📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

วิสุทฺธิมคฺค-มหาฏีกา

(ทุติโย ภาโค)

๑๒. อิทฺธิวิธนิทฺเทสวณฺณนา

อภิฺากถาวณฺณนา

๓๖๕. สํวณฺณนาวเสน อนนฺตรสมาธิกถาย อาสนฺนปจฺจกฺขตํ ทีเปนฺโต ‘‘อยํ สมาธิภาวนา’’ติ อาห. ‘‘อภิฺา สมฺปาเทตุํ โยโค กาตพฺโพ’’ติ วตฺวา ตตฺถ ปโยชนวิเสเส ทสฺเสตุํ ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ถิรตรภาโว, วิปสฺสนาภาวนาสุขตา จ สมาธิภาวนาย อานิสํโส เอว, ตถาปิ ปฺจ โลกิยาภิฺา ยถาวุตฺตสมาธิภาวนาย อานิสํสภาเวน ปากฏา ปฺาตาติ ตาสํเยว วเสน โยคิโน อธิคตานิสํสตา วุตฺตา, จุทฺทสธา จิตฺตปริทมเนน ถิรตรตา วุตฺตา. โลกิยาภิฺาสุ วสีภาโวปิ สมาธิสฺเสว วสีภาโว, ตถา จ ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๒.๑.๑๔) วจนโต ‘‘สุเขเนว ปฺาภาวนํ สมฺปาเทสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา สมาธิภาวนาย อานิสํสลาโภ ถิรตรตา, สุเขเนว จ ปฺาภาวนา อิชฺฌติ, ตสฺมา อภิฺากถํ ตาว อารภิสฺสาม, ปฺาภาวนาย โอกาเส สมฺปตฺเตปีติ อธิปฺปาโย.

ภควตา ปฺจ โลกิกาภิฺา วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. น จตุกฺกชฺฌานมตฺตเมว อิธ สาสเน สมฺปาเทตพฺพํ, นปิ อิทฺธิวิธาณเมว, อถ โข อฺมฺปิ อตฺถีติ อุตฺตรุตฺตริปณีตปณีตธมฺมเทสนตฺถฺจ.

อิทฺธิวิกุพฺพนนฺติ อิทฺธิสงฺขาตํ ปกติวณฺณชหนกิริยํ, อิทํ อิทฺธีสุ วิกุพฺพนิทฺธิยา ปธานตาย วุตฺตํ, อิทฺธึ วิกุพฺพนฺจาติ เอวํ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. วิกุพฺพนสฺส วิสุํ คหณมฺปิ วุตฺตการเณเนว ทฏฺพฺพํ. อากาสกสิณวเสน อรูปสมาปตฺติโย น สมฺภวนฺติ, อาโลกกสิณฺจ โอทาตกสิณนฺโตคธํ กตฺวา ‘‘โอทาตกสิณปริยนฺเตสู’’ติ วุตฺตํ กสิณานุโลมาทิจิตฺตปริทมนวิธิโน อธิปฺเปตตฺตา, อากาสนิมฺมานาทิอตฺถํ ปน ตทุภยมฺปิ อิจฺฉิตพฺพเมว. อฏฺ อฏฺาติ ยถาวุตฺเตสุ กสิเณสุ เอเกกสฺมึ อฏฺ อฏฺ สมาปตฺติโย. กสิณานุโลมโตติ กสิณปฏิปาฏิโต, ปฏิปาฏิ จ เทสนาวเสน เวทิตพฺพา. ฌานานุโลโม ปน ปฏิปตฺติวเสนปิ. อุกฺกมนํ อุกฺกนฺตํ, อุกฺกนฺตเมว อุกฺกนฺติกํ, ฌานสฺส อุกฺกนฺติกํ ฌานุกฺกนฺติกํ, ตโต, ฌานลงฺฆนโตติ อตฺโถ. องฺคสงฺกนฺติโต องฺคาติกฺกมโต. จิตฺตํ ปริทเมตพฺพํ ยทิจฺฉกํ ยตฺถิจฺฉกํ ฌานานํ สมาปชฺชนาทิสุขตฺถํ, เตสํ อารมฺมณานฺจ สลฺลกฺขณตฺถํ. เอวฺหิสฺส ตตฺถ วิสวิตา สมิชฺฌตีติ.

๓๖๖. ฌานํ สมาปชฺชตีติ กึ จตุพฺพิธมฺปิ ฌานํ สมาปชฺชติ, อุทาหุ เอเกกนฺติ? กิฺเจตฺถ ยทิ จตุพฺพิธมฺปิ สมาปชฺชติ, องฺคสงฺกนฺติโต วิเสโส น สิยา, อถ เอเกกํ อารมฺมณสงฺกนฺติโต. นายํ โทโส อาโภควเสน เตสํ วิเสสสิทฺธิโต. ยทา หิ กสิณานุโลมเมว อาภุชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ กสิเณ ฌานานิ สมาปชฺชติ, น องฺคสงฺกนฺตึ, ตทา กสิณานุโลโม. ยทา ปน องฺคสงฺกนฺตึ อาภุชิตฺวา ฌานานิ สมาปชฺชติ, ตทา องฺคสงฺกนฺติ เวทิตพฺพา. อิมินา นเยน กสิณานุโลมอารมฺมณสงฺกนฺติอาทีนมฺปิ อฺมฺํ วิเสโส เวทิตพฺโพ. อิทํ กสิณานุโลมํ นาม จิตฺตปริทมนนฺติ อธิปฺปาโย.

ตเถวาติ ‘‘ปฏิปาฏิยา อฏฺสุ กสิเณสุ สตกฺขตฺตุมฺปิ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปี’’ติ เอตสฺส อุปสํหารตฺโถ ตถา-สทฺโท. ปฏิโลมโต เจตฺถ ปฏิปาฏิ. เตนาห ‘‘ปฏิโลมกฺกเมนา’’ติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ปมํ โอทาตกสิเณ ฌานํ สมาปชฺชติ, ตโต โลหิตกสิเณติ ยาว ปถวีกสิณา วตฺตพฺพา.

ปุนปฺปุนํ สมาปชฺชนนฺติ ‘‘สตกฺขตฺตุํ สหสฺสกฺขตฺตุ’’นฺติ วุตฺตํ พหุลาการมาห.

ตตฺเถวาติ ปถวีกสิเณเยว. ตโตติ ปจฺฉา ตติยชฺฌานโต วุฏฺานนฺตรกาลํ. ตเทวาติ ปถวีกสิณเมว. ตโต อากิฺจฺายตนนฺติ ตโต ปถวีกสิณุคฺฆาฏิมากาเส ปวตฺติตอากาสานฺจายตนสมาปตฺติโต วุฏฺาย วิฺาณฺจายตนํ อมนสิกริตฺวา ตํ ลงฺฆิตฺวา ยถาวุตฺตอากาสานฺจายตนวิฺาณสฺส อภาเว ปวตฺติตํ อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชติ. ปถวีกสิณุคฺฆาฏิมากาสกสิณํ ปถวีกสิณปกฺขิกเมว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘กสิณํ อนุกฺกมิตฺวา’’ติ. อถ วา อฏฺสุ กสิเณสุ กสฺสจิ อุกฺกมนํ อิธ กสิณุกฺกนฺติกํ นามาติ อาห ‘‘กสิณํ อนุกฺกมิตฺวา’’ติ. ฌานุกฺกนฺติกนฺติ เอตฺถ อิจฺฉิตํ อวธารเณน นิวตฺเตตพฺพํ, อุกฺกมนสฺส จ สรูปํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ กสิณ’’นฺติอาทึ วตฺวา ปุน ตํ ปการํ สห นิสฺสเยน เสสกสิเณสุ อติทิสนฺโต ‘‘เอวํ อาโปกสิณาทิ…เป… กาตพฺพา’’ติ อาห. เตนาห ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทิ. ยถา ปมชฺฌานมูลกํ ปถวีกสิณาทีสุ ฌานุกฺกนฺติกํ ทสฺสิตํ, เอวํ ทุติยชฺฌานาทิมูลกมฺปิ ตํ ยถารหํ ทสฺเสตพฺพํ.

ตเทวาติ ปมชฺฌานเมว. กสิณุกฺกนฺติเกปิ อาโปกสิณาทิมูลิกา โยชนา วุตฺตนเยเนว กาตพฺพา, ตถา ยถารหํ ทุติยชฺฌานาทิมูลิกา.

โลหิตกสิณโต อากิฺจฺายตนนฺติ โลหิตกสิณํ อาวชฺเชนฺโต อภิมุขํ กตฺวา ตสฺส อุคฺฆาฏเนน อุปฏฺิเต กสิณุคฺฆาฏิมากาเส อมนสิกาเรน อากาสานฺจายตนชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตตฺถ ปุพฺเพ ปวตฺตวิฺาณสฺส อปคมํ อารมฺมณํ กตฺวา อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชติ.

อิตเรสนฺติ อวสิฏฺรูปาวจรชฺฌานานํ. น หิ อรูปชฺฌาเนสุ องฺคสงฺกนฺติ อตฺถิ, นาปิ ตานิ ปถวีกสิเณ ปวตฺตนฺติ. ยํ ปน องฺคารมฺมณสงฺกนฺติวจเน ‘‘นีลกสิณํ อุคฺฆาเฏตฺวา อากาสานฺจายตน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ตํ ยถาลาภวเสน วุตฺตํ, ปริยาเยน วาติ ทฏฺพฺพํ. นิปฺปริยายโต ปน ยถา องฺคสงฺกนฺติ รูปชฺฌาเนสุ เอว ลพฺภติ, เอวํ อรูปชฺฌาเนสุ เอว อารมฺมณสงฺกนฺติ. ตสฺส ตสฺเสว หิ ฌานสฺส อารมฺมณนฺตเร ปวตฺติ อารมฺมณสงฺกนฺติ. เตนาห ‘‘สพฺพกสิเณสุ เอกสฺเสว ฌานสฺส สมาปชฺชนํ อารมฺมณสงฺกนฺติกํ นามา’’ติ.

ยถา ปน ‘‘สพฺพกสิเณสู’’ติ อิมินา อากาสวิฺาณกสิณานมฺปิ สงฺคโห โหตีติ น สกฺกา วตฺตุํ อิธ อฏฺนฺนํเยว กสิณานํ อธิคตตฺตา, เอวํ สพฺพมฺปิ อรูปชฺฌานํ ‘‘เอกํ ฌาน’’นฺติ น สกฺกา วตฺตุํ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ วเสน จิตฺตปริทมนสฺส อิจฺฉิตตฺตา. ตสฺมา อารุปฺปชฺฌานานํ วเสน องฺคารมฺมณสงฺกนฺติ ปริยาเยน วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ปีตกสิณุคฺฆาฏิมากาเส ยํ ปมารุปฺปวิฺาณํ, ตทารมฺมณํ วิฺาณฺจายตนํ สนฺธายาห ‘‘ปีตกสิณโต วิฺาณฺจายตนํ สมาปชฺชิตฺวา’’ติ. อิมินา นเยน เสสทฺวเยปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอกนฺตริกวเสนาติ อฺตฺโถ อนฺตร-สทฺโท. อนฺตรเมว อนฺตริกํ, เอกชฺฌํ อนฺตริกํ เอตสฺมินฺติ เอกนฺตริกํ, ฌานสมาปชฺชนํ, ตสฺส วเสน. ยถา องฺคานํ, อารมฺมณสฺส จ เอกชฺฌํ อฺถา วิเสโส โหติ, ตถา สมาปชฺชนวเสนาติ. โส ปน วิเสโส เหฏฺิมานํ เตสํ องฺคารมฺมณานํ สมติกฺกมนวเสน โหตีติ วุตฺตํ ‘‘เอกนฺตริกวเสน องฺคานฺจ อารมฺมณานฺจ สงฺกมน’’นฺติ. ‘‘อิทํ ฌานํ ปฺจงฺคิก’’นฺติอาทินา องฺเคสุ, ‘‘อิทํ ปถวีกสิณ’’นฺติอาทินา อารมฺมเณสุ จ ววตฺถาปิเตสุ เอกชฺฌํ เตสํ ววตฺถาปเน น โกจิ วิเสโส อตฺถีติ อฏฺกถาสุ อยํ วิธิ นาภโต. เอวฺจ กตฺวา ฌานุกฺกนฺติกาทีสุ ปฏิโลมกฺกเมน, อนุโลมปฏิโลมกฺกเมน จ เอกนฺตริกภาเวน ลพฺภมานมฺปิ ฌานาทีนํ อุกฺกมนํ น อุทฺธฏํ, เตหิ นเยหิ วินาปิ จิตฺตปริทมนํ อิชฺฌตีติ ปปฺจปริหารตฺถํ วา เต อฏฺกถาสุ อนาคตาติ ทฏฺพฺพํ.

๓๖๗. อภาวิตภาวโน ฌานาภิฺาสุ อกตาธิกาโร. ตตฺถ อุปนิสฺสยรหิโตปีติ เกจิ. อาทิภูตํ โยคกมฺมํ อาทิกมฺมํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ อาทิกมฺมิโก, ปุพฺเพ อกตปริจโย ภาวนํ อนุยุฺชนฺโต. เตนาห ‘‘โยคาวจโร’’ติ. กสิณปริกมฺมมฺปิ ภาโรติ โทสวิวชฺชนาทิวิธินา กสิณมณฺฑเล ปฏิปตฺติ ยาว อุคฺคหนิมิตฺตุปฺปตฺติ กสิณปริกมฺมํ, ตมฺปิ นาม ภาโร, ปเคว อิทฺธิวิกุพฺพนาติ อธิปฺปาโย. นิมิตฺตุปฺปาทนนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปาทนํ. ตํ วฑฺเฒตฺวาติ ตํ นิมิตฺตํ, ภาวนฺจ วฑฺเฒตฺวา. น หิ ภาวนาย วินาว นิมิตฺตวฑฺฒนํ ลพฺภติ. เกจิ อุปจารสมาธึ ลภิตฺวา อปฺปนาสมาธึ อธิคนฺตุํ น สกฺโกนฺติ, ตาทิสาปิ พหู โหนฺเตวาติ อาห ‘‘อปฺปนาธิคโม ภาโร’’ติ. อปฺปนาธิคโมติ วา อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ อธิคมมาห. อฺโว สมาปตฺตีนํ อุปนิสฺสโย, อฺโ อภิฺานนฺติ อาห ‘‘ปริทมิตจิตฺตสฺสาปิ อิทฺธิวิกุพฺพนํ นาม ภาโร’’ติ. ขิปฺปํ นิสนฺติ นิสามนํ ฌานจกฺขุนา ปถวีกสิณาทิฌานารมฺมณสฺส ทสฺสนํ เอตสฺสาติ ขิปฺปนิสนฺติ, สีฆตรํ ฌานํ สมาปชฺชิตา, ตสฺส ภาโว ขิปฺปนิสนฺติภาโว. อมฺพตรุนิจิตํ มหามหินฺทตฺเถราทีหิ โอติณฺณฏฺานํ เถรมฺพตฺถลํ. ยถา ปฏิปกฺขวิชยาย โยธาชีวา นิมฺมลเมว อสิโตมราทึ คเหตฺวา วิจรนฺติ, เอวํ ภิกฺขุนาปิ กิเลสวิชยาย นิมฺมลาว ฌานาภิฺา วฬฺชิตพฺพาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ปติฏฺาภาโวติ อิธ ปรสฺส อุปทฺทวูปสมนํ อธิปฺเปตํ. ตํ หิ ขิปฺปนิสนฺติภาวโตปิ ครุตรํ อจฺจายิกกิจฺจสาธนวเสน วิธาตพฺพโต ทุรภิสมฺภวตรตฺตา. ตํ ปน รกฺขิตตฺเถรนิทสฺสเนเนว สิทฺธมฺปิ ตโต ครุตเรน องฺคารวสฺสปริตฺตาเณน วิภาเวตุํ ‘‘คิริภณฺฑวาหนปูชาย…เป… เถโร วิยา’’ติ อาห. คิริภณฺฑวาหนปูชา นาม เจติยคิริมาทึ กตฺวา สกลทีเป, สมุทฺเท จ ยาว โยชนา มหตี ทีปปูชา. ปถวึ มาเปตฺวาติ มาเรน ปวตฺติตํ องฺคารวสฺสํ ผุลิงฺคมตฺเตนปิ ยาว มนุสฺเส น ปาปุณาติ, ตาวเทว อากาเส ปถวึ นิมฺมินิตฺวา.

พลวปุพฺพโยคานนฺติ ครุตรูปนิสฺสยานํ, อิทฺธิวิธาทีนํ เหตุภูตมหาภินีหารานนฺติ อตฺโถ. อคฺคสาวกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน เอกจฺเจ มหาสาวเก สงฺคณฺหาติ. ภาวนานุกฺกโม ยถาวุตฺตํ จิตฺตปริทมนํ. ปฏิสมฺภิทาทีติ อาทิ-สทฺเทน านาานาณาทีนมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ, น เสสาภิฺานเมว. สาวกานมฺปิ หิ านาานาณาทีนิ ปเทสวเสน อิชฺฌนฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปุพฺพเหตุสมฺปนฺนสฺเสว ยถาวุตฺตํ ภาวนานุกฺกมํ วินา อภิฺาโย อิชฺฌนฺติ, น อิตรสฺส, ตสฺมา. อคฺคิธมนาทีหีติ อคฺคิมฺหิ ตาปนโกฏฺฏนาทีหิ. ยถา จาติ -สทฺเทน ลาขาการาทีนํ ลาขาโกฏฺฏนาทึ อวุตฺตมฺปิ สงฺคณฺหาติ. ฉนฺท…เป… วเสนาติ ‘‘ฉนฺทวโต เจ อภิฺา สิชฺฌติ, มยฺหมฺปิ สิชฺฌตี’’ติ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ สีสํ ธุรํ เชฏฺํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา, ฉนฺทํ วา อุปฺปาเทตฺวา ตํ ภาวนาย มุขํ กตฺวา ฌานสฺส สมาปชฺชนวเสน. เอเสว นโย เสเสสุปิ. ‘‘อาวชฺชนาทิวสีภาววเสนา’’ติ อิทํ อฏฺสุปิ สมาปตฺตีสุ สาติสยํ วสีภาวาปาทนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺจ โข อาทิกมฺมิกวเสน, น กตาธิการวเสนาติ อาห ‘‘ปุพฺพเหตุ…เป… วฏฺฏตี’’ติ. ปุพฺพเหตุสมฺปนฺนสฺส หิ ยํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อภิฺา นิพฺพตฺเตตพฺพา, ตตฺเถว สาติสยํ จิณฺณวสิตาปิ อิจฺฉิตพฺพา, น สพฺพตฺเถวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘จตุตฺถชฺฌานมตฺเต จิณฺณวสินา’’ติ วจนโต อรูปสมาปตฺติโย วินาปิ อภิฺา อิชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. ตมฺปิ ยทิ ปุพฺพเหตุสมฺปนฺนสฺส วเสน วุตฺตํ, ยุตฺตเมว. อเถตรสฺส, เตสํ มติมตฺตํ. ยถาติ เยน ปกาเรน เยน วิธินา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ อิทฺธิวิธนิปฺผาทเน.

๓๖๘. ตตฺราติ จ ตเทว ปจฺจามสติ. ปาฬินยานุสาเรเนวาติ ปาฬิคติยา อนุสรเณเนว, ปาสํวณฺณนานุกฺกเมเนวาติ อตฺโถ. ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ วตฺวา ‘‘โส’’ติ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘อธิคตจตุตฺถชฺฌาโน โยคี’’ติ. ‘‘เอวํ สมาหิเต’’ติ เอตฺถ เอวํ-สทฺโท เหฏฺาฌานตฺตยาธิคมปฏิปาฏิสิทฺธสฺส จตุตฺถชฺฌานสมาธานสฺส นิทสฺสนตฺโถติ อาห ‘‘เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมต’’นฺติ, จตุตฺถชฺฌานสฺส, ตสฺส จ อธิคมกฺกมสฺส นิทสฺสนํ. เยน สมาธานานุกฺกเมน จตุตฺถชฺฌานสมาธิ ลทฺโธ, ตทุภยนิทสฺสนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิมินา…เป… วุตฺตํ โหตี’’ติ. ยทิปิ ‘‘เอว’’นฺติ อิทํ อาคมนสมาธินา สทฺธึ จตุตฺถชฺฌานสมาธานํ ทีเปติ. สติปาริสุทฺธิสมาธิ เอว ปน อิทฺธิยา อธิฏฺานภาวโต ปธานนฺติ อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต’’ติ. อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวนาติ อุเปกฺขาย ชนิตสติปาริสุทฺธิสพฺภาเวน. สพฺพปจฺจนีกธมฺมูปกฺกิเลสปริสุทฺธาย หิ ปจฺจนีกสมเนปิ อพฺยาวฏาย ปาริสุทฺธิอุเปกฺขาย วตฺตมานาย จตุตฺถชฺฌานํ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จ สุปริสุทฺธา, สุวิสทา จ โหนฺติ, สติสีเสน ปน ตตฺถ เทสนา กตาติ อาห ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุทฺเธ’’ติ. ปริสุทฺธิยา เอว ปจฺจยวิเสเสน ปวตฺติวิเสโส ปริโยทาตตา สุธนฺตสุวณฺณสฺส นิฆํสเนน ปภสฺสรตา วิยาติ อาห ‘‘ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.

สุขาทีนํ ปจฺจยานํ ฆาเตนาติ สุขโสมนสฺสานํ, ทุกฺขโทมนสฺสานฺจ ยถากฺกมํ ราคโทสปจฺจยานํ วิกฺขมฺภเนน. ‘‘สุขํ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โสมนสฺสํ ราคสฺส, ทุกฺขํ โทมนสฺสสฺสา’’ติ หิ วุตฺตํ. ยถา ราคาทโย เจตโส มลาสุจิภาเวน ‘‘องฺคณานี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ อุปคนฺตฺวา กิเลสนฏฺเน อุปกฺกิเลสาติ อาห ‘‘อนงฺคณตฺตาเยว วิคตูปกฺกิเลเส’’ติ. เตนาห ‘‘องฺคเณน หิ ตํ จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสตี’’ติ, วิพาธียติ อุปตาปียตีติ อตฺโถ. สุภาวิตตฺตาติ ปคุณภาวาปาทเนน สุฏฺุ ภาวิตตฺตา. เตนาห ‘‘วสีภาวปฺปตฺเต’’ติ, อาวชฺชนาทินา ปฺจธา, จุทฺทสวิเธน วา ปริทมเนน วสวตฺติตํ อุปคเตติ อตฺโถ. วเส วตฺตมานํ หิ จิตฺตํ ปคุณภาวาปตฺติยา สุปริมทฺทิตํ วิย จมฺมํ, สุปริกมฺมกตา วิย จ ลาขา มุทุนฺติ วุจฺจติ. กมฺมกฺขเมติ วิกุพฺพนาทิอิทฺธิกมฺมกฺขเม. ตฺจ อุภยนฺติ มุทุตากมฺมนิยทฺวยํ.

นาหนฺติอาทีสุ น-กาโร ปฏิเสธตฺโถ. อหนฺติ สตฺถา อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ภิกฺขเวติ ภิกฺขู อาลปติ. อฺนฺติ อิทานิ วุจฺจมานจิตฺตโต อฺํ. เอกธมฺมมฺปีติ เอกมฺปิ สภาวธมฺมํ น สมนุปสฺสามีติ สมฺพนฺโธ. อยํ เหตฺถ อตฺโถ – อหํ, ภิกฺขเว, สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโตปิ อฺํ เอกธมฺมมฺปิ น สมนุปสฺสามิ. ยํ วสีภาวาปาทเนน ภาวิตํ, ตถา ปุนปฺปุนํ กรเณน พหุลีกตํ, เอวํ สวิเสสมุทุภาวปฺปตฺติยา มุทุํ, กมฺมกฺขมตาย กมฺมนิยฺจ โหติ. ยถยิทํ จิตฺตนฺติ อตฺตโน, เตสฺจ ปจฺจกฺขตาย เอวมาหาติ. ยถา ยถาวุตฺตา ปริสุทฺธตาทโย น วิคจฺฉนฺติ, เอวํ สุภาวิตํ จิตฺตํ.

ตตฺถ อวฏฺิตํ อิธ ‘‘ิตํ, อาเนฺชปฺปตฺต’’นฺติ จ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอเตสุ ปริสุทฺธตาทีสุ ิตตฺตา ิเต, ิตตฺตาเยว อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ. ยถา มุทุกมฺมฺตา วสีภาวปฺปตฺติยา ลกฺขียนฺติ, เอวํ วสีภาวปฺปตฺติปิ มุทุกมฺมฺตาหิ ลกฺขียตีติ, มุทุกมฺมฺภาเวน วา อตฺตโน วเส ิตตฺตา ‘‘ิเต’’ติ วุตฺตํ. ยถา หิ การเณน ผลํ นิทฺธรียติ, เอวํ ผเลนาปิ การณํ นิทฺธรียตีติ นิจฺจลภาเวน อวฏฺานํ อาเนฺชปฺปตฺติ. สา จ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน, ปฏิปกฺเขหิ อกมฺมนิยตาย จ สมฺภวนฺตี สทฺธาทิพลานํ อานุภาเวน โหตีติ ‘‘สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘สทฺธาปริคฺคหิตํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาปริคฺคหิตนฺติ เอวํ สุภาวิตํ วสีภาวปฺปตฺตํ เอตํ จิตฺตํ เอกํเสน อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย สํวตฺตตีติ เอวํ ปวตฺตาย สทฺธาย ปริคฺคหิตํ ยถาวุตฺตสทฺธาพเลน อุปตฺถมฺภิตํ. อสฺสทฺธิเยนาติ ตปฺปฏิปกฺเขน อสฺสทฺธิเยน เหตุนา น อิฺชติ น จลติ น กมฺปติ, อฺทตฺถุ อุปริ วิเสสาวหภาเวเนว ติฏฺติ. วีริยปริคฺคหิตนฺติอาทีสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – วีริยปริคฺคหิตนฺติ วสีภาวาปาทนปริทมนสาธเนน วีริเยน อุปตฺถมฺภิตํ. สติปริคฺคหิตนฺติ ยถาวุตฺเต ภาวนาพหุลีกาเร อสมฺโมสสาธิกาย, กุสลานฺจ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเนสมานาย สติยา อุปตฺถมฺภิตํ. สมาธิปริคฺคหิตนฺติ ตตฺเถว อวิกฺเขปสาธเนน สมาธาเนน อุปตฺถมฺภิตํ. ปฺาปริคฺคหิตนฺติ ตสฺสา เอว ภาวนาย อุปการานุปการธมฺมานํ ปชานนลกฺขณาย ปฺาย อุปตฺถมฺภิตํ. โอภาสคตนฺติ าโณภาสสหคตํ. โอภาสภูเตน หิ ยถาวุตฺตสมาธานสํวทฺธิเตน าเณน สํกิเลสปกฺขํ ยาถาวโต ปสฺสนฺโต ตโต อุตฺรสนฺโต โอตฺตปฺปนฺโต ตํ อธิภวติ, น เตน อภิภูยติ. เตนาห ‘‘กิเลสนฺธกาเรน น อิฺชตี’’ติ. เอเตน าณปริคฺคหิตํ หิโรตฺตปฺปพลํ ทสฺเสติ.

อฏฺงฺคสมนฺนาคตนฺติ จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิตตา, ปริสุทฺธตา, ปริโยทาตตา, อนงฺคณตา, วิคตูปกฺกิเลสตา, มุทุภาโว, กมฺมนิยตา, อาเนฺชปฺปตฺติยา ิตตา, สมาหิตสฺส วา จิตฺตสฺส อิมานิ องฺคานีติ ‘‘สมาหิเต’’ติ อิมํ องฺคภาเวน อคฺคเหตฺวา ิติอาเนฺชปฺปตฺติโย วิสุํ คเหตฺวา อิเมหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ. อภินีหารกฺขมนฺติ อิทฺธิวิธาทิอตฺถํ อภินีหารกฺขมํ ตทภิมุขํ กรณโยคฺคํ. เตนาห ‘‘อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยายา’’ติ.

กามํ นีวรณานิ วิกฺขมฺเภตฺวา เอว ปมชฺฌานสมธิคโม, วิตกฺกาทิเก วูปสเม เอว จ ทุติยชฺฌานาทิสมธิคโม, ตถาปิ น ตถา เตหิ ทูรีภูตา อเปตา วา ยถา จตุตฺถชฺฌานโต, เจตโส มลีนภาวสงฺขาตอุปฺปิลาโภคกเรหิ นีวรณาทีหิ สุฏฺุ วิมุตฺติยา ตสฺส ปริสุทฺธิ, ปริโยทาตตา จ ยุตฺตาติ อาห ‘‘นีวรณ…เป… ปริโยทาเต’’ติ. ฌานปฏิลาภปจฺจยานนฺติ ฌานปฏิลาภเหตุกานํ ฌานปฏิลาภํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกานํ. ปาปกานนฺติ ลามกานํ. อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาย อวจรานํ อิจฺฉาวเสน โอติณฺณานํ ‘‘อโห วต มเมว สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺยา’’ติอาทินยปฺปวตฺตานํ มานมายาสาเยฺยาทีนํ. อภิชฺฌาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทนาปิ เตสํเยว สงฺคโห. อภิชฺฌา เจตฺถ ปมชฺฌาเนน อวิกฺขมฺภเนยฺยา, มานาทโย จ ตเทกฏฺา ทฏฺพฺพา ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจยาน’’นฺติ อนุวตฺตมานตฺตา. วิกฺขมฺภเนยฺยา ปน นีวรณคฺคหเณเนว คหิตา, กถํ ปน ปมชฺฌาเนน อวิกฺขมฺภเนยฺยา อิธ วิคจฺฉนฺตีติ? ‘‘สพฺเพ กุสลา ธมฺมา สพฺพากุสลานํ ปฏิปกฺขา’’ติ สลฺเลขปฏิปตฺติวเสน เอวํ วุตฺตํ ฌานสฺส อปรามฏฺภาวทสฺสนโต. เย ปเนตฺถ ‘‘อิจฺฉาวจรานํ อภิชฺฌาทีน’’นฺติ อิเมหิ ปเทหิ โกปอปจฺจยกอามราคพฺยาปาทาทโย คหิตาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจยาน’’นฺติ ปาํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘ฌานปฏิลาภปจฺจนีกาน’’นฺติ ปาโติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ตถา ปาสฺเสว อภาวโต. ฌานปฏิลาภปจฺจนีกา จ นีวรณา เจว ตเทกฏฺา จ เตสํ ทูรีภาวํ วตฺวา ปุน อภาววิคมโจทนาย อยุชฺชมานตฺตา. นนุ จ อนงฺคณสุตฺต- (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) วตฺถสุตฺเตสุ (ม. นิ. ๑.๗๐ อาทโย) อยมตฺโถ น ลพฺภติ, โอฬาริกานํเยว ปาปธมฺมานํ ตตฺถ อธิปฺเปตตฺตา? สจฺจเมตํ, อิธ ปน อธิคตจตุตฺถชฺฌานสฺส วเสน วุตฺตตฺตา สุขุมาเยว เต คหิตา, องฺคณูปกฺกิเลสตาสามฺเน ปเนตฺถ สุตฺตานํ อปทิสนํ. ตถา หิ ‘‘สุตฺตานุสาเรนา’’ติ วุตฺตํ, น ปน สุตฺตวเสนาติ. อวสฺสํ เจ ตเมวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ อธิคตชฺฌานานมฺปิ เกสฺจิ อิจฺฉาวจรานํ ปวตฺติสพฺภาวโต.

อิทฺธิปาทภาวูปคเมนาติ อิทฺธิยา ปาทกภาวสฺส ปทฏฺานภาวสฺส อุปคมเนน. ภาวนาปาริปูริยาติ อิโต ปรํ กตฺตพฺพสฺส อภาววเสน อภินีหารกฺขมภาวนาย ปริปุณฺณตฺตา. ปณีตภาวูปคเมนาติ ตโต เอว ปธานภาวํ นีตตาย อุตฺตมฏฺเน, อติตฺติกรฏฺเน จ ปณีตภาวสฺส อุปคมเนน. อุภยฺเจตํ ิติยา การณวจนํ ปริปุณฺณาย ภาวนาย ปณีตภาวปฺปตฺติยา ‘‘ิเต’’ติ. ‘‘อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ อิทํ ิติยา วิเสสนํ. เตนาห ‘‘ยถา อาเนฺชปฺปตฺตํ โหติ, เอวํ ิเต’’ติ. อิมสฺมึ ปกฺเข ‘‘ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ อุภยเมกํ องฺคํ, ‘‘สมาหิเต’’ติ ปน อิทมฺปิ เอกมงฺคํ. เตเนวสฺส ปมวิกปฺปโต วิเสสํ สนฺธายาห ‘‘เอวมฺปิ อฏฺงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ.

ทสอิทฺธิกถาวณฺณนา

๓๖๙. นิปฺผตฺติอตฺเถนาติ สิชฺฌนฏฺเน. ปฏิลาภฏฺเนาติ ปาปุณนฏฺเน. นฺติ กามิตํ วตฺถุํ. สมิชฺฌตีติ นิปฺผชฺชติ. ปพฺพชฺชํ อาทึ กตฺวา ยาว ฌานมคฺคา อิธ เนกฺขมฺมํ. อิชฺฌตีติ ปาปุณียติ. ปฏิหรตีติ ปาฏิหาริยนฺติ ยสฺมา ปฏิปกฺขํ หรติ อปเนติ, ตสฺมา ปาฏิหาริยํ. อตฺตโน ปฏิปกฺขํ หรตีติ ปฏิหาริยํ, เนกฺขมฺมาทิ, ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ, ยถา ‘‘เวกตํ, เวสม’’นฺติ จ.

อิชฺฌนฏฺเนาติ นิปฺผชฺชนฏฺเน. อุปายสมฺปทายาติ สมฺปนฺนอุปายสฺส, ายารมฺภสฺสาติ อตฺโถ. อิชฺฌตีติ ปสเวติ. สีลวาติ อาจารสีเลน สีลวา. กลฺยาณธมฺโมติ ทสกุสลกมฺมปถวเสน สุนฺทรธมฺโม. สีลสมฺปตฺติยา วา สีลวา. ทานาทิเสสปุฺกิริยวตฺถุวเสน กลฺยาณธมฺโม. ปณิทหิสฺสตีติ ปตฺเถสฺสติ.

อิชฺฌนฺตีติ วฑฺฒนฺติ, อุกฺกํสํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. สาติสยนิปฺผชฺชนปฏิลาภสิชฺฌนพุทฺธิอตฺเถ หิ อิทฺธิ วุตฺตา. สา ทสวิธาติ สพฺพา อิทฺธิโย อาเนตฺวา อตฺถุทฺธารวเสน อิธาธิปฺเปตํ อิทฺธึ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. พหุภาวาทิกสฺส อธิฏฺานํ อธิฏฺหนํ เอติสฺสา อตฺถีติ อธิฏฺานา. วิวิธํ รูปนิมฺมานสงฺขาตํ กุพฺพนํ เอติสฺสา อตฺถีติ วิกุพฺพนา. มโนมยาติ ฌานมเนน นิพฺพตฺติภาวโต มโนมยา. าณสฺส วิปฺผาโร เวคายิตตฺตํ เอติสฺสา อตฺถีติ าณวิปฺผารา. อริยานํ อยนฺติ อริยา. ยโต กุโตจิ กมฺมวิปากโต ชาตา อิทฺธิ กมฺมวิปากชา. สาติสยปุฺนิพฺพตฺตา อิทฺธิ ปุฺวโต อิทฺธิ. กมฺมวิปากชา อิทฺธิ ชาติโต ปฏฺาย โหติ, อิตรา ยทา ตทา ปุฺสฺส วิปจฺจนกาเลติ เอวํ วา อิมาสํ วิเสโส เวทิตพฺโพ. อาถพฺพนวิชฺชาภินิพฺพตฺตา วิชฺชามยา. สมฺมาปโยโค อุปายปโยโค ายารมฺโภ.

๓๗๐. ปกติยา เอโกติ สภาเวน เอโก. พหุกนฺติ พหุํ. เตน อคฺคหิตปริจฺเฉทํ อธิฏฺาตพฺพสฺส อเนกภาวํ ทสฺเสตฺวา ปุน ปริจฺเฉทโต ทสฺเสตุํ ‘‘สตํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาวชฺชตีติ ปริกมฺมสงฺขาเตน อาโภเคน อาภุชติ ภาวิรูเป เตน ปริกมฺมมนสิกาเรน มนสิ กโรติ. าเณน อธิฏฺาตีติ ตถา ปริกมฺมํ กตฺวา อภิฺาาเณน ยถาธิปฺเปเต พหุเก อธิฏฺาติ, อธิฏฺานจิตฺเตน สเหว พหุภาวาปตฺติโต พหุภาวาปาทกํ อิทฺธิวิธาณํ ปวตฺเตนฺโต จ ตถา อธิฏฺาตีติ วุจฺจติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. เอวนฺติ ปการตฺโถ เอวํ-สทฺโท, เตน สพฺพมฺปิ อธิฏฺานปฺปการํ สงฺคณฺหาติ. อธิฏฺานวเสนาติ ‘‘าเณน อธิฏฺาตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐) เอวํ วุตฺตอธิฏฺานวเสน นิปฺผนฺนตฺตา.

๓๗๑. ปกติวณฺณนฺติ ปกติสณฺานํ อตฺตโน ปากติกรูปํ. ปกติวณฺณวิชหนวิการวเสนาติ อตฺตโน ปกติวณฺณวิชหนปุพฺพกสฺส กุมารกวณฺณาทิวณฺณวิการสฺส วเสน.

๓๗๒. อิมมฺหา กายาติ ปจฺจกฺขภาเวน ‘‘อิมมฺหา’’ติ วุตฺตา ภิกฺขุสฺส กรชกายา. อฺํ กายนฺติ อฺํ อิทฺธิมยํ กายํ. ตโต เอว อิทฺธิมยรูปวนฺตตาย รูปึ. อภิฺามเนน นิพฺพตฺตตฺตา มโนมยํ. นิปฺผตฺติวเสนาติ นิปฺผชฺชนวเสน. อภิฺาาณสฺส หิ ยถา มโนมโย กาโย นิปฺผชฺชติ, ตถา ปวตฺติ มโนมยิทฺธิ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. ยทิ เอวํ กถมยเมว มโนมยิทฺธีติ? รุฬฺหีเวสา เวทิตพฺพา ยถา ‘‘มโนมโย อตฺตภาโว’’ติ, ยถา วา ‘‘โคสมฺา วิสาณาทิมติ ปิณฺเฑ’’. อถ วา อพฺภนฺตรโต นิกฺขนฺเต, อิทฺธิมตา จ เอกนฺตสทิเส อิมสฺมึ นิมฺมาเน สุปากโฏ มนสา นิพฺพตฺติตภาโวติ ยถา สาติสโย มโนมยโวหาโร, น ตถา อฺาสุ อธิฏฺานวิกุพฺพนิทฺธีสุ สมฺนฺตรวนฺตาสูติ เวทิตพฺพํ.

๓๗๓. าณุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ วาติ อรหตฺตมคฺคาณุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ วา วิปสฺสนากฺขเณ, ตโตปิ วา ปุพฺเพ อนฺติมภวิกสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย. ปจฺฉา วา ยาว ขนฺธปรินิพฺพานา. ตงฺขเณ วา มคฺคุปฺปตฺติสมเย. าณานุภาวนิพฺพตฺโต วิเสโสติ สูริยสฺส อุฏฺิตฏฺาเน, สมนฺตโต จ อาโลกกรณสมตฺถตา วิย ตสฺเสว าณสฺส อานุภาเวน นิพฺพตฺโต สพฺพโส ปหาตพฺพปหานภาเวตพฺพภาวนาปาริปูริสงฺขาโต วิเสโส. วตฺถูนิ ปน อนนฺตรายตาวเสน อาคตานิ. อนิจฺจานุปสฺสนายาติ สงฺขาเร อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺติยา พลววิปสฺสนาย. อารทฺธวิปสฺสนสฺส หิ ยถาวุตฺตวิปสฺสนาย ปวตฺติกฺขเณ ตโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา จ ปกิณฺณกสมฺมสนวาเร นิจฺจสฺาย ปหานฏฺโ อิชฺฌติ. เอเสว นโย สพฺพตฺถ. กามํ เอตฺตกาย สงฺเขปกถายปิ อธิปฺเปตตฺโถ ปกาสิโตว, วิตฺถารกถาย ปน วิภูตตโร โหตีติ อาห ‘‘วิตฺถาเรน กเถตพฺพ’’นฺติ.

คพฺภคตสฺเสวาติ อนาทเร สามิวจนํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ปจฺฉิมภวิกสฺสา’’ติอาทินา พากุลตฺเถรวตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยน.

ทารุภารํ กตฺวาติ ทารุภารํ สกเฏ กตฺวา, อาโรเปตฺวาติ อตฺโถ. โอสฺสชฺชิตฺวาติ ฉฑฺเฑตฺวา. สกฏมูเลติ สกฏสมีเป. วาฬยกฺขานุจริเตติ กุรุเรหิ ยกฺเขหิ อนุวิจริตพฺเพ. ยกฺขปริคฺคหิตฺหิ ราชคหนครํ.

๓๗๔. สมาธิโตติ ปมชฺฌานาทิสมาธิโต. ปุพฺเพติ อุปจารชฺฌานกฺขเณ. ปจฺฉาติ สมาปตฺติยา จิณฺณปริยนฺเต. ตงฺขเณติ สมาปนฺนกฺขเณ. สมถานุภาวนิพฺพตฺโต วิเสโสติ ตสฺมึ ตสฺมึ ฌาเน สมาธิเตเชน นิพฺพตฺโต นีวรณวิกฺขมฺภนวิตกฺกาทิสมติกฺกมสฺาเวทยิตนิโรธปริสฺสยสหนาทิโก วิเสโส.

กโปตกนฺทรายนฺติ เอวํนามเก อรฺวิหาเร. ชุณฺหาย รตฺติยาติ จนฺทาโลกวติยา รตฺติยา. นโวโรปิเตหิ เกเสหีติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. ยสฺสาติ ปหารสฺส. ตสฺสาติ ยกฺขสฺส. ขิปฺปนิสนฺติภาวสฺส อุกฺกํสคตตฺตา เถโร ตสฺมึ ปหรนฺเต เอว สมาปตฺตึ สมาปชฺชีติ อาห ‘‘ปหรณสมเย สมาปตฺตึ อปฺเปสี’’ติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘นิสินฺโน โหติ อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา’’ติ (อุทา. ๓๔) วุตฺตํ. อิเม ปน เถรา สมาปตฺติโต วุฏฺานสมกาลํ เตน ปหาโร ทินฺโนติ วทนฺติ.

สฺชีวตฺเถรนฺติ กกุสนฺธสฺส ภควโต ทุติยํ อคฺคสาวกํ มหาเถรํ สนฺธายาห. โส หิ อายสฺมา อรฺาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิสินฺโน อปฺปกสิเรเนว นิโรธํ สมาปชฺชติ, ตสฺมา เอกทิวสํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิโรธํ สมาปชฺชิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิโรธสมาปนฺน’’นฺติอาทิ. จีวเร อํสุมตฺตมฺปิ น ฌายิตฺถ, สรีเร กา กถา. เตเนว หิ เถโร ‘‘สฺชีโว’’ ตฺเวว ปฺายิตฺถ. อยมสฺสาติ อสฺส อายสฺมโต สฺชีวตฺเถรสฺส โย นิโรธสมาปตฺติยํ อคฺคิปริสฺสยาภาโว, อยํ สมาธิวิปฺผารา อิทฺธีติ โยชนา. กถํ ปน นิโรธสมาปตฺติยํ สมาธิวิปฺผารสมฺภโวติ อาห ‘‘อนุปุพฺพ…เป… นิพฺพตฺตตฺตา’’ติ.

ปมํ ปิตภณฺฑกสฺสาติ สพฺพปมํ ปิตภณฺฑกสฺส. ตฺหิ คหณกาเล สพฺพปจฺฉิมํ คยฺหติ. กาลปริจฺเฉทวเสนาติ ‘‘เอตฺตเก กาเล คเต วุฏฺหิสฺสามี’’ติ สมาปตฺติโต ปุพฺเพ กตกาลปริจฺเฉทวเสน. ภีตา วิรวึสูติ รตฺตนฺธกาเร รูปทสฺสเนน ‘‘ปิสาโจ อุฏฺหตี’’ติ มฺมานา. เอตฺตเกหิ นาม ภณฺฑเกหิ อชฺโฌตฺถโฏ นิพฺพิกาโร ‘‘อโห มหานุภาโว, อโห วิเวกวาสี’’ติ จ เถรคเตน ปสาเทน.

ตตฺตเตลกฏาหนฺติ อาธารสีเสน อาเธยฺยมาห, กฏาเห ตตฺตเตลํ กฏาเหน อาสิฺจีติ อธิปฺปาโย. วิวฏฺฏมานนฺติ กตฺถจิปิ อลคฺคนวเสน ภสฺสนฺตํ.

สปริวาราติ ปฺจหิ อิตฺถิสเตหิ สปริวารา. ราชานํ เมตฺตาย ผรีติ โอทิสฺสกเมตฺตาสมาปตฺติยา ราชานํ ผุสิ. ขิปิตุนฺติ วิชฺฌิตุํ. โอโรเปตุนฺติ สรสนฺนาหํ ปฏิสํหริตุํ.

๓๗๕. ปฏิกฺกูลาทีสูติ อนิฏฺาทีสุ. อนิฏฺํ หิ ปฏิกฺกูลํ, อมนุฺมฺปิ ‘‘ปฏิกฺกูล’’นฺติ วุจฺจติ. อาทิ-สทฺเทน อปฏิกฺกูลาทึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถาติ ปฏิกฺกูลารมฺมเณ. อุเปกฺขโกติ ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโก. ตตฺถาติ ปฏิกฺกูลาปฏิกฺกูลเภเท วตฺถุสฺมึ. สโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา สติมา. สมฺปชาโนติ ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา สมฺปชานการี. อยนฺติ อยํ ปฏิกฺกูลาทิวตฺถูสุ อปฏิกฺกูลสฺีวิหาราทิกา ขีณาสวานํ อคฺคมคฺคาธิคมสิทฺธา จิตฺติสฺสริยตา. เตนาห ‘‘เจโตวสิปฺปตฺตานํ…เป… วุจฺจตี’’ติ.

อนิฏฺเ วตฺถุสฺมึ สตฺตสฺิเต เมตฺตาผรณํ วา ธาตุโส ปจฺจเวกฺขณาย ธาตุมนสิการํ วา คูถาทิเก ธาตุมนสิการํ กโรนฺโตติ โยเชตพฺพํ. อปฏิกฺกูลสฺี วิหรตีติ หิเตสิตาย, ธมฺมสภาวจินฺตนาย จ น ปฏิกฺกูลสฺี หุตฺวา อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ. อิฏฺเ วตฺถุสฺมึ าติมิตฺตาทิเก. เกสาทิอสุจิโกฏฺาสมตฺตเมวาติ อสุภผรณํ วา อสุภมนสิการํ วา. ตตฺถ รูปธมฺมชาตํ อนิจฺจนฺติ อาทิอตฺโถ อิติ-สทฺโท, ตสฺมา อนิจฺจทุกฺขานตฺตวิปริณามธมฺโมติ มนสิการํ วา กโรนฺโตติ โยชนา. ปฏิกฺกูลาปฏิกฺกูเลสูติ อิฏฺานิฏฺานิ วตฺถูนิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วทติ. เอส นโย อิตรตฺถ. ยํ วา สตฺตานํ ปมํ ปฏิกฺกูลโต อุปฏฺิตเมว ปจฺฉา อปฏิกฺกูลโต อุปติฏฺติ, ยฺจ อปฏิกฺกูลโต อุปฏฺิตเมว ปจฺฉา ปฏิกฺกูลโต อุปติฏฺติ, ตทุภเยปิ ขีณาสโว สเจ อากงฺขติ, วุตฺตนเยน อปฏิกฺกูลสฺี วา วิหเรยฺย, ปฏิกฺกูลสฺี วาติ อยมริยิทฺธิ วุตฺตา.

จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ การณวเสน ‘‘จกฺขู’’ติ ลทฺธโวหาเรน รูปทสฺสนสมตฺเถน จกฺขุวิฺาเณน, จกฺขุนา วา การณภูเตน, ทฺวารภูเตน วา รูปํ ปสฺสิตฺวา. เนว สุมโน โหตีติ เคหสฺสิตโสมนสฺสสฺสายํ ปฏิกฺเขโป, น เนกฺขมฺมปกฺขิกาย กิริยาโสมนสฺสเวทนาย. ฉฬงฺคุเปกฺขนฺติ อิฏฺานิฏฺฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนลกฺขณํ ฉสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺติยา ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา’’ติ ลทฺธนามํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขํ. ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘ปฏิสมฺภิทาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

๓๗๖. ปกฺขีอาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน เทวาทีนํ สงฺคโห. เวหาสคมนาทิกาติ ปน อาทิ-สทฺเทน จกฺขุวิสุทฺธิอาทึ สงฺคณฺหาติ. กุสลกมฺเมน นิพฺพตฺติตฺวาปิ อกุสลวิปากานุภาเวน สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาติกานํ. ฌานนฺติ อภิฺาปตฺตํ ฌานํ สนฺธายาห. วิปสฺสนาปิ อุกฺกํสคตา อุพฺเพคปีติสหิตา อากาเส ลงฺฆาปนมตฺตาปิ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนํ วา’’ติ. ‘‘ปมกปฺปิกาน’’นฺติ อิทํ ‘‘เอกจฺจานํ มนุสฺสาน’’นฺติ อิมสฺส วิเสสนํ ทฏฺพฺพํ. เอวมาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน ปุนพฺพสุมาตาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

๓๗๗. เวหาสนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ, อจฺจนฺตสํโยเค วา. จกฺกวตฺตี หิ จกฺกรตนํ ปุรกฺขตฺวา อตฺตโน ภวนโต อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเสเนว สิเนรุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา สกลจกฺกวาฬํ อนุสํยายตีติ. อสฺสพนฺธาติ อสฺสปาลา, เย อสฺสานํ ยวทายกา. ตถา โคพนฺธา.

จกฺกวตฺติอาทีนํ ปุฺิทฺธิยา วิตฺถาริยมานาย อติปปฺโจ โหตีติ ปุฺวโต อิทฺธึ ลกฺขณโต ทสฺเสนฺเตน ‘‘ปริปากํ คเต ปุฺสมฺภาเร อิชฺฌนกวิเสโส’’ติ วตฺวาปิ โชติกาทีนํ ปุฺิทฺธึ เอกเทเสน ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุวณฺณปพฺพโตติ สพฺพสุวณฺณมโย ปพฺพโต. ตสฺส กิร คหิตคหิตฏฺาเน โอธิ น ปฺายติ. เอกสีตามตฺเตติ เอตฺถ สีตา นาม กสนวเสน นงฺคลสฺส คตมคฺโค. ตุมฺพํ นาม อาฬฺหกํ. จุทฺทส มคฺคาติ จตุทฺทส กสนมคฺคา.

๓๗๘. วิชฺชํ ปริชปิตฺวาติ คนฺธารีวิชฺชาทิกํ อตฺตโน วิชฺชํ กตูปจารํ ปริวตฺเตตฺวา มนฺตปนกฺกเมน ปิตฺวา.

๓๗๙. สมฺมาปโยเคนาติ อุปายปโยเคน, ยถา ยถิจฺฉิตตฺถสิทฺธิ โหติ, ตถา ปวตฺติตายารมฺเภน. ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺสาติ ยถาธิปฺเปตสฺส นิปฺผาเทตพฺพกมฺมสฺส. เอตฺถ จาติ ‘‘ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปฺปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๘) อิมิสฺสา ทสมาย อิทฺธิยา นิทฺเทเสปิ. ปุริมปาฬิสทิสาวา’’ติ สมาธิวิปฺผารอิทฺธิอาทีนํ นิทฺเทสสทิสาว. สกฏพฺยูหาทิกรณวเสนาติ สกฏพฺยูหจกฺกพฺยูหปทุมพฺยูหาทีนํ สํวิธานวเสน นิพฺพตฺตวิเสโสติ สมฺพนฺโธ. คณิตคนฺธพฺพาทิ สิปฺปกมฺมํ. สลฺลกตฺตกาทิ เวชฺชกมฺมํ. อิรุพฺเพทาทีนํ ติณฺณํ เวทานํ.

‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธาว โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ม. นิ. ๑.๑๔๗; สํ. นิ. ๕.๘๓๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒; ๓.๑๐) อธิฏฺานิทฺธิยา เอว คหิตตฺตา อาห ‘‘อธิฏฺานา อิทฺธิเยว อาคตา’’ติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถติ อิมสฺมึ อภิฺานิสํสสงฺขาเต, อิทฺธิวิธสงฺขาเต วา อตฺเถ.

๓๘๐. ‘‘เอกวิเธน าณวตฺถุ’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๗๕๑) โกฏฺาสตฺโถ วิธสทฺโท, ‘‘วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสตี’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) วิกปฺปตฺโถ, ตทุภยมฺเปตฺถ ยุชฺชตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิทฺธิวิธายาติ อิทฺธิโกฏฺาสาย, อิทฺธิวิกปฺปาย วา’’ติ. อิทฺธิ หิ อภิฺาสุ เอโก โกฏฺาโส, วกฺขมาเนหิ เภเทหิ อเนกปฺปเภทา จ. วุตฺตปฺปการวเสนาติ วุตฺตสฺส จุทฺทสปฺปการสฺส, จิตฺตปริทมนสฺส สมาหิตตาทิปฺปการสฺส จ วเสน. ‘‘อิทฺธิวิธายา’’ติ ตทตฺถสฺส สมฺปทานวจนนฺติ อาห ‘‘อิทฺธิวิธาธิคมตฺถายา’’ติ. ‘‘กสิณารมฺมณโต อปเนตฺวา’’ติ อิทํ อภิฺาปาทกปริกมฺมจิตฺตานํ สมานสนฺตานตาย วุตฺตํ, น ปริกมฺมจิตฺตสฺส กสิณารมฺมณตฺตา. อิทฺธิวิธาภิมุขํ เปเสตีติ นิปฺผาเทตพฺพสฺส อิทฺธิวิธสฺส อภิมุขภาเวน ปวตฺเตติ. ยํ หิ ‘‘สตํ โหมี’’ติอาทินา ปริกมฺมจิตฺตสฺส ปวตฺตนํ, ตเทวสฺส อภินีหรณํ, อิทฺธิวิธาภิมุขเปสนฺจ ตเถว อิทฺธิวิธสฺส ปวตฺตนโต อภินินฺนามนํ อิธ ปริกมฺมจิตฺตสฺส อิทฺธิวิเธ อธิมุตฺตีติ อาห ‘‘อธิคนฺตพฺพอิทฺธิโปณํ อิทฺธิปพฺภารํ กโรตี’’ติ. อิธ ปจฺจนุภวนผุสนา สจฺฉิกิริยาปตฺติปริยายา เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปาปุณาตีติ อตฺโถ’’ติ อาห. อสฺสาติ อิทฺธิวิธสฺส.

เอโกปีติ ปิ-สทฺโท วกฺขมานํ พหุภาวํ อุปาทาย สมฺปิณฺฑนตฺโถ. โส หิสฺส ปฏิโยคี ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหตี’’ติ. โส จ โข พหุภาวํ นิมฺมินิตฺวา ิตสฺส อนฺตราว เอกภาวูปคโม. ยถากาลปริจฺเฉทํ ปน สรเสเนว เอกภาวูปคโม อิธ นาธิปฺเปโต อนิทฺธินิมฺมานภาวโต. ตมฺปิ ปุพฺเพ กตกาลปริจฺเฉทวเสน สิทฺธตฺตา อิทฺธานุภาโวเยวาติ เกจิ. อฏฺาเน วายํ ปิ-สทฺโท, เอโก หุตฺวา พหุธาปิ โหติ, พหุธา หุตฺวา เอโกปิ โหตีติ สมฺพนฺโธ. อิมสฺมึ ปกฺเข ปิ-สทฺโท วกฺขมานํ เอกภาวํ อุปาทาย ‘‘สมฺปิณฺฑนตฺโถ’’ติ วตฺวา ‘‘โส หี’’ติอาทิ สพฺพํ ยถารหํ วตฺตพฺพํ. พหุภาวนิมฺมาเน ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘พหูนํ สนฺติเก’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พหูนํ สนฺติเกติ อตฺตนา นิมฺมิตานํ พหูนํ สมีเป, เตหิ ปริวาริโต หุตฺวาติ อธิปฺปาโย. วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปตฺโถ, เตน ‘‘ธมฺมํ วา กเถตุกาโม’’ติ เอวมาทิ สงฺคยฺหติ. ‘‘าเณน อธิฏฺหนฺโต เอวํ โหตี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

๓๘๑. ภวติ เอตฺถ อิทฺธีติ ภูมิโย, ฌานานิ. เอตฺถาติ จ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนํ. วิเวกโต ชาตา ภูมิ วิเวกชภูมิ. วิเวกชํ หิ ปมํ ฌานํ นีวรณวิเวกสมฺภูตตฺตา. ปีติสุขภูตา ภูมิ ปีติสุขภูมิ. ทุติยชฺฌานฺหิ ปีติสุขภูมิภูตฺเจว ปีติสุขสฺชาตฺจ สมาธิวเสน. อุปริ ทฺวีสุปิ เอเสว นโย. อิทฺธิลาภายาติ อิทฺธิยา อธิคมาย. อิทฺธิปฏิลาภายาติ อิทฺธิยา ปุนปฺปุนํ ลภมานาย, พหุลีกรณายาติ อตฺโถ. อิทฺธิวิกุพฺพนตายาติ อิทฺธิยา วิวิธรูปการณาย, วิกุพฺพนิทฺธิยาติ อตฺโถ. อิทฺธิวิสวิตายาติ อิทฺธิยา วิวิธานิสํสปสวนาย. อิทฺธิวสิตายาติ อิทฺธิยา ขิปฺปนิสนฺติอาทิภาวาวหวสีภาวตฺถาย. อิทฺธิเวสารชฺชายาติ อิทฺธิยา ปฏิปกฺขทูรีภาเวน วิคตสํกิเลสตาย สุฏฺุ วิสารทภาวาย. จตุตฺถชฺฌานํ ตาว อิทฺธิยา ภูมิ โหตุ ตตฺถ ปติฏฺาย นิปฺผาเทตพฺพโต, อิตรานิ ปน กถนฺติ อาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตีณิ ฌานานิ สมฺภารภูมิโยติ เวทิตพฺพานีติ สมฺพนฺโธ. ตติยชฺฌาเน สุขผรเณน, ปมทุติเยสุ ปีติผรเณน สุขผรเณน จ เหตุภูเตนาติ ยถารหวเสน โยชนา. ผรณํ เจตฺถ ฌานสฺส สุภาวิตภาเวน สาติสยานํ ปีติสุขานํ วเสน ฌานปฺปจฺจยาทินา สหชาตนามกายสฺส ปริพฺรูหนํ, รูปกายสฺส จ ตํสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ ปริปฺผุฏตา. เตนาห ภควา ‘‘ปีติสุเขน อภิสนฺเทติ ปริสนฺเทติ ปริปูเรติ ปริปฺผรตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๔๒๗). สุขสฺนฺติ ฌานสุเขน สหคตํ สฺํ. ลหุสฺนฺติ ตํสมฺปยุตฺตลหุตาสหคตํ สฺํ. โอกฺกมิตฺวาติ อนุปวิสิตฺวา. เตสุ หิ ฌาเนสุ สาติสยาย ลหุตาย สมฺปยุตฺตํ สุขํ สนฺตานวเสน ปวตฺเตนฺโต โยคี ตํ สโมกฺกนฺโต วิย โหตีติ เอวํ วุตฺตํ. สฺาสีเสน นิทฺเทโส. ฌานสมฺปยุตฺตา หิ ลหุตา วินาปิ อิทฺธิยา อากาสํ ลงฺฆาปนปฺปมาณปฺปตฺตา วิย โหติ. ลหุภาวคฺคหเณเนว เจตฺถ มุทุกมฺมฺภาวาปิ คหิตา เอว. เตนาห ‘‘ลหุมุทุกมฺมฺกาโย หุตฺวา’’ติ.

อิมินา ปริยาเยนาติ ติณฺณํ ฌานานํ สมาปชฺชเนน สุขลหุภาวปฺปตฺตนามรูปกายสฺส สติ จิตฺตปริทมเน จตุตฺถํ ฌานํ สุเขเนว อิทฺธิปฏิลาภาย สํวตฺตตีติ อิมินา ปริยาเยน. ปกติภูมิยา หิ อธิฏฺานภูตา สมฺภารภูมิโย ปาการสฺส เนมิปฺปเทโส วิยาติ.

๓๘๒. อิทฺธิปาทนิทฺเทเส จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท. อิทฺธิปาทาติ เอตฺถ อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อตฺโถ. อิชฺฌนฺติ วา เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ. ปเมนตฺเถน อิทฺธิ เอว ปาโทติ อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฏฺาโสติ อตฺโถ. ทุติเยนตฺเถน อิทฺธิยา ปาโทติ อิทฺธิปาโท. ปาโทติ ปติฏฺา, อธิคมูปาโยติ อตฺโถ. เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธึ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ. อยํ ตาว อฏฺกถานโย. ตตฺถ อิทฺธิ-สทฺทสฺส ปโม กตฺตุอตฺโถ, ทุติโย กรณตฺโถ วุตฺโต. ปาท-สทฺทสฺส เอโก กรณตฺโถว. ปชฺชิตพฺพาว อิทฺธิ วุตฺตา, น จ อิชฺฌนฺตี, ปชฺชิตพฺพา จ อิทฺธิ ปชฺชนกรเณน ปาเทน สมานาธิกรณา โหตีติ ปเมน อตฺเถน ‘‘อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโท’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ. ตถา อิทฺธิกิริยากรเณน สาเธตพฺพาว วุทฺธิสงฺขาตา อิทฺธิ ปชฺชนกิริยากรเณน ปชฺชิตพฺพาติ ทฺวินฺนํ กรณานํ น อสมานาธิกรณตา สมฺภวตีติ ทุติเยนตฺเถน ‘‘อิทฺธิยา ปาโท อิทฺธิปาโท’’ติ จ น สกฺกา วตฺตุํ. ตสฺมา ปเมนตฺเถน สมานาธิกรณสมาโส, ทุติเยน สามิวจนสมาโส น ยุชฺชตีติ ปเมนตฺเถน อิทฺธิยา ปาโท อิทฺธิปาโท, ทุติเยนตฺเถน อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโทติ สมาโส ยุตฺโต, ยถาวุตฺโตปิ วา, ปาทสฺส อิชฺฌมานโกฏฺาสอิชฺฌนกรณูปายภาวโต.

ปุพฺพภาคฉนฺทวเสน ฉนฺทเหตุโก. สมฺปยุตฺตฉนฺทวเสน ฉนฺทาธิโก. ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน เอว ปน สหชาตฉนฺทสฺสาปิ อธิกตา เวทิตพฺพา. อถ วา ‘‘ฉนฺทฺเจ ภิกฺขุ อธิปตึ กริตฺวา ลภติ สมาธึ, ลภติ จิตฺตสฺเสกคฺคตํ, อยํ วุจฺจติ ฉนฺทสมาธี’’ติ อิมาย ปาฬิยา ฉนฺทาธิปติสมาธิ ฉนฺทสมาธีติ อธิปติ-สทฺทโลปํ กตฺวา สมาโส วุตฺโตติ วิฺายติ. อธิปติสทฺทตฺถทสฺสนวเสน ปน อฏฺกถายํ ‘‘ฉนฺทเหตุโก ฉนฺทาธิโก วา สมาธี’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ฉนฺทํ อธิปตึ กริตฺวา’’ติอาทิ. ปธานภูตาติ วีริยภูตาติ เกจิ วทนฺติ. สงฺขตสงฺขารนิวตฺตนตฺถํ ปน ปธานคฺคหณํ. อถ วา ตํ ตํ วิเสสํ สงฺขโรตีติ สงฺขาโร, สพฺพมฺปิ วีริยํ. ตตฺถ จตุกิจฺจสาธกโต อฺสฺส นิวตฺตนตฺถํ ปธานคฺคหณํ. ปธานภูตา เสฏฺภูตาติ อตฺโถ. จตุพฺพิธสฺส ปน วีริยสฺส อธิปฺเปตตฺตา พหุวจนนิทฺเทโส. โย ปน ‘‘อิทฺธิยา ปาโท อิทฺธิปาโท’’ติ เอวํ สมาสโยชนาวเสน ปาทสฺส อุปายตฺถตํ คเหตฺวา อิทฺธิปาทตฺโถ วุตฺโต, โส ปฏิลาภปุพฺพภาคานํ กตฺตุกรณิทฺธิภาวํ ‘‘ฉนฺทิทฺธิปาโท’’ติอาทินา (วิภ. ๔๕๗) วา อภิธมฺเม อาคตตฺตา ฉนฺทาทีหิ อิทฺธิปาเทหิ สาเธตพฺพาย วุทฺธิยา กตฺติทฺธิภาวํ, ฉนฺทาทีนํ กรณิทฺธิภาวฺจ สนฺธาย วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

วีริยิทฺธิปาเท ‘‘วีริยสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคต’’นฺติ ทฺวิกฺขตฺตุํ วีริยํ อาคตํ. ตตฺถ ปุริมํ สมาธิวิเสสนํ วีริยาธิปติ สมาธิ วีริยสมาธีติ. ทุติยํ สมนฺนาคมงฺคทสฺสนํ. ทฺเว เอว หิ สพฺพตฺถ สมนฺนาคมงฺคานิ สมาธิ, ปธานสงฺขาโร จ. ฉนฺทาทโย สมาธิวิเสสนานิ, ปธานสงฺขาโร ปน ปธานวจเนเนว วิเสสิโต, น ฉนฺทาทีหีติ น อิธ วีริยาธิปติตา ปธานสงฺขารสฺส วุตฺตา โหติ. วีริยฺจ สมาธึ วิเสเสตฺวา ิตเมว สมนฺนาคมงฺควเสน ปธานสงฺขารวจเนน วุตฺตนฺติ นาปิ ทฺวีหิ วีริเยหิ สมนฺนาคโม วุตฺโต โหตีติ. ยสฺมา ปน ฉนฺทาทีหิ วิสิฏฺโ สมาธิ, ตถา วิสิฏฺเเนว จ เตน สมฺปยุตฺโต ปธานสงฺขาโร, เสสธมฺมา จ, ตสฺมา สมาธิวิเสสนานํ วเสน จตฺตาโร อิทฺธิปาทา วุตฺตา. วิเสสนภาโว จ ฉนฺทาทีนํ ตํตํอวสฺสยวเสน โหตีติ.

อถ วาติอาทินา นิสฺสยฏฺเปิ ปาท-สทฺเท อุปายฏฺเน ฉนฺทาทีนํ อิทฺธิปาทตา วุตฺตา. เตเนว อภิธมฺเม อุตฺตรจูฬภาชนีเย ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ฉนฺทิทฺธิปาโท’’ติอาทินา (วิภ. ๔๕๗) ฉนฺทาทีนเมว อิทฺธิปาทตา วุตฺตา. ปฺหาปุจฺฉเก จ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา อิธ ภิกฺขุ ฉนฺทสมาธี’’ติอาทินาว (วิภ. ๔๖๒) อุทฺเทสํ กตฺวาปิ ปุน ฉนฺทาทีนํเยว กุสลาทิภาโว วิภตฺโต. อุปายิทฺธิปาททสฺสนตฺถเมว หิ สุตฺเต, อภิธมฺเม จ นิสฺสยิทฺธิปาททสฺสนํ กตํ, อฺถา จตุพฺพิธตา น โหตีติ.

๓๘๓. ฉนฺทาทีนิ อฏฺาติ ฉนฺทสมาธิ วีริยสมาธิ จิตฺตสมาธิ วีมํสาสมาธีติ เอวํ ฉนฺทาทีนิ อฏฺ. กามํ เจตฺถ จตูสุปิ าเนสุ สมาธิ สมาธิ เอว, ตถาปิ อิทฺธึ อุปฺปาเทตุกามตาฉนฺทสหิโตว สมาธิ อิทฺธิปฏิลาภาย สํวตฺตติ, น เกวโล. เอวํ วีริยสมาธิอาทโยปิ. ตสฺมา ฉนฺทาทิสหิตา เอเต จตฺตาโร จ สมาธี, ฉนฺทาทโย จ จตฺตาโรติ อฏฺ ปชฺชติ อิทฺธิ เอเตหิ ปาปุณียติ, สยํ วา ปชฺชนฺติ อิทฺธิปฏิลาภาย สมฺปชฺชนฺตีติ ปทานีติ วุจฺจนฺติ. เตนาห ‘‘อิทฺธิปฏิลาภาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘ฉนฺโท น สมาธี’’ติอาทิ, ตํ ยทิปิ ฉนฺทาทโย สมาธิสหิตาว อิทฺธึ นิปฺผาเทนฺติ, ตถาปิ วิสุํ เนสํ ปทภาวทสฺสนํ. เอกโต นิยุตฺโตว, น เอเกโก หุตฺวาติ อธิปฺปาโย. นิยุตฺโตวาติ สหิโต เอว, น วิยุตฺโต.

๓๘๔. อโนนตนฺติ น โอนตํ, วีริเยน ปคฺคหิตตฺตา อลีนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โกสชฺเช น อิฺชตี’’ติ, โกสชฺชนิมิตฺตํ น จลตีติ อตฺโถ. อุทฺธํ นตํ อุนฺนตํ, อุทฺธตํ วิกฺขิตฺตํ. น อุนฺนตํ อนุนฺนตํ, อวิกฺขิตฺตํ สมาหิตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุทฺธจฺเจ น อิฺชตี’’ติ. อภิสงฺควเสน นตํ อภินตํ, น อภินตํ อนภินตํ, อรตฺตํ. อปคมนวเสน นตํ อปนตํ, โกธวเสน วิมุขํ. น อปนตํ อนปนตํ, อทุฏฺํ. ทิฏฺิยา ‘‘อหํ, มม’’นฺติ นิสฺสยวเสน น นิสฺสิตนฺติ อนิสฺสิตํ. ฉนฺทราควเสน น ปฏิพทฺธนฺติ อปฺปฏิพทฺธํ. ราโค เกวลํ อาสตฺติมตฺตํ, ฉนฺทราโค ปน พหลกิเลโส. ตถา หิสฺส ทูเร ิตมฺปิ อารมฺมณํ ปฏิพทฺธเมว. วิปฺปมุตฺตนฺติ วิเสสโต ปมุตฺตํ. ฌานานํ กามราคปฏิปกฺขตาย อาห ‘‘กามราเค’’ติ. วิสํยุตฺตนฺติ วิวิตฺตํ สํกิเลสโต, น วา สํยุตฺตํ จตูหิปิ โยเคหิ. วิมริยาทิกตํ กิเลสมริยาทาย, ยถา อีสกมฺปิ กิเลสมริยาทา น โหติ, ตถา ปฏิปนฺนํ. เอกตฺตคตนฺติ เอกคฺคตํ อุปคตํ อจฺจนฺตเมว สมาหิตํ. ตโต เอว นานตฺตกิเลเสหิ นานาสภาเวหิ กิเลเสหิ น อิฺชติ.

เอส อตฺโถติ โกสชฺชาทินิมิตฺตํ. อิมสฺส จิตฺตสฺส อาเนฺชนตฺโถ สิทฺโธ เอว อาเนฺชปฺปตฺติยา ปกาสนวเสน ทสฺสิตตฺตา. ปุน วุตฺโตติ อิทฺธิยา ภูมิปาทปททสฺสนปฺปสงฺเคน ‘‘อิมานิ มูลานิ นามา’’ติ มูลภาวทสฺสนตฺถํ ปุน วุตฺโต. ปุริโมติ ‘‘สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา’’ติอาทินา ปุพฺเพ ฉธา ทสฺสิตนโย. อยนฺติ อธุนา โสฬสธา ทสฺสิตนโย. สุตฺตนเย, ปฏิสมฺภิทานเย จ ทสฺสิเต ตตฺถ สมฺโมโห น โหติ, น อทสฺสิเตติ อาห ‘‘อุภยตฺถ อสมฺโมหตฺถ’’นฺติ.

๓๘๕. าเณน อธิฏฺหนฺโตติ ‘‘กถํ ปนายํ เอวํ โหตี’’ติ เอตฺถ ปุพฺเพ อตฺตนา วุตฺตปทํ อุทฺธรติ อธิฏฺานวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺายา’’ติ. เอตฺถ อนุปุพฺเพน จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชิตฺวา จตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺายาติ เกจิ, ตํ อยุตฺตํ. ยถิจฺฉิตชฺฌานสมาปชฺชนตฺถฺหิ จิตฺตปริทมนํ, จตุตฺถชฺฌานเมว จ อภิฺาปาทกํ, น อิตรานิ. ปริกมฺมํ กตฺวาติ ปาทกชฺฌานโต วุฏฺาย กามาวจรจิตฺเตน ‘‘สตํ โหมี’’ติอาทินา จินฺตนเมเวตฺถ ปริกมฺมกรณํ, ตถาวชฺชนเมว จ อาวชฺชนํ. ทุติยมฺปีติ ปิ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน ตติยมฺปิ, ตโต ภิยฺโยปีติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ยถา หิ ฌานภาวนา, เอวมภิฺาภาวนาปิ. ‘‘เอกวารํ ทฺเววาร’’นฺติ อิทมฺปิ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. นิมิตฺตารมฺมณนฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณํ. ปริกมฺมจิตฺตานีติ เอตฺถ เอเกกสฺส ปริกมฺมจิตฺตสฺส สตารมฺมณตา ทฏฺพฺพา ‘‘สตํ โหมี’’ติ ปวตฺตนโต. สหสฺสารมฺมณานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. วณฺณวเสนาติ อตฺตนา ปริกปฺปิตวณฺณวเสน. โน ปณฺณตฺติวเสนาติ น สตฺตปณฺณตฺติวเสน. ตํ อธิฏฺานจิตฺตํ อปฺปนาจิตฺตมิวาติ อิวคฺคหณํ อภิฺาจิตฺตสฺส ฌานจิตฺตสฺส ปมุปฺปตฺติสทิสภาวโต วุตฺตํ, น ตสฺส อปฺปนาภาวโต. รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานิกนฺติ รูปาวจรจตุตฺถฌานวนฺตํ, เตน สมฺปยุตฺตํ.

๓๘๖. ยทิ เอวํ ‘‘อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาตี’’ติ ปฏิสมฺภิทาวจนํ กถนฺติ อาห ‘‘ยมฺปี’’ติอาทิ. ตตฺราปีติ ปฏิสมฺภิทายมฺปิ. อาวชฺชตีติ ‘‘พหุกํ อาวชฺชตี’’ติ อิทํ ปาปทํ ปริกมฺมวเสเนว วุตฺตํ, น อาวชฺชนวเสน. อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาตีติ อภิฺาาณวเสน วุตฺตํ, น ปริกมฺมจิตฺตสมฺปยุตฺตสฺส, อฺสฺส วา กามาวจรสฺส าณสฺส วเสน. น หิ ตสฺส ตาทิโส อานุภาโว อตฺถีติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อปฺปนาปฺปตฺตสฺส อภิฺาาณสฺเสว วเสน อธิฏฺานํ, ตสฺมา. อยมธิฏฺานกฺกโมติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหุกํ อาวชฺชตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สนฺนิฏฺาปนวเสนาติ นิปฺผาทนวเสน.

กายสกฺขิทสฺสนตฺถนฺติ น เกวลํ วจนมตฺตเมว, อถ โข อยเมตสฺสตฺถสฺส อตฺตโน กาเยน สจฺฉิกตตฺตา กายสกฺขีติ สกฺขิทสฺสนตฺถํ.

โกกนทนฺติ ปทุมวิเสสนํ ยถา ‘‘โกกาสก’’นฺติ. ตํ กิร พหุปตฺตํ, วณฺณสมฺปนฺนํ, อติวิย สุคนฺธฺจ โหติ. ปาโตติ ปเคว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยถา โกกนทสงฺขาตํ ปทุมํ ปาโต สูริยสฺสุคฺคมนเวลายํ ผุลฺลํ วิกสิตํ อวีตคนฺธํ สิยา วิโรจมานํ, เอวํ สรีรคนฺเธน, คุณคนฺเธน จ สุคนฺธํ สรทกาเล อนฺตลิกฺเข อาทิจฺจมิว อตฺตโน เตชสา ตปนฺตํ องฺเคหิ นิจฺฉรณกชุติตาย องฺคีรสํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสาติ.

อภพฺโพติ ปฏิปตฺติสารมิทํ สาสนํ, ปฏิปตฺติ จ ปริยตฺติมูลิกา, ตฺวฺจ ปริยตฺตึ อุคฺคเหตุํ อสมตฺโถ, ตสฺมา อภพฺโพติ อธิปฺปาโย. อภพฺโพ นาม น โหติ วาสธุรสฺเสว ปธานภาวโต.

ภิกฺขูติ ปพฺพชิตโวหาเรน วุตฺตํ, ภาวินํ วา ภิกฺขุภาวํ อุปาทาย ยถา ‘‘อคมา ราชคหํ พุทฺโธ’’ติ (สุ. นิ. ๔๑๐). ปิโลติกขณฺฑนฺติ สุวิสุทฺธํ โจฬขณฺฑํ. รโช หรตีติ รโชหรณํ. อภินิมฺมินิตฺวา อทาสิ ตตฺถ ปุพฺเพ กตาธิการตฺตา. ตถา หิ โยนิโส อุมฺมุชฺชนฺโต ‘‘อตฺตภาวสฺส ปนายํ โทโส’’ติ อสุภสฺํ, อนิจฺจสฺฺจ ปฏิลภิตฺวา นามรูปปริคฺคหาทินา ปฺจสุ ขนฺเธสุ าณํ โอตาเรตฺวา กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อุทยพฺพยาณาทิปฏิปาฏิยา วิปสฺสนํ อนุโลมโคตฺรภุสมีปํ ปาเปสิ. โอภาสวิสฺสชฺชนปุพฺพิกา ภาสิตคาถา โอภาสคาถา.

ราโค รโช อริยสฺส วินเย, น จ ปน เรณุ วุจฺจติ ‘‘รโช’’ติ. กสฺมา? จิตฺตสฺส มลีนภาวกรณโต. ราคสฺเสตํ อธิวจนํ ‘‘รโช’’ติ. เอตํ รชนฺติ เอตํ ราคสงฺขาตํ รชํ. วิปฺปชหิตฺวาติ อคฺคมคฺเคน วิเสสโต ปชหนเหตุ. ปณฺฑิตา วิหรนฺติ เตติ เต ปชหนกา ปณฺฑิตา หุตฺวา วิหรนฺติ. วีตรชสฺส สพฺพโส ปหีนราคาทิรชสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน. ตถา หิ วทนฺติ –

‘‘จิตฺตมฺหิ สํกิลิฏฺมฺหิ, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;

จิตฺเต สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อิติ วุตฺตํ มเหสินา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๖; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๑๐๐; อิติวุ. อฏฺ. ๘๘);

ฉฬภิฺาคหเณน คหิตาย ฉฬภิฺาย วิภาวิเตปิ อริยมคฺเค อนุตฺตรภาวสามฺเน ผลนิพฺพาเนหิ สทฺธึ สงฺคณฺหนฺโต อาห ‘‘นว โลกุตฺตรธมฺมา’’ติ.

ปตฺตสฺส ปิทหนากาเรน หตฺถํ เปนฺโต ‘‘หตฺถํ ปิทหี’’ติ วุตฺโต. หตฺถนฺติ วา กรณตฺเถ อุปโยควจนํ, หตฺเถน ปิทหีติ อตฺโถ.

สหสฺสกฺขตฺตุนฺติ สหสฺสธา. สหสฺสธา หิ อตฺตานํ เอกจิตฺเตเนว นิมฺมินนฺโตปิ สหสฺสวารํ นิมฺมินนฺโต วิย โหติ. อสติปิ กิริยาพฺยาวุตฺติยํ ตทตฺถสิทฺธิโตติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สหสฺสกฺขตฺตุ’’นฺติ วุตฺตํ. อมฺพวเนติ อมฺพวเน กตวิหาเร. รมฺเมติ รมณีเย. ยาว กาลปฺปเวทนา, ตาว นิสีทีติ โยชนา.

อนิยเมตฺวาติ วณฺณาวยวสรีราวยวปริกฺขารกิริยาวิเสสาทีหิ นิยมํ อกตฺวา. นานาวณฺเณติ นานากาเร ยถาวุตฺตวณฺณาทิวเสน นานาวิเธ. มิสฺสกเกเสติ ปลิเตหิ มิสฺสิตเกเส. อุปฑฺฒรตฺตวณฺณอุปฑฺฒปณฺฑุวณฺณาทีสุ อฺตรวณฺณนฺติ เอวํ อุปฑฺฒรตฺตจีวเร. ปทวเสน อตฺถสฺส, คมนวเสน ปาฬิยา ภณนํ ปทภาณํ. ปริกถาทิวเสน ธมฺมสฺส กถนํ ธมฺมกถา. สเรน ภฺํ สุตฺตาทีนํ อุจฺจารณํ สรภฺํ. อปเรปีติ วุตฺตาการโต อฺเปิ ทีฆรสฺสกิสถูลาทิเก นานปฺปการเก. อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปการาเยว โหนฺตีติ ยถา ยถา อิจฺฉิตา, ตํตํปการาเยว โหนฺติ. ยตฺตกา หิ วิเสสา วณฺณาทิวเสน เตสุ อิจฺฉิตา, ตตฺตกวิเสสวนฺโตว เต โหนฺติ. เต ปน ตถา พหุธา ภินฺนากาเรปิ วณฺณวเสน อารมฺมณํ กตฺวา เอกเมว อธิฏฺานจิตฺตํ ปวตฺตติ. อยํ หิสฺส อานุภาโว – ยถา เอกาว เจตนา นานาวิเสสวนฺตํ อตฺตภาวํ นิพฺพตฺเตติ, ตตฺถ ภวปตฺถนา กมฺมสฺส วิเสสปจฺจโย โหติ. อจินฺเตยฺโย จ กมฺมวิปาโกติ เจ, อิธาปิ ปริกมฺมจิตฺตํ วิเสสปจฺจโย โหติ, อจินฺเตยฺโย จ อิทฺธิวิสโยติ คเหตพฺพํ. เอส นโยติ ยฺวายํ พหุภาวนิมฺมาเน ‘‘อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา’’ติอาทินา อธิฏฺานนโย วุตฺโต, เอส นโย อิตเรสุปิ อธิฏฺาเนสุ.

อิติ อวิเสสํ อติเทเสน ทสฺเสตฺวา วิเสสํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิมินา ภิกฺขุนา อิจฺฉนฺเตนาติ สมฺพนฺโธ. มํ ชานิสฺสนฺตีติ ‘‘อิทฺธิมา’’ติ มํ ชานิสฺสนฺติ. อนฺตราวาติ ปริจฺฉินฺนกาลสฺส อพฺภนฺตเร เอว. ปาทกชฺฌานนฺติอาทิ ปริกมฺมกรณาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อิตรํ ปน อติเทเสเนว วิภาวิตนฺติ. เอวํ อกโรนฺโตติ ‘‘เอโก โหมี’’ติ อนฺตรา อธิฏฺานํ อกโรนฺโต. ‘‘ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสนา’’ติ อิมินา ‘‘สตํ โหมี’’ติอาทินา อธิฏฺานํ กโรนฺเตน กาลปริจฺเฉทวเสเนว กาตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. สยเมว เอโก โหติ อธิฏฺานสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา. เอตฺถ จ ปริกมฺมาธิฏฺานจิตฺตานํ อิทฺธิมา วณฺณวเสน สยเมว อารมฺมณํ โหติ. เตสุ ปริกมฺมจิตฺตานิ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณานิ. อธิฏฺานจิตฺตํ สมฺปติวตฺตมานารมฺมณํ อธิฏฺานสฺส เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตาติ วทนฺติ.

๓๘๗. ‘‘อาวิภาว’’นฺติ ปทสฺส เหฏฺา วุตฺเตน โหติ-สทฺเทน สมฺพนฺโธ น ยุชฺชติ อุปโยควจเนน วุตฺตตฺตา, ตถา วกฺขมาเนน จ คจฺฉติ-สทฺเทน อตฺตโน, ปเรสฺจ อาวิภาวสฺส อิจฺฉิตตฺตา, นามปทฺจ กิริยาปทาเปกฺขนฺติ กิริยาสามฺวาจินา กโรติ-สทฺเทน โยเชตฺวา อาห ‘‘อาวิภาวํ กโรตี’’ติ. ติโรภาวนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยทิ เอวํ กถํ ปฏิสมฺภิทายนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อิทเมว หี’’ติอาทิ. กามํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘อาวิภาวนฺติ เกนจิ อนาวฏํ โหตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๑๑) อาคตํ, ตมฺปิ อิทเมว อาวิภาวกรณํ, ติโรภาวกรณฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสปทานิ เตสํเยว เววจนานิ. อนฺธการนฺติ รตฺตนฺธการํ, ทิวาปิ วา พิลคุหาทิคตํ อนฺธการํ. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ กุฏฺฏกวาฏาทินา ปฏิจฺฉาทิตํ. อนาปาถนฺติ ทูรตาสุขุมตรตาทินา น อาปาถคตํ. อยนฺติ อิทฺธิมา. ปฏิจฺฉนฺโนปิ ทูเร ิโตปิ อตฺตา วา ปโร วา ยถา ทิสฺสตีติ วิภตฺตึ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. อาโลกชาตนฺติ อาโลกภูตํ, ชาตาโลกํ วา.

๓๘๘. เอตํ ปน ปาฏิหาริยนฺติ อาวิภาวปาฏิหาริยมาห. เกน กตปุพฺพนฺติ ตตฺถ กายสกฺขึ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺถา ตาว กายสกฺขี’’ติ ทสฺเสนฺเตน ‘‘ภควตา’’ติ วตฺวา ตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สาวตฺถิวาสิเก ปสฺสนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ, ตถา ‘‘ยาว อวีจึ ทสฺเสสี’’ติ. อากาสคเตสุ เหฏฺิมเหฏฺิมวิมาเนสุ อุปรูปริวิมานํ พฺยวธายเกสุ พฺยูหิยมาเนสุ ตคฺคตํ อากาสํ พฺยูฬฺหํ นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อากาสฺจ ทฺวิธา วิยูหิตฺวา’’ติ.

อยมตฺโถติ อาวิภาวปาฏิหาริยสฺส สตฺถารา กตภาโว. ปุริมพุทฺธานํ ปฏิปตฺติอาวชฺชนํ พุทฺธปฺปเวณิยา อนุปาลนตฺถํ. ‘‘เอเกน ปาเทนา’’ติอาทิ ติวิกฺกมทสฺสนํ. นยํ เทติ ยสฺส นยสฺส อนุสาเรน วาจนามคฺคํ เปสิ.

จูฬอนาถปิณฺฑิโก นาม อนาถปิณฺฑิกมหาเสฏฺิสฺส กนิฏฺภาตา.

สิเนรุปพฺพตํ นิพฺพิชฺฌิตฺวาติ ตํ ปริสาย ทิสฺสมานรูปํเยว กตฺวา นิพฺพิชฺฌิตฺวา. นฺติ สิเนรุปพฺพตํ.

อเนกสตสหสฺสสงฺขสฺส โอกาสโลกสฺส, ตํนิวาสิสตฺตโลกสฺส จ วิวฏภาวกรณปาฏิหาริยํ โลกวิวรณํ นาม. มหาพฺรหฺมาติ สหมฺปติมหาพฺรหฺมา.

ปสฺสถ ตาว อปณฺณกปฏิปทาย ผลนฺติ นิรยภเยน ตชฺเชตฺวา สตฺถุ อนุปุพฺพิกถานเยน สคฺคสุเขน ปโลเภตฺวา, น ปน สคฺคสมฺปตฺติยํ นินฺนภาวาปาทเนน.

๓๘๙. ยถา อาวิภาวกรเณ อาโลกกสิณํ สมาปชฺชิตพฺพํ อาโลกนิมฺมานาย, เอวํ ติโรภาวกรเณ อนฺธการนิมฺมานาย นีลกสิณํ สมาปชฺชิตพฺพํ. กามฺเจตํ ปาฬิยํ สรูปโต นาคตํ, ‘‘วิวฏํ อาวฏ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑) ปน วจนโต อตฺถโต อาคตเมว. โอทาตกสิณนฺโตคธํ วา อาโลกกสิณนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อนฺธการนฺติ อนฺธการวนฺตํ.

๓๙๐. อวเสเส อิฏฺฏิยตฺเถราทิเก.

๓๙๑. ปากโฏ อิทฺธิมา เอตสฺส อตฺถีติ ปากฏํ, ปากฏฺจ ตํ ปาฏิหาริยฺจาติ ปากฏปาฏิหาริยํ. น เอตฺถ อิทฺธิมา ปากโฏติ อปากฏํ, อปากฏฺจ ตํ ปาฏิหาริยฺจาติ อปากฏปาฏิหาริยํ. อิทฺธิมโต เอว หิ ปากฏาปากฏภาเวนายํ เภโท, น ปาฏิหาริยสฺส. น หิ ตํ อปากฏํ อตฺถิ.

อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาติ มนุสฺสธมฺโม วุจฺจติ ทส กุสลกมฺมปถธมฺมา, ตโต มนุสฺสธมฺมโต อุตฺตริ. อิทฺธิสงฺขาตํ ปาฏิหาริยํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ. อาฬินฺเทติ ปมุเข. โอกาเสหีติ ปกิร. อิทฺธาภิสงฺขารนฺติ อิทฺธิปโยคํ. อภิสงฺขาสีติ อภิสงฺขริ, อกาสีติ อตฺโถ. ตาลจฺฉิคฺคเฬนาติ กุฺจิกจฺฉิทฺเทน. อคฺคฬนฺตริกายาติ ปิฏฺสงฺฆาตานํ อนฺตเรน.

อนฺตรหิโตติ อนฺตรธายิตุกาโม. พโก พฺรหฺมา ยถา อนฺตรธายิตุํ น สกฺโกติ, ตถา กตฺวา ภควา สยํ ตสฺส, พฺรหฺมคณสฺส จ อนาปาถภาวคมเนน อนฺตรหิโต หุตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ าเน อตฺถิภาโว วา นตฺถิภาโว วา น สกฺกา ชานิตุ’’นฺติ เอวํ พฺรหฺมคณสฺส วจโนกาโส มา โหตูติ ‘‘ภเววาห’’นฺติ อิมํ คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ ภเววาหํ ภยํ ทิสฺวาติ อหํ ภเว สํสาเร ชาติชราทิเภทํ ภยํ ทิสฺวา เอว. ภวฺจ วิภเวสินนฺติ อิมฺจ กามภวาทึ ติวิธมฺปิ สตฺตภวํ, วิภเวสินํ วิภวํ คเวสมานมฺปิ ปริเยสมานมฺปิ ปุนปฺปุนํ ภเว เอว ทิสฺวา. ภวํ นาภิวทินฺติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน กิฺจิ ภวํ น อภิวทึ น คเหสึ. นนฺทิฺจ น อุปาทิยินฺติ ภวตณฺหํ น อุปคจฺฉึ, น อคฺคเหสินฺติ อตฺโถ.

๓๙๒. อลคฺคมาโนติ วินิวิชฺฌิตฺวา คมเนน กุฏฺฏาทีสุ กตฺถจิ น ลคฺคมาโน. อาวชฺชิตฺวา กตปริกมฺเมนาติ ยสฺส ปรโต คนฺตุกาโม, ตํ อาวชฺชิตฺวา ‘‘อากาโส โหตุ, อากาโส โหตู’’ติ เอวํ กตปริกมฺเมน อิทฺธิมตา. ปาการปพฺพตาเปกฺขาย ‘‘สุสิโร, ฉิทฺโท’’ติ จ ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํ. อุพฺเพธวเสน ปวตฺตํ วิวรํ สุสิรํ. ติริยํ ปวตฺตํ ฉิทฺทํ.

ยตฺถ กตฺถจิ กสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวาติ ปถวีกสิณาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ กสิเณ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปริกมฺมํ กตฺวา ‘‘อากาโส โหตู’’ติ อธิฏฺาตพฺโพ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อฏฺสมาปตฺติวสีภาโวเยว ปมาณ’’นฺติ. ตสฺมา ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตเทว โหติ. เอเตน ปถวิยา อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชเน อาโปกสิณสมาปชฺชนํ, อุทกาทีสุ ปถวีนิมฺมาเน ปถวีกสิณสมาปชฺชนํ น เอกนฺตโต อิจฺฉิตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตนฺติ เอตํ ติโรกุฏฺฏาทิคมนปาฏิหาริยกรเณ อากาสกสิณสมาปชฺชนํ อวสฺสํ วตฺตพฺพํ อนุจฺฉวิกภาวโต. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อากาสกสิณวเสน ปฏิจฺฉนฺนานํ วิวฏกรณ’’นฺติอาทิวจนํ วิย ปถวีกสิณวเสน ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติอาทิภาโว ‘‘อากาเส วา อุทเก วา ปถวึ นิมฺมินิตฺวา ปทสา คมนํ อิจฺฉตี’’ติอาทินา ยํ ปกิณฺณกนเย วุตฺตํ, ตมฺปิ สมตฺถิตํ โหติ.

‘‘โทโส นตฺถี’’ติ ทฺวิกฺขตฺตุํ พทฺธํ สุพทฺธํ วิย ทฬฺหีกรณํ นาม โหตีติ อธิปฺปาเยน วตฺวา เตน ปโยชนาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุน สมาปชฺชิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อธิฏฺิตตฺตา อากาโส โหติเยวาติ สเจปิ กิฺจิ อนฺตรา อุปฏฺิตํ ปพฺพตาทิ สิยา, ตมฺปิ ‘‘อากาโส โหตู’’ติ อธิฏฺิตตฺตา อากาโส โหติเยว. อิทมฺปิ อฏฺานปริกปฺปนมตฺตํ, ตาทิสสฺส อุปฏฺานเมว นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนฺตรา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๓๙๓. ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ยถิจฺฉิตฏฺานํ าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา. ตตฺราติ ตสฺมึ ปถวิยา อุทกภาวาธิฏฺาเน อยํ ยถาวุตฺตปฏิปตฺติวิภาวินี ปาฬิ. ปรโต ‘‘ตตฺรายํ ปาฬี’’ติ อาคตฏฺาเนสุปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

โสติ อิทฺธิมา. อธิฏฺานกาเล กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา อธิฏฺาตีติ วุตฺตํ ‘‘ปริจฺฉินฺนกาลํ ปน อติกฺกมิตฺวา’’ติ. ปกติยา อุทกํ อนิมฺมานอุทกํ.

๓๙๔. วิปรีตนฺติ ยํ อุทกํ อกฺกมิตฺวา อกฺกมนฺโต น สํสีทติ, ตํ ปเนตฺถ อิทฺธิยา ปถวีนิมฺมานวเสน เวทิตพฺพํ. ปถวีกสิณนฺติ ปถวีกสิณชฺฌานํ.

๓๙๕. ปลฺลงฺกนฺติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ. ฉินฺนปกฺโข, อสฺชาตปกฺโข วา สกุโณ เฑตุํ น สกฺโกตีติ ปาฬิยํ ‘‘ปกฺขี สกุโณ’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑) ปกฺขี-สทฺเทน วิเสเสตฺวา สกุโณ วุตฺโตติ ‘‘ปกฺเขหิ ยุตฺตสกุโณ’’ติ อาห. ปริกมฺมํ กตฺวาติ ‘‘ปถวี โหตู’’ติ ปริกมฺมํ กตฺวา.

อากาเส อนฺตลิกฺเขติ อนฺตลิกฺขสฺิเต อากาเส. ยตฺถ ยตฺถ หิ อาวรณํ นตฺถิ, ตํ ตํ ‘‘อากาส’’นฺติ วุจฺจติ. อยฺจ อิทฺธิมา น ปถวิยา อาสนฺเน อากาเส คจฺฉติ. ยตฺถ ปน ปกฺขีนํ อโคจโร, ตตฺถ คจฺฉติ, ตาทิสฺจ โลเก ‘‘อนฺตลิกฺข’’นฺติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนฺตลิกฺขสฺิเต อากาเส’’ติ.

เถโรติ ปุพฺเพ วุตฺต ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร. สมาปตฺติสมาปชฺชนนฺติ ปุน สมาปตฺติสมาปชฺชนํ. นนุ สมาหิตเมวสฺส จิตฺตนฺติ อิทฺธิมโต ปาฏิหาริยวเสน ปวตฺตมานสฺส จิตฺตํ อจฺจนฺตํ สมาหิตเมว โหติ, น อฺทา วิย อสมาหิตนฺติ อธิปฺปาโย. ตํ ปน เถรสฺส มติมตฺตํ. ปุพฺเพ หิ ปถวีกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา ปถวึ อธิฏฺาย คจฺฉติ, อิทานิ ปน อากาโส อิจฺฉิตพฺโพ, ตสฺมา อากาสกสิณํ สมาปชฺชิตพฺพเมว. เตนาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. ติโรกุฏฺฏปาฏิหาริเย วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ยถา ตตฺถ กุฏฺฏาทิ ‘‘อากาโส โหตู’’ติ อธิฏฺาเนน อากาโส โหติ, เอวํ อิธาปิ ปพฺพตรุกฺขาทึ อธิฏฺาเนน อากาสํ กตฺวา คนฺตพฺพนฺติ อตฺโถ. อถ วา ติโรกุฏฺฏปาฏิหาริเย วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘สเจ ปนสฺส ภิกฺขุโน อธิฏฺหิตฺวา คจฺฉนฺตสฺสา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๓๙๒) ตตฺถ วุตฺตนเยน. เอเตน ‘‘ปุริมาธิฏฺานพเลเนว จสฺส อนฺตรา อฺโ ปพฺพโต วา รุกฺโข วา อุตุมโย อุฏฺหิสฺสตีติ อฏฺานเมเวต’’นฺติ นาคาทีหิ กยิรมาโน วิพนฺโธ คมนนฺตรายํ น กโรตีติ ทสฺเสติ.

โอกาเสติ ชนวิวิตฺเต ยุตฺตฏฺาเน. ปากโฏ โหติ อากาสจารี อยํ สมโณติ.

๓๙๖. ทฺวาจตฺตาลีสโยชนสหสฺสคฺคหณํ ปมกปฺปวเสน กตํ, ตโต ปรํ ปน อนุกฺกเมน ปถวิยา อุสฺสิตภาเวน ตโต กติปยโยชนูนตา สิยา, อปฺปกํ อธิกํ วา อูนํ วา คณนูปคํ น โหตีติ ตถา วุตฺตํ. ตีสุ ทีเปสุ เอกกฺขเณ อาโลกกรเณนาติ ยทา ยสฺมึ ทีเป มชฺเฌ ติฏฺนฺติ, ตทา ตโต ปุริมสฺมึ อตฺถํ คจฺฉนฺตา ปจฺฉิเม อุเทนฺตา หุตฺวา อาโลกกรเณน. อฺโชตีนํ วา อภิภวเนน, ทุทฺทสตาย จ มหิทฺธิเก. สตฺตานํ สีตปริฬาหวูปสมเนน, โอสธิติณวนปฺปตีนํ ปริพฺรูหเนน จ มหานุภาเว. ฉุปตีติ ผุสติ. ปริมชฺชตีติ หตฺถํ อิโต จิโต จ สฺจาเรนฺโต ฆํเสติ. อภิฺาปาทกชฺฌานวเสเนวาติ ยสฺส กสฺสจิ อภิฺาปาทกชฺฌานวเสน. เอว-กาเรน ปาทกชฺฌานวิเสสํ นิวตฺเตติ, น อธิฏฺานํ. เตเนวาห ‘‘นตฺเถตฺถ กสิณสมาปตฺตินิยโม’’ติ. ติโรกุฏฺฏปาฏิหาริยาทีสุ วิย อิมสฺมึ นาม กสิเณ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อธิฏฺาตพฺพนฺติ น เอตฺถ โกจิ นิยโม อตฺถีติ อตฺโถ. ตถา หิ ปาฬิยํ กิฺจิ สมาปตฺตึ อปรามสิตฺวา ‘‘อิธ โส อิทฺธิมา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐-๑๑) วุตฺตํ. หตฺถปาเส โหติ ‘‘จนฺทิมสูริเย’’ติ เอวํ วุตฺตํ จนฺทิมสูริยมณฺฑลํ. รูปคตํ หตฺถปาเสติ หตฺถปาเส ิตํ รูปคตํ, หตฺถปาเส วา รูปคตํ. หตฺถํ วา วฑฺเฒตฺวา ปรามสตีติ โยชนา.

อุปาทินฺนกํ นิสฺสาย อนุปาทินฺนกสฺส วฑฺฒนํ วุตฺตํ. ยุตฺติยา ปเนตฺถ อุปาทินฺนกสฺสปิ วฑฺฒนจฺฉายา ทิสฺสติ. อตฺตโน อณุมหนฺตภาวาปาทเน อุปาทินฺนกสฺส หาปนํ วิย วฑฺฒนมฺปิ ลพฺภเตว. ยถา อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส นนฺโทปนนฺททมเนติ เอวํ ปวตฺตํ สหวตฺถุนา เถรวาทํ อาหริตฺวา ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร อาหา’’ติอาทิ อารทฺธํ. กึ ปน น โหติ, โหติเยวาติ อธิปฺปาโย. ทฺเว หิ ปฏิเสธา ปกตึ คเมนฺตีติ. ‘‘ตทา มหนฺตํ โหติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส วิยา’’ติ อิทํ ยถาธิกตตฺถทสฺสนวเสน วุตฺตํ, ขุทฺทกภาวาปาทนมฺเปตฺถ ลพฺภเตว.

นนฺโทปนนฺทนาคทมนกถาวณฺณนา

โอโลเกสิ พุทฺธาจิณฺณวเสน ‘‘อตฺถิ นุ โข อสฺส อุปนิสฺสโย’’ติ. โลกิยํ รตนตฺตเย ปสาทลกฺขณํ สาสนาวตารํ สนฺธายาห ‘‘อปฺปสนฺโน’’ติ. มิจฺฉาทิฏฺิโต วิเวเจตฺวา ปสาเทตพฺโพติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘โก นุ โข…เป… วิเวเจยฺยา’’ติ.

ตํ ทิวสนฺติ ยทา ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตาวตึสภวนาภิมุโข คจฺฉติ, ตํ ทิวสภาคํ. อาปานภูมึ สชฺชยึสูติ ยตฺถ โส นิสินฺโน โภชนกิจฺจํ กโรติ, ตํ ปริเวสนฏฺานํ สิตฺตํ สมฺมฏฺํ โภชนูปกรณูปนยนาทินา สชฺชยึสุ ปฏิยาเทสุํ. ติวิธนาฏเกหีติ วธูกุมาริกฺาวตฺถาหิ ติวิธาหิ นาฏกิตฺถีหิ. โอโลกยมาโนติ เปกฺขนฺโต, วิจาเรนฺโต วา.

อุปรูปรีติ มตฺถกมตฺถเก. ภวเนนาติ ภวนปเทเสน. โภเคหีติ สรีรโภเคหิ. อวกุชฺเชนาติ นิกุชฺชิเตน. คเหตฺวาติ ยถา ตาวตึสภวนสฺส ปเทโสปิ นาวสิสฺสติ, เอวํ ปริยาทาย.

สิเนรุปริภณฺฑนฺติ สิเนรุเมขลํ. สิเนรุสฺส กิร สมนฺตโต พหลโต, ปุถุลโต จ ปฺจโยชนสหสฺสปริมาณานิ จตฺตาริ ปริภณฺฑานิ ตาวตึสภวนสฺส อารกฺขาย นาเคหิ, ครุเฬหิ, กุมฺภณฺเฑหิ, ยกฺเขหิ จ อธิฏฺิตานิ, ตานิ ปริภณฺฑภาวสามฺเน เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘ปริภณฺฑ’’นฺติ วุตฺตํ. เตหิ กิร สิเนรุสฺส อุปฑฺฒํ ปริยาทินฺนํ.

อตฺตภาวํ วิชหิตฺวาติ มนุสฺสรูปํ อนฺตรธาเปตฺวา. พาธตีติ เขทมตฺตํ อุปฺปาเทติ.

อตฺตภาวํ วิชหิตฺวาติ สุขุมตฺตภาวนิมฺมาเนน นาครูปํ วิชหิตฺวา. มุขํ วิวริ ‘‘มุขคตํ สมณํ สํขาทิสฺสามี’’ติ. ปาจีเนน จ ปจฺฉิเมน จาติ นาคสฺส ตถานิปนฺนตฺตา วุตฺตํ. สุฏฺุ สติยา ปจฺจุปฏฺาปนตฺถมาห ‘‘มนสิ กโรหี’’ติ.

อาทิโต ปฏฺาย สพฺพปาฏิหาริยานีติ ตทา เถเรน กตปาฏิหาริยานิ สนฺธาย วุตฺตํ. อิมํ ปน านนฺติ อิมํ นาสาวาตวิสฺสชฺชนการณํ.

อนุพนฺธีติ ‘‘น สกฺกา เอวํมหิทฺธิกสฺส อิมสฺส สมณสฺส ปฏิปหริตุ’’นฺติ ภเยน ปลายนฺตํ อนุพนฺธิ.

เอกปฏิปาฏิยาติ เอกาย ปฏิปาฏิยา, นิรนฺตรนฺติ อตฺโถ. อยเมวาติ ยา อุปาทินฺนกํ นิสฺสาย อนุปาทินฺนกสฺส วฑฺฒิ, อยเมว. เอตฺถ เอทิเส หตฺถวฑฺฒนาทิปาฏิหาริเย ยุตฺติ ยุตฺตรูปา จิตฺตโต, อุตุโต วา อุปาทินฺนกรูปานํ อนุปฺปชฺชนโต. อถ วา อุปาทินฺนนฺติ สกลเมว อินฺทฺริยพทฺธํ อธิปฺเปตํ. เอวมฺปิ ตสฺส ตถา วฑฺฒิ น ยุชฺชติ เอวาติ วุตฺตนเยเนว วฑฺฒิ เวทิตพฺพา. เอกสนฺตาเน อุปาทินฺนํ, อนุปาทินฺนฺจ สมฺภินฺนํ วิย ปวตฺตมานมฺปิ อตฺถโต อสมฺภินฺนเมว. ตตฺถ ยถา อาฬฺหกมตฺเต ขีเร อเนกาฬฺหเก อุทเก อาสิตฺเต ยทิปิ ขีรํ สพฺเพน สมฺภินฺนํ สพฺพตฺถกเมว ลมฺพมานํ หุตฺวา ติฏฺติ, ตถาปิ น ตตฺถ ขีรํ วฑฺฒติ, อุทกเมว วฑฺฒติ, เอวเมวํ ยทิปิ อุปาทินฺนํ อนุปาทินฺนฺจ สมฺภินฺนํ วิย ปวตฺตติ, ตถาปิ อุปาทินฺนํ น วฑฺฒติ, อิทฺธานุภาเวน จิตฺตชํ, ตทนุสาเรน อุตุชฺจ วฑฺฒตีติ ทฏฺพฺพํ.

โสติ โส อิทฺธิมา. เอวํ กตฺวาติ วุตฺตากาเรน หตฺถํ วา วฑฺเฒตฺวา เต วา อาคนฺตฺวา หตฺถปาเส ิเต กตฺวา. ปาทฏฺปนาทิปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อปโรปิ อิทฺธิมา. ตเถวาติ ปาฏิหาริยกรณโต ปุพฺเพ วิย. ตถูปมเมตนฺติ ยถา อุทกปุณฺณาสุ นานาปาตีสุ พหูหิ นานาจนฺทมณฺฑเลสุ ทิสฺสมาเนสุ น เตน จนฺทมณฺฑลสฺส คมนาทิอุปโรโธ, พหูนฺจ ปจฺเจกํ ทสฺสนํ อิชฺฌติ, ตถูปมเมตํ ปาฏิหาริยํ จนฺทิมสูริยานํ คมนาทิอุปโรธาภาวโต, พหูนฺจ อิทฺธิมนฺตานํ ตตฺถ อิทฺธิปโยคสฺส ยถิจฺฉิตํ สมิชฺฌนโตติ อธิปฺปาโย.

๓๙๗. ปริจฺเฉทํ กตฺวาติ อภิวิธิวเสน ปน ปริจฺเฉทํ กตฺวา, น มริยาทวเสน. ตถา เหส พฺรหฺมโลเก อตฺตโน กาเยน วสํ วตฺเตติ. ปาฬีติ ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิ.

ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตตีติ เอตฺถ ยสฺมา น พฺรหฺมโลกสฺเสว คมนํ อธิปฺเปตํ, นาปิ พฺรหฺมโลกสฺส คมนเมว, อถ โข อฺถา อฺมฺปิ. ยาว พฺรหฺมโลกาติ ปน ทูราวธินิทสฺสนเมตํ, ตสฺมา ‘‘สเจ พฺรหฺมโลกํ คนฺตุกามา โหตี’’ติ วตฺวาปิ อิตรมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺติเกปิ ทูเร อธิฏฺาตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปิ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน วุตฺตาวเสสสฺส อธิฏฺานิทฺธิยา นิปฺผาเทตพฺพสฺส สพฺพสฺสาปิ สงฺคโห, น วุตฺตสฺเสวาติ ทฏฺพฺพํ.

ยมกปาฏิหาริยาวสาเนติอาทินา ติวิกฺกมสฺส อธิฏฺานิทฺธินิปฺผนฺนตา วุตฺตา, อฺตฺถ ปน ลกฺขณานิสํสตา. ตทุภยํ ยถา อฺมฺํ น วิรุชฺฌติ, ตถา วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

นีลมาติกนฺติ นีลวณฺโณทกมาติกํ.

มหาโพธินฺติ อปราชิตปลฺลงฺกํ มหาโพธึ. จิตฺเต อุปฺปนฺเน สนฺติเก อกาสีติ ตถา จิตฺตุปฺปตฺติสมนนฺตรเมว ปถวึ, สมุทฺทฺจ สํขิปิตฺวา มหาโพธิสนฺติเก อกาสิ.

นกฺขตฺตทิวเสติ มหทิวเส. จนฺทปูเวติ จนฺทสทิเส จนฺทมณฺฑลากาเร ปูเว. เอกปตฺตปูรมตฺตมกาสีติ ยถา เต ปมาณโต สรูเปเนว อนฺโตปตฺตปริยาปนฺนา โหนฺติ, ตถา อกาสิ.

กากวลิยวตฺถุสฺมิฺจ ‘‘ภควา โถกํ พหุํ อกาสี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตํ ปน วตฺถุํ สงฺเขปโตว ทสฺเสตุํ ‘‘มหากสฺสปตฺเถโร กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมาปตฺติยาติ นิโรธสมาปตฺติยา.

คงฺคาตีเรติ ตมฺพปณฺณิทีเป คงฺคานทิยา ตีเร. สฺํ อทาสีติ ยถา เต ยถาธิฏฺิตํ สปฺปึ ปสฺสนฺติ, ตถา สฺํ อทาสิ.

ตสฺสาติ ยสฺส พฺรหฺมุโน รูปํ ทฏฺุกาโม, ตสฺส พฺรหฺมุโน รูปํ ปสฺสติ. สทฺทํ สุณาตีติ ทิพฺพาย โสตธาตุยา พฺรหฺมุโน สทฺทํ สุณาติ. จิตฺตํ ปชานาตีติ เจโตปริยาเณน พฺรหฺมุโน จิตฺตํ ปชานาติ. กรชกายสฺส วเสนาติ จาตุมหาภูติกรูปกายสฺส วเสน. ‘‘จิตฺตํ ปริณาเมตี’’ติ เอตฺถ กึ ตํ จิตฺตํ, กถํ วา ปริณามนนฺติ อาห ‘‘ปาทกชฺฌานจิตฺตํ คเหตฺวา กาเย อาโรเปตี’’ติ. กถํ ปน กาเย อาโรเปตีติ อาห ‘‘กายานุคติกํ กโรตี’’ติ. เอวมฺปิ สทฺททนฺธโรวายนฺติ วจนปถํ ปจฺฉินฺทนฺโต อาห ‘‘ทนฺธคมน’’นฺติ. กโรตีติ สมฺพนฺโธ. กายคมนํ หิ ทนฺธํ, ทนฺธมหาภูตปจฺจยตฺตาติ อธิปฺปาโย. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ทิสฺสมาเนน กาเยน คนฺตุกามตาย วเสน จิตฺตํ ปริณาเมนฺโต โยคี ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘อิทํ จิตฺตํ กาโย วิย ทนฺธคมนํ โหตู’’ติ ปริกมฺมํ กโรติ. ตถา ปริกมฺมกรณํ หิ สนฺธาย ‘‘ปาทกชฺฌานจิตฺตํ คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ปริกมฺมํ ปน กตฺวา ปุน สมาปชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺหนฺโต ตํ จิตฺตํ กาเย อาโรเปติ, กายานุคติกํ ทนฺธคมนํ กโรติ.

สุขสฺนฺติ สุขสหคตํ สฺํ, สฺาสีเสน นิทฺเทโส. ลหุภาเวน สฺาตนฺติ ลหุสฺํ. กถํ ปน อิทฺธิจิตฺเตน สห สุขสฺาย สมฺภโวติ อาห ‘‘สุขสฺา นาม อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตา สฺา’’ติ. สุขนฺติ สฺาตนฺติ วา สุขสฺํ. เตเนวาห ‘‘อุเปกฺขา หิ สนฺตํ สุขนฺติ วุตฺตา’’ติ เอกนฺตครุเกหิ นีวรเณหิ, โอฬาริเกหิ อนุปสนฺตสภาเวหิ จ วิตกฺกาทีหิ วิปฺปโยโค จิตฺตเจตสิกานํ ลหุภาวสฺส การณนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สาเยว…เป… เวทิตพฺพา’’ติ. ตํ โอกฺกนฺตสฺสาติ ตํ สุขลหุสฺํ อนุปฺปตฺตสฺส. อสฺสาติ โยคิโน. คนฺตุกามตา เอว เอตฺถ ปมาณนฺติ เอตฺถ เอตสฺมึ ทิสฺสมาเนน กาเยน คมเน ยํ านํ คนฺตุกาโม, ตํ อุทฺทิสฺส คนฺตุกามตาวเสน ปวตฺตปริกมฺมาธิฏฺานานิ เอว ปมาณํ, ตาวตา คมนํ อิชฺฌติ. ตสฺมา มคฺคนิมฺมานวายุอธิฏฺาเนหิ วินาปิ อิจฺฉิตเทสปฺปตฺติ โหตีติ. อิทานิ ตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘สติ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

กายํ คเหตฺวาติ กรชกายํ อารมฺมณกรณวเสน ปริกมฺมจิตฺเตน คเหตฺวา. จิตฺเต อาโรเปตีติ ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ ปาทกชฺฌานจิตฺเต อาโรเปติ ตคฺคติกํ กโรติ. เตนาห ‘‘จิตฺตานุคติกํ กโรติ สีฆคมน’’นฺติ. จิตฺตคมนนฺติ จิตฺตปฺปวตฺติมาห. อิทํ ปน จิตฺตวเสน กายปริณามนปาฏิหาริยํ. จิตฺตคมนเมวาติ จิตฺเตน สมานคมนเมว. กถํ ปน กาโย ทนฺธปฺปวตฺติโก ลหุปริวตฺตินา จิตฺเตน สมานคติโก โหตีติ? น สพฺพถา สมานคติโก. ยเถว หิ กายวเสน จิตฺตปริณามเน จิตฺตํ สพฺพถา กาเยน สมานคติกํ น โหติ. น หิ ตทา จิตฺตํ สภาวสิทฺเธน อตฺตโน ขเณน อวตฺติตฺวา ครุวุตฺติกสฺส รูปธมฺมสฺส ขเณน วตฺตติ. ‘‘อิทํ จิตฺตํ อยํ กาโย วิย โหตู’’ติ ปน อธิฏฺาเนน ทนฺธคติกสฺส กายสฺส อนุวตฺตนโต ยาว อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติ, ตาว กายคติอนุโลเมเนว หุตฺวา สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ จิตฺตํ กายคติยา ปริณามิตํ นาม โหติ, เอวํ ‘‘อยํ กาโย อิทํ จิตฺตํ วิย โหตู’’ติ อธิฏฺาเนน ปเคว สุขลหุสฺาย สมฺปาทิตตฺตา อภาวิติทฺธิปาทานํ วิย ทนฺธํ อวตฺติตฺวา ยถา ลหุกติปยจิตฺตวาเรเหว อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติ โหติ, เอวํ ปวตฺตมาโน กาโย จิตฺตคติยา ปริณามิโต นาม โหติ, น เอกจิตฺตกฺขเณเนว อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติยา.

เอวฺจ กตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺยา’’ติ อิทมฺปิ อุปมาวจนํ นิปฺปริยาเยเนว สมตฺถิตํ โหติ. อวสฺสํ เจตํ เอวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา สุตฺตาภิธมฺมปาเหิ, วินยอฏฺกถาย จ วิโรโธ สิยา, ธมฺมตา จ วิโลมิตา. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๑ อาทโย) หิ เอตฺถ อฺคหเณน รูปธมฺมา คหิตา อลหุปริวตฺติตาย. อภิธมฺเม (ปฏฺา. ๑.๑.๑๐-๑๑) จ ปุเรชาตปจฺจโย รูปเมว วุตฺโต, ปจฺฉาชาตปจฺจโย จ ตสฺเสว. ยตฺถ ยตฺถ จ ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ. นตฺถิ เทสนฺตรสงฺกมนํ, น จ สภาโว อฺถา โหตีติ. น หิ อิทฺธิพเลน ธมฺมานํ เกนจิ ลกฺขณํ อฺถตฺตํ กาตุํ สกฺกา, ภาวฺถตฺตเมว ปน กาตุํ สกฺกา. ‘‘ตีสุปิ ขเณสู’’ติ อิทมฺปิ คมนารมฺภํ สนฺธาย วุตฺตํ, น คมนนิฏฺานนฺติ วทนฺติ. เถโรติ อฏฺกถาจริยานํ อนฺตเร เอโก เถโร. อิธาติ อิทํ ปาฏิหาริยํ วิภชิตฺวา วุตฺตปาเ. สยํ คมนเมว อาคตํ ‘‘พฺรหฺมโลกํ คจฺฉตี’’ติ วุตฺตตฺตา.

จกฺขุโสตาทีนนฺติ จกฺขุโสตาทีนํ องฺคานํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สพฺพงฺคปจฺจงฺค’’นฺติ, สพฺพองฺคปจฺจงฺควนฺตนฺติ อตฺโถ. ปสาโท นาม นตฺถีติ อิมินาว ภาวชีวิตินฺทฺริยานมฺปิ อภาโว วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. รุจิวเสนาติ อิจฺฉาวเสน. อฺมฺปีติ ภควตา กริยมานโต อฺมฺปิ กิริยํ กโรติ. อยฺเจตฺถ พุทฺธานุภาโว. ยทิ สาวกนิมฺมิเตสุ นานปฺปการตา นตฺถิ, ‘‘สเจ ปน นานาวณฺเณ กาตุกาโม โหตี’’ติอาทิ ยํ เหฏฺา วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ? ตํ ตถา ตถา ปริกมฺมํ กตฺวา อธิฏฺหนฺตสฺส เต เต วณฺณวยาทิวิเสสา ปริกมฺมานุรูปํ อิชฺฌนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ. อิธ ปน ยถาธิฏฺิเต นิมฺมิตรูเป สเจ สาวโก ‘‘อิเม วิเสสา โหนฺตู’’ติ อิจฺฉติ, น อิชฺฌติ, พุทฺธานํ ปน อิชฺฌตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ น โกจิ วิโรโธ.

อิทานิ ยานิ ตานิ ‘‘ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐) ปาฬิยา อตฺถทสฺสนวเสน วิภตฺตานิ ‘‘ทูเรปิ สนฺติเก อธิฏฺาตี’’ติอาทีนิ จุทฺทส ปาฏิหาริยานิ, ตตฺถ สิขาปฺปตฺตํ กาเยน วสวตฺตนปาฏิหาริยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ นฺติ กิริยาปรามสนํ, เตน ‘‘รูปํ ปสฺสตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ รูปทสฺสนํ, ‘‘สทฺทํ สุณาตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ สทฺทสวนํ, ‘‘จิตฺตํ ปชานาตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ จิตฺตชานนนฺติ เอวํ ทิพฺพจกฺขุโสตเจโตปริยาณกตฺตุกํ ทสฺสนสวนชานนกิริยํ ปรามสตีติ ทฏฺพฺพํ. อิโต ปเรสุ สนฺติฏฺตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ยมฺปิสฺสาติ ยมฺปิ อสฺส. โยคิโน อธิฏฺานนฺติ สมฺพนฺโธ. ยฺจ โขติ เอตฺถ โข-สทฺโท อวธารณตฺโถ, วิเสสตฺโถ วา, เตน อยเมเวตฺถ กาเยน วสวตฺตนปาฏิหาริเยสุ อุกฺกฏฺตรนฺติ ทีเปติ. กสฺมา? ‘‘อยํ นุ โข อิทฺธิมา, อยํ นุ โข นิมฺมิโต’’ติ เอกจฺจสฺส พฺรหฺมุโน อาสงฺกุปฺปาทนโต. ยทคฺเคน เจตํ อธิฏฺิตํ วิเสสโต มโนมยนฺติ วุจฺจติ, ตทคฺเคน อุกฺกฏฺตรนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘เอตฺตาวตา กาเยน วสํ วตฺเตติ นามา’’ติ. ยทิ เอวํ กสฺมา อิธ เสสานิ คหิตานีติ อาห ‘‘เสสํ…เป… วุตฺต’’นฺติ.

๓๙๘. อิทํ นานากรณนฺติ กามมิมาปิ ทฺเว อิทฺธิโย อธิฏฺานวเสเนว อิชฺฌนฺติ, ตถาปิ อิทํ อิทานิ วุจฺจมานํ อิมาสํ นานากรณํ วิเสโส. ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวาติ อตฺตโน ปกติรูปํ วิชหิตฺวา อปเนตฺวา, ปเรสํ อทสฺเสตฺวาติ อตฺโถ. กุมารกวณฺณนฺติ กุมารกสณฺานํ. ทสฺเสตีติ ตถา วิกุพฺพนฺโต อตฺตนิ ทสฺเสติ. นาควณฺณํ วาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. หตฺถิมฺปิ ทสฺเสตีติ อตฺตานมฺปิ หตฺถึ กตฺวา ทสฺเสติ, พหิทฺธาปิ หตฺถึ ทสฺเสติ. เอตทตฺถเมว หิ อิธ ‘‘หตฺถิวณฺณํ วา ทสฺเสตี’’ติ อวตฺวา ‘‘หตฺถิมฺปิ ทสฺเสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) วุตฺตํ. ยํ ปน เกจิ พหิทฺธา หตฺถิอาทิทสฺสนวจนํ ‘‘ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา’’ติ วจเนน วิกุพฺพนิทฺธิภาเวน วิรุชฺฌตีติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ. กสฺมา? ปกติวณฺณวิชหนํ นาม อตฺตโน ปกติรูปสฺส อฺเสํ อทสฺสนํ, น สพฺเพน สพฺพํ ตสฺส นิโรธนํ. เอวํ สติ อตฺตานํ อทสฺเสตฺวา พหิทฺธา หตฺถึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา หตฺถึ ทสฺเสตี’’ติ วุจฺจมาเน โก เอตฺถ วิโรโธ, อตฺตนา ปน หตฺถิวณฺโณ หุตฺวา พหิทฺธาปิ หตฺถึ ทสฺสนฺเต วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เตเนวาห ‘‘พหิทฺธาปิ หตฺถิอาทิทสฺสนวเสน วุตฺต’’นฺติ. เอวฺจ กตฺวา วิกุพฺพนิทฺธิภาเวน จ น โกจิ วิโรโธ.

ปาฬิยฺจ กุมารกวณฺณํ วาติอาทีสุ อนิยมตฺโถ วา-สทฺโท วุตฺโต. เตสุ เอเกกสฺเสว กรณทสฺสนตฺถํ. หตฺถิมฺปีติอาทีสุ ปน หตฺถิอาทีนํ พหูนํ เอกชฺฌํ กาตพฺพาภาวทสฺสนตฺถํ สมุจฺจยตฺโถ ปิ-สทฺโท วุตฺโต. เตน ‘‘หตฺถิมฺปิ ทสฺเสตี’’ติอาทีสุ ทุติเย วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ.

อิทฺธิมโต อตฺตโน กุมารกากาเรน ปเรสํ ทสฺสนํ กุมารกวณฺณนิมฺมานํ, น เอตฺถ กิฺจิ อปุพฺพํ ปถวีอาทิวตฺถุ นิปฺผาทียตีติ กสิณนิยเมน ปโยชนาภาวโต ‘‘ปถวีกสิณาทีสุ อฺตรารมฺมณโต’’ติ วุตฺตํ. สติปิ วา วตฺถุนิปฺผาทเน ยถารหํ ตํ ปถวีกสิณาทิวเสเนว อิชฺฌตีติ เอวมฺเปตฺถ กสิณนิยเมน ปโยชนํ นตฺเถว. กุมารกวณฺณฺหิ ทสฺเสนฺเตน นีลวณฺณํ วา ทสฺเสตพฺพํ สิยา, ปีตาทีสุ อฺตรวณฺณํ วา. ตถา สติ นีลาทิกสิณานิ สมาปชฺชิตพฺพานีติ อาปนฺโนว กสิณนิยโม. เอเสว นโย เสเสสุปิ. เอวมธิฏฺิเต ยเทเก ปถวีกสิณวเสน ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ม. นิ. ๑.๑๔๗; สํ. นิ. ๕.๘๔๒; ปฏิ. ม. ๓.๑๐) ภาโวติ เอวํ ปวตฺเตน กสิณนิทฺเทเสน อิธ วิกุพฺพนิทฺธินิทฺเทเส ‘‘ปถวีกสิณาทีสุ อฺตรารมฺมณโต’’ติอาทิวจนสฺส วิโรธํ อาสงฺกนฺติ, โส อโนกาโสวาติ ทฏฺพฺพํ. นิมฺมินิตพฺพภาเวน อตฺตนา อิจฺฉิโตติ อตฺตโน กุมารกวณฺโณ, น ปน อตฺตโน ทหรกาเล กุมารกวณฺโณติ. นาคาทิวณฺเณสุปิ อยํ นโย พฺยาปี เอวาติ ยเทเก ‘‘นาคาทินิมฺมาเน น ยุชฺชติ วิยา’’ติ วทนฺติ, ตทโปหตํ ทฏฺพฺพํ.

พหิทฺธาปีติ ปิ-สทฺเทน อชฺฌตฺตํ สมฺปิณฺเฑติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – หตฺถิมฺปิ ทสฺเสตีติอาทิ อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธาปิ หตฺถิอาทิทสฺสนวเสน วุตฺตํ, น ‘‘กุมารกวณฺณํ วา’’ติอาทิ วิย อชฺฌตฺตเมว กุมารกวณฺณาทีนํ ทสฺสนวเสนาติ. ยํ เอตฺถ วตฺตพฺพํ อธิฏฺานวิธานํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

๓๙๙. กายนฺติ อตฺตโน กรชกายํ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘อยํ กาโย สุสิโร โหตู’’ติ ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน ‘‘ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺายา’’ติ อิมํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสารมาห. อฺํ กายนฺติ ยํ มโนมยํ กายํ นิมฺมินิตุกาโม, ตํ. มุฺชมฺหาติ มุฺชติณโต. อีสิกนฺติ ตสฺส กณฺฑํ. โกสิยาติ อสิโกสโต. กรณฺฑายาติ เปฬาย, นิมฺโมกโตติ จ วทนฺติ. อพฺพาหตีติ อุทฺธรติ. ปวาเหยฺยาติ อากฑฺเฒยฺย.

อิทฺธิวิธนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ทฺวาทสมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๑๓. อภิฺานิทฺเทสวณฺณนา

ทิพฺพโสตธาตุกถาวณฺณนา

๔๐๐. ตตฺถาติ ทิพฺพโสตธาตุยา นิทฺเทเส. อภิฺาปาฬิยา หิ นิทฺเทสมุเขน อภิฺานํ นิพฺพตฺตนวิธิ วิธียติ. อภิฺาสีเสเนตฺถ อภิฺาปาฬิ วุตฺตา. เตนาห ‘‘ตโต ปราสุ จ ตีสุ อภิฺาสู’’ติ. ตโต ปราสูติ จ สตฺถุโน เทสนากฺกมํ, อตฺตโน จ อุทฺเทสกฺกมํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปฏิปตฺติกฺกมํ. น หิ ปฏิปชฺชนฺตา อิมินาว กเมน ปฏิปชฺชนฺติ. สพฺพตฺถาติ ทิพฺพโสตธาตุปาฬิยํ, เสสาภิฺาปาฬิยฺจาติ สพฺพตฺถ. ตตฺราติ วากฺโยปฺาเส นิปาตมตฺตํ, ตตฺร วา ยถาวุตฺตปาเ. ทิพฺพสทิสตฺตาติ ทิพฺเพ ภวาติ ทิพฺพา, เทวานํ โสตธาตุ, ตาย ทิพฺพาย สทิสตฺตา. อิทานิ ตํ ทิพฺพสทิสตํ วิภาเวตุํ ‘‘เทวานํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตาติ สทฺธาพหุลตาวิสุทฺธทิฏฺิตานิสํสทสฺสาวิตาทิสมฺปตฺติยา สุฏฺุ จริตตฺตา สุจริเตน เทวูปปตฺติชนเกน ปุฺกมฺเมน นิพฺพตฺตา. ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหีติ อาทิ-สทฺเทน วาตโรคาทีนํ สงฺคโห. อปลิพุทฺธาติ อนุปทฺทุตา. ปิตฺตาทีหิ อนุปทฺทุตตฺตา, กมฺมสฺส จ อุฬารตาย อุปกฺกิเลสวิมุตฺติ เวทิตพฺพา. อุปกฺกิเลสโทสรหิตํ หิ กมฺมํ ติณาทิโทสรหิตํ วิย สสฺสํ อุฬารผลํ อนุปกฺกิลิฏฺํ โหติ. การณูปจาเรน จสฺส ผลํ ตถา โวหรียติ, ยถา ‘‘สุกฺกํ สุกฺกวิปาก’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๑๒; ม. นิ. ๒.๘๑; อ. นิ. ๔.๒๓๓). ทูเรปีติ ปิ-สทฺเทน สุขุมสฺสาปิ อารมฺมณสฺส สมฺปฏิจฺฉนสมตฺถตํ สงฺคณฺหาติ. ปสาทโสตธาตูติ จตุมหาภูตานํ ปสาทลกฺขณา โสตธาตุ.

วีริยารมฺภวเสเนว อิชฺฌนโต สพฺพาปิ กุสลภาวนา วีริยภาวนา, ปธานสงฺขารสมนฺนาคตา วา อิทฺธิปาทภาวนาปิ วิเสสโต วีริยภาวนา, ตสฺสา อานุภาเวน นิพฺพตฺตา วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตา. าณมยา โสตธาตุ าณโสตธาตุ. ตาทิสาเยวาติ อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย, ทูเรปิ สุขุมสฺสปิ อารมฺมณสฺส สมฺปฏิจฺฉนสมตฺถตาย จ ตํสทิสา เอว. ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตาติ ทิพฺพวิหารสงฺขาตานํ จตุนฺนํ ภูมีนํ วเสน ปฏิลทฺธตฺตา, อิมินา การณวเสนสฺสา ทิพฺพภาวมาห. ยํ เจตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาติ อฏฺงฺคสมนฺนาคเมน อุกฺกํสคตํ ปาทกชฺฌานสงฺขาตํ ทิพฺพวิหารํ สนฺนิสฺสาย ปวตฺตตฺตา, ทิพฺพวิหารปริยาปนฺนํ วา อตฺตนา สมฺปยุตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ นิสฺสยปจฺจยภูตํ สนฺนิสฺสิตตฺตาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สวนฏฺเนาติ สทฺทคหณฏฺเน. ยาถาวโต หิ สทฺทูปลทฺธิ สทฺทสภาวาวโพโธ สวนํ. สนฺเตสุปิ อฺเสุ สภาวธารณาทีสุ ธาตุอตฺเถสุ อตฺตสุฺตาสนฺทสฺสนตฺถา สตฺถุ ธาตุเทสนาติ อาห ‘‘นิชฺชีวฏฺเน จา’’ติ. โสตธาตุกิจฺจํ สทฺทสมฺปฏิจฺฉนํ, สทฺทสนฺนิฏฺานปจฺจยตา จ.

าณสฺส ปริสุทฺธิ อุปกฺกิเลสวิคเมเนวาติ อาห ‘‘นิรุปกฺกิเลสายา’’ติ. มานุสิกา มนุสฺส สนฺตกา, มํสโสตธาตุ, ทิพฺพวิทูราทิวิสยคฺคหณสงฺขาเตน อตฺตโน กิจฺจวิเสเสน อติกฺกนฺตํ มานุสิกํ เอตายาติ อติกฺกนฺตมานุสิกา. เตนาห ‘‘มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา สทฺทสวเนนา’’ติ. ตตฺถ มนุสฺสูปจารนฺติ มนุสฺเสหิ อุปจริตพฺพฏฺานํ, ปกติยา โสตทฺวาเรน คเหตพฺพํ วิสยนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘สทฺทสวเนนา’’ติ. ทิพฺเพติ เทวโลกปริยาปนฺเน. เต ปน วิเสสโต เทวานํ กถา สทฺทา โหนฺตีติ อาห ‘‘เทวานํ สทฺเท’’ติ. มนุสฺสานํ เอเตติ มานุสา, เต มานุเส. เอวํ เทวมนุสฺสสทฺทานํเยว คหิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปเทสปริยาทาน’’นฺติ, เอกเทสคฺคหณนฺติ อตฺโถ. สเทหสนฺนิสฺสิตา อตฺตโน สรีเร สนฺนิสฺสิตา. นิปฺปเทสปริยาทานํ านเภทคฺคหณมุเขน สวิฺาณกาทิเภทภินฺนสฺส สทฺทสฺส อนวเสเสน สงฺคณฺหนโต.

อยํ ทิพฺพโสตธาตุ. ปริกมฺมสมาธิจิตฺเตนาติ ปริกมฺมภูตาเวณิกสมาธิจิตฺเตน, ทิพฺพโสตาณสฺส ปริกมฺมวเสน ปวตฺตกฺขณิกสมาธินา สมาหิตจิตฺเตนาติ อตฺโถ. ปริกมฺมสมาธิ นาม ทิพฺพโสตธาตุยา อุปจาราวตฺถาติปิ วทนฺติ. สา ปน นานาวชฺชนวเสน วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา. สพฺโพฬาริกสทฺททสฺสนตฺถํ สีหาทีนํ สทฺโท ปมํ คหิโต. ติโยชนมตฺถเกปิ กิร เกสรสีหสฺส สีหนาทสทฺโท สุยฺยติ. อาทิ-สทฺเทน เมฆสทฺทพฺยคฺฆสทฺทาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ ยถา โอฬาริกสทฺทาวชฺชนํ ยาวเทว สุขุมสทฺทาวชฺชนูปายทสฺสนตฺถํ, ตถา สทฺทคฺคหณภาวนาพเลน สุขุมตรสทฺทคฺคหณสํสิทฺธิโต.

เอวํ อาสนฺนสทฺทคฺคหณานุสาเรน ทูรทูรตรสทฺทคฺคหณมฺปิ สมิชฺฌตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสายา’’ติอาทินา ทิสาสมฺพนฺธวเสน สทฺทานํ มนสิการวิธิ อารทฺโธ. ตตฺถ สทฺทนิมิตฺตนฺติ าณุปฺปตฺติเหตุภาวโต สทฺโท เอว สทฺทนิมิตฺตํ, โย วา ยถาวุตฺโต อุปาทายุปาทาย ลพฺภมาโน สทฺทานํ โอฬาริกสุขุมากาโร, ตํ สทฺทนิมิตฺตํ. เตเนวาห ‘‘สทฺทานํ สทฺทนิมิตฺต’’นฺติ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘โอฬาริกานมฺปิ สุขุมานมฺปิ สทฺทานํ สทฺทนิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพ’’นฺติ, ตํ โอฬาริกสุขุมสมฺมเตสุปิ โอฬาริกสุขุมสพฺภาวทสฺสนตฺถํ. ตฺจ สพฺพํ สุขุเม าณปริจยทสฺสนตฺถํ ทฏฺพฺพํ. สทฺทนิมิตฺตสฺส อปจฺจุปฺปนฺนสภาวตฺตา ‘‘สทฺโทว สทฺทนิมิตฺต’’นฺติ อยเมว ปกฺโข ายาคโตติ เกจิ, ตํ น โอฬาริกสุขุมานํ สทฺทานํ วณฺณารมฺมเณน าเณน นีลปีตาทิวณฺณานํ วิย ตตฺเถว คเหตพฺพโต. โอฬาริกสุขุมภาโว เจตฺถ สทฺทนิมิตฺตนฺติ อธิปฺเปตนฺติ. ตสฺสาติ ยถาวุตฺเตน วิธินา ปฏิปชฺชนฺตสฺส โยคิโน. เต สทฺทาติ เย สพฺโพฬาริกโต ปภุติ อาวชฺชนฺตสฺส อนุกฺกเมน สุขุมสุขุมา สทฺทา อาวชฺชิตา, เต. ปากติกจิตฺตสฺสาปีติ ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนโต ปุพฺเพ ปวตฺตจิตฺตสฺสาปิ. ปริกมฺมสมาธิจิตฺตสฺสาติ ทิพฺพโสตธาตุยา อุปฺปาทนตฺถํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺิตสฺส สทฺทํ อารพฺภ ปริกมฺมกรณวเสน ปวตฺตกฺขณิกสมาธิจิตฺตสฺส. ปุพฺเพปิ าเณน ปริมทฺทิตตฺตา อติวิย ปากฏา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

เตสุ สทฺเทสูติ เย ปริกมฺมสฺส วิสยทสฺสนตฺถํ พหู สทฺทา วุตฺตา, เตสุ สทฺเทสุ. อฺตรนฺติ ยตฺถสฺส ปริกมฺมกรณวเสน อภิณฺหํ มนสิกาโร ปวตฺโต, ตํ เอกํ สทฺทํ. ตโต ปรนฺติ ตโต อปฺปนุปฺปตฺติโต ปรํ. ตสฺมึ โสเตติ ตสฺมึ าณโสเต. ปติโต โหตีติ ทิพฺพโสตธาตุ อนฺโตคธา โหติ อปฺปนาจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติโต ปภุติ ทิพฺพโสตาณลาภี นาม โหติ, น ทานิสฺส ตทตฺถํ ภาวนาภิโยโค อิจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ. นฺติ ทิพฺพโสตธาตุํ. ถามชาตนฺติ ชาตถามํ ทฬฺหภาวปฺปตฺตํ. วฑฺเฒตพฺพํ ปาทกชฺฌานารมฺมณํ. กินฺติ กิตฺตกนฺติ อาห ‘‘เอตฺถนฺตเร สทฺทํ สุณามีติ เอกงฺคุลมตฺตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา’’ติ. ปาทกชฺฌานสฺส หิ อารมฺมณภูตํ กสิณนิมิตฺตํ ‘‘เอตฺตกํ านํ ผรตู’’ติ มนสิ กริตฺวา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชนฺตสฺส กสิณนิมิตฺตํ ตตฺตกํ านํ ผริตฺวา ติฏฺติ. โส สมาปตฺติโต วุฏฺาย ตตฺถ คเต สทฺเท อาวชฺชติ, สุภาวิตภาวนตฺตา ตตฺถ อฺตรํ สทฺทํ อารพฺภ อุปฺปนฺนาวชฺชนานนฺตรํ จตฺตาริ, ปฺจ วา ชวนานิ อุปฺปชฺชนฺติ. เตสุ ปจฺฉิมํ อิทฺธิจิตฺตํ, อิตรสฺส ปุนปิ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตพฺพเมว. ตโต เอว หิ ปาทกชฺฌานารมฺมเณน ผุฏฺโกาสพฺภนฺตรคเตปิ สทฺเท สุณาติเยวาติ สาสงฺกํ วทติ. เอกงฺคุลทฺวงฺคุลาทิคฺคหณฺเจตฺถ สุขุมสทฺทาเปกฺขาย กตํ.

เอวํ สุณนฺโตวาติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริจฺฉินฺทิตฺวา สวเนน วสีกตาภิฺโ หุตฺวา ยถาวชฺชิเต สทฺเท สุณนฺโต เอว. ปาฏิเยกฺกนฺติ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาเนปิ เต สทฺเท ปจฺเจกํ วตฺถุเภเทน ววตฺถเปตุกามตาย สติ.

ทิพฺพโสตธาตุกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

เจโตปริยาณกถาวณฺณนา

๔๐๑. ปริยาตีติ สราคาทิวิภาเคน ปริจฺฉิชฺช ชานาติ. เตนาห ‘‘ปริจฺฉินฺทตีติ อตฺโถ’’ติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติ อตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถ. ‘‘ปรสตฺตาน’’นฺติ เอตฺถ ปร-สทฺโท อฺตฺโถติ อาห ‘‘อตฺตานํ เปตฺวา เสสสตฺตาน’’นฺติ, ยถา หิ โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา. โย อตฺตา น โหติ, โส ปโรติ. สตฺตานนฺติ เจตฺถ รูปาทีสุ สตฺตาติ สตฺตา. ตสฺสา ปน ปฺตฺติยา สวิฺาณกสนฺตาเน นิรุฬฺหตฺตา นิจฺฉนฺทราคาปิ สตฺตาตฺเวว วุจฺจนฺติ, ภูตปุพฺพคติยา วา. ‘‘ปุ’’นฺติ นรกํ, ตตฺถ คลนฺติ ปปตนฺตีติ ปุคฺคลา, ปาปการิโน. อิตเรปิ สํสาเร สํสาริโน ตํสภาวานาติวตฺตนโต ปุคฺคลาตฺเวว วุจฺจนฺติ. ตํตํสตฺตนิกายสฺส วา ตตฺถ ตตฺถ อุปปตฺติยา ปูรณโต, อนิจฺจตาวเสน คลนโต จ ปุคฺคลาติ เนรุตฺตา.

เอตฺหีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา ‘‘เอตํ เจโตปริยาณํ ทิพฺพจกฺขุาณวเสน อิชฺฌตี’’ติ ตํ ทิพฺพจกฺขุาณํ, เอตสฺส เจโตปริยาณสฺส อุปฺปาทเน ปริกมฺมํ, ตสฺมา เตน เจโตปริยาณํ อุปฺปาเทตุกาเมน อธิคตทิพฺพจกฺขุาเณน ภิกฺขุนาติ เอวํ โยชนา กาตพฺพา. หทยรูปนฺติ น หทยวตฺถุ, อถ โข หทยมํสเปสิ. ยํ พหิ กมลมกุฬสณฺานํ, อนฺโต โกสาตกีผลสทิสนฺติ วุจฺจติ, ตฺหิ นิสฺสาย ทานิ วุจฺจมานํ โลหิตํ ติฏฺติ. หทยวตฺถุ ปน อิมํ โลหิตํ นิสฺสาย ปวตฺตตีติ. กถํ ปน ทิพฺพจกฺขุนา โลหิตสฺส วณฺณทสฺสเนน อรูปํ จิตฺตํ ปริเยสตีติ อาห ‘‘ยทา หี’’ติอาทิ. กถํ ปน โสมนสฺสสหคตาทิจิตฺตวุตฺติยา กมฺมชสฺส โลหิตสฺส วิวิธวณฺณภาวาปตฺตีติ? โก วา เอวมาห ‘‘กมฺมชเมว ตํ โลหิต’’นฺติ จตุสนฺตติรูปสฺสาปิ ตตฺถ ลพฺภมานตฺตา. เตเนวาห ‘‘อิทํ รูปํ โสมนสฺสินฺทฺริยสมุฏฺาน’’นฺติอาทิ. เอวมฺปิ ยํ ตตฺถ อจิตฺตชํ, ตสฺส ยถาวุตฺตวณฺณเภเทน น ภวิตพฺพนฺติ? ภวิตพฺพํ, เสสติสนฺตติรูปานํ ตทนุวตฺตนโต. ยถา หิ คมนาทีสุ จิตฺตชรูปานิ อุตุกมฺมาหารสมุฏฺานรูเปหิ อนุวตฺตียนฺติ, อฺถา กายสฺส เทสนฺตรุปฺปตฺติเยว น สิยา, เอวมิธาปิ จิตฺตชรูปํ เสสติสนฺตติรูปานิ อนุวตฺตมานานิ ปวตฺตนฺติ. ปสาทโกธเวลาสุ จกฺขุสฺส วณฺณเภทาปตฺติเยว จ ตทตฺถสฺส นิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ.

ปริเยสนฺเตนาติ ปมํ ตาว อนุมานโต าณํ เปเสตฺวา คเวสนฺเตน. เจโตปริยาณฺหิ อุปฺปาเทตุกาเมน โยคินา เหฏฺา วุตฺตนเยน รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อภินีหารกฺขมํ กตฺวา ทิพฺพจกฺขุาณสฺส ลาภี สมาโน อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา ปรสฺส หทยมํสเปสึ นิสฺสาย ปวตฺตมานสฺส โลหิตสฺส วณฺณทสฺสเนน ‘‘อิทานิ อิมสฺส จิตฺตํ โสมนสฺสสหคต’’นฺติ วา ‘‘โทมนสฺสสหคต’’นฺติ วา ‘‘อุเปกฺขาสหคต’’นฺติ วา นยคฺคาหวเสนปิ ววตฺถเปตฺวา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘อิมสฺส จิตฺตํ ชานามี’’ติ ปริกมฺมํ กาตพฺพํ. กาลสตมฺปิ กาลสหสฺสมฺปิ ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตเถว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ตสฺเสวํ ทิพฺพจกฺขุนา หทยโลหิตวณฺณทสฺสนาทิวิธินา ปฏิปชฺชนฺตสฺส อิทานิ เจโตปริยาณํ อุปฺปชฺชิสฺสตีติ ยํ ตทา ปวตฺตตีติ ววตฺถาปิตํ จิตฺตํ, ตํ อารมฺมณํ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ นิรุทฺเธ จตฺตาริ, ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺติ. เตสํ ปุริมานิ ตีณิ, จตฺตาริ วา ปริกมฺมาทิสมฺานิ กามาวจรานิ, จตุตฺถํ, ปฺจมํ วา อปฺปนาจิตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานิกํ. ตตฺถ ยํ อนฺเตน อปฺปนาจิตฺเตน สทฺธึ อุปฺปนฺนํ าณํ, อิทํ เจโตปริยาณํ. ตฺหิ ยตฺถาเนน ปริกมฺมํ กตํ, ตํ ปรสฺส จิตฺตํ ปจฺจกฺขโต ปฏิวิชฺฌนฺตํ วิภาเวนฺตเมว หุตฺวา ปวตฺตติ รูปํ วิย จ ทิพฺพจกฺขุาณํ, สทฺทํ วิย จ ทิพฺพโสตาณํ. ตโต ปรํ ปน กามาวจรจิตฺเตหิ สราคาทิววตฺถาปนํ โหติ นีลาทิววตฺถาปนํ วิย. เอวมธิคตสฺส ปน เจโตปริยาณสฺส ถามคมนวิธานมฺปิ อธิคมนวิธานสทิสเมวาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา เตน…เป… ถามคตํ กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.

เอวํ ถามคเต หีติอาทิ ถามคตานิสํสทสฺสนํ. สพฺพมฺปิ กามาวจรจิตฺตนฺติ จตุปณฺณาสวิธมฺปิ กามาวจรจิตฺตํ. ‘‘สพฺพมฺปี’’ติ ปทํ ‘‘รูปาวจรารูปาวจรจิตฺต’’นฺติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เตน ปฺจทสวิธมฺปิ รูปาวจรจิตฺตํ, ทฺวาทสวิธมฺปิ อรูปาวจรจิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปชานาตีติ สราคาทิปกาเรหิ ชานาติ, ปจฺจกฺขโต ปฏิวิชฺฌตีติ อธิปฺปาโย. ปุถุชฺชนวเสนายํ อภิฺากถาติ โลกุตฺตรํ จิตฺตํ อิธ อนุทฺธฏํ. ตมฺปิ หิ อุปริโม, สทิโส วา อริโย เหฏฺิมสฺส, สทิสสฺส จ จิตฺตมฺปิ ปชานาติ เอว. เตนาห ‘‘อนุตฺตรํ วา จิตฺต’’นฺติอาทิ. สงฺกมนฺโตติ าเณน อุปสงฺกมนฺโต. เอกจฺจฺหิ จิตฺตํ ตฺวา ปริกมฺเมน วินา ตทฺํ จิตฺตํ ชานนฺโต ‘‘จิตฺตา จิตฺตํ สงฺกมนฺโต’’ติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘วินาปิ หทยรูปทสฺสเนนา’’ติ. หทยรูปทสฺสนาทิวิธานํ หิ อาทิกมฺมิกวเสน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ. ยตฺถ กตฺถจีติ ปฺจโวการภเว, จตุโวการภเวปิ วา. น กโต อภิฺานุโยคสงฺขาโต อภินิเวโส เอเตนาติ อกตาภินิเวโส, ตสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติ อตฺโถ. อยํ กถาติ ‘‘อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตปริกมฺมกถา.

อวเสสนฺติ วุตฺตาวเสสํ. เอวํ อวิภาเคน วุตฺตํ วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘จตุภูมกํ กุสลาพฺยากตํ จิตฺตํ วีตราค’’นฺติ อาห. ตฺหิ โยนิโสมนสิการปฺปจฺจยตํเหตุกตาหิ ราเคน สมฺปโยคาสงฺกาภาวโต ‘‘วีตราค’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. เสสากุสลจิตฺตานํ ราเคน สมฺปโยคาภาวโต นตฺเถว สราคตา, ตํนิมิตฺตกตาย ปน สิยา ตํสหิตตาเลโสติ นตฺเถว วีตราคตาปีติ ทุกวินิมุตฺตตาว ยุตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘อิมสฺมึ ทุเก สงฺคหํ น คจฺฉนฺตี’’ติ. ยทิ เอวํ ปเทสิกํ เจโตปริยาณํ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ทุกนฺตรปริยาปนฺนตฺตา เตสํ. เย ปน ‘‘ปฏิปกฺขภาเว อสติปิ สมฺปโยคาภาโว เอเวตฺถ ปมาณํ เอกจฺจอพฺยากตานํ วิยา’’ติ เสสากุสลจิตฺตานมฺปิ วีตราคตํ ปฏิชานนฺติ, เต สนฺธายาห ‘‘เกจิ ปน เถรา ตานิปิ สงฺคณฺหนฺตี’’ติ. สโทสทุเกปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ปาฏิปุคฺคลิกนเยนาติ อาเวณิกนเยน, ตทฺากุสลจิตฺเตสุ วิย โลภโทเสหิ อมิสฺสิตสฺส โมหสฺเสว สพฺภาวโตติ อตฺโถ. อกุสลมูลสงฺขาเตสุ สห โมเหเนวาติ สโมหํ ปมนเย, ทุติยนเย ปน สเหว โมเหนาติ สโมหนฺติ เอวํ อุตฺตรปุริมปทาวธารณโต ทฺวีสุ นเยสุ เภโท เวทิตพฺโพ. อตฺตนา สมฺปยุตฺตํ ถินมิทฺธํ อนุวตฺตนวเสน คตํ ปวตฺตํ ถินมิทฺธานุคตํ ปฺจวิธํ สสงฺขาริกากุสลจิตฺตํ สํขิตฺตํ, อารมฺมเณ สงฺโกจนวเสน ปวตฺตนโต. วุตฺตนเยน อุทฺธจฺจานุคตํ เวทิตพฺพํ, ตํ ปน อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตํ, ยตฺถ วา อุทฺธจฺจํ ปจฺจยวิเสเสน ถามชาตํ หุตฺวา ปวตฺตติ. กิเลสวิกฺขมฺภนสมตฺถตาย, วิปุลผลตาย, ทีฆสนฺตานตาย จ มหนฺตภาวํ คตํ, มหนฺเตหิ วา อุฬารจฺฉนฺทวีริยจิตฺตปฺเหิ คตํ ปฏิปนฺนนฺติ มหคฺคตํ. อวเสสนฺติ ปริตฺตอปฺปมาณํ. อตฺตานํ อุตฺตริตุํ สมตฺเถหิ สห อุตฺตเรหีติ สอุตฺตรํ. อุตฺติณฺณนฺติ อุตฺตรํ, โลเก อปริยาปนฺนภาเวน โลกโต อุตฺตรนฺติ โลกุตฺตรํ. ตโต เอว นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตรนฺติ อนุตฺตรํ. อุปนิชฺฌานลกฺขณปฺปตฺเตน สมาธินา สมฺมเทว อาหิตนฺติ สมาหิตํ. ตทงฺควิมุตฺติปฺปตฺตํ กามาวจรกุสลจิตฺตํ. วิกฺขมฺภนวิมุตฺติปฺปตฺตํ มหคฺคตจิตฺตํ. สมุจฺเฉทวิมุตฺติปฺปตฺตํ มคฺคจิตฺตํ. ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติปฺปตฺตํ ผลจิตฺตํ. นิสฺสรณวิมุตฺติปฺปตฺตมฺปิ ตทุภยเมว. กามํ กานิจิ ปจฺจเวกฺขณจิตฺตาทีนิ นิพฺพานารมฺมณานิ โหนฺติ, นิสฺสรณวิมุตฺติปฺปตฺตานิ ปน น โหนฺติ ตาทิสกิจฺจาโยคโต. ปาฬิยํ อาคตสราคาทิเภทวเสน เจว เตสํ อนฺตรเภทวเสน จ สพฺพปฺปการมฺปิ.

เจโตปริยาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณกถาวณฺณนา

๔๐๒. ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, ตสฺส วา อนุสฺสรณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ, ตํ นิสฺสยาทิปจฺจยภูตํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชนโต ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติมฺหิ ยํ าณํ, ตทตฺถายา’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ปุพฺเพนิวาสํ ตาว ทสฺเสตฺวา ตตฺถ สติาณานิ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพนิวาโส’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ปุพฺเพ’’ติ อิทํ ปทํ ‘‘เอกมฺปิ ชาติ’’นฺติอาทิวจนโต อตีตภววิสยํ อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อตีตชาตีสู’’ติ นิวาส-สทฺโท กมฺมสาธโน, ขนฺธวินิมุตฺโต จ นิวสิตธมฺโม นตฺถีติ อาห ‘‘นิวุตฺถกฺขนฺธา’’ติ. นิวุตฺถตา เจตฺถ สสนฺตาเน ปวตฺตตา, ตถาภูตา จ เต อนุ อนุ ภูตา ชาตา ปวตฺตา ตตฺถ อุปฺปชฺชิตฺวา วิคตาว โหนฺตีติ อาห ‘‘นิวุตฺถาติ อชฺฌาวุตฺถา อนุภูตา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา’’ติ. เอวํ สสนฺตติปริยาปนฺนธมฺมวเสน นิวาส-สทฺทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ อวิเสเสน วตฺตุํ ‘‘นิวุตฺถธมฺมา วา นิวุตฺถา’’ติ วตฺวา ตํ วิวริตุํ ‘‘โคจรนิวาเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โคจรภูตาปิ หิ โคจราเสวนาย อาเสวิตา อารมฺมณกรณวเสน อนุภูตา นิวุตฺถา นาม โหนฺตีติ. เต ปน ทุวิธา สปรวิฺาณโคจรตายาติ อุภเยปิ เต ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺตโน’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ ‘‘อตฺตโน วิฺาเณน วิฺาตา’’ติ วตฺวา ‘‘ปริจฺฉินฺนา’’ติ วจนํ เย เต โคจรนิวาเสน นิวุตฺถธมฺมา, เต น เกวลํ วิฺาเณน วิฺาณมตฺตา, อถ โข ยถา ปุพฺเพ ชาตินามโคตฺตวณฺณลิงฺคาหาราทิวิเสเสหิ ปริจฺเฉทการิกาย ปฺาย ปริจฺฉิชฺช คหิตา, ตเถเวตํ าณํ ปริจฺฉิชฺช คณฺหาตีติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ วุตฺตํ. ปรวิฺาณวิฺาตาปิ วา นิวุตฺถาติ สมฺพนฺโธ. น เกวลํ อตฺตโนว วิฺาเณน, อถ โข ปเรสํ วิฺาเณน วิฺาตาปิ วาติ อตฺโถ. อิธาปิ ‘‘ปริจฺฉินฺนา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ ‘‘ปเรสมฺปิ วา วิฺาเณน วิฺาตา ปริจฺฉินฺนา’’ติ. ตสฺส จ คหเณ ปโยชนํ วุตฺตนเยเนว วตฺตพฺพํ. เต จ โข ยสฺมา อภีตาสุ เอว ชาตีสุ อฺเหิ วิฺาตา ปริจฺฉินฺนา, เต จ ปรินิพฺพุตาปิ โหนฺติ. เย หิ เต วิฺาตา, เตสํ ตทา วตฺตมานสนฺตานานุสาเรน เตสมฺปิ อตีเต ปวตฺติ ายตีติ สิขาปฺปตฺตํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส วิสยภูตํ ปุพฺเพนิวาสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสู’’ติ วุตฺตํ. ฉินฺนวฏุมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ อนุสฺสรณา ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณํ. อาทิ-สทฺเทน ปจฺเจกสมฺพุทฺธพุทฺธสาวกานุสฺสรณานิ คยฺหนฺตีติ วทนฺติ. ฉินฺนวฏุมกา ปน สพฺเพว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตา. เตสํ อนุสฺสรณํ นาม เตสํ ปฏิปตฺติยา อนุสฺสรณํ, สา ปน ปฏิปตฺติ สงฺเขปโต ฉฬารมฺมณคฺคหณลกฺขณาติ ตานิ อิธ ปรวิฺาณวิฺาตคฺคหเณน คหิตานิ, เต ปเนเต สมฺมาสมฺพุทฺธานํเยว วิสยา, น อฺเสนฺติ อาห ‘‘เต พุทฺธานํเยว ลพฺภนฺตี’’ติ. น หิ อตีเต พุทฺธา ภควนฺโต เอวํ วิปสฺสึสุ, เอวํ มคฺคํ ภาเวสุํ, เอวํ ผลนิพฺพานานิ สจฺฉากํสุ, เอวํ เวเนยฺเย วิเนสุนฺติ เอตฺถ สพฺพทา อฺเสํ าณสฺส คติ อตฺถีติ. ยาย สติยา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, สา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

อเนกวิธนฺติ นานาภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสาทิวเสน พหุวิธํ. ปกาเรหีติ นามโคตฺตาทิอากาเรหิ สทฺธึ, สหโยเค เจตํ กรณวจนํ. ปวตฺติตํ เทสนาวเสน. เตนาห ‘‘สํวณฺณิต’’นฺติ, วิตฺถาริตนฺติ อตฺโถ. ‘‘นิวาส’’นฺติ อนฺโตคธเภทสามฺวจนเมตนฺติ เต เภเท พฺยาปนิจฺฉาวเสน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถสนฺตาน’’นฺติ อาห. สาวกสฺเสเวตํ อนุสฺสรณํ, น สตฺถุโนติ วุตฺตํ ‘‘ขนฺธปฏิปาฏิวเสน จุติปฏิสนฺธิวเสน วา’’ติ. ขนฺธปฏิปาฏิ ขนฺธานํ อนุกฺกโม. สา จ โข จุติโต ปฏฺาย อุปฺปฏิปาฏิวเสน. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อิริยาปถปฏิปาฏิ ขนฺธปฏิปาฏี’’ติ วทนฺติ. อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวาติ าณคติยา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา. ติตฺถิยาติ อฺติตฺถิยา, เต ปน กมฺมวาทิโน กิริยวาทิโน ตาปสาทโย. เปตฺวา อคฺคสาวกมหาสาวเก อิตเร สตฺถุ สาวกา ปกติสาวกา.

ยสฺมา ติตฺถิยานํ พฺรหฺมชาลาทีสุ จตฺตาลีสาย เอว สํวฏฺฏวิวฏฺฏานํ อนุสฺสรณํ อาคตํ, ตสฺมา ‘‘น ตโต ปร’’นฺติ วตฺวา ตํ การณํ วทนฺโต ‘‘ทุพฺพลปฺตฺตา’’ติอาทิมาห, เตน วิปสฺสนาภิโยโค ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส วิเสสการณนฺติ ทสฺเสติ. พลวปฺตฺตาติ เอตฺถ นามรูปปริจฺเฉทาทิเยว ปฺาย พลวการณํ ทฏฺพฺพํ. ตฺเหตฺถ เนสํ สาธารณการณํ. เอตฺตโกติ กปฺปานํ ลกฺขํ, ตทธิกํ เอกํ, ทฺเว จ อสงฺขฺเยยฺยานีติ กาลวเสน เอวํปริมาโณ ยถากฺกมํ เตสํ มหาสาวกอคฺคสาวกปจฺเจกพุทฺธานํ ปุฺาณาภินีหาโร สาวกปจฺเจกโพธิปารมิตา สมิตา. ยทิ โพธิสมฺภารสมฺภรณกาลปริจฺฉินฺโน เตสํ เตสํ อริยานํ อภิฺาาณวิภาโค, เอวํ สนฺเต พุทฺธานมฺปิ วิสยปริจฺเฉทตา อาปนฺนาติ อาห ‘‘พุทฺธานํ ปน ปริจฺเฉโท นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณ’’นฺติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต สพฺพฺุตฺาณสฺส วิย พุทฺธานํ อภิฺาาณานมฺปิ วิสเย ปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ. ตตฺถ ยํ ยํ าตุํ อิจฺฉนฺติ, ตํ ตํ ชานนฺติ เอว. อถ วา สติปิ กาลปริจฺเฉเท การณูปายโกสลฺลปริคฺคหาทินา สาติสยตฺตา มหาโพธิสมฺภารานํ ปฺาปารมิตาย ปวตฺติอานุภาวสฺส ปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ, กุโต ตนฺนิพฺพตฺตานํ อภิฺาาณานนฺติ อาห ‘‘พุทฺธานํ ปน ปริจฺเฉโท นาม นตฺถี’’ติ. อตีเต เอตฺตกานิ กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยานีติ เอวํ กาลปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ, อนาคเต อนาคตํสาณสฺส วิย.

เอวํ ฉนฺนํ ชนานํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณํ กาลวิภาคโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ อารมฺมณคฺคหณโต อานุภาววิเสสโต, ปวตฺติอาการโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘ติตฺถิยา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จุติปฏิสนฺธิวเสนาติ อตฺตโน, ปรสฺส วา ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตภาเว จุตึ ทิสฺวา อนฺตรา กิฺจิ อนามสิตฺวา ปฏิสนฺธิยา เอว คหณวเสน. วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘เตสฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปกติสาวกา จุติปฏิสนฺธิวเสนปิ สงฺกมนฺตีติ อยมตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนเยน ‘‘พลวปฺตฺตา’’ติ เหตุนา วิภาเวตพฺโพ, จุติปฏิสนฺธิวเสน สงฺกมนํ เวมชฺฌทสฺสเน ปโยชนาภาวโต. าณพลทสฺสนตฺถํ ปเนตฺถ วุตฺตํ.

ตํ ตํ ปากฏเมวาติ ยถา นาม สรทสมเย ิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ จตุรตนิเก เคเห จกฺขุมโต ปุริสสฺส รูปคตํ สุปากฏเมว โหตีติ โลกสิทฺธเมตํ, สิยา ปน ตสฺส สุขุมตรติโรหิตาทิเภทสฺส รูปคตสฺส อโคจรตา. นตฺเถว พุทฺธานํ าตุํ อิจฺฉิตสฺส เยฺยสฺส อโคจรตา, อถ โข ตํ าณาโลเกน โอภาสิตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย สุปากฏํ สุวิภูตเมว โหติ ตถา เยฺยาวรณสฺส สุปหีนตฺตา. เปยฺยาลปาฬึ วิย สงฺขิปิตฺวาติ ยถา เปยฺยาลปาฬึ ปนฺตา ‘‘ปมํ ฌานํ…เป… ปฺจมํ ฌาน’’นฺติ อาทิปริโยสานเมว คณฺหนฺตา สงฺขิปิตฺวา สชฺฌายนฺติ, น อนุปทํ, เอวํ อเนกาปิ กปฺปโกฏิโย สงฺขิปิตฺวา. ยํ ยํ อิจฺฉนฺตีติ ยสฺมึ กปฺเป, ยสฺมึ ภเว ยํ ยํ ชานิตุํ อิจฺฉนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว าตุํ อิจฺฉิเต เอว าเณน โอกฺกมนฺตา. สีโหกฺกนฺตวเสน สีหคติปตนวเสน าณคติยา คจฺฉนฺติ. สตธา ภินฺนสฺส วาฬสฺส โกฏิยา โกฏิปฏิปาทนวเสน กตวาลเวธปริจยสฺส. สรภงฺคสทิสสฺสาติ สรภงฺคโพธิสตฺตสทิสสฺส (ชา. ๒.๑๗.๕๐ อาทโย). ลกฺขฏฺานสฺส อปฺปตฺตวเสน น สชฺชติ. อติกฺกมนปสฺสคมนวเสน น วิรชฺฌติ.

ขชฺชุปนกปฺปภาสทิสํ หุตฺวา อุปฏฺาตีติ าณสฺส อติวิย อปฺปานุภาวตาย ขชฺโชโตภาสสมํ หุตฺวา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ อุปฏฺาติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ทีปปฺปภาสทิสนฺติ ปากติกทีปาโลกสทิสํ. อุกฺกาปภา มหาอุมฺมุกาโลโก. โอสธิตารกปฺปภาติ อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียตีติ โอสธิ, โอสธีนํ วา อนุพลปฺปทายิกตฺตา โอสธีติ เอวํ ลทฺธนามาย ตารกาย ปภา. สรทสูริยมณฺฑลสทิสํ สวิสเย สพฺพโส อนฺธการวิธมนโต.

ยฏฺิโกฏิคมนํ วิย ขนฺธปฏิปาฏิยา อมุฺจนโต. กุนฺนทีนํ อติกฺกมนาย เอเกเนว รุกฺขทณฺเฑน กตสงฺกโม ทณฺฑกเสตุ. จตูหิ, ปฺจหิ วา ชเนหิ คนฺตุํ สกฺกุเณยฺโย ผลเก อตฺถริตฺวา อาณิโย โกฏฺเฏตฺวา กตสงฺกโม ชงฺฆเสตุ. ชงฺฆสตฺถสฺส คมนโยคฺโค สงฺกโม ชงฺฆเสตุ ชงฺฆมคฺโค วิย. สกฏสฺส คมนโยคฺโค สงฺกโม สกฏเสตุ สกฏมคฺโค วิย. มหตา ชงฺฆสตฺเถน คนฺตพฺพมคฺโค มหาชงฺฆมคฺโค. พหูหิ วีสาย วา ตึสาย วา สกเฏหิ เอกชฺฌํ คนฺตพฺพมคฺโค มหาสกฏมคฺโค.

อิมสฺมึ ปน อธิกาเรติ ‘‘จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙) จิตฺตสีเสน สาวกสฺส นิทฺทิฏฺสมาธิภาวนาธิกาเร.

๔๐๓. ตสฺมาติ ยสฺมา สาวกานํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณํ อิธาธิปฺเปตํ, ตสฺมา. เอวนฺติ ยถา เต อนุสฺสรนฺติ, เอวํ อนุสฺสริตุกาเมน. เหฏฺา ตีสุ ฌาเนสุ ยถารหํ ปีติสุเขหิ กายจิตฺตานํ สมฺปีนนาย ‘‘จตฺตาริ ฌานานิ สมาปชฺชิตฺวา’’ติ วุตฺตํ, อฺถา ปาทกชฺฌานเมว สมาปชฺชิตพฺพํ สิยา. ยาย นิสชฺชาย นิสินฺนสฺส อนุสฺสรณารมฺโภ, สา อิธ สพฺพปจฺฉิมา นิสชฺชา. ตโต อาสนปฺาปนนฺติ ตโต นิสชฺชาย ปุริมกํ อาสนปฺาปนํ อาวชฺชิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. เอส นโย เสเสสุปิ. โภชนกาโลติอาทีสุ กาลสีเสน ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล กตกิจฺจมาห. เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวนฺทนกาโลติ เจติยงฺคณโพธิยงฺคเณสุ เจติยโพธีนํ วนฺทนกาโล. สกลํ รตฺตินฺทิวนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ.

กิฺจิ กิจฺจํ. เอตฺตเกนาติ ปาทกชฺฌานสมาปชฺชเนน. ปาทกชฺฌานฺหิ สตฺถกสฺส วิย นิสานสิลา สติปฺานมฺปิ นิสิตภาวาวหํ. ยํ ตสฺส, ตา ตํ สมาปชฺชเนน ปรมเนปกฺกปฺปตฺตา โหนฺติ. เตนาห ‘‘ทีเป ชลิเต วิย ปากฏํ โหตี’’ติ, อนฺธการฏฺาเนติ อธิปฺปาโย. ปุริมภเวติ อิมสฺส ภวสฺส อนนฺตเร ปุริมสฺมึ ภเว. ปวตฺติตนามรูปนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปวตฺติตนามรูปํ. ตฺจ โข ปมํ รูปํ อาวชฺชิตฺวา นามํ อาวชฺชิตพฺพํ. ปมํ นามํ อาวชฺชิตฺวา ปจฺฉา รูปนฺติ อปเร. ปโหตีติ สกฺโกติ. ปณฺฑิโต นาม อิมิสฺสา อภิฺาภาวนาย กตาธิกาโร.

‘‘อฺํ อุปฺปนฺน’’นฺติ อิทํ อฺสฺมา กมฺมภวา อฺโ อุปปตฺติภโว อุปฺปนฺโนติ กตฺวา วุตฺตํ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนนฺตรภาวโต. อฺถา เอกภเวปิ อฺมฺเมว นามรูปํ อุปฺปชฺชติ, นิรุทฺธฺจ อปฺปฏิสนฺธิกํ. เตเนวาห –

‘‘เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺส, ติฏฺมานสฺส วา อิธ;

สพฺเพปิ สทิสา ขนฺธา, คตา อปฺปฏิสนฺธิกา’’ติ. (มหานิ. ๓๙);

ตํ านนฺติ ตํ นิกฺเขปฏฺานํ. อาหุนฺทริกนฺติ สมนฺตโต, อุปริ จ ฆนสฺฉนฺนํ สมฺพาธฏฺานํ. อนฺธตมมิวาติ อนฺธการติมิสา วิย.

กูฏาคารกณฺณิกตฺถายาติ กูฏาคารสฺส กูฏตฺถาย. กูฏาคารสฺส กณฺณิกา วิย ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ, มหารุกฺโข วิย ปุริมภเว จุติกฺขเณ ปวตฺตนามรูปํ, สาขาปลาสา วิย เตน สมฺพนฺธํ อิมสฺมึ ภเว ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, ผรสุธารา วิย ปริกมฺมภาวนา, กมฺมารสาลา วิย ปาทกชฺฌานนฺติ เอวํ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ. กฏฺผาลโกปมาปิ ‘‘ยถา นาม พลวา ปุริโส โอทนปจนาทิอตฺถํ มหนฺตํ ทารุํ ผาเลนฺโต ตสฺส ตจเผคฺคุมตฺตผาลเน ผรสุธาราย วิปนฺนาย มหนฺตํ ทารุํ ผาเลตุํ อสกฺโกนฺโต ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพา. ตถา เกโสหารกูปมา.

ปุพฺเพนิวาสาณํ นาม น โหติ อตีตาสุ ชาตีสุ นิวุตฺถธมฺมารมฺมณตฺตาภาวา. นฺติ ปจฺฉิมนิสชฺชโต ปภุติ ยาว ปฏิสนฺธิ ปวตฺตํ าณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ปริกมฺมภาเวน ปวตฺตสมาธินา สมฺปยุตฺตาณํ ปริกมฺมสมาธิาณํ. ตํ รูปาวจรํ สนฺธาย น ยุชฺชตีติ ตํ เตสํ วจนํ อตีตํสาณํ เจ, รูปาวจรํ อธิปฺเปตํ น ยุชฺชติ ปริกมฺมสมาธิาณสฺส กามาวจรภาวโต. น หิ อนนฺตรจุติจิตฺตสฺส โอรโต ปวตฺติกฺขนฺเธ อารพฺภ รูปาวจรํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ ปาฬิยํ, อฏฺกถายํ วา อาคตํ อตฺถิ. เยสํ ชวนานํ ปุริมานีติ โยชนา. ยทา ปน อปฺปนาจิตฺตํ โหติ, ตทาสฺสาติ สมฺพนฺโธ. อิทํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ นามาติ กามํ อนนฺตรสฺส ภวสฺส จุติกฺขเณ ปวตฺติตนามรูปํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตาณํ ทสฺสิตํ, ตํ ปน นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ าณสามฺสฺส โชติตภาวโต. ยเถว หิ ตโต นามรูปโต ปภุติ สพฺเพ อตีตา ขนฺธา, ขนฺธปฏิพทฺธา จ สพฺโพ ปุพฺเพนิวาโส, เอวํ ตสฺส ปฏิวิชฺฌนวเสน ปวตฺตาณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ. เตนาห ‘‘เตน าเณน สมฺปยุตฺตาย สติยา อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรตี’’ติ.

๔๐๔. เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ภวํ. โส หิ เอกกมฺมนิพฺพตฺโต อาทานนิกฺเขปปริจฺฉินฺโน อนฺโตคธธมฺมปฺปเภโท ขนฺธปฺปพนฺโธ อิธ ชาตีติ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘เอกมฺปิ…เป… ขนฺธสนฺตาน’’นฺติ. ปริหายมาโนติ ขียมาโน วินสฺสมาโน. กปฺโปติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺโป. โส ปน อตฺถโต กาโล, ตทา ปวตฺตมานสงฺขารวเสนสฺส ปริหานิ เวทิตพฺพา. วฑฺฒมาโน วิวฏฺฏกปฺโปติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. โย ปน ‘‘กาลํ เขเปตี’’ติ, ‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา’’ติ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) จ อาทีสุ กาลสฺสาปิ ขโย วุจฺจติ, โส อิธ นาธิปฺเปโต อนิฏฺปฺปสงฺคโต. สํวฏฺฏนํ วินสฺสนํ สํวฏฺโฏ, สํวฏฺฏโต อุทฺธํ ตถา ายี สํวฏฺฏฏฺายี. ตํมูลกตฺตาติ ตํปุพฺพกตฺตา. วิวฏฺฏนํ นิพฺพตฺตนํ, วฑฺฒนํ วา วิวฏฺโฏ.

เตโชสํวฏฺโฏ อาโปสํวฏฺโฏ วาโยสํวฏฺโฏติ เอวํ สํวฏฺฏสีมานุกฺกเมน สํวฏฺเฏสุ วตฺตพฺเพสุ ตถา อวตฺวา ‘‘อาโปสํวฏฺโฏ เตโชสํวฏฺโฏ วาโยสํวฏฺโฏ’’ติ วจนํ สํวฏฺฏกมหาภูตเทสนานุปุพฺพิยาติ เกจิ. สํวฏฺฏานุปุพฺพิยาติ อปเร. อาเปน สํวฏฺโฏ อาโปสํวฏฺโฏ. สํวฏฺฏสีมาติ สํวฏฺฏมริยาทา.

สํวฏฺฏตีติ วินสฺสติ. สทาติ สพฺพกาลํ, ตีสุปิ สํวฏฺฏกาเลสูติ อตฺโถ.

‘‘เอกํ พุทฺธเขตฺต’’นฺติ อิธ ยํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ นิยเมตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธเขตฺตํ นาม ติวิธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยตฺตเก าเน ตถาคตสฺส ปฏิสนฺธิาณานุภาโว ปุฺผลสมุตฺเตชิโต สรเสเนว ปถวี วิชมฺภติ, ตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธงฺกุรสฺส นิพฺพตฺตนเขตฺตํ นามาติ อาห ‘‘ชาติเขตฺตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺต’’นฺติ. อานุภาโว วตฺตตีติ อิธ อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อาณาเขตฺตปริยาปนฺเน ยตฺถ กตฺถจิ จกฺกวาเฬ ตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปริตฺตํ กตฺวา ตตฺเถว อฺํ จกฺกวาฬํ คโตปิ กตปริตฺโต เอว โหติ. อถ วา ตตฺถ เอกจกฺกวาเฬ ตฺวา สพฺพสตฺตานํ อตฺถาย ปริตฺเต กเต อาณาเขตฺเต สพฺพสตฺตานํ อภิสมฺภุณาตฺเวว ปริตฺตานุภาโว ตตฺถ เทวตาหิ ปริตฺตาณาย สมฺปฏิจฺฉิตพฺพโต. ยํ วิสยเขตฺตํ สนฺธาย เอกสฺมึเยว ขเณ สเรน อภิวิฺาปนํ, อตฺตโน รูปทสฺสนฺจ ปฏิชานนฺเตน ภควตา ‘‘ยาวตา วา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วุตฺตํ. ยตฺถาติ ยสฺมึ อนนฺตาปริมาเณ วิสยเขตฺเต. ยํ ยํ ตถาคโต อากงฺขติ, ตํ ตํ ชานาติ อากงฺขามตฺตปฏิพทฺธวุตฺติตาย พุทฺธาณสฺส. สณฺหนฺตนฺติ วิวฏฺฏมานํ ชายมานํ.

๔๐๕. โคขายิตกมตฺเตสูติ โคหิ ขาทิตพฺพปฺปมาเณสุ. นฺติ ยสฺมึ สมเย. ปุปฺผผลูปชีวินิโย จ เทวตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

เอเตสนฺติ ‘‘วสฺสูปชีวิโน’’ติอาทินา วุตฺตสตฺตานํ. ตตฺถาติ พฺรหฺมโลเก. โส จ โข ปริตฺตาภาทิพฺรหฺมโลโก เวทิตพฺโพ. ‘‘ปฏิลทฺธชฺฌานวเสนา’’ติ วตฺวา ฌานปฺปฏิลาภสฺส สมฺภวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตทา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โลกํ พฺยูเหนฺติ สมฺปิณฺเฑนฺตีติ โลกพฺยูหา. เต กิร ทิสฺวา มนุสฺสา ตตฺถ ตตฺถ ิตาปิ นิสินฺนาปิ สํเวคชาตา, สมฺภมปฺปตฺตา จ หุตฺวา เตสํ อาสนฺเน าเน สนฺนิปตนฺติ. สิขาพนฺธสฺส มุตฺตตาย มุตฺตสิรา. อิโต จิโต จ วิธูยมานเกสตาย วิกิณฺณเกสา. โลกวินาสภเยน โสกวนฺตจิตฺตตาย อติวิย วิรูปเวสธาริโน. มาริสาติ เทวานํ ปิยสมุทาจาโร. กถํ ปเนเต กปฺปวุฏฺานํ ชานนฺตีติ? ธมฺมตาย สฺโจทิตาติ อาจริยา. ตาทิสนิมิตฺตทสฺสเนนาติ เอเก. พฺรหฺมเทวตาหิ อุยฺโยชิตาติ อปเร.

เมตฺตาทีนีติ เมตฺตามนสิการาทีนิ กามาวจรปุฺานิ. เทวโลเกติ กามเทวโลเก. เทวานํ กิร สุขสมฺผสฺสวาตคฺคหณปริจเยน วาโยกสิเณ ฌานานิ สุเขเนว อิชฺฌนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวา ฌานํ ปฏิลภนฺตี’’ติ. ตทฺเ ปนาติ อาปายิเก สนฺธายาห. ตตฺถาติ เทวโลเก.

ทุติโย สูริโยติ ทุติยํ สูริยมณฺฑลํ. สตฺตสูริยนฺติ สตฺตสูริยปาตุภาวสุตฺตํ. ปกติสูริเยติ กปฺปวุฏฺานกาลโต ปุพฺเพ อุปฺปนฺนสูริยวิมาเน. กปฺปวุฏฺานกาเล ปน ยถา อฺเ กามาวจรเทวา, เอวํ สูริยเทวปุตฺโตปิ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชติ, สูริยมณฺฑลํ ปน ปภสฺสรตรฺเจว เตชวนฺตตรฺจ หุตฺวา ปวตฺตติ. ตํ อนฺตรธายิตฺวา อฺเมว อุปฺปชฺชตีติ อปเร. คงฺคา ยมุนา สรภู อจิรวตี มหีติ อิมา ปฺจ มหานทิโย.

ปภวาติ อุปฺปตฺติฏฺานภูตา. หํสปาตโนติ มนฺทากินิมาห.

น สณฺาตีติ น ติฏฺติ.

ปริยาทินฺนสิเนหนฺติ ปริกฺขีณสิเนหํ. ยาย อาโปธาตุยา ตตฺถ ตตฺถ ปถวีธาตุ อาพนฺธตฺตา สมฺปิณฺฑตา หุตฺวา ติฏฺติ, สา ฉสูริยปาตุภาเวน ปริกฺขยํ คจฺฉติ. ยถา จิทนฺติ ยถา จ อิทํ จกฺกวาฬํ. เอวํ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬานิปีติ วิปตฺติมหาเมฆุปฺปตฺติโต ปฏฺาย อิธ วุตฺตํ สพฺพํ กปฺปวุฏฺานํ, ตํ ตตฺถ อติทิสติ.

ปลุชฺชิตฺวาติ ฉิชฺชิตฺวา. สงฺขารคตนฺติ ภูตุปาทายปฺปเภทํ สงฺขารชาตํ. สพฺพสงฺขารปริกฺขยาติ ฌาเปตพฺพสงฺขารปริกฺขยา. สยมฺปิ สงฺขารคตํ สมานํ อินฺธนาภาวโต ฉาริกมฺปิ อเสเสตฺวา นิฑฺฑหิตฺวา วูปสมตีติ อาห ‘‘สปฺปิ…เป… นิพฺพายตี’’ติ.

๔๐๖. ทีฆสฺส อทฺธุโนติ สํวฏฺฏฏฺายีอสงฺขฺเยยฺยกปฺปสงฺขาตสฺส ทีฆสฺส กาลสฺส อจฺจเยน. ตาลกฺขนฺธาทีติ อาทิ-สทฺเทน สากสาลาทิรุกฺเข สงฺคณฺหาติ. ฆนํ กโรตีติ วิสริตุํ อทตฺวา ปิณฺฑิตํ กโรติ. เตนาห ‘‘ปริวฏุม’’นฺติ, วฏฺฏภาเวน ปริจฺฉินฺนํ. นฺติ อุทกํ. อสฺสาติ วาตสฺส. วิวรํ เทตีติ ยถา ฆนํ กโรติ สมฺปิณฺเฑติ, เอวํ ตตฺถ อนฺตรํ เทติ. ปริกฺขยมานนฺติ ปุพฺเพ ยาว พฺรหฺมโลกา เอโกฆภูเตน วาเตน ปริโสสิยมานตาย ปริกฺขยํ คจฺฉนฺตํ. พฺรหฺมโลโก ปาตุภวตีติ โยชนา. พฺรหฺมโลโกติ จ ปมชฺฌานภูมิมาห. อุปริ จตุกามาวจรเทวโลกฏฺาเนติ ยามเทวโลกาทีนํ จตุนฺนํ ปติฏฺานฏฺาเน. จาตุมหาราชิกตาวตึสภวนานํ ปน ปติฏฺานฏฺานานิ ปถวีสมฺพนฺธตาย น ตาว ปาตุภวนฺติ.

รุนฺธนฺตีติ ยถา เหฏฺา น ภสฺสติ, เอวํ นิโรเธนฺติ.

‘‘ปมตราภินิพฺพตฺตา’’ติ อิทํ อายุกฺขยสฺส สมฺภวทสฺสนํ, เตน ทฺวินฺนํ, จตุนฺนํ, อฏฺนฺนํ วา กปฺปานํ อาทิมฺหิ นิพฺพตฺตาติ ทสฺเสติ. ตโตติ อาภสฺสรพฺรหฺมโลกโต. ปริตฺตาภอปฺปมาณาภาปิ หิ อาภสฺสรคฺคหเณเนว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. ‘‘เต โหนฺติ สยํปภา อนฺตลิกฺขจรา’’ติ อิทํ อุปจารชฺฌานปุฺสฺส มหานุภาวตาย วุตฺตํ. อาลุปฺปการกนฺติ อาโลปํ กตฺวา กตฺวาติ วทนฺติ, อาลุปฺปนํ วิโลปํ กตฺวาติ อตฺโถ.

หฏฺตุฏฺาติ อติวิย หฏฺา อุปฺปิลาวิตจิตฺตา. นามํ กโรนฺตีติ ตถา โวหรนฺติ.

สิเนรุจกฺกวาฬหิมวนฺตปพฺพตาติ เอตฺถ ทีปสมุทฺทาปีติ วตฺตพฺพํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘นินฺนนินฺนฏฺาเน สมุทฺทา, สมสมฏฺาเน ทีปา’’ติ. ถูปถูปาติ อุนฺนตุนฺนตา.

อติมฺนฺตีติ อติกฺกมิตฺวา มฺนฺติ, หีเฬนฺตีติ อตฺโถ. เตเนว นเยนาติ ‘‘เอกจฺเจ วณฺณวนฺโต โหนฺตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๒๓) วุตฺเตน นเยเนว. ปทาลตาติ เอวํนามิกา ลตาชาติ. ตสฺสา กิร ปาราสวชาติ คโฬจีติ วทนฺติ. อกฏฺเ เอว ภูมิปฺปเทเส ปจฺจนโก อกฏฺปาโก. อกโณติ กุณฺฑกรหิโต.

สุมนสงฺขาตชาติปุปฺผสทิโส สุมนชาติปุปฺผสทิโส. โย โย รโส เอตสฺสาติ ยํยํรโส, โอทโน, ตํ ยํยํรสํ, ยาทิสรสวนฺตนฺติ อตฺโถ. รสปถวี, ภูมิปปฺปฏโก, ปทาลตา จ ปริภุตฺตา สุธาหาโร วิย ขุทฺทํ วิโนเทตฺวา รสหรณีหิ รสเมว พฺรูเหนฺตา ติฏฺนฺติ, น วตฺถุโน สุขุมภาเวน นิสฺสนฺทา, สุขุมภาเวเนว คหณินฺธนเมว จ โหนฺติ. โอทโน ปน ปริภุตฺโต รสํ วฑฺเฒนฺโตปิ วตฺถุโน โอฬาริกภาเวน นิสฺสนฺทํ วิสฺสชฺเชนฺโต ปสฺสาวํ, กสฏฺจ อุปฺปาเทตีติ อาห ‘‘ตโต ปภุติ มุตฺตกรีสํ สฺชายตี’’ติ. ปุริมตฺตภาเวสุ ปวตฺตอุปจารชฺฌานานุภาเวน ยาว สตฺตสนฺตาเน กามราควิกฺขมฺภนเวโค น สมิโต, น ตาว พลวกามราคูปนิสฺสยานิ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานิ ปาตุรเหสุํ. ยทา ปนสฺส วิจฺฉินฺนตาย พลวกามราโค ลทฺธาวสโร อโหสิ, ตทา ตทุปนิสฺสยานิ ตานิ สตฺตานํ อตฺตภาเวสุ สฺชายึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุริสสฺส…เป… ปาตุภวตี’’ติ. เตเนวาห ‘‘ตตฺร สุท’’นฺติอาทิ.

อลสชาติกสฺสาติ สชฺชุกเมว ตณฺฑุลํ อคฺคเหตฺวา ปรทิวสสฺสตฺถาย คหเณน อลสปกติกสฺส.

อนุตฺถุนนฺตีติ อนุโสจนฺติ. สมฺมนฺเนยฺยามาติ สมนุชาเนยฺยาม. โนติ อมฺเหสุ. สมฺมาติ สมฺมเทว ยถารหํ. ขียิตพฺพนฺติ ขียนารหํ นินฺทนียํ. ครหิตพฺพนฺติ หีเฬตพฺพํ.

อยเมว ภควา ปฏิพโล ปคฺคหนิคฺคหํ กาตุนฺติ โยชนา. รฺเชตีติ สงฺคหวตฺถูหิ สมฺมเทว รเมติ ปีเณติ.

วิวฏฺฏฏฺายีอสงฺขฺเยยฺยํ จตุสฏฺิอนฺตรกปฺปสงฺคหํ. วีสติอนฺตรกปฺปสงฺคหนฺติ เกจิ. เสสาสงฺขฺเยยฺยานิ กาลโต เตน สมปฺปมาณาเนว.

๔๐๗. มหาธาราหีติ ตาลสาลกฺขนฺธปฺปมาณาหิ มหตีหิ ขารุทกธาราหิ. สมนฺตโตติ สพฺพโส. ปถวิโตติ ปถวิยา เหฏฺิมนฺตโต ปภุติ. เตน หิ ขารุทเกน ผุฏฺผุฏฺา ปถวีปพฺพตาทโย อุทเก ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย วิลียนฺเตว, ตสฺมา ปถวีสนฺธารุทเกน สทฺธึ เอกูทกเมว ตํ โหตีติ เกจิ. อปเร ‘‘ปถวีสนฺธารกํ อุทกกฺขนฺธฺจ อุทกสนฺธารกํ วายุกฺขนฺธฺจ อนวเสสโต วินาเสตฺวา สพฺพตฺถ สยเมว เอโกฆภูตํ ติฏฺตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยุตฺตํ. ตโยปิ พฺรหฺมโลเกติ ปริตฺตาภอปฺปมาณาภอาภสฺสรพฺรหฺมโลเก, ตยิทํ ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ อารทฺธตฺตา วุตฺตํ, อฺถา ‘‘ฉปิ พฺรหฺมโลเก’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. สุภกิณฺเหติ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ตติยชฺฌานภูมิยา อุปลกฺขณํ. ปริตฺตาสุภอปฺปมาณาสุเภปิ หิ อาหจฺจ อุทกํ ติฏฺติ. เหฏฺา ‘‘อาภสฺสเร อาหจฺจ ติฏฺตี’’ติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. นฺติ ตํ กปฺปวินาสกอุทกํ. อุทกานุคตนฺติ อุทเกน อนุคตํ ผุฏฺํ. อภิภวิตฺวาติ วิลียาเปตฺวา.

อิทเมกํ อสงฺขฺเยยฺยนฺติ อิทํ สํวฏฺฏสงฺขาตํ กปฺปสฺส เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ.

๔๐๘. ถูลรเช อปคเต เอว ปถวีนิสฺสิตํ สณฺหรชํ อปคจฺฉตีติ วุตฺตํ ‘‘ตโต สณฺหรช’’นฺติ. สมุฏฺาเปตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘วิสมฏฺาเน ิตมหารุกฺเข’’ติ อิทํ ปมํ สมุฏฺาเปตพฺพตํ สนฺธาย วุตฺตํ.

จกฺกวาฬปพฺพตมฺปิ สิเนรุปพฺพตมฺปีติ มหาปถวิยา วิปริวตฺตเนเนว วิปริวตฺติตํ จกฺกวาฬปพฺพตมฺปิ สิเนรุปพฺพตมฺปิ วาโต อุกฺขิปิตฺวา อากาเส ขิปติ. เต จกฺกวาฬปพฺพตาทโย. อภิหนฺตฺวาติ ฆฏฺเฏตฺวา. อฺมฺนฺติ เอกิสฺสา โลกธาตุยา จกฺกวาฬหิมวนฺตสิเนรุํ อฺิสฺสา โลกธาตุยา จกฺกวาฬาทีหีติ เอวํ อฺมฺํ สมาคมวเสน ฆฏฺเฏตฺวา. สพฺพสงฺขารคตนฺติ ปถวีสนฺธารกอุทกํ, ตํสนฺธารกวาตนฺติ สพฺพํ สงฺขารคตํ วินาเสตฺวา สยมฺปิ วินสฺสติ อวฏฺานสฺส การณาภาวโต.

๔๐๙. ยทิปิ สงฺขารานํ อเหตุโก สรสนิโรโธ วินาสกาภาวโต, สนฺตานนิโรโธ ปน เหตุวิรหิโต นตฺถิ ยถา ตํ สตฺตกาเยสูติ. ภาชนโลกสฺสาปิ สเหตุเกน วินาเสน ภวิตพฺพนฺติ เหตุํ ปุจฺฉติ ‘‘กึ การณา เอวํ โลโก วินสฺสตี’’ติ. อิตโร ยถา ตตฺถ นิพฺพตฺตนกสตฺตานํ ปุฺพเลน ปมํ โลโก วิวฏฺฏติ, เอวํ เตสํ ปาปพเลน สํวฏฺฏตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อกุสลมูลการณา’’ติ อาห. ยถา หิ ราคโทสโมหานํ อธิกภาเวน ยถากฺกมํ โรคนฺตรกปฺโป, สตฺถนฺตรกปฺโป, ทุพฺภิกฺขนฺตรกปฺโปติ อิเม ติวิธา อนฺตรกปฺปา วิวฏฺฏฏฺายิมฺหิ อสงฺขฺเยยฺยกปฺเป ชายนฺติ, เอวเมเต ยถาวุตฺตา ตโย สํวฏฺฏา ราคาทีนํ อธิกภาเวเนว โหนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อกุสลมูเลสุ หี’’ติอาทิมาห. อุสฺสนฺนตเรติ อติวิย อุสฺสนฺเน. โทเส อุสฺสนฺนตเร อธิกตรโทเสน วิย ติกฺขตเรน ขารุทเกน วินาโส ยุตฺโตติ วุตฺตํ ‘‘โทเส อุสฺสนฺนตเร อุทเกน วินสฺสตี’’ติ. ปากฏสตฺตุสทิสสฺส โทสสฺส อคฺคิสทิสตา, อปากฏสตฺตุสทิสสฺส ราคสฺส ขารุทกสทิสตา จ ยุตฺตาติ อธิปฺปาเยน ‘‘โทเส อุสฺสนฺนตเร อคฺคินา, ราเค อุสฺสนฺนตเร อุทเกนา’’ติ เกจิวาทสฺส อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. ราโค สตฺตานํ พหุลํ ปวตฺตตีติ ราควเสน พหุโส โลกวินาโส.

๔๑๐. เอวํ ปสงฺเคน สํวฏฺฏาทิเก ปกาเสตฺวา อิทานิ ยถาธิกตํ เนสํ อนุสฺสรณาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโตปี’’ติอาทิ อารทฺธํ.

‘‘อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเป’’ติ อิทํ สํวฏฺฏกปฺปสฺส อาทิโต ปาฬิยํ (ที. นิ. ๑.๒๔๔) คหิตตฺตา วุตฺตํ. ตตฺถาปิ หิ อิมสฺส กติปยํ กาลํ ภวาทีสุ สํสรณํ อุปลพฺภตีติ. สํวฏฺฏกปฺเป วา วฏฺฏมาเนสุ ภวาทีสุ อิมสฺส อุปปตฺติ อโหสิ, ตํทสฺสนเมตํ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเปติ เอตฺถ วา-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ ทฏฺพฺโพ, เตน จ อนิยมตฺเถน อิตราสงฺขฺเยยฺยานมฺปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. ภเว วาติอาทีสุ กามาทิภเว วา อณฺฑชาทิโยนิยา วา เทวาทิ คติยา วา นานตฺตกายนานตฺตสฺีอาทิวิฺาณฏฺิติยา วา สตฺตาวาเส วา ขตฺติยาทิ สตฺตนิกาเย วา. อาสินฺติ อโหสึ. วณฺณสมฺปตฺตึ วาติ วา-สทฺเทน วณฺณวิปตฺตึ วาติ ทสฺเสติ.

สาลิมํโสทนาหาโร วา คิหิกาเล. ปวตฺตผลโภชโน วา ตาปสาทิกาเล. สามิสา เคหสฺสิตา โสมนสฺสาทโย. นิรามิสา เนกฺขมฺมสฺสิตา. อาทิ-สทฺเทน วิเวกชสมาธิชสุขาทีนํ สงฺคโห.

‘‘อมุตฺราสิ’’นฺติอาทินา สพฺพํ ยาวทิจฺฉกํ อนุสฺสรณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺถา อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อมุตฺราสินฺติ สามฺนิทฺเทโสยํ, พฺยาปนิจฺฉาโลโป วา, อมุตฺร อมุตฺราสินฺติ วุตฺตํ โหติ. อนุปุพฺเพน อาโรหนฺตสฺส ยาวทิจฺฉกํ อนุสฺสรณนฺติ เอตฺถ อาโรหนฺตสฺสาติ ปฏิโลมโต าเณน ปุพฺเพนิวาสํ อาโรหนฺตสฺส. ปจฺจเวกฺขณนฺติ อนุสฺสริตานุสฺสริตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ, น อนุสฺสรณํ. อิตีติ วุตฺตตฺถนิทสฺสนํ. ตฺจ โข ยถารหโต, น ยถานุปุพฺพโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นามโคตฺตวเสนา’’ติอาทิมาห. วณฺณาทีหีติ วณฺณาหารเวทยิตายุปริจฺเฉเทหิ. โอทาโตตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน เอวมาทิ เอวํปการนานตฺตโตติ ทสฺสิตํ โหติ.

ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

จุตูปปาตาณกถาวณฺณนา

๔๑๑. จุติยาติ จวเน. อุปปาเตติ อุปปชฺชเน. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ, จุติกฺขณสามนฺตา, อุปปตฺติกฺขณสามนฺตา จาติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘เย ปน อาสนฺนจุติกา’’ติอาทิ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๑). ทิพฺพจกฺขุาเณเนว สตฺตานํ จุติ จ อุปปตฺติ จ ายตีติ อาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุาณตฺถนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ทิพฺพสทิสตฺตาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ‘‘โสตธาตู’’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา อิตฺถิลิงฺควเสน วุตฺตํ, อิธ นปุํสกลิงฺควเสน วตฺตพฺพํ. ตตฺถ จ อาโลกปริคฺคเหน ปโยชนํ นตฺถิ, อิธ อตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตาปิ ทิพฺพ’’นฺติ, กสิณาโลกานุคฺคเหน ปตฺตพฺพตฺตา, สยํ าณาโลกผรณภาเวน จ มหาชุติกภาวโตติ อตฺโถ. มหาชุติกมฺปิ หิ ‘‘ทิพฺพ’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘ทิพฺพมิทํ พฺยมฺห’’นฺติอาทีสุ. มหาคติกตฺตาติ มหนียคมนตฺตา, วิมฺหยนียปวตฺติกตฺตาติ อตฺโถ. วิมฺหยนียา หิสฺส ปวตฺติ ติโรกุฏฺฏาทิคตรูปทสฺสนโต. ‘‘ทิพฺพสทิสตฺตา’’ติ จ หีนูปมาทสฺสนํ เทวตานํ ทิพฺพจกฺขุโตปิ อิมสฺส มหานุภาวตฺตา. เตน ทิพฺพจกฺขุลาภาย โยคิโน ปริกมฺมกรณํ ตปฺปฏิปกฺขาภิภวสฺส อตฺถโต ตสฺส วิชยิจฺฉา นาม โหติ, ทิพฺพจกฺขุลาภี จ อิทฺธิมา เทวตานํ วจนคฺคหณกฺขมนธมฺมทานวเสน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถราทโย วิย ทานคฺคหณลกฺขเณ, โวหาเร จ ปวตฺเตยฺยาติ เอวํ วิหารวิชยิจฺฉาโวหารชุติคติสงฺขาตานํ อตฺถานํ วเสน อิมสฺส อภิฺาาณสฺส ทิพฺพจกฺขุภาวสิทฺธิโต. สทฺทวิทู จ เตสุ เอว อตฺเถสุ ทิวุ-สทฺทํ อิจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพ’’นฺติ.

ทสฺสนฏฺเนาติ รูปทสฺสนภาเวน. จกฺขุนา หิ สตฺตา รูปํ ปสฺสนฺติ. ยถา มํสจกฺขุ วิฺาณาธิฏฺิตํ สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย ปวตฺตติ, น ตถา อิทํ. อิทํ ปน สยเมว ตโต สาติสยํ จกฺขุกิจฺจการีติ อาห ‘‘จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขู’’ติ. ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตา’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ ปรโต อุปปตฺติยา อทสฺสนโต เอตฺเถวายํ สตฺโต อุจฺฉินฺโน, เอวมิตเรปีติ. นวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาติ ลาภี อธิจฺจสมุปฺปตฺติโก วิย. พุทฺธปุตฺตา ปสฺสนฺติเยวาติ อุตฺตรปทาวธารณํ, น ปุริมปทาวธารณํ. เอวํ หิ ชยทฺทิสชาตกาทีหิ อวิโรโธ สิทฺโธ โหติ.

มนุสฺสานํ อิทนฺติ มานุสกํ, มนุสฺสานํ โคจรภูตํ รูปารมฺมณํ. ตทฺสฺส ปน ทิพฺพติโรหิตาติสุขุมาทิเภทสฺส รูปสฺส ทสฺสนโต อติกฺกนฺตมานุสกํ. เอวรูปฺจ มนุสฺสูปจารํ อติกฺกนฺตํ นาม โหตีติ อาห ‘‘มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา รูปทสฺสเนนา’’ติ. เอวํ วิสยมุเขน ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิสยีมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘มานุสกํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ มํสจกฺขาติกฺกโม ตสฺส กิจฺจาติกฺกเมเนว ทฏฺพฺโพ.

ทิพฺพจกฺขุนาติ ทิพฺพจกฺขุาเณนปิ. ทฏฺุํ น สกฺกา ขณสฺส อติอิตฺตรตาย อติสุขุมตาย เกสฺจิ รูปสฺส. อปิจ ทิพฺพจกฺขุสฺส ปจฺจุปฺปนฺนํ รูปารมฺมณํ, ตฺจ ปุเรชาตปจฺจยภูตํ, น จ อาวชฺชนปริกมฺเมหิ วินา มหคฺคตสฺส ปวตฺติ อตฺถิ, นาปิ อุปฺปชฺชมานเมว รูปํ อารมฺมณปจฺจโย ภวิตุํ สกฺโกติ, ภิชฺชมานํ วา. ตสฺมา ‘‘จุตูปปาตกฺขเณ รูปํ ทิพฺพจกฺขุนา ทฏฺุํ น สกฺกา’’ติ สุวุตฺตเมตํ. ยทิ ทิพฺพจกฺขุาณํ รูปารมฺมณเมว, อถ กสฺมา ‘‘สตฺเต ปสฺสตี’’ติ วุตฺตนฺติ? เยภุยฺเยน สตฺตสนฺตานคตรูปทสฺสนโต เอวํ วุตฺตํ. สตฺตคหณสฺส วา การณภาวโต โวหารวเสน วุตฺตนฺติปิ เกจิ. เต จวมานาติ อธิปฺเปตาติ สมฺพนฺโธ. เอวรูเปติ น จุตูปปาตกฺขณสมงฺคิโนติ อธิปฺปาโย.

โมหูปนิสฺสยํ นาม กมฺมํ นิหีนํ นิหีนผลํ โหตีติ อาห ‘‘โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา’’ติ. ตพฺพิปรีเตติ ตสฺส หีฬิตาทิภาวสฺส วิปรีเต, อหีฬิเต อโนหีฬิเต อโนฺาเต อนวฺาเต จิตฺตีกเตติ อตฺโถ. สุวณฺเณติ สุนฺทรวณฺเณ. ทุพฺพณฺเณติ อสุนฺทรวณฺเณ. สา ปนายํ สุวณฺณทุพฺพณฺณตา ยถากฺกมํ กมฺมสฺส อโทสโทสูปนิสฺสยตาย โหตีติ อาห ‘‘อโทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา’’ติอาทิ. สุนฺทรํ คตึ คตา สุคตาติ อาห ‘‘สุคติคเต’’ติ, สุคตึ อุปปนฺเนติ อตฺโถ. อโลภชฺฌาสยา สตฺตา วทฺู วิคตมจฺเฉรา อโลภูปนิสฺสเยน กมฺมุนา สุภคา สมิทฺธา โหนฺตีติ อาห ‘‘อโลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา อฑฺเฒ มหทฺธเน’’ติ. ทุกฺขํ คตึ คตา ทุคฺคตาติ อาห ‘‘ทุคฺคติคเต’’ติ. โลภชฺฌาสยา สตฺตา ลุทฺธา มจฺฉริโน โลภูปนิสฺสเยน กมฺมุนา ทุคฺคตา ทุรุเปตา โหนฺตีติ อาห ‘‘โลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปาเน’’ติ.

อุปจิตนฺติ ผลาวหภาเวน กตํ. ยถา กตํ หิ กมฺมํ ผลทานสมตฺถํ โหติ, ตถา กตํ อุปจิตํ. จวมาเนติอาทีหิ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจํ วุตฺตนฺติ วิสยมุเขน วิสยีพฺยาปารมาห. ปุริเมหีติ วา ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติอาทีนิ ปทานิ สนฺธาย วุตฺตํ. อาทีหีติ เอตฺถ -สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ตสฺมา ‘‘ทิพฺเพน…เป… ปสฺสตี’’ติ อิเมหิ, ‘‘จวมาเน’’ติอาทีหิ จ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจํ วุตฺตนฺติ อตฺโถ.

อิมินา ปน ปเทนาติ ‘‘ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาตี’’ติ อิมินา วากฺเยน. อิธ ภิกฺขูติ อิมสฺมึ สาสเน ภิกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุาณลาภีติ อธิปฺปาโย. โส จ ทิพฺพจกฺขุาณลาภี เนรยิเก จ สตฺเต ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ิโต. เอวํ มนสิ กโรตีติ เตสํ เนรยิกานํ นิรยสํวตฺตนิยสฺส กมฺมสฺส าตุกามตาวเสน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ปริกมฺมวเสน มนสิ กโรติ. กึ นุ โขติอาทิ มนสิการวิธิทสฺสนํ. เอวํ ปน ปริกมฺมํ กตฺวา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺิตสฺส ตํ กมฺมํ อารมฺมณํ กตฺวา อาวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ นิรุทฺเธ จตฺตาริ, ปฺจ วา ชวนานิ ชวนฺตีติอาทิ สพฺพํ วุตฺตนยเมว. ‘‘วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถี’’ติ อิทํ ปน ทิพฺพจกฺขุาเณน วินา ยถากมฺมูปคาณสฺส วิสุํ ปริกมฺมํ นตฺถีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. เอวฺเจตํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา ยถากมฺมูปคาณสฺส มหคฺคตภาโว เอว น สิยา. เทวานํ ทสฺสเนปิ เอเสว นโย. เนรยิกเทวคฺคหณํ เจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. อากงฺขมาโน หิ ทิพฺพจกฺขุลาภี อฺคติเกสุปิ เอวํ ปฏิปชฺชติเยว. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนึ ทีเปตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๑), ‘‘สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๑) จ. ตํ นิรยสํวตฺตนิยํ กมฺมํ อารมฺมณํ เอตสฺสาติ ตํกมฺมารมฺมณํ. ผารุสกวนาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน จิตฺตลตาวนาทีนํ สงฺคโห.

ยถา จิมสฺสาติ ยถา จ อิมสฺส ยถากมฺมูปคาณสฺส วิสุํ ปริกมฺมํ นตฺถิ, เอวํ อนาคตํสาณสฺสปีติ วิสุํ ปริกมฺมาภาวํ นิทสฺเสติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุปาทกาเนว หิ อิมานี’’ติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยถา ทิพฺพจกฺขุลาภี นิรยาทิอภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา, เนรยิกาทิเก สตฺเต ทิสฺวา เตหิ ปุพฺเพ อายูหิตํ นิรยสํวตฺตนิยาทิกํ กมฺมํ ตาทิเสน สมาทาเนน, ตชฺเชน จ มนสิกาเรน ปริกฺขเต จิตฺเต ยาถาวโต ชานาติ, เอวํ ยสฺส ยสฺส สตฺตสฺส สมนนฺตรา อนาคตํ อตฺตภาวํ าตุกาโม ตํ ตํ โอทิสฺส อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เตน เตน อตีเต, เอตรหิ วา อายูหิตํ ตสฺส นิพฺพตฺตกํ กมฺมํ ยถากมฺมูปคาเณน ทิสฺวา เตน นิพฺพตฺเตตพฺพํ อนาคตํ อตฺตภาวํ าตุกาโม ตาทิเสน สมาทาเนน, ตชฺเชน จ มนสิกาเรน ปริกฺขเต จิตฺเต ยาถาวโต ชานาติ. เอเสว นโย ตโต ปเรสุปิ อตฺตภาเวสุ. เอตํ อนาคตํสาณํ นาม. ยสฺมา เอตํ ทฺวยํ ทิพฺพจกฺขุาเณ สติเยว สิชฺฌติ, นาสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิมานิ ทิพฺพจกฺขุนา สเหว อิชฺฌนฺตี’’ติ.

กาเยน ทุฏฺุ จริตํ, กายโต วา อุปฺปนฺนํ กิเลสปูติกตฺตา ทุฏฺํ จริตํ กายทุจฺจริตนฺติ เอวํ โยเชตพฺโพ. กาโยติ เจตฺถ โจปนกาโย อธิปฺเปโต. กายวิฺตฺติวเสน ปวตฺตํ อกุสลํ กายกมฺมํ กายทุจฺจริตนฺติ. อิตเรสูติ วจีมโนทุจฺจริเตสุ. ยสฺมึ สนฺตาเน กมฺมํ กตูปจิตํ, อสติสฺส อนฺตรุปจฺเฉเท วิปาการหภาวสฺส อวิคจฺฉนโต โส เตน สหิโตเยวาติ วตฺตพฺโพติ อาห ‘‘สมนฺนาคตาติ สมงฺคีภูตา’’ติ. ‘‘อนตฺถกามา หุตฺวา’’ติ เอเตน มาตาปิตโร วิย ปุตฺตานํ, อาจริยุปชฺฌายา วิย จ นิสฺสิตกานํ อตฺถกามา หุตฺวา ครหกา อุปวาทกา น โหนฺตีติ ทสฺเสติ. คุณปริธํสเนนาติ วิชฺชมานานํ คุณานํ วิทฺธํสเนน, วินาสเนนาติ อตฺโถ. นนุ จ อนฺติมวตฺถุนาปิ อุปวาโท คุณปริธํสนเมวาติ? สจฺจเมตํ. คุณาติ ปเนตฺถ ฌานาทิวิเสสา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อธิปฺเปตาติ สีลปริธํสนํ วิสุํ คหิตํ. เตนาห ‘‘นตฺถิ อิเมสํ สมณธมฺโม’’ติอาทิ. สมณธมฺโมติ จ สีลสํยมํ สนฺธาย วทติ. ชานํ วาติ ยํ อุปวทติ, ตสฺส อริยภาวํ ชานนฺโต วา. อชานํ วาติ อชานนฺโต วา. ชานนํ อชานนํ เจตฺถ อปฺปมาณํ, อริยภาโว เอว ปมาณํ. เตนาห ‘‘อุภยถาปิ อริยูปวาโทว โหตี’’ติ. ‘‘อริโย’’ติ ปน อชานโต อทุฏฺจิตฺตสฺเสว ตตฺถ อริยคุณาภาวํ ปเวเทนฺตสฺส คุณปริธํสนํ น โหตีติ ตสฺส อริยูปวาโท นตฺถีติ วทนฺติ. สเตกิจฺฉํ ปน โหติ ขมาปเนน, น อนนฺตริยํ วิย อเตกิจฺฉํ.

รุชฺฌตีติ ตุทติ, ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. นฺติ ตํ เถรํ, ตํ วา กิริยํ. ชานนฺโต เอว เถโร ‘‘อตฺถิ เต, อาวุโส, ปติฏฺา’’ติ ปุจฺฉิ. อิตโรปิ สจฺจาภิสมโย สาสเน ปติฏฺาติ อาห ‘‘โสตาปนฺโน อห’’นฺติ. เถโร ตํ กรุณายมาโน ‘‘ขีณาสโว ตยา อุปวทิโต’’ติ อตฺตานํ อาวิกาสิ.

สเจ นวกตรา โหนฺติ ตสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู. สมฺมุขา อขมาเปนฺเตปีติ ปุรโต ขมาปเน อสมฺภวนฺเตปิ. ‘‘อขมนฺเต’’ติ วา ปาโ. ตํ โสตาปนฺนสฺส วเสน เวทิตพฺพํ.

ปรินิพฺพุตมฺจฏฺานนฺติ ปูชากรณฏฺานํ สนฺธายาห.

สมาทาตพฺพฏฺเน สมาทานานิ, กมฺมานิ สมาทานานิ เยสํ, เต กมฺมสมาทานา, มิจฺฉาทิฏฺิวเสน กมฺมสมาทานา, เหตุอตฺถํ วา อนฺโตคธํ กตฺวา มิจฺฉาทิฏฺิวเสน ปเร กมฺเมสุ สมาทาปกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา. ตยิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิวเสนา’’ติอาทิมาห. สีลสมฺปนฺโนติอาทิ ปริปกฺกินฺทฺริยสฺส มคฺคสมงฺคิโน วเสน วุตฺตํ. อคฺคมคฺคฏฺเ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. อฺนฺติ อรหตฺตํ. เอวํสมฺปทนฺติ ยถา ตํ อวสฺสมฺภาวี, เอวมิทมฺปีติ อตฺโถ. ตํ วาจํ อปฺปหายาติอาทีสุ อริยูปวาทํ สนฺธาย ‘‘ปุน เอวรูปึ วาจํ น วกฺขามี’’ติ วทนฺโต วาจํ ปชหติ นาม, ‘‘ปุน เอวรูปํ จิตฺตํ น อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต จิตฺตํ ปชหติ นาม, ‘‘ปุน เอวรูปึ ทิฏฺึ น คณฺหิสฺสามี’’ติ ปชหนฺโต ทิฏฺึ ปชหติ นาม, ตถา อกโรนฺโต เนว ปชหติ, น ปฏินิสฺสชฺชติ. ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ นิรเยติ ยถา นิรยปาเลหิ อาหริตฺวา นิรเย ปิโต, เอวํ นิรเย ปิโตเยวาติ อตฺโถ. มิจฺฉาทิฏฺิวเสน อกตฺตพฺพํ นาม ปาปํ นตฺถิ, ยโต สํสารขาณุภาโวปิ นาม โหตีติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ, ภิกฺขเว, วชฺชานี’’ติ.

‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส กาโย ติฏฺติ, อยฺเจว กาโย, พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๔๗) เอวมาทีสุ วิย อิธ กาย-สทฺโท ขนฺธปฺจกวิสโยติ อาห ‘‘กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา’’ติ. อวีตราคสฺส มรณโต ปรํ นาม ภวนฺตรูปาทานเมวาติ อาห ‘‘ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺติกฺขนฺธคฺคหเณ’’ติ. เยน ติฏฺติ, ตสฺส อุปจฺเฉเทเนว กาโย ภิชฺชตีติ อาห ‘‘กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา’’ติ.

เอติ อิมสฺมา สุขนฺติ อโย, ปุฺนฺติ อาห ‘‘ปุฺสมฺมตา อยา’’ติ. อยนฺติ เอตสฺมา สุขานีติ อาโย, ปุฺกมฺมาทิสุขสาธนํ. เตนาห ‘‘สุขานํ วา อายสฺส อภาวา’’ติ. อิยติ อสฺสาทิยตีติ อโย, อสฺสาโทติ อาห ‘‘อสฺสาทสฺิโต อโย’’ติ.

นาคราชาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สุปณฺณาทีนํ สงฺคโห. อสุรสทิสนฺติ เปตาสุรสทิสํ. โสติ อสุรกาโย. สพฺพสมุสฺสเยหีติ สพฺเพหิ สมฺปตฺติสมุสฺสเยหิ. วุตฺตวิปริยาเยนาติ ‘‘สุฏฺุ จริตํ, โสภนํ วา จริตํ อนวชฺชตฺตา’’ติอาทินา ‘‘กายทุจฺจริเตนา’’ติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วิปริยาเยน.

นิคมนวจนํ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปุน วจนนฺติ กตฺวา. อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถติ ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา…เป… ปสฺสตี’’ติ เอตฺถ อยํ ยถาวุตฺโต สงฺเขปตฺโถ.

๔๑๒. กสิณารมฺมณนฺติ อฏฺนฺนมฺปิ กสิณานํ วเสน กสิณารมฺมณํ. สพฺพากาเรนาติ ‘‘จุทฺทสวิเธน จิตฺตปริทมเนน อฏฺงฺคสมนฺนาคเมน ภูมิปาทปทมูลสมฺปาทเนนา’’ติ อิมินา สพฺพปฺปกาเรน. อภินีหารกฺขมํ ทิพฺพจกฺขุาณาภิมุขํ เปสนารหํ เปสนโยคฺคํ กตฺวา. อาสนฺนํ กาตพฺพนฺติ ทิพฺพจกฺขุาณุปฺปตฺติยา สมีปภูตํ กาตพฺพํ. ตตฺถ อุปจารชฺฌานํ ปคุณตรํ กตฺวา อารมฺมณฺจ วฑฺเฒตพฺพํ. เตนาห ‘‘อุปจารชฺฌานโคจรํ กตฺวา วฑฺเฒตฺวา เปตพฺพ’’นฺติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วฑฺฒิเต กสิณารมฺมเณ. อปฺปนาติ ฌานวเสน อปฺปนา. น หิ อกตปริกมฺมสฺส อภิฺาวเสน อปฺปนา อิชฺฌติ. เตนาห ‘‘ปาทกชฺฌานนิสฺสยํ โหตี’’ติ, ปาทกชฺฌานารมฺมณํ โหตีติ อตฺโถ. น ปริกมฺมนิสฺสยนฺติ ปริกมฺมสฺส ตํ กสิณารมฺมณํ อปสฺสโย น โหติ. ตถา สติ รูปทสฺสนํ น สิยา. อิเมสูติ ยถาวุตฺเตสุ เตโชกสิณาทีสุ ตีสุ กสิเณสุ. อุปฺปาเทตฺวาติ อุปจารชฺฌานุปฺปาทเนน อุปฺปาเทตฺวา. อุปจารชฺฌานปวตฺติยา หิ สทฺธึ ปฏิภาคนิมิตฺตุปฺปตฺติ. ตตฺถาติ กสิณนิทฺเทเส.

อนฺโตเยว รูปคตํ ปสฺสิตพฺพํ น พหิทฺธา วิกฺเขปาปตฺติเหตุภาวโต. ปริกมฺมสฺส วาโร อติกฺกมตีติ อิธ ปริกมฺมํ นาม ยถาวุตฺตกสิณารมฺมณํ อุปจารชฺฌานํ, ตํ รูปคตํ ปสฺสโต น ปวตฺตติ. กสิณาโลกวเสน จ รูปคตทสฺสนํ, กสิณาโลโก จ ปริกมฺมวเสนาติ ตทุภยมฺปิ ปริกมฺมสฺส อปฺปวตฺติยา น โหติ. เตนาห ‘‘ตโต อาโลโก อนฺตรธายติ, ตสฺมึ อนฺตรหิเต รูปคตมฺปิ น ทิสฺสตี’’ติ. รูปคตํ ปสฺสโต ปริกมฺมสฺส วาโร อติกฺกมติ, ปริกมฺมมติกฺกนฺตสฺส กสิณารมฺมณํ าณํ น โหตีติ รูปคตํ น ทิสฺสติ, กถํ ปน ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อถาเนนา’’ติอาทิ. เอวํ อนุกฺกเมนาติ ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต ตโต วุฏฺาย อภิณฺหํ อาโลกสฺส ผรณวเสน อาโลโก ถามคโต โหติ จิรฏฺายี. ตถา จ สติ ตตฺถ สุจิรมฺปิ รูปคตํ ปสฺสเตว. เตน วุตฺตํ ‘‘เอตฺถ อาโลโก…เป… โหตี’’ติ.

สฺวายมตฺโถ ติณุกฺกูปมาย วิภาเวตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รตฺตึ ติณุกฺกายา’’ติอาทิ. ตตฺถ ปุนปฺปุนํ ปเวสนนฺติ ปุนปฺปุนํ ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนํ. ถามคตาโลกสฺส ยถาปริจฺเฉเทน านนฺติ ยตฺตกํ านํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา กสิณํ วฑฺฒิตํ, ถามคตสฺส อาโลกสฺส ตตฺตกํ ผริตฺวา อวฏฺานํ.

อนาปาถคตนฺติ อาปาถคมนโยคฺยสฺส วเสน วุตฺตํ. อนฺโตกุจฺฉิคตาทิ ปน ตทภาวโต เตน วิเสสิตพฺพเมว. ตเทวาติ ทิพฺพจกฺขุเมว. เอตฺถาติ เอเตสุ รูปมารพฺภ ปวตฺตจิตฺเตสุ. รูปทสฺสนสมตฺถนฺติ รูปํ สภาวโต วิภาวนสมตฺถํ จกฺขุวิฺาณํ วิย. ปุพฺพภาคจิตฺตานีติ อาวชฺชนปริกมฺมสงฺขาตานิ ปุพฺพภาคจิตฺตานิ. ตานิ หิ อารมฺมณํ กโรนฺตานิปิ น ยาถาวโต ตํ วิภาเวตฺวา ปวตฺตนฺติ อาวชฺชนสมฺปฏิจฺฉนจิตฺตานิ วิย.

ตํ ปเนตํ ทิพฺพจกฺขุ. ปริปนฺโถติ อนฺตรายิโก. ฌานวิพฺภนฺตโกติ ฌานุมฺมตฺตโก ฌานภาวนามุเขน อุมฺมาทปฺปตฺโต. อปฺปมตฺเตน ภวิตพฺพนฺติ ‘‘ทิพฺพจกฺขุ มยา อธิคต’’นฺติ สนฺโตสํ อนาปชฺชิตฺวา วิปสฺสนานุโยควเสน วา สจฺจาภิสมยวเสน วา อปฺปมตฺเตน ภวิตพฺพํ.

‘‘เอวํ ปสฺสิตุกาเมนา’’ติอาทินา ทิพฺพจกฺขุสฺส นานาวชฺชนปริกมฺมฺเจว ทิพฺพจกฺขุาณฺจ ทสฺสิตํ, น ตสฺส อุปฺปตฺติกฺกโมติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺราย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว.

จุตูปปาตาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปกิณฺณกกถาวณฺณนา

๔๑๓. อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนาติ อตฺโถ. เตน ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๓๘๔, ๔๓๑-๔๓๓; ปารา. ๑๒-๑๔) ยถาทสฺสิตปาฬิคตึ, ตสฺสา อตฺถวิวรณนยฺจ ปจฺจามสติ. สจฺเจสุ วิย อริยสจฺจานิ ขนฺเธสุ อุปาทานกฺขนฺธา อนฺโตคธา. ตทุภเย จ สภาวโต, สมุทยโต, อตฺถงฺคมโต, อสฺสาทโต, อาทีนวโต, นิสฺสรณโต จ ยถาภูตํ สยมฺภุาเณน อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ ปเวเทสิ วาติ สาติสเยน ปฺจกฺขนฺธาวโพเธน ภควาว โถเมตพฺโพติ อาห ‘‘ปฺจกฺขนฺธวิทู’’ติ. ตฺวา วิฺเยฺยาติ สมฺพนฺโธ. ตาสูติ ปฺจสุ อภิฺาสุ. ตคฺคหเณเนว จ ปริภณฺฑาณานํ คหิตตฺตา ‘‘ปฺจา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เอตาสุ หี’’ติอาทิ.

ตตฺถ ปริภณฺฑาณานีติ ปริวาราณานิ. ยถา หิ สิเนรุสฺส ปริวารฏฺานานิ ยานิ ตํสิทฺธิยา สิทฺธานิ เมขลฏฺานานิ ปริภณฺฑานีติ วุจฺจนฺติ, เอวํ อิมานิปิ ทิพฺพจกฺขุสิทฺธิยา สิทฺธานิ ตสฺส ปริภณฺฑานีติ วุตฺตานิ. อิธาคตานีติ เอตฺถ อิธาติ ยถาทสฺสิตานิ สุตฺตปทานิ สนฺธาย วุตฺตํ. ตโต อฺเสุ ปน สามฺผลาทีสุ มโนมยาณมฺปิ วิสุํ อภิฺาาณภาเวน อาคตํ.

‘‘เตสู’’ติ อิทํ ปจฺจามสนํ กึ ติกานํ, อุทาหุ อารมฺมณานนฺติ? กิฺเจตฺถ ยทิ ติกานํ, ตทยุตฺตํ. น หิ ติเกสุ อภิฺาาณานิ ปวตฺตนฺติ. อถ อารมฺมณานํ, ตมฺปิ อยุตฺตํ. น หิ อฺํ อุทฺทิสิตฺวา อฺสฺส ปจฺจามสนํ ยุตฺตนฺติ. ยถา อิจฺฉติ, ตถา ภวตุ ตาว ติกานํ, นนุ วุตฺตํ ‘‘น หิ ติเกสุ อภิฺาาณานิ ปวตฺตนฺตี’’ติ? นายํ วิโรโธ ติกโวหาเรน อารมฺมณานํเยว คยฺหมานตฺตา. อถ วา ปน โหตุ อารมฺมณานํ, นนุ วุตฺตํ ‘‘น หิ อฺํ อุทฺทิสิตฺวา อฺสฺส ปจฺจามสนํ ยุตฺต’’นฺติ? อยมฺปิ น โทโส ยถาวุตฺตการเณเนวาติ.

๔๑๔. อสติปิ วตฺถุเภเท ภูมิกาลสนฺตานเภทวเสน ภินฺเนสุ สตฺตสุ อารมฺมเณสุ. ติกวเสน เหส เภโท คหิโต. อิทฺธิวิธาณสฺส มคฺคารมฺมณตาย อภาวโต อิธ มคฺคารมฺมณติโก น ลพฺภติ. นฺติ อิทฺธิวิธาณํ. กายํ จิตฺตสนฺนิสฺสิตํ กตฺวาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อุปโยคลทฺธนฺติ ลทฺธอุปโยควจนํ. ทุติยาวิภตฺติวเสน วุตฺตํ ‘‘กายํ ปริณาเมตี’’ติ. เตนาห ‘‘รูปกายารมฺมณโต’’ติ, รูปกายสฺส วณฺณารมฺมณโตติ อตฺโถ.

ตเทว จิตฺตนฺติ ยเทว กายวเสน จิตฺตปริณามเน วุตฺตํ ปาทกชฺฌานจิตฺตํ, ตเทว. รามคาเม เจติยํ เปตฺวา เสเสสุ สตฺตสุ เจติเยสุ ธาตุโย อิทฺธิยา อาหริตฺวา ราชคเห ภูมิฆรมณฺฑเป กตํ มหาธาตุนิธานํ. ‘‘อิเม คนฺธา’’ติอาทินา ปจฺจุปฺปนฺเน คนฺธาทิเก คเหตฺวาปิ อสุสฺสนาทิวิเสสยุตฺตํ อนาคตเมว เนสํ รูปํ อธิฏฺานจิตฺตสฺส อารมฺมณํ โหติ อนาคตาธิฏฺานตฺตา. วตฺตนิยเสนาสนํ นาม วิฺฌาฏวิยํ วิหาโร. ทธิรสนฺติ ทธิมณฺโฑ, ตํ อธิฏฺหนฺตสฺส อนาคตํ ทธิวณฺณํ อารมฺมณํ โหติ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติ ปจฺจุปฺปนฺนสฺส รูปกายสฺส อารมฺมณกรณโต.

สกายจิตฺตานนฺติ อตฺตโน กายสฺส, จิตฺตสฺส จ.

๔๑๕. สทฺโท จ ปริตฺโต สพฺพสฺส รูปสฺส กามาวจรภาวโต. วิชฺชมานเมวาติ วตฺตมานํเยว.

๔๑๖. โสตาปนฺนสฺส จิตฺตนฺติ โสตาปนฺนสฺส อาเวณิกํ จิตฺตํ. สกทาคามิสฺสาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ยาว อรหโต เนตพฺพนฺติ ‘‘สกทาคามี อนาคามิโน จิตฺตํ น ชานาติ, อนาคามี อรหโต’’ติ เอวํ เนตพฺพํ. สพฺเพสนฺติ สพฺเพสํ อริยานํ ชานาติ, โก ปน วาโท อนริยานํ. อฺโปิ จ อุปริโม อนาคามิอาทิ เหฏฺิมสฺส สกทาคามิอาทิกสฺส จิตฺตํ ชานาตีติ สมฺพนฺโธ.

อตีตสฺส, อนาคตสฺส จ ปรสฺส จิตฺตสฺส ชานนํ สมฺภวติ, ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ปน น สมฺภวตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ ‘‘กถํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อารมฺมณํ โหตี’’ติ. อิตโร ยตฺถ สมฺภวติ, ตํทสฺสนตฺถํ ปจฺจุปฺปนฺนํ ตาว วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ นาม ติวิธ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺปาทฏฺิติภงฺคปฺปตฺตนฺติ อุปฺปาทํ, ิตึ, ภงฺคฺจ ปตฺตํ, ขณตฺตยปริยาปนฺนนฺติ อตฺโถ. เอตฺถนฺตเร เอกทฺเวสนฺตติวารา เวทิตพฺพาติ เอตฺถนฺตเร ปวตฺตา รูปสนฺตติวารา เอกทฺเวสนฺตติวารา นามาติ เวทิตพฺพาติ อตฺโถ. อาโลกฏฺานโต โอวรกํ ปวิฏฺสฺส ปเคว ตตฺถ นิสินฺนสฺส วิย ยาว รูปคตํ ปากฏํ โหติ. ตตฺถ อุปฑฺฒเวลา อวิภูตวารา, อุปฑฺฒเวลา วิภูตวารา, ตทุภยํ คเหตฺวา ‘‘ทฺเว สนฺตติวารา’’ติ วุตฺตํ. ตยิทํ น สพฺพสาธารณํ, เอกจฺจสฺส สีฆมฺปิ ปากฏํ โหตีติ ‘‘เอกทฺเวสนฺตติวารา’’ติ เอกคฺคหณมฺปิ กตํ, อติปริตฺตสภาวอุตุอาทิสมุฏฺานา วา เอกทฺเวสนฺตติวารา เวทิตพฺพา.

ตีเร อกฺกนฺตอุทกเลขา นาม กาลุสฺสิยํ คตา ตีรสมีเป อุทกราชิ. ยาว น วิปฺปสีทตีติ กาลุสฺสิยวิคเมน ยาว วิปฺปสนฺนา น โหติ. เกจิ ปน ‘‘อตินฺเต ตีเร อลฺลปาเทน อกฺกนฺเต ยาว ปาเท อุทกเลขา น วิปฺปสีทติ, น สํสีทติ, น วูปสมฺมตี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺถํ วทนฺติ. เต ปเนเต กิริยาเภเทน วุตฺตา กาลวิเสสา, น อฺมฺํ สมสมา, อูนาธิกภาควนฺโตว ทฏฺพฺพา. ทฺเว ตโย ชวนวารา กามาวจรชวนวเสน เวทิตพฺพา, น อิตรชวนวเสน. น หิ เต ปริมิตกาลา, อนนฺตรา ปวตฺตภวงฺคาทโยปิ ตทนฺโตคธาว ทฏฺพฺพา. ตทุภยนฺติ รูปารูปสนฺตติทฺวยํ.

เอกภวปริจฺฉินฺนนฺติ ปฏิสนฺธิจุติปริจฺฉินฺนํ. เอกภวปริยาปนฺนํ ธมฺมชาตํ เอตรหีติ วตฺตพฺพํ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ นาม. มโนติ สสมฺปยุตฺตํ วิฺาณมาห. ธมฺมาติ อารมฺมณธมฺมา. มโนติ วา มนายตนํ. ธมฺมาติ เวทนาทโย อรูปกฺขนฺธา. อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนนฺติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ โหนฺตํ เอตํ อุภยํ โหตีติ อตฺโถ. วิฺาณนฺติ นิกนฺติวิฺาณํ. ตฺหิ ตสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราควเสน ปฏิพทฺธํ โหติ. อภินนฺทตีติ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนาหิ อภินนฺทติ. ตถาภูโต จ วตฺถุปริฺาย อภาวโต เตสุ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ สํหีรติ ตณฺหาทิฏฺีหิ อากฑฺฒียติ. เอตฺถ จ ทฺวาทสายตนานํ ‘‘เอตํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๒๘๔) อาคตตฺตา ตตฺถ ปวตฺโต ฉนฺทราโค อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนารมฺมโณ, น ขณปจฺจุปฺปนฺนารมฺมโณติ วิฺายตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ สนฺธาย ภทฺเทกรตฺตสุตฺเต…เป… สํหีรตีติ วุตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนฺจ โย ธมฺมํ, ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๗๒, ๒๘๕) เอตฺถาปิ วิปสฺสนาจิตฺตํ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ, วิปสฺสิตพฺพธมฺมา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนาติ คเหตพฺพํ. อฺถา วิปสฺสนาว น สมฺภเวยฺย. ‘‘ขณปจฺจุปฺปนฺนํ ปาฬิยํ อาคต’’นฺติ น วุตฺตํ ตสฺส วเสน อารมฺมณกรณสฺส อฏฺกถายํ อนาคตตฺตา.

เกจีติ อภยคิริวาสิโน. เอกกฺขเณ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ อิทฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติสมกาลเมว ปรจิตฺตสฺสปิ อุปฺปตฺติสมฺภวโตติ ยุตฺติทสฺสนํ. ยถา อากาเสติอาทิ สทิสูทาหรณํ. ตํ ปน เตสํ วจนํ อยุตฺตํ. กสฺมา? มคฺคผลวีถิโต อฺตฺถ อนิฏฺเ าเน อาวชฺชนชวนานํ นานารมฺมณภาวปฺปตฺติโทสโตติ ยุตฺติวจนํ.

ยทิ เอวํ กถํ เจโตปริยาณํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหตีติ อาห ‘‘สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ ปนา’’ติอาทิ. อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ ปน ชวนวาเรน ทีเปตพฺพํ, น สกเลน ปจฺจุปฺปนฺนทฺธุนาติ อธิปฺปาโย.

ตตฺรายํ ทีปนาติอาทิ ชวนวารสฺส อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนภาวทีปนมุเขน อิทฺธิจิตฺตสฺส ปวตฺติอาการทีปนํ. อิตรานีติ อาวชฺชนปริกมฺมจิตฺตานิ. เอตฺถ จ ‘‘เกจี’’ติ ยทิปิ อภยคิริวาสิโน อธิปฺเปตา, เต ปน จิตฺตสฺส ิติกฺขณํ น อิจฺฉนฺตีติ ‘‘ิติกฺขเณ วา ปฏิวิชฺฌตี’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยา. ตถา เย ‘‘อิทฺธิมสฺส จ ปรสฺส จ เอกกฺขเณ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺติ, เตสํ ‘‘ิติกฺขเณ วา ภงฺคกฺขเณ วา ปฏิวิชฺฌตี’’ติ วจนํ น สเมติ. น หิ ตสฺมึ ขณทฺวเย อุปฺปชฺชมานํ ปรจิตฺเตน สห เอกกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นามาติ. ิติภงฺคกฺขเณสุ จ อุปฺปชฺชมานํ เอกเทสํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ, เอกเทสํ อตีตารมฺมณํ อาปชฺชติ. ยฺจ วุตฺตํ ‘‘ปรสฺส จิตฺตํ ชานิสฺสามีติ ราสิวเสน มหาชนสฺส จิตฺเต อาวชฺชิเต’’ติ, เอตฺถ จ มหาชโน อตฺถโต ปเร อเนกปุคฺคลาติ ‘‘ปเรสํ จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ อาวชฺชนปฺปวตฺติ วตฺตพฺพา สิยา. อถาปิ ปรสฺสาติ มหาชนสฺสาติ อตฺโถ สมฺภเวยฺย, ตถาปิ ตสฺส เอกปุคฺคลสฺเสว วา จิตฺตราสึ อาวชฺชิตฺวา เอกสฺส ปฏิวิชฺฌนํ อยุตฺตํ. น หิ ราสิอาวชฺชนํ เอกเทสาวชฺชนํ โหตีติ, ตสฺมา เตหิ ‘‘มหาชนสฺส จิตฺเต อาวชฺชิเต’’ติอาทิ น วตฺตพฺพํ.

ยํ ปน เต วทนฺติ ‘‘ยสฺมา อิทฺธิมสฺส จ ปรสฺส จ เอกกฺขเณ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ตตฺถายํ อธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา, เจโตปริยาณลาภี ปรสฺส จิตฺตํ าตุกาโม ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อตีตาทิวิภาคํ อกตฺวา จิตฺตสามฺเน ‘‘อิมสฺส จิตฺตํ ชานามิ, อิมสฺส จิตฺตํ ชานามี’’ติ ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย สามฺเเนว จิตฺตํ อาวชฺชิตฺวา ติณฺณํ, จตุนฺนํ วา ปริกมฺมานํ อนนฺตรา เจโตปริยาเณน ปรจิตฺตํ ปฏิวิชฺฌติ วิภาเวติ รูปํ วิย ทิพฺพจกฺขุนา. ตโต ปรํ ปน กามาวจรจิตฺเตหิ สราคาทิววตฺถานํ โหติ นีลาทิววตฺถานํ วิย. ตตฺถ ทิพฺพจกฺขุนา ทิฏฺหทยวตฺถุรูปสฺส สตฺตสฺส อภิมุขีภูตสฺส จิตฺตสามฺเน จิตฺตํ อาวชฺชยมานํ อาวชฺชนํ อภิมุขีภูตํ วิชฺชมานํ จิตฺตํ อารมฺมณํ กตฺวา จิตฺตํ อาวชฺเชติ. ปริกมฺมานิ จ ตํ ตํ วิชฺชมานํ จิตฺตํ จิตฺตสามฺเเนว อารมฺมณํ กตฺวา จิตฺตชานนปริกมฺมานิ หุตฺวา ปวตฺตนฺติ. เจโตปริยาณํ ปน วิชฺชมานํ จิตฺตํ ปฏิวิชฺฌนฺตํ วิภาเวนฺตํ เตน สห เอกกฺขเณ เอว อุปฺปชฺชติ.

ตตฺถ ยสฺมา สนฺตานสฺส สนฺตานคฺคหณโต เอกตฺตวเสน อาวชฺชนาทีนิ ‘‘จิตฺต’’นฺตฺเวว ปวตฺตานิ. ตฺจ จิตฺตเมว, ยํ เจโตปริยาเณน วิภาวิตํ. ตสฺมา สมานาการปฺปวตฺติโต น อนิฏฺเ มคฺคผลวีถิโต อฺสฺมึ าเน นานารมฺมณตา อาวชฺชนชวนานํ โหติ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณฺจ ปริกมฺมํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺส เจโตปริยาณสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโยติ สิทฺธํ โหติ. อตีตตฺติโก จ เอวํ อุปปนฺโน โหติ. อฺถา สนฺตติปจฺจุปฺปนฺเน, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺเน จ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ อิธ วุจฺจมาเน อตีตานาคตานฺจ ปจฺจุปฺปนฺนตา อาปชฺเชยฺย. ตถา จ สติ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺโน ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ ตํ วุตฺตํ. ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย. ปุริมา ปุริมา อตีตา ขนฺธา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ ปจฺจุปฺปนฺนานํ ขนฺธานํ อนนฺตร …เป… อนุโลมํ โคตฺรภุสฺสา’’ติอาทิ วจนโต (ปฏฺา. ๒.๑๘.๕) น อทฺธาสนฺตติปจฺจุปฺปนฺเนสฺเวว จ อนนฺตราตีตา จตฺตาโร ขนฺธา อตีตาติ วิฺายนฺติ. น จ อภิธมฺมมาติกายํ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๘-๑๙) อาคตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนปทสฺส อทฺธาสนฺตติปจฺจุปฺปนฺนปทตฺถตา กตฺถจิ ปาฬิยํ วุตฺตา. ตสฺมา เตหิ อิทฺธิมสฺส จ ปรสฺส จ เอกกฺขเณ จิตฺตุปฺปตฺติยา เจโตปริยาณสฺส ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา วุตฺตา. ยทา ปน ‘‘ยํ อิมสฺส จิตฺตํ ปวตฺตํ, ตํ ชานามิ. ยํ ภวิสฺสติ, ตํ ชานามี’’ติ วา อาโภคํ กตฺวา ปาทกชฺฌานสมาปชฺชนาทีนิ กโรติ, ตทา อาวชฺชนปริกมฺมานิ, เจโตปริยาณฺจ อตีตานาคตารมฺมณาเนว โหนฺติ อาวชฺชเนเนว วิภาคสฺส กตตฺตา.

เย ปน ‘‘อิทฺธิมา ปรสฺส จิตฺตํ ชานิตุกาโม อาวชฺเชติ, อาวชฺชนํ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ อารมฺมณํ กตฺวา เตเนว สห นิรุชฺฌติ. ตโต จตฺตาริ, ปฺจ วา ชวนานิ, เยสํ ปจฺฉิมํ อิทฺธิจิตฺตํ, เสสานิ กามาวจรานิ, เตสํ สพฺเพสมฺปิ ตเทว นิรุทฺธํ จิตฺตํ อารมฺมณํ โหติ, น จ ตานิ นานารมฺมณานิ โหนฺติ อทฺธานวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา’’ติ อิทํ วจนํ นิสฺสาย ‘‘อาวชฺชนชวนานํ ปจฺจุปฺปนฺนาตีตารมฺมณภาเวปิ นานารมฺมณตาภาโว วิย เอกทฺวิติจตุปฺจจิตฺตกฺขณานาคเตสุปิ จิตฺเตสุ อาวชฺชิเตสุ อาวชฺชนชวนานํ ยถาสมฺภวํ อนาคตปจฺจุปฺปนฺนาตีตารมฺมณภาเวปิ นานารมฺมณตา น สิยา. เตน จตุปฺจจิตฺตกฺขณานาคเต อาวชฺชิเต อนาคตารมฺมณปริกมฺมานนฺตรํ ขณปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ เจโตปริยาณํ สิทฺธ’’นฺติ วทนฺติ. เตสํ วาโท ‘‘อนาคตารมฺมโณ ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมโณ ธมฺโม อตีตารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อิเมสํ ปฺหานํ อนุทฺธฏตฺตา, คณนาย จ ‘‘อาเสวเน ตีณี’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๙.๓๙) วุตฺตตฺตา น สิชฺฌติ. น หิ กุสลกิริยามหคฺคตํ อนาเสวนํ อตฺถีติ. เอตสฺส จ วาทสฺส นิสฺสยภาโว อาวชฺชนชวนานํ ขณปจฺจุปฺปนฺนนิรุทฺธารมฺมณตาวจนสฺส น สิชฺฌติ, ‘‘ยํ ปวตฺตํ, ปวตฺติสฺสติ จา’’ติ วิเสสํ อกตฺวา คหเณ อาวชฺชนสฺส อนาคตคฺคหณาภาวํ, ตทภาวา ชวนานมฺปิ วตฺตมานคฺคหณาภาวฺจ สนฺธาเยว ตสฺส วุตฺตตฺตา. ตทา หิ ภวงฺคจลนานนฺตรํ อภิมุขีภูตเมว จิตฺตํ อารพฺภ อาวชฺชนา ปวตฺตตีติ ชานนจิตฺตสฺสปิ วตฺตมานารมฺมณภาเว อาวชฺชนชานนจิตฺตานํ สหฏฺานโทสาปตฺติยา, ราสิเอกเทสาวชฺชนปฏิเวเธ สมฺปตฺตสมฺปตฺตาวชฺชนชานเน จ อนิฏฺเ าเน อาวชฺชนชวนานํ นานารมฺมณภาวโทสาปตฺติยา จ ยํ วุตฺตํ ‘‘ขณปจฺจุปฺปนฺนํ จิตฺตํ เจโตปริยาณสฺส อารมฺมณํ โหตี’’ติ, ตํ อยุตฺตนฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ยถาวุตฺตโทสาปตฺตึ, กาลวเสน จ อทฺธาสนฺตติปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา นานารมฺมณตาภาวํ ทิสฺวา อาวชฺชนชวนานํ วตฺตมานตํ นิรุทฺธารมฺมณภาโว วุตฺโตติ. ตมฺปิ วจนํ ปุริมวาทิโน นานุชาเนยฺยุํ. ตสฺมึ หิ สติ ‘‘อาวชฺชนา กุสลาน’’นฺติอาทีสุ (ปฏฺา ๑.๑.๔๑๗) วิย อฺปทสงฺคหิตสฺส อนนฺตรปจฺจยวิธานโต ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณอาวชฺชนา อตีตารมฺมณานํ ขนฺธานํ อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ จ วตฺตพฺพํ สิยา, น จ วุตฺตนฺติ.

กสฺมา ปเนวํ เจโตปริยาณสฺส ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา วิจาริตา, นนุ ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส, อนาคโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๘.๒) เอเตสํ วิภงฺเคสุ ‘‘อตีตา ขนฺธา อิทฺธิวิธาณสฺส เจโตปริยาณสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ยถากมฺมูปคาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, อนาคตา ขนฺธา อิทฺธิวิธาณสฺส เจโตปริยาณสฺส อนาคตํสาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ, อุปฺปนฺนตฺติเก จ ‘‘อนุปฺปนฺนา ขนฺธา อุปฺปาทิโน ขนฺธา อิทฺธิวิธาณสฺส เจโตปริยาณสฺส อนาคตํสาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๗.๓) เจโตปริยาณคฺคหณํ กตฺวา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺโน ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๘.๓) เอตสฺส วิภงฺเค ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนา ขนฺธา อิทฺธิวิธาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๘.๓), อุปฺปนฺนตฺติเก จ ‘‘อุปฺปนฺนา ขนฺธา อิทฺธิวิธาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๗.๒) เอตฺตกสฺเสว วุตฺตตฺตา ปจฺจุปฺปนฺเน จิตฺเต เจโตปริยาณํ นปฺปวตฺตตีติ วิฺายติ. ยทิ หิ ปวตฺเตยฺย, ปุริเมสุ วิย อิตเรสุ จ เจโตปริยาณคฺคหณํ กตฺตพฺพํ สิยาติ? สจฺจํ กตฺตพฺพํ, นยทสฺสนวเสน ปน ตํ สํขิตฺตนฺติ อฺาย ปาฬิยา วิฺายติ.

‘‘อตีตารมฺมโณ ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, อนาคตารมฺมโณ ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺส, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมโณ ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺสา’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๙.๒๐-๒๒) เอเตสํ หิ วิภงฺเคสุ ‘‘เจโตปริยาเณน อตีตารมฺมณปจฺจุปฺปนฺนจิตฺตสมงฺคิสฺส จิตฺตํ ชานาติ, อตีตารมฺมณา ปจฺจุปฺปนฺนา ขนฺธา เจโตปริยาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, เจโตปริยาเณน อนาคตารมฺมณปจฺจุปฺปนฺนจิตฺตสมงฺคิสฺส จิตฺตํ ชานาติ, อนาคตารมฺมณา ปจฺจุปฺปนฺนา ขนฺธา เจโตปริยาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย, เจโตปริยาเณน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณปจฺจุปฺปนฺนจิตฺตสมงฺคิสฺส จิตฺตํ ชานาติ, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปจฺจุปฺปนฺนา ขนฺธา เจโตปริยาณสฺส อาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๙.๒๐-๒๒) เจโตปริยาณสฺส ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณ ปวตฺติ วุตฺตาติ. เตเนวายํ วิจารณา กตาติ เวทิตพฺพา.

๔๑๗. เตสนฺติ เตสุ ทฺวีสุ าเณสูติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. จิตฺตเมว อารมฺมณํ เจโตปริยาณตฺตาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อฺํ ขนฺธํ วา ขนฺธปฺปฏิพทฺธํ วา น ชานาตี’’ติ. ตตฺถ ขนฺธปฺปฏิพทฺธํ นามโคตฺตาทิ. ยทิ เอวํ กถํ มคฺคารมฺมณนฺติ อาห ‘‘มคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตารมฺมณตฺตา ปน ปริยายโต มคฺคารมฺมณนฺติ วุตฺต’’นฺติ. เจตนามตฺตเมว อารมฺมณํ, ตถา หิ ตํ ‘‘ยถากมฺมูปคาณ’’นฺติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย. ขนฺธปฺปฏิพทฺเธสูติ เอตฺถ นิพฺพานมฺปิ ขนฺธปฺปฏิพทฺธเมว. ขนฺเธหิ วิสยีกตตฺตาติ วทนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺสาลินิยํ ‘‘อตีเต พุทฺธา มคฺคํ ภาวยึสุ, ผลํ สจฺฉากํสุ, อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายึสูติ ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณวเสน มคฺคผลนิพฺพานปจฺจเวกฺขณโตปิ อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๔๒๑). ตตฺถ มคฺคผลปจฺจเวกฺขณานิ ตาว ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน มคฺคผเลสุ าเณสุ ปวตฺตนฺติ. นิพฺพานปจฺจเวกฺขณฺจ นิพฺพานารมฺมเณสุ อปฺปมาณธมฺเมสุ าเณสูติ มคฺคาทิปจฺจเวกฺขณานิ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส อปฺปมาณารมฺมณตํ สาเธนฺตีติ เวทิตพฺพานิ. ‘‘อปฺปมาณา ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’อิจฺเจว (ปฏฺา. ๙.๑๒.๕๘) หิ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ. ตสฺมา ปุพฺเพนิวาสาเณน เอว มคฺคผลปจฺจเวกฺขณกิจฺเจ วุจฺจมาเนปิ นิพฺพานปจฺจเวกฺขณตา น สกฺกา วตฺตุํ. อฏฺกถายํ ปน นิพฺพานารมฺมณตา นิทสฺสิตา.

กุสลา ขนฺธาติ อิทฺธิวิธปุพฺเพนิวาสานาคตํสาณาเปกฺโข พหุวจนนิทฺเทโส, น เจโตปริยยถากมฺมูปคาณาเปกฺขาติ เตสํ จตุกฺขนฺธารมฺมณภาวสฺส อสาธโกติ เจ? น, อฺตฺถ ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา ขนฺธา จ วิจาโร จ เจโตปริยาณสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส อนาคตํสาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๖.๗๒), ‘‘สวิตกฺกสวิจารา ขนฺธา จ วิตกฺโก จ เจโตปริยาณสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส อนาคตํสาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๖.๗๓) จ วุตฺตตฺตา เจโตปริยาณาเปกฺขาปิ พหุวจนนิทฺเทโสติ อิมสฺส อตฺถสฺส สิทฺธิโต. เอวมฺปิ ยถากมฺมูปคาณสฺส ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา ขนฺธา จ วิจาโร จา’’ติอาทีสุ อวุตฺตตฺตา จตุกฺขนฺธารมฺมณตา น สิชฺฌตีติ? น, ตตฺถ อวจนสฺส อฺการณตฺตา. ยถากมฺมูปคาเณน หิ กมฺมสํสฏฺา จตฺตาโร ขนฺธา กมฺมมุเขน คยฺหติ. ตฺหิ ยถา เจโตปริยาณํ ปุริมปริกมฺมวเสน อวิตกฺกาทิวิภาคํ, สราคาทิวิภาคฺจ จิตฺตํ วิภาเวติ, น เอวํ วิภาคํ วิภาเวติ. กมฺมวเสเนว ปน สมุทายํ วิภาเวติ, ตสฺมา ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา ขนฺธา จ วิจาโร จา’’ติอาทิเก วิภาคกรเณ ตํ น วุตฺตํ, น จตุกฺขนฺธานารมฺมณโตติ. อิทํ ปนสฺส อการณนฺติ เกจิ. ตตฺถาปิ ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ยถากมฺมูปคาณสฺส อนาคตํสาณสฺสา’’ติ ปนฺติ เอว. น หิ ตํ กุสลากุสลวิภาคํ วิย สวิตกฺกาทิวิภาคํ กมฺมํ วิภาเวตุํ อสมตฺถํ. ทุจฺจริตสุจริตวิภาวนมฺปิ หิ โลภาทิอโลภาทิสมฺปโยควิภาควิเสสวิภาวนํ โหตีติ.

‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ นามโคตฺตานุสฺสรณกาเล น วตฺตพฺพารมฺมณ’’นฺติ เอตฺตกเมว อฏฺกถายํ วุตฺตํ. นามโคตฺตํ ปน ขนฺธูปนิพนฺโธ สมฺมุติสิทฺโธ พฺยฺชนตฺโถ, น พฺยฺชนนฺติ. อยเมตฺถ อมฺหากํ ขนฺตีติ อาจริยสฺสายํ อตฺตโน มติ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘น พฺยฺชน’’นฺติ, ตสฺส สมตฺถนํ ‘‘พฺยฺชนฺหี’’ติอาทิ.

๔๑๙. กามาวจเร นิพฺพตฺติสฺสตีติ นิพฺพตฺติกฺขนฺธชานนมาห.

๔๒๐. เอตฺถาติ เอตสฺมึ อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติกวเสน อภิฺาาณานํ, อารมฺมณวิจาเร. ‘‘อชฺฌตฺตารมฺมณฺเจว พหิทฺธารมฺมณฺจา’’ติ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ยํ วุตฺตํ โปราณฏฺกถายํ, ตํ ‘‘กาเลน…เป… โหติเยวา’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตนฺติ อตฺโถ. น หิ อชฺฌตฺตพหิทฺธา นาม วิสุํ เอกํ อตฺถิ, นาปิ ตํ เอกชฺฌํ อารมฺมณํ กรียตีติ. ยทิ เอวํ ติโก เอว น ปูรติ ปททฺวยาสงฺคหิตสฺส ตติยสฺส อตฺถนฺตรสฺส อภาวโต, น, ปการเภทวิสยตฺตา ติกนิทฺเทสสฺส. ตถา หิ อฏฺกถายํ ‘‘เต เอว ติปฺปกาเรปิ ธมฺเม’’ติ วุตฺตํ. เต เอว อชฺฌตฺตาทิวเสน ติวิเธปิ ธมฺเมติ อตฺโถ. เอตฺถ หิ ‘‘เต เอว ธมฺเม’’ติ อวตฺวา ‘‘ติปฺปกาเร’’ติ วจนํ ปการเภทนิพนฺธนา อยํ ติกเทสนาติ ทสฺสนตฺถํ. ยถา หิ กุสลตฺติกาทีนํ เทสนา ยถารหํ ธมฺมานํ ชาติสมฺปโยคปฺปหานสิกฺขาภูมิอารมฺมณปฺปเภทนิยมกาลาทิเภทนิพนฺธนา, น เอวมยํ ชาติอาทิเภทนิพนฺธนา, นาปิ สนิทสฺสนตฺติกเหตุทุกาทิเทสนา วิย สภาวาทิเภทนิพนฺธนา, อถ โข ปการเภทนิพนฺธนา. ปฺเจว หิ ขนฺธา สสนฺตติปริยาปนฺนตํ อุปาทาย ‘‘อชฺฌตฺตา’’ติ วุตฺตา, ปรสนฺตติปริยาปนฺนตํ อุปาทาย ‘‘พหิทฺธา’’ติ, ตทุภยํ อุปาทาย ‘‘อชฺฌตฺตพหิทฺธา’’ติ. เตนาห ‘‘อนินฺทฺริยพทฺธรูปฺจ นิพฺพานฺจ เปตฺวา สพฺเพ ธมฺมา สิยา อชฺฌตฺตา, สิยา พหิทฺธา, สิยา อชฺฌตฺตพหิทฺธา’’ติ (ธ. ส. ๑๔๓๕). นนุ เจตฺถ อตฺถนฺตราภาวโต, ปการนฺตรสฺส จ อนามฏฺตฺตา ตติโย ราสิ นตฺถีติ? นยิทเมวํ. ยทิปิ หิ ปมปเทน อสงฺคหิตสงฺคณฺหนวเสน ทุติยปทสฺส ปวตฺตตฺตา สพฺเพปิ สภาวธมฺมา ปททฺวเยเนว ปริคฺคหิตา, เตหิ ปน วิสุํ วิสุํ คหิตธมฺเม เอกชฺฌํ คหณวเสน ตติยปทํ วุตฺตนฺติ อตฺเถว ตติโย ราสิ. น หิ สมุทาโย อวยโว โหติ, ภินฺนวตฺถุเก ปน ธมฺเม อธิฏฺานเภทํ อมุฺจิตฺวา เอกชฺฌํ คหณํ น สมฺภวตีติ กาเลน อชฺฌตฺตํ, กาเลน พหิทฺธา ชานนกาเลติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อภิฺานิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ เตรสมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๑๔. ขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา

ปฺากถาวณฺณนา

๔๒๑. สพฺพากาเรนาติ อุปจารากาโร, อปฺปนากาโร, วสีภาวากาโร, วิตกฺกาทิสมติกฺกมากาโร, รูปาทีหิ วิรชฺชนากาโร, จุทฺทสธา จิตฺตสฺส ปริทมนากาโร, ปฺจวิธอานิสํสาธิคมากาโรติ เอวมาทินา สพฺเพน ภาวนากาเรน.

ตทนนฺตราติ ‘‘จิตฺตํ ปฺ’’นฺติ เอวํ เทสนากฺกเมน, ปฏิปตฺติกฺกเมน จ ตสฺส สมาธิสฺส อนนฺตรา. ปฺา ภาเวตพฺพา สมาธิภาวนาย สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ เอวํ อติสงฺเขปเทสิตตฺตา, คาถาวณฺณนายํ วา ‘‘สมาธิสิลายํ สุนิสิตํ วิปสฺสนาปฺาสตฺถ’’นฺติ เอวํ อติวิย สงฺเขเปน ภาสิตตฺตา อยํ สา ปฺาติ สภาวโต วิฺาตุมฺปิ ตาว น สุกรา. ภาวนาวิธานสฺส ปน อทสฺสิตตฺตา ปเคว ภาเวตุํ น สุกราติ สมฺพนฺโธ. ปุจฺฉนฏฺเน ปฺหา, กมฺมํ กิริยา กรณํ, ปฺหาว กมฺมํ ปฺหากมฺมํ, ปุจฺฉนปโยโคติ อตฺโถ.

กา ปฺาติ สรูปปุจฺฉา. เกนฏฺเน ปฺาติ เกน อตฺเถน ปฺาติ วุจฺจติ, ‘‘ปฺา’’ติ ปทํ กํ อภิเธยฺยตฺถํ นิสฺสาย ปวตฺตนฺติ อตฺโถ. สา ปนายํ ปฺา สภาวโต, กิจฺจโต, อุปฏฺานาการโต, อาสนฺนการณโต จ กถํ ชานิตพฺพาติ อาห ‘‘กานสฺสา ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานี’’ติ. กติวิธาติ ปเภทปุจฺฉา. กสฺมา ปเนตฺถ สํกิเลสโวทานปุจฺฉา น คหิตาติ? วุจฺจเต – โลกุตฺตราย ตาว ปฺาย นตฺเถว สํกิเลโส. อสติ จ ตสฺมึ กุโต โวทานปุจฺฉาติ ตทุภยํ น คหิตํ. โลกิยาย ปน ตานิ ภาวนาวิธาเน เอว อนฺโตคธานีติ กตฺวา วิสุํ น คหิตานิ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิอนฺโตคธตฺตา, สมาธิภาวนายํ วา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพานีติ น คหิตานิ. ปฏิปตฺติ นาม ทิฏฺานิสํเส เอว โหตีติ อาห ‘‘ปฺาภาวนาย โก อานิสํโส’’ติ.

๔๒๒. ตตฺราติ ตสฺมึ, ตสฺส วา ปฺหากมฺมสฺส. วิสฺสชฺชนนฺติ วิวรณํ. ปุจฺฉิโต หิ อตฺโถ อวิภาวิตตฺตา นิคูฬฺโห มุฏฺิยํ กโต วิย ติฏฺติ, ตสฺส วิวรณํ วิสฺสชฺชนํ วิภูตภาวกรณโต. กา ปฺาติ กามฺจายํ สรูปปุจฺฉา, วิภาควนฺตานํ ปน สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนมุเขเนว โหตีติ วิภาโค ตาว อนวเสสโต ทสฺเสตพฺโพ. ตํทสฺสเนน จ อยมาทีนโวติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺา พหุวิธา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พหุวิธาติ กุสลาทิวเสน อเนกวิธา. นานปฺปการาติ อตฺถชาปิกาทิเภเทน, สุตมยาณาทิเภเทน จ นานาวิธา. ตํ สพฺพนฺติ ตํ อนวเสสํ ปฺาวิภาคํ. น สาเธยฺยาติ วิปสฺสนาภาวนาย สทฺธึ มคฺคภาวนา อิธ อธิปฺเปตตฺโถ. ตาย หิ ตณฺหาชฏาวิชฏนํ, ตฺจ น สาเธยฺย. อนวเสสโต หิ ปฺาปเภเท วิสฺสชฺชิยมาเน ‘‘เอกวิเธน าณวตฺถู’’ติอาทิโก (วิภ. ๗๕๑) สพฺโพ าณวตฺถุ วิภงฺเค, สุตฺตนฺเตสุ จ ตตฺถ ตตฺถ อาคโต ปฺาปเภโท. สกโลปิ วา อภิธมฺมนโย อาหริตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพ ภเวยฺย, ตถา จ สติ ยฺวายํ อิธ ปฺาภาวนาวิธิ อธิปฺเปโต, ตสฺส วิสฺสชฺชนาย โอกาโสว น ภเวยฺย. กิฺจ ยฺวายํ านาานกมฺมนฺตรวิปากนฺตราทิวิสเย ปฺาย ปวตฺติเภโท, โสปิ ยถารหํ สทฺธึ ผลาผลเภเทน วิภชิตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพ สิยา. โส จ ปน วิสฺสชฺชิยมาโน อฺทตฺถุ วิกฺเขปาย สํวตฺเตยฺย, ยถา ตํ อวิสเย. เตนาห ‘‘อุตฺตริ จ วิกฺเขปาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ. กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตํ วิปสฺสนาาณนฺติ เอตฺถ กุสล-คฺคหเณน ทุวิธมฺปิ อพฺยากตํ นิวตฺเตติ, ตถา ‘‘อตฺถิ สํกิลิฏฺปฺา’’ติ เอวํ ปวตฺตํ มิจฺฉาวาทํ ปฏิเสเธติ. วิปสฺสนาาณ-คฺคหเณน เสสกุสลปฺา.

๔๒๓. สฺชานนวิชานนาการวิสิฏฺนฺติ สฺชานนาการวิชานนากาเรหิ สาติสยํ. ยโต นานปฺปการโต ชานนํ ชานนภาโว วิสยคฺคหณากาโร. โส หิ เนสํ สมาโน, น สฺชานนาทิอากาโร. ปีตกนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน ‘‘โลหิตกํ โอทาตํ ทีฆํ รสฺส’’นฺติอาทิเก สฺาย คเหตพฺพากาเร สงฺคณฺหาติ. สฺชานนมตฺตเมวาติ เอตฺถ สฺชานนํ นาม ‘‘นีลํ ปีต’’นฺติอาทิกํ อารมฺมเณ วิชฺชมานํ วา อวิชฺชมานํ วา สฺานิมิตฺตํ กตฺวา ชานนํ. ตถา เหสา ปุน สฺชานนปจฺจยนิมิตฺตกรณรสา. มตฺต-สทฺเทน วิเสสนิวตฺติอตฺเถน วิชานนปชานนากาเร นิวตฺเตติ, เอว-สทฺเทน กทาจิปิ อิมิสฺสา เต วิเสสา นตฺเถวาติ อวธาเรติ. เตนาห ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ. ตตฺถ วิฺาณกิจฺจมฺปิ กาตุํ อสกฺโกนฺตี สฺา กุโต ปฺากิจฺจํ กเรยฺยาติ ‘‘ลกฺขณปฏิเวธํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ’’จฺเจว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘มคฺคปาตุภาว’’นฺติ. อารมฺมเณ ปวตฺตมานํ วิฺาณํ น ตตฺถ สฺา วิย นีลปีตาทิกสฺส สฺชานนวเสเนว ปวตฺตติ, อถ โข ตตฺถ อฺฺจ วิเสสํ ชานนฺตเมว ปวตฺตตีติ อาห ‘‘วิฺาณ’’นฺติอาทิ. กถํ ปน วิฺาณํ ลกฺขณปฏิเวธํ ปาเปตีติ? ปฺาย ทสฺสิตมคฺเคน. ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย หิ อเนกวารํ ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปวตฺตมานาย ปคุณภาวโต ปริจยวเสน าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ วิปสฺสนา สมฺภวติ, ยถา ตํ ปคุณสฺส คนฺถสฺส สชฺฌายเน ายาคตาปิ วารา น วิฺายนฺติ. ลกฺขณปฏิเวธนฺติ จ ลกฺขณานํ อารมฺมณกรณมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปฏิวิชฺฌนํ. อุสฺสกฺกิตฺวาติ อุทยพฺพยาณปฏิปาฏิยา อายูหิตฺวา. มคฺคปาตุภาวํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ อสมฺโพธสภาวตฺตา. วุตฺตนยวเสนาติ วิฺาเณ วุตฺตนยวเสน อารมฺมณฺจ ชานาติ, ลกฺขณปฏิเวธฺจ ปาเปติ. อตฺตโน ปน อนฺสาธารเณน อานุภาเวน อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปาตุภาวฺจ ปาเปติ.

อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย ปติฏฺาเปตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อชาตพุทฺธีติ อสฺชาตพฺยวหารพุทฺธิ. อุปโภคปริโภคนฺติ อุปโภคปริโภคารหํ, อุปโภคปริโภควตฺถูนํ ปฏิลาภโยคฺยนฺติ อตฺโถ. เฉโกติ มหาสาโร. กูโฏติ กหาปณปติรูปโก ตมฺพกํสาทิมโย. อทฺธสาโรติ อุปฑฺฒคฺฆนโก. อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน ปาทสาร สมสารปโรปาทสาราทีนํ สงฺคโห. เต ปกาเรติ อินฺทชาลาชาติปุปฺผาทิปฺปกาเร เจว เฉกาทิปฺปกาเร จ.

สฺา หีติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. สฺา วิภาคํ อกตฺวา ปิณฺฑวเสเนว อารมฺมณสฺส คหณโต ทารกสฺส กหาปณทสฺสนสทิสี วุตฺตา. ตถา หิ สา ‘‘ยถาอุปฏฺิตวิสยปทฏฺานา’’ วุจฺจติ. วิฺาณํ อารมฺมเณ เอกจฺจวิเสสคหณสมตฺถตาย คามิกปุริสสฺส กหาปณทสฺสนสทิสํ วุตฺตํ. ปฺา อารมฺมเณ อนวเสสวิเสสาวโพธโต เหรฺิกสฺส กหาปณทสฺสนสทิสี วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นานปฺปการโต ชานน’’นฺติ อิมินา เยฺยธมฺมา ปจฺเจกํ นานปฺปการาติ เตสํ ยาถาวโต อวโพโธ ปฺาติ ทสฺเสติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕).

ยตฺถาติ ยสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท. น ตตฺถ เอกํเสน โหตีติ ตสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท ปฺา เอกนฺเตน น โหติ. น หิ ทุเหตุกอเหตุกจิตฺตุปฺปาเทสุ ปฺา อุปฺปชฺชติ. อวินิพฺภุตฺตาติ อวิยุตฺตา. เตหีติ สฺาวิฺาเณหิ. ยถา หิ สุขํ ปีติยา น นิยมโต อวิยุตฺตํ, เอวํ สฺาวิฺาณานิ ปฺาย น นิยมโต อวิยุตฺตาติ. ยถา ปน ปีติ สุเขน นิยมโต อวิยุตฺตา, เอวํ ปฺา สฺาวิฺาเณหิ นิยมโต อวิยุตฺตา. ตสฺมา เอวํ อวินิพฺภุตฺเตสุ อิเมสุ ตีสุ ธมฺเมสุ เตสํ วินิพฺโภโค ทุกฺกโรติ ติณฺณํ ชนานํ กหาปณทสฺสนํ นิทสฺสิตนฺติ. เตสํ ทุวิฺเยฺยนานตฺตตํเยว วจนนฺตเรนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ รูปธมฺเมสุปิ ตาว นานานทีนํ อุทกสฺส, นานาเตลสฺส วา เอกสฺมึ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา มถิตสฺส ‘‘อิทํ อสุกาย นทิยา อุทกํ, อิทํ อสุกเตล’’นฺติ นิทฺธาเรตฺวา สรูปโต ทสฺสนํ ทุกฺกรํ, กิมงฺคํ ปน อรูปธมฺเมสูติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ อรูปีนํ จิตฺตเจตสิกาน’’นฺติอาทิมาห.

๔๒๔. ธมฺมานํ สโก ภาโว, สมาโน จ ภาโว ธมฺมสภาโว. ตตฺถ ปเมน กกฺขฬผุสนาทิสลกฺขณํ คหิตํ, ทุติเยน อนิจฺจทุกฺขตาทิสามฺลกฺขณํ. ตทุภยสฺส จ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌนลกฺขณา ปฺาติ อาห ‘‘ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขณา ปฺา’’ติ. ฆฏปฏาทิปฏิจฺฉาทกสฺส พาหิรนฺธการสฺส ทีปาโลกาทิ วิย ยถาวุตฺตธมฺมสภาวปฏิจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิทฺธํสนรสา. อุปฺปชฺชมาโน เอว หิ ปฺาโลโก หทยนฺธการํ วิธเมนฺโต เอวํ อุปฺปชฺชติ, ตโต เอว ธมฺมสภาเวสุ อสมฺมุยฺหนากาเรน ปจฺจุปติฏฺตีติ อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา. การณภูตา วา สยํ ผลภูตํ อสมฺโมหํ ปจฺจุปฏฺาเปตีติ เอวมฺปิ อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา. วิปสฺสนาปฺาย อิธ อธิปฺเปตตฺตา ‘‘สมาธิ ตสฺสา ปทฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตถา หิ ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ สุตฺตปทํ นิพนฺธนภาเวน อาคตํ (สํ. นิ. ๓.๕, ๙๙; สํ. นิ. ๕.๑๐๗๑; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๒.๑.๑๔).

ปฺาปเภทกถาวณฺณนา

๔๒๕. ธมฺมสภาวปฏิเวโธ นาม ปฺาย อาเวณิโก สภาโว, น เตนสฺสา โกจิ วิภาโค ลพฺภตีติ อาห ‘‘ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขเณน ตาว เอกวิธา’’ติ. ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก วุจฺจติ วฏฺฏํ, ตปฺปริยาปนฺนตาย โลเก นิยุตฺตา, ตตฺถ วา วิทิตาติ โลกิยา. ตตฺถ อปริยาปนฺนตาย โลกโต อุตฺตรา อุตฺติณฺณาติ โลกุตฺตรา. โลกุตฺตราปิ หิ มคฺคสมฺปยุตฺตา ภาเวตพฺพา. วิปสฺสนาปริยาโยปิ ตสฺสา ลพฺภเตวาติ โลกุตฺตร-คฺคหณํ น วิรุชฺฌติ. อตฺตานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺเตหิ สห อาสเวหีติ สาสวา, อารมฺมณกรณวเสนปิ นตฺถิ เอติสฺสา อาสวาติ อนาสวา. อาทิ-สทฺเทน อาสววิปฺปยุตฺตสาสวทุกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นามรูปววตฺถานวเสนาติ นามววตฺถานวเสน, รูปววตฺถานวเสน จ. ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ทสฺสนฺจ, นิสฺสยภาวโต สมฺปยุตฺตา ธมฺมา ภวนฺติ เอตฺถ, สยมฺปิ วา ภวติ อุปฺปชฺชติ น นิพฺพานํ วิย อปาตุภาวนฺติ ภูมิ จาติ ทสฺสนภูมิ, ปมมคฺโค. เสสมคฺคตฺตยํ ปน ยสฺมา ปมมคฺเคน ทิฏฺสฺมึเยว ธมฺเม ภาวนาวเสน อุปฺปชฺชติ, น อทิฏฺปุพฺพํ กิฺจิ ปสฺสติ, ตสฺมา ภาวนา จ ยถาวุตฺเตนตฺเถน ภูมิ จาติ ภาวนาภูมิ. ตตฺถ ปฺา ทสฺสนภูมิภาวนาภูมิวเสน ทุวิธาติ วุตฺตา. สุตาทินิรเปกฺขาย จินฺตาย นิพฺพตฺตา จินฺตามยา. เอวํ สุตมยา, ภาวนามยา จ. มยสทฺโท ปจฺเจกํ สมฺพนฺธิตพฺโพ. อาเย วฑฺฒิยํ โกสลฺลํ อายโกสลฺลํ, อปาเย อวฑฺฒิยํ โกสลฺลํ อปายโกสลฺลํ, อุปาเย ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส นิพฺพตฺติการเณ โกสลฺลํ อุปายโกสลฺลนฺติ วิสุํ วิสุํ โกสลฺลปทํ สมฺพนฺธิตพฺพํ. อชฺฌตฺตํ อภินิเวโส ปฏิปชฺชนํ เอติสฺสาติ อชฺฌตฺตาภินิเวสา. เอวํ พหิทฺธาภินิเวสา, อุภยาภินิเวสา จ เวทิตพฺพา.

๔๒๖. โลกิยมคฺคสมฺปยุตฺตาติ โลกิยกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ มคฺคสมฺปยุตฺตา, วิเสสโต ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทิวิสุทฺธิจตุกฺกสงฺคหิตมคฺคสมฺปยุตฺตา. สมุทาเยสุ ปวตฺตา สมฺา ตเทกเทเสสุปิ วตฺตตีติ อาห ‘‘มคฺคสมฺปยุตฺตา’’ติ, ปจฺเจกมฺปิ วา สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ มคฺคสมฺาติ กตฺวา เอวํ วุตฺตํ.

ธมฺมนานตฺตาภาเวปิ ปทตฺถนานตฺตมตฺเตน ทุกฺกรวจนํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต ปเนสา โลกิยโลกุตฺตราวา’’ติ. อาสววิปฺปยุตฺตสาสวทุกาทีสุปิ วิปฺปยุตฺตตาทิคฺคหณเมว วิเสโส, อตฺถโต โลกิยโลกุตฺตราว ปฺาติ อาห ‘‘เอเสว นโย’’ติ. อาทิ-สทฺเทน โอฆนียโอฆวิปฺปยุตฺตโอฆนียาทิทุกานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ปมชฺฌานิกานิ จตฺตาริ มคฺคจิตฺตานิ, ตถา ทุติยาทิชฺฌานิกานิ จาติ เอวํ โสฬสสุ มคฺคจิตฺเตสุ. วิปสฺสนาปฺาย อิธ อธิปฺเปตตฺตา มหคฺคตปฺา น คหิตา.

๔๒๗. อตฺตโน จินฺตาวเสนาติ ตสฺส ตสฺส อนวชฺชสฺส อตฺถสฺส สาธเน ปโรปเทเสน วินา อตฺตโน อุปายจินฺตาวเสเนว. สุตวเสนาติ ยถาสุตสฺส ปโรปเทสสฺส วเสน. ยถา ตถา วาติ ปรโต อุปเทสํ สุตฺวา วา อสุตฺวา วา สยเมว ภาวนํ อนุยุฺชนฺตสฺส. ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตา’’ติ อิทํ สิขาปฺปตฺตภาวนามยํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, น ปน ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตาว ภาวนามยา’’ติ.

โยควิหิเตสูติ ปฺาวิหิเตสุ ปฺาปริณามิเตสุ อุปายสมฺปาทิเตสุ. กมฺมายตเนสูติ เอตฺถ กมฺมเมว กมฺมายตนํ, กมฺมฺจ ตํ อายตนฺจ อาชีวานนฺติ วา กมฺมายตนํ. เอส นโย สิปฺปายตเนสุปิ. ตตฺถ ทุวิธํ กมฺมํ หีนฺจ วฑฺฒกีกมฺมาทิ, อุกฺกฏฺฺจ กสิวาณิชาทิ. สิปฺปมฺปิ ทุวิธํ หีนฺจ นฬการสิปฺปาทิ, อุกฺกฏฺฺจ มุทฺทาคณนาทิ. วิชฺชาว วิชฺชาฏฺานํ. ตํ ธมฺมิกเมว นาคมณฺฑลปริตฺตผุธมนกมนฺตสทิสํ เวทิตพฺพํ. ตานิ ปเนตานิ เอกจฺเจ ปณฺฑิตา โพธิสตฺตสทิสา มนุสฺสานํ ผาสุวิหารํ อากงฺขนฺตา เนว อฺเหิ กริยมานานิ ปสฺสนฺติ, น วา กตานิ อุคฺคณฺหนฺติ, น กเถนฺตานํ สุณนฺติ. อถ โข อตฺตโน ธมฺมตาย จินฺตาย กโรนฺติ, ปฺวนฺเตหิ อตฺตโน ธมฺมตาย จินฺตาย กตานิปิ อฺเหิ อุคฺคณฺหิตฺวา กโรนฺเตหิ กตสทิสาเนว โหนฺติ.

กมฺมสฺสกตนฺติ ‘‘อิทํ กมฺมํ สตฺตานํ สกํ, อิทํ โน สก’’นฺติ เอวํ ชานนาณํ. สจฺจานุโลมิกนฺติ วิปสฺสนาาณํ. ตํ หิ สจฺจปฏิเวธสฺส อนุโลมนโต ‘‘สจฺจานุโลมิก’’นฺติ วุจฺจติ. อิทานิสฺส ปวตฺตนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วา-สทฺเทน อนิยมตฺเถน ทุกฺขานตฺตลกฺขณานิปิ คหิตาเนวาติ ทฏฺพฺพํ นานนฺตริยกภาวโต. ยํ หิ อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตาติ. ยํ เอวรูปินฺติ ยํ เอวํ เหฏฺา นิทฺทิฏฺสภาวํ. อนุโลมิกํ ขนฺตินฺติอาทีนิ ปฺาเววจนานิ. สา หิ เหฏฺา วุตฺตานํ กมฺมายตนาทีนํ อปจฺจนีกทสฺสเนน อนุโลมนโต, ตถา สตฺตานํ หิตจริยาย มคฺคสจฺจสฺส, ปรมตฺถสจฺจสฺส, นิพฺพานสฺส จ อวิโลมนโต อนุโลเมตีติ อนุโลมิกา. สพฺพานิปิ เอตานิ การณานิ ขมติ ทฏฺุํ สกฺโกตีติ ขนฺติ. ปสฺสตีติ ทิฏฺิ. โรเจตีติ รุจิ. มุนาตีติ มุติ. เปกฺขตีติ เปกฺขา. เต จ กมฺมายตนาทโย ธมฺมา เอตาย นิชฺฌายมานา นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ ธมฺมนิชฺฌานขนฺติ. ปรโต อสุตฺวา ปฏิลภตีติ อฺสฺส อุปเทสวจนํ อสุตฺวา สยเมว จินฺเตนฺโต ปฏิลภติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ จินฺตามยา ปฺา นาม วุจฺจติ. สา ปเนสา อภิฺาตานํ โพธิสตฺตานเมว อุปฺปชฺชติ. ตตฺถาปิ สจฺจานุโลมิกาณํ ทฺวินฺนํเยว โพธิสตฺตานํ อนฺติมภวิกานํ, เสสปฺา สพฺเพสมฺปิ ปูริตปารมีนํ มหาปฺานํ อุปฺปชฺชติ. ปรโต สุตฺวา ปฏิลภตีติ กมฺมายตนาทีนิ ปเรน กริยมานานิ วา กตานิ วา ทิสฺวาปิ ปรสฺส กถยมานสฺส วจนํ สุตฺวาปิ อาจริยสนฺติเก อุคฺคเหตฺวาปิ ปฏิลทฺธา สพฺพา ปรโต สุตฺวาว ปฏิลทฺธา นามาติ เวทิตพฺพา. สมาปนฺนสฺสาติ สมาปตฺติสมงฺคิสฺส, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ. วิปสฺสนามคฺคปฺา อิธ ‘‘ภาวนามยา ปฺา’’ติ อธิปฺเปตา.

สาติ ‘‘ปริตฺตารมฺมณา มหคฺคตารมฺมณา’’ติ (วิภ. ๗๕๓) วุตฺตปฺา. โลกิยวิปสฺสนาติ โลกิยวิปสฺสนาปฺา. สา โลกุตฺตรวิปสฺสนาติ ยา นิพฺพานํ อารพฺภ ปวตฺตา อปฺปมาณารมฺมณา ปฺา วุตฺตา, สา โลกุตฺตรวิปสฺสนาติ มคฺคปฺํ สนฺธายาห. สา หิ สงฺขารานํ อนิจฺจตาทึ อคณฺหนฺตีปิ วิปสฺสนากิจฺจปาริปูริยา, นิพฺพานสฺส วา ตถลกฺขณํ วิเสสโต ปสฺสตีติ วิปสฺสนาติ วุจฺจติ. โคตฺรภุาณํ ปน กิฺจาปิ อปฺปมาณารมฺมณํ, มคฺคสฺส ปน อาวชฺชนฏฺานิยตฺตา น วิปสฺสนาโวหารํ ลภติ.

อยนฺติ เอตาย สมฺปตฺติโยติ อาโย, วุทฺธิ. ตตฺถ โกสลฺลนฺติ ตสฺมึ อนตฺถหานิอตฺถุปฺปตฺติลกฺขเณ อาเย โกสลฺลํ กุสลตา นิปุณตา.

ตํ ปน เอกนฺติกํ อายโกสลฺลํ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘อิเม ธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิทํ วุจฺจตีติ ยา อิเมสํ อกุสลธมฺมานํ อนุปฺปตฺติปหาเนสุ, กุสลธมฺมานฺจ อุปฺปตฺติฏฺิตีสุ ปฺา, อิทํ อายโกสลฺลํ นามาติ วุจฺจติ.

วุทฺธิลกฺขณา อายโต อเปตตฺตา อปาโย, อวุทฺธิ. ตตฺถ โกสลฺลนฺติ ตสฺมึ อตฺถหานิอนตฺถุปฺปตฺติลกฺขเณ อปาเย โกสลฺลํ กุสลตา อปายโกสลฺลํ. ตมฺปิ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘อิเม ธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิทํ วุจฺจตีติ ยา อิเมสํ กุสลธมฺมานํ อนุปฺปชฺชนนิรุชฺฌเนสุ, อกุสลธมฺมานํ วา อุปฺปตฺติฏฺิตีสุ ปฺา, อิทํ อปายโกสลฺลํ นามาติ วุจฺจติ. อายโกสลฺลํ ตาว ปฺา โหตุ, อปายโกสลฺลํ กถํ ปฺา นาม ชาตาติ? เอวํ มฺติ ‘‘อปายุปฺปาทนสมตฺถตา อปายโกสลฺลํ นาม สิยา’’ติ, ตํ ปน ตสฺส มติมตฺตํ. กสฺมา? ปฺวา เอว หิ ‘‘มยฺหํ เอวํ มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺนา กุสลา ธมฺมา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติ. อนุปฺปนฺนา อกุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา ปวฑฺฒนฺตี’’ติ ปชานาติ, โส เอวํ ตฺวา อนุปฺปนฺเน อกุสเล น อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺเน ปชหติ. อนุปฺปนฺเน กุสเล อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺเน ภาวนาปาริปูรึ ปาเปติ. เอวํ อปายโกสลฺลมฺปิ ปฺา เอวาติ.

สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ. เตสํ เตสํ ธมฺมานนฺติ สตฺตานํ ตํตํหิตสุขธมฺมานํ. ตงฺขณปฺปวตฺตนฺติ อจฺจายิเก กิจฺเจ วา ภเย วา อุปฺปนฺเน ตสฺส ติกิจฺฉนตฺถํ ตสฺมึเยว ขเณ ปวตฺตํ. าเนน อุปฺปตฺติ เอตสฺส อตฺถีติ านุปฺปตฺติกํ, านโส เอว อุปฺปชฺชนกํ. ตตฺรุปายาติ ตตฺร ตตฺร กรณีเย อุปายภูตา.

คเหตฺวาติ ‘‘อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา ปริคฺคณฺหนวเสน คเหตฺวา. อุภยํ คเหตฺวาติ ‘‘อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา’’ติ อุภยํ อนุปุพฺพโต ปริคฺคเหตฺวา. อถ วา ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว สพฺเพปิ ปฺจกฺขนฺเธ อวิภาเคน ปริคฺคเหตฺวา. อยํ ปน ติกฺขวิปสฺสกสฺส มหาปุฺสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนาภินิเวโส.

๔๒๘. ทุกฺขสจฺจํ อารพฺภาติ ทุกฺขสจฺจํ อารมฺมณํ กตฺวา, ตปฺปฏิจฺฉาทกสมฺโมหวิธํสนวเสน จ ปวตฺตํ าณํ ทุกฺเข าณํ. ทุกฺขสมุทยํ อารพฺภาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตถา เสสปททฺวเยปิ. ปจฺจเวกฺขณาณํ หิ จตุสจฺจํ อารพฺภ ปวตฺตาณํ นาม, ตติยํ ปน มคฺคาณํ, อิตรสจฺจานิ วิปสฺสนาาณนฺติ ปากฏเมว.

‘‘อตฺถาทีสุ ปเภทคตานิ าณานี’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ ปาฬิวเสเนว วิวริตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทาติ ยํ อตฺถปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ, อยํ อตฺถปฏิสมฺภิทา นาม. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ธมฺมปฺปเภทสฺส หิ สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฏิภาเน ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปฏิภานปฺปเภทา ตพฺพิสยานํ อตฺถาทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนตาทิเภเทหิ ภินฺทิตฺวา เวทิตพฺพา.

นิพฺพานมฺปิ สมฺปาปกเหตุอนุสาเรน อรียติ, อธิคมฺมตีติ อตฺโถ. ‘‘ยํ กิฺจิ ปจฺจยสมฺภูต’’นฺติ เอเตน สจฺจเหตุธมฺมปจฺจยาการวาเรสุ อาคตานิ ทุกฺขาทีนิ คหิตานิ. สจฺจปจฺจยาการวาเรสุ นิพฺพานํ, ปริยตฺติวาเร ภาสิตตฺโถ, อภิธมฺมภาชนีเย วิปาโก, กิริยา จาติ เอวํ ปาฬิยํ วุตฺตานํ เอว วเสน ปฺจ อตฺถา เวทิตพฺพา. ทหตีติ วิทหติ, นิพฺพตฺตกเหตุอาทีนํ สาธารณเมตํ นิพฺพจนํ. ตทตฺถํ ปน วิภาเวตุํ ‘‘ปวตฺเตติ วา สมฺปาปุณิตุํ วา เทตี’’ติ วุตฺตํ. เตสุ ปุริโม อตฺโถ มคฺควชฺเชสุ ทฏฺพฺโพ. ภาสิตมฺปิ หิ อวโพธนวเสน อตฺถํ ปวตฺเตติ, มคฺโค ปน นิพฺพานํ ปาเปตีติ ตสฺมึ ปจฺฉิโม อตฺโถ. นิพฺพานํ หิ ปตฺตพฺโพ อตฺโถ, ภาสิตตฺโถ าเปตพฺโพ อตฺโถ, อิตโร นิพฺพตฺเตตพฺโพ อตฺโถติ เอวํ ติวิโธ โหติ.

‘‘โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตู’’ติ เอเตน สจฺจเหตุธมฺมปจฺจยาการวาเรสุ อาคตานิ สมุทยาทีนิ คหิตานิ, สจฺจปจฺจยาการวาเรสุ มคฺโค, ปริยตฺติวาเร ภาสิตํ, อภิธมฺมภาชนีเย กุสลากุสลนฺติ เอวํ ปาฬิยํ วุตฺตานํ เอว วเสน ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา. ตตฺถ มคฺโค สมฺปาปโก, ภาสิตํ าปโก, อิตรํ นิพฺพตฺตโกติ เอวํ ติวิโธ เหตุ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ กิริยานํ อวิปากตาย ธมฺมภาโว น วุตฺโต. ยทิ เอวํ วิปากา น โหนฺตีติ อตฺถภาโวปิ น วตฺตพฺโพ? น, ปจฺจยุปฺปนฺนภาวโต. เอวํ สติ กุสลากุสลานมฺปิ อตฺถภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นายํ โทโส อปฺปฏิสิทฺธตฺตา. วิปากสฺส ปน ปธานเหตุตาย ปากฏภาวโต ธมฺมภาโว เอว เตสํ วุตฺโต. กิริยานํ ปจฺจยภาวโต ธมฺมภาโว อาปชฺชตีติ เจ? นายํ โทโส อปฺปฏิสิทฺธตฺตา. กมฺมผลสมฺพนฺธสฺส ปน เหตุภาวสฺสาภาวโต ธมฺมภาโว น วุตฺโต. อปิจ ‘‘อยํ อิมสฺส ปจฺจโย, อยํ ปจฺจยุปฺปนฺโน’’ติ เอตํ เภทมกตฺวา เกวลํ กุสลากุสเล, วิปากกิริยาธมฺเม จ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ธมฺมตฺถปฏิสมฺภิทา โหนฺตีติ เตสํ อตฺถธมฺมตา น วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.

อยเมว หิ อตฺโถติ ยฺวายํ อตฺถธมฺมานํ ปฺจธา วิภชนวเสน อตฺโถ วุตฺโต, อยเมว อภิธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺสิโตติ สมฺพนฺโธ.

‘‘ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป’’ติ เอตฺถ ธมฺม-สทฺโท สภาววาจโกติ กตฺวา อาห ‘‘สภาวนิรุตฺตี’’ติ, อวิปรีตนิรุตฺตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อพฺยภิจารี โวหาโร’’ติ, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส โพธเน ปฏินิยตสมฺพนฺโธ สทฺทโวหาโรติ อตฺโถ. ตทภิลาเปติ ตสฺส สภาวนิรุตฺติสฺิตสฺส อพฺยภิจาริโวหารสฺส อภิลาปเน. สา ปนายํ สภาวนิรุตฺติ มาคธภาสา. อตฺถโต นามปฺตฺตีติ อาจริยา. อปเร ปน ยทิ สภาวนิรุตฺติ ปฺตฺติสภาวา, เอวํ สติ ปฺตฺติ อภิลปิตพฺพา, น วจนนฺติ อาปชฺชติ. น จ วจนโต อฺํ อภิลปิตพฺพํ อุจฺจาเรตพฺพํ อตฺถิ. อถ ผสฺสาทิวจเนหิ โพเธตพฺพํ อภิลปิตพฺพํ, เอวฺจ สติ อตฺถธมฺมานมฺปิ โพเธตพฺพตฺตา เตสมฺปิ นิรุตฺติภาโว อาปชฺชติ. ผสฺโสติ จ สภาวนิรุตฺติ, ผสฺสํ ผสฺสาติ น สภาวนิรุตฺตีติ ทสฺสิโตวายมตฺโถ. น จ อวจนํ เอวํปการํ อตฺถิ. ตสฺมา วจนภูตาย เอว ตสฺสา สภาวนิรุตฺติยา อภิลาเป อุจฺจารเณติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

ตํ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, ‘‘เอวมยํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา สทฺทารมฺมณา นาม ชาตา, น ปฺตฺติอารมฺมณา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา นิรุตฺติสทฺทารมฺมณาย โสตวิฺาณวีถิยา ปรโต มโนทฺวาเร นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปวตฺตตีติ วทนฺติ. ‘‘นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา’’ติ (วิภ. ๗๔๙) จ วจนสทฺทํ คเหตฺวา ปจฺฉา ชานนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ. เอวํ ปน อฺสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณ อฺํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ วุตฺตนฺติ อาปชฺชติ. ยถา ปน ทิพฺพโสตาณํ มนุสฺสาทิสทฺทเภทนิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ ตํตํสทฺทวิภาวกํ, เอวํ สภาวาสภาวนิรุตฺตินิจฺฉยสฺส ปจฺจยภูตํ ปจฺจุปฺปนฺนสภาวนิรุตฺติสทฺทารมฺมณํ ตํวิภาวกํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาติ วุจฺจมาเน น โกจิ ปาฬิวิโรโธ. ‘‘ตํ สภาวนิรุตฺติสทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสา’’ติ จ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนสทฺทารมฺมณํ ปจฺจเวกฺขณํ ปวตฺเตนฺตสฺสา’’ติ น นสกฺกา วตฺตุํ. ตฺหิ าณํ สภาวนิรุตฺตึ วิภาเวนฺตเมว ตํตํสทฺทปจฺจเวกฺขณานนฺตรํ ตํตํปเภทนิจฺฉยเหตุภาวโต นิรุตฺตึ ภินฺทนฺตํ ปฏิวิชฺฌนฺตเมว อุปฺปชฺชตีติ ปเภทคตมฺปิ โหตีติ.

สพฺพตฺถ าณนฺติ สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ, สพฺพมฺปิ าณนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘าณารมฺมณํ าณ’’นฺติ. สพฺพตฺถาติ วา สพฺเพสุ อตฺถาทีสุ, ตีสุ, จตูสุปิ วา ปวตฺตตฺตา, กุสลกิริยาภูตาย ปฏิภานปฏิสมฺภิทาย ธมฺมตฺถภาวโต ตีสุ เอว วา ปวตฺตตฺตา ‘‘สพฺพตฺถ าณ’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ยถาวุตฺเตสุ วา’’ติอาทิ. ตตฺถ สโคจรกิจฺจาทิวเสนาติ สโคจรสฺส, กิจฺจาทิกสฺส จ วเสน ‘‘อิทํ าณํ อิทํ นาม อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตํ อิมินา นาม กิจฺเจนา’’ติ ชานนํ. อาทิ-สทฺเทน ลกฺขณปจฺจุปฏฺานปทฏฺานภูมิอาทีนํ สงฺคโห. เตเนวาห ‘‘อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติอาทิ.

๔๒๙. ปเภทํ คจฺฉนฺตีติ อเนกเภทภินฺเนสุ อารมฺมเณสุ เตสํ ยาถาวโต ตํตํปเภทาวโพธนสมตฺถตํ อุปคจฺฉนฺติ.

มหาสาวกานฺจ อเสกฺขภูมิยํ ปเภทํ คตาติ สามฺวิธินา ทสฺสิตมตฺถํ อปวาเทน นิวตฺเตตุํ อานนฺทตฺเถร-คฺคหณํ กตํ.

เอตา ปฏิสมฺภิทา. เสกฺขภูมิยํ ปเภทคมนํ อปฺปวิสยํ, อเสกฺขภูมิยํ พหุวิสยนฺติ อาห ‘‘อธิคโม นาม อรหตฺตปฺปตฺตี’’ติ, สาติสยํ วา อธิคมํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. เสกฺเขน ปตฺตานมฺปิ หิ อิมาสํ อรหตฺตปฺปตฺติยา วิสทภาวาธิคโมติ. ปุพฺพโยโค วิย ปน อรหตฺตปฺปตฺติ อรหโตปิ ปฏิสมฺภิทาวิสทตาย ปจฺจโย น น โหตีติ ปฺจนฺนมฺปิ ยถาโยคํ เสกฺขาเสกฺขปฏิสมฺภิทาวิสทตาย การณตา โยเชตพฺพา. อตฺถธมฺมาทีนํ อนวเสสสงฺคณฺหนโต พุทฺธวจนวิสยา เอว ปริยตฺติอาทโย ทสฺสิตา. ปาฬิยา สชฺฌาโย ปริยาปุณนํ, ตทตฺถสวนํ สวนํ, ปริโต สพฺพโส าตุํ อิจฺฉา ปริปุจฺฉาติ อาห ‘‘ปาฬิอฏฺกถาทีสุ คณฺิปทอตฺถปทวินิจฺฉยกถา’’ติ, ปทตฺถโต, อธิปฺปายโต จ ทุวิฺเยฺยฏฺานํ วิตฺถารโต สนฺนิฏฺานกถาติ อตฺโถ. ยสฺส หิ ปทสฺส อตฺโถ ทุวิฺเยฺโย, ตํ คณฺิปทํ, ยสฺส อธิปฺปาโย ทุวิฺเยฺโย, ตํ อตฺถปทํ. อาทิ-สทฺเทน ขนฺธาทิปฏิสํยุตฺเต กถามคฺเค สงฺคณฺหาติ. ภาวนานุโยคสหิตํ คตํ, ปจฺจาคตฺจ เอตสฺส อตฺถีติ คตปจฺจาคติโก, ตสฺส ภาโว, เตน คตปจฺจาคติกภาเวน. วสนฏฺานโต ยาว โคจรคาโม, ตโต จ ยาว วสนฏฺานํ กมฺมฏฺานานุยุตฺโตติ อตฺโถ. ยาว อนุโลมโคตฺรภุสมีปนฺติ สงฺขารุเปกฺขาาณมาห. ตฺหิ เตสํ สมีปปฺปวตฺตํ.

สตฺเถสูติ อนวชฺเชสุ สตฺตานํ หิตสุขาวเหสุ คนฺเถสุ. ตถา สิปฺปายตเนสูติ เอตฺถาปิ. ปุพฺพกาเล เอกสตราชูนํ เทสภาสา เอกสตโวหารา. ธมฺมปเท (ธ. ป. ๑ อาทโย) ยมกวคฺโค โอปมฺมวคฺโคติ วทนฺติ, มูลปณฺณาเส (ม. นิ. ๑.๓๒๕ อาทโย; ๔๓๙ อาทโย) ยมกวคฺโค โอปมฺมวคฺโค เอวาติ อปเร. สุตปฏิภานพหุลานนฺติ พหุสฺสุตานํ ปฏิภานวนฺตานํ.

สพฺพานีติ ปุพฺเพ วุตฺตานิ ปฺจ, ปจฺฉา วุตฺตานิ อฏฺปิ วา. เสกฺขผลวิโมกฺขปริโยสาเน ภวา เสกฺขผลวิโมกฺขนฺติกา. านาานาณพลาทีนิ สพฺพพุทฺธคุเณสุ สกิจฺจโต ปากฏตรานีติ วุตฺตํ ‘‘ทส พลานิ วิยา’’ติ, อฺเ วา สพฺพฺุตฺาณาทโยปิ สพฺเพ ภควโต คุณวิเสสา อเสกฺขผลวิโมกฺขนฺติกา เอว.

ปฺาภูมิ-มูล-สรีรววตฺถานวณฺณนา

๔๓๐. อิมาย ปฺายาติ วิปสฺสนาปฺาย. ภูมิ สลฺลกฺขณาทิคฺคหณวเสน ปวตฺติฏฺานภาวโต. อาทิ-สทฺเทน อาหาราทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. กสฺมา ปเนเต เอวํ พหุธมฺมา ภูมิภาเวน คยฺหนฺติ, นนุ ขนฺธาทีสุ เอเกนาปิ อตฺถสิทฺธิ โหตีติ? น, ติวิธสตฺตานุคฺคหตฺถํ ขนฺธาทิตฺตยคฺคหณํ กตฺตพฺพํ, อฺถา สพฺพสาธารโณ อนุคฺคโห น กโต สิยา. ติวิธา หิ สตฺตา รูปสมฺมูฬฺหา อรูปสมฺมูฬฺหา อุภยสมฺมูฬฺหาติ. เตสุ เย อรูปสมฺมูฬฺหา, ตทตฺถํ ขนฺธานํ คหณํ อรูปธมฺมานํ จตุธา วิภตฺตตฺตา. เย รูปสมฺมูฬฺหา, ตทตฺถํ อายตนานํ รูปธมฺมานํ อทฺเธกาทสธา วิภตฺตตฺตา. เย ปน อุภยสมฺมูฬฺหา, ตทตฺถํ ธาตูนํ อุภเยสมฺปิ วิภตฺตตฺตา. ตถา อินฺทฺริยเภเทน ติกฺขินฺทฺริยา มชฺฌิมินฺทฺริยา มุทินฺทฺริยา, สํขิตฺตรุจี มชฺฌิมรุจี วิตฺถารรุจีติ จ ติวิธา สตฺตา, เตสมฺปิ อตฺถาย ยถากฺกมํ ขนฺธาทิคฺคหณํ กตนฺติ โยเชตพฺพํ. อินฺทฺริยคฺคหณํ ปน กามํ เอเต ธมฺมา อิสฺสรา วิย สหชาตธมฺเมสุ อิสฺสริยํ อาธิปจฺจํ ปวตฺเตนฺติ, ตํ ปน เนสํ ธมฺมสภาวสิทฺธํ, น เอตฺถ กสฺสจิ วสีภาโว ‘‘สุฺา เอเต อวสวตฺติโน’’ติ อนตฺตลกฺขณสฺส สุขคฺคหณตฺถํ. ตํ ปเนตํ จตุพฺพิธมฺปิ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุวเสน ทิฏฺเมว อุปการาวหํ, น อฺถาติ สจฺจาทิทฺวยํ คหิตํ. อาทิ-สทฺเทน คหิตธมฺเมสุปิ อยํ นโย เนตพฺโพ. มูลํ ปติฏฺาภาวโต. สติ หิ สีลวิสุทฺธิยํ, จิตฺตวิสุทฺธิยฺจ อยํ ปฺา มูลชาตา โหติ, นาสตีติ. สรีรํ ปริพฺรูเหตพฺพโต. อิมิสฺสา หิ ปฺาย สนฺตานวเสน ปวตฺตมานาย ปาทปาณิสีสฏฺานิยา ทิฏฺิวิสุทฺธิอาทิกา อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย อวยเวน สมุทายูปลกฺขณนเยน ‘‘สรีร’’นฺติ เวทิตพฺพา.

๔๓๑. ปฺจ ขนฺธาติ เอตฺถ ปฺจาติ คณนปริจฺเฉโท, เตน น ตโต เหฏฺา, น อุทฺธนฺติ ทสฺเสติ. ขนฺธาติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ. ยสฺมา เจตฺถ ขนฺธ-สทฺโท ราสฏฺโ ‘‘มหาอุทกกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕๑; ๖.๓๗) วิย, ตสฺมา อตีตาทิวิภาคภินฺนํ สพฺพํ รูปํ ราสิวเสน พุทฺธิยา เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘รูปเมว ขนฺโธ รูปกฺขนฺโธ’’ติ สมานาธิกรณสมาโส ทฏฺพฺโพ. ‘‘ตีหิ ขนฺเธหิ อิณํ ทสฺสามา’’ติอาทีสุ วิย โกฏฺาสฏฺเ ปน ขนฺธ-สทฺเท นิพฺพานสฺสาปิ ขนฺธนฺตรภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ อตีตาทิวิภาคาภาวโต. น หิ เอกสฺส นิจฺจสฺส สโต นิพฺพานสฺส อตีตาทิวิภาโค อตฺถีติ. ปเมนตฺเถน รูปราสีติ อตฺโถ, ทุติเยน รูปโกฏฺาโสติ. เวทนากฺขนฺโธติอาทีสุปิ เอเสว นโย. กสฺมา ปเนเต ขนฺธา ปฺเจว วุตฺตา อิมินา เอว จ กเมนาติ? ภาชนโภชนพฺยฺชนภตฺตการกภุฺชกวิกปฺปทสฺสนโต, ยโถฬาริกยถาสํกิเลสูปเทสโต จาติ เวทิตพฺพํ. วิวาทมูลเหตุภาวํ สํสารเหตุตํ, กมฺมเหตุตฺจ จินฺเตตฺวา เวทนาสฺา สงฺขารกฺขนฺธโต นีหริตฺวา วิสุํ ขนฺธภาเวน เทสิตา.

รูปกฺขนฺธกถาวณฺณนา

๔๓๒. ตตฺถาติ เตสุ ปฺจสุ ขนฺเธสุ. ยํ กิฺจีติ อนวเสสปริยาทานํ. รุปฺปนลกฺขณนฺติ อติปฺปสงฺคนิยมนํ. ยํ-สทฺเทน หิ สนิปาเตน กึ-สทฺเทน จ คหิเตน อนิยมตฺถตาย อติปฺปสงฺเค อาปนฺเน ตํ รุปฺปนสทฺโท นิวตฺเตติ, เตน รูปสฺส อนวเสสปริคฺคโห กโต โหติ. สีตาทีหีติ สีตุณฺหชิฆจฺฉาปิปาสาทีหิ. เหตุอตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. รุปฺปนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ รุปฺปนลกฺขณํ. ธมฺโม เอว ธมฺมชาตํ. รุปฺปนฺเจตฺถ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ. นนุ จ อรูปธมฺมานมฺปิ วิโรธิปจฺจยสมาคเม วิสทิสุปฺปตฺติ ลพฺภตีติ? สจฺจํ ลพฺภติ, น ปน วิภูตตรํ. วิภูตตรํ เหตฺถ รุปฺปนํ อธิปฺเปตํ สีตาทิคฺคหณโต. ยทิ เอวํ, กถํ พฺรหฺมโลเก รูปสมฺา? ตตฺถาปิ ตํสภาวานติวตฺตนโต โหติเยว รูปสมฺา, อนุคฺคาหกปจฺจยวเสน วา. วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต โย อตฺตโน สนฺตาเน ภินฺเน ภิชฺชมานสฺเสว วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว, ตํ รุปฺปนนฺติ อฺเ. อิมสฺมึ ปกฺเข รูปยติ วิการํ อาปาเทตีติ รูปํ, ปุริมปกฺเข ปน รุปฺปตีติ. สงฺฆฏฺฏเนน วิการาปตฺติยํ รุปฺปนสทฺโท นิรุฬฺโหติ เกจิ. อิมสฺมึ ปกฺเข อรูปธมฺเมสุ รูปสมฺาย ปสงฺโค เอว นตฺถิ สงฺฆฏฺฏนาภาวโต. ปฏิฆาโต รุปฺปนนฺติ อปเร. สพฺพํ ตํ เอกโต กตฺวาติ ราสฏฺํ หทเย เปตฺวา วทติ.

ภูโตปาทายเภทโตติ เอตฺถ ตทธีนวุตฺติตาย ภวติ เอตฺถ อุปาทายรูปนฺติ ภูตํ. ภูตานิ อุปาทิยเตว, น ปน สยํ เตหิ, อฺเหิ วา อุปาทียตีติ อุปาทายํ.

กามํ จตุธาตุววตฺถาเน วจนตฺถาทิโตปิ ภูตานิ วิภาวิตาเนว, สภาวธมฺมานํ ปน ลกฺขณาทิวิภาวนาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานานิ จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานี’’ติ. ตตฺถ ปทฏฺานสฺส อวุตฺตตฺตา อาห ‘‘ปทฏฺานโต ปนา’’ติอาทิ. อวจนฺจ ตสฺส ตสฺสตฺถสฺส ปจฺจยโตติ เอตฺถ ปการนฺตเรน วิภาวิตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. สพฺพาปีติ จตสฺโสปิ ธาตุโย. อาโปสงฺคหิตาย เตโชนุปาลิตาย วาโยวิตฺถมฺภิตาย เอว ปถวีธาตุยา ปวตฺติ, น อฺถาติ สา เสสภูตตฺตยปทฏฺานา, เอวมิตราปีติ อาห ‘‘อวเสสธาตุตฺตยปทฏฺานา’’ติ.

จตุวีสติวิธนฺติ คณนปริจฺเฉโท พลรูปาทีนํ ปฏิเสธนตฺโถ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. จกฺขตีติ จกฺขุ, วิฺาณาธิฏฺิตํ รูปํ อสฺสาเทนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. จกฺขตีติ หิ อยํ จกฺขติ-สทฺโท ‘‘มธุํ จกฺขติ, พฺยฺชนํ จกฺขตี’’ติอาทีสุ วิย อสฺสาทนตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘จกฺขุํ โข, มาคณฺฑิย, รูปารามํ รูปรตํ รูปสมุทิต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๐๙). อฏฺกถายมฺปิ วุจฺจติ ‘‘รูเปสุ อาวิฺฉนรส’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๓๓; ธ. ส. อฏฺ. ๖๐๐). สติปิ โสตาทีนํ สทฺทารมฺมณาทิภาเว นิรุฬฺหตฺตา ทสฺสเน เอว จกฺขุ-สทฺโท ปวตฺตติ ปทุมาทีสุ ปงฺกชาทิสทฺทา วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา จกฺขตีติ วิฺาณาธิฏฺิตํ สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย อภิพฺยตฺตํ วทนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘วิภาเวติ จา’’ติ (มหานิ. อฏฺ. ๑๓; วิภ. อฏฺ. ๑๕๔) วุตฺตํ. ตํ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ วิภาวนตฺถตาปิ จกฺขติ-สทฺทสฺส สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ. สุณาติ เอเตน, วิฺาณาธิฏฺิตํ สยํ วา สุณาตีติ โสตํ. ฆายติ เอเตน, สยํ วา ฆายตีติ ฆานํ. รสคฺคหณมูลกตฺตา อชฺโฌหรณสฺส ชีวิตนิมิตฺตํ อาหารรโส ชีวิตํ, ตสฺมึ นินฺนตาย ตํ อวฺหายตีติ ชิวฺหา นิรุตฺตินเยน. กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโย อุปฺปตฺติฏฺานนฺติ กาโย อนุตฺตริยเหตุภาวํ อนาคจฺฉนฺเตสุ กามราคนิทานกมฺมชนิเตสุ, กามราคสฺส จ วิเสสปจฺจเยสุ ฆานชิวฺหากาเยสุ กายสฺส วิเสสโต สาสวปจฺจยตฺตา. เตน หิ โผฏฺพฺพสุขํ อสฺสาเทนฺตา สตฺตา เมถุนมฺปิ เสวนฺติ. กายินฺทฺริยวตฺถุกา วา จตฺตาโร ขนฺธา พลวกามาสวาทิเหตุภาวโต วิเสเสน สาสวาติ กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโยติ กาโย วุตฺโต. วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ รูปยตีติ รูปํ, รูปมิว ปกาสํ กโรติ สวิคฺคหมิว ทสฺเสตีติ อตฺโถ. อเนกตฺถตฺตา วา ธาตูนํ ปกาสนตฺโถ เอว รูปสทฺโท ทฏฺพฺโพ. สปฺปตีติ สทฺโท, อุทาหรียติ, สเกหิ วา ปจฺจเยหิ สปฺปียติ โสตวิฺเยฺยภาวํ อุปนียตีติ อตฺโถ. คนฺธยตีติ คนฺโธ, อตฺตโน วตฺถุํ สูจยติ อปากฏํ ‘‘อิทํ สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธ’’นฺติ ปกาเสติ, ปฏิจฺฉนฺนํ วา ปุปฺผผลาทึ ‘‘อิทเมตฺถ อตฺถี’’ติ เปสุฺํ กโรนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. รสนฺติ ตํ สตฺตาติ รโส, อสาเทนฺตีติ อตฺโถ.

อิตฺถิยาว อินฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ, ตถา ปุริสินฺทฺริยํ. ชีวนฺติ เตน สหชาตธมฺมาติ ชีวิตํ, ตเทว อินฺทฺริยํ ชีวิตินฺทฺริยํ. หทยฺจ ตํ วตฺถุ จ, หทยสฺส วา มโนวิฺาณสฺส วตฺถุ หทยวตฺถุ. โจปนกายภาวโต กาโย จ โส อธิปฺปายวิฺาปนโต วิฺตฺติ จาติ กายวิฺตฺติ. โจปนวาจาภาวโต, อธิปฺปายวิฺาปนโต จ วจี จ สา วิฺตฺติ จาติ วจีวิฺตฺติ. วิคฺคหาภาวโต น กสฺสติ, กสิตุํ ฉินฺทิตุํ น สกฺกา, น วา กาสติ ทิพฺพตีติ อกาสํ, อกาสเมว อากาสํ, ตเทว นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน อากาสธาตุ. รูปสฺสาติ นิปฺผนฺนรูปสฺส. ลหุภาโว ลหุตา. สยํ อนิปฺผนฺนตาย ‘‘รูปสฺสา’’ติ วิเสสิตํ. เอส นโย เสเสสุปิ. อยํ ปน วิเสโส – กมฺมนิ สาธุ กมฺมฺํ, ตสฺส ภาโว กมฺมฺตา. ปมํ, อุปริ จ จโย ปวตฺติ อุปจโย. ปุพฺพาปรวเสน สมฺพนฺธา ตติ ปวตฺติ สนฺตติ. อนิจฺจสฺส วินาสิโน ภาโว อนิจฺจตา. กพลํ กรียตีติ กพฬีกาโร. อาหรตีติ อาหาโร. เอวํ ตาว อุปาทายรูปํ สทฺทตฺถโต เวทิตพฺพํ.

กมโต ปน สพฺเพสํ รูปธมฺมานํ นิสฺสยภาเวน มูลภูตตฺตา ปมํ ภูตรูปานิ อุทฺทิฏฺานิ. อิตเรสุ อชฺฌตฺติกภาเวน อตฺตภาวสมฺาย มูลภาวโต จกฺขาทีนิ ปฺจ อาทิโต อุทฺทิฏฺานิ. เตสํ วิสยีนํ อิเม วิสยาติ ทสฺเสตุํ รูปาทีนิ จตฺตาริ อุทฺทิฏฺานิ. โผฏฺพฺพํ ปน อนุปาทารูปตฺตา, ภูตคฺคหเณน คหิตตฺตา จ อิธ น คหิตํ. สฺวายํ อตฺตภาโว อิเมหิ ‘‘อิตฺถี’’ติ วา ‘‘ปุริโส’’ติ วา สงฺขํ คจฺฉตีติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยทฺวยํ อุทฺทิฏฺํ. ‘‘อิมินา ชีวตี’’ติ โวหารํ ลพฺภตีติ ทสฺสนตฺถํ ตโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺส อิมํ นิสฺสาย วิฺาณปฺปวตฺติยํ อตฺตหิตาทิสิทฺธีติ ทสฺสนตฺถํ หทยวตฺถุ. ตสฺส อิมาสํ วเสน สพฺเพ กายวจีปโยคาติ ทสฺสนตฺถํ วิฺตฺติทฺวยํ. อิมาย รูปกายสฺส ปริจฺเฉโท, อฺชโส จาติ ทสฺสนตฺถํ อากาสธาตุ. อิเมหิสฺส สุขปฺปวตฺติ, อุปฺปตฺติอาทโย จาติ ทสฺสนตฺถํ ลหุตาทโย. สพฺโพ จายํ จตุสนฺตติรูปสนฺตาโน อิมินา อุปตฺถมฺภียตีติ ทสฺสนตฺถํ อนฺเต กพฬีกาโร อาหาโร อุทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ.

๔๓๓. อิทานิ ยถาอุทฺทิฏฺานิ อุปาทารูปานิ ลกฺขณาทิโต นิทฺทิสิตุํ ‘‘ตตฺถ รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณ’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ อุปาทารูเปสุ. รูเป, รูปสฺส วา อภิฆาโต รูปาภิฆาโต, ตํ อรหตีติ รูปาภิฆาตารโห, รูปาภิฆาโต โหตุ วา มา วา เอวํสภาโว จตุนฺนํ ภูตานํ ปสาโท รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาโท, เอวํลกฺขณํ จกฺขูติ อตฺโถ. ยสฺมา ปจฺจยนฺตรสหิโต เอว จกฺขุปสาโท รูปาภิหนนวเสน ปวตฺตติ, น เกวโล. ตสฺมา ตํสภาวตาว ปมาณํ, น รูปาภิฆาโตติ ทสฺสนตฺถํ รูปาภิฆาตารหตา วุตฺตา ยถา วิปาการหํ กุสลากุสลนฺติ. อภิฆาโต จ วิสยวิสยีนํ อฺมฺํ อภิมุขีภาโว โยคฺยเทสาวฏฺานํ อภิฆาโต วิยาติ กตฺวา. โส รูเป จกฺขุสฺส, รูปสฺส วา จกฺขุมฺหิ โหติ. เตนาห ‘‘ยํ จกฺขุ อนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ รูปมฺหิ สนิทสฺสนมฺหิ สปฺปฏิฆมฺหิ ปฏิหฺิ วา’’ติ, ‘‘ยมฺหิ จกฺขุมฺหิ อนิทสฺสนมฺหิ สปฺปฏิฆมฺหิ รูปํ สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ ปฏิหฺิ วา ปฏิหฺติ วา’’ติ (ธ. ส. ๕๙๗) จ อาทิ. ปริปุณฺณาปริปุณฺณายตนตฺตภาวนิพฺพตฺตกสฺส กมฺมสฺส นิทานภูตา กามตณฺหา, รูปตณฺหา จ ตทายตนิกภวปตฺถนาภาวโต ทฏฺุกามตาทิโวหารํ อรหตีติ ทุติยนโย สพฺพตฺถ วุตฺโต. ตตฺถ ทฏฺุกามตานิทานกมฺมํ สมุฏฺานํ เอเตสนฺติ ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานานิ. เอวํวิธานํ ภูตานํ ปสาโท ทฏฺุกามตา…เป… ปสาโท, เอวํลกฺขณํ จกฺขุ. ตสฺส ตสฺส หิ ภวสฺส มูลการณภูตา ตณฺหา ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว อุปฺปชฺชนารหายตนวิสยาปิ นาม โหตีติ กามตณฺหาทีนํ ทฏฺุกามตาทิโวหารารหตา วุตฺตา.

ทฏฺุกามตาติ หิ ทฏฺุมิจฺฉา, รูปตณฺหาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ทฏฺุกามตาย, เสสานฺจ ตํตํอตฺตภาวนิพฺพตฺตกกมฺมายูหนกฺขณโต สติ ปุริมนิพฺพตฺติยํ วตฺตพฺพํ นตฺถิ, อสติ ปน มคฺเคน อสมุคฺฆาติตภาโวเยว การณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยโต มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนํ การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชิตฺวา อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยภาวูปคมนโต วิชฺชมานเมวาติ อุปฺปนฺนตา อตฺถิตา ปริยาเยหิ วุจฺจติ ‘‘อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวนฺโต อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกโรนฺโต อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อนฺตราเยว อนฺตรธาเปตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๕๖), ‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโท’ติ ปชานาตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๘๒; ม. นิ. ๑.๑๑๕) จ เอวมาทีสุ.

รูเปสุ ปุคฺคลสฺส, วิฺาณสฺส วา อาวิฺฉนรสํ. อาธารภาวปจฺจุปฏฺานํ นิสฺสยปจฺจยภาวโต. ทฏฺุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฏฺานํ เยสํ ภูตานํ ปสาโท, เตวสฺส อาสนฺนการณนฺติ กตฺวา. เอตฺถ จ ตํตํอตฺตภาวนิปฺผาทกสาธารณกมฺมวเสน ปุริมํ จกฺขุลกฺขณํ วุตฺตํ การณวิเสสสฺส อนามฏฺตฺตา. ‘‘เอวรูปํ นาม เม จกฺขุ โหตู’’ติ เอวํ นิพฺพตฺติตอาเวณิกกมฺมวเสน ทุติยนฺติ วทนฺติ. สติปิ ปน ปฺจนฺนํ ปสาทภาวสามฺเ สวิสยาวภาสนสงฺขาตสฺส ปสาทพฺยาปารสฺส วเสน ปุริมํ วุตฺตํ. ปสาทการณสฺส สติปิ กมฺมภาวสามฺเ, เอกตฺเต วา อตฺตโน การณเภเทน เภททสฺสนวเสน ทุติยนฺติ ทฏฺพฺพํ. โสตาทีนํ ลกฺขณาทีสุ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

เอตฺถาห – จกฺขาทีนํ อินฺทฺริยานํ กึ เอกกมฺมุนา อุปฺปตฺติ, อุทาหุ นานากมฺมุนาติ? อุภยถาปีติ โปราณา. ตตฺถ นานากมฺมุนา ตาว อุปฺปตฺติยํ จกฺขาทีนํ วิเสเส วตฺตพฺพํ นตฺถิ การณสฺส ภินฺนตฺตา. เอกกมฺมุนา ปน อุปฺปตฺติยํ กถํ เนสํ วิเสโสติ? การณสฺส ภินฺนตฺตา เอว. ตํตํภวปตฺถนาภูตา หิ ตณฺหา ตํตํภวปริยาปนฺนายตนาภิลาสตาย สยํ วิจิตฺตรูปา อุปนิสฺสยภาเวน ตํตํภวนิพฺพตฺตกกมฺมสฺส วิจิตฺตเภทตํ วิทหติ. ยโต ตทาหิตวิเสสํ ตํ ตถารูปสมตฺถตาโยเคนาเนกรูปาปนฺนํ วิย อเนกํ วิสิฏฺสภาวํ ผลํ นิพฺพตฺเตติ. น เจตฺถ สมตฺถตา สมตฺถภาวโต อฺา เวทิตพฺพา การณวิเสเสน อาหิตวิเสสสฺส วิสิฏฺผลนิปฺผาทนโยคฺยตามตฺตโต. อยฺจ เอกสฺสปิ กมฺมสฺส อเนกินฺทฺริยเหตุตาวิเสสโยโค ยุตฺติโต, อาคมนโต จ ปรโต อาคมิสฺสติ. อปิจ เอกสฺเสว กุสลจิตฺตสฺส โสฬสาทิวิปากจิตฺตนิพฺพตฺติเหตุตา วุจฺจติ. โลเกปิ เอกสฺเสว สาลิพีชสฺส ปริปุณฺณาปริปุณฺณตณฺฑุลอาตณฺฑุลผลนิพฺพตฺติเหตุตา ทิสฺสเตว, กึ วา เอตาย ยุตฺติจินฺตาย. ยโต กมฺมผลํ จกฺขาทีนิ, กมฺมวิปาโก จ สพฺพโส พุทฺธานํเยว าณสฺส วิสโยติ.

๔๓๔. เกจีติ มหาสงฺฆิเกสุ เอกจฺเจ. เตสุ หิ วสุธมฺโม เอวํ วทติ ‘‘จกฺขุมฺหิ เตโช อธิกํ, โสเต วายุ, ฆาเน ปถวี, ชิวฺหาย อาโป, กาเย สพฺเพปิ สมา’’ติ. จกฺขาทีสุ เตชาทิอธิกตา นาม ตนฺนิสฺสยภูตานํ ตทธิกตายาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตชาธิกานํ ภูตานํ ปสาโท จกฺขู’’ติอาทิมาห. กาโย สพฺเพสนฺติ โก เอตฺถ วิเสโส, นนุ เตชาทิอธิกานฺจ ภูตานํ ปสาทา สพฺเพสํเยวาติ? สจฺจเมตํ, อิทํ ปน ‘‘สพฺเพส’’นฺติ วจนํ สมานานนฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ อนุวตฺตมานสฺส เอกเทสาธิกภาวสฺส นิวารณวเสน วุตฺตตฺตา. เตชาทีนํ หิ ปจฺเจกํ อธิกภาเว วิย ทฺวินฺนํ, ติณฺณํ วา อธิกภาเวปิ ยถาวุตฺตาธิกภาเวเนว เอกกาทิวเสน ลพฺภมานาย โอมตฺตตายปิ กายปฺปสาโท น โหตีติ ปากโฏยมตฺโถ. ตสฺมา จตุนฺนมฺปิ ภูตานํ สมภาเวน กายปฺปสาโท โหตีติ สพฺพสทฺโท อิธ สมภาวทีปโก ทฏฺพฺโพ. เตชาทีนนฺติ ปทีปสงฺขาตสฺส เตชสฺส โอภาสรูเปน, วายุสฺส สทฺเทน, ปถวิยา คนฺเธน, เขฬสงฺขาตสฺส อุทกสฺส รเสนาติ ปุริมวาเท, ปจฺฉิมวาเท จ ยถาโยคํ ตํตํภูตคุเณหิ อนุคฺคยฺหภาวโต, รูปาทีนํ คหเณ อุปการิตพฺพโตติ อตฺโถ. อาโลกาทิสหการีการณสหิตานํเยว จกฺขาทีนํ รูปาทิอวภาสนสมตฺถตา, วิวรสฺส จ โสตวิฺาณูปนิสฺสยภาโว คุโณติ เตสํ ลทฺธิ. เตชาทีนํ วิย ปน วิวรสฺส ภูตภาวาภาวโต ยถาโยค-คฺคหณํ. อถ วา รูปาทโย วิย วิวรมฺปิ ภูตคุโณติ ปราธิปฺปาเย เตชสฺส อาโลกรูเปน, อากาสสงฺขาตสฺส วิวรสฺส สทฺเทน, วายุสฺส คนฺเธน, อุทกสฺส รเสน, ปถวิยา โผฏฺพฺเพนาติ เอวํ ยถาโยคํ ตํตํภูตคุเณหีติ โยชนา.

รูปาทีนํ อธิกภาวทสฺสนโตติ อคฺคิมฺหิ รูปสฺส ปภสฺสรสฺส, วายุมฺหิ สทฺทสฺส สภาเวน สุยฺยมานสฺส, ปถวิยา สุรภิอาทิโน คนฺธสฺส, อาเป จ รสสฺส มธุรสฺสาติ อิเมสํ วิเสสยุตฺตานํ ทสฺสนโต ‘‘รูปาทโย เตสํ คุณา’’ติ ปมวาที อาหาติ. ตสฺเสว ‘‘อิจฺเฉยฺยามา’’ติอาทินา อุตฺตรมาห. อิมินาว อุปาเยน ทุติยวาทิโนปิ นิคฺคโห โหตีติ. อถ วา รูปาทิวิเสสคุเณหิ เตชอากาสปถวีอาปวายูหิ จกฺขาทีนิ กตานีติ วทนฺตสฺส กณาทสฺส วาทํ อุทฺธริตฺวา ตํ นิคฺคเหตุํ ‘‘อถาปิ วเทยฺยุ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาสเว อุปลพฺภมาโนปิ คนฺโธ ปถวิยา อาโปสํยุตฺตาย กปฺปาสโต วิสทิสายาติ น กปฺปาสคนฺธสฺส อธิกภาวาปตฺตีติ เจ? น, อนภิภูตตฺตา. อาสเว หิ อุทกสํยุตฺตา ปถวี อุทเกน อภิภูตา, น กปฺปาสปถวีติ ตสฺส เอว คนฺเธน อธิเกน ภวิตพฺพํ. อุณฺโหทกสํยุตฺโต จ อคฺคิ อุปลพฺภนีโย มหนฺโตติ กตฺวา ตสฺส ผสฺโส วิย วณฺโณปิ ปภสฺสโร อุปลพฺเภยฺยาติ อุณฺโหทเก วณฺณโต อคฺคินา อนภิสมฺพนฺธสฺส สีโตทกสฺส วณฺโณ ปริหาเยถ. ตสฺมาติ เอตสฺส อุภยสฺส อภาวา. ตทภาเวน หิ รูปาทีนํ เตชาทิวิเสสคุณตา นิวตฺติตา. ตนฺนิวตฺตเนน ‘‘เตชาทีนํ คุเณหิ รูปาทีหิ อนุคฺคยฺหภาวโต’’ติ อิทํ การณํ นิวตฺติตนฺติ เอวํ ปรมฺปราย อุภยาภาโว วิเสสปริกปฺปนปหานสฺส การณํ โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมา ปหาเยต’’นฺติอาทิ. เอกกลาเปปิ รูปรสาทโย วิสทิสา, โก ปน วาโท นานากลาเป จกฺขาทโย ภูตวิเสสาภาเวปีติ ทสฺเสตุํ รูปรสาทินิทสฺสนํ วุตฺตํ.

ยทิ ภูตวิเสโส นตฺถิ, กึ ปน จกฺขาทิวิเสสสฺส การณนฺติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ อฺมฺสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกมฺปิ กมฺมํ ปฺจายตนิกตฺตภาวภวปฺปตฺถนานิปฺผนฺนํ จกฺขาทิวิเสสเหตุตาย อฺมฺสฺส อสาธารณนฺติ จ กมฺมวิเสโสติ จ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ตํ เยน วิเสเสน จกฺขุสฺส ปจฺจโย, เตเนว โสตสฺส ปจฺจโย โหติ อินฺทฺริยนฺตราภาวปฺปตฺติโต. ‘‘ปฏิสนฺธิกฺขเณ มหคฺคตา เจตนา กฏตฺตารูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๒.๗๘) วจเนน ปฏิสนฺธิกฺขเณ วิชฺชมานานํ สพฺเพสํ กฏตฺตารูปานํ เอกา เจตนา กมฺมปจฺจโย โหตีติ วิฺายติ. นานาเจตนาย หิ ตทา อินฺทฺริยุปฺปตฺติยํ สติ ปริตฺเตน จ มหคฺคเตน จ กมฺมุนา นิพฺพตฺติตํ กฏตฺตารูปํ อาปชฺเชยฺยาติ. น เจกา ปฏิสนฺธิ อเนกกมฺมนิพฺพตฺตา โหตีติ สิทฺธเมเกน กมฺเมน อเนกินฺทฺริยุปฺปตฺติ โหตีติ.

๔๓๕. อนลฺลีโน นิสฺสโย เอตสฺสาติ อนลฺลีนนิสฺสโย, รูปสทฺทสงฺขาโต วิสโย. คนฺธรสานํ นิสฺสยา ฆานชิวฺหานํ นิสฺสเย อลฺลียนฺตีติ เต นิสฺสยวเสน อลฺลีนา. โผฏฺพฺพํ สยํ กายนิสฺสยอลฺลีนํ ภูตตฺตา. อปโร นโย – จกฺขุโสตานิ อปฺปตฺตวิสยคฺคาหกานิ สานฺตเร, อธิเก จ วิสเย วิฺาณุปฺปตฺติเหตุภาวโต. โสตมฺปิ สมฺปตฺตวิสยคฺคาหีติ เกจิ. ยทิ โสตํ สมฺปตฺตคฺคาหิ, จิตฺตโช สทฺโท โสตวิฺาณสฺส อารมฺมณํ น สิยา. น หิ พหิทฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ อุปฺปตฺติ อตฺถิ. ปาฬิยฺจ อวิเสเสน สทฺทารมฺมณสฺส โสตวิฺาณารมฺมณภาโว วุตฺโต. กิฺจ ทิสาเทสววตฺถานฺจ สทฺทสฺส น สิยา, อตฺตโน วิสยิปเทสสฺส เอว คเหตพฺพโต คนฺโธ วิย. ตสฺมา ยตฺถ อุปฺปนฺโน สทฺโท, ตตฺเถว ิโต. สเจ โสตปเถ อาปาถมาคจฺฉติ, นนุ ทูเร ิเตหิ รชกาทิสทฺทา จิเรน สุยฺยนฺตีติ? น ทูราสนฺนานํ ยถาปากเฏ สทฺเท คหณวิเสสโต. ยถา หิ ทูราสนฺนานํ วจนสทฺเท ยถาปากเฏ คหณวิเสสโต อาการวิเสสานํ อคฺคหณํ, คหณฺจ โหติ, เอวํ รชกาทิสทฺเทปิ อาสนฺนสฺส อาทิโต ปภุติ ยาว อวสานา กเมน ปากฏีภูเต, ทูรสฺส จ อวสาเน, มชฺเฌ วา ปิณฺฑวเสน ปวตฺติปากฏีภูเต นิจฺฉยคฺคหณานํ โสตวิฺาณวีถิยา ปรโต ปวตฺตานํ วิเสสโต ลหุกํ สุโต ‘‘จิเรน สุโต’’ติ อธิมาโน โหติ. โส ปน สทฺโท ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตนฺนิสฺสิโตว อตฺตโน วิชฺชมานกฺขเณ โสตสฺส อาปาถมาคจฺฉติ. ยทิ สทฺทสฺส ภูตปรมฺปราย สมนฺตโต ปวตฺติ นตฺถิ, กถํ ปฏิโฆสุปฺปตฺตีติ? ทูเร ิโตปิ สทฺโท อฺตฺถ ปฏิโฆสุปฺปตฺติยา, ภาชนาทิจลนสฺส จ อโยกนฺโต วิย อโยจลนสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

๔๓๖. ปุพฺเพ ลกฺขณาทินา วิภาวิตมฺปิ จกฺขุํ ิตฏฺานาทิโต วิภาเวตุํ ‘‘จกฺขุ เจตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ จกฺขุ สาธยมานํ ติฏฺตีติ สมฺพนฺโธ. -กาโร พฺยติเรกตฺโถ, เตนสฺส วุจฺจมานเมว วิเสสํ โชเตติ. เอตฺถาติ เอเตสุ ยถานิทฺทิฏฺเสุ ปฺจสุ อุปาทารูเปสุ. ‘‘สรีรสณฺานุปฺปตฺติเทเส’’ติ เอเตน อวเสสํ กณฺหมณฺฑลํ ปฏิกฺขิปติ. สฺเนหมิว สตฺต อกฺขิปฏลานิ พฺยาเปตฺวา ิตาเหว อตฺตโน นิสฺสยภูตาหิ จตูหิ ธาตูหิ กตูปการํ ตนฺนิสฺสิเตเหว อายุวณฺณาทีหิ อนุปาลิตํ ปริวาริตํ ติสนฺตติรูปสมุฏฺาปเกหิ อุตุจิตฺตาหาเรหิ อุปตฺถมฺภิยมานํ ติฏฺติ. สตฺตอกฺขิปฏลพฺยาปนวจเนเนว จกฺขุสฺส อเนกกลาปคตภาวํ ทสฺเสติ. ปมาณโต อูกาสิรมตฺตนฺติ อูกาสิรมตฺเต ปเทเส ปวตฺตนโต วุตฺตํ. จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุภาวํ นิสฺสยภาวโต อาวชฺชนสมฺปฏิจฺฉนาทีนํ ตทารมฺมณาวสานานํ ทฺวารภาวํ สมวสรฏฺานโต. ตํ ปเนตํ จกฺขุ อธิฏฺานเภทโต, ตตฺถาปิ ปจฺเจกํ อเนกกลาปคตภาวโต อเนกมฺปิ สมานํ สามฺนิทฺเทเสน อาวชฺชนาย เอกตฺตา, เอกสฺมึ ขเณ เอกสฺเสว จ กิจฺจกรตฺตา เอกํ กตฺวา วุตฺตํ. เอวมฺปิ พหูสุ กถเมกสฺเสว กิจฺจกรตฺตํ. ยํ ตตฺถ วิสทํ หุตฺวา รูปาภิฆาตารหํ, ตํ วิฺาณสฺส นิสฺสโย โหตีติ คเหตพฺพํ. โผฏฺพฺพวิเสโส วิย กายวิฺาณสฺส อารมฺมณภาเว.

มนุปสฺสตีติ -กาโร ปทสนฺธิกโร, อถ วา มนูติ มจฺโจ.

องฺคุลิเวธกํ องฺคุลียกํ.

วิสมชฺฌาสยตาย จกฺขุ วมฺมิกฉิทฺทาภิรตสปฺโป วิย, พิลชฺฌาสยตาย โสตํ อุทกพิลาภิรตกุมฺภีโล วิย, อากาสชฺฌาสยตาย ฆานํ อชฏากาสาภิรตปกฺขี วิย, คามชฺฌาสยตาย ชิวฺหา คามาภิรตกุกฺกุโร วิย, อุปาทินฺนกชฺฌาสยตาย กาโย อามกสุสานาภิรตสิงฺคาโล วิย ปสฺสิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วมฺมิ…เป… ทฏฺพฺพา’’ติ อาห. วิสมชฺฌาสยตา จ จกฺขุสฺส วิสมชฺฌาสยํ วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตา, จกฺขุมโต วา ปุคฺคลสฺส อชฺฌาสยวเสน จกฺขุ วิสมชฺฌาสยํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย เสเสสุปิ. สพฺโพปิ จ ยถาวุตฺโต ปปฺโจ โสตาทีสุปิ ยถารหํ เวทิตพฺโพ.

๔๓๗. จกฺขุมฺหิ, จกฺขุสฺส วา ปฏิหนนํ จกฺขุปฏิหนนํ, ตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ จกฺขุปฏิหนนลกฺขณํ. ปฏิหนนฺเจตฺถ ยถาวุตฺโต อภิฆาโตว. วิสยภาโว อารมฺมณปจฺจยตา. กามํ สา เอว โคจรตา, ตถาปิ วิสยโคจรานํ อยํ วิเสโส – อนฺตฺถภาโว, ตพฺพหุลจาริตา จ จกฺขุวิฺาณสฺส. วิสยภาเว จสฺส ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ยตฺถ ปน กายวิฺตฺติอาทิเก.

๔๓๘. อิตฺถิยา ภาโว, ‘‘อิตฺถี’’ติ วา ภวติ เอเตน จิตฺตํ, อภิธานฺจาติ อิตฺถิภาโว, ตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อิตฺถิภาวลกฺขณํ. ตโต เอว ‘‘อิตฺถี’’ติ ตํสหิตํ สนฺตานํ ปกาเสนฺตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อิตฺถีติ ปกาสนรส’’นฺติ. วฏฺฏํสตา อวิสทหตฺถปาทาทิตา จ อิตฺถิลิงฺคํ. ถนมํสาวิสทตา, นิมฺมสฺสุทาิตา, เกสพนฺธนํ, วตฺถคฺคหณฺจ ‘‘อิตฺถี’’ติ สฺชานนสฺส ปจฺจยภาวโต อิตฺถินิมิตฺตํ. ทหรกาเลปิ สุปฺปกมุสลกาทีหิ กีฬา, มตฺติกตกฺเกน สุตฺตกนฺตนาทิ จ อิตฺถิกุตฺตํ, อิตฺถิกิริยาติ อตฺโถ. อวิสทฏฺานคมนาทิโก อากาโร อิตฺถากปฺโป. อปโร นโย – อิตฺถีนํ มุตฺตกรณํ อิตฺถิลิงฺคํ. สราธิปฺปายา อิตฺถินิมิตฺตํ. อวิสทฏฺานคมนนิสชฺชาขาทนโภชนาทิกา อิตฺถิกุตฺตํ. อิตฺถิสณฺานํ อิตฺถากปฺโป. อิมานิ จ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ยถาสกํ กมฺมาทินา ปจฺจเยน อุปฺปชฺชมานานิปิ เยภุยฺเยน อิตฺถินฺทฺริยสหิเต เอว สนฺตาเน ตํตทาการานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อิตฺถินฺทฺริยํ เตสํ การณนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อิตฺถิลิงฺคนิมิตฺตกุตฺตากปฺปานํ การณภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. อิตฺถิลิงฺคาทีสุ เอว จ การณภาวสงฺขาเตน อธิปติภาเวน ตสฺส อินฺทฺริยตา วุตฺตา, อินฺทฺริยสหิเต สนฺตาเน อิตฺถิลิงฺคาทิอาการรูปปจฺจยานํ อฺถา อนุปฺปาทนโต, อิตฺถิคฺคหณสฺส จ เตสํ รูปานํ ปจฺจยภาวโต.

ยสฺมา ปน ภาวทสเกปิ รูปานํ อิตฺถินฺทฺริยํ น ชนกํ, นาปิ อนุปาลกํ, อุปตฺถมฺภกํ วา, น จ อฺเสํ กลาปรูปานํ, ตสฺมา ตํ ชีวิตินฺทฺริยํ วิย สกลาปรูปานํ, อาหาโร วิย วา กลาปนฺตรรูปานฺจ ‘‘อินฺทฺริยอตฺถิอวิคตปจฺจโย’’ติ ปาฬิยํ น วุตฺตํ. ยสฺมา จ ปจฺจยนฺตราธีนานิ ลิงฺคาทีนิ, ตสฺมา ยตฺถสฺส อาธิปจฺจํ, ตํสทิเสสุ มตจิตฺตกตรูเปสุปิ ตํสณฺานตา ทิสฺสติ. เอส นโย ปุริสินฺทฺริเยปิ. ยํ ปเนตฺถ วิสทิสํ, ตํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ตยิทํ ทฺวยํ ยสฺมา เอกสฺมึ สนฺตาเน สห น ปวตฺตติ ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติอาทิ (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘) วจนโต, ตสฺมา อุภโตพฺยฺชนกสฺสาปิ เอกสฺมึ ขเณ เอกเมว โหตีติ เวทิตพฺพํ. เย ปน ‘‘สรีเรกเทสวุตฺติ ภาวรูป’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ ตํ มิจฺฉาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตทุภยมฺปิ…เป… พฺยาปกเมวา’’ติ วตฺวา ยทิ เอวํ กายปฺปสาเทน สงฺกโร สิยาติ อาสงฺกํ นิวตฺเตนฺโต ‘‘น จ กายปฺปสาเทนา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยทิปิ สกลสรีรพฺยาปิตาย กายปฺปสาเทน อฏฺิโตกาเส ิตนฺติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ, เตน ปน ภินฺนนิสฺสยตฺตา ิโตกาเส ิตนฺติปิ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชตีติ อยเมว เจตฺถ นิปฺปริยายกถา. ‘‘รูปรสาทโย วิยา’’ติ เอเตน สมานนิสฺสเยสุปิ นาม สงฺกโร นตฺถิ ลกฺขณเภทโต, กิมงฺคํ ปน ภินฺนนิสฺสยสภาเวสูติ ทสฺเสติ.

๔๓๙. สหชรูปานุปาลนลกฺขณนฺติ อตฺตนา สหชาตรูปานํ อนุปาลนลกฺขณํ. ชีวิตินฺทฺริยสฺส เอกนฺตกมฺมชตฺตา สหช-คฺคหเณเนว อนุปาเลตพฺพานมฺปิ กมฺมชภาโว สิทฺโธติ กมฺมช-คฺคหณํ น กตํ. ยถาสกํ ขณมตฺตฏฺายิโนปิ กมฺมชรูปสฺส ปวตฺติเหตุภาเวน ตํ อนุปาลกํ, ตสฺมา สหชรูปานุปาลนลกฺขณํ. น หิ กมฺมชานํ กมฺมํเยว ิติเหตุ ภวิตุํ อรหติ อาหารชาทีนํ อาหาราทิ วิย. กึ การณา? ตงฺขณาภาวโต. เตสนฺติ สหชรูปานํ. ปวตฺตนํ ยาปนํ. ปนํ ิติเหตุตา. อตฺตนา อนุปาลนวเสน ยาเปตพฺพานิ ปวตฺเตตพฺพานิ ภูตานิ เอตสฺส ปทฏฺานนฺติ ยาปยิตพฺพภูตปทฏฺานํ. อนุปาลนลกฺขณาทิมฺหีติ อาทิ-สทฺเทน ปวตฺตนรสาทิเมว สงฺคณฺหาติ. อตฺถิกฺขเณเยวาติ อนุปาเลตพฺพานํ อตฺถิกฺขเณเยว. อสติ อนุปาเลตพฺเพ อุปฺปลาทิมฺหิ กึ อุทกํ อนุปาเลยฺย. ยทิ กมฺมชานํ ิติเหตุมนฺตเรน ิติ น โหติ, ชีวิตินฺทฺริยสฺส โก ิติเหตูติ อาห ‘‘สย’’นฺติอาทิ. ยทิ กมฺมชานํ านํ ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธํ, อถ กสฺมา สพฺพกาลํ น เปตีติ อาห ‘‘น ภงฺคโต’’ติอาทิ. ตสฺส ตสฺส อนุปาลนาทิกสฺส สาธนโต. ตํ สาธนฺจ ชีวมานตาวิเสสสฺส ปจฺจยภาวโต. อินฺทฺริยพทฺธรูปสฺส หิ มตรูปโต กมฺมชสฺส, ตทนุพนฺธภูตสฺส จ อุตุสมุฏฺานาทิโต ชีวิตินฺทฺริยกโต วิเสโส, น เกวลํ ขณฏฺิติยา เอว, ปพนฺธานุปจฺเฉทสฺสาปิ ชีวิตินฺทฺริยํ การณนฺติ ทฏฺพฺพํ, อิตรถา อายุกฺขยโต มรณํ น ยุชฺเชยฺยาติ.

๔๔๐. มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยลกฺขณํ หทยวตฺถูติ กถเมตํ วิฺาตพฺพนฺติ? อาคมโต, ยุตฺติโต จ. ‘‘ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิฺาณธาตุ จ ปวตฺตนฺติ, ตํ รูปํ มโนธาตุยา จ มโนวิฺาณธาตุยา จ ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ นิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๘) เอวมาทิ อาคโม. ยทิ เอวํ, กสฺมา รูปกณฺเฑ ตํ น วุตฺตนฺติ? ตตฺถ อวจนํ อฺการณํ. กึ ปน ตนฺติ? เทสนาเภโท. ยถา หิ จกฺขุวิฺาณาทีนิ เอกนฺตโต จกฺขาทินิสฺสยานิ, น เอวํ มโนวิฺาณํ เอกนฺเตน หทยวตฺถุนิสฺสยํ. นิสฺสิตวเสน จ วตฺถุทุกาทิเทสนา ปวตฺตา ‘‘อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุ, อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส น วตฺถู’’ติอาทินา (ธ. ส. ๕๘๔). ยมฺปิ เอกนฺตโต หทยวตฺถุนิสฺสยํ, ตสฺส วเสน ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส วตฺถู’’ติอาทินา ทุกาทีสุ วุจฺจมาเนสุปิ น ตทนุคุณา อารมฺมณทุกาทโย สมฺภวนฺติ. น หิ ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณํ, อตฺถิ รูปํ น มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณ’’นฺติ สกฺกา วตฺตุนฺติ วตฺถารมฺมณทุกา ภินฺนคติกา สิยุนฺติ เอกรสา เทสนา น ภเวยฺย. เอกรสฺจ เทสนํ เทเสตุํ อิธ สตฺถุ อชฺฌาสโย. ตสฺมา ตตฺถ หทยวตฺถุ น วุตฺตํ, น อลพฺภมานตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.

ยุตฺติ ปน เอวํ เวทิตพฺพา – นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ธาตุทฺวยํ ปฺจโวการภเว. ตตฺถ รูปายตนาทีนํ, โอชาย จ อินฺทฺริยพทฺธโต พหิปิ ปวตฺติทสฺสนโต น ตํนิสฺสยตา ยุชฺชติ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานมฺปิ ตทุภยรหิเตปิ สนฺตาเน ธาตุทฺวยทสฺสนโต น ตํนิสฺสยตา ยุชฺชติ, ชีวิตินฺทฺริยสฺสาปิ อฺกิจฺจํ วิชฺชตีติ น ตํนิสฺสยตา ยุชฺชติ เอวาติ ปาริเสสโต หทยวตฺถุ, เตสํ นิสฺสโยติ วิฺายติ. สกฺกา หิ วตฺตุํ นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ธาตุทฺวยํ ปฺจโวการภเว รูปปฏิพทฺธวุตฺติภาวโต. ยํ ยฺหิ รูปปฏิพทฺธวุตฺติ, ตํ ตํ นิปฺผนฺนอุปาทายรูปนิสฺสยํ ทิฏฺํ ยถา ‘‘จกฺขุวิฺาณธาตู’’ติ. ‘‘ปฺจโวการภเว’’ติ จ วิเสสนํ มโนวิฺาณธาตุวเสน กตํ. มโนธาตุ ปน จตุโวการภเว นตฺเถว. นนุ จ อินฺทฺริยนิสฺสยตายปิ สาธนโต วิรุทฺโธ เหตุ อาปชฺชตีติ? น ทิฏฺพาธนโต. ทิฏฺํ เหตํ จกฺขุวิฺาณสฺส วิย ธาตุทฺวยสฺส วตฺถุโน มนฺทติกฺขาทิอนนุวิธานํ. ตถา หิสฺส ปาฬิยํ อินฺทฺริยปจฺจยตา น วุตฺตา. เตน ตทนุวิธานสงฺขาตา อินฺทฺริยนิสฺสยตา พาธียติ. โหตุ ธาตุทฺวยนิสฺสโย หทยวตฺถุ, อุปาทายรูปฺจ, เอตํ ปน กมฺมสมุฏฺานํ, ปฏินิยตกิจฺจํ, หทยปเทเส ิตเมวาติ กถํ วิฺายตีติ? วุจฺจเต – วตฺถุรูปภาวโต กมฺมสมุฏฺานํ จกฺขุ วิย, ตโต เอว ปฏินิยตกิจฺจํ, วตฺถุรูปภาวโตติ จ วิฺาณนิสฺสยภาวโตติ อตฺโถ. อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา กิฺจิ จินฺเตนฺตสฺส หทยสฺส ขิชฺชนโต ตตฺเถตมวฏฺิตนฺติ วิฺายติ. ตาสฺเว ธาตูนนฺติ มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํเยว. นิสฺสยภาวโต อุปริ อาโรเปตฺวา วหนฺตํ วิย ปจฺจุปติฏฺตีติ อุพฺพหนปจฺจุปฏฺานํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

๔๔๑. อภิกฺกโม อาทิ เยสํ เต อภิกฺกมาที. อาทิ-สทฺเทน ปฏิกฺกมสมิฺชนปสารณอุกฺเขปนอเวกฺเขปนาทิกา สพฺพา กิริยา ปริคฺคยฺหติ. เตสํ อภิกฺกมาทีนํ ปวตฺตกํ จิตฺตํ สมุฏฺานํ ยสฺสา สา อภิกฺกมาทิปฺปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานา, วาโยธาตุ. ตสฺสา ยํ สหชรูปกายสฺส ถมฺภนสนฺธารณจลนสงฺขาตํ กิจฺจํ, ตสฺส สหการีการณภูโต อาการวิเสโส กายวิฺตฺติ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อภิกฺกมาทิ…เป… กายวิฺตฺตี’’ติ.

กสฺส ปน อาการวิกาโรติ? สามตฺถิยโต วาโยธาตุอธิกานํ จิตฺตชมหาภูตานํ. กึ ตํ สามตฺถิยํ? จิตฺตชตา, อุปาทายรูปตา จ. อถ วา วาโยธาตุยา อาการวิกาโร สหช…เป… ปจฺจโยติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยทิ เอวํ วิฺตฺติยา อุปาทายรูปภาโว น ยุชฺชติ. น หิ อุปาทายรูปํ เอกภูตสนฺนิสฺสยํ อตฺถิ. ‘‘จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ หิ วุตฺตํ, นายํ โทโส จตุนฺนํ วิกาโร จตูสุ เอกสฺสาปิ โหติ จตุสาธารณธนํ วิย. วาโยธาตุอธิกตาย จ กลาปสฺส ‘‘วาโยธาตุยา’’ติ วจนํ น วิรุชฺฌติ. เอวํ อธิกตา จ สามตฺถิยโต, น ปมาณโต. อฺถา หิ อวินิพฺโภควุตฺติตา น ยุชฺเชยฺย. วาโยธาตุยา เอวาติ เกจิ. เตสํ มเตน วิฺตฺติยา อุปาทายรูปตา ทุรุปปาทา. น หิ เอกสฺส วิกาโร จตุนฺนํ โหติ. สา ปนายํ หตฺถจลนาทีสุ ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตรมวิฺายมานนฺตเรน มโนทฺวารชวเนน คยฺหติ. ผนฺทมานวณฺณวินิมุตฺโต โกจิ วิกาโร อตฺถิ. ตสฺส จ ตคฺคหณานนฺตรํ คหณํ โหตีติ กถเมตํ วิฺายตีติ อธิปฺปายคฺคหณโต. น หิ วิฺตฺติวิการรหิเตสุ รุกฺขจลนาทีสุ ‘‘อิทเมส กาเรติ มฺเ’’ติ อธิปฺปายคฺคหณํ ทิฏฺํ, หตฺถจลนาทีสุ ปน ทิฏฺํ. ตสฺมา ผนฺทมานวณฺณวินิมุตฺโต โกจิ วิกาโร อตฺถิ อธิปฺปายสฺส าปโกติ วิฺายติ. าปโก จ เหตุ าเปตพฺพมตฺถํ สยํ คหิโต เอว าเปติ, น วิชฺชมานตามตฺเตนาติ วณฺณคฺคหณานนฺตรํ วิการคฺคหณมฺปิ อนุมานโต วิฺายติ. ตถา หิ วทนฺติ –

‘‘วิสยตฺตมนาปนฺนา, สทฺทา เนวตฺถโพธกา;

น สตฺตามตฺตโต อตฺเถ, เต อฺาตา ปกาสกา’’ติ.

ยทิ วิการคฺคหณเมว การณํ อธิปฺปายคฺคหณสฺส, กสฺมา อคฺคหิตสงฺเกตานํ อธิปฺปายคฺคหณํ น โหตีติ? น เกวลํ วิการคฺคหณเมว อธิปฺปายคฺคหณสฺส การณํ, อถ โข ปุริมสิทฺธสมฺพนฺธคฺคหณฺจ อิมสฺส อุปนิสฺสโยติ ทฏฺพฺพํ. ถมฺภนสนฺธารณจลนานิ วิฺตฺติวิการสหิตาย วาโยธาตุยา โหนฺตีติ วุตฺตํ. กึ สพฺพาว วาโยธาตู สพฺพานิ ตานิ กโรนฺตีติ? นยิทเมวํ. สตฺตมชวนสมฺภูตา หิ วาโยธาตุ ปุริมชวนสมฺภูตา วาโยธาตุโย อุปถมฺภกปจฺจเย ลภิตฺวา เทสนฺตรุปฺปตฺติเหตุภาเวน จลยติ จิตฺตชรูปํ, น อิตรา. อิตรา ปน สนฺถมฺภนสนฺธารณมตฺตํ กโรนฺติโย ตสฺสา อุปการาย โหนฺติ. เทสนฺตรุปฺปตฺติ เอว จลนนฺติ นิมิตฺเต จ กตฺตุภาโว สมาโรปิโตติ ทฏฺพฺพํ. อฺถา ธมฺมานํ อพฺยาปารตา, ขณิกตา จ น สิยา. สตฺตหิ ยุเคหิ อากฑฺฒิตพฺพสกฏเมตฺถ อฏฺกถายํ นิทสฺสิตํ. จิตฺตชรูเป ปน จลนฺเต ตํสมฺพนฺธตาย อุตุกมฺมาหารชรูปมฺปิ จลติ นทีโสเต ปกฺขิตฺตสุกฺขโคมยปิณฺฑํ วิย ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตรํ วิฺตฺติคฺคหณสฺส วุตฺตตฺตา. กึ จลนกรา เอว วาโยธาตุ วิฺตฺติวิการสหิตาติ? นยิทเมวํ, ตถา จลยิตุมสกฺกุณนฺติโยปิ ถมฺภนสนฺธารณมตฺตกรา ปมชวนาทิสมฺภูตาปิ วาโยธาตุโย วิฺตฺติวิการสหิตา เอวาติ คเหตพฺพํ. เยน ทิสาภาเคนายํ อภิกฺกมาทึ ปวตฺเตตุกาโม, ตทภิมุขวิการสพฺภาวโต. อธิปฺปายสหภาวี หิ วิกาโร วิฺตฺติ. เอวฺจ กตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนสฺสาปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกวจนํ สุฏฺุ ยุชฺชติ. ยถาวุตฺตวิการคฺคหณมุเขน ตํสมงฺคิโน อธิปฺปาโย วิฺายตีติ วุตฺตํ ‘‘อธิปฺปายปฺปกาสนรสา’’ติ.

กายวิปฺผนฺทนสฺส เหตุภูตาย วาโยธาตุยา วิการภาวโต ปริยาเยน วิฺตฺติ กายวิปฺผนฺทนเหตุภาวปจฺจุปฏฺานา วุตฺตา. จิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุปทฏฺานาติ จ วาโยธาตุยา กิจฺจาธิกตาย วุตฺตํ. กายวิปฺผนฺทเนน อธิปฺปายวิฺาปนเหตุตฺตาติ กายวิปฺผนฺทเนน กรณภูเตน อธิปฺปายสฺส วิฺาปนเหตุภาวโต กายวิฺตฺตีติ วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – วิฺาเปตีติ วิฺตฺติ. กึ วิฺาเปติ? อธิปฺปายํ. เกน? กาเยน. กีทิเสน? วิปฺผนฺทมาเนนาติ. ทุติยนเย ปน ยถาวุตฺเตน กาเยน วิฺายตีติ กายวิฺตฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อตฺถาวโพธนสมตฺโถ วจีวิเสโส วจีเภโท. เตน วายุวนปฺปตินทีโฆสาทึ นิวตฺเตติ. ตสฺส ปวตฺตกํ จิตฺตํ สมุฏฺานํ ยสฺสา สา วจีเภทปฺปวตฺตกจิตฺตสมุฏฺานา, ปถวีธาตุ. ตสฺสา ยํ อุปาทินฺนสงฺขาตสฺส อกฺขรุปฺปตฺติฏฺานสฺส ฆฏฺฏนสฺิตํ กิจฺจํ, ตสฺส สหการีการณภูโต อาการวิเสโส วจีวิฺตฺติ นามาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วจีเภ…เป… วจีวิฺตฺตี’’ติ.

อิทานิ ‘‘กสฺส ปน อาการวิกาโร’’ติอาทิ กายวิฺตฺติยํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส – ยถา ตตฺถ ‘‘ผนฺทมานวณฺณคฺคหณานนฺตร’’นฺติ วุตฺตํ, เอวมิธ ‘‘สุยฺยมานสทฺทสวนานนฺตร’’นฺติ โยเชตพฺพํ. อิธ จ ถมฺภนาทีนํ อภาวโต ‘‘สตฺตมชวนสมฺภูตา’’ติอาทินโย น ลพฺภติ. ฆฏฺฏเนน หิ สทฺธึ สทฺโท อุปฺปชฺชติ. ฆฏฺฏนฺจ ปมชวนาทีสุปิ ลพฺภเตว. ฆฏฺฏนํ ปจฺจยวเสน ภูตกลาปานํ อฺมฺํ อาสนฺนตรุปฺปาโท. จลนํ เอกสฺสาปิ เทสนฺตรุปฺปาทปรมฺปรตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. ยถา จ วาโยธาตุยา จลนํ กิจฺจํ, เอวํ ปถวีธาตุยา ฆฏฺฏนํ. เตเนวาห ‘‘ปถวีธาตุยา อุปาทินฺนฆฏฺฏนสฺส ปจฺจโย’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. ยถา หีติอาทิ กายวจีวิฺตฺตีนํ อนุมานวเสน คเหตพฺพภาววิภาวนํ. ยถา หิ อุสฺสาเปตฺวา พทฺธโคสีสาทิรูปานิ ทิสฺวา ตทนนฺตรปฺปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารวีถิยา โคสีสาทีนํ อุทกสหจาริปฺปการสฺาณาการํ คเหตฺวา อุทกคฺคหณํ โหติ, เอวํ วิปฺผนฺทมานสมุจฺจาริยมานวณฺณสทฺเท คเหตฺวา ตทนนฺตรปวตฺตาย อวิฺายมานนฺตราย มโนทฺวารวีถิยา ปุริมสิทฺธสมฺพนฺธคหณูปนิสฺสยสหิตาย สาธิปฺปายวิการคฺคหณํ โหติ.

๔๔๒. รูปานิ ปริจฺฉินฺทติ, สยํ วา เตหิ ปริจฺฉิชฺชติ, รูปานํ วา ปริจฺเฉทมตฺตํ รูปปริจฺเฉโท, ตํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ รูปปริจฺเฉทลกฺขณา. อยํ หิ อากาสธาตุ ตํ ตํ รูปกลาปํ ปริจฺฉินฺทนฺตี วิย โหติ. เตนาห ‘‘รูปปริยนฺตปฺปกาสนรสา’’ติ. อตฺถโต ปน ยสฺมา รูปานํ ปริจฺเฉทมตฺตํ หุตฺวา คยฺหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘รูปมริยาทปจฺจุปฏฺานา’’ติ. ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตเหว อสมฺผุฏฺภาวปจฺจุปฏฺานา. วิชฺชมาเนปิ หิ กลาปนฺตรภูตานํ กลาปนฺตรภูเตหิ สมฺผุฏฺภาเว ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโต อากาโสติ เยสํ โส ปริจฺเฉโท, เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว. อฺถา ปริจฺฉินฺนตา น สิยา เตสํ ภูตานํ พฺยาปิภาวาปตฺติโต. อพฺยาปิตา หิ อสมฺผุฏฺตา. เตนาห ภควา ‘‘อสมฺผุฏฺํ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ (ธ. ส. ๖๓๗, ๗๒๔). กณฺณจฺฉิทฺทมุขวิวราทิวเสน จ ฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฏฺานา วา. เยสํ รูปานํ ปริจฺเฉโท, ตตฺเถว เตสํ ปริจฺเฉทภาเวน ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘ปริจฺฉินฺนรูปปทฏฺานา’’ติ. ‘‘ยาย ปริจฺฉินฺเนสู’’ติอาทินา อากาสธาตุยา ตํตํกลาปานํ กลาปนฺตเรหิ อสงฺกรการณตํ ทสฺเสติ.

๔๔๓. อทนฺธตาติ อครุตา. วิโนทนํ วิกฺขิปนํ, อปนยนนฺติ อตฺโถ. อถทฺธตาติ อกถินตา. อตฺตโน มุทุภาเวเนว สพฺพกิริยาสุ อวิโรธิตา. มุทุ หิ กตฺถจิ น วิรุชฺฌติ. ตีสุปิ าเนสุ ปฏิปกฺเข -กาโร ทนฺธตาทิเหตูนํ ปฏิปกฺขสมุฏฺานตฺตา ลหุตาทีนนฺติ เกจิ. อปเร ปน ‘‘สตฺตาปฏิเสเธ’’ติ วทนฺติ. สรีเรน กตฺตพฺพกิริยานํ อนุกูลตาสงฺขาตกมฺมฺภาโว ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สรีรกิริยานุกูลกมฺมฺภาวลกฺขณา. อกมฺมฺํ ทุพฺพลํ นาม โหตีติ กมฺมฺตา อทุพฺพลภาวปจฺจุปฏฺานา วุตฺตา.

ลหุตาทีนํ อฺมฺาวิชหเนน ทุวิฺเยฺยนานตฺตตา วุตฺตาติ ตํตํวิการาธิกรูเปหิ ตํนานตฺตปฺปกาสนตฺถํ ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติ วุตฺตํ. ธาตุกฺโขโภ วาตปิตฺตเสมฺหปโกโป, รสาทิธาตูนํ วา วิการาวตฺถา. ทฺวิธา วุตฺโตปิ อตฺถโต ปถวีธาตุอาทีนํ ธาตูนํเยว วิกาโรติ ทฏฺพฺโพ. ปฏิปกฺขปจฺจยา สปฺปายอุตุอาหาราวิกฺขิตฺตจิตฺตตา. เต จ ตํตํวิการสฺส วิเสสปจฺจยภาวโต วุตฺตา, อวิเสเสน ปน สพฺเพ สพฺเพสํ ปจฺจยา. ยโต เนสํ อฺมฺาวิชหนํ, อิทฺธิวฬฺชนาทีสุ วิย วสวตฺตนํ มทฺทวปฺปกาโร. สุปริมทฺทิตจมฺมสุธนฺตสุวณฺณคหณฺเจตฺถ มุทุกมฺมฺสทิสรูปนิทสฺสนมตฺตํ, น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ มุทุตากมฺมฺตาสพฺภาวโต. น หิ อนินฺทฺริยพทฺธรูปสนฺตาเน ลหุตาทีนิ สมฺภวนฺติ, อินฺทฺริยพทฺเธปิ รูปภเว น สนฺติ ทนฺธตฺตกราทิธาตุกฺโขภาภาวโต. สติ หิ ตาทิเส ธาตุกฺโขเภ ตปฺปฏิปกฺขปจฺจยสมุฏฺานาหิ ลหุตาทีหิ ภวิตพฺพนฺติ เกจิ, ตํ อการณํ. น หิ วูปสเมตพฺพปจฺจนีกาเปกฺโข ตพฺพิโรธิธมฺมสมุปฺปาโท, ตถา สติ สเหตุกกิริยจิตฺตุปฺปาเทสุ กายลหุตาทีนํ อภาโวว สิยา. กสฺมา ปน กมฺมชรูเปสุ ลหุตาทโย น โหนฺตีติ? ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยาเปกฺขตฺตา. อฺถา สพฺพทาภาวีหิ ลหุตาทีหิ ภวิตพฺพํ สิยาติ.

๔๔๔. อาทิ จโย, อีสํ วา จโยติ อาจโย, ยถาปจฺจยํ ตโต ตโต อาคตสฺส วิย จโยติ วา อาจโย, ตทุภยํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา อาจโย ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อาจยลกฺขโณ. รูปสฺส อุปจโย ปมุปฺปาโท, วฑฺฒิ จ ‘‘อุปฺตฺตํ อุปสิตฺต’’นฺติอาทีสุ วิย อุป-สทฺทสฺส ปมูปริอตฺถสฺส นิทสฺสนโต. ปุพฺพนฺตโตติ ปุพฺพโกฏฺาสโต, อนาคตภาวโตติ อตฺโถ. อุปฺปชฺชมาเน รูปธมฺเม อุปฺปาโท อนาคตกฺขณโต อุมฺมุชฺชาเปนฺโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุมฺมุชฺชาปนรโส’’ติ. ตถา โส ‘‘อิเม รูปธมฺมา’’ติ นิยฺยาเตนฺโต วิย คยฺหตีติ อาห ‘‘นิยฺยาตนปจฺจุปฏฺาโน’’ติ. ปริปุณฺณภาวปจฺจุปฏฺานตา ‘‘อุปริจโย อุปจโย’’ติ อิมสฺส อตฺถสฺส วเสน เวทิตพฺพา. ปวตฺติลกฺขณาติ รูปานํ ปวตฺตนนฺติ ลกฺขิตพฺพา. อนุปฺปพนฺธนรสาติ ปุพฺพาปรวเสน อนุ อนุ ปพนฺธนกิจฺจา. ตโต เอว อนุปจฺเฉทวเสน คเหตพฺพโต อนุปจฺเฉทปจฺจุปฏฺานา.

อุภยมฺปีติ อุปจโย สนฺตตีติ อุภยมฺปิ. ชาติรูปสฺเสวาติ รูปุปฺปาทสฺเสว อธิวจนํ. ยทิ เอวํ กสฺมา วิภชฺช วุตฺตาติ อาห ‘‘อาการนานตฺตโต’’ติ, ชาติรูปสฺส ปวตฺติอาการเภทโตติ อตฺโถ. เวเนยฺยวเสน วิภชฺชกถเน การณํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. กถํ ปเนตํ วิฺาตพฺพํ, ปวตฺติอาการนานตฺตโต ชาติรูปสฺส เภโท, น สภาวโตติ? นิทฺเทสโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โย อายตนานนฺติ โย อฑฺเฒกาทสนฺนํ รูปายตนานํ อาทิจยตฺตา ‘‘อาจโย’’ติ วุตฺโต. โส เอว อุปจโย ปมุปฺปาทภาวโต อุป-สทฺโท ปมตฺโถติ กตฺวา. โย ปน ตตฺเถว อุปฺปชฺชมานานํ อุปริ จยตฺตา อุปจโย, สา เอว สนฺตติ อนุปพนฺธวเสน อุปฺปตฺติภาวโต. อถ วา โย อายตนานํ อาจโย ปมภาเวน อุปลกฺขิโต อุปฺปาโท, โส ปน ตตฺเถว อุปฺปชฺชมานานํ อุปริ จยตฺตา อุปจโย, วฑฺฒีติ อตฺโถ. อุปจโย วฑฺฒิภาเวน อุปลกฺขิโต อุปฺปาโท, สา เอว สนฺตติ ปพนฺธากาเรน อุปฺปตฺติภาวโต. เตนาห ‘‘อฏฺกถายมฺปี’’ติอาทิ.

ตตฺถ เอวํ กึ กถิตนฺติ ‘‘โย อายตนานํ อาจโย’’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๔๑) นิทฺเทเสน กึ อตฺถชาตํ กถิตํ โหติ? อายตเนน อาจโย กถิโต. อาจยุปจยสนฺตติโย หิ นิพฺพตฺติภาเวน อาจโย เอวาติ อายตเนหิ อาจยาทีนํ ปกาสิตตฺตา เตหิ อาจโย กถิโต. อายตนานํ อาจยาทิวจเนเนว อาจยสภาวานิ อุปฺปาทธมฺมานิ อายตนานีติ อาจเยน ตํปกติกํ อายตนํ กถิตํ. ลกฺขณฺหิ อุปฺปาโท, น รูปรูปนฺติ.

รูปปริปาโก รูปธมฺมานํ ชิณฺณตา. อุปนยนรสาติ ภงฺคุปนยนกิจฺจา. สภาวานปคเมปีติ กกฺขฬตาทิสภาวสฺส อวิคเมปิ. ิติกฺขเณ หิ ชรา, น จ ตทา ธมฺโม สภาวํ วิชหติ นาม. นวภาโว อุปฺปาทาวตฺถา, ตสฺส อปคมภาเวน คยฺหตีติ อาห ‘‘นวภาวาปคมปจฺจุปฏฺานา’’ติ. ‘‘อรูปธมฺมาน’’นฺติ อิทํ เตสํ ชราย สุฏฺุ ปฏิจฺฉนฺนตาย วุตฺตํ. รูปธมฺมานมฺปิ หิ ขณิกชรา ปฏิจฺฉนฺนา เอว, ยา อวีจิชราติปิ วุจฺจติ. เอส วิกาโรติ ขณฺฑิจฺจาทิวิการมาห. โส หิ อรูปธมฺเมสุ น ลพฺภติ. ยา อวีจิชรา นาม, ตสฺสาปิ เอส วิกาโร นตฺถีติ สมฺพนฺธิตพฺพํ. นตฺถิ เอติสฺสา ชราย วีจีติ อวีจิชรา, นวภาวโต ทุวิฺเยฺยนฺตรชราติ อตฺโถ.

ปริโต สพฺพโส ‘‘ภิชฺชน’’นฺติ ลกฺขิตพฺพาติ ปริเภทลกฺขณา. นิจฺจํ นาม ธุวํ, รูปํ ปน ขณภงฺคิตาย เยน ภงฺเคน น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, โส อนิจฺจสฺส ภาโวติ อนิจฺจตา. สา ปน ยสฺมา ิติปฺปตฺตํ รูปํ วินาสภาเวน สํสีทนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สํสีทนรสา’’ติ. ยสฺมา จ สา รูปธมฺมานํ ภงฺคภาวโต ขยวยากาเรเนว คยฺหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ขยวยปจฺจุปฏฺานา’’ติ.

๔๔๕. โอชาลกฺขโณติ เอตฺถ องฺคมงฺคานุสาริโน รสสฺส สาโร อุปถมฺภพลกโร ภูตนิสฺสิโต เอโก วิเสโส โอชา. กพฬํ กรียตีติ กพฬีกาโร. อาหรียตีติ อาหาโร, กพฬํ กตฺวา อชฺโฌหรียตีติ อตฺโถ. อิทํ ปน สวตฺถุกํ โอชํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. พาหิรํ อาหารํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา เอว อชฺฌตฺติกาหาโร รูปํ อุปฺปาเทติ, โส ปน รูปํ อาหรตีติ อาหาโร. เตนาห ‘‘รูปาหรณรโส’’ติ. ตโต เอว โอชฏฺมกรูปุปฺปาทเนน อิมสฺส กายสฺส อุปถมฺภนปจฺจุปฏฺาโน. โอชาย รูปาหรณกิจฺจํ พาหิราธีนนฺติ อาห ‘‘อาหริตพฺพวตฺถุปทฏฺาโน’’ติ.

๔๔๖. พลรูปนฺติอาทีสุ อิมสฺมึ กาเย พลํ นาม อตฺถิ, สมฺภโว นาม อตฺถิ, โรโค นาม อตฺถิ, ‘‘ชาติ สฺชาตี’’ติ (วิภ. ๑๙๑) วจนโต ชาติ นาม อตฺถิ, เตหิปิ จตูหิ มหาภูเตหิ วินา อภาวโต อุปาทายรูเปหิ ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เอกจฺจานนฺติ อภยคิริวาสีนํ. ปฏิกฺขิตฺตนฺติ เอตฺถ เอวํ ปฏิกฺเขโป เวทิตพฺโพ – มิทฺธํ รูปเมว น โหติ นีวรเณสุ เทสิตตฺตา. ยสฺส หิ นีวรเณสุ เทสนา, ตํ น รูปํ ยถา กามจฺฉนฺโท. สิยา ปเนตํ ทุวิธํ มิทฺธํ รูปํ, อรูปฺจาติ. ตตฺถ ยํ อรูปํ, ตํ นีวรเณสุ เทสิตํ ‘‘น รูป’’นฺติ? ตํ น, วิเสสวจนาภาวโต. น หิ วิเสเสตฺวา มิทฺธํ นีวรเณสุ เทสิตํ, ตสฺมา มิทฺธสฺส ทุวิธตํ ปริกปฺเปตฺวาปิ น สกฺกา นีวรณภาวํ นิวตฺเตตุํ. สกฺกา หิ วตฺตุํ ‘‘ยํ ตํ อรูปโต อฺํ มิทฺธํ ปริกปฺปิตํ, ตมฺปิ นีวรณํ มิทฺธสภาวตฺตา อิตรํ มิทฺธํ วิยา’’ติ.

ภวตุ นีวรณํ, โก วิโรโธติ เจ? นีวรณฺจ ปหาตพฺพํ. ปฺจ นีวรเณ ปหาย ‘‘อทฺธา มุนีสิ สมฺพุทฺโธ, นตฺถิ นีวรณา ตวา’’ติ (สุ. นิ. ๕๔๖) วจนโต. อปฺปหาตพฺพฺจ รูปํ ‘‘กตเม ธมฺมา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพา? จตูสุ ภูมีสุ กุสลํ, จตูสุ ภูมีสุ วิปาโก, ตีสุ ภูมีสุ กิริยาพฺยากตํ, รูปฺจ นิพฺพานฺจ. อิเม ธมฺมา เนว ทสฺสเนน น ภาวนาย ปหาตพฺพา’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๗) วจนโต. น เจตฺถ ตทารมฺมณกิเลสปฺปหานํ อธิปฺเปตํ ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๓๔) วิย กามจฺฉนฺทาทีนํ ตถา ปหานสฺส อนธิปฺเปตตฺตา. ตสฺมา น มิทฺธํ รูปํ. ยทิ มิทฺธสฺส รูปภาวํ น สมฺปฏิจฺฉถ, กถํ ภควโต นิทฺทา. มิทฺธฺหิ ‘‘นิทฺทาปจลายิกา’’ติอาทินา วิภงฺเค วิภตฺตตฺตา นิทฺทาติ? น มิทฺธํ นิทฺทา, นิทฺทาเหตุภาวโต ปน ตํ ‘‘นิทฺทา’’ติ วิภตฺตํ ยถา อิตฺถิลิงฺคาทิ. เอวมฺปิ นิทฺทาเหตุโน มิทฺธสฺส อภาวโต กถํ ภควโต นิทฺทาติ? นิทฺทา ภควโต สรีรคิลานิยา, น มิทฺเธน. สา จ นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปิฏฺิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๒) วจนโต. น เจตฺถ เอวมวธารณํ มิทฺธเมว นิทฺทาเหตูติ, นิทฺทาเหตุ เอว มิทฺธนฺติ เอวมวธารณา. ตสฺมา อฺโปิ อตฺถิ นิทฺทาเหตุ, โก ปน โสติ? สรีรคิลานิยา. เตน วุตฺตํ ‘‘นิทฺทา ภควโต สรีรคิลานิยา, น มิทฺเธนา’’ติ.

นิทฺทา จ ภควโต นตฺถีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ อคฺคิเวสฺสน…เป… ทิวา สุปิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) วจนโต. อิโตปิ น มิทฺธํ รูปํ สมฺปโยควจนโต. วุตฺตฺหิ ‘‘ถินมิทฺธนีวรณํ อวิชฺชานีวรเณน นีวรณฺเจว นีวรณสมฺปยุตฺตฺจา’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๑๗๖). น เจตฺถ ยถาลาภภวนํ? สกฺกา ปจฺเจตุํ ‘‘สกฺขรกถลิกมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ จรนฺตมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๔๙) วิย อปฺปสิทฺธตาย รูปภาวสฺส. สิทฺเธ หิ ตสฺส รูปภาเว สมฺภวโต ยถาลาภปจฺจโย ยุชฺเชยฺยาติ. อิโตปิ น รูปํ มิทฺธํ อารุปฺเปสุ อุปฺปชฺชนโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘นีวรณํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ นีวรโณ ธมฺโม อุปฺปชฺชติ นปุเรชาตปจฺจยา’’ติ (ปฏฺา. ๓.๘.๘) อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘อารุปฺเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วิตฺถาโร. ตสฺมา ‘‘น มิทฺธํ รูป’’นฺติ ยํ อฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตํ, ตํ สุปฏิกฺขิตฺตเมว.

อิตเรสูติ พลรูปาทีสุ. กมฺมสมุฏฺานสฺสาปิ โรคสฺส วิสภาคปจฺจยสมุปฺปนฺโน ธาตุกฺโขโภ อาสนฺนการณํ, ปเคว อิตรสฺส. โส จ อตฺถโต รูปธมฺมานํ วิการาวตฺถาิติภงฺคกฺขเณสุ เอว สิยาติ วุตฺตํ ‘‘โรครูปํ ชรตาอนิจฺจตาคหเณน คหิตเมวา’’ติ. อุปจยสนฺตติคหเณน คหิตเมวาติ ตพฺพินิมุตฺตสฺส รูปุปฺปาทสฺส อภาวโต. อุปาทาวตฺถาย จ อฺา ชาติ นาม นตฺเถว. สมฺภโว กามธาตุยํ เอกจฺจิยสตฺตานํ อินฺทฺริยปริปากปจฺจโย อาโปธาตุยา ปวตฺติอาการวิเสโสติ อาห ‘‘สมฺภวรูปํ อาโปธาตุคฺคหเณน คหิตเมวา’’ติ. กายพลํ นาม อตฺถโต วาโยธาตุยา ปวตฺติอาการวิเสโส ตสฺสา วิปฺผารภาวโต. ยโต นํ ‘‘ปาณพล’’นฺติ วทนฺติ, เตนาห ‘‘พลรูปํ วาโยธาตุคฺคหเณน คหิตเมวา’’ติ. กสฺมา ปน เนสํ อยถากฺกมโต ปฏิกฺเขโป กโตติ? วิสุํ นตฺถีติ กตฺวา อนุปลพฺภมานตฺตา อนาทรทสฺสนตฺถํ, มิทฺธปฏิกฺเขโป วา มหาปฺโหติ ปมํ กโต. ตทนุสาเรน ปฏิโลมนเยน อิตเรสมฺปิ อภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺพํ.

‘‘อิตี’’ติ อิทํ ‘‘อฏฺวีสติวิธ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ, อิมินา วุตฺตกฺกเมน อฏฺวีสติวิธํ โหตีติ. โส จ โข ปาฬิยํ อาคตนเยเนวาติ อนูนตา เวทิตพฺพา. อนธิกภาโว ปน ทสฺสิโต เอว.

๔๔๗. สมฺปยุตฺตธมฺมราสิ หิโนติ เอเตน ปติฏฺหตีหิ เหตุ, มูลฏฺเน โลภาทิโก, อโลภาทิโก จ, ตาทิโส เหตุ น โหตีติ นเหตุ. นาสฺส เหตุ อตฺถีติ อเหตุกํ, สเหตุกปฏิโยคิภาวโต เหตุนา สห น อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. อเหตุกเมว เหตุนา วิปฺปยุตฺตตาย เหตุวิปฺปยุตฺตํ. ธมฺมนานตฺตาภาเวปิ หิ สทฺทตฺถนานตฺเตน เวเนยฺยวเสน ทุกนฺตรเทสนา โหตีติ ทุกปทวเสน เจตํ วุตฺตํ. ปจฺจยาธีนวุตฺติตาย สห ปจฺจเยนาติ สปฺปจฺจยํ. อตฺตโน ปจฺจเยหิ โลเก นิยุตฺตํ, วิทิตนฺติ วา โลกิยํ. อา ภวคฺคํ, อา โคตฺรภุํ วา สวนฺตีติ อาสวา, สห อาสเวหีติ สาสวํ, อาสเวหิ อาลมฺพิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อาทิสทฺเทน สํโยชนียํ โอฆนียํ โยคนียํ นีวรณียํ สํกิเลสิกํ ปรามฏฺํ อเจตสิกํ จิตฺตวิปฺปยุตฺตํ นรูปาวจรํ นอรูปาวจรํ นอปริยาปนฺนํ อนิยตํ อนิยฺยานิกํ อนิจฺจนฺติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโว. ตํ อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตา อชฺฌตฺตา, อินฺทฺริยพทฺธธมฺมา, เตสุ ภวํ อชฺฌตฺติกํ, จกฺขาทิ. อฏฺกถายํ ปน วุตฺตนเยน อชฺฌตฺตเมว อชฺฌตฺติกํ ยถา เวนยิโกติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘) อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อตฺตภาวํ อธิกิจฺจ ปวตฺตตฺตา อชฺฌตฺติก’’นฺติ. เสสํ เตวีสติวิธํ. ‘‘ตโต พาหิรตฺตา’’ติ อิทํ อชฺฌตฺติกลกฺขณาภาวโต วุตฺตํ. ฆฏฺฏนวเสนาติ วิสยี, วิสโย จ หุตฺวา สงฺฆฏฺฏนวเสน. เสสํ โสฬสวิธํ. วิปรีตตฺตาติ ฆฏฺฏนวเสน อคเหตพฺพโต. ทุปฺปฏิวิชฺฌสภาวตฺตาติ สุขุมภาเวน ทุวิฺเยฺยสภาวตฺตา. าณสฺส อาสนฺเน น โหตีติ ทูเร. เตรส หทยวตฺถุปริโยสานานิ. สภาเวเนวาติ ‘‘รูปสฺส ปริจฺเฉโท, รูปสฺส วิกาโร, รูปสฺส อุปจโย’’ติอาทินา อคฺคเหตฺวา อตฺตโน สภาเวเนว กกฺขฬตฺตาทินา าเณน ปริจฺฉิชฺช คเหตพฺพโต. เสสํ ทสวิธํ. ตพฺพิปรีตตายาติ สภาเวน อปริคฺคหิตพฺพโต. โสตาทีนมฺปิ จกฺขุโน วิย ปสนฺนสภาวตฺตา เอว ยถาสกํ วิสยคฺคหณปจฺจยตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จกฺขาทิ…เป… ปสาทรูป’’นฺติ. วิปรีตตฺตาติ ตพฺพิธุรสภาวตฺตา. อธิปติยฏฺเนาติ เอตฺถ จกฺขาทีนํ ตาว ปฺจนฺนํ จกฺขุวิฺาณาทีสุ อาธิปเตยฺยํ เตสํ ปฏุมนฺทภาวานุวตฺตนโต, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยทฺวยสฺส สกิจฺเจ ชีวิตินฺทฺริยสฺส สหชรูปานุปาลเน. ตทุภยํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อุปาทินฺนตฺตาติ คหิตตฺตา. กมฺมนิพฺพตฺตฺหิ ‘‘มเมตํ ผลํ’’นฺติ กมฺมุนา คหิตํ วิย โหติ อปฏิกฺเขปโต.

๔๔๘. สนิทสฺสนกมฺมชาทีนํ ติกานนฺติ สนิทสฺสนตฺติกสฺส, กมฺมชาทิตฺติกานฺจ. โอฬาริเกติ ทฺวาทสวิเธ โอฬาริกรูเป. รูปนฺติ รูปายตนํ. ทฏฺพฺพภาวสงฺขาเตน สห นิทสฺสเนนาติ สนิทสฺสนํ, ปฏิหนนภาวสงฺขาเตน สห ปฏิเฆนาติ สปฺปฏิฆํ, สนิทสฺสนฺจ ตํ สปฺปฏิฆฺจาติ สนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ. ตตฺถ ยสฺส ทฏฺพฺพภาโว อตฺถิ, ตํ สนิทสฺสนํ. จกฺขุวิฺาณโคจรภาโวว ทฏฺพฺพภาโว. ตสฺส รูปายตนโต อนฺตฺเตปิ อฺเหิ ธมฺเมหิ รูปายตนํ วิเสเสตุํ อฺํ วิย กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สห นิทสฺสเนน สนิทสฺสน’’นฺติ. ธมฺมภาวสามฺเน หิ เอกีภูเตสุ ธมฺเมสุ โย นานตฺตกโร วิเสโส, โส อฺโ วิย กตฺวา อุปจริตุํ ยุตฺโต. เอวํ หิ อตฺถวิเสสาวโพโธ โหตีติ. โย สยํ, นิสฺสยวเสน จ สมฺปตฺตานํ, อสมฺปตฺตานฺจ ปฏิมุขภาโว อฺมฺํ ปตนํ, โส ปฏิหนนภาโว, เยน พฺยาปาราทิวิการปจฺจยนฺตรสหิเตสุ จกฺขาทีนํ วิสเยสุ วิการุปฺปตฺติ. เสสํ เอกาทสวิธํ โอฬาริกรูปํ. ตฺหิ สนิทสฺสนตฺตาภาวโต อนิทสฺสนํ, วุตฺตนเยเนว สปฺปฏิฆํ. อุภยปฏิกฺเขเปน อนิทสฺสนอปฺปฏิฆํ. กมฺมโต ชาตนฺติ เอตฺถ ยํ เอกนฺตกมฺมสมุฏฺานํ อฏฺินฺทฺริยานิ, หทยฺจาติ นววิธํ รูปํ, ยฺจ นววิเธ จตุสมุฏฺาเน กมฺมสมุฏฺานํ นววิธเมว รูปนฺติ เอวํ อฏฺารสวิธมฺปิ กมฺมโต อุปฺปชฺชนโต กมฺมชํ. ยฺหิ ชาตฺจ ยฺจ ชายติ ยฺจ ชายิสฺสติ, ตํ สพฺพมฺปิ ‘‘กมฺมช’’นฺติ วุจฺจติ ยถา ทุทฺธนฺติ. ตทฺปจฺจยชาตนฺติ กมฺมโต อฺปจฺจยโต ชาตํ อุตุจิตฺตาหารชํ. นกุโตจิชาตนฺติ ลกฺขณรูปมาห. วิฺตฺติทฺวยํ, สทฺโท, อากาสธาตุ, ลหุตาทิตฺตยํ จิตฺตสมุฏฺานานิ อวินิพฺโภครูปานีติ เอตํ ปฺจทสวิธํ รูปํ จิตฺตชํ. อากาสธาตุ, ลหุตาทิตฺตยํ, อาหารสมุฏฺานานิ อวินิพฺโภครูปานีติ เอตํ ทฺวาทสวิธํ รูปํ อาหารชํ. เอตฺถ สทฺทํ ปกฺขิปิตฺวา เตรสวิธํ รูปํ อุตุโต สมุฏฺิตํ อุตุชํ. เสสํ กมฺมชติเก วุตฺตนยานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ.

๔๔๙. ทิฏฺาทิจตุกฺกวเสน, รูปรูปาทิจตุกฺกวเสน, วตฺถาทิจตุกฺกวเสนาติ ปาเฏกฺกํ จตุกฺกสทฺโท โยเชตพฺโพ. ยํ รูปายตนํ อทกฺขิ ยํ ปสฺสติ ยํ ทกฺขิสฺสติ ยํ ปสฺเสยฺย, ตํ สพฺพํ ทิฏฺํ นาม ทิฏฺสภาวานาติวตฺตนโต ยถา ทุทฺธนฺติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ทสฺสนวิสยตฺตาติ จกฺขุวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา. สวนวิสยตฺตาติ โสตวิฺาณวิฺเยฺยตฺตา. คนฺธรสโผฏฺพฺพตฺตยนฺติ คนฺโธ รโส โผฏฺพฺพนฺติ เอตํ ตยํ. มุตํ นาม มุตฺวา ปตฺวา คเหตพฺพโต. เตนาห ‘‘สมฺปตฺตคฺคาหกอินฺทฺริยวิสยตฺตา’’ติ.

กิมิทํ โผฏฺพฺพํ นามาติ? ปถวีเตโชวาโยธาตุตฺตยํ. กสฺมา ปเนตฺถ อาโปธาตุ อคฺคหิตา, นนุ สีตตา ผุสิตฺวา คยฺหติ, สา จ อาโปธาตูติ? สจฺจํ คยฺหติ, น ปน สา อาโปธาตุ. กิฺจรหีติ? เตโชธาตุ เอว. มนฺเท หิ อุณฺหภาเว สีตพุทฺธิ. น หิ สีตํ นาม โกจิ คุโณ อตฺถิ, เกวลํ ปน อุณฺหภาวสฺส มนฺทตาย สีตตาภิมาโน. กถเมตํ วิฺาตพฺพนฺติ เจ? อนวฏฺิตตฺตา สีตพุทฺธิยา ยถา ปาราปาเร. ตถา หิ ฆมฺมกาเล อาตเป ิตานํ ฉายํ ปวิฏฺานํ สีตพุทฺธิ โหติ, ตตฺเถว ปน ปถวีคพฺภโต อุฏฺิตานํ อุณฺหพุทฺธิ. ยทิ หิ สีตตา อาโปธาตุ สิยา, เอกสฺมึ กลาเป อุณฺหภาเวน สทฺธึ อุปลพฺเภยฺย, น จ อุปลพฺภติ. ตสฺมา วิฺายติ น อาโปธาตุ สีตตาติ. อิทฺจ ภูตานํ อวินิพฺโภควุตฺติตํ อิจฺฉนฺตานํ อุตฺตรํ, อนิจฺฉนฺตานมฺปิ ปน จตุนฺนํ ภูตานํ เอกสฺมึ กลาเป กิจฺจทสฺสเนน สภาควุตฺติตาย สาธิตาย อุตฺตรเมว. เย ปน ‘‘วาโยธาตุยา ลกฺขณํ สีตตา’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ อิทเมว อุตฺตรํ. ยทิ หิ วาโยธาตุ สีตตา สิยา, เอกสฺมึ กลาเป อุณฺหภาเวน สทฺธึ สีตตา อุปลพฺเภยฺย, น จ อุปลพฺภติ. ตสฺมา วิฺายติ น วาโยธาตุ สีตตาติ. เยสํ ปน ทฺรวตา อาโปธาตุ, สา จ ผุสิตฺวา คยฺหตีติ ทสฺสนํ. เต วตฺตพฺพา ‘‘ทฺรวภาโวปิ ผุสียตีติ อายสฺมนฺตานํ อธิมานมตฺตํ สณฺานํ วิยา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ปุราตเนหิ –

‘‘ทฺรวตา สหวุตฺตีนิ, ตีณิ ภูตานิ สมฺผุสํ;

‘ทฺรวตํ สมฺผุสามี’ติ, โลโกยมภิมฺติ.

‘‘ผุสํ ภูตานิ สณฺานํ, มนสา คณฺหเต ยถา;

‘ปจฺจกฺขโต ผุสามี’ติ, าตพฺพา ทฺรวตา ตถา’’ติ.

เสสนฺติ ยถาวุตฺตํ รูปาทิสตฺตวิธํ รูปํ เปตฺวา อวสิฏฺํ เอกวีสติวิธํ รูปํ. วิฺาณสฺเสวาติ มโนวิฺาณสฺเสว. อวธารเณน รูปายตนาทีนมฺปิ มโนวิฺาณวิฺเยฺยตฺเต นิยมาภาวโต น วิฺาตรูปตาติ สงฺกราภาวํ ทสฺเสติ.

นิปฺผนฺนรูปํ ปเนตฺถ รูปรูปํ นามาติ ยเทตฺถ อฏฺวีสติวิเธ รูเป ‘‘นิปฺผนฺน’’นฺติ วุตฺตํ รูปํ, ตเทว รูปลกฺขณโยคโต รูปํ. รุปฺปนํ รูปํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ ยถา อริสโสติ, รูปคุณโยคโต วา ยถา นีลคุณโยคโต นีลํ วตฺถนฺติ. สฺวายํ รูปสทฺโท รุฬฺหิยา อตํสภาเวปิ ปวตฺตตีติ อปเรน รูปสทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘รูปรูป’’นฺติ ยถา ติลเตลํ, ทุกฺขทุกฺขนฺติ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๓๙) จ, รุปฺปนสภาวํ รูปนฺติ อตฺโถ. ยทิ เอวํ, อากาสธาตุอาทีนํ กถํ รูปภาโวติ? นิปฺผนฺนรูปสฺส ปริจฺเฉทวิการลกฺขณภาวโต ตคฺคติกเมวาติ ‘‘รูป’’นฺตฺเวว วุจฺจติ.

วสนฺติ เอตฺถ จิตฺตเจตสิกา ปวตฺตนฺตีติ วตฺถุ, จิตฺตตํสมฺปยุตฺตานํ อาธารภูตํ รูปํ. ตํ ปน ฉพฺพิธํ. ตตฺถ หทยรูปํ วตฺถุ เอว มโนธาตุมโนวิฺาณธาตูนํ นิสฺสยภาวโต. น ทฺวารํ อฺนิสฺสยานํ จกฺขาทิ วิย. ยถา หิ จกฺขาทีนิ สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ ปวตฺติยา ทฺวารํ โหนฺติ, น เอวํ หทยวตฺถุ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ปเนตฺถ หทยรูปํ นาม, ตํ วตฺถุ, น ทฺวาร’’นฺติ. วิฺตฺติทฺวยํ ทฺวารํ กมฺมทฺวารภาวโต. ตนฺนิสฺสิตสฺส จิตฺตุปฺปาทสฺส อภาวโต น วตฺถุ. ปสาทรูปํ วตฺถุ เจว อตฺตสนฺนิสฺสิตสฺส จกฺขุวิฺาณาทิกสฺส, ทฺวารฺจ อฺนิสฺสิตสฺส สมฺปฏิจฺฉนาทิกสฺส. เสสํ เอกวีสติวิธํ รูปํ วุตฺตวิปริยายโต เนว วตฺถุ น จ ทฺวารํ.

๔๕๐. เอกโต เอว ชาตํ เอกชํ. นนุ จ เอกโต เอว ปจฺจยโต ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส อุปฺปตฺติ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, รูปชนกปจฺจเยสุ เอกโตติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. น หิ รูปุปฺปตฺติ รูปชนกโต อฺํ ปจฺจยํ อเปกฺขติ. ทฺวิชนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อิเมสนฺติ อิเมสํ ปเภทานํ วเสน. กมฺมชเมวาติ กมฺมโต เอว ชาตํ. จิตฺตชเมวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. จิตฺตโต จ อุตุโต จ ชาตนฺติ กาเลน จิตฺตโต, กาเลน อุตุโตติ เอวํ จิตฺตโต จ อุตุโต จ ชาตํ ทฏฺพฺพํ. ตํ ทฺวิชํ ทฺวีหิ ชาตนฺติ. ปรโต ทฺวีสุปิ เอเสว นโย. สทฺทายตนเมวาติ เอตฺถ ยํ จิตฺตชํ สทฺทายตนํ, ตํ สวิฺตฺติกเมวาติ เอเก. อวิฺตฺติโกปิ อตฺถิ วิตกฺกวิปฺผารสทฺโทติ โปราณา.

วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท น โสตวิฺเยฺโยติ หิ เอวํ ปวตฺตมหาอฏฺกถาวาทํ นิสฺสาย จิตฺตสมุฏฺานสฺส สทฺทสฺส วิฺตฺติยา วินาปิ อุปฺปตฺติ อิจฺฉิตพฺพา. น หิ วิฺตฺติ ‘‘กายวาจาย วิฺตฺตี’’ติ วจนโต อโสตวิฺเยฺเยน สทฺเทน สห อุปฺปชฺชติ, เอวํ สนฺเต จิตฺตเชนาปิ สทฺทนวเกน ภวิตพฺพํ. โส จ วาโท ‘‘สทฺโท จ โหติ, น โสตวิฺเยฺโย จา’’ติ วิรุทฺธเมเวตนฺติ มฺมาเนหิ สงฺคหกาเรหิ ปฏิกฺขิตฺโต. อปเร ปน มหาอฏฺกถาวาทํ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ตสฺส อธิปฺปายํ วณฺเณนฺติ. กถํ? ‘‘ชิวฺหาตาลุจลนาทิกํ วิตกฺกสมุฏฺิตํ วิฺตฺติสหชเมว สุขุมสทฺทํ ทิพฺพโสเตน สุตฺวา อาทิสตี’’ติ สุตฺเต, ปฏฺาเน จ โอฬาริกํ สทฺทํ สนฺธาย โสตวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจยภาโว วุตฺโตติ อิมินา อธิปฺปาเยน วิตกฺกวิปฺผารสทฺทสฺส อโสตวิฺเยฺยตา วุตฺตาติ. ตํ จตุชํ. อวเสสนฺติ อวินิพฺโภครูเปน สทฺธึ อากาสธาตุมาห.

ลกฺขณรูปํ ปน นกุโตจิชาตนฺติ กุโตจิปิ ปจฺจยโต น ชาตํ, นาปิ สยเมว ชาตํ ปจฺจเยหิ วินา สยเมว ชาตสฺส สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต. กถํ ปเนตํ วิฺาตพฺพํ ลกฺขณรูปํ น ชายตีติ? ลกฺขณาภาวโต. อุปฺปตฺติมนฺตานํ หิ รูปายตนาทีนํ ชาติอาทีนิ ลกฺขณานิ วิชฺชนฺติ, น เอวํ ชาติอาทีนํ. ตสฺมา วิฺาตพฺพเมตํ ชาติอาทีนิ น ชายนฺตีติ. สิยา ปเนตํ ‘‘ชาติอาทีนํ ชาติอาทีนิ ลกฺขณานิ วิชฺชนฺตี’’ติ? ตํ น, กสฺมา? ตถา สติ อนวฏฺานาปตฺติโต. ยทิ หิ ชาติอาทีนิ ชาติอาทิมนฺตานิ สิยุํ, ตานิปิ ชาติอาทิมนฺตานิ, ตานิปิ ชาติอาทิมนฺตานีติ อนวฏฺานเมว อาปชฺชติ. ตสฺมา สุฏฺุ วุตฺตํ ‘‘ชาติอาทีนิ น ชายนฺตี’’ติ. เตนาห ‘‘น หิ อุปฺปาทสฺส อุปฺปาโท อตฺถิ, อุปฺปนฺนสฺส จ ปริปากเภทมตฺตํ อิตรทฺวย’’นฺติ, ชรามรณนฺติ อตฺโถ.

ตตฺถ ‘‘อุปฺปาโท นตฺถี’’ติ เอเตน อุปฺปาทสฺส ชรามรณาภาวมาห. อสติ อุปฺปาเท กุโต ชรามรณนฺติ มตฺตคฺคหเณน ชรามรณสฺส อุปฺปาทาภาวมฺปิ. ยทิ เอวํ ชาติยา กุโตจิ ชาตตาวจนํ กถนฺติ อาห ‘‘ยมฺปี’’ติอาทิ. ตตฺถ กิจฺจานุภาวกฺขเณ ทิฏฺตฺตาติ เย เต จิตฺตาทโย รูปายตนาทีนํ รูปานํ ชนกปจฺจยา, เตสํ ตทุปฺปาทนํ ปติ อนุปรตพฺยาปารานํ โย โส ปจฺจยภาวูปลกฺขณีโย กิจฺจานุภาวกฺขโณ, ตทา ชายมานานํ รูปายตนาทีนํ ธมฺมานํ วิการภาเวน อุปลพฺภมานตํ สนฺธาย เวเนยฺยปุคฺคลวเสน ชาติยา กุโตจิ ปจฺจยโต ชาตตฺตํ ปาฬิยํ อนุฺาตํ ยถา ตํ จิตฺตสมุฏฺานตาทิ วิฺตฺติอาทีนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เยหิ ปจฺจยธมฺเมหิ รูปาทโย อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตสํ ปจฺจยภาวูปคมนกฺขเณ อุปลพฺภมานา รูปาทโย ตโต ปุเร, ปจฺฉา จ อนุปลพฺภมานา ตโต อุปฺปชฺชนฺตีติ วิฺายนฺติ, เอวํ ชาติปิ เวทิตพฺพา. ยทิ เอวํ นิปฺปริยายโต ชาติยา กุโตจิ ชาตตา สิทฺธา, อถ กสฺมา เวเนยฺยปุคฺคลวเสนาติ วุตฺตนฺติ? นยิทเมวํ ชายมานธมฺมวิการภาเวน อุปลพฺภมานตฺตา. ยทิ หิ ธมฺโม วิย อุปลพฺเภยฺย ชาติ, นิปฺปริยาโยว ตสฺสา กุโตจิ ชาตภาโว, น เอวมุปลพฺภติ, อถ โข วิการภาเวน. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เวเนยฺยปุคฺคลวเสนา’’ติ.

ตทา กิร โสตูนํ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ ‘‘อยํ ชาติ สพฺเพสํ ธมฺมานํ ปภโว, สยฺจ น กุโตจิ ชายติ ยถา ตํ ปกติวาทีนํ ปกตี’’ติ, ตํ เนสํ มิจฺฉาคาหํ วิธเมนฺโต สตฺถา ‘‘อุปจโย สนฺตตี’’ติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา กุโตจิ ปจฺจยโต ชาตฺจ กตฺวา เทเสสิ, น ปน ชรามรณํ ปจฺจยธมฺมานํ กิจฺจานุภาวกฺขเณ อทสฺสนโต. ยทิ เอวํ กถํ ‘‘ชรามรณํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) วุตฺตํ? ยสฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ ปริปากภงฺคตาย เตสุ สนฺเตสุ โหนฺติ, น อสนฺเตสุ. น หิ อชาตํ ปริปจฺจติ, ภิชฺชติ วา, ตสฺมา ตํ ชาติปจฺจยตํ สนฺธาย ‘‘ชรามรณํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) ปริยาเยน สุตฺเตสุ วุตฺตํ. โย ปเนตฺถ กามภวาทีสุ กมฺมาทินา ปจฺจเยน โยนิวิภาคโต ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺติยฺจ รูปธมฺมานํ ปวตฺติเภโท วตฺตพฺโพ, โส ปรโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถายํ อาวิ ภวิสฺสตีติ น วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.

อิติ รูปกฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.

วิฺาณกฺขนฺธกถาวณฺณนา

๔๕๑. ยํ กิฺจีติ อนวเสสปริยาทานทีปเกน ปททฺวเยน เวทยิตสฺส พหุเภทตํ ทสฺเสนฺโต วุจฺจมานํ ราสฏฺํ อุลฺลิงฺเคติ. เวทยิตํ อารมฺมณรสานุภวนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ เวทยิตลกฺขณํ. สพฺพํ ตํ ธมฺมชาตนฺติ อธิปฺปาโย, ปุพฺเพ วา รูปกฺขนฺธกถายํ วุตฺตํ อธิการโต อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอกโต กตฺวาติ อตีตาทิเภทภินฺนํ สพฺพํ ตํ พุทฺธิยา เอกโต กตฺวา. เอวฺหิ ราสฏฺสฺส สมฺภโว. นีลาทิเภทสฺส อารมฺมณสฺส สฺชานนํ, ‘‘นีลํ ปีตํ ทีฆํ รสฺส’’นฺติ (ธ. ส. ๖๑๕) จ อาทินา สฺุปฺปาทวเสน ชานนํ คหณํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ สฺชานนลกฺขณํ. อภิสงฺขรณํ อายูหนํ พฺยาปาราปตฺติ, อภิสนฺทหนํ วา, อุภยถาปิ เจตนาปธานตาย สงฺขารกฺขนฺธสฺส เอวํ วุตฺตํ ‘‘อภิสงฺขรณลกฺขณ’’นฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธํ วิภชนฺเตน ภควตา ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา (วิภ. ๒๑) เจตนาว วิภตฺตา. มินิตพฺพวตฺถุํ นาฬิยา มินมาโน ปุริโส วิย เยน สฺชานนาการวิสิฏฺเน อากาเรน วิสยํ คณฺหาติ, ตํ อารมฺมณูปลทฺธิสงฺขาตํ วิชานนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ วิชานนลกฺขณํ. อิตเร เวทนากฺขนฺธาทโย สุวิฺเยฺยา โหนฺตีติ วิฺาเณน เอกุปฺปาทาทิภาวโต, สมานชาติอาทิวิภาคโต จ.

อตฺตนา ‘‘วิชานนลกฺขณ’’นฺติ วุตฺตมตฺถํ สุตฺเตน สมตฺเถตุํ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถาปจฺจยํ ปวตฺติมตฺตเมตํ, ยทิทํ สภาวธมฺโมติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิชานนลกฺขณ’’นฺติ ภาวสาธนวเสน วุตฺตํ. ธมฺมสภาวา วินิมุตฺโต โกจิ กตฺตา นาม นตฺถีติ ตสฺเสว กตฺตุภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิชานาตี’’ติ วุตฺตํ. ยํ วิชานนฏฺเน วิฺาณํ, ตเทว จินฺตนาทิอตฺเถน จิตฺตํ, มนนฏฺเน มโนติ ปริยายโตปิ นํ โพเธติ. เอตฺตาวตา จ ขนฺธโต, เภทโต, ปริยายโต จ วิฺาณํ วิภาวิตํ โหติ.

ชายนฺติ เอตฺถ วิสทิสาปิ สทิสาการาติ ชาติ, สมานากาโร. สา ปนายํ ชาติ กามํ อเนกวิธา นานปฺปการา, ตํ อิธาธิปฺเปตเมว ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘กุสลํ, อกุสลํ, อพฺยากตฺจา’’ติ อาห. ตตฺถ กุสลฏฺเน กุสลํ. โกยํ กุสลฏฺโ นาม? อาโรคฺยฏฺโ อนวชฺชฏฺโ สุขวิปากฏฺโ. อาโรคฺยฏฺเนาปิ หิ กุสลํ วุจฺจติ ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสล’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙). อนวชฺชฏฺเนาปิ ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กุสโล กายสมาจาโร? โย โข, มหาราช, อนวชฺโช กายสมาจาโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๖๑). สุขวิปากฏฺเนาปิ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐). กุสลจิตฺตฺหิ ราคาทีนํ เจตสิกโรคานํ อวชฺชสภาวานํ ปฏิปกฺขภาวโต, สุขวิปากวิปจฺจนโต จ อโรคํ, อนวชฺชํ, สุขวิปากฺจาติ.

สทฺทตฺถโต ปน กุจฺฉิเต ปาปธมฺเม สลยติ จลยติ กมฺเมติ วิทฺธํเสตีติ กุสลํ. กุจฺฉิเตน วา อากาเรน สยนฺตีติ กุสา, ปาปธมฺมา, เต กุเส ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา สานโต ตนุกรณโต าณํ กุสํ นาม, เตน ลาตพฺพํ คเหตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ กุสลํ. ยถา วา กุโส อุภยภาคคตํ หตฺถปเทสํ ลุนาติ, เอวมิทํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนวเสน อุภยภาคคตํ สํกิเลสปกฺขํ ลุนาติ ฉินฺทติ, ตสฺมา กุโส วิย ลุนาตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา สาวชฺชธมฺมานํ สลนโต สํวรณโต กุสลํ. กุสลธมฺมวเสน หิ อกุสลา ปวตฺตินิวารเณน, อปฺปวตฺติภาวาปาทเนน จ มนจฺฉฏฺเสุ ทฺวาเรสุ อปฺปวตฺติยา สํวุตา ปิหิตา โหนฺติ. กุจฺฉิเต วา ปาปธมฺเม สลยติ กมฺเปติ อปเนตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา ปาณาติปาตาทีนํ ปาปธมฺมานํ สานโต นิสานโต เตชนโต กุสา, โทสโลภาทโย. โทสาทีนฺหิ วเสน เจตนาย ติกฺขภาวปฺปตฺติยา ปาณาติปาตาทีนํ มหาสาวชฺชตา, เต กุเส ลุนาติ ฉินฺทตีติ กุสลํ. กุจฺฉิตานํ วา สานโต อนฺตกรณโต วินาสนโต กุสานิ, ปุฺกิริยวเสน ปวตฺตานิ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ, เตหิ ลาตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ กุสลํ. ‘‘กุ’’ อิติ วา ภูมิ วุจฺจติ, อธิฏฺานภาเวน ตํสทิสสฺส อตฺตโน นิสฺสยภูตสฺส รูปารูปปฺปพนฺธสฺส สมฺปติ, อายติฺจ อนุทหเนน วินาสนโต กุํ สิยนฺตีติ กุสา, ราคาทโย, เต วิย อตฺตโน นิสฺสยสฺส ลวนโต ฉินฺทนโต กุสลํ. ปโยคสมฺปาทิตา หิ กุสลธมฺมา อจฺจนฺตเมว รูปารูปธมฺเม อปฺปวตฺติกรเณน สมุจฺฉินฺทนฺตีติ.

น กุสลนฺติ อกุสลํ, กุสลปฏิปกฺขนฺติ อตฺโถ. น กุสลนฺติ หิ กุสลปฏิกฺเขเปน อกุสลปทสฺส อวยวเภเทน อตฺเถ วุจฺจมาเน ยถา ยํ ธมฺมชาตํ น อโรคํ, น อนวชฺชํ, น สุขวิปากํ, น จ โกสลฺลสมฺภูตํ, ตํ อกุสลนฺติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ, เอวํ ยํ น กุจฺฉิตานํ สลนสภาวํ, น กุสานํ ลวนสภาวํ, น กุเสน กุเสหิ วา ปวตฺเตตพฺพํ, น จ กุโส วิย ลวนกํ, ตํ อกุสลํ นามาติ อยมฺปิ อตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. เอตฺถ จ ยสฺมา กุสลํ อกุสลสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตํ, ยโต เจตสิกโรคปฏิปกฺขาทิภาวโต อโรคาทิปริยาเยนปิ โพธิตํ, ตสฺมา อกุสลํ ปน กุสลสฺส อุชุวิปจฺจนีกภูตนฺติ วุตฺตํ ‘‘กุสลปฏิปกฺขนฺติ อตฺโถ’’ติ. ตํ ปน ยถากฺกมํ ปหายกปหาตพฺพภาเวเนวาติ ทฏฺพฺพํ.

น พฺยากตนฺติ อพฺยากตํ, กุสลากุสลภาเวน อกถิตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ กุสลภาโว อนวชฺชสุขวิปากฏฺโ. อกุสลภาโว สาวชฺชทุกฺขวิปากฏฺโ, ตทุภยภาเวน อวุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอเตเนว อโรคสโรคาทิภาเวน จ อวุตฺตตา วณฺณิตาติ ทฏฺพฺพา. เอตฺถ จ ‘‘กุสลํ อกุสล’’นฺติ จ วตฺวา ‘‘อพฺยากต’’นฺติ วุตฺตตฺตา กุสลากุสลภาเวเนว อวุตฺตตา วิฺายติ, น ปการนฺตเรน. อวุตฺตตา เจตฺถ น ตถา อวตฺตพฺพตามตฺเตน, อถ โข ตทุภยวินิมุตฺตสภาวตาย เตสํ ธมฺมานนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา เหตํ ‘‘อวิปากลกฺขณ’’นฺติ วุจฺจติ.

๔๕๒. ภูมิเภทโตติ ภวนฺติ เอตฺถ ธมฺมาติ ภูมิ, านํ, อวตฺถา จ. อวตฺถาปิ หิ อวตฺถาวนฺตานํ ปวตฺติฏฺานํ วิย คยฺหติ, เอวํ เนสํ สุขคฺคหณํ โหตีติ. ตตฺถ โลกิยา ภูมิ านวเสเนว เวทิตพฺพา, โลกุตฺตรา อวตฺถาวเสน. โลกิยา วา านาวตฺถาวเสน, โลกุตฺตรา อวตฺถาวเสเนว. กามาวจรนฺติ เอตฺถ วตฺถุกาโม กิเลสกาโมติ ทฺเว กามา. เตสุ วตฺถุกาโม วิเสสโต ปฺจ กามคุณา กามียนฺตีติ, กิเลสกาโม ตณฺหา กาเมตีติ. เต ทฺเวปิ สหิตา หุตฺวา ยตฺถ อวจรนฺติ, ตํ กามาวจรํ. กึ ปน ตนฺติ? เอกาทสวิโธ กามภโว. อิทํ เยภุยฺเยน ตตฺถ อวจรติ ปวตฺตตีติ กามาวจรํ เอกสฺส อวจรสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา. เอวํ รูปารูปาวจรานิปิ เวทิตพฺพานิ รูปตณฺหา รูปํ, อรูปตณฺหา อรูปนฺติ กตฺวา. อถ วา กามตณฺหา กาโม อุตฺตรปทโลเปน, อวจรติ เอตฺถาติ อวจรํ, กามสฺส อวจรํ กามาวจรํ. เอวํ รูปาวจรารูปาวจรานิปิ เวทิตพฺพานิ. โลกโต อุตฺตรตีติ โลกุตฺตรํ กุสลสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อิตรํ ปน โลกโต อุตฺติณฺณนฺติ โลกุตฺตรํ.

โสมนสฺสุเปกฺขาาณสงฺขารเภทโตติ เอตฺถ โสมนสฺสุเปกฺขาเภโท ตาว ยุตฺโต เตสํ ภินฺนสภาวตฺตา, าณสงฺขารเภโท ปน กถนฺติ? นายํ โทโส าณสงฺขารกโต เภโทาณสงฺขารเภโท, โส จ เตสํ ภาวาภาวกโตติ กตฺวา. โสภนํ มโน, สุนฺทรํ วา มโน เอตสฺสาติ สุมโน, สุมนสฺส ภาโว โสมนสฺสํ, มานสิกสุขา เวทนา รุฬฺหิยา, โสมนสฺเสน อุปฺปาทโต ปฏฺาย ยาว ภงฺคา สหคตํ ปวตฺตํ สํสฏฺํ, สมฺปยุตฺตนฺติ อตฺโถ. โสมนสฺสสหคตตา จสฺส อารมฺมณวเสน เวทิตพฺพา. อิฏฺารมฺมเณ หิ จิตฺตํ โสมนสฺสสหคตํ โหติ. นนุ จ อิฏฺารมฺมณํ โลภสฺส วตฺถุ, กถํ ตตฺถ กุสลํ โหตีติ? นยิทเมกนฺติกํ อิฏฺเปิ อาโภคาทิวเสน กุสลสฺส อุปฺปชฺชนโต. ยสฺส หิ จตุสมฺปตฺติจกฺกสมาโยคาทิวเสน โยนิโสว อาโภโค โหติ, กุสลเมว จ มยา กตฺตพฺพนฺติ กุสลกรเณ จิตฺตํ นิยมิตํ, อกุสลปฺปวตฺติโต จ นิวตฺเตตฺวา กุสลกรเณ เอว ปริณามิตํ, อภิณฺหกรณวเสน จ สมุทาจริตํ, ตสฺส อิฏฺเปิ อารมฺมเณ อโลภาทิสมฺปยุตฺตเมว จิตฺตํ โหติ, น โลภาทิสมฺปยุตฺตํ.

าเณน สมํ ปกาเรหิ ยุตฺตนฺติ าณสมฺปยุตฺตํ. เอกุปฺปาทาทโย เอว เจตฺถ ปการาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ กมฺมูปปตฺติอินฺทฺริยปริปากกิเลสทูรีภาวา าณสมฺปยุตฺตตาย การณํ. โย หิ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสติ, อนวชฺชานิ สิปฺปายตนกมฺมายตนวิชฺชฏฺานานิ สิกฺขาเปตีติ เอวมาทิกํ ปฺาสํวตฺตนิยํ กโรติ, ตสฺส กมฺมูปนิสฺสยวเสน กุสลจิตฺตํ อุปฺปชฺชมานํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. ตถา อพฺยาปชฺเช โลเก อุปฺปนฺนสฺส อุปปตฺตึ นิสฺสาย าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ตสฺส ตตฺถ สุขิโน ธมฺมปทา ปฺลวนฺติ, ทนฺโธ, ภิกฺขเว, สตุปฺปาโท, อถ โข โส สตฺโต ขิปฺปํเยว วิเสสภาคี (อ. นิ. ๔.๑๙๑) โหตี’’ติ. ตถา ปฺาทสกปตฺตสฺส อินฺทฺริยปริปากํ นิสฺสาย กุสลํ อุปฺปชฺชมานํ าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. เยน ปน กิเลสา วิกฺขมฺภิตา, ตสฺส กิเลสทูรีภาวํ นิสฺสาย าณสมฺปยุตฺตํ โหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โยคา เว ชายเต ภูริ, อโยคา ภูริสงฺขโย’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒). อตฺตโน วา ปรสฺส วา สมุสฺสาหชนิตํ จิตฺตปโยคสงฺขาตํ สงฺขรณํ สงฺขาโร, โส เอตสฺส นตฺถีติ อสงฺขารํ. เตน ปน สห สงฺขาเรน ปวตฺตตีติ สสงฺขารํ. าเณน วิปฺปยุตฺตํ วิรหิตนฺติ าณวิปฺปยุตฺตํ. วิปฺปโยโคติ เจตฺถ าณสฺส อภาโว อปฺปวตฺติเยวาติ ทฏฺพฺพํ. อุเปกฺขตีติ อุเปกฺขา, เวทยมานาปิ อารมฺมณํ อชฺฌุเปกฺขติ มชฺฌตฺตตาการสณฺิตตฺตาติ อตฺโถ. อถ วา อุเปตา สุขทุกฺขานํ อวิรุทฺธา อิกฺขา อนุภวนนฺติ อุเปกฺขา. อถ วา อิฏฺเ จ อนิฏฺเ จ อารมฺมเณ ปกฺขปาตาภาเวน อุปปตฺติโต ยุตฺติโต อิกฺขติ อนุภวตีติ อุเปกฺขา, ตาย สหคตนฺติ อุเปกฺขาสหคตํ. เสสํ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

เอวํ อฏฺ กามาวจรกุสลจิตฺตานิ อุทฺทิสิตฺวา อิทานิ เตสํ ปวตฺติอาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทา หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปฏิคฺคาหกาทิสมฺปตฺตินฺติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน เทสกาลกลฺยาณมิตฺตาทิสมฺปตฺตึ สงฺคณฺหาติ. อฺํ วา โสมนสฺสเหตุนฺติ เอตฺถ อฺคฺคหเณน สทฺธาพหุลตา, วิสุทฺธทิฏฺิตา, กุสลกิริยาย อานิสํสทสฺสาวิตา, โสมนสฺสปฏิสนฺธิกตา, เอกาทส ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยา ธมฺมาติ เอวมาทีนํ สงฺคโห. อาทินยปฺปวตฺตนฺติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน น เกวลํ ‘‘อตฺถิ ยิฏฺ’’นฺติอาทีนํ (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๕) นวนฺนํเยว สมฺมาทิฏฺิวตฺถูนํ คหณํ, อถ โข ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานิยาทีนมฺปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปุรกฺขตฺวาติ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา. ตฺจ โข สหชาตปุพฺพงฺคมวเสน ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑-๒) วิย สมฺปโยคสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อสํสีทนฺโตติ สิโลกมจฺฉริยาทิวเสน ปุฺกิริยายํ สํสีทํ สงฺโกจํ อนาปชฺชนฺโต, เตน มุตฺตจาคตาทึ ทสฺเสติ. อนุสฺสาหิโตติ เกนจิปิ น อุสฺสาหิโต. สรสโต หิ ปุฺปฏิปตฺติทสฺสนมิทํ. ปเรหีติ ปน ปากฏุสฺสาหนทสฺสนํ.

ทานาทีนีติ ทานํ สีลํ ยาว ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ อิมานิ ทานาทีนิ ทส ปุฺานิ, ทานาทีนีติ วา ทานสีลภาวนามยานิ อิตเรสมฺปิ สตฺตนฺนํ เอตฺเถวนฺโตคธตฺตา. ยตฺถ สยํ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ สนฺตานํ ปุนนฺติ, ปุชฺชํ ภวผลํ นิพฺพตฺเตนฺตีติ วา ปุฺานิ. อสฺส ปุฺเจตนาสมงฺคิโน. อมุตฺตจาคตา เทยฺยธมฺเม สาเปกฺขจิตฺตตา. อาทิ-สทฺเทน สีลสมาทานาทีสุ อนธิมุตฺตตาทึ สงฺคณฺหาติ. ตเทวาติ โสมนสฺสสหคตาทินา สทิสตาย วุตฺตํ. สทิสมฺปิ หิ ‘‘ตเทวา’’ติ โวหรียติ ยถา ‘‘สา เอว ติตฺติรี, ตานิเยว โอสธานี’’ติ. อิมสฺมิฺหิ อตฺเถติ ลีนสฺส จิตฺตสฺส อุสฺสาหนปโยคสงฺขาเต อตฺเถ. เอตนฺติ ‘‘สงฺขาโร’’ติ เอตํ ปทํ. ปุพฺพปโยคสฺสาติ ปุฺกิริยายํ สงฺโกเจ ชายมาเน ตโต วิเวเจตฺวา สมุสฺสาหนวเสน ปวตฺตสฺส จิตฺตปโยคสฺส, ปุพฺพคฺคหณฺเจตฺถ ตถาปวตฺตปุพฺพาภิสงฺขารวเสน โส สงฺขาโร โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ, น ตสฺส สงฺขารสฺส ปุพฺพกาลิกตฺตา. ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๕) นยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา อสมฺภวทสฺสนตฺถํ พาล-คฺคหณํ. สํสีทนุสฺสาหนาภาวทสฺสนตฺถํ สหสา-คหณํ. โสมนสฺสรหิตา โหนฺติ ปุฺํ กโรนฺตาติ อธิปฺปาโย. โสมนสฺสเหตูนํ อภาวํ อาคมฺมาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. มชฺฌตฺตารมฺมณตถารูปเจโตสงฺขาราทโยปิ หิ อุเปกฺขาสหคตตาย การณํ โหนฺติเยวาติ.

เอวนฺติอาทิ นิคมนํ. ตยิทํ อฏฺวิธมฺปิ กามาวจรํ กุสลจิตฺตํ รูปารมฺมณํ ยาว ธมฺมารมฺมณนฺติ ฉสุ อารมฺมเณสุ ยํ วา ตํ วา อาลมฺพิตฺวา อุเปกฺขาสหคตาเหตุกกิริยามโนวิฺาณธาตานนฺตรํ กายทฺวาราทีหิ ตีหิ ทฺวาเรหิ กายกมฺมาทิวเสน อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ าณสมฺปยุตฺตานิ จตฺตาริ ยทา ติเหตุกปฏิสนฺธึ อุปฺปาเทนฺติ, ตทา โสฬส วิปากจิตฺตานิ ผลนฺติ. ยทา ปน ทุเหตุกํ, ตทา ทฺวาทส ติเหตุกวชฺชานิ. อเหตุกํ ปน ปฏิสนฺธึ ติเหตุกานิ น อุปฺปาเทนฺเตว, ทุเหตุกานิ ปน ทุเหตุกปฏิสนฺธิทานกาเล ทฺวาทส, อเหตุกปฏิสนฺธึ ทานกาเล อฏฺ ผลนฺติ. ติเหตุกา ปน ปฏิสนฺธิ ทุเหตุเกหิ น โหติเยว. ‘‘อฏฺ ผลนฺตี’’ติ เจตํ ปฏิสนฺธึ ชนกกมฺมวเสน วุตฺตํ. อฺเน ปน กมฺมุนา ‘‘สเหตุกํ ภวงฺคํ อเหตุกสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๓.๑.๑๐๒) วจนโต สเหตุกมฺปิ วิปากจิตฺตํ อเหตุกปฏิสนฺธิกสฺส โหติเยว. อิมสฺมึ จ ปกฺเข พลวตา ปจฺจเยน อุปฺปนฺนํ อสงฺขารํ, ทุพฺพเลน สสงฺขารนฺติ เวทิตพฺพํ. เย ปน อาคมนโต จ วิปากสฺส อสงฺขารสสงฺขารภาวํ อิจฺฉนฺติ, เตสํ มเตน ทฺวาทส, อฏฺ จ ผลนฺตีติ โยเชตพฺพํ. เอวํ ติธา ผลํ ททนฺตฺเจตํ กามาวจรสุคติยํ อุปปตฺตึ, สุคติทุคฺคตีสุ โภคสมฺปทฺจ กโรติ. นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ หิ ยํ เทวโภคสมฺปตฺติสทิสํ โภคชาตํ อุปฺปชฺชติ, ตมฺปิ กามาวจรกุสลสฺเสว ผลํ. น หิ อกุสลสฺส อิฏฺํ ผลํ อตฺถีติ.

รูปาวจรํ ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโก. เตน ยถา กามาวจรํ กิเลสานํ ตทงฺคปฺปหานมตฺตกรํ, น เอวมิทํ, อิทํ ปน วิกฺขมฺภนปฺปหานกรํ. ยถา วา ตํ เวทนาาณสงฺขารเภทโต อฏฺธา ภิชฺชติ, น เอวมิทํ, อิทํ ปน ตโต อฺถา วาติ วกฺขมานํ วิเสสํ โชเตติ. ตํ ปเนตํ สวตฺถุกํ, สาสวํ, วินีวรณฺจ รูปาวจรนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สวตฺถุกํ เอวา’’ติ หิ อิมินา อรูปาวจรํ นิวตฺเตติ, ‘‘สาสว’’นฺติ อิมินา ปมมคฺคจิตฺตํ, ‘‘วินีวรณ’’นฺติ อิมินา ปฏิฆสหิตทฺวยํ. กตฺถจิ ปฺจ ฌานงฺคานิ, กตฺถจิ จตฺตาริ, กตฺถจิ ตีณิ, กตฺถจิ ทฺเว, กตฺถจิ อปรานิ ทฺเวติ เอวํ ฌานงฺคโยคเภทโต ปฺจวิธนฺติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เสยฺยถิท’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา ฌานกถายํ (วิสุทฺธิ. ๑.๗๙ อาทโย) วุตฺตเมว. ตยิทํ ภาวนามยเมว หุตฺวา วุตฺตนเยน ปถวีกสิณาทิกํ อาลมฺพิตฺวา ยถารหํ าณสมฺปยุตฺตกุสลานนฺตรํ อุปฺปชฺชติ, หีนาทิเภทภินฺนํ ปเนตํ ยถากฺกมํ พฺรหฺมปาริสชฺชาทีสุ โสฬสสุปิ พฺรหฺมโลเกสุ อุปปตฺตินิปฺผาทกนฺติ ทฏฺพฺพํ.

รูปสฺาสมติกฺกมาทินา สมธิคนฺตพฺพํ อรูปาวจรํ. จตุนฺนํ อรูปานนฺติ อุเปกฺขาสมาธิสงฺขาเตหิ จตูหิ อรูปชฺฌาเนหิ. กรเณ หิ เอตํ สามิวจนํ. อรูปานํ วา โย อารมฺมณาทิกโต สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ โยโค โยคเภโท, ตสฺส วเสน. วุตฺตปฺปกาเรนาติ เหฏฺา อารุปฺปกถายํ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๗๕ อาทโย) วุตฺตปฺปกาเรน. ปมนฺติ ปมํ อรูปาวจรกุสลจิตฺตํ. ทุติยตติยจตุตฺถานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตานิมานิ ภาวนามยาเนว หุตฺวา ยถานุปุพฺพํ กสิณุคฺฆาฏิมากาสํ, ปมารุปฺปวิฺาณํ, นตฺถิภาวํ, อากิฺจฺายตนนฺติ อิมานิ อาลมฺพิตฺวา อุเปกฺขาสหคตาณสมฺปยุตฺตกุสลานนฺตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา จตูสุ อรูปีพฺรหฺมโลเกสุ ปฏิสนฺธิปวตฺติวิปากทายีนิ. เสสํ ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ฉวิสุทฺธิปรมฺปราย สมธิคนฺตพฺพํ โลกุตฺตรํ. ตตฺถ วตฺตพฺพํ ปรโต อาคมิสฺสติ. จตุมคฺคสมฺปโยคโตติ โสตาปตฺติมคฺโค ยาว อรหตฺตมคฺโคติ อิเมหิ จตูหิ อริยมคฺเคหิ สมฺปโยคโต. จตุพฺพิธมฺปิ เจตํ ภาวนามยเมว หุตฺวา นิพฺพานํ อาลมฺพิตฺวา สุฺโต วิโมกฺโข, อนิมิตฺโต วิโมกฺโข, อปฺปณิหิโต วิโมกฺโขติ นาเมน อุปฺปชฺชติ, สตฺตภวาทิภวูปปตฺตินิวตฺตกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกวีสติวิธํ โหติ นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยนาติ อธิปฺปาโย.

๔๕๓. กามาวจรเมวาติ เอตฺถ นิกายนฺตริยา รูปารูปาวจรมฺปิ อกุสลํ อิจฺฉนฺตีติ เตสํ มตินิเสธนตฺถํ กามาวจรคฺคหณํ. มหคฺคตภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺตมฺปิ ตตฺถ รูปธาตุยํ ปวตฺติวิปากํ เทนฺตมฺปิ เอกนฺเตน กามาวจรเมวาติ ทสฺสนตฺถํ อวธารณํ. ยทิ เอวํ, กสฺมา กามาวจรเมวาติ? ตตฺถ การณํ วุตฺตเมว. กถํ วุตฺตํ? ‘‘กามตณฺหา กาโม อุตฺตรปทโลปโต, อวจรติ เอตฺถาติ อวจรํ, กามสฺส อวจรํ กามาวจร’’นฺติ. เอตฺถ หิ กามตณฺหาวิสยตา ‘‘กามาวจรภาวสฺส การณํ’’ วุตฺตา ยถา รูปารูปตณฺหาวิสยตา ‘‘รูปารูปาวจรภาวสฺส’’. เอกํเสน เจตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ. อฺถา พฺยาปิลกฺขณํ น สิยา. ยทิ หิ อาลมฺพิตพฺพธมฺมวเสน ภูมิววตฺถานํ กเรยฺย, เอวํ สติ อนารมฺมณานํ สงฺคโห น สิยา. อถ วิปากทานวเสน, เอวมฺปิ อวิปากานํ สงฺคโห น สิยา. ตสฺมา อาลมฺพณธมฺมวเสน ปริยาปนฺนานํ สา กาตพฺพา, อปริยาปนฺนานํ ปน โลกโต อุตฺติณฺณตาย โลกุตฺตรตา, อุตฺตริตราภาวโต อนุตฺตรตา จ เวทิตพฺพา.

ปริยาปนฺนาติ จ ปริจฺเฉทการิกาย ตณฺหาย ปริจฺฉิชฺช อาปนฺนา, คหิตาติ อตฺโถ. นนุ เจตฺถ กามตณฺหา กตมา? กามาวจรธมฺมารมฺมณา ตณฺหา, กามาวจรธมฺมา กตเม? กามตณฺหาวิสยาติ อิตเรตรสนฺนิสฺสยตาโทโสติ? นยิทเมวํ อวีจิอาทิเอกอาทโสกาสนินฺนตาย กฺจิ ตณฺหํ กามตณฺหาภาเวน คเหตฺวา ตํสภาวาย ตณฺหาย วิสยภาเวน กามาวจรธมฺมานํ อุปลกฺขิตพฺพตฺตา. นิกฺเขปกณฺเฑปิ (ธ. ส. ๙๘๕ อาทโย) ‘‘เอตฺถาวจรา’’ติ วจนํ อวีจิปรนิมฺมิตปริจฺฉินฺโนกาสาย กามตณฺหาย วิสยภาวํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. ตโทกาสตา จ ตณฺหาย ตนฺนินฺนตาย เวทิตพฺพา.

มูลโต ติวิธนฺติ ตีณิ อกุสลมูลานิ โลภาทีนิ, เตสํ วเสน ตํสหิตมฺปิ ติวิธนฺติ อตฺโถ. ตานิ หิ สุปฺปติฏฺิตภาวการณตฺตา มูลมิวาติ มูลานิ, โลโภ มูลํ เอตสฺสาติ โลภมูลํ. อสาธารเณน นิทฺเทโส ยถา เภริสทฺโท, ยวงฺกุโรติ. ตถา โทสมูลํ. โมโห เอว มูลํ อิมสฺส, นาฺนฺติ โมหมูลํ.

โสมนสฺสุเปกฺขาทิฏฺิคตสงฺขารเภทโตติ โสมนสฺสุเปกฺขาเภทโต ทิฏฺิคตเภทโต สงฺขารเภทโตติ ปจฺเจกํ เภทสทฺโท โยเชตพฺโพ. ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตนฺติ ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตํ ‘‘คูถคตํ, มุตฺตคต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑) ยถา. อถ วา วิปริเยสคฺคาหตาย ทิฏฺิยา คตเมว, น เอตฺถ คนฺตพฺพวตฺถุ ตถา สภาวนฺติ ทิฏฺิคตํ. ตยิทํ ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒, ๒๐๓, ๔๒๗; ๓.๒๗-๒๙) อภินิเวสภาวโต โลเภเนว สทฺธึ ปวตฺตติ, น โทเสน.

ยทาหีติอาทิ โลภมูลจิตฺตานํ ปวตฺติอาการทสฺสนํ. มิจฺฉาทิฏฺินฺติ อุจฺเฉททิฏฺิอาทิมิจฺฉาทิฏฺึ. ตาย หิ วิปลฺลตฺถจิตฺตา สตฺตา ‘‘เอตาวโก ชีววิสโย ยาว อินฺทฺริยโคจโร’’ติ ปรโลกํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘นตฺถิ กาเมสุ อาทีนโว’’ติ ยถา ตถา กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชนฺติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘เอส ปนฺโถ ปเคว วิหิโต เทวยาเน, เยน ยนฺติ ปุตฺตวนฺโต วิโสกา. ตํ ปสฺสนฺติ ปสโว, ปกฺขิโน จ, เตน เต มาตริปิ มิถุนํ จรนฺตี’’ติอาทินา นเยน ปุตฺตมุขทสฺสนํ สคฺคโมกฺขมคฺโคติ เอวมาทิกํ มิจฺฉาทิฏฺึ สงฺคณฺหาติ.

กาเม วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน พฺราหฺมณานํ สุวณฺณหรณเมว อทินฺนาทาเน สาวชฺชํ, อิตรํ อนวชฺชํ. ครูนํ, คุนฺนํ, อตฺตโน, ชีวิตสฺส, วิวาหสฺส จ อตฺถาย มุสาวาโท อนวชฺโช, อิตโร สาวชฺโช. ครุอาทีนํ อตฺถาย เปสุฺหรณํ อนวชฺชํ, อิตรํ สาวชฺชํ. ภารตยุทฺธสีตาหรณาทิกถา ปาปวูปสมาย โหตีติ เอวมาทิเก มิจฺฉาคาเห สงฺคณฺหาติ. ทิฏฺมงฺคลาทีนีติ ทิฏฺสุตมุตมงฺคลานิ. สภาวติกฺเขนาติ โลภสฺส, มิจฺฉาภินิเวสสฺส วา วเสน สรเสเนว ติขิเณน กุรูเรน. มนฺเทนาติ ทนฺเธน อติขิเณน. ตาทิสํ ปน อตฺตโน, ปรสฺส วา สมุสฺสาหเนน ปวตฺตตีติ อาห ‘‘สมุสฺสาหิเตนา’’ติ. ปรภณฺฑํ วา หรตีติ วา-สทฺเทน ตถาปวตฺตนกมุสาวาทาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. กามานํ วา อนุภุยฺยมานานํ. วา-สทฺเทน ปรสนฺตกสฺส วา อยถาธิปฺเปตตาย ยํ ลทฺธํ, ตํ คเหตพฺพนฺติ คหณาทิกํ สงฺคณฺหาติ.

ทุวิธเมว โหติ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน เภทาภาวโต. ยทิ เอวํ, กสฺมา ‘‘โทมนสฺสสหคตํ ปฏิฆสมฺปยุตฺต’’นฺติ วุตฺตนฺติ? อสาธารณธมฺเมหิ ตสฺส จิตฺตสฺส อุปลกฺขณตฺถํ. ปาณาติปาตาทีสูติ ปาณาติปาตนาทีสุ. อาทิ-สทฺเทน อทินฺนาทานมุสาวาทเปสุฺผรุสสมฺผปฺปลาปพฺยาปาเท สงฺคณฺหาติ. สภาวติกฺขํ หุตฺวา ปวตฺตมานํ จิตฺตํ อสงฺขารเมว โหติ, อิตรํ สสงฺขารนฺติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ติกฺขมนฺทปฺปวตฺติกาเล’’ติ. มนฺทํ ปน หุตฺวา ปวตฺตมานํ เอกํเสน สสงฺขารเมวาติ น สกฺกา วิฺาตุํ. ยํ สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน ปวตฺตติ, ตํ มนฺทเมว โหตีติ กตฺวา ตถาวุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

โมเหกเหตุกํ จิตฺตํ มูลนฺตรวิรหโต อติมูฬฺหํ, วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจโยคโต จฺจลฺจาติ อุเปกฺขาสหคตเมว โหติ, น ตสฺส กทาจิปิ สภาวติกฺขตา อตฺถิ. อารมฺมเณ หิ สํสปฺปนวเสน, วิกฺขิปนวเสน จ ปวตฺตมานสฺส จิตฺตทฺวยสฺส กีทิเส กิจฺเจ สภาวติกฺขตาย, อุสฺสาเหตพฺพตาย วา ภวิตพฺพํ, ตสฺมา น ตตฺถ สงฺขารเภโท อตฺถิ. อฺเสุ อกุสลจิตฺเตสุ ลพฺภมานมฺปิ อุทฺธจฺจํ วิเสสโต เอตฺเถว พลวํ, ตโต เอว สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ปธานํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมว อุทฺธจฺเจน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺต’’นฺติ. ตถา หิ ปาฬิยํ (ธ. ส. ๔๒๗) อิธ สรูปโต อุทฺธจฺจํ อาคตํ, เอวํ อสาธารณปธานธมฺมวเสน โมหมูลํ ‘‘วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตํ, อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺต’’นฺติ ทุวิธํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อสนฺนิฏฺานํ สํสโย. วิกฺเขโป อวูปสโม, ภนฺตตาติ อตฺโถ.

ตยิทํ ทฺวาทสวิธมฺปิ อกุสลจิตฺตํ ฉสุ อารมฺมเณสุ ยํ วา ตํ วา อาลมฺพิตฺวา อุเปกฺขาสหคตาเหตุกกิริยามโนวิฺาณธาตานนฺตรํ กายทฺวาราทีหิ ตีหิ ทฺวาเรหิ กายกมฺมาทิวเสน ยถารหํ ปาณาติปาตาทิกมฺมปถวเสน เจว กมฺมวเสน จ อุปฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ เปตฺวา อุทฺธจฺจสหคตํ เสสํ เอกาทสวิธมฺปิ จตูสุปิ อปาเยสุ ปฏิสนฺธึ เทติ, ปวตฺติวิปากํ สุคติยมฺปิ. อุทฺธจฺจสหคตํ ปน ปวตฺติวิปากเมวาติ. เอตฺถาห – กึ ปน การณํ สพฺพทุพฺพลํ วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตํ ปฏิสนฺธึ เทติ, อธิโมกฺขสพฺภาวโต ตโต พลวนฺตมฺปิ อุทฺธจฺจสหคตํ น เทตีติ? ทสฺสเนน ปหาตพฺเพสุ อวุตฺตตฺตา. อิทํ หิ ปฏิสนฺธึ เทนฺตํ อปาเยสุ ทเทยฺย, อปายคมนียฺจ ทสฺสนปหาตพฺพนฺติ ตตฺถ วุจฺเจยฺย, น จ วุตฺตํ. ตสฺมา ปฏิสนฺธึ น เทติ, ปวตฺติวิปากทานํ ปนสฺส น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํ. ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค ‘‘อุทฺธจฺจสหคเต าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, ตสฺส วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๓๐ อตฺถโต สมานํ) วจนโต.

อปเร ปนาหุ – ปุถุชฺชนสฺส อุปฺปชฺชมานํ อุทฺธจฺจสหคตํ ทสฺสนปฺปหาตพฺพสหายสพฺภาวโต อุภยวิปากมฺปิ เทติ, น เสกฺขสฺส ตทภาวโตติ. อิทเมตฺถ วิจาเรตพฺพํ, ยสฺส วิปากทานํ วุตฺตํ, กึ ตํ ภาวนาย ปหาตพฺพํ, อุทาหุ โนติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว ภาวนาย ปหาตพฺพํ, ปฏฺาเน ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว วตฺตพฺโพ สิยา. อถ น ภาวนาย ปหาตพฺพํ, ทสฺสเนนปหาตพฺพตฺติเก ‘‘เนวทสฺสเนนนภาวนายปหาตพฺพ’’มิจฺจสฺส วิภงฺเค วตฺตพฺพํ สิยา. ยทิ ตพฺพิรุทฺธสภาวตาย ตตฺถ น วุจฺเจยฺย, เอวมฺปิ ตสฺมึ ติเก ตสฺส นวตฺตพฺพตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, กึ การณํ? จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ (ธ. ส. ๓๖๕ อาทโย) อาคตานํ ทฺวาทสนฺนํ อกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺคหิตตฺตา วิภชิตฺวา ทสฺเสตพฺพสฺส นิโยคโต กสฺสจิ จิตฺตุปฺปาทสฺส อภาวา, ยถา อุปฺปนฺนตฺติเก อตีตาทีนํ นวตฺตพฺพตา น วุตฺตา, เอวเมตสฺสาปิ. อถ วา ภาวนาย ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺสาปิ ตสฺส ปุถุชฺชเน วตฺตมานสฺส ภาวนาย ปหาตพฺพสภาวสามฺโต, สาวชฺชโต จ ภาวนาย ปหาตพฺพปริยาโย วิชฺชตีติ นตฺถิ นวตฺตพฺพตาปสงฺคโทโส. นิปฺปริยาเยน จ น ภาวนาย ปหาตพฺพนฺติ ตสฺส วเสน นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโวปิ น วุตฺโต. ทสฺสนปหาตพฺพปจฺจยสฺสาปิ อุทฺธจฺจสหคตสฺส สหายเวกลฺลมตฺตเมว ทสฺสเนน กตํ, น โกจิปิ ภาโว อนุปฺปาทธมฺมตํ ตสฺส อาปาทิโตติ เอกนฺเตน ภาวนาย ปหาตพฺพตา วุตฺตา. อถ วา อปายคมนียภาวาเปกฺขํ ทสฺสนปฺปหาตพฺพวจนนฺติ ตทภาวโต ตํ วิภชนํ วุตฺตนฺติ.

๔๕๔. ‘‘วิฺาณ’’นฺติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘อพฺยากตํ วิปาก’’นฺติ อาทิโก นปุํสกนิทฺเทโส, ตโต เอว อธิกตาพฺยากตาเปกฺขาย ทุวิธนฺติ วุตฺตํ. อฺถา รูปนิพฺพานานมฺปิ อพฺยากตภาวโต ตํ จตุพฺพิธนฺติ วตฺตพฺพํ สิยา. วิปากสฺส กามาวจราทิภาโว กุสเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อเหตุกตา สเหตุกตา วิย สมฺปยุตฺตเหตุวเสน, น นิพฺพตฺตกเหตุวเสน. วิปากสฺส หิ สเหตุกตา สเหตุกกมฺมวเสน สิชฺฌมานาปิ สมฺปยุตฺตเหตุวเสเนว วุจฺจติ, อฺถา อเหตุกานมฺปิ สเหตุกตา อาปชฺเชยฺยาติ. กสฺมา ปน สเหตุกสฺส อเหตุโก วิปาโก โหตีติ? ตตฺถ การณํ วุตฺตเมว. กิฺจ อารมฺมณาภินิปาตมตฺเตสุ ปฺจสุ วิฺาเณสุ ยถา อโลภาทิสมฺปโยโค น สมฺภวติ, เอวํ มนฺทตรมนฺทกิจฺเจสุ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรเณสูติ เหตูนํ อุปฺปตฺติยา อสมฺภวโตปิ เนสํ อเหตุกตา ทฏฺพฺพา.

มโนวิฺาณโต อุปฺปชฺชนวิสิฏฺมนนกิจฺจานํ อภาวโต มโนมตฺตา ธาตุ มโนธาตุ.

จกฺขุสนฺนิสฺสิตํ หุตฺวา รูปสฺส วิชานนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ จกฺขุสนฺนิสฺสิตรูปวิชานนลกฺขณํ. ตตฺถ จกฺขุสนฺนิสฺสิตวจเนน รูปารมฺมณํ อฺํ วิฺาณํ นิวตฺเตติ. วิชานนคฺคหเณน จกฺขุสนฺนิสฺสิเต ผสฺสาทิเก นิวตฺเตติ. จกฺขุรูปคฺคหเณน นิสฺสยโต, อารมฺมณโต จ วิฺาณํ วิภาเวติ อุภยาธีนวุตฺติกตฺตา. ยทิ หิ จกฺขุ นาม น สิยา, อนฺธาปิ รูปํ ปสฺเสยฺยุํ, น จ ปสฺสนฺติ. ยทิ จ นีลาทิรูปํ นาม น สิยา, เทสาทินิยเมน น ภวิตพฺพํ, อตฺเถว จ นิยโม, เอกนฺตสารมฺมณตา จ จิตฺตสฺส วุตฺตาติ ‘‘อารมฺมเณน วินา นีลาทิอาภาสํ จิตฺตํ ปวตฺตตี’’ติ เอวํ ปวตฺโต วาโท มิจฺฉาวาโทติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ภควา ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕; สํ. นิ. ๒.๔๔; ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕).

กสฺมา ปเนตฺถ วจนเภโท กโตติ? เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปํ ปน อเนกเมว สํหตนฺติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ. กึ ปน การณํ เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, รูปํ ปน อเนกเมวาติ? ปจฺจยภาววิเสสโต. จกฺขุ หิ จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหนฺตํ อตฺถิภาเวเนว โหติ, ตสฺมึ สติ ตสฺส ภาวโต, อสติ อภาวโต. ยโต ตํ อตฺถิอวิคตปจฺจเยหิสฺส ปจฺจโย โหตีติ วุจฺจติ, ตํนิสฺสยตา จสฺส น เอกเทเสน อลฺลียนวเสน อิจฺฉิตพฺพา อรูปภาวโต, อถ โข ครุราชาทีสุ สิสฺสราชปุริสาทีนํ วิย ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติตาย. อิตเร ปน ปจฺจยา เตน เตน วิเสเสน เวทิตพฺพา. สฺวายํ ปจฺจยภาโว น เอกสฺมึ น สมฺภวตีติ เอกมฺปิ จกฺขุ วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจา’’ติ เอกวจเนน นิทฺเทโส กโต.

รูปํ ปน ยทิปิ จกฺขุ วิย ปุเรชาตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ ปุเรตรํ หุตฺวา วิชฺชมานกฺขเณเยว อุปการกตฺตา, ตถาปิ อเนกเมว สํหตํ หุตฺวา ปจฺจโย โหติ อารมฺมณภาวโต. ยฺหิ ปจฺจยธมฺมํ สภาวภูตํ, ปริกปฺปิตาการมตฺตํ วา วิฺาณํ วิภาเวนฺตํ ปวตฺตติ, ตทฺเสฺจ สติปิ ปจฺจยภาเว โส ตสฺส สารมฺมณสภาวตาย ยํ กิฺจิ อนาลมฺพิตฺวา ปวตฺติตุํ อสมตฺถสฺส โอลุพฺภ ปวตฺติการณตาย อาลมฺพนียโต อารมฺมณํ นาม. ตสฺส ยสฺมา ยถา ตถา สภาวูปลทฺธิวเสน อารมฺมณปจฺจยลาโภ, ตสฺมา จกฺขุวิฺาณํ รูปํ อารพฺภ ปวตฺตมานํ ตสฺส สภาวํ วิภาเวนฺตเมว ปวตฺตติ. สา จสฺส อินฺทฺริยาธีนวุตฺติกสฺส อารมฺมณสภาวูปลทฺธิ, น เอกทฺวิกลาปคตวณฺณวเสน โหติ, นาปิ กติปยกลาปคตวณฺณวเสน, อถ โข อาโภคานุรูปํ อาปาถคตวณฺณวเสนาติ อเนกเมว รูปํ สํหจฺจการิตาย วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘รูเป จา’’ติ พหุวจเนน นิทฺทิสิ.

ยํ ปน ‘‘รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ ธมฺมานํ อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๒) วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ? ตมฺปิ ยาทิสํ รูปายตนํ จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ, ตาทิสเมว สนฺธาย วุตฺตํ. กีทิสํ ปน ตนฺติ? สมุทิตนฺติ ปากโฏยมตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ยเทเก วทนฺติ ‘‘อายตนสลฺลกฺขณวเสน จกฺขุวิฺาณาทโย สลฺลกฺขณารมฺมณา, น ทพฺพสลฺลกฺขณวเสนา’’ติ, ตมฺปิ ยุตฺตเมว โหติ. น เจตฺถ สมุทายารมฺมณตา อาสงฺกิตพฺพา สมุทายาโภคสฺเสวาภาวโต. สมุทิตา ปน วณฺณธมฺมา อารมฺมณปจฺจยา โหนฺติ. กถํ ปน ปจฺเจกํ อสมตฺถา สมุทิตา อารมฺมณา ปจฺจยา โหนฺติ, น หิ ปจฺเจกํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺตา อนฺธา สมุทิตา ปสฺสนฺตีติ? นยิทเมกนฺติกํ วิสุํ วิสุํ อสมตฺถานํ สิวิกาวหนาทีสุ สมตฺถตาย ทสฺสนโต. เกสาทีนฺจ ยสฺมึ าเน ิตานํ ปจฺเจกํ วณฺณํ คเหตุํ น สกฺกา, ตสฺมึเยว าเน สมุทิตานํ วณฺณํ คเหตุํ สกฺกาติ ภิยฺโยปิ เตสํ สํหจฺจการิตา ปริพฺยตฺตา. เอเตน จกฺขุวิฺาณสฺส ปรมาณุรูปํ อารมฺมณํ, อุทาหุ ตํสมุทาโยติอาทิกา โจทนา ปฏิกฺขิตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘โสตฺจ ปฏิจฺจ สทฺเท จา’’ติอาทีสุปิ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖) เอเสว นโย. เอวํ อุภยาธีนวุตฺติกตาย จกฺขุวิฺาณสฺส นิสฺสยโต, อารมฺมณโต จ วิภาวนํ กตํ, เอวํ โสตวิฺาณาทีสุปิ ยถารหํ วตฺตพฺพํ.

รูปมตฺตารมฺมณรสนฺติ รูปายตนมตฺตสฺเสว อารมฺมณกรณรสํ. มตฺตสทฺเทน ยถา อารมฺมณนฺตรํ นิวตฺเตติ, เอวํ รูปายตเนปิ ลพฺภมาเน เอกจฺเจ วิเสเส นิวตฺเตติ. น หิ จกฺขุวิฺาณํ วณฺณมตฺตโต อฺํ กิฺจิ วิเสสํ ตตฺถ คเหตุํ สกฺโกติ. เตนาห ภควา ‘‘ปฺจหิ วิฺาเณหิ น กิฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาติ อฺตฺร อภินิปาตมตฺตา’’ติ. จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชมานํ รูปารมฺมเณ เอว อุปฺปชฺชนโต ตทภิมุขภาเวน คยฺหตีติ วุตฺตํ ‘‘รูปาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. อตฺตโน อนนฺตรํ อุปฺปชฺชมานานํ อรูปธมฺมานํ สมนนฺตรวิคตา อรูปธมฺมา ปวตฺติโอกาสทาเนน อนนฺตรสมนนฺตรนตฺถิวิคตปจฺจเยหิ อุปการกา นิสฺสยารมฺมณธมฺมา วิย อาสนฺนการณนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รูปารมฺมณาย กิริยมโนธาตุยา อปคมปทฏฺาน’’นฺติ. โสตวิฺาณาทีสุปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

จกฺขุวิฺาณาทิคหิตํ รูปาทิอารมฺมณํ ตทนนฺตรเมว อปริปตนฺตํ กตฺวา สมฺปฏิจฺฉนฺตี คณฺหนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘รูปาทิสมฺปฏิจฺฉนรสา’’ติ. ตถาภาเวน สมฺปฏิจฺฉนภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา.

ฉสุ อารมฺมเณสุ กทาจิ ปฺจนฺนํ, ตโต วา กติปยานํ วิชานนสภาวาปิ ฉฬารมฺมณวิชานนลกฺขณา วุตฺตา ตํสภาวานติวตฺตนโต, ฉสฺเวว วา อิตเรสํ อารมฺมณานํ อนฺโตคธตฺตา. สนฺตีรณาทิกิจฺจาติ สนฺตีรณตทารมฺมณกิจฺจา วา, สนฺตีรณตทารมฺมณปฏิสนฺธิภวงฺคจุติกิจฺจา วาติ อธิปฺปาโย. ‘‘หทยวตฺถุปทฏฺานา’’ติ อิทํ อิมาสํ ทฺวินฺนํ มโนวิฺาณธาตูนํ เอกนฺเตเนว หทยวตฺถุสนฺนิสฺสยตาย วุตฺตํ. เหฏฺา วุตฺตนเยน ปน ตํตํอนนฺตราตีตวิฺาณาปคมปทฏฺานาติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. ตสฺสา เภโทติ ตสฺสา วิปากมโนวิฺาณธาตุยา ‘‘ทุวิธา’’ติ วุตฺตาย ทุวิธตาสงฺขาโต เภโท. เอกนฺตมิฏฺารมฺมเณติ เอกนฺเตเนว อิฏฺเ อารมฺมเณ, อติวิย อิฏฺารมฺมเณติ อตฺโถ. ปฺจทฺวาเร เจว ชวนาวสาเน จาติ เอตฺถ ปฺจทฺวาเร สมฺปฏิจฺฉนโวฏฺพฺพนานํ อนฺตราฬํ านํ, อิตรตฺร ชวนภวงฺคานนฺติ เอวํ ทฺวิานา โหติ. อิตรายปิ สนฺตีรณตทารมฺมณกาเล ยถาวุตฺตเมว านํ, ปฏิสนฺธิอาทิกาเล ปน จุติภวงฺคานํ อนฺตราฬํ ปฏิสนฺธิยา, ปฏิสนฺธิอาวชฺชนานํ ตทารมฺมณาวชฺชนานํ ชวนาวชฺชนานํ โวฏฺพฺพนาวชฺชนานฺจ อนฺตราฬํ ภวงฺคสฺส, ตทารมฺมณปฏิสนฺธีนํ ชวนปฏิสนฺธีนํ วา อนฺตราฬํ จุติยา านนฺติ เวทิตพฺพํ.

ฉสูติ เอตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิภาโค เวทิตพฺโพ. กายสฺส นิสฺสยภูตานํ นาติอิฏฺโผฏฺพฺพภูตานํ ปฏิฆฏฺฏนานิฆํสสฺส พลวภาวโต กายวิฺาณํ สุขสมฺปยุตฺตํ. อุปาทารูปานํเยว ฆฏฺฏนา ทุพฺพลาติ จกฺขุวิฺาณาทีนิ อุเปกฺขาสหคตานิ. เตนาห ‘‘เสสํ อุเปกฺขายุตฺต’’นฺติ. เสสํ ฉพฺพิธมฺปิ.

อโลภาโทสาโมหา เจว อโลภาโทสา จ อโลภาทโย, เตหิ อโลภาทีหิ วิปากเหตูหิ สมฺปยุตฺตํ อโลภาทิวิปากเหตุสมฺปยุตฺตํ. กามาวจรกุสลํ วิย โสมนสฺสาทิเภทโตติ ยถา กามาวจรํ กุสลํ โสมนสฺสุเปกฺขาาณสงฺขารเภทโต อฏฺวิธํ, เอวมิทมฺปีติ อฏฺวิธตาย สทิสตํ ทสฺเสติ. กามาวจรภาวโต หีนาทิโต, โยนีสุ อุปฺปตฺติโต จ สทิสเมว, สมฺปยุตฺตธมฺมโต ปน อารมฺมณโต, ปวตฺติอาการโต จ วิสทิสํ. ตถา หิ กุสลํ กมฺมทฺวารวเสน ปวตฺตติ, น อิทํ, วิปากานํ อวิฺตฺติชนกตฺตา. อุปฺปตฺติทฺวารวเสน ปน อิมสฺสาปิ อตฺเถว ปวตฺติเภโท ปฺจทฺวารมโนทฺวาเรสุ มหาวิปากานํ ตทารมฺมณวเสน ปวตฺติสมฺภวโต. ยถา ปน กุสลํ คติวเสน ปฺจวิธํ, วิฺาณฏฺิติวเสน สตฺตวิธฺจ, น เอวมิทํ ตเทกเทเส เอว อุปฺปชฺชนโต. ตตฺถ อารมฺมณโต, เอกจฺจปวตฺติอาการโต จ วิสทิสตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ฉสุ อารมฺมเณสูติ ปริตฺตาทิอตีตาทิอชฺฌตฺตาทิปฺปเภเทสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ.

อาคมนาทิวเสนาติ อาคมนปจฺจยวเสน. ตตฺถ เอกจฺจานํ อาจริยานํ มเตน มุเข จลิเต อาทาสตเล มุขนิมิตฺตํ จลนํ วิย อสงฺขารสฺส กุสลสฺส วิปาโก อสงฺขาโร, สสงฺขารสฺส กุสลสฺส วิปาโก สสงฺขาโรติ เอวํ อาคมนวเสน. เอกจฺจานํ ปน อาจริยานํ มเตน พลวนฺเตหิ วิภูเตหิ ปจฺจเยหิ กมฺมาทีหิ อุปฺปนฺโน อสงฺขาโร, ทุพฺพเลหิ สสงฺขาโรติ เอวํ ปจฺจยวเสน. สมฺปยุตฺตธมฺมานนฺติ ปาฬิยํ สรูปโต อาคตสมฺปยุตฺตธมฺมานํ. เตสํ หิ วเสน กุสลโต วิปากสฺส วิเสสาภาโว. นิรุสฺสาหนฺติ เอตฺถ อุสฺสาโห นาม อนุปจฺฉินฺนาวิชฺชาตณฺหามานสนฺตาเน วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาสงฺขาโต พฺยาปาโร, โส วิปาเกสุ นตฺถีติ ตํ นิรุสฺสาหํ. กุสเลสุ ปน อภิฺาวสปวตฺเตสุปิ อตฺเถวาติ ตํ สอุสฺสาหํ.

โลภาทีนํ เอกนฺตสาวชฺชตาย อโยนิโสมนสิการเหตุกานํ นตฺถิ วิปากภาโว, อโลภาทีนมฺปิ เอกนฺตอนวชฺชสภาวานํ การณสฺส ตพฺพิธุรตาย นตฺเถว อกุสลวิปากภาโวติ อาห ‘‘อกุสลวิปากํ อเหตุกเมวา’’ติ. ยถา อติอิฏฺเ, อิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ เวทนาเภทสพฺภาวโต กุสลวิปากมโนวิฺาณธาตุ ทุวิธา โหติ โสมนสฺสสหคตา, อุเปกฺขาสหคตาติ, น เอวํ อติอนิฏฺเ, อนิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ เวทนาเภโท อตฺถีติ อกุสลวิปากมโนวิฺาณธาตุ เอกเมวาติ ‘‘สตฺตวิธ’’นฺติ วุตฺตํ. สติ หิ ตตฺถ เวทนาเภเท อติอนิฏฺเ โทมนสฺเสน ภวิตพฺพํ, น จ ปฏิเฆน วินา โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชตีติ.

กายวิฺาณสฺส ทุกฺขสหคตตา กุสลวิปาเก วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพา. อุเปกฺขา หีนาติ เอกนฺตนิหีนสฺส อกุสลสฺส วิปากภาวโต อุเปกฺขาปิ สมานา หีนา เอว ทุกฺขสภาวตฺตา. เตนาห ‘‘ทุกฺขํ วิย นาติติขิณา’’ติ. ยถา ทุกฺขํ อติวิย ติขิณํ กฏุกํ, น เอวมยํ, ตถาปิ ทุกฺขสภาเวเนว ปวตฺตติ. น หิ อกุสลสฺส วิปาโก อทุกฺโข โหติ. อุเปกฺขาภาโว จสฺส พลวตา พาธิยมานสฺส ปฏิปฺปหริตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส เตน กริยมานพาธาย อุเปกฺขนา วิยาติ ทฏฺพฺโพ. อิตเรสูติ กุสลวิปาเกสุ.

รูปาวจรนฺติ รูปาวจรวิปากวิฺาณํ. วิปากกถา เหสาติ. กุสลํ วิยาติ รูปาวจรกุสลํ วิย. น หิ รูปาวจรวิปาโก ตทฺกุสลสทิโส. อปิจ สมฺพนฺธิสทฺทา เอเต, ยทิทํ ‘‘กุสลํ, วิปาโก’’ติ จ. ตสฺมา ยถา ‘‘มาตรํ ปยิรุปาสตี’’ติ วุตฺเต อตฺตโน มาตรนฺติ อวุตฺตมฺปิ สิทฺธเมเวตํ, เอวํ อิธาปีติ อตฺตโน กุสลํ วิยาติ อตฺโถ. กุสลสทิสตา เจตฺถ ธมฺมโต, อารมฺมณโต จ เวทิตพฺพา. ตถา หิ เย ผสฺสาทโย กุสเล ลพฺภนฺติ, เต วิปาเกปิ ลพฺภนฺติ. ยสฺมึ จ อารมฺมเณ กุสลํ ปวตฺตติ, ตตฺเถว อยํ วิปาโกปิ ปวตฺตติ. ยํ ปเนตฺถ ปฺจมชฺฌานจิตฺตํ อภิฺาปฺปตฺตํ, ตสฺส วิปาโก เอว นตฺถิ. กสฺมา นตฺถิ? อสมฺภวโต, อานิสํสภูตตฺตา จ. ตฺหิ วิปากํ เทนฺตํ รูปาวจรเมว ทเทยฺย. น หิ อฺภูมิกํ กมฺมํ อฺภูมิกํ วิปากํ เทติ. กมฺมนิมิตฺตารมฺมณตา จ รูปาวจรวิปากสฺส วุตฺตาติ น ตํ อฺํ อารพฺภ ปวตฺตติ. ปริตฺตารมฺมณาทิอารมฺมณฺจ ตํ น โหตีติ อยมสมฺภโว. ฌานสฺส อานิสํสภูตฺจ ทานาทีนํ ตสฺมึ อตฺตภาเว ปจฺจยลาโภ วิยาติ.

ปวตฺติโต ปน วิปากสฺส, กุสลสฺส จ อตฺเถว เภโทติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุสลํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุสลํ วิย กสิณุคฺฆาฏิมากาสาทิอารมฺมณเภทโต จตุพฺพิธํ. ปวตฺติเภโท วุตฺตนโยว ชวนวเสน, ปฏิสนฺธิอาทิวเสน จ ปวตฺตนโต.

จตุมคฺคยุตฺตจิตฺตผลตฺตาติ จตูหิ อริยมคฺเคหิ สมฺปยุตฺตกุสลจิตฺตสฺส ผลตฺตา, จตุพฺพิธสามฺผลสมฺปยุตฺตภาวโตติ อตฺโถ. มคฺควีถิยํ ทฺวิกฺขตฺตุํ, ติกฺขตฺตุํ วา ผลสมาปตฺติยํ อปริจฺฉินฺนปริมาณํ ปวตฺตมานมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ ปวตฺติยา ‘‘ทฺวิธา ปวตฺตตี’’ติ วุตฺตํ. สพฺพมฺปีติ เตวีสติวิธํ กามาวจรวิปากํ, ปฺจวิธํ รูปาวจรวิปากํ, จตุพฺพิธํ อรูปาวจรวิปากํ, จตุพฺพิธเมว โลกุตฺตรวิปากนฺติ สพฺพมฺปิ วิปากวิฺาณํ นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยน ฉตฺตึสวิธํ โหติ.

ภูมิเภทโต ติวิธํ โลกุตฺตรสฺส อภาวโต. โลกุตฺตรฺหิ กิริยจิตฺตํ นตฺถิ เอกนฺเตน อนนฺตรวิปากทายิภาวโต. วุตฺตฺหิ ‘‘สมาธิมานนฺตริกฺมาหู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๕; สุ. นิ. ๒๒๘). โหตุ ตาว เสกฺขานํ อุปฺปชฺชมานํ อนุตฺตรํ กุสลํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปนยนโต สผลํ, อรหโต ปน อุปฺปชฺชมานํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปนยนโต นิปฺผลํ, ตสฺส กิริยภาโว กสฺมา น อิจฺฉิโตติ? อิจฺฉิตพฺโพ สิยา. ยทิ ตสฺส ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติ สิยา, สกึเยว ปน โลกุตฺตรกุสลํ ปวตฺตติ. ยทิ หิ ปุนปฺปุนํ ปวตฺเตยฺย, มคฺคจิตฺตํ อรหโตปิ ปวตฺตตีติ โลกุตฺตรกิริยจิตฺตํ สิยา, น เจตํ อตฺถิ ปโยชนาภาวโต. ตสฺมา นตฺถิ โลกุตฺตรกิริยวิฺาณํ. กิริยวิฺาณนฺติ จ กิริยามตฺตํ วิฺาณํ, กุสลากุสลํ วิย กิฺจิ วิปากํ อนุปฺปาเทตฺวา กิริยามตฺตเมว หุตฺวา ปวตฺตนกวิฺาณนฺติ อตฺโถ. กสฺมา ปเนตํ วิปากํ น อุปฺปาเทตีติ? วุจฺจเต – เอตฺถ หิ ยเทตํ อาวชฺชนทฺวยํ, ตํ อนุปจฺฉินฺนภวมูเลปิ สนฺตาเน ปวตฺตํ อนาเสวนตาย ทุพฺพลภาวโต อพีชสามตฺถิยํ วิย ปุปฺผํ อผลเมว โหติ. ยํ ปน อุจฺฉินฺนภวมูลายํ สนฺตติยํ ปวตฺตํ อฏฺารสวิธํ วิฺาณํ, ตํ สมุจฺฉินฺนมูลาย ลตาย ปุปฺผํ วิย ผลทายิ น โหตีติ เวทิตพฺพํ. อฺสฺส อสมฺภวโต กิริยเหตุนา นาม อโลภาทินาว ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘อโลภาทิกิริยเหตุวิรหิต’’นฺติ.

จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปุเรจรา หุตฺวา รูปาทิอารมฺมณานํ วิชานนลกฺขณา จกฺขุวิฺาณาทิปุเรจรรูปาทิวิชานนลกฺขณา. อยํ ปน มโนวิฺาณโต อุปฺปนฺนาปิ วิสิฏฺมนนกิจฺจาภาเวน มโนมตฺตา ธาตูติ มโนธาตุ. ตถา เหสา มโนวิฺาณสฺส ปจฺจโย น โหติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ธาตุนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๒.๕๑๗) อาคมิสฺสติ. อาวชฺชนรสาติ อาโภครสา, จิตฺตสนฺตานสฺส วา ปุริมาการโต อฺถา โอโณชนรสา. ภวงฺควิจฺเฉทปทฏฺานาติ ภวงฺคสนฺตานวิจฺเฉทปทฏฺานา. อปุพฺพารมฺมณา สกิเทว ปวตฺตมานา สพฺพถา วิสยรสํ อนุภวิตุํ น สกฺโกตีติ อิฏฺาทีสุ สพฺพตฺถ อุเปกฺขายุตฺตาว โหติ.

สาธารณาติ เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ สาธารณา. อสาธารณาติ อเสกฺขานํเยว อาเวณิกา. โวฏฺพฺพนาวชฺชนรสาติ ปฺจทฺวาเร สนฺตีรเณน คหิตารมฺมณํ ววตฺถเปนฺตี วิย ปวตฺตนโต โวฏฺพฺพนรสา, มโนทฺวาเร ปน วุตฺตนเยน อาวชฺชนรสา. ตถาภาเวน ปฺจทฺวารมโนทฺวาเรสุ ยถากฺกมํ โวฏฺพฺพนาวชฺชนภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ ตถาภาวปจฺจุปฏฺานา. โวฏฺพฺพนกาเล สนฺตีรณกิจฺจานํ ติสฺสนฺนํ อเหตุกวิปากมโนวิฺาณธาตูนํ อาวชฺชนกาเล ยสฺส กสฺสจิ ภวงฺคสฺสาติ อิเมสํ อฺตราปคโม เอติสฺสา อาสนฺนการณนฺติ อาห ‘‘อเหตุก…เป… ปทฏฺานา’’ติ.

อรหตนฺติ อรหตํเยว อสาธารณภาวโต. อนุฬาเรสูติ อฏฺิกสงฺขลิกเปตรูปาทีสุ, อฺเสุ วา อปฺปณีเตสุ วตฺถูสุ. หสิตุปฺปาทนรสาติ หสิตสฺเสว อุปฺปาทนรสา. ตถา หิ ตํ จิตฺตํ ‘‘หสิตุปฺปาทน’’นฺตฺเวว วุจฺจติ, น อฺเสํ หสิตุปฺปาทกจิตฺตานํ อภาวโต. อฺานิปิ หิ ทฺวาทส โสมนสฺสสหคตานิ ปริตฺตกุสลากุสลกิริยจิตฺตานิ ยถารหํ ปุถุชฺชนาทีนํ หสิตุปฺปาทกานิ วิชฺชนฺติ, อิทํ ปน จิตฺตํ วิจารณปฺาวิรหิตํ ปริตฺเตสุ อปฺปณีเตสุ อารมฺมเณสุ อรหนฺตานํ โสมนสฺสมตฺตํ อุปฺปาเทนฺตํ อุปฺปชฺชติ. ภควโตปิ อุปฺปชฺชตีติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตํ อตีตํสาทีสุ อปฺปฏิหตาณํ วตฺวา ‘‘อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺตี’’ติ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต วิจาเรตพฺพนฺติ เอเก. ตตฺถ หสิตุปฺปาทจิตฺเตน ปวตฺติยมานมฺปิ ภควโต สิตกรณํ ปุพฺเพนิวาสานาคตํสสพฺพฺุตฺาณานํ อนุวตฺตกตฺตา าณานุปริวตฺติเยวาติ เอวํ ปน าณานุปริวตฺติภาเว สติ น โกจิ ปาฬิอฏฺกถานํ วิโรโธ. เอวฺจ กตฺวา อฏฺกถายํ ‘‘เตสํ าณานํ จิณฺณปริยนฺเต อิทํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อวสฺสฺจ เอตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา อฺสฺสาปิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกสฺส อเหตุกจิตฺตสฺส ภควโต อุปฺปตฺติ น ยุชฺเชยฺย. น หิ วิฺตฺติสมุฏฺาปกสฺส ตํสมุฏฺิตาย วิฺตฺติยา กายกมฺมาทิภาวํ อาปชฺชนภาโว วิพนฺธตีติ. เอกนฺตโต หทยวตฺถุปทฏฺานา ปฺจโวการภเว เอว อุปฺปชฺชนโต.

อยเมตฺถ วิเสโสติ อยํ เสกฺขปุถุชฺชนานํ อุปฺปตฺติยา วิปากุปฺปาทนสมตฺถตา, อรหตํ อุปฺปตฺติยา ตทภาโวติ อุภเยสํ สนฺตาเน อุปฺปตฺติสมุปลกฺขิโต เอตฺถ กุสลกิริยวิฺาเณสุ วิเสโส. เอวฺจ กตฺวา ปจฺจยเวกลฺเลน อวิปากสฺสาปิ กุสลากุสลสฺส กิริยภาวปฺปสงฺโค นิวตฺติโต โหติ. ปรโต กุสลโต วิเสโสติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

๔๕๕. สพฺพานิปิ กุสลากุสลพฺยากตานิ เอกูนนวุติ วิฺาณานิ โหนฺติ นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยนาติ อธิปฺปาโย. ปฏิสนฺธิวิฺาณาทีนํ กิจฺจํ นาม ภวนฺตรปฏิสนฺธาทินา อากาเรน ปวตฺติ เอว. ตพฺพินิมุตฺตฺจ จิตฺตสฺส อฺํ กิจฺจํ นตฺถีติ อาห ‘‘จุทฺทสหิ อากาเรหิ ปวตฺตนฺตี’’ติ.

อานุภาเวนาติ สามตฺถิเยน. กตูปจิตํ หิ กมฺมํ อวเสสปจฺจยสมวาเย วิปากํ เทนฺตํ อตฺตโน อานุภาวํ วิสฺสชฺชนฺตํ วิย โหติ. เทวมนุสฺเสสูติ ฉสุ กามาวจรเทเวสุ เจว มนุสฺเสสุ จ. กมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตานนฺติ เอตฺถ กมฺมํ นาม กตูปจิตํ กามาวจรกุสลกมฺมํ, ตฺจ โข วิปากทานาย ลทฺโธกาสํ. เตนาห ‘‘ปจฺจุปฏฺิต’’นฺติ. กมฺมนิมิตฺตํ กมฺมายูหนกฺขเณ เจตนาย ปจฺจยภูตํ เทยฺยธมฺมาทิ. คตินิมิตฺตํ ยํ คตึ อุปปชฺชติ, ตปฺปริยาปนฺนํ รูปายตนํ. ปณฺฑกาทิภาวนฺติ ปณฺฑกมูคมมฺมนาทิภาวํ. ทุพฺพลสฺส ทฺวิเหตุกกุสลสฺส วิปากภูตา อุเปกฺขาสหคตาเหตุมโนวิฺาณธาตุ ทุพฺพล…เป… มโนวิฺาณธาตุ. เนสนฺติ ภาวิตรูปารูปาวจรกุสลานํ สตฺตานํ. กมฺมนิมิตฺตเมวาติ ปถวีกสิณาทิกํ อตฺตโน กมฺมารมฺมณเมว.

เอวํ ตาเวตฺถาติ เอตฺถ วิฺาณกฺขนฺธนิทฺเทเส เอวํ สงฺเขปโต สรูปทสฺสนมตฺเตเนว เอกูนวีสติยา วิปากวิฺาณานํ ปฏิสนฺธิวเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ภวาลมฺพนาทิวิภาเคน ปน ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถายํ อาคมิสฺสตีติ.

ตํ ตนฺติ เอกูนวีสติยา ปฏิสนฺธิวิฺาเณสุ ยํ ยํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธํ, ตํ ตํ อนนฺตรํ อุปฺปตฺติยา อนุพนฺธมานํ. ตสฺส ตสฺเสวาติ ยสฺส ยสฺส กมฺมสฺส วิปากภูตํ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ, ตสฺส ตสฺเสว. ตสฺมิฺเวาติ กมฺมาทิเก เอว. กมฺมฺเจ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อารมฺมณํ, ตสฺมึ กมฺเม, อถ กมฺมนิมิตฺตํ, คตินิมิตฺตฺจ, ตสฺมึ กมฺมนิมิตฺเต คตินิมิตฺเตติ อตฺโถ. ตาทิสเมวาติ ยาทิสํ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ เหตุโต, เสสสมฺปยุตฺตธมฺมโต จ ตาทิสเมว. สนฺตานวินิวตฺตเกติ ภวงฺคสนฺตานสฺส วินิวตฺตนเก. อฺสฺมึ อาวชฺชนสงฺขาเต จิตฺตุปฺปาเท. กิริยมยจิตฺเตเนว สุปินทสฺสนํ โหตีติ อาห ‘‘สุปินํ อปสฺสโต’’ติ. อปริมาณสงฺขฺยมฺปิ ปวตฺตติเยว, ตถา หิทํ อุปปตฺติภวสฺส องฺคภาเวน ปวตฺตนโต ‘‘ภวงฺค’’นฺติ วุจฺจติ. เตสฺเวาติ ปฏิสนฺธิภูตานํเยว.

อินฺทฺริยานีติ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ. อารมฺมณคหณกฺขมานีติ รูปาทิอารมฺมณํ คเหตุํ สมตฺถานิ. มาตุกุจฺฉิคตกาเล วิย หิ พหินิกฺขนฺตกาเลปิ น ตาว อินฺทฺริยานิ สกิจฺจกานิ โหนฺติ, อนุกฺกเมน ปน วิสทภาวํ ปตฺตกาเล เอว สกิจฺจกานิ โหนฺติ. เตเนวาห ‘‘อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนาน’’นฺติ. อาปาถคเตติ โยคฺยเทสาวฏฺิเต. ตเมว โยคฺยเทสาวฏฺิตํ รูปํ ปฏิจฺจ ฆฏฺฏนา ปจฺจยํ ลทฺธา. ฆฏฺฏนาติ ปฏิฆาโต, เยน พฺยาปาราทิวิเสสปจฺจยนฺตรสหิเต จกฺขุสฺส วิสเย วิการุปฺปตฺติวิสทิสุปฺปตฺติวิสยสฺส อิฏฺานิฏฺภาเวน อนุคฺคโห, อุปฆาโต จาติ อตฺโถ. ตโตติ ฆฏฺฏนานนฺตรํ. ฆฏฺฏนานุภาเวนาติ ฆฏฺฏนาพเลน. ภวงฺคจลนนฺติ ภวงฺคจิตฺตสฺส ปกมฺปนํ, ตถา ทฺวิกฺขตฺตุํ ปวตฺติยา วิสทิสสฺส การณภาวูปคมนนฺติ อตฺโถ. ตฺหิ จิตฺตสนฺตานสฺส ปุริมาวตฺถาย ภินฺนาวตฺถาเหตุตาย จลนํ วิยาติ ‘‘จลน’’นฺติ วุตฺตํ. วิสยวิสยีภาวสิทฺธาย ธมฺมตาย อารมฺมณสฺส อภิมุขีภาเวน ปสาทสฺส ตาว ฆฏฺฏนา โหตุ, อฺสนฺนิสฺสิตสฺส ปน ภวงฺคสฺส จลนํ กถํ โหตีติ? ตํสมฺพนฺธภาวโต. เภริตเล ปิตาสุ สกฺขราสุ เอกิสฺสา สกฺขราย ฆฏิตาย ตทฺสกฺขรายํ ิตมกฺขิกา จลนํ เจตฺถ อุทาหรณนฺติ. ตเทว รูปนฺติ ตเทว ภวงฺคจลนสฺส ปจฺจยภูตํ อาปาถคตํ รูปายตนํ. ภวงฺคํ วิจฺฉินฺทมานา วิยาติ ภวงฺคสนฺตานํ วิจฺฉินฺทนฺตี วิย. ตทารมฺมณุปฺปตฺติยา ปรโต ภวงฺคสฺส อุปฺปชฺชนโต วิสยคฺคหณํ ปฺจทฺวาราวชฺชนํ วตฺวา ตทนนฺตรํ ทสฺสนาทีสุ วตฺตพฺเพสุ ตานิ อวตฺวา มโนทฺวาราวชฺชนสฺส คหณํ อุทฺเทเส ทฺวินฺนํ อาวชฺชนานํ อาวชฺชนสามฺเน คหิตตฺตา.

อาวชฺชนานนฺตรนฺติ ปฺจทฺวาราวชฺชนานนฺตรํ. เย หทยวตฺถุ วิย สมฺปฏิจฺฉนาทิวีถิจิตฺตานิปิ นานุชานนฺติ, เตสํ ‘‘สมฺปฏิจฺฉนาย จกฺขุวิฺาณธาตุยา’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ ปาฬิ อาคตา. น หิ สกฺกา ปาฬึ ปฏิเสเธตุํ.

‘‘สเจ มหนฺตํ โหตี’’ติ อิทํ ชวนปริโยสานาย จิตฺตปฺปวตฺติยา วุจฺจมานตฺตา วุตฺตํ. จุทฺทสจิตฺตกฺขณายุกฺหิ อารมฺมณมิธ ‘‘มหนฺต’’นฺติ อธิปฺเปตํ, ตฺจ อุปฺปชฺชิตฺวา ทฺวิติจิตฺตกฺขณาตีตํ หุตฺวา อาปาถคมนวเสน เวทิตพฺพํ.

ยถาววตฺถาปิเตติ โวฏฺพฺพเนน วุตฺตากาเรน กตววตฺถาปเน. อาวชฺชนาย, โวฏฺพฺพนสฺส จ วุตฺตตฺตา ‘‘อวเสสกามาวจรกิริยาน’’นฺติ อวเสสคฺคหณํ กตํ. ฉ สตฺต วาติ วา-สทฺเทน ‘‘ปฺจ วา’’ติ อิทมฺปิ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. สุตฺตมุจฺฉิตาทิกาเล หิ ปฺจปิ ชวนานิ ชวนฺตีติ.

ตานิเยวาติ ‘‘อฏฺนฺนํ วา’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๔๕๕) วุตฺตานิ เอกูนตึส กามาวจรชวนานิเยว. อิโต อฺํ มโนทฺวาราวชฺชนานนฺตรํ อุปฺปชฺชนกจิตฺตํ นาม นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ เอวการคฺคหณํ. ‘‘โคตฺรภูโต’’ติ อิทํ โคตฺรภุฏฺานิยานํ ปริกมฺมโวทานานมฺปิ คหณํ, น โคตฺรภุโน เอว. ผลจิตฺตานีติ สมาปตฺติวเสน ปวตฺตนกผลจิตฺตานิ. ยํ ยํ ลทฺธปจฺจยนฺติ ยํ ยํ ชวนํ รูปาวจรชวนาทิวเสน โคตฺรภุอนนฺตรํ อุปฺปตฺติยา ลทฺธปจฺจยํ.

อติมหนฺตนฺติ โสฬสจิตฺตกฺขณายุกํ. ตตฺถ หิ ตทารมฺมณจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, น อฺตฺถ. วิภูตนฺติ สุปากฏํ, ตฺจ กามาวจรเมว. ตตฺถ หิ ตทารมฺมณสฺส อุปฺปตฺติ. กามาวจรชวนาวสาเนติ กามาวจรชวนสฺเสว อวสาเน. น หิ ตํ กามตณฺหาเหตุกกมฺมนิพฺพตฺตํ มหคฺคตานุตฺตรชวนํ อนุพนฺธติ อชนกตฺตา, ชนกาสทิสตฺตา จ. ยถา เคหโต พหิ คนฺตุกาโม ตรุณทารโก ชนกํ, ชนกสทิสํ วา อนุพนฺธติ, น อฺํ, เอวมิทมฺปิ. ตตฺถาปิ น สพฺพสฺมา ชวนา สพฺพํ ชวเนน ตทารมฺมณสฺส นิยเมตพฺพโต, อารมฺมเณน จ เวทนาย ปริวตฺเตตพฺพโต. ตตฺถายํ นิยโม – ปริตฺตกุสลโลภโมหมูลโสมนสฺสสหคตกิริยชวนานํ อฺตรานนฺตรํ อติมหติ วิสเย ปฺจนฺนํ โสมนสฺสสหคตานํ อฺตรํ ตทารมฺมณํ อุปฺปชฺชติ, ตถา ปริตฺตกุสลากุสลอุเปกฺขาสหคตกิริยชวนานํ อฺตรานนฺตรํ อุเปกฺขาสหคตานํ ฉนฺนํ ตทารมฺมณานํ อฺตรํ ปวตฺตติ. อิฏฺารมฺมณาทีนนฺติ อิฏฺอิฏฺมชฺฌตฺตอนิฏฺารมฺมณานํ วเสนาติ สมฺพนฺโธ. ตยิทํ อารมฺมเณน เวทนาปริวตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ‘‘ปุริมกมฺมวเสนา’’ติ อิทํ ตทารมฺมณวิเสสทสฺสนตฺถํ. น หิ ปฏิสนฺธิชนกเมว กมฺมํ ตทารมฺมณํ ชเนติ, อถ โข อฺกมฺมมฺปิ. ตํ ปน ปฏิสนฺธิทายินา กมฺเมน นิพฺพตฺเตตพฺพตทารมฺมณโต วิสทิสมฺปิ นิพฺพตฺเตตีติ. ‘‘ชวนจิตฺตวเสนา’’ติ อิทํ ตทารมฺมณนิยมทสฺสนตฺถํ. ‘‘ชวเนน ตทารมฺมณํ นิยเมตพฺพ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน ปฏิสนฺธิจิตฺตํ สงฺคณฺหาติ. ตฺหิ อตฺตโน อุกฺกฏฺตรสฺส ตทารมฺมณสฺส ปจฺจโย น โหติ. โย โย ปจฺจโย ลทฺโธ โหตีติ ยถาวุตฺเตสุ อิฏฺารมฺมณาทีสุ โย โย ตทารมฺมณสฺส อุปฺปตฺติยา ปจฺจโย สมเวโต โหติ. กิฺจิ อนฺตรนฺติ กิฺจิ ขณนฺตรํ. อุทกมิวาติ ปฏิโสตํ คจฺฉนฺตํ อุทกมิว.

ทฺวิกฺขตฺตุํ สกึ วาติ วจนสิลิฏฺวเสน วุตฺตํ ‘‘อฏฺ วา ทส วา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๑๑) วิย. ทฺวิกฺขตฺตุํเยว ปน วณฺเณนฺติ. วิปากจิตฺตตฺตา, อาวชฺชนสฺส จ วิทูรตฺตา, มูลภวงฺคาทิภวงฺคสามฺสพฺภาวโต จ ภวงฺคสฺส อารมฺมเณ ปวตฺตนารหํ สมานํ ตสฺส ชวนสฺส อารมฺมณํ อารมฺมณํ เอตสฺสาติ ตทารมฺมณนฺติ วุจฺจติ เอกสฺส อารมฺมณสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘กามาวจรํ, โอฏฺมุข’’นฺติ จ ยถา. เอตฺถ จ เกจิ ‘‘ปฏฺาเน ‘กุสลากุสเล นิรุทฺเธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๖) วิปากธมฺมธมฺมานํ เอว อนนฺตรํ ตทารมฺมณํ วุตฺต’’นฺติ กิริยาชวนานนฺตรํ น อิจฺฉนฺติ. วิปฺผารวนฺตํ หิ ชวนํ นาวํ วิย นทีโสโต ภวงฺคํ อนุพนฺธติ, น ปน ฉฬงฺคุเปกฺขาวโต สนฺตวุตฺติกิริยชวนํ ปณฺณปุฏํ วิย นทีโสโตติ. ตยิทํ ลพฺภมานสฺสาปิ เกนจิ อธิปฺปาเยน กตฺถจิ อวจนํ ทิสฺสติ, ยถา ตํ ธมฺมสงฺคเห อกุสลนิทฺเทเส ลพฺภมาโนปิ อธิปติ น วุตฺโต. ยฺจ ปณฺณปุฏํ นิทสฺสิตํ, ตมฺปิ นิทสฺสิตพฺเพน น สมานํ. นาวาปณฺณปุฏานฺหิ นทีโสตสฺส อาวฏฺฏนํ, คติ จ วิสทิสีติ นาวาย นทีโสตสฺส อนุพนฺธนํ, ปณฺณปุฏสฺส อนนุพนฺธนฺจ ยุชฺชติ, อิธ ปน กิริยชวเนตรชวนานํ ภวงฺคโสตสฺส อาวฏฺฏนํ, คติ จ สทิสีติ เอตสฺส อนนุพนฺธนํ, อิตรสฺส อนุพนฺธนฺจ น ยุชฺชติ. ตสฺมา วิจาเรตพฺพํ.

ภวงฺคเมวาติ อวธารณํ ภวปริโยสานสฺส อิธ น อธิปฺเปตตฺตา. อฺถา ตทารมฺมณาวสาเน จุติปิ น โหติเยว. ทสฺสนาทีนีติ ทสฺสนสวนฆายนสายนผุสนานิ. อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ปฏิสนฺธิโต ภวงฺคเมว, ภวงฺคโต อาวชฺชนเมวาติ เอวํ ปวตฺตจิตฺตนิยมวเสเนว. ตมฺปีติ จุติจิตฺตมฺปิ. ปฏิสนฺธิภวงฺคจิตฺตานิ วิย เอกูนวีสติวิธเมว โหติ อตฺถโต เภทาภาวโต.

ภวคติิตินิวาเสสูติ ตีสุ ภเวสุ, ปฺจสุ คตีสุ, สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ, นวสุ สตฺตาวาเสสุ จ. โย ปเนตฺถ อจิตฺตโก, โส อิธ น คเหตพฺโพ วิฺาณกถาภาวโต. ‘‘เอตฺถา’’ติ อิทํ ‘‘สํสรมานานํ สตฺตาน’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เอตฺถ เอเตสุ วุตฺตนเยน สํสรมาเนสุ สตฺเตสุ โย ปน อรหตฺตํ ปาปุณาติ สมฺมาปฏิปตฺติมนฺวายาติ อธิปฺปาโย. ตสฺส อรหโต นิรุทฺธเมว โหติ จิตฺตํ อปฺปฏิสนฺธิกภาวโต.

อิติ วิฺาณกฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.

เวทนากฺขนฺธกถาวณฺณนา

๔๕๖. เวเทน อนุภวนากาเรน อยิตํ ปวตฺตํ เวทยิตํ, เวทยิตนฺติ ลกฺขิตพฺพธมฺมชาตํ เวทยิตลกฺขณํ. ตํ ปน อตฺถโต เวทนา เอวาติ อาห ‘‘เวทยิตลกฺขณํ นาม เวทนาวา’’ติ. อถ วา เวทยิตํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ กปฺปนาสิทฺธํ เภทํ นิสฺสาย อฺปทตฺถสมาสวเสนาปิ เวทนาว วุจฺจตีติ อาห ‘‘เวทยิตลกฺขณํ นาม เวทนาวา’’ติ. เวทยติ เวทยตีติ พฺยาปนิจฺฉาวเสน วจนํ เวทนาย สวิสเย อภิณฺหปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ. สภาวธมฺมโต อฺโ กตฺตา นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ กตฺตุนิทฺเทโส. อิตีติ อนิยมโต เหตุอตฺโถ. โขติ วจนาลงฺการมตฺตํ. ตสฺมาติ ตสฺส นิยมนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา ยถาปจฺจยํ อารมฺมณรสํ อนุภวติ, ตสฺมา เวทนาติ วุจฺจตีติ.

‘‘กุสลวิฺาเณน สมฺปยุตฺตา’’ติ อิทํ กุสลาย เวทนาย อุปลกฺขณํ ทฏฺพฺพํ. ยา กาจิ กุสลา เวทนา, สพฺพา สา กุสเลน วิฺาเณน สมฺปยุตฺตาติ, น ปน ตสฺสา กุสลภาวสํสิทฺธิทสฺสนตฺถํ. น หิ กุสเลน วิฺาเณน สมฺปโยคโต กุสลาย เวทนาย กุสลภาโว, อถ โข โยนิโสมนสิการาทิกโต. เตนาห ‘‘ชาติวเสนา’’ติ. อกุสลาทีสุปิ เอเสว นโย. ยถา ปน ชาติวเสน กุสลาทิวิฺาณสมฺปยุตฺตตาย ติวิธา, เอวํ ยาว เอกูนนวุติวิฺาณสมฺปยุตฺตาติ เอกูนนวุติวิธา เวทิตพฺพา. สภาวเภทโตติ สมฺปยุตฺตภูมิอารมฺมณาทิวเสน ลพฺภมานํ เภทํ อคฺคเหตฺวา เกวลํ สภาวกตเภทโต เอวาติ อตฺโถ.

‘‘ปฺจวิธา’’ติ วตฺวา ตํ ปฺจวิธตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุข’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุขยตีติ สุขํ, กายํ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ลทฺธสฺสาเท กโรตีติ อตฺโถ. สุฏฺุ วา ขาทติ, ขณติ วา กายิกํ อาพาธนฺติ สุขํ. สุกรํ โอกาสทานํ เอตสฺสาติ สุขนฺติ อปเร. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขํ, กายํ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ วิพาธตีติ อตฺโถ. ทุฏฺุ วา ขาทติ, ขณติ วา กายิกํ อสฺสาทนฺติ ทุกฺขํ. ทุกฺกรํ โอกาสทานํ เอตสฺสาติ ทุกฺขนฺติ อปเร. โสมนสฺสุเปกฺขานํ สทฺทตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. โทมนสฺสสฺส โสมนสฺเส วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. กึ ปน การณํ มานเสตรสาตาสาตวเสน สุขํ, ทุกฺขฺจ วิภชิตฺวา วุตฺตํ ‘‘สุขํ โสมนสฺสํ ทุกฺขํ โทมนสฺส’’นฺติ, อุเปกฺขา ปน มานสี, อิตรา จ เอกธาว วุตฺตาติ? เภทาภาวโต. ยถา หิ อนุคฺคหูปฆาตกตาย สุขทุกฺขานิ อฺถา กายสฺส อนุคฺคหมุปฆาตฺจ กโรนฺติ, อฺถา มนโส, น เอวมุเปกฺขา. ตสฺมา เภทาภาวโต เอกธาว อุเปกฺขา วุตฺตาติ.

ตตฺถ เยน สภาวเภเทน เวทนา ปฺจวิธา, สา ปวตฺติฏฺาเน ทสฺสิเต สุปากฏา โหตีติ ปวตฺติฏฺานํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อกุสลวิปาเกนาติ เอตฺถาปิ ‘‘กายวิฺาเณน สมฺปยุตฺต’’นฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ยถา อธิกรณีมตฺถเก กปฺปาสปิจุปิณฺฑํ เปตฺวา อโยกูเฏน ปหรนฺตสฺส ปิจุปิณฺฑํ อติกฺกมิตฺวา กูฏํ อธิกรณึ คณฺหาติ, นิฆํโส พลวา โหติ, เอวํ ปฏิฆฏฺฏนานิฆํสสฺส พลวภาวโต อิฏฺเ, อิฏฺมชฺฌตฺเต จ อารมฺมเณ กายวิฺาณํ สุขสหคตํ โหติ. อนิฏฺเ, อนิฏฺมชฺฌตฺเต จ ทุกฺขสหคตนฺติ อาห ‘‘กุสล…เป… ทุกฺข’’นฺติ. กามาวจรวิปากวิฺาณานิ ปฺจ กมฺมารมฺมณวเสน โสมนสฺสสหคตานิ โหนฺติ, รูปาวจรวิปากานิ จตฺตาริ กมฺมวเสน, เสสานิ เตรส กามาวจรานิ, อฏฺ รูปาวจรานิ, ทฺวตฺตึส โลกุตฺตรานิ, ยถารหํ เจโตภิสงฺขารารมฺมณปาทกาทิวเสน โสมนสฺสสหคตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘โสมนสฺสํ ทฺวาสฏฺิยา วิฺาเณหิ สมฺปยุตฺต’’นฺติ. โทมนสฺสํ ทฺวีหิ อกุสลวิฺาเณหิ สมฺปยุตฺตํ เจโตภิสงฺขารารมฺมณาทิวเสน.

อวเสสปฺจปฺาสายาติ ยถาวุตฺตานิ ฉสฏฺิ วิฺาณานิ เปตฺวา อวเสสาย ปฺจปฺาสาย. ตตฺถ กุสลากุสลวิปากานิ อิฏฺานิฏฺเสุ นิพฺพิกปฺปกานิ สุขทุกฺขสมฺปยุตฺตานิ ภวิตุํ ยุตฺตานิปิ ทฺวินฺนํ ปิจุปิณฺฑานํ วิย ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ อุปาทารูปานํ ฆฏฺฏนานิฆํสสฺส มนฺทภาวโต จกฺขาทิสนฺนิสฺสิตานิ อฏฺปิ วิฺาณานิ สพฺพตฺถ อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตาเนว โหนฺติ, ตถา พลวปจฺจยตาย สุขทุกฺขานํ เตสฺจ ตทภาวโต. อปุพฺพารมฺมณนิสฺสยปฺปวตฺตีนิ อาวชฺชนสมฺปฏิจฺฉนวิฺาณานิ, อสทิสานนฺตรปฺปจฺจยํ กิริยารมฺภสฺส อาทิภูตํ โวฏฺพฺพนํ, กายทุกฺขปธานตาย อกุสลผลสฺส ตทุปนิสฺสยภูตํ อกุสลวิปากปฏิสนฺธิอาทิ, อิฏฺมชฺฌตฺตารมฺมณปฺปวตฺตีนิ กามาวจรกุสลวิปากวิฺาณานิ จ อุเปกฺขาสหคตานิเยว โหนฺติ. กมฺมวเสน วา วิปากานุภวนสฺส อิฏฺานิฏฺารมฺมเณสุ อทุกฺขมสุขภาโว ยุตฺโต. สติ จ วิปากภูตาย อุเปกฺขาย สุขทุกฺขมชฺฌตฺตภาเว กมฺมารมฺมณวเสน กุสลวิปากาย อิฏฺภาโว, อกุสลวิปากาย อนิฏฺภาโว จ เวทิตพฺโพ. อวสิฏฺานิ ปน สตฺตตึส วิฺาณานิ เจโตภิสงฺขารารมฺมณปาทกาทิวเสน อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตานิ โหนฺตีติ เอวํ ปฺจปฺาสาย วิฺาเณหิ อุเปกฺขาย สมฺปยุตฺตตา เวทิตพฺพา.

สลกฺขณํ นาม ธมฺมานํ อนฺสาธารโณ สภาโว, อนุภวนฺจ สพฺพเวทนานํ สาธารณลกฺขณนฺติ ตํ ปฏินิยเตน อารมฺมเณน นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิฏฺโผฏฺพฺพานุภวนลกฺขณํ สุข’’นฺติ ตสฺส พฺยภิจาราภาวโต. ภุสํ พฺรูหนํ วฑฺฒนํ อุปพฺรูหนํ. ตยิทํ กามฺจ เจตสิกสุเขปิ ลพฺภติ, ตํ ปน สวิกปฺปกํ เจโตภิสงฺขารวเสนาปิ โหติ. อิทนฺตุ นิพฺพิกปฺปกํ สภาวสิทฺธตฺตา ตโต สาติสยนฺติ อาห ‘‘สมฺปยุตฺตานํ อุปพฺรูหนรส’’นฺติ. อสฺสาทิยตีติ อสฺสาโท, สุขาเวทนา. เตนาห ภควา ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ อสฺสาโท’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๖). กายนิสฺสิตตฺตา กาเย ภโว กายิโก, โส เอว อสฺสาโท ตถา ปจฺจุปติฏฺตีติ กายิกอสฺสาทปจฺจุปฏฺานํ. กายินฺทฺริยปทฏฺานํ อนฺวตฺถุกตฺตา.

ทุกฺขสฺส ลกฺขณาทีนิ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพานิ.

สภาวโต, ปริกปฺปโต วา อิฏฺสฺส อารมฺมณสฺส อนุภวนลกฺขณํ อิฏฺารมฺมณานุภวนลกฺขณํ. เตนาห ‘‘ยถา ตถา วา อิฏฺาการสมฺโภครส’’นฺติ, ยถาภูเตน วา อยถาภูเตน วา อิฏฺากาเรน อารมฺมณสฺส สํภุฺชนรสํ, ปจฺจนุภวนกิจฺจนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปสฺสทฺธิปทฏฺาน’’นฺติ อิทํ ‘‘ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๖; อ. นิ. ๑๑.๑๒) สุตฺตปทํ นิสฺสาย วุตฺตํ, ตํ ปน นิรามิสโสมนสฺสวเสน เวทิตพฺพํ.

โสมนสฺเส วุตฺตวิปริยาเยน โทมนสฺสสฺส ลกฺขณาทีนิ เวทิตพฺพานิ. โทมนสฺสสฺส กามธาตุยํ อุปฺปชฺชนโต เอกนฺเตน หทยวตฺถุปทฏฺานตา ตโต วิเสโส.

มชฺฌตฺตสฺส, อารมฺมณสฺส มชฺฌตฺตํ วา เวทยิตํ อนุภวนํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ มชฺฌตฺตเวทยิตลกฺขณา. มชฺฌตฺตานุภวนโต เอว สมฺปยุตฺตานํ นาติอุปพฺรูหนมิลาปนรสา. ‘‘สนฺตภาวปจฺจุปฏฺานา’’ติ อิทํ อนวชฺชาย นิรามิสาย อุเปกฺขาย วเสน เวทิตพฺพํ, น สพฺพาย.

อิติ เวทนากฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.

สฺากฺขนฺธกถาวณฺณนา

๔๕๗. สฺชานนลกฺขณํ นาม สฺาวาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เวทนากฺขนฺธนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

กามํ เวทนายปิ วิปฺปยุตฺตํ วิฺาณํ นตฺถิ, ตสฺสา ปน สภาวโต ภินฺนตฺตา กายจิ เวทนาย สมฺปยุตฺตมฺปิ กายจิ วิปฺปยุตฺตํ โหติ. สฺาย ปน อีทิสํ นตฺถีติ อาห ‘‘น หิ ตํ วิฺาณํ…เป… สฺายา’’ติ.

สพฺพาวาติ จตุภูมิกาปิ. อถ วา ยถา เวทนา ภินฺนสภาวตฺตา เภทนลกฺขณาทิโต วุตฺตา, น เอวมยํ, อยํ ปน สพฺพาว สฺชานนลกฺขณา. นีลาทิเภทสฺส อารมฺมณสฺส สฺชานนํ สฺํ กตฺวา ชานนํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สฺชานนลกฺขณา. ตถา หิ สา อภิฺาเณน สฺชานนโต ปจฺจาภิฺาณรสาติ วุจฺจติ. นิมิตฺเตน หิ ปุน สฺชานนกิจฺจา ปจฺจาภิฺาณรสา. ตสฺสา วฑฺฒกิสฺส ทารุมฺหิ อภิฺาณํ กตฺวา เตน อภิฺาเณน ปจฺจาภิชานนกาเล ปวตฺติ เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘ตเทเวต’’นฺติอาทิ. ปุน สฺชานนสฺส ปจฺจโย ปุนสฺชานนปจฺจโย, ตเทว นิมิตฺตํ ปุน…เป… นิมิตฺตํ, ตสฺส กรณํ, ปุน…เป… กรณํ, ปุนสฺชานนปจฺจยภูตํ วา นิมิตฺตกรณํ ปุน…เป… กรณํ, ตทสฺสา กิจฺจนฺติ ปุนสฺชานนปจฺจยนิมิตฺตกรณรสา. ปุนสฺชานนนิมิตฺตกรณํ นิมิตฺตการิกาย, นิมิตฺเตน สฺชานนนฺติยา จ สพฺพาย สฺาย สมานํ โยเชตพฺพํ. อภินิเวสกรณํ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒, ๒๐๓, ๔๒๗; ม. นิ. ๓.๒๗-๒๙) สฺาภินิเวสมตฺเตเนว ทฏฺพฺพํ. ยถาอุปฏฺิตวิสยปทฏฺานา อวิกปฺปสภาวตฺตา. าณสมฺปยุตฺตา ปน สฺา าณเมว อนุวตฺตติ, ตสฺมา อภินิเวสการิกา, วิปรีตคฺคาหิกา จ น โหติ. เอเตเนว สมาธิสมฺปยุตฺตตาย อจิรฏฺานตา จ น โหตีติ เวทิตพฺพา. เอวํ ราคทิฏฺิมานาทิสมฺปยุตฺตาย สฺาย ราคาทิอนุวตฺติกภาโวติ.

อิติ สฺากฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.

สงฺขารกฺขนฺธกถาวณฺณนา

๔๕๘. ราสิกรณลกฺขณนฺติ สมฺปิณฺฑนลกฺขณํ, ตโต สงฺขารา อายูหนรสา วุจฺจนฺติ. เจตนาปธานตาย หิ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมา เอวํ วุตฺตา. เตเนวาห ‘‘กึ ปน ตนฺติ สงฺขาราเยวา’’ติอาทิ. ตตฺถ สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตีติ ยถา อตฺตโน ผลํ สงฺขตํ สมฺมเทว นิปฺผนฺนํ โหติ, เอวํ อภิสงฺขโรนฺตีติ อตฺโถ. วิปฺผารปจฺจุปฏฺานาติ เอตฺถ วิปฺผาโร นาม วิปฺผารวนฺตตา, ตสฺมา สพฺยาปารปจฺจุปฏฺานาติ อตฺโถ.

ตสฺมึ ตสฺมึ จิตฺเต อุปฺปนฺเน นิยเมน อุปฺปชฺชนโต นิยตา. สรูเปน อาคตาติ เอวํ ปิฏฺิวตฺตเก อกตฺวา ปาฬิยา สรูเปเนว อาคตา. กทาจิเทว อุปฺปชฺชนโต น นิยตาติ อนิยตา. ยทิปิ อนิยตา เอกชฺฌํ น อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมึ ปน จิตฺเต อุปฺปชฺชนธมฺมตาย ‘‘ฉตฺตึสา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อุปฺปชฺชมานาปิ จ น เอกโต อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.

๔๕๙. ผุสตีติ กตฺตุนิทฺเทโส. ยํ ตตฺถ การณํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ผุสนฺติ เอเตนาติ วา ผสฺโส. สมฺปยุตฺตธมฺมา หิ อารมฺมเณ ปวตฺตมานา ตํ ผุสนลกฺขเณน ผสฺเสน ผุสนฺตา วิย โหนฺติ. อารมฺมณผุสนมตฺตํ วา ผสฺโสติ สาธนตฺตยมฺปิ ยุชฺชเตว. สภาวธมฺเมสุ กตฺตุกรณสาธนวจนํ ตทาการสมาโรปนโต ปริยายกถา, ภาวสาธนวจนเมว นิปฺปริยายกถาติ วุตฺตํ ‘‘ผุสนลกฺขโณ’’ติ. อยฺหีติอาทิ ยถาวุตฺตลกฺขณาทิสมตฺถนํ. ยทิ อยํ ธมฺโม เจตสิโก, สฺวายํ อรูปธมฺโม สมาโน กถํ ผุสนลกฺขโณ, สงฺฆฏฺฏนรสาทิโก จ โหตีติ อนฺโตลีนํ โจทนํ หทเย เปตฺวา ตสฺส โสธนตฺถํ ‘‘อรูปธมฺโมปิ สมาโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ผุสนากาเรเนว ปวตฺตตี’’ติ อิมินา อรูปสฺสาปิ ตสฺส ธมฺมสฺส อยํ สภาโวติ ทสฺเสติ. สา จ ตสฺส ผุสนาการปฺปวตฺติ อมฺพิลอมฺพปกฺกาทึ ขาทนฺตํ ปสฺสนฺตสฺส ปรสฺส เขฬุปฺปตฺติ, ปรํ วิพาธิยมานํ ทิสฺวา ทยาลุกสฺส สรีรกมฺปนํ, รุกฺขสาขคฺเค ทุฏฺิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ภูมิยํ ิตสฺส ภีรุกปุริสสฺส ชงฺฆจลนํ, ปิสาจาทิภายิตพฺพํ ทิสฺวา อูรุขมฺโภติ เอวมาทีสุ ปริพฺยตฺตา โหติ.

เอกเทเสนาติ กฏฺทฺวยาทิ วิย อตฺตโน เอกปสฺเสน. อนลฺลียมาโนปีติ อสํสิลิยมาโนปิ. รูปสทฺเทหิ สห ผสฺสสฺส สามฺํ อนลฺลียมานสงฺฆฏฺฏนเมว, น วิสยภาโว. ยถา รูปสทฺทา จกฺขุโสตานิ อนลฺลียมานา เอว ‘‘ผุสิต’’นฺติอาทินา วุตฺตา, เอวํ ผสฺสสฺสาปิ อารมฺมณผุสนสงฺฆฏฺฏนานีติ. สงฺฆฏฺฏนฺจ ผสฺสสฺส จิตฺตารมฺมณานํ สนฺนิปตนภาโว เอว. เตนาห ‘‘จิตฺตมารมฺมณฺจ สงฺฆฏฺเฏตี’’ติ. กิจฺจฏฺเน รเสน สงฺฆฏฺฏนรสตา วุตฺตา, วตฺถารมฺมณสนฺนิปาเตน วา สมฺปชฺชตีติ สงฺฆฏฺฏนสมฺปตฺติโก ผสฺโส สงฺฆฏฺฏนรโส วุตฺโต. ยถา ‘‘ทฺเว ปาณี วชฺเชยฺยุ’’นฺติอาทีสุ (มิ. ป. ๒.๓.๘) ปาณิสฺส ปาณิมฺหิ สงฺฆฏฺฏนํ ตพฺพิเสสภูตา รูปธมฺมา, เอวํ จิตฺตสฺส อารมฺมเณ สงฺฆฏฺฏนํ ตพฺพิเสสภูโต เอโก เจตสิกธมฺโม ทฏฺพฺโพ. ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๔; ๔.๖๐) วจนโต จกฺขุรูปวิฺาณาทีนํ สงฺคติวเสน คเหตพฺพตฺตา อาห ‘‘ติกสนฺนิปาตสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิ. ตสฺส ผสฺสสฺส การณภูโต ตทนุรูโป สมนฺนาหาโร ตชฺชาสมนฺนาหาโร. อินฺทฺริยสฺส ตทภิมุขภาโว, อาวชฺชนาย จ อารมฺมณกรณํ วิสยสฺส ปริกฺขตตา อภิสงฺขตตา, วิฺาณสฺส วิสยภาวกรณนฺติ อตฺโถ. ยถา นิจฺจมฺมา คาวี ยํ ยํ านํ อุปคตา, ตตฺถ ตตฺถ ทุกฺขเมว ปาปุณาติ, เอวํ ผสฺเส สติ เวทนา อุปฺปชฺชเตว. เวทนา จ ทุกฺขสลฺลาทิสภาวาติ วุตฺตํ ‘‘เวทนาธิฏฺานภาวโต ปน นิจฺจมฺมคาวี วิย ทฏฺพฺโพ’’ติ.

๔๖๐. อภิสนฺทหติ ปพนฺธติ ปวตฺเตติ. เจตนาภาโว พฺยาปารภาโว. อายูหนํ เจตยนํ อีริยนํ. สํวิทหนํ วิจารณํ. อายูหนรสาย เจตนาย ปวตฺตมานาย สพฺเพปิ สมฺปยุตฺตธมฺมา ยถาสกํ กิจฺจปฺปสุตา โหนฺตีติ สา สกิจฺจปรกิจฺจสาธิกา วุตฺตา. เชฏฺสิสฺโส ปเร สชฺฌายเน อุยฺโยเชนฺโต สยมฺปิ สชฺฌายติ. มหาวฑฺฒกิมฺหิ วฑฺฒกิกมฺมํ กาตุมารทฺเธ อิตเรปิ กโรนฺติเยว. อุสฺสาหนภาเวนาติ อาทรกรณภาเวน. สา หิ สยํ อาทรภูตา สมฺปยุตฺตธมฺเม อาทรยตีติ. อายูหนวเสน อุสฺสาหนํ ทฏฺพฺพํ, น วีริยุสฺสาหวเสน.

๔๖๑. วีรภาโวติ เยน วีโร นาม โหติ, โส ธมฺโมติ อตฺโถ. วิธินา อีเรตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วา วีริยํ, อุสฺสาโห, ตํตํกิจฺจสมารมฺโภ, ปรกฺกโม วา. อุปตฺถมฺภนํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา ธารณํ อนุพลปฺปทานํ, สมฺปคฺคณฺหนํ วา. สํสีทนปฏิปกฺโข ธมฺโม อสํสีทนํ, น สํสีทนาภาวมตฺตนฺติ อสํสีทนภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อสํสีทนภาวปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ. สํเวคปทฏฺานนฺติ อฏฺสํเวคปุพฺพิกาย (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๔๑๘) กุสลกิริยาย วีริยารมฺภวตฺถุปทฏฺานํ. ‘‘มคฺโค คนฺตพฺโพ โหติ, มคฺโค คโต, กมฺมํ กาตพฺพํ, กมฺมํ กตํ, อปฺปมตฺตโก อาพาโธ อุปฺปนฺโน, คิลานา วุฏฺิโต โหติ, อจิรวุฏฺิโต เคลฺา, คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย วิจรนฺโต น ลภติ ลูขสฺส วา ปณีตสฺส วา โภชนสฺส ยาวทตฺถํ ปาริปูรึ, ลภติ…เป… ปาริปูริ’’นฺติ เอวํ วุตฺตานิ เอตานิ อนุรูปปจฺจเวกฺขณาสหิตานิ อฏฺ วีริยารมฺภวตฺถูนิ, ตํมูลกานิ วา ปจฺจเวกฺขณานิ.

๔๖๒. อตฺตนา อนุปาเลตพฺพานํ สหชาตธมฺมานํ อนุปาลนํ ชีวิตสฺส พฺยาปาโร, ตฺจ เนสํ ชีวนนฺติ ตํ ตสฺส การณภาวํ ปุรกฺขตฺวา วุตฺตํ ‘‘ชีวนฺติ เตนา’’ติ. ตมฺปิ จสฺส อตฺถโต ชีวนเมวาติ อาห ‘‘ชีวนมตฺตเมว วา ต’’นฺติ.

๔๖๓. อาธิยตีติ เปติ. อวิสาโร อตฺตโน เอว อวิสรณสภาโว. อวิกฺเขโป สมฺปยุตฺตานํ ธมฺมานํ อวิกฺขิตฺตตา. เยน สมฺปยุตฺตา อวิกฺขิตฺตา โหนฺติ, โส ธมฺโม อวิกฺเขโปติ. อวูปสมลกฺขณสฺส วิกฺเขปสฺส ปฏิปกฺขตาย จิตฺตสฺส อุปสมนากาเรน ปจฺจุปติฏฺตีติ อุปสมปจฺจุปฏฺาโน. วิเสสโตติ เยภุยฺเยน. สุขวิรหิโตปิ หิ อตฺถิ สมาธีติ. ทีปจฺจินิทสฺสเนน สนฺตานิติภาวํ สมาธิสฺส ทสฺเสติ.

๔๖๔. สทฺทหนฺติ เอตายาติ สทฺทหนกิริยาย ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ ตตฺถ อาธิปจฺจภาเวน สทฺธาย ปจฺจยตํ ทสฺเสติ. ตสฺสา หิ ธมฺมานํ ตถาปจฺจยภาเว สติ ปุคฺคโล สทฺทหตีติ โวหาโร โหติ. สทฺทหนํ สทฺเธยฺยวตฺถุโน ปตฺติยายนํ, ตํ ลกฺขณํ เอติสฺสาติ สทฺทหนลกฺขณา. โอกปฺปนลกฺขณาติ อนุปวิสิตฺวา เอวเมตนฺติ กปฺปนลกฺขณา. กาลุสฺสิยมลํ วิธเมตฺวา สมฺปยุตฺตานํ, ปุคฺคลสฺเสว วา ปสาทนํ อนาวิลภาวกรณํ รโส เอติสฺสาติ ปสาทนรสา. ปกฺขนฺทนํ อธิมุจฺจนวเสน อารมฺมณสฺส อนุปวิสนํ. อกาลุสภาโว อกาลุสฺสิยํ, อนาวิลภาโวติ อตฺโถ. ปสาทนียฏฺาเนสุ ปสาทวิปรีตํ อกุสลํ อสฺสทฺธิยํ, มิจฺฉาธิมุตฺติ จ, ตปฺปจฺจนีโกว ปสาทภูโต วตฺถุคโต นิจฺฉโย อธิมุตฺติ, น เยวาปนกาธิโมกฺโข. รตนตฺตยํ, กมฺมํ, กมฺมผลฺจ สทฺเธยฺยวตฺถุ. สปฺปุริสสํเสวนสทฺธมฺมสวนโยนิโสมนสิการธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติโย โสตาปตฺติยงฺคานิ. กุสลธมฺมานํ อาทาเน หตฺถํ วิย, สพฺพสมฺปตฺติสมฺปทาเน วิตฺตํ วิย, อมตกสิผลผลเน พีชํ วิย ทฏฺพฺพา.

๔๖๕. สรนฺติ ตายาติ สรณกิริยาย ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ ตตฺถ อาธิปจฺจภาเวน สติยา ปจฺจยตํ ทสฺเสติ. ตสฺสา หิ ธมฺมานํ ตถาปจฺจยภาเว สติ ตํสมงฺคิปุคฺคโล สรตีติ โวหาโร โหติ. อุทเก อลาพุ วิย ปิลวิตฺวา คนฺตุํ อทตฺวา ปาสาณสฺส วิย นิจฺจลสฺส อารมฺมณสฺส ปนํ สรณํ อสมฺมุฏฺตากรณํ อปิลาปนํ. สมฺโมสปจฺจนีกํ กิจฺจํ อสมฺโมโส, น สมฺโมสาภาวมตฺตํ. ‘‘สตารกฺเขน เจตสา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๐) วจนโต อารกฺขปจฺจุปฏฺานา. อฺโต อาคนฺตฺวา จิตฺตวิสเย อภิมุโข ภวติ เอตายาติ วิสยาภิมุขภาโว, สติ. สติยา วตฺถุภูตา กายาทโยว กายาทิสติปฏฺานานิ, สติ เอว วา ปุริมา ปจฺฉิมาย ปทฏฺานํ.

๔๖๖. กายทุจฺจริตาทีหีติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ. หิริยตีติ ลชฺชากาเรน ชิคุจฺฉติ. เตหิเยวาติ กายทุจฺจริตาทีหิเยว. โอตฺตปฺปตีติ อุพฺพิชฺชติ. หิรี ปาปธมฺเม คูถํ วิย ปสฺสนฺตี ชิคุจฺฉตีติ อาห ‘‘ปาปโต ชิคุจฺฉนลกฺขณา หิรี’’ติ. โอตฺตปฺปํ เต อุณฺหํ วิย ปสฺสนฺตํ ตโต อุตฺตสตีติ วุตฺตํ ‘‘อุตฺตาสลกฺขณํ โอตฺตปฺป’’นฺติ. วุตฺตปฺปกาเรนาติ ลชฺชากาเรน, อุตฺตาสากาเรน จ. อตฺตคารวปทฏฺานา หิรี อชฺฌตฺตสมุฏฺานตาย, อตฺตาธิปติตาย จ. ปรคารวปทฏฺานํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานตาย, โลกาธิปติตาย จ. ตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘อตฺตานํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อชฺฌตฺตสมุฏฺานาทิตา จ หิริโอตฺตปฺปานํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏภาเวน วุตฺตา, น ปเนเตสํ กทาจิ อฺมฺวิปฺปโยคา. น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ. โลกปาลกาติ เอตฺถ ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, สุกฺกา ธมฺมา โลกํ ปาเลนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๒.๙; อิติวุ. ๔๒) สุตฺตปทํ อตฺตาธิปติ, โลกาธิปติภาเว จ ‘‘โส อตฺตานํเยว อธิปตึ กริตฺวา, โส โลกํเยว อธิปตึ กริตฺวา’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐) จ สุตฺตปทานิ อาหริตฺวา วตฺตพฺพานิ.

๔๖๗. ยสฺมา โลภปฏิปกฺโข อโลโภติ เย ธมฺมา เตน สมฺปยุตฺตา, ตํสมงฺคิโน วา สตฺตา เตน น ลุพฺภนฺติ, สยํ กทาจิปิ น ลุพฺภเตว, อตฺถโต วา อลุพฺภนากาโร เอว จ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘น ลุพฺภนฺตี’’ติอาทิ. เอเสว นโยติ ‘‘น ทุสฺสนฺติ เตนา’’ติอาทินา การกตฺตยโยชนํ อติทิสติ. อเคโธ อคิชฺฌนํ อนภิกงฺขนํ. อลคฺคภาโว อนาสตฺตตา. อปริคฺคโห กสฺสจิ วตฺถุโน มมตฺตวเสน อสงฺคโห. อนลฺลีโน ภาโว อธิปฺปาโย เอตสฺสาติ อนลฺลีนภาโว. เอวฺหิ อุปมาย สเมติ.

๔๖๘. จณฺฑิกสฺส ภาโว จณฺฑิกฺกํ, โกโป. ตปฺปฏิปกฺโข อจณฺฑิกฺกํ, อพฺยาปาโท. อวิโรโธ อวิคฺคโห. อนุกูลมิตฺโต อนุวตฺตโก. วินยรโสติ วินยนรโส. โสมฺมภาโว เมชฺชนวเสน หิลาทนียตา.

๔๖๙. ธมฺมานํ โย โย สภาโว ยถาสภาโว, ตสฺส ตสฺส ปฏิวิชฺฌนํ ยถาสภาวปฏิเวโธ. อกฺขลิตํ อวิรชฺฌิตฺวา ปฏิเวโธ อกฺขลิตปฏิเวโธ. วิสยสฺส โอภาสนํ ตปฺปฏิจฺฉาทกสมฺโมหนฺธการวิธมนํ วิสโยภาสนํ. กตฺถจิปิ วิสเย อสมฺมุยฺหนากาเรเนว ปจฺจุปติฏฺติ, สมฺโมหปฏิปกฺขตาย วา ตทภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อสมฺโมหปจฺจุปฏฺาโน. สพฺพกุสลานํ มูลภูตาติ สพฺเพสํ จตุภูมกกุสลธมฺมานํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเนน ปติฏฺาภูตา, น เตสํ กุสลภาวสาธเนน. ยทิ หิ เตสํ กุสลภาโว กุสลมูลปฏิพทฺโธ สิยา, เอวํ สติ ตํสมุฏฺานรูเปสุ เหตุปจฺจยตา น สิยา. น หิ เต เตสํ กุสลาทิภาวํ สาเธนฺติ, น จ ปจฺจยา น โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑). ยถา จ กุสลภาโว, เอวํ อพฺยากตภาโวปิ อพฺยากตมูลปฺปฏิพทฺโธ สิยา. ตถา สติ อเหตุกจิตฺตานํ อพฺยากตภาโว เอว น สิยา, อกุสเลสุ จ ยตฺถ เอกํเยว มูลํ, ตสฺส อกุสลภาโว น สิยา, อุภยมฺปิ โหติเยว. ตสฺมา น มูลปฺปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, อถ โข โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ. เตสํ ปน สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนานิ มูลานีติ คเหตพฺพํ.

๔๗๐. ปสฺสมฺภนํ ทรถวูปสโม. กายสทฺโท สมูหวาจี, โส จ โข เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยวเสนาติ อาห ‘‘กาโยติ เจตฺถ เวทนาทโย ตโย ขนฺธา’’ติ. เตเนวาห ‘‘ตตฺถ กตมา ตสฺมึ สมเย กายปสฺสทฺธิ โหติ? ยา ตสฺมึ สมเย เวทนากฺขนฺธสฺสา’’ติอาทิ (ธ. ส. ๔๐). ทรโถ สารมฺโภ, โทมนสฺสปจฺจยานํ อุทฺธจฺจาธิกานํ กิเลสานํ, ตถาปวตฺตานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานํ เอตํ อธิวจนํ. ทรถนิมฺมทฺทเนน ปริฬาหปริปฺผนฺทวิรหิโต สีติภาโว อปริปฺผนฺทสีติภาโว. อุทฺธจฺจปฺปธานา กิเลสา อุทฺธจฺจาทิกิเลสา, อุทฺธจฺจํ วา อาทึ กตฺวา สพฺพกิเลเส สงฺคณฺหาติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

ครุภาโว ทนฺธตา, ถินมิทฺธาธิกานํ, ตถาปวตฺตานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานํ เอตํ อธิวจนํ. ทนฺธตาย ปฏิปกฺโข อทนฺธตา, น ทนฺธตาย อภาวมตฺตํ.

ถทฺธภาโว ถมฺโภ, ทิฏฺิมานาธิกานํ, ตปฺปธานานํ วา จตุนฺนํ ขนฺธานเมตํ นามํ. ถทฺธภาวนิมฺมทฺทนโต เอว กตฺถจิ อารมฺมเณ อปฺปฏิหตากาเรน ปจฺจุปติฏฺนฺติ, สมฺปยุตฺตานํ วา ตตฺถ อปฺปฏิฆาตํ ปจฺจุปฏฺาเปนฺตีติ อปฺปฏิฆาตปจฺจุปฏฺานา.

กมฺมนิ สาธุ กมฺมฺํ, น กมฺมฺํ อกมฺมฺํ, ตสฺส ภาโว อกมฺมฺภาโว, ทานสีลาทิปุฺกิริยายํ อโยคฺยตา. อตฺถโต กามจฺฉนฺทาทิสํกิเลสธมฺมา, ตปฺปธานา วา จตฺตาโร อกุสลกฺขนฺธา. กมฺมฺภาเวเนว สมฺปนฺนากาเรน อารมฺมณสฺส คหณํ อารมฺมณกรณสมฺปตฺติ. วุตฺตาวเสสา กามจฺฉนฺทาทโย, ตเทกฏฺา จ สํกิเลสธมฺมา อวเสสนีวรณาทโย. วินิพนฺธนิมฺมทฺทเนน สุขปฺปวตฺติเหตุตาย ปสาทนียวตฺถูสุ ปสาทาวหา. สุวณฺณวิสุทฺธิ วิยาติ ยถา สุวณฺณวิสุทฺธิ อปคตกาฬกา อลงฺการวิกติวินิโยคกฺขมา, เอวมยมฺปิ สํกิเลสวิคเมน หิตกิริยาวินิโยคกฺขมา.

กายจิตฺตานํ เคลฺํ, อสฺสทฺธิยาทิ, ตเทกฏฺา จ ปาปธมฺมา. เคลฺปฏิปกฺโข อเคลฺํ, ตพฺภาโว ลกฺขณํ เอตาสนฺติ อเคลฺภาวลกฺขณา. ยถาวุตฺตเคลฺนิมฺมทฺทเนเนว นตฺถิ เอตาสํ อาทีนโว โทโส, น วา เอตา อาทีนํ กปณํ วนฺติ ปวตฺตนฺตีติ นิราทีนวา, เตนากาเรน ปจฺจุปติฏฺนฺติ, ตํ วา สมฺปยุตฺเตสุ ปจฺจุปฏฺเปนฺตีติ นิราทีนวปจฺจุปฏฺานา.

กายสมฺพนฺธี, จิตฺตสมฺพนฺธี จ อุชุภาโวติ ลกฺขิตพฺพตาย กายจิตฺตอชฺชวลกฺขณา. กายจิตฺตานํ นงฺคลสีสจนฺทโกฏิโคมุตฺตวงฺกตาสงฺขาตานํ กุฏิลภาวานํ นิมฺมทฺทนโต กายจิตฺตกุฏิลภาวนิมฺมทฺทนรสา. ตโต เอว สพฺพถาปิ อชิมฺหภาเวน ปจฺจุปติฏฺนฺติ, สมฺปยุตฺตานํ วา อชิมฺหตํ ปจฺจุปฏฺเปนฺตีติ อชิมฺหตาปจฺจุปฏฺานา. ‘‘สนฺตโทสปฏิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, อสนฺตคุณสมฺภาวนลกฺขณํ สาเยฺย’’นฺติ เอวํ วุตฺตา ตทาการปฺปวตฺตา อกุสลา ขนฺธา, ตเทกฏฺา จ สํกิเลสธมฺมา มายาสาเยฺยาทิกา. เอตฺถ จ จิตฺตปสฺสทฺธิอาทีหิ จิตฺตเมว ปสฺสทฺธํ, ลหุ, มุทุ, กมฺมฺํ, ปคุณํ, อุชุ จ โหติ. กายปสฺสทฺธิอาทีหิ ปน รูปกาโยปิ. เตเนเวตฺถ ภควตา ธมฺมานํ ทุวิธตา วุตฺตา, น สพฺพตฺถ.

๔๗๑. ฉนฺทนํ ฉนฺโท, อารมฺมเณน อตฺถิกตา. ‘‘ฉนฺโท กาโม’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๖๔) ปน ตณฺหาปิ วุจฺจติ, ‘‘ฉนฺทํ ชเนติ วายมตี’’ติอาทีสุ (วิภ. ๔๓๒) วีริยมฺปีติ ตโต นิวตฺตนตฺถํ ‘‘กตฺตุกามตาเยตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ. กตฺตุกามตา วุจฺจติ กรณิจฺฉา. เจตสิกสฺส จ ธมฺมสฺส สารมฺมณตฺตา กรณิจฺฉา นาม อาลมฺพนสฺส อาลมฺพิตุกามตามุเขเนว โหตีติ อารมฺมณกรณิจฺฉาลกฺขโณ ฉนฺโท กตฺตุกามตาลกฺขโณ วุตฺโต. เตเนวาห ‘‘อารมฺมณปริเยสนรโส, อารมฺมเณน อตฺถิกตาปจฺจุปฏฺาโน’’ติ จ. ยทคฺเคน ปนายํ อตฺตโน อารมฺมณปริเยสนรโส, ตทคฺเคน สมฺปยุตฺตานมฺปิ โหติเยว เอการมฺมณตาย เตน เตสํ. เตเนวาห ‘‘อารมฺมณคฺคหเณ จายํ เจตโส หตฺถปฺปสารณํ วิย ทฏฺพฺโพ’’ติ. สฺวายํ กุสเลสุ อุปฺปนฺโน กุสลจฺฉนฺโทติ วุจฺจติ โยนิโสมนสิการสมุฏฺานตฺตา.

๔๗๒. อธิมุจฺจนํ อารมฺมเณ สนฺนิฏฺานวเสน เวทิตพฺพํ, น ปสาทนวเสน. ยถา ตถา วา หิ อารมฺมเณ นิจฺฉยนํ อธิมุจฺจนํ อนธิมุจฺจนฺตสฺส ปาณาติปาตาทีสุ, ทานาทีสุ วา ปวตฺติยา อภาวา, สทฺธา ปน ปสาทนีเยสุ ปสาทาธิโมกฺขาติ อยเมเตสํ วิเสโส. โวฏฺพฺพนํ ปน ยถา สนฺตีริเต อตฺเถ นิจฺฉยนากาเรน ปวตฺติตฺวา ปรโต ตฺตมานานํ ตถา ปวตฺติยา ปจฺจโย โหติ. ยทิ เอวํ, วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺเตสุ กถนฺติ? เตสมฺปิ เอกํเสเนว สํสปฺปนาการสฺส ปจฺจยตาย ทฏฺพฺพํ. ทารกสฺส วิย อิโต จิโต จ สํสปฺปนสฺส ‘‘กริสฺสามิ น กริสฺสามี’’ติ อนิจฺฉยสฺส ปฏิปกฺขกิริยา อสํสปฺปนํ, เยสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ อยํ สนฺนิฏฺานลกฺขโณ อธิโมกฺโข, เตสํ อารมฺมณธมฺโม เอว สนฺนิฏฺเยฺยธมฺโม.

๔๗๓. กิริยา กาโรติ การสทฺทสฺส ภาวสาธนตมาห. มนมฺหิ กาโรติ มนสิ อารมฺมณสฺส กรณํ. เยน หิ มโน อารมฺมเณ กรียติ อารมฺมเณนสฺส สํโยชนโต, ตโต เอว เตน อารมฺมณมฺปิ มนสิ กรียตีติ. ปุริมมนโตติ ภวงฺคมนโต. วิสทิสมนนฺติ วีถิชวนํ มนํ กโรตีติ มนสิการสามฺเน วีถิชวนปฏิปาทเก ทสฺเสติ.

สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมณาภิมุขํ สาเรนฺโต วิย โหตีติ มนสิกาโร สารณลกฺขโณ วุตฺโต. สติยา อสมฺมุสฺสนวเสน วิสยาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานตา, มนสิการสฺส ปน สํโยชนวเสน อารมฺมณาภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. อารมฺมณปฏิปาทกสฺส สงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนตาวจนํ อิตรมนสิการานํ ตทฺกฺขนฺธปริยาปนฺนตามตฺตํ โชเตตีติ ตถาโชติตํ ตํ วิฺาณกฺขนฺเธ โอตาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘วีถิปฏิปาทโก’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๔๗๔. เตสุ ธมฺเมสูติ เยสุ ธมฺเมสุ สยํ อุปฺปนฺนา, เตสุ อตฺตนา สมฺปยุตฺเตสุ จิตฺตเจตสิกธมฺเมสุ. อนารมฺมณตฺเตปิ หิ เตสุ สมปฺปวตฺเตสุ อุทาสินภาวโต ‘‘ตตฺรมชฺฌตฺตตา’’ติ วุจฺจติ. สมวาหิตลกฺขณาติ สมํ อวิสมํ ยถาสกกิจฺเจสุ ปวตฺตนลกฺขณา. อุทาสินภาเวน ปวตฺตมานาปิ เหสา สมฺปยุตฺตธมฺเม ยถาสกกิจฺเจสุ ปวตฺเตติ, ยถา ราชา ตุณฺหี นิสินฺโนปิ อตฺถกรเณ ธมฺมฏฺเ ยถาสกกิจฺเจสุ อปฺปมตฺเต ปวตฺเตติ. อลีนานุทฺธตปวตฺติปจฺจยตา อูนาธิกตานิวารณรสา, กิจฺจวเสน เจตํ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ, สหชาตาธิปติโน กถนฺติ? ตมฺปิ ตสฺสา กิจฺจเมว. ยํ สหชาตธมฺมานํ อธิปติภาโวติ, ตสฺสาปิ ตถาปวตฺตนเมวาติ นายํ โทโส. ‘‘อิทํ นิหีนกิจฺจํ โหตุ, อิทํ อติเรกตรกิจฺจ’’นฺติ เอวํ ปกฺขปาตวเสน วิย ปวตฺติ ปกฺขปาโต, ตํ อุปจฺฉินฺทนฺตี วิย โหตีติ อธิปฺปาโย.

‘‘อนิยเตสุ อิจฺฉนฺตี’’ติ อิมินา เจตสิกนฺตรภาเวน อิจฺฉนฺตีติ ทสฺเสติ. อโทโสเยว เมตฺตา. ตถา หิ โสเยว ‘‘เมตฺตา เมตฺตายนา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๖๒) นิทฺทิฏฺโ. อุเปกฺขาติ ยํ อุเปกฺขํ เมตฺตาย สทฺธึ ปริกปฺเปนฺติ, สา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาเยว.

๔๗๕. กายทุจฺจริตาทิวตฺถูนนฺติ ปรปาณปรธนปรอิตฺถิอาทีนํ. อมทฺทนํ มทฺทนปฏิปกฺขภาโว. กายทุจฺจริตาทิวตฺถุโต สงฺโกจนกิริยาปเทเสน กายทุจฺจริตาทิโต เอว สงฺโกจนกิริยา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ วิรติโย ทุจฺจริตวตฺถุโน อกิริยปจฺจุปฏฺานา ยุชฺชนฺติ, อถ โข ทุจฺจริตสฺส, วิรตีนฺจ โสรจฺจวเสน สงฺโกจนํ, อกิริยานฺจ หิโรตฺตปฺปานํ ชิคุจฺฉนาทิวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส.

๔๗๖. สงฺขาราติ สงฺขารกฺขนฺธธมฺเม สนฺธายาห. เต หิ อิธาธิปฺเปตา, อฺถา อฏฺตึสาติ วตฺตพฺพํ สิยา. ยถา จิตฺตํ, เอวํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ทุติเย สสงฺขารา เอวาติ อาห ‘‘สสงฺขารภาวมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโส’’ติ. อวเสสา ปเม วุตฺตธมฺมา.

อวเสสา ปฺจเมน สมฺปโยคํ คจฺฉนฺตีติ เอตฺถ กถํ กรุณามุทิตาอุเปกฺขาสหคเต สมฺภวนฺตีติ? ปุพฺพภาคภาวโต. อปฺปนาปฺปตฺตา เอว หิ กรุณามุทิตา อุเปกฺขาสหคตา น โหนฺติ, ตโต อฺตฺถ ปน อุเปกฺขาสหคตาปิ โหนฺตีติ อาจริยา.

สุวิสุทฺธสฺส กายกมฺมาทิกสฺส จิตฺตสมาธานวเสน รูปารูปาวจรกุสลปฺปวตฺติ, น กายกมฺมาทีนํ โสธนวเสน, นาปิ ทุจฺจริตทุราชีวานํ สมุจฺฉินฺทนปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสนาติ มหคฺคตจิตฺตุปฺปาเทสุ วิรตีนํ อสมฺภโวเยวาติ อาห ‘‘เปตฺวา วิรติตฺตย’’นฺติ. ตโตติ รูปาวจรปเม วุตฺตเจตสิกโต. เตเยวาติ รูปาวจรปฺจเม วุตฺตเจตสิกา เอว. ยทิ เอว รูปาวจรโต โก วิเสโสติ อาห ‘‘อรูปาวจรภาโวเยว หิ เอตฺถ วิเสโส’’ติ.

ปมชฺฌานิเกติ ปมชฺฌานวติ. มคฺควิฺาเณติ จตุพฺพิเธปิ มคฺควิฺาเณ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. ทุติยชฺฌานิกาทิเภเท มคฺควิฺาเณติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานิกานิ สงฺคณฺหาติ. ‘‘วุตฺตนเยนา’’ติ วุตฺตํ กึ อวิเสเสนาติ โจทนายเน ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กรุณามุทิตาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มคฺควิฺาณานํ นิพฺพานารมฺมณตฺตา, กรุณามุทิตานฺจ สตฺตารมฺมณตฺตา น ตาสํ ตตฺถ สมฺภโว. มคฺคธมฺเมสุ จ ปาทกาทินิยเมน กทาจิ สมฺมาสงฺกปฺปวิรโห สิยา, น ปน วิรติวิรโห กายทุจฺจริตาทีนํ สมุจฺฉินฺทนวเสเนว อริยมคฺคสฺส ปวตฺตนโตติ นิยตวิรติตา.

๔๗๘. น หิริยติ น ลชฺชตีติ อหิริโก, ปุคฺคโล, จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมสมุทาโย วา. ‘‘อหิริกฺก’’นฺติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส กการสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘อหิริก’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘น โอตฺตปฺป’’นฺติ โอตฺตปฺปสฺส ปฏิปกฺขภูตํ ธมฺมมาห. อชิคุจฺฉนํ อหีฬนํ. อลชฺชา อวิริฬา. เตเหวาติ กายทุจฺจริตาทีหิ เอว. อสารชฺชํ นิพฺภยตา. อนุตฺตาโส อสมฺภโม. วุตฺตปฏิปกฺขวเสนาติ อลชฺชนากาเรน ปาปานํ กรณรสํ อหิริกํ, อนุตฺตาสากาเรน อโนตฺตปฺปํ, วุตฺตปฺปกาเรเนว ปาปโต อสงฺโกจนปจฺจุปฏฺานานิ อตฺตนิ, ปเรสุ จ อคารวปทฏฺานานิ. คามสูกรสฺส วิย อสุจิโต กิเลสาสุจิโต อชิคุจฺฉนํ อหิริเกน โหติ, สลภสฺส วิย อคฺคิโต ปาปโต อนุตฺตาโส อโนตฺตปฺเปน โหตีติ เอวํ วุตฺตปฺปฏิปกฺขวเสน วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ.

๔๗๙. ลุพฺภนฺติ เตนาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ลุพฺภนฺตีติ อภิคิชฺฌนฺติ. มุยฺหนฺตีติ น พุชฺฌนฺติ. อารมฺมณคฺคหณํ ‘‘มม อิท’’นฺติ ตณฺหาภินิเวสวเสน อภินิวิสฺส อารมฺมณสฺส อวิสฺสชฺชนํ, น อารมฺมณกรณมตฺตํ. อภิสงฺโค อภิมุขภาเวน อาสตฺติ. อปริจฺจาโค อวิชหนํ, ทุมฺโมจนียตา วา. อสฺสาททสฺสนํ อสฺสาททิฏฺิ. ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน จ ตณฺหา ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๒, ๕๔, ๕๗) หิ วุตฺตํ.

๔๘๐. ธมฺมสภาวสฺส ยาถาวโต อทสฺสนํ จิตฺตสฺส อนฺธภาโว. อฺาณํ าณปฏิปกฺโข. สมฺปฏิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถตา อสมฺปฏิเวโธ. ยถา าณํ อารมฺมณสภาวํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น ลพฺภติ, โมหสฺส ตถา ปวตฺติ อารมฺมณสภาวจฺฉาทนํ. อสมฺมาปฏิปตฺตึ ปจฺจุปฏฺเปติ, สมฺมาปฏิปตฺติยา ปฏิปกฺขภาเวน คยฺหตีติ วา อสมฺมาปฏิปตฺติปจฺจุปฏฺาโน. ยสฺส อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อนฺธกรณํ อนฺธกาโร, ตถา ปจฺจุปติฏฺตีติ อนฺธการปจฺจุปฏฺาโน.

๔๘๑. มิจฺฉาติ ธมฺมสภาวสฺส วิปรีตํ, นิจฺจาทิโตติ อตฺโถ. อโยนิโส อภินิเวโส อนุปายาภินิเวโส อุปฺปถาภินิเวโส. ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสนํ ปรามาโส. วิปรีตคฺคาหวเสน ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒, ๒๐๓; ๓.๒๗-๒๙) อภินิวิสนํ มิจฺฉาภินิเวโส.

๔๘๒. ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน อุทฺธตํ โหติ จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา วา, โส ธมฺโม อุทฺธจฺจํ. อวูปสโมติ อสนฺนิสินฺนอปฺปสนฺนภาวมาห. อนวฏฺานรสนฺติ จลนกิจฺจํ. ภนฺตตฺตนฺติ ปริพฺภมนาการํ. เจตโส อวูปสเมติ นิปฺผาเทตพฺเพ ปโยชเน ภุมฺมํ, อวูปสมปจฺจยภูตํ อารมฺมณํ วา ‘‘อวูปสโม’’ติ วุตฺตํ. อกุสลธมฺมานํ เอกนฺตนิหีนตาย ‘‘อกุสลภาเวน จ ลามกตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

๔๘๓. ถินมิทฺธเมตฺถ อนิยตํ, น มานาทีติ ถินมิทฺธสฺส อนิยตตา จ เอตฺถ ทุติยจิตฺเต ปมากุสลโต วิเสโส.

อนุสฺสาหนาวสีทนภาเวน สํหตภาโว ถินํ, เตน โยคโต จิตฺตํ ถินํ, ตสฺส ภาโวติ ถินตา. อสมตฺถตาวิฆาตวเสน อกมฺมฺตา มิทฺธํ. ยสฺมา ตโต เอว เตน สมฺปยุตฺตธมฺมา เมธิตา วิหตสามตฺถิยา โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘มิทฺธนตา มิทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. อนุสฺสาหลกฺขณนฺติ อุสฺสาหปฏิปกฺขลกฺขณํ. วีริยสฺส อวโนทนํ ขิปนํ วีริยาวโนทนํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สํสีทนากาเรน ปจฺจุปติฏฺติ, เตสํ วา สํสีทนํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ สํสีทนปจฺจุปฏฺานํ. อกมฺมฺตาลกฺขณนฺติ เอตฺถ กามํ ถินมฺปิ อกมฺมฺสภาวเมว, ตํ ปน จิตฺตสฺส, มิทฺธํ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺสาติ อยเมตฺถ วิเสโส. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ถินํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา. ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา’’ติ (ธ. ส. ๑๑๖๒-๑๑๖๓) จ อาทินา อิเมสํ นิทฺเทโส ปวตฺโต. โอนหนํ วิฺาณทฺวารานํ ปิทหนํ. ลีนตา ลีนากาโร อารมฺมณคฺคหเณ สงฺโกโจ. ยสฺมา ถิเนน จิตฺตสฺเสว สํหนนํ โหติ, มิทฺเธน ปน เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺส วิย รูปกายสฺสาปิ, ตสฺมา ตํ ปจลายิกานิทฺทํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ ปจลายิกานิทฺทาปจฺจุปฏฺานํ วุตฺตํ. อรติ ปนฺตเสนาสเนสุ, อธิกุสลธมฺเมสุ จ อโรจนา. วิชมฺภิกา วิชมฺภนสงฺขาตสฺส กายทุฏฺุลฺลสฺส การณภูตา สํกิเลสปฺปวตฺติ. อรติวิชมฺภิกาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน ตนฺทิอาทีนํ คหณํ. นิปฺผาเทตพฺเพ ปโยชเน เจตํ ภุมฺมวจนํ.

อวเสสา โสฬส. มาโน ปเนตฺถ อนิยโต โหติ, เตน สทฺธึ สตฺตรเสว โหนฺติ. ปฏฺาเน หิ ‘‘สํโยชนํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ สํโยชโน ธมฺโม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยา’’ติ เอตฺถ จตุกฺขตฺตุํ กามราเคน, ติกฺขตฺตุํ ปฏิเฆน จ มาโน วิจิกิจฺฉา ภวราโคติ ตโยเปเต สกทาคามิโน สํโยชนานํ สํโยชเนหิ ทสวิธา โยชนาติ ทสฺสิตาย ทสวิธาย โยชนาย ‘‘กามราคสํโยชนํ ปฏิจฺจ มานสํโยชนํ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ (ปฏฺา. ๓.๔.๑) วตฺวา ‘‘กามราคสํโยชนํ ปฏิจฺจ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ (ปฏฺา. ๓.๔.๑) ตถา ‘‘มานสํโยชนํ ปฏิจฺจ ภวราคสํโยชนํ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ (ปฏฺา ๓.๔.๑) วตฺวา ‘‘ภวราคสํโยชนํ ปฏิจฺจ อวิชฺชาสํโยชน’’นฺติ (ปฏฺา. ๓.๔.๑) จ เอวมาคตาหิ โยชนาหิ มานสฺส อนิยตภาโว ปกาสิโต. ยทิ หิ มาโน นิยโต สิยา, กามราคสฺส มานรหิตา ปวตฺติ น สิยา, ตถา ภวราคสฺส. เอวํ สติ ปฏฺาเน จตุกฺขตฺตุํ กามราเคน โยชนา น สิยา, ติกฺขตฺตุํเยว สิยา. ภวราคมูลิกา จ น สิยา. เอวฺจ สํโยชนานํ สํโยชเนหิ อฏฺวิเธน โยชนา สิยา, น ทสวิเธน. ทสวิธาว จ ทสฺสิตาติ. เสยฺยาทิวเสน อุจฺจโต นมนํ อุนฺนติ. อุนฺนมนวเสเนว สํปคฺคหรโส. น วีริยํ วิย ตํตํกิจฺจสาธเน อพฺภุสฺสหนวเสน. โอมานสฺสาปิ อตฺตานํ อวํ กตฺวา คหณมฺปิ สมฺปคฺคหณวเสเนวาติ ทฏฺพฺพํ. เกตุ วุจฺจติ อจฺจุคฺคตธโช, อิธ ปน เกตุ วิยาติ เกตุ, อุฬารตมาทิภาโว. ตํ เกตุภาวสงฺขาตํ เกตุํ กาเมตีติ เกตุกมฺยํ, จิตฺตํ. ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน เกตุกมฺยํ, สา เกตุกมฺยตา. ‘‘อห’’นฺติ ปวตฺตนโต มานสฺส ทิฏฺิสทิสี ปวตฺตีติ โส ทิฏฺิยา สทฺธึ เอกจิตฺตุปฺปาเท น ปวตฺตติ, อตฺตสิเนหสนฺนิสฺสโย จาติ อาห ‘‘ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลภปทฏฺาโน’’ติ.

เอตฺถาปิ จาติ -สทฺเทน ถินมิทฺธํ อากฑฺฒติ.

๔๘๕. ทุสฺสนฺตีติ พฺยาปชฺชนฺติ. จณฺฑิกฺกํ กุชฺฌนํ. อตฺตโน ปวตฺติอาการวเสน, วิรูปสํสปฺปนกอนิฏฺรูปสมุฏฺาปนวเสน จ วิสปฺปนรโส. กายสฺส วิชฺฌตฺตภาวาปาทนโต อตฺตโน นิสฺสยทหนรโส. ทุสฺสนํ อตฺตโน, ปรสฺส จ อุปโภคผลกาเลสุ อนิฏฺตฺตา วิสสํสฏฺปูติมุตฺตํ วิย ทฏฺพฺโพติ สพฺเพน สพฺพํ อคฺคเหตพฺพตํ ทสฺเสติ.

๔๘๖. ยํ ปรสมฺปตฺตีสุ อิสฺสากรณํ, สา อิสฺสาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิสฺสายนา อิสฺสา’’ติ. อุสูยนํ อสหนํ. ตตฺเถวาติ ปรสมฺปตฺตีสุ เอว. อภิรติปฏิปกฺขภูตํ อิสฺสาย กิจฺจํ, น อภิรติยา อภาวมตฺตนฺติ อาห ‘‘อนภิรติรสา’’ติ.

๔๘๗. มจฺฉรโยเคน ‘‘มจฺฉรี’’ติ ปวตฺตมานํ มจฺฉริสทฺทํ คเหตฺวา อาห ‘‘มจฺฉรภาโว มจฺฉริย’’นฺติ. นิรุตฺตินเยน ปน มา อิทํ อจฺฉริยํ อฺเสํ โหตุ, มยฺหเมว โหตูติ มจฺฉริยนฺติ โปราณา. ตํ มจฺฉริยํ วุจฺจมานานิ ลกฺขณาทีนิ ปริยาทาย ติฏฺติ. สงฺโกจนปจฺจุปฏฺานนฺติ อตฺตสมฺปตฺตีนํ ปเรหิ อสาธารณภาวกรเณน สงฺโกจนปจฺจุปฏฺานํ. กฏุกาการคติ กฏุกฺจุกตา. อตฺตสมฺปตฺติ อาวาสาทิ.

๔๘๘. กุกตนฺติ เอตฺถ อกตมฺปิ กุกตเมว. เอวฺหิ วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘ยํ มยา น กตํ, ตํ กุกต’’นฺติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กตากตานุโสจนรส’’นฺติ. เอวํ กตากตํ ทุจฺจริตํ, สุจริตฺจ กุกตํ, ตํ อารพฺภ วิปฺปฏิสารวเสน ปวตฺตํ ปน จิตฺตํ ตํสหจริตตาย อิธ ‘‘กุกต’’นฺติ คเหตฺวา ‘‘ตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจ’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปจฺฉา อนุตาปนํ วิพาธนํ ปจฺฉานุตาโป. ยถาปวตฺตสฺส กตากตาการวิสิฏฺสฺส ทุจฺจริตสุจริตสฺส อนุโสจนวเสน วิรูปํ ปฏิสรณํ วิปฺปฏิสาโร. ปรายตฺตตาเหตุตาย ทาสพฺยมิว ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ ทาสพฺเย สติ ทาโส ปรายตฺโต โหติ, เอวํ กุกฺกุจฺเจ สติ ตํสมงฺคี. น หิ โส อตฺตโน ธมฺมตาย กุสเล ปวตฺติตุํ สกฺโกติ. อถ วา กตากตากุสลกุสลานุโสจเน อายตฺตตาย ตทุภยวเสน กุกฺกุจฺเจน ตํสมงฺคี โหตีติ ตํ ทาสพฺยํ วิย โหตีติ.

อนิยเตสุ อิสฺสาทีสุ ถินมิทฺธสมฺภโวว จาติ -สทฺทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

๔๙๐. ปวตฺติฏฺิติมตฺโตติ ขณฏฺิติมตฺโต. ‘‘นิวาเต ทีปจฺจีนํ ิติ วิยา’’ติ หิ เอวํ วุตฺตจิตฺตฏฺิติ วิย สนฺตานฏฺิติยา ปจฺจโย ภวิตุํ อสมตฺโถ นิจฺฉยาภาเวน อสณฺหนโต เจตโส ปวตฺติปจฺจยมตฺตตาย ปวตฺติฏฺิติมตฺโต. เตนาห ‘‘ทุพฺพโล สมาธี’’ติ. วิคตา จิกิจฺฉาติ จิกิจฺฉิตุํ ทุกฺกรตาย วุตฺตํ, น สพฺพถา วิจิกิจฺฉาย จิกิจฺฉาภาวโตติ ตทตฺถมตฺตํ ทสฺเสติ. ‘‘เอวํ นุ โข, นนุ โข’’ติอาทินา สํสปฺปนวเสน เสตีติ สํสโย. กมฺปนรสาติ นานารมฺมเณ จิตฺตสฺส กมฺปนกิจฺจา. อุทฺธจฺจฺหิ อตฺตนา คหิตากาเร เอว ตฺวา ภมตีติ เอการมฺมณสฺมึเยว วิปฺผนฺทนวเสน ปวตฺตติ. วิจิกิจฺฉา ปน ยทิปิ รูปาทีสุ เอกสฺมึเยว อารมฺมเณ อุปฺปชฺชติ, ตถาปิ ‘‘เอวํ นุ โข, นนุ โข, อิทํ นุ โข, อฺํ นุ โข’’ติ อฺํ คเหตพฺพาการํ อเปกฺขตีติ นานารมฺมเณ กมฺปนํ โหตีติ. อนิจฺฉยํ ทฺเวฬฺหกํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ อนิจฺฉยปจฺจุปฏฺานา. อเนกํสสฺส อารมฺมเณ นานาสภาวสฺส คหณากาเรน ปจฺจุปติฏฺตีติ อเนกํสคาหปจฺจุปฏฺานา.

๔๙๑. สตฺตารมฺมณตฺตาติ สตฺตปฺตฺติอารมฺมณตฺตา. นนุ จ ปฺตฺติอารมฺมณาปิ วิปากา โหนฺตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘เอกนฺตปริตฺตารมฺมณา หิ กามาวจรวิปากา’’ติ. วิรติโยปิ วิปาเกสุ น สนฺตีติ เอตฺถาปิ นนุ เกสุจิ วิปาเกสุ วิรติโยปิ สนฺตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ปฺจ สิกฺขาปทา กุสลาเยวาติ หิ วุตฺต’’นฺติ, เตน โลกิยวิปาเกสุ วิรติโย น สนฺตีติ ทสฺเสติ.

เตสนฺติ รูปาวจราทิวิปากวิฺาณานํ. ชเนตพฺพชนกสมฺพนฺเธ หิ อิทํ สามิวจนํ.

๔๙๒. เตติ เต อเหตุกกิริยสงฺขารา. ตตฺถ กุสลวิปากมโนธาตุสมฺปยุตฺเตหิ สมานา อเหตุกกิริยมโนธาตุสมฺปยุตฺตา, โสมนสฺสสหคตสนฺตีรณสมฺปยุตฺเตหิ สมานา หสิตุปฺปาทสมฺปยุตฺตา, อุเปกฺขาสหคตสนฺตีรณสมฺปยุตฺเตหิ สมานา โวฏฺพฺพนสมฺปยุตฺตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘กุสล…เป… สมานา’’ติ วตฺวา ตโต ลพฺภมานํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘มโนวิฺาณธาตุทฺวเย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วีริยสพฺภาวโต พลปฺปตฺโต สมาธิ โหติ ‘‘วีริยนฺตํ พล’’นฺติ กตฺวา.

สมุจฺเฉทวิรตีหิ เอว อรหนฺตานํ วิรมนกิจฺจสฺส นิฏฺิตตฺตา กิริยจิตฺเตสุ วิรติโย น สนฺตีติ อาห ‘‘เปตฺวา วิรติโย’’ติ. กามาวจรสเหตุกกิริยสงฺขารานํ กามาวจรกุสเลหิ วิรติกโต วิเสโส อตฺถิ, มหคฺคเตสุ ปน ตาทิโสปิ นตฺถีติ อาห ‘‘สพฺพากาเรนปี’’ติ, ธมฺมโต, อารมฺมณโต, ปวตฺติอาการโตติ สพฺพปกาเรนปีติ อตฺโถ.

อิติ สงฺขารกฺขนฺเธ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.

อตีตาทิวิภาคกถาวณฺณนา

อภิธมฺมนฺโตคธมฺปิ สุตฺตนฺตภาชนียํ สุตฺตนฺตนโย เอว, เอกนฺตอภิธมฺมนโย ปน อภิธมฺมภาชนียนฺติ อาห ‘‘อภิธมฺเม ปทภาชนียนเยนา’’ติ.

๔๙๓. ภควตา ปน เอวํ ขนฺธา วิตฺถาริตาติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมา อิมายปิ ปาฬิยา วเสน ขนฺธานํ สํวณฺณนํ กริสฺสามาติ อธิปฺปาโย. ยํ กิฺจีติ เอตฺถ นฺติ สามฺเน อนิยมทสฺสนํ. กิฺจีติ ปการเภทํ อามสิตฺวา อนิยมทสฺสนํ. อุภเยนาปิ อตีตํ วา…เป… สนฺติเก วา อปฺปํ วา พหุํ วา ยาทิสํ วา ตาทิสํ วา นปุํสกนิทฺเทสารหํ สพฺพํ พฺยาเปตฺวา คณฺหาตีติ อาห ‘‘อนวเสสปริยาทาน’’นฺติ. เอวํ ปน อฺเสุปิ นปุํสกนิทฺเทสารเหสุ ปสงฺคํ ทิสฺวา ตตฺถ อธิปฺเปตตฺถํ อติจฺจ ปวตฺตนโต อติปฺปสงฺคสฺส นิยมนตฺถํ รูปนฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘รูปนฺติ อติปฺปสงฺคนิยมน’’นฺติ อาห. ยํ กิฺจีติ จ ยํ-สทฺทํ เอกํ ปทํ, สนิปาตํ กึ-สทฺทฺจ เอกํ ปทนฺติ คเหตฺวา อนิยเมกตฺถทีปนโต ‘‘ปททฺวเยนาปี’’ติ วุตฺตํ. อสฺสาติ รูปสฺส. อตีตาทินา วิภาคํ อารภติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนนฺติอาทินา.

๔๙๔. อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสนาติ เอตฺถ จุติปฏิสนฺธิปริจฺฉินฺเน กาเล อทฺธา-สทฺโท วตฺตตีติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิสุตฺตวเสน (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) วิฺายติ. ตถา หิ ภทฺเทกรตฺตสุตฺเตปิ ‘‘อตีตํ นานฺวาคเมยฺยา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๗๒, ๒๗๕, ๒๗๖, ๒๗๗) อทฺธาวเสเนว อตีตาทิภาโว วุตฺโต. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, อทฺธา, กตเม ตโย? อตีโต อทฺธา อนาคโต อทฺธา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๓) ปน ปรมตฺถโต ปริจฺฉิชฺชมาโน อทฺธา นิรุตฺติปถสุตฺตวเสน ขณปริจฺฉินฺโน วุตฺโต. ตตฺถ หิ ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, รูปํ ชาตํ…เป… ปาตุภูตํ. อตฺถีติ ตสฺส สงฺขา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๖๒) วิชฺชมานสฺส ปจฺจุปฺปนฺนตา, ตโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา จ อตีตานาคตตา วุตฺตา. ตทฺสุตฺเตสุ ปน เยภุยฺเยน จุติปฏิสนฺธิปริจฺฉินฺโน อตีตาทิโก อทฺธา วุตฺโตติ โส เอว อิธาปิ ‘‘อทฺธาวเสนา’’ติ วุตฺโต.

สีตํ สีตสฺส สภาโค, ตถา อุณฺหํ อุณฺหสฺส. ยํ ปน สีตํ, อุณฺหํ วา สรีเร สนฺนิปติตํ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานํ อนูนํ อนธิกํ เอกาการํ, ตํ เอโก อุตูติ วุจฺจตีติ สภาคอุตุโน อเนกตฺตา เอก-คฺคหณํ กตํ, เอวํ อาหาเรปิ. เอกวีถิเอกชวนสมุฏฺานนฺติ ปฺจฉฏฺทฺวารวเสน วุตฺตํ. สนฺตติสมยกถา วิปสฺสกานํ อุปการตฺถาย อฏฺกถาสุ กถิตา. ชนโก เหตุ, อุปถมฺภโก ปจฺจโย, เตสํ อุปฺปาทนํ, อุปตฺถมฺภนฺจ กิจฺจํ. ยถา พีชสฺส องฺกุรุปฺปาทนํ, ปถวีอาทีนฺจ ตทุปตฺถมฺภนํ, กมฺมสฺส กฏตฺตารูปวิปากุปฺปาทนํ, อาหาราทีนํ ตทุปตฺถมฺภนํ, เอวํ เอเกกสฺส กลาปสฺส, จิตฺตุปฺปาทสฺส จ ชนกานํ กมฺมานนฺตราทิปจฺจยภูตานํ, อุปตฺถมฺภกานฺจ สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตานํ กิจฺจํ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. เอวํ อุตุอาทีนํ สภาควิสภาคตาสมฺภวโต ตํสมุฏฺานานํ รูปานํ สนฺตติวเสน อตีตาทิวิภาโค วุตฺโต, กมฺมสฺส ปน เอกภวนิพฺพตฺตกสฺส สภาควิสภาคตา นตฺถีติ ตํสมุฏฺานานํ รูปานํ สนฺตติวเสน อตีตาทิวิภาคํ อวตฺวา อุปตฺถมฺภกวเสเนว วุตฺโต. ยทา ปน ลิงฺคปริวตฺตนํ โหติ, ตทา พลวตา อกุสเลน ปุริสลิงฺคํ อนฺตรธายติ, ทุพฺพเลน กุสเลน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภวติ. ทุพฺพเลน จ อกุสเลน อิตฺถิลิงฺคํ อนฺตรธายติ, พลวตา กุสเลน ปุริสลิงฺคํ ปาตุภวตีติ กมฺมสมุฏฺานรูปานมฺปิ อตฺเถว วิสภาคตาติ เตสมฺปิ สนฺตติวเสน อตีตาทิวิภาโค สมฺภวติ, โส ปน น สพฺพกาลิโกติ น คหิโต.

ตํตํสมยนฺติ เอกมุหุตฺตาทิโก โส โส สมโย เอตสฺสาติ ตํตํสมยํ, รูปํ, ตํตํสมยวนฺตนฺติ อตฺโถ.

ตโต ปุพฺเพติ ตโต ขณตฺตยสฺส ปริยาปตฺติโต ปุพฺเพ. อนุปฺปนฺนตฺตา อนาคตํ. ปจฺฉาติ ตโต ปจฺฉา. ขณตฺตยํ อติกฺกนฺตตฺตา อตีตํ. ยสฺส เหตุกิจฺจํ, ปจฺจยกิจฺจฺจ นิฏฺิตตฺตา อติกฺกนฺตํ, ตํ อตีตํ อุปฺปาทกฺขเณ เหตุกิจฺจํ, อุปฺปนฺนผลตฺตา นิฏฺิตฺจาติ ทฏฺพฺพํ. ตีสุปิ ขเณสุ ปจฺจยกิจฺจํ. ปถวีอาทีนํ สนฺธารณาทิกํ, ผสฺสาทีนํ ผุสนาทิกฺจ อตฺตโน กิจฺจํ สกิจฺจํ, สกิจฺจสฺส กรณกฺขโณ สกิจฺจกฺขโณ, สห วา กิจฺเจน สกิจฺจํ, ยสฺมึ ขเณ สกิจฺจํ รูปํ วา อรูปํ วา โหติ, โส สกิจฺจกฺขโณ, ตสฺมึ ขเณ ปจฺจุปฺปนฺนํ. เอตฺถ จ ขณาทิกถายํ ‘‘ตโต ปุพฺเพ อนาคตํ, ปจฺฉา อตีต’’นฺติ วจนํ อทฺธาทีสุ วิย เภทาภาวโต นิปฺปริยายํ. อทฺธาทิวเสน หิ อฺเว ธมฺมา อตีตา อฺเ อนาคตา อฺเ ปจฺจุปฺปนฺนา ลพฺภนฺติ, ขณาทิวเสน ปน นตฺถิ ธมฺมโต เภโท, กาลโต เอว เภโท. อุปฺปาทโต ปุพฺเพ อนาคโต, ขณตฺตเย วตฺตมาโน, ตโต ปรํ อตีโตติ นิปฺปริยายา, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนาทิ วิย เกนจิ ปริยาเยน อตีตมนาคตนฺติ จ วตฺตพฺพตาภาวโต.

๔๙๕. เหฏฺา วุตฺตํ อชฺฌตฺติกพาหิรเภทํ สนฺธาย ‘‘วุตฺตนโย เอวา’’ติ วตฺวา เตน อปริตุสฺสมาเนน ยทิปิ ตตฺถ อชฺฌตฺตเมว อชฺฌตฺติกนฺติ สทฺทตฺโถ ลพฺภติ, ตถาปิ อตฺเถว อชฺฌตฺตอชฺฌตฺติกสทฺทานํ, พหิทฺธาพาหิรสทฺทานฺจ อฺมฺํ อตฺถเภโท. ตถา หิ อชฺฌตฺติกสทฺโท สปรสนฺตานิเกสุ จกฺขาทีสุ รูปาทีสุ พาหิรสทฺโท วิย ปวตฺตติ, อชฺฌตฺตสทฺโท ปน ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส สสนฺตานิเกสฺเวว จกฺขุรูปาทีสุ ตโต อฺเสุ พหิทฺธาสทฺโท วิย ปวตฺตติ. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺตนฺตนเย. นิยกชฺฌตฺตมฺปิ น ปุพฺเพ วุตฺตอชฺฌตฺติกเมว, ปรปุคฺคลิกมฺปิ น ปุพฺเพ วุตฺตพาหิรเมวาติ อธิปฺปาโย.

๔๙๖. หีนปณีตเภโท ปริยายโต, นิปฺปริยายโต จ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. ตเทว สุทสฺสีนํ รูปํ. ยตฺถาติ ยสฺมึ อารมฺมณภูเต. ยํ อารมฺมณํ กตฺวา อกุสลวิปากวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตํ หีนํ อนิฏฺภาวโต. ยํ กุสลวิปากํ, ตํ ปณีตํ อิฏฺภาวโต. ยถา หิ อกุสลวิปาโก สยํ อนิฏฺโ อนิฏฺเ เอว อุปฺปชฺชติ, น อิฏฺเ, เอวํ กุสลวิปาโกปิ สยํ อิฏฺโ อิฏฺเ เอว อุปฺปชฺชติ, น อนิฏฺเ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ

‘‘อกุสลกมฺมชวเสน อนิฏฺา ปฺจ กามคุณา วิภตฺตา, กุสลกมฺมชํ ปน อนิฏฺํ นาม นตฺถิ, สพฺพํ อิฏฺเมว. กุสลกมฺมชวเสน อิฏฺา ปฺจ กามคุณา วิภตฺตา. กุสลกมฺมชฺหิ อนิฏฺํ นาม นตฺถิ, สพฺพํ อิฏฺเมวา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๖) จ.

ตตฺถ มนาปานิปิ กานิจิ หตฺถิรูปาทีนิ อกุสลกมฺมนิพฺพตฺตานิ สนฺติ, น ปน ตานิ เตสํเยว หตฺถิอาทีนํ สุขสฺส เหตุภาวํ คจฺฉนฺติ. ตสฺส ตสฺเสว หิ สตฺตสฺส อตฺตนา กเตน กุสเลน นิพฺพตฺตํ สุขสฺส ปจฺจโย โหติ, อกุสเลน นิพฺพตฺตํ ทุกฺขสฺส. ตสฺมา กมฺมชานํ อิฏฺานิฏฺตา กมฺมการกสตฺตสฺส วเสน โยชนารหา สิยา. ตตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘กุสลกมฺมชํ อนิฏฺํ นาม นตฺถี’’ติ, น จ วุตฺตํ ‘‘อกุสลกมฺมชํ อิฏฺํ นาม นตฺถี’’ติ, เตน อกุสลกมฺมชมฺปิ โสภนํ ปรสตฺตานํ อิฏฺํ อตฺถีติ อนุฺาตํ ภวิสฺสติ, กุสลกมฺมชํ ปน สพฺเพสํ อิฏฺเมวาติ.

ติรจฺฉานคตานํ ปน เกสฺจิ มนุสฺสรูปํ อมนาปํ, ยโต เต ทิสฺวาว ปลายนฺติ, มนุสฺสา จ เทวตารูปํ ปสฺสิตฺวา ภายนฺติ, เตสมฺปิ วิปากวิฺาณํ ตํ รูปํ อารพฺภ กุสลวิปากเมว อุปฺปชฺชติ, ตาทิสสฺส ปน ปุฺสฺส อภาวา น เตสํ ตตฺถ อภิรติ โหติ. กุสลกมฺมชสฺส ปน อนิฏฺสฺส อภาโว วิย อกุสลกมฺมชสฺส จ อิฏฺสฺส อภาโว วตฺตพฺโพ. หตฺถิอาทีนมฺปิ หิ อกุสลกมฺมชํ มนุสฺสานํ อกุสลวิปากสฺเสว อารมฺมณํ, กุสลกมฺมชํ ปน ปวตฺเต สมุฏฺิตํ กุสลวิปากสฺส. อิฏฺารมฺมเณน ปน โวมิสฺสกตฺตา อปฺปกํ อกุสลกมฺมชํ พหุลํ อกุสลวิปากุปฺปตฺติยา การณํ น ภวิสฺสตีติ สกฺกา วิฺาตุํ, วิปากํ ปน น สกฺกา วฺเจตุนฺติ วิปากวเสน อิฏฺานิฏฺารมฺมณววตฺถานํ สุฏฺุ ยุชฺชติ. ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘อนิฏฺา ปฺจ กามคุณา’’ติ, ตํ รูปาทิภาวสามฺโต กามคุณสทิสตาย ตํสทิเสสุ ตพฺโพหาเรน วุตฺตํ. อิฏฺาเนว หิ รูปาทีนิ ‘‘กามคุณา’’ติ ปาฬิยํ (ม. นิ. ๑.๑๖๔-๑๖๕, ๑๗๗-๑๗๘, ๒๘๗; ๒.๑๕๕, ๒๘๐; ๓.๕๗, ๑๙๐; สํ. นิ. ๕.๓๐) วุตฺตานิ. กามคุณวิสภาคา วา รูปาทโย ‘‘กามคุณา’’ติ วุตฺตา อสิเว สิโวติ โวหาโร วิย, สพฺพานิ วา อิฏฺานิฏฺานิ รูปาทีนิ ตณฺหาวตฺถุภาวโต กามคุณา เอว. วุตฺตฺหิ ‘‘รูปา โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓). อติสเยน ปน กมนียตฺตา สุตฺเตสุ กามคุณาติ อิฏฺรูปาทีนิ วุตฺตานิ.

วุตฺตนยเมวาติ อภิเทเสน ลกฺขณโต ทูรสนฺติกํ ทสฺสิตนฺติ อาห ‘‘โอกาสโตเปตฺถ อุปาทายุปาทาย ทูรสนฺติกตา เวทิตพฺพา’’ติ. ตตฺถ กิตฺตกโต ปฏฺาย รูปํ โอกาสวเสน สนฺติเก นาม, กิตฺตกโต ปน ปฏฺาย ทูเร นาม? ปกติกถาย กเถนฺตานํ ทฺวาทส หตฺถา สวนูปจาโร นาม, ตสฺส โอรโต สนฺติเก, ปรโต ทูเร. ตตฺถ สุขุมรูปํ ทูเร โหนฺตํ ลกฺขณโตปิ โอกาสโตปิ ทูเร โหติ, สนฺติเก โหนฺตํ ปน โอกาสโตว สนฺติเก โหติ, น ลกฺขณโต. โอฬาริกรูปํ สนฺติเก โหนฺตํ ลกฺขณโตปิ โอกาสโตปิ สนฺติเก โหติ, ทูเร โหนฺตํ โอกาสโตว โหติ, น ลกฺขณโต. ‘‘อุปาทายุปาทายา’’ติ ปน วุตฺตตฺตา อตฺตโน รูปํ สนฺติเก นาม, อนฺโตกุจฺฉิคตสฺสาปิ ปรสฺส ทูเร. อนฺโตกุจฺฉิคตสฺส สนฺติเก, พหิ ิตสฺส ทูเรติ เอวํ อนฺโตคพฺภปมุขปริเวณสงฺฆารามสีมาคามเขตฺตชนปทรชฺชสมุทฺทจกฺกวาเฬสุ ตทนฺโตคตพหิคตานํ วเสน ทูรสนฺติกตา เวทิตพฺพา.

๔๙๗. ตเทกชฺฌนฺติ ตํ เอกชฺฌํ เอกโต. อภิสํยูหิตฺวาติ สํหริตฺวา, สมูหํ วา กตฺวา. อภิสงฺขิปิตฺวาติ สงฺขิปิตฺวา สงฺเขปํ กตฺวา. ‘‘สพฺพมฺปิ รูปํ…เป… ทสฺสิตํ โหตี’’ติ อิมินา รูปขนฺธสทฺทานํ สมานาธิกรณสมาสภาวํ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘น หิ รูปโต อฺโ รูปกฺขนฺโธ นาม อตฺถี’’ติ.

๔๙๘. ราสิภาวูปคมเนน เวทนากฺขนฺธาทโยติ ทสฺสิตา โหนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

สนฺตติวเสน, ขณาทิวเสน จาติ เอตฺถ อทฺธาสมยวเสน อตีตาทิวิภาคสฺส อวจนํ สุขาทิวเสน ภินฺนาย อตีตาทิภาววจนโต. น หิ สุขา เอว อทฺธาวเสน, สมยวเสน จ อตีตาทิกา โหติ, ตถา ทุกฺขา เอว, อทุกฺขมสุขา เอว จ กายิกเจตสิกาทิภาเวน ภินฺนา, เตน เวทนาสมุทาโย อทฺธาสมยวเสน อตีตาทิภาเวน วตฺตพฺพตํ อรหติ สมุทายสฺส เตหิ ปริจฺฉินฺทิตพฺพตฺตา, เวทเนกเทสา ปน คยฺหมานา สนฺตติขเณหิ ปริจฺเฉทํ อรหนฺติ ตถา ปริจฺฉินฺทิตฺวา คเหตพฺพโต. เอกสนฺตติยํ ปน สุขาทีสุ อเนกเภทภินฺเนสุ โย เภโท ปริจฺฉินฺทิตพฺพภาเวน คหิโต, ตสฺส เอกปฺปการสฺส ปากฏสฺส ปริจฺเฉทิกา ตํสหิตทฺวาราลมฺพนปฺปวตฺตา, อวิจฺเฉเทน ตทุปฺปาทเกกวิธวิสยสมาโยคปฺปวตฺตา จ สนฺตติ ภวิตุํ อรหตีติ ตสฺสา เภทนฺตรํ อนามสิตฺวา ปริจฺเฉทกภาเวน คหณํ กตํ, ลหุปริวตฺติโน วา อรูปธมฺมา ปริวตฺตเนเนว ปริจฺเฉเทน ปริจฺฉินฺทนํ อรหนฺตีติ สนฺตติขณวเสเนว ปริจฺเฉโท วุตฺโต. เอกวิธวิสยสมาโยคปฺปวตฺตา ทิวสมฺปิ พุทฺธรูปํ ปสฺสนฺตสฺส, ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปวตฺตสทฺธาทิสหิตเวทนา ปจฺจุปฺปนฺนา. ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺตมชฺฌตฺตคตา’’ติ เอเตน เหตุปจฺจยกิจฺจวเสน วุตฺตนยํ ทสฺเสติ.

๔๙๙. สพฺยาปารสอุสฺสาหสวิปากตา กุสลาทีหิ ตีหิปิ สาธารณาติ อสาธารณเมว ทสฺเสตุํ ‘‘สาวชฺชกิริยเหตุโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สาวชฺชกิริยเหตุโตติ ปาณาติปาตาทิคารยฺหกิริยานิมิตฺตโต. กิเลสสนฺตาปภาวโตติ กิเลสปริฬาเหน สทรถภาวโต. วูปสนฺตสภาวาย กุสลาย เวทนาย โอฬาริกา. สพฺยาปารโตติ สอีหโต. เตน ยถา ปวตฺตมานายสฺสา วิปาเกน ภวิตพฺพํ, ตถา ปวตฺตึ วทนฺโต วิปากุปฺปาทนโยคฺยตมาห. สอุสฺสาหโตติ สสตฺติโต, เตน วิปากุปฺปาทนสมตฺถตํ. สวิปากโตติ วิปากสพฺภาวโต, เตน ปจฺจยนฺตรสมวาเยนสฺสา วิปากนิพฺพตฺตนํ. ตีหิปิ ปเทหิ วิปากธมฺมตํเยว ทสฺเสติ. กายกมฺมาทิพฺยาปารสพฺภาวโต วา สพฺยาปารโต, ชวนุสฺสาหวเสน สอุสฺสาหโต, วิปากุปฺปาทนสมตฺถตาวเสน สวิปากโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วิปากํ อนุปฺปาเทนฺตีปิ กิริยา กุสลา วิย สพฺยาปารา, สอุสฺสาหา เอว จ โหตีติ ตทุภยํ อนามสิตฺวา กิริยาพฺยากตวาเร ‘‘สวิปากโต’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. สพฺยาพชฺฌโตติ กิเลสทุกฺเขน สทุกฺขโต. วุตฺตวิปริยายโตติ อนวชฺชกิริยเหตุโต, กิเลสสนฺตาปาภาวโต, อพฺยาพชฺฌโต จ วูปสนฺตวุตฺตีติ เอวํ อกุสลาย วุตฺตวิปลฺลาสโต. ยถาโยคนฺติ โยคานุรูปํ. ตีสุ การเณสุ ยํ ยํ ยสฺสา ยสฺสา ยุชฺชติ, ตทนุรูปนฺติ อตฺโถ. กุสลากุสลเวทนาหิ วิปากพฺยากตาย ตีหิปิ การเณหิ โอฬาริกา. กิริยาพฺยากตาย สวิปากโต สวิปากตาวิสิฏฺสพฺยาปารสอุสฺสาหโต วาติ. วุตฺตปริยาเยนาติ วิปากพฺยากตา อพฺยาปารโต, อนุสฺสาหโต, อวิปากโต จ ตาหิ กุสลากุสลเวทนาหิ สุขุมา. กิริยาพฺยากตา อวิปากโต, อวิปากตาวิสิฏฺสพฺยาปารสอุสฺสาหโต วาติ เอวํ กุสลากุสลาย วุตฺตวิปลฺลาเสน. กมฺมเวคกฺขิตฺตา หิ กมฺมปฏิพิมฺพภูตา จ กายกมฺมาทิพฺยาปารวิรหโต นิรุสฺสาหา วิปากา. สอุสฺสาหา จ กิริยา อวิปากธมฺมา. สวิปากธมฺมา หิ สคพฺภา วิย โอฬาริกาติ.

๕๐๐. นิรสฺสาทโตติ อสฺสาทาภาวโต สุขปฏิกฺเขปโต. สวิปฺผารโตติ สปริปฺผนฺทโต, อนุปสนฺตโตติ อตฺโถ. อภิภวนโตติ อชฺโฌตฺถรณโต. สุขาย มชฺฌตฺตตา นตฺถิ, อุเปกฺขาย สาตตา. สนฺตตาทโย ปน สพฺพตฺถ สุขุเปกฺขาสุ ลพฺภนฺตีติ ‘‘ยถาโยค’’นฺติ วุตฺตํ. ปากฏโตติ สุขิโต ทุกฺขิโตติ ทิสฺวาปิ ชานิตพฺพตฺตา วิภูตภาวโต. สา อทุกฺขมสุขา เวทนา.

๕๐๑. อสมาปนฺนสมาปนฺน-คฺคหเณน เจตฺถ ภูมิวเสนาปิ เวทนานํ โอฬาริกสุขุมตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อิตรา สมาปนฺนสฺส เวทนา.

โอฆนิยโตติ โอเฆหิ อารมฺมณํ กตฺวา อติกฺกมิตพฺพโต. ตถา โยคนิยโต, คนฺถนิยโต จาติ เอตฺถาปิ คนฺโถว คนฺถนํ, ตสฺส หิตํ อารมฺมณภาเวน สมฺพนฺธนโตติ คนฺถนิยํ. เอวํ นีวรณิยํ, อุปาทานิยฺจ เวทิตพฺพํ. สํกิเลเส นิยุตฺตา, สํกิเลสํ วา อรหนฺตีติ สํกิเลสิกา. สา อนาสวา.

๕๐๒. ตตฺถาติ ยถาวุตฺตาย โอฬาริกสุขุมตาย. สมฺเภโทติ สงฺกโร. ‘‘โอฬาริกา, สุขุมา’’ติ จ วุตฺตานมฺปิ ชาติอาทิวเสน ปุน สุขุโมฬาริกภาวาปตฺติโทโส ยถา น โหติ, ตถา ปริหริตพฺโพ. ชาติวเสน สุขุมาย เวทนาย สภาวปุคฺคลโลกิยวเสน โอฬาริกตํ ปาฬิวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สุขาทโยปีติ เอตฺถ อกุสลา เวทนา ชาติวเสน โอฬาริกา, สภาววเสน สุขุมา. กุสลชฺฌานสหคตา สุขา เวทนา ชาติวเสน โอฬาริกา, สมาปนฺนสฺส เวทนาติ กตฺวา ปุคฺคลวเสน สุขุมาติ เอวมาทินา โยเชตพฺพา. ‘‘น ปรามสิตพฺโพ’’ติ เอเตน ชาติอาทโย จตฺตาโร โกฏฺาสา อฺมฺํ อโวมิสฺสกา เอว คเหตพฺพา. เอวํ สมฺเภทสฺส ปริหาโร, น อฺถาติ ทสฺเสติ. ยถา อพฺยากตมุเขน, เอวํ กุสลากุสลมุเขนปิ, ยถา จ ชาติมุเขน, เอวํ สภาวาทิมุเขนปิ ทสฺเสตพฺพนฺติ อิมมตฺถํ ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ อติทิสติ.

อิทานิ ชาติอาทิโกฏฺาเสสุปิ มิโถ อกุสลาทีนํ อุปาทายุปาทาย โอฬาริกสุขุมตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ‘‘นิสฺสยทหนโต’’ติ อิมินา โทสสหคตาย ปากฏํ กุรูรปฺปวตฺตึ ทสฺเสติ. นิยตาติ มิจฺฉตฺตนิยาเมน นิยตา, อานนฺตริยภาวปฺปตฺตา กปฺปติฏฺนกวิปากตาย กปฺปฏฺิติกา เทวทตฺตาทีนํ วิย. อสงฺขาริกา สภาวติขิณตาย โอฬาริกา. ทิฏฺิสมฺปยุตฺตา มหาสาวชฺชตาย โอฬาริกา. สาปิ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตา นิยตา โอฬาริกา, ตโต กปฺปฏฺิติกา, ตโต อสงฺขาริกาติ ติวิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา เอกชฺฌํ วุตฺตา วิสุํ วิสุํเยว โยเชตพฺพา. เตนาห ‘‘อิตรา สุขุมา’’ติ. อวิเสเสนาติ โทสสหคตา, โลภสหคตาติ อเภเทน. อกุสลา พหุวิปากา โทสุสฺสนฺนตาย โอฬาริกา. ตถา กุสลา อปฺปวิปากา. มนฺทโทสตฺตา อกุสลา อปฺปวิปากา สุขุมา. ตถา กุสลา พหุวิปากา.

โอฬาริกสุขุมนิกนฺติวตฺถุภาวโต กามาวจราทีนํ โอฬาริกสุขุมตา, โลกุตฺตรา ปน เอกนฺตสุขุมาว. ตตฺถาปิ จ วิภาคํ ปรโต วกฺขติ. ภาวนามยาปีติ ภาวนามยาย เภทเนน ทานสีลมยานมฺปิ เภทนํ นยโต ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ภาวนาย ปคุณพลวกาลาทีสุ กทาจิ าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนปิ มนสิกาโร โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ภาวนามยาปิ ทุเหตุกา’’ติ. ตํตํภูมิวิปากกิริยาเวทนาสูติ เอตฺถ ‘‘กามาวจรวิปากา โอฬาริกา, รูปาวจรา สุขุมา’’ติอาทินา ยาว อรหตฺตผลา เนตพฺพํ. ‘‘กามาวจรกิริยา โอฬาริกา, รูปาวจรกิริยา สุขุมา’’ติอาทินา กามาวจรา จ ‘‘ทานาการปฺปวตฺตา โอฬาริกา, สีลาการปฺปวตฺตา สุขุมา’’ติอาทินา ยาว เนวสฺานาสฺายตนา เนตพฺพํ. ยถา จ ชาติโกฏฺาเส อยํ วิภาโค, เอวํ สภาวโกฏฺาสาทีสุปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุกฺขาที’’ติอาทิ วุตฺตํ.

สพฺโพ จายํ วิภาโค ลกฺขณสนฺนิสฺสิโต วุตฺโตติ กตฺวา อาห ‘‘โอกาสวเสน จาปี’’ติอาทิ. สุขาปีติ ปิ-สทฺเทน อทุกฺขมสุขํ สมฺปิณฺเฑติ. สพฺพตฺถาติ สพฺพาสุ ภูมีสุ. ยถานุรูปนฺติ ยา ยา เวทนา ยตฺถ ยตฺถ ลพฺภติ, ตทนุรูปํ. วตฺถุวเสนาติ ยํ วตฺถุํ อารพฺภ เวทนา ปวตฺตติ, ตสฺส วเสนาปิ. หีนวตฺถุกาติ หีนํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา กงฺคุภตฺตํ ภุฺชนฺตสฺส เวทนา หีนวตฺถุกตาย โอฬาริกา. สาลิมํโสทนํ ภุฺชนฺตสฺส ปณีตวตฺถุกตาย สุขุมาติ.

๕๐๓. อาทินา นเยนาติ สพฺพํ ปาฬิคตึ อามสติ. ชาติอาทิวเสน อสมานโกฏฺาสตา วิสภาคตา. ทุกฺขวิปากตาทิวเสน อสทิสกิจฺจตา อสํสฏฺตา, น อสมฺปโยโค. ยทิ สิยา, ทูรวิปริยาเยน สนฺติกํ โหตีติ สํสฏฺตา สนฺติกตา อาปชฺชติ, น จ เวทนาย เวทนาสมฺปโยโค อตฺถิ. สนฺติกปทวณฺณนาย จ ‘‘สภาคโต จ สริกฺขโต จา’’ติ วกฺขตีติ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อสทิสสภาวตา อสริกฺขตา. สพฺพวาเรสูติ โอฬาริกสุขุมเภเท วุตฺตนยานุสาเรน วตฺตพฺเพสุ สพฺเพสุ วาเรสุ. ชาติอาทิวเสน สมานโกฏฺาสตา สภาคตา, ทุกฺขวิปากตาทิวเสน ปน สทิสสภาวตา สริกฺขตา. เตนาห ‘‘อกุสลา ปน…เป… สนฺติเก’’ติ.

อิติ เวทนากฺขนฺธสฺส อตีตาทิวิภาเค วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.

กมาทิวินิจฺฉยกถาวณฺณนา

๕๐๔. เอตนฺติ เอวํ อตีตาทิวิภาเค วิตฺถารกถามุขํ. าณเภทตฺถนฺติ นานปฺปการํ าณปฺปเภทตฺถํ. กมโตติ เทสนากฺกมโต, เยน การเณนายํ เทสนากฺกโม กโต, ตโตติ อตฺโถ. วิเสสโตติ เภทโต, ขนฺธุปาทานกฺขนฺธวิภาคโตติ อตฺโถ. อนูนาธิกโตติ ปฺจภาวโต. อุปมาโตติ อุปมาหิ อุปเมตพฺพโต. ทฏฺพฺพโต ทฺวิธาติ ทฺวีหิ อากาเรหิ าเณน ปสฺสิตพฺพโต. ปสฺสนฺตสฺสตฺถสิทฺธิโตติ ยถา ปสฺสนฺตสฺส ยถาธิปฺเปตตฺถนิปฺผตฺติโต. วิภาวินาติ ปฺวตา.

อุปฺปตฺติกฺกโมติ ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชนฺตานํ อุปฺปชฺชนปฏิปาฏิ. ‘‘ทสฺสเนนปหาตพฺพา’’ติอาทินา (ธ. ส. ติกมาติกา ๘, ๙) ปมํ ปหาตพฺพา ปมํ วุตฺตา, ทุติยํ ปหาตพฺพา ทุติยํ วุตฺตาติ อยํ ปหานกฺกโม. สีลวิสุทฺธึ ปฏิปชฺช จิตฺตวิสุทฺธิ ปฏิปชฺชิตพฺพา, ตถา ตโต ปราปีติ อาห ‘‘สีลวิสุทฺธิ…เป… ปฏิปตฺติกฺกโม’’ติ, อนุปุพฺพปณีตา ภูมิโย อนุปุพฺเพน ววตฺถิตาติ อยํ ภูมิกฺกโม. ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิโก (วิภ. ๓๕๕) เอกกฺขเณปิ สติปฏฺานาทิสมฺภวโต เทสนากฺกโม จ. ทานกถาทโย อนุปุพฺพุกฺกํสโต กถิตา, อุปฺปตฺติอาทิววตฺถานาภาวโต ปน ทานาทีนํ อิธ เทสนากฺกมวจนํ. อุปฺปตฺติอาทิววตฺถานเหตุกตาย หิ ‘‘ปมํ กลลํ โหตี’’ติอาทิกา (สํ. นิ. ๑.๒๓๕; กถา. ๖๙๒) เทสนาปิ สมานา อุปฺปตฺติอาทิกมภาเวเนว วุตฺตา. ยถาวุตฺตววตฺถานาภาเวน ปน อเนเกสํ วจนานํ สหปวตฺติยา อสมฺภวโต เยน เกนจิ ปุพฺพาปริเยน เทเสตพฺพตาย เตน เตน อธิปฺปาเยน เทสนามตฺตสฺเสว กโม เทสนากฺกโม ทฏฺพฺโพ. ปุพฺพาปริยววตฺถาเนนาติ ปมํ รูปกฺขนฺโธ, ตโต เวทนากฺขนฺโธติ เอวํ ปุพฺพาปริยววตฺถาเนน อนุปฺปตฺติโต. อปฺปหาตพฺพโตติ ขนฺเธสุ เอกจฺจานํ ปหาตพฺพตาว นตฺถิ, กุโต ปหานกฺกโม. สติ หิ สพฺเพสํ ปหาตพฺพตาย ปหานกฺกเมน เนสํ เทสนา สิยา. อปฺปฏิปชฺชนียโตติ สมฺมาปฏิปตฺติวเสน น ปฏิปชฺชิตพฺพโต. ‘‘จตุภูมิปริยาปนฺนตฺตา’’ติ อิมินา เวทนาทีนํ อนิยตภูมิกตํ ทสฺเสติ. นิยตภูมิกานฺหิ ภูมิกฺกโม สมฺภเวยฺย.

อเภเทนาติ รูปาทีนํ เภทํ วิภาคํ อกตฺวา เอกชฺฌํ ปิณฺฑคฺคหเณน. อตฺตคาหปติตนฺติ อตฺตคาหสงฺขาเต ทิฏฺโเฆ นิปติตํ. สมูหฆนวินิพฺโภคทสฺสเนนาติ รูปโต อรูปํ วิเวเจนฺโต รูปารูปสมูเห ฆนวินิพฺภุชฺชนทสฺสเนน. จกฺขุอาทีนมฺปิ วิสยภูตนฺติ เอกเทเสน สมุทายภูตํ รูปกฺขนฺธํ วทติ. ยา เอตฺถ อิฏฺํ, อนิฏฺฺจ รูปํ สํเวเทติ, อยํ เวทนากฺขนฺโธติ อิฏฺานิฏฺรูปสํเวทนิกํ เวทนํ เทเสสีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ สพฺพตฺถ. อิฏฺมชฺฌตฺตอนิฏฺมชฺฌตฺตานมฺปิ อิฏฺานิฏฺสภาวตฺตา อิฏฺานิฏฺคฺคหเณเนว คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอวนฺติ ยถาวุตฺตนเยน. สฺาย คหิตากาเร วิสเย อภิสงฺขารปฺปวตฺตีติ อาห ‘‘สฺาวเสน อภิสงฺขารเก’’ติ. ยถา วิฺาณสฺส สมฺปยุตฺตธมฺมานํ นิสฺสยภาโว ปากโฏ, น ตถา เวทนาทีนนฺติ อาห ‘‘เวทนาทีนํ นิสฺสย’’นฺติ. ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา (ธ. ป. ๑-๒), จิตฺตานุปริวตฺติโน ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๖๒), ฉทฺวาราธิปติ ราชา’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๘๑ เอรกปตฺถนาคราชวตฺถุ) วจนโต วิฺาณํ อธิปติ.

๕๐๕. รูปกฺขนฺเธ ‘‘สาสวํ อุปาทานิย’’นฺติ วจนํ อนาสวานํ ธมฺมานํ สพฺภาวโต รูปกฺขนฺธสฺส ตํสภาวตานิวตฺตนตฺถํ, น อนาสวรูปนิวตฺตนตฺถํ.

อนาสวาว ขนฺเธสุ วุตฺตาติ เอตฺถ อฏฺานปฺปยุตฺโต เอว-สทฺโท, อนาสวา ขนฺเธสฺเวว วุตฺตาติ อตฺโถ. อิธ ปน วิสุทฺธิมคฺเค สพฺเพเปเต ขนฺธาปิ อุปาทานกฺขนฺธาปิ.

๕๐๖. สพฺพสงฺขตานํ สภาเคน เอกชฺฌํ สงฺคโห สพฺพสงฺขตสภาเคกสงฺคโห. สภาคสภาเวน หิ สงฺคยฺหมานา สพฺพสงฺขตา ปฺจกฺขนฺธา โหนฺติ. ตตฺถ รุปฺปนาทิสามฺเน สมานโกฏฺาสา สภาคาติ เวทิตพฺพา. เตสุ สงฺขตาภิสงฺขรณกิจฺจํ อายูหนรสาย เจตนาย พลวนฺติ สา ‘‘สงฺขารกฺขนฺโธ’’ติ วุตฺตา. อฺเ จ รุปฺปนาทิวิเสสลกฺขณรหิตา ผสฺสาทโย สงฺขตาภิสงฺขรณสามฺเนาติ ทฏฺพฺพา, ผุสนาทโย ปน สภาวา วิสุํ ขนฺธสทฺทวจนียา น โหนฺตีติ ธมฺมสภาวฺุนา ตถาคเตน ผสฺสกฺขนฺธาทโย น วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ, สพฺเพ เต อิเม เอว ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ นิสฺสาย ปฏิจฺจ, เอเตสํ วา อฺตร’’นฺติ เอวมาทิสุตฺตานฺจ วเสน อตฺตตฺตนิยคาหสฺส เอตปฺปรมตา ทฏฺพฺพา. เอเตน จ วกฺขมานสุตฺตวเสน จ ขนฺเธ เอว นิสฺสาย ปริตฺตารมฺมณาทิวเสน น วตฺตพฺพา จ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ ขนฺธนิพฺพานวชฺชสฺส สภาวธมฺมสฺส อภาวโตติ วุตฺตํ โหติ. รูปนฺติ รุปฺปนสภาวํ ธมฺมชาตมาห. เวทนนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ‘‘สีลกฺขนฺโธ สมาธิกฺขนฺโธ’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) วจนโต อฺเสฺจ ขนฺธสทฺทวจนียานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ สพฺภาวโต น ปฺเจวาติ โจทนํ นิวตฺเตตุมาห ‘‘อฺเสํ ตทวโรธโต’’ติ.

๕๐๗. ปวตฺติฏฺานภูตํ วสนฏฺานํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิวาสฏฺานโต’’ติ. ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขตาวเสน เวทนาย อาพาธกตฺตํ ทฏฺพฺพํ. ราคาทิสมฺปยุตฺตสฺส วิปริณามาทิทุกฺขสฺส อิตฺถิปุริสาทิอาการคาหิกา ตํตํสงฺกปฺปมูลภูตา สฺา สมุฏฺานํ. ปิตฺตาทิ วิย โรคสฺส อาสนฺนการณํ สมุฏฺานํ. อุตุโภชนวิสมตาวิสมปริหาราทิ วิย มูลการณํ นิทานํ. จิตฺตสฺส องฺคภูตา เจตสิกาติ วิฺาณํ คิลานูปมํ วุตฺตํ. กุฏฺโรควโต สินิยฺหนํ ตสฺส ภิยฺโยภาวาย วิย พาลสฺส ปุฺาภิสงฺขาราทิวเสน ปวตฺติ เวทนาทุกฺขาวหา อสปฺปายเสวนสทิสี. เวทนตฺตายาติ เวทนาสภาวตฺถํ, เวทนตฺตลาภายาติ อตฺโถ. การณฏฺานตาย, โภชนาธารตาย จ จารกูปมํ, ภาชนูปมฺจ รูปํ. สุภสฺาทิวเสน เวทนาการณสฺส เหตุภาวโต, เวทนาโภชนสฺส ฉาทาปนโต จ อปราธูปมา, พฺยฺชนูปมา จ สฺา. เวทนาเหตุโต การณการกูปโม, ปริเวสกูปโม จ สงฺขารกฺขนฺโธ. ภตฺตกาโร เอว เยภุยฺเยน ปริวิสตีติ ปริเวสกคฺคหณํ. เวทนาย วิพาธิตพฺพโต, อนุคฺคเหตพฺพโต จ อปราธิกูปมํ, ภุฺชกูปมฺจ วิฺาณํ วุตฺตํ.

๕๐๘. ‘‘ปฺจ วธกา ปจฺจตฺถิกา อุกฺขิตฺตาสิกาติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ อาสีวิสูปเม (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วธกาติ วุตฺตา, ‘‘ภาโรติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ ภารสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๒๒) ภาราติ, ‘‘อตีตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว รูเปน ขชฺชึ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺเนน รูเปน ขชฺชามิ. อหฺเจว โข ปน อนาคตํ รูปํ อภินนฺเทยฺยํ, อนาคตมฺปาหํ อทฺธานํ เอวเมว รูเปน ขชฺเชยฺยํ, เสยฺยถาปิ…เป… ขชฺชามี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๗๙) ขชฺชนียปริยาเย ขาทกาติ, ‘‘โส อนิจฺจํ รูปํ ‘อนิจฺจํ รูป’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๘๕) ยมกสุตฺเต อนิจฺจาทิกาติ. ยทิปิ ‘‘อิธ ปน สพฺเพเปเต เอกชฺฌํ กตฺวา ขนฺธาติ อธิปฺเปตา’’ติ วุตฺตํ, พาหุลฺเลน ปน อุปาทานกฺขนฺธานํ ตทนฺโตคธานํ ทฏฺพฺพตา เวทิตพฺพา. วิปสฺสนาย ภูมิวิจาโร เหโสติ.

เผณปิณฺโฑ วิยาติอาทีสุ รูปาทีนํ เอวํ เผณปิณฺฑาทิสทิสตา ทฏฺพฺพา, ยถา เผณปิณฺโฑ นิสฺสาโร ปริทุพฺพโล อคยฺหุปโค; คหิโตปิ กิฺจิ อตฺถํ น สาเธติ, ฉิทฺทาวฉิทฺโท อเนกสนฺธิสงฺฆฏิโต พหูนํ ปาณกานํ อาวาโส อนุปุพฺพูปจิโต สพฺพาวตฺถนิปาตี อวสฺสํเภที, เอวํ รูปมฺปิ นิจฺจสาราทิวิรหโต นิสฺสารํ เผคฺคุ วิย, สุขภฺชนียโต ทุพฺพลํ, นิจฺจนฺติ วา ธุวนฺติ วา อหนฺติ วา มมนฺติ วา น คเหตพฺพํ, คหิตมฺปิ ตถา น โหติ, พหุฉิทฺทํ อสีติสตสนฺธิสงฺฆฏิตํ อเนกกิมิกุลาวาสํ กลลาทิวเสน อนุปุพฺพูปจิตํ กลลกาลโต ปฏฺาย สพฺพาสุปิ อวตฺถาสุ วินสฺสติ, อวสฺสเมว จ ภิชฺชติ. อฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๙๕; วิภ. อฏฺ. ๒๖ กมาทิวินิจฺฉยกถา) ปน ปริมทฺทนาสหนเมว อุปมูปเมยฺยสมฺพนฺโธ วุตฺโต.

ยถา ปุพฺพุโฬ นิสฺสาโร ปริทุพฺพโล อคยฺหุปโค, คหิโตปิ น กิฺจิ อตฺถํ สาเธติ, น จิรฏฺิติโก, ตถา เวทนาปิ. ยถา จ ปุพฺพุโฬ, อุทกตลํ, อุทกพินฺทุํ, อุทกชลฺลิกํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ปุฏํ กตฺวา คหณวาตฺจาติ จตฺตาริ การณานิ ปฏิจฺจ ชายติ, เอวํ เวทนาปิ วตฺถุํ, อารมฺมณํ, กิเลสชลฺลํ, ผสฺสสงฺฆฏฺฏนฺจาติ จตฺตาริ การณานิ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ. ยถา หิ อุทกตเล พินฺทุนิปาตชนิโต วาโต อุทกชลฺลิกสงฺขาตํ อุทกลสิกํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ปุฏํ กตฺวา ปุพฺพุฬํ นาม กโรติ, เอวํ วตฺถุมฺหิ อารมฺมณาปาถคมนชนิโต ผสฺโส อนุปจฺฉินฺนํ กิเลสชลฺลํ สหการีปจฺจยภาเวน สงฺกฑฺฒิตฺวา เวทนํ นาม กโรติ. อิทฺจ กิเลเสหิ มูลการณภูเตหิ, อารมฺมณสฺสาทนภูเตหิ จ นิพฺพตฺตํ วฏฺฏคตํ เวทนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วา จตฺตาโร ปจฺจยา วุตฺตา, อูเนหิปิ ปน อุปฺปชฺชเตว. อิธ มุหุตฺตรมณียตา อุปโมปเมยฺยสมฺพนฺโธ วุตฺโต.

ยถา ปน มรีจิกา อสารา อคยฺหุปคา. น หิ ตํ คเหตฺวา ปาตุํ วา นฺหายิตุํ วา ภาชนํ วา ปูเรตุํ สกฺกา, เอวํ สฺาปิ อสารา อคยฺหุปคา. ยถา จ มรีจิกา วิปฺผนฺทมานา สฺชาตูมิเวคา วิย ขายนฺตี มหาชนํ วิปฺปลมฺเพติ, เอวํ สฺาปิ ‘‘นีลํ ปีตํ ทีฆํ รสฺส’’นฺติอาทินา อารมฺมเณ ปวตฺตมานา สภาวมตฺเต อฏฺตฺวา ‘‘สุภํ สุขํ นิจฺจ’’นฺติอาทิมิจฺฉาคาหสฺส การณภาเวน โลกํ วิปฺปลมฺเพติ.

ยถา กทลิกฺขนฺโธ อสาโร อคยฺหุปโค. น หิ ตํ คเหตฺวา โคปานสีอาทีนํ อตฺถาย อุปเนตุํ สกฺกา, อุปนีตมฺปิ ตถา น โหติ, พหุวฏฺฏิสโมธาโน จ โหติ, เอวํ สงฺขารกฺขนฺโธปิ อสาโร อคยฺหุปโค. น หิ ตํ นิจฺจาทิวเสน คเหตุํ สกฺกา, คหิตมฺปิ ตถา น โหติ, พหุธมฺมสโมธาโน จ. อฺเทว หิ ผสฺสสฺส ลกฺขณํ, อฺํ เจตนาทีนํ, เต ปน สพฺเพ สโมธาเนตฺวา สงฺขารกฺขนฺโธติ วุจฺจติ.

ยถา จ มายา อสารา อคยฺหุปคา. น หิ ตํ คเหตฺวา กิฺจิ อตฺถํ กิจฺจํ สาเธตุํ สกฺกา, อิตฺตรา ลหุปจฺจุปฏฺานา อมณิอาทิเมว มณิอาทิรูเปน ทสฺเสนฺตี มหาชนํ วฺเจติ, เอวํ วิฺาณมฺปิ อสารํ อิตฺตรํ ลหุปจฺจุปฏฺานํ, เตเนว จิตฺเตน อาคจฺฉนฺตํ วิย, คจฺฉนฺตํ วิย, ิตํ วิย, นิสินฺนํ วิย จ กตฺวา คาหาเปติ, อฺเทว จิตฺตํ อาคมเน, อฺํ คมนาทีสูติ. เอวํ วิฺาณํ มายาสทิสํ.

ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา อสุภาทิสภาวา เอว สํกิเลสาสุจิวตฺถุภาวาทิโตติ อสุภาทิโต ทฏฺพฺพา เอว, ตถาปิ กตฺถจิ โกจิ วิเสโส สุขคฺคหณีโย โหตีติ อาห ‘‘วิเสสโต จา’’ติอาทิ. ตตฺถ จตฺตาโร สติปฏฺานา จตุวิปลฺลาสปฺปหานกราติ เตสํ โคจรภาเวน รูปกฺขนฺธาทีสุ อสุภาทิภาเวน ทฏฺพฺพตา วุตฺตา.

๕๐๙. ขนฺเธหิ น วิหฺติ ปริวิทิตสภาวตฺตา. วิปสฺสโกปิ เตสํ วิปตฺติยํ น ทุกฺขมาปชฺชติ, ขีณาสเวสุ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เต หิ อายติมฺปิ ขนฺเธหิ น พาธียนฺตีติ.

กพฬีการาหารํ ปริชานาตีติ ‘‘อาหารสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๖,๕๗) วจนโต อชฺฌตฺติกรูเป ฉนฺทราคํ ปชหนฺโต ตสฺส สมุทยภูเต กพฬีการาหาเรปิ ฉนฺทราคํ ปชหตีติ อตฺโถ. อยํ ปหานปริฺา. อชฺฌตฺติกรูปํ ปน ปริคฺคณฺหนฺโต ตสฺส ปจฺจยภูตํ กพฬีการาหารํ ปริคฺคณฺหาตีติ าตปริฺา. ตสฺส จ อุทยพฺพยานุปสฺสี โหตีติ ตีรณปริฺา จ โยเชตพฺพา. เอวํ ปริฺตฺตเย สิชฺฌนฺเต อิเม วิปลฺลาสาทโย วิธมียนฺติ เอวาติ อาห ‘‘อสุเภ สุภนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหตี’’ติอาทิ. ตตฺถ กามราคภูตํ อภิชฺฌํ สนฺธายาห ‘‘อภิชฺฌากายคนฺถ’’นฺติ. อสุภานุปสฺสนาย หิ กามราคปฺปหานํ โหติ, กามราคมุเขน วา สพฺพโลภปฺปหานํ วทติ. น อุปาทิยติ น คณฺหติ น อุปฺปาเทติ.

‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๓๙; มหาว. ๑; อุทา. ๑; เนตฺติ. ๒๔) วุตฺตตฺตา ‘‘เวทนาย ฉนฺทราคํ ปชหนฺโต ตสฺสา ปจฺจยภูเต ผสฺสาหาเรปิ ฉนฺทราคํ ปชหตี’’ติอาทินา อาหารปริชานเน วุตฺตนเยน ผสฺสปริชานนํ โยเชตพฺพํ. เวทนาย ทุกฺขโต ทสฺสเนน ตตฺถ สุขนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ. สุขตฺถเมว ภวปตฺถนา โหตีติ เวทนาย ตณฺหํ ปชหนฺโต ภโวฆํ อุตฺตรติ. ตโต เอว ภวโยเคน วิสํยุชฺชติ. ภวาสเวน จ อนาสโว โหติ, สพฺพเวทนํ ทุกฺขโต ปสฺสนฺโต อตฺตโน ปเรน อปุพฺพํ ทุกฺขํ อุปฺปาทิตํ, สุขํ วา วินาสิตํ น จินฺเตติ, ตโต ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๒๓๗; วิภ. ๙๐๙) อาฆาตวตฺถุปฺปหานโต พฺยาปาทกายคนฺถํ ภินฺทติ. ‘‘สุขพหุเล สุคติภเว สุทฺธี’’ติ อคฺคเหตฺวา โคสีลโควตาทีหิ สุทฺธึ ปรามสนฺโต สุขปตฺถนาวเสเนว ปรามสตีติ เวทนาย ตณฺหํ ปชหนฺโตปิ สีลพฺพตุปาทานํ น อุปาทิยติ.

มโนสฺเจตนา สงฺขารกฺขนฺโธ, สฺา ปน ตํสมฺปยุตฺตาติ สฺาสงฺขาเร อนตฺตโต ปสฺสนฺโต มโนสฺเจตนาย ฉนฺทราคํ ปชหติ, ตฺจ ปริคฺคณฺหาติ, ตีเรติ จาติ ‘‘สฺํ สงฺขาเร…เป… ปริชานาตี’’ติ วุตฺตํ. สฺาสงฺขาเร อนตฺตาติ ปสฺสนฺโต อตฺตทิฏฺิมูลกตฺตา สพฺพทิฏฺีนํ อตฺตทิฏฺึ วิย สพฺพทิฏฺิโยปิ วิธมตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺโฆํ อุตฺตรติ…เป… อตฺตวาทุปาทานํ น อุปาทิยตี’’ติ อาห.

วิฺาณํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต อนิจฺจานุปสฺสนามุเขน ติสฺโสปิ อนุปสฺสนา อุสฺสุกฺกนฺโต ตีหิปิ ปริฺาหิ วิฺาณาหารํ ปริชานาติ. วิเสสโต ปเนตฺถ อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ วิปลฺลาสํ ปชหติ. ตตฺถ นิจฺจคฺคาหพาหุลฺลโต อวิชฺชาย วิฺาเณ ฆนคหณํ โหตีติ ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา ตํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต อวิชฺโชฆํ อุตฺตรติ. ตโต เอว อวิชฺชาโยเคน วิสํยุตฺโต อวิชฺชาสเวน อนาสโว จ โหติ. โมหพเลเนว สีลพฺพตปรามสนํ โหตีติ ตํ ปชหนฺโต ‘‘สีลพฺพตปรามาสกายคนฺถํ ภินฺทติ.

‘‘ยฺจ โข อิทํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ จิตฺตํ อิติปิ, มโน อิติปิ, วิฺาณํ อิติปิ, ตตฺราสฺสุตวา ปุถุชฺชโน นาลํ นิพฺพินฺทิตุํ, นาลํ วิรชฺชิตุํ, นาลํ วิมุจฺจิตุํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทีฆรตฺตํ เหตํ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อชฺโฌสิตํ มมายิตํ ปรามฏฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๒) –

วจนโต ยถา วิฺาณํ นิจฺจโต ปสฺสนฺโต ทิฏฺุปาทานํ อุปาทิยติ, เอวํ ตํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต ทิฏฺุปาทานํ น อุปาทิยตีติ.

เอวํ มหานิสํสนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน วิปลฺลาสาทิสกลสํกิเลสวิธมนุปายภาวโต เอวํ วิปุลุทยํ. วธกาทิวเสนาติ อุกฺขิตฺตาสิกวธกาทิวเสน. ปสฺเสยฺยาติ าณทสฺสเนน ปจฺจกฺขโต ปสฺเสยฺย.

ขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ จุทฺทสมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๑๕. อายตนธาตุนิทฺเทสวณฺณนา

อายตนวิตฺถารกถาวณฺณนา

๕๑๐. ‘‘ขนฺธายตนา’’ติอาทินา เหฏฺา อุทฺทิฏฺานิ ปทุทฺธารวเสน ‘‘อายตนานี’’ติ วตฺวา คณนปริจฺเฉเทนาห ‘‘ทฺวาทสายตนานี’’ติ. ตตฺถ วตฺตพฺพํ ปรโต สยเมว วกฺขติ. จกฺขายตนนฺติอาทิ เนสํ สรูปทสฺสนํ.

อตฺโถ นาม สทฺทตฺโถ, ภาวตฺโถ ปน ลกฺขณเมว. โส ปน สทฺทตฺโถ ทุวิโธ – อสาธารโณ สาธารโณติ. ตตฺถ อสาธารโณ จกฺขาทิสทฺทตฺโถ, สาธารโณ อายตนสทฺทตฺโถ ทฺวาทสนฺนมฺปิ สมานตฺตา.

เตสุ อสาธารณํ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘วิเสสโต ตาวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิเสสโตติ วิเสสตฺถโต, จกฺขาทิสทฺทตฺถโตติ อตฺโถ. อสฺสาเทตีติ จกฺขติ-สทฺโท ‘‘มธุํ จกฺขติ, พฺยฺชนํ จกฺขตี’’ติ รสสายนตฺโถ อตฺถีติ ตสฺส วเสน อตฺถํ วทติ. ‘‘จกฺขุํ โข ปน, มาคณฺฑิย, รูปารามํ รูปรตํ รูปสมฺมุทิต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๐๙) วจนโต จกฺขุ รูปํ อสฺสาเทติ. สติปิ โสตาทีนํ สทฺทารามตาทิภาเว โย ‘‘ยํ จกฺขุ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท’’ติอาทินา (ธ. ส. ๕๙๗) ปาฬิยํ, ‘‘รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. อฏฺ. ๖๐๐; วิสุทฺธิ. ๒.๔๓๓) อฏฺกถายฺจ วุตฺโต อตฺถวิเสโส, ตตฺเถว นิรุฬฺหตฺตา จกฺขุมฺหิ เอว จกฺขุสทฺโท ปวตฺตติ ควาทีสุ โคสทฺทาทิ วิยาติ ทฏฺพฺพํ.

วิภาเวติ จาติ สทฺทลกฺขณสิทฺธสฺส จกฺขติ-สทฺทสฺส วเสน อตฺถํ วทติ. จกฺขตีติ หิ อาจิกฺขติ, อภิพฺยตฺตํ วทตีติ อตฺโถ. เนตฺตสฺส จ วทนฺตสฺส วิย สมวิสมวิภาวนเมว อาจิกฺขนนฺติ กตฺวา อาห ‘‘วิภาเวติ จาติ อตฺโถ’’ติ, อเนกตฺถตฺตา วา ธาตูนํ วิภาวนตฺถตา จ จกฺขติ-สทฺทสฺส ทฏฺพฺพา. รตฺตทุฏฺาทิกาเลสุ กกณฺฏกรูปํ วิย, อุทฺทรูปํ วิย จ วณฺณวิการํ อาปชฺชมานํ รูปํ หทยงฺคตภาวํ รูปยติ รูปมิว ปกาสํ กโรติ, สวิคฺคหมิว กตฺวา ทสฺเสตีติ อตฺโถ. วิตฺถารณํ วา รูปสทฺทสฺส อตฺโถ, วิตฺถารณฺจ ปกาสนเมวาติ อาห ‘‘ปกาเสตีติ อตฺโถ’’ติ. อเนกตฺถตฺตา วา ธาตูนํ ปกาสนตฺโถ เอว รูปสทฺโท ทฏฺพฺโพ. วณฺณวาจกสฺส รูปสทฺทสฺส รูปยตีติ นิพฺพจนํ, รูปกฺขนฺธวาจกสฺส รุปฺปตีติ อยํ วิเสโส. อุทาหรียตีติ วุจฺจตีติ อตฺเถ วจนสทฺโท เอว คหิโต สิยา, น จ วจนสทฺโท เอเวตฺถ สทฺโท, อถ โข สพฺโพปิ โสตวิฺเยฺโยติ. สปฺปตีติ สเกหิ ปจฺจเยหิ สปฺปียติ, โสตวิฺเยฺยภาวํ คมียตีติ อตฺโถ.

สูจยตีติ อตฺตโน วตฺถุํ อปากฏํ คนฺธวเสน ‘‘อิทํ สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธ’’นฺติ ปกาเสติ, ปฏิจฺฉนฺนํ วา ปุปฺผาทิวตฺถุํ ‘‘เอตฺถ ปุปฺผมตฺถิ, จมฺปกาทิผลมตฺถิ, อมฺพาที’’ติ เปสุฺํ กโรนฺตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. รสคฺคหณมูลกตฺตา อชฺโฌหรณสฺส ชีวิตเหตุมฺหิ อาหารรเส นินฺนตาย ชีวิตํ อวฺหยตีติ ชิวฺหา นิรุตฺติลกฺขเณน. กุจฺฉิตานํ สาสวธมฺมานํ อาโยติ วิเสเสน กาโย วุตฺโต อนุตฺตริยเหตุภาวํ อนาคจฺฉนฺเตสุ กามราคนิทานกมฺมชนิเตสุ, กามราคสฺส จ วิเสสปจฺจเยสุ ฆานชิวฺหากาเยสุ กายสฺส วิเสสตรสาสวปจฺจยตฺตา. เตน หิ โผฏฺพฺพสุขํ อสฺสาเทนฺตา สตฺตา เมถุนมฺปิ เสวนฺติ. อุปฺปตฺติเทโสติ อุปฺปตฺติฏฺานนฺติ อตฺโถ, กายินฺทฺริยวตฺถุกา วา จตฺตาโร ขนฺธา พลวกามาสวาทิเหตุภาวโต วิเสเสน สาสวาติ วุตฺตาติ เตสํ อุปฺปตฺติฏฺานนฺติ อตฺโถ.

มุนาตีติ นาฬิยา มินมาโน วิย, มหาตุลาย ธารยมาโน วิย จ อารมฺมณํ วิชานาตีติ อตฺโถ. มนเต อิติ วา มโน, ตํ ตํ อารมฺมณํ ปริจฺเฉทวเสน ชานาตีติ วุตฺตํ โหติ. อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตีติ เย วิเสสลกฺขเณน อายตนสทฺทปรา วตฺตพฺพา, เต จกฺขาทโย ตถา วุตฺตาติ ตโต อฺเ มโนโคจรภูตา ธมฺมา สามฺลกฺขเณเนว เอกายตนภาวํ อุปเนตฺวา วุตฺตา. ยถา หิ โอฬาริกวตฺถารมฺมณมนนสงฺขาเตหิ วิสยวิสยีภาเวหิ ปุริมานิ ปากฏานิ, ตถา อปากฏา จ อฺเ มโนโคจรา น อตฺตโน สภาวํ น ธาเรนฺตีติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทีปนตฺโถ ธมฺมสทฺโท. ธารียนฺติ สามฺรูเปน อวธารียนฺตีติ วา ธมฺมา. ยถา หิ รูปาทโย จกฺขุวิฺาณาทีหิ อสาธารณโต เอว ยถาสกํ สภาวโต วิฺายนฺติ, น เอวเมเต, เอเต ปน อเนกธมฺมภาวโต, สาธารณโต, สภาวสามฺโตปิ มนสา วิฺายนฺตีติ.

๕๑๑. เสน เสนาติ สเกน สเกน. อุฏฺหนฺตีติ อุฏฺานํ กโรนฺติ. วายมนฺตีติ อุสฺสหนฺติ, อตฺตโน กิจฺจํ กโรนฺติจฺเจว อตฺโถ. อิมสฺมึ จ อตฺเถ อายตนฺติ เอตฺถาติ อายตนานีติ อธิกรณตฺโถ อายตนสทฺโท, ทุติยตติเยสุ กตฺตุอตฺโถ. เต จาติ จิตฺตเจตสิเก ธมฺเม. เต หิ ตํตํทฺวารารมฺมเณสุ อยนฺติ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ อายา. วิตฺถาเรนฺตีติ ปุพฺเพ อนุปฺปนฺนตฺตา ลีนานิ อปากฏานิ ปุพฺพนฺตโต อุทฺธํ ปตฺถเรนฺติ ปากฏานิ กโรนฺติ, อุปฺปาเทนฺตีติ อตฺโถ. อิทฺจ สํสารทุกฺขํ. น นิวตฺตตีติ อนุปฺปาทนิโรธวเสน น นิรุชฺฌติ. อายตนํ อายตนนฺติ อาเมฑิตวจนํ อสฺสา สมฺาย จกฺขาทีสุ นิรุฬฺหภาวทสฺสนตฺถํ.

๕๑๒. เอวํ อวยวเภทวเสน อายตนสทฺทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ ตตฺถ ปริยายโตปิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. สาธุผลภริตตาย, อปริสฺสยตาย จ มโนรมฺเม.

ตตฺถ นิวสนฺตีติ นิวสนฺตา วิย โหนฺติ. เตนาห ‘‘ตทายตฺตวุตฺติตายา’’ติ. ยตฺถ สุวณฺณรตนาทีนิ นิวุตฺถานิ วิย อากิณฺณานิ ติฏฺนฺติ, โส ปเทโส เตสํ อากโร, เอวํ จิตฺตเจตสิกา จกฺขาทีสูติ เต เตสํ อากโรติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จกฺขาทีสุ จ…เป… อากโร’’ติ. ตนฺนิสฺสิตตฺตาติ เอตฺถ มโน มโนวิฺาณาทีนํ จิตฺตเจตสิกานํ นิสฺสยปจฺจโย น โหตีติ ตสฺส เตสํ ทฺวารภาโว นิสฺสยภาโวติ ทฏฺพฺโพ. อหุตฺวา เอว ปจฺจยสามคฺคิวเสน อุปฺปชฺชนฺตาปิ จิตฺตเจตสิกา อเนเก เอกชฺฌํ ตตฺถ ลพฺภมานา สโมสฏา วิย โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุทฺวารารมฺมณวเสน สโมสรณโต’’ติ. น หิ ธมฺมานํ อนาคตทฺเธ วิชฺชมานตาเลโสปิ อตฺถิ. เตนาห ‘‘ปุฺโช นตฺถิ อนาคเต’’ติ (มหานิ. ๑๐). ตตฺเถว อุปฺปตฺติโตติ เตสุ จกฺขาทีสุ เอว อุปฺปตฺติโต. อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภูเต จกฺขาทิเก อุปฺปตฺติฏฺานํ วิย กตฺวา อุปจารวเสน วุตฺตํ. น หิ อรูปธมฺมานํ นิปฺปริยายโต อุปฺปตฺติเทโส นาม อตฺถิ. ยทคฺเคน วา เต เตสํ นิสฺสยารมฺมณภูตา, ตทคฺเคน สฺชาติเทโส. น หิ ปจฺจยภาวมนฺตเรน รูปธมฺมานมฺปิ อาธาราเธยฺยภาโว อตฺถิ. เตนาห ‘‘นิสฺสยารมฺมณภาเวนา’’ติ. พฺยติเรกปธานตาย การณลกฺขณสฺส ‘‘เตสํ อภาเว อภาวโต’’ อิจฺเจวาห, น ‘‘ภาเว ภาวโต’’ติ.

ยถาวุตฺเตนตฺเถนาติ ‘‘จกฺขตี’’ติอาทินา, ‘‘อายตนโต อายานํ ตนนโต’’ติอาทินา, ‘‘นิวาสฏฺาน’’นฺติอาทินา จ วุตฺตปฺปกาเรน อตฺเถน. ธมฺมายตนปริยาปนฺนานํ ธมฺมานํ พหุภาวโต เยภุยฺเยน จ เต พหู เอว หุตฺวา กิจฺจกราติ ‘‘ธมฺมา จ เต อายตนฺจา’’ติ พหุวจนนิทฺเทโส.

๕๑๓. ตถา ตถา ลกฺขิตพฺพโต ลกฺขียติ เอเตนาติ วา ลกฺขณํ, สภาโว.

ตาวภาวโตติ ตตฺตกโต, เตน อนูนาธิกภาวํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ทฺวาทสายตนวินิมุตฺตสฺส กสฺสจิ ธมฺมสฺส อภาวา อธิกภาวโต โจทนา นตฺถิ, สลกฺขณธารณํ ปน สพฺเพสํ สามฺลกฺขณนฺติ อูนโจทนา สมฺภวตีติ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จกฺขาทโยปิ หี’’ติอาทิ. ภวงฺคมนสงฺขาโตติ ทฺวิกฺขตฺตุํ จลิตฺวา ปวตฺตภวงฺคมนสงฺขาโต. จลนวเสน ภวงฺคปฺปวตฺติยา สติ เอว อาวชฺชนุปฺปตฺติ, น อฺตฺถาติ อาวชฺชนสฺสาปิ การณภูตนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ภวงฺคมนสงฺขาโต…เป… อุปฺปตฺติทฺวาร’’นฺติ. อสาธารณนฺติ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อสาธารณํ. สติปิ อสาธารณภาเว จกฺขาทีนํ ทฺวารภาเวน คหิตตฺตา ธมฺมายตเนน อคฺคหณํ ทฏฺพฺพํ. ทฺวารารมฺมณภาเวหิ วา อสาธารณตํ สนฺธาย ‘‘อสาธารณ’’นฺติ วุตฺตํ.

๕๑๔. เยภุยฺยสหุปฺปตฺติอาทีหิ อุปฺปตฺติกฺกมาทีสุ อยุตฺติ โยเชตพฺพา. เยภุยฺเยน หิ จกฺขายตนาทีนิ กสฺสจิ กทาจิ เอกโต อุปฺปชฺชนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติอาทิ (ยม. อฏฺ. อายตนยมก ๑๘-๒๑). ตสฺมา อายตนานํ อุปฺปตฺติกฺกโม ตาว น ยุชฺชติ, น ปหานกฺกโม กุสลาพฺยากตานํ อปฺปหาตพฺพโต, น ปฏิปตฺติกฺกโม อกุสลานํ เอกจฺจอพฺยากตานฺจ อปฺปฏิปชฺชนียโต, น ภูมิกฺกโม อฑฺเฒกาทสนฺนํ อายตนานํ เอกนฺตกามาวจรตฺตา, อิตเรสฺจ จตุภูมิปริยาปนฺนตฺตา, เอกจฺจสฺส โลกุตฺตรภาวโต จาติ. ‘‘อชฺฌตฺติเกสุ หี’’ติ เอเตน อชฺฌตฺติกภาเวน, วิสยีภาเวน จ อชฺฌตฺติกานํ ปมํ เทเสตพฺพตํ ทสฺเสติ, เตสุปิ ปมํ เทเสตพฺเพสุ ปากฏตฺตา ปมตรํ จกฺขายตนํ เทสิตนฺติ.

ตโต ฆานายตนาทีนีติ เอตฺถ พหุปการตฺตาภาเวน จกฺขุโสเตหิ ปุริมตรํ อเทเสตพฺพานิ, สห วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา เอเกน กเมน เทเสตพฺพานีติ ฆานาทิกฺกเมน เทสิตานีติ อธิปฺปาโย. อฺถาปิ หิ เทสิเตสุ น น สกฺกา โจเทตุํ, น จ สกฺกา โพเธตพฺพานิ น เทเสตุนฺติ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา วา จกฺขาทีนิ ปมํ วุตฺตานิ อารมฺมณโต สุปากฏานีติ, มนายตนํ ปน กิฺจิ ปจฺจุนฺนารมฺมณํ…เป… กิฺจิ ยาว นวตฺตพฺพารมฺมณนฺติ ปจฺฉา วุตฺตํ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมเณสุปิ อุปาทารูปารมฺมณานิ จตฺตาริ ปมํ วุตฺตานิ, ตโต ภูตรูปารมฺมณํ. อุปาทารูปารมฺมเณสุปิ ทูรตเร ทูเร, สีฆตรํ สีฆฺจ อารมฺมณสมฺปฏิจฺฉนทีปนตฺถํ จกฺขาทีนํ เทสนากฺกโม. จกฺขุโสตทฺวยฺหิ ทูรโคจรนฺติ ปมํ วุตฺตํ, ตตฺราปิ จกฺขุ ทูรตรโคจรนฺติ สพฺพปมํ วุตฺตํ. ปสฺสนฺโตปิ หิ ทูรตเร นทีโสตํ, น ตสฺส โสตปฏิฆาตสทฺทํ สุณาติ. ฆานชิวฺหาสุปิ ฆานํ สีฆตรวุตฺตีติ ปมํ วุตฺตํ ปุรโต ปิตมตฺตสฺสปิ โภชนสฺส คนฺโธ คยฺหตีติ. ยถาานํ วา เตสํ เทสนากฺกโม. อิมสฺมิฺหิ สรีเร สพฺพุปริ จกฺขุสฺส อธิฏฺานํ, ตสฺส อโธ โสตสฺส, ตสฺส อโธ ฆานสฺส, ตสฺส อโธ ชิวฺหาย, ตถา กายสฺส เยภุยฺยโต, มโน ปน อรูปิภาวโต สพฺพปจฺฉา วุตฺโต. ตํตํโคจรตฺตา ตสฺส ตสฺส อนนฺตรํ พาหิรายตนานิ วุตฺตานีติ วุตฺโตวายมตฺโถติ เอวมฺปิ อิเมสํ กโม เวทิตพฺโพ. โคจโร วิสโย เอตสฺสาติ โคจรวิสโย, มโน. กสฺส ปน โคจโร เอตสฺส วิสโย? จกฺขาทีนํ ปฺจนฺนมฺปิ. วิฺาณุปฺปตฺติการณววตฺถานโตติ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อุปฺปตฺติการณสฺส ววตฺถิตภาวโต สวิภตฺติภาวโต. เอเตน จกฺขาทิอนนฺตรํ รูปาทิวจนสฺส จ การณมาห.

๕๑๕. สงฺคหิตตฺตาติ คณนสงฺคหวเสน สงฺคหิตตฺตา. ชาติวเสนาติ จกฺขุภาวสมานตาวเสน. ปจฺจยเภโท กมฺมาทิเภโท. ทานาทิปาณาติปาตาทิเภทภินฺนสฺส หิ กุสลากุสลกมฺมสฺส, ตสฺส จ สหการีการณภูตานํ อพฺภนฺตรานํ, พาหิรานฺจ ปจฺจยานํ เภเทน จกฺขายตนํ ภินฺนํ วิสทิสํ โหตีติ. นิรยาทิโก, อปทาทิคตินานากรณฺจ คติเภโท คตีนํ, คตีสุ วา เภโทติ กตฺวา. หตฺถิอสฺสาทิโก, ขตฺติยาทิโก จ นิกายเภโท. ตํตํสตฺตสนฺตานเภโท ปุคฺคลเภโท. ยา จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ อนนฺตปฺปเภทตา วุตฺตา, โส เอว หทยวตฺถุสฺส เภโท ตาทิสเภทานาติวตฺตนโต. ตโต มนายตนสฺส อนนฺตปฺปเภทตา โยเชตพฺพา. ยสฺมา ฌานวิรหิตํ นาม โลกุตฺตรํ นตฺถิ, ตสฺมา ปฺจนฺนํ ฌานานํ วเสน อฏฺ โลกุตฺตรจิตฺตานิ จตฺตาลีสํ โหนฺตีติ ตานิ เอกาสีติยา โลกิยจิตฺเตสุ ปกฺขิปิตฺวา อาห ‘‘เอกวีสุตฺตรสตปฺปเภทฺจา’’ติ. วตฺถูติ จกฺขาทิวตฺถุ. ตปฺปเภเทน วิฺาณํ อนนฺตปฺปเภทํ. ปฏิปทา ทุกฺขาปฏิปทาทิ. อาทิ-สทฺเทน ฌานาธิปติภูมิอารมฺมณาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นีลํ นีลสฺส สภาคํ, อฺํ วิสภาคํ. ปจฺจโย กมฺมาทิ. ตตฺถาปิ กุสลสมุฏฺานาทิตา, สีตอุตุสมุฏฺานาทิตา จ เภโท เวทิตพฺโพ. อาทิสทฺเทน คตินิกายเภโท. สภาวนานตฺตเภทโตติ สุขา ทุกฺขา อทุกฺขมสุขาติ เอวมาทิโก สภาวเภโท. จกฺขุสมฺผสฺสชา โสตสมฺผสฺสชาติ เอวมาทิกํ นานตฺตํ.

๕๑๖. ‘‘อนาคมนโต อนิคฺคมนโต’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุพฺพนฺตาปรนฺเตสุ อวิชฺชมานสรูปตฺตา อุทยโต ปุพฺเพ กุโตจิ นาคจฺฉนฺติ, วยโต จ อุทฺธํ น กตฺถจิ คจฺฉนฺติ, วิชฺชมานกฺขเณปิ อิตฺตรกาลตาย อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา. เตนาห ‘‘อถ โข’’ติอาทิ. สปริปฺผนฺทกิริยาวเสน อีหนํ อีหา, จินฺตนวเสน พฺยาปารนํ พฺยาปาโร, ตตฺถ พฺยาปารํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น หิ จกฺขุรูปาทีนํ เอวํ โหตี’’ติ. อีหํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น จ ตานี’’ติอาทิ. อุภยมฺปิ ปน อีหา จ โหติ พฺยาปาโร จาติ อุปฺปฏิปาฏิวจนํ. ธมฺมตาวาติ สภาโว เอว, การณสมตฺถตา วา อีหาพฺยาปารรหิตานํ ทฺวาราทิภาโว ธมฺมตา. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ ‘‘ย’’นฺติ เอตสฺส ยสฺมาติ อตฺโถ. ปุริมสฺมึ สมฺภวนวิเสสนํ ยํ-สทฺโท. ‘‘สุฺโ คาโมติ โข, ภิกฺขเว, ฉนฺเนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วจนโต สุฺคาโม วิย ทฏฺพฺพานิ. อนฺนปานสหิตนฺติ คหิเต สุฺคาเม ยํ ยเทว ภาชนํ ปรามสียติ, ตํ ตํ ริตฺตกํเยว ปรามสียติ, เอวํ ธุวาทิภาเวน คหิตานิ โยนิโส อุปปริกฺขิยมานานิ ริตฺตกาเนว เอตานิ ทิสฺสนฺตีติ. เตนาห ‘‘ธุวสุภสุขตฺตภาววิรหิตตฺตา’’ติ. จกฺขาทิทฺวาเรสุ อภิชฺฌาโทมนสฺสุปฺปาทกภาเวน รูปาทีนิ จกฺขาทีนํ อภิฆาตกานีติ วุตฺตานิ. อหิสุสุมารปกฺขีกุกฺกุรสิงฺคาลมกฺกฏา ฉ ปาณกา. วิสมพิลากาสคามสุสานวนานิ เตสํ โคจรา. ตตฺถ วิสมาทิอชฺฌาสเยหิ จกฺขาทีหิ วิสมภาวพิลากาสคามสุสานสนฺนิสฺสิตสทิสูปาทินฺนธมฺมวนภาเวหิ อภิรมิตตฺตา รูปาทีนํ วิสมาทิสทิสตา โยเชตพฺพา.

อิติ อายตนานํ วิตฺถารกถามุขวณฺณนา.

ธาตุวิตฺถารกถาวณฺณนา

๕๑๗. จกฺขุสฺส วิฺาณนฺติ จกฺขุสฺส การณภูตสฺส วิฺาณํ. กามํ รูปาโลกมนสิการาทโยปิ ตสฺส วิฺาณสฺส การณา, เต ปน สาธารณการณํ, จกฺขุ อสาธารณนฺติ อสาธารณการเณนายํ นิทฺเทโส ยถา เภริสทฺโท, ยวงฺกุโรติ. ตถา หิ จกฺขุ ปุคฺคลนฺตราสาธารณํ, นีลาทิสพฺพรูปสาธารณฺจาติ สามิภาเวน นิทฺทิฏฺํ.

วิทหตีติ เอวํ เอวฺจ ตยา ปวตฺติตพฺพนฺติ วินิยุฺชมานํ วิย อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. วิทหตีติ จ ธาตฺวตฺโถ เอว วิสิฏฺโ อุปสคฺเคน ทีปียตีติ วินาปิ อุปสคฺเคน ธาตูติ เอส สทฺโท ตมตฺถํ วทตีติ ทฏฺพฺโพ. กตฺตุกมฺมภาวกรณาธิกรเณสุ จ ธาตุสทฺทสิทฺธิ โหตีติ ปฺจาปิ เต อตฺถา วุตฺตา. โลกุตฺตรา ธาตุโย สํสารทุกฺขํ น วิทหนฺติ, อฺทตฺถุ วิธํเสนฺตีติ กตฺวา ‘‘โลกิยา’’ติ วิเสสิตํ. ววตฺถิตาติ อวตฺถิตา, อฺมฺํ วา อสํกิณฺณา. สุวณฺณรชตาทิธาตุโย สุวณฺณาทีนํ พีชภูตา เสลาทโย. ยถาสมฺภวนฺติ เอตฺถ เกจิ ‘‘โลกิยโลกุตฺตราสุ ธาตูสุ โย โย อตฺโถ สมฺภวติ, ตทนุรูป’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ‘‘โลกิยา หิ ธาตุโย’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา. อตฺถวเสน เจตํ ยถาสมฺภวคฺคหณํ กตํ, น ธาตุวเสน. กามํ ปฺจปิ อตฺถา จกฺขาทีนํ สพฺเพสํ อิจฺฉิตพฺพา, ตถาปิ จกฺขาทีสุ ยสฺส ยสฺส ธมฺมสฺส ยทา กตฺตุวจนิจฺฉา, น ตทา กมฺมภาโว. ยทา ปน กมฺมวจนิจฺฉา, น ตทา กตฺตุภาโว. เอวํ เสเสสุปีติ ยถาสมฺภวคฺคหณํ. เตนาห ‘‘อิติ จกฺขาทีสู’’ติอาทิ.

๕๑๘. อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตีติ ธาตุโยติ เอตฺถาปิ ธาตีติ ธาตูติ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา ธารณตฺโถ ธา-สทฺโทติ กตฺวา. กตฺตุอตฺโถปิ จายํ ปุริเมน อสทิโส วิธานธารณตฺถานํ ภินฺนสภาวตฺตา. นิสฺสตฺตสภาวมตฺตธารณฺจ ธาตุสทฺทสฺส ปธาโน อตฺโถติ วิสุํ วุตฺโต. ธาตุโย วิย ธาตุโยติ เอตฺถ สีหสทฺโท วิย เกสริมฺหิ นิรุฬฺหา ปุริเส เสลาวยเวสุ นิรุฬฺโห ธาตุสทฺโท จกฺขาทีสุ อุปจริโตติ ทฏฺพฺโพ. าณฺจ เยฺยฺจ าณเยฺยานิ, เตสํ อวยวา ตปฺปเภทภูตา ธาตุโย าณเยฺยาวยวา. ตตฺถ าณปฺปเภโท ธมฺมธาตุเอกเทโส, เยฺยปฺปเภโท อฏฺารสาปีติ าณเยฺยาวยวมตฺตา ธาตุโย โหนฺตีติ. อถ วา าเณน าตพฺโพ สภาโว อวิปรีโต ธาตุสทฺเทน วุจฺจมาโน าณเยฺโย, น ทิฏฺิอาทีหิ วิปรีตคฺคาหเกหิ เยฺโยติ อตฺโถ, ตสฺส าณเยฺยสฺส อวยวา จกฺขาทโย, วิสภาคลกฺขณาวยเวสุ รสาทีสุ นิรุฬฺโห ธาตุสทฺโท ตาทิเสสุ อฺาวยเวสุ จกฺขาทีสุ อุปจริโตติ ทฏฺพฺโพ. รสาทีสุ วิย วา จกฺขาทีสุปิ นิรุฬฺโห เอว. ‘‘นิชฺชีวมตฺตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ เอเตน นิชฺชีวมตฺตปทตฺเถ ธาตุสทฺทสฺส นิรุฬฺหตํ ทสฺเสติ. ฉ ธาตุโย เอตสฺสาติ ฉธาตุโร. โย โลเก ปุริโสติ ธมฺมสมุทาโย วุจฺจติ, โส ฉธาตุโร ฉนฺนํ ปถวีอาทีนํ นิชฺชีวมตฺตานํ สภาวานํ สมุทายมตฺโต, น เอตฺถ ชีโว วา ปุริโส วา อตฺถีติ อตฺโถ.

๕๑๙. จกฺขาทีนํ กโม ปุพฺเพ วุตฺโตติ อิเธเกกสฺมึ ติเก ติณฺณํ ธาตูนํ กมํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เหตุผลานุปุพฺพววตฺถานวเสนา’’ติ. เหตุผลานํ อนุปุพฺพววตฺถานํ เหตุผลภาโว เอว, มโนธมฺมธาตูนฺจ มโนวิฺาณสฺส เหตุภาโว ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ. กิริยมโนธาตุ มโนวิฺาณสฺส อุปนิสฺสยโกฏิยา, วิปากมโนธาตุ วิปากมโนวิฺาณสฺส อนนฺตราทินาปิ, อิตรสฺส สพฺพาปิ อุปนิสฺสยโกฏิยา จ, ธมฺมธาตุ ปน เวทนาทิกา สหชาตา สหชาตาทินา, อสหชาตา อนนฺตราทินา, อุปนิสฺสเยน, อารมฺมณาทินา จ มโนวิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทฺวารภูตมโนวเสน วา. ทฺวารภูตมโนปิ หิ สุตฺเตสุ มโนธาตูติ วุจฺจตีติ ตสฺสา วา มโนธาตุยา มโนวิฺาณสฺส เหตุภาโว ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ. ตตฺถ เหตูติ ปจฺจโย อธิปฺเปโต, ผลนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนนฺติ อาห ‘‘จกฺขุธาตู’’ติอาทิ.

๕๒๐. สพฺพาสํ วเสนาติ ยถาวุตฺตานํ อาภาธาตุอาทีนํ ปฺจตึสาย ธาตูนํ วเสน. อปรมตฺถสภาวสฺส ปรมตฺถสภาเวสุ น กทาจิ อนฺโตคธตา อตฺถีติ อาห ‘‘สภาวโต วิชฺชมานาน’’นฺติ.

จนฺทาภาสูริยาภาทิกา วณฺณนิภา เอวาติ อาห ‘‘รูปธาตุเยว หิ อาภาธาตู’’ติ. รูปาทิปฏิพทฺธาติ ราควตฺถุภาเวน คเหตพฺพากาโร สุภนิมิตฺตนฺติ กตฺวา ‘‘รูปาทโย เอวา’’ติ อวตฺวา ปฏิพทฺธวจนํ วุตฺตํ. อสติปิ ราควตฺถุภาเว กุสลวิปาการมฺมณํ สุภธาตูติ ทุติโย วิกปฺโป วุตฺโต. เสสาติ มโนวิฺาณธาตุสมฺปยุตฺตา. ธาตุทฺวยนิโรธมตฺตนฺติ มโนวิฺาณธาตูนํ นิโรธมตฺตํ จตุตฺถารุปฺปจิตฺตุปฺปาทนิโรธภาวโต. ตทฺวิฺาณนิโรโธ วิย หิ วิฺาณธาตุมโนธาตูนํ นิโรโธ สมาปตฺติพลสิทฺโธติ กตฺวา ธาตุทฺวยคฺคหณํ.

‘‘ธมฺมธาตุมตฺต’’นฺติ อิทํ กามธาตุยา ธมฺมธาตุปริยาปนฺนตฺตา วุตฺตํ. กามปฏิสํยุตฺโตติ กามราคสมฺปยุตฺโต, อารมฺมณกรเณน วา กามคุโณปสํหิโต. ยํ เอตสฺมึ อนฺตเรติ เย เอตสฺมึ อวีจิปรนิมฺมิตวสวตฺติปริจฺฉินฺเน โอกาเส. โอคาฬฺหา หุตฺวา อโธภาเค จ โอกาเส จรนฺตีติ เอตฺถาวจรา. อฺตฺถ จรนฺตาปิ ยถาวุตฺเต เอว าเน ปริยาปนฺนาติ เอตฺถ ปริยาปนฺนา.

เนกฺขมฺมธาตุ ธมฺมธาตุ เอว วิตกฺกปกฺเข. สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมาติ ทานมยปุฺกิริยโต, สีลมยปุฺกิริยโต, ปพฺพชฺชโต จ ปฏฺาย ยาว อคฺคมคฺคาธิคมา ปวตฺตา สพฺเพปิ อนวชฺชธมฺมา. วิหึสาธาตุ เจตนา, ปรวิเหนจฺฉนฺโท วา. อวิหึสา กรุณา.

หีนาติ หีฬิตา. ปณีตาติ สมฺภาวิตา. ‘‘นาติหีฬิตา นาติสมฺภาวิตา มชฺฌิมา’’ติ ขนฺธนิทฺเทเส อาคตา หีนทุกโต เอว นีหริตฺวา มชฺฌิมา ธาตุ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อุโภปีติ ธมฺมธาตุมโนวิฺาณธาตุโย.

วิฺาณธาตุ ยทิปิ ฉวิฺาณธาตุวเสน วิภตฺตา, ตถาปิ วิฺาณธาตุคฺคหเณน ตสฺส ปุเรจาริกปจฺฉาจาริกตฺตา มโนธาตุ คหิตาว โหตีติ อาห ‘‘วิฺาณธาตุ จกฺขุวิฺาณาทิสตฺตวิฺาณธาตุ สงฺเขโปเยวา’’ติ. อเนเกสํ จกฺขุธาตุอาทีนํ, ตาสุ จ เอเกกิสฺสา นานปฺปการตาย นานาธาตูนํ วเสน อเนกธาตุ นานาธาตุ โลโก วุตฺโตติ อาห ‘‘อฏฺารสธาตุปฺปเภทมตฺตเมวา’’ติ.

๕๒๑. จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายมโนธาตุมโนวิฺาณธาตุเภเทนาติ พหูสุ โปตฺถเกสุ ลิขิตํ, เกสุจิ ‘‘จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายมโนมโนวิฺาณธาตุเภเทนา’’ติ. ตตฺถ น จกฺขาทีนํ เกวเลน ธาตุสทฺเทน สมฺพนฺโธ อธิปฺเปโต วิชานนสภาวสฺส ปเภทวจนโต. วิฺาณธาตุสทฺเทน จ สมฺพนฺเธ กริยมาเน ทฺเว มโนคหณานิ น กาตพฺพานิ. น หิ ทฺเว มโนวิฺาณธาตุโย สนฺติ. อนฺตรา วา มโนธาตุคหณํ อกตฺวา ‘‘จกฺขุ…เป… กายมโนวิฺาณธาตุมโนธาตู’’ติ วตฺตพฺพํ อตุลฺยโยเค ทฺวนฺทสมาสาภาวโต. อยํ ปเนตฺถ ปาโ สิยา ‘‘จกฺขุ…เป… กายวิฺาณมโนมโนวิฺาณธาตุเภเทนา’’ติ. ตสฺส วิฺาณสฺส เยภุยฺเยน อตฺตวาทิโน ตสฺส เอกเมกสฺส อตฺตสฺส อทฺวยตํ, นิจฺจตฺตฺจ ปเวเทนฺตีติ อเนกตานิจฺจตาปกาสนํ เตสํ ชีวสฺาสมูหนนาย โหติ. ขนฺธายตนเทสนา สงฺเขปเทสนา, อินฺทฺริยเทสนา วิตฺถารเทสนา, ตทุภยํ อเปกฺขิตฺวา อยํ อนติสงฺเขปวิตฺถารา ธาตุเทสนา. อภิธมฺเม วา สุตฺตนฺตภาชนีเย (วิภ. ๑๗๒ อาทโย) วุตฺตา ธาตุเทสนา อติสงฺเขปเทสนา, อาภาธาตุอาทีนํ อเนกธาตุนานาธาตุอนฺตานํ วเสน เทเสตพฺพา อติวิตฺถารเทสนา, ตทุภยํ อเปกฺขิตฺวา อยํ อนติสงฺเขปวิตฺถารา.

อสฺส ภควโต. สทฺธมฺมเตชสา วิหตํ สทฺธมฺมเตชวิหตํ.

๕๒๒. สงฺขโตติ คณนโต. ชาติโตติ จกฺขุภาวสามฺโต. อถ วา ชาติโตติ จกฺขุสภาวโต. เตนาห ‘‘จกฺขุปสาโท’’ติ. วีสติ ธมฺมาติ สงฺขํ คจฺฉติ เวทนาทีนํ อภินฺทิตฺวา คหณโต. เสสกุสลากุสลาพฺยากตวิฺาณวเสนาติ เอตฺถ อพฺยากตาเปกฺขาย เสสคฺคหณํ, กุสลากุสลํ ปน สพฺพโส อคฺคหิตเมวาติ.

๕๒๓. ตา จ จกฺขุวิฺาณธาตุอาทโย ปฺจปิ.

ปุริเมเหวาติ อนนฺตราทีหิ เอว. ชวนมโนวิฺาณธาตุ ปน ชวนมโนวิฺาณธาตุยา อาเสวนปจฺจเยนาปิ ปจฺจโย โหตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ธมฺมธาตูติ ปน สหชาโต เวทนาทิกฺขนฺโธ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘สหชาต…เป… ปจฺจโย โหตี’’ติ. อวิคตาทีหีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน มโนวิฺาณธาตุยา ยถารหํ เหตุอธิปติกมฺมวิปากาหารินฺทฺริยฌานมคฺคปจฺจยภาโว สงฺคยฺหติ. เตนาห ‘‘พหุธา ปจฺจโย โหตี’’ติ. เอกจฺจา จ ธมฺมธาตุ สุขุมรูปนิพฺพานปฺปการา, ยา จ สมฺปโยคานนฺตรภาวาทีนํ อภาเวน อารมฺมณกรเณ โยคฺยา. ปฺจทฺวาริกวิปากวชฺชนตฺถํ ‘‘เอกจฺจาย มโนวิฺาณธาตุยา’’ติ วุตฺตํ, มโนทฺวาริกา ปน วิปากาปิ ตทารมฺมณภูตา เอกจฺจํ ธมฺมธาตุํ อารพฺภ ปวตฺตตีติ. อถ วา ‘‘เอกจฺจาย มโนวิฺาณธาตุยา’’ติ อิทํ สพฺพํ กามาวจรกุสลํ กามาวจรกิริยํ อภิฺาทฺวยํ อารุปฺปทฺวยนฺติ เอวรูปํ มโนวิฺาณธาตุํ สนฺธาย วุตฺตํ, โลกุตฺตรมโนวิฺาณธาตุยา ปน เอกจฺจา ธมฺมธาตุ อารมฺมณปจฺจโยติ ปากโฏยมตฺโถ. จกฺขุวิฺาณธาตุอาทีนํ จกฺขาทีนํ ยถาวุตฺตปจฺจยธมฺมโต อติเรเกปิ ปจฺจยธมฺเม ทสฺเสตุํ ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อาโลกาทโยติ อาโลโก นาม สูริยาโลกาทิ. ตสฺส สุตฺตนฺตนเยน อุปนิสฺสยภาโว เวทิตพฺโพ, เอวํ เสสานิปิ.

วิวรํ นาม วิเสสโต โสตพิลํ. วายุ คนฺธูปสํหรณกวาโต. อาโป มุเข ปกฺขิตฺตอาหารสฺส เตมนกอุทกํ. ปถวี กายปฺปสาทสฺส นิสฺสยภูตา ปถวีธาตุ. ภวงฺคมนํ ทฺวิกฺขตฺตุํ จลิตํ ภวงฺคจิตฺตํ. สพฺพตฺถ มนสิกาโร อาวชฺชนมนสิกาโร.

๕๒๔. อวิเสสโต ทฏฺพฺพาการสฺส วุจฺจมานตฺตา อาห ‘‘สพฺพา เอวา’’ติ. วิเสสโต วิปสฺสนาย ภูมิวิจาโร เอโสติ ‘‘สงฺขตา’’ติ วิเสสิตํ. ปุพฺพนฺตาปรนฺตวิวิตฺตโตติ เอตฺถ ‘‘ปุพฺพนฺโตนาม อตีโต อทฺธา, อปรนฺโต นาม อนาคโต. อุภยตฺถ จ สงฺขตา ธาตุโย สภาววิวิตฺตา อนุปลพฺภมานสภาวตฺตา. ปุพฺพนฺโต วา สภาวธมฺมสฺส อุทโย ตโต ปุพฺเพ อวิชฺชมานตฺตา. อปรนฺโต วโย ตโต ปรํ อภาวโต. ตสฺมา ปุพฺพนฺตาปรนฺตวิวิตฺตโตติ ปากาภาวโต วิทฺธํสาภาวโตติ วุตฺตํ โหติ.

เภริตลํ วิย จกฺขุทาตุ สทฺทสฺส วิย วิฺาณสฺส นิสฺสยภาวโต. อาทาสตลาทีสุปิ เอเสว นโย. ยนฺตํ นาม อุจฺฉุยนฺตํ. จกฺกยฏฺีติ ติลมนฺถํ อาห. โส หิ อจกฺกพนฺโธปิ ตํสทิสตาย จกฺกยฏฺีตฺเวว วุจฺจติ, จกฺกพนฺธเมว วา สนฺธาย ตถา วุตฺตํ. อิมาหิ จ อุปมาหิ นิชฺชีวาน. เภริตลทณฺฑาทีนํ สมาโยเค, นิชฺชีวานํ สทฺทาทีนํ วิย นิชฺชีวานํ จกฺขุรูปาทีนํ สมาโยเค นิชฺชีวานํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปวตฺตีติ การณผลานํ ธาตุมตฺตตํ, การกเวทกวิรหฺจ ทสฺเสติ.

ปุเรจรานุจรา วิยาติ นิชฺชีวสฺส กสฺสจิ เกจิ นิชฺชีวา ปุเรจรานุจรา วิยาติ อตฺโถ. มโนธาตุเยว วา อตฺตโน ขณํ อนติวตฺตนฺตี อตฺตโน ขณ อนติวตฺตนฺตานํเยว จกฺขุวิฺาณาทีนํ อวิชฺชมานายปิ ปุเรจรานุจราภิสนฺธิยํ อนนฺตรปุพฺพกาลาปรกาลตาย ปุเรจรานุจรา วิย ทฏฺพฺพา.

ฉนฺนฺหิ วิฺาณธาตูนํ เอกชฺฌํ อเนกานนฺตรปจฺจยาภาวโต เอกชฺฌํ อุปฺปตฺติอภาโว วิย อฺมฺานนฺตรปจฺจยตาภาวโต อนนฺตรุปฺปตฺติปิ นตฺถิ. ยทิ สิยา, ฉฬารมฺมณสนฺนิธาเน มนสิการมนฺตเรนาปิ ฉฬารมฺมณูปลทฺธิ สิยา, น จ โหติ, ตสฺมา ทสฺสนาทิอนนฺตรํ สวนาทีนํ อภาโว วิย มโนวิฺาณธาตานนฺตรํ น ทสฺสนาทีนิ, น จ ทสฺสนาทิอนนฺตรํ มโนวิฺาณธาตุ โหติ. ตตฺถ ภวงฺคสฺส, ทสฺสนาทีนฺจ ภินฺนารมฺมณตาย มโนวิฺาณธาตานนฺตรํ ทสฺสนาทีนิ, ทสฺสนาทีนํ อนนฺตรฺจ สวนาทีนิ น อุปฺปชฺชนฺตีติ ยุตฺตเมตํ. ทสฺสนาทีนํ, ปน สนฺตีรมณสฺส จ อภินฺนวิสยตาย ทสฺสนาทิอนนฺตรํ น มนาวิฺาณทาตุ โหตีติ อยุตฺตนฺติ? นยิทเมวํ นิยตานิยตวิสยานํ ภินฺนวิสยภาวุปปตฺติโต. ยทิ จ ทสฺสนาทิอนนฺตรํ กาจิ วิฺาณธาตุ อุปฺปชฺเชยฺย, สาปิ ทสฺสนาทิทฺวารตาย ทสฺสนาทิวิฺาณธาตุ เอว สิยา, น มโนวิฺาณธาตุ, ตโต จ ทสฺสนาทิกิจฺจวิธุรํ จินฺตนํ มนนนฺติ มโนทฺวารปฺปวตฺตานํ มนนกิจฺจาปริจฺจาโค วิย ทสฺสนวิฺาณธาตุยา ทสฺสนกิจฺจาปริจฺจาโค อาปชฺชติ. ตถา ตทนนฺตรสฺสาติ สพฺพายปิ ทสฺสนวิฺาณภาวโต จ วิฺาณกายา น ภเวยฺยุํ.

ยถา ปน มโนวิฺาณธาตานนฺตรํ มโนธาตุ, ตโต จกฺขุวิฺาณาทีนิ, เอวํ ทสฺสนวิฺาณธาตานนฺตรํ มโนธาตุ, ตโต โสตวิฺาณาทีนิ โหนฺตีติ เจ? น, มโนธาตุยา ทสฺสนธาตุภาวปฺปสงฺคโต. ยถา หิ มนโส นิพฺพิเสสาวตฺถา มนนมตฺตตาย มโนธาตุ, เอวํ ทสฺสนสฺส นิพฺพิเสสาวตฺถา ทสฺสนมตฺตตาย ทสฺสนธาตุ สิยา. ตฺจ จกฺขูวิฺาณํ รูปวิสยนฺติ สทฺทาทิวิสยาโภคาภาวโต สวนวิฺาณาทีนํ อสมฺภโว. ตโต จ รูปารมฺมณปสุตเมว วิฺาณํ สิยา มโนวิฺาณานํ วิย ทสฺสนวิฺาณาทีนํ สมานวตฺถุภาวปฺปสงฺคโต, อฺวตฺถุสนฺนิสฺสิตฺจ วิฺาณํ น สิยา, น เจตํ ยุตฺตํ. ตสฺมา สุขทุกฺขานํ วิย อุเปกฺขา จกฺขุวิฺาณาทีนํ, มโนวิฺาณสฺส จ พฺยวธายิกา มโนธาตุ ทฏฺพฺพา, น จสฺสา อุเปกฺขาย วิย อทุกฺขมสุขตา อทสฺสนาทิอมนนตา, อต โข มนนกิจฺจาวิเสสโต มโนวิฺาณสภาคตา. มโน หิ หทยวตฺถุมฺหิ วตฺตมาโน อฺวตฺถุสนฺนิสฺสิตานํ วิฺาณานํ วิสยํ ทสฺเสตฺวา นิวตฺตมาโน อคฺคิ วิย อุสุมมตฺเต มนนมตฺเต ตฺวา นิวตฺตติ, อฺวตฺถุสนฺนิสฺสิตวิฺาณนิโรเธ จ อุฏฺหนฺโต อคฺคิ วิย อุสุมมตฺเต อุฏฺหติ. ปจฺจยานุรูปปวตฺติกานิ จ มนนมตฺตานิ มโนวิฺาณธาตุยา อนฺตานิ โหนฺติ. ปฏิฆสฺาสหคตานฺหิ ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ อินฺทฺริยารมฺมนปฏิฆาตชตาย อภินิปาตมตฺตกิจฺจํ, มนนลกฺขณินฺทฺริยสมุปฺปนฺนสฺส จ มโนวิฺาณสฺส วิสยวิจินฺตนาสมฺภูตตาย ตทนุรูปาจินฺตนา. ตสฺมา อภินิปาตปฺปจฺจยปฏิฆฏฺฏนานิฆํสพเลน ภวงฺคลกฺขณํ จิตฺตํ จลนาวตฺถํ หุตฺวา นิวตฺตมานํ จินฺตนาวิเสสวิรหโต อภินิปาตานุคุณํ จินฺตนาวสานํ มนนมตฺตํ อุปฺปาเทติ.

ทสฺสนาทิปิ อภินิปาตมตฺตํ ทุติยํ ขณํ อนติวตฺตมานํ อตฺตานุคุณํ จินฺตนามนนสมฺาวิรหโต ทสฺสนาทิอภินิปาตวิเสสวิจิตฺตํ จิตฺตภาวาทินา สมานํ จินฺตนาทิมนนมตฺตํ อฺวตฺถุสฺมึ นิพฺพตฺเตติ, ตสฺมา วตฺถุกิจฺเจหิ ตํ มโนวิฺาณกายสงฺคหิตาปิ มโนธาตุ มโนทฺวารนิกฺขมปเวสภูตา อารมฺมณนฺตเร ทฺวารนฺตรมนสิการตพฺพิสยสมฺปฏิจฺฉนภาเวน ปฺจนฺนํ วิฺาณธาตูนํ ยถากฺกมํ ปุเรจรา, อนุจราติ จ วุตฺตา. สา ปนายํ สติปิ วิฺาณภาเว มนโส สมฺภูย วิสิฏฺมนนกิจฺจาภาวโต ธาตุภาวสามฺเน มโนมตฺตา ธาตุ มโนธาตูติ วุจฺจติ.

ยถาวุตฺเตเนว จ เหตุนา มตฺต-สทฺทโลปํ กตฺวา วิฺาณฏฺโยคโต มโนมตฺตํ วิฺาณนฺติ มโนวิฺาณกายสงฺคโหปิ จสฺสา ยุชฺชติ เอว. อฺวิฺาเณหิ ปน ทฺวารารมฺมเณหิ จ วิเสสนตฺถํ ‘‘มโนธาตู’’ติ วุตฺตาติ. มโนวิฺาณธาตูติ ปน วิฺาณธาตุวิเสสนํ มโนคหณํ. ธาตุวิเสสนตฺเถ จ มโนวิฺาณคฺคหเณ วิฺาณวิเสสนํ ทฺวารภูตมโนทสฺสนเมวาติ ทฺวารสมฺารหตฺตา น มโนธาตูติ วุจฺจติ. ตฺหิ มโนทฺวารนฺโตคธํ, น จ ทสฺสนาทิปุเรจรานุจรนฺติ มนโส วิฺาณธาตุ, มนโส วิฺาณนฺติ จ มโนทฺวารสมฺารหํ, สวิเสสฺจ ตสฺส มนนกิจฺจํ, วิฺาณกิจฺจฺจาติ มตฺตสทฺทสฺส โลปมนฺตเรน ‘‘มโนวิฺาณ’’นฺติ, นิชฺชีวภาววิภาวนตฺถํ ‘‘มโนวิฺาณธาตู’’ติ จ วุจฺจตีติ.

สลฺลมิว สูลมิว ติวิธทุกฺขตาสมาโยคโต ทฏฺพฺโพ. เวทนาสลฺลสูลโยคาติ เวทนาสงฺขาตสลฺลสูลโยคโต. อาตุรา วิยาติ เตน อาตุริภูตา ปุคฺคลา วิย. อาสาเยว ทุกฺขํ อาสาทุกฺขํ, อาสาวิฆาตํ ทุกฺขํ วา. สฺา หิ อสุภาทิกมฺปิ สุภาทิโต สชฺชานนฺตี อาสํ, ตสฺสา จ วิฆาตํ อาสีสิตสุภาทิอสิทฺธิยา ชเนตีติ. วนมิโค ติณปุริสํ ปุริโสติ คณฺหนฺโต อยถาภูจฺจนิมิตฺตคฺคาหโก, ตถา สฺาปีติ อาห ‘‘วนมิโค วิยา’’ติ. กมฺมปธานา สงฺขาราติ ‘‘ปฏิสนฺธิยํ ปกฺขิปนโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ชาติทุกฺขานุพนฺธโตติ อตฺตนา นิพฺพตฺติยมาเนน ชาติทุกฺเขน อนุพนฺธตา. ภวปจฺจยา ชาติ หิ ชาติทุกฺขนฺติ. ปทุมํ วิย ทิสฺสมานํ ขุรจกฺกํ วิย รูปมฺปิ อิตฺถิอาทิภาเวน ทิสฺสมานํ นานาวิธุปทฺทวํ ชเนติ. สพฺเพ อนตฺถา ราคาทโย, ชาติอาทโย จ วิสยภูตา, อนุปสนฺตา, สปฺปฏิภยา จาติ. ตปฺปฏิปกฺขภูตตฺตา อสงฺขตา ธาตุ อมตาทิโต ทฏฺพฺพา.

ววตฺถานาภาโว ‘‘อิทเมว อิมสฺส อารมฺมณ’’นฺติ นิยมาภาโว, เตน ยถา อรฺมกฺกโฏ เกนจิ อนิวาริโต คหิตํ เอกํ รุกฺขสาขํ มุฺจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ตมฺปิ มุฺจิตฺวา อฺนฺติ กตฺถจิ อนวฏฺิโต ปริพฺภมติ, เอวํ คหิตํ เอกํ อารมฺมณํ มุฺจิตฺวา อฺํ, ตมฺปิ มุฺจิตฺวา อฺนฺติ อนวฏฺิตตา, อารมฺมณํ อคฺคเหตฺวา ปวตฺติตุํ อสมตฺถตา จ มกฺกฏสมานตาติ ทสฺเสติ. อฏฺิเวธวิทฺโธปิ อุปฺปถํ อนุคจฺฉนฺโต ทุฏฺสฺโส อสฺสขฬุงฺโก. ยตฺถกามนิปาติโตติ ยตฺถ กตฺถจิ อิจฺฉิตารมฺมเณ นิปาติภาวโต. นานาเวสธารี รงฺคนโฏ.

อายตนทาตุนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ปนฺนรสมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๑๖. อินฺทฺริยสจฺจนิทฺเทสวณฺณนา

อินฺทฺริยวิตฺถารกถาวณฺณนา

๕๒๕. พาวีสตีติ คณนปริจฺเฉโท. อินฺทฺริยานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ. จกฺขุนฺทฺริยนฺติอาทิ เตสํ สรูปทสฺสนํ. ตตฺถ จกฺขุทฺวาเร อินฺทฏฺํ กาเรติ จกฺขุทฺวารภาเว ตํทฺวาริเกหิ อตฺตโน อินฺทภาวํ ปรมิสฺสรภาวํ การยตีติ จกฺขุนฺทฺริยํ. ตฺหิ เต รูปคฺคหเณ อตฺตานํ อนุวตฺเตติ, เต จ ตํ อนุวตฺตนฺติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ตสฺมา โสตฆานชิวฺหากายทฺวาเร อินฺทฏฺํ กาเรตีติ. กายินฺทฺริยํ. วิชานนลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ มนินฺทฺริยํ. อิตฺถิภาวลกฺขเณ, ปริสภาวลกฺขเณ, อนุปาลนลกฺขเณ, สุขลกฺขเณ, ทุกฺขลกฺขเณ, โสมนสฺสลกฺขเณ, โทมนสฺสลกฺขเณ, อุเปกฺขาลกฺขเณ, อธิโมกฺขลกฺขเณ, ปคฺคหลกฺขเณ, อุปฏฺานลกฺขเณ, อวิกฺเขปลกฺขเณ, ทสฺสนลกฺขเณ, อนฺาตํ สฺสามีติ ปวตฺเต ชานนลกฺขเณ, าตานํ เอว ธมฺมานํ ปุน อาชานเน อฺาตาวิภาเว อินฺทฏฺํ กาเรตีติ อฺาตาวินฺทฺริยํ.

วิชานิยาติ วิชาเนยฺย. ภูมิโต จาติ -สทฺโท อวุตฺตสมฺปิปณฺฑนตฺโถ, เตน ตาวตฺวํ สงฺคณฺหาติ, ตํ ปน ตาวตฺวํ ปรโต วณฺณยิสฺสาม. อสมฺมสนุปคานมฺปิ อตฺถิภาวโต ทฏฺพฺพตา อิธ น คหิตา.

ปุพฺพภาเคติ อริยมคฺคโต ปุพฺพภาเค. อนฺาตนฺติ น อฺาตํ น อธิคตํ. นิจฺจตาย นตฺถิ เอตสฺส มตํ ภงฺโค, น วา เอตสฺมึ อธิคเต มรณนฺติ อมตํ, ปชฺชิตพฺพโต ปทฺจาติ อมตปทํ นิพฺพานํ. ‘‘เอวํ ปฏิปนฺนสฺส อุปฺปชฺชนโต’’ติ เอเตน ปุพฺพภาควเสเนตํ อินฺทฺริยํ เอวํ โวหรียตีติ ทสฺเสติ. อาชานนโตติ ปมมคฺเคน ทิฏฺมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวาว ชานนโต. เยน ตํสมงฺคิปุคฺคโล, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา วา อฺาตาวิโน โหนฺติ, โส อฺาตาวิภาโว ปรินิฏฺิตกิจฺจชานนขีณาสวสฺส ภาวภูโต หุตฺวา อุปฺปตฺติโต ‘‘ขีณาสวสฺส อุปฺปชฺชนโต’’ติ วุตฺตํ.

ลิงฺเคติ คเมติ าเปตีติ ลิงฺคํ, ลิงฺคียติ วา เอเตนาติ ลิงฺคํ. กึ ลิงฺเคติ, กึ วา ลิงฺคียตีติ? อินฺทํ, อินฺโท วา. อินฺทสฺส ลิงฺค อินฺทลิงฺคํ, อินฺทลิงฺคสฺส อตฺโถ ตํสภาโว อินฺทลิงฺคฏฺโ, อินฺทลิงฺคเมว วา อินฺทฺริยสทฺทสฺส อตฺโถติ อินฺทลิงฺคฏฺโ. สชฺชิตํ อุปฺปาทิตนฺติ สิฏฺํ, อินฺเทน สิฏฺํ อินฺทสิฏฺํ. ชุฏฺํ เสวิตํ. กมฺมสงฺขาตสฺส อินฺทสฺส ลิงฺคานิ, เตน จ สิฏฺานีติ กมฺมชาเนว โยเชตพฺพานิ, น อฺานิ, เต จ ทฺเว อตฺถา กมฺเม เอว โยเชตพฺพา, อิตเร จ ภควติ เอวาติ อาห ‘‘ยถาโยค’’นฺติ. เตนาติ ภควโต, กมฺมสฺส จ อินฺทตฺตา. เอตฺถาติ เอเตสุ อินฺทฺริเยสุ. อุลฺลิงฺเคนฺติ าเปนฺติ ปกาเสนฺติ ผลสมฺปตฺติวิปตฺตีหิ การณสมฺปตฺติวิปตฺติอวโพธโต. ‘‘โส ตํ นิมิตฺตํ อาเสวตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๙.๓๕) โคจรกรณมฺปิ อาเสวนา วุตฺตาติ อาห ‘‘กานิจิ โคจราเสวนายา’’ติ. ตตฺถ สพฺเพสํ โคจริกาตพฺพตฺเตปิ ‘‘กานิจี’’ติ วจนํ อวิปสฺสิตพฺพานํ พหุลํ มนสิกรเณน อนาเสวนียตฺตา. ปจฺจเวกฺขนามตฺตเมว หิ เตสุ โหตีติ. ‘‘ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๗๐) ภาวนา อาเสวนาติ วุตฺตาติ ภาเวตพฺพานิ สทฺธาทีนิ สนฺธายาห ‘‘กานิจิ ภาวนาเสวนายา’’ติ.

อาธิปจฺจํ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว. อสติปิ จ อินฺทฺริยปจฺจยภาเว อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานํ, อตฺตโน อตฺตโน ปจฺจยวเสน ปวตฺตมาเน ตํสหิตสนฺตาเน อฺากาเรน อปฺปวตฺตมาเนหิ ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียภาเว อาธิปจฺจํ. อิมสฺมึ จ อตฺเถ อินฺทนฺติ ปริมิสฺสริยํ กโรนฺติจฺเจว อินฺทฺริยานิ. จกฺขาทีสุ ทสฺสิเตน นเยน อฺเสฺจ ชีวิตาทีนํ ตทนุวตฺตีสุ อาธิปจฺจํ ยถารหํ โยเชตพฺพํ.

อโมโหเยว น วิสุํ จตฺตาโร ธมฺมา, ตสฺมา ตสฺส สงฺขารกฺขนฺธกถายํ วิภาวิตานิ ลกฺขณาทีนิ เตสฺจ เวทิตพฺพานีติ อธิปฺปาโย. เสสานิ ตตฺถ ขนฺธนิทฺเทเส ลกฺขณาทีหิ อรูเปเนว อาคตานิ.

๕๒๖. สตฺตานํ อริยภูมิปฏิลาโภ ภควโต เทสนาย สาธารณํ, ปทานฺจ ปโยชนนฺติ อาห ‘‘อชฺฌตฺตธมฺเม ปริฺายา’’ติอาทิ. อฺเสมฺปิ อินฺทฺริยานํ อตฺตภาวปริยาปนฺนตาย สติปิ อตฺตภาวปฺาปนาย มูลภาวโต จกฺขาทีนํ สาติสยา อตฺตภาวปริยาปนฺนาติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตภาวปริยาปนฺนานิ จกฺขุนฺทิยาทีนี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๑๙). อภิธมฺมฏฺกถายํ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานนฺตรํ ชีวิตินฺทฺริยเทสนากฺกโม วุตฺโตติ อิธาปิ ‘‘ตโต ชีวิตินฺทฺริย’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ อินฺทฺริยยมกเทสนาย (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑ อาทโย) สเมติ. อินฺทฺริยวิภงฺเค (วิภ. ๒๑๙ อาทโย) ปน มนินฺทฺริยานนฺตรํ ชีวิตินฺทฺริยํ วุตฺตํ, ตํ ปุริมปจฺฉิมานํ อชฺฌาตฺติกพาหิรานํ อนุปาลกภาวทีปนตฺถํ เตส มชฺเฌ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยฺจ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขํ. ยาว จ ทุวิธตฺตภาวานุปาลกสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส ปวตฺติ, ตาว ทุกฺขภูตานํ เอเตสํ เวทยิตานํ อนิวตฺตีติ าปนตฺถํ, เตน จ จกฺขาทีนํ ทุกฺขานุพนฺธตาย ปริฺเยฺยตํ าเปติ. ปฏิปตฺติทสฺสนตฺถนฺติ ปุพฺพภาคปฏิปตฺติทสฺสนตฺถํ. ตสฺเสวาติ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยสฺเสว. ตโต อนนฺตรํ ภาเวตพฺพตฺตาติ ภาวนามคฺคสมฺปยุตฺตํ อฺินฺทฺริยํ สนฺธาย วุตฺตํ. ทสฺสนานฺตรา หิ ภาวนาติ.

เภโทติ อิธ สภาวโต เภโท อธิปฺเปโต, น ภูมิปุคฺคลาทิวเสนาติ อาห ‘‘เสสานํ อเภโท’’ติ. นนุ จ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อนุปาลนลกฺขณํ สภาโว, เตนสฺส ทุวิธสฺสาปิ อเภโทติ? สจฺจเมตํ, ตสฺส ปน รูปารูปสภาวกโต เภโท คหิโต, น เอวํ เสสานํ โกจิ เภโท อตฺถีติ เตสํ อเภโทติ เภทาภาโว วุตฺโต. นนุ เจตฺถ เวทนา, ปฺา จ ภินฺทิตฺวา วุตฺตาติ? น, ยถา เทสิเตสุ พาวีสติยา อินฺทฺริเยสุ เภทาเภทสฺส อธิปฺเปตตฺตา.

๕๒๗. จกฺขุนฺทฺริยาทีนํ สติปิ ปุเรชาตาทิปจฺจยภาเว อินฺทฺริยปจฺจยภาเวน สาเธตพฺพเมว กิจฺจํ กิจฺจนฺติ วุตฺตํ ตสฺส อนฺสาธารณตฺตา, อินฺทฺริยกถาย จ อธิกตตฺตา. อตฺตโน ติกฺขมนฺทาทิอากาโร อตฺตากาโร, ตสฺส อนุวตฺตาปนํ อตฺตาการานุวตฺตาปนํ. เตนาห ‘‘ติกฺขมนฺทาทิสงฺขาตอตฺตาการานุวตฺตาปน’’นฺติ. อถ วา ติกฺขมนฺทาทิสงฺขาตสฺส จ อตฺตาการสฺส จ อนุวตฺตาปนํ ติกฺข…เป… วตฺตาปนํ. วิสุํ อตฺตาการคฺคหเณน เจตฺถ รูปาวภาสนาทิกสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. จกฺขุนฺทฺริยสฺส หิ รูปาภิหนนโยคฺยตาสงฺขาเต รูปาวภาสนสามตฺถิเย อสติ น กทาจิปิ จกฺขุวิฺาณสฺส ทสฺสนกิจฺจํ สมฺภวติ. เอส นโย โสตินฺทฺริยาทีสุปิ. ปุพฺพงฺคมภาเวน มนินฺทฺริยสฺส วสาวตฺตาปนํ โหติ, น อฺเสํ. ตํสมฺปยุตฺตานิปิ หิ อินฺทฺริยานิ ตพฺพเสเนว หุตฺวา อตฺตโน อตฺตโน อินฺทฺริยกิจฺจํ สาเธนฺติ เจตสิกภาวโต, น เตสํ วเสน มนินฺทฺริยํ. อยฺหิสฺส ปุพฺพงฺคมตา. สพฺพตฺถ จ อินฺทฺริยปจฺจยภาเวน สาเธตพฺพนฺติ อธิกาโร อนุวตฺตตีติ ทฏฺพฺโพ. สติปิ อนุปฺปาทเน, อนุปตฺถมฺภเน จ ตปฺปจฺจยานํ ตปฺปวตฺตเน นิมิตฺตภาโว อนุวิธานํ.

ฉาเทตฺวา ผริตฺวา อุปฺปชฺชมานา สุขทุกฺขเวทนา สหชาตธมฺเม อภิภวิตฺวา อชฺโชตฺถริตฺวา สยเมว ปากฏา โหติ, สหชาตธมฺมา จ ตสฺสา วเสน สุขทุกฺขพาวปฺปตา วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘ยถาสกํ โอฬาริกาการานุปาปน’’นฺติ. อสนฺตสฺส, อปณีตสฺสปิ อกุสลตพฺพิปากาทิสมฺปยุตฺตสฺส ยถารหํ มชฺฌตฺตาการานุปาปนํ โยเชตพฺพํ. สมานชาติเยหิ วา สุขทุกฺเขหิ สนฺตปณีตาการานุปาปนํ ทฏฺพฺพํ. ปฏิปกฺขาภิภวนนฺติ อสฺสทฺธิยาทิปฏิปกฺขาภิภวนํ. ปสนฺนาการาทาติ ปสนฺนปคฺคหิตอุปฏฺิตสมาหิตทสฺสนาการานุปาปนํ ยถากฺกมํ สทฺธาทีนํ. พฺยาปาทาทีติ อาทิ-สทฺเทน อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ คหิตานิ. มคฺคสมฺปยุตฺตสฺเสว จ อฺินฺทฺริยสฺส กิจฺจํ ทสฺสิตํ. เตเนว จ ผลสมฺปยุตฺตสฺส ตํตํสํโยชนปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิปหานกิจฺจตา ทสฺสิตา โหตีติ. กตสพฺพกิจฺจสฺส อฺาตาวินฺทฺริยํ อฺสฺส กาตพฺพสฺส อภาวา อมตาภิมุขเมว ตพฺภาวปจฺจโย จ โหติ, น อิตรานิ วิย กิจฺจนฺตรปสุตํ. เตนาห ‘‘อมตาภิมุขภาวปจฺจยตา จา’’ติ.

๕๒๘. ภูมิโต วินิจฺฉโย อุตฺตานตฺโถ เอว. เอตฺถาห – กสฺมา ปน เอตฺตเกเนว อินฺทฺริยานิ วุตฺตานิ, เอตานิ เอว จ วุตฺตานีติ? อาธิปจฺจฏฺวเสน, อาธิปจฺจํ นาม อิสฺสริยนฺติ วุตฺตเมเวตํ. ตยิทํ อาธิปจฺจํ อตฺตโน อตฺตโน กิจฺเจ, ผเล จาติ อฺเสมฺปิ สภาวธมฺมานํ กสฺมา น ลพฺภติ? ปจฺจยาธีนวุตฺติกา หิ ปจฺจยุปฺปนฺนาติ สิยา ผลเหตุธมฺเมสุ อนุวตฺตนานุวตฺตนียตาติ? สจฺจเมตํ, ตถาปิ อตฺถิ เตสํ วิเสโส. สฺวายํ ‘‘จกฺขุวิฺาณาทิปฺปวตฺติยฺหิ จกฺขาทีนํ สิทฺธมาธิปจฺจ’’นฺติอาทินา (วิภ. อฏฺ. ๒๑๙) อฏฺกถายํ ทสฺสิโตเยว. อปิจ ขนฺธปฺจเก ยายํ สตฺตปฺตฺติ, ตสฺสา วิเสสนิสฺสโย ‘‘ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานี’’ติ ตานิ ตาว อาธิปจฺจตฺตํ อุปาทาย ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ…เป…มนินฺทฺริย’’นฺติอาทิโต (วิภ. ๒๑๙) วุตฺตานิ. สฺวายํ อตฺตภาโว อิเมสํ วเสน ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ สมฺํ ลภตีติ ทสฺสนตฺถํ ภาวทฺวยํ. ตยิเม อุปาทินฺนธมฺมา เยน ธมฺเมน ปวตฺตนฺติ, อยํ โส ธมฺโม เตสํ ิติเหตูติ ทสฺสนตฺถํ ชีวิตินฺทฺริยํ. สฺวายํ สตฺตสฺิโต ธมฺมปุฺโช ปพนฺธวเสน ปวตฺตมาโน อิมาหิ เวทนาหิ สํกิลิสฺสตีติ ทสฺสนตฺถํ เวทนาปฺจกํ. ตโต วิสุทฺธิกามานํ โวทานสมฺภารทสฺสนตฺถํ สทฺธาทิปฺจกํ. สมฺภวโวทานสมฺภารา อิเมหิ วิสุชฺชนฺติ, วิสุทฺธิปฺปตฺตา นิฏฺิตกิจฺจาว โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยาทีนิ ตีณิ วุตฺตานิ. สพฺพตฺถ ‘‘อาธิปจฺจตฺตํ อุปาทายา’’ติ ปทํ โยเชตพฺพํ. เอตฺตาวตา อธิปฺเปตตฺถสิทฺธีติ อฺเสํ อคฺคหณํ.

อถ วา ปวตฺตินิวตฺตีนํ นิสฺสราทิทสฺสนตฺตมฺปิ เอตานิเยว วุตฺตานิ. ปวตฺติยา หิ วิเสสโต มูลนิสฺสยภูตานิ ฉ อชฺฌตฺติกายตนานิ. ยถาห ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน’’ติอาทิ (สุ. นิ. ๑๗๑). ตสฺส อุปฺปตฺติ อิตฺถิปุริสินฺทฺริเยหิ วิสภาควตฺถุสราคนิมิตฺเตหิ เยภุยฺเยน สตฺตกายสฺส อภินิพฺพตฺติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ติณฺณํ โข, มหาราช, สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหติ มาตา จ อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ, มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๐๘; มิ. ป. ๔.๑.๖). อวฏฺานํ ชีวิตินฺทฺริเยน เตน อนุปาเลตพฺพโต. เตนาห ‘‘อายุ ิติ ยปนา ยาปนา’’ติอาทิ (ธ. ส. ๑๙). อุปโภโค เวทนาหิ. เวทนาวเสน หิ อิฏฺาทิสพฺพวิสยูปโภโค. ยถาห ‘‘เวทยติ เวทยตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา เวทนาติ วุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๐). เอวํ ปวตฺติยา นิสฺสยสมุปฺปาทฏฺิติสมฺโภคทสฺสนตฺตํ จกฺขุนฺทฺริยํ ยาว อุเปกฺขินฺทฺริยนฺติ จุทฺทสินฺทฺริยานิ เทสิตานิ. ยถา เจตานิ ปวตฺติยา, เอวํ อิตรานิ นิวตฺติยา. วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิเตน หิ นิพฺพตฺติตานิ สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ นิวตฺติยา นิสฺสโย. อุปฺปาโท อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริเยน ตสฺส นิวตฺติวเสน ปมํ อุปฺปชฺชนโต. อวฏฺานํ อฺินฺทฺริเยน, อุปโภโค อฺาตาวินฺทฺริเยน อคฺคผลสมุปโภคโต. ขีณาสวาหิ วิสวิตาย นิพฺพุติสุขํ ปริภุชฺชนฺติ. เอวมฺปิ เอตานิ เอว อินฺทฺริยานิ เทสิตานิ. เอตฺตาวตา ยถาธิปฺเปตตฺถสิทฺธิโต อฺเสํ อคฺคหณํ. อิมินาว เนสํ เทสนากฺกโมปิ สํวณฺณิโตติ เวทิตพฺโพติ.

อินฺทฺริยนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

สจฺจวิตฺถารกถาวณฺณนา

๕๒๙. อริยสทฺเทน วิเสสนํ อกตฺวา เกวลํ สจฺจสทฺเทน อุทฺธิฏฺานิปิ อริยสจฺจานิ เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สจฺจานีติ จตฺตาริ อริยสจฺจานี’’ติ อาท. สมาฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺติ, วิเสสตฺถินา จ วิเสโส อนุปยุชฺชิตพฺโพติ. อริยสจฺเจสุ วา วิจาริเตสุ อิตรานิปิ อตฺถโต วิจาริตาเนว โหนฺตีติ วิปสฺสนาย จ ภูมิภูตานิ, อริยสจฺจาเนวาติ จ กตฺวา ‘‘สจฺจานี’’ติ อุทฺธริตฺวาปิ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานี’’ติ วุตฺตํ.

สาสนกฺกโมติ อริยสจฺจานิ วุจฺจนฺติ, อริยสจฺจเทสนา วา. สกลฺหิ สาสนํ ภควโต วจนํ สจฺจวินิมุตฺตํ นตฺถิ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุสนฺทสฺสนวเสน ปวตฺตนโต. ตสฺมา สจฺเจสุ กมติ, สีลสมาธิปฺาสงฺขาตํ วา สาสนํ เอเตสุ กมติ, ปริฺาทิกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตติ, ตสฺมา กมติ เอตฺถาติ กโม, กึ กมติ? สาสนํ. สาสนสฺส กโม ‘‘สาสนกฺกโม’’ติ สจฺจานิ สาสนปฺปวตฺติฏฺานานิ วุจฺจนฺติ, ตํเทสนา จ ตพฺโพหาเรนาติ.

ตถาติ ตํสภาวา ทุกฺขาทิสภาวา. อวิตถาติ อมุสาสภาวา พาธนาทิภาเวน ภูตสภาวา. อนฺถาติ อฺาการรหิตา อพาธนาทิอาการวิวิตฺตา. ทุกฺขทุกฺขตาตนฺนิมิตฺตตาหิ อธิฏฺิตตฺตา ปีฬนฏฺโ. สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตภาโว สงฺขตฏฺโ. ทุกฺขทุกฺขตาตนฺนิมิตฺตตาหิ ปริทหนํ, กิเลสทาหสมาโยโค วา สนฺตาปฏฺโ. ชราย, มรเณน จาติ ทฺเวทา วิปริณาเมตพฺพตา วิปริณามฏฺโ. เอตฺถ จ ปีฬนฏฺโ ทุกฺขสฺส สรเสเนว อาวิภวนากาโร, อิตเร ยถากฺกมํ สมุทยมคฺคนิโรธทสฺสเนหิ อาวิภวนาการาติ อยํ จตุนฺนมฺปิ วิเสโส. ตตฺรตฺราภินนฺทนวเสน พฺยาปิตฺวา อูหนํ ราสิกรณํ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตนํ อายูหนํ อาการสฺส พฺยาปนตฺถตฺตา. อาคจฺฉติ สมุทยโตติ วา อายํ, ทุกฺขํ, ตสฺส อูหนํ ปวตฺตนํ อายูหนํ, อยํ สรเสเนว อาวิภวนากาโร. นิททาติ ทุกฺขนฺติ นิทานํ, ‘‘อิทํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ สมฺปฏิจฺฉาเปนฺตํ วิย สมุฏฺาเปตีติ อตฺโถ. อยํ นิทานฏฺโ ทุกฺขทสฺสเนน อาวิภวนากาโร. สํสารทุกฺเขน สํโยชนํ สํโยคฏฺโ. มคฺคาธิคมนนิวารณํ ปลิโพธฏฺโ. อิเม จ สํโยคปลิโพธฏฺา นิโรธมคฺคทสฺสเนหิ อาวิภวนาการา. นิสฺสรนฺติ สตฺตา เอตฺถ, สยเมว วา นิสฺสฏํ วิสํยุตฺตํ สพฺพสงฺขเตหิ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคภาวโตติ นิสฺสรนํ. อยมสฺส สภาเวน อาวิภวนากาโร, อิตเร วิเวกาสงฺขาตามตฏฺฏา, สมุทยกฺขรอปจฺจยอวินาสิตา วา สมุทยมคฺคทุกฺขทสฺสเนน อาวิภวนาการา.

สํสารโต นิคฺคมนํ นิยฺยานํ. อยมสฺส สรเสน อาวิภวนากาโร. ปริโพธูปจฺเฉทเนน นิพฺพานาธิคโมว นิพฺพานนิมิตฺตตฺตา มคฺคสฺส เหตุฏฺโ. ปฺาปธานตฺตา จสฺส นิพฺพานทสฺสนํ, จตุสจฺจทสฺสนํ วา ทสฺสนฏฺโ. จตุสจฺจทสฺสเน, กิเลสทุกฺขสนฺตาปวูปสมเน จ อาธิปจฺจํ กโรนฺติ มคฺคธมฺมา สมฺปยุตฺตธมฺเมสูติ โส มคฺคสฺส อาธิปเตยฺยฏฺโ. วิเสสโต วา อาลมฺพนาธิปติภูตา มคฺคธมฺมา โหนฺติ ‘‘มคฺคาธิปติโน’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๖) วจนโตติ โส เตสํ อากาโร อาธิปเตยฺยฏฺโ. เอเต เหตุทสฺสนาธิปเตยฺยฏฺา สมุทยนิโรธทุกฺขทสฺสเนหิ อาวิภวนาการา. เอวมาทิ อาหาติ สมฺพนฺโธ. อภิสมยฏฺโติ อภิสเมตพฺพฏฺโ. อภิสมยสฺส วา วิสยภูโต อตฺโถ อภิสมยฏฺโ. อถ วา อภิสมยสฺส ปวตฺติอากาโร อภิสมยฏฺโ. โส เจตฺถ อภิสเมตพฺเพน ปีฬนาทินา ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺโพ.

๕๓๐. กุจฺฉิตํ ขํ ทุกฺขํ, คารยฺหํ หุตฺวา อสารนฺติ อตฺโถ.

‘‘สมาคโม สเมต’’นฺติอาทีสุ เกวลสฺส อาคมสทฺทสฺส, เอต-สทฺทสฺส จ ปโยเค สํโยคตฺถสฺส อนุปลพฺภนโต, สํ-สทฺทสฺส จ สํโยเค อุปลพฺภนโต ‘‘สํโยคํ ทีเปตี’’ติ อาห อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ ตทตฺถโชตกตาสิทฺธิโต. อุปฺปนฺนํ อุทิตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อย-สทฺโท คติอตฺเถ สิทฺโธ เหตุสทฺโทวิย การณํ ทีเปติ. อตฺตโน ผลนิปฺผาทเนน อยติ ปวตฺตติ, เอติ วา เอตสฺมา ผลนฺติ อโยติ, สํโยเค อุปฺปตฺติการณํ สมุทโยติ. เอตฺถ วิสุํ ปยุชฺชมานาปิ อุปสคฺคสทฺทา สธาตุกํ สํโยคตฺถํ, อุปฺปาทตฺถฺจ ทีเปนฺติ, กิริยาวิเสสกตฺตาติ เวทิตพฺพา.

‘‘อภาโว เอตฺถ โรธสฺสาติ นิโรโธ’’ติ เอเตน นิพฺพานสฺส ทุกฺขวิวิตฺตภาวํ ทสฺเสติ. สมธิคเต ตสฺมึ ตทธิคมโต ปุคฺคลสฺส โรธาภาโว ปวตฺติสงฺขาตสฺส โรธสฺส ปฏิปกฺขภูตาย นิวตฺติยา อธิคตตฺตาติ. เอตสฺมิฺจ อตฺเถ อภาโว เอตสฺมึ โรธสฺสาติ นิโรโธ อิจฺเจว ปทสมาโส. ทุกฺขาภาโว ปเนตฺถ ปุคฺคลสฺส, น นิพฺพานสฺเสว. อนุปฺปาโท เอว นิโรโธ อนุปฺปาทนิโรโธ. อายตึ ภวาทีสุ อปฺปวตฺติ, น ปน ภงฺโคติ ภงฺควาจกํ นิโรธสทฺทํ นิวตฺเตตฺวา อนุปฺปาทวาจกํ คณฺหาติ. เอตสฺมึ อตฺเถ การเณ ผลูปจารํ กตฺวา นิโรธปจฺจโย นิโรโธติ วุตฺโต.

ปฏิปทา จ โหติ ปุคฺคลสฺส ทุกฺขนิโรทปฺปตฺติยา. นนุ จ สา เอว ทุกฺขนิโรทปฺปตฺตีติ ตสฺสา เอว สา ปฏิปทาติ น ยุชฺชตีติ? น ปุคฺคลาธิคมสฺส ปตฺติภาเวน, เยหิ โส อธิคจฺฉติ, เตสํ การณภูตานํ ปฏิปทาภาเวน จ วุตฺตตฺตา. สจฺฉิ กิริยาสจฺฉิกรณธมฺมานฺหิ อฺตฺถาภาเวปิ ปุคฺคลสจฺฉิกิริยาธมฺมภาเวหิ นานตฺตํ กตฺวา นิทฺเทโส กโตติ. อถ วา ยํ ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา นิฏฺานํ ผลํ, สยฺจ ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติภูตํ, ตสฺส อภิสมยภูตาย ทุกฺขนิโรธปฺปตฺติยา ปฏิปทตา ทฏฺพฺพา.

๕๓๑. พุทฺธาทโย อริยา ปฏิวิชฺฌนฺตีติ เอตฺถ ปฏิวิทฺธกาเล ปวตฺตํ พุทฺธาทิโวหารํ ‘‘อคมา ราชคหํ พุทฺโธ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๔๑๐) วิย ภาวินิ ภูเต วิย อุปจาโรติ ปุริมกาเลปิ อาโรเปตฺวา ‘‘พุทฺธาทโย’’ติ วุตฺตํ. เต หิ พุทฺธาทโย จตูหิ มคฺเคหิ ปฏิวิชฺฌนฺตีติ. ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตีติ เอตฺถ อริยปฏิวิชฺฌิตพฺพานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานีติ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลโป อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตีติ อตฺโถ. ตถาคเตน หิ สยํ อธิคตตฺตา, ปเวทิตตฺตา, ตโต เอว จ อฺเหิ อธิคมนีรตฺตา ตานิ ตสฺส โหนฺตีติ. อริยภาวสิทฺธิโตปีติ เอตฺถ อริยสาธกานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานีติ ปุพฺเพ วิย อุตฺตรปทโลโป ทฏฺพฺโพ. อริยานิ สจฺจานีติปีติ เอตฺถ อวิตถภาเวน อรณียตฺตา อธิคนฺตพฺพตฺตา อริยานิ, อริยสมฺา วา อวิสํวาทเก อวิตเถ นิรุฬฺหา ทฏฺพฺพา.

๕๓๒. พาธนลกฺขณนฺติ เอตฺถ ทุกฺขทุกฺขตนฺนิมิตฺตภาโว, อุทยวยปฏิปีฬิตภาโว วา พาธนํ. ภวาทีสุ ชาติอาทิวเสน, จกฺขุโรคาทิวเสน จ อเนกทา ทุกฺขสฺส ปวตฺตนเมว ปุคฺคลสฺส สนฺตาปนํ, ตทสฺส กิจฺจํ รโสติ สนฺตาปนรสํ. ปวตฺตินิวตฺตีสุ สํสารวิโมกฺเขสุ ปวตฺติ หุตฺวา คยฺหตีติ ปวตฺติปจฺจุปฏฺานํ. ปภวติ เอตสฺมา ทุกฺขํ นิพฺพตฺตติ, ปุริมภเวน ปจฺฉิมภโว ฆฏิโต สํยุตฺโต หุตฺวา ปวตฺตตีติ ปภาโว. ‘‘เอวมฺปิ ตณฺหานุสเย อนูหเต, นิพฺพตฺตติ ทุกฺขมิทํ ปุนปฺปุน’’นฺติ (ธ. ป. ๓๓๘; เนตฺติ. ๓๐) เอวํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทนํ อนุปจฺเฉทกรณํ. ภวนิสฺสรณนิวารณํ ปลิโพโธ. ตณฺหกฺขยาทิภาเวน สพฺพทุกฺขสนฺตตา สนฺติ. อจฺจุติรสนฺติ อจฺจุติสมฺปตฺติกํ อจวนกิจฺจํ วา. กิจฺจนฺติ จ จวนาภาวํ กิจฺจมิว กตฺวา ปริยาเยน วุตฺตํ, อจวนฺจสฺส สภาวาปริจฺจชนํ อวิการิตา ทฏฺพฺพา. ปฺจกฺขนฺธนิมิตฺตสุฺตาย อวิคฺคหํ หุตฺวา คยฺหตีติ อนิมิตฺตปจฺจุปฏฺานํ. อนุสยสมุจฺฉินฺทเนน สํสารจารกโต นิคฺคมนูปายภาโว นิยฺยานํ. สพฺพกิเลสานํ อนุปฺปาทนิโรธนํ กิเลสปฺปหานกรณํ. นิมิตฺตโต, ปวตฺตโต จ จิตฺตสฺส วุฏฺานํ หุตฺวา คยฺหตีติ วุฏฺานปจฺจุปฏฺานํ.

๕๓๓. อสุวณฺณาทิ สุวณฺณาทิ วิย ทิสฺสมานํ มายาติ วตฺถุสพฺภาวา ตสฺสา วิปรีตตา วุตฺตา. อุทกํ วิย ทิสฺสมานา ปน มรีจิ อุปคตานํ ตุจฺฉา. วตฺถุมตฺตมฺปิ ตสฺสา น ทิสฺสตีติ วิสํวาทิกา วุตฺตา. มรีจิมายาอตฺตวิธุโร ภาโว ตจฺฉาวิปรีตภูตภาโว. อริยาณสฺสาติ อริยสฺส อวิตถคฺคาหกสฺส าณสฺส, เตน ปฏิเวธาณํ วิย ปจฺจเวกฺขณาณมฺปิ คหิตํ โหติ. เตสํ โคจรภาโว ปฏิวิชฺชิตพฺพตา, อารมฺมณภาโว จ ทฏฺพฺโพ. อคฺคิลกฺขณํ อุณฺหตฺตํ. ตฺหิ กตฺถจิ กฏฺาทิอุปาทานเภเท วิสํวาทกํ, วิปรีตํ, อภูตํ วากทาจิปิ น โหติ. ‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน’’ติ (อ. นิ. ๓.๓๙; ๕.๕๗) เอวํ วุตฺตา ชาติอาทิกา โลกปกติ. เอกจฺจานํ ติรจฺฉานานํ ติริยํ ทีฆตา, มนุสฺสาทีนํ อุทฺธํ ทีฆตา, วุทฺธินิฏฺํ ปตฺตานํ ปุน อวฑฺฒนนฺติ เอวมาทิกา จ โลกปกตีติ วทนฺติ. ตจฺฉาวิปรีตภูตภาเวสุ ปจฺฉิโม ตถตา. ปโม อวิตถตา, มชฺฌิโม อนฺตตาติ อยเมเตสํ วิเสโส,

ทุกฺขา อฺํ น พาธก นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตณฺหาปิ ชาติ วิย ทุกฺขนิมิตฺตตาย พาธิกาติ? น, พาธกปฺปภวภาเวน วิสุํ คหิตตฺตา. เอวมฺหิ ปวตฺติ, ปวตฺติเหตุ จ อสงฺกรโต โพธิตา โหนฺติ. อถ วา ชาติอาทีนํ วิย ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาโว, ทุกฺขทุกฺขตา จ พาธกตา, น ทุกฺขปฺปภวตาติ นตฺถิ ตณฺหาย ปภวภาเวน วิสุํ คหิตาย พาธกภาวปสงฺโค. เตนาห ‘‘ทุกฺขา อฺํ น พาธก’’นฺติ. พาธกตฺตนิยาเมนาติ ทุกฺขํ พาธกเมว, ทุกฺขเมว พาธกนฺติ เอวํ ทฺวิธาปิ พาธกตฺตาวธารเนนาติ อตฺโถ. พาธกตฺตนิยาเมนาติ หิ พาธกสฺส, พาธกตฺเต จ นิยาเมน. ยตา พาธกตฺตสฺส ทุกฺเข นิยตตา, เอวํ ทุกฺขสฺส จ พาธกตฺเต นิยตตาติ.

ตํ วินา นาฺโตติ สติปิ อวเสสกิเลสอวเสสากุสลสาสวกุสลมูลาวเสสสาสวกุสลธมฺมานํ ทุกฺขเหตุภาเว น ตณฺหาย วินา เตสํ ทุกฺขเหตุภาโว อตฺถิ, เตหิ ปน วินาปิ ตณฺหาย ทุกฺขเหตุภาโว อตฺถิ กุสเลหิ วินา อกุสเลหิ รูปาวจราทิกุสเลหิ วินา กามาวจราทีหิ จ ตณฺหาย ทุกฺขนิพฺพตฺตกตฺตา. สนฺตภาวสฺส, สนฺตภาเว วา นิยาโม สนฺตภาวนิยาโม, เตน สนฺตภาวนิยาเมน. ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตาติ ทฺวิธาปิ นิยาเมน ตจฺโฉ นิยฺยานภาโว เอตสฺส, น มิจฺฉามคฺคสฺส วิย วิปรีตตาย, น โลกิยมคฺคสฺส วิย วา อเนกนฺติกตาย อตจฺโฉติ ตจฺฉนิยฺยานภาโว, มคฺโค, ตสฺส ภาโว ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตํ, ตสฺมา ตจฺฉนิยฺยานภาวตฺตา. สพฺพตฺถ ทฺวิธาปิ นิยาเมน ตจฺฉาวิปรีตภูตภาโว วุตฺโตติ อาห ‘‘อิติ ตจฺฉาวิปลฺลาสา’’ติอาทิ.

๕๓๔. สจฺจสทฺทสฺส สมฺภวนฺตานํ อตฺถานํ อุทฺธรณํ, สมฺภวนฺเต วา อตฺเถ วตฺวา อธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส อุทฺธรณํ นิทฺธารณํ อตฺถุทฺวาโร. วิรติสจฺเจติ มุสาวาทวิรติยํ. น หิ อฺวิรตีสุ สจฺจสทฺโท นิรุฬฺโห. เย ปน ‘‘วิรติสจฺจํ สมาทานวิรตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ น สมาทานมตฺตํ วิรติสจฺจํ, อถ โข สมาทานาวิสํวาทนํ. ตํ ปน ปฏิฺาสจฺจํ มุสาวาทวิรติเยว โหติ. ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๒-๒๐๓, ๔๒๗; ๓.๒๗-๒๙) ปวตฺตา ทิฏฺิ ‘‘สจฺจ’’นฺติ อภินิวิสนวุตฺติยา ทิฏฺิสจฺจํ. อโมสธมฺมตฺตา นิพฺพานํ ปรมตฺถสจฺจํ. ‘‘อโมสธมฺมํ นิพฺพานํ, ตทริยา สจฺจโต วิทู’’ติ (สุ. นิ. ๗๖๓) หิ วุตฺตํ, ตสฺส ปน ตํสมฺปาปกสฺส จ มคฺคสฺส ปชานนา ปฏิเวโธ อวิวาทการณนฺติ ทฺวยมฺปิ ‘‘เอกํ หิ สจฺจํ น ทุติยมตฺถิ, ยสฺมึ ปชา โน วิวเท ปชาน’’นฺติ อิมิสฺสา (สุ. นิ. ๘๙๐; มหานิ. ๑๑๙) คาถาย ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ.

๕๓๕. ‘‘เนตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ อาคจฺเฉยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ เอเตน ชาติอาทีนํ ทุกฺขอริยสจฺจภาเว อวิปรีตตํ ทสฺเสติ เอกนฺเตเนว พาธกภาวโต. ‘‘อฺํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ อาคจฺเฉยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ อิมินา ทุกฺขอริยสจฺจภาวสฺส ชาติอาทีสุ นิยตตํ ทสฺเสติ อนฺตฺถภาวโต. สเจปิ กถฺจิ โกจิ เอวํจิตฺโต อาคจฺเฉยฺย, ปฺาปเน ปน สหธมฺเมน าปเน อตฺตโน วาทสฺส ปติฏฺาปเน สมตฺโถ นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อหเมตํ…เป… ปฺเปสฺสามีติ อาคจฺเฉยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. ชาติอาทีนํ อนฺถตา อฺสฺส จ ตตาภูตสฺส อภาโวเยเวตฺถ านาภาโว. สเจปิ โกจิ อาคจฺเฉยฺย อาคจฺฉตุ, านํ ปน นตฺถีติ อยเมตฺถ สุตฺตตฺโถ. เอส นโย ทุติยสุตฺเตปิ. ตตฺถ ปน อตฺตภาวปฏิลาเภเนว สตฺตานํ ชาติอาทีนํ ปตฺติ, สมฺมุขีภาโว จ โหตีติ สมฺปตฺตตฺตา, ปจฺจกฺขตา จ ปมตา, ยโต ตํ ภควตา ปมํ เทสิตํ, ตนฺนิมิตฺตตา ทุติยตา, ตทุปสมตา ตติยตา, ตํสมฺปาปกตา จตุตฺถตาติ ทฏฺพฺพา.

‘‘เอตปรมโต’’ติ เอเตน จตูหิ อริยสจฺเจหิ ปวตฺติอาทีนํ อนวเสสปริยาทานมาห. นิพฺพุติกาเมน ปริชานนาทีหิ อฺํ กิฺจิ กิจฺจํ กาตพฺพํ นตฺติ, ธมฺมาณกิจฺจํ วา อิโต อฺํ นตฺถิ, ปริฺเยฺยาทีนิ จ เอตปรมาเนวาติ จตฺตาริเยว วุตฺตานิ. ตณฺหาย อาทีนวทสฺสาวีนํ วเสน ตณฺหาวตฺถุอาทีนํ เอตปรมตายาติ วุตฺตํ. ตถา อาลเย ปฺจกามคุณสงฺขาเต, สกลวตฺถุกามสงฺขาเต, ภวตฺตยสงฺขาเต วา ทุกฺเข โทสทสฺสาวีนํ วเสน อาลยาทีนํ เอเตปรมตายาติ วุตฺตํ.

๕๓๖. ‘‘โอฬาริกตฺตา’’ติ อิทํ ชาติอาทีนํ ทุกฺขภาวสฺส ปจุรชนปากฏตามตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อริเยน าเณน ปฏิวิชฺฌิตพฺพาการํ. นฺติ ทุกฺขํ. อกตนฺติ อนิพฺพตฺติตํ, อนิปฺผาทิตการณนฺติ อธิปฺปาโย. การเณ หิ สิทฺเธ ผลํ สิทฺธเมว โหติ. ‘‘เนว อกตํ อาคจฺฉตี’’ติ จ อิมินา อเหตุวาทํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘น อิสฺสรนิมฺมานาทิโต’’ติ เอเตน ปชาปติปุริสปกติกาลาทิวาเท ปฏิกฺขิปติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ‘‘สเหตุเกน ทุกฺเขนา’’ติ เอเตน ทุกฺขทสฺสเนน ชนิตสฺส สํเวคสฺส สํวฑฺฒนมาห. ทุกฺขสฺส หิ สเหตุกภาวสวเสน พลวสํเวโค ชายติ ยาวายํ เหตุ, ตาว อิทํ ทุกฺขํ อวิจฺเฉเทน ปวตฺตตีติ. อสฺสาสชนนตฺถํ นิโรธนฺติ สํเวคชาตสฺส อสฺสาสํ ชเนตุํ นิโรธสจฺจมาห. นิพฺพินฺนสํสารทุกฺขสฺส หิ นิโรธกถา วุจฺจมานา อติวิย อติวิย อสฺสาสํ สฺชเนติ.

๕๓๗. เย เต ชาติอาทโย ธมฺมา ภควตา วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. กสฺมา ปเนตฺถ พฺยาธิ น คหิโตติ? อเนกนฺตภาวโต. ตถา หิ โส กทาจิ, เกสฺจิ จ นตฺถิ. ยถาห ‘‘ตโย โรคา ปุเร อาสุํ, อิจฺฉา อนสนํ ชรา’’ติ (สุ. นิ. ๓๑๓). พากุลตฺเตราทีนํ โส นาโหสิเยว, ทุกฺขคฺคหเณน วา พฺยาธิ เอตฺถ หิโตวาติ ทฏฺพฺพํ. ปรมตฺถโต หิ ธาตุกฺโขภปจฺจยํ กายิกํ ทุกฺขํ พฺยาธีติ. อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ เอกํ โกฏฺาสํ กตฺวา ‘‘ทฺวาทส ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. กามตณฺหาภาวสามฺเน เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจ’’นฺติ อฺเ อนฺโตคธเภเท อนามสิตฺวา เอกรูเปน คหิตาปิ ตณฺหา สสฺสตทิฏฺิสหคตา, อุจฺเฉททิฏฺิสหคตา, ทิฏฺิวิรหิตา เกวลํ กามสฺสาทภูตา จาติ ติธาว ภินฺทิตฺวา วุตฺตา. ‘‘อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ มคฺคสจฺจภาเวน เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตาปิ สภาวโต ภินฺนา เอว เต ธมฺมาติ อาห ‘‘อฏฺ ธมฺมา’’ติ.

สจฺจนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุกฺขนิทฺเทสกถาวณฺณนา

ชาตินิทฺเทสวณฺณนา

ภเวติ อาทานนิกฺเขปปริจฺฉินฺโน ธมฺมปฺปพนฺโธ ภโว, ตสฺมึ ภเว. โส หิ ชายติ เอตฺถ โยนิคติอาทิวิภาโคติ ชาตีติ วุจฺจติ, ชายนฺติ เอตฺถ สตฺตา สมานนฺวยาติ ชาติ, นิกาโย. สงฺขตลกฺขเณติ ยตฺถ กตฺถจิ อุปฺปาเท. โส หิ ชนนฏฺเน ชาติ. ปฏิสนฺธิยนฺติ ปฏิสนฺธิจิตฺตกฺขเณ. สมฺปาติชาโตติ เอตฺถ ชาติสทฺเทน ลพฺภมานํ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนสงฺขาตํ ชายนตฺถํ สนฺธายาห ‘‘ปสูติย’’นฺติ, อภิชาติยนฺติ อตฺโถ. ชายติ เอตาย ขตฺติยาทิสมฺาติ ชาติ, กุลํ.

๕๓๘. สยนฺติ เอตฺถาติ เสยฺยา, มาตุกุจฺฉิสงฺขาโต คพฺโภ เสยฺยา เอเตสนฺติ คพฺภเสยฺยกา, อณฺฑชา, ชลาพุชา จ. อิตเรสนฺติ สํเสทชานํ, โอปปาติกานฺจ. อยมฺปิ จาติ ‘‘ปฏิสนฺธิขนฺเธสฺเววา’’ติ อนนฺตรํ วุตฺตกถาปิ, ปเคว ‘‘ปฏิสนฺธิโต ปฏฺายา’’ติ วุตฺตกถายํ. เตนาห ‘‘เตสํ เตสํ ปมปาตุภาโว ชาตี’’ติ.

อุมฺมุชฺชนวเสน คยฺหตีติ อุมฺมุชฺชนปจฺจุปฏฺานํ. วกฺขมานวิภาคํ ทุกฺขวิจิตฺตตํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ ทุกฺขวิจิตฺตตาปจฺจุปฏฺานา.

๕๓๙. ‘‘กสฺมา ปนา’’ติ วทโต โจทกสฺสายมธิปฺปาโย – เอกนฺตทุกฺเข นิรเย ตาว ชาติทุกฺขา โหตุ, อฺาสุปิ วา ทุคฺคตีสุ ปาปกมฺมสมุฏฺานโต สุขสํวตฺตนิยกมฺมสมุฏฺานาสุ ปน สุคตีสุ กถนฺติ. อิตโร ‘‘นายํ ชาติ สภาวทุกฺขวเสน ทุกฺขาติ วุตฺตา, น หิ กาจิ ปฏิสนฺธิ ทุกฺขเวทนาสมฺปยุตฺตา อตฺถิ, อถ โข ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อเนเกสํ ทุกฺขานํ วตฺถุภาวโต’’ติอาทิมาห. อทุกฺขสภาวมฺปิ ปริยายโต ทุกฺขนฺติ วุจฺจตีติ ทุกฺขสภาวํ ทุกฺขสทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ ยถา รูปรูปนฺติ.

ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโตติ ‘‘อหุ วต เม, ตํ วต นาโหสี’’ติ เจตสิกทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต.

‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๕, ๔๕, ๗๖, ๗๗, ๘๕; ๒.๔.๑, ๔) วจนโต เตภูมกา สงฺขารา สงฺขารทุกฺขํ, ตตฺถ การณมาห ‘‘อุทยพฺพยปฺปฏิปาฬิตตฺตา’’ติ. ยฺหิ อภิณฺหํ ปฏิปีฬิตํ, ตํ ทุกฺขมนตาย ทุกฺขนฺติ, วิปสฺสนาจารสฺส อธิปฺเปตตฺตา เตภูมกคฺคหณํ.

ทุกฺขทุกฺขนฺติ ทุกฺขโทมสฺสุปายาเส วทติ. ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๙๐) ทุกฺขสจฺจวิภงฺเค อาคตํ.

ภควตาปีติ อนาวรณาณวตา อจฺจริยาปริเมยฺยเทสนาโกสลฺลวตา ภควตาปิ. อุปมาวเสนติ องฺคารกาสูปมาทิอุปมาวเสน.

๕๔๐. ปุณฺฑรีกาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน น มณิกนกรชตปวาฬาทิรตนสนฺนิจฺจเย, นาปิ อณฺฑชเมณฺฑชวายชาติเก สุภมนุฺสยนตเล, นาปิ รตนมยกุฏฺฏิมมโนหเร ปาสาทตเล, นาปิ สิตฺตสมฺมฏฺกุสุโมปหารวติ ปาสาทูปจาเร, นาปิ มุตฺตาชาลสทิสวาลิกาวิกิณฺเณ วิวิฏงฺคเณ, นาปิ หริตกมฺพลสทิสมุทุสทฺทลสโมตเล ภูมิภาเคติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ปรมสมฺพาเธติ อติวิย สมฺพาเธ. ติพฺพนฺธกาเรติ พหลนฺธกาเร. ปิตฺตเสมฺหปุพฺพรุหิรคูโถทริยาทิ นานากุณปสมฺพาเธ. มาตา ยทิ วีสติวสฺสา, อถ ตึส, จตฺตาลีสาทิวสฺสา, ตตฺตกํ กาลํ อโธตวจฺจกูปสทิสตาย อธิมตฺตเชคุจฺเฉ. ปูติมจฺฉา ทิ สพฺพํ น สทิสูปมฺมํ ตสฺส วาตาทิวเสน เอกจฺจทุคฺคนฺธาปคมสพฺภาวโต. ทส มาเสติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ, เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ ตโต ภิยฺโยปิ เอกจฺจานํ ตตฺถาวฏฺานสมฺภวโต. อตฺตโน อโธมุขํ ปิตสงฺกุจิตหตฺถทฺวยสฺส อุกฺกุฏิกสฺเสว นิสีทโต สมิชฺชนปฺปสารณาทิรหิโต.

อภิมุขํ กฑฺฒนํ อากฑฺฒนํ. ปริโต สมนฺตโต กฑฺฒนํ ปริกฑฺฒนํ. เหฏฺา ธุนนํ โอธูนนํ. นิธาย นิธาย ธูนนํ นิทฺธูนนํ. อากฑฺฒนาทิสทิสฺเจตฺถ ‘‘อากฑฺฒนาที’’ติ วุตฺตํ. ตรุณวณสทิสํ อติวิย สุขุมาลํ คพฺภคตํ สรีรํ สีตาทิอปฺปกมฺปิ น สหตีติ สีตนรกูปปนฺนตาทิ นิทสฺสิตํ. ตฺหิ ตสฺส อติวิย สีตํ, อติวิย อุณฺหฺจ หุตฺวา อุปติฏฺติ. สรีรํ วาสิยาทีหิ ตจฺเฉตฺวา ขาราวเสจนกรณํ ขาราปฏิจฺฉกํ. ทุกฺขุปฺปตฺติฏฺาเนติ คพฺภาสยสฺิตํ ตติยํ อาวฏฺฏํ สนฺธายาห.

ปริวตฺเตตฺวาติ อุทฺธํปาทอโธสีสภาเวน ปริวตฺเตตฺวา. อิทํ วิชายนมูลกํ ทุกฺขํ, เยน มรณทุกฺเขน จ อฏฺฏิตา เวทนาปฺปตฺตา สตฺตา กติปยมาสมตฺตาติกฺกนฺตมฺปิ ปวตฺตึ วิสฺสรนฺติ, มหนฺธการํ มหาวิทุคฺคํ ปกฺขนฺธา วิย โหนฺติ.

วเธนฺตสฺสาติ โสจนปริเทวนสีสปฏิหนนาทินา พาเธนฺตสฺส. ขุปฺปิปาสา หิ อาตปาวฏฺานาทินา จ อาตาปนํ. ปฺจคฺคิตาปนาทินา ปริตาปนํ.

อิมสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส สตฺตวิธสฺส. สพฺพสฺสาปีติ คพฺภกาลาทีสุ ตาปนมทฺทนาทินิรยคฺคิทาหาทิสฺชนิตสฺส สกลสฺสาปิ. วตฺถุเมว โหติ ตทภาเว อภาวโต. เตเนวาห ‘‘ชาเยถ โน เจ’’ติอาทิ.

๕๔๑. วิจิตฺตนฺติ วิวิธํ, อจฺฉริยํ วา.

อิติ ชาตินิทฺเทสวณฺณนา.

ชรานิทฺเทสวณฺณนา

๕๔๒. สงฺขาตลกฺขณนฺติ ‘‘ิตสฺส อฺถตฺต’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๓๘; อ. นิ. ๓.๔๗; กถา. ๒๑๔) วุตฺตํ ขณิกชรํ สนฺธายาห. ขณฺฑิจฺจาทิสมฺมโตติ ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจวลิตฺตจตาทินา สมฺโต. สาติ ขนฺธปุราณภาวสฺิตา ปากฏชรา. ขนฺธปริปาโก เอกภวปริยาปนฺนานํ ขนฺธานํ ปุราณภาโว.

อิติ ชรานิทฺเทสวณฺณนา.

มรณนิทฺเทสวณฺณนา

๕๔๓. สงฺขตลกฺขณนฺติ สงฺขารานํ วยสฺิตํ ขณิกมรณมาห. ยํ สนฺธายาติ ยํ ขณิกมรณํ สนฺธาย, ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑) เอตฺถ ‘‘มรณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. นฺติ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเจทสฺิตํ ปากฏมรณํ. ‘‘จวน’’นฺติ ลกฺขิตพฺพตาย จุติลกฺขณํ. วิโยครสนฺติ ยถาธิคเตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ วิโยชนรสํ. ยถูปปนฺนาย คติยา วิปฺปวาสวเสน คยฺหตีติ คติวิปฺปวาสปจฺจุปฏฺานํ.

ปาปสฺสาติ ปาปโยเคน ปาปสฺส, อุปจิตปาปกมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ปาปกมฺมาทินิมิตฺตนฺติ ปาปกมฺมกมฺมนิมิตฺตคตินิมิตฺตสงฺขาตํ มรณกาเล อุปฏฺิตํ อกุสลวิปาการมฺมณํ. ตมฺหิ ปสฺสนฺตสฺเสว กสฺสจิ อนุภวนฺตสฺส วิย มหาทุกฺขํ โหติ. ภทฺทสฺสาติ ภทฺทกมฺมสฺส, กตกุสลสฺสาติ อตฺโถ. ตสฺส ปน กามํ อิฏฺเมว อารมฺมณํ อุปฏฺาติ, ปิยวิปฺปโยควตฺถุกํ ปน มหนฺตํ ทุกฺขํ อารมฺมณํ อุปฏฺาติ, ปิยวิปฺปโยควตฺถุกํ ปน มหนฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘อสหนฺตสฺส วิโยคํ ปิยวตฺถุก’’นฺติ. อวิเสสโตติ ปาปสฺส, ภทฺทสฺส จ สามฺโต. ‘‘อวิเสสโต’’ติ วตฺวาปิ ‘‘สพฺเพส’’นฺติ วจนํ ตํ อิทํ ทุกฺขํ ปริมทฺทิตสงฺขารานํ เอกจฺจานํ ขีณาสวานมฺปิ โหติเยวาติ ทสฺสนตฺถํ. วิตุชฺชมานมมฺมานนฺติ สนฺธิพนฺธนาวจฺเฉทกวายุนา วิชฺฌิยมานมมฺมฏฺานานํ.

อิติ มรณนิทฺเทสวณฺณนา.

โสกนิทฺเทสวณฺณนา

๕๔๔. โสติ โสโก. อตฺถโต โทมนสฺสเมว โหติ เจตสิกนฺตราภาวโต. โทมนสฺสวิเสโส ปน โหติ วิสยวิเสเส ปวตฺติอาการวิเสสสพฺภาวโตติ ตํ วิเสสํ ลกฺขณาทิโต ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนฺโต นิชฺฌานํ จิตฺตสนฺตาโป. ปริชฺฌาปนํ ราคโทสปริฬาหวิสิฏฺํ ทหนํ. กตากตกุสลากุสลวิสยํ วิปฺปฏิสารากาเรน ปวตฺตํ อนุโสจนํ กุกฺกุจฺจํ, าติพฺยสนาทิวิสยํ เกวลํ จิตฺตสนฺถาปภูตํ อนุโสจนํ โสโกติ อนุโสจนปจฺจุปฏฺานตฺเตปิ อยเมเตสํ วิเสโส.

วิสปีตํ สลฺลํ วิสสลฺลํ. โสกวเสน อติสาราทิ พฺยาธิปิ โหติ, โสกพหุลสฺส สรีรํ น จิรสฺเสว ชีรติ, พลวโสกาภิภูโต มรณมฺปิ ปาปุณาตีติ อาห ‘‘สมาวหติ จ พฺยาธิชรามรณเภทน’’นฺติ.

อิติ โสกนิทฺเทสวณฺณนา.

ปริเทวนิทฺเทสวณฺณนา

๕๔๕. วจีปลาโปติ วาจาวิปฺปลาโป, โส อตฺถโต สทฺโท เอว. ภิยฺโยติ โสกทุกฺขโต อุปริ. โสกสมุฏฺาโน หิ ปริเทโว.

อิติ ปริเทวนิทฺเทสวณฺณนา.

ทุกฺขนิทฺเทสวณฺณนา

๕๔๖. ชาติอาทีนมฺปิ ยถารหํ ทุกฺขวตฺถุทุกฺขทุกฺขตาหิ สติปิ ทุกฺขภาเว กายสฺส ปีฬนวเสน อิทํ สวิเสสํ ทุกฺขมนฺติ อาห ‘‘ทุกฺขนฺติ วิเสสโต วุตฺต’’นฺติ.

อิติ ทุกฺขนิทฺเทสวณฺณนา.

โทมนสฺสนิทฺเทสวณฺณนา

๕๔๗. มโนวิฆาตรสนฺติ พฺยาปาทสมฺปโยควเสน มนโส วิหฺนกิจฺจํ. เจโตทุกฺขสมปฺปิตาติ เจตสิกทุกฺขสมงฺคิโน. อาวฏฺฏนฺตีติ อามุขํ วฏฺฏนฺติ, ยํทิสาภิมุขํ ปติตา, ตํทิสาภิมุขา เอว วฏฺฏนฺติ. วิวฏฺฏนฺตีติ วิปริวตฺตนวเสน วฏฺฏนฺติ. อุทฺธํปาทํ ปปตนฺตีติ อุทฺธํมุขปาทา หุตฺวา ปตนฺติ. สตฺถํ อาหรนฺตีติ อตฺตโน สรีรสฺส วิชฺฌนเภทนวเสน สตฺถํ อุปเนนฺติ.

อิติ โทมนสฺสนิทฺเทสวณฺณนา.

อุปายาสนิทฺเทสวณฺณนา

๕๔๘. โทโสเยวาติ กายจิตฺตานํ อายาสนวเสน โทสสฺเสว ปวตฺติอากาโรติ อตฺโถ, ยโต ภุโส อายาโสติ อุปายาโสติ วุจฺจติ ยถา ภุสมาทานํ อุปาทานนฺติ. เอโก ธมฺโมติ จุทฺทสหิ อกุสลเจตสิเกหิ อฺโ เอโก เจตสิกธมฺโม, ยํ ‘‘วิสาโท’’ติ จ วทนฺติ. นิตฺถุนนวเสน สมฺปชฺชนโต นิตฺถุนนรโส, กาเย วา นิตฺถุนนกรณกิจฺโจ. ‘‘สงฺขารทุกฺขภาวโต’’ติ วตฺวา โส ปเนตฺถ สาติสโยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘จิตฺตปริทหนโต, กายวิสาทนโต จา’’ติ อาห.

เอเต จ โสกปริเทวุปายาสา วิฺตฺติยา วินา, สห จ ยถาปจฺจยํ โทมนสฺสจิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺติอาการวิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปาโก วิยาติ รชนาทิโน ปจิตพฺพวตฺถุโน ปาโก วิย.

อิติ อุปายาสนิทฺเทสวณฺณนา.

อปฺปิยสมฺปโยคนิทฺเทสวณฺณนา

๕๔๙. สโมธานํ สมาคโม. กายิกทุกฺขจิตฺตวิฆาตาทิอนตฺถานํ อตฺถิภาวสฺส ปจฺจุปฏฺาโน อนตฺถภาวปจฺจุปฏฺาโน.

เตสํ อปฺปิยานํ กายิกวาจสิกปโยคสงฺขาโต อุปกฺกโม ตทุปกฺกโม, ตโต สมฺภูโต ตทุปกฺกมสมฺภูโต.

อิติ อปฺปิยสมฺปโยคนิทฺเทสวณฺณนา.

ปิยวิปฺปโยคนิทฺเทสวณฺณนา

๕๕๐. อุปทฺทวภาเวน ปจฺจุปติฏฺตีติ พฺยสนปจฺจุปฏฺาโน.

อิติ ปิยวิปฺปโยคนิทฺเทสวณฺณนา.

อิจฺฉิตาลาภนิทฺเทสวณฺณนา

๕๕๑. อิจฺฉิตาลาโภ นาม ยสฺส กสฺสจิ อตฺตนา อิจฺฉิตสฺส วตฺถุโน อลาโภ. ‘‘ยมฺปิจฺฉํ น ลภตี’’ติ หิ วุตฺตํ. มตฺถกปฺปตฺตํ ปน อิจฺฉิตาลาภํ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘ชาติธมฺมานํ สตฺตาน’’นฺติอาทินา นิทฺทิฏฺนฺติ ตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อโห วตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิจฺฉาวาติ เอตฺถ อิจฺฉาสหิโต อลาโภวาติ จ วทนฺติ. ตปฺปริเยสนรสาติ เตสํ อลพฺภเนยฺยวตฺถูนํ ปริเยสนรสา. อปฺปตฺติ อลาโภ.

อิติ อิจฺฉิตาลาภนิทฺเทสวณฺณนา.

ปฺจุปาทานกฺขนฺธนิทฺเทสวณฺณนา

๕๕๒. ยํ วุตฺตมิธาติ อิธ สจฺจนิทฺเทเส ยํ สรูปโต วุตฺตํ. อวุตฺตนฺติ อฺตฺถ ทุกฺขกฺขนฺธพาลปณฺฑิตสุตฺตาทีสุ วุตฺตมฺปิ อิธ สรูปโต อวุตฺตํ. ตฺจ สพฺพํ อิเม อุปาทานกฺขนฺเธ วินา น ลพฺภตีติ ตตฺถ ขนฺธสนฺนิสฺสยเมว ทุกฺขํ ขนฺเธ วิพาธตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อินฺทนมิว ปาวโก’’ติ วุตฺตํ. ยถา วา ลกฺขํ ปหรณปหารสฺส วตฺถุ, เอวํ ขนฺธา สํสารทุกฺขสฺส. ยถา จ โครูปํ ฑํสมกสาทิวิพาธาย, ยถา จ เขตฺตํ นิปฺผนฺนสสฺสลายนสฺส, คาโม จ คามฆาตกวิพาธาย, เอวํ ขนฺธา ชาติอาทิทุกฺขสฺส วตฺถูติ ทสฺเสตุํ ‘‘ลกฺขมิวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เยภุยฺเยน โลเก วิพาธกา วิพาเธตพฺพาธีนา น โหนฺติ, อิเม ปน วิพาเธตพฺพาธีนา เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ติณลตาทีนี’’ติ วุตฺตํ. กามํ อนาทิมติ สํสาเร อาทิ นาม กสฺสจิ นตฺถิ, เอกภวปริจฺฉินฺนสฺส ปน ขนฺธสนฺตานสฺส วเสน วุตฺตํ ‘‘อาทิทุกฺขํ ชาตี’’ติ. เตเนวาห ‘‘ปริโยสานทุกฺขํ มรณ’’นฺติ. น เหตฺถ สมุจฺเฉทมรณเมว อธิปฺเปตํ. มรณสฺส อนฺติเก อาสนฺเน ชาตํ ทุกฺขํ มารณนฺติกทุกฺขํ. ปริทยฺหนํ จิตฺตสนฺตาโป. ลาลปฺปนํ อติวิย วิปฺปลาโป. อนุตฺถุนนํ อนฺโต นิชฺฌายนํ. เอกเมกนฺติ ชาติอาทีนํ อนฺตรเภทภินฺนานํ, ชาติอาทีนเมว วา อุปาทานกฺขนฺธปฺจกานํ วา เอกเมกํ. สงฺขิปิตฺวาติ สมาเสตฺวา, สามฺนิทฺเทเสน วา สงฺเขปํ กตฺวา.

อิติ ทุกฺขนิทฺเทสกถาวณฺณนา.

สมุทยนิทฺเทสกถาวณฺณนา

๕๕๓. ปุนพฺภวกรณํ ปุนพฺภโว อุตฺตรปทโลเปน, ยถา วา อปูปภกฺขนสีโล อาปูปิโก, เอวํ ปุนพฺภวกรณสีลา, ปุนพฺภวํ วา ผลํ อรหติ, โส วา เอติสฺสา ปโยชนนฺติ โปโนภวิกา. นนฺทนโต, รฺชนโต จ นนฺทีราคภาวํ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ อปจฺจกฺขาย วุตฺติยา นนฺทีราคสหคตา. ตาย จ สตฺตา ตตฺถ ตตฺถ ภวาทิเก กิมิกีฏปฏงฺคาทิอตฺตภาเวปิ นนฺทนฺติ, รูปาภินนฺทนาทิภูตาย รฺชนฺติ จาติ ตตฺรตตฺราภินนฺทินี. เตนาห ‘‘นนฺทีราเคน สหคตา’’ติอาทิ. ตพฺภาวตฺโถ หิ เอส สหคตสทฺโท. กามภววิภวเภทวเสน ปวตฺติยา กามตณฺหา, ภวตณฺหา, วิภวตณฺหา จ เวทิตพฺพา. กามตณฺหาทิเภทํ อนามสิตฺวา เกวลํ ตณฺหาภาเวเนว เอกภาวคฺคหเณน เอกตฺตํ อุปเนตฺวา กสฺสจิปิ สตฺตสฺส เกนจิ สทิสตาภาวโต ตํตํวิจิตฺตภาวชนกกมฺมนิปฺผาทเนน อติวิจิตฺตสภาวา สกลสฺส ทุกฺขสฺส เหตุภาวโต ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ.

กสฺมา ปเนตฺถ ตณฺหาว สมุทยสจฺจํ วุตฺตาติ? วิเสสเหตุภาวโต. อวิชฺชา หิ ภเวสุ อาทีนวํ ปฏิจฺฉาเทนฺตี, ทิฏฺิอาทิอุปาทานฺจ ตตฺถ ตตฺถ อภินิวิสมานํ ตณฺหํ อภิวฑฺเฒนฺตี โทสาทโยปิ กมฺมสฺส การณํ โหนฺติ, ตณฺหา ปน ตํตํภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสสตฺตนิกายกุลโภคิสฺสริยาทิวิจิตฺตตํ อภิปตฺเถนฺตี, กมฺมวิจิตฺตตาย อุปนิสฺสยตํ กมฺมสฺส จ สหายภาวํ อุปคจฺฉนฺตี ภวาทิวิจิตฺตตํ นิยเมติ, ตสฺมา ทุกฺขสฺส วิเสสเหตุภาวโต อฺเสุปิ อวิชฺชาอุปาทานกมฺมาทีสุ สุตฺเต (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓; ๓.๓๗๔) อภิธมฺเม (วิภ. ๒๐๓) จ อวเสสกิเลสากุสลมูลาทีสุ วุตฺเตสุ ทุกฺขเหตูสุ วิชฺชมาเนสุ ตณฺหาว สมุทยสจฺจนฺติ วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.

อิติ สมุทยนิทฺเทสกถาวณฺณนา.

นิโรธนิทฺเทสกถาวณฺณนา

๕๕๔. ตสฺสาเยวาติ ยทคฺเคน ตณฺหา สมุทยสจฺจนฺติ วุตฺตา, ตทคฺเคน ตสฺสาเยวาติ อวธารณํ. สติ หิ ปธานเหตุนิโรเธ ตทฺเหตู นิรุทฺธาเยว โหนฺตีติ พฺยาธินิมิตฺตวูปสมเนน พฺยาธิวูปสโม วิย เหตุนิโรเธน ผลนิโรโธติ อาห ‘‘สมุทยนิโรเธน ทุกฺขนิโรโธ’’ติ. น อฺถาติ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส เอกนฺติกตํ ทสฺเสติ.

อนุปทฺทเวติ ปาณกวิชฺฌนสตฺถปฺปหาราทิอุปทฺทวรหิเต. ตโต เอว ทฬฺเห ถิเร. สาขาทิเฉทเนน ฉินฺโนปิ. ตณฺหานุสเยติ กามราคภวราคานุสเย. อนูหเตติ อสมุปฆาฏิเต.

ยถา สีโห เยนตฺตนิ สโร ขิตฺโต, ตตฺเถว อตฺตโน พลํ ทสฺเสติ, น สเร, ตถา พุทฺธานํ การเณ ปฏิปตฺติ, น ผเล. ยถา ปน สารเมยฺยา เกนจิ เลฑฺฑุปฺปหาเร ทินฺเน ภุสฺสนฺตา เลฑฺฑุํ ขาทนฺติ, น ปหารทายเก อุฏฺหนฺติ, เอวํ อฺติตฺถิยา ทุกฺขํ นิโรเธตุกามา กายจฺเฉทมนุยุฺชนฺติ, น กิเลสนิโรธนนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สีหสมานวุตฺติโน’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๕๕๕. วิรชฺชติ ปลุชฺชติ ฉิชฺชติ สมุทโย เอเตนาติ วิราโค วุจฺจติ มคฺโค. วิรชฺชนํ ปลุชฺชนํ สมุจฺฉินฺทนํ วิราโคติ ปหานํ วุจฺจติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ปหานปริยาโย วิราคสทฺโท, นิโรธสทฺโท จ, ตสฺมา. อนุสยสมุคฺฆาตโต อเสโส วิราโค อเสโส นิโรโธติ สมฺพนฺธนียํ. จาคาทิปทานิปิ คเหตฺวา วทติ สพฺพาเนว เอตานีติ. ยสฺมา นิพฺพานํ วุจฺจติ, น ทุกฺขสฺส นิรุชฺฌนมตฺตํ, ตสฺมา ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรธาทิปทานิปิ นิพฺพานเววจนานีติ. วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถติ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. ยถา วิราคาทิปทานิ นิพฺพาเน ยุชฺชนฺติ, ตํทสฺสนํ. ตตฺถ ตํ อาคมฺมาติ ตํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน ปตฺวา. ตณฺหา วิรชฺชตีติ อริยมคฺเคน อจฺจนฺตวิราควเสน ตณฺหา วิรชฺชียติ. นิรุชฺฌตีติ นิโรธียติ, เตน วิราคนิโรธสทฺทานํ อธิกรณสาธนตมาห. ตเทวาติ นิพฺพานเมว. จาคาทโย โหนฺตีติ จาคาทิเหตุํ ผลโวหาเรน วทติ. ‘‘กามคุณาลเยสู’’ติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ, ‘‘กามคุณาลยาทีสู’’ติ ปน ปาโ.

๕๕๖. ตยิทนฺติอาทิ น โปราณปาโ, สจฺจตฺถทีปเน ปน วุตฺตนิยาเมน ตโต อาเนตฺวา ปจฺฉา ปิตํ. ตถา หิ ปุพฺเพ วุตฺตานิปิ ลกฺขณาทีนิ ปุนปิ วุตฺตานิ. สํสารทุกฺขโต นิพฺพินฺนมานสสฺส อสฺสาสํ กโรนฺโต วิย โหตีติ อสฺสาสกรณรสํ. ราคาทิสพฺพปปฺจวูปสมนิมิตฺตตาย นิปฺปปฺจตํ ปจฺจุปฏฺเปตีติ นิปฺปปฺจปจฺจุปฏฺานํ.

๕๕๗. นตฺเถว นิพฺพานนฺติ ยทิ สามฺโต ปฏิฺา, อตฺตนา อธิปฺเปตนิพฺพานสฺสปิ อภาโว อาปชฺชติ, ตถา สติ ปฏิฺาวิโรโธ. อถ ปราภิมตํ นิพฺพานํ ปติ, เอวํ สติ ธมฺมิอสิทฺธิ, ตโต จ นิสฺสยาสิทฺโธ เหตุ. อนุปลพฺภนียโตติ กึ ปจฺจกฺขโต, อุทาหุ อนุมานโต? ปุริมสฺมึ ปกฺเข จกฺขาทีหิ อเนกนฺติกตา, ทุติยสฺมึ ปรํ ปติ อสิทฺโธ เหตุ. เตนาห ‘‘น, อุปาเยน อุปลพฺภนียโต’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถา เจโตปริยาณลาภิโน เอว อริยา ปเรสํ โลกุตฺตรจิตฺตํ ชานนฺติ, ตตฺถาปิ จ อรหา เอว สพฺเพสํ, น สพฺเพ, เอวํ นิพฺพานมฺปิ สีลสมาธิปฺาสงฺขาตสมฺมาปฏิปตฺติภูเตน อุปาเยน อุปลพฺภตีติ อตฺถวจนํ เจตํ ทฏฺพฺพํ, น ปโยควจนํ. ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.

๕๕๘. นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ, อริเยหิ อุปลพฺภนียโตติ อธิปฺปาโย. สํสารโต สํวิคฺคมานสา สมฺมาปฏิปตฺติยา นิพฺพานํ อธิคจฺฉนฺตีติ สพฺพสมยสิทฺโธยํ นโย. ตตฺถ สาสนิกเมว นิสฺสาย วทติ ‘‘ปฏิปตฺติยา วฺจุภาวาปชฺชนโต’’ติ. เตนาห ‘‘อสติ หี’’ติอาทิ. สมฺมาทิฏฺิปุเรชวายาติ สมฺมาทิฏฺิปุพฺพงฺคมาย. ปุพฺพงฺคมตา จสฺสา ปธานภาวโต. ตถา หิ สา ปมํ เทสนารุฬฺหา, น สพฺพปมํ อุปฺปชฺชนโต. น จายํ สมฺมาปฏิปตฺติ วฺฌา, นิพฺพานปาปนโต นิพฺพานสฺส สมฺปาปกโต. ตว มเตน ปน นิพฺพานสฺเสว อภาวโต วฺฌภาโว อาปชฺชตีติ โยชนา. อภาวปาปกตฺตาติ สมฺมาปฏิปตฺติยา กิเลสสมุจฺฉินฺทนมุเขน ขนฺธานํ อภาวสมฺปาปกภาวโต, น วฺฌภาวาปตฺตีติ เจ วเทยฺยาสีติ อตฺโถ. อิติ ปฏิกฺเขเป. ยํ ตยา ‘‘อภาวปาปกตฺตา’’ติ วทนฺเตน ขนฺธาภาโว นิพฺพานนฺติ ปฏิฺาตํ, ตํ น. กสฺมา? อตีตานาคตาภาเวปิ นิพฺพานปฺปตฺติยา อภาวโต. อตีตานาคตา หิ ขนฺธา น สนฺตีติ ตสฺมึ อภาเว นิพฺพานํ อธิคตํ นาม สิยา, โส ปน นตฺถีติ. น เกวลํ อตีตานาคตานเมว, อถ โข วตฺตมานานมฺปีติ ติยทฺธคตานํ สพฺเพสํ ขนฺธานํ อภาโว นิพฺพานํ. น หิ ตํ เอกเทสาภาโว ภวิตุํ ยุตฺตนฺติ วตฺตมานา เจ, น น สนฺติ, น สนฺติ เจ, น วตฺตมานาติ ‘‘วตฺตมานา, น สนฺติ จา’’ติ วิปฺปฏิสิทฺธเมตนฺติ อาห ‘‘น, เตสํ…เป… ปชฺชนโต’’ติ.

กิฺจ ภิยฺโย – ยทิ วตฺตมานาภาโว นิพฺพานํ, ยทา อริยมคฺโค วตฺตติ, ตทา ตสฺส นิสฺสยภูตา ขนฺธา วตฺตมานาติ กตฺวา ตทา นิพฺพานสฺส อภาโว สิยา. ตถา จ สติ มคฺคกฺขเณปิ นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย อภาโว อาปชฺชตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วตฺตมาน…เป… โทสโต’’ติ อาห. น มยํ สพฺเพสํเยว อวตฺตมานตาย นิพฺพานํ วทาม. กิฺจรหีติ, ตทา มคฺคกฺขเณ กิเลสานํ อวตฺตมานตฺตา, ตสฺมา น โทโส ยถาวุตฺตโทสาภาโวติ? ยทิ กิเลสานํ อวตฺตมานตาสงฺขาโต อภาโว นิพฺพานํ, เอวํ สติ อริยมคฺคสฺส นิรตฺถกตา อาปชฺชติ มคฺคกฺขณโต ปุพฺเพปิ ตทภาวสิทฺธิโต. เตนาห ‘‘อริยมคฺคสฺสา’’ติอาทิ. ตสฺมา อการณเมตนฺติ ยสฺมา น นิพฺพานสฺส อนุปลพฺภนียตา, อภาวมตฺตตา, ปฏิปตฺติยา วฺฌภาโว, อตีตานาคตาภาเว นิพฺพานาธิคโม จ อาปชฺชติ, วตฺตมานานํ อภาโวปิ น สมฺภวติ, ปเคว กิเลสานํ อวตฺตมานตา, อริยมคฺคสฺส จ นิรตฺถกภาวาปตฺติ, ตสฺมา นิพฺพานสฺส อภาวสาธนตฺถํ ยทิทํ ‘‘อนุปลพฺภนียโต, อภาวปาปกตฺตา, ตทา กิเลสานํ อวตฺตมานตฺตา’’ติ จ การณํ วุตฺตํ, อการณเมตํ, อยุตฺติเรสาติ อตฺโถ.

๕๕๙. อาทิวจนโตติ อาทิ-สทฺเทน อวสิฏฺํ ชมฺพุขาทกสุตฺตปเทสํ (สํ. นิ. ๔.๓๑๔ อาทโย), อฺมฺปิ อสงฺขตาย ธาตุยา นิทฺเทสปาฬึ สงฺคณฺหาติ. ตถา หิ ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพานนฺติ, อาวุโส สาริปุตฺต, วุจฺจติ, กตมํ นุ โข, อาวุโส, นิพฺพานนฺติ? โย โข, อาวุโส, ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย, อิทํ วุจฺจติ นิพฺพาน’’นฺติ ชมฺพุขาทกสุตฺเต (สํ. นิ. ๔.๓๑๔ อาทโย), ‘‘ตตฺถ กตมา อสงฺขตา ธาตุ? ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย’’ติ (วิภ. ๑๘๔) อายตนวิภงฺเค วุตฺตํ. ตตฺรายมตฺโถ – นิพฺพานํ อสงฺขตา ธาตุ อสงฺขตสภาโว ธมฺโม. ยสฺมา ตํ อาคมฺม ราคาทโย ขียนฺติ, ตสฺมา ราคกฺขโย, โทสกฺขโย, โมหกฺขโยติ จ วุจฺจตีติ. อาคมฺมาติ จ สพฺพสงฺขาเรหิ นิพฺพินฺนสฺส วิสงฺขารนินฺนสฺส โคตฺรภุนา วิวฏฺฏิตมานสสฺส มคฺเคน สจฺฉิกรเณนาติ อตฺโถ. สจฺฉิกิริยมานฺหิ ตํ อธิคนฺตฺวา อารมฺมณปจฺจยภูตฺจ ปฏิจฺจ อธิปติปจฺจยภูเต จ ตสฺมึ ปรมสฺสาสภาเวน วินิมุตฺตสงฺขารสฺส ปรมคติภาเวน จ ปติฏฺานภูเต ปติฏฺาย ขยสงฺขาโต มคฺโค ราคาทโย เขเปตีติ ตํสจฺฉิกรณาภาเว ราคาทีนํ อนุปฺปตฺตินิโรธคมนาภาวา ตํ อาคมฺม ราคาทโย ขียนฺตีติ วุจฺจนฺติ. เอกํเสน เจตํ เอวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อิตรถา ยถารุตวเสน ปาฬิยา อตฺเถ คยฺหมาเน พหู โทสา อาปชฺชนฺตีติ เต ทสฺเสตุํ ‘‘อรหตฺตสฺสาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อรหตฺตฺหิ อคฺคผลปมุขา จตฺตาโร ขนฺธาติ น ตสฺส ราคาทิขยมตฺตตา ยุตฺตา. ตมฺปิ หิ…เป… นิทฺทิฏฺํ. ตตฺถ ยถา ราคาทีนํ ขีณนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา อรหตฺตํ ‘‘ราคกฺขโย’’ติอาทินา นิทฺทิฏฺนฺติ สุตฺตสฺส เนยฺยตฺถตฺตา. เอวํ นิพฺพานํ อาคมฺม ราคาทโย ขียนฺตีติ นิพฺพานํ ‘‘ราคกฺขโย’’ติอาทินา นิทฺทิฏฺนฺติ อิมสฺสาปิ สุตฺตสฺส เนยฺยตฺถตา เวทิตพฺพา. นิพฺพานสฺส ราคาทิกฺขยมตฺตตาย พหูโทสา อาปชฺชนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘กิฺจ ภิยฺโย’’ติอาทิ อารทฺธํ.

ตตฺถ อิตฺตรกาลาทิปฺปตฺติโทสโตติ ราคาทีนํ ขยมตฺตตาย ปริตฺตกาลตา, สงฺขตลกฺขณตา, ปโยเคน วินา สรเสเนว อธิคนฺธพฺพตา, ราคาทีหิ อปริมุตฺตตา, อาทิตฺตตา, ทุกฺขตา, อนุปสนฺตตา, พหุภาโว, โอฬาริกตา, โคตฺรภุมคฺคานํ อนารมฺมณตาติ เอวมาทิโทสาปชฺชนโต. ราคสฺเสว ขโย ราคกฺขโย, น โทสาทีนํ. ตถา โทสกฺขยาทโยปีติ อฺโ ราคกฺขโย, อฺโ โทสกฺขโย, อฺโ โมหกฺขโยติ ติณฺณํ อกุสลมูลานํ ขยภูตานิ ตีณิ นิพฺพานานิ, จตุนฺนํ อุปาทานานํ ขเย จตฺตาริ, ปฺจนฺนํ นีวรณานํ ขเย ปฺจ, ฉนฺนํ ตณฺหากายานํ ขเย ฉ, สตฺตนฺนํ อนุสยานํ ขเย สตฺต, อฏฺนฺนํ มิจฺฉตฺตานํ ขเย อฏฺ, นวนฺนํ ตณฺหามูลกานํ ขเย นว, ทสนฺนํ สํโยชนานํ ขเย ทส, ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสสฺส ขเย ปาฏิเยกฺกํ นิพฺพานนฺติ พหูนิ นิพฺพานานิ โหนฺติ. ราคาทิกฺขโย นาม อนฺธพาลานมฺปิ ปากโฏ, อนฺตมโส ทีปิมิคมกฺกฏาทีนมฺปิ สุวิฺเยฺโยติ โอฬาริกํ นิพฺพานํ โหติ. โคตฺรภุกฺขเณ กิเลสกฺขยสฺส อภาวโต, มคฺคกฺขเณ จ อขีณตฺตา, อารมฺมณกรณสฺส จ อสมฺภโว เอว. ตสฺส นิพฺพานภาวโตติ สพฺพปริโยสานสฺส ราคาทิกฺขยสฺส นิพฺพานภาวโต. ยโต ขยโต ปฏฺาย ราคาทีนํ ปวตฺติ น โหติ, โส ‘‘อยํ นามา’’ติ นิยเมตพฺโพ มคฺคผลาณานํ อารมฺมณภูโต นตฺถีติ อาห ‘‘น ตาทิสสฺส ขยสฺส อภาวโต’’ติ.

กิฺจ ภิยฺโย – โย ปจฺฉิมภวโต ตติยตฺตภาเวเยว ราคาทีสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฌานภาวนาย เต วิกฺขมฺเภตฺวา อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลกํ อุปปนฺโน, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา อิธาคโตปิ กาเมสุ วีตราโคว หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต, โย จ ปมวเย เอว ราคาทิโต นิพฺพินฺโน เต จ ฌาเนน วิกฺขมฺเภตฺวา ปจฺฉิมวเย อรหตฺตํ ปตฺโต, เตสํ ราคาทีนํ วิกฺขมฺภนโต ปฏฺาย อนุปฺปชฺชนโต นิโรธสทิสตาย อนุปฺปตฺติเยว นิโรโธ. เต นิพฺพานปฺปตฺตา นาม สิยุํ, น จ โหนฺติ, ตสฺมา น ตาทิสสฺส ขยสฺส นิพฺพานภาโว. ตสฺสาปิ อิตฺตรกาลตาทิโทสสมาโยโค เอวาติ อาห ‘‘ภาเวปิ จา’’ติอาทิ.

ยทิ ‘‘ขโย’’ติ วจนโต ยโต ขยโต ปฏฺาย ราคาทีนํ อปฺปวตฺติ, ตํ ขยมตฺตํ นิพฺพานํ มฺสิ, เอวํ สติ ‘‘ขเย าณ’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๔๒; ๑๓๘๒) ‘‘ขโย’’ติ วุตฺตตฺตา ตทุปฺปตฺติโต ปฏฺาย จ ราคาทีนํ อนุปฺปตฺตีติ มคฺคสฺสาปิ นิพฺพานภาวาปตฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อริยมคฺคสฺส จา’’ติอาทิมาห.

ยถา นิรุทฺธา น สนฺติ, เอวํ อนุปฺปนฺนาปีติ อภาวสามฺโต นิโรธสทิสตาย อนุปฺปตฺติ เอว นิโรโธ อนุปฺปตฺตินิโรโธ. อยฺหิ มคฺเคน เขเปตพฺพากาโร, ยทิทํ อุปฺปชฺชนารหสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนนฺติ ‘‘ขโย’’ติ จ วุจฺจตีติ. ตํ อิตรขยโต วิเสเสนฺโต ‘‘อนุปฺปตฺตินิโรธสงฺขาตสฺส ปน ขยสฺสา’’ติ อาห. อนิปฺผนฺนตา ปน ตสฺส ขยสฺส ปริยาเยน อุปนิสฺสยตฺตาติ วุตฺตํ. อนุปฺปตฺตินิโรธกฺขยกรสฺส หิ มคฺคสฺส อารมฺมณภูตํ นิพฺพานํ อตฺถโต ตสฺส อุปนิสฺสโย วิยาติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. ตทุปจาเรนาติ อตฺถโต ผลภูตขยโวหาเรน. ผลูปจาเรน หิ การณํ โวหรียติ ยถา ‘‘อายุ ฆตํ, เสมฺโห คุโฬ’’ติ จ.

อสฺสาติ นิพฺพานสฺส. ‘‘อิทมฺปิ โข านํ สุทุทฺทส’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๒.๖๔, ๖๖-๖๗; ม. นิ. ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗-๘) ปจฺจเวกฺขโต ภควโต อปฺโปสฺสุกฺกภาวาวหนโต. ‘‘ตฺหิ เต, มาคณฺฑิย, อริยํ จกฺขุํ นตฺถิ, เยน ตฺวํ อริเยน จกฺขุนา อาโรคฺยํ ชาเนยฺยาสิ, นิพฺพานํ ปสฺเสยฺยาสี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๑๘) วจนโต อริเยน จกฺขุนา ปสฺสิตพฺพํ.

๕๖๐. ยทิ นิพฺพานํ นาม สภาวธมฺโม อตฺถิ สตฺตสนฺตานปริยาปนฺโน จ, อถ กสฺมา จตุมหาปเถ สภา วิย สพฺพสาธารณา น ลพฺภตีติ อาห ‘‘มคฺคสมงฺคินา ปตฺตพฺพโต อสาธารณ’’นฺติ. ‘‘อสุกสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล อุปฺปนฺน’’นฺติ เอวํ ปุริมาย โกฏิยา อภาวโต อปฺปภวํ. มคฺคภาเวติ อริยมคฺคสฺส อตฺถิภาเว. ภาวโต วิชฺชมานโต ลทฺธพฺพโต.

อณุอาทีนนฺติ อณุปกติกาลปุริสาทีนํ. นิจฺจภาวาปตฺตีติ สสฺสตภาวสิทฺธิ. กูฏฏฺนิจฺจตา หิ อิธาธิปฺเปตา. เหตุโน อภาวาติ อุปปตฺติยา สาธนเหตุโน อภาวา. นิจฺจา เต อณุอาทโย. นิพฺพานสฺส นิจฺจตฺตาติ อเปกฺขธมฺมตฺตาติ เหตุลกฺขณานุปปตฺติ. ‘‘อณุอาทีนํ อสิทฺธตฺตา’’ติ เอเตน ‘‘นิจฺจา อณุอาทโย’’ติ ปฏิฺาย ธมฺมิอสิทฺธิ, ตโต จ นิสฺสยาสิทฺโธ เหตูติ ทสฺเสติ.

๕๖๑. ยถาวุตฺตยุตฺติสพฺภาวโตติ ‘‘อปฺปภวตฺตา’’ติ อตฺตนา วุตฺตํ เหตุํ สนฺธายาห. อปฺปภวตา จสฺส อปจฺจยตาย ทฏฺพฺพา, ตาย ตสฺส ปุริมาย โกฏิยา อภาโว. ‘‘รูปสภาวาติกฺกมโต’’ติ เอเตน ยถา รูปธมฺมานํ รุปฺปนสภาโว, ปฏิฆาตวนฺตตาย กลาปโส วุตฺติยา ปเทสสมฺพนฺโธ จ สภาโว, เอวํ นิพฺพานสฺส กตฺถจิ ปฏิฆาโต, สปฺปเทสตา จ นตฺถีติ ทสฺเสติ. น หิ นิพฺพานํ ‘‘อสุกทิสาย, อสุกเทเส’’ติ วา นิทฺทิสียติ, ยโต ตํ อปฺปติฏฺเมวาติ.

‘‘อสิถิล …เป… คมนียโต’’ติ เอเตน นิพฺพานสฺส อริยานํ ปจฺจกฺขสิทฺธตํ ทสฺเสติ. ‘‘สพฺพฺุวจนโต’’ติ เอเตน ตทฺเสํ อนุมานสิทฺธตํ, ตทุภเยน ‘‘อนุปลพฺภนียโต’’ติ ปนสฺส เหตุโน อสิทฺธตํ ทสฺเสติ. ปรมตฺเถน นาวิชฺชมานํ วิชฺชมานเมวาติ ยถารทฺธมตฺถํ นิคเมตฺวา ตทตฺถสาธนํ อาคมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติ-. อาทิมาห.

ตตฺถ อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตนฺติ (อุทา. ๗๓; เนตฺติ. ๔๑) จตฺตาริปิ ปทานิ อฺมฺเววจนานิ. อถ วา เวทนาทโย วิย เหตุปจฺจยสมวายสงฺขาตาย การณสามคฺคิยา น ชาตํ น นิพฺพตฺตนฺติ อชาตํ. การเณน วินา, สยเมว จ น ภูตํ น ปาตุภูตํ น อุปฺปนฺนนฺติ อภูตํ. เอวํ อชาตตฺตา, อภูตตฺตา จ เยน เกนจิ การเณน น กตนฺติ อกตํ. ชาตภูตกตภาโว จ นาม รูปาทีนํ สงฺขตธมฺมานํ โหติ, น อสงฺขตภาวสฺส นิพฺพานสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อสงฺขต’’นฺติ วุตฺตํ. ปฏิโลมโต วา สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตนฺติ สงฺขตํ, ตถา น สงฺขตํ สงฺขตลกฺขณรหิตนฺติ จ อสงฺขตนฺติ เอวํ อเนเกหิ การเณหิ นิพฺพตฺติตภาเว ปฏิสิทฺเธ ‘‘ปกติวาทีนํ ปกติ วิย สิยา นุ โข เอเกเนว การเณน เอตํ กต’’นฺติ อาสงฺกายํ เกนจิ น กตนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อกต’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ อปจฺจยมฺปิ สมานํ ‘‘สยเมว นุ โข อิทํ ภูตํ ปาตุภูต’’นฺติ อาสงฺกายํ ตํ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘อภูต’’นฺติ วุตฺตํ. อยฺเจตสฺส อสงฺขตากตาภูตภาโว สพฺเพน สพฺพํ อชาติธมฺมตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อชาต’’นฺติ วุตฺตํ.

เอวเมตฺถ สตฺถา ปรมตฺถโต นิพฺพานสฺส อตฺถิภาวํ ปเวเทสิ. ปเวเทนฺโต จ ‘‘อหํ ธมฺมิสฺสโร ธมฺมสฺสามี’’ติ น อตฺตโน อาณามตฺเตน ปเวเทสิ, อปิจ โข ปน ปทปรเม อนุกมฺปมาโน ยุตฺติโตปิ ปเวเทสิ. ยถาห –

‘‘โน เจตํ, ภิกฺขเว, อภวิสฺส อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตํ, นยิธ ชาตสฺส ภูตสฺส กตสฺส สงฺขตสฺส นิสฺสรณํ ปฺาเยถ. ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, อตฺถิ อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตํ, ตสฺมา ชาตสฺส ภูตสฺส กตสฺส สงฺขตสฺส นิสฺสรณํ ปฺายตี’’ติ (อุทา. ๗๓; เนตฺติ. ๔๑).

ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, ยทิ อชาตาทิสภาวา อสงฺขตา ธาตุ น อภวิสฺส น สิยา, อิธ โลเก ชาตาทิสภาวสฺส รูปาทิกฺขนฺธปฺจกสงฺขาตสฺส สงฺขตสฺส นิสฺสรณํ อนวเสสวูปสโม น ปฺาเยยฺย น อุปลพฺเภยฺย น สมฺภเวยฺย. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานา สมฺมาทิฏฺิอาทโย อริยมคฺคธมฺมา อนวเสสํ สํกิเลเส สมุจฺฉินฺทนฺติ, เตเนตฺถ สพฺพสฺสาปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อปคโม นิสฺสรณํ ปฺายติ. เอวํ พฺยติเรกวเสน นิพฺพานสฺส อตฺถิภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนุคมนวเสนปิ ตํ ทสฺเสตฺวา นิคเมตุํ ‘‘ยสฺมา จ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

เอตฺถ จ ยสฺมา ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา อสงฺขตา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗-๘). อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี (อุทา. ๗๑). อิทมฺปิ โข านํ สุทุทฺทสํ, ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค (ที. นิ. ๒.๖๔, ๖๗; ม. นิ. ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๒.๑๗๒; มหาว. ๗-๘). อสงฺขตฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ อสงฺขตคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติอาทีหิ (สํ. นิ. ๔.๓๖๖) อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาต’’นฺติ (อุทา. ๗๓; เนตฺติ. ๔๑) อิมินา จ สุตฺตปเทน นิพฺพานธาตุยา ปรมตฺถโต สพฺภาโว สพฺพโลกํ อนุกมฺปมาเนน สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปกาสิโต, ตสฺมา ยทิปิ กตฺถ อปจฺจกฺขการีนมฺปิ สาสเน อภิปฺปสนฺนานํ วิฺูนํ สํสโย นตฺถิเยว. เย ปน ปรเนยฺยพุทฺธิโน ปุคฺคลา, เตสํ วิมติวิโนทนตฺถํ อยเมตฺถ อธิปฺปายนิทฺธารณมุเขน ยุตฺติวิจารณา.

ยถา ปริฺเยฺยตาย สอุตฺตรานํ กามานํ, รูปานฺจ ปฏิปกฺขภูตํ ตพฺพิธุรสภาวํ นิสฺสรณํ ปฺายติ, เอวํ สภาวานํ สพฺเพสมฺปิ สงฺขตธมฺมานํ ปฏิปกฺขภูเตน ตพฺพิธุรสภาเวน นิสฺสรเณน ภวิตพฺพํ. ยฺจ ตํ นิสฺสรณํ, สา อสงฺขตา ธาตุ. กิฺจ ภิยฺโย – สงฺขตธมฺมารมฺมณวิปสฺสนาาณํ, อปิจ อนุโลมาณํ กิเลเส ตทงฺควเสน ปชหติ, น สมุจฺเฉทวเสน ปชหิตุํ สกฺโกติ. ตถา สมฺมุติสจฺจารมฺมณํ ปมชฺฌานาทีสุ าณํ วิกฺขมฺภนวเสเนว กิเลเส ปชหติ, น สมุจฺเฉทวเสน. อิติ สงฺขตธมฺมารมฺมณสฺส, สมฺมุติสจฺจารมฺมณสฺส จ าณสฺส กิเลสานํ สมุจฺเฉทปฺปหาเน อสมตฺถภาวโต เตสํ สมุจฺเฉทปฺปหานกรสฺส อริยมคฺคาณสฺส ตทุภยวิปรีตสภาเวน อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ, สา อสงฺขตา ธาตุ.

ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ (อุทา. ๗๓; เนตฺติ. ๔๑) เอวมาทิ นิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวโชตกวจนํ อวิปรีตตฺถํ ภควตา ภาสิตตฺตา. ยฺหิ ภควตา ภาสิตํ, ตํ อวิปรีตตฺถํ ยถา ตํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๕๓, ๓๕๖; ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙; เถรคา. ๖๗๖-๖๗๘; เนตฺติ. ๕), ตถา นิพฺพานสทฺโท กตฺถจิ วิสเย ยถาภูตปรมตฺถวิสโย อุปจารวุตฺติสพฺภาวโต. เสยฺยถาปิ สีหสทฺโทติ เอวมาทีหิ นเยหิ ยุตฺติโตปิ อสงฺขตาย ธาตุยา ปรมตฺถโต อตฺถิภาโว เวทิตพฺโพ.

อปโร นโย – ยทิ ปน นิพฺพานํ อภาวมตฺตเมว สิยา, ตสฺส ‘‘คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๔, ๖๗; ม. นิ. ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗-๘) คมฺภีราทิตา, ‘‘อสงฺขตฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๓๖๖) อสงฺขตาทิตา, ‘‘อพฺยากตา ธมฺมา อปจฺจยาธมฺมา’’ติอาทินา อพฺยากตธมฺมาทิตา จ น วตฺตพฺพา สิยา. น หิ อภาวสฺส โกจิ สภาโว อตฺถิ, เยน โส คมฺภีราสงฺขตาทิอาการโต วิฺาเยยฺย. อภาโว หิ อภาโว เอว, กุโต ตสฺส คมฺภีราสงฺขาตาทิภาวสมฺพนฺโธ. กิฺจายมภาโว สพฺเพสํ กิเลสานํ สพฺพสตฺตสนฺตานคตานํ เอโก วา ภเวยฺย อเนโก วา. ยทิ เอโก, เอเกเนว มคฺเคน สพฺพกิเลสาภาโว กโต, สจฺฉิกโต จาติ อฺสฺส, อฺเสฺจ มคฺคานํ นิรตฺถกตาติ น สิยา มคฺคพหุตา, เอกชฺฌฺจ สพฺพสตฺตานํ นิพฺพานาธิคโม อาปชฺชติ. สิยา ปเนวํ เอโก เอว โส นิพฺพานสฺิโต กิเลสาภาโว, โส ปน น มคฺเคหิ กาตพฺโพ, อถ โข สจฺฉิกาตพฺโพติ. เอวํ สติ วิเสสโต มคฺคสฺส นิรตฺถกตา อาปชฺชติ, กิเลสานํ อปฺปหานโตติ เอโกปิ มคฺโค น สิยา. อสติ จ กิเลสปฺปหาเน ทุกฺขสฺส อนุปจฺเฉทนโต กิเลสาภาวสจฺฉิกิริยา กิมตฺถิยา สิยา, อถ ปน มคฺคานํ สนฺตานคตสํโยชนตฺตยปฺปหานาทิปฏินิยตกิจฺจตาย จตูสุ มคฺเคสุ ปาฏิเยกฺกํ กิเลสาภาโว. เอวํ สติ สภาวปเภเทน วินา น พหุภาโวติ โส กิเลสกฺขยปริยาเยน วุตฺโต สภาวธมฺโม เอว สิยา.

เยสํ อภาโว, ตปฺปเภเทน อภาเว เภโทปจาโรติ เจ? เยสํ อภาโว, เตสํ สสภาวตาย ตสฺส สภาโวปจาโรปิ สิยา. ตถา จ เต สํกิเลสสงฺขตตาทิโต กิเลสสงฺขตตาทิอุปจาราปิ สิยุํ. โน เจ เต อิจฺฉิตา, ตปฺปเภเทน เภโทปจาโรปิ น อิจฺฉิตพฺโพ. น จ ปโหติ อุปจริโต พหุภาโว อตฺถโต พหุภาวาย. น หิ ชลํ อนลนฺติ อุปจริตํ ทหติ, ปจติ วา. เอกตฺตปฺหมฺปิ จายมภาโว อสภาวตาย น สหตีติ น สกฺกา วตฺตุํ นตฺถิภาวสามฺโต อเภทโวหาโร ยุตฺตรูโปติ. เอกตฺเต จ ปุพฺเพ วุตฺตา เอว โทสา, พหุภาเว ปน สติ วุตฺตนเยเนว สิทฺธา สภาวธมฺมตา. สภาวธมฺมตฺเตปิ จ พหุภาโว วิย ภาวํ ภาโวปิ พหุภาวํ น พฺยภิจเรยฺยาติ นิพฺพานสฺส พหุภาวปสงฺโค สิยาติ เจ? น พหุภาวสฺเสว อภาวปฺปสงฺคโต. ยทิ หิ ยถา กกฺขฬตา ภาวํ, เอวํ ภาโวปิ กกฺขฬตํ น พฺยภิจเรยฺย. เอวํ สติ สพฺเพสํ ภาวานํ ปถวีภาวาปตฺติโต กุโต ภาวสฺส พหุภาโว, ตสฺมา โลกโวหารานํ วิจิตฺตตาย ยทิปิ พหุตา ภาวาเปกฺขา, ภาวตา ปน น พหุตาเปกฺขาติ น ภาวสฺส สโต นิพฺพานสฺส พหุภาโว ‘‘เอกา นิฏฺา น ปุถุ นิฏฺา’’ติ วจนโต. เอกสฺมึเยว จ ทสฺสนภาวนาทฺวยํ สมฺภวติ.

ปรินิพฺพุตานํ ปจฺเจกํ นิพฺพานภาเว สตฺตสนฺตานนิยตํ นาม นิพฺพานํ สิยา. ตถา จ สติ สงฺขตตาทิโทสานติวตฺติเยว, กิเลสปฺปหานํ วา มคฺคกิจฺจํ กิเลสานํ อภาโว. ตสฺส จ เอกตฺเต น มคฺคพหุตา กิจฺจนฺตรสฺส กตฺตพฺพสฺส อภาวโต. มคฺคพหุภาโว จ มคฺเคหิ สจฺฉิกาตพฺเพ เอกสฺมึ ธมฺเม อินฺทฺริยานํ อปาฏวปาฏวปาฏวตรปาฏวตมภาเวน สจฺฉิกิริยาวิเสเสน กิเลสานํ ปหานเภเทน โหตีติ นิพฺพานสฺส สภาวธมฺมตฺเต เอว สิยา. อภาโวปิ จ กิเลสานํ มคฺเคน สกิจฺจกตาย กาตพฺโพ เอว สิยา, น สจฺฉิกาตพฺโพ. โก หิ สภาโว อภาวสฺส? โย สจฺฉิกาตพฺโพ สิยา, โส เจ นิพฺพานํ เอเกเนว มคฺเคน สพฺพกิเลสานํ อภาโว เอโก อภินฺโน กาตพฺโพ อาปนฺโน. อฺถา มคฺควเสน จตุพฺพิธภาเว นิพฺพานสฺส จตุพฺพิธภาวปฺปสงฺโค, นิพฺพานวิเสสปฺปสงฺโค จ อาปชฺเชยฺยาติ มคฺคกิจฺจสฺส เอกตฺเตน มคฺคพหุตา สิยา. พหุภาเว ปน เตสํ โส วุตฺตนเยน เอกสฺมึ ธมฺเม สจฺฉิกิริยาวิเสสโตติ สิทฺธา นิพฺพานสฺส สภาวธมฺมตา. ขยาธิคนฺตพฺพตาย ปเนตํ ‘‘ขโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ขเย าณ’’นฺติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๔๒; ๑๓๘๒) หิ วจนโต อริยมคฺโค ขโย นาม. เตน เจตํ อธิคนฺตพฺพํ สจฺฉิกาตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘ขโย’’ติ วุตฺตนฺติ.

อิติ นิโรธนิทฺเทสกถาวณฺณนา.

มคฺคนิทฺเทสกถาวณฺณนา

๕๖๒. อฏฺ ธมฺมาติ ‘‘กตมํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ อารภิตฺวา ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติอาทินา ปาฬิยํ (วิภ. ๒๐๕) ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทานิทฺเทเส อาคตา, ตเมว จ ปาฬึ อาเนตฺวา อุทฺเทสวเสน อิธ จ วุตฺตา สมฺมาทิฏฺิอาทโย อฏฺ ธมฺมา อตฺถโต ปกาสิตา, น มคฺคสจฺจนิทฺเทสวเสนาติ อธิปฺปาโย. ยทิ อตฺถโต ปกาสิตา, กิมตฺถิยํ ปน อิธ กถนนฺติ อาห ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ‘‘เอกกฺขเณ ปวตฺตมานาน’’นฺติ อิทํ โลกิยกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ วิรติโย นานากฺขณิกา เอว โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เสสมคฺคธมฺมา ปน ตตฺถาปิ เอกชฺฌํ อุปฺปชฺชนฺติเยว. วิเสสาวโพธนตฺถนฺติ ปฏิปกฺขสมุคฺฆาตาทิปวตฺติอาการวิเสสสฺส อวโพธนตฺถํ. วิตฺถารโต มคฺคกถา ปรโต อาวิ ภวิสฺสตีติ อาห ‘‘สงฺเขปโต’’ติ. จตุสจฺจปฏิเวธาย ปฏิปนฺนสฺสาติ ยถา จตุสจฺจาภิสมโย โหติ, เอวํ สพฺพโส ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยา ปริปูรณวเสน ปฏิปนฺนสฺส. อริยมคฺคสงฺขาตสฺส โยคสฺส สพฺภาวโต โยคิโน. กามํ อวิชฺชานุสยสมุคฺฆาเต ตเทกฏฺกิเลสานํ เลโสปิ นาวสิสฺสติ, วิชฺชาย ปน อวิชฺชา อุชุวิปจฺจนีกธมฺโมติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชานุสยสมุคฺฆาตก’’นฺติ วุตฺตํ. ปรโต มิจฺฉาสงฺกปฺปาทิคฺคหเณปิ เอเสว นโย. ธาตุปฺปกาสนรสาติ ปรมตฺถปกาสนรสา, จตุสจฺจวิภาวนกิจฺจาติ อตฺโถ. มคฺคธมฺมานํ ปฏิปกฺขวิธมนากาโร สาติสยํ ปากโฏ หุตฺวา อุปฏฺาตีติ อวิชฺชานุสยสมุคฺฆาตกตํ สมฺมาทิฏฺิยา วตฺวาปิ อวิชฺชนฺธการวิทฺธํสนปจฺจุปฏฺานตา วุตฺตา.

ตถา สมฺปนฺนทิฏฺิโนติ ยถา อวิชฺชานุสยสมุคฺฆาโต โหติ, ตถา มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา สมฺปนฺนทิฏฺิโน. เอวฺหิ จตุสจฺจปฏิเวธาย ปฏิปนฺนสฺส โยคิโนติ อิมมตฺถํ ตถา-สทฺโท อุปสํหรติ. นิพฺพานารมฺมณตา ปน ตํสมฺปยุตฺตวจเนเนว โพธิตา. มิจฺฉาสงฺกปฺปนิฆาตกนฺติ กามสงฺกปฺปาทิมิจฺฉาสงฺกปฺปสมุจฺเฉทกํ. อปฺปนารโสติ นิพฺพานารมฺมเณ มคฺคจิตฺตสฺส สมุปฺปาทวเสน ปวตฺตนโต อปฺปนากิจฺโจ.

ตถา ปสฺสโต วิตกฺกยโต จาติ วุตฺตปฺปการาย สมฺมาทิฏฺิยา ปสฺสโต, นิพฺพานารมฺมเณ จ สมฺมาสงฺกปฺเปน จิตฺตํ อภินิโรปยโต. วจีทุจฺจริตสมุคฺฆาติกาติ จตุพฺพิธสฺสปิ วจีทุจฺจริตสฺส สมุจฺเฉทิกา. มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฏิปกฺขภาวโต สินิทฺธภาเวน สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปริคฺคาหกสภาวา สมฺมาวาจาติ อาห ‘‘สา ปริคฺคหลกฺขณา’’ติ. กายิกกิริยา กิฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, สยฺจ สมุฏฺหนํ ฆฏนํ โหตีติ สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา วิรติปิ สมุฏฺานสภาวา วุตฺตา. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺาปนํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย.

อสฺสาติ โยคิโน. ตสฺมึ สติ วิสุชฺฌนโต วิสุทฺธิภูตา. ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา สุทฺธิ โวทานํ, อาชีวสฺเสว วา ชีวิตินฺทฺริยวุตฺติยา. ายาชีวสฺส อพุทฺธปฏิกุฏฺาย สมฺมาชีวิกาย ปวตฺติเหตุตาย ายาชีวปวตฺติรโส. อิมสฺส หิ ปวตฺติโต ปฏฺาย มิจฺฉาชีโว น ปวตฺตตีติ.

สพฺพากุสลวิทฺธํสโกปิ สมฺมาวายาโม อุชุปฏิปกฺขทสฺสนวเสน โกสชฺชสมุจฺเฉทโก วุตฺโต. สํกิเลสปกฺขโตปิ ตสฺส ปคฺคณฺหนํ ปคฺคโห. กายาทีสุ สุภาทิอาการุปธารณวเสน ปวตฺตา สุภสฺาทิปุพฺพงฺคมา อกุสลกฺขนฺธา มิจฺฉาสติ, ตสฺสา วิทฺธํสโน มิจฺฉาสติวินิทฺธุนโน. อสมฺโมโสติ สมฺโมสวิทฺธํสนโต ตปฺปฏิปกฺโข. อารมฺมณสฺส ยถาสภาวสลฺลกฺขณํ อุปฏฺานํ. ‘‘อารกฺขปจฺจุปฏฺานา’’ติ, ‘‘สตารกฺเขน เจตสา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๘) จ วจนโต วิเสสโต สติ กุสลจิตฺตสฺส อารกฺขาติ อาห ‘‘สติยา สํรกฺขิยมานจิตฺตสฺสา’’ติ.

๕๖๓. สจฺจาณสฺสาติ สจฺจานิ อารพฺภ ปวตฺตนกาณสฺส, น ปฏิเวธาณํ วิย สกิเทว พุชฺฌติ, อถ โข ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต อนุ อนุ โพโธ อนุโพโธ, อนุสฺสวาการปริวิตกฺกทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติอนุคโต วา โพโธ อนุโพโธ, ตเทว าณนฺติ อนุโพธาณํ. น หิ ตํ ปจฺจกฺขโต พุชฺฌติ, อนุสฺสวาทิวเสน ปน กปฺปนมุเขน พุชฺฌติ. กิจฺจโตติ ปริชานนาทิโต. ตํกิจฺจกรเณเนว หิ ปริฺเยฺยาทีนิ วิย ตานิปิ ตสฺส ปากฏานิ โหนฺติ. วิวฏฺฏานุปสฺสนาย หิ สงฺขาเรหิ ปติลียมานมานสสฺส อุปฺปชฺชมานํ มคฺคาณํ วิสงฺขารํ ทุกฺขนิสฺสรณํ อารมฺมณํ กตฺวา ทุกฺขํ ปริจฺฉินฺทติ, ทุกฺขคตฺจ ตณฺหํ ปชหติ, นิโรธฺจ สจฺฉิกโรติ ผุสติ. อาทิจฺโจ วิย ปภาย สมฺมาสงฺกปฺปาทีหิ สห สมุปฺปนฺนํ ตํ มคฺคํ ภาเวติ, น จ สงฺขาเร อมุฺจิตฺวา ปวตฺตมาเนน าเณน เอตํ สพฺพํ กาตุํ สกฺกา นิมิตฺตปวตฺเตหิ อวุฏฺิตตฺตา. ตสฺมา เอตานิ กิจฺจานิ กโรนฺตํ ตํ าณํ ทุกฺขาทีนิ วิภาเวติ ตตฺถ สมฺโมหนิวตฺตเนนาติ ‘‘จตฺตาริปิ สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ, เอกปฏิเวเธนาติ อธิปฺปาโย.

ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสตีติ กาลนฺตรทสฺสนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เจ? น, ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) เอกทสฺสิโน อฺตฺตยทสฺสิตาวิจารณายํ ตํสาธนตฺถํ อายสฺมตา ควมฺปติตฺเถเรน อิมสฺส สุตฺตสฺส อานีตตฺตา, ปจฺเจกฺจ สจฺเจสุ ทิสฺสมาเนสุ อฺตฺตยทสฺสนสฺส โยชิตตฺตา. อฺถา อนุปุพฺพาภิสมเย ปุริมทิฏฺสฺส ปจฺฉา อทสฺสนโต สมุทยาทิทสฺสิโน ทุกฺขาทิทสฺสิตา น โยเชตพฺพา สิยา. โยชิตา จ สา ‘‘โย ทุกฺขสมุทยํ ปสฺสติ, ทุกฺขมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐). โลกิยํ สจฺจาณํ. ตตฺถ โลกิยาเณ. ปริยุฏฺานสงฺขาโต อภิภโว ปริยุฏฺานาภิภโว, ตสฺส วเสน. สุทฺธสงฺขารปุฺชมตฺตทสฺสนโต สกฺกายทิฏฺิปริยุฏฺานํ นิวตฺเตติ. ‘‘โลกสมุทยํ โข, กจฺจาน, ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโต ยา โลเก นตฺถิตา, สา น โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕) วจนโต สมุทยทสฺสนํ เหตุผลปพนฺธาวิจฺเฉททสฺสนโต ปริยุฏฺานาภิภววเสน ปวตฺตมานํ อุจฺเฉททิฏฺึ นิวตฺเตติ. ‘‘โลกนิโรธํ โข…เป… ปสฺสโต ยา โลเก อตฺถิตา, สา น โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕) วจนโต นิโรธทสฺสนํ เหตุนิโรธา ผลนิโรธทสฺสนโต สสฺสตทิฏฺึ นิวตฺเตติ. อตฺตการสฺส ปจฺจกฺขทสฺสนโต มคฺคทสฺสนํ ‘‘นตฺถิ อตฺตกาเร, นตฺถิ ปรกาเร, นตฺถิ ปุริสกาเร’’ติอาทิกํ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) อกิริยทิฏฺึ ปชหติ. ‘‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสาย, อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, นตฺถิ เหตุ…เป… วิสุทฺธิยา, อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา วิสุชฺฌนฺตี’’ติอาทิกา (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๑๐๑, ๒๒๗; สํ. นิ. ๓.๒๑๒) อเหตุกทิฏฺิ จ อิธ อกิริยาทิฏฺิคฺคหเณเนว คหิตาติ ทฏฺพฺพา. สาปิ หิ วิสุทฺธิมคฺคทสฺสเนน ปหียตีติ. ทุกฺเข าณํ สมุทยผลสฺส ทุกฺขสฺส อทฺธุวาทิภาวํ ปสฺสตีติ ผเล วิปฺปฏิปตฺตึ นิวตฺเตติ.

อิสฺสโร โลกํ ปวตฺเตติ สชฺเชติ นิวตฺเตติ สํหรตีติ อิสฺสรการณิโน วทนฺติ. ปธานโต โลโก อาวิ ภวติ, ตตฺเถว จ ปติลียตีติ ปธานการณิโน.

‘‘กาโล กโรติ ภูตานิ, กาโล สํหรตี ปชา;

กาโล สุตฺเต ชาครติ, กาโล หิ ทุรติกฺกโม’’ติ. –

กาลวาทิโน. กณฺฏกสฺส ติขิณภาโว วิย, กปิฏฺผลาทีนํ ปริมณฺฑลตา วิย, มิคปกฺขิสรีสปาทีนํ วิจิตฺตตา วิย จ สภาเวเนว โลโก สมฺโภติ, วิโภติ จาติ สภาววาทิโน. อาทิ-สทฺเทน อณูหิ โลโก ปวตฺตติ, สพฺพํ ปุพฺเพกตเหตุ, โลโก นิยโต อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณิสทิโส, น เอตฺถ กสฺสจิ ปุริสกาโรติ นิยติวาทิโน.

‘‘ยทิจฺฉาย ปวตฺตนฺติ, ยทิจฺฉาย นิวตฺตเร;

ยทิจฺฉาย สุขํ ทุกฺขํ, ตสฺมา ยาทิจฺฉกี ปชา’’ติ. –

ยทิจฺฉาวาทิโน, เย อธิจฺจสมุปฺปตฺติวาทิโนติ จ วุจฺจนฺติ. เอวมาทิอการณวาทสงฺคโห ทฏฺพฺโพ. รามุทกอาฬาราทีนํ วิย, อรูปโลเก นิคณฺานํ วิย จ โลกถูปิกายํ อปวคฺโค โมกฺโขติ คหณํ อปวคฺคคาโห. อาทิ-สทฺเทน ปธานสฺส อปฺปวตฺติ, คุณวิยุตฺตสฺส อตฺตโน สกตฺตนิ อวฏฺานํ, พฺรหฺมุนา สโลกตา, สมีปตา, สํโยโค, ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ เอวมาทีนํ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ปธานสฺส อปฺปวตฺติ มหตาทิภาเวน อปริณาโม, อนภิพฺยตฺติ วา. ‘‘อหมฺโ, ปกติ อฺา’’ติ เอวํ ปวตฺตปกติปุริสนฺตรชานเนน อตฺตสุขทุกฺขโมเหสุ อวิภาคคฺคหเณ กิร นิวตฺติเต วุตฺตนเยน ปธานํ นปฺปวตฺตติ, โส วิโมกฺโขติ กาปิลา. คุณวิยุตฺตสฺสาติ พุทฺธิสุขทุกฺขอิจฺฉาโทสปฺปยตฺตธมฺมาธมฺมสงฺขาเรหิ นวหิ อตฺตคุเณหิ วิยุตฺตสฺสาติ กณาทมตานุสาริโน. สโลกตา พฺรหฺมุนา สมานโลกตา. สมีปตา ตสฺส สมีปปฺปวตฺติตา. สํโยโค เตน เอกีภาวูปคมนํ. ‘‘อินฺทฺริยตปฺปนปุตฺตมุขทสฺสนาทีหิ วินา อปวคฺโค นตฺถี’’ติ คเหตฺวา ตถา ปวตฺตนํ กามสุขลฺลิกานุโยโค. อนสนเกสลุฺจนาทิตปจริยาย นคฺคสีลโคสีลกุกฺกุรสีลาทีหิ จ อตฺตปริตาปเนน โมกฺโข โหตีติ อตฺตกิลมโถ.

สฺวายํ สพฺโพ มิจฺฉาคาโห สจฺจาเณ สติ ปติฏฺํ น ลภตีติ วุตฺตเมวตฺถํ สงฺคณฺหนฺโต ‘‘โลเก โลกปฺปภเว’’ติ คาถมาหาติ.

าณกิจฺจโต วินิจฺฉยวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕๖๔. เสสา สพฺพธมฺมาติ เสสา เอกาสีติ โลกิยธมฺมา. อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ ทฺวาทสสุ อายตเนสุ กามภววิภวตณฺหาวเสน ทฺวาทสติกา ฉตฺตึส ตณฺหาวิจริตานิ, ขุทฺทกวตฺถุวิภงฺเค วา อาคตนเยน กาลวิภาคํ อนามสิตฺวา วุตฺตานิ. ตทามสเน หิ อฏฺสตํ โหนฺติ. อสมฺมิสฺสนฺติ เอกกตฺตา เกนจิ อสมฺมิสฺสํ, กุโต ตทนฺโตคธปฺปเภโทติ อธิปฺปาโย. วีมํสิทฺธิปาทาทีนํ โพธิปกฺขิยานํ สติปิ กิจฺจนานตฺเต อตฺถโต เอกตฺตา สมฺมาทิฏฺิยา สงฺคโหติ สมฺมาทิฏฺิมุเขน ตทนฺโตคธตา วุตฺตา.

ตโย เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโยติ โลกิยกฺขเณ อโลภเมตฺตากรุณาสมฺปโยควเสน ภินฺนา, มคฺคกฺขเณ โลภพฺยาปาทวิหึสาสมุจฺเฉทนวเสน ตโยติ เอโกปิ วุตฺโต. เอส นโย สมฺมาวาจาทีสุ. อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตานํ ปน ภาเว สมฺมาอาชีวสมฺภวโต เตน เตสํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ภวนฺตเรปิ ชีวิตเหตุปิ อริเยหิ อวีติกฺกมนียตฺตา อริยกนฺตานํ สมฺมาวาจาทิสีลานํ คหเณน เยน สทฺธาหตฺเถน ตานิ คเหตพฺพานิ, โส สทฺธาหตฺโถ คหิโต เอว โหตีติ ตโต อนฺานิ สทฺธินฺทฺริยสทฺธาพลานิ ตตฺถ อนฺโตคธานิ วุตฺตานิ. ฉนฺโท ปน สทฺธานุคุโณติ กตฺวา ฉนฺทิทฺธิปาทสฺสาปิ ตทนฺโตคธตา วุตฺตา. เตสํ อตฺถิตายาติ สทฺธินฺทฺริยสทฺธาพลฉนฺทิทฺธิปาทานํ อตฺถิตาย สีลสฺส อตฺถิภาวโต ติวิเธนาปิ สีเลน เต ตโยปิ คหิตาติ ตตฺถ อนฺโตคธา. จิตฺตสมาธีติ จิตฺติทฺธิปาทํ วทติ. ‘‘จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙) หิ จิตฺตมุเขน สมาธิ วุตฺโตติ สมาธิมุเขน จิตฺตมฺปิ วตฺตพฺพตํ อรหติ. จิตฺติทฺธิปาทภาวนาย ปน สมาธิปิ อธิมตฺโต โหตีติ วีมํสิทฺธิปาทาทิวจนํ วิย จิตฺติทฺธิปาโทติ อวตฺวา อิธ ‘‘จิตฺตสมาธี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๖๖; ๓.๓๕๙; สํ. นิ. ๕.๓๗๖; อ. นิ. ๓.๙๖; ๑๑.๑๒) วจนโต สมาธิอุปการา ปีติปสฺสทฺธิโย, ตสฺมา สมาธิคฺคหเณน คหิตา. อุเปกฺขา ปน สมาธิอุปการกโต, ตํสทิสกิจฺจโต จ. ตสฺมา สมาธิสีเสน เอเตสํ อนฺโตคธตา ทฏฺพฺพา.

อนฺโตคธานํ ปเภทวินิจฺฉยวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕๖๕. ภาโร วิย ทุกฺขสจฺจํ วิฆาตกตฺตา, สํหรณียวเสน วิหนฺตภาวโตติ อตฺโถ. ภาราทานมิว ตตฺถ ตตฺถ ภเว อุปฺปชฺชนกวิฆาตสฺส เหตุภาวโต. ภารนิกฺเขปนมิว ปวตฺติทุกฺขวูปสมภาวโต. โรโค วิย, ทุพฺภิกฺขมิว จ พาธกตฺตา. โรคนิทานํ วิย, ทุพฺพุฏฺิ วิย จ ปภวลกฺขณตฺตา. ทุพฺพุฏฺีติ จ อวสฺสนํ วา อติวสฺสนํ วา. โรควูปสโม วิย, สุภิกฺขมิว จ สนฺติลกฺขณตฺตา, สุขภาวโต. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔) หิ วุตฺตํ. เภสชฺชมิว, สุวุฏฺิ วิย จ ทุกฺขสฺส เหตุปจฺเฉทโต, ตสฺส จ อปคมูปายภาวโต. นิยฺยานลกฺขณฺหิ มคฺคสจฺจํ. อนิฏฺภาวโต, สาสงฺกสปฺปฏิภยโต จ ทุกฺขํ เวริวิสรุกฺขภยโอริมตีรูปมํ. เวรํ พฺยาปาโท, ปจฺจตฺถิกภาโว วา. เวรสมุคฺฆาโต เวรวูปสโม เมตฺตา. เวรสมุคฺฆาตุปาโย สงฺคหวตฺถูนิ.

อุปมาโต วินิจฺฉยวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕๖๖. เอส นโย สมุทยาทีสูติ อตฺถิ เจตฺถ สมุทโย, น อริยสจฺจํ, อตฺถิ อริยสจฺจํ, น สมุทโย, อตฺถิ สมุทโย เจว อริยสจฺจฺจ, อตฺถิ เนว สมุทโย น อริยสจฺจนฺติ. เสสสจฺจทฺวเยปิ เอเสว นโย. น อริยสจฺจํ ปริฺเยฺยปหาตพฺพาสงฺขตนิยฺยานภาวาภาวโต. อิตรํ ปน อริยสจฺจทฺวยนฺติ สมุทยมคฺคสจฺจทฺวยมาห. สิยา ทุกฺขํ สงฺขารทุกฺขตาย. เตนาห ‘‘อนิจฺจโต’’ติ. ตถตฺเตนาติ ตถสภาเวน, ปริฺเยฺยภาเวนาติ อตฺโถ. เอเตน ตํ อริยสจฺจทฺวยํ ‘‘สิยา ทุกฺขํ, น อริยสจฺจํ, สิยา อริยสจฺจํ, น ทุกฺข’’นฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. อริยสจฺจสทฺทปรา หิ ทุกฺขาทิสทฺทา ปริฺเยฺยาทิภาวํ วทนฺติ. เตเนว อริยสจฺจสทฺทานเปกฺขํ ทุกฺขสทฺทํ สนฺธาย มคฺคสมฺปยุตฺตสามฺผลธมฺมานํ อาทิปทสงฺคโห วุตฺโต, อริยสจฺจสทฺทาเปกฺขํ ปน สนฺธาย จตุตฺถปทสงฺคโห.

สพฺพากาเรนาติ สพฺพปฺปกาเรน. ยถา มคฺคสมฺปยุตฺตธมฺมาทโย เอกงฺควิกลา, เอวํ อหุตฺวา สพฺพงฺคโยเคน ทุกฺขตาย เจว อริยสจฺจตาย จาติ อตฺโถ. ‘‘อุปาทานกฺขนฺธปฺจก’’นฺติ วุตฺเต ตณฺหายปิ สงฺคโห สิยาติ ตํนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อฺตฺร ตณฺหายา’’ติ วุตฺตํ ตสฺสา วิสุํ อริยสจฺจภาวโต. สมุทยาทีสุ อวเสสกิเลสาทโย ปภวฏฺเน สมุทโย, น อริยสจฺจํ สุตฺตนฺตสํวณฺณนา อยนฺติ กตฺวา. นิโรโธ อริยสจฺจํ, น สมุทโย. อิตรํ ปน อริยสจฺจทฺวยํ สิยา สมุทโย อตฺตโน ผลสฺส ปจฺจยฏฺเน, น ปน ยสฺส ปหานาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถตฺเตน, สพฺพากาเรน ปน ตณฺหาสมุทโย เจว อริยสจฺจฺจ. มคฺคสมฺปยุตฺตธมฺมา, สามฺผลานิ จ ยสฺส ปหานาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถตฺเตน เนว สมุทโย, น อริยสจฺจํ. สงฺขารนิโรโธ, นิโรธสมาปตฺติ จ นิโรโธ, น อริยสจฺจํ. สมุทโย อริยสจฺจํ, น นิโรโธ. อิตรํ ปน อริยสจฺจทฺวยํ สิยา นิโรโธ ขณนิโรธสพฺภาวโต, น ปน ยสฺส สจฺฉิกิริยาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถตฺเตน. สพฺพากาเรน ปน อสงฺขตา ธาตุ นิโรโธ เจว อริยสจฺจฺจ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อริยมคฺคโต อฺานิ มคฺคานิ มคฺโค, น อริยสจฺจํ. นิโรโธ อริยสจฺจํ, น มคฺโค. อิตรํ ปน สจฺจทฺวยํ สิยา มคฺโค ภวคามินิปฏิปทาภาวโต, น ปน ยสฺส ภาวนาย ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ ตถตฺเตน, สพฺพากาเรน ปน นิโรธคามินิปฏิปทา มคฺโค เจว อริยสจฺจฺจ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

จตุกฺกโต วินิจฺฉยวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕๖๗. สุฺานีติ เวทกาทีหิ พาหิรกปริกปฺปิเตหีติ อธิปฺปาโย. ทุกฺขฺหิ เวทนียมฺปิ สนฺตํ เวทกรหิตํ, เกวลํ ปน ตสฺมึ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปวตฺตมาเน ทุกฺขํ เวเทตีติ โวหารมตฺตํ โหติ. เอส นโย อิตเรสุปิ.

‘‘ทุกฺขเมวา’’ติ อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘น โกจิ ทุกฺขิโต’’ติ วุตฺตํ. กิริยาว วิชฺชตีติ สมุทยสจฺจํ สนฺธาย วทติ. ปุริมสจฺจทฺวยสฺส วิปากวฏฺฏกมฺมวฏฺฏสงฺคหโต การกสฺส วา ทุกฺขสจฺจสภาวมาห. กาตพฺพาปิ หิ กิริยา การกรหิตา เกวลํ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ตาย ปวตฺตมานาย ทุกฺขสฺิเต ธมฺมปฺปพนฺเธ กิริยํ กโรตีติ โวหารมตฺตํ โหติ. นิพฺพุตคมเกสุปิ เอเสว นโย. ‘‘มคฺโค อตฺถี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘มคฺคมตฺถี’’ติ โอการสฺส อภาโว กโตติ ทฏฺพฺพํ. คมโกติ นิพฺพุตึ คนฺตา.

กิเลสาสุจิปคฺฆรณฏฺเน สาสวตา อสุภตาติ กตฺวา อนาสวตฺตา นิโรธมคฺคา สุภา เอว. ทุกฺขาทีนํ ปริยาเยน สมุทยาทิภาโว จ อตฺถิ, น ปน นิโรธภาโว, นิโรธสฺส วา น ทุกฺขาทิภาโวติ นิโรธาวเสสตฺตยานํ น อฺมฺสมงฺคิตาติ อาห ‘‘นิโรธสุฺานิ วา’’ติอาทิ.

สมุทเย ทุกฺขสฺสาภาวโตติ โปโนภวิกาย ตณฺหาย ปุนพฺภวสฺส อภาวโต. ยถา วา ปกติวาทีนํ วิการา อวิการิภาวโต, ปุพฺเพ ปติปลีนา จ ปกติภาเวเนว ติฏฺนฺติ, น เอวํ สมุทยสมฺปยุตฺตมฺปิ ทุกฺขํ สมุทยภาเวน ติฏฺตีติ อาห ‘‘สมุทเย ทุกฺขสฺสาภาวโต’’ติ. มคฺเค จ นิโรธสฺส อภาวโตติ สมฺพนฺโธ. ยถา อวิภตฺเตหิ วิกาเรหิ มหาหงฺการตมฺมตฺตวิเสสินฺทฺริยภูตวิเสเสหิ ปกติภาเวเนว ิเตหิ ปกติ สคพฺภา อิจฺฉิตา ปกติวาทีหิ, เอวํ น ผเลน สคพฺโภ เหตูติ อตฺโถ. ‘‘ทุกฺขสมุทยานํ นิโรธมคฺคานฺจ อสมวายา’’ติ เอตํ วิวรนฺโต อาห ‘‘น เหตุสมเวตํ เหตุผล’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ‘‘อิธ ตนฺตูสุ ปโฏ, กปาเลสุ ฆโฏ, พีรเณสุ กโฏ ทฺวีสุ อณูสุ ทฺวิอณุก’’นฺติอาทินา อิธ วุทฺธิโวหารชนโก อวิสุํ สิทฺธานํ สมฺพนฺโธ สมวาโย, เตน สมวาเยน การเณสุ ทฺวีสุ อณูสุ ทฺวิอณุกํ ผลํ สมเวตํ เอกีภูตมิว สมฺพทฺธํ, ตีสุ อณูสุ ติอณุกนฺติ เอวํ มหาปถวีมหาอุทกมหาอคฺคิมหาวาตกฺขนฺธปริยนฺตํ ผลํ อตฺตโน การเณสุ สมเวตนฺติ สมวายวาทิโน วทนฺติ. เอวํ ปน วทนฺเตหิ อปริมาเณสุ การเณสุ มหาปริมาณํ เอกํ ผลํ สมเวตํ อตฺตโน อนฺโตคเธหิ การเณหิ สคพฺภํ อสุฺนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวมิธ สมวายาภาวา ผเล เหตุ นตฺถีติ เหตุสุฺํ ผลนฺติ อตฺโถ.

สุฺโต วินิจฺฉยวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ มคฺคนิทฺเทสกถาวณฺณนา.

เอกวิธาทิวินิจฺฉยกถาวณฺณนา

๕๖๘. ปวตฺติภาวโตติ สํสารสฺส ปวตฺติภาวโต. จตุอาหารเภทโตติ จตุอาหารปฺปจฺจยวิเสสโต. เอเตน จตฺตาโร กพฬีการาทิอาหารวิเสเส, อชฺโฌหรณียวตฺถุ, สฬายตน, อวิชฺชา, อภิสงฺขารสงฺขาเต ตปฺปจฺจยภูตธมฺมวิเสเส จ สงฺคณฺหาติ, โอชฏฺมกรูป, เวทนา, ปฏิสนฺธิวิฺาณ, นามรูปสงฺขาเต ตนฺนิพฺพตฺตธมฺมวิเสเส จ.

ปวตฺตกภาวโต ปวตฺติทุกฺขสฺส. รูปาภินนฺทนาทิเภโท รูปกฺขนฺธาทิอภินนฺทนเภโท, รูปารมฺมณาทิวเสนาปีติ วทนฺติ. รูปตณฺหาทีนํ ปจฺเจกํ อเนกเภทตฺตา ฉ ตณฺหากายา, เตสํ เภทโต.

อุปาทาเนหิ อุปาทียตีติ อุปาทิ, อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ. ตนฺนิสฺสรณภูตํ นิพฺพานํ, ตสฺส วูปสโม ตํสนฺตีติ กตฺวา ตสฺส ยาว ปจฺฉิมํ จิตฺตํ, ตาว เสสตํ, ตโต ปรํ อนวเสสตฺจ อุปาทาย สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ, นิรุปาทิเสสนิพฺพานธาตูติ ทฺวิธา โวหรียติ. ยถา จายํ เภโท โวหารโต, เอวมิตเรปีติ เต กติปเย ทสฺเสตุํ ‘‘ติวิโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฺถา เอกสฺส สโต นิพฺพานสฺส กุโต เภโทติ.

สมถวิปสฺสนาเภทโตติ เอตฺถ สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปา วิปสฺสนา, อิตเร สมถาติ วทนฺติ. สีลมฺปิ หิ สมถสฺส อุปการกตฺตา สมถคฺคหเณน คยฺหตีติ เตสํ อธิปฺปาโย. อถ วา ยานทฺวยสฺส วเสน ลทฺโธ มคฺโค สมโถ วิปสฺสนาติ อาคมนวเสน วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. อยนฺติ อริยมคฺโค. สปฺปเทสตฺตาติ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอกเทสตฺตาติ อตฺโถ. เอกเทโส หิ ปทิสฺสติ อวยวภาเวน อปทิสียตีติ ปเทโส, อตฺตโน สมุทายํ ปติ สห ปเทเสนาติ สปฺปเทโสติ วุจฺจติ ยถา ‘‘สนิทสฺสนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๙), สีลกฺขนฺธาทโย จ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรสีลาทิสงฺคาหกา, อริยมคฺโค โลกุตฺตโร เอวาติ ตเทกเทโส โหติ.

สชาติโตติ สมานชาติโต, วจีทุจฺจริตวิรติอาทิเภเทสุ สมานาย สีลชาติยาติ อตฺโถ.

โอนตสหาโย วิย วายาโม ปคฺคหกิจฺจสามฺโต. อํสกูฏํ ทตฺวา ิตสหาโย วิย สติ อปิลาปนวเสน นิจฺจลภาวกรณสามฺโต. สชาติโตติ สวิตกฺกสวิจาราทิเภเทสุ สมานาย สมาธิชาติยาติ อตฺโถ. กิริยโตติ สมาธิอนุรูปกิริยโต. ตโต เอว หิ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา สมาธินิมิตฺตา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา สมาธิปริกฺขารา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖) สติวายามานํ สมาธิสฺส นิมิตฺตปริกฺขารภาโว วุตฺโต.

อาโกเฏนฺเตน วิยาติ ‘‘อนิจฺจํ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ปฺากิจฺจสทิเสน กิจฺเจน สมนฺตโต โกเฏนฺเตน วิย, ‘‘อนิจฺจํ ขยฏฺเน, ทุกฺขํ ภยฏฺเนา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๔๘) ปริวตฺเตนฺเตน วิย จ อาทาย อูหิตฺวา ทินฺนเมว ปฺา ปฏิวิชฺฌติ. ทฺวินฺนํ สมานกาลตฺเตปิ ปจฺจยภาเวน สมฺมาสงฺกปฺปสฺส ปุริมกาลสฺส วิย นิทฺเทโส กโต. สชาติโตติ ‘‘ทุกฺเข าณ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๘) สมานาย ปฺาชาติยา. กิริยโตติ เอตฺถ ปฺาสทิสํ กิจฺจํ ‘‘กิริยา’’ติ วุตฺตํ, ปุพฺเพ ปน สมาธิอุปการกํ ตทนุรูปกิจฺจนฺติ อยเมตฺถ วิเสโส.

‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๔๖) วจนโต จตฺตาริปิ อภิมุขํ ปจฺจกฺขโต าตพฺพานิ, อภิวิสิฏฺเน วา าเณน าตพฺพานีติ อภิฺเยฺยานิ.

๕๖๙. อฺมฺํ สภาคานีติ อฺมฺสมานภาคานิ, สทิสรูปานีติ อตฺโถ.

ทุรภิสมฺภวตรนฺติ อภิสมฺภวิตุํ สาเธตุํ อสกฺกุเณยฺยตรํ, สตฺติวิฆาเตน ทุรธิคมนฺติ อตฺโถ. อสนนฺติ กณฺฑํ. อติปาเตยฺยาติ ขิเปยฺย. โกฏิยาติ กณฺฑสฺส โกฏิยา วาลคฺเคน. โกฏินฺติ วาลสฺเสว โกฏึ. ปฏิวิชฺเฌยฺยาติ ปฏิมุขภาเวน วิชฺเฌยฺย.

พาธกปภวสนฺตินิยฺยานลกฺขเณหิ ววตฺถานํ สลกฺขณววตฺถานํ. ทุรวคาหตฺเถน คมฺภีรตฺตาติ โอฬาริกา ทุกฺขสมุทยา. ติรจฺฉานคตานมฺปิ หิ ทุกฺขํ, อาหาราทีสุ จ อภิลาโส ปากโฏ. ปีฬนาทิอายูหนาทิวเสน ปน ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อิทมสฺส การณ’’นฺติ ยาถาวโต โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา คมฺภีรา. สณฺหสุขุมธมฺมตฺตา นิโรธมคฺคา สภาวโต เอว คมฺภีรฏฺเน ทุรวคาหา. เตเนว อุปฺปนฺเน มคฺเค นตฺถิ นิโรธมคฺคานํ อนวคาโหติ. นิพฺพานมฺปิ มคฺเคน อธิคนฺตพฺพตฺตา ตสฺส ผลนฺติ อปทิสียตีติ อาห ‘‘ผลาปเทสโต’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ทุกฺขนิโรเธ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙). มคฺโคปิ นิโรธสฺส สมฺปาปกภาวโต ‘‘เหตู’’ติ อปทิสียตีติ อาห ‘‘เหตุอปเทสโต’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙).

อิติ เอวํ ปกาเรหีติ อิติ วิชฺาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ อิติสทฺเทน วิชานนกฺกมํ ทสฺเสติ. เอวํ ปกาเรหีติ เอวํ-สทฺเทน วิชานนการณภูเตน เอว.

สภาควิสภาคโตวินิจฺฉยวณฺณนา นิฏฺิตา.

อินฺทฺริยสจฺจนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ โสฬสมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๑๗. ปฺาภูมินิทฺเทสวณฺณนา

ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาวณฺณนา

๕๗๐. อิมิสฺสา ปฺายาติ อิมิสฺสา ยถาธิคตาย วิปสฺสนาย. ภูมิภูเตสูติ ปวตฺติฏฺานภูเตสุ. กามฺจายํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนสมฺา ปิตาปุตฺตสมฺา วิย อเปกฺขาสิทฺธา, เหตุผลธมฺเมสุ ปน ยถากฺกมํ ววตฺถิตาวาติ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เจวา’’ติอาทินา วิภชฺช วุตฺตํ. อาทิสทฺเทนาติ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภทา’’ติ เอตฺถ วุตฺตอาทิสทฺเทน. อวเสสา โหนฺติ, สํวณฺณนาวเสนาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘เตสํ วณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต’’ติ.

อวิชฺชาทโย ธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, น สมุปฺปตฺติมตฺตํ. สฺวายมตฺโถ อิมินา สุตฺตปเทน เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทึ วตฺวา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเน ปน ทสฺเสตุํ ‘‘ชรามรณาทโย ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. กสฺมา ปเนตฺถ อนุโลมโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทธมฺมา ทสฺสิตา, ปฏิโลมโต ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ธมฺมาติ? ยโต เต ปจฺจยโต อุปฺปนฺนา, ตสฺส สมนนฺตรทสฺสนตฺถํ.

น นิจฺจํ น สสฺสตนฺติ อนิจฺจํ. สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตนฺติ สงฺขตํ. ปฏิจฺจ ปจฺจยารหํ ปจฺจยํ นิสฺสาย สหิตเมว อุปฺปนฺนนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ. ขยนสภาวํ ขยธมฺมํ. วยนสภาวํ วยธมฺมํ. วิรชฺชนสภาวํ ปลุชฺชนสภาวํ วิราคธมฺมํ. นิรุชฺฌนสภาวํ นิโรธธมฺมํ. เสสํ ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.

๕๗๑. เอตฺถาติ เอเตสุ ยถาวุตฺเตสุ สุตฺตปเทสุ. สงฺเขโปติ อตฺถสงฺเขโป.

ชาติปจฺจยาติ ชาติสงฺขาตา ปจฺจยา. เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํ. ิตาว สา ธาตูติ ยายํ ชรามรณสฺส อิทปฺปจฺจยตา ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ, เอสา ธาตุ เอส สภาโว. สา ตถาคตานํ อุปฺปาทโต ปุพฺเพ, อุทฺธฺจ อวิฺายมาโน, มชฺเฌ จ วิฺายมาโน, น ตถาคเตหิ อุปฺปาทิโต, อถ โข สมฺภวนฺตสฺส ชรามรณสฺส สพฺพกาลํ ชาติปจฺจยโต สมฺภโวติ ิตา เอว. เกวลํ ปน สยมฺภูาเณน อภิสมฺพุชฺฌนโต, ‘‘อยํ ธมฺโม ตถาคเตน อธิคโต’’ติ ปเวทนโต จ ตถาคโต ‘‘ธมฺมสฺสามี’’ติ วุจฺจติ น อปุพฺพสฺส อุปฺปาทนโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ิตาว สา ธาตู’’ติ. สา เอว ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ เอตฺถ วิปลฺลาสาภาวโต เอวํ อวพุชฺฌมานสฺส เอตสฺส สภาวสฺส, เหตุโน วา ตเถว ภาวโต ิตตาติ ธมฺมฏฺิตตา. ชาติ วา ชรามรณสฺส อุปฺปาทฏฺิติ ปวตฺตอายูหนสํโยคปลิโพธสมุทยเหตุปจฺจยฏฺิตีติ ตทุปฺปาทาทิภาเวนสฺสา ิตตา ‘‘ธมฺมฏฺิตตา’’ติ ผลํ ปติสามตฺถิยโต เหตุเมว วทติ.

อถ วา ธารียติ ปจฺจเยหีติ ธมฺโม, ติฏฺติ ตตฺถ ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลนฺติ ิติ, ธมฺมสฺส ิติ ธมฺมฏฺิติ. ธมฺโมติ วา การณํ, ปจฺจโยติ อตฺโถ. ธมฺมสฺส ิติสภาโว, ธมฺมโต จ อฺโ สภาโว นตฺถีติ ธมฺมฏฺิติ, ปจฺจโย. เตนาห ‘‘ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๕). ธมฺมฏฺิติ เอว ธมฺมฏฺิตตา. สา เอว ธาตุ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ อิมสฺส สภาวสฺส, เหตุโน วา อฺถตฺตาภาวโต ‘‘น ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ วิฺายมานสฺส ตพฺภาวาภาวโต นิยามตา ววตฺถิตภาโวติ ธมฺมนิยามตา. ผลสฺส วา ชรามรณสฺส ชาติยา สติ สมฺภโว ธมฺเม เหตุมฺหิ ิตตาติ ธมฺมฏฺิตตา. อสติ อสมฺภโว ธมฺเม นิยตตาติ ธมฺมนิยามตาติ เอวํ ผเลน เหตุํ วิภาเวติ. ตํ ‘‘ิตาว สา ธาตู’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๐) วุตฺตํ อิทปฺปจฺจยตํ อภิสมฺพุชฺฌติ ปจฺจกฺขกรเณน อภิมุขํ พุชฺฌติ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌติ. อภิสเมตีติ ตสฺส เววจนํ. อาทิโต กเถนฺโต อาจิกฺขติ, อุทฺทิสตีติ อตฺโถ. ตเมว อุทฺเทสํ ปริโยสาเปนฺโต เทเสติ. ยถาอุทฺทิฏฺมตฺถํ นิทฺทิสนวเสน ปกาเรหิ าเปนฺตา ปฺเปติ. ปกาเรหิเยว ปติฏฺเปนฺโต ปฏฺเปติ. ยถานิทฺทิฏฺมตฺถํ ปฏินิทฺทิสนวเสน วิวรติ วิภชติ, วิวฏฺหิ วิภตฺตฺจ อตฺถํ เหตุธารณทสฺสเนหิ ปากฏํ กโรนฺโต อุตฺตานีกโรติ. อุตฺตานีกโรนฺโต ตถาปจฺจกฺขภูตํ กตฺวา นิคมนวเสน ปสฺสถาติ จาห.

๕๗๒. ปจฺจยลกฺขโณติ ปจฺจยภาวลกฺขโณ, ปจฺจโยติ วา ลกฺขิตพฺโพ. ปวตฺติทุกฺขสฺส อนุพนฺธาปนกิจฺจตาย ทุกฺขานุพนฺธนรโส. นิพฺพานคามิมคฺคสฺส อุปฺปถภาวโต กุมฺมคฺคปจฺจุปฏฺาโน.

โส ปนายํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ยาวตฺตเกหิ ปจฺจเยหิ ยํ ผลํ อุปฺปชฺชนารหํ, อวิกเลเหว เตหิ ตสฺส อุปฺปตฺติ, ตทฺเน จ ตสฺส ปโยชนํ นตฺถีติ อาห ‘‘อนูนาธิเกเหวา’’ติ. ยถา ตํ จกฺขุรูปาโลกมนสิกาเรหิ จกฺขุวิฺาณสฺส, เอเตน ตํตํผลนิปฺผาทเนน ตสฺสา ปจฺจยสามคฺคิยา ตปฺปรตา ตถตาติ ทสฺเสติ. สามคฺคินฺติ สโมธานํ, สมวายนฺติ อตฺโถ. อสมฺภวาภาวโตติ อนุปฺปชฺชนสฺส อภาวโต. ปจฺจยสามคฺคิยฺหิ สติ อนุปฺปชฺชเน ตสฺสา วิตถตา สิยา. อฺธมฺมปฺปจฺจเยหีติ อฺสฺส ผลธมฺมสฺส ปจฺจเยหิ. อฺธมฺมานุปฺปตฺติโตติ ตโต อฺสฺส ผลธมฺมสฺส อนุปฺปชฺชนโต. น หิ กทาจิ จกฺขุรูปาโลกมนสิกาเรหิ โสตวิฺาณสฺส สมฺภโว อตฺถิ, ยทิ สิยา, ตสฺสา สามคฺคิยา อฺถตา นาม สิยา, น เจตํ อตฺถีติ ‘‘อนฺถตา’’ติ วุตฺตํ. ปจฺจยโตติ ปจฺจยภาวโต. ปจฺจยสมูหโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

๕๗๓. อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตาติ ตา-สทฺเทน ปทํ วฑฺฒิตํ, น กิฺจิ อตฺถนฺตรํ ยถา เทโว เอว เทวตาติ. อิทปฺปจฺจยานํ วา สมูโห อิทปฺปจฺจยตาติ สมูหตฺถํ ตา-สทฺทมาห ยถา ‘‘ชนานํ สมูโห ชนตา’’ติ. นนุ จ ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. กึ ปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๖) ชาติสทฺทปจฺจยสทฺทสมานาธิกรเณน กึ-สทฺเทน อิทํสทฺทสฺส สมานาธิกรณตาทสฺสนโต อิทปฺปจฺจยสทฺทสฺส กมฺมธารยสมาโส ทิสฺสติ, น เหตฺถ ‘‘อิมสฺส ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา’’ติ ชรามรณสฺส, อฺสฺส วา ปจฺจยโต ชรามรณสมฺภวปุจฺฉา สมฺภวติ วิทิตภาวโต, อสมฺภวโต จ, ชรามรณสฺส ปน ปจฺจยปุจฺฉา สมฺภวติ. ปจฺจย-สทฺเทน จ สมานาธิกรณตาย อิทํ-สทฺทสฺส อิมสฺมา ปจฺจยาติ ปจฺจยปุจฺฉา ยุชฺชติ. สา จ สมานาธิกรณตา พาหิรตฺถสมาเสปิ ลพฺภติ. ตโต จ อฺปทตฺถวจนิจฺฉาภาเว กมฺมธารยสมาโส ลพฺภติ.

สามิวจนสมาเส ปน สมานาธิกรณตา นตฺถีติ น กถฺจิ กมฺมธารยสมาสสมฺภโวติ? นยิทเมวํ วจนิจฺฉนฺตรภาวโต. ปฏิจฺจสมุปฺปาทวจนิจฺฉา เหสา ‘‘อิทปฺปจฺจยตา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ. ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ เอตฺถ ปน ชรามรณสฺส ปจฺจยมตฺตปริปุจฺฉา, ตสฺมา ยถา อิทํ-สทฺทสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิเสสนตา, ปุจฺฉิตพฺพปจฺจยวิเสสนตา จ โหติ, ตถา สมาสวิกปฺโป เอตฺถ, ตตฺถ จ กาตพฺโพติ น สมาสนฺตรทสฺสนํ สามิวจนสมาสพาธกํ. กสฺมา ปเนตฺถาปิ กมฺมธารยสมาโส น อิจฺฉิโตติ? เหตุปฺปภวานํ เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อิมสฺสตฺถสฺส กมฺมธารยสมาเส อสมฺภวโต, ‘‘อิมสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อนุรูโป ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย’’ติ อิมสฺส จ อตฺถสฺส อิจฺฉิตตฺตา. โย ปเนตฺถ อิทํ-สทฺเทน คหิโต อตฺโถ, โส ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ เอตฺถ ชรามรณคฺคหเณเนว คหิโตติ อิทํ-สทฺโท ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนโต อภสฺสิตฺวา อฺาสมฺภวโต ปจฺจเย อวติฏฺติ, ตสฺมา ตตฺถ กมฺมธารยสมาโส. เอตฺถ ปน อิทํ-สทฺทสฺส ตโต ปริจฺจชนการณํ นตฺถีติ สามิวจนสมาโส เอว. เอวมฺปิ น อิทปฺปจฺจโย เอว อิทปฺปจฺจยภาโว ภวิตุํ ยุตฺโตติ อิทปฺปจฺจยตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทตานุปปตฺตีติ? นายํ โทโส อตฺถนฺตราภาวโตติ วุตฺโตวายมตฺโถ.

อถ วา ปน โหตุ อิทปฺปจฺจยภาโว อิทปฺปจฺจยตาติ. ภาโวติ เจตฺถ อวินาภาวิผลํ ปติ เหตุโน สตฺวํ. ตถา หิ อิทปฺปจฺจย-สทฺโท ชาติอาทีสุ นิรุฬฺโห. ตฺจ อิทปฺปจฺจยสตฺวํ อิทปฺปจฺจยโต อฺํ นตฺถิ. ยทิ อฺํ สิยา, ตํ อวิชฺชมานํ สิยา. น หิ สตา อฺํ วิชฺชมานํ โหติ. อถ สตฺวํ สํ นาม, ยสฺส สโต ภาโว, ตํ อสํ นาม สิยา. น หิ ตํ สตฺวํ สภาวํ สตฺวโต อฺตฺตา, ตสฺมา สโต ภาโว สตฺวนฺติ นิทฺเทโส น ยุชฺชติ. น จ สํ-สมฺพนฺเธน อสํ สํ นาม โหติ, ปเคว สํ-สมฺพนฺเธน. อสติ จ สทิติคฺคหณํ วิปรีตคฺคาโหติ น คหณโต สํสิทฺธิ. สทิสกปฺปนายฺจ มาณวกสฺส สีหภาโว วิย น อสโต สํ-สภาวตา. ยสฺมา ปน อิทปฺปจฺจยภาโว ยถาวุตฺตํ สตฺวํ, น อสตฺวํ. นาปิ ยสฺส ตํ สตฺวํ, ตทสํ, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยภาโว อิทปฺปจฺจยสรูปํ สภาวนฺตเรหิ วินิวตฺตภาวทสฺสนตฺถํ อิมสฺสายนฺติ วิเสเสตฺวา อิทปฺปจฺจยตาติ วุตฺตนฺติ น อิทปฺปจฺจยตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทภาวาสมฺภโว.

ปฏิจฺจ สมุปฺปชฺชติ เอตสฺมาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ ตสฺสาปิ เหตุอตฺถภาวโต ชาติอาทิปทานํ เอวเมว เหตุภาววาจกตาย เหตุปธานตา โยเชตพฺพา เหตุปฺปภวานํ เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ กตฺวา. ตถา หิ ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต จตูหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ, อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ ยาว ‘เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๑-๒๒) อเนน สีหนาทสุตฺเตน ปกาสิโต เอวมตฺโถ. ‘‘กึ วาที ปนายสฺมโต สตฺถา กิมกฺขายี’’ติ ปุฏฺเน อายสฺมตา อสฺสชิตฺเถเรน –

‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา, เตสํ เหตุํ ตถาคโต อาห;

เตสฺจ โย นิโรโธ, เอวํวาที มหาสมโณ’’ติ. (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖) –

วุตฺโต. เตน วิฺายติ เหตุปฺปภวานํ เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ. เสสเมตฺถ วตฺตพฺพํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.

๕๗๔. ปฏิจฺจาติ ตํ ตํ การณํ นิสฺสาย. สมฺมาติ อวิปรีตํ อนิจฺจโต อนิจฺจสฺส อุปฺปาโทติ กตฺวา. นิจฺจโต หิ การณโต ผลสฺส อุปฺปาโท วิปรีโต. เตนาห ‘‘ติตฺถิย…เป… นิรเปกฺโข’’ติ. ‘‘อุปฺปาโท ปฺายตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓๘; อ. นิ. ๓.๔๗; กถา. ๒๑๔) เอวํ วุตฺตสงฺขตลกฺขณโต อฺโ ‘‘ปจฺจยโต ขณโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตปจฺจยลกฺขโณ เอโก อากาโร อุปฺปาโทติ เตสํ อธิปฺปาโย. ยํ สนฺธาย เต ‘‘ชาติอาทีนํ เหตโว ชาติอาทโย’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, นิพฺพตฺติลกฺขณวินิมุตฺตสฺส ตาทิสสฺส กสฺสจิ อภาวโต. เตนาห ‘‘ตํ น ยุชฺชตี’’ติอาทิ. คมฺภีรนยาสมฺภวโตติ คมฺภีรานํ นยานฺจ อสมฺภวโต. สทฺทเภทโตติ สทฺทวินาสโต สทฺทาโยคโต. สุตฺตํ นตฺถิ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทิสุตฺตปเทหิ (สํ. นิ. ๒.๑, ๒๐) อุปฺปาทมตฺตสฺส อปฺปกาสิตตฺตา. อยเมว หิ อตฺโถ เหฏฺา ทสฺสิโต อิทานิปิ ทสฺสียติ. ตํ อุปฺปาทมตฺตํ. วิหรามิ ตสฺมึ ปมาภิสมฺพุทฺธกาเลติ อธิปฺปาโย. วิหรามีติ วา กาลวิปลฺลาเสน วุตฺตํ, วิหาสินฺติ อตฺโถ. ตตฺราติ ตสฺมึ ปเทสวิหาเร. ปจฺจยาการทสฺสเนนาติ เยนากาเรน ปจฺจยธมฺโม ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจโย โหติ, โส ปจฺจยากาโร ปจฺจยภาโว, ตสฺส ทสฺสเนน. อิธ ปน เวทนานํ ปจฺจยภาโว อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยาปิ เวทยิต’’นฺติอาทิ. เวทนานํเยว หิ ปจฺจยํ ปสฺสนฺเตน วุตฺตวิหาโร ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เอกเทสเมว ปสฺสโต วิหาโรติ กตฺวา ปเทสวิหาโร ชาโต, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานมนสิกาโร ปมาภิสมฺพุทฺธวิหาโร. ตฺหิ นิปฺปเทสโต ปจฺจยาการทสฺสนนฺติ เอเก. ปเทสวิหารสุตฺตวิโรโธ อาปชฺชติ ตสฺส เวทนานํ ปจฺจยธมฺมมนสิการวิภาวนโต.

โลโก สมุเทติ เอตสฺมาติ โลกสมุทโย, อวิชฺชาทิโก ปจฺจยคโณ, น โลกสมุทยมตฺตํ. เตนาห ‘‘อนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ. นตฺถิตาติ สพฺพโส อภาโว, นรนฺวยวินาโส อุจฺเฉโทติ อตฺโถ. นตฺถิตาสหจรณโต ปน อุจฺเฉททิฏฺิ นตฺถิตาติ อธิปฺเปตา. ปจฺจยานุปรโม ปจฺจยานํ อวิจฺเฉโท. ยถา หิ อตีตเหตุปฺจกสนฺนิสฺสเยน เอตรหิผลปฺจกํ วิย เหตุปฺจกมฺปิ โหติ, เอวํ เอตรหิเหตุปฺจกสนฺนิสฺสเยน อายตึผลปฺจกมฺปิ ภวิสฺสติ. เตนาห ‘‘ปจฺจยานุปรเม ผลานุปรมโต’’ติ.

ตํ คมฺภีรตฺตํ อุปฺปาทมตฺเต นตฺถิ อสภาวธมฺมตฺตา. เอกตฺตนยาทโย นยา สภาวธมฺเมสุ ลพฺภมานโต อุปฺปาทมตฺเต กถฺจิปิ น ลพฺเภยฺยุนฺติ อาห ‘‘นยจตุกฺกํ อุปฺปาทมตฺเต นตฺถี’’ติ.

๕๗๕. สมาเน กตฺตรีติ เอกสฺมึเยว กตฺตริ อุปฺปชฺชนกิริยาย โย กตฺตา, ตสฺมึเยว ปจฺจยนกิริยาย จ กตฺตุภูเตติ อตฺโถ. ยถา ‘‘นฺหตฺวา ภุฺชติ, ภุตฺวา สยตี’’ติ. ‘‘ปุพฺพกาเล’’ติ อิทฺจ ตฺวาสทฺทนฺตานํ ปทานํ เยภุยฺเยน ปุริมกาลกิริยาย ทีปนโต วุตฺตํ, น อิธ ปฏิจฺจสทฺทสฺส ปุริมกาลตฺถตฺตา. เอวฺหิ ‘‘จกฺขุํ ปฏิจฺจา’’ติ นิทสฺสนวจนํ นิทสฺสิตพฺเพน สํสนฺเทยฺย. อถ วา กามฺเจตฺถ อุภินฺนํ กิริยานํ สมกาลตา อุปฺปชฺชนกิริยาย ปุพฺเพ ปจฺจยนกิริยาย อสมฺภวโต, ตถาปิ ผลกิริยาย เหตุกิริยา ปุริมกาโล วิย โวหริตุํ ยุตฺตา. เอวเมตฺถ เหตุผลววตฺถานํ สุปากฏํ โหตีติ อุปจารสิทฺธํ ปุริมกาลํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพกาเล’’ติ. อตฺถสิทฺธิกโรติ วากฺยตฺถปฏิวิฺตฺติกโร. ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ หิ เอตฺถ วากฺยตฺถาวโพโธ อิธ อตฺถสิทฺธีติ อธิปฺเปโต. ปยุชฺชมาโน ปฏิจฺจสทฺโท อุปฺปาทสทฺเทน วุจฺจมานสฺส สมานสฺส ‘‘กตฺตุ อภาวโต’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๔; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕) ปจฺจยนกิริยาย, อุปฺปชฺชนกิริยาย จ วิฺาณเมว กตฺตาติ สมานกตฺตุกตา ลพฺภติ.

‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ ปน อุปฺปาทสทฺทสฺส ภาวสาธนตาย กิริยาว วุตฺตาติ สมานกตฺตุลกฺขโณ สทฺทปฺปโยโค น สมฺภวตีติ. เตนาห ‘‘สทฺทเภทํ คจฺฉตี’’ติ, อปสทฺทปฺปโยโค โหตีติ อตฺโถ. น เจตฺถ ปราวรโยโค (ปาณินี ๓.๔.๒๐) ‘‘อปฺปตฺวา นทึ ปพฺพโต, อติกฺกมฺม ปพฺพตํ นที’’ติอาทีสุ วิย, นาปิ ลกฺขณเหตุอาทิปโยโค ‘‘สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหติ, ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ ชายเต, ‘ธ’นฺติ กตฺวา ทณฺโฑ ปติโต’’ติอาทีสุ วิย. เนเวตฺถ สทฺทเภโท. น หิ หตฺถตเล อามลกํ วิย สพฺพฺเยฺยํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ิตานํ มเหสีนํ วจเน อกฺขรจินฺตกานํ วิปฺปลาโป อวสรํ ลภติ. ลภตุ, วากฺยตฺเถน สทฺทสิทฺธิโต ‘‘นฺหตฺวา คมนํ, ภุตฺวา สยน’’นฺติอาทีสุ วิยาติ. เอวมฺปิ น จ กิฺจิ อตฺถํ สาเธติ. ยทิปิ ปจฺเจกํ ปทตฺโถ ลพฺภติ, วากฺยตฺโถ ปน น ยุชฺชติ, ตสฺมา ทสทาฬิมาทิวากฺยานิ วิย อสมฺพนฺธตฺถตาย นิรตฺถกํ โหตีติ อธิปฺปาโย.

นามปเท วุตฺเต อปฺปยุตฺตานิปิ ‘‘อตฺถิ, โหติ, วิชฺชตี’’ติ เอวรูปานิ กิริยาปทานิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพานีติ ายํ สนฺธายาห ‘‘โหติสทฺเทน สทฺธึ โยชยิสฺสามา’’ติ. อิเมสูติ ยถาวุตฺเตสุ เทสนาปฏิฺาปุจฺฉานิคมนวเสน วุตฺเตสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปเทสุ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ, อฺเสุปิ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทเมว สาธุกํ โยนิโส มนสิ กาโรติ. ยทิทํ อิทปฺปจฺจยตา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๒.๓๓๗; ส. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗). คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๕; สํ. นิ. ๒.๖๐) เอวมาทีสุปิ เอเกนปิ สทฺธึ โหติ-สทฺโท สมฺพนฺธํ น คจฺฉติ. โยคํ น คจฺฉติ ตถา สมฺพนฺธวเสน อวุตฺตตฺตา. ‘‘น จ อุปฺปาโท โหตี’’ติ อิทํ อสภาวธมฺมตฺตา อุปฺปาทสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณาโยคํ สนฺธาย วุตฺตํ. ยถา หิ วินาสสฺส วินาโส นตฺถิ, เอวํ อุปฺปาทสฺส วินาโส วิย อุปฺปาโทปิ นตฺถิ. ยทิ สิยา, เยน อุปฺปาเทน อุปฺปาโท อุปฺปาทวา, โสปิ อุปฺปาทวาติ อนวฏฺานเมว อาปชฺเชยฺยาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เตนาห ‘‘สเจ เหยฺยา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ, กถํ สมุทโย โหตีติ? นายํ โทโส นิพฺพตฺติยา อนธิปฺเปตตฺตา. เอวํ ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย ปาตุภาโว สมฺภวตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ, อิธ ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาโท โหตีติ ตสฺส อตฺถิภาวโจทนาติ กตฺวา โหติ, ชายตีติ นิพฺพตฺติโจทนา กตา สิยาติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ ‘‘น อุปฺปาโท โหตี’’ติ.

๕๗๖. อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโย, เตสํ ภาโว อิทปฺปจฺจยตา. โก ปน โส ภาโวติ อาห ‘‘ภาโว จ นามา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – เยนากาเรน อวิชฺชาทโย สงฺขาราทิปาตุภาวเหตู โหนฺติ, ตสฺมึ อวิชฺชาทีนํ ปวตฺติอาการวิเสเส วิกาเร ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อยํ สมฺาติ. เตสํ วาทีนํ ตํ มฺนํ. เหตุวจนโตติ เหตุภาววจนโต.

๕๗๗. เอตฺถาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปเท. สมุปฺปาทปธานวจนวิฺเยฺโย สสตฺติโก เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อวิปรีตํ อตฺถํ อชานนฺตานํ อฺตฺถ สมุปฺปาทสทฺทสฺส ภาวสาธนสฺส ทสฺสนโต ตถา อิธาปิ พฺยฺชนจฺฉายาย อุปฺปาโทเยวายํ วุตฺโต, น เหตูติ ยา สฺา อุปฺปชฺชติ, สา อิมสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทปทสฺส เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน อตฺถํ คเหตฺวา วูปสเมตพฺพา วิโนเทตพฺพา.

ทฺเวธาติ คาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺมา อตฺตโน ปจฺจยวเสน ปวตฺโต ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสมูโห ปจฺเจตพฺพโต ปฏิจฺโจ จ โส สห อุปฺปชฺชนโต สมุปฺปาโท จ, ปฏิจฺจ วา การณสามคฺคึ อปจฺจกฺขาย สห อุปฺปชฺชนโต เอวาติ จ เอวํ ทฺเวธา ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ อิทํ วจนํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตสฺมา ตสฺส ปจฺจยธมฺโมปิ ผลูปจาเรน ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อิจฺเจว วุตฺโตติ.

ปจฺจยตายาติ ปจฺจยสมูหโต. ปวตฺโตติ นิพฺพตฺโต. ธมฺมสมูโหติ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมปุฺโช. ปตียมาโนติ าณคติยา อภิมุขํ อุเปยมาโน, อภิสมิยมาโนติ อตฺโถ. หิตาย สุขาย จาติ โลกุตฺตรหิตาย, โลกุตฺตรสุขาย จ. สห อุปฺปชฺชติ เอเกกสฺส กทาจิปิ อุปฺปตฺติยา อภาวโต. สมฺมา อุปฺปชฺชติ อเหตุโต, วิสมเหตุโต จ อนุปฺปชฺชนโต. สห อุปฺปชฺชตีติ เอกชฺฌํ อุปฺปชฺชติ อนฺตมโส อฏฺนฺนํ ธมฺมานํ อุปฺปชฺชนโต. น ปจฺจกฺขายาติ อปฏิกฺขิปิตฺวา, อตฺตโน ปจฺจยภูตธมฺมสมุทาเยน เกนจิ น วินาติ อตฺโถ. ตสฺสาติ ยฺวายํ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ วุตฺโต ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสมูโห, ตสฺส อยํ อวิชฺชาทิโก เหตุสมูโห. ‘‘ตปฺปจฺจยตฺตา’’ติ เอเตน ปฏิจฺจสมุปฺปาทปจฺจเย ปฏิจฺจ สมุปฺปาทสมฺาติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ยถา โลเก’’ติอาทิ. ยถา หิ โลเก ‘‘ปิตฺตํ มถิตํ, สูรา ทธิ, ติปุสํ ชโร, เสมฺโห คุโฬ, อายุ ฆต’’นฺติ จ ปจฺจโย ผลโวหาเรน วุจฺจติ, เอวํ ผลูปจาเรน ปฏิจฺจสมุปฺปาโท วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

๕๗๘. ปฏิจฺจ-สทฺเท ปฏิ-สทฺโท อภิมุขตฺโถ, อิจฺจ-สทฺโท คมฺมตฺโถติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปฏิมุขมิโต’’ติ. กสฺส ปน ปฏิมุขํ, เกน วา อิโต, โก วา อิโตติ โจทนตฺตเย ปจฺฉิมํ วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘เหตุสมูโห’’ติ อาห. ตสฺมิฺหิ วิสฺสฏฺเ เหตุสมูโห นาม ปจฺจยสามคฺคีติ ตตฺถ อฺมฺสฺส ปฏิมุขํ, อฺมฺเเนว จ อิโตติ วิสฺสฏฺโวายมตฺโถ โหตีติ. สหิเตติ สมุทิเต อวินิพฺภุตฺเต. โสติ เหตุสมูโห. สมุปฺปาโท อิติ วุตฺโตติ โยชนา.

ปาตุภาวายาติ อุปฺปาทาย. กามํ ปาฬิยํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑; มหาว. ๑; เนตฺติ. ๒๔; วิภ. ๒๒๕) อวิชฺชาว ปจฺจยภาเวน วุตฺตา, ตถาปิ น อวิชฺชา เอกาว ปจฺจโย โหติ, อถ โข สหชาตธมฺมวตฺถุอารมฺมณาทโย, โยนิโสมนสิการาทโย, ตณฺหุปาทานาทโย จ ธมฺมา ยถารหํ สงฺขารุปฺปาทเน อวิชฺชาย สหการีการณํ โหนฺติเยว. เอวํ สงฺขาราทโยปิ วิฺาณาทีนนฺติ อาห ‘‘อวิชฺชาทิเอเกกเหตุสีเสน นิทฺทิฏฺโ เหตุสมูโห’’ติ. สาธารณผลนิปฺผาทกฏฺเนาติ ตํสมูหปริยาปนฺนานํ เหตุธมฺมานํ สาธารณสฺส ผลสฺส นิพฺพตฺตกภาเวน. อเวกลฺลฏฺเนาติ อนูนภาเวน. ตสฺมิฺหิ เหตุสมูเห เอกจฺจาสาธารณฺเจตํ ผลํ, เอกจฺเจเหว จ นิพฺพตฺเตตพฺพํ สิยา, สพฺเพสํ เตสํ ปจฺจยธมฺมานํ อฺมฺาเปกฺขา นตฺถีติ ปฏิมุขคมนาภาวโต ปฏิจฺจตฺโถ น ปริปูเรยฺยาติ. สามคฺคิองฺคานนฺติ ปจฺจยสามคฺคิยา องฺคภูตานํ, สมูหีนนฺติ อตฺโถ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. ผลธมฺมานํ สหิตตา นาม วิสุํ อภาโว, น เหตุธมฺมานํ วิย อฺมฺาเปกฺขาติ อาห ‘‘อฺมฺํ อวินิพฺโภควุตฺติธมฺเม’’ติ อวินิพฺโภคคฺคหณฺเจตฺถ รูปธมฺมานมฺปิ สงฺคณฺหนตฺถํ. อฺถา สมฺปยุตฺตธมฺเมติ วุจฺเจยฺย.

๕๗๙. ปจฺจยตาติ อยํ อวิชฺชาทิโก ปจฺจยสมูโห. อฺโฺนฺติ อฺมฺํ. ปฏิจฺจาติ นิสฺสาย สหการีการณํ ลทฺธา. สมนฺติ อวิสมํ อเวกลฺเลน. สหาติ เอกชฺฌํ. ธมฺเมติ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเม. ยสฺมา อุปฺปาเทติ, ตโตปิ ตสฺมาปิ. เอวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ มุนินา ภควตา ภาสิตาติ โยชนา. น อปฏิจฺจ ปฏิจฺเจวาติ อวธารณตฺถํ ทสฺเสนฺโต คาถายํ เอว-กาโร ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ทสฺเสติ.

เอเกกเทสนฺติ ผลสมุทายสฺส เอกเทเสกเทสํ, ภาคโสติ อตฺโถ. ปุพฺพาปรภาเวนาติ ปฏิปาฏิยา. สพฺพเมตํ รูปารูปกลาปุปฺปาทนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺถานุสารโวหารกุสเลนาติ ปรมตฺถธมฺมานุคตโวหารนิปุเณน.

๕๘๐. ปุริเมน ปเทนาติ โยชนา. สสฺสตาทีนนฺติ สสฺสตภาวาทีนํ, สสฺสตวาทาทีนํ วา. สสฺสตสหจริตา หิ วาทาปิ สสฺสตาทโยติ วุจฺจนฺติ ยถา ‘‘ทุกฺขเทสนา ทุกฺข’’นฺติ. อุจฺเฉทาทีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. วิฆาโต วินาโส, ปหานนฺติ อตฺโถ. าโยติ อนฺตทฺวยวิรหิตา มชฺฌิมา ปฏิปตฺติ.

ปวตฺติธมฺมานนฺติ ปวตฺติภูตานํ ธมฺมานํ, กิเลสวฏฺฏาทีนนฺติ อตฺโถ. ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินยปฺปวตฺโต (ที. นิ. ๑.๓๑) สสฺสตวาโท. ‘‘นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติอาทินยปฺปวตฺโต (ที. นิ. ๑.๑๖๘; ม. นิ. ๒.๑๐๑, ๒๒๗; สํ. นิ. ๓.๒๑๒) อเหตุวาโท. ปกติ อณุกาลาทิวเสน โลโก ปวตฺตตีติ เอวํ ปวตฺโต วิสมเหตุวาโท. อิสฺสรปุริสปชาปติวาทา วสวตฺติวาทา. อเหตุวาทคฺคหเณเนว เจตฺถ สภาวนิยติ ยทิจฺฉาวาทานมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘จกฺขุ เอว จกฺขุสฺส การณ’’นฺติ เอวมาทิโก วิสมเหตุวาโท. อิสฺสราทิวาโท อเหตุวาทนฺโตคโธ. สภาเวเนว ธมฺมา ปวตฺตนฺตีติ วาโท ‘‘วสวตฺติวาโท’’ติ วทนฺติ. กึ หิ ปจฺจยสามคฺคิยา ปโยชนนฺติ อธิปฺปาโย. สมุปฺปาทปเทน ปริทีปิโต โหตีติ โยชนา. ปริทีปนสฺส ปน อวิปรีตการณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺจยสามคฺคิยํ ธมฺมานํ อุปฺปตฺติโต’’ติ วุตฺตํ. วิหตาติ อพฺภาหตา. ‘‘ปุริมปุริมปจฺจยวเสนา’’ติ อิมินา อวิจฺเฉทวเสน ปวตฺตมานํ อุจฺเฉททิฏฺินิวตฺตกํ เหตุผลปพนฺธํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘กุโต อุจฺเฉโท’’ติ. อุจฺเฉทาภาวกถเนเนว เจตฺถ อุจฺเฉทวาทสฺสาปิ อภาวํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.

ตสฺสา ตสฺสา ปจฺจยสามคฺคิยาติ ตสฺมึ ตสฺมึ เหตุปจฺจยสมวาเย. สนฺตตึ อวิจฺฉินฺทิตฺวาติ เหตุผลปพนฺธสงฺขาตสฺส สนฺตานสฺส อวิจฺฉินฺทเนน. เตสํ เตสํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ สมฺภวโต อุปฺปชฺชนโต สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตทฺวยํ อนุปคฺคมฺม ยถาสกํ ปจฺจเยหิ อนุรูปผลุปฺปตฺติ อิธ มชฺฌิมปฏิปทาติ อธิปฺเปตา. กมฺมวฏฺฏสฺส, วิปากวฏฺฏสฺส จ ภินฺนสภาวตฺตา, ภินฺนกาลตฺตา จ โส กโรติ โส ปฏิสํเวเทตีติ วาทปฺปหานํ. กุสลากุสลกฺขนฺธปฺปวตฺติยฺหิ การกโวหาโร, วิปากกฺขนฺธปวตฺติยํ เวทกโวหาโรติ. ยสฺมึ สนฺตาเน กมฺมํ นิพฺพตฺตํ, ตตฺเถว ตสฺส ผลสฺส นิพฺพตฺตนโต อฺโ กโรติ อฺโ ปฏิสํเวเทตีติ วาทปฺปหานํ. น หิ กตสฺส วินาโส, อกตสฺส วา อพฺภาคโม อตฺถิ. ‘‘อิตฺถี, ปุริสา’’ติ โวหาเรน ชนปทนิรุตฺติ. ตตฺถ ยสฺมา ปณฺฑิตาปิ โลเก ‘‘ปฺจกฺขนฺเธ อาเนตุ, นามรูปํ อาคจฺฉตู’’ติ อวตฺวา อิตฺถี, ปุริโสตฺเวว โวหรนฺติ, ตสฺมา ‘‘อิตฺถี เอวายํ, ปุริโส เอวายนฺติ อปริฺาตวตฺถุกานํ โหติ อภินิเวโส. วิทฺทสุโน ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ชานนฺตสฺส ตถา ตถา ปวตฺตมาเน ธมฺเม อุปาทาย ปฺตฺติมตฺตโต ตตฺถ ปรมตฺถโต น อภินิเวโสติ อาห ‘‘ชนปทนิรุตฺติยา อนภินิเวโส’’ติ. สมฺายาติ โลกสมฺาย. อนติธาวนนฺติ อนติกฺกมนํ. ‘‘สตฺโต’’ติ หิ วุตฺเต ‘‘โก เอตฺถ สตฺโต, กึ รูปํ, อุทาหุ เวทนาทโย’’ติ วิภาคํ อกตฺวา โลกสมฺาวเสเนว โลกิเยหิ วิย โลกิโย อตฺโถ สมฺํ อวิลงฺฆนฺเตน โวหริตพฺโพ.

อปโร นโย – ปจฺเจตุมรหตีติ ปฏิจฺโจ. โย หิ นํ ปจฺเจติ อภิสเมติ, ตสฺส อจฺจนฺตเมว ทุกฺขวูปสมาย สํวตฺตติ. สมฺมา, สห จ อุปฺปาเทตีติ สมุปฺปาโท. ปจฺจยธมฺโม หิ อตฺตโน ผลํ อุปฺปาเทนฺโต สมฺปุณฺณเมว อุปฺปาเทติ, น วิกลํ. เย จ ธมฺเม อุปฺปาเทติ, เต สพฺเพ สเหว อุปฺปาเทติ, น เอเกกํ. อิติ ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อถ วา ปฏิจฺจ ปฏิมุขํ อิตฺวา การณสามคฺคึ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา สหิเต อุปฺปาเทตีติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ปฏิมุขคมนฺจ ปจฺจยสฺส การณสามคฺคิยา องฺคภาเวน ผลสฺส อุปฺปาทนเมว. อปฺปฏิกฺขิปิตฺวาติ จ น วินา ตาย การณสามคฺคิยา, องฺคภาวํ อคนฺตฺวา สยเมว น อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. เอเตน การณพหุตา ทสฺสิตา, ‘‘สหิเต’’ติ อิมินา ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมพหุตา. อุภเยนาปิ ‘‘เอกํ น เอกโต’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๗) ปรโต วุจฺจมาโน สาสนนโย ทีปิโต โหติ.

อถ วา ปฏิจฺจ ปจฺเจตพฺพํ ปจฺจยํ ปฏิคนฺตฺวา น วินา เตน สมฺพนฺธสฺส อุปฺปาโท ปฏิจฺจสมุปฺปาโท (อุทา. อฏฺ. ๑). ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เจตฺถ สมุปฺปาทปฺปธานวจนวิฺเยฺโย สสตฺติโก เหตูติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ‘‘ปฏิจฺจา’’ติ วุตฺเต กึ ปฏิจฺจาติ วตฺตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปจฺเจตพฺพ’’นฺติ. โส จ ปจฺจยธมฺโมติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปจฺจย’’นฺติ. อิทานิ ปฏิจฺจสทฺทสฺส อตฺถมาห ‘‘ปฏิคนฺตฺวา’’ติ. การณสฺส สภาเวน ตปฺปฏิลาภคติยา ปตฺวา. กถํ น วินา เตน? สติ เอว ตสฺมึ, ตสฺส จ ผลสฺส อุปฺปาทโต เอว, น อฺถา. อสติ, นิโรธโต จาติ อยํ ปจฺจยฏฺิติ ปฏิจฺจสทฺทสฺส อตฺโถ. เตนายํ ปฏิจฺจสทฺโท ยถา ‘‘อิมสฺมึ สติ อิมสฺสุปฺปาโท’’ติ เอเต สทฺทา ภุมฺมนิสฺสกฺกวจนโชตนีเยน อิทํ-สทฺทวจนียสฺส เหตุมโต เหตุอายตฺตภาเวน ภาวุปฺปาทุตฺตรกิริยาเปกฺเขน ยายสฺส ตทายตฺตตา, ตาย สมตฺถตาย เหตุํ วทนฺติ, เอวํ คนฺตฺวา-สทฺทนฺตรวจนีเยน ตํวิฺเยฺยสฺเสว ปจฺจยนกิริยากตฺตุเหตุมโต เหตุปจฺจยเนน เหตุอายตฺตภาเวน สมุปฺปาทุตฺตรกิริยาเปกฺเขน ยายสฺส ตทายตฺตตา, ตาย สมตฺถตาย เหตุมาห. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อวิชฺชา ปฏิจฺจ, สงฺขารา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๔๖) สงฺขารปิฏเก วุตฺตํ. สมตฺถตา เจตฺถ นิทานาทิภาโว. โส จ ตทวินาภาวิผลํ ปติ สตฺวเมว. สมฺพนฺธสฺสาติ จ สํโยชนานุรูปตาวเสน ชาติอาทินา สมฺพนฺธสฺส ชรามรณาทิปจฺจยุปฺปนฺนสฺส. อุปฺปาโทติ อุปฺปชฺชนํ. ยทิ เอวํ กถํ ปฏิจฺจสทฺทปฺปโยโค, นนุ สมานกตฺตุกานํ ปุพฺพกาเล อีทิโส สทฺทปฺปโยโคติ? ‘‘ภุตฺวา คจฺฉติ, กสิตฺวา วปตี’’ติอาทีสุ สจฺจเมตํ, ตํ ปน เยภุยฺยวเสน ทฏฺพฺพํ สมานาปรกาเล, อสมานกตฺตุเก จ ทสฺสนโต. สมานกาเล ตาว –

‘‘อนฺธการํ นิหนฺตฺวาน, อุทิตายํ ทิวากโร;

วณฺณปฺาวภาเสหิ, โอภาเสตฺวา สมุคฺคโต’’ติ. –

อุทาหรณํ. เกจิ ปน ‘‘มุขํ พฺยาทาย สยติ, อกฺขีนิ ปริวตฺเตตฺวา ปสฺสตี’’ติ อุทาหรนฺติ. อปเร ‘‘นิสชฺช อธีเต, ตฺวา กเถตี’’ติ.

ตตฺถ พฺยาทานปริวตฺตนุตฺตรกาลภาวิสยนทสฺสนกิริยาเปกฺขา ปุพฺพุตฺตรกาลตา อตฺถิ, สา จ เภทานุปลกฺขณา เกหิจิ น ลกฺขียติ. ‘‘นิสชฺช อธีเต, ตฺวา กเถตี’’ติ จ สมานกาลตายปิ อชฺเฌนกถเนหิ ปุพฺเพปิ นิสชฺชฏฺานานิ โหนฺตีติ สกฺกา ปุพฺพุตฺตรกาลตา สมฺภาเวตุํ, ตสฺมา ปุริมานิเยว อุทาหรณานิ ยุตฺตานิ. อุทยสมกาลเมว หิ ตนฺนิวตฺตนิยนิวตฺตนนฺติ. อปรกาเล ‘‘ทฺวารมาวริตฺวา ปวิสติ, อาวริตฺวา นิกฺขมตี’’ติ. เกจิ ปน ‘‘ฑกฺกจฺจ ปติโต ทณฺโฑ’’ติ อุทาหรนฺติ. อภิฆาตภูตสหชาตาย ปน อภิฆาตชสทฺทสฺส สมานกาลตา เอตฺถ ลพฺภติ, ตสฺมา อิธาปิ ปุริมานิเยว อุทาหรณานิ ยุตฺตานิ. ปุริมตาวจนิจฺฉาวเสเนว ปน ลกฺขณเหตุกิริยานํ ลกฺขณเหตุภาววจนิจฺฉาติ ลกฺขณภาวโต ปุริมกาโล อิจฺเจว ‘‘นิหนฺตฺวานา’’ติ สทฺทสิทฺธิ อิจฺฉิตา, เอวฺจ ปจฺจยนกิริยา สมุปฺปชฺชนกิริยาย ปุริมิกาวาติ ปฏิจฺจ-สทฺทสิทฺธิ. ตตฺถ ยุตฺตํ ปจฺจกฺขโต กตฺตุทสฺสนโต. อิธ ปน ตทภาวโต น ยุตฺตนฺติ เจ? นายํ โทโส. อิธาปิ อนุมานโต สิทฺโธ. ชรามรณาทิโก กตฺตา อตฺเถว ‘‘ตฺวา กิริยโต วย’’นฺติ เอวมาทิปโยคทสฺสนโต อวสฺสํ อนุมิยมาเนน กตฺตุนา อีทิโส สทฺทปโยโค อิจฺฉิตพฺโพ. อสมาเน ปน กตฺตริ ‘‘ปิสาจํ ทิสฺวา ภยํ โหติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๑; ๒.๑๘๒; ปุ. ป. ๒๐๔) เอวมาทิ เวทิตพฺพํ. ยถา จ ตตฺถ ปิสาจทสฺสนาทิปุริสพฺยาปาโร, เอวมิธาปิ ปจฺจยนํ ปจฺจยพฺยาปาโร อตฺตโน ผลุปฺปาทนํ, ตฺจ สตฺวํ สมุปฺปาโทวาติ ‘‘ปจฺจเย สติ, ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา’’ติ ปจฺจยนสฺส สมุปฺปาทเหตุตาย คมโก สมานสฺส กตฺตุ อภาเวปิ ปฏิจฺจ-สทฺโท สิทฺโธติ เวทิตพฺโพ. ยทิ ปฏิจฺจสมฺพนฺธสฺส อุปฺปาโท ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, กถํ ปจฺจโย ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ? เหฏฺา วิจาริโตวายมตฺโถ. อปิจ โยยํ สมุปฺปาท-สทฺทวิภาวิตานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปฏิจฺจสทฺทวิภาวิโต สสตฺติโก เหตุ อธิปฺเปโต, ตสฺส สมุปฺปาทาภิมุขตาย ปธานวจนวิฺเยฺยสภาวตฺตา ตถา วุตฺโตติ.

กึ ปน การณํ สมุปฺปาทปธาเนน วจเนน สมุปฺปาทสฺส เหตุ เวทิตพฺโพ, น ปน สเหตุโก สมุปฺปาโท เอวาติ? วุจฺจเต – ทิฏฺสฺส ทุกฺขสฺส โย ปจฺจโย ปจฺจยนิทฺเทเสน ตสฺส วิภาวิตตฺตา. กถํ? ยถาห –

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปริวีมํสมาโน ปริวีมํสติ ‘ยํ โข อิทํ อเนกวิธํ นานปฺปการกํ ทุกฺขํ โลเก อุปฺปชฺชติ ชรามรณํ, อิทํ นุ โข ทุกฺขํ กึ นิทานํ กึ สมุทยํ กึ ชาติกํ กึ ปภวํ, กิสฺมึ สติ ชรามรณํ โหติ, กิสฺมึ อสติ ชรามรณํ น โหตี’ติ. โส ปริวีมํสมาโน เอวํ ปชานาติ ‘ยํ โข อิทํ…เป… อิทํ โข ทุกฺขํ ชาตินิทาน’’’มิจฺจาทินา (สํ. นิ. ๒.๕๑) –

ทิฏฺสฺส ทุกฺขสฺส นิทานํ ปริวีมํสสุตฺเต วุตฺตํ. ตํ ปชานนฺจ นิทานมฺปิ วิฺาตพฺพนฺติ. ยถา จาห –

‘‘ปุพฺเพ เม, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เอตทโหสิ ‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จ, อถ จ ปนิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ นปฺปชานาติ ชรามรณสฺส. กุทาสฺสุ นาม อิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ ปฺายิสฺสติ ชรามรณสฺสา’ติ…เป… ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, โยนิโส มนสิการา อหุ ปฺาย อภิสมโย ‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๐) –

อาทินา ทิฏฺสฺส ทุกฺขสฺส ปจฺจยวีมํสาภิสมยา วุตฺตา. ปจฺจโย หิ าตพฺโพ. ตทภิสมยายตฺตฺจ ทุกฺขนิสฺสรณปชานนนฺติ โย จ าตพฺโพ, โส ปเวเทตพฺโพติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสทฺโท ยํ ยทิทํ สมุปฺปาทสทฺทวิภาวิตํ ทิฏฺํ ทุกฺขํ, ตํ ปจฺจยํ ปฏิจฺเจว, น อฺถาติ เอวํ ปจฺจยวิภาวนตฺถํ วุจฺจติ. ภวติ หิ าตุํ, ปเวเทตุฺจ อิจฺฉิตภาเวน ปธานสฺสาปิ เกนจิ วิเสเสน าตพฺพตาย อปฺปธานภาเวน นิทฺเทโส ยถา ‘‘โก โสตาปนฺโน, ยสฺส ตีณิ สํโยชนานิ ปหีนานิ. โก เทวทตฺโต, ยสฺส อุจฺจตรานิ เคหานี’’ติ, เอวมิธาปิ ปจฺจยปจฺจยนปเวทนฏฺเน นิทฺเทเส สตฺติวิเสเสน อตฺตโน ผเลน ปจฺจนียตาย าตพฺพภาเวน ‘‘ปฏิจฺจา’’ติ ปริยาเยน ปจฺจโย วุตฺโต.

โย จายํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโก นิทฺเทโส, โส จ สกลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส มูลโต ปฏฺาย ปจฺจยานํ ปเวทนาย นิทฺทิฏฺโติ ปริโยสาเนปิ ‘‘เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เอวํ-สทฺเทน สมุคฺฆาตํ ทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส ยถาวุตฺเต ปจฺจเย ตํสมุทยาภิมุเข กตฺวา นิคมิตา ปจฺจยา. ปฏิปทาสุตฺเตปิ (สํ. นิ. ๒.๓) ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา…เป… สมุทโย โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาปฏิปทา’’ติ วุตฺตํ. น จ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนภาเวน คหิตํ ทุกฺขํ มิจฺฉาปฏิปทํ, อถ โข ทุกฺขสมุทยภูตา ปจฺจยาติ. ยถา จ ‘‘ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ (ที. นิ. ๓.๓๓๕), ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) องฺคาณปฏิเวทนตฺถตฺตา เทสนาย สมฺมาสมาธิปธาเนหิ สทฺเทหิ องฺคาณปฏิเวทนํ กตํ, เอวมิธาปิ สมุปฺปาทปธาเนน สทฺเทน ปจฺจยปฏิเวทนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๕๘๑. ยา ปนายํ ตนฺตีติ สมฺพนฺโธ. นิกฺขิตฺตาติ ปิตา, เทสิตาติ อตฺโถ. ยถาธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส ตนนโต ตนฺติ, คนฺโถ. ‘‘กึ วาที, ภนฺเต, สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิเตน ‘‘วิภชฺชวาที, มหาราชา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา; กถา. อฏฺ. นิทานกถา) โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถเรน วุตฺตตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกา วิภชฺชวาทิโน. เต หิ สตฺถารา เวนยิกาทิภาวํ วิภชฺช วุตฺตํ อนุวทนฺติ, โสมนสฺสาทีนํ, จีวราทีนฺจ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพภาวํ. สสฺสตุจฺเฉทวาเท วา วิภชฺช วทนฺติ. ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทีนํ (ที. นิ. ๑.๓๑) ปนียานํ ปนโต, ราคาทิกฺขยสฺส สสฺสตสฺส, ราคาทิกายทุจฺจริตาทิอุจฺเฉทสฺส จ วจนโต, น ปน เอกํสพฺยากรณียาทิเก ตโย ปฺเห อปเนตฺวา วิภชฺชพฺยากรณียเมว วทนฺติ. วิภชฺชวาทีนํ มณฺฑลํ สมูโห วิภชฺชวาทิมณฺฑลํ. วิภชฺชวาทิโน วา ภควโต ปริสา วิภชฺชวาทิมณฺฑลนฺติปิ วทนฺติ, วิภชฺช วา สสฺสตุจฺเฉเท อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม มชฺฌิมปฏิปทาภูตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนโต ภควา, ตทนุวาทโต ตสฺส สาวกา จ วิภชฺชวาทิโนติ. เสสํ ปุริมสทิสํ.

โอตริตฺวาติ โอคาเหตฺวา, วิภชฺชวาที หุตฺวาติ อตฺโถ. น หิ สยํ อวิภชฺชวาที สมาโน วิภชฺชวาทีนํ อนฺตเร านมตฺเตน วิภชฺชวาทิมณฺฑลํ โอติณฺโณ นาม โหติ. อาจริเยหิ อวุตฺตวิปรีตตฺถทีปเนน เต นอพฺภจิกฺขนฺเตน. อวิชฺชา ปุฺาเนฺชาภิสงฺขารานมฺปิ เหตุ ปจฺจโย โหตีติ วทนฺโต, กถาวตฺถุมฺหิ ปฏิกฺขิตฺเต ปุคฺคลวาทาทิเก จ วทนฺโต สกสมยํ โวกฺกมติ นาม, ตถา อโวกฺกมนฺเตน. ปรสมยํ โทสาโรปนพฺยาปารวิรเหน อนายูหนฺเตน. ‘‘อิทมฺปิ สุตฺตํ คเหตพฺพ’’นฺติ ปรสมยํ อสมฺปิณฺเฑนฺเตนาติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติอาทีนิ (ม. นิ. ๑.๓๙๖) วทนฺโต สุตฺตํ ปฏิพาหติ นาม, ตถา อปฏิพาหนฺเตน. ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายาย (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗, ๔๑๘), สุปินนฺเต กโต วีติกฺกโม อาปตฺติกโร โหตี’’ติ จ เอวมาทึ วทนฺโต วินยํ ปฏิโลเมติ นาม, ตพฺพิปริยาเยน ตํ อนุโลเมนฺเตน. ปฏิโลเมนฺโต หิ กมฺมนฺตรํ ภินฺทนฺโต, ธมฺมตฺจ วิโลเมนฺโต กุโต กิเลสวินยํ อนุโลเมติ. สุตฺเต (ที. นิ. ๒.๑๘๗ อาทโย; อ. นิ. ๔.๑๘๐) วุตฺเต จตฺตาโร มหาปเทเส, อฏฺกถายฺจ วุตฺเต สุตฺตสุตฺตานุโลมอาจริยวาทอตฺตโนมติมหาปเทเส โอโลเกนฺเตน. ตโทโลกเนน หิ สุตฺเต, วินเย จ สนฺติฏฺติ นาติธาวติ.

ธมฺมนฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปาฬึ. อตฺถนฺติ ตทตฺถํ. เหตุ, เหตุผลานิ วา อยเมตฺถ เหตุ ธมฺโม, อิทเมตฺถ เหตุผลํ อตฺโถติ. ธมฺมนฺติ วา ธมฺมตํ. ยถา เอเก ‘‘อุปฺปาทา วา ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ ิตาว สา ธาตู’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐) สุตฺตปทสฺส อตฺถํ มิจฺฉา คาเหนฺตา ‘‘นิจฺโจ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ ปจฺจยาการธมฺมํ มิจฺฉา ทีเปนฺติ, เอวํ อทีเปตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺตโน ผลํ ปติ การณสฺส ววตฺถิตสภาวํ ทีเปนฺเตน. ยถา จ เอเก ‘‘อนิโรธํ อนุปฺปาท’’นฺติอาทินา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส อตฺถํ มิจฺฉา คาเหนฺติ, เอวํ คาเห อกตฺวา วุตฺตนเยเนว อวิปรีตํ อตฺถํ สงฺคาเหนฺเตน. ‘‘ทุกฺขาทีสุ อฺาณํ อวิชฺชา’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปริวตฺเตตฺวา ปุน ‘‘ปุพฺพนฺเต อฺาณ’’นฺติอาทีหิ (ธ. ส. ๑๐๖๗) อปเรหิปิ ปริยาเยหิ นิทฺทิสนฺเตน. ‘‘สงฺขารา อิมินา ปริยาเยน ภโวติ วุจฺจนฺติ, ตณฺหา อิมินา ปริยาเยน อุปาทาน’’นฺติอาทินา นิทฺทิสนฺเตนาติ จ วทนฺติ. ปกติยาติ ยถาวุตฺตวิธานํ อนามสิตฺวา เกวลเมว.

สจฺจนฺติ จตุสจฺจํ. สตฺโตติ สตฺตสุฺตาติ วทนฺติ, สตฺตสุฺเสุ ปน สงฺขาเรสุ สตฺตโวหาโร, สตฺตตฺถกิจฺจสิทฺธิ จ. ปจฺจยาการเมว จาติ ปจฺจยากาโร เอว จ, -กาโร ปทสนฺธิกโร. ปจฺจยธมฺมานํ อตฺตโนเยว ผลสฺส ปจฺจยภาโว ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อตฺโถ.

ตสฺมาติ วุตฺตนเยน อตฺถวณฺณนาย กาตพฺพตฺตา, ทุกฺกรตฺตา จ ปติฏฺํ นาธิคจฺฉามีติ ยตฺถ ิตสฺส วณฺณนา สุกรา โหติ, ตสฺสา ปติฏฺาภูตํ ตํ นยํ อตฺตโนเยว าณพเลน นาธิคจฺฉามีติ อตฺโถ. นิสฺสยํ ปน อาจิกฺขนฺโต ‘‘สาสนํ ปนิท’’นฺติอาทิมาห. อิธ สาสนนฺติ ปาฬิธมฺมมาห, ปฏิจฺจสมุปฺปาทเมว วา. โส หิ อนุโลมปฏิโลมาทินานาเทสนานยปฏิมณฺฑิโต อพฺโพจฺฉินฺโน อชฺชาปิ ปวตฺตตีติ นิสฺสโย โหติ. ตทฏฺกถาสงฺขาโต จ ปุพฺพาจริยมคฺโค. ‘‘ตํ สุณาถ สมาหิตา’’ติ อาทรชนเน, อุสฺสาหเน จ กึ ปโยชนนฺติ เจ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ. อฏฺิ กตฺวาติ อตฺถํ กตฺวา. ยถา วา น นสฺสติ, เอวํ อฏฺิคตํ วิย กโรนฺโต อฏฺึ กตฺวา. ปุพฺพกาลโต อปรกาเล ภวํ ปุพฺพาปริยํ. วิเสสนฺติ ปมารมฺภโต ปภุติ ขเณ ขเณ าณวิเสสํ, กิเลสกฺขยวิเสสฺจ ลภตีติ อตฺโถ.

๕๘๒. เทสนาเภทโตติ เทสนาวิเสสโต. อตฺถโต, ลกฺขณาทิโต, เอกวิธาทิโต จ อตฺถลกฺขเณกวิธาทิโต. องฺคานฺจ ววตฺถานาติ อวิชฺชาทีนํ ทฺวาทสนฺนํ องฺคานํ ววตฺถานทสฺสนโต.

กมฺมวิปากกิเลสวฏฺฏานํ มูลการณตฺตา, อาทิโต วุตฺตตฺตา จ อวิชฺชา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มูลํ. ตตฺถ วลฺลิยา มูเล ทิฏฺเ ตโต ปภุติ วลฺลิหรณํ วิย ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มูเล ทิฏฺเ ตโต ปภุติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนาติ อุปมาสํสนฺทนา น กาตพฺพา. น หิ ภควโต อิทเมว ทิฏฺํ, อิทํ อทิฏฺนฺติ วิภชนียํ อตฺถิ สพฺพสฺส ทิฏฺตฺตา. มูลโต ปภุติ ปน วลฺลิหรณํ วิย มูลโต ปภุติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา กตาติ อิทเมตฺถ สามฺํ อธิปฺเปตํ, โพธเนยฺยชฺฌาสยวเสน วา โพเธตพฺพภาเวน มูลาทิทสฺสนสามฺํ โยเชตพฺพํ.

ตสฺสาติ –

‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, กุมาโร วุทฺธิมนฺวาย อินฺทฺริยานํ ปริปากมนฺวาย ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต…เป… รชนีเยหิ. โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา ปิยรูเป รูเป สารชฺชติ, อปฺปิยรูเป รูเป พฺยาปชฺชติ, อนุปฏฺิตกายสติ จ วิหรติ ปริตฺตเจตโส, ตฺจ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ยตฺถสฺส เต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ. โส เอวํ อนุโรธวิโรธํ สมาปนฺโน ยํ กิฺจิ เวทนํ เวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, โส ตํ เวทนํ อภินนฺทติ อภิวทติ, อชฺโฌสาย ติฏฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๘) –

เอวํ วุตฺตสฺส. เอวํ โสตทฺวาราทีสุปิ. ตสฺส อภินนฺทโตติ สปฺปีติกตณฺหาย อภิมุขภาเวน นนฺทโต. อภิวทโตติ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ วจีเภทกรณปวตฺตาย พลวตณฺหาย ‘‘อหํ, มมา’’ติ อภิวทโต. ตโต พลวติยา โมเจตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อชฺโฌสาย ติฏฺโต. ตโตปิ พลวตี ปน อุปาทานภูตา ตณฺหา นนฺที. เอตฺถ จ อภินนฺทนาทินา ตณฺหา วุตฺตา, นนฺทิวจเนน ตปฺปจฺจยํ อุปาทานํ จตุพฺพิธมฺปิ นนฺทิตาตทวิปฺปโยคตาหิ, ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนภาเวหิ จาติ เวทิตพฺพํ.

ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติอาทิกฺจ ตตฺเถว มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺเต วุตฺตํ.

วิปากวฏฺฏภูเต ปฏิสนฺธิปวตฺติผสฺสาทิเก กมฺมสมุฏฺานฺจ โอชํ สนฺธาย ‘‘จตฺตาโร อาหารา ตณฺหานิทานา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วฏฺฏูปถมฺภกา ปน อิตเรปิ อาหารา ตณฺหาปภเว ตสฺมึ อวิชฺชมาเน น วิชฺชนฺตีติ ‘‘ตณฺหานิทานา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏนฺติ.

๕๘๓. ตโต ตโตติ จตุพฺพิธาสุ เทสนาสุ ตโต ตโต เทสนโต. ายปฺปฏิเวธาย สํวตฺตตีติ าโยติ มคฺโค, โส เอว วา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ‘‘อริโย จสฺส าโย ปฺาย สุทิฏฺโ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๔๑; ๕.๑๐๒๔) วจนโต. สยเมว หิ โส สมนฺตภทฺทกตฺตา ตถา ตถา ปฏิวิชฺฌิตพฺพตฺตา ตาย ตาย เทสนาย อตฺตโน ปฏิเวธาย สํวตฺตติ. จตุพฺพิธคมฺภีรภาวปฺปตฺติยาติ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีเรสุ ปติฏฺาธิคมเนน ปติฏฺิตตฺตาติ อตฺโถ.

สมนฺตภทฺทกตา, เทสนาวิลาสปฺปตฺติ จ จตุนฺนมฺปิ เทสนานํ สมานํ การณนฺติ วิเสสการณํ วตฺตุกาโม อาห ‘‘วิเสสโต’’ติ. อสฺสาติ อสฺส ภควโต เทสนา, อสฺส วา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนาติ โยเชตพฺพํ. ปวตฺติการณวิภาโค อวิภตฺตสภาวา อวิชฺชาทโยว, การณนฺติ วา คหิตานํ ปกติอาทีนํ, อวิชฺชาทีนฺจ อการณตา, การณตา จ. ตตฺถ สมฺมูฬฺหา เกจิ อการณํ การณนฺติ คณฺหนฺติ, เกจิ น กิฺจิ การณํ พุชฺฌนฺตีติ เตสํ ยถาสเกหิ อนุรูเปหิ การเณหิ สงฺขาราทิปวตฺติสนฺทสฺสนตฺถํ, สํสารปฺปวตฺติสนฺทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. ปวตฺติอาทีนวปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา อาทิ, ตโต สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, ตโต วิฺาณนฺติ เอวํ ปวตฺติยา อุปฺปตฺติกฺกมสนฺทสฺสนตฺถํ, คพฺภเสยฺยกาทิวเสน วา ตตฺถ ตตฺถ ภเว อตฺตภาวสฺส อุปฺปชฺชนานุปุพฺพิสนฺทสฺสนตฺถฺจ อนุโลมเทสนา ปวตฺตาติ. อิตราสํ ตทตฺถตาสมฺภเวปิ น ตาสํ ตทตฺถเมว ปวตฺติ อตฺถนฺตรสพฺภาวโต. อยํ ปน ตทตฺถา เอวาติ เอติสฺสา ตทตฺถตา วุตฺตา.

อนุวิโลกยโต โย สมฺโพธิโต ปุพฺพภาเค ตํตํปจฺจยุปฺปนฺนาวโพธสงฺขาโต ปุพฺพภาคปฏิเวโธ ปวตฺโต, ตทนุสาเรน ตทนุคเมน ชรามรณาทิกสฺส ชาติอาทิการณํ ยํ อธิคตํ, ตสฺส สนฺทสฺสนตฺถํ อยํ ปฏิโลมเทสนา ปวตฺตา. อนุวิโลกยโต ปฏิโลมเทสนา ปวตฺตาติ วา สมฺพนฺโธ. เทเสนฺโตปิ หิ ภควา กิจฺฉาปนฺนํ โลกํ อนุวิโลเกตฺวา ปุพฺพภาค…เป… สนฺทสฺสนตฺถํ เทเสสีติ. อาหารตณฺหาทโย ปจฺจุปฺปนฺนทฺธา, สงฺขาราวิชฺชา อตีตทฺธาติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘ยาว อตีตํ อทฺธานํ อติหริตฺวา’’ติ. อาหารา วา ตณฺหาย ปภาเวตพฺพา อนาคโต อทฺธา, ตณฺหาทโย ปจฺจุปฺปนฺโน, สงฺขาราวิชฺชา อตีโตติ. ปจฺจกฺขํ ปน ผลํ ทสฺเสตฺวา ตนฺนิทานทสฺสนวเสน ผลการณปรมฺปรทสฺสนํ ยุชฺชตีติ อาหารา ปุริมตณฺหาย อุปฺปาทิตา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา, ตณฺหาทโย อตีโต, สงฺขาราวิชฺชา ตโตปิ อตีตตโร สํสารสฺส อนาทิภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺโตติ. ยาว อตีตทฺธานนฺติ ยาว อตีตตรํ อทฺธานนฺติ อตฺโถ ยุตฺโตติ. อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติอาหารกา วา จตฺตาโร อาหารา ‘‘อาหาเรตีตาหํ น วทามิ…เป… เอวํ ปน มํ อวทนฺตํ โย เอวํ ปุจฺเฉยฺย ‘กิสฺส นุ โข, ภนฺเต, วิฺาณาหาโร’ติ, เอส กลฺโล ปฺโห, ตตฺร กลฺลํ เวยฺยากรณํ, วิฺาณาหาโร อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒) วจนโต, ตํสมฺปยุตฺตตฺตา ผสฺสเจตนานํ, ตปฺปวตฺติเหตุตฺตา จ กพฬีการาหารสฺส. เตน หิ อุปตฺถมฺภิตรูปกายสฺส, ตฺจ อิจฺฉนฺตสฺส กามวิฺาณายูหนํ โหติ. โภชนฺหิ สทฺธาทีนํ, ราคาทีนฺจ อุปนิสฺสโยติ วุตฺตํ. ตสฺมา เต กมฺมวฏฺฏสงฺคหิตา อาหารา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธาติ อิมสฺมึ ปริยาเย ปุริโมเยว อตฺโถ ยุตฺโต.

อตีตทฺธโต ปภุติ ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒) อตีเต, ตโต ปรฺจ เหตุผลปฏิปาฏึ ปจฺจกฺขภูตานํ อาหารานํ นิทานทสฺสนวเสน อาโรหิตฺวา นิวตฺตเนน วินา อพุชฺฌนฺตานํ ตํสนฺทสฺสนตฺถํ สา อยํ เทสนา ปวตฺตาติ อตฺโถ. อนาคตทฺธเหตุสมุฏฺานโต ปภุตีติ อนาคตสฺส ภวสฺส เหตุภูตานํ ธมฺมานํ อุปฺปตฺติโต ปฏฺาย. อนาคตทฺธสนฺทสฺสนตฺถนฺติ อนาคตทฺธุโน อปฺปฏิวิชฺฌนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ ปจฺจกฺขํ ปจฺจุปฺปนฺนํ เหตุํ ทสฺเสตฺวา เหตุผลปรมฺปราย ตสฺส สนฺทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา, ปริโยสานโต จ ปฏฺาย ยาว อาทิ ปวตฺตา เทสนา ทฺวาทสงฺคา, ตโต เอว ติสนฺธิ จตุสงฺเขปา. มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว อาทิ ปวตฺตา เทสนา อฏฺงฺคา ทฺวิสนฺธิ ติสงฺเขปา. มชฺฌโต ปน ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา ปวตฺตา เทสนา ฉฬงฺคา ทฺวิสนฺธิ ติสงฺเขปา. ‘‘สํโยชนิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗) มชฺฌโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา ปวตฺตา เทสนา เอกสนฺธิ ทฺวิสงฺเขปา. เอวํ อยํ อเนกงฺคา เอว ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา อาคตา. เอกงฺควเสนาปิ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา ลพฺภเตว. ยถาห –

‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก ปฏิจฺจสมุปฺปาทํเยว สาธุกํ โยนิโส มนสิ กโรติ ‘อิติ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’ติ. สุขเวทนิยํ, ภิกฺขเว, ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขเวทนา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๒) –

อาทิ. เอตฺถ หิ ‘‘ผสฺสปจฺจยา’’ติ เอตฺตโก เอว ปฏิจฺจสมุปฺปาโท วุตฺโต. เตเนตํ วิฺายติ ‘‘เอกงฺคปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ.

ตตฺถ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ โหติ. อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตีติ อวิชฺชาทีนํ อภาเว สงฺขาราทีนํ อภาวสฺส, อวิชฺชาทีนํ นิโรธา สงฺขาราทีนํ นิโรธสฺส จ วจเนน ปุริมสฺมึ ปจฺจยลกฺขเณ นิยโม ทสฺสิโต โหติ ‘‘อิมสฺมึ สติ เอว, น อสติ, อิมสฺส อุปฺปาทา เอว, น นิโรธา’’ติ. เตเนตํ ลกฺขณํ อนฺโตคธนิยมํ อิธ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

นิโรโธติ จ อวิชฺชาทีนํ วิราคาธิคเมน อายตึ อนุปฺปาโท อปฺปวตฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อวิชฺชายตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติอาทิ (มหาว. ๑; อุทา. ๓). นิโรธวิโรธี จ อุปฺปาโท, เยน โส อุปฺปาทวิโรธิภาเวน วุตฺโต ‘‘อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ, เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘อนิโรโธ อุปฺปาโท นาม, โส เจตฺถ อตฺถิภาโวติปิ วุจฺจตี’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติ อิทเมว หิ ลกฺขณํ ปริยายนฺตเรน ‘‘อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺเตน ปเรน ปุริมํ วิเสสิตํ โหติ, ตสฺมา น ธรมานตํเยว สนฺธาย ‘‘อิมสฺมึ สตี’’ติ วุตฺตํ, อถ โข มคฺเคน อนิรุทฺธภาวฺจาติ วิฺายติ. ยสฺมา จ ‘‘อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ (อุทา. ๒) ทฺวิธาปิ อุทฺทิฏฺลกฺขณสฺส นิโรธสฺส นิทฺเทสํ วทนฺเตน ‘‘อวิชฺชายตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทินา (มหาว. ๑; อุทา. ๓) นิโรโธ เอว วุตฺโต, ตสฺมา นตฺถิภาโวปิ นิโรโธ เอวาติ นตฺถิภาววิรุทฺโธ อตฺถิภาโว อนิโรโธติ ทสฺสิตํ โหติ. เตน อนิโรธสงฺขาเตน อตฺถิภาเวน อุปฺปาทํ วิเสเสติ. ตโต น อิธ อตฺตลาภมตฺตํ อุปฺปาโทติ อธิปฺเปโต, อถ โข อนิโรธสงฺขาโต อตฺถิภาโว จาติ อยมตฺโถ วิภาวิโตติ เอวเมตํ ลกฺขณทฺวยวจนํ อฺมฺํ วิเสสนวิเสสิตพฺพภาเวน สาตฺถกนฺติ เวทิตพฺพํ.

โก ปนายํ อนิโรโธ นาม, โย อตฺถิภาโว, อุปฺปาโทติ จ วุจฺจตีติ? อปฺปหีนภาโว, อนิพฺพตฺติตผลตาปฺปหีนารหตาหิ ผลุปฺปาทนารหตา จ. เย เตหิ ปหาตพฺพา อกุสลา ธมฺมา, เตสํ อริยมคฺเคน อสมุคฺฆาติตภาโว, เย ปน น ปหาตพฺพา กุสลาพฺยากตา ธมฺมา, ยานิ เตสุ สํโยชนานิ อขีณาสวานํ, เตสํ อปริกฺขีณตา จ. อสมุคฺฆาติตานุสยตาย หิ สสํโยชนาขนฺธปฺปวตฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘ยาย จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชาย นิวุตสฺส พาลสฺส, ยาย จ ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺส อยํ กาโย สมุทาคโต, สา เจว อวิชฺชา พาลสฺส อปฺปหีนา, สา จ ตณฺหา อปริกฺขีณา. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, พาโล อจริ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตสฺมา พาโล กายสฺส เภทา กายูปโค โหติ, โส กายูปโค สมาโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชรามรเณนา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๙) –

อาทิ. ขีณสํโยชนานํ ปน อวิชฺชาย อภาวโต สงฺขารานํ, ตณฺหุปาทานานํ อภาวโต อุปาทานภวานํ น สมฺภโวติ วฏฺฏสฺส อุปจฺเฉโท ปฺายติ. เตเนวาห –

‘‘ฉนฺนนฺตฺเวว, ผคฺคุน, ผสฺสายตนานํ อเสสวิราคนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒) –

อาทิ. น หิ อคฺคมคฺคาธิคมโต อุทฺธํ ยาว ปรินิพฺพานา สฬายตนาทีนํ อปฺปวตฺติ, อถ โข นตฺถิตา, นิโรธสทฺทวจนียตา, ขีณสํโยชนตาติ นิโรโธ วุตฺโต. อปิจ จิรกตมฺปิ กมฺมํ อนิพฺพตฺติตผลตาย, อปฺปหีนารหตาย จ ผลารหํ สนฺตํ เอว นาม โหติ, น นิพฺพตฺติตผลํ, นาปิ ปหีนารหนฺติ ผลุปฺปตฺติปจฺจยานํ อวิชฺชาสงฺขาราทีนํ วุตฺตนเยน ผลารหภาโว อนิโรโธติ เวทิตพฺพํ. เอวํ อนิรุทฺธภาเวเนว หิ เยน วินา ผลํ น สมฺภวติ, ตํ การณํ อตีตาทิปิ ‘‘อิมสฺมึ สตี’’ติ อิมินา วจเนน วุตฺตํ. ตโต เอว จ อวุสิตพฺรหฺมจริยสฺส อปฺปวตฺติธมฺมตํ อนาปนฺโน ปจฺจยุปฺปาโท กาลเภทํ อนามสิตฺวา อนิวตฺติตาย เอว ‘‘อิมสฺสุปฺปาทา’’ติ วุตฺโต. อถ วา อวเสสปจฺจยสมวาเย อวิชฺชมานสฺสาปิ วิชฺชมานสฺส วิย ปเคว วิชฺชมานสฺส ยา ผลุปฺปตฺติอภิมุขตา, สา ‘‘อิมสฺสุปฺปาทา’’ติ วุตฺตา. ตทา หิ ตโต ผลํ อุปฺปชฺชตีติ ตทวตฺถํ การณํ ผลสฺส อุปฺปาทนภาเวน อุปฏฺิตํ อุปฺปติตํ นาม โหติ, น วิชฺชมานมฺปิ อตทวตฺถนฺติ ตทวตฺถตา อุปฺปาโทติ เวทิตพฺพา.

ตตฺถ ‘‘สตี’’ติ อิมินา วิชฺชมานตามตฺเตน ปจฺจยภาวํ วทนฺโต อพฺยาปารตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. อุปฺปาทาติ อุปฺปตฺติธมฺมตํ, อสพฺพกาลภาวิตํ, ผลุปฺปตฺติอภิมุขตฺจ ทีเปนฺโต อนิจฺจตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. ‘‘สติ, น อสติ, อุปฺปาทา, น นิโรธา’’ติ ปน เหตุอตฺเถหิ ภุมฺมนิสฺสกฺกวจเนหิ สมตฺถิตํ นิทานสมุทยชาติปภวภาวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. เหตุอตฺถตา เจตฺถ ภุมฺมวจเน ยสฺส ภาเวน ตทวินาภาวิผลสฺส ภาโว ลกฺขียติ, ตตฺถ ปวตฺติยา เวทิตพฺพา, ยถา อธนานํ ธเน อนนุปฺปทียมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลมคมาสิ (ที. นิ. ๓.๙๑), นิปฺผนฺเน สสฺเส สุภิกฺขํ ชายตีติ จ. นิสฺสกฺกวจนสฺสาปิ เหตุอตฺถตา ผลสฺส ปภเว ปกติยฺจ ปวตฺติยา, ยถา ‘‘กลลา โหติ อพฺพุทํ, อพฺพุทา ชายเต เปสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๕; กถา. ๖๙๒), ‘‘หิมวตา คงฺคา ปภวติ, สิงฺคโต สโร ชายตี’’ติ จ. อวิชฺชาทิภาเวน จ ตทวินาภาวิสงฺขาราทิภาโว ลกฺขียติ, อวิชฺชาทีหิ จ สงฺขาราทโย ปภวนฺติ, ปกรียนฺติ จาติ เตสํ ปภโว, ปกติ จ, ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิมสฺสุปฺปาทา’’ติ เหตุอตฺถา ภุมฺมนิสฺสกฺกนิทฺเทสา กตา.

ยสฺมา เจตฺถ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สงฺเขเปน อุทฺทิฏฺสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโก นิทฺเทโส, ตสฺมา ยถาวุตฺโต อตฺถิภาโว, อุปฺปาโท จ เตสํ เตสํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ปจฺจยภาโวติ วิฺายติ. น หิ อนิรุทฺธตาสงฺขาตํ อตฺถิภาวํ, อุปฺปาทฺจ อนิวตฺตสภาวตาสงฺขาตํ, อุทยาวตฺถตาสงฺขาตํ วา ‘‘สติเยว, น อสติ, อุปฺปาทา เอว, น นิโรธา’’ติ อนฺโตคธนิยเมหิ วจเนหิ ปกาสิตํ มุฺจิตฺวา อฺโ ปจฺจยภาโว นาม อตฺถิ, ตสฺมา ยถาวุตฺโต อตฺถิภาโว, อุปฺปาโท จ ปจฺจยภาโวติ เวทิตพฺโพ. เยปิ หิ ปฏฺาเน อาคตา เหตุอาทโย จตุวีสติ ปจฺจยา, เตปิ เอตสฺเสว ปจฺจยภาวสฺส วิเสสาติ เวทิตพฺพา. ตถา ยฺวายํ มูลเหตุนิทานสมฺภวปภวาทิปริยาเยหิ, อุปฺปาทฏฺิติ ปวตฺตฏฺิติ นิมิตฺตฏฺิติ อายูหนฏฺิติ สํโยคฏฺิติ ปลิโพธฏฺิตีติอาทิปริยาเยหิ จ ปกาสิโต การณตฺโถ, โสปิ เอตฺเถว อนฺโตคโธติ ทฏฺพฺโพ.

๕๘๔. มูลการณสทฺทํ อเปกฺขิตฺวา น อการณนฺติ นปุํสกนิทฺเทโส, อการณาติ อตฺโถ. อการณํ ยทิ สิยา, สุตฺตํ ปฏิพาหิตํ สิยาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาสวสมุทยา’’ติ สุตฺตํ อาหรติ. ปริยาโย การณํ. วฏฺฏกถาย สีสภาโว วฏฺฏเหตุโน กมฺมสฺสาปิ เหตุภาโว. ตตฺถ ภวตณฺหายปิ เหตุภูตา อวิชฺชา, ตาย ปฏิจฺฉาทิตาทีนเว ภเว ตณฺหาย อุปฺปชฺชนโต อวิชฺชา วิเสเสน สีสภูตาติ ‘‘มูลการณ’’นฺติ วุตฺตา.

ปุริมาย โกฏิยา อปฺายมานาย อุปฺปาทวิรหโต นิจฺจตํ คณฺเหยฺยาติ อาห ‘‘เอวํ เจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจตี’’ติอาทิ. เตน อิโต ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพตา นตฺถีติ อปฺายนโต ปุริมโกฏิอปฺายนํ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ.

๕๘๕. อวิชฺชาตณฺหาเหตุกฺกเมน ผเลสุ วตฺตพฺเพสุ ‘‘สุคติทุคฺคติคามิโน’’ติ วจนํ สทฺทลกฺขณาวิโรธนตฺถํ. ปูชิตสฺส หิ ทฺวนฺเท ปุพฺพนิปาโต. สวรา กิร มํสสฺส อฏฺินา อลคฺคนตฺถํ ปุนปฺปุนํ ตาเปตฺวา โกฏฺเฏตฺวา อุณฺโหทกํ ปาเยตฺวา วิริตฺตํ สูนํ อฏฺิโต มุตฺตมํสํ คาวึ มาเรนฺติ. เตนาห ‘‘อคฺคิสนฺตาปา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถา วชฺฌคาวี จ อวิชฺชาภิภูตตาย ยถาวุตฺตํ อุณฺโหทกปานํ อารภติ, เอวํ ปุถุชฺชโน ยถาวุตฺตํ ทุคฺคติคามิกมฺมํ. ยถา ปน สา อุณฺโหทกปาเน อาทีนวํ ทิสฺวา ตณฺหาวเสน สีตุทกปานํ อารภติ, เอวํ ปุถุชฺชโน อวิชฺชาย นาติพลวภาวโต ทุคฺคติคามิกมฺเม อาทีนวํ ทิสฺวา ตณฺหาวเสน สุคติคามิกมฺมํ อารภติ. ทุกฺเข หิ อวิชฺชํ ตณฺหา อนุวตฺตติ, สุเข ตณฺหํ อวิชฺชาติ.

๕๘๖. กตฺถจิ สุตฺเต. เอกธมฺมมูลิกํ เทสนนฺติ อวิชฺชาตณฺหาสุ เอโกเยว ธมฺโม มูลํ เอติสฺสาติ เอกธมฺมมูลิกา, ตํ, ตตฺถ เอกํ เอว ธมฺมํ มูลํ กตฺวา ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนํ เทเสตีติ อตฺโถ. อุปนิสีทติ ผลํ เอตฺถาติ อุปนิสา, การณํ, อวิชฺชา อุปนิสา เอเตสนฺติ อวิชฺชูปนิสา. อสฺสาทานุปสฺสิโนติ อุปาทานิเยสุ เตภูมกธมฺเมสุ วิสยภูเตสุ อสฺสาเทตพฺพโต อสฺสาทสฺิตํ สุขโสมนสฺสํ อนุปสฺสนสีลสฺส. อปฺปหีนาวิชฺชตาย พาลลกฺขณโยเคน พาลสฺส. เอวนฺติ อวิชฺชานิวุตตฺตา, ตณฺหาสํยุตฺตตฺตา จ. อยํ กาโยติ อยํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจ ปจฺจกฺขภูโต สวิฺาณกกาโย ขนฺธปฺจกํ. ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) วจนโต ผสฺสการณฺเจตํ วุจฺจตีติ อายตนจฺฉกฺกํ วา. สมุทาคโตติ อุปฺปนฺโน. พหิทฺธา จ นามรูปนฺติ พหิทฺธา สวิฺาณกกาโย ขนฺธปฺจกํ, สฬายตนานิ วา. อิตฺเถตนฺติ อิตฺถํ เอตํ. อตฺตโน จ ปเรสฺจ ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ ทฺวาราลมฺพนภาเวน ววตฺถิตานิ ทฺวยํ นามาติ อตฺโถ. ทฺวยํ ปฏิจฺจ ผสฺโสติ อฺตฺถ จกฺขุรูปาทีนิ ทฺวยานิ ปฏิจฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย วุตฺตา, อิธ ปน อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ, มหาทฺวยํ นาม กิเรตนฺติ วุตฺตํ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – อฺตฺถ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๔; ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕) จกฺขุ เจว รูปา จ…เป… มโน เจว ธมฺมา จาติ วุตฺตานิ ทฺวยานิ ปฏิจฺจ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย วุตฺตา. อิธ ปน ‘‘อยฺเจว กาโย’’ติ จกฺขาทินิสฺสเย เสสธมฺเม จกฺขาทินิสฺสิเต เอว กตฺวา วุตฺตํ จกฺขาทิกายํ เอกตฺเตน ‘‘อชฺฌตฺติกายตน’’นฺติ คเหตฺวา, ‘‘พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติ วุตฺตํ รูปาทิอารมฺมณํ เอกตฺเตเนว ‘‘พาหิรายตน’’นฺติ ตานิ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ ปฏิจฺจ ผสฺโส วุตฺโต, ตสฺมา มหาทฺวยเมตนฺติ.

เอวฺจ กตฺวา อตฺตโน จ ปรสฺส จ ปฺจหิ ขนฺเธหิ, ฉหิ อายตเนหิ จาติ อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพวาติ วุตฺตํ. ‘‘อยํ กาโย’’ติ หิ วุตฺตานิ สนิสฺสยานิ จกฺขาทีนิ อตฺตโน ปฺจกฺขนฺธา, ‘‘พหิทฺธา นามรูป’’นฺติ วุตฺตานิ รูปาทีนิ ปเรสํ. ตถา อยํ กาโย อตฺตโน ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, พหิทฺธา นามรูปํ ปเรสํ พาหิรานีติ. อฺถา อชฺฌตฺติกายตนมตฺเต เอว ‘‘อยํ กาโย’’ติ วุตฺเตน อชฺฌตฺติกายตนาเนว อตฺตโน ปฺจกฺขนฺธา โหนฺตีติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ ปฺจหิ ขนฺเธหิ ทีปนา น สมฺภเวยฺยาติ. สเฬวายตนานีติ สเฬว ผสฺสการณานิ, เยหิ การณภูเตหิ อายตเนหิ อุปฺปนฺเนน ผสฺเสน ผุฏฺโ พาโล สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘เอเตสํ วา อฺตเรน. อวิชฺชานีวรณสฺส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺสา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑๙) โยเชตพฺพํ. อิมสฺมิฺหิ สุตฺเต สงฺขาเร อวิชฺชาตณฺหานิสฺสิเต เอว กตฺวา กายคฺคหเณน วิฺาณนามรูปสฬายตนานิ คเหตฺวา ตสฺมึ กาเย สฬายตนานํ ผสฺสํ ตํนิสฺสิตเมว กตฺวา เวทนาย วิเสสปจฺจยภาวํ ทสฺเสนฺเตน ภควตา พาลปณฺฑิตานํ อตีตทฺธาวิชฺชาตณฺหามูลโก เวทนานฺโต ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต. ปุน จ พาลปณฺฑิตานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺเตน –

‘‘ยาย จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชาย นิวุตสฺส พาลสฺส, ยาย จ ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺส อยํ กาโย สมุทาคโต, สา เจว อวิชฺชา พาลสฺส อปฺปหีนา, สา จ ตณฺหา อปริกฺขีณา. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, พาโล อจริ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย. ตสฺมา พาโล กายสฺส เภทา กายูปโค โหติ, โส กายูปโค สมาโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา…เป… ทุกฺขสฺมาติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๙) –

เวทนาปภวํ สาวิชฺชํ ตณฺหํ ทสฺเสตฺวา, อุปาทานภเว จ ตนฺนิสฺสิเต กตฺวา ‘‘กายูปโค โหตี’’ติอาทินา ชาติอาทิเก ทสฺเสนฺเตน ปจฺจุปฺปนฺนเหตุสมุฏฺานโต ปภุติ อุภยมูลวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาโท วุตฺโต, ตพฺพิปริยาเยน จ ปณฺฑิตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนเหตุปริกฺขยโต ปภุติ อุภยมูลโก ปฏิโลมปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ.

๕๘๗. ปูเรตุนฺติ วฑฺเฒตุํ, อุปจินิตุนฺติ อตฺโถ. ทุคฺคติคามิกมฺมสฺส วิเสสปจฺจยตฺตา อวิชฺชา ‘‘อวินฺทิยํ วินฺทตี’’ติ วุตฺตา, ตถา วิเสสปจฺจโย วินฺทิยสฺส น โหตีติ ‘‘วินฺทิยํ น วินฺทตี’’ติ จ. อตฺตนิสฺสิตานิ กตฺวา จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปวตฺตนํ อุปฺปาทนํ อายตนํ. สมฺโมหภาเวเนว อนภิสมยภูตตฺตา อวิทิตํ อฺาตํ กโรติ. อนฺตวิรหิเต ชวาเปตีติ วณฺณาคมวิปริยายวิการวินาสธาตุอตฺถวิเสสโยเคหิ ปฺจวิธสฺส นิรุตฺติลกฺขณสฺส วเสน อ-การ วิ-การ ช-กาเร คเหตฺวา อฺเสํ วณฺณานํ โลปํ, ช-การสฺส จ ทุติยสฺสาคมํ กตฺวา ‘‘อวิชฺชา’’ติ วุตฺตํ. พฺยฺชนตฺถํ วตฺวา สภาวตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จกฺขุวิฺาณาทีนํ วตฺถารมฺมณานิ ‘‘อิทํ วตฺถุ, อิทํ อารมฺมณ’’นฺติ อวิชฺชาย าตุํ น สกฺกาติ อวิชฺชา ตปฺปฏิจฺฉาทิกา วุตฺตา. วตฺถารมฺมณสภาวฉาทนโต เอว อวิชฺชาทีนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทภาวสฺส, ชรามรณาทีนํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนภาวสฺส จ ฉาทนโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนจฺฉาทนํ เวทิตพฺพํ.

อปจฺจกฺขิตฺวาติ ปจฺจกฺขานํ อกตฺวา อปฏิกฺขิปิตฺวา. อุปการกฏฺโ ปจฺจยฏฺโ ยถา ปิณฺฑปาตาทิ สรีรสฺส.

สงฺขตมภิสงฺขโรนฺตีติ ยถา สงฺขตํ โหติ, เอวํ อภิสงฺขโรนฺติ. สงฺขารสทฺทคฺคหเณน อาคตา สงฺขารา สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขารา. ยทิปิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราปิ สงฺขารสทฺเทน อาคตา, เต ปน อิมิสฺสา เทสนาย ปธานาติ วิสุํ วุตฺตา, ตสฺมา ‘‘ทุวิธา’’ติ เอตฺถ สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขาเรสุ อภิสงฺขรณกสงฺขารํ วชฺเชตฺวา ตทฺเ สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขารา โยเชตพฺพา. สงฺขารสทฺเทน อาคตสงฺขาราติ วา สมุทาโย วุตฺโต. ตเทกเทสา จ อิธ วณฺเณตพฺพภาเวน คหิตา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, ตสฺมา วณฺเณตพฺพสพฺพสงฺคาหกวเสน ทุวิธตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘ปมํ นิรุชฺฌติ วจีสงฺขาโร’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๔) วิตกฺกวิจารอสฺสาสปสฺสาสสฺาเวทนาวจีสงฺขาราทโย วุตฺตา, น อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาเรสุ วุตฺตา กายสฺเจตนาทโย.

สงฺขตสงฺขารา นาม ยถาสกํ ปจฺจเยหิ สงฺขตตฺตา. สติปิ ปจฺจยนิพฺพตฺตานํ สพฺเพสมฺปิ สงฺขตภาเว ‘‘มเมตํ ผล’’นฺติ ตตฺถาภิมุเขน วิย กมฺมุนา นิพฺพตฺติตตฺตา เตภูมกวิปากกฏตฺตารูเปสุ สาติสโย สงฺขตภาโวติ อธิปฺปาเยน อฏฺกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๘๗) กมฺมนิพฺพตฺตานํ อภิสงฺขตสงฺขารตา วุตฺตา. ปาฬิยํ ปน ตถา อาคตฏฺานสฺส อภาวโต ‘‘เตปิ …เป… เอตฺเถว สงฺคหํ คจฺฉนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อนิจฺจา วต สงฺขาราติ วุตฺตา อุภุอาทิสมุฏฺานาปิ สพฺพธมฺมา. อภิสงฺขรณกสงฺขาโรติ วุจฺจติ อตฺตโน ผลสฺส อภิสงฺขรณโต. กายปโยคสมุฏฺาปนวีริยํ กายิกวีริยํ. อภิสงฺขารสฺสาติ ปโยคเวคสฺส.

วาจํ สงฺขโรตีติ วจีสงฺขาโร. กาเยน สงฺขรียตีติ กายสงฺขาโร. จิตฺเตน สงฺขรียติ, จิตฺตํ วา สงฺขโรตีติ จิตฺตสงฺขาโร. สงฺเขปโต ปน สพฺเพปิ ยถารหํ สงฺขโรนฺติ, สงฺขรียนฺตีติ จ สงฺขาราติ เวทิตพฺพา. วุตฺตนฺติ สงฺขารฏฺปจฺจยฏฺาทิมาห.

นมตีติ เอกนฺตสารมฺมณตาย อารมฺมณาภิมุขํ นมติ. ปริตสฺสตีติ ปิปาสติ, ตณฺหาปริตาปตาย วา วิจลติ. อุปาทิยตีติ ทฬฺหํ อาทิยติ. ภวตีติ อุปปตฺติภวํ สนฺธายาห. ภาวยตีติ กมฺมภวํ. จุติ ขนฺธานํ มรณนฺติ ‘‘มรนฺติ เอเตนา’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขา เวทนา อุปฺปาททุกฺขา, ิติทุกฺขาติ จ กตฺวา ‘‘ทฺเวธา ขณตี’’ติ วุตฺตํ. อายาโส ปริสฺสโม วิสาโท.

นิทฺทิฏฺนยทสฺสนนฺติ ยถานิทฺทิฏฺวิธิสนฺทสฺสนํ. เกวล-สทฺโท อสมฺมิสฺสวาจโก จ โหติ ‘‘เกวลา สาลโย’’ติอาทีสุ, นิรวเสสวาจโก จ ‘‘เกวลา องฺคมคธา’’ติอาทีสุ, ตสฺมา ทฺวิธาปิ อตฺถํ วทติ. ตตฺถ อสมฺมิสฺสสฺสาติ สุขรหิตสฺส. น หิ เอตฺถ กิฺจิ อุปฺปาทวยรหิตํ อตฺถิ. สกลสฺสาติ สพฺพภวาทิคตสฺส, สพฺพกาลิกสฺส จ.

๕๘๘. ‘‘ลกฺขเณกวิธาทิโต’’ติ เอตฺถ อาทิ-สทฺโท ปจฺเจกํ ปริสมาเปตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ลกฺขณาทิโต’’ติ. สมฺปยุตฺเต, ตํสมงฺคิปุคฺคเล วา สมฺโมหยตีติ สมฺโมหนรสา. อารมฺมณสภาวสฺส ฉาทนํ หุตฺวา คยฺหตีติ ฉาทนปจฺจุปฏฺานา. ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วจนโต อาสวปทฏฺานา. ปฏิสนฺธิชนนตฺถํ อายูหนฺติ พฺยาปารํ กโรนฺตีติ อายูหนรสา. ราสิกรณํ วา อายูหนํ. เจตนาสภาวตฺตา เจตนา หุตฺวา คยฺหตีติ เจตนาปจฺจุปฏฺานา. นามรูปสฺส ปุเรจาริกภาเวน ปวตฺตตีติ ปุพฺพงฺคมรสํ. ปุริมภเวน สทฺธึ ฆฏนํ หุตฺวา คยฺหตีติ ปฏิสนฺธิปจฺจุปฏฺานํ. วิฺาเณน สห, อฺมฺฺจ สมฺปยุชฺชตีติ สมฺปโยครสํ. สมํ ปกาเรหิ โยโค สมฺปโยโค. วิสุํ อภาโว อวินิพฺโภโค. รูปํ สมฺปโยคาภาวโต วิกิรตีติ วิกิรณรสํ. ตโต เอว หิ ปิสิยมานา ตณฺฑุลาทโย วิกิรนฺติ, จุณฺณีภูตา วิทฺธํสนฺติ, นามสฺส กทาจิ กุสลาทิภาโวปิ อตฺถีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘อพฺยากตปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อเจตโน อพฺยากโต’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑๑; วิภ. อฏฺ. ๑๗๓) เอตฺถ วิย อนารมฺมณตา วา อพฺยากตตา ทฏฺพฺพา. อายตนลกฺขณนฺติ ฆฏฺฏนลกฺขณํ, อายานํ ตนนลกฺขณํ วา. ทสฺสนสฺส ยถาสกํ วิสยคฺคหณสฺส กรณโต ทสฺสนรสํ. ‘‘ทสฺสนาทิรส’’นฺติ ปน สมฺโมหวิโนทนิยํ วุตฺตํ. วตฺถุทฺวารภาวปจฺจุปฏฺานํ ยถารหํ วิฺาณมโนวิฺาณธาตูนนฺติ อธิปฺปาโย. วตฺถุคฺคหณฺเจตฺถ จกฺขาทิปฺจกาเปกฺขํ. อกุสลวิปากุเปกฺขาย อนิฏฺภาวโต ทุกฺเขน, อิตราย อิฏฺภาวโต สุเขน สงฺคหิตตฺตา ‘‘สุขทุกฺขปจฺจุปฏฺานา’’ติ วุตฺตํ. ทุกฺขสมุทยตฺตา เหตุลกฺขณา ตณฺหา. ‘‘ตตฺรตตฺราภินนฺทินี’’ติ (ม. นิ. ๑.๙๑, ๔๖๐; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; วิภ. ๒๐๓; มหาว. ๑๔) วจนโต อภินนฺทนรสา. จิตฺตสฺส, ปุคฺคลสฺส วา รูปาทีสุ อติตฺตภาโว หุตฺวา คยฺหตีติ อติตฺตภาวปจฺจุปฏฺานา. อมุฺจนรสํ ตณฺหาทิฏฺาภินิเวสวเสน. ตณฺหาทฬฺหตฺตํ หุตฺวา กามุปาทานํ, เสสานิ ทิฏฺิ หุตฺวา อุปฏฺหนฺตีติ ตณฺหาทฬฺหตฺตทิฏฺิปจฺจุปฏฺานํ. กมฺมุปปตฺติภววเสน ภวสฺส ลกฺขณาทโย โยเชตพฺพา.

๕๘๙. โมหาทิภาวโตติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อนนุโพธาทีนํ สงฺคโห. ทุกฺขาทีสุ อฺาณวเสน อปฺปฏิปตฺติ, อสุภาทีสุ สุภาทิวิปลฺลาสวเสน มิจฺฉาปฏิปตฺติ. ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตวเสน วา อปฺปฏิปตฺติ, ทิฏฺิสมฺปยุตฺตวเสน มิจฺฉาปฏิปตฺติ. ทฺวารารมฺมณโตติ ทฺวารโต, อารมฺมณโต จ ฉสุ ทฺวาเรสุ, ฉสุ อารมฺมเณสุ จ ปวตฺตนโต. อยํ ปน วิภาโค น อวิชฺชาย เอว, อฺเสุปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ อรูปธมฺมานํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘สพฺเพสุปี’’ติ.

วิปากธมฺมธมฺมาทิภาวโตติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน เนวเสกฺขานาเสกฺขสํโยชนิยาทิภาเว สงฺคณฺหาติ. จตุโยนิสํวตฺตนโตติ จตุโยนิปริยาปนฺนตฺตภาวนิพฺพตฺตนโต.

โลกิยวิภาคาทิภาวโตติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อพฺยากตสปฺปจฺจยสงฺขตาทิภาเว สงฺคณฺหาติ. สเหตุกาเหตุกาทิโตติ อาทิ-สทฺเทน สสงฺขาราสงฺขาราทิเภเท สงฺคณฺหาติ.

กามํ นามรูปํ ปจฺจุปฺปนฺนทฺธวเสน วุจฺจติ, ตถาปิ ยถา ปจฺจุปฺปนฺนํ, เอวํ อตีตานาคตมฺปีติ อทฺธทฺวยปริยาปนฺนสฺสาปิ นยโต คเหตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘อตีตาทิโต ติวิธ’’นฺติ.

สฺชาติสโมสรณฏฺานโตติ วิฺาณตํสมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปฺปตฺติปวตฺติเทสภาวโต. ‘‘ภูตปฺปสาทวิฺาณโต’’ติ ปาโ ยุตฺโต. ‘‘วิฺาณาทิโต’’ติ ปน ปนฺติ. เอกเสสนเยน พาหิรายตนสฺสาปิ สงฺคเห สติ อาทิ-สทฺเทน ตสฺส สงฺคหิตตา ทฏฺพฺพา. โนภยโคจรนฺติ มนายตนมาห. น หิ อรูปธมฺมานํ เทสวเสน อาสนฺนตา, ทูรตา วา อตฺถิ อวิคฺคหตฺตา, ตสฺมา มนายตนสฺส โคจโร มนายตนํ สมฺปตฺโต, อสมฺปตฺโต วาติ น วุจฺจติ. ผสฺสาทีนมฺปีติ เอตฺถ ผสฺโส ตาว ผุสนสภาวโต, โลกิยสาสวาทิภาวโต จ เอกวิโธ. ปฏิฆสมฺผสฺสอธิวจนสมฺผสฺสเภทโต, สเหตุกาทิภาวโต จ ทุวิโธ. ภวตฺตยปริยาปนฺนโต, เวทนาตฺตยสมฺปโยคโต, อเหตุกทุเหตุกติเหตุกโต จ ติวิโธ. โยนิคติวเสน จตุพฺพิโธ, ปฺจวิโธ จ.

เวทนา อนุภวนลกฺขณโต, โลกิยสาสวาทิภาวโต จ เอกวิธา. ปฺจทฺวาริกมโนทฺวาริกเภทโต ทุวิธา. สุขาทิเภทโต ติวิธา. โยนิคติวเสน จตุพฺพิธา, ปฺจวิธา จ. ฉฬารมฺมณเภทโต ฉพฺพิธา.

ตณฺหา โลกสฺส สมุทยภาวโต เอกวิธา. ทุวิธา ทิฏฺิสมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตภาวโต. ติวิธา กามภววิภวตณฺหาเภทโต. จตุพฺพิธา จตุมคฺคปเหยฺยโต. ปฺจวิธา รูปาภินนฺทนาทิภาวโต. ฉพฺพิธา ฉตณฺหากายเภทโต.

อุปาทานํ เอกวิธํ ทฬฺหคฺคาหภาวโต. ทุวิธํ ตณฺหาทิฏฺิเภทโต. ติวิธํ ภวตฺตยูปนิสฺสยภาวโต. จตุพฺพิธํ กามุปาทานาทิเภทโต. ปฺจวิธํ ปฺจคติสํวตฺตนโต.

ภโว เอกวิโธ โลกิยสาสวาทิภาวโต. ทุวิโธ กมฺมุปปตฺติเภทโต. ติวิโธ กามภวาทิเภทโต. จตุพฺพิโธ จตุรุปาทานปจฺจยโต. ปฺจวิโธ ปฺจคติสํวตฺตนโต. ฉพฺพิโธ กามกมฺมภวาทิเภทโต. สตฺตวิโธ สตฺตวิฺาณฏฺิติสงฺคหโต. อฏฺวิโธ จตุรุปาทานปจฺจยกมฺมภวาทิเภทโต. นววิโธ กามภวาทิเภทโต.

ชาติ เอกวิธา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปมาภินิพฺพตฺติภาวโต. ทุวิธา รูปกฺขนฺธสงฺขารกฺขนฺธสงฺคหโต. ติวิธา ภวตฺตยปริยาปนฺนโต. โยนิคติวเสน จตุพฺพิธา, ปฺจวิธา จ. อิมินา นเยน ชรามรณาทีนมฺปิ เอกวิธาทิภาโว เวทิตพฺโพ.

๕๙๐. โสกาทีนมฺปิ คหิตตฺตา องฺคพหุตฺตปฺปสงฺเค ‘‘ทฺวาทเสวา’’ติ องฺคววตฺถานํ เวทิตพฺพํ. น หิ โสกาทโย องฺคภาเวน วุตฺตา, ผเลน ปน การณํ อวิชฺชํ มูลงฺคํ ทสฺเสตุํ เต วุตฺตา. ชรามรณพฺภาหตสฺส หิ พาลสฺส เต สมฺภวนฺตีติ โสกาทีนํ ชรามรณการณตา วุตฺตา, น ปน ‘‘กายิกาย ทุกฺขาย เวทนาย ผุฏฺโ’’ติ จ สุตฺเต ชรามรณนิมิตฺตฺจ ทุกฺขํ สงฺคหิตนฺติ ตํ ตนฺนิมิตฺตานํ ชรามรณพฺภาหตสฺส สมฺภเว สาธกภาเวน วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ชรามรเณเนว โสกาทีนํ เอกสงฺเขโป กโต, ตสฺมา เตสํ ชาติปจฺจยตา ยุชฺชติ. ชรามรณปจฺจยภาเว หิ อวิชฺชาย เอกสงฺเขโป กาตพฺโพ สิยา. ชาติปจฺจยา ปน ชรามรณํ, โสกาทโย จ สมฺภวนฺตีติ ตตฺถ ชรามรณํ เอกนฺติกํ องฺคภาเวน คหิตํ. โสกาทโย ปน รูปภวาทีสุ อภาวโต อเนกนฺติกา เกวลํ ปากเฏน ผเลน อวิชฺชานิทสฺสนตฺถํ คหิตา. เตน อนาคเต ชาติยา สติ ตโต ปราย ปฏิสนฺธิยา เหตุเหตุภูตา อวิชฺชา ทสฺสิตาติ ภวจกฺกสฺส อวิจฺเฉโท ทสฺสิโต โหตีติ. สุตฺตฺจ โสกาทีนํ อวิชฺชา การณนฺติ เอตสฺเสว อตฺถสฺส สาธกํ ทฏฺพฺพํ, น โสกาทีนํ พาลสฺส ชรามรณนิมิตฺตตามตฺตสฺส. ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ หิ วจเนน อวิชฺชา โสกาทีนํ การณนฺติ ทสฺสิตา, น จ ชรามรณนิมิตฺตเมว ทุกฺขํ ทุกฺขนฺติ.

อปโร นโย ชรามรณมฺปิ ปจฺจโย, อฺถา ทฺวาทสงฺคานิ น ปริปูเรนฺติ. กสฺส ปน โส ปจฺจโย? โสกาทีนํ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘ชรามรณปจฺจยา โสกาทโย สมฺภวนฺตี’’ติ อวตฺวา ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ, โสกาทโย จ สมฺภวนฺตี’’ติ วุตฺตนฺติ? ยสฺมา ตทฺเนปิ ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺสฺส เต สมฺภวนฺติ, ตสฺมา อปฺปหีนสํโยชนสฺสาปิ เตสํ ตปฺปจฺจยตา น เอกํสิกาติ ชาติปจฺจยตาว วุตฺตา. อถ วา ชรามรณคฺคหเณน อุปปตฺติภโว สงฺคหิโต. อุปาทินฺนกฺขนฺธปริปาโก หิ อายุโน สํหานิ, อินฺทฺริยานํ ปริปาโก จ ชรา, เตสฺจ เภโท มรณนฺติ. สติ จ อุปปตฺติภเว ตตฺถ กตุปจิตํ, โปราณํ วา กมฺมํ กมฺมภโว, กมฺมาทิอุปฏฺาเน จุติอนนฺตรํ ปฏิสนฺธึ ชเนตีติ อุปปตฺติภโว ชาติยา ปจฺจโย, ตสฺมา ชรามรณมฺปิ ชาติยา ปจฺจยตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ยสฺมา ปน ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ เอตฺเถว อุปปตฺติภวสฺส ชาติยา ปจฺจยตา สงฺคหิตา, ตสฺมา วุตฺตปริยายสงฺคหโต จ ‘‘ชรามรณปจฺจยา ชาตี’’ติ น วุตฺตํ. เอวํ ชรามรณสฺสาปิ ปจฺจยภาวสิทฺธิโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทตาติ ทฺวาทสงฺคตา ววตฺถิตาติ เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘ทฺวาทเสวา’’ติอาทิ. อยํ ตาวาติ ‘‘เทสนาเภทโต’’ติอาทินา วุตฺตํ อตฺถสํวณฺณนํ สนฺธายาห.

อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารปทกถาวณฺณนา

๕๙๑. อยํ ปนาติ อิทานิ วกฺขมานํ. ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชา ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๐๓) สุตฺตนฺเตสุ จตุฏฺานิกา อวิชฺชา วุตฺตาติ ‘‘สุตฺตนฺตปริยาเยนา’’ติ วุตฺตํ. นิกฺเขปกณฺเฑ (ธ. ส. ๑๑๐๖) ปน สุตฺตนฺเตสุ จตูสุ าเนสุ กถิตาย เอว อวิชฺชาย อฏฺสุ าเนสุ กิจฺจชาติโต กถิตตฺตา ตทตฺถวณฺณนาวเสน วิภาวนํ กาตุํ ‘‘อภิธมฺมปริยาเยนา’’ติ อารภิตฺวา ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อหาเปตฺวา วิภชิตพฺพํ. วิภชนฺหิ อภิธมฺมปริยาโย. ‘‘อฏฺสุ าเนสุ อฺาณ’’นฺติ อาเนตฺวา ตํ สมฺพนฺธิตพฺพํ. เสสฏฺาเนสูติ ทุกฺขสมุทเยสุ, ปุพฺพนฺตาทีสุ จ. อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณกรณวเสนาปิ. อิธาติ อิมสฺมึ ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทิเก ปาเ. สาติ อวิชฺชา. อุปฺปนฺนาติ อสมูหตุปฺปนฺนา, ปเคว ปจฺจุปฺปนฺนา. ‘‘ปฏิจฺฉาเทตฺวา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ ปฏิจฺฉาทนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาถาวสรสลกฺขณํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทตี’’ติ วุตฺตํ. รสิตพฺโพ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สภาโว รโส, อตฺตโน รโส สรโส, ยาถาโว ยถาภูโต สรโส ยาถาวสรโส, โย ‘‘ปีฬนฏฺโ’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๒.๘) วุตฺโต ทุกฺขสจฺจปฺปเภทา เอว จ ปุพฺพนฺตาทโย, โส เอว ลกฺขิตพฺพตฺตา ยาถาวสรสลกฺขณํ. ตํ ปฏิวิชฺฌิตุํ ปจฺจกฺขโต ชานิตุํ น เทติ.

ตทุภยนฺติ ปุพฺพนฺตฺเจว อปรนฺตฺจ อตีตํ, อนาคตฺจ ขนฺธปฺจกํ. ปุพฺพนฺตาปรนฺตภาควนฺตตาย วา ปจฺจุปฺปนฺนทฺธภูโต มชฺฌนฺโต ปุพฺพนฺตาปรนฺโต. อยํ อวิชฺชา อิเม สงฺขาราติ อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺเมสุ ปจฺจกฺขโต ชานนาการทสฺสนํ. เอตฺถาติ เอเตสุ ทุกฺขาทีสุ. ยทิปิ อวิชฺชา ทุกฺขาทีสุ อารมฺมณกรณวเสนปิ ปวตฺตติ, ยถา ปน นิโรธมคฺเค อารมฺมณํ กาตุํ อสกฺโกนฺตี เต ชานิตุกามสฺส ตปฺปฏิจฺฉาทนวเสน, อนิโรธมคฺเคสุ นิโรธมคฺคคฺคหณการณภาเวน จ ปวตฺตมานา เต ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ, เอวํ ทุกฺขาทีสุปีติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปฏิจฺฉาทนวเสเนว อิธาธิปฺเปตา’’ติ. ทุกฺขาทิวิสโย อนฺธตมกโร, โลภาทีนฺจ อนฺธตมกรานํ ปจฺจยภูโต อทสฺสนากาโร อฺาณํ.

๕๙๒. ปุฺาทโยติ ปุฺาภิสงฺขาราทโย. ตตฺถ ปุนาติ อตฺตโน สนฺตานํ อปุฺผลโต, ทุกฺขสํกิเลสโต จ โสเธตีติ ปุฺํ. หิตสุขชฺฌาสเยน ปุฺํ กโรตีติ ตนฺนิปฺผาทเนน การกสฺส อชฺฌาสยํ ปูเรติ, ปุชฺชภวํ นิพฺพตฺเตตีติ วา ปุฺํ. อิติ ปูรโก, ปุชฺชนิพฺพตฺตโก จ นิรุตฺตินเยน ปุฺนฺติ เวทิตพฺโพ. ปุฺฺจ โส อตฺตโน ผลสฺส อภิสงฺขรณฏฺเน อภิสงฺขาโร จาติ ปุฺาภิสงฺขาโร. ปุฺปฏิปกฺขโต อปุฺนฺติ วุตฺตวิปริยาเยน อปุฺาภิสงฺขาโร เวทิตพฺโพ. สมาธิปจฺจนีกานํ อติทูรตาย น อิฺชติ, อนิฺชฺจ ภวํ อภิสงฺขโรตีติ อาเนฺชาภิสงฺขาโร. กาเยน ปวตฺติโต, กายโต วา ปวตฺโต, กายสฺส วา สงฺขาโรติ กายสงฺขาโร. วจีจิตฺตสงฺขาเรสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ ปมตฺติโก ปริวีมํสนสุตฺตาทิวเสน คหิโต. ตตฺถ หิ ‘‘ปุฺํ เจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรติ, ปุฺูปคํ โหติ วิฺาณ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๕๑) อาคตํ. ทุติยตฺติโก วิภงฺคสุตฺตวเสน. ตตฺถ หิ ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, สงฺขารา. กตเม ตโย? กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร จิตฺตสงฺขาโร’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๘) วุตฺตํ.

วิตฺถารโต ปนาติอาทิ ปุฺาภิสงฺขาราทีนํ สรูปโต, ปเภทโต จ วิภาวนํ. ภาวนาวเสเนว ปวตฺตา, น ทานสีลวเสนาติ ตตฺถ ลพฺภมานํ ปุฺกิริยวตฺถุํ ทสฺเสติ. เอวฺจ กตฺวา อรูปาวจรเจตนาปิ ‘‘ภาวนาวเสเนว ปวตฺตา’’ติ วุตฺตา. เย ปน ‘‘ภาวนาวเสเนวา’’ติ อวธารเณน อภิฺาเจตนํ นิวตฺเตตีติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ตาสมฺปิ อวิชฺชาปจฺจยตาย วิย ปุฺาภิสงฺขารภาวสฺส จ อิจฺฉิตตฺตา. อฺถา อภิฺาจิตฺตุปฺปาทสฺส ปุฺกิริยวตฺถูสุ อสงฺคโห เอว สิยา, น จ ยุตฺตํ ‘‘กุสลฺจ ปุฺกิริยวตฺถุฺจ น โหตี’’ติ. ปาณาติปาตาทีติ อาทิ-สทฺเทน น ตทวสิฏฺอกุสลกมฺมปถานํเยว คหณํ, อถ โข อนวเสสอกุสลกมฺมสฺสาปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ.

อิตเรสุ ปนาติ กายสงฺขาราทีสุ. ปุฺาภิสงฺขาราทโย ปวตฺตมานา อิเมหิ ทฺวาเรหิ ปวตฺตนฺตีติ ทฺวารโต ปวตฺติทสฺสนตฺถํ. ‘‘สมวีสติ เจตนา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, ยทิ กายวจีวิฺตฺติโย สมุฏฺาเปนฺติโย กุสลากุสลเจตนา กายสงฺขาโร, วจีสงฺขาโรติ จ วุจฺจนฺติ, เอวํ สนฺเต อภิฺาเจตนายปิ กุสลาย ตถา ปวตฺตาย วจีสงฺขารภาโว วตฺตพฺโพติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อภิฺาเจตนา’’ติอาทิ. เอตฺถาติ กายวจีสงฺขารคฺคหเณ, กายวจีสฺเจตนาคฺคหเณ วา. น คหิตาติ อฏฺกถายํ น คหิตา ‘‘อภิฺาเจตนา วิฺาณสฺส ปจฺจโย น โหตี’’ติ. กสฺมา ปน น โหติ, นนุ สาปิ กุสลา, วิปากธมฺมา จาติ? สจฺจเมตํ, อนุปจฺฉินฺนตณฺหาวิชฺชมาเน ปน สนฺตาเน สพฺยาปารปฺปวตฺติยา ตสฺสา กุสลตา, วิปากธมฺมตา จ วุตฺตา, น วิปากุปฺปาทเนน. สา ปน วิปากํ อุปฺปาเทนฺตี รูปาวจรเมว อุปฺปาเทยฺย. น หิ อฺภูมิกํ กมฺมํ อฺภูมิกํ วิปากํ อุปฺปาเทตีติ. อตฺตนา สทิสารมฺมณํ ติฏฺานิกเมว จ อุปฺปาเทยฺย จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ รูปาวจรวิปากสฺส กมฺมสทิสารมฺมณสฺเสว วุตฺตตฺตา. น จ รูปาวจรวิปาโก ปริตฺตาทิอารมฺมโณ อตฺถิ, อภิฺาเจตนา จ ปริตฺตาทิอารมฺมณาว โหติ. ตสฺมา วิปากํ น อุปฺปาเทตีติ วิฺายติ. กสิเณสุ จ อุปฺปาทิตสฺส จตุตฺถชฺฌานสมาธิสฺส อานิสํสภูตา อภิฺา. ยถาห ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖, ๔๓๑-๔๓๓; ปารา. ๑๒). ตสฺมา สมาธิผลสทิสา สา, น จ ผลํ เทติ. ทานสีลานิสํสภูโต ตสฺมึ ภเว ปจฺจยลาโภ วิยาติ สาปิ วิปากํ น อุปฺปาเทตีติ.

‘‘ยถา จ อภิฺาเจตนา, เอวํ อุทฺธจฺจเจตนาปิ น โหตี’’ติ อิทํ อุทฺธจฺจสหคตธมฺเม วิสุํ อุทฺธริตฺวา ‘‘เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๕) วุตฺตตฺตา วิจาเรตพฺพํ. สา ปน วิจารณา เหฏฺา ขนฺธนิทฺเทสวณฺณนายํ อกุสลกถายํ วิจาริตา เอวาติ ตตฺถ วิจาริตนเยเนว เวทิตพฺพา. อปิเจตฺถ ยเทเก วิภชฺช วทนฺติ, ทสฺสนภาวนานํ อภาเวปิ เยสํ ปุถุชฺชนานํ, เสกฺขานฺจ ทสฺสนภาวนาหิ ภวิตพฺพํ, เตสํ ตทุปฺปตฺติกาเล เตหิ ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา อกุสลา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, ภาวนาย ปหาตพฺพาติ จ วุจฺจนฺติ. ปุถุชฺชนานํ ปน ภาวนาย อภาวา ภาวนาย ปหาตพฺพจินฺตา นตฺถิ. เตน เตสํ ปวตฺตมานา ทสฺสเนน ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺยาปิ ภาวนาย ปหาตพฺพาติ น วุจฺจนฺติ. ยทิ วุจฺเจยฺยุํ, ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกสฺจิ เกนจิ กทาจิ อารมฺมณอารมฺมณาธิปติอุปนิสฺสยปจฺจเยหิ ปจฺจโย ภเวยฺยุํ? น จ ปฏฺาเน ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโยติ วุตฺตา. เสกฺขานํ ปน วิชฺชมานา ภาวนาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยาติ ภาวนาย ปหาตพฺพา. เตเนว เสกฺขานํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, จตฺตตฺตา วนฺตตฺตา มุตฺตตฺตา ปหีนตฺตา ปฏินิสฺสฏฺตฺตา อุกฺเขฏิตตฺตา สมุกฺเขฏิตตฺตา อสฺสาทิตพฺพา, อภินนฺทิตพฺพา จ น โหนฺติ. ปหีนตาย เอว โสมนสฺสเหตุภูตา, อวิกฺเขปเหตุภูตา จ น โทมนสฺสํ, อุทฺธจฺจฺจ อุปฺปาเทนฺตีติ น เต เตสํ อารมฺมณอารมฺมณาธิปติภาวํ, ปกตูปนิสฺสยภาวฺจ คจฺฉนฺติ. น หิ ปหีเน อุปนิสฺสาย อริโย ราคาทิกิเลเส อุปฺปาเทติ.

วุตฺตฺเหตํ ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉติ…เป… อรหตฺตมคฺเคน…เป… ปจฺจาคจฺฉตี’’ติ (มหานิ. ๘๐; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๗). น จ ปุถุชฺชนานํ ทสฺสเนน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา, อิตเรสํ น เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโย โหนฺตีติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ทิฏฺึ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ, วิจิกิจฺฉา, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชติ. วิจิกิจฺฉํ อารพฺภ วิจิกิจฺฉา, ทิฏฺิ, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๗) ทิฏฺิวิจิกิจฺฉานํ อุทฺธจฺจารมฺมณปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา. เอตฺถ หิ อุทฺธจฺจนฺติ อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา อธิปติปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘ทิฏฺึ ครุํ กตฺวา อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ ครุํ กตฺวา ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๕) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ตสฺมา ทสฺสนภาวนาหิ ปหาตพฺพานํ อตีตาทิภาเวน น วตฺตพฺพตฺเตปิ ยาทิสานํ ตาหิ อนุปฺปตฺติธมฺมตา อาปาเทตพฺพา, เตสุ ปุถุชฺชเนสุ วตฺตมานา ทสฺสนํ อเปกฺขิตฺวา เตน ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, เสกฺเขสุ วตฺตมานา ภาวนํ อเปกฺขิตฺวา ตาย ปหาตุํ สกฺกุเณยฺยา ภาวนาย ปหาตพฺพา.

เตสุ ภาวนาย ปหาตพฺพา สหายวิรหา วิปากํ น ชนยนฺตีติ ภาวนาย ปหาตพฺพเจตนาย นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว น วุตฺโต, อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ ปน ปุถุชฺชเนสุ อุปฺปชฺชมานานํ สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ, อุทฺธจฺจสหคตจิตฺตุปฺปาทสฺส จ สํโยชนตฺตยตเทกฏฺกิเลสานํ อนุปจฺฉินฺนตาย อปริกฺขีณสหายานํ วิปากุปฺปาทนํ น สกฺกา ปฏิเสธิตุนฺติ อุทฺธจฺจสหคตธมฺมานํ วิปาโก วิภงฺเค วุตฺโต. ยทิ เอวํ, อเปกฺขิตพฺพทสฺสนภาวนารหิตานํ อกุสลานํ เนวทสฺสเนน-นภาวนายปหาตพฺพตาย นวตฺตพฺพตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, อปฺปหาตพฺพานํ ‘‘เนวทสฺสเนน-นภาวนาย ปหาตพฺพา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๙) วุตฺตตฺตา, อปฺปหาตพฺพวิรุทฺธสภาวตฺตา จ อกุสลานํ.

เอวมฺปิ เต อิมสฺมึ ติเก ‘‘นวตฺตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพา อาปชฺชนฺตีติ? นาปชฺชนฺติ, จิตฺตุปฺปาทกณฺเฑ ทสฺสิตานํ ทฺวาทสอกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺคหิตตฺตา. ยถา หิ ธมฺมวเสน สพฺเพ สงฺขตธมฺมา สงฺคหิตาติ อุปฺปนฺนตฺติเก กาลวเสน อสงฺคหิตาปิ อตีตา ‘‘นวตฺตพฺพา’’ติ น วุตฺตา จิตฺตุปฺปาทรูปภาเวน คหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อภาวา, เอวมิธาปิ จิตฺตุปฺปาทภาเวน คหิเตสุ นวตฺตพฺพสฺส อสงฺคหิตสฺส อภาวา นวตฺตพฺพตา นวุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ยตฺถ หิ จิตฺตุปฺปาโท โกจิ นิโยคโต นวตฺตพฺโพ อตฺถิ, ตตฺถ เตสํ จตุตฺโถ โกฏฺาโส อตฺถีติ ยถาวุตฺตปเทสุ วิย ตตฺถาปิ ภินฺทิตฺวา ภชาเปตพฺพจิตฺตุปฺปาเท ภินฺทิตฺวา ภชาเปติ ‘‘สิยา นวตฺตพฺพา ปริตฺตารมฺมณา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๔๒๒). ตทภาวา อุปฺปนฺนตฺติเก, อิธ จ ตถา น วุตฺตา.

อถ วา ยถา สปฺปฏิเฆหิ สมานสภาวตฺตา รูปธาตุยํ ตโย มหาภูตา สปฺปฏิฆาติ วุตฺตา. ยถาห ‘‘อสฺสตฺตานํ อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ทฺเว มหาภูตา, ทฺเว มหาภูเต ปฏิจฺจ เอกํ มหาภูต’’นฺติ, เอวํ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานา ภาวนาย ปหาตพฺพสมานสภาวา ภาวนาย ปหาตพฺพาติ วุจฺเจยฺยุนฺติ? นตฺถิ นวตฺตพฺพตาปสงฺโค. เอวฺจ สติ ปุถุชฺชนานํ ปวตฺตมานาปิ ภาวนาย ปหาตพฺพา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย ปรภณฺเฑ ฉนฺทราคาทีนํ อุปนิสฺสยปจฺจโย, ราโค จ ราคทิฏฺีนํ อธิปติปจฺจโยติ อยมตฺโถ ลทฺโธ โหติ. ยถา ปน อโผฏฺพฺพตฺตา รูปธาตุยํ ตโย มหาภูตา น ปรมตฺถโต สปฺปฏิฆา, เอวํ อเปกฺขิตพฺพภาวนารหิตา ปุถุชฺชเนสุ วตฺตมานา สกภณฺเฑ ฉนฺทราคาทโย น ปรมตฺถโต ภาวนาย ปหาตพฺพาติ ภาวนาย ปหาตพฺพานํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยตา น วุตฺตา. น จ ทสฺสเนนปหาตพฺพา ภาวนายปหาตพฺพานํ เกนจิ ปจฺจเยน ปจฺจโยติ วุตฺตา. เย หิ ทสฺสเนน ปหาตพฺพปจฺจยา กิเลสา, น เต ทสฺสนโต อุทฺธํ ปวตฺตนฺติ. ทสฺสเนน ปหาตพฺพปจฺจยสฺสปิ ปน อุทฺธจฺจสหคตสฺส สหายเวกลฺลมตฺตเมว ทสฺสเนน กตํ, น ตสฺส โกจิ ภาโว ทสฺสเนน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิโตติ ตสฺส เอกนฺตภาวนายปหาตพฺพตา วุตฺตา. ตสฺมา ตสฺส ตาทิสสฺเสว สติ สหาเย วิปากุปฺปาทนวจนํ, อสติ จ วิปากานุปฺปาทนวจนํ น วิรุชฺฌตีติ.

ตยิทํ สพฺพํ เตสํ อาจริยานํ อโหปุริสิกามตฺตนฺติ อปเร. กสฺมา? อุทฺธจฺจสหคตสฺส เอกนฺเตน ภาวนาย ปหาตพฺพตฺตา. เอวฺหิ วุตฺตํ ภควตา ‘‘กตเม ธมฺมา ภาวนาย ปหาตพฺพา? อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๖). ยทิ หิ ตํ อิจฺฉิตํ สิยา, ยถา อตีตารมฺมณตฺติเก ‘‘นิโยคา อนาคตารมฺมณา นตฺถี’’ติ (ธ. ส. ๑๔๓๓) วตฺวา วิภชฺช วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ‘‘นิโยคา ภาวนาย ปหาตพฺพา นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อุทฺธจฺจสหคโต สิยา ภาวนาย ปหาตพฺโพ, สิยา น วตฺตพฺโพ’’ติ วเทยฺย. ยา จ ตํ สมตฺเถนฺเตน ‘‘ยทิ วุจฺเจยฺยุ’’นฺติอาทินา ยุตฺติ วุตฺตา, สาปิ อยุตฺติ. กสฺมา? ยสฺมา ทสฺสเนน ปหาตพฺพารมฺมณานํ ราคทิฏฺิวิจิกิจฺฉาอุทฺธจฺจานํ ทสฺสเนน ปหาตพฺพภาโว เอว อิจฺฉิโตติ. ยํ ปน อุทฺธจฺจคฺคหเณน ปาฬิยํ อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท วุตฺโตติ วตฺวา ตํ สาเธตุํ อธิปติปจฺจยนิทฺเทเส อุทฺธจฺจสฺส อนุทฺธรณํ นิพนฺธนํ วุตฺตํ, ตมฺปิ อนิพนฺธนํ ปฏฺาเน สาวเสสปาทสฺสนโต. ตถา หิ ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส, อนาคโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๒.๑๘.๒) เอเตสํ วิภงฺเค เจโตปริยาณคฺคหณํ กตฺวา ‘‘ปจฺจุปฺปนฺโน ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺสา’’ติ เอตสฺส วิภงฺเค ลพฺภมานมฺปิ น อุทฺธฏํ.

ภาวนาย ปหาตพฺพสฺส วิปากทานํ ปติ ทสฺสเนน ปหาตพฺพสฺส สหายภาวูปคมนํ วิจาเรตพฺพํ. กึ อวิชฺชาทิ วิย ทานสีลาทีนํ อุปฺปตฺติยาเยว วิปากทานสามตฺถิยา านวเสน ทสฺสเนนปหาตพฺพํ ภาวนายปหาตพฺพสฺส สหายภาวํ อุปคจฺฉติ, อุทาหุ กิเลสา วิย กมฺมสฺส ปฏิสนฺธิทานํ ปตีติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว ปุริโม ปกฺโข ปหีนทสฺสนปฺปหาตพฺพตฺตา เสกฺขสนฺตาเน ปวตฺติโน ภาวนาปหาตพฺพสฺส กิริยภาโว อาปชฺชติ ปหีนาวิชฺชาตณฺหามาเน สนฺตาเน ปวตฺตทานาทิ วิย. อถ ทุติโย, ตสฺสาปิ ทสฺสเนนปหาตพฺพตา อาปชฺชติ อปายคมนียสภาวานติวตฺตนโต, ตสฺมา เหฏฺา วิจาริตนเยเนว อุทฺธจฺจสหคตสฺส วิปากทานํ ปติ ปาฬิยา, อฏฺกถาย จ อวิรุชฺฌนวเสเนตฺถ อตฺถวินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

สาปีติ อุทฺธจฺจเจตนาปิ. วิฺาณสฺส ปจฺจยภาเวติ สมฺปุณฺณสฺส วิปากวิฺาณสฺส ปจฺจยภาเว. ยทิ อปเนตพฺพา, กสฺมา ‘‘สมวีสติ เจตนา’’ติ วุตฺตนฺติ ตสฺส การณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา ปน สพฺพาเปตา โหนฺตี’’ติ. อภิฺาเจตนายปิ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ. ยทิ เอวํ อภิฺาเจตนาย สห เอกวีสตีติ วตฺตพฺพํ, น, ตถา อวจนสฺส วุตฺตการณตฺตา. ตํ ปน อิตราวจนสฺสาปิ การณนฺติ สมานรูปาย เอกิสฺสา อวจเน ยํ การณํ อเปกฺขิตฺวา เอกา น วุตฺตา, เตน การเณน วุตฺตายปิ อวตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ. อยํ ติโกติ กายสงฺขารตฺติโก. ปุริมตฺติกนฺติ ปุฺาภิสงฺขารตฺติกํ. ปวิสตีติ กถํ ปวิสติ. ปุฺาภิสงฺขาโร หิ อฏฺกามาวจรเจตนาปเภโท กายทุจฺจริตโต วิรมนฺตสฺส สิยา กายสงฺขาโร, วจีทุจฺจริตโต วิรมนฺตสฺส สิยา วจีสงฺขาโร, มโนทฺวาเร ปน อุปฺปนฺนา เตรสปิ เจตนา ปุฺาภิสงฺขาโร จ โหติ จิตฺตสงฺขาโร จ. อปุฺาภิสงฺขาโรปิ กายทุจฺจริตวเสน ปวตฺติยํ สิยา กายสงฺขาโร, วจีทุจฺจริตวเสน ปวตฺติยํ สิยา วจีสงฺขาโร, ทฺเว ทฺวารานิ มุฺจิตฺวา มโนทฺวาเร ปวตฺติยํ สิยา จิตฺตสงฺขาโร, อาเนฺชาภิสงฺขาโร จาติ เอวํ ทุติยตฺติโก ปุริมตฺติกเมว ปวิสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต ปุฺาภิสงฺขาราทีนํเยว วเสน อวิชฺชาย ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ’’ติ.

๕๙๓. อวิชฺชาภาเว ภาวโตติ อวิชฺชาย อตฺถิภาเว สงฺขารานํ ภาวโต. น หิ อวิชฺชาย อสติ กทาจิ สงฺขารา สมฺภวนฺติ. อิทานิ ตํ อวิชฺชาย ภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อฺาณํ อปฺปหีนํ โหตี’’ติ อาห. เตน มคฺเคน อนิโรโธ อิธ อวิชฺชาย อตฺถิภาโว, น ธรมานตา เอวาติ ทสฺเสติ. สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วิภาวิโตเยว. ‘‘อวิชฺชาสงฺขาต’’นฺติ จ อิมินา าณาภาวาทึ นิวตฺเตติ. อยฺหิ -กาโร ‘‘อเหตุกา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๒) อภิกฺขุโก อาวาโส’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๗๖) ตํโยคนิวตฺติยํ ทิสฺสติ. อภาโว เหตฺถ ทีปิโต. ‘‘อปฺปจฺจยา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗) ตํสมฺพนฺธิตานิวตฺติยํ. ปจฺจยุปฺปนฺนฺหิ ปจฺจยสมฺพนฺธีติ อปฺปจฺจยุปฺปนฺนตฺตาติ ตํสมฺพนฺธิตา เอตฺถ โชตียติ. ‘‘อนิทสฺสนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๙) ตํสภาวนิวตฺติยํ. นิทสฺสนฺหิ ทฏฺพฺพตา. อถ จกฺขุวิฺาณํ นิทสฺสนํ น ปสฺสตีติ ตคฺคเหตพฺพตานิวตฺติยํ. ตถา ‘‘อนาสวา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๕). ‘‘อปฺปฏิฆา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๐), อนารมฺมณา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๕๕) ตํกิจฺจนิวตฺติยํ. ‘‘อรูปิโน ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑), อเจตสิกา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๕๗) ตพฺภาวนิวตฺติยํ. ตทฺถา หิ เอตฺถ ปกาสียติ. ‘‘อมนุสฺโส’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๑) ตพฺภาวมตฺตนิวตฺติยํ. มนุสฺสตฺตมตฺตํ นตฺถิ, อฺํ สมานนฺติ สทิสตา เหตฺถ สูจียติ. ‘‘อสฺสมโณ สมณปฏิฺโ (อ. นิ. ๓.๑๓, ๒๗; ปุ. ป. ๙๑, ๑๒๔), อปุตฺโต’’ติ ตถา สมฺภาวนียคุณนิวตฺติยํ. ครหา หิ เอตฺถ ายติ. ‘‘กจฺจิ โภโต อนามยํ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙), อนุทรา กฺา’’ติ ตทนปฺปภาวนิวตฺติยํ. ‘‘อนุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๗) ตํสทิสภาวนิวตฺติยํ. อตีตานฺหิ อุปฺปนฺนปุพฺพตฺตา, อุปฺปาทิธมฺมานฺจ ปจฺจเยกเทสนิพฺพตฺติยา อารทฺธุปฺปาทภาวา, กาลวินิมุตฺตสฺส จ วิชฺชมานตฺตา อุปฺปนฺนานุกูลตา, ปเคว ปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ ตพฺพิธุรภาโว เอตฺถ วิฺายติ. ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑) ตทปริโยสานนิวตฺติยํ. ตนฺนิฏฺานฺเหตฺถ ปกาสียติ. อิเมสํ ปน อตฺถานํ อสมฺภวโต ปาริเสเสน ยถา กุสลปฏิปกฺขา ธมฺมา อกุสลา, เอวํ วิชฺชาปฏิปกฺขา อวิชฺชาติ กตฺวา าณปฏิปกฺโข ธมฺโม อฺาณนฺติ เวทิตพฺพํ.

สุขสฺาย คเหตฺวา ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขตาหิ วิฺูหิ ทุกฺขนฺตฺเวว คเหตพฺพํ สํสารทุกฺขํ สุขนฺติ สฺาย อภินิวิสิตฺวา, เอเตน ตตฺถ ตณฺหาปวตฺตึ ทสฺเสติ. อารภตีติ นิพฺพตฺเตติ. ตณฺหาปริกฺขาเรติ ตณฺหาย ‘‘สุขํ สุภ’’นฺติอาทินา สงฺขเต ปริกฺขเต, อลงฺกเตติ อตฺโถ. ตณฺหา หิ ทุกฺขสฺส สมุทโยติ อชานนฺโต พาโล ‘‘อโห วตาหํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ขตฺติยมหาสาลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๔๒) ปริตสฺสนฺโต กายสงฺขาเร ปริกฺขโรติ. ตณฺหาปริกฺขาเรติ วา ตณฺหาย ปริวารภูเต. ตณฺหาวตฺถุํ หิ จกฺขาทึ, รูปาทิฺจ อภิสงฺขริตฺวา ตํสมงฺคีนํ เทนฺตา สงฺขรา ตณฺหาย อุปเนนฺตา ตสฺสา ปริวารา วิย โหนฺตีติ. คติวิเสเส พฺรหฺมโลกาทิเก. อเนกสตปสุพทฺธภึสโน วาชเปยฺยาทิโก ยฺโ. อมรณตฺถาติ คหิตา ทุกฺกรกิริยา อมรตโป. อมโร วา เทโว วา ภเวยฺยํ, เทวฺตโร วาติ ปวตฺติตา วตจริยา อมรตโป. ทุกฺขตฺตา วา มโร มารโก ตโป อมรตโป. ทิฏฺเ อทิฏฺสทฺโท วิย มเร อมรสทฺโท ทฏฺพฺโพ.

ชาติอาทิปปาตทุกฺขชนนโต มรุปฺปปาตสทิสตา ปุฺาภิสงฺขารสฺส วุตฺตา. ‘‘มหาปริฬาหชนิก’’นฺติ อิมินา อนุทหนฏฺเน ติณุกฺกาสทิสตํ ปุฺผลสฺส ทสฺเสติ. อปฺปสฺสาทตฺจาติ -สทฺเทน อธิกุฏฺฏนวินิวิชฺฌนองฺคปจฺจงฺคปลิภฺชนาทึ สงฺคณฺหาติ. ตปฺปจฺจยนฺติ ตสฺส วิปริณามทุกฺขสภาวสฺส สุคติผลสฺส ปจฺจยภูตํ. รมณียภาเวน จ อสฺสาทภาเวน จ คยฺหมานํ ปุฺผลํ ทีปสิขามธุลิตฺตสตฺถธาราสทิสํ. ตทตฺโถ จ ปุฺาภิสงฺขาโร ตํนิปาตเลหนสทิโส วุตฺโต. ‘‘สุโข อิมิสฺสา ปริพฺพาชิกาย ตรุณาย มุทุกาย โลมสาย พาหาย สมฺผสฺโส’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๖๙) สุขสฺาย อสุภภาวสฺส อสลฺลกฺขเณเนว เอกจฺจกามปริโภโคติ พาโล วิย คูถกีฬนํ, กิเลสาภิภูตตาย โกธารติอภิภูโต อสวโส มริตุกาโม วิย วิสขาทนํ สมฺปติ กิริยาขเณ, อายตึ ผลกฺขเณ จ ชิคุจฺฉนียํ, ทุกฺขฺจ อปุฺาภิสงฺขารํ อารภติ. โลภสหคตสฺส วา คูถกีฬนสทิสตา, โทสสหคตสฺส วิสขาทนสทิสตา โยเชตพฺพา. สภยสฺสาปิ ปิสาจนครสฺส กามคุณสมิทฺธิยา สุขวิปลฺลาสเหตุภาโว วิย อารุปฺปวิปากานํ นิรนฺตรตาย, อนุปลกฺขิยมานอุปฺปาทวยานํ ทีฆสนฺตานตาย อคยฺหมานวิปริณามานํ สงฺขารวิปริณามทุกฺขภูตานมฺปิ นิจฺจาทิวิปลฺลาสเหตุภาโวติ, เตสํ ปิสาจนครสทิสตา, ตทภิมุขคมนสทิสตา จ อาเนฺชาภิสงฺขารสฺส โยเชตพฺพา.

อวิชฺชาภาวโตว สงฺขารภาโว, น อภาวโตติ สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยภาเว สงฺเขเปน อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ วุตฺตมตฺถํ สุตฺเตน สมตฺเถตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทินา สุตฺตปทํ อาภตํ. ตตฺถ อวิทฺวาติ อวิทฺทสุ. อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชาย สมนฺนาคโต, อปฺปหีนาวิชฺโชติ อธิปฺปาโย.

ปฏฺานปจฺจยกถาวณฺณนา

๕๙๔. ตาวาติ วตฺตพฺพนฺตราเปกฺโข นิปาโต, เตน ‘‘อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย’’ติ อิทํ ตาว สิทฺธํ, อิทํ ปน อปรํ วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘อิทํ ปน วตฺตพฺพ’’นฺติ ยมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ปจฺจยธมฺมา นาม เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, ยถา วา ปจฺจยา โหนฺติ, ตทุภเยสํ พหุภาวโต อเนกธาว ปจฺจยา โหนฺตีติ อวิชฺชายปิ ตํ อาสงฺกนฺโต ปุจฺฉิ ‘‘กตเมสํ สงฺขารานํ กถํ ปจฺจโย โหตี’’ติ, ปุฺาภิสงฺขาราทโย พหู สงฺขารา วุตฺตา. อวิชฺชา จ เตสํ ปจฺจโย โหติ, น สพฺเพสํ เอกธาว โหติ, ตสฺมา อิเมสํ สงฺขารานํ เอวํ ปจฺจโย โหตีติ อิทํ วตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตตฺราติ ตสฺมึ ปจฺจยภาเว. ยทิปิ ‘‘กตเมสํ สงฺขาราน’’นฺติอาทินา อสาธารณโต ปุจฺฉา อารทฺธา, เอกเทเสน ปน สมุทาโยปลกฺขณเมตนฺติ ทฺวาทสนฺนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานํ ยถาสกํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจยภาโว วตฺตพฺโพติ ตํ ทสฺเสตุํ, อวิชฺชาย วา ปจฺจยภาเว ปุจฺฉิเต ตปฺปสงฺเคน สพฺเพสมฺปิ ปจฺจยธมฺมานํ ปจฺจยภาวํ วิสชฺเชตุกาโม ปจฺจเย ตาว ปาฬินเยเนว ทสฺเสตุํ ‘‘ภควตา หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ จ ภควตา จตุวีสติ ปจฺจยา วุตฺตาติ สมฺพนฺโธ. เตสํ วเสน อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพติ อธิปฺปาโย.

‘‘เหตุ จ โส ปจฺจโย จา’’ติ อิมินา วจเนน เหตุโน, อธิปติปจฺจยาทิภูตสฺส จ คหณํ สิยาติ ตํ นิวาเรนฺโต อาห ‘‘เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติ. เอวมฺปิ โส เอว โทโส อาปชฺชตีติ ปุน อาห ‘‘เหตุภาเวน ปจฺจโยติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. เตน น อิธ เหตุสทฺเทน ธมฺมคฺคหณํ กตํ, อถ โข ธมฺมสฺส สตฺติวิเสโส คหิโตติ ทสฺเสติ. ตสฺส หิ ปจฺจยสทฺทสฺส จ สมานาธิกรณตํ สนฺธาย ‘‘เหตุ จ โส ปจฺจโย จ, เหตุ หุตฺวา ปจฺจโย’’ติ จ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา ปรโต ปาฬิยํ ‘‘เหตู เหตุ…เป… เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๑) เตน เตน เหตุภาวาทิอุปกาเรน ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส อุปการกตฺตํ วุตฺตํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ ปน ‘‘โย หิ ธมฺโม ยํ ธมฺมํ อปฺปจฺจกฺขาย ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา, โส ตสฺส ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. อฏฺ. ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา), ‘‘มูลฏฺเน อุปการโก ธมฺโม เหตุปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. อฏฺ. ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา) จ เอวมาทินา ธมฺมปฏฺานนิทฺเทเสน ธมฺมโต อฺา ธมฺมสตฺติ นาม นตฺถีติ ธมฺเมเหว ธมฺมสตฺติวิภาวนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิธาปิ วา ‘‘เหตุ จ โส ปจฺจโย จา’’ติ ธมฺเมเนว ธมฺมสตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ ‘‘เหตุปจฺจโย’’ติอาทิโก อุทฺเทโส กุสลาทิอุทฺเทโส วิย ธมฺมปฺปธาโน, อถ โข ธมฺมานํ อุปการกภาวปฺปธาโนติ.

‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ตพฺภาเวน ปจฺจยภาวํ อารมฺมณาทีสุ อติทิสติ ‘‘อารมฺมณฺจ ตํ ปจฺจโย จาติ อารมฺมณปจฺจโย, อารมฺมณํ หุตฺวา ปจฺจโย, อารมฺมณภาเวน ปจฺจโยติ อตฺโถ’’ติ, น กมฺมธารยมตฺตํ.

๕๙๕. วจนาวยโวติ สาธนาวยวํ สนฺธายาห. วจนสภาวฺหิ สาธนํ ปเรสํ อวิทิตตฺถาปนโต โลเก สาธนนฺติ ปากฏํ ปฺาตํ. ตถา หิ นํ อวยวลกฺขณํ, วจนสภาวฺจ สาธนํ, อวยวปกฺขาทีนิ วจนานิ สาธนนฺติ จ ายวาทิโน วทนฺติ. ปฏิฺา, เหตูติอาทีสูติ ปฏิฺา, เหตุ, อุทาหรณ, อุปนย, นิคมนานิ. อุทาหรณสาธมฺมิยา สาธฺยสาธนํ เหตุ. วิรูโป เหตูติ จ เอวมาทีสุ การณํ ยํ กิฺจิ การณลกฺขณํ, สมฺปาปกลกฺขณมฺปิ วา. อาทิ-สทฺเทน ตสฺสาปิ สงฺคเหตพฺพตาย, าปกลกฺขณํ ปน วจนาวยวคฺคหเณน คหิตํ. กามํ มูลมฺปิ การณลกฺขณํ การณเมว, การณนฺติ ปเนตฺถ ปจฺจยเหตุ คหิโต. มูลนฺติ เหตุเหตูติ การณวิเสสวิสยตฺตา มูลสฺส วิสุํ คหณํ. เอตีติ เอตสฺส อตฺถวจนํ วตฺตตีติ, ตฺจ อุปฺปตฺติฏฺิตีนํ สาธารณวจนํ. เตเนวาห ‘‘ติฏฺติ วา อุปฺปชฺชติ วา’’ติ. เอกจฺโจ หิ ปจฺจโย ิติยา เอว อุปการโก โหติ ยถา ปจฺฉาชาตปจฺจโย, เอกจฺโจ อุปฺปตฺติยา เอว ยถา อนนฺตราทิโก, เอกจฺโจ อุภยสฺส ยถา เหตุอาทโย.

อุปการกลกฺขโณติ จ ธมฺเมน ธมฺมสตฺตึ อุปการํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. หิโนติ ปติฏฺาติ เอตฺถาติ เหตุ, อเนกตฺถตฺตา ธาตุสทฺทานํ หิ-สทฺโท มูลสทฺโท วิย ปติฏฺตฺโถ เวทิตพฺโพ. หิโนติ วา เอเตน กมฺมนิทานภูเตน อุทฺธํ โอชํ อติหรนฺเตน มูเลน วิย ปาทโป ตปฺปจฺจยํ ผลํ คจฺฉติ ปวตฺตติ วุทฺธึ วิรุฬฺหึ อาปชฺชตีติ เหตุ. อตฺตโน ผลํ กโรตีติ การณํ. นิททาติ ทสฺเสนฺตํ วิย โหตีติ นิทานํ. สมฺภวติ ตํ เอตสฺมาติ สมฺภโว. ปภวติ เอตสฺมาติ ปภโวติ ปจฺจยเหตุสทฺเทหิ อิตเรสมฺปิ สมานตฺถตา เวทิตพฺพา. เอวํ สนฺเตปิ การณวิเสสวิสโย เหตุสทฺโท, การณสามฺวิสโย ปจฺจยสทฺโทติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มูลฏฺเนา’’ติอาทิมาห. เหตุอตฺโถ, ปจฺจยฏฺโ จ เหฏฺา ปปฺจวเสน วุตฺโตติ ตํ สงฺขิปฺปํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สงฺเขปโต…เป… เหตุปจฺจโย’’ติ.

ยถา สาลิวีหิพีชาทีนิ ตํตํโอสธีนํ สาลิวีหิอาทิภาวสฺส สาธกานิ, มณิอาทิปฺปภาวตฺถูนิ จ นีลาทิวณฺณานิ นีลาทิปฺปภาสาธกานิ, เอวํ เหตุปจฺจโย ยถารหํ อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ กุสลาทิภาวสฺส สาธโกติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘โส สาลิอาทีน’’นฺติอาทินา. อาจริยานนฺติ จ เรวตาจริยํ สนฺธายาห. เอวํ สนฺเตติ เหตุปจฺจโย ยทิ กุสลาทิภาวสาธโก, เอวํ สติ. น สมฺปชฺชติ น สิชฺฌติ. ยถา กุสลากุสลเหตุ ตํสมุฏฺานรูปสฺส กุสลากุสลภาวาย น ปริยตฺโต, เอวํ อพฺยากโตปิ เหตุ ตํสมุฏฺานรูปสฺส อพฺยากตภาวาย. สภาเวเนว หิ ตํ อพฺยากตนฺติ อาห ‘‘น หิ โส เตสํ กุสลาทิภาวํ สาเธตี’’ติ. เหตุปจฺจโย จ เตสํ โหติเยวาติ อาห ‘‘น จ ปจฺจโย น โหตี’’ติ. อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วินา เอเตนาติ เอเตน เหตุนา อพฺยากตภาวสาธเกน วินา อเหตุกตฺตา, อพฺยากตภาโว สิทฺโธ สภาเวเนวาติ อธิปฺปาโย.

‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิ กโรโต อนุปฺปนฺนา เจว กุสลา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑.๖๗) วจเนหิ กุสลภาวสฺส โยนิโสมนสิการปฺปฏิพทฺธตา สิทฺธาติ อาห ‘‘โยนิโสมนสิการปฺปฏิพทฺโธ กุสลภาโว’’ติ. เอเตเนว อกุสลอพฺยากตภาวาปิ กุสลภาโว วิย น เหตุปฏิพทฺธาติ ทสฺสิตํ โหติ. ยํ ปเนเก มฺเยฺยุํ ‘‘อเหตุกเหตุสฺส อกุสลภาโว วิย สเหตุกเหตูนมฺปิ สภาวโตว กุสลาทิภาโว, อฺเสํ ตํสมฺปยุตฺตานํ เหตุปฏิพทฺโธ’’ติ, ตสฺส อุตฺตรํ วตฺตุํ ‘‘ยทิ จา’’ติอาทิมาห. อโลโภ กุสโล วา สิยา อพฺยากโต วาติ ยทิ อโลโภ สภาวโต กุสโล, โส กุสลสภาวตฺตา อพฺยากโต น สิยา. อถ อพฺยากโต ตํสภาวตฺตา กุสโล น สิยา อโลภสภาวสฺส อโทสตฺตาภาโว วิย. ยสฺมา ปน อุภยถาปิ โหติ, ตสฺมา ยถา อุภยถา โหนฺเตสุ สทฺธาทีสุ สมฺปยุตฺเตสุ เหตุปฏิพทฺธํ กุสลาทิภาวํ ปริเยเสถ, น สภาวโต, เอวํ เหตูสุปิ กุสลาทิตา อฺปฏิพทฺธา ปริเยสิตพฺพา, น สภาวโตติ ยํ วุตฺตํ ‘‘สมฺปยุตฺตเหตูสุ สภาวโตว กุสลาทิภาโว’’ติ, ตํ น ยุชฺชติ. สา ปน ปริเยสิยมานา โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺธา โหตีติ เหตูสุ วิย สมฺปยุตฺเตสุปิ โยนิโสมนสิการาทิปฏิพทฺโธ กุสลาทิภาโว, น เหตุปฏิพทฺโธติ สิทฺธํ โหตีติ อธิปฺปาโย.

วิรุฬฺหมูลา วิยาติ เอเตน มูลานิ วิย มูลานีติ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเนนา’’ติ. สฺวายํ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, กุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, กุสโล ธมฺโม กุสลาพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, อกุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลาพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺสา’’ติ เอวํ สตฺตธา ปฺหาวาเร นิทฺทิฏฺโ. ยํ ปน วุตฺตํ เหตุกิจฺจํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ, ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑), ตตฺถ ปโม เหตุสทฺโท ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ ปจฺจยธมฺมนิทฺเทโส, เตนสฺส เหตุภาเวน อุปการกตา เหตุปจฺจยตาติ ทสฺเสติ. ทุติโย ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสนํ, เตน น เยสํ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตกานํ เหตู เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย, อถ โข เหตุนา สมฺปยุตฺตานเมวาติ ทสฺเสติ. นนุ จ สมฺปยุตฺตสทฺทสฺส สาเปกฺขตฺตา ทุติเย เหตุสทฺเท อวิชฺชมาเนปิ อฺสฺส อเปกฺขิตพฺพสฺส อนิทฺทิฏฺตฺตา เหตู อตฺตนาว สมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อยมตฺโถ วิฺายตีติ? นายเมกนฺโต. เหตุสทฺโท หิ ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺโ ‘‘เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตฺเถว พฺยาวโฏ ยทา คยฺหติ, น ตทา สมฺปยุตฺตวิเสสนํ โหตีติ สมฺปยุตฺตอวิสิฏฺา เย เกจิ คหิตา ภเวยฺยุนฺติ. นนุ จ ยถา ‘‘อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ, อรูปิโน อินฺทฺริยา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมาน’’นฺติ จ วุตฺเต ทุติเยน อาหารคฺคหเณน, อินฺทฺริยคฺคหเณน จ วินาปิ อาหารินฺทฺริยสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺติ, เอวมิธาปิ สิยาติ? น, อาหารินฺทฺริยาสมฺปยุตฺตสฺส วชฺเชตพฺพสฺส อภาวโต. วชฺเชตพฺพาภาวโต หิ ตตฺถ ทุติเย อาหารินฺทฺริยคฺคหเณ อสติปิ ตํสมฺปยุตฺตกาว คยฺหนฺตีติ ตํ น กตํ, อิธ ปน วชฺเชตพฺพํ อตฺถีติ กตฺตพฺพํ ทุติยํ เหตุคฺคหณํ. เอวมฺปิ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ เอตฺถ เหตุสมฺปยุตฺตกานํ โส เอว สมฺปยุตฺตกเหตูติ วิเสสนสฺส อกตตฺตา โย โกจิ เหตุ ยสฺส กสฺสจิ เหตุสมฺปยุตฺตสฺส เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, ปจฺจตฺตนิทฺทิฏฺสฺเสว เหตุโน ปุน สมฺปยุตฺตวิเสสนภาเวน วุตฺตตฺตา. เอตทตฺถเมว หิ วินาปิ ทุติเยน เหตุสทฺเทน เหตุสมฺปยุตฺตภาเว สิทฺเธปิ ตสฺส คหณํ กตํ.

อถ วา อสติ ทุติเย เหตุสทฺเท เหตุสมฺปยุตฺตกานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย, น ปน เหตูนนฺติ เอวมฺปิ คหณํ สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ โส วุตฺโต. เตน เหตุสมฺปยุตฺตภาวํ เย ลภนฺติ, เตสํ สพฺเพสํ เหตูนํ, อฺเสมฺปิ เหตู เหตุปจฺจเยน ปจฺจโยติ ทสฺสิตํ โหติ. ยสฺมา ปน เหตุฌานมคฺคา ปติฏฺามตฺตาทิภาเวน อฺธมฺมนิรเปกฺขา, น อาหารินฺทฺริยา วิย สาเปกฺขา เอว, ตสฺมา เอเตสฺเวว ทุติยํ เหตาทิคฺคหณํ กตํ. อาหารินฺทฺริยา ปน อาหริตพฺพอีสิตพฺพาเปกฺขา เอว, ตสฺมา เต วินาปิ ทุติเยน อาหารินฺทฺริยคฺคหเณน อตฺตนา เอว อาหริตพฺเพ, อีสิตพฺเพ จ อาหารินฺทฺริยภูเต, อฺเ จ สมฺปยุตฺตเก ปริจฺฉินฺทนฺตีติ ตํ ตตฺถ น กตํ. อิธ จ ทุติเยน เหตุคฺคหเณน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุนา, ปจฺจยภูเตเนว จ สมฺปยุตฺตานํ เหตูนํ, อฺเสฺจ ปริจฺฉินฺนตฺตา ปุน วิเสเสน กิจฺจํ นตฺถีติ ปฺหาวาเร ‘‘กุสลา เหตู สมฺปยุตฺตกานํ ขนฺธาน’’นฺติอาทีสุ ทุติยํ เหตุคฺคหณํ น กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๕๙๖. อารมฺมณภาเวนาติ วิสยภาเวน, อาลมฺพิตพฺพภาเวนาติ อตฺโถ. อารภิตฺวาปีติ ปิ-สทฺเทน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – รูปายตนาทิมตฺเต ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ เอกสฺมึ อฏฺตฺวา ‘‘ยํ ยํ ธมฺมํ อารพฺภา’’ติ (ปฏฺา ๑.๑.๒) อนิยเมน สพฺพรูปายตนานํ…เป… สพฺพธมฺมายตนานฺจ อารมฺมณปจฺจยภาวสฺส วุตฺตตฺตา รูปาทิเภเทน ฉพฺพิเธสุ สงฺขตาสงฺขตปฺตฺติธมฺเมสุ น โกจิ ธมฺโม อารมฺมณปจฺจโย น โหตีติ. สฺวายํ อารมฺมณปจฺจยภาโว เหฏฺา วิภาวิโต เอว. อาลมฺพิตฺวาติ คเหตฺวา. เอกนฺตสารมฺมณภาวโต อนารพฺภ ปวตฺติ เอว นตฺถีติ อาห ‘‘อารพฺเภวา’’ติ. สฺวายํ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, กุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, กุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, กุสลสฺส, อพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส, กุสลสฺส, อกุสลสฺสา’’ติ เอวํ นวปฺปกาโร เวทิตพฺโพ.

๕๙๗. เชฏฺกฏฺเนาติ ปมุขภาเวน. อตฺตาธีนานฺหิ ปติภูโต ธมฺโม อธิปติ. โส เตสํ ปมุขภาเวน ปวตฺตติ. ‘‘ฉนฺทวโต กึ นาม น สิชฺฌตี’’ติอาทิกํ ปุริมาภิสงฺขารูปนิสฺสยํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน จิตฺตุปฺปาเท ฉนฺทาทโย ธุรภูตา เชฏฺกภูตา สมฺปยุตฺตธมฺเม สาธยมานา วเส วตฺตยมานา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, สมฺปยุตฺตธมฺมา จ เตสํ วเสน วตฺตนฺติ หีนาทิภาเวน ตทนุวตฺตนโต, เตน เต อธิปติปจฺจยา โหนฺติ. ครุกาตพฺพมฺปิ อารมฺมณํ ตนฺนินฺนโปณปพฺภารานํ อสฺสาทนปจฺจเวกฺขณมคฺคผลานํ อตฺตโน วเส วตฺตยมานํ วิย ปจฺจโย โหติ. ตสฺมา อยํ อตฺตาธีนานํ ปติภาเวน อุปการกตฺตา อธิปติปจฺจโยติ ทฏฺพฺโพ. ฉนฺทาธิปตีติ ฉนฺทสงฺขาโต อธิปติ, ฉนฺทํ ธุรํ ฉนฺทํ เชฏฺกํ กตฺวา จิตฺตุปฺปตฺติกาเล อุปฺปนฺนสฺส กตฺตุกมฺยตาฉนฺทสฺเสตํ นามํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. กสฺมา ปน ยถา เหตุปจฺจยนิทฺเทเส ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๑) วุตฺตํ, เอวมิธ ‘‘อธิปตี อธิปติสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๓) นเยน วุตฺตนฺติ? เอกกฺขเณ อภาวโต. เหตโว หิ ทฺเว ตโยปิ เอกกฺขเณ เหตุปจฺจยา โหนฺติ, มูลฏฺเน อุปการกภาวสฺส อวิชหนโต. อธิปติ ปน เชฏฺกฏฺเน อุปการโก, น จ เอกกฺขเณ พหู เชฏฺกา โหนฺติ. ตสฺมา เอกโต อุปฺปนฺนานมฺปิ เตสํ เอกกฺขเณ อธิปติปจฺจยภาโว นตฺถีติ ‘‘อธิปตี อธิปติสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ฉนฺทาธิปติ ฉนฺทสมฺปยุตฺตกาน’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ.

ยํ ยํ ธมฺมนฺติ ยํ ยํ อารมฺมณธมฺมํ. ครุํ กตฺวาติ ครุการจิตฺตีการวเสน วา อสฺสาทนวเสน วา ครุการิกํ ลทฺธพฺพํ อวิชหิตพฺพํ อนวฺาตํ กตฺวา. เต เต ธมฺมาติ เต เต ครุกาตพฺพา ธมฺมา. เตสํ เตสนฺติ ตํตํครุการกธมฺมานํ. อธิปติปจฺจเยนาติ อารมฺมณาธิปติปจฺจเยน. สฺวายํ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส สหชาตารมฺมเณหิ, อกุสลสฺส อารมฺมเณเนว, อพฺยากตสฺส สหชาตารมฺมเณหิ, กุสลาพฺยากตสฺส สหชาเตเนวาติ กุสลมูลา จตฺตาโร, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส สหชาตารมฺมเณหิ, อพฺยากตสฺส สหชาเตเนว, ตถา อกุสลาพฺยากตสฺสาติ อกุสลมูลา ตโย, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส สหชาตารมฺมเณหิ, กุสลสฺส อารมฺมเณเนว, ตถา อกุสลสฺสาติ อพฺยากตมูลา ตโย’’ติ สงฺเขปโต ทสปฺปกาโร อธิปติปจฺจโย. เอตฺถ จ สตฺตธา สหชาตาธิปติ, สตฺตธา อารมฺมณาธิปติ เวทิตพฺโพ.

๕๙๘. อนฺตรายตีติ อนฺตรํ, พฺยวธายกนฺติ อตฺโถ. นาสฺส อนฺตรํ วิชฺชตีติ อนนฺตโร, อนนฺตโร จ โส ปจฺจโย จาติ อนนฺตรปจฺจโย. ‘‘อตฺถานนฺตรตา อนนฺตรปจฺจโย, กาลานนฺตรตา สมนนฺตรปจฺจโย’’ติอาทินา พหุธา ปปฺจยนฺติ, อสารํ คนฺถวิตฺถารํ กโรนฺติ. ยถา ปวตฺติโอกาสทานวิเสสภาเวน นตฺถิวิคตปจฺจยา วุตฺตา, น เอวํ อนนฺตรสมนนฺตรปจฺจยา, เอเต ปน จิตฺตนิยมเหตุภาเวน วุตฺตาติ ตํ จิตฺตนิยมเหตุภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย หิ เอสา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ มโนวิฺาณธาตูติอาทิ จิตฺตนิยโมติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน สนฺตีรณานนฺตรา โวฏฺพฺพนํ, จุติอนนฺตรา ปฏิสนฺธีติ ยสฺส ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา ยํ ยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ตสฺส ตทนนฺตรุปฺปาทนิยโม ตํตํสหการิปจฺจยวิสิฏฺสฺส ปุริมปุริมจิตฺตสฺเสว วเสน อิชฺฌตีติ ทสฺเสติ.

อตฺถานนฺตรตายาติ อตฺเถน เกนจิ ธมฺเมน อนนฺตรตาย. กาลานนฺตรตายาติ กาลเภเทน อนนฺตรตาย. อาจริยานนฺติ อิธาปิ เรวตาจริยเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ กาลานนฺตรตาย สมนนฺตรปจฺจยภาเว, ตสฺมึ วา ยถาวุตฺตวิโรเธ. ภาวนาพเลน ปน วาริตตฺตาติ เอตฺถ ยถา รุกฺขสฺส เวเธ ทินฺเน ปุปฺผิตุํ สมตฺถสฺเสว ปุปฺผนํ น โหติ, เวเธ ปน อปนีเต ตาย เอว สมตฺถตาย ปุปฺผนํ โหติ, เอวมิธาปิ ภาวนาพเลน วาริตตฺตา สมุฏฺาปนสมตฺถสฺเสว อสมุฏฺาปนํ, ตสฺมิฺจ อปคเต ตาย เอว สมตฺถตาย สมุฏฺาปนํ โหตีติ อธิปฺปาโย. ตมฺปิ วจนํ กาลานนฺตรตา นตฺถิ สตฺตาหาทินา กาเลน อนฺตริตภาวโต. เอตเทว ‘‘กาลนฺตริตตา อตฺถิ’’ อิจฺเจว วทาม. นนุ จ กาโล นาม โกจิ ปรมตฺถโต นตฺถีติ วเทยฺยาติ อาสงฺกนฺโต อาห ‘‘กาลานนฺตร…เป… ลทฺธี’’ติ.

พฺยฺชนมตฺตโตเวตฺถ นานากรณํ ปจฺเจตพฺพํ, น อตฺถโตติ อุปจยสนฺตติอธิวจนนิรุตฺติปทานํ วิย สทฺทตฺถมตฺตโต นานากรณํ, น วจนียตฺถโตติ อธิปฺปาโย. เตเนว สทฺทตฺถวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปุริมปจฺฉิมานํ นิโรธุปฺปาทนฺตราภาวโต นิรนฺตรุปฺปาทนสมตฺถตา อนนฺตรปจฺจยภาโว. รูปกลาปานํ วิย สณฺานาภาวโต, ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ สหาวฏฺานาภาวโต จ ‘‘อิทมิโต เหฏฺา, อุทฺธํ, ติริย’’นฺติ วิภาคาภาวา อตฺตนา เอกตฺตมิว อุปเนตฺวา สุฏฺุ อนนฺตรภาเวน อุปฺปาทนสมตฺถตา สมนนฺตรปจฺจยตา. อุปฺปาทนสมตฺถตาติ จ อพฺยาปารตฺตา ธมฺมานํ ยสฺมึ ยทากาเร นิรุทฺเธ, วตฺตมาเน วา สติ ตํตํวิเสสวนฺโต ธมฺมา โหนฺติ, ตสฺส โสว อากาโร วุจฺจตีติ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมานํ ปวตฺติมตฺตเมว จ อุปาทาย กาลโวหาโรติ นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส เนวสฺานาสฺายตนผลสมาปตฺตีนํ อสฺภวา จวนฺตสฺส, ปุริมจุติปจฺฉิมปฏิสนฺธีนฺจ นิโรธุปฺปาทนิรนฺตรตาย กาลนฺตรตา นตฺถิ. น หิ เตสํ อนฺตรา อรูปธมฺมปฺปวตฺติ อตฺถิ, ยํ อุปาทาย กาลนฺตรตา วุจฺเจยฺย, น จ รูปธมฺมปฺปวตฺติ อรูปธมฺมปฺปวตฺติยา อนฺตรํ กโรติ อฺสนฺตานตฺตา. รูปารูปสนฺตติโย หิ ทฺเว อฺมฺํ วิสทิสสภาวตฺตา อฺมฺูปการภาเวน ปวตฺตมานาปิ วิสุํเยว โหนฺติ. เอกสนฺตติยฺจ ปุริมปจฺฉิมานํ มชฺเฌ ปวตฺตมานํ ตํสนฺตติปริยาปนฺนตาย อนฺตรการกํ โหติ. ตาทิสฺจ กิฺจิ เนวสฺานาสฺายตนผลสมาปตฺตีนํ มชฺเฌ นตฺถิ, น จ อภาโว อนฺตรการโก โหติ อภาวตฺตา เอว. ตสฺมา ชวนานนฺตรสฺส ชวนสฺส วิย, ภวงฺคานนฺตรสฺส ภวงฺคสฺส วิย จ นิรนฺตรตา สุฏฺุ อนนฺตรตา โหตีติ ตถา อุปฺปาทนสมตฺถตา เนวสฺานาสฺายตนจุตีนมฺปิ ทฏฺพฺพา. อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาโว เจตฺถ อนนฺตรปจฺจยาทีนํ ปากโฏติ อุปฺปาทนสมตฺถตาว วุตฺตา. ปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ปุพฺพนฺตาปรนฺตปริจฺเฉเทน คหิตานํ อุปฺปชฺชตีติ วจนํ อลภนฺตานํ ‘‘อตีโต ธมฺโม ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๒.๑๘.๔) อนนฺตราทิปจฺจยภาโว วุตฺโตติ น โส อุปฺปตฺติยา เอวาติ วิฺายติ. น หิ กุสลาทิคฺคหณํ วิย ปจฺจุปฺปนฺนคฺคหณํ อปริจฺเฉทํ. ยโต อุปฺปตฺติมตฺตสมงฺคิโน เอว คหณํ สิยา. เตเนว จ อตีตตฺติเก ปฏิจฺจวาราทโย น สนฺตีติ. ตสฺส ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, กุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, อกุสโล ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม กุสลสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อกุสลสฺสา’’ติ สตฺตธา เภโท เวทิตพฺโพ.

๕๙๙. อุปฺปชฺชมาโนว สห อุปฺปาทนภาเวนาติ เอตฺถาปิ อุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาเวน ปากเฏน ิติยาปิ ปจฺจยภาวํ นิทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ, อฺถา ปทีปนิทสฺสนํ น ยุชฺเชยฺย. ปทีโป หิ ปภาสสฺส ิติยาปิ ปจฺจโย, น อุปฺปตฺติยา เอว. ปจฺจยุปฺปนฺนานํ สหชาตภาเวน อุปการกตา สหชาตปจฺจยตา. โอกฺกนฺติกฺขเณติ ปฏิสนฺธิกฺขเณ. ตสฺมึ หิ ขเณ นามรูปํ โอกฺกนฺตํ วิย ปรโลกโต อาคนฺตฺวา อิธ มาตุกุจฺฉิอาทึ ปวิสนฺตํ วิย อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา โส ขโณ โอกฺกนฺติกฺขโณติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ รูปนฺติ หทยวตฺถุเยว อธิปฺเปตํ. ตฺหิ นามสฺส, นามฺจ ตสฺส สหชาตปจฺจโย โหติ. จิตฺตเจตสิกาติ ปวตฺติยํ จตฺตาโร ขนฺธา ปฏิสนฺธิกฺขเณ จิตฺตสมุฏฺานานํ อภาวโต. รูปิโน ธมฺมาติ หทยวตฺถุํ สนฺธายาห. ตตฺถ ยทิปิ ปุพฺเพ ‘‘โอกฺกนฺติกฺขเณ นามรูป’’นฺติ วุตฺตํ, ตถาปิ เตน ขณนฺตเร สหชาตปจฺจยภาโว รูปธมฺมานํ น นิวาริโตติ ตนฺนิวารณตฺถมิทํ วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ. กิฺจิ กาเลติ เกจิ กิสฺมิฺจิ กาเลติ อตฺโถ, เตน รูปิโน ธมฺมา เกจิ วตฺถุภูตา กิสฺมิฺจิ ปฏิสนฺธิกาเลติ อฺเสํ รูปธมฺมานํ, วตฺถุโน จ ปวตฺติยํ อรูปธมฺมานํ สหชาตปจฺจยภาวํ ปุพฺเพ อนิวาริตํ นิวาเรติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘กิฺจิ กาล’’นฺติ วา ‘‘กิสฺมิฺจิ กาเล’’ติ วา วตฺตพฺเพ ตถา อวตฺวา วิภตฺติวิปลฺลาสํ กตฺวา วุตฺตํ. เตน กิฺจีติ อุปโยเคกวจนํ. ‘‘รูปิโน ธมฺมา’’ติ เอเตน สมฺพนฺเธ ปจฺจตฺตพหุวจนํ ชายติ. ‘‘กาเล’’ติ เอเตน สมฺพนฺเธ ภุมฺเมกวจนนฺติ ทีปิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปุริเมน จ ‘‘เอโก ขนฺโธ, วตฺถุ จ ติณฺณนฺนํ ขนฺธาน’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๙) อาทิวจเนน นามสหิตํ เอว วตฺถุ นามสฺส ปจฺจโยติ วตฺตพฺเพ อาปนฺเน อิตเรน เกวลสฺส จ ตถาวตฺตพฺพตํ ทสฺเสติ. สฺวายํ สหชาตปจฺจโย ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, อพฺยากตสฺส, กุสลาพฺยากตสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, อพฺยากตสฺส, อกุสลาพฺยากตสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส, กุสลาพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส, อกุสลาพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺสา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๙) นววิโธ เวทิตพฺโพ.

๖๐๐. อตฺตโน อุปการกสฺส อุปการกตา อฺมฺปจฺจยตา. ตถา หิสฺส ติทณฺฑํ นิทสฺสิตํ. อุปการกตา จ อฺมฺตาวเสเนว ทฏฺพฺพา, น สหชาตตาทิวเสน. สหชาตาทิปจฺจโย โหนฺโตเยว หิ โกจิ อฺมฺปจฺจโย น โหติ, น จ สหชาตาทิปจฺจยธมฺเมหิ วินา อิมสฺส ปวตฺติ อตฺถิ. ตถา หิ สหชาตาทิปจฺจโย จ โหนฺโตเยว หิ โกจิ อฺมฺปจฺจโย โหติ. ยทิ จ อตฺตโน อุปการกสฺส อุปการกตามตฺตํ อฺมฺปจฺจโย สิยา, ปุเรชาตปจฺฉาชาตภาเวน อุปการสฺส อุปการกา วตฺถุขนฺธา อฺมฺปจฺจยา สิยุํ, น จ ตํ อิจฺฉิตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุปการกตา จ อฺมฺวเสเนว ทฏฺพฺพา’’ติ. อยฺจ อุปฺปตฺติยา, ิติยา จ อุปการโกติ เวทิตพฺโพ. อยํ ปน ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺสา’’ติ ติวิโธ เวทิตพฺโพ.

๖๐๑. ตรุอาทีนํ ปถวี วิย อธิฏฺานากาเรน ปถวีธาตุ เสสธาตูนํ, จกฺขาทโย จกฺขุวิฺาณาทีนํ อุปการกา จิตฺตกมฺมสฺส ปฏาทโย วิย นิสฺสยากาเรน ขนฺธาทโย ตํตํนิสฺสยานํ ขนฺธาทีนํ. ปถวีธาตุยํ ปติฏฺาย เอว หิ เสสธาตุโย อุปาทารูปานิ วิย ยถาสกํ กิจฺจํ กโรนฺติ.

อธิฏฺานากาเรนาติ อาธารากาเรน. อาธารากาโร เจตฺถ เตสํ สาติสยํ ตทธีนวุตฺติตาย เวทิตพฺโพ. ยโต ภูตานิ อนิทฺทิสิตพฺพฏฺานานิ วุจฺจนฺติ, เอวฺจ กตฺวา จกฺขาทีนมฺปิ อธิฏฺานากาเรน อุปการกตา สุฏฺุ ยุชฺชติ. น หิ ยถาวุตฺตํ ตทธีนวุตฺติตาวิเสสํ มุฺจิตฺวา อฺโ จกฺขาทีสุ อเทสกานํ อรูปธมฺมานํ อธิฏฺานากาโร สมฺภวติ. ยทิปิ ยํ ยํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ เย เย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, เตสํ สพฺเพสํ ตทธีนวุตฺติภาโว. เยน ปน ปจฺจยภาววิเสเสน จกฺขาทีนํ ปฏุมนฺทภาเวสุ จกฺขุวิฺาณาทโย ตทนุวิธานากาเรเนว ปวตฺตนฺติ, สฺวายมิธ เตสํ ตทธีนวุตฺติตาสิทฺโธ วิเสโสติ. เอวฺหิ ปจฺจยภาวสามฺเ สติปิ อารมฺมณปจฺจยโต นิสฺสยปจฺจยสฺส วิเสโส วิภาวิโต โหติ. สฺวายํ นโย เหฏฺา ปกาสิโตว. ฉฏฺโ ปนาติ เอตฺถ ‘‘รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ กิสฺมิฺจิ กาเล’’ติ อิทํ น ลพฺภติ. ยํ ปเนตฺถ ลพฺภติ ‘‘รูปิโน ธมฺมา เกจี’’ติ, ตตฺถ เต เอว ธมฺเม ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขายตน’’นฺติอาทิ นิทฺทิฏฺํ. ยํ รูปนฺติ หทยวตฺถุํ สนฺธาย วุตฺตํ. อยํ ปน นิสฺสยปจฺจโย เตรสวิโธ. กถํ? สหชาตโต กุสลมูลา ตโย, ตถา อกุสลมูลา, อพฺยากตมูเลสุ ปน ปุเรชาตํ ลพฺภติ. อพฺยากตฺหิ อพฺยากตสฺส สหชาตมฺปิ ปจฺจโย โหติ, ปุเรชาตมฺปิ กุสลสฺส ปุเรชาตเมว, ตถา อกุสลสฺส, กุสลาพฺยากตํ สหชาตปุเรชาตโต กุสลสฺส, สหชาตโต เอว อพฺยากตสฺส, ตถา อกุสลาพฺยากต’’นฺติ เอวํ เตรส.

๖๐๒. ตทธีนวุตฺติตาย อตฺตโน ผเลน นิสฺสิโตติ ยํ กิฺจิ การณํ นิสฺสโยติ วตฺวา ตตฺถ โย ภุโส นิสฺสโย, ตํ อุปนิสฺสโยติ นิทฺธาเรติ. พลวการณภาเวน อุปการโกติ อารมฺมณภาววเสน อนนฺตรํ อนุรูปจิตฺตุปฺปาทนสมตฺถตาวเสน, เกวลฺจ พลวนฺตํ การณํ หุตฺวา อุปการโก. เตนาห ‘‘โส’’ติอาทิ.

ตตฺถ ทานํ ทตฺวาติ เทยฺยธมฺมํ จชิตฺวา. ยาย วา เจตนาย โส ทิยฺยติ, สา เจตนา ทานํ. ทตฺวาติ ตํ เจตนํ ปริโยทเปตฺวา วิสุทฺธํ กตฺวา. สีลํ สมาทิยิตฺวาติ ปฺจงฺคทสงฺคาทิวเสน นิจฺจสีลํ คณฺหิตฺวา. อิมินา สมาทานวิรติเยว ทสฺสิตา, สมฺปตฺตวิรติสมุจฺเฉทวิรติโย ปน โลเก ‘‘สีล’’นฺติ อปากฏตฺตา น วุตฺตา. กิฺจาปิ น วุตฺตา, อารมฺมณปจฺจโย ปน โหนฺติเยว. ตตฺถ สมุจฺเฉทวิรติ เสกฺขานํเยว กุสลสฺส อารมฺมณํ โหติ, น อิตเรสํ. อุโปสถกมฺมนฺติ ‘‘ปาณํ น หเน, น จาทินฺนมาทิเย’’ติ (สุ. นิ. ๔๐๒) เอวํ วุตฺตํ อุโปสถสีลํ. ตํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขตีติ ตํ ยถาวุตฺตํ กุสลํ เสกฺโขปิ ปุถุชฺชโนปิ ปจฺจเวกฺขติ, อรหาปิ ตํ ปจฺจเวกฺขเตว. อรหโตปิ หิ ปุพฺเพ กตํ กุสลํ กุสลเมว. เยน ปน จิตฺเตน ปจฺจเวกฺขติ, ตํ กิริยจิตฺตํ นาม โหติ. ตสฺมา ‘‘กุสโล กุสลสฺสา’’ติ อิมสฺมึ อธิกาเร น ลพฺภติ. ปุพฺเพ สุจิณฺณานีติ ‘‘ทตฺวา กตฺวา’’ติ หิ อาสนฺนกตานิ วุตฺตานิ, อิมินา น อาสนฺนกตานีติ เวทิตพฺพานิ, ทานาทีหิ วา เสสานิ กามาวจรกุสลานิ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ. ฌานา วุฏฺหิตฺวาติ ฌานํ สมาปนฺโน ฌานโต วุฏฺหิตฺวา. ‘‘ฌานํ วุฏฺหิตฺวา’’ติปิ ปาฬิ. เสกฺขา โคตฺรภุนฺติ โสตาปนฺนํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ โคตฺรภุํ ปจฺจเวกฺขติ. ‘‘โวทาน’’นฺติ อิทํ ปน สกทาคามิอนาคามิโน สนฺธาย วุตฺตํ. เตสฺหิ ตํ จิตฺตํ โวทานํ นาม โหติ. เสกฺขาติ โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโน. มคฺคา วุฏฺหิตฺวาติ มคฺคผลภวงฺคาติกฺกมวเสน อตฺตนา ปฏิลทฺธมคฺคา วุฏฺหิตฺวา, สุทฺธมคฺคโตเยว ปน วุฏฺาย ปจฺจเวกฺขณํ นาม นตฺถิ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘กุสลํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๔) เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. ยทิปิ นานตฺตํ อกตฺวาว วิภตฺโต, ตถาปิ อิทมฺปิ อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยานํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

เนสํ จิตฺตเจตสิกานํ อนนฺตรปจฺจยอนนฺตรูปนิสฺสยานํ นิกฺเขปวิเสโส อตฺถิ. ยสฺมา ปุริโม อพฺยากตธมฺมวเสน ปวตฺโต, อิตโร กุสลาทิวเสนปีติ โสปิ นิกฺเขปวิเสโส อตฺถโต เอกีภาวเมว คจฺฉติ สพฺเพสุปิ จิตฺตุปฺปาเทสุ ตทุภยสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. เอวํ สนฺเตปีติอาทิ อนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยานํ วิเสสทสฺสนํ. ยถา หีติอาทิ อนนฺตรูปนิสฺสยสฺส สมฺภวทสฺสนํ.

ปกโตติ เอตฺถ -กาโร อุปสคฺโค, โส อตฺตโน ผลสฺส อุปฺปาทนสมตฺถภาเวน สุฏฺุกตตํ ทีเปติ. ตถา จ กตํ อตฺตโน สนฺตาเน กตํ โหตีติ อาห ‘‘อตฺตโน สนฺตาเน’’ติอาทิ. กรณฺจ ทุวิธํ นิปฺผาทนํ, อุปเสวนฺจาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิปฺผาทิโต วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นิปฺผาทนํ เหตุปจฺจยสโมธาเนน ผลสฺส นิพฺพตฺตนํ. อุปเสวนํ ปน กาเย อลฺลียาปนวเสน อุปโยคูปเสวนํ, วิชานนสฺชานนาทีนํ วเสน อารมฺมณูปเสวนฺจ. เตเนว อนาคตานมฺปิ อุตุสมฺปทาทีนํ อารมฺมณูปเสวเนน อุปเสวิตานํ ปกตูปนิสฺสยตา วุตฺตา โหติ, ปเคว อตีตปจฺจุปฺปนฺนานํ. ปจฺจุปฺปนฺนสฺสาปิ หิ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนํ อุตุโภชนํ เสนาสนํ อุปนิสฺสาย ฌานํ อุปฺปาเทตี’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๒.๑๘.๘) ปกตูปนิสฺสยภาโว ลพฺภตีติ. ปกติยา เอวาติ ปจฺจยนฺตรสงฺกรรหิเตน อตฺตโน สภาเวเนว. อุปนิสฺสโยติ พลวการณํ กตฺวา. อเนกปฺปการโต ปเภโท เวทิตพฺโพ ปฺหาวาเร อาคตนเยน. ปจฺจยวาเร ปน –

‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย, ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ เกสฺจิ, กุสลา อพฺยากตานํ, อกุสลา อกุสลานํ, กุสลานํ เกสฺจิ, อกุสลา อพฺยากตานํ, อพฺยากตา อพฺยากตานํ, อพฺยากตา กุสลานํ, อพฺยากตา อกุสลานํ, ปุคฺคโลปิ, เสนาสนมฺปิ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๙).

ตตฺถ เย ปุริมา เยสํ ปจฺฉิมานํ อนนฺตรูปนิสฺสโย โหนฺติ, เต เตสํ สพฺเพสมฺปิ เอกนฺเตเนว โหนฺติ, น เกสฺจิ กทาจิ. ตสฺมา เยสุ ปเทสุ อนนฺตรูปนิสฺสโย ลพฺภติ, เตสุ ‘‘เกสฺจี’’ติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ น วุตฺตํ. เย ปน ปุริมา เยสํ ปจฺฉิมานํ อารมฺมณูปนิสฺสโย วา ปกตูปนิสฺสโย วา โหนฺติ, เต เตสํ, น สพฺเพสํ เอกนฺเตน โหนฺติ. เยสํ อุปฺปตฺติวิพนฺธกา ปจฺจยา พลวนฺโต โหนฺติ, เตสํ น ภวนฺติ, อิตเรสํ ภวนฺติ. ตสฺมา เยสุ ปเทสุ อนนฺตรปจฺจโย น ลพฺภติ, เตสุ ‘‘เกสฺจี’’ติ วุตฺตํ. สิทฺธานํ ปจฺจยธมฺมานํ เยหิ ปจฺจยุปฺปนฺเนหิ ภวิตพฺพํ, เตสํ ‘‘เกสฺจี’’ติ อยเมตฺถ อตฺโถ.

กสิณปฺตฺติยา อารมฺมณูปนิสฺสยตาภาวโต เอกจฺจาย ปฺตฺติยา สทฺธึ สพฺโพ ธมฺโม อารมฺมณูปนิสฺสโย, อนนฺตราตีโต จิตฺตเจตสิกราสิ อนนฺตรูปนิสฺสโย, กุสลากุสลวิปากกิริยารูปวเสน ปฺจวิโธ ปกตูปนิสฺสโยติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ปฏฺานฏฺกถายํ เวทิตพฺโพ.

๖๐๓. ปมตรนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนโต ปุเรตรํ. อยฺหิ ปุเรชาตปจฺจโย รูปธมฺมวเสเนว ลพฺภติ. ปจฺจยุปฺปนฺโน จ อรูปธมฺมาเยว. เตนาห ‘‘วตฺตมานภาเวน อุปการโก’’ติ. นิสฺสยารมฺมณาการาทีหิ วิสิฏฺา ปุเรชาตภาเวน วินา อุปการกภาวํ อคจฺฉนฺตานํ วตฺถารมฺมณานํ ปุเรชาตากาเรน อุปการกตา ปุเรชาตปจฺจยตา. เอวํ วตฺถารมฺมณวเสน ทุวิเธ ปุเรชาตปจฺจเย ‘‘จกฺขายตน’’นฺติอาทิ วตฺถุวเสน วุตฺตํ, ‘‘รูปารมฺมณ’’นฺติอาทิ อารมฺมณวเสน.

ยํ รูปนฺติ หทยวตฺถุํ สนฺธายาห. ตตฺถ ‘‘กิฺจิ กาเล’’ติ ปวตฺติกาลวเสน วุตฺตํ. ‘‘กิฺจิ กาเลน’’ อิติ ปฏิสนฺธิกาลวเสน. ยานิ อารมฺมณปุเรชาเตน วินา น วตฺตนฺติ, เตสํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อารมฺมณปุเรชาตทสฺสเนน มโนทฺวาเรปิ ยํ ยํ อารมฺมณปุเรชาเตน วตฺตติ, ตสฺส ตสฺส อารมฺมณปจฺจยภูตํ สพฺพํ รูปรูปํ อารมฺมณปุเรชาตนฺติ ทสฺสิตเมว โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ ปฺหาวาเร ‘‘อารมฺมณปุเรชาตํ เสกฺขา วา ปุถุชฺชนา วา จกฺขุํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตี’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๔). ‘‘อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, อพฺยากโต ธมฺโม กุสลสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, อพฺยากโต ธมฺโม อกุสลสฺส ธมฺมสฺส ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๔) อพฺยากตมูลกา ตโยว วารา. เต จ ปจฺเจกํ วตฺถุปุเรชาตํ, อารมฺมณปุเรชาตนฺติ ทฺวิธา วิภตฺตา.

๖๐๔. ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสฺส ปุเรตรํ สิทฺธภาเว สติ ปจฺจยธมฺมสฺส ปจฺฉาชาตตาติ วุตฺตํ ‘‘ปุเรชาตาน’’นฺติ. อยฺจ นโย รูปธมฺเมสุ เอว ลพฺภติ, น อรูปธมฺเมสูติ วุตฺตํ ‘‘รูปธมฺมาน’’นฺติ. ยทิ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมา ปุเรตรเมว ชาตา, กถํ ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘อุปถมฺภกตฺเตนา’’ติ. ปจฺฉาชาเตน หิ วินา สนฺตานาวิจฺเฉทเหตุภาวํ อคจฺฉนฺตานํ ธมฺมานํ เย ปจฺฉาชาตากาเรน อุปการกา, เตสํ สา วิปฺปยุตฺตาการาทีหิ วิสิฏฺา อุปการกตา ปจฺฉาชาตปจฺจยตา. เอวํ สพฺพปจฺจยานํ ปจฺจยนฺตราการวิสิฏฺา อุปการกตา โยเชตพฺพา. ‘‘คิชฺฌโปตกสรีรานํ อาหาราสาเจตนา วิยา’’ติ เอเตน มโนสฺเจตนาหารวเสน ปวตฺตมาเนหิ อรูปธมฺเมหิ รูปกายสฺส อุปตฺถมฺภิตภาวํ ทสฺเสติ. เตเนว ‘‘อาหาราสา วิยา’’ติ อวตฺวา เจตนาคฺคหณํ กตํ. กายสฺสาติ จตุสมุฏฺานิกภูตุปาทายรูปสงฺขาตสฺส รูปกายสฺส. สงฺเขปโต เปตฺวา รูปธมฺเม อวิสิฏฺโ อรูปกฺขนฺโธ ปจฺฉาชาตปจฺจโย. โส ชาติวเสน กุสโล, อกุสโล, วิปาโก, กิริยาติ จตุพฺพิโธติ เวทิตพฺพํ.

๖๐๕. กุสลาทิภาเวน อตฺตนา สทิสสฺส ปโยเคน กรณียสฺส ปุนปฺปุนํ กรณํ ปวตฺตนํ อาเสวนฏฺโ, อตฺตสทิสสภาวตาปาทนํ วาสนํ วา. ปุริมปุริมาภิโยโค วิยาติ อุคฺคหณสวนธารณาทิปุริมาปุริมาเสวนา วิย. ตีสุ ปน เอเตสุ ปุริมา ปุริมาติ สมนนฺตราตีตา ทฏฺพฺพา. กสฺมา ปเนตฺถ อนนฺตรปจฺจเย วิย ‘‘ปุริมา ปุริมา กุสลา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ อพฺยากตาน’’นฺติอาทินา ภินฺนชาติเยหิ สทฺธึ นิทฺเทโส น กโตติ? อตฺตโน คตึ คาเหตุํ อสมตฺถตฺตา. ภินฺนชาติกา หิ ภินฺนชาติกานํ อาเสวนคุเณน ปคุณพลวภาวํ สมฺปาเทนฺตา อตฺตโนว กุสลาทิภาวสงฺขาตํ คตึ คาเหตุํ น สกฺกุณนฺติ. ตสฺมา เตหิ สทฺธึ นิทฺเทสํ อกตฺวา เย เยสํ วาสนาสงฺขาเตน อาเสวนคุเณน ปคุณพลวภาววิสิฏฺํ อตฺตโน กุสลาทิภาวสงฺขาตํ คตึ คาเหตุํ สมตฺถา, เตสํ เตหิ สมานชาติเกเหว สทฺธึ นิทฺเทโส กโตติ ทฏฺพฺโพ.

อถ วิปากาพฺยากตํ กสฺมา น คหิตํ? อาเสวนาภาวโต. วิปากาพฺยากตฺหิ กมฺมวเสน วิปากภาวปฺปตฺตํ กมฺมปริณามิตํ หุตฺวา ปวตฺตมานํ นิรุสฺสาหํ ทุพฺพลํ สนฺตํ อาเสวนคุเณน อตฺตโน สภาวํ คาเหตฺวา ปริภาเวตฺวา เนว อฺํ วิปากํ ปวตฺเตติ, น จ ปุริมวิปากานุภาวํ คเหตฺวา อุปฺปชฺชติ, อถ โข กมฺมเวคกฺขิตฺตํ ปติตํ วิย หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา สพฺพถาปิ วิปาเก อาเสวนา นตฺถีติ น คหิตํ. กุสลากุสลกิริยานนฺตรํ อุปฺปชฺชมานมฺปิ สกมฺมปฏิพทฺธวุตฺติตาย อาเสวนคุณํ น คณฺหาตีติ กุสลาทโยปิ ตสฺส อาเสวนปจฺจโย น โหนฺติ. นานาชาติกตฺตาปิ เจเต ตสฺส อาเสวนาธานํ น กโรนฺเตว. ภูมิโต, ปน อารมฺมณโต วา นานาชาติกตา นาม นตฺถีติ ปริตฺตกุสลกิริยา มหคฺคตกุสลกิริยานํ, สงฺขารารมฺมณฺจ กุสลํ นิพฺพานารมฺมณสฺส อาเสวนปจฺจโย โหติเยว. สฺวายํ ‘‘กุสโล ธมฺโม กุสลสฺส, อกุสโล ธมฺโม อกุสลสฺส, อพฺยากโต ธมฺโม อพฺยากตสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๖) ติธาว วุตฺโต. อพฺยากตคฺคหเณน อาวชฺชนวชฺชิตา กิริยธมฺมา คหิตา.

๖๐๖. จิตฺตปโยโค จิตฺตกิริยา, อายูหนนฺติ อตฺโถ. ยถา หิ กายวจีปโยโค วิฺตฺติ, เอวํ จิตฺตปโยโค เจตนา. เตน หิ สา อุปฺปนฺนกิริยตาวิสิฏฺเ สนฺตาเน เสสปจฺจยสมาคเม ปวตฺตมานานํ วิปากกฏตฺตารูปานมฺปิ เตเนว สนฺตานวิเสเสน กิริยาภาเวน อุปการิกา โหติ. ตสฺส หิ กิริยาภาวสฺส ปวตฺตตฺตา เตสํ ปวตฺติ, น อฺถา. สหชาตานํ ปน อายูหนกิริยาภาเวน ปวตฺตมานา อุปการิกาติ กึ วตฺตพฺพํ. กมฺมนฺติ จ เจตนากมฺมเมว อธิปฺเปตํ. น หิ เจตนาสมฺปยุตฺตํ กมฺมํ อภิชฺฌาทิ กมฺมปจฺจโย โหติ. สติปิ วิปากธมฺมภาเว เจตนาวชฺชานํ อตํสภาวตฺตา วิปากาปิ เจตนา สหชาตกมฺมปจฺจโย โหติเยว, สฺวายํ กมฺมปจฺจโย ชาติวเสน จตุพฺพิโธติ สพฺพํ วตฺตพฺพํ.

๖๐๗. ‘‘นิรุสฺสาหสนฺตภาเวนา’’ติ เอเตน สอุสฺสาเหหิ วิปากธมฺมธมฺเมหิ กุสลากุสเลหิ สารมฺมณาทิภาเวน สทิสานมฺปิ อสทิสํ วิปากภาวํ ทสฺเสติ. โส หิ วิปากานํ ปโยเคน อสาเธตพฺพตาย ปโยเคน, อฺถา วา เสสปจฺจเยสุ สิทฺเธสุ กมฺมสฺส กฏตฺตา เอว สิชฺฌนโต นิรุสฺสาโห สนฺตภาโว โหติ, น กิเลสวูปสนฺตภาโว. ตถาสนฺตภาวโต เอว หิ ภวงฺคาทโย ทุวิฺเยฺยา. ปฺจทฺวาเรปิ หิ ชวนปฺปวตฺติยา รูปาทีนํ คหิตตา วิฺายติ, อภินิปาตสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณมตฺตา ปน วิปากา ทุวิฺเยฺยา เอว. นิรุสฺสาหสนฺตภาวายาติ นิรุสฺสาหสนฺตภาวตฺถาย. เอเตน ตปฺปจฺจยวนฺตานํ อวิปากานมฺปิ รูปธมฺมานํ วิปากานุกูลํ ปวตฺตึ ทสฺเสติ. ปวตฺเตติอาทิ ปฺหาวารนยํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ปฏิจฺจวาเร ปน ‘‘วิปากา จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน อฺมฺํ วิปากปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทินา (ปฏฺา. ๑.๑.๑๔) อาคตา. เอตฺถ จ เยสํ เอกนฺเตน วิปาโก วิปากปจฺจโย โหติ, เตสํ วเสน นยทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ อารุปฺเป กามรูปภูมีสุ วิย วิปาโก รูปสฺส ปจฺจโย โหติ.

๖๐๘. สติปิ ชนกภาเว อุปตฺถมฺภกตฺตํ อาหารานํ ปธานกิจฺจนฺติ อาห ‘‘รูปารูปานํ อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ. อุปตฺถมฺภกตฺตฺหิ สติปิ ชนกตฺเต อรูปีนํ อาหารานํ, อาหารชรูปสมุฏฺาปกรูปาหารสฺส จ โหติ. อสติปิ จตุสมุฏฺานิกรูปูปตฺถมฺภกรูปาหารสฺส, อสติ ปน อุปตฺถมฺภกตฺเต อาหารานํ ชนกตฺตํ นตฺถีติ อุปตฺถมฺภกตฺตํ ปธานํ. อถ วา ชนยมาโนปิ อาหาโร อวิจฺเฉทวเสน อุปตฺถมฺเภนฺโต ชเนตีติ อุปตฺถมฺภนภาโว เอว อาหารภาโวติ ‘‘อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘รูปาหาโร อตฺตนา ชนิตสฺส อาหารปจฺจโย น โหติ, อฺเน ชนิตสฺส โหติ, ตสฺมา ‘อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตํ ‘‘อาหาโร รูปสฺส ปจฺจโย โหนฺโต อาหารปจฺจโย น โหตีติ วิรุทฺธเมต’’นฺติ อปเร นานุชานนฺติ. รูปาหาโร เจตฺถ รูปธมฺมานํ เอว อาหารปจฺจโย โหติ. อรูปาหารา ปน รูปธมฺมานมฺปิ อาหารปจฺจโย โหนฺติ. ตฺจ โข น เกวลํ จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานเมว, อถ โข กทาจิ กฏตฺตารูปานมฺปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺหาวาเร ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

๖๐๙. อธิปติยฏฺเนาติ เอตฺถ น อธิปติปจฺจยธมฺมานํ วิย ปวตฺตินิวารเก อภิภวิตฺวา ปวตฺตเนน ครุภาโว อธิปติยฏฺโ, อถ โข ทสฺสนาทิกิจฺเจสุ จกฺขุวิฺาณาทีหิ, ชีวเน กมฺมชรูเปหิ อรูปธมฺเมหิ จ ชีวนฺเตหิ, มนเน สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ, สุขิตาทิภาเว สุขิตาทีหิ, อธิโมกฺขปคฺคหูปฏฺานาวิกฺเขปปชานเนสุ, ‘‘อนฺาตํ สฺสามี’’ติ ปวตฺติยํ อาชานเน, อฺาตาวิภาเว จ สทฺธาทิสหชาเตหีติ เอวํ ตํตํกิจฺเจสุ จกฺขาทิปจฺจเยหิ ธมฺเมหิ จกฺขาทีนํ อนุวตฺตนียตา. เตสุ หิ กิจฺเจสุ จกฺขาทีนํ อิสฺสริยํ, ตปฺปจฺจยานฺจ ตทนุวตฺตเนน ตตฺถ ปวตฺติ. กสฺมา ปเนตฺถ อิตฺถิปุริสินฺทฺริยทฺวยํ น คหิตํ, นนุ เจตมฺปิ ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตียตีติ? สจฺจํ อนุวตฺตียติ, น ปน ปจฺจยภาวโต. ยถา หิ ชีวิตาหารา เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เตสํ อนุปาลกอุปตฺถมฺภกา, อตฺถิอวิคตปจฺจยภูตา จ โหนฺติ, น เอวํ อิตฺถิปุริสภาวา ลิงฺคาทีนํ เกนจิ ปกาเรน อุปการกา โหนฺติ. ยโต ปจฺจยา สิยุํ, เกวลํ ปน ยถาสเกหิ เอว ปจฺจเยหิ ปวตฺตมานานํ ลิงฺคาทีนํ ยถา อิตฺถิอาทิคฺคหณสฺส ปจฺจยภาโว โหติ, ตโต อฺเนากาเรน ตํสหิตสนฺตาเน อปฺปวตฺติโต ลิงฺคาทีหิ อนุวตฺตนียตา, อินฺทฺริยตา จ เตสํ วุจฺจติ. ตสฺมา น เตสํ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว วุตฺโต. จกฺขาทโย อรูปธมฺมานํเยวาติ เอตฺถ สุขินฺทฺริยทุกฺขินฺทฺริยานิปิ จกฺขาทิคฺคหเณน คหิตานีติ ทฏฺพฺพานิ.

๖๑๐. ลกฺขณารมฺมณูปนิชฺฌานภูตานํ วิตกฺกาทีนํ วิตกฺกนาทิวเสน อารมฺมณํ อุปคนฺตฺวา นิชฺฌานํ เปกฺขนํ, จินฺตนํ วา วิตกฺกาทีนํเยว อาเวณิโก พฺยาปาโร อุปนิชฺฌายนฏฺโ. ‘‘เปตฺวา ทฺวิปฺจวิฺาเณ สุขทุกฺขเวทนาทฺวย’’นฺติ วตฺวาปิ ‘‘สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ วจเนน อฌานงฺคานํ อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตานํ นิวตฺตนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ เอวํ ‘‘สตฺต ฌานงฺคานี’’ติ เอเตเนว สิทฺเธ ‘‘เปตฺวา สุขทุกฺขเวทนาทฺวย’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ? เวทนาเภเทสุ ปฺจสุ สุขทุกฺขทฺวยสฺส เอกนฺเตน อฌานงฺคภาวทสฺสนตฺถํ ฌานงฺคฏฺาเน นิทฺทิฏฺตฺตา, สติปิ วา ฌานงฺคโวหาเร เวทนาเภททฺวยสฺส เอกนฺเตน ฌานปจฺจยตฺตาภาวทสฺสนตฺถํ. อุเปกฺขาจิตฺเตกคฺคตานํ ปน ยทิปิ ฌานปจฺจยตฺตาภาโว อตฺถิ, นฌานปจฺจยภาโว ปน นตฺถีติ สพฺพานิปิ สตฺต ฌานงฺคานีติ เอตฺถ คหณํ กตํ. ตตฺถ ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วจนํ สพฺพกุสลาทิเภทสงฺคณฺหนตฺถํ, น ปน สพฺพจิตฺตุปฺปาทคตสงฺคณฺหนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. เยสํ ปน ‘‘เปตฺวา ทฺวิปฺจวิฺาเณ เวทนาตฺตย’’นฺติ ปาโ, เตสํ ยถาวุตฺโต วิจาโร จิตฺเตกคฺคตาวเสเนว เวทิตพฺโพ.

๖๑๑. ยโต ตโต วาติ สมฺมา วา มิจฺฉา วาติ อตฺโถ. ปฺหาวาเร ปนาติอาทิ ยทิปิ ปจฺจยนิทฺเทเส ตํสมุฏฺานคฺคหเณน โส อตฺโถ าปิโต เอว, ปฺหาวาเร ปน สรูเปเนว คหิโตติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เอเต ปน ทฺเวปิ…เป… น ลพฺภนฺติ ‘‘ยถาสงฺขฺย’’นฺติ วจนเสโส เวทิตพฺโพ. ปฏฺานฏฺกถายํ ปน ‘‘ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา อเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส กถมวิโรโธติ? อธิปฺปายวเสน. อยฺหิ ตตฺถ อธิปฺปาโย – อเหตุกจิตฺเตสุ เอว ฌานมคฺคปจฺจยา น ลพฺภนฺติ, น สเหตุกจิตฺเตสูติ สเหตุกจิตฺเตสุ อลาภาภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น อเหตุกจิตฺเตสุ ลาภาภาวทสฺสนตฺถนฺติ. เอวฺหิ อตฺเถ คยฺหมาเน อเหตุกจิตฺเตสุ กตฺถจิ กสฺสจิ ลาโภ น นิวาริโตติ วิฺายติ. เตน สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุ ฌานปจฺจยสฺส สมฺภโว อนุฺาโต โหติ. ตตฺถ หิ เยน อลาเภน ธมฺมสงฺคณิยํ มโนธาตุอาทีนํ สงฺคหสุฺตวาเรสุ ฌานํ น อุทฺธฏํ, ตํ อลาภํ สนฺธาย ฌานปจฺจยสฺสปิ อเหตุกจิตฺเตสุ อลาโภ วุตฺโต. ยถา หิ สเหตุกจิตฺตุปฺปาเทสุ วิตกฺกาทีนํ สหชาเต สงฺกฑฺฒิตฺวา เอกตฺตคตภาวกรณํ อุปนิชฺฌายนพฺยาปาโร พลวา, น ตถา อเหตุกจิตฺตุปฺปาเทสูติ. อิธ ปน ทุพฺพลมฺปิ อุปนิชฺฌายนํ ยทิ กิฺจิมตฺตมฺปิ อตฺถิ, น เตน อุปการกตา น โหตีติ สวิตกฺกาเหตุกจิตฺเตสุปิ ฌานปจฺจยํ อนุชานนฺเตน ‘‘เอเต ปน ทฺเวปิ ฌานมคฺคปจฺจยา ทฺวิปฺจวิฺาณาเหตุกจิตฺเตสุ น ลพฺภนฺตี’’ติ (ปฏฺา. อฏฺ. ปจฺจยุทฺเทสวณฺณนา) วุตฺตํ. ปจฺจยกถา นาม สมนฺตปฏฺานนิสฺสิตา, น ธมฺมสงฺคณีนิสฺสิตาติ.

๖๑๒. สมํ อวิสมํ, สมฺมา, สห วา ปกาเรหิ ยุตฺตตาย เอกีภาวูปคเมน วิย อุปการกตา สมฺปยุตฺตปจฺจยตา. กา ปน สา ปกาเรหิ ยุตฺตตาติ อาห ‘‘เอกวตฺถุกเอการมฺมณเอกุปฺปาเทกนิโรธสงฺขาเตนา’’ติ. ตตฺถ เย เอกวตฺถุกา, เต สมฺปยุตฺตาติ เอตฺตเก วุจฺจมาเน อวินิพฺโภครูเปสุ เอกํ มหาภูตํ เสสมหาภูตุปาทารูปานํ นิสฺสยปจฺจโย โหติ, เตน ตานิ เอกวตฺถุกานิ, จกฺขาทินิสฺสยภูตานิ วา ภูตานิ เอกํ วตฺถุ เอเตสุ นิสฺสิตนฺติ เอกวตฺถุกานีติ กปฺเปนฺตสฺส เตสํ สมฺปยุตฺตตาปตฺติ สิยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ เอการมฺมณคฺคหณํ. เย เอกวตฺถุกา, เอการมฺมณา จ, เต สมฺปยุตฺตาติ เอวมฺปิ จุติอาสนฺนานํ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณาทีนํ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ เอกุปฺปาทคฺคหณํ. เย เอกวตฺถุเกการมฺมเณกุปฺปาทา, เต สมฺปยุตฺตาติ กึ ปน นานานิโรธาปิ เอวํติวิธลกฺขณา โหนฺติ, อุทาหุ เอกนิโรธา เอวาติ วิจารณายํ เอกนิโรธา เอว เอวํลกฺขณา โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เอกนิโรธา’’ติ วุตฺตํ.

ปฏิโลมโต วา เอกนิโรธา สมฺปยุตฺตาติ วุจฺจมาเน เอกสฺมึ ขเณ นิรุชฺฌมานานํ รูปารูปธมฺมานํ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ ‘‘เอกุปฺปาทา’’ติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ อวินิพฺโภครูปานํ อตฺถิ เอกุปฺปาเทกนิโรธตาติ เตสมฺปิ สมฺปยุตฺตตา อาปชฺเชยฺยาติ ตนฺนิวารณตฺถํ เอการมฺมณคฺคหณํ. เย เอการมฺมณา หุตฺวา เอกุปฺปาเทกนิโรธา, เต สมฺปยุตฺตาติ อยฺจ นโย เอกวตฺถุเกสุ เอว ลพฺภติ, น นานาวตฺถุเกสูติ ทสฺสนตฺถํ เอกวตฺถุกคฺคหณํ. เย เอกวตฺถุเกการมฺมเณกุปฺปาเทกนิโรธา, เต สมฺปยุตฺตาติ ปฺจโวการภวาเปกฺขาย เจตํ เอกวตฺถุกคฺคหณํ. อารุปฺเป ปน วตฺถุเยว นตฺถีติ กุโต เอกวตฺถุกคฺคหณสฺส อวสโร.

๖๑๓. อฺมฺํ สมฺพนฺธตาย ยุตฺตานมฺปิ สมานานํ วิปฺปยุตฺตภาเวน วิสํสฏฺตาย นานตฺตูปคเมน อุปการกตา วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. อยฺจ วิปฺปยุตฺตตา น สมฺปยุตฺตปจฺจยตาย วิย อฺมฺํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมวเสน คเหตพฺพา, อถ โข วิสุํเยว. ตตฺถ หิ อรูปธมฺมานํ สมานชาติยตาย สมธุรํ, อิธ รูปารูปธมฺมานํ วิชาติยตาย วิธุรํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยุตฺตานมฺปิ…เป… วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา’’ติ. น หิ วตฺถุสหชาตปจฺฉาชาตวเสน อยุตฺตานํ รูปาทีนํ อารมฺมณาทิภาเวน อุปการกานํ วิปฺปยุตฺตานมฺปิ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา อตฺถิ. ยถา หิ ‘‘วตฺถุ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาตา กุสลา ขนฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ, ปจฺฉาชาตา กุสลา ขนฺธา ปุเรชาตสฺส อิมสฺส กายสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔) วตฺถุนา, สหชาตปจฺฉาชาตวเสน จ ยุตฺตานํ อตฺถิ วิปฺปยุตฺตปจฺจยภาโว, น เอวํ อยุตฺตานํ อตฺถีติ. ยทิ เอวํ รูปานํ รูเปหิ กสฺมา วิปฺปยุตฺตปจฺจโย น วุตฺโตติ? รูปานํ รูเปหิ สติปิ อวินิพฺโภเค สมฺปโยโค วิย วิปฺปโยโค (ธาตุ. ๓) นตฺถีติ น เตสํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. วุตฺตฺหิ ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค, จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ. สมฺปยุชฺชมานานฺหิ อรูปานํ รูเปหิ, รูปานฺจ เตหิ สิยา สมฺปโยคาสงฺกาติ เตสํ อฺมฺํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา วุตฺตา. รูปานํ ปน รูเปหิ สมฺปโยโค นตฺถีติ น เตสํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา วุตฺตา.

รูปิโน ธมฺมา อรูปีนํ ธมฺมานํ, อรูปิโนปิ รูปีนนฺติ เอตฺถ อรูปคฺคหณํ จตุนฺนํ ขนฺธานํ วเสน เวทิตพฺพํ. อรูปธมฺเมสุ หิ จตฺตาโร เอว ขนฺธา สหชาตปุเรชาตานํ รูปธมฺมานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจยา โหนฺติ. นิพฺพานํ ปน ยถา อรูปธมฺมานํ สมฺปยุตฺตปจฺจโย น โหติ, เอวํ รูปธมฺมานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย น โหติ. ‘‘จตูหิ สมฺปโยโค, จตูหิ วิปฺปโยโค’’ติ (ธาตุ. ๓) หิ วุตฺตํ. ตสฺมา อรูปธมฺเมสุ จตุนฺนํ ขนฺธานเมว วิปฺปยุตฺตปจฺจยตา. วุตฺตฺจ ปฺหาวาเร ‘‘สหชาตา กุสลา ขนฺธา จิตฺตสมุฏฺานานํ รูปานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๓๔). รูปิโน ธมฺมาติ เจตํ หทยวตฺถุโน เจว จกฺขาทีนฺจ วเสน เวทิตพฺพํ. รูปธมฺเมสุ หิ ฉ วตฺถูนิเยว อรูปกฺขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย. รูปายตนาทโย ปน อารมฺมณธมฺมา กิฺจาปิ วิปฺปยุตฺตธมฺมา, วิปฺปยุตฺตปจฺจโย ปน น โหนฺติ. กึ การณา? สมฺปโยคาสงฺกาภาวโต. อรูปกฺขนฺธา หิ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ อพฺภนฺตรโต นิกฺขมนฺตา วิย อุปฺปชฺชนฺตีติ สิยา ตตฺถ อาสงฺกา ‘‘กึ นุ โข อิเม อิเมหิ สมฺปยุตฺตา, อุทาหุ วิปฺปยุตฺตา’’ติ? อารมฺมณธมฺมา ปน วตฺถุสนฺนิสฺสเยน อุปฺปชฺชมานานํ อารมฺมณมตฺตํ โหนฺตีติ นตฺถิ เตสุ สมฺปโยคาสงฺกาติ น เต วิปฺปยุตฺตา. สมฺปโยคาสงฺกาสพฺภาวโต วตฺถูนิเยว วิปฺปยุตฺตปจฺจยา โหนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ปฺหาวาเร ‘‘วตฺถุ กุสลานํ ขนฺธานํ วิปฺปยุตฺตปจฺจเยน ปจฺจโย, วตฺถุ อกุสลานํ ขนฺธานํ, จกฺขายตนํ จกฺขุวิฺาณธาตุยา’’ติอาทิ. สฺวายํ วิปฺปยุตฺตปจฺจโย ‘‘สหชาตปจฺฉาชาตโต กุสเลน อพฺยากตํ, ตถา อกุสเลน อพฺยากตํ, สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตโต อพฺยากเตน อพฺยากตํ, วตฺถุปุเรชาตโต อพฺยากเตน กุสลํ, ตถา อกุสลนฺติ กุสลมูลเมกํ, อกุสลมูลเมกํ, อพฺยากตมูลานิ ตีณี’’ติ ปฺจวิโธ เวทิตพฺโพ.

๖๑๔. ปจฺจุปฺปนฺนลกฺขเณนาติ ปจฺจุปฺปนฺนสภาเวน. เตน ‘‘อตฺถิ เม ปาปกมฺมํ กตํ, อตฺถิ ปุคฺคโล อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน’’ติ (ปุ. ป. จตุกฺกอุทฺเทส ๒๔) จ เอวมาทีสุ วุตฺตํ นิพฺพตฺติตูปลพฺภมานตาลกฺขณํ อตฺถิภาวํ นิวาเรติ. สติปิ ชนกตฺเต อุปตฺถมฺภกตฺตปฺปธานา อตฺถิภาเวน อุปการกตาติ อาห ‘‘อุปตฺถมฺภกตฺเตนา’’ติ. อิทฺจ อุปตฺถมฺภกตฺตํ วตฺถารมฺมณสหชาตาทีนํ สาธารณํ อตฺถิภาเวน อุปการกตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สตฺตธา มาติกา นิกฺขิตฺตา’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปาฬิยา เอว ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘จตฺตาโร ขนฺธา อรูปิโน’’ติอาทินา สหชาตวเสน อตฺถิปจฺจโยทสฺสิโต, ‘‘จกฺขายตน’’นฺติอาทินา ปุเรชาตวเสน, ‘‘ยํ รูปํ นิสฺสายา’’ติอาทินา สหชาตปุเรชาตวเสน. เอวมยํ ปาโ สหชาตปุเรชาตอตฺถิปจฺจยวเสเนว อาคโต.

อฺตฺถ ปน ตโต อฺถาปิ อาคโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺหาวาเร ปนา’’ติอาทิมาห. ตํ เตน ปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยวเสนาปิ อตฺถิปจฺจยตฺตํ วิภาเวติ. ปุริมปาเ ปน สาวเสสา เทสนา กตาติ เวทิตพฺพํ. สติ จ เยสํ ปจฺจยา โหนฺติ, เตหิ เอกโต, ปุเรตรํ, ปจฺฉา จ อุปฺปนฺนภาเว สหชาตาทิปจฺจยตฺตาภาวโต อาหาโร, อินฺทฺริยฺจ สหชาตาทิเภทํ น ลภนฺติ, ตทภาโว จ เตสํ ธมฺมสภาววเสน ทฏฺพฺโพ. สฺวายํ อตฺถิปจฺจโย ‘‘สหชาตโต กุสเลน กุสลํ, สหชาตปจฺฉาชาตโต กุสเลน อพฺยากตํ, สหชาตโต เอว กุสเลน กุสลาพฺยากตนฺติ กุสลมูลา ตโย, ตถา อกุสลมูลา. สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยโต ปน อพฺยากเตน อพฺยากตํ, วตฺถารมฺมณปุเรชาตโต อพฺยากเตน กุสลํ, ตถา อกุสลํ. สหชาตปุเรชาตโต กุสลฺจ อพฺยากตฺจ กุสลสฺส, สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยโต กุสลฺจ อพฺยากตฺจ อพฺยากตสฺส, สหชาตปุเรชาตโต อกุสลฺจ อพฺยากตฺจ อกุสลสฺส, สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยโต อกุสลฺจ อพฺยากตฺจ อพฺยากตสฺสา’’ติ เอวํ เตรสวิโธ. สงฺเขเปน กุสลากุสลวิปากกิริยรูปวเสน ปฺจวิโธ อตฺถิปจฺจโย, น นิพฺพานํ. โย หิ อตฺถิภาวาภาเวน อนุปการโก อตฺถิภาวํ ลภิตฺวา อุปการโก โหติ, โส อตฺถิปจฺจโย โหติ. นิพฺพานฺจ นิพฺพานารมฺมณานํ น อตฺตโน อตฺถิภาวาภาเวน อนุปการกํ หุตฺวา อตฺถิภาวลาเภน อุปการกํ โหตีติ, อุปฺปาทาทิยุตฺตานํ วา นตฺถิภาโวปการกตาวิรุทฺโธ อุปการกภาโว อตฺถิปจฺจยตาติ, น นิพฺพานํ อตฺถิปจฺจโย โหติ.

๖๑๕. อารมฺมเณ ผุสนาทิวเสน ปวตฺตมานานํ ผสฺสาทีนํ อเนเกสํ สหภาโว นตฺถีติ เอกสฺมึ ผสฺสาทิสมุทาเย สติ ทุติโย น โหติ, อสติ ปน โหตีติ เตน นตฺถิภาเวน อุปการกตา นตฺถิปจฺจยตา. สติปิ ปุริมตรจิตฺตานํ นตฺถิภาเว น เตน ตานิ นตฺถิภาเวน อุปการกานิ, อนนฺตรเมว ปน อตฺตโน อตฺถิภาเวน ปวตฺติโอกาสํ อลภมานํ นตฺถิภาเวน โอกาสํ ททมานํ วิย อุปการกํ โหตีติ ‘‘ปวตฺติโอกาสทาเนน อุปการกา’’ติ อาห. ปฏุปฺปนฺนานนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนานํ.

‘‘เต เอวา’’ติ เอเตน นตฺถิวิคตปจฺจยานํ ธมฺมโต วิเสสาภาวมาห. เอวํ สนฺเตปิ อภาวมตฺเตน อุปการกตา โอกาสทานํ นตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน อปฺปวตฺตมานานํ สภาววิคเมน อุปการกตา วิคตปจฺจยตา. นตฺถิตา จ นิโรธานนฺตรา สุฺตา, วิคตตา นิโรธปฺปตฺตตาติ อยเมเตสํ วิเสโส.

อตฺถิปจฺจยธมฺมา เอว จาติ -สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน น เกวลํ นตฺถิวิคตปจฺจยา เอว ธมฺมโต อวิสิฏฺา, อถ โข อตฺถิอวิคตปจฺจยาปีติ อิมมตฺถํ ทีเปติ. ยทิปิเม ปจฺจยา ธมฺมโต อวิสิฏฺา, ตถาปิ อตฺถิตาย สสภาวตาย อุปการกตา อตฺถิปจฺจยตา, สภาวาวิคเมน นิโรธสฺส อปฺปตฺติยา อุปการกตา อวิคตปจฺจยตาติ ปจฺจยภาววิเสโส ธมฺมาวิเสเสปิ เวทิตพฺโพ. ธมฺมานฺหิ สมตฺถตาวิเสสํ สพฺพํ ยาถาวโต อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ภควตา จตุวีสติปจฺจยวิเสสา วุตฺตาติ ธมฺมสฺสามิมฺหิ สทฺธาย ‘‘เอวํ วิเสสา เอเต ธมฺมา’’ติ สุตมยาณํ อุปฺปาเทตฺวา จินฺตาภาวนามเยหิ ตทภิสมยาย โยโค กรณีโย.

เอตฺถ จ อารมฺมณอนนฺตรสมนนฺตรอุปนิสฺสยปุเรชาตอาเสวนสมฺปยุตฺตนตฺถิวิคตปจฺจยา อรูปธมฺมานํเยว, ปจฺฉาชาตปจฺจโย รูปธมฺมานํเยว, อิตเร จุทฺทส รูปารูปธมฺมานํ.

เหตุอนนฺตรสมนนฺตราเสวนปจฺฉาชาตกมฺมวิปากฌานมคฺคสมฺปยุตฺตนตฺถิวิคตปจฺจยา อรูปธมฺมา เอว, ปุเรชาตปจฺจโย รูปเมว, อุภยํ อารมฺมณูปนิสฺสเย เปตฺวา เสสา, เต ทฺเว ปฺตฺติสภาวาปิ โหนฺติ.

อนนฺตรสมนนฺตราเสวนนตฺถิวิคตปจฺจยา อตีตา เอว. อารมฺมณารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยา ติกาลิกา, กาลวินิมุตฺตา จ. กมฺมปจฺจโย อตีตปจฺจุปฺปนฺนวเสน ทฺวิกาลิโก. เสสา ปฺจทส ปจฺจุปฺปนฺนาว.

ตถา อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสยาเสวนปจฺจยา, นานากฺขณิกกมฺมปจฺจโย, นตฺถิวิคตปจฺจยา จาติ อิเม ปจฺจยา ชนกา เอว, น อุปตฺถมฺภกา. ปจฺฉาชาตปจฺจโย อุปตฺถมฺภโก เอว, น ชนโก. เสสา ชนกา จ อุปตฺถมฺภกา จาติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.

อวิชฺชาปจฺจยาสงฺขารปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๑๖. ปจฺจเยสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. ทุวิธา ทฺวิปฺปกาเรน. อเนกธาติ สตฺตรสธา อารมฺมณปจฺจยาทิวเสน.

อภิฺาจิตฺเตนาติ เจโตปริยปุพฺเพนิวาสอนาคตํสาณสงฺขาตาหิ อภิฺาหิ สหคตจิตฺเตน. สโมหจิตฺตชานนกาเลติ ปเรสํ, อตฺตโน จ สโมหสฺส จิตฺตสฺส ชานนกาเล. อวิชฺชาปุพฺพงฺคมา อกุสลปฺปวตฺติโย ยา กาจิ วิปตฺติโย, สพฺพา ตา โมหมูลิกาติ จ อวิชฺชาย อาทีนวทสฺสเนน อวิชฺชาสมติกฺกมตฺถาย วิวฏฺฏาภิปตฺถนายาติ อตฺโถ. ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ ปุฺาภิสงฺขารานํ. อวิชฺชาสมฺมูฬฺหตฺตาติ ภวาทีนวปฺปฏิจฺฉาทิกาย อวิชฺชาย สมฺมูฬฺหตฺตา. ตาเนว ปุฺานีติ ตาเนว ยถาวุตฺตานิ กามาวจรรูปาวจรปุฺานิ. อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโย โหตีติ สมฺพนฺโธ.

ราคาทีนนฺติ ราคทิฏฺิวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจโทมนสฺสานํ. อวิชฺชาสมฺปยุตฺตตฺตา ราคาทีนํ ราคาทิอสฺสาทนกาเลสุ อวิชฺชํ อารพฺภ อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. ครุํ กตฺวา อสฺสาทนํ ราคทิฏฺิสมฺปยุตฺตาย เอว อวิชฺชาย โยเชตพฺพํ. อสฺสาทนฺจ ราโค, ตทวิยุตฺตา จ ทิฏฺีติ อสฺสาทนวจเนเนว ยถาวุตฺตํ อวิชฺชํ ครุํ กโรนฺตี ทิฏฺิ จ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ราคาทีหิ จ ปาฬิยํ สรูปโต วุตฺเตหิ ตํสมฺปยุตฺตสงฺขารสฺส อวิชฺชารมฺมณาทิตํ ทสฺเสติ. อนาทีนวทสฺสาวิโนติ ปาณาติปาตาทีสุ น อาทีนวทสฺสิโน. อวิชฺชาย อนารมฺมณสฺส, ปมชวนสฺส จ อารมฺมณาธิปติอนนฺตราทิปจฺจยวจเนสุ อวุตฺตสฺส, วุตฺตสฺส จ สพฺพสฺส สงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ อาห.

วุตฺตนเยนาติ สมติกฺกมภวปตฺถนาวเสน ปุฺาภิสงฺขาเร วุตฺตนเยน.

๖๑๗. กึ ปนายนฺติอาทินา โจทกสฺส อยมธิปฺปาโย – ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตี’’ติ เอตฺถ สมฺภวนฺติ เอวาติ อวธารณํ น ยุชฺชติ, อวเสสปจฺจยสมวายาภาเว สงฺขารานํ สมฺภวาภาวโต. ตถา สงฺขารา เอวาติ อวธารณมฺปิ น ยุชฺชติ. กสฺมา? อฺเสฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ สมฺภวสฺส ตโต อิจฺฉิตพฺพตฺตา. วากฺยสฺส อวธารณผลตฺตา อวิชฺชาปจฺจยา เอว สงฺขารา สมฺภวนฺตีติ อวธารเณ คยฺหมาเนปิ อยํ โทโส. กสฺมา? ยสฺมา โลภาทิกมฺมนิทานอุปาทานวตฺถารมฺมณมนสิการาทโย อฺเปิ ปจฺจยา ลพฺภนฺติเยวาติ. ตตฺถ เอกาติ อสหายา, การณนฺตรนิรเปกฺขาติ อตฺโถ. อฺเปิ ปจฺจยา สหการิการณภูตา. โทสเมตฺถ วตฺตุกาโม โจทโก ปุจฺฉตีติ ตฺวา อาจริโย อาห ‘‘กึ ปเนตฺถา’’ติ. เอตฺถ อวิชฺชาย ปจฺจยนฺตเรน รหิตภาเว จ สหิตภาเว จ กึ ปน วตฺตพฺพํ, อสมตฺตา เต โจทนา, อวสิฏฺฺจ ตาว กเถหีติ วุตฺตํ โหติ. เอกการณวาโท อาปชฺชตีติ โทสปฺปสงฺโค วุตฺโต. อนิฏฺโ หิ เอกการณวาโท สพฺพตฺถ สพฺพกาลํ สมฺภวาปตฺติโต, เอกสทิสาสภาวาปตฺติโต จ.

ยสฺมา เอกํ น เอกโตติอาทีสุ ตีสุ ปกาเรสุ อวิชฺชมาเนสุ ปาริเสเสน อเนกโต อเนกเมวาติ เอตสฺมึ จตุตฺเถ เอว ปกาเร วิชฺชมาเน เอกเหตุผลทีปเน อตฺโถ อตฺถิ, ตสฺมา น นุปปชฺชติ อุปปชฺชติเยว. เอกํ ผลํ เอกโต นตฺถิ, อเนกมฺปิ เอกโต นตฺถิ. อเนกโตปิ เอกํ ผลํ โน อตฺถีติ สมฺพนฺโธ.

เอเกกเหตุผลทีปนนฺติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอกเหตุทีปนํ, ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ เอกผลทีปนนฺติ เอวํ ตตฺถ ตตฺถ เอเกกเหตุผลทีปนํ กตํ.

เวเนยฺยานํ อนุรูปโตติ เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยสฺส อนุรูปโต. เอกสฺเสว เหตุโน, ผลสฺส จ ทีปนา สตฺถุ เทสนาวิลาสโต วา เวเนยฺยปุคฺคลานํ อชฺฌาสยโต วา. ตทุภยสฺส ปเนตฺถ การณํ ตตฺถ ตตฺถ เทเสตพฺพสฺส อตฺถสฺส ปธานตา, ปากฏตา, อสาธารณตา จ. เทสนาวิลาสปฺปตฺตา จ พุทฺธา ภควนฺโต เต เทเสตพฺเพ อตฺเถ พหูสุปิ ปริยาเยสุ ลพฺภมาเนสุ ยถารุจิตํ คเหตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺติ, สา เทสนาวิลาสานุรูปตา. ตตฺถ ปน เยน ปริยาเยน เย เวเนยฺยา พุชฺฌนฺติ, เตเนว เตสํ โพธนํ, สา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปตา.

ยถาผสฺสํ เวทนาววตฺถานโตติ ‘‘สุขเวทนียํ, ภิกฺขเว, ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขา เวทนา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๑๒๙), ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๔; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) จ สุขเวทนียผสฺสาทิจกฺขุสมฺผสฺสาทิอนุรูเปน สุขเวทนาทิจกฺขุสมฺผสฺสชาเวทนาทีนํ ววตฺถานโต. สมาเนสุปิ หิ จกฺขุรูปาทีสุ ผสฺสวเสน สุขาทิวิปริยายาภาวโต, สมาเนสุ รูปมนสิการาทีสุ จกฺขาทิสงฺฆฏฺฏนวเสน จกฺขุสมฺผสฺสชาทิวิปริยายาภาวโต, อฺปจฺจยสามฺเปิ จกฺขุสมฺผสฺสวเสน สุขาทิจกฺขุสมฺผสฺสชาทีนํ โอฬาริกสุขุมาทิสงฺกราภาวโต จาติ อตฺโถ. ยถาวุตฺตผสฺสสฺส สุขาทีนํ อวิปรีโต ปจฺจยภาโว เอว ยถาเวทนํ ผสฺสววตฺถานํ. การณผลวิเสเสน วา ผลการณวิเสสนิจฺฉโย โหตีติ อุภยตฺถาปิ นิจฺฉโย ปวตฺถานนฺติ วุตฺโต.

กมฺมาทโยติ กมฺมอาหารอุตุอาทโย อปากฏา เสมฺหปฏิกาเรน โรควูปสมนโต. เสมฺหสฺส มนฺทภาวาทินา จ เสมฺหํเยว ปากฏํ การณํ. อยมิธ อวิชฺชา สงฺขารานํ เหตุภาเวน ทีปิตาติ สมฺพนฺโธ. อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒตีติ วจนโตติ ‘‘สํโยชนิเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๓) อิมินา สุตฺเตน ตณฺหาย สงฺขารการณภาวสฺส วุตฺตตฺตาติ อตฺโถ. ปุน ตสฺสาปิ อวิชฺชาย การณนฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา อาสวสมุทโยติ จ วจนโต’’ติ อาห. ตณฺหา วา จตุรุปาทานภูตา กามาสวทิฏฺาสวา จ สงฺขารสฺส การณนฺติ ปากฏา อวิชฺชาเหตุกาติ สุตฺตทฺวเยนาปิ อวิชฺชาย ปากฏํ สงฺขารานํ การณภาวเมว ทสฺเสติ. ‘‘อสฺสาทานุปสฺสิโน’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๓) หิ วจเนน ภวาทีนวปฺปฏิจฺฉาทนกิจฺจา อวิชฺชา ตณฺหาย การณนฺติ ทสฺสิตา โหติ. ยสฺมา อวิทฺวา, ตสฺมา ปุฺาภิสงฺขาราทิเก อภิสงฺขโรตีติ อวิชฺชาย สงฺขารการณภาวสฺส ปากฏตฺตา อวิทฺทสุภาโวว สงฺขารการณภาเวน วุตฺโต. ขีณาสวสฺส สงฺขาราภาวโต, อสาธารณตฺตา จ ปุฺาภิสงฺขาราทีนํ สาธารณการณานิ วตฺถารมฺมณาทีนีติ ปุฺภวาทีนวปฺปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา ปุฺาภิสงฺขาราทีนํ อสาธารณํ การณนฺติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอเตเนว ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑; มหาว. ๑; เนตฺติ. ๒๔) เอตฺถ ปน ปธานตฺตา, ปากฏตฺตา, อสาธารณตฺตาติ เอเกกเหตุผลทีปนปริหารวจเนน สพฺพตฺถ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติอาทีสุ โพธเนยฺยชฺฌาสยวเสน ธมฺมสฺส โพธนสงฺขาตํ ปโยชนํ เวทิตพฺพํ.

๖๑๘. ‘‘เอกนฺตานิฏฺผลายา’’ติ เอเตน วิรุทฺธภาวํ, ‘‘สาวชฺชายา’’ติ เอเตน วิชาติยภาวํ อวิชฺชาย โชเตติ. ปุฺาเนฺชาภิสงฺขารา หิ อิฏฺวิปากตาย, อนวชฺชสภาวตาย จ ตสฺสา วิรุทฺธา, วิชาติยา จาติ. กถํ น ยุชฺชิสฺสตีติอาทิ สมาธานํ, เตน ยฺวายํ เอกนฺตานิฏฺผลตาทิเหตุปเทโส, ตสฺส อเนกนฺติกตํ ทสฺเสติ. อยํ เหตฺถ อธิปฺปาโย – ยายํ ตยา โจทนา ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทินา กตา, สา ยุตฺตา วิปากํ ปติ. น หิ อนิฏฺเวปกฺกํ การณํ อิฏฺํ ผลติ, อิฏฺเวปกฺกํ วา อนิฏฺํ. ยสฺมา ปเนตฺถ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ปจฺจยภาวลกฺขณธมฺมานํ ธมฺมตา อธิปฺเปตา, ตตฺร จายํ นิยโม นตฺถิ วิจิตฺตรูปตฺตา ตสฺสาติ. เตนาห ‘‘วิรุทฺโธ จา’’ติอาทิ.

ตตฺถ ธมฺมานนฺติ สภาวธมฺมานํ. านนฺติ อวฏฺานํ. ตสฺมา านวิรุทฺโธติ อตฺถิตาวิรุทฺโธ. เกจิ ปน ‘‘ปฏิสนฺธิอาทีนิานานี’’ติ วทนฺติ. เอวํ สติ ‘‘ปุริมจิตฺตํ ปจฺฉิมจิตฺตสฺส านวิรุทฺโธ ปจฺจโย’’ติ นยิทํ เอกนฺติกํ สิยา. ภวงฺคมฺปิ หิ ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจโย, ชวนํ ชวนสฺส, น จ สิปฺปาทีนํ ปฏิสนฺธิอาทิฏฺานํ อตฺถิ, ตสฺมา น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ. กมฺมํ รูปสฺส นมนรุปฺปนวิโรธา, สารมฺมณานารมฺมณาทิวิโรธา จ สภาววิรุทฺโธ ปจฺจโย. ขีราทีนิ ทธิอาทีนํ มธุรมฺพิลรสาทิสภาววิโรธา. อวิชานนกิจฺโจ อาโลโก วิชานนกิจฺจสฺส วิฺาณสฺส. อมทนกิจฺจา จ คุฬาทโย มทนกิจฺจสฺส อาสวสฺส.

โคโลมาวิโลมาทีติอาทีสุ โคโลมาวิโลมานิ ทุพฺพาย, อวีติ จ รตฺตา เอฬกา เวทิตพฺพา. วิสาณํ สรสฺส. ทธิติลปิฏฺคุฬานิ ภูติณกสฺส. เสวาลํ ตณฺฑุเลยฺยกสฺส, ขรวฬวา อสฺสตรสฺสาติ เอวมาทิ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิโต. ยสฺมา วิปากา เอว น, ตสฺมา ทุกฺขวิปากายปิ อวิชฺชาย อทุกฺขวิปากานํ ปุฺาเนฺชาภิสงฺขารานํ ปจฺจยตฺตํ น น ยุชฺชตีติ อตฺโถ.

ตทวิปากตฺเตปิ สาวชฺชตาย ตทวิรุทฺธานํ, ตํสทิสานฺจ อปุฺาภิสงฺขารานเมว ปจฺจโย, น อิตเรสนฺติ เอตสฺส ปสงฺคสฺส นิวารณตฺถํ ‘‘วิรุทฺโธ จาวิรุทฺโธ จ, สทิสาสทิโส ตถา. ธมฺมานํ ปจฺจโย สิทฺโธ’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ตมตฺถํ ปากฏํ กโรนฺโต ‘‘อิติ อยํ อวิชฺชา’’ติอาทิมาห.

๖๑๙. สพฺพตฺถ ขนฺธานํ เภโท มรณนฺติ จุตึ อคฺคณฺหนฺโตติ อิธ จุติ นาม ตตฺถ ตตฺถ ภวาทีสุ รูปาทีนํ ขนฺธานํ มรณสฺิโต จริโม เภโทติ ยาถาวโต อชานนฺโต. สตฺตสฺส สโต วิชฺชมานสฺเสว. เทหนฺตรสงฺกมนํ อฺเน กาเยน สมาคโม.

สพฺพตฺถ ขนฺธานํ ปาตุภาโวติ ตตฺถ ตตฺถ ภวาทีสุ ขนฺธานํ ปมาภินิพฺพตฺติ. นวสรีรปาตุภาโวติ อิธ ชิณฺณสฺส สรีรสฺส นิกฺเขเป ปรโลกปริยาปนฺนสฺส นวกายสฺส อุปฺปาโท. ยเถเก วทนฺติ –

‘‘วตฺถานิ ชิณฺณานิ ยถา ปหาย,

นวานิ คณฺหาติ นโร ปรานิ;

นิกฺขิปฺป เทหํ อิธ ชิณฺณเมวํ,

คณฺหาติ อตฺตาภินวํ สุเขสี’’ติ.

อยํ สตฺโตติ อยมตฺตา, โย สามี, นิวาสี, การโก, เวทโก จาติ อธิปฺเปโต. สตฺโต มรติ, สตฺโต อุปปชฺชตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตีสุปิ าเนสุ อาทิ-สทฺเทน อิสฺสรกุตฺตพฺรหฺมกุตฺตาทิวิกปฺปนํ สงฺคณฺหาติ.

สภาวลกฺขณนฺติ’รุปฺปนานุภวนาทึ, กกฺขฬผุสนาทิสภาวเมว วา. สามฺลกฺขณนฺติ อนิจฺจตาทึ. สงฺขาเร อตฺตโต อตฺตนิยโตติ รูปาทีสุ เอกจฺจํ อตฺตโต, ตทฺํ อตฺตนิยโต.

อตฺตา ชานาติ วาติ วิกปฺเปติ กาปิลาทโย วิย. น ชานาติ วาติ กาณาทาชีวิกาทโย วิย. กาณาโทปิ หิ อตฺตา สภาเวน น ชานาติ. ยทา พุทฺธิคุเณน สํยุชฺชติ, ตทา ชานาตีติ อิจฺฉติ. โส เอว กโรติ จ กาเรติ จาติ โย ปรตฺถ สุขทุกฺขํ อนุภวติ, โส เอว ปุฺาปุฺํ สยํ กโรติ, อฺฺจ กาเรติ, น อฺโติ อธิปฺปาโย. สณฺเปนฺตาติ ทฺวิอณุกาทิอุปฺปาทนวเสน, อิจฺฉาวเสน จ สมฺปาเทนฺตา. โสติ อตฺตสฺิโต สตฺโต. อินฺทฺริยสมฺปนฺโนติ จกฺขาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคโต, เตน สฬายตนปฺปวตฺตึ ทสฺเสติ. สพฺพฺเหตํ ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานานํ อวิชฺชาทีนํ กิจฺจํ อตฺตโน พฺยาปารํ กตฺวา ทิฏฺิคติโก วิมุยฺหตีติ ทสฺสนวเสน วุตฺตํ. อจฺเฉชฺชสุตฺตาวุตาเภชฺชมณีนํ วิย ปุพฺพาปริยววตฺถานํ นิยติ, นิยติยา, นิยติ เอว วา สงฺคติ สมาคโม นิยติสงฺคติ, ตาย ภาเวสุ ปริณตา มนุสฺสเทววิหงฺคาทิภาวํ ปตฺตา นิยติสงฺคติภาวปริณตา. นิยติยา, สงฺคติยา, ภาวสงฺขาเตน สภาเวน จ ปริณตา นานปฺปการตํ ปตฺตา นิยติสงฺคติภาวปริณตาติ จ อตฺถํ วทนฺติ.

เอเตหิ จ วิกปฺปเนหิ อวิชฺชา อกุสลํ จิตฺตํ กตฺวา สตฺเต ปุฺาทีสุ สงฺขาเรสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปวตฺเตตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โส อวิชฺชาย อนฺธีกโต’’ติอาทิ. ปฏิปชฺชตีติ อุปสงฺกมติ.

อปริณายโกติ อรหตฺตมคฺคสมฺปฏิปาทกกลฺยาณมิตฺตรหิโต, อรหตฺตมคฺคาณาวสานํ วา าณํ สมวิสมํ ทสฺเสตฺวา สตฺเต นิพฺพานํ นยตีติ ปริณายกํ, เตน รหิโต อปริณายโก. ธมฺมํ ตฺวาติ สปฺปุริสูปสฺสเยน จตุสจฺจปฺปกาสกํ สุตฺตาทิธมฺมํ ตฺวา, มคฺคาเณเนว วา สพฺพธมฺมปวรํ นิพฺพานธมฺมํ ตฺวา. ตํชานนายตฺตํ ปน เสสสจฺจตฺตยาภิสมยํ สมานกาลมฺปิ ตํ ปุริมกาลํ วิย กตฺวา วุตฺตํ. อุปสนฺโต จริสฺสตีติ อคฺคมคฺคาธิคเมน สพฺพโส อวิชฺชูปสมา อุปสนฺโต สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยํ ิโต ยาว อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปตฺติ, ตาว สตฺตานํ หิตจริยาย อตฺตภาวํ ปวตฺเตนฺโต จริสฺสติ, ทิฏฺธมฺมสุขวิหาเรหิ วิหริสฺสตีติ อตฺโถ.

สงฺขารปจฺจยาวิฺาณปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๒๐. ยถาวุตฺตสงฺขารปจฺจยา อุปฺปชฺชมานํ ตํ กมฺมนิพฺพตฺตเมว ภวิตุํ อรหตีติ ‘‘พาตฺตึส โลกิยวิปากวิฺาณานิ สงฺคหิตานี’’ติ อาห. ธาตุกถายํ ปน วิปฺปยุตฺเตน สงฺคหิตาสงฺคหิตปทนิทฺเทเส ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาเณน เย ธมฺมา, สฬายตนปจฺจยา ผสฺเสน เย ธมฺมา, ผสฺสปจฺจยา เวทนาย เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา, เต ธมฺมา กติหิ ขนฺเธหิ…เป… สงฺคหิตา? เต ธมฺมา อสงฺขตํ ขนฺธโต เปตฺวา เอเกน ขนฺเธน, เอกาทสหิ อายตเนหิ, เอกาทสหิ ธาตูหิ สงฺคหิตา. กติหิ อสงฺคหิตา? จตูหิ ขนฺเธหิ, เอเกนายตเนน, สตฺตหิ ธาตูหิ อสงฺคหิตา’’ติ (ธาตุ. ๔๖๖) วจนโต สพฺพวิฺาณผสฺสเวทนาปริคฺคโห กโต. ยทิ หิ เอตฺถ วิฺาณผสฺสเวทนา สปฺปเทสา สิยุํ, ‘‘วิปากา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๓) อิมสฺส วิย วิสชฺชนํ สิยา. ตสฺมา ตตฺถ อภิธมฺมภาชนียวเสน สงฺขารปจฺจยา วิฺาณาทโย คหิตาติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาโร จ อภิธมฺมภาชนีเย (วิภ. ๒๔๓) จตุภูมกกุสลสงฺขาโร, อกุสลสงฺขาโร จ วุตฺโตติ เอโส เอว ธาตุกถายํ คหิโตติ ทฏฺพฺโพ. ภโว ปน ธาตุกถายํ กมฺมูปปตฺติภววิเสสทสฺสนตฺถํ น อภิธมฺมภาชนียวเสน คหิโต, เอวฺจ กตฺวา ตตฺถ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ อนุทฺธริตฺวา ‘‘กมฺมภโว’’ติอาทินา (ธาตุ. ๖๖) นเยน ภโว อุทฺธโฏ.

โลกิยวิปากมโนวิฺาณเมว สนฺธายาห ‘‘พาวีสติวิธํ โหตี’’ติ. ฉหิ วิฺาเณหีติ ยถาอธิกเตหิ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ฉหิ วิฺาเณหิ. กสฺมา ปเนตฺถ โลกิยวิปากวิฺาณสฺเสว คหณํ กตนฺติ อาห ‘‘โลกุตฺตรานิ ปน วฏฺฏกถาย น ยุชฺชนฺตี’’ติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ธาตุกถายํ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาเณน เย ธมฺมา วิปฺปยุตฺตา’’ติอาทีสุ (ธาตุ. ๓๖๒) โลกุตฺตรวิปากานมฺปิ คหณํ กตนฺติ? ตํ ยถาธมฺมสาสนตฺตา อภิธมฺมเทสนาย วิปากตฺติเก (ธ. ส. ติกมาติกา ๓) วิย อนวเสสวิปากธมฺมสงฺคณฺหนวเสน วุตฺตํ. สุตฺตนฺตเทสนา ปน ยถานุโลมเทสนาติ ตตฺถ ปวตฺตินิวตฺติโย อสงฺกรโต ทสฺเสตพฺพา. ตสฺมา ตทตฺถสํวณฺณนาติ กตฺวา ปวตฺติกถายํ โลกิยวิปากวิฺาณานิเยว คหิตานิ. เตเนวาห ‘‘วฏฺฏกถาย น ยุชฺชนฺตีติ น คหิตานี’’ติ.

ยถา กตํ กมฺมํ ผลทาเน สมตฺถํ โหติ, ตถา กตํ ‘‘อุปจิต’’นฺติ วุจฺจตีติ วิปากทานโยคฺยเมว สงฺขารํ คณฺหนฺโต ‘‘อุปจิตกมฺมาภาเว’’ติ อาห. เหตุ นาม พฺยติเรกปฺปธานนฺติ อภาว-คฺคหณํ, เตน กมฺเม สติ ภาวโต, อสติ อภาวโตติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ยถา ปนสฺส วิฺาณสฺส สงฺขารปจฺจยตา น สิทฺธา, น เอวํ วิปากภาโว. โส ปน สิทฺโธติ กตฺวา อาห ‘‘วิปากํเหต’’นฺติ. เตน วิฺาณสฺส วิปากภาเวน สงฺขารปจฺจยตฺตํ สาเธติ. ตสฺส ปน สาธนตฺถํ ‘‘อุปจิตกมฺมาภาเว วิปากาภาวโต’’ติ วุตฺตนฺติ ตํ วิวรนฺโต ‘‘วิปากฺจา’’ติอาทิมาห. ยทิ อุปฺปชฺเชยฺยาติ ยทิ กมฺมนิรเปกฺโข วิปาโก อุปฺปชฺเชยฺย. สพฺเพสํ สตฺตานํ พฺรหฺมตฺตํ อุปคตานํ ฆานาทิวิฺาณานิ มหาวิปากวิฺาณานีติ ตสฺส ตสฺส วิปากสฺส อโนกาเส ิตานมฺปิ. วิปากานีติ วิฺาณาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส, สพฺพวิปากวิฺาณานีติ อตฺโถ.

สงฺขารา พหู เอกูนตึสเจตนาเภทโต, วิฺาณานิ จ พหูนิ พาตฺตึสวิธตฺตา, น จ สพฺพโต สพฺพานีติ อาห ‘‘กตรสงฺขารปจฺจยา กตรวิฺาณนฺติ เจ’’ติ. ‘‘วิฺาณ’’นฺติ จ อิทํ วิฺาณสามฺํ คเหตฺวา วุตฺตํ. กามํ ขนฺธนิทฺเทเสปิ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๕๑ อาทโย) อิมานิ วิฺาณานิ นิทฺทิฏฺานิ, ตํ ปน อติสํขิตฺตํ, น จ ตตฺถ เนสํ สงฺขารปจฺจยตา วิภาวิตาติ ตํ ปวตฺติยํ, ปฏิสนฺธิยฺจ ภวาทีสุ ปวตฺตนาการวเสน วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กามาวจรปุฺาภิสงฺขารปจฺจยา’’ติอาทิ อารทฺธํ. มโนวิฺาเณติ นิทฺธารเณ ภูมฺมํ. มหาวิปากานีติ วิฺาณาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส. มหาวิปากาติ ปน ปาเ มโนวิฺาณธาตุโยติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

๖๒๑. ยํสงฺขารปจฺจยาติ ยสฺส ยสฺส สงฺขารสฺส ปจฺจยภาเวน. ยํ วิฺาณนฺติ ‘‘ยํ ยํ วิฺาณ’’นฺติ เอวํ อุภยตฺถ อาเมฑิตโลโป ทฏฺพฺโพ. ‘‘โหตี’’ติ อิมินา การณภาเว วิฺาณสฺส สพฺภาวมตฺตํ ปเวทิตํ, น ปวตฺติวิเสโสติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา’’ติ อาห. พฺรหฺมานมฺปิ อนิฏฺรูปาทิอาปาถคมเน อกุสลวิปากจกฺขุวิฺาณาทีนิ กทาจิ อุปฺปชฺชนฺตีติ ‘‘อิมานิ เตรส…เป… ปวตฺตนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ โวกาโร วิตฺถาโร เอตฺถาติ ปฺจโวกาโร, โส เอว ภโว, เอตสฺมึ ปฺจโวการภเว. โหติ หิ ภินฺนาธิกรณานมฺปิ อฺปทตฺถสมาโส ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ. อถ วา ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมาเนหิ ปฺจหิ ขนฺเธหิ โวกรียตีติ ปฺจโวกาโร, โส เอว ภโวติ สพฺพํ ปุพฺเพ วิย.

‘‘ปวตฺติยฺเว ปวตฺตนฺตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ อารทฺธํ.

‘‘เยภุยฺเยน โลภสมฺปยุตฺตชวนาวสาเน’’ติ อิทํ ปฏิฆวิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตานนฺตรํ โสมนสฺสสหคตสฺส อนุปฺปชฺชนโตติ เกจิ, ตํ น คเหตพฺพํ. ‘‘จกฺขุํ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ, ตํ อารพฺภ ราโค อุปฺปชฺชติ, ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ…เป… วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, อุทฺธจฺจํ อุปฺปชฺชติ, อกุสเล นิรุทฺเธ วิปาโก ตทารมฺมณตา อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนโต. อิฏฺํ เจ อารมฺมณํ, โสมนสฺสตทารมฺมณํ น น อุปฺปชฺชตีติ. ชวเนน ตทารมฺมณนิยเม โสมนสฺสสหคตานนฺตรํ โสมนสฺสสหคตาเนว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อปเร, ตํ วิจาเรตพฺพํ อุเปกฺขาสหคตกุสลากุสลชวนานนฺตรมฺปิ โสมนสฺสตทารมฺมณสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. อุเปกฺขาสหคตกิริยาชวนานนฺตรเมว หิ โสมนสฺสตทารมฺมณํ น อิจฺฉนฺติ.

ยสฺมา ปน ติเหตุกชวนาวสาเน จ กทาจิ อเหตุกํ ตทารมฺมณํ โหติ, ตสฺมา ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา เอกจิตฺตกฺขณายุกํ ชวนารมฺมณํ โหติ, ตทา ตตฺถ เอกเมว ตทารมฺมณํ โหตีติ กตฺวา ‘‘สกึ วา’’ติ วุตฺตนฺติ เกจิ. อปเร ปน ตทารมฺมณํ นาม ชวนารมฺมณานุภวนกิจฺจํ, ตํ เอกจิตฺตกฺขณิเก ตถา อาสนฺนเภเท อารมฺมเณ นุปฺปชฺชติ. ตสฺมา ‘‘สกึ วา’’ติ อิทํ ทิรตฺตติรตฺตาทิ วิย วจนสิลิฏฺตาวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, ทฺวิกฺขตฺตุเมว ปน อุปฺปชฺชตีติ. ‘‘ทิรตฺตติรตฺต’’นฺติ (ปาจิ. ๕๐) เอตฺถ หิ วา-สทฺทสฺส อภาวา วจนสิลิฏฺตามตฺเตน ทิรตฺตคฺคหณํ กตนฺติ ยุชฺชติ. ‘‘นิรนฺตรํ ติรตฺตทสฺสนตฺถํ วา’’ติ อิธ ปน วา-สทฺโท วิกปฺปตฺโถ วุตฺโตติ สกึ เอว จ กทาจิ ปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘สกึ วา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนว หิ สมฺโมหวิโนทนิยํ สกึ ตทารมฺมณปฺปวตฺติยา วิจาเรตพฺพตํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘จิตฺตปฺปวตฺติคณนายํ ปน สพฺพทฺวาเรสุ ตทารมฺมเณ ทฺเว เอว จิตฺตวารา อาคตา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) วุตฺตํ.

ตตฺถ จิตฺตปฺปวตฺติคณนายนฺติ วิปากกถายํ พลวรูปาทิอารมฺมเณ วุตฺตํ จิตฺตปฺปวตฺติคณนํ สนฺธายาห. ตตฺถ หิ ทฺเวว ตทารมฺมณุปฺปตฺติวารา วุตฺตา. ตเทว หิ สนฺธาย อิธาปิ วุตฺตํ ‘‘อภิธมฺมฏฺกถายํ ปน ตทารมฺมเณ ทฺเว จิตฺตวารา อาคตา’’ติ. อภิธมฺมฏฺกถายํ อนิยตารมฺมณฏฺานกิจฺจา หุตฺวา ปวตฺตนฺตีติ (วิภ. อฏฺ. ๒๒๗) ทฺวารํ อนามสิตฺวา เอว วุตฺตํ, ตํ อนนฺตรํ ปรโต วุตฺตสเหตุกวิปากวิฺาณานํ สทิสสํวณฺณนํ กาตุกามตาธิปฺปาเยน วุตฺตํ. อเหตุกทฺวยาทีนฺหิ ภวงฺคภูตานํ สยเมว ทฺวารตฺตา, จุติปฏิสนฺธิภูตานฺจ ภวงฺคสงฺขาเตน, อฺเน จ ทฺวาเรน อนุปฺปตฺติโต นิยตํ, อนิยตํ วา ทฺวารํ เอเตสนฺติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ.

อเหตุกทฺวยสฺส ปน สนฺตีรณตทารมฺมณภูตสฺส ทฺวารํ ลพฺภติ, ตฺจ อนิยตนฺติ ตมฺปิ คณฺหนฺโต ‘‘อนิยตทฺวารารมฺมณฏฺานกิจฺจา หุตฺวา ปวตฺตนฺตี’’ติ อาห. เตเนว เจตฺถ มหาวิปากานมฺปิ ตทารมฺมณภูตานํ ทฺวารํ ลพฺภตีติ ตตฺถาปิ ทฺวารคฺคหณํ กตํ.

เอกสฺส สตฺตสฺส ปวตฺโต รูปาวจรวิปาโก ปถวีกสิณาทีสุ ยสฺมึ อารมฺมเณ ปวตฺโต, ตโต อฺสฺมึ ตสฺส ปวตฺติ นตฺถีติ รูปาวจรานํ นิยตารมฺมณตา วุตฺตา. อิตรานิ อารุปฺปวิปากวิฺาณานิ. นิยตํ อวตฺถุกานีติ นิยตาวตฺถุกานิ. กสิณุคฺฆาฏิมากาสาทีสุเยว อารมฺมเณสุ ปวตฺตนโต นิยตารมฺมณานิ. ตตฺราติ ปวตฺติยํ. อสฺสาติ พาตฺตึสวิธสฺส วิปากวิฺาณสฺส. เต เต สงฺขาราติ ยถาวุตฺตา ปุฺาภิสงฺขาราทิสงฺขารา. กมฺมปจฺจเยนาติ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเยน. อุปนิสฺสยปจฺจเยนาติ ปกตูปนิสฺสยปจฺจเยน.

๖๒๒. เอวํ ปวตฺติยํ วิฺาณปฺปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา ปฏิสนฺธิยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ปน วุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนุรูปาย ปฏิสนฺธิยาติ อนุรูเปน ปฏิสนฺธิกิจฺเจน. ตํ ปน อนุรูปตํ สยเมว วกฺขติ. ภวนฺตเรน ภวนฺตรสฺส สนฺธานํ อิธ ปฏิสนฺธีติ ตํ อจิตฺตกมฺปิ อตฺเถวาติ กตฺวา ‘‘กติ ปฏิสนฺธิโย’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวาปิ ‘‘กติ ปฏิสนฺธิจิตฺตานี’’ติ ปุจฺฉา กตา. ‘‘เกน กตฺถา’’ติ เกน จิตฺเตน กสฺมึ ภเว.

ตตฺถาติ เตสุ เอกูนวีสติยา ปฏิสนฺธิจิตฺเตสุ. กุสลวิปากาย อเหตุกมโนวิฺาณธาตุยาติ สมฺพนฺโธ. นตฺถิ เทเวสุ อเหตุกา ปฏิสนฺธีติ ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ วิเสสนํ. นปุํสกาทีนนฺติ อาทิสทฺเทน มมฺมาทีนํ สงฺคโห. เกจิ ปน เอกจฺเจ อเหตุกปฏิสนฺธิกา อวิกลินฺทฺริยา หุตฺวา โถกํ วิจารณปกติกาปิ โหนฺติเยว, ตสฺมา ตาทิสานมฺปิ อิธ อาทิสทฺเทน สงฺคโหติ วทนฺติ. สงฺเขปโตติ สมาสโต, อสุกาย ปฏิสนฺธิยา อสุกํ อารมฺมณนฺติ วิภาคํ อกตฺวาติ อตฺโถ.

เสสานนฺติ รูปาวจรา ปฺจ, ปมตติยารุปฺปา ทฺเวติ อิมาสํ วุตฺตาวเสสานํ สตฺตนฺนํ ปฏิสนฺธีนํ. ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ จุติจิตฺตํ นาม นตฺถิ ปฏิสนฺธิอารมฺมเณ เอว ปวตฺตนโต. ทฺวีสุ อารมฺมเณสูติ อตีตนวตฺตพฺพวเสน ทฺวีสุ อารมฺมเณสุ.

๖๒๓. ตานีติ ปุพฺเพ กตานิ กมฺมานิ. อสฺสาติ อาสนฺนมรณสฺส ปุคฺคลสฺส. โอลมฺพนฺตีติ สายนฺเห มหนฺตานํ ปพฺพตกูฏานํ ฉายา วิย ภูมิยํ ตสฺส จิตฺเต อวลมฺพนฺติ อุปติฏฺนฺติ. ตสฺมึ นิรุทฺเธติ ตสฺมึ จุติจิตฺเต นิรุทฺธมตฺเต ตสฺส นิโรธสมนนฺตรเมว. ตเทวาติ ตํเยว ยถาวุตฺตชวนวีถิยา อารมฺมณภูตํ. อวิชฺชาตณฺหาทีสุ กิเลเสสุ อนุปจฺฉินฺเนสฺเวว กมฺมาทิโน อุปฏฺานํ, ตฺจ อารพฺภ จิตฺตสนฺตานสฺส ภวนฺตรนินฺนโปณปพฺภารตา โหตีติ อาห ‘‘อนุปจฺฉินฺนกิเลสพลวินามิต’’นฺติ. สนฺตาเน หิ วินามิเต ตเทกเทสภูตํ ปฏิสนฺธิจิตฺตฺจ วินามิตเมว โหติ, น จ เอกเทสวินามิตภาเวน วินา สนฺตานสฺส วินามิตตา อตฺถีติ. สพฺพตฺถ ปน ทุคฺคติปฏิสนฺธินินฺนาย จุติยา ปุริมชวนานิ อกุสลานิ, อิตราย จ กุสลานีติ นิจฺฉินนฺติ. ‘‘นิมิตฺตสฺสาทคธิตํ วา, ภิกฺขเว, วิฺาณํ ติฏฺมานํ ติฏฺติ, อนุพฺยฺชนสฺสาทคธิตํ วา, ตสฺมึ เจ สมเย กาลํ กโรติ, านเมตํ วิชฺชติ, ยํ ทฺวินฺนํ คตีนํ อฺตรํ คตึ อุปปชฺเชยฺย นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๕) หิ วุตฺตํ, ตสฺมา อกุสลํ ทุคฺคติยํ, กุสลฺจ สุคติยํ ปฏิสนฺธิยา อุปนิสฺสโย โหตีติ. อรหโต ปน สพฺพโส กิเลสานํ อุปจฺฉินฺนตฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธสพฺพภวุสฺสุกฺกตาย กมฺมาทินิมิตฺตํ น อุปฏฺหติ, ตโต วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อลทฺธสหายตฺตา ปฏิสนฺธึ น ชเนติ.

วุตฺตปฺปการกมฺมวเสนาติ ปาปกมฺมวเสน, ตทุปฏฺาปิตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘นรกาทีสุ อคฺคิชาลวณฺณาทิก’’นฺติ อิทํ ตํสทิสตาวเสน วุตฺตํ. น หิ โส เอว นิรยคฺคิวณฺณาทิ ตทา ตสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ. ตตฺถ อคฺคิชาลวณฺณาทิกนฺติ อาทิ-สทฺเทน เวตฺตรณีสิมฺพลิอสิปตฺตวนาทิวณฺณํ สงฺคณฺหาติ. นรกาทีสูติ ปน อาทิ-สทฺเทน เปตติรจฺฉานานํ นิพทฺธสฺจรณฏฺานปริยาปนฺนวณฺณํ. มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉตีติ กมฺมพเลน อุปฏฺาปิตวณฺณายตนํ สุปินํ ปสฺสนฺตสฺส วิย, ทิพฺพจกฺขุสฺส วิย จ มโนทฺวาเร เอว โคจรภาวํ คจฺฉติ. เอกํ อาวชฺชนํ, ปฺจ ชวนานิ, ทฺเว ตทารมฺมณานีติ ตีณิ วีถิจิตฺตานิ.

ราคาทิเหตุภูตํ หีนมารมฺมณนฺติ อกุสลวิปากสฺส อารมฺมณํ ภวิตุํ ยุตฺตํ อนิฏฺมารมฺมณมาห. ตมฺปิ หิ สงฺกปฺปนวเสน ราคสฺสาปิ เหตุ โหตีติ. อกุสลวิปากชนกกมฺมสหชาตานํ วา ตํสทิสาสนฺนจุติชวนเจตนาสหชาตานฺจ ราคาทีนํ เหตุภาโว เอว หีนตา. ตฺหิ ปจฺฉานุตาปชนกกมฺมานมารมฺมณํ กมฺมวเสน อนิฏฺํ อกุสลวิปากสฺส อารมฺมณํ ภเวยฺย. อฺถา จ อิฏฺารมฺมเณ ปวตฺตสฺส อกุสลกมฺมสฺส วิปาโก อกุสลกมฺมนิมิตฺตารมฺมโณ น ภเวยฺย. น หิ อกุสลวิปาโก อิฏฺารมฺมโณ ภวิตุํ อรหตีติ.

ปฺจทฺวาเร จ อาปาถํ อาคจฺฉนฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ กมฺมนิมิตฺตํ อาสนฺนกตกมฺมารมฺมณสนฺตติยํ อุปฺปนฺนํ, ตํสทิสฺจ ทฏฺพฺพํ. อฺถา ตเทว ปฏิสนฺธิอารมฺมณูปฏฺาปกํ, ตเทว จ ปฏิสนฺธิชนกํ ภเวยฺย. น จ ปฏิสนฺธิยา อุปจารภูตานิ วิย, เอตสฺมึ ตยา ปวตฺติตพฺพนฺติ ปฏิสนฺธิยา อารมฺมณํ อนุปฺปาเทนฺตานิ วิย จ ปวตฺตานิ จุติอาสนฺนานิ ชวนานิ ปฏิสนฺธิชนกานิ ภเวยฺยุํ. ‘‘กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ (ธ. ส. ๔๓๑) หิ วุตฺตํ. ตทา จ ตํสมานวีถิยํ วิย ปวตฺตมานานิ กถํ กตูปจิตานิ สิยุํ? ตทา น อสฺสาทิตานิ. น จ โลกิยานิ โลกุตฺตรานิ วิย สมานวีถิผลานิ โหนฺติ. ‘‘ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ สมตฺตา โหติ สมาทินฺนา. เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๐๓) สุตฺเต มรณกาเล สมตฺตาย สมาทินฺนาย มิจฺฉาทิฏฺิยา, สมฺมาทิฏฺิยา จ สหชาตเจตนาย ปฏิสนฺธิทานํ วุตฺตํ, น จ ทุพฺพเลหิ ปฺจทฺวาริกชวเนหิ มิจฺฉาทิฏฺิ, สมฺมาทิฏฺิ วา สมตฺตา โหติ สมาทินฺนา. ตถา หิ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ ‘‘สพฺพมฺปิ เหตํ กุสลากุสลธมฺมปฏิวิชานนาทิจวนปริโยสานํ กิจฺจํ มโนทฺวาริกจิตฺเตเนว โหติ, น ปฺจทฺวาริเกนาติ สพฺพสฺสเปตสฺส กิจฺจสฺส กรเณ สหชวนกานิ วีถิจิตฺตานิ ปฏิกฺขิตฺตานี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๗๖๖).

ตตฺถ หิ น กิฺจิ ธมฺมํ ปฏิวิชานาตีติ ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑-๒) เอวํ วุตฺตํ เอกมฺปิ กุสลํ วา อกุสลํ วา น ปฏิวิชานาตีติ จ วุตฺตํ. เยสํ ปฏิวิภาวนปฺปวตฺติยา สุขํ วา ทุกฺขํ วา อนฺเวติ, เตสํ สา ปวตฺติ ปฺจทฺวาเร ปฏิกฺขิตฺตา. กุสลากุสลกมฺมสมาทานฺจ ตาทิสเมวาติ. ตทารมฺมณานนฺตรํ ปน จวนํ, ตทนนฺตรา จ อุปปตฺติ มโนทฺวาริกา เอว โหติ, น สหชวนกวีถิจิตฺตปริยาปนฺนาติ อิมินา อธิปฺปาเยน อิธ ปฺจทฺวาริกตทารมฺมณานนฺตรา จุติ, ตทนนฺตรา ปฏิสนฺธิ จ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา. ตตฺถ อวเสสปฺจจิตฺตกฺขณายุเก รูปาทิมฺหิ อุปฺปนฺนํ ปฏิสนฺธึ สนฺธาย ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ อุปปตฺติจิตฺตํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ, อวเสสเอกจิตฺตกฺขณายุเก จ อุปฺปนฺนํ ปฏิสนฺธึ สนฺธาย ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ อุปปตฺติจิตฺตํ อตีตารมฺมณสฺส ภวงฺคสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ จ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๖๒๔. กณฺหปกฺเข สุกฺกปกฺขํ เปตฺวาติ เอตฺถ ยถา ปุพฺเพ ‘‘ปาปกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา’’ติ วุตฺเต กณฺหปกฺเข ‘‘อนวชฺชกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา’’ติ สุกฺกปกฺโข วุตฺโต, เอวํ ‘‘ทุคฺคติปริยาปนฺนํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, นรกาทีสุ อคฺคิชาลวณฺณาทิกํ ทุคฺคตินิมิตฺต’’นฺติ จ วุตฺเต กณฺหปกฺเข ‘‘สุคติปริยาปนฺนํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, มนุสฺสโลเก รตฺตกมฺพลสทิสมาตุกุจฺฉิวณฺณสงฺขาตํ, เทวโลเก วา อุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺขาทิวณฺณสงฺขาตํ สุคตินิมิตฺต’’นฺติ เอวํ สุกฺกปกฺขํ เปตฺวา เสสํ สพฺพํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ. อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณายาติ กมฺมกมฺมนิมิตฺตวเสน อตีตารมฺมณาย, มาตุกุจฺฉิวณฺณาทิสุคตินิมิตฺตวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาย.

๖๒๕. ตฺจ โขติ ยเทตํ ‘‘อนวชฺชกมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา’’ติ อนิยมนํ กตํ, ตฺจ โข. กมฺมนิมิตฺตเมว อาปาถมาคจฺฉติ เอกนฺตโต อตฺตโน กมฺมารมฺมณตาย มหคฺคตวิปากสฺส. สุทฺธาย วาติ มหคฺคตกมฺมนิมิตฺตารมฺมณาย ชวนวีถิยา, ตทารมฺมณรหิตายาติ อตฺโถ, สา ปน ชวนวีถิ มหคฺคตวิปากสฺส อุปจาโร วิย ทฏฺพฺพา. เกจิ ปน ตฺจ วีถึ มหคฺคตาวสานํ วทนฺติ. ‘‘นวตฺตพฺพารมฺมณา วา’’ติ อิทํ รูปาวจรปฏิสนฺธึ, อารุปฺเปสุ จ ปมํ, ตติยฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. ทุติยจตุตฺถา ปน อตีตารมฺมณวจเนเนว คหิตา.

มาตุกุจฺฉิวณฺณสงฺขาตนฺติอาทินา วณฺโณ เอว คตินิมิตฺตภาเวน อาคโต. ตตฺถ สทฺโท ตาว อนุปาทินฺนภาเวน สุคติปริยาปนฺนตาย คตินิมิตฺตภาเวน อฏฺกถาสุ นาคโตติ ยุตฺตเมตํ, คนฺธาทีนํ ปน อนาคมเน การณํ วีมํสิตพฺพํ.

อยํ ตาต ตวตฺถาย พุทฺธปูชา กรียตีติอาทีสุ ปุพฺพเจตนาวเสน ปุฺํ โหติ. สพฺพนฺติมชวเน วตฺตมานสฺสาปีติ วทนฺติ.

๖๒๖. ‘‘เอเตนานุสาเรน อารุปฺปจุติยาปิ อนนฺตรา ปฏิสนฺธิ เวทิตพฺพา’’ติ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘ปถวีกสิณชฺฌานาทิวเสน ปฏิลทฺธมหคฺคตสฺส สุคติยํ ิตสฺสา’’ติ เอวมาทิเก เอว นเย อยมฺปิ ปฏิสนฺธิ อวรุทฺธาติ? น, ตตฺถ รูปาวจรจุติอนนฺตราย เอว ปฏิสนฺธิยา วุตฺตตฺตา. ตตฺถ หิ ‘‘ปถวีกสิณาทิกํ วา นิมิตฺตํ มหคฺคตจิตฺตํ วา มโนทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, จกฺขุโสตานํ วา’’ติอาทินา เตน วจเนน รูปาวจรจุติยา เอว อนนฺตรา ปฏิสนฺธิ วุตฺตาติ วิฺายติ. อถาปิ ยถาสมฺภวโยชนาย อยมฺปิ ปฏิสนฺธิ ตตฺเถว อวรุทฺธา, อรูปาวจรจุติอนนฺตรา ปน รูปาวจรปฏิสนฺธิ นตฺถิ. อรูปาวจเร จ อุปรูปริ จุติยา อนนฺตรา เหฏฺิมา เหฏฺิมา ปฏิสนฺธิ นตฺถีติ จตุตฺถารุปฺปจุติยา นวตฺตพฺพารมฺมณปฏิสนฺธิ นตฺถิ. เตน ตโต ตตฺเถว อตีตารมฺมณา, กามาวจเร จ อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธิ. อิตราหิ จ ยถาสมฺภวํ อตีตนวตฺตพฺพารมฺมณา อารุปฺปปฏิสนฺธิ, อตีตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา จ กามาวจรปฏิสนฺธิ โยเชตพฺพาติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ วิสุํ อุทฺธรณํ กตํ.

๖๒๗. เอวํ อารมฺมณวเสน เอกวิธาย กามาวจรสุคติจุติยา ทุวิธา ทุคฺคติปฏิสนฺธิ, ทุคฺคติจุติยา ทุวิธา สุคติปฏิสนฺธิ, กามาวจรสุคติจุติยา ทฺวิเอกทฺวิปฺปการานํ กามรูปารูปานํ วเสน ปฺจวิธา สุคติปฏิสนฺธิ, รูปาวจรจุติยา ตเถว ปฺจวิธา, ทุวิธาย อารุปฺปจุติยา ปจฺเจกํ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ กามารุปฺปานํ วเสน อฏฺวิธา จ ปฏิสนฺธิ ทสฺสิตา. ทุคฺคติจุติยา ปน เอกวิธาย ทุคฺคติปฏิสนฺธิ ทุวิธา น ทสฺสิตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุคฺคติยํ ิตสฺส ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา วุตฺตา ปน –

ทฺเว ทฺเว ปฺจาถ ปฺจฏฺ, ทฺเว ภวาลมฺพเภทโต;

จุติยา ตาทิสาเยตา, จตุวีสติ สนฺธิโย. (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗);

๖๒๘. ‘‘กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๔๓๑) นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภาโว เหฏฺา ทสฺสิตปฺปกาโรติ อุปนิสฺสยภาวเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห.

นิสฺสยปจฺจยภูเตน รูเปน สหปวตฺติเยเวตฺถ วิฺาณสฺส เตน มิสฺสิตา, ตทภาโว อมิสฺสิตา. ยวนฺติ เอตฺถ สตฺตา เอกชาติสมนฺวเยน อฺมฺมิสฺสิตา โหนฺตีติ โยนิโย. สุจริตทุจฺจริตวเสน คนฺตพฺพา ปาปุณิตพฺพาติ คติโย. ติฏฺติ เอตฺถาติ ิติ, วิฺาณสฺส ิติ วิฺาณฏฺิติ. นานตฺตกายนานตฺตสฺีติอาทิอาวาโส เอว สตฺเตหิ อาวสิตพฺพโต สตฺตาวาโส. อสฺสตฺตาวาสสฺส อิธ อสมฺภวโต ‘‘สตฺตาวาสวเสน อฏฺวิธํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.

๖๒๙. อฺตฺร ชาติปณฺฑกปฏิสนฺธิยาติ เอตฺถ ปมกปฺปิกปฏิสนฺธิยาปีติ วตฺตพฺพํ. สาปิ หิ ภาเวน วินาว อุปฺปชฺชตีติ.

โอมโตติ อวมโต, อวกํสโตติ อตฺโถ. อาทินาติ ‘‘มิสฺสํ อมิสฺส’’นฺติ เอตสฺมึ ทุเก อาทิมฺหิ วุตฺเตน มิสฺสวิฺาเณน. โอมโต ทฺเว วา ตโย วา ทสกา อุปฺปชฺชนฺตีติ คพฺภเสยฺยกานํ วเสน วุตฺตํ. อฺตฺถ ปน อเนเก กลาปา สห อุปฺปชฺชนฺติ. พฺรหฺมตฺตภาเวปิ หิ อเนกคาวุตปฺปมาเณน อเนเก กลาปา สห อุปฺปชฺชนฺตีติ ตึสโต อธิกาเนว รูปานิ โหนฺติ. ตทหุชาตเอฬกสฺส โลมํ ชาติอุณฺณาติ เกจิ. หิมวนฺตปฺปเทเส ชาติมนฺตเอฬกโลมํ ชาติอุณฺณาติ อปเร. คพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตเอฬกโลมํ ชาติอุณฺณาติ อฺเ. อิมาสุ คตีสุ อิมา โยนิโย สมฺภวนฺติ, อิมาสุ น สมฺภวนฺตีติ เอวํ โยนีนํ คติวเสน สมฺภวเภโท.

๖๓๐. ภุมฺมวชฺเชสูติ ภุมฺมเทวานํ วชฺชนํ โยนิวิภาคํ ปติ เตสํ มนุสฺสสทิสตฺตา. โยนิโย ติสฺโส ปุริมิกา น โหนฺตีติ โยนิตฺตยปฏิกฺเขเปน ปจฺฉิมา โยนิ อนุฺาตาติ อตฺถโต อาปนฺนเมว โหติ. คติตฺตเยติ มนุสฺสเปตติรจฺฉานสฺิเต คติตฺตเย. ตฺหิ เอตฺถ ปุพฺเพ อนามฏฺํ.

จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถติ ทสฺเสตุํ ‘‘จ-สทฺเทนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กสฺมา ปน นิชฺฌามตณฺหิกเปเตสุ ปุริมิกา ติสฺโส โยนิโย น สนฺตีติ? อสมฺภวโต. ตาสฺหิ นิจฺจาตุรภาวโต กามเสวา นตฺถีติ น ตา อณฺฑชาทโย โหนฺติ. กุจฺฉิยํ ตาสํ คพฺโภ นาวติฏฺติ ชาลสพฺภาวโตติ เกจิ. อคฺคิชาลาย สนฺตปฺปมานสรีรา เอตา นิพฺพตฺตนฺตีติ อลฺลฏฺาเนสุ, ปุปฺผาทีสุ จ สมฺภวาภาวโต สํเสทชตาปิ ตาสํ นตฺเถวาติ วทนฺติ. เตนาห ‘‘โอปปาติกา เอว หิ เต โหนฺตี’’ติ.

รูปีพฺรหฺเมสุ ตาว โอปปาติกโยนิเกสูติ โอปปาติกโยนิเกหิ รูปีพฺรหฺเม นิทฺธาเรติ. รูปีพฺรหฺเมสูติ หิ อธิกรเณ ภุมฺมํ, โอปปาติเกสูติ นิทฺธารเณ. เตน ‘‘โอปปาติกโยนิเกสู’’ติ สามฺโต วุตฺตราสิโต ‘‘รูปีพฺรหฺเมสู’’ติ วิเสเสน ตเทกเทสํ นิทฺธาเรติ. จกฺขุโสตวตฺถุทสกานํ, ชีวิตนวกสฺส จาติ เอตฺถ เกจิ ‘‘จกฺขุโสตวตฺถุสตฺตกานํ, ชีวิตฉกฺกสฺส จาติ จตุนฺนํ กลาปานํ วเสน รูปภเว ปฏิสนฺธิวิฺาเณน สห สตฺตวีสติ รูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ คนฺธรสาหารานํ ปฏิกฺขิตฺตตฺตา’’ติ การณํ วตฺวา ตํ สมตฺเถนฺตา ‘‘ปาฬิยฺหิ ‘รูปธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ เปตฺวา อฺสตฺตานํ เทวานํ ปฺจายตนานิ ปาตุภวนฺติ, ปฺจ ธาตุโย ปาตุภวนฺตี’ติ (วิภ. ๑๐๑๕-๑๐๑๖) วุตฺตํ, ตถา ‘รูปธาตุยา ฉ อายตนานิ, นว ธาตุโย’ติ สพฺพสงฺคหกวเสน ตตฺถ วิชฺชมานายตนธาตุโย ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. กถาวตฺถุมฺหิ จ ฆานายตนาทีนํ วิย คนฺธายตนาทีนฺจ ตตฺถ ภาโว ปฏิกฺขิตฺโต ‘อตฺถิ ตตฺถ ฆานายตนนฺติ? อามนฺตา. อตฺถิ ตตฺถ คนฺธายตนนฺติ? น เหวํ วตฺตพฺเพ’ติอาทินา (กถา. ๕๒๐). น จ อโผฏฺพฺพายตนานํ ปถวีธาตุอาทีนํ วิย อคนฺธรสายตนานํ คนฺธรสานํ ตตฺถ ภาโว สกฺกา วตฺตุํ, ผุสิตุํ สกฺกุเณยฺยตาวินิมุตฺตสฺส ปถวีอาทิสภาวสฺส วิย คนฺธรสายตนภาววินิมุตฺตสฺส คนฺธรสสภาวสฺส อภาวา. ยทิ จ ฆานสมฺผสฺสาทีนํ การณภาโว นตฺถีติ ‘อายตนานี’ติ เต น วุจฺเจยฺยุํ, ธาตุสทฺโท ปน นิสฺสตฺตนิชฺชีววาจโกติ ‘คนฺธธาตุ รสธาตู’ติ อวจเน การณํ นตฺถิ, ธมฺมภาโว จ เตสํ เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺโพ สภาวธารณาทิลกฺขณโต อฺสฺส อภาวา. ธมฺมานฺจ อายตนภาโว เอกนฺติโก ยมเก วุตฺโต ‘ธมฺโม อายตนนฺติ? อามนฺตา’ติ (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๓). ตสฺมา เตสํ คนฺธรสายตนภาวาภาเวปิ โกจิ อายตนภาโว วตฺตพฺโพ. ยทิ จ โผฏฺพฺพภาวโต อฺโ ปถวีอาทิภาโว วิย คนฺธรสภาวโต อฺโ เตสํ โกจิ สภาโว สิยา, เตสํ ธมฺมายตนสงฺคโห. คนฺธรสภาเว ปน อายตนภาเว จ สติ ‘คนฺโธ จ โส อายตนฺจ คนฺธายตนํ, รโส จ โส อายตนฺจ รสายตน’นฺติ อิทมาปนฺนเมวาติ คนฺธรสายตนภาโว จ น สกฺกา นิวาเรตุํ. ‘ตโย อาหารา’ติ จ วจนโต กพฬีการาหารสฺส ตตฺถ อภาโว วิฺายติ. ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา รูปคณนา กาตพฺพา. เอวฺหิ ธมฺมตา น วิโลมิตา โหตี’’ติ วทนฺติ.

เอตฺถ วุจฺจเต – รูปาวจรสตฺตานํ ฆานชิวฺหายตนาภาวโต วิชฺชมานาปิ คนฺธรสา อายตนกิจฺจํ น กโรนฺตีติ เต อนามสิตฺวา ปาฬิยํ ‘‘ปฺจายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๑๕), ‘‘ฉ อายตนานี’’ติ (วิภ. ๙๙๒) จ อาทิ วุตฺตํ, ‘‘ตโย อาหารา’’ติ จ อชฺโฌหริตพฺพสฺส อาหารสฺส อภาเวน โอชฏฺมกรูปสมุฏฺาปนสงฺขาตสฺส อาหารกิจฺจสฺส อกรณโต, น สพฺเพน สพฺพํ คนฺธรสานํ, โอชาย จ อภาวโต. อิติ วิสยิโน, กิจฺจสฺส จ อภาเวน วิสโย, กิจฺจวา จ ธมฺโม น วุตฺโต. ยสฺมิฺหิ ภเว วิสยี นตฺถิ, ตสฺมึ ตํเหตุโก นิปฺปริยาเยน วิสยสฺส อายตนภาโว นตฺถีติ วิชฺชมานสฺสาปิ อวจนํ ยถา ตตฺเถว รูปภเว ปถวีเตโชวาโยธาตูนํ โผฏฺพฺพายตนภาเวน. ยสฺส ปน ยตฺถ วจนํ, ตสฺส ตตฺถ วิสยีสพฺภาวเหตุโก นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว วุตฺโต ยถา ตตฺเถว รูปายตนสฺส.

ยทิ วิสยีสพฺภาวเหตุโก วิสยสฺส นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว, กถมสฺสตฺตานํ ทฺเว อายตนานิ ปาตุภวนฺตีติ, อสฺสตฺตานฺหิ จกฺขายตนํ นตฺถิ, อจกฺขายตนภาเวน จ เนสํ รูปายตนํ อฺเสํ อวิสโยติ? นายํ วิโรโธ. เยน อธิปฺปาเยน รูปธาตุยํ สฺีนํ คนฺธายตนาทีนํ อวจนํ, เตน รูปายตนสฺสาปิ อวจนนฺติ อสฺีนํ เอกํ อายตนํ วตฺตพฺพํ. ยถาสกฺหิ อินฺทฺริยโคจรภาวาเปกฺขาย เยสํ นิปฺปริยาเยน อายตนภาโว อตฺถิ, เตสุ นิทฺทิสิยมาเนสุ ตทภาวโต รูปธาตุยํ สฺีนํ คนฺธาทิเก วิสุํ อายตนภาเวน อวตฺวา ธมฺมสภาวานติวตฺตนโต, มโนวิฺาณสฺส จ วิสยภาวูปคมนโต ธมฺมายตนนฺโตคเธ กตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ ปาฬิยํ (วิภ. ๑๐๑๕) วุตฺตํ. เอตทตฺถฺหิ ‘‘ธมฺมายตน’’นฺติ สามฺโต นามกรณํ, ปิฏฺิวฏฺฏกานิ วา ตานิ กตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ วุตฺตํ.

เยน จ ปน อธิปฺปาเยน อสฺีนํ รูปายตนํ วุตฺตํ, เตน สฺีนมฺปิ คนฺธาทีนํ วิสุํ คหณํ กาตพฺพนฺติ อิมสฺส นยสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อสฺสตฺตานํ เทวานํ ทฺเว อายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๑๗) วุตฺตํ. อสติปิ หิ ตตฺถ อตฺตโน อินฺทฺริเย รูปสฺส วณฺณายตนสภาวาติกฺกโม นตฺเถวาติ ตํ รูปายตนนฺตฺเวว วุจฺจติ. อิมินา จ นยทสฺสเนน คนฺธาทีนิ ตีณิ ปกฺขิปิตฺวา สฺีนํ อฏฺ อายตนานิ, อสฺีนํ ปฺจาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. เอวฺเจตํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา รูปโลเก ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปถวีอาทีนํ พฺรหฺมานํ วจีโฆโส เอว น สิยา. น หิ ปฏิฆฏฺฏนานิฆํสมนฺตเรน สทฺทปฺปวตฺติ อตฺถิ, น จ ผุสนสภาวานํ กตฺถจิ อผุสนภาวตา สกฺกา วิฺาตุํ, โผฏฺพฺพายตนสงฺขาตสฺส จ ภูตตฺตยสฺส อภาเว รูปภเว รูปายตนาทีนมฺปิ สมฺภโว เอว น สิยา. ตสฺมา ผุสิตุํ สกฺกุเณยฺยตายปิ ปถวีอาทีนํ ตตฺถ กายินฺทฺริยาภาเวน เตสํ โผฏฺพฺพภาโว น วุตฺโต. เอวฺจ กตฺวา รูปธาตุยํ เตสํ สปฺปฏิฆวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ. วุตฺตฺหิ ‘‘อสฺสตฺตานํ อนิทสฺสนสปฺปฏิฆํ เอกํ มหาภูตํ ปฏิจฺจ ทฺเว มหาภูตา’’ติอาทิ (ปฏฺา. ๒.๒๒.๒๐).

ปฏิโฆ จ นาม ภูตตฺตยสฺส กายปฺปสาทํ ปติ ตนฺนิสฺสยภูตฆฏฺฏนาทฺวาเรน อภิมุขภาโว, อิธ ปน ตํสภาวตา. โส จ ผุสิตุํ อสกฺกุเณยฺยสภาวสฺส ฆฏฺฏนาย อภาวโต นตฺถิ. ยทิ ตตฺถ อสติปิ วิสยินิ รูปายตนํ คเหตฺวา ‘‘ทฺเว อายตนานี’’ติ วุตฺตํ, อถ กสฺมา คนฺธายตนาทีนิ คเหตฺวา ‘‘ปฺจายตนานี’’ติ น วุตฺตนฺติ? นยทสฺสนวเสน เทสนา ปวตฺตาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อถ วา ตตฺถ รูปายตนสฺเสว วจนํ กทาจิ อฺภูมิกานํ ปสาทสฺส วิสยภาวํ สนฺธาย, น ปน อิตเรสํ อภาวโต, นาปิ ปริยาเยนปิ อายตนภาวาภาวโต. อสฺีนฺหิ รูปายตนํ สมานตลวาสีนํ เวหปฺผลานํ, อุปริภูมิกานฺจ สุทฺธาวาสานํ ปสาทสฺส วิสยภาวํ คจฺฉติ, น ปน คนฺธรสาติ เตสํเยว ตตฺถ อวจนํ ยุตฺตํ. กถาวตฺถุมฺหิ จ นิปฺปริยาเยน คนฺธายตนาทีนํ อตฺถิภาวํ ปฏิชานนฺตํ สนฺธาย ปฏิเสโธ กโต.

ยทิปิ เจตํ วจนํ ตตฺถ คนฺธายตนาทีนํ อภาววิภาวนํ น โหติ, อตฺถิภาวทีปนมฺปิ ปน อฺวจนํ นตฺเถวาติ? นยิทเมวํ, อฏฺกถาสุ ตตฺถ เนสํ อตฺถิภาวสฺส นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตตฺตา. ยฺหิ อฏฺกถาวจนํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ, ตํ ปาฬิ วิย ปมาณภูตํ อครหิตาย อาจริยปรมฺปราย ยาวชฺชตนา อาคตตฺตา. ตตฺถ สิยา – ยํ ปาฬิยา น วิรุชฺฌติ อฏฺกถาวจนํ, ตํ ปมาณํ, อิทํ ปน วิรุชฺฌตีติ? นยิทเมวํ, ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา ปฏิปาทิตตฺตา. จกฺขาทีนํ อายตนานํ, ตนฺนิสฺสยานฺจ วิฺาณานํ สตฺตสุฺตาสนฺทสฺสนตฺถํ ภควโต ธาตุเทสนาติ อายตนภาเวน วุตฺตานํเยว ธาตุภาวทีปนโต ธาตุภาวสฺสาปิ เตสํ อวจนํ ยุชฺชติ เอว. ตสฺมา ยถา ปาฬิยา อวิโรโธ โหติ, ตถา จกฺขุทสกาทิวเสน อิธ รูปคณนา กตาติ น เอตฺถ ธมฺมตาวิโลมนาสงฺกาย โอกาโสติ เวทิตพฺพํ.

อฺเสุ สํเสทชโอปปาติกโยนิเกสูติ รูปีพฺรหฺเม ปน เปตฺวา อฺเสุ โอปปาติเกสุ, สํเสทเชสุ จาติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. โอปปาติกวิเสสนฺเหตฺถ อฺคฺคหณํ, น สํเสทชวิเสสนํ อสมฺภวโต. สติ หิ สมฺภเว, พฺยภิจาเร จ วิเสสนวิเสสิตพฺพตา โหติ. กามาวจรเทเวสุ สพฺพกาลํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ ยถาวุตฺตาย สนฺตติยา รูปานํ ลพฺภนโต วุตฺตํ ‘‘ตานิ จ นิจฺจํ เทเวสู’’ติ. น หิ เต กทาจิปิ วิกลินฺทฺริยา, อภาวกา จ โหนฺตีติ. จกฺขุ เนสํ ทสนฺนํ ปูรโณติ กตฺวา จกฺขุทสโก นาม, อสาธารเณน วา จกฺขุนา ลกฺขิโต ทสโก จกฺขุทสโก. เอวํ เสสาติ ยถา จกฺขุทสโก วุตฺโต, เอวํ เสสาปิ ทสกา โยเชตฺวา เวทิตพฺพา. ‘‘สํเสทชูปปาตโยนีสุ, อวกํสโต ตึสา’’ติ สงฺเขเปน วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘อวกํสโต ปนา’’ติอาทิมาห, ตํ ปเนตํ ปาฬิยา น สเมติ. น หิ ปาฬิยํ กามาวจรานํ สํเสทโชปปาติกานํ อฆานกานํ อุปปตฺติ วุตฺตา. ธมฺมหทยวิภงฺเค หิ ‘‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺติ, กสฺสจิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิ ทสายตนานิ, กสฺสจิ นวายตนานิ, กสฺสจิ สตฺตายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วุตฺตํ, น วุตฺตํ ‘‘อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ (วิภ. ๑๐๐๗). ยทิ หิ อฆานกสฺสาปิ อุปปตฺติ สิยา, ติกฺขตฺตุํ ‘‘ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, ติกฺขตฺตุฺจ ‘‘นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ, น จ ตํ วุตฺตํ.

ตตฺถ อุปปตฺติกฺขเณติ ปฏิสนฺธิกฺขเณ. เอกาทสาติ ปริปุณฺณายตนสฺส สทฺทายตนวชฺชานิ เอกาทส อายตนานิ. กสฺสจิ ทสายตนานีติ อนฺธสฺส จกฺขายตนวชฺชานิ. อปรานิ ทสายตนานีติ พธิรสฺส โสตายตนวชฺชานิ. นวายตนานีติ อนฺธพธิรสฺส จกฺขุโสตายตนวชฺชานิ. สตฺตายตนานีติ คพฺภเสยฺยกสฺส รูปคนฺธรสกายโผฏฺพฺพมโนธมฺมายตนวเสน วุตฺตํ. ยทิ จกฺขุโสตฆานวิกโลปิ อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส อฏฺเวายตนานิ สิยุํ, น จ วุตฺตํ ‘‘อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ. ตสฺมา นตฺเถว จกฺขุโสตฆานวิกโล. สติ จ อฆานกูปปตฺติยํ ปุนปิ ‘‘กสฺสจิ อปรานิปิ ทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. ตถา จ สติ ยถา อนฺธพธิรสฺส วเสน ‘‘กสฺสจิ นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ เอกวารํ วุตฺตํ, เอวํ อนฺธาฆานกสฺส, พธิราฆานกสฺส จ วเสน ‘‘กสฺสจิ อปรานิ นวายตนานิ, กสฺสจิ อปรานิปิ นวายตนานิ ปาตุภวนฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ อตฺโถ. เอวํ ธาตุปาตุภาวาทิปฺหานิปิ วตฺตพฺพานีติ วทนฺติ. เอตฺถ จ ยถา ‘‘สตฺตติ อุกฺกํสโตถ รูปานี’’ติ ปทํ ‘‘สํเสทชูปปาตโยนีสู’’ติ เอตฺถ โยนิทฺวยวเสน โยชียติ, น เอวํ ‘‘อวกํสโต ตึสา’’ติ อิทํ. อิทํ ปน สํเสทชโยนิวเสเนว โยเชตพฺพํ. เอกโยคนิทฺทิฏฺสฺสาปิ เอกเทโส สมฺพนฺธํ ลภตีติ สํเสทชสฺส ชจฺจนฺธพธิรอฆานกนปุํสกสฺส ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ, น โอปปาติกสฺสาติ อยเมตฺถ อฏฺกถายมธิปฺปาโย.

เย ปน ‘‘โอปปาติกสฺส ชจฺจนฺธพธิรอฆานกนปุํสกสฺส ชิวฺหากายวตฺถุทสกานํ วเสน ตึส รูปานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. โส หิ ปมาทปาโ. เอวฺจ กตฺวา อายตนยมกวณฺณนายํ ‘‘กามธาตุยํ ปน อฆานโก โอปปาติโก นตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, ‘กสฺสจิ อฏฺายตนานิ ปาตุภวนฺตี’ติ วเทยฺยา’’ติ (ยม. อฏฺ. อายตนยมก ๑๘-๒๑) วุตฺตํ. อปเร ปนาหุ ‘‘กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺตีติ ยาว ‘กสฺสจิ นวายตนานี’ติ ปาฬิ โอปปาติเก สนฺธาย วุตฺตา. ตสฺมา ปุพฺเพนาปรํ อฏฺกถายํ อวิโรโธ สิทฺโธ. ตถา จ ยถาวุตฺตปาฬิยา อยมตฺถวณฺณนา อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติเยวา’’ติ. ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘โอปปาติกคฺคหเณน สํเสทชาปิ สงฺคยฺหนฺติ. ตถา หิ ธมฺมหทยวิภงฺเค ‘กามธาตุยา อุปปตฺติกฺขเณ กสฺสจิ เอกาทสายตนานิ ปาตุภวนฺตี’ติอาทีนํ (วิภ. ๑๐๐๗) นิทฺเทเส ‘โอปปาติกานํ เปตาน’นฺติอาทินา (วิภ. ๑๐๐๙) โอปปาติกคฺคหณเมว กตํ, น สํเสทชคฺคหณ’’นฺติ, ตํ ปริปุณฺณายตนานํเยว สํเสทชานํ โอปปาติเกสุ สงฺคหณวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สํเสทชโยนิกา ปริปุณฺณายตนาปริปุณฺณายตนภาเวน โอปปาติกสงฺคหํ กตฺวา วุตฺตา’’ติ, ปธานาย วา โยนิยา สพฺพํ ปริปุณฺณายตนโยนึ ทสฺเสตุํ ‘‘โอปปาติกานนฺติ วุตฺต’’นฺติ จ, อิธ ปน โยนิทฺวยํ สรูเปเนว ปกาเสตุํ, สํเสทชโยนิวเสเนว จ อวกํสโต รูปปวตฺตึ ทสฺเสตุํ โอปปาติกโยนิยา อิตรํ อสงฺคเหตฺวา ‘‘สํเสทชูปปาตโยนีสู’’ติ วุตฺตํ. ตํ สพฺพํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

อุกฺกํสาวกํสานํ ปน อนฺตเรติ ‘‘สตฺตติ, ตึสา’’ติ เอวํ วุตฺตานํ รูปสฺส อุกฺกํสาวกํสปริจฺเฉทานํ มชฺเฌ. อนุรูปโต วิกปฺโป เวทิตพฺโพติ อปาเยสุ อนฺธสฺส ฉ จกฺขุทสกาภาวโต, ตถา พธิรสฺส โสตทสกาภาวโต, อนฺธพธิรสฺส ปน ปฺจ จกฺขุโสตทสกาภาวโตติ เอวมาทินา นเยน เวทิตพฺโพ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมวาติ.

๖๓๑. จุติปฏิสนฺธีนํ ขนฺธาทีหิ อฺมฺสมานตา อเภโท. อสมานตา เภโท.

อารมฺมณโตปิ อภินฺนาติ จตูสุ อารุปฺเปสุ ตโต ตโต จวิตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว อุปปชฺชนฺตสฺส วเสน วุตฺตํ. ตเถว ปน เหฏฺา, รูปภเว วา อุปปตฺติ นตฺถิ. อรูปภูมิโต จวิตฺวา เหฏฺา อุปปตฺติ นาม กามภเว เอว, ตตฺถาปิ ติเหตุกปฏิสนฺธิ เอว. รูปภวโต ปน จุโต ทุเหตุโกปิ โหตีติ วทนฺติ. อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาย จุติยา อนนฺตรา มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณา ทุติยจตุตฺถารุปฺปปฏิสนฺธิ. เอวํ นยมตฺตสฺส ทสฺสิตตฺตา วุตฺตํ, อวุตฺตฺจ สพฺพํ สงฺคเหตฺวา อาห ‘‘อยํ ตาว อรูปภูมีสุเยว นโย’’ติ. รูปารูปาวจรานํ อุปจารสฺส พลวตาย ตโต จวิตฺวา ทุคฺคติยํ อุปปตฺติ นตฺถีติ ‘‘เอกจฺจสุคติจุติยา’’ติ อาห. เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธีติ เอตฺถ เอกจฺจคฺคหณสฺส ปโยชนํ มคฺคิตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – นานตฺตกายนานตฺตสฺีสุ วุตฺตา เอกจฺเจ จ วินิปาติกา ติเหตุกาทิปฏิสนฺธิกา, เตสํ ปฏิสนฺธึ วินิปาติกภาเวน ‘‘ทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติ คเหตฺวา สพฺพสุคติจุติยา จ สา ปฏิสนฺธิ โหติ, น เอกจฺจสุคติจุติยา เอวาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ เอกจฺจทุคฺคติคฺคหณํ กตํ. อปายปฏิสนฺธิ เอว หิ เอกจฺจสุคติจุติยา โหติ, น สพฺพสุคติจุติยาติ. อถ วา ทุคฺคติปฏิสนฺธิ ทุวิธา เอกจฺจสุคติจุติยา อนนฺตรา, ทุคฺคติจุติยา จาติ. ตตฺถ ปจฺฉิมํ วชฺเชตฺวา ปุริมํเยว คเหตุํ วุตฺตํ ‘‘เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติ. อเหตุกจุติยา สเหตุกปฏิสนฺธีติ ทุเหตุกา จ ติเหตุกา จ โยเชตพฺพา. มณฺฑูกเทวปุตฺตาทีนํ วิย หิ อเหตุกจุติยา ติเหตุกปฏิสนฺธิปิ โหตีติ.

ตสฺส ตสฺส วิปรีตโต จ ยถาโยคํ โยเชตพฺพนฺติ ‘‘เอกจฺจสุคติจุติยา เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติอาทีสุ เภทวิเสเสสุ ‘‘เอกจฺจทุคฺคติจุติยา เอกจฺจทุคฺคติปฏิสนฺธี’’ติอาทินา ยํ ยํ ยุชฺชติ, ตํ ตํ โยเชตพฺพนฺติ อตฺโถ. ยุชฺชมานมตฺตาเปกฺขนวเสน นปุํสกนิทฺเทโส กโต. โยเชตพฺพนฺติ วา ภาวตฺถตา ทฏฺพฺพา. ‘‘อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณาย มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณา’’ติอาทีสุ ปน วิปรีตโยชนา น กาตพฺพา. น หิ มหคฺคตอชฺฌตฺตารมฺมณาย จุติยา อรูปภูมีสุ อมหคฺคตพหิทฺธารมฺมณา ปฏิสนฺธิ อตฺถิ. ‘‘จตุกฺขนฺธาย อารุปฺปจุติยา อนนฺตรา ปฺจกฺขนฺธา กามาวจรปฏิสนฺธี’’ติ เอตสฺส วิปริยาโย สยเมว โยชิโต. ‘‘อตีตารมฺมณาย จุติยา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา ปฏิสนฺธี’’ติ เอตสฺส จ วิปริยาโย นตฺถิ เอว. เภทวิเสโส เอว จ เอวํ วิตฺถาเรน ทสฺสิโต, อเภทวิเสโส ปน เอเกกสฺมึ เภเท ตตฺถ ตตฺเถว จุติปฏิสนฺธิโยชนาวเสน เวทิตพฺโพ ‘‘ปฺจกฺขนฺธาย กามาวจรจุติยา ปฺจกฺขนฺธา กามาวจรา…เป… อวิตกฺกอวิจาราย อวิตกฺกาวิจารา’’ติ. จตุกฺขนฺธาย ปน จตุกฺขนฺธา สยเมว โยชิตา. เอเตเนว นเยน สกฺกา วิฺาตุนฺติ ปฺจกฺขนฺธาทีสุ อเภทวิเสโส น ทสฺสิโตติ.

๖๓๒. อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน. เอตํ วิฺาณํ อวิชฺชาทิสหการิการณสหิตสฺส สงฺขารสฺส วเสน ลทฺธปฺปจฺจยํ. พาหิรกกปฺปิตสฺส อธิปติฏฺนกสฺส อภาวโต รูปารูปธมฺมมตฺตํ. เตนาห ‘‘น สตฺโต น ชีโว’’ติ. อุเปตีติ วุจฺจติ ตถาโวหารมตฺตํ, อตฺถโต ปน ปจฺจยสามคฺคิยา ภวนฺตรภาเวน อุปฺปชฺชนมตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺส จา’’ติอาทิ. ตโต เหตุํ วินาติ ตตฺถ เหตุํ วินา. มนุสฺสจุติปฏิสนฺธิกฺกเมนาติ มนุสฺสจุติโต มนุสฺสปฏิสนฺธิกฺกเมน. เอวฺหิ ปากฏคฺคหณํ อุภยวิเสสนํ โหติ. ปากฏตา เจตฺถ ตทาสนฺนกฺขนฺธวเสน เวทิตพฺพา ‘‘จวมาเน อุปปชฺชมาเน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๔๗) วิย. มนุสฺสจุติปฏิสนฺธิกฺกเมนาติ วา มนุสฺสจุติโต ยสฺส กสฺสจิ ปฏิสนฺธิกฺกเมน. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘นิสฺสยํ อสฺสาทยมานํ วา อนาสฺสาทยมานํ วา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๓๒).

สรเสนาติ สภาเวน, ปริกฺขีณายุสงฺขารตายาติ อตฺโถ. อุปกฺกเมนาติ อตฺตนา, ปเรน วา กเตน สีสจฺเฉทนาทิอุปกฺกเมน. สพฺเพสํ องฺคปจฺจงฺคสนฺธีนํ พนฺธนานิ สพฺพงฺคปจฺจงฺคสนฺธิพนฺธนานิ, เตสํ เฉทกานํ. สนฺนิปาตนฺติ ปตนํ ปวตฺติ. หทยปฺปเทโสปิ อนุกฺกเมน สุสฺสิตฺวา อปฺปาวเสโส โหติ, ปเคว กาโยติ อาห ‘‘กเมน อุปสุสฺสมาเน สรีเร’’ติ. เตเนวาห ‘‘ตงฺขณาวเสสหทยวตฺถุสนฺนิสฺสิต’’นฺติ. ‘‘นิรุทฺเธสุ จกฺขาทีสู’’ติ อิทํ คพฺภเสยฺยกานํ อายตนานํ อนุปุพฺพุปฺปตฺติ วิย นิโรโธปิ อนุปุพฺพโต โหตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ, อติมนฺทภาวูปคมนตํ วา สนฺธาย ‘‘นิรุทฺเธสู’’ติ วุตฺตํ, น อนวเสสนิโรธํ. ปฺจทฺวาริกวิฺาณานนฺตรมฺปิ หิ ปุพฺเพ จุติ ทสฺสิตา. ยมเก จ ‘‘ยสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส มนายตนํ นิรุชฺฌตีติ? อามนฺตา. ยสฺส วา ปน มนายตนํ นิรุชฺฌติ, ตสฺส จกฺขายตนํ นิรุชฺฌตีติ? สจิตฺตกานํ อจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ มนายตนํ นิรุชฺฌติ, โน จ เตสํ จกฺขายตนํ นิรุชฺฌติ. สจกฺขุกานํ จวนฺตานํ เตสํ มนายตนฺจ นิรุชฺฌติ, จกฺขายตนฺจ นิรุชฺฌตี’’ติอาทินา (ยม. ๑.อายตนยมก.๑๒๐) จกฺขายตนาทีนํ จุติจิตฺเตน สห นิโรโธ วุตฺโตติ.

หทยวตฺถุมตฺเตติ หทยวตฺถุปเทสมตฺเต. น หิ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย กายินฺทฺริยํ ปวตฺตติ. หทยวตฺถุปิ ตทา อาตเป ปกฺขิตฺตหริตตาลปณฺณํ วิย อปฺปาวเสสํ โหตีติ ‘‘ตงฺขณาวเสสหทยวตฺถุสนฺนิสฺสิต’’นฺติ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. อิตรวตฺถูนํ ปน สกิจฺจาสมตฺถตาย เกวลํ หทยวตฺถุสนฺนิสฺสิตเมว, ตทา วิฺาณํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ตงฺขณาวเสสหทยวตฺถุสนฺนิสฺสิต’’นฺติ. มาตุฆาตาทิ, มหคฺคตมฺํ วา ตาทิสํ ครุกํ นาม. สมาเสวิตํ อภิณฺหโส กตํ. อาสนฺนํ มรณกาเล กตํ, ยทา ตทา วา กตมฺปิ ปริพฺยตฺตํ หุตฺวา อนุสฺสริตํ. ปุพฺพกตํ อปราปริยายเวทนียํ. ลทฺโธ อวเสโส อวิชฺชาทิโก วิฺาณสฺส ปจฺจโย เอเตนาติ ลทฺธาวเสสปจฺจโย, สงฺขาโร. เอเตน วิปจฺจิตุํ กโตกาสํ ยถูปจิตํ กุสลากุสลเจตนมาห. กมฺมนิมิตฺตํ นาม ยํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา อายูหนกาเล กมฺมํ อายูหติ, ตํ. อตีเต กปฺปโกฏิสตสหสฺสมตฺถเกปิ หิ กมฺเม กเต วิปจฺจนกาเล อาคนฺตฺวา กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา อุปติฏฺติ. คตินิมิตฺตํ นาม นิพฺพตฺตนกโอกาเส เอโก วณฺโณ. โส จ นิรเย นิพฺพตฺตนารหสฺส ‘‘อคฺคิชาลวณฺณาทิโก’’ติอาทินา เหฏฺา วุตฺโตเยว. อวิชฺชาปฏิจฺฉาทิตาทีนเว ตสฺมึ กมฺมาทิวิสเย ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อารมฺมณภาเวน อุปฺปตฺติฏฺานภูเต.

ตณฺหาย อปฺปหีนตฺตา เอว, ปุริมุปฺปนฺนาย จ สนฺตติยา ตถาปริณตตฺตา ปฏิสนฺธิฏฺานาภิมุขํ วิฺาณํ นินฺนโปณปพฺภารํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อาห ‘‘ตณฺหา นาเมตี’’ติ. สหชาตสงฺขาราติ จุติอาสนฺนชวนวิฺาณสหชาตา เจตนา, สพฺเพปิ วา ผสฺสาทโย. ตสฺมึ ปฏิสนฺธิฏฺาเน กมฺมาทิวิสเย วิฺาณํ ขิปนฺติ. ขิปนฺตา วิย ตสฺมึ วิสเย ปฏิสนฺธิวเสน วิฺาณปติฏฺานสฺส เหตุภาเวน ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. นฺติ ตํ วิฺาณํ. จุติปฏิสนฺธิตทาสนฺนวิฺาณานํ สนฺตติวเสน วิฺาณนฺติ อุปนีเตกตฺตํ. ตณฺหาย นามิยมานํ…เป… ปวตฺตตีติ นมนขิปนปุริมนิสฺสยชหนอปรนิสฺสยสฺสาทนนิสฺสยรหิตปวตฺตนานิ สนฺตติวเสน ตสฺเสเวกสฺส วิฺาณสฺส โหนฺติ, น อฺสฺสาติ ทสฺเสติ. สนฺตติวเสนาติ จ วทนฺโต ‘‘ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๙๖) อิมฺจ มิจฺฉาคาหํ ปฏิกฺขิปติ. สติ หิ นานตฺตนเย สนฺตติวเสน เอกตฺตนโย โหตีติ. เอตฺถ จ โอริมตีรรุกฺขวินิพทฺธรชฺชุ วิย ปุริมภวตฺตภาววินิพทฺธํ กมฺมาทิอารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ, ปุริโส วิย วิฺาณํ, ตสฺส มาติกาติกฺกมนิจฺฉา วิย ตณฺหา, อติกฺกมนปโยโค วิย ขิปนกสงฺขารา, ยถา จ โส ปุริโส ปรตีเร ปติฏฺหมาโน ปรตีรรุกฺขวินิพทฺธํ กิฺจิ อสฺสาทยมาโน วา อนสฺสาทยมาโน วา เกวลํ ปถวิยํ สกพลปโยเคเหว ปติฏฺาติ, เอวมิทมฺปิ ภวนฺตรตฺตภาววินิพทฺธํ หทยวตฺถุสงฺขาตํ นิสฺสยํ ปฺจโวการภเว อสฺสาทยมานํ, จตุโวการภเว อนสฺสาทยมานํ วา เกวลํ อารมฺมณสมฺปยุตฺตกมฺเมเหว ปวตฺตติ. ตตฺถ อสฺสาทยมานนฺติ ปาปุณนฺตํ, ปฏิลภมานนฺติ อตฺโถ.

ภวนฺตราทิปฏิสนฺธานโตติ ภวนฺตรสฺส อฺภวสฺส อาทิปฏิสนฺธานภาวโต. ภวนฺตราทโย วา ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสนฺตรานิ, เตสํ ปฏิสนฺธานโตติ อตฺโถ. ตเทตํ วิฺาณํ นาปิ อิธาคตํ อิมสฺมึเยว ภเว อุปฺปนฺนตฺตา. กมฺมนฺติ ปฏิสนฺธิชนกํ กมฺมํ. สงฺขาราติ จุติอาสนฺนชวนวิฺาณสหคตา ขิปนกสงฺขารา. นตีติ นมนวเสน ปวตฺตตณฺหา. วิสโย กมฺมาทิ.

๖๓๓. สทฺทปฏิโฆสาทีนํ สติปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว สนฺตานพนฺโธ น ปากโฏติ เตสํ เอกตฺตนานตฺตภาวํ อนามสิตฺวา อนาคมนาตีตเหตุสมุปฺปาทเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. สทฺทาทิเหตุกาติ เอตฺถ ปฏิโฆโส สทฺทเหตุโก. ปทีโป ปทีปนฺตราทิเหตุโก. มุทฺทา ลฺฉนเหตุกา. ฉายา อาทาสาทิอภิมุขมุขาทิเหตุกา. โหนฺติ อฺตฺร อคนฺตฺวาติ สทฺทาทิปจฺจยเทสํ อนุปคนฺตฺวา สทฺทาทิเหตุกา โหนฺติ ตโต ปุพฺเพ อภาวา. เอวํ อิทมฺปิ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ น เหตุเทสํ คนฺตฺวา ตํเหตุกํ โหติ ตโต ปุพฺเพ อภาวา. ตสฺมา น อิทํ เหตุเทสโต ปุริมภวโต อิธาคตํ ปฏิโฆสาทโย วิย สทฺทาทิเทสโต, นาปิ ตตฺถ เหตุนา วินา อุปฺปนฺนํ สทฺทาทีหิ วินา ปฏิโฆสาทโย วิยาติ อตฺโถ. อถ วา โหนฺติ อฺตฺร อคนฺตฺวาติ ปุพฺเพ ปจฺจยเทเส สนฺนิหิตา หุตฺวา ตโต อฺตฺร คนฺตฺวา ตปฺปจฺจยา น โหนฺติ อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ อภาวา, นาปิ สทฺทาทิปจฺจยา น โหนฺติ, เอวํ อิทมฺปีติ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ.

นตฺถิ เอกตา เอกสนฺตาเนกตฺเตปิ อฺสฺเสว วิฺาณสฺส ปาตุภวนโต. นาปิ นานตา สนฺตานพนฺธโต ปทีโป วิย. ขณิกาย หิ ปทีปชาลาย สนฺตาเนกตฺตํ อุปาทาย โส เอวาติ วุจฺจติ, อตฺถกิจฺจฺจ สาเธติ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยทิ หี’’ติอาทินา สนฺตานพนฺเธ เอกนฺตํ เอกตาย, นานตาย จ อคฺคเหตพฺพตํ, คหเณ จ โทสํ ทสฺเสติ. เอส นโยติ อติเทเสน พีชงฺกุราทีสุ สพฺพเหตุเหตุสมุปฺปนฺเนสุ ยถาสมฺภวํ โยชนา กาตพฺพาติ ทสฺเสติ. อิธาปิ หิ เหตุเหตุสมุปฺปนฺนวิฺาณานํ เอกนฺตเมกตฺเต สติ น มนุสฺสคติโต เทวคติ สมฺภูตา สิยา. เอกนฺตนานตฺเต น กมฺมวโต ผลํ สิยา, ตโต ‘‘รตฺตสฺส พีชํ รตฺตสฺส ผล’’นฺติอาทิกสฺส วิย ‘‘ภูตปุพฺพาหํ, ภนฺเต, โรหิตสฺโส นาม อิสิ อโหสิ’’นฺติอาทิกสฺส (สํ. นิ. ๑.๑๐๗) โวหารสฺส โลโป สิยา, ตสฺมา เอตฺถ สนฺตานพนฺเธสุ เหตุเหตุสมุปฺปนฺเนสุ น เอกนฺตเมกตา วา นานตา วา อุปคนฺตพฺพา น คเหตพฺพา. เอตฺถ จ เอกนฺตเอกตาปฏิเสเธน ‘‘สยํกตํ สุขํ ทุกฺข’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗) อิมํ ทิฏฺึ นิวาเรติ, เอกนฺตนานตาปฏิเสเธน ‘‘ปรํกตํ สุขํ ทุกฺข’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗), เหตุเหตุสมุปฺปนฺนตาวจเนน ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๒๒๗) อิมํ ทิฏฺึ นิวาเรติ.

๖๓๔. ตตฺถาติ ผลุปฺปตฺติฏฺาเน. อฺสฺสาติ เยน ตํ กมฺมํ กตํ, ตโต อฺสฺส. อฺโตติ ยํ ตํ กมฺมํ นิพฺพตฺติตํ, ตโต อฺโต. ‘‘ธมฺมมตฺตํ ภวนฺตรมุเปตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๖๓๒; วิภ. อฏฺ. ๒๒๗; มหานิ. อฏฺ. ๒๗; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๑๐๕) วุตฺตตฺตา ผลสฺส อุปภุฺชเก จ อสติ กสฺส ตํ ผลํ สิยาติ อนุยุฺเชติ. ตตฺราติ ตสฺมึ ยถาวุตฺเต อนุโยเค.

ตตฺถาติ เอกสนฺตาเน. ยสฺมึ ธมฺมปุฺเช กมฺมํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺเสว สนฺตาเนติ อตฺโถ. เอตสฺส อตฺถสฺสาติ เหตุผลานํ อตฺถโต อฺตฺเตปิ เตเนว เหตุผลภาเวน สมฺพนฺธตฺตา ตํ ผลํ ‘‘อฺสฺส, อฺโต’’ติ วา น วตฺตพฺพนฺติ เอตสฺส อตฺถสฺส. จตุมธุรอลตฺตกรสาทิภาวนา อมฺพมาตุลุงฺคาทิพีชานํ อภิสงฺขาโร. เอตฺถ จ อภิสงฺขตํ พีชํ วิย กมฺมวา สตฺโต, อภิสงฺขาโร วิย กมฺมํ, พีชสฺส องฺกุราทิปฺปพนฺโธ วิย สตฺตสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณาทิปฺปพนฺโธ. ตตฺถุปฺปนฺนสฺส มธุรสฺส รตฺตเกสรสฺส วา ผลสฺส วา ตสฺเสว พีชสฺส, ตโต เอว จ อภิสงฺขารโต ภาโว วิย กมฺมการกสฺเสว สตฺตสฺส, ตํกมฺมโต เอว จ ผลสฺส ภาโว เวทิตพฺโพ. พาลสรีเร กตํ วิชฺชาปริยาปุณนํ, สิปฺปสิกฺขนํ, โอสธปฺปโยโค จ น วุฑฺฒสรีรํ คจฺฉนฺติ. อถ จ ตนฺนิมิตฺตํ วิชฺชาปาฏวํ สิปฺปชานนํ, อนามยตา จ วุฑฺฒสรีเร โหนฺติ, น จ ตานิ อฺสฺส โหนฺติ ตํสนฺตติปริยาปนฺเน เอว วุฑฺฒสรีเร อุปฺปชฺชนโต, น จ ยถาปยุตฺเตน วิชฺชาปริยาปุณนาทินา วินา ตานิ อฺโต โหนฺติ ตทภาเว อภาวโต, เอวํ อิธาปิ สนฺตาเน ยํ ผลํ, เอตํ นาฺสฺส. น จ อฺโตติ โยเชตพฺพํ. เอเตน จ สงฺขาราภาเว ผลาภาวเมว ทสฺเสติ, น อฺปจฺจยนิวารณํ กโรติ.

ยมฺปิ วุตฺตํ, ตตฺถ วทามาติ วจนเสโส. ตตฺถ วา อุปภุฺชเก อสติ สิทฺธา ภุฺชกสมฺมุตีติ สมฺพนฺโธ. ผลตีติ สมฺมุติ ผลติสมฺมุติ.

รุกฺขสงฺขาตานํ ธมฺมานนฺติ รุกฺขปฺตฺติยา อุปาทานภูตานํ ภูตุปาทายธมฺมานํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ยถา ขนฺธสนฺตาเน กุสลากุสลเจตนุปฺปตฺติยํ ‘‘ปุฺํ กโรติ, ปาปํ กโรตี’’ติ กตฺตุโวหาโร, เอวํ ตสฺส ผลุปฺปตฺติยํ ‘‘สุขํ อนุภวติ, ทุกฺขํ อนุภวตี’’ติ อุปภุฺชกโวหาโร, ตสฺมา น เอตฺถ ขนฺธวินิมุตฺเตน อฺเน อุปภุฺชเกน นาม โกจิ อตฺโถ อตฺถีติ.

๖๓๕. เอวํ สนฺเตปีติ อสงฺกนฺติปาตุภาเว ตตฺถ จ ยถาวุตฺตโทสปริหรเณ สติ, สิทฺเธติ อตฺโถ. ปวตฺติกฺขเณเยวาติ สงฺขารานํ ปวตฺตมานกฺขเณ เอว. ปวตฺติโต ปุพฺเพติ กมฺมายูหนกฺขณโต ปุพฺเพ, อวิชฺชมานตาย สมานตฺตา เอวํ วุตฺตํ. ปจฺฉา จาติ วิปจฺจนปฺปปตฺติโต ปจฺฉา จ.

อวิปกฺกวิปากา กตตฺตา เจ ปจฺจยา, วิปกฺกวิปากานมฺปิ กตตฺตํ สมานนฺติ เตสมฺปิ ผลาวหตา สิยาติ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ อาห ‘‘น จ นิจฺจํ ผลาวหา’’ติ.

‘‘น วิชฺชมานตฺตา อวิชฺชมานตฺตา วา’’ติ เอเตน วิชฺชมานตฺตํ, อวิชฺชมานตฺตฺจ นิสฺสาย วุตฺตโทเส ปริหรติ. ตสฺสา ปาฏิโภคกิริยาย, ภณฺฑกีณนกิริยาย, อิณคฺคหณกิริยาย วา กรณมตฺตํ ตํกิริยากรณมตฺตํ, ตเทว ตทตฺถนิยฺยาตเน ปฏิภณฺฑทาเน, อิณทาเน จ ปจฺจโย โหติ, อผลิตนิยฺยาตนาทิผลนฺติ อตฺโถ.

๖๓๖. สมฺโมหวิฆาตตฺถนฺติ พาตฺตึสาย วิฺาเณสุ ยถาวุตฺตสงฺขารานํ ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺติยฺจ ปจฺจยภาเว วิภชฺช อวิภาวิเต ปวตฺตนกสมฺโมหสฺส อปนยนตฺถํ.

ปุฺาภิสงฺขาเรติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. อวิเสเสนาติ ‘‘ติเหตุโก ติเหตุกสฺสา’’ติอาทิกํ เภทํ อกตฺวา สามฺโต, ปิณฺฑวเสนาติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ อุปนิสฺสยปจฺจโย พลวกมฺมสฺส วเสน โยเชตพฺโพ. ‘‘ทุพฺพลฺหิ กมฺมํ อุปนิสฺสยปจฺจโย น โหตี’’ติ ปฏฺานสํวณฺณนาย ทสฺสิตเมตํ. รูปาวจรปฺจกุสลเจตนาเภโทติ ‘‘เปตฺวา อภิฺาปฺปตฺต’’นฺติ วิเสเสตฺวา วตฺตพฺพํ, น วา วตฺตพฺพํ วิปากสฺส ปจฺจยภาวกถาย อวิปาการหสฺส ปสงฺคาภาวโต. อภิฺาเจตนาย หิ อวิปากตา เหฏฺา วิภาวิตา เอว. อวิเสเสน ปนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปฺจนฺนํ วิปากวิฺาณานนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

ปฺจนฺนนฺติ จกฺขุโสตวิฺาณานํ, สมฺปฏิจฺฉนมโนธาตุยา, ทฺวินฺนํ สนฺตีรณมโนวิฺาณธาตูนฺจาติ เอเตสํ ปฺจนฺนํ. ตเถวาติ ทฺเวธา เอว. กถํ ปน อิฏฺารมฺมเณเยว ปวตฺตนกานิ กุสลวิปากวิฺาณานิ ทุคฺคติยํ ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘นิรเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺสา’’ติอาทิ. เถโร หิ ตตฺถ อิทฺธิยา วสฺสํ นิมฺมินิตฺวา กติปยํ เวลํ นิรยคฺคึ วูปสเมตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสติ.

สฺเวว กามาวจโร ปุฺาภิสงฺขาโร. อวิเสเสน ปน ปุฺาภิสงฺขาโรติ กามาวจรํ, รูปาวจรฺจาติ ทุวิธมฺปิ ปุฺาภิสงฺขารํ เอกชฺฌํ สงฺคณฺหาติ.

ทฺวาทสากุสลเจตนาเภโทติ เอตฺถ อุทฺธจฺจสหคตเจตนาย คหเณ การณํ น ทิสฺสติ, วิจาเรตพฺพเมตํ. เอกสฺส วิฺาณสฺส ตเถว ปจฺจโย ปฏิสนฺธิยํ, โน ปวตฺเตติ เอกสฺเสว ปจฺจยภาวนิยโม ปฏิสนฺธิยํ, โน ปวตฺเต. ปวตฺเต หิ สตฺตนฺนมฺปิ ปจฺจโยติ อธิปฺปาโย.

รูปภเว จตุนฺนนฺติ อกุสลวิปากานํ จกฺขุโสตวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณานํ. ตานิ ปน เอกนฺตโต อนิฏฺารมฺมณานิ, รูปภเว จ กถํ อนิฏฺารมฺมณสมาโยโคติ อาห ‘‘โส จ โข’’ติอาทิ. ‘‘ตถา กามาวจรเทวโลเกปิ อนิฏฺรูปาทโย นตฺถี’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. พหุลฺหิ เตสํ อิฏฺา เอว รูปาทโย อุปฏฺหนฺติ, กทาจิ อนิฏฺํ. เทวานฺหิ เกสฺจิเทว ปุพฺพนิมิตฺตปาตุภาวกาลาทีสุ มิลาตมาลาทิอนิฏฺารมฺมณสมาโยโค โหตีติ.

๖๓๗. ยตฺถ วิตฺถารปฺปกาสนํ กตํ, ตโต ภวโต ปฏฺาย มุขมตฺตปฺปกาสนํ กาตุกาโม อาห ‘‘อาทิโต ปฏฺายา’’ติ. เตเนว ‘‘ทฺวีสุ ภเวสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. มนุสฺสาปิ เกจิ อณฺฑชา, สํเสทชา จ โหนฺตีติ ตทเปกฺขาย ‘‘จตูสุ โยนีสู’’ติ วุตฺตํ. เอกตฺตกายเอกตฺตสฺิตาสามฺเน จตุตฺถฌานภูมิกาปิ อสฺารุปฺปวชฺชา จตุตฺถึเยว วิฺาณฏฺิตึ ภชนฺติ. เอส ปุฺาภิสงฺขาโร. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จา’’ติ วุตฺตนเยเนว. ยถาสมฺภวนฺติ เอกวีสติกามาวจรรูปาวจรกุสลวิปาเกสุ จุทฺทสนฺนํ ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต จ, สตฺตนฺนํ ปวตฺเต เอวาติ อยํ ยถาสมฺภโว.

ตาทิเสเยวาติ นานตฺตกายเอกตฺตสฺีสงฺขาเตเยว.

จตุนฺนํ วิฺาณานนฺติ ภวาทโย อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. จตูสุ อนฺโตคธานํ ปน ติณฺณํ วิฺาณานํ ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ ปจฺจยภาโว โยเชตพฺโพ. อวิฺาณเก สตฺตาวาเส สงฺขารปจฺจยา วิฺาเณ อลพฺภมาเนปิ ตสฺส สงฺขารเหตุกตฺตํ ลพฺภเตว. ตถา หิ ตตฺถ ปุฺาภิสงฺขาโร กฏตฺตารูปานํ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ. เอตสฺมิฺจ มุขมตฺตปฺปกาสเน ปุฺาภิสงฺขาราทีนํ ทุคฺคติอาทีสุ ปวตฺติยํ กุสลวิปากาทิวิฺาณานํ ปจฺจยภาโว ภเวสุ วุตฺตนเยเนว วิฺายตีติ น วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

วิฺาณปจฺจยานามรูปปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๓๘. วิภาคา นามรูปานนฺติ นามสฺส, รูปสฺส จ ปเภทโต.

ตตฺถ นามสฺส ตาว ปเภทํ ทสฺเสนฺเตน กามํ วิฺาณมฺปิ นามเมว, ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺเน ปน อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ ‘‘อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต เวทนาทโย ตโย ขนฺธา’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพานสฺส ปเนตฺถ ปวตฺติกถายํ อปฺปจฺจยตฺตา, นมนฏฺาภาวโต จ ปสงฺโค เอว นตฺถิ. นามนฏฺเน หิ ตํ นามํ, น นมนฏฺเน. เตสํ นามรูปานํ สุขาทิวเสน, ปถวีอาทิวเสน จ วิภาโค.

เอกํ สตฺตาวาสนฺติ อสฺสตฺตาวาสํ. ปุริเมสุ จตูสุ, อสฺสตฺตาวาเส จาติ ปฺจสุ.

คพฺภเสยฺยคฺคหเณน ชลาพุชา คหิตาติ ‘‘อณฺฑชานฺจา’’ติ วุตฺตํ. อณฺฑชานฺจ อภาวกานนฺติ โยเชตพฺพํ. สนฺตติสีสานีติ กลาปสนฺตานมูลานิ. ยทิปิ วิการรูปานิ ปฏิสนฺธิกฺขเณ น สนฺติ, ลกฺขณปริจฺเฉทรูปานิ ปน สนฺตีติ ตานิ ปรมตฺถโต อปรินิปฺผนฺนานีติ วชฺเชนฺโต อาห ‘‘รูปรูปโต’’ติ. ผสฺสาทิเก สงฺขารกฺขนฺธภาเวน เอกตฺตํ เนตฺวา ‘‘เตวีสติ ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. อปเนตฺวาติ กลาปนฺตรคเต ปถวีอาทิเก สมานลกฺขณตาย อคฺคเหตฺวา.

เตสนฺติ พฺรหฺมกายิกาทีนํ. วิตฺถาเรนาติ จตูสุปิ สนฺตติสีเสสุ รูปานํ อสงฺขิปเนน.

กามภเว ปน ยสฺมา เสสโอปปาติกานนฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ กามภเว โอปปาติกา วุตฺตา น สนฺติ, เยน เสสคฺคหณํ สาตฺถกํ ภเวยฺย, อณฺฑชคพฺภเสยฺยเกหิ ปน โอปปาติกสํเสทชา เสสา โหนฺตีติ เสสคฺคหณํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา พฺรหฺมกายิกาทิเกหิ โอปปาติเกหิ วุตฺเตหิ เสเส สนฺธาย ‘‘เสสโอปปาติกาน’’นฺติ อาห. เต ปน อรูปิโนปิ สนฺตีติ ‘‘กามภเว’’ติ วุตฺตํ. อปริปุณฺณายตนานํ ปน นามรูปํ ยถาสมฺภวํ รูปมิสฺสกวิฺาณนิทฺเทเส วุตฺตนเยน สกฺกา ธมฺมคณนโต วิฺาตุนฺติ น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สห ปวตฺตอุตุโตติ ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สห อุปฺปนฺนรูเปสุ เตโชธาตุโต. หทยวตฺถุโน ตงฺขณุปฺปนฺนตฺตา ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส วตฺถุทุพฺพลตา. เตสํ อชฺโฌหริตาหาเรน อนุคเต สรีเร อาหารสมุฏฺานํ สุฏฺทฺธกนฺติ สมฺพนฺโธ. นโรติ เตเนว มาตุกุจฺฉิคตภาเวน ติโรกฺโข. อวกํสโต ทฺเว อฏฺกาเนว อุตุจิตฺตสมุฏฺานานิ โหนฺตีติ สสทฺทกาลํ สนฺธาย ‘‘อุกฺกํสโต ทฺวินฺนํ นวกาน’’นฺติ วุตฺตํ. ปุพฺเพติ ยํ ปุพฺเพ สนฺตติทฺวยาทิกํ สตฺตกปริโยสานํ รูปํ อิธ วุตฺตํ, ตํ เอเกกสฺส จิตฺตสฺส ตีสุ ตีสุ ขเณสุ อุปฺปชฺชมานเมว วุตฺตนฺติ กตฺวา อาห ‘‘ปุพฺเพ…เป… สตฺตติวิธ’’นฺติ. ทุวิธมฺปิ ตนฺติ อุตุสมุฏฺานํ, จิตฺตสมุฏฺานฺจาติ ทุวิธมฺปิ ตํ สทฺทํ.

สณฺาตุนฺติ อทฺธนิยภาเวน าตุํ, อตฺตโน ปน ขณมตฺตํ ติฏฺเตว. จตุทฺทิสา ววตฺถาปิตาติ อฺมฺํ สํสฏฺสีสา มูเลน จตูสุ ทิสาสุ ววตฺถาปิตา. อฺมฺํ อาลิงฺเคตฺวา ิตา ภินฺนวาหนิกา วิย จ.

๖๓๙. ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยนฺติ รูปาชนกกมฺมชปฺจวิฺาณปฺปวตฺติกาลํ, สหชาตวิฺาณปจฺจยฺจ สนฺธายาห. ตทา หิ ตโต นามเมว โหตีติ. กมฺมวิฺาณปจฺจยา ปน ตทาปิ อุภยํ โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ, ปจฺฉาชาตวิฺาณปจฺจยา จ รูปํ อุปตฺถทฺธํ โหตีติ. อสฺเสูติอาทิ กมฺมวิฺาณปจฺจยํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปฺจโวการภเว จ ปวตฺติยนฺติ ภวงฺคาทิชนกกมฺมโต อฺเน รูปุปฺปตฺติกาลํ, นิโรธสมาปตฺติกาลํ, ภวงฺคาทิอุปฺปตฺติกาลโต อฺกาลฺจ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ยุตฺตํ. ภวงฺคาทิอุปฺปตฺติกาเล หิ ตํชนเกน กมฺมุนา อุปฺปชฺชมานํ รูปํ, โส จ วิปาโก กมฺมวิฺาณปจฺจโย โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ. สหชาตวิฺาณปจฺจยานเปกฺขมฺปิ หิ ปวตฺติยํ กมฺเมน ปวตฺตมานํ รูปํ, นามฺจ น กมฺมวิฺาณานเปกฺขํ โหตีติ. สพฺพตฺถาติ ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต จ. สหชาตวิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, กมฺมวิฺาณปจฺจยา นามรูปฺจ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. นามฺจ รูปฺจ นามรูปฺจาติ เอตฺถ นามรูปสทฺโท อตฺตโน เอกเทเสน นามสทฺเทน นามสทฺทสฺส สรูโป, รูปสทฺเทน จ รูปสทฺทสฺส, ตสฺมา สรูปานํ เอกเสโสติ เอกเทสสรูเปกเสโส, นามรูปสทฺทสฺส านํ อิตเรสฺจ นามรูปสทฺทานํ อทสฺสนนฺติ อตฺโถ.

วิปากโต อฺํ อวิปากํ. ยโต ทฺวิธา มตํ, ตโต ยุตฺตเมว อิทนฺติ โยเชตพฺพํ.

กุสลาทิจิตฺตกฺขเณติ อาทิ-สทฺเทน อกุสลกิริยจิตฺตกฺขเณ วิย วิปากจิตฺตกฺขเณปิ วิปากาชนกกมฺมสมุฏฺานํ สงฺคหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิปากจิตฺตกฺขเณ ปน อภิสงฺขารวิฺาณปจฺจยา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อุภยฺจ ลพฺภตีติ ตาทิสวิปากจิตฺตกฺขณวชฺชนตฺถํ ‘‘กุสลาทิจิตฺตกฺขเณ’’ติ วุตฺตํ.

๖๔๐. สุตฺตนฺติกปริยายโตติ ปฏฺาเน รูปานํ อุปนิสฺสยปจฺจยสฺส อวุตฺตตฺตา วุตฺตํ. สุตฺตนฺเต ปน ยสฺมึ สติ ยํ โหติ, อสติ จ น โหติ, โส ตสฺส อุปนิสฺสโย นิทานํ เหตุ ปภโวติ กตฺวา ‘‘วิฺาณูปนิสํ นามรูป’’นฺติ รูปสฺส จ วิฺาณูปนิสฺสยตา วุตฺตา. วนปตฺถปริยาเย จ วนปตฺถคามนิคมนครชนปทปุคฺคลูปนิสฺสโย อิริยาปถวิหาโร, ตโต จ จีวราทีนํ ชีวิตปริกฺขารานํ กสิเรน, อปฺปกสิเรน จ สมุทาคมนํ วุตฺตํ, น จ วนปตฺถาทโย อารมฺมณูปนิสฺสยาทิภาวํ อิริยาปถานํ, จีวราทิสมุทาคมนสฺส จ ภชนฺติ. ตสฺมา วินา อภาโว เอว สุตฺตนฺติกปริยายโต อุปนิสฺสยภาโว ทฏฺพฺโพ. นามสฺส อภิสงฺขารวิฺาณํ กมฺมารมฺมณปฏิสนฺธิอาทิกาเล อารมฺมณปจฺจโยว โหตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ รูปสฺเสว สุตฺตนฺติกปริยายโต เอกธาว ปจฺจยภาโว วุตฺโต. สสํสยสฺส หิ รูปสฺเสตํ ปจฺจโย โหตีติ วุตฺเต นามสฺส โหตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ.

ปวตฺตสฺส ปากฏตฺตา อปากฏํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ปุจฺฉติ ‘‘กถํ ปเนต’’นฺติอาทินา. สุตฺตโต นามํ, ยุตฺติโต รูปํ วิฺาณปจฺจยา โหตีติ ชานิตพฺพํ.

ยุตฺติโต สาเธตฺวา สุตฺเตน ตํ ทฬฺหํ กโรนฺโต ‘‘กมฺมสมุฏฺานสฺสาปิ หี’’ติอาทิมาห. จิตฺตสมุฏฺานสฺเสวาติ จิตฺตสมุฏฺานสฺส วิย. เอตฺถ จ ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑, ๓๙; มหาว. ๑; อุทา. ๑) ภาสมาเนน ภควตา ยสฺมา อุปปริกฺขมานานํ ปณฺฑิตานํ ปรมตฺถโต นามรูปมตฺตเมว ปวตฺตมานํ ทิสฺสติ, น สตฺโต, น ชีโว, ตสฺมา เกนจิ อปฺปฏิวตฺติยํ อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ โหติ. สุฺตปฺปกาสนฺหิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนนฺติ. อถ วา นามรูปมตฺตตาวจเนน ปวตฺติยา ทุกฺขสจฺจมตฺตตา วุตฺตา. ทุกฺขสจฺจปฺปกาสเนน จ ตสฺส สมุทโย, ตสฺส จ นิโรโธ, นิโรธคามินิปฏิปทา จ ปกาสิตา เอว โหติ. อเหตุกสฺส ทุกฺขสฺส, เหตุนิโรธา อนิรุชฺฌนกสฺส จ อภาวา, นิโรธสฺส จ อุปาเยน วินา อนธิคนฺตพฺพตฺตาติ จตุสจฺจปฺปกาสนํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ นิทฺธาเรตพฺพํ.

นามรูปปจฺจยาสฬายตนปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๑. นฺติ นามรูปํ. ตสฺสาติ สฬายตนสฺส. ตาทิสสฺเสวาติ กเตกเสสสฺเสว.

อิธาปิ นามนฺติ ขนฺธตฺตยสฺเสว คหเณ การณํ วุตฺตนยเมว. นิยมโตติ อิทฺจ จตุนฺนํ ภูตานํ, ฉนฺนํ วตฺถูนํ, ชีวิตสฺส จ ยถาสมฺภวํ สหชาตนิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยาทินา สฬายตนสฺส ปวตฺตมานสฺส เอกนฺเตน ปจฺจยภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. รูปายตนาทีนํ ปน สหชาตนิสฺสยานุปาลนภาโว นตฺถีติ อคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. อารมฺมณารมฺมณปุเรชาตาทิภาโว จ เตสํ น สสนฺตติปริยาปนฺนานเมว, น จ จกฺขาทีนํ วิย เอกปฺปหาเรเนวาติ อนิยมโต ปจฺจยภาโว. นิยมโต…เป… ชีวิตินฺทฺริยนฺติ เอวนฺติ เอตฺถ เอวํ-สทฺเทน วา รูปายตนาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอตฺถ ยทิปิ ฉฏฺายตนสฬายตนสทฺทานํ สทฺทโต สรูปตา นตฺถิ, อตฺถโต ปน สฬายตเนกเทโสว ฉฏฺายตนนฺติ เอกเทสสรูปตา อตฺถีติ เอกเทสสรูเปกเสโส กโตติ เวทิตพฺโพ. อตฺถโตปิ หิ สรูปานํ เอกเทสสรูเปกเสสํ อิจฺฉนฺติ ‘‘วงฺโก จ กุฏิโล จ กุฏิลา’’ติ. ตสฺมา อตฺถโต เอกเทสสรูปานฺจ เอกเสเสน ภวิตพฺพนฺติ.

อถ วา ฉฏฺายตนฺจ มนายตนฺจ ฉฏฺายตนนฺติ วา มนายตนนฺติ วา ฉฏฺายตนฺจ ฉฏฺายตนฺจ ฉฏฺายตนนฺติ วา มนายตนฺจ มนายตนฺจ มนายตนนฺติ วา เอกเสสํ กตฺวา จกฺขาทีหิ สทฺธึ ‘‘สฬายตน’’นฺติ วุตฺตนฺติ ตเมว เอกเสสํ นามมตฺตปจฺจยสฺส, นามรูปปจฺจยสฺส จ มนายตนสฺส วเสน กตํ อตฺถโต ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจ สฬายตนนฺติ เอวํ กเตกเสสสฺสา’’ติ. ยถาวุตฺโตปิ หิ เอกเสโส อตฺถโต ฉฏฺายตนฺจ สฬายตนฺจาติ เอวํ กโต นาม โหตีติ. สพฺพตฺถ จ เอกเสเส กเต เอกวจนนิทฺเทโส กเตกเสสานํ สฬายตนาทิสทฺทวจนียตาสามฺวเสน กโตติ ทฏฺพฺโพ.

‘‘น อฺถา’’ติ เอเตน ตสฺส ตสฺส นามสฺส, รูปสฺส จ อภาเว ตํ ตํ อายตนํ น โหตีติ พฺยติเรกํ วิภาเวติ.

นฺติ ยํ ยํ นามํ, รูปฺจ. ยสฺสาติ ยสฺส ยสฺส อายตนสฺส. ยถาติ สหชาตาทินา เยน เยน ปกาเรน. เนยฺยนฺติ เยฺยํ.

ตสฺส วเสนาติ ตสฺส เหตุอาทิปจฺจยสฺส วเสน. อุกฺกํสาวกํโสติ เอตฺถ สตฺตธา ปจฺจยภาวโต อุกฺกํโส อฏฺธา ปจฺจยภาโว, ตโต นวธา, ตโต ทสธาติ อยํ อุกฺกํโส. อวกํโส ปน ทสธา ปจฺจยภาวโต นวธา ปจฺจยภาโว, ตโต อฏฺธา, ตโต สตฺตธาติ เอวํ เวทิตพฺโพ, น ปน สตฺตธา ปจฺจยภาวโต เอว ทฺเวปิ อุกฺกํสาวกํสา โยเชตพฺพา, ตโต อวกํสาภาวโตติ.

วิปากํ นามนฺติ สมฺพนฺโธ. วุตฺตนเยเนวาติ สหชาตาทิวเสน, สตฺตธา, เหตุอาทิวเสน จ. อิตรนฺติ อวิปากํ นามํ.

‘‘หทยวตฺถุโน สหายํ หุตฺวา’’ติ เอเตน อรูเป วิย อสหายํ นามํ น โหติ, หทยวตฺถุ จ นาเมน สห ฉฏฺายตนสฺส ปจฺจโย โหตีติ เอตฺตกเมว ทสฺเสติ, น ปน ยถา หทยวตฺถุ ปจฺจโย โหติ, ตถา นามมฺปีติ อยมตฺโถ อธิปฺเปโต. วตฺถุ หิ นามสฺส วิปฺปยุตฺตปจฺจโย โหติ, น นามํ. นามฺจ วิปากเหตาทิปจฺจโย โหติ, น วตฺถูติ. ปวตฺเต อรูปธมฺมา กมฺมชรูปสฺส ิติปฺปตฺตสฺเสว ปจฺจยา โหนฺติ, น อุปฺปชฺชมานสฺสาติ วิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตา จ ปจฺฉาชาตวิปฺปยุตฺตาทโย เอว จกฺขาทีนํ โยเชตพฺพา.

‘‘ตตฺเถวา’’ติ อิมินา ‘‘ปวตฺเต’’ติ อิทํ ปจฺจามฏฺนฺติ อาห ‘‘ตตฺเถว หิ ปวตฺเต’’ติ. ‘‘ปฺจโวการภเว’’ติ ปน อิทํ ‘‘ปฺจนฺน’’นฺติ อิมินา ทีปิตเมวาติ. ปวตฺติยํ จกฺขายตนาทิกสฺส นามํ วิปากปจฺจโย น โหติ, อตฺตนา ชนิตรูปสฺเสว โหติ. ปฏิสนฺธิยํ ปน กมฺมสมุฏฺานํ จิตฺตสมุฏฺานสทิสํ, ตสฺมา วตฺถุโนปิ วิปากปจฺจโย โหติเยว.

รูปโตติ รูเปสุ. ยํ ยํ อายตนํ อุปฺปชฺชตีติ ปฏิสนฺธิยํ อณฺฑชชลาพุชานํ ปฺจสุ อายตเนสุ กายายตนเมว อุปฺปชฺชติ. อิตเรสํ ยถารหํ อิตรานิปิ.

อวเสสมนายตนสฺสาติ เอตฺถ ‘‘ปฺจกฺขนฺธภเว ปนา’’ติ เอตสฺส อนุวตฺตมานตฺตา ปฺจโวการภเว เอว ปวตฺตมานํ ปฺจวิฺาเณหิ อวเสสํ มนายตนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นามรูปสฺส สหชาตาทิสาธารณปจฺจยภาโว, สมฺปยุตฺตาทิอสาธารณปจฺจยภาโว จ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ. ‘‘รูปปจฺจยา ปฺจายตนานี’’ติ อยมฺปิ นโย ลพฺภติ นิโรธสมาปนฺนานํ วเสน, โส ปน อปจุรภาวโต เยภุยฺเยน จ ปฏิสนฺธิยํ ปจฺจยภูตสฺเสว นามรูปสฺส ปวตฺติยํ ปจฺจยภาโว วิภาวิโตติ น ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.

สฬายตนปจฺจยาผสฺสปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๒. พาวีสติยา โลกิยวิปากวิฺาเณหิ สมฺปยุตฺตา พาวีสติโลกิยวิฺาณสมฺปยุตฺตา. ตโต เอว พาวีสติ.

ตตฺถาติ ตสฺมึ สฬายตเน, เตสุ ฉสุ อายตเนสูติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตนฺติ สสนฺตติปริยาปนฺนเมว คณฺหาติ. ตฺหิ สสนฺตติปริยาปนฺนกมฺมนิพฺพตฺตํ ตาทิสสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ. รูปาทีนิ, ปน พหิทฺธา อนุปาทินฺนานิ จ ผสฺสสฺส อารมฺมณํ โหนฺติ, น ตานิ จกฺขาทีนิ วิย สสนฺตติปริยาปนฺนกมฺมกิเลสนิมิตฺตปฺปวตฺติภาเวน ผสฺสสฺส ปจฺจยา โหนฺตีติ ปมาจริยวาเท น คหิตานิ, ทุติยาจริยวาเท ปน ยถา ตถา วา ปจฺจยภาเว สติ น สกฺกา วชฺเชตุนฺติ คหิตานิ.

ตตฺถาติ สฬายตนปจฺจยา ผสฺสปเท. เย ตาว อาจริยา มหาวิหารวาสิโนว ยถา วิฺาณํ, เอวํ นามรูปํ, สฬายตนํ, ผสฺสํ, เวทนฺจ ปจฺจยํ, ปจฺจยุปฺปนฺนฺจ สสนฺตติปริยาปนฺนํ ทีเปนฺตา วิปากเมว อิจฺฉนฺติ. ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ อภิธมฺมภาชนียปาฬิ (วิภ. ๒๔๓) อารุปฺปํ สนฺธาย วุตฺตาติ ‘‘ฉฏฺายตนปจฺจยา ผสฺโสติ ปาฬิอนุสารโต’’ติ วุตฺตํ.

สพฺเพ ผสฺสา น สมฺโภนฺตีติ โยชนา. ยทิ สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺภเวยฺย, ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ เอกสฺส วจนํ ยุชฺเชยฺย, อถาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา สมฺภเวยฺยุํ, ตถาปิ สพฺพายตเนหิ สพฺพผสฺสสมฺภวโต อายตนเภเทน ผสฺสเภโท นตฺถีติ ตทเภทวเสน เอกสฺส วจนํ ยุชฺเชยฺย, ตถา ปน อสมฺภวโต น ยุตฺตนฺติ โจเทติ ‘‘น สพฺพายตเนหี’’ติอาทินา. อฺสฺสาปิ วา อสมฺภวนฺตสฺส วิธานสฺส โพธนตฺถเมตํ วุตฺตํ ‘‘นาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา’’ติ. ‘‘น สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺโภตี’’ติ อิทเมว ปน เอกผสฺสวจนสฺสายุตฺตตฺตทีปกํ การณนฺติ เวทิตพฺพํ. นิทสฺสนวเสน วา เอตํ วุตฺตํ. นาปิ เอกมฺหา อายตนา สพฺเพ ผสฺสา สมฺโภนฺติ, เอวํ น สพฺพายตเนหิ เอโก ผสฺโส สมฺโภติ. ตสฺมา เอกสฺส วจนํ อยุตฺตนฺติ. ปริหารํ ปน อเนกายตเนหิ เอกผสฺสสฺส สมฺภวโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺริทํ วิสฺสชฺชน’’นฺติอาทิมาห. อวเสสสมฺปยุตฺตธมฺมายตนา ผสฺสวชฺชิตา ตํสมฺปยุตฺตเจตสิกา ธมฺมา.

เอโกปิ อเนกายตนปฺปภโว เอโกปเนกายตนปฺปภโว.

ฉธา ปจฺจยตฺเต ปฺจ วิภาวเย, เอกํ นวธา ปจฺจยตฺเต, พาหิรานิ ฉ อายตนานิ อารมฺมณาทินา ยถาสมฺภวํ ปจฺจยตฺเต วิภาวเยติ สมฺพนฺโธ.

อเนกเภทสฺสาติ กุสลวิปากาทิปฺจทฺวาราทิวเสน อเนกวิธสฺส ทฺวิปฺจวิฺาณสมฺปยุตฺตวชฺชสฺส วิปากผสฺสสฺส. ตานิ จาติ รูปายตนาทีนิ. ‘‘มโน จ เนสํ โคจรวิสยํ ปจฺจนุโภตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๕) หิ วุตฺตํ. ตถา จาติ ปจฺจุปฺปนฺนานิ รูปาทีนิ ปจฺจุปฺปนฺนฺจ ธมฺมายตนปริยาปนฺนํ รูปรูปํ สนฺธาย วุตฺตํ. อารมฺมณปจฺจยมตฺเตนาติ ตํ สพฺพํ อปจฺจุปฺปนฺนํ, อฺฺจ ธมฺมายตนํ สนฺธาย วุตฺตํ.

ผสฺสปจฺจยาเวทนาปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๓. ทฺวารโต สเฬวาติ ปภวสามฺโต เอกวิธาปิ อุปฺปตฺติทฺวารโต ฉ เอว โหนฺตีติ ฉเฬว เวทนา วุตฺตา.

จิตฺตเภเทน เอกูนนวุติวิธาปิ อิธาธิปฺเปตา เอว ทสฺเสตุํ ‘‘เวทนาสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เสสาน’’นฺติ เอตฺถ สมฺปฏิจฺฉนสมฺปยุตฺตาย จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ปฺจ ยทิปิ อนนฺตราทีหิ ปจฺจยา โหนฺติ, อนนฺตราทีนํ ปน อุปนิสฺสเย อนฺโตคธตฺตา สนฺตีรณตทารมฺมณานฺจ สาธารณสฺส ตสฺส วเสน ‘‘เอกธา’’ติ วุตฺตํ. เอเกกสฺมึ ทฺวาเร หิ จกฺขุทฺวาราทีสุ อุปฺปนฺนจกฺขุวิฺาณาทีหิ สหชาตา ผสฺสา สกสกวีถีสุ สมฺปฏิจฺฉนาทีหิ สมฺปยุตฺตเวทนานํ, มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสเนว ปวตฺตานํ เตภูมกวิปากเวทนานมฺปิ สหชาตมโนสมฺผสฺสสงฺขาโต โส ผสฺโส อฏฺธา ปจฺจโย โหตีติ โยเชตพฺพํ.

รูปารูปาวจรวิปากเวทนา ปฏิสนฺธิอาทิวเสเนว ปวตฺตนฺติ, กามาวจราปิ เอกจฺจาติ ‘‘เตภูมกวิปากเวทนานมฺปี’’ติ วุตฺตํ. ตาสมฺปิ หิ สหชาตมโนสมฺผสฺโส อฏฺธาว ปจฺจโย โหติ. ปจฺจยํ อนุปาทินฺนมฺปิ เกจิ อิจฺฉนฺตีติ ‘‘ยา ปนา’’ติอาทินา มโนทฺวาราวชฺชนสมฺปยุตฺตผสฺสสฺส ปจฺจยภาโว วุตฺโต. ตฺจ มุขมตฺตทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ. เอเตน นเยน สพฺพสฺส อนนฺตรสฺส, อนานนฺตรสฺส จ ผสฺสสฺส ตสฺสา ตสฺสา วิปากเวทนาย อุปนิสฺสยตา โยเชตพฺพาติ.

เวทนาปจฺจยาตณฺหาปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๔. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก, อิมสฺมึ วา สาสเน ฉ ตณฺหา ทีปิตา. อิธาติ วา อิมสฺมึ เวทนาปจฺจยา ตณฺหาปเท. ตตฺถาติ ตาสุ ฉสุ ตณฺหาสุ.

เอเกกาย สสฺสตทิฏฺิสหคตาย, อุจฺเฉททิฏฺิสหคตาย จ ตณฺหาย ตทภินนฺทนานุคุโณ รูปาทีสุ ปวตฺติอากาโร, เกวลํ กามสฺสาทวเสน ปวตฺติยา วิสิฏฺาการตฺตา วุตฺตปฺปวตฺติอาการโต ตณฺหาย ติวิธตา.

มมตฺเตนาติ สมฺปิยายเนน, อสฺสาทนตณฺหาย อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ปุตฺโต วิย เวทนา ทฏฺพฺพา, ขีราทโย วิย เวทนาย ปจฺจยภูตา รูปาทโย, ขีราทิทายิกา ธาติ วิย รูปาทิฉฬารมฺมณทายกา จิตฺตการาทโย ฉ. ตตฺถ สุขสมฺผสฺสวตฺถทายโก ตนฺตวาโย, เวชฺโช รสายตโนชาวเสน, ตทุปตฺถมฺภิตชีวิตวเสน จ ธมฺมารมฺมณสฺส ทายโกติ ทฏฺพฺโพ. สพฺพาเปสา อฏฺสตปฺปเภทาปิ.

อารมฺมณปจฺจโย อุปฺปชฺชมานาย อารมฺมณมตฺตเมว โหติ, น อุปนิสฺสโย วิย อุปฺปาทโกติ อุปฺปาทกสฺส อุปนิสฺสยสฺเสว วเสน ‘‘เอกธาวา’’ติ วุตฺตํ. อุปนิสฺสเยน วา อารมฺมณูปนิสฺสโย สงฺคหิโต. เตน จ อารมฺมณภาเวน ตํสภาโค อฺโปิ อารมฺมณปจฺจยภาโว ทีปิโต โหตีติ อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจยภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทินา น เกวลํ วิปากสุขเวทนา เอว, ติสฺโสปิ ปน เวทนา วิปากา วิเสเสน ตณฺหาย อุปนิสฺสยปจฺจโย, อวิเสเสน อิตรา จาติ ทสฺเสติ. อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตาติ ตสฺมา สาปิ ภิยฺโย อิจฺฉนวเสน ตณฺหาย อุปนิสฺสโยติ อธิปฺปาโย. อุเปกฺขา ปน อกุสลวิปากภูตา อนิฏฺตฺตา ทุกฺเข อวโรเธตพฺพา, อิตรา อิฏฺตฺตา สุเขติ สา ทุกฺขํ วิย, สุขํ วิย จ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหตีติ สกฺกา วตฺตุํ. ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ วจเนน สพฺพสฺส เวทนาวโต ปจฺจยสฺส อตฺถิตาย ตณฺหุปฺปตฺติปฺปสงฺเค ตนฺนิวารณตฺถมาห ‘‘เวทนาปจฺจยา จาปี’’ติอาทิ.

นนุ ‘‘อนุสยสหายา เวทนา ตณฺหาย ปจฺจโย’’ติ วจนสฺส อภาวา อติปฺปสงฺคนิวตฺตึ น สกฺกา กาตุนฺติ? น, วฏฺฏกถาย ปวตฺตตฺตา. วฏฺฏสฺส จ อนุสยวิรเห อภาวโต อนุสยสหิตาว ปจฺจโยติ อตฺถโต วุตฺตเมเวตํ โหตีติ. อถ วา ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติ อนุวตฺตมานตฺตา อนุสยสหิตาว ปจฺจโยติ วิฺายติ. เวทนาปจฺจยา ตณฺหาติ เจตฺถ เวทนาปจฺจยา เอว ตณฺหา, น เวทนาย วินาติ อยํ นิยโม อิจฺฉิโต, น เวทนาปจฺจยา ตณฺหา โหติเยวาติ, ตสฺมา อติปฺปสงฺโค เอตฺถ นตฺถิ เอวาติ.

วุสีมโตติ วุสิตวโต, วุสิตพฺรหฺมจริยวาสสฺสาติ อตฺโถ. วุสฺสตีติ วา วุสีติ มคฺโค วุจฺจติ, โส เอตสฺส วุตฺโถ อตฺถีติ วุสีมา, อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน อรหา. อคฺคผลํ วา ปรินิฏฺิตวาสตฺตา ‘‘วุสี’’ติ วุจฺจติ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ วุสีมา.

ตณฺหาปจฺจยาอุปาทานปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๕. อตฺถวิภาโค อตฺถสฺส วิภชนา. วตฺถุสงฺขาตํ กามนฺติ กามคุณสฺิตํ รูปาทิอารมฺมณมาห. อุปาทิยตีติ กามวเสน คณฺหาติ, ทฬฺหํ อสฺสาเทตีติ อตฺโถ. กามํ อุปาทิยตีติ เอตฺถ กมฺมสาธโน กามสทฺโท, กาโม จ โสติ เอตฺถ กตฺตุสาธโน กิเลสกามสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อุปาทานสทฺโท ปน อุภยตฺถาปิ กตฺตุสาธโนว. ทฬฺหตฺโถ ภุสตฺโถ. ยถา ภุโส อายาโส อุปายาโส, ภุสํ กุฏฺํ อุปกุฏฺํ, เอวํ อิธาปีติ อาห ‘‘อุปายาสอุปกุฏฺาทีสุ วิยา’’ติ. ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ อุปาทิยตีติ ปุริมทิฏฺึ สสฺสตภาเวน คณฺหนฺตี อุปาทิยติ, ปุริมทิฏฺิอากาเรน วา อุตฺตรทิฏฺิ อุปฺปชฺชมานา เตเนว ปุริมทิฏฺึ ทฬฺหํ กโรนฺตี ตํ อุปาทิยตีติ วุตฺตา. อถ วา ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ อุปาทิยตีติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๑) อิทํ ปุริมทิฏฺึ อุปาทิยมานํ อุตฺตรทิฏฺึ นิทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ยถา หิ เอสา ทฬฺหีกรณวเสน ปุริมํ อุตฺตรา อุปาทิยติ, เอวํ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาปีติ (ม. นิ. ๑.๔๔๕; ๒.๙๔; ๓.๙๑, ๑๑๖, ๑๓๖; ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๓๘). อตฺตคฺคหณํ ปน อตฺตวาทุปาทานนฺติ น อิทํ ทิฏฺุปาทานทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ. โลโก จาติ วา อตฺตคฺคหณวินิมุตฺตํ คหณํ ทิฏฺุปาทานภูตํ อิธ ปุริมทิฏฺิอุตฺตรทิฏฺิวจเนหิ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

สีลพฺพตํ อุปาทิยตีติ เอตฺถ อสุทฺธิมคฺคโคสีลาทิสมาทานวเสน สีลํ, อวีติกฺกมนวเสน วตํ. อุภยถาปิ วา สีลํ, ตโปกมฺมภาเวน คหิตตาย วตํ, ควาทิปกติภาวนา. อตฺตโน วา ควาทิภาวาธิฏฺานํ สีลํ, ‘‘คจฺฉนฺโต ภกฺเขติ, ติฏฺนฺโต มุตฺเตตี’’ติอาทินา ควาทิกิริยากรณํ วตํ. ตํตํอกิจฺจสมฺมตโต วา นิวตฺติ สีลํ, ตํสมาทานวโตเวส โภชนกิจฺจกรณาทิวิเสสปฏิปตฺติ วตํ, ตํ สีลพฺพตํ อสุทฺธิมคฺคํ ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ ปรามสนฺโต ตถา อภินิวิสนฺโต อุปาทิยติ, ตํ คาหํ ทฬฺหํ คณฺหาตีติ อตฺโถ. สีลพฺพตสหจริตํ ปรามาสํ สีลพฺพตนฺติ คเหตฺวา อาห ‘‘สีลพฺพตฺจ ตํ อุปาทานฺจา’’ติ. โคสีลโควตาทีนีติ จ ตถาภูตํ ทิฏฺึ วทติ. เตเนวาห ‘‘สยเมว อุปาทานานี’’ติ. อภินิเวสโตติ อภินิเวสภาวโต, อภินิวิสนโต วา. อตฺตวาทุปาทานนฺติ ‘‘อตฺตา’’ติ วาทสฺส ปฺาปนสฺส, คหณสฺส จ การณภูตา ทิฏฺีติ อตฺโถ. อตฺตวาทมตฺตเมวาติ อตฺตสฺส อภาวา ‘‘อตฺตา’’ติ อิทํ วจนมตฺตเมว. อุปาทิยนฺตีติ ทฬฺหํ คณฺหนฺติ. กถํ? ‘‘อตฺตา’’ติ. ‘‘อตฺตา’’ติ หิ อภินิวิสนฺตา วจนมตฺตเมว ทฬฺหํ กตฺวา คณฺหนฺตีติ อตฺโถติ. เอวํ ‘‘อตฺตวาทมตฺตเมว อุปาทิยนฺตี’’ติ วุตฺตํ. อตฺตวาทมตฺตนฺติ วา วาจาวตฺถุมตฺตเมวาห. วาจาวตฺถุมตฺตเมว หิ ‘‘อตฺตา’’ติ อุปาทิยนฺติ อตฺตสฺส อภาวาติ.

‘‘ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาเร ปน กามุปาทานํ สงฺเขปโต ตณฺหาทฬฺหตฺตํ, เสสุปาทานตฺตยํ ทิฏฺิมตฺตเมว, วิตฺถารโต ปนา’’ติ เอวํ ธมฺมสงฺเขปวิตฺถารสมุทายโต ตทวยวภูตํ สงฺเขปํ, วิตฺถารฺจ นิทฺธาเรตีติ. ธมฺมสงฺเขปวิตฺถาเรติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ ทฏฺพฺพํ. กาเมสูติ ปฺจสุ กามคุเณสุ. กามจฺฉนฺโทติ กามสงฺขาโต ฉนฺโท, น กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท, น จ ธมฺมจฺฉนฺโท. กามนวเสน, รฺชนวเสน จ กาโมเยว ราโค กามราโค, เอวํ สพฺพตฺถ กามตฺถํ วิทิตฺวา กาโม เอว นนฺทนฏฺเน กามนนฺที, ตณฺหายนฏฺเน กาโมเยว กามตณฺหา, สิเนหนฏฺเน กาโม เอว กามสฺเนโห, ปริทยฺหนฏฺเน กามปริฬาโห, มุจฺฉนฏฺเน กามมุจฺฉา, คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปนฏฺเน กามชฺโฌสานํ เวทิตพฺพํ. อปฺปตฺตวิสยปตฺถนา ตณฺหา อารมฺมเณ ปริตสฺสนภาวโต, สมฺปตฺตวิสยคฺคหณํ อุปาทานํ อารมฺมเณ ทฬฺหคฺคาหภาวโต. อปฺปิจฺฉตาปฏิปกฺขา ตณฺหา วิสยาภิมุขภาวโต, สนฺตุฏฺิปฏิปกฺขา อุปาทานํ ตณฺหาทฬฺหตฺตํ หุตฺวา อตฺริจฺฉตาภาวโต. ปริเยสนทุกฺขมูลา ตณฺหา อปฺปตฺตวิสยปตฺถนาภาวโต, อารกฺขทุกฺขมูลํ อุปาทานํ สมฺปตฺตวิสยคฺคหณภาวโต.

นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทีสุ ทินฺนนฺติ ทานมาห, ตํ อผลตฺตา รูปํ วิย ทานํ นาม น โหตีติ ปฏิกฺขิปติ. ยิฏฺํ วุจฺจติ มหาวิชิตยฺสทิโส มหายาโค. หุตนฺติ อาหุนปาหุนมงฺคลกิริยา. ตตฺถ อามนฺเตตฺวา หวนํ ทานํ อาหุนํ, ปาหุนานํ อติถีนํ อติถิกิริยา ปาหุนํ, อาวาหาทีสุ มงฺคลตฺถํ ทานํ มงฺคลกิริยา, ทส กุสลกมฺมปถา สุกตกมฺมานิ นาม, ทส อกุสลกมฺมปถา ทุกฺกฏกมฺมานิ นาม, ผลํ วิปาโกติ นิสฺสนฺทาทิผลฺเจว นิปฺปริยายวิปาโก จ นตฺถีติ โยชนา. ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทีสุปิ ผลวิปากปฏิกฺเขโปว ทฏฺพฺโพ. นตฺถิ อยํ โลโกติ ปรโลเก ิโต อิมํ โลกํ ‘‘นตฺถี’’ติ คณฺหาติ. อิมํ หิ โลกํ อเวกฺขิตฺวา ปรโลโก, ปรฺจ โลกํ อเวกฺขิตฺวา อยํ โลโก โหติ คนฺตพฺพโต, อาคนฺตพฺพโต จาติ ปรโลกโต อิธาคมนสฺส อภาวา ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโต จิตฺเตน ปรโลเก ิโต อิมํ โลกํ ‘‘นตฺถี’’ติ คณฺหาตีติ อตฺโถ. น หิ อยํ ทิฏฺิ ปรโลเก ิตสฺเสว โหตีติ. นตฺถิ ปรโลโกติ อิธโลเก ิโต ปรโลกํ ‘‘นตฺถี’’ติ คณฺหาติ. อิธาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ วา เอตฺถ อตฺโถ – สํสรณปฺปเทโส อิธโลโก, ปรโลโก จ นาม โกจิ นตฺถิ สํสรณสฺส อภาวา ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโตติ.

ปุริมภวโต ปจฺฉิมภเว อุปปตนํ อุปปาโต, โส เยสํ สีลํ, เต โอปปาติกา. เต ปน จวนกอุปปชฺชนกสตฺตา นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ. นตฺถิ โลเก สมณ…เป… ปเวเทนฺตีติ อนุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺนตฺตา สมฺมคฺคตา สมฺมาปฏิปนฺนา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา โลกสฺมึ นตฺถิ, เย อิมฺจ โลกํ, ปรฺจ โลกํ อตฺตนา เอว อภิวิสิฏฺเน าเณน ปจฺจกฺขโต ตฺวา ปเวทนสมตฺถา สพฺพฺุพุทฺธา นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติอาทีสุ วตฺตพฺพํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

ปกติอณุอาทีนํ สสฺสตคฺคาหปุพฺพงฺคโม, สรีรสฺส อุจฺเฉทคฺคาหปุพฺพงฺคโม จ เตสํ คาหานํ สามิภูโต โกจิ สสฺสโต, อุจฺฉิชฺชมาโน วา อตฺตา อตฺถีติ อตฺตคฺคาโห กทาจิ โหตีติ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ วุตฺตํ. สฺวายํ อตฺตคฺคาโห อตฺถโต ขนฺธารมฺมโณ เอว ทฏฺพฺโพ. เยภุยฺเยน ปมํ อตฺตวาทุปาทานนฺติอาทินาว สมฺพนฺโธ. ยทิปิ ภวราคชวนวีถิ ปมํ ปวตฺตติ คหิตปฏิสนฺธิกสฺส ภวนิกนฺติยา ปวตฺติตพฺพตฺตา, โส ปน ภวราโค ตณฺหาทฬฺหตฺตํ น โหตีติ มฺมาโน น กามุปาทานสฺส ปมุปฺปตฺติมาห.

ตณฺหา กามุปาทานนฺติ ปน วิภาคสฺส อกรเณ สพฺพาปิ ตณฺหา กามุปาทานํ, กรเณปิ วา กามราคโต อฺาปิ ตณฺหา ทฬฺหภาวํ ปตฺตา กามุปาทานนฺติ ตสฺส อรหตฺตมคฺควชฺฌตา วุตฺตา.

อุปฺปตฺติฏฺานภูตา จิตฺตุปฺปาทา วิสโย. ปฺจุปาทานกฺขนฺธา อาลโย. ตตฺถ รมตีติ อาลยรามา, ปชา. เตเนว สา อาลยรามตา สสนฺตาเน, ปรสนฺตาเน จ ปากฏา โหติ. กามานนฺติ วตฺถุกามานํ. ‘‘สุขทุกฺขํ กมฺมุนา โหตี’’ติ อคฺคเหตฺวา โกตูหลมงฺคลาทิพหุโล โหติ. สา โกตูหลมงฺคลาทิพหุลตา. อสฺส กามุปาทานวโต. นฺติ ทิฏฺุปาทานํ, อนตฺตนิ ธมฺมมตฺเต ‘‘อตฺตา’’ติ มิจฺฉาภินิเวสสฺส สุขุมตรธมฺมุปาทานตาย สุขุมตา วุตฺตา. อุปนิสฺสยวจเนน อารมฺมณานนฺตรปกตูปนิสฺสยา วุตฺตาติ อนนฺตรปจฺจยาทีนมฺปิ สงฺคโห กโต โหติ.

อุปาทานปจฺจยาภวปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๔๖. อตฺถโตติ วจนตฺถโต. ธมฺมโตติ สภาวธมฺมโต. สาตฺถโตติ สาตฺถกโต, ปุพฺเพ วุตฺตสฺสปิ ปุน วจนสฺส สปฺปโยชนโต. เภทสงฺคหาติ เภทโต สงฺคหโต, วิภาคโต เจว วิภตฺตสฺส สงฺขิปนโต จาติ อตฺโถ. ยํ ยสฺส ปจฺจโยติ ยํ ยํ อุปาทานํ ยสฺส ยสฺส ภวสฺส ปจฺจโย โหติ, ตโต จาติ อตฺโถ.

ภวตีติ ภโวติ ผลโวหาเรน กมฺมภโว วุตฺโต. อุปปตฺติภวนิพฺพจนเมว หิ ทฺวยสฺสปิ สาธารณํ กตฺวา วุตฺตํ, ภวติ เอตสฺมา อุปปตฺติภโวติ วา. ทุติโย ปน กมฺมภโว สตฺตสฺส ปุนพฺภวภาเวน สวิเสสํ ภวตีติ ภโว. ตโต เอว น สพฺพสฺส ภวนฺตรสฺส, ตํเหตุโน วา ภวภาวปฺปสงฺโค. ทุวิเธนาติ ทฺวีหิ อากาเรหิ ปวตฺติโตติ อตฺโถ. ทุวิเธนาติ วา ปจฺจตฺตตฺเถ กรณวจนํ, ทุวิโธติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถีติ สํวิชฺชติ.

๖๔๗. อตฺตโน ปจฺจเยหิ กรียตีติ กมฺมํ, อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กมฺมนฺติ เกจิ, ‘‘กมฺม’’นฺติ เอวํ วตฺตพฺพา กมฺมสงฺขาตา. ปริตฺตภูมโกติ กามภูมโก. มหาภูมโกติ มหคฺคตภูมโก. สพฺพนฺติ อนวเสสํ. ภวํ คจฺฉติ, คเมติ จาติ ภวคามิ. คจฺฉตีติ จ นิปฺผาทนสมตฺถตาวเสน, อตฺตโน ปวตฺติกาเล ภวาภิมุขํ หุตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺโถ, นิพฺพตฺตนเมว วา คมนํ อธิปฺเปตํ. ‘‘ภวคามี’’ติ จ เอเตน กมฺมกฺขยกรํ กมฺมํ นิวตฺเตติ. อยฺหิ วฏฺฏกถา, ตฺจ วิวฏฺฏนิสฺสิตนฺติ. อปุฺาภิสงฺขาโรติ ทฺวาทส เจตนาติ อุทฺธจฺจสหคตเจตนายปิ คหณํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอตฺถ วิย เวทิตพฺพํ. ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ เอตฺถ ปน ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; มหาว. ๑; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑; เนตฺติ. ๒๔) เอตฺถ วิย สาปิ อปเนตพฺพา. มนฺทพหุวิปากตาติ อปฺปมหาวิปากตา.

‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมนฺติ อิมินา เจตนาสมฺปยุตฺตา อภิชฺฌาทโย วุตฺตา’’ติ เอเตน อาจยคามิตาย เตสํ กมฺมสงฺขาตตา วุตฺตาติ กมฺมภวปริยาปนฺนตํ ปริยาเยน วทติ, นิปฺปริยาเยน ปน เจตนาว กมฺมภโว. วุตฺตฺหิ ‘‘กมฺมภโว ตีหิ ขนฺเธหิ เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา สมฺปยุตฺโต, เอเกน ขนฺเธน เอเกนายตเนน เอกาย ธาตุยา เกหิจิ สมฺปยุตฺโต’’ติ (ธาตุ. ๒๔๔). อุปปตฺติภโว ตีหิปิ ติเกหิ วุตฺโต อุปาทินฺนกฺขนฺโธว. ยถาห ‘‘อุปปตฺติภโว… กามภโว… สฺาภโว… ปฺจโวการภโว ปฺจหิ ขนฺเธหิ เอกาทสหายตเนหิ สตฺตรสหิ ธาตูหิ สงฺคหิโต’’ติอาทิ (ธาตุ. ๖๗). ยทิ หิ อนุปาทินฺนกานมฺปิ คหณํ สิยา, ‘‘ทฺวาทสหิ อายตเนหิ อฏฺารสหิ ธาตูหี’’ติ วตฺตพฺพํ สิยาติ. กามตณฺหาย กาเมตพฺพโต กามนิสฺสยตาย โภคา วิย, กามสหจริตตาย ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ วิย, กามารมฺมณตาย ‘‘สุขํ รูป’’นฺติ วิย, กามปจฺจยฏฺานตาย ‘‘สุโข สคฺโค’’ติ วิย กามาติ อวีจิปรนิมฺมิตวสวตฺติปริจฺฉินฺนา อุปาทินฺนกฺขนฺธา วุจฺจนฺติ. รูปาวิราคโต ยํ นิสฺสิตา, ตทุปจาเรน ‘‘มฺจา โฆสนฺตี’’ติ วิย, ‘‘ผนฺทนเทวตา’’ติ วิย จ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจนฺติ พฺรหฺมกายิกากนิฏฺปริจฺฉินฺนา อุปาทินฺนกฺขนฺธา.

รูปเมว ภโว รูปภโว, ตถา อรูปนฺติ อากาสานฺจายตนภวคฺคปริจฺฉินฺนา จตฺตาโร อุปาทินฺนกฺขนฺธา วุจฺจนฺติ. อรูปเมว ภโว อรูปภโว. กาโม เอว ภโวติ กามภโว, โส ปน ยสฺมา ยถาวุตฺเตนตฺเถน ‘‘กาโม’’ติ วตฺตพฺโพ โหติ, ตสฺมา ‘‘กามสงฺขาโต ภโว’’ติ วุตฺตํ. กามาวจรสฺิโต วา ภโว ‘‘กามสงฺขาโต ภโว’’ติ วุตฺโต. ตถา รูปารูปภโวติ อาห ‘‘เอส นโย รูปารูปภเวสู’’ติ. สฺาวตํ ภโวติ เอตฺถ วนฺตุ-สทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. ตสฺส วา อตฺเถ อการํ กตฺวา ‘‘สฺภโว’’ติปิ ปาโ. เตนาห ‘‘สฺาวา’’ติอาทิ. โวกิณฺโณติ เอเตน โวการสทฺทสฺส กมฺมสาธนตมาห. โวกิรียติ ปสารียติ วิตฺถารียตีติ โวกาโร, โวกิรณํ วา โวกาโร, โส เอกสฺเสว ขนฺธสฺส วเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘เอโก โวกาโร’’ติ วุตฺโต, ปสฏุปฺปตฺตีติ อตฺโถ.

๖๔๘. กิฺจาปิ ภวนิทฺเทเส ‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมํ กมฺมภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔) อิมินา เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมาปิ วุตฺตา. ปุฺาภิสงฺขาราทโยวาติ ปน อวธารณํ ปจฺจยธมฺมวิเสเสปิ อตฺถปฺปเภเทน สงฺขารภวคฺคหเณสุ อตฺเถว วิเสโสติ ทสฺสนตฺถํ กตํ. เตนาห ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ. สงฺขารภวานํ ธมฺมเภทโต น สงฺขารา เอว ปุน วุตฺตาติ ‘‘สาตฺถกเมวิทํ ปุนวจน’’นฺติ เอตํ อยุตฺตนฺติ เจ? น, ภเวกเทสภาเวน สงฺขารานํ ภโวติ ปุน วุตฺตตฺตา. ปเรน วา ธมฺมวิเสสํ อคฺคเหตฺวา ปุนวจนํ โจทิตนฺติ โจทกาภิลาสวเสน ‘‘สาตฺถกเมวิทํ ปุนวจน’’นฺติ วุตฺตํ.

๖๔๙. กามภวาทินิพฺพตฺตกสฺส กมฺมสฺส กามภวาทิภาโว ผลโวหาเรน อฏฺกถายํ วุตฺโต. สหชาตวิฺาณสฺสปิ ปจฺจยภูตํ อวิชฺชาเหตุกํ สงฺขารคฺคหเณน ยํ กิฺจิ กมฺมํ ปุพฺเพ วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺม’’นฺติ (วิภ. ๒๓๔) วจนโต ภวสฺส นิพฺพตฺตกํ อุปาทานเหตุกํ วิปจฺจนาย กโตกาสเมว ภโวติ อธิปฺเปโต. ยํ กามุปาทานปจฺจยา รูปภวนิพฺพตฺตกํ, อรูปภวนิพฺพตฺตกฺจ กมฺมํ กรียติ, โส กมฺมภโว, ตทภินิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโวติ อิมมตฺถํ ‘‘เอส นโย รูปารูปภเวสู’’ติ อติทิสติ. ทฺเว กามภวาติ กามกมฺมภโว, กามูปปตฺติภโวติ ทฺเว กามภวา. เอวํ ‘‘ทฺเว รูปภวา, ทฺเว อรูปภวา’’ติ เอตฺถาปิ. อนฺโตคเธ หิ วิสุํ อคฺคเหตฺวา อพฺภนฺตรคเต เอว กตฺวา กามภวาทิเก กมฺมูปปตฺติภววเสน ทุคุเณ กตฺวา อาห ‘‘ฉ ภวา’’ติ.

อวิเสเสนาติ อุปาทานวเสน เภทํ อกตฺวา. อุปาทานเภทากรเณเนว จ ทฺวาทสปฺปเภทสฺส สงฺคหวเสน สงฺคหโต ‘‘ฉ ภวา’’ติ วุตฺตํ. อนุปคมฺมาติ อนิสฺสาย, อนามสิตฺวาติ อตฺโถ.

๖๕๐. โคสีเลน, กุกฺกุรสีเลน จ สมตฺเตน สมาทินฺเนน คุนฺนํ, กุกฺกุรานฺจ สหพฺยตา วุตฺตาติ ‘‘สีลพฺพตุปาทานวโต ฌานภาวนา น อิชฺฌตี’’ติ มฺมานา เตน รูปารูปภวา น โหนฺตีติ เกจิ วทนฺติ. วกฺขมาเนน ปน ปกาเรน ปจฺจยภาวโต ‘‘ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ อาห. อสุทฺธิมคฺเค จ สุทฺธิมคฺคปรามสนํ สีลพฺพตุปาทานนฺติ สุทฺธิมคฺคปรามสเนน รูปารูปาวจรชฺฌานานํ นิพฺพตฺตนํ น น ยุชฺชตีติ.

อนุสฺสววเสนาติ ‘‘เสตวธยชฺชํ อาลภเต ภูติกาโม’’ติ อาทินฺนอนุสฺสววเสน, ยถา อิเม มนุสฺสโลเก กามา สมิทฺธา, เอวํ เทวโลเก อิโต สมิทฺธตราติ ทิฏฺานุสาเรน วา. ปุราณภารตสีตาหรณปสุพนฺธวิธิอาทิสวนํ อสฺสทฺธมฺมสฺสวนํ. อาทิ-สทฺเทน อสปฺปุริสูปนิสฺสยํ ปุพฺเพ จ อกตปุฺตํ, อตฺตมิจฺฉาปณิธิฺจ สงฺคณฺหาติ. กายทุจฺจริตาทีนิปีติ อตฺตโน อธิปฺเปตานํ กามานํ อนุปายภูตานิปิ กายทุจฺจริตาทีนิ กโรติ, จิรสคฺคาทิอตฺถํ ยุทฺธาทิวเสนาติ อธิปฺปาโย. สนฺทิฏฺิเก วา ปน รชฺชเสนาปติฏฺานาทิสงฺคเห กาเม. ตทนฺโตคธา เอวาติ ตสฺมึ ทุจฺจริตนิพฺพตฺเต, สุจริตนิพฺพตฺเต จ กามภเว อนฺโตคธา เอวาติ อตฺโถ. อนฺโตคธาติ จ สฺาภวปฺจโวการภวานํ เอกเทเสน อนฺโตคธตฺตา วุตฺตํ. น หิ เต นิรวเสสา กามภเว อนฺโตคธาติ.

สปฺปเภทสฺสาติ สุคติทุคฺคติมนุสฺสาทิปฺปเภทวโต.

กามาวจรสมฺปตฺติภเว ปมทุติยอุจฺเฉทวาทวเสน, รูปภเว ตติยอุจฺเฉทวาทวเสน, อรูปภเว เสสอุจฺเฉทวาทวเสน อยมตฺตา สุอุจฺฉินฺโน โหตีติ ตทุปคํ กมฺมํ กโรตีติ อาห ‘‘อยํ อตฺตา นามา’’ติอาทิ. ตตฺถ สุอุจฺฉินฺโนติ สกลวฏฺฏทุกฺขสมุจฺเฉเทน สุฏฺุ อุจฺฉินฺโน, อปุนพฺภวุปฺปตฺติโก โหตีติ อตฺโถ.

‘‘กามาวจรสมฺปตฺติภเว’’ติ อิทํ ปมทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวเสน วุตฺตํ, เสสํ อิตรทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวเสน. ตตฺถ กิฺจาปิ ปาฬิยํ (ที. นิ. ๑.๙๓ อาทโย) รูปาวจรชฺฌานวเสเนว อุปริ จตฺตาโร ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทา อาคตา, ทิฏฺิคติโก ปน ยํ กิฺจิ คเหตฺวา ยถา ตถา อภินิวิสตีติ อรูปภวคฺคหณํ, อรูปชฺฌานานมฺปิ วา จตุตฺถฌานสงฺคหโต อรูปภวคฺคหณํ, สนฺตสุขตาย วา ตํสมงฺคิโน สุขิตภาวสามฺโต. วิคตปริฬาโหติ ยถาภิลาสิตวิสยูปหาเรน, ปหาเนน จ วูปสนฺตกามราคปริฬาโห, ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺโตติ อตฺโถ.

สุทฺธิมคฺคปรามสนวเสน ปวตฺติตํ ยํ กิฺจิ โลกิยํ สีลํ, ฌานฺจ สีลพฺพตมิจฺเจว อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อิทํ สีลพฺพตํ นามา’’ติอาทิ. กเมน อวตฺวา สีลพฺพตุปาทานสฺส อนฺเต ภวปจฺจยตาวจนํ อตฺตวาทุปาทานํ วิย อภิณฺหํ อสมุทาจารโต, อตฺตวาทุปาทานนิมิตฺตตฺตา จ.

กมฺมภเวติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. เหตุปจฺจยปฺปเภเทหีติ เอตฺถ มคฺคปจฺจโย จ วตฺตพฺโพ. ทิฏฺุปาทานาทีนิ หิ สหชาตกมฺมภวสฺส มคฺคปจฺจยา โหนฺตีติ, ตสฺมา ตานิ สหชาตาทีสุ เหตุปจฺจยํ อปนีย มคฺคปจฺจยํ ปกฺขิปิตฺวา สตฺตธา ปจฺจยา โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ. สพฺพานิ ปน อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนปจฺจเยหิ ปจฺจยา โหนฺติ. นานนฺตรสฺส อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจยา โหนฺติ. กทาจิ อารมฺมณปจฺจยาทินาปิ, ตํ ปน อุปนิสฺสยปจฺจเยเนว สงฺคเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘วิปฺปยุตฺตสฺส ปน อุปนิสฺสยปจฺจเยเนวา’’ติ.

ภวปจฺจยาชาติอาทิปทวิตฺถารกถาวณฺณนา

๖๕๑. ชาตีติอาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; มหาว. ๑; อุทา. ๑; เนตฺติ. ๒๔) สพฺพํ สงฺคณฺหาติ. เตนาห ‘‘ชาติอาทีน’’นฺติอาทิ. อุปปตฺติภวุปฺปตฺติเยว ชาตีติ อาห ‘‘น อุปปตฺติภโว’’ติ. ชายมานสฺส ปน ชาติ ชาตีติ อุปปตฺติภโวปิ อสติ อภาวา ชาติยา ปจฺจโยติ สกฺกา วตฺตุํ. ชายมานรูปปทฏฺานตาปิ หิ รูปชาติยา วุตฺตา ‘‘อุปจิตรูปปทฏฺาโน อุปจโย, อนุปฺปพนฺธรูปปทฏฺานา สนฺตตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๖๔๑).

ชาตานํ ขนฺธานํ อุฺาตตา, อภิมตตา จ หีนปณีตตา. อนิฏฺฺหิ หีนํ, อิฏฺํ ปณีตํ. อาทิ-สทฺเทน สุวณฺณทุพฺพณฺณหีนุตฺตมาทึ สงฺคณฺหาติ. ยมกานมฺปิ สตนฺติ ยมกภาเวน นิพฺพตฺตานมฺปิ สมานานํ. โส จ สตฺตานํ วิเสโส. ภินฺนสนฺตานิกสฺส วิเสสการณสฺส สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต ‘‘อชฺฌตฺตสนฺตาเน’’ติ วุตฺตํ. อฺสฺส การณสฺส อภาวโตติ อตฺตสนฺตานคตโต อฺสฺส วิเสสการณสฺส อนุปลพฺภมานตฺตา, สติ จ ตสฺมึ สพฺพทา สพฺเพสํ อภาวโตติ ปสงฺคสฺส ทุนฺนิวารณโต การเณ อวิสิฏฺเ ผลวิเสสสฺส อยุชฺชมานกตฺตา. เตนาห ‘‘กมฺมภวเหตุโกวา’’ติ.

เตน เตนาติ าติพฺยสนาทินา ชรามรณโต อฺเน ทุกฺขธมฺเมน. ชรามรณนิมิตฺตฺหิ อุปฺปนฺนา โสกาทโย ชรามรณาภิสมฺพนฺธา, ตทฺเ อนภิสมฺพนฺธา. อุปนิสฺสยโกฏิยาติ อุปนิสฺสยํเสน, อุปนิสฺสยเลเสนาติ อตฺโถ. โย หิ ปฏฺาเน อนาคโต สติ ภาวา, อสติ จ อภาวา สุตฺตนฺตปริยาเยน อุปนิสฺสโย, โส ‘‘อุปนิสฺสยโกฏี’’ติ วุจฺจติ. ปจฺจยมหาปเทโส กิเรโส, ยทิทํ อุปนิสฺสโยติ.

ภวจกฺกกถาวณฺณนา

๖๕๒. น เกวลํ โสกาทีนํเยว ชาติ ปจฺจโย โหติ, โสกาทีนํ ปน ปจฺจยตฺตา อวิชฺชายปิ ปจฺจโย เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. เอตฺถาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนายํ. อวิทิตาทิ มิทนฺติ -กาโร ปทสนฺธิกโร. สตตนฺติ สพฺพกาลํ ยาว อคฺคมคฺคาธิคมา. สมิตนฺติ สงฺคตํ, อพฺโพจฺฉินฺนนฺติ อตฺโถ.

เตสูติ โสกาทีสุ. สิทฺเธสูติ ลพฺภมาเนสุ. สิทฺธา โหติ อวิชฺชา อวินาภาวโต.

กามยานสฺสาติ กามยมานสฺส, กาโม วา ยานํ เอตสฺสาติ กามยาโน, ตสฺส กามวเสน ยายมานสฺสาติ อตฺโถ. ฉนฺทชาตสฺสาติ ชาตตณฺหาฉนฺทสฺส. ปริหายนฺตีติ วิคจฺฉนฺติ. รุปฺปตีติ โสกาทินา กุปฺปติ.

ปริยุฏฺานตาย ติฏฺนสีโล ปริยุฏฺานฏฺายี. ‘‘ปริยุฏฺฏฺายิโน’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ ปริยุฏฺาตีติ ปริยุฏฺํ, ทิฏฺิปริยุฏฺานํ, เตน ติฏฺตีติ ปริยุฏฺฏฺายีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

ปฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานีติ ‘‘มาลา มิลายนฺติ, วตฺถานิ กิลิสฺสนฺติ, กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, กาเย เววณฺณิยํ โอกฺกมติ, เทโว เทวาสเน นาภิรมตี’’ติ (อิติวุ. ๘๓) วุตฺตานิ ปฺจ มรณปุพฺพนิมิตฺตานีติ อตฺโถ. ตานิ หิ ทิสฺวา กมฺมนิพฺพตฺตกฺขนฺธสงฺขาเต อุปปตฺติภเว ภวจฺฉนฺทพเลน เทวานํ พลวโสโก อุปฺปชฺชตีติ.

พาโลติ อวิทฺวา. เตน อวิชฺชาย การณภาวํ ทสฺเสติ. ติวิธํ ทุกฺขนฺติ ตสฺสารุปฺปกถาสวน, กมฺมการณาทสฺสน, มรณกาลกมฺโมปฏฺานนิทานํ โสกาทิทุกฺขํ.

อาสเว สาเธนฺตีติ อาสเว คเมนฺติ โพเธนฺตีติ อตฺโถ.

เอวํ สตีติ เอวํ ภวจกฺกสฺส อวิทิตาทิตาย อนาทิภาเว สติ. อาทิมตฺตกถนนฺติ อวิชฺชาวเสน อาทิสพฺภาวกถนํ. อาทิ เอตสฺส อตฺถีติ หิ อาทิมํ, ภวจกฺกํ. ตสฺส ภาโว อาทิมตฺตํ, ตสฺส กถนํ อาทิมตฺตกถนํ. วิเสสนิวตฺติอตฺโถ วา มตฺตสทฺโท, สติ อนาทิภาเว อวิชฺชา อาทิมฺหิ, มชฺเฌ, ปริโยสาเน จ สพฺพตฺถ สิยาติ อาทิมตฺตาย อวิชฺชาย กถนํ วิรุชฺฌตีติ อตฺโถ. ‘‘อวิชฺชา ปธานา’’ติ วตฺวา ตสฺสา ปธานภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวิชฺชาคฺคหเณนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อวิชฺชาคฺคหเณนาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทเนน, อปฺปหาเนน วา, อตฺตโน สนฺตาเน สนฺนิหิตภาวกรเณนาติ อตฺโถ. กมฺมาทีนีติ กมฺมวิปากวฏฺฏานิ. ปลิโพเธนฺตีติ นานาทุกฺขปริพฺยูฬฺเห สํสารจารเก นิโรเธนฺติ. เตหีติ กิเลสกมฺมวิปากวฏฺเฏหิ. วฏฺฏสฺส การณภาเวน ปธานตฺตา ‘‘ปธานธมฺโม’’ติ อวิชฺชา กถิตา.

ตโต อวิชฺชาทิโต. พฺรหฺมาทินาติ อาทิ-สทฺเทน ปชาปติสฺสรปุริสาทิเก สงฺคณฺหาติ. วทตีติ วโท, ตํ ตํ หิตาหิตํ ปวตฺตาติ อตฺโถ. เวเทติ, เวทิยตีติ วา เวเทยฺโย, สุขาทึ อนุภวติ, สพฺพวิสเย วา ชานาติ, ‘‘สุขิโต ทุกฺขิโต’’ติอาทินา อตฺตนา, ปเรหิ จ ชานาติ, ายติ จาติ อตฺโถ. พฺรหฺมาทินา วา อตฺตนา วาติ วา-สทฺโท -สทฺทตฺโถ. เตนาห ‘‘การกเวทกรหิต’’นฺติ จ-สทฺทตฺถสมาสํ.

ทฺวาทสวิธสุฺตาสุฺนฺติ อวิชฺชาทีนํ ทฺวาทสนฺนํ สุฺสภาวานํ สุฺตาย สุฺํ ทฺวาทสวิธสุฺตาสุฺํ, ธุวภาวาทิสุฺตาย วา จตุพฺพิธมฺปิ สุฺตํ เอกํ กตฺวา ทฺวาทสงฺคคตตฺตา ทฺวาทสวิธาติ ตาย ทฺวาทสสุฺตาย สุฺนฺติ อตฺโถ.

๖๕๓. ปุพฺพนฺตาหรณโตติ ปุพฺพนฺตโต อตีตโกฏฺาสโต ปจฺจุปฺปนฺนวิปากสฺส อาหรณโต. เวทนาวสานํ ปริจฺฉินฺนํ เอกํ ภวจกฺกํ โหติ. ภวจกฺเกกเทโสปิ หิ ภวจกฺกนฺติ วุจฺจติ. เวทนา วา ตณฺหาสหายาย อวิชฺชาย ปจฺจโย โหตีติ เวทนาโต อวิชฺชา, อวิชฺชาโต สงฺขาราติ สมฺพชฺฌนโต เวทนาวสานํ ภวจกฺกํ ปริปุณฺณเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อวิชฺชาคฺคหเณน วา ตณฺหุปาทานานิ ตทวินาภาวโต. สงฺขารคฺคหเณน ภโว, วิฺาณาทิคฺคหเณน ชาติชรามรณานิ, โสกาทโย จ คหิตาติ เอวมฺปิ เวทนาวสานํ ภวจกฺกนฺติ ยุตฺตเมเวตํ. เอวํ ตณฺหามูลเก จ โยเชตพฺพํ. ทฺวินฺนมฺปิ หิ อฺมฺานุปฺปเวโส โหตีติ. อวิชฺชา ธมฺมสภาวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิปรีตาภินิเวสํ กาเรนฺตี ทิฏฺิจริเต สํสาเร นยติ, เตสํ วา สํสารํ สงฺขาราทิปวตฺตึ นยติ ปวตฺเตตีติ สํสารนายิกา วุตฺตา. ตณฺหาย ตณฺหาจริตานํ สํสารนายิกาภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.

ปมํ ภวจกฺกํ. ผลุปฺปตฺติยาติ กตฺตุอตฺเถ กรณวจนํ, กรณตฺเถ เอว วา. วิฺาณาทิปจฺจุปฺปนฺนผลุปฺปตฺติ หิ อิธ ทิฏฺา, อทิฏฺานํ ปุริมภเว อตฺตโน เหตูนํ อวิชฺชาสงฺขารานํ ผลํ อนุปฺปาเทตฺวา อนุปจฺฉิชฺชนํ ปกาเสติ, ปกาสนสฺส วา กรณํ โหตีติ. อถ วา ปุริมภวจกฺกํ ทุติเยน สมฺพนฺธํ วุตฺตนฺติ เวทนาสงฺขาตสฺส ผลสฺส อุปฺปตฺติยา ตณฺหาทีนํ เหตูนํ อนุปจฺเฉทํ ปกาเสติ, ตสฺมา ผลุปฺปตฺติยา การณภูตาย ปมสฺส ภวจกฺกสฺส เหตูนํ อนุปจฺเฉทปฺปกาสนโตติ อตฺโถ. สงฺขาราทีนเมว วา ผลานํ อุปฺปตฺติยา อวิชฺชาทีนํ เหตูนํ ผลํ อชเนตฺวา อนุปจฺเฉทเมว, วิฺาณาทิเหตูนํ วา สงฺขาราทีนํ อนุปฺปพนฺธเมว ปกาเสติ ปมํ ภวจกฺกํ, น ทุติยํ วิย ปริโยสานมฺปีติ ‘‘ผลุปฺปตฺติยา เหตูนํ อนุปจฺเฉทปฺปกาสนโต’’ติ วุตฺตํ. อนุปุพฺพปวตฺติทีปนโตติ ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑) ธมฺมานํ อนุปุพฺพโต ปวตฺติยา ทีปนโต. ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ หิ เอตฺถ อปริปุณฺณายตนํ กลลรูปํ วตฺวา ตโต อุทฺธํ ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ สฬายตนปฺปวตฺติ วุตฺตา. สหุปฺปตฺติทีปนโตติ ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ วา อุปปตฺติกฺขนฺธานํ เอกชฺฌํ อุปฺปตฺติยา ทีปนโต. น หิ เอตฺถ ปเม วิย ภวจกฺเก อายตนานํ กเมน อุปฺปตฺติ วุตฺตา.

๖๕๔. เหตุอาทิปุพฺพกา ตโย สนฺธี เอตสฺสาติ เหตุผลเหตุปุพฺพกติสนฺธิ, ภวจกฺกํ. เหตุผลเหตุผลวเสน จตุปฺปเภโท องฺคานํ สงฺคโห เอตสฺสาติ จตุเภทสงฺคหํ. สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺคเห อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา. อตีตเหตุอาทีนํ วา ปการา อาการา. กิเลสกมฺมวิปากา วิปากกิเลสกมฺเมหิ สมฺพนฺธา หุตฺวา ปุนปฺปุนํ ปริวตฺตนฺตีติ เตสุ วฏฺฏนามํ อาโรเปตฺวา ‘‘ติวฏฺฏ’’นฺติ วุตฺตํ, วฏฺเฏกเทสตฺตา วา ‘‘วฏฺฏานี’’ติ วุตฺตานิ.

สนฺธีนํ อาทิปริโยสานววตฺถิตาติ สนฺธีนํ ปุพฺพาปรววตฺถิตาติ อตฺโถ.

ปริตสฺสตีติ ตํ ตํ วตฺถุํ ปริคฺคหกรณวเสน ตสฺสติ, ตณฺหายตีติ อตฺโถ. อุปาทิยตีติ ทฬฺหคาหํ คณฺหาติ. ปุริมกมฺมภวสฺมินฺติ ปุริมกมฺมภเว สติ.

ตสฺส จ สพฺภาโว กริยมานตา เอวาติ อาห ‘‘กมฺมภเว กริยมาเนติ อตฺโถ’’ติ. ทุกฺขาทีสุ โมโหติ ทุกฺขาทีนํ อาทีนวปฏิจฺฉาทโก อปฺปหีโน โมโห. อายูหนาติ สมฺปิณฺฑนกา ทานาทิกิริยาย ปวตฺตนกา. เอกํ อาวชฺชนํ เอเตสนฺติ เอกาวชฺชนา, เตสุ เอกาวชฺชเนสุ. สตฺตเม เจตนา ภโว. ‘‘ยา กาจิ วา ปน เจตนา ภโว, สมฺปยุตฺตา อายูหนา สงฺขารา’’ติ อิทํ ยถาทสฺสิตาย ธมฺมฏฺิติาณภาชนีเย วุตฺตาย ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา (ปฏิ. ม. ๑.๔๕) วเสน วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ‘‘เจตนา ภโว’’ติ อาคตา. ภวนิทฺเทเส ปน ‘‘สาตฺถโต’’ติ เอตฺถ ‘‘เจตนาว สงฺขารา, ภโว ปน เจตนาสมฺปยุตฺตาปี’’ติ วิภงฺคปาฬิวเสน ทสฺสิตํ. ‘‘ตตฺถ กตโม ปุฺาภิสงฺขาโร? กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติอาทินา หิ สงฺขารานํ เจตนาภาโว วิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๒๒๖) วุตฺโต. ตตฺถ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยํ ‘‘เจตนาสมฺปยุตฺตา วิปากธมฺมตฺตา สวิปาเกน อายูหนสงฺขาเตน สงฺขตาภิสงฺขรณกิจฺเจน สงฺขารา’’ติ วุตฺตา. วิภงฺคปาฬิยํ ‘‘สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมํ กมฺมภโว’’ติ (วิภ. ๒๓๔) ภวสฺส ปจฺจยภาเวน ภวคามิภาวโต, กมฺมสํสฏฺสหายตาย กมฺมภาวโต จ อุปปตฺติภวํ ภาเวนฺตีติ ‘‘ภโว’’ติ วุตฺตา. อุปปตฺติภวภาวนากิจฺจํ ปน เจตนาย สาติสยนฺติ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา เจตนา ‘‘ภโว’’ติ วุตฺตา. ภวาภิสงฺขรณกิจฺจํ เจตนาย สาติสยนฺติ วิภงฺคปาฬิยํ ‘‘กุสลา เจตนา’’ติอาทินา (วิภ. ๒๒๖) เจตนา ‘‘สงฺขารา’’ติ วุตฺตา. ตสฺมา เตน เตน ปริยาเยน อุภยํ อุภยตฺถ วตฺตุํ ยุตฺตนฺติ นตฺเถตฺถ วิโรโธ. ตสฺส ผเล อุปปตฺติภเว นิกามนาติ ‘‘ตสฺส สุตํ โหติ ‘จาตุมหาราชิกา เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา’ติ’’อาทิสุตานุสาเรน ภาวินิ อุปปตฺติภเว อภิกงฺขนา. คหณนฺติ กามุปาทานํ กิจฺเจนาห. ปรามสนนฺติ อิตรานิ. อายูหนาวสาเนติ ตีสุปิ อตฺถวิกปฺเปสุ วุตฺตสฺส อายูหนสฺส อวสาเน.

อิธาติ อิมสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนภเว. ภวนฺตรสฺส อตีตภวสฺส อิมินา ปจฺจุปฺปนฺนภเวน ปฏิสนฺธานํ ภวนฺตรปฏิสนฺธานํ, ภวนฺตรภาเวน วา ปฏิสนฺธานํ ภวนฺตรปฏิสนฺธานํ, ตสฺส วเสน. ยํ ปฏิสนฺธีติ วุจฺจติ, ตํ วิฺาณนฺติ สมฺพนฺโธ. ตถา หิ วิฺาณํ ‘‘ปฏิสนฺธานปจฺจุปฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ. คพฺเภติ มาตุกุจฺฉิยํ, คพฺภาวตฺถายํ วา.

ทฺวีสุ อตฺถวิกปฺเปสุ วุตฺเต อายูหนสงฺขาเร ‘‘ตสฺส ปุพฺพภาคา’’ติ อาห, ตติเย อตฺถวิกปฺเป วุตฺเต ‘‘ตํสมฺปยุตฺตา’’ติ. ตํสมฺปยุตฺตา อวิชฺชา คหิตาว โหตีติ สมฺพนฺโธ. ทหรสฺส จิตฺตปฺปวตฺติ ภวงฺคพหุลา เยภุยฺเยน ภวนฺตรชนกกมฺมายูหนสมตฺถา น โหตีติ ‘‘อิธ ปฏิปกฺกตฺตา อายตนาน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘กมฺมกรณกาเล สมฺโมโห ทสฺสิโต’’ติ เอเตน กมฺมสฺส ปจฺจยภูตํ สมฺโมหํ ทสฺเสติ, น กมฺมสมฺปยุตฺตเมว.

‘‘ตตฺถ ปุริมภวสฺมึ ปฺจ กมฺมสมฺภารา, เอตรหิ ปฺจ วิปากธมฺมา, เอตรหิ ปฺจ กมฺมสมฺภารา, อนาคเต ปฺจ วิปากธมฺมาติ ทส ธมฺมา กมฺมํ, ทส ธมฺมา วิปาโก, อิติ ทฺวีสุ าเนสุ กมฺมํ, กมฺมวฏฺฏํ, ทฺวีสุ าเนสุ วิปาโก, วิปากวฏฺฏนฺติ กมฺมสงฺเขโป จ วิปากสงฺเขโป จ, กมฺมภโว จ วิปากภโว จ กมฺมวฏฺฏฺจ วิปากวฏฺฏฺจ, กมฺมปวตฺตฺจ วิปากปวตฺตฺจ, กมฺมสนฺตติ จ วิปากสนฺตติ จ, กิริยา เจว กิริยาผลฺจาติ –

‘‘เอวํ สมุปฺปนฺนมิทํ สเหตุกํ,

ทุกฺขํ อนิจฺจํ จลมิตฺตรทฺธุวํ;

ธมฺเมหิ ธมฺมา ปภวนฺติ เหตุโส,

น เหตฺถ อตฺตาว ปโรว วิชฺชติ.

‘‘ธมฺมา ธมฺเม สฺชเนนฺติ, เหตุสมฺภารปจฺจยา;

เหตูนฺจ นิโรธาย, ธมฺโม พุทฺเธน เทสิโต.

‘‘เหตูสุ อุปรุทฺเธสุ, ฉินฺนํ วฏฺฏํ น วฏฺฏติ;

เอวํ ทุกฺขนฺตกิริยาย, พฺรหฺมจริยิธ วิชฺชติ;

สตฺเต จ นุปลพฺภนฺเต, เนวุจฺเฉโท น สสฺสต’’นฺติ. (วิภ. อฏฺ. ๒๔๒);

ตตฺถ กมฺมาเนว วิปากํ สมฺภรนฺติ วฑฺเฒนฺตีติ กมฺมสมฺภารา, กมฺมํ วา สงฺขารภวา, ตทุปการกานิ อวิชฺชาตณฺหุปาทานานิ กมฺมสมฺภารา. ปฏิสนฺธิทายโก วา ภโว กมฺมํ, ตทูปการกา ยถาวุตฺตา อายูหนสงฺขารา, อวิชฺชาทโย จ กมฺมสมฺภาราติ กมฺมฺจ กมฺมสมฺภารา จ กมฺมสมฺภาราติ เอกเสสวเสน กมฺมสมฺภารคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. ทส ธมฺมา กมฺมนฺติ อวิชฺชาทโยปิ กมฺมสหายตาย กมฺมสริกฺขกา, ตทูปการา จาติ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตา. สงฺขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย, วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขโป, กมฺมํ, วิปาโก จ. ‘‘กมฺมํ วิปาโก’’ติ เอวํ สงฺขิปียตีติ วา สงฺเขโป, อวิชฺชาทโย, วิฺาณาทโย จ. สงฺเขปภาวสามฺเน ปน เอกวจนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ, สงฺเขปสทฺโท วา ภาคาธิวจนนฺติ กมฺมภาโค กมฺมสงฺเขโป.

เอวํ สมุปฺปนฺนนฺติ กมฺมโตปิ วิปาโก. ตตฺถาปิ ‘‘อวิชฺชาโต สงฺขารา’’ติ เอวํ สมุปฺปนฺนํ, ติสนฺธิอาทิวเสน วา สมุปฺปนฺนํ อิทํ ภวจกฺกนฺติ อตฺโถ. อิตฺตรนฺติ คมนธมฺมํ, วินสฺสธมฺมนฺติ อตฺโถ. เตน อุปฺปาทวยวนฺตตาทีปเกน อนิจฺจสทฺเทน, วิการาปตฺติทีปเกน จลสทฺเทน จ อทีปิตํ กาลนฺตรฏฺายิตาภาวํ วิภาเวติ. อทฺธุวนฺติ เอเตน ถิรภาวาภาวนิสฺสารตํ. เหตุ เอว สมฺภารา เหตุสมฺภารา. ‘‘านโส เหตุโส’’ติ (กถา. ๓๕๕; ปฏิ. ม. ๑.๔๔) เอตฺถ เอวํ วุตฺตํ วา านํ, อฺมฺปิ ตสฺส ตสฺส สาธารณํ การณํ สมฺภาโร, อสาธารณํ เหตุ. เอวนฺติ เอวํ เหตุโต ธมฺมมตฺตสมฺภเว, เหตุนิโรธา จ วฏฺฏจฺเฉเท ธมฺเม จ ตํนิโรธาย เทสิเต สตีติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยํ อิธ พฺรหฺมจริยิธ สตฺเต จาติ เอตฺถ -สทฺโท ‘‘เอวํ พฺรหฺมจริยฺจ วิชฺชติ, สสฺสตุจฺเฉทา จ น โหนฺตี’’ติ สมุจฺจยตฺโถ. เอวฺหิ เหตุอายตฺเต ธมฺมมตฺตสมฺภเว สตฺโต นุปลพฺภติ, ตสฺมิฺจ อุปลพฺภนฺเต สสฺสโต, อุจฺเฉโท วา สิยาติ นุปลพฺภนฺเต ตสฺมึ เนว อุจฺเฉโท น สสฺสตนฺติ วุตฺตํ โหติ.

๖๕๕. สจฺจปฺปภวโตติ สจฺจโต, สจฺจานํ วา ปภวโต จ.

กุสลากุสลํ กมฺมนฺติ วฏฺฏกถาย วตฺตมานตฺตา สาสวนฺติ วิฺายติ. อวิเสเสนาติ ‘‘เจตนา เจตนาสมฺปยุตฺตกา’’ติ วิเสสํ อกตฺวา, สพฺพมฺปิ ตํ กุสลากุสลํ กมฺมํ สมุทยสจฺจนฺติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. ‘‘ตณฺหา จ…เป… อวเสสา จ สาสวา กุสลา ธมฺมา’’ติ (วิภ. ๒๐๘-๒๑๐) หิ เจตนาเจตนาสมฺปยุตฺตวิเสสํ อกตฺวา วุตฺตนฺติ, อริยสจฺจวิเสสํ วา อกตฺวา สมุทยสจฺจนฺติ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. สจฺจวิภงฺเค หิ สพฺเพปิ กิเลสา สพฺพมฺปิ ภวคามิกมฺมํ ‘‘สมุทยสจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ. ทุติยสจฺจํ ปภโว เอตสฺสาติ ทุติยสจฺจปภวํ. อุปาทานปจฺจยา ภโวติ อุปปตฺติภวสฺส, กมฺมภวสฺส จ อธิปฺเปตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปมทุติยสจฺจทฺวย’’นฺติ.

๖๕๖. วตฺถูสูติ อารมฺมเณสุ, ทุกฺขาทีสุ วา ปฏิจฺฉาเทตพฺเพสุ วตฺถูสุ. สมฺโมเหตีติ ธมฺมสภาวํ ชานิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อเทนฺตี ตสฺส ปฏิจฺฉาทนวเสน สมฺโมเหติ. วตฺถุนฺติ อิธ อารมฺมณํ อธิปฺเปตํ. อฺมฺฺจ อุปตฺถมฺเภติ อฺมฺสนฺนิสฺสเยน วินา าตุํ อสกฺโกนฺตา ทฺเว นฬกลาปา วิย. สวิสเยติ ยถาสกํ วิสเย รูปายตนาทิเก. ชายมานานํ ขนฺธานํ วิการภาเวน ลพฺภมานา ชาติ เต ชเนนฺตี วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ขนฺเธ จ ชเนตี’’ติ. เตนาห ‘‘เตสํ อภินิพฺพตฺติภาเวน ปวตฺตตฺตา’’ติ. ปากเภทภาวฺจ อธิติฏฺตีติ เอตฺถาปิ ‘‘ขนฺเธ ชเนตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ปากเภทวเสน วตฺตติจฺเจว อตฺโถ. ปจฺจตีติ ปาโก, ภิชฺชตีติ เภโท, ปาโก จ เภโท จ ปากเภทํ, ตสฺส ภาวํ ปจฺจนํ, ภิชฺชนฺจาติ อตฺโถ. โสกาทีนํ อธิฏฺานตฺตาติ เตสํ การณตฺตา, เตหิ สิทฺธาย อวิชฺชาย สหิเตหิ สงฺขาเรหิ ปจฺจโย จ โหติ ภวนฺตรปาตุภาวายาติ อธิปฺปาโย. จุติจิตฺตํ วา ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อนนฺตรปจฺจโย โหตีติ ‘‘ปจฺจโย จ โหติ ภวนฺตรปาตุภาวายา’’ติ วุตฺตํ. ตํ ปน จุติจิตฺตํ อวิชฺชาสงฺขารรหิตํ ภวนฺตรสฺส ปจฺจโย น โหตีติ สสหายตฺตทสฺสนตฺถมาห ‘‘โสกาทีนํ อธิฏฺานตฺตา’’ติ. ทฺเวธาติ อตฺตโน อตฺตโน สรเสน, ธมฺมนฺตรปจฺจยภาเวน จาติ ทฺเวธา ทฺเวธา. พฺยาปนิจฺฉาโลเปน หิ นิทฺเทโส.

๖๕๗. ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ เอเตน สงฺขารานํ ปจฺจยุปฺปนฺนตาทสฺสเนน ‘‘โก นุ โข อภิสงฺขโรตีติ เอส โน กลฺโล ปฺโห’’ติ ทสฺเสติ, เตเนตํ การกทสฺสนนิวารณํ. อตฺตา ภวโต ภวนฺตรํ สงฺกมตีติ ทสฺสนํ อตฺตสงฺกนฺติทสฺสนํ, ตํ สงฺขารปจฺจยา วิฺาณุปฺปตฺติวจเนน นิวาริตํ โหติ. ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อเภทโต เอโก อตฺตาติ คหณํ ฆนสฺา, ตํ ยมกตาลกนฺทํ ภินฺทนฺเตน วิย ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูปมตฺตเมต’’นฺติ วจเนน นิวาริตํ โหติ. ‘‘เอวมาทิทสฺสนนิวารณ’’นฺติ เอเตน ‘‘โสจติ ปริเทวติ ทุกฺขิโต’’ติอาทิทสฺสนนิวารณมาห. โสกาทโยปิ หิ ปจฺจยายตฺตา อวสวตฺติโนติ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสก…เป… สมฺภวนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑) เอเตน วุตฺตเมวาติ. มิจฺฉาทสฺสนนิวารณโตปีติ การกทสฺสนาทินานาวิธมิจฺฉาภินิเวสนิวารณโตปิ.

๖๕๘. ‘‘สลกฺขณสามฺลกฺขณวเสนา’’ติ เอเตน สพฺพปฺปกาเรน ธมฺมานํ ยาถาวโต อทสฺสนมาห ตทุภยวินิมุตฺตสฺส ธมฺเมสุ ปรมตฺถโต ปสฺสิตพฺพภาวสฺส อภาวโต. อุปกฺขลนํ วิย ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุโต. ปตนํ วิย ภวนฺตรปปาตโต. คณฺฑปาตุภาโว วิย ทุกฺขตาสูลโยคโต, กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต จ. คณฺฑเภทปีฬกา วิยาติ เภทนตฺถํ ปจฺจมาเน คณฺเฑ ตสฺส อุปริ ชายมานา ขุทฺทกปีฬกา วิย, คณฺฑสฺส วา อเนกธาเภเท ปีฬกา วิย. ฆฏฺฏนํ วิย สงฺฆฏฺฏนรสตาย ผสฺโส. ฆฏฺฏนทุกฺขํ วิยาติ ฆฏฺฏนโต ชาตํ ทุกฺขํ วิย ติวิธทุกฺขตาวเสน ติสฺสนฺนมฺปิ เวทนานํ ทุกฺขภาวโต. ปฏิการาภิลาโส วิยาติ สมุทายสฺส เอกเทสนิทสฺสนภาเวนาห. อสปฺปายคฺคหณํ วิย พหุวิธานตฺถุปฺปตฺตินิมิตฺตโต. อสปฺปายเลปนํ วิย ทุกฺขเหตุโน สสนฺตาเน สนฺนิธาปนโต. คณฺฑวิการปาตุภาโว วิย อตฺตภาวคณฺฑสฺส นิพฺพตฺติวิการภาวโต, ตนฺนิมิตฺตฺจสฺส สูนภาวาทิสมฺภวโต. สูนตาสราคปุพฺพคฺคหณาทโย หิ คณฺฑวิการา. สรสโต คณฺฑสฺส ภิชฺชนํ ปาเกน วินา น โหตีติ เภทคฺคหเณเนวสฺส ปาโกปิ คหิโตติ กตฺวา อาห ‘‘คณฺฑเภโท วิย ชรามรณ’’นฺติ. คณฺฑสฺส วา วิสทิสาปตฺติ, ภิชฺชนฺจ คณฺฑเภโท, ตตฺถ วิสทิสาปตฺติ ปาโกติ เวทิตพฺพํ.

อุปมาหิ ภวจกฺกํ วิฺาเปนฺเตน เอกาธิฏฺาเนหิ อุปมาวิเสเสหิ ตํ วิฺาเปตฺวา อิทานิ นานาธิฏฺาเนหิ วิฺาเปตุํ ‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปฏลาภิภูตจกฺขุโก รูปานิ น ปสฺสติ, กิฺจิ ปสฺสนฺโตปิ วิปรีตํ ปสฺสติ, เอวํ อวิชฺชาภิภูโต ทุกฺขาทีนิ น ปฏิปชฺชติ น ปสฺสติ, มิจฺฉา วา ปฏิปชฺชตีติ ปฏลํ วิย อวิชฺชา. โกสการกิมิ วิย อตฺตนาว กตตฺตา, วฏฺฏสฺส อตฺตโน เอว ปริพฺภมนการณตฺตา จ โกสปฺปเทสา วิย สงฺขารา. สงฺขารปริคฺคหํ วินา ปติฏฺํ อลภมานํ วิฺาณํ ปริณายกปริคฺคหํ วินา ปติฏฺํ อลภมาโน ราชกุมาโร วิยาติ ปริคฺคเหน วินา ปติฏฺาลาโภ เอตฺถ อุปโมปเมยฺยสามฺํ. อุปปตฺตินิมิตฺตนฺติ กมฺมาทิอารมฺมณมาห. ปริกปฺปนโตติ อารมฺมณกรณโต, สมฺปยุตฺเตน วา วิตกฺเกน วิตกฺกนโต. เทวมนุสฺสมิควิหงฺคาทิวิวิธปฺปการตาย มายา วิย นามรูปํ. ปติฏฺาวิเสเสน วุทฺธิวิเสสาปตฺติโต วนปฺปคุมฺโพ วิย สฬายตนํ. อายตนานํ วิสยิวิสยภูตานํ อฺมฺาภิมุขภาโว อายตนฆฏฺฏนํ. ตโต อายตนฆฏฺฏนโต ทฺวยสงฺฆฏฺฏนุปฺปตฺติโต, เวทนาทุกฺขเหตุโต จ อคฺคิ วิย ผสฺโส. สปริฬาหโต ทาโห วิย เวทนา. อุปรูปริ ตณฺหาปวฑฺฒนโต โลณูทกปานํ วิย วิสยานุภวนํ. อารมฺมเณ ปาตุกมฺยตาภาวโต ปิปาสา วิย ตณฺหา. ตทสฺสุปาทานนฺติ ตํ อภิลาสกรณํ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนํ อสฺส ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส, ตทสฺส วา ภเวยฺย อุปาทานํ. พฺยสนาวหตาย อชานนโต ภวุปาทานํ มจฺฉสฺส พฬิสุปาทานํ วิย. เอตฺถ จ สงฺขาราทีนํ โกสปฺปเทสปริณายกาทีหิ ทฺวีหิ ทฺวีหิ สทิสตาย ทฺเว ทฺเว อุปมา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.

๖๕๙. โกจิ อคมฺภีโร เอว คมฺภีโร วิย ขายติ ปุราณติณปณฺณาทิภริโต ปพฺพตสงฺเขเป ชลาสโย วิย, น เอวมยํ. อยํ ปน คมฺภีโรว หุตฺวา โอภาสติ ปกาสติ ทิสฺสตีติ คมฺภีราวภาโส. ยถารหนฺติ อตฺถาทิวเสน ยถานุรูปํ.

ชาติโต ชรามรณํ น น โหติ, โหติ เอวาติ อวธารเณ สิทฺเธ ‘‘สิยา นุ โข ชรามรณํ ชาติโต, อฺโตปี’’ติ อาสงฺกายํ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อฺคฺคหณํ ชาติยา ปฏิโยคีวิสยํ, น อฺมตฺตวิสยํ ‘‘ชาตึ วินา’’ติ วจนโต. เตนสฺส นาฺํ ชาติยา สหการีการณภูตํ นิวตฺติตํ โหติ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. อิตฺถนฺติ อิทํ ปการํ, อิมินา ปกาเรนาติ อตฺโถ. ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ชาติปจฺจยสมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปฺปวตฺตฏฺโติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ. ‘‘น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตี’’ติ หิ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ วุตฺโต. อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺโ, ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปปาตุภาโวติ อตฺโถ.

ตตฺถ ‘‘น ชาติโต ชรามรณํ น โหตี’’ติ อิมินา ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยตาย อวิตถตํ ทสฺเสติ, ‘‘น ชาตึ วินา อฺโต ชรามรณํ โหตี’’ติ อิมินา อนฺถตฺตํ, ‘‘อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตี’’ติ อิมินา ตถตํ. เตน จ ยถา ปจฺจยธมฺมา อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจยภาเว, ตถา อวิตถา อนฺถา, เอวํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมาปิ ตพฺภาเวติ ทสฺเสติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอเตน วจเนน อตฺถสฺส เหตุผลภาโว กถํ าตพฺโพติ? ‘‘อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส สมาสปทสฺส อวยวปทตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุผเล าณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ‘‘อตฺเถ ปฏิสมฺภิทา อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตฺถ หิ ‘‘อตฺเถ’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุผเล’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘าณ’’นฺติ, ตสฺมา เหตุผลอตฺถสทฺทา เอกตฺถา, าณปฏิสมฺภิทา จาติ อิมมตฺถํ วทนฺเตน สาธิโต อตฺถสฺส เหตุผลภาโว.

เยนากาเรนาติ เยน ปวตฺติอากาเรน. สภาวธมฺมา หิ ปจฺจยวิเสสสิทฺเธน ปวตฺติอากาเรน วิสิฏฺาการา โหนฺติ. เตนาห ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕). ยทวตฺถาติ ยาย อวตฺถาย อวตฺถิตา. อวตฺถาวิเสสวนฺโต หิ ธมฺมา เตน เตน อวตฺถาวิเสเสน ตํ ตํ อตฺถกิจฺจํ สาเธตุํ สมตฺถา โหนฺติ. สฺวายํ ปวตฺติอากาโร, อวตฺถาวิเสโส จ อวิชฺชายปิ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุรวโพธโต เอว าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ จาติ อาห ‘‘ตสฺส…เป… คมฺภีโร’’ติ. ตสฺส อาการสฺส, อวตฺถาย จ. เหตุมฺหิ าณนฺติ เอตฺถ เหตุโน ธมฺมปริยายตา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.

อสฺสาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส. เตน เตน การเณนาติ เตน เตน เวเนยฺยานํ พุชฺฌนานุคุณตาสงฺขาเตน การเณน. ตตฺถาติ ตสฺมึ เทสนปฺปกาเร. อนุโลมปฏิโลมโตติ นยิธ ปจฺจยุปฺปาทา ปจฺจยุปฺปนฺนุปฺปาทสงฺขาตํ อนุโลมํ, ปจฺจยนิโรธา ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธสงฺขาตฺจ ปฏิโลมมาห. อาทิโต ปน อนฺตคมนมนุโลมํ, อนฺตโต จ อาทิคมนํ ปฏิโลมมาห. อาทิโต ปฏฺาย อนุโลมเทสนาย, อนฺตโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนาย จ ติสนฺธิจตุสงฺเขปํ. ‘‘อิเม จตฺตาโร อาหารา กึนิทานา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๑๑) เวมชฺฌโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนาย, ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทิกาย (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ม. นิ. ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) อนุโลมเทสนาย จ ทฺวิสนฺธิติสงฺเขปํ. ‘‘สํโยชนีเยสุ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗) เอกสนฺธิทฺวิสงฺเขปํ. กตฺถจิ เอกงฺโคปิ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโต, โส ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๖๒) ทสฺสิโต เอว.

อวิชฺชาทีนํ สภาโว ปฏิวิชฺฌียตีติ ปฏิเวโธ. วุตฺตํ เหตํ อฏฺกถายํ ‘‘เตสํ เตสํ วา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว ปฏิเวโธ’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา). ชานนลกฺขณสฺส าณสฺส ปฏิปกฺขภูโต อวิชฺชาย อฺาณฏฺโ. อารมฺมณสฺส ปจฺจกฺขกรเณน ทสฺสนภูตสฺส ปฏิปกฺขภูโต อทสฺสนฏฺโ. เยน ปเนสา ทุกฺขาทีนํ ยาถาวสรสํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ, ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺติ, โส ตสฺสา สจฺจาสมฺปฏิเวธฏฺโ. อปุฺาภิสงฺขาเรกเทโส สราโค, อฺโ วิราโค. ราคสฺส วา อปฏิปกฺขภาวโต ราคปวฑฺฒโก อปุฺาภิสงฺขาโร สพฺโพปิ สราโค, อิตโร ตปฺปฏิปกฺขภาวโต วิราโค. ‘‘ทีฆรตฺตํ เหตํ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อชฺโฌสิตํ มมายิตํ ปรามฏฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๒) อตฺตปรามาสสฺส วิฺาณํ วิเสสโต วตฺถุ วุตฺตนฺติ วิฺาณสฺส สุฺตฏฺโ คมฺภีโร. อตฺตา วิชานาติ สํสรตีติ สพฺยาปารตาสงฺกนฺติ อภินิเวสพลวตาย อพฺยาปารฏฺอสงฺกนฺติปฏิสนฺธิปาตุภาวฏฺา จ คมฺภีรา. นามรูปสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ เอกุปฺปาโท, ปวตฺติยํ วิสุํ วิสุํ ยถารหํ เอกุปฺปาโท, นามสฺส รูเปน, รูปสฺส จ นาเมน อสมฺปโยคโต วินิพฺโภโค, นามสฺส นาเมน, รูปสฺส จ รูเปน, เอกจฺจสฺส เอกจฺเจน อวินิพฺโภโค โยเชตพฺโพ. เอกุปฺปาเทกนิโรเธ หิ อวินิพฺโภเค อธิปฺเปเต โส รูปสฺส จ เอกกลาปวุตฺติโน ลพฺภติ. อถ วา เอกจตุโวการภเวสุ นามรูปานํ อสหวตฺตนโต อฺมฺวินิพฺโภโค, ปฺจโวการภเว สหวตฺตนโต อวินิพฺโภโค จ เวทิตพฺโพ.

อธิปติยฏฺโ นาม อิธ อินฺทฺริยปจฺจยภาโว. ‘‘โลโกเปโส ทฺวาราเปสา เขตฺตมฺเปต’’นฺติ (ธ. ส. ๕๙๘-๕๙๙) วุตฺตา โลกาทิอตฺถา จกฺขาทีสุ ปฺจสุ โยเชตพฺพา. มนายตนสฺสาปิ ลุชฺชนโต, มโนสมฺผสฺสาทีนํ ทฺวารเขตฺตภาวโต จ เอเต อตฺถา สมฺภวนฺติ เอว. อาปาถคตานํ รูปาทีนํ ปกาสนโยคฺยตาลกฺขณํ โอภาสนํ จกฺขาทีนํ วิสยิภาโว, มนายตนสฺส วิชานนํ. สงฺฆฏฺฏนฏฺโ วิเสสโต จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ปฺจนฺนํ, อิตเร ฉนฺนมฺปิ โยเชตพฺพา. ผุสนฺจ ผสฺสสฺส สภาโว, สงฺฆฏฺฏนํ รโส, อิตเร อุปฏฺานาการา. อารมฺมณรสานุภวนฏฺโ รสวเสน วุตฺโต, เวทยิตฏฺโ ลกฺขณวเสน. สุขทุกฺขมชฺฌตฺตภาวา ยถากฺกมํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ สภาววเสน วุตฺตา. อตฺตา เวทยตีติ อภินิเวสสฺส พลวตาย นิชฺชีวฏฺโ เวทนาย คมฺภีโร. นิชฺชีวาย วา เวทนาย เวทยิตํ นิชฺชีวเวทยิตํ, นิชฺชีวเวทยิตเมว อตฺโถ นิชฺชีวเวทยิตฏฺโ. สปฺปีติกตณฺหาย อภินนฺทิตฏฺโ, พลวตรตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปนํ อชฺโฌสานฏฺโ. อิตโร สาธารณวเสน เวทิตพฺโพ. อาทานคฺคหณาภินิเวสฏฺา จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ สมานา, ปรามาสฏฺโ วุตฺโต ทิฏฺุปาทานาทีนเมว, ตถา ทุรติกฺกมฏฺโ. ‘‘ทิฏฺิกนฺตาโร’’ติ (ธ. ส. ๓๙๒) หิ วจนโต ทิฏฺีนํ ทุรติกฺกมตา, ทฬฺหคฺคหณตฺตา วา จตุนฺนมฺปิ ทุรติกฺกมฏฺโ โยเชตพฺโพ. ทุรติกฺกมตายปิ หิ ตณฺหาย สมุทฺทฏฺโ วุตฺโต. โยนิคติิตินิวาเสสุขิปนนฺติ สมาเส ภุมฺมวจนสฺส อโลโป ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ เตน อายูหนาภิสงฺขรณปทานํ สมาโส โหติ. ชรามรณงฺคํ มรณปฺปธานนฺติ มรณฏฺา เอว ขยาทโย คมฺภีราติ ทสฺสิตา. นวนวานฺหิ ขเยน ขณฺฑิจฺจาทิปริปกฺกปฺปวตฺติ ชราติ, ขยฏฺโ วา ชราย วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. นวภาวาปคโม หิ ขโยติ วตฺตุํ ยุตฺโตติ. วิปริณามฏฺโ ทฺวินฺนมฺปิ. สนฺตติวเสน วา ชราย ขยวยภาโว, สมฺมุติขณิกวเสน มรณสฺส เภทวิปริณามตา โยเชตพฺพา.

๖๖๐. อตฺถนยาติ อตฺถานํ นยา, อวิชฺชาทิอตฺเถหิ เอกตฺตาที สเกน ภาเวน นยนฺติ คเมนฺตีติ เอกตฺตาทโย, เตสํ นยาติ วุตฺตา. นียนฺตีติ หิ นยาติ. อตฺถา เอว วา เอกตฺตาทิภาเวน นียมานา ายมานา อตฺถนยาติ วุตฺตา. นียนฺติ เอเตหีติ วา นยา, เอกตฺตาทีหิ จ อตฺถา ‘‘เอก’’นฺติอาทินา นียนฺติ, ตสฺมา เอกตฺตาทโย อตฺถานํ นยาติ อตฺถนยา.

องฺกุราทิภาเวนาติ องฺกุรปตฺตนาฬขนฺธสาขาปลฺลวปลาสาทิภาเวน ปวตฺตมาเน อวยเว เอกชฺฌํ คเหตฺวา สนฺตานานุปจฺเฉเทน พีชํ รุกฺขภาวํ ปตฺตํ รุกฺขภาเวน ปวตฺตํ ตฺจ เอกตฺเตน วุจฺจตีติ สนฺตานานุปจฺเฉโท ยถา เอกตฺตํ, เอวํ อิธาปิ อวิชฺชาสงฺขาราทิเหตุเหตุสมุปฺปนฺนานํ สนฺตานานุปจฺเฉโท เอกสนฺตติปติตตา เอกตฺตนโยติ ทสฺเสติ. ‘‘เหตุผลสมฺพนฺเธนา’’ติ เอเตน สนฺตานานุปจฺเฉทํ วิภาเวติ. สติปิ หิ เหตุผลานํ ปรมตฺถโต เภเท เหตุภาเวน, ผลภาเวน จ เตสํ สมฺพนฺธภาโวเยเวตฺถ สนฺตานานุปจฺเฉโท, ยโต ยสฺมึ สนฺตาเน กมฺมํ นิพฺพตฺตํ, ตตฺเถว ผลุปฺปตฺตีติ กตสฺส วินาโส, อกตสฺส อพฺภาคโม จ นตฺถีติ. เอกตฺตคฺคหณโตติ เหตุผลานํ เภทํ อนุปธาเรตฺวา เหตุํ, ผลฺจ อภินฺนํ กตฺวา อุภินฺนํ เอกภาวสฺส อเภทสฺส คหเณน. ‘‘ตเทว วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรตี’’ติอาทินา สสฺสตทิฏฺึ อุปาทิยติ.

ลกฺขณววตฺถานนฺติ สภาวววตฺถานํ เหตุโน, ผลสฺส จ ภินฺนสภาวตาวโพโธ. ภินฺนสนฺตานสฺเสวาติ สมฺพนฺธรหิตสฺส นานตฺตสฺส คหณโต อฺโ มโต, อฺโ ชาโต, ตสฺมา ‘‘สตฺตนฺตโร อุจฺฉินฺโน, สตฺตนฺตโร อุปฺปนฺโน’’ติ คณฺหนฺโต อุจฺเฉททิฏฺึ อุปาทิยติ.

อมฺเหหิ อุปฺปาเทตพฺพนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. พฺยาปาราภาโว อนภิสนฺธิตาย อพฺยาวฏตา. สมฺมา ปสฺสนฺโตติ ‘‘นิรีหา นิชฺชีวา ธมฺมมตฺตา’’ติ ปสฺสนฺโต. สภาโว เอว นิยโม สภาวนิยโม ‘‘สสมฺภารคฺคิโน อุทฺธมุขตา, สสมฺภารวายุโน ติริยคมน’’นฺติ เอวมาทิ วิย. เตน สิทฺโธ ยถาสกํ ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส เหตุภาโว. ‘‘กสฺสจิ กตฺตุโน อภาวา น กาจิ กิริยา ผลปพนฺธินี’’ติ อกิริยทิฏฺึ อุปาทิยติ.

‘‘ขีรโต ทธิ, น อุทกโต, ติลโต เตลํ, น วาลิกโต’’ติ สพฺพโต สพฺพสมฺภวาภาวทสฺสเนน อเหตุกทิฏฺึ เหตุอนุรูปเมว ผลํ ปสฺสนฺโต อกิริยทิฏฺึ ปชหติ. ยโต กุโตจีติ ยทิ อฺสฺมา อฺสฺส อุปฺปตฺติ สิยา, วาลิกโต เตลสฺส, อุจฺฉุโต ขีรสฺส กสฺมา อุปฺปตฺติ น สิยา, ตสฺมา น โกจิ กสฺสจิ เหตุ อตฺถีติ อเหตุกทิฏฺึ, อวิชฺชมาเนปิ เหตุมฺหิ นิยตตาย ติลคาวีสุกฺกโสณิตาทีหิ เตลขีรสรีราทีนิ ปวตฺตนฺตีติ นิยติวาทฺจ อุปาทิยตีติ วิฺาตพฺพํ ยถารหํ.

๖๖๑. กสฺมา? ยสฺมา อิทฺหิ ภวจกฺกํ อปทาเลตฺวา สํสารภยมตีโต น โกจิ สุปินนฺตเรปิ อตฺถีติ สมฺพนฺโธ. อคาธํ อปฺปติฏฺํ ทุรติยานํ ทุรติกฺกมํ. อสนิวิจกฺกมิวาติ อสนิมณฺฑลมิว. ตฺหิ นิมฺมถนเมว, นานิมฺมถนํ ปวตฺตติ, เอวํ ภวจกฺกมฺปิ เอกนฺตทุกฺขุปฺปาทนโตว ‘‘นิจฺจนิมฺมถน’’นฺติ วุตฺตํ.

าณาสินา อปทาเลตฺวา สํสารภยมตีโต นตฺถีติ เอตสฺส สาธกสุตฺตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห. ตนฺตูนํ อากุลกํ ตนฺตากุลกํ, ตนฺตากุลกมิว ชาตา ตนฺตากุลกชาตา, กิเลสกมฺมวิปาเกหิ อติวิย ชฏิตาติ อตฺโถ. กุลิยา สกุณิยา นีฑํ กุลิกํ, ตํ วิย ชาตา กุลิกุณฺฑิกชาตา. มุฺจา วิย, ปพฺพชา วิย จ ภูตา ชาตา มุฺชปพฺพชภูตา. ตทุภยํ กิร ติณํ อากุลํ ชฏิตํ หุตฺวา วฑฺฒติ. วฑฺฒิยา อภาวโต อปายํ, ทุกฺขคติภาวโต ทุคฺคตึ, สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาตฺจ, จตุพฺพิธํ อปายํ ‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ อาปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิทฺเทส; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฏฺ. ๓๙; อิติวุ. อฏฺ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๖๗, ๙๙; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๑๗; จูฬนิ. อฏฺ. ๖; พุ. วํ. อฏฺ. ๒.๕๘) วุตฺตํ สํสารฺจ นาติวตฺตติ. สํสาโร เอว วา สพฺโพ อิธ วฑฺฒิอปคมาทิอตฺเถหิ อปายาทินามโก วุตฺโต เกวลํ ทุกฺขกฺขนฺธภาวโต.

ปฺาภูมินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ สตฺตรสมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๑๘. ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

นามรูปปริคฺคหกถาวณฺณนา

๖๖๒. ยา วิสุทฺธิโย สมฺปาเทตพฺพาติ สมฺพนฺโธ. อิเมสุ ยถาวิจาริเตสุ ขนฺธาทีสุ วิปสฺสนาย ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ. คนฺถสฺส อุคฺคณฺหนํ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโห, ปริโต สพฺพถาปิ อตฺถสฺส าตุมิจฺฉา ปริปุจฺฉา, สวนุปปริกฺขาทิวเสน ตทตฺถสฺส มนสิการวิธิ, ตทุภยวเสน ยสฺมา ตตฺถปิ าณํ สฺวาเสวิตํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน าณปริจยํ กตฺวา’’ติ, ขนฺธาทีสุ สุตมยํ าณํ อุปฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. วิตฺถาริตเมว, ตสฺมา ตตฺถ วิตฺถาริตนยานุสาเรน สีลวิสุทฺธิ สมฺปาเทตพฺพาติ อธิปฺปาโย. อุปจารสมาธิปิ อปฺปนาสมาธิ วิย วิปสฺสนาย อธิฏฺานภาวโต จิตฺตวิสุทฺธิเยวาติ อาห ‘‘สอุปจารา’’ติ. เวทิตพฺพาติ อตฺตโน สนฺตาเน นิพฺพตฺตนวเสเนว เวทิตพฺพา. เอวฺหิ ตา ปจฺจกฺขโต วิทิตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา เวทิตพฺพา สมฺปาเทตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ. เวทิตพฺพาติ วา สมาปตฺติสุขาธิคมวเสน อนุภวิตพฺพาติ อตฺโถ. น หิ เกวเลน ชานนมตฺเตน จิตฺตวิสุทฺธิยํ ปติฏฺิโต นาม โหติ, น จ ตตฺถ อปติฏฺาย อุปริวิสุทฺธึ สมฺปาเทตุํ สกฺกาติ.

นามรูปานํ ยาถาวทสฺสนนฺติ นามสฺส, รูปสฺส จ วิภชฺช ยถาภูตสภาวทสฺสนํ. นามคฺคหเณน เจตฺถ เวทนาทีนํ จตุนฺนํ เตภูมกานํ ขนฺธานํ คหณํ, น ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ เอตฺถ วิย วิฺาณํ วินา, นาปิ ‘‘นามฺจ รูปฺจา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๔, ๓๕๒; ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๐๙) เอตฺถ วิย สนิพฺพาเนหิ โลกุตฺตรกฺขนฺเธหิ สทฺธินฺติ ทฏฺพฺพํ.

๖๖๓. ยาติ ปชฺชติ เอเตนาติ ยานํ, สมโถว ยานํ สมถยานํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ สมถยานิโก. ฌาเน, ฌานูปจาเร วา ปติฏฺาย วิปสฺสนํ อนุยุฺชนฺตสฺเสตํ นามํ, เตน สมถยานิเกน. ‘‘เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตน’’นฺติ อิทํ ภวคฺคธมฺมานํ อาทิกมฺมิกสฺส ทุปฺปริคฺคหตาย วุตฺตํ. ลกฺขณรสาทิวเสน ปริคฺคเหตพฺพา าเณน ปริจฺฉิชฺช คเหตพฺพา, ปริคฺคหวิธิ ปน ขนฺธนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๒.๔๒๑ อาทโย) วุตฺตา เอวาติ อธิปฺปาโย. อารมฺมณาภิมุขนมนํ อารมฺมเณน วินา อปฺปวตฺติ, เตน นมนฏฺเน, นามกรณฏฺเน วา. เวทนาทโย หิ อรูปธมฺมา สพฺพทาปิ จ ผสฺสาทินามกตฺตา ปถวีอาทโย วิย เกสกุมฺภาทินามนฺตรานาปชฺชนโต อตฺตนาว กตนามตาย นามกรณฏฺเน ‘‘นาม’’นฺติ วุจฺจนฺติ. อถ วา อธิวจนสมฺผสฺโส วิย อธิวจนํ นามํ อนฺตเรน อนุปจิตสมฺภารานํ คหณํ น คจฺฉนฺตีติ นามายตฺตคฺคหณตาย เวทนาทโย ‘‘นาม’’นฺติ วุจฺจนฺติ, รูปํ ปน วินาปิ นามสวนํ อตฺตโน รุปฺปนสภาเวเนว คหณํ คจฺฉติ. ววตฺถาเปตพฺพนฺติ อสงฺกรโต เปตพฺพํ, อฺมฺํ, รูเปน จ อมิสฺสิตํ กตฺวา จิตฺเต เปตพฺพนฺติ อตฺโถ.

นามรูปปริคฺคโห จ นาม ยาวเทว ตสฺส ปฏินิสฺสชฺชนตฺถนฺติ ตทนุรูปเมว นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิมาห. รุปฺปนโตติ เอตฺถ รุปฺปนฏฺโ ‘‘สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺตี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๒.๔๓๒) ขนฺธนิทฺเทสวณฺณนายํ วุตฺโตเยว. เอวํ วิสุํ นามปริคฺคหํ, รูปปริคฺคหฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เอกชฺฌํ นามรูปปริคฺคหํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโต นมนลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

๖๖๔. อิติ อรูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ รูปมุเขน ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุทฺธวิปสฺสนายานิโก ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมถยานิกสฺส สมถมุเขน วิปสฺสนาภินิเวโส, วิปสฺสนายานิกสฺส ปน สมถํ อนิสฺสายาติ อาห ‘‘สุทฺธวิปสฺสนายานิโก’’ติ, สมถภาวนาย อมิสฺสิตวิปสฺสนายานวาติ อตฺโถ. อยเมว วา สมถยานิโกติ ยถาวุตฺโต สมถยานิโก เอว วา. เตน สมถยานิกสฺสาปิ รูปมุเขน วิปสฺสนาภินิเวโส ลพฺภติ, น อรูปมุเขเนวาติ ทสฺเสติ. เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานนฺติ ‘‘ยํ ถทฺธลกฺขณํ, อยํ ปถวีธาตู’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๘) สงฺเขปมนสิการาทิวเสน วุตฺเตสุ เตรสสุ ธาตุปริคฺคหมุเขสุ. กมฺมสมุฏฺาโน นาม เกโส จมฺมพฺภนฺตรคโต. ตตฺเถวาติ ตสฺมึเยว กมฺมสมุฏฺาเน เกเส. กายปฺปสาทสฺส วิย ภาวสฺสาปิ สกลสรีรพฺยาปิตาย ‘‘ภาวสฺส อตฺถิตายา’’ติ วุตฺตํ. ปุน ตตฺเถวาติ ตสฺมึเยว เกสสฺิเต รูปสมุทาเย. อปรานิปีติ ปุพฺเพ วุตฺตานิ กมฺมสมุฏฺานานิ วีสติ, อิมานิ อาหารสมุฏฺานาทีนิ จตุวีสติ รูปานีติ สพฺพานิปิ จตุจตฺตาลีส, ตฺจ โข ตตฺถ ลพฺภมานสนฺตติสีสสามฺเน เวทิตพฺพํ. ‘‘จตุจตฺตาลีสา’’ติ จ อิทํ สทฺทสฺส อนิยตตฺตา วุตฺตํ. น หิ สพฺพกาลํ อุตุจิตฺตโต รูปํ อุปฺปชฺชนฺตํ สสทฺทเมว อุปฺปชฺชตีติ. เอวนฺติ ยถา เกเส, เอวํ โลมาทีสุ จตุสมุฏฺานิเกสุ. จตุวีสติโกฏฺาเสสูติ ทฺวตฺตึสาย โกฏฺาเสสุ วกฺขมาเน อฏฺ โกฏฺาเส อปเนตฺวา จตุวีสติโกฏฺาเสสุ. เสทาทีนํ อาตปูปตาปาทินา, จิตฺตวิกาเรน จ อุปฺปชฺชนโต เต อุตุจิตฺตสมุฏฺานา วุตฺตา.

ทฺวตฺตึสโกฏฺาสคเตสุ รูเปสุ ปากเฏสุ ชาเตสุ ตทฺานิปิ ปากฏานิ โหนฺตีติ ตานิปิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อปเร ทส อาการาติ เตโชวาโยโกฏฺาสวเสน อปเร ทส อาการา. กมฺมเชติ ภูตกถนํ, น วิเสสนํ อสิตาทิปริปาจกสฺส เตชสฺส อกมฺมชสฺส อภาวโต. ตถา จิตฺตเชติ จ เอกนฺตจิตฺตสมุฏฺานตฺตา อสฺสาสปสฺสาสานนฺติ เกจิ, ตํ น, อจิตฺตชสนฺตาเน ปวตฺตานํ อุตุชภาวโต. อพฺภนฺตรฏฺา เอว หิ เต จิตฺตชา, น พหิทฺธา, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘จิตฺตเช’’ติ อิทํ วิเสสนเมว, อยฺจ อตฺโถ เหฏฺา อานาปานกถายํ วุตฺโตเยว. เสเสสูติ สนฺตปฺปนาทิวเสน เจว อุทฺธงฺคมาทิวเสน จ ปวตฺเตสุ เตโชวาโยโกฏฺาเสสุ.

จกฺขุทสกาทีสุ ปธานรูปํ จกฺขาทโยติ เตสุ ลพฺภมานํ วตฺถุทฺวารภาวํ อวยวกิจฺจํ สมุทาเย อาโรเปตฺวา วุตฺตํ ‘‘วตฺถุทฺวารวเสน ปฺจ จกฺขุทสกาทโย’’ติ. วตฺถุวเสน หทยวตฺถุทสกฺจาติ โยเชตพฺพํ, เอกโยคนิทฺทิฏฺานมฺปิ เอกเทโส อนุวตฺตตีติ. สพฺพานิปีติ ยถาวุตฺตคณนายํ จตุนฺนวุติจตุสตาธิกานิ สหสฺสรูปรูปานิ. โกฏฺาสาวยวานํ ปน ตทวยวกลาปานฺจ เภเท คยฺหมาเน อติวิย ตโต พหุตโร รูปเภโท โหติ, โส ปน เภโท อิธ อาทิกมฺมิกสฺส ทุปฺปริคฺคโหติ น คเหตพฺโพ.

กามํ วตฺถุวเสนาปิ อรูปธมฺมา ปากฏา โหนฺติ, ทฺวารวเสน ปน ปริคฺคโห อนากุโลติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทฺวารวเสน อรูปธมฺมา ปากฏา โหนฺตี’’ติ. สพฺพสงฺคาหิกวเสน ‘‘เอกาสีติ โลกิยจิตฺตานี’’ติ วุตฺตํ, ลาภิโน เอว ปน มหคฺคตจิตฺตานิ สุปากฏานิ โหนฺติ. อวิเสเสนาติ สาธารณโต. ผสฺสาทโย หิ สตฺต เจตสิกา จกฺขุวิฺาณาทีหิปิ อุปฺปชฺชนโต สพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณา. สพฺเพปิ เตติ เอกาสีติ โลกิยจิตฺตานิ, ตํสมฺปยุตฺตผสฺสาทโยติ สพฺเพปิ เต อรูปธมฺเม. อารมฺมณาทิวิภาเคน ปน จิตฺตุปฺปาทเภเท คยฺหมาเน ตโต พหุตโร เอว โหติ, โส ปน อิธ นาธิปฺเปโต.

๖๖๕. อสฺส จกฺขุปสาทสฺส นิสฺสยภูตา ปน จตสฺโส ธาตุโยติ สมฺพนฺโธ. สหชาตรูปานิ ตสฺส จกฺขุปสาทสฺส อิจฺเจว สมฺพนฺโธ. ตตฺเถวาติ ตสฺมึเยว สสมฺภารจกฺขุปเทเส. อนุปาทินฺนรูปานีติ ปุพฺเพ วุตฺตรูปานํ อุปาทินฺนรูปตฺตา วุตฺตํ, อกมฺมชรูปานีติ อตฺโถ. เสสานีติ ปมํ จกฺขุโน วุตฺตตฺตา ตโต เสสานิ, เตน ปน สทฺธึ จตุปฺาส รูปานิ โหนฺติ. จกฺขุทสกาทีสุ เอกสฺสปิ อคฺคเหตพฺพโต ‘‘อวเสสานิ เตจตฺตาลีส รูปานี’’ติ วุตฺตํ. สทฺทสฺส อนิยตตฺตา ตํ อคฺคเหตฺวา ‘‘เตจตฺตาลีส รูปานี’’ติ วตฺวา ปุน อุตุจิตฺตสมุฏฺาเน ทฺเว สทฺเท คเหตฺวา ‘‘ปฺจจตฺตาลีสา’’ติ เกจิวาโท ทสฺสิโต.

อวเสสรูปานีติ ‘‘ทส ธาตุโย’’ติ วุตฺเต ทฺวาทส รูปธมฺเม เปตฺวา อวเสสานิ ฉ นิปฺผนฺนรูปานิ. รูปรูปาเนว หิ อิธ ปริคฺคยฺหนฺติ, น รูปปริจฺเฉทวิการลกฺขณานิ. จกฺขุสนฺนิสฺสยรูปารมฺมณภาวสามฺเน, จิตฺตภาวสามฺเน จ กุสลากุสลวิปากตาย ทุวิธมฺปิ จกฺขุวิฺาณํ จิตฺตนฺตฺเวว วุตฺตํ. เอวนฺติ อิมินา ‘‘จกฺขุํ นิสฺสายา’’ติอาทินา วุตฺตํ, อวุตฺตฺจ ‘‘โสตํ นิสฺสายา’’ติอาทิกํ สงฺคณฺหาติ. มโนวิฺาณธาตูติ เอตฺถปิ ‘‘เอกา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ ‘‘เอกา มโนวิฺาณธาตู’’ติ. อฑฺเฒน เอกาทส อฑฺเฒกาทส, อฑฺฒํ วา เอกาทสมํ เอตาสนฺติ อฑฺเฒกาทส. อฑฺฒฏฺมาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.

๖๖๖. จกฺขุธาตุยํ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ยํ โลโก เสตกณฺหมณฺฑลวิจิตฺต’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๖๕) วุตฺตนเยน.

๖๖๗. อิธ ภิกฺขุ อิมสฺมึ สรีเรติ อชฺฌตฺตํ วิปสฺสนาภินิเวสทสฺสนวเสน วุตฺตํ. เตเนว หิ เอกสฺเสว ภาวสฺส คหิตตฺตา ‘‘สตฺตรส รูปานิ สมฺมสนุปคานี’’ติ อาห. สมฺมสิตุํ สกฺกุเณยฺยานิ สมฺมสนํ อุปคจฺฉนฺตีติ สมฺมสนุปคานิ, สมฺมสนียานีติ อตฺโถ. อาการ-คฺคหเณน วิฺตฺติทฺวยํ วุตฺตํ, วิการ-คฺคหเณน ลหุตาทิตฺตยํ, อิตเรน อากาสธาตูติ วทนฺติ. อาการ-คฺคหเณน ปน วิฺตฺติทฺวเยน สทฺธึ ลกฺขณรูปมาห. ตมฺปิ หิ รูปานํ อุปฺปชฺชนาทิอาการมตฺตนฺติ. อนฺตรปริจฺเฉโทติ ตํตํกลาปานํ อสงฺกรการณตาย อนฺตรภูโต ปริจฺเฉโท. ยทิ น สมฺมสนุปคานิ, อาการาทิมตฺตานิ จ, กถํ รูปานีติ อาห ‘‘อปิจ โข’’ติอาทิ.

๖๖๘. เอวํ ทฺวาจตฺตาลีสาย โกฏฺาสานํ วเสน วิตฺถารโต รูปปริคฺคหํ ตทนุสาเรน วิตฺถารโต เอว นามปริคฺคหํ วิภาเวตฺวา ตโต สํขิตฺตสํขิตฺตตรสํขิตฺตตมวเสน, อฏฺารสธาตุวเสน, ทฺวาทสายตนวเสน, ปฺจกฺขนฺธวเสน จ รูปารูปปริคฺคหํ ทสฺเสตฺวา อติสํขิตฺตนเยนาปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ กิฺจิ รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

ยถา จ ธาตุอาทิวเสน, เอวํ อินฺทฺริยสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสนปิ รูปารูปปริคฺคโห เวทิตพฺโพ. กถํ? อินฺทฺริยวเสน ตาว จกฺขาทีนิ ปฺจ, อิตฺถิปุริสินฺทฺริยานิ จาติ สตฺต อินฺทฺริยานิ รูปํ, มนินฺทฺริยํ, ปฺจ เวทนินฺทฺริยานิ, สทฺธาทีนิ ปฺจ จาติ เอกาทส นามํ, ชีวิตินฺทฺริยํ นามฺจ รูปฺจ, ปจฺฉิมานิ ตีณิ อิธ อนธิปฺเปตานิ โลกุตฺตรตฺตา. ทุกฺขสจฺจํ นามฺจ รูปฺจ, สมุทยสจฺจํ นามํ, อิตรานิ อิธ นาธิปฺเปตานิ โลกุตฺตรตฺตา. ปจฺจยากาเร อาทิโต ตีณิ องฺคานิ นามํ, จตุตฺถปฺจมานิ นามฺจ รูปฺจ, ฉฏฺสตฺตมอฏฺมนวมานิ นามํ, ทสมํ นามฺเจว นามรูปฺจ, ปจฺฉิมานิ ทฺเว ปจฺเจกํ นามฺจ รูปฺจาติ เอวํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อินฺทฺริยสจฺจปจฺจยาการวเสนปิ นามรูปปริคฺคโห กาตพฺโพ. เอวํ ปน นามรูปปริคฺคหสฺส วิภาเคน กถเน ปโยชนํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

๖๖๙. กามํ เวทนาทีสุ อรูปธมฺเมสุ น อุตฺตรุตฺตรา วิย ปุริมปุริมา สุขุมา, ตถาปิ สงฺฆฏฺฏเนน วิการอาปชฺชนเก รูปธมฺเม อุปาทาย สพฺเพปิ เต สุขุมา เอวาติ อาห ‘‘สุขุมตฺตา อรูปํ น อุปฏฺาตี’’ติ. สมฺมสิตพฺพนฺติ สมฺมเทว ลกฺขณาทิโต วีมํสิตพฺพํ. มนสิกาตพฺพนฺติ ตถา จิตฺเต เปตพฺพํ. ปริคฺคเหตพฺพนฺติ ปริจฺเฉทการิกาย ปฺาย ปริจฺฉิชฺช คเหตพฺพํ. ววตฺถเปตพฺพนฺติ อฺมฺํ อสงฺกรโต วินิจฺฉิตพฺพํ. อสฺสาติ โยคิโน. สุวิกฺขาลิตนฺติ สุวิโสธิตํ. อาทิกมฺมิกสฺส หิ กมฺมฏฺานํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส ยาว ธมฺมา สุปริพฺยตฺตํ น อุปติฏฺนฺติ, ตาว เต ตปฺปฏิจฺฉาทกสมฺโมหพเลน อภิภูตา อวิสุทฺธา นาม โหนฺติ, อสงฺกรโต อุปฏฺานาภาวโต อฺมฺฺจ ชฏิตา. ยทา ปน สมฺมสนาทิวิธินา ตํ วิภูตํ โหติ, ตทา เต สุวิกฺขาลิตา, นิชฺชฏา จ นาม โหนฺติ. เตนาห ‘‘ยถา ยถา หี’’ติอาทิ. อาทิกมฺมิกสฺส อรูปธมฺมา เยภุยฺเยน รูปธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตนากาเรน คหณํ คจฺฉนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ตทารมฺมณา อรูปธมฺมา’’ติ. เตเนว หิ เหฏฺา ‘‘ตสฺเสวํ ปริคฺคหิตรูปสฺส ทฺวารวเสน อรูปธมฺมา ปากฏา โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ, น วตฺถุวเสนาติ.

อิทานิ รูปปริคฺคโห อรูปปริคฺคหสฺส อุปาโย, อุปตฺถมฺโภ จาติ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาหิ ปกาเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. มุขนิมิตฺตนฺติ มุขสฺส ปฏิพิมฺพํ. ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – จกฺขุมา ปุริโส วิย โยคาวจโร, ตสฺส จกฺขุ วิย โยคิโน กมฺมฏฺานปริคฺคาหกาณํ, อาทาสํ วิย รูปปริคฺคโห, มุขนิมิตฺตํ วิย อรูปปริคฺคโห, อาทาสสฺส อปริสุทฺธกาโล วิย รูปปริคฺคหสฺส อวิกฺขาลิตกาโล, ตทา มุขนิมิตฺตสฺส อปฺายนํ วิย รูปปริคฺคหสฺส อวิสุทฺธตาย อรูปธมฺมานํ อนุปฏฺานํ, อาทาสสฺส ปุนปฺปุนํ ปริมชฺชนํ วิย รูปปริคฺคหสฺส ปุนปฺปุนํ วิโสธนํ, สุปริมชฺชิเต อาทาเส สุพฺยตฺตํ มุขนิมิตฺตสฺส ปฺายนํ วิย สุวิกฺขาลิเต นิชฺชเฏ รูปปริคฺคเห อรูปธมฺมานํ สุฏฺุ อุปฏฺานนฺติ. อิมินา นเยน เตลตฺถิโกปมาทีสุปิ ยถารหํ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ. ติลปิฏฺนฺติ ติลจุณฺณํ. กตกฏฺินฺติ กตกพีชํ. กลลกทฺทมนฺติ ตนุกทฺทมํ.

ตปฺปจฺจนีกกิเลสาติ ตสฺส อรูปธมฺมปริคฺคาหกาณสฺส วิพนฺธภาเวน ปฏิปกฺขภูตา สมฺโมหาทิกิเลสา. อุจฺฉุอาทิอุปมาสุ อิทํ มุขมตฺตสฺส ทสฺสนํ – ยถา อุจฺฉุรสํ คเหตุกาโม อุจฺฉูนิ อุจฺฉุยนฺเต ปกฺขิปิตฺวา เอกวารํ ทฺวิวารํ ยนฺตกฺกมนมตฺเตน อุจฺฉุรเส อนิกฺขมนฺเต น อุจฺฉูนิ ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉติ, ยถา วา โจเร คเหตฺวา เตหิ กตกมฺมํ ชานิตุกาโม ทฺวตฺติปฺปหารมตฺเตน เตสุ ตมตฺถํ อกเถนฺเตสุ น เต มุฺจติ, ยถา วา ปน โคทมฺมโก โคณํ ทเมตุกาโม ธุเร ตํ โยเชตฺวา เอกวารํ ทฺวิวารํ ตสฺมึ ปเถน อคจฺฉนฺเต น วิสฺสชฺเชติ, ยถา จ ทธึ มนฺเถตฺวา นวนีตํ คเหตุกาโม ทธิกลสิยํ มนฺถํ ปกฺขิปิตฺวา สกึ, ทฺวิกฺขตฺตุํ วา มนฺถสฺส ภมนมตฺเตน นวนีเต อนุปฺปชฺชนฺเต น ทธึ ฉฑฺเฑติ, ยถา วา ปน มจฺเฉ ปจิตฺวา ขาทิตุกาโม เอกวารํ ทฺวิวารํ อคฺคิทานมตฺเตน มจฺเฉสุ อปจฺจนฺเตสุ น เต ฉฑฺเฑติ. ‘‘อถ โข นํ ปุนปฺปุนํ ปริมชฺชตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน ‘‘อถ โข นํ อุจฺฉุยนฺเต ปุนปฺปุนํ อุปฺปีเฬตี’’ติอาทินา สพฺพตฺถ อุปมตฺโถ โยเชตพฺโพ.

อรูปธมฺมานํ อุปฏฺานาการกถาวณฺณนา

๖๗๐. อากิรียนฺติ อภิมุขา โหนฺติ เอเตหีติ อาการา, อรูปธมฺมานํ อุปฏฺานสฺส มุขภูตา ผุสนานุภวนวิชานนปฺปการาติ อาห ‘‘อรูปธมฺมา ตีหิ อากาเรหิ อุปฏฺหนฺตี’’ติอาทิ. อารมฺมเณ ปวตฺตมาเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ อสติปิ ปุพฺพาปริเย ผุสนลกฺขโณ ผสฺโส, ตตฺถ สพฺพปมํ อภินิปตนฺโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปมาภินิปาโต ผสฺโส’’ติ. เตนสฺส ผุสนากาเรน สุปากฏภาเวน อุปฏฺานํ ทสฺเสติ. ผสฺเส ปน อุปฏฺิเต ยสฺมึ อารมฺมเณ โส ผสฺโส, ตสฺส อนุภวนลกฺขณา เวทนา, สฺชานนลกฺขณา สฺา, อายูหนลกฺขณา เจตนา, ปฏิวิชานนลกฺขณํ วิฺาณนฺติ อิเมปิ ปากฏา โหนฺตีติ อาห ‘‘ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา’’ติอาทิ. เอวํ สลกฺขณสงฺเขปโต จตุธาตุววตฺถานวเสน ผสฺสมุเขน อรูปปริคฺคหํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตฺถารโต จตุธาตุววตฺถานวเสน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา เกเส’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เกเส ปถวีธาตูติ เกสสงฺขาเต ปถวีโกฏฺาเส ปถวีธาตุ. ลกฺขณวิภตฺติโต หิ ธาตุววตฺถานทสฺสนเมตํ.

ปุนปิ ทฺวินฺนํ ธาตุววตฺถานานํ วเสน เวทนามุเขน อรูปปริคฺคหํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺส รสานุภวนกเวทนาติ ถทฺธภาวสงฺขาตสฺส โผฏฺพฺพสภาวสฺส อนุภวนวเสน ปวตฺตเวทนา.

อปรสฺสาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อารมฺมณปฏิวิชานนนฺติ ถทฺธตาสงฺขาตโผฏฺพฺพารมฺมณปฏิวิชานนํ. กายทฺวาราภินิหตํ, เกวลํ วา มโนทฺวาริกชวนวิฺาณมาห. ตฺหิ ‘‘ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณา’’ติ ปฏิวิชานาติ, อิตรํ ปน กกฺขฬลกฺขณปฏิวิชานนมตฺตเมวาติ.

เอเตเนว อุปาเยนาติ ยฺวายํ สลกฺขณสงฺเขปโต, สลกฺขณวิภตฺติโต จ ธาตุววตฺถานวเสน รูปปริคฺคหํ ทสฺเสตฺวา ตตฺถ ิตสฺส ผสฺสาทิมุเขน อรูปปริคฺคณฺหนุปาโย ทสฺสิโต, เอเตเนว อุปาเยน. กมฺมสมุฏฺานเกเสติ จตุสมุฏฺานเกสโต นิทฺธาริเต กมฺมสมุฏฺานเกเส. กกฺขฬลกฺขณาติอาทินา นเยนาติ อาทิ-สทฺเทน น เกวลํ ‘‘ปคฺฆรณลกฺขณา อาโปธาตู’’ติอาทินา ลกฺขณวิเสเสน สทฺธึ ธาตฺวนฺตรานิเยว, อถ โข เอกสมุฏฺานาทิเภทานิ โกฏฺาสนฺตรานิปีติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ทฺวาจตฺตาลีสาย ธาตุโกฏฺาเสสู’’ติ. สพฺพํ นยเภทํ อนุคนฺตฺวาติ ยฺวายํ ทฺวาจตฺตาลีสาย ธาตุโกฏฺาเสสุ ปถวีธาตุอาทีนํ ลกฺขณาทิโต ววตฺถาปนวเสน นานาวิโธ รูปปริคฺคหนโย วุตฺโต, ตํ สพฺพํ นยเภทํ นยวิเสสํ อนุคนฺตฺวา, จกฺขุธาตุอาทีสุ รูปปริคฺคหมุเขสุ อรูปปริคฺคหทสฺสนวเสน โยชนา กาตพฺพาติ อธิปฺปาโย. ตตฺริทํ โยชนามุขมตฺตทสฺสนํ – เอกสฺส ตาว ‘‘จกฺขุธาตุ รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณา, ทฏฺุกามตานิทานกมฺมสมุฏฺานภูตปฺปสาทลกฺขณา วา’’ติอาทินา (ธ. ส. อฏฺ. ๖๐๐) นเยน ธาตุโย ปริคฺคณฺหนฺตสฺส ‘‘ปมาภินิปาโต ผสฺโส, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา’’ติ สพฺพํ โยเชตพฺพํ. ตถา ‘‘ยถาวุตฺตลกฺขณาย จกฺขุธาตุยา รสานุภวนกเวทนา เวทนากฺขนฺโธ’’ติอาทิ โยเชตพฺพํ. ตถา ‘‘ยถาวุตฺตลกฺขณา จกฺขุธาตู’’ติ, ‘‘อารมฺมณปฏิวิชานนํ วิฺาณํ วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติอาทินา สพฺพํ โยเชตพฺพํ. อายตนาทิวเสน รูปปริคฺคหมุเขสุปิ เอเสว นโย.

๖๗๑. ยถา นาม เหฏฺิมฌานํ สุภาวิตํ วสีภาวํ ปาปิตเมว อุปริฌานสฺส ปาทกํ ปทฏฺานํ โหติ, น ปฏิลทฺธมตฺตํ, เอวํ รูปปริคฺคโห สุวิสุทฺโธ นิชฺชโฏ นิคฺคุมฺโพ เอว อรูปปริคฺคหสฺส ปาทกํ ปทฏฺานํ โหติ, น อวิสุทฺโธ, ตสฺมา รูปารูปสฺส เอกเทเสปิ อนุปฏฺิเต โส อวิสุทฺโธ เอว นาม โหติ, ปเคว พหูสุ อนุปฏฺิเตสูติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ. ปพฺพเตยฺยา คาวี วิย พาลา อพฺยตฺตา อเขตฺตฺู.

ขคฺเคนาติ ขคฺคคฺเคน. สมุคฺคนฺติ มฺชูสาสทิสํ มหาสมุคฺคํ. อปริคฺคหิตกมฺมฏฺานสฺส อวิภตฺตํ วิย อุปฏฺหนฺตมฺปิ นามรูปํ วิภตฺตสภาวเมว, ตสฺส จ วิภาโค กมฺมฏฺานปริคฺคเหสุ ปากโฏ โหตีติ จ ทสฺสนตฺถํ สมุคฺควิวรณํ, ยมกตาลกนฺทผาลนฺจ นิทสฺสนภาเวน วุตฺตํ. ยมกตาลกนฺทฺหิ ภินฺนสนฺตานมฺปิ อภินฺนํ วิย อุปฏฺาติ, เอวํ รูปารูปธมฺมาติ. สพฺเพปิ เตภูมเก ธมฺเม นามฺจ รูปฺจาติ ทฺเวธา ววตฺถเปตีติ เอตฺถ กิฺจาปิ สพฺพ-สทฺโท อนวเสสปริยาทายโก, นามรูปภาโว ปน อฺมฺวิธุโรติ น ตทุภยํ สมุทายวเสน ปริสมาปเยตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘ยเทตฺถ นมนลกฺขณํ, ตํ นามํ. ยํ รุปฺปนลกฺขณํ, ตํ รูป’’นฺติ เอวํ ทฺเวธา ววตฺถเปตีติ อตฺโถ. เอวํ ววตฺถเปนฺโตเยว จ ตทุภยวินิมุตฺตสฺส เตภูมกธมฺเมสุ กสฺสจิ ธมฺมสฺส อภาวโต ‘‘สพฺเพปิ เตภูมกธมฺเม นามฺจ รูปฺจาติ ทฺเวธา ววตฺถเปตี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘นามฺจ รูปฺจา’’ติ เอเตเนว ตสฺส ทุวิธภาเว สิทฺเธ ‘‘ทฺเวธา ววตฺถเปตี’’ติ อิทํ นามรูปวินิมุตฺตสฺส อฺสฺส อภาวทสฺสนตฺถํ. เตเนวาห ‘‘นามรูปมตฺตโต อุทฺธ’’นฺติอาทิ. ‘‘สพฺเพปิ เตภูมเก ธมฺเม’’ติ ปน สพฺพคฺคหณฺเจตฺถ สมฺมสมนุปคสฺส ธมฺมสฺส อนวเสเสตพฺพตาย วุตฺตํ. ตฺหิ อนวเสสโต ปริฺเยฺยํ เอกํสโต วิรชฺชิตพฺพํ, ตโต จ จิตฺตํ วิราชยํ ปโมเจตพฺพํ. เตนาห ภควา –

‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อนภิชานํ อปริชานํ ตตฺถ จิตฺตํ อวิราชยํ อปฺปชหํ อภพฺโพ ทุกฺขกฺขยาย. สพฺพฺจ โข, ภิกฺขเว, อภิชานํ ปริชานํ ตตฺถ จิตฺตํ วิราชยํ ปชหํ ภพฺโพ ทุกฺขกฺขยายา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๖-๒๗).

ยทิ เตภูมกํ ธมฺมชาตํ อนวเสสโต คหิตํ ‘‘นามรูป’’นฺติ, ยํ อิโต พาหิรเกหิ ปทตฺถภาเวน ปริกปฺปิตํ, เสยฺยถิทํ – ปกติอาทิ ทฺรพฺยาทิ ชีวาทิ กายาทิ. ตตฺถ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ? อุมฺมตฺตกวิปลฺลาสสทิเส อสมฺมาสมฺพุทฺธปเวทิเต กา ตตฺถ อฺา ปฏิปตฺติ อฺตฺร อชฺฌุเปกฺขนโต. อถ วา เตปิ นามรูปนฺโตคธภาวาภาววเสน นิจฺฉิตา เอวาติ เวทิตพฺพา. กถํ? ปกติ, มหา, อหํกาโร, ตมฺมตฺตานิ, อินฺทฺริยานิ, ภูตานิ, ปุริโสติ เอเต ปกติอาทโย. ตตฺถ สมภาเวน ปวตฺตมานานํ สตฺตรชตมสงฺขาตานํ สุขทุกฺขโมหานํ สมุทาโย ปกติ, ปธานนฺติ จ วุจฺจติ. สตฺตมตฺตสมฺปเวทนีโย มหา, พุทฺธีติ เกจิ. สตฺตรชาทีสุ อภิมาโน อหํกาโร, อสฺมิมตฺตาติ เกจิ. สทฺทผสฺสรูปรสคนฺธา ตมฺมตฺตานิ อฺมฺวิสิฏฺานํ ปถวีอาทีนํ เอกุตฺตรตาทสฺสนโต เอกุตฺตรานิ ตมฺมตฺตานีติ วิชฺฌวาสิเอกลกฺขเณหิ ตมฺมตฺเตหิ เอกลกฺขณา วิเสสา สชิยนฺติ, สุขุมภาเวน ปน เนสํ สมฺปเวสนโต เอกุตฺตรตาติ เกจิ. โสตาทีนิ ปฺจ สวนาทิวุตฺติกานิ พุทฺธินฺทฺริยานิ, วจนาทานวิจรณุสฺสคฺคานนฺทกิจฺจานิ วาจาทีนิ ปฺจ กมฺมินฺทฺริยานิ. มโน อนฺโตกรณํ, อิตรํ พาหิรกรณํ. คนฺธาทีหิ อารทฺธานิ ปถวีอุทกอคฺคิวายุอากาสานิ ภูตานิ, เจตนาสภาโว ปุริโสติ เอวํ ปกติอาทีนิ สรูปโต เวทิตพฺพานิ.

ตตฺถ หิ ปกติ ตาว สุขทุกฺขโมหมตฺตตาย นามํ, สมวิสมภาวาปตฺติโต อนิจฺจา, ทุกฺขา, สงฺขตา จ อาปนฺนา. มหาปิ ‘‘ตสฺมา อลิงฺคโต ลิงฺควิเสสามตฺโต มหา อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนโต, พุทฺธิภาวานุชานนโต จ นามํ, อนิจฺจํ, สงฺขตเมว จ อาปนฺนํ. ‘‘ตสฺมา มหโต ฉ วิเสสา สชิยนฺตี’’ติ สกฺกเต วจนโต ‘‘อสฺมี’’ติ คหณนิมิตฺตภาวานุชานเนน อหํกาโร อภิมาโนติ กตฺวา นามํ, ตโต เอว อนิจฺจสงฺขตภาวาปตฺติ จสฺส สิทฺธา. อิตรํ ตมฺมตฺตปฺจกํ คนฺธรสรูปผสฺสสทฺทภาวานุชานนโต รูปํ, อรูปนฺติ ปน กาปิลานํ มิจฺฉาภินิเวสมตฺตํ. เต หิ โสฬส วิเสสา ปฺจ ภูตานิ, เอกาทสินฺทฺริยานิ ภูเตหิ ภูตวิเสสานีติ คนฺธาทิตมฺมตฺเตหิ ตนฺนิสฺสยานิ ปถวีอาโปเตโชวาโยอากาสสงฺขาตานิ ภูตานิ อิจฺฉิตานิ. ‘‘ตพฺพิเสสา จ นานาชาติกา อหํการโต จ อินฺทฺริยานี’’ติ วจนโต โสตกายจกฺขุชิวฺหาฆานวาจาปาณิปาทปายูปตฺถานิ เจว มโน จาติ เอกาทสินฺทฺริยานิ.

ตตฺถ มโน นามํ, อิตรานิ สพฺพานิ รูปํ. วาจาติ เจตฺถ อตฺถาวโชตกสฺส อกฺขรสมุทายสฺส คหณํ. อิเมสํ ปน ธมฺมิโน ธมฺมสฺส อนฺตฺถสฺส อิจฺฉิตตฺตา สิทฺธาว อนิจฺจตา ปริณามปกฺเข, อภิพฺยตฺติปกฺเขปิ ยทิ ตพฺพิสยาณุปฺปาเทน อภิพฺยฺชนํ สิทฺธาว อนิจฺจตา, อถ ตโต ปุพฺเพปิ าณํ อตฺเถว. อกฺขพฺยตฺติวาโท ปน สิยาติ อิทเมตฺถ ทิสามตฺตํ. ทฺรพฺยคุณกมฺมสามฺวิเสสสมวายา ทฺรพฺยาทิกา. ตตฺถ ปถวี อาโป เตโช วายุ อากาโส กาโล ทิสา อตฺตา มโนติ นว ทฺรพฺยานิ. สทฺท รูป รส คนฺธ ผสฺส สงฺขา ปริมาณานิ ปุถูตฺว สํโยค วิโยค ปรตฺวา ปรตฺว พุทฺธิ สุข ทุกฺข อิจฺฉา โทส ปยตฺต คุรุตฺว ทฺรวตฺว สฺเนห เวคา สงฺขารา ทิฏฺา เจติ เอวเมเต เตวีสติ คุณา. อุกฺเขปนํ อวกฺเขปนมากุจนํ ปสารณํ คมนมิติ ปฺจ กมฺมานิ. อฺมฺวิสิฏฺเสุ อวิสิฏฺมภิธานํ ปจฺจโย โหติ. สํ-อิติ ยโต ทฺรพฺยคุณกมฺเมสุ สา อตฺถิ เอวาติ เอตํ มหาสามฺํ. ปถวีอาทีสุ อนุวตฺติพฺยาวุตฺติพุทฺธินิมิตฺตํ ทฺรพฺยตฺวาทิ, ตํ ยถา ทฺรพฺยตฺว คุณตฺว กมฺมตฺว ฆฏตฺวาทิ, เอโส สามฺวิเสโส. อิห ตนฺเตสุ ปโฏ, กปาเลสุ ฆโฏติ อิเหติ ยโต เหตุเหตุผลานํ สมฺพนฺโธ สมวาโยติ วุตฺโต, สมวาโยติ เอวเมเต ทฺรพฺยาทิกา.

ตตฺถ ปถวี อาป เตช วายู ภูตรูปํ, อากาสํ เตสํ อภาวมตฺตํ, ปริจฺเฉโท วา, จนฺทสูริยาทิปริวตฺตนํ, ธมฺมปฺปวตฺติฺจ อุปาทาย ปฺตฺติมตฺตํ กาโล. ตถา ทิสา, อตฺตา จ. มโน นามํ. สทฺทรูปรสคนฺธา รูปเมว. ตถา ผสฺโส ภูตตฺตยสภาวโต. สงฺขา เอกาทิกา ตํ ตํ อุปาทาย ปฺตฺติมตฺตํ. ตถา อวยวสมุทาเย คุณวิเสสวเสน, สณฺานวิเสสวเสน วา มหนฺตํ ทีฆํ, ตพฺพิปริยายโต อณุ รสฺสนฺติ ภินฺนลกฺขณเทเสสุ ปุถุตฺวนฺติ. ภินฺนเทสชานํ สหภาเว สํโยโคติ. ตทปาเย วิโยโคติ. สมานทิสาเทสคตานํ รูปานํ มหทพฺพนฺตรานํ วเสน ปรมปรนฺติ ปฺตฺติมตฺตํ. พุทฺธิสุขทุกฺขอิจฺฉาโทสปยตฺตา นามเมว. คุรุตฺว ทฺรวตฺว สฺเนหเวคา รูปธมฺมานํ ปวตฺติวิเสสโต คเหตพฺพาการา. อิตโร สงฺขาโร าณสฺส ปวตฺติวิเสโส. อทิฏฺโปิ ธมฺมาธมฺมภาวโต นามเมว. อุกฺเขปนํ อวกฺเขปนํ อากุจนํ ปสารณํ คมนนฺติ รูปธมฺมานํ ปวตฺติมตฺตํ. สทิสาสทิสตายํ สามฺวิเสสสฺา, อยุตฺตสมฺพนฺเธ สมวายสมฺาติ ทฺรพฺยาทีนมฺปิ นามรูปนฺโตคธตา ทฏฺพฺพา.

ชีวาชีวพนฺธ ปุฺ ปาปาสว สํวรนิชฺชรวิโมกฺขา ชีวาทิกา. ตตฺถ ชีโวติ อตฺตา. ปุคฺคลธมฺมาธมฺมากาสกาเลสุ อชีวสฺา. เตสุ สทฺทผสฺสรูปรสคนฺธสณฺานพนฺธเภทสุขุมปรอปราฆาตปฺปภาจฺฉาโยชฺชากตมานิ ปุคฺคลลกฺขณนฺติ ปุคฺคโล รูปํ รูปธมฺมานํ ปวตฺติอาการมตฺตโต. ธมฺมาธมฺมา ชีวปุคฺคลานํ คติฏฺิติมตฺตตาย ตทวิสิฏฺา. อากาสกาลา ปฺตฺติมตฺตํ. พนฺโธ ‘‘กมฺมปุคฺคลนฺตรสํโยโค’’ติ วจนโต เตหิ อนฺโ. ปุฺปาปานิ นามนฺติ ปากฏเมว. ‘‘กมฺมปุคฺคลานมาสโว’’ติ วจนโต ปุฺาปุฺสมฺภเว อาสวสมฺาติ ตโต อวิสิฏฺโ อาสโว. ‘‘อาสวนิโรโธ สํวโร’’ติ วจนโต ปฏิปกฺเขน ปุฺาปุฺนิโรโธ สํวโร. ‘‘กมฺมผลปฺปวตฺติยา ปกติยา อปฺปวตฺติ นิชฺชโร’’ติ วจนโต วิปากนิโรธนิมิตฺตํ นิชฺชโร. โมกฺโขปิ ‘‘สพฺพกมฺมวิโมกฺโข’’ติ วจนโต กมฺมปุคฺคลชีววิโยโค. ตตฺถ กมฺมปุคฺคลานํ สทฺทาทิลกฺขณตาย รูปมตฺตตา ปุฺาปุฺมตฺตตาย อรูปตา. ชีโว จ อรูปมตฺตเมวาติ อยํ ทฺรพฺยโมกฺโข. ภาวโมกฺโข ปน ชีวสฺส ราคาทิภาวาปริณาโม ราคาทโย นามเมวาติ ชีวาทโยปิ นามรูปนฺโตคธา เอว.

กายปฺปวตฺติคติชาติพนฺธาปวคฺคา กายาทิกา. ตตฺถ ปถวีอาปเตชวายุอตฺตสุขทุกฺเขสุ กายสมฺา. ตทวิสิฏฺา ปวตฺติคติชาติพนฺธาปวคฺคา, ‘‘ภาโวติ อตฺโถ, กาโยติ อนตฺถนฺตร’’นฺติ วจนโต กายโต อฺํ กิฺจิ นตฺถิ. ‘‘ปวตฺติสฺา กิริยาสํโยควิภาเคสู’’ติ วจนโต คติอาทิปฺปกาเรน ปวตฺตา ปถวีอาทโย เอว ปวตฺติ อุปจาโร. ‘‘ตสฺมึ อนตฺถนฺตร’’นฺติ วจนโต กายโต อนฺา สุรมนุชเปตติรจฺฉานนรกูปปตฺติโย คติโย. ตาสุ ปุริมาปุริมาวิสิฏฺโ คตีสุ ชาตสฺส นิจฺฉโยปิ ปวตฺติมตฺตนฺติ ตโต อนฺา กณฺหนีลรตฺตปีตสุกฺกอติสุกฺกสงฺขาตา ชาติโย. ตา อุตฺตรุตฺตรวิสิฏฺา อฺาณโมหราคโทสตตฺวาสนฺทสฺสนปฺปายา สุกฺกชาติ, อนฺตา อจฺจนฺตวิมุตฺตา อวคาหิตตฺวา จาติ สุกฺกชาติ. ‘‘โทเสสุ พนฺธสมฺา’’ติ วจนโต อฺาณาทิลกฺขณสฺส พนฺธสฺส ชีวโต อนฺตา. อฺาณาทิโทสาภาวโต อปวคฺคสิทฺธีติ กายาทโยปิ นามรูปมตฺตเมว.

โยปิ ตตฺถ ตตฺถ ‘‘ปุริโส อตฺตา ชีโว’’ติอาทิปริยาเยหิ วุตฺโต อตฺตปทตฺโถ, โสปิ ยถารหํ นามรูปมตฺตํ อุปาทาย ปฺตฺโต, นามรูปมตฺตเมว วา. เตน วุตฺตํ ‘‘เตปิ นามรูปนฺโตคธภาวาภาววเสน นิจฺฉิตา เอวา’’ติ.

สมฺพหุลสุตฺตนฺตสํสนฺทนากถาวณฺณนา

๖๗๒. โสติ โส วิปสฺสนากมฺมิโก โยคาวจโร. เอวนฺติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. ยาถาวสรสโตติ ยถาภูตสภาวโต. นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา เอตมตฺถํ สํสนฺเทตฺวา ววตฺถเปตีติ สมฺพนฺโธ. โลกสมฺายปิ ปหานตฺถาย, ปเคว ‘‘สตฺโต ชีโว’’ติ ปวตฺตนกมิจฺฉาภินิเวสสฺสาติ อธิปฺปาโย. นามรูปมตฺตตาย อวินิจฺฉตตฺตา, สนฺตานาทิฆนเภทสฺส จ อกตตฺตา อภินิเวเสน วินา สมูเหกตฺตคฺคหณวเสน ‘‘สตฺโต’’ติ ปวตฺโต สมฺโมโห สตฺตสมฺโมโห. ตสฺส วิกฺขมฺภนา อสมฺโมหภูมิ. สมฺพหุลสุตฺตนฺตวเสนาติ ‘‘ยถาปี’’ติอาทินา อิธ วุตฺตานํ, อวุตฺตานฺจ ‘‘รูปฺจ หิทํ, มหาลิ, อตฺตา อภวิสฺส, นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๐) เอวมาทินา สมฺพหุลานํ สุตฺตนฺตานํ วเสน. ‘‘นามรูปมตฺตเมวา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ สนฺธายาห ‘‘เอตมตฺถ’’นฺติ.

องฺคสมฺภาราติ องฺคสมฺภารเหตุ. ตนฺนิมิตฺตํ ตํ อมุฺจิตฺวา สติ เอว ตสฺมึ ‘‘สตฺโต’’ติ โวหาโร.

อคารนฺตฺเววาติ ยถา กฏฺาทีนิ ปฏิจฺจ อุปาทาย เตสํ นามํ วิสฺสชฺเชตฺวา อคารมิจฺเจว สงฺขํ สมฺํ คจฺฉติ, เอวํ อฏฺิอาทีนิ ปฏิจฺจ อุปาทาย เตสํ นามํ วิสฺสชฺเชตฺวา รูปํ สรีรมิจฺเจว สงฺขํ คจฺฉตีติ โยชนา.

ทุกฺขเมว สมฺโภตีติ ทุกฺขทุกฺขตาทิเภทํ ติวิธํ ทุกฺขเมว สมฺภวติ, ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชติ, ตเทว ทุกฺขํ ขณฏฺิติปพนฺธฏฺิติวเสน ติฏฺติ เจว ขณนิโรธอายุกฺขยนิโรธาทิวเสน นิรุชฺฌติ จาติ อตฺโถ. อิทานิ ทุกฺขเมวาติ เอวกาเรน นิวตฺติตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘นาฺตฺรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ยถาวุตฺตํ ทุกฺขํ เปตฺวา ตโต อฺํ กิฺจิ ธมฺมชาตํ น สมฺภวติ, โย ‘‘สตฺโต’’ติ วา ‘‘ชีโว’’ติ วา วุจฺเจยฺย, สพฺเพน สพฺพํ อภาวา กุโต ตสฺส นิโรโธติ.

อุปมาหินามรูปวิภาวนากถาวณฺณนา

๖๗๓. เอเกนากาเรน สณฺิเตสูติ เยน ปกาเรน อกฺขาทีสุ สนฺนิวิฏฺเสุ รถสมฺา, เตน เอเกน อากาเรน สมวฏฺิเตสุ เอกชฺฌํ ราสิกเตสุ. เอวเมวนฺติ สนฺนิเวสวิสิฏฺเ อวยวสมุทาเย สนฺตานวเสน ปวตฺตมาเน ยถา ‘‘รโถ เคหํ มุฏฺิ วีณา เสนา นครํ รุกฺโข’’ติ โวหารมตฺตํ, ปรมตฺถโต ปน รถาทิ นาม กิฺจิ นตฺถิ, เอวเมวํ. อุปาทานกฺขนฺเธสูติ อุปาทานกฺขนฺธสฺิเตสุ รูปารูปธมฺเมสุ สมุทิเตสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมาเนสุ ‘‘สตฺโต ชีโว’’ติ โวหารมตฺตํ, ปรมตฺถโต ปน สตฺโต วา ชีโว วา นตฺถีติ ยาถาวโต ชานนํ. อิทํ ยถาภูตทสฺสนํ ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธี’’ติ วุจฺจติ.

๖๗๔. ตสฺสาติ สตฺโตติ คหิตสฺส อตฺตโน. วินาสนฺติ นิรุทฺธสฺส วินาสํ. อวินาสนฺติ อวินสฺสนํ, นิจฺจตนฺติ อตฺโถ. ทฺวยวเสเนว หิ อตฺตวาทิโน ิตา, สสฺสโต อตฺตา, อุจฺฉิชฺชตีติ วา, เอกจฺจสสฺสตวาโทปิ เอตฺเถว สมวรุทฺโธติ. อวินาสํ อนุชานนฺโตติ พุทฺธิอาทีนํ ธมฺมานํ วินาสํ อิจฺฉนฺโตปิ ‘‘ธมฺมี นิจฺโจ กูฏฏฺโ’’ติ อตฺตโน วินาสาภาวํ อนุชานนฺโต. สสฺสเตติ สสฺสตคาเห. ปตติ กตวินาสอกตพฺภาคมาทิโทสปฺปสงฺคโตติ อธิปฺปาโย. ขีรนฺวยสฺสาติ ขีรสฺส อนฺวยภูตสฺส, ผลภูตสฺสาติ อตฺโถ. ตทนฺวยสฺสาติ ตสฺส อตฺตโน อนฺวยภูตสฺส อฺสฺส กสฺสจิ อภาวโต. โอลียติ นามาติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา’’ติ อภินิเวเสน ภวาภิรโต หุตฺวา ภวนิโรธโต สงฺโกจนํ อาปชฺชนฺโต ภเวเยว นิลียติ นาม. อติธาวติ นามาติ ตตฺถ ตตฺเถว หิ ภเว อตฺตา อุจฺฉิชฺชตีติ อุจฺเฉทวาที ‘‘อุจฺฉิชฺชติ อตฺตา’’ติ คณฺหนฺโต ปรํ มรณา สนฺตํ ภวํ ‘‘นตฺถี’’ติ อติกฺกมนฺโต อติธาวติ นามาติ วทนฺติ. กิเลสนิโรเธ ปน กมฺมสฺส อวิปจฺจนโต ภวนิโรเธ อิจฺฉิตพฺเพ ตถา อคฺคเหตฺวา ‘‘ตํ ตํ ภววิเสสํ อาคมฺม อตฺตา อุจฺฉิชฺชตีติ เอวํ ภวนิโรโธ โหตี’’ติ คณฺหนฺโต ตํ อติธาวติ นาม.

ปริยุฏฺิตาติ อภิภูตา. จกฺขุมนฺโตติ ยถาภูตทสฺสนสงฺขาเตน าณจกฺขุนา จกฺขุมนฺโต.

กามภวาทิเภโท ภโว อารมิตพฺพฏฺเน อาราโม เอเตสนฺติ ภวารามา. ตสฺมึ ภเว รตา อภิรตาติ ภวรตา. ภเว สมฺโมทํ อาปนฺนาติ ภวสมฺมุทิตา. ตีหิปิ ปเทหิ ภวสฺสาทคธิตตาว วุตฺตา. จิตฺตํ น ปกฺขนฺทตีติ ภวสฺสาทคธิตตฺตา เอว ภวนิโรธาวเห ธมฺเม จิตฺตํ น อนุปฺปวิสติ. นปฺปสีทตีติ น โอกปฺปติ. น สนฺติฏฺตีติ น ปติฏฺหติ. นาธิมุจฺจตีติ น อธิมุจฺจติ.

อฏฺฏียมานาติ ทุกฺขาปิยมานา. หรายมานาติ ลชฺชมานา. ชิคุจฺฉมานาติ หีเฬนฺตา. วิภวนฺติ อุจฺเฉทํ. อภินนฺทนฺตีติ วุตฺตอภินนฺทนาการทสฺสนํ ‘‘ยโต กิร โภ’’ติอาทิ.

ภูตนฺติ ขนฺธปฺจกํ. ตฺหิ ยถาสกํ ปจฺจเยหิ ชาตตฺตา, ปรมตฺถโต วิชฺชมานตฺตา จ ภูตนฺติ วุจฺจติ. ภูตโตติ ยถาภูตสภาวโต, สลกฺขณโต, สามฺลกฺขณโต จ.

๖๗๕. เอวํ สตฺตคาหโต อวลียนาติธาวนโทเส, ยถาภูตทสฺสนโต นิพฺพิทาทิคุเณ จ สุตฺตวเสเนว ทสฺเสตฺวา อิทานิ นามรูปมตฺเตปิ คมนาทิอตฺตกิจฺจสิทฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ‘‘อสฺมี’’ติ วา ‘‘อห’’นฺติ วา คาหสฺส วตฺถุภูโต สตฺโต นาม นตฺถิ, ปรมตฺถโต นามรูปมตฺตเมว, ตสฺมา. สเจ โกจิ อตฺตา นาม นตฺถิ, กถมิธ นามรูปมตฺเต คมนาทิอตฺตกิจฺจสิทฺธีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ทารุยนฺต’’นฺติอาทิ. ‘‘ขายตี’’ติ เอเตน ยถา นิชฺชีเว ทารุมยยนฺเต อพฺภนฺตเร วตฺตมานสฺส ชีวสฺส วเสน สอีหสฺส สพฺยาปารสฺส วิย อุปฏฺานมตฺตํ ปจฺจยวิเสสโต, เอวํ นิชฺชีเว นามรูปมตฺเต ปจฺจยวิเสสโต คมนาทิอตฺตกิจฺจสิทฺธีติ สอีหสฺส สพฺยาปารสฺส วิย อุปฏฺานนฺติ ทสฺเสติ.

สจฺจโตติ ภูตโต, ปรมตฺถโตติ อตฺโถ. สุฺํ ชีเวน ยนฺตมิว อภิสงฺขตํ ปจฺจยวเสน ปวตฺตีติ อธิปฺปาโย. ทุกฺขสฺส ปุฺโช นิจฺจาตุรตาย ติณกฏฺสทิโส อตฺตสุฺตายาติ อตฺโถ. เอตํ นามรูปํ.

ยมกนฺติ ยุคฬกํ. โส จ โข ยมกภาโว อฺมฺสนฺนิสฺสิตภาเวนาติ อาห ‘‘อุโภ อฺโฺนิสฺสิตา’’ติ. ตโต เอว จ เอกสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ อุโภ ภิชฺชนฺติ. น หิ กทาจิ ปฺจโวการภเว รูเป นิรุชฺฌนฺเต อรูปํ อนิรุชฺฌนฺตํ, อรูเป วา นิรุชฺฌนฺเต รูปํ อนิรุชฺฌนฺตํ อตฺถิ. สฺวายํ ภงฺโค ปจฺจยา ปจฺจยนิโรเธเนว, นามรูปนิโรโธติ อตฺโถ. ปจฺจยาติ วา ปจฺจยภูตา, อฺมฺสฺส ปจฺจยา โหนฺตาปิ อุโภ ภิชฺชนฺติเยวาติ อตฺโถ.

๖๗๖. ทณฺฑาภิหตนฺติ วิเสสเนน ทณฺฑํ, ทณฺฑาภิฆาตสฺส ปจฺจยํ ปุริสวายามฺจ ทสฺเสติ, เภริยา ปน วิเสสิตพฺพตา สทฺทสฺส อสาธารณการณตาย. เตเนว หิ ‘‘อฺา เภรี’’ติ เภรีเยว คหิตา, น ทณฺฑาทโย. อทิสฺสมานรูปตาย สทฺทํ นามฏฺานิยํ กตฺวา ‘‘เอวเมว’’นฺติอาทินา อุปมาสํสนฺทนํ กโรติ.

น จกฺขุโต ชายเรติ น จกฺขายตนโต นิคฺคจฺฉนวเสน ชายนฺติ. น หิ จกฺขายตนสฺส ปจฺจยภาวูปคมนโต ปุพฺเพ ผสฺสปฺจมกา ลพฺภนฺติ, น จ ปเทสวนฺโต, เยน เต ตโต นิคฺคจฺเฉยฺยุํ. เตเนวาห ‘‘ปุฺโช นตฺถิ อนาคเต’’ติ (มหานิ. ๑๐). น รูปโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘โน จ อุภินฺนมนฺตรา’’ติ อิทํ ปน เตสํ อรูปธมฺมตฺตา อปฺปเทสตาย วุตฺตํ. เกวลํ ปน ยสฺมึ ขเณ ปจฺจยสมวาโย, ตทา อุปฺปชฺชนมตฺตเมวาติ อาห ‘‘เหตุํ ปฏิจฺจ ปภวนฺติ สงฺขตา’’ติ, จกฺขุรูปาโลกมนสิการาทิเภทํ ธมฺมชาตํ นิสฺสาย ปจฺจยภูตํ การณํ ลภิตฺวา เตหิ สเมจฺจ สมฺภูย กตตฺตา สงฺขตา ผสฺสาทโย ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺสา ปน ธมฺมานํ อุปฺปตฺติยา ปากฏํ รูปธมฺมปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถาปิ สทฺโท ปหฏาย เภริยา’’ติ อาห. ผสฺสปฺจมคฺคหณฺเจตฺถ ปากฏอรูปธมฺมานํ ทสฺสนํ. เสสคาถาสุปิ เอเสว นโย.

วตฺถุรูปาติ หทยวตฺถุโต. ตนฺนิสฺสยานํ อรูปธมฺมานํ พหุเภทตฺตา สามฺโวหาเรน เต ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺขตา’’ติ วุตฺตํ.

๖๗๗. นิตฺเตชนฺติ เตชหีนํ อานุภาวรหิตํ. ยถา ปน ตํ นิตฺเตชํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น ขาทตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. น หิ อฺถา สทฺทหนุสฺสหนาทีสุ นามํ ‘‘นิตฺเตช’’นฺติ สกฺกา วตฺตุํ, นาปิ รูปํ สนฺธารณาพนฺธนาทีสุ. เตเนว หิ ‘‘รูปํ นิตฺเตช’’นฺติ วตฺวา ‘‘น หิ ตสฺส ขาทิตุกามตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อถ โข’’ติอาทินา พฺยติเรกวเสนาปิ นามรูปานํ นิตฺเตชตํเยว วิภาเวติ. อฺมฺสนฺนิสฺสเยน หิ นามรูปสฺส อตฺตกิจฺจสิทฺธิปิ ปจฺเจกํ อสมตฺถตาวิภาวนเมว. ตถา หิ นามรูปสฺส อตฺตสุฺตา, นิรีหตา, พฺยาปารวิรหตา จ สุฏฺุตรํ ปากฏา โหนฺติ.

กถํ ปน ปจฺเจกํ อสมตฺถานํ สมุทิตภาเว สมตฺถตา โหติ? อสามคฺคิยํ อเหตูนํ สามคฺคิยมฺปิ อเหตุภาวาปตฺติโต. น หิ ปจฺเจกํ ทฏฺุํ อสกฺโกนฺตานํ อนฺธานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ สมุทิตํ ทฏฺุํ สกฺโกตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อิมสฺส ปนตฺถสฺสา’’ติอาทิ. อิมํ อุปมํ อุทาหรนฺติ อฏฺกถาจริยา อุปมายปิ อสิทฺธสฺส อตฺถสฺส สาเธตพฺพโต. เตเนวาห ‘‘อุปมํ เต กริสฺสามิ, อุปมายปิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๗). ตุฏฺหฏฺโติ ยทิปาหํ จกฺขุกรณียํ กาตุํ น สกฺโกมิ, ปาทกรณียํ ปน กาตุํ สกฺโกมิ, ตฺวฺจ จกฺขุกรณียํ, ตสฺมา อมฺหากํ อุภินฺนํ สหิตานฺจ วเสน อิจฺฉิตเทสสมฺปตฺติ สิชฺฌตีติ ตุฏฺหฏฺโ ชจฺจนฺโธ. ตตฺถ ชจฺจนฺโธติอาทิ อุปโมปเมยฺยสํสนฺทนํ. ธมฺมานํ อตฺตลาโภ ปรปฏิพทฺโธติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ ตโต ปุพฺเพ อวิชฺชมานตฺตา, ปฏิลทฺธตฺตลาภสฺสาปิ ปรปฏิพทฺธเมว อตฺถกิจฺจนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘น สเกน เตเชน อุปฺปชฺชติ, น ตาสุ ตาสุ กิริยาสุ ปวตฺตตี’’ติ วุตฺตํ. เตสํ นามรูปานํ อฺมฺํ นิสฺสาย อุปฺปตฺติ วา ปวตฺติ วา น จ น โหตีติ ชจฺจนฺธปีสปฺปิอุปมาย สาธิตมตฺถํ นิคเมนฺโต ‘‘อสามคฺคิยํ อเหตูนํ สามคฺคิยมฺปิ อเหตุกภาวาปตฺติโต’’ติ ยถาวุตฺตสฺส เหตุโน อเนกนฺติกภาวํ วิภาเวติ.

ปรธมฺมวสานุวตฺติโนติ ปเรสํ อตฺตโต อฺเสํ เหตุปจฺจยสงฺขาตานํ ธมฺมานํ วเสน อนุวตฺตนสีลา. อตฺตทุพฺพลาติ อตฺตนา ทุพฺพลา อสมตฺถา. ปรปจฺจยโตติ ปเรสํ ธมฺมานํ ปจฺจยภาวโต. เอเตน ชนกปจฺจยํ วทติ. เตเนวาห ‘‘ชายเร’’ติ. ปรอารมฺมณโตติ ปเรสํ ธมฺมานํ อารมฺมณภาวโต. เอเตน อุปตฺถมฺภกปจฺจยํ วทติ. ปจฺจยคฺคหณํ วา รูปาเปกฺขํ, อารมฺมณคฺคหณํ นามาเปกฺขํ. ‘‘ปรธมฺเมหี’’ติ อิทํ อารมฺมณปจฺจยานํ วิเสสนํ. ปุริมตฺเถน หิ วุตฺตเมวตฺถํ ปจฺฉิมตฺเถน ปากฏํ กโรติ. ปภาวิตาติ อุปฺปาทิตา.

นาวายนฺติกูปมายปิ นามรูปานํ อวสวตฺติตํ วิภาเวตุํ ‘‘ยถาปี’’ติอาทินา ติสฺโส คาถา วุตฺตา. นิสฺสายาติ ปติฏฺาย. ยนฺตีติ คจฺฉนฺติ. มนุสฺเส นิสฺสายาติ เนตุภูเต นิยามกกมฺมการกาทิมนุสฺเส อปสฺสาย. น หิ เตสํ อรณคฺคหณลงฺการสณฺาปนอุทกุสฺสิฺจนาทิกิริยาย วินา นาวา อิจฺฉิตเทสํ ปาปุณาติ. อุโภติ อฺมฺํ นาวํ นิสฺสาย มนุสฺสา, มนุสฺเส นิสฺสาย นาวาติ อตฺโถ.

เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน. นานานเยหีติ ปมาทีนํ สตฺตนฺนํ ฌานานํ, เตสํ อุปจารานฺจ วเสน จุทฺทส อรูปปริคฺคหมุขานิ, จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตรสนฺนํ ธาตุปริคฺคหมุขานํ ธาตายตนขนฺธมหาภูตวเสน, อิธ วุตฺตานํ อวุตฺตานฺจ อินฺทฺริยสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปนฺนานํ วเสน สมวีสติ รูปปริคฺคหมุขานิ, ตานิ ปจฺเจกํ ‘‘ผสฺโส เวทนา จิตฺต’’นฺติ อิเมสํ สมฺมุขภาเวน อุปฏฺิตานํ ติณฺณํ อรูปธมฺมานํ วเสน ติคุณิตานิ สมสฏฺิ, จุทฺทส อรูปปริคฺคหมุขานิ, ตานิ จาติ จตุสตฺตติยา นามรูปปริคฺคหนเยหิ เจว สมฺพหุลสุตฺตนฺตรถเคหมุฏฺิวีณาเสนารุกฺขทารุยนฺตนฬกลาปิเภริชจฺจนฺธปงฺคุฬนาวามนุสฺสูปมาหิ จ นามรูปปมตฺตตาววตฺถาปนนเยหิ จ. สตฺตสฺํ อภิภวิตฺวาติ อนาทิกาลภาวิตํ ขนฺธปฺจเก อตฺตคาหํ วิกฺขมฺเภตฺวา. นามรูปานํ ยาถาวทสฺสนนฺติ ‘‘อิทํ นามํ, เอตฺตกํ นามํ, น อิโต ภิยฺโย. อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ จ เตสํ ลกฺขณสลฺลกฺขณมุเขน ธมฺมมตฺตภาวทสฺสนํ. อตฺตทิฏฺิมลวิโสธนโต ทิฏฺิวิสุทฺธีติ เวทิตพฺพํ. เอตสฺเสวาติ นามรูปสฺส ยาถาวทสฺสนสฺเสว.

ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ อฏฺารสมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๑๙. กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

ปจฺจยปริคฺคหกถาวณฺณนา

๖๗๘. อนนฺตรนิทฺทิฏฺาย ทิฏฺิวิสุทฺธิยา วิสยภาเวน ทสฺสิตตฺตา ‘‘เอตสฺเสวา’’ติ วุตฺตํ, น ตทฺโต วิเสสนตฺถํ ตทฺสฺเสว อภาวโต. อชฺฌตฺตํ วา หิ วิปสฺสนาภินิเวโส โหตุ พหิทฺธา วา, อชฺฌตฺตสิทฺธิยํ ปน ลกฺขณโต สพฺพมฺปิ นามรูปํ อนวเสสโต ปริคฺคหิตเมว โหตีติ. ปจฺจยปริคฺคเหนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ. ปจฺจยปริคฺคหเหตุ หิสฺส อทฺธตฺตยกงฺขาวิตรณํ โหตีติ, กรเณ วา เอตํ กรณวจนํ ปจฺจยปริคฺคหสฺส สาธกตมภาวโต กงฺขาวิตรณกิริยาย. ยทา หิสฺส สุปริสุทฺโธ นิชฺชโฏ นิคฺคุมฺโพ ปจฺจยปริคฺคโห สิชฺฌติ, ตทาเนน กงฺขา วิตรียตีติ. วิตริตฺวาติ อติกฺกมิตฺวา, วิกฺขมฺเภตฺวาติ อตฺโถ. ตํ ปน าณํ ตถาธิคตํ วสีภาวปฺปตฺตํ ฌานํ วิย โยคิโน สนฺตาเน ปพนฺธวเสน ปวตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ิตํ าณ’’นฺติ.

นฺติ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธึ. ตํ สมฺปาเทตุกาโม อาปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. ยาถาวโต ทิฏฺํ นามรูปํ ติวิธทุกฺขตาโยคโต โรโค วิย. ปจฺจยา จสฺส โรคสมุฏฺานํ วิย อุปฏฺหนฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา นาม…เป… ปริเยสตี’’ติ อาห. สํสารทุกฺขนิมุคฺคสฺส สนฺตานสฺส ตโต วิโมเจตุกามตาวเสน อนุกมฺปิตพฺพตา ลพฺภตีติ ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวเมว ิเต ยเทเก วทนฺติ ‘‘อนุกมฺเปตพฺพกุมารกทสฺสเนน ตสฺส มาตาปิตุอาวชฺชนํ อิธ อนุทาหรณํ นิโรเธตพฺพตาย นามรูปสฺส อนุกมฺปิตพฺพตาภาวโต’’ติ, ตทปาหตํ โหติ. อวสฺสฺเจตํ เอวํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา เวเนยฺยปุคฺคลสนฺตาเน สตฺถุ มหากรุณาปวตฺติ เอว วิจาเรตพฺพา สิยา. มนฺทพุทฺธิตาย มนฺทํ. วุฑฺฒตโรปิ โกจิ มนฺทพุทฺธิ โหตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘กุมาร’’นฺติ วุตฺตํ. โย โกจิ ปมวเย วตฺตมาโน ‘‘กุมาโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ทหร’’นฺติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ โย อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจารณโก ตรุณทารโก, โสปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต นิวตฺตนตฺถํ ‘‘อุตฺตานเสยฺยก’’นฺติ วุตฺตํ. จตูหิปิ ปเทหิ กรุณายิตพฺพตํเยว ทสฺเสติ. อาปชฺชตีติ กโรติ.

ยถา ปนสฺส เหตุปจฺจยปริเยสนาปตฺติ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พฺยติเรกมุเขน อตฺโถ สาธิโต สมฺมเทว สาธิโต โหตีติ อเหตุกภาวํ ตาว ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘น ตาวิทํ นามรูปํ อเหตุก’’นฺติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘สพฺพตฺถา’’ติอาทินา. เหตุมนฺตเรน สติ สมฺภเว สพฺพธมฺมานํ เหตุอภาโว สมาโนติ สพฺพสมานตา สิยา, ตถา จ สติ โสตปเทสาทีสุ, พหิทฺธา จ จกฺขุวิฺาณาทิเหตุอภาโวติ สพฺพตฺถ, จกฺขาทีนํ อุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ, ปริเภทโต อุทฺธฺจ เหตุอภาโวติ สพฺพทา จ อนฺธาทีนํ อรูปีนํ, อสฺีนฺจ เหตุอภาโวติ สพฺเพสฺจ จกฺขุวิฺาณาทีหิ ภวิตพฺพํ, เหตุอภาวา วิเสสโต ตฺจ นตฺถีติ อาห ‘‘สพฺพตฺถ สพฺพทา สพฺเพสฺจ เอกสทิสภาวาปตฺติโต’’ติ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ ยทิทํ ‘‘จกฺขุวิฺาณาทีสุ หี’’ติ. ยตฺตกา โลเก วิเสสา, เตหิ สพฺเพสํ, สพฺพกาลฺจ ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อาทิ-สทฺเทน วา เตสมฺปิ คหณํ กตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺมา อเหตุกภาเว วิสิฏฺตาย อสมฺภโว เอวาติ สพฺพตฺถ เอกสทิสภาวาปตฺติโต, สพฺพทา เอกสทิสภาวาปตฺติโต, สพฺเพสํ เอกสทิสภาวาปตฺติโตติ ปจฺเจกํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. เอวํ อเหตุภาเว ปฏิสิทฺเธ วิสมเหตุวาที วเทยฺย ‘‘น อิทํ อเหตุกํ กิฺจรหิ สเหตุกํ, เกน ปน เหตุนา สเหตุกนฺติ? อิสฺสราทินา’’ติ.

อาทิ-สทฺเทน ปกติปุริสปชาปติกาลาทีนํ คหณํ เวทิตพฺพํ, ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห ‘‘น อิสฺสราทิเหตุก’’นฺติอาทิ. น นามรูปํ อิสฺสราทิเหตุกํ นามรูปโต อฺสฺส อนุปลพฺภมานตฺตา อิสฺสรปกติอาทินเมว อภาวโต. ยทิ ปน อสโต อิสฺสราทิโต นามรูปสฺส อุปฺปตฺติ, เอวํ สติ สา เอว สพฺพตฺถ สพฺพทา สพฺเพสํ เอกสทิสตา อาปชฺชติ. อถ นามรูปมตฺตเมว อิสฺสราทิเหตุกํ, นามรูปฺจ อหุตฺวา สมฺภวนฺตํ, หุตฺวา จ วินสฺสนฺตํ ทิสฺสตีติ อิสฺสราทีหิปิ ตาทิเสหิ ภวิตพฺพํ. ตถา จ ตทปิ สปฺปจฺจยํ สงฺขตเมวาติ ตสฺสาปิ ปจฺจยปริคฺคโห กาตพฺโพ. อถ ตํ นุปฺปชฺชติ, อเหตุกตา ตสฺส อาปนฺนา. เตนาห ‘‘อเหตุกภาวาปตฺติโต’’ติ.

อปิจ น อิสฺสราทิเหตุกํ นามรูปํ. กึ การณํ? กเมน อุปฺปตฺติโต. ยทิ หิ เอวํ นิจฺจํ อิสฺสราทิสฺิตํ กมฺมกิเลสินฺทฺริยารมฺมณาทินิรเปกฺขการณมฺปิ สิยา, สพฺเพสํเยว เอกชฺฌํ อุปฺปตฺติ สิยา, ยตฺตเกหิ ตโต อุปฺปชฺชิตพฺพํ. กสฺมา? การณสฺส สนฺนิหิตภาวโต. ยทิ ปน ตสฺส อิจฺฉาวเสน ตสฺส อุปฺปตฺตึ ปริกปฺเปยฺยุํ, ตาสฺจ อิจฺฉานํ เอกชฺฌํ อุปฺปตฺติยํ โก วิพนฺโธ. อถ อฺมฺปิ กิฺจิ กมฺมกิเลสินฺทฺริยารมฺมณาทิอเปกฺขิตพฺพํ อตฺถีติ เจ? ตเทว เหตุ การณํ, กิมฺเน อทิฏฺสามตฺถิเยน ปริกปฺปิเตน ปโยชนํ? ทิฏฺฺหิ กมฺมาทีนํ สามตฺถิยํ ตทฺปจฺจยสนฺนิธาเนปิ ตทภาเว อภาวโต. ยถา หิ รูปาโลกมนสิการสนฺนิธาเนปิ จกฺขุโน อภาเว จกฺขุวิฺาณสฺส อภาวํ, ภาเว จ ภาวํ ทิสฺวา จกฺขุโน จกฺขุวิฺาณุปฺปาทนสมตฺถตา อตฺถีติ วิฺายติ. ยถา จ ยฺวายํ ยมกานมฺปิ สมานานํ ชนกชนนีสุกฺกโสณิตาทิพาหิรปจฺจยสมภาเวปิ สตฺตานํ หีนปณีตตาทิวิเสโส ทิสฺสติ, โส จ สสนฺตาเน ตาทิสสฺส อฺสฺส เหตุโน อภาวา กมฺมกิเลสเหตุโกติ ตสฺส ตตฺถ สมตฺถตา อตฺถีติ วิฺายติ, น เอวมิสฺสราทิกสฺส. การณสฺส หิ ภาวาภาเว ผลสฺส ภาวาภาเวหิ การณสฺส สมตฺถตา วิฺาเยยฺย. น จ สนฺนิหิเต ตทการณสฺส นามรูปสฺส อิสฺสราทิเวกลฺเลน กตฺถจิ อนุปฺปตฺติ ทิฏฺา, ตสฺมา อการณมิสฺสโร.

อถาปิ สคฺโค เอวํ อิสฺสราทิเหตุโก วุจฺเจยฺย, โสปิ สคฺคปฺปกาโร สพฺพกาลํ ตโต นิพฺพตฺเตยฺย. น หิ สนฺนิหิตการณสฺส ผลสฺส อนุปฺปตฺติ ยุตฺตา. นิจฺเจ จ สติ อฺนิรเปกฺขการเณ สคฺคสฺส อาทิเยว น ยุตฺโต, ยาว อิสฺสราทิกํ การณํ, ตาว สพฺพสฺส อตฺถิภาวปฺปสงฺคโต. อถาปิ วเทยฺย ‘‘อฺเปิ ยถารหํ ปจฺจยา โหนฺติเยว, อิสฺสราทิกมฺปิ เตสํ สหการีการณํ โหตี’’ติ. ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ยทิ ปโร วเทยฺย ‘‘อิธ พุทฺธิปุพฺโพ ภาวานํ รจนาวิเสโส ทิฏฺโ, ยถา ตํ ฆฏเคหาทีนํ. อตฺถิ จ อชฺฌตฺติกพาหิรานํ สรีรปทุมาทีนํ รจนาวิเสโส, ตสฺมา เตนาปิ พุทฺธิปุพฺเพน ภวิตพฺพํ. ยสฺส จ โส พุทฺธิปุพฺโพ, โส อิสฺสราทิโก, ตสฺมา เตน นามรูปสฺิตสฺส โลกสฺส การเณน ภวิตพฺพ’’นฺติ. ตยิทํ อสิทฺธํ, รจิตา สรีรปทุมาทโยติ ตตฺเถว อุปฺปนฺนตฺตา. อุปฺปนฺนสฺส หิ สนฺนิเวสวเสน ตถา ตถา ปฏฺปนํ ‘‘รจนา’’ติ วุจฺจติ. อเนกนฺติโก จายํ อพุทฺธิปุพฺพสฺสาปิ ทิฏฺตฺตา. ทิฏฺโ หิ นฺหารุอาทีนํ อคฺคิสํโยเคน รจนาวิเสโส, ตถา วิสุสฺสนฺตานํ ปุพฺพจมฺมาทีนํ. ยทิ ปนายมิสฺสราทิโก ควสฺสชคทฺรภาทีนํ กรีสาวตฺเต ปฏิมหุตํ รเจยฺย, อุมฺมตฺโต วิย วิกฺขิตฺโต สิยา. กิฺจายํ โลกํ สชฺเชนฺโต อตฺตตฺถํ วา สชฺเชยฺย โลกตฺถํ วา.

ตตฺถ จ ยทิ ปุริโม มกฺโข กตกิจฺโจ น สิยา โลเกน สาเธตพฺพสฺส อตฺถิภาวโต. อถ ทุติโย, กสฺมา โลกสฺส อหิตทุกฺขาวหํ ปาปํ นิรยาทึ, ชรามรณาทิฺจ สชติ? อถ ตทุภยํ อนามสิตฺวา กีฬตฺถํ สชติ. กีฬา จ นาม รติอตฺถา โหติ. วินา กีฬาย รตึ อชานนฺตานํ รติอตฺถฺจ กีฬมารภนฺโต รติยํ อิสฺสโร อนิสฺสโร สิยา. อถ ปโยชนนิรเปกฺโข, สพฺพกาลํ สเชยฺย, ตสฺส จายํ สชนสมตฺถตา อเหตุกา วา สิยา สเหตุกา วา. อเหตุกา เจ, สพฺเพสํ สิยา สเหตุกา วา. อเหตุกา เจ, สพฺเพสมฺปิ สิยา. อถ สเหตุกา, โส จสฺส เหตุ ปรโต วา สมฺภูโต สิยา อตฺตโต วา. ตตฺถ ปรโต เจ สมฺภูโต, ยทสฺส โส ลทฺโธ, ตสฺสายํ เวยฺยาวจฺจกรสทิโส สิยา. อถ อตฺตโต ตทุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ อยํ กีทิโส โลโก จาติ สพฺพมิทํ อาลุนวิสิณํ อากุลพฺยากุลํ โคยูเถน คตมคฺคสทิสเผณปิณฺฑสมํ อวิมทฺทกฺขมํ อสารํ. ติฏฺตุ ปสงฺโค, ยถาธิกตเมว วณฺณยิสฺสาม. ตสฺมาติ ยสฺมา อิทํ นามรูปํ น อเหตุกํ, นาปิ อิสฺสราทิวิสมเหตุกํ, ตสฺมา. เตติ เหตุปจฺจยา.

๖๗๙. โอฬาริกตฺตา, สุปากฏตฺตา จ รูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห สุกโรติ ‘‘อิมสฺส ตาว รูปกายสฺสา’’ติอาทินา ปมํ ตสฺส ปจฺจยปริคฺคหวิธึ อารภติ. ตตฺถ ยถา นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห อเหตุวิสมเหตุวาทนิวตฺติยา โหติ, เอวํ นิพฺพิทาวิราคาวหภาเวน ตตฺถ อภิรตินิวตฺติยาปิ อิจฺฉิตพฺโพติ ตํ คพฺภเสยฺยกวเสน ทสฺเสนฺโต นิพฺพตฺตฏฺานสฺส สุจิภาวปฏิเสธนมุเขน อสุจิภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘อยํ กาโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺปลาทีนิ อสุจิฏฺาเน นิพฺพตฺตานิปิ สยํ สุจิสมฺมตาเนวาติ ตํทสฺสนตฺถํ อพฺภนฺตรคฺคหณํ. เตนาห ภควา –

‘‘ยถา สงฺการธานสฺมึ, อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถ;

ปทุมํ ตตฺถ ชาเยถ, สุจิคนฺธํ มโนรม’’นฺติ. (ธ. ป. ๕๘);

‘‘นิพฺพตฺตตี’’ติ อิทํ มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิปวตฺตีสุ รูปกายสฺส นิพฺพตฺตนสามฺโต คเหตฺวา วุตฺตํ, น ปมาภินิพฺพตฺติมตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา อาหารสฺส อุปตฺถมฺภกปจฺจยตาวจนํ, อุทรปฏลสฺส ปจฺฉโต กรณาทิวจนํ, ทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูลตาวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ. เอวมวฏฺิเต ยเทกจฺเจหิ ปิฏฺิโต, ปุรโต จ กรณํ กึ สิยา ปฏิสนฺธิกาเลติอาทิ วุตฺตํ, ตํ อปาหตํ โหติ. ‘‘นิพฺพตฺตกตฺตา’’ติ อิมินา พีชํ วิย องฺกุรสฺส อวิชฺชาทโย รูปกายสฺส อสาธารณการณตาย เหตูติ ทสฺเสติ. ‘‘อุปตฺถมฺภกตฺตา’’ติ อิมินา ปน องฺกุรสฺส ปถวีสลิลปาริสิอาทโย วิย อาหาโร สาธารณการณตาย ปจฺจโยติ ทสฺเสติ.

ปฺจ ธมฺมา เหตุปจฺจยาติ อวิชฺชาทโย ปฺจ ธมฺมา ยถารหํ เหตุ จ ปจฺจโย จาติ อตฺโถ. ภเวสุ วิชฺชมานโทสปฏิจฺฉาทนปตฺถนา ทฬฺหคฺคาหภาเวน สงฺขารภวานํ เหตุภูตา ชนกสหายตาย ภวนิกนฺติ ตํสหชาตอาสนฺนการณตฺตา อภิสงฺขาริกา, อปสฺสยภูตา จาติ ‘‘มาตา วิย ทารกสฺส อุปนิสฺสยา’’ติ วุตฺตา. ยถา ปิตุ ชนิตสุกฺเก ปุตฺตสฺส อุปฺปตฺตีติ ปิตา ชนโก, เอวํ กมฺมํ สตฺตสฺส อุปฺปาทกตฺตา ชนกํ วุตฺตํ. ยถา ธาติ ชาตสฺส ทารกสฺส โปสนวเสน สนฺธาริกา, เอวํ อาหาโร อุปฺปนฺนสฺส กายสฺสาติ สนฺธารโก วุตฺโต.

กามฺเจตฺถ อวิชฺชาทโย นามกายสฺสาปิ ปจฺจโย, ปการนฺตเรน ปน ตสฺส ปากฏํ ปจฺจยปริคฺคหวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จกฺขุฺจาติ -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน จกฺขุวิฺาณสฺส อาวชฺชนาทิอชฺฌตฺตํ สพฺพํ ปจฺจยชาตํ สงฺคณฺหาติ. รูเป จาติ ปน -สทฺเทน ยถา พหุลํ พาหิรรูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส อารมฺมณปจฺจโย, เอวํ อฺมฺปิ พาหิรํ ปจฺจยชาตํ สงฺคณฺหาติ. ปฏิจฺจาติ ปจฺจยภูตํ ลทฺธาติ อตฺโถ. เตน จกฺขุสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน, รูปสฺส อารมฺมณปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน, อิตเรสฺจ สงฺคหิตานํ อนนฺตราทิสหชาตาทิวเสน ปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ. วจนเภเท ปน การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อาทิ-สทฺเทน จ ผสฺสาทีนํ วิย สหปจฺจเยหิ โสตวิฺาณาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติอาทิปาสฺส (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) วิย ‘‘โสตฺจ ปฏิจฺจา’’ติอาทิปาสฺส สงฺคหิตตฺตา. เอวํ สมฺมสนุปคํ สพฺพํ นามํ สหปจฺจเยน สงฺคหิตํ โหติ. เตนาห ‘‘นามกายสฺส ปจฺจยปริคฺคหํ กโรตี’’ติ.

ปวตฺตึ ทิสฺวาติ เอตรหิ ปวตฺตึ ทิสฺวา. เอวนฺติ อิมินา น เกวลํ สปฺปจฺจยตามตฺตเมว ปจฺจามฏฺํ, อถ โข ยาทิเสหิ ปจฺจเยหิ เอตรหิ ปวตฺตติ, ตาทิเสหิ อวิชฺชาทิปจฺจเยเหว อตีเตปิ ปวตฺติตฺถาติ ปจฺจยสทิสตาปิ ปจฺจามฏฺาติ ทฏฺพฺพํ.

๖๘๐. ปุพฺพนฺตนฺติ อตีตํ ขนฺธปฺปพนฺธโกฏฺาสํ. อารพฺภาติ อุทฺทิสฺส. อโหสึ นุ โข, น นุ โข อโหสินฺติ สสฺสตาการํ, อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. กึ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคูปปตฺติโย นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณาทีสุ คหฏฺาทีสุ เทวาทีสุ อฺตโร นุ โข’’ติ กงฺขติ. กถํ นุ โขติ สณฺานาการํ นิสฺสาย ‘‘ทีโฆ นุ โข อโหสึ, รสฺสโอทาตกาฬปมาณิกอปฺปมาณิกาทีนมฺปิ อฺตโร’’ติ กงฺขติ. อิสฺสรนิมฺมานาทึ นิสฺสาย ‘‘เกน นุ โข ปกาเรน อโหสิ’’นฺติ นิพฺพตฺตาการโต กงฺขตีติ จ วทนฺติ. กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทึ นิสฺสาย ‘‘ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา นุ โข มนุสฺโส อโหสิ’’นฺติ อตฺตโน อปราปรุปฺปตฺตึ กงฺขติ. สพฺพตฺเถว จ อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนํ. ภวิสฺสามิ นุ โขติ สสฺสตาการํ, อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ, อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว. เอตรหิ วา ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานนฺติ อิทานิ วา ปฏิสนฺธิมาทึ กตฺวา จุติปริยนฺตํ สพฺพมฺปิ วตฺตมานกาลํ. อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหตีติ อตฺตโน ขนฺเธสุ วิจิกิจฺฉา โหติ. อหํ นุ โขสฺมีติ อตฺตโน อตฺถิภาวํ กงฺขติ. อยุตฺตํ ปเนตนฺติ. ยุตฺตํ อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโน. โน นุ โขสฺมีติ อตฺตโน นตฺถิภาวํ กงฺขติ. กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติโยว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ. เอส นโย เสเสสุ. กถํ นุ โขสฺมินฺติ วุตฺตนยเมว. เกวลฺเหตฺถ ‘‘อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถี’’ติ คเหตฺวา ตสฺส ทีฆาทิภาวํ กงฺขนฺโต ‘‘กถํ นุ โขสฺมิ’’นฺติ กงฺขตีติ เวทิตพฺโพ. ปจฺจุปฺปนฺนํ ปน อตฺตโน สรีรสณฺานํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. กุโต อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺานํ กงฺขติ. สา สพฺพาปิ ปหียตีติ สา ยถาวุตฺตา โสฬสวิธาปิ วิจิกิจฺฉา วิกฺขมฺภนวเสน ปหียติ.

๖๘๑. กุสลาทิเภทโต สพฺพปฺปการสฺสาปิ นามสฺส สาธารโณ ปจฺจโยติ, ตโต ปวตฺติโต มนสิการาทิโก กุสลาทิเภทโต สพฺพปฺปการสฺสาปิ นามสฺส อสาธารโณ ปจฺจโยติ จ โยเชตพฺพํ. กุสลาทิเภทโตติ กุสลากุสลวิปากกิริยเภทโต. ตสฺสาปิ โสมนสฺสสหคตาทิอฺตรเภทวเสน สพฺพปฺปการสฺสาปิ. ยํ เอกนฺตโต ฉทฺวาริกํ, ตมฺปิ ฉทฺวารคฺคหเณเนว คหิตํ ยถา ฉฏฺารมฺมณํ ฉฬารมฺมณคฺคหเณนาติปิ วุตฺตํ ‘‘สพฺพปฺปการสฺสาปี’’ติ. ตโตติ จกฺขุรูปาทิโต. มนสิการาทิโกติ โยนิโสมนสิการอโยนิโสมนสิการาทิโก, กมฺมภวงฺคาทิโก จ. กามฺเจตฺถ ทฺวารจฺฉกฺกโยนิโสมนสิการาทิวเสน นามสฺเสว สาธารโณ, อสาธารโณ จ ปจฺจโย วุตฺโต, ตํ ปน อวิเสสวเสน วุตฺตํ. วิเสสโต ปน กมฺมํ วิปากนามสฺส, กมฺมสมุฏฺานรูปานฺจ จิตฺตํ เจตสิกนามสฺส, จิตฺตสมุฏฺานรูปานฺจ สาธารโณ ปจฺจโย, ยถาวุตฺตสฺเสว จ นามสฺส, รูปสฺส จ ตทฺนามรูปาเปกฺขาย อสาธารโณ ปจฺจโย. ตถา สภาโค, อุตุสภาโค จ อาหาโร ตํสมุฏฺานรูปานํ สาธารโณ ปจฺจโย, ตทฺาเปกฺขาย อสาธารโณติ รูปสฺสาปิ สาธารโณ, อสาธารโณ จ ปจฺจโย ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺโพ. ปจฺจยปริคฺคโห นาม อนธิคตารหตฺเตน กาตพฺโพติ ตทเปกฺขาย ‘‘โยนิโสมนสิการสทฺธมฺมสฺสวนาทิโก กุสลสฺเสวา’’ติ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน สปฺปุริสูปนิสฺสยสฺส, จตุนฺนมฺปิ วา สมฺปตฺติจกฺกานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. วิปรีโต อกุสลสฺสาติ วจนโต ยถา โยนิโสมนสิการาทิวิปรีโต อกุสลสฺเสว ปจฺจโย, ตถา โยนิโสมนสิการาทิ กุสลสฺเสว ปจฺจโย โหตีติ อตฺโถ. ยสฺส วา กุสลํ สมฺภวติ, อกุสลํ สมฺภวติ, กุสลากุสลานิ วา, ตสฺสาติ อตฺถสิทฺธเมตํ. กมฺมาทิโกติ อาทิ-สทฺเทน อวิชฺชาทโย วิย คติกาลาทโยปิ สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพา. ภวงฺคาทิโกติ ภวงฺคสนฺตีรณปริตฺตกิริยารหตฺตาทิโก. ตตฺถ ภวงฺคํ ปฺจทฺวารมโนทฺวาราวชฺชนกิริยานํ, สนฺตีรณํ โวฏฺพฺพนสฺส, ปริตฺตกิริยา ยถารหํ ปริตฺตมหคฺคตกิริยานํ, อรหตฺตํ อาวชฺชนวชฺชานํ สพฺพกิริยานํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺพํ.

กมฺมนฺติ เจตนาว อธิปฺเปตา, สา จ โข กุสลากุสลา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กุสลากุสลเจตนา วิปากานํ ขนฺธานํ, กฏตฺตา จ รูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๒๗). น จิตฺตํ วิย สสมฺปยุตฺตา. จิตฺตฺเหตฺถ สสมฺปยุตฺตํ อธิปฺเปตํ ‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ, ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติอาทิวจนโต (ปฏฺา. ๑.๑.๑). ตตฺถาติ เตสุ กมฺมาทีสุ รูปชนกปจฺจเยสุ. อตีตโต เอว กมฺมโต ผลํ อุปฺปชฺชติ, น วตฺตมานโตติ วุตฺตํ ‘‘กมฺมํ อตีตเมว กมฺมสมุฏฺานสฺส รูปสฺส ปจฺจโย’’ติ. ยทิ หิ ปจฺจุปฺปนฺนโต กมฺมโต ผลํ อุปฺปชฺเชยฺย, อายูหนกฺขเณ เอว ผเลน อุปฺปชฺชิตพฺพํ ภเวยฺย, น จ ตํ ทิฏฺมิจฺฉิตํ วา. น หิ โลเก กุทาจนํ กริยมานเมว กมฺมํ ผลํ เทนฺตํ ทิฏฺํ, ตถารูโป วา อาคโม อตฺถีติ. นนุ จ อิทมปิ น ทิฏฺํ, ยํ วินฏฺโต เหตุโต ผลํ อุปฺปชฺชมานํ, มโต วา กุกฺกุโฏ วสฺสนฺโตติ? สจฺจมทิฏฺํ รูปธมฺมานํ ปพนฺธวิจฺเฉเท, อิทํ ปน อรูปํ ปพนฺโธปิ อตฺถีติ อุปมา น สํสนฺทติ. กมฺมโต หิ อตีตโต เอว กมฺมสฺส กตตฺตา, อุปจิตตฺตา จ ผลํ อุปฺปชฺชติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กามาวจรสฺส กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา วิปากํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๔๓๑). ยสฺมา อนนฺตราทิปจฺจยลาภโต อุปฺปาทกฺขเณ เอว จิตฺตสฺส พลวตา, ตสฺมา ตํ อุปฺปชฺชมานเมว รูปํ ชเนตีติ อาห ‘‘จิตฺตํ จิตฺตสมุฏฺานสฺส อุปฺปชฺชมาน’’นฺติ. รูปสฺส ปจฺจโย โหตีติ สมฺพนฺโธ. ยสฺมา ปน รูปสฺส ิติกฺขเณ พลวตา ปจฺฉาชาตาทิปจฺจยลาภโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุตุอาหารา…เป… โหนฺตี’’ติ, พาหิรํ อุตุํ, อาหารฺจ ปจฺจยํ ลภิตฺวา อตฺตโน ิติกฺขเณ อุตุอาหารา รูปํ ชเนนฺตีติ อตฺโถ.

เอวนฺติ ‘‘สาธารณาสาธารณวเสนา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน.

๖๘๒. สงฺขารานนฺติ สงฺขตสงฺขารานํ. ภงฺคนฺติ มรณํ. ชรามรณํ นาม ชาติยา สตีติอาทิ ผลทสฺสนานุปุพฺพิยา เหตุทสฺสนกฺกเมน นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห สุกโรติ กตฺวา ทสฺสิโต. ตตฺถ ภเว สตีติ กมฺมภเว สติ.

๖๘๓. ปุพฺเพ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิตอนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสนาติ ปริโยสานโต ปฏฺาย ปฏิโลมนเยน อาทิปาปนวเสน วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิตอนุโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสน. ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๔) หิ ปฏิโลมวเสน ทสฺสิเต ปจฺจยากาเร ‘‘ยสฺส อภาวา ยสฺส อภาโว, โส ตสฺส ปจฺจโย’’ติ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ นามรูปสฺส ปจฺจยปริคฺคโห สุกโรติ.

๖๘๔. ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโหติอาทิ วุตฺตตฺถเมว. กมฺมสหายตฺตา กิเลสวฏฺฏํ กมฺมวฏฺเฏ ปกฺขิตฺวา วุตฺตํ ‘‘กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสนา’’ติ.

๖๘๕. ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, ตตฺถ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ. ปจฺจุปฺปนฺนภวโต อนนฺตรํ เวทิตพฺพผลํ กมฺมํ อุปปชฺชเวทนียํ. อปราปริยาเยติ ทิฏฺธมฺมานนฺตรานาคตโต อฺสฺมึ อตฺตภาวปริยาเย อตฺตภาวปริวตฺเต. อโหสิกมฺมนฺติ อโหสิ เอว กมฺมํ, น ตสฺส วิปาโก อโหสิ, ‘‘อตฺถิ, ภวิสฺสติ วา’’ติ เอวํ วตฺตพฺพกมฺมํ. ปฏิปกฺเขหิ อนภิภูตตาย, ปจฺจยวิเสเสน ปฏิลทฺธวิเสสตาย จ พลวภาวํ ปตฺตา ตาทิสสฺส ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส วเสน สาติสยา หุตฺวา ปวตฺตา ปมชวนเจตนา ตสฺมึเยว อตฺตภาเว ผลทายินี ทิฏฺธมฺมเวทนียา นาม. สา หิ วุตฺตากาเรน พลวติ ชวนสนฺตาเน คุณวิเสสยุตฺเตสุ อุปการาปการวสปฺปวตฺติยา, อาเสวนาลาเภน อปฺปวิปากตาย จ ปมชวนเจตนา อิตรทฺวยํ วิย ปวตฺตสนฺตานุปรมาเปกฺขํ, โอกาสลาภาเปกฺขฺจ กมฺมํ น โหตีติ อิเธว ปุปฺผมตฺตํ วิย ปวตฺติวิปากมตฺตํ ผลํ เทติ. ตถา อสกฺโกนฺตนฺติ กมฺมสฺส วิปากทานํ นาม อุปธิปโยคาทิปจฺจยนฺตรสมวาเยเนว โหตีติ ตทภาวโต ตสฺมึเยว อตฺตภาเว วิปากํ ทาตุํ อสกฺโกนฺตํ. อตฺถสาธิกาติ ทานาทิปาณาติปาตาทิอตฺถสฺส นิปฺผาทิกา. กา ปน สาติ อาห ‘‘สตฺตมชวนเจตนา’’ติ. สา หิ สนฺนิฏฺาปกเจตนา วุตฺตนเยน ปฏิลทฺธวิเสสา, ปุริมชวนเจตนาหิ ลทฺธาเสวนา จ สมานา อนนฺตรตฺตภาเว วิปากทายินี อุปปชฺชเวทนียกมฺมํ นาม. ‘‘สติ สํสารปฺปวตฺติยา’’ติ อิมินา อสติ สํสารปฺปวตฺติยํ อโหสิกมฺมปกฺเข ติฏฺติ วิปจฺจโนกาสสฺส อภาวโตติ ทีเปติ.

๖๘๖. ยํ ครุกนฺติ ยํ อกุสลํ มหาสาวชฺชํ, กุสลํ มหานุภาวํ กมฺมํ. ยํ พหุลนฺติ ยํ พหุลํ อภิณฺหโส กตํ สมาเสวิตํ. มรณกาเล อนุสฺสริตนฺติ ปริพฺยตฺตภาเวน มรณสฺส อาสนฺนกาเล อนุสฺสริตํ. อาสนฺนกาเล กเต วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ หิ วุตฺตํ. ‘‘ปุนปฺปุนํ ลทฺธาเสวน’’นฺติ อิมินา ‘‘ยํ พหุล’’นฺติ วุตฺตกมฺมโต วิเสเสติ. ตถา ทิฏฺธมฺมเวทนียํ นิวตฺเตติ ปฏิสนฺธิอากฑฺฒนานุชานนโต. ปฏิสนฺธิชนกวเสน หิ ครุกาทิกมฺมจตุกฺกํ วุตฺตํ.

ตตฺถ ครุกํ สพฺพปมํ วิปจฺจติ. ตถา หิ ตํ ครุกนฺติ วุตฺตํ. ครุเก อสติ พหุลีกตํ, ตสฺมึ อสติ อาสนฺนํ, ตสฺมิมฺปิ อสติ ‘‘กฏตฺตา วา ปนา’’ติ วุตฺตํ ปุริมชาตีสุ กตกมฺมํ วิปจฺจติ. พหุลาสนฺนปุพฺพกเตสุ จ พลาพลํ วา ชานิตพฺพํ, ปาปโต ปาปนฺตรํ, กลฺยาณฺจ, กลฺยาณโต จ กลฺยาณนฺตรํ, ปาปฺจ, พหุลีกตโต จ มหโต จ ปุพฺพกตาทิ, อปฺปฺจ. พหุลานุสฺสรเณน วิปฺปฏิสาราทิชนนโต ปฏิปกฺขสฺส อปริปุณฺณตาย อารทฺธวิปากสฺส กมฺมสฺส, กมฺมเสสสฺส วา อปราปริยาเย เวทนียสฺส อปริกฺขีณตาย สนฺตติยา ปริณามวิเสสโตติ เตหิ เตหิ การเณหิ อาหิตพลํ ปมํ วิปจฺจติ. มหานารทกสฺสปชาตเก วิเทหรฺโ เสนาปติ อลาโต, พีชโก ทาโส, ราชกฺา รุจา จ เอตฺถ นิทสฺสนํ. ตถา หิ วุตฺตํ ภควตา –

‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ. ยฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ, ตสฺส ทิฏฺเ วา ธมฺเม วิปากํ ปฏิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตี…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ยฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิ โหติ, ตสฺส ทิฏฺเ วา ธมฺเม วิปากํ ปฏิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ กลฺยาณกมฺมํ สุขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. ยฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, ตสฺส ทิฏฺเ วา ธมฺเม วิปากํ ปฏิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย.

‘‘ตตฺรานนฺท, ยฺวายํ ปุคฺคโล อิธ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต…เป… สมฺมาทิฏฺิ กายสฺส เภทา ปรํ…เป… นิรยํ อุปปชฺชติ. ปุพฺเพ วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, ปจฺฉา วาสฺส ตํ กตํ โหติ ปาปกมฺมํ ทุกฺขเวทนียํ, มรณกาเล วาสฺส โหติ มิจฺฉาทิฏฺิ สมตฺตา สมาทินฺนา, เตน โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ …เป… นิรยํ อุปปชฺชติ. ยฺจ โข โส อิธ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิ โหติ, ตสฺส ทิฏฺเ วา ธมฺเม วิปากํ ปฏิสํเวเทติ อุปปชฺช วา อปเร วา ปริยาเย’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๐๓).

กึ พหุนา ยํ ตํ ตถาคตสฺส มหากมฺมวิภงฺคาณํ, ตสฺเสวายํ วิสโย, ยทิทํ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส เตน เตน การเณน ปุพฺพาปรวิปากตา สามตฺถิยํ.

๖๘๗. ปฏิสนฺธิทานาทิวเสน วิปากสนฺตานสฺส นิพฺพตฺตกํ ชนกํ. เตนาห ‘‘ตํ ปฏิสนฺธิยมฺปิ ปวตฺเตปิ รูปารูปวิปากกฺขนฺเธ ชเนตี’’ติ. สุขทุกฺขสนฺตานสฺส, นามรูปปฺปพนฺธสฺส วา จิรตรปฺปวตฺติเหตุภูตํ อุปตฺถมฺภกํ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ อุปตฺถมฺเภติ, อทฺธานํ ปวตฺเตตี’’ติ. อุปปีฬกํ สุขทุกฺขปฺปพนฺเธ ปวตฺตมาเน สณิกํ สณิกํ ตํ หาเปติ. เตนาห ‘‘สุขทุกฺขํ ปีเฬติ พาธติ, อทฺธานํ ปวตฺติตุํ น เทตี’’ติ. ฆาเตตฺวาติ อุปจฺฉินฺทิตฺวา. กมฺมสฺส อุปจฺฉินฺทนํ นาม ตสฺส วิปากปฏิพาหนเมวาติ อาห ‘‘ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา’’ติ. ตฺจ อตฺตโน วิปากุปฺปตฺติยา โอกาสกรณนฺติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตี’’ติ. วิปจฺจนาย กโตกาสํ กมฺมํ วิปกฺกเมว นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ ปน กมฺเมน กเต โอกาเส ตํ วิปากํ อุปฺปนฺนํ นาม วุจฺจตี’’ติ. อุปปีฬกํ อฺสฺส วิปากํ อุปจฺฉินฺทติ, น สยํ อตฺตโน วิปากํ เทติ. อุปฆาตกํ ปน ทุพฺพลํ กมฺมํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตโน วิปากํ อุปฺปาเทตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. พวฺหาพาธตาทิปจฺจยูปนิปาเตน วิปากสฺส วิพาธกํ อุปปีฬกํ, ตถา วิปากสฺเสว อุปจฺเฉทกํ อุปฆาตกํ. กมฺมํ อุปฆาเตตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสกรเณน วิปจฺจเน สติ ชนกเมว สิยา, ชนกาทิภาโว นาม วิปากํ ปติ อิจฺฉิตพฺโพ, น กมฺมํ ปตีติ วิปากสฺเสว อุปฆาตกตา ยุตฺตา วิย ทิสฺสติ, วีมํสิตพฺพํ.

กมฺมนฺตรนฺติ กมฺมวิเสโส กมฺมานํ พลาพลเภโท. วิปากนฺตรนฺติ วิปากวิเสโส, ตสฺส หีนปณีตตาทิเภโท. อปโร นโย – ยสฺมึ กมฺเม กเต ปฏิสนฺธิยํ, ปวตฺเต จ วิปากกฏตฺตารูปานํ อุปฺปตฺติ โหติ, ตํ ชนกํ. ยสฺมึ ปน กเต อฺเน ชนิตสฺส อิฏฺสฺส วา อนิฏฺสฺส วา ผลสฺส วิพาธกวิจฺเฉทกปจฺจยานุปฺปตฺติยา, อุปพฺรูหนปจฺจยุปฺปตฺติยา จ ชนกานุภาวานุรูปํ ปริโปสจิรตรปฺปพนฺธา โหนฺติ, ตํ อุปตฺถมฺภกํ. ชนเกน นิพฺพตฺติตํ กุสลผลํ วา อกุสลผลํ วา เยน ปจฺจนีกภูเตน โรคธาตุสมตาทินิมิตฺตตาย พาธียติ, ตํ อุปปีฬกํ. เยน ปน กมฺมุนา ชนกสามตฺถิยวเสน จิรตรปฺปพนฺธารหมฺปิ สมานํ ผลํ วิจฺเฉทกปจฺจยุปฺปตฺติยา อุปหฺติ วิจฺฉิชฺชติ, ตํ อุปฆาตกํ. ตตฺถ เกจิ ทุติยสฺส กุสลภาวํ อิตฺถนฺนามคตสฺส อปฺปาพาธทีฆายุกตาสํวตฺตนวเสน, ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ อกุสลภาวํ พวฺหาพาธอปฺปายุกตาสํวตฺตนวเสน วณฺเณนฺติ. เทวทตฺตาทีนํ, ปน นาคาทีนํ, อิโต อนุปทินฺเนน ยาปนกเปตานฺจ นรกาทีสุ อกุสลวิปากุปตฺถมฺภนุปปีฬนุปฆาตกานิ น น สนฺตีติ จตุนฺนมฺปิ อกุสลากุสลภาโว น วิรุชฺฌติ. พุทฺธาเวณิกตาย อสาธารณสฺเสว าณสฺส โคจรภาวโต กมฺมนฺตราทิ ‘‘อสาธารณํ สาวเกหี’’ติ วุตฺตํ. เอกเทสโต ชานิตพฺพํ อนวเสสโต ชานิตุํ น สกฺกา อวิสยตฺตา. สพฺเพน สพฺพํ อชานเน ปจฺจยปริคฺคโห น ปริปูรตีติ.

๖๘๘. ยถาวุตฺตํ กมฺมํ วตฺตมานวิปากปฺปพนฺธนิมิตฺตเมว อธิปฺเปตนฺติ กมฺเมกเทสตาย ‘‘ทฺวาทสวิธํ กมฺมํ กมฺมวฏฺเฏ ปกฺขิปิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. กิเลสวฏฺฏมฺปิ กมฺมสหายตาย กมฺมวฏฺฏปกฺขิกเมว กตฺวา อาห ‘‘กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสนา’’ติ. ยาทิสโต ปจฺจยโต ปจฺจุปฺปนฺเน อทฺธาเน นามรูปสฺส ปวตฺติ, ตาทิสโต เอว อิตรสฺมิมฺปิ อทฺธทฺวเยติ ยถา อตีตานาคเต นยํ เนติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิท’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนาคเตปิ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสเนวาติ เอตฺถ วุตฺตํ เอว-สทฺทํ ‘‘เอตรหิ อตีเตปี’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ อทฺธตฺตเยปิ กิริยากิริยผลมตฺตตาทสฺสนปรตฺตา โจทนาย. อิติ กมฺมฺเจวาติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ. อปราปรํ วฏฺฏนฏฺเน วฏฺฏํ. ตถา ปวตฺตนํ ปวตฺตํ. เหตุผลภาเวน สมฺพนฺธตีติ สนฺตติ, ปพนฺโธ. กรณฏฺเน, ปจฺจเยหิ กรียตีติ วา กิริยา.

กมฺมาติ กมฺมโต. สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว, กมฺมํ สมฺภโว เอตสฺสาติ กมฺมสมฺภโว, วิปาโก.

การณสามคฺคิยํ ทานาทีหิ สาธิตกิริยาย วตฺตมานาย การณมตฺเต กตฺตุโวหาโรติ อาห ‘‘เนว การณโต อุทฺธํ การกํ ปสฺสตี’’ติ. กโรตีติ หิ การกํ. วิปากปฏิสํเวทกํ น ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. กามํ พาลาปิ ‘‘การโก ปฏิสํเวทโก’’ติ วทนฺตา อตฺถโต ปฺตฺติมตฺตเมว วทนฺติ, เต ปน วิปรีตาภินิเวสวเสนาปิ วทนฺตีติ ตํ อปฺปมาณนฺติ อาห ‘‘สมฺามตฺเตน ปณฺฑิตา โวหรนฺตี’’ติ.

๖๘๙. เอเวตนฺติ เอวํวิธํ เอตํ ทสฺสนํ, สมฺมทสฺสนํ, อวิปรีตทสฺสนนฺติ อตฺโถ. พีชรุกฺขาทิกานํวาติ ยถา พีชโต รุกฺโข, รุกฺขโต ปุน พีชนฺติ อนาทิกาลิกตฺตา พีชรุกฺขสนฺตานสฺส ปุพฺพโกฏิ นตฺถิ, เอวํ กมฺมปจฺจยา วิปาโก, วิปากปจฺจยา กมฺมนฺติ อนาทิกาลิกตฺตา กมฺมวิปากสนฺตานสฺส ปุพฺพโกฏิ น ปฺายติ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘กุกฺกุฏิยา อณฺฑํ, อณฺฑโต กุกฺกุฏี, ปุนปิ กุกฺกุฏิยา อณฺฑ’’นฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. อนาคเตปิ สํสาเรติ ยถา อตีเต, เอวํ อนาคเตปิ อทฺธาเน ‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขารปทนิทฺเทส; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฏฺ. ๓๙; อิติวุ. อฏฺ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๖๗, ๙๙; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๑๗; จูฬนิ. อฏฺ. ๖; พุ. วํ. อฏฺ. ๒.๕๘) วุตฺเต สํสาเร สติ กมฺมวิปากานํ อปฺปวตฺตํ น ทิสฺสติ, กมฺมวิปากานํ อปฺปวตฺติ น ทิสฺสติ, ปวตฺตติ เอวาติ อตฺโถ.

เอตมตฺถนฺติ ‘‘กมฺมสฺส การโก นตฺถี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๘๙) วุตฺตมตฺถํ. อสยํวสีติ น สยํวสิโน, มิจฺฉาภินิเวสปรวสาติ อตฺโถ. อฺมฺวิโรธิตาติ อิตรีตรวิโรธิตา, ทิฏฺิโย, ทิฏฺิยา วา อฺมฺเน วิโรธิตา วิรุทฺธา.

คมฺภีราณโคจรตาย คมฺภีรํ. ตถา นิปุณํ. สตฺตสุฺตาย, อฺมฺสภาวสุฺตาย จ สุฺํ. ปจฺจยนฺติ นามรูปสฺส ปจฺจยํ, ตปฺปจฺจยปฏิเวเธเนว จ สพฺพํ ปฏิวิทฺธํ โหตีติ. กมฺมํ นตฺถิ วิปากมฺหีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

ปจฺจยสุฺํ ผลนฺติ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา น สูริเย’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตสนฺติ สูริยาทีนํ. โสติ อคฺคิ. สมฺภาเรหีติ อาตปาทีหิ การเณหิ.

ยทิ จ เหตุ จ ผลฺจ อฺมฺรหิตํ, กถํ เหตุโต ผลํ นิพฺพตฺตตีติ อาห ‘‘กมฺมฺจ โข อุปาทายา’’ติ. น เกวลํ กมฺมผลเมว สุฺํ กตฺตุรหิตํ, สพฺพมฺปิ ธมฺมชาตํ การกรหิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เหตฺถ เทโว’’ติ คาถา วุตฺตา. เหตุสมฺภารปจฺจยาติ เหตุสมูหนิมิตฺตํ, เหตุปจฺจยนิมิตฺตํ วา.

๖๙๐. จุติปฏิสนฺธิวเสน วิทิตา โหนฺตีติ กมฺมวฏฺฏวิปากวฏฺฏวเสน ปจฺจยปริคฺคหสฺส กตตฺตา จุติปฏิสนฺธิวเสน วิทิตา โหนฺตีติ วทนฺติ. วุตฺตนเยน ปน สปฺปจฺจยนามรูปสฺส ทสฺสเนน ตีสุ อทฺธาสุ ปหีนวิจิกิจฺฉสฺส อทฺธตฺตยปริยาปนฺนา ธมฺมา อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตภเวสุ จ จุติปฏิสนฺธิวเสน วิทิตา โหนฺติ, น อนุปทธมฺมวเสน ตถาปริคฺคหสฺส อกตตฺตา. สาสฺส โหติ าตปริฺาติ ยาย นามรูปปริคฺคหํ, ตสฺส จ ปจฺจยปริคฺคหํ กโรติ, สา อสฺส โยคิโน ‘‘อิทํ นามํ, เอตฺตกํ นาม’’นฺติอาทินา, ‘‘ตสฺส อยํ ปจฺจโย, เอตฺตโก ปจฺจโย’’ติอาทินา จ ปริจฺเฉทวเสน าตวตี ปฺาติ กตฺวา าตปริฺา.

อิทานิ เยน การเณน อทฺธตฺตยปริยาปนฺนา ธมฺมา จุติปฏิสนฺธิวเสน วิทิตา โหนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส เอวํ ปชานาตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน ธมฺมานํ ภวนฺตรสงฺกโม นาม น กทาจิปิ อตฺถิ, ตตฺถ ตตฺเถว นิรุชฺฌนโตติ ทสฺเสติ. สชฺฌาย มนฺโตทกปาน มุขมณฺฑน ปทีปสีขูปมาหิ ตเมว ธมฺมานํ สงฺกมาภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘อปิจ โข’’ติอาทิมาห.

มโนธาตุอนนฺตรนฺติ กิริยมโนธาตุยา อนนฺตรํ ลพฺภมานํ จกฺขุวิฺาณํ. น เจว อาคตนฺติ กิริยมโนธาตุโต น เจว อาคตํ กิริยมโนธาตุยํ จกฺขุวิฺาณสฺส อภาวโต. นาปิ น นิพฺพตฺตํ อนนฺตรนฺติ กิริยมโนธาตุโต อนาคจฺฉนฺตมฺปิ ปจฺจยสามคฺคิลาเภน ตโต อนนฺตรํ นาปิ น นิพฺพตฺตํ, นิพฺพตฺตเมว โหติ. ยถายํ ปวตฺติยํ จิตฺตปฺปวตฺติ, ตเถว ปฏิสนฺธิมฺหิ วตฺตเต จิตฺตสนฺตติ, จุติจิตฺตโต อนาคจฺฉนฺตมฺปิ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ ตโต อนนฺตรํ นาปิ น นิพฺพตฺตติ, ปจฺจยสามคฺคิวเสน นิพฺพตฺตเตวาติ อตฺโถ. สนฺตติคหเณน เจตฺถ กุโตจิ อาคมาภาวเมว วิภาเวติ. เหตุผลภาเวน หิ สมฺพนฺธตาติ ธมฺมปฺปวตฺติ สนฺตตีติ. เตนาห ‘‘ปุริมํ ภิชฺชเต จิตฺต’’นฺติอาทิ. ปุริมนฺติ จุติจิตฺตํ. ภิชฺชเตติ นิรุชฺฌติ. ปจฺฉิมนฺติ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ. ตโตติ จุติจิตฺตโต อนนฺตรเมว ชายติ. ยตฺถ หิ จุติจิตฺตโต ทูเรปิ กาลนฺตเรปิ อุปฺปชฺชมานํ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ อนนฺตรเมว ชายตีติ วุจฺจติ. ตสฺมา เตสํ อนฺตริกา นตฺถิ เตสํ จุติปฏิสนฺธิจิตฺตานํ พฺยวธายกํ กิฺจิ นตฺถิ. วีจิ เตสํ น วิชฺชตีติ ตสฺเสว เววจนํ. อิโตติ จุติจิตฺตโต อนนฺตรํ น จ คจฺฉติ กิฺจิ จิตฺตํ. ตฺหิ สสมฺปยุตฺตธมฺมํ ตเถว นิรุชฺฌติ. ปฏิสนฺธิ จาติ ปฏิสนฺธิวิฺาณฺจ อฺเมว ยถาปจฺจยํ ชายติ นิพฺพตฺตตีติ ปุนปิ สงฺกมาภาวเมว วิภาเวนฺโต สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ นิคเมติ.

๖๙๑. นามรูปคฺคหเณน, ตสฺส จ ปจฺจยธมฺมคฺคหเณน อคฺคหิตสฺส เตภูมกธมฺมสฺส อภาวโต ‘‘วิทิตสพฺพธมฺมสฺสา’’ติ วุตฺตํ. น เจตฺถ โลกุตฺตรธมฺมา อธิคตา. ถามคตํ โหติ อเนกาการโวการปจฺจยปริคฺคหวิธิโน อนุฏฺิตตฺตา. สุฏฺุตรํ ปหียติ ติยทฺธคตธมฺมปฺปวตฺติยา วิคตสมฺโมหตฺตา. สา เอวาติ โสฬสวิธา กงฺขา เอว. ยสฺมา เอตฺถ ‘‘พุทฺโธ, ธมฺโม, สงฺโฆ, สิกฺขา’’ติ จ กงฺขาย โคจรภูตา โลกิยา ธมฺมา อธิปฺเปตา. น หิ โลกุตฺตรธมฺเม อารพฺภ กิเลสา ปวตฺติตุํ สกฺโกนฺติ. ปุพฺพนฺโตติ อตีตา ขนฺธายตนธาตุโย. อปรนฺโตติ อนาคตา. ปุพฺพนฺตาปรนฺโตติ ตทุภยํ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา ตทุภยภาคยุตฺตตฺตา. เอวํ พุทฺธาทิคฺคหเณน, ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมคฺคหเณน จ คหิโต อฏฺโม กงฺขาวิสโย นามรูปมตฺตํ, อิทปฺปจฺจยตาคฺคหเณน ปน ตสฺส ปจฺจโย คหิโต, ตสฺมา โสฬสวตฺถุกาย กงฺขาย ปหีนาย อฏฺวตฺถุกา กงฺขา อปฺปติฏฺาว โหตีติ อาห ‘‘น เกวลฺจ…เป… ปหียติเยวา’’ติ.

ทิฏฺเกฏฺตฺตา วิจิกิจฺฉาย ยถา ทิฏฺิ สมุจฺฉิชฺชมานา วิจิกิจฺฉาย สทฺธึเยว สมุจฺฉิชฺชติ, เอวํ วิจิกิจฺฉา วิกฺขมฺภิยมานา ทิฏฺิยา สทฺธึเยว วิกฺขมฺภียตีติ อาห ‘‘ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ วิกฺขมฺภนฺตี’’ติ. อตฺตาภินิเวสูปนิสฺสยา หิ ‘‘อโหสึ นุ โข อห’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) นยปฺปวตฺตา โสฬสวตฺถุกา กงฺขา, สา เอว จ ปุพฺพนฺตาทิวตฺถุกภาเวน วุตฺตา. อตฺตาภินิเวสวตฺถุกานิ จ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ, พุทฺธาทิวตฺถุกา จ กงฺขา ตเทกฏฺาติ. ธรียนฺติ อตฺตโน ปจฺจเยหีติ ธมฺมา, ติฏฺติ เอตฺถ ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลนฺติ ิติ, ธมฺมานํ ิติ ธมฺมฏฺิติ, ปจฺจยธมฺโม. อถ วา ธมฺโมติ การณํ ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘ อาทโย) วิย, ธมฺมสฺส ิติ สภาโว, ธมฺมโต จ อฺโ สภาโว นตฺถีติ ปจฺจยธมฺมานํ ปจฺจยภาโว ธมฺมฏฺิติ, ธมฺมฏฺิติยํ าณํ ธมฺมฏฺิติาณํ. สงฺขารานํ ยํ ยํ ภูตํ อนิจฺจตาทิ ยถาภูตํ, ตตฺถ าณนฺติ ยถาภูตาณํ. สมฺมา ปสฺสตีติ สมฺมาทสฺสนํ.

อวิชฺชา ปจฺจโยติ อวิชฺชา เหตุอาทิวเสน สงฺขารานํ ยถารหํ ปจฺจโย. ตโต เอว สงฺขารา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา. อุโภเปเตติ ยสฺมา อวิชฺชาปิ อาสวาทิวเสน ปจฺจยสมฺภูตาว, ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขาราติ อุภเยปิ เอเต ธมฺมา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา. อิตีติ เอวํ. ปจฺจยปริคฺคเห ปฺาติ ปจฺจยานํ ปริจฺฉิชฺช คหณวเสน ปวตฺตา ปฺา. วุตฺตนเยน ธมฺมฏฺิติาณํ.

นิมิตฺตนฺติ สงฺขารนิมิตฺตํ, อตฺถโต ปฺจกฺขนฺธา. เต หิ ฆนสฺาปวตฺติยา วตฺถุภาวโต นิมิตฺตํ, สวิคฺคหภาเวน อุปฏฺานโต วา. ยสฺมา อนิจฺจตา นาม สงฺขารานํ อวิปรีตากาโร. ตตฺถ นิจฺจตาย เลสสฺสาปิ อภาวโต อนิจฺจโต ปสฺสนฺโต ยถาภูตํ ชานาติ. ตฺจ าณํ อวิปรีตคฺคหณตาย สมฺมาทสฺสนํ. ตํสมงฺคินา จ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วิย อตีตานาคเตสุปิ นยํ เนนฺเตน เต สุปริวิทิตา โหนฺติ.

อนิจฺจตา จ นาม อุปฺปตฺติมโต, อุปฺปาโท จ ปจฺจยวเสนาติ อนิจฺจตา สิชฺฌมานา สงฺขารานํ สปฺปจฺจยตํ สาเธนฺตี ยถาวุตฺตกงฺขปฺปหานาย สํวตฺตตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิจฺจโต…เป… ปหียตี’’ติ อาห. ตตฺถ ตทนฺวเยนาติ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺสฺส อนุคมเนน. เอตฺถาติ ยถาทิฏฺเสุ ธมฺเมสุ. ทุกฺขโต มนสิ กโรนฺโตติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ปวตฺตนฺติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปฺปวตฺตํ. ตฺหิ กิเลสาภิสงฺขาเรหิ ปวตฺติตตฺตา สาติสยํ ทุกฺขภาเวน อุปฏฺาติ. ปวตฺตนฺติ านนิสชฺชาทิวเสน ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน จ สงฺขารปฺปวตฺตนฺติ อปเร. ‘‘นิมิตฺตํ, ปวตฺต’’นฺติ จ วุตฺเต อชฺฌตฺตพหิทฺธาสนฺตานสฺิเต สพฺพสฺมึ สปฺปจฺจเย นามรูเป ยาถาวโต ปวตฺตา เอกาว ปฺา ปริยายวเสน ‘‘ยถาภูตาณ’’นฺติปิ ‘‘สมฺมาทสฺสน’’นฺติปิ ตตฺถ กงฺขาวิกฺขมฺภเนน ‘‘กงฺขาวิตรณา’’ติปิ วุจฺจติ. ยถา ‘‘รุกฺโข ปาทโป ตรู’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยฺจ ยถาภูตาณ’’นฺติอาทิ.

ปรมตฺถโต สาสเน อสฺสาโส นาม อริยผลํ, ปติฏฺา นาม อริยมคฺโค, อยํ ปน อนธิคตมคฺคผโลปิ ตทธิคมุปายปฏิปตฺติยํ ิตตฺตา ลทฺธสฺสาโส วิย, ลทฺธปติฏฺโ วิย จ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ลทฺธสฺสาโส ลทฺธปติฏฺโ’’ติ. อปริหีนกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิโก วิปสฺสโก โลกิยาหิ สีลสมาธิปฺาสมฺปทาหิ สมนฺนาคตตฺตา อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต สุคติปรายโณ จ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิยตคติโก’’ติ. ตโต เอว จูฬโสตาปนฺโน นาม โหติ. โสตาปนฺโน หิ ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโตติ.

อถ วา ลทฺธสฺสาโส ทิฏฺิวิสุทฺธิสมธิคเมน. นามรูปปริจฺเฉเทน หิ ขนฺธาทิเก สภาวสรสโต สลฺลกฺเขตฺวา สาสเน ธมฺมุปสํหิตปาโมชฺชปฺปฏิลาเภน ลทฺธสฺสาโส โหติ. ลทฺธปติฏฺโ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิสมธิคเมน. สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสเนน หิ ปริมทฺทิตทิฏฺิกณฺฏโก วินิทฺธตอเหตุวิสมเหตุวาโท ยถาสกํ ปจฺจเยเหว ธมฺมมตฺตํ ชานิตฺวา สาสเน ปติฏฺิตสทฺโธ ลทฺธปติฏฺโ นาม โหติ. นามรูปววตฺถาเนน ทุกฺขสจฺจํ, ธมฺมฏฺิติาเณน สมุทยสจฺจํ, ตสฺเสว อปรภาเคน อนิจฺจโต มนสิการาทิวิธินา มคฺคสจฺจฺจ อภิฺาย ปวตฺติยา ทุกฺขภาวํ ทิสฺวา อปฺปวตฺเต นิโรเธ เอกํเสเนว นินฺนชฺฌาสยตาย โลกิเยเนว าเณน จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อธิคตตฺตา อปาเยสุ อภพฺพุปฺปตฺติโก, โสตาปนฺนภูมิยํ ภพฺพุปฺปตฺติโก จ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘นิยตคติโก’’ติ. เตนาห ‘‘จูฬโสตาปนฺโน นาม โหตี’’ติ.

ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ มหานิสํสเมตํ ยถาภูตาณํ, ตสฺมา. สทาติ สพฺพกาลํ รตฺติฺเจว ทิวา จ. สพฺพโสติ นิพฺพตฺตกเหตุอาทิปริคฺคณฺหนวเสน สพฺพปฺปกาเรน.

กงฺขาวิตรณวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ เอกูนวีสติมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๒๐. มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

สมฺมสนาณกถาวณฺณนา

๖๙๒. เอวํ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ตฺวา ิตํ าณนฺติ อยํ อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตา วีถิปฏิปนฺนา วิปสฺสนาปฺา อริยมคฺคสฺส ปุพฺพภาคมคฺโค, อยํ โอภาสาทิเภโท ทสวิโธ อุปกฺกิเลโส น มคฺโคติ เอวํ มคฺคฺจ อมคฺคฺจ ยาถาวโต ววตฺถเปตฺวา ิตํ าณํ.

อตีตาทิวเสน อเนกเภทภินฺเน ธมฺเม กลาปโต สงฺขิปิตฺวา สมฺมสนํ กลาปสมฺมสนํ, อยํ กิร ชมฺพุทีปวาสีนํ อภิลาโป. ‘‘ยํ กิฺจิ รูป’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ๒.๑๑๓; ๓.๘๖; อ. นิ. ๔.๑๘๑) นเยน หิ ธมฺมานํ วิปสฺสนา นยวิปสฺสนา, อยํ กิร ตมฺพปณฺณิทีปวาสีนํ อภิลาโป. เตเนวาห ‘‘กลาปสมฺมสนสงฺขาตาย นยวิปสฺสนายา’’ติ. ตาว-สทฺโท กมตฺโถ, เตน สมฺมสนปฺปการานํ พหุเภทตํ ทีเปติ. พหุภาวโต หิ เตสํ ปมํ นยวิปสฺสนาย โยคารมฺภํ อนุสาสติ ‘‘นยวิปสฺสนาย ตาว โยโค กรณีโย’’ติ. กสฺมาติ โจทกวจนํ. ตสฺสายํ อธิปฺปาโย – ยทิ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ สมฺปาเทตพฺพา, อถ กสฺมา ‘‘นยวิปสฺสนาย อาทิโต โยโค กาตพฺโพ’’ติ วุตฺตนฺติ. อิตโร ตสฺสายํ อธิคมูปาโยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อารทฺธวิปสฺสกสฺสา’’ติอาทิมาห. เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘วิปสฺสนาย สติ อุทยพฺพยาณุปฺปาโท, อุทยพฺพยาเณ สติ โอภาสาทิอุปกฺกิเลสสมฺภโว, ตโต มคฺคามคฺคววตฺถานํ, ตสฺมา ตสฺส อาทิโตว อารมฺภสฺส สมฺภโว นตฺถีติ วิปสฺสนา ปมํ อารทฺธพฺพา’’ติ. เอวมฺปิ ปมํ นยวิปสฺสนาว กสฺมา อารทฺธพฺพาติ อาห ‘‘วิปสฺสนาย จ กลาปสมฺมสนํ อาที’’ติ. ตฺหิ อตีตาทิเภทภินฺนานํ ธมฺมานํ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถานวเสน ปวตฺตนโต อาทิกมฺมิกสฺส สุกรํ สมฺมสนนฺติ อาทิภูตํ.

ตสฺมาติ อาทิภูตตฺตา. อถ วา ตสฺมาติ ยสฺมา อารทฺธวิปสฺสกสฺส…เป… กลาปสมฺมสนํ อาทิ, ตสฺมา. เอตนฺติ กลาปสมฺมสนํ. อปิจาติอาทิ กลาปสมฺมสนสฺเสว วิปสฺสนาย อาทิภาเว อุปจยเหตุทสฺสนํ. อุทยพฺพยาณปริโยสานา ตีรณปริฺา, อสมฺปตฺเต เอว จ อุทยพฺพยาเณ มคฺคามคฺคววตฺถานํ โหตีติ อาห ‘‘ตีรณปริฺาย วตฺตมานายา’’ติ. กลาปสมฺมสเน ตาว โยโค กาตพฺโพติ เอตฺถาปิ ตสฺเสว ปมารมฺเภ การณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยสฺมา กลาปสมฺมสนํ นาม เอกวิสุทฺธิยมฺปิ น อนฺโตคธํ, เอกจฺเจ จ ตํ อนามสิตฺวาว วิปสฺสนาจารํ วณฺเณนฺติ. เอวํ สนฺเตปิ ตํ สุตฺตนฺเตสุ เอกเทเสน, อนวเสสโต จ ทสฺสิตํ. ปฏิสมฺภิทายํ อาทิกมฺมิกานํ มนสิการสุกรตาย วิปสฺสนาย อาทิภาเวน ปิตํ. วิปสฺสนฺตสฺส จ โอภาสาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ มคฺคามคฺคาณสมฺภโว, ตสฺมา ‘‘ตํ สมฺปาเทตุกาเมนา’’ติอาทินา อยํ วิจาโร กโตติ ทฏฺพฺพํ.

๖๙๓. ตตฺราติ ตสฺมึ ตีรณปริฺาย าตปริฺานนฺตรภาเว, ตาสุ วา ปริฺาสุ. วินิจฺฉโยติ สรูปโต, กิจฺจโต, ภูมิโต จ สนฺนิฏฺานํ. โลกุตฺตราปิ ปุริมสฺมึ สจฺจทฺวเย มคฺคสมฺปยุตฺตา ติวิธาปิ ปริฺา กิจฺจวเสน ลพฺภตีติ ‘‘โลกิยปริฺา’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. สภาวธมฺมานํ ลกฺขณสลฺลกฺขณโต เยฺยอภิมุขา ปฺา อภิฺาปฺา. าตฏฺเติ าตภาวนิมิตฺตํ. อภิฺเยฺยสฺส ชานนเหตุ ‘‘าณ’’นฺติ วุจฺจติ. ปริฺาปฺาติ อนิจฺจาทิลกฺขณานิ ปริจฺฉิชฺช ชานนปฺา. ตีรณฏฺเติ สมฺมสนภาวเหตุ. ปหานปฺาติ ปหาตพฺพสฺส ปชหนปฺา. เวทยิตาทิลกฺขณวิธุรตาย รุปฺปนลกฺขณํ ปจฺจตฺตลกฺขณํ วุตฺตํ. เตสํเยว ปจฺจตฺตลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน คหิตธมฺมานํเยว. ยถา ปถวีผสฺสาทีนํ กกฺขฬผุสนาทิลกฺขณานิ ตีสุปิ ขเณสุ สลฺลกฺขิตพฺพานิ ปฏินิยตรูปตาย สภาวสิทฺธาเนว หุตฺวา คยฺหนฺติ, น เอวมนิจฺจตาทิลกฺขณานิ. ตานิ ปน ภงฺคุทยพฺพยปีฬาวสวตฺตนาการมุเขน คเหตพฺพโต สมาโรปิตรูปานิ วิย คยฺหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สามฺลกฺขณํ อาโรเปตฺวา’’ติ. โลกิยปริฺานํเยว อธิปฺเปตตฺตา ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาว ‘‘ปหานปริฺา’’ติ วุตฺตา.

สงฺขารปฏิจฺเฉทโตติ นามรูปววตฺถานโต, ยา ‘‘ทิฏฺิวิสุทฺธี’’ติ วุตฺตา. เกจิ ปน ‘‘ขนฺธาทีนํ วิปสฺสนาย ภูมิภาวโต สพฺโพปิ ขนฺธาทิวิจาโร สงฺขารปริจฺเฉโท’’ติ วทนฺติ. ‘‘ปจฺจตฺตลกฺขณปฏิเวธสฺเสว อาธิปจฺจ’’นฺติ อิมินา นามรูปปจฺจยปริคฺคหปฺานํ ตีรณปหานาสมตฺถตํ ทสฺเสติ. ตาสมฺปิ ปน ‘‘นมนลกฺขณํ นามํ, รุปฺปนลกฺขณํ รูป’’นฺติ อรูปรูปานํ สาธารณาการสลฺลกฺขณวเสน ปวตฺติยา เอเกนากาเรน ตีรณปริยาโย, ทิฏฺิกงฺขาวิกฺขมฺภเนน ปหานปริยาโย ลพฺภตีติ สิยา ตีรณปหาเนสุปิ อาธิปจฺจนฺติ วทนฺติ. อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ปน ยถา ทิฏฺิวิสุทฺธิยาว สงฺขารปริจฺเฉทตา, เอวํ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาย เอว ตีรณปหานกิจฺจตา เวทิตพฺพา. เอวํ หิ ติสฺโสปิ ปริฺา ววตฺถิตา โหนฺติ, อฺถา สงฺกาโร สิยา. ตีรณปริฺาย ภูมิ ตตฺถ ปฺาย อนิจฺจตาทิลกฺขณสนฺตีรณโต. เตนาห ‘‘เอตสฺมึ…เป… อาธิปจฺจ’’นฺติ. กามํ อุทยพฺพยาณมฺปิ กฺจิ มิจฺฉาภินิเวสํ ปชหติ, ตสฺส ปน อถามคตตฺตา น สาติสยํ ปหานนฺติ วุตฺตํ ‘‘ภงฺคานุปสฺสนํ อาทึ กตฺวา อุปริ ปหานปริฺาย ภูมี’’ติ. อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโตติ อนิจฺจาการโต สงฺขาเร อนุปสฺสนฺโต สมฺมสนฺโต. นิจฺจสฺนฺติ ‘‘เต นิจฺจา สสฺสตา’’ติ ปวตฺตํ มิจฺฉาสฺํ. สฺาสีเสน ทิฏฺิจิตฺตานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอเสว นโย อิโต ปเรสุปิ. นิพฺพินฺทนฺโตติ อนิจฺจานุปสฺสนาทิสมฺภูตาย นิพฺพิทานุปสฺสนาย สงฺขาเร นิพฺพิชฺชนวเสน ปสฺสนฺโต. นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํ. วิรชฺชนฺโตติ วิราคานุปสฺสนาย วิรชฺชนวเสน ยถา สงฺขาเรสุ ราโค นุปฺปชฺชติ, เอวํ อนุปสฺสนฺโต. ตถาภูโต หิ ราคํ ปชหตีติ วุจฺจติ. นิโรเธนฺโตติ นิโรธานุปสฺสนาย ยถา สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, น อายตึ ปุนพฺภววเสน อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ อนุปสฺสนฺโต. ตถาภูโต หิ สงฺขารานํ สมุทยํ ปชหติ นาม อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนโต. ปฏินิสฺสชฺชนฺโตติ ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย ยถา สงฺขารา น ปุน อาทิยนฺติ, เอวํ โวสฺสชฺชนฺโต. เตนาห ‘‘อาทานํ ปชหตี’’ติ, นิจฺจาทิวเสน วา คหณํ วิสฺสชฺเชตีติ อตฺโถ. สาธิตตฺตาติ สมฺปาทิตตฺตา. อิตราติ ตีรณปหานปริฺา. เอวํ ปริฺา นิทฺทิสิตฺวา ปริฺากฺกมวเสนปิ กงฺขาวิตรณานนฺตรํ ‘‘กลาปสมฺมสเน โยโค กาตพฺโพ’’ติ ยฺวายมตฺโถ วุตฺโต, ตํ นิคมวเสน ปจฺจาหรนฺโต ‘‘เตน วุตฺต’’นฺติอาทิมาห, ตํ วุตฺตตฺถเมว.

๖๙๔. ตตฺราติ ตสฺมึ กลาปสมฺมสเน วิภาเวตพฺเพ, ตสฺส วา กลาปสมฺมสนสฺส อาทิภาเว. อยํ ปาฬีติ ทสฺสิยมานํ ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิมาห. ตตฺถ สงฺขิปิตฺวา ววตฺถาเน ปฺาติ อตีตาทิเภทภินฺเน ธมฺเม เอกโต สงฺคเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน วินิจฺฉเย สาเธตพฺเพ ตํสาธนียา ปฺา. สมฺมสเน อนิจฺจตาทิวเสน ตีรเณ าณนฺติ ปวุจฺจติ, สา กถํ โหตีติ อตฺโถ. ววตฺถาเน สมฺมสเนติ จ นิปฺผาเทตพฺเพ ภุมฺมวจนํ. ยํ กิฺจิ รูปนฺติอาทีนิ ปทานิ เหฏฺา วุตฺตตฺถาเนว. สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ววตฺถเปตีติอาทีนิ ปน ยสฺมา ปรโต วณฺณิยิสฺสนฺติ, ตสฺมา ตตฺเถว เนสํ อตฺถํ วิภาวยิสฺสาม.

ปาฬิววตฺถานํ ปน เอวํ เวทิตพฺพํ – เอตฺถ หิ อาทิกมฺมิกานํ วิปสฺสนามนสิการสุขตฺถํ ‘‘ยํ กิฺจิ รูป’’นฺติอาทินา ปมํ ตาว ปฺจกฺขนฺธา อตีตาทิวิภาคมุเขน คหิตา, เต ปน ขนฺธา ยสฺมา ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตธมฺมวเสน วิภาคํ ลพฺภนฺติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ ทฺวารฉกฺกาทิวเสน ทส ฉกฺกา คหิตา. ยสฺมา ปน ลกฺขเณสุ อนตฺตลกฺขณํ ทุกฺขวิภาคํ, ตสฺมา ตสฺส วิภาวนาย ฉ ธาตุโย คหิตา. ตโต เยสุ กสิเณสุ อิโต พาหิรกานํ อตฺตาภินิเวโส, ตานิ อิเมสํ ฌานานํ อารมฺมณภาเวน อุปฏฺานาการมตฺตานีติ ทสฺสนตฺถํ ทส กสิณานิ คหิตานิ. ตโต ทุกฺขานุปสฺสนาย ปริวารภาเวน ปฏิกฺกูลาการวเสน ทฺวตฺตึส โกฏฺาสา คหิตา. ปุพฺเพ ขนฺธวเสน สงฺเขปโต คหิตา ธมฺมา นาติสงฺเขปวิตฺถารนเยน, วิตฺถารนเยน จ มนสิ กาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย จ คหิตา. เตสุ อิเม ธมฺมา สติปิ สุฺนิรีหอพฺยาปารภาเว ธมฺมสภาวโต อาธิปจฺจวเสน ปวตฺตนฺตีติ อนตฺตลกฺขณวิภาวนตฺถํ อินฺทฺริยานิ คหิตานิ. เอวํ อเนกเภทภินฺนาปิเม ธมฺมา ภูมิตฺตยปริยาปนฺนตาย ติวิธาว โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ติสฺโส ธาตุโย คหิตา.

เอตฺตาวตา นิมิตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปวตฺตํ ทสฺเสตุํ กามภวาทโย นว ภวา คหิตา. เอตฺตเก อภิฺเยฺยวิเสเส ปวตฺตมนสิการโกสลฺเลน สณฺหสุขุเมสุ นิพฺพตฺติตมหคฺคตธมฺเมสุ มนสิกาโร ปวตฺเตตพฺโพติ ทสฺสนตฺถํ ฌานปฺปมฺารุปฺปานิ คหิตานิ. ตตฺถ ฌานานิ นาม วุตฺตาวเสสารมฺมณานิ รูปาวจรชฺฌานานิ. ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนวิภาคโต อิเม ธมฺมา ภินฺทิตฺวา มนสิ กาตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ คหิตานิ. ปจฺจยาการมนสิกาโร หิ ลกฺขณตฺตยํ สุเขน, สุฏฺุตรฺจ วิภาเวติ, ตสฺมา ปจฺฉโต คหิโต. เอวเมเต สมฺมสนียภาเวน คหิตา ขนฺธาทิวเสน โกฏฺาสโต ปฺจวีสติวิธา. ปเภทโต ปน อตีตาทิเภทํ อนามสิตฺวาว คยฺหมานา ทฺวีหิ อูนานิ ทฺเวสตานิ โหนฺติ.

ตตฺถ อนิจฺจโต ววตฺถเปตีติอาทิโก ปโม ลกฺขณววตฺถาปนวาโร. อนิจฺจํ ขยฏฺเนาติอาทิโก ทุติโย เหตุวาโร ลกฺขณานํ เหตุกิตฺตนโต. อนิจฺจํ สงฺขตนฺติอาทิโก ปน เหตุปติฏฺาปนวาโร ปากฏภาวสลฺลกฺขณโต. ขยฏฺเนาติ หิ ขยสภาวโต ยสฺมา รูปํ ขยสภาวํ อุปฺปชฺชิตฺวา ขยํ วยํ เภทํ คจฺฉติ, ตสฺมา อนิจฺจนฺติ อตฺโถ. ภยฏฺเนาติ ภายิตพฺพภาวโต ยสฺมา รูปํ ปภงฺคุรตาย ภยานกํ, ตสฺมา ทุกฺขนฺติ. เตนาห ภควา ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๓๐.๑๕, ๔๕, ๔๖, ๗๖, ๘๕; ๒.๔.๑๔; ปฏิ. ม. ๒.๑๐). อสารกฏฺเนาติ อสารกภาวโต, อตฺตสารวิรหโตติ อตฺโถ. ตติยวาเร ปน ‘‘รูปํ อนิจฺจ’’นฺติ วตฺวา ตสฺส เหตุํ ปติฏฺาเปตุํ ‘‘สงฺขต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตํ, อนุรูเป จ ปจฺจเย ปฏิจฺจ, น วินา เตหิ สมํ, สมฺมา จ อุปฺปนฺนํ, ตสฺมา ขยวยวิราคนิโรธธมฺมนฺติ. น หิ ปจฺจยนิพฺพตฺตํ อนิรุชฺฌนกํ นาม อตฺถิ. เตนาห ภควา ‘‘ยํ ตํ รูปํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ วต มา ปลุชฺชีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๙). เอเตน อนิจฺจา ปถวีธาตุ ปจฺจยนิพฺพตฺตตฺตา ตทฺํ ปจฺจยนิพฺพตฺตํ วิยาติ ทสฺเสติ. เอส นโย เสสธมฺเมสุปิ.

อิทานิ อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ สงฺขตธมฺมานํ อนิจฺจตํ ปติฏฺาเปตุํ ‘‘ชาติปจฺจยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนิจฺจลกฺขณสฺเสว เจตฺถ ปติฏฺาปนํ ตสฺมึ ปติฏฺาปิเต เสสลกฺขณทฺวยสฺสปิ ปติฏฺาปนสิทฺธิโต.

อิมินา เปยฺยาเลน อิเม ธมฺมราสโย สํขิตฺตาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตา ธมฺมา, ปฺจกฺขนฺธา’’ติ อิทํ อภิฺเยฺยนิทฺเทเส ‘‘จกฺขุํ, ภิกฺขเว, อภิฺเยฺย’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๓; สํ. นิ. ๔.๔๖) ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺเต ธมฺเม ทสฺเสตฺวา เตสํ ปฺจหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ อภิฺเยฺยํ…เป… วิฺาณํ อภิฺเยฺย’’นฺติ อาคตตฺตา วุตฺตํ. ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘) ปน ‘‘ยํ กิฺจิ รูป’’นฺติอาทินา ปมํ ปฺจกฺขนฺเธ ทสฺเสตฺวา ‘‘จกฺขุ’’นฺติอาทินา ทฺวารารมฺมเณหิ สทฺธึ ทฺวารปฺปวตฺตา ธมฺมา ทสฺสิตา. ตถาทสฺสเน การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

กสฺมา ปเนตฺถ อิเม ธมฺมราสโย สํขิตฺตาติ ปาฬิยํ วิตฺถารโต อาคตตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตํ เหต’’นฺติอาทิมาห. เตเนวาห ‘‘ตํ ตตฺถ…เป… สํขิตฺต’’นฺติ. ตตฺถ นฺติ อภิฺเยฺยํ. เอตฺถาติ อภิฺเยฺยนิทฺเทเส. ‘‘วิฺาณํ มโน ธมฺมา’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ โกฏฺาเส เย โลกุตฺตรธมฺมา อาคตา. เกจิ ปน ‘‘เอตฺถาติ ปฏิสมฺภิทาย’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. สมฺมสนุปคา เอว หิ ธมฺมา ปฏิสมฺภิทายํ คหิตา สมฺมสนวารสฺส อธิปฺเปตตฺตา, น อภิฺเยฺยนิทฺเทเส (ปฏิ. ม. ๑.๓; สํ. นิ. ๔.๔๖) วิย สพฺเพว อภิฺเยฺยา ธมฺมา. เย รูปารูปธมฺมา. ยสฺสาติ โยคิโน. เตสุ เตน สมฺมสนํ อารภิตพฺพํ ยถาปากฏํ วิปสฺสนาภินิเวโสติ กตฺวา. ปจฺฉา ปน อนุปฏฺหนฺเตปิ อุปาเยน อุปฏฺหาเปตฺวา อนวเสสโตว สมฺมสิตพฺพา.

๖๙๕. ‘‘อตีตํ รูปํ อนิจฺจ’’นฺติอาทินา อนิจฺจโต สมฺมสนสฺส อตีตาทิวิภาคา ปวตฺติฏฺานภูตาติ อาห ‘‘เอกาทสหิ โอกาเสหี’’ติ. ววตฺถาปนํ นาม สนฺนิฏฺานํ. อนิจฺจโต สนฺนิฏฺานฺเจตฺถ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ วิปสฺสนาวาติ อาห ‘‘อนิจฺจนฺติ สมฺมสตี’’ติ.

กถนฺติ สมฺมสนากาโร ปุจฺฉิโตติ ตํ ปรโต อิเธว ปาฬิยํ ทุติยวาเร วุตฺตนเยเนวาติ สงฺเขเปเนว วิสฺสชฺเชติ. อิทานิ ตมตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ หี-ติ เหตุอตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา ‘‘รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยฏฺเนา’’ติ เอวํ วุตฺตํ, ตสฺมา อิมินา วุตฺตนเยน อนิจฺจนฺติ สมฺมสตีติ โยชนา.

เอวมฺปิ สงฺเขโปเยวาติ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เอสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตีเตติ อตีเต ภเว. อาทิกมฺมิกสฺส หิ อิทํ สมฺมสนวิธานํ, ตสฺมา ภววเสน อทฺธาเภโท อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘นยิมํ ภวํ สมฺปตฺตนฺตี’’ติ. เอตฺถ อิติ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ อตีตภเว ปริยาปนฺนํ รูปํ, ตํ อตีเตเยว ภเว ขีณํ, ตโต น อิมํ ภวํ สมฺปตฺตํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ขยฏฺเน ขยสภาวตฺตาติ สมฺมสตีติ. เอส นโย ยํ อนาคตนฺติอาทีสุปิ.

ยํ พหิทฺธา, ตมฺปิ พหิทฺธา เอว ขียติ, น อชฺฌตฺตภาวํ คจฺฉตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเนาติ, ยํ โอฬาริกํ, ตมฺปิ ตตฺเถว ขียตีติ อนิจฺจํ ขยฏฺเนาติอาทินา โยเชตพฺพํ.

อิทํ สพฺพมฺปีติ อิทํ อตีตาทิเภทสฺส รูปสฺส สมฺมสนโต สพฺพํ เอกาทสวิธมฺปิ สมฺมสนํ เอกํ สมฺมสนํ อนิจฺจโต สมฺมสนนฺติ กตฺวา.

นฺติ ตํ เอกาทสวิธมฺปิ รูปํ. สปฺปฏิภยตายาติ ภยานกตาย. ภยาวหํ โหตีติ อปฺปหีนวิปลฺลาสสฺส ‘‘อหํ วินสฺสามิ, มม สนฺตกํ วินสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺตสฺส ภยชนกํ โหติ. สีโหปมสุตฺเต เทวานํ วิยาติ สีโหปมสุตฺเต เทสิยมาเน เทวานํ วิย. ตตฺถ หิ –

‘‘ยทา ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… โส ธมฺมํ เทเสติ ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม. อิติ เวทนา… อิติ สฺา… อิติ สงฺขารา… อิติ วิฺาณํ, อิติ วิฺาณสฺส สมุทโย, อิติ วิฺาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติ. เยปิ เต, ภิกฺขเว, เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา อุจฺเจสุ วิมาเนสุ จิรฏฺิติกา, เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺติ ‘อนิจฺจาว กิร โภ มยํ สมานา นิจฺจมฺหาติ อมฺิมฺห, อทฺธุวาว…เป… อสสฺสตาว กิร โภ มยํ สมานา สสฺสตมฺหาติ อมฺิมฺห, มยมฺปิ กิร โภ อนิจฺจา อทฺธุวา อสสฺสตา สกฺกายปริยาปนฺนา’’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๘; อ. นิ. ๔.๓๓) –

เอวํ เทวานํ ภยุปฺปตฺติ อาคตา.

ขนฺธปฺจกํ, ตเทกเทโส วา อตฺตวาทีหิ ‘‘อตฺตา’’ติ ปริกปฺปียติ, ตฺจ เอกนฺตโต อนิจฺจํ, ทุกฺขฺจาติ อาห ‘‘ยฺหิ อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ. ตีสุ ทุกฺขตาสุ สงฺขารทุกฺขตาว พฺยาปินี, ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺข’’นฺติ จ อธิปฺเปตาติ วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจตํ วา อุทยพฺพยปฏิปีฬนํ วา’’ติ. อตฺตา อภวิสฺสาติ ‘‘การโก เวทโก สยํวสี’’ติ เอวํภูโต อตฺตา อภวิสฺสาติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ สติ รูปสฺส อาพาธาย สํวตฺตนํ อยุชฺชมานกํ สิยา. ยถา รูปกฺขนฺเธ อเภทโต ติวิธํ สมฺมสนํ, เภทโต เตตฺตึสวิธํ, เอวํ เวทนากฺขนฺธาทีสุปีติ อิมมตฺถํ ‘‘เอส นโย’’ติ อติทิสติ. เตน ขนฺธวเสน ตาว เภทโต ปฺจสฏฺิอธิกา สตํ สมฺมสนวารา ทสฺสิตา โหนฺติ. อิมินา นเยน ทฺวารฉกฺกาทีสุปิ ยถารหํ สมฺมสนเภโท เวทิตพฺโพ.

๖๙๖. นิยมโต สงฺขตาทิเภทํ โหตีติ เอกํเสน สงฺขตตาทิวิเสสวนฺตํ โหติ อสงฺขตาทิสภาเว อนิจฺจตาย อสมฺภวโต. อสฺสาติ อนิจฺจสฺส. ปริยายทสฺสนตฺถนฺติ เววจนทสฺสนตฺถํ, ตํ ปน ‘‘ขยธมฺม’’นฺติอาทีนํ วเสน เวทิตพฺพํ, น ปุริมานํ ติณฺณํ. น หิ ตเทว ตสฺส ปริยาโย โหติ, นาปิ สงฺขตปฏิจฺจสมุปฺปนฺนปทานิ หุตฺวา อภาวทีปนโต ปากภาวทีปนโต. ปากภาวทีปเนน ปน อนิจฺจตาย สาธนปกฺเข ติฏฺนฺติ. เตเนว หิ สพฺเพสํ ปทานํ ปริยายตาภาวโต ‘‘นานากาเรหิ วา’’ติ วิกปฺปนฺตรํ คหิตํ. มนสิการปฺปวตฺตีทสฺสนตฺถนฺติ อนิจฺจตาย อุปพฺรูหนมนสิการปวตฺติทสฺสนตฺถํ.

จตฺตารีสาการอนุปสฺสนากถาวณฺณนา

๖๙๗. โสติ โยคาวจโร. ตสฺสาติ ยถาวุตฺตเภทสฺส อนิจฺจตาทิสมฺมสนสฺส. ถิรภาวตฺถายาติ ทฬฺหภาวตฺถาย อนิจฺจาทิอาการสฺส ปุนปฺปุนํ มนสิกาโร วิย พหุลีการภาวโต. ยํ ตํ ภควตา เอตสฺส วิภงฺเค อนิจฺจาทิสมฺมสนํ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อนุโลมิกนฺติ อริยมคฺคาธิคมสฺส อนุกูลํ. ขนฺตินฺติ าณขนฺตึ. าณฺหิ วิสยสภาวํ โอคาเหตฺวา ววตฺถาเน ขมติ สหตีติ ขนฺตีติ วุจฺจติ. สมฺมตฺตนิยามนฺติ อริยมคฺคํ. โส หิ สมฺมาทิฏฺิอาทิสมฺมตฺตฺเจว อนิวตฺติธมฺมตาย นิยาโม จาติ วุจฺจติ. ‘‘อาทินา นเยนา’’ติ อิมินา ‘‘ปฺจกฺขนฺเธ ทุกฺขโต ปสฺสนฺโต อนุโลมิกํ ขนฺตึ ปฏิลภติ, ขนฺธานํ นิโรโธ สุขํ นิพฺพานนฺติ ปสฺสนฺโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๘) เอวมาทิโก ปาเสโส โรคาทิปฏิปกฺขโยชนาวเสน วิตฺถาเรตพฺโพ. ‘‘ขนฺธานํ นิโรโธ นิจฺจํ นิพฺพาน’’นฺติ วจเนน สงฺขารานํ ทุกฺขโรคตาทิปฏิปกฺโข นิพฺพานสฺส สุขาโรคฺยาทิภาโว ‘‘อาทินา นเยนา’’ติ เอตฺถ นยคฺคหเณน ทีปิโตติ. อวเสโส สพฺโพ ปาโ ปกาสิโต เอว โหตีติ.

กามฺเจตํ จตฺตารีสาย อากาเรหิ สมฺมสนํ อนุโลมาเณ ภาเวตพฺพวิธานํ. เตนาห ‘‘อนุโลมาณํ วิภชนฺเตน…เป… วุตฺต’’นฺติ, อิโต ปฏฺาย ปน กตปริจยสฺเสว กิจฺจาวหํ โหตีติ อิธาปิ วุตฺตนฺตีติ ทฏฺพฺพํ. ตสฺสาปีติ น เกวลํ กลาปสมฺมสนสฺเสว, อถ โข ยถาทสฺสิตสฺส จตฺตาลีสปฺปเภทสฺส อนิจฺจาทิสมฺมสนสฺสปิ. ตฺหิ อนุโลมิกขนฺติปฏิลาภาย, สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนาย จ สํวตฺตนโต เอกํสโต อิจฺฉิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ –

‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต สมนุปสฺสนฺโต อนุโลมิกาย ขนฺติยา สมนฺนาคโต ภวิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ, อนุโลมิกาย ขนฺติยา อสมนฺนาคโต สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ, สมฺมตฺตนิยามํ อโนกฺกมมาโน โสตาปตฺติผลํ วา…เป… อรหตฺตํ วา สจฺฉิกริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺพสงฺขาเร อนิจฺจโต สมนุปสฺสนฺโต’’ติ (อ. นิ. ๖.๙๘; ปฏิ. ม. ๓.๓๖) –

อาทิ สุกฺกปกฺโข วิตฺถาเรตพฺโพ. ตถา ‘‘โส วต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต, ทุกฺขโต, กฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต, อนตฺตโต’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๓๖) วิตฺถาเรตพฺโพ.

๖๙๘. เอเกกํ ขนฺธํ อนิจฺจาทิสมฺมสนสฺส วเสน สมฺมสตีติ สมฺพนฺโธ. ตสฺส ปน สมฺมสนสฺส ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ สาธารณตาย ‘‘เอเกกํ ขนฺธ’’นฺติ วุตฺตํ. อนจฺจนฺติกตายาติ อจฺจนฺติกตาภาวโต, อสสฺสตตายาติ อตฺโถ. สสฺสตฺหิ อจฺจนฺติกํ ปราย โกฏิยา อภาวโต. อาทิอนฺตวนฺตตายาติ ปุพฺพาปรโกฏิวนฺตตาย, อุทยพฺพยธมฺมโตติ อตฺโถ. อนิจฺจโต สมฺมสตีติ สมฺพนฺโธ. เอส นโย สพฺพตฺถ.

อนิจฺจโตติ จ อทฺธุวโต. เอตฺหิ น นิจฺจํ, ขณิกตาย อสทาภาวิตาย วา น อิจฺจํ น อุปคนฺตพฺพนฺติ อนิจฺจํ. อุปฺปาทวยปฏิปีฬนตายาติ อุปฺปาเทน, วเยน จ ปติ ปติ ขเณ ขเณ ตํสมงฺคิโน วิพาธนสภาวตฺตา, เตหิ วา สยเมว วิพาเธตพฺพตฺตา. อุทยพฺพยวนฺโต หิ ธมฺมา อภิณฺหํ เตหิ ปฏิปีฬิตา เอว โหนฺติ, ยา ปีฬนา ‘‘สงฺขารทุกฺขตา’’ติ วุจฺจติ. ทุกฺขวตฺถุตายาติ ติวิธสฺสาปิ ทุกฺขสฺส, สํสารทุกฺขสฺส จ อธิฏฺานภาวโต. ปจฺจยยาปนียตายาติ ยถารหํ ปจฺจเยหิ ยาเปตพฺพตาย. โรคมูลตายาติ มูลพฺยาธิ วิย อนุพนฺธพฺยาธีนํ มูลภาวโต, ปททฺวเยนาปิ ยาปฺยโรคสทิสโตติ ทสฺเสติ. ยาปฺยพฺยาธิ หิ โรโค อิตโร อาพาโธติ. ทุกฺขตาสูลโยคิตายาติ ติวิธทุกฺขตาสงฺขาเตน รุชฺชเนน ยุชฺชตาย. กิเลสาสุจิปคฺฆรณตายาติ ยถารหมารมฺมณวเสน, สมนฺนาคมวเสน จ ราคาทิกิเลสาสุจิวิสฺสนฺทนโต. อหุตฺวา สมฺภวโต อุปฺปตฺติยา อุทฺธุมาตตา.

อนฺโตตุทนตายาติ อพฺภนฺตเร ตุทนโต. ทุกฺขเวทนาทโย วิย หิ อิเม สงฺขารา อตฺตภาวสฺส อพฺภนฺตรคตา เอว อุทยพฺพยวเสน ตุทนฺติ. อริยมคฺคสณฺฑาเสน วินา นีหริตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุนฺนีหรณียตา ตณฺหาทิฏฺาภินิเวสทฬฺหภาวโต. อฆนฺติ ปาปํ วิย อริยชเนหิ วิครหิตพฺพํ. สตฺตานํ อนตฺถชนนโต อวฑฺฒิอาวหํ, ปาปสฺส จ วตฺถุภูตํ ขนฺธปฺจกนฺติ อาห ‘‘วิครห…เป… อฆโต’’ติ. อเสริภาวชนกตายาติ ปรวสตาชนนโต. ยถา คิลาโน อฺเหิ สํเวสนวุฏฺาปนาทินา ปรปฏิพทฺธสรีรวุตฺติโก อเสรี, เอวเมเตปิ อเสริภาวชนกา. อวสตายาติ อวสวตฺตนโต. ยถา ปโรสตนฺโต ปุริโส ปรสฺส วสํ น คจฺฉติ, เอวํ สุภสุขาทิภาเวน วเส วตฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยโต. อวิเธยฺยตายาติ ‘‘มา ชีรถ, มา มียถา’’ติอาทินา วิธาตุํ อสกฺกุเณยฺยโต. ปลุชฺชนตายาติ พฺยาธิอาทีหิ ปกาเรหิ ฉิชฺชนโต วินสฺสนโต. เตหิ เอว วา อาพฺยสนโต. พฺยสนตฺโถ หิ โลกสทฺโท, ปสทฺโท ภุสตฺโถ ทฏฺพฺโพ. พฺยาธิอาทีหิ จ ขนฺธานํ พฺยสนนฺติ. พฺยสนาวหภาเวน เอตีติ อีติ, อาคนฺตุกานํ อกุสลปกฺขิยานํ พฺยสนเหตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ขนฺธา จ เอทิสาติ อาห ‘‘อเนกพฺยสนาวหตาย อีติโต’’ติ.

อุปทฺทวตีติ อุปทฺทโว, อนตฺถํ ชเนนฺโต อภิภวติ อชฺโฌตฺถรตีติ อตฺโถ, ราชทณฺฑาทีนํ เอตํ อธิวจนํ. ขนฺธา จ เอทิสาติ วุตฺตํ ‘‘อวิทิตานํ…เป… อุปทฺทวโต’’ติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกภยาวหโต, อภยปฏิปกฺขโต จ ขนฺธา ภยนฺติ อาห ‘‘สพฺพภยานํ…เป… ภยโต’’ติ. พหิทฺธา าติพฺยสนาทีหิ, อชฺฌตฺตํ ราคาทีหิ อนตฺเถหิ อุปสชฺชนฏฺเน, อุปสคฺคสทิสตาย จ อุปสคฺโค. อุปสคฺโคติ จ เทวตูปสํหารวเสน ปวตฺโต พฺยาธิอาทิอนตฺโถ. โส อตฺถกาเมน มุหุตฺตมฺปิ น อชฺฌุเปกฺขิตพฺโพ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อเนเกหิ…เป… อุปสคฺคโต’’ติ. โทสูปสฏฺตายาติ อารมฺมณโต, สมฺปโยคโต จ ราคาทิโทเสหิ อุเปตตาย. โลกธมฺมา ลาภาทิเหตุกา อนุนยปฏิฆา, เตหิ, พฺยาธิอาทีหิ จ อนวฏฺิตตา ปจลิตตา.

อุปกฺกเมนาติ อตฺตโน, ปรสฺส วา ปโยเคน. สรเสนาติ สภาเวน. ปภงฺคุปคมนสีลตา ภิทุรตา. สพฺพาวตฺถนิปาติตายาติ รุกฺขผลํ วิย อติตรุณกาลโต ปฏฺาย สพฺพาสุ อวตฺถาสุ นิปตนสีลตาย. อนิปตสฺสปิ สพฺเพน สพฺพํ อสารตาย ถิรภาวสฺส อภาวตาย. ถิรฺหิ ธุวํ นาม โหติ. ตายิตุํ รกฺขิตุํ อสมตฺถตาย น ตายโนติ อตายโน, ตพฺภาโว อตายนตา. ตาณาสีสาย อุปคตสฺส อลพฺภเนยฺยเขมตา. ทุกฺขภีติยา อุปลียนาธิปฺปาเยน อลฺลียิตุํ. ทุกฺขนิวตฺตนํ เลณกิจฺจํ. ชาติอาทิภยานํ หึสนํ วิธมนํ ภยสารกตฺตํ. ยถาปริกปฺปิเตหีติ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาเนหิ พาเลหิ ปริกปฺปิตปฺปกาเรหิ. ริตฺตตายาติ วิวิตฺตตาย, วิรหิตตายาติ อตฺโถ. อนฺโตสาราภาโว ริตฺตตา. สา เอว จ ตุจฺฉตาติ อาห ‘‘ริตฺตตาเยว ตุจฺฉโต’’ติ. อปฺปกตฺตาติ ปริตฺตตฺตา, ลามกตฺตา วา. ธุวสาราภาวาทีหิ สทฺธึ อตฺตสาราภาวํ ริตฺตปเทน วตฺวา นิพฺพตฺติตมตฺตสาราภาวเมว สุฺปเทน ทสฺเสตุํ ‘‘สามิ…เป… สุฺโต’’ติ วุตฺตํ. ยถา เกนจิ สามิอาทิลกฺขเณน อตฺตนา สุฺา เอเต, เอวํ สยมฺปิ อตํสภาโวติ อาห ‘‘สยฺจ…เป… อนตฺตโต’’ติ. น อตฺตาติ หิ อนตฺตาติ.

ปวตฺติทุกฺขตายาติ ภวปวตฺติทุกฺขภาวโต. ภวปวตฺติ จ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อนิจฺจาทิอากาเรน ปวตฺตนเมว, โส จ อาทีนโว. ยถาห ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา. อยํ, ภิกฺขเว, ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อาทีนโว’’ติ. เตนาห ‘‘ทุกฺขสฺส จ อาทีนวตายา’’ติ. อาทีนนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ยถา ‘‘เอกมนฺต’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๖๕), อติวิย กปณนฺติ อตฺโถ. ภุสตฺโถ หิ อยํ อา-กาโร. ยถา ‘‘ทฺวิธา ฉิทฺทกํ วิจฺฉิทฺทก’’นฺติ เอตฺถ ทฺวิ-สทฺทสฺส อตฺเถ วิ-สทฺโท, เอวมิธาปีติ อาห ‘‘ทฺเวธา ปริณามปกติตาย วิปริณามธมฺมโต’’ติ. วิปริณาโม จ วิปรีตสภาวาปตฺติ. ทุพฺพลตายาติ สรสภิทุรตาย พลาภาวโต. ทุพฺพลมฺปิ กิฺจิ มุทุกมฺมฺาภาเวน ทุปฺปธํสิยา. อิเม ปน สุปธํสิยา เอวาติ อาห ‘‘เผคฺคุ วิย สุขภฺชนียตาย จา’’ติ. อฆสฺส ปาปสฺส เหตุตา อฆเหตุตา. ขนฺธปฏิพทฺธเมว หิ สพฺพํ กิพฺพิสนฺติ. อิเม รูปาทโย สุขเหตุ, น ทุกฺขเหตูติ ชนิตวิสฺสาสานํ หนนสีลตาย, ขนฺเธสุ หิ ‘‘เอตํ มมา’’ติ คาหวเสน สตฺตา พฺยสนํ ปาปุณนฺติ, วิสฺสาสํ วา หนนฺตีติ วิสฺสาสฆาติโน, ตพฺภาวโต.

วิคตภวตายาติ อปคตวฑฺฒิตาย. วิภวตณฺหา, วิภวทิฏฺิ จ วิภโว อุตฺตรปทโลเปน, ตโต วิภวโต, ปิตุสทิสสฺส วา สภาวเหตุโน วิภวโต วินาสโต สมฺภูตตาย. อาสวานํ อารมฺมณาทินา ปจฺจยภาโว อาสวปทฏฺานตา. พีชาทิโก อสาธารโณ เหตุ, ภูตสลิลาทิโก สาธารโณ ปจฺจโย. เอส นโย อชฺฌตฺเตปิ. เตหิ สเมจฺจ สมฺภูย กโต สงฺขโต. มจฺจุมารสฺส อธิฏฺานภาเวน, กิเลสมารสฺส ปจฺจยภาเวน สํวฑฺฒนโต อามิสภูตตา, ขนฺธาปิ ขนฺธานํ อามิสภูตา ปจฺจยภาเวน สํวฑฺฒนโต, ตทนฺโตคธา อภิสงฺขารา. เทวปุตฺตมารสฺส ปน ‘‘มเมต’’นฺติ อธิมานวเสน อามิสภาโวติ ขนฺธาทิมารานมฺปิ อิเมสํ ยถารหํ อามิสภูตตา วตฺตพฺพา. ธมฺมสทฺโท ‘‘ชาติธมฺมาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๗๓; ปฏิ. ม. ๑.๓๓) วิย ปกติอตฺโถ, ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘ อาทโย) วิย เหตุอตฺโถ จาติ อาห ‘‘ชาติชราพฺยาธิมรณปกติตาย, โสกปริเทวอุปายาสเหตุตายา’’ติ. สํกิเลสตฺตยคฺคหเณน ตเทกฏฺานํ ทสนฺนํ กิเลสวตฺถูนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตทารมฺมณาปิ หิ ธมฺมา ตทนติวตฺตนโต สํกิเลสิกา เอว. ตถา ขุทฺทา, ตณฺหา, ชฏาทีสุ สรีรสฺส, สํกิเลสสฺส จ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

จตฺตารีสาปิ สมฺมสนานิ ตีสุ อนุปสฺสนาสุ อนฺโตคธาเนวาติ ตทนฺโตคธภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนิจฺจานุปสฺสนานิ สรูปโต, ปริยายโต จ อนิจฺจภาววิภาวนโต. เอส นโย อิตเรสุปิ. ‘‘อสารกโต’’ติ อิทํ นิจฺจสาราภาววิภาวนํ.

เอตฺตาวตา กลาปโต ธมฺเม สงฺคเหตฺวา นยโต สมฺมสนมตฺตํ ทสฺสิตํ, น ตาว อนุปทธมฺมวิปสฺสนา วิหิตาติ ‘‘สมฺมสนารมฺภวิธาน’’นฺติ. วุตฺตํ.

อินฺทฺริยติกฺขการณนวกกถาวณฺณนา

๖๙๙. เอกจฺจสฺส ติกฺขินฺทฺริยสฺส มหาปฺสฺส นยวิปสฺสนาวเสเนว อุทยพฺพยาณํ อุปฺปชฺชติ, อิตรสฺส นุปฺปชฺชติ. ตํ สนฺธาย ‘‘ยสฺส ปน…เป… น สมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อุทยพฺพยาณุปฺปตฺติ หิ อิธ นยวิปสฺสนาย สมฺปชฺชนนฺติ อธิปฺเปตํ. เตน ‘‘นวหากาเรหิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ ภวนฺติ…เป… อนฺตรา จ อพฺโพสาเนนา’’ติ เอวํ วุตฺตานํ นวนฺนํ อาการานํ วเสน อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ กตฺวา สปฺปายานิ เสวมาเนน สมฺมสิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.

เตนาติ โยคินา. นวหากาเรหีติ วกฺขมาเนหิ นวหิ อากาเรหิ. อินฺทฺริยานีติ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ. ติกฺขานีติ ติขิณานิ วิสทานิ สูรานิ. อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานนฺติ ขเณ ขเณ อุปฺปนฺนานํ อุปฺปนฺนานํ. สงฺขารานนฺติ วิปสฺสิยมานานํ รูปารูปธมฺมานํ. ขยเมวาติ ปมํ อุปฺปาทํ ทิสฺวา ตํ มุฺจิตฺวา ขยเมว ภงฺคเมว ปสฺสติ. ตสฺส ตถาขยทสฺสนปสุตสฺส วิปสฺสนาปฺา ติกฺขา สูรา วหติ, อิตรานิ จ อินฺทฺริยานิ. ตตฺถาติ ขยทสฺสเน. สกฺกจฺจกิริยายาติ อาทรการิตาย, ยถา ขยทสฺสนปรเมเนว วิปสฺสนาาณํ ปวตฺตติ, เอวํ ตํ อาทรชาโต สมฺปาเทติ. สาตจฺจกิริยายาติ อวิจฺเฉทกิริยาย, ยถา วิปสฺสนาาณํ ขยทสฺสนวเสน นิรนฺตรเมว ปวตฺตติ, เอวํ ยุตฺตปฺปยุตฺโต นํ สมฺปาเทติ. สปฺปายกิริยายาติ อนุรูปกิริยาย อาวาสาทิสตฺตวิธสปฺปายาเสวนกิริยาย. นิมิตฺตคฺคาเหนาติ ยถา มนสิกโรนฺตสฺส วิปสฺสนาสมาธิ อุปฺปนฺโน, ตสฺส อาการสฺส สลฺลกฺขณวเสน สมถนิมิตฺตคฺคหเณน สมฺปาเทตีติ สมฺพนฺโธ. อนุปวตฺตนตายาติ อนุรูปโต ปวตฺตเนน ภาวนาจิตฺตสฺส ลีนภาเว ปีติวีริยธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคานํ อุทฺธตภาเว ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคานํ พฺรูหเนนาติ อตฺโถ. กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตนฺติ อตฺตโน กาเย อสุจิภาเวน พาหิรกอวิฺาณกกุณเป วิย ชีวิเต อหิตาวหปจฺจตฺถิเก วิย นิรเปกฺขจิตฺตํ อุปฏฺเปติ. ตตฺถ จ อภิภุยฺย เนกฺขมฺเมนาติ ตสฺมึ กายจิตฺเต อนเปกฺขภาเวน อินฺทฺริยานํ ติกฺขภาวาปาทเนน อุปฺปนฺนํ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ วีริเยน อภิภวิตฺวา ภาวนํ สมฺปาเทติ. อนฺตราติ ยถาธิปฺเปตาย ภาวนาสิทฺธิยา อนฺตราว. อพฺโพสาเนนาติ อสงฺโกจเนน.

เอวํ วุตฺตานนฺติ เอวํ ‘‘นวหากาเรหิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ ภวนฺตี’’ติอาทินา อฏฺกถายํ วุตฺตานํ. เอตฺถ จ ยถา นาม สุขุมานํ มุตฺตาปวาฬาทีนํ วิชฺฌเน สุขุมตเรน เวธเนน ภวิตพฺพํ, เอวเมว สณฺหสุขุมานํ รูปารูปธมฺมานํ, ปจฺจยสฺส จ ปริคฺคณฺหเน ติกฺเขน าเณน ภวิตพฺพํ. เตสํ ปน ขยวยทสฺสเน ติกฺขตเรน ภวิตพฺพํ. ติกฺขตรตา จสฺส นิสานสิลายํ สณฺหมฏฺตาย กรเณน วิย ผรสุธาราย นิสิตภาวาปาทเนน อินฺทฺริยานํ ติกฺขภาวาปาทเนน สาเธตพฺพา. ตฺจ เยหิ นวหิ อากาเรหิ โหติ, เตสุ ขณิกานํ สงฺขารานํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนาการทสฺสนํ ปมํ วุตฺตํ ‘‘อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ สงฺขารานํ ขยเมว ปสฺสตี’’ติ. อสติ าณสฺส ติกฺขตรภาเว ตทภาวโต เสสินฺทฺริยติกฺขตา ตสฺส สมฺภารภาวโต วุตฺตา, อวินาภาวโต วา. สกฺกจฺจกิริยาทิคฺคหณํ ปน ตสฺส อุปายทสฺสนํ. อสปฺปายานิ โภชนาทีนิ อนุปยุชฺชนาทิวเสน วชฺเชตฺวา สปฺปายานิ มตฺตโส เสวมาเนน. รูปารูปธมฺมานํ อจฺจนฺตวิธุรตาย เอกชฺฌํ อสมฺมสิตพฺพตฺตา, ตถา สมฺมสนสฺส จ อิธ อนธิปฺเปตตฺตา ‘‘กาเลน รูปํ สมฺมสิตพฺพํ, กาเลน อรูป’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ จ รูปสฺส โอฬาริกตาย สุวิฺเยฺยตฺตา ปมํ สมฺมสิตพฺพตา วุตฺตา. นิพฺพตฺติ ปสฺสิตพฺพาติ ปมํ ตาว อาคมานุสารโต อนุมานวเสน ทฏฺพฺพา. ตโต ปรํ อนุกฺกเมน พลปฺปตฺเต ภาวนาาเณ ปจฺจกฺขโตปิ ทิสฺสตีติ.

รูปนิพฺพตฺติปสฺสนาการกถาวณฺณนา

๗๐๐. สพฺเพสนฺติ กามาวจราทิอณฺฑชาทิเภทภินฺนานํ สพฺเพสํ สตฺตานํ. ปมํ กมฺมโต นิพฺพตฺตติ ตํมูลกตฺตา อุตุชาทิรูปานํ. ปรโต ปวตฺตนกกายทสกาทิวเสน ลพฺภมานํ ปพนฺธตฺตยํ, สนฺตติสีสํ วา สนฺธาย ‘‘ติสนฺตติวเสนา’’ติ วุตฺตํ.

ทนฺธํ มนฺทํ จิเรน นิโรโธ เอตสฺสาติ ทนฺธนิโรธํ สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกตฺตา. เตนาห ‘‘ครุปริวตฺตี’’ติ. เตนาติ ตสฺมา, ยสฺมา ‘‘ตโต สีฆตรํ โข, ภิกฺขเว, อายุสงฺขารา ขียนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๒๘) วจนโต รูปธมฺมาปิ อิตฺตรกาลา เอว, อรูปธมฺมา ปน เตหิ สาติสยํ อิตฺตรกาลา, ตสฺมา อาห ภควาติ อตฺโถ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วิจาริตเมว. เตหิ สทิสาติ จิตฺตสฺส อุปฺปาทภงฺคกฺขเณหิ สทิสา. สพฺเพสมฺปิ หิ สงฺขารานํ อุปฺปาทภงฺคกฺขเณสุ วิสทิสตา นตฺถิ, สมานกาลาว เต. านปฺปตฺตนฺติ ิติกฺขณปฺปตฺตํ. เตนาติ ทุติยภวงฺคจิตฺเตน. วตฺถุรูปํ เอกสฺส จิตฺตสฺส นิสฺสโย หุตฺวา อฺสฺส น โหติ เปตฺวา มรณาสนฺนํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เตน สทฺธิ’’นฺติอาทิ.

เอวํ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ยาว จุติจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติ, ตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นิโรธํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺสา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ านกฺขเณติ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติกฺขเณ. ยาว ปวตฺติ นาม อตฺถีติ ยาว สํสารปฺปวตฺติ นาม อตฺถิ, ยาว วา จิตฺตสฺส ปวตฺติ นาม อตฺถิ. อสฺูปปตฺติยฺหิ นตฺถิ จิตฺตปฺปวตฺตีติ. รูปูปปตฺติยํ สํเสทชา โอปปาติกสทิสาติ โอปปาติกานํเยว คหณํ. โอปปาติกานมฺปีติ ปิ-สทฺเทน วา สํเสทเช สมฺปิณฺเฑติ. สตฺตสนฺตติวเสนาติ จกฺขุทสกาทีนํ สตฺตนฺนํ สนฺตติสีสานํ วเสน.

๗๐๑. ตตฺถาติ กมฺมโต รูปปวตฺติยํ. นานากฺขณิกกมฺมปจฺจยภูตํเยว อิธ กมฺมนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘กมฺมํ นาม กุสลากุสลเจตนา’’ติ. ชีวิตนวกํ จกฺขุทสกาทิอนฺโตคธเมว กตฺวา ‘‘สมสตฺตติรูป’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ วา จกฺขุทสกาทิ วิย สุขปริคฺคหํ น โหตีติ. ตเทวาติ ยถาวุตฺตํ วิปากกฺขนฺธกฏตฺตารูปมาห. กมฺมฺหิ กมฺมชสฺส ชนกํ, ปริปาจกมฺปิ โหติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส, กมฺมชคฺคิโน จ วเสน อนุรกฺขณสพฺภาวโต, อาหาราทิปฏิลาภเหตุตาย อุปตฺถมฺภกนิมิตฺตโต จ. เตนาห ‘‘อุปตฺถมฺภกปจฺจโยปิ โหตี’’ติ. อุปตฺถมฺภกปจฺจยตา จสฺส อุปนิสฺสยปจฺจยวเสเนว เวทิตพฺพา. กมฺมํ ปจฺจโย เอตสฺสาติ กมฺมปจฺจยํ, ตเทว จิตฺตํ, ตํ สมุฏฺานํ เอตสฺสาติ กมฺมปจฺจยจิตฺตสมุฏฺานํ. วิปากเจตสิกานมฺปิ กมฺมปจฺจยจิตฺตสมุฏฺานตา วตฺตพฺพา, น วา วตฺตพฺพา กมฺมสมุฏฺานกมฺมปจฺจยคฺคหเณน คหิตตฺตา. านปฺปตฺตา โอชา อฺํ โอชฏฺมกํ สมุฏฺาเปติ อาหารานุคเต สรีเรติ คเหตพฺพํ.

ตตฺราปีติ กมฺมสมุฏฺานาหารสมุฏฺาเนปิ โอชฏฺมเก. จตสฺโส วา ปฺจ วา ปวตฺติโย ฆเฏตีติ สทิสสนฺตติวเสน จตสฺโส วา ปฺจ วา รูปกลาปปฺปวตฺติโย สนฺตาเนติ. พาหิรปจฺจยวิเสเสน ปน วิสทิสา พหูปิ ปวตฺติโย ฆเฏตีติ วทนฺติ. ยถา กมฺมปจฺจยาหารสมุฏฺาเน ปเวณิฆฏนา, เอวํ กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺาเนปีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ยถา ตตฺถ ตตฺถ โกฏฺาเส ปรมฺปรปฺปวตฺตึ ทสฺเสนฺเตน อกมฺมชา ทุติยาทิปวตฺติโย อสมฺเภเทน ทสฺสิตา, เอวํ กมฺมชาหารสมุฏฺานอุตุวเสน, กมฺมชอุตุสมุฏฺานาหารวเสน, กมฺมปจฺจยจิตฺตชาหารอุตุสมุฏฺานอุตุอาหารวเสน จ สมฺเภทวเสนาปิ รูปปฺปวตฺติ ทสฺเสตพฺพาติ วทนฺติ. ตตฺถ กมฺมชโต ปวตฺตอาหารา วิเสสปจฺจยลาเภ สติ ยถาวุตฺตปริมาณาหิ ปวตฺตีหิ อุทฺธมฺปิ ปวตฺติโย น ฆเฏนฺตีติ น สกฺกา วตฺตุํ. ตถา หิ ‘‘ทส ทฺวาทส วาเร ปวตฺตึ ฆเฏตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๐๓), ‘‘เอวํ ทีฆมฺปิ อทฺธานํ อนุปาทินฺนปกฺเข ตฺวาปิ อุตุสมุฏฺานํ ปวตฺตติ เอวา’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๐๔) จ วกฺขติ.

๗๐๒. ชนกาชนกา มตาติ ปุริมกา ติโกฏฺาสสงฺคหิตา ชนกา, ปจฺฉิมโกฏฺาสิกา ‘‘โสฬสา’’ติ วุตฺตา อชนกาติ มตา าตา. กุสลกิริยโตติ กุสลโต จ กิริยโต จ. อิริยาย กายิกกิริยาย ปวตฺติฏฺานตาย ปถภาวโต อิริยาปโถ, คมนาทิ, อตฺถโต ตทวตฺถา รูปปฺปวตฺติ. กามฺเจตฺถ รูปวินิมุตฺโต อิริยาปโถ, วิฺตฺติ จ นตฺถิ, ตถาปิ น สพฺพํ รูปสมุฏฺาปกจิตฺตํ อิริยาปถูปตฺถมฺภกํ, วิฺตฺติวิการุปฺปาทกฺจ โหติ. ยํ ปน จิตฺตํ วิฺตฺติชนกํ, ตํ เอกํสโต อิตรสฺส ชนกํ อวินาภาวโต, ตถา อิริยาปถูปตฺถมฺภกํ รูปสฺส. เอตสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘รูปํ, อิริยาปถํ, วิฺตฺติฺจา’’ติ สมุจฺจโย กโต. วิปากวชฺชานีติ เอตฺถ วิปากาภิฺาทฺวยวชฺชานีติ วตฺตพฺพํ ตทฺเสํเยว เสสคฺคหเณน คเหตพฺพตฺตา. น วา วตฺตพฺพํ เสสคฺคหเณเนว อภิฺาจิตฺตานมฺปิ นิวตฺเตตพฺพโต. น วิฺตฺตึ ชนยนฺติ มหคฺคตกุสลาทีนํ สนฺตภาเวน อวิปฺผาริกภาวโต. วิปฺผาริกเมว หิ กามาวจรกุสลาทิวิฺตฺตึ สมุฏฺาเปติ, อิริยาปถูปตฺถมฺภกานิ ปน โหนฺติ สติปิ สนฺตภาเว ฌานเวเคน สอุสฺสาหตฺตา, ยโต เตสํ ชวนกิจฺจตา. ปฺจ ภวงฺคจิตฺตานีติ สมฺพนฺโธ. รูปเมว ชนยนฺติ, น อิริยาปถํ นิรุสฺสาหสนฺตภาเวน ปริทุพฺพลภาวโต. กิริยามยจิตฺเตหิ อวิมิสฺสภวงฺคปฺปวตฺติกาเล ขนฺธาทิสรีราวยวานํ นิจฺจลภาเวนาวฏฺานํ. ตถา หิ อพฺโพกิณฺเณ ภวงฺเค ปวตฺตมาเน องฺคานิ โอสีทนฺติ ปวิฏฺานิ วิย โหนฺติ. ‘‘ทฺวตฺตึสา’’ติ ปน อาทินา วุตฺเตสุ ชาครณจิตฺเตสุ วตฺตมาเนสุ องฺคานิ อุปตฺถทฺธานิ ยถาปวตฺตอิริยาปถภาเวเนว ปวตฺตนฺตีติ. ทฺเวปฺจวิฺาณานิ สพฺพทุพฺพลตาย รูปํ น ชเนนฺติ. ปฏิสนฺธิจิตฺตํ วตฺถุทุพฺพลตาย. ขีณาสวานํ จุติจิตฺตนฺติ เอตฺถ –

‘‘กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, รูปาวจเร อรูปาวจเร ปจฺฉิมภวิกานํ, เย จ รูปาวจรํ อรูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ จวนฺตานํ เตสํ วจีสงฺขาโร นิรุชฺฌิสฺสติ, โน จ เตสํ กายสงฺขาโร นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ (ยม. ๒.สงฺขารยมก.๘๘) –

ปน วจนโต อฺเสมฺปิ จุติจิตฺตํ รูปํ น สมุฏฺาเปตีติ วิฺายติ. น หิ รูปสมุฏฺาปกจิตฺตสฺส คพฺภคตตาทิวิพนฺธาภาเว กายสงฺขาราสมุฏฺาปเน การณํ อตฺถิ, น จ ยุตฺตํ จุโต จ จิตฺตสมุฏฺานรูปฺจสฺส ปวตฺตติ, นาปิ ‘‘จุติจิตฺตํ รูปํ สมุฏฺาเปตี’’ติ ปาฬิ อตฺถิ, ‘‘ขีณาสวาน’’นฺติ, ปน วิเสสนํ อปฺปฏิสนฺธิกนิโรเธน นิรุชฺฌนฺตสฺส เตสํ จุติจิตฺตสฺส รูปสมุฏฺาปนํ ปากฏนฺติ กตฺวา กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. โสฬส จิตฺตานีติ ปริจฺฉิชฺช คหณํ เตสํ รูปชนเน เอกํสโต นิยเมตพฺพตฺตา, อฺานิ ปน พหูนิ อรูเป อุปฺปนฺนานิ อโนกาสคตตฺตา รูปํ น ชเนนฺติเยว. น ิติกฺขเณ, ภงฺคกฺขเณ วา รูปํ ชเนนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อุปฺปาทกฺขเณ ปน พลวํ อนนฺตราทิปจฺจยลาภโต.

ยถา ปถวีอาทโย รูปธมฺมา จิตฺตเหตุกา จิตฺตสมุฏฺานา, เอวํ เวทนาทโยปีติ วุตฺตํ ‘‘จิตฺตสมุฏฺานํ นาม ตโย อรูปิโน ขนฺธา, สทฺทนวก’’นฺติอาทิ. เตเนวาห – ‘‘กตเม ธมฺมา จิตฺตสมุฏฺานา? เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธ กายวิฺตฺติ วจีวิฺตฺตี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๐๑, ๑๕๓๕). ตตฺถ กายวิฺตฺติอาทีนํ จิตฺตสมุฏฺานตา ปริยายโต วุตฺตาติ เวทิตพฺพา เตสํ อนิปฺผนฺนตฺตา. ‘‘เอวํ วุตฺตํ จตุสมุฏฺานรูป’’นฺติ อิมินา อตํสมุฏฺานสฺเสว จิตฺตชรูปสฺส จิตฺตปจฺจยตา ทสฺสิตา. ยถา ปน กมฺมปจฺจยํ ทสฺสิตํ, เอวํ จิตฺตปจฺจเย คยฺหมาเน ตํสมุฏฺานรูปสฺส, สหชาตเวทนาทีนฺจ จิตฺตปจฺจยตา สิยา. จิตฺตสมุฏฺานจิตฺตปจฺจเย ปน อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ ปจฺฉาชาตปจฺจยวเสเนว จิตฺตปจฺจยํ อุทฺธฏนฺติ ทฏฺพฺพํ. จิตฺตสมุฏฺานอุตุอาหาเรหิ กมฺมสมุฏฺานอุตุอาหารา พลวนฺโต โหนฺตีติ เตสํ วเสน จตุปฺจปวตฺติฆฏนํ วุตฺตํ, จิตฺตสมุฏฺานานํ ปน วเสน ทฺวตฺติปฺปวตฺติฆฏนํ ตํปากติกจิตฺตวเสน, มหคฺคตานุตฺตรจิตฺตวเสน ปน พหุตราปิ ปวตฺติโย อิจฺฉิตพฺพา. ตํนิพฺพตฺตานํ จิตฺตชรูปานํ อุฬารปณีตภาวโต.

๗๐๓. ‘‘อุปาทินฺนํ กมฺมชรูปํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา’’ติ เอเตน พหิทฺธา อนุปาทินฺนโอชา รูปาหรณกิจฺจํ น กโรตีติ ทสฺเสติ. ปจฺจยลาโภ จสฺส กมฺมชภูตสนฺนิสฺสยตาวเสนาติ อาห ‘‘ตตฺถ ปติฏฺายา’’ติ. ตตฺถ กมฺมปจฺจยจิตฺตสมุฏฺานาทิรูปสฺสปิ กมฺมมูลกตฺตา สิยา กมฺมชปริยาโยติ ตํนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อุปาทินฺน’’นฺติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. อาหารปจฺจยสฺส อาหาโร น เกวลํ อุปตฺถมฺภโกว, อถ โข ชนโกปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุสมุฏฺานรูป’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ทส ทฺวาทส วาเร’’ติ วตฺวา กถํ อิมสฺเสว ทส ทฺวาทส วาเร ปวตฺติฆฏนาติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘เอกทิวสํ ปริภุตฺตาหาโร’’ติอาทิ. ทารกสฺส สรีรํ ผริตฺวาติ นาภิมูลานุคตาหิ รสหรณีหิ ผริตฺวา, อฺถา ชลาพุอนฺตริเก กาเย มกฺขนาวเสน น สมฺมาวินิโยโค อาหารสฺส สมฺภวตีติ.

อุปาทินฺนโก อนุปาทินฺนโกติ ทุวิเธ อาหาเร ปุพฺเพ อนุปาทินฺนโก อาหารปจฺจยอาหาโร ทสฺสิโตติ อิตรํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมชาหาโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ กมฺมปจฺจยาหารสมุฏฺาเน วุตฺตนยเมว. เตนาห ‘‘จตสฺโส วา ปฺจ วา ปวตฺติโย ฆเฏตี’’ติ. อาหารปจฺจยอุตุโนปิ อุตุปจฺจยาหารสฺส วิย ทส ทฺวาทส วาเร ปวตฺติฆฏนา เวทิตพฺพา. วุตฺตนยตฺตา น อุทฺธตนฺติ วทนฺติ. เสสานนฺติ กมฺมจิตฺตอุตุสมุฏฺานานํ ติสนฺตติรูปานํ. กพฬีการาหาโร หิ อฺาหารสมุฏฺิตสฺส, ติสนฺตติรูปานฺจ อุปตฺถมฺภกวเสน อตฺตนา อุปฺปาทิตสฺส ชนโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ. เอวํ อาหารปจฺจโย โหนฺโตเยว อตฺถิอวิคตวเสนาปิ ปจฺจโย โหติ, นิสฺสยภาโว ปน ปฏฺานนเยน นตฺถิ. อาหารปจฺจยา ปวตฺตมานานิ รูปานิ อาหารนิสฺสยานิ นาม โหนฺตีติ สุตฺตนฺตนเยน วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. ปรโต อุตุโน นิสฺสยโชตนายปิ เอเสว นโย.

๗๐๔. กมฺมสมุฏฺานาทิวเสน จตุพฺพิธายปิ เตโชธาตุยา รูปุปฺปาทเน สมตฺถภาวโต ‘‘อุตุ นาม จตุสมุฏฺานา เตโชธาตู’’ติ วุตฺตํ. เอส ทุวิโธ โหตีติ เอส อุตุ เตโชธาตุภาวาวิเสเสปิ ติกฺขมนฺทตาวิเสเสน อุณฺโห, สีโตติ ทุวิโธ โหติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วิจาริตเมว. ยทิปิ อุตุ อุปาทินฺนเกน วินาปิ รูปํ สมุฏฺาเปติ, อินฺทฺริยพทฺเธ ปน เตน วินา ตสฺส รูปุปฺปาทนํ นตฺถีติ อาห ‘‘อุปาทินฺนกํ ปจฺจยํ ลภิตฺวา’’ติ. เตนาห ‘‘จตุสมุฏฺาโน อุตู’’ติ. อุตุสมุฏฺาโนเยว หิ อุตุ อุปาทินฺนเกน วินา รูปํ สมุฏฺาเปติ. อุตุปจฺจยํ นาม จตุสมุฏฺานิกํ รูปํ. ยฺหิ อุตุสมุฏฺานํ ปนฺนรสวิธํ รูปํ, ยฺจ ตทฺติสนฺตติรูปํ, ตสฺส สพฺพสฺสปิ สภาโค อุตุอุปตฺถมฺภกปจฺจโย โหตีติ. ยสฺมา วิสภาโค อุตุ หิมาทิ วิย ปทุมาทีนํ วิสทิสรูปุปฺปตฺติเหตุภูตํ ปุริมรูปํ วินาเสนฺตํ วิย โหติ, ตสฺมา สภาคํ, วิสภาคฺจ เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุตฺตํ ‘‘อุตุ จตุสมุฏฺานิกรูปานํ ปวตฺติยา จ วินาสสฺส จ ปจฺจโย โหตี’’ติ.

ทีฆมฺปิ อทฺธานนฺติ ‘‘ทส ทฺวาทส วาเร’’ติ อฺสฺส วุตฺตปริจฺเฉทโต ทีฆมฺปิ กาลํ. อุตุ หิ สภาคสนฺตติวเสน ลทฺธปจฺจยํ จิรตรมฺปิ กาลํ สทิสาการํ รูปปฺปวตฺตึ สนฺตาเนติ อุปาทินฺนกสนฺนิสฺสเยน วินา, ปเคว อิตรถา. เตนาห ‘‘อนุปาทินฺนปกฺเข ตฺวาปี’’ติ, มํสวินิมุตฺตเกสโลมนขจมฺมขิลติลกาทิวเสน ชีวมานสรีเร อฺตฺถ มตกเฬวราทิวเสนาติ อธิปฺปาโย. รูปสฺส นิพฺพตฺติยา ทิฏฺาย ตสฺส ภงฺโคปิ ทิฏฺโเยว โหติ อิตฺตรกาลตฺตา ธมฺมปฺปวตฺติยาติ อาห ‘‘นิพฺพตฺตึ ปสฺสนฺโต กาเลน รูปํ สมฺมสติ นามา’’ติ. น หิ นิพฺพตฺติมตฺตทสฺสนํ สมฺมสนํ นาม โหติ, อุทยพฺพยทสฺสนฺจ อธิกตนฺติ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ นิพฺพตฺติคฺคหเณสุ.

อรูปนิพฺพตฺติปสฺสนาการกถาวณฺณนา

๗๐๕. โลกิยจิตฺตุปฺปาทวเสเนวาติ อวธารณํ อิตรสฺส อวิสยตฺตา.

นิพฺพตฺตติ ตํตํภววเสน. ตเทว เอกูนวีสติปฺปเภทํ จิตฺตํ ภวงฺควเสน นิพฺพตฺตตีติ สมฺพนฺโธ. ตถา จุติวเสน ตทารมฺมณวเสนาติ เอตฺถาปิ. ตตฺถาติ เตสุ เอกูนวีสติจิตฺตุปฺปาเทสุ. อนนฺตรจิตฺตโต ปฏฺายาติอาทินาปิ ปวตฺติเยว วุตฺตา.

โส ปน ปฏิสนฺธิจิตฺตานํเยว ปวตฺติยํ ปวตฺตนากาโรติ สุทฺธปฺปวตฺติจิตฺตานํ อุปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปวตฺเต ปนา’’ติอาทิมาห. อสมฺภินฺนตฺตาติ อวินฏฺตฺตา. ‘‘อสมฺภินฺนตฺตา จกฺขุสฺสา’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘จกฺขุปสาทสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ิติปฺปตฺตเมวา’’ติ อิมินา ยถา นิรุชฺฌมานํ รูปํ กสฺสจิ ปจฺจโย น โหติ, เอวํ อุปฺปชฺชมานมฺปีติ ทสฺเสติ. จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ เสเสสุปิ. กามาวจรกุสลากุสลกิริยจิตฺเตสุ เอกํ วา ปฺจ, สตฺต วา ชวนานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. อุเปกฺขาสหคตาเหตุกํ จิตฺตํ วาติ วา-สทฺทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. โวฏฺพฺพนฺหิ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ, ตํ ปน ทุติยโมฆวารวเสน เวทิตพฺพํ. ปฺจ ชวนานิ สุตฺตมุจฺฉิตาทิกาเล, สตฺต ปากติกกาเล เวทิตพฺพานิ. ชวนารมฺมณานุรูปนฺติ ‘‘ติเหตุกํ เจ ชวนํ, ติเหตุกํ, ทฺวิเหตุกํ วา’’ติอาทินา, ‘‘อิฏฺํ เจ อารมฺมณํ, โสมนสฺสสหคต’’นฺติอาทินา จ ชวนสฺส, อารมฺมณสฺส จ อนุรูปํ. เสสทฺวาเรสูติ โสตทฺวาราทิเสสทฺวาเรสุ.

อนุกฺกเมนาติ อุทยพฺพยาณาธิคมานุกฺกเมน ปฺาภาวนํ สมฺปาเทติ อรหตฺตํ อธิคจฺฉติ.

รูปสตฺตกสมฺมสนกถาวณฺณนา

๗๐๖. รูเปสุ มนสิการสตฺตกํ รูปสตฺตกํ, รูปธมฺเมสุ สตฺตหากาเรหิ มนสิ กาโรตีติ อตฺโถ. เอวํ อรูปสตฺตกมฺปิ เวทิตพฺพํ. อิเมหิ อากาเรหีติ อิเมหิ อาทานนิกฺเขปนมนสิการาทิปฺปกาเรหิ, อิเมหิ วา ยถาวุตฺตโกฏฺาเสหิ. อาโรเปตฺวาติ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา.

อาทานนิกฺเขปนโตติ ภวสฺส คหณวิสฺสชฺชนโต, ชาติโต, มรณโต จาติ อตฺโถ. วโยวุฑฺฒตฺถคามิโตติ วยสา วุฑฺฒสฺส อตฺถคามิภาวโต, อตฺถงฺคมโต อิจฺเจว อตฺโถ. อาหารโตติ อาหารเหตุ, รูปสฺส ปจฺจยภูตอาหารโตติ อตฺโถ. อยโลหาทิภูมิปาสาณาทิเภทํ วิวิธวณฺณสณฺานํ กมฺมานเปกฺขํ สภาวสิทฺธํ รูปํ ธมฺมตารูปํ. สตฺตาติ สตฺตธา สตฺตหากาเรหิ. วิปสฺสตีติ ตํ ตํ โกฏฺาสํ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสติ สมฺมสติ.

‘‘ภาราทานํ ทุขํ โลเก’’ติ วจนโต ขนฺธภารสฺส อาทิโต คหณนฺติ กตฺวา ‘‘อาทานนฺติ ปฏิสนฺธี’’ติ อาห. ‘‘สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ, ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๒๐; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) ปน วจนโต ขนฺธภารนิกฺเขโปติ กตฺวา ‘‘นิกฺเขปนนฺติ จุตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสต’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๗; สํ. นิ. ๑.๑๔๕-๑๔๖; อ. นิ. ๗.๗๔) วจนโต ตโต อูนาธิกภาโว อปฺปมาณนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอกํ วสฺสสตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา’’ติ. เอตฺถนฺตเร สพฺเพ สงฺขาราติ เอตสฺมึ อาทานนิกฺเขปนฺตเร ปวตฺตา สพฺเพ ภูตุปาทายรูปปฺปเภทา สงฺขารา. รูปธมฺเมสุ หิ อิทํ สมฺมสนวิธานนฺติ. ‘‘อนิจฺจา’’ติ คหิตมตฺตํ ยุตฺติโต หทเย ปติฏฺาปนตฺถํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุปฺปาทวยวตฺติโตติ อุปฺปชฺชนวเสน, นิรุชฺฌนวเสน จ ปวตฺตนโต, อหุตฺวา สมฺภวโต หุตฺวา วยูปคมนโตติ อตฺโถ. วิปริณามโตติ สนฺตานสฺส ปุริมุตฺตรวิสทิสภาวโตติ วทนฺติ. ตํ วสฺสสตปริจฺฉินฺเน รูเป อิทํ สมฺมสนนฺติ อธิปฺปาเยเนว วุตฺตํ สิยา, ชรามรเณน วิปริณาเมตพฺพโตติ อตฺโถ. อสติปิ ธมฺมเภเท อวตฺถาเภโท อิจฺฉิตพฺโพ. น หิ อุปฺปาทาวตฺถา เอว ภงฺคาวตฺถาติ ยุตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ชราย เจว มรเณน จาติ ทฺเวธา ปริณามปกติตายา’’ติ. สภาววิคโม เอว วา เอตฺถ วิปริณาโม. ขณิกตา ตาวกาลิกตา. นิจฺจสภาวาภาโว เอว นิจฺจปฏิกฺเขโป. อนิจฺจธมฺมา หิ เตเนว อตฺตโน สภาเวน ชานนฺตานํ นิจฺจตํ ปฏิกฺขิปนฺติ นาม. ยโต น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, อุปฺปาทกฺขเณ ยทวตฺถา สงฺขารา, น ตทวตฺถา ิติกฺขเณติ อวตฺถนฺตรปฺปตฺติยา ายติ เตสํ กิลมนากาโรติ อาห ‘‘ิติยํ ชราย กิลมนฺตี’’ติ, สฺวายมตฺโถ ปากฏชราย เวทิตพฺโพ. เย ปน สงฺขารานํ ิตึ น สมฺปฏิจฺฉนฺติ, ตตฺถ วตฺตพฺพํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ธมฺมานํ สภาโว นาม ทุรติกฺกโม ชรานนฺตรํ ภงฺโคติ อาห ‘‘ชรํ ปตฺวา อวสฺสํ ภิชฺชนฺตี’’ติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อุปฺปาทชราภงฺควเสน สงฺขารานํ นิรนฺตรพาธตา, ตโต จ เนสํ ทุสฺสหตาย ทุกฺขมตา, ติสฺสนฺนํ ทุกฺขตานํ, สํสารทุกฺขสฺส จ อธิฏฺานตาย ทุกฺขวตฺถุตา, ตสฺมา. อภิณฺห…เป… ทุกฺขาติ โยชนา.

‘‘สุขปฏิกฺเขปโต’’ติ อิทํ วุตฺตนยเมว. ิตึ มา ปาปุณนฺตุ, อุปฺปชฺชมานากาเรเนว ปวตฺตนฺตูติ อธิปฺปาโย. ‘‘อุปฺปนฺนา’’ติ อิมินา อุปฺปาทกฺขณสมงฺคิตา วุตฺตา. านปฺปตฺตา มา ชีรนฺตูติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อตฺถโต ิติ เอว ชราติ? สจฺจเมตํ, ชราวเสน ปน โย กิลมโถ, โส อิธ ชราคฺคหเณน คหิโตติ ทฏฺพฺพํ. มา ภิชฺชนฺตูติ นิจฺจตํ อาสีสติ. กสฺสจิ ธมฺมิสฺสรสฺสาปิ ภควโต วสวตฺติภาโว นตฺถิ. น หิ ลกฺขณฺถตฺตํ เกนจิ กาตุํ สกฺกา. ภาวฺถตฺตเมว หิ อิทฺธิวิสโย. สุฺา สงฺขารา เตน ตีสุ าเนสุ วสวตฺตนากาเรน. ตสฺมาติ วุตฺตการณปรามสนํ. สุฺโตติ นิวาสีการกเวทกอธิฏฺายกวิรเหน ตโต สุฺโต, น นิสฺสภาวโตติ เอกจฺจปริกปฺปิตสภาวสุฺโต. อสฺสามิกโตติ สามิภูตสฺส กสฺสจิ อภาวโต. เอเตน อนตฺตนิยตํ ทสฺเสติ. อวสวตฺติโตติ ยถาวุตฺตวสวตฺติภาวาภาวโต. อตฺตปฏิกฺเขปโตติ ปรปริกปฺปิตสฺส อตฺตโน ปฏิกฺขิปนโต. ‘‘สุฺโต’’ติอาทินา หิ ธมฺมานํ พาหิรกปริกปฺปิตอตฺตวิรโห วุตฺโต, อิมินา ปน อตํสภาวโต อตฺตา น โหตีติ.

๗๐๗. เอตฺถ จ ‘‘อุปฺปาทวยวตฺติโต’’ติอาทินา จตูหิ การเณหิ อนิจฺจา, ‘‘อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนโต’’ติอาทินา จตูหิ การเณหิ ทุกฺขา, ‘‘สุฺโต’’ติอาทินา จตูหิ การเณหิ อนตฺตาติ รูปธมฺเม นิรุฬฺหํ ลกฺขณตฺตยํ ปุพฺเพ อตฺตนา อสลฺลกฺขิตํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมสนฺโต ตํ ตตฺถ อาโรเปตีติ วุจฺจติ. ตถา ปนาเนน อาทานนิกฺเขปนวเสน สมฺมสิตตฺตา อาห ‘‘รูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา’’ติ.

ตตฺถ จ ยสฺมา อนิจฺจลกฺขณคฺคหณปุพฺพกํ ทุกฺขลกฺขณคฺคหณํ, ทุกฺขลกฺขณคฺคหณปุพฺพกํ วา อนตฺตลกฺขณคฺคหณํ. อนิจฺจลกฺขณฺเจตฺถ รูปเภเทน ทสฺสิยมานํ ยโถฬาริกโต ทีเปตพฺพนฺติ ตํ วสฺสสตปริจฺเฉเทน ปมํ ทสฺเสนฺเตน วสฺสสตํ ิตสฺส ‘‘ทส วา วีสติ วา’’ติอาทินา วิภชิตฺวา อนุกฺกเมน ยาวอุทฺธรณาทิโกฏฺาสวเสน รูปสฺส ภงฺคํ ทิสฺวา ตโต ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ติลกฺขณาโรปนํ วโยวุฑฺฒตฺถงฺคมโต สมฺมสนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตเมว วสฺสสต’’นฺติอาทินา วยวเสน รูปสฺส สมฺมสนวิธิ อารทฺโธ. ตตฺถ ยสฺมา โอฬาริกวเสเนวายํ อาทิโต รูปเภโท คยฺหติ, ตสฺมา น วสฺสสตํ สมโกฏฺาสวเสน วิภตฺตํ, มชฺฌิมาวตฺถาย วา ตถารูปตฺตา มชฺฌิมวเย เอกํ วสฺสํ วฑฺฒิตํ.

๗๐๘. มนฺทตาพาหุลฺเลน ปวตฺตํ วสฺสานํ ทสกํ มนฺททสกํ. เอส นโย เสเสสุปิ.

ตทาติ ปเม วสฺสทสเก. โสติ ปุคฺคโล. จปโลติ อนวฏฺิตกิริยตาย ตรโล. เตน โมมูหภาวโต วิเสเสติ. น เหส นวมทสเก วิย โมมูหภาเวน มนฺโท, อถ โข จปลตายาติ. เตนาห ‘‘กุมารโก’’ติ. ตติเย ทสเก มํสปาริปูริยา ยถารหํ ฉวิวณฺโณ วิปฺปสีทตีติ อาห ‘‘วณฺณายตนํ เวปุลฺลํ ปาปุณาตี’’ติ. จตุตฺเถ ทสเก อฏฺีนํ, นฺหารูนฺจ ถิรภาวปฺปตฺติยา พลฺจ ถาโม จ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ. ปฺจเม ทสเก โยพฺพนมทสฺส ทูรีภาเวน เยภุยฺเยน กิเลสตนุตาย ปฺา ยถารหํ สุวิสทา โหติ. ขิฑฺฑาย รติ ขิฑฺฑารติ. กปลฺลิกาทินิสฺสยวิเสเสน ปทีปสฺส สุทฺธตาทิ วิย นิสฺสยวิเสเสน ปฺจมฉฏฺทสเกสุ ปฺาย พุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา. ปุรโต ปพฺภาโร โหติ กฏิสนฺธิคีวาสนฺธีนํ วเสน รสฺสสฺสาปิ, ปเคว ทีฆสฺส. ปพฺภาโรติ จ ครุภาเวน ปลมฺพโก. โมมูโห โหติ สติปฺาวิปฺปวาสโต. สยนพหุโลว โหติ านาทิวเสน สรีรภารํ วหิตุํ อสกฺโกนฺโต.

๗๐๙. ติณฺณํ ติณฺณํ วสฺสานนฺติ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ. จตุวสฺสิโกปิ หิ เอโก โกฏฺาโส โหตีติ. ทฺวิสตํ โกฏฺาเส กตฺวา เอเกกอยนวเสนาติปิ เวทิตพฺพํ.

วสฺสาเน ปวตฺตรูปนฺติ สมฺพนฺโธ.

ตํ ปน วสฺสานํ ทฺวิธา สมตฺตํ, น ปุพฺเพ วิย จตุมาสนฺติ อาห ‘‘ทฺเวมาส’’นฺติ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. โส ปน วสฺสาโน อุตุ สาวณโปฏฺปาทมาสา, อสฺสยุชกตฺติกมาสา สรโท, มิคสิรผุสฺสมาสา เหมนฺโต, มาฆผคฺคุนมาสา สิสิโร, จิตฺตเวสาขมาสา วสนฺโต, เชฏฺาสฬฺหมาสา คิมฺโห อุตูติ เวทิตพฺโพ. ฉ โกฏฺาเส กตฺวาติ ทสทสนาฏิกาวเสน ฉ โกฏฺาเส กตฺวา.

๗๑๐. อภิมุขํ ปุรโต กมนํ อภิกฺกโม. ปฏินิวตฺตนวเสน กมนํ ปฏิกฺกโม. อามุขํ โลกนํ อาโลกนํ. วิวิธํ อิโต จิโต จ โลกนํ วิโลกนํ. หตฺถปาทานํ สงฺกุจนํ สมิฺชนํ. อายมนํ ปสารณํ.

ปาทุทฺธรณกาเลติ ทุติยปาทุทฺธรณกาเล. ปาทสฺสาติ อุทฺธฏปาทสฺส. โอมตฺตาติ สตฺติโต หีนปฺปมาณา. เตนาห ‘‘มนฺทา’’ติ. อิตราติ เตโชวาโยธาตุโย. ยถา ปาทสฺส อุทฺธรณํ สิชฺฌติ, ตถา ปวตฺตจิตฺตสมุฏฺานรูเปสุ เอกํสโต เตโชวาโยธาตูนํ อธิมตฺตตา อิจฺฉิตพฺพา สลฺลหุกสภาวตาย ตาสํ. ตโต เอว จ อิตราสํ โอมตฺตตา ครุสภาวตฺตา. ตํสมฺพนฺธตฺตา ปน เสสํ ติสมุฏฺานรูปํ ตคฺคติกเมว โหติ. กายวจีวิฺตฺติปวตฺติยํ วาโยปถวีอธิมตฺตตา อิมสฺส อตฺถสฺส นิทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปุรโต หรเณ, ปจฺฉโต หรเณ จ อุทฺธรเณ วิย สลฺลหุกสภาวรูปปฺปวตฺตีติ ตาสํเยว ทฺวินฺนํ ธาตูนํ อธิมตฺตตา อิจฺฉิตพฺพาติ อาห ‘‘ตถา อติหรณวีติหรเณสู’’ติ. ยถา อุทฺธรณาทีสุ สลฺลหุกสภาวตฺตา ปจฺฉิมานํ ทฺวินฺนํ ธาตูนํ กิจฺจํ อธิกํ โหติ, อิตราสํ หีนํ, เอวํ โวสฺสชฺชนาทีสุ ตีสุ ครุสภาวตฺตา ปุริมานํ ทฺวินฺนํ กิจฺจํ อธิกํ โหติ, อิตราสํ หีนนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โวสฺสชฺชเน’’ติอาทิ.

ตทุปาทายรูปานีติ ตา ธาตุโย นิสฺสาย ปวตฺตอุปาทารูปานิ. เอตฺเถวาติ อุทฺธรเณเยว. เตนาห ‘‘อติหรณํ อปฺปตฺวา’’ติ. อิตีติ เอวํ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ อุทฺธรณาทิโกฏฺาเส. ปพฺพํ ปพฺพนฺติอาทิ เตสํ ธมฺมานํ โกฏฺาสนฺตรสงฺกราภาวทสฺสนํ. ตฏตฏายนฺตาติ ตฏตฏายนฺติ วิย, เตน เนสํ ปวตฺติกฺขณสฺส อิตฺตรตํ ทสฺเสติ.

๗๑๑. อสฺสาติ สมฺมสนสฺส. ทารุติณุกฺกาทีสูติ ทารุอุกฺกาติณุกฺกาทีสุ. ‘‘กึ อนฺธพาล เอกฆนํ สตตํ สพฺพทาภาวึ เอกนฺติ มฺสี’’ติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘กิเมตฺถ มนาป’’นฺติ. อิทมฺปีติ ยทิทํ เตลวฏฺฏิกฺขเยน ปทีปสฺส อปฺายนํ วุตฺตํ, อิทมฺปิ. องฺคุลงฺคุลนฺตเรติ องฺคุลิยา มิตํ องฺคุลนฺติ องฺคุลปฺปมาเณ ปเทเสติ อตฺโถ. ตนฺตุโน อวยวเลสภูตํ ปรมสุขุมภาวปฺปตฺตํ อํสุํ สนฺธายาห ‘‘อํสุํ ปน มุฺจิตฺวา’’ติ.

ตตฺถาติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. ตตฺถ กามํ อุปเมยฺเย วิย อุปมายํ ปากโฏ กาลเภโท นตฺถิ, เอกโกฏฺาสคตํ ปน โกฏฺาสนฺตรํ น ปาปุณาตีติ เอตฺตาวตา อุปมาภาโว เวทิตพฺโพ. อุปมายมฺปิ วา ตาว ยาวาติ กาลสฺส เภทมตฺตา ลพฺภเตวาติ ตสฺสา คหเณ กาลเภทวเสนาปิ อุปมา โยเชตพฺพา.

๗๑๒. ปุพฺเพ อาทานนิกฺเขปาทิวเสน จตุสนฺตติรูปํ สงฺฆริตฺวา ทสฺสิตํ, อิทานิ อาหารสมุฏฺานาทิวเสน ภินฺทิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเทว รูปํ วิสงฺขริตฺวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วิสงฺขริตฺวา วิภชิตฺวา. ‘‘วิสงฺฆริตฺวา’’ติ วา ปาโ, อยเมวตฺโถ. อาหารมยนฺติ อาหาเรน นิพฺพตฺตํ. ฌตฺตนฺติ มิลาตํ. กิลนฺตนฺติ ขินฺนํ. ธาตนฺติ ติตฺตํ. ปีณิตนฺติ มํสูปจยสมฺปตฺติยา ปีณิตํ. ตโต เอว มุทุ. สินิทฺธนฺติ สินิทฺธจฺฉวิตาย สณฺหํ. ตโต เอว ผสฺสวนฺตํ.

๗๑๓. อุณฺหกาเล สมุฏฺิตํ รูปนฺติ อุณฺหสนฺตาเปน สนฺตตฺตํ รูปํ สนฺธายาห. สีตอุตุนาติ สปฺปาเยน สีตอุตุนา.

๗๑๔. อายตนทฺวารวเสนาติ อายตนสงฺขาตทฺวารวเสน. กมฺมทฺวารนิวตฺตนตฺถํ อายตนคฺคหณํ. กายทฺวาเรติ ปสาทกายทฺวาเร. มโนทฺวารํ นาม สาวชฺชนํ ภวงฺคํ. ตสฺส นิสฺสยภาวโต หทยวตฺถุํ สนฺธาย นิสฺสิตโวหาเรน ‘‘มโนทฺวาเร’’ติ วุตฺตํ, ยตฺถ มโนทฺวารุปฺปตฺติ.

๗๑๕. โสมนสฺสิตโทมนสฺสิตวเสนาติ โสมนสฺสิตโทมนสฺสิตปุคฺคลวเสน, โสมนสฺสิตโทมนสฺสิตกาลวเสน วา.

อยมตฺโถติ อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน สงฺขารานํ อติอิตฺตรขณตาสงฺขาโต อตฺโถ.

ชีวิตนฺติ ชีวิตินฺทฺริยํ. สุขทุกฺขาติ สุขทุกฺขเวทนา. อุเปกฺขาปิ หิ สุขทุกฺขาสุ เอว อนฺโตคธา อิฏฺานิฏฺภาวโต. อตฺตภาโวติ ชีวิตเวทนาวิฺาณานิ เปตฺวา อวสิฏฺธมฺมา วุตฺตา. สฺาติ เกจิ. เกวลาติ อตฺตนา นิจฺจภาเวน วา อโวมิสฺสา. เอกจิตฺตสมายุตฺตาติ เอเกเกน จิตฺเตน สหิตา. ลหุโส วตฺตเต ขโณติ วุตฺตนเยน เอกจิตฺตกฺขณิกตาย ลหุโก อติอิตฺตโร ชีวิตาทีนํ ขโณ วตฺตติ.

จุลฺลาสีติสหสฺสานิ กปฺปนฺติ จตุราสีติสหสฺสปริมาณํ กปฺปํ, อจฺจนฺตสํโยเค เอตํ อุปโยควจนํ. กปฺปนฺติ จ สามฺวเสน เอกวจนํ. มรูติ เทวา. ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สโมหิตาติ เอวํ จิรชีวิโนปิ เต ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สหิตา หุตฺวา น ติฏฺนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เตสมฺปิ สนฺตาเน ชีวิตาทีนิ ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สห น ติฏฺนฺติ, เอเกน จิตฺเตน สห อุปฺปนฺนานิ เตเนว สห นิรุชฺฌนโต ยาว ทุติยา น ติฏฺนฺตีติ.

เย นิรุทฺธา มรนฺตสฺสาติ จวนฺตสฺส สตฺตสฺส จุติจิตฺเตน สทฺธึ นิรุทฺธาติ วตฺตพฺพา เย ขนฺธา. ติฏฺมานสฺส วา อิธาติ เย วา อิธ ปวตฺติยํ ติฏฺนฺตสฺส ธรนฺตสฺส ภงฺคปฺปตฺติยา นิรุทฺธกฺขนฺธา. สพฺเพปิ สทิสา เต สพฺเพปิ เอกสทิสา อตฺถงฺคตา อปฺปฏิสนฺธิกา ปุน อาคนฺตฺวา ปฏิสนฺธานาภาเวน วิคตา. ยถา หิ จุติกฺขนฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, เอวํ ตโต ปุพฺเพปิ ขนฺธา. ตสฺมา เอกจิตฺตกฺขณิกํ สตฺตานํ ชีวิตนฺติ อธิปฺปาโย.

อนนฺตรา จ เย ภคฺคาติ เย สงฺขารา อนนฺตรเมว ภคฺคา นิรุทฺธา. เย จ ภคฺคา อนาคเตติ เย จ สงฺขารา อนาคเต ภคฺคา ภฺชนสีลา ภิชฺชิสฺสนฺติ. ตทนฺตรา นิรุทฺธานนฺติ เตสํ อตีตานาคตานํ อนฺตรา เวมชฺเฌ ปจฺจุปฺปนฺนตํ ปตฺวา นิรุทฺธานํ ภคฺคานํ. เวสมํ นตฺถิ ลกฺขเณติ เตสํ ติวิธานมฺปิ ภงฺคลกฺขณนิมิตฺตํ วิสมตา วิสทิสตา นตฺถิ.

อนิพฺพตฺเตน น ชาโตติ อนุปฺปนฺเนน จิตฺเตน ชาโต น โหติ, อชาโต นาม โหติ. ปจฺจุปฺปนฺเนน วตฺตมาเนน จิตฺเตน ชีวติ ชีวมาโน นาม โหติ. จิตฺตภงฺคา มโต โลโกติ จุติจิตฺตสฺส วิย สพฺพสฺสปิ ตสฺส ตสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคปฺปตฺติยา อยํ โลโก ปรมตฺถโต มโต นาม โหติ นิรุทฺธสฺส อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา. เอวํ สนฺเตปิ ปฺตฺติ ปรมตฺถิยา ยายํ ตํ ตํ สนฺตํ สนิสฺสยํ จิตฺตํ อุปาทาย ‘‘ติสฺโส ชีวติ, ผุสฺโส ชีวตี’’ติ เอวํ วจนปฺปวตฺติยา วิสยภูตา สนฺตานปฺตฺติ, สา เอตฺถ ปรมตฺถิยา ปรมตฺถภูตา. ตถา หิ วทนฺติ ‘‘นามโคตฺตํ น ชีรตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๗๖).

อนิธานคตา ภคฺคาติ เย ภคฺคา, น เต กตฺถจิ นิธานํ คตา, อถ โข อภาวเมว คตา. ปุฺโช นตฺถิ อนาคเต ยโต อาคจฺเฉยฺยุํ วตฺตมานภาวํ. นิพฺพตฺตา เยปีติ เย ปฏิลทฺธตฺตภาวา ปจฺจุปฺปนฺนา, เตปิ อารคฺเค สาสปูปมา ติฏฺนฺติ. ยถา นาม สูจิยํ ิตายํ สาสโป ขิตฺโต ตสฺสา สิขํ ผุฏฺมตฺโต วิคจฺฉติ น ติฏฺติ, เอวํ สงฺขารา อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนฺติ, น เตสํ อวฏฺานํ อตฺถีติ.

ภงฺโค เนสํ ปุรกฺขโตติ เตสํ นิพฺพตฺตธมฺมานํ ภงฺโค นาม ปุรโต เอว กโต, เอกํสภาวี น อปสกฺกตีติ อตฺโถ. ปุราเณหีติ ปุริมเกหิ อตีเตหิ.

อทสฺสนโตติ อปสฺสิตพฺพโต. อายนฺตีติ อาคจฺฉนฺติ. ‘‘อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ อิมินาปิ กุโตจิ ราสิโต อาคมนาภาวเมวาห. ภคฺคา คจฺฉนฺตุทสฺสนนฺติ ภคฺคาปิ กตฺถจิ อุปคมนาภาวโต สพฺเพน สพฺพํ อทสฺสนํ อภาวเมว คจฺฉนฺติ. ตตฺถ นิทสฺสนมาห ‘‘วิชฺชุปฺปาโท…เป… วยนฺติ จา’’ติ.

๗๑๖. ‘‘วิวฏฺฏกปฺปโต ปฏฺาย อุปฺปชฺชนกรูป’’นฺติ อิมินา สยเมว อุปฺปชฺชนกธมฺมตาย ‘‘ธมฺมตารูป’’นฺติ อนฺวตฺถนามตํ ทสฺเสติ. อยโลหาทีสุ อโย นาม กาฬโลหํ. โลหํ นาม ชาติโลหํ วิชาติโลหํ กิตฺติมโลหํ ปิสาจโลหนฺติ จตุพฺพิธํ. ตตฺถ อโย รชตํ สุวณฺณํ ติปุ สีสํ ตมฺพโลหํ เวกนฺตกโลหนฺติ อิมานิ สตฺต ชาติโลหานิ. นาคนาสิกโลหํ วิชาติโลหํ. กํสโลหํ วฏฺฏโลหํ หารกูฏนฺติ ตีณิ กิตฺติมโลหานิ. โมรกฺขกาทิ ปิสาจโลหํ. ตตฺถ ตมฺพโลหํ เวกนฺตกนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ ชาติโลเหหิ สทฺธึ เสสํ สพฺพมฺปิ อิธ ‘‘โลห’’นฺติ คหิตนฺติ. ติปูติ เสตติปุ. สีสนฺติ กาฬติปุ. สุวณฺณํ อากรุปฺปนฺนรสวิทฺธาทิเภทํ. มุตฺตา สามุทฺทิกมุตฺตาทิ. มณีติ เวฬุริยโลหิตงฺคมสารคลฺลานิ เปตฺวา อวเสโส สพฺโพ มณิวิเสโส. เวฬุริโย วํสวณฺณมณิ. สงฺโข สามุทฺทิกสงฺโข. สิลาติ กาฬสิลาปณฺฑุสิลาทิเภทา สพฺพาปิ รตนสมฺมตสิลา. ปวาฬํ นาม วฏฺฏุมํ วิทฺธมํ. โลหิตงฺคํ รตฺตมณิ. มสารคลฺลํ กพรมณิ. ภูมิอาทโย ปากฏาว. ตทสฺสาติ ตํ ธมฺมตารูปํ อสฺส โยคิโน.

ตรุณปลฺลววณฺณนฺติ อมฺพาทีนํ ตรุณปลฺลเวน สมานวณฺณํ. สภาครูปสนฺตตินฺติ วณฺณาทินา สมานภาคํ รูปสนฺตานํ. อนุปฺปพนฺธาปยมานนฺติ เหตุผลปรมฺปราย สมฺพนฺธนวเสน ปวตฺตนฺติ.

โสติ โยคี. นฺติ อโสกรุกฺขปณฺณํ. ปริคฺคเหตฺวาติ าเณน ปริจฺฉิชฺช คเหตฺวา. อิมินา นเยนาติ อิมินา อโสกปณฺเณ วุตฺเตน นเยน. สพฺพมฺปิ อยโลหาทิเภทํ ธมฺมตารูปํ. ตมฺปิ หิ สีตกาเล สีตลํ, อุณฺหกาเล สูริยสนฺตาเปน อุณฺหตรํ โหติ. ตตฺถ สีตภาเวน ปวตฺตํ รูปํ อุณฺหํ อุณฺหภาเวน ปวตฺตํ รูปํ สีตํ น ปาปุณาติ. ตตฺถ ตตฺเถว ตฏตฏายนฺตํ ภิชฺชตีติอาทินา โยเชตพฺพํ.

อรูปสตฺตกสมฺมสนกถาวณฺณนา

๗๑๗. กลาปโตติ อรูปธมฺมกลาปโต.

ยสฺมา ตตฺถ ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา สพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณา สุปากฏา, สุวิฺเยฺยา จ, ตสฺมา เตสํ วเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘กลาปโตติ ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา’’ติ อาห. เย อิเม สมฺมสเน อุปฺปนฺนา ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา, สพฺเพ เต วินฏฺาติ สมฺพนฺโธ.

ปวตฺตํ จิตฺตนฺติ สตฺตสุ าเนสุ สมฺมสนวเสน ปวตฺตํ จิตฺตํ. สมฺมสนฺโตติ เอกชฺฌํ คเหตฺวา สมฺมสนฺโต. ตํ ยุตฺตตรนฺติ ตํ อริยวํสกถายํ วุตฺตํ ยุตฺตตรํ อาสนฺนภาเวน วิภูตตรํ รูปสตฺตเก สมฺมสนํ สห คเหตฺวา สมฺมสนสฺส วุตฺตตฺตา. อปิจ รูปสตฺตเก สมฺมสนสฺส รูปธมฺเมสุ สาติสยํ ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา ปวตฺตตฺตา ตพฺพิสยํ อรูปสมฺมสนํ สาติสยํ อนิจฺจาทิลกฺขณปฺปฏิเวธาย สมฺปวตฺตตีติ ตํ ยุตฺตตรํ, น ปน อปุพฺพเกสาทิสมฺมสนํ กตฺวา ตพฺพิสยํ ปวตฺติตํ. ตถา สติ กมฺมฏฺานํ นวํ นวํ เอว สิยา, ปุพฺเพ คหิตํ สมฺมสนวิสยํ ฉฑฺเฑตฺวา อฺสฺส สมฺมสนวิสยสฺส คณฺหนโต. เสสานิปีติ ยมกโต สมฺมสนาทีนิปิ. เตเนวาติ อริยวํสกถานเยเนว.

๗๑๘. ตมฺปิ จิตฺตนฺติ อาทานนิกฺเขปโต สมฺมสนวเสน ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทมฺปิ. จิตฺตสีเสน หิ นิทฺเทโส. เอส นโย สพฺพตฺถ. ยมกโต สมฺมสติ นาม นามรูปธมฺเม อารพฺภ ยุคฬวเสน สมฺมสนสฺส ปวตฺตนโต. อยฺหิ ปุพฺเพ รูปสตฺตกวเสน สมฺมสิตฺวา ิโตปิ อิทานิ อาทานนิกฺเขปาทิวเสน สมฺมสิตฺวาว ตํ สมฺมสติ. ขณิกโต สมฺมสนาทีสุปิ เอเสว นโย.

๗๑๙. เอตมฺปีติ เอตํ จตุตฺถสมฺมสนจิตฺตมฺปิ. ปมจิตฺตนฺติ อาทานนิกฺเขปาทิวเสน รูปํ สมฺมสิตจิตฺตํ, ยํ รูปปริคฺคาหกจิตฺตนฺติ อธิปฺเปตํ. สมฺมสิตสมฺมสิตจิตฺตสมฺมสเนน เตสํ ขณิกภาวสฺส วิภาวนโต อิทํ สมฺมสนํ ‘‘ขณิกโต สมฺมสน’’นฺติ วุตฺตํ.

๗๒๐. อิทเมว จ สมฺมสนํ ทิคุณิตํ อเนกสมฺมสนปฏิปาฏิสมฺภวโต ‘‘ปฏิปาฏิโต สมฺมสน’’นฺติ วุตฺตํ. วฏฺเฏยฺยาติ สมฺภเวยฺย. ตถา สติ ปฏิปาฏิสมฺมสนปสุตา เอว ภาวนา สิยา, น มูลกมฺมฏฺานุปการี, น จายํ สมาปตฺติจาโร. ยสฺมา จ ตตฺตเกน รูปธมฺเมสุ, อรูปธมฺเมสุ จ อนิจฺจาทิลกฺขณานิ สุฏฺุ วิภูตานิ โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยาว ทสมจิตฺตสมฺมสนา…เป… เปตพฺพ’’นฺติ. เปตพฺพนฺติ จ น เอกาทสมํ ทฺวาทสเมน สมฺมสิตพฺพนฺติ ปฏิปาฏิโต สมฺมสนสฺส ปริจฺเฉททสฺสนปรํ, น ตโต สมฺมสนโต โอรมนทสฺสนปรํ, ตสฺมา ปุนปิ รูปํ ปริคฺคเหตฺวา ยาว ทสมจิตฺตสมฺมสนา ภาวนมนุยุฺชเตว. วุตฺตนฺติ อริยวํสกถายํ วุตฺตํ.

๗๒๑. วิสุํ สมฺมสนนโย นาม นตฺถีติ อนิจฺจาทิมนสิการวินิมุตฺโต อฺโ วิปสฺสนามนสิกาโร นตฺถิ. วิปสฺสนาย จ ทิฏฺิอาทิวิกฺขมฺภนา อิธ ทิฏฺิอุคฺฆาฏนาทโยติ อธิปฺเปตา. วิปสฺสนาย เอว หิ ปวตฺติวิเสเสน ทิฏฺิอุคฺฆาฏนาทโย อิชฺฌนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ปเนต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สตฺตสฺาติ สตฺตา อตฺถีติ อุปฺปชฺชนกสฺา. ทุพฺพลาย อตฺตทิฏฺิยา สหคตสฺาติปิ วทนฺติ. สตฺตสฺํ อุคฺฆาฏิตจิตฺเตนาติ สตฺตสฺาย วิกฺขมฺภนวเสน ปวตฺตจิตฺเตน ทิฏฺิ นุปฺปชฺชติ, สฺาวิปลฺลาสเหตุอุปฺปชฺชนกา จิตฺตทิฏฺิวิปลฺลาสา ตทภาเวน โหนฺตีติ. มาโน นาม โย ทิฏฺูปนิสฺสโย อปายคมนีโย, โส ทิฏฺิยา วิกฺขมฺภิตาย วิกฺขมฺภิโต เอว โหติ, ทิฏฺิยา สมุจฺฉินฺนาย สมุจฺฉิชฺชนโตติ อาห ‘‘ทิฏฺิอุคฺฆาฏิต…เป… มาโน นุปฺปชฺชตี’’ติ. มาโน วิกฺขมฺภิยมาโน ตณฺหาย ปวตฺตึ นิวาเรติ, อภิมตวิสเยสุ เอว ตณฺหาย ปวตฺตนโตติ วุตฺตํ ‘‘มานสมุคฺฆาฏิต…เป… ตณฺหา นุปฺปชฺชตี’’ติ. ตณฺหาติ อิธ สุขุมา นิกนฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘ตณฺหาย…เป… ปริยาทินฺนา นาม โหตี’’ติ.

อยํ นโยติ อิทานิ วุจฺจมาโน สมฺมสนวิธิ.

มม วิปสฺสนาติ อิมสฺสาปิ อตฺตนิยสฺิตาย วิปสฺสนาย สามิภูโต อตฺตา ปรามสียตีติ ทิฏฺิคาหตาติ ตถา ‘‘คณฺหโต หิ ทิฏฺิสมุคฺฆาฏนํ นาม น โหตี’’ติ วุตฺตํ. กามฺจายํ ทิฏฺิวิสุทฺธิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิสมธิคเมน วิสุทฺธทิฏฺิโก, มคฺเคน ปน อสมุคฺฆาฏิตตฺตา อโนฬาริกาย จ ทิฏฺิยา วเสเนวํ วุตฺตํ.

สุฏฺูติ สมฺมา. มนาปนฺติ จ กิริยาวิเสสนํ, มนวฑฺฒนากาเรนาติ อตฺโถ. อุภเยนาปิ วิปสฺสนาวิสยํ อธิมานมาห. เตน วุตฺตํ ‘‘มานสมุคฺฆาโฏ นาม น โหตี’’ติ.

วิปสฺสิตุํ สกฺโกมีติ ตตฺถ สมตฺถตาปเทเสน คุณวิเสสโยคโต วิปสฺสนาย อสฺสาเทตพฺพตา ทสฺสียติ, จิตฺตํ วิปสฺสิตุํ สกฺโกมิ. ตสฺมา วิปสฺสนฺโต เอว กาลํ วีตินาเมสฺสามีติ วิปสฺสนํ อสฺสาเทนฺตสฺสาติ โยชนา.

ยสฺมา ทิฏฺิสมุคฺฆาฏนํ นาเมตฺถ วิเสสโต อนตฺตานุปสฺสนาย โหติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘สเจ สงฺขารา’’ติอาทินา อนตฺตานุปสฺสนาวิธึ วตฺวา ยสฺมา ปน อนตฺตโต อนุปสฺสนฺเตน สงฺขารา อนิจฺจโตปิ ทุกฺขโตปิ อนุปสฺสิตพฺพา เอว ตทุปพฺรูหนโต, ตสฺมา ‘‘หุตฺวา อภาวฏฺเนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ยสฺมา มานสมุคฺฆาฏนํ นาม อนิจฺจานุปสฺสนาย โหติ. ขเณ ขเณ ภิชฺชนเก สงฺขาเร ปสฺสนฺตสฺส กุโต มานสฺส อวสโร. อนิจฺจสฺา ภาเวตพฺพา อสฺมิมานสมุคฺฆาฏายาติ หิ วุตฺตํ.

ยสฺมา นิกนฺติปริยาทานํ นาม ทุกฺขานุปสฺสนาย โหติ. น หิ สภาวโต, ทุกฺขวตฺถุโต จ ทุกฺขภูเต สงฺขาเร ปสฺสนฺตสฺส ตตฺถ อีสกมฺปิ อภิรโต โหติ. อสฺสาทานุปสฺสิโน หิ ตตฺถ ตณฺหา อุปฺปชฺเชยฺย. เสสํ อนตฺตลกฺขเณ วุตฺตนยเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – วุตฺตนเยน ปฏิปาฏิโต สมฺมสนํ ปสุตสฺส โยคิโน ยทา อนตฺตานุปสฺสนา ติกฺขา สูรา วิสทา ปวตฺตติ, อิตรา ทฺเวปิ ตทนุคติกา, ตทาเนน ทิฏฺิอุคฺฆาฏนํ กตํ โหติ. อตฺตทิฏฺิมูลิกา หิ สพฺพา ทิฏฺิโย. อนตฺตานุปสฺสนา จ อตฺตทิฏฺิยา อุชุปฏิปกฺขา.

ยทา ปน อนิจฺจานุปสฺสนา ติกฺขา สูรา วิสทา ปวตฺตติ, อิตรา ทฺเวปิ ตทนุคติกา, ตทาเนน มานสมุคฺฆาฏนํ กตํ โหติ. สติ หิ นิจฺจคาเห มานชปฺปนา ‘‘อิทํ นิจฺจํ, อิทํ ธุว’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๕๐๑) พกพฺรหฺมุโน วิย. อนิจฺจานุปสฺสนา จ นิจฺจคาหสฺส อุชุปฏิปกฺขา.

ยทา ปน ทุกฺขานุปสฺสนา ติกฺขา สูรา วิสทา ปวตฺตติ, อิตรา ทฺเวปิ ตทนุคติกา, ตทาเนน นิกนฺติปริยาทานํ กตํ โหติ. สติ หิ สุขสฺาย ตณฺหาคาโหว, ทุกฺขานุปสฺสนา จ นิกนฺติยา อุชุปฏิปกฺขา. เอวํ ติสฺสนฺนํ อนุปสฺสนานํ กิจฺจวิเสสวเสน ทิฏฺิอุคฺฆาฏนาทีนิ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิติ อยํ วิปสฺสนา อตฺตโน อตฺตโน าเนเยว ติฏฺตี’’ติ. อนุปสฺสนานํ ยถารหํ สกกิจฺจกรณฺหิ สกฏฺาเนเยว านํ, ตสฺมา วิสุํ สมฺมสนนโย นตฺถีติ น วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.

๗๒๒. สพฺพาการโตติ อิธ วิย เอกเทเสน อวตฺวา สพฺพาการโต สรูปโต, กิจฺจโต จ อนวเสสโต วตฺตพฺพา. อิเธวาติ ตีรณปริฺายเมว. เอกจฺจานํเยเวตฺถ อนุปสฺสนานํ ปฏิลาโภติ อาห ‘‘เอกเทสํ ปฏิวิชฺฌนฺโต’’ติ, ตา ปน สยเมว สรูปโต ทสฺเสสฺสติ. ตปฺปฏิปกฺเข ธมฺเมติ ยา อนุปสฺสนา อิธ สมฺภวนฺติ, ตาสํ ปฏิปกฺเข ธมฺเม นิจฺจสฺาทิเก ปชหติ วิกฺขมฺเภติ.

ขยานุปสฺสนนฺติ สงฺขารานํ ขณภงฺคานุปสฺสนํ. ภาเวนฺโตติ วฑฺเฒนฺโต. ฆนสฺนฺติ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณานํ วเสน เอกตฺตคฺคหณํ. ขยานุปสฺสนนฺติ หุตฺวา อภาวานุปสฺสนนฺติ วทนฺติ. ยาย ปฺาย ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา ‘‘อนิจฺจํ ขยฏฺเนา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘) ปสฺสติ, สา ขยานุปสฺสนา. ภงฺคานุปสฺสนโต ปฏฺาย ตสฺสา ปาริปูรีติ ฆนสฺาย ปหานํ โหติ, ตโต ปุพฺเพ อปริปุณฺณตาย ตํ น โหติ. เอวมฺตฺถาปีติ ปริปุณฺณาปริปุณฺณตา ปหานตีรณปริฺาสุ วิปสฺสนาปฺาย ทฏฺพฺพา. ปจฺจกฺขโต, อนฺวยโต จ สงฺขารานํ ภงฺคํ ทิสฺวา ตตฺเถว ภงฺคสงฺขาเต นิโรเธ อธิมุตฺตตา วยานุปสฺสนา, ตาย อายูหนํ ปชหติ. ยทตฺถํ, ยาย จ อายูหติ, ตสฺมึ ปวตฺเต ตณฺหาย จสฺส จิตฺตํ น นมตีติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วยานุปสฺสนํ ภาเวนฺโต อายูหนํ ปชหตี’’ติ. ชาตสฺส ชรามรเณหิ ทฺวิธา ปริณามทสฺสนํ, รูปสตฺตกาทิวเสน วา ปริคฺคหิตสฺส ตํตํปริจฺเฉทโต ปรํ อฺภาวทสฺสนํ วิปริณามานุปสฺสนา, ตาย ธุวสฺํ ถิรภาวคหณํ ปชหติ.

อนิมิตฺตานุปสฺสนาทโย อนิจฺจานุปสฺสนาทโย เอว. นิมิตฺตนฺติ สนฺตติยํ, สมูเห จ เอกตฺตสฺาย คยฺหมานํ กาลนฺตราวฏฺายิภาเวน, นิจฺจภาเวน จ สงฺขารานํ สกิจฺจปริจฺเฉทตาย สวิคฺคหํ วิย อุปฏฺานมตฺตํ. ปณิธินฺติ สุขปตฺถนํ, ราคาทิปณิธึ วา, อตฺถโต ตณฺหาวเสน สงฺขาเรสุ นินฺนตํ. อภินิเวสนฺติ อตฺตาภินิเวสํ. เอเตสฺหิ นิมิตฺตาทีนํ ปฏิปกฺขภาเวน อนิจฺจานุปสฺสนาทโย อนิมิตฺตาทินาเมหิ วุตฺตาติ อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ ปหาตพฺพา นิจฺจสฺาทโย วิย นิมิตฺตคฺคาหาทโยว ปฏิปกฺขาติ ทฏฺพฺพา. รูปาทิอารมฺมณํ ตฺวา ตทารมฺมณสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคํ ทิสฺวา สงฺขารา เอว ภิชฺชนฺติ, สงฺขารานํ มรณํ, น อฺโ โกจิ อตฺถีติ ภงฺควเสน สุฺตํ คเหตฺวา ปวตฺตา วิปสฺสนา อธิปฺา จ สา ธมฺเมสุ จ วิปสฺสนาติ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา, ตาย นิจฺจสาราทิอาทานวเสน ปวตฺตํ อภินิเวสํ สตณฺหํ ทิฏฺึ ปชหติ. ยถาภูตาณทสฺสนํ นาม สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ. เตน ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) เอวมาทิกํ, ‘‘อิสฺสรโต โลโก สมฺภวตี’’ติ เอวมาทิกฺจ สมฺโมหาภินิเวสํ ปชหติ. ภยตุปฏฺานวเสน อุปฺปนฺนํ สพฺพภวาทีสุ อาทีนวทสฺสนาณํ อาทีนวานุปสฺสนา, ตาย กสฺสจิปิ อาลยนิสฺสยอทสฺสนโต อาลยาภินิเวสํ ตถาปวตฺตํ ตณฺหํ ปชหติ. สงฺขารานํ มุฺจนสฺส อุปายภูตํ ปฏิสงฺขาาณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา, ตาย อนิจฺจาทีสุ อปฺปฏิสงฺขาตตฺตา ปฏิสงฺขานสฺส ปฏิปกฺขภูตํ อวิชฺชํ ปชหติ. สงฺขารุเปกฺขา, อนุโลมาณฺจ วิวฏฺฏานุปสฺสนา. ตสฺสา หิ วเสน ตสฺส ปทุมปลาเส อุทกพินฺทุ วิย สพฺพสงฺขาเรหิ จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฏติ, ตสฺมา ตาย สํโยคาภินิเวสํ กามสํโยคาทิกิเลสปฺปวตฺตึ ปชหติ. อนิจฺจานุปสฺสนาทโย สตฺต อนุปสฺสนา เหฏฺา อตฺถโต วิภตฺตาติ, ปรโต จ สํวณฺณียนฺตีติ อิธ น วุตฺตา.

ตาสูติ อฏฺารสสุ มหาวิปสฺสนาสุ. อิมินาติ โยคินา. ตสฺมาติ อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยวเสน สงฺขารานํ ทิฏฺตฺตา. ตํทสฺสนฺหิ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนาติ. ปฏิวิทฺธาติ ปฏิลทฺธา. ยทคฺเคน หิ าเณน สวิสโย ปฏิวิทฺโธ, ตทคฺเคน ตํ ปฏิลทฺธํ นาม โหติ. พฺยฺชนเมว นานํ ยถา ‘‘รุกฺโข ปาทโป ตรู’’ติ. ตาปิ อนิมิตฺตาปณิหิตสุฺตานุปสฺสนา.

สพฺพาปิ วิปสฺสนา, ตสฺมา เอกเทเสน ปฏิวิทฺธา โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยา เอว สงฺคหิตํ, ตสฺมา ตํ ปเคว สิทฺธนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิทมฺปิ ทฺวยํ ปฏิวิทฺธเมว โหตี’’ติ. เสเสสุ นิพฺพิทานุปสฺสนาทีสุ ทสสุ. ‘‘กิฺจิ ปฏิวิทฺธํ กิฺจิ อปฺปฏิวิทฺธ’’นฺติ อิมินา เตสํ เอกเทสปฏิเวธมาห. อนิจฺจานุปสฺสนาย หิ สิทฺธาย นิโรธานุปสฺสนา, ขยานุปสฺสนา, วยานุปสฺสนา, วิปริณามานุปสฺสนา จ เอกเทเสน สิทฺธา นาม โหนฺติ, ทุกฺขานุปสฺสนาย สิทฺธาย นิพฺพิทานุปสฺสนา, อาทีนวานุปสฺสนา จ, อนตฺตานุปสฺสนาย สิทฺธาย อิตราติ.

อุทยพฺพยาณกถาวณฺณนา

๗๒๓. ปรโต ปฏิปทาาณทสฺสนกถายํ อพฺภาทิวิคเมน อากาสสฺส วิย, ปงฺกมลวิคเมน อุทกสฺส วิย, กาฬกาปคเมน สุวณฺณสฺส วิย สํกิเลสวิคเมน าณสฺส ปริสุทฺธีติ อาห ‘‘นิจฺจสฺาทีนํ ปหาเนน วิสุทฺธาโณ’’ติ. อเนกาการโวการสงฺขาเรสุ ลกฺขณตฺตยสลฺลกฺขณสมฺมสนสฺส กตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สมฺมสนาณสฺส ปารํ คนฺตฺวา’’ติ. ตตฺถ สมฺมสนาณสฺสาติ นยวิปสฺสนาสงฺขาตสฺส กลาปสมฺมสนาณสฺส. ตสฺเสว หิ ถิรภาวาย อิตเร สมฺมสนวิเสสาติ วทนฺติ. สมฺมสนาณสฺสาติ วา กลาปสมฺมสนาทิสมฺมสนาณสฺส. อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย สทิสา หิ สา. ตาย หิ ทิฏฺิอุคฺฆาฏนาทิ สมฺภวตีติ. วิตฺถารโต ภาวนาวิธานํ ปรโต วตฺตุกาโม ‘‘สงฺเขปโต ตาว อารภตี’’ติ อาห. สงฺเขปโต หิ อารมฺโภ อาทิกมฺมิกสฺส สุกโร. ตตฺราติ สงฺเขเปน อารมฺเภ.

กถนฺติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. ยํ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนานํ…เป… อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ กถํ าตพฺพนฺติ เจติ อตฺโถ. สนฺตติปจฺจุปฺปนฺเน, ขณปจฺจุปฺปนฺเน วา ธมฺเม อุทยพฺพยทสฺสนาภินิเวโส กาตพฺโพ, น อตีตานาคเตติ วุตฺตํ ‘‘ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมาน’’นฺติ. อุทยทสฺสนฺเจตฺถ ยาวเทว วยทสฺสนตฺถนฺติ วยทสฺสนสฺส ปธานตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปริณามานุปสฺสเน ปฺา’’ติ วตฺวา ตํ ปน วยทสฺสนํ อุทยทสฺสนปุพฺพกนฺติ อาห ‘‘อุทยพฺพยานุปสฺสเน าณ’’นฺติ.

ชาตนฺติ นิพฺพตฺตํ ปฏิลทฺธตฺตภาวํ. อยํ หิ ชาตสทฺโท ขณตฺตยสมงฺคิตํ สนฺธาย วุตฺโต ‘‘เย ธมฺมา ชาตา ภูตา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๔๖) วิย, น อตีตํ

‘‘เย เต ชาตา น เต สนฺติ, เย น ชาตา ตตฺเถว เต;

ลทฺธตฺตภาวา โน ภคฺคา, เตว สนฺติ สภาวโต’’ติ. –

อาทีสุ วิย, นาปิ ชาตตามตฺตํ ‘‘ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขต’’นฺติอาทีสุ วิย. เตนาห ‘‘ชาตํ รูปํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗; สํ. นิ. ๕.๓๗๙), ปจฺจุปฺปนฺนรูปํ นาม ชาตํ ขณตฺตยปริยาปนฺนนฺติ อตฺโถ. ตํ ปน อาทิโต ทุปฺปริคฺคหนฺติ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนวเสน วิปสฺสนาภินิเวโส กาตพฺโพ. ตสฺสาติ รูปสฺส. ปจฺจยลกฺขณปปฺจํ อนามสิตฺวา นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโยติ นิพฺพตฺตนสฺิตํ สงฺขตลกฺขณํ อุทโย อุปฺปาโท. วิปริณามลกฺขณํ วโยติ วิปริณามสฺิตํ สงฺขตลกฺขณํ วโย วินาโส. อนุปสฺสนาาณนฺติ ยา อุทยสฺส, วยสฺส จ อนุเปกฺขนา, ตํ าณํ. กิฺจาปิ กลาปสมฺมสนาทีสุ ชาติชรามรณสีเสน ชาติชรามรณวนฺโต ธมฺมา วุตฺตา, อิธ ปน อุทยพฺพยาณนิทฺเทเส ‘‘ชาติ ปจฺจุปฺปนฺนา, ตสฺสา นิพฺพตฺติลกฺขณํ อุทโย, วิปริณามลกฺขณํ วโย’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๔๙) วุจฺจมาเน ชาติชรามรณานํ ชาติชรามรณวนฺตตา, นิปฺผนฺนตา จ อนุฺาตา วิย โหตีติ ตํ ปริหริตุํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ ภวปริโยสานาว เทสนา กตา.

โสติ โยคี. อิมินา ปาฬินเยนาติ อิมาย ‘‘ชาตํ รูปํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา ทสฺสิตาย ปาฬิคติยา. ชาตินฺติ น ปสูตึ, น จ ปมาภินิพฺพตฺติมตฺตํ, อถ โข อุปฺปาทํ นิพฺพตฺติวิการํ. สฺวายํ วิกาโร ยสฺมา สงฺขารานํ อภินวาวฏฺานชรา วิย นวภาวาปคโมติ อาห ‘‘อภินวาการ’’นฺติ. สมนุปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. อนุปฺปนฺนสฺส ราสิ วา นิจโย วา นตฺถิ ยโต อาคจฺเฉยฺย อุปฺปชฺชมานํ อลทฺธตฺตภาวสฺส สพฺเพน สพฺพํ อวิชฺชมานตฺตา. เตนาห ‘‘อุปฺปชฺชมาน…เป… นตฺถี’’ติ. ยถา อนาคเต อทฺธนิ อิเม ธมฺมา สพฺเพน สพฺพํ นตฺถิ, เอวํ อตีเตปิ อทฺธนีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิรุชฺฌมานสฺสาปี’’ติอาทึ วตฺวา อวิชฺชมานานํเยว รูปารูปธมฺมานํ เหตุปจฺจยสมวาเย อุปฺปาโท, อุปฺปชฺชิตฺวา จ สพฺพโส อภาวูปคโมติ อิมมตฺถํ สมุทายคตํ ตเทกเทสภูตาย อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ราสิโตติ ราสิภาเวน สมุสฺสิโต ปุฺโช ราสิ. ยถา ตถา ปิณฺฑิภูโต นิจโย. ภูมิยํ นิทหิตฺวา ปิตํ นิธานํ. อุปวีเณติ เอเตนาติ อุปวีณํ, วีณาวาทนํ.

๗๒๔. เอวํ สงฺเขปโต อุทยพฺพยมนสิการวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปุน ยานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อวิชฺชาสมุทยาติ อวิชฺชาย อุปฺปาทา, อตฺถิภาวาติ อตฺโถ. นิโรธวิโรธีหิ อุปฺปาโท อตฺถิภาววาจโกปิ โหตีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ตสฺมา ปุริมภวสิทฺธาย อวิชฺชาย สติ อิมสฺมึ ภเว รูปสฺส อุปฺปาโท โหตีติ อตฺโถ. ปจฺจยสมุทยฏฺเนาติ ปจฺจยสฺส อุปฺปนฺนภาเวน, อตฺถิภาวโตติ อตฺโถ. อวิชฺชาทีหิ จ ตีหิ อตีตกาลิกานิ เตสํ สหการีการณภูตานิ อุปาทานาทีนิปิ คหิตาเนวาติ ทฏฺพฺพํ.

ปวตฺติปจฺจเยสุ กพฬีการาหารสฺส พลวตาย โส เอว คหิโต ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ. ตสฺมึ ปน คหิเต ปวตฺติปจฺจยตาสามฺเน อุตุจิตฺตานิปิ คหิตาเนว โหนฺตีติ จตุสมุฏฺานิกรูปสฺส ปจฺจยโต อุทยทสฺสนํ วิภาวิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อวิชฺชาตณฺหุปนิสฺสยสหิเตเนว กมฺมุนา รูปกายสฺส นิพฺพตฺติ. อสติ จ อวิชฺชุปนิสฺสยาย ภวนิกนฺติยา ชาติยา อสมฺภโว เอวาติ. ยถา จ รูปสฺส อวิชฺชาตณฺหุปนิสฺสยตา, เอวํ เวทนาทีนมฺปิ ทฏฺพฺพา. อาหาโร ปน อุปฺปนฺนสฺส รูปสฺส โปสโก, กพฬีการาหารสฺส อธิปฺเปตตฺตา, กามธาตาธิฏฺานตฺตา จ เทสนาย. อุกฺกํสนิทฺเทเสน วา อาหารคฺคหณํ. ‘‘นิพฺพตฺติลกฺขณ’’นฺติอาทินา กาลวเสน อุทยทสฺสนมาห. ตตฺถ อทฺธานวเสน ปเคว อุทยํ ปสฺสิตฺวา ิโต อิธ สนฺตติวเสน ทิสฺวา อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติ. ปฺจ ลกฺขณานีติ อวิชฺชา ตณฺหา กมฺมํ อาหาโรติ อิเมสํ ปจฺจยานํ อตฺถิตาสงฺขาตลกฺขณานิ เจว รูปสฺส นิพฺพตฺติลกฺขณฺจาติ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ. เตสํ อตฺถิตา หิ รูปสฺส อุทโย ลกฺขียติ เอเตหีติ ลกฺขณานีติ วุจฺจนฺติ. นิพฺพตฺติ ปน สงฺขตลกฺขณเมวาติ.

อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธติ อคฺคมคฺคาเณน อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธโต อนาคตสฺส รูปสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ ปจฺจยาภาเว อภาวโต. ปจฺจยนิโรธฏฺเนาติ อวิชฺชาสงฺขาตสฺส อนาคเต อุปฺปชฺชนกรูปปจฺจยสฺส นิรุทฺธภาเวน. ตณฺหานิโรธา กมฺมนิโรธาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาหารนิโรธาติ ปวตฺติปจฺจยสฺส กพฬีการาหารสฺส อภาเว. รูปนิโรโธติ ตํสมุฏฺานรูปสฺส อภาโว โหติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. วิปริณามลกฺขณนฺติ ภงฺคกาลวเสน เตสํ วยทสฺสนํ. ตสฺมา ตํ อทฺธาวเสน ปเคว ปสฺสิตฺวา ิโต อิธ สนฺตติวเสน ทิสฺวา อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติ. ปฺจ ลกฺขณานีติ อิธ อวิชฺชาทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ อนุปฺปาทนิโรโธ, รูปสฺส ขณนิโรโธ จาติ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ. เตสฺหิ อนุปฺปาทนิโรโธ, รูปสฺส อจฺจนฺตนิโรโธ ลกฺขียติ เอเตหีติ ลกฺขณานีติ วุจฺจนฺติ.

วิปริณาโม สงฺขตลกฺขณเมว. เอส นโย เวทนากฺขนฺธาทีสุ. อยํ ปน วิเสโส – ‘‘ผุฏฺโ เวเทติ, ผุฏฺโ สฺชานาติ, ผุฏฺโ เจเตตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๓), ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา, จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา, สฺา, เจตนา’’ติ, จ วจนโต ผสฺโส เวทนา (วิภ. ๒๓๑) สฺา สงฺขารกฺขนฺธานํ ปวตฺติปจฺจโย, ตํนิโรธา จ เตสํ นิโรโธ, มหาปทาน (ที. นิ. ๒.๖๐) มหานิทานสุตฺเตสุ, อภิธมฺเม จ อฺมฺปจฺจยวาเร ‘‘นามรูปปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ (กถา. ๗๑๙) วจนโต นามรูปํ วิฺาณสฺส ปวตฺติปจฺจโย, ตํนิโรธา ตสฺส นิโรโธติ วุตฺตํ ‘‘ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติอาทิ.

เอตฺถ จ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘อรูปกฺขนฺธานํ อุทยพฺพยทสฺสนํ อทฺธาสนฺตติวเสเนว, น ขณวเสนา’’ติ. เตสํ มเตน ขณโต อุทยพฺพยทสฺสนเมว น สิยา. อปเร ปนาหุ ‘‘ปจฺจยโต อุทยพฺพยทสฺสเน อตีตาทิวิภาคํ อนามสิตฺวา สพฺพสาธารณโต อวิชฺชาทิปจฺจยา เวทนาสมฺภวํ ลพฺภมานตํ ปสฺสติ, น อุปฺปาทํ. อวิชฺชาทิอภาเว จ ตสฺสา อสมฺภวํ อลพฺภมานตํ ปสฺสติ, น ภงฺคํ. ขณโต อุทยพฺพยทสฺสเน ปจฺจุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทํ, ภงฺคฺจ ปสฺสตี’’ติ, ตํ ยุตฺตํ. สนฺตติวเสน หิ รูปารูปธมฺเม อุทยโต, วยโต จ มนสิ กโรนฺตสฺส อนุกฺกเมน ภาวนาย พลปฺปตฺตกาเล าณสฺส ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา ขณโต อุทยพฺพยา อุปฏฺหนฺตีติ. อยฺหิ ปมํ ปจฺจยโต อุทยพฺพยํ มนสิ กโรนฺโต อวิชฺชาทิเก ปจฺจยธมฺเม วิสฺสชฺเชตฺวา อุทยพฺพยวนฺเต ขนฺเธ คเหตฺวา เตสํ ปจฺจยโต อุทยพฺพยทสฺสนมุเขน ขณโตปิ อุทยพฺพยํ มนสิ กโรติ.

ตสฺส ยทา าณํ ติกฺขํ วิสทํ หุตฺวา ปวตฺตติ, ตทา รูปารูปธมฺมา ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชนฺตา, ภิชฺชนฺตา จ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวมฺปิ รูปสฺส อุทโย’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวมฺปิ รูปสฺส อุทโยติ เอวํ วุตฺตนเยน อวิชฺชาสมุทยาปิ. ตณฺหา…เป… กมฺม…เป… อาหารสมุทยาปิ รูปสฺส สมฺภโว. เอวมฺปิ รูปสฺส วโยติ เอวํ วุตฺตนเยเนว อวิชฺชานิโรธาปิ ตณฺหา…เป… อาหารนิโรธาปิ รูปสฺส วโย อนุปฺปาโทติ ปจฺจยโต วิตฺถาเรน มนสิการํ กโรติ. เอวมฺปิ รูปํ อุเทตีติ เอวํ วุตฺตนเยน นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ กมฺมสมุฏฺานรูปมฺปิ อาหารอุตุจิตฺตสมุฏฺานรูปมฺปิ อุเทติ อุปฺปชฺชติ นิปฺปชฺชตีติ. เอวํ วุตฺตนเยเนว วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโต กมฺมสมุฏฺานรูปมฺปิ อาหารอุตุจิตฺตสมุฏฺานรูปมฺปิ เวติ นิรุชฺฌตีติ ขณโต วิตฺถาเรน มนสิการํ กโรตีติ โยชนา.

๗๒๕. เอวํ มนสิ กโรโต น ยาว อุทยพฺพยาณํ อุปฺปชฺชติ, ตาว อุทยพฺพยา สุฏฺุ ปากฏา น โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อิติ กิริเม ธมฺมา…เป… ปฏิเวนฺตี’’ติ, นยทสฺสนวเสน วา เอวํ วุตฺตํ. ปมฺหิ ปจฺจุปฺปนฺนธมฺมานํ อุทยพฺพยํ ทิสฺวา อถ อตีตานาคเต นยํ เนติ. ทุกฺขาทิสจฺจปฺปเภทา, อนุโลมาทิปฏิจฺจสมุปฺปาทปฺปเภทา, เอกตฺตาทินยปฺปเภทา, อนิจฺจตาทิลกฺขณปฺปเภทา จ สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทนยลกฺขณปฺปเภทา. ปฏิจฺจสมุปฺปาทคฺคหเณเนว เจตฺถ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมานมฺปิ คหณํ, เตสมฺปิ อตฺตโน ผลํ ปติ ปฏิจฺจ สมุปฺปาทภาวโต.

๗๒๖. นฺติ กรเณ ปจฺจตฺตวจนํ, เยน าเณนาติ อตฺถํ วทนฺติ. นฺติ วา กิริยาปรามสนํ. ขนฺธานํ สมุทยํ ปสฺสติ, ขนฺธานํ นิโรธํ ปสฺสตีติ เอตฺถ ยเทตํ ทสฺสนนฺติ อตฺโถ. ยํ ปนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ ยถา อวิชฺชาทิสมุทยนิโรธโต ขนฺธานํ สมุทยนิโรธสฺส อฺตฺตา ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติอาทิวจนเภโท (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) กโต, น เอวํ นิพฺพตฺติวิปริณามลกฺขเณหิ ขนฺธานํ อุทยพฺพยสฺส เภโท อตฺถิ อภินฺนาธิกรณตฺตาติ ‘‘นิพฺพตฺติลกฺขณวิปริณามลกฺขณานิ ปสฺสนฺโต ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ปสฺสตี’’ติ วจนเภทํ อกตฺวา วุตฺตํ. อุปฺปตฺติกฺขเณเยว หีติ หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา อุปฺปาทกฺขเณเยว นิพฺพตฺติลกฺขณํ, ภงฺคกฺขเณเยว จ วิปริณามลกฺขณํ, ตสฺมา ตานิ ปสฺสนฺโต ขณโต ขนฺธานํ อุทยพฺพเย ปสฺสติ นามาติ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กโรติ.

๗๒๗. อิจฺจสฺเสวนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา ‘‘อวิชฺชา สมุทยา’’ติอาทิ ปจฺจยโต ขนฺธานํ อุทยพฺพยทสฺสนํ, ‘‘นิพฺพตฺติลกฺขณ’’นฺติอาทิ ขณโต, ตสฺมาติ อตฺโถ. อสฺสาติ โยคิโน. เอวนฺติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. เย ปน ‘‘อิจฺจสฺส ปจฺจยโต’’ติ ปนฺติ, เตสํ อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. ชนกาวโพธโตติ ขนฺธานํ ชนกสฺส อวิชฺชาทิปจฺจยสฺส อวพุชฺฌนโต. ชาติทุกฺขาวโพธโตติ ชาติสงฺขาตสฺส ทุกฺขสฺส อวพุชฺฌนโต. ทุกฺขสจฺจํ ปากฏํ โหติ เอกเทสทสฺสเนน ปพฺพตสมุทฺทาทิทสฺสนกานํ วิย. มรณทุกฺขาวโพธโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ปจฺจยานุปฺปาเทนา’’ติ เอเตน ปจฺจยานํ อนุปฺปาทนิโรโธ อิธ ปจฺจยนิโรโธติ ทสฺเสติ. ปจฺจยวตนฺติ ปจฺจยโต อุปฺปชฺชนกานํ. ยฺจสฺส อุทยพฺพยทสฺสนนฺติ ยํ อสฺส โยคิโน ปจฺจยโต, ขณโต จ อุทยพฺพยานํ ทสฺสนํ. ตตฺถ อสมฺโมโห, ตปฺปธาโน วา วิตกฺกาทิธมฺมปุฺโช มคฺโค วายํ โลกิโกติ นิยฺยานานุโลมโต โลกิโก มคฺโค เอวายํ. อิติ ตสฺมา มคฺคสจฺจํ ปากฏํ โหติ สภาวาวโพธโต. เตนาห ‘‘ตตฺร สมฺโมหวิฆาตโต’’ติ, ตทงฺควเสนาติ อตฺโถ. อถ วา ยถาวุตฺโต สมฺมาทิฏฺิสงฺขาโต มคฺโค อริยมคฺคสฺส อุปายภูโต อสมฺโมหสภาโว อตฺตานมฺปิ ปกาเสติ ปทีโป วิยาติ มคฺคสจฺจํ ปากฏํ โหติ. สฺวายํ ปากฏภาโว โมหนฺธการวิธมเนนาติ อาห ‘‘ตตฺร สมฺโมหวิฆาตโต’’ติ.

๗๒๘. ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา’’ติอาทิโก อนุโลโม ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ปวตฺติยา อนุโลมนโต. ‘‘อวิชฺชาสมุทยา’’ติอาทินา อวิชฺชาทีสุ สนฺเตสูติ อยมตฺโถ วุตฺโตติ อาห ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ อวโพธโต’’ติ. ปวตฺติยา วิโลมนโต ‘‘อวิชฺชายตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติอาทิโก ปฏิโลโม ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. เต จ สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ‘‘ชรามรณํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติอาทิวจนโต (สํ. นิ. ๒.๒๐). ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนสฺส จ ปากฏตา ปจฺจยาการปากฏตาย เอว ‘‘อิมสฺเสตํ ผล’’นฺติ อวโพธโต.

๗๒๙. ปุริมปุริมานํ นิโรโธ อุตฺตรุตฺตรานํ อุปฺปาทานุพนฺโธติ อยมตฺโถ ปจฺจยโต อุทยทสฺสเนน สิชฺฌมาโน เอกตฺตนยาธิคมาย โหติ. ยโต ‘‘อฺโ กโรติ, อฺโ ปฏิสํเวทยตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑๗) โวหารสิทฺธิยา อุจฺเฉททิฏฺิยา อโนกาสตา. เตนาห ‘‘เหตุผลสมฺพนฺเธนา’’ติอาทิ. สงฺขารา ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชนฺตีติ อยมตฺโถ ขณโต อุทยทสฺสเนน สิชฺฌมาโน นานตฺตนยาธิคมาย โหติ. ยโต ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ สภาวเภทาวโพธโต ‘‘โส กโรติ, โส ปฏิสํเวทยตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตาย สสฺสตทิฏฺิยา อโนกาสตา. เตนาห ‘‘ขณโต อุทยทสฺสเนนา’’ติอาทิ. ปจฺจยโต อุทยพฺพยทสฺสเนน ปจฺจเย สติ ผลสฺส ภาโว, อสติ อภาโวติ อิมสฺส อตฺถสฺส สิทฺธิยา อตฺถิตามตฺเตเนว เต ธมฺมา การณนฺติ อพฺยาปารนโย ปากโฏ โหติ. ยโต อตฺตทิฏฺิยา อโนกาสตา วสวตฺติตาย อลพฺภเนยฺยโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ธมฺมาน’’นฺติอาทิ. อวสวตฺติภาโว ปรายตฺตตา, สา จ สปฺปจฺจยตาย เวทิตพฺพา. ปจฺจยโต อุทยทสฺสเนน เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ อิเม ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปชฺชมานา จ ปจฺจยานุรูปเมว อุปฺปชฺชนฺตีติ เหตุผลสฺส เหตุอนุรูปโต สิทฺธิยา อกิริยทิฏฺิยา อโนกาสตาวาติ อาห ‘‘ปจฺจยโต ปนา’’ติอาทิ. สติ การเณ กุโต อกิริยวาโท. กโรตีติ หิ การณํ.

๗๓๐. ปจฺจยโต อุทยํ ปสฺสโต ปจฺจเย สติ สภาเว สติ ผลสฺส สมฺภโวติ อตฺถิตามตฺเตน อุปการกตาติ สงฺขตานํ นิรีหตา, อสติ จ อภาโวติ ปจฺจยาธีนวุตฺติตา จ วิฺายมานา อตฺตสุฺตํ วิภาเวตีติ อาห ‘‘ปจฺจยโต จสฺส…เป… ตาวโพธโต’’ติ. อนิจฺจลกฺขณํ ปากฏํ โหติ ขณโต อุทยพฺพยทสฺสเนน สงฺขารานํ อุทยพฺพยโต ปริจฺฉินฺนตาย วิฺายมานตฺตา. เตนาห ‘‘หุตฺวา อภาวาวโพธโต’’ติ. อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺหิ หุตฺวา อภาโว. ปุพฺพนฺตาปรนฺตวิเวโก อตีตานาคตภาวสุฺตา. น หิ สงฺขารา ขณตฺตยโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา จ วิชฺชนฺติ, ตสฺมา ปุพฺพนฺตาปรนฺตวิเวกาวโพธโตติ อาทิอนฺตวนฺตตาปฏิเวธโตติ อตฺโถ. ทุกฺขลกฺขณมฺปิ ปากฏํ โหติ อุทยพฺพยทสฺสเนนาติ สมฺพนฺโธ. อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนฺตา สงฺขารา อุปฺปาทโต อุทฺธํ ชราภงฺคาวตฺถนฺตรุปฺปตฺติยา นิรนฺตรํ วิพาธียนฺเตว. สา จ เนสํ วิพาธิยมานตา สมฺมา อุทยพฺพยทสฺสเนน วิภูตา โหตีติ อาห ‘‘ทุกฺข…เป… โพธโต’’ติ.

สภาวลกฺขณมฺปีติ อุทยพฺพยทสฺสเนน น เกวลํ อนิจฺจทุกฺขลกฺขณเมว, อถ โข ปถวีผสฺสาทีนํ กกฺขฬผุสนาทิสฺิตํ สภาวสงฺขาตํ ลกฺขณมฺปิ ปากภาววิทฺธํ สภาวาวจฺฉินฺนํ ปากฏํ โหติ. เตนาห ‘‘อุทยพฺพยปริจฺฉินฺนาวโพธโต’’ติ. สภาวลกฺขเณติ สภาวสฺิเต ลกฺขเณ, ตํตํธมฺมานํ สลกฺขเณ. สงฺขตลกฺขณสฺส ตาวกาลิกตฺตมฺปีติ อุปฺปาทาทิสงฺขตลกฺขณสฺส อุปฺปาทกฺขณาทิปริตฺตกาลิกตาปิ ขณนฺตรานวฏฺานโต ตสฺส. เตนาห ‘‘อุทยกฺขเณ’’ติอาทิ. อุทยวยมตฺตคฺคหณฺเจตฺถ อุทยพฺพยทสฺสนวเสเนว อิมสฺส าณสฺส ปวตฺตนโต, น ิติกฺขณสฺส อภาวา.

๗๓๑. น เกวลฺจ นิจฺจนวา, อถ โข ปริตฺตกาลฏฺายิโน. กถนฺติ อาห ‘‘สูริยุคฺคมเน’’ติอาทิ. ตตฺถ อุทเก ทณฺเฑน กตเลขา อุทเก ทณฺฑราชิ. อุสฺสาวพินฺทุอาทโย ปฺจ กิจฺจาปิ อุตฺตรุตฺตริ อติปริตฺตฏฺายิภาวทสฺสนตฺถํ นิทสฺสิตา, ตถาปิ เต ทนฺธนิโรธา เอว นิทสฺสิตา, ตโตปิ ลหุตรนิโรธตฺตา สงฺขารานํ. ตถา หิ คมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฏฺุปริยาเยน ปฏิมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ ปาเท จ พนฺธขุรธารา สนฺนิปาตโตปิ สีฆตโร รูปธมฺมานํ นิโรโธ วุตฺโต, ปเคว อรูปธมฺมานํ. น เกวลํ นิจฺจนวา, นาปิ ปริตฺตกาลฏฺายิโนว, อถ โข อสารา. กถนฺติ อาห ‘‘มายา’’ติอาทิ. มายาทโย หิ มณิอาทิวเสน ทิสฺสมานา อตํสภาวตาย อสารา. ตตฺถ มนฺโตสธภาวิตา อินฺทชาลาทิกา มายา. มิคตณฺหิกา มรีจิ. สุปินเมว สุปินนฺตํ. มณฺฑลากาเรน อาวิชฺฌิยมานํ อลาตเมว อลาตจกฺกํ. คนฺธพฺพเทวปุตฺตานํ กีฬนิจฺฉาวเสน นครํ วิย อากาเส อุปฏฺานมตฺตํ คนฺธพฺพนครํ.

เอตฺตาวตาติ ยฺวายํ ‘‘ชาตํ รูปํ ปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทิปาฬินยานุสาเรน (ปฏิ. ม. ๑.๔๙), ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทิปาฬินยานุสาเรน (ม. นิ. ๑.๓๔๗, ๓๖๑; ๒.๑๑๓; ๓.๘๖, ๘๙; ปฏิ. ม. ๑.๔๘) วา ยาว อุทยพฺพยปฏิเวธา ภาวนาวิธิ อารทฺโธ, เอตฺตาวตา. กลาปสมฺมสนาทิโกปิ หิ สพฺโพ ภาวนาวิธิ อุทยพฺพยาณุปฺปาทนสฺเสว, น ปริสปริสรีรกรพนฺโธติ. วยธมฺมเมวาติ ภิชฺชนสภาวเมว. วยํ อุเปติ อตฺตโน ธมฺมตาย. ยฺหิ อุปกฺกเมน วินสฺสตีติ วุจฺจติ, ตมฺปิ อตฺตโน ธมฺมตาย เอว วินสฺสติ อเหตุกตฺตา วินาสสฺส. อุปกฺกมเหตุ ปน วิสทิสุปฺปาโท โหติ. อิมินา อากาเรนาติ ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) หิ วุตฺตํ, ตสฺมา วยํ อนาลมฺพิตฺวาปิ ‘‘วยธมฺมเมว อุปฺปชฺชตี’’ติ อุทยสฺส, ‘‘อุปฺปนฺนฺจ อิทํ วยํ อุเปตี’’ติ วยสฺส จ อิมินา ยถาวุตฺเตน ปจฺจกฺขกรณากาเรน. อธุนา อุปฺปนฺนํ, น ตาว พลปฺปตฺตนฺติ อาห ‘‘ตรุณวิปสฺสนาาณ’’นฺติ. กลาปสมฺมสนาทิวเสน ปวตฺตํ สมฺมสนํ น นิปฺปริยาเยน วิปสฺสนาสมฺํ ลภติ, อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิวเสน ปวตฺตเมว ลภตีติ อาห ‘‘ยสฺสาธิคมา อารทฺธวิปสฺสโกติ สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ.

วิปสฺสนุปกฺกิเลสกถาวณฺณนา

๗๓๒. อิมาย อุทยพฺพยานุปสฺสนาสงฺขาตาย ตรุณวิปสฺสนาย วเสน, น อารทฺธวิปสฺสนานํ ภงฺคานุปสฺสนาทิสงฺขาตาย ตรุณวิปสฺสนาย, นาปิ นิพฺพิทานุปสฺสนาทิสงฺขาตาย พลววิปสฺสนาย วเสนาติ อตฺโถ. น หิ ตทา วิปสฺสนุปกฺกิเลสา อุปฺปชฺชนฺตีติ. อารทฺธวิปสฺสกสฺสาติ จ อารทฺธวิปสฺสกสฺเสวาติ เอว-กาโร ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนุปกฺกิเลสา หี’’ติอาทิ. ทิฏฺิคาหาทิวตฺถุภาเวน วิปสฺสนํ อุปกฺกิเลสนฺตีติ วิปสฺสนุปกฺกิเลสา. ‘‘อริยสาวกสฺสา’’ติ อิทํ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน วุตฺตํ พลววิปสฺสนาปตฺตสฺสาปิ อนุปฺปชฺชนโต. วิปฺปฏิปนฺนกสฺสาติ สีลวิปตฺติอาทิวเสน ยถา ตถา วิปฺปฏิปนฺนกสฺส. ตสฺส ปน ปฏิปตฺติยา ครหิตพฺพตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิปฺปฏิปนฺนกสฺสา’’ติ อาห. -สทฺโท อุปริปททฺวเยปิ โยเชตพฺโพ. นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานสฺสาติ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อนฺตรา โวสานํ อาปนฺนสฺส. กุสีตปุคฺคลสฺสาติ สีลสมฺปนฺนสฺเสว โกสชฺเชน ภาวนํ อนนุยุฺชนฺตสฺส. อถ วา วิปฺปฏิปนฺนกสฺสาติ วิปสฺสนาภาวนาสงฺขาตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา อภาเวน วิครหิตปฏิปตฺติกสฺส. วิปสฺสนาปฏิปตฺติเยว หิ สสมฺภารา ปุพฺพภาเค สมฺมาปฏิปตฺติ, ตทฺา วิปฺปฏิปตฺติ, สา จ ตตฺถ นิกฺขิตฺตธุรสฺส โหติ. นิกฺขิตฺตธุรตา จ โกสชฺเชนาติ วุตฺตํ ‘‘นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานสฺส กุสีตปุคฺคลสฺสา’’ติ. ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺสาติ โยเคน าเณน ภาวนมนุยุฺชนฺตสฺส. สา ปน ยุตฺตปฺปยุตฺตตา สมถวเสนาปิ โหตีติ อาห ‘‘อารทฺธวิปสฺสกสฺสา’’ติ. อุปฺปชฺชนฺติเยว น นุปฺปชฺชนฺติ อฺถา มคฺคามคฺคาณสฺเสว อสมฺภวโต.

โอภาสาทีสุ ‘‘อริยธมฺโม’’ติ ปวตฺตํ อุทฺธจฺจํ วิกฺเขโป ธมฺมุทฺธจฺจํ, เตน ธมฺมุทฺธจฺเจน วิปสฺสนาวีถิโต อุกฺกมเนน วิรูปํ คหิตํ ปวตฺติตํ มานสํ ธมฺมุทฺธจฺจวิคฺคหิตมานสํ. โอภาโส ธมฺโมติ การณูปจาเรนาห, อีทิสํ โอภาสํ วิสฺสชฺเชนฺโต มม อริยมคฺโคติ อตฺโถ. โอภาสํ อาวชฺชติ ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ วา ‘‘มคฺโค’’ติ วา ‘‘ผล’’นฺติ วา. นิพฺพานนฺติ คณฺหนฺโต ตตฺถ ปวตฺตธมฺเม มคฺคผลภาเวน คณฺหาติ, าณาทิเก ปน มคฺคผลภาเวเนว คณฺหาติ. ตโต วิกฺเขโป อุทฺธจฺจนฺติ ตโต โอภาสเหตุ โย วิกฺเขโป, ตํ อุทฺธจฺจนฺติ อตฺโถ. ‘‘อุทฺธจฺเจน วิคฺคหิตมานโส’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อนิจฺจโต’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ อนิจฺจ…เป… นปฺปชานาติ ‘‘มคฺคํ ปตฺโตสฺมี’’ติ สฺาย อนิจฺจตาทิวเสน มนสิการสฺเสว อภาวโต. อยฺจ อตฺโถ –

‘‘โย หิ โกจิ, อาวุโส, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา มม สนฺติเก อรหตฺตปฺปตฺตึ พฺยากโรติ, สพฺโพ โส จตูหิ มคฺเคหิ, เอเตสํ วา อฺตเรน. กตเมหิ จตูหิ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาเวติ, ตสฺส สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาวยโต มคฺโค สฺชายติ, โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ภาเวติ พหุลีกโรติ. ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต…เป… กโรโต สํโยชนานิ ปหียนฺติ อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ ภาเวติ…เป… สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวติ…เป….

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุโน ธมฺมุทฺธจฺจวิคฺคหิตํ มานสํ โหติ, โหติ โส, อาวุโส, สมโย ยํ ตํ จิตฺตํ อชฺฌตฺตเมว สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ, ตสฺส มคฺโค สฺชายติ…เป… อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๗๐) –

อิมินา สุตฺตปเทเนว เวทิตพฺโพ. เอตฺถ หิ จตุตฺถมคฺควิสฺสชฺชเน ยถาวุตฺตมคฺคผลนิพฺพานธมฺมา ธมฺโม. ตตฺถ อุทฺธจฺจํ ‘‘อธิคตมคฺคาทิโกหมสฺมี’’ติ อมคฺคาทีสุ วิกฺเขโป ธมฺมุทฺธจฺจํ, เตน อุปทฺทุตํ วิคฺคหิตมานสํ โหติ. นิกนฺติ โอภาสาทีสุ อเปกฺขา สุขุมรูปา ตณฺหา, สา วิปสฺสนาภิรติอากาเรน อุปฏฺหนฺตี อธิมานิเกน ‘‘ธมฺโม’’ติ คยฺหตีติ อาห ‘‘นิกนฺติ ‘ธมฺโม’ติ นิกนฺตึ อาวชฺชตี’’ติ.

๗๓๓. วิปสฺสโนภาโสติ วิปสฺสนาจิตฺตสมุฏฺิตํ, สสนฺตติปติตํ อุตุสมุฏฺานฺจ ภาสุรํ รูปํ. ตตฺถ วิปสฺสนาจิตฺตสมุฏฺิตํ โยคิโน สรีรฏฺเมว ปภสฺสรํ หุตฺวา ติฏฺติ, อิตรํ สรีรํ มุฺจิตฺวา าณานุภาวานุรูปํ สมนฺตโต ปตฺถรติ, ตํ ตสฺเสว ปฺายติ, เตน ผุฏฺโกาเส รูปคตมฺปิ ปสฺสติ, ปสฺสนฺโต จ จกฺขุวิฺาเณน ปสฺสติ, อุทาหุ มโนวิฺาเณนาติ วีมํสิตพฺพนฺติ วทนฺติ. ทิพฺพจกฺขุลาภิโน วิย ตํ มโนวิฺาณวิฺเยฺยเมวาติ วุตฺตํ วิย ทิสฺสตีติ. วิปสฺสนาวีถิ นาม ปฏิปาฏิยา ปวตฺตมานา วิปสฺสนาว. อุกฺกนฺตา นาม โหติ โยคินา ‘‘มคฺคปฺปตฺโตมฺหี’’ติ อธิมาเนน วิสฺสฏฺตฺตา, ตสฺส วา โยคิโน วิปสฺสนา ตโต เอว วีถิ อุกฺกนฺตา นาม โหติ. มูลกมฺมฏฺานนฺติ วิปสฺสนเมวาห.

เวมตฺตตายาติ อปฺปวิปุลตาวเสน วิสทิสตาย. อสฺสาติ โอภาสสฺส. ทฺวีหิ กุฏฺเฏหิ ปริจฺฉินฺนํ เคหํ ทฺวิกุฏฺฏเคหํ. ตสฺส กิร อพฺภนฺตเรปิ เอกา ภิตฺติ โหติ พหิปิ, อุภินฺนํ อนฺตเร อนุปริยายปถํ โหติ, สายนฺเห ตตฺถ สนฺถริตานิ ปฺจวณฺณานิ กุสุมานิ, วิสทาณสฺส โอภาเสน ผริตฏฺาเน รูปคตฺจ ทิพฺพจกฺขุโน วิย ปฺายนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภนฺเต มยฺห’’นฺติอาทิ.

เอวํ โอภาสสฺส เวมตฺตตาย วตฺถุํ ทสฺเสตฺวา จิรกาลวิปฺปลมฺพเน วตฺถุํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อยํ ปน วิปสฺสนุปกฺกิเลโสติ วกฺขมานปฺปการํ สนฺธายาห, น สพฺพํ. โสติ โส สมถวิปสฺสนาลาภี อธิมานิโก.

ทิวาสเนติ ทิวาฏฺาเน นิสีทิตพฺพอาสเน. ปมํ ‘‘ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺติตตฺตา วุตฺตํ ‘‘ปฺหํ, ภนฺเต, ปุจฺฉิตุํ อาคโตมฺหี’’ติ.

ปจฺฉา อุปาเยน ปุถุชฺชนภาวํ วิฺาเปตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชสฺสามีติ จินฺติตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อวสฺสโย ภวิสฺสามิจฺเจวาหํ อาคโต’’ติ, ตสฺส จ ปธานตฺตา สาวธารณํ กตฺวา วุตฺตํ. อยํ ธมฺโมติ อยํ อริยมคฺคานุคโต ปฏิสมฺภิทาธมฺโมติ เถรสฺส อชฺฌาสยวเสน วทติ. สมาธินฺติ อภิฺาสมาธึ. อฺจิตกณฺโณติ นิจฺจลฏฺปิตกณฺณปุโฏ. ปลายิตุํ อารทฺโธ ภเยน. เตนาห ‘‘เถโร กิร โทสจริโต’’ติ. โทสจริตสฺส หิ สูรสฺสาปิ สหสา ภยํ อุปฺปชฺชติ. เตนสฺส ขีณาสวตฺเถโร อชฺฌาสยํ ตฺวา ‘‘อิมินา อุปาเยน ปุถุชฺชนภาวํ ชานาเปสฺสามี’’ติ หตฺถินิมฺมาปนาทิมกาสิ. โทสจริตตฺตา หิ เถโร ขิปฺปํ ปฏิวิชฺฌิ. ขิปฺปวิราคี หิ โทสจริโต.

๗๓๔. ตสฺสาติ อุทยพฺพยาณํ มตฺถกํ ปาเปนฺตสฺส โยคิโน. ‘‘เอวมฺปิ รูปํ อุเทติ, เอวมฺปิ รูปํ เวตี’’ติอาทินา อุทยพฺพยานุปสฺสนเมเวตฺถ ตุลนํ, ตีรณฺจ เวทิตพฺพํ. ยถา เทวานมินฺเทน ขิตฺตํ วชิรํ อโมฆํ, อปฺปฏิหตฺจ โหติ, เอวมิทมฺปิ าณํ นิปุณํ อุทยพฺพยทสฺสเนติ วุตฺตํ ‘‘วิสฺสฏฺอินฺทวชิรมิวา’’ติอาทิ. ตตฺถ ติขิณนฺติ อกุณฺํ. สูรนฺติ เตชวนฺตํ. อติวิสทนฺติ นิสิตภาเวน อติวิย ปฏุตรํ าณํ อุปฺปชฺชติ. ตถา หิเนน โยคี ‘‘มคฺคปฺปตฺโตสฺมี’’ติ มฺติ.

วิปสฺสนาปีตีติ วิปสฺสนาจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปีติ. ขุทฺทกาทโย ปีติโย เหฏฺา วณฺณิตา เอว. ยสฺมา อุทยพฺพยานุปสฺสนาย วีถิปฏิปนฺนาย อนุกฺกเมน ปฺจ ปีติโย อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อยํ ปฺจ…เป… อุปฺปชฺชตี’’ติ. มตฺถกปฺปตฺเตน ปน อุทยพฺพยาเณน สทฺธึ ผรณาปีติเยว โหติ. อุปจารปฺปนากฺขณโต อฺทาปิ หิ ผรณาปีติ โหติเยว. เตนาห ‘‘สกลสรีรํ ปูรยมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ.

ปสฺสทฺธิอาทีนิ ฉ ยุคฬกานิ อฺมฺาวิโยคินีติ ปสฺสทฺธิยา อุปฺปนฺนาย อิตราปิ อุปฺปนฺนา เอว โหนฺตีติ กิจฺจทสฺสนมุเขน ตา สพฺพาปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘กายจิตฺตานํ เนว ทรโถ, น คารว’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ กายคฺคหเณน รูปกายสฺสปิ คหณํ เวทิตพฺพํ, น เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยสฺเสว. กายปฺปสฺสทฺธิอาทโย หิ รูปกายสฺสาปิ ทรถาทินิมฺมทฺทิกาติ. กายจิตฺตานิ ปสฺสทฺธานิ…เป… อุชุกานิเยว โหนฺติ เตสํ อปสฺสทฺธาทิภาวสฺส เหตุภูตานํ อุทฺธจฺจาทิถินมิทฺธาทิทิฏฺิมานาทิเสสนีวรณาทิอสฺสทฺธิยาทิมายาสาเถยฺยาทิสํกิเลสธมฺมานํ วิธมนวเสน ตทา วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทสฺส ปวตฺตนโต. ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ อุทยพฺพยาณุปฺปตฺติสมเย. มนุสฺสานํ อยนฺติ มานุสี, มนุสฺสโยคฺคา กามสุขรติ, ตาทิเสหิ มนุสฺสวิเสเสหิ อนุภวิตพฺพตานติวตฺตนโต ทิพฺพา รติปิ สงฺคหิตา, มานุสีสทิสตาย กามสุขภาเวน ทิพฺพา รติปิ วา, ตสฺสา อติกฺกนฺตตาย น มานุสีติ อมานุสี.

สุฺาคารนฺติ ยํ กิฺจิ วิวิตฺตํ เสนาสนํ, วิปสฺสนํ เอว วา. สาปิ หิ นิจฺจภาวาทิสุฺตาย, โยคิโน สุขสนฺนิสฺสยตาย จ ‘‘สุฺาคาร’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. จิตฺตสฺส อนุปสฺสนกรานํ กิเลสานํ วิคเมน สนฺตจิตฺตสฺส. สํสาเร ภยสฺส อิกฺขเนน ภิกฺขุโน. สมฺมา าเยน รูปารูปธมฺมานํ อุทยพฺพยานุปสฺสนาทิวเสน วิปสฺสโต. สมฺมสโต อนารทฺธวิปสฺสนานํ มนุสฺสานํ อวิสยตาย อมานุสี. วิปสฺสนาปีติสุขสฺิตา รติ โหตีติ อยเมตฺถ คาถาย สงฺเขปตฺโถ. ทุติยคาถา ปน อุทยพฺพยาณเมว สนฺธาย วุตฺตา. ตตฺถ ยโต ยโตติ รูปโต วา อรูปโต วา.

วิปสฺสนาสุขนฺติ วิปสฺสนาจิตฺตสมฺปยุตฺตํ เจตสิกสุขํ. ยสฺมา ตํสมุฏฺิเตหิ อติปณีตรูเปหิ สพฺโพ กาโย ปริผุโฏ, ปริพฺรูหิโต จ โหติ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สกลสรีรํ อภิสนฺทยมาน’’นฺติ.

อธิโมกฺโขติ สทฺธา, น เยวาปนกาธิโมกฺโขติ อธิปฺปาโย. สา เจตฺถ น กมฺมผลํ, รตนตฺตยํ วา สทฺทหนวเสน ปวตฺตา, อถ โข กิเลสกาลุสฺสิยาปคเมน สมฺปยุตฺตานํ อติวิย ปสนฺนภาวเหตุภูตา. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา…เป… สทฺธา อุปฺปชฺชตี’’ติ.

ปุริมุปฺปนฺนภาวนาพลสํสิทฺธํ สมปฺปวตฺตํ วีริยํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สํกิเลสปกฺขโต โกสชฺชโต ปคฺคณฺหนโต ปคฺคโห. เตนาห ‘‘ปคฺคโหติ วีริย’’นฺติอาทิ.

สุปฏฺิตาติ สภาวสลฺลกฺขเณน อารมฺมเณ สุฏฺุ อุปฏฺิตา. สุปติฏฺิตาติ ปฏิปกฺขวิคเมน เตน อจลนียตาย สุฏฺุ ปติฏฺิตา. ตโต เอว นิขาตา วิย อจลา. อจลภาเวเนว ปพฺพตราชสทิสาติ ตีหิปิ ปเทหิ สุปติฏฺิตเมว ทสฺเสติ. โสติ โยคาวจโร. ยํ ยํ านนฺติ ยํ ยํ อตฺตโน อุปติฏฺานฏฺานํ รูปํ วา อรูปํ วา. โอกฺขนฺทิตฺวาติ อนุปวิสิตฺวา. ปกฺขินฺทิตฺวาติ ตสฺเสว เววจนํ. ทิพฺพจกฺขุโน ปริภณฺฑภูตสฺส ยถากมฺมูปคาณสฺส อุปฏฺหนฺเต ปรโลกสฺิเต สตฺเต สนฺธายาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุโน ปรโลโก วิยา’’ติ น ทิพฺพจกฺขุโน ปรโลกวิสยตฺตา. วณฺณายตนวิสยฺหิ ตนฺติ. อสฺส สติ อุปฏฺาติ ขายติ, อุปติฏฺตีติ วา อตฺโถ. ยทคฺเคน หิ สติ อารมฺมณํ โอกฺขนฺทิตฺวา อุปติฏฺติ, ตทคฺเคน อารมฺมณมฺปิสฺส โอกฺขนฺทิตฺวา อุปติฏฺตีติ วุจฺจติ.

วิจินิตวิสยตฺตา สงฺขารานํ วิจินเน มชฺฌตฺตภาเวน ิตา วิปสฺสนุเปกฺขา. สา ปน อตฺถโต ตถาปวตฺตา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว. มโนทฺวาราวชฺชนจิตฺตสมฺปยุตฺตา เจตนา อาวชฺชเน อชฺฌุเปกฺขนวเสน ปวตฺติยา ‘‘อาวชฺชนุเปกฺขา’’ติ วุตฺตา. อุทยพฺพยานํ สุฏฺุตรํ อุปฏฺานโต ตทนุปสฺสนายํ มชฺฌตฺตภูตา อิธ วิปสฺสนุเปกฺขา นาม. เต ปน อุทยพฺพยา สพฺพสงฺขารานนฺติ อาห ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ มชฺฌตฺตภูตา’’ติ. อาวชฺชนาย อินฺทวชิรตตฺตนาราจสทิสตา, สูรติกฺขภาโว จ สพฺพฺุตฺาณปุเรจรา วิย ตทนุจราณสฺส ตถาภาเวน ทฏฺพฺพา.

วิปสฺสนานิกนฺตีติ วิปสฺสนาย นิกามนา อเปกฺขา. โอภาสาทโย วิปสฺสนาย วิชมฺภนภูตา ตสฺสา อลงฺกาโร วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘โอภาสาทิปฏิมณฺฑิตายา’’ติ. อาลยนฺติ อเปกฺขํ. สุขุมา, สนฺตาการาติ สุขุมาการา, สนฺตาการา จ, สา จสฺสา สุขุมสนฺตาการตา ภาวนาย สาติสยปฺปวตฺติยา, ยโต กิเลสภาโวปิสฺสา ทุวิฺเยฺโย โหติ. เตนาห ‘‘ยา นิกนฺติ กิเลโสติ…เป… โหตี’’ติ.

เอเตสุปีติ ยถาทสฺสิเตสุ าณาทีสุปิ. ‘‘อฺตรสฺมึ อุปฺปนฺเน’’ติ อิทํ อุปฺปนฺเน อฺตรสฺมึ ‘‘มคฺคปฺปตฺโตมฺหี’’ติอาทิคฺคหณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น อฺตรฺตรสฺเสว อุปฺปชฺชนโต. น วาปิ หิ อุปกฺกิเลสา เอกกฺขเณปิ อุปฺปชฺชนฺติ, ปจฺจเวกฺขณา ปน วิสุํ วิสุํ โหติ. ‘‘น วต เม อิโต ปุพฺเพ เอวรูปา นิกนฺติ อุปฺปนฺนปุพฺพา’’ติ อิทํ ธมฺมสภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํ, น ปน ตทา โยคิโน ตถาจิตฺตปฺปวตฺติวเสน. น หิ โส ตทา ตํ ‘‘นิกนฺตี’’ติ ชานาติ, ตถา สติ ตพฺพิสยสฺส ‘‘มคฺคปฺปตฺโตมฺหี’’ติอาทิคฺคหณสฺส อสมฺภโว เอว. ตสฺมา เอวมสฺส สิยา ‘‘น วต เม เอวรูปา ภาวนาภิรติ อุปฺปนฺนปุพฺพา, อทฺธา มคฺคปฺปตฺโตมฺหี’’ติ.

๗๓๕. อุปกฺกิเลสวตฺถุตายาติ นิปฺปริยายโต ทิฏฺิมานตณฺหา อิธ อุปกฺกิเลสา เตสํ วตฺถุตาย อุปฺปตฺติฏฺานตาย. น สภาวโตติ อาห ‘‘น อกุสลตฺตา’’ติ. ยถา ปน โอภาสาทโย, เอวํ นิกนฺติปิ ทิฏฺิคาหาทีนํ านํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปกฺกิเลสวตฺถุ จา’’ติ. วตฺถุวเสเนวาติ คาเห อนามสิตฺวา คาหานํ วตฺถุตาวเสเนว. อตฺตวาที หิ ‘‘อหํพุทฺธินิพนฺธโน’’ติ ปริกปฺปิโต อตฺตา โอภาสสฺส สามิภูโต ‘‘มมา’’ติ สามิวจนสฺส วิสยภาเวน คหิโตติ อาห ‘‘มม โอภาโส อุปฺปนฺโนติ คณฺหโต หิ ทิฏฺิคาโห’’ติ. โอภาสสฺส มนาปคฺคหณมุเขน เตน อตฺตานํ เสยฺยาทิโต ทหตีติ วุตฺตํ ‘‘มนาโป วต โอภาโส อุปฺปนฺโนติ คณฺหโต มานคาโห’’ติ. อสฺสาทยโตติ สมฺปิยายโต. เตสนฺติ ทิฏฺิคาหาทิสฺิตานํ อุปกฺกิเลสานํ วเสน. โอภาสาทีสูติ โอภาสาทินิมิตฺตํ. กมฺปนํ ยถารทฺธวิปสฺสนาย อฏฺตฺวา วิกฺเขปาปตฺติ, สา จ โอภาสาทีสุ ตณฺหาทิคาโหติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โอภาสาทีสุ กมฺปติ…เป… สมนุปสฺสตี’’ติ อาห.

โอภาสนิมิตฺตํ จิตฺตํ วิกมฺปตีติ สมฺพนฺโธ. โอภาเส วา วิสยภูเต อุปกฺกิเลเสหิ จิตฺตํ วิกมฺปตีติ โยชนา. เตนาห ‘‘เยหิ จิตฺตํ ปเวธตี’’ติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อุปฏฺาเนติ สติยํ. อุเปกฺขาย จาติ วิปสฺสนุเปกฺขาย จ.

มคฺคามคฺคววตฺถานกถาวณฺณนา

๗๓๖. กุสโล ปนาติอาทีสุ กมฺมฏฺานโกสลฺลโยเคน กุสโล. ปริปกฺกาณตาย ปณฺฑิโต. อาคมพฺยตฺติยา พฺยตฺโต. อุปกฺกิเลสตพฺพิโสธเนสุ อาทีนวานิสํสาวโพธโยคโต พุทฺธิสมฺปนฺโน. อยํ โข โสติ โย โส อาจริเยน กมฺมฏฺานทานกาเล อุทยพฺพยาณุปฺปตฺติสมเย อุปฺปชฺชตีติ วุตฺโต, อยํ โข โส โอภาโส อุปฺปนฺโนติ อุปกฺกิเลสวตฺถุภาวววตฺถานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิสฺส วิปสฺสนาย วิสยภาวูปนยนวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส โข ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปมนเย อนิจฺจลกฺขณวิภาวนเมว ทสฺสิตํ, ตสฺมึ สิทฺเธ อิตรมฺปิ ลกฺขณทฺวยํ สิทฺธเมว โหติ. ทุติยนเย ปน โอภาสาทิเก นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกทิฏฺิคาหาทีนํ อุคฺฆาฏนสมุคฺฆาฏนปริยาทานวเสน มนสิการวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ โอภาโส อตฺตา ภเวยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อรูปสตฺตเก ‘‘สเจ สงฺขารา อตฺตา ภเวยฺยุ’’นฺติอาทิ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๒๑) สพฺพสงฺขารสงฺคณฺหนวเสน สามฺโต วุตฺตํ, อิธ โอภาสาทิวเสน สงฺขาเร วิภชฺช วุตฺตํ. เสโส มนสิการวิธิ ตตฺถ วุตฺตนโยวาติ อาห ‘‘สพฺพํ อรูปสตฺตเก วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพ’’นฺติ.

โอภาสํ ‘‘เนตํ มมา’’ติ สมนุปสฺสนฺโต ตณฺหาคาหโต จิตฺตํ วิโสเธติ, ‘‘เนโสหมสฺมี’’ติ สมนุปสฺสนฺโต มานคาหโต, ‘‘น เมโส อตฺตา’’ติ สมนุปสฺสนฺโต ทิฏฺิคาหโต. เตนาห ‘‘โอภาสํ เนตํ มมา’’ติอาทิ. เอส นโย าณาทีสุปิ.

อิมานิ ทส านานีติ อิมานิ ยถาวุตฺตานิ โอภาสาทีนิ ทส อุปกฺกิเลสการณานิ. ปฺา ยสฺส ปริจฺจิตาติ ยสฺส โยคิโน ปฺา โอภาสาทีสุ อนิจฺจตาทิคฺคหณวเสน ปริจิตวตี ปริคฺคเหตฺวา อุปปริกฺขิตฺวา ิตา. ธมฺมุทฺธจฺจสฺส สมคฺคภาวชานเนน ธมฺมุทฺธจฺจกุสโล โหติ.

วีถิปฏิปนฺนนฺติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน วิปสฺสนาวีถิปฏิปนฺนํ.

ทิฏฺิวิสุทฺธิยนฺติ ทิฏฺิวิสุทฺธิยํ อธิคตายํ, ทิฏฺิวิสุทฺธิาเณน วา ทิฏฺิยา วิโสธเน ทุกฺขสจฺจสฺส ววตฺถานํ กตํ โหติ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนสฺส นามรูปสฺส ววตฺถานโต. นามรูปสฺส ปจฺจยา นามรูปสมุทยปกฺขิยาติ อาห ‘‘กงฺขา…เป… สมุทยสจฺจสฺส ววตฺถานํ กต’’นฺติ. อภิธมฺมนเยน หิ สพฺพกิเลสา, กมฺมฺจ สมุทยสจฺจํ. อิมิสฺสนฺติ อิมายํ. สมฺมาติ อวิปรีตํ. มคฺคสฺสาติ อริยมคฺคสฺส อุปายภูตมคฺคสฺส.

มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ วีสติมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๒๑. ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

อุปกฺกิเลสวิมุตฺตอุทยพฺพยาณกถาวณฺณนา

๗๓๗. วิปสฺสนาจารสฺส มตฺถกปฺปตฺติยา สงฺขารุเปกฺขาาณํ สิขาปฺปตฺตา วิปสฺสนา. สิขาปฺปตฺติ ปนสฺส อุทยพฺพยาณาทีนํ อตฺตฏฺมานํวเสน ชาตาติ อาห ‘‘อฏฺนฺนํ ปน าณานํ วเสน สิขาปฺปตฺตา วิปสฺสนา’’ติ. โอฬาริโกฬาริกสฺส สจฺจปฏิจฺฉาทกโมหตมสฺส วิคมเนน สจฺจปฺปฏิเวธานุกูลตฺตา ‘‘สจฺจานุโลมิกาณ’’นฺติ อนุโลมาณมาห. ตานิ ปน าณานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺนฺนนฺติ จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อุทยพฺพยทสฺสเนน สงฺขารานํ อนิจฺจลกฺขณํ, ตทนุสาเรน อิตรลกฺขณานิ จ วิภาเวนฺตีเยว อุทยพฺพยานุปสฺสนา ปวตฺตตีติ กตฺวา ‘‘วีถิปฏิปนฺนวิปสฺสนาสงฺขาตํ อุทยพฺพยานุปสฺสนาาณ’’นฺติ วุตฺตนฺติ เกจิ. ตยิทํ ตสฺส สพฺพโส ตีรณปริฺาภาวเมว มฺมาเนหิ วุตฺตํ. กิฺจาปิ หิ อุทยพฺพยาณํ ตีรณปริฺนฺโตคธเมว, อุทยพฺพยาทีนํ ปน ชานนฏฺเน, ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน จ าณทสฺสนานิ, อุทยพฺพยาณาทีนิ. ตานิเยว ปฏิปกฺขโต วิสุทฺธตฺตา าณทสฺสนวิสุทฺธิ, สา เอว อริยมคฺโค ปฏิปชฺชติ เอตายาติ ปฏิปทา จาติ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธีติ วุตฺตํ. ตํ ปน อุปฺปนฺนมตฺตํ อปฺปคุณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปคุณฺหิ นิจฺจสฺาทิปหานสิทฺธิยา ปหานปริฺาย อธิฏฺานภูตํ. ยโต ตทวิคเมน อฏฺารสสุ มหาวิปสฺสนาสุ เอกจฺจา อธิคตา เอว โหนฺติ. น หิ อุทยพฺพยานํ ปจฺจกฺขโต ปฏิเวเธน วินา สามฺาการานํ ตีรณมตฺเตน สาติสยํ ปฏิปกฺขปหานํ สมฺภวติ. อสติ จ ปฏิปกฺขปหาเน กุโต าณาทีนํ วชิรมิว อวิหตเวคตา, ติขิณวิสทาทิตา วา. ตสฺมา ปคุณภาวปฺปตฺตํ อุทยพฺพยาณํ ปหานปริฺาปกฺขิยเมว ทฏฺพฺพํ. สพฺพสงฺขารานํ ภงฺคสฺเสว อนุปสฺสนา ภงฺคานุปสฺสนา, ตเทว าณํ ภงฺคานุปสฺสนาาณํ. ยถาภูตทสฺสาวี ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, เตภูมกธมฺมา, เตสุ ภยโต อุปฏฺิเตสุ ภายิตพฺพาการคาหิาณํ ภยตุปฏฺานาณํ. มุฺจิตุํ อิจฺฉตีติ มุฺจิตุกมฺยํ, จิตฺตํ, ปุคฺคโล วา, ตสฺส ภาโว มุฺจิตุกมฺยตา, ตเทว าณํ มุฺจิตุกมฺยตาาณํ. ปุน ปฏิสงฺขานากาเรน ปวตฺตํ าณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณํ. นิรเปกฺขตาย สงฺขารานํ อุเปกฺขนวเสน ปวตฺตาณํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ. ตสฺมาติ ยสฺมา อุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ อุทยพฺพยาณาทินววิธาณํ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ, ตสฺมา.

๗๓๘. ‘‘อุปกฺกิเลสวิมุตฺต’’นฺติ วิเสสเนน วิภาวิตมตฺถํ อนวพุชฺฌนฺโต โจทโก ‘‘ปุน อุทยพฺพยาเณ โยโค กิมตฺถิโย’’ติ ปุจฺฉติ. ตตฺถ กิมตฺถิโยติ กึ ปโยชโน นิรตฺถโก, ปเคว นิพฺพตฺติตตฺตา ปกฺกสฺส ปจนํ วิยาติ อธิปฺปาโย. อถ วา ลกฺขณสลฺลกฺขณาทิเหตุปฏิปาฏิคฺคหณวเสน ตมตฺถํ าเปตุกาโม อาจริโยว กเถตุกมฺยตาวเสน ‘‘กิมตฺถิโย’’ติ ปุจฺฉติ. ลกฺขณสลฺลกฺขณตฺโถติ อนิจฺจาทิลกฺขณานํ สมฺมเทว อุปธารณตฺโถ. ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุทยพฺพยาณํ หี’’ติอาทิมาห. นนุ จ อุทยพฺพยาณํ นาม สงฺขารานํ อุทยพฺพยเมว ปสฺสติ, น อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตยํ, เตน กถํ อนิจฺจตาทิลกฺขณตฺตยสลฺลกฺขณํ โหตีติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘อุทยพฺพยาณํ ลกฺขณตฺตยวิสยํ โหตี’’ติ. อุทยพฺพเย ปน ปฏิวิทฺเธ อนิจฺจลกฺขณํ ปากฏํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ตโต ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕; ๔๕, ๗๗; ๔.๑, ๔; ปฏิ. ม. ๒.๑๐) อิตรลกฺขณมฺปิ. อถ วา อุทยพฺพยคฺคหเณน หุตฺวา อภาวากาโร, อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนากาโร, อวสวตฺตนากาโร จ วิภูตตโร โหตีติ การณภาเวน อุทยพฺพยาเณ โยคสฺส ลกฺขณตฺตยสลฺลกฺขณตฺถตา เวทิตพฺพา, น สมฺมุเขเนว. เหฏฺาติ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิโต เหฏฺา. ตฺหิ โอภาสาทิอุปฺปตฺติเหตุตาย ติกฺขํ วิสทํ หุตฺวา ปวตฺตมฺปิ ทิฏฺิอาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺตฺตา กุณฺํ อวิสทเมว ชาตํ. เตนาห ‘‘ทสหิ…เป… นาสกฺขี’’ติ.

๗๓๙. อมนสิการาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํ. ‘‘กิสฺส อมนสิการา’’ติ หิ อิทํ ‘‘เกน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา’’ติ ปุจฺฉิตสฺส ปฏิจฺฉาทกสฺส เหตุปุจฺฉา. สนฺตติยา หิสฺส ปฏิจฺฉนฺนตฺตา อนิจฺจลกฺขณํ น อุปฏฺาติ, สา จ สนฺตติ อุทยพฺพยามนสิกาเรน ปฏิจฺฉาทิกา ชาตา. อิริยาปเถหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา ทุกฺขลกฺขณํ น อุปฏฺาติ, เต จ อิริยาปถา อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนามนสิกาเรน ปฏิจฺฉาทกา ชาตา. ฆเนน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา อนตฺตลกฺขณํ น อุปฏฺาติ, เต จ ฆนา นานาธาตุวินิพฺโภคามนสิกาเรน ปฏิจฺฉาทกา ชาตาติ. อุทยพฺพยํ ปสฺสโต น อุทยาวตฺถา วยาวตฺถํ ปาปุณาติ, วยาวตฺถา วา อุทยาวตฺถํ. อฺโว อุทยกฺขโณ, อฺโว วยกฺขโณติ เอโกปิ ธมฺโม ขณวเสน เภทโต อุปฏฺาติ, ปเคว อตีตาทิโกติ อาห ‘‘อุทยพฺพยํ ปน…เป… อุปฏฺาตี’’ติ. ตตฺถ สนฺตติยา วิโกปิตายาติ ปุพฺพาปริเยน ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ อฺโฺภาวสลฺลกฺขเณน สนฺตติยา อุคฺฆาฏิตาย. น หิ สมฺมเทว อุทยพฺพยํ สลฺลกฺเขนฺตสฺส ธมฺมา สมฺพนฺธภาเวน อุปฏฺหนฺติ, อถ โข อโยสลากา วิย อสมฺพนฺธภาเวนาติ สุฏฺุตรํ อนิจฺจลกฺขณํ ปากฏํ โหติ.

อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนํ มนสิ กตฺวาติ ยถาปริคฺคหิตอุทยพฺพยวเสน สงฺขารานํ นิรนฺตรํ ปฏิปีฬิยมานตํ วิพาธิยมานตํ มนสิ กริตฺวา. อิริยาปเถ อุคฺฆาฏิเตติ อิริยาปเถ ลพฺภมานทุกฺขปฏิจฺฉาทกภาเว อุคฺฆาฏิเต. เอกสฺมิฺหิ อิริยาปเถ อุปฺปนฺนสฺส ทุกฺขสฺส วิโนทกํ อิริยาปถนฺตรํ ตสฺส ปฏิจฺฉาทกํ วิย โหติ, เอวํ เสสาปีติ อิริยาปถานํ ตํตํทุกฺขปฏิจฺฉาทกภาเว ยาถาวโต าเต เตสํ ทุกฺขปฏิจฺฉาทกภาโว อุคฺฆาฏิโต นาม โหติ สงฺขารานํ นิรนฺตรํ ทุกฺขาภิตุนฺนตาย ปากฏภาวโต. เตนาห ‘‘ทุกฺขลกฺขณํ ยาถาวสรสโต อุปฏฺาตี’’ติ. นานาธาตุโยติ นานาวิธา ปถวีอาทิธาตุโย นานาวิเธ สภาวธมฺเม. วินิพฺภุชิตฺวาติ ‘‘อฺา ปถวีธาตุ, อฺา อาโปธาตู’’ติอาทินา, ‘‘อฺโ ผสฺโส, อฺา เวทนา’’ติอาทินา จ วิสุํ วิสุํ กตฺวา. ฆนวินิพฺโภเค กเตติ สมูหฆเน, กิจฺจารมฺมณฆเน จ ปเภทิเต. ยา เหสา อฺมฺูปตฺถทฺเธสุ สมุทิเตสุ รูปารูปธมฺเมสุ เอกตฺตาภินิเวสวเสน อปริมทฺทิตสงฺขาเรหิ คยฺหมานา สมูหฆนตา, ตถา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ กิจฺจเภทสฺส สติปิ ปฏินิยตภาเว เอกโต คยฺหมานา กิจฺจฆนตา, ตถา สารมฺมณธมฺมานํ สติปิ อารมฺมณกรณเภเท เอกโต คยฺหมานา อารมฺมณฆนตา จ, ตา ธาตูสุ าเณน วินิพฺภุชิตฺวา ทิสฺสมานา หตฺเถน ปริมชฺชิยมาโน เผณปิณฺโฑ วิย วิลยํ คจฺฉนฺติ, ‘‘ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานา สุฺา เอเต ธมฺมา ธมฺมมตฺตา’’ติ อนตฺตลกฺขณํ ปากฏตรํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นานาธาตุโย…เป… อุปฏฺาตี’’ติ.

๗๔๐. ธุวภาวปฏิกฺเขปโต น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ, ขนฺธปฺจกํ. ยถาห ‘‘รูปํ โข, ราธ, อนิจฺจํ, เวทนา… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ อนิจฺจ’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๑๗๒). ตตฺถ การณํ วทนฺโต ‘‘อุปฺปาทวยฺถตฺตภาวา’’ติ อาห. อุปฺปาโท นิพฺพตฺติลกฺขณํ, วโย วิปริณามลกฺขณํ, อฺถตฺตํ ชรา, เตสํ สพฺภาวโตติ อตฺโถ. หุตฺวา อภาวโตติ อุปฺปชฺชิตฺวา วินสฺสนโต. เอตฺถ จ ปุริเมน ชาติชรามรณสพฺภาวโต อนิจฺจนฺติ ทสฺเสติ, ทุติเยน ปากภาววิทฺธํสาภาวโต. ยสฺส ภาเวน ขนฺธปฺจกํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ อนิจฺจลกฺขณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปฺปาทวยฺถตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เตน หิ ตํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ ลกฺขียติ. อาการวิกาโรติ อาการวิกติ. อภาวากาโร หิ วิกติรูเปน ลพฺภติ, วิรูปตฺตา น อุปฺปาทากาโร. อาการวิกาโรติ วา อาการวิเสโส. หุตฺวา อภาโว หิ ปากภาวโต ภินฺโน วิทฺธํสาภาวตฺตา ตตฺถ จ อนิจฺจลกฺขณํ นิรุฬฺหํ. อนิจฺจากาโร หิ ทุกฺขานตฺตากาเรหิ วิย อุปฺปาทาการโต จ วิสิฏฺโ. ตถา หิ สทฺทสฺส วิทฺธํสาภาโว สงฺขตภาเวนปิ สาธียติ.

สงฺขตภาโว จ อตฺถโต อุปฺปาทวนฺตตา. อุปฺปาโท จ ปากภาวสาธิตา ธรมานาวตฺถา. อิมินา นเยน ทุกฺขานตฺตาลกฺขณานิ เวทิตพฺพานิ. อปิจ ยถา นิจฺจปฏิกฺเขปโต อนิจฺจนฺติ นิจฺจาการปฏิกฺเขปโต ยถาวุตฺโต อภาวาการสงฺขาโต อนิจฺจากาโร อนิจฺจลกฺขณํ, เอวํ สุขปฏิกฺเขปโต ทุกฺขนฺติ สุขาการปฏิกฺเขปโต อภิณฺหปฏิปีฬนาการสงฺขาโต ทุกฺขากาโร ทุกฺขลกฺขณํ, ตถา อตฺตปฏิกฺเขปโต อนตฺตาติ อตฺตาการปฏิกฺเขปโต อวสวตฺตนาการสงฺขาโต อนตฺตากาโร อนตฺตลกฺขณนฺติ ทฏฺพฺพํ. เต ยิเม ตโยปิ อาการา อสภาวธมฺมตฺตา ขนฺธปริยาปนฺนา น โหนฺติ. ขนฺเธหิ วินา อนุปลพฺภนียโต ขนฺธวินิมุตฺตาปิ น โหนฺติ. ขนฺเธ ปน อุปาทาย โวหารวเสน ลพฺภมานา ตทาทีนววิภาวนาย วิเสสการณภูตา ตชฺชาปฺตฺติวิเสสาติ เวทิตพฺพา.

ตยิทํ สพฺพมฺปีติ ยถาวุตฺตลกฺขณตฺตยฺเจว ลกฺขิตพฺพฺจ ขนฺธปฺจกํ. ‘‘อุทยพฺพยานุปสฺสนาาเณน ยาถาวสรสโต สลฺลกฺเขตี’’ติ อิทํ ตทตฺเถ ตพฺโพหารวเสน วุตฺตํ. อุทยพฺพยาณตฺถฺหิ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนา ‘‘อุทยพฺพยาณ’’นฺติ กถิตา. น หิ อุทยพฺพยาณํ ทุกฺขลกฺขณาทิวิสยํ. ตพฺพิสยตฺเต วา อุทยพฺพยาณเมว น สิยา, อุทยพฺพยาณํ ปน ติกฺขํ, วิสทฺจ กาตุกาเมน ลกฺขณตฺตยตีรณเมว กาตพฺพํ. ปริกมฺมสทิสฺเหตํ ตสฺส. เอส นโย เสสาเณสุปีติ.

อุปกฺกิเลสวิมุตฺตอุทยพฺพยาณํ นิฏฺิตํ.

ภงฺคานุปสฺสนาาณกถาวณฺณนา

๗๔๑. วหตีติ ปวตฺตติ. าณสฺส ติกฺขภาโว ภาวนาย ปคุณภาเวน. ปคุณา จ ภาวนา วิกฺเขปาภาวโต อารมฺมเณ อปฺปิตา วิย ปวตฺตตีติ าณสฺส ติกฺขภาเวน สงฺขารานํ ลหุอุปฏฺานตา ทสฺสิตา. สงฺขาเรสุ ปน อุทยพฺพยวเสน ลหุํ ลหุํ อุปฏฺหนฺเตสุ อุทยทสฺสนฺจ ‘‘อุปฺปาทวโต วินาโส’’ติ ยาวเทว วยทสฺสนตฺถํ ตสฺส นิพฺพิทาวหตฺตาติ วเย เอวสฺส อาโภคสมนฺนาหาโร มนสิกาโร ปวตฺตติ, เตน อุปฺปาทาทึ มุฺจิตฺวา วยเมวารพฺภ าณํ อุปฺปชฺชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุปฺปาทํ วา’’ติอาทิ. ตตฺถ อุปฺปาทนฺติ นิพฺพตฺติวิการํ. ิตินฺติ ิติปฺปตฺตํ, ชรนฺติ อตฺโถ. ปวตฺตนฺติ อุปาทินฺนกปฺปวตฺตํ. นิมิตฺตนฺติ สงฺขารนิมิตฺตํ. ยํ สงฺขารานํ สมุทยาทิฆนวเสน, สกิจฺจปริจฺเฉทตาย จ สวิคฺคหานํ วิย อุปฏฺานํ, ตํ สงฺขารนิมิตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘ปวตฺตํ นาม สงฺขารานํ อวิจฺเฉเทน ปวตฺตนํ อุปฺปาโทว, นิมิตฺตํ นาม อุปฺปนฺนานํ วิชฺชมานตา านปรมฺปรา, ตสฺมา อุปฺปาทเมว คณฺหาติ เจ, ปวตฺตํ คณฺหาติ นาม. ิตึเยว คณฺหาติ เจ, นิมิตฺตํ คณฺหาติ นามา’’ติ วทนฺติ, ตํ ‘‘อุปฺปาทํ วา’’ติอาทิวจเนน วิรุชฺฌติ. น หิ อสติ เภเท วิกปฺโป ยุตฺโต. น สมฺปาปุณาติ อคฺคหณโต. กึ ปน สมฺปาปุณาตีติ อาห ‘‘ขย…เป… สนฺติฏฺตี’’ติ. ตตฺถ นิโรธสทฺโท อนุปฺปาเทปิ ทิสฺสตีติ เภทสทฺเทน วิเสสิตํ, เภทสทฺโท วิเสสวาจโกปิ โหตีติ วยสทฺเทน วิเสสิตํ, โสปิ อนิโรธวาจโกปิ อตฺถีติ ขยสทฺเทน วิเสสิตํ, ขยวยเภทสงฺขาเต ขณิกนิโรเธติ อตฺโถ. สติ สนฺติฏฺตีติ สติสีเสน าณมาห. เอตสฺมึ าเนติ อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตสฺส อุทยพฺพยาณสฺส ติกฺขภาวาปตฺติยํ วุตฺตนเยน อุทยมฺปิ มุฺจิตฺวา วยสฺเสว มนสิการกาเล.

อารมฺมณปฏิสงฺขาติ รูปเวทนาทิอารมฺมณํ ขยวยวเสเนว ปฏิสงฺขาย. ยการโลเปน หิ นิทฺเทโส ‘‘สยํ อภิฺา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘, ๔๐๕) วิย. ยถาวุตฺตสฺส วา อารมฺมณสฺส ขยวยเภทวเสน ปฏิสงฺขา อารมฺมณปฏิสงฺขา. ภงฺคานุปสฺสเนติ โย ตทารมฺมณสฺส จิตฺตสฺส ภงฺโค, ตสฺส อนุปสฺสเน. ปฺาติ ปการโต ชานนา. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อิทาเนว สํวณฺณียติ.

๗๔๒. ยํ กิฺจิ อารมฺมณนฺติ รูปํ ยาว ชรามรณนฺติ วิปสฺสิตพฺพภาเวน คหิตํ สพฺพํ สงฺขารคตมาห. ปฏิสงฺขานํ นาม ชานนํ, ตฺจ ภงฺคานุปสฺสนาย อธิปฺเปตตฺตา ภงฺคโต ทสฺสนเมวาติ อาห ‘‘ชานิตฺวา ขยโต วยโต ทิสฺวาติ อตฺโถ’’ติ. ตสฺส าณสฺสาติ สมฺพนฺโธ.

รูปารมฺมณเมว รูปารมฺมณตา ยถา ‘‘เทโว เอว เทวตา’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปารมฺมณํ จิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. รูปารมฺมณตาติ วา ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา รูปารมฺมณภาเว’’ติ อาห. อปเรน จิตฺเตน ภงฺคํ อนุปสฺสตีติ วิปสฺสนาวิสยํ ภงฺคานุปสฺสนมาห. เอวฺหิ ภงฺคานุปสฺสนา ปคุณา โหติ, อารมฺมณฺจสฺส วิภูตตรํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. าตนฺติ อารมฺมณมาห อนุปสฺสนาวเสน าตตฺตา. าณนฺติ อนุปสฺสนาาณํ. อุโภปิ วิปสฺสตีติ ตทุภยมฺปิ ขยโต วยโต วิปสฺสตีติ. อยํ เหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – รูปสฺส ยาว ชรามรณสฺส ขยโต วยโต ทสฺสนํ อารมฺมณปฏิสงฺขาตํ, ทสฺสนกาณสฺส ขยโต วยโต ทสฺสนํ อารมฺมณปฏิสงฺขาย ภงฺคสฺส อนุปสฺสนนฺติ อุภยตฺถ ปฺา. ปุริมํ วา ตทภาเว อภาวโต ปจฺฉิมายํ ปกฺขิปิตฺวา ปจฺฉิมา เอว ปฺา วิปสฺสเน าณนฺติ.

เอตฺถาติ ‘‘ตสฺส จิตฺตสฺส…เป… ภงฺคํ อนุปสฺสตี’’ติ เอตฺถ. อเนเกหิ อากาเรหีติ อนิจฺจโต อนุปสฺสนาทีหิ อเนเกหิ อากาเรหิ. อนุ-สทฺโท ‘‘ภิยฺโย’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ ปสฺสตี’’ติ.

อิธ สงฺขตธมฺโม นาม ชาติชรามรณปกติโก, ตสฺส ชาติ อาทิโกฏิ, ชรา มชฺฌิมโกฏิ, มรณํ โอสานโกฏิ. ตตฺถ กิฺจาปิ อุปฺปาทาทิติวิธมฺปิ สงฺขตลกฺขณตาย อนิจฺจลกฺขณํ, ตถาปิ ชาติชราสุ ทิฏฺาสุ น ตถา อนิจฺจลกฺขณํ ปากฏํ หุตฺวา อุปฏฺาติ ยถา วยกฺขเณติ อาห ‘‘ภงฺโค นาม อนิจฺจตาย ปรมา โกฏี’’ติ, อุตฺตมา โกฏิ ปริโยสานโกฏีติ อตฺโถ. ยถา หิ ชราธมฺมํ, มรณธมฺมเมว จ ชายตีติ ชาติ อนิจฺจตาย อาทิ โกฏิ, ตถา ชาติธมฺมํ, มรณธมฺมเมว จ ชีรตีติ ชรา มชฺฌิมา โกฏิ, ชาติธมฺมํ, ชราธมฺมเมว จ ภิชฺชตีติ ภงฺโค ปรมา โกฏีติ. อนิจฺจโต อนุปสฺสตีติ น กลาปโต สมฺมสนฺโต วิย ‘‘อนิจฺจํ ขยฏฺเนา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘) อนุมานวเสน, นาปิ อารทฺธวิปสฺสโก วิย อุทยคฺคหณปุพฺพกวยทสฺสนวเสน, อถ โข อุทยพฺพยาณานุภาเวน ปจฺจกฺขโต อุปฏฺิเตสุ อุทยวเยสุ วุตฺตนเยน อุทยํ มุฺจิตฺวา ภงฺคทสฺสนวเสเนว อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, เอวํ อนุปสฺสโต ปนสฺส นิจฺจคาหสฺส เลโสปิ นตฺถีติ อาห ‘‘โน นิจฺจโต’’ติ. ตถา เหส นิจฺจสฺํ ปชหตีติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ ‘‘อนิจฺจโต เอว อนุปสฺสตี’’ติ เอว-กาโร ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ เตน นิวตฺติตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โน นิจฺจโต’’ติ วุตฺตํ. น เจตฺถ ทุกฺขโต อนุปสฺสนาทินิวตฺตนมาสงฺกิตพฺพํ ปฏิโยคีนิวตฺตนปรตฺตา, เอว-การสฺส อุปริ เทสนารุฬฺหตฺตา จ ตาสํ. ทุกฺขโต อนุปสฺสตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.

อนิจฺจโต ตาว อนุปสฺสนา ภงฺคานุปสฺสกสฺส ยุตฺตา ‘‘ภงฺโค นาม อนิจฺจตาย ปรมา โกฏี’’ติ, ทุกฺขาทิโต ปน กถนฺติ อาห ‘‘อนิจฺจสฺส ทุกฺขตฺตา’’ติอาทิ. เอเตน ยํ อนิจฺจํ, ตํ เอกนฺตโต ทุกฺขํ อนตฺตา, ตโต จ น อภินนฺทนิยาทิรูปํ. ตสฺมา อุปริ นิพฺพตฺเตตพฺพโต าณปริกมฺมตฺถฺจ อิตราสมฺปิ ฉนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน อนุปสฺสตีติ ทสฺเสติ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโตติอาทินา วิสุํ ทสฺสนกิจฺจํ นตฺถิ, ภงฺคทสฺสเนเนว สพฺพํ ทิฏฺํ โหตี’’ติ วทนฺติ, ตํ ภงฺคานุปสฺสนาย มตฺถกปฺปตฺติยํ ยุตฺตํ, ตโต ปน ปุพฺพภาเค อเนกาการโวการา อนุปสฺสนา อิจฺฉิตพฺพาว. อฺถา ‘‘อนิจฺจโต อนุปสฺสตี’’ติอาทิกา (ปฏิ. ม. ๑.๕๑) ปาฬิ, ‘‘อเนเกหิ อากาเรหิ ปุนปฺปุนํ ปสฺสตี’’ติ อาคตา ตสฺสา อฏฺกถา จ วิโรธิตา สิยา. ตเทว อนิจฺจโต ทิฏฺเมว สพฺพสงฺขารคตํ.

น ตํ อภินนฺทิตพฺพนฺติ ตํ สงฺขารคตํ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนวเสน ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ น อภินนฺทิตพฺพํ. น ตตฺถ รฺชิตพฺพนฺติ ตตฺถ สงฺขารคเต รฺชนวเสน น ปวตฺติตพฺพํ, กามราโค, ภวราโค วา น ปวตฺเตตพฺโพติ อตฺโถ. ราคํ นิโรเธตีติ ราคํ วิกฺขมฺภนนิโรธํ ปาเปติ, วิกฺขมฺเภตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โลกิเกเนว ตาว าเณนา’’ติ. สติ จ วิกฺขมฺภเน กถํ สมุทโยติ อาห ‘‘โน สมุเทติ, สมุทยํ น กโรตี’’ติ.

เอวํ วิรตฺโตติ เอวํ ภงฺคานุปสฺสนานุสาเรน วิรตฺโต. ยถา ทิฏฺํ สมฺปติ อุปฏฺิตํ สงฺขารคตํ นิโรเธติ นิโรธํ มนสิ กโรติ, อทิฏฺมฺปิ อตีตานาคตํ อนฺวยาณวเสน ยถา อิทํ เอตรหิ, เอวํ อิตเรปีติ อนุมินนฺโต นิโรเธติ มนสิกตสฺสาปิ นิโรธํ กโรติ. โน สมุเทตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย, โน สมุทยํ มนสิ กโรตีติ อตฺโถ.

เอวํ ปฏิปนฺโนติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน ปฏิปนฺโน. สทฺธึ ขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลสานํ ปริจฺจชนโตติ ขนฺเธหิ, อภิสงฺขาเรหิ จ สห กิเลสานํ ปชหนโต. กิเลเส หิ ปชหนฺโต ตนฺนิมิตฺตกกมฺมํ, ตโต นิพฺพตฺตนเก ขนฺเธ จ ปชหติ นาม. สงฺขตโทสทสฺสเนนาติ สงฺขตธมฺเมสุ อนิจฺจทุกฺขตาทิอาทีนวทสฺสเนน. ตพฺพิปรีเตติ นิจฺจสุขาทิสภาเว. ตนฺนินฺนตายาติ ตทธิมุตฺตตาย. ปฏินิสฺสคฺคสทฺโท ปริจฺจาคตฺโถ, ปกฺขนฺทนตฺโถ จาติ ปฏินิสฺสคฺคสฺส ทุวิธตา วุตฺตา. ตตฺถ ปกฺขนฺทนํ อธิมุจฺจนํ. ยถาวุตฺเตนาติ ตทงฺคาทิปฺปหานปฺปกาเรน, ตนฺนินฺนปฺปกาเรน จ. นิพฺพตฺตนวเสนาติ อุปฺปาทนวเสน. นิพฺพตฺเตนฺโต หิ กิเลเส อาทิยตีติ เต อนิพฺพตฺเตนฺโต กิเลเส น อาทิยติ นาม. อโทสทสฺสิตาวเสนาติ โทสานํ อทสฺสาวิภาเวน. สงฺขตารมฺมณํ อาทิยตีติ โยชนา. อนาทีนวทสฺสิตาย หิ สงฺขาเร อาทิยตีติ อาทีนวทสฺสิตาย เต น อาทิยติ น คณฺหาติ.

๗๔๓. อสฺสาติ โยคิโน. เตหิ าเณหีติ อนิจฺจานุปสฺสนาทิาเณหิ. นฺติ ปหานํ. นิจฺจสฺนฺติ นิจฺจคาหํ, สฺาสีเสน นิทฺเทโส. สุขสฺํ อตฺตสฺนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สปฺปีติกํ ตณฺหนฺติ สอุปฺปิลาวิตํ อภิปตฺถนํ.

๗๔๔. ‘‘วตฺถุสงฺกมนา’’ติ เอตฺถ วิปสฺสนาย ปวตฺติฏฺานภาวโต รูปาทิอารมฺมณํ ‘‘วตฺถู’’ติ อธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘รูปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สงฺกมนาติ วิปสฺสนาภาวสามฺโต เอกตฺตนเยน วุตฺตํ, อฺถา อฺเทว รูปภงฺควิสยํ าณํ, อฺเทว ตทารมฺมณจิตฺตภงฺควิสยนฺติ กุโต สงฺกมนา. ปฺาวิวฏฺฏนายปิ เอเสว นโย. ปฺายาติ อุทยพฺพยทสฺสนวเสน ปวตฺตมานาย วิปสฺสนาปฺาย. วยสฺเสว คหณวเสน อุทยโต วินิวฏฺฏนา. เตนาห ‘‘อุทยํ ปหาย วเย สนฺติฏฺนา’’ติ. ‘‘อนนฺตรเมว อาวชฺชนสมตฺถตา’’ติ อิมินา ภงฺคานุปสฺสนาย ปคุณพลวภาวมาห.

๗๔๕. อุโภติ ทิฏฺาทิฏฺภาเวน ทฺเวปิ อารมฺมณานิ. เอกววตฺถนาติ ขณภงฺคุรตาย สมานาติ ววตฺถาปนา.

สํวิชฺชมานมฺหีติ ปจฺจกฺขโต อุปลพฺภมาเน ปจฺจุปฺปนฺเน. วิสุทฺธทสฺสโนติ ภงฺคทสฺสนสฺส ปริพนฺธวิธมเนน วิสุทฺธาโณ, สุวิสุทฺธภงฺคทสฺสโนติ อตฺโถ. ตทนฺวยํ เนตีติ ตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนสงฺขารภงฺคทสฺสิโน าณสฺส อนฺวยํ อนุคตภูตํ าณํ ปวตฺเตติ. กตฺถ ปน ปวตฺเตตีติ อาห ‘‘อตีตนาคเต’’ติ, อตีเต, อนาคเต จ สงฺขารคเต. สพฺเพปีติอาทิ ตสฺส ปวตฺตนาการทสฺสนํ.

ภงฺคสงฺขาเต นิโรเธ, น นิพฺพานสงฺขาเตติ อธิปฺปาโย. เอสาติ ยา อารมฺมณนฺวเยน อุโภ ทิฏฺาทิฏฺเ ขณภงฺคุรตาย เอกภาเวน ววตฺถาปนา, เอสา วยลกฺขเณ วิปริณามลกฺขเณ วิปสฺสนา ภงฺคานุปสฺสนาติ อตฺโถ.

๗๔๖. อารมฺมณฺจ ปฏิสงฺขาติอาทิ ภงฺคานุปสฺสนาย ทุปฺปฏิวิชฺฌตฺตา วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ทฬฺหีกรณํ. ตยิทํ ภงฺคทสฺสนํ สงฺขารานํ อวสวตฺตนาวโพธเนน อนตฺตลกฺขณปฏิเวธายาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุฺโต จ อุปฏฺาน’’นฺติ อาห. อารมฺมณสฺส หิ ภงฺคารมฺมณจิตฺตสฺส จ ภงฺคมนุปสฺสโต วิเสสโต สงฺขารา สุฺา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. เตนาห ‘‘ตสฺเสว’’นฺติอาทิ.

น จตฺถิ อฺโติ เอตฺถ อิมสฺมึ โลเก อฺโ ขนฺธวินิมุตฺโต อตฺตา นาม โกจิ นตฺถิ. เตสํ ขยํ ปสฺสตีติ เตสํ ธมฺมานํ ขเณ ขเณ อุปฏฺหนฺตํ ภงฺคํ ปสฺสติ. ยถาวุตฺตาย อปฺปมาทปฏิปตฺติยา อปฺปมตฺโต. ยถา กึ? มณึว วิชฺฌํ วชิเรน โยนิโส ยถา นาม กุสโล ปุริโส อุปาเยน มณึ วิชฺฌนฺโต มณิสฺส ฉิทฺทเมว ปสฺสติ มนสิ กโรติ, น มณิสฺส วณฺณาทึ, เอวเมว สงฺขารานํ นิรนฺตรํ ภงฺคเมว โยนิโส มนสิ กโรติ, น สงฺขาเรติ อธิปฺปาโย. ยถา วา วชิเรน มณึ วิชฺฌนฺตสฺส วิทฺธฏฺานํ น ปุน รุหติ, เอวํ วชิรสทิเสน ภงฺคานุปสฺสนาาเณน ภงฺเค ทิฏฺเ น ปุน นิจฺจคาโห รุหติ, เอวํ ภงฺคเมว ปสฺสตีติ อตฺโถ.

ยา จ อารมฺมณปฏิสงฺขาติ ‘‘รูปารมฺมณตา จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชติ, ตํ อารมฺมณํ ปฏิสงฺขา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๑) เอวมาคตา ยา จ อารมฺมณปฏิสงฺขา, ‘‘ตสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคํ อนุปสฺสตี’’ติ เอวํ วุตฺตา ยา จ ภงฺคานุปสฺสนา, ‘‘สงฺขาราว ภิชฺชนฺติ, เตสํ เภโท มรณํ, น อฺโ โกจิ อตฺถี’’ติ เอวํ วุตฺตํ ยฺจ สุฺโต อุปฏฺานํ, อยํ เอวํ ติธา วุตฺตาปิ อธิปฺาวิปสฺสนา นามาติ อตฺโถ.

๗๔๗. อนิจฺจานุปสฺสนาทีสูติ อนิจฺจทุกฺขานตฺตานุปสฺสนาสุ. นิพฺพิทาทีสูติ นิพฺพิทาวิราคนิโรธปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาสุ. ตโย อุปฏฺาเนติ อนิจฺจาทิวเสน ติวิเธ อุปฏฺาเน. ขยโต วยโต อุปฏฺานฺหิ อนิจฺจโต อุปฏฺานํ, ภยโต อุปฏฺานํ ทุกฺขโต, สุฺโต อุปฏฺานํ อนตฺตโตติ. ทิฏฺีสูติ ทิฏฺินิมิตฺตํ น เวธติ. ตา หิ อสํหีรตาย น จลติ.

๗๔๘. ทุพฺพลภาชนสฺส วิยาติ ตินฺตอามมตฺติกาภาชนสฺส วิย เภทเมว ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถ จ ทุพฺพลภาชนูปมา สรสภิทุรตาทสฺสนตฺถํ, วิปฺปกิริยมานสุขุมรชูปมา อฺมฺํ อสมฺพนฺธตาทสฺสนตฺถํ, ภิชฺชิยมานติลูปมา ขเณ ขเณ ภิชฺชนกภาวทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพา. เภทเมวาติ วินาสเมว ปสฺสติ อุปฺปาทาทีนํ อคฺคหณโต. เอวเมวาติ ยถา อุทกพุพฺพุฬกานิ อุทกตลาทิปจฺจยํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนานิ น จิรฏฺิติกานิ สีฆํ สีฆํ ภิชฺชนฺติ, เอวเมว สพฺเพ รูปารูปธมฺมา กมฺมาทิปจฺจยํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนา ขณฏฺิติกา สีฆํ สีฆํ ภิชฺชนฺตีติ เภทเมว ปสฺสติ. ตุริตตุริตฺหิ เนสํ เภททสฺสนตฺถํ ‘‘ภิชฺชนฺติ ภิชฺชนฺตี’’ติ อาเมฑิตวจนํ.

มรีจิปิ อิตฺตรกาลิกาว, นิสฺสยปพนฺธวเสน ปน จิรตรุปฏฺานนฺติ ‘‘ยถา ปสฺเส มรีจิก’’นฺติ วุตฺตํ, น อยาถาวุปฏฺานโตว. โลกนฺติ ขนฺธโลกํ. มจฺจุราชา น ปสฺสติ อรหตฺตาธิคเมน ปุนพฺภวาภาวโต.

๗๔๙. ภวทิฏฺิปฺปหานนฺติ สสฺสตทิฏฺิยา วิกฺขมฺภนํ. น หิ นิรนฺตรํ ภงฺคเมว ปสฺสโต สสฺสตทิฏฺิยา อวสโร อตฺถิ. ตโต เอว ชีวิเต นิราลยตฺตา ชีวิตนิกนฺติปริจฺจาโค. สทาติ สพฺพกาลํ รตฺตินฺทิวํ. ภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺตตา. อิจฺฉาจารานํ ทูรีภาวโต วิสุทฺธาชีวิตา. อุสฺสุกฺกปฺปหานํ กิจฺจากิจฺเจสุ อพฺยาวฏตา ติพฺพสํเวคตฺตา. วิคตภยตา กุโตจิปิ นิพฺภยตา อตฺตสิเนหาภาวโต. ขนฺติโสรจฺจปฏิลาโภ อนิจฺจตาย สุทิฏฺตฺตา. ปนฺตเสนาสเนสุ อธิกุสเลสุ จ อรติยา, กามคุเณสุ รติยา จ สหนโต อภิภวนโต อรติรติสหนตา.

อิมานิ อฏฺคฺคุณมุตฺตมานีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ. -กาโร จ ปทสนฺธิกโร, ภวทิฏฺิปฺปหานาทิเก อิเม อฏฺ อุตฺตมานิสํเสติ อตฺโถ. ตหินฺติ ตตฺถ ภงฺคานุปสฺสนายนฺติ อตฺโถ.

ภงฺคานุปสฺสนาาณํ นิฏฺิตํ.

ภยตุปฏฺานาณกถาวณฺณนา

๗๕๐. สพฺพสงฺขารานนฺติ เตภูมกานํ สพฺพสงฺขารานํ. อธิการวเสน หิ ปเทสสพฺพวิสโย อิธ สพฺพสทฺโท. อาเสวนฺตสฺสาติ อาทรวเสน เสวนฺตสฺส ปวตฺเตนฺตสฺส. ภาเวนฺตสฺสาติ วฑฺเฒนฺตสฺส พฺรูเหนฺตสฺส. พหุลีกโรนฺตสฺสาติ ปุนปฺปุนํ กโรนฺตสฺส ยุฺชนฺตสฺส. ปเภทกาติ ขเณ ขเณ ภิชฺชนวเสน ปเภทกา. อาชีวิกา พฺยาธิอาทินิมิตฺตํ มริตุกามสฺส, อมริตุกามสฺสาปิ สูรสฺส ภายิตพฺพมฺปิ น ภยโต อุปฏฺาตีติ ‘‘สุเขน ชีวิตุกามสฺส ภีรุกปุริสสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ยถา ภีรุกชาติกสฺส สีหาทโย สนฺตาสนิมิตฺตํ ภยานกภาวโต, ตถา โยคิโน ภงฺคโต ทิสฺสมานา สงฺขาราติ อาห ‘‘สีห…เป… อุปฏฺหนฺตี’’ติ. ปจฺจุปฺปนฺนาติ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนา โอฬาริกา ทีฆตรปพนฺธา, ขณปจฺจุปฺปนฺนา สุขุมตรา อิตฺตรกาลา, สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนา มชฺฌิมา อิธ อาทิโต ปริคฺคเหตพฺพา. ภยโต ภายิตพฺพโต อุปติฏฺนเกสุ าณํ ภยตุปฏฺานาณํ.

ยถา อิตฺถิยา ปุตฺตานํ สีสสฺส ฉินฺนตา ฉิชฺชมานตา คยฺหมานา ภยาวหา, เอวํ โยคิโน ติยทฺธคตานํ สงฺขารานํ นิโรธา คยฺหมานาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกิสฺสา กิร อิตฺถิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ยถา ปูติภูตํ โอทนาทิ น สภาเวน ติฏฺติ วินสฺสติ, เอวํ ยสฺสา อิตฺถิยา วิชาตวิชาตา ปุตฺตา น ชีวนฺติ มรนฺติ เอว, สา ‘‘ปูติปชา’’ติ วุตฺตา. ปูติปชาคฺคหณฺเจตฺถ วิเสสโต คพฺภคตมรณจินฺตาทสฺสเนน โยคิโน อนาคตสงฺขารนิโรธสนฺนิฏฺานทสฺสนตฺถํ. อตีตปจฺจุปฺปนฺนสงฺขารนิโรโธ หิสฺส สุปากโฏ เอวาติ น โส อุปมาย สาเธตพฺโพ. อนฺติมภวิกสฺส จ โยคิโน สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมาทิภาวิโน อตีเต ทุกฺขพหุตาย, อนาคตทุกฺขปริตฺตตาย จ ทสฺสนตฺถํ พหุปชาว อิตฺถี นิทสฺสิตา.

ตตฺถ ยถา ตสฺสา นว ปุตฺตา มตา, เอวํ อชฺฌตฺตาทิปฺปเภทา อตีตา สงฺขารา, วุสิตปุพฺพา วา นว สตฺตาวาสา ทฏฺพฺพา, มียมานปุตฺโต วิย ปจฺจุปฺปนฺนา สงฺขารา, ปวตฺตมาโน วา สตฺตาวาโส ทฏฺพฺโพ. อชาตปุตฺโต วิย อนาคตา สงฺขารา, ภาวี วา สตฺตาวาโส ทฏฺพฺโพ. เอวมวฏฺิเต ยเทเก ทสปุตฺตมาตรํ อคฺคเหตฺวา นวปุตฺตมาตุคฺคหณํ สาตฺถกนฺติ วทนฺติ, ตทปาหตํ โหติ. ทารกานํ มรณสฺส จิรกาลิกตฺตา มรณานุสฺสรณนฺติ วุตฺตํ. คพฺภคโต อปฺปจฺจกฺขตาย ภาวีปกฺเขเยว ติฏฺตีติ อธิปฺปาเยน กุจฺฉิคโต อนาคตสงฺขารฏฺานิโย วุตฺโต. เอตสฺมึ ขเณติ ภงฺคทสฺสนมุเขน สงฺขารานํ ภยานกภาเวน อุปฏฺานกฺขเณ.

๗๕๑. น ภายติ าณสฺส ภายนากาเรน อปฺปวตฺตนโต. ปฏิฆจิตฺตุปฺปาทวเสน หิ ภายนํ, าณํ ปน ภายิตพฺพวตฺถุํ ภายิตพฺพนฺติ ยาถาวโต ชานาติ. เตนาห ‘‘อตีตา…เป… ตีรณมตฺตเมวา’’ติ, ติสฺโส องฺคารกาสุโย อติตาเปน ติกฺขมชฺฌมุทุเภทาติ อธิปฺปาโย. กามภวาทีนฺหิ ติณฺณํ ภวานํ นิทสฺสนภาเวน ตาสํ คหณํ, ตถา ขทิราทิสูลตฺตยสฺส อปฺปณีตาทิภาวโต. เตนาห ‘‘เกวลํ หี’’ติอาทิ. อสฺสาติ าณสฺส. พฺยสนาปนฺนาติ นานาวิธวิปุลานตฺถปติตา. ภยโตติ ภายิตพฺพโต.

สงฺขารนิมิตฺตนฺติ ‘‘สงฺขารานํ สมูหาทิฆนวเสน, สกิจฺจปริจฺเฉทตาย จ สวิคฺคหานํ วิย อุปฏฺาน’’นฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. สงฺขารานํ ปน ตถา อุปฏฺานํ สงฺขารวินิมุตฺตํ น โหตีติ อาห ‘‘อตีตา…เป… อธิวจน’’นฺติ. มรณเมวาติ ภงฺคเมว. เตนาติ ภงฺคทสฺสเนน. ขเณ ขเณ ภงฺคเมว ปสฺสโต หิ นิมิตฺตสฺิตํ สงฺขารคตํ อนิจฺจตาย วุตฺตนเยน สปฺปฏิภยํ หุตฺวา อุปฏฺาติ. ปวตฺตํ นาม กามํ สพฺพา ภวปวตฺติ, มตฺถกปฺปตฺตาย ปน ภงฺคานุปสฺสนาย สพฺพภเวสุ อภิณฺหสมฺปฏิปีฬนสฺส สุฏฺุตรํ อุปฏฺานโต สนฺตสุขาภิมตาปิ ภวา ทุกฺขสภาวตาย ภยโต อุปฏฺหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปวตฺตนฺติ รูปารูปภวปวตฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุภยนฺติ นิมิตฺตํ, ปวตฺตฺจ. ทฺวยมฺปิ หิ ตํ อตฺตสุฺเมว หุตฺวา อุปฏฺหตีติ.

ภยตุปฏฺานาณํ นิฏฺิตํ.

อาทีนวานุปสฺสนาาณกถาวณฺณนา

๗๕๒. ตาณนฺติ สงฺขารเหตุกา อนตฺตโต รกฺขณํ. เนว ปฺายติ สพฺพภวาทีนํ สาทีนวตาย เอกสทิสตฺตา. เลณนฺติ ตสฺส ปริหรณตาณาย อุปลียนํ. คตีติ ตทตฺถํ คนฺตพฺพฏฺานํ. ปฏิสรณนฺติ ตสฺเสว ปฏิสรณฏฺานํ. ปตฺถนาติ อาสีสนา น โหติ. เอเตน ‘‘เนตํ มมา’’ติ ตณฺหาคาหาภาวมาห. ปรามาโสติ ทิฏฺิปรามาโส. เตน ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ ทิฏฺิคาหาภาวมาห. ตณฺหาคาหาภาเวเนว เจตฺถ ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ มานคาหาภาโวปิ วุตฺโตเยว โหติ, วา-สทฺทคฺคหเณน วา.

อิทานิ ปตฺถนาทีนมภาเว การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโย ภวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตโย ภวา องฺคารกาสุโย วิย ชาติอาทิทุกฺขาธิฏฺานภาเวน มหาภิตาปตาย. จตฺตาโร มหาภูตา กฏฺมุขปูติมุขอคฺคิมุขสตฺถมุขสงฺขาตา โฆรวิสอาสีวิสา วิย กายสฺส ถทฺธตาวิสฺสนฺทนทาหจฺเฉททุกฺขวิธานโต วิเสสโต, อวิเสสโต ปน อาสยโต, วิสวิการโต, อนตฺถทานโต, ทุรุปจารโต, ทุราสทโต, อกตฺุโต, อวิเสสการิโต, อเนกาทีนวูปทฺทวโต จ. ‘‘จตฺตาโร อาสีวิสา อุคฺคเตชา โฆรวิสาติ โข, ภิกฺขเว, จตุนฺเนตํ มหาภูตานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) หิ วุตฺตํ. ปฺจกฺขนฺธา เอกกฺขนฺธเภเท อฺกฺขนฺธานวฏฺานโต. อฺมฺาฆาตนโต, มรณทุกฺขาวหนโต จ อุกฺขิตฺตาสิกวธกา วิย. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อุกฺขิตฺตาสิโก วธโกติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ. ฉ อชฺฌตฺติกายตนานิ อตฺตตฺตนิยภาเวน คหิตานิปิ ตโต ริตฺตภาวโต สุฺคาโม วิย โภชนาทิคยฺหุปคเมตฺถ อตฺถีติ ปวิฏฺสุฺคาโม วิย. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘สุฺคาโมติ โข, ภิกฺขเว, ฉนฺเนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจนํ. จกฺขุโต เจปิ นํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี อุปปริกฺเขยฺย, ริตฺตกฺเว ขายติ, ตุจฺฉกฺเว ขายติ, สุฺกฺเว ขายตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) –

อาทิ. ฉ พาหิรายตนานิ คามฆาตกโจรา วิย สพฺพถาปิ ฆาตกภาวโต. เตเนวาห ‘‘โจรา คามฆาตกาติ โข, ภิกฺขเว, ฉนฺเนตํ พาหิรานํ อายตนานํ อธิวจนํ. จกฺขุ, ภิกฺขเว, หฺติ มนาปามนาเปสุ รูเปสู’’ติอาทิ. ราคคฺคิอาทีหิ เอกาทสหิ อคฺคีหิ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตํ. เกน อาทิตฺตํ? ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๘) –

อาทิ. สงฺขารานํ คณฺฑาทิสทิสตา เหฏฺา วุตฺตาเยว. นิรสฺสาทาติ อสฺสาเทตพฺพรหิตา ทุกฺขสภาวตฺตา. นิรสาติ สมฺปตฺติรหิตา วิปตฺติปริโยสานตฺตา. สพฺพตฺถ ยถา เหฏฺา นิรสฺสาทา นิรสา มหาอาทีนวราสิภูตา หุตฺวา อุปฏฺหนฺตีติ สมฺพนฺโธ, เอวํ อุปริปิ ‘‘สวาฬกมิว วนคหน’’นฺติอาทีสุ ตํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

สสทฺทูลาติ สพฺยคฺฆา. คาหา กุมฺภิลาทโย. รกฺขโส ทกรกฺขโส. ‘‘นิรสํ นิรสฺสาท’’นฺติ อิมินา อาทีนวสฺส อพฺโพกิณฺณตํ ทสฺเสติ. ตถา หิสฺส โยคิโน สพฺเพสุ ภวาทีสุ สพฺเพปิ สงฺขารา นิสฺสคฺคโต นิรนฺตรํ สปฺปฏิภยาว หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ. ยฺจ สปฺปฏิภยํ, ตํ สาทีนวํ. เตนาห ‘‘ตสฺเสว’’นฺติอาทิ.

นฺติ อาทีนวาณํ. อิทํ วุตฺตนฺติ อิทํ ทสวตฺถุกํ ทฺวาทสวารปฏิมณฺฑิตํ อนฺวยพฺยติเรกวเสน ตสฺเสว ปทภาชนํ ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตํ.

อุปฺปาโท ภยนฺติ สงฺขารานํ อุปฺปาโท อเขมฏฺเน ภยวตฺถุตาย ภยํ. อุปฺปาทมูลกฺหิ สพฺพํ ตํ สพฺพวตฺถุกนฺติ สพฺยสนํ. ปวตฺตํ ภยนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. นตฺถิ เอตสฺส อุปฺปาโท, น วา เอตสฺมึ อธิคเต สงฺขารานํ อายตึ อุปฺปาโทติ อนุปฺปาโท, นิพฺพานํ. ตฺจ สพฺพโส ภยาภาวโต ปรมสฺสาสภูตตฺตา นิพฺภยฏฺเน เขมนฺติ. สนฺติปเทติ สพฺพสงฺขารูปสมภูเต อมตปเท. อปฺปวตฺตนฺติอาทีหิปิ ปวตฺตาทิปฏิกฺเขปมุเขน นิพฺพานเมว วทติ. ปวตฺติยํ อาทีนวํ ทิสฺวา ตทนนฺตรเมว นิวตฺติยํ อานิสํสทสฺสนวเสน สีฆํ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตานํ วเสน ‘‘อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขม’’นฺติ ตติยวาโร วุตฺโต. เอเสว นโย ฉฏฺวาราทีสุปิ. เอตฺถ จ อุปฺปาโท วิเสโส, ภยํ วิเสสิตพฺพํ สามฺภาวโตติ สติปิ ทฺวินฺนํ ปทานํ สมานาธิกรณภาเว ลิงฺคเภโท คหิโต. ยถา ‘‘ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจ’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๕๔; ม. นิ. ๓.๓๗๔). เอส นโย ‘‘คติ ภย’’นฺติอาทีสุปิ.

อุปฺปาโท สงฺขาราติ เอตฺถ ปน สพฺเพสํ สงฺขารานํ อุปฺปาทํ สามฺเน คเหตฺวา สงฺขารา เภทโต วิหิตา สพฺพตฺถกเมว เตสํ วิภาคโต วิปสฺสิยมานตฺตาติ วจนเภโท กโต.

อายูหนํ ปฏิสนฺธึ ‘‘ทุกฺข’’นฺติ ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. าณํ อาทีนเว อิทนฺติ อาทีนเว วิสยภูเต อิทํ ปฺจวตฺถุกํ าณํ เวทิตพฺพํ. าณํ สนฺติปเทติ สนฺติปเท นินฺนาทิภาเวน ิตํ อิทํ าณนฺติ อตฺโถ.

๗๕๓. กมฺมปจฺจยา ปจฺจุปฺปนฺนภเว อุปฺปชฺชมานานํ สงฺขารานํ อุปฺปาโท ปากฏตโร หุตฺวา อุปฏฺาตีติ อาห ‘‘ปุริมกมฺมปจฺจยา อิธ อุปฺปตฺตี’’ติ. ปวตฺตํ นาม อิธ ปวตฺติยํ ธมฺมปฺปวตฺตีติ อาห ‘‘อุปฺปนฺนสฺส ปวตฺตี’’ติ. สพฺพมฺปีติ ติยทฺธคตํ รูปารูปํ อชฺฌตฺตพหิทฺธาทิวิภาคํ สพฺพมฺปิ. กมฺมนฺติ เอตรหิ ปวตฺตํ กมฺมํ. เอตฺถ จ อุปฺปาทปวตฺตอายูหนคฺคหเณน ปจฺจุปฺปนฺนทฺธปริยาปนฺนา สงฺขารา คหิตา, ปฏิสนฺธิคฺคหเณน อนาคตทฺธปริยาปนฺนา อุปาทิตฺตา. อุปฺปาทคฺคหเณน จ อตีตทฺธปริยาปนฺนา กมฺมสงฺขารา อุลฺลิงฺคตฺตา. นิมิตฺตคฺคหเณน ปน สพฺเพปิ คหิตา. ยาย คติยา สา ปฏิสนฺธิ โหติ สา นิรยาทิเภทา คติ สุจริตทุจฺจริตวเสน คนฺตพฺพตฺตา, สา ปนตฺถโต ตํตํกมฺมนิยมิตา ภวสมฺารหา วิปากกฺขนฺธา, กฏตฺตา จ รูปนฺติ เวทิตพฺพา. ขนฺธานํ นิพฺพตฺตนนฺติ สพฺเพสมฺปิ ขนฺธานํ นิพฺพตฺตนํ. ปากฏา เอว สจฺจวิภงฺเค ลกฺขณาทิวเสน นิทฺทิฏฺตฺตา. วตฺถุวเสนาติ อารมฺมณสงฺขาตปวตฺติฏฺานวเสน. ยทิ เต ปฺเจว วตฺถุภาเวน อิจฺฉิตา, อถ กสฺมา เสสา วุตฺตาติ อาห ‘‘เสสา เตสํ เววจนวเสนา’’ติ. เตน วิปสฺสกานํ าณวิปฺผารสฺส วิสยสํวฑฺฒนตฺถํ เทสนา วฑฺฒิตาติ ทสฺเสติ.

อนฺวยโต ทสฺสิตสฺส อาทีนวาณสฺส พฺยติเรกโต ทสฺสนตฺถํ ปฏิปกฺขาณทสฺสนํ ‘‘ยตฺถ อุปฺปาโท นตฺถิ, ตตฺถ สพฺเพน สพฺพํ ภยมฺปิ นตฺถี’’ติ. ‘‘ภยตุปฏฺาเนน วา’’ติอาทินา ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา นิวตฺติทสฺสนํ พุทฺธานํ, อนุพุทฺธานฺจ อาจิณฺณเมตํ ยถา ปุริมํ สจฺจทฺวยํ ทสฺเสตฺวา นิโรธสจฺจเทสนาติ ทสฺเสติ. ยถา โลเก กสฺสจิ อาทีนวทสฺสนํ นิรตฺถกมฺปิ โหติ, น ตถา อิทํ, อิทํ ปน สาตฺถกเมวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตปฺปฏิปกฺขนินฺนํ จิตฺตํ โหติ ทาหาภิภูตสฺส สีตนินฺนตา วิย สุฏฺุ ทิฏฺาทีนวโต เอกํเสน มุฺจิตุกมฺยตาภาวโต.

ภยนฺติ ภายิตพฺพํ. ‘‘นิยมโต ทุกฺข’’นฺติ เอเตนสฺส ทุกฺขภาเวน ภายิตพฺพตาติ ภายิตพฺพตา ทุกฺขภาวํ น พฺยภิจรตีติ ทสฺเสติ. วฏฺฏามิสํ อุปาทินฺนกฺขนฺธาติ วทนฺติ. ติวิธมฺปิ วฏฺฏํ, วฏฺฏสนฺนิสฺสิตฺจ วฏฺฏามิสํ. กิเลเสหิ อามสิตพฺพโต โลกามิสํ, ปฺจ กามคุณา. กิเลสา เอว กิเลสามิสํ. สงฺขารมตฺตเมวาติ เอตฺถ เอว-สทฺเทน วิสงฺขารํ นิวตฺเตติ. น หิ ตตฺถ สามิสตาเลโสปิ อตฺถีติ. มตฺต-สทฺเทน ปน อปริปุณฺณตํ วิภาเวติ. น หิ สพฺพสงฺขารคตํ สามิสนฺติ. ตสฺมาติ ‘‘ภย’’นฺติ วุตฺตสฺส ทุกฺขาทิภาเวน นิยตตฺตา. ยทิ ยํ ภยํ, ตํ ทุกฺขาทิสภาวเมว, ตถา สติ ภยาทีสุ เอเกเนว อตฺถสิทฺธิ. กสฺมา สพฺพานิ คหิตานีติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ. ยถา เตสุ เอว สงฺขาเรสุ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ปวตฺติวเสน อาการนานตฺตโต อนุปสฺสนานานตฺตํ, เอวํ ภยาการาทิอาการนานตฺตโต ปวตฺติวเสเนเวตฺถ าณสฺส นานตฺตํ. ตตฺถ ภยากาเรน ปวตฺตํ าณํ ภยตุปฏฺานาณํ, อิตราการวเสน ปวตฺตํ อาทีนวาณนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ยสฺมา อาทีนวาณสฺส วิสยภาเวน วุตฺตา ปนฺนรสาปิ อตฺถา อุปฺปาทาทีสุ ปฺจสฺเวว อนฺโตคธา, ตตฺถ จ าณํ อนฺวยพฺยติเรกวเสน ปวตฺตนโต ทสวิธํ โหติ. ตสฺมา อาห ‘‘ทส าเณ ปชานาตี’’ติ. ปชานนฺจ สาติสยํ วิสยคตสมฺโมหวิคเมน อสมฺมูฬฺหํ, อตฺตนิปิ อสมฺมูฬฺหเมวาติ อตฺตานมฺปิ ปชานนฺตํ วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ปฏิวิชฺฌติ สจฺฉิกโรตี’’ติ. ทฺวินฺนนฺติ ทฺวีสุ กุสลสทฺทโยเคน หิ ภุมฺมตฺเถ สามิวจนํ ยถา ‘‘กุสลา นจฺจคีตสฺสา’’ติ (ชา. ๒.๒๒.๙๔). กุสลตาติ กรเณ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘ทฺวินฺนํ กุสลตายา’’ติ. ทฺวินฺนนฺติ วา ทฺวินฺนํ าณานํ วเสนาติ อตฺโถ. ปวตฺติยา ยาถาวโต ทิฏฺตาย ตปฺปฏิปกฺขโต สนฺติปทํ สุวินิจฺฉิตเมว หุตฺวา อุปฏฺาติ. เตนสฺส จิตฺตํ ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานาทิมิจฺฉาคาหวเสน น วิจลติ. ตตฺถ สุปริทิฏฺาทีนวตฺตาติ อาห ‘‘นานาทิฏฺีสุ น กมฺปตี’’ติอาทิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.

อาทีนวานุปสฺสนาาณํ นิฏฺิตํ.

นิพฺพิทานุปสฺสนาาณกถาวณฺณนา

๗๕๔. สงฺขารคเตติ สพฺพสฺมึ เตภูมเก สงฺขาเร. นิพฺพินฺทตีติ าณนิพฺพิเทน นิพฺเพทํ อาปชฺชติ. ตถาภูโต จ ตตฺถ อุกฺกณฺนฺโต, อนภิรมนฺโต จ นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุกฺกณฺติ นาภิรมตี’’ติ.

ตตฺถ อนภิรมณสฺส อุปมํ ทสฺเสตุํ ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อโนตตฺตทหํ ปริกฺขิปิตฺวา ิเตสุ ทฺวิโยชนสตุพฺเพเธสุ ยถากฺกมํ สานุอฺชนรชตสุวณฺณสตฺตรตนมเยสุคนฺธมาทนกาฬเกลาสสุทสฺสนจิตฺตกูฏเภเทสุ ปฺจสุ หิมวโต มหาสิขเรสุ ปจฺฉิโม จิตฺตกูฏปพฺพโต นาม. สีหปปาตาทีสุ สตฺตสุ มหาสเรสุ.

สุวณฺณปฺชเรติ สุวณฺณมเย สีหปฺชเร. ปกฺขิตฺโตติ นิรุทฺโธ. ติวิเธ สุคติภเวติ กามสุคติอาทิเก ติวิเธ สมฺปตฺติภเว.

หตฺถปาทวาลวตฺถิโกเสหิ ภูมิผุสเนหิ สตฺตหิ ปติฏฺิโตติ สตฺตปติฏฺโ. นครมชฺเฌ นาภิรมติ ทฺวารปฺชรนาฬนาทิอวพาธนภเยน. ทิฏฺเติ อธิมุตฺติปุพฺพเกน อนฺวยทสฺสเนน ทิฏฺเ. เตนาห ‘‘ตนฺนินฺนตปฺโปณตปฺปพฺภารมานโส’’ติ.

นิพฺพิทานุปสฺสนาาณํ นิฏฺิตํ.

๗๕๕. ตํ ปเนตนฺติ นิพฺพิทาาณมาห. าณทฺวเยนาติ ภยตุปฏฺานาทีนวานุปสฺสนาาณทฺวเยน. ยสฺมา ภยโต ทิสฺสมานา เอว สงฺขารา มหาทีนวา, นิพฺพินฺทิตพฺพา จ หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา เอกมฺปิ ตํ าณํ ตถาภาวนาพลปฺปตฺติยา อวตฺถาวิเสสยุตฺตํ ติวิธกิจฺจสามตฺถิยวนฺตํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต เอก’’นฺติ. เตนาห ‘‘สพฺพสงฺขาเร’’ติอาทิ.

ตยิทํ ตาสํ อนุปสฺสนานํ มตฺถกปฺปตฺติวเสน วุตฺตํ, อาทิมฺหิ ปน ภินฺนสภาวา เอว ปวตฺตนฺติ. อุปฺปาเทสีติ ปาตฺวากาสิ, วิภาเวสีติ อตฺโถ.

มุฺจิตุกมฺยตาาณกถาวณฺณนา

๗๕๖. น สชฺชติ พหฺวาทีนวตาย ทิฏฺตฺตา. มุฺจิตุกามํ นิสฺสริตุกามํ โหติ อนาทิกาลิกสฺส ขนฺธสฺส ปริฺายมานตฺตา. มุฺจิตุกามตา ตโต อตฺตานํ นิพฺเพเธตุกามตา นิสฺสริตุกามตา อปคนฺตุกามตา. ปฺชรปกฺขิตฺโตติ ปฺชเรน สโมรุทฺโธ. เอวมาทโยติ อาทิ-สทฺเทน อาทิตฺตองฺคารอุปสฏฺเทสพฺยาฬสาปทากุลวนคหนาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.

มุฺจิตุกมฺยตาาณํ นิฏฺิตํ.

ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณกถาวณฺณนา

๗๕๗. ‘‘สพฺพภว …เป… มุฺจิตุกาโม’’ติ วตฺวา ปุน สพฺพสฺมา สงฺขารคตาติ สพฺพคฺคหณํ สาติสยมุตฺติทสฺสนตฺถํ อธิกวจนํ อฺมตฺถํ โพเธตีติ. ยฺหิ สงฺขาเรหิ อนนุพนฺธสฺส มุฺจนํ, ตํ สาติสยํ มุฺจนํ. ตํ ปน วุจฺจมานาย ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย โหตีติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุน เต เอวํ สงฺขาเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขารปริคฺคณฺหนํ ปุพฺเพปิ กตนฺติ ปุนคฺคหณํ. ภวาทิคตสฺส สงฺขารสฺส อปริตุลิตสฺส อภาวโต ‘‘เต’’ติ วุตฺตํ. อนุปสฺสนาการสฺส อปุพฺพสฺสปิ อตฺถิตาย ‘‘เอว’’นฺติ วุตฺตํ. อิทานิ วุจฺจมานากาเรนาติ หิ อตฺโถ. สงฺขารานํ ปริคฺคณฺหนํ นาม ปริปุณฺณลกฺขณวเสเนว โหตีติ ‘‘ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา’’ติ วุตฺตํ.

อนจฺจนฺติกโตติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ปเมน อาทิ-สทฺเทน ‘‘อาทิอนฺตวนฺตโต นิจฺจปฏิกฺเขปโต’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโห.

ทุติเยน ‘‘อุทยพฺพยปฏิปีฬนโต สุขปฏิกฺเขปโต’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโห.

อชฺโตติ อมนุฺโต, อโสภนโต วา. เชคุจฺฉโตติ ‘‘ธี’’ติ ชิคุจฺฉิตพฺพโต. ปฏิกฺกูลโตติ อภิรุจิยา ปฏิโลมเนน ปฏิกฺกูลภาวโต. น มณฺฑเนน หตา อมณฺฑนหตา, อมณฺฑเนน สกฺกา เอเตสํ สุภภาวํ หนฺตุนฺติ อตฺโถ. อมณฺฑเนน วา เตสํ อสุภตา ปากฏา โหตีติ อมณฺฑนหตา. มณฺฑเนน วา น หนฺตพฺพสภาวา ‘‘อสูริยปสฺสา’’ติ วิย อมณฺฑนหตา. ตโต อมณฺฑนหตภาวโตติ รูปสงฺขาเร สนฺธาย วทติ. วิรูปโตติ อสุนฺทรโต. ปฏิฆสํโยชนวตฺถุตาย ปสฺสนฺเต อตฺตนิ พนฺธตีติ พีภจฺฉํ อติวิย วิรูปํ. ยํ ทิฏฺมตฺตเมว โทมนสฺสุปฺปตฺตินิมิตฺตํ โหติ. อชฺชิคุจฺฉนียตา หิ คูถํ วิย ปริจฺจชิตพฺพํ วา พีภจฺฉํ. อิธ อาทิ-สทฺเทน ‘‘อสุจิโต อมนาปโต’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโห.

จตุตฺเถน อาทิ-สทฺเทน ‘‘อปริณายกโต อตฺตปฏิกฺเขปโต’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโห.

๗๕๘. อยนฺติ โยคาวจโร. มุฺจนสฺสาติ ปุน อนนุพนฺธนตฺถํ สุมุตฺตมุฺจนสฺส. อุปายสมฺปาทนตฺถนฺติ อนิจฺจาทิวเสน สุฏฺุ ปริคฺคณฺหนํ ปริมทฺทนา อุปาโย, ตสฺส สาธนตฺถํ.

มจฺฉคหณตฺถํ อุทเก ตตฺถ ตตฺถ ขิปนฺติ เอตนฺติ ขิปฺปํ, มจฺฉานํ คหณกูฏปํ. โอฑฺฑาเปสีติ โอสาเรสิ, ขิปีติ อตฺโถ. สปฺปนฺติ กณฺหสปฺปํ. คหเณติ ยถาคหิตํ สปฺปํ อฉฑฺเฑตฺวา คหเณ. หตฺถํ นิพฺเพเตฺวาติ สปฺเปน อตฺตโน โภเคน เวิตํ หตฺถปเทสํ นิพฺเพเตฺวา โมเจตฺวา. อาวิชฺฌิตฺวา อาเวิกปฺปหาปเนน ภเมตฺวา. นิสฺสชฺชิตฺวาติ ฉฑฺเฑตฺวา.

ตตฺถาติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. ตตฺถ อาทิโตวาติ วิฺุตํ ปตฺตกาเล. ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวาติ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สมูหาทิฆนคฺคหณํ ภินฺทิตฺวา. สุมุตฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. สงฺขารานํ นิจฺจาทิอากาเรน อุปฏฺาตุํ อสมตฺถตา อนิจฺจสฺาทิเภทาย วิปสฺสนาย สาติสยํ พลวภาวปฺปตฺติยา, สา จ สงฺขารานํ อนิจฺจาทิอาการสฺส สุฏฺุตรํ สลฺลกฺขเณนาติ อาห ‘‘ติลกฺขณาโรปเนน…เป… ปาเปตฺวา’’ติ. ยถา หิ นิพฺพุทฺธกรเณ พลวตเรน ปฏิมลฺเลน ตตฺถ ตตฺถ มุฏฺิปฺปหาราทินา วิมถิโต อิตโร เตน ยุชฺฌิตุํ อสมตฺถตํ ปาปิโต โหติ. น เกวลํ อสมตฺถตํ ปาปิโตว โหติ, อถ โข มรณมตฺตํ ทุกฺขํ วา มรณํ วา ปาปุณาติ, เอวเมเตปิ สงฺขารา เอวํ ทุพฺพลภาวํ ปาปิตา อุปริาณานุภาเวน นิพฺพิเสวนตํ, สพฺพโส ภงฺคฺจ ปาปุณนฺตีติ.

๗๕๙. เอตฺตาวตาติ เอวํ ‘‘อนจฺจนฺติกโต’’ติอาทินา ปโรจตฺตาลีสาย อากาเรหิ สงฺขารานํ อนิจฺจาทิภาวสลฺลกฺขณวสปฺปวตฺเตน ปฏิสงฺขาเนน.

อนิจฺจโต มนสิกโรโตติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ภยตุปฏฺานกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๗๕๐) วุตฺตนยเมว.

อยํ ปน วิเสโส – ‘‘ปฏิสงฺขา’’ติ ปทสฺส ‘‘ชานิตฺวา’’ติ อตฺถํ วตฺวา ปฏิสงฺขานุปฺปชฺชนกิริยานํ สมานขณตฺตา อสติปิ ปุพฺพาปรกาลตฺเต สทฺทโวหารมตฺเตน เอวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กาม’’นฺติอาทิมาห. เตน ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฏิจฺจ กุสโล ธมฺโม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยา (ปฏฺา. ๑.๑.๕๓), นิหนฺตฺวา ติมิรํ สพฺพํ, อุคฺคโตยํ ทิวากโร’’ติ จ เอวมาทีสุ วิย สมานกาลวเสนายํ สทฺทปโยโคติ. ตถา มนฺจ ธมฺเม จ ปมํ ปฏิจฺจ ปจฺฉา น มโนวิฺาณสฺส อุปฺปตฺติ, เอวมิธาปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘มนฺจ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอทิโส สทฺทปโยโค เยภุยฺเยน โลเก ปุพฺพกาลวเสเนว ทิสฺสตีติ ปุพฺพกาลวเสเนว อิธาปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกตฺตนเยน วา…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ อาห. ตสฺสตฺโถ – อปราปรํ อุปฺปนฺเนสุ าเณสุ ปุริมสฺส วเสน ปฏิสงฺขานกิริยา, ตทฺสฺส วเสน อุปฺปชฺชนกิริยา จ โยเชตพฺพา, น จ ตานิ เภทโต อเปกฺขิตพฺพานิ เอกสนฺตานปติตตาย เอกตฺตนยวเสน คหิตตฺตาติ. อิตรสฺมึ ปททฺวเยติ ‘‘ปวตฺตํ ปฏิสงฺขา, นิมิตฺตฺจ ปวตฺตฺจ ปฏิสงฺขา’’ติ อิมสฺมึ ปททฺวเย.

ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณํ นิฏฺิตํ.

สงฺขารุเปกฺขาาณกถาวณฺณนา

๗๖๐. สงฺขารานํ อนิจฺจทุกฺขาการาทิปริคฺคณฺหนวเสน ปวตฺตมฺปิ ปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณํ วิเสสโต อนตฺตาการปริคฺคณฺหนปธานนฺติ วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา สุฺาติ ปริคฺคเหตฺวา’’ติอาทิ. ตสฺมิฺหิ สติ สจฺจสมฺปฏิเวโธ อิชฺฌติ, น อสติ. ตทภาวโต หิ อนิจฺจทุกฺขลกฺขณปฺาปกมฺปิ สรภงฺคสตฺถาราทีนํ สาสนํ อนิยฺยานิกเมว ชาตํ. อถ วา เตสํ นิจฺจสาราทีหิ ริตฺตกํ สนฺธาย ‘‘สพฺเพ สงฺขารา สุฺาติ ปริคฺคเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ยฺหิ ยโต ริตฺตกํ, ตํ เตน สุฺนฺติ. สงฺขารานํ อตฺตสุฺตาย ทุวิฺเยฺยภาวโต อเนกวารํ ปฏิวิทฺธายปิ สุฺตานุปสฺสนาย ทฬฺหีภาวาปาทนตฺถํ ‘‘ปุน สุฺมิท’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยทคฺเคน สงฺขารา อนตฺตตา, ตทคฺเคน อนตฺตนิยา. สติ หิ อตฺตนิ อตฺตนิเยน ภวิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘สุฺมิทํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา’’ติ. ทฺวิโกฏิกนฺติ ทฺวิอํสิกํ, อตฺตานํ เนว ทิสฺวา าณจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต, อนุมานโต จ ตสฺส อนุปลพฺภนียโตติ อธิปฺปาโย. ปรํ อฺํ สตฺตํ, สงฺขารํ วา ปริกฺขารภาเว อตฺตโน สุขทุกฺขสาธนภาเว ิตํ น ทิสฺวาติ โยชนา. ปุน ปริคฺคณฺหาตีติ สมฺพนฺโธ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ สุฺตานุปสฺสนาธิกาเร.

กฺวจีติ กตฺถจิ าเน, กาเล, ธมฺเม วา. อถ วา กฺวจีติ อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา วา. อตฺตโน อตฺตานนฺติ สกตฺตานํ. ‘‘อยํ โข ภวํ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา…เป… เสฏฺโ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๒) ปเรหิ ปริกปฺปิตํ อตฺตานฺจ กสฺสจิ กิฺจนภูตํ น ปสฺสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กสฺสจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปรสฺสาติ ‘‘ปรชาติ, ปโร ปุริโส’’ติ จ เอวํ คหิตสฺส. น จ มม กฺวจนีติ เอตฺถ มม-สทฺโท อฏฺาเน ปยุตฺโตติ อาห ‘‘มม-สทฺทํ ตาว เปตฺวา’’ติ. ปรสฺส จาติ อตฺตโต อฺสฺส. ‘‘ปโร ปุริโส’’ติ เอวํภูโต อตฺโถ มมตฺถาย ิโต, ตสฺส วเสน มยฺหํ สพฺพํ สิชฺฌตีติ เอวํ เอกจฺจทิฏฺิคติกปริกปฺปิตวเสน ปรํ อตฺตานํ ตฺจ อตฺตโน กิฺจนภูตํ น ปสฺสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น จ กฺวจนี’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ นาหํ กฺวจนีติ สกอตฺตโน อภาวํ ปสฺสติ. น กสฺสจิ กิฺจนตสฺมินฺติ สกอตฺตโน เอว กสฺสจิ อนตฺตนิยตํ ปสฺสติ. น จ มมาติ เอตํ ทฺวยํ ยถาสงฺขฺยํ สมฺพนฺธิตพฺพํ. อตฺถีติ ปจฺเจกํ. น จ กฺวจนิ ปรสฺส อตฺตา อตฺถีติ ปรสฺส อตฺตโน อภาวํ ปสฺสติ. ตสฺส ปรสฺส อตฺตโน มม กิฺจนตา น จตฺถีติ ปรสฺส อตฺตโน อนตฺตนิยตํ ปสฺสติ. เอวํ อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา จ ขนฺธานํ อตฺตตฺตนิยสุฺตา สุทฺธสงฺขารปุฺชตา จตุโกฏิกสุฺตาปริคฺคณฺหเนน ทิฏฺา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวมย’’นฺติอาทิ.

๗๖๑. ‘‘ฉหากาเรหี’’ติอาทินา นิทฺเทสาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ อาคเต ปกาเร สุฺตานุปสฺสนาย ปริพฺรูหนํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ. ตตฺถ ฉหากาเรหีติ ฉหิ คหณากาเรหิ, คเหตพฺพากาเรหิ วา. นิจฺเจนาติ ‘‘นิจฺโจ’’ติ ปริกปฺปิเตน อตฺตนา วา อฺเน วา เกนจิ. นิจฺเจนาติ วา นิจฺจภาเวน. ธุวาทโย ‘‘นิจฺโจ’’ติ คหิตสฺเสว คเหตพฺพาการา. ตพฺพิภาเคน หิ อิมสฺส ฉกฺกตา. ตตฺถ นิจฺจตา นาม กูฏฏฺตา. ธุวภาโว ถิรตา. สทา ภาวิตา สสฺสตตา. นิพฺพิการตา อวิปริณามธมฺมตา. ยาว ชรามรณาติ เปยฺยาลํ อกตฺวา ปริโยสานปทเมว ทสฺเสติ.

๗๖๒. น สารนฺติ อสารํ, นตฺถิ เอตสฺส สารนฺติ นิสฺสารํ. สารโต อปคตํ, สารํ วา ตโต อปคตนฺติ สาราปคตํ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘นิจฺจสารสาเรน วา สุขสารสาเรน วา อตฺตสารสาเรน วา’’ติ ปาฬีติ อธิปฺปาเยน ‘‘อสารํ นิสฺสารํ สาราปคต’’นฺติ ปทตฺตยํ เอโก สุฺตาปริคฺคหากาโร, อฺถา สตฺเตว อาการา สิยุํ, น อฏฺาติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘สุภสารสาเรนาติปิ ปาฬิยํ อตฺถีติ ‘อสารํ นิสฺสารํ สาราปคต’นฺติ อิทํ ปทตฺตยํ ‘นิจฺจสารสาเรนา’ติอาทีสุ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพ’’นฺติ วทนฺติ. เสตวจฺโฉติ เสตวรุณโก. ‘‘มินรุกฺโข’’ติปิ วทนฺติ. ปาฬิภทฺทโกติ กึสุโก.

๗๖๓. นิจฺจสาราทีนํ อภาวโต ริตฺตโต ปสฺสติ. ปริตฺตโต, ลามกตฺตา วา ตุจฺฉโต. อตฺตสาราภาเวน สุฺโต. สยํ อนตฺตตาย อนตฺตโต. อิสฺสริยสฺส อภาวโต, เกนจิ อิสฺสริยํ กาเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย จ อนิสฺสริยโต. เผณปิณฺเฑน ภาชนาทึ กาตุกามสฺส วิย รูปสฺส นิจฺจตาทึ กาตุกามสฺส ตํ น สิชฺฌติ, สกอิจฺฉาวเสน วา กาจิ กิริยา นตฺถีติ อกามการิยโต. ‘‘เอวํ รูปํ โหตุ, มา เอว’’นฺติ อลพฺภนียโต. สยํ อฺสฺส วเส น วตฺตติ, นาปิ อฺํ อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ อวสวตฺตกโต. ยสฺมึ สนฺตาเน สยํ ตสฺส ปโร วิย อวิเธยฺยตาย ปรโต. การกาทิ วิย การเณหิ, ผเลน จ วิวิตฺตโต. น หิ การเณน ผลํ, ผเลน วา การณํ สคพฺภํ ติฏฺติ. เอส นโย เวทนาทีสุปิ.

๗๖๔. รูปํ น สตฺโตติอาทีสุ โย โลกโวหาเรน สตฺโต, รูปํ โส น โหตีติ อยมตฺโถ อิธ นาธิปฺเปโต ตสฺสาวุตฺตสิทฺธตฺตา. น หิ โลโก รูปมตฺตํ ‘‘สตฺโต’’ติ โวหรติ, พาหิรกปริกปฺปิโต ปน อตฺตา ‘‘สตฺโต’’ติ อธิปฺเปโต. โส หิ เตหิ รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย ปเรสํ สฺชาปนฏฺเน ‘‘สตฺโต’’ติ วุจฺจติ, รูปํ โส น โหตีติ อตฺโถ. สุฺตาปริคฺคณฺหนฺเหตนฺติ. เอส นโย น ชีโวติอาทีสุปิ. ตตฺถ ชีวนฏฺเน ชีโว. นรนฏฺเน เนตุภาเวน นโร. ‘‘อหมสฺมี’’ติ มานุปฺปตฺติฏฺานตาย มาโน เอตฺถ วาติ ปวตฺตตีติ มานโว. ถิยติ เอตฺถ คพฺโภติ อิตฺถี. ปธานภาเวน ปุริ เสตีติ ปุริโส. อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา. ปจฺจตฺตํ ตสฺส ตสฺส อหํการวตฺถุตาย ‘‘อห’’นฺติ จ ทิฏฺิคติเกหิ อตฺตา วุจฺจติ, รูปํ ปน ตาทิสํ น โหตีติ สุฺตาปริคฺคณฺหนวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปํ น สตฺโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺมา อฏฺหิปิ ปเทหิ รูปสฺส อตฺตสุฺตาว ทสฺสิตา. อิตเรหิ จตูหิ ตสฺส กิฺจนตาภาโว. ตตฺถ น มมาติ มยฺหํ อตฺตโน สนฺตกํ น โหติ, ตถา อฺสฺส อตฺตโน สนฺตกํ น โหติ, กสฺสจิปิ อตฺตโน สนฺตกํ น โหติ อตฺตโนเยว อภาวโต. ‘‘น อตฺตนิย’’นฺติ ปเทน ปกาสิโต เอวตฺโถ ปริยายนฺตเรหิ ตีหิปิ ปเทหิ ปกาสิโต. เอส นโย เวทนาทีสุปิ.

๗๖๕. เหฏฺา กลาปสมฺมสนสฺส ทฬฺหภาวาย วุตฺตสมฺมสนนยาปิ สุฺตานุปสฺสนาย ทฬฺหภาวาย สํวตฺตนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีรณปริฺาวเสนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภยสฺส อหึสเนน อสรณโต. ‘‘สรณ’’นฺติ คเหตุํ อยุตฺตตาย อสรณีภูตโต. ‘‘อนสฺสาทโต’’ติ อิทํ ปาฬิยํ นตฺถิ. สติ จ เตจตฺตาลีส อาการา สิยุํ. รูปปฺปวตฺติยํ สพฺพาทีนวูปลทฺธิยา อาทีนวโต. ‘‘สมุทยโต อตฺถงฺคมโต’’ติ อิทํ ทฺวยํ ยถา อนิจฺจโต ทสฺสนํ ปนาฬิกาย, นิจฺจสารวิรหทีปเนน วา สุฺตาวิภาวนํ โหติ, เอวํ สุฺตาวิภาวนนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. ตถา ‘‘ยํ โข รูปํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ รูปสฺส อสฺสาโท’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๖) ทสฺสนํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตาวิภาวเนน สุฺตาวิภาวนํ. ‘‘ยํ รูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, อยํ รูปสฺส อาทีนโว’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๖) จ ทสฺสนํ นิจฺจตาทิสุฺตาภาวนโต. ตถา ‘‘โย รูเป ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ, อิทํ รูปสฺส นิสฺสรณ’’นฺติ เอวํ สมุทยาทิทสฺสนานํ, อิตเรสฺจ ยถารหํ สุฺตานุปสฺสนานุพฺรูหนตา ทฏฺพฺพา. ยํ ปน อาทีนวโต ทสฺสนํ, ปุพฺเพ วตฺวาปิ ปุน วจนํ อสฺสาทปฏิกฺเขปโต ทสฺสนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. เวทนาทีสุปิ ทฺวาจตฺตาลีส อาการา เนตพฺพาติ อาห ‘‘เวทนํ…เป… วิฺาณํ อนิจฺจโต…เป… นิสฺสรณโต ปสฺสตี’’ติ.

วุตฺตมฺปิ จ นิทฺเทเส เอตํ สุฺตาปริคฺคณฺหนกถาสนฺทสฺสนํ ‘‘อสุกาย ปาฬิยา อยํ นิทฺเทโส’’ติ ทสฺสนตฺถํ, ตสฺส ผลสนฺทสฺสนตฺถฺจ.

๗๖๖. เอวํ ตีรณปริฺาวเสน ปจฺเจกํ ขนฺเธสุ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ สุฺตํ ปริคฺคเหตฺวาปิ ติวิธานุปสฺสนาวเสเนว ภาวนํ อนุยุฺชนฺตสฺส สงฺขารุเปกฺขาาณุปฺปตฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ สุฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปริคฺคณฺหนฺโตติ สมฺมสนฺโต. ภยฺจ นนฺทิฺจ วิปฺปหายาติ อชฺฌุเปกฺขกตาย สงฺขารานํ วิปตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกภยฺเจว เตสํ สมฺปตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกปีติฺจ ปชหิตฺวา. อถ วา ภยตุปฏฺานวเสน อุปฺปชฺชนกาณภยฺจ สมฺมสนวเสน อุปฺปชฺชนกปีติสงฺขาตํ นนฺทิฺจ ปหาย. น หิ สพฺพโส สุฺตาย ทิฏฺาย ภยนนฺทีนํ อวสโร อตฺถิ, อถ โข อุเปกฺขาว สณฺาติ. เตนาห ‘‘สงฺขาเรสุ อุทาสีโน โหตี’’ติ. ตตฺถ เยน มิจฺฉาคาเหน อนุทาสีนตา สิยา, ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อหนฺติ วา มมนฺติ วา น คณฺหาตี’’ติ อาห. อิทานิสฺส อุทาสีนตาย อุปมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิสฺสฏฺภริโย วิย ปุริโส’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ อนุทาสีนตาปุพฺพิกา อุทาสีนตา วุจฺจมานา อิธ โอปมฺมตฺถํ ผรตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิฏฺา กนฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อติวิย นํ มมาเยยฺย อิตฺถีนํ สาเยฺยกูเฏยฺยวงฺเกยฺยาทีนํ อชานนโต. มุฺจิตุกาโม หุตฺวาติ มุฺจิตุกาโมว หุตฺวา, ตํ วิสฺสชฺเชยฺย นิรเปกฺขตาย วเสเนวาติ อธิปฺปาโย. อยํ โยคาวจโร. มุฺจิตุกามตาย อุทฺธํ ยาว สงฺขารุเปกฺขาาณํ น อุปฺปชฺชติ, ตาว ปวตฺตา วิปสฺสนา ปฏิสงฺขานุปสฺสนา เอวาติ อาห ‘‘ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย สงฺขาเร ปริคฺคณฺหนฺโต’’ติ.

ปติลียตีติ เอกปสฺเสน นิลียติ นิลีนํ วิย โหติ. ปติกุฏตีติ สงฺกุจติ. ปฏิวฏฺฏตีติ วิวฏฺฏติ. น สมฺปสาริยตีติ น วิสรติ, อภิรติวเสน น ปกฺขนฺทตีติ อตฺโถ.

อิจฺจสฺสาติ อิติ เอวํ อสฺส โยคิโน.

๗๖๗. ติกฺขวิสทสูรภาเวน สงฺขาเรสุ อชฺฌุเปกฺขเน สิชฺฌมาเน ตํ ปเนตํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ อเนกวารํ ปวตฺตมานํ ปริปากคมเนน อนุโลมาณสฺส ปจฺจยภาวํ คจฺฉนฺตํ นิพฺพานํ สนฺตโต ปสฺสติ นาม. ตถาภูตฺจ สพฺพํ สงฺขารปฺปวตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา นิพฺพานเมว ปกฺขนฺทติ นาม. ตยิทํ อิธ าณํ อนุโลมโคตฺรภุาเณหิ สทฺธึ เอกตฺตํ เนตฺวา วุตฺตํ เอกตฺตนยวเสน. โน เจ นิพฺพานํ สนฺตโต ปสฺสตีติ ตาว สงฺขารุเปกฺขาาณสฺส อปริปกฺกตเมวาห. สมุทฺทํ ตรนฺตีติ สามุทฺทิกา, สํยตฺติกา. ทิสาชานนโก กาโก ทิสากาโก, ลกฺขณมตฺตฺเจตํ โย โกจิ ตาทิโส สกุนฺโต เวทิตพฺโพ. วิเทสนฺติ อเทสํ สมุทฺเท อปริจิตฏฺานํ. อนุคนฺตฺวาติ อนุ อนุ คนฺตฺวา.

ตยิทํ วิปสฺสนาาณํ. ปิฏฺํ วฏฺฏยมานํ วิยาติ ถูลถูลโต วิเวจนวเสน นิปฺโผฏิยมานํ สณฺหํ สณฺหํ ปิฏฺจุณฺณํ วิย. นิพฺพฏฺฏิตกปฺปาสนฺติ นิพฺพฏฺฏิตพีชํ กปฺปาสํ. วิหนมานํ วิยาติ ธนุเกน วิหฺมานํ วิย. อุปมาทฺวเยนปิ ปุนปฺปุนํ สมฺมสเนน วิปสฺสนาาณสฺส สุขุมตรภาวาปตฺติมาห. ยถา ยถา หิ วิปสฺสนาภาวนาพเลน ติกฺขา, วิสทา, สูรา จ โหติ, ตถา ตถา สุขุมตราปิ โหตีติ. สงฺขารวิจินเนติ ปวิจยสฺส สิขาปฺปตฺตตาย สงฺขาเรสุ วิย เตสํ วิจินเนปิ อุทาสีนํ หุตฺวา ติวิธานุปสฺสนาวเสน ติฏฺติ ปการนฺตรสฺส อภาวโต. ‘‘สตฺตธา อฏฺารสธา’’ติอาทินา วิภตฺตาปิ หิ อนุปสฺสนาปการา อนิจฺจานุปสฺสนาทีสฺเวว ตีสุ อนฺโตคธาติ มตฺถกปฺปตฺตา วิปสฺสนา ตาสํ เอว วเสน ติฏฺติ.

๗๖๘. ตตฺราติ ตสฺมึ วิโมกฺขมุขภาวาปชฺชเน, อริยปุคฺคลวิภาคปจฺจยตฺเถ จ. อิทํ วิปสฺสนาาณํ. ติณฺณํ อินฺทฺริยานนฺติ สทฺธินฺทฺริยสมาธินฺทฺริยปฺินฺทฺริยานํ. อาธิปเตยฺยวเสนาติ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อธิปติภาววเสน. อนิจฺจานุปสฺสนาพหุลสฺส หิ สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, ทุกฺขานุปสฺสนาพหุลสฺส สมาธินฺทฺริยํ, อนตฺตานุปสฺสนาพหุลสฺส ปฺินฺทฺริยนฺติ ติสฺสนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน พลวตรภาวํ ปตฺตานิ อิมานิ ตีณิ อินฺทฺริยานิ วิโมกฺขมุขภาวํ อาปาเทนฺตีติ อาห ‘‘ติวิธานุปสฺสนา…เป… อาปชฺชติ นามา’’ติ. ติวิธวิโมกฺขมุขภาวนฺติ เอตฺถ เก ปน ตโย วิโมกฺขา, กานิ วา ตีณิ วิโมกฺขมุขานีติ อนฺโตลีเน อนุโยเค วิโมกฺขมุขาธีนตฺตา วิโมกฺขาธิคมสฺส วิโมกฺขมุขานิ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘ติสฺโส หิ…เป… วุจฺจนฺตี’’ติ วตฺวา อยฺจ อตฺโถ ปาฬิโต เอว วิฺายตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถาหา’’ติอาทิมาห.

โลกนิยฺยานายาติ โลกโต นิกฺขมนาย, สตฺตโลกสฺส วา วฏฺฏทุกฺขโต นิกฺขมนาย. ปริจฺเฉทปริวฏุมโตติ อุทยพฺพยวเสน ปริจฺเฉทโต เจว ปริวฏุมโต จ. สมนุปสฺสนตายาติ สมฺมเทว อนุ อนุ ปสฺสนาย สํวตฺตนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อนิจฺจานุปสฺสนา หิ สงฺขาเร อาทิโต อุทเยน, อนฺตโต วเยน ปริจฺฉินฺเน ปสฺสติ. อาทิอนฺตวนฺตตาย หิ เต อนิจฺจาติ. อนิมิตฺตาย จ ธาตุยาติ สพฺพสงฺขารนิมิตฺตวิรหโต ‘‘อนิมิตฺตา’’ติ ลทฺธนามาย อสงฺขตาย ธาตุยา. จิตฺตสมฺปกฺขนฺทนตายาติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อนุโลมาณาทิภาเวน สมฺมเทว อธิจิตฺตสฺส อนุปวิสนตฺถาย. อปฺปณิหิตายาติ ราคปณิธิอาทีนํ อภาเวน ‘‘อปฺปณิหิตา’’ติ ลทฺธนามาย. สุฺตายาติ อตฺตสุฺตาย ‘‘สุฺตา’’ติ ลทฺธนามาย.

คตินฺติ นิพฺพตฺตึ. สงฺขารานํ สภาววิภาวเนน สํเวชิยมานํ จิตฺตํ สมฺมาปฏิปตฺติยํ สมุตฺเตชิตํ นาม โหตีติ อาห ‘‘มโนสมุตฺเตชนตายาติ จิตฺตสํเวชนตายา’’ติ. มมํกาเรน อตฺตนิยสฺิตสฺส วตฺถุโน สามิภูโต อตฺตา ปมํ ปรามสียติ, ตโต อตฺตนิยนฺติ อาห ‘‘นาหํ, น มมาติ เอวํ อนตฺตโต สมนุปสฺสนตายา’’ติ. ตีณิ ปทานีติ ปริจฺเฉทปริวฏุม, มโนสมุตฺเตชน, สมนุปสฺสนปทานีติ วทนฺติ, ‘‘สพฺพสงฺขาเร’’ติอาทีนิ ปน ตีณิ วากฺยานิ ตีณิ ปทานีติ เวทิตพฺพานิ. เตเนวาติ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ วเสน เตสํ ติณฺณํ ปทานํ วุตฺตตฺตา เอว. ปฺหวิสฺสชฺชเนติ ‘‘อนิจฺจโต มนสิ กโรโต กถํ สงฺขารา อุปฏฺหนฺตี’’ติ ปฺหสฺส วิสฺสชฺชเน.

๗๖๙. เอวํ วิโมกฺขมุขานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิโมกฺเข ทสฺเสตุํ ‘‘กตเม ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนิจฺจโต มนสิ กโรนฺโตติ อนิจฺจานุปสฺสนํ อนุยุฺชนฺโต. อธิโมกฺขพหุโลติ สทฺธินฺทฺริยพหุโล. ยสฺส วิเสสโต อนิจฺจานุปสฺสนา ติกฺขา สูรา โหติ, ตสฺส สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ. ‘‘อนิจฺจา สงฺขารา’’ติ หิ อาทิโต สทฺธามตฺตเกน ปฏิปชฺชิตฺวา วิปสฺสนาย อุกฺกํสคตาย ตรุปลฺลวาทีสุ วิย มณิกนกาทีสุปิ เตสํ อนิจฺจตํ สาติสยํ ปจฺจกฺขโต ปสฺสโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา’’ติ สตฺถริ สทฺธา พลวตี ปวตฺตตีติ โส อธิโมกฺขพหุโล, อธิมตฺตสทฺโธ จ โหติ. ตสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาพหุลตาย อนิจฺจาการโต วุฏฺานํ โหตีติ โส ‘‘อนิมิตฺตํ วิโมกฺขํ ปฏิลภตี’’ติ วุตฺตํ. ปสฺสทฺธิพหุโลติ ทุกฺขานุปสฺสนํ อนุยุฺชนฺโต ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา, ตปฺปฏิปกฺขโต สุโข นิโรโธ’’ติ จ มนสิการวเสน นิพฺพานสฺส สนฺตปณีตสุขภาวํ อธิมุจฺจนฺโต อภิณฺหํ ปีติปาโมชฺชสมาโยคโต ปสฺสทฺธิพหุโล โหติ. ตโต จ อธิมตฺตสมาธินฺทฺริยปฏิลาเภน ราคปณิธิยา ทูรีภาวโต อปฺปณิหิตวิโมกฺขสมธิคโม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขโต…เป… ปฏิลภตี’’ติ. เวทพหุโลติ อนตฺตานุปสฺสนํ อนุยุฺชนฺโต อตฺตสุฺตาย นิปุณาณวิสยตฺตา าณพหุโล โหติ. ตโต จ อธิมตฺตปฺินฺทฺริยปฏิลาเภน โมหสฺส ทูรีภาวโต สุฺตวิโมกฺขสมธิคโม โหตีติ อาห ‘‘อนตฺตโต…เป… ปฏิลภตี’’ติ.

โย อนิจฺจานุปสฺสนาย นิมิตฺตวเสน สงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา วิปสฺสนํ อนุยุฺชนฺโต ยตฺถ อิทํ สงฺขารนิมิตฺตํ สพฺพโส นตฺถิ, ตํ ‘‘อนิมิตฺตํ นิพฺพาน’’นฺติ อนิมิตฺตากาเรน อธิมุจฺจนฺโต วุฏฺานคามินิมคฺเคน ฆเฏติ. ตสฺส มคฺโค อนิมิตฺตโต นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตีติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อนิมิตฺตากาเรน นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺโต อริยมคฺโค’’ติ. สฺวายํ นิพฺพานสฺส อนิมิตฺตากาโร เนว มคฺเคน กโต, น วิปสฺสนาย, อถ โข สภาวสิทฺโธ. ตทารมฺมณตาย จ มคฺโค อนิมิตฺโตติ วุจฺจตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อนิมิตฺตาย ธาตุยา อุปฺปนฺนตฺตา อนิมิตฺโต’’ติ. โย ทุกฺขานุปสฺสนาวเสน ปณิธิยา ทูรีภาวกรเณน อปฺปณิหิตํ อธิมุจฺจนฺโต, โย อนตฺตานุปสฺสนาวเสน อตฺตูปลทฺธิยา ทูรีภาวกรเณน สุฺตํ อธิมุจฺจนฺโตติ จ อาทินา โยเชตพฺพํ. เตนาห ‘‘เอเตเนว นเยนา’’ติอาทิ.

๗๗๐. ยทิ อริยมคฺโค ติวิธมฺปิ วิโมกฺขนามํ ลภติ, อถ กสฺมา อภิธมฺเม วิโมกฺขทฺวยเมว อาคตนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ นฺติ อภิธมฺเม วิโมกฺขทฺวยวจนํ. นิปฺปริยายโต วิปสฺสนาคมนํ สนฺธายาติ อุชุกเมว วิปสฺสนโต มคฺคสฺส นามาคมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. กสฺมา? อนิมิตฺตวิปสฺสนา อาคมนียฏฺาเน ตฺวา อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ ทาตุํ น สกฺโกติ. กามํ สุตฺเต ‘‘อนิมิตฺตฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชหา’’ติ (สุ. นิ. ๓๔๔) อนิมิตฺตวิปสฺสนา กถิตา, สา ปน นิจฺจนิมิตฺตธุวนิมิตฺตอตฺตนิมิตฺตานิ อุคฺฆาเฏนฺตีปิ สยํ นิมิตฺตธมฺเมสุ เอว จรตีติ สนิมิตฺตาว โหตีติ. อปิจ อภิธมฺโม นาม ปรมตฺถเทสนา, อนิมิตฺตมคฺคสฺส จ ปรมตฺถโต เหตุเวกลฺลเมว. อนิจฺจานุปสฺสนาวเสน หิ อนิมิตฺตวิโมกฺโข กถิโต. ตตฺถ จ สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, ตํ อริยมคฺเค เอกงฺคมฺปิ น โหติ, อมคฺคงฺคตฺตา อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ ทาตุํ น สกฺโกติ. อิตเรสุ ทุกฺขานุปสฺสนาย วเสน อปฺปณิหิตวิโมกฺโข, อนตฺตานุปสฺสนาย วเสน สุฺตวิโมกฺโข.

เตสุ อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน สมาธินฺทฺริยํ, สุฺตวิโมกฺเขน ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหตีติ ตานิ อริยมคฺคสฺส องฺคตฺตา อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ ทาตุํ สกฺโกนฺติ, น อนิมิตฺตมคฺโค ตทภาวโตติ เกจิ. เย ปน วทนฺติ ‘‘อนิมิตฺตมคฺโค อาคมนโต นามํ อลภนฺโตปิ สคุณโต จ อารมฺมณโต จ นามํ ลภตี’’ติ, เตสํ มเตน อปฺปณิหิตสุฺตมคฺคาปิ สคุณโต เอว, อารมฺมณโต เอว จ นามํ ลเภยฺยุนฺติ? ตํ อยุตฺตํ. กสฺมา? มคฺโค หิ ทฺวีหิ การเณหิ นามํ ลภติ สรสโต จ ปจฺจนีกโต จาติ, สภาวโต จ ปฏิปกฺขโต จาติ อตฺโถ. อปฺปณิหิตมคฺโค หิ ราคปณิธิอาทีหิ วิมุตฺโต, สุฺตมคฺโค ราคาทีหิ สุฺโ เอวาติ เต สรสโต นามํ ลภนฺติ. ตถา อปฺปณิหิตมคฺโค ปณิธิสฺส ปฏิปกฺโข, สุฺตมคฺโค อตฺตาภินิเวสสฺส เอวาติ เต ปจฺจนีกโต นามํ ลภนฺติ, อนิมิตฺตมคฺโค ปน ราคาทินิมิตฺตานํ, นิจฺจนิมิตฺตาทีนํ วา อภาเวน สรสโต เอว นามํ ลภติ, โน ปจฺจนีกโต. น หิ โส สงฺขารนิมิตฺตารมฺมณาย อนิจฺจานุปสฺสนาย ปฏิปกฺโข, สา ปนสฺส อนุโลมภาเว ิตาติ สพฺพถาปิ อภิธมฺมปริยาเยน อนิมิตฺตมคฺโค น ลพฺภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตํ นิปฺปริยายโต วิปสฺสนาคมนํ สนฺธายา’’ติ.

ยสฺมา สุตฺตนฺตปริยาเยน อนิมิตฺตมคฺโค ลพฺภติ. วุฏฺานคามินี หิ วิปสฺสนา ยํ ยํ สมฺมสนฺตี วุฏฺานํ คจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส วเสน อาคมนียฏฺาเน ตฺวา อตฺตโน มคฺคสฺส นามํ เทติ, ตตฺถ อนิจฺจโต วุฏฺหนฺตสฺส มคฺโค อนิมิตฺโต โหติ, ทุกฺขโต วุฏฺหนฺตสฺส อปฺปณิหิโต, อนตฺตโต วุฏฺหนฺตสฺส สุฺโต, ตสฺมา สุตฺตนฺตสํวณฺณนา เอสาติ กตฺวา อิธ ตโยปิ วิโมกฺขา อุทฺธฏา. ยํ ปน ปฏิสมฺภิทามคฺเค อภินิเวสนิมิตฺตปณิธิมุฺจนํ อุปาทาย ติสฺสนฺนมฺปิ อนุปสฺสนานํ ตทาคมนวเสน ตทนฺวยสฺส มคฺคสฺส จ สุฺตวิโมกฺขาทิภาโว นิทฺทิฏฺโ, ตสฺส ปริยายภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปสฺสนาาณํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิปสฺสนาาณํ ปฏิสมฺภิทามคฺเค ‘‘อปฺปณิหิโต, วิโมกฺโข’’ติ จ กิฺจาปิ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ.

อนิจฺจานุปสฺสนาาณนฺติ ‘‘อนิจฺจา สงฺขารา’’ติ อนุปสฺสนาวเสน ปวตฺตาณํ. นิจฺจโต อภินิเวสํ มุฺจตีติ ‘‘เต นิจฺจา’’ติ นิจฺจาการโต ปวตฺตมิจฺฉาภินิเวสวิทฺธํสนวเสน, ตทนฺวยํ ปน มคฺคาณํ สมุจฺเฉทวเสน มุฺจติ. อิตีติ ตสฺมา. อนิจฺจาภินิเวสโต ริตฺตตาย, วิมุตฺตตาย จ สุฺโต วิโมกฺโข. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.

นฺติ ติวิธํ วิปสฺสนาาณํ. ตตฺถ ยสฺส ปริยายโต, ยสฺส จ นิปฺปริยายโต นามลาโภ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺขารนิมิตฺตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น นิปฺปริยาเยน, อถ โข ปริยาเยนาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ นิปฺปริยายกถาภาวโต. วิโมกฺขทฺวยเมว วุตฺตํ อภิธมฺเมติ อธิปฺปาโย. เอตฺถาติ เอตสฺมึ วิปสฺสนาธิกาเร. ‘‘ติวิธวิโมกฺขมุขภาวํ อาปชฺชิตฺวา’’ติ เอตสฺมึ วา อุทฺเทสวจเน.

๗๗๑. เตสํ วิภาคายาติ เตสํ ยถาวุตฺตานํ สตฺตนฺนํ อริยปุคฺคลานํ สทฺธานุสาริอาทิภาเวน วิภตฺตสภาวตาย.

๗๗๒. สทฺธินฺทฺริยํ ปฏิลภตีติ สทฺธานุสาริภาวิตาการณภูตํ อธิมตฺตํ สทฺธินฺทฺริยํ ปฏิลภติ. อธิโมกฺขพหุลตาย, สทฺธินฺทฺริยาธิมตฺตตาย จ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อปิจ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ – อนิจฺจาการสลฺลกฺขณสฺส สทฺธาภิพุทฺธิยา อุปนิสฺสยภาวโต ตทนฺวเย มคฺเค สทฺธา ติกฺขตรา โหติ, เตน อฏฺมโก สทฺธานุสารี นาม โหติ. เสเสสุ สตฺตสุ าเนสูติ ปมผลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคผลา สตฺตสุ าเนสุ. ‘‘สตฺตสุ าเนสู’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เสเสสุ ฉสุ าเนสุ สทฺธาวิมุตฺโต, อคฺคผเล ปน สจายํ อรูปชฺฌานลาภี, อุภโตภาควิมุตฺโต โหติ, โน เจ อรูปชฺฌานลาภี, ปฺาวิมุตฺโต, น สทฺธาวิมุตฺโต. อภิธมฺเม หิ –

‘‘กตโม จ ปุคฺคโล สทฺธาวิมุตฺโต? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตถาคตปฺปเวทิตา จสฺส ธมฺมา ปฺาย ทิฏฺา โหนฺติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา เอกจฺเจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, โน จ โข ยถาทิฏฺิปฺปตฺตสฺส. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สทฺธาวิมุตฺโต’’ติ (ปุ. ป. ๒๐๘) –

เอกจฺจาสวปริกฺขยวจนโต สทฺธาวิมุตฺตสฺส เสกฺขภาโว วิฺายติ, น อเสกฺขภาโว. อฏฺกถายฺจ ‘‘ทฺเว ธุรานิ, ทฺเว อภินิเวสา, ทฺเว สีสานี’’ติ วจนโต นตฺถิ อรหโต สทฺธาวิมุตฺตตาติ? สจฺจเมตํ นิปฺปริยายโต. นิปฺปริยายกถา หิ อภิธมฺโม, อิธ ปน ปริยาเยน เอวํ วุตฺตํ. ยทิ ปริยายโต อรหโต สทฺธาวิมุตฺตตา, โก ปน โส ปริยาโย? สทฺธาวิมุตฺตนฺวยตา. โย หิ อคฺคมคฺคกฺขเณ สทฺธาวิมุตฺโต โหติ, โส อคฺคผลกฺขเณปิ ตทนฺวยตาย สทฺธาวิมุตฺโตติ ปฏิสมฺภิทามคฺเค ปริยาเยน วุตฺโตติ อิธาปิ ตเถว วุตฺตํ. อถ วา สทฺธาวิมุตฺตสทิสตาย อรหา สทฺธาวิมุตฺโต. กา ปเนตฺถ สทิสตา? ยถา สทฺธาวิมุตฺตสฺส เสกฺขสฺส กิเลสกฺขโย กุณฺเน อสินา กทลิจฺเฉทสทิโส ‘‘โน จ โข ยถาทิฏฺิปฺปตฺตสฺสา’’ติ วจนโต, เอวํ ตทนฺวยสฺสาปิ อรหโตติ อยเมตฺถ สทิสตา. กึ ปน เนสํ กิเลสปหาเน นานตฺตํ อตฺถีติ? นตฺถิ. อถ กสฺมา สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ? อาคมนียนานตฺเตน. ทิฏฺิปฺปตฺโต หิ อาคมนมฺหิ กิเลเส วิกฺขมฺเภนฺโต อปฺปกสิเรน อกิลมนฺโต วิกฺขมฺเภตุํ สกฺโกติ, สทฺธาวิมุตฺโต กิจฺเฉน กสิเรน วิกฺขมฺเภตุํ สกฺโกติ. อปิจ ปฺายปิ เนสํ เวมตฺตตา. สา จ ยาวติกา ลพฺภเตวาติ วทนฺติ. เอวฺจ กตฺวา ปมมคฺคาทีสุ สติปิ อินฺทฺริยสมตฺเต สทฺธาทีนํ ติกฺขตาวจนมฺปิ สมตฺถิตํ โหติ.

๗๗๓. โสติ ทุกฺขโต วุฏฺิโต. สพฺพตฺถาติ อฏฺสุปิ าเนสุ. นนุ จ อฏฺกถายํ ‘‘ทฺเว ธุรานี’’ติ นิยมิตตฺตา ปมมคฺคกฺขเณ สทฺธานุสารี วา สิยา, ธมฺมานุสารี วา? อิธ น สทฺธานุสารี ยุตฺโต, กายสกฺขิตาปิ อรหโต นตฺถิ. อภิธมฺเม หิ –

‘‘กตโม จ ปุคฺคโล กายสกฺขี? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา เอกจฺเจ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล กายสกฺขี’’ติ (ปุ. ป. ๒๐๘) –

เอกจฺจาสวปริกฺขยวจนโต กายสกฺขิโน เสกฺขภาโวว วิฺายตีติ? สจฺจเมตํ นิปฺปริยายโต, อิธ ปน ปริยาเยน วุตฺตํ. โก ปน โส ปริยาโยติ? กายสกฺขิสทิสตา. อุปจารรูปชฺฌานสมาธิโต หิ สาติสยํ อรูปสมาธิสมฺผสฺสํ ลทฺธา นิพฺพตฺตีติ เอกจฺจาสวปริกฺขยํ อุปาทาย ‘‘กายสกฺขี’’ติ วตฺตพฺพปุคฺคเลน สาติสยสมาธิสมฺผสฺสตทธิฏฺานาสวปริกฺขยสามฺํ อเปกฺขิตฺวา กายสกฺขี วิย กายสกฺขีติ อรหา ปฏิสมฺภิทามคฺเค วุตฺโตติ อิธาปิ ตเมว นยํ คเหตฺวา อรหโตปิ กายสกฺขิตา วุตฺตา. สุตฺตนฺตสํวณฺณนา เหสาติ. นิปฺปริยาเยน ปน ปมผลโต ปฏฺาย ฉสุ าเนสุ กายสกฺขี นาม โหติ, โส จ โข อฏฺสมาปตฺติลาภี, น วิปสฺสนายานิโก สุกฺขวิปสฺสโก, อุปจารมตฺตลาภี, รูปชฺฌานมตฺตลาภี วา. ปสฺสทฺธิพหุโลติ จ ปสฺสทฺธิสีเสน สมาธิ วุตฺโตติ สาติสยสมาธิลาภี สมถยานิโกว อธิปฺเปโต, สมถยานิกสฺเสว จ กายสกฺขิภาโว เหฏฺา วุตฺโต. อรูปชฺฌานนฺติ จตุพฺพิธํ อรูปชฺฌานํ. ตตฺถ ปน เอกมฺปิ ลทฺธา อรหตฺตํ ปตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต เอว โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อรูปชฺฌาน’’มิจฺเจว วุตฺตํ, น ‘‘จตฺตาริ อรูปชฺฌานานี’’ติ. เตนายํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ, นิโรธสมาปตฺติยา จ วเสน ปฺจวิโธ โหติ. เอส นโย กายสกฺขิมฺหิปิ. ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโตติ อุภโตภาควิมุตฺโต.

๗๗๔. ปฺวโต นิปุณตรา, คมฺภีรา จ อตฺถา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺตีติ อนตฺตโต มนสิ กโรโต เวทพหุลตา, ปฺินฺทฺริยปฏิลาโภ จ วุตฺโต. ธมฺมานุสารี โหติ ปฺินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตฺตา. ปฺา หิ อิธ ‘‘ธมฺโม’’ติ อธิปฺเปตา ‘‘สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค’’ติอาทีสุ วิย (ชา. ๑.๑.๕๗).

๗๗๕. ยสฺสา ปาฬิยา วเสน อิธ อริยปุคฺคลสฺส สทฺธาวิมุตฺตาทิภาโว วุตฺโต, ตํ ปาฬึ ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตํ เหต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

๗๗๖. ‘‘สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิมตฺตตฺตา สทฺธาวิมุตฺโต’’ติ เอวมาทิอตฺถสฺส สาธกํ อปรมฺปิ วุตฺตํ. ‘‘สทฺทหนฺโต วิมุตฺโต’’ติ เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺส สทฺธามตฺเตน วิมุตฺตภาวทสฺสเนน สทฺธาวิมุตฺตสฺส เสกฺขภาวเมว วิภาเวติ. สทฺธาวิมุตฺโตติ วา สทฺธาย อธิมุตฺโตติ อตฺโถ.

ผุฏฺนฺตํ สจฺฉิกโตติ ผุฏฺานํ อนนฺตรํ ผุฏฺนฺโต, ผุฏฺานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโย, อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ, ผุฏฺานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกรณูปาเยน สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉากาสีติ วุตฺตํ โหติ. ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ยถา ‘‘เอกมนฺต’’นฺติ (ปารา. ๒). โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต, นามกาเยกเทสโต จ วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน วิมุตฺโต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมกฺโข อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโต, นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกจฺเจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน โส สจฺฉิกโตว โหติ. ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ ยถาอาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉากาสีติ กายสกฺขีติ วุจฺจติ, น ตุ วิมุตฺโต เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตา. ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ปมผลโต ปฏฺาย หิ ยาว อคฺคมคฺคา ทิฏฺิปฺปตฺโตติ. ‘‘ทิฏฺิยา ปตฺโต’’ติ วา ปาโ, จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฏฺิยา นิโรธํ ปตฺโตติ อตฺโถ. อิเม จ สทฺธาวิมุตฺตาทโย ตโย ปรมตฺถโต อปริโยสิตาณกิจฺจาติ ตํ นยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺทหนฺโต วิมุจฺจตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ฌานผสฺสนฺติ สาติสยํ ฌานผสฺสํ. เตน อรูปชฺฌานผสฺโส สงฺคหิโต โหติ.

‘‘ทุกฺขา สงฺขาราติ าตํ โหตี’’ติ อิมินา ทุกฺขสจฺจปฏิเวธมาห, ‘‘สุโข นิโรโธติ าตํ โหตี’’ติ อิมินา นิโรธสจฺจปฏิเวธํ. ตทุภเยน จ สมุทยมคฺคสจฺจปฏิเวธํ นานนฺตริยกภาวโต. ‘‘าตํ โหตี’’ติ อิมินา ทุติยมคฺคกิจฺจํ, ‘‘ทิฏฺํ โหตี’’ติ อิมินา ตติยมคฺคกิจฺจํ, ‘‘วิทิตํ โหตี’’ติ อิมินา จตุตฺถมคฺคกิจฺจํ, ‘‘สจฺฉิกต’’นฺติ อิมินา ปมผลกิจฺจํ, ‘‘ผุสิต’’นฺติ อิมินา เสสผลทฺวยกิจฺจํ. อิติ ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส มคฺคผลาณพฺยาปารทสฺสนานิ อิมานิ ปทานีติ วทนฺติ.

๗๗๗. อิตเรสูติ สทฺธานุสาริอาทิปเทสุ. สทฺธํ อนุสรตีติ อาคมนียฏฺาเน ิตํ สทฺธํ อนุคจฺฉติ. ยถา สา ติกฺขา สูรา อโหสิ, มคฺคกฺขเณปิ ตทนุรูปเมว ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. สทฺธาย วา อนุสรตีติ สทฺธาย การณภูตาย สจฺจปฏิเวธสฺส อนุรูปํ สรติ คจฺฉติ, ปฏิปชฺชตีติ อตฺโถ. ทฺวีหิปิ อตฺถวิกปฺเปหิ สทฺธาย อธิมตฺตตํเยว วิภาเวติ. ธมฺมานุสารีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อุภโตภาควิมุตฺโตติ ทฺวีหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺโต, รูปกายโต จ นามกายโต จ วิกฺขมฺภนวเสน, สมุจฺเฉทวเสน จ วิมุตฺโตติ อตฺโถ. อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต จ นามกาเยกเทสโต จ วิมุตฺโต, อริยมคฺเคน นามกายโต วิมุตฺโตติ อุโภหิ ภาเคหิ ทฺเว วาเร วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต. ปชานนฺโต วิมุตฺโตติ ปมชฺฌานผสฺเสน วินา ปริชานนาทิปฺปกาเรหิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ชานนฺโต ปฏิวิชฺฌนฺโต เตสํ กิจฺจานํ มตฺถกปฺปตฺติยา นิฏฺิตกิจฺจตาย วิเสเสน มุตฺโตติ วิมุตฺโต.

อยํ ปเนตฺถ นิปฺปริยายโต สงฺเขปกถา – ยสฺส อนิจฺจาการโต วุฏฺานํ โหติ, โส อธิโมกฺขพหุโล สทฺธินฺทฺริยสฺส ติกฺขภาเวน ปมมคฺคกฺขเณ สทฺธานุสารี นาม โหติ, มชฺเฌ ฉสุ าเนสุ สทฺธาวิมุตฺโต. อคฺคผลกฺขเณ ปฺาวิมุตฺโต นาม โหติ. ตถา ยสฺส ทุกฺขาการโต วุฏฺานํ โหติ, ตสฺส ปสฺสทฺธิพหุลตาย สมาธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ ทุกฺขุปนิสาย สทฺธายปิ ติพฺพตรตฺตา, ธุรนิยมโต จ. โสปิ ปมมคฺคกฺขเณ สทฺธานุสารี เอว โหติ, มชฺเฌ ฉสุ าเนสุ สทฺธาวิมุตฺโต, อนฺเต ปฺาวิมุตฺโต จ โหติ. ยสฺส ปน อนตฺตาการโต วุฏฺานํ โหติ, โส เวทพหุโล ปฺินฺทฺริยสฺส ติกฺขภาเวน ปมมคฺคกฺขเณ ธมฺมานุสารี เอว โหติ, มชฺเฌ ฉสุ าเนสุ ทิฏฺิปฺปตฺโต, อนฺเต ปฺาวิมุตฺโต เอว โหติ. อิเม ปน น อฏฺวิโมกฺขลาภิโน, อฏฺวิโมกฺขลาภี ปน ปมมคฺคกฺขเณ สทฺธานุสารี วา ธมฺมานุสารี วา สิยา. มชฺเฌ ฉสุ าเนสุ กายสกฺขี, ปริโยสาเน อุภโตภาควิมุตฺโตติ.

สงฺขารุเปกฺขาาณํ.

๗๗๘. ยํ ตํ วิโมกฺขมุขภาวํ อาปชฺชิตฺวา สตฺตอริยปุคฺคลวิภาคาย จ ปจฺจโย โหตีติ วุตฺตํ, ตํ ปเนตํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ. ปุริเมน าณทฺวเยนาติ มุฺจิตุกมฺยตาปฏิสงฺขานุปสฺสนาาณทฺวเยน อตฺถโต เอกํ, ปวตฺติอาการเภทโต นานนฺติ อธิปฺปาโย. ยถาวุตฺตมตฺถํ อฏฺกถาย, ปาฬิยา จ สาเธตุํ ‘‘เตนาหู’’ติอาทิ วุตฺตํ. มุฺจิตุกมฺยตามุฺจนุปายกรณาณานิปิ สงฺขาเรสุ อุทาสีนภาเวเนว ปวตฺตนโต สงฺขารุเปกฺขาสมฺาเนว โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อิทํ สงฺขารุเปกฺขาาณํ เอกเมว ตีณิ นามานิ ลภตี’’ติ. เตน สงฺขารุเปกฺขาโวหาโร มุฺจิตุกมฺยตาทิาณสมุทายวิสโยติ ทสฺเสติ.

๗๘๐. อุปฺปาทาทีนีติ อุปฺปาทปวตฺตาทิอปเทเสน วุตฺเต สงฺขาเร. ปริจฺจชิตุกามตาติ ตปฺปฏิพนฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน วิสฺสชฺชิตุกามตา. ปฏิสงฺขานนฺติ ปุนปฺปุนํ ตีรณํ. มุฺจิตฺวาติ นิราลยภาวาปตฺติยา อเปกฺขาวิสฺสชฺชนวเสน วิสฺสชฺชิตฺวา. อวสาเนติ ตถากรณสฺส อุตฺตรกาลํ. ยาว นิพฺพานสมฺปกฺขนฺทนา น อิชฺฌติ, ตาว วิจินเนปิ อุทาสีนตาย าณสฺส สนฺตานวเสน ปวตฺตึ สนฺธายาห ‘‘อชฺฌุเปกฺขนํ สนฺติฏฺนา’’ติ. เอวนฺติ อชฺฌุเปกฺขนาการสามฺโต ‘‘มุฺจิตุกมฺยตา จ สา สนฺติฏฺนา จา’’ติ วุตฺตากาเรน.

๗๘๑. อิเม ธมฺมาติ อิเม าณสงฺขาตา ธมฺมา, าณปริยาโย วา อิธ ธมฺม-สทฺโท, ตสฺมา อิมานิ าณานีติ อตฺโถ. เอกตฺตาติ เอกสภาวา.

๗๘๒. วุฏฺานคามินี โหติ วุฏฺานคมนโต. สงฺขารุเปกฺขาทิาณตฺตยสฺสาติ สงฺขารุเปกฺขานุโลมโคตฺรภุสฺิตสฺส าณตฺตยสฺส. กิจฺจวเสน ปวตฺติฏฺานวเสนปิ โลกิยาณานํ อุปริ ิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘อุตฺตมภาวํ ปตฺตตฺตา’’ติ. นิมิตฺตภูตโตติ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตโต ขนฺธปฺจกโต. เตนาห ‘‘อภินิวิฏฺวตฺถุโต’’ติ. ตฺหิ วิปสฺสนาย โคจรกรณสงฺขาเตน อภินิเวเสน อภินิวิฏฺวตฺถุนฺติ ปวุจฺจติ. ตํ ปเนตํ สสนฺตติปริยาปนฺนมฺปิ ปรโต ทิฏฺิตาย ‘‘พหิทฺธา’’ติ วุตฺตํ. ตเทว หิ ‘‘พหิทฺธา สพฺพนิมิตฺตานี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วุจฺจติ. อชฺฌตฺตปวตฺตโตติ สสนฺตาเน มิจฺฉาทิฏฺิปวตฺตนอาทิโต, ตทนุวตฺตกกิเลสกฺขนฺเธหิ จ. ตฺหิ สสนฺตติยํ กิเลสปฺปวตฺตภาวโต, ตนฺนิมิตฺตํ อสติ มคฺคภาวนาย อุปฺปชฺชนกอุปาทินฺนกฺขนฺธปวตฺตภาวโต จ ตถา วุตฺตํ. วุฏฺหนฺจ เนสํ อารมฺมณากรณํ, อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนฺจ. ฆฏิยติ อตฺตโน อนนฺตรเมว มคฺคสมุปฺปตฺติโต.

๗๘๓. ตตฺราติ ตสฺมึ ‘‘อภินิวิฏฺวตฺถุโต วุฏฺหนโต’’ติ สงฺเขปวจเน. อชฺฌตฺตพหิทฺธา รูปารูปปปฺจกฺขนฺธลกฺขณตฺตยวเสน อยํ มาติกา อุทฺเทโส. อชฺฌตฺตํ อภินิวิสิตฺวาติ สสนฺตติปริยาปนฺเนสุ ขนฺเธสุ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา. ‘‘อชฺฌตฺตา วุฏฺาตี’’ติ อิทํ วุฏฺานคามินิยา อชฺฌตฺตธมฺมารมฺมณตฺตา ปริยายโต วุตฺตํ, นิปฺปริยายโต ปน มคฺโค สพฺพโตปิ วุฏฺาติ. พหิทฺธา วุฏฺาตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอกปฺปหาเรนาติ เอกชฺฌํ, ตํ ปน อชฺฌตฺตาทิวิภาคํ อกตฺวา ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) อวิภาเคน วุฏฺานคามินิยา ปวตฺติวเสน เวทิตพฺพํ, ตยิทํ สตฺถุ สมฺมุขา เทสนานุสาเรน าณํ เปเสนฺตสฺส าณุตฺตรสฺส สมฺภวตีติ วทนฺติ.

๗๘๔. สุทฺธอชฺฌตฺตทสฺสนมตฺเตเนว มคฺควุฏฺานํ น โหติ มมํการวตฺถุโนปิ ปริฺเยฺยตฺตา มคฺคสงฺขาตํ วุฏฺานํ, มคฺเคน วา วุฏฺานํ มคฺควุฏฺานํ.

๗๘๕. ราสึ กตฺวาติ ภูตุปาทายวเสน ทุวิธํ อนฺตรเภทวเสน อเนกเภทมฺปิ ‘‘รุปฺปนฏฺเน รูป’’นฺติ ปิณฺฑโต คเหตฺวา. ยถา รูเป วิปสฺสนาภินิเวโส เยภุยฺเยน วิปสฺสนายานิกสฺส, เอวํ อรูเป วิปสฺสนาภินิเวโส เยภุยฺเยน สมถยานิกสฺส โหติ. อภินิเวโสติ จ วิปสฺสนาย ปุพฺพภาเค กตฺตพฺพนามรูปปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ตสฺมา ปมํ รูปปริคฺคณฺหนํ รูเป อภินิเวโส. เอส นโย เสเสสุปิ.

๗๘๖. ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมนฺติ กามํ อุทยพฺพยปริคฺคณฺหนํ อภินิเวโสติ ทสฺสิตํ, ยถาอุปฏฺิเต ปน รูปารูปธมฺเม, เตสฺจ ปจฺจเย ปริคฺคเหตฺวา สงฺเขเปเนว วิปสฺสนาาณํ จาเรนฺโต าณุตฺตโร ยถานิสินฺโนว าณปฏิปาฏิยา ขิปฺปเมว สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺโต เอกปฺปหาเรน ปฺจหิ ขนฺเธหิ วุฏฺาติ นาม. อฺถา เอเกเนว โลกิยจิตฺเตน ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ปริคฺคหปริชานนาทีนํ อสมฺภวโต. น หิ สนิทสฺสนสปฺปฏิฆาทึ เอกชฺฌํ อารมฺมณํ กาตุํ สกฺกา. ยสฺส ปน เอกวารํ าเณน ผสฺสิตํ, ปุน ตํ ผสฺสิตพฺพเมว, ตาทิสสฺส วเสน วุตฺตนฺติ วทนฺติ.

๗๘๘. เอตฺถ จ อภินิเวโส อการณํ วุฏฺานเมว ปมาณํ, ตสฺมา เหฏฺา วุตฺตวิโมกฺขอริยปุคฺคลวิภาคาปิ วุฏฺานวเสน สมฺภวนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จ โยปี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ตโยปิ ชนาติ วุฏฺานวเสน เภเท อสติปิ อภินิเวสวเสเนว ลทฺธํ เภทํ คเหตฺวา วุตฺตํ.

๗๘๙. สทฺธึ ปุริมปจฺฉิมาเณหีติ ภยตุปฏฺานาทิปุริมาเณหิ เจว โคตฺรภุอาทิปจฺฉิมาเณหิ จ สห. อุทฺทานนฺติ อุทฺเทโส.

ยตฺถ กตฺถจิ…เป… วฏฺเฏยฺยุํ ตํตําณฏฺานิยสฺส อุปมาวตฺถุโน ลพฺภนโต. อิมสฺมึ ปน าเนติ อิมสฺมึ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาปเทเส. สพฺพนฺติ สพฺพํ าณํ, สพฺพํ วา าณกิจฺจํ ปากฏํ โหติ เวมชฺเฌ ตฺวา วิภาวิยมานตฺตา. วุตฺตา วิสุทฺธิกถายํ.

๗๙๐. นิลียิตฺวาติ อุปวิสิตฺวา. ปรามสิตฺวาติ วีมํสิตฺวา.

คยฺหุปคํ อทิสฺวาติ คหณโยคฺคํ นิจฺจสาราทึ อทิสฺวา. จิตฺตสฺส วงฺกภาวกรานํ มายาทีนํ สุฏฺุ วิกฺขมฺภเนน อนุโลมสฺส อุชุกสาขาสทิสตา. นิพฺพานาโลจนโต โคตฺรภุาณสฺส อุทฺธํ อุลฺโลกนสทิสตา. อปฺปติฏฺเ นิพฺพาเน ปติฏฺิตตฺตา มคฺคาณสฺส อากาเส อุปฺปตนสทิสตา.

๗๙๑. สปฺปวิสฺสชฺชนํ วิย โคตฺรภุาณํ สพฺพสงฺขารคตํ วิสฺสชฺชิตฺวา นิพฺพานสฺส อาลมฺพนโต. อาคตมคฺคํ โอโลเกนฺตสฺส านํ วิย มคฺคาณํ อสมฺโมหปฏิเวธวเสน อตฺตโนปิ ทสฺสนโต. อภยฏฺาเน านนฺติ อภยฏฺานํ สมฺปตฺตมาห, น ตสฺส ปาปุณปฏิปตฺตึ.

๗๙๒. อตฺตตฺถาทีนํ อนวพุชฺฌนโต ‘‘อหํ, มมา’’ติ คหณสฺส นิทฺโทกฺกมนสทิสตา. มุฺจิตุกมฺยตาคฺคหเณเนว ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนาปิ คหิตา. ติสฺสนฺนมฺปิ ตาสํ สํสารโต นิกฺขมนาธิมุตฺตตาย นิกฺขมนมคฺโคโลกนสทิสตา. มคฺเค ทิฏฺเ มคฺคปฏิปตฺติ วิย อนุโลเม สิทฺเธ มคฺโค สิทฺโธ เอวาติ อนุโลมสฺส มคฺคทสฺสนสทิสตา. สงฺขารนิมิตฺตโต นิกฺขนฺตตฺตา อาทิตฺตฆรโต นิกฺขมนํ วิย โคตฺรภุาณํ. เวเคน คมนํ วิย มคฺคาณํ วิสฺสชฺเชตพฺพคเหตพฺพปเทเสสุ สาธนกิจฺจวิเสสโยคโต.

๗๙๓. ปรโต น มมายิตพฺพโต จ ปสฺสิตพฺพานํ ขนฺธานํ ‘‘อหํ, มมา’’ติ คหณสฺส ราชโคณานํ สกคหณสทิสตา วุตฺตา.

๗๙๔. สภเย อภยทสฺสนเหตุตาย ขนฺธานํ ‘‘อหํ, มมา’’ติ คหณสฺส ยกฺขินิยา สํวาสสทิสตา. สุสานวิชหนํ วิย สงฺขารสุสานํ วิชหิตฺวา นิพฺพานารมฺมณวเสน ปวตฺตํ โคตฺรภุ.

๗๙๕. ปุตฺตคิทฺธินีติ ปุตฺตวจฺฉลา. โอตฺตปฺปมานาติ สารชฺชยมานา. โอฬาริกโอฬาริกโลภกฺขนฺธาทิวิกฺขมฺภเนน สงฺขารปริจฺจชนโต อนุโลมสฺส ตตฺเถว ทารโกโรปนสทิสตา.

๗๙๖. วุฏฺานคามินิยา…เป… ทสฺสนตฺถํ วุตฺตา, น ปุริมาสุ วิย ภยตุปฏฺานาทีสุ ิตสฺส ภายนาทิอาการทสฺสนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. อปราปรุปฺปตฺติโต, จิรานุพนฺธโต, ทุสฺสหโต จ วฏฺฏทุกฺขสทิสํ ชิฆจฺฉาทุกฺขนฺติ อาห ‘‘สํสารวฏฺฏชิฆจฺฉายา’’ติ. กายคตาสติ เอว โภชนํ กายคตาสติโภชนํ. สา ปเนตฺถ มคฺคสมฺปยุตฺตา สมฺมาสติ กายานุปสฺสนาทิกิจฺจสาธนวเสน อมตรสปริโภคตาย จ ‘‘อมตรสํ กายคตาสติโภชน’’นฺติ วุตฺตา. เตนาห ภควา ‘‘อมตํ เต, ภิกฺขเว, ปริภุฺชนฺติ, เย กายคตาสตึ ปริภุฺชนฺตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑.๖๐๐).

ผลรสามลกสิงฺคีเวรมุคฺคมาสาทิ อเนกงฺคสมฺภารํ.

กปณาเสริภาวาทิกรเณน ตณฺหาสิเนหสฺส สีตสทิสตา. มคฺคเตชนฺติ อริยมคฺคสงฺขาตํ อินฺทคฺคึ.

ราคคฺคิอาทโย เอกาทสคฺคี วูปสมนฺติ เอตฺถาติ เอกาทสคฺคิวูปสมํ, นิพฺพานํ.

อนฺธการปเรโตติ จตุรงฺคสมนฺนาคเตน อนฺธกาเรน กิฺจิ อตฺตตฺถํ วา ปรตฺถํ วา กาตุํ อสกฺกุเณยฺยภาเวน อภิภูโต. าณมโย อาโลโก เอติสฺสาติ าณาโลกา, มคฺคภาวนา.

อมตภูตํ, อมตภาวสาธกํ วา โอสธํ อมโตสธํ, นิพฺพานํ. เหฏฺา อตฺตนา วุตฺตเมว สงฺขารุเปกฺขาพฺยาปารํ นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘เตน วุตฺต’’นฺติอาทิมาห.

๗๙๗. นิราลยตาย ตณฺหาวเสน ภวาทีสุ อวิสฏชฺฌาสโย หุตฺวา ตโต สงฺกุจิตจิตฺโต ปติลีนภาเวน จรติ ปวตฺตตีติ ปติลีนจโร, ตสฺส ปติลีนจรสฺส. สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนตาย ภิกฺขุโน กายจิตฺตวิเวกสิทฺธิยา วิวิตฺตมาสนํ ภชมานสฺส. สามคฺคิยนฺติ ยุตฺตํ, ปติรูปนฺติ อตฺโถ. ภวเนติ กามภวาทิเก ติวิเธปิ ภเว. โส หิ อิธ ภวนฏฺเน ภวนฺติ วุตฺโต. น ทสฺสเยติ อนุปฺปชฺชนวเสน น ทสฺเสยฺย. ตสฺส ตํ อทสฺสนํ สามคฺคิยนฺติ พุทฺธาทโย อริยา อาหูติ โยชนา.

นิยเมตฺวาติ นิยตํ เอกํสิกํ กตฺวา. โพชฺฌงฺควิเสสํ, มคฺคงฺควิเสสํ, ฌานงฺควิเสสํ, ปฏิปทาวิเสสํ, วิโมกฺขวิเสสนฺติ วิเสสสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. วิเสสนฺติ ฉสตฺตภาโว สตฺตฏฺภาโว ปฺจาทิภาโวติ อิมํ ยถากฺกมํ โพชฺฌงฺคาทีนํ อริยมคฺเค ลพฺภมานเภทํ. ปาทกชฺฌานนฺติ มคฺคสฺส อาสนฺนวุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย ปทฏฺานภูตํ ฌานํ. วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตาติ มคฺคาสนฺนาย เอว วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย โคจรภูตา วิปสฺสิตา. ปุคฺคลชฺฌาสโยติ อุภินฺนํ เภเท สติ วิปสฺสกสฺส อชฺฌาสโย. เอตฺถ จ ปมํ เกจีติ วุตฺโต ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร. ทุติยํ เกจีติ วุตฺโต โมรวาปีวาสิมหาทตฺตตฺเถโร. ตติยํ เกจีติ วุตฺโต ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร.

เตสมฺปิ วาเทสุ อยํ ปุพฺพภาควุฏฺานคามินิวิปสฺสนา นิยเมติเยวาติ เวทิตพฺพา. กสฺมา? วิปสฺสนานิยเมเนว หิ ปมตฺเถรวาเทปิ อปาทกปมชฺฌานปาทกมคฺคา ปมชฺฌานิกาว โหนฺติ, อิตเร จ ทุติยชฺฌานิกาทิมคฺคา ปาทกชฺฌานวิปสฺสนานิยเมหิ ตํตํฌานิกาว ตโต ตโต ทุติยาทิปาทกชฺฌานโต อุปฺปนฺนสฺส สงฺขารุเปกฺขาาณสฺส ปาทกชฺฌานาติกฺกนฺตานํ องฺคานํ อสมาปชฺชิตุกามตาวิราคภาวนาภาวโต, อิตรสฺส จ อตพฺภาวโต. ยถา หิ มคฺคาสนฺนาย วิปสฺสนาย โสมนสฺสสหคตตฺเต มคฺคสฺส ปมาทิฌานิกตา จ อุเปกฺขาสหคตตฺเต ปฺจมชฺฌานิกตา เอว จ โหติ, ตโต จ โพชฺฌงฺคาทีนํ วิเสโสติ เตสํ นิยมเน อาสนฺนการณํ, ปธานการณฺจ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา, น เอวํ ปาทกชฺฌานาทโย. ยสฺมา ปน ปาทกชฺฌาเนน วินา วิปสฺสนาว อิมํ ยถาวุตฺตวิเสสํ นิยเมตุํ น สกฺโกติ, วุตฺตนเยน ปน ปธานการณํ โหติเยว, ตสฺมา ‘‘วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาว นิยเมตี’’ติ อวตฺวา ‘‘วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา นิยเมติเยวา’’ติ วุตฺตํ. เอวํ เสสวาเทสุปิ วิปสฺสนานิยโม ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺโพ. ยถา หิ ปาทกชฺฌานาติกฺกนฺตานํ องฺคานํ อสมาปชฺชิตุกามตาวิราคภาวนาภูตา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา อธิฏฺานภูเตน ปาทกชฺฌาเนน อาหิตวิเสสา มคฺคสฺส โพชฺฌงฺคาทิวิเสสนิยามิกา โหติ, เอวํ อารมฺมณภูตสมฺมสิตชฺฌานาติกฺกนฺตานํ องฺคานํ ชิคุจฺฉนาการวิราคภาวนาภูตา สมฺมสิตชฺฌาเนน อาหิตวิเสสา, อุภยสพฺภาเว อชฺฌาสยวเสน ตโต อฺตเรน อาหิตวิเสสา จ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา มคฺคสฺส โพชฺฌงฺคาทิวิเสสํ นิยเมตีติ.

๗๙๘. ตตฺร ตสฺมึ โพชฺฌงฺคาทิวิเสสนิยมเน. อฌานลาภี สุทฺธวิปสฺสนายานิโกว สุกฺขวิปสฺสโก. โส หิ ฌานสิเนเหน วิปสฺสนาย อสินิทฺธภาวโต สุกฺขา ลูขา วิปสฺสนา เอตสฺสาติ สุกฺขวิปสฺสโกติ วุจฺจติ. ปกิณฺณกสงฺขาเรติ ปาทกชฺฌานโต อฺเ สงฺขาเร. เตน ปาทกชฺฌานสงฺขาเรสุ สมฺมสิเตสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺเสติ. ‘‘ปมํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา’’ติ หิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ สุกฺขวิปสฺสกาทิคฺคหณํ วิปสฺสนานิยมสฺส เอกนฺติกภาวทสฺสนตฺถํ. น หิ วุฏฺานคามินึ วินา เกวลํ ปาทกชฺฌานาทโย นิยมเหตู ทิฏฺา, วุฏฺานคามินี ปน ปาทกชฺฌานาทีนํ อภาเวปิ สุกฺขวิปสฺสกาทีนํ มคฺคสฺส ปมชฺฌานิกภาวเหตุ, ตสฺมา สา โพชฺฌงฺคาทิวิเสสนิยมเน เอกนฺติกเหตูติ. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘เตสํ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยํ วิเสโสติ อยํ ฌานาทีนํ จตุรงฺคิกาทิวิเสโส, น ปุพฺเพ วิย วิปสฺสนานิยเมเนว, อถ โข ปาทกชฺฌานนิยเมน เจว วิปสฺสนานิยเมน จ. เตสมฺปีติ ปฺจกนเย ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานานิ ปาทกานิ กตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคานมฺปิ. ‘‘อาสนฺนปเทเส’’ติ อิมินา วิปสฺสเกน อนฺตรนฺตรา ปวิฏฺสมาปตฺติยา วเสน อยํ วิเสโส นตฺถีติ ทสฺเสติ.

๗๙๙. ตตฺราปิ จาติ ทุติยตฺเถรวาเทปิ. ตํตํสมาปตฺติสทิสตา ตํตํสมฺมสิตสงฺขารวิปสฺสนานิยเมหิ โหติ. ตตฺราปิ หิ วิปสฺสนา ตํตํวิราคาวิราคภาวนาภาเวน โสมนสฺสสหคตา, อุเปกฺขาสหคตา จ หุตฺวา ฌานงฺคาทินิยมํ มคฺคสฺส กโรตีติ เอวํ วิปสฺสนานิยโม วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

๘๐๐. นฺติ ตํตํฌานสทิสภวํ. สฺวายมตฺโถ ปาทกชฺฌานสมฺมสิตชฺฌานุปนิสฺสเยหิ วินา อชฺฌาสยมตฺเตน อสิชฺฌนํ อุปนิสฺสเยน วินา สงฺกปฺปมตฺเตน สกทาคามิผลาทีนํ อสิชฺฌนทีปเกน นนฺทโกวาเทน ทีเปตพฺโพ. ตตฺถ หิ ยถา โสตาปนฺนายปิ ปริปุณฺณสงฺกปฺปตํ วทนฺเตน ภควตา ‘‘ยสฺส ยสฺส อุปนิสฺสโย อตฺถิ, ตสฺส ตสฺเสว อชฺฌาสโย นิยามโก, นาฺสฺสา’’ติ เตน เตน ปริปุณฺณสงฺกปฺปตา โหติ, น ตโต ปรํ, สงฺกปฺปสพฺภาเว สติปิ อสิชฺฌนโตติ อยมตฺโถ ทีปิโต, เอวมิธาปิ ยสฺส ยสฺส ทุติยาทิฌานิกสฺส มคฺคสฺส ยถาวุตฺโต อุปนิสฺสโย อตฺถิ, ตสฺส ตสฺเสว อชฺฌาสโย นิยามโก, นาฺสฺส สติปิ ตสฺมึ อสิชฺฌนโต. อิมสฺมึ ปน วาเท ปาทกสมฺมสิตชฺฌานุปนิสฺสยสพฺภาเว อชฺฌาสโย เอกนฺเตน โหติ ตํตํผลูปนิสฺสยสพฺภาเว ตํตํสงฺกปฺโป วิยาติ ตทภาวาภาวโต ‘‘อชฺฌาสโย นิยเมตี’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถาปีติ ตติยตฺเถรวาเทปิ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘ยโต ยโต สมาปตฺติโต วุฏฺายา’’ติอาทินา วุตฺตนเยน. ตสฺมา ‘‘ตตฺราปิ หิ วิปสฺสนา’’ติอาทินา อิธ วุตฺตนเยน ตทตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๘๐๑. เอวํ วิปสฺสนาย โพชฺฌงฺคาทินิยามิกตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิปทาทินิยามิกตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ ปนาย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อยนฺติ สงฺขารุเปกฺขา วุตฺตา. สาปิ หิ กามํ ‘‘อิมํ วารํ โรเจสุ’’นฺติ เอตฺถ กลาปสมฺมสนาวสาเน อุทยพฺพยานุปสฺสนาย ปวตฺตมานาย อุปฺปนฺนสฺส วิปสฺสนุปกฺกิเลสสฺส ติกฺขตฺตุํ วิกฺขมฺภเนน กิจฺฉตาวารํ ทุกฺขาปฏิปทาติ โรเจสุนฺติ วทนฺติ, อฏฺกถายํ ปน ‘‘วิปสฺสนาาเณ ติกฺเข สูเร ปสนฺเน วหนฺเต อุปฺปนฺนํ วิปสฺสนานิกนฺตึ ทุกฺเขน กสิเรน กิลมนฺโต ปริยาทิยตี’’ติ วุตฺตตฺตา ปุพฺพภาเค มุฺจิตุกมฺยตาทิภาเวน ปวตฺตมานา สงฺขารุเปกฺขา อตฺตโน ปฏิปกฺเข กิจฺเฉน กสิเรน วิกฺขมฺเภนฺตี ทุกฺขาปฏิปทาปกฺเขเยว ติฏฺตีติ. เตนาห ‘‘อาทิโต กิเลเส วิกฺขมฺภยมานา’’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘‘เยน าเณน วิปสฺสนุปกฺกิเลสา วิกฺขมฺภิตา, เตน สทฺธึ อิทํ าณํ เอกตฺตนยวเสน เอกํ กตฺวา ‘อาทิโต กิเลเส วิกฺขมฺภยมานา’ติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. สปฺปโยเคนาติ จิตฺตปฺปโยคสงฺขาเตน สอุสฺสาหเนน. สสงฺขาเรนาติ ตสฺเสว เววจนํ. อุภเยนาปิ วิกฺขมฺภนสฺส กิจฺฉสิทฺธิเมว วทติ. วิปริยาเยนาติ อทุกฺเขน อปฺปโยเคน อสงฺขาเรน. มคฺคสฺิตํ อิจฺฉิตฏฺานํ อนุคนฺตฺวา ปริวสติ วิปฺปวสติ เอตฺถาติ ปริวาโส, วิปสฺสนา ปริวาโส เอตสฺส อตฺถีติ วิปสฺสนาปริวาโส, มคฺคปาตุภาโว, ตํ ปน สีฆํ กุรุมานา ขิปฺปาภิฺา นาม โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สณิก’’นฺติ. กุรุมานา อยํ สงฺขารุเปกฺขาติ โยชนา. ยโต มคฺโค อาคจฺฉติ, ตํ อาคมนียฏฺานํ, ตสฺมึ อาคมนียฏฺาเน. มคฺคสฺส ปภวฏฺาเน ตฺวา นามํ เทตีติ สมฺพนฺโธ. ทุกฺขาปฏิปทาทนฺธาภิฺาทิวิปสฺสนานโย อฺโ, อฺโ เอว มคฺโคติ อาห ‘‘อตฺตโน อตฺตโน มคฺคสฺสา’’ติ. เตน อาคมนโต ลทฺธนาเมน ‘‘ทุกฺขาปฏิปทา ทนฺธาภิฺา’’ติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ. น หิ มคฺคสฺส สรสโต เอทิสํ นามํ อตฺถิ.

สา ปนายํ วุตฺตปฺปเภทา ปฏิปทา. นานา โหตีติ วิสุํ วิสุํ โหติ. เอกสฺส ภิกฺขุโน จตูสุปิ มคฺเคสุ เอกาว โหตีติ นิยโม นตฺถิ จลนโต. อเหสุนฺติ วุตฺตํ, อมฺหากํ ภควนฺตํ สนฺธาย โหนฺตีติ ปน วตฺตพฺพํ. สพฺเพสมฺปิ หิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิฺาว โหนฺตีติ. ปฏิปทาปสงฺเคน อธิปติมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อธิปตโยติ ฉนฺทาทิอธิปตโย. ปุพฺพาภิสงฺขารานุรูปฺหิ มคฺโค ปจฺเจกํ ฉนฺทาธิปเตยฺโย วา โหติ วีริยาทีสุ อฺตราธิปเตยฺโย วา, น กสฺสจิ นิยโม อตฺถิ. เตนาห ‘‘กสฺสจิ ภิกฺขุโน’’ติอาทิ.

๘๐๒. ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการโต สาติสยํ กตฺวา อนวเสสโต มคฺคสฺส นามลาเภ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สรเสนาติ สภาเวน อตฺตโน ปวตฺติวิเสเสน. ปจฺจนีเกนาติ ปฏิปกฺขวเสน. สคุเณนาติ อตฺตโน คุณวเสน.

กามฺเจตฺถ ยถา อาคมเนน วินา สคุเณน, อารมฺมเณน จ มคฺคสฺส นามลาโภ อววตฺถิโต, เอวํ ปจฺจนีเกน วินา สรเสเนว นามลาโภ, ตถาปิ สรสาทโย ปจฺเจกํ นามลาภสฺส การณเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สรเสน วา’’ติอาทินา สพฺพตฺถ อนิยมตฺโถ วา-สทฺโท วุตฺโต. เต จ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ สมฺมสิตฺวาติ สมฺมสนเหตุ. เหตุอตฺโถ หิ อยํ ตฺวา-สทฺโท ‘‘ฆตํ ปิวิตฺวา พลํ โหติ, สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหตี’’ติอาทีสุ วิย, มคฺคกตฺตุกาย วุฏฺานกิริยาย เอกนฺติกเหตุภูตา สงฺขารุเปกฺขา ผลูปจาเรน ‘‘วุฏฺาตี’’ติ วุตฺตา. ยสฺมา วา สงฺขารุเปกฺขาติ วุฏฺานคามินิยา เอตํ อุปลกฺขณํ, ตทนฺโตคธฺจ โคตฺรภุาณํ นิมิตฺตโต วุฏฺาติ, ตสฺมา วุตฺตํ เอกตฺตนเยน ‘‘สมฺมสิตฺวา วุฏฺาตี’’ติ. อนิมิตฺตวิโมกฺเขน วิมุจฺจตีติ อนิมิตฺตสฺิเตน วิมุจฺจเนน วิมุจฺจติ, ‘‘มคฺโค’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. วิมุจฺจตีติ วา ตํสมงฺคี อริยปุคฺคโล. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. อิทํ สรสโต นามํ นามาติ อิทํ นิมิตฺตาทิวิรหโต อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิตํ สุฺตนฺติ ติวิธมฺปิ มคฺคสฺส สภาวโต สิทฺธนามํ นาม.

เอสาติ มคฺโค. โส จ โข ปุพฺพภาคมคฺเคน สทฺธึ เอกํ กตฺวา วุตฺโต เอกตฺตนเยน. อิทํ ปจฺจนีกโต นามํ นามาติ อิทํ นิจฺจนิมิตฺตาทีนํ ปณิธิยา, อตฺตสฺาย จ ปหานวเสน ลทฺธํ มคฺคสฺส อนิมิตฺตาทินามตฺตยํ ปฏิปกฺขโต สิทฺธนามํ นาม.

สุฺตฺตาติ วิวิตฺตตฺตา. น หิ มคฺเค ราคาทโย สนฺติ. รูปนิมิตฺตาทีนนฺติ รูปนิมิตฺตเวทนานิมิตฺตาทีนํ คเหตพฺพานนฺติ อธิปฺปาโย. ราคนิมิตฺตาทีนนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สวิคฺคหานํ วิย อุปฏฺานฺเหตฺถ นิมิตฺตนฺติ อธิปฺเปตํ. อิทมสฺส สคุณโต นามนฺติ อิทํ ราคาทิวิวิตฺตตฺตา รูปนิมิตฺตาทิปณิธิอาทิอภาววเสน อสฺส มคฺคสฺส สคุณโต สิทฺธํ นามํ.

สฺวายนฺติ โส อยํ มคฺโค. สุฺตนฺติ สพฺพสงฺขารสุฺโต, อตฺตสุฺโต จ สุฺตํ. สพฺพสงฺขารนิมิตฺตาภาวโต อนิมิตฺตํ. ตณฺหาปณิธิอาทีนํ อภาเวน อปฺปณิหิตํ. อิทมสฺส อารมฺมณโต นามนฺติ ยถา สุขารมฺมณํ รูปํ ‘‘สุข’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ สุฺตาทินามสฺส นิพฺพานสฺส อารมฺมณกรณโต อิทํ อสฺส มคฺคสฺส สุฺตาทิเภทํ อารมฺมณโต สิทฺธํ นามํ.

๘๐๓. อนตฺตานุปสฺสนา อตฺตสุฺตาย ทิฏฺตฺตา สรสโต สุฺตา นาม. ตสฺสา สุฺตาวิปสฺสนาย มคฺโค วิปสฺสนาคมเนน สุฺโต. อนิมิตฺตา นาม นิจฺจนิมิตฺตาทีนํ อุคฺฆาฏนโต. อิทํ ปน มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ น อภิธมฺมปริยาเยน ลพฺภติ. กึ การณํ? อภิธมฺเม สรสํ อนามสิตฺวา ปจฺจนีกโต นามลาภโต. โย หิ สคุณารมฺมเณหิ นามลาโภ, โส สรสปฺปธาโน โหติ, สรเสเนว จ นามลาเภ สพฺพมคฺคานํ สุฺตาทิภาโวติ ววตฺถานํ น สิยา. ตสฺมา อภิธมฺเม สติปิ ทฺวีหิปิ การเณหิ อนิมิตฺตนามลาเภ ปจฺจนีกโตว นามววตฺถานกรณํ คยฺหตีติ ตทภาวา น ลพฺภติ. อถ วา น ลพฺภตีติ อฺนิรเปกฺเขหิ สคุณารมฺมเณหิ น ลพฺภติ. กึ การณํ? อภิธมฺเม สรสปจฺจนีเกหิ สหิเตหิ นามลาภโต. ปจฺจนีกฺหิ ววตฺถานกรณํ อนเปกฺขิตฺวา เกวลสฺส สรสสฺส นามเหตุภาโว อภิธมฺเม นตฺถิ, อววตฺถานาปตฺติโต. ตสฺมา อตฺตาภินิเวสปณิธิปฏิปกฺขวิปสฺสนานุโลมา มคฺคา สติปิ สรสนฺตเร ปจฺจนีกสหิเตน สรเสน นามํ ลภนฺติ. อนิมิตฺตมคฺคสฺส ปน วิปสฺสนา นิมิตฺตปฏิปกฺขา น โหติ, สยํ นิมิตฺตคฺคหณโต นิมิตฺตคฺคหณานิวารณาติ ตทนุโลโม มคฺโคปิ น นิมิตฺตสฺส ปฏิปกฺโข. ยทิ สิยา, นิมิตฺตคตวิปสฺสนายปิ ปฏิปกฺโข สิยา, ตสฺมา วิชฺชมาโนปิ สรโส ววตฺถานกรปจฺจนีกาภาวา อภิธมฺเม อนิมิตฺตนามทายโก น คยฺหตีติ. ยทิ เอวํ, อนิจฺจานุปสฺสนานุโลโม มคฺโค อภิธมฺเม อสงฺคหิโต สิยาติ? น, สุทฺธิกปฏิปทานเย ตสฺส สงฺคหิตตฺตา. ตสฺมา เอว หิ โส วุตฺโต. สุตฺตนฺเต ปน ปริยายเทสนตฺตา สคุณารมฺมณมตฺเตนปิ นามํ คยฺหตีติ อาห ‘‘สุตฺตนฺตปริยาเยน ลพฺภตี’’ติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อาคมนวเสนปิ มคฺคสฺส อนิมิตฺตนามํ ลพฺภติเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺรา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาคมนียฏฺาเนติ อาคมนปฏิปทาาเน. เสสํ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวาติ.

สงฺขารุเปกฺขาาณํ นิฏฺิตํ.

อนุโลมาณกถาวณฺณนา

๘๐๔. อธิโมกฺขสทฺธาติ ปสาทภูโต วตฺถุคโต นิจฺฉโย อธิโมกฺโข. ตสฺมา ตถาภูตา ภาวนาวิเสเสน กิจฺจโต อธิมตฺตตาย พลวตรา นิพฺพตฺตติ. สุปคฺคหิตนฺติ สุฏฺุ ปคฺคหิตํ. อสลฺลีนํ ปฏุตรภาเวน ปฏิปกฺขวิธมนสมตฺถํ วีริยํ โหติ. สูปฏฺิตาติ ติกฺขตรตาย อารมฺมณาภิมุขภาเวน สุฏฺุ อุปฏฺิตา สติ โหติ. สุสมาหิตนฺติ ปสฺสทฺธิสุขานํ สาติสยตาย สุฏฺุ สมาหิตํ อารมฺมเณ สมฺมเทว ปิตํ อปฺปิตํ วิย โหติ. ติกฺขตราติ อนุโลมาณุปฺปตฺติยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถภาเวน สาติสยํ ติกฺขา สูรา. สงฺขารานํ วิจินเนปิ มชฺฌตฺตภูตสงฺขารุเปกฺขา ปฺา อุปฺปชฺชติ. อนิจฺจาติ วา…เป… สมฺมสิตฺวา ภวงฺคํ โอตรตีติ อนิจฺจาทีสุ เอเกนากาเรน สมฺมสนฺตี สตฺตกฺขตฺตุํ ปวตฺติตฺวา ภิชฺชนฺตี ภวงฺคํ โอติณฺณา นาม โหติ ตโต ปรํ ภวงฺคสฺส วาโรติ กตฺวา. สงฺขารุเปกฺขาย กตนเยเนวาติ อนิจฺจาทินา อาลมฺพนกรณนเยเนว, น สมฺมสิตนเยน. เตนาห ‘‘อารมฺมณํ กุรุมาน’’นฺติ. อาวฏฺเฏตฺวาติ นิวตฺเตตฺวา จิตฺตสฺส ภวงฺควเสน วตฺติตุํ อทตฺวา. วิสทิสจิตฺตปวตฺติสงฺขาตาย วีจิยา อภาเวน อวีจิกา, จิตฺตสนฺตติ. กิริยมโนธาตุยา หิ ภวงฺเค อาวฏฺฏิเต กิริยมยจิตฺตปวตฺติวิปากจิตฺตุปฺปตฺติยา สวีจิกา สนฺตรา, น เอวํ มโนทฺวาราวชฺชเนนาติ วุตฺตํ ‘‘อวีจิกํ จิตฺตสนฺตตึ อนุปฺปพนฺธมาน’’นฺติ. ตเถวาติ ยถา อตีตาสุ ทฺวตฺตึสชวนวีถีสุ สงฺขารุเปกฺขา ‘‘อนิจฺจา’’ติ วา ‘‘ทุกฺขา’’ติ วา ‘‘อนตฺตา’’ติ วา สงฺขาเร อารมฺมณมกาสิ, ตเถว. ปริกมฺมนฺติ วุจฺจติ มคฺคสฺส ปริกมฺมตฺตา ปฏิสงฺขารกตฺตา. อุปจารนฺติ วุจฺจติ มคฺคสฺส อาสนฺนตฺตา, สมีปจาริกตฺตา วา. อนุโลมตฺตํ สยเมว วทติ.

อยฺจ นโย กามํ มคฺควีถิยํ ปมชวนสฺส ปฏิสงฺขรณฏฺโ, ทุติยสฺส ตโต อาสนฺนฏฺโ, ตติยสฺส เหฏฺิมุปริมานํ อนุโลมฏฺโ จ ยุตฺโตติ วุตฺโต, ตถาปิ สพฺเพสมฺปิ อิมา สมฺา สมฺภวนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อวิเสเสน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาเสวนนฺติ อาทเรน เสวนํ. ปุริมภาคปจฺฉิมภาคานนฺติ เหฏฺิมานํ, อุปริมานฺจ ธมฺมโกฏฺาสานํ. อฏฺนฺนนฺติ อุทยพฺพยาณาทีนํ อฏฺนฺนํ. สพฺพาปิ วิปสฺสนา ลกฺขณตฺตยสมฺมสนกิจฺจาว, อิทมฺปิ ตเถวาติ วุตฺตํ ‘‘ตถกิจฺจตายา’’ติ. อุปรีติ มคฺเค. โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ตถกิจฺจตาย อนุโลเมติ สมฺโมสาทิปฏิปกฺขวิธมนโต. อิทานิ อนุโลมาณสฺส ตทุภยกิจฺจานุโลมํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อนุโลมาณํ สจฺจปฏิจฺฉาทกโมหกฺขนฺธาทีนํ สาติสยํ วิธมเนน โลกิยาเณสุ อุกฺกํสปริยนฺตคตํ, ตโต เอว เหฏฺา นิพฺพตฺติตอุทยพฺพยาณาทีนมฺปิ กิจฺจํ ปฏิปกฺขทูรีภาเวน อตฺถโต สาเธนฺตเมว หุตฺวา ปวตฺตติ, ตถาปวตฺตมานฺจ เตสํ กิจฺจํ อนุโลเมนฺตํ วิย โหตีติ อาห ‘‘อุทยพฺพยวนฺตานํ…เป… ตถกิจฺจตาย อนุโลเมตี’’ติ. ตตฺถ ‘‘ภยโต อุปฏฺิต’’นฺติ อิมินาปิ อารมฺมณสีเสน าณพฺยาปารเมว วทติ สปฺปฏิภยานํ สงฺขารานํ ยถาสภาวทสฺสนทีปนโต. เสเสสุ ปน สตฺตสุปิ าเนสุ าณพฺยาปาโรว ทสฺสิโต. ยสฺมา เอตํ อนุโลมาณํ อนิจฺจาทีสุ อฺตรลกฺขณวเสเนว สงฺขาเร อารพฺภ ปวตฺตติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจลกฺขณาทิวเสน สงฺขาเร อารพฺภ ปวตฺตตฺตา’’ติ. ตาย ปฏิปตฺติยาติ ยา สา อนุโลมาณสฺส ถูลถูลสจฺจปฏิจฺฉาทกสํกิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปตฺติ, ตาย. น หิ อนุโลมาเณ ตถา อนุปฺปนฺเน โคตฺรภุาณํ นิพฺพานํ อาลมฺพิตุํ สกฺโกติ, โคตฺรภุาเณ วา อนุปฺปนฺเน มคฺคาณํ อุปฺปชฺชตีติ.

วุตฺตมตฺถํ โอปมฺเมน ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อฏฺนฺนํ โวหาริกมหามตฺตานํ อคติคมนํ ปหาย ตํตํวินิจฺฉยกรณํ วิย อฏฺนฺนํ าณานํ ยถาสกํ ปฏิปกฺขํ ปหาย สงฺขาเรสุ อุทยพฺพยาทิปฏิปตฺติ, รฺโ มชฺฌตฺตภาโว วิย อนุโลมาณสฺส ปุริมปจฺฉิมธมฺมโกฏฺาสสฺส อนุกูลตา. เตเนวาติ เหฏฺิมาณานํ อนุโลมนมุเขน อุปริโพธิปกฺขิยานํ อนุโลมนโตเยว. สจฺจานุโลมิกนฺติ วุจฺจติ มคฺคสจฺจสฺส อนุโลมิกตฺตา.

อนุโลมาณํ นิฏฺิตํ.

วุฏฺานคามินีวิปสฺสนากถาวณฺณนา

๘๐๕. กิฺจิ อสงฺขตารมฺมณมฺปิ าณํ วุฏฺานคามินิยา เอกสงฺคหนฺติ กตฺวา ‘‘สงฺขารารมฺมณายา’’ติ วิเสสนํ กตํ. ตฺหิ วิเสสโต วุฏฺานํ อริยมคฺคํ คจฺฉติ อุเปตีติ วุฏฺานคามินีติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. เตนาห ‘‘สพฺเพน สพฺพ’’นฺติอาทิ. อสมฺโมหตฺถนฺติ ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเต ปริยายนฺตเรหิ อาคตาย สมฺโมหาภาวตฺถํ. สุตฺตสํสนฺทนาติ สุตฺตานํ เตสํ เตสํ สุตฺตปทานํ อนุสนฺทานํ.

เย โลกิเย สงฺขาเร อารพฺภ อนุโลมปริโยสานา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา ปวตฺตติ, ตํสนฺนิสฺสิตา ตปฺปฏิพทฺธา ตณฺหา เตหิ วินา อปฺปวตฺตนโต ตมฺมยา นาม, ตมฺมยาว ตมฺมยตา, ตมฺมยา วา ตณฺหาสมฺปยุตฺตา ขนฺธา, เตสํ ภาโว ตมฺมยตา, สา เอว ตณฺหา. ตปฺปฏิปกฺขา วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา อตมฺมยตา. เตน วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘ตมฺมยตา นาม ตณฺหา, ตสฺสา ปริยาทิยนโต วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา อตมฺมยตาติ วุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๓๑๐). นิสฺสายาติ ตํ อตมฺมยตํ นิสฺสยํ กตฺวา, ภาเวตฺวาติ อตฺโถ. เอกตฺตาติ เอตฺถ อยํ ปาฬิ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา รูเปสุ…เป… โผฏฺพฺเพสุ, อยํ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๐), สยมฺปิ นานาสภาวา, นานารมฺมณนิสฺสิตา จาติ อตฺโถ. สา ปน สมาธิสมฺปยุตฺตา วิปสฺสนุเปกฺขา เวทิตพฺพา. ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา อากาสานฺจายตนนิสฺสิตา…เป… เนวสฺานาสฺายตนนิสฺสิตา, อยํ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๐). ยา หิ ตํตํอรูปจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนา อุเปกฺขา, สา เอกสภาวตฺตา, เอการมฺมณตฺตา จ เอกตฺตา, เอกตฺตสิตา จาติ วุจฺจติ, สา ปน ตํตํฌานสหคตเวทนุเปกฺขา จ ตทารมฺมณวิปสฺสนุเปกฺขา จาติ วทนฺติ. ตํ ปชหถาติ ตทารมฺมณกิเลสปหาเนน ปชหถ. เตนาห ‘‘ตํ สมติกฺกมถา’’ติ.

นิพฺพิทาติ วุฏฺานคามินี. ตตฺถ หิ สุตฺเต วิรชฺชตีติ มคฺคกิจฺจมาห, วิมุจฺจตีติ ผลกิจฺจํ.

สุสิมสุตฺตํ นิทานวคฺเค. ตตฺถ ธมฺมฏฺิติาณํ วุฏฺานคามินีติ วุตฺตา ธมฺมฏฺิติยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท อสมฺมุยฺหนวเสน ปวตฺตนโต. นิพฺพาเน าณนฺติ มคฺคาณมาห.

สฺา โข, โปฏฺปาทาติ เอตฺถ กามํ ‘‘สฺา’’อิจฺเจว วุจฺจติ, ปุพฺเพ ปน ‘‘สฺคฺคํ ผุสตี’’ติ วุตฺตตฺตา อาห ‘‘สฺคฺคนฺติ วุตฺตา’’ติ.

ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธีติ ตเทกเทสภูตา วุฏฺานคามินี วุตฺตา. สมุทาเยสุ หิ ปวตฺตา โวหารา อวยเวสุปิ ปวตฺตนฺตีติ. ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคนฺติ ปาริสุทฺธิยา ปธานการณํ.

ตีหิ นาเมหีติ อนุโลมโคตฺรภุโวทานสงฺขาเตหิ ตีหิ นาเมหิ.

กิตฺติตาติ โถมิตา อริยมคฺคาธิฏฺานตาย. มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสนฏฺเน มเหสินา สมฺมาสมฺพุทฺเธน. สนฺตกิเลสตาย สนฺตา. โยคนฺติ ภาวนํ, ภาวนาภิโยคํ วา.

ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ เอกวีสติมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๒๒. าณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา

ปมมคฺคาณกถาวณฺณนา

๘๐๖. อิทานิ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา นิทฺเทเส อนุปฺปตฺเต สา ยสฺส าณสฺส อนนฺตรํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘อิโต ปรํ โคตฺรภุาณํ โหตี’’ติ อาห. อิโต ปรนฺติ อิโต อนุโลมาณโต อุปริ. นฺติ โคตฺรภุาณํ. เนว ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธึ ภชติ อนิจฺจาทิวเสน สงฺขารานํ อคฺคหณโต. น าณทสฺสนวิสุทฺธึ ภชติ สติปิ นิพฺพานารมฺมณตฺเต กิเลสานํ อเขปนโต. ตโต เอเวตํ วิฺาณธาตูนํ วิสยํ อุทฺเทสนฺตํ ทสฺสนกิจฺจํ กโรนฺตํ กิริยมโนธาตุ วิย มคฺคสฺส อาวชฺชนฏฺานิยํ วุจฺจติ. อนฺตราติ ฉฏฺสตฺตมวิสุทฺธีนํ เวมชฺเฌ. อพฺโพหาริกเมว โหติ อุภยวิสุทฺธิลกฺขณตาภาวโต. ตถาปิ วุฏฺานคามินิยา ปริโยสานตาย วิปสฺสนาปกฺขิกํ. เตเนวสฺส ตํโสตปติตตา. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาโสเต…เป… สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ. เอเตนสฺส ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิภชนํ ทสฺเสติ. โสตสฺส อริยสฺสอาทิโต ปชฺชนํ โสตาปตฺติ, โส เอว มคฺโค, โสตํ วา อริยํ อาทิโต ปชฺชติ อธิคจฺฉตีติ โสตาปตฺติ, ปมโก. ตสฺส มคฺโค โสตาปตฺติมคฺโค. ปฏิสนฺธิวเสน สกิเทว อิมํ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉตีติ สกทาคามี, ตสฺส มคฺโค สกทาคามิมคฺโค. ปฏิสนฺธิวเสน กามภวํ น อาคจฺฉตีติ อนาคามี, ตสฺส มคฺโค อนาคามิมคฺโค. กิเลสาทีนํ หนนาทินา อรหํ, อคฺคมคฺคฏฺโ. ตสฺส ภาโว อรหตฺตํ, โส เอว มคฺโคติ อรหตฺตมคฺโค. จตูสุ มคฺเคสุ าณํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา าณทสฺสนวิสุทฺธิ นาม.

เตหิ ตีหิปีติ เหฏฺา ติณฺณํ อนุโลมาณานํ วุตฺตตฺตา วุตฺตํ, ตีสุ วา ทฺวินฺนํ อนฺโตคธตฺตา. ตีหิปีติ วา วิกปฺปนฺตรสมฺปิณฺฑนตฺโถ ปิ-สทฺโท, เตน ตีหิปิ ทฺวีหิปีติ วุตฺตํ โหติ. อตฺตโน พลานุรูเปนาติ อตฺตโน อตฺตโน อานุภาวานุกูลํ. ปมฺหิ อนุโลมาณํ สพฺโพฬาริกํ, ทุติยํ ตโต นาติโอฬาริกํ, ตติยํ ตโต นาติโอฬาริกํ ตมํ อนฺตรธาเปติ. อถ วา พลานุรูเปนาติ เหฏฺา สงฺขารุเปกฺขาย อาหิตพลานุรูเปน. ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน หิ อนุโลมาณสฺสาปิ มคฺคาณสฺส วิย สทฺธาวิมุตฺตทิฏฺิปฺปตฺตานํ ปวตฺติอาการสิทฺโธ อตฺเถว มุทุติกฺขตาวิเสโส. ปลิโพธโต อุปฏฺาติ ปลิโพธภาวปฏิจฺฉาทกสฺส ตมสฺส อนฺตรธาปิตตฺตา. ‘‘อาเสวนนฺเต’’ติ อิมินา ทุติยสฺส วา ตติยสฺส วา อนุโลมาณสฺส อนนฺตรํ โคตฺรภุาณุปฺปตฺติ, น ปมสฺสาติ ทสฺเสติ ตสฺส อนาเสวนตฺตา. น หิ อลทฺธาเสวนํ โคตฺรภุาณํ อุปฺปาเทตุํ สกฺโกติ. นิมิตฺตาทิวิรหโต, ตพฺพิธุรโต จ ‘‘อนิมิตฺต’’นฺติอาทินา นิพฺพานํ วิเสสิตํ. ปุถุชฺชนโคตฺตนฺติ อริเยหิ อสมฺมิสฺสํ ปุถุชฺชนสมฺํ. โคตฺตนฺติ หิ เอกวํสชานํ สมานา สมฺา, เอวํ อิธาปีติ. ปุถุชฺชนสงฺขนฺติ ตสฺเสว เววจนํ, ปุถุชฺชนภูมินฺติ ปุถุชฺชนวตฺถุํ. เอกนฺติกตาย เอกวารเมว จ อุปฺปชฺชนโต อปุนราวฏฺฏกํ.

พหิทฺธา วุฏฺานวิวฏฺฏเนติ อสงฺขตธาตุยา พหิภาวโต พหิทฺธาสฺิตา สงฺขารคตา วุฏฺานภูเต วิวฏฺฏเน นิปฺผชฺชมาเน ปฺา. อภิภุยฺยตีติ อภิภวติ. ปกฺขนฺทตีติ อนุปวิสติ. เอตฺถ จ ‘‘อุปฺปาทํ อภิภุยฺยตี’’ติอาทินา ปุถุชฺชนโคตฺตาภิภวนํ ตทติกฺกมนมาห. ‘‘อนุปฺปาทํ ปกฺขนฺทตี’’ติอาทินา อริยโคตฺตภาวนํ ตทุภยภาวโต.

๘๐๗. เอกาวชฺชนานํ นานาวีถิตา นตฺถีติ น ตํนิเสธนาย เอกวีถิคฺคหณํ, อถ โข นานารมฺมณานมฺปิ เอกาวชฺชนานํ นานาวีถิตา นตฺถีติ ทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. มหามาติกนฺติ มหนฺตํ อุทกวาหกํ. ลงฺฆิตฺวาติ อโนตรนฺโต เอว อติกฺกมิตฺวา. อุลฺลงฺฆิตฺวาติ อุปริภาเคเนว ลงฺฆิตฺวา. นินฺนโปณปพฺภารตา อุตฺตรุตฺตรวิสิฏฺา นินฺนตาว.

อฏฺหิ าเณหิ อนุกฺกเมน อาหิตวิเสสํ อนุโลมาณํ นิพฺพานารมฺมณสฺส าณสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ ชาตนฺติ อาห ‘‘อุทยพฺพยานุปสฺสนาทินา เวเคน ธาวิตฺวา’’ติ. รูปํ อเนกสนฺตติสมฺพนฺธตาย อเนกวฏฺฏรจิตา รชฺชุ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘รูปรชฺชุํ วา’’ติ. อตฺตภาวสฺส รุกฺขฏฺานิยตาย วุตฺตตฺตา ตํสมฺพนฺธทณฺฑฏฺานิยตา เวทนาทีสุ เอกสฺเสว ยุตฺตา, น เวทนาทิสมุทายสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘เวทนาทีสุ อฺตรทณฺฑํ วา’’ติ. อนุโลมาวชฺชเนนาติ อนุโลมสฺส อาวชฺชเนน. เยน อาวชฺชเนน อนุโลมาณํ อุปฺปชฺชติ, เตน ตํ อารมฺมณํ. ‘‘ปเมน อนุโลมจิตฺเตน อุลฺลงฺฆิตฺวา’’ติ อิทํ สกฺกายตีรสฺส ตสฺส อติกฺกมนารมฺภตาย วุตฺตํ. ‘‘ทุติเยน นิพฺพานนินฺนโปณปพฺภารมานโส’’ติ อิทํ ตสฺส สพฺพสงฺขารโต สาติสยํ อลคฺคํ หุตฺวา วิสงฺขาเร อลฺลีนภาวโต วุตฺตํ. นิพฺพาเน อารมฺมณกรณวเสน ปตติ โยคาวจโร. เอการมฺมเณติ เอกวารํเยว อาลมฺพิเต อารมฺมเณ. เตนาห ‘‘อลทฺธาเสวนตายา’’ติ. เตน เอการมฺมเณ อาเสวนา อุปการวตี, น ตถา นานารมฺมเณติ ทสฺเสติ.

๘๐๘. ตตฺราติ อนุโลมโคตฺรภูนํ อิตรีตรกิจฺจากรเณ. นกฺขตฺตโยคนฺติ นกฺขตฺเตน จนฺทสฺส โยคํ, นกฺขตฺตโยควิภาวนิยํ วา กาลํ, ทิวสนฺติ อตฺโถ.

ตตฺถาติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ.

เอวํ นิพฺพตฺตาหีติ อนุโลมาณานิ วิย สงฺขาเร อนาลมฺพิตฺวา อหํ วิย นิพฺพานารมฺมเณ วตฺตาหีติ มคฺคสฺส โคตฺรภุนา ทินฺนสฺามุฺจนํ, อนุพนฺธนฺจ นิพฺพานารมฺมณกรณเมว สนฺธาย วุตฺตํ.

๘๐๙. ตตฺราติ ตสฺมึ โคตฺรภุนา ทินฺนสฺํ อมุฺจิตฺวา วิย เตน คหิตารมฺมเณเยว วตฺติตฺวา มคฺคสฺส โลภกฺขนฺธาทินิพฺพิชฺฌเน. อุสุํ อสติ ขิปฺปตีติ อิสฺสาโส, ธนุคฺคโห. สรโคจรฏฺานํ นาม อฏฺอุสภมตฺตํ. ตฺจ โข ทูเร ปาติโน มชฺฌิมปุริสสฺส วเสน จตุหตฺถาย ยฏฺิยา วีสติยฏฺิ อุสภํ, เตน อฏฺอุสภมตฺเต ปเทเส หตฺถวเสน จตฺตารีสาธิกฉสตหตฺเถ ปเทเส. ผลกสตนฺติ อสนสารมยํ ผลกสตํ. กุมฺภการจกฺกสทิเส จกฺกยนฺเต. อาวิชฺฌิตฺวาติ ภเมตฺวา. ทณฺฑกฆฏฺฏนาย อุปฺปาเทตพฺพสทฺโท ทณฺฑกสฺา. ผลกสตวินิวิชฺฌนสฺส ปจฺจยภูตา ทณฺฑกสฺา วิย โคตฺรภุาณํ โลภกฺขนฺธาทินิพฺพิชฺฌนสฺส มคฺคาณสฺส ปจฺจยภาวโต. อิสฺสาโส วิย มคฺคาณํ นิพฺพิชฺฌิตพฺพนิวิชฺฌนโต.

๘๑๐. อฏฺมภวโต ปฏฺาย นิพฺพตฺตนกํ อนมตคฺคสํสารวฏฺฏทุกฺขสมุทฺทํ โสเสติ. สทฺธาธนํ สีลธนํ หิริธนํ โอตฺตปฺปธนํ สุตธนํ จาคธนํ ปฺาธนนฺติ อิเมสํ สตฺตนฺนํ อริยธนานํ. สมฺมุขีภาวนฺติ ปจฺจกฺขสิทฺธึ. ปาณาติปาตาทิปฺจเวรานิ เจว ปฺจวีสติมหาภยานิ จาติ สพฺพเวรภยานิ. อฺเสฺจ รตนตฺตเย นิวิฏฺสทฺธาทีนํ. สมุทาเย ปวตฺโต โสตาปตฺติมคฺคสทฺโท ตเทกเทเสปิ ปวตฺตตีติ อาห ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน สมฺปยุตฺตํ าณ’’นฺติ.

ปมมคฺคาณํ นิฏฺิตํ.

โสตาปนฺนปุคฺคลกถาวณฺณนา

๘๑๑. ตสฺเสว โสตาปตฺติมคฺคจิตฺตสฺส. กามฺเจตฺถ นาติติกฺขปฺสฺส ทฺเว, ติกฺขปฺสฺส ตีณิ ผลจิตฺตานิ โหนฺติ, อวิเสสโต ปน คหิตสฺส มคฺคสฺส วเสน ‘‘ทฺเว, ตีณิ วา’’ติ วุตฺตํ. สมาธิมานนฺตริกฺมาหูติ ยํ อตฺตโน ปวตฺติสมนนฺตรํ นิยเมเนว ผลปฺปทานโต อานนฺตริกสมาธีติ อาหูติ อตฺโถ. อนนฺตรเมว ปวตฺตนกํ ผลํ อนนฺตรํ, ตตฺถ นิยุตฺโต, ตํ วา ปโยชนํ เอตสฺสาติ อานนฺตริโก, มคฺโค.

อาเสวนนฺเตติ อาเสวนโต อนฺเต, อาเสวนลาภิโน อนุโลมาณสฺส อนนฺตรนฺติ อตฺโถ. ลทฺธาเสวนเมว อนุโลมํ โคตฺรภุํ อุปฺปาเทติ. อุปริ ปน ฉ, สตฺต วา ชวนานิ ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา จตฺตาริ ผลจิตฺตานิ โหนฺตีติ วเทยฺยาติ อาห ‘‘สตฺตจิตฺตปรมา จ เอกาวชฺชนวีถี’’ติ.

ตํ ปน น สารโต ปจฺเจตพฺพนฺติ โยชนา. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.

๘๑๒. เอตฺตาวตาติ ปมมคฺคานนฺตรํ ผลสฺส อุปฺปตฺติมกฺเกน. ภุสํ ปมตฺโตปีติ เทวรชฺชจกฺกวตฺติรชฺชาทิปมาทฏฺานํ อาคมฺม ภุสํ ปมตฺโตปิ. เยสํ ยถาวุตฺตอาวชฺชนชวนจิตฺตานํ อุปฺปตฺติยา เอส โสตาปนฺโน ปจฺจเวกฺขติ นามาติ อธิปฺปาโย.

เอเตเนว ปสงฺเคน เสสานํ อริยานํ ปจฺจเวกฺขณานิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ.

อุกฺกฏฺปริจฺเฉโทเยว เจโส, ยทิทํ ปฺจนฺนํ, จตุนฺนฺจ ปจฺจเวกฺขณานํ ทสฺสนนฺติ อตฺโถ. ‘‘อภาเวเนวา’’ติ เอเตน ปหีนาวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณสมตฺถตา กสฺสจิ โหติ, กสฺสจิ น โหตีติ ทสฺเสติ. โลโภ เอว โลภธมฺโม.

ทุติยมคฺคาณกถาวณฺณนา

๘๑๓. กามราคพฺยาปาทานํ ตนุภาวายาติ เอเตสํ กิเลสานํ ตนุภาวตฺถํ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ ตนุภาโว อธิจฺจุปฺปตฺติยา, ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ. สกทาคามิสฺส หิ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺส วิย กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กทาจิ วิรฬาการา หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ. ตถา อุปฺปชฺชนฺตาปิ มทฺทนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธการํ กโรนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺวีหิ ปน มคฺเคหิ ปหีนตฺตา มนฺทมนฺทา ตนุกาการา หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘สกทาคามิสฺสาปิ กิเลสา จิเรน อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปชฺชนฺตาปิ พหลาว อุปฺปชฺชนฺติ. ตถา หิสฺส ปุตฺตธีตโร ทิสฺสนฺตี’’ติ, ตํ อการณํ วตฺถุปฏิเสวเนน วินาปิ คพฺภคฺคหณสพฺภาวโต. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว ทฺวีหิ การเณหิ เตสํ ตนุภาโว เวทิตพฺโพ. ทุติยายาติ คณนวเสนปิ ทุติยาย, อุปฺปตฺติวเสนปิ ทุติยาย ภูมิยา. ปตฺติยาติ สามฺผลสฺส ปฏิลาภาย. ตฺหิ สมฺปยุตฺตานํ นิสฺสยภาวโต เต ธมฺมา ภวนฺติ เอตฺถาติ ภูมิ. ยสฺมา วา สมาเนปิ โลกุตฺตรภาเว สยมฺปิ ภวติ อุปฺปชฺชติ, น นิพฺพานํ วิย อปาตุภูตํ, ตสฺมาปิ ‘‘ภูมี’’ติ วุจฺจติ. โยคํ กโรตีติ วิปสฺสนาภิโยคํ กโรติ. ‘‘นวหากาเรหิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ ภวนฺตี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๖๙๙) วุตฺตนเยเนว ยทคฺเคน อินฺทฺริยานํ ติกฺขตํ สมฺปาเทติ, ตทคฺเคน พลานิ, โพชฺฌงฺคานิ จ ปฏุตรภาวํ อาปาเทนฺโต อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคานิ สโมธาเนตฺวา ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน าเณน ปริมทฺทติ. ตตฺถ อปราปรํ าณํ จาเรนฺโต ปริวตฺเตติ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาวีถึ โอคาหตี’’ติ. วุตฺตนเยเนวาติ อุทยพฺพยาณาทีนํ อุปฺปาทเน วุตฺตนเยน. โคตฺรภุอนนฺตรนฺติ เอตฺถ โคตฺรภุ วิย โคตฺรภุ. ปมมคฺคปุเรจาริกาณฺหิ ปุถุชฺชนโคตฺตาภิภวนโต, อริยโคตฺตภวนโต จ นิปฺปริยายโต โคตฺรภูติ วุจฺจติ, อิทํ ปน ตํสทิสตาย ปริยายโต โคตฺรภุ. เอกจฺจสํกิเลสวิสุทฺธิยา, ปน อจฺจนฺตวิสุทฺธิยา อารมฺมณกรณโต จ โวทานนฺติ วุจฺจติ. เตนาห ปฏฺาเน ‘‘อนุโลมํ โวทานสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา ๑.๑.๔๑๗). ยสฺมา ปน ปฏิสมฺภิทามคฺเค อุปฺปาทาทิอภิภวนตฺถํ อุปาทาย ‘‘อฏฺ โคตฺรภุธมฺมา สมาธิวเสน อุปฺปชฺชนฺติ, ทส โคตฺรภุธมฺมา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๖๐) โคตฺรภุนาเมเนเวตํ อาคตํ, ตสฺมา อิธาปิ ‘‘โคตฺรภุอนนฺตร’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ทุติยาณํ นิฏฺิตํ.

ตติยมคฺคาณกถาวณฺณนา

๘๑๔. สกิเทวาติ เอกวารํเยว. ‘‘อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา’’ติ อิมินา ปฺจสุ สกทาคามีสุ จตฺตาโร วชฺเชตฺวา เอโกว คหิโต. เอกจฺโจ อิธ สกทาคามิผลํ ปตฺวา อิเธว โลเก ปรินิพฺพาติ, เอกจฺโจ อิธ ปตฺวา เทวโลเก ปรินิพฺพาติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพาติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาติ. อิเม จตฺตาโรปิ อิธ น คหิตา. โย ปน อิธ ปตฺวา เทวโลเก ยาวตายุกํ วสิตฺวา ปุน อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยํ เอโกว อิธ คหิโตติ เวทิตพฺโพ.

กามราคพฺยาปาทานํ อนวเสสปฺปหานายาติ เตสํเยว สกทาคามิมคฺเคน ตนุกตานํ สํโยชนานํ นิรวเสสปฺปหานาย. ปฏิสนฺธิวเสน กามภวสฺส อนาคมนโต อนาคามี.

ตติยาณํ นิฏฺิตํ.

จตุตฺถมคฺคาณกถาวณฺณนา

๘๑๕. โอปปาติโกติ อุปปาตโยนิโก. อิมินาสฺส คพฺภเสยฺยา ปฏิกฺขิตฺตา. ตตฺถ ปรินิพฺพายีติ ตตฺถ สุทฺธาวาเส ปรินิพฺพายิตา. อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ตสฺมา โลกา อิธ อนาวตฺตนสภาโว, พุทฺธทสฺสนธมฺมสฺสวนานํ ปนตฺถาย อาคมนํ โหติเยว.

รูปราคอรูปราคมานอุทฺธจฺจอวิชฺชานํ อนวเสสปฺปหานายาติ เอเตสํ ปฺจนฺนํ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ นิสฺเสสปฺปชหนตฺถาย. ตตฺถ รูปภเว ฉนฺทราโค รูปราโค. อรูปภเว ฉนฺทราโค อรูปราโค. มาโน อรหตฺตมคฺควชฺฌมาโน. ตถา อุทฺธจฺจาวิชฺชา.

จตุตฺถาณํ นิฏฺิตํ.

อรหนฺตปุคฺคลกถาวณฺณนา

๘๑๖. มหาขีณาสโวติ มหานุภาวตานิพนฺธนํ ปูชาวจนเมตํ, น อุปาทายวจนํ ยถา ‘‘มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ. น หิ จูฬขีณาสโว นาม อตฺถิ. อนฺติมเทหํ ธาเรตีติ อนฺติมเทหธารี. ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารภารานํ โอหิตตฺตา โอโรปิตตฺตา โอหิตภาโร. อนุปฺปตฺโต สทตฺถํ สกตฺถนฺติ อนุปฺปตฺตสทตฺโถ. สทตฺโถติ จ อรหตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ อตฺตุปนิพนฺธนฏฺเน, อตฺตานํ อวิชหนฏฺเน, อตฺตโน ปรมตฺถฏฺเน จ อตฺตโน อตฺถตฺตา สกตฺโถติ วุจฺจติ. ปริกฺขีณานิ ทสปิ ภวสํโยชนานิ เอตสฺสาติ ปริกฺขีณภวสํโยชโน. ขนฺธาทิอตฺถํ สมฺมา อฺาย วิมุตฺโตติ สมฺมทฺาวิมุตฺโต. อคฺโค จ โส ทกฺขิเณยฺโย จ, อคฺคทกฺขิณํ วา อรหตีติ อคฺคทกฺขิเณยฺโย.

โพธิปกฺขิยกถาวณฺณนา

๘๑๗. จตุนฺนํ มคฺคาณานํ วเสน จตุาณาย. อานุภาววิชานนตฺถนฺติ สติปฏฺานปาริปูริอาทิกสฺส อานุภาวสฺส โพธนตฺถํ.

ปริปุณฺณา โพธิปกฺขิยา เอตสฺสาติ ปริปุณฺณโพธิปกฺขิโย, มคฺโค. ตสฺส ภาโว ปริปุณฺณโพธิปกฺขิยภาโว. วุฏฺานพเลหิ สมฺปยุตฺตตาว วุฏฺานพลสมาโยโค, เย สํโยชนาทโย เยน ปมมคฺคาทินา ปหาตพฺพา.

๘๑๘. พุชฺฌนฏฺเน วา โพโธ, มคฺคจิตฺตุปฺปาโท. ตสฺส พุชฺฌนกิริยาย อนุคุณภาวโต ปกฺเข ภวาติ โพธิปกฺขิยา.

๘๑๙. เตสุ โพธิปกฺขิเยสุ. อารมฺมเณสูติ กายาทิอารมฺมเณสุ. โอกฺขนฺทิตฺวาติ อนุปวิสิตฺวา. ปกฺขนฺทิตฺวาติ ตสฺเสว เววจนํ. อุปฏฺานโตติ อสุภาการาทิคฺคหณวเสน อุปคนฺตฺวา อวฏฺานโต. กายาทีสุ อสุภาการาทิคฺคหณํ ปุพฺพภาคสติปฏฺานวเสน สุภสฺาทิปหานกิจฺจสาธนํ มคฺคสติปฏฺานวเสน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ หิ เอกาว สติ จตุกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตติ.

๘๒๐. ปทหนฺตีติ วายมนฺติ, กายจิตฺตานิ ปคฺคณฺหนฺติ วา. อโสภาเหตูนํ สํกิเลสธมฺมานํ ปชหเนน, โสภาเหตูนฺจ โวทานธมฺมานํ ภาวเนน โสภนํ, สุนฺทรนฺติ อตฺโถ. เสฏฺภาวาวหนโตติ ปาสํสตมภาวสาธนโต. ปธานภาวการณโตติ อุตฺตมภาวเหตุโต.

๘๒๑. ปุพฺเพ วุตฺเตนาติ อิทฺธิวิธาณนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๒.๓๖๙) วุตฺเตน. อิชฺฌนฏฺโ นิปฺผชฺชนฏฺโ, ปฏิลาภสมฺปทา วา, เยน วา อิชฺฌนฺติ อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺติ, ตํ อิชฺฌนํ. สมาธิปธานสงฺขารปมุขา มคฺคธมฺมา อิธ ‘‘อิทฺธี’’ติ อธิปฺเปตา. ปุพฺพงฺคมฏฺโ อธิปติปจฺจยภาโว. ตสฺมา โสตาปตฺติมคฺโค อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, ตสฺมา สมฺปยุตฺตา ฉนฺทาทโย ปุพฺพงฺคมฏฺเน ปาโท. ตสฺสา เอว ผลภูตาย วุฏฺานคามินิยา ฉนฺทาทโย ปุพฺพภาคการณฏฺเน ปาโท. โสติ อิทฺธิปาโท. อิเม โลกุตฺตราวาติ อิเม ยถาวุตฺตา ฉนฺทาทโย อุตฺตรจูฬภาชนีเย อาคตนเยน โลกุตฺตรา เวทิตพฺพา. ฉนฺทาทิอธิปติวเสน ปฏิลทฺธธมฺมาปิ ผสฺสาทโย อิทฺธิปาทา โหนฺตีติ อตฺโถ. กามฺเจตฺถ อิทฺธิปาโท โน อธิปติ, อธิปติ วา โน อิทฺธิปาโท นาม นตฺถิ, ยถา ปน เอกสฺมึ รชฺเช รชฺชารเหสุ จตูสุ ราชกุมาเรสุ เอกสฺมึ กาเล เอโกว รชฺชมนุสาสติ, น สพฺเพ, เอวํ เอกเมกสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท เอโกว อธิปติ, อิทฺธิปาโท จ โหตีติ เวทิตพฺโพ.

๘๒๒. อสฺสทฺธิยํ สทฺธาปฏิปกฺขา อกุสลา ธมฺมา, อวตฺถุคโต ปสาทปติรูปโก มิจฺฉาธิโมกฺโข วา. โกสชฺชํ ถินมิทฺธปธาโน อกุสลจิตฺตุปฺปาโท. ปมาโท สติสมฺโมโส ตถาปวตฺตา อกุสลา ขนฺธา. อภิภวนสงฺขาเตน อธิปติยฏฺเนาติ อสฺสทฺธิยาทีนํ อภิภวนโต อภิภวนนฺติ วตฺตพฺเพน อธิโมกฺขปคฺคหอุปฏฺานอวิกฺเขปปชานนสฺส เอกลกฺขเณน สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ อธิปติยฏฺเน. อสฺสทฺธิยาทีหิ จาติ -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ อฏฺานปฺปยุตฺโต, ตสฺมา อกมฺปิยฏฺเน จ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน จ พลนฺติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.

๘๒๓. พุชฺฌนกสตฺตสฺสาติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปฏิวิชฺฌนกสตฺตสฺส. โย เหโส โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย สติอาทิธมฺมสามคฺคิยา กรณภูตาย พุชฺฌติ กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ โพธีติ วุจฺจติ อริยสาวโก, ตสฺส โพธิสฺส พุชฺฌนกสตฺตสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. นิยฺยานิกฏฺเนาติ วฏฺฏโต นิสฺสรณฏฺเน.

๘๒๔. ปุพฺพภาเค นานาจิตฺเตสุ ลพฺภนฺตีติ สมฺพนฺโธ. จุทฺทสวิเธนาติ อานาปานอิริยาปถจตุสมฺปชฺปฏิกฺกูลมนสิการธาตุมนสิการปพฺพานิ, นว สิวถิกปพฺพานิ จาติ เอวํ จุทฺทสวิเธน. กายํ ปริคฺคณฺหโต จ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ ลพฺภติ, น เวทนาทโย ปริคฺคณฺหโต. เอส นโย เสเสสุปิ. ‘‘สุขํ เวทน’’นฺติอาทินาติ วา ‘‘สามิส’’นฺติอาทินาติ วา ‘‘นิรามิส’’นฺติอาทินาติ วา เอวํ นววิเธน. สราคโทสโมหสํขิตฺตมหคฺคตสมาหิตสอุตฺตรวิมุตฺตปทานํ สปฏิปกฺขานํ วเสน โสฬสวิเธน. นีวรณุปาทานกฺขนฺธายตนโพชฺฌงฺคสจฺจปพฺพานํ วเสน ปฺจวิเธน. อิมสฺมึ อตฺตภาเวติ ปจฺจุปฺปนฺเน อตฺตภาเว. อนุปฺปนฺนปุพฺพนฺติ อตฺตโน อภูตปุพฺพํ. ปรสฺส อุปฺปนฺนํ อกุสลํ ทิสฺวา ตนฺนิมิตฺตฺจ วธพนฺธารหาทีนีติ อธิปฺปาโย. ตสฺสาติ ตาทิสสฺส. ภวติ หิ ตํสทิเสปิ ตพฺโพหาโร ยถา ‘‘ตานิเยว โอสธานี’’ติ. ตสฺส ปหานายาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ฌานวิปสฺสนา อิโต อฺสฺมึ อตฺตภาเว อุปฺปนฺนปุพฺพาปิ สิยุนฺติ วุตฺตํ ‘‘อิมสฺมึ อตฺตภาเว อนุปฺปนฺนปุพฺพ’’นฺติ, ฉนฺทิทฺธิปาทสมฺมาวาจานํเยว คหณํ. เตสุ วุตฺเตสุ เสสิทฺธิปาทเสสวิรติโย อตฺถโต วุตฺตาว โหนฺตีติ ลกฺขณหารวเสน อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวํ นานาจิตฺเตสุ ลพฺภนฺติ ปุพฺพภาเค เอเต สติปฏฺานสมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทา. จตุนฺนํ าณานนฺติ จตุนฺนํ อริยมคฺคาณานํ. กามํ สพฺเพปิ โพธิปกฺขิยธมฺมา มคฺคจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนาว, ตถาปิ สาติสโย สมฺมปฺปธานพฺยาปาโร มคฺคกฺขเณติ วุตฺตํ ‘‘ผลกฺขเณ เปตฺวา จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเน’’ติ. อวเสสา เตตฺตึส ลพฺภนฺติ, เต จ โข ปริยายโต, น นิปฺปริยายโตติ อธิปฺปาโย.

๘๒๕. เสเสสุ ปนาติ อิทฺธิปาทาทีสุ ปฺจสุ โกฏฺาเสสุ. ยถา สติวีริเยสุ ‘‘สติปฏฺานํ สมฺมปฺปธาน’’นฺติ สงฺขิปนวเสน หาปนํ, ‘‘กายานุปสฺสนา’’ติอาทิวิภาคทสฺสนวเสน วฑฺฒนํ อตฺถิ, อีทิสํ หาปนวฑฺฒนํ นตฺถีติ อตฺโถ.

๘๒๖. อิทานิ สพฺเพสุ เอว ยถารหํ ลพฺภมานวิภาคทสฺสนตฺถํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ เตสูติ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ. ฉทฺธาติ เอกธา ทฺเวธา จตุธา ปฺจธา อฏฺธา นวธาติ เอวํ ฉปฺปกาเรน เต ภวนฺติ.

ฉนฺทิทฺธิปาทาทิวเสนาติ ฉนฺโท ฉนฺทิทฺธิปาทวเสเนว, จิตฺตํ จิตฺติทฺธิปาทวเสเนว, ปีติปสฺสทฺธิอุเปกฺขา โพชฺฌงฺควเสเนว, สงฺกปฺปาทโย มคฺควเสเนวาติ เอวํ นว เอกวิธาว โหนฺติ.

จุทฺทเสว อสมฺภินฺนาติ สติ วีริยํ ฉนฺโท จิตฺตํ ปฺา สทฺธา สมาธิ ปีติ ปสฺสทฺธิ อุเปกฺขา สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโวติ อิเม อสมฺภินฺนา ปทนฺตรสมฺเภเทน วินา อคฺคหิตคฺคหเณน คยฺหมานา จุทฺทเสว จ สภาวธมฺมา. จุทฺทสาติ จ อุกฺกํสปริจฺเฉเทน วุตฺตํ. ตฺจ โข ปมชฺฌานิกมคฺคจิตฺตุปฺปาทวเสน, ทุติยชฺฌานิเก ปน สมฺมาสงฺกปฺปาภาวโต เตรส, ตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานิเกสุ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคาภาวโต ทฺวาทส โหนฺติ. ‘‘สตฺตตึสปฺปเภทโต’’ติ อิทมฺปิ อุกฺกํสวเสเนว วุตฺตํ, อวกํสโต ปน วุตฺตนเยน เอกสฺมึ ขเณ ฉตฺตึส, ปฺจตึส โหนฺติ, จตุนฺนํ อธิปตีนํ เอกชฺฌํ อนุปฺปชฺชนโต เอกสฺมึ ขเณ เอกสฺเสว อิทฺธิปาทสฺส สมฺภโวติ ทฺวตฺตึส จ โหนฺตีติ เวทิตพฺพํ.

สตฺตตึสปเภทโต กถนฺติ อาห ‘‘สกิจฺจนิปฺผาทนโต’’ติอาทิ, เอกจฺจสฺส สภาวโต เอกสฺสาปิ อตฺตโน อานุภาวานุรูปกายานุปสฺสนาทิตํตํกิจฺจสาธนโตติ อตฺโถ. สรูเปน จ วุตฺติโตติ อเภทสฺส จิตฺติทฺธิปาทาทิกสฺส สรูเปเนว ปวตฺตนโต จ.

เอตฺถาติ าณทสฺสนวิสุทฺธิยํ. กสฺมา ปน โพธิปกฺขิเยสุ ฌานโกฏฺาโส น คหิโต, นนุ ฌานรหิโต อริยมคฺโค นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, ตโต เอว น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘โพธิปกฺขิเยสุ ฌานํ น คหิต’’นฺติ ลกฺขณูปนิชฺฌานลกฺขณสฺส ฌานสฺส มคฺคคฺคหเณเนว คหิตตฺตา. ตฺหิ สนฺธาย ‘‘ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวตี’’ติอาทิ (ธ. ส. ๒๗๗, ๓๔๓ อาทโย) วุตฺตํ. อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขณสฺส ปเนตฺถ สมฺภโว เอว นตฺถิ. อปโร นโย – กสฺมา ปน โพธิปกฺขิเยสุ ฌานโกฏฺาโส น คหิโต, นนุ ฌานรหิโต อริยมคฺโค นตฺถิ, น จ ตํ ปฏิปทา วิย เอกนฺตปุพฺพภาคิยํ, นาปิ เอกจฺจปฏิสมฺภิทา วิย มคฺคนิสฺสนฺโท, อถ โข มคฺคจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺโน, ยโต ‘‘โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวตี’’ติ (ธ. ส. ๒๗๗, ๓๔๓ อาทโย) วุตฺตํ, มคฺคมคฺคปริวารธมฺมา จ โพธิปกฺขิยธมฺมาติ? วุจฺจเต – ยํ ตาว วุตฺตํ ฌานรหิโต อริยมคฺโค นตฺถี’’ติ, ตตฺถ น อริยมคฺคสมฺปโยคมตฺเตน ฌานสฺส โพธิปกฺขิยตา ลพฺภติ อติปฺปสงฺคโต. อาหาราทีนมฺปิ หิ โพธิปกฺขิยตา อาปชฺเชยฺยาติ. เอเตน มคฺคจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตา โพธิปกฺขิยภาวสฺส อการณนฺติ ทสฺสิตํ โหติ.

ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘มคฺคมคฺคปริวารธมฺมา จ โพธิปกฺขิยา’’ติ, ตตฺถ ปริวารฏฺโ กึ สหปวตฺติอตฺโถ, อุทาหุ ปริกฺขารฏฺโติ? ยทิ ปุริโม ปกฺโข, โส ปเคว นิลฺโลจิโต. อถ ทุติโย, อิทํ วิจาเรตพฺพํ. กถํ ปวตฺตมานํ ฌานํ มคฺคสฺส ปริกฺขาโร? ยทิ สหชาตาทิปจฺจยภาเวน, เอวํ สติ ผสฺสาทีนมฺปิ มคฺคปริกฺขารตา อาปชฺชติ. อถ ปฏิปกฺขวิธํสเนน, น สพฺเพ ฌานธมฺมา ปฏิปกฺขวิธํสนสมตฺถา. น หิ วิจาโร, เวทนา จ กสฺสจิ สํกิเลสธมฺมสฺส อุชุปฏิปกฺขภาเวน ปวตฺตนฺติ. ยํ ปน เปฏเก ‘‘สุขํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส, วิจาโร วิจิกิจฺฉาย ปฏิปกฺโข’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปริยาเยน วุตฺตํ. น หิ สุขํ สยํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปฏิปกฺโข, ปฏิปกฺขสฺส ปน สมาธิสฺส ปจฺจยตาย ปฏิปกฺโข. น จ วิจาโร ปฺา วิย, อธิโมกฺโข วิย วา วิจิกิจฺฉาย ปฏิปกฺโข, ปฏิปกฺขสฺส ปฏิรูปตาย ปน ปฏิปกฺโข วุตฺโต. ตถา ปีติปิ น พฺยาปาทสฺส อโทโส วิย อุชุปฏิปกฺโข, อโทสสมฺปโยคโต ปน ปฏิปกฺโข วุตฺโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ตํ ปริยาเยน วุตฺต’’นฺติ. วิตกฺกสมาธโย เอว ปน ฌานธมฺเมสุ อุชุกํ ปฏิปกฺขวิธํสนสมตฺถาติ ปฏิปกฺขวิทฺธํสนสมตฺถสฺส ปริปุณฺณสฺส ฌานโกฏฺาสสฺส อภาวโต น จสฺส โพธิปกฺขิเยสุ สงฺคโห กโต. ยสฺมา ปน สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมาสมาธิ จ มคฺคปริยาปนฺนา ฌานธมฺมา, ตสฺมา เต สนฺธาย ตํสมฺปยุตฺตตาย วา อิตเรปิ คเหตฺวา ปริยาเยน วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ นิยฺยานิก’’นฺติอาทิ (ธ. ส. ๒๗๗).

วุฏฺานพลสมาโยคกถาวณฺณนา

๘๒๗. วุฏฺานํ นิมิตฺตโต, ปวตฺตโต จ วุฏฺานํ. พลสมาโยโค สมถวิปสฺสนาพเลหิ สมฺปยุตฺตตา. ปริฺาภิสมยาทิวเสน ทุกฺขาทีสุ วิเสสทสฺสนฏฺเน มคฺคปฺาปิ วิปสฺสนาติ วุจฺจตีติ ‘‘โลกิยวิปสฺสนา’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘วุฏฺานฏฺเน สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ ภาเวตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๕). นิมิตฺตารมฺมณตฺตา เนวนิมิตฺตา วุฏฺาติ, ปวตฺติ…เป… ฉินฺทนโต น ปวตฺตา วุฏฺาตีติ โยชนา. ตตฺถ นิมิตฺตโต วุฏฺานํ สงฺขารนิมิตฺตํ นิสฺสชฺชิตฺวา นิพฺพานารมฺมณกรณํ. ปวตฺตโต วุฏฺานํ เหตุนิโรเธน อายตึ วิปากปฺปวตฺตสฺส อนุปฺปวตฺติธมฺมตาปาทนํ. เตนาห ‘‘สมุทยสฺส อสมุจฺฉินฺทนโต ปวตฺตา น วุฏฺาตี’’ติ.

ทุภโตติ อุภโต, ท-การาคมํ กตฺวา เอวํ วุตฺตํ. ทุภาติ วา ปทนฺตรเมเวตํ อุภยสทฺเทน สมานตฺถํ. ทสฺสนฏฺเนาติ ปริฺาภิสมยาทิลกฺขเณน จตุสจฺจทสฺสนฏฺเน. มิจฺฉาทิฏฺิยาติ ทฺวาสฏฺิปฺปเภทายปิ มิจฺฉาทิฏฺิยา. ตทนุวตฺตกกิเลเสหีติ อปายคมนียตาย ตสฺสา มิจฺฉาทิฏฺิยา อนุวตฺตเกหิ วิจิกิจฺฉาทิกิเลเสหิ. ขนฺเธหีติ เอตฺถาปิ ตทนุวตฺตกสทฺโท อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺโพ. เต จ มิจฺฉาทิฏฺิอาทิปจฺจยา อุปฺปชฺชนารหา เวทิตพฺพา. มิจฺฉาสงฺกปฺปาติอาทีสุปิ ตทนุวตฺตกกิเลเสหิ จ ขนฺเธหิ จ วุฏฺาติ. พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตหิ วุฏฺาตีติ ปาฬิ สํขิตฺตา. ยถา มิจฺฉาทิฏฺิมิจฺฉาสงฺกปฺปา, เอวํ มิจฺฉาวาจาทโยปิ อปายคมนียา เอว เวทิตพฺพา. มิจฺฉาวาจากมฺมนฺตาชีวา เจตนาสภาวา. มิจฺฉาสติ ตถาปวตฺตา จตฺตาโร ขนฺธา. อุปริมคฺคตฺตเย สมฺมาทิฏฺิ ตํตํมคฺควชฺฌา มานโต วุฏฺาติ. โส หิ ‘‘อหมสฺมี’’ติ ปวตฺติยา ทิฏฺิฏฺานิโย, มิจฺฉามคฺคโต ปเนตฺถ วุฏฺานํ อนุทฺธริตฺวา ตํตํมคฺควชฺฌสํโยชนานุสเยเหว วุฏฺานํ อุทฺธฏํ.

อณุสหคตาติ อณุภาวํ คตา ปตฺตา, ตนุภูตาติ อตฺโถ.

๘๒๘. เอวํ วุฏฺานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ พลสมาโยคํ ทสฺเสตุํ ‘‘โลกิยานฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมถพลํ อธิกํ โหติ สมาธิภาวนาภาวโต. วิปสฺสนาพลํ อธิกํ โหติ าณุตฺตรตฺตา วิปสฺสนาภาวนาย. สมานภาเวน ยุเค นทฺธา พทฺธา วิย โหนฺตีติ ยุคนทฺธา. เตนาห ‘‘อฺมฺํ อนติวตฺตนฏฺเนา’’ติ, กิจฺจโต อนูนาธิกภาเวนาติ อตฺโถ. ตโต เอว สมาโยโคติ สมปริจฺเฉทโยโคติ อตฺโถ.

สมาธิปฏิปกฺขทสฺสนตฺถํ ‘‘อุทฺธจฺจสหคตกิเลเสหี’’ติ วุตฺตํ, อุทฺธจฺจปธาเนหิ กิเลเสหีติ อธิปฺปาโย. อวิกฺเขโป สมาธีติ สมุจฺฉินฺทเนน วิกฺเขปสฺส อุชุปฏิปกฺขภูโต สมาธิ. นิโรธโคจโรติ นิพฺพานารมฺมโณ. วุฏฺานฏฺเนาติ วุฏฺานกภาเวน นิมิตฺตโต, ปวตฺตโต จ วุฏฺหมานวเสน. เอกรสาติ สมานกิจฺจา.

ปหาตพฺพธมฺมปหานกถาวณฺณนา

๘๒๙. เย ธมฺมาติ เย สํกิเลสธมฺมา. สํโยชนาทีสุ สํโยชนฏฺเน พนฺธนฏฺเน สํโยชนานิ, วิพาธนฏฺเน, อุปตาปนฏฺเน วา กิเลสา, มิจฺฉาสภาวาติ มิจฺฉตฺตา, โลเก ธมฺมา โลกปริยาปนฺนา ธมฺมาติ โลกธมฺมา, มจฺเฉรสฺส ภาโว, กมฺมํ วาติ มจฺฉริยํ, วิปรีตฏฺเน วิปลฺลาสา, คนฺถนฏฺเน คนฺถา, อยุตฺตา คตีติ อคติ, อาสวนฺตีติ อาสวา, โอหนนฺตีติ โอฆา, โยชนฏฺเน โยคา, นีวรนฺตีติ นีวรณานิ, ธมฺมสภาวํ อติกฺกมฺม ปรโต อามสนฺตีติ ปรามาสา, ภุสํ อาทิยนฺตีติ อุปาทานานิ, อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ เสนฺตีติ อนุสยา, มลีนภาวกรณฏฺเน มลา, อกุสลกมฺมานิ จ ตานิ สุคติทุคฺคตีนํ, ตตฺถ นิพฺพตฺตนกสุขทุกฺขานฺจ ปถา จาติ อกุสลกมฺมปถา, จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ เอตฺถาติ จิตฺตุปฺปาโท, จิตฺตเจตสิกราสิ, อกุสโล จ โส จิตฺตุปฺปาโท จาติ อกุสลจิตฺตุปฺปาโทติ อกุสลสทฺทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

ขนฺเธหิ ขนฺธานนฺติ อิธโลกกฺขนฺเธหิ ปรโลกกฺขนฺธานํ. ยาวฺหิ เตติ เต รูปราคาทโย ยาว ปวตฺตนฺติ น สมุจฺฉิชฺชนฺติ, ตาว เอเตสํ ขนฺธผลทุกฺขานํ อนุปรโม อวิจฺเฉโทติ. เอเตน เตสํ สํโยชนตฺถํ วิภาเวติ. อุทฺธนฺติ รูปารูปภเวสุ, ตติยมคฺคุปฺปตฺติยา วา อุทฺธํ. อุทฺธํ ภชนฺตีติ อุทฺธํภาคา, รูปารูปภวา, เตสํ อวิจฺเฉทเหตุตาย หิตานิ อุทฺธํภาคิยานิ.

กิลิสฺสนฺติ, กิเลเสนฺติ จาติ ทุวิธมฺปิ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สยํ สํกิลิฏฺตฺตา’’ติอาทิมาห.

มิจฺฉาวิมุตฺติ ‘‘โลกถูปิกาทีสุ โมกฺโข’’ติ ปวตฺตมิจฺฉาวิโมกฺโข. อภินิวิสนาทิวเสน มิจฺฉา วิปรีตํ น สมฺมา ปวตฺตนโต มิจฺฉาาณํ โมโหว.

โลกปฺปวตฺติยาติ ขนฺธปฺปวตฺติยํ สติ. อนุปรมธมฺมกตฺตาติ ปุฺปาปวเสน อปราปรํ อวิจฺฉิชฺชนโต. ‘‘ลาภเหตุโก ลาโภ’’ติอาทินา การโณปจาเรน.

อาวาเส มจฺฉริยํ, อาวาสเหตุกํ วา มจฺฉริยํ อาวาสมจฺฉริยํ.

ตโยติ วตฺถุํ อภินฺทิตฺวา วุตฺตํ, ภินฺทิตฺวา ปน วุจฺจมาเน ทฺวาทส โหนฺติ.

คนฺถกรณํ การณภาเวน ปฏิพทฺธตากรณํ คนฺถนนฺติ ตํ รูปกาเยปิ ลพฺภตีติ อาห ‘‘นามกายสฺส เจว รูปกายสฺส จา’’ติ. ตตฺถ พฺยาปาทสฺสาปิ อภิสชฺชนุปนยฺหวเสน ปวตฺตนโต คนฺถนฏฺโ เวทิตพฺโพ, ยโต ตสฺส ปฏิฆสํโยชนภาโว วุตฺโต.

ฉนฺทโทสโมหภเยหีติ ฉนฺทโทสโมหภยเหตุ. ตฺหีติ อกตฺตพฺพกรณํ, กตฺตพฺพากรณฺจ.

สวนาติ ปวตฺตนโต. สวนโตติ กิเลสาสุจิภาเวน วิสฺสนฺทนโต. ปุน สวนโตติ ปสวนโต.

อากฑฺฒนฏฺเน, ทุรุตฺตรณฏฺเน จาติ เอเตน โอฆา วิย โอฆาติ ทสฺเสติ. อารมฺมเณน, ทุกฺเขน จ วิโยคสฺส อปฺปทานสงฺขาเตน โยชนฏฺเน โยคาติ ทสฺเสติ, สํกิเลสกรณฏฺเนาติ อตฺโถ. เตสฺเวาติ กามราคาทีนํเยว. เต หิ โสตวเสน วตฺตมานา โสโต วิย โสตปติเต สตฺเต อปายสมุทฺทํ ปาเปนฺติ, สํสารสมุทฺทโต จ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทนฺติ, ยถาคหิตฺจ อารมฺมณํ วิสฺสชฺชิตุํ น เทนฺติ, ยาทิสฺจ ปาปํ กตฺวา ทุกฺขปฺปตฺเต ปุนปิ ตาทิเสน โยเชนฺติ.

จิตฺตสฺสาติ กุสลจิตฺตสฺส, วิเสสโต ฌานจิตฺตสฺส. อาทิโต วรณํ อาวรณํ. กิเลสวาสนํ เนตฺวา วรณํ นีวรณํ. กุฏฺฏกวาฏาทีหิ วิย ปิทหนํ ปฏิจฺฉาทนํ, ตํ ปน กุสลาทีนิ สงฺคณฺหิตุํ, ปริฺาตุํ, าตุฺจ อปฺปทานวเสน ทฏฺพฺพํ.

ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส สภาวนฺติ กายาทิกสฺส ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส อสุภาทิสภาวํ. อภูตํ สภาวนฺติ สุภาทิสภาวํ.

ถามคตฏฺเนาติ ถามคตภาเวน. ถามคตนฺติ จ อนฺสาธารโณ กามราคาทีนํ สภาโว ทฏฺพฺโพ. เยน เต เอว ภควตา ‘‘อนุสยา’’ติ วุตฺตา. อนุสยนฺจ มคฺเคน อปฺปหีนภาเวน ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนารหตา. เตนาห ‘‘ปุนปฺปุนํ กามราคาทีนํ อุปฺปตฺติเหตุภาเวน อนุเสนฺติเยวา’’ติ.

ทุมฺโมจนียภาเวน ปวตฺตึ สนฺธายาห ‘‘เตลฺชนกลลํ วิยา’’ติ.

๘๓๐. เสสาติ อนปายคมนียา. สุขุมา กามราคปฏิฆาติ สมฺพนฺโธ. จตุตฺถาณวชฺฌา เอวาติ อวธารเณน ปมาณาทิวชฺฌตา นิวตฺตียติ. ตยิทํ นิยมทสฺสนํ อฺตฺถาปิ เนตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปรโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘นิยมํ น กริสฺสามา’’ติ เอเตน นิยเม อกเต เหฏฺิมมคฺควชฺฌตาปิ อนุฺาตา เอว โหตีติ.

โลภ…เป… จตุตฺถาณวชฺฌานีติอาทีสุ ปมาณาทีหิ หตาปายคมนียาทิภาวานีติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อาทิสทฺเทน โอฬาริกสุขุมตา คหิตา.

ยเสติ ปริวาเร.

อคตีสุ ฉนฺทาทโย กิฺจาปิ อุปริมคฺควชฺฌา, ตถาปิ ตํมูลกสฺส อกตฺตพฺพกรณสฺส, กตฺตพฺพากรณสฺส จ อปายคมนียตาย ปมมคฺควชฺฌา.

กตากตากุสลากุสลวิสยํ ยํ วิปฺปฏิสารภูตํ กุกฺกุจฺจํ, ตํ อิธ ตติยาณวชฺฌํ วุตฺตํ. ยํ ปน ‘‘กุกฺกุจฺจปกตตาย อาปตฺติมาปชฺชตี’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๔๓๘; กงฺขา. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) วุตฺตํ กุกฺกุจฺจํ, ตํ สนฺธาย ‘‘กุกฺกุจฺจวิจิกิจฺฉา โสตาปตฺติมคฺเคน ปหียนฺตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๑๗๖) อฏฺสาลินิยํ วุตฺตํ. ตสฺมา ทฺวินฺนํ วจนานํ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อฺเสุปิ เอทิเสสุ าเนสุ อธิปฺปาโย มคฺคิตพฺโพ, น วิโรธโต ปจฺเจตพฺโพ. โอฬาริกานวเสสปฺปหานํ วา สนฺธาย กุกฺกุจฺจสฺส ปมตติยาณวชฺฌตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ภควตา ปฏิกฺขิตฺตํ อนุวสิตฺวา อนุวสิตฺวา อาวสถปิณฺฑํ ภุฺชิตุ’’นฺติ, ‘‘กุกฺกุจฺจายนฺโต น ปฏิคฺคเหสี’’ติ (ปาจิ. ๒๐๔) ปน อาคตํ กุกฺกุจฺจํ, น นีวรณํ อรหโต อุปฺปชฺชนโต, นีวรณปฏิรูปกํ ปน ‘‘กปฺปติ น กปฺปตี’’ติ วีมํสนภูตํ วินยกุกฺกุจฺจํ นาม, ตํ ตถาปวตฺตจิตฺตุปฺปาโทว.

กามราคปฏิฆานุสยา อณุสหคตา ตติยาณวชฺฌา. โอฬาริกานํ ปน ทุติยาณวชฺฌตา เหฏฺา วุตฺตนยาว.

จิตฺตุปฺปาทคฺคหเณน เจตฺถ มกฺขปฬาสมายาสาเยฺยปมาทถมฺภสารมฺภาทีนํ สงฺคโห กโตติ ทฏฺพฺพํ.

๘๓๑. อผโล วายาโมติ เอตฺถ อตีตานํ ตาว ปชหเน อผโล โหตุ วายาโม นิรุทฺธตฺตา, อนาคตานํ ปน กถนฺติ เตสมฺปิ วกฺขมานํ อวิปรีตมตฺถํ อชานนฺโต นตฺถิตามตฺตํ คเหตฺวา โจเทติ, ตถาปิ ‘‘อผโล’’ติ ปุพฺเพ ปหาตพฺพานํ นตฺถิตาย โจทนา กตา, อิทานิ ปหานสฺส. ยทิ หิ ปหานํ อตฺถิ, กถํ ปหาตพฺพา สนฺติ? อถ ปหาตพฺพา สนฺติ, กถํ ปหานํ โหติ? ปหาตพฺพา จ สนฺติ, ปหานฺจ โหตีติ วิปฺปฏิสิทฺธเมตํ. กสฺมา? ปหาตพฺเพสุ สนฺเตสุ ปหานสฺส อสมฺภวโต ตทุปโค วายาโม อผโล อาโลกตมานํ สหาวฏฺาเน สติ อาโลกสฺส อผลตา วิย. อถาปิ กถฺจิ ปหานํ สิยา? สํกิเลสิกา จ มคฺคภาวนา อาปชฺชติ ปหาตพฺพปหายกานํ สหาวฏฺานโต. วิปฺปยุตฺตตา วา กิเลสานํ จิตฺตวิปฺปยุตฺตสงฺขารวาทีนํ วิปฺปยุตฺตสงฺขารานํ วิยาติ อธิปฺปาโย. ตํ ปน เนสํ วาทีนํ ยถา มติมตฺตํ, เอวมิธาปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น จ ปจฺจุปฺปนฺนกิเลโส จิตฺตวิปฺปยุตฺโต นาม อตฺถี’’ติ. อรูปธมฺมา หิ เอกวตฺถุกาทิภาเวน วตฺตมานา ขณตฺตยปริยาปนฺนา ปจฺจุปฺปนฺนา, เต กถํ จิตฺเตน วิปฺปยุตฺตา นาม สิยุํ, ตสฺมา นตฺเถว วิปฺปยุตฺตตา กิเลสานํ. อาเวณิกาติ อสาธารณา, สยเมว อุปฺปาทิตา ปาฬิ อนารุฬฺหาติ อธิปฺปาโย. ปาฬิยํเยว หิ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. สฺวายํ ปุคฺคโล. หฺจีติ ยทิ.

วินิพทฺโธติ มาเนน ปตฺถทฺธจิตฺโต. ปรามฏฺโติ มิจฺฉาภินิวิฏฺโ. ถามคโตติ ถามคตกิเลโส ถิรภาวคตานุสโย. เตน หิ นตฺถิ มคฺคภาวนาติ ยสฺมา ตีสุปิ กาเลสุ กิเลสานํ ปหานํ น ยุชฺชติ, ติกาลิกา จ กิเลสา, ตสฺมา นตฺถิ มคฺคภาวนา, ตาย สาเธตพฺพํ กิจฺจํ นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘น หิ นตฺถิ มคฺคภาวนา’’ติอาทินา จตุกฺขตฺตุํ วุตฺตสฺส ปฏิกฺเขปสฺส ปฏิกฺเขโป. อิทํ วุตฺตํ ‘‘ปาฬิยํเยว หี’’ติอาทึ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ.

เอวเมวาติ ยถา อชาตผเล ตรุณรุกฺเข มูเล ฉินฺเน อสติ เฉทเน อายตึ อุปฺปชฺชนารหานิ เฉทนปจฺจยา อนุปฺปชฺชมานานิ วินฏฺานิ นาม โหนฺติ, เอวเมว มคฺคภาวนาย อสติ อุปฺปชฺชนารหา กิเลสา มคฺคภาวนาย อนุปฺปชฺชมานา ‘‘ปหีนา’’ติ วุจฺจนฺตีติ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ. อุปฺปาโทติ อุปฺปาทสีเสน อุปฺปาทวนฺโต ขนฺธา วุตฺตา. อนุปฺปาเทติ นิพฺพาเน. อชาตาเยว น ชายนฺติ, ตสฺมา ปหีนา นาม โหนฺตีติ ‘‘นตฺถิ กิเลสปฺปหาน’’นฺติ ปรวาทินา กโต ปฏิกฺเขโป ‘‘น หี’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต. เต ปน เนว อุปฺปชฺชิตฺวา วิคตา, นาปิ ภวิสฺสนฺติ, น จ อุปฺปนฺนาติ ‘‘อตีเต กิเลเส ปชหตี’’ติอาทิ น วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. เหตุนิโรธาติ ทุกฺขเหตูนํ กิเลสานํ นิโรธา. ทุกฺขนิโรโธติ อายตึ อุปฺปชฺชนกทุกฺขสฺส นิโรโธ. อุปฺปาทปวตฺตนิมิตฺตายูหนา ปจฺจุปฺปนฺนภววเสน คหิตา.

๘๓๒. เอเตนาติ ‘‘อชาตาเยว น ชายนฺตี’’ติอาทิวจเนน. วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสงฺขาตํ ภูมิปวตฺติฏฺานํ ลทฺธวนฺโต ภูมิลทฺธา ยถา ‘‘อคฺคิอาหิโต’’ติ, ลทฺธภูมิกาติ อตฺโถ. วตฺตมานาทิอุปฺปนฺนวิธุรตาย ภูมิลทฺธุปฺปนฺนา เอว นาม เตติ วุตฺตํ.

๘๓๓. อนุภวิตฺวา, ภวิตฺวา จ อปคตํ ภูตาปคตํ. อนุภูตภูตา หิ ภูตตาสามฺเน ภูตสทฺเทน วุตฺตา. สามฺเมว หิ อุปสคฺเคน วิเสสียตีติ. อนุภูตสทฺโท จ กมฺมวจนิจฺฉาย อภาวโต อนุภาวกวาจโก ทฏฺพฺโพ. วิกปฺปคาหวเสน ราคาทีหิ, ตพฺพิปกฺเขหิ จ อกุสลํ, กุสลฺจ อารมฺมณรสํ อนุภวติ, น วิปาโก กมฺมเวคกฺขิตฺตตฺตา, นาปิ กิริยา อเหตุกานํ อติทุพฺพลตาย, สเหตุกานฺจ ขีณกิเลสสฺส ฉฬงฺคุเปกฺขาวโต อุปฺปชฺชมานานํ อติสนฺตวุตฺติตฺตา. เอตฺถ จ ปุริมนเย กุสลากุสลเมว วตฺตุํ อธิปฺปายวเสน ‘‘ภูตาปคต’’นฺติ วุตฺตํ. ยํ ‘‘อุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๖๕๑-๖๖๒; วิภ. ๓๙๐-๓๙๑) เอตฺถ ‘‘อุปฺปนฺน’’นฺติ คเหตฺวา ตํสทิสานํ ปหานํ, วุทฺธิ จ วุตฺตา. ปจฺฉิมนเย จ-สทฺเทน กุสลากุสลฺจ อากฑฺฒิตฺวา สพฺพํ สงฺขตํ วุตฺตํ ภุตฺวาปคตภาวาภิธานาธิปฺปาเยน. วิปจฺจิตุํ โอกาสกรณวเสน อุปฺปตฺติตํ อตีตํ กมฺมฺจ ตโต อุปฺปชฺชิตุํ อารทฺโธ วิปาโก จ อนาคโต โอกาสกตุปฺปนฺโนติ วุตฺโต โอกาโส กโต เอเตน, โอกาโส กโต เอตสฺสาติ จ อตฺถทฺวยวเสน, ยํ อุปฺปนฺนสทฺเทน วินาปิ วิฺายมานํ อุปฺปนฺนํ สนฺธาย ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, สฺเจตนิกานํ กมฺมาน’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๒๑๗, ๒๑๙) วุตฺตํ.

ตาสุ ตาสุ ภูมีสูติ มนุสฺสเทวาทิอตฺตภาวสงฺขาเตสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ. ตสฺมึ ตสฺมึ สนฺตาเน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อนาปาทิตตาย อสมูหตํ. อสมูหตตฺตาเยว หิสฺส นตฺถีติ นวตฺตพฺพตาย อุปฺปนฺนโวหาโร.

๘๓๔. ‘‘กา ภูมิ, โก วา ภูมิลทฺโธ’’ติ อาสงฺกํ นิวตฺเตตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ‘‘วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา’’ติ เอเตน ขนฺธานํ อปริฺาตตํ ทสฺเสติ, น อารมฺมณภาวมตฺตํ เตภูมกคฺคหเณเนว ตสฺส สิทฺธตฺตา. อปริฺาตา หิ ขนฺธา กิเลสานํ ภูมีติ อธิปฺเปตา. ขนฺเธสุ วตฺถุภูเตสุ. อารมฺมณวเสนาติ อารมฺมณกรณวเสน. อตีตานาคเต, ปเคว ปจฺจุปฺปนฺเนติ อธิปฺปาโย. นฺติ ตํ อฺสนฺตานคตํ กิเลสชาตํ. ตโต อฺสฺมึ สนฺตาเน อารมฺมณกรณมตฺเตน ภูมิลทฺธํ นาม ยทิ สิยาติ สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ กิเลสชาตสฺส. อปฺปเหยฺยโต ปรสนฺตติปติตตฺตา น โกจิ ภวมูลํ ปชเหยฺย. ภูมิลทฺธฺหิ อนุสยิตํ นาม โหตีติ อธิปฺปาโย. วตฺถุวเสนาติ อุปฺปตฺติฏฺานวเสน. ยตฺถ ยตฺถ ภเว, สนฺตาเน วา. ปริฺาตานํ อภูมิภาวโต ‘‘อปริฺาตา’’ติ วุตฺตํ. อุปฺปาทโต ปภุตีติ เตสํ ขนฺธานํ อุปฺปชฺชนโต ปฏฺาย. กิเลสานํ อปฺปหีนภาวํ เปตฺวา อฺสฺส การณสฺส อภาวโต เตสุ ขนฺเธสุ กิเลสชาตํ อนุเสติ, ตสฺมา ตํ อนุสยิตํ กิเลสชาตํ, เตเนว อนุสยนสงฺขาเตน อปฺปหีนฏฺเน ภูมิลทฺธนฺติ เวทิตพฺพํ.

๘๓๕. ตตฺถ จ ภูมิภูเตสุ ขนฺเธสุ น สพฺเพ สพฺเพสํ วตฺถู โหนฺติ, อถ โข วิเสโส อตฺถีติ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยสฺส เยสู’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺสาติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส. เยสูติ สติปิ อชฺฌตฺตภาวสามฺเ เยสุ อตีตาทิกามาวจราทิเภทภินฺเนสุ ขนฺเธสุ. เต เอว ยถานุสยิตา ขนฺธา. กึ ปเนเต กิเลสา อารมฺมณํ กโรนฺตา วิย ปริจฺฉิชฺช ปริจฺฉิชฺช อนุเสนฺตีติ? ยโต เต เอว ขนฺธา เตสํ กิเลสานํ วตฺถูติ วุตฺตา, น เหว โข อนุสยานํ วตฺถุํ ปริจฺฉิชฺช ปวตฺติ อตฺถิ. อตีตาทิกามาวจราทิวเสน ปน ยถาปริจฺฉินฺเน วตฺถุสฺมึ โย กิเลสานํ อปฺปหีนฏฺโ, โส ปริจฺฉิชฺช ปวตฺโต วิย โหตีติ ‘‘อตีตกฺขนฺเธสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน วตฺถุวเสน ภูมิลทฺธํ โหตีติ วตฺถุเภเทน สิยา ตสฺส เภโทติ ทสฺเสติ. ตถาววตฺถิตภาวโต เอว หิ ‘‘อฺตโร โลลชาติโก ตํ รสปถวึ องฺคุลิยา สายี’’ติอาทิวจนํ (ที. นิ. ๓.๑๒๐) กามาวจรกฺขนฺเธสุ อนุสยิตานํ รสตณฺหาทีนํ รูปารูปาวจรกฺขนฺเธ อติกฺกมิตฺวา ปุน กามาวจรกฺขนฺธวตฺถุกตํ วิภาเวติ. เตนาห ‘‘ตถา กามาวจรกฺขนฺเธสู’’ติอาทิ. ยถา เจตฺถ รูปารูปาวจรกฺขนฺเธ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺติ, เอวํ กามาวจรกฺขนฺเธ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺติ โหตีติ อาห ‘‘เอส นโย รูปารูปาวจเรสู’’ติ.

ปริยุฏฺานาภิภวนวเสน จ กิเลสานํ อนุสยนฏฺโ อนุมียติ ตทภาเว อภาวโต. ยสฺส เย อนุสยา ปหีนา, เตสํ วตฺถุ เตน สมติกฺกนฺตํ ปริฺาตตฺตาติ กุโต เนสํ ภูมิสมฺาติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘โสตาปนฺนาทีสุ ปนา’’ติอาทิ. อิธ วฏฺฏมูลกิเลสาติ อนุสยา อธิปฺเปตา, น อวิชฺชา, ภวตณฺหา จ. ยํ กิฺจิ เจตนาเจตสิกเภทํ, กายิกาทิเภทํ วา. อิตีติ เอวํ, อปฺปหีนานุสยตฺตาติ อธิปฺปาโย. อสฺสาติ ปุถุชฺชนสฺส. เต ปเนเต อนุสยา อตีตาทิกามาวจราทิวเสน ยถาปริจฺฉินฺเน ตตฺถ ตตฺถ วตฺถุสฺมึ อนุสยนฺตาปิ เต เต ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ อวิภาเคเนว วตฺถุํ กตฺวา อนุเสนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺเสตํ วฏฺฏมูล’’นฺติอาทิมาห.

๘๓๖. อิทานิ ตมตฺถํ อนฺวยพฺยติเรกวเสน อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ปถวีรสาทิ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รุกฺขคจฺฉลตาทีนํ ปจฺจยภูโต สสมฺภารปถวิยา รโส ปถวีรโส. อาโปรเสปิ เอเสว นโย. สาขา นาม ขุทฺทกสาขา. ปสาโข วิฏโป. รุกฺขปเวณินฺติ รุกฺขปราปรํ. สนฺตานยมาเนติ อปราปรํ อนุปฺปพนฺธนฺเต.

มณฺฑูกกณฺฏโกติ เอโก มจฺฉกณฺฏโกติ วทนฺติ. อนุปาทาโนติ ปหีนจตุรุปาทาโน, รูปาทีสุ วา กิฺจิปิ อคณฺหนฺโต.

๘๓๗. อิธ สมุทาจาโร นาม ลทฺธตฺตลาภตาติ ขณตฺตยสมงฺคิสมุทาจารุปฺปนฺนนฺติ อาห ‘‘วตฺตมานุปฺปนฺนเมว สมุทาจารุปฺปนฺน’’นฺติ. ปุพฺพภาเค อนุปฺปชฺชมานมฺปีติ ตสฺมึ อาปาถคเต อารมฺมเณ อาทิโต ปวตฺตชวนวาเรสุ อนุปฺปชฺชมานมฺปิ. อธิคฺคหิตตฺตาติ อโยนิโสมนสิกาเรน อภิรุยฺห คหิตตฺตา, ทฬฺหํ คหิตตฺตาติ อตฺโถ. อปรภาเคติ อปรสฺมึ กาลภาเค, กาลนฺตเรติ อตฺโถ. เอกนฺเตน อุปฺปตฺติโตติ ปจฺจยสมวาเย สติ ตถา อโยนิโสมนสิการสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตตฺตา นิยเมน อุปฺปชฺชนโต. กลฺยาณิคาเมติ เอวํนามเก คาเม. โรหเณ กิร อภิรูปานํ อิตฺถีนํ อุปฺปตฺติฏฺานตาย โส คาโม ตถา วุจฺจติ. จิตฺตสนฺตติมนารุฬฺหนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนตํ ปฏิเสเธติ. ‘‘อุปฺปตฺตินิวารกสฺส เหตุโน อภาวา’’ติ เอเตน ปจฺจเย สติ ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนารหตาย อวิกฺขมฺภิตสฺส อุปฺปนฺนตาปริยาโยติ ทสฺเสติ. นนุ จ อสมูหตุปฺปนฺนมฺปิ ปจฺจเย สติ อุปฺปชฺชนารหเมว? สจฺจเมตํ, ปหานวิเสสภาวกโต ปน เนสํ เภโท. ยถา อวิกฺขมฺภิตาสมูหตภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ สติ ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนารหํ, เอวํ อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนมฺปีติ ติวิธสฺสาปิ ภูมิลทฺเธน เอกสงฺคหตา วุตฺตา.

๘๓๘. อกุสลมฺปิ ภูตาปคตุปฺปนฺนํ อตีตตฺตา น ปหาตพฺพํ, ตถา เอกจฺจํ โอกาสกตุปฺปนฺนํ อิตรํ อปฺปหาตพฺพโต, เสสทฺวยํ ขณตฺตยสมงฺคิภาวโตติ อาห ‘‘อมคฺควชฺฌตฺตา’’ติ. เกนจีติ จตูสุ มคฺคาเณสุ เกนจิ. ตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส จตุพฺพิธสฺสปิ อุปฺปนฺนสฺส. ตํ อุปฺปนฺนภาวํ วินาสยมานนฺติ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทเนน อุปฺปชฺชนารหตํ วินาเสนฺตํ. ปมํ โลกิยาเณน ยถาพลํ ปหีนเมว โลกุตฺตราณํ ปชหตีติ โลกิยคฺคหณํ กตํ.

ปริฺาทิกิจฺจกถาวณฺณนา

๘๓๙. สจฺจาภิสมยกาลสฺมินฺติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปฏิวิชฺฌนกฺขเณ. วุตฺตานีติ ‘‘ทุกฺขํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๙), ‘‘โย, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) จ วุตฺตานิ. ยถาสภาเวนาติ อวิปรีตสภาเวน. ‘‘ชานิตพฺพานี’’ติ วตฺวา เตสํ ชานนวิธึ อุปมาวเสน อฏฺกถายํ ตาว วุตฺตนเยน ทสฺเสตุํ ‘‘วุตฺตํ เหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ ยถา ปทีโปติอาทิ เอกสฺส าณสฺส เอกกฺขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ กถํ สมฺภวนฺติ. น หิ ตาทิสํ กิฺจิ โลเก ทิฏฺํ อตฺถิ, น จ วจนํ ลพฺภตีติ อนฺโตลีนโจทนํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปริฺาภิสมเยนา’’ติ. อนวเสสโต ปริจฺฉิชฺช ชานนสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน อภิสเมติ อสมฺโมหวเสน ปฏิวิชฺฌติ. ปหานาภิสมเยนาติ สมุจฺเฉทปฺปหานสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน อสมฺโมหโต อภิสเมติ. มคฺคํ ภาวนาภิสมเยนาติ มคฺคาณํ สมฺมาสงฺกปฺปาทิเสสมคฺคํ สหชาตาทิปจฺจยตาวเสน ภาวนาภิสมเยน. อภิสเมติ ปุพฺพภาคภาวนาสมฺภูเตน อริยมคฺคภาวนาสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน อภิสเมติ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌติ. มคฺคาณฺหิ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ สมฺโมหํ วิทฺธํเสนฺตํ อตฺตนิปิ สมฺโมหํ วิทฺธํเสติเยว. นิโรธนฺติ นิพฺพานํ. สจฺฉิกิริยาภิสมเยนาติ ปจฺจกฺขกรณสงฺขาเตน ปฏิวิชฺฌเนน. ปาปุณาตีติ อธิคจฺฉติ. สฺวายํ อธิคโม ทสฺสนปฏิเวโธติ อาห ‘‘ปสฺสติ ปฏิวิชฺฌตี’’ติ.

‘‘นิโรธํ…เป… ปฏิวิชฺฌตี’’ติ เอเตน นิโรธสจฺจเมกํ อารมฺมณปฏิเวเธน จตฺตาริปิ สจฺจานิ อสมฺโมหปฏิเวเธน มคฺคาณํ ปฏิวิชฺฌตีติ เอวํ ยุตฺติวเสน วิภาวิตํ เอกปฏิเวธํ อาคเมนปิ สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สพฺพํ เวทิตพฺพ’’นฺติ อิมินา ‘‘โย ทุกฺขสมุทยํ ปสฺสติ, โส ทุกฺขมฺปิ ปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) อาคตํ สมุทยํ สจฺจาทิมูลกํ โยชนํ สงฺคณฺหาติ.

น เจตํ กาลนฺตรทสฺสนํ สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข เอกปฏิเวธเมวาติ ทสฺเสนฺเตน ‘‘มคฺคสมงฺคิสฺส าณํ, ทุกฺเขเปตํ าณ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๗๙๔; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๙) อปรํ สุตฺตปทํ อานีตํ. ตถา หิ ‘‘โย นุ โข, อาวุโส, ทุกฺขํ ปสฺสติ, ทุกฺขสมุทยมฺปิ โส ปสฺสติ…เป… ปฏิปทมฺปิ โส ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๐) เอกสจฺจทสฺสนสมงฺคิโน อฺสจฺจทสฺสนสมงฺคิภาววิจารณาย ตมตฺถํ สาเธตุํ อายสฺมตา ควมฺปติตฺเถเรน วุตฺตํ, ปจฺเจกฺจ สจฺจตฺตยทสฺสนโยชนา กตา. อฺถา กมาภิสมเย ปุริมทิฏฺสฺส ปุน อทสฺสนโต สมุทยาทึ ปสฺสโต ทุกฺขาทิทสฺสนํ ปุน อวตฺตพฺพํ สิยา, วุจฺจมาเน จ สพฺพทสฺสนํ ทสฺสนนฺตรปรมนฺติ ทสฺสนานุปรโม เอว สิยาติ.

นิสฺสยภาวเหตุตาย ทุกฺขปริฺาย วฏฺฏิฌาปนสทิสตา, ปฏิปกฺขวิทฺธํสนตาย สมุทยปฺปหานสฺส อนฺธการวิธมนสทิสตา, าณาโลกปริพฺรูหนตาย มคฺคภาวนาย อาโลกวิทฺธํสนสทิสตา, เตน เตน มคฺเคน ยถา ยถา นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยา, ตถา ตถา กิเลสสฺเนหปริยาทานํ โหตีติ นิโรธสจฺฉิกิริยาย สฺเนหปริยาทานสทิสตา การณูปจาเรน วุตฺตา.

๘๔๐. โอภาเสตีติ ปกาเสติ. กิเลสปฏิปฺปสฺสทฺธินฺติ สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสมภาวโต กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิภูตํ.

๘๔๑. อปฺเปตีติ ปปฺโปติ. ทุกฺขปริฺาย สกฺกายตีรสมติกฺกมภาวโต โอริมตีรปฺปหานสทิสตา, มคฺคภาวนาย สตฺตตฺตึสโพธิปกฺขิยธมฺมาวหนตาย ภณฺฑวหนสทิสตา.

๘๔๒. ปวตฺตํ าณํ อสฺสาติ ปวตฺตาโณ, มคฺโค. อสฺส มคฺคสฺส.

ตถฏฺเนาติ ตถสภาเวน, ปีฬนาทิอวิปรีตสภาเวนาติ อตฺโถ. เอกปฏิเวธานีติ เอกชฺฌํ ปฏิวิชฺฌิตพฺพาการานิ.

ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา พุทฺธานุสฺสติวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฏี. ๑.๑๔๔) วุตฺตเมว. เอกสงฺคหิตานีติ เอเกเนว สงฺคหิตานิ. เกน? ตถฏฺเน, สจฺจฏฺเนาติ อตฺโถ. ยํ เอกสงฺคหิตนฺติอาทิ าณสฺส เอกปฏิเวธทสฺสนํ. มคฺคาณฺหิ นิโรธเมว อารมฺมณํ กโรนฺตมฺปิ โย โส ทุกฺขาทีสุ ตจฺฉาวิปลฺลาสภูตภาวสงฺขาโต สจฺจฏฺโ, ตปฺปฏิจฺฉาทกสมฺโมหวิทฺธํสเนน ตํ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌนฺตํ ปจฺจกฺขํ กโรนฺตเมว ปวตฺตติ. ยโต อปรภาเค ปีฬนาทโย โสฬสปิ สจฺจฏฺา อริยสฺส หตฺถามลกํ วิย ยาถาวโต อุปฏฺหนฺติ.

๘๔๓. อตฺถาติ าเณน อรณียโต อตฺถาติ ลทฺธสมฺา อาการา. อฺสจฺจทสฺสนวเสนาติ สมุทยาทิสจฺจนฺตรทสฺสนวเสน. อาวิภาวโตติ ปกาสภาวโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย อาการา ทุกฺขาทีสุ สภาววเสน, สจฺจนฺตรทสฺสนวเสน จ อาวิภวนฺติ, เต ปีฬนาทโย จตฺตาโรเยวาติ โสฬเสว วุตฺตา, น อฺเติ. อยมตฺโถ อิธาธิปฺเปโตติ กถมิทํ วิฺายตีติ อาห ‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺเข าณ’’นฺติอาทิ. เตเนตํ ทสฺเสติ – ยสฺมา ปาฬิยํ วิสุํ วิสุํ อารมฺมณกรณวเสนปิ สจฺจาณํ วุตฺตํ กิจฺจนิพฺพตฺติวเสนปิ, ตสฺมา วิฺายติ ‘‘สภาวโต, สจฺจนฺตรทสฺสนโต จ สจฺจานํ อาการา อาวิภวนฺตี’’ติ.

กิจฺจนิพฺพตฺติวเสน ทสฺสนํ อาวิภาวโต ทสฺสนสทิสนฺติ ตํ อนามสิตฺวา อิตรเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถาติ เตสุ ทฺวีสุ ทสฺสเนสุ. อายูหิตนฺติ ปิณฺฑวเสน นิพฺพตฺติตํ. ยฺหิ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ นาม, สพฺพํ ตํ สมุทิตเมว นิพฺพตฺตตีติ. สงฺขตนฺติ ปจฺจยนฺตเรหิ สเมจฺจ สมฺภูย กตํ. ราสิกตนฺติ ปุฺชกตํ. อเนกเมว หิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ เอกชฺฌํ นิพฺพตฺตมานํ อตฺตโน ปจฺจเยหิ ราสิกตํ วิย โหตีติ. ตสฺมาติ สมุทเยน อายูหิตตฺตา. อสฺสาติ ทุกฺขสจฺจสฺส. ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปนฺโน, ตสฺส กิเลสสนฺตาปหโร. สยมฺปิ กิเลสปริฬาหาภาวโต สุสีตโล. สนฺตาปฏฺโ อาวิภวติ อุฬารทสฺสเนน ตทฺสฺส อนุฬารภาโว วิยาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อายสฺมโต’’ติอาทิ. อวิปริณามธมฺมสฺส นิจฺจสภาวสฺส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ ปฏิปกฺขโต อาวิภวนาการสฺส สุขสิทฺธิโต.

นิทานฏฺโ อาวิภวติ อิทมสฺส นิททาตีติ. สํโยคปลิโพธฏฺา ปฏิปกฺขวเสน อาวิภวนาการาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วิสํโยคภูตสฺสา’’ติอาทิ. กิเลสทุกฺเขหิ สํโยชนฏฺโ สํโยคฏฺโ. สํสารจารเก ปลิพุทฺธนฏฺโ ปลิโพธฏฺโ.

กิเลสสงฺคณิกาทิวเสน อวิเวกภูตสฺส. วิเวกฏฺโ อุปธิวิเวกตา. สพฺพสงฺขารวิวิตฺตตา อสงฺขตภาโวติ เอวํ อจฺฉริยพฺภุตสภาโวปิ อริยมคฺโค สงฺขโต เอว, อยเมว จ เอโก อสงฺขโตติ นิโรธสฺส อสงฺขตภาโว สุปากโฏ โหติ. ทุกฺขํ วิสํ มรณธมฺมโต ตสฺส อคทภูตํ อมตํ นิพฺพานํ.

‘‘มคฺโค’’ติ สมฺภาเวตพฺพตํ ปตฺโต สุขุมสนฺตภาเวน อุปฏฺิโต นิกนฺติภูโตปิ นายํ สมุทโย เหตุ นิพฺพานสฺส ปตฺติยา. อยํ อริยมคฺโค เหตูติ มคฺคามคฺคาณทสฺสเน วุตฺตนเยน มคฺคสฺส เหตุฏฺโ อาวิภวติ. นิโรธทสฺสเนนาติ อติวิย นิปุณสฺส ปรมคมฺภีรสฺส นิโรธสจฺจสฺส ทสฺสเนน. เตนาห ‘‘ปรมสุขุมานี’’ติอาทิ. ทุกฺขทสฺสเนนาติ อติวิย อาทีนวปฺปตฺติยา วิปุลตราทีนวสฺส ทุกฺขสจฺจสฺส ทสฺสเนน. ตปฺปฏิปกฺขโต อาธิปเตยฺยฏฺโ. เตนาห ‘‘อเนกโรคาตุร…เป… อุฬารภาโว วิยา’’ติ. เอวเมเต ยถารหํ อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ สจฺเจสุ อาวิภวนาการา วิภาวิตา.

เอเกกสฺสาติ เอเกกสฺส อตฺถสฺส, ปีฬนายูหนนิสฺสรณนิยฺยานฏฺเ สนฺธายาห. ติณฺณํ ติณฺณนฺติ สงฺขตาทิอตฺเถ. เย ปน วาทิโน. นานาภิสมยนฺติ นานาาเณน อภิสมยํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ นานากฺขเณ นานาาเณน ปฏิวิชฺฌนนฺติ อตฺโถ. ยทิ หิ มคฺคาณสฺส จตูสุ สจฺเจสุ นานาภิสมโย สิยา, ทุกฺขทสฺสนาทีหิ ปมมคฺคาทีหิ ปหาตพฺพานํ สํโยชนตฺตยาทีนํ เอกเทสปฺปหานํ อาปชฺชติ. ตถา จ สติ เอกเทสโสตาปตฺติมคฺคฏฺตาทิปฺปสงฺโค. ตํตํทสฺสนานนฺตรฺจ ตํตํผเลน ภวิตพฺพนฺติ ตํตํปเหยฺยกิเลสปฏิปฺปสฺสทฺธิภูตานํ ผลานํ มคฺคานํ วิย จตุกฺกตา สิยา. ตถา จ สติ เอกเทสโสตาปนฺนตาทิปฺปสงฺโค. กิฺจ ภิยฺโย – ยทิ มคฺคาณสฺส นานาภิสมโย สิยา, อฺเน าเณน ทุกฺขํ ปสฺสติ. อฺเน สมุทยํ, อฺเน นิโรธํ, อฺเน มคฺคํ, เอวํ สติ มคฺคกิจฺจํ อปริปุณฺณเมว สิยา. มคฺคทสฺสเนน หิ ทฺวยคติ, เตเนว วา ตสฺส ทสฺสนํ, อฺเน วาติ. ตตฺถ ปโม ตาว ปกฺโข น ยุชฺชติ อตฺตนิ ปวตฺติยา อสมฺภวโต. น หิ เตเนว องฺคุลคฺเคน ตเมว ปรามสิตุํ สกฺกา. อถ อฺเน อนวฏฺานปฺปสงฺโค ‘‘เยน มคฺคํ ปสฺสติ, โสปิ มคฺโค. ตมฺปิ เยน ปสฺสติ, โสปิ มคฺโค’’ติ. ตสฺมา เอกาภิสมยโต ยถาวุตฺโต อสมฺโมหปฏิเวโธว ยุตฺโต. อปิจ ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ, สมุจฺฉินฺทิตพฺพฺจ สจฺจทฺวยํ อารพฺภ ปวตฺตมานสฺส มคฺคาณสฺส ปริจฺฉินฺทนสมุจฺฉินฺทนานิ น สมฺภวนฺติ ตโต อนิสฺสรณโต. น หิ ทุกฺขปริฺาสมุทยปฺปหานานิ ทุกฺขสมุทยสจฺจารมฺมเณน าเณน กาตุํ สกฺกุเณยฺยานิ. นิพฺพานารมฺมเณน ปน ตตฺถ, อิตรทฺวเย จ สมฺโมหํ วิทฺธํเสนฺเตน สกฺกา กาตุนฺติ เอกาภิสมโย เอว ยุตฺโต. อยํ ปน อตฺโถ ปาฬิยํ อาคโต เอวาติ ‘‘เตสํ อุตฺตรํ อภิธมฺเม กถาวตฺถุสฺมึ วุตฺตเมวา’’ติ.

ปริฺาทิปฺปเภทกถาวณฺณนา

๘๔๕. อภิฺาปฺาติอาทีนํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. อปิจ สุตมยาย, จินฺตามยาย, เอกจฺจภาวนามยาย จ อภิวิสิฏฺาย ปฺาย าตา อภิฺาตา. อาเวณิกา ภูมิ ปริฺนฺตรานํ อวิสยภาวโต. น หิ นามรูปปริจฺเฉทปจฺจยปริคฺคหณวเสน ตีรณปริฺาทีนํ ปวตฺติ อตฺถิ.

๘๔๖. อนุโลมาณมฺปิ อนิจฺจาทิวเสเนว สงฺขาเร อารพฺภ ปวตฺตติ, ปเคว ปฏิสงฺขานุปสฺสนาทโยติ อาห ‘‘ยาว อนุโลมา อาเวณิกา ภูมี’’ติ. กามฺเจตฺถ ตีรณปริฺาภูมิยํ าตปฺปหานปริฺาโยปิ ลทฺธาวสรา, ตตฺถ ปน ยถา ตีรณปริฺา สาติสยํ กิจฺจการี, น ตถา อิตราติ อาเวณิกคฺคหณํ.

๘๔๗. นิปฺปริยาเยน ปหานปริฺา นาม มคฺคาณนฺติ ‘‘ยาว มคฺคาณา ภูมี’’ติ วุตฺตํ. อยํ อิธ อธิปฺเปตาติ อิธ อภิสมยกาเล กิจฺจวิจาเร อยํ ปหานปริฺา อธิปฺเปตา ตทตฺถตฺตา เสสปริฺานํ. เตนาห ‘‘ยสฺมา วา’’ติอาทิ.

ตทตฺถาเยวาติ ปหานปริฺตฺถา เอว. อถ วา ตทตฺถาเยวาติ ปหานตฺถา เอว. อถ วา ตทตฺถาเยวาติ มคฺคตฺถา เอว. าตตีรณปริฺา หิ ยาวเทว มคฺคาธิคมตฺถาย ปวตฺตา. นิยมโต าตา เจว ตีริตา จ โหนฺติ าตตีริตภาเวหิ วินา ปหานาภาวโต, ปหานสิทฺธิยฺจ าตตีริตภาวสิทฺธิโต. มคฺคาณฺหิ ทุกฺเข ปริฺาภิสมยวเสน ปวตฺตมานํ ตสฺส สภาวลกฺขณํ วิย สามฺลกฺขณมฺปิ ปฏิวิชฺฌตีติ วุจฺจติ ตปฺปฏิจฺฉาทกสมฺโมหวิทฺธํสนโต. เตนาห ‘‘ปริฺตฺตยมฺปิ…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ.

๘๔๘. ปริฺา วิยาติ ติวิธตาสามฺํ นิทสฺเสติ, น ปริฺาปหาตพฺพตาสามฺํ วิกฺขมฺภนปฺปหานสฺส อริปฺากิจฺจภาวโต. กามจฺฉนฺทาทโย ยถา น จิตฺตํ ปริยุฏฺาย ติฏฺนฺติ, เอวํ ปริยุฏฺานสฺส นิเสธนํ อปฺปวตฺติกรณํ วิกฺขมฺภนํ, วิกฺขมฺภนเมว ปหานํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ. ปากฏตฺตาติ ‘‘อยํ อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิคตถินมิทฺโธ’’ติอาทินา (อ. นิ. ๔.๑๙๘) ปเรสมฺปิ ปากฏตฺตา. ‘‘น สหสา จิตฺตํ อชฺโฌตฺถรนฺตี’’ติ อิทํ ปฏิลทฺธมตฺตสฺส ฌานสฺส วเสน วุตฺตํ, สุภาวิเต ปน ปคุณชฺฌาเน ยาว จริมกจิตฺตมฺปิ น อชฺโฌตฺถรนฺเตว. อถ วา ฌานสฺส ปุพฺพภาเคปีติ ฌานาธิคมตฺถาย ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยา. ปจฺฉาภาเคปีติ ฌานํ ลภิตฺวา อฺกิจฺจปฺปสุตสฺสปิ. วิตกฺกาทโยติ วิตกฺกวิจารปีติสุขรูปสฺาทโย. ทุติยชฺฌานาทีนํ ปฏิปกฺขา ทุติยาทีสุ อปฺปิเตสุเยว วิกฺขมฺภนฺติ, ตโต ตโต วุฏฺิตมตฺตสฺส ปน ปวตฺตนฺติ ปริตฺตจิตฺตวเสเนว วุฏฺหนโต.

๘๔๙. ‘‘ปทีเปน อนฺธการสฺส วิยา’’ติ อิทํ ปฏิปกฺเขน ปหีนภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ปฏิปกฺโข หิ ปทีโป อนฺธการสฺส, ฆฏปฺปหาโร ปน เสวาลสฺส น ปฏิปกฺโข, เกวลํ ปวตฺตินิวารณมตฺตเมว กโรตีติ. เตน อสติปิ อุชุวิปจฺจนีกตาย ทุติยชฺฌานาทีนํ วิตกฺกาทีนํ วิกฺขมฺภนสฺส ตํ นิทสฺสนํ สุฏฺุตรํ ยุชฺชติ. ‘‘วิปสฺสนาย อวยวภูเตนา’’ติ อิทํ อิธาธิกตตทงฺคปฺปหานสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. สีลวิโสธนาทินาปิ หิ ตทงฺคปฺปหานํ โหติเยวาติ. าณงฺเคนาติ าณสงฺขาเตน การเณน. ตทงฺเคน ตทงฺคสฺส ปหานํ ตทงฺคปฺปหานํ. สติ วิชฺชมาเน ขนฺธปฺจกสงฺขาเต กาเย, สยํ วา ตตฺถ สติ ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ, ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๘๑; ๔.๓๔๕) นเยน วุตฺตา อตฺตานุทิฏฺิ. โสฬสวตฺถุกา, อฏฺวตฺถุกา จ กงฺขาว มลํ กงฺขามลํ. สมูหคาหสฺสาติ ‘‘อตฺตา อตฺตนิย’’นฺติ เอวํ ปวตฺตสมูหคหณสฺส ปหานํ กลาปสมฺมสเนน เอกาทสสุ โอกาเสสุ ปกฺขิปิตฺวา วิกิรณวเสน ขนฺธานํ ทสฺสนโต. อสฺสาทสฺายาติ ปฺจกฺขนฺเธ อสฺสาทนวเสน ปวตฺตมิจฺฉาสฺาย. อปฺปฏิสงฺขานสฺสาติ ปฏิสงฺขานปฏิปกฺขสฺส โมหสฺส. อนุเปกฺขนสฺสาติ อเปกฺขาย. สงฺขาเรสุ นิจฺจาทิคาโห สจฺจปฏิโลมคาโห มคฺคสจฺจาธิคมสฺส วิโลมนโต. สาทีนเวสุ อนาทีนวสฺิตา, อนาทีนเว จ สาทีนวสฺิตา สจฺจปฏิโลมคาโหติ จ วทนฺติ.

เอวํ วิสุทฺธิกฺกเมน ตทงฺคปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฏฺารสมหาวิปสฺสนาวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ วา ปน ปหานนฺติ สมฺพนฺโธ.

๘๕๐. วุตฺตเมว ‘‘สพฺพํ สงฺขารคตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสตี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๗๔๒).

สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณานํ วเสน ฆนคฺคหณํ ฆนสฺา, ตสฺสา ฆนสฺาย.

นิโรเธ อธิมุตฺตตา, ตายาติ ติยทฺธคตานํ สงฺขารานํ นิโรธเมว ทิสฺวา ตตฺถ อธิมุจฺจนวเสน ปวตฺตปฺา, ตาย. อายูหนสฺสาติ อภิสงฺขรณสฺส.

ตํ ตํ ปริจฺเฉทนฺติ อาทานนิกฺเขปาทิกํ ตํ ตํ ปริจฺเฉทํ. อฺถาปวตฺติทสฺสนนฺติ วุตฺตปริจฺเฉทโต ปุพฺเพ, ปจฺฉา จ อฺาการปฺปวตฺติยา ทสฺสนํ, อวตฺถาวิเสสปฺปวตฺติทสฺสนํ วา. ธุวสฺายาติ ถิรภาวคฺคหณสฺส.

สาราทานาภินิเวสสฺสาติ อสาเรสุ สารคหณาภินิเวสสฺส.

สํสยมิจฺฉาาณานํ วเสน สมฺมุยฺหนํ สมฺโมโห, โส เอว อภินิเวโสติ สมฺโมหาภินิเวโส. สงฺขาเรสุ เลณตาณภาวคฺคหณํ อาลยาภินิเวโส, อตฺถโต ภวนิกนฺติ.

ยถา จิตฺตํ สงฺขาเร มุฺจิตฺวา วิวฏฺฏํ นิพฺพานํ ปกฺขนฺทติ, ตถา ปวตฺตนโต สงฺขารุเปกฺขา จ อนุโลมฺจ ‘‘วิวฏฺฏานุปสฺสนา’’ติ วุตฺตํ. นิวิฏฺภาเวน โอคาฬฺหภาเวน ปวตฺตสํโยชนาทิกิเลสา เอว กิเลสาภินิเวโส. นิพฺเพธภาคิยํ สมาธินฺติ วิปสฺสนาสมาธิมาห.

๘๕๑. อสนิวิจกฺกํ อสนิมณฺฑลํ. เอวํ ปหานนฺติ อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนมาห. กมฺมกิเลสานํ, สพฺเพสมฺปิ วา สงฺขารานํ ขยํ นิโรธํ คจฺฉตีติ ขยคามี, อริยมคฺโค. โลกุตฺตรคฺคหเณเนว สิทฺเธปิ ขยคามิคฺคหณํ วณฺณภณนตฺถํ. สมุจฺเฉทปฺปหานเมวาติ อวธารณํ นิปฺปริยายตํ อุปาทาย. ตทตฺถาเนวาติ สมุจฺเฉทปฺปหานตฺถาเนว. เตน วิกฺขมฺภนตทงฺคปฺปหานานํ มคฺคสมฺภารตมาห เตหิ วินา อสิชฺฌนโต. อถ วา ตทตฺถาเนวาติ มคฺคตฺถาเนว. เตน ตทตฺถตาย เตสํ ตํกิจฺจตํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ตเมวตฺถํ อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิราชานํ วธิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยมฺปิ ตโต ปุพฺเพ กตนฺติ ยํ ตโตรชฺชปฺปตฺติโต ปุพฺเพ กตํ ปจฺจนฺตสาธนทุคฺควิทฺธํสนาทิ. ยถา อิทฺจิทฺจ รฺา กตนฺติเยว วุจฺจติ, เอวํ โลกิยาเณน สาธิตานิปิ วิกฺขมฺภนตทงฺคปฺปหานานิ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ปวตฺตสฺส มคฺคสฺส กิจฺจภาเวน วุจฺจนฺติ, ตทตฺถตาย, เตสํ ตํสนฺตติปติตตาย จ มคฺคสฺสาติ เวทิตพฺพา.

๘๕๒. โลกิยสฺส, โลกิยา วา สจฺฉิกิริยา โลกิยสจฺฉิกิริยา. เอวํ โลกุตฺตรสจฺฉิกิริยา เวทิตพฺพา. ลาภีมฺหีติ ลาภี อมฺหิ. ตถา วสีมฺหีติ เอตฺถาปิ. ปจฺจกฺขโต าณผสฺเสนาติ ปจฺจกฺขโต อารมฺมณกรณสงฺขาเตน าณผสฺสเนน. ‘‘ปจฺจกฺขโต’’ติ จ อิมินา อนุมานโต อารมฺมณกรณํ นิวตฺเตติ, ‘‘อีทิสมิท’’นฺติ ปจฺจเวกฺขณวเสน ปจฺจกฺขโต ชานนํ เหตฺถ ‘‘าณผสฺโส’’ติ อธิปฺเปโต. ผสฺสิตาติ าเณน ผุฏฺา.

ฌานมคฺคผลานิ วิย อตฺตโน สนฺตาเน อนุปฺปาเทตฺวาปิ ตปฺปฏิจฺฉาทกสมฺโมหวิทฺธํสนวเสน ตถาวิทฺธํสนปวตฺตาณํ อปรปฺปจฺจยาณํ.

ปสฺสนฺโต ปจฺจกฺขโต ชานนฺโต. อมโตคธนฺติ อมตปริยาปนฺนํ, อมตสงฺขาตนฺติ อตฺโถ.

โสตาปตฺติมคฺโค ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ทสฺสนํ, เตน ทสฺสเนน สจฺฉิกิริยา ทสฺสนสจฺฉิกิริยา. กิฺจาปิ โคตฺรภุาณํ ตโต ปมตรํ นิพฺพานํ ปสฺสติ, อาลมฺพนกรณโต ทิสฺวา กตฺตพฺพกิจฺจากรณโต ปน น ทสฺสนนฺติ วุจฺจติ. สา ทุวิธาปีติ สา ทสฺสนภาวนาวเสน ทุวิธาปิ สจฺฉิกิริยา. ทสฺสนภาวนาวเสนาติ ทสฺสนมคฺคภาวนามคฺควเสน. เตน อมคฺควเสน ปวตฺตนิพฺพานสฺส ปจฺจเวกฺขณสจฺฉิกิริยํ นิวตฺเตติ. นิพฺพานสฺสาติ ปน อิมินา มคฺคผเลสุ ปจฺจเวกฺขณสจฺฉิกิริยํ. อิมสฺส าณสฺสาติ อิมสฺส ยถาธิคตสฺส โลกุตฺตราณสฺส.

๘๕๓. อภิมตาติ อธิปฺเปตา. ภาวนา นาม อุปฺปาทนา, สนฺตานปริภาวนา จาติ ตทุภยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกิยาน’’นฺติอาทิมาห. ยทคฺเคน หิ โลกิยา กุสลาทโย อุปฺปาทิตา, วฑฺฒิตา จ, ตทคฺเคนสฺส สีลภาวนา, กายภาวนา, จิตฺตภาวนา, ปฺาภาวนา จ โลกิยา นิปฺผาทิตา โหติ, ตาย จ สนฺตาโนปิ ปริภาวิโตติ. ตาสุ โลกิยโลกุตฺตรภาวนาสุ อิธ าณทสฺสนวิสุทฺธิกถายํ โลกุตฺตรภาวนา อธิปฺเปตา, น อิตรา ตสฺสา สมฺภารภาวโต. จตุพฺพิธมฺเปตํ าณนฺติ เอตํ จตุพฺพิธมฺปิ อริยมคฺคาณํ โลกุตฺตรานิ สมฺมาวาจาทิเภทานิ สีลาทีนิ อุปฺปาเทติ. กถํ? สหชาตาทิปจฺจยตาย. สีลาทีนีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน สมาธิสฺส คหณํ, น ปฺาย. น หิ ตเทว ตํ อุปฺปาเทติ, มคฺคจิตฺตุปฺปาโท ปน อุปฺปาเทติ. ตทนฺโตคธภาวา สมฺมาสงฺกปฺโป. โส หิ ปฺจกฺขนฺธสงฺคหิโตติ วทนฺติ. สีลาทีนีติ วา ผลสีลาทีนมฺปิ คหณนฺติ ปฺายปิ คหณํ ยุชฺชติเยว. สหชาตปจฺจยาทิตายาติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อนนฺตรปจฺจยาทิตายปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เตหิ จ สนฺตานํ วาเสตีติ เตหิ สมุจฺฉินฺทนปฏิปสฺสมฺภนวเสน ปวตฺเตหิ โลกุตฺตเรหิ สีลาทีหิ อริยปุคฺคโล อตฺตโน สนฺตานํ ปริภาเวติ. ยํ นิสฺสาย ปราวุตฺตีติ วทนฺติ. ยถา ปริฺตฺตยมฺปิ ปหานตฺตยมฺปิ มคฺคาณสฺส กิจฺจนฺติ วุตฺตํ ปริยาเยน, น เอวมิธ. อิธ ปน โลกุตฺตรภาวนาว อสฺส มคฺคาณสฺส กิจฺจํ. น เหตฺถ ภาวนาย ปริยาโย ลพฺภตีติ อวธารณํ. เตน โลกิยภาวนํ นิวตฺเตติ.

เอวํ สรูเปเนว อาคตายาติ ‘‘จิตฺตํ ภาวย’’นฺติ สมาธิ วิย จิตฺตสีเสน อนาคนฺตฺวา ‘‘ปฺํ ภาวย’’นฺติ เอวํ สรูเปเนว อาคตาย ปฺาย. ยํ วุตฺตํ อุทฺเทสวเสน. เอตฺตาวตา ตํ วิตฺถาริตํ โหติ. อยฺจ ปฺโห วิสฺสชฺชิโต โหตีติ สมฺพนฺโธ.

าณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ พาวีสติมปริจฺเฉทวณฺณนา.

๒๓. ปฺาภาวนานิสํสนิทฺเทสวณฺณนา

อานิสํสปกาสนาวณฺณนา

๘๕๔. อเนกสตานิสํสา สาวกโพธิอาทิวิปุโลทาตคุณวิเสสาวหตฺตา. วิตฺถารโตติ นยทสฺสนํ อกตฺวา ‘‘อยมฺปิ ปฺาภาวนาย อานิสํโส, อยมฺปี’’ติ อนุปททสฺสนวเสน วิตฺถารโต ปกาเสตุํ น สุกรํ อติพหุภาวโต. อสฺสาติ ปฺาภาวนาย. นานากิเลสวิทฺธํสนนฺติ สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิวเสน นานาวิธานํ กิเลสธมฺมานํ ตทงฺคาทิวเสน ปชหนํ. อริยผลรสานุภวนนฺติ โสตาปตฺติผลาทิผลสุขปฏิสํเวทนํ.

นานากิเลสวิทฺธํสนกถาวณฺณนา

๘๕๕. ‘‘อริยผลรสานุภวน’’นฺติ เอเตเนว กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ ทีปียตีติ ‘‘อริยมคฺคกฺขเณ’’ติ วิเสสวจนํ, ตพฺภาวภาวโต วา. สิทฺเธ หิ สมุจฺเฉทปฺปหาเน ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ สิทฺธเมว โหตีติ.

ภีมเวคานุปติตาติ สกลํ โลกํ ภินฺทนฺเตน วิย ภีเมน ภยานเกน เวเคน สหสา ปติตา. สิลุจฺจเยติ ปพฺพเต เสลปุถุเล. สเตชุชฺชลมณฺฑโลติ สรทกาลสมิทฺเธน อตฺตโน เตชสา สมุชฺชลทุทฺทิกฺขมณฺฑโล. วธพนฺธนาทิทุคฺคติปริปกฺกิเลสาทิชาติอาทิสพฺพานตฺถวิธายกํ. สนฺทิฏฺิกนฺติ ปจฺจกฺขภูตํ. ชฺาติ ชาเนยฺย. อิธาติ อิมิสฺสํ ปฺาภาวนายํ.

ผลสมาปตฺติกถาวณฺณนา

๘๕๖. อริยสฺส มคฺคสฺส ผลํ อริยผลํ, อริยฺจ ตํ วิสุทฺธตฺตา ผลฺจาติปิ อริยผลํ, ตสฺส รโส, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติสุขํ, อนุภวนํ นิพฺพานารมฺมณสฺส ตสฺส ปฏิเสวนํ. ตตฺราติ เตสุ ทฺวีสุ อากาเรสุ. อสฺสาติ อริยผลสฺส.

๘๕๗. สํโยชเนสุ ปหีเนสุ สพฺเพปิ กิเลสา ปหีนาเยว โหนฺตีติ สํโยชนานํเยว คหณํ. สํโยชนปฺปหานมตฺตเมว อริยมคฺคสฺส ผลํ นาม, น อฺํ กิฺจิ อตฺถนฺตรํ วิปากภูตนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ผลํ นาม น โกจิ อฺโ ธมฺโม อตฺถี’’ติ. เก ปเนตํ วทนฺตีติ? อนฺธกาทโย. เต หิ ‘‘อรหตฺตํ อรหตฺตนฺติ, อาวุโส, วุจฺจติ…เป… โมหกฺขโย’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๑๕) สุตฺตปทสฺส อตฺถํ อฺถา คเหตฺวา นิปฺปริยายโต ‘‘อรหตฺตํ นาม กิฺจิ นตฺถิ, กิเลสปฺปหานเมว ตถา โวหรียตี’’ติ วทนฺตา เสสผเลปิ ปฏิกฺขิปนฺติ. อิทํ สุตฺตมฺปีติ ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิมาห. ปกฏฺโ อุกฺกฏฺโ โยโคติ ปโยโค, อริยมคฺโค, ปโยคนิมิตฺตํ ชาตกิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ ปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธิ. ยา ปน อริยมคฺคสฺส ภาวิตตฺตา ลพฺภมานาปิ ยสฺสา วิปากปฺาย นิปฺปชฺชมานาย นิปฺปชฺชติ, สา ปฏิปฺปสฺสทฺธิยํ นิปฺผาเทตพฺพายํ ปฺาติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺาติ วุตฺตา. สมฺมาทิฏฺิ มิจฺฉาทิฏฺิยา วุฏฺาตีติ สมฺมาทิฏฺิยา อุชุวิปจฺจนีกทสฺสนวเสน วตฺวา ตทฺโตปิ วุฏฺานํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตทนุวตฺตกกิเลเสหี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺสา มิจฺฉาทิฏฺิยา สมฺปโยคโต, อุปนิสฺสยโต จ อนุวตฺตกกิเลเสหิ. เตน ตเทกฏฺปฺปหานมาห. ขนฺเธหีติ ตทนุวตฺตกกฺขนฺเธหิ, ตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมฺปยุตฺตกฺขนฺเธหิ เจว ตปฺปจฺจยา อายตึ อุปฺปชฺชนกฺขนฺเธหิ จาติ อตฺโถ. พหิทฺธา จ สพฺพนิมิตฺเตหีติ ยถาวุตฺตกิเลสกฺขนฺเธหิ พหิทฺธาภูเตหิ วิปสฺสนาย โคจรภูเตหิ สพฺพสงฺขารนิมิตฺเตหิ.

เอวํ มคฺคกิจฺจํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺส วเสน ผลํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตมฺปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตมฺปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตาติ ตสฺส อชฺฌตฺตพหิทฺธา วุฏฺานาทิปโยคสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา. มคฺโค หิ นิมิตฺตโต, ปวตฺตโต จ วุฏฺหนฺโต กิเลเส ปชหตีติ อตฺตโน ขเณ ตํ ปโยคํ กโรติ นาม, ผลกฺขเณ ปนสฺส โส ปโยโค ปฏิปฺปสฺสทฺโธ วูปสนฺโต นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตมฺปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติ. อุปฺปชฺชตีติ มคฺคานนฺตรํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา อุปฺปชฺชติ. ผลสมาปตฺติกาเล ปน พหุกฺขตฺตุํ, นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชติ. สพฺพมฺปิ ยถาวุตฺตปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธินิมิตฺตํ อุปฺปชฺชนโต ‘‘ตมฺปโยคปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. มคฺคสฺเสตํ ผลนฺติ ยถาวุตฺตา วิปากา สมฺมาทิฏฺิ นาม, เอตํ อริยมคฺคสฺส ผลนฺติ เวทิตพฺพํ. วิตฺถาเรตพฺพนฺติ ‘‘โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ อภินิโรปนฏฺเน สมฺมาสงฺกปฺโป มิจฺฉาสงฺกปฺปา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๖๓) สงฺกปฺปาทิวเสน, เสสมคฺควเสน จ วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ.

จตฺตาริ จ สามฺผลานิ, อิเม ธมฺมา อปฺปมาณารมฺมณาติ อปฺปมาณารมฺมณตาย มคฺเคหิ นิพฺพิเสสตาย. ตถา เนวสฺานาสฺายตนสงฺขาโต มหคฺคโต ธมฺโม นิโรธโต วุฏฺานเวลายํ อปฺปมาณสฺส ธมฺมสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโยติ อริยผลสฺส อนนฺตรปจฺจยตาย จ ทีปนาติ เอวมาทีนิปิ เอตฺถ อริยผลสฺส สภาวธมฺมภาเวน อตฺถิตาย สาธกานิ, น ยถาทสฺสิตปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิเยวาติ อธิปฺปาโย.

๘๕๘. ผลสมาปตฺติยนฺติ ผลปวตฺติสงฺขาตาย สมาปตฺติยํ. อสฺสาติ อริยผลสฺส. สรูปกตฺตุการณาการฏฺิติวุฏฺานานนฺตรวเสน อิทํ ปฺหากมฺมํ.

๘๕๙. อริยผลสฺส นิโรเธ อปฺปนาติ อริยสฺส ผลฌานสฺส นิพฺพาเน อารมฺมณภูเต อปฺปนากาเรน ปวตฺติ.

๘๖๐. สพฺเพปิ ปุถุชฺชนาติ ฌานสมาปตฺติลาภิโนปิ ปุถุชฺชนา น สมาปชฺชนฺติ, ปเคว อิตเร. อริยา สพฺเพปิ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺตีติ กามํ สามฺโชตนา, สา ปน วิเสสนิวิฏฺาเยว โหติ. อธิคตตฺตาติ ปน เหตุกิตฺตนํ. อุปริมานมฺปิ เหฏฺิมาย โลกิยสมาปตฺติยา วิย สมาปชฺชนํ สาเธนฺตํ วิย ิตนฺติ ตํ นิวตฺเตนฺโต ‘‘อุปริมา ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปริมาติ สกทาคามิอาทโย. เหฏฺิมนฺติ โสตาปตฺติผลาทึ. น สมาปชฺชนฺติ สติปิ อธิคตตฺเต. กสฺมาติ เจ? การณมาห ‘‘ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมเนน ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติ. เอเตน อุปริโม อริโย เหฏฺิมํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ อตฺตนา อธิคตตฺตา, ยถา ตํ โลกิยสมาปตฺตินฺติ, เอวํ ปวตฺตํ เหตุํ พฺยภิจาเรติ. น หิ โลกิยชฺฌาเนสุ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ นาม อตฺถิ วิเสสาภาวโต. อิธ ปน อสมุคฺฆาฏิตกมฺมกิเลสนิโรธเนน ปุถุชฺชเนหิ วิย โสตาปนฺนสฺส, โสตาปนฺนาทีหิ สกทาคามิอาทีนํ ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมนํ อตฺถิ. ยโต เหฏฺิมา เหฏฺิมา ผลธมฺมา อุปรูปริ มคฺคธมฺเมหิ นิวตฺติตา ปฏิปกฺเขหิ วิย อภิภูตา อปฺปวตฺติธมฺมตํเยว อาปนฺนา. เตนาห ‘‘ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา’’ติ.

อปิจ กุสลกิริยปวตฺติ นาม อฺาทิสี, วิปากปวตฺติ จ อฺาทิสี, อนนฺตรผลตฺตา จ โลกุตฺตรกุสลานํ เหฏฺิมโต อุปริโม ภวนฺตรคโต วิย โหติ. ตํตํผลวเสเนว หิ อริยานํ โสตาปนฺนาทินามลาโภ. เต สเจ อฺผลสมงฺคิโนปิ โหนฺติ, โสตาปนฺนาทินามมฺปิ เตสํ อวฏฺิตํ สิยา, เตน เตน ฌาเนน คหิตปฏิสนฺธิโก วิยาติ ตสฺส ตสฺส อริยสฺส ตํ ตํ ผลํ ภวงฺคสทิสนฺติ น อุปริมสฺส เหฏฺิมผลสมงฺคิตาย เลโสปิ สมฺภวติ, กุโต ตสฺส สมาปชฺชนนฺติ ทฏฺพฺพํ. เหฏฺิมา จ อุปริมนฺติ เหฏฺิมา จ โสตาปนฺนาทโย อริยา อุปริมํ สกทาคามิผลาทึ น สมาปชฺชนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อนธิคตตฺตา’’ติ. น หิ อนธิคตสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตุํ สกฺกา.

‘‘อตฺตโน อตฺตโนเยว ปน ผลํ สมาปชฺชนฺตี’’ติ อิมินา สพฺเพปิ อริยา อตฺตโน อตฺตโน ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺตีติ อตฺเถ อาปนฺเน ตตฺถ เกสฺจิ มติเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกจิ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอเต หิ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโนติ ยสฺมา หิ เต ‘‘อุปริมา ทฺเว’’ติ วุตฺตา อนาคามิโน, อรหนฺโต จ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโน, อิตเร ปน สีเลสุ ปริปูรการิโน, ตสฺมา ทฺเว เอว ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺตีติ. น หิ สมาธิปาริปูริยา วินา สมาปตฺติวฬฺชนํ สมฺภวตีติ อธิปฺปาโย. นฺติ ‘‘สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโน’’ติ เตหิ วุตฺตการณํ. อการณเมวาติ อยุตฺติเยว. กสฺมาติ เจ? อาห ‘‘ปุถุชฺชนสฺสาปี’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – สพฺพโส อสมุจฺฉินฺนกิเลสสฺส ปุถุชฺชนสฺสาปิ อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาปตฺติสมาปชฺชนํ ลพฺภติ, กิมงฺคํ ปน สมุจฺฉินฺเนกจฺจกิเลสานํ เหฏฺิมานํ อริยานํ, ตสฺมา เตสํ สมาธิสฺมึ อปริปูรการิตา อตฺตโน ผลสมาปตฺตึ อสมาปชฺชนสฺส อการณนฺติ. ยุตฺติจินฺตา นาม ปาฬิอนารุฬฺเห อตฺเถ ยุตฺตา, อยํ ปนตฺโถ ปาฬิอารุฬฺโหติ การณาปเทเส อนาทรกรณมุเขน ปาฬึ ทสฺเสนฺโต ‘‘กิฺเจตฺถา’’ติอาทิมาห. โสตาปตฺติมคฺคปฏิลาภตฺถายาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส สมธิคมาย. โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถายาติ โสตาปตฺติผลสมาปตฺติยา สมาปชฺชนตฺถํ. เอส นโย เสเสสุปิ.

เอตฺถ จ ‘‘สุฺตวิหารสมาปตฺตตฺถาย อนิมิตฺตวิหารสมาปตฺตตฺถายา’’ติอาทินา สรูปโต อุทฺธฏตฺตา ตโต ปุพฺเพ อาคตา มคฺคผลวารา อปฺปณิหิตวเสน วุตฺตา. ตตฺถ อนตฺตานุปสฺสนามุเขน, อนิจฺจานุปสฺสนามุเขน จ ปวตฺตานํ ผลสมาปตฺตีนํ ปุเรจรา โคตฺรภุธมฺมา นวทสภาเวน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถายา’’ติอาทินา ปน จตูสุปิ ผเลสุ เอกสทิสํ เทสนาย อาคตตฺตา โสตาปนฺนสกทาคามิโนปิ อตฺตโน ผลํ สมาปชฺชนฺตีติ วิฺายติ. มคฺคานนฺตรผลวเสน ตํ วุตฺตนฺติ จ น สกฺกา วตฺตุํ วิปสฺสนาวเสน ทสนฺนํ โคตฺรภุธมฺมานํ ทสฺสนวเสน เทสนาย อารทฺธตฺตา, มคฺควาเรเนว จ ตทตฺถสิทฺธิโต. น จ มคฺคานนฺตรํ ผลํ ‘‘ผลสมาปตฺตี’’ติ วุจฺจติ วิสุํ ปริกมฺมาภาวโต. ตสฺมา ผลสมาปตฺติวจเนเนว โสตาปนฺนาทีนมฺปิ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ สิทฺธํ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.

๘๖๑. ปโยชนมฺปิ ตทตฺถาย ปฏิปตฺติยา การณํ โหติ ตนฺนิมิตฺตํ ปฏิปชฺชนโตติ ‘‘กสฺมา สมาปชฺชนฺตี’’ติ การณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถ’’นฺติ ปโยชนํ วิสฺสชฺชิตํ. กสฺมาติ วา สมฺปทาเน นิสฺสกฺกวจนํ, กิสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถนฺติ ทิฏฺเว ธมฺเม กิเลสทรถปริฬาหวูปสเมน สนฺเตน สุขวิหาเรน วิหรณตฺถํ. สติปิ วิปากภาเว ปริกมฺเมน วินา อนุปฺปชฺชนโต ผลสมาปตฺติธมฺมานํ ตสฺส ตสฺส อริยสฺส รุจิวเสเนว ปวตฺติ, ยโต เนสํ สาธิปติตาติ อาห ‘‘อทฺธาน…เป… สมาปชฺชนฺตี’’ติ.

๘๖๒. ทฺวีหิ อากาเรหีติ ทฺวีหิ การเณหิ. ยถา หิ โลกิยชฺฌานานํ สมธิคโม สมฺปโยคสมงฺคิภาเวน สิชฺฌมาโน ปหานงฺคสมติกฺกมมุเขน วุจฺจติ ตถา สมธิคนฺตพฺพตฺตา, เอวํ ผลสมาปตฺติปิ นิพฺพานมนสิกาเรน สิชฺฌมานา ตทฺารมฺมณามนสิการมุเขน วุจฺจติ สพฺพสงฺขารโต วินิวฏฺฏิตมานสตาวเสน สมิชฺฌนโต. เตนาห ‘‘นิพฺพานโต’’ติอาทิ. อุทยพฺพยาณาทิาณปรมฺปรวเสน หิ สพฺพผลจิตฺตํ สงฺขารโต สพฺพโส นิพฺพินฺนวิรตฺตจิตฺตสฺส ตโต วินิสฺสฏนิพฺพานารมฺมณํ ปวตฺตติ. เอวํ ปวตฺตมานฺจ ตํ นิพฺพานโต อฺสฺส อารมฺมณสฺส อมนสิการา, นิพฺพานสฺส จ มนสิการา ปวตฺตตีติ วุจฺจติ.

อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยาติ อนิมิตฺตวิโมกฺขทฺวยาย ผลสมาปตฺติยา, อนิจฺจานุปสฺสนามุเขน วา สมาปชฺชิตพฺพาย ผลสมาปตฺติยา. สมาปตฺติยาติ สมาปชฺชนตฺถาย. สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปาทิสพฺพสงฺขารนิมิตฺตานํ. อมนสิกาโรติ อาทีนวโต ทิสฺวา วิสฺสฏฺตาย อนาวชฺชนํ อสมนฺนาหาโร. อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา มนสิกาโรติ สพฺพสงฺขารนิมิตฺตาภาวโต อนิมิตฺตาย. เกหิจิ ปจฺจเยหิ น สงฺขตตฺตา จ อสงฺขตาติ ลทฺธนามาย อสงฺขตาย ธาตุยา ผลสมาปตฺติสหชาเตน มนสิกาเรน มนสิกรณํ, ตสฺสา วา ธาตุยา ผลสมาปตฺติจิตฺตสงฺขาเต มนสิกรณํ.

๘๖๓. อุทยพฺพยาทิวเสนาติ อุทยพฺพยภงฺคภยตุปฏฺานาทิวเสน ปวตฺตนกานํ นวนฺนมฺปิ าณานํ พฺยาปารํ วทติ. เตนาห ‘‘ปวตฺตานุปุพฺพวิปสฺสนสฺสา’’ติ. สงฺขารารมฺมณโคตฺรภุาณานนฺตรนฺติ สงฺขารารมฺมณสฺส ‘‘โวทาน’’นฺติ ลทฺธนามสฺส โคตฺรภุาณสฺส อนนฺตรํ. กสฺมา ปเนตฺถ โคตฺรภุาณํ มคฺคาณปุเรจาริกํ วิย นิพฺพานารมฺมณํ น โหตีติ? ผลธมฺมานํ อนิยฺยานิกภาวโต. อริยมคฺคธมฺมา เอว หิ นิยฺยานิกา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กตเม ธมฺมา นิยฺยานิกา? จตฺตาโร มคฺคา อปริยาปนฺนา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๙๕, ๑๖๐๙). ตสฺมา เอกนฺเตน นิยฺยานิกสภาวสฺส อุภโตวุฏฺานภาเวน ปวตฺตมานสฺส มคฺคาณสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน าเณน นิมิตฺตโต วุฏฺิเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ตสฺส นิพฺพานารมฺมณตา ยุตฺตา, น ปน อริยมคฺคสฺส ภาวิตตฺตา ตสฺส วิปากภาเวน ปวตฺตมานานํ กิเลสานํ อสมุจฺฉินฺทนโต อนิยฺยานิกตฺตา อวุฏฺานสภาวานํ ผลาณานํ ปุเรจาริกาณสฺส กทาจิปิ นิพฺพานารมฺมณตา อุภยตฺถ อนุโลมาณานํ อตุลฺยาการโต. อริยมคฺควีถิยฺหิ อนุโลมาณานิ อนิพฺพิทฺธปุพฺพานํ ถูลถูลโลภกฺขนฺธาทีนํ สาติสยํ ปทาลเนน โลกิยาเณสุ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตานิ มคฺคาณานุคุณานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ผลสมาปตฺติวีถิยํ ปน ตานิ เตน เตน มคฺเคน เตสํ เตสํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ตตฺถ กิเลสวิกฺขมฺภเน นิรุสฺสุกฺกานิ เกวลํ อริยานํ ผลสมาปตฺติสุขสมงฺคิภาวสฺส ปริกมฺมมตฺตานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ น เตสํ กุโตจิ วุฏฺานสมฺภโว, ยโต เนสํ ปริโยสานาณํ สงฺขารนิมิตฺตวุฏฺานโต นิพฺพานารมฺมณํ สิยา.

เอวฺจ กตฺวา ‘‘เสกฺขสฺส อตฺตโน ผลสมาปตฺติวฬฺชนตฺถาย อุทยพฺพยาทิวเสน สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส วิปสฺสนาาณานุปุพฺพิยา ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค’’ติ อิทฺจ อฏฺกถาวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. เตนาห ‘‘เสกฺขสฺสาปิ ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค’’ติ. นิพฺพานารมฺมเณ อปฺปนชฺฌานวเสน ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ นิรนฺตรํ ผลจิตฺตสฺเสว ปวตฺตนํ สมาปชฺชนํ ผลสมาปตฺตีติ อาห ‘‘ผลสมาปตฺติวเสน นิโรเธ จิตฺตํ อปฺเปตี’’ติ. ยทิ อนุปุพฺพวิปสฺสนานํ วเสน ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ, เตน นีหาเรน เสกฺขสฺส อุปริมคฺเคนาปิ ภวิตพฺพนฺติ อนุโยคํ สนฺธายาห ‘‘ผลสมาปตฺตินินฺนตายา’’ติอาทิ. เตน อฺโเยว วิปสฺสนาจาโร อริยมคฺคาวโห, อฺโ ผลสมาปตฺติอาวโหติ ทสฺเสติ, สฺวายํ วิปสฺสนาย วิภาโค วุตฺโต เอว. เย ปนาติ อภยคิริวาสิโน สนฺธายาห. เต หิ มคฺคผลวิปสฺสนาย อาโลเฬตฺวา วทนฺติ. เตเนว หิ ‘‘เอวํ สตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อรหา ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสติ ยทิ อิตรตฺถาปิ วิปสฺสนา ตทตฺถาย สํวตฺเตยฺยาติ อธิปฺปาโย. ปาฬิวเสเนว จ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ ‘‘ทส โคตฺรภุธมฺมา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ มคฺคตฺถา ผลตฺถา วิปสฺสนา วิสุํ กตฺวา ปวตฺตปาฬิวเสเนว เตสํ วจนํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติปิ น คเหตพฺพํ, อฺถา ‘‘ทส โคตฺรภุธมฺมา’’ติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ. อิทเมว ปน คเหตพฺพนฺติ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนํ. ผลฺจสฺสาติอาทิ มหคฺคตวิปากานํ วิย โลกุตฺตรวิปากานฺจ กุสลสริกฺขตาทสฺสนํ. ฌานโต สริกฺขตาทสฺสเนเนว เจตฺถ โพชฺฌงฺคมคฺคงฺควเสนาปิ สริกฺขตา ทสฺสิตาเยวาติ เวทิตพฺพํ.

๘๖๔. ิติยาติ ปพนฺธฏฺิติยา. ยถาปริจฺฉินฺนกาลฺหิ สมาปตฺติยา ปพนฺธวเสนาวฏฺานํ อิธ ิตีติ. ‘‘จนฺเท วา สูริเย วา เอตฺตกํ านํ คเต วุฏฺหิสฺสามี’’ติ กาลาวธิคฺคหณวเสน สมาปชฺชนํ จิตฺตสฺส อภิสงฺขรณํ อภิสงฺขาโร.

๘๖๕. สพฺพาเนเวตานีติ รูปนิมิตฺตาทิสพฺพาเนว เอตานิ เอกโต กามํ น มนสิ กโรติ อสมฺภวโต. สพฺพสงฺคาหิกวเสนาติ อนวเสสปริยาทานวเสน. สมุทายสทฺทา หิ อวยเวสุปิ ปวตฺตนฺติ, อวยวพฺยติเรเกน จ สมุทาโย น ลพฺภตีติ อวยวคตมฺปิ กิจฺจํ สมุทายวเสน วุตฺตํ. ตสฺมาติ สพฺเพสํ สงฺขารนิมิตฺตานํ เอกโต มนสิการาภาวโต. ยสฺมา ภวงฺคจิตฺเต อุปฺปนฺเน ผลสมาปตฺติโต วุฏฺิโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ยํ ภวงฺคสฺสา’’ติอาทิ. ภวงฺคสฺส อารมฺมณํ นาม กมฺมาทิ. มนสิ กโรโตติ ภวงฺคสหคเตน มนสิกาเรน มนสิ กโรโต, ตํ วา อารมฺมณํ ภวงฺคมนสิ กโรโต.

๘๖๖. ผลสฺส ผลเมว วา อนนฺตรํ โหติ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ. ภวงฺคํ วา สพฺพปจฺฉิมสฺส. ผลานนฺตรํ มคฺควีถิยํ, ผลสมาปตฺติยฺจ. ‘‘เยน ผเลน นิโรธา วุฏฺานํ โหตี’’ติ อิทํ ผลุปฺปตฺติยา นิโรธา วุฏฺานภาวโต วุตฺตํ. นฺติ นิโรธาวุฏฺานภาเวน วุตฺตํ อนาคามิผลํ วา อคฺคผลํ วา. เนวสฺานาสฺายตนานนฺตรนฺติ เนวสฺานาสฺายตนสฺส กุสลสฺส, กิริยสฺส วา อนนฺตรํ สติปิ สตฺตาหาติกฺกเม วิชาติเยน อนฺตริกตฺตา.

ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถนฺติ สพฺพโส ปสฺสทฺธกิเลสทรถํ. อมตารมฺมณนฺติ นิพฺพานารมฺมณํ. สุภนฺติ อโสภนตาย กิเลสสฺสาปิ อภาวโต โสภนํ. ตณฺหาสงฺขาตํ โลกามิสํ วนฺตํ ฉฑฺฑิตํ เอเตนาติ วนฺตโลกามิสํ. วูปสนฺตกิเลสตาย, สุสนฺตตาย จ สนฺตํ. เยน ธมฺเมน โยคโต สมโณ นาม โหติ, ตสฺส อริยมคฺคสงฺขาตสฺส สามฺสฺส ผลนฺติ สามฺผลํ.

โอชวนฺเตนาติ สภาวสมฺปนฺเนน. สุจินาติ กิเลสาสุจิวิรหโต ปริสุทฺเธน. สุเขนาติ อนุตฺตรสุเขน. อภิสนฺทิตนฺติ สพฺพโส ลูขภาวาปคมเนน สิเนหิตํ. สาตาติสาเตนาติ มหคฺคตสาตโต, โลกุตฺตรกุสลสาตโต จ อติวิย สาเตน มธุเรน. มคฺคสุขโตปิ หิ ผลสุขํ สนฺตตรตาย ปณีตตรํ. อมเตน สมฺโมทิตํ. ‘‘มธุํ วิยา’’ติ อิมินา สาตาติสาตตํเยว วิภาเวติ.

ตสฺส อริยสฺส ผลสฺส รสภูตํ สารภูตํ ตํ สุขํ ปฺํ ภาเวตฺวา ยสฺมา ปณฺฑิโต วินฺทติ ปฏิลภตีติ โยชนา.

นิโรธสมาปตฺติกถาวณฺณนา

๘๖๗. ตตฺราติ ตสฺมึ ‘‘นิโรธสมาปตฺติยา สมาปชฺชนสมตฺถตา’’ติ สํขิตฺตวจเน. อิทํ สรูปาทิวเสน ปฺหากมฺมํ. กตฺถาติ กสฺมึ ภเว.

๘๖๘. อนุปุพฺพนิโรธวเสนาติ วิปสฺสนานุคตา อฏฺ สมาปตฺติโย อาโรหนฺเตน ตํตํปฏิปกฺขนิโรธมุเขน ติณฺณํ สงฺขารานํ อนุปุพฺพโต นิโรธวเสน. ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ ยา จิตฺตเจตสิกานํ อปฺปวตฺติ, อยํ นิโรธสมาปตฺตีติ อตฺโถ. เก สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺตีติ กามํ สมาปชฺชนสมตฺถา ปธานตาย ปมํ ปุจฺฉิตา, ตพฺพิสฺสชฺชนํ ปน ครุภาวโต ปจฺฉา วิสฺสชฺเชตุํ อสมาปชฺชนเก ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺเพปิ…เป… น สมาปชฺชนฺตี’’ติ อาห ยถา ‘‘วามํ มุฺจ, ทกฺขิณํ คณฺหา’’ติ. ตตฺถ ‘‘สพฺเพปี’’ติ อิทํ ปุถุชฺชนาทีนํ ติณฺณํ วิเสสนํ. เต หิ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ลาภิโนปิ อลาภิโน วิย สมาธิสฺมึ อปริปูรการิตาย นิโรธํ สมาปชฺชิตุํ น สกฺโกนฺติ. กามจฺฉนฺทาทิสมุจฺฉินฺทเนน หิ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตา, น ฌานาธิคมมตฺเตน. อนาคามิโน, อรหนฺโตติ เอตฺถ สุกฺขวิปสฺสกา จ อนาคามิโน, สุกฺขวิปสฺสกา จ อรหนฺโตติ สุกฺขวิปสฺสกสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. อุภเยปิ เจเต สติปิ วิปสฺสนาพเล สมาธิพลสฺส อภาวโต นิโรธํ น สมาปชฺชนฺติ. อนุปุพฺพวิหารสมฺภวตฺเเวตฺถ สมาธิพลํ อิจฺฉิตพฺพํ. ปุริมกา ปน ตโย สติปิ สมาธิพเล วิปสฺสนาพลสฺส อภาวโต, อปริปุณฺณตฺตา จ สมาปชฺชิตุํ น สกฺโกนฺติ. อปริปุณฺณตา จสฺส สงฺขารานํ น สมฺมา ปริมทฺทิตตฺตา. อฏฺ สมาปตฺติ…เป… สมาปชฺชนฺตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ ปาฬิวเสเนว ทสฺเสตุํ ‘‘ทฺวีหิ พเลหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตโย จ สงฺขารานนฺติ เอตฺถ ตโยติ สามิอตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ติณฺณนฺติ อตฺโถ. าณจริยาหีติ าณปฺปวตฺตีหิ. นิโรธสมาปตฺติยาติ นิโรธสมาปชฺชนาย าณํ. อยฺจ สมฺปทาติ อยํ พลทฺวยสมนฺนาคมาทิกา ยถาวุตฺตนิโรธสมาปตฺติอาวหา สมฺปตฺติ. อนาคามิขีณาสเวติ อนาคามิโน เจว ขีณาสเว จ.

๘๖๙. สมถพลนฺติ กามจฺฉนฺทาทิเก ปจฺจนีกธมฺเม สเมตีติ สมโถ, โส เอว ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยฏฺเน พลํ. อนิจฺจาทิวเสน วิวิเธหิ อากาเรหิ ปสฺสตีติ วิปสฺสนา, สา เอว วุตฺตนเยน พลนฺติ วิปสฺสนาพลํ. เนกฺขมฺมวเสนาติอาทีสุ กามจฺฉนฺทวิกฺขมฺภนสฺส เนกฺขมฺมสงฺกปฺปสฺส, อโลภปธานสฺส วา ตถาปวตฺตกุสลจิตฺตุปฺปาทสฺส วเสน จิตฺตสฺส เอกคฺคตาสงฺขาโต โย อวิกฺเขโป, ตํ สมถพลํ. พฺยาปาทวิกฺขมฺภนสฺส อพฺยาปาทวิตกฺกสฺส, อโทสปธานสฺส วา ตถาปวตฺตกุสลจิตฺตุปฺปาทสฺส วเสเนว. ถินมิทฺธวิกฺขมฺภิกาย วิภูตํ กตฺวา มนสิกรเณน อุปฏฺิตอาโลกสฺาย วเสน. อุทฺธจฺจวิกฺขมฺภนสฺส อวิกฺเขปสฺส สมาธานสฺส วเสน. สกลมิจฺฉาวิตกฺกวิกฺขมฺภนสฺส สิขาปตฺตอานาปานสฺสติสิทฺธปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสิอสฺสาสปสฺสาสานํ วเสน จิตฺตสฺส เอกคฺคตาสงฺขาโต โย อวิกฺเขโป, ตํ สมถพลนฺติ อตฺถโยชนา.

เอวํ อุปจารสฺส ฌานสฺส วเสน สมถพลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ วเสน ปฏิปกฺเขหิ อนภิภวนียตาย จ พลปฺปตฺติวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ปมชฺฌาเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นีวรเณติ นีวรณนิมิตฺตํ นีวรณปจฺจยา. น กมฺปติ ฌานสมงฺคิปุคฺคโล, ฌานสมฺปยุตฺตสมาธิ วา. โส หิ วิเสสโต อิธ ‘‘สมถพล’’นฺติ อธิปฺเปโต. ตถา หิ เกนฏฺเน สมถพลนฺติ พลฏฺโ ปุจฺฉิโต. อุทฺธจฺเจติ อุทฺธจฺจนิมิตฺตํ. อุทฺธจฺจสหคตกิเลเสติ อุทฺธจฺเจน สมฺปยุตฺตโมหอหิริกาทิกิเลสเหตุ. ขนฺเธติ อุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตจตุกฺขนฺธนิมิตฺตํ. น กมฺปตีติอาทีนิ อฺมฺเววจนานิ. กมฺปนํ วา านาปคโม. จลนํ ปริพฺภมนํ. เวธนํ สนฺธาวนํ. อุทฺธจฺเจ น กมฺปติ, อุทฺธจฺจสหคตกิเลเส น จลติ, อุทฺธจฺจสหคตกฺขนฺเธ น เวธตีติ วา โยเชตพฺพํ. อุทฺธจฺจคฺคหณฺเจตฺถ สมถสฺส อุชุปฏิปกฺขตาย ตทภิภเวน พลปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. เตเนตํ อฏฺนฺนมฺปิ สมาปตฺตีนํ สาธารณโต กิจฺจาติสยทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ. อิทํ สมถพลนฺติ ยายํ เนกฺขมฺมาทิวเสน ลทฺธาย จิตฺเตกคฺคตาย นีวรณาทีหิ อกมฺปนียตา, ตานิ จ อภิภวิตฺวา อวฏฺานํ, อิทํ สมถพลํ.

อิทานิ วิปสฺสนาพลํ นิทฺทิสนฺโต ยสฺมา วิปสฺสนา สงฺเขปโต สตฺตหิ อนุปสฺสนาหิ สงฺคหิตา, ตสฺมา ตโต ตโต สมาปตฺติโต วุฏฺาย ตาสํ วเสน อนุปสฺสนา กาตพฺพา, ตตฺตเกเนว เจตฺถ อนุปสฺสนากิจฺจํ ปริปุณฺณํ โหตีติ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนา วิปสฺสนาพลํ…เป… ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา วิปสฺสนาพล’’นฺติ สรูปโต ทสฺเสตฺวา ปุน ตา เหฏฺา วุตฺตนเยน วิสยวิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘รูเป อนิจฺจานุปสฺสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธาปิ ปฏิปกฺเขหิ อนภิภวนียตาว พลฏฺโติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกนฏฺเน วิปสฺสนาพล’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อวิชฺชายาติ ทฺวาทสสุ อกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ อวิชฺชานิมิตฺตํ. อวิชฺชาสหคตกิเลเสติ อวิชฺชาย สมฺปยุตฺตโลภโทสาทิกิเลสวตฺถุนิมิตฺตํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว. อวิชฺชคฺคหณฺเจตฺถ วิปสฺสนาย อุชุปฏิปกฺขตาย ตทภิภเวน พลปฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. เตเนตํ สตฺตนฺนมฺปิ อนุปสฺสนานํ สาธารณโต กิจฺจาติสยทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ. อิทํ วิปสฺสนาพลนฺติ ยายํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน ลทฺธสฺส วิปสฺสนาาณสฺส นิจฺจสฺาทินิมิตฺตํ อกมฺปนียตา, ตา จ อภิภวิตฺวา อวฏฺานํ, อิทํ วิปสฺสนาพลํ.

วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขารา วาจํ สงฺขโรนฺติ ปวตฺเตนฺตีติ กตฺวา. เตนาห ‘‘ปุพฺเพ โข, อาวุโส วิสาข, วิตกฺเกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทติ, ตสฺมา วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓; สํ. นิ. ๔.๓๔๘). เต ปน ทุติยชฺฌาเน วูปสนฺตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ทุติยชฺฌานํ…เป… ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺตี’’ติ. กาเยน สงฺขรียนฺตีติ กายสงฺขารา, อสฺสาสปสฺสาสา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อสฺสาสปสฺสาสา โข, อาวุโส วิสาข, กายิกา เอเต ธมฺมา กายปฺปฏิพทฺธา, ตสฺมา อสฺสาสปสฺสาสา กายสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๓; สํ. นิ. ๔.๓๔๘). เต ปน ยสฺมา จตุตฺถชฺฌาเน วูปสนฺตา โหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ…เป… ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺตี’’ติ. จิตฺเตน สงฺขรียนฺตีติ จิตฺตสงฺขารา, สฺา เวทนา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สฺา จ เวทนา จ เจตสิกา เอเต ธมฺมา จิตฺตปฺปฏิพทฺธา, ตสฺมา สฺา จ เวทนา จ จิตฺตสงฺขาโร’’ติ (สํ. นิ. ๑.๔๖๓; สํ. นิ. ๔.๓๔๘). เต ปน ยสฺมา นิโรธํ สมาปนฺนสฺส วูปสมนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สฺาเวทยิต…เป… ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺตี’’ติ.

าณจริยาสุ วิวฏฺฏานุปสฺสนาคฺคหเณเนว ตสฺส อาทิภูตา เสสานุปสฺสนาปิ คหิตาว โหนฺติ ตทวินาภาวโต. มคฺโค าณจริยา, ผลสมาปตฺติ าณจริยาติ มคฺคผลสมาปตฺตีนํ าณจริยาภาววจนํ มคฺคผลธมฺมานํ าณปธานตฺตา, าเณน วา อินฺทฺริยาธิปติเหตุมคฺคปจฺจยาทิวเสน สาติสยปจฺจยภูเตน เสสา มคฺคผลธมฺมา จริตา ปวตฺติตาติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. สมาธิจริยาสุปิ เอเสว นโย. อิมาหิ โสฬสหีติ อฏฺนฺนํ อนุปสฺสนานํ, อฏฺนฺนฺจ มคฺคผลาณานํ วเสน อิมาหิ โสฬสหิ าณปวตฺตีหิ.

นวหิ สมาธิจริยาหีติ อฏฺ สมาปตฺติโย อฏฺ สมาธิจริยา, ตาสํ อุปจารสมาธิ อุปจารสมาธิภาวนาสามฺเน เอกา สมาธิจริยาติ เอวํ นวหิ สมาธิจริยาหิ. เตนาห ‘‘ปมชฺฌานํ สมาธิจริยา’’ติอาทิ. ปมชฺฌานปฏิลาภตฺถาย วิตกฺโก จาติอาทิ นานาวชฺชนุปจารวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, อุปริสมาปตฺตีนมฺปิ อุปจารสฺส ตเถว วุตฺตตฺตา. น หิ เอกาวชฺชเน จตุตฺถชฺฌานาทิอุปจาเร ปีติอาทโย สมฺภวนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘ปมชฺฌานปฏิลาภตฺถายา’’ติอาทิวจเนน อุปจารสมาธิสฺสาปิ ปาริปูรี อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสติ. กึ ปเนตฺถ สมถพลสมาธิจริยานํ นานตฺตํ, กึ วา วิปสฺสนาพลโลกิยาณจริยานํ? ยถา สมถพเลปิ ‘‘เนกฺขมฺมวเสนา’’ติอาทินา อุปจารสมาธินา สทฺธึ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ อปฺปนาสมาธิเยว วุตฺโต, ตถา สมาธิจริยาสุ, วิปสฺสนาพลโลกิยาณจริยาสุ จ วิปสฺสนาว วุตฺตาติ? กิฺจาปิ วุตฺตา, วิวฏฺฏานุปสฺสนา ปน ปุเรจราณาทิวิปสฺสนาพเล อวุตฺตา เอว าณจริยาสุ วุตฺตา. อปิจ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยฏฺโ พลฏฺโ, ปฺจนฺนํ วสีภาวานํ วเสน สุจิณฺณตา จริยฏฺโ, เอเตเนว สมถพลสมาธิจริยานมฺปิ นานตฺตํ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

วสีภาวตา ปฺาติ เอตฺถ วโส เอตสฺส อตฺถีติ วสี, ตสฺส ภาโว วสีภาโว, สา เอว วสีภาวตา. ‘‘วสิโย’’ติ ปน ปาฬิยํ อิตฺถิลิงฺควเสน วุตฺตตฺตา ตาโย ทสฺเสตุํ ‘‘วสีติ ปฺจ วสิโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ฌานํ อาวชฺชนฺตสฺส นิรนฺตรํ ฌานงฺเคสุ จิตฺตปฺปวตฺตนสมตฺถตา อาวชฺชนวสี. สมาปชฺชิตุกามสฺส สีฆํ ฌานํ สมาปชฺชนสมตฺถตา สมาปชฺชนวสี. อจฺฉรามตฺตํ วา กติปยจฺฉรามตฺตํ วา ขณํ ฌานํ เปตุํ สมตฺถตา อธิฏฺานวสี. ตเถว ลหุํ วุฏฺาตุํ สมตฺถตา วุฏฺานวสี. ปจฺจเวกฺขณวสี ปน อาวชฺชนวสิยา เอว สิชฺฌติ. ปจฺจเวกฺขณชวนาเนว หิ ตตฺถ อาวชฺชนานนฺตรานีติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน เหฏฺา อาคโต เอว. อยฺจ วสีภาโว สมาธิจริยานํ วเสน วุตฺโต. าณจริยาสุ ปน โลกุตฺตรานํ าณจริยานํ วสีภาวาปาทนกิจฺจํ นาม นตฺถิ. ปฏิปกฺขสฺส สุวิหตตฺตา สภาวสิทฺโธ ตตฺถ วสีภาโว, โลกิยานํ ปน ปคุณพลวภาวาปาทเนน วสีภาโว ลพฺภเตว.

๘๗๐. อุกฺกฏฺนิทฺเทโสติ อนวเสสนิทฺเทโส. จุทฺทสหิ าณจริยาหิ โหติ อคฺคมคฺคผลานํ อนธิคตตฺตาติ. ยทิ เอวนฺติ ยทิ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน ‘‘โสฬสหิ าณจริยาหี’’ติ วุตฺตํ, ตโต อวกํสวเสนปิ อิจฺฉิตพฺพํ, เอวํ สนฺเต กึ น โหติ นิโรธสมาปชฺชนนฺติ อธิปฺปาโย. ปฺจ กามคุณา วตฺถุภูตา เอตสฺส สนฺตีติ ปฺจกามคุณิโก, กามราโค. อปฺปหีนตฺตา อสมุจฺฉินฺนตฺตา. น หิ กามราคสฺส วิกฺขมฺภนปฺปหานมตฺตํ นิโรธสฺส อธิฏฺานํ ภวิตุํ สกฺโกติ. ตสฺมาติ สมาธิปาริปนฺถิกสฺส กามราคสฺส สุปหีนตฺตา. เอเตน กามํ มคฺคผลาณจริยา โลกิยาณสมาธิจริยา วิย นิโรธสมาปชฺชเน สรูเปน น วินิยุชฺชนฺติ ตทา อปฺปวตฺตนโต, ตสฺส ตสฺส ปน ปฏิปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน พลจริยานํ วิเสสปจฺจยตาย นิโรธสมาปตฺติยา อธิฏฺานํ โหตีติ ทสฺเสติ. เอสาติ อนาคามี. อิทฺหิ ‘‘นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺสา’’ติอาทิวจนํ อนาคามิโนว นิโรธา วุฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เนวสฺานาสฺายตนกุสล’’นฺติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) วจนโต, อฺถา ‘‘เนวสฺานาสฺายตนกิริยา’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) วุจฺเจยฺย.

๘๗๑. ‘‘ปฺจโวการภเว’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ จตุโวการภเวปิ อรูปชฺฌานวเสน ยถารหํ อนุปุพฺพสมาปตฺติ ลพฺภตีติ? กามํ ลพฺภติ, สา ปน ‘‘อนุปุพฺพสมาปตฺตี’’ติ น วุจฺจติ เอกเทสภาวโต. อฏฺสมาปตฺติวเสเนว จ ‘‘อนุปุพฺพสมาปตฺตี’’ติ วุจฺจตีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปมชฺฌานาทีนํ อุปฺปตฺติ นตฺถี’’ติ. วตฺถุสฺส อภาวาติ หทยวตฺถุโน อภาวาติ วทนฺติ, กรชกายสงฺขาตสฺส ปน วตฺถุโน อภาวาติ อตฺโถ. ยทิ หิ อารุปฺเป นิโรธํ สมาปชฺเชยฺย, จิตฺตเจตสิกานํ, อฺสฺส จ กสฺสจิ อภาวโต อปฺตฺติโกว ภเวยฺย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตสทิโส. กิฺจายํ อุปาทาย นิโรธํ สมาปนฺโนติ วุจฺเจยฺย, กึ วา เอตาย วตฺถุจินฺตาย. องฺคเวกลฺลโตว นตฺถิ อารุปฺเป นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนํ.

๘๗๒. สงฺขารานํ ปวตฺติเภเทติ สงฺขตธมฺมานํ ขเณ ขเณ อุปฺปชฺชเน, ภิชฺชเน จ, เตสํ วา กุสลาทิเภทภินฺเน ยถารหํ ตีหิ ทุกฺขตาหิ อุปทฺทุเต ปวตฺติวิภาเค. จิตฺตเจตสิกวิคเมหิ รูปธมฺเมสุ ลพฺภมานาปิ สงฺขารทุกฺขตา อพฺโพหาริกตํ อาปชฺชติ. อุกฺกณฺิตฺวาติ นิพฺพินฺทิตฺวา. นิพฺพานํ ปตฺวาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ ปตฺวา วิย. สุขนฺติ นิทฺทุกฺขํ.

๘๗๓. สมถวิปสฺสนาวเสนาติ ยุคนทฺธานํ วิย อฺมฺูปการิตาย สหิตานํ วเสน. อุสฺสกฺกิตฺวาติ อุกฺกํสํ ปตฺวา ยาว เนวสฺานาสฺายตนา, ยาว จ อนุโลมาณา อารุหิตฺวา. นิโรธยโตติ เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา ตํ นิโรเธนฺตสฺส. อฺสฺส กสฺสจิปิ จิตฺตสฺส อนุปฺปชฺชเนน เอวมสฺสา นิโรธสมาปตฺติยา สมาปชฺชนํ โหติ. ‘‘โย หี’’ติอาทินา ‘‘สมถวิปสฺสนาวเสนา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรกมุเขน วิวรติ. เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติ ตทุทฺธํ สุทฺธสมถวิปสฺสนาย อภาวโต. โย วิปสฺสนาวเสเนว อุสฺสกฺกติ สเจ อริโย ผลสมาปตฺตตฺถิโก, โส อตฺตโน ผลสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติ. อถ ปุถุชฺชโน, เสโข วา มคฺคตฺถิโก ตาย เจ วิปสฺสนาย มคฺคํ ปตฺวา ผเล ิโต, โสปิ ผลสมาปตฺตึ ปตฺวา ติฏฺติจฺเจว วุจฺจติ. โสติ อุภยวเสน ปฏิปนฺโน. นฺติ นิโรธสมาปตฺตึ.

๘๗๔. เยน ผลทฺวยสมนฺนาคมาทินา นิโรธํ สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถ โหติ, โส วิธิ ปเคว วิภาวิโตติ สมาปชฺชนาการเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘กตภตฺตกิจฺโจ’’ติอาทิมาห. ตฺหิ สพฺพาสมฺปิ ภาวนานํ สาธารณํ ปุพฺพกิจฺจํ. ตตฺถ สงฺขาเรติ ตสฺมึ ปมชฺฌาเน, ปมชฺฌานจิตฺตุปฺปาเท วา สงฺขาเร.

‘‘วิปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, กีทิสี ปเนตฺถ วิปสฺสนา อิจฺฉิตพฺพาติ ตํ นิทฺธารณตฺถํ ‘‘วิปสฺสนา ปเนสา’’ติอาทินา ตเมว วิปสฺสนํ ติธา ภินฺทิตฺวา ทสฺเสติ. มนฺทา เจ วิปสฺสนา, ทนฺธาภิฺํ มคฺคํ สาเธติ. ติกฺขา เจ, ขิปฺปาภิฺนฺติ อยํ มนฺทติกฺขตาย วิเสโส. ลกฺขณปฺปตฺตา ปน วิปสฺสนา มคฺคสฺส ปจฺจโย โหติเยวาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สงฺขาร…เป… โหติเยวา’’ติ. ติกฺขาว วฏฺฏติ สงฺขารารมฺมเณปิ สติ สพฺพสงฺขาเรหิ วิวฏฺฏนากาเรเนว ปวตฺตนโต, มคฺโค วิย วิสงฺขารคตสฺส ผลสฺส ปจฺจยภาวโต จ. เตนาห ‘‘มคฺคภาวนาสทิสา’’ติ. ยสฺมา อติมนฺทา สมถาทิกา สงฺขารานํ นิโรธเน อสมตฺถา สมถนิฏฺา โหติ, อติติกฺขา าณาทิกา สาติสยํ สงฺขาเรสุ โทสทสฺสเน ผลสมาปตฺตินิฏฺา โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นาติมนฺทนาติติกฺขา วฏฺฏตี’’ติ. เอส นิโรธสมาปชฺชนโก. เต สงฺขาเรติ เต ปมชฺฌานสงฺขาเร.

‘‘ตเถวา’’ติ อิมินา ‘‘นาติมนฺทาย นาติติกฺขายา’’ติ อิมมตฺถํ อากฑฺฒติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ‘‘อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพํ, เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา ปน ตํ อวตฺวา ‘‘จตุพฺพิธํ ปุพฺพกิจฺจํ กโรติ’’จฺเจว วุตฺตนฺติ เกจิ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. วิปสฺสนาจารโต หิ สมาธิจาโร, ตสฺมา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ปุพฺพกิจฺจํ กาตพฺพํ. ตถา หิ ปรโตปิ ‘‘อากิฺจฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อิมํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา’’ติอาทึ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๗๙) วกฺขติ, น ปน ‘‘ตตฺถ สงฺขาเร ตเถว วิปสฺสิตฺวา’’ติ. นานาพทฺธอวิโกปนนฺติ อตฺตนา อสมฺพทฺธสฺส ปริกฺขารสฺส อวินาสนํ. ยถา ตํ น วินสฺสติ, ตถา อธิฏฺานํ. สงฺฆปฏิมานนนฺติ สงฺฆสฺส ปฏิมานนาวชฺชนํ. สตฺถุปกฺโกสนนฺติ สตฺถุ ปกฺโกสนาวชฺชนํ. อทฺธานปริจฺเฉทนฺติ ชีวิตทฺธานปริจฺเฉทํ ปุพฺพกิจฺจํ กโรตีติ สมฺพนฺโธ.

๘๗๕. อธิฏฺาตพฺพนฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ตถา จิตฺตุปฺปาทนเมว เหตฺถ อธิฏฺานํ.

จิตฺตชรูปาทีนํ อนุปฺปชฺชนโต, ปจฺฉาชาตปจฺจยาทิอุปตฺถมฺภาภาวโต จ สตฺตาหเมว ตถา สรีรํ ปวตฺตติ, ตโต ปรํ กิลมตีติ สตฺตาหเมว ปริจฺฉินฺทิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชนฺตีติ วทนฺติ.

สมาปตฺติวเสเนวาติ นิโรธสมาปตฺติวเสเนว. นํ อคฺคิอาทิอนฺตรายํ รกฺขติ สมาปนฺนโก อธิฏฺานวเสนาติ อธิปฺปาโย. อายสฺมโต สฺชีวสฺสาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา อิทฺธิกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๗๔) วุตฺตเมว.

๘๗๖. เอตสฺสาติ นิโรธํ สมาปชฺชนฺตสฺส, นิโรธสมาปชฺชนสฺส วา. ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ ตสฺส ภิกฺขุโน อุปสงฺกมนสมเย วุฏฺาติเยว. กาลปริจฺเฉทสทิสฺเหตํ.

เอวํ ครุกาติ อคฺคิอาทีหิปิ อนภิภวนียํ นิโรธํ สมาปนฺนํ สมาปตฺติโต วุฏฺาปนโต เอวํ ครุกา หิ สงฺฆสฺส อาณา นาม, ตสฺมา อตฺตโน หิตสุขํ อากงฺขนฺเตน ชีวิตเหตุปิ สงฺฆสฺส อาณา น อติกฺกมิตพฺพาติ อธิปฺปาโย.

๘๗๗. น ปกฺโกสติ ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส, อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘วุฏฺหิสฺสามี’’ติ อาวชฺชิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ.

๘๗๘. ชีวิตทฺธานสฺสาติ อตฺตโน ชีวิตกาลสฺส ชีวิตปฺปวตฺติยา. อายุ เอว อายุสงฺขารา. ‘‘อายุอุสฺมาวิฺาณานี’’ติ จ วทนฺติ, เต จสฺส ปกติจิตฺตสฺเสว อารมฺมณํ โหนฺติ. อนฺโตนิโรเธ มรณํ นตฺถิ จริมภวงฺเคน มียนโต. อาวชฺชิตฺวาว สมาปชฺชิตพฺพํ ‘‘สหสา มรณํ มา อโหสี’’ติ. สหสา หิ มรเณ อฺพฺยากรณภิกฺขุโอวาททานสาสนานุภาวทีปนานํ อนิสฺสโร สิยา, อนาคามิโน วา อคฺคมคฺคานธิคโม สิยา. อวเสสนฺติ นานาพทฺธอวิโกปนาทิติวิธมฺปิ ปุพฺพกิจฺจํ. วุตฺตํ อฏฺกถายํ.

๘๗๙. กิฺจาปิ ‘‘เอกํ วา ทฺเว วา’’ติ อนิยเมตฺวา วิย วุตฺตํ, ทฺเว วาเร เอว ปน นิยมโต วทนฺติ. จิตฺตวาเรติ เนวสฺานาสฺายตนจิตฺตวาเร. นิโรธํ ผุสตีติ อจิตฺตกภาวเมวาห. นิโรธสฺส ปโยคตฺตาติ จิตฺตนิโรธาย ปโยคภาวโต, พลทฺวยสมฺภรณาทิปโยคสฺส จิตฺตนิโรธตฺตาติ อตฺโถ. สมถวิปสฺสนาพลสมนฺนาคโม, าณสมาธิจริยาวสีภาโว เจตฺถ อฺมฺานติวตฺตนวเสเนว อิจฺฉิตพฺโพติ อาห ‘‘ทฺเว สมถวิปสฺสนาธมฺเม ยุคนทฺเธ กตฺวา’’ติ. อนุปุพฺพนิโรธสฺส ปโยโคติ ปมชฺฌานาทีนํ, ตทนุปสฺสนานฺจ อนุปุพฺพโต นิโรธนสฺสายํ ปโยโค. อิทํ วุตฺตนเยน อฏฺสมาปตฺติอาโรหนํ น เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา สมาปชฺชนสฺส. ตสฺมา ทฺวินฺนํ จิตฺตานํ อุปริ จิตฺตานิ น ปวตฺตนฺตีติ โยชนา.

ปรโต อจิตฺตโก ภวิตุํ น สกฺโกตีติ สกลํ ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ อจิตฺตโก ภวิตุํ น สกฺโกติ. ตฺจ โข สงฺฆปฏิมานนสตฺถุปกฺโกสนอทฺธานปริจฺเฉทาวชฺชนานํ อกรเณน, น นานาพทฺธอวิโกปนสฺส. ตสฺส หิ อกรเณน กทาจิ เกวลํ ตาทิสสฺส ปริกฺขารสฺส อวินาโส น สิยา, น นิโรธสมาปตฺติวิพนฺโธ. อยฺจ อตฺโถ มหานาคตฺเถรวตฺถุนา วิภาวิโต เอว. เอวํ สนฺเต ตีหิ อากาเรหิ นิโรธสมาปตฺติยา วุฏฺานํ โหตีติ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตํ น สารโต ปจฺเจตพฺพํ. ปฏินิวตฺติตฺวา ปุน อากิฺจฺายตเนเยว ปติฏฺาตีติ อิมินา สมาปตฺติยา วิพนฺเธ ชาเต เอวํ โหตีติ ทสฺเสติ, อวิพนฺเธเนว ปน ยถาปริจฺฉินฺนกาลวีติกฺกมเน ผลจิตฺตุปฺปตฺติยา วุฏฺานํ โหติ. เอวฺจ กตฺวา คมฺภีรกนฺทโรรุฬฺหตตฺตปาสาณกฺกนฺตปุริสนิทสฺสนมฺปิ สมตฺถิตํ โหตีติ เกจิ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘ปุพฺพกิจฺจสฺส อกตตฺตา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปนฺนมตฺโตว ‘ปฏินิวตฺติตฺวา อากิฺจฺายตเน ปติฏฺาตี’ติ วุตฺตตฺตา สงฺฆปฏิมานนาทิเอกจฺจปุพฺพกิจฺจากรเณ องฺคเวกลฺลโต นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนํ น อิชฺฌเตวา’’ติ วทนฺติ. วตฺตสทิสฺเหตํ นิโรธสมาปตฺติยา, ยทิทํ ปุพฺพกิจฺจกรณํ. ตสฺมา ตตฺถ ยํ ครุตรํ, ตสฺส อกรณํ สมาปชฺชนํ วิพนฺธตีติ อปเร. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘อากิฺจฺายตเน ปติฏฺาตี’’ติ จ อิทํ ปุน อากิฺจฺายตนสฺส สมาปชฺชิตพฺพตฺตา วุตฺตํ. สมาปชฺชิตฺวา หิ วุฏฺาย ปุพฺพกิจฺจสฺส กาตพฺพตฺตา.

ยถา ปนาติอาทิ กตปุพฺพกิจฺจตาสามฺเน อุปมาสํสนฺทนํ.

๘๘๐. อสฺสาติ นิโรธสมาปตฺติยา. ‘‘กาลปริจฺเฉทวเสนา’’ติอาทินา จตูหิ อากาเรหิ นิโรธสมาปตฺติยา านํ ทสฺเสติ.

๘๘๒. วิเวกนินฺนนฺติ นิสฺสรณวิเวกนินฺนํ, ปเคว สงฺขารวิมุขตาย, ผลจิตฺตุปฺปตฺติยา จาติ เวทิตพฺพํ.

๘๘๓. อูสงฺขารตฺตยปฏิปฺปสฺสทฺธิยา, อวเสสเจตสิกวิฺาณาภาเวน รูปธมฺมมตฺตาวเสสตาย จ มตนิโรธสมาปนฺนานํ อวิเสสํ คเหตฺวา ปุจฺฉา ‘‘มตสฺส จ สมาปนฺนสฺส จ โก วิเสโส’’ติ. กามํ เนสํ สงฺขารตฺตยปฏิปฺปสฺสทฺธิอาทีหิ อวิเสโส, รูปธมฺมมตฺตาวเสสตาย ปน อายุอุสฺมาอินฺทฺริยานํ อปคมานปคมนํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยฺวาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

๘๘๔. สภาวโตติ สภาวธมฺมโต, ปรมตฺถโตติ อตฺโถ. ปรมตฺถโต หิ วิชฺชมานานํ สงฺขตาทิภาเวน วตฺตพฺพตํ ลภติ, น อวิชฺชมานํ. สมาปชฺชนฺตสฺส วเสนาติ ยสฺมา สมาปชฺชนฺตสฺส อริยปุคฺคลสฺส สมถวิปสฺสนาธมฺเม ยุคนทฺเธ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย อาโรหนฺตสฺส อนุกฺกเมน สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนปโยคนิพฺพตฺติยา นิโรธสมาปตฺติ นิปฺผนฺนา นาม โหติ, ตสฺมา ตํ ปโยคนิพฺพตฺตึ อุปาทาย ‘‘นิปฺผนฺนา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.

สงฺขารวูปสมโต, สนฺตธมฺมสมนฺวยโต จ สนฺตํ. อริเยหิ เอว นิเสวิตพฺพตฺตา อริยนิเสวิตํ. ติสฺสนฺนมฺปิ ทุกฺขตานํ นิพฺพุตภาวโต นิพฺพานมิติ สงฺขํ อุปาคตํ. อริยํ ปฺนฺติ สุวิสุทฺธํ มคฺคผลปฺํ. อิมิสฺสาปีติ นิโรธสมาปตฺติยา. สมาปตฺติสมตฺถตาติ สมาปชฺชนสมตฺถตา.

อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธิกถาวณฺณนา

๘๘๕. อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธีติ อาหุเนยฺยปาหุเนยฺยทกฺขิเณยฺยอฺชลิกรณียอนุตฺตรปุฺกฺเขตฺตภาวสิทฺธิ. อวิเสเสนาติ ทสฺสนมคฺคปฺาทิวิเสเสน วินา, เอติสฺสา โลกุตฺตรปฺาย. อาเนตฺวา หุนิตพฺพนฺติ อาหุนํ, ทูรโตปิ อาเนตฺวา ทาตพฺพทานํ, ตํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ อาหุเนยฺโย. ปาหุนํ วุจฺจติ อาคนฺตุกทานํ, ตํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ ปาหุเนยฺโย. ทกฺขิณํ อรหตีติ ทกฺขิเณยฺโย, อฺชลิกรณํ อฺชลิกมฺมํ, ตํ อรหตีติ อฺชลิกรณีโย. อนุตฺตรํ อุตฺตมํ สตฺตานํ ปุฺวิรุหนฏฺานนฺติ อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน เหฏฺา วุตฺโตเยว.

๘๘๖. มนฺทาย วิปสฺสนาย อาคโตติ อติกฺขาย วิปสฺสนาย วเสน ปมมคฺคปฺํ ภาเวตฺวา โสตาปนฺนภาวํ อาคโต. สทฺธาทีนํ มุทูนํ อินฺทฺริยานํ วเสน มุทินฺทฺริโยปิ สมาโน. สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมา ภวูปปตฺติ อตฺตภาวคฺคหณํ, ตโต ปรํ อฏฺมํ ภวํ นาทิยตีติ สตฺตกฺขตฺตุปรโม. สํสริตฺวาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อปราปรํ คนฺตฺวา. ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรตีติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริยนฺตํ ปริโยสานํ กโรติ. อยํ กาเลน เทวโลกสฺส, กาเลน มนุสฺสโลกสฺสาติ มิสฺสกสฺส ภวสฺส วเสน ‘‘สตฺตสุคติภเว สํสริตฺวา’’ติ วุตฺโต. กุลโต กุลํ คจฺฉตีติ โกลํโกโล. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยโต ปฏฺาย หิ นีจกุเล อุปปตฺติ นาม นตฺถิ, มหาโภคกุเลสุเยว นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ. ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานีติ เทวมนุสฺสวเสน ทฺเว วา ตโย วา ภเว. อิติ อยมฺปิ มิสฺสกภเวเนว กถิโต. เทสนามตฺตเมว เจตํ ‘‘ทฺเว วา ตีณิ วา’’ติ. ยาว ฉฏฺภวา สํสรนฺโตปิ โกลํโกโลว โหติ. อตฺตภาวคฺคหณสงฺขาตํ เอกํเยว ขนฺธพีชํ เอตสฺส อตฺถีติ เอกพีชี. ‘‘มานุสกํ ภว’’นฺติ อิทมฺปิ เทสนามตฺตํ. ‘‘เทวภวํ นิพฺพตฺเตตี’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. โก ปเนเตสํ อิมํ ปเภทํ นิยเมตีติ? ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา. สเจ หิ อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ วิปสฺสนา พลวตี โหติ, เอกพีชี นาม โหติ. ตโต มนฺทาย โกลํโกโล, ตโต มนฺทตราย สตฺตกฺขตฺตุปรโม.

๘๘๗. ปฏิสนฺธิวเสน สกึ อาคจฺฉตีติ สกทาคามี. สกิเทวาติ เอกวารํเยว. ‘‘อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา’’ติ อิมินา ปฺจสุ สกทาคามีสุ จตฺตาโร วชฺเชตฺวา เอโกว คหิโต. เอกจฺโจ หิ อิธ สกทาคามิผลํ ปตฺวา อิเธว ปรินิพฺพาติ, เอกจฺโจ อิธ ปตฺวา เทวโลเก ปรินิพฺพาติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพาติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาติ. อิเม จตฺตาโรปิ อิธ น คหิตา. โย ปน อิธ ปตฺวา เทวโลเก ยาวตายุกํ วสิตฺวา ปุน อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยํ อิธ คหิโต.

๘๘๘. ปฏิสนฺธิวเสน อิธ อนาคมนโต อนาคามี. อินฺทฺริยเวมตฺตตาวเสนาติ สทฺธาทีนํ วิมุตฺติปริปาจกอินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺเตน. ปฺจธา อิธ วิหาย นิฏฺโ โหตีติ โส อนาคามี อนฺตราปรินิพฺพายิอาทิภาเวน ปฺจปกาเรน อิมํ โลกํ ปชหิตฺวา ปรินิพฺพายนโก โหติ. อายุเวมชฺฌสฺส อนฺตราเยว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนโต อนฺตราปรินิพฺพายี. อุปหจฺจาติ วา อุปคนฺตฺวา กาลกิริยํ. อปฺปโยเคนาติ อธิมตฺตปโยเคน วินา อปฺปกสิเรเนว ติกฺขินฺทฺริยตาย สุเขเนว. สปฺปโยเคนาติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อุทฺธํ วา หิ ภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ, วฏฺฏโสตํ วาติ อุทฺธํโสโต. อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฏิลภิตพฺพโต อุทฺธมสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโสโต. ปฏิสนฺธิวเสน อกนิฏฺภวํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี.

ยตฺถุปปนฺโนติ อวิหาทีสุ ยตฺถ ยตฺถ อุปปนฺโน. อิเมสํ ปน อนาคามีนํ ปเภทชานนตฺถํ อุทฺธํโสตอกนิฏฺคามิจตุกฺกํ เวทิตพฺพํ – โย หิ อวิหโต ปฏฺาย จตฺตาโร เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน เหฏฺา ตโย เทวโลเก โสเธตฺวา สุทสฺสีเทวโลเก ตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยํ อุทฺธํโสโต นอกนิฏฺคามี นาม. โย อิโต อกนิฏฺเมว คนฺตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยํ นอุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน เหฏฺา จตูสุ เทวโลเกสุ ตตฺถ ตตฺเถว ปรินิพฺพาติ, อยํ นอุทฺธํโสโต นอกนิฏฺคามี นาม. เอเต ปน อวิเหสุ อุปปนฺนสมนนฺตรา อายุเวมชฺฌํ อปฺปตฺวา, ปตฺวา จ ปรินิพฺพายนวเสน ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายี, เอโก อุทฺธํโสโตติ ปฺจ. เต อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายิวิภาเคน ทส โหนฺติ. ตถา อตปฺปสุทสฺสสุทสฺสีสูติ จตฺตาโร ทสกา จตฺตาลีสํ. อกนิฏฺเ ปน อุทฺธํโสโต นตฺถิ. ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายีติ จตฺตาโร. เต อสงฺขารสสงฺขารปรินิพฺพายิวิภาเคน อฏฺาติ อฏฺจตฺตาลีสํ อนาคามิโน.

โสตาปนฺนา ปน ปฏิปทาเภเทน จตฺตาโร สตฺตกฺขตฺตุปรมา, จตฺตาโร โกลํโกลา, จตฺตาโร เอกพีชิโนติ สทฺธาธุเรน ปฏิปนฺนา ทฺวาทส, ตถา ปฺาธุเรนาติ จตุวีสติ.

สกทาคามิโน สุฺตวิโมกฺเขน วิมุตฺตา ปฏิปทาวเสน จตฺตาโร, ตถา อนิมิตฺตอปฺปณิหิตวิโมกฺเขหีติ ทฺวาทส.

๘๘๙. ตถา อรหนฺโต. เต ปน ทฺวาทส ปฺาวิมุตฺตา, ทฺวาทส อุภโตภาควิมุตฺตา, ทฺวาทส เตวิชฺชา, ทฺวาทส ฉฬภิฺา, ทฺวาทส ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตาติ สมสฏฺิ โหนฺติ. เอวเมเต สทฺธึ ปจฺเจกสมฺพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ฉจตฺตาลีสาธิกสตํ อริยา. ยสฺมา เตสํ อริยภาวสิทฺธิ อริยาย ปฺาภาวนาย, เตน วุตฺตํ ‘‘อาหุเนยฺยภาวาทิสิทฺธิปิ อิมิสฺสา โลกุตฺตรปฺาภาวนาย อานิสํโส’’ติ. โลกิยวิชฺชาภิฺาหิ วินาปิ อุภโตภาควิมุตฺตตา โหตีติ อุภโตภาควิมุตฺโต วิสุํ คหิโต. ยํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ยํ จตุตฺถมคฺคปฺาภาวนํ สนฺธาย เหฏฺา สงฺเขปโต คาถาวณฺณนายํ วุตฺตํ, ตํ ปน วุตฺตาการํ นิคมนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘มคฺคกฺขเณ’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามํ จตูสุปิ มคฺคกฺขเณสุ ตํ ชฏํ วิชเฏติ นาม, ผลกฺขเณสุปิ ยถารหํ วิชฏิตชโฏ, อคฺคผลกฺขเณเยว ปน สพฺพโส วิชฏิตชโฏ, ตโต ปรํ วิชเฏตพฺพาย ชฏาย อภาวโต. เตเนตฺถ เหฏฺา เหฏฺิมมคฺคปฺาภาวนานิสํสสฺส วุตฺตตฺตาว จตุตฺถมคฺคปฺาภาวนาวเสน อตฺโถ วุตฺโต.

รตินฺติ อภิรตึ, อภิรุจินฺติ อตฺโถ. ตตฺถาติ อริยาย ปฺาภาวนาย.

๘๙๐. อิมิสฺสา คาถายาติ อิมิสฺสํ คาถายํ. คาถา หิ อตฺตโน อตฺถภูตสฺส วิสุทฺธิมคฺคสฺส อาธารภาเวน วุตฺตา, สามิวจนํ วา เอตํ อตฺถสฺส ตํสมฺพนฺธิภาวโต.

ปฺาภาวนานิสํสนิทฺเทสวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ เตวีสติมปริจฺเฉทวณฺณนา.

นิคมนกถาวณฺณนา

๘๙๑. อิมิสฺสา ทานิ คาถายาติอาทีนํ คาถานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว. สฺวายํ ‘‘วิสุทฺธิมคฺคํ ภาสิสฺส’’นฺติ เอวํ ปฏิฺาโต วิสุทฺธิมคฺโค เอตฺตาวตา ภาสิโต โหตีติ สมฺพนฺโธ.

๘๙๒. ตตฺถาติอาทีสุ อยํ ปทสมฺพนฺเธน สทฺธึ สงฺเขปตฺโถ – เตสํ ‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ติคาถายํ วุตฺตานํ สีลาทิปฺปเภทานํ อตฺถานํ ปฺจนฺนมฺปิ มหานิกายานํ อฏฺกถานเย อฏฺกถาตนฺติยํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺโต โย วินิจฺฉโย, เยภุยฺเยน ตํ สพฺพํ สมาหริตฺวา สมาเนตฺวา นิกายนฺตรสฺส นิกายคตวาทโทสสงฺกเรหิ มุตฺโต โส นิจฺฉโย ยสฺมา ปกาสิโต, ตสฺมา วิสุทฺธิกาเมหิ โยคีหิ เอตสฺมึ วิสุทฺธิมคฺเค อาทโร กรณีโยเยวาติ.

นิคมนคาถาโย

เอตฺตาวตา จ –

สุวิสุทฺธสมาจาโร, วิสุทฺธนยมณฺฑิตํ;

วิสุทฺธิมคฺคํ โลกสฺส, ยทจฺจนฺตวิสุทฺธิยา.

อภาสิ กรุณาเวค-สมุสฺสาหิตมานโส;

มเหสิ วิปุโลทาต-วิสุทฺธิมติปาฏโว.

ตสฺส อตฺถํ ปกาเสตุํ, กถามคฺคํ ปุราตนํ;

นิสฺสาย ยา สมารทฺธา, อตฺถสํวณฺณนา มยา.

อายาจิโต สิทฺธคาม-ปริเวณนิวาสินา;

เถเรน ทานาเคน, สุทฺธาจาเรน ธีมตา.

สา เอสา ปรมตฺถานํ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;

นิธานโต ปรมตฺถ-มฺชูสา นาม นามโต.

สมฺปตฺตา ปรินิฏฺานํ, อนากุลวินิจฺฉยา;

อฏฺาสีติปฺปมาณาย, ปาฬิยา ภาณวารโต.

อิติ ตํ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ตํ อธิคตํ มยา;

ปุฺํ ตสฺสานุภาเวน, โลกนาถสฺส สาสเน.

โอคาเหตฺวา วิสุทฺธาย, สีลาทิปฏิปตฺติยา;

สพฺเพปิ เทหิโน โหนฺตุ, วิมุตฺติรสภาคิโน.

จิรํ ติฏฺตุ โลกสฺมึ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;

ตสฺมึ สคารวา นิจฺจํ, โหนฺตุ สพฺเพปิ ปาณิโน.

สมฺมา วสฺสตุ กาเลน, เทโว ราชา มหีปติ;

สทฺธมฺมนิรโต โลกํ, ธมฺเมเนว ปสาสตูติ.

พทรติตฺถวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาเลน กตา

ปรมตฺถมฺชูสา นาม วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกา สมตฺตา.

วิสุทฺธิมคฺค-มหาฏีกา สมตฺตา.