏฺาเนสุ สุทฺธฏฺเก, กมฺมเชสุ ชีวิตนวเกติ เอเกกสฺมึ สุทฺธฏฺกาทิกลาเปปิ ปเทเสน อวินิพฺภุตฺตา วิสุํ วิสุํ อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานตาย. ยตฺถ หิ ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ ปติฏฺาวเสน ¶ ปถวี, ตตฺเถว ตสฺสา อาพนฺธนปริปาจนสมุทีรณวเสน อิตรา. เอส นโย เสสาสุปิ.
๓๕๔. ปุริมา ทฺเว ครุกตฺตา สภาคา อฺมฺนฺติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ นนุ ปถวิยาปิ ลหุภาโว อตฺถิ. ตถา หิ สา ‘‘กกฺขฬํ มุทุกํ สณฺหํ ผรุสํ ครุกํ ลหุก’’นฺติ นิทฺทิฏฺา, อาเปปิ ลหุภาโว ลพฺภเตวาติ? น, นิปฺปริยายครุภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ครุภาโว เอว หิ ปถวีธาตุยา ครุตรํ อุปาทาย ลหุภาโวติ ปริยาเยน วุตฺโต สีตภาโว วิย เตโชธาตุยา. ยทิ เอวํ รูปสฺส ลหุตาติ กถํ? อยมฺปิ วุตฺตนยา เอว ลหุตาการํ อุปาทาย ลพฺภนโต. น หิ ปริจฺเฉทวิการลกฺขณานิ ปรมตฺถโต ลพฺภนฺติ นิปฺผนฺนรูปานํ อวตฺถาวิเสสสภาวโต. ตสฺมา ปรมตฺถสิทฺธํ ครุภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปุริมา ทฺเว ครุกตฺตา สภาคา’’ติ. ‘‘ตถา’’ติ ปเทน ‘‘สภาคา’’ติ อิมมตฺถํ อุปสํหรติ. ‘‘ทฺเว’’ติ ปน อิทํ ยถา ‘‘ปุริมา’’ติ เอตฺถ, เอวํ ‘‘ปจฺฉิมา’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. วิสภาคา ครุกลหุกภาวโตติ อธิปฺปาโย. ยถา จ ครุกลหุกภาเวหิ, เอวํ เปยฺยภาวาเปยฺยภาเวหิ จ สภาควิสภาคตา โยเชตพฺพา.
๓๕๕. อชฺฌตฺติกา ¶ เหฏฺา วุตฺตอชฺฌตฺติกา, สตฺตสนฺตานปริยาปนฺนาติ อตฺโถ. วิฺาณวตฺถุ วิฺตฺติอินฺทฺริยานนฺติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ วิฺาณวตฺถูนํ, ทฺวินฺนํ วิฺตฺตีนํ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยชีวิตินฺทฺริยานฺจ. เย ปน ‘‘วิฺาณวตฺถูติ หทยวตฺถุ คหิต’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ อินฺทฺริย-คฺคหเณน อฏฺนฺนมฺปิ รูปินฺทฺริยานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. ‘‘วุตฺตวิปรีตปฺปการา’’ติ อิทํ พาหิรานํ ธาตูนํ ยถา สพฺพโส วิฺาณวตฺถุวิฺตฺติอินฺทฺริยานํ อนิสฺสยตา จ อิริยาปถวิรโห จ วุตฺตวิปริยาโย, เอวํ จตุสมุฏฺานตาปีติ กตฺวา วุตฺตํ, น ลกฺขณรูปสฺส วิย กุโตจิปิ สมุฏฺานสฺส อภาวโต อุตุสมุฏฺานตาย ตาสํ. ลหุตาทินิสฺสยตาปิ อชฺฌตฺติกานํ ธาตูนํ วตฺตพฺพา, น วา วตฺตพฺพา. วิฺตฺติ-คฺคหณํ หิ ลกฺขณนฺติ.
๓๕๖. อิตราหีติ อาโปเตโชวายุธาตูหิ. เอกสงฺคหาติ สชาติสงฺคเหน เอกสงฺคหา. สมานชาติยานํ หิ สงฺคโห สหชาติสงฺคโห. เตนาห ‘‘สมุฏฺานนานตฺตาภาวโต’’ติ.
๓๕๗. ติณฺณํ ¶ มหาภูตานํ ปติฏฺา หุตฺวา ปจฺจโย โหตีติ เยหิ มหาภูเตหิ สมฺปิณฺฑนวเสน สงฺคหิตา, ปริปาจนวเสน อนุปาลิตา, สมุทีรณวเสน วิตฺถมฺภิตา จ, เตสํ อตฺตนา สหชาตานํ ติณฺณํ มหาภูตานํ ปติฏฺา หุตฺวา ตโต เอว สนฺธารณวเสน อวสฺสโย โหติ, วุตฺตนเยน วา ปติฏฺา หุตฺวา สหชาตาทิวเสน ปจฺจโย โหตีติ. เอส นโย เสสาสุปิ.
๓๕๘. ยทิปิ อฺมฺอาโภคปจฺจเวกฺขณรหิตา เอเต ธมฺมาติ เหฏฺา ธาตูนํ อสมนฺนาหารตา ทสฺสิตา เอว, อถาปิ อิมินาว นเยน วิสุํ กมฺมฏฺานปริคฺคโห กาตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปถวีธาตุ เจตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปถวีธาตุ เจตฺถาติ จ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน อยมฺปิ เอโก มนสิการปฺปกาโรติ ทีเปติ. เอตฺถาติ เอตาสุ ธาตูสุ. อหํ ‘‘ปถวีธาตู’’ติ วา ‘‘ปจฺจโย โหมี’’ติ วา น ชานาตีติ อตฺตนิ วิย อตฺตโน กิจฺเจ จ อาโภคาภาวํ ทสฺเสตฺวา อุปการกสฺส วิย อุปกตฺตพฺพานมฺปิ อาโภคาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิตรานิปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ สพฺพาสุ ธาตูสุ, ตตฺถาปิ อตฺตกิจฺจุปกตฺตพฺพเภเทสุ สพฺเพสุ.
๓๕๙. ปจฺจยวิภาคโตติ ปจฺจยธมฺมวิภาคโต เจว ปจฺจยภาววิภาคโต จ. ‘‘ปจฺจยโต’’ติ หิ อิมินา ปถวีอาทีนํ อฺาสาธารโณ ปติฏฺาภาวาทินา เสสภูตตฺตยสฺส ปจฺจยภาโว วุตฺโต. อิธ ปน เยหิ ธมฺเมหิ ปถวีอาทีนํ อุปฺปตฺติ, เตสํ ปถวีอาทีนฺจ อนวเสสโต ¶ ปจฺจยภาววิภาโค วุจฺจตีติ อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อาการานํ วิเสโส. กมฺมนฺติ กุสลากุสลํ รูปุปฺปาทกํ กมฺมํ. จิตฺตนฺติ ยํ กิฺจิ รูปุปฺปาทกํ จิตฺตํ. อาหาโรติ อชฺฌตฺติโก รูปุปฺปาทโก อาหาโร. อุตูติ โย โกจิ อุตุ, อตฺถโต เตโชธาตุ. กมฺมเมวาติ อวธารณํ สมุฏฺานสงฺกราภาวทสฺสนตฺถํ, เตน อกมฺมชานมฺปิ เกสฺจิ กมฺมสฺส ปริยายปจฺจยภาโว ทีปิโต โหติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กมฺมปจฺจยจิตฺตสมุฏฺาน’’นฺติอาทิ. นนุ จ กมฺมสมุฏฺานานํ กมฺมโต อฺเนปิ ปจฺจเยน ภวิตพฺพนฺติ? ภวิตพฺพํ, โส ปน กมฺมคติโกวาติ ปฏิโยคีนิวตฺตนตฺถํ อวธารณํ กตํ, เตนาห ‘‘น จิตฺตาทโย’’ติ. จิตฺตาทิสมุฏฺานานนฺติ เอตฺถาปิ อยมตฺโถ ยถารหํ วตฺตพฺโพ. อิตเรติ จิตฺตาทิโต ¶ อฺเ. ชนกปจฺจโยติ สมุฏฺาปกตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปจฺจโย ปน กมฺมปจฺจโยว. วุตฺตํ หิ ‘‘กุสลากุสลา เจตนา วิปากานํ ขนฺธานํ กฏตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๗).
เสสานนฺติ จิตฺตาทิสมุฏฺานานํ. ปริยายโต อุปนิสฺสยปจฺจโย โหตีติ ปฏฺาเน (ปฏฺา. ๑.๑.๙) อรูปานํเยว อุปนิสฺสยปจฺจยสฺส อาคตตฺตา นิปฺปริยาเยน รูปธมฺมานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย นตฺถิ. สุตฺเต ปน ‘‘ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วนสณฺฑํ อุปนิสฺสายา’’ติ วจนโต สุตฺตนฺติกปริยาเยน วินา อภาโว อุปนิสฺสยปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ. จิตฺตํ ชนกปจฺจโย โหตีติ สหชาตนิสฺสยาหาราทิวเสน ปจฺจโย โหนฺตํ จิตฺตํ สมุฏฺาปกตํ อุปาทาย ‘‘ชนกปจฺจโย โหตี’’ติ วุตฺตํ. อาหารอุตูสุปิ เอเสว นโย.
เอวํ กมฺมาทีนํ ปจฺจยธมฺมานํ วเสน ธาตูสุ ปจฺจยวิภาคํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํสมุฏฺานานํ ธาตูนมฺปิ วเสน ปจฺจยวิภาคํ ทสฺเสนฺโต ปมํ ตาว ‘‘กมฺมสมุฏฺานํ มหาภูต’’นฺติอาทินา อุทฺทิสิตฺวา ปุน ‘‘ตตฺถ กมฺมสมุฏฺานา ปถวีธาตู’’ติอาทินา นิทฺทิสติ. ตตฺถ กมฺมสมุฏฺานา ปถวีธาตูติ ‘‘กมฺมสมุฏฺานํ มหาภูต’’นฺติ เอตฺถ สามฺโต วุตฺตา กมฺมชปถวีธาตุ. กมฺมสมุฏฺานานํ อิตราสนฺติ กมฺมชานํ อาโปธาตุอาทีนํ ติสฺสนฺนํ ธาตูนํ สหุปฺปตฺติยา อตฺตโน อุปการกานํ ตาสํ อุปการกโต, อาธารภาวโต, อุปฺปาทโต ยาว ภงฺคาธรณโต, วิคมาภาวโต จ สหชาตอฺมฺนิสฺสยอตฺถิอวิคตวเสน เจว ปติฏฺาวเสน จ ปจฺจโย โหติ, โหนฺตี จ กมฺมํ วิย อตฺตโน, ตาสฺจ น ชนกวเสน ปจฺจโย โหติ อสมุฏฺาปกตฺตา ตาสํ. กามฺเจตฺถ นิสฺสยปจฺจย-คฺคหเณเนว ปติฏฺาภาโว สงฺคหิโต, ปถวีธาตุยา ปน อนฺสาธารณกิจฺจํ สหชาตานํ ปติฏฺาภาโวติ อิมํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘ปติฏฺาวเสน จา’’ติ วิสุํ กตฺวา วุตฺตํ. อาพนฺธนวเสน จาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ติสนฺตติมหาภูตานนฺติ อุตุจิตฺตาหารสมุฏฺานานํ จตุมหาภูตานํ อฺมฺํ อโวกิณฺณานํ, อวิจฺเฉเทน ปวตฺตึ อุปาทาย สนฺตตีติ สนฺตติคฺคหณํ. ปถวีธาตุยา ปติฏฺาภาโว นาม สหชาตานํ ธมฺมานํเยวาติ อาห ‘‘น ปติฏฺาวเสนา’’ติ. น อาพนฺธนวเสนาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถาติ ¶ เอเตสุ กมฺมสมุฏฺานมหาภูเตสุ. ‘‘จิตฺตสมุฏฺานา ปถวีธาตุ จิตฺตสมุฏฺานานํ อิตราส’’นฺติอาทีสุ สุกโร ตนฺตินโย เนตุนฺติ ‘‘จิตฺตอาหาร…เป… เอเสว นโย’’ติ อติทิสติ.
สหชาตาทิปจฺจยวสปฺปวตฺตาสุ จ ปนาติ เอตฺถ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, ปน-สทฺโท วิเสสตฺโถ, ตทุภเยน จ ยถาวุตฺตสหชาตาทิปจฺจเยหิ ปวตฺตมานา ธาตุโย อิมินา วิเสเสน ปวตฺตนฺตีติ อิมมตฺถํ ทีเปติ.
อิทานิ ตํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกํ ปฏิจฺจา’’ติคาถมาห. ตตฺถ เอกํ ธาตุํ ปฏิจฺจ ติสฺโส ธาตุโย จตุธา สมฺปวตฺตนฺติ, ติสฺโส ธาตุโย ปฏิจฺจ เอกาว ธาตุ จตุธา สมฺปวตฺตติ, ทฺเว ธาตุโย ปฏิจฺจ ทฺเว ธาตุโย ฉธา สมฺปวตฺตนฺตีติ โยชนา. อตฺโถ ปน ปถวีอาทีสุ เอเกกิสฺสา ปจฺจยภาเว อิตราสํ ติสฺสนฺนํ ติสฺสนฺนํ ปจฺจยุปฺปนฺนตาติ อยเมโก จตุกฺโก, ติสฺสนฺนํ ติสฺสนฺนํ ปจฺจยภาเว อิตราย เอเกกิสฺสา ปจฺจยุปฺปนฺนตาติ อยมปโร จตุกฺโก, ปมทุติยา, ตติยจตุตฺถา, ปมตติยา, ทุติยจตุตฺถา, ปมจตุตฺถา, ทุติยตติยาติ อิมาสํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ปจฺจยภาเว ตตฺถ ตตฺถ อิตราสํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ปจฺจยุปฺปนฺนตาติ อยเมโก ฉกฺโก. เอวํ ปจฺจยภาเวน จตุธา, ฉธา จ ปวตฺตมานานํ เอกกทฺวิกติกวเสน ติกทุกเอกกวเสน จ ยถากฺกมํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาวิภาโค เวทิตพฺโพ. อยฺจ ปจฺจยภาโว สหชาตอฺมฺนิสฺสยอตฺถิอวิคตปจฺจยวเสน, ตตฺถาปิ จ อฺมฺมุเขเนว เวทิตพฺโพ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ปฏิจฺจวาเร ‘‘เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ตโย มหาภูตา, ตโย มหาภูเต ปฏิจฺจ เอกํ มหาภูตํ, ทฺเว มหาภูเต ปฏิจฺจ ทฺเว มหาภูตา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๕๓).
อภิกฺกมปฏิกฺกมาทีติ อาทิ-สทฺเทน อาทานวิสฺสชฺชนาทิกายิกกิริยากรณสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อุปฺปีฬนสฺส ปจฺจโย โหติ ฆฏฺฏนกิริยาย ปถวีธาตุวเสน สิชฺฌนโต. สาวาติ ปถวีธาตุเยว. อาโปธาตุยา อนุคตา อาโปธาตุยา ตตฺถ อปฺปธานภาวํ, ปถวีธาตุยา จ ¶ ปธานภาวนฺติ ปติฏฺาภาเว วิย ปติฏฺาปเนปิ สาติสยกิจฺจตฺตา ตสฺสา ปติฏฺาปนสฺส ปาทฏฺปนสฺส ปจฺจโย โหตีติ ¶ สมฺพนฺโธ. อวกฺเขปนสฺสาติ อโธนิกฺขิปนสฺส. ตตฺถ จ ครุตรสภาวาย อาโปธาตุยา สาติสโย พฺยาปาโรติ อาห ‘‘ปถวีธาตุยา อนุคตา อาโปธาตู’’ติ. ตถา อุทฺธงฺคติกา เตโชธาตูติ อุทฺธรเณ วาโยธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว วุตฺโต. ติริยํ คติกาย วาโยธาตุยา อติหรณวีติหรเณสุ สาติสโย พฺยาปาโรติ เตโชธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว คหิโต. ตตฺถ ิตฏฺานโต อภิมุขํ ปาทสฺส หรณํ อติหรณํ, ปุรโต หรณํ. ตโต โถกํ วีติกฺกมฺม หรณํ วีติหรณํ, ปสฺสโต หรณํ.
เอเกเกน มุเขนาติ ‘‘ปตฺถฏตฺตา ปถวี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๓๔๗) วิภตฺเตสุ เตรสสุ อากาเรสุ เอเกเกน ธาตูนํ ปริคฺคณฺหนมุเขน. สฺวายนฺติ โส อยํ อุปจารสมาธิ. กถํ ปนสฺส ววตฺถานปริยาโยติ อาห ‘‘จตุนฺนํ ธาตูน’’นฺติอาทิ.
๓๖๐. อิทานิ อิมิสฺสา ภาวนาย อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘อิทฺจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สฺุตํ อวคาหตีติ ธาตุมตฺตตาทสฺสเนน รูปกายสฺส อนตฺตกตํ ววตฺถาปยโต ตทนุสาเรน นามกายสฺสาปิ อนตฺตกตา สุปากฏา โหตีติ สพฺพโส อตฺตสฺุตํ ปริโยคาหติ ตตฺถ ปติฏฺหติ. สตฺตสฺํ สมุคฺฆาเตตีติ ตโต เอว ‘‘สตฺโต โปโส อิตฺถี ปุริโส’’ติ เอวํ ปวตฺตํ อยาถาวสฺํ อุคฺฆาเตติ สมูหนติ. วาฬมิคยกฺขรกฺขสาทิวิกปฺปํ อนาวชฺชมาโนติ สสนฺตาเน วิย ปรสนฺตาเนปิ ธาตุมตฺตตาย สุทิฏฺตฺตา ขีณาสโว วิย ‘‘อิเม สีหพฺยคฺฆาทโย วาฬมิคา, อิเม ยกฺขรกฺขสา’’ติ เอวมาทิวิกปฺปํ อกโรนฺโต ภยเภรวํ สหติ อภิภวติ. ยถาวุตฺตวิกปฺปนาปชฺชนํ หิ ภยเภรวสหนสฺส การณํ วุตฺตํ. อุคฺฆาโต อุปฺปิลาวิตตฺตํ. นิคฺฆาโต ทีนภาวปฺปตฺติ. มหาปฺโ จ ปน โหติ ธาตุวเสน กาเย สมฺมเทว ฆนวินิพฺโภคสฺส กรณโต. ตถา หิทํ กมฺมฏฺานํ พุทฺธิจริตสฺส อนุกูลนฺติ วุตฺตํ, สุคติปรายโณ วา อินฺทฺริยานํ อปริปกฺกตายนฺติ อธิปฺปาโย.
เอกูนวีสติภาวนานยปฏิมณฺฑิตสฺส
จตุธาตุววตฺถานนิทฺเทสสฺส ลีนตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓๖๑. ‘‘โก ¶ ¶ สมาธี’’ติอาทินา สรูปาทิปุจฺฉา ยาวเทว วิภาคาวโพธนตฺถา. สรูปาทิโต หิ าตสฺส ปเภโท วุจฺจมาโน สุวิฺเยฺโย โหติ สงฺเขปปุพฺพกตฺตา วิตฺถารสฺส, วิตฺถารวิธินา จ สงฺเขปวิธิ สงฺคยฺหตีติ ‘‘สมาธิสฺส วิตฺถารํ ภาวนานยฺจ ทสฺเสตุ’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา ‘‘โก สมาธี’’ติอาทินาปิ สมาธิสฺเสว ปการเภโท ทสฺสียติ, ภาวนานิสํโสปิ ภาวนานยนิสฺสิโต เอวาติ อธิปฺปาเยน ‘‘วิตฺถารํ ภาวนานยฺจ ทสฺเสตุ’’นฺติ วุตฺตํ. สพฺพปฺปการโตติ ปลิโพธุปจฺเฉทาทิกสฺส สพฺพสฺส ภาวนาย ปุพฺพกิจฺจสฺส กรณปฺปการโต เจว สพฺพกมฺมฏฺานภาวนาวิภาวนโต จ.
‘‘สมตฺตา โหตี’’ติ วตฺวา ตเมว สมตฺตภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘ทุวิโธเยวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธ อธิปฺเปโต สมาธีติ โลกิยสมาธึ อาห. ทสสุ กมฺมฏฺาเนสูติ ยานิ เหฏฺา ‘‘อุปจาราวหานี’’ติ วุตฺตานิ ทส กมฺมฏฺานานิ, เตสุ. อปฺปนาปุพฺพภาคจิตฺเตสูติ อปฺปนาย ปุพฺพภาคจิตฺเตสุ อฏฺนฺนํ ฌานานํ ปุพฺพภาคจิตฺตุปฺปาเทสุ. เอกคฺคตาติ เอกาวชฺชนวีถิยํ, นานาวชฺชนวีถิยฺจ เอกคฺคตา. อวเสสกมฺมฏฺาเนสูติ ‘‘อปฺปนาวหานี’’ติ วุตฺเตสุ ตึสกมฺมฏฺาเนสุ.
สมาธิอานิสํสกถาวณฺณนา
๓๖๒. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโว, ตตฺถ สุขวิหาโร ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร. กามํ ‘‘สมาปชฺชิตฺวา’’ติ เอเตน อปฺปนาสมาธิเยว วิภาวิโต, ‘‘เอกคฺคจิตฺตา’’ติ ปน ปเทน อุปจารสมาธิโนปิ คหณํ โหตีติ ตโต นิวตฺตนตฺถํ ‘‘อปฺปนาสมาธิภาวนา’’ติ วุตฺตํ. น โข ปเนเตติ เอเต พาหิรกภาวิตา ฌานธมฺมา จิตฺเตกคฺคตามตฺตกรา. อริยสฺส วินเย พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน ‘‘สลฺเลขา’’ติ น วุจฺจนฺติ กิเลสานํ สลฺเลขนปฏิปทา น โหตีติ กตฺวา, สาสเน ปน อวิหึสาทโยปิ สลฺเลขาว โลกุตฺตรปาทกตฺตา.
สมฺพาเธติ ตณฺหาสํกิเลสาทินา สํกิลิฏฺตาย ปรมสมฺพาเธ อติวิย สงฺกฏฏฺานภูเต สํสารปฺปวตฺเต. โอกาสาธิคมนเยนาติ อตฺถปฏิลาภโยคฺคสฺส นวมขณสงฺขาตสฺส โอกาสสฺส อธิคมนเยน. ตสฺส ¶ หิ ทุลฺลภตาย อปฺปนาธิคมมฺปิ อนธิคมยมาโน สํเวคพหุโล ปุคฺคโล อุปจารสมาธิมฺหิเยว ¶ ตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติ ‘‘สีฆํ สํสารทุกฺขํ สมติกฺกมิสฺสามี’’ติ.
อภิฺาปาทกนฺติ อิทฺธิวิธาทิอภิฺาาณปาทกภูตํ อธิฏฺานภูตํ. โหตีติ วุตฺตนยาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, เตน ‘‘อิมินา ปกาเรน วุตฺตนยา’’ติ เสสาภิฺานมฺปิ วุตฺตปฺปการํ สงฺคณฺหาติ. สติ สติ อายตเนติ ปุริมภวสิทฺเธ อภิฺาธิคมสฺส การเณ วิชฺชมาเน. อภิฺาธิคมสฺส หิ อธิกาโร อิจฺฉิตพฺโพ, โย ‘‘ปุพฺพเหตู’’ติ วุจฺจติ. น สมาปตฺตีสุ วสีภาโว. เตนาห ภควา ‘‘สติ สติ อายตเน’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๕๘; อ. นิ. ๓.๑๐๒). อภิฺาสจฺฉิกรณียสฺสาติ วกฺขมานวิภาคาย อภิวิสิฏฺาย ปฺาย สจฺฉิกาตพฺพสฺส. ธมฺมสฺสาติ ภาเวตพฺพสฺส เจว วิภาเวตพฺพสฺส จ ธมฺมสฺส. อภิฺาสจฺฉิกิริยาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมตีติ โยชนา. ตตฺร ตตฺเรวาติ ตสฺมึ ตสฺมึเยว สจฺฉิกาตพฺพธมฺเม. สกฺขิภาวาย ปจฺจกฺขการิตาย ภพฺโพ สกฺขิภพฺโพ, ตสฺส ภาโว สกฺขิภพฺพตา, ตํ สกฺขิภพฺพตํ.
ตํ ตํ ภวคมิกมฺมํ อารพฺภ ภวปตฺถนาย อนุปฺปนฺนายปิ กมฺมสฺส กตูปจิตภาเวเนว ภวปตฺถนากิจฺจํ สิชฺฌตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อปตฺถยมานา วา’’ติ. สห พฺเยติ ปวตฺตตีติ สหพฺโย, สหาโย, อิธ ปน เอกภวูปโค อธิปฺเปโต, ตสฺส ภาโว สหพฺยตา, ตํ สหพฺยตํ.
กึ ปน อปฺปนาสมาธิภาวนาเยว ภววิเสสานิสํสา, อุทาหุ อิตราปีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อุปจารสมาธิภาวนาปี’’ติอาทิ.
นิพฺพานนฺติ ติสฺสนฺนํ ทุกฺขตานํ นิพฺพุตึ. รูปธมฺเม ปริยาปนฺนา วิชฺชมานาปิ สงฺขารทุกฺขตา จิตฺตสฺส อภาเวน อสนฺตสมาว. เตนาห ‘‘สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ. โสฬสหิ าณจริยาหีติ อนิจฺจานุปสฺสนาทุกฺขอนตฺตนิพฺพิทาวิราคนิโรธปฏินิสฺสคฺควิวฏฺฏานุปสฺสนาติ อิมาหิ อฏฺหิ, อฏฺหิ จ อริยมคฺคผลาเณหีติ เอวํ โสฬสหิ. นวหิ สมาธิจริยาหีติ ¶ ปฺจนฺนํ รูปชฺฌานานํ, จตุนฺนํ อรูปชฺฌานานฺจ วเสน เอวํ นวหิ. เกจิ ปน ‘‘จตฺตาโร รูปชฺฌานสมาธี, จตฺตาโร อรูปชฺฌานสมาธี, อุภเยสํ อุปจารสมาธึ เอกํ กตฺวา เอวํ นวา’’ติ วทนฺติ.
สมาธิภาวนาโยเคติ ¶ สมาธิภาวนาย อนุโยเค อนุยฺุชเน, สมาธิภาวนาสงฺขาเต วา โยเค. โยโคติ ภาวนา วุจฺจติ. ยถาห ‘‘โยคา เว ชายตี ภูรี’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒).
๓๖๓. สมาธิปีติ ปิ-สทฺเทน สีลํ สมฺปิณฺเฑติ.
สมาธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ เอกาทสมปริจฺเฉทวณฺณนา.
ปโม ภาโค นิฏฺิโต.