📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ทีฆนิกาเย
สีลกฺขนฺธวคฺคฏฺกถา
คนฺถารมฺภกถา
กรุณาสีตลหทยํ ¶ ¶ ¶ , ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ;
สนรามรโลกครุํ, วนฺเท สุคตํ คติวิมุตฺตํ.
พุทฺโธปิ พุทฺธภาวํ, ภาเวตฺวา เจว สจฺฉิกตฺวา จ;
ยํ อุปคโต คตมลํ, วนฺเท ตมนุตฺตรํ ธมฺมํ.
สุคตสฺส โอรสานํ, ปุตฺตานํ มารเสนมถนานํ;
อฏฺนฺนมฺปิ สมูหํ, สิรสา วนฺเท อริยสงฺฆํ.
อิติ ¶ เม ปสนฺนมติโน, รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปฺุํ;
ยํ สุวิหตนฺตราโย, หุตฺวา ตสฺสานุภาเวน.
ทีฆสฺส ทีฆสุตฺตงฺกิตสฺส, นิปุณสฺส อาคมวรสฺส;
พุทฺธานุพุทฺธสํวณฺณิตสฺส, สทฺธาวหคุณสฺส.
อตฺถปฺปกาสนตฺถํ, อฏฺกถา อาทิโต วสิสเตหิ;
ปฺจหิ ยา สงฺคีตา, อนุสงฺคีตา จ ปจฺฉาปิ.
สีหฬทีปํ ปน อาภตาถ, วสินา มหามหินฺเทน;
ปิตา สีหฬภาสาย, ทีปวาสีนมตฺถาย.
อปเนตฺวาน ¶ ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;
ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปนฺโต วิคตโทสํ.
สมยํ อวิโลเมนฺโต, เถรานํ เถรวํสปทีปานํ;
สุนิปุณวินิจฺฉยานํ, มหาวิหาเร นิวาสีนํ.
หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถํ, อตฺถํ ปกาสยิสฺสามิ;
สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ, จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺส.
สีลกถา ธุตธมฺมา, กมฺมฏฺานานิ เจว สพฺพานิ;
จริยาวิธานสหิโต, ฌานสมาปตฺติวิตฺถาโร.
สพฺพา จ อภิฺาโย, ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย เจว;
ขนฺธธาตายตนินฺทฺริยานิ, อริยานิ เจว จตฺตาริ.
สจฺจานิ ¶ ปจฺจยาการเทสนา, สุปริสุทฺธนิปุณนยา;
อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา, วิปสฺสนา ภาวนา เจว.
อิติ ¶ ปน สพฺพํ ยสฺมา, วิสุทฺธิมคฺเค มยา สุปริสุทฺธํ;
วุตฺตํ ตสฺมา ภิยฺโย, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามิ.
‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค, เอส จตุนฺนมฺปิ อาคมานฺหิ;
ตฺวา ปกาสยิสฺสติ, ตตฺถ ยถา ภาสิตํ อตฺถํ’’.
อิจฺเจว กโต ตสฺมา, ตมฺปิ คเหตฺวาน สทฺธิเมตาย;
อฏฺกถาย วิชานถ, ทีฆาคมนิสฺสิตํ อตฺถนฺติ.
นิทานกถา
ตตฺถ ทีฆาคโม นาม สีลกฺขนฺธวคฺโค, มหาวคฺโค, ปาถิกวคฺโคติ วคฺคโต ติวคฺโค โหติ; สุตฺตโต จตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห. ตสฺส วคฺเคสุ สีลกฺขนฺธวคฺโค อาทิ, สุตฺเตสุ พฺรหฺมชาลํ. พฺรหฺมชาลสฺสาปิ ‘‘เอวํ ¶ เม สุต’’นฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาทิ.
ปมมหาสงฺคีติกถา
ปมมหาสงฺคีติ นาม เจสา กิฺจาปิ วินยปิฏเก ตนฺติมารูฬฺหา, นิทานโกสลฺลตฺถํ ปน อิธาปิ เอวํ เวทิตพฺพา. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ อาทึ กตฺวา ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา กตพุทฺธกิจฺเจ, กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร วิสาขปุณฺณมทิวเส ปจฺจูสสมเย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเต ภควติ โลกนาเถ, ภควโต ธาตุภาชนทิวเส สนฺนิปติตานํ สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ สงฺฆตฺเถโร อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหปรินิพฺพุเต ภควติ สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน – ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณน, อุปทฺทุตา จ โหม – ‘อิทํ โว กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’ติ, อิทานิ ปน มยํ ยํ อิจฺฉิสฺสาม, ตํ กริสฺสาม, ยํ น อิจฺฉิสฺสาม น ตํ กริสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโต, อีทิสสฺส จ สงฺฆสนฺนิปาตสฺส ปุน ทุลฺลภภาวํ มฺมาโน, ‘‘านํ ¶ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ ปาปภิกฺขู ‘อตีตสตฺถุกํ ปาวจน’นฺติ มฺมานา ¶ ปกฺขํ ลภิตฺวา นจิรสฺเสว สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปยฺยุํ, ยาว จ ธมฺมวินโย ติฏฺติ, ตาว อนตีตสตฺถุกเมว ปาวจนํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖).
‘ยํนูนาหํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยํ, ยถยิทํ สาสนํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติกํ’.
ยฺจาหํ ภควตา –
‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ, กสฺสป, สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) วตฺวา จีวเร สาธารณปริโภเคน.
‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเทว อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ¶ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเทว, อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๒).
เอวมาทินา นเยน นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเท อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปเนน จ อนุคฺคหิโต, ตถา อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา อลคฺคจิตฺตตาย เจว จนฺโทปมปฏิปทาย จ ปสํสิโต, ตสฺส กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ. นนุ มํ ภควา ราชา วิย สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนน อตฺตโน กุลวํสปฺปติฏฺาปกํ ปุตฺตํ ‘สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโก เม อยํ ภวิสฺสตี’ติ, มนฺตฺวา อิมินา อสาธารเณน อนุคฺคเหน อนุคฺคเหสิ, อิมาย จ อุฬาราย ปสํสาย ปสํสีติ จินฺตยนฺโต ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสิ. ยถาห –
‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘เอกมิทาหํ, อาวุโส, สมยํ ¶ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗) สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ. อตฺถํ ปนสฺส มหาปรินิพฺพานาวสาเน อาคตฏฺาเนเยว กถยิสฺสาม.
ตโต ปรํ อาห –
‘‘หนฺท มยํ, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ ¶ สงฺคายาม, ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยติ; ปุเร อวินโย ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหิยฺยติ; ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ, ปุเร อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เถโร ภิกฺขู อุจฺจินตู’’ติ. เถโร ปน สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธเร ปุถุชฺชนโสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิ สุกฺขวิปสฺสก ขีณาสวภิกฺขู อเนกสเต, อเนกสหสฺเส จ ¶ วชฺเชตฺวา ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเร ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต มหานุภาเว เยภุยฺเยน ภควโต เอตทคฺคํ อาโรปิเต เตวิชฺชาทิเภเท ขีณาสวภิกฺขูเยว เอกูนปฺจสเต ปริคฺคเหสิ. เย สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เอเกนูนานิ ปฺจ อรหนฺตสตานิ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
กิสฺส ปน เถโร เอเกนูนมกาสีติ? อายสฺมโต อานนฺทตฺเถรสฺส โอกาสกรณตฺถํ. เตนหายสฺมตา สหาปิ, วินาปิ, น สกฺกา ธมฺมสงฺคีตึ กาตุํ. โส หายสฺมา เสกฺโข สกรณีโย, ตสฺมา สหาปิ น สกฺกา. ยสฺมา ปนสฺส กิฺจิ ทสพลเทสิตํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ อปฺปจฺจกฺขํ นาม นตฺถิ. ยถาห –
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗);
ตสฺมา วินาปิ น สกฺกา.
ยทิ เอวํ เสกฺโขปิ สมาโน ธมฺมสงฺคีติยา พหุการตฺตา เถเรน อุจฺจินิตพฺโพ อสฺส, อถ กสฺมา น อุจฺจินิโตติ? ปรูปวาทวิวชฺชนโต. เถโร หิ อายสฺมนฺเต อานนฺเท อติวิย ¶ วิสฺสตฺโถ อโหสิ, ตถา หิ นํ สิรสฺมึ ปลิเตสุ ชาเตสุปิ ‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’ติ, (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) กุมารกวาเทน โอวทติ. สกฺยกุลปฺปสุโต จายสฺมา ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต. ตตฺถ เกจิ ภิกฺขู ฉนฺทาคมนํ วิย มฺมานา – ‘‘พหู อเสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต ภิกฺขู เปตฺวา ¶ อานนฺทํ เสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตํ เถโร อุจฺจินี’’ติ อุปวเทยฺยุํ. ตํ ปรูปวาทํ ปริวชฺเชนฺโต, ‘อานนฺทํ วินา ธมฺมสงฺคีตึ น สกฺกา กาตุํ, ภิกฺขูนํเยว นํ อนุมติยา คเหสฺสามี’ติ น อุจฺจินิ.
อถ สยเมว ภิกฺขู อานนฺทสฺสตฺถาย เถรํ ยาจึสุ. ยถาห –
‘‘ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจุํ – ‘อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท กิฺจาปิ เสกฺโข อภพฺโพ ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ, พหุ จาเนน ภควโต สนฺติเก ธมฺโม จ วินโย จ ปริยตฺโต, เตน หิ, ภนฺเต, เถโร อายสฺมนฺตมฺปิ ¶ อานนฺทํ อุจฺจินตู’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
เอวํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา อุจฺจินิเตน เตนายสฺมตา สทฺธึ ปฺจเถรสตานิ อเหสุํ.
อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข มยํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ? อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘ราชคหํ โข มหาโคจรํ ปหูตเสนาสนํ, ยํนูน มยํ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, น อฺเ ภิกฺขู ราชคเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๓๗).
กสฺมา ปน เนสํ เอตทโหสิ? ‘‘อิทํ ปน อมฺหากํ ถาวรกมฺมํ, โกจิ วิสภาคปุคฺคโล สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อุกฺโกเฏยฺยา’’ติ. อถายสฺมา มหากสฺสโป ตฺติทุติเยน กมฺเมน สาเวสิ –
‘‘สุณาตุ ¶ เม, อาวุโส สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ สงฺโฆ อิมานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ สมฺมนฺเนยฺย ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพ’’นฺติ. เอสา ตฺติ.
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส สงฺโฆ, สงฺโฆ อิมานิ ปฺจภิกฺขุสตานิ สมฺมนฺน’’ติ ‘ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติ. ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ¶ ภิกฺขุสตานํ สมฺมุติ’ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺย.
‘‘สมฺมตานิ สงฺเฆน อิมานิ ปฺจภิกฺขุสตานิ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตานิ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิตุํ, น อฺเหิ ภิกฺขูหิ ราชคเห วสฺสํ วสิตพฺพนฺติ, ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติ (จูฬว. ๔๓๘).
อยํ ¶ ปน กมฺมวาจา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต เอกวีสติเม ทิวเส กตา. ภควา หิ วิสาขปุณฺณมายํ ปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพุโต, อถสฺส สตฺตาหํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ คนฺธมาลาทีหิ ปูชยึสุ. เอวํ สตฺตาหํ สาธุกีฬนทิวสา นาม อเหสุํ. ตโต สตฺตาหํ จิตกาย อคฺคินา ฌายิ, สตฺตาหํ สตฺติปฺชรํ กตฺวา สนฺธาคารสาลายํ ธาตุปูชํ กรึสูติ, เอกวีสติ ทิวสา คตา. เชฏฺมูลสุกฺกปกฺขปฺจมิยํเยว ธาตุโย ภาชยึสุ. เอตสฺมึ ธาตุภาชนทิวเส สนฺนิปติตสฺส มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน กตํ อนาจารํ อาโรเจตฺวา วุตฺตนเยเนว จ ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา อยํ กมฺมวาจา กตา.
อิมฺจ ปน กมฺมวาจํ กตฺวา เถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, อิทานิ ตุมฺหากํ จตฺตาลีส ทิวสา โอกาโส กโต, ตโต ปรํ ‘อยํ นาม โน ปลิโพโธ อตฺถี’ติ, วตฺตุํ น ลพฺภา, ตสฺมา เอตฺถนฺตเร ยสฺส โรคปลิโพโธ วา อาจริยุปชฺฌายปลิโพโธ วา มาตาปิตุปลิโพโธ วา อตฺถิ, ปตฺตํ วา ปน ปจิตพฺพํ, จีวรํ วา กาตพฺพํ, โส ตํ ปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา ตํ กรณียํ กโรตู’’ติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา เถโร อตฺตโน ปฺจสตาย ปริสาย ปริวุโต ราชคหํ คโต. อฺเปิ มหาเถรา อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเร คเหตฺวา โสกสลฺลสมปฺปิตํ มหาชนํ อสฺสาเสตุกามา ตํ ตํ ทิสํ ปกฺกนฺตา. ปุณฺณตฺเถโร ปน สตฺตสตภิกฺขุปริวาโร ‘ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานฏฺานํ อาคตาคตํ มหาชนํ อสฺสาเสสฺสามี’ติ กุสินารายํเยว อฏฺาสิ.
อายสฺมา อานนฺโท ยถา ปุพฺเพ อปรินิพฺพุตสฺส, เอวํ ปรินิพฺพุตสฺสาปิ ภควโต สยเมว ¶ ปตฺตจีวรมาทาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. คจฺฉโต คจฺฉโต ปนสฺส ปริวารา ภิกฺขู คณนปถํ วีติวตฺตา. เตนายสฺมตา คตคตฏฺาเน มหาปริเทโว อโหสิ ¶ . อนุปุพฺเพน ปน สาวตฺถิมนุปฺปตฺเต เถเร สาวตฺถิวาสิโน มนุสฺสา ‘‘เถโร กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา – ‘‘ภนฺเต, อานนฺท, ปุพฺเพ ภควตา สทฺธึ อาคจฺฉถ, อชฺช กุหึ ภควนฺตํ ¶ เปตฺวา อาคตตฺถา’’ติอาทีนิ วทมานา ปโรทึสุ. พุทฺธสฺส ภควโต ปรินิพฺพานทิวเส วิย มหาปริเทโว อโหสิ.
ตตฺร สุทํ อายสฺมา อานนฺโท อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยากถาย ตํ มหาชนํ สฺาเปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา ทสพเลน วสิตคนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา มฺจปีํ นีหริตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา คนฺธกุฏึ สมฺมชฺชิตฺวา มิลาตมาลากจวรํ ฉฑฺเฑตฺวา มฺจปีํ อติหริตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา ภควโต ิตกาเล กรณียํ วตฺตํ สพฺพมกาสิ. กุรุมาโน จ นฺหานโกฏฺกสมฺมชฺชนอุทกุปฏฺาปนาทิกาเลสุ คนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา – ‘‘นนุ ภควา, อยํ ตุมฺหากํ นฺหานกาโล, อยํ ธมฺมเทสนากาโล, อยํ ภิกฺขูนํ โอวาททานกาโล, อยํ สีหเสยฺยกปฺปนกาโล, อยํ มุขโธวนกาโล’’ติอาทินา นเยน ปริเทวมาโนว อกาสิ, ยถา ตํ ภควโต คุณคณามตรสฺุตาย ปติฏฺิตเปโม เจว อขีณาสโว จ อเนเกสุ จ ชาติสตสหสฺเสสุ อฺมฺสฺสูปการสฺชนิตจิตฺตมทฺทโว. ตเมนํ อฺตรา เทวตา – ‘‘ภนฺเต, อานนฺท, ตุมฺเห เอวํ ปริเทวมานา กถํ อฺเ อสฺสาเสสฺสถา’’ติ สํเวเชสิ. โส ตสฺสา วจเนน สํวิคฺคหทโย สนฺถมฺภิตฺวา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต ปภุติ านนิสชฺชพหุลตฺตา อุสฺสนฺนธาตุกํ กายํ สมสฺสาเสตุํ ทุติยทิวเส ขีรวิเรจนํ ปิวิตฺวา วิหาเรเยว นิสีทิ. ยํ สนฺธาย สุเภน มาณเวน ปหิตํ มาณวกํ เอตทโวจ –
‘‘อกาโล, โข มาณวก, อตฺถิ เม อชฺช เภสชฺชมตฺตา ปีตา, อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยามา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๗).
ทุติยทิวเส เจตกตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน คนฺตฺวา สุเภน มาณเวน ปุฏฺโ อิมสฺมึ ทีฆนิกาเย สุภสุตฺตํ นาม ทสมํ สุตฺตํ อภาสิ.
อถ อานนฺทตฺเถโร เชตวนมหาวิหาเร ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ ¶ การาเปตฺวา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ภิกฺขุสงฺฆํ โอหาย ราชคหํ คโต ¶ ตถา อฺเปิ ธมฺมสงฺคาหกา ภิกฺขูติ. เอวฺหิ คเต, เต สนฺธาย จ อิทํ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข เถรา ภิกฺขู ราชคหํ อคมํสุ, ธมฺมฺจ วินยฺจ ¶ สงฺคายิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๔๓๘). เต อาสฬฺหีปุณฺณมายํ อุโปสถํ กตฺวา ปาฏิปททิวเส สนฺนิปติตฺวา วสฺสํ อุปคจฺฉึสุ.
เตน โข ปน สมเยน ราชคหํ ปริวาเรตฺวา อฏฺารส มหาวิหารา โหนฺติ, เต สพฺเพปิ ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปา อเหสุํ. ภควโต หิ ปรินิพฺพาเน สพฺเพปิ ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย วิหาเร จ ปริเวเณ จ ฉฑฺเฑตฺวา อคมํสุ. ตตฺถ กติกวตฺตํ กุรุมานา เถรา ภควโต วจนปูชนตฺถํ ติตฺถิยวาทปริโมจนตฺถฺจ – ‘ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรมา’ติ จินฺเตสุํ. ติตฺถิยา หิ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา สตฺถริ ิเตเยว วิหาเร ปฏิชคฺคึสุ, ปรินิพฺพุเต ฉฑฺเฑสุํ, กุลานํ มหาธนปริจฺจาโค วินสฺสตี’’ติ. เตสฺจ วาทปริโมจนตฺถํ จินฺเตสุนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ จินฺตยิตฺวา จ ปน กติกวตฺตํ กรึสุ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ภควตา, โข อาวุโส, ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ วณฺณิตํ, หนฺท มยํ, อาวุโส, ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรม, มชฺฌิมํ มาสํ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๘).
เต ทุติยทิวเส คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อฏฺํสุ. ราชา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘กึ ภนฺเต, อาคตตฺถา’’ติ อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจํ ปุจฺฉิ. เถรา อฏฺารส มหาวิหารปฏิสงฺขรณตฺถาย หตฺถกมฺมํ ปฏิเวเทสุํ. ราชา หตฺถกมฺมการเก มนุสฺเส อทาสิ. เถรา ปมํ มาสํ สพฺพวิหาเร ปฏิสงฺขราเปตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นิฏฺิตํ, มหาราช, วิหารปฏิสงฺขรณํ, อิทานิ ธมฺมวินยสงฺคหํ กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ ภนฺเต วิสฏฺา กโรถ, มยฺหํ อาณาจกฺกํ ¶ , ตุมฺหากฺจ ธมฺมจกฺกํ โหตุ, อาณาเปถ, ภนฺเต, กึ กโรมี’’ติ. ‘‘สงฺคหํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ สนฺนิสชฺชฏฺานํ มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เวภารปพฺพตปสฺเส สตฺตปณฺณิ คุหาทฺวาเร กาตุํ ยุตฺตํ มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข ราชา อชาตสตฺตุ วิสฺสกมฺมุนา ¶ นิมฺมิตสทิสํ สุวิภตฺตภิตฺติถมฺภโสปานํ, นานาวิธมาลากมฺมลตากมฺมวิจิตฺตํ, อภิภวนฺตมิว ราชภวนวิภูตึ, อวหสนฺตมิว เทววิมานสิรึ, สิริยา นิเกตนมิว เอกนิปาตติตฺถมิว จ เทวมนุสฺสนยนวิหํคานํ, โลกรามเณยฺยกมิว สมฺปิณฺฑิตํ ทฏฺพฺพสารมณฺฑํ มณฺฑปํ การาเปตฺวา วิวิธกุสุมทาโมลมฺพกวินิคฺคลนฺตจารุวิตานํ นานารตนวิจิตฺตมณิโกฏฺฏิมตลมิว จ, นํ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตสุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมํ พฺรหฺมวิมานสทิสํ อลงฺกริตฺวา, ตสฺมึ มหามณฺฑเป ¶ ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ อนคฺฆานิ ปฺจ กปฺปิยปจฺจตฺถรณสตานิ ปฺเปตฺวา, ทกฺขิณภาคํ นิสฺสาย อุตฺตราภิมุขํ เถราสนํ, มณฺฑปมชฺเฌ ปุรตฺถาภิมุขํ พุทฺธสฺส ภควโต อาสนารหํ ธมฺมาสนํ ปฺเปตฺวา, ทนฺตขจิตํ พีชนิฺเจตฺถ เปตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรจาเปสิ – ‘‘นิฏฺิตํ, ภนฺเต, มม กิจฺจ’’นฺติ.
ตสฺมิฺจ ปน ทิวเส เอกจฺเจ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สนฺธาย เอวมาหํสุ – ‘‘อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ เอโก ภิกฺขุ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต วิจรตี’’ติ. เถโร ตํ สุตฺวา อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ อฺโ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต วิจรณกภิกฺขุ นาม นตฺถิ. อทฺธา เอเต มํ สนฺธาย วทนฺตีติ สํเวคํ อาปชฺชิ. เอกจฺเจ นํ อาหํสุเยว – ‘‘สฺเว อาวุโส, อานนฺท, สนฺนิปาโต, ตฺวฺจ เสกฺโข สกรณีโย, เตน เต น ยุตฺตํ สนฺนิปาตํ คนฺตุํ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท – ‘สฺเว สนฺนิปาโต, น โข เมตํ ปติรูปํ ยฺวาหํ เสกฺโข สมาโน สนฺนิปาตํ คจฺเฉยฺย’นฺติ, พหุเทว รตฺตึ กายคตาย สติยา วีตินาเมตฺวา ¶ รตฺติยา ปจฺจูสสมเย จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘นิปชฺชิสฺสามี’’ติ กายํ อาวชฺเชสิ, ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, อปตฺตฺจ สีสํ พิมฺโพหนํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ. อยฺหิ อายสฺมา จงฺกเมน พหิ วีตินาเมตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘นนุ มํ ภควา เอตทโวจ – ‘กตปฺุโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยฺุช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗). พุทฺธานฺจ กถาโทโส นาม นตฺถิ, มม ปน อจฺจารทฺธํ วีริยํ, เตน เม จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ. หนฺทาหํ วีริยสมตํ โยเชมี’’ติ, จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปาทโธวนฏฺาเน ตฺวา ปาเท โธวิตฺวา ¶ วิหารํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสีทิตฺวา, ‘‘โถกํ วิสฺสมิสฺสามี’’ติ กายํ มฺจเก อปนาเมสิ. ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, สีสํ พิมฺโพหนมปฺปตฺตํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, จตุอิริยาปถวิรหิตํ เถรสฺส อรหตฺตํ. เตน ‘‘อิมสฺมึ สาสเน อนิปนฺโน อนิสินฺโน อฏฺิโต อจงฺกมนฺโต โก ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อานนฺทตฺเถโร’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
อถ เถรา ภิกฺขู ทุติยทิวเส ปฺจมิยํ กาฬปกฺขสฺส กตภตฺตกิจฺจา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ธมฺมสภายํ สนฺนิปตึสุ. อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อรหา สมาโน สนฺนิปาตํ อคมาสิ. กถํ อคมาสิ? ‘‘อิทานิมฺหิ สนฺนิปาตมชฺฌํ ปวิสนารโห’’ติ หฏฺตุฏฺจิตฺโต เอกํสํ จีวรํ กตฺวา พนฺธนา มุตฺตตาลปกฺกํ วิย, ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺตชาติมณิ วิย, วิคตวลาหเก นเภ สมุคฺคตปุณฺณจนฺโท วิย, พาลาตปสมฺผสฺสวิกสิตเรณุปิฺชรคพฺภํ ปทุมํ วิย ¶ จ, ปริสุทฺเธน ปริโยทาเตน สปฺปเภน สสฺสิรีเกน จ มุขวเรน อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ อาโรจยมาโน วิย อคมาสิ. อถ นํ ทิสฺวา อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โสภติ วต โภ อรหตฺตปฺปตฺโต อานนฺโท, สเจ สตฺถา ธเรยฺย, อทฺธา อชฺชานนฺทสฺส สาธุการํ ทเทยฺย, หนฺท ¶ , ทานิสฺสาหํ สตฺถารา ทาตพฺพํ สาธุการํ ททามี’’ติ, ติกฺขตฺตุํ สาธุการมทาสิ.
มชฺฌิมภาณกา ปน วทนฺติ – ‘‘อานนฺทตฺเถโร อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ าเปตุกาโม ภิกฺขูหิ สทฺธึ นาคโต, ภิกฺขู ยถาวุฑฺฒํ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทนฺตา อานนฺทตฺเถรสฺส อาสนํ เปตฺวา นิสินฺนา. ตตฺถ เกจิ เอวมาหํสุ – ‘เอตํ อาสนํ กสฺสา’ติ? ‘อานนฺทสฺสา’ติ. ‘อานนฺโท ปน กุหึ คโต’ติ? ตสฺมึ สมเย เถโร จินฺเตสิ – ‘อิทานิ มยฺหํ คมนกาโล’ติ. ตโต อตฺตโน อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อตฺตโน อาสเนเยว อตฺตานํ ทสฺเสสี’’ติ, อากาเสน คนฺตฺวา นิสีทีติปิ เอเก. ยถา วา ตถา วา โหตุ. สพฺพถาปิ ตํ ทิสฺวา อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส สาธุการทานํ ยุตฺตเมว.
เอวํ อาคเต ปน ตสฺมึ อายสฺมนฺเต มหากสฺสปตฺเถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, กึ ปมํ สงฺคายาม, ธมฺมํ วา วินยํ วา’’ติ? ภิกฺขู ¶ อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, มหากสฺสป, วินโย นาม พุทฺธสาสนสฺส อายุ. วินเย ิเต สาสนํ ิตํ นาม โหติ. ตสฺมา ปมํ วินยํ สงฺคายามา’’ติ. ‘‘กํ ธุรํ กตฺวา’’ติ? ‘‘อายสฺมนฺตํ อุปาลิ’’นฺติ. ‘‘กึ อานนฺโท นปฺปโหตี’’ติ? ‘‘โน นปฺปโหติ’’. อปิ จ โข ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธรมาโนเยว วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย อายสฺมนฺตํ อุปาลึ เอตทคฺเค เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๘). ‘ตสฺมา อุปาลิตฺเถรํ ปุจฺฉิตฺวา วินยํ สงฺคายามา’ติ.
ตโต เถโร วินยํ ปุจฺฉนตฺถาย อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิ. อุปาลิตฺเถโรปิ วิสฺสชฺชนตฺถาย สมฺมนฺนิ. ตตฺรายํ ปาฬิ – อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ,
อหํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.
อายสฺมาปิ อุปาลิ สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ ¶ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ,
อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ. (จูฬว. ๔๓๙);
เอวํ อตฺตานํ สมฺมนฺนิตฺวา อายสฺมา อุปาลิ อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ ¶ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา, ตโต มหากสฺสปตฺเถโร เถราสเน นิสีทิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺฉิ. ‘‘ปมํ อาวุโส, อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ? ‘‘เวสาลิยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘สุทินฺนํ กลนฺทปุตฺตํ อารพฺภา’’ติ. ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺเม’’ติ.
‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปมสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, ปฺตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนุปฺตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ’’ (จูฬว. ๔๓๙). ปุฏฺโ ปุฏฺโ อายสฺมา อุปาลิ วิสฺสชฺเชสิ.
กึ ปเนตฺถ ปมปาราชิเก กิฺจิ อปเนตพฺพํ วา ปกฺขิปิตพฺพํ วา อตฺถิ นตฺถีติ? อปเนตพฺพํ นตฺถิ. พุทฺธสฺส หิ ภควโต ภาสิเต อปเนตพฺพํ นาม นตฺถิ. น หิ ตถาคตา เอกพฺยฺชนมฺปิ นิรตฺถกํ วทนฺติ. สาวกานํ ปน เทวตานํ ¶ วา ภาสิเต อปเนตพฺพมฺปิ โหติ, ตํ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถรา อปนยึสุ. ปกฺขิปิตพฺพํ ปน สพฺพตฺถาปิ อตฺถิ, ตสฺมา ยํ ยตฺถ ปกฺขิปิตุํ ยุตฺตํ, ตํ ปกฺขิปึสุเยว. กึ ปน ตนฺติ? ‘เตน สมเยนา’ติ วา, ‘เตน โข ปน สมเยนา’ติ วา, ‘อถ โขติ วา’, ‘เอวํ วุตฺเตติ’ วา, ‘เอตทโวจา’ติ วา, เอวมาทิกํ สมฺพนฺธวจนมตฺตํ. เอวํ ปกฺขิปิตพฺพยุตฺตํ ปกฺขิปิตฺวา ปน – ‘‘อิทํ ปมปาราชิก’’นฺติ เปสุํ. ปมปาราชิเก สงฺคหมารูฬฺเห ปฺจ อรหนฺตสตานิ สงฺคหํ อาโรปิตนเยเนว คณสชฺฌายมกํสุ – ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ. เตสํ สชฺฌายารทฺธกาเลเยว สาธุการํ ททมานา วิย มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อกมฺปิตฺถ.
เอเตเนว นเยน เสสานิ ตีณิ ปาราชิกานิ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทํ ปาราชิกกณฺฑ’’นฺติ เปสุํ. เตรส สงฺฆาทิเสสานิ ‘‘เตรสก’’นฺติ เปสุํ. ทฺเว สิกฺขาปทานิ ‘‘อนิยตานี’’ติ เปสุํ. ตึส สิกฺขาปทานิ ‘‘นิสฺสคฺคิยานิ ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ ¶ . ทฺเวนวุติ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. จตฺตาริ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาฏิเทสนียานี’’ติ ¶ เปสุํ. ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานิ ‘‘เสขิยานี’’ติ เปสุํ. สตฺต ธมฺเม ‘‘อธิกรณสมถา’’ติ เปสุํ. เอวํ สตฺตวีสาธิกานิ ทฺเว สิกฺขาปทสตานิ ‘‘มหาวิภงฺโค’’ติ กิตฺเตตฺวา เปสุํ. มหาวิภงฺคาวสาเนปิ ปุริมนเยเนว มหาปถวี อกมฺปิตฺถ.
ตโต ภิกฺขุนีวิภงฺเค อฏฺ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาราชิกกณฺฑํ นาม อิท’’นฺติ เปสุํ. สตฺตรส สิกฺขาปทานิ ‘‘สตฺตรสก’’นฺติ เปสุํ. ตึส สิกฺขาปทานิ ‘‘นิสฺสคฺคิยานิ ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. ฉสฏฺิสตสิกฺขาปทานิ ‘‘ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. อฏฺ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาฏิเทสนียานี’’ติ เปสุํ. ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานิ ‘‘เสขิยานี’’ติ เปสุํ. สตฺต ธมฺเม ‘‘อธิกรณสมถา’’ติ เปสุํ. เอวํ ตีณิ สิกฺขาปทสตานิ จตฺตาริ จ สิกฺขาปทานิ ‘‘ภิกฺขุนีวิภงฺโค’’ติ กิตฺเตตฺวา – ‘‘อยํ อุภโต วิภงฺโค นาม จตุสฏฺิภาณวาโร’’ติ เปสุํ. อุภโตวิภงฺคาวสาเนปิ วุตฺตนเยเนว มหาปถวิกมฺโป อโหสิ.
เอเตเนวุปาเยน อสีติภาณวารปริมาณํ ขนฺธกํ, ปฺจวีสติภาณวารปริมาณํ ปริวารฺจ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทํ วินยปิฏกํ นามา’’ติ เปสุํ ¶ . วินยปิฏกาวสาเนปิ วุตฺตนเยเนว มหาปถวิกมฺโป อโหสิ. ตํ อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อิมํ ตุยฺหํ นิสฺสิตเก วาเจหี’’ติ. วินยปิฏกสงฺคหาวสาเน อุปาลิตฺเถโร ทนฺตขจิตํ พีชนึ นิกฺขิปิตฺวา ธมฺมาสนา โอโรหิตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิ.
วินยํ สงฺคายิตฺวา ธมฺมํ สงฺคายิตุกาโม อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘ธมฺมํ สงฺคายนฺเต หิ กํ ปุคฺคลํ ธุรํ กตฺวา ธมฺโม สงฺคายิตพฺโพ’’ติ? ภิกฺขู – ‘‘อานนฺทตฺเถรํ ธุรํ กตฺวา’’ติ อาหํสุ.
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ¶ ปตฺตกลฺลํ,
อหํ อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ;
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ ¶ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ,
อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ธมฺมํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ;
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘กตรํ, อาวุโส, ปิฏกํ ปมํ สงฺคายามา’’ติ? ‘‘สุตฺตนฺตปิฏกํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สุตฺตนฺตปิฏเก จตสฺโส สงฺคีติโย, ตาสุ ปมํ กตรํ สงฺคีติ’’นฺติ? ‘‘ทีฆสงฺคีตึ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ทีฆสงฺคีติยํ จตุตึส สุตฺตานิ, ตโย วคฺคา, เตสุ ปมํ กตรํ วคฺค’’นฺติ? ‘‘สีลกฺขนฺธวคฺคํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สีลกฺขนฺธวคฺเค เตรส สุตฺตนฺตา, เตสุ ปมํ กตรํ สุตฺต’’นฺติ? ‘‘พฺรหฺมชาลสุตฺตํ นาม ภนฺเต, ติวิธสีลาลงฺกตํ, นานาวิธมิจฺฉาชีวกุห ลปนาทิวิทฺธํสนํ, ทฺวาสฏฺิทิฏฺิชาลวินิเวนํ, ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนํ, ตํ ปมํ สงฺคายามา’’ติ.
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ, ‘‘พฺรหฺมชาลํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘อนฺตรา จ, ภนฺเต, ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ ราชาคารเก อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ ¶ ? ‘‘สุปฺปิยฺจ ปริพฺพาชกํ, พฺรหฺมทตฺตฺจ มาณว’’นฺติ. ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘วณฺณาวณฺเณ’’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ พฺรหฺมชาลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ (จูฬว. ๔๔๐). อายสฺมา อานนฺโท วิสฺสชฺเชสิ. วิสฺสชฺชนาวสาเน ปฺจ อรหนฺตสตานิ คณสชฺฌายมกํสุ. วุตฺตนเยเนว จ ปถวิกมฺโป อโหสิ.
เอวํ พฺรหฺมชาลํ สงฺคายิตฺวา ตโต ปรํ ‘‘สามฺผลํ, ปนาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา นเยน ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานุกฺกเมน สทฺธึ พฺรหฺมชาเลน สพฺเพปิ เตรส สุตฺตนฺเต สงฺคายิตฺวา – ‘‘อยํ สีลกฺขนฺธวคฺโค นามา’’ติ กิตฺเตตฺวา เปสุํ.
ตทนนฺตรํ มหาวคฺคํ, ตทนนฺตรํ ปาถิกวคฺคนฺติ, เอวํ ติวคฺคสงฺคหํ จตุตึสสุตฺตปฏิมณฺฑิตํ ¶ จตุสฏฺิภาณวารปริมาณํ ตนฺตึ สงฺคายิตฺวา ‘‘อยํ ทีฆนิกาโย นามา’’ติ วตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อิมํ ตุยฺหํ นิสฺสิตเก วาเจหี’’ติ.
ตโต ¶ อนนฺตรํ อสีติภาณวารปริมาณํ มชฺฌิมนิกายํ สงฺคายิตฺวา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส นิสฺสิตเก ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘อิมํ ตุมฺเห ปริหรถา’’ติ.
ตโต อนนฺตรํ สตภาณวารปริมาณํ สํยุตฺตนิกายํ สงฺคายิตฺวา มหากสฺสปตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘ภนฺเต, อิมํ ตุมฺหากํ นิสฺสิตเก วาเจถา’’ติ.
ตโต อนนฺตรํ วีสติภาณวารสตปริมาณํ องฺคุตฺตรนิกายํ สงฺคายิตฺวา อนุรุทฺธตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ – ‘‘อิมํ ตุมฺหากํ นิสฺสิตเก วาเจถา’’ติ.
ตโต อนนฺตรํ ธมฺมสงฺคหวิภงฺคธาตุกถาปุคฺคลปฺตฺติกถาวตฺถุยมกปฏฺานํ อภิธมฺโมติ วุจฺจติ. เอวํ สํวณฺณิตํ สุขุมาณโคจรํ ตนฺตึ สงฺคายิตฺวา – ‘‘อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ นามา’’ติ วตฺวา ปฺจ อรหนฺตสตานิ สชฺฌายมกํสุ. วุตฺตนเยเนว ปถวิกมฺโป อโหสีติ.
ตโต ปรํ ชาตกํ, นิทฺเทโส, ปฏิสมฺภิทามคฺโค, อปทานํ, สุตฺตนิปาโต, ขุทฺทกปาโ, ธมฺมปทํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, วิมานวตฺถุ, เปตวตฺถุ, เถรคาถา ¶ , เถรีคาถาติ อิมํ ตนฺตึ สงฺคายิตฺวา ‘‘ขุทฺทกคนฺโถ นามาย’’นฺติ จ วตฺวา ‘‘อภิธมฺมปิฏกสฺมึเยว สงฺคหํ อาโรปยึสู’’ติ ทีฆภาณกา วทนฺติ. มชฺฌิมภาณกา ปน ‘‘จริยาปิฏกพุทฺธวํเสหิ สทฺธึ สพฺพมฺเปตํ ขุทฺทกคนฺถํ นาม สุตฺตนฺตปิฏเก ปริยาปนฺน’’นฺติ วทนฺติ.
เอวเมตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ รสวเสน เอกวิธํ, ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ, ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ. ตถา ปิฏกวเสน. นิกายวเสน ปฺจวิธํ, องฺควเสน นววิธํ, ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธนฺติ เวทิตพฺพํ.
กถํ รสวเสน เอกวิธํ? ยฺหิ ภควตา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ยาว อนุปาทิเสสาย ¶ นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสานิ เทวมนุสฺสนาคยกฺขาทโย อนุสาสนฺเตน วา ปจฺจเวกฺขนฺเตน วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เอกรสํ วิมุตฺติรสเมว โหติ. เอวํ รสวเสน เอกวิธํ.
กถํ ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ? สพฺพเมว เจตํ ธมฺโม เจว วินโย จาติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ตตฺถ วินยปิฏกํ วินโย, อวเสสํ พุทฺธวจนํ ธมฺโม. เตเนวาห ‘‘ยนฺนูน มยํ ธมฺมฺจ ¶ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗). ‘‘อหํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺยํ, อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จ. เอวํ ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ.
กถํ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ? สพฺพเมว หิทํ ปมพุทฺธวจนํ, มชฺฌิมพุทฺธวจนํ, ปจฺฉิมพุทฺธวจนนฺติ ติปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ –
‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.
คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๕๔);
อิทํ ปมพุทฺธวจนํ. เกจิ ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติ (มหาว. ๑) ขนฺธเก อุทานคาถํ วทนฺติ. เอสา ปน ปาฏิปททิวเส สพฺพฺุภาวปฺปตฺตสฺส โสมนสฺสมยาเณน ปจฺจยาการํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา อุทานคาถาติ เวทิตพฺพา.
ยํ ¶ ปน ปรินิพฺพานกาเล อภาสิ – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, อามนฺตยามิ โว, วยธมฺมา สงฺขารา, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๘) อิทํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ. อุภินฺนมนฺตเร ยํ วุตฺตํ, เอตํ มชฺฌิมพุทฺธวจนํ นาม. เอวํ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมพุทฺธวจนวเสน ติวิธํ.
กถํ ปิฏกวเสน ติวิธํ? สพฺพมฺปิ เจตํ วินยปิฏกํ สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ติปฺปเภทเมว ¶ โหติ. ตตฺถ ปมสงฺคีติยํ สงฺคีตฺจ อสงฺคีตฺจ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ, ทฺเว วิภงฺคา, ทฺวาวีสติ ขนฺธกา, โสฬสปริวาราติ – อิทํ วินยปิฏกํ นาม. พฺรหฺมชาลาทิจตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห ทีฆนิกาโย, มูลปริยายสุตฺตาทิทิยฑฺฒสตทฺเวสุตฺตสงฺคโห มชฺฌิมนิกาโย, โอฆตรณสุตฺตาทิสตฺตสุตฺตสหสฺสสตฺตสตทฺวาสฏฺิสุตฺตสงฺคโห สํยุตฺตนิกาโย, จิตฺตปริยาทานสุตฺตาทินวสุตฺตสหสฺสปฺจสตสตฺตปฺาสสุตฺตสงฺคโห องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกปา-ธมฺมปท-อุทาน-อิติวุตฺตก-สุตฺตนิปาต-วิมานวตฺถุ-เปตวตฺถุ-เถรคาถา-เถรีคาถา-ชาตก-นิทฺเทส-ปฏิสมฺภิทามคฺค-อปทาน-พุทฺธวํส-จริยาปิฏกวเสน ปนฺนรสปฺปเภโท ขุทฺทกนิกาโยติ ¶ อิทํ สุตฺตนฺตปิฏกํ นาม. ธมฺมสงฺคโห, วิภงฺโค, ธาตุกถา, ปุคฺคลปฺตฺติ, กถาวตฺถุ, ยมกํ, ปฏฺานนฺติ – อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ นาม. ตตฺถ –
‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา, วินยนโต เจว กายวาจานํ;
วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโต’’.
วิวิธา หิ เอตฺถ ปฺจวิธปาติโมกฺขุทฺเทสปาราชิกาทิ สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธมาติกา วิภงฺคาทิปฺปเภทา นยา. วิเสสภูตา จ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนา อนุปฺตฺตินยา. กายิกวาจสิกอชฺฌาจารนิเสธนโต เจส กายํ วาจฺจ วิเนติ, ตสฺมา วิวิธนยตฺตา วิเสสนยตฺตา กายวาจานํ วินยนโต เจว วินโยติ อกฺขาโต. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –
‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา, วินยนโต เจว กายวาจานํ;
วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโต’’ติ.
อิตรํ ¶ ปน –
‘‘อตฺถานํ สูจนโต สุวุตฺตโต, สวนโตถ สูทนโต;
สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ, สุตฺตนฺติ อกฺขาตํ.
ตฺหิ อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเท อตฺเถ สูเจติ. สุวุตฺตา เจตฺถ อตฺถา, เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลเมน วุตฺตตฺตา. สวติ เจตํ อตฺเถ สสฺสมิว ผลํ, ปสวตีติ วุตฺตํ โหติ. สูทติ เจตํ เธนุ วิย ขีรํ, ปคฺฆราเปตีติ วุตฺตํ โหติ. สุฏฺุ ¶ จ เน ตายติ, รกฺขตีติ วุตฺตํ โหติ. สุตฺตสภาคฺเจตํ, ยถา หิ ตจฺฉกานํ สุตฺตํ ปมาณํ โหติ, เอวเมตมฺปิ วิฺูนํ. ยถา จ สุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ น วิกิรียนฺติ, น วิทฺธํสียนฺติ, เอวเมว เตน สงฺคหิตา อตฺถา. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –
‘‘อตฺถานํ สูจนโต, สุวุตฺตโต สวนโตถ สูทนโต;
สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ, สุตฺตนฺติ อกฺขาต’’นฺติ.
อิตโร ¶ ปน –
‘‘ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;
วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต’’.
อยฺหิ อภิสทฺโท วุฑฺฒิลกฺขณปูชิตปริจฺฉินฺนาธิเกสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘พาฬฺหา เม ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ, โน ปฏิกฺกมนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๘๙) วุฑฺฒิยํ อาคโต. ‘‘ยา ตา รตฺติโย อภิฺาตา อภิลกฺขิตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๙) สลกฺขเณ. ‘‘ราชาภิราชา มนุชินฺโท’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙) ปูชิเต. ‘‘ปฏิพโล วิเนตุํ อภิธมฺเม อภิวินเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๘๕) ปริจฺฉินฺเน. อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเม จ วินเย จาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนา’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๘๑๙) อธิเก.
เอตฺถ จ ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ’’ (ธ. ส. ๒๕๑), ‘‘เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (วิภ. ๖๔๒) นเยน วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตา. ‘‘รูปารมฺมณํ วา สทฺทารมฺมณํ วา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน อารมฺมณาทีหิ ลกฺขณียตฺตา ¶ สลกฺขณาปิ. ‘‘เสกฺขา ธมฺมา, อเสกฺขา ธมฺมา, โลกุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑, ทุกมาติกา ๑๒) นเยน ปูชิตาปิ, ปูชารหาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ผสฺโส โหติ, เวทนา โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) นเยน สภาวปริจฺฉินฺนตฺตา ปริจฺฉินฺนาปิ. ‘‘มหคฺคตา ธมฺมา, อปฺปมาณา ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑), อนุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๑) นเยน อธิกาปิ ธมฺมา วุตฺตา. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –
‘‘ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;
วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต’’ติ.
ยํ ปเนตฺถ อวิสิฏฺํ, ตํ –
‘‘ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู, ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต อาหุ;
เตน สโมธาเนตฺวา, ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา’’.
ปริยตฺติปิ ¶ หิ ‘‘มา ปิฏกสมฺปทาเนนา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) ปิฏกนฺติ วุจฺจติ. ‘‘อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทาลปิฏกมาทายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๐) ยํ กิฺจิ ภาชนมฺปิ. ตสฺมา ‘ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู ปริยตฺติภาชนตฺถโต อาหุ.
อิทานิ ‘เตน สโมธาเนตฺวา ¶ ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา’ติ, เตน เอวํ ทุวิธตฺเถน ปิฏกสทฺเทน สห สมาสํ กตฺวา วินโย จ โส ปิฏกฺจ ปริยตฺติภาวโต, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ภาชนโต จาติ วินยปิฏกํ, ยถาวุตฺเตเนว นเยน สุตฺตนฺตฺจ ตํ ปิฏกฺจาติ สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺโม จ โส ปิฏกฺจาติ อภิธมฺมปิฏกนฺติ. เอวเมเต ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา.
เอวํ ตฺวา จ ปุนปิ เตสุเยว ปิฏเกสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ –
‘‘เทสนาสาสนกถาเภทํ เตสุ ยถารหํ;
สิกฺขาปฺปหานคมฺภีรภาวฺจ ปริทีปเย.
ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจาปิ ยํ ยหึ;
ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’.
ตตฺรายํ ปริทีปนา วิภาวนา จ. เอตานิ หิ ตีณิ ปิฏกานิ ยถากฺกมํ อาณาโวหารปรมตฺถเทสนา, ยถาปราธยถานุโลมยถาธมฺมสาสนานิ, สํวราสํวรทิฏฺิวินิเวนนามรูปปริจฺเฉทกถาติ จ วุจฺจนฺติ. เอตฺถ ¶ หิ วินยปิฏกํ อาณารเหน ภควตา อาณาพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา อาณาเทสนา, สุตฺตนฺตปิฏกํ โวหารกุสเลน ภควตา โวหารพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา โวหารเทสนา, อภิธมฺมปิฏกํ ปรมตฺถกุสเลน ภควตา ปรมตฺถพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา ปรมตฺถเทสนาติ วุจฺจติ.
ตถา ปมํ – ‘เย เต ปจุราปราธา สตฺตา, เต ยถาปราธํ เอตฺถ สาสิตา’ติ ยถาปราธสาสนํ, ทุติยํ – ‘อเนกชฺฌาสยานุสยจริยาธิมุตฺติกา สตฺตา ยถานุโลมํ เอตฺถ สาสิตา’ติ ยถานุโลมสาสนํ, ตติยํ – ‘ธมฺมปฺุชมตฺเต ‘‘อหํ มมา’’ติ สฺิโน สตฺตา ยถาธมฺมํ เอตฺถ สาสิตา’ติ ยถาธมฺมสาสนนฺติ วุจฺจติ.
ตถา ปมํ – อชฺฌาจารปฏิปกฺขภูโต สํวราสํวโร เอตฺถ กถิโตติ สํวราสํวรกถา. สํวราสํวโรติ ¶ ขุทฺทโก เจว มหนฺโต จ สํวโร, กมฺมากมฺมํ วิย, ผลาผลํ วิย จ, ทุติยํ – ‘‘ทฺวาสฏฺิทิฏฺิปฏิปกฺขภูตา ทิฏฺิวินิเวนา เอตฺถ กถิตา’’ติ ทิฏฺิวินิเวนกถา, ตติยํ – ‘‘ราคาทิปฏิปกฺขภูโต นามรูปปริจฺเฉโท เอตฺถ กถิโต’’ติ นามรูปปริจฺเฉทกถาติ วุจฺจติ.
ตีสุปิ เจเตสุ ติสฺโส สิกฺขา, ตีณิ ปหานานิ, จตุพฺพิโธ จ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ. ตถา หิ วินยปิฏเก วิเสเสน อธิสีลสิกฺขา วุตฺตา, สุตฺตนฺตปิฏเก อธิจิตฺตสิกฺขา, อภิธมฺมปิฏเก อธิปฺาสิกฺขา.
วินยปิฏเก จ วีติกฺกมปฺปหานํ ¶ , กิเลสานํ วีติกฺกมปฏิปกฺขตฺตา สีลสฺส. สุตฺตนฺตปิฏเก ปริยุฏฺานปฺปหานํ, ปริยุฏฺานปฏิปกฺขตฺตา สมาธิสฺส. อภิธมฺมปิฏเก อนุสยปฺปหานํ, อนุสยปฏิปกฺขตฺตา ปฺาย. ปเม จ ตทงฺคปฺปหานํ, อิตเรสุ วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานานิ. ปเม จ ทุจฺจริตสํกิเลสปฺปหานํ, อิตเรสุ ตณฺหาทิฏฺิสํกิเลสปฺปหานํ.
เอกเมกสฺมิฺเจตฺถ จตุพฺพิโธปิ ธมฺมตฺถเทสนา ปฏิเวธคมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ธมฺโมติ ตนฺติ. อตฺโถติ ตสฺสาเยว อตฺโถ. เทสนาติ ตสฺสา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. ปฏิเวโธติ ตนฺติยา ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธา. ยสฺมา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท ¶ มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาฬฺหา อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เอวํ เอกเมกสฺมึ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ.
อปโร นโย, ธมฺโมติ เหตุ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ. อตฺโถติ เหตุผลํ, วุตฺตฺเหตํ – ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๒๐). เทสนาติ ปฺตฺติ, ยถา ธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย. อนุโลมปฏิโลมสงฺเขปวิตฺถาราทิวเสน วา กถนํ. ปฏิเวโธติ อภิสมโย, โส จ โลกิยโลกุตฺตโร วิสยโต อสมฺโมหโต จ, อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสุ, ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสุ, ปฺตฺติปถานุรูปํ ปฺตฺตีสุ อวโพโธ. เตสํ เตสํ วา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว.
อิทานิ ¶ ยสฺมา เอเตสุ ปิฏเกสุ ยํ ยํ ธมฺมชาตํ วา อตฺถชาตํ วา, ยา จายํ ยถา ยถา าเปตพฺโพ อตฺโถ โสตูนํ าณสฺส อภิมุโข โหติ, ตถา ตถา ตทตฺถโชติกา เทสนา, โย เจตฺถ อวิปรีตาวโพธสงฺขาโต ปฏิเวโธ, เตสํ เตสํ วา ธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว. สพฺพมฺเปตํ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุปฺปฺเหิ สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาฬฺหํ อลพฺภเนยฺยปติฏฺฺจ, ตสฺมา คมฺภีรํ. เอวมฺปิ เอกเมกสฺมึ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ.
เอตฺตาวตา จ –
‘‘เทสนาสาสนกถา, เภทํ เตสุ ยถารหํ;
สิกฺขาปฺปหานคมฺภีร, ภาวฺจ ปริทีปเย’’ติ ¶ –
อยํ คาถา วุตฺตตฺถาว โหติ.
‘‘ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจาปิ ยํ ยหึ;
ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’ติ –
เอตฺถ ปน ตีสุ ปิฏเกสุ ติวิโธ ปริยตฺติเภโท ทฏฺพฺโพ. ติสฺโส หิ ปริยตฺติโย – อลคทฺทูปมา, นิสฺสรณตฺถา, ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติ.
ตตฺถ ยา ทุคฺคหิตา, อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา, อยํ อลคทฺทูปมา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี ¶ อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน, โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ, ตเมนํ โภเค วา นงฺคุฏฺเ วา คณฺเหยฺย, ตสฺส โส อลคทฺโท ปฏิปริวตฺติตฺวา หตฺเถ วา พาหายํ วา อฺตรสฺมึ วา องฺคปจฺจงฺเค ฑํเสยฺย, โส ตโต นิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย, มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, สุตฺตํ…เป… เวทลฺลํ, เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺติ, เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อนุปปริกฺขตํ น นิชฺฌานํ ขมนฺติ, เต อุปารมฺภานิสํสา เจว ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ, ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, ตฺจสฺส อตฺถํ ¶ นานุโภนฺติ, เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๘).
ยา ปน สุคฺคหิตา สีลกฺขนฺธาทิปาริปูรึเยว อากงฺขมาเนน ปริยาปุฏา, น อุปารมฺภาทิเหตุ, อยํ นิสฺสรณตฺถา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เตสํ เต ธมฺมา สุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๙).
ยํ ปน ปริฺาตกฺขนฺโธ ปหีนกิเลโส ภาวิตมคฺโค ปฏิวิทฺธากุปฺโป สจฺฉิกตนิโรโธ ขีณาสโว เกวลํ ปเวณีปาลนตฺถาย วํสานุรกฺขณตฺถาย ปริยาปุณาติ, อยํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติ.
วินเย ปน สุปฺปฏิปนฺโน ภิกฺขุ สีลสมฺปทํ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโต. สุตฺเต สุปฺปฏิปนฺโน สมาธิสมฺปทํ นิสฺสาย ฉ อภิฺา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโต. อภิธมฺเม สุปฺปฏิปนฺโน ปฺาสมฺปทํ ¶ นิสฺสาย จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณาติ, ตาสฺจ ตตฺเถว ปเภทวจนโต, เอวเมเตสุ สุปฺปฏิปนฺโน ยถากฺกเมน อิมํ วิชฺชาตฺตยฉฬภิฺาจตุปฺปฏิสมฺภิทาเภทํ สมฺปตฺตึ ปาปุณาติ.
วินเย ปน ทุปฺปฏิปนฺโน อนฺุาตสุขสมฺผสฺสอตฺถรณปาวุรณาทิผสฺสสามฺโต ปฏิกฺขิตฺเตสุ อุปาทินฺนกผสฺสาทีสุ อนวชฺชสฺี โหติ. วุตฺตมฺปิ ¶ เหตํ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เย เม อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๔). ตโต ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาติ. สุตฺเต ทุปฺปฏิปนฺโน – ‘‘จตฺตาโร เม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕) อธิปฺปายํ อชานนฺโต ทุคฺคหิตํ คณฺหาติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขณติ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๖). ตโต มิจฺฉาทิฏฺิตํ ปาปุณาติ. อภิธมฺเม ทุปฺปฏิปนฺโน ธมฺมจินฺตํ อติธาวนฺโต อจินฺเตยฺยานิปิ จินฺเตติ. ตโต จิตฺตกฺเขปํ ปาปุณาติ, วุตฺตฺเหตํ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺยานิ, น จินฺเตตพฺพานิ, ยานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). เอวเมเตสุ ทุปฺปฏิปนฺโน ยถากฺกเมน อิมํ ทุสฺสีลภาว มิจฺฉาทิฏฺิตา จิตฺตกฺเขปเภทํ วิปตฺตึ ปาปุณาตี’’ติ.
เอตฺตาวตา ¶ จ –
‘‘ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจาปิ ยํ ยหึ;
ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’ติ –
อยมฺปิ คาถา วุตฺตตฺถาว โหติ. เอวํ นานปฺปการโต ปิฏกานิ ตฺวา เตสํ วเสเนตํ พุทฺธวจนํ ติวิธนฺติ าตพฺพํ.
กถํ นิกายวเสน ปฺจวิธํ? สพฺพเมว เจตํ ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ กตโม ทีฆนิกาโย? ติวคฺคสงฺคหานิ พฺรหฺมชาลาทีนิ จตุตฺตึส สุตฺตานิ.
‘‘จตุตฺตึเสว สุตฺตนฺตา, ติวคฺโค ยสฺส สงฺคโห;
เอส ทีฆนิกาโยติ, ปโม อนุโลมิโก’’ติ.
กสฺมา ¶ ปเนส ทีฆนิกาโยติ วุจฺจติ? ทีฆปฺปมาณานํ สุตฺตานํ สมูหโต นิวาสโต จ. สมูหนิวาสา หิ นิกาโยติ วุจฺจนฺติ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว ¶ , ติรจฺฉานคตา ปาณา’’ (สํ. นิ. ๒.๑๐๐). โปณิกนิกาโย จิกฺขลฺลิกนิกาโยติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สาธกานิ สาสนโต โลกโต จ. เอวํ เสสานมฺปิ นิกายภาเว วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กตโม มชฺฌิมนิกาโย? มชฺฌิมปฺปมาณานิ ปฺจทสวคฺคสงฺคหานิ มูลปริยายสุตฺตาทีนิ ทิยฑฺฒสตํ ทฺเว จ สุตฺตานิ.
‘‘ทิยฑฺฒสตสุตฺตนฺตา, ทฺเว จ สุตฺตานิ ยตฺถ โส;
นิกาโย มชฺฌิโม ปฺจ, ทสวคฺคปริคฺคโห’’ติ.
กตโม สํยุตฺตนิกาโย? เทวตาสํยุตฺตาทิวเสน กถิตานิ โอฆตรณาทีนิ สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ สตฺต จ สุตฺตสตานิ ทฺวาสฏฺิ จ สุตฺตานิ.
‘‘สตฺตสุตฺตสหสฺสานิ ¶ , สตฺตสุตฺตสตานิ จ;
ทฺวาสฏฺิ เจว สุตฺตนฺตา, เอโส สํยุตฺตสงฺคโห’’ติ.
กตโม องฺคุตฺตรนิกาโย? เอเกกองฺคาติเรกวเสน กถิตานิ จิตฺตปริยาทานาทีนิ นว สุตฺตสหสฺสานิ ปฺจ สุตฺตสตานิ สตฺตปฺาสฺจ สุตฺตานิ.
‘‘นว สุตฺตสหสฺสานิ, ปฺจ สุตฺตสตานิ จ;
สตฺตปฺาส สุตฺตานิ, สงฺขฺยา องฺคุตฺตเร อย’’นฺติ.
กตโม ขุทฺทกนิกาโย? สกลํ วินยปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกํ, ขุทฺทกปาาทโย จ ปุพฺเพ ทสฺสิตา ปฺจทสปฺปเภทา, เปตฺวา จตฺตาโร นิกาเย อวเสสํ พุทฺธวจนํ.
‘‘เปตฺวา จตุโรเปเต, นิกาเย ทีฆอาทิเก;
ตทฺํ พุทฺธวจนํ, นิกาโย ขุทฺทโก มโต’’ติ.
เอวํ นิกายวเสน ปฺจวิธํ.
กถํ องฺควเสน นววิธํ? สพฺพเมว หิทํ สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ อุภโตวิภงฺคนิทฺเทสขนฺธกปริวารา, สุตฺตนิปาเต มงฺคลสุตฺตรตนสุตฺตนาลกสุตฺตตุวฏฺฏกสุตฺตานิ จ อฺมฺปิ จ สุตฺตนามกํ ตถาคตวจนํ ¶ สุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺพมฺปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยนฺติ ¶ เวทิตพฺพํ. วิเสเสน สํยุตฺตเก สกโลปิ สคาถวคฺโค, สกลมฺปิ อภิธมฺมปิฏกํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ, ยฺจ อฺมฺปิ อฏฺหิ องฺเคหิ อสงฺคหิตํ พุทฺธวจนํ, ตํ เวยฺยากรณนฺติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมปทํ, เถรคาถา, เถรีคาถา, สุตฺตนิปาเต โนสุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา จ คาถาติ เวทิตพฺพา. โสมนสฺสฺาณมยิกคาถา ปฏิสํยุตฺตา ทฺเวอสีติ สุตฺตนฺตา อุทานนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ติอาทินยปฺปวตฺตา ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา อิติวุตฺตกนฺติ เวทิตพฺพํ. อปณฺณกชาตกาทีนิ ปฺาสาธิกานิ ปฺจชาตกสตานิ ‘ชาตก’นฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท’’ติอาทินยปฺปวตฺตา (ที. นิ. ๒.๒๐๙) สพฺเพปิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺตสุตฺตนฺตา อพฺภุตธมฺมนฺติ เวทิตพฺพํ. จูฬเวทลฺล-มหาเวทลฺล-สมฺมาทิฏฺิ-สกฺกปฺห-สงฺขารภาชนิย-มหาปุณฺณมสุตฺตาทโย ¶ สพฺเพปิ เวทฺจ ตุฏฺิฺจ ลทฺธา ลทฺธา ปุจฺฉิตสุตฺตนฺตา เวทลฺลนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ องฺควเสน นววิธํ.
กถํ ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธํ? สพฺพเมว เจตํ พุทฺธวจนํ –
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ.
เอวํ ปริทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ. ยํ อเนกานุสนฺธิกํ, ตตฺถ อนุสนฺธิวเสน ธมฺมกฺขนฺธคณนา. คาถาพนฺเธสุ ปฺหาปุจฺฉนํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ, วิสฺสชฺชนํ เอโก. อภิธมฺเม เอกเมกํ ติกทุกภาชนํ, เอกเมกฺจ จิตฺตวารภาชนํ, เอกเมโก ธมฺมกฺขนฺโธ. วินเย อตฺถิ วตฺถุ, อตฺถิ มาติกา, อตฺถิ ปทภาชนียํ, อตฺถิ อนฺตราปตฺติ, อตฺถิ อาปตฺติ, อตฺถิ อนาปตฺติ, อตฺถิ ติกจฺเฉโท. ตตฺถ เอกเมโก โกฏฺาโส เอกเมโก ธมฺมกฺขนฺโธติ เวทิตพฺโพ. เอวํ ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธํ.
เอวเมตํ อเภทโต รสวเสน เอกวิธํ, เภทโต ธมฺมวินยาทิวเสน ¶ ทุวิธาทิเภทํ พุทฺธวจนํ สงฺคายนฺเตน มหากสฺสปปฺปมุเขน วสีคเณน ‘‘อยํ ¶ ธมฺโม, อยํ วินโย, อิทํ ปมพุทฺธวจนํ, อิทํ มชฺฌิมพุทฺธวจนํ, อิทํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ, อิทํ วินยปิฏกํ, อิทํ สุตฺตนฺตปิฏกํ, อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ, อยํ ทีฆนิกาโย…เป… อยํ ขุทฺทกนิกาโย, อิมานิ สุตฺตาทีนิ นวงฺคานิ, อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ, อิมํ ปเภทํ ววตฺถเปตฺวาว สงฺคีตํ. น เกวลฺจ อิมเมว, อฺมฺปิ อุทฺทานสงฺคห-วคฺคสงฺคห-เปยฺยาลสงฺคห-เอกกนิปาต-ทุกนิปาตาทินิปาตสงฺคห-สํยุตฺตสงฺคห-ปณฺณาสสงฺคหาทิ-อเนกวิธํ ตีสุ ปิฏเกสุ สนฺทิสฺสมานํ สงฺคหปฺปเภทํ ววตฺถเปตฺวา เอว สตฺตหิ มาเสหิ สงฺคีตํ.
สงฺคีติปริโยสาเน จสฺส – ‘‘อิทํ มหากสฺสปตฺเถเรน ทสพลสฺส สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลํ ปวตฺตนสมตฺถํ กต’’นฺติ สฺชาตปฺปโมทา สาธุการํ วิย ททมานา อยํ มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อเนกปฺปการํ กมฺปิ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, อเนกานิ จ อจฺฉริยานิ ปาตุรเหสุนฺติ, อยํ ปมมหาสงฺคีติ นาม. ยา โลเก –
‘‘สเตหิ ¶ ปฺจหิ กตา, เตน ปฺจสตาติ จ;
เถเรเหว กตตฺตา จ, เถริกาติ ปวุจฺจตี’’ติ.
๑. พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนา
ปริพฺพาชกกถาวณฺณนา
อิมิสฺสา ¶ ¶ ¶ ปมมหาสงฺคีติยา วตฺตมานาย วินยสงฺคหาวสาเน สุตฺตนฺตปิฏเก อาทินิกายสฺส อาทิสุตฺตํ พฺรหฺมชาลํ ปุจฺฉนฺเตน อายสฺมตา มหากสฺสเปน – ‘‘พฺรหฺมชาลํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ, เอวมาทิวุตฺตวจนปริโยสาเน ยตฺถ จ ภาสิตํ, ยฺจารพฺภ ภาสิตํ, ตํ สพฺพํ ปกาเสนฺโต อายสฺมา อานนฺโท เอวํ เม สุตนฺติอาทิมาห. เตน วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมชาลสฺสาปิ เอวํ เม สุตนฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาที’’ติ.
๑. ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปทํ. เมติอาทีนิ นามปทานิ. ปฏิปนฺโน โหตีติ เอตฺถ ปฏีติ อุปสคฺคปทํ, โหตีติ อาขฺยาตปทนฺติ. อิมินา ตาว นเยน ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.
อตฺถโต ปน เอวํ-สทฺโท ตาว อุปมูปเทสสมฺปหํสนครหณวจนสมฺปฏิคฺคหาการนิทสฺสนาวธารณาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถาเหส – ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ (ธ. ป. ๕๓) เอวมาทีสุ อุปมายํ อาคโต. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส ¶ สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร. ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ ¶ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ. ‘‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภวนฺตํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’’ติ. ‘‘เอวฺจ วเทหิ, สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส ¶ มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วาติ? อกุสลา, ภนฺเต. สาวชฺชา วา อนวชฺชา วาติ? สาวชฺชา, ภนฺเต. วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วาติ? วิฺุครหิตา, ภนฺเต. สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. สฺวายมิธ อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ อาการตฺเถน เอวํ-สทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ, นานานยนิปุณมเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ, อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ, วิวิธปาฏิหาริยํ, ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ, สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ ‘เอวํ เม สุตํ’ มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.
นิทสฺสนตฺเถน – ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต – ‘เอวํ เม สุตํ’, ‘มยาปิ เอวํ สุต’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ นิทสฺเสติ.
อวธารณตฺเถน – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ ¶ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๒๓). เอวํ ภควตา – ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล, ธมฺมกุสโล, พฺยฺชนกุสโล, นิรุตฺติกุสโล, ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙). เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกามตํ ชเนติ – ‘เอวํ เม สุตํ’, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ.
เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส – ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สงฺขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว ¶ ¶ , ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน มยา สุตนฺติ จ, มม สุตนฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
สุตนฺติ อยํ สุต-สทฺโท สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จ – คมนวิสฺสุตกิลินฺน-อุปจิตานุโยค-โสตวิฺเยฺย-โสตทฺวารานุสาร-วิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท, ตถา หิสฺส ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิลินฺนากิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วาติ อตฺโถ. ‘เม’ สทฺทสฺส หิ ‘มยา’ติ อตฺเถ สติ ‘เอวํ มยา สุตํ’ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตนฺติ ยุชฺชติ. ‘มมา’ติ อตฺเถ สติ เอวํ มม สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณนฺติ ยุชฺชติ.
เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคิปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ตถา เอวนฺติ ตสฺสา โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติภาวปฺปกาสนํ. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป ¶ – ‘‘นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโต’’ติ.
ตถา เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพธมฺมปฺปกาสนํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา เอวํ สุต’’นฺติ.
ตถา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส. เอวนฺติ หิ อยมาการปฺตฺติ. เมติ กตฺตุนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส. เอตฺตาวตา นานาการปฺปวตฺเตน ¶ จิตฺตสนฺตาเนน ตํ สมงฺคิโน กตฺตุ วิสยคฺคหณสนฺนิฏฺานํ กตํ โหติ.
อถวา ¶ เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป, ‘‘มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน สุต’’นฺติ.
ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. กิฺเหตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ เอวนฺติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ? สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ. ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ. ตถา ‘เอว’นฺติ จ, เมติ จ, ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. ‘สุต’นฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ. เอตฺถ จ เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหติ. ‘สุต’นฺติ วจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปติ. ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ, น โส กาลนฺตเรน มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน ปฺาสิทฺธิ, อสมฺโมเสน ปน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา, สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฏิเวธสมตฺถตา. ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถโต ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.
อปโร นโย, เอวนฺติ วจเนน โยนิโส มนสิการํ ทีเปติ. อโยนิโส มนสิกโรโต หิ นานปฺปการปฏิเวธาภาวโต. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ, วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ¶ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโส มนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ จ กตปฺุตํ สาเธติ, สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา ตทภาวโต. อวิกฺเขเปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ สาเธติ. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถีติ.
อปโร ¶ นโย, ยสฺมา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโสติ วุตฺตํ, โส จ เอวํ ภทฺทโก อากาโร น สมฺมาอปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา โหติ, ตสฺมา เอวนฺติ อิมินา ภทฺทเกนากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ. สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูปเทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส วา สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิสิทฺธา โหติ, ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ปโยคสุทฺธิ, ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. อิติ ¶ ปโยคาสยสุทฺธสฺส อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคํ วิย สูริยสฺส อุทยโต โยนิโส มนสิกาโร วิย จ กุสลกมฺมสฺส อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต – ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิมาห.
อปโร นโย, ‘เอว’นฺติ อิมินา นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. ‘สุต’นฺติ อิมินา โสตพฺพปฺปเภทปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ. ‘เอว’นฺติ จ อิทํ โยนิโส มนสิการทีปกํ วจนํ ภาสมาโน – ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสานุเปกฺขิตา, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. ‘สุต’นฺติ อิทํ สวนโยคทีปกํ วจนํ ภาสมาโน – ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. ตทุภเยนาปิ อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณฺหิ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา หิตา ปริพาหิโร โหตีติ, ตสฺมา อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ อยํ ธมฺโม โสตพฺโพติ.
‘‘เอวํ ¶ เม สุต’’นฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ. สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา, ตสฺเสว ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.
อปิจ ¶ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมวจนํ วิวรนฺโต – ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ, น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กาตพฺพา’’ติ สพฺเพสํ เทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;
เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.
เอกนฺติ ¶ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –
‘‘สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ’’.
ตถา หิสฺส – ‘‘อปฺเปวนาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๓๒) สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข ¶ สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ, ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ. อยมฺปิ โข, เต ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ.
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๘) –
อาทีสุ ¶ ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๙) ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ๑๐๘) ปฏิเวโธ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. เตน สํวจฺฉรอุตุมาสฑฺฒมาสรตฺติทิวปุพฺพณฺหมชฺฌนฺหิกสายนฺหปมมชฺฌิ-มปจฺฉิมยามมุหุตฺตาทีสุ กาลปฺปเภทภูเตสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.
ตตฺถ กิฺจาปิ เอเตสุ สํวจฺฉราทีสุ สมเยสุ ยํ ยํ สุตฺตํ ยสฺมึ ยสฺมึ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ มาเส ปกฺเข รตฺติภาเค วา ทิวสภาเค วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เถรสฺส สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตํ ปฺาย. ยสฺมา ปน – ‘‘เอวํ เม สุตํ’’ อสุกสํวจฺฉเร อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกปกฺเข อสุกรตฺติภาเค อสุกทิวสภาเค วาติ เอวํ วุตฺเต น สกฺกา สุเขน ¶ ธาเรตุํ วา อุทฺทิสิตุํ วา อุทฺทิสาเปตุํ วา, พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห. เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย, ชาติสมโย, สํเวคสมโย, อภินิกฺขมนสมโย, ทุกฺกรการิกสมโย, มารวิชยสมโย, อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย, เทสนาสมโย, ปรินิพฺพานสมโยติ, เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย ปกาสา อเนกกาลปฺปเภทา เอว สมยา. เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ. โย จายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ กรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิตปฏิปตฺติสมโย, สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมิกถาสมโย เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ ¶ เทสนาสมโย, เตสุปิ สมเยสุ อฺตรํ สมยํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’’นฺติ (ธ. ส. ๑) จ, อิโต อฺเสุ จ สุตฺตปเทสุ – ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ จ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโต, วินเย จ – ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ กรณวจเนน, ตถา อกตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ? ตตฺถ ตถา อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ จ อธิกรณตฺโถ ¶ ภาเวน ภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ, สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขียติ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโต.
วินเย จ เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต.
อิธ ปน อฺสฺมิฺจ เอวํ ชาติเก อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา อิมํ อฺํ วา สุตฺตนฺตํ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ.
เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ตํ ¶ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.
โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ วา, ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา, ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วา, อภิลาปมตฺตเภโท เอส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมวตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเตปิ ‘‘เอกสฺมึ สมเย’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภควาติ ครุ. ครฺุหิ โลเก ภควาติ วทนฺติ. อยฺจ ¶ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สพฺพสตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ภควาติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –
‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
อปิ จ –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ.
อิมิสฺสา ¶ คาถาย วเสนสฺส ปทสฺส วิตฺถารอตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส จ วิสุทฺธิมคฺเค พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺโตเยว.
เอตฺตาวตา เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต ภควโต ธมฺมกายํ ปจฺจกฺขํ กโรติ. เตน ‘‘นยิทํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ สตฺถุ อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสติ.
เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ สาเธติ. เตน ‘‘เอวํวิธสฺส นาม อริยธมฺมสฺส เทสโก ทสพลธโร วชิรสงฺฆาต สมานกาโย โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, เกน อฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ.
เอวนฺติ ¶ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ. เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ. เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ. ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ.
อนฺตรา จ ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทนฺติ อนฺตรา-สทฺโท การณขณจิตฺตเวมชฺฌวิวราทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย อฺตฺร ตถาคตา’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๔) จ, ‘‘ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ มฺจ ตฺจ กิมนฺตร’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) จ อาทีสุ หิ การเณ อนฺตรา-สทฺโท. ‘‘อทฺทส มํ, ภนฺเต, อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) ขเณ. ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) จิตฺเต. ‘‘อนฺตรา โวสานมาปาที’’ติอาทีสุ ¶ (จูฬว. ๓๕๐) เวมชฺเฌ. ‘‘อปิ จายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๑) วิวเร. สฺวายมิธ วิวเร วตฺตติ, ตสฺมา ราชคหสฺส จ นาฬนฺทาย จ วิวเรติ เอวเมตฺถตฺโถ เวทิตพฺโพ. อนฺตรา-สทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํ. อีทิเสสุ จ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามฺจ นทิฺจ ยาตี’’ติ เอวํ เอกเมว อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทนปิ โยเชตพฺโพ โหติ, อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ. อิธ ปน โยเชตฺวาเยว วุตฺโตติ.
อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน ¶ โหตีติ อทฺธานสงฺขาตํ มคฺคํ ปฏิปนฺโน โหติ, ‘‘ทีฆมคฺค’’นฺติ อตฺโถ. อทฺธานคมนสมยสฺส หิ วิภงฺเค ‘‘อฑฺฒโยชนํ คจฺฉิสฺสามีติ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต (ปาจิ. ๒๑๘) อฑฺฒโยชนมฺปิ อทฺธานมคฺโค โหติ. ราชคหโต ปน นาฬนฺทา โยชนเมว.
มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธินฺติ ‘มหตา’ติ คุณมหตฺเตนปิ มหตา, สงฺขฺยามหตฺเตนปิ มหตา. โส หิ ภิกฺขุสงฺโฆ คุเณหิปิ มหา อโหสิ, อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคตตฺตา. สงฺขฺยายปิ มหา, ปฺจสตสงฺขฺยตฺตา. ภิกฺขูนํ สงฺโฆ ‘ภิกฺขุสงฺโฆ’, เตน ภิกฺขุสงฺเฆน. ทิฏฺิสีลสามฺสงฺฆาตสงฺขาเตน สมณคเณนาติ อตฺโถ. สทฺธินฺติ เอกโต.
ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหีติ ปฺจมตฺตา เอเตสนฺติ ปฺจมตฺตานิ. มตฺตาติ ปมาณํ วุจฺจติ, ตสฺมา ยถา ‘‘โภชเน มตฺตฺู’’ติ วุตฺเต ‘‘โภชเน มตฺตํ ชานาติ, ปมาณํ ชานาตี’’ติ อตฺโถ โหติ, เอวมิธาปิ – ‘‘เตสํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจมตฺตา ปฺจปมาณ’’นฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขูนํ สตานิ ภิกฺขุสตานิ, เตหิ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ.
สุปฺปิโยปิ ¶ โข ปริพฺพาชโกติ สุปฺปิโยติ ตสฺส นามํ. ปิ-กาโร มคฺคปฺปฏิปนฺนสภาคตาย ปุคฺคลสมฺปิณฺฑนตฺโถ. โข-กาโร ปทสนฺธิกโร, พฺยฺชนสิลิฏฺตาวเสน วุตฺโต. ปริพฺพาชโกติ สฺชยสฺส อนฺเตวาสี ฉนฺนปริพฺพาชโก. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยทา ภควา ตํ อทฺธานมคฺคํ ¶ ปฏิปนฺโน, ตทา สุปฺปิโยปิ ปริพฺพาชโก ปฏิปนฺโน อโหสี’’ติ. อตีตกาลตฺโถ เหตฺถ โหติ-สทฺโท.
สทฺธึ อนฺเตวาสินา พฺรหฺมทตฺเตน มาณเวนาติ – เอตฺถ อนฺเต วสตีติ อนฺเตวาสี. สมีปจาโร สนฺติกาวจโร สิสฺโสติ อตฺโถ. พฺรหฺมทตฺโตติ ตสฺส นามํ. มาณโวติ สตฺโตปิ โจโรปิ ตรุโณปิ วุจฺจติ.
‘‘โจทิตา เทวทูเตหิ, เย ปมชฺชนฺติ มาณวา;
เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ, หีนกายูปคา นรา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๗๑) –
อาทีสุ ¶ หิ สตฺโต มาณโวติ วุตฺโต. ‘‘มาณเวหิปิ สมาคจฺฉนฺติ กตกมฺเมหิปิ อกตกมฺเมหิปี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) โจโร. ‘‘อมฺพฏฺโ มาณโว, องฺคโก มาณโว’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๑๖) ตรุโณ ‘มาณโว’ติ วุตฺโต. อิธาปิ อยเมวตฺโถ. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – พฺรหฺมทตฺเตน นาม ตรุณนฺเตวาสินา สทฺธินฺติ.
ตตฺราติ ตสฺมึ อทฺธานมคฺเค, เตสุ วา ทฺวีสุ ชเนสุ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. อเนกปริยาเยนาติ ปริยาย-สทฺโท ตาว วารเทสนาการเณสุ วตฺตติ. ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, อชฺช ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘) หิ วาเร ปริยายสทฺโท วตฺตติ. ‘‘มธุปิณฺฑิกปริยาโยตฺเวว นํ ธาเรหี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) เทสนายํ. ‘‘อิมินาปิ โข, เต ราชฺ, ปริยาเยน เอวํ โหตู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๑๑) การเณ. สฺวายมิธาปิ การเณ วตฺตติ, ตสฺมา อยเมตฺถ อตฺโถ – ‘‘อเนกวิเธน การเณนา’’ติ, ‘‘พหูหิ การเณหี’’ติ วุตฺตํ โหติ.
พุทฺธสฺส อวณฺณํ ภาสตีติ อวณฺณวิรหิตสฺส อปริมาณวณฺณสมนฺนาคตสฺสาปิ พุทฺธสฺส ภควโต – ‘‘ยํ โลเก ชาติวุฑฺเฒสุ กตฺตพฺพํ อภิวาทนาทิสามีจิกมฺมํ ‘สามคฺคิรโส’ติ วุจฺจติ, ตํ สมณสฺส โคตมสฺส นตฺถิ ตสฺมา อรสรูโป สมโณ โคตโม, นิพฺโภโค, อกิริยวาโท, อุจฺเฉทวาโท, เชคุจฺฉี, เวนยิโก, ตปสฺสี, อปคพฺโภ. นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส ¶ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ, วีมํสานุจริตํ, สยํปฏิภานํ. สมโณ โคตโม น สพฺพฺู, น โลกวิทู, น อนุตฺตโร, น อคฺคปุคฺคโล’’ติ. เอวํ ตํ ตํ อการณเมว การณนฺติ วตฺวา ¶ ตถา ตถา อวณฺณํ โทสํ นินฺทํ ภาสติ.
ยถา จ พุทฺธสฺส, เอวํ ธมฺมสฺสาปิ ตํ ตํ อการณเมว การณโต วตฺวา – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส ธมฺโม ทุรกฺขาโต, ทุปฺปฏิเวทิโต, อนิยฺยานิโก, อนุปสมสํวตฺตนิโก’’ติ ตถา ตถา อวณฺณํ ภาสติ.
ยถา ¶ จ ธมฺมสฺส, เอวํ สงฺฆสฺสาปิ ยํ วา ตํ วา อการณเมว การณโต วตฺวา – ‘‘มิจฺฉาปฏิปนฺโน สมณสฺส โคตมสฺส สาวกสงฺโฆ, กุฏิลปฏิปนฺโน, ปจฺจนีกปฏิปทํ อนนุโลมปฏิปทํ อธมฺมานุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺโน’’ติ ตถา ตถา อวณฺณํ ภาสติ.
อนฺเตวาสี ปนสฺส – ‘‘อมฺหากํ อาจริโย อปรามสิตพฺพํ ปรามสติ, อนกฺกมิตพฺพํ อกฺกมติ, สฺวายํ อคฺคึ คิลนฺโต วิย, หตฺเถน อสิธารํ ปรามสนฺโต วิย, มุฏฺินา สิเนรุํ ปทาเลตุกาโม วิย, กกจทนฺตปนฺติยํ กีฬมาโน วิย, ปภินฺนมทํ จณฺฑหตฺถึ หตฺเถน คณฺหนฺโต วิย จ วณฺณารหสฺเสว รตนตฺตยสฺส อวณฺณํ ภาสมาโน อนยพฺยสนํ ปาปุณิสฺสติ. อาจริเย โข ปน คูถํ วา อคฺคึ วา กณฺฏกํ วา กณฺหสปฺปํ วา อกฺกมนฺเต, สูลํ วา อภิรูหนฺเต, หลาหลํ วา วิสํ ขาทนฺเต, ขาโรทกํ วา ปกฺขลนฺเต, นรกปปาตํ วา ปปตนฺเต, น อนฺเตวาสินา ตํ สพฺพมนุกาตพฺพํ โหติ. กมฺมสฺสกา หิ สตฺตา อตฺตโน กมฺมานุรูปเมว คตึ คจฺฉนฺติ. เนว ปิตา ปุตฺตสฺส กมฺเมน คจฺฉติ, น ปุตฺโต ปิตุ กมฺเมน, น มาตา ปุตฺตสฺส, น ปุตฺโต มาตุยา, น ภาตา ภคินิยา, น ภคินี ภาตุ, น อาจริโย อนฺเตวาสิโน, น อนฺเตวาสี อาจริยสฺส กมฺเมน คจฺฉติ. มยฺหฺจ อาจริโย ติณฺณํ รตนานํ อวณฺณํ ภาสติ, มหาสาวชฺโช โข ปนาริยูปวาโทติ. เอวํ โยนิโส อุมฺมุชฺชิตฺวา อาจริยวาทํ มทฺทมาโน สมฺมาการณเมว การณโต อปทิสนฺโต อเนกปริยาเยน ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ ภาสิตุมารทฺโธ, ยถา ตํ ปณฺฑิตชาติโก กุลปุตฺโต’’. เตน วุตฺตํ – ‘‘สุปฺปิยสฺส ปน ปริพฺพาชกสฺส อนฺเตวาสี พฺรหฺมทตฺโต มาณโว อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติ.
ตตฺถ วณฺณนฺติ วณฺณ-สทฺโท สณฺาน-ชาติ-รูปายตน-การณ-ปมาณ-คุณ-ปสํสาทีสุ ทิสฺสติ ¶ . ตตฺถ ‘‘มหนฺตํ สปฺปราชวณฺณํ ¶ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๔๒) สณฺานํ วุจฺจติ. ‘‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีโน อฺโ วณฺโณ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๐๒) ชาติ. ‘‘ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๐๓) รูปายตนํ.
‘‘น ¶ หรามิ น ภฺชามิ, อารา สิงฺฆามิ วาริชํ;
อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธตฺเถโนติ วุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) –
อาทีสุ การณํ. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๖๐๒) ปมาณํ. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน, เต คหปติ, อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๗) คุโณ. ‘‘วณฺณารหสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๒.๑๓๕) ปสํสา. อิธ คุโณปิ ปสํสาปิ. อยํ กิร ตํ ตํ ภูตเมว การณํ อปทิสนฺโต อเนกปริยาเยน รตนตฺตยสฺส คุณูปสฺหิตํ ปสํสํ อภาสิ. ตตฺถ – ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา (ปารา. ๑) นเยน, ‘‘เย ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺนา อคฺเค เต ปสนฺนา’’ติอาทินา ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ…เป… อสโม อสมสโม’’ติอาทินา (อ. นิ. ๑.๑๗๔) จ นเยน พุทฺธสฺส วณฺโณ เวทิตพฺโพ. ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๙) จ ‘‘อาลยสมุคฺฆาโต วฏฺฏุปจฺเฉโท’’ติ (อิติ. ๙๐, อ. นิ. ๔.๓๔) จ, ‘‘เย ภิกฺขเว, อริเย อฏฺงฺคิเก มคฺเค ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา’’ติ จ เอวมาทีหิ นเยหิ ธมฺมสฺส วณฺโณ เวทิตพฺโพ. ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๙) จ, ‘‘เย, ภิกฺขเว, สงฺเฆ ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔) จ เอวมาทีหิ ปน นเยหิ สงฺฆสฺส วณฺโณ เวทิตพฺโพ. ปโหนฺเตน ปน ธมฺมกถิเกน ปฺจนิกาเย นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ โอคาหิตฺวา พุทฺธาทีนํ วณฺโณ ปกาเสตพฺโพ. อิมสฺมิฺหิ าเน พุทฺธาทีนํ คุเณ ปกาเสนฺโต อติตฺเถน ปกฺขนฺโท ธมฺมกถิโกติ น สกฺกา วตฺตุํ. อีทิเสสุ หิ าเนสุ ธมฺมกถิกสฺส ถาโม เวทิตพฺโพ. พฺรหฺมทตฺโต ปน มาณโว อนุสฺสวาทิมตฺตสมฺพนฺธิเตน อตฺตโน ถาเมน รตนตฺตยสฺส วณฺณํ ภาสติ.
อิติห เต อุโภ อาจริยนฺเตวาสีติ เอวํ เต ทฺเว อาจริยนฺเตวาสิกา. อฺมฺสฺสาติ อฺโ อฺสฺส. อุชุวิปจฺจนีกวาทาติ อีสกมฺปิ อปริหริตฺวา อุชุเมว วิวิธปจฺจนีกวาทา, อเนกวารํ วิรุทฺธวาทา เอว หุตฺวาติ ¶ อตฺโถ. อาจริเยน หิ รตนตฺตยสฺส ¶ อวณฺเณ ภาสิเต อนฺเตวาสี วณฺณํ ภาสติ, ปุน อิตโร อวณฺณํ, อิตโร วณฺณนฺติ เอวํ อาจริโย สารผลเก วิสรุกฺขอาณึ อาโกฏยมาโน วิย ¶ ปุนปฺปุนํ รตนตฺตยสฺส อวณฺณํ ภาสติ. อนฺเตวาสี ปน สุวณฺณรชตมณิมยาย อาณิยา ตํ อาณึ ปฏิพาหยมาโน วิย ปุนปฺปุนํ รตนตฺตยสฺส วณฺณํ ภาสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’ติ.
ภควนฺตํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธา โหนฺติ ภิกฺขุสงฺฆฺจาติ ภควนฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ปจฺฉโต ปจฺฉโต ทสฺสนํ อวิชหนฺตา อิริยาปถานุพนฺธเนน อนุพนฺธา โหนฺติ, สีสานุโลกิโน หุตฺวา อนุคตา โหนฺตีติ อตฺโถ.
กสฺมา ปน ภควา ตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺโน? กสฺมา จ สุปฺปิโย อนุพนฺโธ? กสฺมา จ โส รตนตฺตยสฺส อวณฺณํ ภาสตีติ? ภควา ตาว ตสฺมึ กาเล ราชคหปริวตฺตเกสุ อฏฺารสสุ มหาวิหาเรสุ อฺตรสฺมึ วสิตฺวา ปาโตว สรีรปฺปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขาจารเวลายํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคเห ปิณฺฑาย จรติ. โส ตํ ทิวสํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สุลภปิณฺฑปาตํ กตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา – ‘‘นาฬนฺทํ คมิสฺสามี’’ติ, ราชคหโต นิกฺขมิตฺวา ตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺโน. สุปฺปิโยปิ โข ตสฺมึ กาเล ราชคหปริวตฺตเก อฺตรสฺมึ ปริพฺพาชการาเม วสิตฺวา ปริพฺพาชกปริวุโต ราชคเห ภิกฺขาย จรติ. โสปิ ตํ ทิวสํ ปริพฺพาชกปริสาย สุลภภิกฺขํ กตฺวา ภุตฺตปาตราโส ปริพฺพาชเก ปริพฺพาชกปริกฺขารํ คาหาเปตฺวา – นาฬนฺทํ คมิสฺสามิจฺเจว ภควโต ตํ มคฺคํ ปฏิปนฺนภาวํ อชานนฺโตว อนุพนฺโธ. สเจ ปน ชาเนยฺย นานุพนฺเธยฺย. โส อชานิตฺวาว คจฺฉนฺโต คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอโลกยมาโน ภควนฺตํ อทฺทส พุทฺธสิริยา โสภมานํ รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺตมิว ชงฺคมกนกคิริสิขรํ.
ตสฺมึ กิร สมเย ทสพลสฺส สรีรโต นิกฺขมิตฺวา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาเณ ปเทเส อาธาวนฺติ วิธาวนฺติ รตนาเวฬรตนทามรตนจุณฺณวิปฺปกิณฺณํ ¶ วิย, ปสาริตรตนจิตฺตกฺจนปฏมิว, รตฺตสุวณฺณรสนิสิฺจมานมิว, อุกฺกาสตนิปาตสมากุลมิว, นิรนฺตรวิปฺปกิณฺณกณิการปุปฺผมิว วายุเวคกฺขิตฺตจีนปิฏฺจุณฺณมิว, อินฺทธนุวิชฺชุลตาตาราคณปฺปภาวิสรวิปฺผุริตวิจฺฉริตมิว จ ตํ วนนฺตรํ โหติ.
อสีติ ¶ อนุพฺยฺชนานุรฺชิตฺจ ปน ภควโต สรีรํ วิกสิตกมลุปฺปลมิว, สรํ สพฺพปาลิผุลฺลมิว ¶ ปาริจฺฉตฺตกํ, ตารามรีจิวิกสิตมิว, คคนตลํ สิริยา อวหสนฺตมิว, พฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิลาสินี จสฺส ทฺวตฺตึสวรลกฺขณมาลา คนฺเถตฺวา ปิตทฺวตฺตึสจนฺทมาลาย ทฺวตฺตึสสูริยมาลาย ปฏิปาฏิยา ปิตทฺวตฺตึสจกฺกวตฺติทฺวตฺตึสสกฺกเทวราชทฺวตฺตึสมหาพฺรหฺมานํ สิรึ สิริยา อภิภวนฺติมิว. ตฺจ ปน ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา ภิกฺขู สพฺเพว อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา ปวิวิตฺตา อสํสฏฺา โจทกา ปาปครหิโน วตฺตาโร วจนกฺขมา สีลสมฺปนฺนา สมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติฺาณทสฺสนสมฺปนฺนา. เตสํ มชฺเฌ ภควา รตฺตกมฺพลปาการปริกฺขิตฺโต วิย กฺจนถมฺโภ, รตฺตปทุมสณฺฑมชฺฌคตา วิย สุวณฺณนาวา, ปวาฬเวทิกาปริกฺขิตฺโต วิย อคฺคิกฺขนฺโธ, ตาราคณปริวาริโต วิย ปุณฺณจนฺโท มิคปกฺขีนมฺปิ จกฺขูนิ ปีณยติ, ปเคว เทวมนุสฺสานํ. ตสฺมิฺจ ปน ทิวเส เยภุยฺเยน อสีติมหาเถรา เมฆวณฺณํ ปํสุกูลํ เอกํสํ กริตฺวา กตฺตรทณฺฑํ อาทาย สุวมฺมวมฺมิตา วิย คนฺธหตฺถิโน วิคตโทสา วนฺตโทสา ภินฺนกิเลสา วิชฏิตชฏา ฉินฺนพนฺธนา ภควนฺตํ ปริวารยึสุ. โส สยํ วีตราโค วีตราเคหิ, สยํ วีตโทโส วีตโทเสหิ, สยํ วีตโมโห วีตโมเหหิ, สยํ วีตตณฺโห วีตตณฺเหหิ, สยํ นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลเสหิ, สยํ พุทฺโธ อนุพุทฺเธหิ ปริวาริโต; ปตฺตปริวาริตํ วิย เกสรํ, เกสรปริวาริตา วิย กณฺณิกา, อฏฺนาคสหสฺสปริวาริโต วิย ฉทฺทนฺโต นาคราชา, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรฏฺโ หํสราชา, เสนงฺคปริวาริโต วิย จกฺกวตฺติราชา, เทวคณปริวาริโต วิย สกฺโก เทวราชา, พฺรหฺมคณปริวาริโต วิย หาริโต มหาพฺรหฺมา, อปริมิตกาลสฺจิตปฺุพลนิพฺพตฺตาย อจินฺเตยฺยาย อโนปมาย พุทฺธลีลาย ¶ จนฺโท วิย คคนตลํ ตํ มคฺคํ ปฏิปนฺโน โหติ.
อเถวํ ภควนฺตํ อโนปมาย พุทฺธลีลาย คจฺฉนฺตํ ภิกฺขู จ โอกฺขิตฺตจกฺขู สนฺตินฺทฺริเย สนฺตมานเส อุปรินเภ ิตํ ปุณฺณจนฺทํ วิย ภควนฺตํเยว นมสฺสมาเน ทิสฺวาว ปริพฺพาชโก อตฺตโน ปริสํ อวโลเกสิ. สา โหติ กาชทณฺฑเก โอลมฺเพตฺวา คหิโตลุคฺควิลุคฺคปิฏฺกติทณฺฑโมรปิฺฉมตฺติกาปตฺตปสิพฺพกกุณฺฑิกาทิอเนกปริกฺขารภารภริตา ¶ . ‘‘อสุกสฺส หตฺถา โสภณา, อสุกสฺส ปาทา’’ติ เอวมาทินิรตฺถกวจนา มุขรา วิกิณฺณวาจา อทสฺสนียา อปาสาทิกา. ตสฺส ตํ ทิสฺวา วิปฺปฏิสาโร อุทปาทิ.
อิทานิ เตน ภควโต วณฺโณ วตฺตพฺโพ ภเวยฺย. ยสฺมา ปเนส ลาภสกฺการหานิยา เจว ปกฺขหานิยา จ นิจฺจมฺปิ ภควนฺตํ อุสูยติ. อฺติตฺถิยานฺหิ ยาว พุทฺโธ โลเก นุปฺปชฺชติ, ตาวเทว ลาภสกฺการา นิพฺพตฺตนฺติ, พุทฺธุปฺปาทโต ปน ปฏฺาย ปริหีนลาภสกฺการา โหนฺติ ¶ , สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกา วิย นิสฺสิรีกตํ อาปชฺชนฺติ. อุปติสฺสโกลิตานฺจ สฺชยสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตกาเลเยว ปริพฺพาชกา มหาปริสา อเหสุํ, เตสุ ปน ปกฺกนฺเตสุ สาปิ เตสํ ปริสา ภินฺนา. อิติ อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ อยํ ปริพฺพาชโก ยสฺมา นิจฺจมฺปิ ภควนฺตํ อุสูยติ, ตสฺมา ตํ อุสูยวิสุคฺคารํ อุคฺคิรนฺโต รตนตฺตยสฺส อวณฺณเมว ภาสตีติ เวทิตพฺโพ.
๒. อถ โข ภควา อมฺพลฏฺิกายํ ราชาคารเก เอกรตฺติวาสํ อุปคจฺฉิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนาติ ภควา ตาย พุทฺธลีลาย คจฺฉมาโน อนุปุพฺเพน อมฺพลฏฺิกาทฺวารํ ปาปุณิตฺวา สูริยํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อกาโล ทานิ คนฺตุํ, อตฺถสมีปํ คโต สูริโย’’ติ อมฺพลฏฺิกายํ ราชาคารเก เอกรตฺติวาสํ อุปคจฺฉิ.
ตตฺถ อมฺพลฏฺิกาติ รฺโ อุยฺยานํ. ตสฺส กิร ทฺวารสมีเป ตรุณอมฺพรุกฺโข อตฺถิ, ตํ ‘‘อมฺพลฏฺิกา’’ติ วทนฺติ. ตสฺส อวิทูเร ภวตฺตา อุยฺยานมฺปิ อมฺพลฏฺิกา ตฺเวว สงฺขฺยํ คตํ. ตํ ฉายูทกสมฺปนฺนํ ¶ ปาการปริกฺขิตฺตํ สุโยชิตทฺวารํ มฺชุสา วิย สุคุตฺตํ. ตตฺถ รฺโ กีฬนตฺถํ ปฏิภานจิตฺตวิจิตฺตํ อคารํ อกํสุ. ตํ ‘‘ราชาคารก’’นฺติ วุจฺจติ.
สุปฺปิโยปิ โขติ สุปฺปิโยปิ ตสฺมึ าเน สูริยํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อกาโล ทานิ คนฺตุํ, พหู ขุทฺทกมหลฺลกา ปริพฺพาชกา, พหุปริสฺสโย จ อยํ มคฺโค โจเรหิปิ วาฬยกฺเขหิปิ วาฬมิเคหิปิ. อยํ โข ปน สมโณ โคตโม อุยฺยานํ ปวิฏฺโ, สมณสฺส จ โคตมสฺส วสนฏฺาเน ¶ เทวตา อารกฺขํ คณฺหนฺติ, หนฺทาหมฺปิ อิธ เอกรตฺติวาสํ อุปคนฺตฺวา สฺเวว คมิสฺสามี’’ติ ตเทวุยฺยานํ ปาวิสิ. ตโต ภิกฺขุสงฺโฆ ภควโต วตฺตํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานํ สลฺลกฺเขสิ. ปริพฺพาชโกปิ อุยฺยานสฺส เอกปสฺเส ปริพฺพาชกปริกฺขาเร โอตาเรตฺวา วาสํ อุปคจฺฉิ สทฺธึ อตฺตโน ปริสาย. ปาฬิยมารูฬฺหวเสเนว ปน – ‘‘สทฺธึ อตฺตโน อนฺเตวาสินา พฺรหฺมทตฺเตน มาณเวนา’’ติ วุตฺตํ.
เอวํ วาสํ อุปคโต ปน โส ปริพฺพาชโก รตฺติภาเค ทสพลํ โอโลเกสิ. ตสฺมิฺจ สมเย สมนฺตา วิปฺปกิณฺณตารกา วิย ปทีปา ชลนฺติ, มชฺเฌ ภควา นิสินฺโน โหติ, ภิกฺขุสงฺโฆ จ ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา. ตตฺถ เอกภิกฺขุสฺสปิ หตฺถกุกฺกุจฺจํ วา ปาทกุกฺกุจฺจํ วา อุกฺกาสิตสทฺโท วา ขิปิตสทฺโท วา นตฺถิ. สา หิ ปริสา อตฺตโน จ สิกฺขิตสิกฺขตาย สตฺถริ จ คารเวนาติ ทฺวีหิ การเณหิ นิวาเต ปทีปสิขา วิย นิจฺจลา ¶ สนฺนิสินฺนาว อโหสิ. ปริพฺพาชโก ตํ วิภูตึ ทิสฺวา อตฺตโน ปริสํ โอโลเกสิ. ตตฺถ เกจิ หตฺถํ ขิปนฺติ, เกจิ ปาทํ, เกจิ วิปฺปลปนฺติ, เกจิ นิลฺลาลิตชิวฺหา ปคฺฆริตเขฬา, ทนฺเต ขาทนฺตา กากจฺฉมานา ฆรุฆรุปสฺสาสิโน สยนฺติ. โส รตนตฺตยสฺส คุณวณฺเณ วตฺตพฺเพปิ อิสฺสาวเสน ปุน อวณฺณเมว อารภิ. พฺรหฺมทตฺโต ปน วุตฺตนเยเนว วณฺณํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺราปิ สุทํ สุปฺปิโย ปริพฺพาชโก’’ติ สพฺพํ วตฺตพฺพํ. ตตฺถ ตตฺราปีติ ตสฺมิมฺปิ, อมฺพลฏฺิกายํ อุยฺยาเนติ อตฺโถ.
๓. สมฺพหุลานนฺติ พหุกานํ. ตตฺถ วินยปริยาเยน ตโย ชนา ‘‘สมฺพหุลา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตโต ปรํ สงฺโฆ. สุตฺตนฺตปริยาเยน ¶ ปน ตโย ตโยว ตโต ปฏฺาย สมฺพหุลา. อิธ สุตฺตนฺตปริยาเยน ‘‘สมฺพหุลา’’ติ เวทิตพฺพา. มณฺฑลมาเฬติ กตฺถจิ ทฺเว กณฺณิกา คเหตฺวา หํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนน กตา กูฏาคารสาลาปิ ‘‘มณฺฑลมาโฬ’’ติ วุจฺจติ, กตฺถจิ เอกํ กณฺณิกํ คเหตฺวา ถมฺภปนฺตึ ปริกฺขิปิตฺวา กตา อุปฏฺานสาลาปิ ‘‘มณฺฑลมาโฬ’’ติ วุจฺจติ. อิธ ปน นิสีทนสาลา ‘‘มณฺฑลมาโฬ’’ติ เวทิตพฺโพ. สนฺนิสินฺนานนฺติ นิสชฺชนวเสน. สนฺนิปติตานนฺติ สโมธานวเสน. อยํ สงฺขิยธมฺโมติ สงฺขิยา วุจฺจติ กถา ¶ , กถาธมฺโมติ อตฺโถ. อุทปาทีติ อุปฺปนฺโน. กตโม ปน โสติ? อจฺฉริยํ อาวุโสติ เอวมาทิ. ตตฺถ อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหณํ วิย นิจฺจํ น โหตีติ อจฺฉริยํ. อยํ ตาว สทฺทนโย. อยํ ปน อฏฺกถานโย – อจฺฉราโยคฺคนฺติ อจฺฉริยํ. อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํ. อุภยํ เปตํ วิมฺหยสฺเสวาธิวจนํ. ยาวฺจิทนฺติ ยาว จ อิทํ เตน สุปฺปฏิวิทิตตาย อปฺปเมยฺยตฺตํ ทสฺเสติ.
เตน ภควตา ชานตา…เป… สุปฺปฏิวิทิตาติ เอตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ. โย โส ภควา สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, เตน ภควตา เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยานุสยํ ชานตา, หตฺถตเล ปิตํ อามลกํ วิย สพฺพเยฺยธมฺมํ ปสฺสตา.
อปิ จ ปุพฺเพนิวาสาทีหิ ชานตา, ทิพฺเพน จกฺขุนา ปสฺสตา. ตีหิ วิชฺชาหิ ฉหิ วา ปน อภิฺาหิ ชานตา, สพฺพตฺถ อปฺปฏิหเตน สมนฺตจกฺขุนา ปสฺสตา. สพฺพธมฺมชานนสมตฺถาย วา ปฺาย ชานตา, สพฺพสตฺตานํ จกฺขุวิสยาตีตานิ ติโรกุฏฺฏาทิคตานิปิ รูปานิ อติวิสุทฺเธน มํสจกฺขุนา ปสฺสตา. อตฺตหิตสาธิกาย วา สมาธิปทฏฺานาย ¶ ปฏิเวธปฺาย ชานตา, ปรหิตสาธิกาย กรุณาปทฏฺานาย เทสนาปฺาย ปสฺสตา.
อรีนํ หตตฺตา ปจฺจยาทีนฺจ อรหตฺตา อรหตา. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน อนฺตรายิกธมฺเม ¶ วา ชานตา, นิยฺยานิกธมฺเม ปสฺสตา, กิเลสารีนํ หตตฺตา อรหตา. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ. เอวํ จตูเวสารชฺชวเสน จตูหากาเรหิ โถมิเตน สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตา นานชฺฌาสยตา สุปฺปฏิวิทิตา ยาว จ สุฏฺุ ปฏิวิทิตา.
อิทานิสฺส สุปฺปฏิวิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ อยฺหีติอาทิมาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ ยา จ อยํ ภควตา ‘‘ธาตุโส, ภิกฺขเว, สตฺตา สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, หีนาธิมุตฺติกา หีนาธิมุตฺติเกหิ สทฺธึ สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, กลฺยาณาธิมุตฺติกา กลฺยาณาธิมุตฺติเกหิ สทฺธึ สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ. อตีตมฺปิ โข, ภิกฺขเว, อทฺธานํ ธาตุโสว สตฺตา สํสนฺทึสุ สมึสุ, หีนาธิมุตฺติกา ¶ หีนาธิมุตฺติเกหิ…เป… กลฺยาณาธิมุตฺติกา กลฺยาณาธิมุตฺติเกหิ สทฺธึ สํสนฺทึสุ สมึสุ, อนาคตมฺปิ โข, ภิกฺขเว, อทฺธานํ…เป… สํสนฺทิสฺสนฺติ สเมสฺสนฺติ, เอตรหิปิ โข, ภิกฺขเว, ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานํ ธาตุโสว สตฺตา สํสนฺทนฺติ สเมนฺติ, หีนาธิมุตฺติกา หีนาธิมุตฺติเกหิ…เป… กลฺยาณาธิมุตฺติกา กลฺยาณาธิมุตฺติเกหิ สทฺธึ สํสนฺทนฺติ สเมนฺตี’’ติ เอวํ สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตา, นานชฺฌาสยตา, นานาทิฏฺิกตา, นานาขนฺติตา, นานารุจิตา, นาฬิยา มินนฺเตน วิย ตุลาย ตุลยนฺเตน วิย จ นานาธิมุตฺติกตาาเณน สพฺพฺุตฺาเณน วิทิตา, สา ยาว สุปฺปฏิวิทิตา. ทฺเวปิ นาม สตฺตา เอกชฺฌาสยา ทุลฺลภา โลกสฺมึ. เอกสฺมึ คนฺตุกาเม เอโก าตุกาโม โหติ, เอกสฺมึ ปิวิตุกาเม เอโก ภฺุชิตุกาโม. อิเมสุ จาปิ ทฺวีสุ อาจริยนฺเตวาสีสุ อยฺหิ ‘‘สุปฺปิโย ปริพฺพาชโก…เป… ภควนฺตํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธา โหนฺติ ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ. ตตฺถ อิติหเมติ อิติห อิเม, เอวํ อิเมติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๔. อถ โข ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ อิมํ สงฺขิยธมฺมํ วิทิตฺวาติ เอตฺถ วิทิตฺวาติ สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตฺวา. ภควา หิ กตฺถจิ มํสจกฺขุนา ทิสฺวา ชานาติ – ‘‘อทฺทสา โข ภควา มหนฺตํ ทารุกฺขนฺธํ คงฺคาย นทิยา โสเตน วุยฺหมาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) วิย. กตฺถจิ ทิพฺพจกฺขุนา ทิสฺวา ชานาติ – ‘‘อทฺทสา โข ภควา ทิพฺเพน จกฺขุนา ¶ วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตา เทวตาโย สหสฺสสฺเสว ปาฏลิคาเม วตฺถูนิ ปริคณฺหนฺติโย’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. ๒.๑๕๒) วิย. กตฺถจิ ปกติโสเตน สุตฺวา ชานาติ – ‘‘อสฺโสสิ โข ภควา อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภทฺเทน ปริพฺพาชเกน สทฺธึ อิมํ กถาสลฺลาป’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๑๓) วิย. กตฺถจิ ทิพฺพโสเตน สุตฺวา ชานาติ – ‘‘อสฺโสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย สนฺธานสฺส คหปติสฺส นิคฺโรเธน ปริพฺพาชเกน สทฺธึ อิมํ กถาสลฺลาป’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๕๔) วิย. อิธ ปน สพฺพฺุตฺาเณน สุตฺวา อฺาสิ. กึ กโรนฺโต อฺาสิ? ปจฺฉิมยามกิจฺจํ, กิจฺจฺจ นาเมตํ สาตฺถกํ, นิรตฺถกนฺติ ทุวิธํ โหติ. ตตฺถ นิรตฺถกกิจฺจํ ภควตา โพธิปลฺลงฺเกเยว อรหตฺตมคฺเคน สมุคฺฆาตํ กตํ. สาตฺถกํเยว ปน ¶ ภควโต กิจฺจํ โหติ. ตํ ปฺจวิธํ – ปุเรภตฺตกิจฺจํ, ปจฺฉาภตฺตกิจฺจํ, ปุริมยามกิจฺจํ, มชฺฌิมยามกิจฺจํ, ปจฺฉิมยามกิจฺจนฺติ.
ตตฺริทํ ปุเรภตฺตกิจฺจํ –
ภควา หิ ปาโตว อุฏฺาย อุปฏฺากานุคฺคหตฺถํ สรีรผาสุกตฺถฺจ มุขโธวนาทิสรีรปริกมฺมํ กตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา ตาว วิวิตฺตาสเน วีตินาเมตฺวา, ภิกฺขาจารเวลายํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย กทาจิ เอกโก, กทาจิ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต, คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ; กทาจิ ปกติยา, กทาจิ อเนเกหิ ปาฏิหาริเยหิ วตฺตมาเนหิ. เสยฺยถิทํ, ปิณฺฑาย ปวิสโต โลกนาถสฺส ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา มุทุคตวาตา ปถวึ โสเธนฺติ, วลาหกา อุทกผุสิตานิ มฺุจนฺตา มคฺเค เรณุํ วูปสเมตฺวา อุปริ วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, อปเร วาตา ปุปฺผานิ อุปสํหริตฺวา มคฺเค โอกิรนฺติ, อุนฺนตา ภูมิปฺปเทสา โอนมนฺติ, โอนตา อุนฺนมนฺติ, ปาทนิกฺเขปสมเย สมาว ภูมิ โหติ, สุขสมฺผสฺสานิ ปทุมปุปฺผานิ วา ปาเท สมฺปฏิจฺฉนฺติ. อินฺทขีลสฺส อนฺโต ปิตมตฺเต ทกฺขิณปาเท สรีรโต ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณรสปิฺชรานิ วิย จิตฺรปฏปริกฺขิตฺตานิ วิย จ ปาสาทกูฏาคาราทีนิ อลงฺกโรนฺติโย อิโต จิโต ¶ จ ธาวนฺติ, หตฺถิอสฺสวิหงฺคาทโย สกสกฏฺาเนสุ ิตาเยว มธุเรนากาเรน สทฺทํ กโรนฺติ, ตถา เภริวีณาทีนิ ตูริยานิ มนุสฺสานฺจ กายูปคานิ อาภรณานิ. เตน สฺาเณน มนุสฺสา ชานนฺติ – ‘‘อชฺช ภควา อิธ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ. เต สุนิวตฺถา สุปารุตา คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย ฆรา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถึ ปฏิปชฺชิตฺวา ภควนฺตํ คนฺธปุปฺผาทีหิ สกฺกจฺจํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ทส ภิกฺขู, อมฺหากํ วีสติ, ปฺาสํ…เป… สตํ เทถา’’ติ ยาจิตฺวา ภควโตปิ ปตฺตํ คเหตฺวา อาสนํ ¶ ปฺเปตฺวา สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิมาเนนฺติ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ เตสํ สตฺตานํ จิตฺตสนฺตานานิ โอโลเกตฺวา ตถา ธมฺมํ เทเสติ, ยถา เกจิ สรณคมเนสุ ปติฏฺหนฺติ, เกจิ ปฺจสุ สีเลสุ, เกจิ โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลานํ อฺตรสฺมึ; เกจิ ปพฺพชิตฺวา อคฺคผเล อรหตฺเตติ. เอวํ มหาชนํ อนุคฺคเหตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คจฺฉติ. ตตฺถ ¶ คนฺตฺวา มณฺฑลมาเฬ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทติ, ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสานํ อาคมยมาโน. ตโต ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อุปฏฺาโก ภควโต นิเวเทติ. อถ ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสติ. อิทํ ตาว ปุเรภตฺตกิจฺจํ.
อถ ภควา เอวํ กตปุเรภตฺตกิจฺโจ คนฺธกุฏิยา อุปฏฺาเน นิสีทิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปาทปีเ ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทติ – ‘‘ภิกฺขเว, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, ทุลฺลโภ พุทฺธุปฺปาโท โลกสฺมึ, ทุลฺลโภ มนุสฺสตฺตปฏิลาโภ, ทุลฺลภา สมฺปตฺติ, ทุลฺลภา ปพฺพชฺชา, ทุลฺลภํ สทฺธมฺมสฺสวน’’นฺติ. ตตฺถ เกจิ ภควนฺตํ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉนฺติ. ภควาปิ เตสํ จริยานุรูปํ กมฺมฏฺานํ เทติ. ตโต สพฺเพปิ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ คจฺฉนฺติ. เกจิ อรฺํ, เกจิ รุกฺขมูลํ, เกจิ ปพฺพตาทีนํ อฺตรํ, เกจิ จาตุมหาราชิกภวนํ…เป… เกจิ วสวตฺติภวนนฺติ. ตโต ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา สเจ อากงฺขติ, ทกฺขิเณน ¶ ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน มุหุตฺตํ สีหเสยฺยํ กปฺเปติ. อถ สมสฺสาสิตกาโย วุฏฺหิตฺวา ทุติยภาเค โลกํ โวโลเกติ. ตติยภาเค ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ ตตฺถ มหาชโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุนิวตฺโถ สุปารุโต คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย วิหาเร สนฺนิปตติ. ตโต ภควา สมฺปตฺตปริสาย อนุรูเปน ปาฏิหาริเยน คนฺตฺวา ธมฺมสภายํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสชฺช ธมฺมํ เทเสติ กาลยุตฺตํ สมยยุตฺตํ, อถ กาลํ วิทิตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชติ, มนุสฺสา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปกฺกมนฺติ. อิทํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจํ.
โส เอวํ นิฏฺิตปจฺฉาภตฺตกิจฺโจ สเจ คตฺตานิ โอสิฺจิตุกาโม โหติ, พุทฺธาสนา วุฏฺาย นฺหานโกฏฺกํ ปวิสิตฺวา อุปฏฺาเกน ปฏิยาทิตอุทเกน คตฺตานิ อุตุํ คณฺหาเปติ. อุปฏฺาโกปิ พุทฺธาสนํ อาเนตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺเปติ. ภควา สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา อุตฺตราสงฺคํ เอกํสํ กริตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทติ เอกโกว มุหุตฺตํ ปฏิสลฺลีโน, อถ ภิกฺขู ตโต ตโต อาคมฺม ภควโต อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺติ. ตตฺถ เอกจฺเจ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ กมฺมฏฺานํ, เอกจฺเจ ¶ ธมฺมสฺสวนํ ยาจนฺติ. ภควา เตสํ อธิปฺปายํ สมฺปาเทนฺโต ปุริมยามํ วีตินาเมติ. อิทํ ปุริมยามกิจฺจํ.
ปุริมยามกิจฺจปริโยสาเน ¶ ปน ภิกฺขูสุ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺเตสุ สกลทสสหสฺสิโลกธาตุเทวตาโย โอกาสํ ลภมานา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, ยถาภิสงฺขตํ อนฺตมโส จตุรกฺขรมฺปิ. ภควา ตาสํ เทวตานํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต มชฺฌิมยามํ วีตินาเมติ. อิทํ มชฺฌิมยามกิจฺจํ.
ปจฺฉิมยามํ ปน ตโย โกฏฺาเส กตฺวา ปุเรภตฺตโต ปฏฺาย นิสชฺชาย ปีฬิตสฺส สรีรสฺส กิลาสุภาวโมจนตฺถํ เอกํ โกฏฺาสํ จงฺกเมน วีตินาเมติ. ทุติยโกฏฺาเส คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ. ตติยโกฏฺาเส ปจฺจุฏฺาย นิสีทิตฺวา ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก ทานสีลาทิวเสน กตาธิการปุคฺคลทสฺสนตฺถํ ¶ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกติ. อิทํ ปจฺฉิมยามกิจฺจํ.
ตสฺมึ ปน ทิวเส ภควา ปุเรภตฺตกิจฺจํ ราชคเห ปริโยสาเปตฺวา ปจฺฉาภตฺเต มคฺคํ อาคโต, ปุริมยาเม ภิกฺขูนํ กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา, มชฺฌิมยาเม เทวตานํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา, ปจฺฉิมยาเม จงฺกมํ อารุยฺห จงฺกมมาโน ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อิมํ สพฺพฺุตฺาณํ อารพฺภ ปวตฺตํ กถํ สพฺพฺุตฺาเณเนว สุตฺวา อฺาสีติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปจฺฉิมยามกิจฺจํ กโรนฺโต อฺาสี’’ติ.
ตฺวา จ ปนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม ภิกฺขู มยฺหํ สพฺพฺุตฺาณํ อารพฺภ คุณํ กเถนฺติ, เอเตสฺจ สพฺพฺุตฺาณกิจฺจํ น ปากฏํ, มยฺหเมว ปากฏํ. มยิ ปน คเต เอเต อตฺตโน กถํ นิรนฺตรํ อาโรเจสฺสนฺติ, ตโต เนสํ อหํ ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ติวิธํ สีลํ วิภชนฺโต, ทฺวาสฏฺิยา าเนสุ อปฺปฏิวตฺติยํ สีหนาทํ นทนฺโต, ปจฺจยาการํ สโมธาเนตฺวา พุทฺธคุเณ ปากเฏ กตฺวา, สิเนรุํ อุกฺขิเปนฺโต วิย สุวณฺณกูเฏน นภํ ปหรนฺโต วิย จ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนํ พฺรหฺมชาลสุตฺตนฺตํ อรหตฺตนิกูเฏน นิฏฺาเปนฺโต เทเสสฺสามิ, สา เม เทสนา ปรินิพฺพุตสฺสาปิ ปฺจวสฺสสหสฺสานิ สตฺตานํ อมตมหานิพฺพานํ สมฺปาปิกา ภวิสฺสตี’’ติ. เอวํ จินฺเตตฺวา เยน มณฺฑลมาโฬ เตนุปสงฺกมีติ ¶ . เยนาติ เยน ทิสาภาเคน, โส อุปสงฺกมิตพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ กรณวจนํ, ยสฺมึ ปเทเส โส มณฺฑลมาโฬ, ตตฺถ คโตติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
ปฺตฺเต อาสเน นิสีทีติ พุทฺธกาเล กิร ยตฺถ ยตฺถ เอโกปิ ภิกฺขุ วิหรติ สพฺพตฺถ พุทฺธาสนํ ปฺตฺตเมว โหติ. กสฺมา? ภควา กิร อตฺตโน สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ผาสุกฏฺาเน ¶ วิหรนฺเต มนสิ กโรติ – ‘‘อสุโก มยฺหํ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คโต, สกฺขิสฺสติ นุ โข วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ โน วา’’ติ. อถ นํ ปสฺสติ กมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา อกุสลวิตกฺกํ วิตกฺกยมานํ, ตโต ‘‘กถฺหิ นาม มาทิสสฺส สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ¶ วิหรนฺตํ อิมํ กุลปุตฺตํ อกุสลวิตกฺกา อภิภวิตฺวา อนมตคฺเค วฏฺฏทุกฺเข สํสาเรสฺสนฺตี’’ติ ตสฺส อนุคฺคหตฺถํ ตตฺเถว อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ตํ กุลปุตฺตํ โอวทิตฺวา อากาสํ อุปฺปติตฺวา ปุน อตฺตโน วสนฏฺานเมว คจฺฉติ. อเถวํ โอวทิยมานา เต ภิกฺขู จินฺตยึสุ – ‘‘สตฺถา อมฺหากํ มนํ ชานิตฺวา อาคนฺตฺวา อมฺหากํ สมีเป ิตํเยว อตฺตานํ ทสฺเสติ’’. ตสฺมึ ขเณ – ‘‘ภนฺเต, อิธ นิสีทถ, อิธ นิสีทถา’’ติ อาสนปริเยสนํ นาม ภาโรติ. เต อาสนํ ปฺเปตฺวาว วิหรนฺติ. ยสฺส ปีํ อตฺถิ, โส ตํ ปฺเปติ. ยสฺส นตฺถิ, โส มฺจํ วา ผลกํ วา กฏฺํ วา ปาสาณํ วา วาลุกปฺุชํ วา ปฺเปติ. ตํ อลภมานา ปุราณปณฺณานิปิ สงฺกฑฺฒิตฺวา ตตฺถ ปํสุกูลํ ปตฺถริตฺวา เปนฺติ. อิธ ปน รฺโ นิสีทนาสนเมว อตฺถิ, ตํ ปปฺโผเฏตฺวา ปฺเปตฺวา ปริวาเรตฺวา เต ภิกฺขู ภควโต อธิมุตฺติกาณมารพฺภ คุณํ โถมยมานา นิสีทึสุ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ.
เอวํ นิสินฺโน ปน ชานนฺโตเยว กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ภิกฺขู ปุจฺฉิ. เต จสฺส สพฺพํ กถยึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘นิสชฺช โข ภควา’’ติอาทิ. ตตฺถ กาย นุตฺถาติ กตมาย นุ กถาย สนฺนิสินฺนา ภวถาติ อตฺโถ. กาย เนตฺถาติปิ ปาฬิ, ตสฺสา กตมาย นุ เอตฺถาติ อตฺโถ กาย โนตฺถาติปิ ปาฬิ. ตสฺสาปิ ปุริโมเยว อตฺโถ.
อนฺตรากถาติ ¶ , กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อนฺตรา อฺา เอกา กถา. วิปฺปกตาติ, มม อาคมนปจฺจยา อปรินิฏฺิตา สิขํ อปฺปตฺตา. เตน กึ ทสฺเสติ? ‘‘นาหํ ตุมฺหากํ กถาภงฺคตฺถํ อาคโต, อหํ ปน สพฺพฺุตาย ตุมฺหากํ กถํ นิฏฺาเปตฺวา มตฺถกปฺปตฺตํ กตฺวา ทสฺสามีติ อาคโต’’ติ นิสชฺเชว สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรติ. อยํ โข โน, ภนฺเต, อนฺตรากถา วิปฺปกตา ¶ , อถ ภควา อนุปฺปตฺโตติ เอตฺถาปิ อยมธิปฺปาโย. อยํ ภนฺเต อมฺหากํ ภควโต สพฺพฺุตฺาณํ อารพฺภ คุณกถา วิปฺปกตา, น ราชกถาทิกา ติรจฺฉานกถา, อถ ภควา อนุปฺปตฺโต; ตํ โน อิทานิ นิฏฺาเปตฺวา เทเสถาติ.
เอตฺตาวตา จ ยํ อายสฺมตา อานนฺเทน กมลกุวลยุชฺชลวิมลสาธุรสสลิลาย โปกฺขรณิยา สุขาวตรณตฺถํ นิมฺมลสิลาตลรจนวิลาสโสภิตรตนโสปานํ, วิปฺปกิณฺณมุตฺตาตลสทิสวาลุกากิณฺณปณฺฑรภูมิภาคํ ¶ ติตฺถํ วิย สุวิภตฺตภิตฺติวิจิตฺรเวทิกาปริกฺขิตฺตสฺส นกฺขตฺตปถํ ผุสิตุกามตาย วิย, วิชมฺภิตสมุสฺสยสฺส ปาสาทวรสฺส สุขาโรหณตฺถํ ทนฺตมยสณฺหมุทุผลกกฺจนลตาวินทฺธมณิคณปฺปภาสมุทยุชฺชลโสภํ โสปานํ วิย, สุวณฺณวลยนูปุราทิสงฺฆฏฺฏนสทฺทสมฺมิสฺสิตกถิตหสิตมธุรสฺสรเคหชนวิจริตสฺส อุฬาริสฺสริวิภวโสภิตสฺส มหาฆรสฺส สุขปฺปเวสนตฺถํ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตปวาฬาทิชุติวิสฺสรวิชฺโชติตสุปฺปติฏฺิตวิสาลทฺวารพาหํ มหาทฺวารํ วิย จ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส พุทฺธคุณานุภาวสํสูจกสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคหณตฺถํ กาลเทสเทสกวตฺถุปริสาปเทสปฏิมณฺฑิตํ นิทานํ ภาสิตํ, ตสฺสตฺถวณฺณนา สมตฺตาติ.
๕. อิทานิ – ‘‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส วณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต. สา ปเนสา สุตฺตวณฺณนา. ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ ตาว วิจารยิสฺสาม. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา – อตฺตชฺฌาสโย, ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวสิโก, อฏฺุปฺปตฺติโกติ.
ตตฺถ ¶ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถสิ; เสยฺยถิทํ, อากงฺเขยฺยสุตฺตํ, วตฺถสุตฺตํ, มหาสติปฏฺานํ, มหาสฬายตนวิภงฺคสุตฺตํ, อริยวํสสุตฺตํ, สมฺมปฺปธานสุตฺตนฺตหารโก, อิทฺธิปาทอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคสุตฺตนฺตหารโกติ เอวมาทีนิ; เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนิยา ธมฺมา; ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตรึ ¶ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ; (สํ. นิ. ๔.๑๒๑) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ มนํ อภินีหารํ พุชฺฌนภาวฺจ อเวกฺขิตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ; เสยฺยถิทํ, จูฬราหุโลวาทสุตฺตํ, มหาราหุโลวาทสุตฺตํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, ธาตุวิภงฺคสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ; เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ภควนฺตํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา จตสฺโส ปริสา, จตฺตาโร วณฺณา, นาคา, สุปณฺณา, คนฺธพฺพา, อสุรา, ยกฺขา, มหาราชาโน, ตาวตึสาทโย เทวา, มหาพฺรหฺมาติ เอวมาทโย – ‘‘โพชฺฌงฺคา โพชฺฌงฺคา’’ติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ. ‘‘นีวรณา นีวรณา’’ติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ; ‘‘อิเม นุ โข, ภนฺเต, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา’’. ‘‘กึ สูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติอาทินา นเยน ปฺหํ ¶ ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุฏฺเน ภควตา ยานิ กถิตานิ โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ, ยานิ วา ปนฺานิปิ เทวตาสํยุตฺต-มารสํยุตฺต-พฺรหฺมสํยุตฺต-สกฺกปฺห-จูฬเวทลฺล-มหาเวทลฺล-สามฺผล-อาฬวก-สูจิโลม-ขรโลมสุตฺตาทีนิ; เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ตานิ อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ธมฺมทายาทํ, จูฬสีหนาทํ, จนฺทูปมํ, ปุตฺตมํสูปมํ, ทารุกฺขนฺธูปมํ, อคฺคิกฺขนฺธูปมํ, เผณปิณฺฑูปมํ, ปาริจฺฉตฺตกูปมนฺติ เอวมาทีนิ; เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป.
เอวเมเตสุ จตูสุ นิกฺเขเปสุ อิมสฺส สุตฺตสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. อฏฺุปฺปตฺติยา หิ อิทํ ภควตา นิกฺขิตฺตํ. กตราย อฏฺุปฺปตฺติยา? วณฺณาวณฺเณ. อาจริโย รตนตฺตยสฺส อวณฺณํ อภาสิ, อนฺเตวาสี วณฺณํ. อิติ อิมํ วณฺณาวณฺณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เทสนากุสโล ภควา – ‘‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ มมนฺติ ¶ , สามิวจนํ, มมาติ อตฺโถ. วาสทฺโท วิกปฺปนตฺโถ. ปเรติ, ปฏิวิรุทฺธา สตฺตา. ตตฺราติ เย อวณฺณํ วทนฺติ เตสุ.
น อาฆาโตติอาทีหิ กิฺจาปิ เตสํ ภิกฺขูนํ อาฆาโตเยว นตฺถิ, อถ โข อายตึ กุลปุตฺตานํ อีทิเสสุปิ าเนสุ อกุสลุปฺปตฺตึ ปฏิเสเธนฺโต ธมฺมเนตฺตึ ¶ เปติ. ตตฺถ อาหนติ จิตฺตนฺติ ‘อาฆาโต’; โกปสฺเสตํ อธิวจนํ. อปฺปตีตา โหนฺติ เตน อตุฏฺา อโสมนสฺสิกาติ อปฺปจฺจโย; โทมนสฺสสฺเสตํ อธิวจนํ. เนว อตฺตโน น ปเรสํ หิตํ อภิราธยตีติ อนภิรทฺธิ; โกปสฺเสตํ อธิวจนํ. เอวเมตฺถ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺขารกฺขนฺโธ, เอเกน เวทนากฺขนฺโธติ ทฺเว ขนฺธา วุตฺตา. เตสํ วเสน เสสานมฺปิ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ การณํ ปฏิกฺขิตฺตเมว.
เอวํ ปเมน นเยน มโนปโทสํ นิวาเรตฺวา, ทุติเยน นเยน ตตฺถ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ตตฺร เจ ตุมฺเห อสฺสถ กุปิตา วา อนตฺตมนา วา, ตุมฺหํ เยวสฺส เตน อนฺตราโย’’ติ. ตตฺถ ‘ตตฺร เจ ตุมฺเห อสฺสถา’ติ เตสุ อวณฺณภาสเกสุ, ตสฺมึ วา อวณฺเณ ตุมฺเห ภเวยฺยาถ เจ; ยทิ ภเวยฺยาถาติ อตฺโถ. ‘กุปิตา’ โกเปน, อนตฺตมนา โทมนสฺเสน. ‘ตุมฺหํ เยวสฺส เตน อนฺตราโย’ติ ตุมฺหากํเยว เตน โกเปน, ตาย จ อนตฺตมนตาย ปมชฺฌานาทีนํ อนฺตราโย ภเวยฺย.
เอวํ ¶ ทุติเยน นเยน อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา, ตติเยน นเยน วจนตฺถสลฺลกฺขณมตฺเตปิ อสมตฺถตํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘อปิ นุ ตุมฺเห ปเรส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปเรสนฺติ เยสํ เกสํ จิ. กุปิโต หิ เนว พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกานํ, น มาตาปิตูนํ, น ปจฺจตฺถิกานํ สุภาสิตทุพฺภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานาติ. ยถาห –
‘‘กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธํ ตมํ ตทา โหติ, ยํ โกโธ สหเต นรํ.
อนตฺถชนโน โกโธ, โกโธ จิตฺตปฺปโกปโน;
ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌตี’’ติ. (อ. นิ. ๗.๖๔);
เอวํ ¶ สพฺพถาปิ อวณฺเณ มโนปโทสํ นิเสเธตฺวา อิทานิ ปฏิปชฺชิตพฺพาการํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘ตตฺร ตุมฺเหหิ อภูตํ อภูตโต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ตตฺร ตุมฺเหหีติ, ตสฺมึ อวณฺเณ ตุมฺเหหิ. อภูตํ อภูตโต นิพฺเพเตพฺพนฺติ ยํ อภูตํ, ตํ อภูตภาเวเนว ¶ อปเนตพฺพํ. กถํ? อิติเปตํ อภูตนฺติอาทินา นเยน. ตตฺรายํ โยชนา – ‘‘ตุมฺหากํ สตฺถา น สพฺพฺู, ธมฺโม ทุรกฺขาโต, สงฺโฆ ทุปฺปฏิปนฺโน’’ติอาทีนิ สุตฺวา น ตุณฺหี ภวิตพฺพํ. เอวํ ปน วตฺตพฺพํ – ‘‘อิติ เปตํ อภูตํ, ยํ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, ตํ อิมินาปิ การเณน อภูตํ, อิมินาปิ การเณน อตจฺฉํ, ‘นตฺถิ เจตํ อมฺเหสุ’, ‘น จ ปเนตํ อมฺเหสุ สํวิชฺชติ’, สพฺพฺูเยว อมฺหากํ สตฺถา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ, ตตฺร อิทฺจิทฺจ การณ’’นฺติ. เอตฺถ จ ทุติยํ ปทํ ปมสฺส, จตุตฺถฺจ ตติยสฺส เววจนนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทฺจ อวณฺเณเยว นิพฺเพนํ กาตพฺพํ, น สพฺพตฺถ. ยทิ หิ ‘‘ตฺวํ ทุสฺสีโล, ตวาจริโย ทุสฺสีโล, อิทฺจิทฺจ ตยา กตํ, ตวาจริเยน กต’’นฺติ วุตฺเต ตุณฺหีภูโต อธิวาเสติ, อาสงฺกนีโย โหติ. ตสฺมา มโนปโทสํ อกตฺวา อวณฺโณ นิพฺเพเตพฺโพ. ‘‘โอฏฺโสิ, โคโณสี’’ติอาทินา ปน นเยน ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺตํ ปุคฺคลํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา อธิวาสนขนฺติเยว ตตฺถ กาตพฺพา.
๖. เอวํ อวณฺณภูมิยํ ตาทิลกฺขณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วณฺณภูมิยํ ทสฺเสตุํ ‘‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปเรติ เย เกจิ ปสนฺนา เทวมนุสฺสา. อานนฺทนฺติ เอเตนาติ อานนฺโท, ปีติยา เอตํ อธิวจนํ. สุมนสฺส ภาโว โสมนสฺสํ, เจตสิกสุขสฺเสตํ ¶ อธิวจนํ. อุปฺปิลาวิโน ภาโว อุปฺปิลาวิตตฺตํ. กสฺส อุปฺปิลาวิตตฺตนฺติ? เจตโสติ. อุทฺธจฺจาวหาย อุปฺปิลาปนปีติยา เอตํ อธิวจนํ. อิธาปิ ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺขารกฺขนฺโธ, เอเกน เวทนากฺขนฺโธ วุตฺโต.
เอวํ ปมนเยน อุปฺปิลาวิตตฺตํ นิวาเรตฺวา, ทุติเยน ตตฺถ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘ตตฺร เจ ตุมฺเห อสฺสถา’’ติอาทิมาห. อิธาปิ ตุมฺหํ เยวสฺส เตน อนฺตราโยติ เตน อุปฺปิลาวิตตฺเตน ตุมฺหากํเยว ปมชฺฌานาทีนํ ¶ อนฺตราโย ภเวยฺยาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กสฺมา ¶ ปเนตํ วุตฺตํ? นนุ ภควตา –
‘‘พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;
วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนาปิ ชมฺพุทีปสฺส.
ธมฺโมติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;
วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนาปิ ชมฺพุทีปสฺส.
สงฺโฆติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;
วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนาปิ ชมฺพุทีปสฺสา’’ติ จ.
‘‘เย, ภิกฺขเว, พุทฺเธ ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา’’ติ จ เอวมาทีหิ อเนกสเตหิ สุตฺเตหิ รตนตฺตเย ปีติโสมนสฺสเมว วณฺณิตนฺติ. สจฺจํ วณฺณิตํ, ตํ ปน เนกฺขมฺมนิสฺสิตํ. อิธ – ‘‘อมฺหากํ พุทฺโธ, อมฺหากํ ธมฺโม’’ติอาทินา นเยน อายสฺมโต ฉนฺนสฺส อุปฺปนฺนสทิสํ เคหสฺสิตํ ปีติโสมนสฺสํ อธิปฺเปตํ. อิทฺหิ ฌานาทิปฏิลาภาย อนฺตรายกรํ โหติ. เตเนวายสฺมา ฉนฺโนปิ ยาว พุทฺโธ น ปรินิพฺพายิ, ตาว วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ, ปรินิพฺพานกาเล ปฺตฺเตน ปน พฺรหฺมทณฺเฑน ตชฺชิโต ตํ ปีติโสมนสฺสํ ปหาย วิเสสํ นิพฺพตฺเตสิ. ตสฺมา อนฺตรายกรํเยว สนฺธาย อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อยฺหิ โลภสหคตา ปีติ. โลโภ จ โกธสทิโสว. ยถาห –
‘‘ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, ลุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธํ ตมํ ตทา โหติ, ยํ โลโภ สหเต นรํ.
อนตฺถชนโน ¶ โลโภ, โลโภ จิตฺตปฺปโกปโน;
ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌตี’’ติ. (อิติวุ. ๘๘);
ตติยวาโร ปน อิธ อนาคโตปิ อตฺถโต อาคโต เยวาติ เวทิตพฺโพ. ยเถว หิ กุทฺโธ, เอวํ ลุทฺโธปิ อตฺถํ น ชานาตีติ.
ปฏิปชฺชิตพฺพาการทสฺสนวาเร ปนายํ โยชนา – ‘‘ตุมฺหากํ สตฺถา สพฺพฺู อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ธมฺโม สฺวากฺขาโต, สงฺโฆ สุปฺปฏิปนฺโน’’ติอาทีนิ สุตฺวา น ตุณฺหี ภวิตพฺพํ. เอวํ ปน ปฏิชานิตพฺพํ – ‘‘อิติเปตํ ภูตํ ¶ , ยํ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, ตํ อิมินาปิ การเณน ภูตํ, อิมินาปิ การเณน ตจฺฉํ. โส หิ ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ; ธมฺโม อิติปิ สฺวากฺขาโต, อิติปิ สนฺทิฏฺิโก ¶ ; สงฺโฆ อิติปิ สุปฺปฏิปนฺโน, อิติปิ อุชุปฺปฏิปนฺโน’’ติ. ‘‘ตฺวํ สีลวา’’ติ ปุจฺฉิเตนาปิ สเจ สีลวา, ‘‘สีลวาหมสฺมี’’ติ ปฏิชานิตพฺพเมว. ‘‘ตฺวํ ปมสฺส ฌานสฺส ลาภี…เป… อรหา’’ติ ปุฏฺเนาปิ สภาคานํ ภิกฺขูนํเยว ปฏิชานิตพฺพํ. เอวฺหิ ปาปิจฺฉตา เจว ปริวชฺชิตา โหติ, สาสนสฺส จ อโมฆตา ทีปิตา โหตีติ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
จูฬสีลวณฺณนา
๗. อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเวติ โก อนุสนฺธิ? อิทํ สุตฺตํ ทฺวีหิ ปเทหิ อาพทฺธํ วณฺเณน จ อวณฺเณน จ. ตตฺถ อวณฺโณ – ‘‘อิติ เปตํ อภูตํ อิติ เปตํ อตจฺฉ’’นฺติ, เอตฺเถว อุทกนฺตํ ปตฺวา อคฺคิวิย นิวตฺโต. วณฺโณ ปน ภูตํ ภูตโต ปฏิชานิตพฺพํ – ‘‘อิติ เปตํ ภูต’’นฺติ เอวํ อนุวตฺตติเยว. โส ปน ทุวิโธ พฺรหฺมทตฺเตน ภาสิตวณฺโณ จ ภิกฺขุสงฺเฆน อจฺฉริยํ อาวุโสติอาทินา นเยน อารทฺธวณฺโณ จ. เตสุ ภิกฺขุสงฺเฆน วุตฺตวณฺณสฺส อุปริ สฺุตาปกาสเน อนุสนฺธึ ทสฺเสสฺสติ. อิธ ปน พฺรหฺมทตฺเตน วุตฺตวณฺณสฺส อนุสนฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว’’ติ เทสนา อารทฺธา.
ตตฺถ อปฺปมตฺตกนฺติ ปริตฺตสฺส นามํ. โอรมตฺตกนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. มตฺตาติ วุจฺจติ ปมาณํ. อปฺปํ มตฺตา เอตสฺสาติ อปฺปมตฺตกํ. โอรํ มตฺตา เอตสฺสาติ โอรมตฺตกํ. สีลเมว สีลมตฺตกํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘อปฺปมตฺตกํ โข, ปเนตํ ภิกฺขเว, โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ’ นาม ¶ เยน ‘‘ตถาคตสฺส วณฺณํ วทามี’’ติ อุสฺสาหํ กตฺวาปิ วณฺณํ วทมาโน ปุถุชฺชโน วเทยฺยาติ. ตตฺถ สิยา – นนุ อิทํ สีลํ นาม โยคิโน อคฺควิภูสนํ? ยถาหุ โปราณา –
‘‘สีลํ โยคิสฺส’ลงฺกาโร, สีลํ โยคิสฺส มณฺฑนํ;
สีเลหิ’ลงฺกโต โยคี, มณฺฑเน อคฺคตํ คโต’’ติ.
ภควตาปิ ¶ จ อเนเกสุ สุตฺตสเตสุ สีลํ มหนฺตเมว กตฺวา กถิตํ. ยถาห – ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ ‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’ติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕) จ.
‘‘กิกีว อณฺฑํ, จมรีว วาลธึ;
ปิยํว ปุตฺตํ, นยนํว เอกกํ.
ตเถว สีลํ, อนุรกฺขมานา;
สุเปสลา โหถ, สทา สคารวา’’ติ จ.
‘‘น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ;
น จนฺทนํ ตคฺครมลฺลิกา วา.
สตฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ;
สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ.
จนฺทนํ ตครํ วาปิ, อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี;
เอเตสํ คนฺธชาตานํ, สีลคนฺโธ อนุตฺตโร.
อปฺปมตฺโต อยํ คนฺโธ, ยฺวายํ ตครจนฺทนํ;
โย จ สีลวตํ คนฺโธ, วาติ เทเวสุ อุตฺตโม.
เตสํ สมฺปนฺนสีลานํ, อปฺปมาทวิหารินํ;
สมฺมทฺา วิมุตฺตานํ, มาโร มคฺคํ น วินฺทตี’’ติ จ. (ธ. ป. ๕๗);
‘‘สีเล ¶ ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;
อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ จ. (สํ. นิ. ๑.๒๓);
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, เย เกจิ พีชคามภูตคามา วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ, สพฺเพ เต ปถวึ นิสฺสาย, ปถวิยํ ปติฏฺาย; เอวเมเต พีชคามภูตคามา วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย สตฺตโพชฺฌงฺเค ภาเวนฺโต สตฺตโพชฺฌงฺเค พหุลีกโรนฺโต วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ ธมฺเมสู’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๕๐) จ. เอวํ อฺานิปิ อเนกานิ สุตฺตานิ ทฏฺพฺพานิ. เอวมเนเกสุ สุตฺตสเตสุ สีลํ มหนฺตเมว กตฺวา กถิตํ. ตํ ‘‘กสฺมา ¶ อิมสฺมึ าเน อปฺปมตฺตก’’นฺติ อาหาติ? อุปริ ¶ คุเณ อุปนิธาย. สีลฺหิ สมาธึ น ปาปุณาติ, สมาธิ ปฺํ น ปาปุณาติ, ตสฺมา อุปริมํ อุปนิธาย เหฏฺิมํ โอรมตฺตกํ นาม โหติ. กถํ สีลํ สมาธึ น ปาปุณาติ? ภควา หิ อภิสมฺโพธิโต สตฺตเม สํวจฺฉเร สาวตฺถินคร – ทฺวาเร กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ทฺวาทสโยชเน รตนมณฺฑเป โยชนปฺปมาเณ รตนปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา ติโยชนิเก ทิพฺพเสตจฺฉตฺเต ธาริยมาเน ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย อตฺตาทานปริทีปนํ ติตฺถิยมทฺทนํ – ‘‘อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… เอเกกโลมกูปโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมกูปโต อุทกธารา ปวตฺตติ, ฉนฺนํ วณฺณาน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสติ. ตสฺส สุวณฺณวณฺณสรีรโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมิโย อุคฺคนฺตฺวา ยาว ภวคฺคา คจฺฉนฺติ, สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬสฺส อลงฺกรณกาโล วิย โหติ, ทุติยา ทุติยา รสฺมิโย ปุริมาย ปุริมาย ยมกยมกา วิย เอกกฺขเณ วิย ปวตฺตนฺติ.
ทฺวินฺนฺจ จิตฺตานํ เอกกฺขเณ ปวตฺติ นาม นตฺถิ. พุทฺธานํ ปน ภควนฺตานํ ภวงฺคปริวาสสฺส ลหุกตาย ปฺจหากาเรหิ อาจิณฺณวสิตาย จ, ตา เอกกฺขเณ วิย ปวตฺตนฺติ. ตสฺสา ตสฺสา ปน รสฺมิยา อาวชฺชนปริกมฺมาธิฏฺานานิ วิสุํ วิสุํเยว.
นีลรสฺมิอตฺถาย หิ ภควา นีลกสิณํ สมาปชฺชติ, ปีตรสฺมิอตฺถาย ปีตกสิณํ, โลหิตโอทาตรสฺมิอตฺถาย โลหิตโอทาตกสิณํ, อคฺคิกฺขนฺธตฺถาย เตโชกสิณํ, อุทกธารตฺถาย อาโปกสิณํ สมาปชฺชติ. สตฺถา จงฺกมติ, นิมฺมิโต ติฏฺติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปตีติ ¶ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. เอตฺถ เอกมฺปิ สีลสฺส กิจฺจํ นตฺถิ, สพฺพํ สมาธิกิจฺจเมว. เอวํ สีลํ สมาธึ น ปาปุณาติ.
ยํ ปน ภควา กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา, เอกูนตึสวสฺสกาเล จกฺกวตฺติสิรีนิวาสภูตา ภวนา นิกฺขมฺม อโนมานทีตีเร ¶ ปพฺพชิตฺวา, ฉพฺพสฺสานิ ปธานโยคํ กตฺวา, วิสาขปุณฺณมายํ อุรุเวลคาเม สุชาตาย ทินฺนํ ปกฺขิตฺตทิพฺโพชํ มธุปายาสํ ปริภฺุชิตฺวา, สายนฺหสมเย ทกฺขิณุตฺตเรน โพธิมณฺฑํ ปวิสิตฺวา ¶ อสฺสตฺถทุมราชานํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา, ปุพฺพุตฺตรภาเค ิโต ติณสนฺถารํ สนฺถริตฺวา, ติสนฺธิปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ เมตฺตากมฺมฏฺานํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา, วีริยาธิฏฺานํ อธิฏฺาย, จุทฺทสหตฺถปลฺลงฺกวรคโต สุวณฺณปีเ ปิตํ รชตกฺขนฺธํ วิย ปฺาสหตฺถํ โพธิกฺขนฺธํ ปิฏฺิโต กตฺวา, อุปริ มณิฉตฺเตน วิย โพธิสาขาย ธาริยมาโน, สุวณฺณวณฺเณ จีวเร ปวาฬสทิเสสุ โพธิองฺกุเรสุ ปตมาเนสุ, สูริเย อตฺถํ อุปคจฺฉนฺเต มารพลํ วิธมิตฺวา, ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา, ปจฺจูสกาเล สพฺพพุทฺธานมาจิณฺเณ ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา, อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา, ตเทว ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา, มคฺคปฏิปาฏิยา อธิคเตน จตุตฺถมคฺเคน สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา สพฺพพุทฺธคุเณ ปฏิวิชฺฌิ, อิทมสฺส ปฺากิจฺจํ. เอวํ สมาธิ ปฺํ น ปาปุณาติ.
ตตฺถ ยถา หตฺเถ อุทกํ ปาติยํ อุทกํ น ปาปุณาติ, ปาติยํ อุทกํ ฆเฏ อุทกํ น ปาปุณาติ, ฆเฏ อุทกํ โกลมฺเพ อุทกํ น ปาปุณาติ, โกลมฺเพ อุทกํ จาฏิยํ อุทกํ น ปาปุณาติ, จาฏิยํ อุทกํ มหากุมฺภิยํ อุทกํ น ปาปุณาติ, มหากุมฺภิยํ อุทกํ กุโสพฺเภ อุทกํ น ปาปุณาติ, กุโสพฺเภ อุทกํ กนฺทเร อุทกํ น ปาปุณาติ, กนฺทเร อุทกํ กุนฺนทิยํ อุทกํ น ปาปุณาติ, กุนฺนทิยํ อุทกํ ปฺจมหานทิยํ อุทกํ น ปาปุณาติ, ปฺจมหานทิยํ อุทกํ จกฺกวาฬมหาสมุทฺเท ¶ อุทกํ น ปาปุณาติ, จกฺกวาฬมหาสมุทฺเท อุทกํ สิเนรุปาทเก มหาสมุทฺเท อุทกํ น ปาปุณาติ. ปาติยํ อุทกํ อุปนิธาย หตฺเถ อุทกํ ปริตฺตํ…เป… สิเนรุปาทกมหาสมุทฺเท อุทกํ อุปนิธาย จกฺกวาฬมหาสมุทฺเท อุทกํ ปริตฺตํ. อิติ อุปรูปริ อุทกํ พหุกํ อุปาทาย เหฏฺา เหฏฺา อุทกํ ปริตฺตํ โหติ.
เอวเมว อุปริ อุปริ คุเณ อุปาทาย เหฏฺา เหฏฺา สีลํ อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาห – ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, โอรมตฺตกํ สีลมตฺตก’’นฺติ.
เยน ¶ ปุถุชฺชโนติ, เอตฺถ –
‘‘ทุเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
อนฺโธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโน’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยสฺส ขนฺธธาตุอายตนาทีสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาสวนธารณปจฺจเวกฺขณานิ นตฺถิ, อยํ อนฺธปุถุชฺชโน. ยสฺส ตานิ อตฺถิ, โส กลฺยาณปุถุชฺชโน. ทุวิโธปิ ปเนส –
‘‘ปุถูนํ ชนนาทีหิ, การเณหิ ปุถุชฺชโน;
ปุถุชฺชนนฺโตคธตฺตา, ปุถุวายํ ชโน อิติ’’.
โส หิ ปุถูนํ นานปฺปการานํ กิเลสาทีนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชโน. ยถาห –
‘‘ปุถุ กิเลเส ชเนนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ อวิหตสกฺกายทิฏฺิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สตฺถารานํ มุขุลฺโลกิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สพฺพคตีหิ อวุฏฺิตาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาภิสงฺขาเร อภิสงฺขโรนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาโอเฆหิ วุยฺหนฺติ, ปุถุ สนฺตาเปหิ สนฺตปฺปนฺติ, ปุถุ ปริฬาเหหิ ปริฑยฺหนฺติ, ปุถุ ปฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตา คิทฺธา คถิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌปนฺนา ลคฺคา ลคฺคิตา ปลิพุทฺธาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ปฺจหิ นีวรเณหิ อาวุตา นิวุตา โอวุตา ปิหิตา ปฏิจฺฉนฺนา ปฏิกุชฺชิตาติ ปุถุชฺชนา’’ติ. ปุถูนํ คณนปถมตีตานํ อริยธมฺมปรมฺมุขานํ นีจธมฺมสมาจารานํ ชนานํ อนฺโตคธตฺตาปิ ปุถุชฺชโน, ปุถุวายํ วิสุํเยว สงฺขฺยํ คโต วิสํสฏฺโ สีลสุตาทิคุณยุตฺเตหิ อริเยหิ ชเนหีติ ปุถุชฺชโนติ.
ตถาคตสฺสาติ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต. ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ ¶ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ.
กถํ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา, ยถา วิปสฺสี ภควา อาคโต, ยถา สิขี ภควา, ยถา เวสฺสภู ภควา, ยถา กกุสนฺโธ ภควา, ยถา โกณาคมโน ภควา, ยถา กสฺสโป ภควา อาคโต ¶ . กึ วุตฺตํ โหติ? เยน อภินีหาเรน เอเต ¶ ภควนฺโต อาคตา, เตเนว อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต. อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา, สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมึ ปูเรตฺวา, อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึสปารมิโย ปูเรตฺวา องฺคปริจฺจาคํ, นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาคนฺติ อิเม ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย ปูเรตฺวา พุทฺธิจริยาย โกฏึ ปตฺวา อาคโต; ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต. อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… กสฺสโป ภควา จตฺตาโร สติปฏฺาเน, จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเน, จตฺตาโร อิทฺธิปาเท, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺเค, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคโต, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต. เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.
‘‘ยเถว โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา’’ติ.
เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาโต วิปสฺสี ภควา คโต…เป… กสฺสโป ภควา คโต.
กถฺจ โส ภควา คโต ¶ ? โส หิ สมฺปติ ชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คโต. ยถาห – ‘‘สมฺปติชาโต โข, อานนฺท, โพธิสตฺโต สเมหิ ปาเทหิ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ, เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธาริยมาเน สพฺพา จ ทิสา อนุวิโลเกติ, อาสภึ วาจํ ภาสติ – ‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว’ติ’’ (ที. นิ. ๒.๓๑).
ตฺจสฺส ¶ คมนํ ตถํ อโหสิ? อวิตถํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. ยฺหิ ¶ โส สมฺปติชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปติฏฺหิ. อิทมสฺส จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.
อุตฺตราภิมุขภาโว ปน สพฺพโลกุตฺตรภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.
สตฺตปทวีติหาโร, สตฺตโพชฺฌงฺครตนปฏิลาภสฺส.
‘‘สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา’’ติ, เอตฺถ วุตฺตจามรุกฺเขโป ปน สพฺพติตฺถิยนิมฺมทฺทนสฺส.
เสตจฺฉตฺตธารณํ, อรหตฺตวิมุตฺติวรวิมลเสตจฺฉตฺตปฏิลาภสฺส.
สตฺตมปทูปริ ตฺวา สพฺพทิสานุวิโลกนํ, สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺส.
อาสภิวาจาภาสนํ อปฺปฏิวตฺติยวรธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.
ตถา อยํ ภควาปิ คโต, ตฺจสฺส คมนํ ตถํ อโหสิ, อวิตถํ, เตสํเยว วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน.
เตนาหุ โปราณา –
‘‘มุหุตฺตชาโตว ควมฺปตี ยถา,
สเมหิ ปาเทหิ ผุสี วสุนฺธรํ;
โส วิกฺกมี สตฺต ปทานิ โคตโม,
เสตฺจ ฉตฺตํ อนุธารยุํ มรู.
คนฺตฺวาน โส สตฺต ปทานิ โคตโม,
ทิสา วิโลเกสิ สมา สมนฺตโต;
อฏฺงฺคุเปตํ คิรมพฺภุทีรยิ,
สีโห ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ.
เอวํ ¶ ตถา คโตติ ตถาคโต.
อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา, อยมฺปิ ภควา ตเถว เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทํ ปหาย คโต ¶ , อพฺยาปาเทน พฺยาปาทํ, อาโลกสฺาย ถินมิทฺธํ, อวิกฺเขเปน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉํ ปหาย าเณน อวิชฺชํ ปทาเลตฺวา, ปาโมชฺเชน ¶ อรตึ วิโนเทตฺวา, ปมชฺฌาเนน นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา, ทุติยชฺฌาเนน วิตกฺกวิจารํ วูปสเมตฺวา, ตติยชฺฌาเนน ปีตึ วิราเชตฺวา, จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหาย, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสฺาปฏิฆสฺานานตฺตสฺาโย สมติกฺกมิตฺวา, วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติยา อากาสานฺจายตนสฺํ, อากิฺจฺายตนสมาปตฺติยา วิฺาณฺจายตนสฺํ, เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺํ สมติกฺกมิตฺวา คโต.
อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺํ ปหาย, ทุกฺขานุปสฺสนาย สุขสฺํ, อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสฺํ, นิพฺพิทานุปสฺสนาย นนฺทึ, วิราคานุปสฺสนาย ราคํ, นิโรธานุปสฺสนาย สมุทยํ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทานํ, ขยานุปสฺสนาย ฆนสฺํ, วยานุปสฺสนาย อายูหนํ, วิปริณามานุปสฺสนาย ธุวสฺํ, อนิมิตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตํ, อปฺปณิหิตานุปสฺสนาย ปณิธึ, สฺุตานุปสฺสนาย อภินิเวสํ, อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย สาราทานาภินิเวสํ, ยถาภูตาณทสฺสเนน สมฺโมหาภินิเวสํ, อาทีนวานุปสฺสนาย อาลยาภินิเวสํ, ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย อปฺปฏิสงฺขํ, วิวฏฺฏานุปสฺสนาย สํโยคาภินิเวสํ, โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺเกฏฺเ กิเลเส ภฺชิตฺวา, สกทาคามิมคฺเคน โอฬาริเก กิเลเส ปหาย, อนาคามิมคฺเคน อณุสหคเต กิเลเส สมุคฺฆาเฏตฺวา, อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลเส สมุจฺฉินฺทิตฺวา คโต. เอวมฺปิ ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต?ปถวีธาตุยา กกฺขฬตฺตลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ. อาโปธาตุยา ปคฺฆรณลกฺขณํ. เตโชธาตุยา อุณฺหตฺตลกฺขณํ. วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภนลกฺขณํ. อากาสธาตุยา อสมฺผุฏฺลกฺขณํ. วิฺาณธาตุยา วิชานนลกฺขณํ.
รูปสฺส ¶ รุปฺปนลกฺขณํ. เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ. สฺาย สฺชานนลกฺขณํ. สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ. วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ.
วิตกฺกสฺส ¶ ¶ อภินิโรปนลกฺขณํ. วิจารสฺส อนุมชฺชนลกฺขณํ ปีติยา ผรณลกฺขณํ. สุขสฺส สาตลกฺขณํ. จิตฺเตกคฺคตาย อวิกฺเขปลกฺขณํ. ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ.
สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขลกฺขณํ. วีริยินฺทฺริยสฺส ปคฺคหลกฺขณํ. สตินฺทฺริยสฺส อุปฏฺานลกฺขณํ. สมาธินฺทฺริยสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ. ปฺินฺทฺริยสฺส ปชานนลกฺขณํ.
สทฺธาพลสฺส อสฺสทฺธิเย อกมฺปิยลกฺขณํ. วีริยพลสฺส โกสชฺเช, สติพลสฺส มุฏฺสฺสจฺเจ. สมาธิพลสฺส อุทฺธจฺเจ, ปฺาพลสฺส อวิชฺชาย อกมฺปิยลกฺขณํ.
สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฏฺานลกฺขณํ. ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปวิจยลกฺขณํ. วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปคฺคหลกฺขณํ. ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ผรณลกฺขณํ. ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส วูปสมลกฺขณํ. สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ. อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปฏิสงฺขานลกฺขณํ.
สมฺมาทิฏฺิยา ทสฺสนลกฺขณํ. สมฺมาสงฺกปฺปสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ. สมฺมาวาจาย ปริคฺคหลกฺขณํ. สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมุฏฺานลกฺขณํ. สมฺมาอาชีวสฺส โวทานลกฺขณํ. สมฺมาวายามสฺส ¶ ปคฺคหลกฺขณํ. สมฺมาสติยา อุปฏฺานลกฺขณํ. สมฺมาสมาธิสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ.
อวิชฺชาย อฺาณลกฺขณํ. สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณํ. วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ. นามสฺส นมนลกฺขณํ. รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ. สฬายตนสฺส อายตนลกฺขณํ. ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ. เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ. ตณฺหาย เหตุลกฺขณํ. อุปาทานสฺส คหณลกฺขณํ. ภวสฺส อายูหนลกฺขณํ. ชาติยา นิพฺพตฺติลกฺขณํ. ชราย ชีรณลกฺขณํ. มรณสฺส จุติลกฺขณํ.
ธาตูนํ สฺุตาลกฺขณํ. อายตนานํ อายตนลกฺขณํ. สติปฏฺานานํ อุปฏฺานลกฺขณํ. สมฺมปฺปธานานํ ปทหนลกฺขณํ. อิทฺธิปาทานํ อิชฺฌนลกฺขณํ. อินฺทฺริยานํ อธิปติลกฺขณํ. พลานํ อกมฺปิยลกฺขณํ. โพชฺฌงฺคานํ นิยฺยานลกฺขณํ. มคฺคสฺส เหตุลกฺขณํ.
สจฺจานํ ¶ ¶ ตถลกฺขณํ. สมถสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ. วิปสฺสนาย อนุปสฺสนาลกฺขณํ. สมถวิปสฺสนานํ เอกรสลกฺขณํ. ยุคนทฺธานํ อนติวตฺตนลกฺขณํ.
สีลวิสุทฺธิยา สํวรลกฺขณํ. จิตฺตวิสุทฺธิยา อวิกฺเขปลกฺขณํ. ทิฏฺิวิสุทฺธิยา ทสฺสนลกฺขณํ.
ขเย าณสฺส สมุจฺเฉทนลกฺขณํ. อนุปฺปาเท าณสฺส ปสฺสทฺธิลกฺขณํ.
ฉนฺทสฺส ¶ มูลลกฺขณํ. มนสิการสฺส สมุฏฺาปนลกฺขณํ. ผสฺสสฺส สโมธานลกฺขณํ. เวทนาย สโมสรณลกฺขณํ. สมาธิสฺส ปมุขลกฺขณํ. สติยา อาธิปเตยฺยลกฺขณํ. ปฺาย ตตุตฺตริยลกฺขณํ. วิมุตฺติยา สารลกฺขณํ… อมโตคธสฺส นิพฺพานสฺส ปริโยสานลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ. เอวํ ตถลกฺขณํ าณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต อนุปฺปตฺโตติ ตถาคโต. เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถานํ ธมฺมานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. อภิสมฺพุทฺธตฺโถ เหตฺถ คตสทฺโท.
อปิ จ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ…เป…, สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ…เป…, ตถา อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ, สงฺขารานํ วิฺาณสฺส ปจฺจยฏฺโ…เป…, ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ. ตํ สพฺพํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ตถานํ ธมฺมานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. เอวํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ภควา ยํ สเทวเก โลเก…เป…, สเทวมนุสฺสาย ปชาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ ¶ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จ, เตน ตํ ¶ อิฏฺานิฏฺาทิวเสน วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานกปทวเสน วา. ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ? ยํ ¶ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺเวปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ อาปาถํ อาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา – ‘‘ยํ ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ปชาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ. ตมหํ อพฺภฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔). เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. ตตฺถ ตถทสฺสี อตฺเถ ตถาคโตติ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
กถํ ¶ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺตึ ภควา โพธิมณฺเฑ อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ยฺจ รตฺตึ ยมกสาลานมนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาเณ กาเล ปมโพธิยาปิ มชฺฌิมโพธิยาปิ ปจฺฉิมโพธิยาปิ ยํ ภควตา ภาสิตํ – สุตฺตํ, เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ, ตํ สพฺพํ อตฺถโต จ พฺยฺชนโต จ อนุปวชฺชํ, อนูนมนธิกํ, สพฺพาการปริปุณฺณํ, ราคมทนิมฺมทนํ, โทสโมหมทนิมฺมทนํ. นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ อวกฺขลิตํ, สพฺพํ ตํ เอกมุทฺทิกาย ลฺฉิตํ วิย, เอกนาฬิยา มิตํ วิย, เอกตุลาย ตุลิตํ วิย จ, ตถเมว โหติ อวิตถํ อนฺถํ. เตนาห – ‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). คทตฺโถ เหตฺถ คตสทฺโท. เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต.
อปิ ¶ จ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโย อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ, ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตสฺมึ อตฺเถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา, ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํภูตสฺส จสฺส ยถาวาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวตฺโตติ อตฺโถ. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ ตถาคโต. เตเนวาห – ‘‘ยถาวาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที ¶ . อิติ ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต.
กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจึ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ, วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ; อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร ราชาติราชา เทวเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา. เตนาห – ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ปชาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺตี, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา. อคโท วิย อคโท. โก ปเนส? เทสนาวิลาสมโย เจว ปฺุุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก ทิพฺพาคเทน สปฺเป วิย สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพาโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต เทสนาวิลาสมโย เจว ปฺุุสฺสโย จ อคโท อสฺสาติ. ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
อปิ จ ตถาย คโตติปิ ตถาคโต, ตถํ คโตติปิ ตถาคโต. คโตติ อวคโต, อตีโต ปตฺโต ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ.
ตตฺถ ¶ สกลโลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต. โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต ปตฺโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถํ คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. เตน ¶ วุตฺตํ ภควตา –
‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโน. โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา. ยํ ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ. ตสฺมา, ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
ตสฺสปิ ¶ เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทมฺปิ จ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตเมว. สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ตถาคตภาวํ วณฺเณยฺย.
กตมฺจ ตํ ภิกฺขเวติ เยน อปฺปมตฺตเกน โอรมตฺตเกน สีลมตฺตเกน ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺย, ตํ กตมนฺติ ปุจฺฉติ? ตตฺถ ปุจฺฉา นาม อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา, ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา, วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉา, อนุมติปุจฺฉา, กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉาติ ปฺจวิธา โหติ.
ตตฺถ กตมา อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ อฺาตํ โหติ, อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ, ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ตุลนาย ตีรณาย วิภาวนาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา.
กตมา ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ าตํ โหติ, ทิฏฺํ ตุลิตํ ตีริตํ วิภูตํ วิภาวิตํ, ตสฺส อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา.
กตมา ¶ วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉา? ปกติยา สํสยปกฺขนฺโท โหติ, วิมติปกฺขนฺโท, ทฺเวฬฺหกชาโต, ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กินฺนุ โข, กถํ นุ โข’’ติ. โส วิมติจฺเฉทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ. อยํ วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉา.
กตมา อนุมติปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ อนุมติยา ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ. อนิจฺจํ, ภนฺเต. ยํ ปนานิจฺจํ ¶ , ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วาติ? ทุกฺขํ ภนฺเตติ (มหาว. ๒๑) สพฺพํ วตฺตพฺพํ, อยํ อนุมติปุจฺฉา.
กตมา กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉา? ภควา ภิกฺขูนํ กเถตุกมฺยตาย ปฺหํ ปุจฺฉติ. จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร?…เป… อฏฺิเม ภิกฺขเว มคฺคงฺคา. กตเม อฏฺาติ, อยํ กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉา.
อิติ อิมาสุ ปฺจสุ ปุจฺฉาสุ อทิฏฺสฺส ตาว กสฺสจิ ธมฺมสฺส อภาวโต ตถาคตสฺส อทิฏฺโชตนา ¶ ปุจฺฉา นตฺถิ. ‘‘อิทํ นาม อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สมณพฺราหฺมเณหิ สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา เทเสสฺสามี’’ติ สมนฺนาหารสฺเสว อนุปฺปชฺชนโต ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉาปิ นตฺถิ. ยสฺมา ปน พุทฺธานํ เอกธมฺเมปิ อาสปฺปนา ปริสปฺปนา นตฺถิ, โพธิมณฺเฑเยว สพฺพา กงฺขา ฉินฺนา; ตสฺมา วิมติจฺเฉทนา ปุจฺฉาปิ นตฺถิเยว. อวเสสา ปน ทฺเว ปุจฺฉา พุทฺธานํ อตฺถิ, ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉา นาม.
๘. อิทานิ ตํ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉาย ปุจฺฉิตมตฺถํ กเถตุํ ‘‘ปาณาติปาตํ ปหายา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ, ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ, ตสฺมึ ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. โส คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาสรีเร มหาสาวชฺโช, กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย. ปโยคสมตฺเตปิ วตฺถุมหนฺตตาย. คุณวนฺเตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาคุเณ มหาสาวชฺโช. สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺโช, ติพฺพตาย มหาสาวชฺโชติ เวทิตพฺโพ.
ตสฺส ¶ ปฺจ สมฺภารา โหนฺติ – ปาโณ, ปาณสฺิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติ ¶ . ฉ ปโยคา – สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ วิตฺถาริยมาเน อติวิย ปปฺโจ โหติ, ตสฺมา ตํ น วิตฺถารยาม, อฺฺจ เอวรูปํ. อตฺถิเกหิ ปน สมนฺตปาสาทิกํ วินยฏฺกถํ โอโลเกตฺวา คเหตพฺพํ.
ปหายาติ อิมํ ปาณาติปาตเจตนาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ ปชหิตฺวา. ปฏิวิรโตติ ปหีนกาลโต ปฏฺาย ตโต ทุสฺสีลฺยโต โอรโต วิรโตว. นตฺถิ ตสฺส วีติกฺกมิสฺสามีติ จกฺขุโสตวิฺเยฺยา ธมฺมา ปเคว กายิกาติ อิมินาว นเยน อฺเสุปิ เอวรูเปสุ ปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สมโณติ ภควา สมิตปาปตาย ลทฺธโวหาโร. โคตโมติ โคตฺตวเสน. น เกวลฺจ ภควาเยว ¶ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, ภิกฺขุสงฺโฆปิ ปฏิวิรโต, เทสนา ปน อาทิโต ปฏฺาย เอวํ อาคตา, อตฺถํ ปน ทีเปนฺเตน ภิกฺขุสงฺฆวเสนาปิ ทีเปตุํ วฏฺฏติ.
นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถติ ปรูปฆาตตฺถาย ทณฺฑํ วา สตฺถํ วา อาทาย อวตฺตนโต นิกฺขิตฺตทณฺโฑ เจว นิกฺขิตฺตสตฺโถ จาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ เปตฺวา ทณฺฑํ สพฺพมฺปิ อวเสสํ อุปกรณํ สตฺตานํ วิเหนภาวโต สตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. ยํ ปน ภิกฺขู กตฺตรทณฺฑํ วา ทนฺตกฏฺํ วา วาสึ ปิปฺผลิกํ วา คเหตฺวา วิจรนฺติ, น ตํ ปรูปฆาตตฺถาย. ตสฺมา นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ.
ลชฺชีติ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย ลชฺชาย สมนฺนาคโต. ทยาปนฺโนติ ทยํ เมตฺตจิตฺตตํ อาปนฺโน. สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ; สพฺเพ ปาณภูเต หิเตน อนุกมฺปโก. ตาย ทยาปนฺนตาย สพฺเพสํ ปาณภูตานํ หิตจิตฺตโกติ อตฺโถ. วิหรตีติ อิริยติ ยเปติ ยาเปติ ปาเลติ ¶ . อิติ วา หิ, ภิกฺขเวติ เอวํ วา ภิกฺขเว. วา สทฺโท อุปริ ‘‘อทินฺนาทานํ ¶ ปหายา’’ติอาทีนิ อเปกฺขิตฺวา วิกปฺปตฺโถ วุตฺโต, เอวํ สพฺพตฺถ ปุริมํ วา ปจฺฉิมํ วา อเปกฺขิตฺวา วิกปฺปภาโว เวทิตพฺโพ.
อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน เอวํ วเทยฺย – ‘‘สมโณ โคตโม ปาณํ น หนติ, น ฆาเตติ, น ตตฺถ สมนฺุโ โหติ, วิรโต อิมสฺมา ทุสฺสีลฺยา; อโห, วต เร พุทฺธคุณา มหนฺตา’’ติ, อิติ มหนฺตํ อุสฺสาหํ กตฺวา วณฺณํ วตฺตุกาโมปิ อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกํ อาจารสีลมตฺตกเมว วกฺขติ. อุปริ อสาธารณภาวํ นิสฺสาย วณฺณํ วตฺตุํ น สกฺขิสฺสติ. น เกวลฺจ ปุถุชฺชโนว โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิอรหนฺโตปิ ปจฺเจกพุทฺธาปิ น สกฺโกนฺติเยว; ตถาคโตเยว ปน สกฺโกติ, ตํ โว อุปริ วกฺขามีติ, อยเมตฺถ สาธิปฺปายา อตฺถวณฺณนา. อิโต ปรํ ปน อปุพฺพปทเมว วณฺณยิสฺสาม.
อทินฺนาทานํ ปหายาติ เอตฺถ อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสํหรณํ, เถยฺยํ, โจริกาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชนฺโต อทณฺฑารโห อนุปวชฺโช จ โหติ. ตสฺมึ ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสฺิโน, ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, ปณีเต มหาสาวชฺชํ, กสฺมา? วตฺถุปณีตตาย. วตฺถุสมตฺเต สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมึ มหาสาวชฺชํ ¶ . ตํ ตํ คุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมึ อปฺปสาวชฺชํ.
ตสฺส ปฺจ สมฺภารา โหนฺติ – ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสฺิตา, เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน หรณนฺติ. ฉ ปโยคา – สาหตฺถิกาทโยว. เต จ โข ยถานุรูปํ เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร, กุสาวหาโรติ อิเมสํ อวหารานํ วเสน ปวตฺตา, อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโต.
ทินฺนเมว ¶ ¶ อาทิยตีติ ทินฺนาทายี. จิตฺเตนปิ ทินฺนเมว ปฏิกงฺขตีติ ทินฺนปาฏิกงฺขี. เถเนตีติ เถโน. น เถเนน อเถเนน. อเถนตฺตาเยว สุจิภูเตน. อตฺตนาติ อตฺตภาเวน. อเถนํ สุจิภูตํ อตฺตานํ กตฺวา วิหรตีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ ปมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. ยถา จ อิธ, เอวํ สพฺพตฺถ.
อพฺรหฺมจริยนฺติ อเสฏฺจริยํ. พฺรหฺมํ เสฏฺํ อาจารํ จรตีติ พฺรหฺมจารี. อาราจารีติ อพฺรหฺมจริยโต ทูรจารี. เมถุนาติ ราคปริยุฏฺานวเสน สทิสตฺตา เมถุนกาติ ลทฺธโวหาเรหิ ปฏิเสวิตพฺพโต เมถุนาติ สงฺขฺยํ คตา อสทฺธมฺมา. คามธมฺมาติ คามวาสีนํ ธมฺมา.
๙. มุสาวาทํ ปหายาติ เอตฺถ มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภฺชนโก วจีปโยโค กายปโยโค, วา วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท.
อปโร นโย, ‘มุสา’ติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ. ‘วาโท’ติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาปนํ. ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถาวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. โส ยมตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวชฺโช, มหนฺตตาย มหาสาวชฺโช.
อปิ จ คหฏฺานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติอาทินยปฺปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภฺชนตฺถํ วุตฺโต มหาสาวชฺโช, ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปึ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน – ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นที มฺเ สนฺทตี’’ติ ปูรณกถานเยน ¶ ปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, อทิฏฺํเยว ปน ทิฏฺนฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวชฺโช.
ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา โหนฺติ – อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกว. โส กาเยน วา กายปฏิพทฺเธน วา วาจาย ¶ วา ปรวิสํวาทนกิริยากรเณน ทฏฺพฺโพ. ตาย เจ กิริยาย ปโร ตมตฺถํ ชานาติ, อยํ กิริยสมุฏฺาปิกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติ.
ยสฺมา ¶ ปน ยถา กายกายปฏิพทฺธวาจาหิ ปรํ วิสํวาเทติ, ตถา ‘‘อิทมสฺส ภณาหี’’ติ อาณาเปนฺโตปิ ปณฺณํ ลิขิตฺวา ปุรโต นิสฺสชฺชนฺโตปิ, ‘‘อยมตฺโถ เอวํ ทฏฺพฺโพ’’ติ กุฑฺฑาทีสุ ลิขิตฺวา เปนฺโตปิ. ตสฺมา เอตฺถ อาณตฺติกนิสฺสคฺคิยถาวราปิ ปโยคา ยุชฺชนฺติ, อฏฺกถาสุ ปน อนาคตตฺตา วีมํสิตฺวา คเหตพฺพา.
สจฺจํ วทตีติ สจฺจวาที. สจฺเจน สจฺจํ สนฺทหติ ฆเฏตีติ สจฺจสนฺโธ. น อนฺตรนฺตรา มุสา วทตีติ อตฺโถ. โย หิ ปุริโส กทาจิ มุสา วทติ, กทาจิ สจฺจํ, ตสฺส มุสาวาเทน อนฺตริตตฺตา สจฺจํ สจฺเจน น ฆฏียติ; ตสฺมา โส น สจฺจสนฺโธ. อยํ ปน น ตาทิโส, ชีวิตเหตุปิ มุสา อวตฺวา สจฺเจน สจฺจํ สนฺทหติ เยวาติ สจฺจสนฺโธ.
เถโตติ ถิโร ถิรกโถติ อตฺโถ. เอโก หิ ปุคฺคโล หลิทฺทิราโค วิย, ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุ วิย, อสฺสปิฏฺเ ปิตกุมฺภณฺฑมิว จ น ถิรกโถ โหติ, เอโก ปาสาณเลขา วิย, อินฺทขีโล วิย จ ถิรกโถ โหติ, อสินา สีสํ ฉินฺทนฺเตปิ ทฺเว กถา น กเถติ, อยํ วุจฺจติ เถโต.
ปจฺจยิโกติ ปตฺติยายิตพฺพโก, สทฺธายิตพฺพโกติ อตฺโถ. เอกจฺโจ หิ ปุคฺคโล น ปจฺจยิโก โหติ, ‘‘อิทํ เกน วุตฺตํ, อสุเกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘มา ตสฺส วจนํ สทฺทหถา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ. เอโก ปจฺจยิโก โหติ, ‘‘อิทํ เกน วุตฺตํ, อสุเกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘ยทิ เตน วุตฺตํ, อิทเมว ปมาณํ, อิทานิ อุปปริกฺขิตพฺพํ นตฺถิ, เอวเมว อิท’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, อยํ วุจฺจติ ปจฺจยิโก. อวิสํวาทโก โลกสฺสาติ ตาย สจฺจวาทิตาย โลกํ น วิสํวาเทตีติ อตฺโถ.
ปิสุณํ ¶ วาจํ ปหายาติอาทีสุ ยาย วาจาย ยสฺส ตํ วาจํ ¶ ภาสติ, ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ, ปรสฺส จ สฺุภาวํ กโรติ, สา ปิสุณา วาจา.
ยาย ปน อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสํ กโรติ, ยา วาจา สยมฺปิ ผรุสา, เนว กณฺณสุขา น หทยงฺคมา, อยํ ผรุสา วาจา.
เยน ¶ สมฺผํ ปลปติ นิรตฺถกํ, โส สมฺผปฺปลาโป.
เตสํ มูลภูตา เจตนาปิ ปิสุณวาจาทินาเมว ลภติ, สา เอว จ อิธาธิปฺเปตาติ.
ตตฺถ สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ปเรสํ วา เภทาย อตฺตโน ปิยกมฺยตาย วา กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปิสุณวาจา. สา ยสฺส เภทํ กโรติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา.
ตสฺสา จตฺตาโร สมฺภารา – ภินฺทิตพฺโพ ปโร, ‘‘อิติ อิเม นานา ภวิสฺสนฺติ, วินา ภวิสฺสนฺตี’’ติ เภทปุเรกฺขารตา วา, ‘‘อิติ อหํ ปิโย ภวิสฺสามิ วิสฺสาสิโก’’ติ ปิยกมฺยตา วา, ตชฺโช วายาโม, ตสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ. อิเมสํ เภทายาติ, เยสํ อิโตติ วุตฺตานํ สนฺติเก สุตํ เตสํ เภทาย.
ภินฺนานํ วา สนฺธาตาติ ทฺวินฺนํ มิตฺตานํ วา สมานุปชฺฌายกาทีนํ วา เกนจิเทว การเณน ภินฺนานํ เอกเมกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อีทิเส กุเล ชาตานํ เอวํ พหุสฺสุตานํ อิทํ น ยุตฺต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา สนฺธานํ กตฺตา อนุกตฺตา. อนุปฺปทาตาติ สนฺธานานุปฺปทาตา. ทฺเว ชเน สมคฺเค ทิสฺวา – ‘‘ตุมฺหากํ เอวรูเป กุเล ชาตานํ เอวรูเปหิ คุเณหิ สมนฺนาคตานํ อนุจฺฉวิกเมต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ทฬฺหีกมฺมํ กตฺตาติ อตฺโถ. สมคฺโค อาราโม อสฺสาติ สมคฺคาราโม. ยตฺถ สมคฺคา นตฺถิ, ตตฺถ วสิตุมฺปิ น อิจฺฉตีติ อตฺโถ. สมคฺคราโมติปิ ปาฬิ, อยเมเวตฺถ อตฺโถ. สมคฺครโตติ สมคฺเคสุ รโต, เต ปหาย อฺตฺถ คนฺตุมฺปิ น อิจฺฉตีติ อตฺโถ. สมคฺเค ทิสฺวาปิ สุตฺวาปิ นนฺทตีติ สมคฺคนนฺที, สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตาติ ยา วาจา สตฺเต สมคฺเคเยว กโรติ ¶ , ตํ สามคฺคิคุณปริทีปิกเมว วาจํ ภาสติ, น อิตรนฺติ.
ปรสฺส ¶ มมฺมจฺเฉทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เอกนฺตผรุสเจตนา ผรุสาวาจา. ตสฺสา อาวิภาวตฺถมิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทารโก มาตุวจนํ อนาทิยิตฺวา อรฺํ คจฺฉติ, ตํ มาตา นิวตฺเตตุมสกฺโกนฺตี – ‘‘จณฺฑา ตํ มหึสี อนุพนฺธตู’’ติ อกฺโกสิ. อถสฺส ตเถว อรฺเ มหึสี ¶ อุฏฺาสิ. ทารโก ‘‘ยํ มม มาตา มุเขน กเถสิ, ตํ มา โหตุ, ยํ จิตฺเตน จินฺเตสิ ตํ โหตู’’ติ, สจฺจกิริยมกาสิ. มหึสี ตตฺเถว พทฺธา วิย อฏฺาสิ. เอวํ มมฺมจฺเฉทโกปิ ปโยโค จิตฺตสณฺหตาย น ผรุสา วาจา โหติ. มาตาปิตโร หิ กทาจิ ปุตฺตเก เอวํ วทนฺติ – ‘‘โจรา โว ขณฺฑาขณฺฑํ กโรนฺตู’’ติ, อุปฺปลปตฺตมฺปิ จ เนสํ อุปริ ปตนฺตํ น อิจฺฉนฺติ. อาจริยุปชฺฌายา จ กทาจิ นิสฺสิตเก เอวํ วทนฺติ – ‘‘กึ อิเม อหิรีกา อโนตฺตปฺปิโน จรนฺติ, นิทฺธมถ เน’’ติ, อถ จ เนสํ อาคมาธิคมสมฺปตฺตึ อิจฺฉนฺติ. ยถา จ จิตฺตสณฺหตาย ผรุสา วาจา น โหติ, เอวํ วจนสณฺหตาย อผรุสา วาจา น โหติ. น หิ มาราเปตุกามสฺส – ‘‘อิมํ สุขํ สยาเปถา’’ติ วจนํ อผรุสา วาจา โหติ, จิตฺตผรุสตาย ปเนสา ผรุสา วาจาว. สา ยํ สนฺธาย ปวตฺติตา, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา. ตสฺสา ตโย สมฺภารา – อกฺโกสิตพฺโพ ปโร, กุปิตจิตฺตํ, อกฺโกสนาติ.
เนลาติ เอลํ วุจฺจติ โทโส, นาสฺสา เอลนฺติ เนลา, นิทฺโทสาติ อตฺโถ. ‘‘เนลงฺโค เสตปจฺฉาโท’’ติ, (อุทา. ๖๕) เอตฺถ วุตฺตเนลํ วิย. กณฺณสุขาติ พฺยฺชนมธุรตาย กณฺณานํ สุขา, สูจิวิชฺฌนํ วิย กณฺณสูลํ น ชเนติ. อตฺถมธุรตาย สกลสรีเร โกปํ อชเนตฺวา เปมํ ชเนตีติ เปมนียา. หทยํ คจฺฉติ, อปฺปฏิหฺมานา สุเขน จิตฺตํ ปวิสตีติ หทยงฺคมา. คุณปริปุณฺณตาย ปุเร ภวาติ โปรี ปุเร สํวฑฺฒนารี ¶ วิย สุกุมาราติปิ โปรี. ปุรสฺส เอสาติปิ โปรี. นครวาสีนํ กถาติ อตฺโถ. นครวาสิโน หิ ยุตฺตกถา โหนฺติ. ปิติมตฺตํ ปิตาติ วทนฺติ, ภาติมตฺตํ ภาตาติ วทนฺติ, มาติมตฺตํ มาตาติ วทนฺติ. เอวรูปี กถา พหุโน ชนสฺส กนฺตา โหตีติ พหุชนกนฺตา. กนฺตภาเวเนว พหุโน ชนสฺส มนาปา จิตฺตวุฑฺฒิกราติ พหุชนมนาปา.
อนตฺถวิฺาปิกา กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา อกุสลเจตนา สมฺผปฺปลาโป. โส อาเสวนมนฺทตาย อปฺปสาวชฺโช, อาเสวนมหนฺตตาย มหาสาวชฺโช, ตสฺส ทฺเว สมฺภารา – ภารตยุทฺธสีตาหรณาทินิรตฺถกกถาปุเรกฺขารตา, ตถารูปี กถา กถนฺจ.
กาเลน ¶ วทตีติ กาลวาที วตฺตพฺพยุตฺตกาลํ สลฺลกฺเขตฺวา วทตีติ อตฺโถ. ภูตํ ตถํ ตจฺฉํ ¶ สภาวเมว วทตีติ ภูตวาที. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺถสนฺนิสฺสิตเมว กตฺวา วทตีติ อตฺถวาที. นวโลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ ธมฺมวาที สํวรวินยปหานวินยสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ วินยวาที.
นิธานํ วุจฺจติ ปโนกาโส, นิธานมสฺสา อตฺถีติ นิธานวตี. หทเย นิธาตพฺพยุตฺตกํ วาจํ ภาสิตาติ อตฺโถ. กาเลนาติ เอวรูปึ ภาสมาโนปิ จ – ‘‘อหํ นิธานวตึ วาจํ ภาสิสฺสามี’’ติ น อกาเลน ภาสติ, ยุตฺตกาลํ ปน อเปกฺขิตฺวาว ภาสตีติ อตฺโถ. สาปเทสนฺติ สอุปมํ, สการณนฺติ อตฺโถ. ปริยนฺตวตินฺติ ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา ยถาสฺสา ปริจฺเฉโท ปฺายติ, เอวํ ภาสตีติ อตฺโถ. อตฺถสํหิตนฺติ ¶ อเนเกหิปิ นเยหิ วิภชนฺเตน ปริยาทาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อตฺถสมฺปนฺนํ ภาสติ. ยํ วา โส อตฺถวาที อตฺถํ วทติ, เตน อตฺเถน สหิตตฺตา อตฺถสํหิตํ วาจํ ภาสติ, น อฺํ นิกฺขิปิตฺวา อฺํ ภาสตีติ วุตฺตํ โหติ.
๑๐. พีชคามภูตคามสมารมฺภาติ มูลพีชํ ขนฺธพีชํ ผฬุพีชํ อคฺคพีชํ พีชพีชนฺติ ปฺจวิธสฺส พีชคามสฺส เจว, ยสฺส กสฺสจิ นีลติณรุกฺขาทิกสฺส ภูตคามสฺส จ สมารมฺภา, เฉทนเภทนปจนาทิภาเวน วิโกปนา ปฏิวิรโตติ อตฺโถ.
เอกภตฺติโกติ ปาตราสภตฺตํ สายมาสภตฺตนฺติ ทฺเว ภตฺตานิ, เตสุ ปาตราสภตฺตํ อนฺโตมชฺฌนฺหิเกน ปริจฺฉินฺนํ, อิตรํ มชฺฌนฺหิกโต อุทฺธํ อนฺโต อรุเณน. ตสฺมา อนฺโตมชฺฌนฺหิเก ทสกฺขตฺตุํ ภฺุชมาโนปิ เอกภตฺติโกว โหติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เอกภตฺติโก’’ติ.
รตฺติยา โภชนํ รตฺติ, ตโต อุปรโตติ รตฺตูปรโต. อติกฺกนฺเต มชฺฌนฺหิเก ยาว สูริยตฺถงฺคมนา โภชนํ วิกาลโภชนํ นาม. ตโต วิรตตฺตา วิรโต วิกาลโภชนา. กทา วิรโต? อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย.
สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฏาณีภูตํ ทสฺสนนฺติ วิสูกทสฺสนํ. อตฺตนา นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสน นจฺจา จ คีตา จ วาทิตา จ อนฺตมโส ¶ มยูรนจฺจาทิวเสนปิ ปวตฺตานํ นจฺจาทีนํ วิสูกภูตา ทสฺสนา จาติ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา. นจฺจาทีนิ หิ อตฺตนา ¶ ปโยเชตุํ วา ปเรหิ ปโยชาเปตุํ วา ปยุตฺตานิ ปสฺสิตุํ วา เนว ภิกฺขูนํ น ภิกฺขุนีนฺจ วฏฺฏนฺติ.
มาลาทีสุ มาลาติ ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ. คนฺธนฺติ ยํ กิฺจิ คนฺธชาตํ. วิเลปนนฺติ ฉวิราคกรณํ. ตตฺถ ปิฬนฺธนฺโต ธาเรติ นาม, อูนฏฺานํ ปูเรนฺโต มณฺเฑติ นาม, คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยนฺโต วิภูเสติ นาม. านํ วุจฺจติ การณํ. ตสฺมา ยาย ¶ ทุสฺสีลฺยเจตนาย ตานิ มาลาธารณาทีนิ มหาชโน กโรติ, ตโต ปฏิวิรโตติ อตฺโถ.
อุจฺจาสยนํ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํ. มหาสยนนฺติ อกปฺปิยปจฺจตฺถรณํ. ตโต วิรโตติ อตฺโถ.
ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. รชตนฺติ กหาปโณ, โลหมาสโก, ชตุมาสโก, ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺติ. ตสฺส อุภยสฺสาปิ ปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต, เนว นํ อุคฺคณฺหาติ, น อุคฺคณฺหาเปติ, น อุปนิกฺขิตฺตํ สาทิยตีติ อตฺโถ.
อามกธฺปฏิคฺคหณาติ, สาลิวีหิยวโคธูมกงฺคุวรกกุทฺรูสกสงฺขาตสฺส สตฺตวิธสฺสาปิ อามกธฺสฺส ปฏิคฺคหณา. น เกวลฺจ เอเตสํ ปฏิคฺคหณเมว, อามสนมฺปิ ภิกฺขูนํ น วฏฺฏติเยว. อามกมํสปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ อฺตฺร โอทิสฺส อนฺุาตา อามกมํสมจฺฉานํ ปฏิคฺคหณเมว ภิกฺขูนํ น วฏฺฏติ, โน อามสนํ.
อิตฺถิกุมาริกปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ อิตฺถีติ ปุริสนฺตรคตา, อิตรา กุมาริกา นาม, ตาสํ ปฏิคฺคหณมฺปิ อามสนมฺปิ อกปฺปิยเมว.
ทาสิทาสปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ ทาสิทาสวเสเนว เตสํ ปฏิคฺคหณํ น วฏฺฏติ. ‘‘กปฺปิยการกํ ทมฺมิ, อารามิกํ ทมฺมี’’ติ เอวํ วุตฺเต ปน วฏฺฏติ.
อเชฬกาทีสุ เขตฺตวตฺถุปริโยสาเนสุ กปฺปิยากปฺปิยนโย วินยวเสน อุปปริกฺขิตพฺโพ. ตตฺถ เขตฺตํ นาม ยสฺมึ ปุพฺพณฺณํ รุหติ. วตฺถุ นาม ยสฺมึ อปรณฺณํ รุหติ. ยตฺถ วา อุภยมฺปิ รุหติ, ตํ เขตฺตํ. ตทตฺถาย ¶ อกตภูมิภาโค วตฺถุ. เขตฺตวตฺถุสีเสน เจตฺถ วาปิตฬากาทีนิปิ สงฺคหิตาเนว.
ทูเตยฺยํ ¶ วุจฺจติ ทูตกมฺมํ, คิหีนํ ปหิตํ ปณฺณํ วา สาสนํ วา คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คมนํ. ปหิณคมนํ วุจฺจติ ฆรา ฆรํ เปสิตสฺส ขุทฺทกคมนํ. อนุโยโค นาม ตทุภยกรณํ. ตสฺมา ทูเตยฺยปหิณคมนานํ อนุโยคาติ. เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กยวิกฺกยาติ กยา จ วิกฺกยา จ. ตุลากูฏาทีสุ ¶ กูฏนฺติ วฺจนํ. ตตฺถ ตุลากูฏํ นาม รูปกูฏํ องฺคกูฏํ, คหณกูฏํ, ปฏิจฺฉนฺนกูฏนฺติ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ รูปกูฏํ นาม ทฺเว ตุลา สมรูปา กตฺวา คณฺหนฺโต มหติยา คณฺหาติ, ททนฺโต ขุทฺทิกาย เทติ. องฺคกูฏํ นาม คณฺหนฺโต ปจฺฉาภาเค หตฺเถน ตุลํ อกฺกมติ, ททนฺโต ปุพฺพภาเค. คหณกูฏํ นาม คณฺหนฺโต มูเล รชฺชุํ คณฺหาติ, ททนฺโต อคฺเค. ปฏิจฺฉนฺนกูฏํ นาม ตุลํ สุสิรํ กตฺวา อนฺโต อยจุณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา คณฺหนฺโต ตํ ปจฺฉาภาเค กโรติ, ททนฺโต อคฺคภาเค.
กํโส วุจฺจติ สุวณฺณปาติ, ตาย วฺจนํ กํสกูฏํ. กถํ? เอกํ สุวณฺณปาตึ กตฺวา อฺา ทฺเว ติสฺโส โลหปาติโย สุวณฺณวณฺเณ กโรติ, ตโต ชนปทํ คนฺตฺวา กิฺจิเทว อฑฺฒํ กุลํ ปวิสิตฺวา – ‘‘สุวณฺณภาชนานิ กิณถา’’ติ วตฺวา อคฺเฆ ปุจฺฉิเต สมคฺฆตรํ ทาตุกามา โหนฺติ. ตโต เตหิ – ‘‘กถํ อิเมสํ สุวณฺณภาโว ชานิตพฺโพ’’ติ วุตฺเต, ‘‘วีมํสิตฺวา คณฺหถา’’ติ สุวณฺณปาตึ ปาสาเณ ฆํสิตฺวา สพฺพา ปาติโย ทตฺวา คจฺฉติ.
มานกูฏํ นาม หทยเภทสิขาเภทรชฺชุเภทวเสน ติวิธํ โหติ. ตตฺถ หทยเภโท สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต เหฏฺาฉิทฺเทน มาเนน – ‘‘สณิกํ อาสิฺจา’’ติ วตฺวา อนฺโตภาชเน พหุํ ปคฺฆราเปตฺวา คณฺหาติ, ททนฺโต ฉิทฺทํ ปิธาย สีฆํ ปูเรตฺวา เทติ.
สิขาเภโท ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต สณิกํ สิขํ อุสฺสาเปตฺวา คณฺหาติ, ททนฺโต เวเคน ปูเรตฺวา สิขํ ฉินฺทนฺโต เทติ.
รชฺชุเภโท ¶ เขตฺตวตฺถุมินนกาเล ลพฺภติ. ลฺชํ อลภนฺตา หิ เขตฺตํ อมหนฺตมฺปิ มหนฺตํ กตฺวา มินนฺติ.
อุกฺโกฏนาทีสุ อุกฺโกฏนนฺติ อสฺสามิเก สามิเก กาตุํ ลฺชคฺคหณํ. วฺจนนฺติ เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปเรสํ วฺจนํ. ตตฺริทเมกํ วตฺถุ – เอโก กิร ลุทฺทโก มิคฺจ มิคโปตกฺจ คเหตฺวา ¶ อาคจฺฉติ ¶ , ตเมโก ธุตฺโต – ‘‘กึ โภ, มิโค อคฺฆติ, กึ มิคโปตโก’’ติ อาห. ‘‘มิโค ทฺเว กหาปเณ, มิคโปตโก เอก’’นฺติ จ วุตฺเต เอกํ กหาปณํ ทตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺโต – ‘‘น เม โภ, มิคโปตเกน อตฺโถ, มิคํ เม เทหี’’ติ อาห. เตน หิ – ทฺเว กหาปเณ เทหีติ. โส อาห – ‘‘นนุ เต โภ, มยา ปมํ เอโก กหาปโณ ทินฺโน’’ติ? ‘‘อาม, ทินฺโน’’ติ. ‘‘อิทํ มิคโปตกํ คณฺห, เอวํ โส จ กหาปโณ, อยฺจ กหาปณคฺฆนโก มิคโปตโกติ ทฺเว กหาปณา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โส ‘‘การณํ วทตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา มิคํ อทาสีติ. นิกตีติ โยควเสน วา มายาวเสน วา อปามงฺคํ ปามงฺคนฺติ, อมณึ มณินฺติ, อสุวณฺณํ สุวณฺณนฺติ กตฺวา ปติรูปเกน วฺจนํ. สาจิโยโคติ กุฏิลโยโค, เอเตสํเยว อุกฺโกฏนาทีนเมตํ นามํ. ตสฺมา – อุกฺโกฏนสาจิโยโค, วฺจนสาจิโยโค, นิกติสาจิโยโคติ, เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกจิ อฺํ ทสฺเสตฺวา อฺสฺส ปริวตฺตนํ สาจิโยโคติ วทนฺติ. ตํ ปน วฺจเนเนว สงฺคหิตํ.
เฉทนาทีสุ เฉทนนฺติ หตฺถจฺเฉทนาทิ. วโธติ มารณํ. พนฺโธติ รชฺชุพนฺธนาทีหิ พนฺธนํ. วิปราโมโสติ หิมวิปราโมโส, คุมฺพวิปราโมโสติ ทุวิโธ. ยํ หิมปาตสมเย หิเมน ปฏิจฺฉนฺนา หุตฺวา มคฺคปฺปฏิปนฺนํ ชนํ มุสนฺติ, อยํ หิมวิปราโมโส. ยํ คุมฺพาทีหิ ปฏิจฺฉนฺนา มุสนฺติ, อยํ คุมฺพวิปราโมโส. อาโลโป วุจฺจติ คามนิคมาทีนํ วิโลปกรณํ. สหสากาโรติ สาหสิกกิริยา. เคหํ ปวิสิตฺวา มนุสฺสานํ อุเร สตฺถํ เปตฺวา อิจฺฉิตภณฺฑานํ คหณํ. เอวเมตสฺมา เฉทน…เป… สหสาการา ปฏิวิรโต สมโณ โคตโมติ. อิติ วา หิ, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยาติ.
เอตฺตาวตา จูฬสีลํ นิฏฺิตํ โหติ.
มชฺฌิมสีลวณฺณนา
๑๑. อิทานิ ¶ ¶ มชฺฌิมสีลํ วิตฺถาเรนฺโต ‘‘ยถา วา ปเนเก โภนฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา. สทฺธาเทยฺยานีติ กมฺมฺจ ผลฺจ อิธโลกฺจ ปรโลกฺจ สทฺทหิตฺวา ทินฺนานิ. ‘อยํ เม าตี’ติ วา, ‘มิตฺโต’ติ วา, อิทํ ปฏิกริสฺสติ, อิทํ วา เตน กตปุพฺพนฺติ วา, เอวํ น ทินฺนานีติ อตฺโถ. เอวํ ทินฺนานิ หิ น สทฺธาเทยฺยานิ นาม โหนฺติ ¶ . โภชนานีติ เทสนาสีสมตฺตเมตํ, อตฺถโต ปน สทฺธาเทยฺยานิ โภชนานิ ภฺุชิตฺวา จีวรานิ ปารุปิตฺวา เสนาสนานิ เสวมานา คิลานเภสชฺชํ ปริภฺุชมานาติ สพฺพเมตํ วุตฺตเมว โหติ.
เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต. ตสฺสตฺโถ กตโม โส พีชคามภูตคาโม, ยสฺส สมารมฺภํ อนุยุตฺตา วิหรนฺตีติ. ตโต ตํ ทสฺเสนฺโต มูลพีชนฺติอาทิมาห. ตตฺถ มูลพีชํ นาม หลิทฺทิ, สิงฺคิเวรํ, วจา, วจตฺตํ, อติวิสา, กฏุกโรหิณี, อุสีรํ, ภทฺทมุตฺตกนฺติ เอวมาทิ. ขนฺธพีชํ นาม อสฺสตฺโถ, นิคฺโรโธ, ปิลกฺโข, อุทุมฺพโร, กจฺฉโก, กปิตฺถโนติ เอวมาทิ. ผฬุพีชํ นาม อุจฺฉุ, นโฬ, เวฬูติ เอวมาทิ. อคฺคพีชํ นาม อชฺชกํ, ผณิชฺชกํ, หิริเวรนฺติ เอวมาทิ. พีชพีชํ นาม ปุพฺพณฺณํ อปรณฺณนฺติ เอวมาทิ. สพฺพฺเหตํ รุกฺขโต วิโยชิตํ วิรุหนสมตฺถเมว ‘‘พีชคาโม’’ติ วุจฺจติ. รุกฺขโต ปน อวิโยชิตํ อสุกฺขํ ‘‘ภูตคาโม’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ ภูตคามสมารมฺโภ ปาจิตฺติยวตฺถุ, พีชคามสมารมฺโภ ทุกฺกฏวตฺถูติ เวทิตพฺโพ.
๑๒. สนฺนิธิการปริโภคนฺติ สนฺนิธิกตสฺส ปริโภคํ. ตตฺถ ทุวิธา กถา, วินยวเสน จ สลฺเลขวเสน จ. วินยวเสน ตาว ยํ กิฺจิ อนฺนํ อชฺช ปฏิคฺคหิตํ อปรชฺชุ สนฺนิธิการกํ โหติ, ตสฺส ปริโภเค ปาจิตฺติยํ ¶ . อตฺตนา ลทฺธํ ปน สามเณรานํ ทตฺวา, เตหิ ลทฺธํ ปาเปตฺวา ทุติยทิวเส ภฺุชิตุํ วฏฺฏติ, สลฺเลโข ปน น โหติ.
ปานสนฺนิธิมฺหิปิ เอเสว นโย. ตตฺถ ปานํ นาม อมฺพปานาทีนิ อฏฺ ปานานิ, ยานิ จ เตสํ อนุโลมานิ. เตสํ วินิจฺฉโย สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโต.
วตฺถสนฺนิธิมฺหิ ¶ อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตํ สนฺนิธิ จ โหติ, สลฺเลขฺจ โกเปติ, อยํ ปริยายกถา. นิปฺปริยายโต ปน ติจีวรสนฺตุฏฺเน ภวิตพฺพํ, จตุตฺถํ ลภิตฺวา อฺสฺส ทาตพฺพํ. สเจ ยสฺส กสฺสจิ ทาตุํ น สกฺโกติ, ยสฺส ปน ทาตุกาโม โหติ, โส อุทฺเทสตฺถาย วา ปริปุจฺฉตฺถาย วา คโต, อาคตมตฺเต ทาตพฺพํ, อทาตุํ น วฏฺฏติ. จีวเร ปน อปฺปโหนฺเต สติยา ปจฺจาสาย อนฺุาตกาลํ เปตุํ วฏฺฏติ. สูจิสุตฺตจีวรการกานํ อลาเภน ตโต ปรมฺปิ วินยกมฺมํ กตฺวา เปตุํ วฏฺฏติ. ‘‘อิมสฺมึ ชิณฺเณ ปุน อีทิสํ กุโต ลภิสฺสามี’’ติ ปน เปตุํ น วฏฺฏติ, สนฺนิธิ จ โหติ, สลฺเลขฺจ โกเปติ.
ยานสนฺนิธิมฺหิ ¶ ยานํ นาม วยฺหํ, รโถ, สกฏํ, สนฺทมานิกา, สิวิกา, ปาฏงฺกีติ; เนตํ ปพฺพชิตสฺส ยานํ. อุปาหนา ปน ปพฺพชิตสฺส ยานํเยว. เอกภิกฺขุสฺส หิ เอโก อรฺตฺถาย, เอโก โธตปาทกตฺถายาติ, อุกฺกํสโต ทฺเว อุปาหนสงฺฆาฏา วฏฺฏนฺติ. ตติยํ ลภิตฺวา อฺสฺส ทาตพฺโพ. ‘‘อิมสฺมึ ชิณฺเณ อฺํ กุโต ลภิสฺสามี’’ติ หิ เปตุํ น วฏฺฏติ, สนฺนิธิ จ โหติ, สลฺเลขฺจ โกเปติ.
สยนสนฺนิธิมฺหิ สยนนฺติ มฺโจ. เอกสฺส ภิกฺขุโน เอโก คพฺเภ, เอโก ทิวาาเนติ อุกฺกํสโต ทฺเว มฺจา วฏฺฏนฺติ. ตโต อุตฺตริ ลภิตฺวา อฺสฺส ภิกฺขุโน วา คณสฺส วา ทาตพฺโพ; อทาตุํ น วฏฺฏติ. สนฺนิธิ จ โหติ, สลฺเลขฺจ โกเปติ.
คนฺธสนฺนิธิมฺหิ ภิกฺขุโน กณฺฑุกจฺฉุฉวิโทสาทิอาพาเธ ¶ สติ คนฺธา วฏฺฏนฺติ. เต คนฺเธ อาหราเปตฺวา ตสฺมึ โรเค วูปสนฺเต อฺเสํ วา อาพาธิกานํ ทาตพฺพา, ทฺวาเร ปฺจงฺคุลิฆรธูปนาทีสุ วา อุปเนตพฺพา. ‘‘ปุน โรเค สติ ภวิสฺสนฺตี’’ติ ปน เปตุํ น วฏฺฏติ, สนฺนิธิ จ โหติ, สลฺเลขฺจ โกเปติ.
อามิสนฺติ วุตฺตาวเสสํ ทฏฺพฺพํ. เสยฺยถิทํ, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ – ‘‘ตถารูเป กาเล อุปการาย ภวิสฺสตี’’ติ ติลตณฺฑุลมุคฺคมาสนาฬิเกรโลณมจฺฉมํสวลฺลูรสปฺปิเตลคุฬภาชนาทีนิ อาหราเปตฺวา เปติ. โส วสฺสกาเล กาลสฺเสว สามเณเรหิ ยาคุํ ปจาเปตฺวา ปริภฺุชิตฺวา ‘‘สามเณร, อุทกกทฺทเม ทุกฺขํ คามํ ปวิสิตุํ, คจฺฉ อสุกํ กุลํ ¶ คนฺตฺวา มยฺหํ วิหาเร นิสินฺนภาวํ อาโรเจหิ; อสุกกุลโต ทธิอาทีนิ อาหรา’’ติ เปเสติ. ภิกฺขูหิ – ‘‘กึ, ภนฺเต, คามํ ปวิสิสฺสถา’’ติ วุตฺเตปิ, ‘‘ทุปฺปเวโส, อาวุโส, อิทานิ คาโม’’ติ วทติ. เต – ‘‘โหตุ, ภนฺเต, อจฺฉถ ตุมฺเห, มยํ ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา อาหริสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺติ. อถ สามเณโรปิ ทธิอาทีนิ อาหริตฺวา ภตฺตฺจ พฺยฺชนฺจ สมฺปาเทตฺวา อุปเนติ, ตํ ภฺุชนฺตสฺเสว อุปฏฺากา ภตฺตํ ปหิณนฺติ, ตโตปิ มนาปํ มนาปํ ภฺุชติ. อถ ภิกฺขู ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺติ, ตโตปิ มนาปํ มนาปํ คีวายามกํ ภฺุชติเยว. เอวํ จตุมาสมฺปิ วีตินาเมติ. อยํ วุจฺจติ – ‘‘ภิกฺขุ มุณฺฑกุฏุมฺพิกชีวิกํ ชีวติ, น สมณชีวิก’’นฺติ. เอวรูโป อามิสสนฺนิธิ นาม โหติ.
ภิกฺขุโน ปน วสนฏฺาเน เอกา ตณฺฑุลนาฬิ, เอโก คุฬปิณฺโฑ, จตุภาคมตฺตํ สปฺปีติ เอตฺตกํ นิเธตุํ วฏฺฏติ, อกาเล สมฺปตฺตโจรานํ อตฺถาย. เต หิ เอตฺตกมฺปิ อามิสปฏิสนฺถารํ อลภนฺตา ¶ ชีวิตาปิ โวโรเปยฺยุํ, ตสฺมา สเจ เอตฺตกํ นตฺถิ, อาหราเปตฺวาปิ ¶ เปตุํ วฏฺฏติ. อผาสุกกาเล จ ยเทตฺถ กปฺปิยํ, ตํ อตฺตนาปิ ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. กปฺปิยกุฏิยํ ปน พหุํ เปนฺตสฺสาปิ สนฺนิธิ นาม นตฺถิ. ตถาคตสฺส ปน ตณฺฑุลนาฬิอาทีสุ วา ยํ กิฺจิ จตุรตนมตฺตํ วา ปิโลติกขณฺฑํ ‘‘อิทํ เม อชฺช วา สฺเว วา ภวิสฺสตี’’ติ ปิตํ นาม นตฺถิ.
๑๓. วิสูกทสฺสเนสุ นจฺจํ นาม ยํ กิฺจิ นจฺจํ, ตํ มคฺคํ คจฺฉนฺเตนาปิ คีวํ ปสาเรตฺวา ทฏฺุํ น วฏฺฏติ. วิตฺถารวินิจฺฉโย ปเนตฺถ สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺเพสุ สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺเตสุ สุตฺตปเทสุ. อิโต ปรฺหิ เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปโยชนมตฺตเมว วณฺณยิสฺสามาติ.
เปกฺขนฺติ นฏสมชฺชํ. อกฺขานนฺติ ภารตยุชฺฌนาทิกํ. ยสฺมึ าเน กถียติ, ตตฺถ คนฺตุมฺปิ น วฏฺฏติ. ปาณิสฺสรนฺติ กํสตาฬํ, ปาณิตาฬนฺติปิ วทนฺติ. เวตาฬนฺติ ฆนตาฬํ, มนฺเตน มตสรีรุฏฺาปนนฺติปิ เอเก. กุมฺภถูณนฺติ จตุรสฺสอมฺพณกตาฬํ, กุมฺภสทฺทนฺติปิ เอเก. โสภนกนฺติ นฏานํ ¶ อพฺโภกฺกิรณํ, โสภนกรํ วา, ปฏิภานจิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. จณฺฑาลนฺติ อโยคุฬกีฬา, จณฺฑาลานํ สาณโธวนกีฬาติปิ วทนฺติ. วํสนฺติ เวฬุํ อุสฺสาเปตฺวา กีฬนํ.
โธวนนฺติ อฏฺิโธวนํ, เอกจฺเจสุ กิร ชนปเทสุ กาลงฺกเต าตเก น ฌาเปนฺติ, นิขณิตฺวา เปนฺติ. อถ เนสํ ปูติภูตํ กายํ ตฺวา นีหริตฺวา อฏฺีนิ โธวิตฺวา คนฺเธหิ มกฺเขตฺวา เปนฺติ. เต นกฺขตฺตกาเล เอกสฺมึ าเน อฏฺีนิ เปตฺวา เอกสฺมึ าเน สุราทีนิ เปตฺวา โรทนฺตา ปริเทวนฺตา สุรํ ปิวนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว ¶ , ทกฺขิเณสุ ชนปเทสุ อฏฺิโธวนํ นาม, ตตฺถ โหติ อนฺนมฺปิ ปานมฺปิ ขชฺชมฺปิ โภชฺชมฺปิ เลยฺยมฺปิ เปยฺยมฺปิ นจฺจมฺปิ คีตมฺปิ วาทิตมฺปิ. อตฺเถตํ, ภิกฺขเว, โธวนํ, เนตํ นตฺถีติ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๐๗). เอกจฺเจ ปน อินฺทชาเลน อฏฺิโธวนํ โธวนนฺติปิ วทนฺติ.
หตฺถิยุทฺธาทีสุ ภิกฺขุโน เนว หตฺถิอาทีหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตุํ, น เต ยุชฺฌาเปตุํ, น ยุชฺฌนฺเต ทฏฺุํ วฏฺฏติ. นิพฺพุทฺธนฺติ มลฺลยุทฺธํ. อุยฺโยธิกนฺติ ยตฺถ สมฺปหาโร ทิสฺสติ. พลคฺคนฺติ พลคณนฏฺานํ. เสนาพฺยูหนฺติ เสนานิเวโส, สกฏพฺยูหาทิวเสน เสนาย นิเวสนํ. อนีกทสฺสนนฺติ – ‘‘ตโย หตฺถี ปจฺฉิมํ หตฺถานีก’’นฺติอาทินา (ปาจิ. ๓๒๔) นเยน วุตฺตสฺส อนีกสฺส ทสฺสนํ.
๑๔. ปมาโท ¶ เอตฺถ ติฏฺตีติ ปมาทฏฺานํ. ชูตฺจ ตํ ปมาทฏฺานฺจาติ ชูตปฺปมาทฏฺานํ. เอเกกาย ปนฺติยา อฏฺ อฏฺ ปทานิ อสฺสาติ อฏฺปทํ ทสปเทปิ เอเสว นโย. อากาสนฺติ อฏฺปททสปเทสุ วิย อากาเสเยว กีฬนํ. ปริหารปถนฺติ ภูมิยํ นานาปถมณฺฑลํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปริหริตพฺพํ, ปถํ ปริหรนฺตานํ กีฬนํ. สนฺติกนฺติ สนฺติกกีฬนํ. เอกชฺฌํ ปิตา สาริโย วา สกฺขราโย วา อจาเลนฺตา นเขเนว อปเนนฺติ จ อุปเนนฺติ จ, สเจ ตตฺถ กาจิ จลติ, ปราชโย โหติ, เอวรูปาย กีฬาเยตํ อธิวจนํ. ขลิกนฺติ ชูตผลเก ปาสกกีฬนํ. ฆฏิกา วุจฺจติ ทีฆทณฺฑเกน รสฺสทณฺฑกํ ปหรณกีฬนํ. สลากหตฺถนฺติ ลาขาย วา มฺชิฏฺิกาย วา ปิฏฺโทเกน วา สลากหตฺถํ ¶ เตเมตฺวา – ‘‘กึ ¶ โหตู’’ติ ภูมิยํ วา ภิตฺติยํ วา ตํ ปหริตฺวา หตฺถิอสฺสาทิรูปทสฺสนกีฬนํ. อกฺขนฺติ คุฬกีฬา. ปงฺคจีรํ วุจฺจติ ปณฺณนาฬิกํ, ตํ ธมนฺตา กีฬนฺติ. วงฺกกนฺติ คามทารกานํ กีฬนกํ ขุทฺทกนงฺคลํ. โมกฺขจิกา วุจฺจติ สมฺปริวตฺตนกีฬา, อากาเส วา ทณฺฑกํ คเหตฺวา ภูมิยํ วา สีสํ เปตฺวา เหฏฺุปริยภาเวน ปริวตฺตนกีฬาติ วุตฺตํ โหติ. จิงฺคุลิกํ วุจฺจติ ตาลปณฺณาทีหิ กตํ วาตปฺปหาเรน ปริพฺภมนจกฺกํ. ปตฺตาฬฺหกํ วุจฺจติ ปณฺณนาฬิกา. ตาย วาลุกาทีนิ มินนฺตา กีฬนฺติ. รถกนฺติ ขุทฺทกรถํ. ธนุกนฺติ ขุทฺทกธนุเมว. อกฺขริกา วุจฺจติ อากาเส วา ปิฏฺิยํ วา อกฺขรชานนกีฬา. มเนสิกา นาม มนสา จินฺติตชานนกีฬา. ยถาวชฺชํ นาม กาณกุณิขุชฺชาทีนํ ยํ ยํ วชฺชํ, ตํ ตํ ปโยเชตฺวา ทสฺสนกีฬา.
๑๕. อาสนฺทินฺติ ปมาณาติกฺกนฺตาสนํ. อนุยุตฺตา วิหรนฺตีติ อิทํ อเปกฺขิตฺวา ปน สพฺพปเทสุ อุปโยควจนํ กตํ. ปลฺลงฺโกติ ปาเทสุ วาฬรูปานิ เปตฺวา กโต. โคนโกติ ทีฆโลมโก มหาโกชโว, จตุรงฺคุลาธิกานิ กิร ตสฺส โลมานิ. จิตฺตกนฺติ วานวิจิตฺตํ อุณฺณามยตฺถรณํ. ปฏิกาติ อุณฺณามโย เสตตฺถรโณ. ปฏลิกาติ ¶ ฆนปุปฺผโก อุณฺณามยตฺถรโณ. โย อามลกปตฺโตติปิ วุจฺจติ. ตูลิกาติ ติณฺณํ ตูลานํ อฺตรปุณฺณา ตูลิกา. วิกติกาติ สีหพฺยคฺฆาทิรูปวิจิตฺโร อุณฺณามยตฺถรโณ. อุทฺทโลมีติ อุภยโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํ, เกจิ ‘‘เอกโตอุคฺคตปุปฺผ’’นฺติ วทนฺติ. เอกนฺตโลมีติ เอกโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํ. เกจิ ‘‘อุภโตอุคฺคตปุปฺผ’’นฺติ วทนฺติ. กฏฺฏิสฺสนฺติ รตนปริสิพฺพิตํ โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยปจฺจตฺถรณํ. โกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพิตเมว โกสิยสุตฺตมยปจฺจตฺถรณํ. สุทฺธโกเสยฺยํ ปน วฏฺฏตีติ วินเย วุตฺตํ. ทีฆนิกายฏฺกถายํ ปน ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ น วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
กุตฺตกนฺติ โสฬสนฺนํ นาฏกิตฺถีนํ ตฺวา นจฺจนโยคฺคํ อุณฺณามยตฺถรณํ. หตฺถตฺถรํ อสฺสตฺถรนฺติ ¶ หตฺถิอสฺสปิฏฺีสุ อตฺถรณอตฺถรกาเยว. รถตฺถเรปิ เอเสว นโย. อชินปฺปเวณีติ อชินจมฺเมหิ มฺจปฺปมาเณน สิพฺพิตฺวา กตา ¶ ปเวณี. กทลีมิคปวรปจฺจตฺถรณนฺติ กทลีมิคจมฺมํ นาม อตฺถิ, เตน กตํ ปวรปจฺจตฺถรณํ; อุตฺตมปจฺจตฺถรณนฺติ อตฺโถ. ตํ กิร เสตวตฺถสฺส อุปริ กทลีมิคจมฺมํ ปตฺถริตฺวา สิพฺเพตฺวา กโรนฺติ. สอุตฺตรจฺฉทนฺติ สห อุตฺตรจฺฉเทน, อุปริพทฺเธน รตฺตวิตาเนน สทฺธินฺติ อตฺโถ. เสตวิตานมฺปิ เหฏฺา อกปฺปิยปจฺจตฺถรเณ สติ น วฏฺฏติ, อสติ ปน วฏฺฏติ. อุภโตโลหิตกูปธานนฺติ สีสูปธานฺจ ปาทูปธานฺจาติ ¶ มฺจสฺส อุภโตโลหิตกํ อุปธานํ, เอตํ น กปฺปติ. ยํ ปน เอกเมว อุปธานํ อุโภสุ ปสฺเสสุ รตฺตํ วา โหติ ปทุมวณฺณํ วา วิจิตฺรํ วา, สเจ ปมาณยุตฺตํ, วฏฺฏติ. มหาอุปธานํ ปน ปฏิกฺขิตฺตํ. อโลหิตกานิ ทฺเวปิ วฏฺฏนฺติเยว. ตโต อุตฺตริ ลภิตฺวา อฺเสํ ทาตพฺพานิ. ทาตุํ อสกฺโกนฺโต มฺเจ ติริยํ อตฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ ลภติ. อาสนฺทีอาทีสุ ปน วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาสนฺทิยา ปาเท ฉินฺทิตฺวา ปริภฺุชิตุํ, ปลฺลงฺกสฺส วาเฬ ภินฺทิตฺวา ปริภฺุชิตุํ, ตูลิกํ วิชเฏตฺวา พิมฺโพหนํ กาตุํ, อวเสสํ ภุมฺมตฺถรณํ กาตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๗).
๑๖. อุจฺฉาทนาทีสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตทารกานํ สรีรคนฺโธ ทฺวาทสวสฺสปตฺตกาเล นสฺสติ, เตสํ สรีรทุคฺคนฺธหรณตฺถาย คนฺธจุณฺณาทีหิ อุจฺฉาเทนฺติ, เอวรูปํ อุจฺฉาทนํ น วฏฺฏติ. ปฺุวนฺเต ปน ทารเก อูรูสุ นิปชฺชาเปตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา หตฺถปาทอูรุนาภิอาทีนํ สณฺานสมฺปาทนตฺถํ ปริมทฺทนฺติ, เอวรูปํ ปริมทฺทนํ น วฏฺฏติ.
นฺหาปนนฺติ เตสํเยว ทารกานํ คนฺธาทีหิ นฺหาปนํ. สมฺพาหนนฺติ มหามลฺลานํ วิย หตฺถปาเท มุคฺคราทีหิ ปหริตฺวา พาหุวฑฺฒนํ. อาทาสนฺติ ยํ กิฺจิ อาทาสํ ปริหริตุํ น วฏฺฏติ. อฺชนนฺติ อลงฺการฺชนเมว. มาลาติ พทฺธมาลา วา อพทฺธมาลา วา. วิเลปนนฺติ ยํ กิฺจิ ฉวิราคกรณํ. มุขจุณฺณํ มุขเลปนนฺติ มุเข กาฬปีฬกาทีนํ หรณตฺถาย มตฺติกกกฺกํ เทนฺติ, เตน โลหิเต จลิเต สาสปกกฺกํ เทนฺติ, เตน โทเส ขาทิเต ติลกกฺกํ เทนฺติ, เตน โลหิเต สนฺนิสินฺเน หลิทฺทิกกฺกํ เทนฺติ, เตน ฉวิวณฺเณ อารูฬฺเห มุขจุณฺณเกน มุขํ จุณฺเณนฺติ, ตํ สพฺพํ น วฏฺฏติ.
หตฺถพนฺธาทีสุ ¶ ¶ หตฺเถ วิจิตฺรสงฺขกปาลาทีนิ พนฺธิตฺวา วิจรนฺติ, ตํ วา อฺํ วา สพฺพมฺปิ หตฺถาภรณํ น วฏฺฏติ, อปเร สิขํ พนฺธิตฺวา วิจรนฺติ. สุวณฺณจีรกมุตฺตลตาทีหิ จ ¶ ตํ ปริกฺขิปนฺติ; ตํ สพฺพํ น วฏฺฏติ. อปเร จตุหตฺถทณฺฑํ วา อฺํ วา ปน อลงฺกตทณฺฑกํ คเหตฺวา วิจรนฺติ, ตถา อิตฺถิปุริสรูปาทิวิจิตฺตํ เภสชฺชนาฬิกํ สุปริกฺขิตฺตํ วามปสฺเส โอลคฺคิตํ; อปเร กณฺณิกรตนปริกฺขิตฺตโกสํ อติติขิณํ อสึ, ปฺจวณฺณสุตฺตสิพฺพิตํ มกรทนฺตกาทิวิจิตฺตํ ฉตฺตํ, สุวณฺณรชตาทิวิจิตฺรา โมรปิฺฉาทิปริกฺขิตฺตา อุปาหนา, เกจิ รตนมตฺตายามํ จตุรงฺคุลวิตฺถตํ เกสนฺตปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา เมฆมุเข วิชฺชุลตํ วิย นลาเฏ อุณฺหีสปฏฺฏํ พนฺธนฺติ, จูฬามณึ ธาเรนฺติ, จามรวาลพีชนึ ธาเรนฺติ, ตํ สพฺพํ น วฏฺฏติ.
๑๗. อนิยฺยานิกตฺตา สคฺคโมกฺขมคฺคานํ ติรจฺฉานภูตา กถาติ ติรจฺฉานกถา. ตตฺถ ราชานํ อารพฺภ มหาสมฺมโต มนฺธาตา ธมฺมาโสโก เอวํ มหานุภาโวติอาทินา นเยน ปวตฺตา กถา ราชกถา. เอส นโย โจรกถาทีสุ. เตสุ อสุโก ราชา อภิรูโป ทสฺสนีโยติอาทินา นเยน เคหสฺสิตกถาว ติรจฺฉานกถา โหติ. โสปิ นาม เอวํ มหานุภาโว ขยํ คโตติ เอวํ ปวตฺตา ปน กมฺมฏฺานภาเว ติฏฺติ. โจเรสุ มูลเทโว เอวํ มหานุภาโว, เมฆมาโล เอวํ มหานุภาโวติ เตสํ กมฺมํ ปฏิจฺจ อโห สูราติ เคหสฺสิตกถาว ติรจฺฉานกถา. ยุทฺเธปิ ภารตยุทฺธาทีสุ อสุเกน อสุโก เอวํ มาริโต, เอวํ วิทฺโธติ กามสฺสาทวเสเนว กถา ติรจฺฉานกถา. เตปิ นาม ขยํ คตาติ เอวํ ปวตฺตา ปน สพฺพตฺถ กมฺมฏฺานเมว โหติ. อปิ จ อนฺนาทีสุ เอวํ วณฺณวนฺตํ คนฺธวนฺตํ รสวนฺตํ ผสฺสสมฺปนฺนํ ขาทิมฺห ภฺุชิมฺหาติ กามสฺสาทวเสน กเถตุํ น วฏฺฏติ. สาตฺถกํ ¶ ปน กตฺวา ปุพฺเพ เอวํ วณฺณาทิสมฺปนฺนํ อนฺนํ ปานํ วตฺถํ สยนํ มาลํ คนฺธํ สีลวนฺตานํ อทมฺห, เจติเย ปูชํ กริมฺหาติ กเถตุํ วฏฺฏติ. าติกถาทีสุ ปน ‘‘อมฺหากํ าตกา สูรา สมตฺถา’’ติ วา ‘‘ปุพฺเพ มยํ เอวํ วิจิตฺเรหิ ยาเนหิ วิจริมฺหา’’ติ วา อสฺสาทวเสน วตฺตุํ น วฏฺฏติ. สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘เตปิ โน าตกา ขยํ คตา’’ติ วา ‘‘ปุพฺเพ มยํ เอวรูปา อุปาหนา สงฺฆสฺส อทมฺหา’’ติ วา กเถตุํ วฏฺฏติ. คามกถาปิ สุนิวิฏฺทุนฺนิวิฏฺสุภิกฺขทุพฺภิกฺขาทิวเสน วา ‘‘อสุกคามวาสิโน สูรา สมตฺถา’’ติ ¶ วา เอวํ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ. สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติ วา ‘‘ขยวยํ คตา’’ติ วา วตฺตุํ วฏฺฏติ. นิคมนครชนปทกถาทีสุปิ เอเสว นโย.
อิตฺถิกถาปิ วณฺณสณฺานาทีนิ ปฏิจฺจ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ, สทฺธา ปสนฺนา ขยวยํ คตาติ เอวเมว วฏฺฏติ. สูรกถาปิ ‘นนฺทิมิตฺโต นาม โยโธ สูโร อโหสี’ติ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ. สทฺโธ อโหสิ ขยํ คโตติ เอวเมว วฏฺฏติ. วิสิขากถาปิ ‘‘อสุกา ¶ วิสิขา สุนิวิฏฺา ทุนฺนิวิฏฺา สูรา สมตฺถา’’ติ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ. สทฺธา ปสนฺนา ขยวยํ คตาติ เอวเมว วฏฺฏติ.
กุมฺภฏฺานกถาติ อุทกฏฺานกถา, อุทกติตฺถกถาติปิ วุจฺจติ, กุมฺภทาสิกถา วา, สาปิ ‘‘ปาสาทิกา นจฺจิตุํ คายิตุํ เฉกา’’ติ อสฺสาทวเสน น วฏฺฏติ; สทฺธา ปสนฺนาติอาทินา นเยเนว วฏฺฏติ. ปุพฺพเปตกถาติ อตีตาติกถา. ตตฺถ วตฺตมานาติกถาสทิโส วินิจฺฉโย.
นานตฺตกถาติ ปุริมปจฺฉิมกถาหิ วิมุตฺตา อวเสสา นานาสภาวา นิรตฺถกกถา. โลกกฺขายิกาติ อยํ โลโก เกน นิมฺมิโต, อสุเกน นาม ¶ นิมฺมิโต. กาโก เสโต, อฏฺีนํ เสตตฺตา; พลากา รตฺตา. โลหิตสฺส รตฺตตฺตาติ เอวมาทิกา โลกายตวิตณฺฑสลฺลาปกถา.
สมุทฺทกฺขายิกา นาม กสฺมา สมุทฺโท สาคโร? สาครเทเวน ขโต, ตสฺมา สาคโร. ขโต เมติ หตฺถมุทฺทาย สยํ นิเวทิตตฺตา ‘‘สมุทฺโท’’ติ เอวมาทิกา นิรตฺถกา สมุทฺทกฺขายนกถา. ภโวติ วุฑฺฒิ. อภโวติ หานิ. อิติ ภโว, อิติ อภโวติ ยํ วา ตํ วา นิรตฺถกการณํ วตฺวา ปวตฺติตกถา อิติภวาภวกถา.
๑๘. วิคฺคาหิกกถาติ วิคฺคหกถา, สารมฺภกถา. ตตฺถ สหิตํ เมติ มยฺหํ วจนํ สหิตํ สิลิฏฺํ อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อสหิตํ เตติ ตุยฺหํ วจนํ อสหิตํ อสิลิฏฺํ. อธิจิณฺณํ เต วิปราวตฺตนฺติ ยํ ตุยฺหํ ทีฆรตฺตาจิณฺณวเสน สุปฺปคุณํ, ตํ มยฺหํ เอกวจเนเนว วิปราวตฺตํ ปริวตฺติตฺวา ิตํ, น กิฺจิ ชานาสีติ อตฺโถ.
อาโรปิโต ¶ เต วาโทติ มยา ตว โทโส อาโรปิโต. จร วาทปฺปโมกฺขายาติ โทสโมจนตฺถํ จร, วิจร; ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา สิกฺขาติ อตฺโถ. นิพฺเพเหิ วา สเจ ปโหสีติ อถ สยํ ปโหสิ, อิทานิเมว นิพฺเพเหีติ.
๑๙. ทูเตยฺยกถายํ อิธ คจฺฉาติ อิโต อสุกํ นาม านํ คจฺฉ. อมุตฺราคจฺฉาติ ตโต อสุกํ นาม านํ อาคจฺฉ. อิทํ หราติ อิโต อิทํ นาม หร. อมุตฺร อิทํ อาหราติ อสุกฏฺานโต ¶ อิทํ นาม อิธ อาหร. สงฺเขปโต ปน อิทํ ทูเตยฺยํ นาม เปตฺวา ปฺจ สหธมฺมิเก รตนตฺตยสฺส อุปการปฏิสํยุตฺตฺจ คิหีสาสนํ อฺเสํ น วฏฺฏติ.
๒๐. กุหกาติอาทีสุ ติวิเธน กุหนวตฺถุนา โลกํ กุหยนฺติ, วิมฺหาปยนฺตีติ กุหกา. ลาภสกฺการตฺถิกา หุตฺวา ลปนฺตีติ ลปกา. นิมิตฺตํ สีลเมเตสนฺติ เนมิตฺติกา. นิปฺเปโส สีลเมเตสนฺติ นิปฺเปสิกา. ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนฺติ ¶ มคฺคนฺติ ปริเยสนฺตีติ ลาเภน ลาภํ นิชิคีสิตาโร. กุหนา, ลปนา, เนมิตฺติกตา, นิปฺเปสิกตา, ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตาติ เอตาหิ สมนฺนาคตานํ ปุคฺคลานํ เอตํ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาเรน ปเนตา กุหนาทิกา วิสุทฺธิมคฺเค สีลนิทฺเทเสเยว ปาฬิฺจ อฏฺกถฺจ อาหริตฺวา ปกาสิตาติ.
เอตฺตาวตา มชฺฌิมสีลํ นิฏฺิตํ โหติ.
มหาสีลวณฺณนา
๒๑. อิโต ปรํ มหาสีลํ โหติ. องฺคนฺติ หตฺถปาทาทีสุ เยน เกนจิ เอวรูเปน องฺเคน สมนฺนาคโต ทีฆายุ ยสวา โหตีติอาทินยปฺปวตฺตํ องฺคสตฺถํ. นิมิตฺตนฺติ นิมิตฺตสตฺถํ. ปณฺฑุราชา กิร ติสฺโส มุตฺตาโย มุฏฺิยํ กตฺวา เนมิตฺติกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เม หตฺเถ’’ติ? โส อิโต จิโต จ วิโลเกสิ, ตสฺมิฺจ สมเย ฆรโคลิกาย มกฺขิกา คยฺหนฺตี มุตฺตา, โส ‘‘มุตฺตา’’ติ อาห. ปุน ‘‘กตี’’ติ ปุฏฺโ กุกฺกุฏสฺส ติกฺขตฺตุํ รวนฺตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘ติสฺโส’’ติ อาห. เอวํ ตํ ตํ อาทิสิตฺวา นิมิตฺตมนุยุตฺตา วิหรนฺติ.
อุปฺปาตนฺติ ¶ อสนิปาตาทีนํ มหนฺตานํ อุปฺปติตํ, ตฺหิ ทิสฺวา ‘‘อิทํ ภวิสฺสติ, เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ อาทิสนฺติ. สุปินนฺติ โย ปุพฺพณฺหสมเย สุปินํ ปสฺสติ, เอวํ วิปาโก โหติ; โย อิทํ นาม ปสฺสติ, ตสฺส อิทํ นาม โหตีติอาทินา นเยน สุปินกํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. ลกฺขณนฺติ อิมินา ลกฺขเณน สมนฺนาคโต ราชา โหติ, อิมินา อุปราชาติอาทิกํ. มูสิกจฺฉินฺนนฺติ อุนฺทูรขายิตํ. เตนาปิ หิ อหเต วา วตฺเถ อนหเต วา วตฺเถ อิโต ปฏฺาย เอวํ ฉินฺเน อิทํ นาม โหตีติ อาทิสนฺติ. อคฺคิโหมนฺติ ¶ เอวรูเปน ทารุนา เอวํ ¶ หุเต อิทํ นาม โหตีติ อคฺคิชุหนํ. ทพฺพิโหมาทีนิปิ อคฺคิโหมาเนว, เอวรูปาย ทพฺพิยา อีทิเสหิ กณาทีหิ หุเต อิทํ นาม โหตีติ เอวํ ปวตฺติวเสน ปน วิสุํ วุตฺตานิ.
ตตฺถ กโณติ กุณฺฑโก. ตณฺฑุลาติ สาลิอาทีนฺเจว ติณชาตีนฺจ ตณฺฑุลา. สปฺปีติ โคสปฺปิอาทิกํ. เตลนฺติ ติลเตลาทิกํ. สาสปาทีนิ ปน มุเขน คเหตฺวา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปนํ, วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา ชุหนํ วา มุขโหมํ. ทกฺขิณกฺขกชณฺณุโลหิตาทีหิ ชุหนํ โลหิตโหมํ. องฺควิชฺชาติ ปุพฺเพ องฺคเมว ทิสฺวา พฺยากรณวเสน องฺคํ วุตฺตํ, อิธ องฺคุลฏฺึ ทิสฺวา วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา อยํ กุลปุตฺโต วา โน วา, สิรีสมฺปนฺโน วา โน วาติอาทิพฺยากรณวเสน องฺควิชฺชา วุตฺตา. วตฺถุวิชฺชาติ ฆรวตฺถุอารามวตฺถาทีนํ คุณโทสสลฺลกฺขณวิชฺชา. มตฺติกาทิวิเสสํ ทิสฺวาปิ หิ วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา เหฏฺา ปถวิยํ ตึสรตนมตฺเต, อากาเส จ อสีติรตนมตฺเต ปเทเส คุณโทสํ ปสฺสนฺติ. ขตฺตวิชฺชาติ อพฺเภยฺยมาสุรกฺขราชสตฺถาทิสตฺถํ. สิววิชฺชาติ สุสาเน ปวิสิตฺวา สนฺติกรณวิชฺชา, สิงฺคาลรุตวิชฺชาติปิ วทนฺติ. ภูตวิชฺชาติ ภูตเวชฺชมนฺโต. ภูริวิชฺชาติ ภูริฆเร วสนฺเตน อุคฺคเหตพฺพมนฺโต. อหิวิชฺชาติ สปฺปทฏฺติกิจฺฉนวิชฺชา เจว สปฺปาวฺหายนวิชฺชา จ. วิสวิชฺชาติ ยาย, ปุราณวิสํ วา รกฺขนฺติ, นววิสํ วา กโรนฺติ วิสวนฺตเมว วา. วิจฺฉิกวิชฺชาติ วิจฺฉิกทฏฺติกิจฺฉนวิชฺชา. มูสิกวิชฺชายปิ ¶ เอเสว นโย. สกุณวิชฺชาติ สปกฺขกอปกฺขกทฺวิปทจตุปฺปทานํ รุตคตาทิวเสน สกุณาณํ. วายสวิชฺชาติ กากรุตาณํ, ตํ วิสฺุเว สตฺถํ, ตสฺมา ¶ วิสุํ วุตฺตํ.
ปกฺกชฺฌานนฺติ ปริปากคตจินฺตา. อิทานิ ‘‘อยํ เอตฺตกํ ชีวิสฺสติ, อยํ เอตฺตก’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ อาทิฏฺาณนฺติ อตฺโถ. สรปริตฺตาณนฺติ สรรกฺขณํ, ยถา อตฺตโน อุปริ น อาคจฺฉติ, เอวํ กรณวิชฺชา. มิคจกฺกนฺติ อิทํ สพฺพสงฺคาหิกํ สพฺพสกุณจตุปฺปทานํ รุตาณวเสน วุตฺตํ.
๒๒. มณิลกฺขณาทีสุ เอวรูโป มณิ ปสตฺโถ, เอวรูโป อปสตฺโถ, สามิโน อาโรคฺยอิสฺสริยาทีนํ เหตุ โหติ, น โหตีติ, เอวํ วณฺณสณฺานาทิวเสน มณิอาทีนํ ลกฺขณํ อนุยุตฺตา วิหรนฺตีติ อตฺโถ. ตตฺถ อาวุธนฺติ เปตฺวา อสิอาทีนิ อวเสสํ อาวุธํ. อิตฺถิลกฺขณาทีนิปิ ยมฺหิ กุเล เต อิตฺถิปุริสาทโย วสนฺติ, ตสฺส วุฑฺฒิหานิวเสเนว เวทิตพฺพานิ. อชลกฺขณาทีสุ ปน เอวรูปานํ อชาทีนํ มํสํ ขาทิตพฺพํ, เอวรูปานํ น ขาทิตพฺพนฺติ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
อปิ ¶ เจตฺถ โคธาย ลกฺขเณ จิตฺตกมฺมปิฬนฺธนาทีสุปิ เอวรูปาย โคธาย สติ อิทํ นาม โหตีติ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพ. อิทฺเจตฺถ วตฺถุ – เอกสฺมึ กิร วิหาเร จิตฺตกมฺเม โคธํ อคฺคึ ธมมานํ อกํสุ. ตโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํ มหาวิวาโท ชาโต. เอโก อาคนฺตุกภิกฺขุ ตํ ทิสฺวา มกฺเขสิ. ตโต ปฏฺาย วิวาโท มนฺทีภูโต โหติ. กณฺณิกลกฺขณํ ปิฬนฺธนกณฺณิกายปิ เคหกณฺณิกายปิ วเสน เวทิตพฺพํ. กจฺฉปลกฺขณํ โคธาลกฺขณสทิสเมว. มิคลกฺขณํ สพฺพสงฺคาหิกํ สพฺพจตุปฺปทานํ ลกฺขณวเสน วุตฺตํ.
๒๓. รฺํ นิยฺยานํ ภวิสฺสตีติ อสุกทิวเส อสุกนกฺขตฺเตน อสุกสฺส นาม รฺโ นิคฺคมนํ ภวิสฺสตีติ เอวํ ราชูนํ ปวาสคมนํ พฺยากโรติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. เกวลํ ปเนตฺถ อนิยฺยานนฺติ วิปฺปวุตฺถานํ ปุน อาคมนํ. อพฺภนฺตรานํ รฺํ อุปยานํ ภวิสฺสติ ¶ , พาหิรานํ รฺํ อปยานนฺติ อนฺโตนคเร อมฺหากํ ราชา ปฏิวิรุทฺธํ พหิราชานํ อุปสงฺกมิสฺสติ, ตโต ตสฺส ปฏิกฺกมนํ ภวิสฺสตีติ เอวํ รฺํ อุปยานาปยานํ ¶ พฺยากโรติ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. ชยปราชยา ปากฏาเยว.
๒๔. จนฺทคฺคาหาทโย อสุกทิวเส ราหุ จนฺทํ คเหสฺสตีติ พฺยากรณวเสเนว เวทิตพฺพา. อปิ จ นกฺขตฺตสฺส องฺคารกาทิคาหสมาโยโคปิ นกฺขตฺตคาโหเยว. อุกฺกาปาโตติ อากาสโต อุกฺกานํ ปตนํ. ทิสาฑาโหติ ทิสากาลุสิยํ อคฺคิสิขธูมสิขาทีหิ อากุลภาโว วิย. เทวทุทฺรภีติ สุกฺขวลาหกคชฺชนํ. อุคฺคมนนฺติ อุทยนํ. โอกฺกมนนฺติ อตฺถงฺคมนํ. สํกิเลสนฺติ อวิสุทฺธตา. โวทานนฺติ วิสุทฺธตา. เอวํ วิปาโกติ โลกสฺส เอวํ วิวิธสุขทุกฺขาวโห.
๒๕. สุวุฏฺิกาติ เทวสฺส สมฺมาธารานุปฺปเวจฺฉนํ. ทุพฺพุฏฺิกาติ อวคฺคาโห, วสฺสวิพนฺโธติ วุตฺตํ โหติ. มุทฺทาติ หตฺถมุทฺทา. คณนา วุจฺจติ อจฺฉิทฺทกคณนา. สงฺขานนฺติ สงฺกลนสฏุปฺปาทนาทิวเสน ปิณฺฑคณนา. ยสฺส สา ปคุณา โหติ, โส รุกฺขมฺปิ ทิสฺวา เอตฺตกานิ เอตฺถ ปณฺณานีติ ชานาติ. กาเวยฺยนฺติ ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, กวี. กตเม จตฺตาโร? จินฺตากวิ, สุตกวิ, อตฺถกวิ, ปฏิภานกวี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓๑). อิเมสํ จตุนฺนํ กวีนํ อตฺตโน จินฺตาวเสน วา; ‘‘เวสฺสนฺตโร นาม ราชา อโหสี’’ติอาทีนิ สุตฺวา สุตวเสน วา; อิมสฺส อยํ อตฺโถ, เอวํ ตํ โยเชสฺสามีติ เอวํ อตฺถวเสน วา; กิฺจิเทว ทิสฺวา ตปฺปฏิภาคํ กตฺตพฺพํ กริสฺสามีติ เอวํ านุปฺปตฺติกปฏิภานวเสน วา; ชีวิกตฺถาย กพฺยกรณํ. โลกายตํ ¶ วุตฺตเมว.
๒๖. อาวาหนํ ¶ นาม อิมสฺส ทารกสฺส อสุกกุลโต อสุกนกฺขตฺเตน ทาริกํ อาเนถาติ อาวาหกรณํ. วิวาหนนฺติ อิมํ ทาริกํ อสุกสฺส นาม ทารกสฺส อสุกนกฺขตฺเตน เทถ, เอวมสฺสา วุฑฺฒิ ภวิสฺสตีติ วิวาหกรณํ. สํวรณนฺติ สํวรณํ นาม ‘อชฺช นกฺขตฺตํ สุนฺทรํ, อชฺเชว สมคฺคา โหถ, อิติ โว วิโยโค น ภวิสฺสตี’ติ เอวํ สมคฺคกรณํ. วิวรณํ นาม ‘สเจ วิยุชฺชิตุกามตฺถ, อชฺเชว วิยุชฺชถ ¶ , อิติ โว ปุน สํโยโค น ภวิสฺสตี’ติ เอวํ วิสํโยคกรณํ. สงฺกิรณนฺติ ‘อุฏฺานํ วา อิณํ วา ทินฺนํ ธนํ อชฺช สงฺกฑฺฒถ, อชฺช สงฺกฑฺฒิตฺหิ ตํ ถาวรํ โหตี’ติ เอวํ ธนปิณฺฑาปนํ. วิกิรณนฺติ ‘สเจ ปโยคอุทฺธาราทิวเสน ธนํ ปโยชิตุกามตฺถ, อชฺช ปโยชิตํ ทิคุณจตุคฺคุณํ โหตี’ติ เอวํ ธนปโยชาปนํ. สุภคกรณนฺติ ปิยมนาปกรณํ วา สสฺสิรีกกรณํ วา. ทุพฺภคกรณนฺติ ตพฺพิปรีตํ. วิรุทฺธคพฺภกรณนฺติ วิรุทฺธสฺส วิลีนสฺส อฏฺิตสฺส มตสฺส คพฺภสฺส กรณํ. ปุน อวินาสาย เภสชฺชทานนฺติ อตฺโถ. คพฺโภ หิ วาเตน, ปาณเกหิ, กมฺมุนา จาติ ตีหิ การเณหิ วินสฺสติ. ตตฺถ วาเตน วินสฺสนฺเต นิพฺพาปนียํ สีตลํ เภสชฺชํ เทติ, ปาณเกหิ วินสฺสนฺเต ปาณกานํ ปฏิกมฺมํ กโรติ, กมฺมุนา วินสฺสนฺเต ปน พุทฺธาปิ ปฏิพาหิตุํ น สกฺโกนฺติ.
ชิวฺหานิพนฺธนนฺติ มนฺเตน ชิวฺหาย พนฺธกรณํ. หนุสํหนนนฺติ ¶ มุขพนฺธมนฺเตน ยถา หนุกํ จาเลตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวํ พนฺธกรณํ. หตฺถาภิชปฺปนนฺติ หตฺถานํ ปริวตฺตนตฺถํ มนฺตชปฺปนํ. ตสฺมึ กิร มนฺเต สตฺตปทนฺตเร ตฺวา ชปฺปิเต อิตโร หตฺเถ ปริวตฺเตตฺวา ขิปติ. กณฺณชปฺปนนฺติ กณฺเณหิ สทฺทํ อสฺสวนตฺถาย วิชฺชาย ชปฺปนํ. ตํ กิร ชปฺปิตฺวา วินิจฺฉยฏฺาเน ยํ อิจฺฉติ, ตํ ภณติ, ปจฺจตฺถิโก ตํ น สุณาติ, ตโต ปฏิวจนํ สมฺปาเทตุํ น สกฺโกติ. อาทาสปฺหนฺติ อาทาเส เทวตํ โอตาเรตฺวา ปฺหปุจฺฉนํ. กุมาริกปฺหนฺติ กุมาริกาย สรีเร เทวตํ โอตาเรตฺวา ปฺหปุจฺฉนํ. เทวปฺหนฺติ ทาสิยา สรีเร เทวตํ โอตาเรตฺวา ปฺหปุจฺฉนํ. อาทิจฺจุปฏฺานนฺติ ชีวิกตฺถาย อาทิจฺจปาริจริยา. มหตุปฏฺานนฺติ ตเถว มหาพฺรหฺมปาริจริยา. อพฺภุชฺชลนนฺติ มนฺเตน มุขโต อคฺคิชาลานีหรณํ. สิริวฺหายนนฺติ ‘‘เอหิ สิริ, มยฺหํ สิเร ปติฏฺาหี’’ติ เอวํ สิเรน สิริยา อวฺหายนํ.
๒๗. สนฺติกมฺมนฺติ เทวฏฺานํ คนฺตฺวา สเจ เม อิทํ นาม สมิชฺฌิสฺสติ, ตุมฺหากํ อิมินา จ อิมินา จ อุปหารํ กริสฺสามีติ สมิทฺธิกาเล กตฺตพฺพํ สนฺติปฏิสฺสวกมฺมํ. ตสฺมึ ปน สมิทฺเธ ตสฺส กรณํ ปณิธิกมฺมํ นาม. ภูริกมฺมนฺติ ภูริฆเร วสิตฺวา คหิตมนฺตสฺส ปโยคกรณํ. วสฺสกมฺมํ โวสฺสกมฺมนฺติ เอตฺถ วสฺโสติ ปุริโส, โวสฺโสติ ปณฺฑโก ¶ . อิติ โวสฺสสฺส ¶ วสฺสกรณํ วสฺสกมฺมํ, วสฺสสฺส โวสฺสกรณํ โวสฺสกมฺมํ. ตํ ปน กโรนฺโต อจฺฉนฺทิกภาวมตฺตํ ปาเปติ, น ลิงฺคํ อนฺตรธาเปตุํ สกฺโกติ. วตฺถุกมฺมนฺติ ¶ อกตวตฺถุสฺมึ เคหปติฏฺาปนํ. วตฺถุปริกมฺมนฺติ ‘‘อิทฺจิทฺจาหรถา’’ติ วตฺวา วตฺถุพลิกมฺมกรณํ. อาจมนนฺติ อุทเกน มุขสุทฺธิกรณํ. นฺหาปนนฺติ อฺเสํ นฺหาปนํ. ชุหนนฺติ เตสํ อตฺถาย อคฺคิชุหนํ. วมนนฺติ โยคํ ทตฺวา วมนกรณํ. วิเรจเนปิ เอเสว นโย. อุทฺธํวิเรจนนฺติ อุทฺธํ โทสานํ นีหรณํ. อโธวิเรจนนฺติ อโธ โทสานํ นีหรณํ. สีสวิเรจนนฺติ สิโรวิเรจนํ. กณฺณเตลนฺติ กณฺณานํ พนฺธนตฺถํ วา วณหรณตฺถํ วา เภสชฺชเตลปจนํ. เนตฺตตปฺปนนฺติ อกฺขิตปฺปนเตลํ. นตฺถุกมฺมนฺติ เตเลน โยเชตฺวา นตฺถุกรณํ. อฺชนนฺติ ทฺเว วา ตีณิ วา ปฏลานิ นีหรณสมตฺถํ ขารฺชนํ. ปจฺจฺชนนฺติ นิพฺพาปนียํ สีตลเภสชฺชฺชนํ. สาลากิยนฺติ สลากเวชฺชกมฺมํ. สลฺลกตฺติยนฺติ สลฺลกตฺตเวชฺชกมฺมํ. ทารกติกิจฺฉา วุจฺจติ โกมารภจฺจเวชฺชกมฺมํ. มูลเภสชฺชานํ อนุปฺปาทนนฺติ อิมินา กายติกิจฺฉนํ ทสฺเสติ. โอสธีนํ ปฏิโมกฺโขติ ขาราทีนิ ทตฺวา ตทนุรูเป วเณ คเต เตสํ อปนยนํ.
เอตฺตาวตา มหาสีลํ นิฏฺิตํ โหติ.
ปุพฺพนฺตกปฺปิกสสฺสตวาทวณฺณนา
๒๘. เอวํ พฺรหฺมทตฺเตน วุตฺตวณฺณสฺส อนุสนฺธิวเสน ติวิธํ สีลํ วิตฺถาเรตฺวา อิทานิ ภิกฺขุสงฺเฆน วุตฺตวณฺณสฺส ¶ อนุสนฺธิวเสน – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา’’ติอาทินา นเยน สฺุตาปกาสนํ อารภิ. ตตฺถ ธมฺมาติ คุเณ, เทสนายํ, ปริยตฺติยํ, นิสฺสตฺเตติ เอวมาทีสุ ธมฺมสทฺโท วตฺตติ.
‘‘น หิ ธมฺโม อธมฺโม จ, อุโภ สมวิปากิโน;
อธมฺโม นิรยํ เนติ, ธมฺโม ปาเปติ สุคฺคติ’’นฺติ. (เถรคา. ๓๐๔);
อาทีสุ หิ คุเณ ธมฺมสทฺโท. ‘‘ธมฺมํ, โว ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) เทสนายํ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ สุตฺตํ ¶ ¶ , เคยฺย’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๗๓) ปริยตฺติยํ. ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺติ, ขนฺธา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๑) นิสฺสตฺเต. อิธ ปน คุเณ วตฺตติ. ตสฺมา อตฺถิ, ภิกฺขเว, อฺเว ตถาคตสฺส คุณาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
คมฺภีราติ มหาสมุทฺโท วิย มกสตุณฺฑสูจิยา อฺตฺร ตถาคตา อฺเสํ าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺา, คมฺภีรตฺตาเยว ทุทฺทสา. ทุทฺทสตฺตาเยว ทุรนุโพธา. นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตฺตา สนฺตา, สนฺตารมฺมเณสุ ปวตฺตนโตปิ สนฺตา. อติตฺติกรณฏฺเน ปณีตา, สาทุรสโภชนํ วิย. อุตฺตมาณวิสยตฺตา น ตกฺเกน อวจริตพฺพาติ อตกฺกาวจรา. นิปุณาติ สณฺหสุขุมสภาวตฺตา. พาลานํ อวิสยตฺตา, ปณฺฑิเตหิเยว เวทิตพฺพาติ ปณฺฑิตเวทนียา.
เย ตถาคโต สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตีติ เย ธมฺเม ตถาคโต อนฺเนยฺโย หุตฺวา สยเมว อภิวิสิฏฺเน าเณน ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปเวเทติ, ทีเปติ, กเถติ, ปกาเสตีติ อตฺโถ. เยหีติ เยหิ คุณธมฺเมหิ. ยถาภุจฺจนฺติ ยถาภูตํ. วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุนฺติ ตถาคตสฺส วณฺณํ วตฺตุกามา สมฺมา วเทยฺยุํ, อหาเปตฺวา วตฺตุํ สกฺกุเณยฺยุนฺติ อตฺโถ. กตเม จ ปน เต ธมฺมา ภควตา เอวํ โถมิตาติ? สพฺพฺุตฺาณํ. ยทิ เอวํ, กสฺมา พหุวจนนิทฺเทโส ¶ กโตติ? ปุถุจิตฺตสมาโยคโต เจว, ปุถุอารมฺมณโต จ. ตฺหิ จตูสุ าณสมฺปยุตฺตมหากิริยจิตฺเตสุ ลพฺภติ, น จสฺส โกจิ ธมฺโม อารมฺมณํ นาม น โหติ. ยถาห – ‘‘อตีตํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๒๐). อิติ ปุถุจิตฺตสมาโยคโต ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติวเสน ปุถุอารมฺมณโต จ พหุวจนนิทฺเทโส กโตติ.
‘‘อฺเวา’’ติ อิทํ ปเนตฺถ ววตฺถาปนวจนํ, ‘‘อฺเว, น ปาณาติปาตา เวรมณิอาทโย. คมฺภีราว น อุตฺตานา’’ติ เอวํ สพฺพปเทหิ โยเชตพฺพํ. สาวกปารมีาณฺหิ คมฺภีรํ, ปจฺเจกโพธิาณํ ปน ตโต คมฺภีรตรนฺติ ตตฺถ ววตฺถานํ นตฺถิ, สพฺพฺุตฺาณฺจ ตโตปิ คมฺภีรตรนฺติ ตตฺถาปิ ววตฺถานํ นตฺถิ, อิโต ปนฺํ คมฺภีรตรํ นตฺถิ; ตสฺมา คมฺภีรา วาติ ววตฺถานํ ลพฺภติ. ตถา ทุทฺทสาว ทุรนุโพธา วาติ สพฺพํ เวทิตพฺพํ.
กตเม ¶ จ เต ภิกฺขเวติ อยํ ปน เตสํ ธมฺมานํ กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉา. สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณาติอาทิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ. กสฺมา ปเนตํ เอวํ อารทฺธนฺติ เจ? พุทฺธานฺหิ จตฺตาริ านานิ ปตฺวา คชฺชิตํ มหนฺตํ โหติ, าณํ อนุปวิสติ, พุทฺธาณสฺส มหนฺตภาโว ¶ ปฺายติ, เทสนา คมฺภีรา โหติ, ติลกฺขณาหตา, สฺุตาปฏิสํยุตฺตา. กตมานิ จตฺตาริ? วินยปฺตฺตึ, ภูมนฺตรํ, ปจฺจยาการํ, สมยนฺตรนฺติ. ตสฺมา – ‘‘อิทํ ลหุกํ, อิทํ ครุกํ, อิทํ สเตกิจฺฉํ, อิทํ อเตกิจฺฉํ, อยํ อาปตฺติ, อยํ อนาปตฺติ, อยํ เฉชฺชคามินี, อยํ วุฏฺานคามินี, อยํ เทสนาคามินี, อยํ โลกวชฺชา, อยํ ปณฺณตฺติวชฺชา, อิมสฺมึ วตฺถุสฺมึ อิทํ ปฺเปตพฺพ’’นฺติ ยํ เอวํ โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ ¶ สิกฺขาปทปฺาปนํ นาม, ตตฺถ อฺเสํ ถาโม วา พลํ วา นตฺถิ; อวิสโย เอส อฺเสํ, ตถาคตสฺเสว วิสโย. อิติ วินยปฺตฺตึ ปตฺวา พุทฺธานํ คชฺชิตํ มหนฺตํ โหติ, าณํ อนุปวิสติ…เป… สฺุตาปฏิสํยุตฺตาติ.
ตถา อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา นาม…เป… อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค นาม, ปฺจ ขนฺธา นาม, ทฺวาทส อายตนานิ นาม, อฏฺารส ธาตุโย นาม, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ นาม, พาวีสตินฺทฺริยานิ นาม, นว เหตู นาม, จตฺตาโร อาหารา นาม, สตฺต ผสฺสา นาม, สตฺต เวทนา นาม, สตฺต สฺา นาม, สตฺต เจตนา นาม, สตฺต จิตฺตานิ นาม. เอเตสุ เอตฺตกา กามาวจรา ธมฺมา นาม, เอตฺตกา รูปาวจรอรูปาวจรปริยาปนฺนา ธมฺมา นาม, เอตฺตกา โลกิยา ธมฺมา นาม, เอตฺตกา โลกุตฺตรา ธมฺมา นามาติ จตุวีสติสมนฺตปฏฺานํ อนนฺตนยํ อภิธมฺมปิฏกํ วิภชิตฺวา กเถตุํ อฺเสํ ถาโม วา พลํ วา นตฺถิ, อวิสโย เอส อฺเสํ, ตถาคตสฺเสว วิสโย. อิติ ภูมนฺตรปริจฺเฉทํ ปตฺวา พุทฺธานํ คชฺชิตํ มหนฺตํ โหติ, าณํ อนุปวิสติ…เป… สฺุตาปฏิสํยุตฺตาติ.
ตถา อยํ อวิชฺชา สงฺขารานํ นวหากาเรหิ ปจฺจโย โหติ, อุปฺปาโท หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, ปวตฺตํ หุตฺวา, นิมิตฺตํ, อายูหนํ, สํโยโค, ปลิโพโธ, สมุทโย, เหตุ, ปจฺจโย หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, ตถา สงฺขาราทโย วิฺาณาทีนํ. ยถาห – ‘‘กถํ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณํ? อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาทฏฺิติ จ ปวตฺตฏฺิติ จ, นิมิตฺตฏฺิติ ¶ จ, อายูหนฏฺิติ จ, สํโยคฏฺิติ จ, ปลิโพธฏฺิติ จ, สมุทยฏฺิติ จ, เหตุฏฺิติ จ, ปจฺจยฏฺิติ จ, อิเมหิ นวหากาเรหิ อวิชฺชา ปจฺจโย, สงฺขารา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา, อุโภเปเต ธมฺมา ปจฺจยสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณํ. อตีตมฺปิ อทฺธานํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาทฏฺิติ จ…เป… ¶ ชาติ ชรามรณสฺส อุปฺปาทฏฺิติ จ…เป… ปจฺจยฏฺิติ จ, อิเมหิ นวหากาเรหิ ชาติ ปจฺจโย, ชรามรณํ ปจฺจยสมุปฺปนฺนํ, อุโภเปเต ธมฺมา ปจฺจยสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๔๕). เอวมิมํ ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส ตถา ตถา ปจฺจยภาเวน ปวตฺตํ ติวฏฺฏํ ติยทฺธํ ¶ ติสนฺธึ จตุสงฺเขปํ วีสตาการํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ วิภชิตฺวา กเถตุํ อฺเสํ ถาโม วา พลํ วา นตฺถิ, อวิสโย เอส อฺเสํ, ตถาคตสฺเสว วิสโย, อิติ ปจฺจยาการํ ปตฺวา พุทฺธานํ คชฺชิตํ มหนฺตํ โหติ, าณํ อนุปวิสติ…เป… สฺุตาปฏิสํยุตฺตาติ.
ตถา จตฺตาโร ชนา สสฺสตวาทา นาม, จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสตวาทา, จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา, จตฺตาโร อมราวิกฺเขปิกา, ทฺเว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา, โสฬส สฺีวาทา, อฏฺ อสฺีวาทา, อฏฺ เนวสฺีนาสฺีวาทา, สตฺต อุจฺเฉทวาทา, ปฺจ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทา นาม. เต อิทํ นิสฺสาย อิทํ คณฺหนฺตีติ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ ภินฺทิตฺวา นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา กเถตุํ อฺเสํ ถาโม วา พลํ วา นตฺถิ, อวิสโย เอส อฺเสํ, ตถาคตสฺเสว วิสโย. อิติ สมยนฺตรํ ปตฺวา พุทฺธานํ คชฺชิตํ มหนฺตํ โหติ, าณํ อนุปวิสติ, พุทฺธาณสฺส มหนฺตตา ปฺายติ, เทสนา คมฺภีรา โหติ, ติลกฺขณาหตา, สฺุตาปฏิสํยุตฺตาติ.
อิมสฺมึ ปน าเน สมยนฺตรํ ลพฺภติ, ตสฺมา สพฺพฺุตฺาณสฺส มหนฺตภาวทสฺสนตฺถํ เทสนาย จ สฺุตาปกาสนวิภาวนตฺถํ สมยนฺตรํ อนุปวิสนฺโต ธมฺมราชา – ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา’’ติ เอวํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ อารภิ.
๒๙. ตตฺถ สนฺตีติ อตฺถิ สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ. ภิกฺขเวติ อาลปนวจนํ. เอเกติ เอกจฺเจ. สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชูปคตภาเวน สมณา, ชาติยา พฺราหฺมณา. โลเกน วา สมณาติ จ พฺราหฺมณาติ จ เอวํ สมฺมตา. ปุพฺพนฺตํ ¶ กปฺเปตฺวา วิกปฺเปตฺวา คณฺหนฺตีติ ปุพฺพนฺตกปฺปิกา. ปุพฺพนฺตกปฺโป วา ¶ เอเตสํ อตฺถีติ ปุพฺพนฺตกปฺปิกา. ตตฺถ อนฺโตติ อยํ สทฺโท อนฺตอพฺภนฺตรมริยาทลามกปรภาคโกฏฺาเสสุ ทิสฺสติ. ‘‘อนฺตปูโร อุทรปูโร’’ติอาทีสุ หิ อนฺเต อนฺตสทฺโท. ‘‘จรนฺติ โลเก ปริวารฉนฺนา อนฺโต อสุทฺธา พหิ โสภมานา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๒) อพฺภนฺตเร. ‘‘กายพนฺธนสฺส อนฺโต ชีรติ (จูฬว. ๒๗๘). ‘‘สา หริตนฺตํ วา ปนฺถนฺตํ วา เสลนฺตํ วา อุทกนฺตํ วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) มริยาทายํ. ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกานํ ยทิทํ ปิณฺโฑลฺย’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๘๐) ลามเก. ‘‘เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) ปรภาเค. สพฺพปจฺจยสงฺขโย หิ ทุกฺขสฺส ปรภาโค โกฏีติ วุจฺจติ. ‘‘สกฺกาโย โข, อาวุโส, เอโก อนฺโต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๖.๖๑) โกฏฺาเส. สฺวายํ อิธาปิ โกฏฺาเส วตฺตติ.
กปฺปสทฺโทปิ – ¶ ‘‘ติฏฺตุ, ภนฺเต ภควา กปฺปํ’’ (ที. นิ. ๒.๑๖๗), ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุํ’’ (อ. นิ. ๘.๘๐), ‘‘กปฺปกเตน อกปฺปกตํ สํสิพฺพิตํ โหตี’’ติ, (ปาจิ. ๓๗๑) เอวํ อายุกปฺปเลสกปฺปวินยกปฺปาทีสุ สมฺพหุเลสุ อตฺเถสุ วตฺตติ. อิธ ตณฺหาทิฏฺีสุ วตฺตตีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘กปฺปาติ ทฺเว กปฺปา, ตณฺหากปฺโป จ ทิฏฺิกปฺโป จา’’ติ (มหานิ. ๒๘). ตสฺมา ตณฺหาทิฏฺิวเสน อตีตํ ขนฺธโกฏฺาสํ กปฺเปตฺวา ปกปฺเปตฺวา ิตาติ ปุพฺพนฺตกปฺปิกาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตสํ เอวํ ปุพฺพนฺตํ กปฺเปตฺวา ิตานํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนวเสน ปุพฺพนฺตเมว อนุคตา ทิฏฺีติ ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิโน. เต เอวํทิฏฺิโน ตํ ปุพฺพนฺตํ อารพฺภ อาคมฺม ปฏิจฺจ อฺมฺปิ ชนํ ทิฏฺิคติกํ กโรนฺตา อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ อฏฺารสหิ วตฺถูหิ.
ตตฺถ อเนกวิหิตานีติ อเนกวิธานิ. อธิมุตฺติปทานีติ อธิวจนปทานิ. อถ วา ภูตํ อตฺถํ ¶ อภิภวิตฺวา ยถาสภาวโต อคฺคเหตฺวา ปวตฺตนโต อธิมุตฺติโยติ ทิฏฺิโย วุจฺจนฺติ. อธิมุตฺตีนํ ปทานิ อธิมุตฺติปทานิ, ทิฏฺิทีปกานิ วจนานีติ อตฺโถ. อฏฺารสหิ วตฺถูหีติ อฏฺารสหิ การเณหิ.
๓๐. อิทานิ ¶ เยหิ อฏฺารสหิ วตฺถูหิ อภิวทนฺติ, เตสํ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉาย ‘‘เต จ โข โภนฺโต’’ติอาทินา นเยน ปุจฺฉิตฺวา ตานิ วตฺถูนิ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ วทนฺติ เอเตนาติ วาโท, ทิฏฺิคตสฺเสตํ อธิวจนํ. สสฺสโต วาโท เอเตสนฺติ สสฺสตวาทา, สสฺสตทิฏฺิโนติ อตฺโถ. เอเตเนว นเยน อิโต ปเรสมฺปิ เอวรูปานํ ปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจาติ รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คเหตฺวา ตํ สสฺสตํ อมรํ นิจฺจํ ธุวํ ปฺเปนฺติ. ยถาห – ‘‘รูปํ อตฺตา เจว โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ ตถา เวทนํ, สฺํ, สงฺขาเร, วิฺาณํ อตฺตา เจว โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺตี’’ติ.
๓๑. อาตปฺปมนฺวายาติอาทีสุ วีริยํ กิเลสานํ อาตาปนภาเวน อาตปฺปนฺติ วุตฺตํ. ตเทว ปทหนวเสน ปธานํ. ปุนปฺปุนํ ยุตฺตวเสน อนุโยโคติ. เอวํ ติปฺปเภทํ วีริยํ อนฺวาย อาคมฺม ปฏิจฺจาติ อตฺโถ. อปฺปมาโท วุจฺจติ สติยา อวิปฺปวาโส. สมฺมา มนสิกาโรติ อุปายมนสิกาโร, ปถมนสิกาโร, อตฺถโต าณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมิฺหิ มนสิกาเร ิตสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ าณํ อิชฺฌติ, อยํ อิมสฺมึ าเน มนสิกาโรติ อธิปฺเปโต. ตสฺมา วีริยฺจ สติฺจ าณฺจ อาคมฺมาติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ. ตถารูปนฺติ ตถาชาติกํ. เจโตสมาธินฺติ ¶ จิตฺตสมาธึ. ผุสตีติ วินฺทติ ปฏิลภติ. ยถา สมาหิเต จิตฺเตติ เยน สมาธินา สมฺมา อาหิเต สุฏฺุ ปิเต จิตฺตมฺหิ อเนกวิหิตํ ¶ ปุพฺเพนิวาสนฺติอาทีนํ อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต.
โส เอวมาหาติ โส เอวํ ฌานานุภาวสมฺปนฺโน หุตฺวา ทิฏฺิคติโก เอวํ วทติ. วฺโฌติ วฺฌปสุวฺฌตาลาทโย วิย อผโล กสฺสจิ อชนโกติ. เอเตน ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘โลโก’’ติ จ คหิตานํ ฌานาทีนํ รูปาทิชนกภาวํ ปฏิกฺขิปติ. ปพฺพตกูฏํ วิย ิโตติ กูฏฏฺโ. เอสิกฏฺายิฏฺิโตติ เอสิกฏฺายี วิย หุตฺวา ิโตติ เอสิกฏฺายิฏฺิโต. ยถา สุนิขาโต เอสิกตฺถมฺโภ นิจฺจโล ติฏฺติ, เอวํ ิโตติ อตฺโถ. อุภเยนปิ โลกสฺส วินาสาภาวํ ทีเปติ. เกจิ ปน อีสิกฏฺายิฏฺิโตติ ปาฬึ วตฺวา มฺุเช อีสิกา วิย ิโตติ วทนฺติ ¶ . ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยทิทํ ชายตีติ วุจฺจติ, ตํ มฺุชโต อีสิกา วิย วิชฺชมานเมว นิกฺขมติ. ยสฺมา จ อีสิกฏฺายิฏฺิโต, ตสฺมา เตว สตฺตา สนฺธาวนฺติ, อิโต อฺตฺถ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
สํสรนฺตีติ อปราปรํ สฺจรนฺติ. จวนฺตีติ เอวํ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. ตถา อุปปชฺชนฺตีติ. อฏฺกถายํ ปน ปุพฺเพ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วตฺวา อิทานิ เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺตีติอาทินา วจเนน อยํ ทิฏฺิคติโก อตฺตนาเยว อตฺตโน วาทํ ภินฺทติ, ทิฏฺิคติกสฺส ทสฺสนํ นาม น นิพทฺธํ, ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุ วิย จฺจลํ, อุมฺมตฺตกปจฺฉิยํ ปูวขณฺฑคูถโคมยาทีนิ วิย เจตฺถ สุนฺทรมฺปิ อสุนฺทรมฺปิ โหติ เยวาติ วุตฺตํ. อตฺถิตฺเวว สสฺสติสมนฺติ เอตฺถ สสฺสตีติ นิจฺจํ วิชฺชมานตาย มหาปถวึว มฺติ, ตถา สิเนรุปพฺพตจนฺทิมสูริเย. ตโต เตหิ สมํ อตฺตานํ มฺมานา อตฺถิ ตฺเวว สสฺสติสมนฺติ วทนฺติ.
อิทานิ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติอาทิกาย ปฏิฺาย สาธนตฺถํ เหตุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? อหฺหิ อาตปฺปมนฺวายา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ อิมินามหํ เอตํ ชานามีติ อิมินา วิเสสาธิคเมน อหํ เอตํ ปจฺจกฺขโต ชานามิ, น เกวลํ สทฺธามตฺตเกเนว วทามีติ ทสฺเสติ, มกาโร ปเนตฺถ ปทสนฺธิกรณตฺถํ วุตฺโต. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ านนฺติ จตูหิ วตฺถูหีติ วตฺถุสทฺเทน วุตฺเตสุ จตูสุ าเนสุ อิทํ ปมํ านํ, อิทํ ชาติสตสหสฺสมตฺตานุสฺสรณํ ปมํ การณนฺติ อตฺโถ.
๓๒-๓๓. อุปริ ¶ วารทฺวเยปิ เอเสว นโย. เกวลฺหิ อยํ วาโร อเนกชาติสตสหสฺสานุสฺสรณวเสน วุตฺโต. อิตเร ทสจตฺตาลีสสํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปานุสฺสรณวเสน. มนฺทปฺโ หิ ติตฺถิโย อเนกชาติสตสหสฺสมตฺตํ อนุสฺสรติ, มชฺฌิมปฺโ ทสสํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปานิ, ติกฺขปฺโ จตฺตาลีสํ, น ตโต อุทฺธํ.
๓๔. จตุตฺถวาเร ตกฺกยตีติ ตกฺกี, ตกฺโก วา อสฺส อตฺถีติ ตกฺกี. ตกฺเกตฺวา วิตกฺเกตฺวา ทิฏฺิคาหิโน เอตํ อธิวจนํ. วีมํสาย สมนฺนาคโตติ วีมํสี. วีมํสา นาม ตุลนา รุจฺจนา ขมนา. ยถา หิ ปุริโส ยฏฺิยา อุทกํ วีมํสิตฺวา โอตรติ, เอวเมว โย ตุลยิตฺวา รุจฺจิตฺวา ¶ ขมาเปตฺวา ทิฏฺึ คณฺหาติ, โส ‘‘วีมํสี’’ติ เวทิตพฺโพ. ตกฺกปริยาหตนฺติ ตกฺเกน ปริยาหตํ, เตน เตน ปริยาเยน ตกฺเกตฺวาติ อตฺโถ. วีมํสานุจริตนฺติ ตาย วุตฺตปฺปการาย วีมํสาย อนุจริตํ. สยํปฏิภานนฺติ อตฺตโน ปฏิภานมตฺตสฺชาตํ. เอวมาหาติ สสฺสตทิฏฺึ คเหตฺวา เอวํ วทติ.
ตตฺถ จตุพฺพิโธ ตกฺกี – อนุสฺสุติโก, ชาติสฺสโร, ลาภี, สุทฺธตกฺกิโกติ. ตตฺถ โย ‘‘เวสฺสนฺตโร นาม ราชา อโหสี’’ติอาทีนิ สุตฺวา ‘‘เตน หิ ยทิ เวสฺสนฺตโรว ภควา, สสฺสโต ¶ อตฺตา’’ติ ตกฺกยนฺโต ทิฏฺึ คณฺหาติ, อยํ อนุสฺสุติโก นาม. ทฺเว ติสฺโส ชาติโย สริตฺวา – ‘‘อหเมว ปุพฺเพ อสุกสฺมึ นาม อโหสึ, ตสฺมา สสฺสโต อตฺตา’’ติ ตกฺกยนฺโต ชาติสฺสรตกฺกิโก นาม. โย ปน ลาภิตาย ‘‘ยถา เม อิทานิ อตฺตา สุขี โหติ, อตีเตปิ เอวํ อโหสิ, อนาคเตปิ ภวิสฺสตี’’ติ ตกฺกยิตฺวา ทิฏฺึ คณฺหาติ, อยํ ลาภีตกฺกิโก นาม. ‘‘เอวํ สติ อิทํ โหตี’’ติ ตกฺกมตฺเตเนว คณฺหนฺโต ปน สุทฺธตกฺกิโก นาม.
๓๕. เอเตสํ วา อฺตเรนาติ เอเตสํเยว จตุนฺนํ วตฺถูนํ อฺตเรน เอเกน วา ทฺวีหิ วา ตีหิ วา. นตฺถิ อิโต พหิทฺธาติ อิเมหิ ปน วตฺถูหิ พหิ อฺํ เอกํ การณมฺปิ สสฺสตปฺตฺติยา นตฺถีติ อปฺปฏิวตฺติยํ สีหนาทํ นทติ.
๓๖. ตยิทํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต ปชานาตีติ ภิกฺขเว, ตํ อิทํ จตุพฺพิธมฺปิ ทิฏฺิคตํ ตถาคโต นานปฺปการโต ชานาติ. ตโต ตํ ปชานนาการํ ทสฺเสนฺโต อิเม ทิฏฺิฏฺานาติอาทิมาห. ตตฺถ ทิฏฺิโยว ทิฏฺิฏฺานา นาม. อปิ จ ทิฏฺีนํ การณมฺปิ ทิฏฺิฏฺานเมว. ยถาห ‘‘กตมานิ อฏฺ ทิฏฺิฏฺานานิ? ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานํ, อวิชฺชาปิ, ผสฺโสปิ ¶ , สฺาปิ, วิตกฺโกปิ, อโยนิโสมนสิกาโรปิ, ปาปมิตฺโตปิ, ปรโตโฆโสปิ ทิฏฺิฏฺาน’’นฺติ. ‘‘ขนฺธา เหตุ, ขนฺธา ปจฺจโย ทิฏฺิฏฺานํ อุปาทาย สมุฏฺานฏฺเน, เอวํ ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานํ. อวิชฺชา เหตุ…เป… ปาปมิตฺโต เหตุ. ปรโตโฆโส เหตุ, ปรโตโฆโส ปจฺจโย ทิฏฺิฏฺานํ อุปาทาย สมุฏฺานฏฺเน, เอวํ ปรโตโฆโสปิ ทิฏฺิฏฺาน’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๒๔). เอวํคหิตาติ ทิฏฺิสงฺขาตา ตาว ¶ ทิฏฺิฏฺานา – ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ เอวํคหิตา อาทินฺนา, ปวตฺติตาติ อตฺโถ. เอวํปรามฏฺาติ นิราสงฺกจิตฺตตาย ปุนปฺปุนํ อามฏฺา ปรามฏฺา, ‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’นฺติ ปรินิฏฺาปิตา ¶ . การณสงฺขาตา ปน ทิฏฺิฏฺานา ยถา คยฺหมานา ทิฏฺิโย สมุฏฺาเปนฺติ, เอวํ อารมฺมณวเสน จ ปวตฺตนวเสน จ อาเสวนวเสน จ คหิตา. อนาทีนวทสฺสิตาย ปุนปฺปุนํ คหณวเสน ปรามฏฺา. เอวํคติกาติ เอวํ นิรยติรจฺฉานเปตฺติวิสยคติกานํ อฺตรคติกา. เอวํ อภิสมฺปรายาติ อิทํ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ, เอวํวิธปรโลกาติ วุตฺตํ โหติ.
ตฺจ ตถาคโต ปชานาตีติ น เกวลฺจ ตถาคโต สการณํ สคติกํ ทิฏฺิคตเมว ปชานาติ, อถ โข ตฺจ สพฺพํ ปชานาติ, ตโต จ อุตฺตริตรํ สีลฺเจว สมาธิฺจ สพฺพฺุตฺาณฺจ ปชานาติ. ตฺจ ปชานนํ น ปรามสตีติ ตฺจ เอวํวิธํ อนุตฺตรํ วิเสสํ ปชานนฺโตปิ อหํ ปชานามีติ ตณฺหาทิฏฺิมานปรามาสวเสน ตฺจ น ปรามสติ. อปรามสโต จสฺส ปจฺจตฺตฺเว นิพฺพุติ วิทิตาติ เอวํ อปรามสโต จสฺส อปรามาสปจฺจยา สยเมว อตฺตนาเยว เตสํ ปรามาสกิเลสานํ นิพฺพุติ วิทิตา. ปากฏํ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส นิพฺพานนฺติ ทสฺเสติ.
อิทานิ ยถาปฏิปนฺเนน ตถาคเตน สา นิพฺพุติ อธิคตา, ตํ ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ ยาสุ เวทนาสุ รตฺตา ติตฺถิยา ‘‘อิธ สุขิโน ภวิสฺสาม, เอตฺถ สุขิโน ภวิสฺสามา’’ติ ทิฏฺิคหนํ ปวิสนฺติ, ตาสํเยว เวทนานํ วเสน กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขนฺโต เวทนานํ สมุทยฺจาติอาทิมาห. ตตฺถ ยถาภูตํ วิทิตฺวาติ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, ตณฺหาสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, กมฺมสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ, ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโยติ ปจฺจยสมุทยฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐). นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสตี’’ติ อิเมสํ ปฺจนฺนํ ลกฺขณานํ วเสน เวทนานํ สมุทยํ ยถาภูตํ วิทิตฺวา; ‘‘อวิชฺชานิโรธา เวทนานิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส ¶ วยํ ปสฺสติ, ตณฺหานิโรธา ¶ เวทนานิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ ¶ , กมฺมนิโรธา เวทนานิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธติ ปจฺจยนิโรธฏฺเน เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสติ. วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ เวทนากฺขนฺธสฺส วยํ ปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) อิเมสํ ปฺจนฺนํ ลกฺขณานํ วเสน เวทนานํ อตฺถงฺคมํ ยถาภูตํ วิทิตฺวา, ‘‘ยํ เวทนํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ เวทนาย อสฺสาโท’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๖) เอวํ อสฺสาทฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา, ‘‘ยํ เวทนา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, อยํ เวทนาย อาทีนโว’’ติ เอวํ อาทีนวฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา, ‘‘โย เวทนาย ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ, อิทํ เวทนาย นิสฺสรณ’’นฺติ เอวํ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ วิทิตฺวา วิคตฉนฺทราคตาย อนุปาทาโน อนุปาทาวิมุตฺโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต; ยสฺมึ อุปาทาเน สติ กิฺจิ อุปาทิเยยฺย, อุปาทินฺนตฺตา จ ขนฺโธ ภเวยฺย, ตสฺส อภาวา กิฺจิ ธมฺมํ อนุปาทิยิตฺวาว วิมุตฺโต ภิกฺขเว ตถาคโตติ.
๓๗. อิเม โข เต, ภิกฺขเวติ เย เต อหํ – ‘‘กตเม, จ เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา คมฺภีรา’’ติ อปุจฺฉึ, ‘‘อิเม โข เต, ภิกฺขเว, ตฺจ ตถาคโต ปชานาติ ตโต จ อุตฺตริตรํ ปชานาตี’’ติ เอวํ นิทฺทิฏฺา สพฺพฺุตฺาณธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา…เป… ปณฺฑิตเวทนียาติ เวทิตพฺพา. เยหิ ตถาคตสฺส เนว ปุถุชฺชโน, น โสตาปนฺนาทีสุ อฺตโร วณฺณํ ยถาภูตํ วตฺตุํ สกฺโกติ, อถ โข ตถาคโตว ยถาภูตํ วณฺณํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺยาติ เอวํ ปุจฺฉมาเนนาปิ สพฺพฺุตฺาณเมว ปุฏฺํ, นิยฺยาเตนฺเตนาปิ ตเทว นิยฺยาติตํ, อนฺตรา ปน ทิฏฺิโย วิภตฺตาติ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกจฺจสสฺสตวาทวณฺณนา
๓๘. เอกจฺจสสฺสติกาติ เอกจฺจสสฺสตวาทา. เต ทุวิธา โหนฺติ – สตฺเตกจฺจสสฺสติกา, สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกาติ. ทุวิธาปิ อิธ คหิตาเยว.
๓๙. ยนฺติ ¶ นิปาตมตฺตํ. กทาจีติ กิสฺมิฺจิ กาเล. กรหจีติ ตสฺเสว เววจนํ. ทีฆสฺส ¶ อทฺธุโนติ ทีฆสฺส กาลสฺส. อจฺจเยนาติ อติกฺกเมน ¶ . สํวฏฺฏตีติ วินสฺสติ. เยภุยฺเยนาติ เย อุปริพฺรหฺมโลเกสุ วา อรูเปสุ วา นิพฺพตฺตนฺติ, ตทวเสเส สนฺธาย วุตฺตํ. ฌานมเนน นิพฺพตฺตตฺตา มโนมยา. ปีติ เตสํ ภกฺโข อาหาโรติ ปีติภกฺขา. อตฺตโนว เตสํ ปภาติ สยํปภา. อนฺตลิกฺเข จรนฺตีติ อนฺตลิกฺขจรา. สุเภสุ อุยฺยานวิมานกปฺปรุกฺขาทีสุ ติฏฺนฺตีติ, สุภฏฺายิโน สุภา วา มโนรมฺมวตฺถาภรณา หุตฺวา ติฏฺนฺตีติ สุภฏฺายิโน. จิรํ ทีฆมทฺธานนฺติ อุกฺกํเสน อฏฺ กปฺเป.
๔๐. วิวฏฺฏตีติ สณฺาติ. สฺุํ พฺรหฺมวิมานนฺติ ปกติยา นิพฺพตฺตสตฺตานํ นตฺถิตาย สฺุํ, พฺรหฺมกายิกภูมิ นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ. ตสฺส กตฺตา วา กาเรตา วา นตฺถิ, วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยน ปน กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานา รตนภูมิ นิพฺพตฺตติ. ปกตินิพฺพตฺติฏฺาเนสุเยว เจตฺถ อุยฺยานกปฺปรุกฺขาทโย นิพฺพตฺตนฺติ. อถ สตฺตานํ ปกติยา วสิตฏฺาเน นิกนฺติ อุปฺปชฺชติ, เต ปมชฺฌานํ ภาเวตฺวา ตโต โอตรนฺติ, ตสฺมา อถ โข อฺตโร สตฺโตติอาทิมาห. อายุกฺขยา วา ปฺุกฺขยา วาติ เย อุฬารํ ปฺุกมฺมํ กตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ อปฺปายุเก เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เต อตฺตโน ปฺุพเลน าตุํ ¶ น สกฺโกนฺติ, ตสฺส ปน เทวโลกสฺส อายุปฺปมาเณเนว จวนฺตีติ อายุกฺขยา จวนฺตีติ วุจฺจนฺติ. เย ปน ปริตฺตํ ปฺุกมฺมํ กตฺวา ทีฆายุกเทวโลเก นิพฺพตฺตนฺติ, เต ยาวตายุกํ าตุํ น สกฺโกนฺติ, อนฺตราว จวนฺตีติ ปฺุกฺขยา จวนฺตีติ วุจฺจนฺติ. ทีฆมทฺธานํ ติฏฺตีติ กปฺปํ วา อุปฑฺฒกปฺปํ วา.
๔๑. อนภิรตีติ อปรสฺสาปิ สตฺตสฺส อาคมนปตฺถนา. ยา ปน ปฏิฆสมฺปยุตฺตา อุกฺกณฺิตา, สา พฺรหฺมโลเก นตฺถิ. ปริตสฺสนาติ อุพฺพิชฺชนา ผนฺทนา, สา ปเนสา ตาสตสฺสนา, ตณฺหาตสฺสนา, ทิฏฺิตสฺสนา, าณตสฺสนาติ จตุพฺพิธา โหติ. ตตฺถ ‘‘ชาตึ ปฏิจฺจ ภยํ ภยานกํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส เจตโส อุตฺราโส. ชรํ… พฺยาธึ… มรณํ ปฏิจฺจ…เป… อุตฺราโส’’ติ (วิภ. ๙๒๑) อยํ ตาสตสฺสนา นาม. ‘‘อโห วต อฺเปิ สตฺตา อิตฺถตฺตํ อาคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๘) อยํ ตณฺหาตสฺสนา นาม. ‘‘ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวา’’ติ อยํ ทิฏฺิตสฺสนา นาม. ‘‘เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ ¶ สุตฺวา เยภุยฺเยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๓) อยํ าณตสฺสนา นาม. อิธ ปน ตณฺหาตสฺสนาปิ ทิฏฺิตสฺสนาปิ วฏฺฏติ. พฺรหฺมวิมานนฺติ อิธ ปน ปมาภินิพฺพตฺตสฺส อตฺถิตาย สฺุนฺติ น วุตฺตํ. อุปปชฺชนฺตีติ อุปปตฺติวเสน อุปคจฺฉนฺติ. สหพฺยตนฺติ สหภาวํ.
๔๒. อภิภูติ ¶ อภิภวิตฺวา ิโต เชฏฺโกหมสฺมีติ. อนภิภูโตติ อฺเหิ อนภิภูโต. อฺทตฺถูติ เอกํสวจเน นิปาโต. ทสฺสนวเสน ทโส, สพฺพํ ปสฺสามีติ อตฺโถ. วสวตฺตีติ สพฺพํ ชนํ วเส วตฺเตมิ. อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตาติ อหํ โลเก อิสฺสโร, อหํ โลกสฺส กตฺตา จ นิมฺมาตา จ, ปถวี – หิมวนฺต-สิเนรุ-จกฺกวาฬ-มหาสมุทฺท-จนฺทิม-สูริยา มยา นิมฺมิตาติ. เสฏฺโ สชิตาติ อหํ โลกสฺส อุตฺตโม จ สชิตา จ, ‘‘ตฺวํ ขตฺติโย นาม โหหิ, ตฺวํ พฺราหฺมโณ, เวสฺโส, สุทฺโท, คหฏฺโ, ปพฺพชิโต นาม. อนฺตมโส ¶ ตฺวํ โอฏฺโ โหหิ, โคโณ โหหี’’ติ ‘‘เอวํ สตฺตานํ สํวิสเชตา อห’’นฺติ มฺติ. วสี ปิตา ภูตภพฺยานนฺติ (ที. นิ. ๑.๑๗) อหมสฺมิ จิณฺณวสิตาย วสี, อหํ ปิตา ภูตานฺจ ภพฺยานฺจาติ มฺติ. ตตฺถ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา อนฺโตอณฺฑโกเส เจว อนฺโตวตฺถิมฺหิ จ ภพฺยา นาม, พหิ นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย ภูตา นาม. สํเสทชา ปมจิตฺตกฺขเณ ภพฺยา, ทุติยโต ปฏฺาย ภูตา. โอปปาติกา ปมอิริยาปเถ ภพฺยา, ทุติยโต ปฏฺาย ภูตาติ เวทิตพฺพา. เต สพฺเพปิ มยฺหํ ปุตฺตาติ สฺาย ‘‘อหํ ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติ มฺติ.
อิทานิ การณโต สาเธตุกาโม – ‘‘มยา อิเม สตฺตา นิมฺมิตา’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา ‘‘ตํ กิสฺส เหตู’’ติอาทิมาห. อิตฺถตฺตนฺติ อิตฺถภาวํ, พฺรหฺมภาวนฺติ อตฺโถ. อิมินา มยนฺติ อตฺตโน กมฺมวเสน จุตาปิ อุปปนฺนาปิ จ เกวลํ มฺนามตฺเตเนว ‘‘อิมินา มยํ นิมฺมิตา’’ติ มฺมานา วงฺกจฺฉิทฺเท วงฺกอาณี วิย โอนมิตฺวา ตสฺเสว ปาทมูลํ คจฺฉนฺตีติ.
๔๓. วณฺณวนฺตตโร จาติ วณฺณวนฺตตโร, อภิรูโป ปาสาทิโกติ อตฺโถ. มเหสกฺขตโรติ อิสฺสริยปริวารวเสน มหายสตโร.
๔๔. านํ ¶ โข ปเนตนฺติ การณํ โข ปเนตํ. โส ตโต จวิตฺวา อฺตฺร น คจฺฉติ, อิเธว อาคจฺฉติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อคารสฺมาติ เคหา. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ. ปพฺพชฺชา หิ ยสฺมา อคารสฺส หิ ตํ กสิโครกฺขาทิกมฺมํ ตตฺถ นตฺถิ, ตสฺมา อนคาริยนฺติ วุจฺจติ. ปพฺพชตีติ อุปคจฺฉติ. ตโต ปรํ นานุสฺสรตีติ ตโต ปุพฺเพนิวาสา ปรํ น สรติ, สริตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺถ ตฺวา ทิฏฺึ คณฺหาติ.
นิจฺโจติอาทีสุ ตสฺส อุปปตฺตึ อปสฺสนฺโต นิจฺโจติ วทติ, มรณํ อปสฺสนฺโต ธุโวติ, สทาภาวโต สสฺสโตติ, ชราวเสนาปิ ¶ วิปริณามสฺส อภาวโต อวิปริณามธมฺโมติ. เสสเมตฺถ ปมวาเร อุตฺตานเมวาติ.
๔๕-๔๖. ทุติยวาเร ¶ ขิฑฺฑาย ปทุสฺสนฺติ วินสฺสนฺตีติ ขิฑฺฑาปโทสิกา, ปทูสิกาติปิ ปาฬึ ลิขนฺติ, สา อฏฺกถายํ นตฺถิ. อติเวลนฺติ อติกาลํ, อติจิรนฺติ อตฺโถ. หสฺสขิฑฺฑารติธมฺมสมาปนฺนาติ หสฺสรติ ธมฺมฺเจว ขิฑฺฑารติธมฺมฺจ สมาปนฺนา อนุยุตฺตา, เกฬิหสฺสสุขฺเจว กายิกวาจสิกกีฬาสุขฺจ อนุยุตฺตา, วุตฺตปฺปการรติธมฺมสมงฺคิโน หุตฺวา วิหรนฺตีติ อตฺโถ.
สติ สมฺมุสฺสตีติ ขาทนียโภชนีเยสุ สติ สมฺมุสฺสติ. เต กิร ปฺุวิเสสาธิคเตน มหนฺเตน อตฺตโน สิริวิภเวน นกฺขตฺตํ กีฬนฺตา ตาย สมฺปตฺติมหนฺตตาย – ‘‘อาหารํ ปริภฺุชิมฺห, น ปริภฺุชิมฺหา’’ติปิ น ชานนฺติ. อถ เอกาหาราติกฺกมนโต ปฏฺาย นิรนฺตรํ ขาทนฺตาปิ ปิวนฺตาปิ จวนฺติเยว, น ติฏฺนฺติ. กสฺมา? กมฺมชเตชสฺส พลวตาย, กรชกายสฺส มนฺทตาย, มนุสฺสานฺหิ กมฺมชเตโช มนฺโท, กรชกาโย พลวา. เตสํ เตชสฺส มนฺทตาย กรชกายสฺส พลวตาย สตฺตาหมฺปิ อติกฺกมิตฺวา อุณฺโหทกอจฺฉยาคุอาทีหิ สกฺกา วตฺถุํ อุปตฺถมฺเภตุํ. เทวานํ ปน เตโช พลวา โหติ, กรชํ มนฺทํ. เต เอกํ อาหารเวลํ อติกฺกมิตฺวาว สณฺาตุํ น สกฺโกนฺติ. ยถา นาม คิมฺหานํ มชฺฌนฺหิเก ตตฺตปาสาเณ ปิตํ ปทุมํ วา อุปฺปลํ วา สายนฺหสมเย ฆฏสเตนาปิ สิฺจิยมานํ ปากติกํ น โหติ, วินสฺสติเยว. เอวเมว ปจฺฉา นิรนฺตรํ ขาทนฺตาปิ ปิวนฺตาปิ จวนฺติเยว, น ¶ ติฏฺนฺติ. เตนาห ‘‘สติยา สมฺโมสา เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺตี’’ติ. กตเม ¶ ปน เต เทวาติ? อิเม เทวาติ อฏฺกถายํ วิจารณา นตฺถิ, ‘‘เทวานํ กมฺมชเตโช พลวา โหติ, กรชํ มนฺท’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา ปน เย เกจิ กพฬีการาหารูปชีวิโน เทวา เอวํ กโรนฺติ, เตเยว จวนฺตีติ เวทิตพฺพา. เกจิ ปนาหุ – ‘‘นิมฺมานรติปรนิมฺมิตวสวตฺติโน เต เทวา’’ติ. ขิฑฺฑาปทุสฺสนมตฺเตเนว เหเต ขิฑฺฑาปโทสิกาติ วุตฺตา. เสสเมตฺถ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๔๗-๔๘. ตติยวาเร มเนน ปทุสฺสนฺติ วินสฺสนฺตีติ มโนปโทสิกา, เอเต จาตุมหาราชิกา. เตสุ กิร เอโก เทวปุตฺโต – นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามีติ สปริวาโร รเถน วีถึ ปฏิปชฺชติ, อถฺโ นิกฺขมนฺโต ตํ ปุรโต คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา – ‘โภ อยํ กปโณ’, อทิฏฺปุพฺพํ วิย เอตํ ทิสฺวา – ‘‘ปีติยา อุทฺธุมาโต วิย ภิชฺชมาโน วิย จ คจฺฉตี’’ติ กุชฺฌติ. ปุรโต คจฺฉนฺโตปิ นิวตฺติตฺวา ตํ กุทฺธํ ทิสฺวา – กุทฺธา นาม สุวิทิตา โหนฺตีติ กุทฺธภาวมสฺส ตฺวา – ‘‘ตฺวํ กุทฺโธ, มยฺหํ กึ กริสฺสสิ, อยํ สมฺปตฺติ มยา ทานสีลาทีนํ วเสน ลทฺธา, น ตุยฺหํ วเสนา’’ติ ปฏิกุชฺฌติ. เอกสฺมิฺหิ กุทฺเธ อิตโร อกุทฺโธ ¶ รกฺขติ, อุโภสุ ปน กุทฺเธสุ เอกสฺส โกโธ อิตรสฺส ปจฺจโย โหติ. ตสฺสปิ โกโธ อิตรสฺส ปจฺจโย โหตีติ อุโภ กนฺทนฺตานํเยว โอโรธานํ จวนฺติ. อยเมตฺถ ธมฺมตา. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๔๙-๕๒. ตกฺกีวาเท อยํ จกฺขาทีนํ เภทํ ปสฺสติ, จิตฺตํ ปน ยสฺมา ปุริมํ ปุริมํ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส ปจฺจยํ ทตฺวาว นิรุชฺฌติ, ตสฺมา จกฺขาทีนํ เภทโต พลวตรมฺปิ จิตฺตสฺส เภทํ น ปสฺสติ. โส ตํ อปสฺสนฺโต ยถา นาม สกุโณ เอกํ รุกฺขํ ชหิตฺวา อฺสฺมึ นิลียติ, เอวเมว อิมสฺมึ อตฺตภาเว ภินฺเน จิตฺตํ อฺตฺร คจฺฉตีติ คเหตฺวา เอวมาห. เสสเมตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อนฺตานนฺตวาทวณฺณนา
๕๓. อนฺตานนฺติกาติ ¶ อนฺตานนฺตวาทา, อนฺตํ วา อนนฺตํ วา อนฺตานนฺตํ วา เนวนฺตานานนฺตํ วา อารพฺภ ปวตฺตวาทาติ อตฺโถ.
๕๔-๖๐. อนฺตสฺี ¶ โลกสฺมึ วิหรตีติ ปฏิภาคนิมิตฺตํ จกฺกวาฬปริยนฺตํ อวฑฺเฒตฺวา ตํ – ‘‘โลโก’’ติ คเหตฺวา อนฺตสฺี โลกสฺมึ วิหรติ, จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา วฑฺฒิตกสิโณ ปน อนนฺตสฺี โหติ, อุทฺธมโธ อวฑฺเฒตฺวา ปน ติริยํ วฑฺเฒตฺวา อุทฺธมโธ อนฺตสฺี, ติริยํ อนนฺตสฺี. ตกฺกีวาโท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิเม จตฺตาโรปิ อตฺตนา ทิฏฺปุพฺพานุสาเรเนว ทิฏฺิยา คหิตตฺตา ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ ปวิฏฺา.
อมราวิกฺเขปวาทวณฺณนา
๖๑. น มรตีติ อมรา. กา สา? เอวนฺติปิ เม โนติอาทินา นเยน ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ เจว วาจา จ. วิวิโธ เขโปติ วิกฺเขโป, อมราย ทิฏฺิยา วาจาย จ วิกฺเขโปติ อมราวิกฺเขโป, โส เอเตสํ อตฺถีติ อมราวิกฺเขปิกา, อปโร นโย – อมรา นาม เอกา มจฺฉชาติ, สา อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนาทิวเสน อุทเก สนฺธาวมานา คเหตุํ น สกฺกาติ, เอวเมว อยมฺปิ วาโท อิโตจิโต จ สนฺธาวติ, คาหํ น อุปคจฺฉตีติ อมราวิกฺเขโปติ วุจฺจติ. โส เอเตสํ อตฺถีติ อมราวิกฺเขปิกา.
๖๒. ‘‘อิทํ ¶ กุสล’’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ ทส กุสลกมฺมปเถ ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ อตฺโถ. อกุสเลปิ ทส อกุสลกมฺมปถาว อธิปฺเปตา. โส มมสฺส วิฆาโตติ ‘‘มุสา มยา ภณิต’’นฺติ วิปฺปฏิสารุปฺปตฺติยา มม วิฆาโต อสฺส, ทุกฺขํ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. โส มมสฺส อนฺตราโยติ โส มม สคฺคสฺส เจว มคฺคสฺส จ อนฺตราโย อสฺส. มุสาวาทภยา มุสาวาทปริเชคุจฺฉาติ มุสาวาเท โอตฺตปฺเปน เจว หิริยา จ. วาจาวิกฺเขปํ อาปชฺชตีติ วาจาย วิกฺเขปํ อาปชฺชติ. กีทิสํ? อมราวิกฺเขปํ, อปริยนฺตวิกฺเขปนฺติ อตฺโถ.
เอวนฺติปิ เม โนติอาทีสุ เอวนฺติปิ เม โนติ อนิยมิตวิกฺเขโป ¶ . ตถาติปิ เม โนติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุตฺตํ สสฺสตวาทํ ปฏิกฺขิปติ. อฺถาติปิ เม โนติ สสฺสตโต อฺถา วุตฺตํ เอกจฺจสสฺสตํ ปฏิกฺขิปติ. โนติปิ เม โนติ – ‘‘น ¶ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติ วุตฺตํ อุจฺเฉทํ ปฏิกฺขิปติ. โน โนติปิ เม โนติ ‘‘เนว โหติ น น โหตี’’ติ วุตฺตํ ตกฺกีวาทํ ปฏิกฺขิปติ. สยํ ปน ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ วา ‘‘อกุสล’’นฺติ วา ปุฏฺโ น กิฺจิ พฺยากโรติ. ‘‘อิทํ กุสล’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติ วทติ. ตโต ‘‘กึ อกุสล’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตถาติปิ เม โน’’ติ วทติ. ‘‘กึ อุภยโต อฺถา’’ติ วุตฺเต ‘‘อฺถาติปิ เม โน’’ติ วทติ. ตโต ‘‘ติวิเธนาปิ น โหติ, กึ เต ลทฺธี’’ติ วุตฺเต ‘‘โนติปิ เม โน’’ติ วทติ. ตโต ‘‘กึ โน โนติ เต ลทฺธี’’ติ วุตฺเต ‘‘โน โนติปิ เม โน’’ติ เอวํ วิกฺเขปเมว อาปชฺชติ, เอกสฺมิมฺปิ ปกฺเข น ติฏฺติ.
๖๓. ฉนฺโท วา ราโค วาติ อชานนฺโตปิ สหสา กุสลเมว ‘‘กุสล’’นฺติ วตฺวา อกุสลเมว ‘‘อกุสล’’นฺติ วตฺวา มยา อสุกสฺส นาม เอวํ พฺยากตํ, กึ ตํ สุพฺยากตนฺติ อฺเ ปณฺฑิเต ปุจฺฉิตฺวา เตหิ – ‘‘สุพฺยากตํ, ภทฺรมุข, กุสลเมว ตยา กุสลํ, อกุสลเมว อกุสลนฺติ พฺยากต’’นฺติ วุตฺเต นตฺถิ มยา สทิโส ปณฺฑิโตติ เอวํ เม ตตฺถ ฉนฺโท วา ราโค วา อสฺสาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ฉนฺโท ทุพฺพลราโค, ราโค พลวราโค. โทโส วา ปฏิโฆ วาติ กุสลํ ปน ‘‘อกุสล’’นฺติ, อกุสลํ วา ‘‘กุสล’’นฺติ วตฺวา อฺเ ปณฺฑิเต ปุจฺฉิตฺวา เตหิ – ‘‘ทุพฺยากตํ ตยา’’ติ วุตฺเต เอตฺตกมฺปิ นาม น ชานามีติ ตตฺถ เม อสฺส โทโส วา ปฏิโฆ วาติ อตฺโถ. อิธาปิ โทโส ทุพฺพลโกโธ, ปฏิโฆ พลวโกโธ.
ตํ ¶ มมสฺส อุปาทานํ, โส มมสฺส วิฆาโตติ ตํ ฉนฺทราคทฺวยํ มม อุปาทานํ อสฺส, โทสปฏิฆทฺวยํ วิฆาโต. อุภยมฺปิ วา ทฬฺหคฺคหณวเสน อุปาทานํ ¶ , วิหนนวเสน วิฆาโต. ราโค หิ อมฺุจิตุกามตาย อารมฺมณํ คณฺหาติ ชลูกา วิย. โทโส วินาเสตุกามตาย อาสีวิโส วิย. อุโภปิ เจเต สนฺตาปกฏฺเน วิหนนฺติ เยวาติ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ จ ‘‘วิฆาโต’’ติ จ วุตฺตา. เสสํ ปมวารสทิสเมว.
๖๔. ปณฺฑิตาติ ¶ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคตา. นิปุณาติ สณฺหสุขุมพุทฺธิโน สุขุมอตฺถนฺตรํ ปฏิวิชฺฌนสมตฺถา. กตปรปฺปวาทาติ วิฺาตปรปฺปวาทา เจว ปเรหิ สทฺธึ กตวาทปริจยา จ. วาลเวธิรูปาติ วาลเวธิธนุคฺคหสทิสา. เต ภินฺทนฺตา มฺเติ วาลเวธิ วิย วาลํ สุขุมานิปิ ปเรสํ ทิฏฺิคตานิ อตฺตโน ปฺาคเตน ภินฺทนฺตา วิย จรนฺตีติ อตฺโถ. เต มํ ตตฺถาติ เต สมณพฺราหฺมณา มํ เตสุ กุสลากุสเลสุ. สมนุยฺุเชยฺยุนฺติ ‘‘กึ กุสลํ, กึ อกุสลนฺติ อตฺตโน ลทฺธึ วทา’’ติ ลทฺธึ ปุจฺเฉยฺยุํ. สมนุคาเหยฺยุนฺติ ‘‘อิทํ นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘เกน การเณน เอตมตฺถํ คาเหยฺยุ’’นฺติ การณํ ปุจฺเฉยฺยุํ. สมนุภาเสยฺยุนฺติ ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ วุตฺเต การเณ โทสํ ทสฺเสตฺวา ‘‘น ตฺวํ อิทํ ชานาสิ, อิทํ ปน คณฺห, อิทํ วิสฺสชฺเชหี’’ติ เอวํ สมนุยฺุเชยฺยุํ. น สมฺปาเยยฺยนฺติ น สมฺปาเทยฺยํ, สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺกุเณยฺยนฺติ อตฺโถ. โส มมสฺส วิฆาโตติ ยํ ตํ ปุนปฺปุนํ วตฺวาปิ อสมฺปายนํ นาม, โส มม วิฆาโต อสฺส, โอฏฺตาลุชิวฺหาคลโสสนทุกฺขเมว อสฺสาติ อตฺโถ. เสสเมตฺถาปิ ปมวารสทิสเมว.
๖๕-๖๖. มนฺโทติ มนฺทปฺโ อปฺสฺเสเวตํ นามํ. โมมูโหติ อติสมฺมูฬฺโห. โหติ ¶ ตถาคโตติอาทีสุ สตฺโต ‘‘ตถาคโต’’ติ อธิปฺเปโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. อิเมปิ จตฺตาโร ปุพฺเพ ปวตฺตธมฺมานุสาเรเนว ทิฏฺิยา คหิตตฺตา ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ ปวิฏฺา.
อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาทวณฺณนา
๖๗. ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺโน อตฺตา จ โลโก จา’’ติ ทสฺสนํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ. ตํ เอเตสํ อตฺถีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา. อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ อการณสมุปฺปนฺนํ.
๖๘-๗๓. อสฺสตฺตาติ เทสนาสีสเมตํ, อจิตฺตุปฺปาทา รูปมตฺตกอตฺตภาวาติ อตฺโถ. เตสํ เอวํ อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา – เอกจฺโจ หิ ติตฺถายตเน ปพฺพชิตฺวา วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวา ¶ จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานา วุฏฺาย – ‘‘จิตฺเต โทสํ ปสฺสติ, จิตฺเต สติ หตฺถจฺเฉทาทิทุกฺขฺเจว ¶ สพฺพภยานิ จ โหนฺติ, อลํ อิมินา จิตฺเตน, อจิตฺตกภาโวว สนฺโต’’ติ, เอวํ จิตฺเต โทสํ ปสฺสิตฺวา อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา อสฺสตฺเตสุ นิพฺพตฺตติ, จิตฺตมสฺส จุติจิตฺตนิโรเธน อิเธว นิวตฺตติ, รูปกฺขนฺธมตฺตเมว ตตฺถ ปาตุภวติ. เต ตตฺถ ยถา นาม ชิยาเวคกฺขิตฺโต สโร ยตฺตโก ชิยาเวโค, ตตฺตกเมว อากาเส คจฺฉติ. เอวเมว ฌานเวคกฺขิตฺตา อุปปชฺชิตฺวา ยตฺตโก ฌานเวโค, ตตฺตกเมว กาลํ ติฏฺนฺติ, ฌานเวเค ปน ปริหีเน ตตฺถ รูปกฺขนฺโธ อนฺตรธายติ, อิธ ปน ปฏิสนฺธิสฺา อุปฺปชฺชติ. ยสฺมา ปน ตาย อิธ อุปฺปนฺนสฺาย เตสํ ตตฺถ จุติ ปฺายติ, ตสฺมา ‘‘สฺุปฺปาทา จ ปน เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺตี’’ติ วุตฺตํ. สนฺตตายาติ สนฺตภาวาย. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. ตกฺกีวาโทปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ.
อปรนฺตกปฺปิกวณฺณนา
๗๔. เอวํ อฏฺารส ปุพฺพนฺตกปฺปิเก ทสฺเสตฺวา อิทานิ จตุจตฺตารีสํ อปรนฺตกปฺปิเก ทสฺเสตุํ – ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนาคตโกฏฺาสสงฺขาตํ อปรนฺตํ กปฺเปตฺวา คณฺหนฺตีติ อปรนฺตกปฺปิกา, อปรนฺตกปฺโป วา เอเตสํ ¶ อตฺถีติ อปรนฺตกปฺปิกา. เอวํ เสสมฺปิ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการนเยเนว เวทิตพฺพํ.
สฺีวาทวณฺณนา
๗๕. อุทฺธมาฆาตนิกาติ อาฆาตนํ วุจฺจติ มรณํ, อุทฺธมาฆาตนา อตฺตานํ วทนฺตีติ อุทฺธมาฆาตนิกา. สฺีติ ปวตฺโต วาโท, สฺีวาโท, โส เอเตสํ อตฺถีติ สฺีวาทา.
๗๖-๗๗. รูปี อตฺตาติอาทีสุ กสิณรูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ ตตฺถ ปวตฺตสฺฺจสฺส ‘‘สฺา’’ติ คเหตฺวา วา อาชีวกาทโย วิย ตกฺกมตฺเตเนว วา ‘‘รูปี อตฺตา โหติ, อโรโค ปรํ มรณา สฺี’’ติ นํ ปฺเปนฺติ. ตตฺถ อโรโคติ นิจฺโจ. อรูปสมาปตฺตินิมิตฺตํ ปน ‘‘อตฺตา’’ติ สมาปตฺติสฺฺจสฺส ‘‘สฺา’’ติ คเหตฺวา วา นิคณฺาทโย วิย ตกฺกมตฺเตเนว วา ‘‘อรูปี อตฺตา โหติ, อโรโค ปรํ มรณา สฺี’’ติ นํ ปฺเปนฺติ. ตติยา ปน มิสฺสกคาหวเสน ปวตฺตา ทิฏฺิ. จตุตฺถา ตกฺกคาเหเนว. ทุติยจตุกฺกํ ¶ อนฺตานนฺติกวาเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตติยจตุกฺเก สมาปนฺนกวเสน เอกตฺตสฺี ¶ , อสมาปนฺนกวเสน นานตฺตสฺี, ปริตฺตกสิณวเสน ปริตฺตสฺี, วิปุลกสิณวเสน อปฺปมาณสฺีติ เวทิตพฺพา. จตุตฺถจตุกฺเก ปน ทิพฺเพน จกฺขุนา ติกจตุกฺกชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺวา ‘‘เอกนฺตสุขี’’ติ คณฺหาติ. นิรเย นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺวา ‘‘เอกนฺตทุกฺขี’’ติ. มนุสฺเสสุ นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺวา ‘‘สุขทุกฺขี’’ติ. เวหปฺผลเทเวสุ นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺวา ‘‘อทุกฺขมสุขี’’ติ คณฺหาติ. วิเสสโต หิ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณลาภิโน ปุพฺพนฺตกปฺปิกา โหนฺติ, ทิพฺพจกฺขุกา อปรนฺตกปฺปิกาติ.
อสฺีวาทวณฺณนา
๗๘-๘๓. อสฺีวาโท สฺีวาเท อาทิมฺหิ วุตฺตานํ ทฺวินฺนํ จตุกฺกานํ วเสน เวทิตพฺโพ. ตถา เนวสฺีนาสฺีวาโท. เกวลฺหิ ตตฺถ ‘‘สฺี อตฺตา’’ติ คณฺหนฺตานํ ตา ทิฏฺิโย, อิธ ‘‘อสฺี’’ติ จ ‘‘เนวสฺีนาสฺี’’ติ จ. ตตฺถ น เอกนฺเตน การณํ ปริเยสิตพฺพํ. ทิฏฺิคติกสฺส หิ คาโห อุมฺมตฺตกปจฺฉิสทิโสติ วุตฺตเมตํ.
อุจฺเฉทวาทวณฺณนา
๘๔. อุจฺเฉทวาเท สโตติ วิชฺชมานสฺส. อุจฺเฉทนฺติ อุปจฺเฉทํ ¶ . วินาสนฺติ อทสฺสนํ. วิภวนฺติ ภาววิคมํ. สพฺพาเนตานิ อฺมฺเววจนาเนว. ตตฺถ ทฺเว ชนา อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหนฺติ, ลาภี จ อลาภี จ. ลาภี อรหโต ทิพฺเพน จกฺขุนา จุตึ ทิสฺวา อุปปตฺตึ อปสฺสนฺโต, โย วา จุติมตฺตเมว ทฏฺุํ สกฺโกติ, น อุปปาตํ; โส อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. อลาภี จ ‘‘โก ปรโลกํ น ชานาตี’’ติ กามสุขคิทฺธตาย วา. ‘‘ยถา รุกฺขโต ปณฺณานิ ปติตานิ น ปุน วิรุหนฺติ, เอวเมว สตฺตา’’ติอาทินา ตกฺเกน วา อุจฺเฉทํ คณฺหาติ. อิธ ปน ตณฺหาทิฏฺีนํ วเสน ตถา จ อฺถา จ วิกปฺเปตฺวาว อิมา สตฺต ทิฏฺิโย อุปฺปนฺนาติ เวทิตพฺพา.
๘๕. ตตฺถ รูปีติ รูปวา. จาตุมหาภูติโกติ จตุมหาภูตมโย. มาตาปิตูนํ เอตนฺติ มาตาเปตฺติกํ. กึ ตํ? สุกฺกโสณิตํ. มาตาเปตฺติเก ¶ สมฺภูโต ชาโตติ มาตาเปตฺติกสมฺภโว. อิติ รูปกายสีเสน มนุสฺสตฺตภาวํ ‘‘อตฺตา’’ติ วทติ. อิตฺเถเกติ อิตฺถํ เอเก เอวเมเกติ อตฺโถ.
๘๖. ทุติโย ¶ ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ทิพฺพตฺตภาวํ วทติ. ทิพฺโพติ เทวโลเก สมฺภูโต. กามาวจโรติ ฉ กามาวจรเทวปริยาปนฺโน. กพฬีการํ อาหารํ ภกฺขตีติ กพฬีการาหารภกฺโข.
๘๗. มโนมโยติ ฌานมเนน นิพฺพตฺโต. สพฺพงฺคปจฺจงฺคีติ สพฺพงฺคปจฺจงฺคยุตฺโต. อหีนินฺทฺริโยติ ปริปุณฺณินฺทฺริโย. ยานิ พฺรหฺมโลเก อตฺถิ, เตสํ วเสน อิตเรสฺจ สณฺานวเสเนตํ วุตฺตํ.
๘๘-๙๒. สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมาติอาทีนํ อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต. อากาสานฺจายตนูปโคติอาทีสุ ปน อากาสานฺจายตนภวํ อุปคโตติ, เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวณฺณนา
๙๓. ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาเท ¶ ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺขธมฺโม วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ปฏิลทฺธตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. ทิฏฺธมฺเม นิพฺพานํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ, อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ทุกฺขวูปสมนนฺติ อตฺโถ. ตํ วทนฺตีติ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทา. ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานนฺติ ปรมํ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.
๙๔. ปฺจหิ กามคุเณหีติ มนาปิยรูปาทีหิ ปฺจหิ กามโกฏฺาเสหิ พนฺธเนหิ วา. สมปฺปิโตติ สุฏฺุ อปฺปิโต อลฺลีโน หุตฺวา. สมงฺคีภูโตติ สมนฺนาคโต. ปริจาเรตีติ เตสุ กามคุเณสุ ยถาสุขํ อินฺทฺริยานิ จาเรติ สฺจาเรติ อิโตจิโต จ อุปเนติ. อถ วา ลฬติ รมติ กีฬติ. เอตฺถ จ ทุวิธา กามคุณา – มานุสกา เจว ทิพฺพา จ. มานุสกา มนฺธาตุกามคุณสทิสา ทฏฺพฺพา, ทิพฺพา ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวราชสฺส กามคุณสทิสาติ. เอวรูเป กาเม อุปคตานฺหิ เต ทิฏฺธมฺมนิพฺพานสมฺปตฺตึ ปฺเปนฺติ.
๙๕. ทุติยวาเร ¶ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา ปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา, ปกติชหนฏฺเน วิปริณามธมฺมาติ เวทิตพฺพา. เตสํ วิปริณามฺถาภาวาติ เตสํ กามานํ วิปริณามสงฺขาตา อฺถาภาวา, ยมฺปิ เม อโหสิ, ตมฺปิ เม นตฺถีติ วุตฺตนเยน อุปฺปชฺชนฺติ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา. ตตฺถ อนฺโตนิชฺฌายนลกฺขโณ โสโก, ตนฺนิสฺสิตลาลปฺปนลกฺขโณ ¶ ปริเทโว, กายปฺปฏิปีฬนลกฺขณํ ทุกฺขํ, มโนวิฆาตลกฺขณํ โทมนสฺสํ, วิสาทลกฺขโณ อุปายาโส, วิวิจฺเจว กาเมหีติอาทีนมตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต.
๙๖. วิตกฺกิตนฺติ อภินิโรปนวเสน ปวตฺโต วิตกฺโก. วิจาริตนฺติ ¶ อนุมชฺชนวเสน ปวตฺโต วิจาโร. เอเตเนตนฺติ เอเตน วิตกฺกิเตน จ วิจาริเตน จ เอตํ ปมชฺฌานํ โอฬาริกํ สกณฺฑกํ วิย ขายติ.
๙๗-๙๘. ปีติคตนฺติ ปีติเยว. เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตนฺติ จิตฺตสฺส อุปฺปิลภาวกรณํ. เจตโส อาโภโคติ ฌานา วุฏฺาย ตสฺมึ สุเข ปุนปฺปุนํ จิตฺตสฺส อาโภโค มนสิกาโร สมนฺนาหาโรติ. เสสเมตฺถ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาเท อุตฺตานเมว.
เอตฺตาวตา สพฺพาปิ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิโย กถิตา โหนฺติ. ยาสํ สตฺเตว อุจฺเฉททิฏฺิโย, เสสา สสฺสตทิฏฺิโย.
๑๐๐-๑๐๔. อิทานิ – ‘‘อิเมหิ โข เต, ภิกฺขเว’’ติ อิมินา วาเรน สพฺเพปิ เต อปรนฺตกปฺปิเก เอกชฺฌํ นิยฺยาเตตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ วิสฺสชฺเชติ. ปุน – ‘‘อิเมหิ, โข เต ภิกฺขเว’’ติอาทินา วาเรน สพฺเพปิ เต ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิเก เอกชฺฌํ นิยฺยาเตตฺวา ตเทว าณํ วิสฺสชฺเชติ. อิติ ‘‘กตเม จ เต, ภิกฺขเว, ธมฺมา’’ติอาทิมฺหิ ปุจฺฉมาโนปิ สพฺพฺุตฺาณเมว ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชมาโนปิ สตฺตานํ อชฺฌาสยํ ตุลาย ตุลยนฺโต วิย สิเนรุปาทโต วาลุกํ อุทฺธรนฺโต วิย ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ อุทฺธริตฺวา สพฺพฺุตฺาณเมว วิสฺสชฺเชติ. เอวมยํ ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา.
ตโย หิ สุตฺตสฺส อนุสนฺธี – ปุจฺฉานุสนฺธิ, อชฺฌาสยานุสนฺธิ, ยถานุสนฺธีติ. ตตฺถ ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – กึ นุ ¶ โข, ภนฺเต, โอริมํ ตีรํ, กึ ปาริมํ ตีรํ, โก มชฺเฌ สํสีโท, โก ถเล อุสฺสาโท, โก มนุสฺสคฺคาโห, โก อมนุสฺสคฺคาโห, โก อาวฏฺฏคฺคาโห, โก อนฺโตปูติภาโว’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) เอวํ ปุจฺฉนฺตานํ ภควตา วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสน ปุจฺฉานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ.
อถ โข อฺตรสฺส ภิกฺขุโน เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘อิติ กิร โภ รูปํ อนตฺตา…, เวทนา…, สฺา…, สงฺขารา ¶ …, วิฺาณํ อนตฺตา, อนตฺตกตานิ กิร กมฺมานิ ¶ กมตฺตานํ ผุสิสฺสนฺตี’’ติ. อถ โข ภควา ตสฺส ภิกฺขุโน เจตสา เจโต ปริวิตกฺกมฺาย ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘านํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ, ยํ อิเธกจฺโจ โมฆปุริโส อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ตณฺหาธิปเตยฺเยน เจตสา สตฺถุสาสนํ อติธาวิตพฺพํ มฺเยฺย – ‘‘อิติ กิร โภ รูปํ อนตฺตา…เป… ผุสิสฺสนฺตี’’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๐). เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ภควตา วุตฺตสุตฺตวเสน อชฺฌาสยานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ.
เยน ปน ธมฺเมน อาทิมฺหิ เทสนา อุฏฺิตา, ตสฺส ธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ปฏิปกฺขวเสน วา เยสุ สุตฺเตสุ อุปริ เทสนา อาคจฺฉติ, เตสํ วเสน ยถานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ, อากงฺเขยฺยสุตฺเต เหฏฺา สีเลน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ ฉ อภิฺา อาคตา. วตฺถสุตฺเต เหฏฺา กิเลเสน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ พฺรหฺมวิหารา อาคตา. โกสมฺพกสุตฺเต เหฏฺา ภณฺฑเนน อุฏฺิตา, อุปริ สารณียธมฺมา อาคตา. กกจูปเม เหฏฺา อกฺขนฺติยา อุฏฺิตา, อุปริ กกจูปมา อาคตา. อิมสฺมิมฺปิ พฺรหฺมชาเล เหฏฺา ทิฏฺิวเสน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ สฺุตาปกาสนํ อาคตํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวมยํ ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา’’ติ.
ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตวารวณฺณนา
๑๐๕-๑๑๗. อิทานิ มริยาทวิภาคทสฺสนตฺถํ – ‘‘ตตฺร ภิกฺขเว’’ติอาทิกา เทสนา อารทฺธา. ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวาติ เยน ทิฏฺิอสฺสาเทน ¶ ทิฏฺิสุเขน ทิฏฺิเวทยิเตน เต โสมนสฺสชาตา สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, ตทปิ เตสํ ภวนฺตานํ สมณพฺราหฺมณานํ ยถาภูตํ ธมฺมานํ สภาวํ อชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ เกวลํ ตณฺหาคตานํเยว ตํ ¶ เวทยิตํ, ตฺจ โข ปเนตํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมว. ทิฏฺิสงฺขาเตน เจว ตณฺหาสงฺขาเตน จ ปริตสฺสิเตน วิปฺผนฺทิตเมว จลิตเมว กมฺปิตเมว ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุสทิสํ, น โสตาปนฺนสฺส ทสฺสนมิว นิจฺจลนฺติ ทสฺเสติ. เอส นโย เอกจฺจสสฺสตวาทาทีสุปิ.
ผสฺสปจฺจยวารวณฺณนา
๑๑๘-๑๓๐. ปุน – ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา’’ติอาทิ ปรมฺปรปจฺจยทสฺสนตฺถํ อารทฺธํ ¶ . ตตฺถ ตทปิ ผสฺสปจฺจยาติ เยน ทิฏฺิอสฺสาเทน ทิฏฺิสุเขน ทิฏฺิเวทยิเตน เต โสมนสฺสชาตา สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, ตทปิ ตณฺหาทิฏฺิปริผนฺทิตํ เวทยิตํ ผสฺสปจฺจยาติ ทสฺเสติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
๑๓๑-๑๔๓. อิทานิ ตสฺส ปจฺจยสฺส ทิฏฺิเวทยิเต พลวภาวทสฺสนตฺถํ ปุน – ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เต วต อฺตฺร ผสฺสาติ เต วต สมณพฺราหฺมณา ตํ เวทยิตํ วินา ผสฺเสน ปฏิสํเวทิสฺสนฺตีติ การณเมตํ นตฺถีติ. ยถา หิ ปตโต เคหสฺส อุปตฺถมฺภนตฺถาย ถูณา นาม พลวปจฺจโย โหติ, น ตํ ถูณาย อนุปตฺถมฺภิตํ าตุํ สกฺโกติ, เอวเมว ผสฺโสปิ เวทนาย พลวปจฺจโย, ตํ วินา อิทํ ทิฏฺิเวทยิตํ นตฺถีติ ทสฺเสติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
ทิฏฺิคติกาธิฏฺานวฏฺฏกถาวณฺณนา
๑๔๔. อิทานิ ตตฺร ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ จตูหิ วตฺถูหิ, เยปิ เต สมณพฺราหฺมณา เอกจฺจสสฺสติกาติอาทินา นเยน สพฺพทิฏฺิเวทยิตานิ สมฺปิณฺเฑติ. กสฺมา? อุปริ ผสฺเส ปกฺขิปนตฺถาย. กถํ? สพฺเพ เต ฉหิ ผสฺสายตเนหิ ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวเทนฺตีติ. ตตฺถ ฉ ผสฺสายตนานิ นาม – จกฺขุผสฺสายตนํ, โสตผสฺสายตนํ, ฆานผสฺสายตนํ, ชิวฺหาผสฺสายตนํ, กายผสฺสายตนํ, มโนผสฺสายตนนฺติ อิมานิ ฉ. สฺชาติ-สโมสรณ-การณ-ปณฺณตฺติมตฺตตฺเถสุ หิ อยํ ¶ อายตนสทฺโท ปวตฺตติ. ตตฺถ – ‘‘กมฺโพโช อสฺสานํ อายตนํ, คุนฺนํ ทกฺขิณาปโถ’’ติ ¶ สฺชาติยํ ปวตฺตติ, สฺชาติฏฺาเนติ อตฺโถ. ‘‘มโนรเม อายตเน, เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา’’ติ (อ. นิ. ๕.๓๘) สโมสรเณ. ‘‘สติ สติอายตเน’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๒) การเณ. ‘‘อรฺายตเน ปณฺณกุฏีสุ สมฺมนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๕๕) ปณฺณตฺติมตฺเต. สฺวายมิธ สฺชาติอาทิอตฺถตฺตเยปิ ยุชฺชติ. จกฺขาทีสุ หิ ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา สฺชายนฺติ สโมสรนฺติ, ตานิ จ เตสํ การณนฺติ อายตนานิ. อิธ ปน ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติ (สํ. นิ. ๒.๔๓) อิมินา นเยน ผสฺสสีเสเนว เทสนํ อาโรเปตฺวา ผสฺสํ อาทึ กตฺวา ปจฺจยปรมฺปรํ ทสฺเสตุํ ผสฺสายตนาทีนิ วุตฺตานิ.
ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวเทนฺตีติ ผุสิตฺวา ผุสิตฺวา ปฏิสํเวเทนฺติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อายตนานํ ¶ ผุสนกิจฺจํ วิย วุตฺตํ, ตถาปิ น เตสํ ผุสนกิจฺจตา เวทิตพฺพา. น หิ อายตนานิ ผุสนฺติ, ผสฺโสว ตํ ตํ อารมฺมณํ ผุสติ, อายตนานิ ปน ผสฺเส อุปนิกฺขิปิตฺวา ทสฺสิตานิ; ตสฺมา สพฺเพ เต ฉ ผสฺสายตนสมฺภเวน ผสฺเสน รูปาทีนิ อารมฺมณานิ ผุสิตฺวา ตํ ทิฏฺิเวทนํ ปฏิสํเวทยนฺตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เตสํ เวทนาปจฺจยา ตณฺหาติอาทีสุ เวทนาติ ฉ ผสฺสายตนสมฺภวา เวทนา. สา รูปตณฺหาทิเภทาย ตณฺหาย อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตสํ เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ. สา ปน จตุพฺพิธสฺส อุปาทานสฺส อุปนิสฺสยโกฏิยา เจว สหชาตโกฏิยา จ ปจฺจโย โหติ. ตถา อุปาทานํ ภวสฺส. ภโว ชาติยา อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหติ.
ชาตีติ ปเนตฺถ สวิการา ปฺจกฺขนฺธา ทฏฺพฺพา, ชาติ ชรามรณสฺส เจว โสกาทีนฺจ อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา. อิธ ปนสฺส ปโยชนมตฺตเมว เวทิตพฺพํ. ภควา ¶ หิ วฏฺฏกถํ กเถนฺโต – ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย, ‘อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ เอวฺเจตํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ, อถ จ ปน ปฺายติ ‘‘อิทปฺปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๑) เอวํ อวิชฺชาสีเสน วา, ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ ¶ น ปฺายติ ภวตณฺหาย…เป… ‘‘อิทปฺปจฺจยา ภวตณฺหา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๒) เอวํ ตณฺหาสีเสน วา, ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ ภวทิฏฺิยา…เป… ‘‘อิทปฺปจฺจยา ภวทิฏฺี’’ติ เอวํ ทิฏฺิสีเสน วา กเถสิ’’. อิธ ปน ทิฏฺิสีเสน กเถนฺโต เวทนาราเคน อุปฺปชฺชมานา ทิฏฺิโย กเถตฺวา เวทนามูลกํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ กเถสิ. เตน อิทํ ทสฺเสติ – ‘‘เอวเมเต ทิฏฺิคติกา, อิทํ ทสฺสนํ คเหตฺวา ตีสุ ภเวสุ จตูสุ โยนีสุ ปฺจสุ คตีสุ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ นวสุ สตฺตาวาเสสุ อิโต เอตฺถ เอตฺโต อิธาติ สนฺธาวนฺตา สํสรนฺตา ยนฺเต ยุตฺตโคโณ วิย, ถมฺเภ อุปนิพทฺธกุกฺกุโร วิย, วาเตน วิปฺปนฺนฏฺนาวา วิย จ วฏฺฏทุกฺขเมว อนุปริวตฺตนฺติ, วฏฺฏทุกฺขโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ.
วิวฏฺฏกถาทิวณฺณนา
๑๔๕. เอวํ ทิฏฺิคติกาธิฏฺานํ วฏฺฏํ กเถตฺวา อิทานิ ยุตฺตโยคภิกฺขุอธิฏฺานํ กตฺวา วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยโตติ ยทา. ฉนฺนํ ผสฺสายตนานนฺติ ¶ เยหิ ฉหิ ผสฺสายตเนหิ ผุสิตฺวา ปฏิสํเวทยมานานํ ทิฏฺิคติกานํ วฏฺฏํ วตฺตติ, เตสํเยว ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ. สมุทยนฺติอาทีสุ อวิชฺชาสมุทยา จกฺขุสมุทโยติอาทินา เวทนากมฺมฏฺาเน วุตฺตนเยน ผสฺสายตนานํ สมุทยาทโย เวทิตพฺพา. ยถา ปน ตตฺถ ‘‘ผสฺสสมุทยา ผสฺสนิโรธา’’ติ วุตฺตํ, เอวมิธ, ตํ จกฺขาทีสุ – ‘‘อาหารสมุทยา อาหารนิโรธา’’ติ เวทิตพฺพํ. มนายตเน ‘‘นามรูปสมุทยา นามรูปนิโรธา’’ติ.
อุตฺตริตรํ ปชานาตีติ ทิฏฺิคติโก ทิฏฺิเมว ชานาติ. อยํ ปน ทิฏฺิฺจ ทิฏฺิโต จ อุตฺตริตรํ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺตินฺติ ¶ ยาว อรหตฺตา ชานาติ. โก เอวํ ชานาตีติ? ขีณาสโว ชานาติ, อนาคามี, สกทาคามี, โสตาปนฺโน, พหุสฺสุโต, คนฺถธโร ภิกฺขุ ชานาติ, อารทฺธวิปสฺสโก ชานาติ. เทสนา ปน อรหตฺตนิกูเฏเนว นิฏฺาปิตาติ.
๑๔๖. เอวํ ¶ วิวฏฺฏํ กเถตฺวา อิทานิ ‘‘เทสนาชาลวิมุตฺโต ทิฏฺิคติโก นาม นตฺถี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ปุน – ‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว’’ติ อารภิ. ตตฺถ อนฺโตชาลีกตาติ อิมสฺส มยฺหํ เทสนาชาลสฺส อนฺโตเยว กตา. เอตฺถ สิตา วาติ เอตสฺมึ มม เทสนาชาเล สิตา นิสฺสิตา อวสิตาว. อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺตีติ กึ วุตฺตํ โหติ? เต อโธ โอสีทนฺตาปิ อุทฺธํ อุคฺคจฺฉนฺตาปิ มม เทสนาชาเล สิตาว หุตฺวา โอสีทนฺติ จ อุคฺคจฺฉนฺติ จ. เอตฺถ ปริยาปนฺนาติ เอตฺถ มยฺหํ เทสนาชาเล ปริยาปนฺนา, เอเตน อาพทฺธา อนฺโตชาลีกตา จ หุตฺวา อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺติ, น เหตฺถ อสงฺคหิโต ทิฏฺิคติโก นาม อตฺถีติ.
สุขุมจฺฉิเกนาติ สณฺหอจฺฉิเกน สุขุมจฺฉิทฺเทนาติ อตฺโถ. เกวฏฺโฏ วิย หิ ภควา, ชาลํ วิย เทสนา, ปริตฺตอุทกํ วิย ทสสหสฺสิโลกธาตุ, โอฬาริกา ปาณา วิย ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคติกา. ตสฺส ตีเร ตฺวา โอโลเกนฺตสฺส โอฬาริกานํ ปาณานํ อนฺโตชาลีกตภาวทสฺสนํ วิย ภควโต สพฺพทิฏฺิคตานํ เทสนาชาลสฺส อนฺโตกตภาวทสฺสนนฺติ เอวเมตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ.
๑๔๗. เอวํ อิมาหิ ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺีหิ สพฺพทิฏฺีนํ สงฺคหิตตฺตา สพฺเพสํ ทิฏฺิคติกานํ เอตสฺมึ เทสนาชาเล ปริยาปนฺนภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน กตฺถจิ อปริยาปนฺนภาวํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส กาโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นยนฺติ เอตายาติ เนตฺติ. นยนฺตีติ คีวาย พนฺธิตฺวา อากฑฺฒนฺติ, รชฺชุยา เอตํ นามํ. อิธ ปน เนตฺติสทิสตาย ¶ ¶ ภวตณฺหา เนตฺตีติ อธิปฺเปตา. สา หิ มหาชนํ คีวาย พนฺธิตฺวา ตํ ตํ ภวํ เนติ อุปเนตีติ ภวเนตฺติ. อรหตฺตมคฺคสตฺเถน อุจฺฉินฺนา ภวเนตฺติ อสฺสาติ อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก.
กายสฺส เภทา อุทฺธนฺติ กายสฺส เภทโต อุทฺธํ. ชีวิตปริยาทานาติ ชีวิตสฺส สพฺพโส ปริยาทินฺนตฺตา ปริกฺขีณตฺตา, ปุน อปฺปฏิสนฺธิกภาวาติ อตฺโถ. น ตํ ทกฺขนฺตีติ ตํ ตถาคตํ. เทวา วา มนุสฺสา วา น ทกฺขิสฺสนฺติ, อปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสตีติ อตฺโถ.
เสยฺยถาปิ ¶ , ภิกฺขเวติ, อุปมายํ ปน อิทํ สํสนฺทนํ. อมฺพรุกฺโข วิย หิ ตถาคตสฺส กาโย, รุกฺเข ชาตมหาวณฺโฏ วิย ตํ นิสฺสาย ปุพฺเพ ปวตฺตตณฺหา. ตสฺมึ วณฺเฏ อุปนิพทฺธา ปฺจปกฺกทฺวาทสปกฺกอฏฺารสปกฺกปริมาณา อมฺพปิณฺฑี วิย ตณฺหาย สติ ตณฺหูปนิพนฺธนา หุตฺวา อายตึ นิพฺพตฺตนกา ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารส ธาตุโย. ยถา ปน ตสฺมึ วณฺเฏ ฉินฺเน สพฺพานิ ตานิ อมฺพานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ, ตํเยว วณฺฏํ อนุคตานิ, วณฺฏจฺเฉทา ฉินฺนานิ เยวาติ อตฺโถ; เอวเมว เย ภวเนตฺติวณฺฏสฺส อนุปจฺฉินฺนตฺตา อายตึ อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารสธาตุโย, สพฺเพ เต ธมฺมา ตทนฺวยา โหนฺติ ภวเนตฺตึ อนุคตา, ตาย ฉินฺนาย ฉินฺนา เยวาติ อตฺโถ.
ยถา ปน ตสฺมิมฺปิ รุกฺเข มณฺฑูกกณฺฏกวิสสมฺผสฺสํ อาคมฺม อนุปุพฺเพน สุสฺสิตฺวา มเต – ‘‘อิมสฺมึ าเน เอวรูโป นาม รุกฺโข อโหสี’’ติ โวหารมตฺตเมว โหติ, น ตํ รุกฺขํ โกจิ ปสฺสติ, เอวํ อริยมคฺคสมฺผสฺสํ อาคมฺม ตณฺหาสิเนหสฺส ปริยาทินฺนตฺตา อนุปุพฺเพน สุสฺสิตฺวา วิย ภินฺเน อิมสฺมึ กาเย, กายสฺส เภทา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา น ตํ ทกฺขนฺติ, ตถาคตมฺปิ เทวมนุสฺสา น ทกฺขิสฺสนฺติ, เอวรูปสฺส นาม กิร สตฺถุโน อิทํ สาสนนฺติ โวหารมตฺตเมว ภวิสฺสตีติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุํ ปาเปตฺวา เทสนํ นิฏฺเปสิ.
๑๔๘. เอวํ ¶ วุตฺเต อายสฺมา อานนฺโทติ เอวํ ภควตา อิมสฺมึ สุตฺเต วุตฺเต เถโร อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ สุตฺตํ สมนฺนาหริตฺวา เอวํ พุทฺธพลํ ทีเปตฺวา กถิตสุตฺตสฺส น ภควตา นามํ คหิตํ, หนฺทสฺส นามํ คณฺหาเปสฺสามีติ จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ.
ตสฺมาติห ตฺวนฺติอาทีสุ อยมตฺถโยชนา – อานนฺท, ยสฺมา อิมสฺมึ ธมฺมปริยาเย อิธตฺโถปิ ปรตฺโถปิ วิภตฺโต, ตสฺมาติห ตฺวํ อิมํ ธมฺมปริยายํ ‘‘อตฺถชาล’’นฺติปิ นํ ธาเรหิ; ยสฺมา ปเนตฺถ พหู ตนฺติธมฺมา กถิตา, ตสฺมา ‘‘ธมฺมชาล’’นฺติปิ นํ ธาเรหิ; ยสฺมา จ เอตฺถ เสฏฺฏฺเน ¶ พฺรหฺมํ สพฺพฺุตฺาณํ วิภตฺตํ, ตสฺมา ‘‘พฺรหฺมชาล’’นฺติปิ นํ ธาเรหิ; ยสฺมา เอตฺถ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิโย วิภตฺตา, ตสฺมา ‘‘ทิฏฺิชาล’’นฺติปิ นํ ธาเรหิ; ยสฺมา ปน อิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา เทวปุตฺตมารมฺปิ ขนฺธมารมฺปิ มจฺจุมารมฺปิ กิเลสมารมฺปิ ¶ สกฺกา มทฺทิตุํ, ตสฺมา ‘‘อนุตฺตโร สงฺคามวิชโยติปิ นํ ธาเรหี’’ติ.
อิทมโวจ ภควาติ อิทํ นิทานาวสานโต ปภุติ ยาว ‘‘อนุตฺตโร สงฺคามวิชโยติปิ นํ ธาเรหี’’ติ สกลํ สุตฺตนฺตํ ภควา ปเรสํ ปฺาย อลพฺภเนยฺยปติฏฺํ ปรมคมฺภีรํ สพฺพฺุตฺาณํ ปกาเสนฺโต สูริโย วิย อนฺธการํ ทิฏฺิคตมหนฺธการํ วิธมนฺโต อโวจ.
๑๔๙. อตฺตมนา เต ภิกฺขูติ เต ภิกฺขู อตฺตมนา สกมนา, พุทฺธคตาย ปีติยา อุทคฺคจิตฺตา หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ภควโต ภาสิตนฺติ เอวํ วิจิตฺรนยเทสนาวิลาสยุตฺตํ อิทํ สุตฺตํ กรวีกรุตมฺชุนา กณฺณสุเขน ปณฺฑิตชนหทยานํ อมตาภิเสกสทิเสน พฺรหฺมสฺสเรน ภาสมานสฺส ภควโต วจนํ. อภินนฺทุนฺติ อนุโมทึสุ เจว สมฺปฏิจฺฉึสุ จ. อยฺหิ อภินนฺทสทฺโท – ‘‘อภินนฺทติ อภิวทตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕) ตณฺหายมฺปิ อาคโต. ‘‘อนฺนเมวาภินนฺทนฺติ, อุภเย เทวมานุสา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔๓) อุปคมเนปิ.
‘‘จิรปฺปวาสึ ¶ ปุริสํ, ทูรโต โสตฺถิมาคตํ;
าติมิตฺตา สุหชฺชา จ, อภินนฺทนฺติ อาคต’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑๙);
อาทีสุ สมฺปฏิจฺฉเนปิ. ‘‘อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) อนุโมทเนปิ. สฺวายมิธ อนุโมทนสมฺปฏิจฺฉเนสุ ยุชฺชติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อภินนฺทุนฺติ อนุโมทึสุ เจว สมฺปฏิจฺฉึสุ จา’’ติ.
สุภาสิตํ สุลปิตํ, ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ตาทิโน;
อนุโมทมานา สิรสา, สมฺปฏิจฺฉึสุ ภิกฺขโวติ.
อิมสฺมิฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมินฺติ อิมสฺมึ นิคฺคาถกสุตฺเต. นิคฺคาถกตฺตา หิ อิทํ เวยฺยากรณนฺติ วุตฺตํ.
ทสสหสฺสี ¶ โลกธาตูติ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริมาณา โลกธาตุ. อกมฺปิตฺถาติ น สุตฺตปริโยสาเนเยว อกมฺปิตฺถาติ เวทิตพฺพา. ภฺมาเนติ หิ วุตฺตํ. ตสฺมา ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺิคเตสุ วินิเวเตฺวา เทสิยมาเนสุ ¶ ตสฺส ตสฺส ทิฏฺิคตสฺส ปริโยสาเน ปริโยสาเนติ ทฺวาสฏฺิยา าเนสุ อกมฺปิตฺถาติ เวทิตพฺพา.
ตตฺถ อฏฺหิ การเณหิ ปถวีกมฺโป เวทิตพฺโพ – ธาตุกฺโขเภน, อิทฺธิมโต อานุภาเวน, โพธิสตฺตสฺส คพฺโภกฺกนฺติยา, มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมเนน, สมฺโพธิปฺปตฺติยา, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนน, อายุสงฺขาโรสฺสชฺชเนน, ปรินิพฺพาเนนาติ. เตสํ วินิจฺฉยํ – ‘‘อฏฺ โข อิเม, อานนฺท, เหตู อฏฺ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายา’’ติ เอวํ มหาปรินิพฺพาเน อาคตาย ตนฺติยา วณฺณนากาเล วกฺขาม. อยํ ปน มหาปถวี อปเรสุปิ อฏฺสุ าเนสุ อกมฺปิตฺถ – มหาภินิกฺขมเน, โพธิมณฺฑูปสงฺกมเน, ปํสุกูลคฺคหเณ, ปํสุกูลโธวเน, กาฬการามสุตฺเต, โคตมกสุตฺเต, เวสฺสนฺตรชาตเก, อิมสฺมึ พฺรหฺมชาเลติ. ตตฺถ มหาภินิกฺขมนโพธิมณฺฑูปสงฺกมเนสุ วีริยพเลน อกมฺปิตฺถ. ปํสุกูลคฺคหเณ ¶ ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเร จตฺตาโร มหาทีเป ปหาย ปพฺพชิตฺวา สุสานํ คนฺตฺวา ปํสุกูลํ คณฺหนฺเตน ทุกฺกรํ ภควตา กตนฺติ อจฺฉริยเวคาภิหตา อกมฺปิตฺถ. ปํสุกูลโธวนเวสฺสนฺตรชาตเกสุ อกาลกมฺปเนน อกมฺปิตฺถ. กาฬการามโคตมกสุตฺเตสุ – ‘‘อหํ สกฺขี ภควา’’ติ สกฺขิภาเวน อกมฺปิตฺถ. อิมสฺมึ ปน พฺรหฺมชาเล ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺิคเตสุ วิชเฏตฺวา นิคฺคุมฺพํ กตฺวา เทสิยมาเนสุ สาธุการทานวเสน อกมฺปิตฺถาติ เวทิตพฺพา.
น เกวลฺจ เอเตสุ าเนสุเยว ปถวี อกมฺปิตฺถ, อถ โข ตีสุ สงฺคเหสุปิ มหามหินฺทตฺเถรสฺส อิมํ ทีปํ อาคนฺตฺวา โชติวเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทสิตทิวเสปิ อกมฺปิตฺถ. กลฺยาณิยวิหาเร จ ปิณฺฑปาติยตฺเถรสฺส เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา อิมํ สุตฺตนฺตํ อารทฺธสฺส สุตฺตปริโยสาเน อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อกมฺปิตฺถ. โลหปาสาทสฺส ปาจีนอมฺพลฏฺิกฏฺานํ นาม อโหสิ. ตตฺถ นิสีทิตฺวา ทีฆภาณกตฺเถรา พฺรหฺมชาลสุตฺตํ อารภึสุ, เตสํ สชฺฌายปริโยสาเนปิ อุทกปริยนฺตเมว กตฺวา ปถวี อกมฺปิตฺถาติ.
เอวํ ¶ ยสฺสานุภาเวน, อกมฺปิตฺถ อเนกโส;
เมทนี สุตฺตเสฏฺสฺส, เทสิตสฺส สยมฺภุนา.
พฺรหฺมชาลสฺส ¶ ตสฺสีธ, ธมฺมํ อตฺถฺจ ปณฺฑิตา;
สกฺกจฺจํ อุคฺคเหตฺวาน, ปฏิปชฺชนฺตุ โยนิโสติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สามฺผลสุตฺตวณฺณนา
ราชามจฺจกถาวณฺณนา
๑๕๐. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… ราชคเหติ สามฺผลสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา – ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ มนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ราชคหนฺติ วุจฺจติ. อฺเปิ เอตฺถ ปกาเร วณฺณยนฺติ, กึ เตหิ? นามมตฺตเมตํ ตสฺส นครสฺส. ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จ จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สฺุํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิตํ, เตสํ วสนวนํ หุตฺวา ติฏฺติ. วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคิปริทีปนเมตํ. อิธ ปน านคมนนิสชฺชสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ. เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติ เจว เวทิตพฺโพ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา วิหรตีติ วุจฺจติ.
ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเนติ อิทมสฺส ยํ โคจรคามํ อุปนิสฺสาย วิหรติ, ตสฺส สมีปนิวาสนฏฺานปริทีปนํ. ตสฺมา – ราชคเห วิหรติ ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเนติ ราชคหสมีเป ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเน วิหรตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมีปตฺเถ เหตํ ภุมฺมวจนํ. ตตฺถ ¶ ชีวตีติ ชีวโก, กุมาเรน ภโตติ โกมารภจฺโจ. ยถาห – ‘‘กึ ภเณ, เอตํ กาเกหิ สมฺปริกิณฺณนฺติ? ทารโก เทวาติ. ชีวติ ภเณติ? ชีวติ, เทวาติ. เตน หิ, ภเณ ตํ ทารกํ อมฺหากํ อนฺเตปุรํ เนตฺวา ธาตีนํ เทถ โปเสตุนฺติ. ตสฺส ชีวตีติ ชีวโกติ นามํ อกํสุ. กุมาเรน โปสาปิโตติ โกมารภจฺโจติ นามํ อกํสู’’ติ (มหาว. ๓๒๘) อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาเรน ปน ชีวกวตฺถุขนฺธเก อาคตเมว. วินิจฺฉยกถาปิสฺส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถายํ วุตฺตา.
อยํ ¶ ¶ ปน ชีวโก เอกสฺมึ สมเย ภควโต โทสาภิสนฺนํ กายํ วิเรเจตฺวา สิเวยฺยกํ ทุสฺสยุคํ ทตฺวา วตฺถานุโมทนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย จินฺเตสิ – ‘‘มยา ทิวสสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ พุทฺธุปฏฺานํ คนฺตพฺพํ, อิทฺจ เวฬุวนํ อติทูเร, มยฺหํ ปน อมฺพวนํ อุยฺยานํ อาสนฺนตรํ, ยํนูนาหํ เอตฺถ ภควโต วิหารํ กาเรยฺย’’นฺติ. โส ตสฺมึ อมฺพวเน รตฺติฏฺานทิวาานเลณกุฏิมณฺฑปาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ภควโต อนุจฺฉวิกํ คนฺธกุฏึ การาเปตฺวา อมฺพวนํ อฏฺารสหตฺถุพฺเพเธน ตมฺพปฏฺฏวณฺเณน ปากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ สจีวรภตฺเตน สนฺตปฺเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ปาเตตฺวา วิหารํ นิยฺยาเตสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวเน’’ติ.
อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหีติ อฑฺฒสเตน อูเนหิ เตรสหิ ภิกฺขุสเตหิ. ราชาติอาทีสุ ราชติ อตฺตโน อิสฺสริยสมฺปตฺติยา จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ มหาชนํ รฺเชติ วฑฺเฒตีติ ราชา. มคธานํ อิสฺสโรติ มาคโธ. อชาโตเยว รฺโ สตฺตุ ภวิสฺสตีติ เนมิตฺตเกหิ นิทฺทิฏฺโติ อชาตสตฺตุ.
ตสฺมึ กิร กุจฺฉิคเต เทวิยา เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปชฺชิ – ‘‘อโห ¶ วตาหํ รฺโ ทกฺขิณพาหุโลหิตํ ปิเวยฺย’’นฺติ, สา ‘‘ภาริเย าเน โทหโฬ อุปฺปนฺโน, น สกฺกา กสฺสจิ อาโรเจตุ’’นฺติ ตํ กเถตุํ อสกฺโกนฺตี กิสา ทุพฺพณฺณา อโหสิ. ตํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘ภทฺเท, ตุยฺหํ อตฺตภาโว น ปกติวณฺโณ, กึ การณ’’นฺติ? ‘‘มา ปุจฺฉ, มหาราชาติ’’. ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อตฺตโน อชฺฌาสยํ มยฺหํ อกเถนฺตี กสฺส กเถสฺสสี’’ติ ตถา ตถา นิพนฺธิตฺวา กถาเปสิ. สุตฺวา จ – ‘‘พาเล, กึ เอตฺถ ตุยฺหํ ภาริยสฺา อโหสี’’ติ เวชฺชํ ปกฺโกสาเปตฺวา สุวณฺณสตฺถเกน พาหุํ ผาลาเปตฺวา สุวณฺณสรเกน โลหิตํ คเหตฺวา อุทเกน สมฺภินฺทิตฺวา ปาเยสิ. เนมิตฺตกา ตํ สุตฺวา – ‘‘เอส คพฺโภ รฺโ สตฺตุ ภวิสฺสติ, อิมินา ราชา หฺิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ. เทวี สุตฺวา – ‘‘มยฺหํ กิร กุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต ราชานํ มาเรสฺสตี’’ติ คพฺภํ ปาเตตุกามา อุยฺยานํ คนฺตฺวา กุจฺฉึ มทฺทาเปสิ, คพฺโภ น ปตติ. สา ปุนปฺปุนํ คนฺตฺวา ตเถว กาเรสิ. ราชา กิมตฺถํ อยํ ¶ อภิณฺหํ อุยฺยานํ คจฺฉตีติ ปริวีมํสนฺโต ตํ การณํ สุตฺวา – ‘‘ภทฺเท, ตว กุจฺฉิยํ ปุตฺโตติ วา ธีตาติ วา น ปฺายติ, อตฺตโน นิพฺพตฺตทารกํ เอวมกาสีติ มหา อคุณราสิปิ โน ชมฺพุทีปตเล อาวิภวิสฺสติ, มา ตฺวํ เอวํ กโรหี’’ติ นิวาเรตฺวา อารกฺขํ อทาสิ. สา คพฺภวุฏฺานกาเล ‘‘มาเรสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ตทาปิ อารกฺขมนุสฺสา ทารกํ อปนยึสุ. อถาปเรน สมเยน วุฑฺฒิปฺปตฺตํ ¶ กุมารํ เทวิยา ทสฺเสสุํ. สา ตํ ทิสฺวาว ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทสิ, เตน นํ มาเรตุํ นาสกฺขิ. ราชาปิ อนุกฺกเมน ปุตฺตสฺส โอปรชฺชมทาสิ.
อเถกสฺมึ ¶ สมเย เทวทตฺโต รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘สาริปุตฺตสฺส ปริสา มหาโมคฺคลฺลานสฺส ปริสา มหากสฺสปสฺส ปริสาติ, เอวมิเม วิสุํ วิสุํ ธุรา, อหมฺปิ เอกํ ธุรํ นีหรามี’’ติ. โส ‘‘น สกฺกา วินา ลาเภน ปริสํ อุปฺปาเทตุํ, หนฺทาหํ ลาภํ นิพฺพตฺเตมี’’ติ จินฺเตตฺวา ขนฺธเก อาคตนเยน อชาตสตฺตุํ กุมารํ อิทฺธิปาฏิหาริเยน ปสาเทตฺวา สายํ ปาตํ ปฺจหิ รถสเตหิ อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺตํ อติวิสฺสตฺถํ ตฺวา เอกทิวสํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘ปุพฺเพ โข, กุมาร, มนุสฺสา ทีฆายุกา, เอตรหิ อปฺปายุกา, เตน หิ ตฺวํ กุมาร, ปิตรํ หนฺตฺวา ราชา โหหิ, อหํ ภควนฺตํ หนฺตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ กุมารํ ปิตุวเธ อุยฺโยเชติ.
โส – ‘‘อยฺโย เทวทตฺโต มหานุภาโว, เอตสฺส อวิทิตํ นาม นตฺถี’’ติ อูรุยา โปตฺถนิยํ พนฺธิตฺวา ทิวา ทิวสฺส ภีโต อุพฺพิคฺโค อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต อนฺเตปุรํ ปวิสิตฺวา วุตฺตปฺปการํ วิปฺปการํ อกาสิ. อถ นํ อมจฺจา คเหตฺวา อนุยฺุชิตฺวา – ‘‘กุมาโร จ หนฺตพฺโพ, เทวทตฺโต จ, สพฺเพ จ ภิกฺขู หนฺตพฺพา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา รฺโ อาณาวเสน กริสฺสามาติ รฺโ อาโรเจสุํ.
ราชา เย อมจฺจา มาเรตุกามา อเหสุํ, เตสํ านนฺตรานิ อจฺฉินฺทิตฺวา, เย น มาเรตุกามา, เต อุจฺเจสุ าเนสุ เปตฺวา กุมารํ ปุจฺฉิ – ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ, กุมาร, มํ มาเรตุกาโมสี’’ติ? ‘‘รชฺเชนมฺหิ, เทว, อตฺถิโก’’ติ. ราชา ตสฺส รชฺชํ อทาสิ.
โส ¶ มยฺหํ มโนรโถ นิปฺผนฺโนติ เทวทตฺตสฺส อาโรเจสิ. ตโต นํ โส อาห – ‘‘ตฺวํ สิงฺคาลํ อนฺโตกตฺวา เภริปริโยนทฺธปุริโส ¶ วิย สุกิจฺจการิมฺหีติ มฺสิ, กติปาเหเนว เต ปิตา ตยา กตํ อวมานํ จินฺเตตฺวา สยเมว ราชา ภวิสฺสตี’’ติ. อถ, ภนฺเต, กึ กโรมีติ? มูลฆจฺจํ ฆาเตหีติ. นนุ, ภนฺเต, มยฺหํ ปิตา น สตฺถวชฺโฌติ? อาหารุปจฺเฉเทน นํ มาเรหีติ. โส ปิตรํ ตาปนเคเห ปกฺขิปาเปสิ, ตาปนเคหํ นาม กมฺมกรณตฺถาย กตํ ธูมฆรํ. ‘‘มม มาตรํ เปตฺวา อฺสฺส ทฏฺุํ มา เทถา’’ติ อาห. เทวี สุวณฺณสรเก ภตฺตํ ปกฺขิปิตฺวา อุจฺฉงฺเคนาทาย ปวิสติ. ราชา ตํ ภฺุชิตฺวา ยาเปติ. โส – ‘‘มยฺหํ ปิตา กถํ ยาเปตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา – ‘‘มยฺหํ มาตุ อุจฺฉงฺคํ กตฺวา ¶ ปวิสิตุํ มา เทถา’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย เทวี โมฬิยํ ปกฺขิปิตฺวา ปวิสติ. ตมฺปิ สุตฺวา ‘‘โมฬึ พนฺธิตฺวา ปวิสิตุํ มา เทถา’’ติ. ตโต สุวณฺณปาทุกาสุ ภตฺตํ เปตฺวา ปิทหิตฺวา ปาทุกา อารุยฺห ปวิสติ. ราชา เตน ยาเปติ. ปุน ‘‘กถํ ยาเปตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘ปาทุกา อารุยฺห ปวิสิตุมฺปิ มา เทถา’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย เทวี คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา สรีรํ จตุมธุเรน มกฺเขตฺวา ปารุปิตฺวา ปวิสติ. ราชา ตสฺสา สรีรํ เลหิตฺวา ยาเปติ. ปุน ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย มยฺหํ มาตุ ปเวสนํ นิวาเรถา’’ติ อาห. เทวี ทฺวารมูเล ตฺวา ‘‘สามิ, พิมฺพิสาร, เอตํ ทหรกาเล มาเรตุํ น อทาสิ, อตฺตโน สตฺตุํ อตฺตนาว โปเสสิ, อิทํ ปน ทานิ เต ปจฺฉิมทสฺสนํ, นาหํ อิโต ปฏฺาย ตุมฺเห ปสฺสิตุํ ลภามิ, สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถิ, ขมถ เทวา’’ติ โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา นิวตฺติ.
ตโต ¶ ปฏฺาย รฺโ อาหาโร นตฺถิ. ราชา มคฺคผลสุเขน จงฺกเมน ยาเปติ. อติวิย อสฺส อตฺตภาโว วิโรจติ. โส – ‘‘กถํ, เม ภเณ, ปิตา ยาเปตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จงฺกเมน, เทว, ยาเปติ; อติวิย จสฺส อตฺตภาโว วิโรจตี’’ติ สุตฺวา ‘จงฺกมํ ทานิสฺส หาเรสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘มยฺหํ ปิตุ ปาเท ขุเรน ผาเลตฺวา โลณเตเลน มกฺเขตฺวา ขทิรงฺคาเรหิ วีตจฺจิเตหิ ปจถา’’ติ นฺหาปิเต เปเสสิ. ราชา เต ทิสฺวา – ‘‘นูน มยฺหํ ปุตฺโต เกนจิ สฺตฺโต ภวิสฺสติ, อิเม มม มสฺสุกรณตฺถายาคตา’’ติ ¶ จินฺเตสิ. เต คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. ‘กสฺมา อาคตตฺถา’ติ จ ปุฏฺา ตํ สาสนํ อาโรเจสุํ. ‘‘ตุมฺหากํ รฺโ มนํ กโรถา’’ติ จ วุตฺตา ‘นิสีท, เทวา’ติ วตฺวา จ ราชานํ วนฺทิตฺวา – ‘‘เทว, มยํ รฺโ อาณํ กโรม, มา อมฺหากํ กุชฺฌิตฺถ, นยิทํ ตุมฺหาทิสานํ ธมฺมราชูนํ อนุจฺฉวิก’’นฺติ วตฺวา วามหตฺเถน โคปฺผเก คเหตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน ขุรํ คเหตฺวา ปาทตลานิ ผาเลตฺวา โลณเตเลน มกฺเขตฺวา ขทิรงฺคาเรหิ วีตจฺจิเตหิ ปจึสุ. ราชา กิร ปุพฺเพ เจติยงฺคเณ สอุปาหโน อคมาสิ, นิสชฺชนตฺถาย ปฺตฺตกฏสารกฺจ อโธเตหิ ปาเทหิ อกฺกมิ, ตสฺสายํ นิสฺสนฺโทติ วทนฺติ. รฺโ พลวเวทนา อุปฺปนฺนา. โส – ‘‘อโห พุทฺโธ, อโห ธมฺโม, อโห สงฺโฆ’’ติ อนุสฺสรนฺโตเยว เจติยงฺคเณ ขิตฺตมาลา วิย มิลายิตฺวา จาตุมหาราชิกเทวโลเก เวสฺสวณสฺส ปริจารโก ชนวสโภ นาม ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺติ.
ตํ ทิวสเมว อชาตสตฺตุสฺส ปุตฺโต ชาโต, ปุตฺตสฺส ชาตภาวฺจ ปิตุมตภาวฺจ นิเวเทตุํ ทฺเว เลขา เอกกฺขเณเยว อาคตา. อมจฺจา – ‘‘ปมํ ปุตฺตสฺส ชาตภาวํ อาโรเจสฺสามา’’ติ ตํ เลขํ รฺโ หตฺเถ เปสุํ. รฺโ ตงฺขเณเยว ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิตฺวา สกลสรีรํ ¶ ¶ โขเภตฺวา อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ ปิตุคุณมฺาสิ – ‘‘มยิ ชาเตปิ มยฺหํ ปิตุ เอวเมว สิเนโห อุปฺปนฺโน’’ติ. โส – ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, มยฺหํ ปิตรํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ อาห. ‘‘กึ วิสฺสชฺชาเปถ, เทวา’’ติ อิตรํ เลขํ หตฺเถ ปยึสุ.
โส ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โรทมาโน มาตุสมีปํ คนฺตฺวา – ‘‘อโหสิ นุ, โข, อมฺม, มยฺหํ ปิตุ มยิ ชาเต สิเนโห’’ติ? สา อาห – ‘‘พาลปุตฺต, กึ วเทสิ, ตว ทหรกาเล องฺคุลิยา ปีฬกา อุฏฺหิ. อถ ตํ โรทมานํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา ตํ คเหตฺวา วินิจฺฉยฏฺาเน นิสินฺนสฺส ตว ปิตุ สนฺติกํ อคมํสุ. ปิตา เต องฺคุลึ มุเข เปสิ. ปีฬกา มุเขเยว ภิชฺชิ. อถ โข ปิตา ตว สิเนเหน ตํ โลหิตมิสฺสกํ ปุพฺพํ อนิฏฺุภิตฺวาว อชฺโฌหริ. เอวรูโป เต ปิตุ สิเนโห’’ติ. โส โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา ปิตุ สรีรกิจฺจํ อกาสิ.
เทวทตฺโตปิ ¶ อชาตสตฺตุํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘ปุริเส, มหาราช, อาณาเปหิ, เย สมณํ โคตมํ ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา เตน ทินฺเน ปุริเส เปเสตฺวา สยํ คิชฺฌกูฏํ อารุยฺห ยนฺเตน สิลํ ปวิชฺฌิตฺวา นาฬาคิริหตฺถึ มฺุจาเปตฺวาปิ เกนจิ อุปาเยน ภควนฺตํ มาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ปริหีนลาภสกฺกาโร ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา ตานิ อลภมาโน เตหิ ชนํ สฺาเปสฺสามีติ สงฺฆเภทํ กตฺวา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ ปริสํ อาทาย ปกฺกนฺเตสุ อุณฺหโลหิตํ มุเขน ฉฑฺเฑตฺวา นวมาเส คิลานมฺเจ นิปชฺชิตฺวา วิปฺปฏิสารชาโต – ‘‘กุหึ เอตรหิ สตฺถา วสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เชตวเน’’ติ วุตฺเต มฺจเกน มํ อาหริตฺวา สตฺถารํ ทสฺเสถาติ วตฺวา อาหริยมาโน ภควโต ¶ ทสฺสนารหสฺส กมฺมสฺส อกตตฺตา เชตวเน โปกฺขรณีสมีเปเยว ทฺเวธา ภินฺนํ ปถวึ ปวิสิตฺวา มหานิรเย ปติฏฺิโตติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารกถานโย ขนฺธเก อาคโต. อาคตตฺตา ปน สพฺพํ น วุตฺตนฺติ. เอวํ อชาโตเยว รฺโ สตฺตุ ภวิสฺสตีติ เนมิตฺตเกหิ นิทฺทิฏฺโติ อชาตสตฺตุ.
เวเทหิปุตฺโตติ อยํ โกสลรฺโ ธีตาย ปุตฺโต, น วิเทหรฺโ. เวเทหีติ ปน ปณฺฑิตาธิวจนเมตํ. ยถาห – ‘‘เวเทหิกา คหปตานี (ม. นิ. ๑.๒๒๖), อยฺโย อานนฺโท เวเทหมุนี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔). ตตฺรายํ วจนตฺโถ – วิทนฺติ เอเตนาติ เวโท, าณสฺเสตํ อธิวจนํ. เวเทน อีหติ ฆฏติ วายมตีติ เวเทหี. เวเทหิยา ปุตฺโต เวเทหิปุตฺโต.
ตทหูติ ตสฺมึ อหุ, ตสฺมึ ทิวเสติ อตฺโถ. อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุปวสนฺตีติ ¶ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. อยํ ปเนตฺถ อตฺถุทฺธาโร – ‘‘อายามาวุโส, กปฺปิน, อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อุโปสโถ. ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข, วิสาเข, อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) สีลํ. ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาโส. ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปฺตฺติ ¶ . ‘‘น, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ สภิกฺขุกา อาวาสา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๘๑) อุปวสิตพฺพทิวโส. อิธาปิ โสเยว อธิปฺเปโต. โส ปเนส อฏฺมี จาตุทฺทสี ปนฺนรสีเภเทน ติวิโธ. ตสฺมา เสสทฺวยนิวารณตฺถํ ปนฺนรเสติ วุตฺตํ. เตเนว วุตฺตํ – ‘‘อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ’’ติ.
โกมุทิยาติ กุมุทวติยา. ตทา กิร กุมุทานิ สุปุปฺผิตานิ โหนฺติ, ตานิ เอตฺถ สนฺตีติ โกมุที. จาตุมาสินิยาติ จาตุมาสิยา, สา หิ จตุนฺนํ มาสานํ ปริโยสานภูตาติ จาตุมาสี. อิธ ปน จาตุมาสินีติ วุจฺจติ. มาสปุณฺณตาย ¶ อุตุปุณฺณตาย สํวจฺฉรปุณฺณตาย ปุณฺณา สมฺปุณฺณาติ ปุณฺณา. มา อิติ จนฺโท วุจฺจติ, โส เอตฺถ ปุณฺโณติ ปุณฺณมา. เอวํ ปุณฺณาย ปุณฺณมายาติ อิมสฺมึ ปททฺวเย จ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ราชามจฺจปริวุโตติ เอวรูปาย รชตฆฏวินิคฺคตาหิ ขีรธาราหิ โธวิยมานทิสาภาคาย วิย, รชตวิมานวิจฺจุเตหิ มุตฺตาวฬิสุมนกุสุมทามเสตทุกูลกุมุทวิสเรหิ สมฺปริกิณฺณาย วิย จ, จตุรุปกฺกิเลสวิมุตฺตปุณฺณจนฺทปฺปภาสมุทโยภาสิตาย รตฺติยา ราชามจฺเจหิ ปริวุโตติ อตฺโถ. อุปริปาสาทวรคโตติ ปาสาทวรสฺส อุปริคโต. มหารเห สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต กฺจนาสเน นิสินฺโน โหติ. กสฺมา นิสินฺโน? นิทฺทาวิโนทนตฺถํ. อยฺหิ ราชา ปิตริ อุปกฺกนฺตทิวสโต ปฏฺาย – ‘‘นิทฺทํ โอกฺกมิสฺสามี’’ติ นิมีลิตมตฺเตสุเยว อกฺขีสุ สตฺติสตอพฺภาหโต วิย กนฺทมาโนเยว ปพุชฺฌิ. กิเมตนฺติ จ วุตฺเต, น กิฺจีติ วทติ. เตนสฺส อมนาปา นิทฺทา, อิติ นิทฺทาวิโนทนตฺถํ นิสินฺโน. อปิ จ ตสฺมึ ทิวเส นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ โหติ. สพฺพํ นครํ สิตฺตสมฺมฏฺํ วิปฺปกิณฺณวาลุกํ ปฺจวณฺณกุสุมลาชปุณฺณฆฏปฏิมณฺฑิตฆรทฺวารํ สมุสฺสิตธชปฏากวิจิตฺรสมุชฺชลิตทีปมาลาลงฺกตสพฺพทิสาภาคํ วีถิสภาเคน รจฺฉาสภาเคน นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมาเนน มหาชเนน สมากิณฺณํ โหติ. อิติ นกฺขตฺตทิวสตายปิ นิสินฺโนติ วทนฺติ. เอวํ ปน วตฺวาปิ – ‘‘ราชกุลสฺส นาม สทาปิ นกฺขตฺตเมว, นิทฺทาวิโนทนตฺถํเยว ปเนส นิสินฺโน’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตํ.
อุทานํ ¶ ¶ อุทาเนสีติ อุทาหารํ อุทาหริ, ยถา หิ ยํ เตลํ มานํ คเหตุํ น สกฺโกติ, วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ อวเสโกติ ¶ วุจฺจติ. ยฺจ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ, ตํ โอโฆติ วุจฺจติ; เอวเมว ยํ ปีติวจนํ หทยํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อธิกํ หุตฺวา อนฺโต อสณฺหิตฺวา พหินิกฺขมติ, ตํ อุทานนฺติ วุจฺจติ. เอวรูปํ ปีติมยํ วจนํ นิจฺฉาเรสีติ อตฺโถ.
โทสินาติ โทสาปคตา, อพฺภา, มหิกา, ธูโม, รโช, ราหูติ อิเมหิ ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิรหิตาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา รมณียาติอาทีนิ ปฺจ โถมนวจนานิ. สา หิ มหาชนสฺส มนํ รมยตีติ รมณียา. วุตฺตโทสวิมุตฺตาย จนฺทปฺปภาย โอภาสิตตฺตา อติวิย สุรูปาติ อภิรูปา. ทสฺสิตุํ ยุตฺตาติ ทสฺสนียา. จิตฺตํ ปสาเทตีติ ปาสาทิกา. ทิวสมาสาทีนํ ลกฺขณํ ภวิตุํ ยุตฺตาติ ลกฺขฺา.
กํ นุ ขฺวชฺชาติ กํ นุ โข อชฺช. สมณํ วา พฺราหฺมณํ วาติ สมิตปาปตาย สมณํ. พาหิตปาปตาย พฺราหฺมณํ. ยํ โน ปยิรุปาสโตติ วจนพฺยตฺตโย เอส, ยํ อมฺหากํ ปฺหปุจฺฉนวเสน ปยิรุปาสนฺตานํ มธุรํ ธมฺมํ สุตฺวา จิตฺตํ ปสีเทยฺยาติ อตฺโถ. อิติ ราชา อิมินา สพฺเพนปิ วจเนน โอภาสนิมิตฺตกมฺมํ อกาสิ. กสฺส อกาสีติ? ชีวกสฺส. กิมตฺถํ? ภควโต ทสฺสนตฺถํ. กึ ภควนฺตํ สยํ ทสฺสนาย อุปคนฺตุํ น สกฺโกตีติ? อาม, น สกฺโกติ. กสฺมา? มหาปราธตาย.
เตน หิ ภควโต อุปฏฺาโก อริยสาวโก อตฺตโน ปิตา มาริโต, เทวทตฺโต จ ตเมว นิสฺสาย ภควโต พหุํ อนตฺถมกาสิ, อิติ มหาปราโธ เอส, ตาย มหาปราธตาย สยํ คนฺตุํ น สกฺโกติ. ชีวโก ปน ภควโต อุปฏฺาโก, ตสฺส ปิฏฺิฉายาย ภควนฺตํ ปสฺสิสฺสามีติ โอภาสนิมิตฺตกมฺมํ อกาสิ. กึ ชีวโก ปน – ‘‘มยฺหํ อิทํ โอภาสนิมิตฺตกมฺม’’นฺติ ชานาตีติ? อาม ชานาติ. อถ กสฺมา ตุณฺหี อโหสีติ? วิกฺเขปปจฺเฉทนตฺถํ.
ตสฺสฺหิ ปริสติ ฉนฺนํ สตฺถารานํ อุปฏฺากา พหู ¶ สนฺนิปติตา, เต อสิกฺขิตานํ ปยิรุปาสเนน สยมฺปิ อสิกฺขิตาว. เต มยิ ภควโต คุณกถํ ¶ อารทฺเธ อนฺตรนฺตรา อุฏฺายุฏฺาย อตฺตโน สตฺถารานํ คุณํ กเถสฺสนฺติ, เอวํ เม สตฺถุ คุณกถา ปริโยสานํ น คมิสฺสติ. ราชา ปน อิเมสํ กุลูปเก อุปสงฺกมิตฺวา คหิตาสารตาย เตสํ คุณกถาย อนตฺตมโน ¶ หุตฺวา มํ ปฏิปุจฺฉิสฺสติ, อถาหํ นิพฺพิกฺเขปํ สตฺถุ คุณํ กเถตฺวา ราชานํ สตฺถุ สนฺติกํ คเหตฺวา คมิสฺสามีติ ชานนฺโตว วิกฺเขปปจฺเฉทนตฺถํ ตุณฺหี อโหสีติ.
เตปิ อมจฺจา เอวํ จินฺเตสุํ – ‘‘อชฺช ราชา ปฺจหิ ปเทหิ รตฺตึ โถเมติ, อทฺธา กิฺจิ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ โสตุกาโม, ยสฺส เจส ธมฺมํ สุตฺวา ปสีทิสฺสติ, ตสฺส จ มหนฺตํ สกฺการํ กริสฺสติ, ยสฺส ปน กุลูปโก สมโณ ราชกุลูปโก โหติ, ภทฺทํ ตสฺสา’’ติ.
๑๕๑-๑๕๒. เต เอวํ จินฺเตตฺวา – ‘‘อหํ อตฺตโน กุลูปกสมณสฺส วณฺณํ วตฺวา ราชานํ คเหตฺวา คมิสฺสามิ, อหํ คมิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อตฺตโน กุลูปกานํ วณฺณํ กเถตุํ อารทฺธา. เตนาห – ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ราชามจฺโจ’’ติอาทิ. ตตฺถ ปูรโณติ ตสฺส สตฺถุปฏิฺสฺส นามํ. กสฺสโปติ โคตฺตํ. โส กิร อฺตรสฺส กุลสฺส เอกูนทาสสตํ ปูรยมาโน ชาโต, เตนสฺส ปูรโณติ นามํ อกํสุ. มงฺคลทาสตฺตา จสฺส ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ วตฺตา นตฺถิ, อกตํ วา น กตนฺติ. โส ‘‘กิมหํ เอตฺถ วสามี’’ติ ปลายิ. อถสฺส โจรา วตฺถานิ อจฺฉินฺทึสุ, โส ปณฺเณน วา ติเณน วา ปฏิจฺฉาเทตุมฺปิ อชานนฺโต ชาตรูเปเนว เอกํ คามํ ปาวิสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมโณ อรหา อปฺปิจฺโฉ, นตฺถิ อิมินา สทิโส’’ติ ปูวภตฺตาทีนิ คเหตฺวา อุปสงฺกมนฺติ. โส – ‘‘มยฺหํ สาฏกํ อนิวตฺถภาเวน อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตโต ปฏฺาย สาฏกํ ลภิตฺวาปิ น นิวาเสสิ, ตเทว ปพฺพชฺชํ อคฺคเหสิ, ตสฺส สนฺติเก ¶ อฺเปิ อฺเปีติ ปฺจสตมนุสฺสา ปพฺพชึสุ. ตํ สนฺธายาห – ‘‘ปูรโณ กสฺสโป’’ติ.
ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต สงฺโฆ อสฺส อตฺถีติ สงฺฆี. สฺเวว คโณ อสฺส อตฺถีติ คณี. อาจารสิกฺขาปนวเสน ตสฺส คณสฺส อาจริโยติ คณาจริโย. าโตติ ปฺาโต ปากโฏ. ‘‘อปฺปิจฺโฉ ¶ สนฺตุฏฺโ. อปฺปิจฺฉตาย วตฺถมฺปิ น นิวาเสตี’’ติ เอวํ สมุคฺคโต ยโส อสฺส อตฺถีติ ยสสฺสี. ติตฺถกโรติ ลทฺธิกโร. สาธุสมฺมโตติ อยํ สาธุ, สุนฺทโร, สปฺปุริโสติ เอวํ สมฺมโต. พหุชนสฺสาติ อสฺสุตวโต อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺส. ปพฺพชิตโต ปฏฺาย อติกฺกนฺตา พหู รตฺติโย ชานาตีติ รตฺตฺู. จิรํ ปพฺพชิตสฺส อสฺสาติ จิรปพฺพชิโต, อจิรปพฺพชิตสฺส หิ กถา โอกปฺปนียา น โหติ, เตนาห ‘‘จิรปพฺพชิโต’’ติ. อทฺธคโตติ อทฺธานํ คโต, ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีโตติ อธิปฺปาโย. วโยอนุปฺปตฺโตติ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺโต. อิทํ อุภยมฺปิ – ‘‘ทหรสฺส กถา โอกปฺปนียา น โหตี’’ติ เอตํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ตุณฺหี ¶ อโหสีติ สุวณฺณวณฺณํ มธุรรสํ อมฺพปกฺกํ ขาทิตุกาโม ปุริโส อาหริตฺวา หตฺเถ ปิตํ กาชรปกฺกํ ทิสฺวา วิย ฌานาภิฺาทิคุณยุตฺตํ ติลกฺขณพฺภาหตํ มธุรํ ธมฺมกถํ โสตุกาโม ปุพฺเพ ปูรณสฺส ทสฺสเนนาปิ อนตฺตมโน อิทานิ คุณกถาย สุฏฺุตรํ อนตฺตมโน หุตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. อนตฺตมโน สมาโนปิ ปน ‘‘สจาหํ เอตํ ตชฺเชตฺวา คีวายํ คเหตฺวา นีหราเปสฺสามิ, ‘โย โย กเถสิ, ตํ ตํ ราชา เอวํ กโรตี’ติ ภีโต อฺโปิ โกจิ กิฺจิ น กเถสฺสตี’’ติ อมนาปมฺปิ ตํ กถํ อธิวาเสตฺวา ตุณฺหี เอว อโหสิ. อถฺโ – ‘‘อหํ อตฺตโน กุลูปกสฺส วณฺณํ กเถสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา วตฺตุํ อารภิ. เตน วุตฺตํ – อฺตโรปิ โขติอาทิ. ตํ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
เอตฺถ ปน มกฺขลีติ ตสฺส นามํ. โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติ ทุติยํ นามํ. ตํ กิร สกทฺทมาย ภูมิยา เตลฆฏํ ¶ คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ – ‘‘ตาต, มา ขลี’’ติ สามิโก อาห. โส ปมาเทน ขลิตฺวา ปติตฺวา สามิกสฺส ภเยน ปลายิตุํ อารทฺโธ. สามิโก อุปธาวิตฺวา ทุสฺสกณฺเณ อคฺคเหสิ. โส สาฏกํ ฉฑฺเฑตฺวา อเจลโก หุตฺวา ปลายิ. เสสํ ปูรณสทิสเมว.
๑๕๓. อชิโตติ ตสฺส นามํ. เกสกมฺพลํ ธาเรตีติ เกสกมฺพโล. อิติ นามทฺวยํ สํสนฺทิตฺวา อชิโต เกสกมฺพโลติ วุจฺจติ ¶ . ตตฺถ เกสกมฺพโล นาม มนุสฺสเกเสหิ กตกมฺพโล. ตโต ปฏิกิฏฺตรํ วตฺถํ นาม นตฺถิ. ยถาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานํ วตฺถานํ, เกสกมฺพโล เตสํ ปฏิกิฏฺโ อกฺขายติ. เกสกมฺพโล, ภิกฺขเว, สีเต สีโต, อุณฺเห อุณฺโห, ทุพฺพณฺโณ ทุคฺคนฺโธ ทุกฺขสมฺผสฺโส’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓๘).
๑๕๔. ปกุโธติ ตสฺส นามํ. กจฺจายโนติ โคตฺตํ. อิติ นามโคตฺตํ สํสนฺทิตฺวา ปกุโธ กจฺจายโนติ วุจฺจติ. สีตุทกปฏิกฺขิตฺตโก เอส, วจฺจํ กตฺวาปิ อุทกกิจฺจํ น กโรติ, อุณฺโหทกํ วา กฺชิยํ วา ลภิตฺวา กโรติ, นทึ วา มคฺโคทกํ วา อติกฺกมฺม – ‘‘สีลํ เม ภินฺน’’นฺติ วาลิกถูปํ กตฺวา สีลํ อธิฏฺาย คจฺฉติ. เอวรูโป นิสฺสิรีกลทฺธิโก เอส.
๑๕๕. สฺจโยติ ตสฺส นามํ. เพลฏฺสฺส ปุตฺโตติ เพลฏฺปุตฺโต.
๑๕๖. อมฺหากํ คณฺนกิเลโส ปลิพนฺธนกิเลโส นตฺถิ, กิเลสคณฺรหิตา มยนฺติ เอวํวาทิตาย ลทฺธนามวเสน นิคณฺโ. นาฏสฺส ปุตฺโต นาฏปุตฺโต.
โกมารภจฺจชีวกกถาวณฺณนา
๑๕๗. อถ ¶ โข ราชาติ ราชา กิร เตสํ วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ยสฺส ยสฺส วจนํ น โสตุกาโม, โส โส เอว ¶ กเถสิ. ยสฺส ปนมฺหิ วจนํ โสตุกาโม, เอส นาควสํ ปิวิตฺวา ิโต สุปณฺโณ วิย ตุณฺหีภูโต, อนตฺโถ วต เม’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ชีวโก อุปสนฺตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต อุปฏฺาโก, สยมฺปิ อุปสนฺโต, ตสฺมา วตฺตสมฺปนฺโน ภิกฺขุ วิย ตุณฺหีภูโตว นิสินฺโน, น เอส มยิ อกเถนฺเต กเถสฺสติ, หตฺถิมฺหิ โข ปน มทฺทนฺเต หตฺถิสฺเสว ปาโท คเหตพฺโพ’’ติ เตน สทฺธึ สยํ มนฺเตตุมารทฺโธ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ราชา’’ติ. ตตฺถ กึ ตุณฺหีติ เกน การเณน ตุณฺหี. อิเมสํ อมจฺจานํ อตฺตโน อตฺตโน กุลูปกสมณสฺส วณฺณํ กเถนฺตานํ มุขํ นปฺปโหติ ¶ . กึ ยถา เอเตสํ, เอวํ ตว กุลูปกสมโณ นตฺถิ, กึ ตฺวํ ทลิทฺโท, น เต มม ปิตรา อิสฺสริยํ ทินฺนํ, อุทาหุ อสฺสทฺโธติ ปุจฺฉติ.
ตโต ชีวกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ ราชา มํ กุลูปกสมณสฺส คุณํ กถาเปติ, น ทานิ เม ตุณฺหีภาวสฺส กาโล, ยถา โข ปนิเม ราชานํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนาว อตฺตโน กุลูปกสมณานํ คุณํ กถยึสุ, น มยฺหํ เอวํ สตฺถุคุเณ กเถตุํ ยุตฺต’’นฺติ อุฏฺายาสนา ภควโต วิหาราภิมุโข ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสิ ปคฺคเหตฺวา – ‘‘มหาราช, มา มํ เอวํ จินฺตยิตฺถ, ‘อยํ ยํ วา ตํ วา สมณํ อุปสงฺกมตี’ติ, มม สตฺถุโน หิ มาตุกุจฺฉิโอกฺกมเน, มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมเน, มหาภินิกฺขมเน, สมฺโพธิยํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จ, ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ, เอวํ ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ, เอวํ เทโวโรหณํ, อหํ สตฺถุโน คุเณ กถยิสฺสามิ, เอกคฺคจิตฺโต สุณ, มหาราชา’’ติ วตฺวา – ‘‘อยํ เทว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ ตํ โข ปน ภควนฺตนฺติ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ อุปโยควจนํ, ตสฺส โข ปน ภควโตติ อตฺโถ. กลฺยาโณติ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต, เสฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติเยว. ถุติโฆโส วา. อพฺภุคฺคโตติ สเทวกํ โลกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อุคฺคโต. กินฺติ? ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… ภควา’’ติ.
ตตฺรายํ ปทสมฺพนฺโธ – โส ภควา อิติปิ อรหํ อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควาติ. อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อารกตฺตา อรีนํ, อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ, อิเมหิ ตาว การเณหิ โส ภควา ¶ อรหนฺติ เวทิตพฺโพติอาทินา นเยน มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา สพฺพาเนว เจตานิ ปทานิ วิสุทฺธิมคฺเค พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วิตฺถาริตานีติ ตโต เนสํ วิตฺถาโร คเหตพฺโพ.
ชีวโก ปน เอกเมกสฺส ปทสฺส อตฺถํ นิฏฺาเปตฺวา – ‘‘เอวํ, มหาราช, อรหํ มยฺหํ สตฺถา, เอวํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… เอวํ ภควา’’ติ วตฺวา – ‘‘ตํ, เทโว, ภควนฺตํ ปยิรุปาสตุ, อปฺเปว นาม เทวสฺส ตํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ อาห. เอตฺถ จ ตํ เทโว ปยิรุปาสตูติ วทนฺโต ‘‘มหาราช, ตุมฺหาทิสานฺหิ สเตนปิ สหสฺเสนปิ สตสหสฺเสนปิ ปุฏฺสฺส ¶ มยฺหํ สตฺถุโน สพฺเพสํ จิตฺตํ คเหตฺวา กเถตุํ ถาโม จ พลฺจ อตฺถิ, วิสฺสตฺโถ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺยาสิ มหาราชา’’ติ อาห.
รฺโปิ ภควโต คุณกถํ สุณนฺตสฺส สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. โส ตงฺขณฺเว คนฺตุกาโม หุตฺวา – ‘‘อิมาย โข ปน เวลาย มยฺหํ ทสพลสฺส สนฺติกํ คจฺฉโต น อฺโ โกจิ ขิปฺปํ ยานานิ โยเชตุํ สกฺขิสฺสติ อฺตฺร ชีวกา’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เตน หิ, สมฺม ชีวก, หตฺถิยานานิ กปฺปาเปหี’’ติ อาห.
๑๕๘. ตตฺถ เตน หีติ อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโต. คจฺฉ, สมฺม ชีวกาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. หตฺถิยานานีติ อเนเกสุ อสฺสรถาทีสุ ยาเนสุ วิชฺชมาเนสุปิ หตฺถิยานํ อุตฺตมํ; อุตฺตมสฺส สนฺติกํ อุตฺตมยาเนเนว คนฺตพฺพนฺติ จ, อสฺสยานรถยานานิ สสทฺทานิ, ทูรโตว เตสํ สทฺโท สุยฺยติ, หตฺถิยานสฺส ปทานุปทํ คจฺฉนฺตาปิ สทฺทํ น สุณนฺติ. นิพฺพุตสฺส ปน โข ภควโต สนฺติเก นิพฺพุเตเหว ยาเนหิ คนฺตพฺพนฺติ จ จินฺตยิตฺวา หตฺถิยานานีติ อาห.
ปฺจมตฺตานิ หตฺถินิกาสตานีติ ปฺจ กเรณุสตานิ. กปฺปาเปตฺวาติ อาโรหณสชฺชานิ กาเรตฺวา. อาโรหณียนฺติ อาโรหณโยคฺคํ, โอปคุยฺหนฺติ อตฺโถ. กึ ปเนส รฺา วุตฺตํ อกาสิ อวุตฺตนฺติ? อวุตฺตํ. กสฺมา? ปณฺฑิตตาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ราชา อิมาย เวลาย คจฺฉามีติ วทติ, ราชาโน จ นาม พหุปจฺจตฺถิกา. สเจ อนฺตรามคฺเค โกจิ อนฺตราโย โหติ, มมฺปิ ครหิสฺสนฺติ – ‘‘ชีวโก ราชา เม กถํ คณฺหาตีติ อกาเลปิ ราชานํ คเหตฺวา นิกฺขมตี’’ติ. ภควนฺตมฺปิ ครหิสฺสนฺติ ‘‘สมโณ โคตโม, ‘มยฺหํ กถา วตฺตตี’ติ กาลํ อสลฺลกฺเขตฺวาว ธมฺมํ กเถตี’’ติ. ตสฺมา ยถา เนว มยฺหํ, น ภควโต, ครหา อุปฺปชฺชติ; รฺโ จ รกฺขา สุสํวิหิตา โหติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ.
ตโต ¶ ¶ อิตฺถิโย นิสฺสาย ปุริสานํ ภยํ นาม นตฺถิ, ‘สุขํ อิตฺถิปริวุโต คมิสฺสามี’ติ ปฺจ หตฺถินิกาสตานิ กปฺปาเปตฺวา ปฺจ อิตฺถิสตานิ ปุริสเวสํ คาหาเปตฺวา – ‘‘อสิโตมรหตฺถา ราชานํ ปริวาเรยฺยาถา’’ติ วตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺส รฺโ อิมสฺมึ อตฺตภาเว มคฺคผลานํ ¶ อุปนิสฺสโย นตฺถิ, พุทฺธา จ นาม อุปนิสฺสยํ ทิสฺวาว ธมฺมํ กเถนฺติ. หนฺทาหํ, มหาชนํ สนฺนิปาตาเปมิ, เอวฺหิ สติ สตฺถา กสฺสจิเทว อุปนิสฺสเยน ธมฺมํ เทเสสฺสติ, สา มหาชนสฺส อุปการาย ภวิสฺสตี’’ติ. โส ตตฺถ ตตฺถ สาสนํ เปเสสิ, เภรึ จราเปสิ – ‘‘อชฺช ราชา ภควโต สนฺติกํ คจฺฉติ, สพฺเพ อตฺตโน วิภวานุรูเปน รฺโ อารกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ.
ตโต มหาชโน จินฺเตสิ – ‘‘ราชา กิร สตฺถุทสฺสนตฺถํ คจฺฉติ, กีทิสี วต โภ ธมฺมเทสนา ภวิสฺสติ, กึ โน นกฺขตฺตกีฬาย, ตตฺเถว คมิสฺสามา’’ติ. สพฺเพ คนฺธมาลาทีนิ คเหตฺวา รฺโ อาคมนํ อากงฺขมานา มคฺเค อฏฺํสุ. ชีวโกปิ รฺโ ปฏิเวเทสิ – ‘‘กปฺปิตานิ โข เต, เทว, หตฺถิยานานิ, ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’ติ. ตตฺถ ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสีติ อุปจารวจนเมตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยํ ตยา อาณตฺตํ, ตํ มยา กตํ, อิทานิ ตฺวํ ยสฺส คมนสฺส วา อคมนสฺส วา กาลํ มฺสิ, ตเทว อตฺตโน รุจิยา กโรหี’’ติ.
๑๕๙. ปจฺเจกา อิตฺถิโยติ ปาฏิเยกฺกา อิตฺถิโย, เอเกกิสฺสา หตฺถินิยา เอเกกํ อิตฺถินฺติ วุตฺตํ โหติ. อุกฺกาสุ ธาริยมานาสูติ ทณฺฑทีปิกาสุ ธาริยมานาสุ. มหจฺจ ราชานุภาเวนาติ มหตา ราชานุภาเวน. มหจฺจาติปิ ปาฬิ, มหติยาติ อตฺโถ, ลิงฺควิปริยาโย เอส. ราชานุภาโว วุจฺจติ ราชิทฺธิ. กา ปนสฺส ราชิทฺธิ? ติโยชนสตานํ ทฺวินฺนํ มหารฏฺานํ อิสฺสริยสิรี. ตสฺส หิ อสุกทิวสํ ราชา ตถาคตํ อุปสงฺกมิสฺสตีติ ปมตรํ สํวิทหเน อสติปิ ตงฺขณฺเว ปฺจ อิตฺถิสตานิ ปุริสเวสํ คเหตฺวา ปฏิมุกฺกเวนานิ อํเส อาสตฺตขคฺคานิ มณิทณฺฑโตมเร คเหตฺวา นิกฺขมึสุ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ปจฺเจกา อิตฺถิโย อาโรเปตฺวา’’ติ.
อปราปิ โสฬสสหสฺสขตฺติยนาฏกิตฺถิโย ราชานํ ปริวาเรสุํ. ตาสํ ปริยนฺเต ขุชฺชวามนกกิราตาทโย. ตาสํ ปริยนฺเต อนฺเตปุรปาลกา วิสฺสาสิกปุริสา. เตสํ ปริยนฺเต วิจิตฺรเวสวิลาสิโน สฏฺิสหสฺสมตฺตา มหามตฺตา. เตสํ ปริยนฺเต วิวิธาลงฺการปฏิมณฺฑิตา นานปฺปการอาวุธหตฺถา ¶ วิชฺชาธรตรุณา วิย นวุติสหสฺสมตฺตา รฏฺิยปุตฺตา. เตสํ ปริยนฺเต สตคฺฆนิกานิ ¶ ¶ นิวาเสตฺวา ปฺจสตคฺฆนิกานิ เอกํสํ กตฺวา สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กฺจนมาลาทินานาภรณโสภิตา ทสสหสฺสมตฺตา พฺราหฺมณา ทกฺขิณหตฺถํ อุสฺสาเปตฺวา ชยสทฺทํ โฆสนฺตา คจฺฉนฺติ. เตสํ ปริยนฺเต ปฺจงฺคิกานิ ตูริยานิ. เตสํ ปริยนฺเต ธนุปนฺติปริกฺเขโป. ตสฺส ปริยนฺเต หตฺถิฆฏา. หตฺถีนํ ปริยนฺเต คีวาย คีวํ ปหรมานา อสฺสปนฺติ. อสฺสปริยนฺเต อฺมฺํ สงฺฆฏฺฏนรถา. รถปริยนฺเต พาหาย พาหํ ปหรยมานา โยธา. เตสํ ปริยนฺเต อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปาย อาภรณสมฺปตฺติยา วิโรจมานา อฏฺารส เสนิโย. อิติ ยถา ปริยนฺเต ตฺวา ขิตฺโต สโร ราชานํ น ปาปุณาติ, เอวํ ชีวโก โกมารภจฺโจ รฺโ ปริสํ สํวิทหิตฺวา อตฺตนา รฺโ อวิทูเรเนว คจฺฉติ – ‘‘สเจ โกจิ อุปทฺทโว โหติ, ปมตร รฺโ ชีวิตทานํ ทสฺสามี’’ติ. อุกฺกานํ ปน เอตฺตกานิ สตานิ วา สหสฺสานิ วาติ ปริจฺเฉโท นตฺถีติ เอวรูปึ ราชิทฺธึ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘มหจฺจราชานุภาเวน เยน ชีวกสฺส โกมารภจฺจสฺส อมฺพวนํ, เตน ปายาสี’’ติ.
อหุเทว ภยนฺติ เอตฺถ จิตฺตุตฺราสภยํ, าณภยํ, อารมฺมณภยํ, โอตฺตปฺปภยนฺติ จตุพฺพิธํ ภยํ, ตตฺถ ‘‘ชาตึ ปฏิจฺจ ภยํ ภยานก’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ จิตฺตุตฺราสภยํ นาม. ‘‘เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๘) เอวมาคตํ าณภยํ นาม. ‘‘เอตํ นูน ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๙) เอตฺถ วุตฺตํ อารมฺมณภยํ นาม.
‘‘ภีรุํ ปสํสนฺติ, น หิ ตตฺถ สูรํ;
ภยา หิ สนฺโต, น กโรนฺติ ปาป’’นฺติ ¶ . (สํ. นิ. ๑.๓๓);
อิทํ โอตฺตปฺปภยํ นาม. เตสุ อิธ จิตฺตุตฺราสภยํ, อหุ อโหสีติ อตฺโถ. ฉมฺภิตตฺตนฺติ ฉมฺภิตสฺส ภาโว. สกลสรีรจลนนฺติ อตฺโถ. โลมหํโสติ โลมหํสนํ, อุทฺธํ ิตโลมตาติ อตฺโถ. โส ปนายํ โลมหํโส ธมฺมสฺสวนาทีสุ ปีติอุปฺปตฺติกาเล ปีติยาปิ โหติ ¶ . ภีรุกชาติกานํ สมฺปหารปิสาจาทิทสฺสเนสุ ภเยนาปิ. อิธ ภยโลมหํโสติ เวทิตพฺโพ.
กสฺมา ปเนส ภีโตติ? อนฺธกาเรนาติ เอเก วทนฺติ. ราชคเห กิร ทฺวตฺตึส มหาทฺวารานิ, จตุสฏฺิ ขุทฺทกทฺวารานิ. ชีวกสฺส อมฺพวนํ ปาการสฺส จ คิชฺฌกูฏสฺส จ อนฺตรา โหติ. โส ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพตจฺฉายาย ปาวิสิ, ตตฺถ ปพฺพตกูเฏน จนฺโท ¶ ฉาทิโต, ปพฺพตจฺฉายาย จ รุกฺขจฺฉายาย จ อนฺธการํ อโหสีติ, ตมฺปิ อการณํ. ตทา หิ อุกฺกานํ สตสหสฺสานมฺปิ ปริจฺเฉโท นตฺถิ.
อยํ ปน อปฺปสทฺทตํ นิสฺสาย ชีวเก อาสงฺกาย ภีโต. ชีวโก กิรสฺส อุปริปาสาเทเยว อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช อปฺปสทฺทกาโม ภควา, อปฺปสทฺเทเนว อุปสงฺกมิตพฺโพ’’ติ. ตสฺมา ราชา ตูริยสทฺทํ นิวาเรสิ. ตูริยานิ เกวลํ คหิตมตฺตาเนว โหนฺติ, วาจมฺปิ อุจฺจํ อนิจฺฉารยมานา อจฺฉราสฺาย คจฺฉนฺติ. อมฺพวเนปิ กสฺสจิ ขิปิตสทฺโทปิ น สุยฺยติ. ราชาโน จ นาม สทฺทาภิรตา โหนฺติ. โส ตํ อปฺปสทฺทตํ นิสฺสาย อุกฺกณฺิโต ชีวเกปิ อาสงฺกํ อุปฺปาเทสิ. ‘‘อยํ ชีวโก มยฺหํ อมฺพวเน อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานี’’ติ อาห. เอตฺถ จ ขิปิตสทฺทมตฺตมฺปิ น สุยฺยติ, อภูตํ มฺเ, เอส วฺเจตฺวา มํ นครโต นีหริตฺวา ปุรโต พลกายํ อุปฏฺเปตฺวา มํ คณฺหิตฺวา อตฺตนา ฉตฺตํ อุสฺสาเปตุกาโม. อยฺหิ ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรติ. มม จ อวิทูเรเนว ¶ คจฺฉติ, สนฺติเก จ เม อาวุธหตฺโถ เอกปุริโสปิ นตฺถิ. อโห วต เม อนตฺโถ’’ติ. เอวํ ภายิตฺวา จ ปน อภีโต วิย สนฺธาเรตุมฺปิ นาสกฺขิ. อตฺตโน ภีตภาวํ ตสฺส อาวิ อกาสิ. เตน วุตฺตํ. ‘‘อถ โข ราชา…เป… น นิคฺโฆโส’’ติ. ตตฺถ สมฺมาติ วยสฺสาภิลาโป เอส, กจฺจิ มํ วยสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. น ปลมฺเภสีติ ยํ นตฺถิ ตํ อตฺถีติ วตฺวา กจฺจิ มํ น วิปฺปลมฺภยสิ. นิคฺโฆโสติ กถาสลฺลาปนิคฺโฆโส.
มา ภายิ, มหาราชาติ ชีวโก – ‘‘อยํ ราชา มํ น ชานาติ ‘นายํ ปรํ ชีวิตา โวโรเปตี’ติ; สเจ โข ปน นํ น อสฺสาเสสฺสามิ, วินสฺเสยฺยา’’ติ ¶ จินฺตยิตฺวา ทฬฺหํ กตฺวา สมสฺสาเสนฺโต ‘‘มา ภายิ มหาราชา’’ติ วตฺวา ‘‘น ตํ เทวา’’ติอาทิมาห. อภิกฺกมาติ อภิมุโข กม คจฺฉ, ปวิสาติ อตฺโถ. สกึ วุตฺเต ปน ทฬฺหํ น โหตีติ ตรมาโนว ทฺวิกฺขตฺตุํ อาห. เอเต มณฺฑลมาเฬ ทีปา ฌายนฺตีติ มหาราช, โจรพลํ นาม น ทีเป ชาเลตฺวา ติฏฺติ, เอเต จ มณฺฑลมาเฬ ทีปา ชลนฺติ. เอตาย ทีปสฺาย ยาหิ มหาราชาติ วทติ.
สามฺผลปุจฺฉาวณฺณนา
๑๖๐. นาคสฺส ภูมีติ ยตฺถ สกฺกา หตฺถึ อภิรูฬฺเหน คนฺตุํ, อยํ นาคสฺส ภูมิ นาม. นาคา ปจฺโจโรหิตฺวาติ วิหารสฺส พหิทฺวารโกฏฺเก หตฺถิโต โอโรหิตฺวา. ภูมิยํ ปติฏฺิตสมกาลเมว ¶ ปน ภควโต เตโช รฺโ สรีรํ ผริ. อถสฺส ตาวเทว สกลสรีรโต เสทา มุจฺจึสุ, สาฏกา ปีเฬตฺวา อปเนตพฺพา วิย อเหสุํ. อตฺตโน อปราธํ สริตฺวา มหาภยํ อุปฺปชฺชิ. โส อุชุกํ ภควโต สนฺติกํ คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต ชีวกํ หตฺเถ คเหตฺวา อารามจาริกํ จรมาโน วิย ‘‘อิทํ เต สมฺม ชีวก สุฏฺุ การิตํ อิทํ สุฏฺุ การิต’’นฺติ วิหารสฺส ¶ วณฺณํ ภณมาโน อนุกฺกเมน เยน มณฺฑลมาฬสฺส ทฺวารํ เตนุปสงฺกมิ, สมฺปตฺโตติ อตฺโถ.
กหํ ปน สมฺมาติ กสฺมา ปุจฺฉีติ. เอเก ตาว ‘‘อชานนฺโต’’ติ วทนฺติ. อิมินา กิร ทหรกาเล ปิตรา สทฺธึ อาคมฺม ภควา ทิฏฺปุพฺโพ, ปจฺฉา ปน ปาปมิตฺตสํสคฺเคน ปิตุฆาตํ กตฺวา อภิมาเร เปเสตฺวา ธนปาลํ มฺุจาเปตฺวา มหาปราโธ หุตฺวา ภควโต สมฺมุขีภาวํ น อุปคตปุพฺโพติ อสฺชานนฺโต ปุจฺฉตีติ. ตํ อการณํ, ภควา หิ อากิณฺณวรลกฺขโณ อนุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิโต ฉพฺพณฺณาหิ รสฺมีหิ สกลํ อารามํ โอภาเสตฺวา ตาราคณปริวุโต วิย ปุณฺณจนฺโท ภิกฺขุคณปริวุโต มณฺฑลมาฬมชฺเฌ นิสินฺโน, ตํ โก น ชาเนยฺย. อยํ ปน อตฺตโน อิสฺสริยลีลาย ปุจฺฉติ. ปกติ เหสา ราชกุลานํ, ยํ ชานนฺตาปิ อชานนฺตา วิย ปุจฺฉนฺติ. ชีวโก ปน ตํ สุตฺวา – ‘อยํ ราชา ปถวิยํ ตฺวา กุหึ ปถวีติ, นภํ อุลฺโลเกตฺวา กุหึ จนฺทิมสูริยาติ, สิเนรุมูเล ตฺวา ¶ กุหึ สิเนรูติ วทมาโน วิย ทสพลสฺส ปุรโต ตฺวา กุหึ ภควา’ติ ปุจฺฉติ. ‘‘หนฺทสฺส ภควนฺตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ‘‘เอโส มหาราชา’’ติอาทิมาห. ปุรกฺขโตติ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนสฺส ปุรโต นิสินฺโน.
๑๖๑. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ยตฺถ ภควา ตตฺถ คโต, ภควโต สนฺติกํ อุปคโตติ อตฺโถ. เอกมนฺตํ อฏฺาสีติ ภควนฺตํ วา ภิกฺขุสํฆํ วา อสงฺฆฏฺฏยมาโน อตฺตโน าตุํ อนุจฺฉวิเก เอกสฺมึ ปเทเส ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอโกว อฏฺาสิ. ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตนฺติ ยโต ยโต อนุวิโลเกติ, ตโต ตโต ตุณฺหีภูตเมวาติ อตฺโถ. ตตฺถ หิ เอกภิกฺขุสฺสปิ หตฺถกุกฺกุจฺจํ วา ปาทกุกฺกุจฺจํ วา ขิปิตสทฺโท วา นตฺถิ, สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ ¶ นาฏกปริวารํ ภควโต อภิมุเข ิตํ ราชานํ วา ราชปริสํ วา เอกภิกฺขุปิ น โอโลเกสิ. สพฺเพ ภควนฺตํเยว โอโลกยมานา นิสีทึสุ.
ราชา เตสํ อุปสเม ปสีทิตฺวา วิคตปงฺกตาย วิปฺปสนฺนรหทมิว อุปสนฺตินฺทฺริยํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปุนปฺปุนํ อนุวิโลเกตฺวา อุทานํ อุทาเนสิ. ตตฺถ อิมินาติ เยน กายิเกน จ วาจสิเกน ¶ จ มานสิเกน จ สีลูปสเมน ภิกฺขุสงฺโฆ อุปสนฺโต, อิมินา อุปสเมนาติ ทีเปติ. ตตฺถ ‘‘อโห วต เม ปุตฺโต ปพฺพชิตฺวา อิเม ภิกฺขู วิย อุปสนฺโต ภเวยฺยา’’ติ นยิทํ สนฺธาย เอส เอวมาห. อยํ ปน ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา ปสนฺโน ปุตฺตํ อนุสฺสริ. ทุลฺลภฺหิ ลทฺธา อจฺฉริยํ วา ทิสฺวา ปิยานํ าติมิตฺตาทีนํ อนุสฺสรณํ นาม โลกสฺส ปกติเยว. อิติ ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา ปุตฺตํ อนุสฺสรมาโน เอส เอวมาห.
อปิ จ ปุตฺเต อาสงฺกาย ตสฺส อุปสมํ อิจฺฉมาโน เปส เอวมาห. เอวํ กิรสฺส อโหสิ, ปุตฺโต เม ปุจฺฉิสฺสติ – ‘‘มยฺหํ ปิตา ทหโร. อยฺยโก เม กุหิ’’นฺติ. โส ‘‘ปิตรา เต ฆาติโต’’ติ สุตฺวา ‘‘อหมฺปิ ปิตรํ ฆาเตตฺวา รชฺชํ กาเรสฺสามี’’ติ มฺิสฺสติ. อิติ ปุตฺเต อาสงฺกาย ตสฺส อุปสมํ อิจฺฉมาโน เปส เอวมาห. กิฺจาปิ หิ เอส เอวมาห. อถ โข นํ ปุตฺโต ฆาเตสฺสติเยว. ตสฺมิฺหิ วํเส ปิตุวโธ ปฺจปริวฏฺเฏ คโต. อชาตสตฺตุ พิมฺพิสารํ ฆาเตสิ, อุทโย อชาตสตฺตุํ ¶ . ตสฺส ปุตฺโต มหามุณฺฑิโก นาม อุทยํ. ตสฺส ปุตฺโต อนุรุทฺโธ นาม มหามุณฺฑิกํ. ตสฺส ปุตฺโต นาคทาโส นาม อนุรุทฺธํ. นาคทาสํ ปน – ‘‘วํสจฺเฉทกราชาโน อิเม, กึ อิเมหี’’ติ รฏฺวาสิโน กุปิตา ฆาเตสุํ.
อคมา โข ตฺวนฺติ กสฺมา เอวมาห? ภควา กิร รฺโ วจีเภเท อกเตเยว จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา อาคนฺตฺวา ตุณฺหี นิรโว ิโต, กึ นุ โข จินฺเตสี’’ติ. อถสฺส จิตฺตํ ตฺวา – ‘‘อยํ มยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ อสกฺโกนฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ อนุวิโลเกตฺวา ปุตฺตํ อนุสฺสริ, น โข ปนายํ มยิ อนาลปนฺเต กิฺจิ กเถตุํ สกฺขิสฺสติ, กโรมิ เตน สทฺธึ กถาสลฺลาป’’นฺติ. ตสฺมา รฺโ วจนานนฺตรํ ‘‘อคมา โข ตฺวํ, มหาราช, ยถาเปม’’นฺติ อาห. ตสฺสตฺโถ – มหาราช, ยถา นาม อุนฺนเม วุฏฺํ อุทกํ เยน นินฺนํ เตน คจฺฉติ, เอวเมว ตฺวํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวา เยน เปมํ เตน คโตติ.
อถ รฺโ เอตทโหสิ – ‘‘อโห อจฺฉริยา พุทฺธคุณา, มยา สทิโส ภควโต อปราธการโก นาม นตฺถิ, มยา หิสฺส อคฺคุปฏฺาโก ฆาติโต, เทวทตฺตสฺส จ กถํ คเหตฺวา อภิมารา เปสิตา, นาฬาคิริ มุตฺโต, มํ นิสฺสาย เทวทตฺเตน สิลา ปวิทฺธา, เอวํ มหาปราธํ นาม มํ อาลปโต ทสพลสฺส มุขํ นปฺปโหติ; อโห ภควา ปฺจหากาเรหิ ตาทิลกฺขเณ สุปฺปติฏฺิโต. เอวรูปํ นาม สตฺถารํ ปหาย พหิทฺธา น ปริเยสิสฺสามา’’ติ โส โสมนสฺสชาโต ภควนฺตํ อาลปนฺโต ‘‘ปิโย เม, ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
๑๖๒. ภิกฺขุสงฺฆสฺส ¶ อฺชลึ ปณาเมตฺวาติ เอวํ กิรสฺส อโหสิ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อิโตจิโต จ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ วนฺทนฺเตน จ ภควา ปิฏฺิโต กาตพฺโพ โหติ, ครุกาโรปิ เจส น โหติ. ราชานํ วนฺทิตฺวา อุปราชานํ วนฺทนฺเตนปิ หิ รฺโ อคารโว กโต โหติ. ตสฺมา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ิตฏฺาเนเยว ภิกฺขุสงฺฆสฺส อฺชลึ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. กฺจิเทว เทสนฺติ กฺจิ โอกาสํ.
อถสฺส ¶ ภควา ปฺหปุจฺฉเน อุสฺสาหํ ชเนนฺโต อาห – ‘‘ปุจฺฉ, มหาราช, ยทากงฺขสี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘ปุจฺฉ ยทิ อากงฺขสิ, น เม ปฺหวิสฺสชฺชเน ภาโร อตฺถิ’’. อถ วา ‘‘ปุจฺฉ, ยํ อากงฺขสิ, สพฺพํ เต วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ, อสาธารณํ ปจฺเจกพุทฺธอคฺคสาวกมหาสาวเกหิ. เต หิ ยทากงฺขสีติ น วทนฺติ, สุตฺวา เวทิสฺสามาติ วทนฺติ. พุทฺธา ¶ ปน – ‘‘ปุจฺฉ, อาวุโส, ยทากงฺขสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๗), วา ‘‘ปุจฺฉ, มหาราช, ยทากงฺขสี’’ติ วา,
‘‘ปุจฺฉ, วาสว, มํ ปฺหํ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ;
ตสฺส ตสฺเสว ปฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๕๖) วา;
เตน หิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, สเก อาสเน นิสีทิตฺวา ปุจฺฉ, ยทากงฺขสีติ วา,
‘‘พาวริสฺส จ ตุยฺหํ วา, สพฺเพสํ สพฺพสํสยํ;
กตาวกาสา ปุจฺฉวฺโห, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉถา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๓๖) วา;
‘‘ปุจฺฉ มํ, สภิย, ปฺหํ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ;
ตสฺส ตสฺเสว ปฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ติ. (สุ. นิ. ๕๑๗) วา;
เตสํ เตสํ ยกฺขนรินฺทเทวสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกานํ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรนฺติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ ภควา พุทฺธภูมึ ปตฺวา เอตํ ปวารณํ ปวาเรยฺย. โย โพธิสตฺตภูมิยํ ปเทสาเณ ิโต –
‘‘โกณฺฑฺ ¶ , ปฺหานิ วิยากโรหิ;
ยาจนฺติ ตํ อิสโย สาธุรูปา.
โกณฺฑฺ, เอโส มนุเชสุ ธมฺโม;
ยํ วุทฺธมาคจฺฉติ เอส ภาโร’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๐);
เอวํ สกฺกาทีนํ อตฺถาย อิสีหิ ยาจิโต –
‘‘กตาวกาสา ปุจฺฉนฺตุ โภนฺโต,
ยํ กิฺจิ ปฺหํ มนสาภิปตฺถิตํ;
อหฺหิ ตํ ตํ โว วิยากริสฺสํ,
ตฺวา สยํ โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๑);
เอวํ ¶ สรภงฺคกาเล. สมฺภวชาตเก จ สกลชมฺพุทีปํ ติกฺขตฺตุํ วิจริตฺวา ปฺหานํ อนฺตกรํ อทิสฺวา สุจิรเตน พฺราหฺมเณน, ปฺหํ ปุฏฺุํ โอกาเส การิเต ชาติยา สตฺตวสฺสิโก รถิกาย ปํสุํ กีฬนฺโต ปลฺลงฺกมาภุชิตฺวา อนฺตรวีถิยํ นิสินฺโนว –
‘‘ตคฺฆ ¶ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถา;
ราชา จ โข ตํ ชานาติ, ยทิ กาหติ วา น วา’’ติ. (ชา. ๑.๑๖.๑๗๒);
สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ.
๑๖๓. เอวํ ภควตา สพฺพฺุปวารณาย ปวาริตาย อตฺตมโน ราชา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต – ‘‘ยถา นุ โข อิมานิ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สิปฺปเมว สิปฺปายตนํ. ปุถุสิปฺปายตนานีติ พหูนิ สิปฺปานิ. เสยฺยถิทนฺติ กตเม ปน เต. หตฺถาโรหาติอาทีหิ เย ตํ ตํ สิปฺปํ นิสฺสาย ชีวนฺติ, เต ทสฺเสติ. อยฺหิ อสฺสาธิปฺปาโย – ‘‘ยถา อิเมสํ สิปฺปูปชีวีนํ ตํ ตํ สิปฺปํ นิสฺสาย สนฺทิฏฺิกํ สิปฺปผลํ ปฺายติ. สกฺกา นุ โข เอวํ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปฺาเปตุ’’นฺติ. ตสฺมา สิปฺปายตนานิ อาหริตฺวา สิปฺปูปชีวิโน ทสฺเสติ.
ตตฺถ หตฺถาโรหาติ สพฺเพปิ หตฺถาจริยหตฺถิเวชฺชหตฺถิเมณฺฑาทโย ทสฺเสติ. อสฺสาโรหาติ สพฺเพปิ ¶ อสฺสาจริยอสฺสเวชฺชอสฺสเมณฺฑาทโย. รถิกาติ สพฺเพปิ รถาจริยรถโยธรถรกฺขาทโย. ธนุคฺคหาติ ธนุอาจริยา อิสฺสาสา. เจลกาติ เย ยุทฺเธ ชยธชํ คเหตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺติ. จลกาติ อิธ รฺโ านํ โหตุ, อิธ อสุกมหามตฺตสฺสาติ เอวํ เสนาพฺยูหการกา. ปิณฺฑทายกาติ สาหสิกมหาโยธา. เต กิร ปรเสนํ ปวิสิตฺวา ปรสีสํ ปิณฺฑมิว เฉตฺวา เฉตฺวา ทยนฺติ, อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา นิคฺคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เย วา สงฺคามมชฺเฌ โยธานํ ภตฺตปาตึ คเหตฺวา ปริวิสนฺติ, เตสมฺเปตํ นามํ. อุคฺคา ¶ ราชปุตฺตาติ อุคฺคตุคฺคตา สงฺคามาวจรา ราชปุตฺตา. ปกฺขนฺทิโนติ เย ‘‘กสฺส สีสํ วา อาวุธํ วา อาหรามา’’ติ ¶ ‘‘วตฺวา อสุกสฺสา’’ติ วุตฺตา สงฺคามํ ปกฺขนฺทิตฺวา ตเทว อาหรนฺติ, อิเม ปกฺขนฺทนฺตีติ ปกฺขนฺทิโน. มหานาคาติ มหานาคา วิย มหานาคา, หตฺถิอาทีสุปิ อภิมุขํ อาคจฺฉนฺเตสุ อนิวตฺติตโยธานเมตํ อธิวจนํ. สูราติ เอกนฺตสูรา, เย สชาลิกาปิ สจมฺมิกาปิ สมุทฺทํ ตริตุํ สกฺโกนฺติ. จมฺมโยธิโนติ เย จมฺมกฺจุกํ วา ปวิสิตฺวา สรปริตฺตาณจมฺมํ วา คเหตฺวา ยุชฺฌนฺติ. ทาสิกปุตฺตาติ พลวสิเนหา ฆรทาสโยธา. อาฬาริกาติ ปูวิกา. กปฺปกาติ นฺหาปิกา. นฺหาปกาติ เย นฺหาเปนฺติ. สูทาติ ภตฺตการกา. มาลาการาทโย ปากฏาเยว. คณกาติ อจฺฉิทฺทกปากา. มุทฺทิกาติ หตฺถมุทฺทาย คณนํ นิสฺสาย ชีวิโน. ยานิ วา ปนฺานิปีติ อยการทนฺตการจิตฺตการาทีนิ. เอวํคตานีติ เอวํ ปวตฺตานิ. เต ทิฏฺเว ธมฺเมติ เต หตฺถาโรหาทโย ตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ ทสฺเสตฺวา ราชกุลโต มหาสมฺปตฺตึ ลภมานา สนฺทิฏฺิกเมว สิปฺปผลํ อุปชีวนฺติ. สุเขนฺตีติ สุขิตํ กโรนฺติ. ปีเณนฺตีติ ปีณิตํ ถามพลูเปตํ กโรนฺติ. อุทฺธคฺคิกาทีสุ อุปริ ผลนิพฺพตฺตนโต อุทฺธํ อคฺคมสฺสา ¶ อตฺถีติ อุทฺธคฺคิกา. สคฺคํ อรหตีติ โสวคฺคิกา. สุโข วิปาโก อสฺสาติ สุขวิปากา. สุฏฺุ อคฺเค รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพอายุวณฺณสุขยสอาธิปเตยฺยสงฺขาเต ทส ธมฺเม สํวตฺเตติ นิพฺพตฺเตตีติ สคฺคสํวตฺตนิกา. ตํ เอวรูปํ ทกฺขิณํ ทานํ ปติฏฺเปนฺตีติ อตฺโถ. สามฺผลนฺติ เอตฺถ ปรมตฺถโต มคฺโค สามฺํ. อริยผลํ สามฺผลํ. ยถาห – ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, สามฺํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สามฺํ. กตมานิ จ, ภิกฺขเว, สามฺผลานิ? โสตาปตฺติผลํ…เป… อรหตฺตผล’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๕). ตํ เอส ราชา น ชานาติ. อุปริ อาคตํ ปน ทาสกสฺสโกปมํ สนฺธาย ปุจฺฉติ.
อถ ภควา ปฺหํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว จินฺเตสิ – ‘‘อิเม พหู อฺติตฺถิยสาวกา ราชามจฺจา อิธาคตา, เต กณฺหปกฺขฺจ สุกฺกปกฺขฺจ ทีเปตฺวา กถียมาเน อมฺหากํ ราชา มหนฺเตน ¶ อุสฺสาเหน อิธาคโต, ตสฺสาคตกาลโต ปฏฺาย สมโณ โคตโม สมณโกลาหลํ สมณภณฺฑนเมว ¶ กเถตีติ อุชฺฌายิสฺสนฺติ, น สกฺกจฺจํ ธมฺมํ โสสฺสนฺติ, รฺา ปน กถียมาเน อุชฺฌายิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, ราชานเมว อนุวตฺติสฺสนฺติ. อิสฺสรานุวตฺตโก หิ โลโก. ‘หนฺทาหํ รฺโว ภารํ กโรมี’ติ รฺโ ภารํ กโรนฺโต ‘‘อภิชานาสิ โน ตฺว’’นฺติอาทิมาห.
๑๖๔. ตตฺถ อภิชานาสิ โน ตฺวนฺติ อภิชานาสิ นุ ตฺวํ. อยฺจ โน-สทฺโท ปรโต ปุจฺฉิตาติ ปเทน โยเชตพฺโพ. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – ‘‘มหาราช, ตฺวํ อิมํ ปฺหํ อฺเ สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉิตา นุ, อภิชานาสิ จ นํ ปุฏฺภาวํ, น เต สมฺมุฏฺ’’นฺติ. สเจ เต อครูติ สเจ ตุยฺหํ ยถา ¶ เต พฺยากรึสุ, ตถา อิธ ภาสิตุํ ภาริยํ น โหติ, ยทิ น โกจิ อผาสุกภาโว อตฺถิ, ภาสสฺสูติ อตฺโถ. น โข เม ภนฺเตติ กึ สนฺธายาห? ปณฺฑิตปติรูปกานฺหิ สนฺติเก กเถตุํ ทุกฺขํ โหติ, เต ปเท ปเท อกฺขเร อกฺขเร โทสเมว วทนฺติ. เอกนฺตปณฺฑิตา ปน กถํ สุตฺวา สุกถิตํ ปสํสนฺติ, ทุกฺกถิเตสุ ปาฬิปทอตฺถพฺยฺชเนสุ ยํ ยํ วิรุชฺฌติ, ตํ ตํ อุชุกํ กตฺวา เทนฺติ. ภควตา จ สทิโส เอกนฺตปณฺฑิโต นาม นตฺถิ. เตนาห – ‘‘น โข เม, ภนฺเต, ครุ; ยตฺถสฺส ภควา นิสินฺโน ภควนฺตรูโป วา’’ติ.
ปูรณกสฺสปวาทวณฺณนา
๑๖๕. เอกมิทาหนฺติ เอกํ อิธ อหํ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวาติ สมฺโมทชนกํ สริตพฺพยุตฺตกํ กถํ ปริโยสาเปตฺวา.
๑๖๖. ‘‘กโรโต โข, มหาราช, การยโต’’ติอาทีสุ กโรโตติ สหตฺถา กโรนฺตสฺส. การยโตติ อาณตฺติยา กาเรนฺตสฺส. ฉินฺทโตติ ปเรสํ หตฺถาทีนิ ฉินฺทนฺตสฺส. ปจโตติ ปเร ทณฺเฑน ปีเฬนฺตสฺส. โสจยโตติ ปรสฺส ภณฺฑหรณาทีหิ โสจยโต. โสจาปยโตติ โสกํ สยํ กโรนฺตสฺสปิ ปเรหิ การาเปนฺตสฺสปิ ¶ . กิลมโตติ อาหารุปจฺเฉทพนฺธนาคารปฺปเวสนาทีหิ สยํ กิลมนฺตสฺสปิ ปเรหิ กิลมาเปนฺตสฺสปิ. ผนฺทโต ผนฺทาปยโตติ ปรํ ผนฺทนฺตํ ผนฺทนกาเล สยมฺปิ ผนฺทโต ปรมฺปิ ผนฺทาปยโต. ปาณมติปาตาปยโตติ ปาณํ หนนฺตสฺสปิ หนาเปนฺตสฺสปิ. เอวํ สพฺพตฺถ กรณการณวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สนฺธินฺติ ¶ ฆรสนฺธึ. นิลฺโลปนฺติ มหาวิโลปํ. เอกาคาริกนฺติ เอกเมว ฆรํ ปริวาเรตฺวา วิลุปฺปนํ. ปริปนฺเถติ อาคตาคตานํ อจฺฉินฺทนตฺถํ มคฺเค ติฏฺโต. กโรโต น กรียติ ปาปนฺติ ยํ กิฺจิ ปาปํ กโรมีติ สฺาย กโรโตปิ ปาปํ น กรียติ, นตฺถิ ปาปํ. สตฺตา ปน ปาปํ กโรมาติ เอวํสฺิโน โหนฺตีติ ทีเปติ. ขุรปริยนฺเตนาติ ¶ ขุรเนมินา, ขุรธารสทิสปริยนฺเตน วา. เอกํ มํสขลนฺติ เอกํ มํสราสึ. ปฺุชนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. ตโตนิทานนฺติ เอกมํสขลกรณนิทานํ.
ทกฺขิณนฺติ ทกฺขิณตีเร มนุสฺสา กกฺขฬา ทารุณา, เต สนฺธาย ‘‘หนนฺโต’’ติอาทิมาห. อุตฺตรตีเร สตฺตา สทฺธา โหนฺติ ปสนฺนา พุทฺธมามกา ธมฺมมามกา สงฺฆมามกา, เต สนฺธาย ททนฺโตติอาทิมาห. ตตฺถ ยชนฺโตติ มหายาคํ กโรนฺโต. ทเมนาติ อินฺทฺริยทเมน อุโปสถกมฺเมน วา. สํยเมนาติ สีลสํยเมน. สจฺจวชฺเชนาติ สจฺจวจเนน. อาคโมติ อาคมนํ, ปวตฺตีติ อตฺโถ. สพฺพถาปิ ปาปปฺุานํ กิริยเมว ปฏิกฺขิปติ.
อมฺพํ ปุฏฺโ ลพุชํ พฺยากโรติ นาม, โย กีทิโส อมฺโพ กีทิสานิ วา อมฺพสฺส ขนฺธปณฺณปุปฺผผลานีติ วุตฺเต เอทิโส ลพุโช เอทิสานิ วา ลพุชสฺส ขนฺธปณฺณปุปฺผผลานีติ พฺยากโรติ. วิชิเตติ อาณาปวตฺติเทเส. อปสาเทตพฺพนฺติ วิเหเตพฺพํ. อนภินนฺทิตฺวาติ ‘‘สาธุ สาธู’’ติ เอวํ ปสํสํ อกตฺวา. อปฺปฏิกฺโกสิตฺวาติ พาลทุพฺภาสิตํ ตยา ภาสิตนฺติ เอวํ อปฺปฏิพาหิตฺวา. อนุคฺคณฺหนฺโตติ สารโต อคฺคณฺหนฺโต. อนิกฺกุชฺชนฺโตติ สารวเสเนว อิทํ นิสฺสรณํ, อยํ ปรมตฺโถติ หทเย อฏฺเปนฺโต. พฺยฺชนํ ปน เตน อุคฺคหิตฺเจว นิกฺกุชฺชิตฺจ.
มกฺขลิโคสาลวาทวณฺณนา
๑๖๗-๑๖๙. มกฺขลิวาเท ¶ ปจฺจโยติ เหตุเววจนเมว, อุภเยนาปิ วิชฺชมานเมว กายทุจฺจริตาทีนํ สํกิเลสปจฺจยํ, กายสุจริตาทีนฺจ วิสุทฺธิปจฺจยํ ปฏิกฺขิปติ. อตฺตกาเรติ อตฺตกาโร. เยน อตฺตนา กตกมฺเมน อิเม สตฺตา ¶ เทวตฺตมฺปิ มารตฺตมฺปิ พฺรหฺมตฺตมฺปิ สาวกโพธิมฺปิ ปจฺเจกโพธิมฺปิ สพฺพฺุตมฺปิ ปาปุณนฺติ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปติ. ทุติยปเทน ยํ ปรการํ ปรสฺส โอวาทานุสาสนึ นิสฺสาย เปตฺวา มหาสตฺตํ อวเสโส ชโน มนุสฺสโสภคฺยตํ อาทึ กตฺวา ยาว อรหตฺตํ ปาปุณาติ, ตํ ปรการํ ปฏิกฺขิปติ. เอวมยํ พาโล ชินจกฺเก ปหารํ เทติ นาม. นตฺถิ ปุริสกาเรติ เยน ปุริสกาเรน สตฺตา วุตฺตปฺปการา สมฺปตฺติโย ปาปุณนฺติ ¶ , ตมฺปิ ปฏิกฺขิปติ. นตฺถิ พลนฺติ ยมฺหิ อตฺตโน พเล ปติฏฺิตา สตฺตา วีริยํ กตฺวา ตา สมฺปตฺติโย ปาปุณนฺติ, ตํ พลํ ปฏิกฺขิปติ. นตฺถิ วีริยนฺติอาทีนิ สพฺพานิ ปุริสการเววจนาเนว. ‘‘อิทํ โน วีริเยน อิทํ ปุริสถาเมน, อิทํ ปุริสปรกฺกเมน ปวตฺต’’นฺติ เอวํ ปวตฺตวจนปฏิกฺเขปกรณวเสน ปเนตานิ วิสุํ อาทิยนฺติ.
สพฺเพ สตฺตาติ โอฏฺโคณคทฺรภาทโย อนวเสเส ปริคฺคณฺหาติ. สพฺเพ ปาณาติ เอกินฺทฺริโย ปาโณ, ทฺวินฺทฺริโย ปาโณติอาทิวเสน วทติ. สพฺเพ ภูตาติ อณฺฑโกสวตฺถิโกเสสุ ภูเต สนฺธาย วทติ. สพฺเพ ชีวาติ สาลิยวโคธุมาทโย สนฺธาย วทติ. เตสุ หิ โส วิรูหนภาเวน ชีวสฺี. อวสา อพลา อวีริยาติ เตสํ อตฺตโน วโส วา พลํ วา วีริยํ วา นตฺถิ. นิยติสงฺคติภาวปริณตาติ เอตฺถ นิยตีติ นิยตา. สงฺคตีติ ฉนฺนํ อภิชาตีนํ ตตฺถ ตตฺถ คมนํ. ภาโวติ สภาโวเยว. เอวํ นิยติยา จ สงฺคติยา จ ภาเวน จ ปริณตา นานปฺปการตํ ปตฺตา. เยน หิ ยถา ภวิตพฺพํ, โส ตเถว ภวติ. เยน น ภวิตพฺพํ, โส น ภวตีติ ทสฺเสติ. ฉสฺเววาภิชาตีสูติ ฉสุ เอว อภิชาตีสุ ตฺวา สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺติ. อฺา สุขทุกฺขภูมิ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
โยนิปมุขสตสหสฺสานีติ ปมุขโยนีนํ อุตฺตมโยนีนํ ¶ จุทฺทสสตสหสฺสานิ อฺานิ จ สฏฺิสตานิ อฺานิ จ ฉสตานิ. ปฺจ จ กมฺมุโน ¶ สตานีติ ปฺจกมฺมสตานิ จ. เกวลํ ตกฺกมตฺตเกน นิรตฺถกํ ทิฏฺึ ทีเปติ. ปฺจ จ กมฺมานิ ตีณิ จ กมฺมานีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เกจิ ปนาหุ – ‘‘ปฺจ จ กมฺมานีติ ปฺจินฺทฺริยวเสน ภณติ. ตีณีติ กายกมฺมาทิวเสนา’’ติ. กมฺเม จ อุปฑฺฒกมฺเม จาติ เอตฺถ ปนสฺส กายกมฺมฺจ วจีกมฺมฺจ กมฺมนฺติ ลทฺธิ, มโนกมฺมํ อุปฑฺฒกมฺมนฺติ. ทฺวฏฺิปฏิปทาติ ทฺวาสฏฺิ ปฏิปทาติ วทติ. ทฺวฏฺนฺตรกปฺปาติ เอกสฺมึ กปฺเป จตุสฏฺิ อนฺตรกปฺปา นาม โหนฺติ. อยํ ปน อฺเ ทฺเว อชานนฺโต เอวมาห.
ฉฬาภิชาติโยติ กณฺหาภิชาติ, นีลาภิชาติ, โลหิตาภิชาติ, หลิทฺทาภิชาติ, สุกฺกาภิชาติ, ปรมสุกฺกาภิชาตีติ อิมา ฉ อภิชาติโย วทติ. ตตฺถ โอรพฺภิกา, สากุณิกา, มาควิกา, สูกริกา, ลุทฺทา, มจฺฉฆาตกา โจรา, โจรฆาตกา, พนฺธนาคาริกา, เย วา ปนฺเปิ เกจิ กุรูรกมฺมนฺตา, อยํ กณฺหาภิชาตีติ (อ. นิ. ๖.๕๗) วทติ. ภิกฺขู นีลาภิชาตีติ วทติ, เต กิร จตูสุ ปจฺจเยสุ กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺติ. ‘‘ภิกฺขู กณฺฏกวุตฺติกา’’ติ (อ. นิ. ๖.๕๗) อยฺหิสฺส ปาฬิเยว. อถ วา ¶ กณฺฏกวุตฺติกา เอว นาม เอเก ปพฺพชิตาติ วทติ. โลหิตาภิชาติ นาม นิคณฺา เอกสาฏกาติ วทติ. อิเม กิร ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปณฺฑรตรา. คิหี โอทาตวสนา อเจลกสาวกา หลิทฺทาภิชาตีติ วทติ. เอวํ อตฺตโน ปจฺจยทายเก นิคณฺเหิปิ เชฏฺกตเร กโรติ. อาชีวกา อาชีวกินิโย สุกฺกาภิชาตีติ วทติ. เต กิร ปุริเมหิ จตูหิ ปณฺฑรตรา. นนฺโท, วจฺโฉ, กิโส, สงฺกิจฺโฉ, มกฺขลิโคสาโล, ปรมสุกฺกาภิชาตีติ (อ. นิ. ๖.๕๗) วทติ. เต กิร สพฺเพหิ ปณฺฑรตรา.
อฏฺ ปุริสภูมิโยติ มนฺทภูมิ, ขิฑฺฑาภูมิ, ปทวีมํสภูมิ, อุชุคตภูมิ, เสกฺขภูมิ, สมณภูมิ ¶ , ชินภูมิ, ปนฺนภูมีติ อิมา อฏฺ ปุริสภูมิโยติ วทติ. ตตฺถ ชาตทิวสโต ปฏฺาย สตฺตทิวเส สมฺพาธฏฺานโต นิกฺขนฺตตฺตา สตฺตา มนฺทา โหนฺติ โมมูหา, อยํ มนฺทภูมีติ วทติ. เย ปน ทุคฺคติโต อาคตา โหนฺติ, เต อภิณฺหํ โรทนฺติ เจว วิรวนฺติ จ, สุคติโต อาคตา ตํ อนุสฺสริตฺวา หสนฺติ, อยํ ขิฑฺฑาภูมิ นาม. มาตาปิตูนํ หตฺถํ วา ปาทํ วา มฺจํ วา ปีํ วา คเหตฺวา ภูมิยํ ปทนิกฺขิปนํ ปทวีมํสภูมิ นาม. ปทสา คนฺตุํ สมตฺถกาเล อุชุคตภูมิ นาม. สิปฺปานิ สิกฺขิตกาเล ¶ เสกฺขภูมิ นาม. ฆรา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตกาเล สมณภูมิ นาม. อาจริยํ เสวิตฺวา ชานนกาเล ชินภูมิ นาม. ภิกฺขุ จ ปนฺนโก ชิโน น กิฺจิ อาหาติ เอวํ อลาภึ สมณํ ปนฺนภูมีติ วทติ.
เอกูนปฺาส อาชีวกสเตติ เอกูนปฺาสอาชีวกวุตฺติสตานิ. ปริพฺพาชกสเตติ ปริพฺพาชกปพฺพชฺชาสตานิ. นาคาวาสสเตติ นาคมณฺฑลสตานิ. วีเส อินฺทฺริยสเตติ วีสตินฺทฺริยสตานิ. ตึเส นิรยสเตติ ตึส นิรยสตานิ. รโชธาตุโยติ รชโอกิรณฏฺานานิ, หตฺถปิฏฺิปาทปิฏฺาทีนิ สนฺธาย วทติ. สตฺต สฺีคพฺภาติ โอฏฺโคณคทฺรภอชปสุมิคมหึเส สนฺธาย วทติ. สตฺต อสฺีคพฺภาติ สาลิวีหิยวโคธูมกงฺคุวรกกุทฺรูสเก สนฺธาย วทติ. นิคณฺิคพฺภาติ คณฺิมฺหิ ชาตคพฺภา, อุจฺฉุเวฬุนฬาทโย สนฺธาย วทติ. สตฺต เทวาติ พหู เทวา. โส ปน สตฺตาติ วทติ. มนุสฺสาปิ อนนฺตา, โส สตฺตาติ วทติ. สตฺต ¶ ปิสาจาติ ปิสาจา มหนฺตมหนฺตา สตฺตาติ วทติ. สราติ มหาสรา, กณฺณมุณฺฑรถการอโนตตฺตสีหปฺปปาตฉทฺทนฺตมนฺทากินีกุณาลทเห คเหตฺวา วทติ.
ปวุฏาติ คณฺิกา. ปปาตาติ มหาปปาตา. ปปาตสตานีติ ขุทฺทกปปาตสตานิ. สุปินาติ มหาสุปินา. สุปินสตานีติ ขุทฺทกสุปินสตานิ. มหากปฺปิโนติ มหากปฺปานํ. ตตฺถ ¶ เอกมฺหา มหาสรา วสฺสสเต วสฺสสเต กุสคฺเคน เอกํ อุทกพินฺทุํ นีหริตฺวา สตฺตกฺขตฺตุํ ตมฺหิ สเร นิรุทเก กเต เอโก มหากปฺโปติ วทติ. เอวรูปานํ มหากปฺปานํ จตุราสีติสตสหสฺสานิ เขเปตฺวา พาเล จ ปณฺฑิเต จ ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรนฺตีติ อยมสฺส ลทฺธิ. ปณฺฑิโตปิ กิร อนฺตรา วิสุชฺฌิตุํ น สกฺโกติ. พาโลปิ ตโต อุทฺธํ น คจฺฉติ.
สีเลนาติ อเจลกสีเลน วา อฺเน วา เยน เกนจิ. วเตนาติ ตาทิเสเนว วเตน. ตเปนาติ ตโปกมฺเมน. อปริปกฺกํ ปริปาเจติ นาม, โย ‘‘อหํ ปณฺฑิโต’’ติ อนฺตรา วิสุชฺฌติ. ปริปกฺกํ ผุสฺส ผุสฺส พฺยนฺตึ กโรติ นาม โย ‘‘อหํ พาโล’’ติ วุตฺตปริมาณํ กาลํ อติกฺกมิตฺวา ยาติ. เหวํ นตฺถีติ เอวํ นตฺถิ. ตฺหิ อุภยมฺปิ น สกฺกา ¶ กาตุนฺติ ทีเปติ. โทณมิเตติ โทเณน มิตํ วิย. สุขทุกฺเขติ สุขทุกฺขํ. ปริยนฺตกเตติ วุตฺตปริมาเณน กาเลน กตปริยนฺเต. นตฺถิ ¶ หายนวฑฺฒเนติ นตฺถิ หายนวฑฺฒนานิ. น สํสาโร ปณฺฑิตสฺส หายติ, น พาลสฺส วฑฺฒตีติ อตฺโถ. อุกฺกํสาวกํเสติ อุกฺกํสาวกํสา. หายนวฑฺฒนานเมตํ อธิวจนํ.
อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย สาเธนฺโต ‘‘เสยฺยถาปิ นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุตฺตคุเฬติ เวเตฺวา กตสุตฺตคุเฬ. นิพฺเพิยมานเมว ปเลตีติ ปพฺพเต วา รุกฺขคฺเค วา ตฺวา ขิตฺตํ สุตฺตปฺปมาเณน นิพฺเพิยมานเมว คจฺฉติ, สุตฺเต ขีเณ ตตฺเถว ติฏฺติ, น คจฺฉติ. เอวเมว วุตฺตกาลโต อุทฺธํ น คจฺฉตีติ ทสฺเสติ.
อชิตเกสกมฺพลวาทวณฺณนา
๑๗๐-๑๗๒. อชิตวาเท นตฺถิ ทินฺนนฺติ ทินฺนผลาภาวํ สนฺธาย วทติ. ยิฏฺํ วุจฺจติ มหายาโค. หุตนฺติ ปเหณกสกฺกาโร อธิปฺเปโต. ตมฺปิ อุภยํ ผลาภาวเมว สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ. สุกตทุกฺกฏานนฺติ สุกตทุกฺกฏานํ, กุสลากุสลานนฺติ อตฺโถ. ผลํ วิปาโกติ ยํ ผลนฺติ วา วิปาโกติ วา วุจฺจติ, ตํ นตฺถีติ วทติ. นตฺถิ อยํ โลโกติ ปรโลเก ิตสฺส อยํ โลโก นตฺถิ, นตฺถิ ปโร โลโกติ อิธ โลเก ิตสฺสาปิ ปโร โลโก นตฺถิ, สพฺเพ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺตีติ ทสฺเสติ. นตฺถิ มาตา นตฺถิ ปิตาติ เตสุ สมฺมาปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺตีนํ ผลาภาววเสน วทติ. นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกาติ จวิตฺวา อุปปชฺชนกา สตฺตา นาม นตฺถีติ วทติ.
จาตุมหาภูติโกติ ¶ จตุมหาภูตมโย. ปถวี ปถวิกายนฺติ อชฺฌตฺติกปถวีธาตุ พาหิรปถวีธาตุํ. อนุเปตีติ อนุยายติ. อนุปคจฺฉตีติ ตสฺเสว เววจนํ. อนุคจฺฉตีติปิ อตฺโถ. อุภเยนาปิ อุเปติ, อุปคจฺฉตีติ ทสฺเสติ. อาปาทีสุปิ เอเสว นโย. อินฺทฺริยานีติ ¶ มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ อากาสํ ปกฺขนฺทนฺติ. อาสนฺทิปฺจมาติ นิปนฺนมฺเจน ปฺจมา, มฺโจ เจว จตฺตาโร มฺจปาเท คเหตฺวา ิตา จตฺตาโร ปุริสา จาติ อตฺโถ. ยาวาฬาหนาติ ยาว สุสานา. ปทานีติ ‘อยํ เอวํ สีลวา ¶ อโหสิ, เอวํ ทุสฺสีโล’ติอาทินา นเยน ปวตฺตานิ คุณาคุณปทานิ, สรีรเมว วา เอตฺถ ปทานีติ อธิปฺเปตํ. กาโปตกานีติ กโปตวณฺณานิ, ปาราวตปกฺขวณฺณานีติ อตฺโถ. ภสฺสนฺตาติ ภสฺมนฺตา, อยเมว วา ปาฬิ. อาหุติโยติ ยํ ปเหณกสกฺการาทิเภทํ ทินฺนทานํ, สพฺพํ ตํ ฉาริกาวสานเมว โหติ, น ตโต ปรํ ผลทายกํ หุตฺวา คจฺฉตีติ อตฺโถ. ทตฺตุปฺตฺตนฺติ ทตฺตูหิ พาลมนุสฺเสหิ ปฺตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘พาเลหิ อพุทฺธีหิ ปฺตฺตมิทํ ทานํ, น ปณฺฑิเตหิ. พาลา เทนฺติ, ปณฺฑิตา คณฺหนฺตี’ติ ทสฺเสติ.
ตตฺถ ปูรโณ ‘‘กโรโต น กรียติ ปาป’’นฺติ วทนฺโต กมฺมํ ปฏิพาหติ. อชิโต ‘‘กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชตี’’ติ วทนฺโต วิปากํ ปฏิพาหติ. มกฺขลิ ‘‘นตฺถิ เหตู’’ติ วทนฺโต อุภยํ ปฏิพาหติ. ตตฺถ กมฺมํ ปฏิพาหนฺเตนาปิ วิปาโก ปฏิพาหิโต โหติ, วิปากํ ปฏิพาหนฺเตนาปิ กมฺมํ ปฏิพาหิตํ โหติ. อิติ สพฺเพเปเต อตฺถโต อุภยปฺปฏิพาหกา อเหตุกวาทา เจว อกิริยวาทา จ นตฺถิกวาทา จ โหนฺติ.
เย วา ปน เตสํ ลทฺธึ คเหตฺวา รตฺติฏฺาเน ทิวาาเน นิสินฺนา สชฺฌายนฺติ วีมํสนฺติ, เตสํ ‘‘กโรโต น กรียติ ปาปํ, นตฺถิ เหตุ, นตฺถิ ปจฺจโย, มโต อุจฺฉิชฺชตี’’ติ ตสฺมึ อารมฺมเณ มิจฺฉาสติ สนฺติฏฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, ชวนานิ ชวนฺติ, ปมชวเน สเตกิจฺฉา โหนฺติ, ตถา ทุติยาทีสุ, สตฺตเม พุทฺธานมฺปิ อเตกิจฺฉา อนิวตฺติโน อริฏฺกณฺฏกสทิสา. ตตฺถ โกจิ เอกํ ทสฺสนํ โอกฺกมติ, โกจิ ทฺเว, โกจิ ตีณิปิ, เอกสฺมึ โอกฺกนฺเตปิ, ทฺวีสุ ¶ ตีสุ โอกฺกนฺเตสุปิ, นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโกว โหติ; ปตฺโต สคฺคมคฺคาวรณฺเจว โมกฺขมคฺคาวรณฺจ, อภพฺโพ ตสฺสตฺตภาวสฺส อนนฺตรํ สคฺคมฺปิ คนฺตุํ, ปเคว โมกฺขํ. วฏฺฏขาณุ นาเมส สตฺโต ปถวิโคปโก, เยภุยฺเยน เอวรูปสฺส ภวโต วุฏฺานํ นตฺถิ.
‘‘ตสฺมา ¶ อกลฺยาณชนํ, อาสีวิสมิโวรคํ;
อารกา ปริวชฺเชยฺย, ภูติกาโม วิจกฺขโณ’’ติ.
ปกุธกจฺจายนวาทวณฺณนา
๑๗๓-๑๗๕. ปกุธวาเท ¶ อกฏาติ อกตา. อกฏวิธาติ อกตวิธานา. เอวํ กโรหีติ เกนจิ การาปิตาปิ น โหนฺตีติ อตฺโถ. อนิมฺมิตาติ อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตา. อนิมฺมาตาติ อนิมฺมาปิตา, เกจิ อนิมฺมาเปตพฺพาติ ปทํ วทนฺติ, ตํ เนว ปาฬิยํ, น อฏฺกถายํ ทิสฺสติ. วฺฌาทิปทตฺตยํ วุตฺตตฺถเมว. น อิฺชนฺตีติ เอสิกตฺถมฺโภ วิย ิตตฺตา น จลนฺติ. น วิปริณมนฺตีติ ปกตึ น ชหนฺติ. น อฺมฺํ พฺยาพาเธนฺตีติ น อฺมฺํ อุปหนนฺติ. นาลนฺติ น สมตฺถา. ปถวิกาโยติอาทีสุ ปถวีเยว ปถวิกาโย, ปถวิสมูโห วา. ตตฺถาติ เตสุ ชีวสตฺตเมสุ กาเยสุ. สตฺตนฺนํ ตฺเวว กายานนฺติ ยถา มุคฺคราสิอาทีสุ ปหตํ สตฺถํ มุคฺคาทีนํ อนฺตเรน ปวิสติ, เอวํ สตฺตนฺนํ กายานํ อนฺตเรน ฉิทฺเทน วิวเรน สตฺถํ ปวิสติ. ตตฺถ อหํ อิมํ ชีวิตา โวโรเปมีติ เกวลํ สฺามตฺตเมว โหตีติ ทสฺเสติ.
นิคณฺนาฏปุตฺตวาทวณฺณนา
๑๗๖-๑๗๘. นาฏปุตฺตวาเท จาตุยามสํวรสํวุโตติ จตุโกฏฺาเสน สํวเรน สํวุโต. สพฺพวาริวาริโต ¶ จาติ วาริตสพฺพอุทโก ปฏิกฺขิตฺตสพฺพสีโตทโกติ อตฺโถ. โส กิร สีโตทเก สตฺตสฺี โหติ, ตสฺมา น ตํ วฬฺเชติ. สพฺพวาริยุตฺโตติ สพฺเพน ปาปวารเณน ยุตฺโต. สพฺพวาริธุโตติ สพฺเพน ปาปวารเณน ธุตปาโป. สพฺพวาริผุโฏติ สพฺเพน ปาปวารเณน ผุฏฺโ. คตตฺโตติ โกฏิปฺปตฺตจิตฺโต. ยตตฺโตติ สํยตจิตฺโต. ิตตฺโตติ สุปฺปติฏฺิตจิตฺโต. เอตสฺส วาเท กิฺจิ สาสนานุโลมมฺปิ อตฺถิ, อสุทฺธลทฺธิตาย ปน สพฺพา ทิฏฺิเยว ชาตา.
สฺจยเพลฏฺปุตฺตวาทวณฺณนา
๑๗๙-๑๘๑. สฺจยวาโท อมราวิกฺเขเป วุตฺตนโย เอว.
ปมสนฺทิฏฺิกสามฺผลวณฺณนา
๑๘๒. โสหํ ¶ ¶ , ภนฺเตติ โส อหํ ภนฺเต, วาลุกํ ปีเฬตฺวา เตลํ อลภมาโน วิย ติตฺถิยวาเทสุ สารํ อลภนฺโต ภควนฺตํ ปุจฺฉามีติ อตฺโถ.
๑๘๓. ยถา เต ขเมยฺยาติ ยถา เต รุจฺเจยฺย. ทาโสติ อนฺโตชาตธนกฺกีตกรมรานีตสามํทาสพฺโยปคตานํ อฺตโร. กมฺมกาโรติ อนลโส กมฺมกรณสีโลเยว. ทูรโต ทิสฺวา ปมเมว อุฏฺหตีติ ปุพฺพุฏฺายี. เอวํ อุฏฺิโต สามิโน อาสนํ ปฺเปตฺวา ปาทโธวนาทิกตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา ปจฺฉา นิปตติ นิสีทตีติ ปจฺฉานิปาตี. สามิกมฺหิ วา สยนโต อวุฏฺิเต ปุพฺเพเยว วุฏฺาตีติ ปุพฺพุฏฺายี. ปจฺจูสกาลโต ปฏฺาย ยาว สามิโน รตฺตึ นิทฺโทกฺกมนํ, ตาว สพฺพกิจฺจานิ กตฺวา ปจฺฉา นิปตติ, เสยฺยํ กปฺเปตีติ ปจฺฉานิปาตี. กึ กโรมิ, กึ กโรมีติ เอวํ กึการเมว ปฏิสุณนฺโต วิจรตีติ กึ การปฏิสฺสาวี. มนาปเมว กิริยํ กโรตีติ มนาปจารี. ปิยเมว วทตีติ ปิยวาที. สามิโน ตุฏฺปหฏฺํ มุขํ อุลฺโลกยมาโน วิจรตีติ มุขุลฺโลกโก.
เทโว มฺเติ เทโว วิย. โส ¶ วตสฺสาหํ ปฺุานิ กเรยฺยนฺติ โส วต อหํ เอวรูโป อสฺสํ, ยทิ ปฺุานิ กเรยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘โส วตสฺส’สฺส’’นฺติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. ยํนูนาหนฺติ สเจ ทานํ ทสฺสามิ, ยํ ราชา เอกทิวสํ เทติ, ตโต สตภาคมฺปิ ยาวชีวํ น สกฺขิสฺสามิ ทาตุนฺติ ปพฺพชฺชายํ อุสฺสาหํ กตฺวา เอวํ จินฺตนภาวํ ทสฺเสติ.
กาเยน สํวุโตติ กาเยน ปิหิโต หุตฺวา อกุสลสฺส ปเวสนทฺวารํ ถเกตฺวาติ อตฺโถ. เอเสว นโย เสสปททฺวเยปิ. ฆาสจฺฉาทนปรมตายาติ ฆาสจฺฉาทเนน ปรมตาย อุตฺตมตาย, เอตทตฺถมฺปิ อเนสนํ ปหาย อคฺคสลฺเลเขน สนฺตุฏฺโติ อตฺโถ. อภิรโต ปวิเวเกติ ‘‘กายวิเวโก จ วิเวกฏฺกายานํ, จิตฺตวิเวโก จ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, ปรมโวทานปฺปตฺตานํ อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ เอวํ วุตฺเต ติวิเธปิ วิเวเก รโต; คณสงฺคณิกํ ¶ ปหาย กาเยน เอโก วิหรติ, จิตฺตกิเลสสงฺคณิกํ ปหาย อฏฺสมาปตฺติวเสน เอโก วิหรติ, ผลสมาปตฺตึ วา นิโรธสมาปตฺตึ วา ปวิสิตฺวา นิพฺพานํ ปตฺวา วิหรตีติ อตฺโถ. ยคฺเฆติ โจทนตฺเถ นิปาโต.
๑๘๔. อาสเนนปิ ¶ นิมนฺเตยฺยามาติ นิสินฺนาสนํ ปปฺโผเฏตฺวา อิธ นิสีทถาติ วเทยฺยาม. อภินิมนฺเตยฺยามปิ นนฺติ อภิหริตฺวาปิ นํ นิมนฺเตยฺยาม. ตตฺถ ทุวิโธ อภิหาโร – วาจาย เจว กาเยน จ. ตุมฺหากํ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ อมฺหากํ จีวราทีหิ วเทยฺยาถ เยนตฺโถติ วทนฺโต หิ วาจาย อภิหริตฺวา นิมนฺเตติ นาม. จีวราทิเวกลฺลํ สลฺลกฺเขตฺวา อิทํ คณฺหาถาติ ตานิ เทนฺโต ปน กาเยน อภิหริตฺวา นิมนฺเตติ นาม. ตทุภยมฺปิ สนฺธาย อภินิมนฺเตยฺยามปิ ¶ นนฺติ อาห. เอตฺถ จ คิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาโรติ ยํ กิฺจิ คิลานสฺส สปฺปายํ โอสธํ. วจนตฺโถ ปน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต. รกฺขาวรณคุตฺตินฺติ รกฺขาสงฺขาตฺเจว อาวรณสงฺขาตฺจ คุตฺตึ. สา ปเนสา น อาวุธหตฺเถ ปุริเส เปนฺเตน ธมฺมิกา นาม สํวิทหิตา โหติ. ยถา ปน อเวลาย กฏฺหาริกปณฺณหาริกาทโย วิหารํ น ปวิสนฺติ, มิคลุทฺทกาทโย วิหารสีมาย มิเค วา มจฺเฉ วา น คณฺหนฺติ, เอวํ สํวิทหนฺเตน ธมฺมิกา นาม รกฺขา สํวิหิตา โหติ, ตํ สนฺธายาห – ‘‘ธมฺมิก’’นฺติ.
๑๘๕. ยทิ เอวํ สนฺเตติ ยทิ ตว ทาโส ตุยฺหํ สนฺติกา อภิวาทนาทีนิ ลเภยฺย. เอวํ สนฺเต. อทฺธาติ เอกํสวจนเมตํ. ปมนฺติ ภณนฺโต อฺสฺสาปิ อตฺถิตํ ทีเปติ. เตเนว จ ราชา สกฺกา ปน, ภนฺเต, อฺมฺปีติอาทิมาห.
ทุติยสนฺทิฏฺิกสามฺผลวณฺณนา
๑๘๖-๑๘๘. กสตีติ กสฺสโก. เคหสฺส ปติ, เอกเคหมตฺเต เชฏฺโกติ คหปติโก. พลิสงฺขาตํ กรํ กโรตีติ กรการโก. ธฺราสึ ธนราสิฺจ วฑฺเฒตีติ ราสิวฑฺฒโก.
อปฺปํ ¶ วาติ ปริตฺตกํ วา อนฺตมโส ตณฺฑุลนาฬิมตฺตกมฺปิ. โภคกฺขนฺธนฺติ โภคราสึ. มหนฺตํ วาติ วิปุลํ วา. ยถา หิ มหนฺตํ ปหาย ปพฺพชิตุํ ทุกฺกรํ, เอวํ อปฺปมฺปีติ ทสฺสนตฺถํ อุภยมาห. ทาสวาเร ปน ยสฺมา ทาโส อตฺตโนปิ อนิสฺสโร, ปเคว โภคานํ. ยฺหิ ตสฺส ธนํ, ตํ สามิกานฺเว โหติ, ตสฺมา โภคคฺคหณํ น กตํ. าติเยว าติปริวฏฺโฏ.
ปณีตตรสามฺผลวณฺณนา
๑๘๙. สกฺกา ปน, ภนฺเต, อฺมฺปิ ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิธ เอวเมวาติ น วุตฺตํ. ตํ กสฺมาติ ¶ เจ, เอวเมวาติ หิ วุจฺจมาเน ปโหติ ภควา สกลมฺปิ รตฺตินฺทิวํ ตโต วา ภิยฺโยปิ เอวรูปาหิ อุปมาหิ สามฺผลํ ทีเปตุํ. ตตฺถ กิฺจาปิ เอตสฺส ภควโต วจนสวเน ปริยนฺตํ นาม นตฺถิ, ตถาปิ อตฺโถ ตาทิโสเยว ภวิสฺสตีติ จินฺเตตฺวา ¶ อุปริ วิเสสํ ปุจฺฉนฺโต เอวเมวาติ อวตฺวา – ‘‘อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจา’’ติ อาห. ตตฺถ อภิกฺกนฺตตรนฺติ อภิมนาปตรํ อติเสฏฺตรนฺติ อตฺโถ. ปณีตตรนฺติ อุตฺตมตรํ. เตน หีติ อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโต. สวเน อุยฺโยเชนฺโต หิ นํ เอวมาห. สุโณหีติ อภิกฺกนฺตตรฺจ ปณีตตรฺจ สามฺผลํ สุณาติ.
สาธุกํ มนสิกโรหีติ เอตฺถ ปน สาธุกํ สาธูติ เอกตฺถเมตํ. อยฺหิ สาธุ-สทฺโท อายาจนสมฺปฏิจฺฉนสมฺปหํสนสุนฺทร ทฬฺหีกมฺมาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สงฺขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๙๕) หิ อายาจเน ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเน.
‘‘สาธุ ธมฺมรุจิ ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๐๑);
อาทีสุ สุนฺทเร. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สุโณหิ สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๑๙๒) สาธุกสทฺโทเยว ทฬฺหีกมฺเม, อาณตฺติยนฺติปิ วุจฺจติ ¶ . อิธาปิ อสฺส เอตฺเถว ทฬฺหีกมฺเม จ อาณตฺติยฺจ เวทิตพฺโพ. สุนฺทเรปิ วฏฺฏติ. ทฬฺหีกมฺมตฺเถน หิ ทฬฺหมิมํ ธมฺมํ สุณาหิ, สุคฺคหิตํ คณฺหนฺโต. อาณตฺติอตฺเถน มม อาณตฺติยา สุณาหิ, สุนฺทรตฺเถน สุนฺทรมิมํ ภทฺทกํ ธมฺมํ สุณาหีติ เอวํ ทีปิตํ โหติ.
มนสิ กโรหีติ อาวชฺช, สมนฺนาหราติ อตฺโถ, อวิกฺขิตฺตจิตฺโต หุตฺวา นิสาเมหิ, จิตฺเต กโรหีติ อธิปฺปาโย. อปิ เจตฺถ สุโณหีติ โสตินฺทฺริยวิกฺเขปนิวารณเมตํ. สาธุกํ มนสิ กโรหีติ มนสิกาเร ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน มนินฺทฺริยวิกฺเขปนิวารณํ. ปุริมฺเจตฺถ พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ, ปจฺฉิมํ อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ. ปุริเมน จ ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน สุตานํ ธมฺมานํ ธารณูปปริกฺขาทีสุ. ปุริเมน จ สพฺยฺชโน อยํ ธมฺโม, ตสฺมา สวนีโยติ ทีเปติ ¶ . ปจฺฉิเมน สตฺโถ, ตสฺมา สาธุกํ มนสิ กาตพฺโพติ. สาธุกปทํ ¶ วา อุภยปเทหิ โยเชตฺวา ยสฺมา อยํ ธมฺโม ธมฺมคมฺภีโร เจว เทสนาคมฺภีโร จ, ตสฺมา สุณาหิ สาธุกํ, ยสฺมา อตฺถคมฺภีโร จ ปฏิเวธคมฺภีโร จ, ตสฺมา สาธุกํ มนสิ กโรหีติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. ภาสิสฺสามีติ สกฺกา มหาราชาติ เอวํ ปฏิฺาตํ สามฺผลเทสนํ วิตฺถารโต ภาสิสฺสามิ. ‘‘เทเสสฺสามี’’ติ หิ สงฺขิตฺตทีปนํ โหติ. ภาสิสฺสามีติ วิตฺถารทีปนํ. เตนาห วงฺคีสตฺเถโร –
‘‘สงฺขิตฺเตนปิ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;
สาฬิกายิว นิคฺโฆโส, ปฏิภานํ อุทีรยี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๔);
เอวํ วุตฺเต อุสฺสาหชาโต หุตฺวา – ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ เวเทหิปุตฺโต ภควโต ปจฺจสฺโสสิ ภควโต วจนํ สมฺปฏิจฺฉิ, ปฏิคฺคเหสีติ วุตฺตํ โหติ.
๑๙๐. อถสฺส ภควา เอตทโวจ, เอตํ อโวจ, อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘อิธ มหาราชา’’ติอาทึ สกลํ สุตฺตํ อโวจาติ อตฺโถ. ตตฺถ อิธาติ เทสาปเทเส นิปาโต, สฺวายํ กตฺถจิ โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติ. กตฺถจิ สาสนํ ยถาห ¶ – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, ปโม สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). กตฺถจิ โอกาสํ. ยถาห –
‘‘อิเธว ติฏฺมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต;
ปุนรายุ จ เม ลทฺโธ, เอวํ ชานาหิ มาริสา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๖๙);
กตฺถจิ ปทปูรณมตฺตเมว. ยถาห ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐). อิธ ปน โลกํ อุปาทาย วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. มหาราชาติ ยถา ปฏิฺาตํ เทสนํ เทเสตุํ ปุน มหาราชาติ อาลปติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘มหาราช อิมสฺมึ โลเก ¶ ตถาคโต อุปฺปชฺชติ อรหํ…เป… พุทฺโธ ภควา’’ติ. ตตฺถ ตถาคตสทฺโท พฺรหฺมชาเล วุตฺโต. อรหนฺติอาทโย วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตา. โลเก อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ปน โลโกติ – โอกาสโลโก สตฺตโลโก สงฺขารโลโกติ ติวิโธ. อิธ ปน สตฺตโลโก อธิปฺเปโต. สตฺตโลเก อุปฺปชฺชมาโนปิ จ ตถาคโต น เทวโลเก, น พฺรหฺมโลเก, มนุสฺสโลเกว อุปฺปชฺชติ. มนุสฺสโลเกปิ น อฺสฺมึ จกฺกวาเฬ, อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ. ตตฺราปิ น สพฺพฏฺาเนสุ, ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม ตสฺสาปเรน มหาสาโล, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา ¶ โอรโต มชฺเฌ, ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฬวตี นาม นที. ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ, ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ, ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ, อุตฺตราย ทิสาย อุสิรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา โอรโต มชฺเฌ’’ติ เอวํ ปริจฺฉินฺเน อายามโต ติโยชนสเต, วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยโยชนสเต, ปริกฺเขปโต นวโยชนสเต มชฺฌิมปเทเส อุปฺปชฺชติ. น เกวลฺจ ตถาคโต, ปจฺเจกพุทฺธา, อคฺคสาวกา, อสีติมหาเถรา, พุทฺธมาตา, พุทฺธปิตา, จกฺกวตฺตี ราชา อฺเ จ สารปฺปตฺตา พฺราหฺมณคหปติกา เอตฺเถวุปฺปชฺชนฺติ.
ตตฺถ ¶ ตถาคโต สุชาตาย ทินฺนมธุปายาสโภชนโต ยาว อรหตฺตมคฺโค, ตาว อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผเล อุปฺปนฺโน นาม. มหาภินิกฺขมนโต วา ยาว อรหตฺตมคฺโค. ตุสิตภวนโต วา ยาว อรหตฺตมคฺโค. ทีปงฺกรปาทมูลโต วา ยาว อรหตฺตมคฺโค, ตาว อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผเล ¶ อุปฺปนฺโน นาม. อิธ สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวํ สนฺธาย อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ. ตถาคโต โลเก อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ.
โส อิมํ โลกนฺติ โส ภควา อิมํ โลกํ. อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสติ. สเทวกนฺติ สห เทเวหิ สเทวกํ. เอวํ สห มาเรน สมารกํ, สห พฺรหฺมุนา สพฺรหฺมกํ, สห สมณพฺราหฺมเณหิ สสฺสมณพฺราหฺมณึ. ปชาตตฺตา ปชา, ตํ ปชํ. สห เทวมนุสฺเสหิ สเทวมนุสฺสํ. ตตฺถ สเทวกวจเนน ปฺจ กามาวจรเทวคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. สมารก – วจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ. สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํ. สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ, สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณฺจ. ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ. สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. เอวเมตฺถ ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลโก. ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโกว คหิโตติ เวทิตพฺโพ.
อปโร นโย, สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรเทวโลโก คหิโต. สมารกคฺคหเณน ฉ กามาวจรเทวโลโก. สพฺรหฺมกคฺคหเณน รูปี พฺรหฺมโลโก. สสฺสมณพฺราหฺมณาทิคฺคหเณน จตุปริสวเสน สมฺมุติเทเวหิ วา สห มนุสฺสโลโก, อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วา.
อปิ เจตฺถ สเทวกวจเนน อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต สพฺพสฺส โลกสฺส สจฺฉิกตภาวมาห. ตโต ¶ เยสํ อโหสิ – ‘‘มาโร มหานุภาโว ฉ กามาวจริสฺสโร วสวตฺตี, กึ โสปิ เอเตน สจฺฉิกโต’’ติ, เตสํ ¶ วิมตึ วิธมนฺโต ‘‘สมารก’’นฺติ อาห. เยสํ ปน อโหสิ – ‘‘พฺรหฺมา มหานุภาโว เอกงฺคุลิยา เอกสฺมึ จกฺกวาฬสหสฺเส อาโลกํ ผรติ, ทฺวีหิ ¶ …เป… ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อาโลกํ ผรติ. อนุตฺตรฺจ ฌานสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทติ, กึ โสปิ สจฺฉิกโต’’ติ, เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สพฺรหฺมกนฺติ อาห. ตโต เย จินฺเตสุํ – ‘‘ปุถู สมณพฺราหฺมณา สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกา, กึ เตปิ สจฺฉิกตา’’ติ, เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชนฺติ อาห. เอวํ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺานํ สจฺฉิกตภาวํ ปกาเสตฺวา อถ สมฺมุติเทเว อวเสสมนุสฺเส จ อุปาทาย อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน เสสสตฺตโลกสฺส สจฺฉิกตภาวํ ปกาเสนฺโต สเทวมนุสฺสนฺติ อาห. อยเมตฺถ ภาวานุกฺกโม.
โปราณา ปนาหุ สเทวกนฺติ เทเวหิ สทฺธึ อวเสสโลกํ. สมารกนฺติ มาเรน สทฺธึ อวเสสโลกํ. สพฺรหฺมกนฺติ พฺรหฺเมหิ สทฺธึ อวเสสโลกํ. เอวํ สพฺเพปิ ติภวูปเค สตฺเต ตีหากาเรหิ ตีสุ ปเทสุ ปกฺขิปิตฺวา ปุน ทฺวีหิ ปเทหิ ปริยาทิยนฺโต สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสนฺติ อาห. เอวํ ปฺจหิปิ ปเทหิ เตน เตนากาเรน เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติ.
สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตีติ เอตฺถ ปน สยนฺติ สามํ อปรเนยฺโย หุตฺวา. อภิฺาติ อภิฺาย, อธิเกน าเณน ตฺวาติ อตฺโถ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา, เอเตน อนุมานาทิปฏิกฺเขโป กโต โหติ. ปเวเทตีติ โพเธติ วิฺาเปติ ปกาเสติ.
โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สตฺเตสุ การฺุตํ ปฏิจฺจ หิตฺวาปิ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ ธมฺมํ เทเสติ. ตฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติ. อาทิมฺหิปิ, กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชเมว กตฺวา เทเสติ, มชฺเฌปิ, ปริโยสาเนปิ, กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชเมว กตฺวา เทเสตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อตฺถิ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ, อตฺถิ สาสนสฺส. เทสนาย ตาว จตุปฺปทิกายปิ คาถาย ปมปาโท อาทิ นาม, ตโต ทฺเว มชฺฌํ นาม, อนฺเต เอโก ปริโยสานํ นาม. เอกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส นิทานํ อาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํ, อุภินฺนมนฺตรา ¶ มชฺฌํ. อเนกานุสนฺธิกสฺส ¶ สุตฺตสฺส ปมานุสนฺธิ อาทิ, อนฺเต อนุสนฺธิ ปริโยสานํ, มชฺเฌ เอโก วา ทฺเว วา พหู วา มชฺฌเมว.
สาสนสฺส ปน สีลสมาธิวิปสฺสนา อาทิ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘โก จาทิ กุสลานํ ¶ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ ทิฏฺิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙). ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา’’ติ เอวํ วุตฺโต ปน อริยมคฺโค มชฺฌํ นาม. ผลฺเจว นิพฺพานฺจ ปริโยสานํ นาม. ‘‘เอตทตฺถมิทํ, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยํ, เอตํ สารํ, เอตํ ปริโยสาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๒๔) หิ เอตฺถ ผลํ ปริโยสานนฺติ วุตฺตํ. ‘‘นิพฺพาโนคธํ หิ, อาวุโส วิสาข, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ, นิพฺพานปรายนํ นิพฺพานปริโยสาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๖๖) เอตฺถ นิพฺพานํ ปริโยสานนฺติ วุตฺตํ. อิธ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิปฺเปตํ. ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อาทิมฺหิ สีลํ ทสฺเสตฺวา มชฺเฌ มคฺคํ ปริโยสาเน นิพฺพานํ ทสฺเสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณ’’นฺติ. ตสฺมา อฺโปิ ธมฺมกถิโก ธมฺมํ กเถนฺโต –
‘‘อาทิมฺหิ สีลํ ทสฺเสยฺย, มชฺเฌ มคฺคํ วิภาวเย;
ปริโยสานมฺหิ นิพฺพานํ, เอสา กถิกสณฺิตี’’ติ.
สาตฺถํ สพฺยฺชนนฺติ ยสฺส หิ ยาคุภตฺตอิตฺถิปุริสาทิวณฺณนานิสฺสิตา เทสนา โหติ, น โส สาตฺถํ เทเสติ. ภควา ปน ตถารูปํ เทสนํ ปหาย จตุสติปฏฺานาทินิสฺสิตํ เทสนํ เทเสติ. ตสฺมา สาตฺถํ เทเสตีติ วุจฺจติ. ยสฺส ปน เทสนา เอกพฺยฺชนาทิยุตฺตา วา สพฺพนิโรฏฺพฺยฺชนา วา สพฺพวิสฺสฏฺสพฺพนิคฺคหีตพฺยฺชนา วา, ตสฺส ทมิฬกิราตสวราทิมิลกฺขูนํ ภาสา วิย พฺยฺชนปาริปูริยา อภาวโต อพฺยฺชนา นาม เทสนา โหติ. ภควา ปน –
‘‘สิถิลํ ¶ ธนิตฺจ ทีฆรสฺสํ, ครุกํ ลหุกฺจ นิคฺคหีตํ;
สมฺพนฺธววตฺถิตํ วิมุตฺตํ, ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโท’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺตํ ทสวิธํ พฺยฺชนํ อมกฺเขตฺวา ปริปุณฺณพฺยฺชนเมว กตฺวา ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมา สพฺยฺชนํ ธมฺมํ เทเสตีติ วุจฺจติ. เกวลปริปุณฺณนฺติ เอตฺถ เกวลนฺติ สกลาธิวจนํ. ปริปุณฺณนฺติ อนูนาธิกวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ สกลปริปุณฺณเมว เทเสติ, เอกเทสนาปิ อปริปุณฺณา นตฺถีติ. อุปเนตพฺพอปเนตพฺพสฺส อภาวโต เกวลปริปุณฺณนฺติ เวทิตพฺพํ. ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. โย หิ อิมํ ธมฺมเทสนํ นิสฺสาย ลาภํ วา สกฺการํ วา ลภิสฺสามีติ เทเสติ, ตสฺส อปริสุทฺธา เทสนา โหติ. ภควา ปน โลกามิสนิรเปกฺโข หิตผรเณน ¶ เมตฺตาภาวนาย มุทุหทโย อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตน จิตฺเตน เทเสติ. ตสฺมา ปริสุทฺธํ ธมฺมํ เทเสตีติ วุจฺจติ.
พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ เอตฺถ ปนายํ พฺรหฺมจริย-สทฺโท ทาเน เวยฺยาวจฺเจ ปฺจสิกฺขาปทสีเล อปฺปมฺาสุ เมถุนวิรติยํ สทารสนฺโตเส วีริเย อุโปสถงฺเคสุ อริยมคฺเค สาสเนติ อิเมสฺวตฺเถสุ ทิสฺสติ.
‘‘กึ เต วตํ กึ ปน พฺรหฺมจริยํ,
กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,
อิทฺจ เต นาค, มหาวิมานํ.
อหฺจ ภริยา จ มนุสฺสโลเก,
สทฺธา อุโภ ทานปตี อหุมฺหา;
โอปานภูตํ เม ฆรํ ตทาสิ,
สนฺตปฺปิตา สมณพฺราหฺมณา จ.
ตํ ¶ เม วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ,
ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,
อิทฺจ เม ธีร มหาวิมาน’’นฺติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๕๙๕);
อิมสฺมิฺหิ ปุณฺณกชาตเก ทานํ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ.
‘‘เกน ปาณิ กามทโท, เกน ปาณิ มธุสฺสโว;
เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปฺุํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.
เตน ¶ ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;
เตน เม พฺรหฺมจริเยน, ปฺุํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตี’’ติ. (เป. ว. ๒๗๕,๒๗๗);
อิมสฺมึ ¶ องฺกุรเปตวตฺถุมฺหิ เวยฺยาวจฺจํ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ. ‘‘เอวํ, โข ตํ ภิกฺขเว, ติตฺติริยํ นาม พฺรหฺมจริยํ อโหสี’’ติ (จูฬว. ๓๑๑) อิมสฺมึ ติตฺติรชาตเก ปฺจสิกฺขาปทสีลํ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ. ‘‘ตํ โข ปน เม, ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เนว นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย…เป… ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) อิมสฺมึ มหาโควินฺทสุตฺเต จตสฺโส อปฺปมฺาโย พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตา. ‘‘ปเร อพฺรหฺมจารี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ พฺรหฺมจารี ภวิสฺสามา’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๓) อิมสฺมึ สลฺเลขสุตฺเต เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตา.
‘‘มยฺจ ภริยา นาติกฺกมาม,
อมฺเห จ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;
อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม,
ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ. (ชา. ๑.๔.๙๗);
มหาธมฺมปาลชาตเก สทารสนฺโตโส พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺโต. ‘‘อภิชานามิ ¶ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ จริตา, ตปสฺสี สุทํ โหมี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๕) โลมหํสนสุตฺเต วีริยํ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ.
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕);
เอวํ นิมิชาตเก อตฺตทมนวเสน กโต อฏฺงฺคิโก อุโปสโถ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺโต. ‘‘อิทํ โข ปน เม, ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย…เป… อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) มหาโควินฺทสุตฺตสฺมึเยว อริยมคฺโค พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺโต. ‘‘ตยิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๗๔) ปาสาทิกสุตฺเต สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลสาสนํ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ. อิมสฺมิมฺปิ าเน อิทเมว พฺรหฺมจริยนฺติ อธิปฺเปตํ. ตสฺมา พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… ปริสุทฺธํ. เอวํ เทเสนฺโต จ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลสาสนํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ ¶ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. พฺรหฺมจริยนฺติ เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูตํ จริยํ. พฺรหฺมภูตานํ วา พุทฺธาทีนํ จริยนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๑๙๑. ตํ ธมฺมนฺติ ¶ ตํ วุตฺตปฺปการสมฺปทํ ธมฺมํ. สุณาติ คหปติ วาติ กสฺมา ปมํ คหปตึ นิทฺทิสติ? นิหตมานตฺตา, อุสฺสนฺนตฺตา จ. เยภุยฺเยน หิ ขตฺติยกุลโต ปพฺพชิตา ชาตึ นิสฺสาย มานํ กโรนฺติ. พฺราหฺมณกุลา ปพฺพชิตา มนฺเต นิสฺสาย มานํ กโรนฺติ. หีนชจฺจกุลา ปพฺพชิตา อตฺตโน อตฺตโน วิชาติตาย ปติฏฺาตุํ น สกฺโกนฺติ. คหปติทารกา ปน กจฺเฉหิ เสทํ มฺุจนฺเตหิ ปิฏฺิยา โลณํ ปุปฺผมานาย ภูมึ กสิตฺวา ตาทิสสฺส มานสฺส อภาวโต นิหตมานทปฺปา โหนฺติ. เต ปพฺพชิตฺวา ¶ มานํ วา ทปฺปํ วา อกตฺวา ยถาพลํ สกลพุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตา สกฺโกนฺติ อรหตฺเต ปติฏฺาตุํ. อิตเรหิ จ กุเลหิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตา นาม น พหุกา, คหปติกาว พหุกา. อิติ นิหตมานตฺตา อุสฺสนฺนตฺตา จ ปมํ คหปตึ นิทฺทิสตีติ.
อฺตรสฺมึ วาติ อิตเรสํ วา กุลานํ อฺตรสฺมึ. ปจฺจาชาโตติ ปติชาโต. ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภตีติ ปริสุทฺธํ ธมฺมํ สุตฺวา ธมฺมสฺสามิมฺหิ ตถาคเต – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา’’ติ สทฺธํ ปฏิลภติ. อิติ ปฏิสฺจิกฺขตีติ เอวํ ปจฺจเวกฺขติ. สมฺพาโธ ฆราวาโสติ สเจปิ สฏฺิหตฺเถ ฆเร โยชนสตนฺตเรปิ วา ทฺเว ชายมฺปติกา วสนฺติ, ตถาปิ เนสํ สกิฺจนสปลิโพธฏฺเน ฆราวาโส สมฺพาโธเยว. รโชปโถติ ราครชาทีนํ อุฏฺานฏฺานนฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. อาคมนปโถติปิ วทนฺติ. อลคฺคนฏฺเน อพฺโภกาโส วิยาติ อพฺโภกาโส. ปพฺพชิโต หิ กูฏาคารรตนปาสาทเทววิมานาทีสุ ปิหิตทฺวารวาตปาเนสุ ปฏิจฺฉนฺเนสุ วสนฺโตปิ เนว ลคฺคติ, น สชฺชติ, น พชฺฌติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา’’ติ. อปิ จ สมฺพาโธ ฆราวาโส กุสลกิริยาย โอกาสาภาวโต. รโชปโถ อสํวุตสงฺการฏฺานํ วิย รชานํ กิเลสรชานํ สนฺนิปาตฏฺานโต. อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา กุสลกิริยาย ยถาสุขํ โอกาสสพฺภาวโต.
นยิทํ ¶ สุกรํ…เป… ปพฺพเชยฺยนฺติ เอตฺถายํ สงฺเขปกถา, ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ, จริตพฺพํ เอกทิวสมฺปิ จ กิเลสมเลน อมลีนํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ ¶ . สงฺขลิขิตนฺติ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฏิภาคํ จริตพฺพํ. อิทํ น สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺตปริปุณฺณํ…เป… จริตุํ, ยํนูนาหํ เกเส จ มสฺสฺุจ โอหาเรตฺวา กสายรสปีตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ปริทหิตฺวา อคารสฺมา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺติ. เอตฺถ จ ยสฺมา ¶ อคารสฺส หิตํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา อนคาริยนฺติ าตพฺพา, ตํ อนคาริยํ. ปพฺพเชยฺยนฺติ ปฏิปชฺเชยฺยํ.
๑๙๒-๑๙๓. อปฺปํ วาติ สหสฺสโต เหฏฺา โภคกฺขนฺโธ อปฺโป นาม โหติ, สหสฺสโต ปฏฺาย มหา. อาพนฺธนฏฺเน าติเยว าติปริวฏฺโฏ. โสปิ วีสติยา เหฏฺา อปฺโป นาม โหติ, วีสติยา ปฏฺาย มหา. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ ปาติโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคโต. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ อาจาเรน เจว โคจเรน จ สมฺปนฺโน. อณุมตฺเตสูติ อปฺปมตฺตเกสุ. วชฺเชสูติ อกุสลธมฺเมสุ. ภยทสฺสาวีติ ภยทสฺสี. สมาทายาติ สมฺมา อาทิยิตฺวา. สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขาปเทสุ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต.
กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคโต กุสเลน ปริสุทฺธาชีโวติ เอตฺถ อาจารโคจรคฺคหเณเนว จ กุสเล กายกมฺมวจีกมฺเม คหิเตปิ ยสฺมา อิทํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ นาม น อากาเส วา รุกฺขคฺคาทีสุ วา อุปฺปชฺชติ, กายวจีทฺวาเรสุเยว ปน อุปฺปชฺชติ; ตสฺมา ตสฺส อุปฺปตฺติทฺวารทสฺสนตฺถํ กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคโต กุสเลนาติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน เตน สมนฺนาคโต, ตสฺมา ปริสุทฺธาชีโว. สมณมุณฺฑิกปุตฺตสุตฺตนฺตวเสน ¶ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) วา เอวํ วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ‘‘กตเม จ, ถปติ, กุสลา สีลา? กุสลํ ¶ กายกมฺมํ, กุสลํ วจีกมฺมํ, ปริสุทฺธํ อาชีวมฺปิ โข อหํ ถปติ สีลสฺมึ วทามี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน เตน สมนฺนาคโต, ตสฺมา ปริสุทฺธาชีโวติ เวทิตพฺโพ.
สีลสมฺปนฺโนติ พฺรหฺมชาเล วุตฺเตน ติวิเธน สีเลน สมนฺนาคโต โหติ. อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโรติ มนจฺฉฏฺเสุ อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวาโร โหติ. สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโตติ อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเตติอาทีสุ สตฺตสุ าเนสุ สติยา เจว สมฺปชฺเน จ สมนฺนาคโต โหติ. สนฺตุฏฺโติ จตูสุ ปจฺจเยสุ ติวิเธน สนฺโตเสน สนฺตุฏฺโ โหติ.
จูฬสีลวณฺณนา
๑๙๔-๒๑๑. เอวํ มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา อนุปุพฺเพน ภาเชนฺโต ‘‘กถฺจ, มหาราช, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมินฺติ อิทมฺปิ อสฺส ภิกฺขุโน ปาณาติปาตา เวรมณิ สีลสฺมึ เอกํ สีลํ โหตีติ อตฺโถ. ปจฺจตฺตวจนตฺเถ วา เอตํ ¶ ภุมฺมํ. มหาอฏฺกถายฺหิ อิทมฺปิ ตสฺส สมณสฺส สีลนฺติ อยเมว อตฺโถ วุตฺโต. เสสํ พฺรหฺมชาเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิทมสฺส โหติ สีลสฺมินฺติ อิทํ อสฺส สีลํ โหตีติ อตฺโถ.
๒๑๒. น กุโตจิ ภยํ สมนุปสฺสติ, ยทิทํ สีลสํวรโตติ ยานิ อสํวรมูลกานิ ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ, เตสุ ยํ อิทํ ภยํ สีลสํวรโต ภเวยฺย, ตํ กุโตจิ เอกสํวรโตปิ น สมนุปสฺสติ. กสฺมา? สํวรโต อสํวรมูลกสฺส ภยสฺส อภาวา. มุทฺธาภิสิตฺโตติ ยถาวิธานวิหิเตน ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อวสิตฺโต. ยทิทํ ปจฺจตฺถิกโตติ ยํ กุโตจิ เอกปจฺจตฺถิกโตปิ ภยํ ภเวยฺย, ตํ น สมนุปสฺสติ. กสฺมา? ยสฺมา นิหตปจฺจามิตฺโต. อชฺฌตฺตนฺติ ¶ นิยกชฺฌตฺตํ, อตฺตโน สนฺตาเนติ อตฺโถ. อนวชฺชสุขนฺติ อนวชฺชํ อนินฺทิตํ กุสลํ สีลปทฏฺาเนหิ อวิปฺปฏิสารปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิธมฺเมหิ ปริคฺคหิตํ กายิกเจตสิกสุขํ ปฏิสํเวเทติ. เอวํ โข, มหาราช, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหตีติ เอวํ นิรนฺตรํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺสิเตน ติวิเธน สีเลน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน นาม โหตีติ สีลกถํ นิฏฺาเปสิ.
อินฺทฺริยสํวรกถา
๒๑๓. อินฺทฺริเยสุ ¶ คุตฺตทฺวารภาชนีเย จกฺขุนา รูปนฺติ อยํ จกฺขุสทฺโท กตฺถจิ พุทฺธจกฺขุมฺหิ วตฺตติ, ยถาห – ‘‘พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสี’’ติ (มหาว. ๙). กตฺถจิ สพฺพฺุตฺาณสงฺขาเต สมนฺตจกฺขุมฺหิ, ยถาห – ‘‘ตถูปมํ ธมฺมมยํ, สุเมธ, ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขู’’ติ (มหาว. ๘). กตฺถจิ ธมฺมจกฺขุมฺหิ ‘‘วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ (มหาว. ๑๖) หิ เอตฺถ อริยมคฺคตฺตยปฺา. ‘‘จกฺขุํ อุทปาทิ าณํ อุทปาที’’ติ (มหาว. ๑๕) เอตฺถ ปุพฺเพนิวาสาทิาณํ ปฺาจกฺขูติ วุจฺจติ. ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔) อาคตฏฺาเนสุ ทิพฺพจกฺขุมฺหิ วตฺตติ. ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จา’’ติ เอตฺถ ปสาทจกฺขุมฺหิ วตฺตติ. อิธ ปนายํ ปสาทจกฺขุโวหาเรน จกฺขุวิฺาเณ วตฺตติ, ตสฺมา จกฺขุวิฺาเณน รูปํ ทิสฺวาติ อยเมตฺถตฺโถ. เสสปเทสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ. อพฺยาเสกสุขนฺติ กิเลสพฺยาเสกวิรหิตตฺตา อพฺยาเสกํ อสมฺมิสฺสํ ปริสุทฺธํ อธิจิตฺตสุขํ ปฏิสํเวเทตีติ.
สติสมฺปชฺกถา
๒๑๔. สติสมฺปชฺภาชนียมฺหิ ¶ อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเตติ เอตฺถ ตาว อภิกฺกนฺตํ วุจฺจติ คมนํ, ปฏิกฺกนฺตํ นิวตฺตนํ, ตทุภยมฺปิ จตูสุ อิริยาปเถสุ ลพฺภติ. คมเน ตาว ปุรโต กายํ อภิหรนฺโต อภิกฺกมติ นาม ¶ . ปฏินิวตฺตนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. าเนปิ ิตโกว กายํ ปุรโต โอนาเมนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปจฺฉโต อปนาเมนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิสชฺชาย นิสินฺนโกว อาสนสฺส ปุริมองฺคาภิมุโข สํสรนฺโต อภิกฺกมติ นาม, ปจฺฉิมองฺคปเทสํ ปจฺจาสํสรนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิปชฺชเนปิ เอเสว นโย.
สมฺปชานการี โหตีติ สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺจการี. สมฺปชฺเมว วา การี. โส หิ อภิกฺกนฺตาทีสุ สมฺปชฺํ กโรเตว. น กตฺถจิ สมฺปชฺวิรหิโต โหติ. ตตฺถ สาตฺถกสมฺปชฺํ, สปฺปายสมฺปชฺํ, โคจรสมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ. ตตฺถ อภิกฺกมนจิตฺเต อุปฺปนฺเน จิตฺตวเสเนว อคนฺตฺวา – ‘‘กินฺนุ เม เอตฺถ คเตน อตฺโถ อตฺถิ นตฺถี’’ติ อตฺถานตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา อตฺถปริคฺคณฺหนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. ตตฺถ ¶ จ อตฺโถติ เจติยทสฺสนโพธิสงฺฆเถรอสุภทสฺสนาทิวเสน ธมฺมโต วุฑฺฒิ. เจติยํ วา โพธึ วา ทิสฺวาปิ หิ พุทฺธารมฺมณํ, สงฺฆทสฺสเนน สงฺฆารมฺมณํ, ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยวยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ. เถเร ทิสฺวา เตสํ โอวาเท ปติฏฺาย, อสุภํ ทิสฺวา ตตฺถ ปมชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยวยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ. ตสฺมา เอเตสํ ทสฺสนํ สาตฺถกนฺติ วุตฺตํ. เกจิ ปน อามิสโตปิ วุฑฺฒิ อตฺโถเยว, ตํ นิสฺสาย พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย ปฏิปนฺนตฺตาติ วทนฺติ.
ตสฺมึ ปน คมเน สปฺปายาสปฺปายํ ปริคฺคเหตฺวา สปฺปายปริคฺคณฺหนํ สปฺปายสมฺปชฺํ. เสยฺยถิทํ – เจติยทสฺสนํ ตาว สาตฺถกํ, สเจ ปน เจติยสฺส มหาปูชาย ทสทฺวาทสโยชนนฺตเร ปริสา สนฺนิปตนฺติ, อตฺตโน วิภวานุรูปา อิตฺถิโยปิ ปุริสาปิ อลงฺกตปฏิยตฺตา จิตฺตกมฺมรูปกานิ ¶ วิย สฺจรนฺติ. ตตฺร จสฺส อิฏฺเ อารมฺมเณ โลโภ โหติ, อนิฏฺเ ปฏิโฆ, อสมเปกฺขเน โมโห อุปฺปชฺชติ, กายสํสคฺคาปตฺตึ วา อาปชฺชติ. ชีวิตพฺรหฺมจริยานํ วา อนฺตราโย โหติ, เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ โหติ. วุตฺตปฺปการอนฺตรายาภาเว สปฺปายํ. โพธิทสฺสเนปิ เอเสว นโย. สงฺฆทสฺสนมฺปิ สาตฺถํ. สเจ ปน อนฺโตคาเม มหามณฺฑปํ กาเรตฺวา สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ กโรนฺเตสุ มนุสฺเสสุ วุตฺตปฺปกาเรเนว ชนสนฺนิปาโต ¶ เจว อนฺตราโย จ โหติ, เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ โหติ. อนฺตรายาภาเว สปฺปายํ. มหาปริสปริวารานํ เถรานํ ทสฺสเนปิ เอเสว นโย.
อสุภทสฺสนมฺปิ สาตฺถํ, ตทตฺถทีปนตฺถฺจ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทหรภิกฺขุ สามเณรํ คเหตฺวา ทนฺตกฏฺตฺถาย คโต. สามเณโร มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต อสุภํ ทิสฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเทว ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต ตีณิ ผลานิ สจฺฉิกตฺวา อุปริมคฺคตฺถาย กมฺมฏฺานํ ปริคฺคเหตฺวา อฏฺาสิ. ทหโร ตํ อปสฺสนฺโต สามเณราติ ปกฺโกสิ. โส ‘มยา ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา สทฺธึ ทฺเว กถา นาม น กถิตปุพฺพา. อฺสฺมิมฺปิ ทิวเส อุปริ วิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา กึ, ภนฺเตติ ปฏิวจนมทาสิ. ‘เอหี’ติ จ วุตฺเต เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา, ‘ภนฺเต, อิมินา ตาว มคฺเคเนว คนฺตฺวา มยา ิโตกาเส มุหุตฺตํ ¶ ปุรตฺถาภิมุโข ตฺวา โอโลเกถา’ติ อาห. โส ตถา กตฺวา เตน ปตฺตวิเสสเมว ปาปุณิ. เอวํ เอกํ อสุภํ ทฺวินฺนํ ชนานํ อตฺถาย ชาตํ. เอวํ สาตฺถมฺปิ ปเนตํ ปุริสสฺส มาตุคามาสุภํ อสปฺปายํ, มาตุคามสฺส จ ปุริสาสุภํ อสปฺปายํ, สภาคเมว สปฺปายนฺติ เอวํ สปฺปายปริคฺคณฺหนํ สปฺปายสมฺปชฺํ นาม.
เอวํ ปริคฺคหิตสาตฺถกสปฺปายสฺส ปน อฏฺตึสาย กมฺมฏฺาเนสุ อตฺตโน จิตฺตรุจิยํ กมฺมฏฺานสงฺขาตํ ¶ โคจรํ อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขาจารโคจเร ตํ คเหตฺวาว คมนํ โคจรสมฺปชฺํ นาม. ตสฺสาวิภาวนตฺถํ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ –
อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ หรติ, น ปจฺจาหรติ; เอกจฺโจ ปจฺจาหรติ, น หรติ; เอกจฺโจ ปน เนว หรติ, น ปจฺจาหรติ; เอกจฺโจ หรติ จ, ปจฺจาหรติ จาติ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย จ อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตฺวา ตถา รตฺติยา ปมยาเม, มชฺฌิมยาเม เสยฺยํ กปฺเปตฺวา ปจฺฉิมยาเมปิ นิสชฺชจงฺกเมหิ วีตินาเมตฺวา ปเคว เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ กตฺวา โพธิรุกฺเข อุทกํ อาสิฺจิตฺวา, ปานียํ ปริโภชนียํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อาจริยุปชฺฌายวตฺตาทีนิ สพฺพานิ ขนฺธกวตฺตานิ สมาทาย วตฺตติ. โส สรีรปริกมฺมํ กตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ทฺเว ตโย ปลฺลงฺเก อุสุมํ คาหาเปนฺโต กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตฺวา ภิกฺขาจารเวลายํ อุฏฺหิตฺวา กมฺมฏฺานสีเสเนว ปตฺตจีวรมาทาย เสนาสนโต นิกฺขมิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา, สเจ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานํ โหติ, ตํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว เจติยงฺคณํ ปวิสติ. อฺํ เจ กมฺมฏฺานํ โหติ, โสปานมูเล ตฺวา หตฺเถน คหิตภณฺฑํ วิย ตํ เปตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา เจติยงฺคณํ อารุยฺห, มหนฺตํ เจติยํ ¶ เจ, ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตพฺพํ. ขุทฺทกํ เจติยํ เจ, ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺสุ าเนสุ วนฺทิตพฺพํ. เจติยํ วนฺทิตฺวา โพธิยงฺคณํ ปตฺเตนาปิ พุทฺธสฺส ภควโต สมฺมุขา วิย นิปจฺจาการํ ทสฺเสตฺวา โพธิ วนฺทิตพฺพา. โส เอวํ เจติยฺจ โพธิฺจ วนฺทิตฺวา ปฏิสามิตฏฺานํ คนฺตฺวา ปฏิสามิตภณฺฑกํ หตฺเถน คณฺหนฺโต วิย นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คามสมีเป กมฺมฏฺานสีเสเนว จีวรํ ปารุปิตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ. อถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา อยฺโย โน อาคโตติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ¶ ปตฺตํ คเหตฺวา อาสนสาลาย วา เคเห วา ¶ นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ทตฺวา ยาว ภตฺตํ น นิฏฺาติ, ตาว ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา ปุรโต เต นิสีทิตฺวา ปฺหํ วา ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ วา โสตุกามา โหนฺติ. สเจปิ น กถาเปนฺติ, ชนสงฺคหตฺถํ ธมฺมกถา นาม กาตพฺพา เยวาติ อฏฺกถาจริยา วทนฺติ. ธมฺมกถา หิ กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถิ, ตสฺมา กมฺมฏฺานสีเสเนว ธมฺมกถํ กเถตฺวา กมฺมฏฺานสีเสเนว อาหารํ ปริภฺุชิตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา นิวตฺติยมาเนหิปิ มนุสฺเสหิ อนุคโตว คามโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ เต นิวตฺเตตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชติ.
อถ นํ ปุเรตรํ นิกฺขมิตฺวา พหิคาเม กตภตฺตกิจฺจา สามเณรทหรภิกฺขู ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรมสฺส คณฺหนฺติ. โปราณกภิกฺขู กิร อมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาจริโยติ น มุขํ โอโลเกตฺวา วตฺตํ กโรนฺติ, สมฺปตฺตปริจฺเฉเทเนว กโรนฺติ. เต ตํ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ภนฺเต, เอเต มนุสฺสา ตุมฺหากํ กึ โหนฺติ, มาติปกฺขโต สมฺพนฺธา ปิติปกฺขโต’’ติ? กึ ทิสฺวา ปุจฺฉถาติ? ตุมฺเหสุ เอเตสํ เปมํ พหุมานนฺติ. อาวุโส, ยํ มาตาปิตูหิปิ ทุกฺกรํ, ตํ เอเต อมฺหากํ กโรนฺติ, ปตฺตจีวรมฺปิ โน เอเตสํ สนฺตกเมว, เอเตสํ อานุภาเวน เนว ภเย ภยํ, น ฉาตเก ฉาตกํ ชานาม. อีทิสา นาม อมฺหากํ อุปการิโน นตฺถีติ เตสํ คุเณ กเถนฺโต คจฺฉติ. อยํ วุจฺจติ หรติ น ปจฺจาหรตีติ.
ยสฺส ปน ปเคว วุตฺตปฺปการํ วตฺตปฏิปตฺตึ กโรนฺตสฺส กมฺมชเตโชธาตุ ปชฺชลติ, อนุปาทินฺนกํ มฺุจิตฺวา อุปาทินฺนกํ คณฺหาติ, สรีรโต เสทา มฺุจนฺติ, กมฺมฏฺานํ วีถึ นาโรหติ, โส ปเคว ปตฺตจีวรมาทาย เวคสา เจติยํ วนฺทิตฺวา โครูปานํ นิกฺขมนเวลายเมว คามํ ยาคุภิกฺขาย ปวิสิตฺวา ยาคุํ ลภิตฺวา อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปิวติ, อถสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ¶ อชฺโฌหรณมตฺเตเนว กมฺมชเตโชธาตุ อุปาทินฺนกํ มฺุจิตฺวา อนุปาทินฺนกํ คณฺหาติ, ฆฏสเตน นฺหาโต วิย เตโชธาตุ ปริฬาหนิพฺพานํ ปตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน ยาคุํ ปริภฺุชิตฺวา ปตฺตฺจ มุขฺจ โธวิตฺวา อนฺตราภตฺเต กมฺมฏฺานํ มนสิกตฺวา อวเสสฏฺาเน ปิณฺฑาย จริตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน อาหารฺจ ปริภฺุชิตฺวา ตโต ปฏฺาย โปงฺขานุโปงฺขํ อุปฏฺหมานํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ¶ อาคจฺฉติ, อยํ วุจฺจติ ปจฺจาหรติ ¶ น หรตีติ. เอทิสา จ ภิกฺขู ยาคุํ ปิวิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา พุทฺธสาสเน อรหตฺตปฺปตฺตา นาม คณนปถํ วีติวตฺตา. สีหฬทีเปเยว เตสุ เตสุ คาเมสุ อาสนสาลายํ วา น ตํ อาสนมตฺถิ, ยตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตา ภิกฺขู นตฺถีติ.
โย ปน ปมาทวิหารี โหติ, นิกฺขิตฺตธุโร สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา ปฺจวิธเจโตขีลวินิพนฺธจิตฺโต วิหรนฺโต – ‘‘กมฺมฏฺานํ นาม อตฺถี’’ติ สฺมฺปิ อกตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน สํสฏฺโ จริตฺวา จ ภฺุชิตฺวา จ ตุจฺโฉ นิกฺขมติ, อยํ วุจฺจติ เนว หรติ น ปจฺจาหรตีติ.
โย ปนายํ – ‘‘หรติ จ ปจฺจาหรติ จา’’ติ วุตฺโต, โส คตปจฺจาคตวตฺตวเสเนว เวทิตพฺโพ. อตฺตกามา หิ กุลปุตฺตา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สตมฺปิ เอกโต วสนฺตา กติกวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺติ, ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห น อิณฏฺฏา, น ภยฏฺฏา, น ชีวิกาปกตา ปพฺพชิตา, ทุกฺขา มุจฺจิตุกามา ปเนตฺถ ปพฺพชิตา, ตสฺมา คมเน อุปฺปนฺนกิเลสํ คมเนเยว นิคฺคณฺหถ, ตถา าเน, นิสชฺชาย, สยเน อุปฺปนฺนกิเลสํ สยเนว นิคฺคณฺหถา’’ติ.
เต เอวํ กติกวตฺตํ กตฺวา ภิกฺขาจารํ ¶ คจฺฉนฺตา อฑฺฒอุสภอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตนฺตเรสุ ปาสาณา โหนฺติ, ตาย สฺาย กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาว คจฺฉนฺติ. สเจ กสฺสจิ คมเน กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺเถว นํ นิคฺคณฺหาติ. ตถา อสกฺโกนฺโต ติฏฺติ, อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ ติฏฺติ. โส ‘‘อยํ ภิกฺขุ ตุยฺหํ อุปฺปนฺนวิตกฺกํ ชานาติ, อนนุจฺฉวิกํ เต เอต’’นฺติ อตฺตานํ ปฏิโจเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตตฺเถว อริยภูมึ โอกฺกมติ; ตถา อสกฺโกนฺโต นิสีทติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ นิสีทตีติ โสเยว นโย. อริยภูมึ โอกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ ตํ กิเลสํ วิกฺขมฺเภตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว คจฺฉติ, น กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรติ, อุทฺธรติ เจ, ปฏินิวตฺติตฺวา ปุริมปเทสํเยว เอติ. อาลินฺทกวาสี มหาผุสฺสเทวตฺเถโร วิย.
โส ¶ กิร เอกูนวีสติวสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต เอว วิหาสิ, มนุสฺสาปิ อทฺทสํสุ อนฺตรามคฺเค กสนฺตา จ วปนฺตา จ มทฺทนฺตา จ กมฺมานิ จ กโรนฺตา เถรํ ตถาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ เถโร ปุนปฺปุนํ นิวตฺติตฺวา คจฺฉติ, กินฺนุ โข มคฺคมูฬฺโห, อุทาหุ ¶ กิฺจิ ปมุฏฺโ’’ติ สมุลฺลปนฺติ. โส ตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฏฺานยุตฺตจิตฺเตเนว สมณธมฺมํ กโรนฺโต วีสติวสฺสพฺภนฺตเร อรหตฺตํ ปาปุณิ, อรหตฺตปฺปตฺตทิวเส จสฺส จงฺกมนโกฏิยํ อธิวตฺถา เทวตา องฺคุลีหิ ทีปํ อุชฺชาเลตฺวา อฏฺาสิ. จตฺตาโรปิ มหาราชาโน สกฺโก จ เทวานมินฺโท พฺรหฺมา จ สหมฺปติ อุปฏฺานํ อคมํสุ. ตฺจ โอภาสํ ทิสฺวา วนวาสี มหาติสฺสตฺเถโร ตํ ทุติยทิวเส ปุจฺฉิ – ‘‘รตฺติภาเค อายสฺมโต สนฺติเก โอภาโส อโหสิ, กึ โส โอภาโส’’ติ? เถโร วิกฺเขปํ กโรนฺโต โอภาโส นาม ทีโปภาโสปิ โหติ, มณิโอภาโสปีติ เอวมาทิมาห. ตโต ‘ปฏิจฺฉาเทถ ตุมฺเห’ติ นิพทฺโธ ‘อามา’ติ ปฏิชานิตฺวา ¶ อาโรเจสิ. กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย จ.
โสปิ กิร คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต – ปมํ ตาว ภควโต มหาปธานํ ปูเชสฺสามีติ สตฺตวสฺสานิ านจงฺกมเมว อธิฏฺาสิ. ปุน โสฬสวสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต, วิยุตฺเตน อุทฺธเฏ ปฏินิวตฺเตนฺโต คามสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘คาวี นุ ปพฺพชิโต นู’’ติ อาสงฺกนียปเทเส ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา กจฺฉกนฺตรโต อุทเกน ปตฺตํ โธวิตฺวา อุทกคณฺฑูสํ กโรติ. กึ การณา? มา เม ภิกฺขํ ทาตุํ วา วนฺทิตุํ วา อาคเต มนุสฺเส ‘ทีฆายุกา โหถา’ติ วจนมตฺเตนาปิ กมฺมฏฺานวิกฺเขโป อโหสีติ. ‘‘อชฺช, ภนฺเต, กติมี’’ติ ทิวสํ วา ภิกฺขุคณนํ วา ปฺหํ วา ปุจฺฉิโต ปน อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจติ. สเจ ทิวสาทีนิ ปุจฺฉกา น โหนฺติ, นิกฺขมนเวลาย คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวาว ยาติ.
กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตา ปฺาสภิกฺขู วิย จ. เต กิร อาสฬฺหิปุณฺณมายํ กติกวตฺตํ อกํสุ – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อฺมฺํ นาลปิสฺสามา’’ติ, คามฺจ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา ปวิสึสุ. ทิวสาทีสุ ปุจฺฉิเตสุ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชึสุ. ตตฺถ มนุสฺสา นิฏฺุภนํ ¶ ทิสฺวา ชานึสุ – ‘‘อชฺเชโก อาคโต, อชฺช ทฺเว’’ติ. เอวฺจ จินฺเตสุํ – ‘‘กินฺนุ โข เอเต อมฺเหหิเยว สทฺธึ น สลฺลปนฺติ, อุทาหุ อฺมฺมฺปิ. สเจ อฺมฺมฺปิ น สลฺลปนฺติ, อทฺธา วิวาทชาตา ภวิสฺสนฺติ. เอถ เน อฺมฺํ ขมาเปสฺสามา’’ติ, สพฺเพ วิหารํ คนฺตฺวา ปฺาสาย ภิกฺขูสุ ทฺเวปิ ภิกฺขู เอโกกาเส นาทฺทสํสุ. ตโต โย เตสุ จกฺขุมา ปุริโส, โส อาห – ‘‘น โภ กลหการกานํ ¶ วสโนกาโส อีทิโส โหติ, สุสมฺมฏฺํ เจติยงฺคณโพธิยงฺคณํ, สุนิกฺขิตฺตา สมฺมชฺชนิโย, สูปฏฺปิตํ ปานียํ ปริโภชนีย’’นฺติ, เต ตโตว นิวตฺตา. เตปิ ภิกฺขู อนฺโต เตมาเสเยว อรหตฺตํ ปตฺวา มหาปวารณาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุํ.
เอวํ ¶ กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย, กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตภิกฺขู วิย จ กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต คามสมีปํ คนฺตฺวา อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา, ยตฺถ สุราโสณฺฑธุตฺตาทโย กลหการกา จณฺฑหตฺถิอสฺสาทโย วา นตฺถิ, ตํ วีถึ ปฏิปชฺชติ. ตตฺถ จ ปิณฺฑาย จรมาโน น ตุริตตุริโต วิย ชเวน คจฺฉติ. น หิ ชเวน ปิณฺฑปาติยธุตงฺคํ นาม กิฺจิ อตฺถิ. วิสมภูมิภาคปฺปตฺตํ ปน อุทกสกฏํ วิย นิจฺจโล หุตฺวา คจฺฉติ. อนุฆรํ ปวิฏฺโ จ ทาตุกามํ วา อทาตุกามํ วา สลฺลกฺเขตฺวา ตทนุรูปํ กาลํ อาคเมนฺโต ภิกฺขํ ปฏิลภิตฺวา อาทาย อนฺโตคาเม วา พหิคาเม วา วิหารเมว วา อาคนฺตฺวา ยถา ผาสุเก ปติรูเป โอกาเส นิสีทิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโต อาหาเร ปฏิกูลสฺํ อุปฏฺเปตฺวา อกฺขพฺภฺชน – วณเลปนปุตฺตมํสูปมวเสน ปจฺจเวกฺขนฺโต อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรติ, เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย…เป… ภุตฺตาวี จ อุทกกิจฺจํ กตฺวา มุหุตฺตํ ภตฺตกิลมถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ยถา ปุเรภตฺตํ, เอวํ ปจฺฉาภตฺตํ ปุริมยามํ ปจฺฉิมยามฺจ กมฺมฏฺานเมว มนสิ กโรติ, อยํ วุจฺจติ หรติ จ ปจฺจาหรติ จาติ.
อิทํ ปน หรณปจฺจาหรณสงฺขาตํ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ, ปมวเย เอว อรหตฺตํ ปาปุณาติ. โน เจ ปมวเย ปาปุณาติ, อถ ¶ มชฺฌิมวเย; โน เจ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ, อถ มรณสมเย; โน เจ มรณสมเย ปาปุณาติ, อถ ¶ เทวปุตฺโต หุตฺวา; โน เจ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ, อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ นิพฺพตฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ. โน เจ ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ, อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ โหติ; เสยฺยถาปิ เถโร พาหิโย ทารุจีริโย มหาปฺโ วา, เสยฺยถาปิ เถโร สาริปุตฺโต มหิทฺธิโก วา, เสยฺยถาปิ เถโร มหาโมคฺคลฺลาโน ธุตวาโท วา, เสยฺยถาปิ เถโร มหากสฺสโป ทิพฺพจกฺขุโก วา, เสยฺยถาปิ เถโร อนุรุทฺโธ วินยธโร วา, เสยฺยถาปิ เถโร อุปาลิ ธมฺมกถิโก วา, เสยฺยถาปิ เถโร ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต อารฺิโก วา, เสยฺยถาปิ เถโร เรวโต พหุสฺสุโต วา, เสยฺยถาปิ เถโร อานนฺโท ภิกฺขากาโม วา, เสยฺยถาปิ เถโร ราหุโล พุทฺธปุตฺโตติ. อิติ อิมสฺมึ จตุกฺเก ยฺวายํ หรติ จ ปจฺจาหรติ จ, ตสฺส โคจรสมฺปชฺํ สิขาปตฺตํ โหติ.
อภิกฺกมาทีสุ ปน อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ, ตํ เอวํ เวทิตพฺพํ – อิธ ภิกฺขุ อภิกฺกมนฺโต วา ปฏิกฺกมนฺโต วา ยถา อนฺธพาลปุถุชฺชนา อภิกฺกมาทีสุ – ‘‘อตฺตา อภิกฺกมติ, อตฺตนา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา, ‘‘อหํ อภิกฺกมามิ, มยา อภิกฺกโม ¶ นิพฺพตฺติโต’’ติ วา สมฺมุยฺหนฺติ, ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต ‘‘อภิกฺกมามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา วาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ. อิติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสน อยํ กายสมฺมโต อฏฺิสงฺฆาโต อภิกฺกมติ. ตสฺเสวํ อภิกฺกมโต เอเกกปาทุทฺธรเณ ปถวีธาตุ อาโปธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย; ตถา อติหรณวีติหรเณสุ. โวสฺสชฺชเน เตโชธาตุ วาโยธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา พลวติโย, ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุชฺฌเนสุ. ตตฺถ อุทฺธรเณ ¶ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา อติหรณํ น ปาปุณนฺติ, ตถา อติหรเณ ปวตฺตา วีติหรณํ, วีติหรเณ ปวตฺตา โวสฺสชฺชนํ, โวสฺสชฺชเน ปวตฺตา สนฺนิกฺเขปนํ, สนฺนิกฺเขปเน ปวตฺตา สนฺนิรุชฺฌนํ น ปาปุณนฺติ. ตตฺถ ตตฺเถว ปพฺพํ ปพฺพํ สนฺธิ สนฺธิ โอธิ โอธิ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ¶ ปกฺขิตฺตติลานิ วิย ปฏปฏายนฺตา ภิชฺชนฺติ. ตตฺถ โก เอโก อภิกฺกมติ, กสฺส วา เอกสฺส อภิกฺกมนํ? ปรมตฺถโต หิ ธาตูนํเยว คมนํ, ธาตูนํ านํ, ธาตูนํ นิสชฺชนํ, ธาตูนํ สยนํ. ตสฺมึ ตสฺมึ โกฏฺาเส สทฺธึ รูเปน.
อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌติ;
อวีจิมนุสมฺพนฺโธ, นทีโสโตว วตฺตตีติ.
เอวํ อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ นามาติ.
นิฏฺิโต อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหตีติ ปทสฺส อตฺโถ.
อาโลกิเต วิโลกิเตติ เอตฺถ ปน อาโลกิตํ นาม ปุรโต เปกฺขณํ. วิโลกิตํ นาม อนุทิสาเปกฺขณํ. อฺานิปิ เหฏฺา อุปริ ปจฺฉโต เปกฺขณวเสน โอโลกิตอุลฺโลกิตาปโลกิตานิ นาม โหนฺติ, ตานิ อิธ น คหิตานิ. สารุปฺปวเสน ปน อิมาเนว ทฺเว คหิตานิ, อิมินา วา มุเขน สพฺพานิปิ ตานิ คหิตาเนวาติ.
ตตฺถ ‘‘อาโลเกสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน จิตฺตวเสเนว อโนโลเกตฺวา อตฺถปริคฺคณฺหนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ, ตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ กายสกฺขึ กตฺวา เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปุรตฺถิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลเกติ – ‘เอวํ เม ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลกยโต น อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน ¶ โหติ ¶ (อ. นิ. ๘.๙). สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปจฺฉิมา ทิสา…เป… อุตฺตรา ทิสา…เป… ทกฺขิณา ทิสา…เป… อุทฺธํ…เป… อโธ…เป… อนุทิสา อนุวิโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท อนุทิสํ อนุวิโลเกติ – ‘เอวํ เม อนุทิสํ อนุวิโลกยโต น อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสวิสฺสนฺตี’ติ. อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหตี’’ติ.
อปิ จ อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตเจติยทสฺสนาทิวเสเนว สาตฺถกตา จ สปฺปายตา จ เวทิตพฺพา, กมฺมฏฺานสฺส ปน อวิชหนเมว โคจรสมฺปชฺํ. ตสฺมา ¶ เอตฺถ ขนฺธธาตุอายตนกมฺมฏฺานิเกหิ อตฺตโน กมฺมฏฺานวเสเนว, กสิณาทิกมฺมฏฺานิเกหิ วา ปน กมฺมฏฺานสีเสเนว อาโลกนํ วิโลกนํ กาตพฺพํ. อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม อาโลเกตา วา วิโลเกตา วา นตฺถิ, ‘อาโลเกสฺสามี’ติ ปน จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา วาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ. อิติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสน เหฏฺิมํ อกฺขิทลํ อโธ สีทติ, อุปริมํ อุทฺธํ ลงฺเฆติ. โกจิ ยนฺตเกน วิวรนฺโต นาม นตฺถิ. ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ สาเธนฺตํ อุปฺปชฺชตีติ เอวํ ปชานนํ ปเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ นาม. อปิ จ มูลปริฺา อาคนฺตุกตาว กาลิกภาววเสน เปตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. มูลปริฺาวเสน ตาว –
ภวงฺคาวชฺชนฺเจว, ทสฺสนํ สมฺปฏิจฺฉนํ;
สนฺตีรณํ โวฏฺพฺพนํ, ชวนํ ภวติ สตฺตมํ.
ตตฺถ ภวงฺคํ อุปปตฺติภวสฺส องฺคกิจฺจํ สาธยมานํ ปวตฺตติ, ตํ อาวฏฺเฏตฺวา กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา, ตํนิโรธา จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ สาธยมานํ, ตํนิโรธา วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ สาธยมานา, ตํนิโรธา วิปากมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ สาธยมานา, ตํนิโรธา กิริยมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา ¶ , ตํนิโรธา สตฺตกฺขตฺตุํ ชวนํ ชวติ. ตตฺถ ปมชวเนปิ – ‘‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’’ติ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน อาโลกิตวิโลกิตํ นาม น โหติ. ทุติยชวเนปิ…เป… สตฺตมชวเนปิ. เอเตสุ ปน ยุทฺธมณฺฑเล โยเธสุ วิย เหฏฺุปริยวเสน ภิชฺชิตฺวา ปติเตสุ – ‘‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’’ติ รชฺชนาทิวเสน อาโลกิตวิโลกิตํ โหติ. เอวํ ตาเวตฺถ มูลปริฺาวเสน อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
จกฺขุทฺวาเร ¶ ปน รูเป อาปาถมาคเต ภวงฺคจลนโต อุทฺธํ สกกิจฺจนิปฺผาทนวเสน อาวชฺชนาทีสุ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธสุ อวสาเน ชวนํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนานํ อาวชฺชนาทีนํ เคหภูเต จกฺขุทฺวาเร อาคนฺตุกปุริโส วิย โหติ. ตสฺส ยถา ปรเคเห กิฺจิ ยาจิตุํ ปวิฏฺสฺส อาคนฺตุกปุริสสฺส เคหสฺสามิเกสุ ตุณฺหีมาสิเนสุ อาณากรณํ น ยุตฺตํ, เอวํ ¶ อาวชฺชนาทีนํ เคหภูเต จกฺขุทฺวาเร อาวชฺชนาทีสุปิ อรชฺชนฺเตสุ อทุสฺสนฺเตสุ อมุยฺหนฺเตสุ จ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนํ อยุตฺตนฺติ เอวํ อาคนฺตุกภาววเสน อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
ยานิ ปเนตานิ จกฺขุทฺวาเร โวฏฺพฺพนปริโยสานานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิ สทฺธึ สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ, อฺมฺํ น ปสฺสนฺตีติ, อิตฺตรานิ ตาวกาลิกานิ โหนฺติ. ตตฺถ ยถา เอกสฺมึ ฆเร สพฺเพสุ มานุสเกสุ มเตสุ อวเสสสฺส เอกสฺส ตงฺขณฺเว มรณธมฺมสฺส น ยุตฺตา นจฺจคีตาทีสุ อภิรติ นาม. เอวเมว เอกทฺวาเร สสมฺปยุตฺเตสุ อาวชฺชนาทีสุ ตตฺถ ตตฺเถว มเตสุ อวเสสสฺส ตงฺขเณเยว มรณธมฺมสฺส ชวนสฺสาปิ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน อภิรติ นาม น ยุตฺตาติ. เอวํ ตาวกาลิกภาววเสน อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิ จ ขนฺธายตนธาตุปจฺจยปจฺจเวกฺขณวเสน เปตํ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ หิ จกฺขุ เจว รูปา จ รูปกฺขนฺโธ, ทสฺสนํ วิฺาณกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา ¶ เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, ผสฺสาทิกา สงฺขารกฺขนฺโธ. เอวเมเตสํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ?
ตถา จกฺขุ จกฺขายตนํ, รูปํ รูปายตนํ, ทสฺสนํ มนายตนํ, เวทนาทโย สมฺปยุตฺตธมฺมา ธมฺมายตนํ. เอวเมเตสํ จตุนฺนํ อายตนานํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ?
ตถา จกฺขุ จกฺขุธาตุ, รูปํ รูปธาตุ, ทสฺสนํ จกฺขุวิฺาณธาตุ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนาทโย ธมฺมา ธมฺมธาตุ. เอวเมตาสํ จตุนฺนํ ธาตูนํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ?
ตถา จกฺขุ นิสฺสยปจฺจโย, รูปา อารมฺมณปจฺจโย, อาวชฺชนํ อนนฺตรสมนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตปจฺจโย ¶ , อาโลโก อุปนิสฺสยปจฺจโย, เวทนาทโย สหชาตปจฺจโย. เอวเมเตสํ ปจฺจยานํ สมวาเย ¶ อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกตีติ? เอวเมตฺถ ขนฺธายตนธาตุปจฺจยปจฺจเวกฺขณวเสนปิ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
สมิฺชิเต ปสาริเตติ ปพฺพานํ สมิฺชนปสารเณ. ตตฺถ จิตฺตวเสเนว สมิฺชนปสารณํ อกตฺวา หตฺถปาทานํ สมิฺชนปสารณปจฺจยา อตฺถานตฺถํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อตฺถปริคฺคณฺหนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. ตตฺถ หตฺถปาเท อติจิรํ สมิฺเชตฺวา วา ปสาเรตฺวา วา ิตสฺส ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคตํ น ลภติ, กมฺมฏฺานํ ปริปตติ, วิเสสํ นาธิคจฺฉติ. กาเล สมิฺเชนฺตสฺส กาเล ปสาเรนฺตสฺส ปน ตา เวทนา นุปฺปชฺชนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฏฺานํ ผาตึ คจฺฉติ, วิเสสมธิคจฺฉตีติ ¶ , เอวํ อตฺถานตฺถปริคฺคณฺหนํ เวทิตพฺพํ.
อตฺเถ ปน สติปิ สปฺปายาสปฺปายํ ปริคฺคณฺหิตฺวา สปฺปายปริคฺคณฺหนํ สปฺปายสมฺปชฺํ. ตตฺรายํ นโย –
มหาเจติยงฺคเณ กิร ทหรภิกฺขู สชฺฌายํ คณฺหนฺติ, เตสํ ปิฏฺิปสฺเสสุ ทหรภิกฺขุนิโย ธมฺมํ สุณนฺติ. ตตฺเรโก ทหโร หตฺถํ ปสาเรนฺโต กายสํสคฺคํ ปตฺวา เตเนว การเณน คิหี ชาโต. อปโร ภิกฺขุ ปาทํ ปสาเรนฺโต อคฺคิมฺหิ ปสาเรสิ, อฏฺิมาหจฺจ ปาโท ฌายิ. อปโร วมฺมิเก ปสาเรสิ, โส อาสีวิเสน ฑฏฺโ. อปโร จีวรกุฏิทณฺฑเก ปสาเรสิ, ตํ มณิสปฺโป ฑํสิ. ตสฺมา เอวรูเป อสปฺปาเย อปสาเรตฺวา สปฺปาเย ปสาเรตพฺพํ. อิทเมตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ.
โคจรสมฺปชฺํ ปน มหาเถรวตฺถุนา ทีเปตพฺพํ – มหาเถโร กิร ทิวาาเน นิสินฺโน อนฺเตวาสิเกหิ สทฺธึ กถยมาโน สหสา หตฺถํ สมิฺเชตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สณิกํ สมิฺเชสิ. ตํ อนฺเตวาสิกา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, สหสา หตฺถํ สมิฺชิตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สณิกํ สมิฺชิยิตฺถา’’ติ? ยโต ปฏฺายาหํ, อาวุโส, กมฺมฏฺานํ มนสิกาตุํ อารทฺโธ, น เม กมฺมฏฺานํ มฺุจิตฺวา หตฺโถ สมิฺชิตปุพฺโพ, อิทานิ ปน เม ตุมฺเหหิ สทฺธึ กถยมาเนน กมฺมฏฺานํ มฺุจิตฺวา สมิฺชิโต. ตสฺมา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สมิฺเชสินฺติ. สาธุ ¶ , ภนฺเต, ภิกฺขุนา นาม เอวรูเปน ภวิตพฺพนฺติ. เอวเมตฺถาปิ กมฺมฏฺานาวิชหนเมว โคจรสมฺปชฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร ¶ อตฺตา นาม โกจิ สมิฺเชนฺโต วา ปสาเรนฺโต วา นตฺถิ, วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน ปน สุตฺตากฑฺฒนวเสน ทารุยนฺตสฺส หตฺถปาทลจลนํ วิย สมิฺชนปสารณํ โหตีติ เอวํ ปริชานนํ ปเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณติ เอตฺถ สงฺฆาฏิจีวรานํ ¶ นิวาสนปารุปนวเสน ปตฺตสฺส ภิกฺขาปฏิคฺคหณาทิวเสน ปริโภโค ธารณํ นาม. ตตฺถ สงฺฆาฏิจีวรธารเณ ตาว นิวาเสตฺวา วา ปารุปิตฺวา วา ปิณฺฑาย จรโต อามิสลาโภ สีตสฺส ปฏิฆาตายาติอาทินา นเยน ภควตา วุตฺตปฺปกาโรเยว จ อตฺโถ อตฺโถ นาม. ตสฺส วเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อุณฺหปกติกสฺส ปน ทุพฺพลสฺส จ จีวรํ สุขุมํ สปฺปายํ, สีตาลุกสฺส ฆนํ ทุปฏฺฏํ. วิปรีตํ อสปฺปายํ. ยสฺส กสฺสจิ ชิณฺณํ อสปฺปายเมว, อคฺคฬาทิทาเนน หิสฺส ตํ ปลิโพธกรํ โหติ. ตถา ปฏฺฏุณฺณทุกูลาทิเภทํ โลภนียจีวรํ. ตาทิสฺหิ อรฺเ เอกกสฺส นิวาสนฺตรายกรํ ชีวิตนฺตรายกรฺจาปิ โหติ. นิปฺปริยาเยน ปน ยํ นิมิตฺตกมฺมาทิมิจฺฉาชีววเสน อุปฺปนฺนํ, ยฺจสฺส เสวมานสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ตํ อสปฺปายํ. วิปรีตํ สปฺปายํ. ตสฺส วเสเนตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ. กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ จีวรํ ปารุเปนฺโต นตฺถิ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปน จีวรปารุปนํ โหติ. ตตฺถ จีวรมฺปิ อเจตนํ, กาโยปิ อเจตโน. จีวรํ น ชานาติ – ‘‘มยา กาโย ปารุปิโต’’ติ. กาโยปิ น ชานาติ – ‘‘อหํ จีวเรน ปารุปิโต’’ติ. ธาตุโยว ธาตุสมูหํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ ปฏปิโลติกายโปตฺถกรูปปฏิจฺฉาทเน วิย. ตสฺมา เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา โสมนสฺสํ กาตพฺพํ, น อสุนฺทรํ ลภิตฺวา โทมนสฺสํ.
นาควมฺมิกเจติยรุกฺขาทีสุ ¶ หิ เกจิ มาลาคนฺธธูมวตฺถาทีหิ สกฺการํ กโรนฺติ, เกจิ คูถมุตฺตกทฺทมทณฺฑสตฺถปฺปหาราทีหิ อสกฺการํ. น เตหิ นาควมฺมิกรุกฺขาทโย โสมนสฺสํ วา โทมนสฺสํ วา กโรนฺติ. เอวเมว เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา โสมนสฺสํ กาตพฺพํ ¶ , น อสุนฺทรํ ลภิตฺวา โทมนสฺสนฺติ, เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
ปตฺตธารเณปิ ¶ ปตฺตํ สหสาว อคฺคเหตฺวา อิมํ คเหตฺวา ปิณฺฑาย จรมาโน ภิกฺขํ ลภิสฺสามีติ, เอวํ ปตฺตคฺคหณปจฺจยา ปฏิลภิตพฺพํ อตฺถวเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
กิสทุพฺพลสรีรสฺส ปน ครุปตฺโต อสปฺปาโย, ยสฺส กสฺสจิ จตุปฺจคณฺิกาหโต ทุพฺพิโสธนีโย อสปฺปาโยว. ทุทฺโธตปตฺโตปิ น วฏฺฏติ, ตํ โธวนฺตสฺเสว จสฺส ปลิโพโธ โหติ. มณิวณฺณปตฺโต ปน โลภนีโย, จีวเร วุตฺตนเยเนว อสปฺปาโย, นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ลทฺโธ ปน ยฺจสฺส เสวมานสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อยํ เอกนฺตอสปฺปาโยว. วิปรีโต สปฺปาโย. ตสฺส วเสเนตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ. กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ปตฺตํ คณฺหนฺโต นตฺถิ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสเนว ปตฺตคฺคหณํ นาม โหติ. ตตฺถ ปตฺโตปิ อเจตโน, หตฺถาปิ อเจตนา. ปตฺโต น ชานาติ – ‘‘อหํ หตฺเถหิ คหิโต’’ติ. หตฺถาปิ น ชานนฺติ – ‘‘อมฺเหหิ ปตฺโต คหิโต’’ติ. ธาตุโยว ธาตุสมูหํ คณฺหนฺติ, สณฺฑาเสน อคฺคิวณฺณปตฺตคฺคหเณ วิยาติ. เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิ จ ยถา ฉินฺนหตฺถปาเท วณมุเขหิ ปคฺฆริตปุพฺพโลหิตกิมิกุเล นีลมกฺขิกสมฺปริกิณฺเณ อนาถสาลายํ นิปนฺเน อนาถมนุสฺเส ทิสฺวา, เย ทยาลุกา ปุริสา, เต เตสํ วณมตฺตโจฬกานิ เจว กปาลาทีหิ จ เภสชฺชานิ อุปนาเมนฺติ. ตตฺถ โจฬกานิปิ เกสฺจิ สณฺหานิ, เกสฺจิ ถูลานิ ปาปุณนฺติ. เภสชฺชกปาลกานิปิ เกสฺจิ ¶ สุสณฺานานิ, เกสฺจิ ทุสฺสณฺานานิ ปาปุณนฺติ, น เต ตตฺถ สุมนา วา ทุมฺมนา วา โหนฺติ ¶ . วณปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนว หิ โจฬเกน, เภสชฺชปฏิคฺคหณมตฺเตเนว จ กปาลเกน เตสํ อตฺโถ. เอวเมว โย ภิกฺขุ วณโจฬกํ วิย จีวรํ, เภสชฺชกปาลกํ วิย จ ปตฺตํ, กปาเล เภสชฺชมิว จ ปตฺเต ลทฺธํ ภิกฺขํ สลฺลกฺเขติ, อยํ สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ อสมฺโมหสมฺปชฺเน อุตฺตมสมฺปชานการีติ เวทิตพฺโพ.
อสิตาทีสุ อสิเตติ ปิณฺฑปาตโภชเน. ปีเตติ ยาคุอาทิปาเน. ขายิเตติ ปิฏฺขชฺชาทิขาทเน. สายิเตติ มธุผาณิตาทิสายเน. ตตฺถ เนว ทวายาติอาทินา นเยน วุตฺโต อฏฺวิโธปิ อตฺโถ อตฺโถ นาม. ตสฺเสว วเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
ลูขปณีตติตฺตมธุรรสาทีสุ ¶ ปน เยน โภชเนน ยสฺส ผาสุ น โหติ, ตํ ตสฺส อสปฺปายํ. ยํ ปน นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ปฏิลทฺธํ, ยฺจสฺส ภฺุชโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ตํ เอกนฺตอสปฺปายเมว, วิปรีตํ สปฺปายํ. ตสฺส วเสเนตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ. กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ภฺุชโก นตฺถิ, วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปตฺตปฺปฏิคฺคหณํ นาม โหติ. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว หตฺถสฺส ปตฺเต โอตารณํ นาม โหติ. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว อาโลปกรณํ อาโลปอุทฺธารณํ มุขวิวรณฺจ โหติ, น โกจิ กฺุจิกาย ยนฺตเกน วา หนุกฏฺีนิ วิวรติ. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว อาโลปสฺส มุเข ปนํ, อุปริทนฺตานํ มุสลกิจฺจสาธนํ, เหฏฺิมทนฺตานํ อุทุกฺขลกิจฺจสาธนํ, ชิวฺหาย หตฺถกิจฺจสาธนฺจ โหติ. อิติ ตตฺถ อคฺคชิวฺหาย ตนุกเขโฬ มูลชิวฺหาย พหลเขโฬ มกฺเขติ. ตํ เหฏฺาทนฺตอุทุกฺขเล ชิวฺหาหตฺถปริวตฺตกํ เขโฬทเกน เตมิตํ อุปริทนฺตมุสลสฺจุณฺณิตํ โกจิ กฏจฺฉุนา ¶ วา ทพฺพิยา วา อนฺโตปเวเสนฺโต นาม นตฺถิ, วาโยธาตุยาว ปวิสติ. ปวิฏฺํ ปวิฏฺํ โกจิ ปลาลสนฺถารํ กตฺวา ธาเรนฺโต นาม นตฺถิ, วาโยธาตุวเสเนว ติฏฺติ. ิตํ ิตํ โกจิ อุทฺธนํ กตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา ปจนฺโต นาม นตฺถิ, เตโชธาตุยาว ปจฺจติ. ปกฺกํ ปกฺกํ โกจิ ทณฺฑเกน วา ¶ ยฏฺิยา วา พหิ นีหารโก นาม นตฺถิ, วาโยธาตุเยว นีหรติ. อิติ วาโยธาตุ ปฏิหรติ จ, วีติหรติ จ, ธาเรติ จ, ปริวตฺเตติ จ, สฺจุณฺเณติ จ, วิโสเสติ จ, นีหรติ จ. ปถวีธาตุ ธาเรติ จ, ปริวตฺเตติ จ, สฺจุณฺเณติ จ, วิโสเสติ จ. อาโปธาตุ สิเนเหติ จ, อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลติ. เตโชธาตุ อนฺโตปวิฏฺํ ปริปาเจติ. อากาสธาตุ อฺชโส โหติ. วิฺาณธาตุ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคมนฺวาย อาภุชตีติ. เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิ จ คมนโต ปริเยสนโต ปริโภคโต อาสยโต นิธานโต อปริปกฺกโต ปริปกฺกโต ผลโต นิสฺสนฺทโต สมฺมกฺขนโตติ, เอวํ ทสวิธปฏิกูลภาวปจฺจเวกฺขณโต เปตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. วิตฺถารกถา ปเนตฺถ วิสุทฺธิมคฺเค อาหารปฏิกูลสฺานิทฺเทสโต คเหตพฺพา.
อุจฺจารปสฺสาวกมฺเมติ อุจฺจารสฺส จ ปสฺสาวสฺส จ กรเณ. ตตฺถ ปตฺตกาเล อุจฺจารปสฺสาวํ อกโรนฺตสฺส สกลสรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ภมนฺติ, จิตฺตํ น เอกคฺคํ ¶ โหติ, อฺเ จ โรคา อุปฺปชฺชนฺติ. กโรนฺตสฺส ปน สพฺพํ ตํ น โหตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ตสฺส วเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อฏฺาเน อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺตสฺส ปน อาปตฺติ โหติ, อยโส วฑฺฒติ, ชีวิตนฺตราโย โหติ, ปติรูเป าเน กโรนฺตสฺส สพฺพํ ตํ น โหตีติ อิทเมตฺถ สปฺปายํ ตสฺส วเสน สปฺปายสมฺปชฺํ. กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม อุจฺจารปสฺสาวกมฺมํ กโรนฺโต นตฺถิ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปน อุจฺจารปสฺสาวกมฺมํ โหติ ¶ . ยถา วา ปน ปกฺเก คณฺเฑ คณฺฑเภเทน ปุพฺพโลหิตํ อกามตาย นิกฺขมติ. ยถา จ อติภริตา อุทกภาชนา อุทกํ อกามตาย นิกฺขมติ. เอวํ ปกฺกาสยมุตฺตวตฺถีสุ สนฺนิจิตา อุจฺจารปสฺสาวา วายุเวคสมุปฺปีฬิตา อกามตายปิ นิกฺขมนฺติ. โส ปนายํ เอวํ นิกฺขมนฺโต อุจฺจารปสฺสาโว เนว ¶ ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตโน โหติ, น ปรสฺส, เกวลํ สรีรนิสฺสนฺโทว โหติ. ยถา กึ? ยถา อุทกตุมฺพโต ปุราณุทกํ ฉฑฺเฑนฺตสฺส เนว ตํ อตฺตโน โหติ, น ปเรสํ; เกวลํ ปฏิชคฺคนมตฺตเมว โหติ; เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
คตาทีสุ คเตติ คมเน. ิเตติ าเน. นิสินฺเนติ นิสชฺชาย. สุตฺเตติ สยเน. ชาคริเตติ ชาครเณ. ภาสิเตติ กถเน. ตุณฺหีภาเวติ อกถเน. ‘‘คจฺฉนฺโต วา คจฺฉามีติ ปชานาติ, ิโต วา ิโตมฺหีติ ปชานาติ, นิสินฺโน วา นิสินฺโนมฺหีติ ปชานาติ, สยาโน วา สยาโนมฺหีติ ปชานาตี’’ติ อิมสฺมิฺหิ สุตฺเต อทฺธานอิริยาปถา กถิตา. ‘‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต อาโลกิเต วิโลกิเต สมิฺชิเต ปสาริเต’’ติ อิมสฺมึ มชฺฌิมา. ‘‘คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต’’ติ อิธ ปน ขุทฺทกจุณฺณิยอิริยาปถา กถิตา. ตสฺมา เตสุปิ วุตฺตนเยเนว สมฺปชานการิตา เวทิตพฺพา.
ติปิฏกมหาสิวตฺเถโร ปนาห – โย จิรํ คนฺตฺวา วา จงฺกมิตฺวา วา อปรภาเค ิโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘จงฺกมนกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ ¶ . อยํ คเต สมฺปชานการี นาม.
โย สชฺฌายํ วา กโรนฺโต, ปฺหํ วา วิสฺสชฺเชนฺโต, กมฺมฏฺานํ วา มนสิกโรนฺโต จิรํ ตฺวา ¶ อปรภาเค นิสินฺโน อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ิตกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ. อยํ ิเต สมฺปชานการี นาม.
โย สชฺฌายาทิกรณวเสเนว จิรํ นิสีทิตฺวา อปรภาเค อุฏฺาย อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘นิสินฺนกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ. อยํ นิสินฺเน สมฺปชานการี นาม.
โย ปน นิปนฺนโก สชฺฌายํ วา กโรนฺโต กมฺมฏฺานํ วา มนสิกโรนฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวา อปรภาเค อุฏฺาย อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘สยนกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ. อยํ สุตฺเต ชาคริเต จ สมฺปชานการี นาม. กิริยมยจิตฺตานฺหิ อปฺปวตฺตนํ โสปฺปํ นาม, ปวตฺตนํ ชาคริตํ นาม.
โย ¶ ปน ภาสมาโน – ‘‘อยํ สทฺโท นาม โอฏฺเ จ ปฏิจฺจ, ทนฺเต จ ชิวฺหฺจ ตาลฺุจ ปฏิจฺจ, จิตฺตสฺส จ ตทนุรูปํ ปโยคํ ปฏิจฺจ ชายตี’’ติ สโต สมฺปชาโนว ภาสติ. จิรํ วา ปน กาลํ สชฺฌายํ วา กตฺวา, ธมฺมํ วา กเถตฺวา, กมฺมฏฺานํ วา ปวตฺเตตฺวา, ปฺหํ วา วิสฺสชฺเชตฺวา, อปรภาเค ตุณฺหีภูโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ภาสิตกาเล อุปฺปนฺนา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ. อยํ ภาสิเต สมฺปชานการี นาม.
โย ตุณฺหีภูโต จิรํ ธมฺมํ วา กมฺมฏฺานํ วา มนสิกตฺวา อปรภาเค อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ตุณฺหีภูตกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ. อุปาทารูปปฺปวตฺติยฺหิ สติ ภาสติ นาม, อสติ ตุณฺหี ภวติ นามาติ. อยํ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี นามาติ.
ตยิทํ มหาสิวตฺเถเรน วุตฺตํ อสมฺโมหธุรํ มหาสติปฏฺานสุตฺเต อธิปฺเปตํ. อิมสฺมึ ปน สามฺผเล สพฺพมฺปิ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ ลพฺภติ. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว เจตฺถ จตุนฺนํ สมฺปชฺานํ วเสน สมฺปชานการิตา เวทิตพฺพา. สมฺปชานการีติ จ สพฺพปเทสุ สติสมฺปยุตฺตสฺเสว สมฺปชฺสฺส วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโตติ เอตสฺส หิ ปทสฺส อยํ วิตฺถาโร. วิภงฺคปฺปกรเณ ปน – ‘‘สโต สมฺปชาโน อภิกฺกมติ, สโต สมฺปชาโน ปฏิกฺกมตี’’ติ เอวํ เอตานิ ปทานิ วิภตฺตาเนว. เอวํ, โข มหาราชาติ เอวํ ¶ สติสมฺปยุตฺตสฺส สมฺปชฺสฺส ¶ วเสน อภิกฺกมาทีนิ ปวตฺเตนฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต นาม โหตีติ อตฺโถ.
สนฺโตสกถา
๒๑๕. อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหตีติ เอตฺถ สนฺตุฏฺโติ อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคโต. โส ปเนส สนฺโตโส ทฺวาทสวิโธ โหติ, เสยฺยถิทํ – จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ. เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ. ตสฺสายํ ปเภทวณฺณนา –
อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ, สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา. โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหติ. อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ปกติทุพฺพโล วา โหติ, อาพาธชราภิภูโต ¶ วา, ครุจีวรํ ปารุปนฺโต กิลมติ. โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ปณีตปจฺจยลาภี โหติ. โส ปตฺตจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆปตฺตจีวรํ พหูนิ วา ปน ปตฺตจีวรานิ ลภิตฺวา อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ, อิทํ พหุสฺสุตานํ อนุรูปํ, อิทํ คิลานานํ, อิทํ อปฺปลาภีนํ โหตูติ ทตฺวา เตสํ ปุราณจีวรํ วา คเหตฺวา สงฺการกูฏาทิโต วา นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา เตหิ สงฺฆาฏึ กตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปิณฺฑปาตํ ลภติ, เยนสฺส ปริภุตฺเตน อผาสุ โหติ. โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปายโภชนํ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร พหุํ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ. โส ตํ จีวรํ วิย เถรจิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภีคิลานานํ ทตฺวา เตสํ วา เสสกํ ปิณฺฑาย วา จริตฺวา ¶ มิสฺสกาหารํ ภฺุชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เสนาสนํ ลภติ, มนาปํ วา อมนาปํ วา, โส เตน เนว โสมนสฺสํ, น ¶ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทติ; อนฺตมโส ติณสนฺถารเกนปิ ยถาลทฺเธเนว ตุสฺสติ. อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา เสนาสนํ ลภติ, ยตฺถสฺส วสโต อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส สนฺตเก สปฺปายเสนาสเน วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส.
อปโร มหาปฺุโ เลณมณฺฑปกูฏาคาราทีนิ พหูนิ ปณีตเสนาสนานิ ลภติ. โส ตานิ จีวรํ วิย เถรจิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภีคิลานานํ ทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส ¶ เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส. โยปิ – ‘‘อุตฺตมเสนาสนํ นาม ปมาทฏฺานํ, ตตฺถ นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส ปุน ปฏิพุชฺฌโต กามวิตกฺกา ปาตุภวนฺตี’’ติ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา ตาทิสํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ. โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺโภกาสรุกฺขมูลาทีสุ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมฺปิสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ, ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส ยํ ลภติ, เตเนว ตุสฺสติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ. โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตลํ คเหตฺวา อฺเทว วา ปริเยสิตฺวา เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส.
อปโร มหาปฺุโ พหุํ เตลมธุผาณิตาทิปณีตเภสชฺชํ ลภติ. โส ตํ จีวรํ วิย เถรจิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภีคิลานานํ ทตฺวา เตสํ อาภเตน เยน เกนจิ ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. โย ปน เอกสฺมึ ภาชเน มุตฺตหรีฏกํ ¶ เปตฺวา เอกสฺมึ จตุมธุรํ – ‘‘คณฺหาหิ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสุ อฺตเรนปิ โรโค วูปสมฺมติ, อถ มุตฺตหรีฏกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิตนฺติ จตุมธุรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีฏเกเนว เภสชฺชํ กโรนฺโต ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิมินา ปน ทฺวาทสวิเธน อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อฏฺ ปริกฺขารา วฏฺฏนฺติ. ตีณิ จีวรานิ, ปตฺโต, ทนฺตกฏฺจฺเฉทนวาสิ, เอกา สูจิ, กายพนฺธนํ ปริสฺสาวนนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ติจีวรฺจ ¶ ปตฺโต จ, วาสิ สูจิ จ พนฺธนํ;
ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ.
เต สพฺเพ กายปริหาริกาปิ โหนฺติ กุจฺฉิปริหาริกาปิ. กถํ? ติจีวรํ ตาว นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ วิจรณกาเล กายํ ปริหรติ, โปเสตีติ กายปริหาริกํ โหติ. จีวรกณฺเณน อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา ¶ ปิวนกาเล ขาทิตพฺพผลาผลคหณกาเล จ กุจฺฉึ ปริหรติ; โปเสตีติ กุจฺฉิปริหาริกํ โหติ.
ปตฺโตปิ เตน อุทกํ อุทฺธริตฺวา นฺหานกาเล กุฏิปริภณฺฑกรณกาเล จ กายปริหาริโก โหติ. อาหารํ คเหตฺวา ภฺุชนกาเล กุจฺฉิปริหาริโก.
วาสิปิ ตาย ทนฺตกฏฺจฺเฉทนกาเล มฺจปีานํ องฺคปาทจีวรกุฏิทณฺฑกสชฺชนกาเล จ กายปริหาริกา โหติ. อุจฺฉุเฉทนนาฬิเกราทิตจฺฉนกาเล กุจฺฉิปริหาริกา.
สูจิปิ จีวรสิพฺพนกาเล กายปริหาริกา โหติ. ปูวํ วา ผลํ วา วิชฺฌิตฺวา ขาทนกาเล กุจฺฉิปริหาริกา.
กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา วิจรณกาเล กายปริหาริกํ. อุจฺฉุอาทีนิ พนฺธิตฺวา คหณกาเล กุจฺฉิปริหาริกํ.
ปริสฺสาวนํ เตน อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา นฺหานกาเล, เสนาสนปริภณฺฑกรณกาเล จ กายปริหาริกํ. ปานียํ ปริสฺสาวนกาเล, เตเนว ติลตณฺฑุลปุถุกาทีนิ คเหตฺวา ขาทนกาเล จ กุจฺฉิปริหาริยํ. อยํ ตาว อฏฺปริกฺขาริกสฺส ปริกฺขารมตฺตา. นวปริกฺขาริกสฺส ¶ ปน เสยฺยํ ปวิสนฺตสฺส ตตฺรฏฺกํ ปจฺจตฺถรณํ วา กฺุจิกา วา วฏฺฏติ. ทสปริกฺขาริกสฺส นิสีทนํ วา จมฺมขณฺฑํ วา วฏฺฏติ. เอกาทสปริกฺขาริกสฺส ปน กตฺตรยฏฺิ วา เตลนาฬิกา วา วฏฺฏติ. ทฺวาทสปริกฺขาริกสฺส ฉตฺตํ วา อุปาหนํ วา วฏฺฏติ. เอเตสุ จ อฏฺปริกฺขาริโกว สนฺตุฏฺโ, อิตเร อสนฺตุฏฺา มหิจฺฉา มหาภาราติ น วตฺตพฺพา. เอเตปิ หิ อปฺปิจฺฉาว สนฺตุฏฺาว สุภราว สลฺลหุกวุตฺติโนว. ภควา ปน น ยิมํ สุตฺตํ เตสํ วเสน กเถสิ, อฏฺปริกฺขาริกสฺส วเสน กเถสิ. โส หิ ขุทฺทกวาสิฺจ สูจิฺจ ปริสฺสาวเน ปกฺขิปิตฺวา ปตฺตสฺส อนฺโต เปตฺวา ปตฺตํ อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา ติจีวรํ กายปฏิพทฺธํ กตฺวา เยนิจฺฉกํ ¶ สุขํ ปกฺกมติ. ปฏินิวตฺเตตฺวา คเหตพฺพํ นามสฺส น โหติ. อิติ ¶ อิมสฺส ภิกฺขุโน สลฺลหุกวุตฺติตํ ทสฺเสนฺโต ภควา – ‘‘สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กายปริหาริเกนาติ กายปริหรณมตฺตเกน. กุจฺฉิปริหาริเกนาติ กุจฺฉิปริหรณมตฺตเกน. สมาทาเยว ปกฺกมตีติ อฏฺปริกฺขารมตฺตกํ สพฺพํ คเหตฺวาว กายปฏิพทฺธํ กตฺวาว คจฺฉติ. ‘‘มม วิหาโร ปริเวณํ อุปฏฺาโก’’ติ อาสงฺโค วา พนฺโธ วา น โหติ. โส ชิยา มุตฺโต สโร วิย, ยูถา อปกฺกนฺโต มทหตฺถี วิย จ อิจฺฉิติจฺฉิตํ เสนาสนํ วนสณฺฑํ รุกฺขมูลํ วนปพฺภารํ ปริภฺุชนฺโต เอโกว ติฏฺติ, เอโกว นิสีทติ. สพฺพิริยาปเถสุ เอโกว อทุติโย.
‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ,
สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน;
ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภี,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. (สุ. นิ. ๔๒);
เอวํ วณฺณิตํ ขคฺควิสาณกปฺปตํ อาปชฺชติ.
อิทานิ ¶ ตมตฺถํ อุปมาย สาเธนฺโต – ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปกฺขี สกุโณติ ปกฺขยุตฺโต สกุโณ. เฑตีติ อุปฺปตติ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – สกุณา นาม ‘‘อสุกสฺมึ ปเทเส รุกฺโข ปริปกฺกผโล’’ติ ตฺวา นานาทิสาหิ อาคนฺตฺวา นขปตฺตตุณฺฑาทีหิ ตสฺส ผลานิ วิชฺฌนฺตา วิธุนนฺตา ขาทนฺติ. ‘อิทํ อชฺชตนาย, อิทํ สฺวาตนาย ภวิสฺสตี’ติ เตสํ น โหติ. ผเล ปน ขีเณ เนว รุกฺขสฺส อารกฺขํ เปนฺติ, น ตตฺถ ปตฺตํ วา นขํ วา ตุณฺฑํ วา เปนฺติ. อถ โข ตสฺมึ รุกฺเข อนเปกฺโข หุตฺวา, โย ยํ ทิสาภาคํ อิจฺฉติ, โส เตน สปตฺตภาโรว อุปฺปติตฺวา คจฺฉติ. เอวเมว อยํ ภิกฺขุ นิสฺสงฺโค นิรเปกฺโข เยน กามํ ปกฺกมติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมาทาเยว ปกฺกมตี’’ติ.
นีวรณปฺปหานกถา
๒๑๖. โส ¶ อิมินา จาติอาทินา กึ ทสฺเสติ? อรฺวาสสฺส ปจฺจยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. ยสฺส หิ อิเม จตฺตาโร ปจฺจยา นตฺถิ, ตสฺส อรฺวาโส น อิชฺฌติ. ติรจฺฉานคเตหิ วา วนจรเกหิ วา สทฺธึ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ. อรฺเ อธิวตฺถา เทวตา – ‘‘กึ ¶ เอวรูปสฺส ปาปภิกฺขุโน อรฺวาเสนา’’ติ เภรวสทฺทํ สาเวนฺติ, หตฺเถหิ สีสํ ปหริตฺวา ปลายนาการํ กโรนฺติ. ‘‘อสุโก ภิกฺขุ อรฺํ ปวิสิตฺวา อิทฺจิทฺจ ปาปกมฺมํ อกาสี’’ติ อยโส ปตฺถรติ. ยสฺส ปเนเต จตฺตาโร ปจฺจยา อตฺถิ, ตสฺส อรฺวาโส อิชฺฌติ. โส หิ อตฺตโน สีลํ ปจฺจเวกฺขนฺโต กิฺจิ กาฬกํ วา ติลกํ วา อปสฺสนฺโต ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ขยวยโต สมฺมสนฺโต อริยภูมึ โอกฺกมติ. อรฺเ อธิวตฺถา เทวตา อตฺตมนา วณฺณํ ภณนฺติ. อิติสฺส อุทเก ปกฺขิตฺตเตลพินฺทุ วิย ยโส วิตฺถาริโก โหติ.
ตตฺถ วิวิตฺตนฺติ สฺุํ, อปฺปสทฺทํ, อปฺปนิคฺโฆสนฺติ อตฺโถ. เอตเทว หิ สนฺธาย วิภงฺเค – ‘‘วิวิตฺตนฺติ สนฺติเก เจปิ เสนาสนํ โหติ, ตฺจ อนากิณฺณํ คหฏฺเหิ ปพฺพชิเตหิ. เตน ตํ วิวิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เสติ เจว อาสติ จ เอตฺถาติ เสนาสนํ มฺจปีาทีนเมตํ อธิวจนํ. เตนาห – ‘‘เสนาสนนฺติ มฺโจปิ เสนาสนํ ¶ , ปีมฺปิ, ภิสิปิ, พิมฺโพหนมฺปิ, วิหาโรปิ, อฑฺฒโยโคปิ, ปาสาโทปิ, หมฺมิยมฺปิ, คุหาปิ, อฏฺโฏปิ, มาโฬปิ เลณมฺปิ, เวฬุคุมฺโพปิ, รุกฺขมูลมฺปิ, มณฺฑโปปิ, เสนาสนํ, ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฏิกฺกมนฺติ, สพฺพเมตํ เสนาสน’’นฺติ (วิภ. ๕๒๗).
อปิ จ – ‘‘วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหา’’ติ อิทํ วิหารเสนาสนํ นาม. ‘‘มฺโจ ปีํ ภิสิ พิมฺโพหน’’นฺติ อิทํ มฺจปีเสนาสนํ นาม. ‘‘จิมิลิกา จมฺมขณฺโฑ ติณสนฺถาโร ปณฺณสนฺถาโร’’ติ อิทํ สนฺถตเสนาสนํ นาม. ‘‘ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฏิกฺกมนฺตี’’ติ อิทํ โอกาสเสนาสนํ นามาติ. เอวํ จตุพฺพิธํ เสนาสนํ โหติ, ตํ สพฺพํ เสนาสนคฺคหเณน สงฺคหิตเมว.
อิธ ปนสฺส สกุณสทิสสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุโน อนุจฺฉวิกเสนาสนํ ทสฺเสนฺโต อรฺํ รุกฺขมูลนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อรฺนฺติ นิกฺขมิตฺวา ¶ พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺนฺติ. อิทํ ภิกฺขุนีนํ วเสน อาคตํ. ‘‘อารฺกํ นาม เสนาสนํ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อิทํ ปน อิมสฺส ภิกฺขุโน อนุรูปํ. ตสฺส ลกฺขณํ วิสุทฺธิมคฺเค ธุตงฺคนิทฺเทเส วุตฺตํ. รุกฺขมูลนฺติ ยํ กิฺจิ สนฺทจฺฉายํ วิวิตฺตรุกฺขมูลํ. ปพฺพตนฺติ เสลํ. ตตฺถ หิ อุทกโสณฺฑีสุ อุทกกิจฺจํ กตฺวา สีตาย รุกฺขจฺฉายาย นิสินฺนสฺส นานาทิสาสุ ขายมานาสุ สีเตน วาเตน พีชิยมานสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ. กนฺทรนฺติ กํ วุจฺจติ อุทกํ, เตน ทาริตํ, อุทเกน ภินฺนํ ปพฺพตปเทสํ. ยํ นทีตุมฺพนฺติปิ, นทีกฺุชนฺติปิ ¶ วทนฺติ. ตตฺถ หิ รชตปฏฺฏสทิสา วาลิกา โหติ, มตฺถเก มณิวิตานํ วิย วนคหณํ, มณิขนฺธสทิสํ อุทกํ สนฺทติ. เอวรูปํ กนฺทรํ โอรุยฺห ปานียํ ปิวิตฺวา คตฺตานิ สีตานิ กตฺวา วาลิกํ อุสฺสาเปตฺวา ¶ ปํสุกูลจีวรํ ปฺเปตฺวา นิสินฺนสฺส สมณธมฺมํ กโรโต จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ. คิริคุหนฺติ ทฺวินฺนํ ปพฺพตานํ อนฺตเร, เอกสฺมึเยว วา อุมคฺคสทิสํ มหาวิวรํ สุสานลกฺขณํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ. วนปตฺถนฺติ คามนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานํ, ยตฺถ น กสนฺติ น วปนฺติ, เตเนวาห – ‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติอาทิ. อพฺโภกาสนฺติ อจฺฉนฺนํ. อากงฺขมาโน ปเนตฺถ จีวรกุฏึ กตฺวา วสติ. ปลาลปฺุชนฺติ ปลาลราสิ. มหาปลาลปฺุชโต หิ ปลาลํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา ปพฺภารเลณสทิเส อาลเย กโรนฺติ, คจฺฉคุมฺภาทีนมฺปิ อุปริ ปลาลํ ปกฺขิปิตฺวา เหฏฺา นิสินฺนา สมณธมฺมํ กโรนฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ปจฺฉาภตฺตนฺติ ภตฺตสฺส ปจฺฉโต. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโตติ ปิณฺฑปาตปริเยสนโต ปฏิกฺกนฺโต. ปลฺลงฺกนฺติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ. อาภุชิตฺวาติ พนฺธิตฺวา. อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมํ สรีรํ อุชุํ เปตฺวา อฏฺารส ปิฏฺิกณฺฏกฏฺิเก โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาเทตฺวา. เอวฺหิ นิสินฺนสฺส จมฺมมํสนฺหารูนิ น ปณมนฺติ. อถสฺส ยา เตสํ ปณมนปจฺจยา ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตา นุปฺปชฺชนฺติ. ตาสุ อนุปฺปชฺชมานาสุ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฏฺานํ น ปริปตติ, วุฑฺฒึ ผาตึ เวปุลฺลํ อุปคจฺฉติ. ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวาติ กมฺมฏฺานาภิมุขํ สตึ ปยิตฺวา. มุขสมีเป ¶ วา กตฺวาติ อตฺโถ. เตเนว วิภงฺเค วุตฺตํ – ‘‘อยํ สติ อุปฏฺิตา โหติ สูปฏฺิตา นาสิกคฺเค ¶ วา มุขนิมิตฺเต วา, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ (วิภ. ๕๓๗). อถวา ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ. มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ. สตีติ อุปฏฺานฏฺโ. เตน วุจฺจติ – ‘‘ปริมุขํ สติ’’นฺติ. เอวํ ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตนเยนเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตตฺรายํ สงฺเขโป – ‘‘ปริคฺคหิตนิยฺยานสตึ กตฺวา’’ติ.
๒๑๗. อภิชฺฌํ โลเกติ เอตฺถ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา โลโก, ตสฺมา ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ราคํ ปหาย กามจฺฉนฺทํ วิกฺขมฺเภตฺวาติ อยเมตฺถตฺโถ. วิคตาภิชฺเฌนาติ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนตฺตา วิคตาภิชฺเฌน, น จกฺขุวิฺาณสทิเสนาติ อตฺโถ. อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธตีติ อภิชฺฌาโต จิตฺตํ ปริโมเจติ. ยถา ตํ สา มฺุจติ เจว, มฺุจิตฺวา จ น ปุน คณฺหติ, เอวํ กโรตีติ อตฺโถ. พฺยาปาทปโทสํ ปหายาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. พฺยาปชฺชติ อิมินา จิตฺตํ ปูติกุมฺมาสาทโย วิย ปุริมปกตึ วิชหตีติ พฺยาปาโท. วิการาปตฺติยา ปทุสฺสติ, ปรํ วา ปทูเสติ วินาเสตีติ ปโทโส. อุภยเมตํ โกธสฺเสวาธิวจนํ ¶ . ถินํ จิตฺตเคลฺํ. มิทฺธํ เจตสิกเคลฺํ, ถินฺจ มิทฺธฺจ ถินมิทฺธํ. อาโลกสฺีติ รตฺติมฺปิ ทิวาทิฏฺาโลกสฺชานนสมตฺถาย วิคตนีวรณาย ปริสุทฺธาย สฺาย สมนฺนาคโต. สโต สมฺปชาโนติ สติยา จ าเณน จ สมนฺนาคโต. อิทํ อุภยํ อาโลกสฺาย อุปการตฺตา วุตฺตํ. อุทฺธจฺจฺจ กุกฺกุจฺจฺจ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ. ติณฺณวิจิกิจฺโฉติ วิจิกิจฺฉํ ตริตฺวา อติกฺกมิตฺวา ิโต. ‘‘กถมิทํ กถมิท’’นฺติ เอวํ นปฺปวตฺตตีติ อกถํกถี. กุสเลสุ ธมฺเมสูติ อนวชฺเชสุ ธมฺเมสุ. ‘‘อิเม นุ โข กุสลา กถมิเม กุสลา’’ติ เอวํ น วิจิกิจฺฉติ. น กงฺขตีติ อตฺโถ. อยเมตฺถ ¶ สงฺเขโป. อิเมสุ ปน นีวรเณสุ วจนตฺถลกฺขณาทิเภทโต ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ.
๒๑๘. ยา ปนายํ เสยฺยถาปิ มหาราชาติ อุปมา วุตฺตา. ตตฺถ อิณํ อาทายาติ วฑฺฒิยา ธนํ คเหตฺวา. พฺยนฺตึ กเรยฺยาติ วิคตนฺตํ กเรยฺย ¶ , ยถา เตสํ กากณิกมตฺโตปิ ปริยนฺโต นาม นาวสิสฺสติ, เอวํ กเรยฺย; สพฺพโส ปฏินิยฺยาเตยฺยาติ อตฺโถ. ตโต นิทานนฺติ อาณณฺยนิทานํ. โส หิ ‘‘อณโณมฺหี’’ติ อาวชฺชนฺโต พลวปาโมชฺชํ ลภติ, โสมนสฺสํ อธิคจฺฉติ, เตน วุตฺตํ – ‘‘ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺส’’นฺติ.
๒๑๙. วิสภาคเวทนุปฺปตฺติยา กกเจเนว จตุอิริยาปถํ ฉินฺทนฺโต อาพาธตีติ อาพาโธ, สฺวาสฺส อตฺถีติ อาพาธิโก. ตํ สมุฏฺาเนน ทุกฺเขน ทุกฺขิโต. อธิมตฺตคิลาโนติ พาฬฺหคิลาโน. นจฺฉาเทยฺยาติ อธิมตฺตพฺยาธิปเรตตาย น รุจฺเจยฺย. พลมตฺตาติ พลเมว, พลฺจสฺส กาเย น ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ตโตนิทานนฺติ อาโรคฺยนิทานํ. ตสฺส หิ – ‘‘อโรโคมฺหี’’ติ อาวชฺชยโต ตทุภยํ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺส’’นฺติ.
๒๒๐. น จสฺส กิฺจิ โภคานํ วโยติ กากณิกมตฺตมฺปิ โภคานํ วโย น ภเวยฺย. ตโตนิทานนฺติ พนฺธนาโมกฺขนิทานํ. เสสํ วุตฺตนเยเนว สพฺพปเทสุ โยเชตพฺพํ.
๒๒๑-๒๒๒. อนตฺตาธีโนติ น อตฺตนิ อธีโน, อตฺตโน รุจิยา กิฺจิ กาตุํ น ลภติ. ปราธีโนติ ปเรสุ อธีโน ปรสฺเสว รุจิยา วตฺตติ. น เยน กามํ คโมติ เยน ทิสาภาเคนสฺส คนฺตุกามตา โหติ, อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ คมนาย, เตน คนฺตุํ น ลภติ. ทาสพฺยาติ ¶ ทาสภาวา. ภุชิสฺโสติ อตฺตโน สนฺตโก. ตโตนิทานนฺติ ภุชิสฺสนิทานํ. กนฺตารทฺธานมคฺคนฺติ ¶ กนฺตารํ อทฺธานมคฺคํ, นิรุทกํ ทีฆมคฺคนฺติ อตฺโถ. ตโตนิทานนฺติ เขมนฺตภูมินิทานํ.
๒๒๓. อิเม ปฺจ นีวรเณ อปฺปหีเนติ เอตฺถ ภควา อปฺปหีนกามจฺฉนฺทนีวรณํ อิณสทิสํ, เสสานิ โรคาทิสทิสานิ กตฺวา ทสฺเสติ. ตตฺรายํ สทิสตา. โย หิ ปเรสํ อิณํ คเหตฺวา วินาเสติ, โส เตหิ อิณํ เทหีติ วุจฺจมาโนปิ ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ พชฺฌมาโนปิ วธียมาโนปิ ¶ กิฺจิ ปฏิพาหิตุํ น สกฺโกติ, สพฺพํ ติติกฺขติ. ติติกฺขาการณํ หิสฺส ตํ อิณํ โหติ. เอวเมว โย ยมฺหิ กามจฺฉนฺเทน รชฺชติ, ตณฺหาสหคเตน ตํ วตฺถุํ คณฺหติ, โส เตน ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ พชฺฌมาโนปิ วธียมาโนปิ สพฺพํ ติติกฺขติ, ติติกฺขาการณํ หิสฺส โส กามจฺฉนฺโท โหติ, ฆรสามิเกหิ วธียมานานํ อิตฺถีนํ วิยาติ, เอวํ อิณํ วิย กามจฺฉนฺโท ทฏฺพฺโพ.
ยถา ปน ปิตฺตโรคาตุโร มธุสกฺกราทีสุปิ ทินฺเนสุ ปิตฺตโรคาตุรตาย เตสํ รสํ น วินฺทติ, ‘‘ติตฺตกํ ติตฺตก’’นฺติ อุคฺคิรติเยว. เอวเมว พฺยาปนฺนจิตฺโต หิตกาเมหิ อาจริยุปชฺฌาเยหิ อปฺปมตฺตกมฺปิ โอวทิยมาโน โอวาทํ น คณฺหติ. ‘‘อติ วิย เม ตุมฺเห อุปทฺทเวถา’’ติอาทีนิ วตฺวา วิพฺภมติ. ปิตฺตโรคาตุรตาย โส ปุริโส มธุสกฺกราทีนํ วิย โกธาตุรตาย ฌานสุขาทิเภทํ สาสนรสํ น วินฺทตีติ. เอวํ โรโค วิย พฺยาปาโท ทฏฺพฺโพ.
ยถา ปน นกฺขตฺตทิวเส พนฺธนาคาเร พทฺโธ ปุริโส นกฺขตฺตสฺส เนว อาทึ น มชฺฌํ น ปริโยสานํ ปสฺสติ. โส ทุติยทิวเส มุตฺโต อโห หิยฺโย นกฺขตฺตํ มนาปํ, อโห นจฺจํ, อโห คีตนฺติอาทีนิ สุตฺวาปิ ปฏิวจนํ น เทติ. กึ การณา? นกฺขตฺตสฺส อนนุภูตตฺตา. เอวเมว ¶ ถินมิทฺธาภิภูโต ภิกฺขุ วิจิตฺตนเยปิ ธมฺมสฺสวเน ปวตฺตมาเน เนว ตสฺส อาทึ น มชฺฌํ น ปริโยสานํ ชานาติ. โสปิ อุฏฺิเต ธมฺมสฺสวเน อโห ธมฺมสฺสวนํ, อโห การณํ, อโห อุปมาติ ธมฺมสฺสวนสฺส วณฺณํ ภณมานานํ สุตฺวาปิ ปฏิวจนํ น เทติ. กึ การณา? ถินมิทฺธวเสน ธมฺมกถาย อนนุภูตตฺตา. เอวํ พนฺธนาคารํ วิย ถินมิทฺธํ ทฏฺพฺพํ.
ยถา ปน นกฺขตฺตํ กีฬนฺโตปิ ทาโส – ‘‘อิทํ นาม อจฺจายิกํ กรณียํ อตฺถิ, สีฆํ ตตฺถ คจฺฉาหิ. โน เจ คจฺฉสิ, หตฺถปาทํ วา เต ฉินฺทามิ กณฺณนาสํ วา’’ติ วุตฺโต สีฆํ คจฺฉติเยว ¶ . นกฺขตฺตสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานํ อนุภวิตุํ น ลภติ, กสฺมา? ปราธีนตาย, เอวเมว วินเย อปกตฺุนา วิเวกตฺถาย อรฺํ ปวิฏฺเนาปิ กิสฺมิฺจิเทว ¶ อนฺตมโส กปฺปิยมํเสปิ อกปฺปิยมํสสฺาย อุปฺปนฺนาย วิเวกํ ปหาย สีลวิโสธนตฺถํ วินยธรสฺส สนฺติกํ คนฺตพฺพํ โหติ, วิเวกสุขํ อนุภวิตุํ น ลภติ, กสฺมา? อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจาภิภูตตายาติ. เอวํ ทาสพฺยํ วิย อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ทฏฺพฺพํ.
ยถา ปน กนฺตารทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน ปุริโส โจเรหิ มนุสฺสานํ วิลุตฺโตกาสํ ปหโตกาสฺจ ทิสฺวา ทณฺฑกสทฺเทนปิ สกุณสทฺเทนปิ ‘‘โจรา อาคตา’’ติ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิโตว โหติ, คจฺฉติปิ ติฏฺติปิ นิวตฺตติปิ, คตฏฺานโต อคตฏฺานเมว พหุตรํ โหติ. โส กิจฺเฉน กสิเรน เขมนฺตภูมึ ปาปุณาติ วา น วา ปาปุณาติ. เอวเมว ยสฺส อฏฺสุ าเนสุ วิจิกิจฺฉา อุปฺปนฺนา โหติ, โส – ‘‘พุทฺโธ นุ โข, โน นุ โข พุทฺโธ’’ติอาทินา นเยน วิจิกิจฺฉนฺโต อธิมุจฺจิตฺวา สทฺธาย คณฺหิตุํ น สกฺโกติ. อสกฺโกนฺโต มคฺคํ วา ผลํ วา น ปาปุณาตีติ. ยถา กนฺตารทฺธานมคฺเค – ‘‘โจรา อตฺถิ นตฺถี’’ติ ปุนปฺปุนํ อาสปฺปนปริสปฺปนํ อปริโยคาหนํ ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส ¶ อุปฺปาเทนฺโต เขมนฺตปตฺติยา อนฺตรายํ กโรติ, เอวํ วิจิกิจฺฉาปิ – ‘‘พุทฺโธ นุ โข, น พุทฺโธ’’ติอาทินา นเยน ปุนปฺปุนํ อาสปฺปนปริสปฺปนํ อปริโยคาหนํ ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปฺปาทยมานา อริยภูมิปฺปตฺติยา อนฺตรายํ กโรตีติ กนฺตารทฺธานมคฺโค วิย วิจิกิจฺฉา ทฏฺพฺพา.
๒๒๔. อิทานิ – ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, อาณณฺย’’นฺติ เอตฺถ ภควา ปหีนกามจฺฉนฺทนีวรณํ อาณณฺยสทิสํ, เสสานิ อาโรคฺยาทิสทิสานิ กตฺวา ทสฺเสติ. ตตฺรายํ สทิสตา, ยถา หิ ปุริโส อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชตฺวา สมิทฺธตํ ปตฺโต – ‘‘อิทํ อิณํ นาม ปลิโพธมูล’’นฺติ จินฺเตตฺวา สวฑฺฒิกํ อิณํ นิยฺยาเตตฺวา ปณฺณํ ผาลาเปยฺย. อถสฺส ตโต ปฏฺาย เนว โกจิ ทูตํ เปเสติ, น ปณฺณํ. โส อิณสามิเก ทิสฺวาปิ สเจ อิจฺฉติ, อาสนา อุฏฺหติ, โน เจ น อุฏฺหติ, กสฺมา? เตหิ สทฺธึ นิลฺเลปตาย อลคฺคตาย. เอวเมว ภิกฺขุ – ‘‘อยํ กามจฺฉนฺโท นาม ปลิโพธมูล’’นฺติ จินฺเตตฺวา ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปชหติ. เต ปน ฉ ธมฺเม มหาสติปฏฺาเน วณฺณยิสฺสาม. ตสฺเสวํ ปหีนกามจฺฉนฺทสฺส ¶ ยถา อิณมุตฺตสฺส ปุริสสฺส อิณสฺสามิเก ทิสฺวา เนว ภยํ น ฉมฺภิตตฺตํ โหติ. เอวเมว ปรวตฺถุมฺหิ เนว สงฺโค น พทฺโธ โหติ. ทิพฺพานิปิ รูปานิ ปสฺสโต กิเลโส น สมุทาจรติ. ตสฺมา ภควา อาณณฺยมิว กามจฺฉนฺทปฺปหานํ อาห.
ยถา ¶ ปน โส ปิตฺตโรคาตุโร ปุริโส เภสชฺชกิริยาย ตํ โรคํ วูปสเมตฺวา ตโต ปฏฺาย มธุสกฺกราทีนํ รสํ วินฺทติ. เอวเมว ภิกฺขุ ‘‘อยํ พฺยาปาโท นาม มหา อนตฺถกโร’’ติ ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา พฺยาปาทนีวรณํ ปชหติ. สพฺพนีวรเณสุ ฉ ธมฺเม มหาสติปฏฺาเนเยว วณฺณยิสฺสาม. น เกวลฺจ เตเยว, เยปิ ถินมิทฺธาทีนํ ปหานาย ภาเวตพฺพา, เตปิ สพฺเพ ตตฺเถว วณฺณยิสฺสาม. โส เอวํ ปหีนพฺยาปาโท ยถา ปิตฺตโรควิมุตฺโต ปุริโส มธุสกฺกราทีนํ รสํ สมฺปิยายมาโน ปฏิเสวติ, เอวเมว อาจารปณฺณตฺติอาทีนิ ¶ สิกฺขาปทานิ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สมฺปิยายมาโน สิกฺขติ. ตสฺมา ภควา อาโรคฺยมิว พฺยาปาทปฺปหานํ อาห.
ยถา โส นกฺขตฺตทิวเส พนฺธนาคารํ ปเวสิโต ปุริโส อปรสฺมึ นกฺขตฺตทิวเส – ‘‘ปุพฺเพปิ อหํ ปมาทโทเสน พทฺโธ, เตน นกฺขตฺตํ นานุภวึ. อิทานิ อปฺปมตฺโต ภวิสฺสามี’’ติ ยถาสฺส ปจฺจตฺถิกา โอกาสํ น ลภนฺติ, เอวํ อปฺปมตฺโต หุตฺวา นกฺขตฺตํ อนุภวิตฺวา – ‘อโห นกฺขตฺตํ, อโห นกฺขตฺต’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ, เอวเมว ภิกฺขุ – ‘‘อิทํ ถินมิทฺธํ นาม มหาอนตฺถกร’’นฺติ ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา ถินมิทฺธนีวรณํ ปชหติ, โส เอวํ ปหีนถินมิทฺโธ ยถา พนฺธนา มุตฺโต ปุริโส สตฺตาหมฺปิ นกฺขตฺตสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานํ อนุภวติ, เอวเมว ธมฺมนกฺขตฺตสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานํ อนุภวนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณาติ. ตสฺมา ภควา พนฺธนา โมกฺขมิว ถินมิทฺธปฺปหานํ อาห.
ยถา ปน ทาโส กิฺจิเทว มิตฺตํ อุปนิสฺสาย สามิกานํ ธนํ ทตฺวา อตฺตานํ ภุชิสฺสํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย ยํ อิจฺฉติ, ตํ กโรติ. เอวเมว ภิกฺขุ – ‘‘อิทํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ นาม มหา อนตฺถกร’’นฺติ ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปชหติ. โส เอวํ ปหีนอุทฺธจฺจกุกฺกุจฺโจ ยถา ภุชิสฺโส ปุริโส ยํ อิจฺฉติ, ตํ กโรติ, น ตํ โกจิ พลกฺกาเรน ตโต นิวตฺเตติ ¶ , เอวเมว ยถา สุขํ เนกฺขมฺมปฏิปทํ ปฏิปชฺชติ, น ตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ พลกฺกาเรน ตโต นิวตฺเตติ. ตสฺมา ภควา ภุชิสฺสํ วิย อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปฺปหานํ อาห.
ยถา พลวา ปุริโส หตฺถสารํ คเหตฺวา สชฺชาวุโธ สปริวาโร กนฺตารํ ปฏิปชฺเชยฺย, ตํ โจรา ทูรโตว ทิสฺวา ปลาเยยฺยุํ. โส โสตฺถินา ตํ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา เขมนฺตํ ปตฺโต หฏฺตุฏฺโ อสฺส. เอวเมว ภิกฺขุ ‘‘อยํ วิจิกิจฺฉา นาม มหา อนตฺถการิกา’’ติ ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา วิจิกิจฺฉํ ปชหติ ¶ . โส เอวํ ปหีนวิจิกิจฺโฉ ยถา พลวา ปุริโส สชฺชาวุโธ สปริวาโร นิพฺภโย โจเร ติณํ วิย อคเณตฺวา โสตฺถินา นิกฺขมิตฺวา เขมนฺตภูมึ ปาปุณาติ, เอวเมว ภิกฺขุ ¶ ทุจฺจริตกนฺตารํ นิตฺถริตฺวา ปรมํ เขมนฺตภูมึ อมตํ มหานิพฺพานํ ปาปุณาติ. ตสฺมา ภควา เขมนฺตภูมึ วิย วิจิกิจฺฉาปหานํ อาห.
๒๒๕. ปาโมชฺชํ ชายตีติ ตุฏฺากาโร ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตีติ ตุฏฺสฺส สกลสรีรํ โขภยมานา ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภตีติ ปีติสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส นามกาโย ปสฺสมฺภติ, วิคตทรโถ โหติ. สุขํ เวเทตีติ กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ สุขํ เวทยติ. จิตฺตํ สมาธิยตีติ อิมินา เนกฺขมฺมสุเขน สุขิตสฺส อุปจารวเสนปิ อปฺปนาวเสนปิ จิตฺตํ สมาธิยติ.
ปมชฺฌานกถา
๒๒๖. โส วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตีติอาทิ ปน อุปจารสมาธินา สมาหิเต จิตฺเต อุปริวิเสสทสฺสนตฺถํ อปฺปนาสมาธินา สมาหิเต จิตฺเต ตสฺส สมาธิโน ปเภททสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิมเมว กายนฺติ อิมํ กรชกายํ. อภิสนฺเทตีติ เตเมติ สฺเนเหติ, สพฺพตฺถ ปวตฺตปีติสุขํ กโรติ. ปริสนฺเทตีติ สมนฺตโต สนฺเทติ. ปริปูเรตีติ วายุนา ภสฺตํ วิย ปูเรติ. ปริปฺผรตีติ สมนฺตโต ผุสติ. สพฺพาวโต กายสฺสาติ อสฺส ภิกฺขุโน สพฺพโกฏฺาสวโต กายสฺส กิฺจิ อุปาทินฺนกสนฺตติปวตฺติฏฺาเน ฉวิมํสโลหิตานุคตํ ¶ อณุมตฺตมฺปิ านํ ปมชฺฌานสุเขน อผุฏํ นาม น โหติ.
๒๒๗. ทกฺโขติ เฉโก ปฏิพโล นฺหานียจุณฺณานิ กาตฺุเจว ปโยเชตฺุจ สนฺเนตฺุจ. กํสถาเลติ เยน เกนจิ โลเหน กตภาชเน. มตฺติกภาชนํ ปน ถิรํ น โหติ. สนฺเนนฺตสฺส ภิชฺชติ. ตสฺมา ตํ น ทสฺเสติ. ปริปฺโผสกํ ¶ ปริปฺโผสกนฺติ สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา. สนฺเนยฺยาติ วามหตฺเถน กํสถาลํ คเหตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน ปมาณยุตฺตํ อุทกํ สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา ปริมทฺทนฺโต ปิณฺฑํ กเรยฺย. สฺเนหานุคตาติ อุทกสิเนเหน อนุคตา. สฺเนหปเรตาติ อุทกสิเนเหน ปริคฺคหิตา. สนฺตรพาหิราติ สทฺธึ อนฺโตปเทเสน เจว พหิปเทเสน จ สพฺพตฺถกเมว อุทกสิเนเหน ผุฏาติ อตฺโถ. น จ ปคฺฆรณีติ น จ พินฺทุ พินฺทุ อุทกํ ปคฺฆรติ, สกฺกา โหติ หตฺเถนปิ ทฺวีหิปิ ตีหิปิ องฺคุลีหิ คเหตุํ โอวฏฺฏิกายปิ กาตุนฺติ อตฺโถ.
ทุติยชฺฌานกถา
๒๒๘-๒๒๙. ทุติยชฺฌานสุขูปมายํ ¶ อุพฺภิโททโกติ อุพฺภินฺนอุทโก, น เหฏฺา อุพฺภิชฺชิตฺวา อุคฺคจฺฉนกอุทโก. อนฺโตเยว ปน อุพฺภิชฺชนกอุทโกติ อตฺโถ. อายมุขนฺติ อาคมนมคฺโค. เทโวติ เมโฆ. กาเลน กาลนฺติ กาเล กาเล, อนฺวทฺธมาสํ วา อนุทสาหํ วาติ อตฺโถ. ธารนฺติ วุฏฺึ. น อนุปฺปเวจฺเฉยฺยาติ น จ ปเวเสยฺย, น วสฺเสยฺยาติ อตฺโถ. สีตา วาริธารา อุพฺภิชฺชิตฺวาติ สีตํ ธารํ อุคฺคนฺตฺวา รหทํ ปูรยมานํ อุพฺภิชฺชิตฺวา. เหฏฺา อุคฺคจฺฉนอุทกฺหิ อุคฺคนฺตฺวา อุคฺคนฺตฺวา ภิชฺชนฺตํ อุทกํ โขเภติ, จตูหิ ทิสาหิ ปวิสนอุทกํ ปุราณปณฺณติณกฏฺทณฺฑกาทีหิ อุทกํ โขเภติ, วุฏฺิอุทกํ ธารานิปาตปุพฺพุฬเกหิ อุทกํ โขเภติ. สนฺนิสินฺนเมว ปน หุตฺวา อิทฺธินิมฺมิตมิว อุปฺปชฺชมานํ อุทกํ อิมํ ปเทสํ ผรติ, อิมํ ปเทสํ น ผรตีติ นตฺถิ, เตน อผุโฏกาโส นาม น โหตีติ. ตตฺถ รหโท วิย กรชกาโย. อุทกํ วิย ทุติยชฺฌานสุขํ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ตติยชฺฌานกถา
๒๓๐-๒๓๑. ตติยชฺฌานสุขูปมายํ ¶ ¶ อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ เสตรตฺตนีเลสุ ยํ กิฺจิ อุปฺปลํ อุปฺปลเมว. อูนกสตปตฺตํ ปุณฺฑรีกํ, สตปตฺตํ ปทุมํ. ปตฺตนิยมํ วา วินาปิ เสตํ ปทุมํ, รตฺตํ ปุณฺฑรีกนฺติ อยเมตฺถ วินิจฺฉโย. อุทกานุคฺคตานีติ อุทกโต น อุคฺคตานิ. อนฺโต นิมุคฺคโปสีนีติ อุทกตลสฺส อนฺโต นิมุคฺคานิเยว หุตฺวา โปสีนิ, วฑฺฒีนีติ อตฺโถ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
จตุตฺถชฺฌานกถา
๒๓๒-๒๓๓. จตุตฺถชฺฌานสุขูปมายํ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตนาติ เอตฺถ นิรุปกฺกิเลสฏฺเน ปริสุทฺธํ, ปภสฺสรฏฺเน ปริโยทาตนฺติ เวทิตพฺพํ. โอทาเตน วตฺเถนาติ อิทํ อุตุผรณตฺถํ วุตฺตํ. กิลิฏฺวตฺเถน หิ อุตุผรณํ น โหติ, ตงฺขณโธตปริสุทฺเธน อุตุผรณํ พลวํ โหติ. อิมิสฺสาย หิ อุปมาย วตฺถํ วิย กรชกาโย, อุตุผรณํ วิย จตุตฺถชฺฌานสุขํ. ตสฺมา ยถา สุนฺหาตสฺส ปุริสสฺส ปริสุทฺธํ วตฺถํ สสีสํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนสฺส สรีรโต อุตุ สพฺพเมว วตฺถํ ผรติ. น โกจิ วตฺถสฺส อผุโฏกาโส โหติ. เอวํ จตุตฺถชฺฌานสุเขน ภิกฺขุโน ¶ กรชกายสฺส น โกจิ โอกาโส อผุโฏ โหตีติ. เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิเมสํ ปน จตุนฺนํ ฌานานํ อนุปทวณฺณนา จ ภาวนานโย จ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโตติ อิธ น วิตฺถาริโต.
เอตฺตาวตา เจส รูปชฺฌานลาภีเยว, น อรูปชฺฌานลาภีติ น เวทิตพฺโพ. น หิ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จุทฺทสหากาเรหิ จิณฺณวสีภาวํ วินา อุปริ อภิฺาธิคโม โหติ. ปาฬิยํ ปน รูปชฺฌานานิเยว อาคตานิ. อรูปชฺฌานานิ อาหริตฺวา กเถตพฺพานิ.
วิปสฺสนาาณกถา
๒๓๔. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต…เป… อาเนฺชปฺปตฺเตติ โส จุทฺทสหากาเรหิ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสีภาโว ภิกฺขูติ ¶ ทสฺเสติ ¶ . เสสเมตฺถ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรตีติ เอตฺถ าณทสฺสนนฺติ มคฺคาณมฺปิ, วุจฺจติ ผลาณมฺปิ, สพฺพฺุตฺาณมฺปิ, ปจฺจเวกฺขณาณมฺปิ, วิปสฺสนาาณมฺปิ. ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ (มหานิ. ๑.๒๕๗) เอตฺถ หิ มคฺคาณํ าณทสฺสนนฺติ วุตฺตํ. ‘‘อยมฺโ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) เอตฺถ ผลาณํ. ‘‘ภควโตปิ โข าณทสฺสนํ อุทปาทิ สตฺตาหกาลงฺกโต อาฬาโร กาลาโม’’ติ (มหาว. ๑๐) เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ อกุปฺปา เม วิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาตี’’ติ (มหาว. ๑๖) เอตฺถ ปจฺจเวกฺขณาณํ อิธ ปน าณทสฺสนาย จิตฺตนฺติ อิทํ วิปสฺสนาาณํ าณทสฺสนนฺติ วุตฺตนฺติ.
อภินีหรตีติ วิปสฺสนาาณสฺส นิพฺพตฺตนตฺถาย ตนฺนินฺนํ ตปฺโปณํ ตปฺปพฺภารํ กโรติ. รูปีติ อาทีนมตฺโถ วุตฺโตเยว. โอทนกุมฺมาสูปจโยติ โอทเนน เจว กุมฺมาเสน จ อุปจิโต วฑฺฒิโต. อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโมติ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจธมฺโม. ทุคฺคนฺธวิฆาตตฺถาย ตนุวิเลปเนน อุจฺฉาทนธมฺโม. องฺคปจฺจงฺคาพาธวิโนทนตฺถาย ขุทฺทกสมฺพาหเนน ปริมทฺทนธมฺโม. ทหรกาเล วา อูรูสุ สยาเปตฺวา คพฺภาวาเสน ทุสฺสณฺิตานํ เตสํ เตสํ องฺคานํ สณฺานสมฺปาทนตฺถํ อฺฉนปีฬนาทิวเสน ปริมทฺทนธมฺโม. เอวํ ปริหริโตปิ เภทนวิทฺธํสนธมฺโม ภิชฺชติ เจว วิกิรติ จ, เอวํ สภาโวติ อตฺโถ. ตตฺถ ¶ รูปี จาตุมหาภูติโกติอาทีสุ ฉหิ ¶ ปเทหิ สมุทโย กถิโต. อนิจฺจปเทน สทฺธึ ปจฺฉิเมหิ ทฺวีหิ อตฺถงฺคโม. เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธนฺติ เอตฺถ จาตุมหาภูติเก กาเย นิสฺสิตฺจ ปฏิพทฺธฺจ.
๒๓๕. สุโภติ สุนฺทโร. ชาติมาติ ปริสุทฺธากรสมุฏฺิโต. สุปริกมฺมกโตติ สุฏฺุ กตปริกมฺโม อปนีตปาสาณสกฺขโร. อจฺโฉติ ตนุจฺฉวิ. วิปฺปสนฺโนติ สุฏฺุ ปสนฺโน. สพฺพาการสมฺปนฺโนติ โธวนเวธนาทีหิ สพฺเพหิ อากาเรหิ สมฺปนฺโน. นีลนฺติอาทีหิ วณฺณสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. ตาทิสฺหิ อาวุตํ ปากฏํ โหติ. เอวเมว โขติ เอตฺถ เอวํ อุปมาสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ. มณิ วิย หิ กรชกาโย. อาวุตสุตฺตํ ¶ วิย วิปสฺสนาาณํ. จกฺขุมา ปุริโส วิย วิปสฺสนาลาภี ภิกฺขุ, หตฺเถ กริตฺวา ปจฺจเวกฺขโต อยํ โข มณีติ มณิโน อาวิภูตกาโล วิย วิปสฺสนาาณํ, อภินีหริตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน จาตุมหาภูติกกายสฺส อาวิภูตกาโล, ตตฺริทํ สุตฺตํ อาวุตนฺติ สุตฺตสฺสาวิภูตกาโล วิย วิปสฺสนาาณํ, อภินีหริตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน ตทารมฺมณานํ ผสฺสปฺจมกานํ วา สพฺพจิตฺตเจตสิกานํ วา วิปสฺสนาาณสฺเสว วา อาวิภูตกาโลติ.
อิทฺจ วิปสฺสนาาณํ มคฺคาณานนฺตรํ. เอวํ สนฺเตปิ ยสฺมา อภิฺาวาเร อารทฺเธ เอตสฺส อนฺตราวาโร นตฺถิ ตสฺมา อิเธว ทสฺสิตํ. ยสฺมา จ อนิจฺจาทิวเสน อกตสมฺมสนสฺส ทิพฺพาย โสตธาตุยา เภรวํ สทฺทํ สุณโต, ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติยา เภรเว ขนฺเธ อนุสฺสรโต, ทิพฺเพน จกฺขุนา เภรวมฺปิ รูปํ ปสฺสโต ภยสนฺตาโส อุปฺปชฺชติ, น อนิจฺจาทิวเสน กตสมฺมสนสฺส ตสฺมา อภิฺํ ปตฺตสฺส ภยวิโนทนเหตุสมฺปาทนตฺถมฺปิ อิทํ อิเธว ทสฺสิตํ. อปิ จ ยสฺมา วิปสฺสนาสุขํ นาเมตํ มคฺคผลสุขสมฺปาทกํ ปาฏิเยกฺกํ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ¶ ตสฺมาปิ อาทิโตว อิทํ อิธ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
มโนมยิทฺธิาณกถา
๒๓๖-๒๓๗. มโนมยนฺติ มเนน นิพฺพตฺติตํ. สพฺพงฺคปจฺจงฺคินฺติ สพฺเพหิ องฺเคหิ จ ปจฺจงฺเคหิ จ สมนฺนาคตํ. อหีนินฺทฺริยนฺติ สณฺานวเสน อวิกลินฺทฺริยํ. อิทฺธิมตา นิมฺมิตรูปฺหิ สเจ อิทฺธิมา โอทาโต ตมฺปิ โอทาตํ. สเจ อวิทฺธกณฺโณ ตมฺปิ อวิทฺธกณฺณนฺติ เอวํ สพฺพากาเรหิ เตน สทิสเมว โหติ. มฺุชมฺหา อีสิกนฺติอาทิ อุปมาตฺตยมฺปิ หิ สทิสภาวทสฺสนตฺถเมว วุตฺตํ. มฺุชสทิสา เอว หิ ตสฺส อนฺโต อีสิกา โหติ. โกสิสทิโสเยว อสิ, วฏฺฏาย โกสิยา วฏฺฏํ อสิเมว ปกฺขิปนฺติ, ปตฺถฏาย ปตฺถฏํ ¶ . กรณฺฑาติ อิทมฺปิ อหิกฺจุกสฺส นามํ, น วิลีวกรณฺฑกสฺส. อหิกฺจุโก หิ อหินา สทิโสว โหติ. ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘ปุริโส อหึ กรณฺฑา อุทฺธเรยฺยา’’ติ หตฺเถน อุทฺธรมาโน วิย ทสฺสิโต, อถ โข จิตฺเตเนวสฺส อุทฺธรณํ เวทิตพฺพํ. อยฺหิ อหิ นาม สชาติยํ ิโต, กฏฺนฺตรํ วา รุกฺขนฺตรํ วา นิสฺสาย, ตจโต สรีรํ นิกฺกฑฺฒนปฺปโยคสงฺขาเตน ¶ ถาเมน, สรีรํ ขาทยมานํ วิย ปุราณตจํ ชิคุจฺฉนฺโตติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ สยเมว กฺจุกํ ปชหติ, น สกฺกา ตโต อฺเน อุทฺธริตุํ, ตสฺมา จิตฺเตน อุทฺธรณํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิติ มฺุชาทิสทิสํ อิมสฺส ภิกฺขุโน สรีรํ, อีสิกาทิสทิสํ นิมฺมิตรูปนฺติ. อิทเมตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ. นิมฺมานวิธานํ ปเนตฺถ ปรโต จ อิทฺธิวิธาทิปฺจอภิฺากถา สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. อุปมามตฺตเมว หิ อิธ อธิกํ.
อิทฺธิวิธาณาทิกถา
๒๓๘-๒๓๙. ตตฺถ เฉกกุมฺภการาทโย วิย อิทฺธิวิธาณลาภี ¶ ภิกฺขุ ทฏฺพฺโพ. สุปริกมฺมกตมตฺติกาทโย วิย อิทฺธิวิธาณํ ทฏฺพฺพํ. อิจฺฉิติจฺฉิตภาชนวิกติอาทิกรณํ วิย ตสฺส ภิกฺขุโน วิกุพฺพนํ ทฏฺพฺพํ.
๒๔๐-๒๔๑. ทิพฺพโสตธาตุอุปมายํ ยสฺมา กนฺตารทฺธานมคฺโค สาสงฺโก โหติ สปฺปฏิภโย. ตตฺถ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิเตน ‘อยํ เภริสทฺโท’, ‘อยํ มุทิงฺคสทฺโท’ติ น สกฺกา ววตฺถเปตุํ, ตสฺมา กนฺตารคฺคหณํ อกตฺวา เขมมคฺคํ ทสฺเสนฺโต อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโนติ อาห. อปฺปฏิภยฺหิ เขมมคฺคํ สีเส สาฏกํ กตฺวา สณิกํ ปฏิปนฺโน วุตฺตปฺปกาเร สทฺเท สุขํ ววตฺถเปติ. ตสฺส สวเนน เตสํ เตสํ สทฺทานํ อาวิภูตกาโล วิย โยคิโน ทูรสนฺติกเภทานํ ทิพฺพานฺเจว มานุสฺสกานฺจ สทฺทานํ อาวิภูตกาโล เวทิตพฺโพ.
๒๔๒-๒๔๓. เจโตปริยาณูปมายํ ทหโรติ ตรุโณ. ยุวาติ โยพฺพนฺเนน สมนฺนาคโต. มณฺฑนกชาติโกติ ยุวาปิ สมาโน น อาลสิโย น กิลิฏฺวตฺถสรีโร, อถ โข มณฺฑนปกติโก, ทิวสสฺส ทฺเว ตโย วาเร นฺหายิตฺวา สุทฺธวตฺถปริทหนอลงฺการกรณสีโลติ อตฺโถ. สกณิกนฺติ กาฬติลกวงฺคมุขทูสิปีฬกาทีนํ อฺตเรน สโทสํ. ตตฺถ ยถา ตสฺส มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขโต มุเข โทโส ปากโฏ โหติ, เอวํ เจโตปริยาณาย จิตฺตํ อภินีหริตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน ปเรสํ โสฬสวิธํ จิตฺตํ ปากฏํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๒๔๔-๒๔๕. ปุพฺเพนิวาสาณูปมายํ ¶ ¶ ตํ ทิวสํ กตกิริยา ปากฏา โหตีติ ตํ ทิวสํ คตคามตฺตยเมว คหิตํ. ตตฺถ คามตฺตยคตปุริโส วิย ปุพฺเพนิวาสาณลาภี ทฏฺพฺโพ, ตโย คามา วิย ตโย ภวา ทฏฺพฺพา, ตสฺส ปุริสสฺส ตีสุ คาเมสุ ตํ ทิวสํ กตกิริยาย อาวิภาโว วิย ปุพฺเพนิวาสาย จิตฺตํ อภินีหริตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน ตีสุ ภเวสุ กตกิริยาย ปากฏภาโว ทฏฺพฺโพ.
๒๔๖-๒๔๗. ทิพฺพจกฺขูปมายํ ¶ วีถึ สฺจรนฺเตติ อปราปรํ สฺจรนฺเต. วีถึ จรนฺเตติปิ ปาโ. อยเมวตฺโถ. ตตฺถ นครมชฺเฌ สิงฺฆาฏกมฺหิ ปาสาโท วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน กรชกาโย ทฏฺพฺโพ, ปาสาเท ิโต จกฺขุมา ปุริโส วิย อยเมว ทิพฺพจกฺขุํ ปตฺวา ิโต ภิกฺขุ, เคหํ ปวิสนฺตา วิย ปฏิสนฺธิวเสน มาตุกุจฺฉิยํ ปวิสนฺตา, เคหา นิกฺขมนฺตา วิย มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา, รถิกาย วีถึ สฺจรนฺตา วิย อปราปรํ สฺจรณกสตฺตา, ปุรโต อพฺโภกาสฏฺาเน มชฺเฌ สิงฺฆาฏเก นิสินฺนา วิย ตีสุ ภเวสุ ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตสตฺตา, ปาสาทตเล ิตปุริสสฺส เตสํ มนุสฺสานํ อาวิภูตกาโล วิย ทิพฺพจกฺขุาณาย จิตฺตํ อภินีหริตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน ตีสุ ภเวสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ อาวิภูตกาโล ทฏฺพฺโพ. อิทฺจ เทสนาสุขตฺถเมว วุตฺตํ. อารุปฺเป ปน ทิพฺพจกฺขุสฺส โคจโร นตฺถีติ.
อาสวกฺขยาณกถา
๒๔๘. โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติ อิธ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพํ. อาสวานํ ขยาณายาติ อาสวานํ ขยาณนิพฺพตฺตนตฺถาย. เอตฺถ จ อาสวานํ ขโย นาม มคฺโคปิ ผลมฺปิ นิพฺพานมฺปิ ภงฺโคปิ วุจฺจติ. ‘‘ขเย าณํ, อนุปฺปาเท าณ’’นฺติ เอตฺถ หิ มคฺโค อาสวานํ ขโยติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) เอตฺถ ผลํ.
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๕๓);
เอตฺถ ¶ นิพฺพานํ. ‘‘อาสวานํ ขโย วโย เภโท อนิจฺจตา อนฺตรธาน’’นฺติ เอตฺถ ภงฺโค. อิธ ปน นิพฺพานํ อธิปฺเปตํ. อรหตฺตมคฺโคปิ วฏฺฏติเยว.
จิตฺตํ ¶ อภินีหรตีติ วิปสฺสนา จิตฺตํ ตนฺนินฺนํ ตปฺโปณํ ตปฺปพฺภารํ กโรติ. โส อิทํ ทุกฺขนฺติอาทีสุ ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ ¶ สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจํ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ ปชานาตีติ อตฺโถ. ตสฺส จ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติกํ ตณฺหํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ. ตทุภยมฺปิ ยํ านํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ, ตํ เตสํ อปฺปวตฺตึ นิพฺพานํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ; ตสฺส จ สมฺปาปกํ อริยมคฺคํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ ปชานาตีติ อตฺโถ.
เอวํ สรูปโต สจฺจานิ ทสฺเสตฺวา ปุน กิเลสวเสน ปริยายโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเม อาสวา’’ติอาทิมาห. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส ภิกฺขุโน เอวํ ชานนฺตสฺส เอวํ ปสฺสนฺตสฺส, สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถสิ. กามาสวาติ กามาสวโต. วิมุจฺจตีติ อิมินา มคฺคกฺขณํ ทสฺเสติ. วิมุตฺตสฺมินฺติ อิมินา ผลกฺขณํ. วิมุตฺตมิติ าณํ โหตีติ อิมินา ปจฺจเวกฺขณาณํ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ตสฺส ภูมึ. เตน หิ าเณน ขีณาสโว ปจฺจเวกฺขนฺโต ขีณา ชาตีติอาทีนิ ปชานาติ.
กตมา ปนสฺส ชาติ ขีณา? กถฺจ นํ ปชานาตีติ? น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา, ปุพฺเพว ขีณตฺตา. น อนาคตา, อนาคเต วายามาภาวโต. น ปจฺจุปฺปนฺนา, วิชฺชมานตฺตา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา. ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํว โหตี’’ติ ชานนฺโต ปชานาติ.
วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺต เสกฺขา พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโส, ตสฺมา โส อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต วุสิตํ พฺรหฺมจริยนฺติ ปชานาติ. กตํ ¶ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน ¶ โสฬสวิธํ กิจฺจํ นิฏฺาปิตํ. เตน เตน มคฺเคน ปหาตพฺพกิเลสา ปหีนา, ทุกฺขมูลํ สมุจฺฉินฺนนฺติ อตฺโถ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโย. ตสฺมา โส อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต กตํ กรณียนฺติ ปชานาติ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํ โสฬสกิจฺจภาวาย กิเลสกฺขยภาวาย วา กตฺตพฺพํ ¶ มคฺคภาวนากิจฺจํ เม นตฺถีติ ปชานาติ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํ ปการา. อิทานิ วตฺตมานขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ. อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิย, เต จริมกจิตฺตนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺติ อปณฺณตฺติกภาวฺจ คมิสฺสนฺตีติ ปชานาติ.
๒๔๙. ปพฺพตสงฺเขเปติ ปพฺพตมตฺถเก. อนาวิโลติ นิกฺกทฺทโม. สิปฺปิโย จ สมฺพุกา จ สิปฺปิสมฺพุกํ. สกฺขรา จ กถลานิ จ สกฺขรกถลํ. มจฺฉานํ คุมฺพา ฆฏาติ มจฺฉคุมฺพํ. ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตมฺปีติ เอตฺถ สกฺขรกถลํ ติฏฺติเยว, อิตรานิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปิ. ยถา ปน อนฺตรนฺตรา ิตาสุปิ นิสินฺนาสุปิ วิชฺชมานาสุปิ ‘‘เอตา คาโว จรนฺตี’’ติ จรนฺติโย อุปาทาย อิตราปิ จรนฺตีติ วุจฺจนฺติ. เอวํ ติฏฺนฺตเมว สกฺขรกถลํ อุปาทาย อิตรมฺปิ ทฺวยํ ติฏฺนฺตนฺติ วุตฺตํ. อิตรฺจ ทฺวยํ ¶ จรนฺตํ อุปาทาย สกฺขรกถลมฺปิ จรนฺตนฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ จกฺขุมโต ปุริสสฺส ตีเร ตฺวา ปสฺสโต สิปฺปิกสมฺพุกาทีนํ วิภูตกาโล วิย อาสวานํ ขยาย จิตฺตํ อภินีหริตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน จตุนฺนํ สจฺจานํ วิภูตกาโล ทฏฺพฺโพติ.
เอตฺตาวตา วิปสฺสนาาณํ, มโนมยาณํ, อิทฺธิวิธาณํ, ทิพฺพโสตาณํ, เจโตปริยาณํ, ปุพฺเพนิวาสาณํ, ทิพฺพจกฺขุวเสน นิปฺผนฺนํ อนาคตํสาณยถากมฺมูปคาณทฺวยํ, ทิพฺพจกฺขุาณํ, อาสวกฺขยาณนฺติ ทส าณานิ นิทฺทิฏฺานิ โหนฺติ. เตสํ อารมฺมณวิภาโค ชานิตพฺโพ – ตตฺถ วิปสฺสนาาณํ ปริตฺตมหคฺคตอตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธาวเสน สตฺตวิธารมฺมณํ. มโนมยาณํ นิมฺมิตพฺพรูปายตนมตฺตเมว อารมฺมณํ กโรตีติ ¶ ปริตฺตปจฺจุปฺปนฺนพหิทฺธารมฺมณํ. อาสวกฺขยาณํ อปฺปมาณพหิทฺธานวตฺตพฺพารมฺมณํ. อวเสสานํ อารมฺมณเภโท วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต. อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วาติ เยน เกนจิ ปริยาเยน อิโต เสฏฺตรํ สามฺผลํ นาม นตฺถีติ ภควา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
อชาตสตฺตุอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา
๒๕๐. ราชา ตตฺถ ตตฺถ สาธุการํ ปวตฺเตนฺโต อาทิมชฺฌปริโยสานํ สกฺกจฺจํ สุตฺวา ‘‘จิรํ วตมฺหิ อิเม ปฺเห ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉนฺโต, ถุเส โกฏฺเฏนฺโต วิย กิฺจิ สารํ นาลตฺถํ, อโห วต ภควโต คุณสมฺปทา, โย เม ทีปสหสฺสํ ชาเลนฺโต วิย มหนฺตํ อาโลกํ กตฺวา อิเม ปฺเห วิสฺสชฺเชสิ. สุจิรํ วตมฺหิ ทสพลสฺส คุณานุภาวํ อชานนฺโต วฺจิโต’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา พุทฺธคุณานุสฺสรณสมฺภูตาย ปฺจวิธาย ปีติยา ผุฏสรีโร อตฺตโน ปสาทํ อาวิกโรนฺโต อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ วุตฺเต ราชา’’ติอาทิ อารทฺธํ.
ตตฺถ อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเตติ อยํ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทเนสุ ทิสฺสติ. ‘‘อภิกฺกนฺตา ¶ ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๐) หิ ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ เม ปุคฺคโล ขมติ, อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๗);
อาทีสุ อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ, โคตมา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน. อิธาปิ อพฺภนุโมทเนเยว. ยสฺมา จ อพฺภนุโมทเน, ตสฺมา ‘สาธุ สาธุ ภนฺเต’ติ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺโพ.
ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;
หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธติ.
อิมินา ¶ จ ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน, ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อถวา อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกนฺตํ อติอิฏฺํ อติมนาปํ อติสุนฺทรนฺติ วุตฺตํ โหติ.
เอตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย, อภิกฺกนฺตํ ภนฺเต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนา, ‘อภิกฺกนฺตํ’ ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโทติ. ภควโตเยว วา วจนํ ทฺเว ทฺเว อตฺเถ สนฺธาย โถเมติ. ภควโต วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต, อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต. ตถา สทฺธาชนนโต, ปฺาชนนโต, สาตฺถโต, สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต, คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต, หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต ¶ , อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต, ปฺาวทาตโต, อาปาถรมณียโต, วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต, วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมาทีหิ โยเชตพฺพํ.
ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขปิตํ เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริ มุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺส วาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วเทยฺย, อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสี ¶ อฑฺฒรตฺตฆนวนสณฺฑเมฆปฏเลหิ จตุรงฺเค ตเม. อยํ ตาว อนุตฺตานปทตฺโถ. อยํ ปน สาธิปฺปายโยชนา. ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺเม ปติตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺตน. ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานา ปภุติ มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธการนิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตธารเกน มยฺหํ ภควตา เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตติ.
เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต เอสาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ ¶ . ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามีติ ภควา เม สรณํ, ปรายนํ, อฆสฺส ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตาติ. อิมินา อธิปฺปาเยน ภควนฺตํ คจฺฉามิ ภชามิ เสวามิ ปยิรุปาสามิ, เอวํ วา ชานามิ พุชฺฌามีติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติอตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถ. ตสฺมา คจฺฉามีติ อิมสฺส ชานามิ พุชฺฌามีติ อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโต. ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจาติ เอตฺถ ปน อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธมฺโม, โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตฺเจตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔) วิตฺถาโร. น เกวลฺจ อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. อปิ จ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ ¶ . วุตฺตฺเหตํ ฉตฺตมาณวกวิมาเน –
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);
เอตฺถ ¶ หิ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. อเนชมโสกนฺติ ผลํ. ธมฺมมสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ. อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฏกตฺตเยน วิภตฺตา ธมฺมกฺขนฺธาติ. ทิฏฺิสีลสํฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ, โส อตฺถโต อฏฺ อริยปุคฺคลสมูโห. วุตฺตฺเหตํ ตสฺมิฺเว วิมาเน –
‘‘ยตฺถ จ ทินฺนมหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุรีสยุเคสุ;
อฏฺ จ ปุคฺคลธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๘);
ภิกฺขูนํ สงฺโฆ ภิกฺขุสงฺโฆ. เอตฺตาวตา ราชา ตีณิ สรณคมนานิ ปฏิเวเทสิ.
สรณคมนกถา
อิทานิ เตสุ สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ สรณํ, สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ, สรณคมนปฺปเภโท, สรณคมนผลํ, สงฺกิเลโส, เภโทติ, อยํ วิธิ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – สรณตฺถโต ตาว หึสตีติ สรณํ. สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคติปริกิเลสํ หนติ วินาเสตีติ อตฺโถ, รตนตฺตยสฺเสเวตํ อธิวจนํ.
อถ ¶ วา หิเต ปวตฺตเนน อหิตา จ นิวตฺตเนน สตฺตานํ ภยํ หึสติ พุทฺโธ. ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน อสฺสาสทาเนน จ ธมฺโม; อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สงฺโฆ ¶ . ตสฺมา อิมินาปิ ปริยาเยน รตนตฺตยํ สรณํ. ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ วิหตกิเลโส ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ. ตํ สมงฺคีสตฺโต สรณํ คจฺฉติ. วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน เอตานิ เม ตีณิ รตนานิ สรณํ, เอตานิ ปรายณนฺติ เอวํ อุเปตีติ อตฺโถ. เอวํ ตาว สรณํ, สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ, อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํ.
สรณคมนปฺปเภเท ปน ทุวิธํ สรณคมนํ – โลกุตฺตรํ โลกิยฺจ. ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฏฺสจฺจานํ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ. โลกิยํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติ. ตํ อตฺถโต พุทฺธาทีสุ วตฺถูสุ สทฺธาปฏิลาโภ สทฺธามูลิกา ¶ จ สมฺมาทิฏฺิ ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจติ. ตยิทํ จตุธา วตฺตติ – อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน, ตปฺปรายณตาย, สิสฺสภาวูปคมเนน, ปณิปาเตนาติ.
ตตฺถ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ นาม – ‘‘อชฺชาทึ กตฺวา อหํ อตฺตานํ พุทฺธสฺส นิยฺยาเตมิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีนํ อตฺตปริจฺจชนํ. ตปฺปรายณตา นาม ‘‘อชฺชาทึ กตฺวา ‘อหํ พุทฺธปรายโณ, ธมฺมปรายโณ, สงฺฆปรายโณ’ติ. มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ ตปฺปรายณภาโว. สิสฺสภาวูปคมนํ นาม – ‘‘อชฺชาทึ กตฺวา – ‘อหํ พุทฺธสฺส อนฺเตวาสิโก, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อนฺเตวาสิโก’ติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ สิสฺสภาวูปคโม. ปณิปาโต นาม – ‘‘อชฺชาทึ กตฺวา อหํ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ พุทฺธาทีนํเยว ติณฺณํ วตฺถูนํ กโรมี’ติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีสุ ปรมนิปจฺจากาโร. อิเมสฺหิ จตุนฺนํ อาการานํ อฺตรมฺปิ กโรนฺเตน คหิตํเยว โหติ สรณํ.
อปิ จ ภควโต อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส, อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, ปริจฺจตฺโตเยว ¶ เม อตฺตา, ปริจฺจตฺตํเยว ชีวิตํ, ชีวิตปริยนฺติกํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, พุทฺโธ เม สรณํ เลณํ ตาณนฺติ ¶ ; เอวมฺปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ เวทิตพฺพํ. ‘‘สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ, สุคตฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ, สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔). เอวมฺปิ มหากสฺสปสฺส สรณคมนํ วิย สิสฺสภาวูปคมนํ เวทิตพฺพํ.
‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๙๔);
เอวมฺปิ อาฬวกาทีนํ สรณคมนํ วิย ตปฺปรายณตา เวทิตพฺพา. อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ – ‘‘พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม พฺราหฺมโณ’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๔) เอวมฺปิ ปณิปาโต ทฏฺพฺโพ.
โส ปเนส าติภยาจริยทกฺขิเณยฺยวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตน สรณคมนํ โหติ, น อิตเรหิ. เสฏฺวเสเนว หิ สรณํ คณฺหาติ, เสฏฺวเสน ¶ จ ภิชฺชติ. ตสฺมา โย สากิโย วา โกลิโย วา – ‘‘พุทฺโธ อมฺหากํ าตโก’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย วา – ‘‘สมโณ โคตโม ราชปูชิโต มหานุภาโว อวนฺทียมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยา’’ติ ภเยน วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย วา โพธิสตฺตกาเล ภควโต สนฺติเก กิฺจิ อุคฺคหิตํ สรมาโน พุทฺธกาเล วา –
‘‘จตุธา วิภเช โภเค, ปณฺฑิโต ฆรมาวสํ;
เอเกน โภคํ ภฺุเชยฺย, ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย;
จตุตฺถฺจ นิธาเปยฺย, อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕);
เอวรูปํ อนุสาสนึ อุคฺคเหตฺวา – ‘‘อาจริโย เม’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว ¶ โหติ สรณํ. โย ปน – ‘‘อยํ โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย’’ติ วนฺทติ, เตเนว คหิตํ โหติ สรณํ.
เอวํ คหิตสรณสฺส จ อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา อฺติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตมฺปิ าตึ – ‘‘าตโก เม อย’’นฺติ วนฺทโต สรณคมนํ น ¶ ภิชฺชติ, ปเคว อปพฺพชิตํ. ตถา ราชานํ ภยวเสน วนฺทโต. โส หิ รฏฺปูชิตตฺตา อวนฺทียมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยาติ. ตถา ยํ กิฺจิ สิปฺปํ สิกฺขาปกํ ติตฺถิยมฺปิ – ‘‘อาจริโย เม อย’’นฺติ วนฺทโตปิ น ภิชฺชติ, เอวํ สรณคมนปฺปเภโท เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ โลกุตฺตรสฺส สรณคมนสฺส จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลํ, สพฺพทุกฺขกฺขโย อานิสํสผลํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.
ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๒);
อปิ ¶ จ นิจฺจาทิโต อนุปคมนาทิวเสน เปตสฺส อานิสํสผลํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺย…เป… กฺจิ สงฺขารํ สุขโต…เป… กฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคจฺเฉยฺย…เป… มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย…เป… ปิตรํ…เป… อรหนฺตํ…เป… ปทุฏฺจิตฺโต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย…เป…. สงฺฆํ ภินฺเทยฺย…เป… อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๙๐). โลกิยสฺส ปน สรณคมนสฺส ภวสมฺปทาปิ โภคสมฺปทาปิ ผลเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๓๗);
อปรมฺปิ ¶ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อสีติยา เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ…เป… เอกมนฺตํ ิตํ โข สกฺกํ เทวานมินฺทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ – ‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธํ สรณคมนํ โหติ. พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ ¶ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ…เป… เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺติ – ทิพฺเพน อายุนา, ทิพฺเพน วณฺเณน, ทิพฺเพน สุเขน, ทิพฺเพน ยเสน, ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน, ทิพฺเพหิ รูเปหิ สทฺเทหิ คนฺเธหิ รเสหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑). เอส นโย ธมฺเม จ สงฺเฆ จ. อปิ จ เวลามสุตฺตาทีนํ วเสนาปิ สรณคมนสฺส ผลวิเสโส เวทิตพฺโพ. เอวํ สรณคมนสฺส ผลํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ จ โลกิยสรณคมนํ ตีสุ วตฺถูสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ โหติ, น มหาวิปฺผารํ. โลกุตฺตรสฺส นตฺถิ สํกิเลโส. โลกิยสฺส จ สรณคมนสฺส ทุวิโธ เภโท – สาวชฺโช จ อนวชฺโช จ. ตตฺถ สาวชฺโช อฺสตฺถาราทีสุ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีหิ โหติ, โส จ อนิฏฺผโล โหติ. อนวชฺโช กาลกิริยาย โหติ, โส อวิปากตฺตา อผโล. โลกุตฺตรสฺส ปน เนวตฺถิ เภโท. ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสตีติ. เอวํ สรณคมนสฺส สํกิเลโส จ เภโท จ เวทิตพฺโพติ.
อุปาสกํ มํ ภนฺเต ภควา ธาเรตูติ มํ ภควา ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตุ, ชานาตูติ อตฺโถ. อุปาสกวิธิโกสลฺลตฺถํ ปเนตฺถ – โก อุปาสโก? กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจติ ¶ ? กิมสฺส สีลํ? โก อาชีโว? กา วิปตฺติ? กา สมฺปตฺตีติ? อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โก อุปาสโกติ โย โกจิ สรณคโต คหฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยโต โข, มหานาม, พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, มหานาม, อุปาสโก โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).
กสฺมา อุปาสโกติ รตนตฺตยํ อุปาสนโต. โส หิ พุทฺธํ อุปาสตีติ อุปาสโก, ตถา ธมฺมํ สํฆํ.
กิมสฺส ¶ สีลนฺติ ปฺจ เวรมณิโย. ยถาห – ‘‘ยโต โข, มหานาม, อุปาสโก ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา… กาเมสุมิจฺฉาจารา… มุสาวาทา… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ, เอตฺตาวตา โข, มหานาม, อุปาสโก สีลวา โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).
โก ¶ อาชีโวติ ปฺจ มิจฺฉาวณิชฺชา ปหาย ธมฺเมน สเมน ชีวิตกปฺปนํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา. กตมา ปฺจ? สตฺถวณิชฺชา, สตฺตวณิชฺชา, มํสวณิชฺชา, มชฺชวณิชฺชา, วิสวณิชฺชา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๗).
กา วิปตฺตีติ ยา ตสฺเสว สีลสฺส จ อาชีวสฺส จ วิปตฺติ, อยมสฺส วิปตฺติ. อปิ จ ยาย เอส จณฺฑาโล เจว โหติ, มลฺจ ปติกุฏฺโ จ, สาปิสฺส วิปตฺตีติ เวทิตพฺพา. เต จ อตฺถโต อสฺสทฺธิยาทโย ปฺจ ธมฺมา โหนฺติ. ยถาห – ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกจณฺฑาโล จ โหติ, อุปาสกมลฺจ, อุปาสกปติกุฏฺโ จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ โหติ, ทุสฺสีโล โหติ, โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, มงฺคลํ ปจฺเจติ, โน กมฺมํ, อิโต จ พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสติ, ตตฺถ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๕).
กา สมฺปตฺตีติ ยา จสฺส สีลสมฺปทา เจว อาชีวสมฺปทา จ, สา สมฺปตฺติ; เย จสฺส รตนภาวาทิกรา สทฺธาทโย ปฺจ ธมฺมา. ยถาห – ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก ¶ อุปาสกรตนฺจ โหติ, อุปาสกปทุมฺจ, อุปาสกปุณฺฑรีกฺจ. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ โหติ, สีลวา โหติ, น โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, กมฺมํ ปจฺเจติ, โน มงฺคลํ, น อิโต พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ, อิธ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๕).
อชฺชตคฺเคติ เอตฺถายํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๐) หิ อาทิมฺหิ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย ¶ . อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ (กถา. ๒๘๑) โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๗) โกฏฺาเส. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔) เสฏฺเ. อิธ ปนายํ อาทิมฺหิ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวาติ เอวเมตฺถตฺโถ เวทิตพฺโพ. อชฺชตนฺติ ¶ อชฺชภาวํ. อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ, ทกาโร ปทสนฺธิกโร. อชฺช อคฺคนฺติ อตฺโถ.
ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ. ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภควา ธาเรตุ ชานาตุ. อหฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺเทยฺย, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุทฺโธ’’ติ วา, ธมฺมํ ‘‘น ธมฺโม’’ติ วา, สงฺฆํ ‘‘น สงฺโฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติ.
เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน สรณํ คนฺตฺวา อตฺตนา กตํ อปราธํ ปกาเสนฺโต อจฺจโย มํ, ภนฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ อจฺจโยติ อปราโธ. มํ อจฺจคมาติ มํ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปวตฺโต. ธมฺมิกํ ธมฺมราชานนฺติ เอตฺถ ธมฺมํ จรตีติ ธมฺมิโก. ธมฺเมเนว ราชา ชาโต, น ปิตุฆาตนาทินา อธมฺเมนาติ ธมฺมราชา. ชีวิตา โวโรเปสินฺติ ชีวิตา วิโยเชสึ. ปฏิคฺคณฺหาตูติ ขมตุ. อายตึ สํวรายาติ อนาคเต สํวรตฺถาย. ปุน เอวรูปสฺส อปราธสฺส โทสสฺส ขลิตสฺส อกรณตฺถาย.
๒๕๑. ตคฺฆาติ เอกํเส นิปาโต. ยถา ธมฺมํ ปฏิกโรสีติ ยถา ธมฺโม ิโต ตเถว กโรสิ, ขมาเปสีติ วุตฺตํ โหติ. ตํ เต มยํ ปฏิคฺคณฺหามาติ ตํ ตว อปราธํ มยํ ขมาม. วุฑฺฒิเหสา, มหาราช อริยสฺส วินเยติ เอสา, มหาราช, อริยสฺส วินเย พุทฺธสฺส ภควโต ¶ สาสเน วุฑฺฒิ นาม. กตมา? ยายํ อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกริตฺวา ¶ อายตึ สํวราปชฺชนา, เทสนํ ปน ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโต – ‘‘โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, อายตึ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ อาห.
๒๕๒. เอวํ วุตฺเตติ เอวํ ภควตา วุตฺเต. หนฺท จ ทานิ มยํ ภนฺเตติ เอตฺถ หนฺทาติ วจสายตฺเถ นิปาโต. โส หิ คมนวจสายํ กตฺวา เอวมาห. พหุกิจฺจาติ พลวกิจฺจา. พหุกรณียาติ ตสฺเสว เววจนํ. ยสฺสทานิ ตฺวนฺติ ยสฺส อิทานิ ตฺวํ มหาราช คมนสฺส กาลํ มฺสิ ชานาสิ, ตสฺส กาลํ ตฺวเมว ชานาสีติ วุตฺตํ โหติ. ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ¶ สิรสิ ปติฏฺเปตฺวา ยาว ทสฺสนวิสยํ ภควโต อภิมุโขว ปฏิกฺกมิตฺวา ทสฺสนวิชหนฏฺานภูมิยํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ.
๒๕๓. ขตายํ, ภิกฺขเว, ราชาติ ขโต อยํ, ภิกฺขเว, ราชา. อุปหตายนฺติ อุปหโต อยํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยํ, ภิกฺขเว, ราชา ขโต อุปหโต ภินฺนปติฏฺโ ชาโต, ตถาเนน อตฺตนาว อตฺตา ขโต, ยถา อตฺตโน ปติฏฺา น ชาตาติ. วิรชนฺติ ราครชาทิวิรหิตํ. ราคมลาทีนํเยว วิคตตฺตา วีตมลํ. ธมฺมจกฺขุนฺติ ธมฺเมสุ วา จกฺขุํ, ธมฺมมยํ วา จกฺขุํ, อฺเสุ าเนสุ ติณฺณํ มคฺคานเมตํ อธิวจนํ. อิธ ปน โสตาปตฺติมคฺคสฺเสว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ อิมินา ปิตา ฆาติโต นาภวิสฺส, อิทานิ อิเธวาสเน นิสินฺโน โสตาปตฺติมคฺคํ ปตฺโต อภวิสฺส, ปาปมิตฺตสํสคฺเคน ปนสฺส อนฺตราโย ชาโต. เอวํ สนฺเตปิ ยสฺมา อยํ ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา รตนตฺตยํ สรณํ คโต, ตสฺมา มม สาสนมหนฺตตาย ยถา นาม โกจิ ปุริสสฺส วธํ กตฺวา ปุปฺผมุฏฺิมตฺเตน ทณฺเฑน มุจฺเจยฺย, เอวเมว โลหกุมฺภิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ¶ ตึสวสฺสสหสฺสานิ อโธ ปตนฺโต เหฏฺิมตลํ ปตฺวา ตึสวสฺสสหสฺสานิ อุทฺธํ คจฺฉนฺโต ปุนปิ อุปริมตลํ ปาปุณิตฺวา มุจฺจิสฺสตีติ อิทมฺปิ กิร ภควตา วุตฺตเมว, ปาฬิยํ ปน น อารูฬฺหํ.
อิทํ ปน สุตฺตํ สุตฺวา รฺา โกจิ อานิสํโส ลทฺโธติ? มหาอานิสํโส ลทฺโธ. อยฺหิ ปิตุ มาริตกาลโต ปฏฺาย เนว รตฺตึ น ทิวา นิทฺทํ ลภติ, สตฺถารํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา อิมาย มธุราย โอชวนฺติยา ธมฺมเทสนาย สุตกาลโต ปฏฺาย นิทฺทํ ลภิ. ติณฺณํ รตนานํ มหาสกฺการํ อกาสิ. โปถุชฺชนิกาย สทฺธาย สมนฺนาคโต นาม อิมินา รฺา สทิโส นาโหสิ. อนาคเต ปน วิชิตาวี นาม ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสตีติ ¶ . อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
สามฺผลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนา
อทฺธานคมนวณฺณนา
๒๕๔. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… โกสเลสูติ อมฺพฏฺสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. โกสเลสูติ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา. เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รูฬฺหีสทฺเทน โกสลาติ วุจฺจติ, ตสฺมึ โกสเลสุ ชนปเท. โปราณา ปนาหุ – ยสฺมา ปุพฺเพ มหาปนาทํ ราชกุมารํ นานานาฏกาทีนิ ทิสฺวา สิตมตฺตมฺปิ อกโรนฺตํ สุตฺวา ราชา อาห – ‘‘โย มม ปุตฺตํ หสาเปติ, สพฺพาลงฺกาเรน นํ อลงฺกโรมี’’ติ. ตโต นงฺคลานิปิ ฉฑฺเฑตฺวา มหาชนกาเย สนฺนิปติเต มนุสฺสา สาติเรกานิ สตฺตวสฺสานิ นานากีฬาโย ทสฺเสตฺวาปิ ตํ หสาเปตุํ นาสกฺขึสุ, ตโต สกฺโก เทวราชา นาฏกํ เปเสสิ, โส ทิพฺพนาฏกํ ทสฺเสตฺวา หสาเปสิ. อถ เต มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน วสโนกาสาภิมุขา ปกฺกมึสุ. เต ปฏิปเถ มิตฺตสุหชฺชาทโย ทิสฺวา ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตา – ‘‘กจฺจิ โภ กุสลํ, กจฺจิ โภ กุสล’’นฺติ อาหํสุ. ตสฺมา ตํ ‘‘กุสล’’นฺติ วจนํ อุปาทาย โส ปเทโส โกสลาติ วุจฺจตีติ.
จาริกํ จรมาโนติ อทฺธานคมนํ คจฺฉนฺโต. จาริกา จ นาเมสา ภควโต ทุวิธา โหติ – ตุริตจาริกา จ, อตุริตจาริกา จ. ตตฺถ ทูเรปิ โพธเนยฺยปุคฺคลํ ทิสฺวา ตสฺส โพธนตฺถาย สหสา คมนํ ตุริตจาริกา นาม, สา มหากสฺสปสฺส ปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฏฺพฺพา. ภควา หิ มหากสฺสปตฺเถรํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโต มุหุตฺเตน ติคาวุตํ มคฺคํ อคมาสิ. อาฬวกสฺสตฺถาย ตึสโยชนํ, ตถา ¶ องฺคุลิมาลสฺส. ปกฺกุสาติสฺส ปน ปฺจจตฺตาลีสโยชนํ. มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ. ธนิยสฺสตฺถาย สตฺตโยชนสตานิ อคมาสิ. ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริกสฺส วนวาสีติสฺสสามเณรสฺส ติคาวุตาธิกํ วีสโยชนสตํ.
เอกทิวสํ กิร เถโร – ‘‘ติสฺสสามเณรสฺส สนฺติกํ, ภนฺเต, คจฺฉามี’’ติ อาห. ภควา ¶ – ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ¶ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, วีสติสหสฺสานํ ฉฬภิฺานํ อาโรเจหิ, ภควา กิร วนวาสิสฺส ติสฺสสามเณรสฺส สนฺติกํ คมิสฺสตี’’ติ. ตโต ทุติยทิวเส วีสติสหสฺสขีณาสวปริวาโร อากาเส อุปฺปติตฺวา วีสติโยชนสตมตฺถเก ตสฺส โคจรคามทฺวาเร โอตริตฺวา จีวรํ ปารุปิ. ตํ กมฺมนฺตํ คจฺฉมานา มนุสฺสา ทิสฺวา – ‘‘สตฺถา โน อาคโต, มา กมฺมนฺตํ อคมิตฺถา’’ติ วตฺวา อาสนานิ ปฺเปตฺวา ยาคุํ ทตฺวา ปาตราสภตฺตํ กโรนฺตา – ‘‘กุหึ, ภนฺเต, ภควา คจฺฉตี’’ติ ทหรภิกฺขู ปุจฺฉึสุ. อุปาสกา น ภควา อฺตฺถ คจฺฉติ, อิเธว ติสฺสสามเณรสฺส ทสฺสนตฺถายาคโตติ. เต – ‘‘อมฺหากํ กุลูปกสฺส กิร เถรสฺส ทสฺสนตฺถาย สตฺถา อาคโต, โน วต โน เถโร โอรมตฺตโก’’ติ โสมนสฺสชาตา อเหสุํ.
อถ โข ภควโต ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สามเณโร คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา – ‘‘อุปาสกา, มหาภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต ‘‘สตฺถา, ภนฺเต, อาคโต’’ติ อาโรเจสุํ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิณฺฑปาเตน อาปุจฺฉิ. สตฺถา ตสฺส ปตฺตํ หตฺเถน คเหตฺวา – ‘‘อลํ, ติสฺส, นิฏฺิตํ ภตฺตกิจฺจ’’นฺติ อาห. ตโต อุปชฺฌายํ อาปุจฺฉิตฺวา อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกาสิ. อถสฺส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สตฺถา มงฺคลํ วตฺวา นิกฺขมิตฺวา คามทฺวาเร ตฺวา – ‘‘กตโร เต, ติสฺส, วสนฏฺานํ คตมคฺโค’’ติ อาห. อยํ ภควาติ. มคฺคํ เทสยมาโน ปุรโต ยาหิ ติสฺสาติ. ภควา กิร สเทวกสฺส โลกสฺส มคฺคเทสโกปิ สมาโน สกเล ติคาวุเต มคฺเค ‘สามเณรํ ทฏฺุํ ¶ ลจฺฉามี’ติ ตํ มคฺคเทสกํ อกาสิ.
โส อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ภควโต วตฺตมกาสิ. อถ นํ ภควา – ‘‘กตโร เต, ติสฺส, จงฺกโม’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา สามเณรสฺส นิสีทนปาสาเณ นิสีทิตฺวา – ‘‘ติสฺส, อิมสฺมึ าเน สุขํ วสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘อาม, ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน วสนฺตสฺส สีหพฺยคฺฆหตฺถิมิคโมราทีนํ สทฺทํ สุณโต อรฺสฺา อุปฺปชฺชติ, ตาย สุขํ วสามี’’ติ. อถ นํ ภควา – ‘‘ติสฺส, ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตหิ, พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ วตฺวา สนฺนิปติเต ภิกฺขุสงฺเฆ อุปสมฺปาเทตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสีติ. อยํ ตุริตจาริกา นาม. ยํ ¶ ปน คามนิคมปฏิปาฏิยา เทวสิกํ โยชนทฺวิโยชนวเสน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส คมนํ, อยํ อตุริตจาริกา นาม.
อิมํ ปน จาริกํ จรนฺโต ภควา มหามณฺฑลํ, มชฺฌิมมณฺฑลํ, อนฺโตมณฺฑลนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ มณฺฑลานํ อฺตรสฺมึ จรติ. ตตฺถ มหามณฺฑลํ นวโยชนสติกํ, มชฺฌิมมณฺฑลํ ฉโยชนสติกํ ¶ , อนฺโตมณฺฑลํ ติโยชนสติกํ. ยทา มหามณฺฑเล จาริกํ จริตุกาโม โหติ, มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา ปาฏิปททิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร นิกฺขมติ. สมนฺตา โยชนสตํ เอกโกลาหลํ โหติ. ปุริมํ ปุริมํ อาคตา นิมนฺเตตุํ ลภนฺติ. อิตเรสุ ทฺวีสุ มณฺฑเลสุ สกฺกาโร มหามณฺฑเล โอสรติ. ตตฺถ ภควา เตสุ เตสุ คามนิคเมสุ เอกาหํ ทฺวีหํ วสนฺโต มหาชนํ อามิสปฺปฏิคฺคเหน อนุคฺคณฺหนฺโต ธมฺมทาเนน จสฺส วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตํ กุสลํ วฑฺเฒนฺโต นวหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปติ. สเจ ปน อนฺโตวสฺเส ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหนฺติ, มหาปวารณาย อปวาเรตฺวา ปวารณาสงฺคหํ ทตฺวา กตฺติกปุณฺณมายํ ปวาเรตฺวา มิคสิรสฺส ปมปาฏิปททิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร นิกฺขมิตฺวา มชฺฌิมมณฺฑเล โอสรติ. อฺเนปิ ¶ การเณน มชฺฌิมมณฺฑเล จาริกํ จริตุกาโม จตุมาสํ วสิตฺวาว นิกฺขมติ. วุตฺตนเยเนว อิตเรสุ ทฺวีสุ มณฺฑเลสุ สกฺกาโร มชฺฌิมมณฺฑเล โอสรติ. ภควา ปุริมนเยเนว โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต อฏฺหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปติ. สเจ ปน จตุมาสํ วุตฺถวสฺสสฺสาปิ ภควโต เวเนยฺยสตฺตา อปริปกฺกินฺทฺริยา โหนฺติ, เตสํ อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมาโน อปรมฺปิ เอกมาสํ วา ทฺวิติจตุมาสํ วา ตตฺเถว วสิตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร นิกฺขมติ. วุตฺตนเยเนว อิตเรสุ ทฺวีสุ มณฺฑเลสุ สกฺกาโร อนฺโตมณฺฑเล โอสรติ. ภควา ปุริมนเยเนว โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต สตฺตหิ วา ฉหิ วา ปฺจหิ วา จตูหิ วา มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปติ. อิติ อิเมสุ ตีสุ มณฺฑเลสุ ยตฺถ กตฺถจิ จาริกํ จรนฺโต น จีวราทิเหตุ จรติ. อถ โข เย ทุคฺคตพาลชิณฺณพฺยาธิตา, เต กทา ตถาคตํ อาคนฺตฺวา ปสฺสิสฺสนฺติ. มยิ ปน จาริกํ จรนฺเต มหาชโน ตถาคตสฺส ทสฺสนํ ลภิสฺสติ. ตตฺถ เกจิ จิตฺตานิ ปสาเทสฺสนฺติ ¶ , เกจิ มาลาทีหิ ปูเชสฺสนฺติ, เกจิ กฏจฺฉุภิกฺขํ ทสฺสนฺติ, เกจิ มิจฺฉาทสฺสนํ ปหาย สมฺมาทิฏฺิกา ภวิสฺสนฺติ. ตํ เนสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ. เอวํ โลกานุกมฺปกาย จาริกํ จรติ.
อปิ จ จตูหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ, ชงฺฆวิหารวเสน สรีรผาสุกตฺถาย, อตฺถุปฺปตฺติกาลาภิกงฺขนตฺถาย, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทปฺาปนตฺถาย, ตตฺถ ตตฺถ ปริปากคตินฺทฺริเย โพธเนยฺยสตฺเต โพธนตฺถายาติ. อปเรหิปิ จตูหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ วา, ธมฺมํ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ วา, มหตา ธมฺมวสฺเสน จตสฺโส ปริสา สนฺตปฺเปสฺสามีติ วา. อปเรหิปิ ปฺจหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ ปาณาติปาตา วิรมิสฺสนฺตีติ วา, อทินฺนาทานา ¶ , กาเมสุมิจฺฉาจารา, มุสาวาทา, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา วิรมิสฺสนฺตีติ วา. อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ – ปมํ ฌานํ ปฏิลภิสฺสนฺตีติ วา, ทุติยํ ¶ ฌานํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปฏิลภิสฺสนฺตีติ วา. อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ – โสตาปตฺติมคฺคํ อธิคมิสฺสนฺตีติ วา, โสตาปตฺติผลํ…เป… อรหตฺตผลํ สจฺฉิกริสฺสนฺตีติ วาติ. อยํ อตุริตจาริกา, อิธ จาริกาติ อธิปฺเปตา. สา ปเนสา ทุวิธา โหติ – อนิพทฺธจาริกา จ นิพทฺธจาริกา จ. ตตฺถ ยํ คามนิคมนครปฏิปาฏิวเสน จรติ, อยํ อนิพทฺธจาริกา นาม. ยํ ปเนกสฺเสว โพธเนยฺยสตฺตสฺสตฺถาย คจฺฉติ, อยํ นิพทฺธจาริกา นาม. เอสา อิธ อธิปฺเปตา.
ตทา กิร ภควโต ปจฺฉิมยามกิจฺจปริโยสาเน ทสสหสฺสิโลกธาตุยา าณชาลํ ปตฺถริตฺวา โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺตสฺส โปกฺขรสาติพฺราหฺมโณ สพฺพฺุตฺาณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺโ. อถ ภควา อยํ พฺราหฺมโณ มยฺหํ าณชาเล ปฺายติ, ‘‘อตฺถิ นุ ขฺวสฺส อุปนิสฺสโย’’ติ วีมํสนฺโต โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา – ‘‘เอโส มยิ เอตํ ชนปทํ คเต ลกฺขณปริเยสนตฺถํ อมฺพฏฺํ อนฺเตวาสึ ปหิณิสฺสติ, โส มยา สทฺธึ วาทปฏิวาทํ กตฺวา นานปฺปการํ อสพฺภิวากฺยํ วกฺขติ, ตมหํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กริสฺสามิ. โส ¶ อาจริยสฺส กเถสฺสติ, อถสฺสาจริโย ตํ กถํ สุตฺวา อาคมฺม มม ลกฺขณานิ ปริเยสิสฺสติ, ตสฺสาหํ ธมฺมํ เทเสสฺสามิ. โส เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิสฺสติ. เทสนา มหาชนสฺส สผลา ภวิสฺสตี’’ติ ปฺจภิกฺขุสตปริวาโร ตํ ชนปทํ ปฏิปนฺโน. เตน วุตฺตํ – ‘‘โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติ.
เยน อิจฺฉานงฺคลนฺติ เยน ทิสาภาเคน อิจฺฉานงฺคลํ อวสริตพฺพํ. ยสฺมึ วา ปเทเส อิจฺฉานงฺคลํ. อิชฺฌานงฺคลนฺติปิ ปาโ. ตทวสรีติ ¶ เตน อวสริ, ตํ วา อวสริ. เตน ทิสาภาเคน คโต, ตํ วา ปเทสํ คโตติ อตฺโถ. อิจฺฉานงฺคเล วิหรติ อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑติ อิจฺฉานงฺคลํ อุปนิสฺสาย อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ สีลขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา สมาธิโกนฺตํ อุสฺสาเปตฺวา สพฺพฺุตฺาณสรํ ปริวตฺตยมาโน ธมฺมราชา ยถาภิรุจิเตน วิหาเรน วิหรติ.
โปกฺขรสาติวตฺถุวณฺณนา
๒๕๕. เตน โข ปน สมเยนาติ เยน สมเยน ภควา ตตฺถ วิหรติ, เตน สมเยน, ตสฺมึ สมเยติ อยมตฺโถ. พฺรหฺมํ อณตีติ พฺราหฺมโณ, มนฺเต สชฺฌายตีติ อตฺโถ. อิทเมว หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิรุตฺติวจนํ. อริยา ปน พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมณาติ วุจฺจนฺติ. โปกฺขรสาตีติ ¶ อิทํ ตสฺส นามํ. กสฺมา โปกฺขรสาตีติ วุจฺจติ. ตสฺส กิร กาโย เสตโปกฺขรสทิโส, เทวนคเร อุสฺสาปิตรชตโตรณํ วิย โสภติ. สีสํ ปนสฺส กาฬวณฺณํ อินฺทนีลมณิมยํ วิย. มสฺสุปิ จนฺทมณฺฑเล กาฬเมฆราชิ วิย ขายติ. อกฺขีนิ นีลุปฺปลสทิสานิ. นาสา รชตปนาฬิกา วิย สุวฏฺฏิตา สุปริสุทฺธา. หตฺถปาทตลานิ เจว มุขทฺวารฺจ กตลาขารสปริกมฺมํ วิย โสภติ, อติวิย โสภคฺคปฺปตฺโต พฺราหฺมณสฺส อตฺตภาโว. อราชเก าเน ราชานํ กาตุํ ยุตฺตมิมํ พฺราหฺมณํ. เอวเมส สสฺสิริโก. อิติ นํ โปกฺขรสทิสตฺตา โปกฺขรสาตีติ สฺชานนฺติ.
อยํ ¶ ปน กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ทสพลสฺส ทานํ ทตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. โส ตโต มนุสฺสโลกมาคจฺฉนฺโต มาตุกุจฺฉิวาสํ ชิคุจฺฉิตฺวา หิมวนฺตปเทเส มหาสเร ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺติ. ตสฺส จ สรสฺส อวิทูเร ตาปโส ปณฺณสาลาย วสติ. โส ตีเร ิโต ตํ ปทุมํ ทิสฺวา – ‘‘อิทํ ปทุมํ อวเสสปทุเมหิ มหนฺตตรํ. ปุปฺผิตกาเล นํ คเหสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ตํ สตฺตาเหนาปิ น ปุปฺผติ. ตาปโส กสฺมา นุ โข อิทํ สตฺตาเหนาปิ น ปุปฺผติ. หนฺท นํ คเหสฺสามีติ โอตริตฺวา คณฺหิ. ตํ เตน นาฬโต ฉินฺนมตฺตํเยว ¶ ปุปฺผิตํ. อถสฺสพฺภนฺตเร สุวณฺณจุณฺณปิฺชรํ วิย รชตพิมฺพกํ ปทุมเรณุปิฺชรํ เสตวณฺณํ ทารกํ อทฺทส. โส มหาปฺุโ เอส ภวิสฺสติ. หนฺท นํ ปฏิชคฺคามีติ ปณฺณสาลํ เนตฺวา ปฏิชคฺคิตฺวา สตฺตวสฺสกาลโต ปฏฺาย ตโย เวเท อุคฺคณฺหาเปสิ. ทารโก ติณฺณํ เวทานํ ปารํ คนฺตฺวา ปณฺฑิโต พฺยตฺโต ชมฺพุทีเป อคฺคพฺราหฺมโณ อโหสิ. โส อปเรน สมเยน รฺโ โกสลสฺส สิปฺปํ ทสฺเสสิ. อถสฺส สิปฺเป ปสนฺโน ราชา อุกฺกฏฺํ นาม มหานครํ พฺรหฺมเทยฺยํ อทาสิ. อิติ นํ โปกฺขเร สยิตตฺตา โปกฺขรสาตีติ สฺชานนฺติ.
อุกฺกฏฺํ อชฺฌาวสตีติ อุกฺกฏฺนามเก นคเร วสติ. อภิภวิตฺวา วา อาวสติ. ตสฺส นครสฺส สามิโก หุตฺวา ยาย มริยาทาย ตตฺถ วสิตพฺพํ, ตาย มริยาทาย วสิ. ตสฺส กิร นครสฺส วตฺถุํ อุกฺกา เปตฺวา อุกฺกาสุ ชลมานาสุ อคฺคเหสุํ, ตสฺมา ตํ อุกฺกฏฺนฺติ วุจฺจติ. โอกฺกฏฺนฺติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. อุปสคฺควเสน ปเนตฺถ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํ. ตสฺส อนุปโยคตฺตา จ เสสปเทสุ. ตตฺถ ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต ปริเยสิตพฺพํ.
สตฺตุสฺสทนฺติ สตฺเตหิ อุสฺสทํ, อุสฺสนฺนํ พหุชนํ อากิณฺณมนุสฺสํ. โปสาวนิยหตฺถิอสฺสโมรมิคาทิอเนกสตฺตสมากิณฺณฺจาติ ¶ อตฺโถ. ยสฺมา ปเนตํ นครํ พหิ อาวิชฺฌิตฺวา ชาเตน หตฺถิอสฺสาทีนํ ฆาสติเณน เจว เคหจฺฉาทนติเณน จ สมฺปนฺนํ. ตถา ทารุกฏฺเหิ เจว เคหสมฺภารกฏฺเหิ จ. ยสฺมา จสฺสพฺภนฺตเร วฏฺฏจตุรสฺสาทิสณฺานา พหู โปกฺขรณิโย ชลชกุสุมวิจิตฺตานิ จ พหูนิ อเนกานิ ตฬากานิ อุทกสฺส นิจฺจภริตาเนว โหนฺติ, ตสฺมา สติณกฏฺโทกนฺติ วุตฺตํ. สห ธฺเนาติ สธฺํ ปุพฺพณฺณาปรณฺณาทิเภทํ พหุธฺสนฺนิจยนฺติ อตฺโถ ¶ . เอตฺตาวตา ยสฺมึ นคเร พฺราหฺมโณ เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ราชลีลาย วสติ, ตสฺส สมิทฺธิสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ.
ราชโต ลทฺธํ โภคฺคํ ราชโภคฺคํ. เกน ¶ ทินฺนนฺติ เจ? รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ. ราชทายนฺติ รฺโ ทายภูตํ, ทายชฺชนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมเทยฺยนฺติ เสฏฺเทยฺยํ, ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ราชสงฺเขเปน ภฺุชิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อถ วา ราชโภคฺคนฺติ สพฺพํ เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสนฺเตน นทีติตฺถปพฺพตาทีสุ สุงฺกํ คณฺหนฺเตน เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รฺา หุตฺวา ภฺุชิตพฺพํ. รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺนํ ราชทายนฺติ เอตฺถ ตํ นครํ รฺา ทินฺนตฺตา ราชทายํ ทายกราชทีปนตฺถํ ปนสฺส ‘‘รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺน’’นฺติ อิทํ วุตฺตํ. พฺรหฺมเทยฺยนฺติ เสฏฺเทยฺยํ. ยถา ทินฺนํ น ปุน คเหตพฺพํ โหติ, นิสฺสฏฺํ ปริจฺจตฺตํ. เอวํ ทินฺนนฺติ อตฺโถ.
อสฺโสสีติ สุณิ อุปลภิ, โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน อฺาสิ. โขติ อวธารณตฺเถ ปทปูรณมตฺเต วา นิปาโต. ตตฺถ อวธารณตฺเถน อสฺโสสิ เอว, นาสฺส โกจิ สวนนฺตราโย อโหสีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปทปูรเณน ปน ปทพฺยฺชนสิลิฏฺตามตฺตเมว.
อิทานิ ยมตฺถํ พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ อสฺโสสิ, ตํ ปกาเสนฺโต – ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมิตปาปตฺตา สมโณติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สมิตาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๓๔). ภควา จ อนุตฺตเรน อริยมคฺเคน สมิตปาโป. เตนสฺส ยถาภูตคุณาธิคตเมตํ นามํ, ยทิทํ สมโณติ. ขลูติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. โภติ พฺราหฺมณชาติสมุทาคตํ อาลปนมตฺตํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘โภวาที นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ธ. ป. ๕๕). โคตโมติ ภควนฺตํ โคตฺตวเสน ปริกิตฺเตติ. ตสฺมา สมโณ ขลุ โภ โคตโมติ เอตฺถ สมโณ กิร โภ โคตมโคตฺโตติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
สกฺยปุตฺโตติ ¶ อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปริทีปนํ ¶ . สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนํ. เกนจิ ปาริชฺุเน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ¶ ตํ กุลํ ปหาย สทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติ. ตโต ปรํ วุตฺตตฺถเมว. ตํ โข ปนาติอาทิ สามฺผเล วุตฺตเมว. สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปน. อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตถารูปานํ อรหตนฺติ ยถารูโป โส ภวํ โคตโม, เอวรูปานํ ยถาภูตคุณาธิคเมน โลเก อรหนฺโตติ ลทฺธสทฺธานํ อรหตํ. ทสฺสนํ โหตีติ ปสาทโสมฺมานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ, เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวา.
อมฺพฏฺมาณวกถา
๒๕๖. อชฺฌายโกติ อิทํ – ‘‘น ทานิเม ฌายนฺติ, น ทานิเม ฌายนฺตีติ โข, วาเสฏฺ, อชฺฌายกา อชฺฌายกา ตฺเวว ตติยํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺต’’นฺติ, เอวํ ปมกปฺปิกกาเล ฌานวิรหิตานํ พฺราหฺมณานํ ครหวจนํ. อิทานิ ปน ตํ อชฺฌายตีติ อชฺฌายโก. มนฺเต ปริวตฺเตตีติ อิมินา อตฺเถน ปสํสาวจนํ กตฺวา โวหรนฺติ. มนฺเต ธาเรตีติ มนฺตธโร.
ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทานํ. โอฏฺปหตกรณวเสน ปารํ คโตติ ปารคู. สห นิฆณฺฑุนา จ เกฏุเภน จ สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ. นิฆณฺฑูติ นิฆณฺฑุรุกฺขาทีนํ เววจนปกาสกํ สตฺถํ. เกฏุภนฺติ กิริยากปฺปวิกปฺโป กวีนํ อุปการาวหํ สตฺถํ. สห อกฺขรปฺปเภเทน สากฺขรปฺปเภทานํ. อกฺขรปฺปเภโทติ สิกฺขา จ นิรุตฺติ จ. อิติหาสปฺจมานนฺติ อาถพฺพณเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา อิติห อาส, อิติห อาสาติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺโต ปุราณกถาสงฺขาโต อิติหาโส ปฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปฺจมา, เตสํ อิติหาสปฺจมานํ เวทานํ.
ปทํ ตทวเสสฺจ พฺยากรณํ อธียติ เวเทติ จาติ ปทโก เวยฺยากรโณ. โลกายตํ วุจฺจติ วิตณฺฑวาทสตฺถํ. มหาปุริสลกฺขณนฺติ ¶ มหาปุริสานํ พุทฺธาทีนํ ลกฺขณทีปกํ ทฺวาทสสหสฺสคนฺถปมาณํ สตฺถํ. ยตฺถ โสฬสสหสฺสคาถาปริมาณา พุทฺธมนฺตา นาม อเหสุํ, เยสํ วเสน อิมินา ลกฺขเณน สมนฺนาคตา พุทฺธา นาม โหนฺติ, อิมินา ปจฺเจกพุทฺธา, อิมินา ทฺเว อคฺคสาวกา, อสีติ มหาสาวกา ¶ , พุทฺธมาตา, พุทฺธปิตา, อคฺคุปฏฺาโก, อคฺคุปฏฺายิกา, ราชา จกฺกวตฺตีติ อยํ วิเสโส ปฺายติ.
อนวโยติ ¶ อิเมสุ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนูโน ปริปูรการี, อวโย น โหตีติ วุตฺตํ โหติ. อวโย นาม โย ตานิ อตฺถโต จ คนฺถโต จ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ. อนฺุาตปฏิฺาโตติ อนฺุาโต เจว ปฏิฺาโต จ. อาจริเยนสฺส ‘‘ยํ อหํ ชานามิ, ตํ ตฺวํ ชานาสี’’ติอาทินา อนฺุาโต. ‘‘อาม อาจริยา’’ติ อตฺตนา ตสฺส ปฏิวจนทานปฏิฺาย ปฏิฺาโตติ อตฺโถ. กตรสฺมึ อธิกาเร? สเก อาจริยเก เตวิชฺชเก ปาวจเน. เอส กิร พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ ‘‘อิมสฺมึ โลเก ‘อหํ พุทฺโธ, อหํ พุทฺโธ’ติ อุคฺคตสฺส นามํ คเหตฺวา พหู ชนา วิจรนฺติ. ตสฺมา น เม อนุสฺสวมตฺเตเนว อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตํ. เอกจฺจฺหิ อุปสงฺกมนฺตสฺส อปกฺกมนมฺปิ ครุ โหติ, อนตฺโถปิ อุปฺปชฺชติ. ยํนูนาหํ มม อนฺเตวาสิกํ เปเสตฺวา – ‘พุทฺโธ วา, โน วา’ติ ชานิตฺวาว อุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ, ตสฺมา มาณวํ อามนฺเตตฺวา อยํ ตาตาติอาทิมาห.
๒๕๗. ตํ ภวนฺตนฺติ ตสฺส โภโต โคตมสฺส. ตถา สนฺตํ เยวาติ ตถา สโตเยว. อิธาปิ หิ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถวเสเนว อุปโยควจนํ.
๒๕๘. ยถา กถํ ปนาหํ, โภ, ตนฺติ เอตฺถ กถํ ปนาหํ โภ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ชานิสฺสามิ, ยถา สกฺกา โส าตุํ, ตถา เม อาจิกฺขาหีติ อตฺโถ. ยถาติ วา นิปาตมตฺตเมเวตํ. กถนฺติ อยํ อาการปุจฺฉา. เกนากาเรนาหํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ชานิสฺสามีติ อตฺโถ. เอวํ วุตฺเต กิร นํ อุปชฺฌาโย ‘‘กึ ตฺวํ, ตาต, ปถวิยํ ¶ ิโต, ปถวึ น ปสฺสามีติ วิย; จนฺทิมสูริยานํ โอภาเส ิโต, จนฺทิมสูริเย น ปสฺสามีติ วิย วทสี’’ติอาทีนิ วตฺวา ชานนาการํ ทสฺเสนฺโต อาคตานิ โข, ตาตาติอาทิมาห.
ตตฺถ มนฺเตสูติ เวเทสุ. ตถาคโต กิร อุปฺปชฺชิสฺสตีติ ปฏิกจฺเจว สุทฺธาวาสา เทวา เวเทสุ ลกฺขณานิ ปกฺขิปิตฺวา พุทฺธมนฺตา นาเมเตติ พฺราหฺมณเวเสเนว เวเท วาเจนฺติ. ตทนุสาเรน มเหสกฺขา สตฺตา ตถาคตํ ชานิสฺสนฺตีติ. เตน ปุพฺเพ เวเทสุ มหาปุริสลกฺขณานิ ¶ อาคจฺฉนฺติ. ปรินิพฺพุเต ปน ตถาคเต อนุกฺกเมน อนฺตรธายนฺติ. เตเนตรหิ นตฺถีติ. มหาปุริสสฺสาติ ปณิธิสมาทานาณกรุณาทิคุณมหโต ปุริสสฺส. ทฺเวเยว คติโยติ ทฺเวเยว นิฏฺา. กามฺจายํ คติสทฺโท ‘‘ปฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๓) ภวเภเท วตฺตติ. ‘‘คติ มิคานํ ปวน’’นฺติอาทีสุ (ปริ. ๓๙๙) นิวาสฏฺาเน. ‘‘เอวํ อธิมตฺตคติมนฺโต’’ติอาทีสุ ปฺายํ. ‘‘คติคต’’นฺติอาทีสุ วิสฏภาเว. อิธ ปน นิฏฺายํ วตฺตตีติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ กิฺจาปิ เยหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺตี โหติ, น เตเหว พุทฺโธ โหติ; ชาติสามฺโต ปน ตานิเยว ตานีติ วุจฺจนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เยหิ สมนฺนาคตสฺสา’’ติ. สเจ อคารํ อชฺฌาวสตีติ ยทิ อคาเร วสติ. ราชา โหติ จกฺกวตฺตีติ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ, สงฺคหวตฺถูหิ จ โลกํ รฺชนโต ราชา, จกฺกรตนํ วตฺเตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจกฺเกหิ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วตฺเตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติ จกฺกวตฺตี. เอตฺถ จ ราชาติ สามฺํ. จกฺกวตฺตีติ วิเสสํ. ธมฺเมน จรตีติ ธมฺมิโก. าเยน สเมน วตฺตตีติ อตฺโถ. ธมฺเมน รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชา. ปรหิตธมฺมกรเณน วา ธมฺมิโก. อตฺตหิตธมฺมกรเณน ธมฺมราชา. จตุรนฺตาย อิสฺสโรติ จาตุรนฺโต, จตุสมุทฺทอนฺตาย, จตุพฺพิธทีปวิภูสิตาย ปถวิยา อิสฺสโรติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตํ ¶ โกปาทิปจฺจตฺถิเก พหิทฺธา จ สพฺพราชาโน วิเชตีติ วิชิตาวี. ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโตติ ชนปเท ธุวภาวํ ถาวรภาวํ ปตฺโต, น สกฺกา เกนจิ จาเลตุํ. ชนปโท วา ตมฺหิ ถาวริยปฺปตฺโต อนุยุตฺโต สกมฺมนิรโต อจโล อสมฺปเวธีติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต.
เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส เจตานิ กตมานีติ อตฺโถ. จกฺกรตนนฺติอาทีสุ จกฺกฺจ, ตํ รติชนนฏฺเน รตนฺจาติ จกฺกรตนํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อิเมสุ ปน รตเนสุ อยํ จกฺกวตฺติราชา จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต ยถาสุขํ อนุจรติ, ปริณายกรตเนน ¶ วิชิตมนุรกฺขติ, อวเสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติ. ปเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค, ปจฺฉิเมน มนฺตสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภุสตฺติโยโค สุปริปุณฺโณ โหติ, อิตฺถิมณิรตเนหิ ติวิธสตฺติโยคผลํ. โส อิตฺถิมณิรตเนหิ โภคสุขมนุภวติ, เสเสหิ อิสฺสริยสุขํ. วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ เวทิตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน โพชฺฌงฺคสํยุตฺเต รตนสุตฺตสฺส อุปเทสโต คเหตพฺโพ.
ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํ. สูราติ อภีรุกชาติกา. วีรงฺครูปาติ เทวปุตฺตสทิสกายา. เอวํ ตาว เอเก วณฺณยนฺติ. อยํ ปเนตฺถ สพฺภาโว. วีราติ อุตฺตมสูรา วุจฺจนฺติ, วีรานํ องฺคํ วีรงฺคํ, วีรการณํ วีริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. วีรงฺครูปํ เอเตสนฺติ วีรงฺครูปา, วีริยมยสรีรา วิยาติ วุตฺตํ โหติ. ปรเสนปฺปมทฺทนาติ สเจ ปฏิมุขํ ติฏฺเยฺย ปรเสนา ตํ ปริมทฺทิตุํ สมตฺถาติ อธิปฺปาโย. ธมฺเมนาติ ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติอาทินา ปฺจสีลธมฺเมน ¶ . อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโทติ เอตฺถ ราคโทสโมหมานทิฏฺิอวิชฺชาทุจฺจริตฉทเนหิ ¶ สตฺตหิ ปฏิจฺฉนฺเน กิเลสนฺธกาเร โลเก ตํ ฉทนํ วิวฏฺเฏตฺวา สมนฺตโต สฺชาตาโลโก หุตฺวา ิโตติ วิวฏฺฏจฺฉโท. ตตฺถ ปเมน ปเทน ปูชารหตา. ทุติเยน ตสฺสา เหตุ, ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺโธติ, ตติเยน พุทฺธตฺตเหตุภูตา วิวฏฺฏจฺฉทตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อถ วา วิวฏฺโฏ จ วิจฺฉโท จาติ วิวฏฺฏจฺฉโท, วฏฺฏรหิโต ฉทนรหิโต จาติ วุตฺตํ โหติ. เตน อรหํ วฏฺฏาภาเวน, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฉทนาภาเวนาติ เอวํ ปุริมปททฺวยสฺเสว เหตุทฺวยํ วุตฺตํ โหติ, ทุติเยน เวสารชฺเชน เจตฺถ ปุริมสิทฺธิ, ปเมน ทุติยสิทฺธิ, ตติยจตุตฺเถหิ ตติยสิทฺธิ โหติ. ปุริมฺจ ธมฺมจกฺขุํ, ทุติยํ พุทฺธจกฺขุํ, ตติยํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธตีติ เวทิตพฺพํ. ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตาติ อิมินา’สฺส มนฺเตสุ สูรภาวํ ชเนติ.
๒๕๙. โสปิ ¶ ตาย อาจริยกถาย ลกฺขเณสุ วิคตสมฺโมโห เอโกภาสชาเต วิย พุทฺธมนฺเต สมฺปสฺสมาโน เอวํ โภติ อาห. ตสฺสตฺโถ – ‘ยถา, โภ, ตฺวํ วทสิ, เอวํ กริสฺสามี’ติ. วฬวารถมารุยฺหาติ วฬวายุตฺตํ รถํ อภิรูหิตฺวา. พฺราหฺมโณ กิร เยน รเถน สยํ วิจรติ, ตเมว รถํ ทตฺวา มาณวํ เปเสสิ. มาณวาปิ โปกฺขรสาติสฺเสว อนฺเตวาสิกา. โส กิร เตสํ – ‘‘อมฺพฏฺเน สทฺธึ คจฺฉถา’’ติ สฺํ อทาสิ.
ยาวติกา ยานสฺส ภูมีติ ยตฺตกํ สกฺกา โหติ ยาเนน คนฺตุํ, อยํ ยานสฺส ภูมิ นาม. ยานา ปจฺโจโรหิตฺวาติ อยานภูมึ, ทฺวารโกฏฺกสมีปํ คนฺตฺวา ยานโต ปฏิโอโรหิตฺวา.
เตน โข ปน สมเยนาติ ยสฺมึ สมเย อมฺพฏฺโ อารามํ ปาวิสิ. ตสฺมึ ปน สมเย, ิตมชฺฌนฺหิกสมเย. กสฺมา ปน ตสฺมึ สมเย จงฺกมนฺตีติ? ปณีตโภชนปจฺจยสฺส ถินมิทฺธสฺส วิโนทนตฺถํ, ทิวาปธานิกา วา เต. ตาทิสานฺหิ ปจฺฉาภตฺตํ จงฺกมิตฺวา นฺหายิตฺวา ¶ สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา นิสชฺช สมณธมฺมํ กโรนฺตานํ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ. เยน เต ภิกฺขูติ โส กิร – ‘‘กุหึ สมโณ โคตโม’’ติ ปริเวณโต ปริเวณํ อนาคนฺตฺวา ‘‘ปุจฺฉิตฺวาว ปวิสิสฺสามี’’ติ วิโลเกนฺโต อรฺหตฺถี วิย มหาจงฺกเม จงฺกมมาเน ปํสุกูลิเก ภิกฺขู ทิสฺวา เตสํ สนฺติกํ อคมาสิ. ตํ สนฺธาย เยน เต ภิกฺขูติอาทิ วุตฺตํ. ทสฺสนายาติ ทฏฺุํ, ปสฺสิตุกามา หุตฺวาติ อตฺโถ.
๒๖๐. อภิฺาตโกลฺโติ ปากฏกุลโช. ตทา กิร ชมฺพุทีเป อมฺพฏฺกุลํ นาม ปากฏกุลมโหสิ ¶ . อภิฺาตสฺสาติ รูปชาติมนฺตกุลาปเทเสหิ ปากฏสฺส. อครูติ อภาริโก. โย หิ อมฺพฏฺํ าเปตุํ น สกฺกุเณยฺย, ตสฺส เตน สทฺธึ กถาสลฺลาโป ครุ ภเวยฺย. ภควโต ปน ตาทิสานํ มาณวานํ สเตนาปิ สหสฺเสนาปิ ¶ ปฺหํ ปุฏฺสฺส วิสฺสชฺชเน ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ มฺมานา – ‘‘อครุ โข ปนา’’ติ จินฺตยึสุ. วิหาโรติ คนฺธกุฏึ สนฺธาย อาหํสุ.
อตรมาโนติ อตุริโต, สณิกํ ปทปฺปมาณฏฺาเน ปทํ นิกฺขิปนฺโต วตฺตํ กตฺวา สุสมฺมฏฺํ มุตฺตาทลสินฺทุวารสนฺถรสทิสํ วาลิกํ อวินาเสนฺโตติ อตฺโถ. อาฬินฺทนฺติ ปมุขํ. อุกฺกาสิตฺวาติ อุกฺกาสิตสทฺทํ กตฺวา. อคฺคฬนฺติ ทฺวารกวาฏํ. อาโกเฏหีติ อคฺคนเขหิ สณิกํ กฺุจิกจฺฉิทฺทสมีเป อาโกเฏหีติ วุตฺตํ โหติ. ทฺวารํ กิร อติอุปริ อมนุสฺสา, อติเหฏฺา ทีฆชาติกา โกเฏนฺติ. ตถา อนาโกเฏตฺวา มชฺเฌ ฉิทฺทสมีเป โกเฏตพฺพนฺติ อิทํ ทฺวาราโกฏนวตฺตนฺติ ทีเปนฺตา วทนฺติ.
๒๖๑. วิวริ ภควา ทฺวารนฺติ น ภควา อุฏฺาย ทฺวารํ วิวริ. วิวริยตูติ ปน หตฺถํ ปสาเรสิ. ตโต ‘‘ภควา ตุมฺเหหิ ¶ อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ ทานํ ททมาเนหิ น สหตฺถา ทฺวารวิวรณกมฺมํ กต’’นฺติ สยเมว ทฺวารํ วิวฏํ. ตํ ปน ยสฺมา ภควโต มเนน วิวฏํ, ตสฺมา วิวริ ภควา ทฺวารนฺติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสูติ ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต ภควา เตหิ, เอวํ เตปิ ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมทา อเหสุํ. สีโตทกํ วิย อุณฺโหทเกน สมฺโมทิตํ เอกีภาวํ อคมํสุ. ยาย จ ‘‘กจฺจิ, โภ โคตม, ขมนียํ; กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โภโต จ โคตมสฺส สาวกานฺจ อปฺปาพาธํ, อปฺปาตงฺกํ, ลหุฏฺานํ, พลํ, ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทึสุ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสมฺโมทชนนโต สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต จ สมฺโมทนียํ, อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหภาวโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํ. สุยฺยมานสุขโต สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต จ สารณียํ. ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียํ. เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
อมฺพฏฺโ ¶ ปน มาณโวติ โส กิร ภควโต รูปสมฺปตฺติยํ จิตฺตปฺปสาทมตฺตมฺปิ อกตฺวา ‘‘ทสพลํ ¶ อปสาเทสฺสามี’’ติ อุทเร พทฺธสาฏกํ มฺุจิตฺวา กณฺเ โอลมฺเพตฺวา เอเกน หตฺเถน ทุสฺสกณฺณํ คเหตฺวา จงฺกมํ อภิรูหิตฺวา กาเลน พาหุํ, กาเลน อุทรํ, กาเลน ปิฏฺึ ทสฺเสนฺโต, กาเลน หตฺถวิการํ, กาเลน ภมุกวิการํ กโรนฺโต, ‘‘กจฺจิ เต โภ, โคตม, ธาตุสมตา, กจฺจิ ภิกฺขาหาเรน น กิลมถ, อกิลมถากาโรเยว ปน เต ปฺายติ; ถูลานิ หิ เต องฺคปจฺจงฺคานิ, ปาสาทิกตฺถ คตคตฏฺาเน. ‘เต พหุชนา ราชปพฺพชิโตติ จ พุทฺโธ’ติ จ อุปฺปนฺนพหุมานา ปณีตํ โอชวนฺตมาหารํ เทนฺติ. ปสฺสถ, โภ, เคหํ, จิตฺตสาลา วิย, ทิพฺพปาสาโท วิย. อิมํ มฺจํ ปสฺสถ, พิมฺโพหนํ ปสฺสถ, กึ เอวรูเป าเน วสนฺตสฺส สมณธมฺมํ กาตุํ ทุกฺกร’’นฺติ เอวรูปํ อุปฺปณฺฑนกถํ อนาจารภาวสารณียํ กเถติ, เตน ¶ วุตฺตํ – ‘‘อมฺพฏฺโ ปน มาณโว จงฺกมนฺโตปิ นิสินฺเนน ภควตา กิฺจิ กิฺจิ กถํ สารณียํ วีติสาเรติ, ิโตปิ นิสินฺเนน ภควตา กิฺจิ กิฺจิ กถํ สารณียํ วีติสาเรตี’’ติ.
๒๖๒. อถ โข ภควาติ อถ ภควา – ‘‘อยํ มาณโว หตฺถํ ปสาเรตฺวา ภวคฺคํ คเหตุกาโม วิย, ปาทํ ปสาเรตฺวา อวีจึ วิจริตุกาโม วิย, มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม วิย, สิเนรุํ อาโรหิตุกาโม วิย จ อฏฺาเน วายมติ, หนฺท, เตน สทฺธึ มนฺเตมี’’ติ อมฺพฏฺํ มาณวํ เอตทโวจ. อาจริยปาจริเยหีติ อาจริเยหิ จ เตสํ อาจริเยหิ จ.
ปมอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๓. คจฺฉนฺโต วาติ เอตฺถ กามํ ตีสุ อิริยาปเถสุ พฺราหฺมโณ อาจริยพฺราหฺมเณน สทฺธึ สลฺลปิตุมรหติ. อยํ ปน มาณโว มานถทฺธตาย กถาสลฺลาปํ กโรนฺโต จตฺตาโรปิ อิริยาปเถ โยเชสฺสามีติ ‘‘สยาโน วา หิ, โภ โคตม, สยาเนนา’’ติ อาห.
ตโต ¶ กิร ตํ ภควา – ‘‘อมฺพฏฺ, คจฺฉนฺตสฺส วา คจฺฉนฺเตน, ิตสฺส วา ิเตน, นิสินฺนสฺส วา นิสินฺเนนาจริเยน สทฺธึ กถา นาม สพฺพาจริเยสุ ลพฺภติ. ตฺวํ ปน สยาโน สยาเนนาจริเยน สทฺธึ กเถสิ, กึ เต อาจริโย โครูปํ, อุทาหุ ตฺว’’นฺติ อาห. โส กุชฺฌิตฺวา – ‘‘เย จ โข เต, โภ โคตม, มุณฺฑกา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มุณฺเฑ มุณฺฑาติ สมเณ จ สมณาติ วตฺตุํ วฏฺเฏยฺย. อยํ ปน หีเฬนฺโต มุณฺฑกา สมณกาติ อาห. อิพฺภาติ คหปติกา. กณฺหาติ กณฺหา, กาฬกาติ อตฺโถ. พนฺธุปาทาปจฺจาติ เอตฺถ พนฺธูติ พฺรหฺมา อธิปฺเปโต. ตฺหิ พฺราหฺมณา ปิตามโหติ โวหรนฺติ. ปาทานํ อปจฺจา ปาทาปจฺจา, พฺรหฺมุโน ปิฏฺิปาทโต ¶ ชาตาติ อธิปฺปาโย. ตสฺส กิร อยํ ลทฺธิ – พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน มุขโต นิกฺขนฺตา, ขตฺติยา อุรโต, เวสฺสา นาภิโต, สุทฺทา ชาณุโต, สมณา ปิฏฺิปาทโตติ. เอวํ กเถนฺโต จ ปเนส กิฺจาปิ อนิยเมตฺวา กเถติ. อถ โข ภควนฺตเมว วทามีติ กเถติ.
อถ โข ภควา – ‘‘อยํ อมฺพฏฺโ อาคตกาลโต ปฏฺาย มยา สทฺธึ กถยมาโน มานเมว นิสฺสาย กเถสิ, อาสีวิสํ ¶ คีวายํ คณฺหนฺโต วิย, อคฺคิกฺขนฺธํ อาลิงฺคนฺโต วิย, มตฺตวารณํ โสณฺฑาย ปรามสนฺโต วิย, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาติ. หนฺท นํ ชานาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อตฺถิกวโต โข ปน เต, อมฺพฏฺา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อาคนฺตฺวา กตฺตพฺพกิจฺจสงฺขาโต อตฺโถ, เอตสฺส อตฺถีติ อตฺถิกํ, ตสฺส มาณวสฺส จิตฺตํ. อตฺถิกมสฺส อตฺถีติ อตฺถิกวา, ตสฺส อตฺถิกวโต ตว อิธาคมนํ อโหสีติ อตฺโถ.
โข ปนาติ นิปาตมตฺตํ. ยาเยว โข ปนตฺถายาติ เยเนว โข ปนตฺเถน. อาคจฺเฉยฺยาถาติ มม วา อฺเสํ วา สนฺติกํ ยทา กทาจิ อาคจฺเฉยฺยาถ. ตเมว อตฺถนฺติ อิทํ ปุริสลิงฺควเสเนว วุตฺตํ. มนสิ กเรยฺยาถาติ จิตฺเต กเรยฺยาถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตฺวํ อาจริเยน อตฺตโน กรณีเยน เปสิโต, น อมฺหากํ ปริภวนตฺถาย, ตสฺมา ตเมว กิจฺจํ มนสิ กโรหีติ. เอวมสฺส อฺเสํ สนฺติกํ อาคตานํ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา มานนิคฺคณฺหนตฺถํ ‘‘อวุสิตวาเยว โข ปนา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ ปสฺสถ โภ อยํ อมฺพฏฺโ มาณโว อาจริยกุเล อวุสิตวา ¶ อสิกฺขิโต อปฺปสฺสุโตว สมาโน. วุสิตมานีติ ‘‘อหํ วุสิตวา สิกฺขิโต พหุสฺสุโต’’ติ อตฺตานํ มฺติ. เอตสฺส หิ เอวํ ผรุสวจนสมุทาจาเร การณํ กิมฺตฺร อวุสิตตฺตาติ อาจริยกุเล อสํวุทฺธา อสิกฺขิตา อปฺปสฺสุตาเยว หิ เอวํ วทนฺตีติ.
๒๖๔. กุปิโตติ กุทฺโธ. อนตฺตมโนติ อสกมโน, กึ ปน ภควา ตสฺส กุชฺฌนภาวํ ตฺวา เอวมาห อุทาหุ อตฺวาติ? ตฺวา อาหาติ. กสฺมา ตฺวา อาหาติ? ตสฺส มานนิมฺมทนตฺถํ. ภควา หิ อฺาสิ – ‘‘อยํ มยา เอวํ วุตฺเต กุชฺฌิตฺวา มม าตเก อกฺโกสิสฺสติ. อถสฺสาหํ ยถา นาม กุสโล ภิสกฺโก โทสํ อุคฺคิเลตฺวา นีหรติ, เอวเมว โคตฺเตน โคตฺตํ, กุลาปเทเสน กุลาปเทสํ ¶ , อุฏฺาเปตฺวา ภวคฺคปฺปมาเณน วิย อุฏฺิตํ มานทฺธชํ มูเล เฉตฺวา นิปาเตสฺสามี’’ติ. ขุํเสนฺโตติ ฆฏฺเฏนฺโต. วมฺเภนฺโตติ หีเฬนฺโต. ปาปิโต ภวิสฺสตีติ จณฺฑภาวาทิโทสํ ปาปิโต ภวิสฺสติ.
จณฺฑาติ ¶ มานนิสฺสิตโกธยุตฺตา. ผรุสาติ ขรา. ลหุสาติ ลหุกา. อปฺปเกเนว ตุสฺสนฺติ วา ทุสฺสนฺติ วา อุทกปิฏฺเ อลาพุกฏาหํ วิย อปฺปเกเนว อุปฺลวนฺติ. ภสฺสาติ พหุภาณิโน. สกฺยานํ มุเข วิวเฏ อฺสฺส วจโนกาโส นตฺถีติ อธิปฺปาเยเนว วทติ. สมานาติ อิทํ สนฺตาติ ปุริมปทสฺส เววจนํ. น สกฺกโรนฺตีติ น พฺราหฺมณานํ สุนฺทเรนากาเรน กโรนฺติ. น ครุํ กโรนฺตีติ พฺราหฺมเณสุ คารวํ น กโรนฺติ. น มาเนนฺตีติ น มเนน ปิยายนฺติ. น ปูเชนฺตีติ มาลาทีหิ เนสํ ปูชํ น กโรนฺติ. น อปจายนฺตีติ อภิวาทนาทีหิ เนสํ อปจิติกมฺมํ นีจวุตฺตึ น ทสฺเสนฺติ ตยิทนฺติ ตํ อิทํ. ยทิเม สกฺยาติ ยํ อิเม สกฺยา น พฺราหฺมเณ สกฺกโรนฺติ…เป… น อปจายนฺติ, ตํ เตสํ อสกฺการกรณาทิ สพฺพํ น ยุตฺตํ, นานุโลมนฺติ อตฺโถ.
ทุติยอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๕. อปรทฺธุนฺติ อปรชฺฌึสุ. เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. เอกํ อหนฺติ อตฺโถ. สนฺธาคารนฺติ รชฺชอนุสาสนสาลา. สกฺยาติ อภิสิตฺตราชาโน ¶ . สกฺยกุมาราติ อนภิสิตฺตา. อุจฺเจสูติ ยถานุรูเปสุ ปลฺลงฺกปีกเวตฺตาสนผลกจิตฺตตฺถรณาทิเภเทสุ. สฺชคฺฆนฺตาติ อุปฺปณฺฑนวเสน มหาหสิตํ หสนฺตา. สํกีฬนฺตาติ หสิตมตฺต กรณองฺคุลิสงฺฆฏฺฏนปาณิปฺปหารทานาทีนิ กโรนฺตา. มมฺเว มฺเติ เอวมหํ มฺามิ, มมฺเว อนุหสนฺติ, น อฺนฺติ.
กสฺมา ปน เต เอวมกํสูติ? เต ¶ กิร อมฺพฏฺสฺส กุลวํสํ ชานนฺติ. อยฺจ ตสฺมึ สมเย ยาว ปาทนฺตา โอลมฺเพตฺวา นิวตฺถสาฏกสฺส เอเกน หตฺเถน ทุสฺสกณฺณํ คเหตฺวา ขนฺธฏฺิกํ นาเมตฺวา มานมเทน มตฺโต วิย อาคจฺฉติ. ตโต – ‘‘ปสฺสถ โภ อมฺหากํ ทาสสฺส กณฺหายนโคตฺตสฺส อมฺพฏฺสฺส อาคมนการณ’’นฺติ วทนฺตา เอวมกํสุ. โสปิ อตฺตโน กุลวํสํ ชานาติ. ตสฺมา ‘‘มมฺเว มฺเ’’ติ ตกฺกยิตฺถ.
อาสเนนาติ ‘‘อิทมาสนํ, เอตฺถ นิสีทาหี’’ติ เอวํ อาสเนน นิมนฺตนํ นาม โหติ, ตถา น โกจิ อกาสิ.
ตติยอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๖. ลฏุกิกาติ ¶ เขตฺตเลฑฺฑูนํ อนฺตเรนิวาสินี ขุทฺทกสกุณิกา. กุลาวเกติ นิวาสนฏฺาเน. กามลาปินีติ ยทิจฺฉกภาณินี, ยํ ยํ อิจฺฉติ ตํ ตํ ลปติ, น ตํ โกจิ หํโส วา โกฺโจ วา โมโร วา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ ตฺวํ ลปสี’ติ นิเสเธติ. อภิสชฺชิตุนฺติ โกธวเสน ลคฺคิตุํ.
เอวํ วุตฺเต มาณโว – ‘‘อยํ สมโณ โคตโม อตฺตโน าตเก ลฏุกิกสทิเส กตฺวา อมฺเห หํสโกฺจโมรสทิเส กโรติ, นิมฺมาโน ทานิ ชาโต’’ติ มฺมาโน อุตฺตริ จตฺตาโร วณฺเณ ทสฺเสติ.
ทาสิปุตฺตวาทวณฺณนา
๒๖๗. นิมฺมาเทตีติ นิมฺมเทติ นิมฺมาเน กโรติ. ยํนูนาหนฺติ ยทิ ปนาหํ. ‘‘กณฺหายโนหมสฺมิ, โภ โคตมา’’ติ อิทํ กิร วจนํ อมฺพฏฺโ ติกฺขตฺตุํ ¶ มหาสทฺเทน อโวจ. กสฺมา อโวจ? กึ อสุทฺธภาวํ น ชานาตีติ? อาม ชานาติ. ชานนฺโตปิ ภวปฏิจฺฉนฺนเมตํ การณํ, ตํ อเนน น ทิฏฺํ. อปสฺสนฺโต มหาสมโณ กึ วกฺขตีติ มฺมาโน มานถทฺธตาย อโวจ. มาตาเปตฺติกนฺติ มาตาปิตูนํ สนฺตกํ. นามโคตฺตนฺติ ปณฺณตฺติวเสน นามํ, ปเวณีวเสน โคตฺตํ. อนุสฺสรโตติ อนุสฺสรนฺตสฺส กุลโกฏึ โสเธนฺตสฺส. อยฺยปุตฺตาติ สามิโน ปุตฺตา. ทาสิปุตฺโตติ ฆรทาสิยาว ปุตฺโต. ตสฺมา ยถา ทาเสน สามิโน อุปสงฺกมิตพฺพา, เอวํ อนุปสงฺกมนฺตํ ¶ ตํ ทิสฺวา สกฺยา อนุชคฺฆึสูติ ทสฺเสติ.
อิโต ปรํ ตสฺส ทาสภาวํ สกฺยานฺจ สามิภาวํ ปกาเสตฺวา อตฺตโน จ อมฺพฏฺสฺส จ กุลวํสํ อาหรนฺโต สกฺยา โข ปนาติอาทิมาห. ตตฺถ ทหนฺตีติ เปนฺติ, โอกฺกาโก โน ปุพฺพปุริโสติ, เอวํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺส กิร รฺโ กถนกาเล อุกฺกา วิย มุขโต ปภา นิจฺฉรติ, ตสฺมา ตํ ‘‘โอกฺกาโก’’ติ สฺชานึสูติ. ปพฺพาเชสีติ นีหริ.
อิทานิ เต นามวเสน ทสฺเสนฺโต – ‘‘โอกฺกามุข’’นฺติอาทิมาห. ตตฺรายํ อนุปุพฺพี กถา – ปมกปฺปิกานํ กิร รฺโ มหาสมฺมตสฺส โรโช นาม ปุตฺโต อโหสิ. โรชสฺส วรโรโช, วรโรชสฺส กลฺยาโณ, กลฺยาณสฺส วรกลฺยาโณ, วรกลฺยาณสฺส มนฺธาตา, มนฺธาตุสฺส วรมนฺธาตา ¶ , วรมนฺธาตุสฺส อุโปสโถ, อุโปสถสฺส วโร, วรสฺส อุปวโร, อุปวรสฺส มฆเทโว, มฆเทวสฺส ปรมฺปราย จตุราสีติขตฺติยสหสฺสานิ อเหสุํ. เตสํ ปจฺฉโต ตโย โอกฺกากวํสา อเหสุํ. เตสุ ตติยโอกฺกากสฺส ปฺจ มเหสิโย อเหสุํ – หตฺถา, จิตฺตา, ชนฺตุ, ชาลินี, วิสาขาติ. เอเกกิสฺสา ปฺจปฺจอิตฺถิสตปริวารา. สพฺพเชฏฺาย จตฺตาโร ปุตฺตา – โอกฺกามุโข, กรกณฺฑุ, หตฺถินิโก, สินิสูโรติ. ปฺจ ธีตโร – ปิยา, สุปฺปิยา, อานนฺทา, วิชิตา, วิชิตเสนาติ. อิติ สา นว ปุตฺเต วิชายิตฺวา กาลมกาสิ.
อถ ราชา อฺํ ทหรึ อภิรูปํ ราชธีตรํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สา ชนฺตุํ นาม ปุตฺตํ วิชายิ. อถ นํ ปฺจมทิวเส อลงฺกริตฺวา ¶ รฺโ ทสฺเสสิ. ราชา ตุฏฺโ ตสฺสา วรํ อทาสิ. สา าตเกหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา ปุตฺตสฺส รชฺชํ ยาจิ. ราชา – ‘‘นสฺส, วสลิ, มม ปุตฺตานํ อนฺตรายํ อิจฺฉสี’’ติ ตชฺเชสิ. สา ปุนปฺปุนํ รโห ราชานํ ปริโตเสตฺวา – ‘‘มหาราช, มุสาวาโท นาม น วฏฺฏตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ยาจติเยว. อถ ราชา ปุตฺเต อามนฺเตสิ – ‘‘อหํ ตาตา, ตุมฺหากํ กนิฏฺํ ชนฺตุกุมารํ ทิสฺวา ตสฺส มาตุยา สหสา วรํ อทาสึ ¶ , สา ปุตฺตสฺส รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉติ. ตุมฺเห เปตฺวา มงฺคลหตฺถึ มงฺคลอสฺสํ มงฺคลรถฺจ ยตฺตเก อิจฺฉถ, ตตฺตเก หตฺถิอสฺสรเถ คเหตฺวา คจฺฉถ. มมจฺจเยน อาคนฺตฺวา รชฺชํ กเรยฺยาถา’’ติ, อฏฺหิ อมจฺเจหิ สทฺธึ อุยฺโยเชสิ.
เต นานปฺปการํ โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา – ‘‘ตาต, อมฺหากํ โทสํ ขมถา’’ติ ราชานฺเจว ราโชโรเธ จ ขมาเปตฺวา, ‘‘มยมฺปิ ภาตูหิ สทฺธึ คจฺฉามา’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา นครา นิกฺขนฺตา ภคินิโย อาทาย จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวุตา นครา นิกฺขมึสุ. ‘‘กุมารา ปิตุอจฺจเยน อาคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรสฺสนฺติ, คจฺฉาม เน อุปฏฺหามา’’ติ จินฺเตตฺวา พหู มนุสฺสา อนุพนฺธึสุ. ปมทิวเส โยชนมตฺตา เสนา อโหสิ, ทุติเย ทฺวิโยชนมตฺตา, ตติเย ติโยชนมตฺตา. กุมารา มนฺตยึสุ – ‘‘มหา พลกาโย, สเจ มยํ กฺจิ สามนฺตราชานํ มทฺทิตฺวา ชนปทํ คณฺเหยฺยาม, โสปิ โน นปฺปสเหยฺย. กึ ปเรสํ ปีฬาย กตาย, มหา อยํ ชมฺพุทีโป, อรฺเ นครํ มาเปสฺสามา’’ติ หิมวนฺตาภิมุขา คนฺตฺวา นครวตฺถุํ ปริเยสึสุ.
ตสฺมิฺจ สมเย อมฺหากํ โพธิสตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กปิลพฺราหฺมโณ นาม หุตฺวา นิกฺขมฺม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปสฺเส โปกฺขรณิยา ตีเร สากวนสณฺเฑ ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วสติ. โส กิร ภุมฺมชาลํ นาม วิชฺชํ ชานาติ, ยาย อุทฺธํ อสีติหตฺเถ อากาเส, เหฏฺา จ ภูมิยมฺปิ คุณโทสํ ปสฺสติ. เอตสฺมึ ปเทเส ติณคุมฺพลตา ¶ ทกฺขิณาวฏฺฏา ปาจีนาภิมุขา ชายนฺติ. สีหพฺยคฺฆาทโย มิคสูกเร สปฺปพิฬารา จ มณฺฑูกมูสิเก อนุพนฺธมานา ตํ ปเทสํ ปตฺวา น สกฺโกนฺติ เต อนุพนฺธิตุํ. เตหิ เต อฺทตฺถุ ¶ สนฺตชฺชิตา นิวตฺตนฺติเยว. โส – ‘‘อยํ ปถวิยา อคฺคปเทโส’’ติ ตฺวา ตตฺถ อตฺตโน ปณฺณสาลํ มาเปสิ.
อถ เต กุมาเร นครวตฺถุํ ปริเยสมาเน อตฺตโน วสโนกาสํ ¶ อาคเต ทิสฺวา ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา เตสุ อนุกมฺปํ ชเนตฺวา อโวจ – ‘‘อิมสฺมึ ปณฺณสาลฏฺาเน มาปิตํ นครํ ชมฺพุทีเป อคฺคนครํ ภวิสฺสติ. เอตฺถ ชาตปุริเสสุ เอเกโก ปุริสสตมฺปิ ปุริสสหสฺสมฺปิ อภิภวิตุํ สกฺขิสฺสติ. เอตฺถ นครํ มาเปถ, ปณฺณสาลฏฺาเน รฺโ ฆรํ กโรถ. อิมสฺมิฺหิ โอกาเส ตฺวา จณฺฑาลปุตฺโตปิ จกฺกวตฺติพเลน อติเสยฺโย’’ติ. นนุ, ภนฺเต, อยฺยสฺส วสโนกาโสติ? ‘‘มม วสโนกาโส’’ติ มา จินฺตยิตฺถ. มยฺหํ เอกปสฺเส ปณฺณสาลํ กตฺวา นครํ มาเปตฺวา กปิลวตฺถุนฺติ นามํ กโรถา’’ติ. เต ตถา กตฺวา ตตฺถ นิวาสํ กปฺเปสุํ.
อถามจฺจา – ‘‘อิเม ทารกา วยปฺปตฺตา, สเจ เนสํ ปิตา สนฺติเก ภเวยฺย, โส อาวาหวิวาหํ กเรยฺย. อิทานิ ปน อมฺหากํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา กุมาเรหิ สทฺธึ มนฺตยึสุ. กุมารา อมฺหากํ สทิสา ขตฺติยธีตโร นาม น ปสฺสาม, นาปิ ภคินีนํ สทิเส ขตฺติยกุมารเก, อสทิสสํโยเค จ โน อุปฺปนฺนา ปุตฺตา มาติโต วา ปิติโต วา อปริสุทฺธา ชาติสมฺเภทํ ปาปุณิสฺสนฺติ. ตสฺมา มยํ ภคินีหิเยว สทฺธึ สํวาสํ โรเจมาติ. เต ชาติสมฺเภทภเยน เชฏฺกภคินึ มาตุฏฺาเน เปตฺวา อวเสสาหิ สํวาสํ กปฺเปสุํ.
เตสํ ปุตฺเตหิ จ ธีตาหิ จ วฑฺฒมานานํ อปเรน สมเยน เชฏฺกภคินิยา กุฏฺโรโค อุทปาทิ, โกวิฬารปุปฺผสทิสานิ คตฺตานิ อเหสุํ. ราชกุมารา อิมาย สทฺธึ เอกโต นิสชฺชฏฺานโภชนาทีนิ กโรนฺตานมฺปิ อุปริ อยํ โรโค สงฺกมตีติ จินฺเตตฺวา เอกทิวสํ อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺตา วิย ตํ ยาเน อาโรเปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ภูมิยํ โปกฺขรณึ ขณาเปตฺวา ตตฺถ ขาทนียโภชนีเยน สทฺธึ ตํ ปกฺขิปิตฺวา ฆรสงฺเขเปน อุปริ ปทรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปํสุํ ทตฺวา ปกฺกมึสุ.
เตน ¶ จ สมเยน ราโม นาม พาราณสิราชา กุฏฺโรโค นาฏกิตฺถีหิ จ โอโรเธหิ จ ชิคุจฺฉิยมาโน เตน สํเวเคน เชฏฺปุตฺตสฺส รชฺชํ ทตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา ¶ มูลผลานิ ปริภฺุชนฺโต นจิรสฺเสว อโรโค สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺโต ¶ มหนฺตํ สุสิรรุกฺขํ ทิสฺวา ตสฺสพฺภนฺตเร โสฬสหตฺถปฺปมาณํ โอกาสํ โสเธตฺวา ทฺวารฺจ วาตปานฺจ โยเชตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ. โส องฺคารกฏาเห อคฺคึ กตฺวา รตฺตึ มิคสูกราทีนํ สทฺเท สุณนฺโต สยติ. โส – ‘‘อสุกสฺมึ ปเทเส สีโห สทฺทมกาสิ, อสุกสฺมึ พฺยคฺโฆ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปภาเต ตตฺถ คนฺตฺวา วิฆาสมํสํ อาทาย ปจิตฺวา ขาทติ.
อเถกทิวสํ ตสฺมึ ปจฺจูสสมเย อคฺคึ ชาเลตฺวา นิสินฺเน ราชธีตาย สรีรคนฺเธน อาคนฺตฺวา พฺยคฺโฆ ตสฺมึ ปเทเส ปํสุํ วิยูหนฺโต ปทเร วิวรมกาสิ, เตน จ วิวเรน สา พฺยคฺฆํ ทิสฺวา ภีตา วิสฺสรมกาสิ. โส ตํ สทฺทํ สุตฺวา – ‘‘อิตฺถิสทฺโท เอโส’’ติ จ สลฺลกฺเขตฺวา ปาโตว ตตฺถ คนฺตฺวา – ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. มาตุคาโม สามีติ. กึ ชาติกาสีติ? โอกฺกากมหาราชสฺส ธีตา สามีติ. นิกฺขมาติ? น สกฺกา สามีติ. กึ การณาติ? ฉวิโรโค เม อตฺถีติ. โส สพฺพํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิตฺวา ขตฺติยมาเนน อนิกฺขมนฺตึ – ‘‘อหมฺปิ ขตฺติโย’’ติ อตฺตโน ขตฺติยภาวํ ชานาเปตฺวา นิสฺเสณึ ทตฺวา อุทฺธริตฺวา อตฺตโน วสโนกาสํ เนตฺวา สยํ ปริภุตฺตเภสชฺชานิเยว ทตฺวา นจิรสฺเสว อโรคํ สุวณฺณวณฺณํ กตฺวา ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ปมสํวาเสเนว คพฺภํ คณฺหิตฺวา ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ, ปุนปิ ทฺเวติ, เอวํ โสฬสกฺขตฺตุมฺปิ วิชายิ. เอวํ ทฺวตฺตึส ภาตโร อเหสุํ. เต อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิปฺปตฺเต ปิตา สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขาเปสิ.
อเถกทิวสํ เอโก รามรฺโ นครวาสี วนจรโก ปพฺพเต รตนานิ คเวสนฺโต ราชานํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา อาห – ‘‘ชานามหํ, เทว, ตุมฺเห’’ติ. ตโต นํ ราชา สพฺพํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. ตสฺมึเยว จ ขเณ เต ทารกา อาคมึสุ. โส เต ทิสฺวา – ‘‘เก อิเม’’ติ อาห. ‘‘ปุตฺตา เม’’ติ จ วุตฺเต เตสํ มาติกวํสํ ¶ ปุจฺฉิตฺวา – ‘‘ลทฺธํ ทานิ เม ¶ ปาภต’’นฺติ นครํ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. โส ‘ปิตรํ อานยิสฺสามี’ติ จตุรงฺคินิยา เสนาย ตตฺถ คนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา – ‘‘รชฺชํ, เทว, สมฺปฏิจฺฉา’’ติ ยาจิ. โส – ‘‘อลํ, ตาต, น ตตฺถ คจฺฉามิ, อิเธว เม อิมํ รุกฺขํ อปเนตฺวา นครํ มาเปหี’’ติ อาห. โส ตถา กตฺวา ตสฺส นครสฺส โกลรุกฺขํ อปเนตฺวา กตตฺตา โกลนครนฺติ จ พฺยคฺฆปเถ กตตฺตา พฺยคฺฆปถนฺติ จาติ ทฺเว นามานิ อาโรเปตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน นครํ อคมาสิ.
ตโต วยปฺปตฺเต กุมาเร มาตา อาห – ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ กปิลวตฺถุวาสิโน สกฺยา มาตุลา สนฺติ. มาตุลธีตานํ ปน โว เอวรูปํ นาม เกสคฺคหณํ โหติ, เอวรูปํ ทุสฺสคหณํ. ยทา ¶ ตา นฺหานติตฺถํ อาคจฺฉนฺติ, ตทา คนฺตฺวา ยสฺส ยา รุจฺจติ, โส ตํ คณฺหตู’’ติ. เต ตเถว คนฺตฺวา ตาสุ นฺหตฺวา สีสํ สุกฺขาปยมานาสุ ยํ ยํ อิจฺฉึสุ, ตํ ตํ คเหตฺวา นามํ สาเวตฺวา อคมึสุ. สกฺยราชาโน สุตฺวา ‘‘โหตุ, ภเณ, อมฺหากํ าตกา เอว เต’’ติ ตุณฺหี อเหสุํ. อยํ สกฺยโกลิยานํ อุปฺปตฺติ. เอวํ เตสํ สกฺยโกลิยานํ อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กโรนฺตานํ ยาว พุทฺธกาลา อนุปจฺฉินฺโนว วํโส อาคโต. ตตฺถ ภควา สกฺยวํสํ ทสฺเสตุํ – ‘‘เต รฏฺสฺมา ปพฺพาชิตา หิมวนฺตปสฺเส โปกฺขรณิยา ตีเร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมฺมนฺตีติ วสนฺติ. สกฺยา วต โภติ รฏฺสฺมา ปพฺพาชิตา อรฺเ วสนฺตาปิ ชาติสมฺเภทมกตฺวา กุลวํสํ อนุรกฺขิตุํ สกฺยา, สมตฺถา, ปฏิพลาติ อตฺโถ. ตทคฺเคติ ตํ อคฺคํ กตฺวา, ตโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. โส จ เนสํ ปุพฺพปุริโสติ โส โอกฺกาโก ราชา เอเตสํ ปุพฺพปุริโส. นตฺถิ เอเตสํ คหปติวํเสน สมฺเภทมตฺตมฺปีติ.
เอวํ สกฺยวํสํ ปกาเสตฺวา อิทานิ อมฺพฏฺวํสํ ปกาเสนฺโต – ‘‘รฺโ โข ปนา’’ติอาทิมาห. กณฺหํ ¶ นาม ชเนสีติ กาฬวณฺณํ อนฺโตกุจฺฉิยํเยว สฺชาตทนฺตํ ปรูฬฺหมสฺสุทาิกํ ปุตฺตํ วิชายิ. ปพฺยาหาสีติ ยกฺโข ชาโตติ ภเยน ปลายิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย ิเตสุ ฆรมานุสเกสุ อิโต จิโต จ วิจรนฺโต โธวถ มนฺติอาทีนิ วทนฺโต อุจฺจาสทฺทมกาสิ.
๒๖๘. เต ¶ มาณวกา ภควนฺตํ เอตทโวจุนฺติ อตฺตโน อุปารมฺภโมจนตฺถาย – ‘‘เอตํ มา ภว’’นฺติอาทิวจนํ อโวจุํ. เตสํ กิร เอตทโหสิ – ‘‘อมฺพฏฺโ อมฺหากํ อาจริยสฺส เชฏฺนฺเตวาสี, สเจ มยํ เอวรูเป าเน เอกทฺเววจนมตฺตมฺปิ น วกฺขาม, อยํ โน อาจริยสฺส สนฺติเก อมฺเห ปริภินฺทิสฺสตี’’ติ อุปารมฺภโมจนตฺถํ เอวํ อโวจุํ. จิตฺเตน ปนสฺส นิมฺมทภาวํ อากงฺขนฺติ. อยํ กิร มานนิสฺสิตตฺตา เตสมฺปิ อปฺปิโยว. กลฺยาณวากฺกรโณติ มธุรวจโน. อสฺมึ วจเนติ อตฺตนา อุคฺคหิเต เวทตฺตยวจเน. ปฏิมนฺเตตุนฺติ ปุจฺฉิตํ ปฺหํ ปฏิกเถตุํ, วิสฺสชฺเชตุนฺติ อตฺโถ. เอตสฺมึ วา ทาสิปุตฺตวจเน. ปฏิมนฺเตตุนฺติ อุตฺตรํ กเถตุํ.
๒๖๙. อถ โข ภควาติ อถ โข ภควา – ‘‘สเจ อิเม มาณวกา เอตฺถ นิสินฺนา เอวํ อุจฺจาสทฺทํ กริสฺสนฺติ, อยํ กถา ปริโยสานํ น คมิสฺสติ. หนฺท, เน นิสฺสทฺเท กตฺวา อมฺพฏฺเเนว สทฺธึ กเถมี’’ติ เต มาณวเก เอตทโวจ. ตตฺถ มนฺตวฺโหติ มนฺตยถ. มยา สทฺธึ ปฏิมนฺเตตูติ มยา สห กเถตุ. เอวํ วุตฺเต มาณวกา จินฺตยึสุ – ‘‘อมฺพฏฺโ ตาว ทาสิปุตฺโตสีติ วุตฺเต ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ นาสกฺขิ. อยํ โข ชาติ นาม ทุชฺชานา, สเจ ¶ อฺมฺปิ กิฺจิ สมโณ โคตโม ‘ตฺวํ ทาโส’ติ วกฺขติ, โก เตน สทฺธึ อฑฺฑํ กริสฺสติ. อมฺพฏฺโ อตฺตนา พทฺธํ ปุฏกํ อตฺตนาว โมเจตู’’ติ อตฺตานํ ปริโมเจตฺวา ตสฺเสว อุปริ ขิปนฺตา – ‘‘สุชาโต จ โภ โคตมา’’ติอาทิมาหํสุ.
๒๗๐. สหธมฺมิโกติ สเหตุโก สการโณ. อกามา พฺยากาตพฺโพติ อตฺตนา อนิจฺฉนฺเตนปิ พฺยากริตพฺโพ, อวสฺสํ วิสฺสชฺเชตพฺโพติ อตฺโถ. อฺเน ¶ วา อฺํ ปฏิจริสฺสสีติ อฺเน วจเนน อฺํ วจนํ ปฏิจริสฺสสิ อชฺโฌตฺถริสฺสสิ, ปฏิจฺฉาเทสฺสสีติ อตฺโถ. โย หิ ‘‘กึ โคตฺโต ตฺว’’นฺติ เอวํ ปุฏฺโ – ‘‘อหํ ตโย เวเท ชานามี’’ติอาทีนิ วทติ, อยํ อฺเน อฺํ ปฏิจรติ นาม. ปกฺกมิสฺสสิ วาติ ปุจฺฉิตํ ปฺหํ ชานนฺโตว อกเถตุกามตาย อุฏฺายาสนา ปกฺกมิสฺสสิ วา.
ตุณฺหี ¶ อโหสีติ สมโณ โคตโม มํ สามํเยว ทาสิปุตฺตภาวํ กถาเปตุกาโม, สามํ กถิเต จ ทาโส นาม ชาโตเยว โหติ. อยํ ปน ทฺวติกฺขตฺตุํ โจเทตฺวา ตุณฺหี ภวิสฺสติ, ตโต อหํ ปริวตฺติตฺวา ปกฺกมิสฺสามีติ จินฺเตตฺวา ตุณฺหี อโหสิ.
๒๗๑. วชิรํ ปาณิมฺหิ อสฺสาติ วชิรปาณิ. ยกฺโขติ น โย วา โส วา ยกฺโข, สกฺโก เทวราชาติ เวทิตพฺโพ. อาทิตฺตนฺติ อคฺคิวณฺณํ. สมฺปชฺชลิตนฺติ สุฏฺุ ปชฺชลิตํ. สโชติภูตนฺติ สมนฺตโต โชติภูตํ, เอกคฺคิชาลภูตนฺติ อตฺโถ. ิโต โหตีติ มหนฺตํ สีสํ, กนฺทลมกุฬสทิสา ทาา ภยานกานิ อกฺขินาสาทีนิ เอวํ วิรูปรูปํ มาเปตฺวา ิโต.
กสฺมา ปเนส อาคโตติ? ทิฏฺิวิสฺสชฺชาปนตฺถํ. อปิ จ – ‘‘อหฺเจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุ’’นฺติ เอวํ ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกภาวํ อาปนฺเน ภควติ สกฺโก มหาพฺรหฺมุนา สทฺธึ อาคนฺตฺวา – ‘‘ภควา ธมฺมํ เทเสถ, ตุมฺหากํ อาณาย อวตฺตมาเน มยํ วตฺตาเปสฺสาม, ตุมฺหากํ ธมฺมจกฺกํ โหตุ, อมฺหากํ อาณาจกฺก’’นฺติ ปฏิฺํ อกาสิ. ตสฺมา – ‘‘อชฺช อมฺพฏฺํ ตาเสตฺวา ปฺหํ วิสฺสชฺชาเปสฺสามี’’ติ อาคโต.
ภควา เจว ปสฺสติ อมฺพฏฺโ จาติ ยทิ หิ ตํ อฺเปิ ปสฺเสยฺยุํ, ตํ การณํ อครุ อสฺส, ‘‘อยํ สมโณ โคตโม อมฺพฏฺํ อตฺตโน วาเท อโนตรนฺตํ ตฺวา ยกฺขํ อาวาเหตฺวา ทสฺเสสิ, ตโต อมฺพฏฺโ ภเยน กเถสี’’ติ วเทยฺยุํ. ตสฺมา ภควา เจว ปสฺสติ อมฺพฏฺโ จ. ตสฺส ตํ ทิสฺวาว สกลสรีรโต เสทา มุจฺจึสุ. อนฺโตกุจฺฉิ วิปริวตฺตมานา มหารวํ วิรวิ ¶ . โส ‘‘อฺเปิ นุ โข ¶ ปสฺสนฺตี’’ติ โอโลเกนฺโต กสฺสจิ โลมหํสมตฺตมฺปิ นาทฺทส. ตโต – ‘‘อิทํ ภยํ มเมว อุปฺปนฺนํ, สจาหํ ยกฺโขติ วกฺขามิ, ‘กึ ตวเมว อกฺขีนิ อตฺถิ, ตฺวเมว ยกฺขํ ปสฺสสิ, ปมํ ยกฺขํ อทิสฺวา สมเณน โคตเมน วาทสงฺฆฏฺเฏ ปกฺขิตฺโตว ยกฺขํ ปสฺสสี’ติ วเทยฺยุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘น ทานิ เม ¶ อิธ อฺํ ปฏิสรณํ อตฺถิ, อฺตฺร สมณา โคตมา’’ติ มฺมาโน อถ โข อมฺพฏฺโ มาณโว…เป… ภควนฺตํ เอตทโวจ.
๒๗๒. ตาณํ คเวสีติ ตาณํ คเวสมาโน. เลณํ คเวสีติ เลณํ คเวสมาโน. สรณํ คเวสีติ สรณํ คเวสมาโน. เอตฺถ จ ตายติ รกฺขตีติ ตาณํ. นิลียนฺติ เอตฺถาติ เลณํ. สรตีติ สรณํ, ภยํ หึสติ, วิทฺธํเสตีติ อตฺโถ. อุปนิสีทิตฺวาติ อุปคมฺม เหฏฺาสเน นิสีทิตฺวา. พฺรวิตูติ วทตุ.
อมฺพฏฺวํสกถา
๒๗๓-๒๗๔. ทกฺขิณชนปทนฺติ ทกฺขิณาปโถติ ปากฏํ. คงฺคาย ทกฺขิณโต ปากฏชนปทํ. ตทา กิร ทกฺขิณาปเถ พหู พฺราหฺมณตาปสา โหนฺติ, โส ตตฺถ คนฺตฺวา เอกํ ตาปสํ วตฺตปฏิปตฺติยา อาราเธสิ. โส ตสฺส อุปการํ ทิสฺวา อาห – ‘‘อมฺโภ, ปุริส, มนฺตํ เต เทมิ, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ มนฺตํ คณฺหาหี’’ติ. โส อาห – ‘‘น เม อาจริย, อฺเน มนฺเตน, กิจฺจํ อตฺถิ, ยสฺสานุภาเวน อาวุธํ น ปริวตฺตติ, ตํ เม มนฺตํ เทหี’’ติ. โส – ‘‘ภทฺรํ, โภ’’ติ ตสฺส ธนุอคมนียํ อมฺพฏฺํ นาม วิชฺชํ อทาสิ, โส ตํ วิชฺชํ คเหตฺวา ตตฺเถว วีมํสิตฺวา – ‘‘อิทานิ เม มโนรถํ ปูเรสฺสามี’’ติ อิสิเวสํ คเหตฺวา โอกฺกากสฺส สนฺติกํ คโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทกฺขิณชนปทํ คนฺตฺวา พฺรหฺมมนฺเต อธียิตฺวา ราชานํ โอกฺกากํ อุปสงฺกมิตฺวา’’ติ.
เอตฺถ พฺรหฺมมนฺเตติ อานุภาวสมฺปนฺนตาย เสฏฺมนฺเต. โก เนวํ’เร อยํ มยฺหํ ทาสิปุตฺโตติ โก นุ เอวํ อเร อยํ มม ทาสิปุตฺโต. โส ¶ ตํ ขุรปฺปนฺติ โส ราชา ตํ มาเรตุกามตาย สนฺนหิตํ สรํ ตสฺส มนฺตานุภาเวน เนว ขิปิตุํ น อปเนตุํ สกฺขิ, ตาวเทว สกลสรีเร สฺชาตเสโท ภเยน เวธมาโน อฏฺาสิ.
อมจฺจาติ มหามจฺจา. ปาริสชฺชาติ อิตเร ปริสาวจรา. เอตทโวจุนฺติ – ‘‘ทณฺฑกีรฺโ ¶ กิสวจฺฉตาปเส อปรทฺธสฺส อาวุธวุฏฺิยา สกลรฏฺํ วินฏฺํ ¶ . นาฬิเกโร ปฺจสุ ตาปสสเตสุ อชฺชุโน จ องฺคีรเส อปรทฺโธ ปถวึ ภินฺทิตฺวา นิรยํ ปวิฏฺโ’’ติ จินฺตยนฺตา ภเยน เอตํ โสตฺถิ, ภทฺทนฺเตติอาทิวจนํ อโวจุํ.
โสตฺถิ ภวิสฺสติ รฺโติ อิทํ วจนํ กณฺโห จิรํ ตุณฺหี หุตฺวา ตโต อเนกปฺปการํ ยาจียมาโน – ‘‘ตุมฺหากํ รฺา มาทิสสฺส อิสิโน ขุรปฺปํ สนฺนยฺหนฺเตน ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติอาทีนิ จ วตฺวา ปจฺฉา อภาสิ. อุนฺทฺริยิสฺสตีติ ภิชฺชิสฺสติ, ถุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิริยิสฺสตีติ. อิทํ โส ‘‘ชนํ ตาเสสฺสามี’’ติ มุสา ภณติ. สรสนฺถมฺภนมตฺเตเยว หิสฺส วิชฺชาย อานุภาโว, น อฺตฺร. อิโต ปเรสุปิ วจเนสุ เอเสว นโย.
ปลฺโลโมติ ปนฺนโลโม. โลมหํสนมตฺตมฺปิสฺส น ภวิสฺสติ. อิทํ กิร โส ‘‘สเจ เม ราชา ตํ ทาริกํ ทสฺสตี’’ติ ปฏิฺํ กาเรตฺวา อวจ. กุมาเร ขุรปฺปํ ปติฏฺเปสีติ เตน ‘‘สโร โอตรตู’’ติ มนฺเต ปริวตฺติ, เต กุมารสฺส นาภิยํ ปติฏฺเปสิ. ธีตรํ อทาสีติ สีสํ โธวิตฺวา อทาสํ ภุชิสฺสํ กตฺวา ธีตรํ อทาสิ, อุฬาเร จ ตํ าเน เปสิ. มา โข ตุมฺเห มาณวกาติ อิทํ ปน ภควา – ‘‘เอเกน ปกฺเขน อมฺพฏฺโ สกฺยานํ าติ โหตี’’ติ ปกาเสนฺโต ตสฺส สมสฺสาสนตฺถํ อาห. ตโต อมฺพฏฺโ ฆฏสเตน อภิสิตฺโต วิย ปสฺสทฺธทรโถ หุตฺวา สมสฺสาเสตฺวา สมโณ โคตโม มํ ‘‘โตเสสฺสามี’’ติ เอเกน ปกฺเขน าตึ กโรติ, ขตฺติโย กิราหมสฺมี’’ติ จินฺเตสิ.
ขตฺติยเสฏฺภาววณฺณนา
๒๗๕. อถ ¶ โข ภควา – ‘‘อยํ อมฺพฏฺโ ขตฺติโยสฺมี’’ติ สฺํ กโรติ, อตฺตโน อขตฺติยภาวํ น ชานาติ, หนฺท นํ ชานาเปสฺสามีติ ขตฺติยวํสํ ทสฺเสตุํ อุตฺตริเทสนํ วฑฺเฒนฺโต – ‘‘ตํ กึ มฺสิ อมฺพฏฺา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. พฺราหฺมเณสูติ พฺราหฺมณานํ อนฺตเร. อาสนํ วา อุทกํ วาติ อคฺคาสนํ วา อคฺโคทกํ วา. สทฺเธติ มตเก อุทฺทิสฺส กตภตฺเต. ถาลิปาเกติ มงฺคลาทิภตฺเต. ยฺเติ ยฺภตฺเต. ปาหุเนติ ปาหุนกานํ กตภตฺเต ปณฺณาการภตฺเต วา. อปิ นุสฺสาติ อปิ นุ อสฺส ขตฺติยปุตฺตสฺส. อาวฏํ วา อสฺส อนาวฏํ วาติ ¶ , พฺราหฺมณกฺาสุ นิวารณํ ภเวยฺย วา โน วา, พฺราหฺมณทาริกํ ลเภยฺย วา น วา ลเภยฺยาติ อตฺโถ. อนุปปนฺโนติ ขตฺติยภาวํ อปตฺโต, อปริสุทฺโธติ อตฺโถ.
๒๗๖. อิตฺถิยา ¶ วา อิตฺถึ กริตฺวาติ อิตฺถิยา วา อิตฺถึ ปริเยสิตฺวา. กิสฺมิฺจิเทว ปกรเณติ กิสฺมิฺจิเทว โทเส พฺราหฺมณานํ อยุตฺเต อกตฺตพฺพกรเณ. ภสฺสปุเฏนาติ ภสฺมปุเฏน, สีเส ฉาริกํ โอกิริตฺวาติ อตฺโถ.
๒๗๗. ชเนตสฺมินฺติ ชนิตสฺมึ, ปชายาติ อตฺโถ. เย โคตฺตปฏิสาริโนติ เย ชเนตสฺมึ โคตฺตํ ปฏิสรนฺติ – ‘‘อหํ โคตโม, อหํ กสฺสโป’’ติ, เตสุ โลเก โคตฺตปฏิสารีสุ ขตฺติโย เสฏฺโ. อนุมตา มยาติ มม สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา เทสิตา มยา อนฺุาตา.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
วิชฺชาจรณกถาวณฺณนา
๒๗๘. อิมาย ปน คาถาย วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ อิทํ ปทํ สุตฺวา อมฺพฏฺโ จินฺเตสิ – ‘‘วิชฺชา นาม ตโย เวทา, จรณํ ปฺจ สีลานิ, ตยิทํ อมฺหากํเยว อตฺถิ, วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน ¶ เจ เสฏฺโ, มยเมว เสฏฺา’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา วิชฺชาจรณํ ปุจฺฉนฺโต – ‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, จรณํ, กตมา จ ปน สา วิชฺชา’’ติ อาห. อถสฺส ภควา ตํ พฺราหฺมณสมเย สิทฺธํ ชาติวาทาทิปฏิสํยุตฺตํ วิชฺชาจรณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณํ ทสฺเสตุกาโม – ‘‘น โข อมฺพฏฺา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ชาติวาโทติ ชาตึ อารพฺภ วาโท, พฺราหฺมณสฺเสวิทํ วฏฺฏติ, น สุทฺทสฺสาติอาทิ วจนนฺติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ชาติวาทวินิพทฺธาติ ชาติวาเท วินิพทฺธา. เอส นโย สพฺพตฺถ.
ตโต อมฺพฏฺโ – ‘‘ยตฺถ ทานิ มยํ ลคฺคิสฺสามาติ จินฺตยิมฺห, ตโต โน สมโณ โคตโม มหาวาเต ถุสํ ธุนนฺโต วิย ทูรเมว อวกฺขิปิ. ยตฺถ ปน มยํ น ลคฺคาม, ตตฺถ โน นิโยเชสิ. อยํ โน วิชฺชาจรณสมฺปทา าตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน วิชฺชาจรณสมฺปทํ ปุจฺฉิ. อถสฺส ¶ ภควา สมุทาคมโต ปภุติ วิชฺชาจรณํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อิธ อมฺพฏฺ ตถาคโต’’ติอาทิมาห.
๒๗๙. เอตฺถ จ ภควา จรณปริยาปนฺนมฺปิ ติวิธํ สีลํ วิภชนฺโต ‘‘อิทมสฺส โหติ จรณสฺมิ’’นฺติ ¶ อนิยฺยาเตตฺวา ‘‘อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมิ’’นฺติ สีลวเสเนว นิยฺยาเตสิ. กสฺมา? ตสฺสปิ หิ กิฺจิ กิฺจิ สีลํ อตฺถิ, ตสฺมา จรณวเสน นิยฺยาติยมาเน ‘‘มยมฺปิ จรณสมฺปนฺนา’’ติ ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺเคยฺย. ยํ ปน เตน สุปิเนปิ น ทิฏฺปุพฺพํ, ตสฺเสว วเสน นิยฺยาเตนฺโต ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมึ…เป… จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิทมฺปิสฺส โหติ จรณสฺมินฺติอาทิมาห. เอตฺตาวตา อฏฺปิ สมาปตฺติโย จรณนฺติ นิยฺยาติตา โหนฺติ, วิปสฺสนา าณโต ปน ปฏฺาย อฏฺวิธาปิ ปฺา วิชฺชาติ นิยฺยาติตา.
จตุอปายมุขกถาวณฺณนา
๒๘๐. อปายมุขานีติ วินาสมุขานิ. อนภิสมฺภุณมาโนติ อสมฺปาปุณนฺโต, อวิสหมาโน วา. ขาริวิธมาทายาติ ¶ เอตฺถ ขารีติ อรณี กมณฺฑลุ สุชาทโย ตาปสปริกฺขารา. วิโธติ กาโช. ตสฺมา ขาริภริตํ กาชมาทายาติ อตฺโถ. เย ปน ขาริวิวิธนฺติ ปนฺติ, เต ‘‘ขารีติ กาชสฺส นามํ, วิวิธนฺติ พหุกมณฺฑลุอาทิปริกฺขาร’’นฺติ วณฺณยนฺติ. ปวตฺตผลโภชโนติ ปติตผลโภชโน. ปริจารโกติ กปฺปิยกรณปตฺตปฏิคฺคหณปาทโธวนาทิวตฺตกรณวเสน ปริจารโก. กามฺจ คุณาธิโกปิ ขีณาสวสามเณโร ปุถุชฺชนภิกฺขุโน วุตฺตนเยน ปริจารโก โหติ, อยํ ปน น ตาทิโส คุณวเสนปิ เวยฺยาวจฺจกรณวเสนปิ ลามโกเยว.
กสฺมา ปน ตาปสปพฺพชฺชา สาสนสฺส วินาสมุขนฺติ วุตฺตาติ? ยสฺมา คจฺฉนฺตํ คจฺฉนฺตํ สาสนํ ตาปสปพฺพชฺชาวเสน โอสกฺกิสฺสติ. อิมสฺมิฺหิ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ติสฺโส สิกฺขา ปูเรตุํ อสกฺโกนฺตํ ลชฺชิโน สิกฺขากามา – ‘‘นตฺถิ ตยา สทฺธึ อุโปสโถ วา ปวารณา วา สงฺฆกมฺมํ วา’’ติ ชิคุจฺฉิตฺวา ปริวชฺเชนฺติ. โส ‘‘ทุกฺกรํ ขุรธารูปมํ สาสเน ปฏิปตฺติปูรณํ ทุกฺขํ, ตาปสปพฺพชฺชา ปน สุกรา เจว พหุชนสมฺมตา จา’’ติ วิพฺภมิตฺวา ตาปโส โหติ. อฺเ ตํ ทิสฺวา – ‘‘กึ ตยา กต’’นฺติ ปุจฺฉนฺติ. โส – ‘‘ภาริยํ ตุมฺหากํ สาสเน กมฺมํ, อิธ ปน สฉนฺทจาริโน มย’’นฺติ ¶ วทติ. โสปิ, ยทิ เอวํ อหมฺปิ เอตฺเถว ปพฺพชามีติ ตสฺส อนุสิกฺขนฺโต ตาปโส โหติ. เอวมฺเปิ อฺเปีติ กเมน ตาปสาว พหุกา โหนฺติ. เตสํ อุปฺปนฺนกาเล สาสนํ โอสกฺกิตํ นาม ภวิสฺสติ. โลเก เอวรูโป พุทฺโธ นาม อุปฺปชฺชิ, ตสฺส อีทิสํ นาม สาสนํ อโหสีติ สุตมตฺตเมว ภวิสฺสติ. อิทํ สนฺธาย ภควา ตาปสปพฺพชฺชํ สาสนสฺส วินาสมุขนฺติ อาห.
กุทาลปิฏกนฺติ ¶ กนฺทมูลผลคฺคหณตฺถํ กุทาลฺเจว ปิฏกฺจ. คามสามนฺตํ วาติ วิชฺชาจรณสมฺปทาทีนิ อนภิสมฺภุณนฺโต, กสิกมฺมาทีหิ จ ชีวิตํ นิปฺผาเทตุํ ทุกฺขนฺติ มฺมาโน พหุชนกุหาปนตฺถํ ¶ คามสามนฺเต วา นิคมสามนฺเต วา อคฺคิสาลํ กตฺวา สปฺปิเตลทธิมธุผาณิตติลตณฺฑุลาทีหิ เจว นานาทารูหิ จ โหมกรณวเสน อคฺคึ ปริจรนฺโต อจฺฉติ.
จตุทฺวารํ อคารํ กริตฺวาติ จตุมุขํ ปานาคารํ กตฺวา ตสฺส ทฺวาเร มณฺฑปํ กตฺวา ตตฺถ ปานียํ อุปฏฺเปตฺวา อาคตาคเต ปานีเยน อาปุจฺฉติ. ยมฺปิสฺส อทฺธิกา กิลนฺตา ปานียํ ปิวิตฺวา ปริตุฏฺา ภตฺตปุฏํ วา ตณฺฑุลาทีนิ วา เทนฺติ, ตํ สพฺพํ คเหตฺวา อมฺพิลยาคุอาทีนิ กตฺวา พหุตรํ อามิสคหณตฺถํ เกสฺจิ อนฺนํ เทติ, เกสฺจิ ภตฺตปจนภาชนาทีนิ. เตหิปิ ทินฺนํ อามิสํ วา ปุพฺพณฺณาทีนิ วา คณฺหติ, ตานิ วฑฺฒิยา ปโยเชติ. เอวํ วฑฺฒมานวิภโว โคมหึสทาสีทาสปริคฺคหํ กโรติ, มหนฺตํ กุฏุมฺพํ สณฺเปติ. อิมํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘จตุทฺวารํ อคารํ กริตฺวา อจฺฉตี’’ติ. ‘‘ตมหํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ปฏิปูเชสฺสามี’’ติ อิทํ ปนสฺส ปฏิปตฺติมุขํ. อิมินา หิ มุเขน โส เอวํ ปฏิปชฺชตีติ. เอตฺตาวตา จ ภควตา สพฺพาปิ ตาปสปพฺพชฺชา นิทฺทิฏฺา โหนฺติ.
กถํ? อฏฺวิธา หิ ตาปสา – สปุตฺตภริยา, อฺุฉาจริยา, อนคฺคิปกฺกิกา, อสามปากา, อสฺมมุฏฺิกา, ทนฺตวกฺกลิกา, ปวตฺตผลโภชนา, ปณฺฑุปลาสิกาติ. ตตฺถ เย เกณิยชฏิโล วิย กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา วสนฺติ, เต สปุตฺตภริยา นาม.
เย ¶ ปน ‘‘สปุตฺตทารภาโว นาม ปพฺพชิตสฺส อยุตฺโต’’ติ ลายนมทฺทนฏฺาเนสุ วีหิมุคฺคมาสติลาทีนิ สงฺกฑฺฒิตฺวา ปจิตฺวา ปริภฺุชนฺติ, เต อฺุฉาจริยา นาม.
เย ‘‘ขเลน ขลํ วิจริตฺวา วีหึ อาหริตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ปริภฺุชนํ นาม อยุตฺต’’นฺติ คามนิคเมสุ ตณฺฑุลภิกฺขํ คเหตฺวา ปจิตฺวา ปริภฺุชนฺติ, เต อนคฺคิปกฺกิกา นาม.
เย ปน ‘‘กึ ปพฺพชิตสฺส สามปาเกนา’’ติ คามํ ปวิสิตฺวา ปกฺกภิกฺขเมว คณฺหนฺติ ¶ , เต อสามปากา นาม.
เย ¶ ‘‘ทิวเส ทิวเส ภิกฺขาปริเยฏฺิ นาม ทุกฺขา ปพฺพชิตสฺสา’’ติ มุฏฺิปาสาเณน อมฺพาฏกาทีนํ รุกฺขานํ ตจํ โกฏฺเฏตฺวา ขาทนฺติ, เต อสฺมมุฏฺิกา นาม.
เย ปน ‘‘ปาสาเณน ตจํ โกฏฺเฏตฺวา วิจรณํ นาม ทุกฺข’’นฺติ ทนฺเตเหว อุพฺพาเฏตฺวา ขาทนฺติ, เต ทนฺตวกฺกลิกา นาม.
เย ‘‘ทนฺเตหิ อุพฺพาเฏตฺวา ขาทนํ นาม ทุกฺขํ ปพฺพชิตสฺสา’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ปติตานิ ผลานิ ปริภฺุชนฺติ, เต ปวตฺตผลโภชนา นาม.
เย ปน ‘‘เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปาเตตฺวา ปริโภโค นาม อสารุปฺโป ปพฺพชิตสฺสา’’ติ สยํ ปติตาเนว ปุปฺผผลปณฺฑุปลาสาทีนิ ขาทนฺตา ยาเปนฺติ, เต ปณฺฑุปลาสิกา นาม.
เต ติวิธา – อุกฺกฏฺมชฺฌิมมุทุกวเสน. ตตฺถ เย นิสินฺนฏฺานโต อนุฏฺาย หตฺเถน ปาปุณนฏฺาเนว ปติตํ คเหตฺวา ขาทนฺติ, เต อุกฺกฏฺา. เย เอกรุกฺขโต อฺํ รุกฺขํ น คจฺฉนฺติ, เต มชฺฌิมา. เย ตํ ตํ รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา ปริเยสิตฺวา ขาทนฺติ, เต มุทุกา.
อิมา ปน อฏฺปิ ตาปสปพฺพชฺชา อิมาหิ จตูหิเยว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. กถํ? เอตาสุ หิ สปุตฺตภริยา จ อฺุฉาจริยา จ อคารํ ภชนฺติ. อนคฺคิปกฺกิกา จ อสามปากา จ อคฺยาคารํ ภชนฺติ. อสฺมมุฏฺิกา จ ทนฺตวกฺกลิกา จ กนฺทมูลผลโภชนํ ภชนฺติ. ปวตฺตผลโภชนา จ ปณฺฑุปลาสิกา จ ปวตฺตผลโภชนํ ภชนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอตฺตาวตา จ ภควตา สพฺพาปิ ตาปสปพฺพชฺชา นิทฺทิฏฺา โหนฺตี’’ติ.
๒๘๑-๒๘๒. อิทานิ ¶ ภควา สาจริยกสฺส อมฺพฏฺสฺส วิชฺชาจรณสมฺปทาย อปายมุขมฺปิ อปฺปตฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ตํ กึ มฺสิ อมฺพฏฺาติอาทิมาห. ตํ อุตฺตานตฺถเมว. อตฺตนา อาปายิโกปิ อปริปูรมาโนติ อตฺตนา วิชฺชาจรณสมฺปทาย อาปายิเกนาปิ อปริปูรมาเนน.
ปุพฺพกอิสิภาวานุโยควณฺณนา
๒๘๓. ทตฺติกนฺติ ทินฺนกํ. สมฺมุขีภาวมฺปิ น ททาตีติ กสฺมา น ททาติ? โส กิร สมฺมุขา ¶ อาวฏฺฏนึ นาม วิชฺชํ ¶ ชานาติ. ยทา ราชา มหารเหน อลงฺกาเรน อลงฺกโต โหติ, ตทา รฺโ สมีเป ตฺวา ตสฺส อลงฺการสฺส นามํ คณฺหติ. ตสฺส ราชา นาเม คหิเต น เทมีติ วตฺตุํ น สกฺโกติ. ทตฺวา ปุน ฉณทิวเส อลงฺการํ อาหรถาติ วตฺวา, นตฺถิ, เทว, ตุมฺเหหิ พฺราหฺมณสฺส ทินฺโนติ วุตฺโต, ‘‘กสฺมา เม ทินฺโน’’ติ ปุจฺฉิ. เต อมจฺจา ‘โส พฺราหฺมโณ สมฺมุขา อาวฏฺฏนิมายํ ชานาติ. ตาย ตุมฺเห อาวฏฺเฏตฺวา คเหตฺวา คจฺฉตี’ติ อาหํสุ. อปเร รฺา สห ตสฺส อติสหายภาวํ อสหนฺตา อาหํสุ – ‘‘เทว, เอตสฺส พฺราหฺมณสฺส สรีเร สงฺขผลิตกุฏฺํ นาม อตฺถิ. ตุมฺเห เอตํ ทิสฺวาว อาลิงฺคถ ปรามสถ, อิทฺจ กุฏฺํ นาม กายสํสคฺควเสน อนุคจฺฉติ, มา เอวํ กโรถา’’ติ. ตโต ปฏฺาย ตสฺส ราชา สมฺมุขีภาวํ น เทติ.
ยสฺมา ปน โส พฺราหฺมโณ ปณฺฑิโต ขตฺตวิชฺชาย กุสโล, เตน สห มนฺเตตฺวา กตกมฺมํ นาม น วิรุชฺฌติ, ตสฺมา สาณิปาการสฺส อนฺโต ตฺวา พหิ ิเตน เตน สทฺธึ มนฺเตติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ติโร ทุสฺสนฺเตน มนฺเตตี’’ติ. ตตฺถ ติโรทุสฺสนฺเตนาติ ติโรทุสฺเสน. อยเมว วา ปาโ. ธมฺมิกนฺติ อนวชฺชํ. ปยาตนฺติ อภิหริตฺวา ทินฺนํ. กถํ ตสฺส ราชาติ ยสฺส รฺโ พฺราหฺมโณ อีทิสํ ภิกฺขํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย, กถํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส โส ราชา สมฺมุขีภาวมฺปิ น ทเทยฺย. อยํ ปน อทินฺนกํ มายาย คณฺหติ, เตนสฺส สมฺมุขีภาวํ ราชา น เทตีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ‘‘อิทํ ปน การณํ เปตฺวา ราชานฺเจว พฺราหฺมณฺจ น อฺโ โกจิ ชานาติ. ตเทตํ เอวํ รหสฺสมฺปิ ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ อทฺธา สพฺพฺู สมโณ โคตโมติ นิฏฺํ คมิสฺสตี’’ติ ภควา ปกาเสสิ.
๒๘๔. อิทานิ ¶ อยฺจ อมฺพฏฺโ, อาจริโย จสฺส มนฺเต นิสฺสาย อติมานิโน. เตน เตสํ มนฺตนิสฺสิตมานนิมฺมทนตฺถํ อุตฺตริ เทสนํ วฑฺเฒนฺโต ตํ กึ มฺสิ, อมฺพฏฺ, อิธ ราชาติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ รถูปตฺถเรติ รถมฺหิ รฺโ านตฺถํ อตฺถริตฺวา สชฺชิตปเทเส. อุคฺเคหิ วาติ อุคฺคตุคฺคเตหิ วา อมจฺเจหิ. ราชฺเหีติ อนภิสิตฺตกุมาเรหิ. กิฺจิเทว มนฺตนนฺติ อสุกสฺมึ เทเส ตฬากํ วา มาติกํ วา กาตุํ วฏฺฏติ, อสุกสฺมึ คามํ วา นิคมํ วา นครํ วา นิเวเสตุนฺติ เอวรูปํ ปากฏมนฺตนํ. ตเทว มนฺตนนฺติ ยํ รฺา มนฺติตํ ตเทว. ตาทิเสหิเยว สีสุกฺเขปภมุกฺเขปาทีหิ อากาเรหิ มนฺเตยฺย. ราชภณิตนฺติ ยถา รฺา ภณิตํ, ตสฺสตฺถสฺส สาธนสมตฺถํ. โสปิ ตสฺสตฺถสฺส สาธนสมตฺถเมว ภณิตํ ภณตีติ อตฺโถ.
๒๘๕. ปวตฺตาโรติ ปวตฺตยิตาโร. เยสนฺติ เยสํ สนฺตกํ. มนฺตปทนฺติ เวทสงฺขาตํ มนฺตเมว ¶ . คีตนฺติ อฏฺกาทีหิ ทสหิ โปราณกพฺราหฺมเณหิ สรสมฺปตฺติวเสน สชฺฌายิตํ. ปวุตฺตนฺติ อฺเสํ วุตฺตํ, วาจิตนฺติ อตฺโถ. สมิหิตนฺติ สมุปพฺยูฬฺหํ ราสิกตํ, ปิณฺฑํ กตฺวา ปิตนฺติ อตฺโถ. ตทนุคายนฺตีติ เอตรหิ พฺราหฺมณา ตํ เตหิ ปุพฺเพ คีตํ อนุคายนฺติ อนุสชฺฌายนฺติ. ตทนุภาสนฺตีติ ตํ อนุภาสนฺติ, อิทํ ปุริมสฺเสว เววจนํ. ภาสิตมนุภาสนฺตีติ เตหิ ภาสิตํ สชฺฌายิตํ อนุสชฺฌายนฺติ. วาจิตมนุวาเจนฺตีติ เตหิ อฺเสํ วาจิตํ อนุวาเจนฺติ.
เสยฺยถิทนฺติ เต กตเมหิ อตฺโถ. อฏฺโกติอาทีนิ เตสํ นามานิ. เต กิร ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกตฺวา ปรูปฆาตํ อกตฺวา กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ภควโต ปาวจเนน สห สํสนฺทิตฺวา มนฺเต คนฺถึสุ. อปราปเร ปน พฺราหฺมณา ปาณาติปาตาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา ตโย เวเท ภินฺทิตฺวา พุทฺธวจเนน สทฺธึ วิรุทฺเธ อกํสุ. เนตํ ¶ านํ วิชฺชตีติ เยน ตฺวํ อิสิ ภเวยฺยาสิ, เอตํ การณํ น วิชฺชติ. อิธ ภควา ยสฺมา – ‘‘เอส ปุจฺฉิยมาโนปิ, อตฺตโน อวตฺถรณภาวํ ตฺวา ปฏิวจนํ น ทสฺสตี’’ติ ชานาติ, ตสฺมา ปฏิฺํ อคเหตฺวาว ตํ อิสิภาวํ ปฏิกฺขิปิ.
๒๘๖. อิทานิ ¶ ยสฺมา เต โปราณา ทส พฺราหฺมณา นิรามคนฺธา อนิตฺถิคนฺธา รโชชลฺลธรา พฺรหฺมจาริโน อรฺายตเน ปพฺพตปาเทสุ วนมูลผลาหารา วสึสุ. ยทา กตฺถจิ คนฺตุกามา โหนฺติ, อิทฺธิยา อากาเสเนว คจฺฉนฺติ, นตฺถิ เตสํ ยาเนน กิจฺจํ. สพฺพทิสาสุ จ เนสํ เมตฺตาทิพฺรหฺมวิหารภาวนาว อารกฺขา โหติ, นตฺถิ เตสํ ปาการปุริสคุตฺตีหิ อตฺโถ. อิมินา จ อมฺพฏฺเน สุตปุพฺพา เตสํ ปฏิปตฺติ; ตสฺมา อิมสฺส สาจริยกสฺส เตสํ ปฏิปตฺติโต อารกภาวํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ตํ กึ มฺสิ, อมฺพฏฺา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ วิจิตกาฬกนฺติ วิจินิตฺวา อปนีตกาฬกํ. เวกนตปสฺสาหีติ ทุสฺสปฏฺฏทุสฺสเวณิ อาทีหิ เวเกหิ นมิตผาสุกาหิ. กุตฺตวาเลหีติ โสภากรณตฺถํ กปฺเปตุํ, ยุตฺตฏฺาเนสุ กปฺปิตวาเลหิ. เอตฺถ จ วฬวานํเยว วาลา กปฺปิตา, น รถานํ, วฬวปยุตฺตตฺตา ปน รถาปิ ‘‘กุตฺตวาลา’’ติ วุตฺตา. อุกฺกิณฺณปริขาสูติ ขตปริขาสุ. โอกฺขิตฺตปลิฆาสูติ ปิตปลิฆาสุ. นครูปการิกาสูติ เอตฺถ อุปการิกาติ ปเรสํ อาโรหนิวารณตฺถํ สมนฺตา นครํ ปาการสฺส อโธภาเค กตสุธากมฺมํ วุจฺจติ. อิธ ปน ตาหิ อุปการิกาหิ ยุตฺตานิ นคราเนว ‘‘นครูปการิกาโย’’ติ อธิปฺเปตานิ. รกฺขาเปนฺตีติ ตาทิเสสุ นคเรสุ วสนฺตาปิ อตฺตานํ รกฺขาเปนฺติ. กงฺขาติ ‘‘สพฺพฺู, น สพฺพฺู’’ติ เอวํ สํสโย. วิมตีติ ตสฺเสว เววจนํ, วิรูปา ¶ มติ, วินิจฺฉินิตุํ อสมตฺถาติ อตฺโถ. อิทํ ภควา ‘‘อมฺพฏฺสฺส อิมินา อตฺตภาเวน มคฺคปาตุภาโว นตฺถิ, เกวลํ ทิวโส วีติวตฺตติ, อยํ โข ปน ลกฺขณปริเยสนตฺถํ อาคโต, ตมฺปิ ¶ กิจฺจํ นสฺสรติ. หนฺทสฺส สติชนนตฺถํ นยํ เทมี’’ติ อาห.
ทฺเวลกฺขณทสฺสนวณฺณนา
๒๘๗. เอวํ วตฺวา ปน ยสฺมา พุทฺธานํ นิสินฺนานํ วา นิปนฺนานํ วา โกจิ ลกฺขณํ ปริเยสิตุํ น สกฺโกติ, ิตานํ ปน จงฺกมนฺตานํ วา สกฺโกติ. อาจิณฺณฺเจตํ พุทฺธานํ ลกฺขณปริเยสนตฺถํ อาคตภาวํ ตฺวา อุฏฺายาสนา จงฺกมาธิฏฺานํ นาม, เตน ภควา อุฏฺายาสนา พหิ นิกฺขนฺโต. ตสฺมา อถ โข ภควาติอาทิ วุตฺตํ.
สมนฺเนสีติ ¶ คเวสิ, เอกํ ทฺเวติ วา คณยนฺโต สมานยิ. เยภุยฺเยนาติ ปาเยน, พหุกานิ อทฺทส, อปฺปานิ น อทฺทสาติ อตฺโถ. ตโต ยานิ น อทฺทส เตสํ ทีปนตฺถํ วุตฺตํ – ‘‘เปตฺวา ทฺเว’’ติ. กงฺขตีติ ‘‘อโห วต ปสฺเสยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อุปฺปาเทติ. วิจิกิจฺฉตีติ ตโต ตโต ตานิ วิจินนฺโต กิจฺฉติ น สกฺโกติ ทฏฺุํ. นาธิมุจฺจตีติ ตาย วิจิกิจฺฉาย สนฺนิฏฺานํ น คจฺฉติ. น สมฺปสีทตีติ ตโต – ‘‘ปริปุณฺณลกฺขโณ อย’’นฺติ ภควติ ปสาทํ นาปชฺชติ. กงฺขาย วา ทุพฺพลา วิมติ วุตฺตา, วิจิกิจฺฉาย มชฺฌิมา, อนธิมุจฺจนตาย พลวตี, อสมฺปสาเทน เตหิ ตีหิ ธมฺเมหิ จิตฺตสฺส กาลุสิยภาโว. โกโสหิเตติ วตฺถิโกเสน ปฏิจฺฉนฺเน. วตฺถคุยฺเหติ องฺคชาเต ภควโต หิ วรวารณสฺเสว โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ สุวณฺณวณฺณํ ปทุมคพฺภสมานํ. ตํ โส วตฺถปฏิจฺฉนฺนตฺตา อปสฺสนฺโต, อนฺโตมุขคตาย จ ชิวฺหาย ปหูตภาวํ อสลฺลกฺเขนฺโต เตสุ ทฺวีสุ ลกฺขเณสุ กงฺขี อโหสิ วิจิกิจฺฉี.
๒๘๘. ตถารูปนฺติ ตํ รูปํ. กิเมตฺถ อฺเน วตฺตพฺพํ? วุตฺตเมตํ นาคเสนตฺเถเรเนว มิลินฺทรฺา ปุฏฺเน – ‘‘ทุกฺกรํ, ภนฺเต, นาคเสน, ภควตา กตนฺติ. กึ มหาราชาติ? มหาชเนน หิริกรโณกาสํ พฺรหฺมายุ พฺราหฺมณสฺส จ อนฺเตวาสิ อุตฺตรสฺส จ, พาวริสฺส อนฺเตวาสีนํ โสฬสพฺราหฺมณานฺจ ¶ , เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส จ อนฺเตวาสีนํ ติสตมาณวานฺจ ทสฺเสสิ, ภนฺเตติ. น, มหาราช, ภควา คุยฺหํ ทสฺเสสิ. ฉายํ ภควา ทสฺเสสิ. อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา นิวาสนนิวตฺถํ กายพนฺธนพทฺธํ จีวรปารุตํ ฉายารูปกมตฺตํ ทสฺเสสิ มหาราชาติ. ฉายํ ทิฏฺเ สติ ทิฏฺํเยว นนุ, ภนฺเตติ? ติฏฺเตตํ, มหาราช, หทยรูปํ ทิสฺวา ¶ พุชฺฌนกสตฺโต ภเวยฺย, หทยมํสํ นีหริตฺวา ทสฺเสยฺย สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. กลฺโลสิ, ภนฺเต, นาคเสนา’’ติ.
นินฺนาเมตฺวาติ นีหริตฺวา. อนุมสีติ กถินสูจึ วิย กตฺวา อนุมชฺชิ, ตถากรเณน เจตฺถ มุทุภาโว, กณฺณโสตานุมสเนน ทีฆภาโว, นาสิกโสตานุมสเนน ตนุภาโว, นลาฏจฺฉาทเนน ปุถุลภาโว ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ.
๒๘๙. ปฏิมาเนนฺโตติ ¶ อาคเมนฺโต, อาคมนมสฺส ปตฺเถนฺโต อุทิกฺขนฺโตติ อตฺโถ.
๒๙๐. กถาสลฺลาโปติ กถา จ สลฺลาโป จ, กถนํ ปฏิกถนนฺติ อตฺโถ.
๒๙๑. อโห วตาติ ครหวจนเมตํ. เรติ อิทํ หีฬนวเสน อามนฺตนํ. ปณฺฑิตกาติ ตเมว ชิคุจฺฉนฺโต อาห. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. เอวรูเปน กิร โภ ปุริโส อตฺถจรเกนาติ อิทํ ยาทิโส ตฺวํ, เอทิเส อตฺถจรเก หิตการเก สติ ปุริโส นิรยํเยว คจฺเฉยฺย, น อฺตฺราติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วทติ. อาสชฺช อาสชฺชาติ ฆฏฺเฏตฺวา ฆฏฺเฏตฺวา. อมฺเหปิ เอวํ อุปเนยฺย อุปเนยฺยาติ พฺราหฺมโณ โข ปน อมฺพฏฺ โปกฺขรสาตีติอาทีนิ วตฺวา เอวํ อุปเนตฺวา อุปเนตฺวา ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ อาวิกริตฺวา สุฏฺุ ทาสาทิภาวํ อาโรเปตฺวา อวจ, ตยา อมฺเห อกฺโกสาปิตาติ อธิปฺปาโย. ปทสาเยว ปวตฺเตสีติ ปาเทน ปหริตฺวา ภูมิยํ ปาเตสิ. ยฺจ โส ปุพฺเพ อาจริเยน สทฺธึ รถํ อารุหิตฺวา สารถิ หุตฺวา อคมาสิ ¶ , ตมฺปิสฺส านํ อจฺฉินฺทิตฺวา รถสฺส ปุรโต ปทสา เยวสฺส คมนํ อกาสิ.
โปกฺขรสาติพุทฺธูปสงฺกมนวณฺณนา
๒๙๒-๒๙๖. อติวิกาโลติ สุฏฺุ วิกาโล, สมฺโมทนียกถายปิ กาโล นตฺถิ. อาคมา นุ ขฺวิธ โภติ อาคมา นุ โข อิธ โภ. อธิวาเสตูติ สมฺปฏิจฺฉตุ. อชฺชตนายาติ ยํ เม ตุมฺเหสุ การํ กโรโต อชฺช ภวิสฺสติ ปฺฺุจ ปีติปาโมชฺชฺจ ตทตฺถาย. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนาติ ภควา กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา อโจเปตฺวา อพฺภนฺตเรเยว ขนฺตึ ธาเรนฺโต ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิ. พฺราหฺมณสฺส อนุคฺคหณตฺถํ มนสาว สมฺปฏิจฺฉีติ วุตฺตํ โหติ.
๒๙๗. ปณีเตนาติ ¶ อุตฺตเมน. สหตฺถาติ สหตฺเถน. สนฺตปฺเปสีติ สุฏฺุ ตปฺเปสิ ปริปุณฺณํ สุหิตํ ยาวทตฺถํ อกาสิ. สมฺปวาเรสีติ ¶ สุฏฺุ ปวาเรสิ, อลํ อลนฺติ หตฺถสฺาย ปฏิกฺขิปาเปสิ. ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํ. โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณึ, อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. โอนิตฺตปตฺตปาณินฺติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – โอนิตฺตํ นานาภูตํ วินาภูตํ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอนิตฺตปตฺตปาณิ, ตํ โอนิตฺตปตฺตปาณึ. หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา เอกมนฺเต ปตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺนนฺติ อตฺโถ. เอกมนฺตํ นิสีทีติ ภควนฺตํ เอวํ ภูตํ ตฺวา เอกสฺมึ โอกาเส นิสีทีติ อตฺโถ.
๒๙๘. อนุปุพฺพึ กถนฺติ อนุปฏิปาฏิกถํ. อานุปุพฺพิกถา นาม ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺโค, สคฺคานนฺตรํ มคฺโคติ เอเตสํ อตฺถานํ ทีปนกถา. เตเนว – ‘‘เสยฺยถิทํ ทานกถ’’นฺติอาทิมาห. โอการนฺติ อวการํ ลามกภาวํ. สามุกฺกํสิกาติ สามํ อุกฺกํสิกา, อตฺตนาเยว อุทฺธริตฺวา คหิตา, สยมฺภูาเณน ทิฏฺา, อสาธารณา อฺเสนฺติ อตฺโถ. กา ปน สาติ? อริยสจฺจเทสนา. เตเนวาห – ‘‘ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺค’’นฺติ. ธมฺมจกฺขุนฺติ ¶ เอตฺถ โสตาปตฺติมคฺโค อธิปฺเปโต. ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ – ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ อาห. ตฺหิ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน เอวํ สพฺพสงฺขตํ ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ.
โปกฺขรสาติอุปาสกตฺตปฏิเวทนาวณฺณนา
๒๙๙. ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม. เอส นโย เสสปเทสุปิ. ติณฺณา วิจิกิจฺฉา อเนนาติ ติณฺณวิจิกิจฺโฉ. วิคตา กถํกถา อสฺสาติ วิคตกถํกโถ. เวสารชฺชปฺปตฺโตติ วิสารทภาวํ ปตฺโต. กตฺถ? สตฺถุสาสเน. นาสฺส ปโร ปจฺจโย, น ปรสฺส สทฺธาย เอตฺถ วตฺตตีติ อปรปฺปจฺจโย. เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถตฺตา จ ปากฏเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๓๐๐. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… องฺเคสูติ โสณทณฺฑสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. องฺเคสูติ องฺคา นาม องฺคปาสาทิกตาย เอวํ ลทฺธโวหารา ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รูฬฺหิสทฺเทน องฺคาติ วุจฺจติ, ตสฺมึ องฺเคสุ ชนปเท. จาริกนฺติ อิธาปิ อตุริตจาริกา เจว นิพทฺธจาริกา จ อธิปฺเปตา. ตทา กิร ภควโต ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกนฺตสฺส โสณทณฺโฑ พฺราหฺมโณ าณชาลสฺส อนฺโต ปฺายิตฺถ. อถ ภควา อยํ พฺราหฺมโณ มยฺหํ าณชาเล ปฺายติ. ‘อตฺถิ นุ ขฺวสฺสุปนิสฺสโย’ติ วีมํสนฺโต อทฺทส. ‘มยิ ตตฺถ คเต เอตสฺส อนฺเตวาสิโน ทฺวาทสหากาเรหิ พฺราหฺมณสฺส วณฺณํ ภาสิตฺวา มม สนฺติเก อาคนฺตุํ น ทสฺสนฺติ. โส ปน เตสํ วาทํ ภินฺทิตฺวา เอกูนตึส อากาเรหิ มม วณฺณํ ภาสิตฺวา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ. โส ปฺหวิสฺสชฺชนปริโยสาเน สรณํ คมิสฺสตี’ติ, ทิสฺวา ปฺจสตภิกฺขุปริวาโร ตํ ชนปทํ ปฏิปนฺโน. เตน วุตฺตํ – องฺเคสุ จาริกํ จรมาโน…เป… เยน จมฺปา ตทวสรีติ.
คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรติ ตสฺส จมฺปานครสฺส อวิทูเร คคฺคราย นาม ราชคฺคมเหสิยา ขณิตตฺตา คคฺคราติ ลทฺธโวหารา โปกฺขรณี อตฺถิ. ตสฺสา ตีเร สมนฺตโต นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมปฏิมณฺฑิตํ ¶ มหนฺตํ จมฺปกวนํ. ตสฺมึ ภควา กุสุมคนฺธสุคนฺเธ จมฺปกวเน วิหรติ. ตํ สนฺธาย คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเรติ วุตฺตํ. มาคเธน เสนิเยน พิมฺพิสาเรนาติ เอตฺถ โส ราชา มคธานํ อิสฺสรตฺตา มาคโธ. มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา เสนิโย. พิมฺพีติ สุวณฺณํ. ตสฺมา สารสุวณฺณสทิสวณฺณตาย พิมฺพิสาโรติ วุจฺจติ.
๓๐๑-๓๐๒. พหู พหู หุตฺวา สํหตาติ สงฺฆา. เอเกกิสฺสาย ทิสาย สงฺโฆ เอเตสํ อตฺถีติ สงฺฆี. ปุพฺเพ นครสฺส อนฺโต อคณา พหิ นิกฺขมิตฺวา คณตํ ปตฺตาติ คณีภูตา. ขตฺตํ ¶ อามนฺเตสีติ. ขตฺตา วุจฺจติ ปุจฺฉิตปฺเห พฺยากรณสมตฺโถ มหามตฺโต, ตํ อามนฺเตสิ อาคเมนฺตูติ มุหุตฺตํ ปฏิมาเนนฺตุ, มา คจฺฉนฺตูติ วุตฺตํ โหติ.
โสณทณฺฑคุณกถา
๓๐๓. นานาเวรชฺชกานนฺติ ¶ นานาวิเธสุ รชฺเชสุ, อฺเสุ อฺเสุ กาสิโกสลาทีสุ รชฺเชสุ ชาตา, ตานิ วา เตสํ นิวาสา, ตโต วา อาคตาติ นานาเวรชฺชกา, เตสํ นานาเวรชฺชกานํ. เกนจิเทว กรณีเยนาติ ตสฺมึ กิร นคเร ทฺวีหิ กรณีเยหิ พฺราหฺมณา สนฺนิปตนฺติ – ยฺานุภวนตฺถํ วา มนฺตสชฺฌายนตฺถํ วา. ตทา จ ตสฺมึ นคเร ยมฺา นตฺถิ. โสณทณฺฑสฺส ปน สนฺติเก มนฺตสชฺฌายนตฺถํ เอเต สนฺนิปติตา. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เกนจิเทว กรณีเยนา’’ติ. เต ตสฺส คมนํ สุตฺวา จินฺเตสุํ – ‘‘อยํ โสณทณฺโฑ อุคฺคตพฺราหฺมโณ เยภุยฺเยน จ อฺเ พฺราหฺมณา สมณํ โคตมํ สรณํ คตา, อยเมว น คโต. สฺวายํ สเจ ตตฺถ คมิสฺสติ, อทฺธา สมณสฺส โคตมสฺส อาวฏฺฏนิยา มายาย อาวฏฺฏิโต, ตํ สรณํ คมิสฺสติ. ตโต เอตสฺสาปิ เคหทฺวาเร พฺราหฺมณานํ สนฺนิปาโต น ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘หนฺทสฺส คมนนฺตรายํ กโรมา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา ตตฺถ อคมํสุ. ตํ สนฺธาย – อถ โข เต พฺราหฺมณาติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ¶ อิมินาปงฺเคนาติ อิมินาปิ การเณน. เอวํ เอตํ การณํ วตฺวา ปุน – ‘‘อตฺตโน วณฺเณ ภฺมาเน อตุสฺสนกสตฺโต นาม นตฺถิ. หนฺทสฺส วณฺณํ ภณเนน คมนํ นิวาเรสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ภวฺหิ โสณทณฺโฑ อุภโต สุชาโตติอาทีนิ การณานิ อาหํสุ.
อุภโตติ ทฺวีหิ ปกฺเขหิ. มาติโต จ ปิติโต จาติ โภโต มาตา พฺราหฺมณี, มาตุมาตา พฺราหฺมณี, ตสฺสาปิ มาตา พฺราหฺมณี; ปิตา พฺราหฺมโณ, ปิตุปิตา พฺราหฺมโณ, ตสฺสาปิ ปิตา พฺราหฺมโณติ, เอวํ ภวํ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ. สํสุทฺธคหณิโกติ สํสุทฺธา เต มาตุคหณี กุจฺฉีติ อตฺโถ. สมเวปากินิยา คหณิยาติ เอตฺถ ปน กมฺมชเตโชธาตุ ‘‘คหณี’’ติ วุจฺจติ.
ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคาติ เอตฺถ ปิตุปิตา ปิตามโห, ปิตามหสฺส ยุคํ ปิตามหยุคํ. ยุคนฺติ อายุปฺปมาณํ วุจฺจติ. อภิลาปมตฺตเมว เจตํ. อตฺถโต ปน ปิตามโหเยว ปิตามหยุคํ. ตโต อุทฺธํ สพฺเพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตา. เอวํ ยาว สตฺตโม ปุริโส ¶ ¶ , ตาว สํสุทฺธคหณิโก. อถ วา อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทนาติ ทสฺเสนฺติ. อกฺขิตฺโตติ – ‘‘อปเนถ เอตํ, กึ อิมินา’’ติ เอวํ อกฺขิตฺโต อนวกฺขิตฺโต. อนุปกุฏฺโติ น อุปกุฏฺโ, น อกฺโกสํ วา นินฺทํ วา ลทฺธปุพฺโพ. เกน การเณนาติ? ชาติวาเทน. อิติปิ – ‘‘หีนชาติโก เอโส’’ติ เอวรูเปน วจเนนาติ อตฺโถ.
อฑฺโฒติ อิสฺสโร. มหทฺธโนติ มหตา ธเนน สมนฺนาคโต. ภวโต หิ เคเห ปถวิยํ ปํสุวาลิกา วิย พหุธนํ, สมโณ ปน โคตโม อธโน ภิกฺขาย อุทรํ ปูเรตฺวา ยาเปตีติ ทสฺเสนฺติ. มหาโภโคติ ปฺจกามคุณวเสน มหาอุปโภโค. เอวํ ยํ ยํ คุณํ วทนฺติ, ตสฺส ตสฺส ปฏิปกฺขวเสน ภควโต อคุณํเยว ทสฺเสมาติ มฺมานา วทนฺติ.
อภิรูโปติ อฺเหิ มนุสฺเสหิ อภิรูโป อธิกรูโป. ทสฺสนีโยติ ทิวสมฺปิ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติกรณโต ทสฺสนโยคฺโค. ทสฺสเนเนว จิตฺตปสาทชนนโต ปาสาทิโก. โปกฺขรตา ¶ วุจฺจติ สุนฺทรภาโว, วณฺณสฺส โปกฺขรตา วณฺณโปกฺขรตา, ตาย วณฺณสมฺปตฺติยา ยุตฺโตติ อตฺโถ. โปราณา ปนาหุ – ‘‘โปกฺขรนฺติ สรีรํ วทนฺติ, วณฺณํ วณฺณเมวา’’ติ. เตสํ มเตน วณฺณฺจ โปกฺขรฺจ วณฺณโปกฺขรานิ. เตสํ ภาโว วณฺณโปกฺขรตา. อิติ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตายาติ อุตฺตเมน ปริสุทฺเธน วณฺเณน เจว สรีรสณฺานสมฺปตฺติยา จาติ อตฺโถ. พฺรหฺมวณฺณีติ เสฏฺวณฺณี. ปริสุทฺธวณฺเณสุปิ เสฏฺเน สุวณฺณวณฺเณน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. พฺรหฺมวจฺฉสีติ มหาพฺรหฺมุโน สรีรสทิเสเนว สรีเรน สมนฺนาคโต. อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนายาติ ‘‘โภโต สรีเร ทสฺสนสฺส โอกาโส น ขุทฺทโก มหา, สพฺพาเนว เต องฺคปจฺจงฺคานิ ทสฺสนียาเนว, ตานิ จาปิ มหนฺตาเนวา’’ติ ทีเปนฺติ.
สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวา. วุทฺธํ วทฺธิตํ สีลมสฺสาติ วุทฺธสีลี. วุทฺธสีเลนาติ วุทฺเธน วทฺธิเตน สีเลน. สมนฺนาคโตติ ยุตฺโต. อิทํ วุทฺธสีลีปทสฺเสว เววจนํ. สพฺพเมตํ ปฺจสีลมตฺตเมว สนฺธาย วทนฺติ.
กลฺยาณวาโจติอาทีสุ กลฺยาณา สุนฺทรา ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา วาจา อสฺสาติ กลฺยาณวาโจ. กลฺยาณํ มธุรํ วากฺกรณํ อสฺสาติ กลฺยาณวากฺกรโณ ¶ . วากฺกรณนฺติ อุทาหรณโฆโส. คุณปริปุณฺณภาเวน ปุเร ภวาติ โปรี. ปุเร วา ภวตฺตา โปรี. โปริยา นาคริกิตฺถิยา สุขุมาลตฺตเนน สทิสาติ โปรี, ตาย โปริยา. วิสฺสฏฺายาติ อปลิพุทฺธาย สนฺทิฏฺวิลมฺพิตาทิโทสรหิตาย. อเนลคลายาติ เอลคเฬนวิรหิตาย. ยสฺส กสฺสจิ หิ กเถนฺตสฺส ¶ เอลา คฬนฺติ, ลาลา วา ปคฺฆรนฺติ, เขฬผุสิตานิ วา นิกฺขมนฺติ, ตสฺส วาจา เอลคฬํ นาม โหติ, ตพฺพิปริตายาติ อตฺโถ. อตฺถสฺส วิฺาปนิยาติ อาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฏํ กตฺวา ภาสิตตฺถสฺส วิฺาปนสมตฺถาย.
ชิณฺโณติ ¶ ชราชิณฺณตาย ชิณฺโณ. วุทฺโธติ องฺคปจฺจงฺคานํ วุทฺธิภาวมริยาทปฺปตฺโต. มหลฺลโกติ ชาติมหลฺลกตาย สมนฺนาคโต. จิรกาลปฺปสุโตติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธคโตติ อทฺธานํ คโต, ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีโตติ อธิปฺปาโย. วโยอนุปฺปตฺโตติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺโต, ปจฺฉิมวโย นาม วสฺสสตสฺส ปจฺฉิโม ตติยภาโค.
อปิ จ ชิณฺโณติ โปราโณ, จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวโยติ วุตฺตํ โหติ. วุทฺโธติ สีลาจาราทิคุณวุทฺธิยา ยุตฺโต. มหลฺลโกติ วิภวมหนฺตาย สมนฺนาคโต. อทฺธคโตติ มคฺคปฺปฏิปนฺโน พฺราหฺมณานํ วตจริยาทิมริยาทํ อวีติกฺกมฺม จรณสีโล. วโยอนุปฺปตฺโตติ ชาติวุทฺธภาวมฺปิ อนฺติมวยํ อนุปฺปตฺโต.
พุทฺธคุณกถา
๓๐๔. เอวํ วุตฺเตติ เอวํ เตหิ พฺราหฺมเณหิ วุตฺเต. โสณทณฺโฑ – ‘‘อิเม พฺราหฺมณา ชาติอาทีหิ มม วณฺณํ วทนฺติ, น โข ปน เมตํ ยุตฺตํ อตฺตโน วณฺเณ รชฺชิตุํ. หนฺทาหํ เอเตสํ วาทํ ภินฺทิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส มหนฺตภาวํ าเปตฺวา เอเตสํ ตตฺถ คมนํ กโรมี’’ติ จินฺเตตฺวา เตน หิ – โภ มมปิ สุณาถาติอาทิมาห. ตตฺถ เยปิ อุภโต สุชาโตติ อาทโย อตฺตโน คุเณหิ สทิสา คุณา เตปิ ¶ ; ‘‘โก จาหํ เก จ สมณสฺส โคตมสฺส ชาติสมฺปตฺติอาทโย คุณา’’ติ อตฺตโน คุเณหิ อุตฺตริตเรเยว มฺมาโน, อิตเร ปน เอกนฺเตเนว ภควโต มหนฺตภาวทีปนตฺถํ ปกาเสติ.
มยเมว อรหามาติ เอวํ นิยาเมนฺโตเวตฺถ อิทํ ทีเปติ – ‘‘ยทิ คุณมหนฺตตาย อุปสงฺกมิตพฺโพ นาม โหติ. ยถา หิ สิเนรุํ อุปนิธาย สาสโป, มหาสมุทฺทํ อุปนิธาย โคปทกํ, สตฺตสุ มหาสเรสุ อุทกํ อุปนิธาย อุสฺสาวพินฺทุ ปริตฺโต ลามโก. เอวเมว สมณสฺส โคตมสฺส ชาติสมฺปตฺติอาทโยปิ คุเณ อุปนิธาย อมฺหากํ คุณา ปริตฺตา ลามกา; ตสฺมา มยเมว อรหาม ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตุ’’นฺติ.
มหนฺตํ ¶ าติสํฆํ โอหายาติ มาติปกฺเข อสีติกุลสหสฺสานิ ¶ , ปิติปกฺเข อสีติกุลสหสฺสานีติ เอวํ สฏฺิกุลสตสหสฺสํ โอหาย ปพฺพชิโต.
ภูมิคตฺจ เวหาสฏฺฺจาติ เอตฺถ ราชงฺคเณ เจว อุยฺยาเน จ สุธามฏฺโปกฺขรณิโย สตฺตรตนานํ ปูเรตฺวา ภูมิยํ ปิตํ ธนํ ภูมิคตํ นาม. ปาสาทนิยูหาทโย ปริปูเรตฺวา ปิตํ เวหาสฏฺํ นาม. เอตํ ตาว กุลปริยาเยน อาคตํ. ตถาคตสฺส ปน ชาตทิวเสเยว สงฺโข, เอโล, อุปฺปโล, ปุณฺฑรีโกติ จตฺตาโร นิธโย อุคฺคตา. เตสุ สงฺโข คาวุติโก, เอโล อฑฺฒโยชนิโก, อุปฺปโล ติคาวุติโก, ปุณฺฑรีโก โยชนิโก. เตสุปิ คหิตํ คหิตํ ปูรติเยว, อิติ ภควา ปหูตํ หิรฺสุวณฺณํ โอหาย ปพฺพชิโตติ เวทิตพฺโพ.
ทหโรว สมาโนติ ตรุโณว สมาโน. สุสุกาฬเกโสติ สุฏฺุ กาฬเกโส, อฺชนวณฺณสทิสเกโส หุตฺวา วาติ อตฺโถ. ภทฺเรนาติ ภทฺทเกน. ปเมน วยสาติ ติณฺณํ วยานํ ปมวเยน. อกามกานนฺติ อนิจฺฉมานานํ. อนาทรตฺเถ สามิวจนํ. อสฺสูนิ มุเข เอเตสนฺติ อสฺสุมุขา, เตสํ อสฺสุมุขานํ, อสฺสูหิ กิลินฺนมุขานนฺติ อตฺโถ. รุทนฺตานนฺติ ¶ กนฺทิตฺวา โรทมานานํ. อขุทฺทาวกาโสติ เอตฺถ ภควโต อปริมาโณเยว ทสฺสนาย โอกาโสติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺริทํ วตฺถุ – ราชคเห กิร อฺตโร พฺราหฺมโณ สมณสฺส โคตมสฺส ปมาณํ คเหตุํ น สกฺโกตีติ สุตฺวา ภควโต ปิณฺฑาย ปวิสนกาเล สฏฺิหตฺถํ เวฬุํ คเหตฺวา นครทฺวารสฺส พหิ ตฺวา สมฺปตฺเต ภควติ เวฬุํ คเหตฺวา สมีเป อฏฺาสิ. เวฬุ ภควโต ชาณุกมตฺตํ ปาปุณิ. ปุน ทิวเส ทฺเว เวฬู ฆเฏตฺวา สมีเป อฏฺาสิ. ภควาปิ ทฺวินฺนํ เวฬูนํ อุปริ กฏิมตฺตเมว ปฺายมาโน – ‘‘พฺราหฺมณ, กึ กโรสี’’ติ อาห. ตุมฺหากํ ปมาณํ คณฺหามีติ. ‘‘พฺราหฺมณ, สเจปิ ตฺวํ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรตฺวา ิเต เวฬู ฆเฏตฺวา ¶ อาคมิสฺสสิ, เนว เม ปมาณํ คเหตุํ สกฺขิสฺสสิ. น หิ มยา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ตถา ปารมิโย ปูริตา, ยถา เม ปโร ปมาณํ คณฺเหยฺย, อตุโล, พฺราหฺมณ, ตถาคโต อปฺปเมยฺโย’’ติ วตฺวา ธมฺมปเท คาถมาห –
‘‘เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;
น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (ธ. ป. ๓๖);
คาถาปริโยสาเน ¶ จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อมตํ ปิวึสุ.
อปรมฺปิ วตฺถุ – ราหุ กิร อสุรินฺโท จตฺตาริ โยชนสหสฺสานิ อฏฺ จ โยชนสตานิ อุจฺโจ. พาหนฺตรมสฺส ทฺวาทสโยชนสตานิ. พหลนฺตเรน ฉ โยชนสตานิ. หตฺถตลปาทตลานํ ปุถุลโต ตีณิ โยชนสตานิ. องฺคุลิปพฺพานิ ปณฺณาสโยชนานิ. ภมุกนฺตรํ ปณฺณาสโยชนํ. มุขํ ทฺวิโยชนสตํ ติโยชนสตคมฺภีรํ ติโยชนสตปริมณฺฑลํ. คีวา ติโยชนสตํ. นลาฏํ ติโยชนสตํ. สีสํ นวโยชนสตํ. ‘‘โส อหํ อุจฺโจสฺมิ, สตฺถารํ โอนมิตฺวา โอโลเกตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นาคจฺฉิ. โส เอกทิวสํ ภควโต วณฺณํ สุตฺวา – ‘‘ยถากถฺจ โอโลเกสฺสามี’’ติ อาคโต.
อถ ภควา ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา – ‘‘จตูสุ อิริยาปเถสุ กตเรน ทสฺเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ิตโก นาม นีโจปิ อุจฺโจ วิย ปฺายติ. นิปนฺโนวสฺส ¶ อตฺตานํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ ‘‘อานนฺท, คนฺธกุฏิปริเวเณ มฺจกํ ปฺาเปหี’’ติ วตฺวา ตตฺถ สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ. ราหุ อาคนฺตฺวา นิปนฺนํ ภควนฺตํ คีวํ อุนฺนาเมตฺวา นภมชฺเฌ ปุณฺณจนฺทํ วิย อุลฺโลเกสิ. กิมิทํ อสุรินฺทาติ จ วุตฺเต – ‘‘ภควา โอนมิตฺวา โอโลเกตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ นาคจฺฉินฺติ. น มยา, อสุรินฺท, อโธมุเขน ปารมิโย ปูริตา. อุทฺธคฺคเมว กตฺวา ทานํ ทินฺนนฺติ. ตํ ทิวสํ ราหุ สรณํ อคมาสิ. เอวํ ภควา อขุทฺทาวกาโส ทสฺสนาย.
จตุปาริสุทฺธิสีเลน ¶ สีลวา, ตํ ปน สีลํ อริยํ อุตฺตมํ ปริสุทฺธํ. เตนาห – ‘‘อริยสีลี’’ติ. ตเทตํ อนวชฺชฏฺเน กุสลํ. เตนาห – ‘‘กุสลสีลี’’ติ. กุสลสีเลนาติ อิทมสฺส เววจนํ.
พหูนํ อาจริยปาจริโยติ ภควโต เอเกกาย ธมฺมเทสนาย จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อปริมาณาปิ เทวมนุสฺสา มคฺคผลามตํ ปิวนฺติ, ตสฺมา พหูนํ อาจริโย. สาวกเวเนยฺยานํ ปน ปาจริโยติ.
ขีณกามราโคติ เอตฺถ กามํ ภควโต สพฺเพปิ กิเลสา ขีณา. พฺราหฺมโณ ปน เต น ชานาติ. อตฺตโน ชานนฏฺาเนเยว คุณํ กเถติ. วิคตจาปลฺโลติ – ‘‘ปตฺตมณฺฑนา จีวรมณฺฑนา ¶ เสนาสนมณฺฑนา อิมสฺส วา ปูติกายสฺส…เป… เกลนา ปฏิเกลนา’’ติ (วิภ. ๘๕๔) เอวํ วุตฺตจาปลฺลา วิรหิโต.
อปาปปุเรกฺขาโรติ อปาเป นว โลกุตฺตรธมฺเม ปุรโต กตฺวา วิจรติ. พฺรหฺมฺาย ปชายาติ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปาทิเภทาย พฺราหฺมณปชาย, เอติสฺสาย จ ปชาย ปุเรกฺขาโร. อยฺหิ ปชา สมณํ โคตมํ ปุรกฺขตฺวา จรตีติ อตฺโถ. อปิ จ อปาปปุเรกฺขาโรติ น ปาปํ ปุเรกฺขาโร น ปาปํ ปุรโต กตฺวา จรติ, น ปาปํ อิจฺฉตีติ อตฺโถ. กสฺส? พฺรหฺมฺาย ปชาย. อตฺตนา สทฺธึ ปฏิวิรุทฺธายปิ พฺราหฺมณปชาย อวิรุทฺโธ หิตสุขตฺถิโก เยวาติ วุตฺตํ โหติ.
ติโรรฏฺาติ ปรรฏฺโต. ติโรชนปทาติ ปรชนปทโต. ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ อาคจฺฉนฺตีติ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย เจว เทวพฺรหฺมนาคคนฺธพฺพาทโย จ ¶ – ‘‘ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ อาคจฺฉนฺติ. ตตฺถ เกจิ ปุจฺฉาย วา โทสํ วิสฺสชฺชนสมฺปฏิจฺฉเน วา อสมตฺถตํ สลฺลกฺเขตฺวา อปุจฺฉิตฺวาว ตุณฺหี นิสีทนฺติ. เกจิ ปุจฺฉนฺติ. เกสฺจิ ภควา ปุจฺฉาย อุสฺสาหํ ชเนตฺวา วิสฺสชฺเชติ. เอวํ สพฺเพสมฺปิ เตสํ วิมติโย ตีรํ ปตฺวา มหาสมุทฺทสฺส อูมิโย วิย ภควนฺตํ ปตฺวา ภิชฺชนฺติ.
เอหิ ¶ สฺวาคตวาทีติ เทวมนุสฺสปพฺพชิตคหฏฺเสุ ตํ ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ – ‘‘เอหิ สฺวาคต’’นฺติ เอวํ วทตีติ อตฺโถ. สขิโลติ ตตฺถ กตมํ สาขลฺยํ? ‘‘ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตสาขลฺเยน สมนฺนาคโต, มุทุวจโนติ อตฺโถ. สมฺโมทโกติ ปฏิสนฺถารกุสโล, อาคตาคตานํ จตุนฺนํ ปริสานํ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา นเยน สพฺพํ อทฺธานทรถํ วูปสเมนฺโต วิย ปมตรํ สมฺโมทนียํ กถํ กตฺตาติ อตฺโถ. อพฺภากุฏิโกติ ยถา เอกจฺเจ ปริสํ ปตฺวา ถทฺธมุขา สงฺกุฏิตมุขา โหนฺติ, น เอทิโส, ปริสทสฺสเนน ปนสฺส พาลาตปสมฺผสฺเสน วิย ปทุมํ มุขปทุมํ วิกสติ ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ โหติ. อุตฺตานมุโขติ ยถา เอกจฺเจ นิกุชฺชิตมุขา วิย สมฺปตฺตาย ปริสาย น กิฺจิ กเถนฺติ, อติทุลฺลภกถา โหนฺติ, น เอวรูโป. สมโณ ปน โคตโม สุลภกโถ. น ตสฺส สนฺติกํ อาคตาคตานํ – ‘‘กสฺมา มยํ อิธาคตา’’ติ วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชติ ธมฺมํ ปน สุตฺวา อตฺตมนาว โหนฺตีติ ทสฺเสติ. ปุพฺพภาสีติ ภาสนฺโต จ ปมตรํ ภาสติ, ตฺจ โข กาลยุตฺตํ ปมาณยุตฺตํ อตฺถนิสฺสิตเมว ภาสติ, น นิรตฺถกกถํ.
น ¶ ตสฺมึ คาเม วาติ ยตฺถ กิร ภควา ปฏิวสติ, ตตฺถ มเหสกฺขา เทวตา อารกฺขํ คณฺหนฺติ, ตํ นิสฺสาย มนุสฺสานํ อุปทฺทโว น โหติ, ปํสุปิสาจกาทโยเยว หิ มนุสฺเส วิเหเนฺติ, เต ตาสํ อานุภาเวน ทูรํ อปกฺกมนฺติ. อปิ จ ภควโต เมตฺตาพเลนปิ น อมนุสฺสา มนุสฺเส วิเหเนฺติ.
สงฺฆีติอาทีสุ อนุสาสิตพฺโพ สยํ วา อุปฺปาทิโต สงฺโฆ อสฺส อตฺถีติ สงฺฆี. ตาทิโส จสฺส คโณ อตฺถีติ คณี. ปุริมปทสฺเสว วา เววจนเมตํ. อาจารสิกฺขาปนวเสน คณสฺส อาจริโยติ คณาจริโย ¶ . ปุถุติตฺถกรานนฺติ พหูนํ ติตฺถกรานํ. ยถา ¶ วา ตถา วาติ เยน วา เตน วา อเจลกาทิมตฺตเกนาปิ การเณน. สมุทาคจฺฉตีติ สมนฺตโต อุปคจฺฉติ อภิวฑฺฒติ.
อติถิ โน เต โหนฺตีติ เต อมฺหากํ อาคนฺตุกา, นวกา ปาหุนกา โหนฺตีติ อตฺโถ. ปริยาปุณามีติ ชานามิ. อปริมาณวณฺโณติ ตถารูเปเนว สพฺพฺุนาปิ อปฺปเมยฺยวณฺโณ – ‘‘ปเคว มาทิเสนา’’ติ ทสฺเสติ. วุตฺตมฺปิ เจตฺตํ –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ.
๓๐๕. อิมํ ปน สตฺถุ คุณกถํ สุตฺวา เต พฺราหฺมณา จินฺตยึสุ – ยถา โสณทณฺโฑ พฺราหฺมโณ สมณสฺส โคตมสฺส วณฺเณ ภณติ, อโนมคุโณ โส ภวํ โคตโม; เอวํ ตสฺส คุเณ ชานมาเนน โข ปน อาจริเยน อติจิรํ อธิวาสิตํ, หนฺท นํ อนุวตฺตามาติ อนุวตฺตึสุ. ตสฺมา เอวํ วุตฺเต ‘‘เต พฺราหฺมณา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อลเมวาติ ยุตฺตเมว. อปิ ปุโฏเสนาติ ปุโฏสํ วุจฺจติ ปาเถยฺยํ, ตํ คเหตฺวาปิ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตเมวาติ อตฺโถ. ปุฏํเสนาติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ, ปุโฏ อํเส อสฺสาติ ปุฏํโส, เตน ปุฏํเสน. อํเสน หิ ปาเถยฺยปุฏํ วหนฺเตนาปีติ วุตฺตํ โหติ.
โสณทณฺฑปริวิตกฺกวณฺณนา
๓๐๖-๓๐๘. ติโรวนสณฺฑคตสฺสาติ ¶ อนฺโตวนสณฺเฑ คตสฺส, วิหารพฺภนฺตรํ ปวิฏฺสฺสาติ อตฺโถ. อฺชลึ ปณาเมตฺวาติ เอเต อุภโตปกฺขิกา, เต เอวํ จินฺตยึสุ – ‘‘สเจ โน มิจฺฉาทิฏฺิกา โจเทสฺสนฺติ – ‘กสฺมา ตุมฺเห สมณํ โคตมํ วนฺทิตฺถา’ติ? เตสํ – ‘กึ อฺชลิมตฺตกรเณนาปิ วนฺทนํ นาม โหตี’ติ วกฺขาม. สเจ โน สมฺมาทิฏฺิกา โจเทสฺสนฺติ – ‘กสฺมา ตุมฺเห ภควนฺตํ น วนฺทิตฺถา’ติ. ‘กึ สีเสน ภูมิยํ ปหรนฺเตเนว วนฺทนํ นาม โหติ, นนุ อฺชลิกมฺมมฺปิ วนฺทนํ เอวา’ติ ¶ วกฺขามา’’ติ. นามโคตฺตนฺติ ¶ ‘‘โภ, โคตม, อหํ อสุกสฺส ปุตฺโต ทตฺโต นาม, มิตฺโต นาม, อิธาคโต’’ติ วทนฺตา นามํ สาเวนฺติ นาม. ‘‘โภ, โคตม, อหํ วาเสฏฺโ นาม, กจฺจาโน นาม, อิธาคโต’’ติ วทนฺตา โคตฺตํ สาเวนฺติ นาม. เอเต กิร ทลิทฺทา ชิณฺณา กุลปุตฺตา ‘‘ปริสมชฺเฌ นามโคตฺตวเสน ปากฏา ภวิสฺสามา’’ติ เอวมกํสุ. เย ปน ตุณฺหีภูตา นิสีทึสุ, เต เกราฏิกา เจว อนฺธพาลา จ. ตตฺถ เกราฏิกา – ‘‘เอกํ ทฺเว กถาสลฺลาเปปิ กโรนฺโต วิสฺสาสิโก โหติ, อถ วิสฺสาเส สติ เอกํ ทฺเว ภิกฺขา อทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตโต อตฺตานํ โมเจตฺวา ตุณฺหี นิสีทนฺติ. อนฺธพาลา อฺาณตาเยว อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิณฺโฑ วิย ยตฺถ กตฺถจิ ตุณฺหีภูตา นิสีทนฺติ.
พฺราหฺมณปฺตฺติวณฺณนา
๓๐๙-๓๑๐. เจตสา เจโตปริวิตกฺกนฺติ ภควา – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ อาคตกาลโต ปฏฺาย อโธมุโข ถทฺธคตฺโต กึ จินฺตยมาโน นิสินฺโน, กึ นุ โข จินฺเตตี’’ติ อาวชฺชนฺโต อตฺตโน เจตสา ตสฺส จิตฺตํ อฺาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺายา’’ติ. วิหฺตีติ วิฆาตํ อาปชฺชติ. อนุวิโลเกตฺวา ปริสนฺติ ภควโต สกสมเย ปฺหปุจฺฉเนน อุทเก มิยมาโน อุกฺขิปิตฺวา ถเล ปิโต วิย สมปสฺสทฺธกายจิตฺโต หุตฺวา ปริสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ทิฏฺิสฺชาเนเนว ‘‘อุปธาเรนฺตุ เม โภนฺโต วจน’’นฺติ วทนฺโต วิย อนุวิโลเกตฺวา ปริสํ ภควนฺตํ เอตทโวจ.
๓๑๑-๓๑๓. สุชํ ปคฺคณฺหนฺตานนฺติ ยฺยชนตฺถาย สุชํ คณฺหนฺเตสุ พฺราหฺมเณสุ ปโม วา ทุติโย วาติ อตฺโถ. สุชาย ทิยฺยมานํ มหายาคํ ปฏิคฺคณฺหนฺตานนฺติ โปราณา. อิติ พฺราหฺมโณ สกสมยวเสน สมฺมเทว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. ภควา ปน วิเสสโต อุตฺตมพฺราหฺมณสฺส ทสฺสนตฺถํ ¶ – ‘‘อิเมสํ ปนา’’ติอาทิมาห. เอตทโวจุนฺติ สเจ ชาติวณฺณมนฺตสมฺปนฺโน พฺราหฺมโณ น โหติ, อถ โก จรหิ โลเก พฺราหฺมโณ ¶ ภวิสฺสติ? นาเสติ โน อยํ โสณทณฺโฑ, หนฺทสฺส วาทํ ปฏิกฺขิปิสฺสามาติ จินฺเตตฺวา เอตทโวจุํ. อปวทตีติ ¶ ปฏิกฺขิปติ. อนุปกฺขนฺทตีติ อนุปวิสติ. อิทํ – ‘‘สเจ ตฺวํ ปสาทวเสน สมณํ โคตมํ สรณํ คนฺตุกาโม, คจฺฉ; มา พฺราหฺมณสฺส สมยํ ภินฺที’’ติ อธิปฺปาเยน อาหํสุ.
๓๑๔. เอตทโวจาติ อิเมสุ พฺราหฺมเณสุ เอวํ เอกปฺปหาเรเนว วิรวนฺเตสุ ‘‘อยํ กถา ปริโยสานํ น คมิสฺสติ, หนฺท เน นิสฺสทฺเท กตฺวา โสณทณฺเฑเนว สทฺธึ กเถมี’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘เอตํ สเจ โข ตุมฺหาก’’นฺติอาทิกํ วจนํ อโวจ.
๓๑๕-๓๑๖. สหธมฺเมนาติ สการเณน. สมสโมติ เปตฺวา เอกเทสสมตฺตํ สมภาเวน สโม, สพฺพากาเรน สโมติ อตฺโถ. อหมสฺส มาตาปิตโร ชานามีติ ภคินิยา ปุตฺตสฺส มาตาปิตโร กึ น ชานิสฺสติ, กุลโกฏิปริทีปนํ สนฺธาเยว วทติ. มุสาวาทมฺปิ ภเณยฺยาติ อตฺถภฺชนกํ มุสาวาทํ กเถยฺย. กึ วณฺโณ กริสฺสตีติ อพฺภนฺตเร คุเณ อสติ กึ กริสฺสติ? กิมสฺส พฺราหฺมณภาวํ รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสตีติ อตฺโถ. อถาปิ สิยา ปุน – ‘‘ปกติสีเล ิตสฺส พฺราหฺมณภาวํ สาเธนฺตี’’ติ เอวมฺปิ สีลเมว สาเธสฺสติ, ตสฺมึ หิสฺส อสติ พฺราหฺมณภาโว นาโหสีติ สมฺโมหมตฺตํ วณฺณาทโย. อิทํ ปน สุตฺวา เต พฺราหฺมณา – ‘‘สภาวํ อาจริโย อาห, อการณาว มยํ อุชฺฌายิมฺหา’’ติ ตุณฺหี อเหสุํ.
สีลปฺากถาวณฺณนา
๓๑๗. ตโต ภควา ‘กถิโต พฺราหฺมเณน ปฺโห, กึ ปเนตฺถ ปติฏฺาตุํ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตี’ติ? ตสฺส วีมํสนตฺถํ – ‘‘อิเมสํ ปน พฺราหฺมณา’’ติอาทิมาห. สีลปริโธตาติ สีลปริสุทฺธา. ยตฺถ สีลํ ตตฺถ ปฺาติ ยสฺมึ ปุคฺคเล สีลํ, ตตฺเถว ปฺา, กุโต ทุสฺสีเล ปฺา? ปฺารหิเต วา ชเฬ เอฬมูเค กุโต สีลนฺติ? สีลปฺาณนฺติ สีลฺจ ปฺาณฺจ สีลปฺาณํ. ปฺาณนฺติ ปฺาเยว. เอวเมตํ พฺราหฺมณาติ ¶ ภควา พฺราหฺมณสฺส วจนํ ¶ อนุชานนฺโต อาห. ตตฺถ สีลปริโธตา ปฺาติ จตุปาริสุทฺธิสีเลน โธตา. กถํ ปน สีเลน ปฺํ โธวตีติ? ยสฺส ปุถุชฺชนสฺส สีลํ สฏฺิอสีติวสฺสานิ อขณฺฑํ โหติ, โส มรณกาเลปิ สพฺพกิเลเส ฆาเตตฺวา สีเลน ปฺํ โธวิตฺวา อรหตฺตํ คณฺหาติ. กนฺทรสาลปริเวเณ มหาสฏฺิวสฺสตฺเถโร วิย. เถเร กิร มรณมฺเจ นิปชฺชิตฺวา พลวเวทนาย นิตฺถุนนฺเต ¶ , ติสฺสมหาราชา ‘‘เถรํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปริเวณทฺวาเร ิโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺส สทฺโท อย’’นฺติ? เถรสฺส นิตฺถุนนสทฺโทติ. ‘‘ปพฺพชฺชาย สฏฺิวสฺเสน เวทนาปริคฺคหมตฺตมฺปิ น กตํ, น ทานิ นํ วนฺทิสฺสามี’’ติ นิวตฺติตฺวา มหาโพธึ วนฺทิตุํ คโต. ตโต อุปฏฺากทหโร เถรํ อาห – ‘‘กึ โน, ภนฺเต, ลชฺชาเปถ, สทฺโธปิ ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา น วนฺทิสฺสามี’’ติ คโตติ. กสฺมา อาวุโสติ? ตุมฺหากํ นิตฺถุนนสทฺทํ สุตฺวาติ. ‘‘เตน หิ เม โอกาสํ กโรถา’’ติ วตฺวา เวทนํ วิกฺขมฺภิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ทหรสฺส สฺํ อทาสิ – ‘‘คจฺฉาวุโส, อิทานิ ราชานํ อมฺเห วนฺทาเปหี’’ติ. ทหโร คนฺตฺวา – ‘‘อิทานิ กิร เถรํ, วนฺทถา’’ติ อาห. ราชา สํสุมารปติเตน เถรํ วนฺทนฺโต – ‘‘นาหํ อยฺยสฺส อรหตฺตํ วนฺทามิ, ปุถุชฺชนภูมิยํ ปน ตฺวา รกฺขิตสีลเมว วนฺทามี’’ติ อาห, เอวํ สีเลน ปฺํ โธวติ นาม. ยสฺส ปน อพฺภนฺตเร สีลสํวโร นตฺถิ, อุคฺฆาฏิตฺุตาย ปน จตุปฺปทิกคาถาปริโยสาเน ปฺาย สีลํ โธวิตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อยํ ปฺาย สีลํ โธวติ นาม. เสยฺยถาปิ สนฺตติมหามตฺโต.
๓๑๘. กตมํ ปน ตํ พฺราหฺมณาติ กสฺมา อาห? ภควา กิร จินฺเตสิ – ‘‘พฺราหฺมณา พฺราหฺมณสมเย ปฺจสีลานิ ‘สีล’นฺติ ปฺาเปนฺติ, เวทตฺตยอุคฺคหณปฺา ปฺาติ. อุปริวิเสสํ ¶ น ชานนฺติ. ยํนูนาหํ พฺราหฺมณสฺส อุตฺตริวิเสสภูตํ มคฺคสีลํ, ผลสีลํ, มคฺคปฺํ, ผลปฺฺจ ทสฺเสตฺวา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺเปยฺย’’นฺติ. อถ นํ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉนฺโต – ‘‘กตมํ ปน ตํ, พฺราหฺมณ, สีลํ กตมา สา ปฺา’’ติ อาห. อถ พฺราหฺมโณ – ‘‘มยา สกสมยวเสน ปฺโห วิสฺสชฺชิโต. สมโณ ปน มํ โคตโม ปุน นิวตฺติตฺวา ปุจฺฉติ, อิทานิสฺสาหํ จิตฺตํ ปริโตเสตฺวา วิสฺสชฺชิตุํ ¶ สกฺกุเณยฺยํ วา น วา? สเจ น สกฺขิสฺสํ ปมํ อุปฺปนฺนาปิ เม ลชฺชา ภิชฺชิสฺสติ. อสกฺโกนฺตสฺส ปน น สกฺโกมีติ วจเน โทโส นตฺถี’’ติ ปุน นิวตฺติตฺวา ภควโตเยว ภารํ กโรนฺโต ‘‘เอตฺตกปรมาว มย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอตฺตกปรมาติ เอตฺตกํ สีลปฺาณนฺติ วจนเมว ปรมํ อมฺหากํ, เต มยํ เอตฺตกปรมา, อิโต ปรํ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ น ชานามาติ อตฺโถ.
อถสฺส ภควา สีลปฺาย มูลภูตสฺส ตถาคตสฺส อุปฺปาทโต ปภุติ สีลปฺาณํ ทสฺเสตุํ – ‘‘อิธ พฺราหฺมณ, ตถาคโต’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ สามฺผเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ, อยํ ปน วิเสโส, อิธ ติวิธมฺปิ สีลํ – ‘‘อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมิ’’นฺติ เอวํ สีลมิจฺเจว นิยฺยาติตํ ปมชฺฌานาทีนิ จตฺตาริ ฌานานิ อตฺถโต ปฺาสมฺปทา. เอวํ ¶ ปฺาวเสน ปน อนิยฺยาเตตฺวา วิปสฺสนาปฺาย ปทฏฺานภาวมตฺเตน ทสฺเสตฺวา วิปสฺสนาปฺาโต ปฏฺาย ปฺา นิยฺยาติตาติ.
โสณทณฺฑอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา
๓๑๙-๓๒๒. สฺวาตนายาติ ปทสฺส อตฺโถ อชฺชตนายาติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เตน มํ สา ปริสา ปริภเวยฺยาติ เตน ตุมฺเห ทูรโตว ทิสฺวา อาสนา วุฏฺิตการเณน มํ สา ปริสา – ‘‘อยํ โสณทณฺโฑ ปจฺฉิมวเย ิโต มหลฺลโก, โคตโม ปน ทหโร ยุวา นตฺตาปิสฺส นปฺปโหติ, โส นาม อตฺตโน นตฺตุมตฺตภาวมฺปิ อปฺปตฺตสฺส อาสนา วุฏฺาตี’’ติ ปริภเวยฺย. อาสนา เม ตํ ภวํ โคตโม ปจฺจุฏฺานนฺติ มม อคารเวน อวุฏฺานํ ¶ นาม นตฺถิ, โภคนาสนภเยน ปน น วุฏฺหิสฺสามิ, ตํ ตุมฺเห หิ เจว มยา จ าตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมา อาสนา เม เอตํ ภวํ โคตโม ปจฺจุฏฺานํ ธาเรตูติ, อิมินา กิร สทิโส กุหโก ทุลฺลโภ, ภควติ ปนสฺส อคารวํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา โภคนาสนภยา กุหนวเสน เอวํ วทติ. ปรปเทสุปิ เอเสว นโย. ธมฺมิยา กถายาติอาทีสุ ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมิยา กถาย ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา กุสเล ธมฺเม สมาทเปตฺวา คณฺหาเปตฺวา. ตตฺถ นํ สมุตฺเตเชตฺวา สอุสฺสาหํ กตฺวา ตาย จ สอุสฺสาหตาย อฺเหิ จ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิตฺวา อุฏฺายาสนา ¶ ปกฺกามิ. พฺราหฺมโณ ปน อตฺตโน กุหกตาย เอวมฺปิ ภควติ ธมฺมวสฺสํ วสฺสิเต วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. เกวลมสฺส อายตึ นิพฺพานตฺถาย วาสนาภาคิยาย จ สพฺพา ปุริมปจฺฉิมกถา อโหสีติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กูฏทนฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๒๓. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… มคเธสูติ กูฏทนฺตสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. มคเธสูติ มคธา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รูฬฺหีสทฺเทน มคธาติ วุจฺจติ, ตสฺมึ มคเธสุ ชนปเท. อิโต ปรํ ปุริมสุตฺตทฺวเย วุตฺตนยเมว. อมฺพลฏฺิกา พฺรหฺมชาเล วุตฺตสทิสาว. กูฏทนฺโตติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นามํ. อุปกฺขโฏติ สชฺชิโต. วจฺฉตรสตานีติ วจฺฉสตานิ. อุรพฺภาติ ตรุณเมณฺฑกา วุจฺจนฺติ. เอเต ตาว ปาฬิยํ อาคตาเยว. ปาฬิยํ ปน อนาคตานมฺปิ อเนเกสํ มิคปกฺขีนํ สตฺตสตฺตสตานิ สมฺปิณฺฑิตาเนวาติ เวทิตพฺพานิ. สพฺพสตฺตสติกยาคํ กิเรส ยชิตุกาโม โหติ. ถูณูปนีตานีติ พนฺธิตฺวา ปนตฺถาย ยูปสงฺขาตํ ถูณํ อุปนีตานิ.
๓๒๘. ติวิธนฺติ เอตฺถ วิธา วุจฺจติ ปนา, ติฏฺปนนฺติ อตฺโถ. โสฬสปริกฺขารนฺติ โสฬสปริวารํ.
๓๓๐-๓๓๖. ปฏิวสนฺตีติ ยฺานุภวนตฺถาย ปฏิวสนฺติ. ภูตปุพฺพนฺติ อิทํ ภควา ปถวีคตํ นิธึ อุทฺธริตฺวา ปุรโต ราสึ กโรนฺโต วิย ภวปฏิจฺฉนฺนํ ปุพฺพจริตํ ทสฺเสนฺโต อาห. มหาวิชิโตติ โส กิร สาครปริยนฺตํ มหนฺตํ ปถวีมณฺฑลํ ¶ วิชินิ, อิติ มหนฺตํ วิชิตมสฺสาติ มหาวิชิโต ตฺเวว สงฺขฺยํ อคมาสิ. อฑฺโฒติอาทีสุ โย โกจิ อตฺตโน สนฺตเกน วิภเวน อฑฺโฒ โหติ, อยํ ปน น เกวลํ อฑฺโฒเยว, มหทฺธโน มหตา อปริมาณสงฺขฺเยน ธเนน สมนฺนาคโต. ปฺจกามคุณวเสน มหนฺตา อุฬารา โภคา อสฺสาติ มหาโภโค. ปิณฺฑปิณฺฑวเสน เจว สุวณฺณมาสกรชตมาสกาทิวเสน จ ชาตรูปรชตสฺส ปหูตตาย ปหูตชาตรูปรชโต, อเนกโกฏิสงฺขฺเยน ชาตรูปรชเตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. วิตฺตีติ ตุฏฺิ, วิตฺติยา อุปกรณํ วิตฺตูปกรณํ ตุฏฺิการณนฺติ อตฺโถ. ปหูตํ นานาวิธาลงฺการสุวณฺณรชตภาชนาทิเภทํ วิตฺตูปกรณมสฺสาติ ปหูตวิตฺตูปกรโณ. สตฺตรตนสงฺขาตสฺส ¶ นิทหิตฺวา ปิตธนสฺส สพฺพปุพฺพณฺณาปรณฺณสงฺคหิตสฺส ธฺสฺส จ ปหูตตาย ปหูตธนธฺโ ¶ . อถวา อิทมสฺส เทวสิกํ ปริพฺพยทานคฺคหณาทิวเสน ปริวตฺตนธนธฺวเสน วุตฺตํ.
ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโรติ โกโส วุจฺจติ ภณฺฑาคารํ, นิทหิตฺวา ปิเตน ธเนน ปริปุณฺณโกโส, ธฺเน ปริปุณฺณโกฏฺาคาโร จาติ อตฺโถ. อถวา จตุพฺพิโธ โกโส – หตฺถี, อสฺสา, รถา, ปตฺตีติ. โกฏฺาคารํ ติวิธํ – ธนโกฏฺาคารํ, วตฺถโกฏฺาคารํ, ธฺโกฏฺาคารนฺติ, ตํ สพฺพมฺปิ ปริปุณฺณมสฺสาติ ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคาโร. อุทปาทีติ อุปฺปชฺชิ. อยํ กิร ราชา เอกทิวสํ รตนาวโลกนจาริกํ นาม นิกฺขนฺโต. โส ภณฺฑาคาริกํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตาต, อิทํ เอวํ พหุธนํ เกน สงฺฆริต’’นฺติ? ตุมฺหากํ ปิตุปิตามหาทีหิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏาติ. อิทํ ปน ธนํ สงฺฆริตฺวา เต กุหึ คตาติ? สพฺเพว เต, เทว, มรณวสํ ปตฺตาติ. อตฺตโน ธนํ อคเหตฺวาว คตา, ตาตาติ? เทว, กึ วเทถ, ธนํ นาเมตํ ปหาย คมนียเมว, โน อาทาย คมนียนฺติ. อถ ราชา นิวตฺติตฺวา สิรีคพฺเภ นิสินฺโน – ‘อธิคตา โข เม’ติอาทีนิ จินฺเตสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาที’’ติ.
๓๓๗. พฺราหฺมณํ ¶ อามนฺเตตฺวาติ กสฺมา อามนฺเตสิ? อยํ กิเรวํ จินฺเตสิ – ‘‘ทานํ เทนฺเตน นาม เอเกน ปณฺฑิเตน สทฺธึ มนฺเตตฺวา ทาตุํ วฏฺฏติ, อนามนฺเตตฺวา กตกมฺมฺหิ ปจฺฉานุตาปํ กโรตี’’ติ. ตสฺมา อามนฺเตสิ. อถ พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา มหาทานํ ทาตุกาโม, ชนปเท จสฺส พหู โจรา, เต อวูปสเมตฺวา ทานํ เทนฺตสฺส ขีรทธิตณฺฑุลาทิเก ทานสมฺภาเร อาหรนฺตานํ นิปฺปุริสานิ เคหานิ โจรา วิลุมฺปิสฺสนฺติ ชนปโท โจรภเยเนว โกลาหโล ภวิสฺสติ, ตโต รฺโ ทานํ น จิรํ ปวตฺติสฺสติ, จิตฺตมฺปิสฺส เอกคฺคํ น ภวิสฺสติ, หนฺท, นํ เอตมตฺถํ สฺาเปมี’’ติ ตโต ตมตฺถํ สฺาเปนฺโต ‘‘โภโต, โข รฺโ’’ติอาทิมาห.
๓๓๘. ตตฺถ สกณฺฏโกติ โจรกณฺฏเกหิ สกณฺฏโก. ปนฺถทุหนาติ ปนฺถทุหา, ปนฺถฆาตกาติ อตฺโถ. อกิจฺจการี อสฺสาติ อกตฺตพฺพการี ¶ อธมฺมการี ภเวยฺย. ทสฺสุขีลนฺติ โจรขีลํ. วเธน วาติ มารเณน วา โกฏฺฏเนน วา. พนฺธเนนาติ อทฺทุพนฺธนาทินา. ชานิยาติ หานิยา; ‘‘สตํ คณฺหถ, สหสฺสํ คณฺหถา’’ติ เอวํ ปวตฺติตทณฺเฑนาติ อตฺโถ. ครหายาติ ปฺจสิขมุณฺฑกรณํ, โคมยสิฺจนํ, คีวาย กุทณฺฑกพนฺธนนฺติ ¶ เอวมาทีนิ กตฺวา ครหปาปเนน. ปพฺพาชนายาติ รฏฺโต นีหรเณน. สมูหนิสฺสามีติ สมฺมา เหตุนา นเยน การเณน อูหนิสฺสามิ. หตาวเสสกาติ มตาวเสสกา. อุสฺสหนฺตีติ อุสฺสาหํ กโรนฺติ. อนุปฺปเทตูติ ทินฺเน อปฺปโหนฺเต ปุน อฺมฺปิ พีชฺจ ภตฺตฺจ กสิอุปกรณภณฺฑฺจ สพฺพํ เทตูติ อตฺโถ. ปาภตํ อนุปฺปเทตูติ สกฺขึ อกตฺวา ปณฺเณ อนาโรเปตฺวา มูลจฺเฉชฺชวเสน ภณฺฑมูลํ เทตูติ อตฺโถ. ภณฺฑมูลสฺส หิ ปาภตนฺติ นามํ. ยถาห –
‘‘อปฺปเกนปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;
สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๔);
ภตฺตเวตนนฺติ เทวสิกํ ภตฺตฺเจว มาสิกาทิปริพฺพยฺจ ¶ ตสฺส ตสฺส กุสลกมฺมสูรภาวานุรูเปน านนฺตรคามนิคมาทิทาเนน สทฺธึ เทตูติ อตฺโถ. สกมฺมปสุตาติ กสิวาณิชฺชาทีสุ สเกสุ กมฺเมสุ อุยฺยุตฺตา พฺยาวฏา. ราสิโกติ ธนธฺานํ ราสิโก. เขมฏฺิตาติ เขเมน ิตา อภยา. อกณฺฏกาติ โจรกณฺฏกรหิตา. มุทา โมทมานาติ โมทา โมทมานา. อยเมว วา ปาโ, อฺมฺํ ปมุทิตจิตฺตาติ อธิปฺปาโย. อปารุตฆราติ โจรานํ อภาเวน ทฺวารานิ อสํวริตฺวา วิวฏทฺวาราติ อตฺโถ. เอตทโวจาติ ชนปทสฺส สพฺพากาเรน อิทฺธผีตภาวํ ตฺวา เอตํ อโวจ.
จตุปริกฺขารวณฺณนา
๓๓๙. เตน หิ ภวํ ราชาติ พฺราหฺมโณ กิร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา มหาทานํ ทาตุํ อติวิย อุสฺสาหชาโต. สเจ ปน อตฺตโน อนุยนฺตา ขตฺติยาทโย อนามนฺเตตฺวา ทสฺสติ. นาสฺส เต อตฺตมนา ภวิสฺสนฺติ; ยถา ทานํ เต อตฺตมนา โหนฺติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ. ตสฺมา ‘‘เตน หิ ภว’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เนคมาติ นิคมวาสิโน. ชานปทาติ ชนปทวาสิโน ¶ . อามนฺตยตนฺติ อามนฺเตตุ ชานาเปตุ. ยํ มม อสฺสาติ ยํ ตุมฺหากํ อนุชานนํ มม ภเวยฺย. อมจฺจาติ ปิยสหายกา. ปาริสชฺชาติ เสสา อาณตฺติการกา. ยชตํ ภวํ ราชาติ ยชตุ ภวํ, เต กิร – อยํ ราชา ‘‘อหํ อิสฺสโร’’ติ ปสยฺห ทานํ อทตฺวา อมฺเห อามนฺเตสิ, อโหเนน สุฏฺุ กต’’นฺติ อตฺตมนา เอวมาหํสุ. อนามนฺติเต ปนสฺส ยฺฏฺานํ ทสฺสนายปิ น คจฺเฉยฺยุํ. ยฺกาโล มหาราชาติ เทยฺยธมฺมสฺมิฺหิ อสติ มหลฺลกกาเล จ เอวรูปํ ทานํ ทาตุํ น สกฺกา, ตฺวํ ปน มหาธโน เจว ตรุโณ จ, เอเตน เต ¶ ยฺกาโลติ ทสฺเสนฺตา วทนฺติ. อนุมติปกฺขาติ อนุมติยา ปกฺขา, อนุมติทายกาติ อตฺโถ. ปริกฺขารา ภวนฺตีติ ปริวารา ภวนฺติ. ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร, ฌานกฺโข จกฺกวีริโย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔) เอตฺถ ปน อลงฺกาโร ปริกฺขาโรติ วุตฺโต.
อฏฺปริกฺขารวณฺณนา
๓๔๐. อฏฺหงฺเคหีติ ¶ อุภโต สุชาตาทีหิ อฏฺหิ องฺเคหิ. ยสสาติ อาณาปนสมตฺถตาย. สทฺโธติ ทานสฺส ผลํ อตฺถีติ สทฺทหติ. ทายโกติ ทานสูโร. น สทฺธามตฺตเกเนว ติฏฺติ, ปริจฺจชิตุมฺปิ สกฺโกตีติ อตฺโถ. ทานปตีติ ยํ ทานํ เทติ, ตสฺส ปติ หุตฺวา เทติ, น ทาโส, น สหาโย. โย หิ อตฺตนา มธุรํ ภฺุชติ, ปเรสํ อมธุรํ เทติ, โส ทานสงฺขาตสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ทาโส หุตฺวา เทติ. โย ยํ อตฺตนา ภฺุชติ, ตเทว เทติ, โส สหาโย หุตฺวา เทติ. โย ปน อตฺตนา เยน เกนจิ ยาเปติ, ปเรสํ มธุรํ เทติ, โส ปติ เชฏฺโก สามี หุตฺวา เทติ, อยํ ตาทิโสติ อตฺโถ. สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานนฺติ เอตฺถ สมิตปาปา สมณา, พาหิตปาปา พฺราหฺมณา. กปณาติ ทุคฺคตา ทลิทฺทมนุสฺสา. อทฺธิกาติ ปถาวิโน. วณิพฺพกาติ เย – ‘‘อิฏฺํ ทินฺนํ, กนฺตํ, มนาปํ, กาเลน อนวชฺชํ ทินฺนํ, ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺย, คจฺฉตุ ภวํ พฺรหฺมโลก’’นฺติอาทินา นเยน ทานสฺส วณฺณํ โถมยมานา วิจรนฺติ. ยาจกาติ เย – ‘‘ปสตมตฺตํ เทถ, สราวมตฺตํ เทถา’’ติอาทีนิ วตฺวา ยาจมานา วิจรนฺติ. โอปานภูโตติ อุทปานภูโต. สพฺเพสํ สาธารณปริโภโค, จตุมหาปเถ ขตโปกฺขรณี ¶ วิย หุตฺวาติ อตฺโถ. สุตชาตสฺสาติ เอตฺถ สุตเมว สุตชาตํ. อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน อตฺเถ จินฺเตตุนฺติ เอตฺถ – ‘‘อตีเต ปฺุสฺส กตตฺตาเยว เม อยํ สมฺปตฺตี’’ติ, เอวํ จินฺเตนฺโต อตีตมตฺถํ จินฺเตตุํ ปฏิพโล นาม โหติ. ‘‘อิทานิ ปฺุํ กตฺวาว อนาคเต สกฺกา สมฺปตฺตึ ปาปุณิตุ’’นฺติ จินฺเตนฺโต อนาคตมตฺถํ จินฺเตตุํ ปฏิพโล นาม โหติ. ‘‘อิทํ ปฺุกมฺมํ นาม สปฺปุริสานํ อาจิณฺณํ, มยฺหฺจ โภคาปิ สํวิชฺชนฺติ, ทายกจิตฺตมฺปิ อตฺถิ; หนฺทาหํ ปฺุานิ กโรมี’’ติ ¶ จินฺเตนฺโต ปจฺจุปฺปนฺนมตฺถํ จินฺเตตุํ ปฏิพโล นาม โหตีติ เวทิตพฺโพ. อิติ อิมานีติ เอวํ ยถา วุตฺตานิ เอตานิ. เอเตหิ กิร อฏฺหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ทานํ สพฺพทิสาหิ มหาชโน อุปสงฺกมติ. ‘‘อยํ ทุชฺชาโต กิตฺตกํ กาลํ ทสฺสติ, อิทานิ วิปฺปฏิสารี หุตฺวา อุปจฺฉินฺทิสฺสตี’’ติ เอวมาทีนิ จินฺเตตฺวา น โกจิ อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺติ. ตสฺมา เอตานิ อฏฺงฺคานิ ปริกฺขารา ภวนฺตีติ วุตฺตานิ.
จตุปริกฺขาราทิวณฺณนา
๓๔๑. สุชํ ¶ ปคฺคณฺหนฺตานนฺติ มหายาคปฏิคฺคณฺหนฏฺาเน ทานกฏจฺฉุํ ปคฺคณฺหนฺตานํ. อิเมหิ จตูหีติ เอเตหิ สุชาตาทีหิ. เอเตสุ หิ อสติ – ‘‘เอวํ ทุชฺชาตสฺส สํวิธาเนน ปวตฺตทานํ กิตฺตกํ กาลํ ปวตฺติสฺสตี’’ติอาทีนิ วตฺวา อุปสงฺกมิตาโร น โหนฺติ. ครหิตพฺพาภาวโต ปน อุปสงฺกมนฺติเยว. ตสฺมา อิมานิปิ ปริกฺขารา ภวนฺตีติ วุตฺตานิ.
๓๔๒. ติสฺโส วิธา เทเสสีติ ตีณิ ปนานิ เทเสสิ. โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘ทานํ ททมานา นาม ติณฺณํ านานํ อฺตรสฺมึ จลนฺติ หนฺทาหํ อิมํ ราชานํ เตสุ าเนสุ ปมตรฺเว นิจฺจลํ กโรมี’’ติ. เตนสฺส ติสฺโส วิธา เทเสสีติ. โส โภโต รฺโติ อิทํ กรณตฺเถ สามิวจนํ. โภตา รฺาติ วา ปาโ. วิปฺปฏิสาโร น กรณีโยติ ‘‘โภคานํ วิคมเหตุโก ปจฺฉานุตาโป น กตฺตพฺโพ, ปุพฺพเจตนา ปน อจลา ปติฏฺเปตพฺพา, เอวฺหิ ทานํ มหปฺผลํ โหตี’’ติ ทสฺเสติ. อิตเรสุปิ ทฺวีสุ าเนสุ เอเสว นโย. มฺุจเจตนาปิ หิ ปจฺฉาสมนุสฺสรณเจตนา ¶ จ นิจฺจลาว กาตพฺพา. ตถา อกโรนฺตสฺส ทานํ น มหปฺผลํ โหติ, นาปิ อุฬาเรสุ โภเคสุ จิตฺตํ นมติ, มหาโรรุวํ อุปปนฺนสฺส เสฏฺิคหปติโน วิย.
๓๔๓. ทสหากาเรหีติ ทสหิ การเณหิ. ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ – สจายํ ราชา ทุสฺสีเล ทิสฺวา – ‘‘นสฺสติ วต เม ทานํ, ยสฺส เม เอวรูปา ทุสฺสีลา ภฺุชนฺตี’’ติ สีลวนฺเตสุปิ วิปฺปฏิสารํ อุปฺปาเทสฺสติ, ทานํ น มหปฺผลํ ภวิสฺสติ. วิปฺปฏิสาโร จ นาม ทายกานํ ปฏิคฺคาหกโตว อุปฺปชฺชติ ¶ , หนฺทสฺส ปมเมว ตํ วิปฺปฏิสารํ วิโนเทมีติ. ตสฺมา ทสหากาเรหิ อุปจฺฉิชฺชิตุํ ยุตฺตํ ปฏิคฺคาหเกสุปิ วิปฺปฏิสารํ วิโนเทสีติ. เตสฺเว เตนาติ เตสฺเว เตน ปาเปน อนิฏฺโ วิปาโก ภวิสฺสติ, น อฺเสนฺติ ทสฺเสติ. ยชตํ ภวนฺติ เทตุ ภวํ. สชฺชตนฺติ วิสฺสชฺชตุ. อนฺตรนฺติ อพฺภนฺตรํ.
๓๔๔. โสฬสหิ อากาเรหิ จิตฺตํ สนฺทสฺเสสีติ อิธ พฺราหฺมโณ รฺโ มหาทานานุโมทนํ นาม อารทฺโธ. ตตฺถ สนฺทสฺเสสีติ – ‘อิทํ ทานํ ทาตา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลภตี’ติ ทสฺเสตฺวา ทสฺเสตฺวา กเถสิ. สมาทเปสีติ ตทตฺถํ สมาทเปตฺวา กเถสิ. สมุตฺเตเชสีติ วิปฺปฏิสารวิโนทเนนสฺส จิตฺตํ โวทาเปสิ. สมฺปหํเสสีติ ‘สุนฺทรํ เต กตํ, มหาราช, ทานํ ททมาเนนา’ติ ถุตึ กตฺวา กเถสิ. วตฺตา ธมฺมโต นตฺถีติ ธมฺเมน สเมน การเณน วตฺตา นตฺถิ.
๓๔๕. น ¶ รุกฺขา ฉิชฺชึสุ ยูปตฺถาย น ทพฺภา ลูยึสุ พริหิสตฺถายาติ เย ยูปนามเก มหาถมฺเภ อุสฺสาเปตฺวา – ‘‘อสุกราชา อสุกามจฺโจ อสุกพฺราหฺมโณ เอวรูปํ นาม มหายาคํ ยชตี’’ติ นามํ ลิขิตฺวา เปนฺติ. ยานิ จ ทพฺภติณานิ ลายิตฺวา วนมาลาสงฺเขเปน ยฺสาลํ ปริกฺขิปนฺติ, ภูมิยํ วา ปตฺถรนฺติ, เตปิ น รุกฺขา ฉิชฺชึสุ, น ทพฺภา ลูยึสุ. กึ ปน คาโว วา อชาทโย วา หฺิสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ. ทาสาติ อนฺโตเคหทาสาทโย. เปสฺสาติ เย ปุพฺพเมว ธนํ คเหตฺวา กมฺมํ กโรนฺติ. กมฺมกราติ เย ภตฺตเวตนํ คเหตฺวา กโรนฺติ. ทณฺฑตชฺชิตา ¶ นาม ทณฺฑยฏฺิมุคฺคราทีนิ คเหตฺวา – ‘‘กมฺมํ กโรถ กโรถา’’ติ เอวํ ¶ ตชฺชิตา. ภยตชฺชิตา นาม – สเจ กมฺมํ กโรสิ, กุสลํ. โน เจ กโรสิ, ฉินฺทิสฺสาม วา พนฺธิสฺสาม วา มาเรสฺสาม วาติ เอวํ ภเยน ตชฺชิตา. เอเต ปน น ทณฺฑตชฺชิตา, น ภยตชฺชิตา, น อสฺสุมุขา โรทมานา ปริกมฺมานิ อกํสุ. อถ โข ปิยสมุทาจาเรเนว สมุทาจริยมานา อกํสุ. น หิ ตตฺถ ทาสํ วา ทาสาติ, เปสฺสํ วา เปสฺสาติ, กมฺมกรํ วา กมฺมกราติ อาลปนฺติ. ยถานามวเสเนว ปน ปิยสมุทาจาเรน อาลปิตฺวา อิตฺถิปุริสพลวนฺตทุพฺพลานํ อนุรูปเมว กมฺมํ ทสฺเสตฺวา – ‘‘อิทฺจิทฺจ กโรถา’’ติ วทนฺติ. เตปิ อตฺตโน รุจิวเสเนว กโรนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เย อิจฺฉึสุ, เต อกํสุ; เย น อิจฺฉึสุ, น เต อกํสุ. ยํ อิจฺฉึสุ, ตํ อกํสุ; ยํ น อิจฺฉึสุ, น ตํ อกํสู’’ติ. สปฺปิเตลนวนีตทธิมธุผาณิเตน เจว โส ยฺโ นิฏฺานมคมาสีติ ราชา กิร พหินครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ อนฺโตนครสฺส จ มชฺเฌติ ปฺจสุ าเนสุ มหาทานสาลาโย การาเปตฺวา เอเกกิสฺสาย สาลาย สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ กตฺวา ทิวเส ทิวเส ปฺจสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา สูริยุคฺคมนโต ปฏฺาย ตสฺส ตสฺส กาลสฺส อนุรูเปหิ สหตฺเถน สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา ปณีเตหิ สปฺปิเตลาทิสมฺมิสฺเสเหว ยาคุขชฺชกภตฺตพฺยฺชนปานกาทีหิ มหาชนํ สนฺตปฺเปสิ. ภาชนานิ ปูเรตฺวา คณฺหิตุกามานํ ตเถว ทาเปสิ. สายณฺหสมเย ปน วตฺถคนฺธมาลาทีหิ สมฺปูเชสิ. สปฺปิอาทีนํ ปน มหาจาฏิโย ปูราเปตฺวา – ‘‘โย ยํ ปริภฺุชิตุกาโม, โส ตํ ปริภฺุชตู’’ติ อเนกสเตสุ าเนสุ ปาเปสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สปฺปิเตลนวนีตทธิมธุผาณิเตน เจว โส ยฺโ นิฏฺานมคมาสี’’ติ.
๓๔๖. ปหูตํ สาปเตยฺยํ อาทายาติ พหุํ ธนํ คเหตฺวา. เต กิร จินฺเตสุํ – ‘‘อยํ ราชา สปฺปิเตลาทีนิ ชนปทโต อนาหราเปตฺวา อตฺตโน สนฺตกเมว นีหริตฺวา มหาทานํ เทติ. อมฺเหหิ ปน ‘ราชา น กิฺจิ อาหราเปตี’ติ น ยุตฺตํ ตุณฺหี ภวิตุํ. น หิ รฺโ ฆเร ธนํ อกฺขยธมฺมเมว, อมฺเหสุ จ อเทนฺเตสุ โก อฺโ รฺโ ทสฺสติ, หนฺทสฺส ธนํ อุปสํหรามา’’ติ ¶ เต คามภาเคน จ นิคมภาเคน ¶ จ นครภาเคน จ สาปเตยฺยํ สํหริตฺวา สกฏานิ ปูเรตฺวา รฺโ อุปหรึสุ. ตํ สนฺธาย – ‘‘ปหูตํ สาปเตยฺย’’นฺติอาทิมาห.
๓๔๗. ปุรตฺถิเมน ¶ ยฺวาฏสฺสาติ ปุรตฺถิมโต นครทฺวาเร ทานสาลาย ปุรตฺถิมภาเค. ยถา ปุรตฺถิมทิสโต อาคจฺฉนฺตา ขตฺติยานํ ทานสาลาย ยาคุํ ปิวิตฺวา รฺโ ทานสาลาย ภฺุชิตฺวา นครํ ปวิสนฺติ. เอวรูเป าเน ปฏฺเปสุํ. ทกฺขิเณน ยฺวาฏสฺสาติ ทกฺขิณโต นครทฺวาเร ทานสาลาย วุตฺตนเยเนว ทกฺขิณภาเค ปฏฺเปสุํ. ปจฺฉิมุตฺตเรสุปิ เอเสว นโย.
๓๔๘. อโห ยฺโ, อโห ยฺสมฺปทาติ พฺราหฺมณา สปฺปิอาทีหิ นิฏฺานคมนํ สุตฺวา – ‘‘ยํ โลเก มธุรํ, ตเทว สมโณ โคตโม กเถติ, หนฺทสฺส ยฺํ ปสํสามา’’ติ ตุฏฺจิตฺตา ปสํสมานา เอวมาหํสุ. ตุณฺหีภูโตว นิสินฺโน โหตีติ อุปริ วตฺตพฺพมตฺถํ จินฺตยมาโน นิสฺสทฺโทว นิสินฺโน โหติ. อภิชานาติ ปน ภวํ โคตโมติ อิทํ พฺราหฺมโณ ปริหาเรน ปุจฺฉนฺโต อาห. อิตรถา หิ – ‘‘กึ ปน ตฺวํ, โภ โคตม, ตทา ราชา อโหสิ, อุทาหุ ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ’’ติ เอวํ อุชุกเมว ปุจฺฉยมาโน อคารโว วิย โหติ.
นิจฺจทานอนุกุลยฺวณฺณนา
๓๔๙. อตฺถิ ปน, โภ โคตมาติ – อิทํ พฺราหฺมโณ ‘‘สกลชมฺพุทีปวาสีนํ อุฏฺาย สมุฏฺาย ทานํ นาม ทาตุํ ครุกํ สกลชนปโท จ อตฺตโน กมฺมานิ อกโรนฺโต นสฺสิสฺสติ, อตฺถิ นุ โข อมฺหากมฺปิ อิมมฺหา ยฺา อฺโ ยฺโ อปฺปสมารมฺภตโร เจว มหปฺผลตโร จา’’ติ เอตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต อาห. นิจฺจทานานีติ ธุวทานานิ นิจฺจภตฺตานิ. อนุกุลยฺานีติ – ‘‘อมฺหากํ ปิตุปิตามหาทีหิ ปวตฺติตานี’’ติ กตฺวา ปจฺฉา ทุคฺคตปุริเสหิปิ วํสปรมฺปราย ปวตฺเตตพฺพานิ ยาคานิ, เอวรูปานิ กิร สีลวนฺเต อุทฺทิสฺส นิพทฺธทานานิ ตสฺมึ กุเล ทลิทฺทาปิ น อุปจฺฉินฺทนฺติ.
ตตฺริทํ ¶ วตฺถุ – อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร ฆเร ปฺจ นิจฺจภตฺตสตานิ ทียึสุ. ทนฺตมยสลากานิ ปฺจสตานิ อเหสุํ. อถ ตํ กุลํ อนุกฺกเมน ทาลิทฺทิเยน อภิภูตํ, เอกา ตสฺมึ กุเล ทาริกา เอกสลากโต อุทฺธํ ทาตุํ นาสกฺขิ. สาปิ ปจฺฉา เสตวาหนรชฺชํ คนฺตฺวา ขลํ โสเธตฺวา ลทฺธธฺเน ตํ สลากํ อทาสิ. เอโก เถโร รฺโ ¶ อาโรเจสิ. ราชา ตํ ¶ อาเนตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สา ตโต ปฏฺาย ปุน ปฺจปิ สลากภตฺตสตานิ ปวตฺเตสิ.
ทณฺฑปฺปหาราติ – ‘‘ปฏิปาฏิยา ติฏฺถ ติฏฺถา’’ติ อุชุํ คนฺตฺวา คณฺหถ คณฺหถาติ จ อาทีนิ วตฺวา ทียมานา ทณฺฑปฺปหาราปิ คลคฺคาหาปิ ทิสฺสนฺติ. อยํ โข, พฺราหฺมณ, เหตุ…เป… มหานิสํสตรฺจาติ. เอตฺถ ยสฺมา มหายฺเ วิย อิมสฺมึ สลากภตฺเต น พหูหิ เวยฺยาวจฺจกเรหิ วา อุปกรเณหิ วา อตฺโถ อตฺถิ, ตสฺมา เอตํ อปฺปฏฺตรํ. ยสฺมา เจตฺถ น พหูนํ กมฺมจฺเฉทวเสน ปีฬาสงฺขาโต สมารมฺโภ อตฺถิ, ตสฺมา อปฺปสมารมฺภตรํ. ยสฺมา เจตํ สงฺฆสฺส ยิฏฺํ ปริจฺจตฺตํ, ตสฺมา ยฺนฺติ วุตฺตํ, ยสฺมา ปน ฉฬงฺคสมนฺนาคตาย ทกฺขิณาย มหาสมุทฺเท อุทกสฺเสว น สุกรํ ปฺุาภิสนฺทสฺส ปมาณํ กาตุํ, อิทฺจ ตถาวิธํ. ตสฺมา ตํ มหปฺผลตรฺจ มหานิสํสตรฺจาติ เวทิตพฺพํ. อิทํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – อิทมฺปิ นิจฺจภตฺตํ อุฏฺาย สมุฏฺาย ททโต ทิวเส ทิวเส เอกสฺส กมฺมํ นสฺสติ. นวนโว อุสฺสาโห จ ชเนตพฺโพ โหติ, อตฺถิ นุ โข อิโตปิ อฺโ ยฺโ อปฺปฏฺตโร จ อปฺปสมารมฺภตโร จาติ. ตสฺมา ‘‘อตฺถิ ปน, โภ โคตมา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา สลากภตฺเต กิจฺจปริโยสานํ นตฺถิ, เอเกน อุฏฺาย สมุฏฺาย อฺํ กมฺมํ อกตฺวา สํวิธาตพฺพเมว. วิหารทาเน ปน กิจฺจปริโยสานํ อตฺถิ. ปณฺณสาลํ วา หิ กาเรตุํ โกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาวิหารํ วา, เอกวารํ ธนปริจฺจาคํ กตฺวา การิตํ สตฺตฏฺวสฺสานิปิ วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ คจฺฉติเยว. เกวลํ ชิณฺณปติตฏฺาเน ปฏิสงฺขรณมตฺตเมว กาตพฺพํ ¶ โหติ. ตสฺมา อิทํ วิหารทานํ สลากภตฺตโต อปฺปฏฺตรํ อปฺปสมารมฺภตรฺจ โหติ. ยสฺมา ปเนตฺถ สุตฺตนฺตปริยาเยน ยาวเทว สีตสฺส ปฏิฆาตายาติ อาทโย นวานิสํสา วุตฺตา, ขนฺธกปริยาเยน.
‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;
สิรึสเป จ มกเส จ, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.
ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;
เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุํ.
วิหารทานํ ¶ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;
ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน;
วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต.
ตสฺมา อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;
ทเทย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. (จูฬว. ๒๙๕);
สตฺตรสานิสํสา วุตฺตา. ตสฺมา เอตํ สลากภตฺตโต มหปฺผลตรฺจ มหานิสํสตรฺจาติ เวทิตพฺพํ. สงฺฆสฺส ปน ปริจฺจตฺตตฺตาว ยฺโติ วุจฺจติ. อิทมฺปิ สุตฺวา พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘ธนปริจฺจาคํ กตฺวา วิหารทานํ ¶ นาม ทุกฺกรํ, อตฺตโน สนฺตกา หิ กากณิกาปิ ปรสฺส ทุปฺปริจฺจชา, หนฺทาหํ อิโตปิ อปฺปฏฺตรฺจ อปฺปสมารมฺภตรฺจ ยฺํ ปุจฺฉามี’’ติ. ตโต ตํ ปุจฺฉนฺโต – ‘‘อตฺถิ ปน โภ’’ติอาทิมาห.
๓๕๐-๓๕๑. ตตฺถ ยสฺมา สกึ ปริจฺจตฺเตปิ วิหาเร ปุนปฺปุนํ ฉาทนขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณาทิวเสน กิจฺจํ อตฺถิเยว, สรณํ ปน เอกภิกฺขุสฺส วา สนฺติเก สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา สกึ คหิตํ คหิตเมว โหติ, นตฺถิ ตสฺส ปุนปฺปุนํ กตฺตพฺพตา, ตสฺมา ตํ วิหารทานโต อปฺปฏฺตรฺจ อปฺปสมารมฺภตรฺจ โหติ. ยสฺมา จ สรณคมนํ นาม ติณฺณํ รตนานํ ชีวิตปริจฺจาคมยํ ปฺุกมฺมํ สคฺคสมฺปตฺตึ เทติ, ตสฺมา มหปฺผลตรฺจ มหานิสํสตรฺจาติ เวทิตพฺพํ. ติณฺณํ ปน รตนานํ ชีวิตปริจฺจาควเสน ยฺโติ วุจฺจติ.
๓๕๒. อิทํ ¶ สุตฺวา พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อตฺตโน ชีวิตํ นาม ปรสฺส ปริจฺจชิตุํ ทุกฺกรํ, อตฺถิ นุ โข อิโตปิ อปฺปฏฺตโร ยฺโ’’ติ ตโต ตํ ปุจฺฉนฺโต ปุน ‘‘อตฺถิ ปน, โภ โคตมา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปาณาติปาตา เวรมณีติอาทีสุ เวรมณี นาม วิรติ. สา ติวิธา โหติ – สมฺปตฺตวิรติ, สมาทานวิรติ เสตุฆาตวิรตีติ. ตตฺถ โย สิกฺขาปทานิ อคเหตฺวาปิ เกวลํ อตฺตโน ชาติโคตฺตกุลาปเทสาทีนิ อนุสฺสริตฺวา – ‘‘น เม อิทํ ปติรูป’’นฺติ ¶ ปาณาติปาตาทีนิ น กโรติ, สมฺปตฺตวตฺถุํ ปริหรติ. ตโต อารกา วิรมติ. ตสฺส สา วิรติ สมฺปตฺตวิรตีติ เวทิตพฺพา.
‘‘อชฺชตคฺเค ชีวิตเหตุปิ ปาณํ น หนามี’’ติ วา ‘‘ปาณาติปาตา วิรมามี’’ติ วา ‘‘เวรมณึ สมาทิยามี’’ติ วา เอวํ สิกฺขาปทานิ คณฺหนฺตสฺส ปน วิรติ สมาทานวิรตีติ เวทิตพฺพา.
อริยสาวกานํ ปน มคฺคสมฺปยุตฺตา วิรติ เสตุฆาตวิรติ นาม. ตตฺถ ปุริมา ทฺเว วิรติโย ยํ โวโรปนาทิวเสน วีติกฺกมิตพฺพํ ชีวิตินฺทฺริยาทิวตฺถุ, ตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนฺติ. ปจฺฉิมา นิพฺพานารมฺมณาว. เอตฺถ จ โย ปฺจ สิกฺขาปทานิ เอกโต คณฺหติ, ตสฺส เอกสฺมึ ภินฺเน สพฺพานิ ภินฺนานิ โหนฺติ. โย เอเกกํ คณฺหติ, โส ยํ วีติกฺกมติ, ตเทว ¶ ภิชฺชติ. เสตุฆาตวิรติยา ปน เภโท นาม นตฺถิ, ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก ชีวิตเหตุปิ เนว ปาณํ หนติ น สุรํ ปิวติ. สเจปิสฺส สุรฺจ ขีรฺจ มิสฺเสตฺวา มุเข ปกฺขิปนฺติ, ขีรเมว ปวิสติ, น สุรา. ยถา กึ? โกฺจสกุณานํ ขีรมิสฺสเก อุทเก ขีรเมว ปวิสติ? น อุทกํ. อิทํ โยนิสิทฺธนฺติ เจ, อิทํ ธมฺมตาสิทฺธนฺติ จ เวทิตพฺพํ. ยสฺมา ปน สรณคมเน ทิฏฺิอุชุกกรณํ นาม ภาริยํ. สิกฺขาปทสมาทาเน ปน วิรติมตฺตกเมว. ตสฺมา เอตํ ยถา วา ตถา วา คณฺหนฺตสฺสาปิ สาธุกํ คณฺหนฺตสฺสาปิ อปฺปฏฺตรฺจ อปฺปสมารมฺภตรฺจ. ปฺจสีลสทิสสฺส ปน ทานสฺส อภาวโต เอตฺถ มหปฺผลตา มหานิสํสตา จ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปฺจิมานิ ¶ , ภิกฺขเว, ทานานิ มหาทานานิ อคฺคฺานิ รตฺตฺานิ วํสฺานิ โปราณานิ อสํกิณฺณานิ อสํกิณฺณปุพฺพานิ น สงฺกิยนฺติ น สงฺกิยิสฺสนฺติ อปฺปฏิกุฏฺานิ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ. ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อปริมาณานํ สตฺตานํ อภยํ เทติ, อเวรํ เทติ อพฺยาปชฺฌํ เทติ. อปริมาณานํ สตฺตานํ อภยํ ทตฺวา อเวรํ ทตฺวา อพฺยาปชฺฌํ ทตฺวา อปริมาณสฺส อภยสฺส อเวรสฺส อพฺยาปชฺฌสฺส ภาคี โหติ. อิทํ, ภิกฺขเว, ปมํ ทานํ มหาทานํ…เป… วิฺูหีติ.
ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อทินฺนาทานํ ปหาย…เป… กาเมสุมิจฺฉาจารํ ¶ ปหาย…เป… มุสาวาทํ ปหาย…เป… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ ปหาย…เป… อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ปฺจ ทานานิ มหาทานานิ อคฺคฺานิ…เป… วิฺูหี’’ติ (อ. นิ. ๘.๓๙).
อิทฺจ ปน สีลปฺจกํ – ‘‘อตฺตสิเนหฺจ ชีวิตสิเนหฺจ ปริจฺจชิตฺวา รกฺขิสฺสามี’’ติ สมาทินฺนตาย ยฺโติ วุจฺจติ. ตตฺถ กิฺจาปิ ปฺจสีลโต สรณคมนเมว เชฏฺกํ, อิทํ ปน สรณคมเนเยว ปติฏฺาย รกฺขิตสีลวเสน มหปฺผลนฺติ วุตฺตํ.
๓๕๓. อิทมฺปิ ¶ สุตฺวา พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘ปฺจสีลํ นาม รกฺขิตุํ ครุกํ, อตฺถิ นุ โข อฺํ กิฺจิ อีทิสเมว หุตฺวา อิโต อปฺปฏฺตรฺจ มหปฺผลตรฺจา’’ติ. ตโต ตํ ปุจฺฉนฺโต ปุนปิ – ‘‘อตฺถิ ปน, โภ โคตมา’’ติอาทิมาห. อถสฺส ภควา ติวิธสีลปาริปูริยํ ิตสฺส ปมชฺฌานาทีนํ ยฺานํ อปฺปฏฺตรฺจ มหปฺผลตรฺจ ทสฺเสตุกาโม พุทฺธุปฺปาทโต ปฏฺาย เทสนํ อารภนฺโต ‘‘อิธ พฺราหฺมณา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา เหฏฺา วุตฺเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต ปมํ ฌานํ, ปมชฺฌานาทีสุ ิโต ทุติยชฺฌานาทีนิ นิพฺพตฺเตนฺโต น กิลมติ, ตสฺมา ตานิ อปฺปฏฺานิ อปฺปสมารมฺภานิ. ยสฺมา ปเนตฺถ ปมชฺฌานํ เอกํ กปฺปํ พฺรหฺมโลเก อายุํ เทติ. ทุติยํ อฏฺกปฺเป. ตติยํ จตุสฏฺิกปฺเป. จตุตฺถํ ปฺจกปฺปสตานิ. ตเทว อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติวเสน ¶ ภาวิตํ วีสติ, จตฺตาลีสํ, สฏฺิ, จตุราสีติ จ กปฺปสหสฺสานิ อายุํ เทติ; ตสฺมา มหปฺผลตรฺจ มหานิสํสตรฺจ. นีวรณาทีนํ ปน ปจฺจนีกานํ ธมฺมานํ ปริจฺจตฺตตฺตา ตํ ยฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิปสฺสนาาณมฺปิ ยสฺมา จตุตฺถชฺฌานปริโยสาเนสุ คุเณสุ ปติฏฺาย นิพฺพตฺเตนฺโต น กิลมติ, ตสฺมา อปฺปฏฺํ อปฺปสมารมฺภํ; วิปสฺสนาสุขสทิสสฺส ปน สุขสฺส อภาวา มหปฺผลํ. ปจฺจนีกกิเลสปริจฺจาคโต ยฺโติ. มโนมยิทฺธิปิ ยสฺมา วิปสฺสนาาเณ ปติฏฺาย นิพฺพตฺเตนฺโต น กิลมติ, ตสฺมา อปฺปฏฺา อปฺปสมารมฺภา; อตฺตโน สทิสรูปนิมฺมานสมตฺถตาย มหปฺผลา. อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลสปริจฺจาคโต ยฺโ. อิทฺธิวิธาณาทีนิปิ ยสฺมา มโนมยาณาทีสุ ปติฏฺาย นิพฺพตฺเตนฺโต น กิลมติ, ตสฺมา อปฺปฏฺานิ อปฺปสมารมฺภานิ, อตฺตโน อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลสปฺปหานโต ยฺโ. อิทฺธิวิธํ ปเนตฺถ นานาวิธวิกุพฺพนทสฺสนสมตฺถตาย. ทิพฺพโสตํ เทวมนุสฺสานํ สทฺทสวนสมตฺถตาย; เจโตปริยาณํ ¶ ปเรสํ โสฬสวิธจิตฺตชานนสมตฺถตาย; ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานสมนุสฺสรณสมตฺถตาย; ทิพฺพจกฺขุ อิจฺฉิติจฺฉิตรูปทสฺสนสมตฺถตาย; อาสวกฺขยาณํ อติปณีตโลกุตฺตรมคฺคสุขนิปฺผาทนสมตฺถตาย มหปฺผลนฺติ เวทิตพฺพํ. ยสฺมา ปน อรหตฺตโต วิสิฏฺตโร อฺโ ยฺโ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ สมาเปนฺโต – ‘‘อยมฺปิ โข, พฺราหฺมณา’’ติอาทิมาห.
กูฏทนฺตอุปาสกตฺตปฏิเวทนาวณฺณนา
๓๕๔-๓๕๘. เอวํ ¶ วุตฺเตติ เอวํ ภควตา วุตฺเต เทสนาย ปสีทิตฺวา สรณํ คนฺตุกาโม กูฏทนฺโต พฺราหฺมโณ – ‘เอตํ อภิกฺกนฺตํ โภ, โคตมา’ติอาทิกํ วจนํ อโวจ. อุปวายตูติ อุปคนฺตฺวา สรีรทรถํ นิพฺพาเปนฺโต ตนุสีตโล วาโต วายตูติ. อิทฺจ ปน วตฺวา พฺราหฺมโณ ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, ตาต, ยฺวาฏํ ปวิสิตฺวา สพฺเพ เต ปาณโย พนฺธนา โมเจหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตถา กตฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘มุตฺตา โภ, เต ปาณโย’’ติ อาโรเจสิ. ยาว ¶ พฺราหฺมโณ ตํ ปวตฺตึ น สุณิ, น ตาว ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. กสฺมา? ‘‘พฺราหฺมณสฺส จิตฺเต อากุลภาโว อตฺถี’’ติ. สุตฺวา ปนสฺส ‘‘พหู วต เม ปาณา โมจิตา’’ติ จิตฺตจาโร วิปฺปสีทติ. ภควา ตสฺส วิปฺปสนฺนมนตํ ตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิ. ตํ สนฺธาย – ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุน ‘กลฺลจิตฺต’นฺติอาทิ อานุปุพฺพิกถานุภาเวน วิกฺขมฺภิตนีวรณตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
กูฏทนฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. มหาลิสุตฺตวณฺณนา
พฺราหฺมณทูตวตฺถุวณฺณนา
๓๕๙. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยนฺติ มหาลิสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. เวสาลิยนฺติ ปุนปฺปุนํ วิสาลภาวูปคมนโต เวสาลีติ ลทฺธนามเก นคเร. มหาวเนติ พหินคเร หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺธํ หุตฺวา ิตํ สยํ ชาตวนํ อตฺถิ, ยํ มหนฺตภาเวเนว มหาวนนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ มหาวเน. กูฏาคารสาลายนฺติ ตสฺมึ วนสณฺเฑ สงฺฆารามํ ปติฏฺเปสุํ. ตตฺถ กณฺณิกํ โยเชตฺวา ถมฺภานํ อุปริ กูฏาคารสาลาสงฺเขเปน เทววิมานสทิสํ ปาสาทํ อกํสุ, ตํ อุปาทาย สกโลปิ สงฺฆาราโม ‘‘กูฏาคารสาลา’’ติ ปฺายิตฺถ. ภควา ตํ เวสาลึ อุปนิสฺสาย ตสฺมึ สงฺฆาราเม วิหรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’’นฺติ. โกสลกาติ โกสลรฏฺวาสิโน. มาคธกาติ มคธรฏฺวาสิโน. กรณีเยนาติ อวสฺสํ กตฺตพฺพกมฺเมน. ยฺหิ อกาตุมฺปิ วฏฺฏติ, ตํ กิจฺจนฺติ วุจฺจติ, ยํ อวสฺสํ กาตพฺพเมว, ตํ กรณียํ นาม.
๓๖๐. ปฏิสลฺลีโน ภควาติ นานารมฺมณจารโต ปฏิกฺกมฺม สลฺลีโน นิลีโน, เอกีภาวํ อุปคมฺม เอกตฺตารมฺมเณ ฌานรตึ อนุภวตีติ อตฺโถ. ตตฺเถวาติ ตสฺมิฺเว วิหาเร. เอกมนฺตนฺติ ¶ ตสฺมา านา อปกฺกมฺม ตาสุ ตาสุ รุกฺขจฺฉายาสุ นิสีทึสุ.
โอฏฺทฺธลิจฺฉวีวตฺถุวณฺณนา
๓๖๑. โอฏฺทฺโธติ อทฺโธฏฺตาย เอวํลทฺธนาโม. มหติยา ลิจฺฉวีปริสายาติ ปุเรภตฺตํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ภควโต สนฺติเก อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺหิตฺวา คนฺธมาลาทีนิ คาหาเปตฺวา อุคฺโฆสนาย มหตึ ลิจฺฉวิราชปริสํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตาย นีลปีตาทิวณฺณวตฺถาภรณวิเลปนปฏิมณฺฑิตาย ¶ ตาวตึสปริสสปฺปฏิภาคาย มหติยา ลิจฺฉวิปริสาย สทฺธึ อุปสงฺกมิ. อกาโล โข มหาลีติ ¶ ตสฺส โอฏฺทฺธสฺส มหาลีติ มูลนามํ, เตน มูลนามมตฺเตน นํ เถโร มหาลีติ อาลปติ. เอกมนฺตํ นิสีทีติ ปติรูปาสุ รุกฺขจฺฉายาสุ ตาย ลิจฺฉวิปริสาย สทฺธึ รตนตฺตยสฺส วณฺณํ กถยนฺโต นิสีทิ.
๓๖๒. สีโห สมณุทฺเทโสติ อายสฺมโต นาคิตสฺส ภาคิเนยฺโย สตฺตวสฺสกาเล ปพฺพชิตฺวา สาสเน ยุตฺตปยุตฺโต ‘‘สีโห’’ติ เอวํนามโก สามเณโร, โส กิร ตํ มหาปริสํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ ปริสา มหตี, สกลํ วิหารํ ปูเรตฺวา นิสินฺนา, อทฺธา ภควา อชฺช อิมิสฺสา ปริสาย มหนฺเตน อุสฺสาเหน ธมฺมํ เทเสสฺสติ, ยํนูนาหํ อุปชฺฌายสฺสาจิกฺขิตฺวา ภควโต มหาปริสาย สนฺนิปติตภาวํ อาโรจาเปยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เยนายสฺมา นาคิโต เตนุปสงฺกมิ. ภนฺเต กสฺสปาติ เถรํ โคตฺเตน อาลปติ. เอสา ชนตาติ เอโส ชนสมูโห.
ตฺวฺเว ภควโต อาโรเจหีติ สีโห กิร ภควโต วิสฺสาสิโก, อยฺหิ เถโร ถูลสรีโร, เตนสฺส สรีรครุตาย อุฏฺานนิสชฺชาทีสุ อาลสิยภาโว อีสกํ อปฺปหีโน วิย โหติ. อถายํ สามเณโร ภควโต กาเลน กาลํ วตฺตํ กโรติ. เตน นํ เถโร ‘‘ตฺวมฺปิ ทสพลสฺส วิสฺสาสิโก’’ติ วตฺวา คจฺฉ ตฺวฺเวาโรเจหีติ อาห. วิหารปจฺฉายายนฺติ วิหารฉายายํ, กูฏาคารมหาเคหจฺฉายาย ผริโตกาเสติ อตฺโถ. สา กิร กูฏาคารสาลา ทกฺขิณุตฺตรโต ¶ ทีฆา ปาจีนมุขา, เตนสฺสา ปุรโต มหตี ฉายา ปตฺถฏา โหติ, สีโห ตตฺถ ภควโต อาสนํ ปฺเปสิ.
๓๖๓. อถ โข ภควา ทฺวารนฺตเรหิ เจว วาตปานนฺตเรหิ จ นิกฺขมิตฺวา วิธาวนฺตาหิ วิปฺผรนฺตีหิ ฉพฺพณฺณาหิ พุทฺธรสฺมีหิ สํสูจิตนิกฺขมโน วลาหกนฺตรโต ปุณฺณจนฺโท วิย กูฏาคารสาลโต นิกฺขมิตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา วิหารา นิกฺขมฺม วิหารปจฺฉายาย ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ.
๓๖๔-๓๖๕. ปุริมานิ ¶ , ภนฺเต, ทิวสานิ ปุริมตรานีติ เอตฺถ หิยฺโย ทิวสํ ปุริมํ นาม, ตโต ปรํ ปุริมตรํ. ตโต ปฏฺาย ปน สพฺพานิ ปุริมานิ เจว ปุริมตรานิ จ โหนฺติ. ยทคฺเคติ มูลทิวสโต ปฏฺาย ยํ ทิวสํ อคฺคํ ปรโกฏึ กตฺวา วิหรามีติ อตฺโถ, ยาว วิหาสินฺติ วุตฺตํ โหติ. อิทานิ ตสฺส ปริมาณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นจิรํ ตีณิ วสฺสานี’’ติ อาห. อถ วา ยทคฺเคติ ยํ ทิวสํ อคฺคํ กตฺวา นจิรํ ตีณิ วสฺสานิ วิหรามีติปิ อตฺโถ ¶ . ยํ ทิวสํ อาทึ กตฺวา นจิรํ วิหาสึ ตีณิเยว วสฺสานีติ วุตฺตํ โหติ. อยํ กิร ภควโต ปตฺตจีวรํ คณฺหนฺโต ตีณิ สํวจฺฉรานิ ภควนฺตํ อุปฏฺาสิ, ตํ สนฺธาย เอวํ วทติ. ปิยรูปานีติ ปิยชาติกานิ สาตชาติกานิ. กามูปสํหิตานีติ กามสฺสาทยุตฺตานิ. รชนียานีติ ราคชนกานิ. โน จ โข ทิพฺพานิ สทฺทานีติ กสฺมา สุนกฺขตฺโต ตานิ น สุณาติ? โส กิร ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมํ ยาจิ, ตสฺส ภควา อาจิกฺขิ, โส ยถานุสิฏฺํ ปฏิปนฺโน ทิพฺพจกฺขุํ อุปฺปาเทตฺวา เทวตานํ รูปานิ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิมสฺมึ สรีรสณฺาเน สทฺเทน มธุเรน ภวิตพฺพํ, กถํ นุ โข นํ สุเณยฺย’’นฺติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิพฺพโสตปริกมฺมํ ปุจฺฉิ. อยฺจ อตีเต เอกํ สีลวนฺตํ ภิกฺขุํ กณฺณสกฺขลิยํ ปหริตฺวา ¶ พธิรมกาสิ. ตสฺมา ปริกมฺมํ กโรนฺโตปิ อภพฺโพ ทิพฺพโสตาธิคมาย. เตนสฺส น ภควา ปริกมฺมํ กเถสิ. โส เอตฺตาวตา ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อทฺธา สมณสฺส โคตมสฺส เอวํ โหติ – ‘อหมฺปิ ขตฺติโย อยมฺปิ ขตฺติโย, สจสฺส าณํ วฑฺฒิสฺสติ, อยมฺปิ สพฺพฺู ภวิสฺสตี’ติ อุสูยาย มยฺหํ น กเถสี’’ติ. โส อนุกฺกเมน คิหิภาวํ ปตฺวา ตมตฺถํ มหาลิลิจฺฉวิโน กเถนฺโต เอวมาห.
๓๖๖-๓๗๑. เอกํสภาวิโตติ เอกํสาย เอกโกฏฺาสาย ภาวิโต, ทิพฺพานํ วา รูปานํ ทสฺสนตฺถาย ทิพฺพานํ วา สทฺทานํ สวนตฺถาย ภาวิโตติ อตฺโถ. ติริยนฺติ อนุทิสาย. อุภยํสภาวิโตติ อุภยํสาย อุภยโกฏฺาสาย ภาวิโตติ อตฺโถ. อยํ โข มหาลิ เหตูติ อยํ ทิพฺพานํเยว รูปานํ ทสฺสนาย เอกํสภาวิโต สมาธิ เหตุ. อิมมตฺถํ สุตฺวา โส ลิจฺฉวี จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ ทิพฺพโสเตน สทฺทสุณนํ อิมสฺมึ สาสเน อุตฺตมตฺถภูตํ มฺเ อิมสฺส นูน อตฺถาย เอเต ¶ ภิกฺขู ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ วสฺสานิ อปณฺณกํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ยํนูนาหํ ทสพลํ เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.
๓๗๒. ตโต ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘เอตาสํ นูน, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. สมาธิภาวนานนฺติ เอตฺถ สมาธิเยว สมาธิภาวนา, อุภยํสภาวิตานํ สมาธีนนฺติ อตฺโถ. อถ ยสฺมา สาสนโต พาหิรา เอตา สมาธิภาวนา, น อชฺฌตฺติกา. ตสฺมา ตา ปฏิกฺขิปิตฺวา ยทตฺถํ ภิกฺขู พฺรหฺมจริยํ จรนฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘น โข มหาลี’’ติอาทิมาห.
จตุอริยผลวณฺณนา
๓๗๓. ติณฺณํ ¶ สํโยชนานนฺติ สกฺกายทิฏฺิอาทีนํ ติณฺณํ พนฺธนานํ. ตานิ หิ วฏฺฏทุกฺขมเย รเถ สตฺเต สํโยเชนฺติ, ตสฺมา สํโยชนานีติ วุจฺจนฺติ. โสตาปนฺโน ¶ โหตีติ มคฺคโสตํ อาปนฺโน โหติ. อวินิปาตธมฺโมติ จตูสุ อปาเยสุ อปตนธมฺโม. นิยโตติ ธมฺมนิยาเมน นิยโต. สมฺโพธิปรายโณติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ ปรํ อยนํ อสฺส, อเนน วา ปตฺตพฺพาติ สมฺโพธิปรายโณ.
ตนุตฺตาติ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ กทาจิ กรหจิ อุปฺปตฺติยา จ ตนุภาวา. โอรมฺภาคิยานนฺติ เหฏฺาภาคิยานํ, เย หิ พทฺโธ อุปริ สุทฺธาวาสภูมิยํ นิพฺพตฺติตุํ น สกฺโกติ. โอปปาติโกติ เสสโยนิปฏิกฺเขปวจนเมตํ. ตตฺถ ปรินิพฺพายีติ ตสฺมึ อุปริภเวเยว ปรินิพฺพานธมฺโม. อนาวตฺติธมฺโมติ ตโต พฺรหฺมโลกา ปุน ปฏิสนฺธิวเสน อนาวตฺตนธมฺโม. เจโตวิมุตฺตินฺติ จิตฺตวิสุทฺธึ, สพฺพกิเลสพนฺธนวิมุตฺตสฺส อรหตฺตผลจิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถาปิ สพฺพกิเลสพนฺธนวิมุตฺตา อรหตฺตผลปฺาว ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยนฺติ สามํ. อภิฺาติ อภิชานิตฺวา. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อถ วา อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อภิฺาย อภิวิสิฏฺเน าเณน สจฺฉิกริตฺวาติปิ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺชาติ ปตฺวา ปฏิลภิตฺวา. อิทํ สุตฺวา ลิจฺฉวิราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปน ธมฺโม น สกุเณน วิย อุปฺปติตฺวา, นาปิ โคธาย วิย อุเรน คนฺตฺวา สกฺกา ปฏิวิชฺฌิตุํ ¶ , อทฺธา ปน อิมํ ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส ปุพฺพภาคปฺปฏิปทาย ภวิตพฺพํ, ปุจฺฉามิ ตาว น’’นฺติ.
อริยอฏฺงฺคิกมคฺควณฺณนา
๓๗๔-๓๗๕. ตโต ภควนฺตํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘อตฺถิ ปน ภนฺเต’’ติอาทิมาห. อฏฺงฺคิโกติ ปฺจงฺคิกํ ตุริยํ วิย อฏฺงฺคิโก คาโม วิย จ อฏฺงฺคมตฺโตเยว หุตฺวา อฏฺงฺคิโก, น องฺคโต อฺโ มคฺโค นาม อตฺถิ. เตเนวาห – ‘‘เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ. ตตฺถ ¶ สมฺมาทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ. สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป. สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณา สมฺมาวาจา. สมฺมา สมุฏฺาปนลกฺขโณ สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺมา โวทาปนลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว. สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม. สมฺมา อุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ. สมฺมา สมาธานลกฺขโณ สมฺมาสมาธิ. เอเตสุ เอเกกสฺส ตีณิ ตีณิ ¶ กิจฺจานิ โหนฺติ. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ ตาว อฺเหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธึ มิจฺฉาทิฏฺึ ปชหติ, นิโรธํ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปสฺสติ ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหวิธมนวเสน อสมฺโมหโต. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ตเถว มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ ปชหนฺติ, นิโรธฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติ, วิเสสโต ปเนตฺถ สมฺมาสงฺกปฺโป สหชาตธมฺเม อภินิโรเปติ. สมฺมาวาจา สมฺมา ปริคฺคณฺหติ. สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมา สมุฏฺาเปติ. สมฺมาอาชีโว สมฺมา โวทาเปติ. สมฺมาวายาโม สมฺมา ปคฺคณฺหติ. สมฺมาสติ สมฺมา อุปฏฺาเปติ. สมฺมาสมาธิ สมฺมา ปทหติ.
อปิ เจสา สมฺมาทิฏฺิ นาม ปุพฺพภาเค นานากฺขณา นานารมฺมณา โหติ, มคฺคกฺขเณ เอกกฺขณา เอการมฺมณา. กิจฺจโต ปน ‘‘ทุกฺเข าณ’’นฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานากฺขณา นานารมฺมณา โหนฺติ. มคฺคกฺขเณ เอกกฺขณา เอการมฺมณา. เตสุ สมฺมาสงฺกปฺโป กิจฺจโต ‘‘เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป’’ติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติ. สมฺมา วาจาทโย ติสฺโส วิรติโยปิ โหนฺติ, เจตนาทโยปิ โหนฺติ, มคฺคกฺขเณ ปน วิรติเยว. สมฺมาวายาโม สมฺมาสตีติ อิทมฺปิ ทฺวยํ กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสมาธิ ปน ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิเยว.
อิติ ¶ อิเมสุ อฏฺสุ ธมฺเมสุ ภควตา นิพฺพานาธิคมาย ปฏิปนฺนสฺส โยคิโน พหุการตฺตา ปมํ สมฺมาทิฏฺิ เทสิตา. อยฺหิ ‘‘ปฺาปชฺโชโต ปฺาสตฺถ’’นฺติ (ธ. ส. ๒๐) จ วุตฺตา. ตสฺมา เอตาย ปุพฺพภาเค วิปสฺสนาาณสงฺขาตาย สมฺมาทิฏฺิยา อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา กิเลสโจเร ฆาเตนฺโต เขเมน ¶ โยคาวจโร นิพฺพานํ ปาปุณาติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘นิพฺพานาธิคมาย ปฏิปนฺนสฺส โยคิโน พหุการตฺตา ปมํ สมฺมาทิฏฺิ เทสิตา’’ติ.
สมฺมาสงฺกปฺโป ปน ตสฺสา พหุกาโร, ตสฺมา ตทนนฺตรํ วุตฺโต. ยถา หิ เหรฺิโก หตฺเถน ปริวฏฺเฏตฺวา ปริวฏฺเฏตฺวา จกฺขุนา กหาปณํ โอโลเกนฺโต – ‘‘อยํ เฉโก, อยํ กูโฏ’’ติ ชานาติ. เอวํ โยคาวจโรปิ ปุพฺพภาเค วิตกฺเกน วิตกฺเกตฺวา วิปสฺสนาปฺาย โอโลกยมาโน – ‘‘อิเม ธมฺมา กามาวจรา, อิเม ธมฺมา รูปาวจราทโย’’ติ ปชานาติ. ยถา วา ปน ปุริเสน โกฏิยํ คเหตฺวา ปริวฏฺเฏตฺวา ปริวฏฺเฏตฺวา ทินฺนํ มหารุกฺขํ ตจฺฉโก วาสิยา ตจฺเฉตฺวา กมฺเม อุปเนติ, เอวํ วิตกฺเกน วิตกฺเกตฺวา วิตกฺเกตฺวา ทินฺเน ธมฺเม โยคาวจโร ปฺาย – ‘‘อิเม กามาวจรา, อิเม รูปาวจรา’’ติอาทินา นเยน ปริจฺฉินฺทิตฺวา กมฺเม อุปเนติ ¶ . เตน วุตฺตํ – ‘‘สมฺมาสงฺกปฺโป ปน ตสฺสา พหุกาโร, ตสฺมา ตทนนฺตรํ วุตฺโต’’ติ. สฺวายํ ยถา สมฺมาทิฏฺิยา เอวํ สมฺมาวาจายปิ อุปการโก. ยถาห – ‘‘ปุพฺเพ โข, วิสาข, วิตกฺเกตฺวา วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วาจํ ภินฺทตี’’ติ, (ม. นิ. ๑.๔๖๓) ตสฺมา ตทนนฺตรํ สมฺมาวาจา วุตฺตา.
ยสฺมา ปน – ‘‘อิทฺจิทฺจ กริสฺสามา’’ติ ปมํ วาจาย สํวิทหิตฺวา โลเก กมฺมนฺเต ปโยเชนฺติ; ตสฺมา วาจา กายกมฺมสฺส อุปการิกาติ สมฺมาวาจาย อนนฺตรํ สมฺมากมฺมนฺโต วุตฺโต. จตุพฺพิธํ ปน วจีทุจฺจริตํ, ติวิธฺจ กายทุจฺจริตํ ปหาย อุภยํ สุจริตํ ปูเรนฺตสฺเสว ยสฺมา อาชีวฏฺมกํ สีลํ ปูเรติ, น อิตรสฺส, ตสฺมา ตทุภยานนฺตรํ สมฺมาอาชีโว วุตฺโต. เอวํ วิสุทฺธาชีเวน ปน ‘‘ปริสุทฺโธ เม อาชีโว’’ติ เอตฺตาวตา จ ปริโตสํ กตฺวา สุตฺตปมตฺเตน วิหริตุํ น ยุตฺตํ, อถ โข ‘‘สพฺพิริยาปเถสุ อิทํ วีริยํ สมารภิตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสตุํ ตทนนฺตรํ สมฺมาวายาโม วุตฺโต. ตโต ‘‘อารทฺธวีริเยนปิ กายาทีสุ จตูสุ วตฺถูสุ ¶ สติ สูปฏฺิตา กาตพฺพา’’ติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สมฺมาสติ ¶ เทสิตา. ยสฺมา ปเนวํ สูปฏฺิตา สติ สมาธิสฺสุปการานุปการานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเนสิตฺวา ปโหติ เอกตฺตารมฺมเณ จิตฺตํ สมาธาตุํ, ตสฺมา สมฺมาสติยา อนนฺตรํ สมฺมาสมาธิ เทสิโตติ เวทิตพฺโพ. เอเตสํ ธมฺมานํ สจฺฉิกิริยายาติ เอเตสํ โสตาปตฺติผลาทีนํ ปจฺจกฺขกิริยตฺถาย.
ทฺเว ปพฺพชิตวตฺถุวณฺณนา
๓๗๖-๓๗๗. เอกมิทาหนฺติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? อยํ กิร ราชา – ‘‘รูปํ อตฺตา’’ติ เอวํลทฺธิโก, เตนสฺส เทสนาย จิตฺตํ นาธิมุจฺจติ. อถ ภควตา ตสฺส ลทฺธิยา อาวิกรณตฺถํ เอกํ การณํ อาหริตุํ อิทมารทฺธํ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘อหํ เอกํ สมยํ โฆสิตาราเม วิหรามิ, ตตฺร วสนฺตํ มํ เต ทฺเว ปพฺพชิตา เอวํ ปุจฺฉึสุ. อถาหํ เตสํ พุทฺธุปฺปาทํ ทสฺเสตฺวา ตนฺติธมฺมํ นาม กเถนฺโต อิทมโวจํ – ‘‘อาวุโส, สทฺธาสมฺปนฺโน นาม กุลปุตฺโต เอวรูปสฺส สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิโต, เอวํ ติวิธํ สีลํ ปูเรตฺวา ปมชฺฌานาทีนิ ปตฺวา ิโต ‘ตํ ชีว’นฺติอาทีนิ วเทยฺย, ยุตฺตํ นุ โข เอตมสฺสา’’ติ? ตโต เตหิ ‘‘ยุตฺต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อหํ โข ปเนตํ, อาวุโส, เอวํ ชานามิ, เอวํ ปสฺสามิ, อถ จ ปนาหํ น วทามี’’ติ ตํ วาทํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อุตฺตริ ขีณาสวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมสฺส เอวํ วตฺตุํ น ยุตฺต’’นฺติ อโวจํ. เต มม วจนํ สุตฺวา อตฺตมนา อเหสุนฺติ. เอวํ วุตฺเต โสปิ อตฺตมโน อโหสิ ¶ . เตนาห – ‘‘อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน โอฏฺทฺโธ ลิจฺฉวี ภควโต ภาสิตํ อภินนฺที’’ติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
มหาลิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ชาลิยสุตฺตวณฺณนา
ทฺเว ปพฺพชิตวตฺถุวณฺณนา
๓๗๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… โกสมฺพิยนฺติ ชาลิยสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. โฆสิตาราเมติ โฆสิเตน เสฏฺินา กเต อาราเม. ปุพฺเพ กิร อลฺลกปฺปรฏฺํ นาม อโหสิ. ตโต โกตูหลิโก นาม ทลิทฺโท ฉาตกภเยน สปุตฺตทาโร อวนฺติรฏฺํ คจฺฉนฺโต ปุตฺตํ วหิตุํ อสกฺโกนฺโต ฉฑฺเฑตฺวา อคมาสิ, มาตา นิวตฺติตฺวา ตํ คเหตฺวา คตา, เต เอกํ โคปาลกคามํ ปวิสึสุ. โคปาลเกน จ ตทา พหุปายาโส ปฏิยตฺโต โหติ, เต ตโต ปายาสํ ลภิตฺวา ภฺุชึสุ. อถ โส ปุริโส พลวปายาสํ ภุตฺโต ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต รตฺติภาเค กาลํ กตฺวา ตตฺเถว สุนขิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา กุกฺกุโร ชาโต, โส โคปาลกสฺส ปิโย อโหสิ. โคปาลโก จ ปจฺเจกพุทฺธํ อุปฏฺหติ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน กุกฺกุรสฺส เอเกกํ ปิณฺฑํ เทติ, โส ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา โคปาลเกน สทฺธึ ปณฺณสาลมฺปิ คจฺฉติ. โคปาลเก อสนฺนิหิเต ภตฺตเวลายํ สยเมว คนฺตฺวา กาลาโรจนตฺถํ ปณฺณสาลทฺวาเร ภุสฺสติ, อนฺตรามคฺเคปิ จณฺฑมิเค ทิสฺวา ภุสฺสิตฺวา ปลาเปติ. โส ปจฺเจกพุทฺเธ มุทุเกน จิตฺเตน กาลํกตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ ¶ . ตตฺรสฺส โฆสกเทวปุตฺโต ตฺเวว นามํ อโหสิ. โส เทวโลกโต จวิตฺวา โกสมฺพิยํ เอกสฺส กุลสฺส ฆเร นิพฺพตฺติ. ตํ อปุตฺตโก เสฏฺิ ตสฺส มาตาปิตูนํ ธนํ ทตฺวา ปุตฺตํ กตฺวา อคฺคเหสิ. อถ อตฺตโน ปุตฺเต ชาเต สตฺตกฺขตฺตุํ ฆาตาเปตุํ อุปกฺกมิ. โส ปฺุวนฺตตาย สตฺตสุปิ าเนสุ มรณํ อปฺปตฺวา อวสาเน เอกาย เสฏฺิธีตาย เวยฺยตฺติเยน ลทฺธชีวิโต อปรภาเค ปิตุอจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ปตฺวา โฆสกเสฏฺิ นาม ชาโต. อฺเปิ โกสมฺพิยํ กุกฺกุฏเสฏฺิ ¶ , ปาวาริยเสฏฺีติ ทฺเว เสฏฺิโน อตฺถิ, อิมินา สทฺธึ ตโย อเหสุํ.
เตน จ สมเยน หิมวนฺตโต ปฺจสตตาปสา สรีรสนฺตปฺปนตฺถํ อนฺตรนฺตราโกสมฺพึ อาคจฺฉนฺติ ¶ , เตสํ เอเต ตโย เสฏฺี อตฺตโน อตฺตโน อุยฺยาเนสุ ปณฺณกุฏิโย กตฺวา อุปฏฺานํ กโรนฺติ. อเถกทิวสํ เต ตาปสา หิมวนฺตโต อาคจฺฉนฺตา มหากนฺตาเร ตสิตา กิลนฺตา เอกํ มหนฺตํ วฏรุกฺขํ ปตฺวา ตตฺถ อธิวตฺถาย เทวตาย สนฺติกา สงฺคหํ ปจฺจาสิสนฺตา นิสีทึสุ. เทวตา สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา เตสํ ปานียปานกาทีนิ ทตฺวา กิลมถํ ปฏิวิโนเทสิ, เอเต เทวตายานุภาเวน วิมฺหิตา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข, เทวเต, กมฺมํ กตฺวา ตยา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ? เทวตา อาห – ‘‘โลเก พุทฺโธ นาม ภควา อุปฺปนฺโน, โส เอตรหิ สาวตฺถิยํ วิหรติ, อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ตํ อุปฏฺหติ. โส อุโปสถทิวเสสุ อตฺตโน ภตกานํ ปกติภตฺตเวตนเมว ทตฺวา อุโปสถํ การาเปสิ. อถาหํ เอกทิวสํ มชฺฌนฺหิเก ปาตราสตฺถาย อาคโต กฺจิ ภตกกมฺมํ อกโรนฺตํ ทิสฺวา – ‘อชฺช มนุสฺสา กสฺมา กมฺมํ น กโรนฺตี’ติ ปุจฺฉึ. ตสฺส เม ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อถาหํ เอตทโวจํ – ‘อิทานิ อุปฑฺฒทิวโส คโต, สกฺกา นุ โข อุปฑฺฒุโปสถํ กาตุ’นฺติ. ตโต เสฏฺิสฺส ปฏิเวเทตฺวา ‘‘สกฺกา กาตุ’’นฺติ อาห. สฺวาหํ อุปฑฺฒทิวสํ อุปฑฺฒุโปสถํ สมาทิยิตฺวา ตทเหว กาลํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภิ’’นฺติ.
อถ เต ตาปสา ‘‘พุทฺโธ กิร อุปฺปนฺโน’’ติ สฺชาตปีติปาโมชฺชา ตโตว สาวตฺถึ คนฺตุกามา หุตฺวาปิ – ‘‘พหุการา โน อุปฏฺากเสฏฺิโน เตสมฺปิ อิมมตฺถมาโรเจสฺสามา’’ติ ¶ โกสมฺพึ คนฺตฺวา เสฏฺีหิ กตสกฺการพหุมานา ‘‘ตทเหว มยํ คจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กึ, ภนฺเต, ตุริตาตฺถ, นนุ ตุมฺเห ปุพฺเพ จตฺตาโร ปฺจ มาเส วสิตฺวา คจฺฉถา’’ติ จ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, สเหว คจฺฉามา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘คจฺฉาม มยํ, ตุมฺเห สณิกํ อาคจฺฉถา’’ติ สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เตปิ เสฏฺิโน ปฺจสตปฺจสตสกฏปริวารา ¶ สาวตฺถึ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ทตฺวา โกสมฺพึ อาคมนตฺถาย ภควนฺตํ ยาจิตฺวา ปจฺจาคมฺม ตโย วิหาเร กาเรสุํ. เตสุ กุกฺกุฏเสฏฺินา กโต กุกฺกุฏาราโม นาม, ปาวาริยเสฏฺินา กโต ปาวาริกมฺพวนํ นาม, โฆสิตเสฏฺินา กโต โฆสิตาราโม นาม อโหสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม’’ติ.
มุณฺฑิโยติ อิทํ ตสฺส นามํ. ชาลิโยติ อิทมฺปิ อิตรสฺส นามเมว. ยสฺมา ปนสฺส อุปชฺฌาโย ทารุมเยน ปตฺเตน ปิณฺฑาย จรติ, ตสฺมา ทารุปตฺติกนฺเตวาสีติ วุจฺจติ. เอตทโวจุนฺติ อุปารมฺภาธิปฺปาเยน วาทํ อาโรเปตุกามา หุตฺวา เอตทโวจุํ. อิติ กิร เนสํ อโหสิ, สเจ สมโณ โคตโม ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ วกฺขติ, อถสฺส มยํ เอตํ วาทํ อาโรเปสฺสาม – ‘‘โภ โคตม, ตุมฺหากํ ลทฺธิยา อิเธว สตฺโต ภิชฺชติ, เตน โว วาโท อุจฺเฉทวาโท ¶ โหตี’’ติ. สเจ ปน ‘‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’’นฺติ วกฺขติ, อถสฺเสตํ วาทํ อาโรเปสฺสาม ‘‘ตุมฺหากํ วาเท รูปํ ภิชฺชติ, น สตฺโต ภิชฺชติ. เตน โว วาเท สตฺโต สสฺสโต อาปชฺชตี’’ติ. อถ ภควา ‘‘อิเม วาทาโรปนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, มม สาสเน อิเม ทฺเว อนฺเต อนุปคมฺม มชฺฌิมา ปฏิปทา อตฺถีติ น ชานนฺติ, หนฺท เนสํ ปฺหํ อวิสฺสชฺเชตฺวา ตสฺสาเยว ปฏิปทาย อาวิภาวตฺถํ ธมฺมํ เทเสมี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เตน หาวุโส’’ติอาทิมาห.
๓๗๙-๓๘๐. ตตฺถ กลฺลํ นุ โข ตสฺเสตํ วจนายาติ ตสฺเสตํ สทฺธาปพฺพชิตสฺส ติวิธํ สีลํ ปริปูเรตฺวา ปมชฺฌานํ ¶ ปตฺตสฺส ยุตฺตํ นุ โข เอตํ วตฺตุนฺติ อตฺโถ. ตํ สุตฺวา ปริพฺพาชกา ปุถุชฺชโน นาม ยสฺมา นิพฺพิจิกิจฺโฉ น โหติ, ตสฺมา กทาจิ เอวํ วเทยฺยาติ มฺมานา – ‘‘กลฺลํ ตสฺเสตํ วจนายา’’ติ อาหํสุ. อถ จ ปนาหํ น วทามีติ อหํ เอตเมวํ ชานามิ, โน จ เอวํ วทามิ, อถ โข กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ภาเวนฺตสฺส ปฺาพเลน อุปฺปนฺนํ มหคฺคตจิตฺตเมตนฺติ สฺํ เปสึ. น ¶ กลฺลํ ตสฺเสตนฺติ อิทํ เต ปริพฺพาชกา – ‘‘ยสฺมา ขีณาสโว วิคตสมฺโมโห ติณฺณวิจิกิจฺโฉ, ตสฺมา น ยุตฺตํ ตสฺเสตํ วตฺตุ’’นฺติ มฺมานา วทนฺติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
ชาลิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา
อเจลกสฺสปวตฺถุวณฺณนา
๓๘๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… อุรฺุายํ วิหรตีติ มหาสีหนาทสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. อุรฺุายนฺติ อุรฺุาติ ตสฺส รฏฺสฺสปิ นครสฺสปิ เอตเทว นามํ, ภควา อุรฺุานครํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. กณฺณกตฺถเล มิคทาเยติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร กณฺณกตฺถลํ นาม เอโก รมณีโย ภูมิภาโค อตฺถิ. โส มิคานํ อภยตฺถาย ทินฺนตฺตา ‘‘มิคทาโย’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมึ กณฺณกตฺถเล มิคทาเย. อเจโลติ นคฺคปริพฺพาชโก. กสฺสโปติ ตสฺส นามํ. ตปสฺสินฺติ ตปนิสฺสิตกํ. ลูขาชีวินฺติ อเจลกมุตฺตาจาราทิวเสน ลูโข อาชีโว อสฺสาติ ลูขาชีวี, ตํ ลูขาชีวึ. อุปกฺโกสตีติ อุปณฺเฑติ. อุปวทตีติ หีเฬติ วมฺเภติ. ธมฺมสฺส จ อนุธมฺมํ พฺยากโรนฺตีติ โภตา โคตเมน วุตฺตการณสฺส อนุการณํ กเถนฺติ. สหธมฺมิโก วาทานุวาโทติ ปเรหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา อนุวาโท วา วิฺูหิ ครหิตพฺพํ, การณํ โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ กึ น อาคจฺฉติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ, ‘‘กึ สพฺพากาเรนปิ ตว วาเท คารยฺหํ การณํ ¶ นตฺถี’’ติ. อนพฺภกฺขาตุกามาติ น อภูเตน วตฺตุกามา.
๓๘๒. เอกจฺจํ ตปสฺสึ ลูขาชีวินฺติอาทีสุ อิเธกจฺโจ อเจลกปพฺพชฺชาทิตปนิสฺสิตตฺตา ตปสฺสี ‘‘ลูเขน ชีวิตํ กปฺเปสฺสามี’’ติ ติณโคมยาทิภกฺขนาทีหิ นานปฺปกาเรหิ อตฺตานํ กิลเมติ, อปฺปปฺุตาย จ สุเขน ชีวิตวุตฺติเมว น ลภติ, โส ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติ.
อปโร ตาทิสํ ตปนิสฺสิโตปิ ปฺุวา โหติ, ลภติ ลาภสกฺการํ. โส ‘‘น ทานิ มยา สทิโส อตฺถี’’ติ อตฺตานํ อุจฺเจ าเน สมฺภาเวตฺวา ‘‘ภิยฺโยโสมตฺตาย ลาภํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ¶ อเนสนวเสน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติ. อิเม ทฺเว สนฺธาย ปมนโย วุตฺโต.
อปโร ตปนิสฺสิตโก ลูขาชีวี อปฺปปฺุโ โหติ, น ลภติ สุเขน ชีวิตวุตฺตึ. โส ‘‘มยฺหํ ปุพฺเพปิ อกตปฺุตาย สุขชีวิกา นุปฺปชฺชติ ¶ , หนฺททานิ ปฺุานิ กโรมี’’ติ ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตติ.
อปโร ลูขาชีวี ปฺุวา โหติ, ลภติ สุเขน ชีวิตวุตฺตึ. โส – ‘‘มยฺหํ ปุพฺเพปิ กตปฺุตาย สุขชีวิกา อุปฺปชฺชตี’’ติ จินฺเตตฺวา อเนสนํ ปหาย ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตติ. อิเม ทฺเว สนฺธาย ทุติยนโย วุตฺโต.
เอโก ปน ตปสฺสี อปฺปทุกฺขวิหารี โหติ พาหิรกาจารยุตฺโต ตาปโส วา ฉนฺนปริพฺพาชโก วา, อปฺปปฺุตาย จ มนาเป ปจฺจเย น ลภติ. โส อเนสนวเสน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา อตฺตานํ สุเข เปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติ.
อปโร ¶ ปฺุวา โหติ, โส – ‘‘น ทานิ มยา สทิโส อตฺถี’’ติ มานํ อุปฺปาเทตฺวา อเนสนวเสน ลาภสกฺการํ วา อุปฺปาเทนฺโต มิจฺฉาทิฏฺิวเสน – ‘‘สุโข อิมิสฺสา ปริพฺพาชิกาย ทหราย มุทุกาย โลมสาย สมฺผสฺโส’’ติอาทีนิ จินฺเตตฺวา กาเมสุ ปาตพฺยตํ วา อาปชฺชนฺโต ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติ. อิเม ทฺเว สนฺธาย ตติยนโย วุตฺโต.
อปโร ปน อปฺปทุกฺขวิหารี อปฺปปฺุโ โหติ, โส – ‘‘อหํ ปุพฺเพปิ อกตปฺุตาย สุเขน ชีวิกํ น ลภามี’’ติ ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตติ.
อปโร ปฺุวา โหติ, โส – ‘‘ปุพฺเพปาหํ กตปฺุตาย สุขํ ลภามิ, อิทานิ ปฺุานิ กริสฺสามี’’ติ ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตติ. อิเม ทฺเว สนฺธาย จตุตฺถนโย วุตฺโต. อิทํ ติตฺถิยวเสน อาคตํ, สาสเนปิ ปน ลพฺภติ.
เอกจฺโจ หิ ธุตงฺคสมาทานวเสน ลูขาชีวี โหติ, อปฺปปฺุตาย วา สกลมฺปิ คามํ วิจริตฺวา อุทรปูรํ น ลภติ. โส – ‘‘ปจฺจเย อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ เวชฺชกมฺมาทิวเสน วา อเนสนํ ¶ กตฺวา, อรหตฺตํ วา ปฏิชานิตฺวา, ตีณิ วา กุหนวตฺถูนิ ปฏิเสวิตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติ.
อปโร ¶ จ ตาทิโสว ปฺุวา โหติ. โส ตาย ปฺุสมฺปตฺติยา มานํ ชนยิตฺวา อุปฺปนฺนํ ลาภํ ถาวรํ กตฺตุกาโม อเนสนวเสน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย อุปฺปชฺชติ.
อปโร สมาทินฺนธุตงฺโค อปฺปปฺุโว โหติ, น ลภติ สุเขน ชีวิตวุตฺตึ. โส – ‘‘ปุพฺเพปาหํ อกตปฺุตาย กิฺจิ น ลภามิ, สเจ อิทานิ อเนสนํ กริสฺสํ, อายติมฺปิ ทุลฺลภสุโข ภวิสฺสามี’’ติ ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺโกนฺโต สคฺเค นิพฺพตฺตติ.
อปโร ปฺุวา โหติ, โส – ‘‘ปุพฺเพปาหํ กตปฺุตาย เอตรหิ สุขิโต, อิทานิปิ ปฺุํ กริสฺสามี’’ติ อเนสนํ ปหาย ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺโกนฺโต สคฺเค นิพฺพตฺตติ.
๓๘๓. อาคติฺจาติ – ‘‘อสุกฏฺานโต นาม อิเม อาคตา’’ติ เอวํ อาคติฺจ. คติฺจาติ อิทานิ คนฺตพฺพฏฺานฺจ. จุติฺจาติ ตโต จวนฺจ. อุปปตฺติฺจาติ ตโต จุตานํ ปุน อุปปตฺติฺจ. กึ สพฺพํ ตปํ ครหิสฺสามีติ – ‘‘เกน การเณน ครหิสฺสามิ, ครหิตพฺพเมว หิ มยํ ครหาม, ปสํสิตพฺพํ ปสํสาม, น ภณฺฑิกํ กโรนฺโต มหารชโก วิย โธตฺจ อโธตฺจ เอกโต กโรมา’’ติ ทสฺเสติ. อิทานิ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต – ‘‘สนฺติ กสฺสป เอเก สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิมาห.
๓๘๔. ยํ เต เอกจฺจนฺติ ปฺจวิธํ สีลํ, ตฺหิ โลเก น โกจิ ‘‘น สาธู’’ติ วทติ. ปุน ยํ เต เอกจฺจนฺติ ปฺจวิธํ เวรํ, ตํ น ¶ โกจิ ‘‘สาธู’’ติ วทติ. ปุน ยํ เต เอกจฺจนฺติ ปฺจทฺวาเร อสํวรํ, เต กิร – ‘‘จกฺขุ นาม น นิรุนฺธิตพฺพํ, จกฺขุนา มนาปํ รูปํ ทฏฺพฺพ’’นฺติ วทนฺติ, เอส นโย โสตาทีสุ. ปุน ยํ เต เอกจฺจนฺติ ปฺจทฺวาเร สํวรํ.
เอวํ ปเรสํ วาเทน สห อตฺตโน วาทสฺส สมานาสมานตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน วาเทน ¶ สห ปเรสํ วาทสฺส สมานาสมานตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ มย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺราปิ ปฺจสีลาทิวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สมนุยฺุชาปนกถาวณฺณนา
๓๘๕. สมนุยฺุชนฺตนฺติ ¶ สมนุยฺุชนฺตุ, เอตฺถ จ ลทฺธึ ปุจฺฉนฺโต สมนุยฺุชติ นาม, การณํ ปุจฺฉนฺโต สมนุคาหติ นาม, อุภยํ ปุจฺฉนฺโต สมนุภาสติ นาม. สตฺถารา วา สตฺถารนฺติ สตฺถารา วา สทฺธึ สตฺถารํ อุปสํหริตฺวา – ‘‘กึ เต สตฺถา เต ธมฺเม สพฺพโส ปหาย วตฺตติ, อุทาหุ สมโณ โคตโม’’ติ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย.
อิทานิ ตมตฺถํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต – ‘‘เย อิเมสํ ภวต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อกุสลา อกุสลสงฺขาตาติ อกุสลา เจว ‘‘อกุสลา’’ติ จ สงฺขาตา าตา โกฏฺาสํ วา กตฺวา ปิตาติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพปเทสุ. อปิ เจตฺถ สาวชฺชาติ สโทสา. น อลมริยาติ นิทฺโทสฏฺเน อริยา ภวิตุํ นาลํ อสมตฺถา.
๓๘๖-๓๙๒. ยํ วิฺู สมนุยฺุชนฺตาติ เยน วิฺู อมฺเห จ อฺเ จ ปุจฺฉนฺตา เอวํ วเทยฺยุํ, ตํ านํ วิชฺชติ, อตฺถิ ตํ การณนฺติ อตฺโถ. ยํ วา ปน โภนฺโต ปเร คณาจริยาติ ปเร ปน โภนฺโต คณาจริยา ยํ วา ตํ วา อปฺปมตฺตกํ ปหาย วตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อมฺเหว ตตฺถ เยภุยฺเยน ปสํเสยฺยุนฺติ อิทํ ภควา สตฺถารา สตฺถารํ สมนุยฺุชเนปิ อาห – สงฺเฆน สํฆํ สมนุยฺุชเนปิ. กสฺมา? สงฺฆปสํสายปิ สตฺถุเยว ปสํสาสิทฺธิโต. ปสีทมานาปิ หิ พุทฺธสมฺปตฺติยา สงฺเฆ, สงฺฆสมฺปตฺติยา จ พุทฺเธ ปสีทนฺติ, ตถา หิ ภควโต สรีรสมฺปตฺตึ ¶ ทิสฺวา, ธมฺมเทสนํ วา สุตฺวา ภวนฺติ วตฺตาโร – ‘‘ลาภา วต โภ สาวกานํ เย เอวรูปสฺส สตฺถุ สนฺติกาวจรา’’ติ, เอวํ พุทฺธสมฺปตฺติยา สงฺเฆ ปสีทนฺติ. ภิกฺขูนํ ปนาจารโคจรํ อภิกฺกมปฏิกฺกมาทีนิ จ ทิสฺวา ภวนฺติ วตฺตาโร – ‘‘สนฺติกาวจรานํ วต โภ สาวกานํ อยฺจ อุปสมคุโณ สตฺถุ กีว รูโป ภวิสฺสตี’’ติ, เอวํ สงฺฆสมฺปตฺติยา พุทฺเธ ปสีทนฺติ. อิติ ยา สตฺถุปสํสา, สา สงฺฆสฺส. ยา สงฺฆสฺส ปสํสา, สา สตฺถูติ สงฺฆปสํสายปิ สตฺถุเยว ปสํสาสิทฺธิโต ภควา ทฺวีสุปิ นเยสุ – ‘‘อมฺเหว ตตฺถ เยภุยฺเยน ปสํเสยฺยุ’’นฺติ อาห. สมโณ โคตโม อิเม ธมฺเม อนวเสสํ ปหาย วตฺตติ, ยํ วา ปน โภนฺโต ปเร คณาจริยาติอาทีสุปิ ปเนตฺถ อยมธิปฺปาโย – สมฺปตฺตสมาทานเสตุฆาตวเสน ¶ หิ ติสฺโส วิรติโย. ตาสุ สมฺปตฺตสมาทาน วิรติมตฺตเมว อฺเสํ โหติ, เสตุฆาตวิรติ ปน สพฺเพน สพฺพํ ¶ นตฺถิ. ปฺจสุ ปน ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปสฺสทฺธินิสฺสรณปฺปหาเนสุ อฏฺสมาปตฺติวเสน เจว วิปสฺสนามตฺตวเสน จ ตทงฺควิกฺขมฺภนปฺปหานมตฺตเมว อฺเสํ โหติ. อิตรานิ ตีณิ ปหานานิ สพฺเพน สพฺพํ นตฺถิ. ตถา สีลสํวโร, ขนฺติสํวโร, าณสํวโร, สติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปฺจ สํวรา, เตสุ ปฺจสีลมตฺตเมว อธิวาสนขนฺติมตฺตเมว จ อฺเสํ โหติ, เสสํ สพฺเพน สพฺพํ นตฺถิ.
ปฺจ โข ปนิเม อุโปสถุทฺเทสา, เตสุ ปฺจสีลมตฺตเมว อฺเสํ โหติ. ปาติโมกฺขสํวรสีลํ สพฺเพน สพฺพํ นตฺถิ. อิติ อกุสลปฺปหาเน จ กุสลสมาทาเน จ, ตีสุ วิรตีสุ, ปฺจสุ ปหาเนสุ, ปฺจสุ สํวเรสุ, ปฺจสุ อุทฺเทเสสุ, – ‘‘อหเมว จ มยฺหฺจ สาวกสงฺโฆ โลเก ปฺายติ, มยา หิ สทิโส สตฺถา นาม, มยฺหํ สาวกสงฺเฆน สทิโส สงฺโฆ นาม นตฺถี’’ติ ภควา สีหนาทํ นทติ.
อริยอฏฺงฺคิกมคฺควณฺณนา
๓๙๓. เอวํ สีหนาทํ ¶ นทิตฺวา ตสฺส สีหนาทสฺส อวิปรีตภาวาวโพธนตฺถํ – ‘‘อตฺถิ, กสฺสป, มคฺโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มคฺโคติ โลกุตฺตรมคฺโค. ปฏิปทาติ ปุพฺพภาคปฏิปทา. กาลวาทีติอาทีนิ พฺรหฺมชาเล วณฺณิตานิ. อิทานิ ตํ ทุวิธํ มคฺคฺจ ปฏิปทฺจ เอกโต กตฺวา ทสฺเสนฺโต – ‘‘อยเมว อริโย’’ติอาทิมาห. อิทํ ปน สุตฺวา อเจโล จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม มยฺหํเยว มคฺโค จ ปฏิปทา จ อตฺถิ, อฺเสํ นตฺถีติ มฺติ, หนฺทสฺสาหํ อมฺหากมฺปิ มคฺคํ กเถมี’’ติ. ตโต อเจลกปฏิปทํ กเถสิ. เตนาห – ‘‘เอวํ วุตฺเต อเจโล กสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ…เป… อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรตี’’ติ.
ตโปปกฺกมกถาวณฺณนา
๓๙๔. ตตฺถ ตโปปกฺกมาติ ตปารมฺภา, ตปกมฺมานีติ อตฺโถ. สามฺสงฺขาตาติ สมณกมฺมสงฺขาตา. พฺรหฺมฺสงฺขาตาติ พฺราหฺมณกมฺมสงฺขาตา. อเจลโกติ นิจฺโจโล, นคฺโคติ อตฺโถ. มุตฺตาจาโรติ วิสฏฺาจาโร, อุจฺจารกมฺมาทีสุ โลกิยกุลปุตฺตาจาเรน วิรหิโต ¶ ิตโกว อุจฺจารํ กโรติ, ปสฺสาวํ กโรติ, ขาทติ, ภฺุชติ จ. หตฺถาปเลขโนติ หตฺเถ ปิณฺฑมฺหิ ิเต ชิวฺหาย หตฺถํ อปลิขติ, อุจฺจารํ วา กตฺวา หตฺถสฺมิฺเว ทณฺฑกสฺี หุตฺวา หตฺเถน อปลิขติ. ‘‘ภิกฺขาคหณตฺถํ เอหิ, ภนฺเต’’ติ วุตฺโต น เอตีติ น เอหิภทฺทนฺติโก. ‘‘เตน หิ ¶ ติฏฺ, ภนฺเต’’ติ วุตฺโตปิ น ติฏฺตีติ นติฏฺภทฺทนฺติโก. ตทุภยมฺปิ กิร โส – ‘‘เอตสฺส วจนํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ น กโรติ. อภิหฏนฺติ ปุเรตรํ คเหตฺวา อาหฏํ ภิกฺขํ, อุทฺทิสฺสกตนฺติ ‘‘อิมํ ตุมฺเห อุทฺทิสฺส กต’’นฺติ เอวํ อาโรจิตํ ภิกฺขํ. น นิมนฺตนนฺติ ‘‘อสุกํ นาม กุลํ วา วีถึ วา คามํ วา ปวิเสยฺยาถา’’ติ เอวํ นิมนฺติตภิกฺขมฺปิ น สาทิยติ, น คณฺหติ. น ¶ กุมฺภิมุขาติ กุมฺภิโต อุทฺธริตฺวา ทิยฺยมานํ ภิกฺขํ น คณฺหติ. น กโฬปิมุขาติ กโฬปีติ อุกฺขลิ วา ปจฺฉิ วา, ตโตปิ น คณฺหติ. กสฺมา? กุมฺภิกโฬปิโย มํ นิสฺสาย กฏจฺฉุนา ปหารํ ลภนฺตีติ. น เอฬกมนฺตรนฺติ อุมฺมารํ อนฺตรํ กตฺวา ทิยฺยมานํ น คณฺหติ. กสฺมา? ‘‘อยํ มํ นิสฺสาย อนฺตรกรณํ ลภตี’’ติ. ทณฺฑมุสเลสุปิ เอเสว นโย.
ทฺวินฺนนฺติ ทฺวีสุ ภฺุชมาเนสุ เอกสฺมึ อุฏฺาย เทนฺเต น คณฺหติ. กสฺมา? ‘‘เอกสฺส กพฬนฺตราโย โหตี’’ติ. น คพฺภินิยาติอาทีสุ ปน ‘‘คพฺภินิยา กุจฺฉิยํ ทารโก กิลมติ. ปายนฺติยา ทารกสฺส ขีรนฺตราโย โหติ, ปุริสนฺตรคตาย รติอนฺตราโย โหตี’’ติ น คณฺหติ. สํกิตฺตีสูติ สํกิตฺเตตฺวา กตภตฺเตสุ, ทุพฺภิกฺขสมเย กิร อเจลกสาวกา อเจลกานํ อตฺถาย ตโต ตโต ตณฺฑุลาทีนิ สมาทเปตฺวา ภตฺตํ ปจนฺติ. อุกฺกฏฺโ อเจลโก ตโตปิ น ปฏิคฺคณฺหติ. น ยตฺถ สาติ ยตฺถ สุนโข – ‘‘ปิณฺฑํ ลภิสฺสามี’’ติ อุปฏฺิโต โหติ, ตตฺถ ตสฺส อทตฺวา อาหฏํ น คณฺหติ. กสฺมา? เอตสฺส ปิณฺฑนฺตราโย โหตีติ. สณฺฑสณฺฑจารินีติ สมูหสมูหจารินี, สเจ หิ อเจลกํ ทิสฺวา – ‘‘อิมสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามา’’ติ มนุสฺสา ภตฺตเคหํ ปวิสนฺติ, เตสุ จ ปวิสนฺเตสุ กโฬปิมุขาทีสุ นิลีนา มกฺขิกา อุปฺปติตฺวา สณฺฑสณฺฑา จรนฺติ, ตโต อาหฏํ ภิกฺขํ น คณฺหติ. กสฺมา? มํ นิสฺสาย มกฺขิกานํ โคจรนฺตราโย ชาโตติ.
ถุโสทกนฺติ ¶ สพฺพสสฺสสมฺภาเรหิ กตํ โสวีรกํ. เอตฺถ จ สุราปานเมว สาวชฺชํ, อยํ ปน สพฺเพสุปิ สาวชฺชสฺี. เอกาคาริโกติ โย เอกสฺมึเยว เคเห ภิกฺขํ ลภิตฺวา นิวตฺตติ ¶ . เอกาโลปิโกติ โย เอเกเนว อาโลเปน ยาเปติ. ทฺวาคาริกาทีสุปิ เอเสว นโย. เอกิสฺสาปิ ทตฺติยาติ เอกาย ทตฺติยา. ทตฺติ นาม เอกา ขุทฺทกปาติ โหติ, ยตฺถ อคฺคภิกฺขํ ปกฺขิปิตฺวา เปนฺติ. เอกาหิกนฺติ เอกทิวสนฺตริกํ. อทฺธมาสิกนฺติ อทฺธมาสนฺตริกํ. ปริยายภตฺตโภชนนฺติ วารภตฺตโภชนํ, เอกาหวาเรน ทฺวีหวาเรน สตฺตาหวาเรน อฑฺฒมาสวาเรนาติ เอวํ ทิวสวาเรน อาคตภตฺตโภชนํ.
๓๙๕. สากภกฺโขติ ¶ อลฺลสากภกฺโข. สามากภกฺโขติ สามากตณฺฑุลภกฺโข. นีวาราทีสุ นีวาโร นาม อรฺเ สยํชาตา วีหิชาติ. ททฺทุลนฺติ จมฺมกาเรหิ จมฺมํ ลิขิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฏํ. หฏํ วุจฺจติ สิเลโสปิ เสวาโลปิ. กณนฺติ กุณฺฑกํ. อาจาโมติ ภตฺตอุกฺขลิกาย ลคฺโค ฌามกโอทโน, ตํ ฉฑฺฑิตฏฺานโตว คเหตฺวา ขาทติ, ‘‘โอทนกฺชิย’’นฺติปิ วทนฺติ. ปิฺากาทโย ปากฏา เอว. ปวตฺตผลโภชีติ ปติตผลโภชี.
๓๙๖. สาณานีติ สาณวากโจฬานิ. มสาณานีติ มิสฺสกโจฬานิ. ฉวทุสฺสานีติ มตสรีรโต ฉฑฺฑิตวตฺถานิ, เอรกติณาทีนิ วา คนฺเถตฺวา กตนิวาสนานิ. ปํสุกูลานีติ ปถวิยํ ฉฑฺฑิตนนฺตกานิ. ติรีฏานีติ รุกฺขตจวตฺถานิ. อชินนฺติ อชินมิคจมฺมํ. อชินกฺขิปนฺติ ตเทว มชฺเฌ ผาลิตกํ. กุสจีรนฺติ กุสติณานิ คนฺเถตฺวา กตจีรํ. วากจีรผลกจีเรสุปิ เอเสว นโย. เกสกมฺพลนฺติ มนุสฺสเกเสหิ กตกมฺพลํ. ยํ สนฺธาย ¶ วุตฺตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานิ วตฺถานิ, เกสกมฺพโล เตสํ ปฏิกิฏฺโ อกฺขายติ. เกสกมฺพโล, ภิกฺขเว, สีเต สีโต, อุณฺเห อุณฺโห อปฺปคฺโฆ จ ทุพฺพณฺโณ จ ทุคฺคนฺโธ ทุกฺขสมฺผสฺโส’’ติ.
วาฬกมฺพลนฺติ ¶ อสฺสวาเลหิ กตกมฺพลํ. อุลูกปกฺขิกนฺติ อุลูกปกฺขานิ คนฺเถตฺวา กตนิวาสนํ. อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุตฺโตติ อุกฺกุฏิกวีริยํ อนุยุตฺโต, คจฺฉนฺโตปิ อุกฺกุฏิโกว หุตฺวา อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา คจฺฉติ. กณฺฏกาปสฺสยิโกติ อยกณฺฏเก วา ปกติกณฺฏเก วา ภูมิยํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ จมฺมํ อตฺถริตฺวา านจงฺกมาทีนิ กโรติ. เสยฺยนฺติ สยนฺโตปิ ตตฺเถว เสยฺยํ กปฺเปติ. ผลกเสยฺยนฺติ รุกฺขผลเก เสยฺยํ. ถณฺฑิลเสยฺยนฺติ ถณฺฑิเล อุจฺเจ ภูมิาเน เสยฺยํ. เอกปสฺสยิโกติ เอกปสฺเสเนว สยติ. รโชชลฺลธโรติ สรีรํ เตเลน มกฺขิตฺวา รชุฏฺานฏฺาเน ติฏฺติ, อถสฺส สรีเร รโชชลฺลํ ลคฺคติ, ตํ ธาเรติ. ยถาสนฺถติโกติ ลทฺธํ อาสนํ อโกเปตฺวา ยเทว ลภติ, ตตฺเถว นิสีทนสีโล. เวกฏิโกติ วิกฏขาทนสีโล. วิกฏนฺติ คูถํ วุจฺจติ. อปานโกติ ปฏิกฺขิตฺตสีตุทกปาโน. สายํ ตติยมสฺสาติ สายตติยกํ. ปาโต, มชฺฌนฺหิเก, สายนฺติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ปาปํ ปวาเหสฺสามีติ อุทโกโรหนานุโยคํ อนุยุตฺโต วิหรตีติ.
ตโปปกฺกมนิรตฺถกตาวณฺณนา
๓๙๗. อถ ¶ ภควา สีลสมฺปทาทีหิ วินา เตสํ ตโปปกฺกมานํ นิรตฺถกตํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘อเจลโก เจปิ กสฺสป โหตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อารกา วาติ ทูเรเยว. อเวรนฺติ ¶ โทสเวรวิรหิตํ. อพฺยาปชฺชนฺติ โทมนสฺสพฺยาปชฺชรหิตํ.
๓๙๘. ทุกฺกรํ, โภ โคตมาติ อิทํ กสฺสโป ‘‘มยํ ปุพฺเพ เอตฺตกมตฺตํ สามฺฺจ พฺรหฺมฺฺจาติ วิจราม, ตุมฺเห ปน อฺํเยว สามฺฺจ พฺรหฺมฺฺจ วทถา’’ติ ทีเปนฺโต อาห. ปกติ โข เอสาติ ปกติกถา เอสา. อิมาย จ, กสฺสป, มตฺตายาติ ‘‘กสฺสป ยทิ อิมินา ปมาเณน เอวํ ปริตฺตเกน ปฏิปตฺติกฺกเมน สามฺํ วา พฺรหฺมฺํ วา ทุกฺกรํ สุทุกฺกรํ นาม อภวิสฺส, ตโต เนตํ อภวิสฺส กลฺลํ วจนาย ทุกฺกรํ สามฺ’’นฺติ อยเมตฺถ ปทสมฺพนฺเธน สทฺธึ อตฺโถ. เอเตน นเยน สพฺพตฺถ ปทสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
๓๙๙. ทุชฺชาโนติ ¶ อิทมฺปิ โส ‘‘มยํ ปุพฺเพ เอตฺตเกน สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โหตีติ วิจราม, ตุมฺเห ปน อฺถา วทถา’’ติ อิทํ สนฺธายาห. อถสฺส ภควา ตํ ปกติวาทํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สภาวโตว ทุชฺชานภาวํ อาวิกโรนฺโต ปุนปิ – ‘‘ปกติ โข’’ติอาทิมาห. ตตฺราปิ วุตฺตนเยเนว ปทสมฺพนฺธํ กตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สีลสมาธิปฺาสมฺปทาวณฺณนา
๔๐๐-๔๐๑. กตมา ปน สา, โภ โคตมาติ กสฺมา ปุจฺฉติ. อยํ กิร ปณฺฑิโต ภควโต กเถนฺตสฺเสว กถํ อุคฺคเหสิ, อถ อตฺตโน ปฏิปตฺติยา นิรตฺถกตํ วิทิตฺวา สมโณ โคตโม – ‘‘ตสฺส ‘จายํ สีลสมฺปทา, จิตฺตสมฺปทา, ปฺาสมฺปทา อภาวิตา โหติ อสจฺฉิกตา, อถ โข โส อารกาว สามฺา’ติอาทิมาห. หนฺท ทานิ นํ ตา สมฺปตฺติโย ปุจฺฉามี’’ติ สีลสมฺปทาทิวิชานนตฺถํ ปุจฺฉติ. อถสฺส ภควา พุทฺธุปฺปาทํ ทสฺเสตฺวา ตนฺติธมฺมํ กเถนฺโต ตา สมฺปตฺติโย ทสฺเสตุํ – ‘‘อิธ กสฺสปา’’ติอาทิมาห. อิมาย จ กสฺสป สีลสมฺปทายาติ อิทํ อรหตฺตผลเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อรหตฺตผลปริโยสานฺหิ ภควโต สาสนํ. ตสฺมา อรหตฺตผลสมฺปยุตฺตาหิ สีลจิตฺตปฺาสมฺปทาหิ ¶ อฺา อุตฺตริตรา วา ปณีตตรา วา สีลาทิสมฺปทา นตฺถีติ อาห.
สีหนาทกถาวณฺณนา
๔๐๒. เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา อิทานิ อนุตฺตรํ มหาสีหนาทํ นทนฺโต – ‘‘สนฺติ กสฺสป เอเก สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อริยนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ ปรมวิสุทฺธํ. ปรมนฺติ อุตฺตมํ, ปฺจสีลานิ หิอาทึ กตฺวา ยาว ปาติโมกฺขสํวรสีลา สีลเมว, โลกุตฺตรมคฺคผลสมฺปยุตฺตํ ปน ปรมสีลํ นาม. นาหํ ตตฺถาติ ตตฺถ สีเลปิ ปรมสีเลปิ อหํ อตฺตโน สมสมํ มม สีลสเมน สีเลน มยา สมํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามีติ อตฺโถ. อหเมว ตตฺถ ภิยฺโยติ อหเมว ตสฺมึ สีเล อุตฺตโม. กตมสฺมึ? ยทิทํ อธิสีลนฺติ ยํ เอตํ อุตฺตมํ สีลนฺติ อตฺโถ. อิติ อิมํ ปมํ สีหนาทํ นทติ.
ตโปชิคุจฺฉวาทาติ ¶ เย ตโปชิคุจฺฉํ วทนฺติ. ตตฺถ ตปตีติ ตโป, กิเลสสนฺตาปกวีริยสฺเสตํ นามํ, ตเทว เต กิเลเส ชิคุจฺฉตีติ ชิคุจฺฉา. อริยา ปรมาติ เอตฺถ นิทฺโทสตฺตา อริยา, อฏฺอารมฺภวตฺถุวเสนปิ อุปฺปนฺนา วิปสฺสนาวีริยสงฺขาตา ตโปชิคุจฺฉา ตโปชิคุจฺฉาว, มคฺคผลสมฺปยุตฺตา ปรมา นาม. อธิเชคุจฺฉนฺติ อิธ ชิคุจฺฉภาโว เชคุจฺฉํ, อุตฺตมํ เชคุจฺฉํ อธิเชคุจฺฉํ, ตสฺมา ยทิทํ อธิเชคุจฺฉํ, ตตฺถ อหเมว ภิยฺโยติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปฺาธิกาเรปิ กมฺมสฺสกตาปฺา จ วิปสฺสนาปฺา จ ปฺา นาม, มคฺคผลสมฺปยุตฺตา ปรมา ปฺา นาม. อธิปฺนฺติ เอตฺถ ลิงฺควิปลฺลาโส เวทิตพฺโพ, อยํ ปเนตฺถตฺโถ – ยายํ อธิปฺา นาม อหเมว ตตฺถ ภิยฺโยติ วิมุตฺตาธิกาเร ¶ ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺติโย วิมุตฺติ นาม, สมุจฺเฉทปฏิปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺติโย ปน ปรมา วิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. อิธาปิ จ ยทิทํ อธิวิมุตฺตีติ ยา อยํ อธิวิมุตฺติ, อหเมว ตตฺถ ภิยฺโยติ อตฺโถ.
๔๐๓. สฺุาคาเรติ สฺุเ ฆเร, เอกโกว นิสีทิตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปริสาสุ จาติ อฏฺสุ ปริสาสุ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘จตฺตาริมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ. เยหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐) สุตฺตํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
ปฺหฺจ นํ ปุจฺฉนฺตีติ ปณฺฑิตา เทวมนุสฺสา นํ ปฺหํ อภิสงฺขริตฺวา ปุจฺฉนฺติ. พฺยากโรตีติ ¶ ตงฺขณฺเว วิสฺสชฺเชสิ. จิตฺตํ อาราเธตีติ ปฺหาวิสฺสชฺชเนน มหาชนสฺส จิตฺตํ ปริโตเสติเยว. โน จ โข โสตพฺพํ มฺนฺตีติ จิตฺตํ อาราเธตฺวา กเถนฺตสฺสปิสฺส วจนํ ปเร โสตพฺพํ น มฺนฺตีติ, เอวฺจ วเทยฺยุนฺติ อตฺโถ. โสตพฺพฺจสฺส มฺนฺตีติ เทวาปิ มนุสฺสาปิ มหนฺเตเนว อุสฺสาเหน โสตพฺพํ มฺนฺติ. ปสีทนฺตีติ สุปสนฺนา กลฺลจิตฺตา มุทุจิตฺตา โหนฺติ. ปสนฺนาการํ กโรนฺตีติ น มุทฺธปฺปสนฺนาว โหนฺติ, ปณีตานิ จีวราทีนิ เวฬุวนวิหาราทโย จ มหาวิหาเร ปริจฺจชนฺตา ปสนฺนาการํ กโรนฺติ. ตถตฺตายาติ ยํ โส ธมฺมํ เทเสติ ตถา ภาวาย, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติปูรณตฺถาย ปฏิปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. ตถตฺตาย จ ปฏิปชฺชนฺตีติ ตถภาวาย ปฏิปชฺชนฺติ, ตสฺส หิ ¶ ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา เกจิ สรเณสุ เกจิ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺหนฺติ, อปเร นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺติ. ปฏิปนฺนา จ อาราเธนฺตีติ ตฺจ ปน ปฏิปทํ ปฏิปนฺนา ปูเรตุํ สกฺโกนฺติ, สพฺพากาเรน ปน ปูเรนฺติ, ปฏิปตฺติปูรเณน ¶ ตสฺส โภโต โคตมสฺส จิตฺตํ อาราเธนฺตีติ วตฺตพฺพา.
อิมสฺมึ ปโนกาเส ตฺวา สีหนาทา สโมธาเนตพฺพา. เอกจฺจํ ตปสฺสึ นิรเย นิพฺพตฺตํ ปสฺสามีติ หิ ภควโต เอโก สีหนาโท. อปรํ สคฺเค นิพฺพตฺตํ ปสฺสามีติ เอโก. อกุสลธมฺมปฺปหาเน อหเมว เสฏฺโติ เอโก. กุสลธมฺมสมาทาเนปิ อหเมว เสฏฺโติ เอโก. อกุสลธมฺมปฺปหาเน มยฺหเมว สาวกสงฺโฆ เสฏฺโติ เอโก. กุสลธมฺมสมาทาเนปิ มยฺหํเยว สาวกสงฺโฆ เสฏฺโติ เอโก. สีเลน มยฺหํ สทิโส นตฺถีติ เอโก. วีริเยน มยฺหํ สทิโส นตฺถีติ เอโก. ปฺาย…เป… วิมุตฺติยา…เป… สีหนาทํ นทนฺโต ปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา นทามีติ เอโก. วิสารโท หุตฺวา นทามีติ เอโก. ปฺหํ มํ ปุจฺฉนฺตีติ เอโก. ปฺหํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชมีติ เอโก. วิสฺสชฺชเนน ปรสฺส จิตฺตํ อาราเธมีติ เอโก. สุตฺวา โสตพฺพํ มฺนฺตีติ เอโก. สุตฺวา เม ปสีทนฺตีติ เอโก. ปสนฺนาการํ กโรนฺตีติ เอโก. ยํ ปฏิปตฺตึ เทเสมิ, ตถตฺตาย ปฏิปชฺชนฺตีติ เอโก. ปฏิปนฺนา จ มํ อาราเธนฺตีติ เอโก. อิติ ปุริมานํ ทสนฺนํ เอเกกสฺส – ‘‘ปริสาสุ จ นทตี’’ติ อาทโย ทส ทส ปริวารา. เอวํ เต ทส ปุริมานํ ทสนฺนํ ปริวารวเสน สตํ ปุริมา จ ทสาติ ทสาธิกํ สีหนาทสตํ โหติ. อิโต อฺสฺมึ ปน สุตฺเต เอตฺตกา สีหนาทา ทุลฺลภา, เตนิทํ สุตฺตํ มหาสีหนาทนฺติ วุจฺจติ. อิติ ภควา ‘‘สีหนาทํ โข สมโณ โคตโม นทติ, ตฺจ โข สฺุาคาเร นทตี’’ติ เอวํ วาทานุ วาทํ ปฏิเสเธตฺวา อิทานิ ปริสติ นทิตปุพฺพํ สีหนาทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกมิทาห’’นฺติอาทิมาห.
ติตฺถิยปริวาสกถาวณฺณนา
๔๐๔. ตตฺถ ¶ ¶ ตตฺร มํ อฺตโร ตปพฺรหฺมจารีติ ตตฺร ราชคเห คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต วิหรนฺตํ มํ อฺตโร ตปพฺรหฺมจารี นิคฺโรโธ นาม ปริพฺพาชโก ¶ . อธิเชคุจฺเฉติ วีริเยน ปาปชิคุจฺฉนาธิกาเร ปฺหํ ปุจฺฉิ. อิทํ ยํ ตํ ภควา คิชฺฌกูเฏ มหาวิหาเร นิสินฺโน อุทุมฺพริกาย เทวิยา อุยฺยาเน นิสินฺนสฺส นิคฺโรธสฺส จ ปริพฺพาชกสฺส สนฺธานสฺส จ อุปาสกสฺส ทิพฺพาย โสตธาตุยา กถาสลฺลาปํ สุตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา เตสํ สนฺติเก ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิตฺวา นิคฺโรเธน อธิเชคุจฺเฉ ปุฏฺปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปรํ วิย มตฺตายาติ ปรมาย มตฺตาย, อติมหนฺเตเนว ปมาเณนาติ อตฺโถ. โก หิ, ภนฺเตติ เปตฺวา อนฺธพาลํ ทิฏฺิคติกํ อฺโ ปณฺฑิตชาติโก ‘‘โก นาม ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา น อตฺตมโน อสฺสา’’ติ วทติ. ลเภยฺยาหนฺติ อิทํ โส – ‘‘จิรํ วต เม อนิยฺยานิกปกฺเข โยเชตฺวา อตฺตา กิลมิโต, ‘สุกฺขนทีตีเร นฺหายิสฺสามี’ติ สมฺปริวตฺเตนฺเตน วิย ถุเส โกฏฺเฏนฺเตน วิย น โกจิ อตฺโถ นิปฺผาทิโต. หนฺทาหํ อตฺตานํ โยเค โยเชสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อาห. อถ ภควา โย อเนน ขนฺธเก ติตฺถิยปริวาโส ปฺตฺโต, โย อฺติตฺถิยปุพฺโพ สามเณรภูมิยํ ิโต – ‘‘อหํ ภนฺเต, อิตฺถนฺนาโม อฺติตฺถิยปุพฺโพ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อากงฺขามิ อุปสมฺปทํ, สฺวาหํ, ภนฺเต, สํฆํ จตฺตาโร มาเส ปริวาสํ ยาจามี’’ติอาทินา (มหาว. ๘๖) นเยน สมาทิยิตฺวา ปริวสติ, ตํ สนฺธาย – ‘‘โย โข, กสฺสป, อฺติตฺถิยปุพฺโพ’’ติอาทิมาห.
๔๐๕. ตตฺถ ปพฺพชฺชนฺติ วจนสิลิฏฺตาวเสเนว วุตฺตํ, อปริวสิตฺวาเยว หิ ปพฺพชฺชํ ลภติ. อุปสมฺปทตฺถิเกน ปน นาติกาเลน คามปฺปเวสนาทีนิ อฏฺ วตฺตานิ ปูเรนฺเตน ปริวสิตพฺพํ. อารทฺธจิตฺตาติ อฏฺวตฺตปูรเณน ¶ ตุฏฺจิตฺตา, อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ. วิตฺถารโต ปเนส ติตฺถิยปริวาโส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถายํ ปพฺพชฺชขนฺธกวณฺณนาย วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. อปิ จ เมตฺถาติ อปิ จ เม เอตฺถ. ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตาติ ปุคฺคลนานตฺตํ วิทิตํ. ‘‘อยํ ปุคฺคโล ปริวาสารโห, อยํ น ปริวาสารโห’’ติ อิทํ มยฺหํ ปากฏนฺติ ทสฺเสติ. ตโต กสฺสโป จินฺเตสิ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ พุทฺธสาสนํ, ยตฺถ เอวํ ฆํสิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ยุตฺตเมว คณฺหนฺติ, อยุตฺตํ ฉฑฺเฑนฺตี’’ติ, ตโต สุฏฺุตรํ ปพฺพชฺชาย สฺชาตุสฺสาโห – ‘‘สเจ ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
อถ ¶ โข ภควา ตสฺส ติพฺพจฺฉนฺทตํ วิทิตฺวา – ‘‘น กสฺสโป ปริวาสํ อรหตี’’ติ อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘คจฺฉ ภิกฺขุ กสฺสปํ นฺหาเปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อาเนหี’’ติ. โส ¶ ตถา กตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา ภควโต สนฺติกํ อาคมาสิ. ภควา ตํ คณมชฺเฌ นิสีทาเปตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อลตฺถ โข อเจโล กสฺสโป ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปท’’นฺติ. อจิรูปสมฺปนฺโนติ อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา นจิรเมว. วูปกฏฺโติ วตฺถุกามกิเลสกาเมหิ กาเยน เจว จิตฺเตน จ วูปกฏฺโ. อปฺปมตฺโตติ กมฺมฏฺาเน สตึ อวิชหนฺโต. อาตาปีติ กายิกเจตสิกสงฺขาเตน วีริยาตาเปน อาตาปี. ปหิตตฺโตติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย เปสิตจิตฺโต วิสฺสฏฺอตฺตภาโว. ยสฺสตฺถายาติ ยสฺส อตฺถาย. กุลปุตฺตาติ อาจารกุลปุตฺตา. สมฺมเทวาติ เหตุนาว การเณเนว. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานภูตํ อรหตฺตผลํ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ ¶ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ กตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหาสิ, เอวํ วิหรนฺโต จ ขีณา ชาติ…เป… อพฺภฺาสีติ.
เอวมสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมึ ทสฺเสตฺวา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปตุํ ‘‘อฺตโร โข ปนายสฺมา กสฺสโป อรหตํ อโหสี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อฺตโรติ เอโก. อรหตนฺติ อรหนฺตานํ, ภควโต สาวกานํ อรหนฺตานํ อพฺภนฺตโร อโหสีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ยํ ยํ ปน อนฺตรนฺตรา น วุตฺตํ, ตํ ตํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตตฺตา ปากฏเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนา
โปฏฺปาทปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
๔๐๖. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตฺตํ…เป… สาวตฺถิยนฺติ โปฏฺปาทสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย โย เชตสฺส กุมารสฺส วเน อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา อาราโม การิโต, ตตฺถ วิหรติ. โปฏฺปาโท ปริพฺพาชโกติ นาเมน โปฏฺปาโท นาม ฉนฺนปริพฺพาชโก. โส กิร คิหิกาเล พฺราหฺมณมหาสาโล กาเมสุอาทีนวํ ทิสฺวา จตฺตาลีสโกฏิปริมาณํ โภคกฺขนฺธํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา ติตฺถิยานํ คณาจริโย ชาโต. สมยํ ปวทนฺติ เอตฺถาติ สมยปฺปวาทโก, ตสฺมึ กิร าเน จงฺกีตารุกฺขโปกฺขรสาติปฺปภุตโย พฺราหฺมณา นิคณฺอเจลกปริพฺพาชกาทโย จ ปพฺพชิตา สนฺนิปติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สมยํ วทนฺติ กเถนฺติ ทีเปนฺติ, ตสฺมา โส อาราโม สมยปฺปวาทโกติ วุจฺจติ. สฺเวว จ ตินฺทุกาจีรสงฺขาตาย ติมฺพรูรุกฺขปนฺติยา ปริกฺขิตฺตตฺตา ตินฺทุกาจีโร. ยสฺมา ปเนตฺถ ปมํ เอกาว สาลา อโหสิ, ปจฺฉา มหาปฺุํ ปริพฺพาชกํ นิสฺสาย พหู สาลา กตา. ตสฺมา ตเมว เอกํ สาลํ อุปาทาย ลทฺธนามวเสน เอกสาลโกติ วุจฺจติ. มลฺลิกาย ปน ปเสนทิรฺโ เทวิยา อุยฺยานภูโต โส ปุปฺผผลสมฺปนฺโน อาราโมติ กตฺวา มลฺลิกาย อาราโมติ สงฺขฺยํ คโต. ตสฺมึ สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม.
ปฏิวสตีติ นิวาสผาสุตาย วสติ. อเถกทิวสํ ภควา ปจฺจูสสมเย สพฺพฺุตฺาณํ ¶ ปตฺถริตฺวา โลกํ ปริคฺคณฺหนฺโต าณชาลสฺส อนฺโตคตํ ปริพฺพาชกํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ โปฏฺปาโท มยฺหํ าณชาเล ปฺายติ, กินฺนุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปปริกฺขนฺโต อทฺทส – ‘‘อหํ อชฺช ตตฺถ คมิสฺสามิ, อถ มํ โปฏฺปาโท นิโรธฺจ นิโรธวุฏฺานฺจ ปุจฺฉิสฺสติ, ตสฺสาหํ สพฺพพุทฺธานํ าเณน สํสนฺทิตฺวา ตทุภยํ กเถสฺสามิ, อถ โส กติปาหจฺจเยน ¶ จิตฺตํ หตฺถิสาริปุตฺตํ คเหตฺวา มม ¶ สนฺติกํ อาคมิสฺสติ, เตสมหํ ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, เทสนาวสาเน โปฏฺปาโท มํ สรณํ คมิสฺสติ, จิตฺโต หตฺถิสาริปุตฺโต มม สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ. ตโต ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา วิชฺชุลตาสทิสํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ยุคนฺธรปพฺพตํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตมหาเมฆํ วิย เมฆวณฺณํ ปํสุกูลํ เอกํสวรคตํ กตฺวา ปจฺจคฺฆํ เสลมยปตฺตํ วามอํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสามีติ สีโห วิย หิมวนฺตปาทา วิหารา นิกฺขมิ. อิมมตฺถํ สนฺธาย – ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๔๐๗. เอตทโหสีติ นครทฺวารสมีปํ คนฺตฺวา อตฺตโน รุจิวเสน สูริยํ โอโลเกตฺวา อติปฺปคภาวเมว ทิสฺวา เอตํ อโหสิ. ยํนูนาหนฺติ สํสยปริทีปโน วิย นิปาโต, พุทฺธานฺจ สํสโย นาม นตฺถิ – ‘‘อิทํ กริสฺสาม, อิทํ น กริสฺสาม, อิมสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสาม, อิมสฺส น เทเสสฺสามา’’ติ เอวํ ปริวิตกฺกปุพฺพภาโค ปเนส สพฺพพุทฺธานํ ลพฺภติ. เตนาห – ‘‘ยํนูนาห’’นฺติ, ยทิ ปนาหนฺติ อตฺโถ.
๔๐๘. อุนฺนาทินิยาติ อุจฺจํ นทมานาย, เอวํ นทมานาย จสฺสา อุทฺธํ คมนวเสน อุจฺโจ, ทิสาสุ ปตฺถฏวเสน มหา สทฺโทติ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาย, เตสฺหิ ปริพฺพาชกานํ ปาโตว วุฏฺาย กตฺตพฺพํ นาม เจติยวตฺตํ วา โพธิวตฺตํ วา อาจริยุปชฺฌายวตฺตํ ¶ วา โยนิโส มนสิกาโร วา นตฺถิ. เตน เต ปาโตว วุฏฺาย พาลาตเป นิสินฺนา – ‘‘อิมสฺส หตฺโถ โสภโน, อิมสฺส ปาโท’’ติ เอวํ อฺมฺสฺส หตฺถปาทาทีนิ วา อารพฺภ, อิตฺถิปุริสทารกทาริกาทีนํ วณฺเณ วา, อฺํ วา กามสฺสาทภวสฺสาทาทิวตฺถุํ อารพฺภ กถํ สมุฏฺาเปตฺวา อนุปุพฺเพน ราชกถาทิอเนกวิธํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุนฺนาทินิยา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาย อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติยา’’ติ.
ตโต โปฏฺปาโท ปริพฺพาชโก เต ปริพฺพาชเก โอโลเกตฺวา – ‘‘อิเม ปริพฺพาชกา อติวิย อฺมฺํ อคารวา, มยฺจ สมณสฺส โคตมสฺส ปาตุภาวโต ปฏฺาย สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกูปมา ชาตา, ลาภสกฺกาโรปิ โน ปริหีโน. สเจ ปนิมํ านํ สมโณ โคตโม วา โคตมสฺส สาวโก วา คิหี อุปฏฺาโก วา ตสฺส อาคจฺเฉยฺย ¶ , อติวิย ลชฺชนียํ ภวิสฺสติ, ปริสโทโส โข ปน ปริสเชฏฺกสฺเสว อุปริ อาโรหตี’’ติ อิโตจิโต จ วิโลเกนฺโต ภควนฺตํ อทฺทส. เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข โปฏฺปาโท ปริพฺพาชโก…เป… ตุณฺหี อเหสุ’’นฺติ.
๔๐๙. ตตฺถ ¶ สณฺเปสีติ สิกฺขาเปสิ, วชฺชมสฺสา ปฏิจฺฉาเทสิ. ยถา สุสณฺิตา โหติ, ตถา นํ เปสิ. ยถา นาม ปริสมชฺฌํ ปวิสนฺโต ปุริโส วชฺชปฏิจฺฉาทนตฺถํ นิวาสนํ สณฺเปติ, ปารุปนํ สณฺเปติ, รโชกิณฺณฏฺานํ ปฺุฉติ; เอวมสฺสา วชฺชปฏิจฺฉาทนตฺถํ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภนฺโต’’ติ สิกฺขาเปนฺโต ยถา สุสณฺิตา โหติ, ตถา นํ เปสีติ อตฺโถ. อปฺปสทฺทกาโมติ อปฺปสทฺทํ อิจฺฉติ, เอโก นิสีทติ, เอโก ติฏฺติ, น คณสงฺคณิกาย ยาเปติ. อุปสงฺกมิตพฺพํ มฺเยฺยาติ อิธาคนฺตพฺพํ มฺเยฺย. กสฺมา ปเนส ภควโต อุปสงฺกมนํ ปจฺจาสีสตีติ? อตฺตโน วุทฺธึ ปตฺถยมาโน. ปริพฺพาชกา กิร พุทฺเธสุ วา พุทฺธสาวเกสุ วา อตฺตโน สนฺติกํ อาคเตสุ – ‘‘อชฺช อมฺหากํ สนฺติกํ สมโณ โคตโม อาคโต ¶ , สาริปุตฺโต อาคโต, น โข ปน เต ยสฺส วา ตสฺส วา สนฺติกํ คจฺฉนฺติ, ปสฺสถ อมฺหากํ อุตฺตมภาว’’นฺติ อตฺตโน อุปฏฺากานํ สนฺติเก อตฺตานํ อุกฺขิปนฺติ, อุจฺเจ าเน เปนฺติ, ภควโตปิ อุปฏฺาเก คณฺหิตุํ วายมนฺติ. เต กิร ภควโต อุปฏฺาเก ทิสฺวา เอวํ วทนฺติ – ‘‘ตุมฺหากํ สตฺถา ภวํ โคตโมปิ โคตมสาวกาปิ อมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ, มยํ อฺมฺํ สมคฺคา. ตุมฺเห ปน อมฺเห อกฺขีหิปิ ปสฺสิตุํ น อิจฺฉถ, สามีจิกมฺมํ น กโรถ, กึ โว อมฺเหหิ อปรทฺธ’’นฺติ. อเถกจฺเจ มนุสฺสา – ‘‘พุทฺธาปิ เอเตสํ สนฺติกํ คจฺฉนฺติ กึ อมฺหาก’’นฺติ ตโต ปฏฺาย เต ทิสฺวา นปฺปมชฺชนฺติ. ตุณฺหี อเหสุนฺติ โปฏฺปาทํ ปริวาเรตฺวา นิสฺสทฺทา นิสีทึสุ.
๔๑๐. สฺวาคตํ, ภนฺเตติ สุฏฺุ อาคมนํ, ภนฺเต, ภควโต; ภควติ หิ โน อาคเต อานนฺโท โหติ, คเต โสโกติ ทีเปติ. จิรสฺสํ โข, ภนฺเตติ กสฺมา อาห? กึ ภควา ปุพฺเพปิ ตตฺถ คตปุพฺโพติ, น คตปุพฺโพ. มนุสฺสานํ ปน – ‘‘กุหึ คจฺฉนฺตา, กุโต อาคตตฺถ, กึ มคฺคมูฬฺหตฺถ, จิรสฺสํ อาคตตฺถา’’ติ เอวมาทโย ปิยสมุทาจารา ¶ โหนฺติ, ตสฺมา เอวมาห. เอวฺจ ปน วตฺวา น มานถทฺโธ หุตฺวา นิสีทิ, อุฏฺายาสนา ภควโต ปจฺจุคฺคมนมกาสิ. ภควนฺตฺหิ อุปคตํ ทิสฺวา อาสเนน อนิมนฺเตนฺโต วา อปจิตึ อกโรนฺโต วา ทุลฺลโภ. กสฺมา? อุจฺจากุลีนตาย. อยมฺปิ ปริพฺพาชโก อตฺตโน นิสินฺนาสนํ ปปฺโผเฏตฺวา ภควนฺตํ อาสเนน นิมนฺเตนฺโต – ‘‘นิสีทตุ, ภนฺเต, ภควา อิทมาสนํ ปฺตฺต’’นฺติ อาห. อนฺตรากถา วิปฺปกตาติ นิสินฺนานํ โว อาทิโต ปฏฺาย ยาว มมาคมนํ, เอตสฺมึ อนฺตเร กา นาม กถา วิปฺปกตา, มมาคมนปจฺจยา กตมา กถา ปริยนฺตํ น คตา, วทถ, ยาว นํ ปริยนฺตํ เนตฺวา เทมีติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ. อถ ปริพฺพาชโก – ‘‘นิรตฺถกกถา เอสา นิสฺสารา วฏฺฏสนฺนิสฺสิตา, น ตุมฺหากํ ปุรโต วตฺตพฺพตํ อรหตี’’ติ ทีเปนฺโต ‘‘ติฏฺเตสา ¶ , ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
อภิสฺานิโรธกถาวณฺณนา
๔๑๑. ติฏฺเตสา ¶ , ภนฺเตติ สเจ ภควา โสตุกาโม ภวิสฺสติ, ปจฺฉาเปสา กถา น ทุลฺลภา ภวิสฺสติ, อมฺหากํ ปนิมาย กถาย อตฺโถ นตฺถิ. ภควโต ปนาคมนํ ลภิตฺวา มยํ อฺเทว สุการณํ ปุจฺฉามาติ ทีเปติ. ตโต ตํ ปุจฺฉนฺโต – ‘‘ปุริมานิ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โกตูหลสาลายนฺติ โกตูหลสาลา นาม ปจฺเจกสาลา นตฺถิ. ยตฺถ ปน นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณา นานาวิธํ กถํ ปวตฺเตนฺติ, สา พหูนํ – ‘‘อยํ กึ วทติ, อยํ กึ วทตี’’ติ โกตูหลุปฺปตฺติฏฺานโต โกตูหลสาลาติ วุจฺจติ. อภิสฺานิโรเธติ เอตฺถ อภีติ อุปสคฺคมตฺตํ. สฺานิโรเธติ จิตฺตนิโรเธ, ขณิกนิโรเธ กถา อุปฺปนฺนาติ อตฺโถ. อิทํ ปน ตสฺสา อุปฺปตฺติการณํ. ยทา กิร ภควา ชาตกํ วา กเถติ, สิกฺขาปทํ วา ปฺเปติ ตทา สกลชมฺพุทีเป ภควโต กิตฺติโฆโส ปตฺถรติ, ติตฺถิยา ตํ สุตฺวา – ‘‘ภวํ กิร โคตโม ปุพฺพจริยํ กเถสิ, มยํ กึ น สกฺโกม ตาทิสํ กิฺจิ กเถตุ’’นฺติ ภควโต ปฏิภาคกิริยํ กโรนฺตา เอกํ ภวนฺตรสมยํ กเถนฺติ – ‘‘ภวํ โคตโม สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ, มยํ กึ น สกฺโกม ปฺเปตุ’’นฺติ อตฺตโน สาวกานํ กิฺจิเทว สิกฺขาปทํ ปฺเปนฺติ. ตทา ปน ¶ ภควา อฏฺวิธปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา นิโรธกถํ กเถสิ. ติตฺถิยา ตํ สุตฺวา – ‘‘ภวํ กิร โคตโม นิโรธํ นาม กเถสิ, มยมฺปิ ตํ กเถสฺสามา’’ติ สนฺนิปติตฺวา กถยึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อภิสฺานิโรเธ กถา อุทปาที’’ติ.
ตตฺเรกจฺเจติ เตสุ เอกจฺเจ. ปุริโม เจตฺถ ยฺวายํ พาหิเร ติตฺถายตเน ปพฺพชิโต จิตฺตปฺปวตฺติยํ โทสํ ทิสฺวา อจิตฺตกภาโว สนฺโตติ สมาปตฺตึ ภาเวตฺวา อิโต จุโต ปฺจ กปฺปสตานิ อสฺีภเว ตฺวา ปุน อิธ อุปฺปชฺชติ. ตสฺส สฺุปฺปาเท จ นิโรเธ จ เหตุํ อปสฺสนฺโต – อเหตู อปฺปจฺจยาติ อาห.
ทุติโย ¶ นํ นิเสเธตฺวา มิคสิงฺคตาปสสฺส อสฺกภาวํ คเหตฺวา – ‘‘อุเปติปิ อเปติปี’’ติ อาห. มิคสิงฺคตาปโส กิร อตฺตนฺตโป โฆรตโป ปรมธิตินฺทฺริโย อโหสิ. ตสฺส สีลเตเชน สกฺกวิมานํ อุณฺหํ อโหสิ. สกฺโก เทวราชา ‘‘สกฺกฏฺานํ นุ โข ตาปโส ปตฺเถตี’’ติ อลมฺพุสํ นาม เทวกฺํ – ‘ตาปสสฺส ตปํ ภินฺทิตฺวา เอหี’ติ เปเสสิ. สา ตตฺถ คตา. ตาปโส ปมทิวเส ตํ ทิสฺวาว ปลายิตฺวา ปณฺณสาลํ ปาวิสิ. ทุติยทิวเส กามจฺฉนฺทนีวรเณน ภคฺโค ตํ หตฺเถ อคฺคเหสิ, โส เตน ทิพฺพผสฺเสน ผุฏฺโ วิสฺี หุตฺวา ติณฺณํ ¶ สํวจฺฉรานํ อจฺจเยน สฺํ ปฏิลภิ. ตํ โส ทิฏฺิคติโก – ‘‘ติณฺณํ สํวจฺฉรานํ อจฺจเยน นิโรธา วุฏฺิโต’’ติ มฺมาโน เอวมาห.
ตติโย นํ นิเสเธตฺวา อาถพฺพณปโยคํ สนฺธาย ‘‘อุปกฑฺฒนฺติปิ อปกฑฺฒนฺติปี’’ติ อาห. อาถพฺพณิกา กิร อาถพฺพณํ ปโยเชตฺวา สตฺตํ สีสจฺฉินฺนํ วิย หตฺถจฺฉินฺนํ วิย มตํ วิย จ กตฺวา ทสฺเสนฺติ. ตสฺส ปุน ปากติกภาวํ ทิสฺวา โส ทิฏฺิคติโก – ‘‘นิโรธา วุฏฺิโต อย’’นฺติ มฺมาโน เอวมาห.
จตุตฺโถ นํ นิเสเธตฺวา ยกฺขทาสีนํ มทนิทฺทํ สนฺธาย ‘‘สนฺติ หิ โภ เทวตา’’ติอาทิมาห. ยกฺขทาสิโย กิร สพฺพรตฺตึ เทวตูปหารํ กุรุมานา นจฺจิตฺวา คายิตฺวา อรุโณทเย เอกํ สุราปาตึ ปิวิตฺวา ¶ ปริวตฺติตฺวา สุปิตฺวา ทิวา วุฏฺหนฺติ. ตํ ทิสฺวา โส ทิฏฺิคติโก – ‘‘สุตฺตกาเล นิโรธํ สมาปนฺนา, ปพุทฺธกาเล นิโรธา วุฏฺิตา’’ติ มฺมาโน เอวมาห.
อยํ ปน โปฏฺปาโท ปริพฺพาชโก ปณฺฑิตชาติโก. เตนสฺส ตํ กถํ สุตฺวา วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชิ. ‘‘อิเมสํ กถา เอฬมูคกถา วิย จตฺตาโร หิ นิโรเธ เอเต ปฺเปนฺติ, อิมินา จ นิโรเธน นาม เอเกน ภวิตพฺพํ, น พหุนา. เตนาปิ เอเกน อฺเเนว ภวิตพฺพํ, โส ปน อฺเน าตุํ น ¶ สกฺกา อฺตฺร สพฺพฺุนา. สเจ ภควา อิธ อภวิสฺส ‘อยํ นิโรโธ อยํ น นิโรโธ’ติ ทีปสหสฺสํ วิย อุชฺชาเลตฺวา อชฺชเมว ปากฏํ อกริสฺสา’’ติ ทสพลฺเว อนุสฺสริ. ตสฺมา ‘‘ตสฺส มยฺหํ ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อโห นูนาติ อนุสฺสรณตฺเถ นิปาตทฺวยํ, เตน ตสฺส ภควนฺตํ อนุสฺสรนฺตสฺส เอตทโหสิ ‘‘อโห นูน ภควา อโห นูน สุคโต’’ติ. โย อิเมสนฺติ โย เอเตสํ นิโรธธมฺมานํ สุกุสโล นิปุโณ เฉโก, โส ภควา อโห นูน กเถยฺย, สุคโต อโห นูน กเถยฺยาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ปกตฺูติ จิณฺณวสิตาย ปกตึ สภาวํ ชานาตีติ ปกตฺู. กถํ นุ โขติ อิทํ ปริพฺพาชโก ‘‘มยํ ภควา น ชานาม, ตุมฺเห ชานาถ, กเถถ โน’’ติ อายาจนฺโต วทติ. อถ ภควา กเถนฺโต ‘‘ตตฺร โปฏฺปาทา’’ติอาทิมาห.
อเหตุกสฺุปฺปาทนิโรธกถาวณฺณนา
๔๑๒. ตตฺถ ตตฺราติ เตสุ สมณพฺราหฺมเณสุ. อาทิโตว เตสํ อปรทฺธนฺติ เตสํ อาทิมฺหิเยว ¶ วิรทฺธํ, ฆรมชฺเฌเยว ปกฺขลิตาติ ทีเปติ. สเหตู สปฺปจฺจยาติ เอตฺถ เหตุปิ ปจฺจโยปิ การณสฺเสว นามํ, สการณาติ อตฺโถ. ตํ ปน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สิกฺขา เอกา’’ติ อาห. ตตฺถ สิกฺขา เอกา สฺา อุปฺปชฺชนฺตีติ สิกฺขาย เอกจฺจา สฺา ชายนฺตีติ อตฺโถ.
๔๑๓. กา จ สิกฺขาติ ภควา อโวจาติ กตมา จ สา สิกฺขาติ ภควา วิตฺถาเรตุกมฺยตาปุจฺฉาวเสน อโวจ. อถ ยสฺมา อธิสีลสิกฺขา อธิจิตฺตสิกฺขา อธิปฺาสิกฺขาติ ติสฺโส สิกฺขา โหนฺติ. ตสฺมา ตา ทสฺเสนฺโต ภควา สฺาย สเหตุกํ อุปฺปาทนิโรธํ ทีเปตุํ พุทฺธุปฺปาทโต ปภุติ ตนฺติธมฺมํ เปนฺโต ‘‘อิธ โปฏฺปาท, ตถาคโต โลเก’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อธิสีลสิกฺขา ¶ อธิจิตฺตสิกฺขาติ ทฺเว เอว สิกฺขา สรูเปน อาคตา, ตติยา ปน ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ โข โปฏฺปาท มยา เอกํสิโก ธมฺโม เทสิโต’’ติ เอตฺถ สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปวเสน ปริยาปนฺนตฺตา อาคตาติ เวทิตพฺพา. กามสฺาติ ปฺจกามคุณิกราโคปิ อสมุปฺปนฺนกามจาโรปิ ¶ . ตตฺถ ปฺจกามคุณิกราโค อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาตํ คจฺฉติ, อสมุปฺปนฺนกามจาโร ปน อิมสฺมึ าเน วฏฺฏติ. ตสฺมา ตสฺส ยา ปุริมา กามสฺาติ ตสฺส ปมชฺฌานสมงฺคิโน ยา ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพาย กามสฺาย สทิสตฺตา ปุริมา กามสฺาติ วุจฺเจยฺย, สา นิรุชฺฌติ, อนุปฺปนฺนาว นุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ.
วิเวกชปีติสุขสุขุมสจฺจสฺีเยว ตสฺมึ สมเย โหตีติ ตสฺมึ ปมชฺฌานสมเย วิเวกชปีติสุขสงฺขาตา สุขุมสฺา สจฺจา โหติ, ภูตา โหตีติ อตฺโถ. อถ วา กามจฺฉนฺทาทิโอฬาริกงฺคปฺปหานวเสน สุขุมา จ สา ภูตตาย สจฺจา จ สฺาติ สุขุมสจฺจสฺา, วิเวกเชหิ ปีติสุเขหิ สมฺปยุตฺตา สุขุมสจฺจสฺาติ วิเวกชปีติสุขสุขุมสจฺจสฺา สา อสฺส อตฺถีติ วิเวกชปีติสุขสุขุมสจฺจสฺีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอส นโย สพฺพตฺถ. เอวมฺปิ สิกฺขาติ เอตฺถ ยสฺมา ปมชฺฌานํ สมาปชฺชนฺโต อธิฏฺหนฺโต, วุฏฺหนฺโต จ สิกฺขติ, ตสฺมา ตํ เอวํ สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขาติ วุจฺจติ. เตนปิ สิกฺขาสงฺขาเตน ปมชฺฌาเนน เอวํ เอกา วิเวกชปีติสุขสุขุมสจฺจสฺา อุปฺปชฺชติ. เอวํ เอกา กามสฺา นิรุชฺฌตีติ อตฺโถ. อยํ สิกฺขาติ ภควา อโวจาติ อยํ ปมชฺฌานสงฺขาตา เอกา สิกฺขาติ, ภควา อาห. เอเตนุปาเยน สพฺพตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ยสฺมา ปน อฏฺมสมาปตฺติยา องฺคโต สมฺมสนํ พุทฺธานํเยว โหติ, สาวเกสุ สาริปุตฺตสทิสานมฺปิ ¶ นตฺถิ, กลาปโต สมฺมสนํเยว ปน สาวกานํ โหติ, อิทฺจ ‘‘สฺา สฺา’’ติ, เอวํ องฺคโต สมฺมสนํ อุทฺธฏํ. ตสฺมา ¶ อากิฺจฺายตนปรมํเยว สฺํ ทสฺเสตฺวา ปุน ตเทว สฺคฺคนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยโต โข โปฏฺปาท…เป… สฺคฺคํ ผุสตี’’ติ อาห.
๔๑๔. ตตฺถ ¶ ยโต โข โปฏฺปาท ภิกฺขูติ โย นาม โปฏฺปาท ภิกฺขุ. อิธ สกสฺี โหตีติ อิธ สาสเน สกสฺี โหติ, อยเมว วา ปาโ, อตฺตโน ปมชฺฌานสฺาย สฺวา โหตีติ อตฺโถ. โส ตโต อมุตฺร ตโต อมุตฺราติ โส ภิกฺขุ ตโต ปมชฺฌานโต อมุตฺร ทุติยชฺฌาเน, ตโตปิ อมุตฺร ตติยชฺฌาเนติ เอวํ ตาย ตาย ฌานสฺาย สกสฺี สกสฺี หุตฺวา อนุปุพฺเพน สฺคฺคํ ผุสติ. สฺคฺคนฺติ อากิฺจฺายตนํ วุจฺจติ. กสฺมา? โลกิยานํ กิจฺจการกสมาปตฺตีนํ อคฺคตฺตา. อากิฺจฺายตนสมาปตฺติยฺหิ ตฺวา เนวสฺานาสฺายตนมฺปิ นิโรธมฺปิ สมาปชฺชนฺติ. อิติ สา โลกิยานํ กิจฺจการกสมาปตฺตีนํ อคฺคตฺตา สฺคฺคนฺติ วุจฺจติ, ตํ ผุสติ ปาปุณาตีติ อตฺโถ.
อิทานิ อภิสฺานิโรธํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส สฺคฺเค ิตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เจเตยฺยํ, อภิสงฺขเรยฺยนฺติ ปททฺวเย จ ฌานํ สมาปชฺชนฺโต เจเตติ นาม, ปุนปฺปุนํ กปฺเปตีติ อตฺโถ. อุปริสมาปตฺติอตฺถาย นิกนฺตึ กุรุมาโน อภิสงฺขโรติ นาม. อิมา จ เม สฺา นิรุชฺเฌยฺยุนฺติ อิมา อากิฺจฺายตนสฺา นิรุชฺเฌยฺยุํ. อฺา จ โอฬาริกาติ อฺา จ โอฬาริกา ภวงฺคสฺา อุปฺปชฺเชยฺยุํ. โส น เจว เจเตติ น อภิสงฺขโรตีติ เอตฺถ กามํ เจส เจเตนฺโตว น เจเตติ, อภิสงฺขโรนฺโตว นาภิสงฺขโรติ. อิมสฺส ภิกฺขุโน อากิฺจฺายตนโต วุฏฺาย เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร สฺสามี’’ติ อาโภคสมนฺนาหาโร นตฺถิ. อุปรินิโรธสมาปตฺตตฺถาย เอว ปน อาโภคสมนฺนาหาโร อตฺถิ, สฺวายมตฺโถ ปุตฺตฆราจิกฺขเณน ทีเปตพฺโพ.
ปิตุฆรมชฺเฌน กิร คนฺตฺวา ปจฺฉาภาเค ปุตฺตสฺส ฆรํ โหติ, ตโต ปณีตํ โภชนํ อาทาย อาสนสาลํ อาคตํ ทหรํ เถโร – ‘‘มนาโป ปิณฺฑปาโต กุโต อาภโต’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘อสุกสฺส ฆรโต’’ติ ลทฺธฆรเมว อาจิกฺขิ. เยน ปนสฺส ปิตุฆรมชฺเฌน คโตปิ อาคโตปิ ¶ ตตฺถ อาโภโคปิ นตฺถิ. ตตฺถ อาสนสาลา วิย อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ ¶ ทฏฺพฺพา, ปิตุเคหํ วิย เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ, ปุตฺตเคหํ วิย นิโรธสมาปตฺติ, อาสนสาลาย ตฺวา ปิตุฆรํ อมนสิกริตฺวา ปุตฺตฆราจิกฺขณํ วิย อากิฺจฺายตนโต วุฏฺาย เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร สฺสามี’’ติ ปิตุฆรํ อมนสิกริตฺวาว ¶ อุปรินิโรธสมาปตฺตตฺถาย มนสิกาโร, เอวเมส เจเตนฺโตว น เจเตติ, อภิสงฺขโรนฺโตว นาภิสงฺขโรติ. ตา เจว สฺาติ ตา ฌานสฺา นิรุชฺฌนฺติ. อฺา จาติ อฺา จ โอฬาริกา ภวงฺคสฺา นุปฺปชฺชนฺติ. โส นิโรธํ ผุสตีติ โส เอวํ ปฏิปนฺโน ภิกฺขุ สฺาเวทยิตนิโรธํ ผุสติ วินฺทติ ปฏิลภติ.
อนุปุพฺพาภิสฺานิโรธสมฺปชานสมาปตฺตินฺติ เอตฺถ อภีติ อุปสคฺคมตฺตํ, สมฺปชานปทํ นิโรธปเทน อนฺตริกํ กตฺวา วุตฺตํ. อนุปฏิปาฏิยา สมฺปชานสฺานิโรธสมาปตฺตีติ อยํ ปเนตฺถตฺโถ. ตตฺราปิ สมฺปชานสฺานิโรธสมาปตฺตีติ สมฺปชานนฺตสฺส อนฺเต สฺา นิโรธสมาปตฺติ สมฺปชานนฺตสฺส วา ปณฺฑิตสฺส ภิกฺขุโน สฺานิโรธสมาปตฺตีติ อยํ วิเสสตฺโถ.
อิทานิ อิธ ตฺวา นิโรธสมาปตฺติกถา กเถตพฺพา. สา ปเนสา สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค ปฺาภาวนานิสํสาธิกาเร กถิตา, ตสฺมา ตตฺถ กถิตโตว คเหตพฺพา.
เอวํ ภควา โปฏฺปาทสฺส ปริพฺพาชกสฺส นิโรธกถํ กเถตฺวา – อถ นํ ตาทิสาย กถาย อฺตฺถ อภาวํ ปฏิชานาเปตุํ ‘‘ตํ กึ มฺสี’’ติอาทิมาห. ปริพฺพาชโกปิ ‘‘ภควา อชฺช ตุมฺหากํ กถํ เปตฺวา น มยา เอวรูปา กถา สุตปุพฺพา’’ติ ปฏิชานนฺโต, ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ วตฺวา ปุน สกฺกจฺจํ ภควโต กถาย อุคฺคหิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ โข อหํ ภนฺเต’’ติอาทิมาห. อถสฺส ภควา ‘‘สุอุคฺคหิตํ ตยา’’ติ อนุชานนฺโต ‘‘เอวํ โปฏฺปาทา’’ติ อาห.
๔๑๕. อถ ปริพฺพาชโก ‘‘ภควตา ‘อากิฺจฺายตนํ สฺคฺค’นฺติ วุตฺตํ. เอตเทว นุ โข สฺคฺคํ, อุทาหุ อวเสสสมาปตฺตีสุปิ ¶ สฺคฺคํ อตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘เอกฺเว นุ โข’’ติอาทิมาห. ภควาปิสฺส วิสฺสชฺเชสิ. ตตฺถ ปุถูปีติ พหูนิปิ. ยถา ยถา โข, โปฏฺปาท, นิโรธํ ¶ ผุสตีติ ปถวีกสิณาทีสุ เยน เยน กสิเณน, ปมชฺฌานาทีนํ วา เยน เยน ฌาเนน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ หิ ปถวีกสิเณน กรณภูเตน ปถวีกสิณสมาปตฺตึ เอกวารํ สมาปชฺชนฺโต ปุริมสฺานิโรธํ ผุสติ เอกํ สฺคฺคํ, อถ ทฺเว วาเร, ตโย วาเร, วารสตํ, วารสหสฺสํ, วารสตสหสฺสํ วา สมาปชฺชนฺโต ปุริมสฺานิโรธํ ผุสติ, สตสหสฺสํ, สฺคฺคานิ. เอส นโย เสสกสิเณสุ. ฌาเนสุปิ สเจ ปมชฺฌาเนน กรณภูเตน เอกวารํ ปุริมสฺานิโรธํ ผุสติ เอกํ สฺคฺคํ. อถ ทฺเว วาเร ¶ , ตโย วาเร, วารสตํ, วารสหสฺสํ, วารสตสหสฺสํ วา ปุริมสฺานิโรธํ ผุสติ, สตสหสฺสํ สฺคฺคานิ. เอส นโย เสสชฺฌานสมาปตฺตีสุปิ. อิติ เอกวารํ สมาปชฺชนวเสน วา สพฺพมฺปิ สฺชานนลกฺขเณน สงฺคเหตฺวา วา เอกํ สฺคฺคํ โหติ, อปราปรํ สมาปชฺชนวเสน พหูนิ.
๔๑๖. สฺา นุ โข, ภนฺเตติ ภนฺเต นิโรธสมาปชฺชนกสฺส ภิกฺขุโน ‘‘สฺา นุ โข ปมํ อุปฺปชฺชตี’’ติ ปุจฺฉติ. ตสฺส ภควา ‘‘สฺา โข, โปฏฺปาทา’’ติ พฺยากาสิ. ตตฺถ สฺาติ ฌานสฺา. าณนฺติ วิปสฺสนาาณํ. อปโร นโย, สฺาติ วิปสฺสนา สฺา. าณนฺติ มคฺคาณํ. อปโร นโย, สฺาติ มคฺคสฺา. าณนฺติ ผลาณํ. ติปิฏกมหาสิวตฺเถโร ปนาห –
กึ อิเม ภิกฺขู ภณนฺติ, โปฏฺปาโท เหฏฺา ภควนฺตํ นิโรธํ ปุจฺฉิ. อิทานิ นิโรธา วุฏฺานํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘ภควา นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส กึ ปมํ อรหตฺตผลสฺา อุปฺปชฺชติ, อุทาหุ ปจฺจเวกฺขณาณ’’นฺติ วทติ. อถสฺส ภควา ยสฺมา ผลสฺา ปมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา ปจฺจเวกฺขณาณํ ¶ . ตสฺมา ‘‘สฺา โข โปฏฺปาทา’’ติ อาห. ตตฺถ สฺุปฺปาทาติ อรหตฺตผลสฺาย อุปฺปาทา, ปจฺฉา ‘‘อิทํ อรหตฺตผล’’นฺติ เอวํ ปจฺจเวกฺขณาณุปฺปาโท โหติ. อิทปฺปจฺจยา กิร เมติ ผลสมาธิสฺาปจฺจยา กิร มยฺหํ ปจฺจเวกฺขณาณํ อุปฺปนฺนนฺติ.
สฺาอตฺตกถาวณฺณนา
๔๑๗. อิทานิ ปริพฺพาชโก ยถา นาม คามสูกโร คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา คนฺเธหิ อนุลิมฺปิตฺวา มาลาทามํ ปิฬนฺธิตฺวา สิริสยเน อาโรปิโตปิ ¶ สุขํ น วินฺทติ, เวเคน คูถฏฺานเมว คนฺตฺวา สุขํ วินฺทติ. เอวเมว ภควตา สณฺหสุขุมติลกฺขณพฺภาหตาย เทสนาย นฺหาปิตวิลิตฺตมณฺฑิโตปิ นิโรธกถาสิริสยนํ อาโรปิโตปิ ตตฺถ สุขํ น วินฺทนฺโต คูถฏฺานสทิสํ อตฺตโน ลทฺธึ คเหตฺวา ตเมว ปุจฺฉนฺโต ‘‘สฺา นุ โข, ภนฺเต, ปุริสสฺส อตฺตา’’ติอาทิมาห. อถสฺสานุมตึ คเหตฺวา พฺยากาตุกาโม ภควา – ‘‘กํ ปน ตฺว’’นฺติอาทิมาห. ตโต โส ‘‘อรูปี อตฺตา’’ติ เอวํ ลทฺธิโก สมาโนปิ ‘‘ภควา เทสนาย สุกุสโล, โส เม อาทิโตว ลทฺธึ มา วิทฺธํเสตู’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน ลทฺธึ ปริหรนฺโต ‘‘โอฬาริกํ โข’’ติอาทิมาห. อถสฺส ภควา ตตฺถ โทสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โอฬาริโก จ หิ เต’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ เอวํ สนฺตนฺติ เอวํ สนฺเต. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ อุปโยควจนํ. เอวํ สนฺตํ อตฺตานํ ปจฺจาคจฺฉโต ตวาติ อยํ วา เอตฺถ อตฺโถ. จตุนฺนํ ขนฺธานํ เอกุปฺปาเทกนิโรธตฺตา กิฺจาปิ ยา สฺา อุปฺปชฺชติ, สาว นิรุชฺฌติ. อปราปรํ อุปาทาย ปน ‘‘อฺา จ สฺา อุปฺปชฺชนฺติ, อฺา จ สฺา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
๔๑๘-๔๒๐. อิทานิ อฺํ ลทฺธึ ทสฺเสนฺโต – ‘‘มโนมยํ โข อหํ, ภนฺเต’’ติอาทึ วตฺวา ตตฺราปิ โทเส ทินฺเน ยถา นาม อุมฺมตฺตโก ยาวสฺส สฺา นปฺปติฏฺาติ, ตาว อฺํ คเหตฺวา อฺํ วิสฺสชฺเชติ, สฺาปติฏฺานกาเล ปน วตฺตพฺพเมว วทติ, เอวเมว ¶ อฺํ คเหตฺวา อฺํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ อตฺตโน ลทฺธึเยว วทนฺโต ‘‘อรูปี โข’’ติอาทิมาห. ตตฺราปิ ยสฺมา โส สฺาย อุปฺปาทนิโรธํ อิจฺฉติ, อตฺตานํ ปน สสฺสตํ มฺติ. ตสฺมา ตเถวสฺส โทสํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘เอวํ สนฺตมฺปี’’ติอาทิมาห. ตโต ปริพฺพาชโก มิจฺฉาทสฺสเนน อภิภูตตฺตา ภควตา วุจฺจมานมฺปิ ตํ นานตฺตํ อชานนฺโต ‘‘สกฺกา ปเนตํ, ภนฺเต, มยา’’ติอาทิมาห. อถสฺส ภควา ยสฺมา โส สฺาย อุปฺปาทนิโรธํ ปสฺสนฺโตปิ สฺามยํ อตฺตานํ นิจฺจเมว มฺติ. ตสฺมา ‘‘ทุชฺชานํ โข’’ติอาทิมาห.
ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – ตว อฺา ทิฏฺิ, อฺา ขนฺติ, อฺา รุจิ, อฺถาเยว เต ทสฺสนํ ปวตฺตํ, อฺเทว จ เต ขมติ เจว รุจฺจติ จ, อฺตฺร ¶ จ เต อาโยโค, อฺิสฺสาเยว ปฏิปตฺติยา ยุตฺตปยุตฺตตา, อฺตฺถ จ เต อาจริยกํ, อฺสฺมึ ติตฺถายตเน อาจริยภาโว. เตน ตยา เอวํ อฺทิฏฺิเกน อฺขนฺติเกน อฺรุจิเกน อฺตฺราโยเคน อฺตฺราจริยเกน ทุชฺชานํ เอตนฺติ. อถ ปริพฺพาชโก – ‘‘สฺา วา ปุริสสฺส อตฺตา โหตุ, อฺา วา สฺา, ตํ สสฺสตาทิ ภาวมสฺส ปุจฺฉิสฺส’’นฺติ ปุน ‘‘กึ ปน ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ โลโกติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. น เหตํ โปฏฺปาท อตฺถสฺหิตนฺติ โปฏฺปาท เอตํ ทิฏฺิคตํ น อิธโลกปรโลกอตฺถนิสฺสิตํ, น อตฺตตฺถปรตฺถนิสฺสิตํ. น ธมฺมสํหิตนฺติ น นวโลกุตฺตรธมฺมนิสฺสิตํ. นาทิพฺรหฺมจริยกนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺขาตสฺส สาสนพฺรหฺมจริยกสฺส น อาทิมตฺตํ, อธิสีลสิกฺขามตฺตมฺปิ น โหติ. น นิพฺพิทายาติ สํสารวฏฺเฏ นิพฺพินฺทนตฺถาย น สํวตฺตติ. น ¶ วิราคายาติ วฏฺฏวิราคตฺถาย น สํวตฺตติ. น นิโรธายาติ วฏฺฏสฺส นิโรธกรณตฺถาย น สํวตฺตติ. น อุปสมายาติ วฏฺฏสฺส วูปสมนตฺถาย น สํวตฺตติ. น อภิฺายาติ วฏฺฏาภิชานนาย ปจฺจกฺขกิริยาย น สํวตฺตติ. น สมฺโพธายาติ วฏฺฏสมฺพุชฺฌนตฺถาย น ¶ สํวตฺตติ. น นิพฺพานายาติ อมตมหานิพฺพานสฺส ปจฺจกฺขกิริยาย น สํวตฺตติ.
อิทํ ทุกฺขนฺติอาทีสุ ตณฺหํ เปตฺวา เตภูมกา ปฺจกฺขนฺธา ทุกฺขนฺติ, ตสฺเสว ทุกฺขสฺส ปภาวนโต สปฺปจฺจยา ตณฺหา ทุกฺขสมุทโยติ. อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ ทุกฺขนิโรโธติ, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ มยา พฺยากตนฺติ อตฺโถ. เอวฺจ ปน วตฺวา ภควา ‘‘อิมสฺส ปริพฺพาชกสฺส มคฺคปาตุภาโว วา ผลสจฺฉิกิริยา วา นตฺถิ, มยฺหฺจ ภิกฺขาจารเวลา’’ติ จินฺเตตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. ปริพฺพาชโกปิ ตํ อาการํ ตฺวา ภควโต คมนกาลํ อาโรเจนฺโต วิย ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิมาห.
๔๒๑. วาจาสนฺนิโตทเกนาติ วจนปโตเทน. สฺฌพฺภริมกํสูติ สฺฌพฺภริตํ นิรนฺตรํ ผุฏฺํ อกํสุ, อุปริ วิชฺฌึสูติ วุตฺตํ โหติ. ภูตนฺติ สภาวโต วิชฺชมานํ. ตจฺฉํ, ตถนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. ธมฺมฏฺิตตนฺติ นวโลกุตฺตรธมฺเมสุ ¶ ิตสภาวํ. ธมฺมนิยามตนฺติ โลกุตฺตรธมฺมนิยามตํ. พุทฺธานฺหิ จตุสจฺจวินิมุตฺตา กถา นาม นตฺถิ. ตสฺมา สา เอทิสา โหติ.
จิตฺตหตฺถิสาริปุตฺตโปฏฺปาทวตฺถุวณฺณนา
๔๒๒. จิตฺโต จ หตฺถิสาริปุตฺโตติ โส กิร สาวตฺถิยํ หตฺถิอาจริยสฺส ปุตฺโต ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา สุขุเมสุ อตฺถนฺตเรสุ กุสโล อโหสิ, ปุพฺเพ กตปาปกมฺมวเสน ปน สตฺตวาเร วิพฺภมิตฺวา คิหิ ชาโต. กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กิร สาสเน ทฺเว สหายกา อเหสุํ, อฺมฺํ สมคฺคา เอกโตว สชฺฌายนฺติ. เตสุ เอโก อนภิรโต คิหิภาเว จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อิตรสฺส อาโรเจสิ. โส คิหิภาเว อาทีนวํ ปพฺพชฺชาย อานิสํสํ ¶ ทสฺเสตฺวา ตํ โอวทิ. โส ตํ สุตฺวา อภิรมิตฺวา ปุเนกทิวสํ ตาทิเส จิตฺเต อุปฺปนฺเน ตํ เอตทโวจ ‘‘มยฺหํ อาวุโส เอวรูปํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ – ‘อิมาหํ ปตฺตจีวรํ ตุยฺหํ ทสฺสามี’ติ’’. โส ปตฺตจีวรโลเภน ตสฺส คิหิภาเว อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา ปพฺพชฺชาย อาทีนวํ กเถสิ. อถสฺส ตํ สุตฺวาว คิหิภาวโต จิตฺตํ วิรชฺชิตฺวา ปพฺพชฺชายเมว อภิรมิ. เอวเมส ตทา สีลวนฺตสฺส ภิกฺขุโน คิหิภาเว อานิสํสกถาย กถิตตฺตา อิทานิ ฉ วาเร วิพฺภมิตฺวา สตฺตเม วาเร ปพฺพชิโต. มหาโมคฺคลฺลานสฺส, มหาโกฏฺิกตฺเถรสฺส จ อภิธมฺมกถํ กเถนฺตานํ อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตติ. อถ นํ มหาโกฏฺิกตฺเถโร อปสาเทติ. โส ¶ มหาสาวกสฺส กถิเต ปติฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโต วิพฺภมิตฺวา คิหิ ชาโต. โปฏฺปาทสฺส ปนายํ คิหิสหายโก โหติ. ตสฺมา วิพฺภมิตฺวา ทฺวีหตีหจฺจเยน โปฏฺปาทสฺส สนฺติกํ คโต. อถ นํ โส ทิสฺวา ‘‘สมฺม กึ ตยา กตํ, เอวรูปสฺส นาม สตฺถุ สาสนา อปสกฺกนฺโตสิ, เอหิ ปพฺพชิตุํ อิทานิ เต วฏฺฏตี’’ติ ตํ คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺโต จ หตฺถิสาริปุตฺโต โปฏฺปาโท จ ปริพฺพาชโก’’ติ.
๔๒๓. อนฺธาติ ปฺาจกฺขุโน นตฺถิตาย อนฺธา, ตสฺเสว อภาเวน อจกฺขุกา. ตฺวํเยว เนสํ เอโก จกฺขุมาติ สุภาสิตทุพฺภาสิตชานนภาวมตฺเตน ปฺาจกฺขุนา จกฺขุมา. เอกํสิกาติ เอกโกฏฺาสา. ปฺตฺตาติ ¶ ปิตา. อเนกํสิกาติ น เอกโกฏฺาสา เอเกเนว โกฏฺาเสน สสฺสตาติ วา อสสฺสตาติ วา น วุตฺตาติ อตฺโถ.
เอกํสิกธมฺมวณฺณนา
๔๒๔-๔๒๕. สนฺติ โปฏฺปาทาติ อิทํ ภควา กสฺมา อารภิ? พาหิรเกหิ ปฺาปิตนิฏฺาย อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ. สพฺเพ หิ ติตฺถิยา ยถา ภควา อมตํ นิพฺพานํ, เอวํ อตฺตโน อตฺตโน สมเย โลกถุปิกาทิวเสน นิฏฺํ ปฺเปนฺติ, สา จ น นิยฺยานิกา. ยถา ปฺตฺตา ¶ หุตฺวา น นิยฺยาติ น คจฺฉติ, อฺทตฺถุ ปณฺฑิเตหิ ปฏิกฺขิตฺตา นิวตฺตติ, ตํ ทสฺเสตุํ ภควา เอวมาห. ตตฺถ เอกนฺตสุขํ โลกํ ชานํ ปสฺสนฺติ ปุรตฺถิมาย ทิสาย เอกนฺตสุโข โลโก ปจฺฉิมาทีนํ วา อฺตรายาติ เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา วิหรถ. ทิฏฺปุพฺพานิ โข ตสฺมึ โลเก มนุสฺสานํ สรีรสณฺานาทีนีติ. อปฺปาฏิหีรกตนฺติ อปฺปาฏิหีรกตํ ปฏิหรณวิรหิตํ, อนิยฺยานิกนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๔๒๖-๔๒๗. ชนปทกลฺยาณีติ ชนปเท อฺาหิ อิตฺถีหิ วณฺณสณฺานวิลาสากปฺปาทีหิ อสทิสา.
ตโยอตฺตปฏิลาภวณฺณนา
๔๒๘. เอวํ ภควา ปเรสํ นิฏฺาย อนิยฺยานิกตฺตํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน นิฏฺาย นิยฺยานิกภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโย โข เม โปฏฺปาทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺตปฏิลาโภติ อตฺตภาวปฏิลาโภ, เอตฺถ จ ภควา ตีหิ อตฺตภาวปฏิลาเภหิ ตโย ภเว ทสฺเสสิ. โอฬาริกตฺตภาวปฏิลาเภน ¶ อวีจิโต ปฏฺาย ปรนิมฺมิตวสวตฺติปริโยสานํ กามภวํ ทสฺเสสิ. มโนมยอตฺตภาวปฏิลาเภน ปมชฺฌานภูมิโต ปฏฺาย อกนิฏฺพฺรหฺมโลกปริโยสานํ รูปภวํ ทสฺเสสิ. อรูปอตฺตภาวปฏิลาเภน อากาสานฺจายตนพฺรหฺมโลกโต ปฏฺาย เนวสฺานาสฺายตนพฺรหฺมโลกปริโยสานํ อรูปภวํ ทสฺเสสิ. สํกิเลสิกา ธมฺมา นาม ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา. โวทานิยา ธมฺมา นาม สมถวิปสฺสนา.
๔๒๙. ปฺาปาริปูรึ ¶ เวปุลฺลตฺตนฺติ มคฺคปฺาผลปฺานํ ปาริปูริฺเจว วิปุลภาวฺจ. ปามุชฺชนฺติ ตรุณปีติ. ปีตีติ พลวตุฏฺิ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ อโวจุมฺห ‘‘สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหิรตี’’ติ, ตตฺถ ตสฺส เอวํ วิหรโต ตํ ปาโมชฺชฺเจว ภวิสฺสติ, ปีติ จ นามกายปสฺสทฺธิ จ สติ จ สูปฏฺิตา อุตฺตมาณฺจ สุโข จ วิหาโร. สพฺพวิหาเรสุ จ อยเมว วิหาโร ‘‘สุโข’’ติ วตฺตุํ ยุตฺโต ‘‘อุปสนฺโต ปรมมธุโร’’ติ. ตตฺถ ¶ ปมชฺฌาเน ปาโมชฺชาทโย ฉปิ ธมฺมา ลพฺภนฺติ, ทุติยชฺฌาเน ทุพฺพลปีติสงฺขาตํ ปาโมชฺชํ นิวตฺตติ, เสสา ปฺจ ลพฺภนฺติ. ตติเย ปีติ นิวตฺตติ, เสสา จตฺตาโร ลพฺภนฺติ. ตถา จตุตฺเถ. อิเมสุ จตูสุ ฌาเนสุ สมฺปสาทนสุตฺเต สุทฺธวิปสฺสนา ปาทกชฺฌานเมว กถิตํ. ปาสาทิกสุตฺเต จตูหิ มคฺเคหิ สทฺธึ วิปสฺสนา กถิตา. ทสุตฺตรสุตฺเต จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติ กถิตา. อิมสฺมึ โปฏฺปาทสุตฺเต ปาโมชฺชํ ปีติเววจนเมว กตฺวา ทุติยชฺฌานิกผลสมาปตฺตินาม กถิตาติ เวทิตพฺพา.
๔๓๒-๔๓๗. อยํ วา โสติ เอตฺถ วา สทฺโท วิภาวนตฺโถ โหติ. อยํ โสติ เอวํ วิภาเวตฺวา ปกาเสตฺวา พฺยากเรยฺยาม. ยถาปเร ‘‘เอกนฺตสุขํ อตฺตานํ สฺชานาถา’’ติ ปุฏฺา ‘‘โน’’ติ วทนฺติ, น เอวํ วทามาติ อตฺโถ. สปฺปาฏิหีรกตนฺติ สปฺปาฏิหรณํ, นิยฺยานิกนฺติ อตฺโถ. โมโฆ โหตีติ ตุจฺโฉ โหติ, นตฺถิ โส ตสฺมึ สมเยติ อธิปฺปาโย. สจฺโจ โหตีติ ภูโต โหติ, สฺเวว ตสฺมึ สมเย สจฺโจ โหตีติ อตฺโถ. เอตฺถ ปนายํ จิตฺโต อตฺตโน อสพฺพฺุตาย ตโย อตฺตปฏิลาเภ กเถตฺวา อตฺตปฏิลาโภ นาม ปฺตฺติมตฺตํ เอตนฺติ อุทฺธริตุํ นาสกฺขิ, อตฺตปฏิลาโภ ตฺเวว นิยฺยาเตสิ. อถสฺส ภควา รูปาทโย เจตฺถ ธมฺมา, อตฺตปฏิลาโภติ ปน นามมตฺตเมตํ, เตสุ เตสุ รูปาทีสุ สติ เอวรูปา โวหารา โหนฺตีติ ทสฺเสตุกาโม ตสฺเสว กถํ คเหตฺวา นามปฺตฺติวเสน นิยฺยาตนตฺถํ ‘‘ยสฺมึ จิตฺต สมเย’’ติอาทิมาห.
๔๓๘. เอวฺจ ปน วตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา วินยนตฺถํ ปุน ‘‘สเจ ตํ, จิตฺต, เอวํ ปุจฺเฉยฺยุ’’นฺติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ โย เม อโหสิ อตีโต อตฺตปฏิลาโภ ¶ , สฺเวว เม อตฺตปฏิลาโภ, ตสฺมึ สมเย สจฺโจ อโหสิ, โมโฆ อนาคโต โมโฆ ปจฺจุปฺปนฺโนติ ¶ เอตฺถ ตาว อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – ยสฺมา เย เต อตีตา ธมฺมา, เต เอตรหิ นตฺถิ, อเหสุนฺติ ปน สงฺขฺยํ คตา, ตสฺมา โสปิ เม อตฺตปฏิลาโภ ตสฺมึเยว สมเย สจฺโจ อโหสิ. อนาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ตทา อภาวา ตสฺมึ สมเย ‘‘โมโฆ อนาคโต, โมโฆ ปจฺจุปฺปนฺโน’’ติ, เอวํ อตฺถโต นามมตฺตเมว อตฺตปฏิลาภํ ปฏิชานาติ. อนาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุปิ เอเสว นโย.
๔๓๙-๔๔๓. อถ ภควา ตสฺส พฺยากรเณน สทฺธึ อตฺตโน พฺยากรณํ สํสนฺทิตุํ ‘‘เอวเมว โข จิตฺตา’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุน โอปมฺมโต ตมตฺถํ สาเธนฺโต ‘‘เสยฺยถาปิ จิตฺต ควา ขีร’’นฺติอาทิมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ, ยถา ควา ขีรํ, ขีราทีหิ จ ทธิอาทีนิ ภวนฺติ, ตตฺถ ยสฺมึ สมเย ขีรํ โหติ, น ตสฺมึ สมเย ทธีติ วา นวนีตาทีสุ วา อฺตรนฺติ สงฺขฺยํ นิรุตฺตึ นามํ โวหารํ คจฺฉติ. กสฺมา? เย ธมฺเม อุปาทาย ทธีติอาทิ โวหารา โหนฺติ, เตสํ อภาวา. อถ โข ขีรํ ตฺเวว ตสฺมึ สมเย สงฺขฺยํ คจฺฉติ. กสฺมา? เย ธมฺเม อุปาทาย ขีรนฺติ สงฺขฺยา นิรุตฺติ นามํ โวหาโร โหติ, เตสํ ภาวาติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อิมา โข จิตฺตาติ โอฬาริโก อตฺตปฏิลาโภ อิติ จ มโนมโย อตฺตปฏิลาโภ อิติ จ อรูโป อตฺตปฏิลาโภ อิติ จ อิมา โข จิตฺต โลกสมฺา โลเก สมฺามตฺตกานิ สมนุชานนมตฺตกานิ เอตานิ. ตถา โลกนิรุตฺติมตฺตกานิ วจนปถมตฺตกานิ โวหารมตฺตกานิ นามปณฺณตฺติมตฺตกานิ เอตานีติ. เอวํ ภควา เหฏฺา ตโย อตฺตปฏิลาเภ กเถตฺวา อิทานิ สพฺพเมตํ โวหารมตฺตกนฺติ วทติ. กสฺมา? ยสฺมา ปรมตฺถโต สตฺโต นาม นตฺถิ, สฺุโ ตุจฺโฉ เอส โลโก.
พุทฺธานํ ปน ทฺเว กถา สมฺมุติกถา จ ปรมตฺถกถา จ. ตตฺถ ‘‘สตฺโต โปโส เทโว พฺรหฺมา’’ติอาทิกา ‘‘สมฺมุติกถา’’ นาม. ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ สติปฏฺานา สมฺมปฺปธานา’’ติอาทิกา ปรมตฺถกถา นาม. ตตฺถ โย สมฺมุติเทสนาย ‘‘สตฺโต’’ติ ¶ วา ‘‘โปโส’’ติ วา ‘‘เทโว’’ติ วา ‘‘พฺรหฺมา’’ติ วา วุตฺเต วิชานิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ นิยฺยาตุํ ¶ อรหตฺตชยคฺคาหํ คเหตุํ สกฺโกติ, ตสฺส ภควา อาทิโตว ‘‘สตฺโต’’ติ วา ‘‘โปโส’’ติ วา ‘‘เทโว’’ติ วา ‘‘พฺรหฺมา’’ติ วา กเถติ, โย ปรมตฺถเทสนาย ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ วา ‘‘ทุกฺข’’นฺติ วาติอาทีสุ อฺตรํ สุตฺวา วิชานิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ นิยฺยาตุํ อรหตฺตชยคฺคาหํ คเหตุํ สกฺโกติ, ตสฺส ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ วา ‘‘ทุกฺข’’นฺติ วาติอาทีสุ อฺตรเมว กเถติ. ตถา สมฺมุติกถาย ¶ พุชฺฌนกสตฺตสฺสาปิ น ปมํ ปรมตฺถกถํ กเถติ. สมฺมุติกถาย ปน โพเธตฺวา ปจฺฉา ปรมตฺถกถํ กเถติ. ปรมตฺถกถาย พุชฺฌนกสตฺตสฺสาปิ น ปมํ สมฺมุติกถํ กเถติ. ปรมตฺถกถาย ปน โพเธตฺวา ปจฺฉา สมฺมุติกถํ กเถติ. ปกติยา ปน ปมเมว ปรมตฺถกถํ กเถนฺตสฺส เทสนา ลูขาการา โหติ, ตสฺมา พุทฺธา ปมํ สมฺมุติกถํ กเถตฺวา ปจฺฉา ปรมตฺถกถํ กเถนฺติ. สมฺมุติกถํ กเถนฺตาปิ สจฺจเมว สภาวเมว อมุสาว กเถนฺติ. ปรมตฺถกถํ กเถนฺตาปิ สจฺจเมว สภาวเมว อมุสาว กเถนฺติ.
ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ.
สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณํ;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตลกฺขณนฺติ.
ยาหิ ตถาคโต โวหรติ อปรามสนฺติ ยาหิ โลกสมฺาหิ โลกนิรุตฺตีหิ ตถาคโต ตณฺหามานทิฏฺิปรามาสานํ อภาวา อปรามสนฺโต โวหรตีติ เทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวา อรหตฺตนิกูเฏน นิฏฺาเปสิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สุภสุตฺตวณฺณนา
สุภมาณวกวตฺถุวณฺณนา
๔๔๔. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… สาวตฺถิยนฺติ สุภสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา. อจิรปรินิพฺพุเต ภควตีติ อจิรํ ปรินิพฺพุเต ภควติ, ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ มาสมตฺเต กาเล. นิทานวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว ภควโต ปตฺตจีวรํ อาทาย อาคนฺตฺวา ขีรวิเรจนํ ปิวิตฺวา วิหาเร นิสินฺนทิวสํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. โตเทยฺยปุตฺโตติ โตเทยฺยพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต, โส กิร สาวตฺถิยา อวิทูเร ตุทิคาโม นาม อตฺถิ, ตสฺส อธิปติตฺตา โตเทยฺโยติ สงฺขฺยํ คโต. มหทฺธโน ปน โหติ ปฺจจตฺตาลีสโกฏิวิภโว, ปรมมจฺฉรี – ‘‘ททโต โภคานํ อปริกฺขโย นาม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา กสฺสจิ กิฺจิ น เทติ, ปุตฺตมฺปิ อาห –
‘‘อฺชนานํ ขยํ ทิสฺวา, วมฺมิกานฺจ สฺจยํ;
มธูนฺจ สมาหารํ, ปณฺฑิโต ฆรมาวเส’’ติ.
เอวํ อทานเมว สิกฺขาเปตฺวา กายสฺส เภทา ตสฺมึเยว ฆเร สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต. สุโภ ตํ สุนขํ อติวิย ปิยายติ. อตฺตโน ภฺุชนกภตฺตํเยว โภเชติ, อุกฺขิปิตฺวา วรสยเน สยาเปติ. อถ ภควา เอกทิวสํ นิกฺขนฺเต มาณเว ตํ ฆรํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. สุนโข ภควนฺตํ ทิสฺวา ภุกฺการํ กโรนฺโต ภควโต สมีปํ คโต. ตโต นํ ภควา อโวจ ‘‘โตเทยฺย ตฺวํ ปุพฺเพปิ มํ ‘โภ, โภ’ติ ปริภวิตฺวา สุนโข ชาโต, อิทานิปิ ภุกฺการํ กตฺวา อวีจึ คมิสฺสสี’’ติ. สุนโข ตํ กถํ สุตฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา อุทฺธนนฺตเร ฉาริกาย นิปนฺโน, มนุสฺสา นํ อุกฺขิปิตฺวา สยเน สยาเปตุํ นาสกฺขึสุ ¶ .
สุโภ อาคนฺตฺวา ‘‘เกนายํ สุนโข สยนา โอโรปิโต’’ติ อาห. มนุสฺสา ‘‘น เกนจี’’ติ ¶ วตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. มาณโว สุตฺวา ‘‘มม ปิตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, สมโณ ปน โคตโม เม ปิตรํ สุนขํ กโรติ ยํ กิฺจิ เอส มุขารูฬฺหํ ภาสตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ภควนฺตํ มุสาวาเทน ¶ โจเทตุกาโม วิหารํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. ภควา ตสฺส ตเถว วตฺวา อวิสํวาทนตฺถํ อาห – ‘‘อตฺถิ ปน เต, มาณว, ปิตรา น อกฺขาตํ ธน’’นฺติ. อตฺถิ, โภ โคตม, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณมาลา, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณปาทุกา, สตสหสฺสคฺฆนิกา สุวณฺณปาติ, สตสหสฺสฺจ กหาปณนฺติ. คจฺฉ ตํ สุนขํ อปฺโปทกํ มธุปายาสํ โภเชตฺวา สยนํ อาโรเปตฺวา อีสกํ นิทฺทํ โอกฺกนฺตกาเล ปุจฺฉ, สพฺพํ เต อาจิกฺขิสฺสติ, อถ นํ ชาเนยฺยาสิ – ‘‘ปิตา เม เอโส’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สุนโข สพฺพํ อาจิกฺขิ, ตทา นํ – ‘‘ปิตา เม’’ติ ตฺวา ภควติ ปสนฺนจิตฺโต คนฺตฺวา ภควนฺตํจุทฺทส ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนปริโยสาเน ภควนฺตํ สรณํ คโต, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต’’ติ. สาวตฺถิยํ ปฏิวสตีติ อตฺตโน โภคคามโต อาคนฺตฺวา วสติ.
๔๔๕-๔๔๖. อฺตรํ มาณวกํ อามนฺเตสีติ สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ‘‘อานนฺทตฺเถโร กิรสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อาคโต, มหาชโน ตํ ทสฺสนตฺถาย อุปสงฺกมตี’’ติ สุตฺวา ‘‘วิหารํ โข ปน คนฺตฺวา มหาชนมชฺเฌ น สกฺกา สุเขน ปฏิสนฺถารํ วา กาตุํ, ธมฺมกถํ วา โสตุํ เคหํ อาคตํเยว นํ ทิสฺวา สุเขน ปฏิสนฺถารํ กริสฺสามิ, เอกา จ เม กงฺขา อตฺถิ, ตมฺปิ นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อฺตรํ มาณวกํ อามนฺเตสิ. อปฺปาพาธนฺติอาทีสุ อาพาโธติ วิสภาคเวทนา วุจฺจติ, ยา เอกเทเส อุปฺปชฺชิตฺวา จตฺตาโร อิริยาปเถ อยปฏฺเฏน อาพนฺธิตฺวา วิย คณฺหติ, ตสฺสา อภาวํ ปุจฺฉาติ วทติ. อปฺปาตงฺโกติ ¶ กิจฺฉชีวิตกโร โรโค วุจฺจติ, ตสฺสาปิ อภาวํ ปุจฺฉาติ วทติ. คิลานสฺเสว จ อุฏฺานํ นาม ครุกํ โหติ, กาเย พลํ น โหติ, ตสฺมา นิคฺเคลฺภาวฺจ พลฺจ ปุจฺฉาติ วทติ. ผาสุวิหารนฺติ คมนานนิสชฺชสยเนสุ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขวิหารํ ปุจฺฉาติ วทติ. อถสฺส ปุจฺฉิตพฺพาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุโภ’’ติอาทิมาห.
๔๔๗. กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายาติ กาลฺจ สมยฺจ ปฺาย คเหตฺวา อุปธาเรตฺวาติ อตฺโถ. สเจ อมฺหากํ สฺเว คมนกาโล ภวิสฺสติ, กาเย พลมตฺตา เจว ผริสฺสติ, คมนปจฺจยา จ อฺโ อผาสุวิหาโร ¶ น ภวิสฺสติ, อเถตํ กาลฺจ คมนการณสมวายสงฺขาตํ สมยฺจ อุปธาเรตฺวา – ‘‘อปิ เอว นาม สฺเว อาคจฺเฉยฺยามา’’ติ วุตฺตํ โหติ.
๔๔๘. เจตเกน ¶ ภิกฺขุนาติ เจติรฏฺเ ชาตตฺตา เจตโกติ เอวํ ลทฺธนาเมน. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียนฺติ โภ, อานนฺท, ทสพลสฺส โก นาม อาพาโธ อโหสิ, กึ ภควา ปริภฺุชิ. อปิ จ สตฺถุ ปรินิพฺพาเนน ตุมฺหากํ โสโก อุทปาทิ, สตฺถา นาม น เกวลํ ตุมฺหากํเยว ปรินิพฺพุโต, สเทวกสฺส โลกสฺส มหาชานิ, โก ทานิ อฺโ มรณา มุจฺจิสฺสติ, ยตฺร โส สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคปุคฺคโล ปรินิพฺพุโต, อิทานิ กํ อฺํ ทิสฺวา มจฺจุราชา ลชฺชิสฺสตีติ เอวมาทินา นเยน มรณปฏิสํยุตฺตํ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เถรสฺส หิยฺโย ปีตเภสชฺชานุรูปํ อาหารํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน เอกมนฺตํ นิสีทิ.
อุปฏฺาโก สนฺติกาวจโรติ อุปฏฺาโก หุตฺวา สนฺติกาวจโร, น รนฺธคเวสี. น วีมํสนาธิปฺปาโย. สมีปจารีติ อิทํ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. เยสํ โส ภวํ โคตโมติ กสฺมา ปุจฺฉติ? ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ ‘‘เยสุ ธมฺเมสุ ภวํ โคตโม อิมํ โลกํ ปติฏฺเปสิ, เต ตสฺส อจฺจเยน นฏฺา นุ โข, ธรนฺติ นุ โข, สเจ ธรนฺติ, อานนฺโท ชานิสฺสติ, หนฺท นํ ปุจฺฉามี’’ติ, ตสฺมา ปุจฺฉิ.
๔๔๙. อถสฺส ¶ เถโร ตีณิ ปิฏกานิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ติณฺณํ โข’’ติอาทิมาห. มาณโว สงฺขิตฺเตน กถิตํ อสลฺลกฺเขนฺโต – ‘‘วิตฺถารโต ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กตเมสํ ติณฺณ’’นฺติอาทิมาห.
สีลกฺขนฺธวณฺณนา
๔๕๐-๔๕๓. ตโต เถเรน ‘‘อริยสฺส สีลกฺขนฺธสฺสา’’ติ เตสุ ทสฺสิเตสุ ปุน ‘‘กตโม ปน โส, โภ อานนฺท, อริโย สีลกฺขนฺโธ’’ติ เอเกกํ ปุจฺฉิ. เถโรปิสฺส พุทฺธุปฺปาทํ ทสฺเสตฺวา ตนฺติธมฺมํ เทเสนฺโต อนุกฺกเมน ภควตา วุตฺตนเยเนว สพฺพํ วิสฺสชฺเชสิ. ตตฺถ อตฺถิ ¶ เจเวตฺถ อุตฺตริกรณียนฺติ เอตฺถ ภควโต สาสเน น สีลเมว สาโร, เกวลฺเหตํ ปติฏฺามตฺตเมว โหติ. อิโต อุตฺตริ ปน อฺมฺปิ กตฺตพฺพํ อตฺถิ เยวาติ ทสฺเสสิ. อิโต พหิทฺธาติ พุทฺธสาสนโต พหิทฺธา.
สมาธิกฺขนฺธวณฺณนา
๔๕๔. กถฺจ ¶ , มาณว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหตีติ อิทมายสฺมา อานนฺโท ‘‘กตโม ปน โส, โภ อานนฺท, อริโย สมาธิกฺขนฺโธ’’ติ เอวํ สมาธิกฺขนฺธํ ปุฏฺโปิ เย เต ‘‘สีลสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต สนฺตุฏฺโ’’ติ เอวํ สีลานนฺตรํ อินฺทฺริยสํวราทโย สีลสมาธีนํ อนฺตเร อุภินฺนมฺปิ อุปการกธมฺมา อุทฺทิฏฺา, เต นิทฺทิสิตฺวา สมาธิกฺขนฺธํ ทสฺเสตุกาโม อารภิ. เอตฺถ จ รูปชฺฌานาเนว อาคตานิ, น อรูปชฺฌานานิ, อาเนตฺวา ปน ทีเปตพฺพานิ. จตุตฺถชฺฌาเนน หิ อสงฺคหิตา อรูปสมาปตฺติ นาม นตฺถิเยว.
๔๗๑-๔๘๐. อตฺถิ เจเวตฺถ อุตฺตริกรณียนฺติ เอตฺถ ภควโต สาสเน น จิตฺเตกคฺคตามตฺตเกเนว ปริโยสานปฺปตฺติ นาม อตฺถิ, อิโตปิ อุตฺตริ ปน อฺํ กตฺตพฺพํ อตฺถิ เยวาติ ทสฺเสติ. นตฺถิ เจเวตฺถ อุตฺตริกรณียนฺติ เอตฺถ ภควโต สาสเน อิโต อุตฺตริ กาตพฺพํ นาม นตฺถิเยว, อรหตฺตปริโยสานฺหิ ภควโต สาสนนฺติ ทสฺเสติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
สุภสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. เกวฏฺฏสุตฺตวณฺณนา
เกวฏฺฏคหปติปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
๔๘๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… นาฬนฺทายนฺติ เกวฏฺฏสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. ปาวาริกมฺพวเนติ ปาวาริกสฺส อมฺพวเน. เกวฏฺโฏติ อิทํ ตสฺส คหปติปุตฺตสฺส นามํ. โส กิร จตฺตาลีสโกฏิธโน คหปติมหาสาโล อติวิย สทฺโธ ปสนฺโน อโหสิ. โส สทฺธาธิกตฺตาเยว ‘‘สเจ เอโก ภิกฺขุ อฑฺฒมาสนฺตเรน วา มาสนฺตเรน วา สํวจฺฉเรน วา อากาเส อุปฺปติตฺวา วิวิธานิ ปาฏิหาริยานิ ทสฺเสยฺย, สพฺโพ ชโน อติวิย ปสีเทยฺย. ยํนูนาหํ ภควนฺตํ ยาจิตฺวา ปาฏิหาริยกรณตฺถาย เอกํ ภิกฺขุํ อนุชานาเปยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห.
ตตฺถ อิทฺธาติ สมิทฺธา ผีตาติ นานาภณฺฑอุสฺสนฺนตาย วุทฺธิปฺปตฺตา. อากิณฺณมนุสฺสาติ อํสกูเฏน อํสกูฏํ ปหริตฺวา วิย วิจรนฺเตหิ มนุสฺเสหิ อากิณฺณา. สมาทิสตูติ อาณาเปตุ านนฺตเร เปตุ. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาติ อุตฺตริมนุสฺสานํ ธมฺมโต, ทสกุสลสงฺขาตโต วา มนุสฺสธมฺมโต อุตฺตริ. ภิยฺโยโสมตฺตายาติ ปกติยาปิ ปชฺชลิตปทีโป เตลสฺเนหํ ลภิตฺวา วิย อติเรกปฺปมาเณน อภิปฺปสีทิสฺสติ. น โข อหนฺติ ภควา ราชคหเสฏฺิวตฺถุสฺมึ สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ, ตสฺมา ‘‘น โข อห’’นฺติอาทิมาห.
๔๘๒. น ธํเสมีติ น คุณวินาสเนน ธํเสมิ, สีลเภทํ ปาเปตฺวา อนุปุพฺเพน อุจฺจฏฺานโต โอตาเรนฺโต นีจฏฺาเน ¶ น เปมิ, อถ โข อหํ พุทฺธสาสนสฺส วุทฺธึ ปจฺจาสีสนฺโต กเถมีติ ทสฺเสติ. ตติยมฺปิ โขติ ยาวตติยํ พุทฺธานํ กถํ ปฏิพาหิตฺวา กเถตุํ วิสหนฺโต นาม นตฺถิ. อยํ ปน ภควตา สทฺธึ วิสฺสาสิโก วิสฺสาสํ วฑฺเฒตฺวา วลฺลโภ หุตฺวา อตฺถกาโมสฺมีติ ติกฺขตฺตุํ กเถสิ.
อิทฺธิปาฏิหาริยวณฺณนา
๔๘๓-๔๘๔. อถ ¶ ภควา อยํ อุปาสโก มยิ ปฏิพาหนฺเตปิ ปุนปฺปุนํ ยาจติเยว. ‘‘หนฺทสฺส ปาฏิหาริยกรเณ อาทีนวํ ทสฺเสมี’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ ‘‘ตีณิ โข’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อมาหํ ภิกฺขุนฺติ อมุํ อหํ ภิกฺขุํ. คนฺธารีติ คนฺธาเรน นาม อิสินา กตา, คนฺธารรฏฺเ วา อุปฺปนฺนา วิชฺชา. ตตฺถ กิร พหู อิสโย วสึสุ, เตสุ เอเกน กตา วิชฺชาติ อธิปฺปาโย. อฏฺฏียามีติ อฏฺโฏ ปีฬิโต วิย โหมิ. หรายามีติ ลชฺชามิ. ชิคุจฺฉามีติ คูถํ ทิสฺวา วิย ชิคุจฺฉํ อุปฺปาเทมิ.
อาเทสนาปาฏิหาริยวณฺณนา
๔๘๕. ปรสตฺตานนฺติ อฺเสํ สตฺตานํ. ทุติยํ ตสฺเสว เววจนํ. อาทิสตีติ กเถติ. เจตสิกนฺติ โสมนสฺสโทมนสฺสํ อธิปฺเปตํ. เอวมฺปิ เต มโนติ เอวํ ตว มโน โสมนสฺสิโต วา โทมนสฺสิโต วา กามวิตกฺกาทิสมฺปยุตฺโต วา. ทุติยํ ตสฺเสว เววจนํ. อิติปิ เต จิตฺตนฺติ อิติ ตว จิตฺตํ, อิทฺจิทฺจ อตฺถํ จินฺตยมานํ ปวตฺตตีติ อตฺโถ. มณิกา นาม วิชฺชาติ จินฺตามณีติ เอวํ ลทฺธนามา โลเก เอกา วิชฺชา อตฺถิ. ตาย ปเรสํ จิตฺตํ ชานาตีติ ทีเปติ.
อนุสาสนีปาฏิหาริยวณฺณนา
๔๘๖. เอวํ วิตกฺเกถาติ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโย เอวํ ปวตฺเตนฺตา วิตกฺเกถ. มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถาติ เอวํ กามวิตกฺกาทโย ปวตฺเตนฺตา มา วิตกฺกยิตฺถ. เอวํ มนสิ กโรถาติ เอวํ อนิจฺจสฺเมว, ทุกฺขสฺาทีสุ วา อฺตรํ มนสิ กโรถ. มา ¶ เอวนฺติ ‘‘นิจฺจ’’นฺติอาทินา นเยน มา มนสิ กริตฺถ. อิทนฺติ อิทํ ปฺจกามคุณิกราคํ ปชหถ. อิทํ อุปสมฺปชฺชาติ อิทํ จตุมคฺคผลปฺปเภทํ โลกุตฺตรธมฺมเมว อุปสมฺปชฺช ปาปุณิตฺวา นิปฺผาเทตฺวา วิหรถ. อิติ ภควา อิทฺธิวิธํ อิทฺธิปาฏิหาริยนฺติ ทสฺเสติ, ปรสฺส จิตฺตํ ตฺวา กถนํ อาเทสนาปาฏิหาริยนฺติ. สาวกานฺจ พุทฺธานฺจ สตตํ ธมฺมเทสนา อนุสาสนีปาฏิหาริยนฺติ.
ตตฺถ ¶ อิทฺธิปาฏิหาริเยน อนุสาสนีปาฏิหาริยํ มหาโมคฺคลฺลานสฺส อาจิณฺณํ, อาเทสนาปาฏิหาริเยน อนุสาสนีปาฏิหาริยํ ธมฺมเสนาปติสฺส. เทวทตฺเต สํฆํ ภินฺทิตฺวา ปฺจ ภิกฺขุสตานิ คเหตฺวา คยาสีเส พุทฺธลีฬาย เตสํ ธมฺมํ เทสนฺเต หิ ภควตา เปสิเตสุ ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ ธมฺมเสนาปติ เตสํ จิตฺตาจารํ ตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ ¶ , เถรสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฺจสตา ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. อถ เนสํ มหาโมคฺคลฺลาโน วิกุพฺพนํ ทสฺเสตฺวา ทสฺเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา สพฺเพ อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. อถ ทฺเวปิ มหานาคา ปฺจ ภิกฺขุสตานิ คเหตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เวฬุวนเมวาคมึสุ. อนุสาสนีปาฏิหาริยํ ปน พุทฺธานํ สตตํ ธมฺมเทสนา, เตสุ อิทฺธิปาฏิหาริยอาเทสนาปาฏิหาริยานิ สอุปารมฺภานิ สโทสานิ, อทฺธานํ น ติฏฺนฺติ, อทฺธานํ อติฏฺนโต น นิยฺยนฺติ. อนุสาสนีปาฏิหาริยํ อนุปารมฺภํ นิทฺโทสํ, อทฺธานํ ติฏฺติ, อทฺธานํ ติฏฺนโต นิยฺยาติ. ตสฺมา ภควา อิทฺธิปาฏิหาริยฺจ อาเทสนาปาฏิหาริยฺจ ครหติ, อนุสาสนีปาฏิหาริยํเยว ปสํสติ.
ภูตนิโรเธสกวตฺถุวณฺณนา
๔๘๗. ภูตปุพฺพนฺติ อิทํ กสฺมา ภควตา อารทฺธํ. อิทฺธิปาฏิหาริยอาเทสนาปาฏิหาริยานํ อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ, อนุสาสนีปาฏิหาริยสฺเสว นิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ. อปิ จ สพฺพพุทฺธานํ มหาภูตปริเยสโก นาเมโก ภิกฺขุ โหติเยว. โย มหาภูเต ปริเยสนฺโต ยาว พฺรหฺมโลกา วิจริตฺวา วิสฺสชฺเชตารํ อลภิตฺวา อาคมฺม ¶ พุทฺธเมว ปุจฺฉิตฺวา นิกฺกงฺโข โหติ. ตสฺมา พุทฺธานํ มหนฺตภาวปฺปกาสนตฺถํ, อิทฺจ การณํ ปฏิจฺฉนฺนํ, อถ นํ วิวฏํ กตฺวา เทเสนฺโตปิ ภควา ‘‘ภูตปุพฺพ’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺถ กตฺถ นุ โขติ กิสฺมึ าเน กึ อาคมฺม กึ ปตฺตสฺส เต อนวเสสา อปฺปวตฺติวเสน นิรุชฺฌนฺติ. มหาภูตกถา ปเนสา สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา, ตสฺมา สา ตโตว คเหตพฺพา.
๔๘๘. เทวยานิโย มคฺโคติ ปาฏิเยกฺโก เทวโลกคมนมคฺโค นาม นตฺถิ, อิทฺธิวิธาณสฺเสว ปเนตํ อธิวจนํ. เตน เหส ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตนฺโต เทวโลกํ ยาติ. ตสฺมา ‘‘ตํ เทวยานิโย มคฺโค’’ติ วุตฺตํ. เยน จาตุมหาราชิกาติ สมีเป ิตมฺปิ ภควนฺตํ อปุจฺฉิตฺวา ธมฺมตาย โจทิโต เทวตา มหานุภาวาติ มฺมาโน อุปสงฺกมิ. มยมฺปิ โข, ภิกฺขุ, น ชานามาติ พุทฺธวิสเย ปฺหํ ¶ ปุจฺฉิตา เทวตา น ชานนฺติ ¶ , เตเนวมาหํสุ. อถ โข โส ภิกฺขุ ‘‘มม อิมํ ปฺหํ น กเถตุํ น ลพฺภา, สีฆํ กเถถา’’ติ ตา เทวตา อชฺโฌตฺถรติ, ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉติ, ตา ‘‘อชฺโฌตฺถรติ โน อยํ ภิกฺขุ, หนฺท นํ หตฺถโต โมเจสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อตฺถิ โข ภิกฺขุ จตฺตาโร มหาราชาโน’’ติอาทิมาหํสุ. ตตฺถ อภิกฺกนฺตตราติ อติกฺกมฺม กนฺตตรา. ปณีตตราติ วณฺณยสอิสฺสริยาทีหิ อุตฺตมตรา เอเตน นเยน สพฺพวาเรสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๔๙๑-๔๙๓. อยํ ปน วิเสโส – สกฺโก กิร เทวราชา จินฺเตสิ ‘‘อยํ ปฺโห พุทฺธวิสโย, น สกฺกา อฺเน วิสฺสชฺชิตุํ, อยฺจ ภิกฺขุ อคฺคึ ปหาย ขชฺโชปนกํ ธมนฺโต วิย, เภรึ ปหาย อุทรํ วาเทนฺโต วิย จ, โลเก อคฺคปุคฺคลํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปหาย เทวตา ปุจฺฉนฺโต วิจรติ, เปเสมิ นํ สตฺถุสนฺติก’’นฺติ. ตโต ปุนเทว โส จินฺเตสิ ‘‘สุทูรมฺปิ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเกว นิกฺกงฺโข ภวิสฺสติ ¶ . อตฺถิ เจว ปุคฺคโล นาเมส, โถกํ ตาว อาหิณฺฑนฺโต กิลมตุ ปจฺฉา ชานิสฺสตี’’ติ. ตโต ตํ ‘‘อหมฺปิ โข’’ติอาทิมาห. พฺรหฺมยานิโยปิ เทวยานิยสทิโสว. เทวยานิยมคฺโคติ วา พฺรหฺมยานิยมคฺโคติ วา ธมฺมเสตูติ วา เอกจิตฺตกฺขณิกอปฺปนาติ วา สนฺนิฏฺานิกเจตนาติ วา มหคฺคตจิตฺตนฺติ วา อภิฺาาณนฺติ วา สพฺพเมตํ อิทฺธิวิธาณสฺเสว นามํ.
๔๙๔. ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ อาคมนปุพฺพภาเค นิมิตฺตํ สูริยสฺส อุทยโต อรุณุคฺคํ วิย. ตสฺมา อิทาเนว พฺรหฺมา อาคมิสฺสติ, เอวํ มยํ ชานามาติ ทีปยึสุ. ปาตุรโหสีติ ปากโฏ อโหสิ. อถ โข โส พฺรหฺมา เตน ภิกฺขุนา ปุฏฺโ อตฺตโน อวิสยภาวํ ตฺวา สจาหํ ‘‘น ชานามี’’ติ วกฺขามิ, อิเม มํ ปริภวิสฺสนฺติ, อถ ชานนฺโต วิย ยํ กิฺจิ กเถสฺสามิ, อยํ เม ภิกฺขุ เวยฺยากรเณน อนารทฺธจิตฺโต วาทํ อาโรเปสฺสติ. ‘‘อหมสฺมิ ภิกฺขุ พฺรหฺมา’’ติอาทีนิ ปน เม ภณนฺตสฺส น โกจิ วจนํ สทฺทหิสฺสติ. ยํนูนาหํ วิกฺเขปํ กตฺวา อิมํ ภิกฺขุํ สตฺถุสนฺติกํเยว เปเสยฺยนฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘อหมสฺมิ ภิกฺขุ พฺรหฺมา’’ติอาทิมาห.
๔๙๕-๔๙๖. เอกมนฺตํ ¶ อปเนตฺวาติ กสฺมา เอวมกาสิ? กุหกตฺตา. พหิทฺธา ปริเยฏฺินฺติ เตลตฺถิโก วาลิกํ นิปฺปีฬิยมาโน วิย ยาว พฺรหฺมโลกา พหิทฺธา ปริเยสนํ อาปชฺชติ.
๔๙๗. สกุณนฺติ กากํ วา กุลลํ วา. น โข เอโส, ภิกฺขุ, ปฺโห เอวํ ปุจฺฉิตพฺโพติ ¶ อิทํ ภควา ยสฺมา ปเทเสเนส ปฺโห ปุจฺฉิตพฺโพ, อยฺจ โข ภิกฺขุ อนุปาทินฺนเกปิ คเหตฺวา นิปฺปเทสโต ปุจฺฉติ, ตสฺมา ปฏิเสเธติ. อาจิณฺณํ กิเรตํ พุทฺธานํ, ปุจฺฉามูฬฺหสฺส ชนสฺส ปุจฺฉาย โทสํ ทสฺเสตฺวา ปุจฺฉํ สิกฺขาเปตฺวา ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ. กสฺมา? ปุจฺฉิตุํ อชานิตฺวา ปริปุจฺฉนฺโต ทุวิฺาปโย โหติ. ปฺหํ สิกฺขาเปนฺโต ปน ‘‘กตฺถ อาโป จา’’ติอาทิมาห.
๔๙๘. ตตฺถ น คาธตีติ น ปติฏฺาติ, อิเม จตฺตาโร ¶ มหาภูตา กึ อาคมฺม อปฺปติฏฺา ภวนฺตีติ อตฺโถ. อุปาทินฺนํเยว สนฺธาย ปุจฺฉติ. ทีฆฺจ รสฺสฺจาติ สณฺานวเสน อุปาทารูปํ วุตฺตํ. อณุํ ถูลนฺติ ขุทฺทกํ วา มหนฺตํ วา, อิมินาปิ อุปาทารูเป วณฺณมตฺตเมว กถิตํ. สุภาสุภนฺติ สุภฺจ อสุภฺจ อุปาทารูปเมว กถิตํ. กึ ปน อุปาทารูปํ สุภนฺติ อสุภนฺติ อตฺถิ? นตฺถิ. อิฏฺานิฏฺารมฺมณํ ปเนว กถิตํ. นามฺจ รูปฺจาติ นามฺจ ทีฆาทิเภทํ รูปฺจ. อุปรุชฺฌตีติ นิรุชฺฌติ, กึ อาคมฺม อเสสเมตํ นปฺปวตฺตตีติ.
เอวํ ปุจฺฉิตพฺพํ สิยาติ ปุจฺฉํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิสฺสชฺชนํ ทสฺเสนฺโต ตตฺร เวยฺยากรณํ ภวตีติ วตฺวา – ‘‘วิฺาณ’’นฺติอาทิมาห.
๔๙๙. ตตฺถ วิฺาตพฺพนฺติ วิฺาณํ นิพฺพานสฺเสตํ นามํ, ตเทตํ นิทสฺสนาภาวโต อนิทสฺสนํ. อุปฺปาทนฺโต วา วยนฺโต วา ิตสฺส อฺถตฺตนฺโต วา เอตสฺส นตฺถีติ อนนฺตํ. ปภนฺติ ปเนตํ กิร ติตฺถสฺส นามํ, ตฺหิ ปปนฺติ เอตฺถาติ ปปํ, ปการสฺส ปน ภกาโร กโต. สพฺพโต ปภมสฺสาติ สพฺพโตปภํ. นิพฺพานสฺส กิร ยถา มหาสมุทฺทสฺส ยโต ยโต โอตริตุกามา โหนฺติ, ตํ ตเทว ติตฺถํ, อติตฺถํ นาม นตฺถิ. เอวเมว อฏฺตึสาย กมฺมฏฺาเนสุ เยน เยน มุเขน นิพฺพานํ โอตริตุกามา โหนฺติ, ตํ ตเทว ติตฺถํ, นิพฺพานสฺส อติตฺถํ นาม นตฺถิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพโตปภ’’นฺติ. เอตฺถ อาโป จาติ เอตฺถ ¶ นิพฺพาเน อิทํ นิพฺพานํ อาคมฺม สพฺพเมตํ อาโปติอาทินา นเยน วุตฺตํ อุปาทินฺนก ธมฺมชาตํ นิรุชฺฌติ, อปฺปวตฺตํ โหตีติ.
อิทานิสฺส นิรุชฺฌนูปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิฺาณสฺส นิโรเธน เอตฺเถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติ อาห. ตตฺถ วิฺาณนฺติ จริมกวิฺาณมฺปิ อภิสงฺขารวิฺาณมฺปิ ¶ , จริมกวิฺาณสฺสาปิ หิ นิโรเธน เอตฺเถตํ อุปรุชฺฌติ. วิชฺฌาตทีปสิขา วิย อปณฺณตฺติกภาวํ ยาติ. อภิสงฺขารวิฺาณสฺสาปิ อนุปฺปาทนิโรเธน อนุปฺปาทวเสน อุปรุชฺฌติ. ยถาห ‘‘โสตาปตฺติมคฺคาเณน อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรเธน เปตฺวา สตฺตภเว อนมตคฺเค สํสาเร เย ¶ อุปฺปชฺเชยฺยุํ นามฺจ รูปฺจ เอตฺเถเต นิรุชฺฌนฺตี’’ติ สพฺพํ จูฬนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
เกวฏฺฏสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. โลหิจฺจสุตฺตวณฺณนา
โลหิจฺจพฺราหฺมณวตฺถุวณฺณนา
๕๐๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… โกสเลสูติ โลหิจฺจสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา. สาลวติกาติ ตสฺส คามสฺส นามํ, โส กิร วติยา วิย สมนฺตโต สาลปนฺติยา ปริกฺขิตฺโต. ตสฺมา สาลวติกาติ วุจฺจติ. โลหิจฺโจติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นามํ.
๕๐๒-๕๐๓. ปาปกนฺติ ปรานุกมฺปา วิรหิตตฺตา ลามกํ, น ปน อุจฺเฉทสสฺสตานํ อฺตรํ. อุปฺปนฺนํ โหตีติ ชาตํ โหติ, น เกวลฺจ จิตฺเต ชาตมตฺตเมว. โส กิร ตสฺส วเสน ปริสมชฺเฌปิ เอวํ ภาสติเยว. กิฺหิ ปโร ปรสฺสาติ ปโร โย อนุสาสียติ, โส ตสฺส อนุสาสกสฺส กึ กริสฺสติ. อตฺตนา ปฏิลทฺธํ กุสลํ ธมฺมํ อตฺตนาว สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา วิหาตพฺพนฺติ วทติ.
๕๐๔-๔๐๗. โรสิกํ นฺหาปิตํ อามนฺเตสีติ โรสิกาติ เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามํ นฺหาปิตํ อามนฺเตสิ. โส กิร ภควโต อาคมนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา ทิฏฺํ นามํ ภาโร, เคหํ ปน อาณาเปตฺวา ปสฺสิสฺสามิ เจว ยถาสตฺติ จ อาคนฺตุกภิกฺขํ ทสฺสามี’’ติ, ตสฺมา เอวํ นฺหาปิตํ อามนฺเตสิ.
๕๐๘. ปิฏฺิโต ปิฏฺิโตติ กถาผาสุกตฺถํ ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺโธ โหติ. วิเวเจตูติ วิโมเจตุ, ตํ ทิฏฺิคตํ วิโนเทตูติ วทติ. อยํ กิร อุปาสโก โลหิจฺจสฺส พฺราหฺมณสฺส ปิยสหายโก. ตสฺมา ตสฺส อตฺถกามตาย เอวมาห. อปฺเปว นาม สิยาติ เอตฺถ ปมวจเนน ภควา คชฺชติ, ทุติยวจเนน อนุคชฺชติ. อยํ กิเรตฺถ ¶ อธิปฺปาโย – โรสิเก เอตทตฺถเมว มยา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ. กปฺปสตสหสฺสฺจ วิวิธานิ ทุกฺกรานิ กโรนฺเตน ปารมิโย ปูริตา ¶ , เอตทตฺถเมว สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธํ, น เม โลหิจฺจสฺส ทิฏฺิคตํ ภินฺทิตุํ ภาโรติ, อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ปมวจเนน ภควา คชฺชติ. เกวลํ โรสิเก ¶ โลหิจฺจสฺส มม สนฺติเก อาคมนํ วา นิสชฺชา วา อลฺลาปสลฺลาโป วา โหตุ, สเจปิ โลหิจฺจสทิสานํ สตสหสฺสสฺส กงฺขา โหติ, ปฏิพโล อหํ วิโนเทตุํ โลหิจฺจสฺส ปน เอกสฺส ทิฏฺิวิโนทเน มยฺหํ โก ภาโรติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ทุติยวจเนน ภควา อนุคชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
โลหิจฺจพฺราหฺมณานุโยควณฺณนา
๕๐๙. สมุทยสฺชาตีติ สมุทยสฺส สฺชาติ โภคุปฺปาโท, ตโต อุฏฺิตํ ธนธฺนฺติ อตฺโถ. เย ตํ อุปชีวนฺตีติ เย าติปริชนทาสกมฺมกราทโย ชนา ตํ นิสฺสาย ชีวนฺติ. อนฺตรายกโรติ ลาภนฺตรายกโร. หิตานุกมฺปีติ เอตฺถ หิตนฺติ วุฑฺฒิ. อนุกมฺปตีติ อนุกมฺปี, อิจฺฉตีติ อตฺโถ, วุฑฺฒึ อิจฺฉติ วา โน วาติ วุตฺตํ โหติ. นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วาติ สเจ สา มิจฺฉาทิฏฺิ สมฺปชฺชติ, นิยตา โหติ, เอกํเสน นิรเย นิพฺพตฺตติ, โน เจ, ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ.
๕๑๐-๕๑๒. อิทานิ ยสฺมา ยถา อตฺตโน ลาภนฺตราเยน สตฺตา สํวิชฺชนฺติ น ตถา ปเรสํ, ตสฺมา สุฏฺุตรํ พฺราหฺมณํ ปเวเจตุกาโม ‘‘ตํ กึ มฺสี’’ติ ทุติยํ อุปปตฺติมาห. เย จิเมติ เย จ อิเม ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อริยภูมึ โอกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺตา กุลปุตฺตา ทิพฺพา คพฺภาติ อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ทิพฺเพ คพฺเภติ อตฺโถ. ทิพฺพา, คพฺภาติ จ ฉนฺนํ เทวโลกานเมตํ อธิวจนํ. ปริปาเจนฺตีติ เทวโลกคามินึ ปฏิปทํ ปูรยมานา ทานํ, ททมานา, สีลํ รกฺขมานา, คนฺธมาลาทีหิ, ปูชํ กุรุมานา ภาวนํ ภาวยมานา ปาเจนฺติ วิปาเจนฺติ ปริปาเจนฺติ ปริณามํ คเมนฺติ. ทิพฺพานํ ภวานํ อภินิพฺพตฺติยาติ ทิพฺพภวา นาม เทวานํ วิมานานิ ¶ , เตสํ นิพฺพตฺตนตฺถายาติ อตฺโถ. อถ วา ทิพฺพา คพฺภาติ ทานาทโย ปฺุวิเสสา. ทิพฺพา ภวาติ เทวโลเก วิปากกฺขนฺธา, เตสํ นิพฺพตฺตนตฺถาย ตานิ ปฺุานิ กโรนฺตีติ อตฺโถ. เตสํ อนฺตรายกโรติ เตสํ มคฺคสมฺปตฺติผลสมฺปตฺติทิพฺพภววิเสสานํ อนฺตรายกโร. อิติ ภควา เอตฺตาวตา อนิยมิเตเนว โอปมฺมวิธินา ยาว ภวคฺคา ¶ อุคฺคตํ พฺราหฺมณสฺส มานํ ภินฺทิตฺวา อิทานิ โจทนารเห ตโย สตฺถาเร ทสฺเสตุํ ‘‘ตโย โข เม, โลหิจฺจา’’ติอาทิมาห.
ตโย โจทนารหวณฺณนา
๕๑๓. ตตฺถ ¶ สา โจทนาติ ตโย สตฺถาเร โจเทนฺตสฺส โจทนา. น อฺา จิตฺตํ อุปฏฺเปนฺตีติ อฺาย อาชานนตฺถาย จิตฺตํ น อุปฏฺเปนฺติ. โวกฺกมฺมาติ นิรนฺตรํ ตสฺส สาสนํ อกตฺวา ตโต อุกฺกมิตฺวา วตฺตนฺตีติ อตฺโถ. โอสกฺกนฺติยา วา อุสฺสกฺเกยฺยาติ ปฏิกฺกมนฺติยา อุปคจฺเฉยฺย, อนิจฺฉนฺติยา อิจฺเฉยฺย, เอกาย สมฺปโยคํ อนิจฺฉนฺติยา เอโก อิจฺเฉยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ปรมฺมุขึ วา อาลิงฺเคยฺยาติ ทฏฺุมฺปิ อนิจฺฉมานํ ปรมฺมุขึ ิตํ ปจฺฉโต คนฺตฺวา อาลิงฺเคยฺย. เอวํสมฺปทมิทนฺติ อิมสฺสาปิ สตฺถุโน ‘‘มม อิเม สาวกา’’ติ สาสนา โวกฺกมฺม วตฺตมาเนปิ เต โลเภน อนุสาสโต อิมํ โลภธมฺมํ เอวํสมฺปทเมว อีทิสเมว วทามิ. อิติ โส เอวรูโป ตว โลภธมฺโม เยน ตฺวํ โอสกฺกนฺติยา อุสฺสกฺกนฺโต วิย ปรมฺมุขึ อาลิงฺคนฺโต วิย อโหสีติปิ ตํ โจทนํ อรหติ. กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตีติ เยน ธมฺเมน ปเร อนุสาสิ, อตฺตานเมว ตาว ตตฺถ สมฺปาเทหิ, อุชุํ กโรหิ. กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตีติ โจทนํ อรหติ.
๕๑๔. นิทฺทายิตพฺพนฺติ สสฺสรูปกานิ ติณานิ อุปฺปาเฏตฺวา ปริสุทฺธํ กาตพฺพํ.
๕๑๕. ตติยโจทนาย กิฺหิ ปโร ปรสฺสาติ อนุสาสนํ อสมฺปฏิจฺฉนกาลโต ปฏฺาย ปโร อนุสาสิตพฺโพ, ปรสฺส ¶ อนุสาสกสฺส กึ กริสฺสตีติ นนุ ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺกตํ อาปชฺชิตฺวา อตฺตนา ปฏิวิทฺธธมฺมํ อตฺตนาว มาเนตฺวา ปูเชตฺวา วิหาตพฺพนฺติ เอวํ โจทนํ อรหตีติ อตฺโถ.
น โจทนารหสตฺถุวณฺณนา
๕๑๖. น ¶ โจทนารโหติ อยฺหิ ยสฺมา ปมเมว อตฺตานํ ปติรูเป ปติฏฺาเปตฺวา สาวกานํ ธมฺมํ เทเสติ. สาวกา จสฺส อสฺสวา หุตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺติ, ตาย จ ปฏิปตฺติยา มหนฺตํ วิเสสมธิคจฺฉนฺติ. ตสฺมา น โจทนารโหติ.
๕๑๗. นรกปปาตํ ปปตนฺโตติ มยา คหิตาย ทิฏฺิยา อหํ นรกปปาตํ ปปตนฺโต. อุทฺธริตฺวา ¶ ถเล ปติฏฺาปิโตติ ตํ ทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา ธมฺมเทสนาหตฺเถน อปายปตนโต อุทฺธริตฺวา สคฺคมคฺคถเล ปิโตมฺหีติ วทติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
โลหิจฺจสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. เตวิชฺชสุตฺตวณฺณนา
๕๑๘. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… โกสเลสูติ เตวิชฺชสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา. มนสากฏนฺติ ตสฺส คามสฺส นามํ. อุตฺตเรน มนสากฏสฺสาติ มนสากฏโต อวิทูเร อุตฺตรปสฺเส. อมฺพวเนติ ตรุณอมฺพรุกฺขสณฺเฑ, รมณีโย กิร โส ภูมิภาโค, เหฏฺา รชตปฏฺฏสทิสา วาลิกา วิปฺปกิณฺณา, อุปริ มณิวิตานํ วิย ฆนสาขาปตฺตํ อมฺพวนํ. ตสฺมึ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิเก ปวิเวกสุเข อมฺพวเน วิหรตีติ อตฺโถ.
๕๑๙. อภิฺาตา อภิฺาตาติ กุลจาริตฺตาทิสมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ ปฺาตา. จงฺกีติอาทีนิ เตสํ นามานิ. ตตฺถ จงฺกี โอปาสาทวาสิโก. ตารุกฺโข อิจฺฉานงฺคลวาสิโก. โปกฺขรสาตี อุกฺกฏฺวาสิโก. ชาณุโสณี สาวตฺถิวาสิโก. โตเทยฺโย ตุทิคามวาสิโก. อฺเ จาติ อฺเ จ พหุชนา. อตฺตโน อตฺตโน นิวาสฏฺาเนหิ อาคนฺตฺวา มนฺตสชฺฌายกรณตฺถํ ตตฺถ ปฏิวสนฺติ. มนสากฏสฺส กิร รมณียตาย เต พฺราหฺมณา ตตฺถ นทีตีเร เคหานิ กาเรตฺวา ปริกฺขิปาเปตฺวา อฺเสํ พหูนํ ปเวสนํ นิวาเรตฺวา อนฺตรนฺตรา ตตฺถ คนฺตฺวา วสนฺติ.
๕๒๐-๕๒๑. วาเสฏฺภารทฺวาชานนฺติ วาเสฏฺสฺส จ โปกฺขรสาติโน อนฺเตวาสิกสฺส, ภารทฺวาชสฺส จ ตารุกฺขนฺเตวาสิกสฺส. เอเต กิร ทฺเว ชาติสมฺปนฺนา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อเหสุํ. ชงฺฆวิหารนฺติ อติจิรนิสชฺชปจฺจยา กิลมถวิโนทนตฺถาย ชงฺฆจารํ. เต กิร ทิวสํ สชฺฌายํ กตฺวา สายนฺเห วุฏฺาย นฺหานียสมฺภารคนฺธมาลเตลโธตวตฺถานิ คาหาเปตฺวา อตฺตโน ปริชนปริวุตา นฺหายิตุกามา ¶ นทีตีรํ คนฺตฺวา รชตปฏฺฏวณฺเณ วาลิกาสณฺเฑ อปราปรํ จงฺกมึสุ. เอกํ จงฺกมนฺตํ อิตโร อนุจงฺกมิ, ปุน อิตรํ อิตโรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุจงฺกมนฺตานํ อนุวิจรนฺตาน’’นฺติ. มคฺคามคฺเคติ มคฺเค จ อมคฺเค จ. กตมํ นุ โข ปฏิปทํ ปูเรตฺวา กตเมน มคฺเคน สกฺกา สุขํ พฺรหฺมโลกํ คนฺตุนฺติ เอวํ มคฺคามคฺคํ อารพฺภ กถํ สมุฏฺาเปสุนฺติ อตฺโถ. อฺชสายโนติ อุชุมคฺคสฺเสตํ เววจนํ, อฺชสา ¶ วา อุชุกเมว เอเตน อายนฺติ อาคจฺฉนฺตีติ ¶ อฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาตีติ นิยฺยายนฺโต นิยฺยาติ, คจฺฉนฺโต คจฺฉตีติ อตฺโถ.
ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายาติ โย ตํ มคฺคํ กโรติ ปฏิปชฺชติ, ตสฺส พฺรหฺมุนา สทฺธึ สหภาวาย, เอกฏฺาเน ปาตุภาวาย คจฺฉตีติ อตฺโถ. ยฺวายนฺติ โย อยํ. อกฺขาโตติ กถิโต ทีปิโต. พฺราหฺมเณน โปกฺขรสาตินาติ อตฺตโน อาจริยํ อปทิสติ. อิติ วาเสฏฺโ สกเมว อาจริยวาทํ โถเมตฺวา ปคฺคณฺหิตฺวา วิจรติ. ภารทฺวาโชปิ สกเมวาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เนว โข อสกฺขิ วาเสฏฺโ’’ติอาทิ.
ตโต วาเสฏฺโ ‘‘อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ กถา อนิยฺยานิกาว, อิมสฺมิฺจ โลเก มคฺคกุสโล นาม โภตา โคตเมน สทิโส นตฺถิ, ภวฺจ โคตโม อวิทูเร วสติ, โส โน ตุลํ คเหตฺวา นิสินฺนวาณิโช วิย กงฺขํ ฉินฺทิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตมตฺถํ ภารทฺวาชสฺส อาโรเจตฺวา อุโภปิ คนฺตฺวา อตฺตโน กถํ ภควโต อาโรเจสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข วาเสฏฺโ…เป… ยฺวายํ อกฺขาโต พฺราหฺมเณน ตารุกฺเขนา’’ติ.
๕๒๒. เอตฺถ โภ โคตมาติ เอตสฺมึ มคฺคามคฺเค. วิคฺคโห วิวาโทติอาทีสุ ปุพฺพุปฺปตฺติโก วิคฺคโห. อปรภาเค วิวาโท. ทุวิโธปิ เอโส นานาอาจริยานํ วาทโต นานาวาโท.
๕๒๓. อถ กิสฺมึ ปน โวติ ตฺวมฺปิ อยเมว มคฺโคติ อตฺตโน อาจริยวาทเมว ปคฺคยฺห ติฏฺสิ, ภารทฺวาโชปิ อตฺตโน อาจริยวาทเมว, เอกสฺสาปิ เอกสฺมึ สํสโย นตฺถิ. เอวํ สติ กิสฺมึ โว วิคฺคโหติ ปุจฺฉติ.
๕๒๔. มคฺคามคฺเค ¶ , โภ โคตมาติ มคฺเค โภ โคตม อมคฺเค จ, อุชุมคฺเค จ อนุชุมคฺเค จาติ อตฺโถ. เอส กิร เอกพฺราหฺมณสฺสาปิ มคฺคํ ‘‘น มคฺโค’’ติ น วทติ. ยถา ปน อตฺตโน อาจริยสฺส มคฺโค อุชุมคฺโค, น ¶ เอวํ อฺเสํ อนุชานาติ, ตสฺมา ตเมวตฺถํ ทีเปนฺโต ‘‘กิฺจาปิ โภ โคตมา’’ติอาทิมาห.
สพฺพานิ ตานีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วทติ, สพฺเพ เตติ วุตฺตํ โหติ. พหูนีติ อฏฺ วา ทส ¶ วา. นานามคฺคานีติ มหนฺตามหนฺตชงฺฆมคฺคสกฏมคฺคาทิวเสน นานาวิธานิ สามนฺตา คามนทีตฬากเขตฺตาทีหิ อาคนฺตฺวา คามํ ปวิสนมคฺคานิ.
๕๒๕-๕๒๖. ‘‘นิยฺยนฺตีติ วาเสฏฺ วเทสี’’ติ ภควา ติกฺขตฺตุํ วจีเภทํ กตฺวา ปฏิฺํ การาเปสิ. กสฺมา? ติตฺถิยา หิ ปฏิชานิตฺวา ปจฺฉา นิคฺคยฺหมานา อวชานนฺติ. โส ตถา กาตุํ น สกฺขิสฺสตีติ.
๕๒๗-๕๒๙. เตว เตวิชฺชาติ เต เตวิชฺชา. วกาโร อาคมสนฺธิมตฺตํ. อนฺธเวณีติ อนฺธปเวณี, เอเกน จกฺขุมตา คหิตยฏฺิยา โกฏึ เอโก อนฺโธ คณฺหติ, ตํ อนฺธํ อฺโ ตํ อฺโติ เอวํ ปณฺณาสสฏฺิ อนฺธา ปฏิปาฏิยา ฆฏิตา อนฺธเวณีติ วุจฺจติ. ปรมฺปรสํสตฺตาติ อฺมฺํ ลคฺคา, ยฏฺิคาหเกนปิ จกฺขุมตา วิรหิตาติ อตฺโถ. เอโก กิร ธุตฺโต อนฺธคณํ ทิสฺวา ‘‘อสุกสฺมึ นาม คาเม ขชฺชโภชฺชํ สุลภ’’นฺติ อุสฺสาเหตฺวา ‘‘เตน หิ ตตฺถ โน สามิ เนหิ, อิทํ นาม เต เทมา’’ติ วุตฺเต, ลฺชํ คเหตฺวา อนฺตรามคฺเค มคฺคา โอกฺกมฺม มหนฺตํ คจฺฉํ อนุปริคนฺตฺวา ปุริมสฺส หตฺเถน ปจฺฉิมสฺส กจฺฉํ คณฺหาเปตฺวา ‘‘กิฺจิ กมฺมํ อตฺถิ, คจฺฉถ ตาว ตุมฺเห’’ติ วตฺวา ปลายิ, เต ทิวสมฺปิ คนฺตฺวา มคฺคํ อวินฺทมานา ‘‘กุหึ โน จกฺขุมา, กุหึ มคฺโค’’ติ ปริเทวิตฺวา มคฺคํ อวินฺทมานา ตตฺเถว มรึสุ. เต สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปรมฺปรสํสตฺตา’’ติ. ปุริโมปีติ ปุริเมสุ ทสสุ พฺราหฺมเณสุ เอโกปิ. มชฺฌิโมปีติ ¶ มชฺฌิเมสุ อาจริยปาจริเยสุ เอโกปิ. ปจฺฉิโมปีติ อิทานิ เตวิชฺเชสุ พฺราหฺมเณสุ เอโกปิ. หสฺสกฺเวาติ หสิตพฺพเมว. นามกฺเวาติ ลามกํเยว. ตเทตํ อตฺถาภาเวน ริตฺตกํ, ริตฺตกตฺตาเยว ตุจฺฉกํ. อิทานิ พฺรหฺมโลโก ตาว ติฏฺตุ, โย เตวิชฺเชหิ น ทิฏฺปุพฺโพว. เยปิ จนฺทิมสูริเย เตวิชฺชา ปสฺสนฺติ, เตสมฺปิ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตุํ นปฺปโหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ตํ กึ มฺสี’’ติอาทิมาห.
๕๓๐. ตตฺถ ¶ ยโต จนฺทิมสูริยา อุคฺคจฺฉนฺตีติ ยสฺมึ กาเล อุคฺคจฺฉนฺติ. ยตฺถ จ โอคฺคจฺฉนฺตีติ ยสฺมึ กาเล อตฺถเมนฺติ, อุคฺคมนกาเล จ อตฺถงฺคมนกาเล จ ปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อายาจนฺตีติ ‘‘อุเทหิ ภวํ จนฺท, อุเทหิ ภวํ สูริยา’’ติ เอวํ อายาจนฺติ. โถมยนฺตีติ ‘‘โสมฺโม จนฺโท, ปริมณฺฑโล จนฺโท, สปฺปโภ จนฺโท’’ติอาทีนิ วทนฺตา ปสํสนฺติ. ปฺชลิกาติ ปคฺคหิตอฺชลิกา. นมสฺสมานาติ ‘‘นโม นโม’’ติ วทมานา.
๕๓๑-๕๓๒. ยํ ปสฺสนฺตีติ เอตฺถ ยนฺติ นิปาตมตฺตํ. กึ ปน น กิราติ เอตฺถ อิธ ปน ¶ กึ วตฺตพฺพํ. ยตฺถ กิร เตวิชฺเชหิ พฺราหฺมเณหิ น พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อจิรวตีนทีอุปมากถา
๕๔๒. สมติตฺติกาติ สมภริตา. กากเปยฺยาติ ยตฺถ กตฺถจิ ตีเร ิเตน กาเกน สกฺกา ปาตุนฺติ กากเปยฺยา. ปารํ ตริตุกาโมติ นทึ อติกฺกมิตฺวา ปรตีรํ คนฺตุกาโม. อวฺเหยฺยาติ ปกฺโกเสยฺย. เอหิ ปาราปารนฺติ อมฺโภ ปาร อปารํ เอหิ, อถ มํ สหสาว คเหตฺวา คมิสฺสสิ, อตฺถิ เม อจฺจายิกกมฺมนฺติ อตฺโถ.
๕๔๔. เย ธมฺมา พฺราหฺมณการกาติ เอตฺถ ปฺจสีลทสกุสลกมฺมปถเภทา ธมฺมา พฺราหฺมณการกาติ เวทิตพฺพา ¶ , ตพฺพิปรีตา อพฺราหฺมณการกา. อินฺทมวฺหายามาติ อินฺทํ อวฺหายาม ปกฺโกสาม. เอวํ พฺราหฺมณานํ อวฺหายนสฺส นิรตฺถกตํ ทสฺเสตฺวา ปุนปิ ภควา อณฺณวกุจฺฉิยํ สูริโย วิย ชลมาโน ปฺจสตภิกฺขุปริวุโต อจิรวติยา ตีเร นิสินฺโน อปรมฺปิ นทีอุปมํเยว อาหรนฺโต ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาห.
๕๔๖. กามคุณาติ กามยิตพฺพฏฺเน กามา, พนฺธนฏฺเน คุณา. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, อหตานํ วตฺถานํ ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) เอตฺถ หิ ปฏลฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย, วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺตี’’ติ เอตฺถ ราสฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ ¶ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) เอตฺถ อานิสํสฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณํ (ขุ. ปา. ๓.๑) กยิรา มาลาคุเณ พหู’’ติ (ธ. ป. ๕๓) จ เอตฺถ พนฺธนฏฺโ คุณฏฺโ. อิธาปิ เอเสว อธิปฺเปโต. เตน วุตฺตํ ‘‘พนฺธนฏฺเน คุณา’’ติ. จกฺขุวิฺเยฺยาติ จกฺขุวิฺาเณน ปสฺสิตพฺพา. เอเตนุปาเยน โสตวิฺเยฺยาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิฏฺาติ ปริยิฏฺา วา โหนฺตุ, มา วา, อิฏฺารมฺมณภูตาติ อตฺโถ. กนฺตาติ กามนียา. มนาปาติ มนวฑฺฒนกา. ปิยรูปาติ ปิยชาติกา. กามูปสฺหิตาติ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชมาเนน กาเมน อุปสฺหิตา. รชนียาติ รฺชนียา, ราคุปฺปตฺติการณภูตาติ อตฺโถ.
คธิตาติ เคเธน อภิภูตา หุตฺวา. มุจฺฉิตาติ มุจฺฉาการปฺปตฺตาย อธิมตฺตกาย ตณฺหาย อภิภูตา. อชฺโฌปนฺนาติ อธิโอปนฺนา โอคาฬฺหา ‘‘อิทํ สาร’’นฺติ ปรินิฏฺานปฺปตฺตา หุตฺวา. อนาทีนวทสฺสาวิโนติ ¶ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา. อนิสฺสรณปฺาติ อิทเมตฺถ นิสฺสรณนฺติ, เอวํ ปริชานนปฺาวิรหิตา, ปจฺจเวกฺขณปริโภควิรหิตาติ อตฺโถ.
๕๔๘. อาวรณาติอาทีสุ ¶ อาวรนฺตีติ อาวรณา. นิวาเรนฺตีติ นีวรณา. โอนนฺธนฺตีติ โอนาหนา. ปริโยนนฺธนฺตีติ ปริโยนาหนา. กามจฺฉนฺทาทีนํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺคโต คเหตพฺพา.
๕๔๙-๕๕๐. อาวุตา นิวุตา โอนทฺธา ปริโยนทฺธาติ ปทานิ อาวรณาทีนํ วเสน วุตฺตานิ. สปริคฺคโหติ อิตฺถิปริคฺคเหน สปริคฺคโหติ ปุจฺฉติ. อปริคฺคโห โภ โคตมาติอาทีสุปิ กามจฺฉนฺทสฺส อภาวโต อิตฺถิปริคฺคเหน อปริคฺคโห. พฺยาปาทสฺส อภาวโต เกนจิ สทฺธึ เวรจิตฺเตน อเวโร. ถินมิทฺธสฺส อภาวโต จิตฺตเคลฺสงฺขาเตน พฺยาปชฺเชน อพฺยาปชฺโช. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจาภาวโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจาทีหิ สํกิเลเสหิ อสํกิลิฏฺจิตฺโต สุปริสุทฺธมานโส. วิจิกิจฺฉาย อภาวโต จิตฺตํ วเส วตฺเตติ. ยถา จ พฺราหฺมณา จิตฺตคติกา โหนฺตีติ, จิตฺตสฺส วเสน วตฺตนฺติ, น ตาทิโสติ วสวตฺตี.
๕๕๒. อิธ ¶ โข ปนาติ อิธ พฺรหฺมโลกมคฺเค. อาสีทิตฺวาติ อมคฺคเมว ‘‘มคฺโค’’ติ อุปคนฺตฺวา. สํสีทนฺตีติ ‘‘สมตล’’นฺติ สฺาย ปงฺกํ โอติณฺณา วิย อนุปฺปวิสนฺติ. สํสีทิตฺวา วิสารํ ปาปุณนฺตีติ เอวํ ปงฺเก วิย สํสีทิตฺวา วิสารํ องฺคมงฺคสํภฺชนํ ปาปุณนฺติ. สุกฺขตรํ มฺเ ตรนฺตีติ มรีจิกาย วฺเจตฺวา ‘‘กากเปยฺยา นที’’ติ สฺาย ‘‘ตริสฺสามา’’ติ หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมานา สุกฺขตรณํ มฺเ ตรนฺติ. ตสฺมา ยถา หตฺถปาทาทีนํ สํภฺชนํ ปริภฺชนํ, เอวํ อปาเยสุ สํภฺชนํ ปริภฺชนํ ปาปุณนฺติ. อิเธว จ สุขํ วา สาตํ วา น ลภนฺติ. ตสฺมา อิทํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานนฺติ ตสฺมา อิทํ พฺรหฺมสหพฺยตาย มคฺคทีปกํ เตวิชฺชกํ ปาวจนํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ. เตวิชฺชาอิริณนฺติ เตวิชฺชาอรฺํ อิริณนฺติ หิ อคามกํ มหาอรฺํ วุจฺจติ. เตวิชฺชาวิวนนฺติ ปุปฺผผเลหิ อปริโภครุกฺเขหิ สฺฉนฺนํ นิรุทกํ อรฺํ ¶ . ยตฺถ มคฺคโต อุกฺกมิตฺวา ปริวตฺติตุมฺปิ น สกฺกา โหนฺติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘เตวิชฺชาวิวนนฺติปิ วุจฺจตี’’ติ. เตวิชฺชาพฺยสนนฺติ เตวิชฺชานํ ปฺจวิธพฺยสนสทิสเมตํ. ยถา หิ าติโรคโภค ทิฏฺิ สีลพฺยสนปฺปตฺตสฺส สุขํ นาม นตฺถิ, เอวํ เตวิชฺชานํ เตวิชฺชกํ ปาวจนํ อาคมฺม สุขํ นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ.
๕๕๔. ชาตสํวฑฺโฒติ ชาโต จ วฑฺฒิโต จ, โย หิ เกวลํ ตตฺถ ชาโตว โหติ, อฺตฺถ ¶ วฑฺฒิโต, ตสฺส สมนฺตา คามมคฺคา น สพฺพโส ปจฺจกฺขา โหนฺติ, ตสฺมา ชาตสํวฑฺโฒติ อาห. ชาตสํวฑฺโฒปิ โย จิรนิกฺขนฺโต, ตสฺส น สพฺพโส ปจฺจกฺขา โหนฺติ. ตสฺมา ‘‘ตาวเทว อวสฏ’’นฺติ อาห, ตงฺขณเมว นิกฺขนฺตนฺติ อตฺโถ. ทนฺธายิตตฺตนฺติ อยํ นุ โข มคฺโค, อยํ น นุโขติ กงฺขาวเสน จิรายิตตฺตํ. วิตฺถายิตตฺตนฺติ ยถา สุขุมํ อตฺถชาตํ สหสา ปุจฺฉิตสฺส กสฺสจิ สรีรํ ถทฺธภาวํ คณฺหาติ, เอวํ ถทฺธภาวคฺคหณํ. น ตฺเววาติ อิมินา สพฺพฺุตฺาณสฺส อปฺปฏิหตภาวํ ทสฺเสติ. ตสฺส หิ ปุริสสฺส มาราวฏฺฏนาทิวเสน สิยา าณสฺส ¶ ปฏิฆาโต. เตน โส ทนฺธาเยยฺย วา วิตฺถาเยยฺย วา. สพฺพฺุตฺาณํ ปน อปฺปฏิหตํ, น สกฺกา ตสฺส เกนจิ อนฺตราโย กาตุนฺติ ทีเปติ.
๕๕๕. อุลฺลุมฺปตุ ภวํ โคตโมติ อุทฺธรตุ ภวํ โคตโม. พฺราหฺมณึ ปชนฺติ พฺราหฺมณทารกํ, ภวํ โคตโม มม พฺราหฺมณปุตฺตํ อปายมคฺคโต อุทฺธริตฺวา พฺรหฺมโลกมคฺเค ปติฏฺเปตูติ อตฺโถ. อถสฺส ภควา พุทฺธุปฺปาทํ ทสฺเสตฺวา สทฺธึ ปุพฺพภาคปฏิปทาย เมตฺตาวิหาราทิพฺรหฺมโลกคามิมคฺคํ เทเสตุกาโม ‘‘เตน หิ วาเสฏฺา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อิธ ตถาคโต’’ติอาทิ สามฺผเล วิตฺถาริตํ. เมตฺตาสหคเตนาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค พฺรหฺมวิหารกมฺมฏฺานกถายํ วุตฺตํ. เสยฺยถาปิ วาเสฏฺ พลวา สงฺขธโมติอาทิ ปน อิธ อปุพฺพํ. ตตฺถ พลวาติ พลสมฺปนฺโน. สงฺขธโมติ ¶ สงฺขธมโก. อปฺปกสิเรนาติ อกิจฺเฉน อทุกฺเขน. ทุพฺพโล หิ สงฺขธโม สงฺขํ ธมนฺโตปิ น สกฺโกติ จตสฺโส ทิสา สเรน วิฺาเปตุํ, นาสฺส สงฺขสทฺโท สพฺพโต ผรติ. พลวโต ปน วิปฺผาริโก โหติ, ตสฺมา ‘‘พลวา’’ติอาทิมาห. เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยาติ เอตฺถ เมตฺตาติ วุตฺเต อุปจาโรปิ อปฺปนาปิ วฏฺฏติ, ‘‘เจตฺโตวิมุตฺตี’’ติ วุตฺเต ปน อปฺปนาว วฏฺฏติ. ยํ ปมาณกตํ กมฺมนฺติ ปมาณกตํ กมฺมํ นาม กามาวจรํ วุจฺจติ. อปฺปมาณกตํ กมฺมํ นาม รูปารูปาวจรํ. ตฺหิ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณวเสน วฑฺเฒตฺวา กตตฺตา อปฺปมาณกตนฺติ วุจฺจติ. น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ น ตํ ตตฺราวติฏฺตีติ ตํ กามาวจรกมฺมํ ตสฺมึ รูปาวจรารูปาวจรกมฺเม น โอหียติ, น ติฏฺติ. กึ วุตฺตํ โหติ – ตํ กามาวจรกมฺมํ ตสฺส รูปารูปาวจรกมฺมสฺส อนฺตรา ลคฺคิตุํ วา าตุํ วา รูปารูปาวจรกมฺมํ ผริตฺวา ปริยาทิยิตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ปติฏฺาตุํ น สกฺโกติ. อถ โข รูปาวจรารูปาวจรกมฺมเมว กามาวจรํ มโหโฆ วิย ปริตฺตํ อุทกํ ผริตฺวา ปริยาทิยิตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฏฺติ. ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา สยเมว พฺรหฺมสหพฺยตํ อุปเนตีติ. เอวํวิหารีติ เอวํ เมตฺตาทิวิหารี.
๕๕๙. เอเต ¶ ¶ มยํ ภวนฺตํ โคตมนฺติ อิทํ เตสํ ทุติยํ สรณคมนํ. ปมเมว เหเต มชฺฌิมปณฺณาสเก วาเสฏฺสุตฺตํ สุตฺวา สรณํ คตา, อิมํ ปน เตวิชฺชสุตฺตํ สุตฺวา ทุติยมฺปิ สรณํ คตา. กติปาหจฺจเยน ปพฺพชิตฺวา อคฺคฺสุตฺเต อุปสมฺปทฺเจว อรหตฺตฺจ อลตฺถุํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
เตวิชฺชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ เตรสสุตฺตปฏิมณฺฑิตสฺส สีลกฺขนฺธวคฺคสฺส
อตฺถวณฺณนาติ.
สีลกฺขนฺธวคฺคฏฺกถา นิฏฺิตา.