📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

วิสุทฺธิมคฺค นิทานกถา

วิสุทฺธิมคฺโค นามายํ คนฺโถ ปิฏกตฺตยสารภูโต สกลโลเก ปฏิปตฺติทีปกคนฺถานํ อคฺโค โหติ เสฏฺโ ปมุโข ปาโมกฺโข อุตฺตโม ปวโร จาติ วิฺูหิ ปสตฺโถ. ตตฺถ หิ สงฺคีติตฺตยารูฬฺหสฺส เตปิฏกพุทฺธวจนสฺส อตฺถํ สํขิปิตฺวา สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ พฺรหฺมจริยํ ปริปุณฺณํ ปกาสิตํ สุวิสทฺจ. เอวํ ปสตฺถสฺเสตสฺส วิสุทฺธิมคฺคสฺส นิทานกถายปิ ภวิตพฺพเมว. ตสฺมาทานิ ตมฺปกาสนตฺถมิทํ ปฺหกมฺมํ วุจฺจติ –

‘‘โส ปเนส วิสุทฺธิมคฺโค เกน กโต, กทา กโต, กตฺถ กโต, กสฺมา กโต, กิมตฺถํ กโต, กึ นิสฺสาย กโต, เกน ปกาเรน กโต, กิสฺส สกลโลเก ปตฺถโฏ’’ติ.

ตตฺถ เกน กโตติ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรวเรน เตปิฏกสงฺคหฏฺกถากาเรน กโต.

กทา กโตติ อมฺหากํ ภควโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลโลกนาถสฺส ปรินิพฺพุติกาลโต ปจฺฉา ทสเม วสฺสสตเก (๙๗๓ -พุทฺธวสฺเส) กโต.

กตฺถ กโตติ สีหฬทีเป อนุราธปุเร มหาวิหาเร กโต.

กสฺมา กโตติ วิสุทฺธิกามานํ สาธุชนานํ ตทธิคมุปายํ สมฺมาปฏิปตฺตินยํ าเปตุกามตาสงฺขาเตน อตฺตโน อชฺฌาสเยน สฺโจทิตตฺตา, สงฺฆปาลตฺเถเรน จ อชฺเฌสิตตฺตา กโต.

เอตฺถ ปน ตฺวา อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส อุปฺปตฺติ กเถตพฺพา, สา จ มหาวํเส (จูฬวํโสติปิ โวหริเต ทุติยภาเค) สตฺตตึสมปริจฺเฉเท ปนฺนรสาธิกทฺวิสตคาถาโต (๓๗, ๒๑๕) ปฏฺาย พาตฺตึสาย คาถาหิ ปกาสิตาเยว. กถํ? –

มหาวํส-พุทฺธโฆสกถา

๒๑๕.

โพธิมณฺฑสมีปมฺหิ, ชาโต พฺราหฺมณมาณโว;

วิชฺชา-สิปฺป-กลา-เวที, ตีสุ เวเทสุ ปารคู.

๒๑๖.

สมฺมา วิฺาตสมโย, สพฺพวาทวิสารโท;

วาทตฺถี ชมฺพุทีปมฺหิ, อาหิณฺฑนฺโต ปวาทิโก.

๒๑๗.

วิหารเมก’มาคมฺม, รตฺตึ ปาตฺชลีมตํ;

ปริวตฺเตติ สมฺปุณฺณ-ปทํ สุปริมณฺฑลํ.

๒๑๘.

ตตฺเถโก เรวโต นาม, มหาเถโร วิชานิย;

‘‘มหาปฺโ อยํ สตฺโต, ทเมตุํ วฏฺฏตี’’ติ, โส.

๒๑๙.

‘‘โก นุ คทฺรภราเวน, วิรวนฺโต’’ติ อพฺรวิ;

‘‘คทฺรภานํ รเว อตฺถํ, กึ ชานาสี’’ติ อาห ตํ.

๒๒๐.

‘‘อหํ ชาเน’’ติ วุตฺโต โส, โอตาเรสิ สกํ มตํ;

ปุฏฺํ ปุฏฺํ วิยากาสิ, วิรทฺธมฺปิ จ ทสฺสยิ.

๒๒๑.

‘‘เตน หิ ตฺวํ สกํ วาท-โมตาเรหี’’ติ โจทิโต;

ปาฬิ’มาหา’ภิธมฺมสฺส, อตฺถ’มสฺส น โส’ธิคา.

๒๒๒.

อาห‘‘กสฺเส’ส มนฺโต’’ติ,‘‘พุทฺธมนฺโต’’ติ โส’พฺรวิ;

‘‘เทหิ เมตํ’’ติ วุตฺเต หิ, ‘‘คณฺห ปพฺพชฺช ตํ’’อิติ.

๒๒๓.

มนฺตตฺถี ปพฺพชิตฺวา โส, อุคฺคณฺหิ ปิฏกตฺตยํ;

เอกายโน อยํ มคฺโค, อิติ ปจฺฉา ต’มคฺคหิ.

๒๒๔.

พุทฺธสฺส วิย คมฺภีร-โฆสตฺตา นํ วิยากรุํ;

พุทฺธโฆโสติ โฆโส หิ, พุทฺโธ วิย มหีตเล.

๒๒๕.

ตตฺถ าโณทยํ [าโณทยํ นามปกรณํ อิทานิ กุหิฺจิปิ น ทิสฺสติ;] นาม, กตฺวา ปกรณํ ตทา;

ธมฺมสงฺคณิยากาสิ, กจฺฉํ โส อฏฺสาลินึ [อิทานิ ทิสฺสมานา ปน อฏฺสาลินี สีหฬทีปิกาเยว; น ชมฺพุทีปิกา; ปรโต (๕๔-๕๕ ปิฏฺเสุ) เอส อาวิภวิสฺสติ].

๒๒๖.

ปริตฺตฏฺกถฺเจว [ปริตฺตฏฺกถนฺติ ปิฏกตฺตยสฺส สงฺเขปโต อตฺถวณฺณนาภูตา ขุทฺทกฏฺกถาติ อธิปฺเปตา ภเวสุ], กาตุํ อารภิ พุทฺธิมา;

ตํ ทิสฺวา เรวโต เถโร, อิทํ วจนมพฺรวิ.

๒๒๗.

‘‘ปาฬิมตฺตํ อิธานีตํ, นตฺถิ อฏฺกถา อิธ [เอตฺถ สคีภิตฺตยารูฬฺหา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส สนฺติกา อุคฺคหิตา สิสฺสานุสิสฺสปรมฺปราตตา มูลฏฺกถา กสฺมา ชมฺพุทีเป สพฺพโส อนฺตรหิตาติ วิมํสิตพฺพํ];

ตถาจริยวาทา จ, ภินฺนรูปา น วิชฺชเร.

๒๒๘.

สีหฬฏฺกถา สุทฺธา, มหินฺเทน มตีมตา;

สงฺคีติตฺตยมารูฬฺหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ.

๒๒๙.

สาริปุตฺตาทิคีตฺจ, กถามคฺคํ สเมกฺขิย;

กตา สีหฬภาสาย, สีหเฬสุ ปวตฺตติ.

๒๓๐.

ตํ ตตฺถ คนฺตฺวา สุตฺวา ตฺวํ, มาคธานํ นิรุตฺติยา;

ปริวตฺเตหิ, สา โหติ, สพฺพโลกหิตาวหา’’.

๒๓๑.

เอวํ วุตฺเต ปสนฺโน โส, นิกฺขมิตฺวา ตโต อิมํ;

ทีปํ อาคา อิมสฺเสว [อิทสฺเสวาติ อิมสฺเสว มหานามรฺโ กาเล ๙๕๓-๙๗๕ พุทฺธวสฺเส; อยฺจ วสฺสปริจฺเฉโท สีหฬราชวํสํ นิสฺสาย ทสฺสิโต; ยุโรปิยวิจกฺขณานํ ปน มเตน ๙๔๑-๙๖๔ พุทฺธวสฺเส อิติ เวทิตพฺโพ; เอวมุปริปิ;], รฺโ กาเล มหามติ.

๒๓๒.

มหาวิหารํ สมฺปตฺโต, วิหารํ สพฺพสาธุนํ;

มหาปธานฆรํ คนฺตฺวา, สงฺฆปาลสฺส สนฺติกา.

๒๓๓.

สีหฬฏฺกถํ สุตฺวา, เถรวาทฺจ สพฺพโส;

‘‘ธมฺมสฺสามิสฺส เอโสว, อธิปฺปาโย’’ติ นิจฺฉิย.

๒๓๔.

ตตฺถ สงฺฆํ สมาเนตฺวา, ‘‘กาตุํ อฏฺกถํ มม;

โปตฺถเก เทถ สพฺเพ’’ติ, อาห, วีมํสิตุํ ส ตํ.

๒๓๕.

สงฺโฆ คาถาทฺวยํ ตสฺสา’ทาสิ ‘‘สามตฺถิยํ ตว;

เอตฺถ ทสฺเสหิ, ตํ ทิสฺวา, สพฺเพ เทมาติ โปตฺถเก’’ [๒๓๔-๕ คาถาสุ อยมตฺถโยชนา– ‘‘ตตฺถ มหาวิหาเร สํฆํ มหาเนตฺวา สํฆ สนฺนิปาตํ กาเรตฺวา อาจริยปุพฺพทฺธโฆโส เอวมาห ‘อฏฺกถํ กาตุํ สพฺเพ ปาฬิ-อฏฺกถา-โปตฺถเก มม เทถา’ติ; โส สํโฆ ตํ วีมํสิตุํ สํยุตฺตนิกายโต ‘อนฺโตชฏา’ติอาทิกํ จ ‘สีเล ปติฏฺายา’ติอาทิกํ จาติ คาถาทฺวยํ ตสฺส อทาสิ ‘เอตฺถ ตว สามตฺถิยํ าณปฺปภาวํ ทสฺเสติ; ตํ ทิสฺวา สพฺเพ โปตฺถเก เทมา’ติวตฺวา’’ติ; อิมินา ปน อยมตฺถา ทสฺสิโต โหติ ‘‘อาจริย พุทฺธโฆโส วิสุทฺธิมคฺคํ กโรนฺโต ตเทว คาถาทฺวยํ โอโลเกตฺวา, กิฺจิปิ อฺํ โปตฺถกํ อโนโลเกตฺวา อกาสี’’ติ; ตสฺส ปนตฺถสฺส ยุตฺตายุตฺตวิจารณา ปรโต (๓๙-๔๙-ปิฏฺเสุ) อาคมิสฺสติ].

๒๓๖.

ปิฏกตฺตย’เมตฺเถว, สทฺธึ อฏฺกถาย โส;

วิสุทฺธิมคฺคํ นามา’กา, สงฺคเหตฺวา สมาสโต.

๒๓๗.

ตโต สงฺฆํ สมูเหตฺวา, สมฺพุทฺธมตโกวิทํ;

มหาโพธิสมีปมฺหิ, โส ตํ วาเจตุ มารภิ.

๒๓๘.

เทวตา ตสฺส เนปุฺํ, ปกาเสตุํ มหาชเน;

ฉาเทสุํ โปตฺถกํ โสปิ, ทฺวตฺติกฺขตฺตุมฺปิ ตํ อกา [๒๓๘ คาถาย อยมตฺโถ– ‘‘เทวตา ตสฺส พุทฺธโฆสสฺส เนปุฺํ นิปุณฺาปฺปสาวํ มหาชนสฺส ปกาเสตุํ เตน ลิขิตํ วิสุทฺธิมคฺคโปตฺถกํ ฉาเทสุํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อปสฺสิยภาวํ ปาเปตฺวา เปสุํ; โสปิ พุทฺธโฆโส ทุติยมฺปิ ตํ ลิขิ, ตมฺปิ เทวตา ฉเทสุํ; ตติยมฺปิ ลิขี’’ติ; เตน วุตฺตํ ‘‘ทฺวตฺติกฺขตฺตุมฺปิ ตํ อกา’’ติ; อิทเมว มหาวํสวจนํ นิสฺสาย วิตฺตาเรตฺวา กถิตาย พุทฺธโฆสุปฺปตฺติยา นาม กถาล เอกรตฺเตเนว วิสุทฺธิมคฺคสฺส ติกฺขตฺตุมฺปิ ลิขิตฺวา นิฏฺาปิตภาโว ปกาสิโต; อีทิสี ปน กถา พหูนํ วิมฺหยชนนีปิ ปริกฺขกานํ สํสยชนนี โหติ; ตสฺมา อิมิสฺสาปิ วิจารณา ปรโต (๔๗-๘-ปิฏฺเสุ) ทสฺสิยิสฺสติ].

๒๓๙.

วาเจตุํ ตติเย วาเร, โปตฺถเก สมุทาหเฏ;

โปตฺถกทฺวย’มฺมฺปิ, สณฺเปสุํ ตหึ มรู.

๒๔๐.

วาจยึสุ ตทา ภิกฺขู, โปตฺถกตฺตย’เมกโต;

คนฺถโต อตฺถโต วาปิ, ปุพฺพาปรวเสน วา.

๒๔๑.

เถรวาเทหิ ปาฬีหิ, ปเทหิ พฺยฺชเนหิ วา;

อฺถตฺตมหู เนว, โปตฺถเกสุปิ ตีสุปิ.

๒๔๒.

อถ อุคฺโฆสยี สงฺโฆ, ตุฏฺหฏฺโ วิเสสโต;

นิสฺสํสยํ’ส เมตฺเตยฺโย, อิติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ.

๒๔๓.

สทฺธึ อฏฺกถายา’ทา, โปตฺถเก ปิฏกตฺตเย;

คนฺถากเร วสนฺโต โส, วิหาเร ทูรสงฺกเร.

๒๔๔.

ปริวตฺเตสิ สพฺพาปิ, สีหฬฏฺกถา ตทา;

สพฺเพสํ มูลภาสาย, มาคธาย นิรุตฺติยา.

๒๔๕.

สตฺตานํ สพฺพภาสานํ, สา อโหสิ หิตาวหา;

เถริยาจริยา สพฺเพ, ปาฬึ วิย ต’มคฺคหุํ.

๒๔๖.

อถ กตฺตพฺพกิจฺเจสุ, คเตสุ ปรินิฏฺิตึ;

วนฺทิตุํ โส มหาโพธึ, ชมฺพุทีปํ อุปาคมี’’ติ [โส มหาโพธิ วนฺทิตุํ ชมฺพุทีปํ อุปาคมีติ อิทํ วจนํ ปุริมวจเนหิ อสํสฏฺํ วิย โหติ; ปุพฺเพ หิ ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส โพธิมณฺฑสมีเป ชาโต’’ติ จ, ‘‘สีหฬทีปํ คนฺตฺวา สีหฬฏฺกถาโย มาคธภาสาย ปริวตฺเตหีติ ตสฺสาจริเยน เรวตตฺเถเรน วุตฺโต’’ติ จ วุตฺตํ; ตสฺมา อิธาปิ อาจริยพุทฺธโฆสสฺส ปวตฺติ ตทนุรูปา ‘‘ตา ภาสาปริวตฺติตฏฺกถาโย อาทาย สาสนุชฺโชตนตฺถํ ชมฺพุทีปํ อุปาคมี’’ติ เอวมาทินา สาสนุชฺโชตนมูลิกา เอว ภวิตุํ อรหติ, น ปน มหาโพธิวนฺทนมูลิกาติ].

อยฺจ ปน มหาวํสกถา ๑๙๕๐ - ขริสฺตวสฺเส หาพทมหาวิชฺชาลยมุทฺทณยนฺเต โรมกฺขเรน มุทฺทิตสฺส วิสุทฺธิมคฺคโปตฺถกสฺส ปุเรจาริกกถายํ ‘‘อเนกาเนตฺถ อตฺถิ วิจาเรตพฺพานี’’ติ วตฺวา ธมฺมานนฺทโกสมฺพีนามเกน วิจกฺขเณน วิจาริตา. ตเมตฺถ ยุตฺตายุตฺตวิจินนาย ทสฺเสตฺวา อนุวิจารณมฺปิสฺส กริสฺสาม.

ชาติเทสวิจารณา

. ตตฺถ หิ เตน ธมฺมานนฺเทน ‘‘พุทฺธโฆโส โพธิมณฺฑสมีเป (พุทฺธคยายํ) ชาโตติ น ยุตฺตเมต’’นฺติ วตฺวา ตํสาธนตฺถาย จตฺตาริ พฺยติเรกการณานิ ทสฺสิตานิ. กถํ?

(ก) ‘‘พุทฺธโฆเสน ปกาสิเตสุ ตํกาลิกวตฺถูสุ เอกมฺปิ ตํ นตฺถิ, ยํ มคเธสุ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปมํ การณํ ทสฺสิตํ. ตทการณเมว. อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร หิ สงฺคหฏฺกถาโย กโรนฺโต โปราณฏฺกถาโยเยว สํขิปิตฺวา, ภาสาปริวตฺตนมตฺเตน จ วิเสเสตฺวา อกาสิ, น ปน ยํ วา ตํ วา อตฺตโน ทิฏฺสุตํ ทสฺเสตฺวา. วุตฺตฺเหตํ อาจริเยน –

‘‘สํวณฺณนํ ตฺจ สมารภนฺโต,

ตสฺสา มหาอฏฺกถํ สรีรํ;

กตฺวา มหาปจฺจริยํ ตเถว,

กุรุนฺทินามาทิสุ วิสฺสุตาสุ.

วินิจฺฉโย อฏฺกถาสุ วุตฺโต,

โย ยุตฺตมตฺถํ อปริจฺจชนฺโต;

อโถปิ อนฺโตคธเถรวาทํ,

สํวณฺณนํ สมฺม สมารภิสฺส’’นฺติ [ปารา. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา] จ.

‘‘ตโต จ ภาสนฺตรเมว หิตฺวา,

วิตฺถารมคฺคฺจ สมาสยิตฺวา;

วินิจฺฉยํ สพฺพมเสสยิตฺวา,

ตนฺติกฺกมํ กิฺจิ อโวกฺกมิตฺวา.

สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ,

สุตฺตานุรูปํ ปริทีปยนฺตี;

ยสฺมา อยํ เหสฺสติ วณฺณนาปิ,

สกฺกจฺจ ตสฺมา อนุสิกฺขิตพฺพา’’ติ [ปารา. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา] จ.

ยเถว จ อาจริยพุทฺธโฆเสน อตฺตโน อฏฺกถาสุ ตํกาลิกานิ มาคธิกานิ วตฺถูนิ น ปกาสิตานิ, ตเถว สีหฬิกานิปิ ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺิกานิปิ. น หิ ตตฺถ วสภราชกาลโต (๖๐๙-๖๕๓ -พุทฺธวสฺส) ปจฺฉา อุปฺปนฺนวตฺถูนิ ทิฏฺานิ เปตฺวา มหาเสนราชวตฺถุํ [ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๖-๒๓๗], อาจริโย จ ตโต ติสตมตฺตวสฺเสหิ ปจฺฉาตเร มหานามรฺโ กาเล (๙๕๓-๙๗๕-พุ-ว) สีหฬทีปมุปาคโต. ตสฺมา อฏฺกถาสุ ตํกาลิกมาคธิกวตฺถูนํ อปฺปกาสนมตฺเตน น สกฺกา ตกฺกตฺตา น มาคธิโกติ าตุนฺติ.

[ข) ปุนปิ เตน ‘‘สพฺเพสุปิ พุทฺธโฆสคนฺเถสุ อุตฺตรอินฺทิยเทสายตฺตํ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺสฺส วิย ปกาสนํ นตฺถี’’ติ ทุติยํ การณํ ทสฺสิตํ. ตสฺสปิ อการณภาโว ปุริมวจเนเนว เวทิตพฺโพ. อปิจ สารตฺถปฺปกาสินิยา นาม สํยุตฺตฏฺกถายํ, สุมงฺคลวิลาสินิยา นาม ทีฆนิกายฏฺกถายฺจ วุตฺตสํวณฺณนายปิ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ หิ –

‘‘ยเถว หิ กลมฺพนทีตีรโต ราชมาตุวิหารทฺวาเรน ถูปารามํ คนฺตพฺพํ โหติ, เอวํ หิรฺวติกาย นาม นทิยา ปาริมตีรโต สาลวนํ อุยฺยานํ. ยถา อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม, เอวํ ตํ กุสินาราย โหติ. ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสนมคฺโค ปาจีนมุโข คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตติ, เอวํ อุยฺยานโต สาลปนฺติ ปาจีนมุขา คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตา. ตสฺมา ตํ อุปวตฺตนนฺติ วุจฺจตี’’ติ [สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๖; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๙๘]

ปจฺจกฺขโต ทิฏฺสฺส วิย ปกาสนมฺปิ ทิสฺสเตว. ตมฺปิ ปน โปราณฏฺกถาหิ ภาสาปริวตฺตนมตฺตเมวาติ คเหตพฺพํ, ตาทิสาย อตฺถสํวณฺณนาย มหามหินฺทตฺเถรกาลโตเยว ปภุติ วุตฺตาย เอว ภวิตพฺพตฺตาติ.

[ค) ปุนปิ เตน ‘‘อุณฺหสฺสาติ อคฺคิสนฺตาปสฺส, ตสฺส วนทาหาทีสุ สมฺภโว เวทิตพฺโพ’’ติ วิสุทฺธิมคฺเค (๑, ๓๐-ปิฏฺเ) วุตฺตสํวณฺณนํ ปกาเสตฺวา ‘‘ตสฺสา ปนสฺส อวหสนียภาโว ปากโฏเยวา’’ติ จ หีเฬตฺวา ‘‘อินฺทิยรฏฺเ ปน อุตฺตรเทเสสุ คิมฺหกาเล วตฺถจฺฉาทนรหิตา มานุสกายจฺฉวิ สูริยสนฺตาเปน เอกํสโต ทยฺหติ, ตํ น ชานนฺติ ทกฺขิณอินฺทิยเทสิกา’’ติ ตติยํ การณํ ทฬฺหตรภาเวน ทสฺสิตํ. ตตฺถ ปน ยทิ ‘‘สูริยสนฺตาเปน เอกํสโต ทยฺหตี’’ติ เอตํ อุชุกโต สูริยรสฺมิสนฺตาเปเนว ทฑฺฒภาวํ สนฺธาย วุจฺเจยฺย, เอวํ สติ ฑํสมกสวาตาตปสรีสปสมฺผสฺสานนฺติ ปเท อาตปสทฺเทน สมานตฺถตฺตา น ยุตฺตเมว. ยทิ ปน สูริยสนฺตาปสฺชาเตน อุณฺหอุตุนา ทฑฺฒภาวํ สนฺธาย วุจฺเจยฺย, เอวํ สติ อุตฺตรอินฺทิยเทเสสุ, อฺตฺถ จ ตาทิเสสุ อติอุณฺหฏฺาเนสุ สูริยสนฺตาปสฺชาตสฺส อุณฺหอุตุโน ปฏิฆาตาย จีวรํ เสนาสนฺจ ปฏิเสวียตีติ อยมตฺโถ น น ยุตฺโต. ตถา หิ วุตฺตํ วินยฏฺกถายํ (๓, ๕๘)

‘‘สีตํ อุณฺหนฺติ อุตุวิสภาควเสน วุตฺต’’นฺติ.

สา ปน วิสุทฺธิมคฺเค ปทตฺถสํวณฺณนา โปราณสุตฺตนฺตฏฺกถาหิ อาคตา ภเวยฺย. ตถา หิ วุตฺตํ ปปฺจสูทนิยา นาม มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนายํ (๑, ๕๘) ‘‘อุณฺหนฺติ เจตฺถ อคฺคิสนฺตาโปว เวทิตพฺโพ, สูริยสนฺตาปวเสน ปเนตํ วตฺถุ วุตฺต’’นฺติ. เอตฺถ จ สจายมตฺโถ อาจริเยน อตฺตโน มติวเสน วุตฺโต อสฺส, ตสฺส วตฺถุสฺส โปราณฏฺกถายํ วุตฺตภาวฺจ ตสฺสา อตฺถสํวณฺณนาย อตฺตโน มติภาวฺจ ยุตฺตภาวฺจ ปกาเสยฺย. อาจริโย หิ ยตฺถ ยตฺถ โปราณฏฺกถาสุ อวุตฺตตฺถํ วิเสเสตฺวา ทสฺเสติ, ตตฺถ ตตฺถ ตาทิสํ าปกวจนมฺปิ ปกาเสติเยว, ยถา สุมงฺคลวิลาสินิยํ (๑, ๗๒) ‘‘เอตฺถ อาณตฺติยนิสฺสคฺคิยถาวราปิ ปโยคา ยุชฺชนฺติ, อฏฺกถาสุ ปน อนาคตตฺตา วีมํสิตฺวา คเหตพฺพา’’ติ วจนํ, ยถา จ ปปฺจสูทนิยํ (๑, ๓๐) ‘‘อวิจาริตเมตํ โปราเณหิ, อยํ ปน อตฺตโน มตี’’ติ วจนํ. น เจตฺถ กิฺจิปิ าปกวจนํ ปกาสิตํ. ตสฺมา ‘‘ยเทตํ ‘อุณฺหสฺสาติ อคฺคิสนฺตาปสฺสา’ติ จ, ‘อุณฺหนฺติ เจตฺถ อคฺคิสนฺตาโปว เวทิตพฺโพ’ติ จ วจนํ, เอตํ โปราณสุตฺตนฺตฏฺกถาวจน’’นฺติ เวทิตพฺพนฺติ.

(ฆ) ปุนปิ เตน ‘‘ปปฺจสูทนิยา นาม มชฺฌิมนิกายฏฺกถายํ โคปาลกสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต [ม. นิ. อฏฺ. ๑.๓๕๐] พุทฺธโฆโส ‘มคธวิเทหรฏฺานํ อนฺตเร คงฺคาย นทิยา มชฺเฌ วาลุกตฺถลทีปกา อตฺถี’ติ สทฺทหติ มฺเ. พุทฺธโฆเสน ปน ทิฏฺคงฺคา สีหฬทีเป มหาเวลิคงฺคาเยว, น ปน อินฺทิยรฏฺิกานํ เสฏฺสมฺมตา มหาคงฺคาติ ปากโฏเยวายมตฺโถ’’ติ จตุตฺถํ การณํ ทสฺสิตํ. ตํ ปน อิทานิ มหาคงฺคาย มชฺเฌ ตสฺมึ าเน ตาทิสํ ทีปกํ อทิสฺวา ‘‘ปุพฺเพปิ เอวเมว ภเวยฺยา’’ติ เอกํสโต คเหตฺวา วุตฺตวจนมตฺตเมว. นทิโย ปน สพฺพทาปิ เตเนวากาเรน ติฏฺนฺตีติ น สกฺกา คเหตุนฺติ ปากโฏเยวายมตฺโถ. ตสฺมา ยถา ปุพฺเพ ตสฺส โคปาลสฺส กาเล ตสฺมึ าเน มชฺเฌ คงฺคาย ตาทิสา ทีปกา สํวิชฺชมานา อเหสุํ, ตเถว โปราณฏฺกถาสุ เอส อตฺโถ สํวณฺณิโต, ตเทว จ วจนํ อาจริเยน ภาสาปริวตฺตนํ กตฺวา ปกาสิตนฺติ เอวเมว คเหตพฺพํ. ตสฺมา ตมฺปิ อการณเมวาติ.

พฺราหฺมณกุลวิจารณา

. อถ ‘‘พฺราหฺมณมาณโว’’ติ ปทมฺปิ เตน เอวํ วิจาริตํ –

(ก) ‘‘พุทฺธโฆโส ‘พฺราหฺมณกุลชาโต’ติ น สกฺกา คเหตุํ. กสฺมา เวทกาลโต ปฏฺาย ยาวชฺชตนา สพฺเพปิ พฺราหฺมณา

พฺราหฺมโณสฺย มุขมาสีทิ, พาหู ราชนฺย? กต?;

อูรู ตทสฺย ยท วคฺย?, ปทฺภฺยาํ คูทฺโร อชายตา’’ติ [อิรุเวท, ๑๐-มณฺฑล, ๙๐; ตถา อถว ๖ เวท ๑๙, ๖, ๖].

อิมํ ปุริสสุตฺตํ นาม มนฺตํ ชานนฺตีติ สทฺทหิยา.

อยํ ปนสฺสา อตฺโถ – ‘พฺราหฺมโณ อสฺส (พฺรหฺมุโน) มุขํ อาสิ. พาหู ราชฺโ กโต, ขตฺติยา อสฺส พาหูติ วุตฺตํ โหติ. โย เวสฺโส, โส อสฺส อูรู. สุทฺโท อสฺส ปาเทหิ อชายี’ติ.

พุทฺธโฆโส ปน ‘ปณฺฑิตพฺราหฺมโณ’ติ าโตปิ ตํ คาถํ น อฺาสิ. ตถา หิ เตน พนฺธุปาทาปจฺจาติ ปทสฺส อตฺถวณฺณนายํ ‘เตสํ กิร อยํ ลทฺธิ – พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน มุขโต นิกฺขนฺตา, ขตฺติยา อุรโต, เวสฺสา นาภิโต, สุทฺทา ชาณุโต, สมณา ปิฏฺิปาทโต’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๖๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๐๘] ติสฺสา เวทคาถาย อสมานตฺโถ วณฺณิโต’’ติ.

อยํ ปเนตฺถ อนุวิจารณา – ยทิ จ ตํกาลิกานมฺปิ พฺราหฺมณานํ ลทฺธิ ตเถว ภเวยฺย ยถา เอติสฺสํ คาถายํ วุตฺตา, สา จตฺถวณฺณนา อาจริยสฺส มติมตฺตา. เอวํ สติ สา วิจารณา ยุตฺตา ภเวยฺย. เอติสฺสํ ปน คาถายํ ‘‘พฺราหฺมโณสฺย มุขมาสีทิ’’ติ ปมปาเทน ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตา’’ติ อตฺโถ อุชุกโต น ลพฺภติ. พุทฺธกาเล ปน พฺราหฺมณานํ ลทฺธิ ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตา’’ติ เอวเมว อโหสีติ ปากโฏเยวายมตฺโถ. ตถา หิ ทีฆนิกาเย ปาถิกวคฺเค อคฺคฺสุตฺเต (๓, ๖๗) –

‘‘ทิสฺสนฺติ โข ปน วาเสฏฺ พฺราหฺมณานํ พฺราหฺมณิโย อุตุนิโยปิ คพฺภินิโยปิ วิชายมานาปิ ปายมานาปิ. เต จ พฺราหฺมณา ๐ โยนิชาว สมานา เอวมาหํสุ – พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีนา อฺเ วณฺณา. พฺราหฺมโณว สุกฺโก วณฺโณ, กณฺหา อฺเ วณฺณา. พฺราหฺมณาว สุชฺฌนฺติ, โน อพฺราหฺมณา. พฺราหฺมณาว พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา พฺรหฺมนิมฺมิตา พฺรหฺมทายาทาติ. เต พฺรหฺมานฺเจว อพฺภาจิกฺขนฺติ, มุสา จ ภาสนฺติ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวนฺตี’’ติ –

ภควตา มหาการุณิเกน วาเสฏฺภารทฺวาชานํ พฺราหฺมณมาณวกานํ ภาสิตํ, เตหิ จ ตํ อภินนฺทิตํ. เต ปน ทฺเวปิ มาณวกา ชาติวเสน ปริสุทฺธพฺราหฺมณา เจว โหนฺติ ติณฺณมฺปิ เวทานํ ปารคุโน จ. ตสฺมา ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน มุขโต นิกฺขนฺตา’’ติ วจนสฺส ตํกาลิกานํ พฺราหฺมณานํ ลทฺธิวเสน วุตฺตภาโว ปากโฏเยว. ยถา เจตํ, เอวํ ‘‘ขตฺติยา อุรโต, เวสฺสา นาภิโต, สุทฺทา ชาณุโต, สมณา ปิฏฺิปาทโต’’ติ วจนมฺปิ ‘‘ตํกาลิกพฺราหฺมณานํ ลทฺธิฺูหิ โปราณฏฺกถาจริเยหิ วุตฺต’’นฺติ สทฺทหิตฺวา อาจริยพุทฺธโฆเสน ตํ สพฺพํ โปราณฏฺกถาโต ภาสาปริวตฺตนมตฺเตน วิเสเสตฺวา ปกาสิตํ ภเวยฺย. ตสฺมา ตายปิ เวทคาถาย อาจริยสฺส อพฺราหฺมณภาวสาธนํ อนุปปนฺนเมวาติ.

(ข) ปุนปิ เตน อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส อพฺราหฺมณภาวสาธนตฺถํ ทุติยมฺปิ การณํ เอวมาหฏํ –

‘‘พฺราหฺมณคนฺเถสุ คพฺภฆาตวาจกํ ภฺรูนหาติ ปทํ ปาฬิยํ ภูนหุ (ภูนหโน) อิติ ทิสฺสติ. มาคณฺฑิยสุตฺเต ภริยาย เมถุนสํวาสาภาเวน อุปฺปชฺชนารหคพฺภสฺส นาสกตฺตํ สนฺธาย มาคณฺฑิโย ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ ‘ภูนหุ (ภูนหโน) สมโณ โคตโม’ติ [ม. นิ. ๒.๒๐๗ อาทโย] อาห. ตํ พุทฺธโฆโส น ชานาตีติ ปากโฏเยว ตทตฺถสํวณฺณนาย. ตตฺถ หิ เตน ภูนหุโนติ (ภูนหนสฺสา) ปทํ ‘หตวฑฺฒิโน มริยาทการกสฺสา’ติ [ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๐๗] วณฺณิต’’นฺติ.

ตมฺปิ อยุตฺตเมว. น หิ มาคณฺฑิเยน โผฏฺพฺพารมฺมณาปริโภคมตฺตเมว สนฺธาย ภูนหุภาโว วุตฺโต, อถ โข ฉนฺนมฺปิ โลกามิสารมฺมณานํ อปริโภคํ สนฺธาย วุตฺโต. ตสฺมิฺหิ สุตฺเต –

‘‘จกฺขุํ โข มาคณฺฑิย รูปารามํ รูปรตํ รูปสมฺมุทิตํ, ตํ ตถาคตสฺส ทนฺตํ คุตฺตํ รกฺขิตํ สํวุตํ, ตสฺส จ สํวราย ธมฺมํ เทเสติ, อิทํ นุ เต เอตํ มาคณฺฑิย สนฺธาย ภาสิตํ ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติ. เอตเทว โข ปน เม โภ โคตม สนฺธาย ภาสิตํ ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ, เอวฺหิ โน สุตฺเต โอจรตีติ…เป… มโน โข มาคณฺฑิย ธมฺมาราโม ธมฺมรโต ธมฺมสมฺมุทิโต, โส ตถาคตสฺส ทนฺโต คุตฺโต รกฺขิโต สํวุโต, ตสฺส จ สํวราย ธมฺมํ เทเสติ, อิทํ นุ เต เอตํ มาคณฺฑิย สนฺธาย ภาสิตํ ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติ. เอตเทว โข ปน เม โภ โคตม สนฺธาย ภาสิตํ ‘ภูนหุ สมโณ โคตโม’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ, เอวฺหิ โน สุตฺเต โอจรตี’’ติ [ม. นิ. ๒.๒๐๗ อาทโย].

เอวํ ภควโต จ อนุโยโค มาคณฺฑิยสฺส จ ปฏิฺา อาคตา.

เอตฺถ หิ เมถุนปฺปฏิเสวนวเสน โผฏฺพฺพารมฺมณปริโภคเหตุ เอว คพฺภปติฏฺานํ สมฺภวตีติ ตทปริโภคเมว สนฺธาย ‘‘ภูนหู’’ติ วตฺตุํ อรหติ, ตทฺเสํ ปน ปฺจนฺนํ รูปาทิอารมฺมณานํ, ตตฺถาปิ วิเสสโต ธมฺมารมฺมณสฺส สุทฺธมโนวิฺาเณน ปริโภคเหตุ นตฺถิ กิฺจิ คพฺภปติฏฺานนฺติ เตสํ อปริโภคํ สนฺธาย ภูนหูติ วตฺตุํ น อรหติเยว, มาคณฺฑิเยน ปน สพฺพานิปิ ตานิ สนฺธาย วุตฺตภาโว ปฏิฺาโต, การณฺจสฺส ทสฺสิตํ ‘‘เอวฺหิ โน สุตฺเต โอจรตี’’ติ. ตสฺมา กิฺจาปิ ทานิ พฺราหฺมณคนฺเถสุ ภูนหุ- (ภฺรูนหา) สทฺโท คพฺภฆาตนตฺเถ ทิสฺสติ, มาคณฺฑิยสุตฺเต ปเนโส อตฺโถ น ยุชฺชตีติ อาจริเยน ‘‘หตวฑฺฒิ มริยาทการโก’’ติ อยเมวตฺโถ โปราณฏฺกถาย ภาสาปริวตฺตนวเสน ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ.

(ค) ปุนปิ เตน ‘‘อิทมฺปน พุทฺธโฆสสฺส อพฺราหฺมณภาวสาธกํ ปจฺฉิมการณํ, โส หิ วิสุทฺธิมคฺเค สีลนิทฺเทเส (๑, ๓๑) พฺราหฺมณานํ ปริหาสํ กโรนฺโต ‘เอวํ อิมินา ปิณฺฑปาตปฏิเสวเนน ปุราณฺจ ชิฆจฺฉาเวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ อปริมิตโภชนปจฺจยํ อาหรหตฺถก อลํสาฏก ตตฺรวฏฺฏก กากมาสก ภุตฺตวมิตกพฺราหฺมณานํ อฺตโร วิย น อุปฺปาเทสฺสามีติ ปฏิเสวตี’ติ อาห. อิทํ ปน เอกสฺส ภินฺนพฺราหฺมณลทฺธิกสฺสาปิ วจนํ สิยาติ ตเทว ทฬฺหการณํ กตฺวา น สกฺกา ‘พุทฺธโฆโส อพฺราหฺมโณ’ติ วตฺตุ’’นฺติ ตติยํ การณํ วุตฺตํ. ตํ ปน อติสํเวชนียวจนเมว. น เหตํ อาจริเยน พฺราหฺมณานํ ปริหาสํ กาตุกาเมน วุตฺตํ, น จ ตํ ปริหาสวจเนน สํโยเชตพฺพฏฺานํ, อฺทตฺถุ ยถาภูตมตฺถํ ทสฺเสตฺวา สพฺรหฺมจารีนํ โอวาทานุสาสนิทานวเสน วตฺตพฺพฏฺานํ, ตถาเยว จ อาจริเยน วุตฺตํ. ตถา หิ เย โลเก ปรทตฺตูปชีวิโน สมณา วา พฺราหฺมณา วา อฺเ วาปิ จ ปุคฺคลา, เต ปจฺจเวกฺขณาณรหิตา อสํวเร ิตา กทาจิ อติปณีตํ รสํ ปหูตํ ลทฺธา อปริมิตมฺปิ ภุฺเชยฺยุํ, วิเสสโต ปน พฺราหฺมณา โลกิกวตฺถุวเสน จ, ชาตกาทิสาสนิกวตฺถุวเสน จ ตาทิสา อเหสุนฺติ ปากฏา. อิมสฺมิฺหิ โลเก วสฺสสตสหสฺเสหิ วา วสฺสโกฏีหิ วา อปริจฺฉินฺนทฺธาเน โก สกฺกา วตฺตุํ ‘‘เนทิสา ภูตปุพฺพา’’ติ. ตสฺมา ตาทิเสหิ วิย น อปริมิตโภชเนหิ ภวิตพฺพนฺติ โอวาทานุสาสนิทานวเสเนว วุตฺตํ. ตเทวํ อตฺถสํหิตมฺปิ สมานํ อโยนิโสมนสิกโรโต อนตฺถเมว ชาตํ, ยถา สภริยสฺส มาคณฺฑิยพฺราหฺมณสฺส อนาคามิมคฺคผลตฺถายปิ เทสิตา คาถา [ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวตีวตฺถุ] เตสํ ธีตุยา อนตฺถาย สํวตฺตตีติ สํเวโคเยเวตฺถ พฺรูเหตพฺโพติ.

ปตฺชลิวาทวิจารณา

. อถ เตน ‘‘ปาตฺชลีมตํ ปริวตฺเตตี’’ติ วจนมฺปิ เอวํ วิจาริตํ.

(ก) ‘‘พุทฺธโฆโส ปตฺชลิสฺส วา อฺเสํ วา อุตฺตรอินฺทิยรฏฺิกานํ วาทํ อปฺปกเมว อฺาสิ. ปตฺชลิวาเทสุ หิ อณิมา ลฆิมาติ อิทเมว ทฺวยํ ทสฺเสสิ [วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๔] ตตุตฺตริ โยคสุตฺตํ อชานนฺโต, ปตฺชลิวาทสฺส จ ตุเลตฺวา ทีปนา ตสฺส คนฺเถสุ น ทิสฺสติ, ปตฺชลินา กตปกรณฺจ ปตฺชลีติ นามมตฺตมฺปิ จ ตตฺถ ทีปิตํ นตฺถิ. วิสุทฺธิมคฺเค ปน ปฺาภูมินิทฺเทเส ‘ปกติวาทีนํ ปกติ วิยา’ติ [วิสุทฺธิ. ๒.๕๘๔] ปกติวาท (สํขฺยาวาท) นามมตฺตํ ปกาสิตํ, ตตฺเถว จ ‘ปฏิฺา เหตูติอาทีสุ หิ โลเก วจนาวยโว เหตูติ วุจฺจตี’ติ [วิสุทฺธิ. ๒.๕๙๕] อุทาหริตํ, เตน ายติ ‘พุทฺธโฆโส อินฺทิยตกฺกนยทีปเก ายคนฺถสฺมึ กิฺจิ มูลภาคมตฺตํ อปริปุณฺณํ ชานาตี’ติ’’.

ตํ ปน สพฺพมฺปิ เกวลํ อาจริยสฺส อพฺภาจิกฺขณมตฺตเมว. อติคมฺภีรสฺส หิ อติครุกาตพฺพสฺส สุปริสุทฺธสฺส ปิฏกตฺตยสฺส อตฺถสํวณฺณนํ กโรนฺเตน สุปริสุทฺโธเยว ปาฬินโย จ อฏฺกถานโย จ โปราณเถรวาทา จาติ อีทิสาเยว อตฺถา ปกาเสตพฺพา, ยํ วา ปน อตฺถสํวณฺณนาย อุปการกํ สทฺทวินิจฺฉยปฏิสํยุตฺตํ โลกิยคนฺถวจนํ, ตเทว จ ยถารหํ ปกาเสตพฺพํ, น ปน อนุปการานิปิ ตํตํคนฺถตกฺกตฺตุนามานิ จ, เตหิ วุตฺตวจนานิ จ พหูนิ, น จ เตสํ อปฺปกาสเนน ‘‘น เต อฏฺกถาจริโย ชานาตี’’ติ วตฺตพฺโพ. ยทิ หิ ยํ ยํ โลกิยคนฺถํ อตฺตนา ชานาติ, ตํ สพฺพํ อนุปการมฺปิ อตฺตโน อฏฺกถายมาเนตฺวา ปกาเสยฺย, อติวิตฺถารา จ สา ภเวยฺย อปริสุทฺธา จ อสมฺมานิตา จ สาสนิกวิฺูหีติ อาจริเยน ปตฺชลิวาทาทโย น วิตฺถาเรน ปกาสิตาติ าตพฺพํ, อฺทตฺถุ เยหิ เยหิ โลกิยคนฺเถหิ กิฺจิ กิฺจิ อาจริเยน อาเนตฺวา ปกาสิตํ, เต เต จ คนฺถา, อฺเปิ จ ตาทิสา อาจริเยน าตาตฺเวว ชานิตพฺพา วิฺูหิ, ยถา สมุทฺทสฺส เอกเทสํ ทิสฺวา สพฺโพปิ สมุทฺโท เอทิโสติ ายติ. อาจริโย ปน ยตฺถ ยตฺถ เวทปฏิสํยุตฺตวจนานิ อาคตานิ, ตตฺถ ตตฺถ เวทคนฺเถหิปิ กิฺจิ กิฺจิ อาเนตฺวา ปกาเสสิเยว. ตถา หิ อาจริเยน สุมงฺคลวิลาสินิยํ นาม ทีฆนิกายฏฺกถายํ –

‘‘ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทาน’’นฺติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๕๖] จ,

‘‘อิติหาสปฺจมานนฺติ อถพฺพณเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา อิติห อาส อิติห อาสาติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺโต ปุราณกถาสงฺขาโต อิติหาโส ปฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปฺจมา, เตสํ อิติหาสปฺจมานํ เวทาน’’นฺติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๕๖] จ,

‘‘ยิฏฺํ วุจฺจติ มหายาโค’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐-๑๗๒] จ,

‘‘อคฺคิโหมนฺติ เอวรูเปน ทารุนา เอวํ หุเต อิทํ นาม โหตีติ อคฺคิชุหนํ. ทพฺพิโหมาทีนิปิ อคฺคิโหมาเนว, เอวรูปาย ทพฺพิยา อีทิเสหิ กณาทีหิ หุเต อิทํ นาม โหตีติ เอวํ ปวตฺติวเสน ปน วิสุํ วุตฺตานี’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑] จ,

‘‘สาสปาทีนิ ปน มุเขน คเหตฺวา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปนํ, วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา ชุหนํ วา มุขโหม’’นฺติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑] จ –

เอวมาทินา เวทปฏิสํยุตฺตวจนานิ เวทคนฺถานุรูปโต วณฺณิตานิ. ตานิ จ โปราณฏฺกถาโต ภาสาปริวตฺตนวเสน วุตฺตานิปิ ภเวยฺยุํ, เวทคนฺเถสุ ปน อโกวิเทน ยาถาวโต ภาสาปริวตฺตนํ กาตุมฺปิ น สุกรเมว, ตสฺมา อาจริยสฺส เวทคนฺเถสุ โกวิทภาโวปิ ปากโฏเยว. เอวํ เวทคนฺเถสุ จ ตทฺโลกิยคนฺเถสุ จ สุโกวิทสฺเสว สมานสฺส เตสํ วิตฺถารโต อปฺปกาสนํ ยถาวุตฺตการเณเนวาติ เวทิตพฺพํ.

อปิ จ อาจริโย อตฺตโน คนฺถารมฺเภเยว –

‘‘ตโต จ ภาสนฺตรเมว หิตฺวา,

วิตฺถารมคฺคฺจ สมาสยิตฺวา;

วินิจฺฉยํ สพฺพมเสสยิตฺวา…เป…

ยสฺมา อยํ เหสฺสติ วณฺณนาปี’’ติ [ปารา. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา] จ.

‘‘อปเนตฺวาน ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;

ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปตฺวา วิคตโทสํ.

สมยํ อวิโลเมนฺโต, เถรานํ เถรวํสปทีปานํ;

สุนิปุณวินิจฺฉยานํ, มหาวิหาเร นิวาสินํ;

หิตฺวา ปุนปฺปุนาคต-มตฺถํ อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา] จ–

เอวํ โปราณฏฺกถานํ ภาสาปริวตฺตนสํขิปนวเสเนว วิเสเสตฺวา อภินวฏฺกถาโย กริสฺสามีติ ปฏิฺํ กตฺวา ยถาปฏิฺาตเมว อกาสิ, น อตฺตโน าณปฺปภาเวน วิเสเสตฺวาติปิ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา อฏฺกถาสุ ปตฺชลิวาทาทีนํ วิตฺถารโต อปฺปกาสนมารพฺภ ‘‘พุทฺธโฆโส ปตฺชลิวาทาทีนิ ปริปุณฺณํ น ชานาตี’’ติ วจนํ เกวลํ อาจริยสฺส อพฺภาจิกฺขณมตฺตเมวาติ.

กพฺพสตฺถวิจารณา

. ปุนปิ โส เอวมาห ‘‘กิฺจาปิ พุทฺธโฆโส รามายณมหาภารตสงฺขาตานํ มหากพฺพสตฺถานํ สุกุสโล วิย น ทิสฺสติ, ตถาปิ ตานิ ทสฺเสสิ. กถํ? อกฺขานนฺติ ภารตยุชฺฌนาทิกํ, ตํ ยสฺมึ าเน กถียติ, ตตฺถ คนฺตุมฺปิ น วฏฺฏตีติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๓] จ, ตสฺส (สมฺผปลาปสฺส) ทฺเว สมฺภารา ภารตยุทฺธสีตาหรณาทินิรตฺถกกถาปุเรกฺขารตา ตถารูปิกถากถนฺจาติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.๘] จ ทสฺเสสี’’ติ.

ตํ ปน ปุริมวจนโตปิ อเหตุกตรํ เกวลํ อนาทรีกรณมตฺตเมว. อติคมฺภีรตฺถสฺส หิ อติครุกรณียสฺส ปิฏกตฺตยสฺส อตฺถสํวณฺณนายํ นิรตฺถกสฺส สมฺผปลาปสมุทายภูตสฺส กพฺพสตฺถสฺส วิตฺถารโต ปกาสเนน กึ สิยา ปโยชนํ, อฺทตฺถุ สาเยวสฺส อสมฺมานิตา, อนาทริยา จ วิฺูหีติ.

พาหุสจฺจคุณมกฺขนํ

. ปุนปิ ธมฺมานนฺโท อาจริยสฺส พาหุสจฺจคุณํ มกฺเขตุกาโม เอวมาห – ‘‘ตสฺส (พุทฺธโฆสสฺส) สมยนฺตรโกวิทสงฺขาตํ พาหุสจฺจํ น ตโต อุตฺตริตรํ โหติ, ยํ อาธุนิกานํ คนฺถนฺตรโกวิทานํ สีหฬิกภิกฺขูนํ ยํ วา เอกาทสเม ขริสฺตวสฺสสตเก (๑๐๐๑-๑๑๐๐) อุปฺปนฺนานํ ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺิกานํ อนุรุทฺธ-ธมฺมปาลาทีนํ ภิกฺขูน’’นฺติ.

ตํ ปน สพฺพถาปิ อยุตฺตวจนเมว. ยทิ หิ อาธุนิกา วา สีหฬิกภิกฺขู, โปราณา วา อาจริยอนุรุทฺธ-ธมฺมปาลตฺเถราทโย สมยนฺตรพาหุสจฺจวเสน อาจริยพุทฺธโฆเสน สมานา วา อุตฺตริตรา วา ภเวยฺยุํ, เต อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส อฏฺกถาหิ อนารทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตโต สุนฺทรตรา ปริปุณฺณตรา จ อภินวฏฺกถาโย กเรยฺยุํ, น ปน เต ตถา กโรนฺติ, น เกวลํ น กโรนฺติเยว, อถ โข เตสํ เอโกปิ น เอวํ วทติ ‘‘อหํ พุทฺธโฆเสน พาหุสจฺจวเสน สมสโมติ วา อุตฺตริตโร’’ติ วา, อฺทตฺถุ เต อาจริยสฺส อฏฺกถาโยเยว สํวณฺเณนฺติ จ อุปตฺถมฺเภนฺติ จ, อาจริยฏฺาเน จ เปนฺติ. เตเนตํ ายติ สพฺพถาปิ อยุตฺตวจนนฺติ.

มหายานิกนยวิจารณา

. ปุน โส ตาวตฺตเกนาปิ อสนฺตุฏฺโ อาจริยํ อวมฺนฺโต เอวมาห – ‘‘มหายานนิกายสฺส ปธานาจริยภูตานํ อสฺส โฆส-นาคชฺชุนานํ นยํ วา, นามมตฺตมฺปิ วา เตสํ น ชานาติ มฺเ พุทฺธโฆโส’’ติ. ตํ ปน อติวิย อธมฺมิกํ นิรตฺถกฺจ นิคฺคหวจนมตฺตเมว. น หิ นิกายนฺตริกานํ วาทนยานํ อตฺตโน อฏฺกถายํ อปฺปกาสเนน โส เต น ชานาตีติ สกฺกา วตฺตุํ. นนุ อาจริเยน อาคมฏฺกถาสุ คนฺถารมฺเภเยว –

‘‘สมยํ อวิโลเมนฺโต, เถรานํ เถรวํสปทีปานํ;

สุนิปุณวินิจฺฉยานํ, มหาวิหาเร นิวาสิน’’นฺติ จ,

อิธาปิ วิสุทฺธิมคฺเค –

‘‘มหาวิหารวาสีนํ, เทสนานยนิสฺสิตํ;

วิสุทฺธิมคฺคํ ภาสิสฺส’’นฺติ [วิสุทฺธิ. ๑.๒] จ,

‘‘ตสฺสา อตฺถสํวณฺณนํ กโรนฺเตน วิภชฺชวาทิมณฺฑลํ โอตริตฺวา อาจริเย อนพฺภาจิกฺขนฺเตน สกสมยํ อโวกฺกมนฺเตน ปรสมยํ อนายูหนฺเตน สุตฺตํ อปฺปฏิพาหนฺเตน วินยํ อนุโลเมนฺเตน มหาปเทเส โอโลเกนฺเตน ธมฺมํ ทีเปนฺเตน อตฺถํ สงฺคาเหนฺเตน ตเมวตฺถํ ปุนราวตฺเตตฺวา อปเรหิปิ ปริยายนฺตเรหิ นิทฺทิสนฺเตน จ ยสฺมา อตฺถสํวณฺณนา กาตพฺพา โหตี’’ติ [วิสุทฺธิ. ๒.๕๘๑] จ,

‘‘สาสนํ ปนิทํ นานา-เทสนานยมณฺฑิตํ;

ปุพฺพาจริยมคฺโค จ, อพฺโพจฺฉินฺโน ปวตฺตติ;

ยสฺมา ตสฺมา ตทุภยํ, สนฺนิสฺสายตฺถวณฺณนํ;

อารภิสฺสามิ เอตสฺสา’’ติ [วิสุทฺธิ. ๒.๕๘๑] จ,

ปฏิฺํ กตฺวา ยถาปฏิฺาตปฺปกาเรเนว อฏฺกถาโย กตา. เอวเมตาสํ กรเณ การณมฺเปตฺถ ปกาเสตพฺพํ, ตสฺมา ทานิ ตมฺปกาสนตฺถํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพุติกาลโต ปฏฺาย ยาว อาจริยพุทฺธโฆสสฺส กาโล, ตาว สาสนปฺปวตฺติกฺกมมฺปิ วกฺขาม.

สาสนปฺปวตฺติกฺกโม

ภควโต หิ ปรินิพฺพุติกาลโต ปจฺฉา วสฺสสตพฺภนฺตเร พุทฺธสาสเน โกจิปิ วาทเภโท นาม นตฺถิ. วสฺสสตกาเล ปน ทุติยสงฺคีติกาเรหิ เถเรหิ นิกฺกฑฺฒิตา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ปกฺขํ ลภิตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ อฺถา กตฺวา มหาสงฺคีตินาเมน วิสุํ สงฺคีติมกํสุ. ตทา สงฺคีติทฺวยารูฬฺหปุราณธมฺมวินยเมว สมฺปฏิจฺฉนฺตานํ เถรานํ คโณ เถรวาโทติ จ ตทฺเสํ มหาสงฺฆิโกติ จ โวหรียนฺติ.

ปุน มหาสงฺฆิกโต (๑) โคกุลิโก (๒) เอกพฺโยหาริโกติ ทฺเว อาจริยคณา อุปฺปนฺนา. ปุน โคกุลิกโต (๓) ปฺตฺติวาโท (๔) พาหุลิโก (พหุสฺสุติโก)ติ ทฺเว อุปฺปนฺนา. ปุน พาหุลิกโตปิ (๕) เจติยวาทิคโณ อุปฺปนฺโนติ เอเต ปฺจ มูลภูเตน มหาสงฺฆิเกน สห ฉ ปาฏิเยกฺกา อาจริยคณา อเหสุํ.

วิสุทฺธตฺเถรวาทโตปิ (๑) มหิสาสโก (๒) วชฺชิปุตฺตโกติ ทฺเว อาจริยคณา อุปฺปนฺนา. ปุน มหิสาสกโต (๓) สพฺพตฺถิวาโท (๔) ธมฺมคุตฺติโกติ ทฺเว อุปฺปนฺนา. ปุน สพฺพตฺถิวาทโตปิ (๕) กสฺสปิโย, ตโตปิ (๖) สงฺกนฺติโก, ตโตปิ (๗) สุตฺตวาทีติ ตโย อุปฺปนฺนา. วชฺชิปุตฺตกโตปิ (๘) ธมฺโมตฺตริโย (๙) ภทฺทยานิโก (๑๐) ฉนฺนาคาริโก (๑๑) สมฺมิติโยติ จตฺตาโร อุปฺปนฺนาติ เต เอกาทส มูลภูเตน วิสุทฺธตฺเถรวาเทน สห ทฺวาทส อาจริยคณา อเหสุํ. อิติ อิเม จ ทฺวาทส ปุริมา จ ฉาติ อฏฺารส อาจริยคณา ทุติยตติยสงฺคีตีนํ อนฺตเร ชาตา อเหสุํ.

เตสุ มูลภูโต เถรวาทคโณเยว โปราณธมฺมวินยครุโก หุตฺวา อนูนมนธิกํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ โปราณิกํ ธมฺมวินยํ ธาเรสิ. อิตเร ปน สตฺตรส ภินฺนคณา โปราณิกํ ธมฺมวินยํ อฺถา อกํสุ. เตน เตสํ ธมฺมวินโย กตฺถจิ อูโน กตฺถจิ อธิโก หุตฺวา อปริปุณฺโณ เจว อโหสิ อปริสุทฺโธ จ. เตน วุตฺตํ ทีปวํเส ปฺจมปริจฺเฉเท –

๓๐.

‘‘นิกฺกฑฺฒิตา ปาปภิกฺขู, เถเรหิ วชฺชิปุตฺตกา;

อฺํ ปกฺขํ ลภิตฺวาน, อธมฺมวาที พหู ชนา.

๓๑.

ทสสหสฺสา สมาคนฺตฺวา, อกํสุ ธมฺมสงฺคหํ;

ตสฺมายํ ธมฺมสงฺคีติ, มหาสงฺคีตีติ วุจฺจติ.

๓๒.

มหาสงฺคีติกา ภิกฺขู, วิโลมํ อกํสุ สาสเน;

ภินฺทิตฺวา มูลสงฺคหํ, อฺํ อกํสุ สงฺคหํ.

๓๓.

อฺตฺร สงฺคหิตํ สุตฺตํ, อฺตฺร อกรึสุ เต;

อตฺถํ ธมฺมฺจ ภินฺทึสุ, วินเย นิกาเยสุ จ ปฺจสุ…เป…

๔๙.

อตฺถํ ธมฺมฺจ ภินฺทึสุ, เอกเทสฺจ สงฺคหํ;

คนฺถฺจ เอกเทสฺหิ, ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ อกํสุ เต.

๕๐.

นามํ ลิงฺคํ ปริกฺขารํ, อากปฺปกรณียานิ จ;

ปกติภาวํ ชหิตฺวา, ตฺจ อฺํ อกํสุ เต.

๕๑.

สตฺตรส ภินฺนวาทา, เอกวาโท อภินฺนโก;

สพฺเพวฏฺารส โหนฺติ, ภินฺนวาเทน เต สห.

๕๒.

นิคฺโรโธว มหารุกฺโข, เถร วาทานมุตฺตโม;

อนูนํ อนธิกฺจ, เกวลํ ชินสาสนํ;

กณฺฏกา วิย รุกฺขมฺหิ, นิพฺพตฺตา วาทเสสกา.

๕๓.

ปเม วสฺสสเต นตฺถิ, ทุติเย วสฺสสตนฺตเร;

ภินฺนา สตฺตรส วาทา, อุปฺปนฺนา ชินสาสเน’’ติ [กถา. อฏฺ. นิทานกถา].

อโสกรฺโ จ กาเล ปริหีนลาภสกฺการา อฺติตฺถิยา ลาภสกฺการํ ปตฺถยมานา ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตฺวา สกานิ สกานิ ทิฏฺิคตานิ ทีเปนฺติ ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ สตฺถุสาสน’’นฺติ. ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อลภมานาปิ สยเมว เกเส ฉินฺทิตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา วิหาเรสุ วิจรนฺตา อุโปสถกมฺมาทิกรณกาเล สงฺฆมชฺฌํ ปวิสนฺติ, เต ภิกฺขุสงฺเฆน ธมฺเมน วินเยน สตฺถุสาสเนน นิคฺคยฺหมานาปิ ธมฺมวินยานุโลมาย ปฏิปตฺติยา อสณฺหนฺตา อเนกรูปํ สาสนสฺส อพฺพุทฺจ มลฺจ กณฺฏกฺจ สมุฏฺาเปนฺติ. เกจิ อคฺคึ ปริจรนฺติ, เกจิ ปฺจาตเป ตปนฺติ, เกจิ อาทิจฺจํ อนุปริวตฺตนฺติ, เกจิ ธมฺมฺจ วินยฺจ โวภินฺทิสฺสามาติ ตถา ตถา ปคฺคณฺหนฺติ. ตทา ภิกฺขุสงฺโฆ น เตหิ สทฺธึ อุโปสถํ วา ปวารณํ วา อกาสิ, อโสการาเม สตฺต วสฺสานิ อุโปสโถ อุปจฺฉิชฺชิ [กถา. อฏฺ. นิทานกถา; ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา].

อิมฺจ ปน ปวตฺตึ อุปาทาย เอวมฺปิ สกฺกา คเหตุํ ‘‘สตฺตรสนฺนํ ภินฺนวาทคณานํ ธมฺมวินยสฺส ปจฺฉิมกาเลสุ อปริสุทฺธตรภาโว อีทิเสนปิ การเณน อโหสี’’ติ. กิฺจาปิ หิ พุทฺธสาสนภูเต ปริสุทฺธธมฺมวินเย ‘‘โกจิปิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต นาม นตฺถิ อฺตฺร นิพฺพานธาตุยา, ปรมตฺถโต อตฺตาปิ นตฺถิ, สพฺเพปิ สงฺขารา อนิจฺจา อทฺธุวา อสสฺสตา อนตฺตาเยวา’’ติ อตฺโถ อติวิย ปากโฏ โหติ, ตถาปิ ทานิ อเถรวาทิกานํ คนฺเถสุ จ ปุพฺเพ เวตุลฺลวาทาทีสุ จ ‘‘พุทฺโธ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อตฺตา’’ติ จ, ‘‘สพฺเพปิ สตฺตา นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อตฺตา’’ติ จ อตฺโถ ทิสฺสติ.

อถ อโสโก ธมฺมราชา สาสนํ วิโสเธตุกาโม โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส สนฺติเก ปมเมว สมยํ อุคฺคณฺหิตฺวา เอกลทฺธิเก เอกลทฺธิเก ภิกฺขู เอกโต กาเรตฺวา เอกเมกํ ภิกฺขุสมูหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กึ วาที ภนฺเต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. ตโต เย เย ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ สสฺสตวาที’’ติ วา, ‘‘เอกจฺจสสฺสตวาที’’ติ วา เอวมาทินา อตฺตโน อตฺตโน วาทานุรูปํ มิจฺฉาวาทํ อาหํสุ, เต เต ‘‘นยิเม ภิกฺขู, อฺติตฺถิยา อิเม’’ติ ตถโต ตฺวา เตสํ เสตกานิ วตฺถานิ ทตฺวา อุปฺปพฺพาเชสิ. เต สพฺเพปิ สฏฺิสหสฺสมตฺตา อเหสุํ.

อถฺเ ภิกฺขู ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘วิภชฺชวาที มหาราช สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ วุตฺเต ‘‘สุทฺธํ ทานิ ภนฺเต สาสนํ, กโรตุ ภิกฺขุสงฺโฆ อุโปสถ’’นฺติ วตฺวา อารกฺขฺจ ทตฺวา นครํ ปาวิสิ. สมคฺโค สงฺโฆ สนฺนิปติตฺวา อุโปสถํ อกาสิ. ตสฺมึ สมาคเม โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร ยานิ จ ตทา อุปฺปนฺนานิ วตฺถูนิ ยานิ จ อายตึ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, สพฺเพสมฺปิ เตสํ ปฏิพาหนตฺถํ สตฺถารา ทินฺนนยวเสเนว ตถาคเตน ปิตมาติกํ วิภชนฺโต ปรปฺปวาทมทฺทนํ กถาวตฺถุํ นาม อภิธมฺมปิฏเก ปฺจมํ ปกรณํ อภาสิ. ตโต โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรปฺปมุขา ติปิฏกปริยตฺติธรา ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปตฺตา สหสฺสํ ภิกฺขู เถรวาทิโน สงฺคีติทฺวยารูฬฺหํ ปริสุทฺธํ โปราณธมฺมวินยํ ปุน สงฺคายิตฺวา สุรกฺขิตํ รกฺขึสุ [ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา].

อถ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร นวสุ ปจฺจนฺตฏฺาเนสุ สาสนปติฏฺาปนตฺถํ นว นายกตฺเถเร อุจฺจินิตฺวา เปเสสิ. เตสุ อฏฺหิ เถเรหิ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตฏฺานํ คนฺตฺวา พุทฺธสาสเน ปติฏฺาปิเต มหามหินฺทตฺเถโร ฉตฺตึสาธิกทฺวิสเต (๒๓๖) พุทฺธวสฺเส ชมฺพุทีปโต สีหฬทีปํ คนฺตฺวา เทวานํปิยติสฺสราชปฺปมุขํ ทีปกชนสมูหํ ปสาเทตฺวา พุทฺธสาสนํ สมฺปติฏฺาเปสิ, เตน จ รฺา ทินฺนํ มหาเมฆวนุยฺยานํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺถ มหาวิหารํ นาม สงฺฆารามํ ปติฏฺาเปสิ [ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา]. ตโต ปภุติ สีหฬทีเป พุทฺธสาสนํ ยาว วฏฺฏคามณิราชกาลา นิกายนฺตรวาทากุลรหิตํ นิมฺมลํ สุปริสุทฺธํ หุตฺวา สมุชฺชลิตฺถ. วฏฺฏคามณิราชกาลโต ปน ปฏฺาย นิกายนฺตรวาทาปิ สีหฬทีปมุปาคมึสุ. ตทา วิสุทฺธตฺเถรวาทิโน ยถา ปุราณธมฺมวินโย เตหิ นิกายนฺตรวาเทหิ อสมฺมิสฺโส อมลีโน ปกติปริสุทฺโธ หุตฺวา ติฏฺเยฺย, ตถา ตํ มหุสฺสาเหน สุรกฺขิตํ รกฺขึสุ. กถํ?

อภยคิรินิกายุปฺปตฺติ

วฏฺฏคามณิราชา หิ (๔๒๕-พุทฺธวสฺเส) รชฺชํ ปตฺวา ปฺจมาสมตฺตกาเล พฺราหฺมณติสฺสทามริเกน สตฺตหิ จ ทมิฬโยเธหิ อุปทฺทุโต สงฺคาเม จ ปราชิโต ปลายิตฺวา สาธิกานิ จุทฺทสวสฺสานิ นิลียิตฺวา อฺตรเวเสน วสติ [มหาวํเส ๓๓-ปริจฺเฉเท ๓๗-คาถาโต ปฏฺาย]. ตทา ลงฺกาทีเป มนุสฺสา โจรภเยน ทุพฺภิกฺขภเยน จ อุปทฺทุตา ภิกฺขูนํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺาตุํ น สกฺโกนฺติ, เตน ภิกฺขู เยภุยฺเยน ตโต ชมฺพุทีปํ คนฺตฺวา ธมฺมวินยํ ธาเรนฺตา วิหรนฺติ. ลงฺกาทีเปเยว โอหีนาปิ เถรา ยถาลทฺเธหิ กนฺทมูลปณฺเณหิ ยาเปนฺตา กาเย วหนฺเต นิสีทิตฺวา ปริยตฺติธมฺมํ สชฺฌายํ กโรนฺติ, อวหนฺเต วาลุกํ อุสฺสาเปตฺวา ตํ ปริวาเรตฺวา สีสานิ เอกฏฺาเน กตฺวา ปริยตฺตึ สมฺมสนฺติ. เอวํ ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ สาฏฺกถํ เตปิฏกํ อหาเปตฺวา ธารยึสุ. ยทา ปน วฏฺฏคามณิราชา ทมิฬราชานํ หนฺตฺวา (๔๕๕-๔๖๖ พุทฺธวสฺสพฺภนฺตเร) ปุนปิ รชฺชํ กาเรสิ [มหาวํเส ๓๓, ๗๘-คาถา]. ตทา เต เถรา ชมฺพุทีปโต ปจฺจาคตตฺเถเรหิ สทฺธึ เตปิฏกํ โสเธนฺตา เอกกฺขรมฺปิ อสเมนฺตํ นาม น ปสฺสึสุ [อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๓๐; วิภ. อฏฺ. ๘๑๐]. โยปิ จ มหานิทฺเทโส ตสฺมึ กาเล เอกสฺเสว ทุสฺสีลภิกฺขุโน ปคุโณ อโหสิ, โสปิ มหาติปิฏกตฺเถเรน มหารกฺขิตตฺเถรํ ตสฺส สนฺติกา อุคฺคณฺหาเปตฺวา รกฺขิโต อโหสิ [ปารา. อฏฺ. ๒.๕๘๕]. เอวํ ทุพฺภิกฺขรฏฺกฺโขภุปทฺทเวหิ ปีฬิตตฺตา ทุทฺธรสมเยปิ ธมฺมวินยํ สกฺกจฺจํ ธารยึสุ.

ราชา อภยคิรึ นาม วิหารํ กาเรตฺวา อตฺตโน กตูปการปุพฺพสฺส มหาติสฺสตฺเถรสฺส อทาสิ. โส ปน เถโร กุลสํสคฺคพหุลตฺตา มหาวิหารวาสีหิ ภิกฺขูหิ ปพฺพาชนียกมฺมํ กตฺวา นีหโฏ. ตทาสฺส สิสฺโส พหลมสฺสุติสฺสนามโก เถโร ตํ กมฺมํ ปฏิพาหิ, เตนสฺส สงฺโฆ อุกฺเขปนียกมฺมํ อกาสิ. โส มหาวิหารวาสีนํ กุชฺฌิตฺวา อภยคิริวิหารเมว คนฺตฺวา เตน มหาติสฺสตฺเถเรน เอกโต หุตฺวา วิสุํ คณํ วหนฺโต วสิ. เต จ ทฺเว เถรา น มหาวิหารํ ปุนาคมึสุ [มหาวํเส ๓๓, ๗๙-คาถาทีสุ. นิกายสงฺคเห]. ตโต ปฏฺาย สีหฬทีเป มหาวิหารวาสี, อภยคิริวาสีติ ทฺเว นิกายาชาตา. อิทํ ตาว สีหฬทีเป สาสนปริหานิยา ปมํ การณํ.

ธมฺมรุจินิกายุปฺปตฺติ

ตทา จ ราชา อภยคิริวาสีสุเยว ภิกฺขูสุ วิเสสโต ปสนฺโน หุตฺวา เตเยว จตูหิ ปจฺจเยหิ ปวาเรตฺวา ปคฺคณฺหาติ, ราชมหามตฺตาทโยปิ อภิฺาตา อภิฺาตา พหู ชนา ตสฺมิฺจ อาราเม อฺตฺถ จ พหู อาวาเส กตฺวา เตสํ เทนฺติ. เอวํ อภยคิริวาสิโน ภิกฺขู พหูนํ อภิฺาตชนานํ สกฺกตา เจว โหนฺติ ปูชิตา จ มานิตา จ. ปุน จ อภยคิริวาสิโน พหลมสฺสุติสฺสตฺเถราทโยอินฺทิยรฏฺโต อาคตํ วชฺชิปุตฺตกคณปริยาปนฺนสฺส ธมฺมรุจินิกายสฺส ธมฺมวินยภูตํ สกฺกตภาสาโรปิตํ อภินวมฺปิ ปิฏกํ สมฺปฏิจฺฉนฺติ [มหาวํเส ๓๓, ๙๙ คาถาสุ. นิกายสงฺคเห], เตน เตปิ ธมฺมรุจินิกายิกา นาม อเหสุํ. อิทํ สีหฬทีเป สาสนปริหานิยา ทุติยํ การณํ.

ปิฏกตฺตยสฺส โปตฺถกาโรปนํ

มหาวิหารวาสิโน ปน โปราณิกํ ปาฬิภาสาย สณฺิตํ ปริสุทฺธปิฏกเมว ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ตฺจ มุขปาเเนว ธาเรนฺติ. ตทา ปน เถรา ปจฺฉิมชนานํ สติปฺาหานึ ทิสฺวา พุทฺธกาลโต ปฏฺาย ยาว ตํกาลา มุขปาเนาภตํ สาฏฺกถํ ปิฏกตฺตยํ โปตฺถเก อาโรเปตุํ สมารภึสุ. สมารภมานา จ เต อนุราธราชธานิปุรโต อฏฺสฏฺิมิลปฺปมาเณ มลยชนปเท มาตุล [มาตเล อิติ เอตรหิ โวหาโร] นคเร อาโลกเลเณ วสนฺตา เอกสฺส ตนฺเทสิกสฺส ชนปทาธิปติโน อารกฺขํ คเหตฺวา ตํ โปตฺถกาโรปนกมฺมมกํสุ [มหาวํเส ๓๓, ๑๐๐-๑๐๑-คาถาสุ]. เตนิทํ ายติ ‘‘ตทา มหาวิหารวาสิโน เถรา ราชราชมหามตฺเตหิ อลทฺธูปการา หุตฺวา อตฺตโน พเลเนว ปิฏกตฺตยสฺส โปตฺถกาโรปนกมฺมมกํสู’’ติ จ, ‘‘ตฺจ ยเถว ปจฺฉิมชนานํ สติปฺาหานึ ทิสฺวา กตํ, ตเถว ทุพฺภิกฺขรฏฺกฺโขภาทิภยุปทฺทุตกาเลสุ ทุทฺธรภาวมฺปิ ทิสฺวา’’ติ จ, ตถา ‘‘อภยคิริวาสีนํ สมฺปฏิจฺฉิตสมยนฺตรวาเทหิ อนากุลนตฺถมฺปิ กต’’นฺติ จ. เอวํ มหาวิหารวาสิโน เถรา ปริสุทฺธตฺเถรวาทปิฏกํ สมยนฺตเรหิ อสมฺมิสฺสนตฺถาย ยถา ปุเร, ตถา ปาฬิภาสาย เอว โปตฺถเก อาโรเปตฺวาปิ สุรกฺขิตํ รกฺขึสุ. ยทิ หิ ตทา เตปิฏกํ โปตฺถเกสุ อนาโรปิตมสฺส, ปจฺฉากาเลสุ สมยนฺตรโต อาคตสุตฺตานิ ‘‘เนตานิ อมฺหาก’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตุํ น สุกรานิ ภเวยฺยุํ. ยโต จ โข ตทา สาฏฺกถํ เตปิฏกํ โปตฺถเกสุ อาโรปิตํ, ตโตเยว อนาคตกาเลสุ สมยนฺตราคตสุตฺตานิ เตหิ โปตฺถเกหิ สํสนฺเทตฺวา ปฏิกฺขิปิตุํ สุกรานิ โหนฺติ.

ตถา หิ ภาติยราชกาเล (๕๒๔-๕๕๒-พุ-ว) มหาวิหารวาสีนํ อภยคิริวาสีหิ วินเย วิวาโท อุปฺปชฺชิ. ตทา ราชา ทีฆการายนํ นาม พฺราหฺมณชาติกํ อมจฺจํ เถรานํ สนฺติกํ เปเสสิ. โส อุภินฺนํ สุตฺตํ สุตฺวา วินิจฺฉยํ อทาสิ [ปารา. อฏฺ. ๒.๓๘๔]. ตถา โวหารกติสฺสราชกาเล จ (๗๕๘-๗๘๐ พุ-ว) โคาภยราชกาเล จ (๗๙๗-๘๑๐ พุ-ว) เถรวาทิกา โปตฺถการูฬฺเหน ธมฺมวินเยน สํสนฺเทตฺวา อธมฺมวาทํ ปฏิกฺขิปึสุ [นิกายสงฺคเห ๑๒-ปิฏฺเ].

อธมฺมวาทุปฺปตฺติ

อยํ ปน อาทิโต ปฏฺาย สาสนมลภูตานํ อธมฺมวาทานํ อุปฺปตฺติ. อโสกรฺโ หิ กาเล อุปฺปพฺพาเชตฺวา นิกฺกฑฺฒิตา อฺติตฺถิยา พุทฺธสาสเน อลทฺธปติฏฺา โกธาภิภูตา ปาฏลิปุตฺตโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหสมีเป นาลนฺทายํ สนฺนิปติตฺวา เอวํ สมฺมนฺตยึสุ ‘‘มหาชนสฺส พุทฺธสาสเน อนวคาหตฺถาย สกฺยานํ ธมฺมวินโย นาเสตพฺโพ, ตฺจ โข เตสํ สมยํ อชานนฺเตหิ น สกฺกา กาตุํ, ตสฺมา เยน เกนจิ อุปาเยน ปุนปิ ตตฺถ ปพฺพชิตพฺพเมวา’’ติ. เต เอวํ สมฺมนฺตยิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา วิสุทฺธตฺเถรวาทีนมนฺตรํ ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตา ตทฺเสํ สตฺตรสนฺนํ มหาสงฺฆิกาทินิกายานํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน อฺติตฺถิยภาวํ อชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปิฏกตฺตยมุคฺคณฺหิตฺวา ตฺจ วิปริวตฺเตตฺวา ตโต โกสมฺพึ คนฺตฺวา ธมฺมวินยนาสนาย อุปายํ มนฺตยิตฺวา ๒๕๓-พุทฺธวสฺเส ฉสุ าเนสุ วสนฺตา (๑) เหมวติโก (๒) ราชคิริโก (๓) สิทฺธตฺถิโก (๔) ปุพฺพเสลิโย (๕) อปรเสลิโย (๖) วาชิริโย (๗) เวตุลฺโล (๘) อนฺธโก (๙) อฺมหาสงฺฆิโกติ นว อภินเว นิกาเย อุปฺปาเทสุํ [นิกายสงฺคเห ๙-ปิฏฺเ]. เตสํ นามานิ จ ลทฺธิโย จ กถาวตฺถุอฏฺกถายํ อาคตาเยว.

เตสุ เหมวติกา สทฺธมฺมปติรูปกํ พุทฺธภาสิตภาเวน ทสฺเสตฺวา

(๑) วณฺณปิฏกํ นาม คนฺถํ อกํสุ.

ราชคิริกา (๒) องฺคุลิมาลปิฏกํ,

สิทฺธตฺถิกา (๓) คูฬฺหเวสฺสนฺตรํ,

ปุพฺพเสลิยา (๔) รฏฺปาลคชฺชิตํ,

อปรเสลิยา (๕) อาฬวกคชฺชิตํ,

วชิรปพฺพตวาสิโน วาชิริยา (๖) คูฬฺหวินยํ นาม คนฺถํ อกํสุ.

เตเยว สพฺเพ มายาชาลตนฺต-สมาชตนฺตาทิเก อเนเก ตนฺตคนฺเถ จ, มรีจิกปฺป-เหรมฺภกปฺปาทิเก อเนเก กปฺปคนฺเถ จ อกํสุ.

เวตุลฺลวาทิโน ปน (๗) เวตุลฺลปิฏกมกํสุ.

อนฺธกา จ (๘) รตนกูฏาทิเก คนฺเถ,

อฺมหาสงฺฆิกา จ (๙) อกฺขรสาริยาทิสุตฺตนฺเต อกํสุ [นิกายสงฺคเห ๙-ปิฏฺเ].

เตสุ ปน สทฺธมฺมปติรูปเกสุ เวตุลฺลวาโท, วาชิริยวาโท, รตนกูฏสตฺถนฺติ อิมานิเยว ตีณิ ลงฺกาทีปมุปาคตานิ, อฺานิ ปน วณฺณปิฏกาทีนิ ชมฺพุทีเปเยว นิวตฺตนฺตีติ นิกายสงฺคเห วุตฺตํ. วณฺณปิฏกาทีนมฺปิ ปน ลงฺกาทีปมุปาคตจฺฉายา ทิสฺสเตว. ตถา หิ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถายํ (๓, ๙-ปิฏฺเ)

‘‘วณฺณปิฏก องฺคุลิมาลปิฏกรฏฺปาลคชฺชิตอาฬวกคชฺชิตคูฬฺหมคฺคคูฬฺหเวสฺสนฺตร คูฬฺหวินย เวทลฺลปิฏกานิ [เอตฺถ ‘‘เวปุลฺล, เวทลฺลํ, เวตุลฺลนฺติ อตฺถโก เอกํ, โพธิสตฺตปิฏกสฺเสว นาม’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ อสงฺเคน นาม อาจริเยน อภิธมฺมสมุจฺจเย นาม มหายานิกคนฺเต (๗๙-ปิฏฺเ) ‘‘เวปุลฺลํ กตมํ? โพธิสตฺตปิฏกสมฺปยุตฺตํ ภาสิตํ. ยทุจฺจเต เวปุลฺลํ, ตํ เวทลฺลมปฺยุจฺจเต, เวตุลฺลมปฺยุจฺจเต. กิมตฺถํ เวปุลฺลมุจฺจเต? สพฺพสตฺตานํ หิตสุขาธิฏฺานโต, อุทารคมฺภีรธมฺมเทสนาโต จ. กิมตฺถมุจฺจเต เวทลฺลํ? สพฺพาวรณวิทลนโต. กิมตฺถมุจฺจเต เวตุลฺลํ? อุปมานธมฺมานํ ตุลนาภาวโต’’ติ] ปน อพุทฺธวจนานิเยวาติ วุตฺต’’นฺติ จ.

สารตฺถปฺปกาสินิยา สํยุตฺตฏฺกถายมฺปิ (๒, ๑๘๖-ปิฏฺเ)

‘‘คูฬฺหวินยํ คูฬฺหเวสฺสนฺตรํ คูฬฺหมโหสธํ วณฺณปิฏกํ องฺคุลิมาลปิฏกํ รฏฺปาลคชฺชิตํ อาฬวกคชฺชิตํ เวทลฺลปิฏกนฺติ อพุทฺธวจนํ สทฺธมฺมปติรูปกํ นามา’’ติ จ–

เตสํ ปฏิกฺเขโป ทิสฺสติ. น หิ ตานิ อสุตฺวา, เตสฺจ อตฺถํ อชานิตฺวา สีหฬฏฺกถาจริเยหิ ตานิ ปฏิกฺขิปิตุํ สกฺกา, นาปิ ตํ ปฏิกฺเขปวจนํ ชมฺพุทีปิกฏฺกถาจริยานํ วจนํ ภวิตุํ, มหามหินฺทตฺเถรสฺส สีหฬทีปํ คมนสมเย เตสํเยว อภาวโต. ตสฺมา ตานิ จ ตทฺานิ จ มหายานิกปิฏกานิ ตํกาลิกานิ เยภุยฺเยน สีหฬทีปมุปาคตานีติ คเหตพฺพานิ. เตสุ จ วชฺชิปุตฺตกคณปริยาปนฺนสฺส ธมฺมรุจินิกายสฺส ปิฏกานํ ตทุปาคมนํ ปุพฺเพว วุตฺตํ. ตทฺเสํ ปน ตทุปาคมนํ เอวํ เวทิตพฺพํ.

เวตุลฺลวาทสฺส ปมนิคฺคโห

โวหารกติสฺสรฺโ กาเล (๗๕๘-๗๘๐-พุ-ว) อภยคิริวาสิโน ธมฺมรุจินิกายิกา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรน สาสนวินาสนตฺถาย ภิกฺขุเวสธารีหิ เวตุลฺลวาทิพฺราหฺมเณหิ รจิตํ เวตุลฺลปิฏกํ สมฺปฏิคฺคเหตฺวา ‘‘อิทํ พุทฺธภาสิต’’นฺติ ทสฺเสนฺติ. ตํ มหาวิหารวาสิโน เถรวาทิกา ธมฺมวินเยน สํสนฺเทตฺวา อธมฺมวาโทติ ปฏิกฺขิปึสุ. ตํ สุตฺวา ราชา สพฺพสตฺถปารคุํ กปิลํ นาม อมจฺจํ เปเสตฺวา วินิจฺฉยํ การาเปตฺวา อพุทฺธภาสิตภาวํ ตฺวา สพฺพํ เวตุลฺลโปตฺถกํ ฌาเปตฺวา ตลฺลทฺธิเก จ ปาปภิกฺขู นิคฺคเหตฺวา พุทฺธสาสนํ โชเตสิ [นิกายสงฺคเห ๑๒-ปิฏฺเ]. วุตฺตฺเหตํ มหาวํเส –

๓๖-๔๑.

‘‘เวตุลฺลวาทํ มทฺทิตฺวา, กาเรตฺวา ปาปนิคฺคหํ;

กปิเลน อมจฺเจน, สาสนํ โชตยี จ โส’’ติ.

สาคลิยนิกายุปฺปตฺติ

ปุนปิ เต อภยคิริวาสิโน โคาภยรฺโ กาเล (๗๙๗-๘๑๐-พุ-ว) เวตุลฺลวาทํ ตเถว ทสฺเสนฺติ. ตทา ปน เตสุ อุสฺสิลิยาติสฺโส นาม มหาเถโร โวหารกติสฺสราชกาเล เวตุลฺลวาทีนํ ภิกฺขูนํ กตนิคฺคหํ สุตฺวา ‘‘วิจารณสมฺปนฺนสฺส รฺโ สมเย ตเถว ภเวยฺย, น ภทฺทกเมต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘น มยํ เตหิ เอกโต โหมา’’ติ ติสตมตฺเต ภิกฺขู คเหตฺวา ทกฺขิณคิริวิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมรุจินิกายโต วิสุํ หุตฺวา วสิ. เตสุ สาคโล นาม มหาเถโร ตตฺเถว ทกฺขิณคิริมฺหิ วสนฺโต อาคมพฺยาขฺยานมกาสิ. ตโต ปฏฺาย ตํ เถรมารพฺภ ตสฺสนฺเตวาสิโน สาคลิยา นาม อเหสุํ. เตสมฺปิ วาโท ปจฺฉา มหาเสนราชกาเล เชตวนวิหาเร ปตฺถริ [นิกาย ๑๓-ปิฏฺเ].

เวตุลฺลวาทสฺส ทุติยนิคฺคโห

โคาภโย ปน ราชา ปฺจสุ [มหาวิหาร, เจติย, ถูปาราม, อิสฺสรสมณก, เวสฺสคิริวิหารสงฺขาเตสุ] วิหาเรสุ มหาภิกฺขุสงฺฆํ เอกโต สนฺนิปาเตตฺวา ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิตฺวา เวตุลฺลวาทสฺส อพุทฺธภาสิตภาวํ ตฺวา ตํวาทิโน สฏฺิ ปาปภิกฺขู ลกฺขณาหเต กตฺวา รฏฺโต ปพฺพาเชสิ, เวตุลฺลโปตฺถกานิ จ ฌาเปตฺวา พุทฺธสาสนํ โชเตสิ [มหาวํเส ๓๖, ๑๑๑-๑๑๒-คาถาสุ, นิกาย ๑๓-ปิฏฺเ].

ตทา รฏฺโต ปพฺพาชิเตสุ เตสุ ภิกฺขูสุ เกจิ กาวีรปฏฺฏนํ คนฺตฺวา ตตฺถ วสนฺติ. ตสฺมิฺจ สมเย เอโก อฺติตฺถิยมาณวโก เทสนฺตรโต กาวีรมาคนฺตฺวา ปฏฺฏนคามิเกหิ เตสํ ภิกฺขูนํ กตูปหารํ ทิสฺวา ลาภสกฺการํ นิสฺสาย เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สงฺฆมิตฺโตติ นาเมน ปากโฏ อโหสิ. โส มหาวิหารวาสีนํ ธมฺมวินิจฺฉยํ นิสฺสาย โคาภยรฺา เวตุลฺลวาทเหตุ เตสํ ภิกฺขูนํ รฏฺา ปพฺพาชิตภาวํ ตฺวา มหาวิหารวาสีนํ กุทฺโธ หุตฺวา ‘‘เวตุลฺลวาทํ วา เน คาหาเปสฺสามิ, วิหาเร วา เนสํ อุมฺมูเลตฺวา วินาเสสฺสามี’’ติ สีหฬทีปํ คนฺตฺวา ราชานํ ปสาเทตฺวา ตสฺส ทฺเว ปุตฺเต สิปฺปํ สิกฺขาเปสฺสามีติ อารภิ. ตถาปิ อตฺตโน วาทสฺส ชานนสมตฺถํ เชฏฺติสฺสํ โอหาย อนาคเต อตฺตโน วจนํ การาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํ กนิฏฺํ มหาเสนกุมารเมว สงฺคณฺหิตฺวา สิปฺปํ สิกฺขาเปสิ. วิตุโน อจฺจเยน เชฏฺติสฺสกุมาเร รชฺชํ ปตฺเต (๘๑๐-๘๑๙-พุ-ว) โส ตสฺส รฺโ ภีโต กาวีรปฏฺฏนเมว คโต [มหาวํเส ๓๖, ๑๑๓-คาถาทีสุ, นิกาย ๑๔-ปิฏฺเ].

มหาเสนรฺโ ปน กาเล (๘๑๙-๘๔๕-พุ-ว) โส ปุน สีหฬทีปมาคนฺตฺวา อภยคิริวิหาเร วสนฺโต มหาวิหารวาสีหิ เวตุลฺลวาทํ คาหาเปตุํ นานาปกาเรหิ วายามมกาสิ. ตถาปิ เตหิ ตํ คาหาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา นานาการเณหิ สฺาเปตฺวา ‘‘โย โกจิ เอกสฺสปิ ภิกฺขุสฺส มหาวิหารวาสิโน อาหารํ ทเทยฺย, ตสฺส สตํ ทณฺโฑ’’ติ รฺโ อาณาย นคเร เภรึ จราเปสิ. ตทา มหาวิหารวาสิโน นคเร ปิณฺฑาย จรนฺตา ตโย ทิวเส ภิกฺขมลทฺธา มหาปาสาเท สนฺนิปติตฺวา ‘‘สเจ มยํ ขุทาเหตุ อธมฺมํ ธมฺโมติ คณฺเหยฺยาม, พหู ชนา ตํ คเหตฺวา อปายคามิโน ภวิสฺสนฺติ, มยฺจ สพฺเพ สาวชฺชา ภวิสฺสาม, ตสฺมา น มยํ ชีวิตเหตุปิ เวตุลฺลวาทํ ปฏิคฺคณฺหิสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา มหาวิหาราทิเก สพฺพวิหาเร ฉฑฺเฑตฺวา โรหณชนปทฺจ มลยปเทสฺจ อคมึสุ [มหาวํเส ๓๗, ๒-๖-คาถาสุ. นิกายสงฺคเห ๑๔-ปิฏฺเ].

เวตุลฺลวาโท

กีทิโส เวตุลฺลวาโท นาม, ยโต มหาวิหารวาสิโน อติวิย ชิคุจฺฉึสูติ? อิทานิ เวตุลฺลวาทสฺส สรูปํ สพฺพากาเรน ปกาเสตุํ น สกฺกา, เวตุลฺลนาเมน โปตฺถกานํ วา นิกายสฺส วา เอตรหิ อปากฏภาวโต. อภิธมฺมปิฏเก ปน กถาวตฺถุอฏฺกถายํ [กถา. อฏฺ. ๗๙๓-๗๙๔ อาทโย] กติปยา เวตุลฺลวาทา อาคตา. กถํ? –

‘‘ปรมตฺถโต มคฺคผลาเนว สงฺโฆ, มคฺคผเลหิ อฺโ สงฺโฆ นาม นตฺถิ, มคฺคผลานิ จ น กิฺจิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ตสฺมา น วตฺตพฺพํ สงฺโฆ ทกฺขิณํ ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติ จ (๑).

‘‘มคฺคผลาเนว สงฺโฆ นาม, น จ ตานิ ทกฺขิณํ วิโสเธตุํ สกฺโกนฺติ, ตสฺมา น วตฺตพฺพํ สงฺโฆ ทกฺขิณํ วิโสเธตี’’ติ จ (๒).

‘‘มคฺคผลาเนว สงฺโฆ นาม, น จ ตานิ กิฺจิ ภุฺชนฺติ, ตสฺมา น วตฺตพฺพํ สงฺโฆ ภุฺชติ ปิวติ ขาทติ สายตี’’ติ จ (๓).

มคฺคผลาเนว สงฺโฆ นาม, น จ สกฺกา เตสํ กิฺจิ ทาตุํ, น จ เตหิ ปฏิคฺคณฺหิตุํ, นาปิ เตสํ ทาเนน โกจิ อุปกาโร อิชฺฌติ, ตสฺมา น วตฺตพฺพํ สงฺฆสฺส ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ จ (๔).

‘‘พุทฺโธ ภควา น กิฺจิ ปริภุฺชติ, โลกานุวตฺตนตฺถํ ปน ปริภุฺชมานํ วิย อตฺตานํ ทสฺเสติ, ตสฺมา นิรุปการตฺตา น วตฺตพฺพํ ตสฺมึ ทินฺนํ มหปฺผล’’นฺติ จ (๕).

‘‘ภควา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺโต ตตฺเถว วสติ, น มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉติ, นิมฺมิตรูปมตฺตกํ ปเนตฺถ ทสฺเสตี’’ติ จ (๖).

‘‘ตุสิตปุเร ิโต ภควา ธมฺมเทสนตฺถาย อภินิมฺมิตํ เปเสสิ, เตน เจว, ตสฺส จ เทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อายสฺมตา อานนฺเทน ธมฺโม เทสิโต, น พุทฺเธน ภควตา’’ติ จ (๗).

‘‘เอกาธิปฺปาเยน เมถุโน ธมฺโม ปฏิเสวิตพฺโพ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – การุฺเน วา เอเกน อธิปฺปาเยน เอกาธิปฺปาโย, สํสาเร วา เอกโต ภวิสฺสามาติ อิตฺถิยา สทฺธึ พุทฺธปูชาทีนิ กตฺวา ปณิธิวเสน เอโก อธิปฺปาโย อสฺสาติ เอกาธิปฺปาโย, เอวรูโป ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ เอกาธิปฺปาโย เมถุโน ธมฺโม ปฏิเสวิตพฺโพ’’ติ จ (๘) เอวํ เวตุลฺลวาทีนํ ลทฺธิโย อาคตา, เอตฺตกาเยว เนสํ วาทา เถรวาทคนฺถวเสน ทานิ ปฺายนฺติ.

เอตฺถ จ อาทิโต จตูหิ วาเทหิ สุตฺตนฺตาคตสงฺโฆ จ มิจฺฉา คหิโต, วินยาคตสงฺโฆ จ สพฺพถา ปฏิกฺขิตฺโต. ตทนนฺตรํ ตโย วาทา อิสฺสรนิมฺมานวาทานุวตฺตกา. อนฺติมสฺส ปน อสทฺธมฺมวาทภาโว อติวิย ปากโฏติ.

อภิธมฺมสมุจฺจเย ปน เวตุลฺลปิฏกสฺส โพธิสตฺตปิฏกภาโว ปกาสิโต, ตสฺมา สทฺธมฺมปุณฺฑริกสุตฺตาทิเก โพธิสตฺตปิฏเก อาคตวาโทปิ ‘‘เวตุลฺลวาโท’’ติ เวทิตพฺโพ [อภิธมฺมสมุจฺจเย ๗๙-ปิฏฺเ].

มหาวิหารนาสนํ

มหาวิหารวาสีสุ ปน วุตฺตปฺปกาเรน สพฺพวิหาเร ฉฑฺเฑตฺวา คเตสุ สงฺฆมิตฺโต ปาปภิกฺขุ ราชานํ สฺาเปตฺวา โลหปาสาทาทิเก จตุสฏฺฺยาธิเก ติสตมตฺเต ปริเวณปาสาเท นาเสตฺวา สมูลํ อุทฺธราเปตฺวา อภยคิริวิหารํ อานยาเปสิ. วิหารภูมิยฺจ กสาเปตฺวา อปรณฺเณ วปาเปสิ. เอวํ ตทา มหาวิหาโร นว วสฺสานิ ภิกฺขูหิ สุฺโ อโหสิ อาวาสวิรหิโต จ. อถ ราชา เมฆวณฺณาภยสฺส นาม กลฺยาณมิตฺตภูตสฺส อมจฺจสฺส สนฺตชฺชนปุพฺพงฺคเมน วจเนน มหาวิหารํ ปุน ปากติกํ กตฺวา เต จาปิ อปกฺกนฺเต ภิกฺขู อาเนตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิ [มหาวํเส ๓๗-๓๐-คาถาสุ. นิกายสงฺคเห ๑๔-๑๕-ปิฏฺเสุ].

เชตวนวาสินิกายุปฺปตฺติ

ปุนปิ ราชา ทกฺขิณารามวาสิมฺหิ ชิมฺหมานเส กุหกติสฺสตฺเถเร ปสนฺโน หุตฺวา ตสฺสตฺถาย มหาวิหารสีมพฺภนฺตเร โชติวนุยฺยาเน เชตวนวิหารํ กาเรตุมารภิ. มหาวิหารวาสิโน ภิกฺขู ตํ นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺตา ปุนปิ ตโต อปกฺกมึสุ. ตทาปิ มหาวิหาโร นว มาสานิ ภิกฺขูหิ สุฺโ อโหสิ. ราชา ปน อตฺตโน อชฺฌาสยวเสเนว ตตฺถ เชตวนวิหารํ กาเรตฺวา ตสฺส กุหกติสฺสตฺเถรสฺส อทาสิเยว. ตตฺถ ทกฺขิณคิริวิหารโต สาคลิยา ภิกฺขู อาคนฺตฺวา วสึสุ. ปจฺฉา จ เต อมฺพสามเณรสิลากาลรฺโ กาเล (๑๐๖๗-๑๐๘๐-พุ-ว) เวตุลฺลวาทิโน อเหสุํ [มหาวํเส ๓๗, ๓๒-คาถาทีสุ, นิกายสงฺคเห ๑๕-ปิฏฺเ].

เอวํ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส สีหฬทีปมาคมนกาลโต (๙๖๕-พุ-ว) ปุพฺเพเยว วิสุทฺธตฺเถรวาทีหิ มหาวิหารวาสีหิ วิรุทฺธสมยา อภยคิริวาสิโน (๔๕๕-พุ-ว) สาคลิยา (๗๙๗-๘๑๐-พุ-ว) เชตวนวาสิโน (๘๒๙-๘๔๕-พุ-ว) จาติ ตโย นิกายา อุปฺปนฺนา อเหสุํ. เตสุ ปน อภยคิริวาสิโนเยว วิเสสโต ปากฏา เจว โหนฺติ พลวนฺโต จ. ตถา หิ เต วิสุทฺธตฺเถรวาทปิฏกฺจ วชฺชิปุตฺตกปริยาปนฺนธมฺมรุจินิกายปิฏกฺจ มหิสาสกาทินิกายปิฏกฺจ มหายานปิฏกฺจ สมฺปฏิจฺฉนฺติ. เตสุ ธมฺมรุจินิกายปิฏกสฺส สมฺปฏิจฺฉิตภาโว ปากโฏเยว. มหิสาสกาทินิกายปิฏกสฺส สมฺปฏิจฺฉิตภาโว ปน ผาหิยนฺนามสฺส จินภิกฺขุโน อทฺธานกฺกมสลฺลกฺขณกถาย เจว อฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตวณฺณปิฏกาทินามวเสน จ เวทิตพฺโพ, ตถา มหายานปิฏกสฺส สมฺปฏิจฺฉิตภาโวปิ.

ผาหิยมทฺธานกฺกมกถา

ผาหิยนฺนาเมน หิ จินภิกฺขุนา ๙๕๖-พุทฺธวสฺเส สีหฬทีปโต สกฺกตภาสาโรปิตํ มหิสาสกวินยปิฏกฺจ ทีฆาคโม จ สํยุตฺตาคโม จ สนฺนิปาตปิฏกฺจ อตฺตนา สห จินรฏฺมานีตนฺติ ตสฺส อทฺธานกฺกมกถายํ ทสฺสิตํ. ตฺจ สพฺพํ อภยคิริวิหารโตเยว ลทฺธมสฺส, มหาวิหารวาสีนํ สกฺกตาโรปิตปิฏกาภาวโต. อฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตวณฺณปิฏกาทีนิ จ ตตฺเถว ภเวยฺยุํ, มหาวิหารวาสีหิ เตสํ อปฺปฏิคฺคหิตภาวโต. ตถา ‘‘ผาหิยมฺภิกฺขุสฺส สีหฬทีเป ปฏิวสนกาเล (๙๕๔-๙๕๖-พุ-ว) มหาวิหาเร ติสหสฺสมตฺตา ภิกฺขู วสนฺติ, เต เถรวาทปิฏกเมว อุคฺคณฺหนฺติ, น มหายานปิฏกํ. อภยคิริวิหาเร ปฺจสหสฺสมตฺตา ภิกฺขู วสนฺติ, เต ปน ทฺเวปิ ปิฏกานิ อุคฺคณฺหนฺติ มหายานปิฏกฺเจว เถรวาทปิฏกฺจา’’ติ จ เตเนว จินภิกฺขุนา ทสฺสิตํ.

ยสฺมา ปน อภยคิริวาสิโน มหายานปิฏกมฺปิ อุคฺคณฺหนฺติ, ตสฺมา ตสฺมึ วิหาเร มหายานิกานํ ปธานาจริยภูเตหิ อสฺสโฆสนาคชฺชุเนหิ กตคนฺถาปิ สํวิชฺชมานาเยว ภเวยฺยุํ, ตโตเยว เตสํ นยฺจ นามฺจ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโรปิ อฺเปิ ตํกาลิกา มหาวิหารวาสิโน สุตสมฺปนฺนา เถรา ชาเนยฺยุํเยว. อปิจ ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเ สมุทฺทสมีเป คุนฺตาชนปเท นาคารชุนโกณฺฑํ นาม านมตฺถิ, ยตฺถ นาคชฺชุโน มหายานิกานํ ปธานาจริยภูโต วสนฺโต พุทฺธสาสนํ ปติฏฺาเปสิ. อาจริยพุทฺธโฆสสฺส จ ตนฺเทสิกภาวนิมิตฺตํ ทิสฺสติ, ตํ ปจฺฉโต (๓๓-ปิฏฺเ) อาวิภวิสฺสติ. ตสฺมาปิ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร นาคชฺชุนสฺส จ อสฺสโฆสสฺส จ นยฺจ นามฺจ ชาเนยฺยเยวาติ สกฺกา อนุมินิตุํ.

ชานโตเยว ปน เตสํ นยสฺส วา นามสฺส วา อตฺตโน อฏฺกถายมปฺปกาสนํ เตสํ นิกายนฺตรภาวโตเยวสฺส. ตถา หิ เตสํ อสฺสโฆสนาคชฺชุนานํ อสฺสโฆโส [(๕๗๐-๖๗๐-พุทฺธวสฺสพฺภนฺตเร)] เถรวาทโต ภินฺเนสุ เอกาทสสุ คเณสุ สพฺพตฺถิวาทคเณ ปริยาปนฺโน, นาคชฺชุโนมหาสงฺฆิก-เจติยวาทิคณาทีหิ ชาเต มหายานนิกาเย ปริยาปนฺโน, มหาวิหารวาสิโน จ อาทิโตเยว ปฏฺาย นิกายนฺตรสมเยหิ อสมฺมิสฺสนตฺถํ อตฺตโน ปิฏกํ อตีว อาทรํ กตฺวา รกฺขนฺติ, อยฺจ อาจริยพุทฺธโฆโส เตสมฺตโร. วุตฺตฺหิ ตสฺส คนฺถนิคมเนสุ ‘‘มหาวิหารวาสีนํ วํสาลงฺการภูเตนา’’ติ. ตสฺมา ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส เตสํ นยํ ชานนฺโตเยว อตฺตโน คนฺเถสุ นิกายนฺตรสมเยหิ อสมฺมิสฺสนตฺถํ นปฺปกาเสสี’’ติ เวทิตพฺพํ.

เอตฺตาวตา จ ยานิ ‘‘โพธิมณฺฑสมีปมฺหิ, ชาโต พฺราหฺมณมาณโว’’ติอาทินา วุตฺตสฺส มหาวํสวจนสฺส วิจารณมุเขน อาจริยพุทฺธโฆสสฺส วมฺภนวจนานิ ธมฺมานนฺทโกสมฺพินา วุตฺตานิ, ตานิ อมูลกภาเวน อนุวิจาริตานิ. ตถาปิ ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส โพธิมณฺฑสมีเป ชาโต’’ติ เอตํ ปน อตฺถํ สาเธตุํ ทฬฺหการณํ น ทิสฺสเตว เปตฺวา ตํ มหาวํสวจนํ, ยมฺปิ พุทฺธโฆสุปฺปตฺติยํ วุตฺตํ, ตมฺปิ มหาวํสเมว นิสฺสาย วุตฺตวจนตฺตา น ทฬฺหการณํ โหตีติ.

มรมฺมรฏฺิกภาวกถา

เอกจฺเจ ปน มรมฺมรฏฺิกา ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส มรมฺมรฏฺเ สถุํ นาม นครโต สีหฬทีปํ คนฺตฺวา สงฺคหฏฺกถาโย อกาสี’’ติ วทนฺติ. ตํ ธมฺมานนฺเทน อนุชานิตฺวา ‘‘ตมฺปิ โถกํ ยุตฺติสมฺปนฺนํ, อหํ เอวํ สทฺทหามิ ‘พุทฺธโฆโส ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเ เตลงฺคชาติโก’ติ, เตลงฺคชาติกา จ พหู ชนา มรมฺมรฏฺเ จ อินฺโทจิน รฏฺเ จ คนฺตฺวา วสนฺติ, ตลฺหิง? อิติ โวหาโร จ ตโตเยว เตลงฺคปทโต อุปฺปนฺโน. ตถา ‘พุทฺธโฆโส อฏฺกถาโย กตฺวา สีหฬทีปโต มรมฺมรฏฺํ คนฺตฺวา ปจฺฉิมภาเค ตตฺเถว วสี’ติปิ คเหตุํ สกฺกา, ตสฺส หิ คนฺถา มรมฺมรฏฺเ สีหฬรฏฺโตปิ สุรกฺขิตตรา โหนฺตี’’ติ จ วตฺวา ปติฏฺาปิตํ.

ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺิกภาวยุตฺติ

พหู ปน อาธุนิกา วิจกฺขณา ธมฺมานนฺทาทโย ‘‘อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺิโก’’ติ วทนฺติ. อยํ ปเนตฺถ ยุตฺติ, เยภุยฺเยน หิ อฏฺกถาฏีกาการา เถรา ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺิกาเยว. ตถา หิ พุทฺธวํสฏฺกถาย จ อภิธมฺมาวตารฏฺกถาย จ วินยวินิจฺฉยฏฺกถาย จ การโก อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถโร โจฬรฏฺเ ตมฺพปณฺณินทิยํ อุรคนคเร ชาโต อาจริยพุทฺธโฆเสน เอกกาลิโก จ. ปรมตฺถวินิจฺฉย-นามรูปปริจฺเฉท-อภิธมฺมตฺถสงฺคหานํ การโก อาจริยอนุรุทฺธตฺเถโร [เอกจฺเจ ปน วทนฺติ-ปรมตฺถวินิจฺฉยการโก เอโก, นามรูปปริจฺเฉทอภิธมฺมตฺถสงฺคหานํ การโก เอโกติ ทฺเว อนุรุทฺธตฺเถราติ] กฺจิวรรฏฺเ กาเวรินครชาติโก. ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนอุทานาทิปาฬิยา สํวณฺณนาภูตาย ปรมตฺถทีปนิยา การโก อาจริยธมฺมปาลตฺเถโรปิ ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเ กฺจิปุรชาติโก. ตเถวายมฺปีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ มโนรถปูรณิยา นาม องฺคุตฺตรฏฺกถาย นิคมเน –

‘‘อายาจิโต สุมตินา, เถเรน ภทนฺตโชติปาเลน;

กฺจิปุราทีสุ มยา, ปุพฺเพ สทฺธึ วสนฺเตนา’’ติ.

เอตฺถ จ กฺจิปุรํ นาม มทรสนครสฺส อีสกํ ปจฺฉิมนิสฺสิเต ทกฺขิณทิสาภาเค ปฺจจตฺตาลีสมิลปฺปมาเณ ปเทเส อิทานิ กฺชีวร อิติ โวหริตนครเมว.

ตถา ปปฺจสูทนิยา นาม มชฺฌิมฏฺกถาย นิคมเนปิ –

‘‘อายาจิโต สุมตินา, เถเรน พุทฺธมิตฺเตน;

ปุพฺเพ มยูรทูต [มยูรรูป (สี.), มยูรสุตฺต (สฺยา.)] ปฏฺฏนมฺหิ สทฺธึ วสนฺเตนา’’ติ – วุตฺตํ.

เอตฺถ จ มยูรทูตปฏฺฏนํ นาม อิทานิ มทรสนครสมีเป มิลโปร อิติ โวหริตฏฺานนฺติ โปราณปฺปวตฺติคเวสีหิ วุตฺตํ.

อิมาหิ ปน นิคมนคาถาหิ ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเเยว นิวุตฺถปุพฺพตํ ปกาเสติ, โพธิมณฺฑสมีเป วา, มรมฺมรฏฺเ วา นิวุตฺถปุพฺพตาย ปกาสนฺจ น ทิสฺสติ. เตน อาจริยพุทฺธโฆโส ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺิโก น โหตีติ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํ.

สมนฺตปาสาทิกายมฺปิ วินยฏฺกถายํ (๓, ๑๓) อาจริเยน เอวํ วุตฺตํ –

‘‘ยํ ปน อนฺธกฏฺกถายํ ‘อปริกฺขิตฺเต ปมุเข อนาปตฺตีติ ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธาย กถิต’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อนฺธกรฏฺเ ปาเฏกฺกสนฺนิเวสา เอกจฺฉทนา คพฺภปาฬิโย สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ.

อิมินา ปน วจเนน ‘‘อนฺธกฏฺกถา อนฺธกรฏฺิเกหิ เถเรหิ กตา’’ติ ปากฏา โหติ, อาจริยพุทฺธโฆโสปิ จ อนฺธกฏฺกถาย สนฺธายภาสิตมฺปิ ตนฺเทสิกคพฺภปาฬิสนฺนิเวสาการมฺปิ สุฏฺุ ชานาติ, ตสฺมา ตนฺเทสิโก น โหตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ.

ตถา อิมสฺสปิ วิสุทฺธิมคฺคสฺส นิคมเน – ‘‘โมรณฺฑเขฏกวตฺตพฺเพนา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ เขโฏติ ปทสฺส คาโมติ วา, ชานปทานํ กสฺสกานํ นิวาโสติ วา, ขุทฺทกนครนฺติ วา ตโย อตฺถา สกฺกตาภิธาเน ปกาสิตา, ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเสุ จ ยาวชฺชตนาปิ คาโม เขฑาติ โวหรียติ. ตสฺมา โมรณฺฑวฺหเย เขเฏ ชาโต โมรณฺฑเขฏโก, โมรณฺฑเขฏโก อิติ วตฺตพฺโพ โมรณฺฑเขฏกวตฺตพฺโพ, เตน โมรณฺฑเขฏกวตฺตพฺเพนาติ วจนตฺถํ กตฺวา ‘‘โมรณฺฑคาเม ชาโตติ วตฺตพฺเพน เถเรนา’’ติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. อิทานิ ปน ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเ คุนฺตาชนปเท นาคารชุนโกณฺฑโต เอกปณฺณาสมิลมตฺเต (๕๑) อมรวติโต จ อฏฺปณฺณาสมิลมตฺเต (๕๘) ปเทเส โกตเนมลิปุรีติ จ คุนฺทลปลฺลีติ จ โวหริตํ านทฺวยมตฺถิ, ตตฺถ จ พหูนิ พุทฺธสาสนิกโปราณสนฺตกานิ ทิฏฺานิ, เนมลีติ เตลคุโวหาโร จ โมรสฺส, คุนฺทลุ อิติ จ อณฺฑสฺส, ตสฺมา ตํ านทฺวยเมว ปุพฺเพ โมรณฺฑเขโฏติ โวหริโต อาจริยพุทฺธโฆสสฺส ชาติคาโม ภเวยฺยาติ โปราณฏฺานคเวสีหิ คหิโต. ยสฺมา ปเนตํ ‘‘โมรณฺฑเขฏกวตฺตพฺเพนา’’ติ ปทํ ‘‘โมรณฺฑคามชาเตนา’’ติ ปทํ วิย ปาฬินยานุจฺฉวิกํ น โหติ, อฺเหิ จ พหูหิ วิเสสนปเทหิ เอกโต อฏฺตฺวา วิเสสฺยปทสฺส ปจฺฉโต วิสุํ ิตํ, อาคมฏฺกถาทีสุ จ น ทิสฺสติ, ตสฺมา เอตํ เกนจิ ตํกาลิเกน อาจริยสฺส ชาติฏฺานํ สฺชานนฺเตน ปกฺขิตฺตํ วิย ทิสฺสตีติ.

อิเมสุ ปน ตีสุ ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส โพธิมณฺฑสมีเป ชาโตติ จ มรมฺมรฏฺิโกติ จ ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺิโก’’ติ จ วุตฺตวจเนสุ ปจฺฉิมเมว พลวตรํ โหติ อาจริยสฺเสว วจนนิสฺสิตตฺตา, ตสฺมา ตเทว นิสฺสาย อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส อุปฺปตฺติ เอวํ เวทิตพฺพา.

อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส อฏฺุปฺปตฺติ

อาจริยพุทฺธโฆโส ทสเม พุทฺธวสฺสสตเก (๙๐๑-๑๐๐๐-พุ-ว) ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเ โมรณฺฑคาเม พฺราหฺมณกุเล ชาโต, โส ตีสุ เวเทสุ เจว สพฺพวิชฺชาสิปฺปคนฺเถสุ จ ปารงฺคโต หุตฺวา พุทฺธสาสนธมฺมํ สุตฺวา ตมฺปิ อุคฺคณฺหิตุกาโม ตสฺมึเยว ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเ เอกสฺมึ เถรวาทิกวิหาเร มหาวิหารวาสีนํ เรวตตฺเถรปฺปมุขานํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชฺชฺเจว อุปสมฺปทฺจ คณฺหิตฺวา ปิฏกตฺตยปาฬิมุคฺคณฺหิ. โส เอวํ ปิฏกตฺตยปาฬิมุคฺคณฺหนฺโตเยว อฺาสิ ‘‘อยเมกายนมคฺโค ทสฺสนวิสุทฺธิยา นิพฺพานสจฺฉิกิริยายา’’ติ. อาจริยุปชฺฌายา จ ตสฺส วิสิฏฺาณปฺปภาวสมฺปนฺนภาวํ ตฺวา ‘‘อิมสฺส พุทฺธสาสเน กิตฺติโฆโส พุทฺธสฺส วิย ปวตฺติสฺสตี’’ติ สมฺปสฺสมานา ‘‘พุทฺธโฆโส’’ติ นามมกํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยนา’’ติ.

โส เอวํ ปิฏกตฺตยปาฬิมุคฺคณฺหิตฺวา มทรส นครสมีปฏฺานภูเต มยูรทูตปฏฺฏนมฺหิกฺจิปุราทีสุ จ วสนฺโต อนฺธกฏฺกถาย ปริจยํ กตฺวา ตาย อสนฺตุฏฺจิตฺโต สีหฬฏฺกถาสุปิ ปริจยํ กาตุกาโม ตา จ ปาฬิภาสมาโรเปตฺวา อภินวีกาตุมาสีสนฺโต สีหฬทีปมคมาสิ. ตสฺมิฺจ กาเล สีหฬทีเป มหานาโม นาม ราชา รชฺชํ กาเรติ, โส จ ราชา อภยคิริวาสีสุ ปสนฺโน เตเยว วิเสสโต ปคฺคณฺหาติ.

เอกจฺเจ ปน อาธุนิกา วิจกฺขณา เอวํ วทนฺติ ‘‘อาจริยพุทฺธโฆสสฺส สีหฬทีปาคมเนน สิริเมฆวณฺณราชกาลโต (๘๔๖-พุ-ว) ปุเรตรํเยว ภวิตพฺพ’’นฺติ. อิทฺจ เนสํ การณํ, ตสฺส รฺโ นววสฺสกาเล (๘๕๕-พุ-ว) พุทฺธสฺส ทาาธาตุกลิงฺครฏฺโต สีหฬทีปมานีตา, ตโต ปฏฺาย สีหฬราชาโน อนุสํวจฺฉรํ มหนฺตํ ธาตุปูชาอุสฺสวํ กโรนฺติ. ยทิ จ อาจริยพุทฺธโฆโส ตโต ปจฺฉา สีหฬทีปมาคจฺเฉยฺย, ตมฺปิ ปาสาทิกํ มหุสฺสวํ ทิสฺวา อตฺตโน คนฺเถสุ ปกาเสยฺย ยถา ผาหิยํ นาม จินภิกฺขุ มหานามราชกาเล (๙๕๓-๙๗๕-พุ-ว) ตํ ทิสฺวา อตฺตโน อทฺธานกฺกมกถายํ ปกาเสสิ, น ปน อาจริยสฺส คนฺเถสุ ตํปกาสนา ทิสฺสติ, เตเนตํ ายติ ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส ทาาธาตุสมฺปตฺตกาลโต (๘๕๕-พุ-ว) ปุเรตรํเยว สีหฬทีปมาคนฺตฺวา อฏฺกถาโย อกาสี’’ติ. ตํ ปน น ทฬฺหการณํ โหติ, ติปิฏกปาฬิยา หิ อตฺถสํวณฺณนาย ยํ วา ตํ วา อตฺตโน ปจฺจกฺขทิฏฺํ ปกาเสตพฺพํ น โหติ, น จ อตฺถสํวณฺณนา อทฺธานกฺกมกถาสทิสา. กิฺจ ภิยฺโย, สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถายํ ทีปวํสโตปิ กิฺจิ อาเนตฺวา ปกาสิตํ, ทีปวํเส จ ยาว มหาเสนราชกาลา (๘๑๙-๘๔๕-พุ-ว) ปวตฺติ ปกาสิตาติ สิริเมฆวณฺณราชกาลโต (๘๔๕-๘๗๓-พุ-ว) ปุพฺเพ ทีปวํโสเยว ลิขิโต น ภเวยฺย. ยทิ จ อฏฺกถาโย ตโต ปุพฺเพเยว กตา ภเวยฺยุํ, กถํ ตตฺถ ทีปวํโส สกฺกา ปกาเสตุนฺติ.

อาจริยพุทฺธโฆโส ปน สีหฬทีปํ ปตฺตกาเล (๙๖๕-พุ-ว) มหาวิหารเมว คนฺตฺวา ตตฺถ สีหฬมหาเถรานํ สนฺติเก สีหฬฏฺกถาโย สุณิ. วุตฺตฺหิ สมนฺตปาสาทิกายํ –

‘‘มหาอฏฺกถฺเจว, มหาปจฺจริเมว จ;

กุรุนฺทิฺจาติ ติสฺโสปิ, สีหฬฏฺกถา อิมา.

พุทฺธมิตฺโตติ นาเมน, วิสฺสุตสฺส ยสสฺสิโน;

วินยฺุสฺส ธีรสฺส, สุตฺวา เถรสฺส สนฺติเก’’ติ [ปริ. อฏฺ. นิคมนกถา].

อิมินา ปน อฏฺกถาวจเนน มหาอฏฺกถาทีนํ ติสฺสนฺนํเยว อฏฺกถานํ สุตภาโว ทสฺสิโต. สมนฺตปาสาทิกายํ ปน สงฺเขปอนฺธกฏฺกถานมฺปิ วินิจฺฉโย ทสฺสิโตเยว, กสฺมา ปน ตา อาจริเยน สีหฬตฺเถรานํ สนฺติเก น สุตาติ? ตาสุ หิ อนฺธกฏฺกถา ตาว อนฺธกรฏฺิกภาวโต, กตปริจยภาวโต จ น สุตาติ ปากโฏเยวายมตฺโถ. สงฺเขปฏฺกถา ปน มหาปจฺจริฏฺกถาย สํขิตฺตมตฺตภาวโต น สุตาติ เวทิตพฺพา. ตถา หิ วชิรพุทฺธิฏีกายํ คนฺถารมฺภสํวณฺณนายํ [วิชิร. ฏี. คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา] จูฬปจฺจริฏฺกถาอนฺธกฏฺกถานมฺปิ อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิตภาโว วุตฺโต, สารตฺถทีปนี-วิมติวิโนทนีฏีกาสุ [สารตฺถ. ฏี. ๑.๙๒ ปาจิตฺติยกณฺฑ; วิ. วิ. ฏี. ๑.คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา] ปน อนฺธกสงฺเขปฏฺกถานํ สงฺคหิตภาโว วุตฺโต, สมนฺตปาสาทิกายฺจ จูฬปจฺจรีติ นามํ กุหิฺจิปิ น ทิสฺสติ, มหาฏฺกถา มหาปจฺจรี กุรุนฺที อนฺธกสงฺเขปฏฺกถาติ อิมานิเยว นามานิ ทิสฺสนฺติ, พหูสุ จ าเนสุ ‘‘สงฺเขปฏฺกถายํ ปน มหาปจฺจริยฺจ วุตฺต’’นฺติอาทินา [ปารา. อฏฺ. ๑.๙๔] ทฺวินฺนมฺปิ สมานวินิจฺฉโย ทสฺสิโต. ตสฺมา วชิรพุทฺธิยํ จูฬปจฺจรีติ วุตฺตฏฺกถา มหาปจฺจริโต อุทฺธริตฺวา สงฺเขเปน กตฏฺกถา ภเวยฺย, สา จ สงฺเขเปน กตตฺตา สงฺเขปฏฺกถา นาม ชาตา ภเวยฺย. เอวฺจ สติ มหาปจฺจริยา สุตาย สาปิ สุตาเยว โหตีติ น สา อาจริเยน สุตาติ เวทิตพฺพา.

เอวํ สีหฬฏฺกถาโย สุณนฺตสฺเสว อาจริยพุทฺธโฆสสฺส ติกฺขคมฺภีรชวนาณปฺปภาววิเสสสมฺปนฺนภาวฺจ ปรมวิสุทฺธสทฺธาพุทฺธิวีริยปฏิมณฺฑิตสีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทย- สมุทิตภาวฺจ สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺถปฺาเวยฺยตฺติ- ยสมนฺนาคตภาวฺจ อเนกสตฺถนฺตโรจิตสํวณฺณนานยสุโกวิทภาวฺจ ตฺวา ตํสวนกิจฺจปรินิฏฺิตกาเล สงฺฆปาลาทโย เถรา ตํ วิสุทฺธิมคฺคาทิคนฺถานํ กรณตฺถาย วิสุํ วิสุํ อายาจึสุ. เอตฺถ จ อาจริยสฺส ยถาวุตฺตคุเณหิ สมฺปนฺนภาโว อตฺตโน วจเนเนว ปากโฏ. วุตฺตฺหิ อตฺตโน คนฺถนิคมเนสุ –

‘‘ปรมวิสุทฺธสทฺธาพุทฺธิวีริยปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตนา’’ติอาทิ.

ตตฺถ สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถนาติ ปเทน อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร มหาวิหารวาสีนํ วิสุทฺธตฺเถรวาทีนํ เทสนานยสงฺขาเต สกสมเย จ มหาสงฺฆิกาทิมหายานิกปริโยสานานํ นิกายนฺตรภูตานํ ปเรสํ ปิฏกคนฺถนฺตรวาทนยสงฺขาเต ปรสมเย จ ตถา ตํกาลิกอฺติตฺถิยสมณพฺราหฺมณานํ เวทตฺตยาทิสงฺขาเต ปรสมเย จ โกวิโท, เตสํ สกสมยปรสมยานํ ทุโรคาหทุพฺโพธตฺถสงฺขาเต คหนฏฺาเนปิ จ โอคาหิตุํ สมตฺโถติ ทีเปติ. ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคโตติ ปเทน อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร โปราณฏฺกถาโย สงฺขิปิตุฺจ ปฏิสงฺขริตุฺจ สมตฺโถติ ทีเปตีติ เวทิตพฺโพ.

อายาจนการณํ

กสฺมา ปน เต ตํ อายาจึสูติ? วุจฺจเต, มหาวิหารวาสิโน หิ อาทิโตเยว ปฏฺาย ปิฏกตฺตยํ ยถา ตีสุ สงฺคีตีสุ ปาฬิภาสาย สงฺคีตํ, ยถา จ วฏฺฏคามณิราชกาเล (๔๕๕-๔๖๗-พุ-ว) โปตฺถเกสุ อาโรปิตํ, ตถา โปราณํ ปาฬิปิฏกเมว อุคฺคณฺหนฺติ เจว วาเจนฺติ จ, น สกฺกตาโรปิตปิฏกํ. อฏฺกถาโย จ ติวสฺสสตมตฺตโต ปุเร กตา. ตถา หิ อฏฺกถาสุ วสภราชกาลโต (๖๐๙-๖๕๓-พุ-๐) ปจฺฉา สีหฬิกตฺเถรานฺเจว อฺเสฺจ วตฺถุ น ทิสฺสติ เปตฺวา มหาเสนราชวตฺถุํ [ปารา. อฏฺ. ๒.๒๓๖-๒๓๗], ยาว อาจริยพุทฺธโฆสกาลาปิ จ ตา เอว โปราณฏฺกถาโย อตฺถิ น อภินวีกตา. เตน เตสํ ปิฏเกสุ เยภุยฺเยน ชนา ปริจยํ กาตุํ อสฺชาตาภิลาสา โหนฺติ อสฺชาตุสฺสาหา. ทีปนฺตเรสุ จ อตฺตโน ปิฏกํ ปตฺถราเปตุํ น สกฺโกนฺติ อฏฺกถานํ ทีปภาสาย อภิสงฺขตตฺตา. อภยคิริวาสิโน ปน วฏฺฏคามณิราชกาลโต ปฏฺาย สกฺกตภาสาโรปิตํ ธมฺมรุจินิกายาทิปิฏกมฺปิ มหายานปิฏกมฺปิ นวํ นวํ ปริยาปุณนฺติ เจว วาเจนฺติ จ, เตน เตสํ ปิฏเกสุ เยภุยฺเยน ชนา ปริจยํ กาตุํ สฺชาตาภิลาสา โหนฺติ สฺชาตุสฺสาหา, นวํ นวเมว หิ สตฺตา ปิยายนฺติ. ตโตเยว เต ทีปนฺตเรสุปิ อตฺตโน วาทํ ปตฺถราเปตุํ สกฺโกนฺติ. ตสฺมา เต มหาวิหารวาสิโน เถรา อตฺตโน สีหฬฏฺกถาโย ปาฬิภาสาย อภิสงฺขริตุกามา ตถา กาตุํ สมตฺถํ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส าณปฺปภาววิเสสํ ยถาวุตฺตคุณสมฺปนฺนภาวฺจ ตฺวา อายาจึสูติ เวทิตพฺพํ.

วิสุทฺธิมคฺคสฺส กรณํ

เตสุ ตาว วิสุทฺธิมคฺคํ อาจริยพุทฺธโฆโส สงฺฆปาลตฺเถเรน อชฺเฌสิโต มหาวิหารสฺส ทกฺขิณภาเค ปธานฆเร มหานิคมสฺสามิโน ปาสาเท [ปริ. อฏฺ. นิคมนกถา] วสนฺโต อกาสิ. เอตฺตาวตา จ ‘‘โส ปเนส วิสุทฺธิมคฺโค เกน กโต, กทา กโต, กตฺถ กโต, กสฺมา กโต’’ติ อิเมสํ ปฺหานมตฺโถ วิตฺถาเรน วิภาวิโต โหติ.

อิทานิ กิมตฺถํ กโตติอาทีนํ ปฺหานมตฺถํ ปกาสยิสฺสาม. ตตฺถ กิมตฺถํ กโตติ เอตสฺส ปน ปฺหสฺส อตฺโถ อาจริเยเนว ปกาสิโต. กถํ?

‘‘สุทุลฺลภํ ลภิตฺวาน, ปพฺพชฺชํ ชินสาสเน;

สีลาทิสงฺคหํ เขมํ, อุชุํ มคฺคํ วิสุทฺธิยา.

ยถาภูตํ อชานนฺตา, สุทฺธิกามาปิ เย อิธ;

วิสุทฺธึ นาธิคจฺฉนฺติ, วายมนฺตาปิ โยคิโน.

เตสํ ปาโมชฺชกรณํ, สุวิสุทฺธวินิจฺฉยํ;

มหาวิหารวาสีนํ, เทสนานยนิสฺสิตํ.

วิสุทฺธิมคฺคํ ภาสิสฺสํ, ตํ เม สกฺกจฺจ ภาสโต;

วิสุทฺธิกามา สพฺเพปิ, นิสามยถ สาธโว’’ติ [วิสุทฺธิ. ๑.๒].

ตสฺมา เอส วิสุทฺธิมคฺโค วิสุทฺธิสงฺขาตนิพฺพานกามานํ สาธุชนานํ สีลสมาธิปฺาสงฺขาตสฺส วิสุทฺธิมคฺคสฺส ยาถาวโต ชานนตฺถาย กโตติ ปธานปฺปโยชนวเสน เวทิตพฺโพ. อปฺปธานปฺปโยชนวเสน ปน จตูสุ อาคมฏฺกถาสุ คนฺถสลฺลหุกภาวตฺถายปิ กโตติ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ อาคมฏฺกถาสุ

‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค, เอส จตุนฺนมฺปิ อาคมานฺหิ;

ตฺวา ปกาสยิสฺสติ, ตตฺถ ยถาภาสิตมตฺถํ;

อิจฺเจว เม กโต’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา].

ตนฺนิสฺสโย

กึ นิสฺสาย กโตติ เอตสฺสปิ ปฺหสฺส อตฺโถ อาจริเยเนว ปกาสิโต. วุตฺตฺหิ เอตฺถ คนฺถารมฺเภ –

‘‘มหาวิหารวาสีนํ, เทสนานยนิสฺสิต’’นฺติ [วิสุทฺธิ. ๑.๒].

ตถา นิคมเนปิ –

‘‘เตสํ สีลาทิเภทานํ, อตฺถานํ โย วินิจฺฉโย;

ปฺจนฺนมฺปิ นิกายานํ, วุตฺโต อฏฺกถานเย.

สมาหริตฺวา ตํ สพฺพํ, เยภุยฺเยน สนิจฺฉโย;

สพฺพสงฺกรโทเสหิ, มุตฺโต ยสฺมา ปกาสิโต’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา].

อิมินา ปน วจเนน อยมตฺโถ ปากโฏ โหติ – ‘‘วิสุทฺธิมคฺคํ กุรุมาโน อาจริโย มหาวิหารวาสีนํ เทสนานยสงฺขาตา ปฺจนฺนมฺปิ นิกายานํ โปราณฏฺกถาโย นิสฺสาย ตาสุ วุตฺตํ คเหตพฺพํ สพฺพํ วินิจฺฉยํ สมาหริตฺวา อกาสี’’ติ. ตสฺมา ยา ยา เอตฺถ ปทวณฺณนา วา วินิจฺฉโย วา สาธกวตฺถุ วา ทสฺสียติ, ตํ สพฺพํ ตสฺส ตสฺส นิทฺธาริตปาฬิปทสฺสนิกายสํวณฺณนาภูตาย โปราณสีหฬฏฺกถาโต อาเนตฺวา ภาสาปริวตฺตนวเสเนว ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อยมฺปิ หิ วิสุทฺธิมคฺโค น เกวลํ อตฺตโน าณปฺปภาเวน กโต, วิสุํ ปกรณภาเวน จ, อถ โข จตุนฺนมฺปิ อาคมฏฺกถานํ อวยวภาเวเนว กโต. วุตฺตฺหิ ตาสํ นิคมเน –

‘‘เอกูนสฏฺิมตฺโต, วิสุทฺธิมคฺโคปิ ภาณวาเรหิ;

อตฺถปฺปกาสนตฺถาย, อาคมานํ กโต ยสฺมา.

ตสฺมา เตน สหายํ, อฏฺกถา ภาณวารคณนาย;

สุปริมิตปริจฺฉินฺนํ, จตฺตาลีสสตํ โหตี’’ติอาทิ [ที. นิ. อฏฺ. ๓.นิคมนกถา].

ยา ปน วิสุทฺธิมคฺเค มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทเส ‘‘อยํ ตาว วิสุทฺธิกถายํ นโย. อริยวํสกถายํ ปนา’’ติอาทินา [วิสุทฺธิ. ๒.๗๑๗] ทฺเว กถา วุตฺตา, ตาปิ มหาวิหารวาสีนํ เทสนานเย อนฺโตคธา อิมสฺส วิสุทฺธิมคฺคสฺส นิสฺสยาเยวาติ เวทิตพฺพาติ.

ตกฺกรณปฺปกาโร

เกน ปกาเรน กโตติ เอตฺถ อนนฺตรปฺเห วุตฺตปฺปกาเรเนว กโต. ตถา หิ อาจริโย สํยุตฺตนิกายโต

‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;

อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ [สํ. นิ. ๑.๒๓]

อิมํ คาถํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ตตฺถ ปธานวเสน วุตฺตา สีลสมาธิปฺาโย วิสุํ วิสุํ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา อกาสิ. เอวํ กุรุมาโน จ ปฺจหิปิ นิกาเยหิ สีลสมาธิปฺาปฏิสํยุตฺตานิ สุตฺตปทานิ อุทฺธริตฺวา เตสํ อตฺถฺจ สีหฬฏฺกถาหิ ภาสาปริวตฺตนวเสน ทสฺเสตฺวา ตาสุ วุตฺตานิ สีหฬิกวตฺถูนิ จ วินิจฺฉเย จ ปกาเสสิ. วิเสสโต ปน ตสฺมึ กาเล ปากฏา สกสมยวิรุทฺธา สมยนฺตรา จ พหูสุ าเนสุ ทสฺเสตฺวา สเหตุกํ ปฏิกฺขิตฺตา. กถํ?

ตตฺถ หิ จริยาวณฺณนายํ ‘‘ตตฺร ปุริมา ตาว ติสฺโส จริยา ปุพฺพาจิณฺณนิทานา ธาตุโทสนิทานา จาติ เอกจฺเจ วทนฺติ. ปุพฺเพ กิร อิฏฺปฺปโยคสุภกมฺมพหุโล ราคจริโต โหติ, สคฺคา วา จวิตฺวา อิธูปปนฺโน. ปุพฺเพ เฉทนวธพนฺธนเวรกมฺมพหุโล โทสจริโต โหติ, นิรยนาคโยนีหิ วา จวิตฺวา อิธูปปนฺโน. ปุพฺเพ มชฺชปานพหุโล สุตปริปุจฺฉาวิหีโน จ โมหจริโต โหติ, ติรจฺฉานโยนิยา วา จวิตฺวา อิธูปปนฺโนติ เอวํ ปุพฺพาจิณฺณนิทานาติ วทนฺติ. ทฺวินฺนํ ปน ธาตูนํ อุสฺสนฺนตฺตา ปุคฺคโล โมหจริโต โหติ ปถวีธาตุยา จ อาโปธาตุยา จ. อิตราสํ ทฺวินฺนํ อุสฺสนฺนตฺตา โทสจริโต. สพฺพาสํ สมตฺตา ปน ราคจริโตติ. โทเสสุ จ เสมฺหาธิโก ราคจริโต โหติ. วาตาธิโก โมหจริโต. เสมฺหาธิโก วา โมหจริโต. วาตาธิโก ราคจริโตติ เอวํ ธาตุโทสนิทานาติ วทนฺตี’’ติ เอกจฺเจวาทํ ทสฺเสตฺวา โส ‘‘ตตฺถ ยสฺมา ปุพฺเพ อิฏฺปฺปโยคสุภกมฺมพหุลาปิ สคฺคา จวิตฺวา อิธูปปนฺนาปิ จ น สพฺเพ ราคจริตาเนว โหนฺติ, น อิตเร วา โทสโมหจริตา. เอวํ ธาตูนฺจ ยถาวุตฺเตเนว นเยน อุสฺสทนิยโม นาม นตฺถิ. โทสนิยเม จ ราคโมหทฺวยเมว วุตฺตํ, ตมฺปิ จ ปุพฺพาปรวิรุทฺธเมว. ตสฺมา สพฺพเมตํ อปริจฺฉินฺนวจน’’นฺติ [วิสุทฺธิ. ๑.๔๔] ปฏิกฺขิตฺโต. ตํ ปรมตฺถมฺชูสาย นาม วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกายํ ‘‘เอกจฺเจติ อุปติสฺสตฺเถรํ สนฺธายาห, เตน หิ วิมุตฺติมคฺเค ตถา วุตฺต’’นฺติอาทินา วณฺณิตํ [วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๔๔].

วิมุตฺติมคฺคปกรณํ

โก โส วิมุตฺติมคฺโค นาม? วิสุทฺธิมคฺโค วิย สีลสมาธิปฺานํ วิสุํ วิสุํ วิภชิตฺวา ทีปโก เอโก ปฏิปตฺติคนฺโถ. ตตฺถ หิ –

‘‘สีลํ สมาธิ ปฺา จ, วิมุตฺติ จ อนุตฺตรา;

อนุพุทฺธา อิเม ธมฺมา, โคตเมน ยสสฺสินา’’ติ [ที. นิ. ๒.๑๘๖; อ. นิ. ๔.๑]

อิมํ คาถํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ตทตฺถวณฺณนาวเสน สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติโย วิสุํ วิสุํ วิภชิตฺวา ทีปิตา. โส ปน คนฺโถ อิทานิ จินรฏฺเเยว ทิฏฺโ, จินภาสาย จ ปริวตฺติโต (๑๐๔๘-พุ-ว) สงฺฆปาเลน นาม ภิกฺขุนา. เกน ปน โส กุโต จ ตตฺถ อานีโตติ น ปากฏเมตํ. ตสฺส ปน สงฺฆปาลสฺส อาจริโย คุณภทฺโร นาม มหายานิโก ภิกฺขุ มชฺฌิมอินฺทิยเทสิโก, โส อินฺทิยรฏฺโต จินรฏฺํ คจฺฉนฺโต ปมํ สีหฬทีปํ คนฺตฺวา ตโต (๙๗๘-พุ-ว) จินรฏฺํ คโต. ตทา โส เตน อานีโต ภเวยฺย [วิมุตฺติมคฺค, วิสุทฺธิมคฺค].

ตสฺมิฺหิ วิมุตฺติมคฺเค ปุพฺพาจิณฺณนิทานทสฺสนํ ธาตุนิทานทสฺสนฺจ ยเถว วิสุทฺธิมคฺเค เอกจฺเจวาโท, ตเถวาคตํ. โทสนิทานทสฺสเน ปน ‘‘เสมฺหาธิโก ราคจริโต, ปิตฺตาธิโก โทสจริโต, วาตาธิโก โมหจริโต. เสมฺหาธิโก วา โมหจริโต, วาตาธิโก ราคจริโต’’ติ ติณฺณมฺปิ ราคโทสโมหานํ โทสนิยโม วุตฺโต. อาจริยพุทฺธโฆเสน ทิฏฺวิมุตฺติมคฺคโปตฺถเก ปน ‘‘ปิตฺตาธิโก โทสจริโต’’ติ ปาโ อูโน ภเวยฺย.

อฺานิปิ พหูนิ วิสุทฺธิมคฺเค ปฏิกฺขิตฺตานิ ตตฺถ วิมุตฺติมคฺเค คเหตพฺพภาเวน ทิสฺสนฺติ. กถํ?

สีลนิทฺเทเส (๑, ๘-ปิฏฺเ) ‘‘อฺเ ปน สิรฏฺโ สีลตฺโถ, สีตลตฺโถ สีลตฺโถติ เอวมาทินาปิ นเยเนตฺถ อตฺถํ วณฺณยนฺตี’’ติ ปฏิกฺขิตฺโต อตฺโถปิ ตตฺถ คเหตพฺพภาเวน ทิสฺสติ.

ตถา ธุตงฺคนิทฺเทเส (๑, ๗๘-ปิฏฺเ) ‘‘เยสมฺปิ กุสลตฺติกวินิมุตฺตํ ธุตงฺคํ, เตสํ อตฺถโต ธุตงฺคเมว นตฺถิ, อสนฺตํ กสฺส ธุนนโต ธุตงฺคํ นาม ภวิสฺสติ, ธุตคุเณ สมาทาย วตฺตตีติ วจนวิโรโธปิ จ เนสํ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตํ น คเหตพฺพ’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺตํ ปฺตฺติธุตงฺคมฺปิ ตตฺถ ทิสฺสติ. มหาฏีกายํ (๑-๑๐๔) ปน ‘‘เยสนฺติ อภยคิริวาสิเก สนฺธายาห, เต หิ ธุตงฺคํ นาม ปฺตฺตีติ วทนฺตี’’ติ วณฺณิตํ.

ตถา ปถวีกสิณนิทฺเทเส (๑, ๑๔๔) ‘‘ปฏิปทาวิสุทฺธิ นาม สสมฺภาริโก อุปจาโร, อุเปกฺขานุพฺรูหนา นาม อปฺปนา, สมฺปหํสนา นาม ปจฺจเวกฺขณาติ เอวเมเก วณฺณยนฺตี’’ติอาทินา ปฏิกฺขิตฺตเอเกวาโทปิ ตตฺถ ทิสฺสติ. มหาฏีกายํ (๑, ๑๗๒) ปน ‘‘เอเกติ อภยคิริวาสิโน’’ติ วณฺณิตํ.

ตถา ขนฺธนิทฺเทเส (๒, ๘๐-ปิฏฺเ) ‘‘พลรูปํ สมฺภวรูปํ ชาติรูปํ โรครูปํ เอกจฺจานํ มเตน มิทฺธรูป’’นฺติ เอวํ อฺานิปิ รูปานิ อาหริตฺวา โปราณฏฺกถายํ เตสํ ปฏิกฺขิตฺตภาโว ปกาสิโต. มหาฏีกายํ ‘‘เอกจฺจานนฺติ อภยคิริวาสีน’’นฺติ วณฺณิตํ. เตสุ ชาติรูปํ มิทฺธรูปฺจ วิมุตฺติมคฺเค ทสฺสิตํ. น เกวลํ ทสฺสนมตฺตเมว, อถ โข มิทฺธรูปสฺส อตฺถิภาโวปิ ‘‘มิทฺธํ นาม ติวิธํ อาหารชํ อุตุชํ จิตฺตชฺจาติ. เตสุ จิตฺตชเมว นีวรณํ โหติ, เสสา ปน ทฺเว อรหโตปิ ภเวยฺยุ’’นฺติอาทินา สาธิโต.

เอตฺตาวตา จ วิมุตฺติมคฺเค วิสุทฺธิมคฺเคน อสมานตฺถานํ วุตฺตภาโว จ อภยคิริวาสีหิ ตสฺส คนฺถสฺส ปฏิคฺคหิตภาโว จ สกฺกา าตุํ. อฺานิปิ ปน อีทิสานิ อสมานวจนานิ พหูนิ ตตฺถ สํวิชฺชนฺติเยว, ตานิ ปน สพฺพานิ น สกฺกา อิธ ทสฺเสตุํ.

เยภุยฺเยน ปนสฺส กรณปฺปกาโร วิสุทฺธิมคฺคสฺส วิย โหติ. ยา ยา หิ ปาฬิ อภิธมฺมวิภงฺคโต วา ปฏิสมฺภิทามคฺคโต วา อฺสุตฺตนฺเตหิ วา อาเนตฺวา สาธกภาเวน วิสุทฺธิมคฺเค ทสฺสิยติ, ตตฺถปิ สา สา ปาฬิ เยภุยฺเยน ทิสฺสเตว. ตาสุ กฺจิมตฺตํ อุทฺธริตฺวา อนุมินนตฺถาย ทสฺสยิสฺสาม.

ยา วิสุทฺธิมคฺเค (๑, ๔๗-ปิฏฺเ) ‘‘ปฺจ สีลานิ ปาณาติปาตสฺส ปหานํ สีล’’นฺติอาทิกา ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิ ทสฺสิตา, สา วิมุตฺติมคฺเคปิ ทิสฺสเตว.

ยฺจ วิสุทฺธิมคฺเค (๑, ๑๓๗-ปิฏฺเ) ‘‘สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ปฏิปกฺโข…เป… วิจาโร วิจิกิจฺฉายา’’ติ วจนํ เปฏเก วุตฺตนฺติ ทสฺสิตํ, ตฺจ ตตฺถปิ ตเถว ทสฺเสตฺวา ‘‘ติเปฏเก วุตฺต’’นฺติ นิทฺทิฏฺํ. ติเปฏเกติ นามฺจ เปฏโกปเทสเมว สนฺธาย วุตฺตํ ภเวยฺย. ตตฺถ หิ วิวิจฺเจว กาเมหีติ ปาสํวณฺณนายํ ‘‘อโลภสฺส ปาริปูริยา กาเมหิ วิเวโก สมฺปชฺชติ, อโทสสฺส. อโมหสฺส ปาริปูริยา อกุสเลหิ ธมฺเมหิ วิเวโก สมฺปชฺชตี’’ติ ปาสฺส ติเปฏเก วุตฺตภาโว ทสฺสิโต. โส จ ปาโ เปฏโกปเทเส (๒๖๒-ปิฏฺเ) ‘‘ตตฺถ อโลภสฺส ปาริปูริยา วิวิตฺโต โหติ กาเมหี’’ติอาทินา ทิสฺสติ.

ยถา จ วิสุทฺธิมคฺเค (๑, ๒๕๘-ปิฏฺเ) ‘‘อยมฺปิ โข ภิกฺขเว อานาปานสฺสติสมาธิ ภาวิโต’’ติอาทิกา ปาฬิ มหาวคฺคสํยุตฺตกโต อาเนตฺวา ทสฺสิตา, ตเถว ตตฺถปิ.

ยถา จ วิสุทฺธิมคฺเค (๑, ๒๗๒-ปิฏฺเ) ‘‘อสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานํ สติยา อนุคจฺฉโต’’ติอาทิ ปาฬิ จ (๑, ๒๗๓-ปิฏฺเ) กกจูปมปาฬิ จ ปฏิสมฺภิทามคฺคโต อาเนตฺวา ทสฺสิตา, ตเถว ตตฺถปิ.

ยถา จ วิสุทฺธิมคฺเค (๒, ๖๙-ปิฏฺเ) ‘‘กตมา จินฺตามยา ปฺา’’ติอาทิกา จ ปาฬิ ‘‘ตตฺถ กตมํ อายโกสลฺล’’นฺติอาทิกา จ ปาฬิ (๒, ๗๑-ปิฏฺเ) ‘‘ทุกฺเข าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติอาทิกา จ ปาฬิ อภิธมฺมวิภงฺคโต อาเนตฺวา ทสฺสิตา, ตเถว ตตฺถปิ. สพฺพาปิ จ ตตฺถ วุตฺตา เอกวิธทุวิธาทิปฺาปเภทกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตกถาย เยภุยฺเยน สมานาเยว.

‘‘เยน จกฺขุปสาเทน, รูปานิ มนุปสฺสติ;

ปริตฺตํ สุขุมํ เอตํ, อูกาสิรสมูปม’’นฺติ [วิสุทฺธิ. ๒.๔๓๖; ธ. ส. อฏฺ. ๕๙๖]

อยมฺปิ คาถา วิมุตฺติมคฺเคปิ อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรน ภาสิตภาเวเนว ทสฺสิตา. อูกาสิรสมูปมนฺติ ปทํ ปน อูกาสมูปมนฺติ ตตฺถ ทิสฺสติ, ตฺจ ปรมฺปรเลขกานํ ปมาทเลขมตฺตเมว สิยา.

จตูสุ สจฺเจสุ วิสุทฺธิมคฺเค วิย วจนตฺถโต ลกฺขณโต อนูนาธิกโต กมโต อนฺโตคธานํ ปเภทโต อุปมาโต จ วินิจฺฉโย ทสฺสิโต, โส จ เยภุยฺเยน วิสุทฺธิมคฺเคน [วิสุทฺธิ. ๒.๕๓๐] สมาโนเยว.

ยถา จ วิสุทฺธิมคฺเค (๒, ๒๔๒-๒๔๕) สมฺมสนาณกถายํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อตีตาทิเอกาทสวิเธน จ อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตเยน จ วิสุํ วิสุํ สมฺมสนนโย ทสฺสิโต, ตเถว ตตฺถปิ. จกฺขาทิชรามรณปริโยสาเนสุ ปน ธมฺเมสุ ธมฺมวิจารปริโยสานานํ สฏฺิยา เอว ธมฺมานํ อนิจฺจาทิลกฺขณตฺตเยน สมฺมสนนโย ตตฺถ ทสฺสิโต.

วิสุทฺธิมคฺเค ปน ทิฏฺิวิสุทฺธินิทฺเทเส (๒, ๒๓๐-๒๓๒-ปิฏฺเสุ) วุตฺตา ‘‘ยมกํ นามรูปฺจ…เป… อุโภ ภิชฺชนฺติ ปจฺจยา’’ติ คาถา จ, ‘‘น จกฺขุโต ชายเร’’ติอาทิกา ฉ คาถาโย จ, ‘‘น สเกน พเลน ชายเร’’ติอาทิกา ฉ คาถาโย จ วิมุตฺติมคฺเค ภงฺคานุปสฺสนาาณกถายํ ทสฺสิตา. ตาสุ อปฺปมตฺตโกเยว ปาเภโท ทิสฺสติ.

วิสุทฺธิมคฺเค (๒, ๒๖๑-๒-ปิฏฺเสุ) อรูปสตฺตเกสุ อริยวํสกถานเยน วุตฺโต กลาปโต จ ยมกโต จ สมฺมสนนโย วิมุตฺติมคฺเค เอตฺเถว ภงฺคานุปสฺสนาาณกถายํ ทสฺสิโต.

วิมุตฺติมคฺเค พุทฺธานุสฺสติกถายํ โลกวิทูติ ปทสฺส อตฺถวณฺณนายํ สตฺตโลกสงฺขารโลกวเสน ทฺเวเยว โลกา ทสฺสิตา, น ปน โอกาสโลโก ยถา วิสุทฺธิมคฺเค (๑, ๑๙๙-๒๐๐-ปิฏฺเสุ).

เอตฺตาวตา จ วิมุตฺติมคฺโค นาม คนฺโถ กีทิโสติ สกฺกา อนุมินิตุํ. โส ปน ยถา น มหาวิหารวาสีนํ คนฺโถ โหติ, เอวํ มหายานิกานมฺปิ น โหติเยว เถรวาทปิฏกเมว นิสฺสาย กตภาวโต. ยสฺมา ปน ตตฺถ น กิฺจิปิ สีหฬทีปิกํ นามํ วา เถรวาโท วา ทิสฺสติ, ตสฺมา โส สีหฬทีเป กตคนฺโถปิ น โหติ. อินฺทิยรฏฺิกํ ปน นามฺจ โวหาโร จ ตตฺถ พหูสุ าเนสุ ทิสฺสติ, ตสฺมา อินฺทิยรฏฺเ กตคนฺโถว ภเวยฺย. ยสฺมา จสฺส เปฏโกปเทสํ นิสฺสิตภาโว พหูสุ าเนสุ ทิสฺสติ, วิเสสโต ปน มิทฺธรูปสฺส อตฺถิภาโว จ, อรหโตปิ ตสฺส อตฺถิภาโว จ ตเมว นิสฺสาย ทสฺสียติ, ปฏิสมฺภิทามคฺคคณฺิปเท จ เปฏเกติ ปทสฺส [ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๖] อตฺถวณฺณนายํ ‘‘สุตฺตนฺตปิฏกตฺถาย อฏฺกถา เปฏกํ มหิสาสกานํ คนฺโถ’’ติ วณฺณิโต. ตสฺมา เอโส วิมุตฺติมคฺโค มหิสาสกนิกายิเกน กโต ภเวยฺยาติ อมฺหากํ มติ.

นิสฺสยฏฺกถาวิภาวนา

วิสุทฺธิมคฺโค ปน น เกวลํ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรเนว กโต, อถ โข วุจฺจมานปฺปกาเรนาปิ. ตถา หิ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร โปราณฏฺกถาหิ สมาหริตฺวา ภาสาปริวตฺตนวเสน ทสฺเสนฺโตปิ ยา ยา อตฺถวณฺณนา วา วินิจฺฉโย วา สํสยิตพฺโพ โหติ, ตตฺถ ตตฺถ วินยฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ วา (๑, ๒๖๓), วินยฏฺกถาสุ วุตฺตํ, มชฺฌิมฏฺกถาสุ ปนาติ วา (๑, ๗๐), องฺคุตฺตรภาณกาติ วา (๑, ๗๒), อฏฺกถาจริยานํ มตานุสาเรน วินิจฺฉโยติ วา (๑, ๙๙), วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺกถาสูติ วา (๑, ๑๑๘), ตํ อฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ วา (๑, ๑๓๔), ทีฆภาณกสํยุตฺตภาณกานํ มตนฺติ วา, มชฺฌิมภาณกา อิจฺฉนฺตีติ วา (๑, ๒๖๗), อฏฺกถาสุ วินิจฺฉโยติ วา, เอวํ ตาว ทีฆภาณกา, มชฺฌิมภาณกา ปนาหูติ วา (๑, ๒๗๗), องฺคุตฺตรฏฺกถายํ ปน…เป… อยํ กโม วุตฺโต, โส ปาฬิยา น สเมตีติ วา (๑, ๓๐๙), เอวํ ตาว มชฺฌิมภาณกา, สํยุตฺตภาณกา ปนาติ วา (๒, ๖๒), สํยุตฺตฏฺกถายํ วุตฺตนฺติ วา (๒, ๖๓), อฏฺกถายํ ปนาติ วา (๒, ๘๐) เอวํ ตํตํอตฺถวณฺณนาวินิจฺฉยานํ นิสฺสยมฺปิ วิภาเวตฺวา ปจฺฉิมชนานํ อุปฺปชฺชมานสํสยํ วิโนเทนฺโตเยว เต ทสฺเสสิ.

เตนิมสฺส วิสุทฺธิมคฺคสฺส กรณกาเล สพฺพาปิ สีหฬฏฺกถาโย อาจริยสฺส สนฺติเก สนฺตีติ จ, ปุพฺเพเยว ตา อาจริเยน สีหฬตฺเถรานํ สนฺติเก สุตาติ จ, ตาหิ คเหตพฺพํ สพฺพํ คเหตฺวา อยํ วิสุทฺธิมคฺโค อาจริเยน ลิขิโตติ จ อยมตฺโถ อติวิย ปากโฏ โหติ. ตสฺมา ยํ มหาวํเส –

‘‘สงฺโฆ คาถาทฺวยํ ตสฺสา’ทาสิ สามตฺถิยํ ตวา’’ติอาทินา ‘‘คาถาทฺวยเมว โอโลเกตฺวา กิฺจิปิ อฺํ โปตฺถกํ อโนโลเกตฺวา อาจริยพุทฺธโฆโส วิสุทฺธิมคฺคํ อกาสี’’ติ อธิปฺปาเยน อภิตฺถุติวจนํ วุตฺตํ, ตํ อภิตฺถุติมตฺตเมวาติ เวทิตพฺพํ.

โปราณวจนทสฺสนํ

น เกวลํ อาจริโย อฏฺกถาโยเยว นิสฺสยภาเวน ทสฺเสสิ, อถ โข ‘‘โปราณา ปนาหู’’ติอาทินา โปราณานํ วจนมฺปิ ทสฺเสสิเยว. ตเทตฺถ ทฺวาวีสติยา าเนสุ ทิฏฺํ [วิสุทฺธิ. ๑.๑๕, ๑๓๗, ๑๔๒, ๒๑๗, ๒๕๒, ๓๐๓; ๒.๕๘๑, ๖๗๕-๖๗๖, ๖๘๙, ๗๐๖, ๗๓๖, ๗๔๕, ๗๔๖, ๗๔๙,๗๕๕, ๗๗๘, ๘๓๙]. เก ปเนเต โปราณา นาม? ยาว จตุตฺถสงฺคีติกาลา สงฺคีติกาเรสุ ปริยาปนฺนา วา ตาทิสา วา มหาเถราติ เวทิตพฺพา. ตถา หิ ปฏิสมฺภิทามคฺเค (๒๙๒-๓-ปิฏฺเสุ).

‘‘โอภาเส เจว าเณ จ, ปีติยา จ วิกมฺปติ…เป…

ธมฺมุทฺธจฺจกุสโล โหติ, น จ วิกฺเขปํ คจฺฉตี’’ติ –

เอวมาคตา คาถาโย อิธ (๒๗๓-๔-ปิฏฺเสุ) โปราณานํ วจนภาเวน ทสฺสิตา. ยทิ จิมา คาถาโย สงฺคีติกาเรหิ ปกฺขิตฺตา ภเวยฺยุํ ยถา ปริวารปาฬิยํ (๓-ปิฏฺเ) อาคตา อาจริยปรมฺปราทีปิกา คาถาโย, ตา หิ สมนฺตปาสาทิกายํ (๑, ๔๖-ปิฏฺเ) โปราณวจนภาเวน ทสฺสิตา, เอวํ สติ เตเยว สงฺคีติการา โปราณาติ เวทิตพฺพา. อถ ปฏิสมฺภิทามคฺคเทสเกเนว ภาสิตา ภเวยฺยุํ, เต วิย ครุกรณียา ปจฺจยิกา สทฺธายิตพฺพกา มหาเถรา โปราณาติ เวทิตพฺพา. สมนฺตปาสาทิกาสุมงฺคลวิลาสินีอาทีสุ ‘‘โปราณา ปน เอวํ วณฺณยนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตฏฺาเนสุปิ ตาทิสาว อาจริยา โปราณาติ วุตฺตา.

วินยฏฺกถากรณํ

อาจริโย ปน อิมํ วิสุทฺธิมคฺคปกรณํ ยถาวุตฺตปฺปกาเรน กตฺวา อฺาปิ ติปิฏกฏฺกถาโย อนุกฺกเมน อกาสิ. กถํ? สมนฺตปาสาทิกํ นาม วินยฏฺกถํ พุทฺธสิริตฺเถเรน อชฺเฌสิโต มหาวิหารสฺส ทกฺขิณภาเค ปธานฆรปริเวเณ มหานิคมสฺสามิโน ปาสาเท วสนฺโต อกาสิ. สา ปเนสา สิริปาโลติ นามนฺตรสฺส มหานามรฺโ วีสติมวสฺเส (๙๗๓-พุ-ว) อารทฺธา เอกวีสติมวสฺเส (๙๗๔-พุ-ว) นิฏฺานปฺปตฺตา อโหสิ. ตฺจ ปน กโรนฺโต มหามหินฺทตฺเถเรนาภตํ สีหฬภาสาย สงฺขตํ มหาอฏฺกถํ ตสฺสา สรีรํ กตฺวา มหาปจฺจรีกุรุนฺทีสงฺเขปอนฺธกฏฺกถาหิ จ คเหตพฺพํ คเหตฺวา สีหฬทีเป ยาว วสภราชกาลา ปากฏานํ โปราณ วินยธรมหาเถรานํ วินิจฺฉยภูตํ เถรวาทมฺปิ ปกฺขิปิตฺวา อกาสิ. วุตฺตฺเหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ –

‘‘สํวณฺณนํ ตฺจ สมารภนฺโต, ตสฺสา มหาอฏฺกถํ สรีรํ;

กตฺวา มหาปจฺจริยํ ตเถว, กุรุนฺทินามาทิสุ วิสฺสุตาสุ.

วินิจฺฉโย อฏฺกถาสุ วุตฺโต, โย ยุตฺตมตฺถํ อปริจฺจชนฺโต;

ตโตปิ อนฺโตคธเถรวาทํ, สํวณฺณนํ สมฺม สมารภิสฺส’’นฺติ จ.

‘‘มหาเมฆวนุยฺยาเน, ภูมิภาเค ปติฏฺิโต;

มหาวิหาโร โย สตฺถุ, มหาโพธิวิภูสิโต.

ยํ ตสฺส ทกฺขิเณ ภาเค, ปธานฆรมุตฺตมํ;

สุจิจาริตฺตสีเลน, ภิกฺขุสงฺเฆน เสวิตํ.

อุฬารกุลสมฺภูโต, สงฺฆุปฏฺายโก สทา;

อนากุลาย สทฺธาย, ปสนฺโน รตนตฺตเย.

มหานิคมสามีติ, วิสฺสุโต ตตฺถ การยิ;

จารุปาการสฺจิตํ, ยํ ปาสาทํ มโนรมํ.

สนฺทจฺฉายตรูเปตํ, สมฺปนฺนสลิลาสยํ;

วสตา ตตฺร ปาสาเท, มหานิคมสามิโน.

สุจิสีลสมาจารํ, เถรํ พุทฺธสิริวฺหยํ;

ยา อุทฺทิสิตฺวา อารทฺธา, อิทฺธา วินยวณฺณนา.

ปาลยนฺตสฺส สกลํ, ลงฺกาทีปํ นิรพฺพุทํ;

รฺโ สิรินิวาสสฺส [สิริยา นิวาสฏฺโนภูตสฺส สิริปาลนามกสฺส รฺโ (วิมติ, อนฺติมวิฏฺเ)], สิริปาลยสสฺสิโน.

สมวีสติเม วสฺเส, ชยสํวจฺฉเร อยํ;

อารทฺธา เอกวีสมฺหิ, สมฺปตฺเต ปรินิฏฺิตา.

อุปทฺทวากุเล โลเก, นิรุปทฺทวโต อยํ;

เอกสํวจฺฉเรเนว, ยถา นิฏฺํ อุปาคตา’’ติ [ปริ. อฏฺ. นิคมนกถา] จ.

อยฺจ สมนฺตปาสาทิกา วินยฏฺกถา อธุนา มุทฺทิตฉฏฺสงฺคีติโปตฺถกวเสน สหสฺสโต อุปริ อฏฺปณฺณาสาธิกติสตมตฺตปิฏฺปริมาณา (๑๓๕๘) โหติ, ตสฺสา จ เอกสํวจฺฉเรน นิฏฺาปิตตฺตํ อุปนิธาย จตุวีสาธิกสตฺตสตมตฺตปิฏฺปริมาโณ (๗๒๔) วิสุทฺธิมคฺโคปิ อนฺตมโส ฉปฺปฺจมาเสหิ นิฏฺาปิโต ภเวยฺยาติ สกฺกา าตุํ. ตสฺมา ยํ พุทฺธโฆสุปฺปตฺติยํ มหาวํสวจนํ นิสฺสาย ‘‘วิสุทฺธิมคฺโค อาจริยพุทฺธโฆเสน เอกรตฺเตเนว ติกฺขตฺตุํ ลิขิตฺวา นิฏฺาปิโต’’ติ อภิตฺถุติวจนํ วุตฺตํ, ตํ ตกฺการกสฺส อภิตฺถุติมตฺตเมวาติ เวทิตพฺพํ.

นนุ จ อิมิสฺสํ อฏฺกถายํ ‘‘สุมงฺคลวิลาสินิย’’นฺติอาทินา วิเสสนามวเสน อาคมฏฺกถานํ อติเทโส ทิสฺสติ [ปารา. อฏฺ. ๑.๑๕], กถมิมิสฺสา ตาหิ ปมตรํ กตภาโว เวทิตพฺโพติ? อาจริยสฺส อฏฺกถาสุ อฺมฺาติเทสโต, วินยปิฏกสฺส ครุกาตพฺพตรภาวโต, มหาวิหารวาสีหิ วิเสเสน ครุกตภาวโต, สงฺคีติกฺกมานุรูปภาวโต, อิเธว ปริปุณฺณนิทานกถาปกาสนโต, นิคมเน จ ปมํ สีหฬฏฺกถาโย สุตฺวา กรณปฺปกาสนโต เปตฺวา วิสุทฺธิมคฺคํ อยเมว ปมํ กตาติ เวทิตพฺพา. วิสุทฺธิมคฺเค ปน วินยฏฺกถายนฺติ วา วินยฏฺกถาสูติ วา มชฺฌิมฏฺกถาสูติ วา เอวํ สามฺนามวเสเนว อติเทโส ทิสฺสติ, น สมนฺตปาสาทิกาทิวิเสสนามวเสน. ตสฺมาสฺส สพฺพปมํ กตภาโว ปากโฏเยว. อาคมฏฺกถานํ อิธาติเทโส [ปารา. อฏฺ. ๑.๑๕] อิมิสฺสาปิ ตตฺถาติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.๘] เอวํ อฺมฺาติเทโส ปน อาจริยสฺส มนสา สุววตฺถิตวเสน วา สกฺกา ภวิตุํ, อปุพฺพาจริมปรินิฏฺาปเนน วา. กถํ? อาจริเยน หิ วิสุทฺธิมคฺคํ สพฺพโส นิฏฺาเปตฺวา สมนฺตปาสาทิกาทึ เอเกกมฏฺกถํ กโรนฺเตเนว ยตฺถ ยตฺถ อตฺถวณฺณนา วิตฺถารโต อฺฏฺกถาสุ ปกาเสตพฺพา โหติ, ตตฺถ ตตฺถ ‘‘อิมสฺมึ นาม าเน กเถสฺสามี’’ติ มนสา สุววตฺถิตํ ววตฺถเปตฺวา ตฺจ อติทิสิตฺวา ยถาววตฺถิตานปฺปตฺตกาเล ตํ วิตฺถารโต กเถนฺเตน ตา กตา วา ภเวยฺยุํ. เอเกกิสฺสาย วา นิฏฺานาสนฺนปฺปตฺตกาเล ตํ เปตฺวา อฺฺจ อฺฺจ ตถา กตฺวา สพฺพาปิ อปุพฺพาจริมํ ปรินิฏฺาปิตา ภเวยฺยุนฺติ เอวํ ทฺวินฺนํ ปการานมฺตรวเสน อาจริยสฺสาฏฺกถาสุ อฺมฺาติเทโส โหตีติ เวทิตพฺพนฺติ.

อาคมฏฺกถากรณํ

สุมงฺคลวิลาสินึ นาม ทีฆนิกายฏฺกถํ ปน อาจริโย สุมงฺคลปริเวณวาสินา ทาานาคตฺเถเรน อายาจิโต อกาสิ. วุตฺตํ เหตเมติสฺสา นิคมเน –

‘‘อายาจิโต สุมงฺคล-ปริเวณนิวาสินา ถิรคุเณน;

ทาานาค สงฺฆ, ตฺเถเรน เถรวํสนฺวเยน.

ทีฆาคมสฺส ทสพล-คุณคณปริทีปนสฺส อฏฺกถํ;

ยํ อารภึ สุมงฺคล-วิลาสินึ นาม นาเมน.

สา หิ มหาอฏฺกถาย, สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๓. นิคมนกถา].

ปปฺจสูทนึ นาม มชฺฌิมนิกายฏฺกถํ ภทนฺตพุทฺธมิตฺตตฺเถเรน ปุพฺเพ มยูรทูตปฏฺฏเน อตฺตนา สทฺธึ วสนฺเตน อายาจิโต อกาสิ. วุตฺตํ เหตเมติสฺสา นิคมเน –

‘‘อายาจิโต สุมตินา, เถเรน ภทนฺตพุทฺธมิตฺเตน;

ปุพฺเพ มยูรทูตป,ฏฺฏนมฺหิ สทฺธึ วสนฺเตน.

ปรวาทวิธํสนสฺส, มชฺฌิมนิกายเสฏฺสฺส;

ยมหํ ปปฺจสูทนิ-มฏฺกถํ กาตุมารภึ.

สา หิ มหาอฏฺกถาย, สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา’’ติ [ม. นิ. อฏฺ. ๓. นิคมนกถา].

สารตฺถปฺปกาสินึ นาม สํยุตฺตนิกายฏฺกถํ ภทนฺตโชติปาลตฺเถเรน อายาจิโต อกาสิ. วุตฺตํ เหตเมติสฺสา นิคมเน –

‘‘เอติสฺสา กรณตฺถํ, เถเรน ภทนฺตโชติปาเลน;

สุจิสีเลน สุภาสิตสฺส ปกาสยนฺตาเณน.

สาสนวิภูติกาเมน, ยาจมาเนน มํ สุภคุเณน;

ยํ สมธิคตํ ปุฺํ, เตนาปิ ชโน สุขี ภวตู’’ติ [สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.นิคมนกถา].

มโนรถปูรณึ นาม องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถํ ภทนฺตโชติปาลตฺเถเรน ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเ กฺจิปุราทีสุ จ สีหฬทีเป มหาวิหารมฺหิ จ อตฺตนา สทฺธึ วสนฺเตน อายาจิโต, ตถา ชีวเกนาปิ อุปาสเกน ปิฏกตฺตยปารคุภูเตน วาตาหเตปิ อนิฺชมานสภาเว ทุเม วิย อนิฺชมานสทฺธมฺเม ิเตน สุมตินา ปริสุทฺธาชีเวนาภิยาจิโต อกาสิ. วุตฺตํ เหตเมติสฺสา นิคมเน –

‘‘อายาจิโต สุมตินา, เถเรน ภทนฺตโชติปาเลน;

กฺจิปุราทีสุ มยา, ปุพฺเพ สทฺธึ วสนฺเตน.

วรตมฺพปณฺณิทีเป, มหาวิหารมฺหิ วสนกาเลปิ;

วาตาหเต วิย ทุเม, อนิฺชมานมฺหิ สทฺธมฺเม.

ปารํ ปิฏกตฺตยสา,ครสฺส คนฺตฺวา ิเตน สุมตินา;

ปริสุทฺธาชีเวนา,ภิยาจิโต ชีวเกนาปิ.

ธมฺมกถานยนิปุเณหิ, ธมฺมกถิเกหิ อปริมาเณหิ;

ปริกีฬิตสฺส ปฏิป,ชฺชิตสฺส สกสมยจิตฺรสฺส.

อฏฺกถํ องฺคุตฺตร,มหานิกายสฺส กาตุมารทฺโธ;

ยมหํ จิรกาลฏฺิติ-มิจฺฉนฺโต สาสนวรสฺส.

สา หิ มหาอฏฺกถาย, สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา;

จตุนฺนวุติปริมาณาย, ปาฬิยา ภาณวาเรหิ.

สพฺพาคมสํวณฺณน, มโนรโถ ปูริโต จ เม ยสฺมา;

เอตาย มโนรถ ปูรณีติ นามํ ตโต อสฺสา’’ติ [อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๑.นิคมนกถา].

อิมา จ ปน จตสฺโส อาคมฏฺกถาโย กุรุมาโน อาจริยพุทฺธโฆโส มหามหินฺทตฺเถเรนาภตํ มูลฏฺกถาสงฺขาตํ มหาอฏฺกถํเยว ภาสาปริวตฺตนวเสน เจว ปุนปฺปุนาคตวิตฺถารกถามคฺคสฺส สํขิปนวเสน จ อกาสิ. วุตฺตฺเหตํ คนฺถารมฺเภ –

‘‘สีหฬทีปํ ปน อาภ,ตาถ วสินา มหามหินฺเทน;

ปิตา สีหฬภาสาย, ทีปวาสีนมตฺถาย.

อปเนตฺวาน ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;

ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปนฺโต วิคตโทสํ…เป…

หิตฺวา ปุนปฺปุนาคต-มตฺถํ อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ.

ตถา นิคมเนปิ –

‘‘สา หิ มหาอฏฺกถาย, สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๓.นิคมนกถา] จ;

‘‘มูลฏฺกถาสารํ, อาทาย มยา อิมํ กโรนฺเตนา’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๓.นิคมนกถา] จ.

อิมาสํ สรีรภูตปาเสุ จ สมนฺตปาสาทิกายํ วิย ‘‘มหาปจฺจริยํ, กุรุนฺทิย’’นฺติอาทินา วินิจฺฉยสํวณฺณนาเภทปฺปกาสนํ น ทิสฺสติ, ตถา อภิธมฺมฏฺกถาสุปิ. เตเนตํ ายติ ‘‘สุตฺตนฺตาภิธมฺเมสุ มหาอฏฺกถาโต อฺา มหาปจฺจริอาทินามิกา โปราณิกา สีหฬฏฺกถาโย เจว อนฺธกฏฺกถา จ นตฺถี’’ติ. ยาว วสภราชกาลา (๖๐๙-๖๕๓) ปน ปากฏานํ สีหฬิกตฺเถรานํ วินิจฺฉโย จ วาทา จ วตฺถูนิ จ เอตาสุปิ ทิสฺสนฺติเยวาติ.

อภิธมฺมฏฺกถากรณํ

อฏฺสาลินึ ปน สมฺโมหวิโนทนิฺจ ธาตุกถาทิปฺจปกรณสฺส อฏฺกถฺจาติ ติสฺโส อภิธมฺมฏฺกถาโย อตฺตนา สทิสนาเมน โสตตฺถกีคนฺถการเกน พุทฺธโฆสภิกฺขุนา อายาจิโต อกาสิ. วุตฺตฺเหตํ ตาสุ –

‘‘วิสุทฺธาจารสีเลน, นิปุณามลพุทฺธินา;

ภิกฺขุนา พุทฺธโฆเสน, สกฺกจฺจํ อภิยาจิโต’’ติ [ธ. ส. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา] จ.

‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา

อยํ อฏฺสาลินี นาม ธมฺมสงฺคหฏฺกถา’’ติ [ธ. ส. อฏฺ. นิคมนกถา] จ.

‘‘อตฺถปฺปกาสนตฺถํ, ตสฺสาหํ ยาจิโต ิตคุเณน;

ยตินา อทนฺธคตินา, สุพุทฺธินา พุทฺธโฆเสน.

ยํ อารภึ รจยิตุํ, อฏฺกถํ สุนิปุเณสุ อตฺเถสุ;

สมฺโมหวิโนทนโต, สมฺโมหวิโนทนึ นามา’’ติ [วิภ. อฏฺ. นิคมนกถา] จ.

‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา

อยํ สมฺโมหวิโนทนี นาม วิภงฺคฏฺกถา’’ติ [วิภ. อฏฺ. นิคมนกถา] จ.

อิมาสุ ปน ตีสุ ปฺจปกรณฏฺกถาย นามวิเสโส นตฺถิ อายาจโก จ น ปกาสิโต, เกวลํ อตฺตโน สทฺธาย เอว สฺโจทิเตน อาจริยพุทฺธโฆเสน สา กตา วิย ทิสฺสติ. วุตฺตฺเหตํ ตสฺสา นิคมเน –

‘‘กุสลาทิธมฺมเภทํ, นิสฺสาย นเยหิ วิวิธคณเนหิ;

วิตฺถาเรนฺโต สตฺตม-มภิธมฺมปฺปกรณํ สตฺถา.

สุวิหิตสนฺนิฏฺาโน, ปฏฺานํ นาม ยํ ปกาเสสิ;

สทฺธาย สมารทฺธา, ยา อฏฺกถา มยา ตสฺสาติ จ.

‘‘เอตฺตาวตา

สตฺตปฺปกรณํ นาโถ, อภิธมฺมมเทสยิ;

เทวาติเทโว เทวานํ, เทวโลกมฺหิ ยํ ปุเร;

ตสฺส อฏฺกถา เอสา, สกลสฺสาปิ นิฏฺิตา’’ติ [ปฏฺา. อฏฺ. ๑๙-๒๔.๑] จ.

‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา

อยํ สกลสฺสปิ อภิธมฺมปิฏกสฺส อฏฺกถา’’ติ [ปฏฺา. อฏฺ. ๑๙-๒๔.๑] จ.

เอกจฺเจ ปน อาธุนิกา เถรา ‘‘อภิธมฺมฏฺกถาโย อาจริยพุทฺธโฆเสน ยาจิโต สงฺฆปาลพุทฺธมิตฺตโชติปาลาทีนํ อฺตโร เถโร อกาสี’’ติ วทนฺติ. อยฺจ เนสํ วิจารณา, อฏฺสาลินีสมฺโมหวิโนทนีสุ ‘‘ตา พุทฺธโฆเสน ยาจิโต อกาสี’’ติ คนฺถกาเรน วุตฺตํ. เตน ายติ ‘‘ตกฺการโก อฺโ, อาจริยพุทฺธโฆโส ปน ตาสุ ยาจกปุคฺคโลเยวา’’ติ. อาคมฏฺกถาสุ จ อาจริยพุทฺธโฆเสน –

‘‘สีลกถา ธุตธมฺมา, กมฺมฏฺานานิ เจว สพฺพานิ…เป…

อิติ ปน สพฺพํ ยสฺมา, วิสุทฺธิมคฺเค มยา สุปริสุทฺธํ;

วุตฺตํ ตสฺมา ภิยฺโย, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามี’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา]

เอวํ สีลกถาทีนํ อตฺตนา เอว วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตภาโว มยาติปเทน ปกาสิโต. อฏฺสาลินิยํ ปน –

‘‘กมฺมฏฺานานิ สพฺพานิ, จริยาภิฺา วิปสฺสนา;

วิสุทฺธิมคฺเค ปนิทํ, ยสฺมา สพฺพํ ปกาสิต’’นฺติ [ธ. ส. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา]

เอวํ มยาติ กตฺตุปเทน วินา วุตฺตํ. เตนาปิ ายติ ‘‘วิสุทฺธิมคฺคการโก อฺโ, อภิธมฺมฏฺกถาการโก อฺโ’’ติ. กิฺจาปิ อภิธมฺมฏฺกถาสุ อภิยาจโก พุทฺธโฆโส ภิกฺขุนาติ จ ยตินาติ จ อิเมเหว สามฺคุณปเทหิ วุตฺโต น เถเรนาติ สคารวคุณปเทน, ตถาปิ โส ‘‘วิสุทฺธาจารสีเลน นิปุณามลพุทฺธินา’’ติ จ, ‘‘อทนฺธคตินา สุพุทฺธินา’’ติ จ อิเมหิ อธิกคุณปเทหิ โถมิตตฺตา ‘‘วิสุทฺธิมคฺคาทิการโก อาจริยพุทฺธโฆโสเยวา’’ติ สกฺกา คเหตุํ. โส หิ อุปสมฺปนฺนกาลโตเยว ปฏฺาย คนฺถโกวิโท ปริยตฺติวิสารทคุณสมฺปนฺโน, ตสฺมิฺจ กาเล อูนทสวสฺโส ภเวยฺย, ตสฺมา เถเรนาติ น วุตฺโตติ สกฺกา คเหตุนฺติ.

ตํ ปน เตสํ อติวิจารณมตฺตเมว. น หิ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร ‘‘ตสฺมึ กาเล อูนทสวสฺโส’’ติ สกฺกา คเหตุํ, วิสุทฺธิมคฺคนิคมเนปิ ‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรนา’’ติ วจนโต, น จ ‘‘วิสุทฺธาจารสีเลน, นิปุณามลพุทฺธินา’’ติ วา, ‘‘อทนฺธคตินา สุพุทฺธินา’’ติ วา เอตฺตเกเหว ทฺวีหิ ทฺวีหิ คุณปเทหิ โถมเนน สุโถมิโต โหติ, อฺทตฺถุ ‘‘นิปฺปภีกตขชฺโชโต สมุเทติ ทิวากโร’’ติ โถมนํ วิย โหติ. นนุ อาจริเยน อตฺตโน คนฺถนิคมเนสุ –

‘‘ปรมวิสุทฺธสทฺธาพทฺธิวีริยปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ติปิฏกปริยตฺติเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุสาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวน มหาเวยฺยากรเณนา’’ติอาทินา –

อตฺตโน อนุจฺฉวิกานิ คุณปทานิ ปกาสิตานิ, โสเยว จ โปราณสีหฬฏฺกถาโย สงฺขิปิตฺวา อภินวสงฺคหฏฺกถานํ อาทิกตฺตา ปุพฺพงฺคโม, อฺเ ปน อภินวฏฺกถาการา ตสฺเสว อนุวตฺติตฺวา อวเสสเมกํ วา ทฺเว วา อฏฺกถาโย อกํสุ. อภิธมฺมฏฺกถาสุ จ โย โย อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต, โส โส ยถานุปฺปตฺตฏฺาเน ตโต คเหตฺวา ตเถว วุตฺโต. วิเสสโต ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺคขนฺธายตนธาตุสจฺจวิภงฺควณฺณนาสุ ฌานกถาวณฺณนาสุ จ อยมตฺโถ อติวิย ปากโฏ, โยปิ จ ตตฺถ อปฺปโก กติปยมตฺโต วิสุทฺธิมคฺเคน วิสทิโส สํวณฺณนาเภโท ทิสฺสติ, โสปิ อาภิธมฺมิกานํ มตานุสาเรน ยถา โปราณฏฺกถายํ วุตฺโต, ตเถว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ยถา จ อฏฺสาลินิยํ สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย อติเทโส ทิสฺสติ [ธ. ส. อฏฺ. ๑ อกุสลกมฺมปถกถา], ตเถว สมนฺตปาสาทิกายมฺปิ อฏฺสาลินิยา อติเทโส ทิสฺสเตว [ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑;]. ยทิ จ อฏฺสาลินี อฺเน กตา ภเวยฺย, กถํ ตาสุ อฺมฺาติเทโส สกฺกา กาตุํ. ตสฺมา อภิธมฺมฏฺกถาสุ อภิยาจโก พุทฺธโฆโส อาจริเยน สมานนาโม จูฬพุทฺธโฆโสติ ยาวชฺชตนา อาจริยปรมฺปราย คหิโต โสตตฺถกีคนฺถการโก อฺโเยว, น อาจริยมหาพุทฺธโฆสตฺเถโร. เตเนว ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขุนา’’ติ จ ‘‘ยตินา’’ติ จ.

ยทิ ปน เอตฺตเกน นิฏฺํ น คจฺเฉยฺย, เอวมฺปิ วิจาเรตพฺพํ – กินฺนุ โข สงฺฆปาลาทโย เถรา วิสุทฺธิมคฺคาทีนํ กรณตฺถาย อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรํ อายาจมานา อตฺตนา สมตฺถตโรติ สทฺทหนฺตา อายาจนฺติ อุทาหุ อสทฺทหนฺตาติ? สทฺทหนฺตาเยว อายาจนฺตีติ ปากโฏเยวายมตฺโถ. ตถา จ สติ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร สยํ อฺเหิ สมตฺถตโรว สมาโน กสฺมา อฺํ อายาเจยฺย. น หิ สทฺธาสมฺปนฺนสฺส ถามสมฺปนฺนสฺส โยพฺพนสมฺปนฺนสฺส อาจริยสฺส สุนฺทรตรํ อภิธมฺมฏฺกถํ กาตุํ ภาริยํ ภวิสฺสติ. อภิธมฺมฏฺกถาสุ จ วุตฺตวจนานิ วิสุทฺธิมคฺคอาคมฏฺกถาสุ วุตฺตสํวณฺณนาวจเนหิ เอกาการาเนว โหนฺติ. ยทิ จ อภิธมฺมฏฺกถํ อฺโ กเรยฺย, กถมปิ ตาหิ วจนาการสฺส วิสทิสตา ภเวยฺย เอว. เอตาสํ นิคมเน จ ทสฺสิเตน ‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา’’ติ วจเนน ‘‘อาจริยพุทฺธโฆเสน กตา’’ตฺเวว ปากฏา โหนฺติ, น อฺเนาติ. เยปิ ‘‘อฺเน กตา’’ติ วทนฺติ, เตปิ ‘‘อิมินา นาม เถเรนา’’ติ เอกํสโต ทสฺเสตุํ น สกฺโกนฺติ, ตถา ทสฺเสตุฺจ เลสมตฺตมฺปิ สาธกวจนํ น ทิสฺสติ. ตสฺมา อภิธมฺมฏฺกถาโยปิ อิทานิ อาจริเยหิ จูฬพุทฺธโฆโสติ โวหริเตน พุทฺธโฆเสน นาม ภิกฺขุนายาจิโต วิสุทฺธิมคฺควินยาคมฏฺกถานํ การโก อาจริยมหาพุทฺธโฆสตฺเถโรเยว อกาสีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ.

ยํ ปน มหาวํเส ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส สีหฬทีปาคมนโต ปุพฺเพ ชมฺพุทีเป วสนกาเลเยว อฏฺสาลินึ อกาสี’’ติ อธิปฺปาเยน –

๒๒๕. ‘‘ธมฺมสงฺคณิยากาสิ, กจฺฉํ โส อฏฺสาลินิ’’นฺติ –

วุตฺตํ, ตํ อิทานิ ทิสฺสมานาย อฏฺสาลินิยา น สเมติ. ตตฺถ หิ คนฺถารมฺเภเยว วิสุทฺธิมคฺคํ อติทิสิตฺวา ปจฺฉาปิ โส จ, สมนฺตปาสาทิกา จ พหูสุ าเนสุ อติทิสียนฺติ. ตสฺมา ตสฺสา อาจริเยน สีหฬทีปํ ปตฺวา วิสุทฺธิมคฺคฺเจว สมนฺตปาสาทิกฺจ กตฺวา ปจฺฉาเยว กตภาโว อติวิย ปากโฏติ.

กงฺขาวิตรณีอฏฺกถากรณํ

กงฺขาวิตรณึ นาม ปาติโมกฺขฏฺกถํ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร โสณตฺเถเรน ยาจิโต มหาวิหารวาสีนํ วาจนามคฺคนิสฺสิตํ สีหฬปาติโมกฺขฏฺกถานยํ นิสฺสาย เอกมฺปิ ปทํ ปาฬิยา วา มหาวิหารวาสีนํ โปราณฏฺกถาหิ วา อวิโรเธตฺวา อกาสิ. เตน วุตฺตํ ติสฺสํ อฏฺกถายํ –

‘‘สูรเตน นิวาเตน, สุจิสลฺเลขวุตฺตินา;

วินยาจารยุตฺเตน, โสณตฺเถเรน ยาจิโต.

ตตฺถ สฺชาตกงฺขานํ, ภิกฺขูนํ ตสฺส วณฺณนํ;

กงฺขาวิตรณตฺถาย, ปริปุณฺณวินิจฺฉยํ.

มหาวิหารวาสีนํ, วาจนามคฺคนิสฺสิตํ;

วตฺตยิสฺสามิ นาเมน, กงฺขาวิตรณึ สุภ’’นฺติ [กงฺขา อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา] จ.

‘‘อารภึ ยมหํ สพฺพํ, สีหฬฏฺกถานยํ;

มหาวิหารวาสีนํ, วาจนามคฺคนิสฺสิตํ.

นิสฺสาย สา อยํ นิฏฺํ, คตา อาทาย สพฺพโส;

สพฺพํ อฏฺกถาสารํ, ปาฬิยตฺถฺจ เกวลํ.

น เหตฺถ ตํ ปทํ อตฺถิ, ยํ วิรุชฺเฌยฺย ปาฬิยา;

มหาวิหารวาสีนํ, โปราณฏฺกถาหิ วา’’ติ [กงฺขา. อฏฺ. นิคมนกถา] จ.

ธมฺมปทฏฺกถากรณํ

อปราปิ ติสฺโส อฏฺกถาโย สนฺติ ขุทฺทกปาฏฺกถา ธมฺมปทฏฺกถา สุตฺตนิปาตฏฺกถา จาติ, ยา ตาสุ ทิสฺสมานนิคมนวเสน อาจริยพุทฺธโฆเสเนว กตาติ ปฺายนฺติ. ตตฺถ ปน วุตฺตวจนานิ กานิจิ กานิจิ อาคมฏฺกถาสุ วุตฺตากาเรน น โหนฺติ. ตสฺมา เอเก วทนฺติ ‘‘เนตา อาจริยพุทฺธโฆสสฺสา’’ติ. เอกจฺเจ ปน ‘‘อาจริยสฺส อุปถมฺภกตฺเถเรหิ ปมํ กตา, ปจฺฉา อาจริเยน โอสานโสธนวเสน ปริโยสาปิตา วา ภเวยฺยุํ, อภิธมฺมฏฺกถํ อายาจนฺเตน จูฬพุทฺธโฆเสน วา กตา ภเวยฺยุ’’นฺติ วทนฺติ.

ตํ ตถา วา โหตุ อฺถา วา, อิทานิ เอกนฺตโต วินิจฺฉินิตุํ น สุกรเมว. ตสฺมา ตาสํ นิคมนวจนวเสเนว เอตฺถ ปกาสยิสฺสาม. ตาสุ หิ ธมฺมปทฏฺกถํ กุมารกสฺสปตฺเถเรน อายาจิโต สิริกูฏสฺส (สิริกุฑฺฑสฺส) รฺโ ปาสาเท วิหรนฺโต ปรมฺปราภตํ สีหฬภาสาย สณฺิตํ โปราณฏฺกถํ ปาฬิภาสาย อาโรเปตฺวา วิตฺถารคตฺจ วจนกฺกมํ สมาเสตฺวา คาถาสุ อสํวณฺณิตปทพฺยฺชนานิ สํวณฺเณตฺวา อกาสิ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ คนฺถารมฺเภ –

‘‘ปรมฺปราภตา ตสฺส, นิปุณา อตฺถวณฺณนา;

ยา ตมฺพปณฺณิทีปมฺหิ, ทีปภาสาย สณฺิตา…เป…

กุมารกสฺสเปนาหํ, เถเรน ถิรเจตสา;

สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน, สกฺกจฺจํ อภิยาจิโต…เป…

ตํ ภาสํ อติวิตฺถาร, คตฺจ วจนกฺกมํ;

ปหายาโรปยิตฺวาน, ตนฺติภาสํ มโนรมํ.

คาถานํ พฺยฺชนปทํ, ยํ ตตฺถ น วิภาวิตํ;

เกวลํ ตํ วิภาเวตฺวา, เสสํ ตเมว อตฺถโต.

ภาสนฺตเรน ภาสิสฺส’’นฺติ [ธ. ป. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา]

นิคมเน จ วุตฺตํ –

‘‘วิหาเร อธิราเชน, การิตมฺหิ กตฺุนา;

ปาสาเท สิริกูฏสฺส, รฺโ วิหรตา มยา’’ติ [ธ. ป. อฏฺ. ๒.นิคมนกถา].

เอตฺถ จ สิริกูโฏ นาม สมนฺตปาสาทิกานิคมเน สิริปาโลติ วุตฺโต มหานาโมเยว ราชาติ วทนฺติ. เอวํ สติ มเหสิยา อานยนํ สมาทาปนมารพฺภ เตน รฺา ทินฺเน ธูมรกฺขปพฺพตวิหาเร วสนฺเตน สา กตาติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ มหาวํเส –

๓๗-๒๑๒.

‘‘โลหทฺวาร-รลคฺคาม-โกฏิปสฺสาวนวฺหเย;

ตโย วิหาเร กาเรตฺวา, ภิกฺขูนํ อภยุตฺตเร.

๒๑๓.

วิหารํ การยิตฺวาน, ธูมรกฺขมฺหิ ปพฺพเต;

มเหสิยา’นเยนา’ทา, ภิกฺขูนํ เถรวาทิน’’นฺติ.

ตสฺส ปน รฺโ กาเล สา นิฏฺาปิตาติ น สกฺกา คเหตุํ. ตสฺส หิ รฺโ เอกวีสติมวสฺเส สมนฺตปาสาทิกํ นิฏฺาเปสิ. โส จ ราชา ทฺวาวีสติมวสฺเส ทิวงฺคโต. เอตฺถนฺตเร สาธิกเอกวสฺเสน ‘‘จตสฺโส จ อาคมฏฺกถาโย ติสฺโส จ อภิธมฺมฏฺกถาโย อยฺจ ธมฺมปทฏฺกถา’’ติ สพฺพา เอตา น สกฺกา นิฏฺาเปตุนฺติ.

ปรมตฺถโชติกาฏฺกถากรณํ

ปรมตฺถโชติกํ นาม ขุทฺทกปาสฺส เจว สุตฺตนิปาตสฺส จ อฏฺกถํ เกนจิปิ อนายาจิโต อตฺตโน อิจฺฉาวเสเนว อกาสิ. วุตฺตฺเหตํ ขุทฺทกปาฏฺกถาย คนฺถารมฺเภ –

‘‘อุตฺตมํ วนฺทเนยฺยานํ, วนฺทิตฺวา รตนตฺตยํ;

ขุทฺทกานํ กริสฺสามิ, เกสฺจิ อตฺถวณฺณนํ.

ขุทฺทกานํ คมฺภีรตฺตา, กิฺจาปิ อติทุกฺกรา;

วณฺณนา มาทิเสเนสา, อโพธนฺเตน สาสนํ.

อชฺชาปิ ตุ อพฺโภจฺฉินฺโน, ปุพฺพาจริยนิจฺฉโย;

ตเถว จ ิตํ ยสฺมา, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ.

ตสฺมาหํ กาตุมิจฺฉามิ, อตฺถสํวณฺณนํ อิมํ;

สาสนฺเจว นิสฺสาย, โปราณฺจ วินิจฺฉยํ.

สทฺธมฺมพหุมาเนน, นาตฺตุกฺกํสนกมฺยตา;

นาฺเสํ วมฺภนตฺถาย, ตํ สุณาถ สมาหิตา’’ติ.

พหู ปน วิจกฺขณา อิมา อารมฺภคาถาโย วิจินิตฺวา ‘‘เนตํ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส วิย วจนํ โหตี’’ติ วทนฺติ. อยฺจ เนสํ วิจินนากาโร, อาจริยพุทฺธโฆโส หิ ยํ กฺจิ คนฺถํ สีลาทิคุณสมฺปนฺเนน อฺเน อายาจิโตว กโรติ, อิธ ปน โกจิปิ อายาจโก นตฺถิ. ปุนปิ อาจริโย ‘‘โปราณสีหฬฏฺกถํ ภาสาปริวตฺตนวเสน กริสฺสามี’’ติ จ ‘‘มหาวิหารวาสีนํ วาจนามคฺคํ นิสฺสาย กริสฺสามี’’ติ จ เอวํ ปฏิฺํ กตฺวาว กโรติ, อิธ ปน ตาทิสีปิ ปฏิฺา นตฺถิ. ปุนปิ อาจริโย อติคมฺภีรตฺถานํ จตุนฺนฺจาคมานํ อภิธมฺมสฺส จ สํวณฺณนารมฺเภปิ ทุกฺกรภาวํ น กเถติ, อิธ ปน ‘‘สาสนํ อโพธนฺเตน มาทิเสนา’’ติ อตฺตนา สาสนสฺส อพุทฺธภาวํ ปกาเสตฺวา ‘‘อติทุกฺกรา’’ติ จ กเถติ. ตสฺมา ‘‘เนตํ อาจริยพุทฺธโฆสสฺส วิย วจน’’นฺติ วทนฺติ. ตํ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, อาจริโย หิ อตฺตโน คนฺถนิคมเนสุ ‘‘ติปิฏกปริยตฺติปฺปเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุสาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวนา’’ติ อตฺตโน าณปฺปภาวํ ปกาเสสิ, โส ‘‘สาสนํ อโพธนฺเตน มาทิเสน อติทุกฺกรา’’ติ อีทิสํ วจนํ น กเถยฺยเยวาติ.

ชาตกฏฺกถากรณํ

ชาตกฏฺกถาปิ จ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถเรเนว กตาติ วทนฺติ, การณํ ปเนตฺถ น ทิสฺสติ. สา ปน อตฺถทสฺสิตฺเถเรนพุทฺธมิตฺตตฺเถเรนมหิสาสกนิกายิเกนพุทฺธเทวตฺเถเรนาติ ตีหิ เถเรหิ อภิยาจิโต มหาวิหารวาสีนํ วาจนามคฺคํ นิสฺสาย กตา. อิมิสฺสาปิ นามวิเสโส นตฺถิ. วุตฺตํ หิมิสฺสา อารมฺเภ –

‘‘พุทฺธวํสสฺส เอตสฺส, อิจฺฉนฺเตน จิรฏฺิตึ;

ยาจิโต อภิคนฺตฺวาน, เถเรน อตฺถทสฺสินา.

อสํสฏฺวิหาเรน, สทา สุทฺธวิหารินา;

ตเถว พุทฺธมิตฺเตน, สนฺตจิตฺเตน วิฺุนา.

มหิสาสกวํสมฺหิ, สมฺภูเตน นยฺุนา;

พุทฺธเทเวน จ ตถา, ภิกฺขุนา สุทฺธพุทฺธินา.

มหาปุริสจริยานํ, อานุภาวํ อจินฺติยํ;

ตสฺส วิชฺโชตยนฺตสฺส, ชาตกสฺสตฺถวณฺณนํ.

มหาวิหารวาสีนํ, วาจนามคฺคนิสฺสิตํ;

ภาสิสฺสํ ภาสโต ตํ เม, สาธุ คณฺหนฺตุ สาธโว’’ติ.

เอตฺตาวตา จ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส คนฺถภาเวน ปากฏาหิ สพฺพฏฺกถาหิ สห วิสุทฺธิมคฺคสฺส กรณปฺปกาโร วิตฺถาเรน วิภาวิโต โหติ.

สกลโลกปตฺถารการณํ

กิสฺเสส วิสุทฺธิมคฺโค สกลโลเก ปตฺถโฏติ? ปริสุทฺธปิฏกปาฬินิสฺสยภาวโต, สิกฺขตฺตยสงฺคหภาวโต, โปราณฏฺกถานํ ภาสาปริวตฺตนภาวโต, ปรสมยวิวชฺชนโต, สกสมยวิสุทฺธิโต, สีลธุตงฺคสมถอภิฺาปฺาปเภทาทีนํ ปริปุณฺณวิภาคโต, ยาว อรหตฺตา ปฏิปตฺตินยปริทีปนโต, อุตฺตานานากุลปทพฺยฺชนสงฺขตภาวโต, สุวิฺเยฺยตฺถภาวโต, ปสาทนียานํ ทิฏฺานุคตาปาทนสมตฺถานํ วตฺถูนฺจ ทีปนโตติ เอวมาทีหิ อเนกสเตหิ คุเณหิ เอส สกลโลเก ปตฺถโฏ ชาโต.

อยฺหิ วิสุทฺธิมคฺโค สงฺคีติตฺตยารูฬฺหปริสุทฺธปาฬิปิฏกเมว นิสฺสาย ปวตฺโต, น มหาสงฺฆิกาทีนํ สตฺตรสนฺนํ นิกายานํ ปิฏกํ, นปิ มหายานิกานํ ปิฏกํ. สปริวารํ สิกฺขตฺตยฺจ เอตฺถ ปริปุณฺณเมว สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตํ. วุตฺตฺเหตํ อาจริเยน อาคมฏฺกถาสุ คนฺถารมฺเภ –

‘‘สีลกตา ธุตธมฺมา, กมฺมฏฺานานิ เจว สพฺพานิ;

จริยาวิธานสหิโต, ฌานสมาปตฺติวิตฺถาโร.

สพฺพา จ อภิฺาโย, ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย เจว;

ขนฺธาธาตายตนิ,นฺทฺริยานิ อริยานิ เจว จตฺตาริ.

สจฺจานิ ปจฺจยาการ,เทสนา สุปริสุทฺธนิปุณนยา;

อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา, วิปสฺสนาภาวนา เจว.

อิติ ปน สพฺพํ ยสฺมา, วิสุทฺธิมคฺเค มยา สุปริสุทฺธํ;

วุตฺตํ ตสฺมา ภิยฺโย, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามี’’ติ.

ยสฺมา ปน วิสุทฺธิมคฺโค จตุนฺนํ อาคมฏฺกถานํ อวยวภาเวน กโต, ตสฺมา ตา วิย โปราณสีหฬฏฺกถานํ ภาสาปริวตฺตนวเสน เจว ปุนปฺปุนาคตมตฺถานํ สํขิปนวเสน จ ปรสมยวิวชฺชนวเสน จ มหาวิหารวาสีนํ ปริสุทฺธวินิจฺฉยสงฺขาตสฺส สกสมยสฺส ทีปนวเสน จ กโต. วุตฺตฺเหตํ อาจริเยน –

‘‘อปเนตฺวาน ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;

ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปนฺโต วิคตโทสํ.

สมยํ อวิโลเมนฺโต, เถรานํ เถรวํสปทีปานํ;

สุนิปุณวินิจฺฉยานํ, มหาวิหาเร นิวาสีนํ;

หิตฺวา ปุนปฺปุนาคต-มตฺถํ อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา] จ.

‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค, เอส จตุนฺนมฺปิ อาคมานฺหิ;

ตฺวา ปกาสยิสฺสติ, ตตฺถ ยถาภาสิตมตฺถํ.

อิจฺเจว กโต ตสฺมา, ตมฺปิ คเหตฺวาน สทฺธิเมตาย;

อฏฺกถาย วิชานถ, ทีฆาคมนิสฺสิตํ อตฺถ’’นฺติ [ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา] จ.

‘‘สา หิ มหาอฏฺกถาย, สารมาทาย นิฏฺิตา เอสา;

เอกาสีติปมาณาย, ปาฬิยา ภาณวาเรหิ.

เอกูนสฏฺิมตฺโต, วิสุทฺธิมคฺโคปิ ภาณวาเรหิ;

อตฺถปฺปกาสนตฺถาย, อาคมานํ กโต ยสฺมา.

ตสฺมา เตน สหายํ, อฏฺกถา ภาณวารคณนาย;

สุปริมิตปริจฺฉินฺนํ, จตฺตาลีสํ สตํ โหตี’’ติ [ที. นิ. อฏฺ. ๓.นิคมนกถา] จ.

ยทิ จายํ วิสุทฺธิมคฺโค อาจริเยน อาคมฏฺกถาโย วิย อกตฺวา โปราณสีหฬฏฺกถาโย จ อโนโลเกตฺวา เกวลํ อตฺตโน าณปฺปภาเวเนว กโต อสฺส, นายํ อาคมฏฺกถานํ อวยโวติ คเหตพฺโพ อสฺส, อฺทตฺถุ ‘‘อาคมฏฺกถาโย มหาฏฺกถาย สารภูตา, วิสุทฺธิมคฺโค ปน น ตสฺสา สารภูโต, เกวลํ อาจริยสฺส มติยาว กโต’’ติ เอวเมว วตฺตพฺโพ อสฺส. ยสฺมา ปน ตถา อกตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรเนว กโต, ตสฺมา อยมฺปิ วิสุทฺธิมคฺโค ตาสํ อาคมฏฺกถานํ กรณากาเรเนว กโตติ จ, ตโตเยว มหาฏฺกถาย สารภูโตติ จ ทฏฺพฺโพ.

เอกจฺเจ ปน วิจกฺขณา อาจริยพุทฺธโฆสสฺส คนฺเถสุ อุตฺตรปกฺขสาสนิกานํ อสฺสโฆสนาคชฺชุนวสุพนฺธุอาทีนํ ภิกฺขูนํ วิย โปราณคนฺเถ อนิสฺสาย อตฺตโน าเณเนว ตกฺเกตฺวา ทสฺสิตํ ธมฺมกถาวิเสสํ อทิสฺวา อสนฺตุฏฺจิตฺตา เอวํ วทนฺติ ‘‘พุทฺธโฆสสฺส อฺํ อนิสฺสาย อตฺตโน าณปฺปภาเวเนว อภินวคนฺถุปฺปาทนํ น ปสฺสามา’’ติ. ตํ เตสํ ครหาวจนมฺปิ สมานํ เถรวาทีนํ ปสํสาวจนเมว สมฺปชฺชติ. เถรวาทิโน หิ เอวํ ชานนฺติ ‘‘พุทฺเธเนว ภควตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทเสตพฺโพ เจว ธมฺโม ปฺาเปตพฺโพ จ วินโย อนวเสเสน เทสิโต เจว ปฺตฺโต จ, โสเยว ธมฺมวินโย สทฺธาสมฺปนฺเนหิ ภิกฺขูหิ เจว คหฏฺเหิ จ ยถารหํ ปฏิปชฺชิตพฺโพ, น ตโต อฺโ ธมฺมวินโย ตกฺเกตฺวา คเวเสตพฺโพ. ยทิ ปน อฺโ ธมฺมวินโย เกนจิ ตกฺเกตฺวา กถิโต อสฺส, ตํ ตสฺเสว ตกฺกิโน สาสนํ โหติ น สตฺถุ สาสนํ. ยํ ยํ ปน ภควโต ธมฺมวินเย ปทพฺยฺชนํ อตฺถโต อปากฏํ โหติ, ตตฺถ ตตฺถ โปราณเกหิ ปฏิสมฺภิทาฉฬภิฺาทิคุณสมฺปนฺเนหิ ภควโต อธิปฺปายํ ชานนฺเตหิ อฏฺกถาจริเยหิ สํวณฺณิตนเยน อตฺโถ คเหตพฺโพ, น อตฺตโนมติวเสนา’’ติ. อาจริยพุทฺธโฆโส จ เตสํ เถรวาทีนํ อฺตโร, โสปิ ตเถว ชานาติ. วุตฺตฺเจตํ อาจริเยน –

‘‘พุทฺเธน ธมฺโม วินโย จ วุตฺโต,

โย ตสฺส ปุตฺเตหิ ตเถว าโต;

โส เยหิ เตสํ มติมจฺจชนฺตา,

ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสุ.

ตสฺมา หิ ยํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ,

ตํ วชฺชยิตฺวาน ปมาทเลขํ;

สพฺพมฺปิ สิกฺขาสุ สคารวานํ,

ยสฺมา ปมาณํ อิธ ปณฺฑิตานํ.

ตโต จ ภาสนฺตรเมว หิตฺวา,

วิตฺถารมคฺคฺจ สมาสยิตฺวา…เป…

ยสฺมา อยํ เหสฺสติ วณฺณนาปิ,

สกฺกจฺจ ตสฺมา อนุสิกฺขิตพฺพา’’ติ [ปารา. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา].

เตเนว อาจริโย ภควโต ธมฺมวินยํ วา โปราณฏฺกถํ วา อนิสฺสาย อตฺตโน าเณน ตกฺเกตฺวา วา อตฺตนา ปริจิตโลกิยคนฺเถหิ คเหตฺวา วา น กฺจิ คนฺถํ อกาสิ. ยทิ ปน ตาทิสํ กเรยฺย, ตํ เถรวาทิโน มหาปเทสสุตฺเต [ที. นิ. ๒.๑๘๘; อ. นิ. ๔.๑๘๐] วุตฺตนเยน ‘‘อทฺธา อิทํ น เจว ตสฺส ภควโต วจนํ, พุทฺธโฆสสฺส จ เถรสฺส ทุคฺคหิต’’นฺติ ฉฑฺเฑยฺยุํเยว. ยโต จ โข อยํ วิสุทฺธิมคฺโค โปราณฏฺกถานํ ภาสาปริวตฺตนาทิวเสเนว อาจริเยน กโต, ตโตเยว เถรวาทิโน ตํ มหาปเทสสุตฺเต วุตฺตนเยน ‘‘อทฺธา อิทํ ตสฺส ภควโต วจนํ, อาจริยพุทฺธโฆสสฺส จ เถรสฺส สุคฺคหิต’’นฺติ สมฺปฏิจฺฉนฺติ. เตนาปายํ สกลโลเก ปตฺถโฏ โหติ.

สีลธุตงฺคาทีนํ วิภาโค จ ปฏิปตฺตินยปริทีปนฺจ ปากฏเมว. ตถายํ วิสุทฺธิมคฺโค สุวิฺเยฺยปทวากฺเยหิ เจว อนากุลปทวากฺเยหิ จ ตนฺตินยานุรูปาย ปาฬิคติยา สุฏฺุ สงฺขโต, ตโตเยว จสฺส อตฺโถปิ สุวิฺเยฺโย โหติ. ตสฺมา ตํ โอโลเกนฺตา วิฺุโน วิสุทฺธชฺฌาสยา ขเณ ขเณ อตฺถปฏิสํเวทิโน เจว ธมฺมปฏิสํเวทิโน จ หุตฺวา อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺติ.

อเนกานิ เจตฺถ ปสาทาวหานิ มหาติสฺสตฺเถรวตฺถุอาทีนิ [วิสุทฺธิ. ๑.๑๕] สีหฬวตฺถูนิ จ ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุอาทีนิ [วิสุทฺธิ. ๑.๑๙] ชมฺพุทีปวตฺถูนิ จ ทีปิตานิ. ตานิ ปสฺสิตฺวา อนุสฺสรนฺตานํ สปฺปุริสานํ พลวปสาโท จ อุปฺปชฺชติ, ‘‘กทา นุ โข มยมฺปิ อีทิสา ภวิสฺสามา’’ติ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชิตุกามตา จ อุปฺปชฺชติ.

เอวํ ปริสุทฺธปิฏกปาฬินิสฺสยตาทีหิ อเนกสเตหิ คุเณหิ อยํ วิสุทฺธิมคฺโค สกลโลเก ปตฺถโฏ ชาโตติ เวทิตพฺโพ. ยถา จายํ วิสุทฺธิมคฺโค, เอวํ อฺาปิ อาจริเยน กตา ติปิฏกสงฺคหฏฺกถาโย โปราณฏฺกถานํ ภาสาปริวตฺตนภาวาทีหิ คุเณหิ สกลโลเก ปตฺถฏาเยว โหนฺติ.

เอตฺตาวตา จ ปน กิมตฺถํ กโตติอาทีนมฺปิ ปฺหานมตฺโถ วิตฺถาเรน วิภาวิโตว โหตีติ.

ตตฺเถตํ วุจฺจติ –

.

สมฺภาวนียสฺส สุธีวราน-

มาทตฺตธีริฏฺปทสฺส ยสฺส;

ปฺาทิชาตา ลลิตา คุณาภา,

ภาเตว โลกมฺหิ สตํ มุทาย.

.

พุทฺธโฆสาวฺหถิรคฺคธีมา,

วิทูน’มจฺจนฺตสมาทรา’ทา;

สภาวชํ พฺยตฺติสสตฺติลทฺธํ,

สิรึ ทธาเตว สุพุทฺธโฆโส.

.

‘‘สมฺพุทฺธเสฏฺเ ปรินิพฺพุตสฺมึ,

สํวจฺฉรานํ ทสเม สตมฺหิ;

ชาโต’’ติ าโต วิพุเธหิ พุทฺธ-

โฆสงฺกุโร ปตฺตสมตฺตมานี.

.

วิฺู วิทู’มสฺส ปุมคฺคชาเต,

สฺชาตตํ ทกฺขิณเทสภาเค;

รมฺเม’นฺทิยสฺมึ สุชนากรสฺมึ,

ตตฺตตฺถเมสีน’มยํ ปตีติ.

.

โมรณฺฑคามมฺหิ ส ตตฺถ ชาโต,

ปุฺานิโต วิปฺปกุลมฺหิ สมฺมา;

สูรสฺส โลกตฺถสมาวหตฺถํ,

อุปฺปชฺชนายา’ทฺยรุโณว รํสิ.

.

สํวทฺธพุทฺธี ส ปวุทฺธิปตฺโต,

อาราธยํ าติคณํ สเทว;

เวเทสุ วิชฺชาสุ ตทฺสิปฺป-

คนฺเถสฺวนายาสปวีณตา’คา.

.

สุทฺธาธิมุตฺตีน วิเวจเนน,

สารานุ’สาโรติ วิวิฺจมาโน;

เวเทสฺว’สารตฺต’มพุชฺฌิ ยสฺมา,

ตุฏฺึ ส นาปชฺชิ สุเตน เสน.

.

อนฺเวสโต ตสฺส ปสตฺถสารํ,

สทฺธมฺมสาโร สวเนน ลทฺโธ;

นินฺโนว พุทฺธสฺส ส สาสนมฺหิ,

อุสฺสาหชาโต’ปคมาย ตตฺถ.

.

ธมฺมาภิลาสี ส วิโรจิ ตตฺถ,

สํลทฺธปพฺพชฺชุปสมฺปโทว;

เถเร’ปสงฺกมฺม วิสุทฺธเถร-

วาทีนิกายมฺหิ ปตีตปฺเ.

๑๐.

ตทา หิ’สุํ ทกฺขิณอินฺทิยมฺหิ,

นิวาสิโน เถริยวํสชาตา;

ตทฺวาที จ มุนี มุนินฺท-

มตํ ยถาลทฺธิ ปกาสยนฺตา.

๑๑.

สทฺธมฺมสาราธิคมาย ภิยฺโย,

ปาฬึ สมุคฺคณฺหิ ชิเนริตํ, สา;

ชิวฺหคฺคลีลา มนสา’สิตา’สฺส,

ลกฺขีว ปุฺเ นิวสํ พภาส.

๑๒.

เอวํ ตมุคฺคณฺห’มโพธิ สมฺมา,

‘‘เอกายโนยํ สุวิสุทฺธิยาติ;

มคฺโค วิวฏฺฏาธิคมาย’’ ตตฺโถ-

ยฺโยคํ สมาปชฺชิ ปรํ ปรตฺตี.

๑๓.

สภาวปฺา มหตี จ สตฺถ-

นฺตโรปลทฺธา วิปุลาว วิชฺชา;

เตนสฺส พุทฺโธตฺติสมุทฺทติณฺเณ,

อกิจฺฉสาธิตฺตปภาว’มฺา.

๑๔.

พุทฺธสฺส กิตฺตีว สุกิตฺติโฆโส,

วตฺติสฺสเต’จฺจสฺส ครู วิยตฺตา;

อตฺถานฺวิตํ นามมกํสุ พุทฺธ-

โฆโสติ สมฺพุทฺธมตงฺคตสฺส.

๑๕.

มยูรทูตวฺหยปฏฺฏนสฺมึ,

นิวสฺส กฺชีวฺหปุราทิเก จ;

อนฺธกาขฺยาตสเทสิยฏฺ-

กถํ สมุคฺคณฺหิ สมาหิตตฺโต.

๑๖.

ตาวตฺตเกนสฺส สุเมธสสฺสา-

สนฺตุฏฺจิตฺตสฺส ตตุตฺตริมฺปิ;

สมฺพุทฺธวาณีสุ สมตฺตมตฺถํ,

อฺาตุมิจฺฉา มหตี อชายิ.

๑๗.

มหามหินฺทาทิวสีวเรภิ,

สมาภตา ยาฏฺกถา สสารา;

สเถรวาทา สุวินิจฺฉยา จ,

ตทา วิภาตา วต ลงฺกยา’สุํ.

๑๘.

ปวตฺติเมตํ วิทิย’สฺส เมต-

ทโหสิ ‘‘ยํ นูน’ภิรามลงฺกํ;

อลงฺกโรนฺตึ รตนากรํว,

อุเปจฺจ สิกฺเข’ฏฺกถา มหนฺตี.

๑๙.

ตา ภาสยา สีหฬิกาย รจฺจา,

ตนฺตึ สมาโรปฺย นวํ กเรยฺยํ;

เอวฺหิ เทสนฺตริยาน พุทฺธ-

มานีนมตฺถํ ขลุ สาธเย’’ติ.

๒๐.

ปุเร จ ลงฺกาคตสาสนํ ยํ,

สุนิมฺมลินฺทูว หิมาทิมุตฺโต;

ปภาสิ, กิสฺมิฺจิ ตทาฺวาท-

มนากุลํ ตา’กุลตํ ชคาม.

๒๑.

ชินมฺหิ นิพฺพานคเต หิ วสฺส-

สตนฺตเร สาสนิกา สมคฺคา;

สมานวาทา ชินสาสนมฺหิ,

น โกจิ เภโทปิ ตทา อโหสิ.

๒๒.

ปจฺฉา จ สทฺธมฺมทุมาหเตภฺย-

ธมฺเมหิ วาเตหิ ปฏิจฺจ ปาเป;

ชาเตหิ สํวิคฺคมนา สมาย,

เถเร’ส’มุยฺโยคมกํสุ ทฬฺหํ.

๒๓.

สงฺคีติโย กจฺจ สุเปสเลหิ,

นิคฺคยฺหมานาปิ ถิเรหิ ทฬฺหํ;

ฉินฺนาปิ รุกฺขา’สฺสุ ปุโนรุหาวา-

กาสุํว ธมฺมํ วินยา’ฺถา เต.

๒๔.

นานาคณา เต จ อเนกวาทา,

สํสคฺคการา ชินสาสเน’สุํ;

วาเทภิ อฺเหิ ชิเนริเตภฺย-

สุทฺธายมานา วินยฺจ ธมฺมํ.

๒๕.

วาทา จ วาที ปิฏกานิ เตสํ,

ลงฺกํ มลงฺกํว กรํ’ปยาตา;

ปฏิคฺคเหสุํ ปฺยภยาทิวาสี,

นาฺเ มหาขฺยาตวิหารวาสี.

๒๖.

ยถา จ พุทฺธาภิหิตาว ปาฬิ,

ตทตฺถสารา จ วสีภิ าตา;

น ‘‘เตธ โวกฺกมฺม วิสุทฺธเถร-

วาที วิวาที’’ติ ปวตฺติ กาจิ.

๒๗.

ชีวํว รกฺขึสุ สเถรวาทํ,

ตนฺตึ ตทตฺถฺจ สนิณฺณยํ เต;

ตสฺมา น สกฺกาว ตทฺวาทิ-

วาเทภิ หนฺตุํ จุ’ปคนฺตุมทฺธา.

๒๘.

ตํวาทสํเภทภยฺจ มฺยา,

‘‘ทุทฺธารเวลาปิ ภเยหิ ตนฺตินํ;

สมฺโมหตาทีหิ ภเว’’ติ โปตฺถกํ,

อาโรปฺย สมฺมา ปริปาลยึสุ เต.

๒๙.

ตทา หิ เตสํ ปฏิพาหเน รณ-

วิทํว สิกฺขํ ชินสาสนทฺธโร;

พุทฺธโฆโส มุนิ พุทฺธิปาฏโว,

คโต’สิ ทีปํ วรตมฺพปณฺณิกํ.

๓๐.

ลงฺกํ อุเปจฺจ ส มหาฏฺกถาณฺณวสฺส,

ปารํ ปรํ วิตรเณ ถิรนิณฺณโยว;

สํสุทฺธวํสชนิวาสมหาวิหาร-

มาคา’มฺพรํว อุทยินฺทุ’ปโสภยนฺโต.

๓๑.

ตสฺมิฺจ ทกฺขิณทิสาย วสี ส ตตฺถ,

โสภํ ปธานฆรสฺิตปาริเวณํ;

ปาสาท’มุตฺตม’มกา สุชเนภิ เสพฺยํ,

สนฺโต มหานิคมสามิ สุจิณฺณธมฺโม.

๓๒.

สมฺมา จ โยคมกรี พุธพุทฺธมิตฺต-

เถราทิ’มนฺต’มุปยาต’มนูนตนฺเต;

สํเสวิโต วิวิธายปพุทฺธิยา โส,

สุตฺตาภิธมฺมวินยฏฺกถาสฺว’นูนํ.

๓๓.

เวยฺยตฺติยํ’ส สมเย สมยนฺตเร จ,

ปฺาย ทิสฺว วิวฏํว นิหีตมตฺถํ;

เถรา สมคฺคชินมคฺคมตา’มตาสี,

มฺึสุ นคฺฆรตนํว สุทุลฺลภนฺติ.

๓๔.

วิฺาย ธมฺมวินยตฺถยถิจฺฉทาเน,

จินฺตามณีติ สุนิรูปิตพุทฺธิรูปํ;

ยสฺเส’ตฺถ นิจฺฉิตมโน กวิสงฺฆปาล-

ตฺเถรุตฺตโม ชนหิตาย นิโยชยี ตํ.

๓๕.

‘‘กิฺจาปิ สนฺติ วิวิธา ปฏิปตฺติคนฺถา,

เกสฺจิ กิฺจิ ตุ น พุทฺธมตานุสารํ;

สํสุทฺธเถรสมเยหิ จ เต วิรุทฺธา,

ตสฺมา กโรตุ วิมลํ ปฏิปตฺติคนฺถํ’’.

๓๖.

เมตฺตาทยมฺพุทวนํ ชนภูมิยํ’ส,

สํวสฺสเต จ’ริยมคฺคคมคฺค’มคฺคํ;

สํโสธนตฺถ’มิติ ‘‘ปตฺถิตเถรอาสํ,

ปูเรสฺส’เมต’’มิติ กาสิ วิสุทฺธิมคฺคํ.

๓๗.

วีรานุกมฺปสติโยชิตพุทฺธิมา สํ,

โอคฺคยฺห, คยฺห จ’ ขิลฏฺกถา สตนฺตี;

สารํ สเขท’มนเปกฺขิย สาธุกํ ส,

ยํ’กาสิ, กํ นุ’ธ น โรจยเต พุธํ โส.

๓๘.

วุตฺเต’ตฺถ ภาวปรมาว สภาวธมฺมา,

วตฺถู จ ปีติสุขเวทนิยา’นิตาว;

ปุณฺโณว สพฺพปฏิปตฺตินเยหิ เจโส,

ปุปฺผาภิผุลฺลปวนํว วิราชเต’ยํ.

๓๙.

ยํ ปสฺสิยาน ปริกปฺปิย รตฺนสาร-

คพฺภํ วิสุทฺธิ’มภิยาตุ’มเปกฺขมานา;

ตํ สาร’มาทิยิตุ’มาสุ ปยุตฺตยุตฺตา,

ทิสฺวา หิ นคฺฆรตนํ นนุ วชฺชเย น.

๔๐.

กนฺตา ปทาวลิ’ห ตนฺตินยานุสารา,

สาราติสารนยปนฺติ ปสิทฺธสิทฺธา;

อตฺถา จ สนฺตินุคมาย ตุลายมาโน-

ยฺโยเคน เมตฺถ หิ วินา ปฏิปตฺติ กา’ฺา.

๔๑.

อาภาติ สตฺถุ จตุราคมมชฺฌโค’ยํ-

อตฺเถ ปกาสยิห ภาณุว เนกทพฺเพ;

เมธาวิปีติชนนํ’ส วิธาน’เมตํ-

ตีตฺหิ ยาว กวิโคจร’มสฺส าณํ.

๔๒.

ทิฏฺาว ติกฺขมติ’มสฺส วิสุทฺธิมคฺค-

สมฺปาทเนน สมุปาตฺตสุธีปเทภิ;

เตนสฺส พุทฺธวจนตฺถวิภาวนาย,

ปพฺยตฺตสตฺติ วิทิตา วิทิตาคเมหิ.

๔๓.

ขฺยาตํ กวีภิ’ธิคตํ ยส’มาวเหน,

เถรสฺส สุทฺธมติพุทฺธสิรีวฺหยสฺส;

โลกตฺถ’มาวิกตปตฺถน’มาทิยาน,

สามฺจ นินฺนหทเยน ชนาน’มตฺเถ.

๔๔.

สมฺพุทฺธภาววิทิเตนิ’มินา สมนฺต-

ปาสาทิกาวฺหวินยฏฺกถา ปณีตา;

สูโร’ทิเต วิย ตยา วินยตฺถมูฬฺหา-

มูฬฺหี ภวนฺติ ชินนีติปถา’ธิคนฺตฺวา.

๔๕.

ลงฺกา อลงฺกติกตาว มหามหินฺท-

ตฺเถเรน ยา จ วินยฏฺกถา’ภตา, ตํ;

กนฺตาย สีหฬคิราย คิรายมานา,

อจฺจนฺตกนฺตพหุลา มุนโย ปุรา’สุํ.

๔๖.

อฺา จ ปจฺจริ-กุรุนฺทิสมฺิตาที,

ทีปํ ปทีปกรณี วินยมฺหิ ยา’สุํ;

สงฺคยฺห ตาส’มขิลตฺถนเย จ เถร-

วาเท จ มุตฺตรตนานิว เมกสุตฺเต.

๔๗.

ตาเหว สีหฬนิรุตฺติยุตฺจ ตนฺตึ,

อาโรปิยาน รุจิรํ อถ วิตฺถตฺจ;

มคฺคํ สมาสนวเสน ยถา สมตฺต-

โลเกน ยา ครุกตา กตมานนา’กา.

๔๘.

สุทฺธนฺวยาคถวิรา จ วิสุทฺธเถร-

วาที วิสุทฺธวินยาคมปุชฺชธมฺมา;

สุทฺธํ กรึสุ น ยเถ’นฺติ ตทฺวาทา,

อิจฺจาทิ’มาวิกริยา’สิ นิทานเมตฺถ.

๔๙.

ยสฺมึ มนุฺปทปนฺติ สุภา สุโพธา,

อตฺถา จ ปีติสม’วิมฺหยตาทิภาวี;

จิตฺรา วิจิตฺรมติชา กวิจิตฺตหํสา,

ตสฺมา รสายติ ตทตฺถนุสารินํ ยํ.

๕๐.

อจฺจนฺตสาครนิภา วิวิธา นยตฺถา,

สนฺเต’ตฺถ ยา’สุ วินยฏฺกถา ปุราณา;

ตาสํ ยถาภิมตปนฺติ สุตนฺติกตฺตํ,

กิฺหิ’สฺส กิฺจิ พลวีร’ปฏิจฺจ กาตุํ.

๕๑.

อุยฺโยค’มสฺส กรุณาปหิตํ ปฏิจฺจ,

ปฺาสหายสหิตํ พลวฺจ ทฬฺหํ;

ลทฺธาว ยา นิขิลโลกมนุฺภูตา,

เมธาวินํ’นุสภคาว วิราชเต สา.

๕๒.

วิฺูภิ ยา ‘‘วินยสาครปารติณฺเณ’’,

สมฺภาวิตา ‘‘สุตรณายติ สีฆวาหา’’;

อิจฺจาภิมานิตคุณา’ชฺช รราช ยาว,

กึ ยํ ถิรํ ลหุ วินสฺสติ ทุปฺปสยฺหํ.

๕๓.

‘‘ยา พฺยาปินี’ขิลนยสฺส สุโพธินี จ,

โสตูภิ เสวิตสทาตนธมฺมรงฺคํ;

กตฺวาน โลกปหิเต สคุเณ ทธนฺตี,

าตู’’ติ นฏฺ’มุปคา’ฏฺกถา ปุราณา.

๕๔.

ชนาภิสตฺตาย ทยาย โจทิโต,

วิเฉชฺช เขทํ วินยมฺหิ สาธุนํ;

อถาคมาน’ฏฺกถาวิธานเน,

ธุรํ ทธาตุํ’ภิมุขา’สิ โส สุธี.

๕๕.

ปทฺมํว ผุลฺลาภินตํ สุภาณุภํ,

ลทฺธาน ผุลฺลํ’ติสยา’สิ เจตนา;

ทาาทินาเคน ถิรคฺคธีมตา,

ยา ปตฺถิตา’รพฺภ ตทตฺถสิชฺฌเน.

๕๖.

ทีฆาคมตฺเถสุ สพุทฺธิวิกฺกม-

มาคมฺม สาราธิคมา สุมงฺคล-

นามานุคนฺตาว วิลาสินีติ ยา,

สํวณฺณนา โลกหิตาย สมฺภวี.

๕๗.

คมฺภีรเมธาวิสยาคมมฺหิปิ,

อารพฺภ พุทฺธึ’ส สุนิมฺมลีกตา;

วิฺาตพุทฺธาภิมตา พหู ชนา,

อฺตฺถสาธา มหตฺหิ พุทฺธิโย.

๕๘.

สา’นีตวิทฺวากฺขิมนา มนายิตา,

กนฺตาคเม ธมฺมสภายเต สทา;

เตเนว มฺเ’ห ติโรกตา ตยา,

กึ สีฆค’ฺตฺร ปถฺคามิกา.

๕๙.

ปตฺวา มหนฺตา’มฺพร’มมฺพุโท ยถา,

โลกตฺถสาธีปิ มหาสยํ มติ;

ตสฺมา’สฺส สิทฺธา’ฏฺกถาปรมฺปรา,

พุทฺธิปฺปทานาย’ หุวุํ นวา นวา.

๖๐.

พุทฺธาทิมิตฺตํ ถิรเสฏฺ’มุทฺทิสํ,

สํวณฺณนา จาสิ ปปฺจสูทนี;

‘‘สพฺพตฺถสาเร ชินมชฺฌิมาคเม,

ลทฺธาน ปีตึ สุชนา สเมนฺตุ’’ติ.

๖๑.

อุปฺปชฺชิ ‘‘สารตฺถปกาสินี’’ติ ยา,

สา โชติปาลสฺส ยถาภิลาสิตํ;

โลกํ ยถานามิกสารทีปนา,

ภาตา’สิ สมฺมาปฏิปนฺนปนฺถทา.

๖๒.

สมฺปูริ กาตุํ’ส มโนรโถ ยยา,

องฺคุตฺตรนฺตาคมมตฺถวณฺณนา;

ตนฺนามเธยฺยํ สุชนฺจ ชีวกํ,

โส โชติปาลฺจ ปสตฺถธีติมํ.

๖๓.

อุทฺทิสฺส ยํ’กาสิ ปวีณตํ กรํ,

พุทฺธาทิสํเสพฺยสุมคฺคทสฺสเน;

สทฺธมฺมปุปฺผาน’ วนายิตา’สิ สา,

วิทฺวาลิสงฺฆสฺส สทาวคาหณา.

๖๔.

เยน’ตฺตลทฺธึ ปชหนฺตุ สาธโว,

ทุพฺโพธธมฺเม จ สภาวทีปเน;

พุชฺฌนฺตุ, อิจฺจาสิ’ภิธมฺมสาคโร,

ตตฺถา’วตารํ สุกเรน สาธินี.

๖๕.

เมธาวิลาสา’สฺส’หุวุ’ฏฺสาลินี,

กนฺตา จ สมฺโมหวิโนทนีติ ยา;

ตา พุทฺธโฆโสติ สตุลฺยนามิก-

มาคมฺม ชาตา สุชนตฺถสาธินี.

๖๖.

อฺา จ ปฺจฏฺกถา’ภิธมฺมเช,

ภาเว นิธาเย’ตฺถ ยถา’สฺสุ สุตฺตรา;

คมฺภีรมตฺเถสุ ปวิทฺธพุทฺธิตํ,

สมฺปาทนี สตฺถุ’ตุลตฺตทีปนี.

๖๗.

โสณาวฺหเถรสฺส ปฏิจฺจ ยาจนํ,

ตา ยาย กงฺขา วิตรนฺติ ภิกฺขโว;

ยา ปาติโมกฺขมฺหิ, ตทนฺวยาวฺหยํ,

สํวณฺณนํ’กาสิ ส ธีมตํ วโร.

๖๘.

สมตฺตโลกฏฺวิภาวิรฺชนา,

กเต’มินา ธมฺมปทสฺส วณฺณนา;

ถิรํ สมุทฺทิสฺส กุมารกสฺสปํ,

สตํ มนํ ปีติปผุลฺลิตํ ยยา.

๖๙.

อฺา’สฺส ยา สุตฺตนิปาต-ขุทฺทก-

ปาตฺถทาตา ปรมตฺถโชติกา;

สํวณฺณนา ชาตกตนฺติ มณฺฑนา,

ตา โหนฺติ โลกสฺส หิตปฺปทีปินี.

๗๐.

นิสฺเสสโลกมฺหิ ปจารณิจฺฉา,

ลงฺกาคตาน’ฏฺกถาน’มทฺธา;

ยา เถรวาทีน’มปูริ พุทฺธ-

โฆสคฺคเถรสฺส ปภาวลทฺธา.

๗๑.

ภทฺทํ’ส นามฺจ, คุณา มนุฺา,

สมคฺคคามี’นุกโรนฺติ เตสํ;

สสงฺกสูรา หิ สทาตนา เย,

โลกํ ปโมทฺจ กรํ จรนฺติ.

๗๒.

สุพุทฺธโฆสสฺส วิภาวิสตฺติ-

ปพฺยตฺติ’มารพฺภ ถิราสภสฺส;

สมคฺคโลโก หิ สุเถรวาเท,

มานํ ปวฑฺเฒสิ อนฺชาตํ.

๗๓.

พุทฺโธติ นามํ ภุวนมฺหิ ยาว,

สุพุทฺธโฆสสฺส สิยา น กิฺหิ;

ลทฺธา หิ สาธูภิ มโหปการา,

มหคฺฆวิตฺตานิว ตํสกาสา.

๗๔.

ขีเยถ วณฺโณ น สมุทฺธโฏปิ,

นนฺว’สฺส เนกา หิ คุณา อนนฺตา;

โก นุ’ทฺธเรยฺยา’ ขิลสาคโรเท,

ตถาปิ มฺนฺตุ สุธี สทา เตติ.

ฉฏฺสงฺคีติภารนิตฺถารกสงฺฆสมิติยา ปกาสิตายํ

วิสุทฺธิมคฺคนิทานกถา นิฏฺิตา.