📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ทีฆนิกาเย

สีลกฺขนฺธวคฺคฏีกา

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา

สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยวนฺทนา สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส ปภวนิสฺสยวิสุทฺธิปฏิเวทนตฺถํ, ตํ ปน ธมฺมสํวณฺณนาสุ วิฺูนํ พหุมานุปฺปาทนตฺถํ, ตํ สมฺมเทว เตสํ อุคฺคหธารณาทิกฺกมลทฺธพฺพาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สพฺพหิตสุขนิปฺผาทนตฺถํ. อถ วา มงฺคลภาวโต, สพฺพกิริยาสุ ปุพฺพกิจฺจภาวโต, ปณฺฑิเตหิ สมฺมาจริตภาวโต, อายตึ ปเรสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนโต จ สํวณฺณนายํ รตนตฺตยปณามกิริยา. อถ วา รตนตฺตยปณามกรณํ ปูชนียปูชาปุฺวิเสสนิพฺพตฺตนตฺถํ, ตํ อตฺตโน ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส กมฺมสฺส พลานุปฺปาทนตฺถํ, อนฺตรา จ ตสฺส อสงฺโกจนตฺถํ, ตทุภยํ อนนฺตราเยน อฏฺกถาย ปริสมาปนตฺถํ. อิทเมว จ ปโยชนํ อาจริเยน อิธาธิปฺเปตํ. ตถา หิ วกฺขติ – ‘‘อิติ เม ปสนฺนมติโน…เป… ตสฺสานุภาเวนา’’ติ. วตฺถุตฺตยปูชา หิ นิรติสยปุฺกฺเขตฺตสมฺพุทฺธิยา อปริเมยฺยปฺปภาโว ปุฺาติสโยติ พหุวิธนฺตราเยปิ โลกสนฺนิวาเส อนฺตรายนิพนฺธนสกลสํกิเลสวิทฺธํสนาย ปโหติ, ภยาทิอุปทฺทวฺจ นิวาเรติ. ยถาห –

‘‘ปูชารเห ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิ ว สาวเก’’ติอาทิ (ธ. ป. ๑.๑๙๕; อป. ๑.๑๐.๑), ตถา –

‘‘เย ภิกฺขเว พุทฺเธ ปสนฺนา, อคฺเค เต ปสนฺนา. อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).

‘‘พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;

วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺส.

ธมฺโมติ…เป… สงฺโฆติ…เป… ทีปสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖);

ตถา –

‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑),

‘‘อรฺเ รุกฺขมูเล วา…เป…

ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา,

โลมหํโส น เหสฺสตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) จ

ตตฺถ ยสฺส วตฺถุตฺตยสฺส วนฺทนํ กตฺตุกาโม, ตสฺส คุณาติสยโยคสนฺทสฺสนตฺถํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทินา คาถตฺตยมาห. คุณาติสยโยเคน หิ วนฺทนารหภาโว, วนฺทนารเห จ กตา วนฺทนา ยถาธิปฺเปตปฺปโยชนํ สาเธตีติ. ตตฺถ ยสฺสา เทสนาย สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม, สา น วินยเทสนา วิย กรุณาปฺปธานา, นาปิ อภิธมฺมเทสนา วิย ปฺาปฺปธานา, อถ โข กรุณาปฺาปฺปธานาติ ตทุภยปฺปธานเมว ตาว สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โถมนํ กาตุํ ตํมูลกตฺตา เสสรตนานํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ, อปเนตีติ อตฺโถ. อถ วา กิณาตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ การุณิกํ หึสติ, วิพาธตีติ อตฺโถ, ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ กโรตีติ วา กรุณา. อถ วา กมิติ สุขํ, ตํ รุนฺธตีติ กรุณา. เอสา หิ ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา, อตฺตสุขนิรเปกฺขตาย การุณิกานํ สุขํ รุนฺธติ วิพนฺธตีติ. กรุณาย สีตลํ กรุณาสีตลํ, กรุณาสีตลํ หทยํ อสฺสาติ กรุณาสีตลหทโย, ตํ กรุณาสีตลหทยํ. ตตฺถ กิฺจาปิ ปเรสํ หิโตปสํหารสุขาทิอปริหานิจฺฉนสภาวตาย, พฺยาปาทารตีนํ อุชุวิปจฺจนีกตาย จ สตฺตสนฺตานคตสนฺตาปวิจฺเฉทนาการปฺปวตฺติยา เมตฺตามุทิตานมฺปิ จิตฺตสีตลภาวการณตา อุปลพฺภติ, ตถาปิ ทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติยา ปรูปตาปาสหนรสา อวิหึสาภูตา กรุณา วิเสเสน ภควโต จิตฺตสฺส จิตฺตปสฺสทฺธิ วิย สีตีภาวนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. กรุณามุเขน วา เมตฺตามุทิตานมฺปิ หทยสีตลภาวการณตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.

อถ วา อสาธารณาณวิเสสนิพนฺธนภูตา สาติสยํ นิรวเสสฺจ สพฺพฺุตฺาณํ วิย สวิสยพฺยาปิตาย มหากรุณาภาวํ อุปคตา กรุณาว ภควโต อติสเยน หทยสีตลภาวเหตูติ อาห ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ. อถ วา สติปิ เมตฺตามุทิตานํ สาติสเย หทยสีตีภาวนิพนฺธนตฺเต สกลพุทฺธคุณวิเสสการณตาย ตาสมฺปิ การณนฺติ กรุณาว ภควโต หทยสีตลภาวการณํ วุตฺตา. กรุณานิทานา หิ สพฺเพปิ พุทฺธคุณา. กรุณานุภาวนิพฺพาปิยมานสํสารทุกฺขสนฺตาปสฺส หิ ภควโต ปรทุกฺขาปนยนกามตาย อเนกานิปิ อสงฺเขยฺยานิ กปฺปานํ อกิลนฺตรูปสฺเสว นิรวเสสพุทฺธกรธมฺมสมฺภรณนิยตสฺส สมธิคตธมฺมาธิปเตยฺยสฺส จ สนฺนิหิเตสุปิ สตฺตสงฺขารสมุปนีตหทยูปตาปนิมิตฺเตสุ น อีสกมฺปิ จิตฺตสีตีภาวสฺสฺถตฺตมโหสีติ. เอตสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ตีสุปิ อวตฺถาสุ ภควโต กรุณา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.

ปชานาตีติ ปฺา, ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ปฺาว เยฺยาวรณปฺปหานโต ปกาเรหิ ธมฺมสภาวาวโชตนฏฺเน ปชฺโชโตติ ปฺาปชฺโชโต, สวาสนปฺปหานโต วิเสเสน หตํ สมุคฺฆาฏิตํ วิหตํ, ปฺาปชฺโชเตน วิหตํ ปฺาปชฺโชตวิหตํ. มุยฺหนฺติ เตน, สยํ วา มุยฺหติ, โมหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโห, อวิชฺชา, สฺเวว วิสยสภาวปฏิจฺฉาทนโต อนฺธการสริกฺขตาย ตโม วิยาติ ตโม, ปฺาปชฺโชตวิหโต โมหตโม เอตสฺสาติ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตโม, ตํ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ. สพฺเพสมฺปิ หิ ขีณาสวานํ สติปิ ปฺาปชฺโชเตน อวิชฺชานฺธการสฺส วิหตภาเว สทฺธาธิมุตฺเตหิ วิย ทิฏฺิปฺปตฺตานํ สาวเกหิ, ปจฺเจกสมฺพุทฺเธหิ จ สวาสนปฺปหาเนน สมฺมาสมฺพุทฺธานํ กิเลสปฺปหานสฺส วิเสโส วิชฺชตีติ สาติสเยน อวิชฺชาปฺปหาเนน ภควนฺตํ โถเมนฺโต อาห ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.

อถ วา อนฺตเรน ปโรปเทสํ อตฺตโน สนฺตาเน อจฺจนฺตํ อวิชฺชานฺธการวิคมสฺส นิพฺพตฺติตตฺตา, ตตฺถ จ สพฺพฺุตาย, พเลสุ จ วสีภาวสฺส สมธิคตตฺตา, ปรสนฺตติยฺจ ธมฺมเทสนาติสยานุภาเวน สมฺมเทว ตสฺส ปวตฺติตตฺตา ภควาว วิเสสโต โมหตมวิคเมน โถเมตพฺโพติ อาห ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ‘‘ปฺาปชฺโชโต’’ติ ปเทน ภควโต ปฏิเวธปฺา วิย เทสนาปฺาปิ สามฺนิทฺเทเสน เอกเสสนเยน วา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.

อถ วา ภควโต าณสฺส เยฺยปริยนฺติกตฺตา สกลเยฺยธมฺมสภาวาโพธนสมตฺเถน อนาวรณาณสงฺขาเตน ปฺาปชฺโชเตน สพฺพเยฺยธมฺมสภาวจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิธมิตตฺตา อนฺสาธารโณ ภควโต โมหตมวินาโสติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ. เอตฺถ จ โมหตมวิธมนนฺเต อธิคตตฺตา อนาวรณาณํ การณูปจาเรน สกสนฺตาเน โมหตมวิธมนํ ทฏฺพฺพํ. อภินีหารสมฺปตฺติยา สวาสนปฺปหานเมว หิ กิเลสานํ ‘‘เยฺยาวรณปฺปหาน’’นฺติ, ปรสนฺตาเน ปน โมหตมวิธมนสฺส การณภาวโต อนาวรณาณํ ‘‘โมหตมวิธมน’’นฺติ วุจฺจตีติ.

กึ ปน การณํ อวิชฺชาวิคฺฆาโต เยเวโก ปหานสมฺปตฺติวเสน ภควโต โถมนานิมิตฺตํ คยฺหติ, น ปน สาติสยนิรวเสสกิเลสปฺปหานนฺติ? ตปฺปหานวจเนเนว ตเทกฏฺตาย สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาตโชติตภาวโต. น หิ โส ตาทิโส กิเลโส อตฺถิ, โย นิรวเสสอวิชฺชาปฺปหาเนน น ปหียตีติ. อถ วา วิชฺชา วิย สกลกุสลธมฺมสมุปฺปตฺติยา นิรวเสสากุสลธมฺมนิพฺพตฺติยา, สํสารปฺปวตฺติยา จ อวิชฺชา ปธานการณนฺติ ตพฺพิคฺฆาตวจเนน สกลสํกิเลสคณสมุคฺฆาโต วุตฺโตเยว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ.

นรา จ อมรา จ นรามรา, สห นรามเรหีติ สนรามโร, สนรามโร จ โส โลโก จาติ สนรามรโลโก, ตสฺส ครุติ สนรามรโลกครุ, ตํ สนรามรโลกครุํ. เอเตน เทวมนุสฺสานํ วิย ตทวสิฏฺสตฺตานมฺปิ ยถารหํ คุณวิเสสาวหโต ภควโต อุปการิตํ ทสฺเสติ. น เจตฺถ ปธานาปธานภาโว โจเทตพฺโพ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโม. เอทิเสสุ หิ สมาสปเทสุ ปธานมฺปิ อปฺปธานํ วิย นิทฺทิสียติ ยถา – ‘‘สราชิกาย ปริสายา’’ติ (อป. อฏฺ. ๑.๘๒). กามฺเจตฺถ สตฺตสงฺขารภาชนวเสน ติวิโธ โลโก, ครุภาวสฺส ปน อธิปฺเปตตฺตา ครุกรณสมตฺถสฺเสว ยุชฺชนโต สตฺตโลกสฺสวเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ. โส หิ โลกิยนฺติ เอตฺถ ปุฺปาปานิ ตพฺพิปาโก จาติ ‘‘โลโก’’ติ วุจฺจติ. อมรคฺคหเณน เจตฺถ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา.

อถ วา สมูหตฺโถ โลก-สทฺโท สมุทายวเสน โลกียติ ปฺาปียตีติ. สห นเรหีติ สนรา, สนรา จ เต อมรา เจติ สนรามรา, เตสํ โลโกติ สนรามรโลโกติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ. อมร-สทฺเทน เจตฺถ วิสุทฺธิเทวาปิ สงฺคยฺหนฺติ. เต หิ มรณาภาวโต ปรมตฺถโต อมรา. นรามรานํเยว จ คหณํ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน, ยถา – ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๕๗). ตถา หิ สพฺพานตฺถปริหรณปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตุปการิตาย, อปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคิตาย จ สพฺพสตฺตุตฺตโม ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมํ คารวฏฺานํ, เตน วุตฺตํ – ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติ.

โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. ภควโต หิ เวเนยฺยชนุปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต โสภนํ, ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชน (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๑๙๘-๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๕, ๓๘๖) ปฏิมณฺฑิตรูปกายตายทุตวิลมฺพิต- ขลิตานุกฑฺฒนนิปฺปีฬนุกฺกุฏิกกุฏิลากุลตาทิโทสรหิตํ วิลาสิตราชหํสวสภวารณมิคราชคมนํ กายคมนํ าณคมนฺจ วิปุลนิมฺมลกรุณาสติวีริยาทิคุณวิเสสสหิตมภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อนวชฺชตาย โสภนเมวาติ.

อถ วา สยมฺภุาเณน สกลมฺปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต าเณน สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต. ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต. โลกนิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต. โลกนิโรธคามินิปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต. โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ, น ปจฺเจติ, น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโตติอาทินา นเยน อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. อถ วา สุนฺทรํ านํ สมฺมาสมฺโพธึ นิพฺพานเมว วา คโต อธิคโตติ สุคโต. ยสฺมา วา ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสฺหิตํ วิเนยฺยานํ ยถารหํ กาลยุตฺตเมว จ ธมฺมํ ภาสติ, ตสฺมา สมฺมา คทตีติ สุคโต, ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. อิติ โสภนคมนตาทีหิ สุคโต, ตํ สุคตํ.

ปุฺปาปกมฺเมหิ อุปปชฺชนวเสน คนฺตพฺพโต คติโย, อุปปตฺติภววิเสสา. ตา ปน นิรยาทิวเสน ปฺจวิธา, ตาหิ สกลสฺสาปิ ภวคามิกมฺมสฺส อริยมคฺคาธิคเมน อวิปาการหภาวกรเณน นิวตฺติตตฺตา ภควา ปฺจหิปิ คตีหิ สุฏฺุ มุตฺโต วิสํยุตฺโตติ อาห – ‘‘คติวิมุตฺต’’นฺติ. เอเตน ภควโต กตฺถจิปิ คติยา อปริยาปนฺนตํ ทสฺเสติ, ยโต ภควา ‘‘เทวาติเทโว’’ติ วุจฺจติ, เตเนวาห –

‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;

ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;

เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);

ตํตํคติสํวตฺตนกานฺหิ กมฺมกิเลสานํ อคฺคมคฺเคน โพธิมูเลเยว สุปฺปหีนตฺตา นตฺถิ ภควโต คติปริยาปนฺนตาติ อจฺจนฺตเมว ภควา สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสสตฺตนิกาเยหิ สุปริมุตฺโต, ตํ คติวิมุตฺตํ. วนฺเทติ นมามิ, โถเมมีติ วา อตฺโถ.

อถ วา คติวิมุตฺตนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปฺปตฺติยา ภควนฺตํ โถเมติ. เอตฺถ หิ ทฺวีหากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา – อตฺตหิตสมฺปตฺติโต, ปรหิตปฏิปตฺติโต จ. เตสุ อตฺตหิตสมฺปตฺติ อนาวรณาณาธิคมโต, สวาสนานํ สพฺเพสํ กิเลสานํ อจฺจนฺตปฺปหานโต, อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติโต จ เวทิตพฺพา. ปรหิตปฏิปตฺติ ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนาโต, วิรุทฺเธสุปิ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยโต, าณปริปากกาลาคมนโต จ. สา ปเนตฺถ อาสยโต ปโยคโต จ ทุวิธา ปรหิตปฏิปตฺติ, ติวิธา จ อตฺตหิตสมฺปตฺติ ปกาสิตา โหติ. กถํ? ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน อาสยโต ปรหิตปฏิปตฺติ, สมฺมา คทนตฺเถน สุคต-สทฺเทน ปโยคโต ปรหิตปฏิปตฺติ, ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ คติวิมุตฺต’’นฺติ เอเตหิ จตุสจฺจปฏิเวธตฺเถน จ สุคต-สทฺเทน ติวิธาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, อวสิฏฺเน, ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน จ สพฺพาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติปรหิตปฏิปตฺติ ปกาสิตา โหตีติ.

อถ วา ตีหากาเรหิ ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา – เหตุโต, ผลโต, อุปการโต จ. ตตฺถ เหตุ มหากรุณา, สา ปมปเทน นิทสฺสิตา. ผลํ จตุพฺพิธํ – าณสมฺปทา, ปหานสมฺปทา, อานุภาวสมฺปทา, รูปกายสมฺปทา จาติ. ตาสุ าณปฺปหานสมฺปทา ทุติยปเทน สจฺจปฺปฏิเวธตฺเถน จ สุคต-สทฺเทน ปกาสิตา โหนฺติ. อานุภาวสมฺปทา ตติยปเทน, รูปกายสมฺปทา ยถาวุตฺตกายคมนโสภนตฺเถน สุคต-สทฺเทน, ลกฺขณานุพฺยฺชนปาริปูริยา (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๑๙๘-๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๕-๓๘๖) วินา ตทภาวโต. อุปกาโร อนฺตรํ อพาหิรํ กริตฺวา ติวิธยานมุเขน วิมุตฺติธมฺมเทสนา, โส สมฺมา คทนตฺเถน สุคต-สทฺเทน ปกาสิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ ทสฺเสติ. มหากรุณาสฺโจทิตมานโส หิ ภควา สํสารปงฺกโต สตฺตานํ สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาโร อนุปุพฺเพน ปารมิโย ปูเรตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโตติ กรุณา สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ. ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธึ ทสฺเสติ. อนาวรณาณปทฏฺานฺหิ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจตีติ. สมฺมา คทนตฺเถน สุคต-สทฺเทน สมฺมาสมฺโพธิยา ปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ, ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยค- สสฺสตุจฺเฉทาภินิเวสาทิอนฺตทฺวยรหิตาย กรุณาปฺาปริคฺคหิตาย มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปกาสนโต สุคต-สทฺทสฺส. อิตเรหิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปธานาปฺปธานเภทํ ปโยชนํ ทสฺเสติ. สํสารมโหฆโต สตฺตสนฺตารณฺเจตฺถ ปธานํ ปโยชนํ, ตทฺมปฺปธานํ. เตสุ ปธาเนน ปรหิตปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ, อิตเรน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ, ตทุภเยน อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ (ปุ. ป. ๒๔, ๑๗๓) จตูสุ ปุคฺคเลสุ ภควโต จตุตฺถปุคฺคลภาวํ ทสฺเสติ. เตน จ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวํ อุตฺตมวนฺทนียภาวํ, อตฺตโน จ วนฺทนกิริยาย เขตฺตงฺคตภาวํ ทสฺเสติ.

เอตฺถ จ กรุณาคฺคหเณน โลกิเยสุ มหคฺคตภาวปฺปตฺตาสาธารณคุณทีปนโต ภควโต สพฺพโลกิยคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา โหติ, ปฺาคฺคหเณน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานมคฺคาณทีปนโต สพฺพโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ. ตทุภยคฺคหณสิทฺโธ หิ อตฺโถ ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติอาทินา วิปฺจียตีติ. กรุณาคฺคหเณน จ อุปคมนํ นิรุปกฺกิเลสํ ทสฺเสติ, ปฺาคฺคหเณน อปคมนํ. ตถา กรุณาคฺคหเณน โลกสมฺานุรูปํ ภควโต ปวตฺตึ ทสฺเสติ, โลกโวหารวิสยตฺตา กรุณาย, ปฺาคฺคหเณน สมฺายานวิธาวนํ. สภาวานวโพเธน หิ ธมฺมานํ สมฺํ อติธาวิตฺวา สตฺตาทิปรามสนํ โหตีติ. ตถา กรุณาคฺคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติวิหารํ ทสฺเสติ, ปฺาคฺคหเณน ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ, จตุสจฺจาณํ, จตุปฺปฏิสมฺภิทาาณํ, จตุเวสฺสารชฺชาณํ. กรุณาคฺคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส คหิตตฺตา เสสาสาธารณาณานิ, ฉ อภิฺา, อฏฺสุ ปริสาสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๑) อกมฺปนาณานิ, ทส พลานิ, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, โสฬส าณจริยา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕; วิภ. มูล. ฏี. คนฺถารมฺภวณฺณนาย) จตุจตฺตารีส าณวตฺถูนิ, (สํ. นิ. ๒.๓๔) สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนีติ (สํ. นิ. ๒.๓๔) เอวมาทีนํ อเนเกสํ ปฺาปฺปเภทานํ วเสน าณจารํ ทสฺเสติ.

ตถา กรุณาคฺคหเณน จรณสมฺปตฺตึ, ปฺาคฺคหเณน วิชฺชาสมฺปตฺตึ. กรุณาคฺคหเณน สตฺตาธิปติตา, ปฺาคฺคหเณน ธมฺมาธิปติตา. กรุณาคฺคหเณน โลกนาถภาโว, ปฺาคฺคหเณน อตฺตนาถภาโว. ตถา กรุณาคฺคหเณน ปุพฺพการิภาโว, ปฺาคฺคหเณน กตฺุตา. ตถา กรุณาคฺคหเณน อปรนฺตปตา, ปฺาคฺคหเณน อนตฺตนฺตปตา. กรุณาคฺคหเณน วา พุทฺธกรธมฺมสิทฺธิ, ปฺาคฺคหเณน พุทฺธภาวสิทฺธิ. ตถา กรุณาคฺคหเณน ปเรสํ ตารณํ, ปฺาคฺคหเณน สยํ ตารณํ. ตถา กรุณาคฺคหเณน สพฺพสตฺเตสุ อนุคฺคหจิตฺตตา, ปฺาคฺคหเณน สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺตตา ทสฺสิตา โหติ. สพฺเพสฺจ พุทฺธคุณานํ กรุณา อาทิ, ตนฺนิทานภาวโต. ปฺา ปริโยสานํ, ตโต อุตฺตริกรณียาภาวโต. อิติ อาทิปริโยสานทสฺสเนน สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ. ตถา กรุณาคฺคหเณน สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต โหติ. กรุณานิทานฺหิ สีลํ, ตโต ปาณาติปาตาทิวิรติปฺปวตฺติโต, สา จ ฌานตฺตยสมฺปโยคินีติ. ปฺาวจเนน ปฺากฺขนฺโธ. สีลฺจ สพฺพพุทฺธคุณานมาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ. เอวมฺปิ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ, นยโต ทสฺสิตตฺตา. เอโส เอว หิ นิรวเสสโต พุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย, ยทิทํ นยคฺคาหณํ. อฺถา โก นาม สมตฺโถ ภควโต คุเณ อนุปทํ นิรวเสสโต ทสฺเสตุํ. เตเนวาห –

‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,

กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;

ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,

วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๔๒๕, อุทา. อฏฺ. ๕๓; พุ. วํ. อฏฺ. ๔.๔; จริยา. อฏฺ. นิทานกถายํ, ปกิณฺณกกถายํ; อป. อฏฺ. ๒.๖.๒๐);

เตเนว จ อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรนาปิ พุทฺธคุณปริจฺเฉทนํ ปติ อนุยุตฺเตน ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๕) ปฏิกฺขิปิตฺวา, ‘‘อปิ จ เม ภนฺเต ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖) วุตฺตํ.

เอวํ สงฺเขเปน สกลสพฺพฺุคุเณหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา อิทานิ สทฺธมฺมํ โถเมตุํ ‘‘พุทฺโธปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ พุทฺโธติ กตฺตุนิทฺเทโส. พุทฺธภาวนฺติ กมฺมนิทฺเทโส. ภาเวตฺวา, สจฺฉิกตฺวาติ จ ปุพฺพกาลกิริยานิทฺเทโส. นฺติ อนิยมโต กมฺมนิทฺเทโส. อุปคโตติ อปรกาลกิริยานิทฺเทโส. วนฺเทติ กิริยานิทฺเทโส, นฺติ นิยมนํ. ธมฺมนฺติ วนฺทนกิริยาย กมฺมนิทฺเทโส. คตมลํ, อนุตฺตรนฺติ จ ตพฺพิเสสนํ.

ตตฺถ พุทฺธ-สทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ๙๕-๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นิทฺเทสนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา สวาสนาย อฺาณนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมโต, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาวโต พุทฺธวาติ พุทฺโธ, ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน เยฺยวิเสสสฺส กมฺมภาเวน อคฺคหณโต กมฺมวจนิจฺฉาย อภาเวน อวคมนตฺถวเสเนว กตฺตุนิทฺเทโส ลพฺภตีติ พุทฺธวาติ พุทฺโธ, ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ, อตฺถโต ปน ปารมิตาปริภาวิโต สยมฺภูาเณน สห วาสนาย วิหตวิทฺธสฺตนิรวเสสกิเลโส มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺย คุณคณาธาโร ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ. ยถาห –

‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ๙๕-๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒).

อปิ-สทฺโท สมฺภาวเน, เตน ‘‘เอวํ คุณวิเสสยุตฺโต โสปิ นาม ภควา’’ติ วกฺขมานคุเณ ธมฺเม สมฺภาวนํ ทีเปติ. พุทฺธภาวนฺติ สมฺมาสมฺโพธึ. ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา, วฑฺเฒตฺวา จ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. อุปคโตติ ปตฺโต, อธิคโตติ อตฺโถ, เอตสฺส ‘‘พุทฺธภาว’’นฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. คตมลนฺติ วิคตมลํ, นิทฺโทสนฺติ อตฺโถ. วนฺเทติ ปณมามิ, โถเมมิ วา. อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรรหิตํ, โลกุตฺตรนฺติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายโต จ, สํสารโต จ อปตมาเน กตฺวา ธารยตีติ ธมฺโม.

อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เอวํ วิวิธคุณสมนฺนาคโต พุทฺโธปิ ภควา ยํ อริยสงฺขาตํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา, ผลนิพฺพานสงฺขาตํ ปน สจฺฉิกตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคโต, ตเมตํ พุทฺธานมฺปิ พุทฺธภาวเหตุภูตํ สพฺพโทสมลรหิตํ อตฺตโน อุตฺตริตราภาเวน อนุตฺตรํ ปฏิเวธสทฺธมฺมํ นมามีติ. ปริยตฺติสทฺธมฺมสฺสาปิ ตปฺปกาสนตฺตา อิธ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. อถ วา ‘‘อภิธมฺมนยสมุทฺทํ ภาเวตฺวา อธิคจฺฉิ, ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสี’’ติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตตฺตา ปริยตฺติธมฺมสฺสาปิ สจฺฉิกิริยาสมฺมสนปริยาโย ลพฺภตีติ โสปิ อิธ วุตฺโต เยวาติ ทฏฺพฺโพ. ตถา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา, สจฺฉิกตฺวา’’ติ จ วุตฺตตฺตา พุทฺธกรธมฺมภูตาหิ ปารมิตาหิ สห ปุพฺพภาเค อธิสีลสิกฺขาทโยปิ อิธ ธมฺม-สทฺเทน สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพา. ตาปิ หิ วิคตปฏิปกฺขตาย วิคตมลา, อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรา จาติ. ตถา หิ สตฺตานํ สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาย กตมหาภินีหาโร มหากรุณาธิวาสเปสลชฺฌาสโย ปฺาวิเสสปริโยทาตนิมฺมลานํ ทานทมสฺมาทีนํ อุตฺตมธมฺมานํ สตสหสฺสาธิกานิ กปฺปานํ จตฺตาริ อสงฺเขยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสํ ภาวนาปจฺจกฺขกรเณหิ กมฺมาทีสุ อธิคตวสีภาโว, อจฺฉริยาจินฺเตยฺยมหานุภาโว, อธิสีลอธิจิตฺตานํ ปรมุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต ภควา ปจฺจยากาเร จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน มหาวชิราณํ เปเสตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ.

เอตฺถ จ ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน วิชฺชาสมฺปทาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘สจฺฉิกตฺวา’ติ เอเตน วิมุตฺติสมฺปทาย. ตถา ปเมน ฌานสมฺปทาย, ทุติเยน วิโมกฺขสมฺปทาย. ปเมน วา สมาธิสมฺปทาย, ทุติเยน สมาปตฺติสมฺปทาย. อถ วา ปเมน ขยาณภาเวน, ทุติเยน อนุปฺปาทาณภาเวน. ปุริเมน วา วิชฺชูปมตาย, ทุติเยน วชิรูปมตาย. ปุริเมน วา วิราคสมฺปตฺติยา, ทุติเยน นิโรธสมฺปตฺติยา. ตถา ปเมน นิยฺยานภาเวน, ทุติเยน นิสฺสรณภาเวน. ปเมน วา เหตุภาเวน, ทุติเยน อสงฺขตภาเวน. ปเมน วา ทสฺสนภาเวน, ทุติเยน วิเวกภาเวน. ปเมน วา อธิปติภาเวน, ทุติเยน อมตภาเวน ธมฺมํ โถเมติ. อถ วา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา พุทฺธภาวํ อุปคโต’’ติ เอเตน สฺวากฺขาตตาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สนฺทิฏฺิกตาย. ตถา ปุริเมน อกาลิกตาย, ปจฺฉิเมน เอหิปสฺสิกตาย. ปุริเมน วา โอปเนยฺยิกตาย, ปจฺฉิเมน ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺพตาย ธมฺมํ โถเมติ.

‘‘คตมล’’นฺติ อิมินา สํกิเลสาภาวทีปเนน ธมฺมสฺส ปริสุทฺธตํ ทสฺเสติ, ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ เอเตน อฺสฺส วิสิฏฺสฺส อภาวทีปเนน วิปุลปริปุณฺณตํ. ปเมน วา ปหานสมฺปทํ ธมฺมสฺส ทสฺเสติ, ทุติเยน ปภาวสมฺปทํ. ภาเวตพฺพตาย วา ธมฺมสฺส คตมลภาโว โยเชตพฺโพ. ภาวนาคุเณน หิ โส โทสานํ สมุคฺฆาตโก โหตีติ. สจฺฉิกาตพฺพภาเวน อนุตฺตรภาโว โยเชตพฺโพ. สจฺฉิกิริยานิพฺพตฺติโต หิ ตทุตฺตริกรณียาภาวโต อนฺสาธารณตาย อนุตฺตโรติ. ตถา ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน สห ปุพฺพภาคสีลาทีหิ เสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สห อสงฺขตาย ธาตุยา อเสกฺขา สีลสมาธิปฺากฺขนฺธา ทสฺสิตา โหนฺตีติ.

เอวํ สงฺเขเปเนว สพฺพธมฺมคุเณหิ สทฺธมฺมํ อภิตฺถวิตฺวา, อิทานิ อริยสงฺฆํ โถเมตุํ ‘‘สุคตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุคตสฺสาติ สมฺพนฺธนิทฺเทโส, ตสฺส ‘‘ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน สมฺพนฺโธ. โอรสานนฺติ ปุตฺตวิเสสนํ. มารเสนมถนานนฺติ โอรสปุตฺตภาเว การณนิทฺเทโส, เตน กิเลสปฺปหานเมว ภควโต โอรสปุตฺตภาวการณํ อนุชานาตีติ ทสฺเสติ. อฏฺนฺนนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส, เตน จ สติปิ เตสํ สตฺตวิเสสภาเวน อเนกสตสหสฺสสงฺขฺยภาเว อิมํ คณนปริจฺเฉทํ นาติวตฺตนฺตีติ ทสฺเสติ, มคฺคฏฺผลฏฺภาวานติวตฺตนโต. สมูหนฺติ สมุทายนิทฺเทโส. อริยสงฺฆนฺติ คุณวิสิฏฺสงฺฆาตภาวนิทฺเทโส, เตน อสติปิ อริยปุคฺคลานํ กายสามคฺคิยํ อริยสงฺฆภาวํ ทสฺเสติ, ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาวโต. ตตฺถ อุรสิ ภวา ชาตา, สํวทฺธา จ โอรสา. ยถา หิ สตฺตานํ โอรสปุตฺตา อตฺตชาตตาย ปิตุสนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส วิเสเสน ภาคิโน โหนฺติ, เอวเมเตปิ อริยปุคฺคลา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย ภควโต สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส, อริยธมฺมรตนสฺส จ เอกนฺตภาคิโนติ โอรสา วิย โอรสา. อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมึ โอกฺกมมานา, โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา ภควโต อุโรวายามชนิตาภิชาตตาย นิปฺปริยาเยน ‘‘โอรสปุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. สาวเกหิ ปวตฺติยมานาปิ หิ ธมฺมเทสนา ภควโต ‘‘ธมฺมเทสนา’’ อิจฺเจว วุจฺจติ, ตํมูลกตฺตา, ลกฺขณาทิวิเสสาภาวโต จ.

ยทิปิ อริยสาวกานํ อริยมคฺคาธิคมสมเย ภควโต วิย ตทนฺตรายกรณตฺถํ เทวปุตฺตมาโร, มารวาหินี วา น เอกนฺเตน อปสาเทติ, เตหิ ปน อปสาเทตพฺพตาย การเณ วิมถิเต เตปิ วิมถิตา เอว นาม โหนฺตีติ อาห – ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ‘มารมารเสนมถนาน’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอกเทสสรูเปกเสโส กโตติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ขนฺธาภิสงฺขารมารานํ วิย เทวปุตฺตมารสฺสาปิ คุณมารเณ สหายภาวูปคมนโต กิเลสพลกาโย ‘‘เสนา’’ติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทิ (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘, ๖๘; จูฬนิ. ๔๗). สา จ เตหิ ทิยฑฺฒสหสฺสเภทา, อนนฺตเภทา วา กิเลสวาหินี สติธมฺมวิจยวีริยสมถาทิคุณปหรเณหิ โอธิโส วิมถิตา, วิหตา, วิทฺธสฺตา จาติ มารเสนมถนา, อริยสาวกา. เอเตน เตสํ ภควโต อนุชาตปุตฺตตํ ทสฺเสติ.

อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต อริยา, นิรุตฺตินเยน. อถ วา สเทวเกน โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต, อุปคตานฺจ ตทตฺถสิทฺธิโต อริยา, อริยานํ สงฺโฆติ อริยสงฺโฆ, อริโย จ โส, สงฺโฆ จาติ วา อริยสงฺโฆ, ตํ อริยสงฺฆํ. ภควโต อปรภาเค พุทฺธธมฺมรตนานมฺปิ สมธิคโม สงฺฆรตนาธีโนติ อสฺส อริยสงฺฆสฺส พหูปการตํ ทสฺเสตุํ อิเธว ‘‘สิรสา วนฺเท’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

เอตฺถ จ ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน ปหานสมฺปทํ, สกลสํกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน าณสมฺปทํ, มคฺคฏฺผลฏฺภาวทีปนโต. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอเตน ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ, สพฺพสงฺฆานํ อคฺคภาวทีปนโต. อถ วา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ อริยสงฺฆสฺส วิสุทฺธนิสฺสยภาวทีปนํ, ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ สมฺมาอุชุายสามีจิปฺปฏิปนฺนภาวทีปนํ, ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ อาหุเนยฺยาทิภาวทีปนํ, ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อนุตฺตรปุฺกฺเขตฺตภาวทีปนํ. ตถา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส โลกุตฺตรสรณคมนสพฺภาวํ ทีเปติ. โลกุตฺตรสรณคมเนน หิ เต ภควโต โอรสปุตฺตา ชาตา. ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน อภินีหารสมฺปทาสิทฺธํ ปุพฺพภาเค สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. กตาภินีหารา หิ สมฺมา ปฏิปนฺนา มารํ, มารปริสํ วา อภิวิชินนฺติ. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน วิทฺธสฺตวิปกฺเข เสกฺขาเสกฺขธมฺเม ทสฺเสติ, ปุคฺคลาธิฏฺาเนน มคฺคผลธมฺมานํ ปกาสิตตฺตา. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ทสฺเสติ. สรณคมนฺจ สาวกานํ สพฺพคุณานมาทิ, สปุพฺพภาคปฺปฏิปทา เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย มชฺเฌ, อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย ปริโยสานนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สงฺเขปโต สพฺเพ อริยสงฺฆคุณา ปกาสิตา โหนฺติ.

เอวํ คาถาตฺตเยน สงฺเขปโต สกลคุณสงฺกิตฺตนมุเขน รตนตฺตยสฺส ปณามํ กตฺวา, อิทานิ ตํ นิปจฺจการํ ยถาธิปฺเปเต ปโยชเน ปริณาเมนฺโต ‘‘อิติ เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รติชนนฏฺเน รตนํ, พุทฺธธมฺมสงฺฆา. เตสฺหิ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา ยถาภูตคุเณ อาวชฺชนฺตสฺส อมตาธิคมเหตุภูตํ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –

‘‘ยสฺมึ, มหานาม, สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตํ อารพฺภ. อุชุคตจิตฺโต โข ปน, มหานาม, อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; อ. นิ. ๑๑.๑๑).

จิตฺตีกตาทิภาโว วา รตนฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;

อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ. (ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๕๐);

จิตฺตีกตภาวาทโย จ อนฺสาธารณา พุทฺธาทีสุ เอว ลพฺภนฺตีติ. วนฺทนาว วนฺทนามยํ, ยถา ‘‘ทานมยํ, สีลมย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๔). วนฺทนา เจตฺถ กายวาจาจิตฺเตหิ ติณฺณํ รตนานํ คุณนินฺนตา, โถมนา วา. ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตนโต ปุฺํ, อตฺตโน สนฺตานํ ปุณาตีติ วา. สุวิหตนฺตราโยติ สุฏฺุ วิหตนฺตราโย, เอเตน อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺติยา, รตฺตนตฺตยสฺส จ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยา ตํ ปุฺํ อตฺถปฺปกาสนสฺส อุปฆาตกอุปทฺทวานํ วิหนเน สมตฺถนฺติ ทสฺเสติ. หุตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยา, ตสฺส ‘‘อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ ยํ รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปุฺํ, ตสฺส. อานุภาเวนาติ พเลน.

เอวํ รตนตฺตยสฺส นิปจฺจการกรเณ ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา, อิทานิ ยสฺสา ธมฺมเทสนาย อตฺถํ สํวณฺเณตุกาโม, ตสฺสา ตาว คุณาภิตฺถวนวเสน อุปฺาปนตฺถํ ‘‘ทีฆสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทีฆสุตฺตงฺกิตสฺสาติ ทีฆปฺปมาณสุตฺตลกฺขิตสฺส, เอเตน ‘‘ทีโฆ’’ติ อยํ อิมสฺส อาคมสฺส อตฺถานุคตา สมฺาติ ทสฺเสติ. นนุ จ สุตฺตานิเยว อาคโม, กสฺส ปน สุตฺเตหิ องฺกนนฺติ? สจฺจเมตํ ปรมตฺถโต, สุตฺตานิ ปน อุปาทายปฺตฺโต อาคโม. ยถา หิ อตฺถพฺยฺชนสมุทาเย ‘‘สุตฺต’’นฺติ โวหาโร, เอวํ สุตฺตสมุทาเย ‘‘อาคโม’’ติ โวหาโร. ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทินิปุณตฺถสพฺภาวโต นิปุณสฺส. อาคมิสฺสนฺติ เอตฺถ, เอเตน, เอตสฺมา วา อตฺตตฺถปรตฺถาทโยติ อาคโม, อาคโม จ โส วโร จาติ อาคมวโร, อาคมสมฺมเตหิ วา วโรติ อาคมวโร, ตสฺส. พุทฺธานํ อนุพุทฺธา พุทฺธานุพุทฺธา, พุทฺธานํ สจฺจปฏิเวธํ อนุคมฺม ปฏิวิทฺธสจฺจา อคฺคสาวกาทโย อริยา. เตหิ อตฺถสํวณฺณนาวเสน, คุณสํวณฺณนาวเสน จ สํวณฺณิตสฺส. อถ วา พุทฺธา จ อนุพุทฺธา จ พุทฺธานุพุทฺธาติ โยเชตพฺพํ. สมฺมาสมฺพุทฺเธเนว หิ ติณฺณมฺปิ ปิฏกานํ อตฺถวณฺณนากฺกโม ภาสิโต, ยา ‘‘ปกิณฺณกเทสนา’’ติ วุจฺจติ, ตโต สงฺคายนาทิวเสน สาวเกหีติ อาจริยา วทนฺติ.

สทฺธาวหคุณสฺสาติ พุทฺธาทีสุ ปสาทาวหสมฺปตฺติกสฺส. อยฺหิ อาคโม พฺรหฺมชาลาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕-๗, ๒๖-๒๘) สีลทิฏฺาทีนํ อนวเสสนิทฺเทสาทิวเสน, มหาปทานาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓-๕) ปุริมพุทฺธานมฺปิ คุณนิทฺเทสาทิวเสน, ปาถิกสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓,๔) ติตฺถิเย นิมทฺทิตฺวา อปฺปฏิวตฺติยสีหนาท นทนาทิวเสน, อนุตฺตริยสุตฺตาทีสุ (อ. นิ. ๖.๘) จ วิเสสโต พุทฺธคุณวิภาวเนน รตนตฺตเย สาติสยปฺปสาทํ อาวหติ. สํวณฺณนาสุ จายํ อาจริยสฺส ปกติ, ยา ตํตํสํวณฺณนาสุ อาทิโต ตสฺส ตสฺส สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส วิเสสคุณกิตฺตเนน โถมนา. ตถา หิ ปปฺจสูทนีสารตฺถปฺปกาสินีมโนรถปูรณีสุ อฏฺสาลินีอาทีสุ จ ยถากฺกมํ ‘‘ปรวาทมถนสฺส าณปฺปเภทชนนสฺส ธมฺมกถิกปุงฺควานํ วิจิตฺตปฺปฏิภานชนนสฺส ตสฺส คมฺภีราเณหิ โอคาฬฺหสฺส อภิณฺหโส นานานยวิจิตฺตสฺส อภิธมฺมสฺสา’’ติอาทินา โถมนา กตา.

อตฺโถ กถียติ เอตายาติ อตฺถกถา, สา เอว อฏฺกถา, ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา, ยถา ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๘). อาทิโต ติอาทิมฺหิ ปมสงฺคีติยํ. ฉฬภิฺตาย ปรเมน จิตฺตวสีภาเวน สมนฺนาคตตฺตา, ฌานาทีสุ ปฺจวิธวสิตาสพฺภาวโต จ วสิโน, เถรา มหากสฺสปาทโย. เตสํ สเตหิ ปฺจหิ. ยาติ ยา อฏฺกถา. สงฺคีตาติ อตฺถํ ปกาเสตุํ ยุตฺตฏฺาเน ‘‘อยํ เอตสฺส อตฺโถ, อยํ เอตสฺส อตฺโถ’’ติ สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. อนุสงฺคีตา จ ยสตฺเถราทีหิ ปจฺฉาปิ ทุติยตติยสงฺคีตีสุ, อิมินา อตฺตโน สํวณฺณนาย อาคมนสุทฺธึ ทสฺเสติ.

สีหสฺส ลานโต คหณโต สีหโฬ, สีหกุมาโร. ตํวํสชาตตาย ตมฺพปณฺณิทีเป ขตฺติยานํ, เตสํ นิวาสตาย ตมฺพปณฺณิทีปสฺส จ สีหฬภาโว เวทิตพฺโพ. อาภตาติ ชมฺพุทีปโต อานีตา. อถาติ ปจฺฉา. อปรภาเค หิ อสงฺกรตฺถํ สีหฬภาสาย อฏฺกถา ปิตาติ. เตนสฺส มูลฏฺกถา สพฺพสาธารณา น โหตีติ อิทํ อตฺถปฺปกาสนํ เอกนฺเตน กรณียนฺติ ทสฺเสติ. เตเนวาห – ‘‘ทีปวาสีนมตฺถายา’’ติ. ตตฺถ ทีปวาสีนนฺติ ชมฺพุทีปวาสีนํ. ทีปวาสีนนฺติ วา สีหฬทีปวาสีนํ อตฺถาย สีหฬภาสาย ปิตาติ โยชนา.

อปเนตฺวานาติ กฺจุกสทิสํ สีหฬภาสํ อปเนตฺวา. ตโตติ อฏฺกถาโต. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. มโนรมํ ภาสนฺติ มาคธภาสํ. สา หิ สภาวนิรุตฺติภูตา ปณฺฑิตานํ มนํ รมยตีติ. เตเนวาห – ‘‘ตนฺตินยานุจฺฉวิก’’นฺติ, ปาฬิคติยา อนุโลมิกํ ปาฬิภาสายานุวิธายินินฺติ อตฺโถ. วิคตโทสนฺติ อสภาวนิรุตฺติภาสนฺตรรหิตํ.

สมยํ อวิโลเมนฺโตติ สิทฺธนฺตํ อวิโรเธนฺโต, เอเตน อตฺถโทสาภาวมาห. อวิรุทฺธตฺตา เอว หิ เถรวาทาปิ อิธ ปกาสิยิสฺสนฺติ. เถรวํสปทีปานนฺติ ถิเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา เถรา, มหากสฺสปาทโย. เตหิ อาคตา อาจริยปรมฺปรา เถรวํโส, ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส สมุชฺชลนโต เถรวํสปทีปา, มหาวิหารวาสิโน เถรา, เตสํ. วิวิเธหิ อากาเรหิ นิจฺฉียตีติ วินิจฺฉโย, คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทกถา. สุฏฺุ นิปุโณ สณฺโห วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. อถ วา วินิจฺฉิโนตีติ วินิจฺฉโย, ยถาวุตฺตวิสยํ าณํ. สุฏฺุ นิปุโณ เฉโก วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา, เอเตน มหากสฺสปาทิเถรปรมฺปราภโต, ตโตเยว จ อวิปรีโต สณฺหสุขุโม มหาวิหารวาสีนํ วินิจฺฉโยติ ตสฺส ปมาณภูตตํ ทสฺเสติ.

สุชนสฺส จาติ -สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน น เกวลํ ชมฺพุทีปวาสีนเมว อตฺถาย, อถ โข สาธุชนโตสนตฺถฺจาติ ทสฺเสติ, เตน จ ตมฺพปณฺณิทีปวาสีนมฺปิ อตฺถายาติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ, อุคฺคหณาทิสุกรตาย เตสมฺปิ พหุปการตฺตา. จิรฏฺิตตฺถนฺติ จิรฏฺิติอตฺถํ, จิรกาลฏฺิติยาติ อตฺโถ. อิทฺหิ อตฺถปฺปกาสนํ อวิปรีตพฺยฺชนสุนิกฺเขปสฺส อตฺถสุนยสฺส จ อุปายภาวโต สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิติยา สํวตฺตติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ทฺเว? สุนิกฺขตฺตฺจ ปทพฺยฺชนํ, อตฺโถ จ สุนีโต’’ติ (อ. นิ. ๒.๒๑).

ยํ อตฺถวณฺณนํ กตฺตุกาโม, ตสฺสา มหตฺตํ ปริหริตุํ ‘‘สีลกถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาห – ‘‘น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามี’’ติ. อถ วา ยํ อฏฺกถํ กตฺตุกาโม, ตเทกเทสภาเวน วิสุทฺธิมคฺโค จ คเหตพฺโพติ กถิกานํ อุปเทสํ กโรนฺโต ตตฺถ วิจาริตธมฺเม อุทฺเทสวเสน ทสฺเสติ ‘‘สีลกถา’’ ติอาทินา. ตตฺถ สีลกถาติ จาริตฺตวาริตฺตาทิวเสน สีลวิตฺถารกถา. ธุตธมฺมาติ ปิณฺฑปาติกงฺคาทโย (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒; เถรคา. อฏฺ. ๒.๘๔๕, ๘๔๙) เตรส กิเลสธุนนกธมฺมา. กมฺมฏฺานานิ สพฺพานีติ ปาฬิยํ อาคตานิ อฏฺตึส, อฏฺกถายํ ทฺเวติ นิรวเสสานิ โยคกมฺมสฺส ภาวนาย ปวตฺติฏฺานานิ. จริยาวิธานสหิโตติ ราคจริตาทีนํ สภาวาทิวิธาเนน สหิโต. ฌานานิ จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย. อฏฺปิ วา ปฏิลทฺธมตฺตานิ ฌานานิ, สมาปชฺชนวสีภาวปฺปตฺติยา สมาปตฺติโย. ฌานานิ วา รูปารูปาวจรชฺฌานานิ, สมาปตฺติโย ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติโย.

โลกิยโลกุตฺตรเภทา ฉ อภิฺาโย สพฺพา อภิฺาโย. าณวิภงฺคาทีสุ อาคตนเยน เอกวิธาทินา ปฺาย สงฺกเลตฺวา สมฺปิณฺเฑตฺวา นิจฺฉโย ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย.

ปจฺจยธมฺมานํ เหตาทีนํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ เหตุปจฺจยาทิภาโว ปจฺจยากาโร, ตสฺส เทสนา ปจฺจยาการเทสนา, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาติ อตฺโถ. สา ปน ฆนวินิพฺโภคสฺส สุทุกฺกรตาย สณฺหสุขุมา, นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรรหิตา, เอกตฺตนยาทิสหิตา จ ตตฺถ วิจาริตาติ อาห – ‘‘สุปริสุทฺธนิปุณนยา’’ติ. ปฏิสมฺภิทาทีสุ อาคตนยํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว วิจาริตตฺตา อวิมุตฺตตนฺติ มคฺคา.

อิติ ปน สพฺพนฺติ อิติ-สทฺโท ปริสมาปเน, ปน-สทฺโท วจนาลงฺกาเร, เอตํ สพฺพนฺติ อตฺโถ. อิธาติ อิมิสฺสา อฏฺกถายํ. น วิจารยิสฺสามิ, ปุนรุตฺติภาวโตติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ตสฺเสว อวิจารณสฺส เอกนฺตการณํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘มชฺเฌ ตฺวา’’ติ เอเตน มชฺเฌภาวทีปเนน วิเสสโต จตุนฺนํ อาคมานํ สาธารณฏฺกถา วิสุทฺธิมคฺโค, น สุมงฺคลวิลาสินีอาทโย วิย อสาธารณฏฺกถาติ ทสฺเสติ. ‘‘วิเสสโต’’ติ อิทํ วินยาภิธมฺมานมฺปิ วิสุทฺธิมคฺโค ยถารหํ อตฺถวณฺณนา โหติ เยวาติ กตฺวา วุตฺตํ.

อิจฺเจวาติ อิติ เอว. ตมฺปีติ วิสุทฺธิมคฺคมฺปิ. เอตายาติ สุมงฺคลวิลาสินิยา. เอตฺถ จ ‘‘สีหฬทีปํ อาภตา’’ติอาทินา อตฺถปฺปกาสนสฺส นิมิตฺตํ ทสฺเสติ, ‘‘ทีปวาสีนมตฺถาย, สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ, จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺสา’’ติ เอเตน ปโยชนํ, อวสิฏฺเน กรณปฺปการํ. สีลกถาทีนํ อวิจารณมฺปิ หิ อิธ กรณปฺปกาโร เอวาติ.

คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิทานกถาวณฺณนา

วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนวเสเนว โหตีติ ปมํ ตาว วคฺคสุตฺตวเสน วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ทีฆาคโม นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ทีฆสฺส อาคมวรสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ ยทิทํ วุตฺตํ, ตสฺมึ วจเน. ยสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามีติ ปฏิฺาตํ, โส ทีฆาคโม นาม วคฺคสุตฺตวเสน เอวํ วิภาโคติ อตฺโถ. อถ วา ตตฺถาติ ‘‘ทีฆาคมนิสฺสิตมตฺถ’’นฺติ เอตสฺมึ วจเน. โย ทีฆาคโม วุตฺโต, โส วคฺคาทิวเสน เอทิโสติ อตฺโถ. อตฺตโน สํวณฺณนาย ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมเนว ปวตฺตภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ตสฺส วคฺเคสุ…เป… วุตฺตํ นิทานมาที’’ติ อาห. กสฺมา ปน จตูสุ อาคเมสุ ทีฆาคโม ปมํ สงฺคีโต, ตตฺถ จ สีลกฺขนฺธวคฺโค อาทิโต นิกฺขิตฺโต, ตสฺมิฺจ พฺรหฺมชาลนฺติ? นายมนุโยโค กตฺถจิปิ น ปวตฺตติ, อปิ จ สทฺธาวหคุณโต ทีฆนิกาโย ปมํ สงฺคีโต. สทฺธา หิ กุสลธมฺมานํ พีชํ. ยถาห – ‘‘สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺี’’ติ, (สํ. นิ. ๑.๑๙๗; สุ. นิ. ๗๗) สทฺธาวหคุณตา จสฺส ทสฺสิตาเยว. กิฺจ กติปยสุตฺตสงฺคหโต, อปฺปปริมาณโต จ คหณธารณาทิสุขโต. ตถาเหส จตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห จตุสฏฺิภาณวารปริมาโณ จ. สีลกถาพาหุลฺลโต ปน สีลกฺขนฺธวคฺโค ปมํ นิกฺขิตฺโต. สีลฺหิ สาสนสฺส อาทิ, สีลปติฏฺานตฺตา สพฺพคุณานํ. เตเนวาห – ‘‘ตสฺมา ติห, ตฺวํ ภิกฺขุ, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธ’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๓๙๕). เอเตน จสฺส วคฺคสฺส อนฺวตฺถสฺตา วุตฺตา โหติ. ทิฏฺิวินิเวนกถาภาวโต ปน สุตฺตนฺตปิฏกสฺส นิรวเสสทิฏฺิวิภชนํ พฺรหฺมชาลํ ปมํ นิกฺขิตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตปิฏเก หิ พุทฺธวจเน พฺรหฺมชาลสทิสํ ทิฏฺิคตานิ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา วิภตฺตสุตฺตํ นตฺถีติ.

ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา

ยสฺสา ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมน สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม, ตํ, ตสฺสา จ ตนฺติอารุฬฺหาย อิธ วจเน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปมมหาสงฺคีติ…เป… เวทิตพฺพา’’ติ อาห. ตตฺถ ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตตฺตา, ปฺตฺตตฺตา จ วิปฺปกิณฺณานํ ธมฺมวินยานํ สงฺคเหตฺวา คายนํ กถนํ สงฺคีติ, เอเตน ตํตํสิกฺขาปทานํ สุตฺตานฺจ อาทิปริโยสาเนสุ, อนฺตรนฺตรา จ สมฺพนฺธวเสน ปิตํ สงฺคีติการวจนํ สงฺคหิตํ โหติ. มหาวิสยตฺตา, ปูชนียตฺตา จ มหตี สงฺคีติ มหาสงฺคีติ, ปมา มหาสงฺคีติ ปมมหาสงฺคีติ, ตสฺสา ปวตฺติกาโล ปมมหาสงฺคีติกาโล, ตสฺมึ ปมมหาสงฺคีติกาเล. นิทานนฺติ จ เทสนํ เทสกาลาทิวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ. สตฺตานํ ทสฺสนานุตฺตริยสรณาทิปฏิลาภเหตุภูตาสุ วิชฺชมานาสุปิ อฺาสุ ภควโต กิริยาสุ ‘‘พุทฺโธ โพเธยฺย’’นฺติ (พุ. วํ. อฏฺ. รตนจงฺกมนกณฺฑวณฺณนา; จริยา. อุทฺธานคาถาวณฺณนา) ปฏิฺาย อนุโลมโต เวเนยฺยานํ มคฺคผลปฺปตฺตีนํ เหตุภูตา กิริยา นิปฺปริยาเยน พุทฺธกิจฺจนฺติ อาห – ‘‘ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ อาทึ กตฺวา’’ติ. ตตฺถ สทฺธินฺทฺริยาทิธมฺโมเยว ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ. อถ วา จกฺกนฺติ อาณา, ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมฺจ ตํ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺเมน าเยน จกฺกนฺติปิ ธมฺมจกฺกํ. ยถาห –

‘‘ธมฺมฺจ ปวตฺเตติ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, จกฺกฺจ ปวตฺเตติ ธมฺมฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺเมน ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺมจริยาย ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺก’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๒, ๓๙, ๔๑).

‘‘กตพุทฺธกิจฺเจ’’ติ เอเตน พุทฺธกตฺตพฺพสฺส กสฺสจิปิ อเสสิตภาวํ ทสฺเสติ. นนุ จ สาวเกหิ วินีตาปิ วิเนยฺยา ภควตาเยว วินีตา โหนฺติ, ยโต สาวกภาสิตํ สุตฺตํ ‘‘พุทฺธวจน’’นฺติ วุจฺจติ, สาวกวิเนยฺยา จ น ตาว วินีตาติ? นายํ โทโส เตสํ วินยนุปายสฺส สาวเกสุ ปิตตฺตา. เตเนวาห –

‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม ภิกฺขู น สาวกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา…เป… อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สห ธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฏิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺส’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๖๘; สํ. นิ. ๕.๘๒๒; อุทา. ๕๑).

‘‘กุสินาราย’’นฺติอาทิ ภควโต ปรินิพฺพุตเทสกาลวิเสสทสฺสนํ ‘‘อปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ คาหสฺส มิจฺฉาภาวทสฺสนตฺถํ, โลเก ชาตสํวทฺธภาวทสฺสนตฺถฺจ. ตถา หิ มนุสฺสภาวสฺส สุปากฏกรณตฺถํ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว ทารปริคฺคหาทีนิปิ กโรนฺตีติ. อุปาทียเต กมฺมกิเลเสหีติ อุปาทิ, วิปากกฺขนฺธา กฏตฺตา จ รูปํ. โส ปน อุปาทิ กิเลสาภิสงฺขารมารนิมฺมถเนน นิพฺพานปฺปตฺติยํ อโนสฺสฏฺโ, อิธ ขนฺธมจฺจุมารนิมฺมถเนน โอสฺสฏฺโ นิสฺเสสิโตติ อยํ อนุปาทิเสสา, นิพฺพานธาตุ. นิพฺพานธาตูติ เจตฺถ นิพฺพุติมตฺตํ อธิปฺเปตํ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ จายํ กรณนิทฺเทโส. ‘‘ธาตุภาชนทิวเส’’ติ อิทํ น ‘‘สนฺนิปติตาน’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํ, อุสฺสาหชนนสฺส ปน วิเสสนํ, ‘‘ธาตุภาชนทิวเส ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ. ธาตุภาชนทิวสโต หิ ปุริมปุริมตรทิวเสสุ ภิกฺขู สมาคตาติ. อถ วา ธาตุภาชนทิวเส สนฺนิปติตานํ กายสามคฺคีวเสน สหิตานนฺติ อตฺโถ. สงฺฆสฺส เถโร สงฺฆตฺเถโร, โส ปน สงฺโฆ กึ ปริมาณานนฺติ อาห – ‘‘สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสาน’’นฺติ. นิจฺจสาเปกฺขตาย หิ เอทิเสสุ สมาโส โหติเยว, ยถา – ‘‘เทวทตฺตสฺส ครุกุล’’นฺติ.

อายสฺมา มหากสฺสโป ปุน ทุลฺลภภาวํ มฺมาโน ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ธาตุภาชนทิวเส สนฺนิปติตาน’’นฺติ อิทํ ‘‘ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ เอตฺถ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ อิมินาปิ ปเทน สมฺพนฺธนียํ. สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโตติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ อนุสฺสรนฺโต ธมฺมสํเวควเสนาติ อธิปฺปาโย. ‘‘สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปยฺยุํ สงฺคาเยยฺยํ…เป… จิรฏฺิติกํ ตสฺส กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสตี’’ติ เอเตสํ ปทานํ ‘‘อิติ จินฺตยนฺโต’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ตถา ‘‘ยฺจาห’’นฺติ เอตสฺส ‘‘อนุคฺคหิโต ปสํสิโต’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ยํ ปาปภิกฺขูติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, การณนิทฺเทโส วา, เยน การเณน อนฺตรธาเปยฺยุํ, ตเทตํ การณํ วิชฺชตีติ อตฺโถ, อทฺธนิยนฺติ อทฺธานมคฺคคามิ, อทฺธานกฺขมนฺติ อตฺโถ.

ยฺจาหนฺติ เอตฺถ นฺติ ยสฺมา, เยน การเณนาติ วุตฺตํ โหติ, กิริยาปรามสนํ วา เอตํ, เตน ‘‘อนุคฺคหิโต ปสํสิโต’’ติ เอตฺถ อนุคฺคณฺหนํ ปสํสนฺจ ปรามสติ. ‘‘จีวเร สาธารณปริโภเคนา’’ติ เอตฺถ ‘‘อตฺตนา สมสมฏฺปเนนา’’ติ อิธ อตฺตนา-สทฺทํ อาเนตฺวา จีวเร อตฺตนา สาธารณปริโภเคนาติ โยเชตพฺพํ. ยสฺส เยน หิ สมฺพนฺโธ ทูรฏฺมฺปิ จ ตสฺส ตนฺติ อถ วา ภควตา จีวเร สาธารณปริโภเคน ภควตา อนุคฺคหิโตติ โยชนียํ, เอตสฺสาปิ หิ กรณนิทฺเทสสฺส สหโยคกตฺตุตฺถโชตกตฺตสมฺภวโต. ยาวเทติ ยาวเทว, ยตฺตกํ กาลํ, ยตฺตเก วา สมาปตฺติวิหาเร, อภิฺาวิหาเร วา อากงฺขนฺโต วิหรามิ เจว โวหรามิ จ, ตถา กสฺสโปปีติ อตฺโถ. อิทฺจ นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺภาวสามฺเน ถุติมตฺตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ อายสฺมา มหากสฺสโป ภควา วิย เทวสิกํ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา สมาปตฺติโย สมาปชฺชติ, ยมกปาฏิหาริยาทิวเสน วา อภิฺาโย วฬฺเชตีติ. เตเนวาห – ‘‘นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเท’’ติ. ตสฺส กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ, อฺตฺร ธมฺมวินยสงฺคายนาติ อธิปฺปาโย. ‘‘นนุ มํ ภควา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ อุปมาวเสน วิภาเวติ.

ตโต ปรนฺติ ตโต ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนโต ปรโต. ปุเร อธมฺโม ทิปฺปตีติ อปินาม ทิพฺพติ, ยาว อธมฺโม ธมฺมํ ปฏิพาหิตุํ สมตฺโถ โหติ, ตโต ปุเรตรเมวาติ อตฺโถ. อาสนฺเน อนิจฺฉิเต หิ อยํ ปุเร-สทฺโท. ทิปฺปตีติ จ ทิปฺปิสฺสติ. ปุเรสทฺทสนฺนิโยเคน หิ อนาคตตฺเถ อยํ วตฺตมานปฺปโยโค, ยถา – ‘‘ปุรา วสฺสติ เทโว’’ติ.

‘‘สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธเร…เป… เอกูนปฺจสเต ปริคฺคเหสี’’ติ เอเตน สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวปริยนฺตานํ ยถาวุตฺตปุคฺคลานํ สติปิ อาคมาธิคมสพฺภาเว สห ปฏิสมฺภิทาหิ ปน เตวิชฺชาทิคุณยุตฺตานํ อาคมาธิคมสมฺปตฺติยา อุกฺกํสคตตฺตา สงฺคีติยา พหุปการตํ ทสฺเสติ. อิทํ วุตฺตํ สงฺคีติกฺขนฺธเก, (ปารา. ๔๓๗) อปจฺจกฺขํ นาม นตฺถิ ปคุณปฺปวตฺติภาวโต, สมนฺตปาสาทิกายํ ปน ‘‘อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ปมมหาสงฺคีติกถา) วุตฺตํ, ตํ ‘‘ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต’’ติ วุตฺตมฺปิ ภควโต สนฺติเก ปฏิคฺคหิตเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ. จตุราสีติสหสฺสานีติ ธมฺมกฺขนฺเธ สนฺธายาห. ปวตฺติโนติ ปคุณานิ. อานนฺทตฺเถรสฺส นวปฺปายาย ปริสาย วิพฺภมเนน มหากสฺสปตฺเถโร เอวมาห – ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ. ตตฺถ มตฺตนฺติ ปมาณํ. ฉนฺทา อาคมนํ วิยาติ ปทวิภาโค. ‘‘กิฺจาปิ เสกฺโข’’ติ อิทํ น เสกฺขานํ อคติคมนสพฺภาเวน วุตฺตํ, อเสกฺขานเมว ปน อุจฺจินิตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ปมมคฺเคเนว หิ จตฺตาริ อคติคมนานิ ปหียนฺตีติ. ‘‘อภพฺโพ ฉนฺทา…เป… อคตึ คนฺตุ’’นฺติ จ ธมฺมสงฺคีติยา ตสฺส โยคฺยภาวทสฺสเนน วิชฺชมานคุณกถนํ. ปริยตฺโตติ อธีโต.

คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, โคจโร วิย โคจโร, ภิกฺขาจรณฏฺานํ. วิสภาคปุคฺคโล สุภทฺทสทิโส. สตฺติปฺชรนฺติ สตฺติขคฺคาทิหตฺเถหิ ปุริเสหิ มลฺลราชูนํ ภควโต ธาตุอารกฺขกรณํ สนฺธายาห. ตํ ปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา ตํ กรณียํ กโรตูติ สงฺคาหเกน ฉินฺทิตพฺพํ ฉินฺทิตฺวา เอกนฺตกรณียํ กโรตูติ อตฺโถ. มหาชนนฺติ พหุชนํ. คนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา ปริโภคเจติยภาวโตติ อธิปฺปาโย. ยถา ตนฺติ ยถา อฺโปิ ยถาวุตฺตสภาโว, เอวนฺติ อตฺโถ. สํเวเชสีติ ‘‘นนุ ภควตา ปฏิกจฺเจว อกฺขาตํ – ‘สพฺเพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๘๓; สํ. นิ. ๕.๓๗๙; อ. นิ. ๑๐.๔๘; จูฬว. ๔๓๗) สํเวคํ ชเนสิ. อุสฺสนฺนธาตุกนฺติ อุปจิตโทสํ. เภสชฺชมตฺตาติ อปฺปกํ เภสชฺชํ. อปฺปตฺโถ หิ อยํ มตฺตา-สทฺโท, ‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาโค’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๙๐) วิย. ทุติยทิวเสติ เทวตาย สํเวชิตทิวสโต, เชตวนวิหารํ ปวิฏฺทิวสโต วา ทุติยทิวเส. อาณาว จกฺกํ อาณาจกฺกํ.

เอตทคฺคนฺติ เอโส อคฺโค. ลิงฺควิปลฺลาเสน หิ อยํ นิทฺเทโส. ยทิทนฺติ จ โย อยํ, ยทิทํ ขนฺธปฺจกนฺติ วา โยเชตพฺพํ. ‘‘ปมํ อาวุโส อุปาลิ ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตสฺส สงฺคีติยา ปุริมกาเล ปมภาโว น ยุตฺโตติ? โน น ยุตฺโต, ภควตา ปฺตฺตานุกฺกเมน ปาติโมกฺขุทฺเทสานุกฺกเมน จ ปมภาวสฺส สิทฺธตฺตา. เยภุยฺเยน หิ ตีณิ ปิฏกานิ ภควโต ธรมานกาเล ิตานุกฺกเมเนว สงฺคีตานิ, วิเสสโต วินยาภิธมฺมปิฏกานีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉี’’ติอาทิ ‘กตฺถ ปฺตฺต’นฺติอาทินา ทสฺสิเตน สห ตทวสิฏฺมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺสนวเสน วุตฺตํ. ปมปาราชิเกติ ปมปาราชิกปาฬิยํ (ปารา. ๒๔), เตเนวาห – ‘‘น หิ ตถาคตา เอกพฺยฺชนมฺปิ นิรตฺถกํ วทนฺตี’’ติ.

ชาตกาทิเก ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺเน, เยภุยฺเยน จ ธมฺมนิทฺเทสภูเต ตาทิเส อภิธมฺมปิฏเก สงฺคณฺหิตุํ ยุตฺตํ, น ปน ทีฆนิกายาทิปฺปกาเร สุตฺตนฺตปิฏเก, นาปิ ปฺตฺตินิทฺเทสภูเต วินยปิฏเกติ ทีฆภาณกา ‘‘ชาตกาทีนํ อภิธมฺมปิฏเก สงฺคโห’’ติ วทนฺติ. จริยาปิฏกพุทฺธวํสานฺเจตฺถ อคฺคหณํ, ชาตกคติกตฺตา. มชฺฌิมภาณกา ปน ‘‘อฏฺุปฺปตฺติวเสน เทสิตานํ ชาตกาทีนํ ยถานุโลมเทสนาภาวโต ตาทิเส สุตฺตนฺตปิฏเก สงฺคโห ยุตฺโต, น ปน สภาวธมฺมนิทฺเทสภูเต ยถาธมฺมสาสเน อภิธมฺมปิฏเก’’ติ ชาตกาทีนํ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนตํ กถยนฺติ. ตตฺถ จ ยุตฺตํ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.

เอวํ นิมิตฺตปโยชนกาลเทสการกกรณปฺปกาเรหิ ปมํ สงฺคีตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ววตฺถาปิตสิทฺเธสุ ธมฺมวินเยสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ เอกวิธาทิเภเท ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ วิมุตฺติรสนฺติ วิมุตฺติคุณํ, วิมุตฺติสมฺปตฺติกํ วา, อคฺคผลนิปฺผาทนโต, วิมุตฺติกิจฺจํ วา, กิเลสานํ อจฺจนฺตํ วิมุตฺติสมฺปาทนโต. เกจิ ปน ‘‘วิมุตฺติอสฺสาท’’นฺติ วทนฺติ.

กิฺจาปิ อวิเสเสน สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ กิเลสวินยเนน วินโย, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายปตนาทิโต ธารเณน ธมฺโม, อิธาธิปฺเปเต ปน ธมฺมวินเย นิทฺธาเรตุํ ‘‘ตตฺถ วินยปิฏก’’นฺติอาทิมาห. อวเสสํ พุทฺธวจนํ ธมฺโม, ขนฺธาทิวเสน สภาวธมฺมเทสนาพาหุลฺลโต. อถ วา ยทิปิ ธมฺโมเยว วินโยปิ, ปริยตฺติยาทิภาวโต, วินยสทฺทสนฺนิธาเน ปน ภินฺนาธิกรณภาเวน ปยุตฺโต ธมฺม-สทฺโท วินยตนฺติวิธุรํ ตนฺตึ ทีเปติ ยถา ‘‘ปุฺาณสมฺภารา, โคพลิพทฺธ’’นฺติ จ.

‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ อยํ คาถา ภควตา อตฺตโน สพฺพฺุตาณปทฏฺานํ อรหตฺตปฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขนฺเตน เอกูนวีสติมสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อนนฺตรํ ภาสิตา. เตนาห ‘‘อิทํ ปมพุทฺธวจน’’นฺติ. อิทํ กิร สพฺพพุทฺเธหิ อวิชหิตํ อุทานํ. อยมสฺส สงฺเขปตฺโถ – อหํ อิมสฺส อตฺตภาวเคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต เยน าเณน ตํ ทฏฺุํ สกฺกา, ตสฺส โพธิาณสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขฺยํ สํสารวฏฺฏํ อนิพฺพิสํ ตํ าณํ อวินฺทนฺโต อลภนฺโตเยว สนฺธาวิสฺสํ สํสรึ. ยสฺมา ชราวฺยาธิมรณมิสฺสตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมึ อทิฏฺเ นิวตฺตติ, ตสฺมา ตํ คเวสนฺโต สนฺธาวิสฺสนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺโสีติ อิทานิ มยา สพฺพฺุตาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเตน ทิฏฺโ อสิ. ปุน เคหนฺติ ปุน อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํ. น กาหสิ น กริสฺสสิ. ตว สพฺพา อวเสสากิเลสผาสุกา มยา ภคฺคา. อิมสฺส ตยา กตสฺส อตฺตภาวเคหสฺส กูฏํ อวิชฺชาสงฺขาตํ กณฺณิกมณฺฑลํ วิสงฺขตํ วิทฺธํสิตํ. วิสงฺขารํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน คตํ อนุปวิฏฺํ อิทานิ มม จิตฺตํ, อหฺจ ตณฺหานํ ขยสงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคํ อชฺฌคา อธิคโต ปตฺโตสฺมีติ. อยํ มนสา ปวตฺติตธมฺมานมาทิ. ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติ (อุทา. ๑, ๒, ๓) อยํ ปน วาจาย ปวตฺติตธมฺมานํ อาทีติ วทนฺติ. อนฺโตชปฺปนวเสน กิร ภควา ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิมาห (ธ. ป. ๑๕๓). ‘‘ปาฏิปททิวเส’’ติ อิทํ ‘‘สพฺพฺุภาวปฺปตฺตสฺสา’’ติ น เอเตน สมฺพนฺธิตพฺพํ, ‘‘ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา’’ติ เอเตน ปน สมฺพนฺธิตพฺพํ. วิสาขปุณฺณมายเมว หิ ภควา ปจฺจูสสมเย สพฺพฺุตํ ปตฺโตติ.

วยธมฺมาติ อนิจฺจลกฺขณมุเขน ทุกฺขานตฺตลกฺขณมฺปิ สงฺขารานํ วิภาเวติ ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕; ปฏิ. ม. ๒.๑๐) วจนโต. ลกฺขณตฺตยวิภาวนนเยเนว จ ตทารมฺมณํ วิปสฺสนํ ทสฺเสนฺโต สพฺพติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ พุทฺธาเวณิกํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานาธิฏฺานํ อวิปรีตํ นิพฺพานคามินิปฺปฏิปทํ ปกาเสตีติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ ตตฺถ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยเชติ ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ. อถ วา ‘‘วยธมฺมา สงฺขารา’’ติ เอเตน สงฺเขเปน สํเวเชตฺวา ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ สงฺเขเปเนว นิรวเสสํ สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. อปฺปมาทปทฺหิ สิกฺขาตฺตยสงฺคหิตํ เกวลปริปุณฺณํ สาสนํ ปริยาทิยิตฺวา ติฏฺตีติ.

ปมสงฺคีติยํ อสงฺคีตํ สงฺคีติกฺขนฺธกกถาวตฺถุปฺปกรณาทิ. เกจิ ปน ‘‘สุภสุตฺตมฺปิ (ที. นิ. ๑.๔๔๔) ปมสงฺคีติยํ อสงฺคีต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ ปน น ยุชฺชติ. ปมสงฺคีติโต ปุเรตรเมว หิ อายสฺมตา อานนฺเทน เชตวเน วิหรนฺเตน สุภสฺส มาณวสฺส ภาสิตนฺติ.

ทฬฺหิกมฺมสิถิลีกรณปฺปโยชนา ยถากฺกมํ ปกติสาวชฺชปณฺณตฺติสาวชฺเชสุ สิกฺขาปเทสุ. เตนาติ วิวิธนยตฺตาทินา. เอตนฺติ วิวิธวิเสสนยตฺตาติ คาถาวจนํ. เอตสฺสาติ วินยสฺส.

อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเทติ โย ตํ สุตฺตํ สชฺฌายติ, สุณาติ, วาเจติ, จินฺเตติ, เทเสติ จ, สุตฺเตน สงฺคหิโต สีลาทิอตฺโถ ตสฺสาปิ โหติ, เตน ปรสฺส สาเธตพฺพโต ปรสฺสาปิ โหตีติ, ตทุภยํ ตํ สุตฺตํ สูเจติ ทีเปติ. ตถา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ โลกิยโลกุตฺตรฺจาติ เอวมาทิเภเท อตฺเถ อาทิ-สทฺเทน สงฺคณฺหาติ. อตฺถ-สทฺโท จายํ หิตปริยายวจนํ, น ภาสิตตฺถวจนํ, ยทิ สิยา, สุตฺตํ อตฺตโนปิ ภาสิตตฺถํ สูเจติ, ปรสฺสาปีติ อยมตฺโถ วุตฺโต สิยา. สุตฺเตน จ โย อตฺโถ ปกาสิโต โส ตสฺเสว โหตีติ, น เตน ปรตฺโถ สูจิโต โหติ, เตน สูเจตพฺพสฺส ปรตฺถสฺส นิวตฺเตตพฺพสฺส อภาวา อตฺถคหณฺจ น กตฺตพฺพํ. อตฺตตฺถปรตฺถวินิมฺมุตฺตสฺส ภาสิตตฺถสฺส อภาวา อาทิคฺคหณฺจ น กตฺตพฺพํ. ตสฺมา ยถาวุตฺตสฺส หิตปริยายสฺส อตฺถสฺส สุตฺเต อสมฺภวโต สุตฺตธารสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน อตฺตตฺถปรตฺถา วุตฺตา.

อถ วา สุตฺตํ อนเปกฺขิตฺวา เย อตฺตตฺถาทโย อตฺถปฺปเภทา วุตฺตา ‘‘น หฺทตฺถตฺถิปสํสลาภา’’ติ เอตสฺส ปทสฺส นิทฺเทเส (มหานิ. ๖๓; จูฬนิ. ๘๕) ‘‘อตฺตตฺโถ, ปรตฺโถ, อุภยตฺโถ, ทิฏฺธมฺมิโก อตฺโถ, สมฺปรายิโก อตฺโถ, อุตฺตาโน อตฺโถ, คมฺภีโร อตฺโถ, คูฬฺโห อตฺโถ, ปฏิจฺฉนฺโน อตฺโถ, เนยฺโย อตฺโถ, นีโต อตฺโถ, อนวชฺโช อตฺโถ, นิกฺกิเลโส อตฺโถ, โวทาโน อตฺโถ, ปรมตฺโถ’’ติ เต สุตฺตํ สูเจตีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป อตฺถ-สทฺโท ภาสิตตฺถปริยาโยปิ โหติ. เอตฺถ หิ ปุริมกา ปฺจ อตฺถปฺปเภทา หิตปริยายา, ตโต ปเร ฉ ภาสิตตฺถเภทา, ปจฺฉิมกา ปน อุภยสภาวา. ตตฺถ ทุรธิคมตาย วิภาวเน อลทฺธคาโธ คมฺภีโร. น วิวโฏ คูฬฺโห. มูลุทกาทโย วิย ปํสุนา อกฺขรสนฺนิเวสาทินา ติโรหิโต ปฏิจฺฉนฺโน. นิทฺธาเรตฺวา าเปตพฺโพ เนยฺโย. ยถารุตวเสน เวทิตพฺโพ นีโต. อนวชฺชนิกฺกิเลสโวทานา ปริยายวเสน วุตฺตา, กุสลวิปากกิริยาธมฺมวเสน วา. ปรมตฺโถ นิพฺพานํ, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาโว เอว วา. อถ วา ‘‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหตี’’ติ อตฺตตฺถํ, ‘‘อปฺปิจฺฉากถฺจ ปเรสํ กตฺตา โหตี’’ติ ปรตฺถํ สูเจติ. เอวํ ‘‘อตฺตนา จ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๙๙, ๒๖๕) สุตฺตานิ โยเชตพฺพานิ. วินยาภิธมฺเมหิ จ วิเสเสตฺวา สุตฺต-สทฺทสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ตสฺมา เวเนยฺยชฺฌาสยวสปฺปวตฺตาย เทสนาย อตฺตหิตปรหิตตาทีนิ สาติสยํ ปกาสิตานิ โหติ ตปฺปรภาวโต, น อาณาธมฺมสภาววสปฺปวตฺตายาติ อิทเมว จ ‘‘อตฺถานํ สูจนโต สุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

สุตฺเต จ อาณาธมฺมสภาวา จ เวเนยฺยชฺฌาสยํ อนุวตฺตนฺติ, น วินยาภิธมฺเมสุ วิย เวเนยฺยชฺฌาสโย อาณาธมฺมสภาเว. ตสฺมา เวเนยฺยานํ เอกนฺตหิตปฏิลาภสํวตฺตนิกา สุตฺตนฺตเทสนา โหตีติ ‘‘สุวุตฺตา เจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปสวตีติ ผลติ. ‘‘สุตฺตาณา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘สุฏฺุ จ เน ตายตี’’ติ วุตฺตํ. อตฺตตฺถาทิวิธาเนสุ จ สุตฺตสฺส ปมาณภาโว, อตฺตตฺถาทีนฺจ สงฺคาหกตฺตํ โยเชตพฺพํ ตทตฺถปฺปกาสนปธานตฺตา สุตฺตสฺส. วินยาภิธมฺเมหิ วิเสสนฺจ โยเชตพฺพํ. เอตนฺติ ‘‘อตฺถานํ สูจนโต’’ติอาทิกํ อตฺถวจนํ. เอตสฺสาติ สุตฺตสฺส.

อภิกฺกมนฺตีติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท กมนกิริยาย วุทฺธิภาวํ อติเรกตํ ทีเปติ, อภิฺาตา อภิลกฺขิตาติ เอตฺถ าณลกฺขณกิริยานํ สุปากฏตาวิเสสํ, อภิกฺกนฺเตนาติ เอตฺถ กนฺติยา อธิกตฺตํ วิสิฏฺตนฺติ ยุตฺตํ กิริยาวิเสสกตฺตา อุปสคฺคสฺส. อภิราชา อภิวินเยติ ปน ปูชิตปริจฺฉินฺเนสุ ราชวินเยสุ อภิ-สทฺโท ปวตฺตตีติ กถเมตํ ยุชฺเชยฺยาติ? ปูชนปริจฺเฉทนกิริยาทีปนโต, ตาหิ จ กิริยาหิ ราชวินยานํ ยุตฺตตฺตา. เอตฺถ หิ อติมาลาทีสุ อติ-สทฺโท วิย, อภิ-สทฺโท ยถา สห สาธเนน กิริยํ วทตีติ อภิราชอภิวินย-สทฺทา สิทฺธา, เอวํ อภิธมฺมสทฺเท อภิ-สทฺโท สห สาธเนน วุฑฺฒิยาทิกิริยํ ทีเปตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺโพ.

ภาวนาผรณวุฑฺฒีหิ วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตา. อารมฺมณาทีหีติ อารมฺมณสมฺปยุตฺตกมฺมทฺวารปฏิปทาทีหิ. อวิสิฏฺนฺติ อฺมฺวิสิฏฺเสุ วินยสุตฺตาภิธมฺเมสุ อวิสิฏฺํ สมานํ. ตํ ปิฏกสทฺทนฺติ อตฺโถ. ยถาวุตฺเตนาติ ‘‘เอวํ ทุวิธตฺเถนา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรน.

กเถตพฺพานํ อตฺถานํ เทสกายตฺเตน อาณาทิวิธินา อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา. สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน ยถาปราธาทิสาสิตพฺพภาเวน อนุสาสนํ วินยนํ สาสนํ. กเถตพฺพสฺส สํวราสํวราทิโน อตฺถสฺส กถนํ วจนปฏิพทฺธตากรณํ กถา. กถียติ วา เอตฺถาติ กถา. สํวราสํวรสฺส กถา สํวราสํวรกถา. เอส นโย อิตเรสุปิ. เภท-สทฺโท วิสุํ วิสุํ โยเชตพฺโพ ‘‘เทสนาเภทํ สาสนเภทํ กถาเภทฺจ ยถารหํ ปริทีปเย’’ติ. เภทนฺติ จ นานตฺตนฺติ อตฺโถ. สิกฺขา จ ปหานานิ จ คมฺภีรภาโว จ สิกฺขาปฺปหานคมฺภีรภาวํ, ตฺจ ปริทีปเย. เอตฺถ ยถาติ อุปารมฺภนิสฺสรณธมฺมโกสรกฺขณเหตุปริยาปุณนํ สุปฺปฏิปตฺติ ทุปฺปฏิปตฺตีติ เอเตหิ ปกาเรหิ. อาณํ ปเณตุํ อรหตีติ อาณารโห สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา. โวหารปรมตฺถานมฺปิ สพฺภาวโต อาห อาณาพาหุลฺลโตติ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. ปจุราปราธา เสยฺยสกาทโย. อชฺฌาสโย อาสโยว อตฺถโต ทิฏฺิ, าณฺจ. วุตฺตฺเจตํ –

‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิ จ, ขนฺติ เจวานุโลมิเก;

ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสทฺทิต’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๓๖);

อนุสยา กามราคภวราคทิฏฺิปฏิฆวิจิกิจฺฉามานาวิชฺชาวเสน สตฺต อนาคตา กิเลสา, อตีตา ปจฺจุปฺปนฺนา จ ตเถว วุจฺจนฺติ. น หิ กาลเภเทน ธมฺมานํ สภาวเภโท อตฺถีติ. จริยาติ ฉ มูลจริยา, อนฺตรเภเทน อเนกวิธา, สํสคฺควเสน เตสฏฺิ โหนฺติ. เต ปน อมฺเหหิ อสมฺโมหนฺตรธานสุตฺตฏีกายํ วิภาคโต ทสฺสิตา, อตฺถิเกหิ ตโต คเหตพฺพา. อถ วา จริยาติ จริตํ, ตํ สุจริตทุจฺจริตวเสน ทุวิธํ. อธิมุตฺติ นาม สตฺตานํ ปุพฺพปริจยวเสน อภิรุจิ, สา ทุวิธา หีนปณีตเภเทน. ฆนวินิพฺโภคาภาวโต ทิฏฺิมานตณฺหาวเสน ‘‘อหํ มมา’’ติ สฺิโน. มหนฺโต สํวโร อสํวโร. พุทฺธิอตฺโถ หิ อย’มกาโร ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ๑๑).

ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนา ปฏิเวธาติ เอตฺถ ตนฺติอตฺโถ ตนฺติเทสนา ตนฺติอตฺถปฏิเวโธ จ ตนฺติวิสยา โหนฺตีติ วินยปิฏกาทีนํ อตฺถเทสนาปฏิเวธาธารภาโว ยุตฺโต, ปิฏกานิ ปน ตนฺติ เยวาติ เตสํ ธมฺมาธารภาโว กถํ ยุชฺเชยฺยาติ? ตนฺติสมุทายสฺส อวยวตนฺติยา อาธารภาวโต. อวยวสฺส หิ สมุทาโย อาธารภาเวน วุจฺจติ, ยถา – ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. ธมฺมาทีนฺจ ทุกฺโขคาหภาวโต เตหิ วินยาทโย คมฺภีราติ วินยาทีนฺจ จตุพฺพิโธ คมฺภีรภาโว วุตฺโต. ตสฺมา ธมฺมาทโย เอว ทุกฺโขคาหตฺตา คมฺภีรา, น วินยาทโยติ น โจเทตพฺพเมตํ สมุเขน, วิสยวิสยีมุเขน จ วินยาทีนํเยว คมฺภีรภาวสฺส วุตฺตตฺตา. ธมฺโม หิ วินยาทโย, เตสํ วิสโย อตฺโถ, ธมฺมตฺถวิสยา จ เทสนาปฏิเวโธติ. ตตฺถ ปฏิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ธมฺมตฺถานํ, เทสนาาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย จ ทุกฺโขคาหภาโว เวทิตพฺโพ, ปฏิเวธสฺส ปน อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ตพฺพิสยาณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา.

‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอเตน วจเนน ธมฺมสฺส เหตุภาโว กถํ าตพฺโพติ? ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส สมาสปทสฺส อวยวปทตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุมฺหิ าณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ‘‘ธมฺเม ปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตฺถ หิ ‘‘ธมฺเม’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุมฺหี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส จ อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘าณ’’นฺติ. ตสฺมา เหตุธมฺม-สทฺทา เอกตฺถา, าณปฏิสมฺภิทา-สทฺทา จาติ อิมมตฺถํ วทนฺเตน สาธิโต ธมฺมสฺส เหตุภาโว, อตฺถสฺส เหตุผลภาโว จ เอวเมว ทฏฺพฺโพ.

ยถาธมฺมนฺติ เจตฺถ ธมฺม-สทฺโท เหตุํ เหตุผลฺจ สพฺพํ สงฺคณฺหาติ. สภาววาจโก เหส, น ปริยตฺติเหตุภาววาจโก, ตสฺมา ยถาธมฺมนฺติ โย โย อวิชฺชาสงฺขาราทิธมฺโม, ตสฺมึ ตสฺมินฺติ อตฺโถ. ธมฺมานุรูปํ วา ยถาธมฺมํ. เทสนาปิ หิ ปฏิเวโธ วิย อวิปรีตสวิสยวิภาวนโต ธมฺมานุรูปํ ปวตฺตติ, ยโต ‘อวิปรีตาภิลาโป’ติ วุจฺจติ. ธมฺมาภิลาโปติ อตฺถพฺยฺชนโก อวิปรีตาภิลาโป, เอเตน ‘‘ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘) เอตฺถ วุตฺตํ สภาวธมฺมนิรุตฺตึ ทสฺเสติ, สทฺทสภาวตฺตา เทสนาย. ตถา หิ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาย ปริตฺตารมฺมณาทิภาโว ปฏิสมฺภิทาวิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๗๔๙) วุตฺโต. อฏฺกถายฺจ ‘‘ตํ สภาวนิรุตฺตึ สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติอาทินา (วิภ. อฏฺ. ๖๔๒) สทฺทารมฺมณตา ทสฺสิตา. ‘‘อิมสฺส อตฺถสฺส อยํ สทฺโท วาจโก’’ติ วจนวจนีเย ววตฺถเปตฺวา ตํตํวจนีย วิภาวนวเสน ปวตฺติโต หิ สทฺโท เทสนาติ. ‘‘อนุโลมาทิวเสน วา กถน’’นฺติ เอเตน ตสฺสา ธมฺมนิรุตฺติยา อภิลาปํ กถนํ ตสฺส วจนสฺส ปวตฺตนํ ทสฺเสติ. ‘‘อธิปฺปาโย’’ติ เอเตน ‘‘เทสนาติ ปฺตฺตี’’ติ เอตํ วจนํ ธมฺมนิรุตฺตาภิลาปํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ตพฺพินิมุตฺตํ ปฺตฺตึ สนฺธายาติ ทสฺเสติ.

นนุ จ ‘‘ธมฺโม ตนฺตี’’ติ อิมสฺมึ ปกฺเข ธมฺมสฺส สทฺทสภาวตฺตา ธมฺมเทสนานํ วิเสโส น สิยาติ? น, เตสํ เตสํ อตฺถานํ โพธกภาเวน าโต, อุคฺคหณาทิวเสน จ ปุพฺเพ ววตฺถาปิโต สทฺทปฺปพนฺโธ ธมฺโม, ปจฺฉา ปเรสํ อวโพธนตฺถํ ปวตฺติโต ตทตฺถปฺปกาสโก สทฺโท เทสนาติ. อถ วา ยถาวุตฺตสทฺทสมุฏฺาปโก จิตฺตุปฺปาโท เทสนา, มุสาวาทาทโย วิย. ‘‘วจนสฺส ปวตฺตน’’นฺติ จ ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาทวเสน ยุชฺชติ. โส หิ วจนํ ปวตฺเตติ, ตฺจ เตน ปวตฺตียติ เทสียติ. ‘‘โส จ โลกิยโลกุตฺตโร’’ติ เอวํ วุตฺตํ อภิสมยํ เยน ปกาเรน อภิสเมติ, ยํ อภิสเมติ, โย จ ตสฺส สภาโว, เตหิ ปากฏํ กาตุํ ‘‘วิสยโต อสมฺโมหโต จ อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิ วิสยโต อตฺถาทิอนุรูปํ ธมฺมาทีสุ อวโพโธ อวิชฺชาทิธมฺมสงฺขาราทิอตฺถตทุภยปฺาปนารมฺมโณ โลกิโย อภิสมโย, อสมฺโมหโต อตฺถาทิอนุรูปํ ธมฺมาทีสุ อวโพโธ นิพฺพานารมฺมโณ มคฺคสมฺปยุตฺโต ยถาวุตฺตธมฺมตฺถปฺตฺตีสุ สมฺโมหวิทฺธํสโน โลกุตฺตโร อภิสมโยติ. อภิสมยโต อฺมฺปิ ปฏิเวธตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตสํ เตสํ วา’’ติอาทิมาห. ‘ปฏิเวธนํ ปฏิเวโธ’ติ อิมินา หิ วจนตฺเถน อภิสมโย, ‘ปฏิวิชฺฌียตีติ ปฏิเวโธ’ติ อิมินา ตํตํรูปาทิธมฺมานํ อวิปรีตสภาโว จ ‘‘ปฏิเวโธ’’ติ วุจฺจตีติ.

ยถาวุตฺเตหิ ธมฺมาทีหิ ปิฏกานํ คมฺภีรภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานิ ยสฺมา เอเตสุ ปิฏเกสู’’ติอาทิมาห. โย เจตฺถาติ เอเตสุ ตํตํปิฏกคเตสุ ธมฺมาทีสุ โย ปฏิเวโธ, เอเตสุ จ ปิฏเกสุ เตสํ เตสํ ธมฺมานํ โย อวิปรีตสภาโวติ โยเชตพฺพํ. ทุกฺโขคาหตา จ อวิชฺชาสงฺขาราทีนํ ธมฺมตฺถานํ ทุปฺปฏิวิชฺฌตาย, เตสํ ปฺาปนสฺส ทุกฺกรภาวโต ตํเทสนาย, ปฏิเวธนสงฺขาตสฺส ปฏิเวธสฺส อุปฺปาทนวิสยิกรณานํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, อวิปรีตสภาวสงฺขาตสฺส ปฏิเวธสฺส ทุวิฺเยฺยตาย เอว เวทิตพฺพา.

นฺติ ยํ ปริยตฺติทุคฺคหณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺถนฺติ ภาสิตตฺถํ, ปโยชนตฺถฺจ. น อุปปริกฺขนฺตีติ น วิจาเรนฺติ. น นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ นิชฺฌานปฺํ นกฺขมนฺติ, นิชฺฌายิตฺวา ปฺาย ทิสฺวา โรเจตฺวา คเหตพฺพา น โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. อิตีติ เอวํ เอตาย ปริยตฺติยา. วาทปฺปโมกฺขานิสํสา อตฺตโน อุปริ ปเรหิ อาโรปิตวาทสฺส นิคฺคหสฺส ปโมกฺขปฺปโยชนา หุตฺวา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, วาทปฺปโมกฺขา วา นินฺทาปโมกฺขา. ยสฺส จตฺถายาติ ยสฺส จ สีลาทิปูรณสฺส อนุปาทาวิโมกฺขสฺส วา อตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ าเยน ปริยาปุณนฺตีติ อธิปฺปาโย. อสฺสาติ อสฺส ธมฺมสฺส. นานุโภนฺตีติ น วินฺทนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตตฺตา อุปารมฺภมานทพฺพมกฺขปลาสาทิเหตุภาเวน ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. ภณฺฑาคาเร นิยุตฺโต ภณฺฑาคาริโก, ภณฺฑาคาริโก วิย ภณฺฑาคาริโก, ธมฺมรตนานุปาลโก. อฺตฺถํ อนเปกฺขิตฺวา ภณฺฑาคาริกสฺเสว สโต ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ.

‘‘ตาสํเยวา’’ติ อวธารณํ ปาปุณิตพฺพานํ ฉฬภิฺาจตุปฺปฏิสมฺภิทาทีนํ วินเย ปเภทวจนาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เวรฺชกณฺเฑ (ปารา. ๑๒) หิ ติสฺโส วิชฺชาว วิภตฺตา. ทุติเย ปน ‘‘ตาสํเยวา’’ติ อวธารณํ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อเปกฺขิตฺวา กตํ, น ติสฺโส วิชฺชา. ตา หิ ฉสุ อภิฺาสุ อนฺโตคธาติ สุตฺเต วิภตฺตา เยวาติ.

ทุคฺคหิตํ คณฺหาติ, ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๙๖). ธมฺมจินฺตนฺติ ธมฺมสภาววิจารณํ, ‘‘จิตฺตุปฺปาทมตฺเตเนว ทานํ โหติ, สยเมว จิตฺตํ อตฺตโน อารมฺมณํ โหติ, สพฺพํ จิตฺตํ อสภาวธมฺมารมฺมณ’’นฺติ จ เอวมาทิ. เตสนฺติ เตสํ ปิฏกานํ.

เอตนฺติ เอตํ พุทฺธวจนํ. อตฺถานุโลมโต อนุโลมิโก. อนุโลมิกตํเยว วิภาเวตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกนิกายมฺปีติ เอกสมูหมฺปิ. โปณิกา จิกฺขลฺลิกา จ ขตฺติยา, เตสํ นิวาโส โปณิกนิกาโย จิกฺขลฺลิกนิกาโย จ.

นวปฺปเภทนฺติ เอตฺถ กถํ นวปฺปเภทํ? สคาถกฺหิ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกฺจ สุตฺตํ เวยฺยากรณํ, ตทุภยวินิมุตฺตฺจ สุตฺตํ อุทานาทิวิเสสสฺารหิตํ นตฺถิ, ยํ สุตฺตงฺคํ สิยา, มงฺคลสุตฺตาทีนฺจ (ขุ. ปา. ๕.๒; สุ. นิ. ๒๒๕) สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา, คาถาภาวโต, ธมฺมปทาทีนํ วิย, เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา, สคาถกตฺตา, สคาถวคฺคสฺส วิย, ตถา อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานนฺติ? วุจฺจเต –

‘‘สุตฺตนฺติ สามฺวิธิ, วิเสสวิธโย ปเร;

สนิมิตฺตา นิรุฬฺหตฺตา สหตาฺเน นาฺโต’’. (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา);

สพฺพสฺสาปิ หิ พุทฺธวจนสฺส สุตฺตนฺติ อยํ สามฺวิธิ. เตเนวาห อายสฺมา มหากจฺจาโน เนตฺติยํ – ‘‘นววิธสุตฺตนฺตปริเยฏฺี’’ติ (เนตฺติ. สงฺคหวาร). ‘‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺนํ (ปาจิ. ๒๕๕, ๑๒๔๒), สกวาเท ปฺจสุตฺตสตานี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; กถา. อฏฺ. นิทานกถา) เอวมาทิ จ เอตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ.

วิเสสวิธโย ปเร สนิมิตฺตา ตเทกเทเสสุ เคยฺยาทโย วิเสสวิธโย เตน เตน นิมิตฺเตน ปติฏฺิตา. ตถา หิ เคยฺยสฺส สคาถกตฺตํ ตพฺภาวนิมิตฺตํ. โลเกปิ หิ สสิโลกํ สคาถกํ (เนตฺติ. อฏฺ. ๑๓) จุณฺณิยคนฺถํ ‘เคยฺย’นฺติ วทนฺติ. คาถาวิรเห ปน สติ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตํ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนฺหิ ‘พฺยากรณ’นฺติ วุจฺจติ, พฺยากรณเมว เวยฺยากรณํ. เอวํ สนฺเต สคาถกาทีนมฺปิ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตานํ เวยฺยากรณภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, เคยฺยาทิสฺานํ อโนกาสภาวโต, ‘คาถาวิรเห สตี’ติ วิเสสิตตฺตา จ. ตถา หิ ธมฺมปทาทีสุ เกวลํ คาถาพนฺเธสุ, สคาถกตฺเตปิ โสมนสฺสาณมยิกคาถายุตฺเตสุ, ‘วุตฺตฺเหต’นฺติอาทิวจนสมฺพนฺเธสุ, อพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺเตสุ จ สุตฺตวิเสเสสุ ยถากฺกมํ คาถาอุทานอิติวุตฺตกอพฺภุตธมฺมสฺา ปติฏฺิตา, ตถา สติปิ คาถาพนฺธภาเว ภควโต อตีตาสุ ชาตีสุ จริยานุภาวปฺปกาสเกสุ ชาตกสฺา, สติปิ ปฺหาวิสฺสชฺชนภาเว, สคาถกตฺเต จ เกสุจิ สุตฺตนฺเตสุ เวทสฺส ลภาปนโต เวทลฺลสฺา ปติฏฺิตาติ เอวํ เตน เตน สคาถกตฺตาทินา นิมิตฺเตน เตสุ เตสุ สุตฺตวิเสเสสุ เคยฺยาทิสฺา ปติฏฺิตาติ วิเสสวิธโย สุตฺตงฺคโต ปเร เคยฺยาทโย. ยํ ปเนตฺถ เคยฺยงฺคาทินิมิตฺตรหิตํ, ตํ สุตฺตงฺคํ วิเสสสฺาปริหาเรน สามฺสฺาย ปวตฺตนโตติ. นนุ จ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณนฺติ สุตฺตงฺคํ น สมฺภวตีติ โจทนา ตทวตฺถา วาติ? น ตทวตฺถา, โสธิตตฺตา. โสธิตฺหิ ปุพฺเพ คาถาวิรเห สติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตนฺติ.

ยฺจ วุตฺตํ – ‘‘คาถาภาวโต มงฺคลสุตฺตาทีนํ (ขุ. ปา. ๕.๑, ๒, ๓) สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา’’ติ, ตํ น, นิรุฬฺหตฺตา. นิรุฬฺโห หิ มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตภาโว. น หิ ตานิ ธมฺมปทพุทฺธวํสาทโย วิย คาถาภาเวน ปฺาตานิ, อถ โข สุตฺตภาเวน. เตเนว หิ อฏฺกถายํ ‘‘สุตฺตนามก’’นฺติ นามคฺคหณํ กตํ. ยฺจ ปน วุตฺตํ – ‘‘สคาถกตฺตา เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ, ตทปิ นตฺถิ, ยสฺมา สหตาฺเน. สห คาถาหีติ หิ สคาถกํ. สหภาโว นาม อตฺถโต อฺเน โหติ, น จ มงฺคลสุตฺตาทีสุ กถาวินิมุตฺโต โกจิ สุตฺตปเทโส อตฺถิ, โย ‘สห คาถาหี’ติ วุจฺเจยฺย, น จ สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถิ, ยทปิ วุตฺตํ – ‘‘อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานํ เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ ตทปิ น, อฺโต. อฺา เอว หิ ตา คาถา ชาตกาทิปริยาปนฺนตฺตา. อโต น ตาหิ อุภโตวิภงฺคาทีนํ เคยฺยงฺคภาโวติ. เอวํ สุตฺตาทีนํ องฺคานํ อฺมฺสงฺกราภาโว เวทิตพฺโพ.

‘‘อยํ ธมฺโม…เป… อยํ วินโย, อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ พุทฺธวจนํ ธมฺมวินยาทิเภเทน ววตฺถเปตฺวา สงฺคายนฺเตน มหากสฺสปปฺปมุเขน วสิคเณน อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฏิมณฺฑิตาย สงฺคีติยา อิมสฺส ทีฆาคมสฺส ปมมชฺฌิมพุทฺธวจนาทิภาโว ววตฺถาปิโตติ ทสฺเสติ, ‘‘เอวเมตํ อเภทโต’’ติอาทินา.

นิทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนา

ปริพฺพาชกกถาวณฺณนา

เอวํ ปมมหาสงฺคีตึ ทสฺเสตฺวา ยทตฺถํ สา อิธ ทสฺสิตา, อิทานิ ตํ นิคมนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘อิมิสฺสา’’ติอาทิมาห.

. เอตฺตาวตา จ พฺรหฺมชาลสฺส สาธารณโต พาหิรนิทานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อพฺภนฺตรนิทานํ สํวณฺเณตุํ ‘‘ตตฺถ เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา ฉหิ อากาเรหิ สํวณฺณนา กาตพฺพา สมฺพนฺธโต ปทโต ปทวิภาคโต ปทตฺถโต อนุโยคโต ปริหารโต จาติ. ตตฺถ สมฺพนฺโธ นาม เทสนาสมฺพนฺโธ. ยํ โลกิยา ‘‘อุมฺมุคฺฆาโต’’ติ วทนฺติ. โส ปน ปาฬิยา นิทานปาฬิวเสน, นิทานปาฬิยา ปน สงฺคีติวเสน เวทิตพฺโพติ ปมมหาสงฺคีตึ ทสฺเสนฺเตน นิทานปาฬิยา สมฺพนฺธสฺส ทสฺสิตตฺตา ปทาทิวเสน สํวณฺณนํ กโรนฺโต ‘‘เอวนฺติ นิปาตปท’’นฺติอาทิมาห. ‘‘เมติอาทีนี’’ติ เอตฺถ อนฺตรา-สทฺท-จ-สทฺทานํ นิปาตปทภาโว, วตฺตพฺโพ, น วา วตฺตพฺโพ เตสํ นยคฺคหเณน คหิตตฺตา, ตทวสิฏฺานํ อาปฏิ-สทฺทานํ อาทิ-สทฺเทน สงฺคณฺหนโต. ‘‘ปทวิภาโค’’ติ ปทานํ วิเสโส, น ปน ปทวิคฺคโห. อถ วา ปทานิ จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโค, ปทวิคฺคโห จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโคติ วา เอกเสสวเสน ปทปทวิคฺคหาปิ ปทวิภาค สทฺเทน วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ปทวิคฺคโห ‘‘ภิกฺขูนํ สงฺโฆ’’ติอาทิเภเทสุ ปเทสุ ทฏฺพฺโพ.

อตฺถโตติ ปทตฺถโต. ตํ ปน ปทตฺถํ อตฺถุทฺธารกฺกเมน ปมํ เอวํ-สทฺทสฺส ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํสทฺโท ตาวา’’ติอาทิมาห. อวธารณาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อิทมตฺถปุจฺฉาปริมาณาทิอตฺถานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ‘‘เอวํคตานิ, เอวํวิโธ, เอวมากาโร’’ติอาทีสุ อิทํ-สทฺทสฺส อตฺเถ เอวํ-สทฺโท. คต-สทฺโท หิ ปการปริยาโย, ตถา วิธาการ-สทฺทา จ. ตถา หิ วิธยุตฺตคต-สทฺเท โลกิยา ปการตฺเถ วทนฺติ. ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กึ นุ โข, กถํ นุ โข’’ติ, ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสุ, อามุตฺตมาลาภรณา โอทาตวตฺถวสนา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติ, เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโกติ? โน หิทํ โภ โคตมา’’ติ จ อาทีสุ ปุจฺฉายํ. ‘‘เอวํ ลหุปริวตฺตํ, เอวํ อายุปริยนฺโต’’ติ จ อาทีสุ ปริมาเณ. นนุ จ ‘‘เอวํ นุ โข, เอวํ สุ เต, เอวํ อายุปริยนฺโต’’ติ เอตฺถ เอวํ-สทฺเทน ปุจฺฉนาการปริมาณาการานํ วุตฺตตฺตา อาการตฺโถ เอว เอวํ-สทฺโท ติ? น, วิเสสสพฺภาวโต. อาการมตฺตวาจโก เหตฺถ อาการตฺโถติ อธิปฺเปโต, ยถา ‘‘เอวํ พฺยาโขติอาทีสุ ปน น อาการวิเสสวาจโก เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจนา’’ติอาทีนิ อุปมาทีสุ อุทาหรณานิ อุปปนฺนานิ โหนฺติ. ตถา หิ ‘‘ยถาปิ…เป… พหุ’’นฺติ? เอตฺถ ปุปฺผราสิฏฺานิยโต มนุสฺสุปปตฺติสปฺปุริสูปนิสฺสยสทฺธมฺมสวนโยนิโสมนสิการโภคสมฺปตฺติอาทิทานาทิปุฺกิริยาเหตุสมุทายโต โสภาสุคนฺธตาทิคุณโยคโต มาลาคุณสทิสิโย ปหูตา ปุฺกิริยา มริตพฺพสภาวตาย มจฺเจน สตฺเตน กตฺตพฺพาติ โชทิตตฺตา ปุปฺผราสิมาลาคุณาว อุปมา, เตสํ อุปมากาโร ยถา-สทฺเทน อนิยมโต วุตฺโตติ เอวํ-สทฺโท อุปมาการนิคมนตฺโถติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. โส ปน อุปมากาโร นิยมิยมาโน อตฺถโต อุปมาว โหตีติ อาห ‘‘อุปมายํ อาคโต’’ติ.

ตถา เอวํ อิมินา อากาเรน ‘‘อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อุปทิสิยมานาย สมณสารุปฺปาย อากปฺปสมฺปตฺติยา โย ตตฺถ อุปทิสนากาโร, โส อตฺถโต อุปเทโสเยวาติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ เต…เป… อุปเทเส’’ติ. ตถา เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตาติ เอตฺถ จ ภควตา ยถาวุตฺตมตฺถํ อวิปรีตโต ชานนฺเตหิ กตํ ตตฺถ สํวิชฺชมานคุณานํ ปกาเรหิ หํสนํ อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ, โย ตตฺถ สมฺปหํสนากาโรติ โยเชตพฺพํ. เอวเมวํ ปนายนฺติ เอตฺถ ครหณากาโรติ โยเชตพฺพํ. โส จ ครหณากาโร ‘‘วสลี’’ติอาทิ ขุํสนสทฺทสนฺนิธานโต อิธ เอวํ-สทฺเทน ปกาสิโตติ วิฺายติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปมาการาทโยปิ อุปมาทิวเสน วุตฺตานํ ปุปฺผราสิอาทิสทฺทานํ สนฺนิธานโตติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺจ วเทหีติ ‘‘ยถาหํ วทามิ, เอวํ สมณํ อานนฺทํ วเทหี’’ติ วทนากาโร อิทานิ วตฺตพฺโพ เอวํ-สทฺเทน นิทสฺสียตีติ นิทสฺสนตฺโถ วุตฺโต. เอวํ โนติ เอตฺถาปิ เตสํ ยถาวุตฺตธมฺมานํ อหิตทุกฺขาวหภาเว สนฺนิฏฺานชนนตฺถํ อนุมติคฺคหณวเสน ‘‘สํวตฺตนฺติ, โน วา, กถํ วา เอตฺถ โหตี’’ติ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทาการสนฺนิฏฺานํ เอวํ-สทฺเทน วิภาวิตนฺติ วิฺายติ, โส ปน เตสํ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนากาโร นิยมิยมาโน อวธารณตฺโถ โหตีติ อาห ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตีติ อาทีสุ อวธารเณ’’ติ. เอวํ ภนฺเตติ ปน ธมฺมสฺส สาธุกํ สวนมนสิกาเร สนฺนิโยชิเตหิ ภิกฺขูหิ อตฺตโน ตตฺถ ิตภาวสฺส ปฏิชานนวเสน วุตฺตตฺตา เอตฺถ เอวํ-สทฺโท วจนสมฺปฏิจฺฉนตฺโถ วุตฺโต, เตน เอวํ ภนฺเต, สาธุ ภนฺเต, สุฏฺุ ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ.

นานานยนิปุณนฺติ เอกตฺตนานตฺตอพฺยาปารเอวํธมฺมตาสงฺขาตา, นนฺทิยาวฏฺฏ ติปุกฺขลสีหวิกฺกีฬิตองฺกุสทิสาโลจนสงฺขาตา วา อาธาราทิเภทวเสน นานาวิธา นยา นานานยา, นยา วา ปาฬิคติโย, ตา จ ปฺตฺติอนุปฺตฺติอาทิวเสน สํกิเลภาคิยาทิโลกิยาทิตทุภยโวมิสฺสตาทิวเสน กุสลาทิวเสน ขนฺธาทิวเสน สงฺคหาทิวเสน สมยวิมุตฺตาทิวเสน ปนาทิวเสน กุสลมูลาทิวเสน ติกปฏฺานาทิวเสน จ นานปฺปการาติ นานานยา, เตหิ นิปุณํ สณฺหสุขุมนฺติ นานานยนิปุณํ. อาสโยว อชฺฌาสโย, เต จ สสฺสตาทิเภเทน, ตตฺถ จ อปฺปรชกฺขตาทิวเสน อเนกา, อตฺตชฺฌาสยาทโย เอว วา สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติเหตุ เอตสฺสาติ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนนฺติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณํ อุปเนตพฺพาภาวโต, สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ, อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตนฺติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

วิวิธปาฏิหาริยนฺติ เอตฺถ ปาฏิหาริยปทสฺส วจนตฺถํ ‘‘ปฏิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต ปาฏิหาริย’’นฺติ วทนฺติ. ภควโต ปน ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ, เย หริตพฺพา. ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วตฺตุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต จ สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน, ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติ. ‘‘ปฏี’’ติ วา อยํ สทฺโท ‘‘ปจฺฉา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต, วิคตูปกฺกิเลเส จ กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฏิหาริยํ. อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน, กตกิจฺเจน จ สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ ภวนฺติ. ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ. ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ, ตสฺมึ วา นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ. ตสฺส ปน อิทฺธิอาทิเภเทน วิสยเภเทน จ พหุวิธสฺส ภควโต เทสนาย ลพฺภมานตฺตา อาห ‘‘วิวิธปาฏิหาริย’’นฺติ.

น อฺถาติ ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต น อฺถาติ อตฺโถ, น ปน ภควโต เทสิตาการโต. อจินฺเตยฺยานุภาวา หิ ภควโต เทสนา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุ’’นฺติ อิทํ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ธารณพลทสฺสนฺจ น วิรุชฺฌติ สุตาการาวิรชฺฌนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. น เหตฺถ อตฺถนฺตรตาปริหาโร ทฺวินฺนมฺปิ อตฺถานํ เอกวิสยตฺตา, อิตรถา เถโร ภควโต เทสนาย สพฺพถา ปฏิคฺคหเณ สมตฺโถ อสมตฺโถ จาติ อาปชฺเชยฺยาติ.

‘‘โย ปโร น โหติ, โส อตฺตา’’ติ เอวํ วุตฺตาย นิยกชฺฌตฺตสงฺขาตาย สสนฺตติยํ วตฺตนโต ติวิโธปิ เม-สทฺโท กิฺจาปิ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ทิสฺสติ, กรณสมฺปทานสามินิทฺเทสวเสน ปน วิชฺชมานเภทํ สนฺธายาห ‘‘เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสตี’’ติ.

กิฺจาปิ อุปสคฺโค กิริยํ วิเสเสติ, โชตกภาวโต ปน สติปิ ตสฺมึ สุต-สทฺโท เอว ตํ ตมตฺถํ อนุวทตีติ อนุปสคฺคสฺส สุต-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร สอุปสคฺคสฺส คหณํ น วิรุชฺฌตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จา’’ติ อาห. อสฺสาติ สุต-สทฺทสฺส. กมฺมภาวสาธนานิ อิธ สุต-สทฺเท สมฺภวนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปธาริตนฺติ วา อุปธารณนฺติ วา อตฺโถ’’ติ. มยาติ อตฺเถ สตีติ ยทา เมสทฺทสฺส กตฺตุวเสน กรณนิทฺเทโส, ตทาติ อตฺโถ. มมาติ อตฺเถ สตีติ ยทา สมฺพนฺธวเสน สามินิทฺเทโส, ตทา.

สุตสทฺทสนฺนิธาเน ปยุตฺเตน เอวํสทฺเทน สวนกิริยาโชตเกน ภวิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสน’’นฺติ. อาทิ-สทฺเทน สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ ปฺจทฺวาริกวิฺาณานํ ตทภินิหฏานฺจ มโนทฺวาริกวิฺาณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. สพฺเพสมฺปิ วากฺยานํ เอวการตฺถสหิตตฺตา ‘‘สุต’’นฺติ เอตสฺส สุตํ เอวาติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ, เอเตน อวธารเณน นิรากตํ ทสฺเสติ. ยถา จ สุตํ สุตํ เอวาติ นิยเมตพฺพํ, ตํ สมฺมา สุตํ โหตีติ อาห ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อถ วา ‘‘สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตี’’ติ สุตนฺติ อสุตํ น โหตีติ อยเมตสฺส อตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ, อิมินา ทิฏฺาทิวินิวตฺตนํ กโรติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ. น อิทํ มยา ทิฏฺํ, น สยมฺภุาเณน สจฺฉิกตํ, อถ โข สุตํ, ตฺจ โข สมฺมเทวาติ. เตเนวาห ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อวธารณตฺเถ วา เอวํ-สทฺเท อยํ อตฺถโยชนา กรียตีติ ตทเปกฺขสฺส สุต-สทฺทสฺส อยมตฺโถ วุตฺโต ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ. เตเนว อาห ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. สวนสทฺโท เจตฺถ กมฺมตฺโถ เวทิตพฺโพ สุยฺยตีติ.

เอวํ สวนเหตุสุณนฺตปุคฺคลสวนวิเสสวเสน ปทตฺตยสฺส เอเกน ปกาเรน อตฺถโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปการนฺตเรหิปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺสาติ ยา สา ภควโต สมฺมุขา ธมฺมสฺสวนากาเรน ปวตฺตา มโนทฺวารวิฺาณวีถิ, ตสฺสา. สา หิ นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติตุํ สมตฺถา. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘โสตทฺวารานุสาเรนา’’ติ. นานปฺปกาเรนาติ วกฺขมานานํ อเนกวิหิตานํ พฺยฺชนตฺถคฺคหณานานากาเรน, เอเตน อิมิสฺสา โยชนาย อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท คหิโตติ ทีเปติ. ปวตฺติภาวปฺปกาสนนฺติ ปวตฺติยา อตฺถิภาวปฺปกาสนํ. ‘‘สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสน’’นฺติ ยสฺมึ อารมฺมเณ วุตฺตปฺปการา วิฺาณวีถิ นานปฺปกาเรน ปวตฺตา, ตสฺส ธมฺมตฺตา วุตฺตํ, น สุตสทฺทสฺส ธมฺมตฺถตฺตา. วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏีกรณํ ‘‘อยฺเหตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถ วิฺาณวีถิยาติ กรณตฺเถ กรณวจนํ. มยาติ กตฺถุอตฺเถ.

‘‘เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสน’’นฺติ นิทสฺสนตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วุตฺตํ นิทสฺเสตพฺพสฺส นิทฺทิสิตพฺพตฺตาภาวาภาวโต, เตน เอวํ-สทฺเทน สกลมฺปิ สุตฺตํ ปจฺจามฏฺนฺติ ทสฺเสติ. สุต-สทฺทสฺส กิริยาสทฺทตฺตา, สวนกิริยาย จ สาธารณวิฺาณปฺปพนฺธปฏิพทฺธตฺตา ตตฺถ จ ปุคฺคลโวหาโรติ วุตฺตํ ‘‘สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสน’’นฺติ. น หิ ปุคฺคลโวหารรหิเต ธมฺมปฺปพนฺเธ สวนกิริยา ลพฺภตีติ.

‘‘ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺสา’’ติอาทิปิ อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ปุริมโยชนาย อฺถา อตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อาการปฺตฺตีติ อุปาทาปฺตฺติ เอว, ธมฺมานํ ปวตฺติอาการุปาทานวเสน ตถา วุตฺตา. ‘‘สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส’’ติ โสตพฺพภูโต ธมฺโม สวนกิริยากตฺตุปุคฺคลสฺส สวนกิริยาวเสน ปวตฺติฏฺานนฺติ กตฺวา วุตฺตํ. จิตฺตสนฺตานวินิมุตฺตสฺส ปรมตฺถโต กสฺสจิ กตฺตุ อภาเวปิ สทฺทโวหาเรน พุทฺธิปริกปฺปิตเภทวจนิจฺฉาย จิตฺตสนฺตานโต อฺํ วิย ตํสมงฺคึ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน’’ติ. สวนกิริยาวิสโยปิ โสตพฺพธมฺโม สวนกิริยาวเสน ปวตฺตจิตฺตสนฺตานสฺส อิธ ปรมตฺถโต กตฺตุภาวโต, สวนวเสน จิตฺตปฺปวตฺติยา เอว วา สวนกิริยาภาวโต ตํกิริยากตฺตุ จ วิสโย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ตํสมงฺคิโน กตฺตุ วิสเย’’ติ. สุตาการสฺส จ เถรสฺส สมฺมานิจฺฉิตภาวโต อาห ‘‘คหณสนฺนิฏฺาน’’นฺติ, เอเตน วา อวธารณตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา อยํ อตฺถโยชนา กตาติ ทฏฺพฺพํ.

ปุพฺเพ สุตานํ นานาวิหิตานํ สุตฺตสงฺขาตานํ อตฺถพฺยฺชนานํ อุปธาริตรูปสฺส อาการสฺส นิทสฺสนสฺส อวธารณสฺส วา ปกาสนสภาโว เอวํ-สทฺโทติ ตทาการาทิอุปธารณสฺส ปุคฺคลปฺตฺติยา อุปาทานภูตธมฺมปฺปพนฺธพฺยาปารตาย วุตฺตํ ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. สวนกิริยา ปน ปุคฺคลวาทิโนปิ วิฺาณนิรเปกฺขา นตฺถีติ วิเสสโต วิฺาณพฺยาปาโรติ อาห ‘‘สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. เมติ สทฺทปฺปวตฺติยา เอกนฺเตเนว สตฺตวิสยตฺตา, วิฺาณกิจฺจสฺส จ ตตฺเถว สโมทหิตพฺพโต ‘‘เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. อวิชฺชมานปฺตฺติวิชฺชมานปฺตฺติสภาวา ยถากฺกมํ เอวํ-สทฺท สุต-สทฺทานํ อตฺถาติ เต ตถารูปปฺตฺติอุปาทานพฺยาปารภาเวน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. เอตฺถ จ กรณกิริยากตฺตุกมฺมวิเสสปฺปกาสนวเสน ปุคฺคลพฺยาปาวิสยปุคฺคลพฺยาปารนิทสฺสนวเสน คหณาการคาหกตพฺพิสยวิเสสนิทฺเทสวเสน กตฺตุกรณ พฺยาปารกตฺตุนิทฺเทสวเสน จ ทุติยาทโย จตสฺโส อตฺถโยชนา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ.

สพฺพสฺสาปิ สทฺทาธิคมนียสฺส อตฺถสฺส ปฺตฺติมุเขเนว ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา, สพฺพปฺตฺตีนฺจ วิชฺชมานาทิวเสน ฉสุ ปฺตฺติเภเทสุ อนฺโตคธตฺตา เตสุ ‘‘เอว’’นฺติอาทีนํ ปฺตฺตีนํ สรูปํ นิทฺธาเรนฺโต อาห ‘‘เอวนฺติ จ เมติ จา’’ติอาทิ. ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ วุจฺจมานสฺส อตฺถสฺส อาการาทิโน, ธมฺมานฺจ อสลฺลกฺขณภาวโต อวิชฺชมานปฺตฺติภาโวติ อาห ‘‘สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. ตตฺถ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสนาติ ภูตตฺถอุตฺตมตฺถวเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติโย มายามรีจิอาทโย วิย อภูตตฺโถ, อนุสฺสวาทีหิ คเหตพฺโพ วิย อนุตฺตมตฺโถ จ น โหติ, โส รูปสทฺทาทิสภาโว รุปฺปนานุภวนาทิสภาโว วา อตฺโถ ‘‘สจฺจิกฏฺโ, ปรมตฺถ จา’’ติ วุจฺจติ, น ตถา เอวํ เมติ ปทานมตฺโถติ, เอตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘กิฺเหตฺถ ต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สุตนฺติ ปน สทฺทายตนํ สนฺธายาห ‘‘วิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘ยฺหิ ตเมตฺถ โสเตน อุปลทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ, ‘‘โสตทฺวารานุสาเรน อุปลทฺธ’’นฺติ ปน วุตฺเต อตฺถพฺยฺชนาทิสพฺพํ ลพฺภติ. ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโตติ โสตปถํ อาคเต ธมฺเม อุปาทาย เตสํ อุปธาริตาการาทิโน ปจฺจามสนวเสน ‘‘เอว’’นฺติ, สสนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ อุปาทาย ‘‘เม’’ติ วตฺตพฺพตฺตาติ อตฺโถ. ทิฏฺาทิสภาวรหิเต สทฺทายตเน ปวตฺตมาโนปิ สุตโวหาโร ‘‘ทุติยํ ตติย’’นฺติอาทิโก วิย ปมาทีนิ ทิฏฺมุตวิฺาเต อเปกฺขิตฺวา ปวตฺโตติ อาห ‘‘ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต’’ติ. อสุตํ น โหตีติ หิ ‘‘สุต’’นฺติ ปกาสิโต ยมตฺโถติ.

อตฺตนา ปฏิวิทฺธา สุตฺตสฺส ปการวิเสสา ‘‘เอว’’นฺติ เถเรน ปจฺจามฏฺาติ อาห ‘‘อสมฺโมหํ ทีเปตี’’ติ. ‘‘นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหตี’’ติ เอเตน วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส นานปฺปการตํ ทุปฺปฏิวิชฺฌตฺจ ทสฺเสติ. ‘‘สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปตี’’ติ สุตาการสฺส ยาถาวโต ทสฺสิยมานตฺตา วุตฺตํ. อสมฺโมเหนาติ สมฺโมหาภาเวน, ปฺาย เอว วา สวนกาลสมฺภูตาย ตทุตฺตรกาลปฺาสิทฺธิ, เอวํ อสมฺโมเสนาติ เอตฺถาปิ วตฺตพฺพํ. พฺยฺชนานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ตตฺถ คุณีภูตาติ วุตฺตํ ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมายา’’ติอาทิ ปฺาย ปุพฺพงฺคมาติ กตฺวา. ปุพฺพงฺคมตา เจตฺถ ปธานภาโว ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา’’ติอาทีสุ วิย, ปุพฺพงฺคมตาย วา จกฺขุวิฺาณาทีสุ อาวชฺชนาทีนํ วิย อปฺปธานตฺเต ปฺา ปุพฺพงฺคมา เอติสฺสาติ อยมฺปิ อตฺโถ ยุชฺชติ, เอวํ ‘‘สติปุพฺพงฺคมายา’’ติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน ยถาสมฺภวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺสาติ อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณสฺส, สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ, อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตสฺสาติ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

โยนิโสมนสิการํ ทีเปตีติ เอวํ-สทฺเทน วุจฺจมานานํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺถานํ อวิปรีตสทฺธมฺมวิสยตฺตาติ อธิปฺปาโย. ‘‘อวิกฺเขปํ ทีเปตี’’ติ ‘‘พฺรหฺมชาลํ กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทิ ปุจฺฉาวเสน ปกรณปฺปตฺตสฺส วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส สวนํ สมาธานมนฺตเรน น สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ‘‘วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺสา’’ติอาทิ ตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนวเสน วุตฺตํ. สพฺพสมฺปตฺติยาติ อตฺถพฺยฺชนเทสกปโยชนาทิสมฺปตฺติยา. อวิปรีตสทฺธมฺมวิสเยหิ วิย อาการนิทสฺสนาวธารณตฺเถหิ โยนิโสมนสิการสฺส, สทฺธมฺมสฺสวเนน วิย จ อวิกฺเขปสฺส ยถา โยนิโสมนสิกาเรน ผลภูเตน อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปุฺตานํ สิทฺธิ วุตฺตา ตทวินาภาวโต, เอวํ อวิกฺเขเปน ผลภูเตน การณภูตานํ สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยานํ สิทฺธิ ทสฺเสตพฺพา สิยา อสฺสุตวโต, สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส จ ตทภาวโต.

‘‘น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต’’ติอาทินา สมตฺถนวจเนน ปน อวิกฺเขเปน การณภูเตน สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ ผลภูตสฺส สทฺธมฺมสฺสวนสฺส สิทฺธิ ทสฺสิตา. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยาสทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยา น เอกนฺเตน อวิกฺเขปสฺส การณํ พาหิรงฺคตฺตา, อวิกฺเขโป ปน สปฺปุริสูปนิสฺสโย วิย สทฺธมฺมสฺสวนสฺส เอกนฺตการณนฺติ. เอวมฺปิ อวิกฺเขเปน สปฺปุริสูปนิสฺสยสิทฺธิโชตนา น สมตฺถิตาว, โน น สมตฺถิตา วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ สปฺปุริสปยิรุปาสนาภาวสฺส อตฺถสิทฺธตฺตา. เอตฺถ จ ปุริมํ ผเลน การณสฺส สิทฺธิทสฺสนํ นทีปูเรน วิย อุปริ วุฏฺิสพฺภาวสฺส, ทุติยํ การเณน ผลสฺส สิทฺธิทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ เอกนฺเตน วสฺสินา วิย เมฆวุฏฺาเนน วุฏฺิปฺปวตฺติยา.

ภควโต วจนสฺส อตฺถพฺยฺชนปเภทปริจฺเฉทวเสน สกลสาสนสมฺปตฺติโอคาหนากาโร นิรวเสสปรหิตปาริปูริการณนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ ภทฺทโก อากาโร’’ติ. ยสฺมา น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตินฺติ อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปุฺตาสงฺขาตํ คุณทฺวยํ. อปราปรํ วุตฺติยา เจตฺถ จกฺกภาโว, จรนฺติ เอเตหิ สตฺตา สมฺปตฺติภเวสูติ วา. เย สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จตฺตาริมานิ ภิกฺขเว จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติอาทิ. ปุริมปจฺฉิมภาโว เจตฺถ เทสนากฺกมวเสน ทฏฺพฺโพ. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยาติ ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสฺส อตฺถิตาย. สมฺมาปณิหิตตฺโต ปุพฺเพ จ กตปุฺโ สุทฺธาสโย โหติ ตทสุทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ทูรีภาวโตติ อาห ‘‘อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหตี’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ, ‘‘กตปุฺโสิ ตฺวํ อานนฺท, ปธานํ อนุยุฺช ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโวติ จ. เตเนวาห ‘‘อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ. ปโยคสุทฺธิยาติ โยนิโสมนสิการปุพฺพงฺคมสฺส ธมฺมสฺสวนปโยคสฺส วิสทภาเวน. ตถา จาห ‘‘อาคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ. สพฺพสฺส วา กายวจีปโยคสฺส นิทฺโทสภาเวน. ปริสุทฺธกายวจีปโยโค หิ วิปฺปฏิสาราภาวโต อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปริยตฺติยํ วิสารโท โหตีติ.

‘‘นานปฺปการปฏิเวธทีปเกนา’’ติอาทินา อตฺถพฺยฺชเนสุ เถรสฺส เอวํ-สทฺท สุต-สทฺทานํ อสมฺโมหาสมฺโมสทีปนโต จตุปฏิสมฺภิทาวเสน อตฺถโยชนํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘โสตพฺพปฺปเภทปฏิเวธทีปเกนา’’ติ เอเตน อยํ สุต-สทฺโท เอวํ-สทฺทสนฺนิธานโต, วกฺขมานาเปกฺขาย วา สามฺเเนว โสตพฺพธมฺมวิเสสํ อามสตีติ ทสฺเสติ. มโนทิฏฺิกรณาปริยตฺติธมฺมานํ อนุเปกฺขนสุปฺปฏิเวธา วิเสสโต มนสิการปฏิพทฺธาติ เต วุตฺตนเยน โยนิโสมนสิการทีปเกน เอวํ-สทฺเทน โยเชตฺวา, สวนธารณวจีปริจยา ปริยตฺติธมฺมานํ วิเสเสน โสตาวธานปฏิพทฺธาติ เต อวิกฺเขปทีปเกน สุต-สทฺเทน โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต สาสนสมฺปตฺติยา ธมฺมสฺสวเน อุสฺสาหํ ชเนติ. ตตฺถ ธมฺมาติ ปริยตฺติธมฺมา. มนสานุเปกฺขิตาติ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา, เอตฺตกา เอตฺถ อนุสนฺธิโย’’ติอาทินา นเยน มนสา อนุเปกฺขิตา. ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธาติ นิชฺฌานกฺขนฺติภูตาย, าตปริฺาสงฺขาตาย วา ทิฏฺิยา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม ‘‘อิติ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวา ปฏิวิทฺธา.

‘‘สกเลน วจเนนา’’ติ ปุพฺเพ ตีหิ ปเทหิ วิสุํ วิสุํ โยชิตตฺตา วุตฺตํ. อสปฺปุริสภูมินฺติ อกตฺุตํ ‘‘อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ อนริยโวหาราวตฺถํ. สา เอว อนริยโวหาราวตฺถา อสทฺธมฺโม. นนุ จ อานนฺทตฺเถรสฺส ‘‘มเมทํ วจน’’นฺติ อธิมานสฺส, มหากสฺสปตฺเถราทีนฺจ ตทาสงฺกาย อภาวโต อสปฺปุริสภูมิสมติกฺกมาทิวจนํ นิรตฺถกํ ติ? นยิทํ เอวํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วทนฺเตน อยมฺปิ อตฺโถ วิภาวิโตติ ทสฺสนโต. เกจิ ปน ‘‘เทวตานํ ปริวิตกฺกาเปกฺขํ ตถาวจนนฺติ เอทิสี โจทนา อนวกาสา’’ติ วทนฺติ. ตสฺมึ กิร ขเณ เอกจฺจานํ เทวตานํ เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ตถาคโต จ ปรินิพฺพุโต, อยฺจ อายสฺมา เทสนากุสโล, อิทานิ ธมฺมํ เทเสติ, สกฺยกุลปฺปสุโต ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต, กึ นุ โข สยํ สจฺฉิกต ธมฺมํ เทเสติ, อุทาหุ ภควโตเยว วจนํ ยถาสุต’’นฺติ. เอวํ ตทาสงฺกิตปฺปการโต อสปฺปุริสภูมิสโมกฺกมาทิโต อติกฺกมาทิ วิภาวิตนฺติ. อตฺตโน อทหนฺโตติ ‘‘มเมต’’นฺติ อตฺตนิ อฏฺเปนฺโต. อปฺเปตีติ นิทสฺเสติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถสุ ยถารหํ สตฺเต เนตีติ เนตฺติ, ธมฺโมเยว เนตฺติ ธมฺมเนตฺติ.

ทฬฺหตรนิวิฏฺา วิจิกิจฺฉา กงฺขา. นาติสํสปฺปนํ มติเภทมตฺตํ วิมติ. อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ ภควโต เทสิตตฺตา, สมฺมุขา จสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา, ขลิตทุรุตฺตาทิคฺคหณโทสาภาวโต จ. เอตฺถ จ ปมาทโย ติสฺโส อตฺถโยชนา อาการาทิอตฺเถสุ อคฺคหิตวิเสสเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ทสฺสิตา, ตโต ปรา ติสฺโส อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วิภาวิตา. ปจฺฉิมา ปน ติสฺโส ยถากฺกมํ อาการตฺถํ นิทสฺสนตฺถํ อวธารณตฺถฺจ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา โยชิตาติ ทฏฺพฺพํ.

เอก-สทฺโท อฺเสฏฺาสหายสงฺขฺยทีสุ ทิสฺสติ. ตถาเหส ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ อฺตฺเถ ทิสฺสติ, ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ เสฏฺตฺเถ, ‘‘เอโก วูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ อสหาเย, ‘‘เอโกว โข ภิกฺขเว ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ สงฺขฺยยํ, อิธาปิ สงฺขฺยยนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส’’ติ. กาลฺจ สมยฺจาติ ยุตฺตกาลฺจ ปจฺจยสามคฺคิฺจ. ขโณติ โอกาโส. ตถาคตุปฺปาทาทิโก หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโส ตปฺปจฺจยปฏิลาภเหตุตฺตา. ขโณ เอว สมโย. โย ‘‘ขโณ’’ติ จ ‘‘สมโย’’ติ จ วุจฺจติ, โส เอโก วาติ หิ อตฺโถ. มหาสมโยติ มหาสมูโห. สมโยปิ โขติ สิกฺขาปทปูรณสฺส เหตุปิ. สมยปฺปวาทเกติ ทิฏฺิปฺปวาทเก. ตตฺถ หิ นิสินฺนา ติตฺถิยา อตฺตโน อตฺตโน สมยํ ปวทนฺตีติ. อตฺถาภิสมยาติ หิตปฏิลาภา. อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, อภิสมโย อตฺโถติ อภิสมยฏฺโติ ปีฬน อาทีนิ อภิสเมตพฺพภาเวน เอกีภาวํ อุปเนตฺวา วุตฺตานิ. อภิสมยสฺส วา ปฏิเวธสฺส วิสยภูตภาโว อภิสมยฏฺโติ ตาเนว ตถา เอกตฺเตน วุตฺตานิ. ตตฺถ ปีฬนํ ทุกฺขสจฺจสฺส ตํ สมงฺคีโน หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สนฺตาโปทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตาปนํ ปริทหณํ.

ตตฺถ สหการีการณํ สนฺนิชฺฌ สเมติ สมเวตีติ สมโย, สมวาโย. สเมติ สมาคจฺฉติ มคฺคพฺรหฺมจริยเมตฺถ ตทาธารปุคฺคเลหีติ สมโย, ขโณ. สเมติ เอตฺถ, เอเตนว สํคจฺฉติ สตฺโต, สภาวธมฺโม วา สหชาตาทีหิ, อุปฺปาทาทีหิ วาติ สมโย, กาโล. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย อตฺถโต อภูโตปิ หิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ, กรณํ วิย จ กปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน โวหรียตีติ. สมํ, สห วา อวยวานํ อยนํ ปวตฺติ อวฏฺานนฺติ สมโย, สมูโห, ยถา ‘‘สมุทาโย’’ติ. อวยวสหาวฏฺานเมว หิ สมูโหติ. อวเสสปจฺจยานํ สมาคเม เอติ ผลํ เอตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตติ จาติ สมโย, เหตุ ยถา ‘‘สมุทโย’’ติ. สเมติ สํโยชนภาวโต สมฺพนฺโธ เอติ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโย, ทิฏฺิ. ทิฏฺิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติ. สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย, ปฏิลาโภ. สมสฺส ยานํ, สมฺมา วา ยานํ อปคโมติ สมโย, ปหานํ. อภิมุขํ าเณน เอตพฺโพ อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีโต สภาโว. อภิมุขภาเวน สมฺมา เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาวาวโพโธ. เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ สมย-สทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา. สมย-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร อภิสมย-สทฺทสฺส อุทาหรณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อสฺสาติ สมย-สทฺทสฺส. กาโล อตฺโถ สมวายาทีนํ อตฺถานํ อิธ อสมฺภวโต เทสเทสกปริสานํ วิย สุตฺตสฺส นิทานภาเวน กาลสฺส อปทิสิตพฺพโต จ.

กสฺมา ปเนตฺถ อนิยามิตวเสเนว กาโล นิทฺทิฏฺโ, น อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยเมตฺวาติ อาห ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยมํ อกตฺวา สมย-สทฺทสฺส วจเน อยมฺปิ คุโณ ลทฺโธ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย วา อิเม’’ติอาทิมาห. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺตีติ. ตตฺถ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทวสิกํ ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินามนกาโล, วิเสสโต สตฺตสตฺตาหานิ. ปกาสาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา ปกมฺปนโอภาสปาตุภาวาทีหิ ปากฏา. ยถาวุตฺตปฺปเภเทสุเยว สมเยสุ เอกเทสํ ปการนฺตเรหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โย จาย’’นฺติอาทิมาห. ตถา หิ าณกิจฺจสมโย อตฺตหิตปฏิปตฺติสมโย จ อภิสมฺโพธิสมโย. อริยตุณฺหิภาวสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย. กรุณากิจฺจปรหิตปฏิปตฺติธมฺมิกถาสมโย เทสนาสมเยว.

กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต ยถาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถาติ อภิธมฺมวินเยสุ. ตถาติ ภุมฺมกรเณหิ. อธิกรณตฺถ อาธารตฺโถ. ภาโว นาม กิริยา, กิริยาย กิริยนฺตรลกฺขณํ ภาเวนภาวลกฺขณํ. ตตฺถ ยถา กาโล สภาวธมฺมปริจฺฉินฺโน สยํ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ อาธารภาเวน ปฺาโต ตงฺขณปฺปวตฺตานํ ตโต ปุพฺเพ ปรโต จ อภาวโต ‘‘ปุพฺพณฺเห ชาโต, สายนฺเห คจฺฉตี’’ติ, จ อาทีสุ, สมูโห จ อวยววินิมุตฺโต อวิชฺชมาโนปิ กปฺปนามตฺตสิทฺโธ อวยวานํ อาธารภาเวน ปฺาปียติ ‘‘รุกฺเข สาขา, ยวราสิยํ สมฺภูโต’’ติอาทีสุ, เอวํ อิธาปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อธิกรณฺหิ…เป… ธมฺมาน’’นฺติ. ยสฺมึ กาเล, ธมฺมปุฺเช วา กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว กาเล, ธมฺมปุฺเช จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. ยถา จ คาวีสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, ทุทฺธาสุ อาคโตติ โทหนกิริยาย คมนกิริยา ลกฺขียติ, เอวํ อิธาปิ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ตสฺมึ สมเย’’ติ จ วุตฺเต สตีติ อยมตฺโถ วิฺายมาโน เอว โหติ ปทตฺถสฺส สตฺตาวิรหาภวโตติ สมยสฺส สตฺตากิริยาย จิตฺตสฺส อุปฺปาทกิริยา, ผสฺสาทีนํ ภวนกิริยา จ ลกฺขียติ. ยสฺมึ สมเยติ ยสฺมึ นวเม ขเณ, โยนิโสมนสิการาทิเหตุมฺหิ, ปจฺจยสมวาเย วา สติ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว ขเณ, เหตุมฺหิ, ปจฺจยสมวาเย จ สติ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อุภยตฺถ สมย-สทฺเท ภุมฺมนิทฺเทโส กโต ลกฺขณภูตภาวยุตฺโตติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ขณ…เป… ลกฺขียตี’’ติ.

เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ ‘‘อนฺเนน วสติ, อชฺเฌเนน วสติ, ผรสุนา ฉินฺทติ, กุทาเลน ขณตี’’ติอาทีสุ วิย. วีติกฺกมฺหิ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา โอติณฺณวตฺถุกํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา, วิครหิตฺวา จ ตํ ตํ วตฺถุํ โอติณฺณกาลํ อนติกฺกมิตฺวา เตเนว กาเลน สิกฺขาปทานิ ปฺเปนฺโต ภควา วิหรติ สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุฺจ อเปกฺขมาโน ตติยปาราชิกาทีสุ วิยาติ.

อจฺจนฺตเมว อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว เทสนานิฏฺานํ ปรหิตปฏิปตฺติสงฺขาเตน กรุณาวิหาเรน. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺถโชตนตฺถํ. อุปโยควจนนิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘มาสํ อชฺเฌตี’’ติ.

โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. อภิลาปมตฺตเภโทติ วจนมตฺเตน วิเสโส. เตน สุตฺตวินเยสุ วิภตฺติพฺยตโย กโตติ ทสฺเสติ.

เสฏฺนฺติ เสฏฺวาจกํ วจนํ เสฏฺนฺติ วุตฺตํ เสฏฺคุณสหจรณโต. ตถา อุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต, ครุกรณารหตาย วา คารวยุตฺโต.

วุตฺโตเยว น ปน อิธ วตฺตพฺโพ วิสุทฺธิมคฺคสฺส อิมิสฺสา อฏฺกถาย เอกเทสภาวโตติ อธิปฺปาโย.

อปิจ ภเค วนิ, วมีติ วา ภควา, ภเค สีลาทิคุเณ วนิ ภชิ เสวิ, เต วา วิเนยฺยสนฺตาเนสุ ‘‘กถํ นุ โข อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ วนิ ยาจิ ปตฺถยีติ ภควา, ภคํ วา สิรึ, อิสฺสริยํ, ยสฺจ วมิ เขลปิณฺฑํ วิย ฉฑฺฑยีติ ภควา. ตถา หิ ภควา หตฺถคตํ สิรึ, จตุทฺทีปิสฺสริยํ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยฺจ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสํ อนเปกฺโข ปริจฺจชีติ. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา, สิเนรุยุคนฺธราทิคตา ภาชนโลกโสภา. เต ภควา วมิ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหตีติ เอวมฺปิ ภเค วมีติ ภควา.

‘‘ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรตี’’ติ ‘‘โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ วจนโต ธมฺมสฺส สตฺถุภาวปริยาโย วิชฺชตีติ กตฺวา วุตฺตํ.

วชิรสงฺฆาตสมานกาโย ปเรหิ อเภชฺชสรีรตฺตา. น หิ ภควโต รูปกาเย เกนจิ อนฺตราโย สกฺกา กาตุนฺติ. เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ วกฺขมานสฺส สกลสุตฺตสฺส ‘‘เอว’’นฺติ นิทฺทิสนโต. สาวกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเตน ปฺจสุ าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิเตน มยา มหาสาวเกน สุตํ, ตฺจ โข มยาว สุตํ, น อนุสฺสวิตํ, น ปรมฺปราภตนฺติ อิมสฺสตฺถสฺส ทีปนโต. กาลสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ‘‘ภควา’’ติ ปทสฺส สนฺนิธาเน ปยุตฺตสฺส สมย-สทฺทสฺส กาลสฺส พุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตภาวทีปนโต. พุทฺธุปฺปาทปรมา หิ กาลสมฺปทา. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘กปฺปกสาเย กลิยุเค, พุทฺธุปฺปาโท อโห มหจฺฉริยํ;

หุตาวหมชฺเฌ ชาตํ, สมุทิตมกรนฺทมรวินฺท’’นฺติ.

ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมคารวาธิวจนโต.

วิชฺชนฺตริกายาติ วิชฺชุนิจฺฉรณกฺขเณ. อนฺตรโตติ หทเย. อนฺตราติ อารพฺภ นิปฺผตฺตีนํ เวมชฺเฌ. อนฺตริกายาติ อนฺตราเฬ. เอตฺถ จ ‘‘ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย, เอเตสํ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา, อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตตี’’ติ จ อาทีสุ วิย การณเวมชฺเฌสุ วตฺตมานา อนฺตรา-สทฺทา เอว อุทาหริตพฺพา สิยุํ, น ปน จิตฺตขณวิวเรสุ วตฺตมานา อนฺตรนฺตริกา-สทฺทา. อนฺตรา-สทฺทสฺส หิ อยํ อตฺถุทฺธาโรติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย สิยา – เยสุ อตฺเถสุ อนฺตรา-สทฺโท วตฺตติ, เตสุ อนฺตรสทฺโทปิ วตฺตตีติ สมานตฺถตฺตา อนฺตรา-สทฺทตฺเถ วตฺตมาโน อนฺตร-สทฺโท อุทาหโฏ, อนฺตรา-สทฺโท เอว วา ‘‘ยสฺสนฺตรโต’’ติ เอตฺถ คาถาสุขตฺถํ รสฺสํ กตฺวา วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. อนฺตรา-สทฺโท เอว ปน อิก-สทฺเทน ปทํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘อนฺตริกา’’ติ วุตฺโตติ เอวเมตฺถ อุทาหรโณทาหริตพฺพานํ วิโรธาภาโว ทฏฺพฺโพ. อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ สามิวจนสฺส ปสงฺเค อนฺตรา-สทฺทโยเคน อุปโยควจนสฺส อิจฺฉิตตฺตา. เตเนวาห ‘‘อนฺตราสทฺเทน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กต’’นฺติ.

‘‘นิยโต สมฺโพธิปรายโณ, อฏฺานเมตํ ภิกฺขเว อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ‘‘เนตํ านํ วิชฺชตี’’ ติอาทิวจนโต ทิฏฺิสีลานํ นิยตสภาวตฺตา โสตาปนฺนาปิ อฺมฺํ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตา, ปเคว สกทาคามิอาทโย. ‘‘ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ, ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ วจนโต ปุถุชฺชนานมฺปิ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาโว ลพฺภติเยว.

สุปฺปิโยปิ โขติ เอตฺถ โข-สทฺโท อวธารณตฺโถ ‘‘อสฺโสสิ โข’’ติอาทีสุ วิย. เตน อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน อโหสิเยว, นาสฺส มคฺคปฏิปตฺติยา โกจิ อนฺตราโย อโหสีติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหติ. ตตฺราติ วา กาลสฺส ปฏินิทฺเทโส. โสปิ หิ ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ ปุพฺเพ อธิกโต. ยฺหิ สมยํ ภควา อนฺตรา ราชคหฺจ นาฬนฺทฺจ อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน, ตสฺมึเยว สมเย สุปฺปิโยปิ ตํ มคฺคํ ปฏิปนฺโน อวณฺณํ ภาสติ, พฺรหฺมทตฺโต จ วณฺณํ ภาสตีติ. ปริยายติ ปริวตฺตตีติ ปริยาโย, วาโร. ปริยาเยติ เทเสตพฺพมตฺถํ ปฏิปาเทตีติ ปริยาโย, เทสนา. ปริยายติ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา ปวตฺตตีติ ปริยาโย, การณนฺติ เอวํ ปริยาย-สทฺทสฺส วาราทีสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. การเณนาติ การณปติรูปเกน. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อการณเมว การณนฺติ วตฺวา’’ติ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘อวณฺณํ ภาสตี’’ติ, ‘‘วณฺณํ ภาสตี’’ติ จ วตฺตมานกาลนิทฺเทโส กโต, นนุ สงฺคีติกาลโต โส อวณฺณวณฺณานํ ภาสิตกาโล อตีโตติ? สจฺจเมตํ, ‘‘อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน โหตี’’ติ เอตฺถ โหติ-สทฺโท วิย อตีตกาลตฺโถ ภาสติ-สทฺโท จ ทฏฺพฺโพ. อถ วา ยสฺมึ กาเล เตหิ อวณฺโณ วณฺโณ จ ภาสียติ, ตํ อเปกฺขิตฺวา เอวํ วุตฺตํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ตตฺราติ กาลสฺส ปฏินิทฺเทโส’’ติ อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ.

อการณนฺติ อยุตฺตึ, อนุปปตฺตินฺติ อตฺโถ. น หิ อรสรูปตาทโย โทสา ภควติ สํวิชฺชนฺติ, ธมฺมสงฺฆานฺจ ทุรกฺขาตทุปฺปฏิปนฺนตาทโยติ. อการณนฺติ วา ยุตฺตการณรหิตํ, ปฏิฺามตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ การณนฺติ วตฺวาติ การณํ วาติ วตฺวาติ อตฺโถ. อรสรูปาทีนฺเจตฺถ ชาติวุฑฺเฒสุ อภิวาทนาทิสามีจิกมฺมากรณํ การณํ, ตถา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาลมริยาณทสฺสนาภาวสฺส สุนฺทริกามคุณาทินวโพโธ, สํสารสฺส อาทิโกฏิยา อปฺายนปฏิฺา, อพฺยากตวตฺถุพฺยากรณนฺติ เอวมาทโย, ตถา อสพฺพฺุตาทีนํ กมาวโพธาทโย ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา ตถาติ ชาติวุฑฺฒานํ อนภิวาทนาทิอากาเรน.

อวณฺณํ ภาสมาโนติ อวณฺณํภาสนเหตุ. เหตุอตฺโถ หิ อยํ มาน-สทฺโท. อนยพฺยสนํ ปาปุณิสฺสติ เอกนฺตมหาสาวชฺชตฺตา รตนตฺตโยปวาทสฺส. เตเนวาห –

‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ,

ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;

วิจินาติ มุเขน โส กลึ,

กลินา เตน สุขํ น วินฺทตี’’ติ.

‘‘อมฺหากํ อาจริโย’’ติอาทินา พฺรหฺมทตฺตสฺส สํเวคุปฺปตฺตึ, อตฺตโน อาจริเย การุฺปฺปวตฺติฺจ ทสฺเสตฺวา กิฺจาปิ อนฺเตวาสินา อาจริยสฺส อนุกูเลน ภวิตพฺพํ, อยํ ปน ปณฺฑิตชาติกตฺตา น เอทิเสสุ ตํ อนุวตฺตตีติ, อิทานิ ตสฺส กมฺมสฺสกตฺาณปฺปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาจริเย โข ปนา’’ติอาทิมาห. วณฺณํ ภาสิตุํ อารทฺโธ ‘‘อปินามายํ เอตฺตเกนาปิ รตนตฺตยาวณฺณโต โอรเมยฺยา’’ติ. วณฺณียตีติ วณฺโณ, คุโณ. วณฺณนํ คุณสงฺกิตฺตนนฺติ วณฺโณ, ปสํสา. สํฺูฬฺหาติ คนฺถิตา, นิพนฺธิตาติ อตฺโถ. อติตฺเถน ปกฺขนฺโท ธมฺมกถิโกติ น วตฺตพฺโพ อปริมาณคุณตฺตา พุทฺธาทีนํ, นิรวเสสานฺจ เตสํ อิธ ปกาสนํ ปาฬิสํวณฺณนาเยว สมฺปชฺชตีติ. อนุสฺสวาทีติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อาการปริวิตกฺกทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติโย สงฺคณฺหาติ. อตฺตโน ถาเมน วณฺณํ อภาสิ, น ปน พุทฺธาทีนํ คุณานุรูปนฺติ อธิปฺปาโย. อสงฺขฺยยฺยาปริมิตปฺปเภทา หิ พุทฺธาทีนํ คุณา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,

กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;

ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,

วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ.

อิธาปิ วกฺขติ ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนต’’นฺติอาทิ.

อิติ ห เตติ เอตฺถ อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. -กาโร นิปาตมตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ เต’’ติ.

อิริยาปถานุพนฺธเนน อนุพนฺธา โหนฺติ, น ปน สมฺมาปฏิปตฺติอนุพนฺธเนนาติ อธิปฺปาโย. ตสฺมึ กาเลติ ยสฺมึ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ มาเส ปกฺเข วา ภควา ตํ อทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺโน, ตสฺมึ กาเล. เตเนว หิ กิริยาวิจฺเฉททสฺสนวเสน ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จรตี’’ติ วตฺตมานกาลนิทฺเทโส กโต. โสติ เอวํ ราชคเห วสมาโน ภควา. ตํ ทิวสนฺติ ยํ ทิวสํ อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน, ตํ ทิวสํ. ตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺโน นาฬนฺทายํ เวเนยฺยานํ วิวิธ หิตสุขนิปฺผตฺตึ อากงฺขมาโน อิมิสฺสา จ อฏฺุปฺปตฺติยา ติวิธสีลาลงฺกตํ นานาวิธกุหนลปนาทิมิจฺฉาชีววิทฺธํสนํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิชาลวินิเวนํ ทสสหสฺสิโลกธาตุปกมฺปนํ พฺรหฺมชาลสุตฺตนฺตํ เทเสสฺสามีติ. เอตฺตาวตา ‘‘กสฺมา ปน ภควา ตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺโน’’ติ โจทนา วิโสธิตา โหติ. ‘‘กสฺมา จ สุปฺปิโย อนุพนฺโธ’’ติ อยํ ปน โจทนา ‘‘ภควโต ตํ มคฺคํ ปฏิปนฺนภาวํ อชานนฺโต’’ติ เอเตน วิโสธิตา โหติ. น หิ โส ภควนฺตํ ทฏฺุเมว อิจฺฉตีติ. เตเนวาห ‘‘สเจ ปน ชาเนยฺย, นานุพนฺเธยฺยา’’ติ.

นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺปภสฺสรวเสน ‘‘ฉพฺพณฺณรสฺมิโย. ‘‘สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาเณ’’ติ ตาสํ รสฺมีนํ ปกติยา ปวตฺติฏฺานวเสน วุตฺตํ. ‘‘ตสฺมึ กิร สมเย’’ติ จ ตสฺมึ อทฺธานคมนสมเย พุทฺธสิริยา อนิคูหิตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. น หิ ตทา ตสฺสา นิคูหเน ปกฺกุสาติอภิคมนาทีสุ วิย กิฺจิปิ การณํ อตฺถีติ. รตนาเวฬํ รตนวฏํสกํ. จีนปิฏฺจุณฺณํ สินฺธนจุณฺณํ.

พฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิลาสินี อสฺส ภควโต ลกฺขณมาลาติ มหาปุริสลกฺขณานิ อฺมฺปฏิพทฺธตฺตา เอวมาห. ทฺวตฺตึสาย จนฺทมณฺฑลานํ มาลา เกนจิ คนฺเถตฺวา ปิตา ยทิ สิยาติ ปริกปฺปนวเสนาห ‘‘คนฺเถตฺวา ปิตทฺวตฺตึสจนฺทมาลายา’’ติ. สิรึ อภิภวนฺตี อิวาติ สมฺพนฺโธ. เอส นโย สูริยมาลายาติอาทีสุปิ. มหาเถราติ มหาสาวเก สนฺธายาห. เอวํ คจฺฉนฺตํ ภควนฺตํ ภิกฺขู จ ทิสฺวา อถ อตฺตโน ปริสํ อวโลเกสีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ยสฺมา ปเนสา’’ติอาทินา ‘‘กสฺมา จ โส รตนตฺตยสฺส อวณฺณํ ภาสตี’’ติ โจทนํ วิโสเธติ. อิตีติ เอวํ, วุตฺตปฺปกาเรนาติ อตฺโถ. อิเมหิ ทฺวีหีติ ลาภปริวารหานึ นิคมนวเสน ทสฺเสติ. ภควโต วิโรธานุนยาภาววีมํสนตฺถํ เอเต อวณฺณํ วณฺณฺจ ภาสนฺตีติ อปเร. ‘‘มาเรน อนฺวาวิฏฺา เอวํ กโรนฺตี’’ติ จ วทนฺติ.

. อมฺพลฏฺิกาย อวิทูเร ภวตฺตา อุยฺยานํ อมฺพลฏฺิกา ยถา ‘‘วรุณานครํ, โคทาคาโม’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อมฺพลฏฺิกาติ ยถาวุตฺตนเยเนว เอกคาโม’’ติ วทนฺติ. เตสํ มเต อมฺพลฏฺิกายนฺติ สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ราชาคารกํ เวสฺสวณมหาราชเทวายตนนฺติ เอเก. พหุปริสฺสโยติ พหุปทฺทโว. ‘‘สทฺธึ อนฺเตวาสินา พฺรหฺมทตฺเตน มาณเวนา’’ติ วุตฺตํ สีหฬฏฺกถายํ. ตฺจ โข ปาฬิ อารุฬฺหวเสเนว, น ปน ตทา สุปฺปิยสฺส ปริสาย อภาวโต. กสฺมา ปเนตฺถ พฺรหฺมทตฺโตเยว ปาฬิ อารุฬฺโห, น สุปฺปิยสฺส ปริสาติ? ปโยชนาภาวโต. ยถา เจตํ, เอวํ อฺมฺปิ เอทิสํ ปโยชนาภาวโต สงฺคีติกาเรหิ น สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘วุตฺตนฺติ ปาฬิยํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ ปาฬิอารุฬฺหวเสน ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ อาปชฺชนโต. ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ คเหตพฺโพ. ปริวาเรตฺวา นิสินฺโน โหตีติ สมฺพนฺโธ.

. กถาธมฺโมติ กถาสภาโว, กถาธมฺโม อุปปริกฺขาวิธีติ เกจิ. นียตีติ นโย, อตฺโถ. สทฺทสตฺถํ อนุคโต นโย สทฺทนโย. ตตฺถ หิ อนภิณฺหวุตฺติเก อจฺฉริย-สทฺโท อิจฺฉิโต. เตเนวาห ‘‘อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหณํ วิยา’’ติ. อจฺฉราโยคฺคนฺติ อจฺฉริยนฺติ นิรุตฺตินโย, โส ปน ยสฺมา โปราณฏฺกถายํ อาคโต, ตสฺมา อาห ‘‘อฏฺกถานโยติ. ยาวฺจิทํ สุปฺปฏิวิทิตาติ สมฺพนฺโธ, ตสฺส ยตฺตกํ สุฏฺุ ปฏิวิทิตา, ตํ เอตฺตกนฺติ น สกฺกา อมฺเหหิ ปฏิวิชฺฌิตุํ, อกฺขาตุํ วาติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘เตน สุปฺปฏิวิทิตตาย อปฺปเมยฺยตํ ทสฺเสตี’’ติ.

ปกตตฺถปฏินิทฺเทโส ตํ-สทฺโทติ ตสฺส ‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตสฺส เยน อภิสมฺพุทฺธภาเวน ภควา ปกโต สุปากโฏ จ โหติ, ตํ อภิสมฺพุทฺธภาวํ สทฺธึ อาคมนปฏิปทาย อตฺถภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โส…เป… อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ อาห. สติปิ าณทสฺสน-สทฺทานํ อิธ ปฺาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เนสํ สวิสยวิเสสปฺปวตฺติทสฺสนตฺถํ อสาธารณาณวิเสสวเสน วิชฺชตฺตยวเสน วิชฺชาภิฺานาวรณวเสน สพฺพฺุตฺาณมํสจกฺขุวเสน ปฏิเวธเทสนาาณวเสน จ ตทตฺถํ โยเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสํ เตส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อาสยานุสยํ ชานตาอาสยานุสยาเณน. สพฺพเยฺยธมฺมํ ปสฺสตา สพฺพฺุตานาวรณาเณหิ.

ปุพฺเพนิวาสาทีหีติ ปุพฺเพนิวาสาสวกฺขยาเณหิ. ปฏิเวธปฺายาติ อริยมคฺคปฺาย. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ, ปฺจวิธมารานํ วา, สาสนปจฺจตฺถิกานํ วา อฺติตฺถิยานํ, เตสํ หนนํ ปาฏิหาริเยหิ อภิภวนํ, อปฺปฏิภานตากรณํ, อชฺฌุเปกฺขนฺจ. เกสิวินยสุตฺตฺเจตฺถ นิทสฺสนํ.

ตถา านาานาทีนิ ชานตา, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปสฺสตา, สวาสนานํ อาสวานํ ขีณตฺตา อรหตา, อภิฺเยฺยาทิเภเท ธมฺเม อภิฺเยฺยาทิโต อวิปรีตาวโพธโต สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อถ วา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณตาย ชานตา, ติณฺณมฺปิ กมฺมานํ าณานุปริวตฺติโต นิสมฺมการิตาย ปสฺสตา, ทวาทีนมฺปิ อภาวสาธิกาย ปหานสมฺปทาย อรหตา, ฉนฺทาทีนํ อหานิเหตุภูตาย อปริกฺขยปฏิภานสาธิกาย สพฺพฺุตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ เอวํ ทสพลฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺเมหิปิ โยชนา เวทิตพฺพา.

ยทิปิ หีนกลฺยาณเภเทน ทุวิธาว อธิมุตฺติ ปาฬิยํ วุตฺตา, ปวตฺติอาการวเสน ปน อเนกเภทภินฺนาติ อาห ‘‘นานาธิมุตฺติกตา’’ติ. สา ปน อธิมุตฺติ อชฺฌาสยธาตุ, ตทปิ ตถา ตถา ทสฺสนํ ขมนํ โรจนฺจาติ อาห ‘‘นานาชฺฌาสยตา…เป… รุจิตา’’ติ. นานาธิมุตฺติกตาเณนาติ เจตฺถ สพฺพฺุตาณํ อธิปฺเปตํ, น ทสพลาณนฺติ อาห ‘‘สพฺพฺุตาเณนา’’ติ. อิติ ห เมติ เอตฺถ เอวํ-สทฺทตฺโถ อิติ-สทฺโท, -กาโร นิปาตมตฺตํ สรโลโป จ กโตติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘เอวํ อิเม’’ติ.

. อรหตฺตมคฺเคน สมุคฺฆาตํ กตํ, ยโต ‘‘นตฺถิ อพฺยาวฏมโน’’ติ พุทฺธธมฺเมสุ วุจฺจติ. วีตินาเมตฺวา ผลสมาปตฺตีหิ. นิวาเสตฺวา วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสน. ‘‘กทาจิ เอกโก’’ติอาทิ เตสํ เตสํ วิเนยฺยานํ วินยนานุกูลํ ภควโต อุปสงฺกมทสฺสนํ. ปาทนิกฺเขปสมเย ภูมิยา สมภาวาปตฺติ สุปฺปติฏฺิตปาทตาย นิสฺสนฺทผลํ, น อิทฺธินิมฺมานํ. ‘‘ปิตมตฺเต ทกฺขิณปาเท’’ติ พุทฺธานํ สพฺพทกฺขิณตาย วุตฺตํ. อรหตฺเต ปติฏฺหนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

ทุลฺลภา สมฺปตฺตีติ สติปิ มนุสฺสตฺตปฏิลาเภ ปติรูปเทสวาสอินฺทฺริยาเวกลฺลสทฺธาปฏิลาภาทโย คุณา ทุลฺลภาติ อตฺโถ. จาตุมหาราชิกภวนนฺติ จาตุมหาราชิกเทวโลเก สุฺวิมานานิ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เอส นโย ตาวตึสภวนาทีสุปิ. กาลยุตฺตนฺติ อิมิสฺสา เวลาย อิมสฺส เอวํ วตฺตพฺพนฺติ ตํตํกาลานุรูปํ. สมยยุตฺตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ, อฏฺุปฺปตฺติอนุรูปํ วา. อถ วา สมยยุตฺตนฺติ เหตูทาหรณสหิตํ. กาเลน สาปเทสฺหิ ภควา ธมฺมํ เทเสติ. อุตุํ คณฺหเปติ, น ปน มลํ ปกฺขาเลตีติ อธิปฺปาโย. น หิ ภควโต กาเย รโชชลฺลํ อุปลิมฺปตีติ.

กิลาสุภาโว กิลมโถ. สีหเสยฺยํ กปฺเปติ สรีรสฺส กิลาสุภาวโมจนตฺถนฺติ โยเชตพฺพํ. ‘‘พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตี’’ติ อิทํ ปจฺฉิมยาเม ภควโต พหุลอาจิณฺณวเสน วุตฺตํ. อปฺเปกทา อวสิฏฺพลาเณหิ สพฺพฺุตาเณน จ ภควา ตมตฺถํ สาเธตีติ. ‘‘อิเม ทิฏฺิฏฺานา’’ติอาทิเทสนา สีหนาโท. เตสํ ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ ติอาทินา ปจฺจยาการํ สโมธาเนตฺวา. ‘‘สิเนรุํ อุกฺขิปนฺโต วิย นภํ ปหรนฺโต วิย จา’’ติ อิทํ พฺรหฺมชาลเทสนาย อนฺสาธารณตฺตา สุทุกฺกรตาทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เอตนฺติ ‘‘เยน, เตนา’’ติ เอตํ ปททฺวยํ. เยนาติ วา เหตุมฺหิ กรณวจนํ, เยน การเณน โส มณฺฑลมาโฬ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ อตฺโถ, การณํ ปน ‘‘อิเม ภิกฺขู’’ติอาทินา อฏฺกถายํ วุตฺตํเอว. กฏฺนฺติ นิสีทนโยคฺยํ ทารุกฺขนฺธํ.

ปุริโมติ ‘‘กตมาย นุ ภวถา’’ติ เอวํ วุตฺโต อตฺโถ. กา จ ปน โวติ เอตฺถ -สทฺโท พฺยติเรเก. เตน ยถาปุจฺฉิตาย กถาย วกฺขมานํ วิปฺปกตภาวํ โชเตติ. ปน-สทฺโท วจนาลงฺกาโร. ยาย หิ กถาย เต ภิกฺขู สนฺนิสินฺนา, สา เอว อนฺตรากถาภูตา วิปฺปกตา วิเสเสน ปุน ปุจฺฉียตีติ. อฺาติ อนฺตราสทฺทสฺส อตฺถมาห. อฺตฺเถ หิ อยํ อนฺตรา-สทฺโท ‘‘ภูมนฺตรํ สมยนฺตร’’นฺติอาทีสุ วิย. อนฺตราติ วา เวมชฺเฌติ อตฺโถ. นนุ จ เตหิ ภิกฺขูหิ สา กถา ยถาธิปฺปายํ ‘‘อิติ ห เม’’ติอาทินา นิฏฺปิตา เยวาติ? น นิฏฺาปิตา ภควโต อุปสงฺกมเนน อุปจฺฉินฺนตฺตา. ยทิ หิ ภควา ตสฺมึ ขเณ น อุปสงฺกเมยฺย ภิยฺโยปิ ตปฺปฏิพทฺธาเยว กถา ปวตฺเตยฺยุํ, ภควโต อุปสงฺกมเนน ปน น ปวตฺเตสุํ. เตเนวาห อยํ โข…เป… อนุปฺปตฺโต’’ติ. กสฺมา ปเนตฺถ ธมฺมวินยสงฺคเห กริยมาเน นิทานวจนํ, นนุ ภควโต วจนเมว สงฺคเหตพฺพนฺติ? วุจฺจเตเทสนาย ิติอสมฺโมสสทฺเธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกวตฺถุธมฺมปฏิคฺคาหกปฏิพทฺธา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ, อสมฺโมสธมฺมา สทฺเธยฺยา จ. เทสกาลกตฺตุโสตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพนฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย, เตเนว จายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘พฺรหฺมชาลํ อาวุโส อานนฺท กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา เทสาทิปุจฺฉาสุ กตาสุ ตาสํ วิสฺสชฺชนํ กโรนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน นิทานํ ภาสิตนฺติ ตยิทมาห ‘‘กาล…เป… นิทานํ ภาสิต’’นฺติ.

อปิจ สตฺถุสิทฺธิยา นิทานวจนํ. ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพรจนานุมานาคมตกฺกาภาวโต สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตสิทฺธิ. สมฺมาสมฺพุทฺธภาเวน หิสฺส ปุพฺพรจนาทีนํ อภาโว สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย, เอกปฺปมาณตฺตา จ เยฺยธมฺเมสุ. ตถา อาจริยมุฏฺิธมฺมมจฺฉริยสตฺถุสาวกานุโรธาภาวโต ขีณาสวตฺตสิทฺธิ. ขีณา สวตาย หิสฺส อาจริยมุฏฺิอาทีนํ อภาโว, วิสุทฺธา จ ปรานุคฺคหปฺปวตฺติ. อิติ เทสกโทสภูตานํ ทิฏฺิจาริตฺตสมฺปตฺติทูสกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อภาวสูจเกหิ, าณปฺปหานสมฺปทาภิ พฺยฺชนเกหิ จ สมฺพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ, ตโต เอว จ อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺเมสุ สมฺโมหาภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม, อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติ จ ปกาสิตา โหติ นิทานวจเนน สมฺปตฺตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฺปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต, ‘‘ชานตา ปสฺสตา’’ติอาทิ วจนโต จ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺถุสิทฺธิยา นิทานวจน’’นฺติ.

ตถา สตฺถุสิทฺธิยา นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต นตฺถิ นิรตฺถิกา ปวตฺติ, อตฺตหิตตฺถา วา, ตสฺมา ปเรสํเยว อตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ สตฺถุภูตํ, น กพฺยรจนาทิสาสนภูตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺถุสิทฺธิยา นิทานวจน’’นฺติ. อปิจ สตฺถุโน ปมาณภูตตาวิภาวเนน สาสนสฺส ปมาณภาวสิทฺธิยา นิทานวจนํ. ‘‘ภควตา’’ติ หิ อิมินา ตถาคตสฺส คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมาทิภาวทีปเนน, ‘‘ชานตา’’ติอาทินา อาสยานุสยาณาทิปโยคทีปเนน จ อยมตฺโถ สาธิโต โหติ. อิทเมตฺถ นิทานวจนปโยชนสฺส มุขมตฺตทสฺสนํ. โก หิ สมตฺโถ พุทฺธานุพุทฺเธน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ภาสิตสฺส นิทานสฺส ปโยชนานิ นิรวเสสโต วิภาเวตุนฺติ.

นิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.

. นิกฺขิตฺตสฺสาติ เทสิตสฺส. เทสนาปิ หิ เทเสตพฺพสฺส สีลาทิอตฺถสฺส วิเนยฺยสนฺตาเนสุ นิกฺขิปนโต ‘‘นิกฺเขโป’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ ยถา อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตนฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิสาสนปฺปฏฺานนเยน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธภาวนฺติ อาห ‘‘จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ. กามฺเจตฺถ อตฺตชฺฌาสยสฺส, อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ อชฺฌาสยปุจฺฉานุสนฺธิสพฺภาวโต, อตฺตชฺฌาสยอฏฺุปฺปตฺตีนํ ปน อฺมฺํ สํสคฺโค นตฺถีติ นยิธ นิรวเสโส วิตฺถารนโย สมฺภวติ, ตสฺมา ‘‘จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ วุตฺตํ. อถ วา ยทิปิ อฏฺุปฺปตฺติยา อชฺฌาสเยน สิยา สํสคฺคเภโท, ตทนฺโตคธตฺตา ปน เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขปวเสน จตฺตาโรว ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. โส ปนายํ สุตฺตนิกฺเขโป สามฺภาวโต ปมํ วิจาเรตพฺโพ, ตสฺมึ วิจาริเต ยสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺสา วิภาควเสน ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๕, ๖), ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนต’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๗), ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๘) จ ปวตฺตานํ สุตฺตานํ สุตฺตปเทสานํ วณฺณนา วุจฺจมานา ตํตํอนุสนฺธิทสฺสนสุขตาย สุวิฺเยฺยา โหตีติ อาห ‘‘สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหตี’’ติ.

‘‘สุตฺตนิกฺเขปา’’ติอาทีสุ นิกฺขิปนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตสฺส กถนํ สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. นิกฺขิปียตีติ วา นิกฺเขโป, สุตฺตํเยว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ สุตฺตเทสนาการณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโย. อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ วา อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสโยติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโส ปุจฺฉาวโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ ปุจฺฉวสิโก. อรณียโต อตฺโถ, สุตฺตเทสนาย วตฺถุ. อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติ, สา เอตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโก. อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ สุตฺตนิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอว. เอตสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ. โสตพฺพวสปฺปวตฺตํ ธมฺมปฺปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสิกา, ตเทว นิกฺเขปสทฺทาเปกฺขาย ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํ ‘‘ปุจฺฉาวสิโก’’ติ. ตถา อฏฺุปฺปตฺติเยว ‘‘อฏฺุปฺปตฺติโก’’ติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

เอตฺถ จ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ นิกฺเขปภาโว ยุตฺโต. เตเนวาห ‘‘เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถตี’’ติ. ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนานิมิตฺตภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ กถํ อฏฺุปฺปตฺติยํ อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกอฏฺุปฺปตฺติกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติตเทสนตฺตา กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ ธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ (ม. นิ. ๑.๒๙) อามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ ‘‘อฏฺุปฺปตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ปเรสํ ปุจฺฉํ วินา อชฺฌาสยเมว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ปากโฏ ยมตฺโถติ. อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถสิ ธมฺมตนฺติปนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. สมฺมปฺปธานสุตฺตนฺตหารโกติ อนุปุพฺเพน นิทฺทิฏฺานํ สํยุตฺตเก สมฺมปฺปธานปฏิสํยุตฺตานํ สุตฺตานํ อาวฬิ, ตถา อิทฺธิปาทหารกาทิ. วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา สทฺธินฺทฺริยาทโย. อภินีหารนฺติ ปณิธานํ.

วณฺณาวณฺเณติ เอตฺถ ‘‘อจฺฉริยํ อาวุโส’’ติอาทินา ภิกฺขุสงฺเฆน วุตฺโต วณฺโณปิ สงฺคหิโต, ตํ ปน อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว อฺเ จ ธมฺมา’’ติอาทินา อุปริ เทสนํ อารภิสฺสตีติ. ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติ อิมิสฺสา เทสนาย พฺรหฺมทตฺเตน วุตฺตวณฺโณ อฏฺุปฺปตฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อนฺเตวาสี วณฺณํ. อิติ อิมํ วณฺณาวณฺณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา’’ติ. วา-สทฺโท อุปมานสมุจฺจยสํสยววสฺสคฺคปทปูรณวิกปฺปาทีสุ พหูสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๓) อุปมาเน ทิสฺสติ, สทิสภาเวติ อตฺโถ. ‘‘ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๒๐๓) สมุจฺจเย, ‘‘เก วา อิเม, กสฺส วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๙๖) สํสเย, ‘‘อยํ วา อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห’’ติอาทีสุ ววสฺสคฺเค, ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) ปทปูรเณ, ‘‘เย หิ เกจิ ภิกฺขเว สมณา วา พฺราหฺมณา วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๗๐) วิกปฺเป, อิธายํ วิกปฺเปเยวาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ’’ติ. ปร-สทฺโท อตฺเถว อฺตฺเถ ‘‘อหฺเจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๔, ๖๕; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ม. นิ. ๒.๒๒๓; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๔, ๘) อตฺถิ อธิเก ‘‘อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณ’’นฺติอาทีสุ (ปฏิ. ม. มาติกา ๖๘, ๑.๑๑๑) อตฺถิ ปจฺฉาภาเค ‘‘ปรโต อาคมิสฺสตี’’ติอาทีสุ. อตฺถิ ปจฺจนีกภาเว ‘‘อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สห ธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๖๘). อิธาปิ ปจฺจนีกภาเวติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปเรติ ปฏิวิรุทฺธา’’ติ.

อีทิเสสุปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท สมฺภาวเน, เตน รตนตฺตยนิมิตฺตมฺปิ อกุสลจิตฺตปฺปวตฺติ น กาตพฺพา, ปเคว วฏฺฏามิสโลกามิสนิมิตฺตนฺติ ทสฺเสติ. สภาวธมฺมโต อฺสฺส กตฺตุอภาวโชตนตฺถํ อาหนตีติ กตฺตุอตฺเถ อาฆาตสทฺทํ ทสฺเสติ, ตตฺถ อาหนตีติ หึสติ วิพาธติ, อุปตาเปติ จาติ อตฺโถ. อาหนติ เอเตน, อาหนนมตฺตํ วา อาฆาโตติ กรณภาวตฺถาปิ สมฺภวนฺติเยว. เอวํ อวยวเภทเนน อาฆาต-สทฺทสฺส อตฺถํ วตฺวา อิทานิ ตตฺถ ปริยาเยนปิ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โกปสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ อาห. อยฺจ นโย ‘‘อปฺปจฺจโย อนภิรทฺธี’’ติอาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ วตฺตพฺโพ. อปฺปตีตา โหนฺติ เตนาติ ปากฏปริยาเยน อปฺปจฺจย-สทฺทสฺส อตฺถทสฺสนํ, ตํมุเขน ปน น ปจฺเจติ เตนาติ อปฺปจฺจโยติ ทฏฺพฺพํ. อภิราธยตีติ สาธยติ. ทฺวีหีติ อาฆาตอนภิรทฺธิปเทหิ. เอเกนาติ อปฺปจฺจยปเทน. เสสานนฺติ สฺาวิฺาณกฺขนฺธานํ, สฺาวิฺาณอวสิฏฺสงฺขารกฺขนฺธสงฺขาตานํ วา. กรณนฺติ อุปฺปาทนํ. อาฆาตาทีนฺหิ ปวตฺติยา ปจฺจยสมวายนํ อิธ ‘‘กรณ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปน อตฺถโต อุปฺปาทนเมว. อนุปฺปาทนฺหิ สนฺธาย ภควตา ‘‘น กรณียา’’ติ วุตฺตนฺติ. ปฏิกฺขิตฺตเมว เอกุปฺปาเทกวตฺถุเกการมฺมเณกนิโรธภาวโต.

ตตฺถาติ ตสฺมึ มโนปโทเส. ตุมฺหนฺติ ‘‘ตุมฺหาก’’นฺติ อิมินา สมานตฺโถ เอโก สทฺโท ‘‘ยถา อมฺหาก’’นฺติ อิมินา สมานตฺโถ ‘‘อมฺห’’นฺติ อยํ สทฺโท. ยถาห, ‘‘ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มิยฺยเร’’ติ (ชา. ๑.๙.๙๓, ๙๙). ‘‘อนฺตราโย’’ติ อิทํ มโนปโทสสฺส อกรณียตาย การณวจนํ. ยสฺมา ตุมฺหากํเยว จ ภเวยฺย เตน โกปาทินา ปมชฺฌานาทีนํ อนฺตราโย, ตสฺมา เต โกปาทิปริยาเยน วุตฺตา อาฆาตาทโย น กรณียาติ อตฺโถ. เตน นาหํ ‘‘สพฺพฺู’’ติ อิสฺสรภาเวน ตุมฺเห ตโต นิวาเรมิ, อถ โข อิมินา นาม การเณนาติ ทสฺเสติ. ตํ ปน การณวจนํ ยสฺมา อาทีนววิภาวนํ โหติ, ตสฺมา อาห ‘‘อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต’’ติ. ‘‘อปิ นุ ตุมฺเห’’ติอาทินา มโนปโทโส น กาลนฺตรภาวิโนเยว หิตสุขสฺส อนฺตรายกโร, อถ โข ตงฺขณปฺปวตฺติรหสฺสปิ หิตสุขสฺส อนฺตรายกโรติ มโนปโทเส อาทีนวํ ทฬฺหตรํ กตฺวา ทสฺเสติ. เยสํ เกสฺจิ ‘‘ปเร’’ติอาทีสุ วิย น ปฏิวิรุทฺธานํเยวาติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘กุปิโต’’ติอาทิ.

อนฺธตมนฺติ อนฺธภาวกรตมํ. นฺติ ยตฺถ. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. ยสฺมึ กาเล โกโธ สหเต นรํ, อนฺธตมํ ตทา โหตีติ สมฺพนฺโธ. นฺติ วา การณวจนํ, ยสฺมา โกโธ อุปฺปชฺชมาโน นรํ อภิภวติ, ตสฺมา อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยทา โกโธติ อตฺโถ ยํตํสทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธิภาวโต. อถ วา นฺติ กิริยาย ปรามสนํ. โกโธ สหเตติ ยเทตํ โกธสฺส สหนํ อภิภวนํ, เอตํ อนฺธการตมภวนนฺติ อตฺโถ. อถ วา ยํ นรํ โกโธ สหเต อภิภวติ, ตสฺส อนฺธตมํ ตทา โหติ, ตโต จ กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสตีติ. อนฺตรโตติ อพฺภนฺตรโต, จิตฺตโต วา.

‘‘อิทฺจิทฺจ การณ’’นฺติ อิมินา สพฺพฺู เอว อมฺหากํ สตฺถา อวิปรีตธมฺมเทสนตฺตา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม เอกนฺตนิยฺยานิกตฺตา, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ สํกิเลสรหิตตฺตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. ‘‘อิทฺจิทฺจ การณ’’นฺติ เอเตน จ ‘‘น สพฺพฺู’’ติอาทิวจนํ อภูตํ อตจฺฉนฺติ นิพฺเพิตํ โหติ. ทุติยํ ปทนฺติ ‘‘อตจฺฉ’’นฺติ ปทํ. ปมสฺสาติ ‘‘อภูต’’นฺติ ปทสฺส. จตุตฺถฺจาติ ‘‘น จ ปเนตํ อมฺเหสุ สํวิชฺชตี’’ติ ปทํ. ตติยสฺสาติ ‘‘นตฺถิ เจตํ อมฺเหสู’’ติ ปทสฺส. อวณฺเณเยวาติ การณปติรูปกํ วตฺวา โทสปติฏฺาปนวเสน นินฺทเน เอว. น สพฺพตฺถาติ เกวลํ อกฺโกสนขุํสนวมฺภนาทีสุ น เอกนฺเตน นิพฺเพนํ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. วุตฺตเมวตฺถํ ‘‘ยทิ หี’’ติอาทินา ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสติ.

. อานนฺทนฺติ ปโมทนฺติ เอเตน ธมฺเมน ตํสมงฺคิโน สตฺตาติ อานนฺท-สทฺทสฺส กรณตฺถตํ ทสฺเสติ. โสภนํ มโน อสฺสาติ สุมโน, โสภนํ วา มโน สุมโน, ตสฺส ภาโว โสมนสฺสนฺติ ตทฺธมฺมานมฺปิ สมฺปยุตฺตานํ โสมนสฺสภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ รุฬฺหีสทฺทตฺตา ยถา ‘‘ปงฺกช’’นฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เจตสิกสุขสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ อาห. อุพฺพิลยตีติ อุพฺพิลํ, ภินฺทติ ปุริมาวตฺถาย วิเสสํ อาปชฺชตีติ อตฺโถ. อุพฺพิลเมว อุพฺพิลาวิตํ, ตสฺส ภาโว อุพฺพิลาวิตตฺตํ. ยาย อุปฺปนฺนาย กายจิตฺตํ วาตปูริตภสฺตา วิย อุทฺธุมายนาการปฺปตฺตํ โหติ, ตสฺสา เคหสฺสิตาย โอทคฺคิยปีติยา เอตํ อธิวจนํ. เตเนวาห ‘‘อุทฺธจฺจาวหายา’’ติอาทิ. อิธาปิ ‘‘กิฺจาปิ เตสํ ภิกฺขูนํ อุพฺพิลาวิตเมว นตฺถิ, อถ โข อายตึ กุลปุตฺตานํ เอทิเสสุปิ าเนสุ อกุสลุปฺปตฺตึ ปฏิเสเธนฺโต ธมฺมเนตฺตึ เปตี’’ติ, ‘‘ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺขารกฺขนฺโธ, เอเกน เวทนากฺขนฺโธ วุตฺโต’’ติ เอตฺถ ‘‘เตสํ วเสน เสสานมฺปิ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ กรณํ ปฏิกฺขิตฺตเมวา’’ติ จ อฏฺกถายํ, ‘‘ปิ-สทฺโท สมฺภาวเน’’ติอาทินา อิธ จ วุตฺตนเยน อตฺโถ ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺโพ. ‘‘ตุมฺหํเยวสฺส เตน อนฺตราโย’’ติ เอตฺถาปิ ‘‘อนฺตราโยติ อิท’’นฺติอาทินา เหฏฺา อวณฺณปกฺเข วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

กสฺมา ปเนตนฺติ จ วกฺขมานํเยว อตฺถํ มนสิ กตฺวา โจเทติ. อาจริโย ‘‘สจฺจํ วณฺณิต’’นฺติ ตมตฺถํ ปฏิชานิตฺวา ‘‘ตํ ปน เนกฺขมฺมนิสฺสิต’’นฺติอาทินา ปริหรติ. ตตฺถ เอตนฺติ อานนฺทาทีนํ อกรณียตาวจนํ. นนุ ภควตา วณฺณิตนฺติ สมฺพนฺโธ. กสิเณนาติ กสิณตาย สกลภาเวน. เกจิ ปน ‘‘ชมฺพุทีปสฺสาติ กรเณ สามิวจน’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ มเตน กสิณชมฺพุทีป-สทฺทานํ สมานาธิกรณภาโว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมาติ ยสฺมา เคหสฺสิตปีติโสมนสฺสํ ฌานาทีนํ อนฺตรายกรํ, ตสฺมา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘โสมนสฺสํ ปาหํ เทวานํ อินฺท ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕๙). ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ เยน สมฺปยุตฺตา ปีติ อนฺตรายกรี, ตํ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อิทฺหิ โลภสหคตํ ปีติโสมนสฺส’’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา, ปีติคฺคหเณน ปน โสมนสฺสมฺปิ คหิตเมว โหติ โสมนสฺสรหิตาย ปีติยา อภาวโตติ ปีติเยว คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา เสวิตพฺพาเสวิตพฺพวิภาควจนโต โสมนสฺสสฺส ปากโฏ อนฺตรายกรภาโว, น ตถา ปีติยาติ ปีติเยว โลภสหคตตฺเตน วิเสเสตฺวา วุตฺตา. ‘‘ลุทฺโธ อตฺถ’’นฺติอาทิคาถานํ ‘‘กุทฺโธ อตฺถ’’นฺติอาทิ คาถาสุ วิย อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

‘‘มมํ วา ภิกฺขเว ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร เจ ตุมฺเห อสฺสถ อานนฺทิโน สุมนา อุพฺพิลาวิตา, อปิ นุ ตุมฺเห ปเรสํ สุภาสิตทุพฺภาสิตํ อาชาเนยฺยาถาติ. โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อยํ ตติยวาโร, โส เทสนากาเล นีหริตฺวา เทเสตพฺพปุคฺคลาภาวโต เทสนาย อนาคโตปิ ตทตฺถสมฺภวโต อตฺถโต อาคโตเยวาติ ทฏฺพฺโพ ยถา ตํ กถาวตฺถุปกรณํ วิตฺถารวเสนาติ อธิปฺปาโย. ‘‘อตฺถโต อาคโต เยวา’’ติ เอเตน สํวณฺณนากาเล ตถา พุชฺฌนกสตฺตานํ วเสน โส วาโร อาเนตฺวา วตฺตพฺโพติ ทสฺเสติ. ‘‘ยเถว หี’’ติอาทินา ตเมวตฺถสมฺภวํ วิภาเวติ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตตฺร ตุมฺเหหีติ ตสฺมึ วณฺเณ ตุมฺเหหี’’ติอาทินา, ‘‘ทุติยํ ปทํ ปมสฺส ปทสฺส, จตุตฺถฺจ ตติยสฺส เววจน’’นฺติอาทินา จ วุตฺตนเยน.

จูฬสีลวณฺณนา

. นิวตฺโต อมูลกตฺตา วิสฺสชฺเชตพฺพตาภาวโต. อนุวตฺตติเยว วิสฺสชฺเชตพฺพตาย อธิกตภาวโต. อนุสนฺธึ ทสฺเสสฺสติ ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทินา. โอรนฺติ วา อปรภาโค ‘‘โอรโต โภคํ, โอรํ ปาร’’นฺติอาทีสุ วิย. อถ วา เหฏฺาอตฺโถ โอร-สทฺโท ‘‘โอรํ อาคมนาย เย ปจฺจยา, เต โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานี’’ติอาทีสุ วิย. สีลฺหิ สมาธิปฺาโย อเปกฺขิตฺวา อปรภาโค, เหฏฺาภูตฺจ โหตีติ. สีลมตฺตกนฺติ เอตฺถ มตฺต-สทฺโท อปฺปกตฺโถ วา ‘‘เภสชฺชมตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) วิย. วิเสสนิวตฺติอตฺโถ วา ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา ๖), มโนมตฺตา ธาตุ มโนธาตู’’ติ จ อาทีสุ วิย. ‘‘อปฺปมตฺตกํ, โอรมตฺตก’’นฺติ ปททฺวเยน สามฺโต วุตฺโตเยว หิ อตฺโถ สีลมตฺตกนฺติ วิเสสวเสน วุตฺโต. อถ วา สีเลนปิ ตเทกเทสสฺเสว สงฺคหณตฺถํ อปฺปกตฺถวาจโก, วิเสสนิวตฺติอตฺโถ เอว วา ‘‘สีลมตฺตก’’นฺติ เอตฺถ มตฺต-สทฺโท วุตฺโต. ตถา หิ อินฺทฺริยสํวรปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลานิ อิธ เทสนํ อนารุฬฺหานิ. น หิ ตานิ ปาติโมกฺขอาชีวปาริสุทฺธิสีลานิ วิย สพฺพปุถุชฺชเนสุ ปากฏานีติ. ‘‘อุสฺสาหํ กตฺวา’’ติ เอเตน ‘‘วทมาโน’’ติ เอตฺถ สตฺติอตฺถํ มาน-สทฺทํ ทสฺเสติ.

อลงฺกรณํ วิภูสนํ อลงฺกาโร, กุณฺฑลาทิปสาธนํ วา. อูนฏฺานปูรณํ มณฺฑนํ. มณฺฑเนติ มณฺฑนเหตุ. อถ วา มณฺฑตีติ มณฺฑโน, มณฺฑนชาติโก ปุริโส. พหุวจนตฺเถ จ อิทํ เอกวจนํ, มณฺฑนสีเลสูติ อตฺโถ. ปริปูรการีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน สกลมฺปิ สีลโถมน สุตฺตํ ทสฺเสติ. จนฺทนนฺติ จนฺทนสหจรณโต จนฺทนคนฺโธ, ตถา ตคราทีสุปิ. สตฺจ คนฺโธติ เอตฺถ คนฺโธ วิยาติ คนฺโธติ วุตฺโต สีลนิพนฺธโน ถุติโฆโส. สีลฺหิ กิตฺติยา นิมิตฺตํ. ยถาห ‘‘สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕). ปวายตีติ ปกาสติ. คนฺธาว คนฺธชาตา.

‘‘อปฺปกํ พหุก’’นฺติ อิทํ ปาราปารํ วิย อฺมฺํ อุปนิธาย วุจฺจตีติ อาห ‘‘อุปริคุเณ อุปนิธายา’’ติ. สีลฺหีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท เหตุอตฺโถ, เตน อิทํ ทสฺเสติ ‘‘ยสฺมา สีลํ กิฺจาปิ ปติฏฺาภาเวน สมาธิสฺส พหุการํ, ปภาวาทิคุณวิเสเส ปนสฺส อุปนิธาย กลมฺปิ น อุเปติ, ตถา สมาธิ จ ปฺายา’’ติ. เตเนวาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. อิทานิ ‘‘กถ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา สมาธิสฺส อานุภาวํ วิตฺถารโต วิภาเวติ. ‘‘อภิ…เป… มูเล’’ติ อิทํ ยมกปาฏิหาริยสฺส สุปากฏภาวทสฺสนตฺถํ, อฺเหิ โพธิมูลาติสมาคมาทีสุ กตปาฏิหาริเยหิ วิเสสนตฺถฺจ วุตฺตํ. ยมกปาฏิหาริยกรณตฺถาย หิ ภควโต จิตฺเต อุปฺปนฺเน ตทนุจฺฉวิกํ านํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ รตนมณฺฑปาทิ สกฺกสฺส เทวรฺโ อาณาย วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตนฺติ วทนฺติ, ภควตาว นิมฺมิตนฺติ อปเร. ‘‘โย โกจิ เอวรูปํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺโถ อตฺถิ เจ, อาคจฺฉตู’’ติ โจทนาสทิสตฺตา วุตฺตํ ‘‘อตฺตาทานปริทีปน’’นฺติ. ตตฺถ อตฺตาทานํ อนุโยโค, ติตฺถิยานํ ตถา กาตุํ อสมตฺถตฺตา, ‘‘กริสฺสามา’’ติ ปุพฺเพ อุฏฺิตตฺตา ติตฺถิยปริมทฺทนํ.

อุปริมกายโตติอาทิ ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖).

ตตฺถายํ ปาฬิเสโส –

‘‘เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. ปุรตฺถิมกายโต อคฺคิ, ปจฺฉิมกายโต อุทกํ. ปจฺฉิมกายโต อคฺคิ, ปุรตฺถิมกายโต อุทกํ. ทกฺขิณอกฺขิโต อคฺคิ, วามอกฺขิโต อุทกํ. วามอกฺขิโต อคฺคิ, ทกฺขิณอกฺขิโต อุทกํ. ทกฺขิณกณฺณโสตโต อคฺคิ, วามกณฺณโสตโต อุทกํ. วามกณฺณโสตโต อคฺคิ, ทกฺขิณกณฺณโสตโต อุทกํ. ทกฺขิณนาสิกาโสตโต อคฺคิ, วามนาสิกาโสตโต อุทกํ. วามนาสิกาโสตโต อคฺคิ, ทกฺขิณนาสิกาโสตโต อุทกํ. ทกฺขิณอํสกูฏโต อคฺคิ, วามอํสกูฏโต อุทกํ. วามอํสกูฏโต อคฺคิ, ทกฺขิณอํสกูฏโต อุทกํ. ทกฺขิณหตฺถโต อคฺคิ, วามหตฺถโต อุทกํ. วามหตฺถโต อคฺคิ, ทกฺขิณหตฺถโต อุทกํ. ทกฺขิณปสฺสโต อคฺคิ, วามปสฺสโต อุทกํ. วามปสฺสโต อคฺคิ, ทกฺขิณปสฺสโต อุทกํ. ทกฺขิณปาทโต อคฺคิ, วามปาทโต อุทกํ. วามปาทโต อคฺคิ, ทกฺขิณปาทโต อุทกํ. องฺคุลงฺคุเลหิ อคฺคิ, องฺคุลนฺตริกาหิ อุทกํ. องฺคุลนฺตริกาหิ อคฺคิ, องฺคุลงฺคุเลหิ อุทกํ. เอเกกโลมโต อคฺคิ, เอเกกโลมโต อุทกํ. โลมกูปโต โลมกูปโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, โลมกูปโต โลมกูปโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖).

อฏฺกถายํ ปน ‘‘เอเกกโลมกูปโต’’ติ อาคตํ.

‘‘ฉนฺนํ วณฺณานนฺติ อาทินยปฺปวตฺต’’นฺติ เอตฺถาปิ นีลานํ ปีตกานํ โลหิตกานํ โอทาตานํ มฺชิฏฺานํ ปภสฺสรานนฺติ อยํ ปาฬิเสโส. ‘‘สุวณฺณวณฺณา รสฺมิโย’’ติ อิทํ ตาสํ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ. วิตฺถาเรตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘สตฺถา ติฏฺติ, นิมฺมิโต จงฺกมติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปตี’’ติอาทินา จตูสุ อิริยาปเถสุ เอเกกมูลกา สตฺถุวเสน จตฺตาโร, นิมฺมิตวเสน จตฺตาโรติ สพฺเพว อฏฺ วาเร วิตฺถาเรตพฺพํ.

มธุปายาสนฺติ มธุสิตฺตํ ปายาสํ. อตฺตา มิตฺโต มชฺฌตฺโต เวรีติ จตูสุ สีมสมฺเภทวเสน จตุรงฺคสมนฺนาคตํ เมตฺตากมฺมฏฺานํ. ‘‘จตุรงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ อิทํ ปน ‘‘วีริยาธิฏฺาน’’นฺติ เอเตนาปิ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จา’’ติอาทิปาฬิ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒; อ. นิ. ๒.๕; อ. นิ. ๘.๑๓; มหานิ. ๑๙๖) วเสน จตุรงฺคสมนฺนาคตตา เวทิตพฺพา. ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔) ชรามรณมุเขน ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา. อานาปานจตุตฺถชฺฌานนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณ’’นฺติ ปทํ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา โยเชตพฺพํ. ตมฺปิ หิ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณเมวาติ วทนฺติ. ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน มหาวชิราณคพฺภํ คณฺหาเปนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา. ทฺวตฺตึสโทณคณฺหนปฺปมาณํ กุณฺฑํ โกลมฺโพ. ทริภาโค กนฺทโร. จกฺกวาฬปาเทสุ มหาสมุทฺโท จกฺกวาฬมหาสมุทฺโท.

‘‘ทุเว ปุถุชฺชนา’’ติอาทิ ปุถุชฺชเน ลพฺภมานวิภาคทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น มูลปริยายวณฺณนาทีสุ วิย ปุถุชฺชนวิเสสนิทฺธารณตฺถํ. สพฺโพปิ หิ ปุถุชฺชโน ภควโต อุปริ คุเณ วิภาเวตุํ น สกฺโกติ, ติฏฺตุ ปุถุชฺชโน, สาวกปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ อวิสยา พุทฺธคุณา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘โสตาปนฺนา’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๘). วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโห. อตฺถปริปุจฺฉนํ ปริปุจฺฉา. อฏฺกถาวเสน อตฺถสฺส สวนํ สวนํ. พฺยฺชนตฺถานํ สุนิกฺเขปสุทสฺสเนน ธมฺมสฺส ปริหรณํ ธารณํ. เอวํ สุตธาตปริจิตานํ มนสานุเปกฺขนํ ปจฺจเวกฺขณํ. พหูนํ นานปฺปการานํ กิเลสานํ สกฺกายทิฏฺิยา จ อวิหตตฺตา ตา ชเนนฺติ, ตาหิ วา ชนิตาติ ปุถุชฺชนา. อวิฆาตเมว วา ชน-สทฺโท วทติ. ปุถุ สตฺถารานํ มุขุลฺโลกิกาติ เอตฺถ ปุถู ชนา สตฺถุปฏิฺา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาติ วจนตฺโถ. ปุถุ…เป… อวุฏฺิตาติ เอตฺถ ชเนตพฺพา, ชายนฺติ วา เอตฺถาติ ชนา, คติโย. ปุถู ชนา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา. อิโต ปเร ชายนฺติ เอเตหีติ ชนา, อภิสงฺขาราทโย. เต เอเตสํ ปุถู วิชฺชนฺตีติ ปุถุชฺชนา. อภิสงฺขรณาทิ อตฺโถ เอว วา ชน-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. กามราคภวราคทิฏฺิอวิชฺชา โอฆา. ราคคฺคิอาทโย สนฺตาปา. เตเยว, สพฺเพปิ วา กิเลสา ปริฬาหา. ปุถุ ปฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตาติ เอตฺถ ชายตีติ ชโน, ราโค เคโธติ เอวํ อาทิโก. ปุถุ ชโน เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนา, ปุถูสุ วา ชนา ชาตา รตฺตาติ เอวํ ราคาทิอตฺโถ เอว วา ชน-สทฺโท ทฏฺพฺโพ. ปลิพุทฺธาติ สมฺพุทฺธา, อุปทฺทุตา วา. ‘‘ปุถูนํ คณนปถมตีตาน’’นฺติอาทินา ปุถู ชนา ปุถุชฺชนาติ ทสฺเสติ.

เยหิ คุณวิเสเสหิ นิมิตฺตภูเตหิ ภควติ ตถาคต-สทฺโท ปวตฺโต, ตํทสฺสนตฺถํ ‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต’’ติอาทิมาห. คุณเนมิตฺตกาเนว หิ ภควโต สพฺพานิ นามานิ. ยถาห –

‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;

คุเณน นามมุทฺเธยฺยํ, อปิ นามสหสฺสโต’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๓; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๗๖);

ตถา อาคโตติ เอตฺถ อาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท. สามฺโชตนาย วิเสสาวฏฺานโต ปฏิปทาคมนตฺโถ อาคต-สทฺโท, น าณคมนตฺโถ ‘‘ตถลกฺขณํ อาคโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๗๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; อุทา. อฏฺ. ๑๘; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๓๗; เถรคา. อฏฺ. ๑.๓; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘; มหานิ. อฏฺ. ๑๔) วิย, นาปิ กายคมนาทิอตฺโถ ‘‘อาคโต โข มหาสมโณ, มาคธานํ คิริพฺพช’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๖๒) วิย. ตตฺถ ยทาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท, ตํ กรุณาปธานตฺตา มหากรุณามุเขน ปุริมพุทฺธานํ อาคมนปฏิปทํ อุทาหรณวเสน สามฺโต ทสฺเสนฺโต ยํตํสทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต ‘‘ยถา สพฺพโลก…เป… อาคตา’’ติ อาห. ตํ ปน ปฏิปทํ มหาปทานสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔) สมฺพหุลนิทฺเทเสน สุปากฏานํ อาสนฺนานฺจ วิปสฺสีอาทีนํ ฉนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ วเสน นิทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยน อภินีหาเรนาติ มนุสฺสตฺตลิงฺคสมฺปตฺติเหตุสตฺถารทสฺสนปพฺพชฺชาอภิฺาทิคุณสมฺปตฺติอธิการฉนฺทานํ วเสน อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน กายปฺปณิธานมหาปณิธาเนน. สพฺเพสฺหิ พุทฺธานํ กายปฺปณิธานํ อิมินาว อภินีหาเรน สมิชฺฌตีติ. เอวํ มหาภินีหารวเสน ‘‘ตถาคโต’’ติ ปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปารมีปูรณวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา’’ติอาทิมาห.

เอตฺถ จ สุตฺตนฺติกานํ มหาโพธิยานปฏิปทาย โกสลฺลชนนตฺถํ ปารมีสุ อยํ วิตฺถารกถา – กา ปเนตา ปารมิโย? เกนฏฺเน ปารมิโย? กติวิธา เจตา? โก ตาสํ กโม? กานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ? โก ปจฺจโย? โก สํกิเลโส? กึ โวทานํ? โก ปฏิปกฺโข? กา ปฏิปตฺติ? โก วิภาโค? โก สงฺคโห? โก สมฺปาทนูปาโย? กิตฺตเกน กาเลน สมฺปาทนํ? โก อานิสํโส? กึ เจตาสํ ผลนฺติ?

ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ – กา ปเนตา ปารมิโยติ. ตณฺหามานาทีหิ อนุปหตา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา ทานาทโย คุณา ปารมิโย.

เกนฏฺเน ปารมิโยติ ทานสีลาทิคุณวิเสสโยเคน สตฺตุตฺตมตาย ปรมา มหาสตฺตา โพธิสตฺตา, เตสํ ภาโว, กมฺมํ วา ปารมี, ทานาทิกิริยา. อถ วา ปรตีติ ปรโม, ทานาทิคุณานํ ปูรโก ปาลโก จ โพธิสตฺโต. ปรมสฺส อยํ, ปรมสฺส วา ภาโว, กมฺมํ วา ปารมี, ทานาทิกิริยาว. อถ วา ปรํ สตฺตํ อตฺตนิ มวติ พนฺธติ คุณวิเสสโยเคน, ปรํ วา อธิกตรํ มชฺชติ สุชฺฌติ สํกิเลสมลโต, ปรํ วา เสฏฺํ นิพฺพานํ วิเสเสน มยติ คจฺฉติ, ปรํ วา โลกํ ปมาณภูเตน าณวิเสเสน อิธโลกํ วิย มุนาติ ปริจฺฉินฺทติ, ปรํ วา อติวิย สีลาทิคุณคณํ อตฺตโน สนฺตาเน มิโนติ ปกฺขิปติ, ปรํ วา อตฺตภูตโต ธมฺมกายโต อฺํ, ปฏิปกฺขํ วา ตทนตฺถกรํ กิเลสโจรคณํ มินาติ หึสตีติ ปรโม, มหาสตฺโต. ‘‘ปรมสฺส อย’’นฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. ปาเร วา นิพฺพาเน มชฺชติ สุชฺฌติ สตฺเต จ โสเธติ, ตตฺถ วา สตฺเต มวติ พนฺธติ โยเชติ, ตํ วา มยติ คจฺฉติ คเมติ จ, มุนาติ วา ตํ ยาถาวโต, ตตฺถ วา สตฺเต มิโนติ ปกฺขิปติ, กิเลสารึ วา สตฺตานํ ตตฺถ มินาติ หึสตีติ ปารมี, มหาปุริโส. ตสฺส ภาโว, กมฺมํ วา ปารมิตา, ทานาทิกิริยาว. อิมินา นเยน ปารมีนํ สทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ.

กติวิธาติ สงฺเขปโต ทสวิธา, ตา ปน ปาฬิยํ สรูปโต อาคตาเยว. ยถาห –

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติอาทิ (พุ. วํ. ๑๑๖).

ยถา จาห –

‘‘กติ นุ โข ภนฺเต พุทฺธการกา ธมฺมา? ทส โข สาริปุตฺต พุทฺธการกา ธมฺมา. กตเม ทส? ทานํ โข สาริปุตฺต พุทฺธการโก ธมฺโม, สีลํ เนกฺขมฺมํ ปฺา วีริยํ ขนฺติ สจฺจมธิฏฺานํ เมตฺตา อุเปกฺขา พุทฺธการโก ธมฺโม, อิเม โข สาริปุตฺต ทส พุทฺธการกา ธมฺมาติ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –

‘ทานํ สีลฺจ เนกฺขมฺมํ, ปฺา วีริเยน ปฺจมํ;

ขนฺติ สจฺจํ อธิฏฺานํ, เมตฺตุเปกฺขาติ เต ทสา’ติ’’.

เกจิ ปน ‘‘ฉพฺพิธา’’ติ วทนฺติ, ตํ เอตาสํ สงฺคหวเสน วุตฺตํ. โส ปน สงฺคโห ปรโต อาวิภวิสฺสติ.

โก ตาสํ กโมติ เอตฺถ กโม นาม เทสนากฺกโม, โส จ ปมสมาทานเหตุโก, สมาทานํ ปวิจยเหตุกํ, อิติ ยถา อาทิมฺหิ ปวิจิตา สมาทินฺนา จ, ตถา เทสิตา. ตตฺถ จ ทานํ สีลสฺส พหูปการํ สุกรฺจาติ ตํ อาทิมฺหิ วุตฺตํ. ทานํ สีลปริคฺคหิตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสนฺติ ทานานนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. สีลํ เนกฺขมฺมปริคฺคหิตํ, เนกฺขมฺมํ ปฺาปริคฺคหิตํ, ปฺา วีริยปริคฺคหิตา, วีริยํ ขนฺติปริคฺคหิตํ, ขนฺติ สจฺจปริคฺคหิตา, สจฺจํ อธิฏฺานปริคฺคหิตํ, อธิฏฺานํ เมตฺตาปริคฺคหิตํ, เมตฺตา อุเปกฺขาปริคฺคหิตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาติ เมตฺตานนฺตรํ อุเปกฺขา วุตฺตา. อุเปกฺขา ปน กรุณาปริคฺคหิตา, กรุณา จ อุเปกฺขาปริคฺคหิตาติ เวทิตพฺพา. กถํ ปน มหาการุณิกา โพธิสตฺตา สตฺเตสุ อุเปกฺขกา โหนฺตีติ? อุเปกฺขิตพฺพยุตฺเตสุ กฺจิ กาลํ อุเปกฺขกา โหนฺติ, น ปน สพฺพตฺถ, สพฺพทา จาติ เกจิ. อปเร ปน น สตฺเตสุ อุเปกฺขกา, สตฺตกเตสุ ปน วิปฺปกาเรสุ อุเปกฺขกา โหนฺตีติ.

อปโร นโย – ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา, อปฺปผลตฺตา, สุกรตฺตา จ อาทิมฺหิ ทานํ วุตฺตํ. สีเลนทายกปฏิคฺคาหกสุทฺธิโต, ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานสฺส อนนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. เนกฺขมฺเมน สีลสมฺปตฺติสิทฺธิโต, กายวจีสุจริตํ วตฺวา มโนสุจริตวจนโต, วิสุทฺธสีลสฺส สุเขเนว ฌานสมิชฺฌนโต, กมฺมาปราธปฺปหาเนน ปโยคสุทฺธึ วตฺวา กิเลสาปราธปฺปหาเนน อาสยสุทฺธิวจนโต, วีติกฺกมปฺปหาเนน จิตฺตสฺส ปริยุฏฺานปฺปหานวจนโต จ สีลสฺส อนนฺตรํ เนกฺขมฺมํ วุตฺตํ. ปฺาย เนกฺขมฺมสฺส สิทฺธิปริสุทฺธิโต, ฌานาภาเว ปฺาภาววจนโต. สมาธิปทฏฺานา หิ ปฺา, ปฺาปจฺจุปฏฺาโน จ สมาธิ. สมถนิมิตฺตํ วตฺวา อุเปกฺขานิมิตฺตวจนโต, ปรหิตชฺฌาเนน ปรหิตกรณูปายโกสลฺลวจนโต จ เนกฺขมฺมสฺส อนนฺตรํ ปฺา วุตฺตา. วีริยารมฺเภน ปฺากิจฺจสิทฺธิโต, สตฺตสุฺตาธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺตึ วตฺวา สตฺตหิตาย อารมฺภสฺส อจฺฉริยตาวจนโต, อุเปกฺขานิมิตฺตํ วตฺวา ปคฺคหนิมิตฺตวจนโต, นิสมฺมการิตํ วตฺวา อุฏฺานวจนโต จ. นิสมฺมการิโน หิ อุฏฺานํ ผลวิเสสมาวหตีติ ปฺาย อนนฺตรํ วีริยํ วุตฺตํ.

วีริเยน ติติกฺขาสิทฺธิโต. วีริยวา หิ อารทฺธวีริยตฺตา สตฺตสงฺขาเรหิ อุปนีตํ ทุกฺขํ อภิภุยฺย วิหรติ วีริยสฺส ติติกฺขาลงฺการภาวโต. วีริยวโต หิ ติติกฺขา โสภติ. ปคฺคหนิมิตฺตํ วตฺวา สมถนิมิตฺตวจนโต, อจฺจารมฺเภน อุทฺธจฺจโทสปฺปหานวจนโต. ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา หิ อุทฺธจฺจโทโส ปหียติ. วีริยวโต สาตจฺจกรณวจนโต. ขนฺติพหุโล หิ อนุทฺธโต สาตจฺจการี โหติ. อปฺปมาทวโต ปรหิตกิริยารมฺเภ ปจฺจุปการตณฺหาภาววจนโต. ยาถาวโต ธมฺมนิชฺฌาเน หิ สติ ตณฺหา น โหติ. ปรหิตารมฺเภ ปรเมปิ ปรกตทุกฺขสหนภาววจนโต จ วีริยสฺส อนนฺตรํ ขนฺติ วุตฺตา. สจฺเจน ขนฺติยา จิราธิฏฺานโต, อปการิโน อปการขนฺตึ วตฺวา ตทุปการกรเณ อวิสํวาทวจนโต, ขนฺติยา อปวาทวาจาวิกมฺปเนน ภูตวาทิตาย อวิชหนวจนโต, สตฺตสุฺตาธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺตึ วตฺวา ตทุปพฺรูหิตาณสจฺจวจนโต จ ขนฺติยา อนนฺตรํ สจฺจํ วุตฺตํ. อธิฏฺาเนน สจฺจสิทฺธิโต. อจลาธิฏฺานสฺส หิ วิรติ สิชฺฌติ. อวิสํวาทิตํ วตฺวา ตตฺถ อจลภาววจนโต. สจฺจสนฺโธ หิ ทานาทีสุ ปฏิฺานุรูปํ นิจฺจโลว ปวตฺตติ. าณสจฺจํ วตฺวา สมฺภาเรสุ ปวตฺตินิฏฺาปนวจนโต. ยถาภูตาณวา หิ โพธิสมฺภาเรสุ อธิติฏฺติ, เต จ นิฏฺาเปติ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยภาวโตติ สจฺจสฺส อนนฺตรํ อธิฏฺานํ วุตฺตํ. เมตฺตาย ปรหิตกรณสมาทานาธิฏฺานสิทฺธิโต, อธิฏฺานํ วตฺวา หิตูปสํหารวจนโต. โพธิสมฺภาเร หิ อธิติฏฺมาโน เมตฺตาวิหารี โหติ. อจลาธิฏฺานสฺส สมาทานาวิโกปนโต, สมาทานสมฺภวโต จ อธิฏฺานสฺส อนนฺตรํ เมตฺตา วุตฺตา. อุเปกฺขาย เมตฺตาวิสุทฺธิโต, สตฺเตสุ หิตูปสํหารํ วตฺวา ตทปราเธสุ อุทาสีนตาวจนโต, เมตฺตาภาวนํ วตฺวา ตนฺนิสฺสนฺทภาวนาวจนโต, ‘‘หิตกามสตฺเตปิ อุเปกฺขโก’’ติ อจฺฉริยคุณภาววจนโต จ เมตฺตาย อนนฺตรํ อุเปกฺขา วุตฺตาติ เอวเมตาสํ กโม เวทิตพฺโพ.

กานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ? เอตฺถ อวิเสเสน ตาว สพฺพาปิ ปารมิโย ปรานุคฺคหลกฺขณา, ปเรสํ อุปการกรณรสา, อวิกมฺปนรสา วา, หิเตสิตาปจฺจุปฏฺานา, พุทฺธตฺตปจฺจุปฏฺานา วา, มหากรุณาปทฏฺานา, กรุณูปายโกสลฺลปทฏฺานา วา.

วิเสเสน ปน ยสฺมา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อตฺตุปกรณปริจฺจาคเจตนา ทานปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ กายวจีสุจริตํ อตฺถโต อกตฺตพฺพวิรติ, กตฺตพฺพกรณเจตนาทโย จ สีลปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคโม กามภเวหิ นิกฺขมนจิตฺตุปฺปาโท เนกฺขมฺมปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต ธมฺมานํ สามฺวิเสสลกฺขณาวโพโธ ปฺาปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต กายจิตฺเตหิ ปรหิตารมฺโภ วีริยปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ สตฺตสงฺขาราปราธสหนํ อโทสปฺปธาโน ตทาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท ขนฺติปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ วิรติเจตนาทิเภทํ อวิสํวาทนํ สจฺจปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ อจลสมาทานาธิฏฺานํ ตทาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท อธิฏฺานปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต โลกสฺส หิตูปสํหาโร อตฺถโต อพฺยาปาโท เมตฺตาปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อนุนยปฏิฆวิทฺธํสินี อิฏฺานิฏฺเสุ สตฺตสงฺขาเรสุ สมปฺปวตฺติ อุเปกฺขาปารมิตา.

ตสฺมา ปริจฺจาคลกฺขณํ ทานํ, เทยฺยธมฺเม โลภวิทฺธํสนรสํ, อนาสตฺติปจฺจุปฏฺานํ, ภววิภวสมฺปตฺติปจฺจุปฏฺานํ วา, ปริจฺจชิตพฺพวตฺถุปทฏฺานํ. สีลนลกฺขณํ สีลํ, สมาธานลกฺขณํ, ปติฏฺานลกฺขณฺจาติ วุตฺตํ โหติ. ทุสฺสีลฺยวิทฺธํสนรสํ, อนวชฺชรสํ วา, โสเจยฺยปจฺจุปฏฺานํ, หิโรตฺตปฺปปทฏฺานํ. กามโต ภวโต จ นิกฺขมนลกฺขณํ เนกฺขมฺมํ, ตทาทีนววิภาวนรสํ, ตโต เอว วิมุขภาวปจฺจุปฏฺานํ, สํเวคปทฏฺานํ. ยถาสภาวปฏิเวธลกฺขณา ปฺา, อกฺขลิตปฏิเวธลกฺขณา วา กุสลิสฺสาสขิตฺตอุสุปฏิเวโธ วิย, วิสโยภาสนรสา ปทีโป วิย, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา อรฺคตสุเทสโก วิย, สมาธิปทฏฺานา, จตุสจฺจปทฏฺานา วา. อุสฺสาหลกฺขณํ วีริยํ, อุปตฺถมฺภนรสํ, อสํสีทนปจฺจุปฏฺานํ, วีริยารมฺภวตฺถุ (อ. นิ. ๘.๘๐) ปทฏฺานํ, สํเวคปทฏฺานํ วา. ขมนลกฺขณา ขนฺติ, อิฏฺานิฏฺสหนรสา, อธิวาสนปจฺจุปฏฺานา, อวิโรธปจฺจุปฏฺานา วา, ยถาภูตทสฺสนปทฏฺานา. อวิสํวาทนลกฺขณํ สจฺจํ, ยาถาววิภาวนรสํ [ยถาสภาววิภาวนรสํ (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถาย)], สาธุตาปจฺจุปฏฺานํ, โสรจฺจปทฏฺานํ. โพธิสมฺภาเรสุ อธิฏฺานลกฺขณํ อธิฏฺานํ, เตสํ ปฏิปกฺขาภิภวนรสํ, ตตฺถ อจลตาปจฺจุปฏฺานํ, โพธิสมฺภารปทฏฺานํ. หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา เมตฺตา, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยนรสา วา, โสมฺมภาวปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺติลกฺขณา อุเปกฺขา, สมภาวทสฺสนรสา, ปฏิฆานุนยวูปสมปจฺจุปฏฺานา, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณปทฏฺานา. เอตฺถ จ กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตตา ทานาทีนํ ปริจฺจาคาทิลกฺขณสฺส วิเสสนภาเวน วตฺตพฺพา, ยโต ตานิ ปารมีสงฺขฺยํ ลภนฺตีติ.

โก ปจฺจโยติ อภินีหาโร ปจฺจโย. โย หิ อยํ ‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺตี’’ติอาทิ (พุ. วํ. ๒.๕๙) อฏฺธมฺมสโมธานสมฺปาทิโต ‘‘ติณฺโณ ตาเรยฺยํ, มุตฺโต โมเจยฺยํ, พุทฺโธ โพเธยฺยํ, สุทฺโธ โสเธยฺยํ, ทนฺโต ทเมยฺยํ, สนฺโต สเมยฺยํ, อสฺสตฺโถ อสฺสาเสยฺยํ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปยฺย’’นฺติอาทินา (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถาย) ปวตฺโต อภินีหาโร, โส อวิเสเสน สพฺพปารมีนํ ปจฺจโย. ตปฺปวตฺติยา หิ อุทฺธํ ปารมีนํ ปวิจยุปฏฺานสมาทานาธิฏฺานนิปฺผตฺติโย มหาปุริสานํ สมฺภวนฺติ.

ยถา จ อภินีหาโร, เอวํ มหากรุณา, อุปายโกสลฺลฺจ. ตตฺถ อุปายโกสลฺลํ นาม ทานาทีนํ โพธิสมฺภารภาวสฺส นิมิตฺตภูตา ปฺา, ยาหิ กรุณูปายโกสลฺลตาหิ มหาปุริสานํ อตฺตสุขนิรเปกฺขตา, นิรนฺตรํ ปรหิตกรณปสุตตา, สุทุกฺกเรหิปิ มหาโพธิสตฺตจริเตหิ วิสาทาภาโว, ปสาทสมฺพุทฺธิทสฺสนสวนานุสฺสรณาวตฺถาสุปิ สตฺตานํ หิตสุขปฏิลาภเหตุภาโว จ สมฺปชฺชติ. ตถา หิ ปฺาย พุทฺธภาวสิทฺธิ, กรุณาย พุทฺธกมฺมสิทฺธิ. ปฺาย สยํ ตรติ, กรุณาย ปเร ตาเรติ. ปฺาย ปรทุกฺขํ ปริชานาติ, กรุณาย ปรทุกฺขปฏิการํ อารภติ. ปฺาย จ ทุกฺเข นิพฺพินฺทติ, กรุณาย ทุกฺขํ สมฺปฏิจฺฉติ. ตถา ปฺาย ปรินิพฺพานาภิมุโข โหติ, กรุณาย ตํ น ปาปุณาติ. ตถา กรุณาย สํสาราภิมุโข โหติ, ปฺาย ตตฺร นาภิรมติ. ปฺาย จ สพฺพตฺถ วิรชฺชติ, กรุณานุคตตฺตา น จ น สพฺเพสํ อนุคฺคหาย ปวตฺโต, กรุณาย สพฺเพปิ อนุกมฺปติ, ปฺานุคตตฺตา น จ น สพฺพตฺถ วิรตฺตจิตฺโต. ปฺาย จ อหํการมมํการาภาโว, กรุณาย อาลสิยทีนตาภาโว. ตถา ปฺากรุณาหิ ยถากฺกมํ อตฺตปรนาถตา, ธีรวีรภาโว, อนตฺตนฺตปอปรนฺตปตา, อตฺตหิตปรหิตนิปฺผตฺติ, นิพฺภยาภึสนกภาโว, ธมฺมาธิปติโลกาธิปติตา, กตฺุปุพฺพการิภาโว, โมหตณฺหาวิคโม, วิชฺชาจรณสิทฺธิ, พลเวสารชฺชนิปฺผตฺตีติ สพฺพสฺสาปิ ปารมิตาผลสฺส วิเสเสน อุปายภาวโต ปฺากรุณา ปารมีนํ ปจฺจโย. อิทฺจ ทฺวยํ ปารมีนํ วิย ปณิธานสฺสาปิ ปจฺจโย.

ตถา อุสฺสาหอุมฺมงฺคอวตฺถานหิตจริยา จ ปารมีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺพา, ยา พุทฺธภาวสฺส อุปฺปตฺติฏฺานตาย ‘‘พุทฺธภูมิโย’’ติ ปวุจฺจนฺติ. ยถาห –

‘‘กติ ปน ภนฺเต พุทฺธภูมิโย? จตสฺโส โข สาริปุตฺต พุทฺธภูมิโย. กตมา จตสฺโส? อุสฺสาโห จ โหติ วีริยํ, อุมงฺโค จ โหติ ปฺาภาวนา, อวตฺถานฺจ โหติ อธิฏฺานํ, เมตฺตาภาวนา จ โหติ หิตจริยา. อิมา โข สาริปุตฺต จตสฺโส พุทฺธภูมิโย’’ติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนายมฺปิ).

ตถา เนกฺขมฺมปวิเวกอโลภาโทสาโมหนิสฺสรณปฺปเภทา ฉ อชฺฌาสยา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘เนกฺขมฺมชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา กาเม โทสทสฺสาวิโน, ปวิเวก…เป… สงฺคณิกาย, อโลภ…เป… โลเภ, อโทส…เป… โทเส, อโมห…เป… โมเห, นิสฺสรณชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สพฺพภเวสุ โทสทสฺสาวิโน’’ติ (วิสุทฺธิ. อฏฺ. ๑.๔๙ วากฺยขนฺเธปิ).

ตสฺมา เอเต โพธิสตฺตานํ ฉ อชฺฌาสยา ทานาทีนํ ปจฺจยาติ เวทิตพฺพา. น หิ โลภาทีสุ อาทีนวทสฺสเนน, อโลภาทิอธิกภาเวน จ วินา ทานาทิปารมิโย สมฺภวนฺติ. อโลภาทีนฺหิ อธิกภาเวน ปริจฺจาคาทินินฺนจิตฺตตา อโลภชฺฌาสยาทิตาติ. ยถา เจเต, เอวํ ทานชฺฌาสยตาทโยปิ. ยถาห –

‘‘กติ ปน ภนฺเต โพธาย จรนฺตานํ โพธิสตฺตานํ อชฺฌาสยา? ทส โข สาริปุตฺต โพธาย จรนฺตานํ โพธิสตฺตานํ อชฺฌาสยา. กตเม ทส? ทานชฺฌาสยา สาริปุตฺต โพธิสตฺตา มจฺเฉเร โทสทสฺสาวิโน, สีล…เป… อุเปกฺขชฺฌาสยา สาริปุตฺต โพธิสตฺตา สุขทุกฺเขสุ โทสทสฺสาวิโน’’ติ.

เอเตสุ หิ มจฺเฉรอสํวรกามวิจิกิจฺฉาโกสชฺชอกฺขนฺติวิสํวาทอนธิฏฺานพฺยาปาท- สุขทุกฺขสงฺขาเตสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมา ทานาทินินฺนจิตฺตตาสงฺขาตา ทานชฺฌาสยตาทโย ทานาทิปารมีนํ นิพฺพตฺติยา การณนฺติ. ตถา อปริจฺจาคปริจฺจาคาทีสุ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณา ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโย.

ตตฺถายํ ปจฺจเวกฺขณาวิธิ – เขตฺตวตฺถุหิรฺสุวณฺณโคมหึสทาสิทาสปุตฺตทาราทิปริคฺคหพฺยาสตฺตจิตฺตานํ สตฺตานํ เขตฺตาทีนํ วตฺถุกามภาเวน พหุปตฺถนียภาวโต, ราชโจราทิสาธารณภาวโต, วิวาทาธิฏฺานโต, สปตฺตกรณโต, นิสฺสารโต, ปฏิลาภปริปาลเนสุ ปรวิเหนเหตุโต, วินาสนิมิตฺตฺจ โสกาทิอเนกวิหิตพฺยสนาวหโต, ตทาสตฺตินิทานฺจ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตจิตฺตานํ อปายูปปตฺติสมฺภวโตติ เอวํ วิวิธวิปุลานตฺถาวหา เอเต อตฺถา นาม, เตสํ ปริจฺจาโคเยเวโก โสตฺถิภาโวติ ปริจฺจาเค อปฺปมาโท กรณีโย.

อปิจ ‘‘ยาจโก ยาจมาโน อตฺตโน คุยฺหสฺส อาจิกฺขนโต มยฺหํ วิสฺสาสิโก’’ติ จ ‘‘ปหาย คมนียํ อตฺตโน สนฺตกํ คเหตฺวา ปรโลกํ ยาหีติ มยฺหํ อุปเทสโก’’ติ จ ‘‘อาทิตฺเต วิย อคาเร มรณคฺคินา อาทิตฺเต โลเก ตโต มยฺหํ สนฺตกสฺส อปวาหกสหาโย’’ติ จ ‘‘อปวาหิตสฺส จสฺส นิชฺฌายนิกฺเขปฏฺานภูโต’’ติ จ ‘‘ทานสงฺขาเต กลฺยาณกมฺมสฺมึ สหายภาวโต, สพฺพสมฺปตฺตีนํ อคฺคภูตาย ปรมทุลฺลภาย พุทฺธภูมิยา สมฺปตฺติเหตุภาวโต จ ปรโม กลฺยาณมิตฺโต’’ติ จ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ.

ตถา ‘‘อุฬาเร กมฺมนิ อเนนาหํ สมฺภาวิโต, ตสฺมา สา สมฺภาวนา อวิตถา กาตพฺพา’’ติ จ ‘‘เอกนฺตเภทิตาย ชีวิตสฺส อยาจิเตนปิ มยา ทาตพฺพํ, ปเคว ยาจิเตนา’’ติ จ ‘‘อุฬารชฺฌาสเยหิ คเวสิตฺวาปิ ทาตพฺโพ, สยเมวาคโต มม ปุฺเนา’’ติ จ ‘‘ยาจกสฺส ทานาปเทเสน มยฺหเมวายมนุคฺคโห’’ติ จ ‘‘อหํ วิย อยํ สพฺโพปิ โลโก มยา อนุคฺคเหตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อสติ ยาจเก กถํ มยฺหํ ทานปารมี ปูเรยฺยา’’ติ จ ‘‘ยาจกานเมวตฺถาย มยา สพฺโพ ปริคฺคเหตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อยาจิตฺวา มม สนฺตกํ ยาจกา สยเมว กทา คณฺเหยฺยุ’’นฺติ จ ‘‘กถมหํ ยาจกานํ ปิโย จสฺสํ มนาโป’’ติ จ ‘‘กถํ วา เต มยฺหํ ปิยา จสฺสุ มนาปา’’ติ จ ‘‘กถํ วาหํ ททมาโน, ทตฺวาปิ จ อตฺตมโน อสฺสํ ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต’’ติ จ ‘‘กถํ วา เม ยาจกา ภเวยฺยุํ, อุฬาโร จ ทานชฺฌาสโย’’ติ จ ‘‘กถํ วาหมยาจิโตเยว ยาจกานํ หทยมฺาย ทเทยฺย’’นฺติ จ ‘‘สติ ธเน ยาจเก จ อปริจฺจาโค มหตี มยฺหํ วฺจนา’’ติ จ ‘‘กถํ วาหํ อตฺตโน องฺคานิ ชีวิตํ วาปิ ยาจกานํ ปริจฺจเชยฺย’’นฺติ จ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ.

อปิจ ‘‘อตฺโถ นามายํ นิรเปกฺขํ ทายกํ อนุคจฺฉติ ยถา ตํ นิรเปกฺขํ เขปกํ กิฏโก’’ติ อตฺเถ นิรเปกฺขตาย จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ยาจมาโน ปน ยทิ ปิยปุคฺคโล โหติ, ‘‘ปิโย มํ ยาจตี’’ติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. อถ อุทาสีนปุคฺคโล โหติ, ‘‘อยํ มํ ยาจมาโน อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน มิตฺโต โหตี’’ติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ททนฺโตปิ หิ ยาจกานํ ปิโย โหตีติ. อถ ปน เวรีปุคฺคโล ยาจติ, ‘‘ปจฺจตฺถิโก มํ ยาจติ, อยํ มํ ยาจมาโน อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน เวรีปิ ปิโย มิตฺโต โหตี’’ติ วิเสสโต โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. เอวํ ปิยปุคฺคเล วิย มชฺฌตฺตเวรีปุคฺคเลสุปิ เมตฺตาปุพฺพงฺคมํ กรุณํ อุปฏฺเปตฺวาว ทาตพฺพํ.

สเจ ปนสฺส จิรกาลปริภาวิตตฺตา โลภสฺส เทยฺยธมฺมวิสยา โลภธมฺมา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตน โพธิสตฺตปฏิฺเน อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘นนุ ตยา สปฺปุริส สมฺโพธาย อภินีหารํ กโรนฺเตน สพฺพสตฺตานํ อุปการตฺถาย อยํ กาโย นิสฺสฏฺโ, ตปฺปริจฺจาคมยฺจ ปุฺํ, ตตฺถ นาม เต พาหิเรปิ วตฺถุสฺมึ อติสงฺคปฺปวตฺติ หตฺถิสินานสทิสี โหติ, ตสฺมา ตยา น กตฺถจิ สงฺโค อุปฺปาเทตพฺโพ. เสยฺยถาปิ นาม มหโต เภสชฺชรุกฺขสฺส ติฏฺโต มูลํ มูลตฺถิกา หรนฺติ, ปปฏิกํ, ตจํ, ขนฺธํ, วิฏปํ, สารํ, สาขํ, ปลาสํ, ปุปฺผํ, ผลํ ผลตฺถิกา หรนฺติ, น ตสฺส รุกฺขสฺส ‘มยฺหํ สนฺตกํ เอเต หรนฺตี’’ติ วิตกฺกสมุทาจาโร โหติ, เอวเมว สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปชฺชนฺเตน มยา มหาทุกฺเข อกตฺุเก นิจฺจาสุจิมฺหิ กาเย ปเรสํ อุปการาย วินิยุชฺชมาเน อณุมตฺโตปิ มิจฺฉาวิตกฺโก น อุปฺปาเทตพฺโพ, โก วา เอตฺถ วิเสโส อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ มหาภูเตสุ เอกนฺตเภทนวิกิรณวิทฺธํสนธมฺเมสุ, เกวลํ ปน สมฺโมหวิชมฺภิตเมตํ, ยทิทํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ อภินิเวโส. ตสฺมา พาหิเรสุ วิย อชฺฌตฺติเกสุปิ กรจรณนยนาทีสุ, มํสาทีสุ จ อนเปกฺเขน หุตฺวา ‘ตํตทตฺถิกา หรนฺตู’ติ นิสฺสฏฺจิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เอวํ ปฏิสฺจิกฺขโต จสฺส โพธาย ปหิตตฺตสฺส กายชีวิเตสุ นิรเปกฺขสฺส อปฺปกสิเรเนว กายวจีมโนกมฺมานิ สุวิสุทฺธานิ โหนฺติ. โส วิสุทฺธกายวจีมโนกมฺมนฺโต วิสุทฺธาชีโว ายปฏิปตฺติยํ ิโต, อายาปายุปายโกสลฺลสมนฺนาคเมน ภิยฺโยโส มตฺตาย เทยฺยธมฺมปริจฺจาเคน, อภยทานสทฺธมฺมทาเนหิ จ สพฺพสตฺเต อนุคฺคณฺหิตุํ สมตฺโถ โหตีติ. อยํ ตาว ทานปารมิยํ ปจฺจเวกฺขณานโย.

สีลปารมิยํ ปน เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – อิทฺหิ สีลํ นาม คงฺโคทกาทีหิ วิโสเธตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส โทสมลสฺส วิกฺขาลนชลํ, หริจนฺทนาทีหิ วิเนตุํ อสกฺกุเณยฺยราคาทิปริฬาหวินยนํ, หารมกุฏกุณฺฑลาทีหิ ปจุรชนาลงฺกาเรหิ อสาธารโณ สาธูนํ อลงฺการวิเสโส, สพฺพทิสาวายนโต อกิตฺติโม, สพฺพกาลานุรูโป จ สุรภิคนฺโธ, ขตฺติยมหาสาลาทีหิ เทวตาหิ จ วนฺทนียาทิภาวาวหนโต ปรโม วสีกรณมนฺโต, จาตุมหาราชิกาทิ เทวโลกาโรหนโสปานปนฺติ, ฌานาภิฺานํ อธิคมุปาโย, นิพฺพานมหานครสฺส สมฺปาปกมคฺโค, สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธีนํ ปติฏฺานภูมิ, ยํ ยํ วา ปนิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ, ตสฺส ตสฺส สมิชฺฌนูปายภาวโต จินฺตามณิกปฺปรุกฺขาทิเก จ อติเสติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อิชฺฌติ ภิกฺขเว สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’’ติ (อ. นิ. ๘.๓๕). อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ ภิกฺขเว ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ อสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จาติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๖๑), ตถา ‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข อานนฺท กุสลานิ สีลานี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑; ๑๑.๑), ‘‘ปฺจิเม คหปตโย อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; อุทา. ๗๖; มหาว. ๑๘๕) สุตฺตานฺจ วเสน สีลสฺส คุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา, ตถา อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตาทีนํ (อ. นิ. ๗.๗๒) วเสน สีลวิรเห อาทีนวา.

ปีติโสมนสฺสนิมิตฺตโต, อตฺตานุวาทปรานุวาททณฺฑทุคฺคติภยาภาวโต, วิฺูหิ ปาสํสภาวโต, อวิปฺปฏิสารเหตุโต, โสตฺถิฏฺานโต, อภิชนสาปเตยฺยาธิปเตยฺยายุรูปฏฺานพนฺธุมิตฺตสมฺปตฺตีนํ อติสยนโต จ สีลํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. สีลวโต หิ อตฺตโน สีลสมฺปทาเหตุ มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ ‘‘กตํ วต มยา กุสลํ, กตํ กลฺยาณํ, กตํ ภีรุตฺตาณ’’นฺติ. ตถา สีลวโต อตฺตา น อุปวทติ, น ปเร วิฺู, ทณฺฑทุคฺคติภยานํ สมฺภโวเยว นตฺถิ, ‘‘สีลวา ปุริสปุคฺคโล กลฺยาณธมฺโม’’ติ วิฺูนํ ปาสํโส โหติ. ตถา สีลวโต ยฺวายํ ‘‘กตํ วต มยา ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิส’’นฺติ ทุสฺสีลสฺส วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชติ, โส น โหติ. สีลฺจ นาเมตํ อปฺปมาทาธิฏฺานโต, โภคพฺยสนาทิปริหารมุเขน มหโต อตฺถสฺส สาธนโต, มงฺคลภาวโต จ ปรมํ โสตฺถิฏฺานํ, นิหีนชจฺโจปิ สีลวา ขตฺติยมหาสาลาทีนํ ปูชนีโย โหตีติ กุลสมฺปตฺตึ อติเสติ สีลสมฺปทา, ‘‘ตํ กึ มฺสิ มหาราช, อิธ เต อสฺส ปุริโส ทาโส กมฺมกโร’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๘๓) วจนฺเจตฺถ สาธกํ. โจราทีหิ อสาธารณโต, ปรโลกานุคมนโต, มหปฺผลภาวโต, สมถาทิคุณาธิฏฺานโต จ พาหิรธนํ อติเสติ สีลํ, ปรมสฺส จิตฺติสฺสริยสฺส อธิฏฺานภาวโต ขตฺติยาทีนํ อิสฺสริยํ อติเสติ สีลํ. สีลนิมิตฺตฺหิ ตํตํสตฺตนิกาเยสุ สตฺตานํ อิสฺสริยํ วสฺสสตทีฆปฺปมาณโต ชีวิตโต เอกาหมฺปิ สีลวโต ชีวิตสฺส วิสิฏฺตาวจนโต, สติ จ ชีวิเต สิกฺขานิกฺเขปสฺส มรณตาวจนโต สีลํ ชีวิตโต วิสิฏฺตรํ. เวรีนมฺปิ มนุฺภาวาวหนโต, ชราโรควิปตฺตีหิ อนภิภวนียโต จ รูปสมฺปตฺตึ อติเสติ สีลํ. ปาสาทหมฺมิยาทิฏฺานวิเสเส, ราชยุวราชเสนาปติอาทิฏฺานวิเสเส จ อติเสติ สีลํ สุขวิเสสาธิฏฺานภาวโต. สภาวสินิทฺเธ สนฺติกาวจเรปิ พนฺธุชเน มิตฺตชเน จ อติเสติ เอกนฺตหิตสมฺปาทนโต, ปรโลกานุคมนโต จ. ‘‘น ตํ มาตา ปิตา กยิรา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๔๓) วจนฺเจตฺถ สาธกํ. ตถา หตฺถิอสฺสรถาทิเภเทหิ, มนฺตาคทโสตฺถานปฺปโยเคหิ จ ทุรารกฺขํ อตฺตานํ อารกฺขภาเวน สีลเมว วิสิฏฺตรํ อตฺตาธีนโต, อปราธีนโต, มหาวิสยโต จ. เตเนวาห ‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติอาทิ (ชา. ๑.๙.๑๐๒). เอวมเนกคุณสมนฺนาคตํ สีลนฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อปริปุณฺณา เจว สีลสมฺปทา ปาริปูรึ คจฺฉติ อปริสุทฺธา จ ปาริสุทฺธึ.

สเจ ปนสฺส ทีฆรตฺตํ ปริจเยน สีลปฏิปกฺขา ธมฺมา โทสาทโย อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตน โพธิสตฺตปฏิฺเน เอวํ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘นนุ ตยา สมฺโพธาย ปณิธานํ กตํ, สีลวิกเลน จ น สกฺกา โลกิยาปิ สมฺปตฺติโย ปาปุณิตุํ, ปเคว โลกุตฺตรา, สพฺพสมฺปตฺตีนํ ปน อคฺคภูตาย สมฺมาสมฺโพธิยา อธิฏฺานภูเตน สีเลน ปรมุกฺกํสคเตน ภวิตพฺพํ. ตสฺมา ‘กิกีว อณฺฑ’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) วุตฺตนเยน สมฺมา สีลํ ปริรกฺขนฺเตน สุฏฺุ ตยา เปสเลน ภวิตพฺพํ. อปิ จ ตยา ธมฺมเทสนาย ยานตฺตเย สตฺตานํ อวตารณปริปาจนานิ กาตพฺพานิ, สีลวิกลสฺส จ วจนํ น ปจฺเจตพฺพํ โหติ อสปฺปายาหารวิจารสฺส วิย เวชฺชสฺส ติกิจฺฉนํ, ตสฺมา กถาหํ สทฺเธยฺโย หุตฺวา สตฺตานํ อวตารณปริปาจนานิ กเรยฺย’’นฺติ สภาวปริสุทฺธสีเลน ภวิตพฺพํ. กิฺจ ‘‘ฌานาทิคุณวิเสสโยเคน เม สตฺตานํ อุปการกรณสมตฺถตา, ปฺาปารมีอาทิปริปูรณฺจ, ฌานาทโย จ คุณา สีลปาริสุทฺธึ วินา น สมฺภวนฺตี’’ติ สมฺมเทว สีลํ ปริโสเธตพฺพํ.

ตถา ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑; ม. นิ. ๑.๒๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๔; ม. นิ. ๒.๑๐) ฆราวาเส ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗; มหานิ. ๓, ๖;), ‘‘มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๖๘, ๑๗๘) จ กาเมสุ ‘‘เสยฺยถาปิ ปุริโส อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชยฺยา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๘) กามจฺฉนฺทาทีสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมา วุตฺตวิปริยาเยน ‘‘อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑.๙๑; สํ. นิ. ๑.๑๕๔) ปพฺพชฺชาทีสุ อานิสํสปฏิสงฺขาวเสน เนกฺขมฺมปารมิยํ ปจฺจเวกฺขณา เวทิตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ, วิตฺถาโร ปน ทุกฺขกฺขนฺธ (ม. นิ. ๑.๑๖๓) วีมํสสุตฺตาทิ (ม. นิ. ๑.๔๘๗) วเสน ทุกฺขกฺขนฺธอาสิวิโสปมสุตฺตาทิวเสน (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถายํ) เวทิตพฺโพ.

ตถา ‘‘ปฺาย วินา ทานาทโย ธมฺมา น วิสุชฺฌนฺติ, ยถาสกํ พฺยาปารสมตฺถา จ น โหนฺตี’’ติ ปฺาคุณา มนสิ กาตพฺพา. ยเถว หิ ชีวิเตน วินา สรีรยนฺตํ น โสภติ, น จ อตฺตโน กิริยาสุ ปฏิปตฺติสมตฺถํ โหติ, ยถา จ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ วิฺาเณน วินา ยถาสกํ วิสเยสุ กิจฺจํ กาตุํ นปฺปโหนฺติ, เอวํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ปฺาย วินา สกิจฺจปฏิปตฺติยํ อสมตฺถานีติ ปริจฺจาคาทิปฏิปตฺติยํ ปฺา ปธานการณํ. อุมฺมีลิตปฺาจกฺขุกา หิ มหาสตฺตา อตฺตโน องฺคปจฺจงฺคานิปิ ทตฺวา อนตฺตุกฺกํสกา, อปรวมฺภกา จ โหนฺติ, เภสชฺชรุกฺขา วิย วิกปฺปรหิตา กาลตฺตเยปิ โสมนสฺสชาตา. ปฺาวเสน อุปายโกสลฺลโยคโต ปริจฺจาโค ปรหิตปฺปวตฺติยา ทานปารมิภาวํ อุเปติ. อตฺตตฺถฺหิ ทานํ วุฑฺฒิสทิสํ โหติ.

ตถา ปฺาย อภาเวน ตณฺหาทิสํกิเลสาวิโยคโต สีลสฺส วิสุทฺธิเยว น สมฺภวติ, กุโต สพฺพฺุคุณาธิฏฺานภาโว. ปฺวา เอว จ ฆราวาเส กามคุเณสุ สํสาเร จ อาทีนวํ, ปพฺพชฺชาย ฌานสมาปตฺติยํ นิพฺพาเน จ อานิสํสํ สุฏฺุ สลฺลกฺเขนฺโต ปพฺพชิตฺวา ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา นิพฺพานนินฺโน, ปเร จ ตตฺถ ปติฏฺเปตีติ.

วีริยฺจ ปฺารหิตํ ยทิจฺฉิตมตฺถํ น สาเธติ ทุรารมฺภภาวโต. วรเมว หิ อนารมฺโภ ทุรารมฺภโต, ปฺาสหิเตน ปน วีริเยน น กิฺจิ ทุรธิคมํ อุปายปฏิปตฺติโต. ตถา ปฺวา เอว ปราปการาทิอธิวาสกชาติโย โหติ, น ทุปฺปฺโ. ปฺาวิรหิตสฺส จ ปเรหิ อุปนีตา อปการา ขนฺติยา ปฏิปกฺขเมว อนุพฺรูเหนฺติ, ปฺวโต ปน เต ขนฺติสมฺปตฺติยา ปริพฺรูหนวเสน อสฺสา ถิรภาวาย สํวตฺตนฺติ. ปฺวา เอว ตีณิ สจฺจานิ เตสํ การณานิ ปฏิปกฺเข จ ยถาภูตํ ชานิตฺวา ปเรสํ อวิสํวาทโก โหติ. ตถา ปฺาพเลน อตฺตานํ อุปตฺถมฺเภตฺวา ธิติสมฺปทาย สพฺพปารมีสุ อจลสมาทานาธิฏฺาโน โหติ, ปฺวา เอว จ ปิยมชฺฌตฺตเวรีวิภาคํ อกตฺวา สพฺพตฺถ หิตูปสํหารกุสโล โหติ. ตถา ปฺาวเสน ลาภาทิโลกธมฺมสนฺนิปาเต นิพฺพิการตาย มชฺฌตฺโต โหติ. เอวํ สพฺพาสํ ปารมีนํ ปฺาว ปาริสุทฺธิเหตูติ ปฺาคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.

อปิจ ปฺาย วินา น ทสฺสนสมฺปตฺติ, อนฺตเรน จ ทิฏฺิสมฺปทํ น สีลสมฺปทา, สีลทิฏฺิสมฺปทารหิตสฺส น สมาธิสมฺปทา, อสมาหิเตน จ น สกฺกา อตฺตหิตมตฺตมฺปิ สาเธตุํ, ปเคว อุกฺกํสคตํ ปรหิตนฺติ ปรหิตาย ปฏิปนฺเนน ‘‘นนุ ตยา สกฺกจฺจํ ปฺาปาริสุทฺธิยํ อาโยโค กรณีโย’’ติ โพธิสตฺเตน อตฺตา โอวทิตพฺโพ. ปฺานุภาเวน หิ มหาสตฺโต จตุรธิฏฺานาธิฏฺิโต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ (ที. นิ. ๓.๒๑๐, ๓๑๓; อ. นิ. ๑๐.๓๒) โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต สตฺเต นิยฺยานิกมคฺเค อวตาเรติ, อินฺทฺริยานิ จ เนสํ ปริปาเจติ. ตถา ปฺาพเลน ขนฺธายตนาทีสุ ปวิจยพหุโล ปวตฺตินิวตฺติโย ยาถาวโต ปริชานนฺโต ทานาทโย คุเณ วิเสสนิพฺเพธภาคิยภาวํ นยนฺโต โพธิสตฺตสิกฺขาย ปริปูรการี โหตีติ เอวมาทินา อเนกาการโวกาเร ปฺาคุเณ ววตฺถเปตฺวา ปฺาปารมี อนุพฺรูเหตพฺพา.

ตถา ทิสฺสมานปารานิปิ โลกิยานิ กมฺมานิ นิหีนวีริเยน ปาปุณิตุํ อสกฺกุเณยฺยานิ, อคณิตเขเทน ปน อารทฺธวีริเยน ทุรธิคมํ นาม นตฺถิ. นิหีนวีริโย หิ ‘‘สํสารมโหฆโต สพฺพสตฺเต สนฺตาเรสฺสามี’’ติ อารภิตุเมว น สกฺกุโณติ. มชฺฌิโม อารภิตฺวา อนฺตราโวสานมาปชฺชติ. อุกฺกฏฺวีริโย ปน อตฺตสุขนิรเปกฺโข อารมฺภปารํ อธิคจฺฉตีติ วีริยสมฺปตฺติ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. อปิจ ‘‘ยสฺส อตฺตโนเยว สํสารปงฺกโต สมุทฺธรณตฺถมารมฺโภ, ตสฺสาปิ วีริยสฺส สิถิลภาเวน มโนรถานํ มตฺถกปฺปตฺติ น สกฺกา สมฺภาเวตุํ, ปเคว สเทวกสฺส โลกสฺส สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาเรนา’’ติ จ ‘‘ราคาทีนํ โทสคณานํ มตฺตมหาคชานํ วิย ทุนฺนิวารยภาวโต, ตนฺนิทานานฺจ กมฺมสมาทานานํ อุกฺขิตฺตาสิกวธกสทิสภาวโต, ตนฺนิมิตฺตานฺจ ทุคฺคตีนํ สพฺพทา วิวฏมุขภาวโต, ตตฺถ นิโยชกานฺจ ปาปมิตฺตานํ สทา สนฺนิหิตภาวโต, ตโทวาทการิตาย จ พาลสฺส ปุถุชฺชนภาวสฺส สติ สมฺภเว ยุตฺตํ สยเมว สํสารทุกฺขโต นิสฺสริตุ’’นฺติ จ ‘‘มิจฺฉาวิตกฺกา วีริยานุภาเวน ทูรี ภวนฺตี’’ติ จ ‘‘ยทิ ปน สมฺโพธิ อตฺตาธีเนน วีริเยน สกฺกา สมธิคนฺตุํ, กิเมตฺถ ทุกฺกร’’นฺติ จ เอวมาทินา นเยน วีริยสฺส คุณาปจฺจเวกฺขิตพฺพา.

ตถา ‘‘ขนฺติ นามายํ นิรวเสสคุณปฏิปกฺขสฺส โกธสฺส วิธมนโต คุณสมฺปาทเน สาธูนมปฺปฏิหตมายุธํ, ปราภิภวเน สมตฺถานํ อลงฺกาโร, สมณพฺราหฺมณานํ พลสมฺปทา, โกธคฺคิวินยนี อุทกธารา, กลฺยาณสฺส กิตฺติสทฺทสฺส สฺชาติเทโส, ปาปปุคฺคลานํ วจีวิสวูปสมกโร มนฺตาคโท, สํวเร ิตานํ ปรมา ธีรปกติ, คมฺภีราสยตาย สาคโร, โทสมหาสาครสฺส เวลา, อปายทฺวารสฺส ปิธานกวาฏํ, เทวพฺรหฺมโลกานํ อาโรหณโสปานํ, สพฺพคุณานํ อธิวาสนภูมิ, อุตฺตมา กายวจีมโนวิสุทฺธี’’ติ มนสิ กาตพฺพํ. อปิ จ ‘‘เอเต สตฺตา ขนฺติสมฺปตฺติยา อภาวโต อิธ เจว ตปนฺติ, ปรโลเก จ ตปนียธมฺมานุโยคโต’’ติ จ ‘‘ยทิปิ ปราปการนิมิตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปน ทุกฺขสฺส เขตฺตภูโต อตฺตภาโว, พีชภูตฺจ กมฺมํ มยาว อภิสงฺขต’’นฺติ จ ‘‘ตสฺส ทุกฺขสฺส อาณณฺยการณเมต’’นฺติ จ ‘‘อปการเก อสติ กถํ มยฺหํ ขนฺติสมฺปทา สมฺภวตี’’ติ จ ‘‘ยทิปายํ เอตรหิ อปการโก, อยํ นาม ปุพฺเพ อเนน มยฺหํ อุปกาโร กโต’’ติ จ ‘‘อปกาโร เอว วา ขนฺตินิมิตฺตตาย อุปกาโร’’ติ จ ‘‘สพฺเพปิเม สตฺตา มยฺหํ ปุตฺตสทิสา, ปุตฺตกตาปราเธสุ จ โก กุชฺฌิสฺสตี’’ติ จ ‘‘เยน โกธภูตาเวเสน อยํ มยฺหํ อปรชฺฌติ, โส โกธภูตาเวโส มยา วิเนตพฺโพ’’ติ จ ‘‘เยน อปกาเรน อิทํ มยฺหํ ทุกฺขํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส อหมฺปิ นิมิตฺต’’นฺติ จ ‘‘เยหิ ธมฺเมหิ อปราโธ กโต, ยตฺถ จ กโต, สพฺเพปิ เต ตสฺมึเยว ขเณ นิรุทฺธา, กสฺสิทานิ เกน โกโธ กาตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อนตฺตตาย สพฺพธมฺมานํ โก กสฺส อปรชฺฌตี’’ติ จ ปจฺจเวกฺขนฺเตน ขนฺติสมฺปทา พฺรูเหตพฺพา.

ยทิ ปนสฺส ทีฆรตฺตํ ปริจเยน ปราปการนิมิตฺตโก โกโธ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย, อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘ขนฺติ นาเมสา ปราปการสฺส ปฏิปกฺขปฏิปตฺตีนํ ปจฺจุปการการณ’’นฺติ จ ‘‘อปกาโร จ มยฺหํ ทุกฺขุปฺปาทเนน ทุกฺขุปนิสาย สทฺธาย, สพฺพโลเก อนภิรติสฺาย จ ปจฺจโย’’ติ จ ‘‘อินฺทฺริยปกติเรสา, ยทิทํ อิฏฺานิฏฺวิสยสมาโยโค, ตตฺถ อนิฏฺวิสยสมาโยโค มยฺหํ น สิยาติ ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’’ติ จ ‘‘โกธวสิโก สตฺโต โกเธน อุมฺมตฺโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต, ตตฺถ กึ ปจฺจปกาเรนา’’ติ จ ‘‘สพฺเพ ปิเม สตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน โอรสปุตฺตา วิย ปริปาลิตา, ตสฺมา น ตตฺถ มยา จิตฺตโกโปปิ กาตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อปราธเก จ สติ คุเณ คุณวติ มยา น โกโป กาตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อสติ คุเณ วิเสเสน กรุณายิตพฺโพ’’ติ จ ‘‘โกเปน จ มยฺหํ คุณยสา นิหียนฺตี’’ติ จ ‘‘กุชฺฌเนน มยฺหํ ทุพฺพณฺณทุกฺขเสยฺยาทโย สปตฺตกนฺตา อาคจฺฉนฺตี’’ติ จ ‘‘โกโธ จ นามายํ สพฺพาหิตการโก สพฺพหิตวินาสโก พลวา ปจฺจตฺถิโก’’ติ จ ‘‘สติ จ ขนฺติยา น โกจิ ปจฺจตฺถิโก’’ติ จ ‘‘อปราธเกน อปราธนิมิตฺตํ ยํ อายตึ ลทฺธพฺพํ ทุกฺขํ, สติ จ ขนฺติยา มยฺหํ ตทภาโว’’ติ จ ‘‘จินฺตเนน กุชฺฌนฺเตน จ มยา ปจฺจตฺถิโกเยว อนุวตฺติโต โหตี’’ติ จ ‘‘โกเธ จ มยา ขนฺติยา อภิภูเต ตสฺส ทาสภูโต ปจฺจตฺถิโก สมฺมเทว อภิภูโต โหตี’’ติ จ ‘‘โกธนิมิตฺตํ ขนฺติคุณปริจฺจาโค มยฺหํ น ยุตฺโต’’ติ จ ‘‘สติ จ โกเธ คุณวิโรธินิ (คุณวิโรธปจฺจนีธมฺเม จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถายํ) กึ เม สีลาทิธมฺมา ปาริปูรึ คจฺเฉยฺยุํ, อสติ จ เตสุ กถาหํ สตฺตานํ อุปการพหุโล ปฏิฺานุรูปํ อุตฺตมํ สมฺปตฺตึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ จ ‘‘ขนฺติยา จ สติ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต สมาหิตสฺส สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจโต ทุกฺขโต สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตโต นิพฺพานฺจ อสงฺขตามตสนฺตปณีตาทิภาวโต นิชฺฌานํ ขมนฺติ ‘พุทฺธธมฺมา จ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยปภาวา’ติ’’, ตโต จ ‘‘อนุโลมิยํ ขนฺติยํ ิโต ‘เกวลา อิเม จ อตฺตตฺตนิยภาวรหิตา ธมฺมมตฺตา ยถาสกํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชนฺติ วยนฺติ, น กุโตจิ อาคจฺฉนฺติ, น กุหิฺจิ คจฺฉนฺติ, น จ กตฺถจิ ปติฏฺิตา, น เจตฺถ โกจิ กสฺสจิ พฺยาปาโร’ติ อหํการมมํการานธิฏฺานตา นิชฺฌานํ ขมติ, เยน โพธิสตฺโต โพธิยา นิยโต อนาวตฺติธมฺโม โหตี’’ติ เอวมาทินา ขนฺติปารมิยํ ปจฺจเวกฺขณา เวทิตพฺพา.

ตถา ‘‘สจฺเจน วินา สีลาทีนํ อสมฺภวโต, ปฏิฺานุรูปํ ปฏิปตฺติยา อภาวโต จ สจฺจธมฺมาติกฺกเม จ สพฺพปาปธมฺมานํ สโมสรณโต, อสจฺจสนฺธสฺส อปฺปจฺจยิกภาวโต, อายติฺจ อนาเทยฺยวจนตาวหนโต, สมฺปนฺนสจฺจสฺส จ สพฺพคุณาธิฏฺานภาวโต, สจฺจาธิฏฺาเนน สพฺพโพธิสมฺภารานํ ปาริสุทฺธิปาริปูริสมนฺวายโต, สภาวธมฺมาวิสํวาทเนน สพฺพโพธิสมฺภารกิจฺจกรณโต, โพธิสตฺตปฏิปตฺติยา จ ปรินิปฺผตฺติโต’’ติอาทินา สจฺจปารมิยา สมฺปตฺติโย ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.

ตถา ‘‘ทานาทีสุ ทฬฺหสมาทานํ, ตมฺปฏิปกฺขสนฺนิปาเต จ เนสํ อจลาวตฺถานํ, ตตฺถ จ ถิรภาวํ วินา น ทานาทิสมฺภารา สมฺโพธินิมิตฺตา สมฺภวนฺตี’’ติอาทินา อธิฏฺาเน คุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.

ตถา ‘‘อตฺตหิตมตฺเต อวติฏฺนฺเตนาปิ สตฺเตสุ หิตจิตฺตตํ วินา น สกฺกา อิธโลกปรโลกสมฺปตฺติโย ปาปุณิตุํ, ปเคว สพฺพสตฺเต นิพฺพานสมฺปตฺติยํ ปติฏฺาเปตุกาเมนา’’ติ จ ‘‘ปจฺฉา สพฺพสตฺตานํ โลกุตฺตรสมฺปตฺตึ อากงฺขนฺเตน อิทานิ โลกิยสมฺปตฺตึ อากงฺขา ยุตฺตรูปา’’ติ จ ‘‘อิทานิ อาสยมตฺเตน ปเรสํ หิตสุขูปสํหารํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต กทา ปโยเคน ตํ สาเธสฺสามี’’ติ จ ‘‘อิทานิ มยา หิตสุขูปสํหาเรน สํวทฺธิตา ปจฺฉา ธมฺมสํวิภาคสหายา มยฺหํ ภวิสฺสนฺตี’’ติ จ ‘‘เอเตหิ วินา น มยฺหํ โพธิสมฺภารา สมฺภวนฺติ, ตสฺมา สพฺพพุทฺธคุณวิภูตินิปฺผตฺติการณตฺตา มยฺหํ เอเต ปรมํ ปุฺกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ กุสลายตนํ อุตฺตมํ คารวฏฺาน’’นฺติ จ ‘‘สวิเสสํ สตฺเตสุ สพฺเพสุ หิตชฺฌาสยตา ปจฺจุปฏฺเปตพฺพา, กิฺจ กรุณาธิฏฺานโตปิ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตา อนุพฺรูเหตพฺพา. วิมริยาทีกเตน หิ เจตสา สตฺเตสุ หิตสุขูปสํหารนิรตสฺส เตสํ อหิตทุกฺขาปนยนกามตา พลวตี อุปฺปชฺชติ ทฬฺหมูลา, กรุณา จ สพฺเพสํ พุทฺธการกธมฺมานมาทิ จรณํ ปติฏฺา มูลํ มุขํ ปมุข’’นฺติ เอวมาทินา เมตฺตาย คุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.

ตถา ‘‘อุเปกฺขาย อภาเว สตฺเตหิ กตา วิปฺปการา จิตฺตสฺส วิการํ อุปฺปาเทยฺยุํ, สติ จ จิตฺตวิกาเร ทานาทิสมฺภารานํ สมฺภโวเยว นตฺถี’’ติ จ ‘‘เมตฺตาสิเนเหน สิเนหิเต จิตฺเต อุเปกฺขาย วินา สมฺภารานํ ปาริสุทฺธิ น โหตี’’ติ จ ‘‘อนุเปกฺขโก สมฺภาเรสุ ปุฺสมฺภารํ ตพฺพิปากฺจ สตฺตหิตตฺถํ ปริณาเมตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ ‘‘อุเปกฺขาย อภาเว เทยฺยปฏิคฺคาหเกสุ วิภาคํ อกตฺวา ปริจฺจชิตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ ‘‘อุเปกฺขารหิเตน ชีวิตปริกฺขารานํ ชีวิตสฺส จ อนฺตรายํ อมนสิกริตฺวา สํวรวิโสธนํ กาตุํ น สกฺกา’’ติ จ ‘‘อุเปกฺขาวเสน อรติรติสหสฺเสว เนกฺขมฺมพลสิทฺธิโต, อุปปตฺติโต อิกฺขนวเสเนว สพฺพสมฺภารกิจฺจนิปฺผตฺติโต, อจฺจารทฺธสฺส วีริยสฺส อนุเปกฺขเน ปธานกิจฺจากรณโต, อุเปกฺขโตเยว ติติกฺขานิชฺฌานสมฺภวโต, อุเปกฺขาวเสน สตฺตสงฺขารานํ อวิสํวาทนโต, โลกธมฺมานํ อชฺฌุเปกฺขเนน สมาทินฺนธมฺเมสุ อจลาธิฏฺานสิทฺธิโต, ปราปการาทีสุ อนาโภควเสเนว เมตฺตาวิหารนิปฺผตฺติโตติ สพฺพโพธิสมฺภารานํ สมาทานาธิฏฺานปาริปูรินิปฺผตฺติโย อุเปกฺขานุภาเวน สมฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ อาทินา นเยน อุเปกฺขาปารมี ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. เอวํ อปริจฺจาคปริจฺจาคาทีสุ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณา ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺพา.

ตถา สปริกฺขารา ปฺจทส จรณธมฺมา ปฺจ จ อภิฺาโย. ตตฺถ จรณธมฺมา นาม สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ ฌานานิ จ. เตสุ สีลาทีนํ จตุนฺนํ เตรสปิ ธุตธมฺมา, อปฺปิจฺฉตาทโย จ ปริกฺขาโร. สทฺธมฺเมสุ สทฺธาย พุทฺธธมฺมสงฺฆสีลจาคเทวตูปสมานุสฺสติ- ลูขปุคฺคลปริวชฺชนสินิทฺธปุคฺคลเสวนปสาทนีย- ธมฺมปจฺจเวกฺขณตทธิมุตฺตตา ปริกฺขาโร, หิโรตฺตปฺปานํ อกุสลาทีนวปจฺจเวกฺขณอปายาทีนวปจฺจเวกฺขณกุสลธมฺมุปตฺถมฺภน- ภาวปจฺจเวกฺขณหิโรตฺตปฺป รหิตปุคฺคลปริวชฺชนหิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนปุคฺคลเสวนตทธิมุตฺตตา, พาหุสจฺจสฺส ปุพฺพโยคปริปุจฺฉกภาวสทฺธมฺมาภิโยคอนวชฺชวิชฺชาฏฺานาทิ- ปริจยปริปกฺกินฺทฺริยตากิเลสทูรีภาวอปฺปสฺสุตปริวชฺชนพหุสฺสุตเสวนตทธิมุตฺตตา, วีริยสฺส อปายภยปจฺจเวกฺขณคมนวีถิปจฺจเวกฺขณธมฺมมหตฺตปจฺจเวกฺขณ- ถินมิทฺธวิโนทนกุสีตปุคฺคลปริวชฺชนอารทฺธวีริยปุคฺคล- เสวนสมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณตทธิมุตฺตตา, สติยา สติสมฺปชฺมุฏฺสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนอุปฏฺิตสฺสติปุคฺคลเสวนตทธิมุตฺตตา, ปฺาย ปริปุจฺฉกภาววตฺถุวิสทกิริยาอินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนทุปฺปฺ- ปุคฺคลปริวชฺชนปฺวนฺตปุคฺคลเสวนคมฺภีราณจริยปจฺจ- เวกฺขณตทธิมุตฺตตา, จตุนฺนํ ฌานานํ สีลาทิจตุกฺกํ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ปุพฺพภาคภาวนา, อาวชฺชนาทิวสีภาวกรณฺจ ปริกฺขาโร. ตตฺถ สีลาทีหิ ปโยคสุทฺธิยา สตฺตานํ อภยทาเน, อาสยสุทฺธิยา อามิสทาเน, อุภยสุทฺธิยา จ ธมฺมทาเน สมตฺโถ โหตีติอาทินา จรณาทีนํ ทานาทิสมฺภารานํ ปจฺจยภาโว ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺโพ, อติวิตฺถารภเยน น นิทฺธารยิมฺห. เอวํ สมฺปตฺติจกฺกาทโยปิ ทานาทีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺพา.

โก สํกิเลโสติ อวิเสเสน ตณฺหาทีหิ ปรามฏฺภาโว ปารมีนํ สํกิเลโส, วิเสเสน เทยฺยปฏิคฺคาหกวิกปฺปา ทานปารมิยา สํกิเลโส, สตฺตกาลวิกปฺปา สีลปารมิยา, กามภวตทุปสเมสุ อภิรติอนภิรติวิกปฺปา เนกฺขมฺมปารมิยา, ‘‘อหํ มมา’’ติ วิกปฺปา ปฺาปารมิยา, ลีนุทฺธจฺจวิกปฺปา วีริยปารมิยา, อตฺตปรวิกปฺปา ขนฺติปารมิยา, อทิฏฺาทีสุ ทิฏฺาทิวิกปฺปา สจฺจปารมิยา, โพธิสมฺภารตพฺพิปกฺเขสุ โทสคุณวิกปฺปา อธิฏฺานปารมิยา, หิตาหิตวิกปฺปา เมตฺตาปารมิยา, อิฏฺานิฏฺวิกปฺปา อุเปกฺขาปารมิยา สํกิเลโสติ เวทิตพฺโพ.

กึ โวทานนฺติ ตณฺหาทีหิ อนุปฆาโต, ยถาวุตฺตวิกปฺปวิรโห จ เอตาสํ โวทานนฺติ เวทิตพฺพํ. อนุปหตา หิ ตณฺหามานทิฏฺิโกธูปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภ- มทปมาทาทีหิ กิเลเสหิ เทยฺยปฏิคฺคาหกวิกปฺปาทิรหิตา จ ทานาทิปารมิโย ปริสุทฺธา ปภสฺสรา ภวนฺตีติ.

โก ปฏิปกฺโขติ อวิเสเสน สพฺเพปิ กิเลสา สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา เอตาสํ ปฏิปกฺโข, วิเสเสน ปน ปุพฺเพ วุตฺตา มจฺเฉราทโยติ เวทิตพฺพา. อปิจ เทยฺยปฏิคฺคาหกทานผเลสุ อโลภาโทสาโมหคุณโยคโต โลภโทสโมหปฏิปกฺขํ ทานํ, กายาทิโทสวงฺกาปคมนโต โลภาทิปฏิปกฺขํ สีลํ, กามสุขปรูปฆาตอตฺตกิลมถปริวชฺชนโต โทสตฺตยปฏิปกฺขํ เนกฺขมฺมํ, โลภาทีนํ อนฺธีกรณโต, าณสฺส จ อนนฺธีกรณโต โลภาทิปฏิปกฺขา ปฺา, อลีนานุทฺธตายารมฺภวเสน โลภาทิปฏิปกฺขํ วีริยํ, อิฏฺานิฏฺสุฺตานํ ขมนโต โลภาทิปฏิปกฺขา ขนฺติ, สติปิ ปเรสํ อุปกาเร อปกาเร จ ยถาภูตปฺปวตฺติยา โลภาทิปฏิปกฺขํ สจฺจํ, โลกธมฺเม อภิภุยฺย ยถาสมาทินฺเนสุ สมฺภาเรสุ อจลนโต โลภาทิปฏิปกฺขํ อธิฏฺานํ, นีวรณวิเวกโต โลภาทิปฏิปกฺขา เมตฺตา, อิฏฺานิฏฺเสุ อนุนยปฏิฆวิทฺธํสนโต, สมปฺปวตฺติโต จ โลภาทิปฏิปกฺขา อุเปกฺขาติ ทฏฺพฺพํ.

กา ปฏิปตฺตีติ สุขูปกรณสรีรชีวิตปริจฺจาเคน ภยาปนูทเนน ธมฺโมปเทเสน จ พหุธา สตฺตานํ อนุคฺคหกรณํ ทาเน ปฏิปตฺติ. ตตฺถายํ วิตฺถารนโย – ‘‘อิมินาหํ ทาเนน สตฺตานํ อายุวณฺณสุขพลปฏิภานาทิสมฺปตฺตึ รมณียํ อคฺคผลสมฺปตฺตึ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติ อนฺนทานํ เทติ, ตถา สตฺตานํ กมฺมกิเลสปิปาสวูปสมาย ปานํ เทติ, ตถา สุวณฺณวณฺณตาย, หิโรตฺตปฺปาลงฺการสฺส จ นิปฺผตฺติยา วตฺถานิ เทติ, ตถา อิทฺธิวิธสฺส เจว นิพฺพานสุขสฺส จ นิปฺผตฺติยา ยานํ เทติ, ตถา สีลคนฺธนิปฺผตฺติยา คนฺธํ, พุทฺธคุณโสภานิปฺผตฺติยา มาลาวิเลปนํ, โพธิมณฺฑาสนนิปฺผตฺติยา อาสนํ, ตถาคตเสยฺยานิปฺผตฺติยา เสยฺยํ, สรณภาวนิปฺผตฺติยา อาวสถํ, ปฺจจกฺขุปฏิลาภาย ปทีเปยฺยํ เทติ. พฺยามปฺปภานิปฺผตฺติยา รูปทานํ, พฺรหฺมสฺสรนิปฺผตฺติยา สทฺททานํ, สพฺพโลกสฺส ปิยภาวาย รสทานํ, พุทฺธสุขุมาลภาวาย โผฏฺพฺพทานํ, อชรามรณภาวาย เภสชฺชทานํ, กิเลสทาสพฺยวิโมจนตฺถํ ทาสานํ ภุชิสฺสตาทานํ, สทฺธมฺมาภิรติยา อนวชฺชขิฑฺฑารติเหตุทานํ, สพฺเพปิ สตฺเต อริยาย ชาติยา อตฺตโน ปุตฺตภาวูปนยนาย ปุตฺตทานํ, สกลสฺส โลกสฺส ปติภาวูปคมนาย ทารทานํ, สุภลกฺขณสมฺปตฺติยา สุวณฺณมณิมุตฺตาปวาฬาทิทานํ, อนุพฺยฺชนสมฺปตฺติยา นานาวิธวิภูสนทานํ, สทฺธมฺมโกสาธิคมาย วิตฺตโกสทานํ, ธมฺมราชภาวาย รชฺชทานํ, ฌานาทิสมฺปตฺติยา อารามุยฺยานาทิวนทานํ, จกฺกงฺกิเตหิ ปาเทหิ โพธิมณฺฑูปสงฺกมนาย จรณทานํ, จตุโรฆนิตฺถรณาย สตฺตานํ สทฺธมฺมหตฺถทานตฺถํ หตฺถทานํ, สทฺธินฺทฺริยาทิปฏิลาภาย กณฺณนาสาทิทานํ, สมนฺตจกฺขุปฏิลาภาย จกฺขุทานํ, ‘‘ทสฺสนสวนานุสฺสรณปาริจริยาทีสุ สพฺพกาลํ สพฺพสตฺตานํ หิตสุขาวโห, สพฺพโลเกน จ อุปชีวิตพฺโพ เม กาโย ภเวยฺยา’’ติ มํสโลหิตาทิทานํ, ‘‘สพฺพโลกุตฺตโม ภเวยฺย’’นฺติ อุตฺตมงฺคทานํ เทติ.

เอวํ ททนฺโต จ น อเนสนาย เทติ, น ปโรปฆาเตน, น ภเยน, น ลชฺชาย, น ทกฺขิเณยฺยโรสเนน, น ปณีเต สติ ลูขํ, น อตฺตุกฺกํสเนน, น ปรวมฺภเนน, น ผลาภิกงฺขาย, น ยาจกชิคุจฺฉาย, น อจิตฺตีกาเรน เทติ, อถ โข สกฺกจฺจํ เทติ, สหตฺเถน เทติ, กาเลน เทติ, จิตฺตึ กตฺวา เทติ, อวิภาเคน เทติ, ตีสุ กาเลสุ โสมนสฺสิโต เทติ. ตโตเยว ทตฺวา น ปจฺฉานุตาปี โหติ, น ปฏิคฺคาหกวเสน มานาวมานํ กโรติ, ปฏิคฺคาหกานํ ปิยสมุทาจาโร โหติ วทฺู ยาจโยโค สปริวารทายี. ตฺจ ทานสมฺปตฺตึ สกลโลกหิตสุขาย ปริณาเมติ, อตฺตโน จ อกุปฺปาย วิมุตฺติยา, อปริกฺขยสฺส ฉนฺทสฺส, อปริกฺขยสฺส วีริยสฺส, อปริกฺขยสฺส สมาธานสฺส, อปริกฺขยสฺส าณสฺส, อปริกฺขยาย สมฺมาสมฺโพธิยา ปริณาเมติ. อิมฺจ ทานปารมึ ปฏิปชฺชนฺเตน มหาสตฺเตน ชีวิเต, โภเคสุ จ อนิจฺจสฺา ปจฺจุปฏฺเปตพฺพา, สตฺเตสุ จ มหากรุณา. เอวฺหิ โภเค คเหตพฺพสารํ คณฺหนฺโต อาทิตฺตสฺมา วิย อคารสฺมา สพฺพํ สาปเตยฺยํ, อตฺตานฺจ พหิ นีหรนฺโต น กิฺจิ เสเสติ, นิรวเสสโต นิสฺสชฺชติเยว. อยํ ตาว ทานปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม.

สีลปารมิยา ปน ยสฺมา สพฺพฺุสีลาลงฺกาเรหิ สตฺเต อลงฺกริตุกาเมน อตฺตโนเยว ตาว สีลํ วิโสเธตพฺพํ, ตสฺมา สตฺเตสุ ตถา ทยาปนฺนจิตฺเตน ภวิตพฺพํ, ยถา สุปินนฺเตนปิ น อาฆาโต อุปฺปชฺเชยฺย. ปรูปการนิรตตาย ปรสนฺตโก อลคทฺโท วิย น ปรามสิตพฺโพ. อพฺรหฺมจริยโตปิ อาราจารี, สตฺตวิธเมถุน สํโยควิรโต, ปเคว ปรทารคมนโต. สจฺจํ หิตํ ปิยํ ปริมิตเมว จ กาเลน ธมฺมึ กถํ ภาสิตา โหติ, อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺโน อวิปรีตทสฺสโน สมฺมาสมฺพุทฺเธ นิวิฏฺสทฺโธ นิวิฏฺเปโม. อิติ จตุราปายวฏฺฏทุกฺขปเถหิ อกุสลกมฺมปเถหิ, อกุสลธมฺเมหิ จ โอรมิตฺวา สคฺคโมกฺขปเถสุ กุสลกมฺมปเถสุ ปติฏฺิตสฺส สุทฺธาสยปโยคตาย ยถาภิปตฺถิตา สตฺตานํ หิตสุขูปสฺหิตา มโนรถา สีฆํ อภินิปฺผชฺชนฺติ.

ตตฺถ หึสานิวตฺติยา สพฺพสตฺตานํ อภยทานํ เทติ, อปฺปกสิเรเนว เมตฺตาภาวนํ สมฺปาเทติ, เอกาทส เมตฺตานิสํเส อธิคจฺฉติ, อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก ทีฆายุโก สุขพหุโล, ลกฺขณวิเสเส ปาปุณาติ, โทสวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ. ตถา อทินฺนาทานนิวตฺติยา โจราทิอสาธารเณ อุฬาเร โภเค อธิคจฺฉติ, อนาสงฺกนีโย ปิโย มนาโป วิสฺสสนีโย, วิภวสมฺปตฺตีสุ อลคฺคจิตฺโต ปริจฺจาคสีโล, โลภวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ. อพฺรหฺมจริยนิวตฺติยา อโลโภ โหติ สนฺตกายจิตฺโต, สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป อปริสงฺกนีโย, กลฺยาโณ จสฺส กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อลคฺคจิตฺโต โหติ มาตุคาเมสุ อลุทฺธาสโย, เนกฺขมฺมพหุโล, ลกฺขณวิเสเส อธิคจฺฉติ, โลภวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.

มุสาวาทนิวตฺติยา สตฺตานํ ปมาณภูโต โหติ ปจฺจยิโก เถโต อาเทยฺยวจโน เทวตานํ ปิโย มนาโป สุรภิคนฺธมุโข อารกฺขิยกายวจีสมาจาโร, ลกฺขณวิเสเส จ อธิคจฺฉติ, กิเลสวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ. เปสุฺนิวตฺติยา ปรูปกฺกเมหิ อเภชฺชกาโย โหติ อเภชฺชปริวาโร, สทฺธมฺเม จ อภิชฺชนกสทฺโธ, ทฬฺหมิตฺโต ภวนฺตรปริจิตานมฺปิ สตฺตานํ เอกนฺตปิโย, อสํกิเลสพหุโล. ผรุสวาจานิวตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป สุขสีโล มธุรวจโน สมฺภาวนีโย, อฏฺงฺคสมนฺนาคโต จสฺส สโร (ม. นิ. ๒.๓๘๗) นิพฺพตฺตติ. สมฺผปฺปลาปนิวตฺติยา จ สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป ครุภาวนีโย จ อาเทยฺยวจโน จ ปริมิตาลาโป, มเหสกฺโข จ โหติ มหานุภาโว, านุปฺปตฺติเกน ปฏิภาเนน ปฺหานํ พฺยากรณกุสโล, พุทฺธภูมิยฺจ เอกาย เอว วาจาย อเนกภาสานํ สตฺตานํ อเนเกสํ ปฺหานํ พฺยากรณสมตฺโถ โหติ.

อนภิชฺฌาลุตาย อิจฺฉิตลาภี โหติ, อุฬาเรสุ จ โภเคสุ รุจึ ปฏิลภติ, ขตฺติยมหาสาลาทีนํ สมฺมโต โหติ, ปจฺจตฺถิเกหิ อนภิภวนีโย, อินฺทฺริยเวกลฺลํ น ปาปุณาติ, อปฺปฏิปุคฺคโล จ โหติ. อพฺยาปาเทน ปิยทสฺสโน โหติ สตฺตานํ สมฺภาวนีโย, ปรหิตาภินนฺทิตาย จ สตฺเต อปฺปกสิเรเนว ปสาเทติ, อลูขสภาโว จ โหติ เมตฺตาวิหารี, มเหสกฺโข จ โหติ มหานุภาโว. มิจฺฉาทสฺสนาภาเวน กลฺยาเณ สหาเย ปฏิลภติ, สีสจฺเฉทมฺปิ ปาปุณนฺโต ปาปกมฺมํ น กโรติ, กมฺมสฺสกตาทสฺสนโต อโกตูหลมงฺคลิโก จ โหติ, สทฺธมฺเม จสฺส สทฺธา ปติฏฺิตา โหติ มูลชาตา, สทฺทหติ จ ตถาคตานํ โพธึ, สมยนฺตเรสุ นาภิรมติ อุกฺการฏฺาเน วิย ราชหํโส, ลกฺขณตฺตยปริชานนกุสโล โหติ, อนฺเต จ อนาวรณาณลาภี, ยาว โพธึ น ปาปุณาติ, ตาว ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตนิกาเย อุกฺกฏฺุกฺกฏฺโ จ โหติ, อุฬารุฬารสมฺปตฺติโย ปาปุณาติ.

‘‘อิติ หิทํ สีลํ นาม สพฺพสมฺปตฺตีนํ อธิฏฺานํ, สพฺพพุทฺธคุณานํ ปภวภูมิ, สพฺพพุทฺธกรธมฺมานมาทิ จรณํ มุขํ ปมุข’’นฺติ พหุมานํ อุปฺปาเทตฺวา กายวจีสํยเม, อินฺทฺริยทมเน, อาชีวสมฺปทาย, ปจฺจยปริโภเค จ สติสมฺปชฺพเลน อปฺปมตฺเตน ลาภสกฺการสิโลกํ มิตฺตมุขปจฺจตฺถิกํ วิย สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘กิกีว อณฺฑ’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) วุตฺตนเยน สกฺกจฺจํ สีลํ สมฺปาเทตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. ตฺจ ปเนตํ สีลํ น อตฺตโน ทุคฺคติปริกิเลสวิมุตฺติยา, สุคติยมฺปิ, น รชฺชสมฺปตฺติยา, นจกฺกวตฺติ-นเทว-นสกฺก-นมาร-นพฺรหฺมสมฺปตฺติยา, นาปิ อตฺตโน เตวิชฺชตาทิเหตุ, น ปจฺเจกโพธิยา, อถ โข สพฺพฺุภาเวน สพฺพสตฺตานํ อนุตฺตรสีลาลงฺการสมฺปาทนตฺถเมวาติ ปริณาเมตพฺพํ.

ตถา สกลสํกิเลสนิวาสฏฺานตาย, ปุตฺตทาราทีหิ มหาสมฺพาธตาย, กสิวณิชฺชาทินานาวิธกมฺมนฺตาธิฏฺานพฺยากุลตาย จ ฆราวาสสฺส เนกฺขมฺมสุขาทีนํ อโนกาสตํ, กามานฺจ ‘‘สตฺถธาราลคฺคมธุพินฺทุ วิย จ อวเลยฺหมานา ปริตฺตสฺสาทา วิปุลานตฺถานุพนฺธา’’ติ จ ‘‘วิชฺชุลโตภาเสน คเหตพฺพํ นจฺจํ วิย ปริตฺตกาโลปลพฺภา, อุมฺมตฺตกาลงฺกาโร วิย วิปรีตสฺาย อนุภวิตพฺพา, กรีสาวจฺฉาทนสุขํ วิย ปฏิการภูตา, อุทกเตมิตงฺคุลิยา อุสฺสาวโกทกปานํ วิย อติตฺติกรา, ฉาตชฺฌตฺตโภชนํ วิย สาพาธา, พลิสามิสํ วิย พฺยสนสนฺนิปาตการณา, อคฺคิสนฺตาโป วิย กาลตฺตเยปิ ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุภูตา, มกฺกฏาเลโป วิย พนฺธนิมิตฺตา ฆาตกาวจฺฉาทนกิมิลโย วิย อนตฺถจฺฉาทนา, สปตฺตคามวาโส วิย ภยฏฺานภูตา, ปจฺจตฺถิกโปสโก วิย กิเลสมาราทีนํ อามิสภูตา, ฉณสมฺปตฺติโย วิย วิปริณามทุกฺขา, โกฏรคฺคิ วิย อนฺโตทาหกา, ปุราณกูปาวลมฺพพีรณมธุปิณฺฑํ วิย อเนกาทีนวา, โลณูทกปานํ วิย ปิปาสเหตุภูตา, สุราเมรยํ วิย นีจชนเสวิตา, อปฺปสฺสาทตาย อฏฺิกงฺกลูปมา’’ติอาทินา จ นเยน อาทีนวํ สลฺลกฺเขตฺวา ตพฺพิปริยาเยน เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปสฺสนฺเตน เนกฺขมฺมปวิเวกอุปสมสุขาทีสุ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺเตน เนกฺขมฺมปารมี ปูเรตพฺพา.

ตถา ยสฺมา ปฺา อาโลโก วิย อนฺธกาเรน, โมเหน สห น วตฺตติ, ตสฺมา โมหการณานิ ตาว โพธิสตฺเตน ปริวชฺชิตพฺพานิ. ตตฺถิมานิ โมหการณานิ – อรติ ตนฺที วิชมฺภิตา อาลสิยํ คณสงฺคณิการามตา นิทฺทาสีลตา อนิจฺฉยสีลตา าณสฺมึ อกุตูหลตา มิจฺฉาธิมาโน อปริปุจฺฉกตา กายสฺส น สมฺมาปริหาโร อสมาหิตจิตฺตตา ทุปฺปฺานํ ปุคฺคลานํ เสวนา ปฺวนฺตานํ อปยิรุปาสนา อตฺตปริภโว มิจฺฉาวิกปฺโป วิปรีตาภินิเวโส กายทฬฺหีพหุลตา อสํเวคสีลตา ปฺจ นีวรณานิ. สงฺเขปโต เย วา ปน ธมฺเม อาเสวโต อนุปฺปนฺนา ปฺา น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนา ปริหายติ, อิติ อิมานิ สมฺโมหการณานิ ปริวชฺชนฺเตน พาหุสจฺเจ ฌานาทีสุ จ โยโค กรณีโย.

ตตฺถายํ พาหุสจฺจสฺส วิสยวิภาโค – ปฺจ ขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย จตฺตาริ สจฺจานิ พาวีสตินฺทฺริยานิ ทฺวาทสปทิโก ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, ตถา สติปฏฺานาทโย กุสลาทิธมฺมปฺปการเภทา จ. ยานิ จ โลเก อนวชฺชานิ วิชฺชฏฺานานิ, เย จ สตฺตานํ หิตสุขวิธานโยคฺยา พฺยากรณวิเสสา. อิติ เอวํ ปการํ สกลเมว สุตวิสยํ อุปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมาย ปฺาย สติวีริยุปตฺถมฺภการณาย สาธุกํ อุคฺคหณสวนธารณปริจยปริปุจฺฉาหิ โอคาเหตฺวา ตตฺถ จ ปเรสํ ปติฏฺปเนน สุตมยา ปฺา นิพฺพตฺเตตพฺพา, ตถา ขนฺธาทีนํ สภาวธมฺมานํ อาการปริวิตกฺกนมุเขน เต นิชฺฌานํ ขมาเปนฺเตน จินฺตามยา, ขนฺธาทีนํเยว ปน สลกฺขณสามฺลกฺขณปริคฺคหวเสน โลกิยํ ปริฺํ นิพฺพตฺเตนฺเตน ปุพฺพภาคภาวนาปฺา สมฺปาเทตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘นามรูปมตฺตมิทํ ยถารหํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, น เอตฺถ โกจิ กตฺตา วา กาเรตา วา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ, อุทยพฺพยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขํ, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา’’ติ อชฺฌตฺติกพาหิเร ธมฺเม นิพฺพิเสสํ ปริชานนฺโต ตตฺถ อาสงฺคํ ปชหิตฺวา, ปเร จ ตตฺถ ตํ ชหาเปตฺวา เกวลํ กรุณาวเสเนว ยาว น พุทฺธคุณา หตฺถตลํ อาคจฺฉนฺติ, ตาว ยานตฺตเย สตฺเต อวตารณปริปาจเนหิ ปติฏฺาเปนฺโต, ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติโย จ วสีภาวํ ปาเปนฺโต ปฺาย อติวิย มตฺถกํ ปาปุณาตีติ.

ตถา สมฺมาสมฺโพธิยา กตาภินีหาเรน มหาสตฺเตน ‘‘โก นุ อชฺช ปุฺาณสมฺภาโร อุปจิโต, กิฺจ มยา กตํ ปรหิต’’นฺติ ทิวเส ทิวเส ปจฺจเวกฺขนฺเตน สตฺตหิตตฺถํ อุสฺสาโห กรณีโย, สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อุปการาย อตฺตโน กายํ ชีวิตฺจ โอสฺสชฺชิตพฺพํ, สพฺเพปิ สตฺตา อโนธิโส เมตฺตาย กรุณาย จ ผริตพฺพา, ยา กาจิ สตฺตานํ ทุกฺขุปฺปตฺติ, สพฺพา สา อตฺตนิ ปาฏิกงฺขิตพฺพา, สพฺเพสฺจ สตฺตานํ ปุฺํ อพฺภนุโมทิตพฺพํ, พุทฺธมหนฺตตา อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา, ยฺจ กิฺจิ กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย วา, ตํ สพฺพํ โพธินินฺนจิตฺตปุพฺพงฺคมํ กาตพฺพํ. อิมินา หิ อุปาเยน โพธิสตฺตานํ อปริเมยฺโย ปุฺภาโค อุปจียติ. อปิจ สตฺตานํ ปริโภคตฺถํ ปริปาลนตฺถฺจ อตฺตโน สรีรํ ชีวิตฺจ ปริจฺจชิตฺวา ขุปฺปิปาสาสีตุณฺหวาตาตปาทิทุกฺขปฏิกาโร ปริเยสิตพฺโพ. ยฺจ ยถาวุตฺตทุกฺขปฏิการชํ สุขํ อตฺตนา ปฏิลภติ, ตถา รมณีเยสุ อารามุยฺยานปาสาทตลาทีสุ, อรฺายตเนสุ จ กายจิตฺตสนฺตาปาภาเวน อภินิพฺพุตตฺตา สุขํ วินฺทติ, ยฺจ สุณาติ พุทฺธานุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธโพธิสตฺตานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารภูตํ ฌานสมาปตฺติสุขํ, ตํ สพฺพํ สตฺเตสุ อโนธิโส อุปสํหรติ. อยํ ตาว อสมาหิตภูมิยํ นโย.

สมาหิโต ปน อตฺตนา ยถานุภูตํ วิเสสาธิคมนิพฺพตฺตํ ปีติปสฺสทฺธิสุขํ สพฺพสตฺเตสุ อธิมุจฺจติ, ตถา มหติ สํสารทุกฺเข, ตนฺนิมิตฺตภูเต จ กิเลสาภิสงฺขารทุกฺเข นิมุคฺคํ สตฺตนิกายํ ทิสฺวา ตตฺถปิ เฉทนเภทนผาลนปิสนคฺคิสนฺตาปาทิชนิตา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา นิรนฺตรํ จิรกาลํ เวทิยนฺเต นารเก, อฺมฺํ กุชฺฌนสนฺตาปนวิเหนหึสนปราธีนตาทีหิ ทุกฺขํ อนุภวนฺเต ติรจฺฉาเน, โชติมาลา’กุลสรีเร อุทฺธพาหุวิรวนฺเต อุกฺกามุเข ขุปฺปิปาสาทีหิ ฑยฺหมาเน จ วนฺตเขฬาทิอาหาเร จ มหาทุกฺขํ เวทยมาเน เปเต จ ปริเยฏฺิมูลกํ มหนฺตํ อนยพฺยสนํ ปาปุณนฺเต หตฺถจฺเฉทาทิการณโยเคน ทุพฺพณฺณทุทฺทสิกทลิทฺทตาทิภาเวน ขุปฺปิปาสาทิโยเคน พลวนฺเตหิ อภิภวนียโต, ปเรสํ วหนโต, ปราธีนโต จ นารเก เปเต ติรจฺฉาเน จ อติสยนฺเต อปายทุกฺขนิพฺพิเสสํ ทุกฺขํ อนุภวนฺเต มนุสฺเส จ ตถา วิสยวิสปริโภควิกฺขิตฺตจิตฺตตาย ราคาทิปริยุฏฺาเนน ฑยฺหมาเน วายุเวคสมุฏฺิตชาลาสมิทฺธสุกฺขกฏฺสนฺนิปาเต อคฺคิกฺขนฺเธ วิย อนุปสนฺตปริฬาหวุตฺติเก อนิหตปราธีเน กามาวจรเทเว จ มหตา วายาเมน วิทูรมากาสํ วิคาหิตสกุนฺตา วิย, พลวนฺเตหิ ขิตฺตสรา วิย จ ‘‘สติปิ จิรปฺปวตฺติยํ อนจฺจนฺติกตาย ปาตปริโยสานา อนติกฺกนฺตชาติชรามรณา เอวา’’ติ รูปาวจรารูปาวจรเทเว จ ปสฺสนฺเตน เมตฺตาย กรุณาย จ อโนธิโส สตฺตา ผริตพฺพา. เอวํ กาเยน วาจาย มนสา จ โพธิสมฺภาเร นิรนฺตรํ อุปจินนฺเตน อุสฺสาโห ปวตฺเตตพฺโพ.

อปิจ ‘‘อจินฺเตยฺยาปริมิตวิปุโลฬารวิมลนิรุปมนิรุปกฺกิเลสคุณนิจยนิทานภูตสฺส พุทฺธภาวสฺส อุสฺสกฺกิตฺวา สมฺปหํสนโยคฺยํ วีริยํ นาม อจินฺเตยฺยานุภาวเมว. ยํ น ปจุรชนา โสตุมฺปิ สกฺกุณนฺติ, ปเคว ปฏิปชฺชิตุํ. ตถา หิ ติวิธา อภินีหารจิตฺตุปฺปตฺติ, จตสฺโส พุทฺธภูมิโย, จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ (ที. นิ. ๓.๒๑๐, ๓๑๓; อ. นิ. ๔.๓๒), กรุโณกาสตา, พุทฺธธมฺเมสุ นิชฺฌานกฺขนฺติ, สพฺพธมฺเมสุ นิรุปเลโป, สพฺพสตฺเตสุ ปุตฺตสฺา, สํสารทุกฺเขหิ อปริเขโท, สพฺพเทยฺยธมฺมปริจฺจาโค, เตน จ นิรติมานตา, อธิสีลสิกฺขาทิอธิฏฺานํ, ตตฺถ จ อจลตา, กุสลกิริยาสุ ปีติปาโมชฺชํ, วิเวกนินฺนจิตฺตตา, ฌานานุโยโค, อนวชฺชสุเตน อติตฺติ, ยถาสุตสฺส ธมฺมสฺส ปเรสํ หิตชฺฌาสเยน เทสนา, สตฺตานํ าเย นิเวสนํ, อารมฺภทฬฺหตา, ธีรวีรภาโว, ปราปวาทปราปกาเรสุ วิการาภาโว, สจฺจาธิฏฺานํ, สมาปตฺตีสุ วสีภาโว, อภิฺาสุ พลปฺปตฺติ, ลกฺขณตฺตยาวโพโธ, สติปฏฺานาทีสุ อภิโยเคน โลกุตฺตรมคฺคสมฺภารสมฺภรณํ, นวโลกุตฺตราวกฺกนฺตี’’ติ เอวมาทิกา สพฺพา โพธิสมฺภารปฏิปตฺติ วีริยานุภาเวเนว สมิชฺฌตีติ อภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อโนสฺสชฺชนฺเตน สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ วีริยํ สมฺปาเทตพฺพํ. สมฺปชฺชมาเน จ วีริเย ขนฺติอาทโย ทานาทโย จ สพฺเพปิ โพธิสมฺภารา ตทธีนวุตฺติตาย สมฺปนฺนา เอว โหนฺตีติ. ขนฺติอาทีสุปิ อิมินา นเยน ปฏิปตฺติ เวทิตพฺพา.

อิติ สตฺตานํ สุขูปกรณปริจฺจาเคน พหุธา อนุคฺคหกรณํ ทาเนน ปฏิปตฺติ, สีเลน เตสํ ชีวิตสาปเตยฺยทารรกฺขอเภทปิยหิตวจนาวิหึสาทิกรณานิ, เนกฺขมฺเมน เนสํ อามิสปฏิคฺคหณธมฺมทานาทินา อเนกธา หิตจริยา, ปฺาย เตสํ หิตกรณูปายโกสลฺลํ, วีริเยน ตตฺถ อุสฺสาหารมฺภอสํหีรานิ, ขนฺติยา ตทปราธสหนํ, สจฺเจน เตสํ อวฺจนตทุปการกิริยาสมาทานาวิสํวาทนาทิ, อธิฏฺาเนน ตทุปการกรเณ อนตฺถสมฺปาเตปิ อจลนํ, เมตฺตาย เตสํ หิตสุขานุจินฺตนํ, อุเปกฺขาย เตสํ อุปการาปกาเรสุ วิการานาปตฺตีติ เอวํ อปริมาเณ สตฺเต อารพฺภ อนุกมฺปิตสพฺพสตฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส ปุถุชฺชเนหิ อสาธารโณ อปริมาโณ ปุฺาณสมฺภารูปจโย เอตฺถ ปฏิปตฺตีติ เวทิตพฺพํ. โย เจตาสํ ปจฺจโย วุตฺโต, ตสฺส จ สกฺกจฺจํ สมฺปาทนํ.

โก วิภาโคติ ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺตึส ปารมิโย. ตตฺถ กตาภินีหารสฺส โพธิสตฺตสฺส ปรหิตกรณาภินินฺนอาสยปฺปโยคสฺส กณฺหธมฺมโวกิณฺณา สุกฺกธมฺมา ปารมิโย, เตหิ อโวกิณฺณา สุกฺกา ธมฺมา อุปปารมิโย, อกณฺหา อสุกฺกา ปรมตฺถปารมิโยติ เกจิ. สมุทาคมนกาเลสุ ปูริยมานา ปารมิโย, โพธิสตฺตภูมิยํ ปุณฺณา อุปปารมิโย, พุทฺธภูมิยํ สพฺพาการปริปุณฺณา ปรมตฺถปารมิโย. โพธิสตฺตภูมิยํ วา ปรหิตกรณโต ปารมิโย, อตฺตหิตกรณโต อุปปารมิโย, พุทฺธภูมิยํ พลเวสารชฺชสมธิคเมน อุภยหิตปริปูรณโต ปรมตฺถปารมิโยติ เอวํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปณิธานารมฺภปรินิฏฺาเนสุ เตสํ วิภาโคติ อปเร. โทสุปสมกรุณาปกติกานํ ภวสุขวิมุตฺติสุขปรมสุขปฺปตฺตานํ ปุฺูปจยเภทโต ตพฺพิภาโคติ อฺเ.

ลชฺชาสติมานาปสฺสยานํ โลกุตฺตรธมฺมาธิปตีนํ สีลสมาธิปฺาครุกานํ ตาริตตริตตารยิตูนํ อนุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปารมี, อุปปารมี, ปรมตฺถปารมีติ โพธิตฺตยปฺปตฺติโต ยถาวุตฺตวิภาโคติ เกจิ. จิตฺตปณิธิโต ยาว วจีปณิธิ, ตาว ปวตฺตา สมฺภารา ปารมิโย, วจีปณิธิโต ยาว กายปณิธิ, ตาว ปวตฺตา อุปปารมิโย, กายปณิธิโต ปภุติ ปรมตฺถปารมิโยติ อปเร. อฺเ ปน ‘‘ปรปุฺานุโมทนวเสน ปวตฺตา สมฺภารา ปารมิโย, ปเรสํ การาปนวเสน ปวตฺตา อุปปารมิโย, สยํ กรณวเสน ปวตฺตา ปรมตฺถปารมิโย’’ติ วทนฺติ. ตถา ภวสุขาวโห ปุฺาณสมฺภาโร ปารมี, อตฺตโน นิพฺพานสุขาวโห อุปปารมี, ปเรสํ ตทุภยสุขาวโห ปรมตฺถปารมีติ เอเก.

ปุตฺตทารธนาทิอุปกรณปริจฺจาโค ปน ทานปารมี, อตฺตโน องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี, อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมี. ตถา ปุตฺตทาราทิกสฺส ติวิธสฺสปิ เหตุ อวีติกฺกมนวเสน ติสฺโส สีลปารมิโย, เตสุ เอว ติวิเธสุ วตฺถูสุ อาลยํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา นิกฺขมนวเสน ติสฺโส เนกฺขมฺมปารมิโย, อุปกรณงฺคชีวิตตณฺหํ สมูหนิตฺวา สตฺตานํ หิตาหิตวินิจฺฉยกรณวเสน ติสฺโส ปฺาปารมิโย, ยถาวุตฺตเภทานํ ปริจฺจาคาทีนํ วายมนวเสน ติสฺโส วีริยปารมิโย, อุปกรณงฺคชีวิตนฺตรายกรานํ ขมนวเสน ติสฺโส ขนฺติปารมิโย, อุปกรณงฺคชีวิตเหตุ สจฺจาปริจฺจาควเสน ติสฺโส สจฺจปารมิโย, ทานาทิปารมิโย อกุปฺปาธิฏฺานวเสเนว สมิชฺฌนฺตีติ อุปกรณาทิวินาเสปิ อจลาธิฏฺานวเสน ติสฺโส อธิฏฺานปารมิโย, อุปกรณาทิอุปฆาตเกสุปิ สตฺเตสุ เมตฺตาย อวิชหนวเสน ติสฺโส เมตฺตาปารมิโย, ยถาวุตฺตวตฺถุตฺตยสฺส อุปการาปกาเรสุ สตฺตสงฺขาเรสุ มชฺฌตฺตตาปฏิลาภวเสน ติสฺโส อุเปกฺขาปารมิโยติ เอวมาทินา เอตาสํ วิภาโค เวทิตพฺโพ.

โก สงฺคโหติ เอตฺถ ปน ยถา เอตา วิภาคโต ตึสวิธาปิ ทานปารมีอาทิภาวโต ทสวิธา, เอวํ ทานสีลขนฺติวีริยฌานปฺาสภาเวน ฉพฺพิธา. เอตาสุ หิ เนกฺขมฺมปารมี สีลปารมิยา สงฺคหิตา ตสฺสา ปพฺพชฺชาภาเว, นีวรณวิเวกภาเว ปน ฌานปารมิยา, กุสลธมฺมภาเว ฉหิปิ สงฺคหิตา. สจฺจปารมี สีลปารมิยา เอกเทโสเยว วจีสจฺจวิรติสจฺจปกฺเข, าณสจฺจปกฺเข ปน ปฺาปารมิยา สงฺคหิตา. เมตฺตาปารมี ฌานปารมิยา เอว, อุเปกฺขาปารมี ฌานปฺาปารมีหิ, อธิฏฺานปารมี สพฺพาหิปิ สงฺคหิตาติ.

เอเตสฺจ ทานาทีนํ ฉนฺนํ คุณานํ อฺมฺํ สมฺพนฺธานํ ปฺจทสยุคฬาทีนิ ปฺจทสยุคฬาทิสาธกานิ โหนฺติ – เสยฺยถิทํ? ทานสีลยุคเฬน ปรหิตาหิตานํ กรณากรณยุคฬสิทฺธิ, ทานขนฺติยุคเฬน อโลภาโทสยุคฬสิทฺธิ, ทานวีริยยุคเฬน จาคสุตยุคฬสิทฺธิ, ทานฌานยุคเฬน กามโทสปฺปหานยุคฬสิทฺธิ, ทานปฺายุคเฬน อริยยานธุรยุคฬสิทฺธิ, สีลขนฺติทฺวเยน ปโยคาสยสุทฺธิทฺวยสิทฺธิ, สีลวีริยทฺวเยน ภาวนาทฺวยสิทฺธิ, สีลฌานทฺวเยน ทุสฺสีลฺยปริยุฏฺานปฺปหานทฺวยสิทฺธิ, สีลปฺาทฺวเยน ทานทฺวยสิทฺธิ, ขนฺติวีริยยุคเฬน ขมาเตชทฺวยสิทฺธิ, ขนฺติฌานยุคเฬน วิโรธานุโรธปฺปหานยุคฬสิทฺธิ, ขนฺติปฺายุคเฬน สุฺตาขนฺติปฏิเวธทุกสิทฺธิ, วีริยฌานทุเกน ปคฺคาหาวิกฺเขปทุกสิทฺธิ, วีริยปฺาทุเกน สรณทุกสิทฺธิ, ฌานปฺาทุเกน ยานทุกสิทฺธิ. ทานสีลขนฺติตฺติเกน โลภโทสโมหปฺปหานตฺติกสิทฺธิ, ทานสีลวีริยตฺติเกน โภคชีวิตกายสาราทานตฺติกสิทฺธิ, ทานสีลฌานตฺติเกน ปุฺกิริยวตฺถุตฺติกสิทฺธิ, ทานสีลปฺาติเกน อามิสาภยธมฺมทานตฺติกสิทฺธีติ เอวํ อิตเรหิปิ ติเกหิ จตุกฺกาทีหิ จ ยถาสมฺภวํ ติกานิ จตุกฺกาทีนิ จ โยเชตพฺพานิ.

เอวํ ฉพฺพิธานมฺปิ ปน อิมาสํ ปารมีนํ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. สพฺพปารมีนํ สมูหสงฺคหโต หิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ. เสยฺยถิทํ – สจฺจาธิฏฺานํ, จาคาธิฏฺานํ, อุปสมาธิฏฺานํ, ปฺาธิฏฺานนฺติ. ตตฺถ อธิติฏฺติ เอเตน, เอตฺถ วา อธิติฏฺติ, อธิฏฺานมตฺตเมว วา ตนฺติ อธิฏฺานํ. สจฺจฺจ ตํ อธิฏฺานฺจ, สจฺจสฺส วา อธิฏฺานํ, สจฺจํ อธิฏฺานํ เอตสฺสาติ วา สจฺจาธิฏฺานํ. เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ อวิเสสโต ตาว โลกุตฺตรคุเณ กตาภินีหารสฺส อนุกมฺปิตสพฺพสตฺตสฺส มหาสตฺตสฺส ปริฺานุรูปํ สพฺพปารมิปริคฺคหโต สจฺจาธิฏฺานํ, เตสํ ปฏิปกฺขปริจฺจาคโต จาคาธิฏฺานํ, สพฺพปารมิตาคุเณหิ อุปสมโต อุปสมาธิฏฺานํ, เตหิเยว ปรหิโตปายโกสลฺลโต ปฺาธิฏฺานํ. วิเสสโต ปน ‘‘อตฺถิกชนํ อวิสํวาเทตฺวา ทสฺสามี’’ติ ปฏิชานโต, ปฏิฺํ อวิสํวาเทตฺวา ทานโต, ทานํ อวิสํวาเทตฺวา อนุโมทนโต, มจฺฉริยาทิปฏิปกฺขปริจฺจาคโต, เทยฺยปฏิคฺคาหกทานเทยฺยธมฺมกฺขเยสุ โลภโทสโมหภยวูปสมโต, ยถารหํ ยถากาลํ ยถาวิธานฺจ ทานโต, ปฺุตฺตรโต จ กุสลธมฺมานํ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ ทานํ. ตถา สํวรสมาทานสฺส อวีติกฺกมโต, ทุสฺสีลฺยปริจฺจาคโต, ทุจฺจริตวูปสมโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ สีลํ. ยถาปฏิฺํ ขมนโต, ปราปราธวิกปฺปปริจฺจาคโต, โกธปริยุฏฺานวูปสมโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานา ขนฺติ. ปฏิฺานุรูปํ ปรหิตกรณโต, วิสาทปริจฺจาคโต, อกุสลธมฺมานํ วูปสมโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ วีริยํ. ปฏิฺานุรูปํ โลกหิตานุจินฺตนโต, นีวรณปริจฺจาคโต, จิตฺตวูปสมโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ ฌานํ. ยถาปฏิฺํ ปรหิตูปายโกสลฺลโต, อนุปายกิริยาปริจฺจาคโต, โมหชปริฬาหวูปสมโต, สพฺพฺุตาปฏิลาภโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานา ปฺา.

ตตฺถ เยฺยปฏิฺานุวิธาเนหิ สจฺจาธิฏฺานํ, วตฺถุกามกิเลสกามปริจฺจาเคหิ จาคาธิฏฺานํ, โทสทุกฺขวูปสเมหิ อุปสมาธิฏฺานํ, อนุโพธปฏิเวเธหิ ปฺาธิฏฺานํ. ติวิธสจฺจปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ สจฺจาธิฏฺานํ, ติวิธจาคปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ จาคาธิฏฺานํ, ติวิธวูปสมปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ อุปสมาธิฏฺานํ, ติวิธาณปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ ปฺาธิฏฺานํ. สจฺจาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ จาคูปสมปฺาธิฏฺานานิ อวิสํวาทนโต, ปฏิฺานุวิธานโต จ. จาคาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจูปสมปฺาธิฏฺานานิ ปฏิปกฺขปริจฺจาคโต, สพฺพปริจฺจาคผลตฺตา จ. อุปสมาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจจาคปฺาธิฏฺานานิ กิเลสปริฬาหูปสมโต, กามูปสมโต, กามปริฬาหูปสมโต จ. ปฺาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจจาคูปสมาธิฏฺานานิ าณปุพฺพงฺคมโต, าณานุปริวตฺตนโต จาติ เอวํ สพฺพาปิ ปารมิโย สจฺจปฺปภาวิตา จาคปริพฺยฺชิตา อุปสโมปพฺรูหิตา ปฺาปริสุทฺธา. สจฺจฺหิ เอตาสํ ชนกเหตุ, จาโค ปริคฺคาหกเหตุ, อุปสโม ปริวุฑฺฒิเหตุ, ปฺา ปาริสุทฺธิเหตุ. ตถา อาทิมฺหิ สจฺจาธิฏฺานํ สจฺจปฏิฺตฺตา, มชฺเฌ จาคาธิฏฺานํ กตปณิธานสฺส ปรหิตาย อตฺตปริจฺจาคโต, อนฺเต อุปสมาธิฏฺานํ สพฺพูปสมปริโยสานตฺตา, อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปฺาธิฏฺานํ ตสฺมึ สติ สมฺภวโต, อสติ อภาวโต, ยถาปฏิฺฺจ ภาวโต.

ตตฺถ มหาปุริสา อตฺตหิตปรหิตกเรหิ ครุปิยภาวกเรหิ สจฺจจาคาธิฏฺาเนหิ คิหิภูตา อามิสทาเนน ปเร อนุคฺคณฺหนฺติ. ตถา อตฺตหิตปรหิตกเรหิ ครุปิยภาวกเรหิ อุปสมปฺาธิฏฺาเนหิ จ ปพฺพชิตภูตา ธมฺมทาเนน ปเร อนุคฺคณฺหนฺติ.

ตตฺถ อนฺติมภเว โพธิสตฺตสฺส จตุรธิฏฺานปริปูรณํ. ปริปุณฺณจตุรธิฏฺานสฺส หิ จริมกภวูปปตฺตีติ เอเก. ตตฺร หิ คพฺโภกฺกนฺติิติอภินิกฺขมเนสุ ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน สโต สมฺปชาโน สจฺจาธิฏฺานปาริปูริยา สมฺปติชาโต อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สพฺพา ทิสา โอโลเกตฺวา สจฺจานุปริวตฺตินา วจสา ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโ…เป… เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ชิณฺณาตุรมตปพฺพชิตทสฺสาวิโน จตุธมฺมปเทสโกวิทสฺส โยพฺพนาโรคฺยชีวิตสมฺปตฺติมทานํ อุปสโม, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน มหโต าติปริวฏฺฏสฺส หตฺถคตสฺส จ จกฺกวตฺติรชฺชสฺส อนเปกฺขปริจฺจาโคติ.

ทุติเย าเน อภิสมฺโพธิยํ จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ เกจิ. ตตฺถ หิ ยถาปฏิฺํ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมโย, ตโต หิ สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน สพฺพกิเลโสปกฺกิเลสปริจฺจาโค, ตโต หิ จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ปรมูปสมสมฺปตฺติ, ตโต หิ อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน อนาวรณาณปฏิลาโภ, ตโต หิ ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ, ตํ อสิทฺธํ อภิสมฺโพธิยาปิ ปรมตฺถภาวโต.

ตติเย าเน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ อฺเ. ตตฺถ หิ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส ทฺวาทสหิ อากาเรหิ อริยสจฺจเทสนาย สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ, จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สทฺธมฺมมหายาคกรเณน จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สยํ อุปสนฺตสฺส ปเรสํ อุปสมเนน อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ, ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส วิเนยฺยานํ อาสยาทิปริชานเนน ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ, ตทปิ อสิทฺธํ อปริโยสิตตฺตา พุทฺธกิจฺจสฺส.

จตุตฺเถ าเน ปรินิพฺพาเน จตุรธิฏฺานปริปุณฺณนฺติ อปเร. ตตฺร หิ ปรินิพฺพุตตฺตา ปรมตฺถสจฺจสมฺปตฺติยา สจฺจาธิฏฺานปริปูรณํ, สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺเคน จาคาธิฏฺานปริปูรณํ, สพฺพสงฺขารูปสเมน อุปสมาธิฏฺานปริปูรณํ, ปฺาปโยชนปรินิฏฺาเนน ปฺาธิฏฺานปริปูรณนฺติ.

ตตฺร มหาปุริสสฺส วิเสเสน เมตฺตาเขตฺเต อภิชาติยํ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สจฺจาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน กรุณาเขตฺเต อภิสมฺโพธิยํ ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส ปฺาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน มุทิตาเขตฺเต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส จาคาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน อุเปกฺขาเขตฺเต ปรินิพฺพาเน อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส อุปสมาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ตตฺรปิ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สํวาเสน สีลํ เวทิตพฺพํ, จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส อาปทาสุ ถาโม เวทิตพฺโพ, ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สากจฺฉาย ปฺา เวทิตพฺพา. เอวํ สีลาชีวจิตฺตทิฏฺิวิสุทฺธิโย เวทิตพฺพา.

ตถา สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน โทสา อคตึ น คจฺฉติ อวิสํวาทนโต, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน โลภา อคตึ น คจฺฉติ อนภิสงฺคโต, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ภยา อคตึ น คจฺฉติ อนปราธโต, ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน โมหา อคตึ น คจฺฉติ ยถาภูตาวโพธโต.

ตถา ปเมน อทุฏฺโ อธิวาเสติ, ทุติเยน อลุทฺโธ ปฏิเสวติ, ตติเยน อภีโต ปริวชฺเชติ, จตุตฺเถน อสมฺมูฬฺโห วิโนเทติ. ปเมน เนกฺขมฺมสุขปฺปตฺติ, อิตเรหิ ปวิเวกอุปสมสมฺโพธิสุขปฺปตฺติโย โหนฺตีติ ทฏฺพฺพา. ตถา วิเวกชปีติสุขสมาธิชปีติสุขอปฺปีติชกายสุขสติปาริสุทฺธิชอุเปกฺขาสุขปฺปตฺติโย เอเตหิ จตูหิ ยถากฺกมํ โหนฺตีติ. เอวมเนกคุณานุพนฺเธหิ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สพฺพปารมิสมูหสงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยถา จ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สพฺพปารมิสงฺคโห, เอวํ กรุณาปฺาหิปีติ ทฏฺพฺพํ. สพฺโพปิ หิ โพธิสมฺภาโร กรุณาปฺาหิ สงฺคหิโต. กรุณาปฺาปริคฺคหิตา หิ ทานาทิคุณา มหาโพธิสมฺภารา ภวนฺติ พุทฺธตฺตสิทฺธิปริโยสานาติ เอวเมตาสํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ.

โก สมฺปาทนูปาโยติ สกลสฺสาปิ ปุฺาทิสมฺภารสฺส สมฺมาสมฺโพธึ, อุทฺทิสฺส อนวเสสสมฺภรณํ อเวกลฺลการิตาโยเคน, ตตฺถ จ สกฺกจฺจการิตา อาทรพหุมานโยเคน, สาตจฺจการิตา นิรนฺตรปโยเคน, จิรกาลาทิโยโค จ อนฺตรา อโวสานาปชฺชเนนาติ จตุรงฺคโยโค เอตาสํ สมฺปาทนูปาโย. อปิจ สมาสโต กตาภินีหารสฺส อตฺตนิ สิเนหสฺส ปริยาทานํ, ปเรสุ จ สิเนหสฺส ปริวฑฺฒนํ เอตาสํ สมฺปาทนูปาโย. สมฺมาสมฺโพธิสมธิคมาย หิ กตมหาปณิธานสฺส มหาสตฺตสฺส ยาถาวโต ปริชานเนน สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนุปลิตฺตสฺส อตฺตนิ สิเนโห ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉติ, มหากรุณาสมาโยควเสน ปน ปิเย ปุตฺเต วิย สพฺพสตฺเต สมฺปสฺสมานสฺส เตสุ เมตฺตาสิเนโห ปริวฑฺฒติ. ตโต จ ตํตทาวตฺถานุรูปมตฺตปรสนฺตาเนสุ โลภโทสโมหวิคเมน วิทูรีกตมจฺฉริยาทิโพธิสมฺภารปฏิปกฺโข มหาปุริโส ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ (ที. นิ. ๓.๒๑๐; อ. นิ. ๔.๓๒) จตุรธิฏฺานานุคเตหิ อจฺจนฺตํ ชนสฺส สงฺคหกรณวเสน อุปริ ยานตฺตเย อวตารณํ ปริปาจนฺจ กโรติ. มหาสตฺตานฺหิ มหาปฺา มหากรุณา จ ทาเนน อลงฺกตา; ทานํ ปิยวจเนน; ปิยวจนํ อตฺถจริยาย; อตฺถจริยา สมานตฺตตาย อลงฺกตา สงฺคหิตา จ. สพฺพภูตตฺตภูตสฺส หิ โพธิสตฺตสฺส สพฺพตฺถ สมานสุขทุกฺขตาย สมานตฺตตาสิทฺธิ. พุทฺธภูโต ปน เตเหว สงฺคหวตฺถูหิ จตุรธิฏฺานปริปูริตาภิพุทฺเธหิ ชนสฺส อจฺจนฺติกสงฺคหกรเณน อภิวินยนํ กโรติ. ทานฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ จาคาธิฏฺาเนน ปริปูริตาภิพุทฺธํ; ปิยวจนํ สจฺจาธิฏฺาเนน; อตฺถจริยา ปฺาธิฏฺาเนน; สมานตฺตตา อุปสมาธิฏฺาเนน ปริปูริตาภิพุทฺธา. ตถาคตานฺหิ สพฺพสาวกปจฺเจกพุทฺเธหิ สมานตฺตตา ปรินิพฺพาเน. ตตฺร หิ เตสํ อวิเสสโต เอกีภาโว. เตเนวาห ‘‘นตฺถิ วิมุตฺติยา นานตฺต’’นฺติ.

โหนฺติ เจตฺถ –

‘‘สจฺโจ จาคี อุปสนฺโต, ปฺวา อนุกมฺปโก,

สมฺภตสพฺพสมฺภาโร, กํ นามตฺถํ น สาธเย.

มหาการุณิโก สตฺถา, หิเตสี จ อุเปกฺขโก,

นิรเปกฺโข จ สพฺพตฺถ, อโห อจฺฉริโย ชิโน.

วิรตฺโต สพฺพธมฺเมสุ, สตฺเตสุ จ อุเปกฺขโก,

สทา สตฺตหิเต ยุตฺโต, อโห อจฺฉริโย ชิโน.

สพฺพทา สพฺพสตฺตานํ, หิตาย จ สุขาย จ,

อุยฺยุตฺโต อกิลาสู จ, อโห อจฺฉริโย ชิโน’’ติ. (จริยา. อฏฺ. ๓๒๐ ปกิณฺณกกถา);

กิตฺตเกน กาเลน สมฺปาทนนฺติ เหฏฺิเมน ตาว ปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, มชฺฌิเมน อฏฺาสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, อุปริเมน โสฬสาสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, เอเต จ เภทา ยถากฺกมํ ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวเสน าตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ, ปฺา ติกฺขา. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหติ, วีริยาธิกานํ ปฺา มนฺทา. ปฺานุภาเวน จ สมฺมาสมฺโพธิ อภิคนฺตพฺพาติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อวิเสเสน ปน วิมุตฺติปริปาจนียานํ ธมฺมานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน ตโยเปเต เภทา ยุตฺตาติ วทนฺติ. ติวิธา หิ โพธิสตฺตา อภินีหารกฺขเณ ภวนฺติ อุคฺฆฏิตฺูวิปฺจิตฺูเนยฺยเภเทน. เตสุ อุคฺฆฏิตฺู สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขา จตุปฺปทิกํ คาถํ สุณนฺโต ตติยปเท อปริโยสิเตเยว ฉอภิฺาหิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถุปนิสฺสโย โหติ, ทุติโย สตฺถุ สมฺมุขา จตุปฺปทิกํ คาถํ สุณนฺโต อปริโยสิเตเยว จตุตฺถปเท ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถุปนิสฺสโย โหติ, อิตโร ภควโต สมฺมุขา จตุปฺปทิกํ คาถํ สุตฺวา ปริโยสิตาย คาถาย ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถุปนิสฺสโย ภวติ. ตโยเปเต วินา กาลเภเทน กตาภินีหารลทฺธพฺยากรณา ปารมิโย ปูเรนฺตา ยถากฺกมํ ยถาวุตฺตเภเทน กาเลน สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณนฺติ. เตสุ เตสุ ปน กาลเภเทสุ อปริปุณฺเณสุ เต เต มหาสตฺตา ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ ทานํ เทนฺตาปิ ตทนุรูเป สีลาทิสพฺพปารมิธมฺเม อาจินนฺตาปิ อนฺตรา พุทฺธา ภวิสฺสนฺตีติ อการณเมตํ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต. ปริจฺฉินฺนกาลนิปฺผาทิตํ วิย หิ สสฺสํ ปริจฺฉินฺนกาเล ปรินิปฺผาทิตา สมฺมาสมฺโพธิ. ตทนฺตรา ปน สพฺพุสฺสาเหน วายมนฺเตนาปิ น สกฺกา ปาปุณิตุนฺติ ปารมิปาริปูรี ยถาวุตฺตกาลวิเสสํ วินา น สมฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.

โก อานิสํโสติ เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ –

‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฏิสเตหิปิ;

อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จา’’ติ. อาทินา (อภิ. อฏฺ. ๑.นิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; พุ. วํ. อฏฺ. ๒๗.ทูเรนิทานกถา; จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) –

อฏฺารส อภพฺพฏฺานานุปคมนปฺปการา อานิสํสา สํวณฺณิตา. เย จ ‘‘สโต สมฺปชาโน อานนฺท โพธิสตฺโต ตุสิตากายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๙๙) โสฬส อจฺฉริยพฺภุตธมฺมปฺปการา, เย จ ‘‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ อุปสมฺมตี’’ติอาทินา (พุ. วํ. ๘๓), ‘‘ชายมาเน โข สาริปุตฺต โพธิสตฺเต อยํ ทสสหสฺสิโลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธตี’’ติอาทินา จ ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตปฺปการา, เย วา ปนฺเปิ ‘‘โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายสมิชฺฌนํ กมฺมาทีสุ วสีภาโว’’ติ เอวมาทโย ตตฺถ ตตฺถ ชาตกพุทฺธวํสาทีสุ ทสฺสิตปฺปการา อานิสํสา, เต สพฺเพปิ เอตาสํ อานิสํสา, ตถา ยถานิทสฺสิตเภทา อโลภาโทสาทิคุณยุคฬาทโย จาติ เวทิตพฺพา.

กึ ผลนฺติ สมาสโต ตาว สมฺมาสมฺพุทฺธภาโว เอตาสํ ผลํ, วิตฺถารโต ปน ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณ- (ที. นิ. ๒.๒๔ อาทโย; ๓.๑๖๘ อาทโย; ม. นิ. ๒.๓๘๕) อสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาทิอเนกคุณคณสมุชฺชลรูปกายสมฺปตฺติอธิฏฺานา ทสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณอฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺม- (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕; มูลฏี. ๒.สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา) -ปภุติอเนกสตสหสฺสคุณสมุทโยปโสภินี ธมฺมกายสิรี, ยาวตา ปน พุทฺธคุณา เย อเนเกหิปิ กปฺเปหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธนาปิ วาจาย ปริโยสาเปตุํ น สกฺกา, อิทํ เอตาสํ ผลนฺติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน พุทฺธวํสจริยาปิฏกชาตกมหาปทานสุตฺตาทีนํ วเสน เวทิตพฺโพ.

ยถาวุตฺตาย ปฏิปทาย ยถาวุตฺตวิภาคานํ ปารมีนํ ปูริตภาวํ สนฺธายาห ‘‘สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา’’ติ. สติปิ มหาปริจฺจาคานํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ ‘‘ปฺจ มหาปริจฺจาเค’’ติ วิสุํ คหณํ, ตโตเยว จ องฺคปริจฺจาคโต วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ, ปริคฺคหปริจฺจาคภาวสามฺเปิ ธนรชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ กตํ. คตปจฺจาคติกวตฺตสงฺขาตาย ปุพฺพภาคปฏิปทาย สทฺธึ อภิฺาสมาปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพโยโค. ทานาทีสุเยว สาติสยปฏิปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพจริยา, ยา จริยาปิฏกสงฺคหิตา. อภินีหาโร ปุพฺพโยโค, ทานาทิปฏิปตฺติ, กายวิเวกวเสน เอกจริยา วา ปุพฺพจริยาติ เกจิ. ทานาทีนฺเจว อปฺปิจฺฉตาทีนฺจ สํสารนิพฺพาเนสุ อาทีนวานิสํสาทีนฺจ วิภาวนวเสน สตฺตานํ โพธิตฺตเย ปติฏฺาปนปริปาจนวเสน ปวตฺตา กถา ธมฺมกฺขานํ. าตีนํ อตฺถจริยา าตตฺถจริยา, สาปิ กรุณายนวเสเนว. อาทิ-สทฺเทน โลกตฺถจริยาทโย สงฺคณฺหาติ. กมฺมสฺสกตาาณวเสน, อนวชฺชกมฺมายตนวิชฺชาฏฺานปริจยวเสน, ขนฺธายตนาทิปริจยวเสน, ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน จ าณจาโร พุทฺธิจริยา, สา ปน อตฺถโต ปฺาปารมีเยว, าณสมฺภารทสฺสนตฺถํ วิสุํ คหณํ. โกฏินฺติ ปริยนฺโต, อุกฺกํโสติ อตฺโถ. จตฺตาโร สติปฏฺาเน ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา. พฺรูเหตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา. สติปฏฺานาทิคฺคหเณน อาคมนปฏิปทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสติ, วิปสฺสนาสหคตา เอว วา สติปฏฺานาทโย ทฏฺพฺพา. เอตฺถ จ ‘‘เยน อภินีหาเรนา’’ติอาทินา อาคมนปฏิปทาย อาทึ ทสฺเสติ, ‘‘ทานปารมี’’ติอาทินา มชฺฌํ, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน’’ติอาทินา ปริโยสานนฺติ เวทิตพฺพํ.

สมฺปติชาโตติ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา มุหุตฺตชาโต, น มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโต. นิกฺขนฺตมตฺตฺหิ มหาสตฺตํ ปมํ พฺรหฺมาโน สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน ปฏิคฺคณฺหึสุ, มนุสฺสานํ หตฺถโต มุฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺิโตติ ยถาห ภควา มหาปทานเทสนายํ. เสตมฺหิ ฉตฺเตติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺเต. อนุหีรมาเนติ ธาริยมาเน. เอตฺถ จ ฉตฺตคฺคหเณเนว ขคฺคาทีนิ ปฺจ กกุธภณฺฑานิปิ (ชา. ๒.๑๙.๗๒) วุตฺตาเนวาติ เวทิตพฺพํ. ขคฺคตาลวณฺฏโมรหตฺถกวาฬพีชนีอุณฺหีสปฏฺฏาปิ หิ ฉตฺเตน สห ตทา อุปฏฺิตา อเหสุํ. ฉตฺตาทีนิเยว จ ตทา ปฺายึสุ, น ฉตฺตาทิคาหกา. สพฺพา จ ทิสาติ ทสปิ ทิสา. นยิทํ สพฺพทิสาวิโลกนํ สตฺตปทวีติหารุตฺตรกาลํ ทฏฺพฺพํ. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมทิสํ โอโลเกสิ, ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา, เหฏฺา, อุปรีติ สพฺพา ทิสา อนุวิโลเกตฺวา สพฺพตฺถ อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรา ทิสา’’ติ ตตฺถ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ. อคฺโคติ สพฺพปโม. เชฏฺโ เสฏฺโติ จ ตสฺเสว เววจนํ. อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ พฺยากาสิ.

‘‘อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนา’’ติ สงฺขิตฺเตน วุตฺตมตฺถํ ‘‘ยฺหี’’ติอาทินา วิตฺถารโต ทสฺเสติ. ตตฺถ เอตฺถาติ –

‘‘อเนกสาขฺจ สหสฺสมณฺฑลํ,

ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิกฺเข;

สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา,

น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกา’’ติ. (สุ. นิ. ๖๙๓);

อิมิสฺสา คาถาย. สพฺพฺุตฺาณเมว สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตจารตาย อนาวรณาณนฺติ อาห ‘‘สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺสา’’ติ. ‘‘ตถา อยํ ภควาปิ คโต…เป… ปุพฺพนิมิตฺตภาเวนา’’ติ เอเตน อภิชาติยํ ธมฺมตาวเสน อุปฺปชฺชนวิเสสา สพฺพโพธิสตฺตานํ สาธารณาติ ทสฺเสติ. ปารมิตานิสฺสนฺทา หิ เตติ.

วิกฺกมีติ อคมาสิ. มรูติ เทวา. สมาติ วิโลกนสมตาย สมา สทิสิโย. มหาปุริโส หิ ยถา เอกํ ทิสํ วิโลเกสิ, เอวํ เสสา ทิสาปิ, น กตฺถจิ วิโลกเน วิพนฺโธ ตสฺส อโหสีติ. สมาติ วา วิโลเกตุํ ยุตฺตาติ อตฺโถ. น หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส วิรูปพีภจฺฉวิสมรูปานิ วิโลเกตุํ อยุตฺตานิ ทิสาสุ อุปฏฺหนฺตีติ.

‘‘เอวํ ตถาคโต’’ติ กายคมนฏฺเน คต-สทฺเทน ตถาคต-สทฺทํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ าณคมนฏฺเน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เนกฺขมฺเมนาติ อโลภปฺปธาเนน กุสลจิตฺตุปฺปาเทน. กุสลา หิ ธมฺมา อิธ เนกฺขมฺมํ, น ปพฺพชฺชาทโย, ‘‘ปมชฺฌาเนนา’’ติ จ วทนฺติ. ปหายาติ ปชหิตฺวา. คโต อธิคโต, ปฏิปนฺโน อุตฺตริวิเสสนฺติ อตฺโถ. ปหายาติ วา ปหานเหตุ, ปหานลกฺขณํ วา. เหตุลกฺขณตฺโถ หิ อยํ ปหาย-สทฺโท. ‘‘กามจฺฉนฺทาทิปฺปหานเหตุกํ คโต’’ติ เหตฺถ วุตฺตํ คมนํ อวโพโธ, ปฏิปตฺติ เอว วา. กามจฺฉนฺทาทิปฺปหาเนน จ ตํ ลกฺขียติ. เอส นโย ‘‘ปทาเลตฺวา’’ติอาทีสุปิ. อพฺยาปาเทนาติ เมตฺตาย. อาโลกสฺายาติ วิภูตํ กตฺวา มนสิกรเณน อุปฏฺิตอาโลกสฺชานเนน. อวิกฺเขเปนาติ สมาธินา. ธมฺมววตฺถาเนนาติ กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาววินิจฺฉเยน, ‘‘สปฺปจฺจยนามรูปววตฺถาเนนา’’ติปิ วทนฺติ.

เอวํ กามจฺฉนฺทาทินีวรณปฺปหาเนน ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) วุตฺตาย ปมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทาย ภควโต ตถาคตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สห อุปาเยน อฏฺหิ สมาปตฺตีหิ, อฏฺารสหิ จ มหาวิปสฺสนาหิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘าเณนา’’ติอาทิมาห. นามรูปปริคฺคหกงฺขาวิตรณานฺหิ วิพนฺธภูตสฺส โมหสฺส ทูรีกรเณน าตปริฺายํ ิตสฺส อนิจฺจสฺาทโย สิชฺฌนฺติ, ตถา ฌานสมาปตฺตีสุ อภิรตินิมิตฺเตน ปาโมชฺเชน, ตตฺถ อนภิรติยา วิโนทิตาย ฌานาทิ สมธิคโมติ สมาปตฺติวิปสฺสนานํ อรติวิโนทนอวิชฺชาปทาลนาทิ อุปาโย, อุปฺปฏิปาฏินิทฺเทโส ปน นีวรณสภาวาย อวิชฺชาย เหฏฺา นีวรเณสุปิ สงฺคหทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. สมาปตฺติวิหารปฺปเวสวิพนฺธเนน นีวรณานิ กวาฏสทิสานีติ อาห ‘‘นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา’’ติ. ‘‘รตฺตึ วิตกฺเกตฺวา วิจาเรตฺวา ทิวา กมฺมนฺเต ปโยเชตี’’ติ วุตฺตฏฺาเน วิย วิตกฺกวิจารา ธูมายนาติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘วิตกฺกวิจารธูม’’นฺติ. กิฺจาปิ ปมชฺฌานูปจาเรเยว จ ทุกฺขํ, จตุตฺถชฺฌานูปจาเรเยว สุขํ ปหียติ, อติสยปฺปหานํ ปน สนฺธายาห ‘‘จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหายา’’ติ.

อนิจฺจสฺส, อนิจฺจนฺติ อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา, เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ปวตฺตาย วิปสฺสนาเยตํ นามํ. นิจฺจสฺนฺติ สงฺขตธมฺเม ‘‘นิจฺจา, สสฺสตา’’ติ เอวํ ปวตฺตมิจฺฉาสฺํ, สฺาสีเสน ทิฏฺิจิตฺตานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. นิพฺพิทานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ นิพฺพิชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํ. ตถา วิราคานุปสฺสนายาติ วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นิโรธานุปสฺสนายาติ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนาย. ‘‘เต สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายตึ สมุทยวเสน น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ วา อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. เตเนวาห ‘‘นิโรธานุปสฺสนาย นิโรเธติ, โน สมุเทตี’’ติ. มุฺจิตุกมฺยตา หิ อยํ พลปฺปตฺตาติ. ปฏินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา. ปฏิสงฺขา สนฺติฏฺนา หิ อยํ. อาทานนฺติ นิจฺจาทิวเสน คหณํ. สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณานํ วเสน เอกตฺตคฺคหณํ ฆนสฺา. อายูหนํ อภิสงฺขรณํ. อวตฺถาวิเสสาปตฺติ วิปริณาโม. ธุวสฺนฺติ ถิรภาวคฺคหณํ. นิมิตฺตนฺติ สมูหาทิฆนวเสน, สกิจฺจปริจฺเฉทตาย จ สงฺขารานํ สวิคฺคหคฺคหณํ. ปณิธินฺติ ราคาทิปณิธึ, สา ปนตฺถโต ตณฺหานํ วเสน สงฺขาเรสุ นินฺนตา.

อภินิเวสนฺติ อตฺตานุทิฏฺึ. อนิจฺจทุกฺขาทิวเสน สพฺพธมฺมตีรณํ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา. สาราทานาภินิเวสนฺติ อสาเร สารคฺคหณวิปลฺลาสํ. ‘‘อิสฺสรกุตฺตาทิวเสน โลโก สมุปฺปนฺโน’’ติ อภินิเวโส สมฺโมหาภินิเวโส. เกจิ ปน ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธานนฺติอาทินา ปวตฺตสํสยาปตฺติ สมฺโมหาภินิเวโส’’ติ วทนฺติ. สงฺขาเรสุ เลณตาณภาวคฺคหณํ อาลยาภินิเวโส. ‘‘อาลยรตา อาลยสมุทิตา’’ติ วจนโต อาลโย ตณฺหา, สาเยว จกฺขาทีสุ รูปาทีสุ จ อภินิวิสนวเสน ปวตฺติยา อาลยาภินิเวโสติ เกจิ. ‘‘เอวํวิธา สงฺขารา ปฏินิสฺสชฺชียนฺตี’’ติ ปวตฺตํ าณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา. วฏฺฏโต วิคตตฺตา วิวฏฺฏํ นิพฺพานํ, ตตฺถ อารมฺมณกรณสงฺขาเตน อนุปสฺสเนน ปวตฺติยา วิวฏฺฏานุปสฺสนา โคตฺรภุ. สํโยคาภินิเวสนฺติ สํยุชฺชนวเสน สงฺขาเรสุ อภินิวิสนํ. ทิฏฺเกฏฺเติ ทิฏฺิยา สหชาเตกฏฺเ, ปหาเนกฏฺเ จ. ‘‘โอฬาริเก’’ติ อุปริมคฺควชฺเฌ กิเลเส อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ, อฺถา ทสฺสนปหาตพฺพาปิ ทุติยมคฺควชฺเฌหิ โอฬาริกาติ. อณุสหคเตติ อณุภูเต, อิทํ เหฏฺิมมคฺควชฺเฌ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. สพฺพกิเลเสติ อวสิฏฺสพฺพกิเลเส. น หิ ปมาทิมคฺเคหิ ปหีนา กิเลสา ปุน ปหียนฺตีติ.

กกฺขฬตฺตํ กินภาโว. ปคฺฆรณํ ทฺรวภาโว. โลกิยวายุนา ภสฺตสฺส วิย เยน ตํตํกลาปสฺส อุทฺธุมายนํ, ถมฺภภาโว วา, ตํ วิตฺถมฺภนํ. วิชฺชมาเนปิ กลาปนฺตรภูตานํ กลาปนฺตรภูเตหิ อสมฺผุฏฺภาเว, ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโต อากาโสติ เยสํ โย ปริจฺเฉโท, เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว, อฺถา ภูตานํ ปริจฺเฉทสภาโว น สิยา พฺยาปีภาวาปตฺติโต. อพฺยาปิตา หิ อสมฺผุฏฺตาติ. ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตหิ อสมฺผุฏฺภาโว อสมฺผุฏฺลกฺขณํ. เตนาห ภควา อากาสธาตุนิทฺเทเส ‘‘อสมฺผุฏฺํ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ (ธ. ส. ๖๓๗).

วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนํ. เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมานํ เจตนาวเสเนตํ วุตฺตํ ‘‘สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณ’’นฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภงฺเค ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา (วิภ. ๙๒) เจตนาว วิภตฺตา, อภิสงฺขรณลกฺขณา จ เจตนา. ยถาห ‘‘ตตฺถ กตโม ปุฺาภิสงฺขาโร? กุสลา เจตนา กามาวจรา’’ติอาทิ (วิภ. ๒๒๖). ผรณํ สวิปฺผาริกตา. อสฺสทฺธิเยติ อสฺสทฺธิยเหตุ, นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ. เอส นโย ‘‘โกสชฺเช’’ติอาทีสุ. วูปสมลกฺขณนฺติ กายจิตฺตปริฬาหูปสมลกฺขณํ. ลีนุทฺธจฺจรหิเต อธิจิตฺเต ปวตฺตมาเน ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฏตาย อชฺฌุเปกฺขนํ ปฏิสงฺขานํ ปกฺขปาตุปจฺเฉทโต.

มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฏิปกฺขภาวโต ปริคฺคาหิกา สมฺมาวาจา สินิทฺธภาวโต สมฺปยุตฺตธมฺเม, สมฺมาวาจาปจฺจยสุภาสิตานํ โสตารฺจ ปุคฺคลํ ปริคฺคณฺหาตีติ สา ปริคฺคหลกฺขณา สมฺมาวาจา. กายิกกิริยา กิฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฏฺาเปติ. สยฺจ สมุฏฺหนํ ฆฏนํ โหตีติ สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา วิรติ สมุฏฺานลกฺขณา ทฏฺพฺพา, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺาปนํ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย. ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา ชีวิตินฺทฺริยวุตฺติยา, อาชีวสฺเสว วา สุทฺธิ โวทานํ. สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส จิตฺตสฺส สํกิเลสปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา สมฺมเทว ปคฺคณฺหนํ ปคฺคโห.

‘‘สงฺขารา’’ติ อิธ เจตนา อธิปฺเปตาติ วุตฺตํ ‘‘สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณ’’นฺติ. นมนํ อารมฺมณาภิมุขภาโว. อายตนํปวตฺตนํ. อายตนานํ วเสน หิ อายสงฺขาตานํ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติ. ตณฺหาย เหตุลกฺขณนฺติ วฏฺฏสฺส ชนกเหตุภาโว, มคฺคสฺส ปน นิพฺพานสมฺปาปกตฺตนฺติ อยเมว เตสํ วิเสโส.

ตถลกฺขณํ อวิปรีตสภาโว. เอกรโส อฺมฺานติวตฺตนํ อนูนาธิกภาโว. ยุคนทฺธา สมถวิปสฺสนาว, ‘‘สทฺธาปฺา ปคฺคหาวิกฺเขปา’’ติปิ วทนฺติ.

ขิโณติ กิเลเสติ ขโย, มคฺโค. อนุปฺปาทปริโยสานตาย อนุปฺปาโท, ผลํ. ปสฺสทฺธิ กิเลสวูปสโม.

ฉนฺทสฺสาติ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทสฺส. มูลลกฺขณํ ปติฏฺาภาโว. สมุฏฺาปนลกฺขณํ อารมฺมณปฏิปาทกตาย สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปฺปตฺติเหตุตา. สโมธานํ วิสยาทิสนฺนิปาเตน คเหตพฺพากาโร, ยา ‘‘สงฺคตี’’ติ วุจฺจติ. สมํ สห โอทหนฺติ อเนน สมฺปยุตฺตธมฺมาติ วา สโมธานํ, ผสฺโส. สโมสรนฺติ สนฺนิปตนฺติ เอตฺถาติ สโมสรณํ. เวทนาย วินา อปฺปวตฺตมานา สมฺปยุตฺตธมฺมา เวทนานุภวนนิมิตฺตํ สโมสฏา วิย โหนฺตีติ เอวํ วุตฺตํ. โคปานสีนํ กูฏํ วิย สมฺปยุตฺตานํ ปาโมกฺขภาโว ปมุขลกฺขณํ. ตโต, เตสํ วา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุตฺตริ ปธานนฺติ ตทุตฺตริ. ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา. วิมุตฺติยาติ ผลสฺส. ตฺหิ สีลาทิคุณสารสฺส ปรมุกฺกํสภาเวน สารํ. อยฺจ ลกฺขณวิภาโค ฉธาตุปฺจฌานงฺคาทิวเสน ตํตํสุตฺตปทานุสาเรน, โปราณฏฺกถาย อาคตนเยน จ กโตติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ วุตฺโตปิ โกจิ ธมฺโม ปริยายนฺตรปฺปกาสนตฺถํ ปุน ทสฺสิโต, ตโต เอว จ ‘‘ฉนฺทมูลกา กุสลา ธมฺมา มนสิการสมุฏฺานา, ผสฺสสโมธานา, เวทนาสโมสรณา’’ติ, ‘‘ปฺุตฺตรา กุสลา ธมฺมา’’ติ, ‘‘วิมุตฺติสารมิทํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ, ‘‘นิพฺพาโนคธฺหิ อาวุโส พฺรหฺมจริยํ นิพฺพานปริโยสาน’’นฺติ จ สุตฺตปทานํ วเสน ‘‘ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.

ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อวิปรีตสภาวตฺตา. ตถานิ ตํสภาวตฺตา. อวิตถานิ อมุสาสภาวตฺตา. อนฺถานิ อฺาการรหิตตฺตา.

ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ชาติปจฺจยา สมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปวตฺตตฺโถติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ, น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตีติ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ. อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺโ. ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปํ ปาตุภาโวติ อตฺโถ. อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโติ เอตฺถาปิ น อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย น โหติ, น จ อวิชฺชํ วินา สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ. ยา ยา อวิชฺชา เยสํ เยสํ สงฺขารานํ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, อยํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ, ปจฺจยภาโวติ อตฺโถ.

ภควา ตํ ชานาติ ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. เตนาติ ภควตา. ตํ วิภชฺชมานนฺติ โยเชตพฺพํ. นฺติ รูปายตนํ. อิฏฺานิฏฺาทีติ อาทิ-สทฺเทน มชฺฌตฺตํ สงฺคณฺหาติ, ตถา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนปริตฺตอชฺฌตฺตพหิทฺธาตทุภยาทิเภทํ. ลพฺภมานกปทวเสนาติ ‘‘รูปายตนํ ทิฏฺํ สทฺทายตนํ สุตํ คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฏฺพฺพายตนํ มุตํ, สพฺพํ รูปํ มนสา วิฺาต’’นฺติ (ธ. ส. ๙๖๖) วจนโต ทิฏฺปทฺจ วิฺาตปทฺจ รูปารมฺมเณ ลพฺภติ. ‘‘รูปารมฺมณํ อิฏฺํ อนิฏฺํ มชฺฌตฺตํ ปริตฺตํ อตีตํ อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา ทิฏฺํ วิฺาตํ รูปํ รูปายตนํ รูปธาตุ วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติ เอวมาทีหิ อเนเกหิ นาเมหิ. ‘‘เตรสหิ วาเรหี’’ติ รูปกณฺเฑ (ธ. ส. ๖๑๔ อาทโย) อาคเต เตรส นิทฺเทสวาเร สนฺธายาห. เอเกกสฺมิฺจ วาเร จตุนฺนํ จตุนฺนํ ววตฺถาปนนยานํ วเสน ‘‘ทฺวิปฺาสาย นเยหี’’ติ อาห. ตถเมว อวิปรีตทสฺสิตาย, อปฺปฏิวตฺติยเทสนตาย จ. ชานามิ อพฺภฺาสินฺติ วตฺตมานาตีตกาเลสุ าณปฺปวตฺติทสฺสเนน อนาคเตปิ าณปฺปวตฺติ วุตฺตาเยวาติ ทฏฺพฺพา. วิทิต-สทฺโท อนามฏฺกาลวิเสโส เวทิตพฺโพ, ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๙๖๖) วิย. น อุปฏฺาสีติ อตฺตตฺตนิยวเสน น อุปคจฺฉิ. ยถา รูปารมฺมณาทโย ธมฺมา ยํสภาวา ยํปการา จ, ตถา เน ปสฺสติ ชานาติ คจฺฉตีติ ตถาคโตติ เอวํ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘นิรุตฺตินเยน ปิโสทราทิปกฺเขเปน วา ทสฺสี-สทฺทสฺส โลปํ, อาคต-สทฺทสฺส จาคมํ กตฺวา ตถาคโต’’ติ วณฺเณนฺติ.

นิทฺโทสตาย อนุปวชฺชํ. ปกฺขิปิตพฺพาภาเวน อนูนํ. อปเนตพฺพาภาเวน อนธิกํ. อตฺถพฺยฺชนาทิสมฺปตฺติยา สพฺพาการปริปุณฺณํ. โน อฺถาติ ‘‘ตเถวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรเกน สมฺปาเทติ. เตน ยทตฺถํ ภาสิตํ, เอกนฺเตน ตทตฺถนิปฺผาทนโต ยถา ภาสิตํ ภควตา, ตเถวาติ อวิปรีตเทสนตํ ทสฺเสติ. ‘‘คทตฺโถ’’ติ เอเตน ตถํ คทตีติ ตถาคโตติ -การสฺส -กาโร กโต นิรุตฺตินเยนาติ ทสฺเสติ.

ตถา คตมสฺสาติ ตถาคโต, คตนฺติ จ กายสฺส วาจาย วา ปวตฺตีติ อตฺโถ. ตถาติ จ วุตฺเต ยํตํ-สทฺทานํ อพฺยภิจาริสมฺพนฺธิตาย ‘‘ยถา’’ติ อยมตฺโถ อุปฏฺิโตเยว โหติ. กายวจีกิริยานฺจ อฺมฺานุโลเมน วจนิจฺฉายํ, กายสฺส วาจา, วาจาย จ กาโย สมฺพนฺธีภาเวน อุปติฏฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. อิมสฺมึ ปน อตฺเถ ตถาวาทิตาย ตถาคโตติ อยมฺปิ อตฺโถ สิทฺโธ โหติ. โส ปน ปุพฺเพ ปการนฺตเรน ทสฺสิโตติ อาห ‘‘เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต’’ติ.

‘‘ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสู’’ติ เอเตน ยเทเก ‘‘ติริยํ วิย อุปริ อโธ จ สนฺติ โลกธาตุโย’’ติ วทนฺติ, ตํ ปฏิเสเธติ. เทสนาวิลาโสเยว เทสนาวิลาสมโย ยถา ‘‘ปุฺมยํ, ทานมย’’นฺติอาทีสุ.

อุปสคฺคนิปาตานํ วาจกสทฺทสนฺนิธาเน ตทตฺถโชตนภาเวน ปวตฺตนโต คต-สทฺโทเยว อวคตตฺถํ อตีตตฺถฺจ วทตีติ อาห ‘‘คโตติ อวคโต อตีโต’’ติ. อถ วา อภินีหารโต ปฏฺาย ยาว สมฺโพธิ, เอตฺถนฺตเร มหาโพธิยานปฏิปตฺติยา หานานสํกิเลสนิวตฺตีนํ อภาวโต ยถา ปณิธานํ, ตถา คโต อภินีหารานุรูปํ ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. อถ วา มหิทฺธิกตาย, ปฏิสมฺภิทานํ อุกฺกํสาธิคเมน อนาวรณตาย จ กตฺถจิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถา รุจิ, ตถา กายวจีจิตฺตานํ คตานิ คมนานิ ปวตฺติโย เอตสฺสาติ ตถาคโต. ยสฺมา จ โลเก วิธยุตฺตคตปการ-สทฺทา สมานตฺถา ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ยถา วิธา วิปสฺสีอาทโย ภควนฺโต, อยมฺปิ ภควา ตถา วิโธติ ตถาคโต. ยถา ยุตฺตา จ เต ภควนฺโต อยมฺปิ ภควา ตถา ยุตฺโตติ ตถาคโต. อถ วา ยสฺมา สจฺจํ ตจฺฉํ ตถนฺติ าณสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา ตเถน าเณน อาคโตติ ตถาคโตติ. เอวมฺปิ ตถาคต-สทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ –

‘‘ปหาย กามาทิมเล ยถา คตา,

สมาธิาเณหิ วิปสฺสิอาทโย;

มเหสิโน สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,

ตถาคโต เตน ตถาคโต มโต.

ตถฺจ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,

สภาวสามฺวิภาคเภทโต;

สยมฺภุาเณน ชิโน สมาคโต,

ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.

ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,

ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;

อนฺเนยฺเยน ยโต วิภาวิตา,

ยาถาวโต เตน ชิโน ตถาคโต.

อเนกเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,

ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;

วิจิตฺตเภทํ ตถเมว ทสฺสนํ,

ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.

ยโต จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,

กโรติ วาจายนุโลม มตฺตโน;

คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺย อิริยติ,

ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.

ยถาภินีหารมโต ยถารุจิ,

ปวตฺตวาจาตนุจิตฺตภาวโต;

ยถาวิธา เยน ปุรา มเหสิโน,

ตถาวิโธ เตน ชิโน ตถาคโต’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘);

สงฺคหคาถา มุขมตฺตเมว. กสฺมา? อปฺปมาทปทํ วิย สกลธมฺมปฏิปตฺติยา สพฺพพุทฺธคุณานํ สงฺคาหกตฺตา. เตเนวาห ‘‘สพฺพากาเรนา’’ติอาทิ.

‘‘ตํ กตมนฺติ ปุจฺฉตี’’ติ เอเตน ‘‘กตมฺจ ตํ ภิกฺขเว’’ติอาทิวจนสฺส สามฺโต ปุจฺฉาภาโว ทสฺสิโต อวิเสสโต หิ ตสฺส ปุจฺฉาวิเสสภาวาปนตฺถํ มหานิทฺเทเส อาคตา สพฺพาว ปุจฺฉา อตฺถุทฺธารนเยน ทสฺเสติ ‘‘ตตฺถ ปุจฺฉา นามา’’ติอาทินา. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ตํ กตมนฺติ ปุจฺฉตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ สามฺโต ปุจฺฉาวจนํ, ตสฺมึ.

ลกฺขณนฺติ าตุํ อิจฺฉิโต โย โกจิ สภาโว. ‘‘อฺาต’’นฺติ เยน เกนจิ าเณน อฺาตภาวมาห, ‘‘อทิฏฺ’’นฺติ ทสฺสนภูเตน าเณน ปจฺจกฺขํ วิย อทิฏฺตํ. ‘‘อตุลิต’’นฺติ ‘‘เอตฺตกเมต’’นฺติ ตุลนภูเตน อตูลิตตํ, ‘‘อตีริต’’นฺติ ตีรณภูเตน อกตาณกิริยาสมาปนตํ, ‘‘อวิภูต’’นฺติ าณสฺส อปากฏภาวํ, ‘‘อวิภาวิต’’นฺติ าเณน อปากฏีกตภาวํ. อทิฏฺํ โชตียติ เอตายาติ อทิฏฺโชตนา. ทิฏฺํ สํสนฺทียติ เอตายาติ ทิฏฺสํสนฺทนา, สากจฺฉาวเสน วินิจฺฉยกรณํ. วิมติ ฉิชฺชติ เอตายาติ วิมติจฺเฉทนา. อนุมติยา ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา. ‘‘ตํ กึ มฺถ ภิกฺขเว’’ติอาทิ ปุจฺฉาย หิ ‘‘กา ตุมฺหากํ อนุมตี’’ติ อนุมติ ปุจฺฉิตา โหติ. กเถตุกมฺยตาติ กเถตุกมฺยตาย.

. สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อตีว ปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต. สตฺโตติ ขนฺธสนฺตาโน. ตตฺถ หิ สตฺตปฺตฺติ. ชีวิตินฺทฺริยนฺติ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยํ. รูปชีวิตินฺทฺริเย หิ วิโกปิเต อิตรมฺปิ ตํสมฺพนฺธตาย วินสฺสติ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘ปาณสฺส อติปาโต, ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สตฺโต’’ติ จ เอกวจนนิทฺเทโส กโต, นนุ นิรวเสสานํ ปาณานํ อติปาตโต วิรติ อิธ อธิปฺเปตา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ สพฺเพ ปาณภูเต’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.จูฬสีลวณฺณนา) พหุวจนนิทฺเทสนฺติ? สจฺจเมตํ, ปาณภาวสามฺวเสน ปเนตฺถ เอกวจนนิทฺเทโส กโต, สพฺพสทฺทสนฺนิธาเนน ตตฺถ ปุถุตฺตํ วิฺายมานเมวาติ สามฺนิทฺเทสํ อกตฺวา เภทวจนิจฺฉาวเสน พหุวจนนิทฺเทโส กโตติ. กิฺจ ภิยฺโยสามฺโต สํวรสมาทานํ, ตพฺพิเสสโต สํวรเภโทติ อิมสฺส วิเสสสฺส าปนตฺถํ อยํ วจนเภโท กโตติ เวทิตพฺโพ. ยาย เจตนาย วตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส นิสฺสยภูเตสุ มหาภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุ ตํ มหาภูตปฺปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, สา ตาทิสปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปาณาติปาโต. ลทฺธุปกฺกมานิ หิ ภูตานิ อิตรภูตานิ วิย น วิสทานีติ สมานชาติยานํ การณํ น โหนฺตีติ. ‘‘กายวจีทฺวาราน’’นฺติ เอเตน มโนทฺวาเร ปวตฺตาย วธกเจตนาย ปาณาติปาตภาวํ ปฏิกฺขิปติ.

ปโยควตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺชตา เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานาย เจตนาย พลวภาวโต เวทิตพฺพา. ยถาธิปฺเปตสฺส หิ ปโยคสฺส สหสา นิปฺผาทนวเสน กิจฺจสาธิกาย พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวเนหิ ลทฺธาเสวนาย จ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย วเสน ปโยคสฺส มหนฺตภาโว. สติปิ กทาจิ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ปาเณ ปโยคสฺส สมภาเว มหนฺตํ หนนฺตสฺส เจตนา ติพฺพตรา อุปฺปชฺชตีติ วตฺถุสฺส มหนฺตภาโว. อิติ อุภยํ เปตํ เจตนาย พลวภาเวเนว โหติ. ตถา หิ หนฺตพฺพสฺส มหาคุณภาเวน ตตฺถ ปวตฺตอุปการเจตนา วิย เขตฺตวิเสสนิพฺพตฺติยา อปการเจตนาปิ พลวตี, ติพฺพตรา จ อุปฺปชฺชตีติ ตสฺสา มหาสาวชฺชตา ทฏฺพฺพา. ตสฺมา ปโยควตฺถุอาทิปจฺจยานํ อมหตฺเตปิ มหาคุณตาทิปจฺจเยหิ เจตนาย พลวภาวาทิวเสเนว มหาสาวชฺชภาโว เวทิตพฺโพ.

สมฺภรียนฺติ เอเตหีติ สมฺภารา, องฺคานิ. เตสุ ปาณสฺิตาวธกจิตฺตานิ ปุพฺพภาคิยานิปิ โหนฺติ. อุปกฺกโม วธกเจตนาสมุฏฺาปิโต. ปฺจสมฺภารวตี ปาณาติปาตเจตนาติ สา ปฺจสมฺภารวินิมุตฺตา ทฏฺพฺพา. วิชฺชามโย มนฺตปริชปฺปนปโยโค อาถพฺพณิกาทีนํ วิย. อิทฺธิมโย กมฺมวิปากชิทฺธิมโย ทาาโกฏกาทีนํ วิย. อติวิย ปปฺโจติ อติมหาวิตฺถาโร.

เอตฺถาห – ขเณ ขเณ นิรุชฺฌนสภาเวสุ สงฺขาเรสุ โก หนฺติ, โก วา หฺติ, ยทิ จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน, โส อรูปตาย น เฉทนเภทนาทิวเสน วิโกปนสมตฺโถ, นาปิ วิโกปนีโย, อถ รูปสนฺตาโน, โส อเจตนตาย กฏฺกลิงฺครูปโมติ น ตตฺถ เฉทนาทินา ปาณาติปาโต ลพฺภติ ยถา มตสรีเร, ปโยโคปิ ปาณาติปาตสฺส ปหรณปฺปการาทิ อตีเตสุ วา สงฺขาเรสุ ภเวยฺย อนาคเตสุ วา ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วา, ตตฺถ น ตาว อตีตานาคเตสุ สมฺภวติ เตสํ อภาวโต, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ จ สงฺขารานํ ขณิกตฺตา สรเสเนว นิรุชฺฌนสภาวตาย วินาสาภิมุเขสุ นิปฺปโยชโน ปโยโค สิยา, วินาสสฺส จ การณรหิตตฺตา น ปหรณปฺปการาทิปโยคเหตุกํ มรณํ, นิรีหกตาย จ สงฺขารานํ กสฺส โส ปโยโค, ขณิกตฺตา วธาธิปฺปายสมกาลภิชฺชนกสฺส กิริยาปริโยสานกาลานวฏฺานโต กสฺส วา ปาณาติปาตกมฺมพทฺโธติ.

วุจฺจเต – ยถาวุตฺตวธกเจตนาสหิโต สงฺขารานํ ปุฺโช สตฺตสงฺขาโต หนฺตา, เตน ปวตฺติตวธกปโยคนิมิตฺตํ อปคตุสฺมาวิฺาณชีวิตินฺทฺริโย มตโวหารปฺปวตฺตินิพนฺโธ ยถาวุตฺตวธปฺปโยคากรเณ อุปฺปชฺชนารโห รูปารูปธมฺมสมูโห หฺติ, เกวโล วา จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน. วธปฺปโยคาวิสยภาเวปิ ตสฺส ปฺจโวการภเว รูปสนฺตานาธีนวุตฺติตาย รูปสนฺตาเน ปเรน ปโยชิตชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยควเสน ตนฺนิพฺพตฺติวิพนฺธกวิสทิสรูปุปฺปตฺติยา วิหเต วิจฺเฉโท โหตีติ น ปาณาติปาตสฺส อสมฺภโว, นาปิ อเหตุโก ปาณาติปาโต, น จ ปโยโค นิปฺปโยชโน ปจฺจุปฺปนฺเนสุ สงฺขาเรสุ กตปโยควเสน ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชนารหสฺส สงฺขารกลาปสฺส ตถา อนุปฺปตฺติโต, ขณิกานํ สงฺขารานํ ขณิกมรณสฺส อิธ มรณภาเวน อนธิปฺเปตตฺตา, สนฺตติมรณสฺส จ ยถาวุตฺตนเยน สเหตุกภาวโต น อเหตุกํ มรณํ, น จ กตฺตุรหิโต ปาณาติปาตปฺปโยโค นิรีหเกสุปิ สงฺขาเรสุ สนฺนิหิตตามตฺเตน อุปการเกสุ อตฺตโน อนุรูปผลุปฺปาทนนิยเตสุ การเณสุ กตฺตุโวหารสิทฺธิโต ยถา ‘‘ปทีโป ปกาเสติ นิสากโร จนฺทิมา’’ติ จ, น จ เกวลสฺส วธาธิปฺปายสหภุโน จิตฺตเจตสิกกลาปสฺส ปาณาติปาโต อิจฺฉิโต สนฺตานวเสน อวฏฺิตสฺเสว ปฏิชานนโต, สนฺตานวเสน ปวตฺตมานานฺจ ปทีปาทีนํ อตฺถกิริยาสิทฺธิ ทิสฺสตีติ อตฺเถว ปาณาติปาเตน กมฺมพทฺโธ. อยฺจ วิจาโร อทินฺนาทานาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ วิภาเวตพฺโพ.

‘‘ปหีนกาลโต ปฏฺาย วิรโตวา’’ติ เอเตน ปหานเหตุกา อิธาธิปฺเปตา สมุจฺเฉทวิรตีติ ทสฺเสติ. กมฺมกฺขยาเณน หิ ปาณาติปาตทุสฺสีลฺยสฺส ปหีนตฺตา ภควา อจฺจนฺตเมว ตโต ปฏิวิรโตติ วุจฺจติ สมุจฺเฉทวเสน ปหานวิรตีนํ อธิปฺเปตตฺตา. กิฺจาปิ ปหานวิรมณานํ ปุริมปจฺฉิมกาลตา นตฺถิ, มคฺคธมฺมานํ ปน สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ สมฺมาวาจาทีนฺจ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว อเปกฺขิเต สหชาตานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คหณํ ปุริมปจฺฉิมภาเวเนว โหตีติ คหณปฺปวตฺติอาการวเสน ปจฺจยภูเตสุ สมฺมาทิฏฺิอาทีสุ ปหายกธมฺเมสุ ปหานกิริยาย ปุริมกาลโวหาโร, ปจฺจยุปฺปนฺนาสุ จ วิรตีสุ วิรมณกิริยาย อปรกาลโวหาโร จ โหตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปหานํ วา สมุจฺเฉทวเสน, วิรติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน โยเชตพฺพา. อถ วา ปาโณ อติปาตียติ เอเตนาติ ปาณาติปาโต, ปาณฆาตเหตุภูโต ธมฺมสมูโห. โก ปเนโส? อหิริกาโนตฺตปฺปโทสโมหวิหึสาทโย กิเลสา. เต หิ ภควา อริยมคฺเคน ปหาย สมุคฺฆาเฏตฺวา ปาณาติปาตทุสฺสีลฺยโต อจฺจนฺตเมว ปฏิวิรโตติ วุจฺจติ กิเลเสสุ ปหีเนสุ กิเลสนิมิตฺตสฺส กมฺมสฺส อนุปฺปชฺชนโต. ‘‘อทินฺนาทานํ ปหายา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. วิรโตวาติ อวธารเณน ตสฺสา วิรติยา กาลาทิวเสน อปริยนฺตตํ ทสฺเสติ. ยถา หิ อฺเ สมาทินฺนวิรติกาปิ อนวฏฺิตจิตฺตตาย ลาภชีวิตาทิเหตุ สมาทานํ ภินฺทนฺติ, น เอวํ ภควา. ภควา ปน สพฺพโส ปหีนปาณาติปาตตฺตา อจฺจนฺตวิรโต เอวาติ. วีติกฺกมิสฺสามีติ อนวชฺชธมฺเมหิ โวกิณฺณา อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺชนกา ทุพฺพลากุสลา. ยสฺมา ปน กายวจีปโยคํ อุปลภิตฺวา ‘‘อิมสฺส กิเลสา อุปฺปนฺนา’’ติ วิฺุนา สกฺกา าตุํ, ตสฺมา เต อิมินา ปริยาเยน ‘‘จกฺขุโสตวิฺเยฺยา’’ติ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพา. กายิกาติ ปาณาติปาตาทินิปฺผาทเก พลวากุสเล สนฺธายาห.

โคตฺตวเสน ลทฺธโวหาโรติ สมฺพนฺโธ. ทีเปตุํ วฏฺฏติ พฺรหฺมทตฺเตน ภาสิตวณฺณสฺส อนุสนฺธิทสฺสนวเสน อิมิสฺสา เทสนาย อารทฺธตฺตา. ตตฺถายํ ทีปนา – ‘‘ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต สมณสฺส โคตมสฺส สาวกสงฺโฆ นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ’’ติ วิตฺถาเรตพฺพํ. นนุ จ ธมฺมสฺสาปิ วณฺโณ พฺรหฺมทตฺเตน ภาสิโต? สจฺจํ ภาสิโต, โส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธปภวตฺตา, อริยสงฺฆาธารตฺตา จ ธมฺมสฺส ธมฺมานุภาวสิทฺธตฺตา จ เตสํ ตทุภยทีปเนเนว ทีปิโต โหตีติ วิสุํ น อุทฺธโฏ. สทฺธมฺมานุภาเวเนว หิ ภควา ภิกฺขุสงฺโฆ จ ปาณาติปาตาทิปฺปหานสมตฺโถ อโหสิ, เทสนา ปน อาทิโต ปฏฺาย เอวํ อาคตาติ.

เอตฺถายํ อธิปฺปาโย – ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว อฺเ จ ธมฺมา’’ติอาทินา อนฺสาธารเณ พุทฺธคุเณ อารพฺภ อุปริ เทสนํ วฑฺเฒตุกาโม ภควา อาทิโต ปฏฺาย ‘‘ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยา’’ติอาทินา พุทฺธคุณวเสเนว เทสนํ อารภิ, น ภิกฺขุสงฺฆวเสนาติ. เอสา หิ ภควโต เทสนาย ปกติ, ยํ เอกรเสเนว เทสนํ ทสฺเสตุํ ลพฺภมานสฺสาปิ กสฺสจิ อคฺคหณํ. ตถา หิ รูปกณฺเฑ ทุกาทีสุ ตนฺนิทฺเทเสสุ จ หทยวตฺถุ น คหิตํ. อิตรวตฺถูหิ อสมานคติกตฺตา เทสนาเภโท โหตีติ. ยถา หิ จกฺขุวิฺาณาทีนิ เอกนฺตโต จกฺขาทินิสฺสยานิ, น เอวํ มโนวิฺาณํ เอกนฺเตน หทยวตฺถุนิสฺสยํ, นิสฺสิตวเสน จ วตฺถุทุกาทิเทสนา ปวตฺตา ‘‘อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุ, อตฺถิ รูปํ น จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถู’’ติอาทินา. ยมฺปิ เอกนฺตโต หทยวตฺถุนิสฺสยํ, ตสฺส วเสน ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส วตฺถู’’ติอาทินา ทุกาทีสุ วุจฺจมาเนสุปิ น ตทนุรูปา อารมฺมณทุกาทโย สมฺภวนฺติ. น หิ ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณํ, อตฺถิ รูปํ น มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณ’’นฺติ สกฺกา วตฺตุนฺติ วตฺถารมฺมณทุกา ภินฺนคติกา สิยุนฺติ น เอกรสา เทสนา ภเวยฺยาติ. ตถา นิกฺเขปกณฺเฑ จิตฺตุปฺปาทวิภาเคน อวุจฺจมานตฺตา อวิตกฺกอวิจารปทวิสฺสชฺชเน ‘‘วิจาโร จา’’ติ วตฺตุํ น สกฺกาติ อวิตกฺกวิจารมตฺตปทวิสฺสชฺชเน ลพฺภมาโนปิ วิตกฺโก น อุทฺธโฏ, อฺถา ‘‘วิตกฺโก จา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา.

ทณฺฑนสงฺขาตสฺส ทณฺฑสฺส ปรวิเหนสฺส วิวชฺชิตภาวทีปนตฺถํ ทณฺฑสตฺถานํ นิกฺเขปวจนนฺติ อาห ‘‘ปรูปฆาตตฺถายา’’ติอาทิ. วิเหนภาวโตติ วิหึสนภาวโต. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆวเสนาปิ ทีเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตมฺปิ เอกเทเสน ทีเปนฺโต ‘‘ยํ ปน ภิกฺขู’’ติอาทิมาห.

ลชฺชีติ เอตฺถ วุตฺตลชฺชาย โอตฺตปฺปมฺปิ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ปาปชิคุจฺฉนํ ปาปุตฺตาสนรหิตํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ. ธมฺมครุตาย วา พุทฺธานํ, ธมฺมสฺส จ อตฺตาธีนตฺตา อตฺตาธิปติภูตา ลชฺชาว วุตฺตา, น ปน โลกาธิปติ โอตฺตปฺปํ. ‘‘ทยํ เมตฺตจิตฺตตํ อาปนฺโน’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ทยา-สทฺโท ‘‘ทยาปนฺโน’’ติอาทีสุ กรุณาย ปวตฺตตีติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน ทยา-สทฺโท อนุรกฺขณมตฺถํ อนฺโตนีตํ กตฺวา ปวตฺตมาโน เมตฺตาย กรุณาย จ ปวตฺตตีติ อิธ เมตฺตาย ปวตฺตมาโน วุตฺโต. มิทติ สินิยฺหตีติ เมตฺตา, เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, เมตฺตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ เมตฺตจิตฺโต, ตสฺส ภาโว เมตฺตจิตฺตตา, เมตฺตา อิจฺเจว อตฺโถ. ‘‘สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี’’ติ เอเตน ตสฺสา วิรติยา สตฺตวเสน อปริยนฺตตํ ทสฺเสติ. ปาณภูเตติ ปาณชาเต. อนุกมฺปโกติ กรุณายนโก. ยสฺมา ปน เมตฺตา กรุณาย วิเสสปจฺจโย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตาย เอว ทยาปนฺนตายา’’ติ. เอวํ เยหิ ธมฺเมหิ ปาณาติปาตา วิรติ สมฺปชฺชติ, เตหิ ลชฺชาเมตฺตากรุณาหิ สมงฺคีภาโว ทสฺสิโต. วิหรตีติ เอวํภูโต หุตฺวา เอกสฺมึ อิริยาปเถ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา หรติ ปวตฺเตติ, อตฺตภาวํ วา ยาเปตีติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘อิริยติ ยเปติ ยาเปติ ปาเลตี’’ติ.

อาจารสีลมตฺตกนฺติ สาธุชนาจารสีลมตฺตกํ, เตน อินฺทฺริยสํวราทิคุเณหิปิ โลกิยปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วตฺตุํ น สกฺโกตีติ ทสฺเสติ. ตถา หิ อินฺทฺริยสํวรปจฺจยปริโภคสีลานิ อิธ สีลกถายํ น วิภตฺตานิ.

ปรสํหรณนฺติ ปรสฺส สนฺตกหรณํ. เถโน วุจฺจติ โจโร, ตสฺส ภาโว เถยฺยํ. อิธาปิ ขุทฺทเก ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, มหนฺเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย, วตฺถุคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺชํ, ติพฺพตาย มหาสาวชฺชนฺติ อยมฺปิ นโย โยเชตพฺโพ.

สาหตฺถิกาทโยติ เอตฺถ มนฺตปริชปฺปเนน ปรสนฺตกหรณํ วิชฺชามโย, วินา มนฺเตน กายวจีปโยเคน ปรสนฺตกสฺส อากฑฺฒนํ ตาทิสอิทฺธานุภาเวน อิทฺธิมโย ปโยโค.

เสสนฺติ ‘‘ปหาย ปฏิวิรโต’’ติ เอวมาทิกํ. ตฺหิ ปุพฺเพ วุตฺตนยํ. กิฺจาปิ นยิธ สิกฺขาปทโวหาเรน วิรติ วุตฺตา, อิโต อฺเสุ ปน สุตฺตปเทเสสุ วินยาภิธมฺเมสุ จ ปวตฺตโวหาเรน วิรติโย เจตนา จ อธิสีลสิกฺขาทีนํ อธิฏฺานภาวโต, เตสุ อฺตรโกฏฺาสภาวโต จ สิกฺขาปทนฺติ อาห ‘‘ปมสิกฺขาปเท’’ติ. กามฺเจตฺถ ‘‘ลชฺชี ทยาปนฺโน’’ติ น วุตฺตํ, อธิการวเสน ปน อตฺถโต วา วุตฺตเมวาติ เวทิตพฺพํ. ยถา หิ ลชฺชาทโย ปาณาติปาตปฺปหานสฺส วิเสสปฺปจฺจโย, เอวํ อทินฺนาทานปฺปหานสฺสาปีติ, ตสฺมา สาปิ ปาฬิ อาเนตฺวา วตฺตพฺพา. เอเสว นโย อิโต ปเรสุปิ. อถ วา ‘‘สุจิภูเตนา’’ติ เอเตน หิโรตฺตปฺปาทีหิ สมนฺนาคโม, อหิริกาทีนฺจ ปหานํ วุตฺตเมวาติ ‘‘ลชฺชี’’ติอาทิ น วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อเสฏฺจริยนฺติ อเสฏฺานํ หีนานํ, อเสฏฺํ วา ลามกํ นิหีนํ วุตฺตึ, เมถุนนฺติ อตฺโถ. ‘‘พฺรหฺมํ เสฏฺํ อาจาร’’นฺติ เมถุนวิรติมาห. ‘‘อาราจารี เมถุนา’’ติ เอเตน ‘‘อิธ พฺราหฺมณ เอกจฺโจ…เป… น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, อปิจ โข มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหนํ สาทิยติ, โส ตํ อสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๕๐) วุตฺตา สตฺตวิธเมถุนสํโยคาปิ ปฏิวิรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา. อิธาปิ อสทฺธมฺมเสวนาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา อพฺรหฺมจริยํ, มิจฺฉาจาเร ปน อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนาติ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ อคมนียฏฺานํ นาม ปุริสานํ มาตุรกฺขิตาทโย ทส, ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโย. อิตฺถีสุ ปน ทสนฺนํ ธนกฺกิตาทีนํ สารกฺขสปริทณฺฑานฺจ วเสน ทฺวาทสนฺนํ อฺเ ปุริสา. คุณวิรหิเต วิปฺปฏิปตฺติ อปฺปสาวชฺชา, มหาคุเณ มหาสาวชฺชา. คุณรหิเตปิ จ อภิภวิตฺวา ปวตฺติ มหาสาวชฺชา, อุภินฺนํ สมานจฺฉนฺทภาเวปิ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺชา, ติพฺพตาย มหาสาวชฺชาติ เวทิตพฺพา. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา เสเวตุกามตาจิตฺตํ, มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺตีติ. มิจฺฉาจาเร ปน อคมนียฏฺานตา, เสวนาจิตฺตํ มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติ, สาทิยนฺจาติ จตฺตาโร. ‘‘อภิภวิตฺวา วีติกฺกมเน มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติอธิวาสเน สติปิ ปุริมุปฺปนฺนเสวนาภิสนฺธิปโยคาภาวโต อภิภุยฺยมานสฺส มิจฺฉาจาโร น โหตี’’ติ วทนฺติ. เสวนาจิตฺเต สติ ปโยคาภาโว น ปมาณํ อิตฺถิยา เสวนาปโยคสฺส เยภุยฺเยน อภาวโต, อิตฺถิยา ปุเรตรํ อุปฏฺาปิตเสวนาจิตฺตายปิ มิจฺฉาจาโร น สิยาติ อาปชฺชติ ปโยคาภาวโต. ตสฺมา ปุริสสฺส วเสน อุกฺกํสโต จตฺตาโร วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ, อฺถา อิตฺถิยา ปุริสกิจฺจกรณกาเล ปุริสสฺสปิ เสวนาปโยคาภาวโต มิจฺฉาจาโร น สิยาติ เอเก. อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส ตโย, พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส ตโย, อนวเสสคฺคหเณน ปน จตฺตาโรติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกว.

. กมฺมปถปฺปตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถภฺชนโก’’ติ วุตฺตํ. วจีปโยโค กายปโยโค วาติ มุสา-สทฺทสฺส กิริยาปธานตํ ทสฺเสติ. วิสํวาทนาธิปฺปาโย ปุพฺพภาคกฺขเณ ตงฺขเณ จ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปุพฺเพวสฺส โหติ ‘มุสา ภณิสฺส’นฺติ, ภณนฺตสฺส โหติ ‘มุสา ภณามี’ติ’’ (ปารา. ๒๐๕). เอตฺหิ ทฺวยํ องฺคภูตํ, อิตรํ ปน โหตุ วา มา วา, อการณเมตํ. อสฺสาติ วิสํวาทกสฺส. ยถาวุตฺตํ ปโยคภูตํ มุสา วทติ วิฺาเปติ, สมุฏฺาเปติ วา เอตายาติ เจตนา มุสาวาโท.

ปุริมนเย ลกฺขณสฺส อพฺยาปิตตาย, มุสา-สทฺทสฺส จ วิสํวทิตพฺพตฺถวาจกตฺตสมฺภวโต ปริปุณฺณํ กตฺวา มุสาวาทลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถู’’ติอาทินา ทุติยนโย อารทฺโธ. อิมสฺมิฺจ นเย มุสา วทียติ วุจฺจติ เอตายาติ เจตนา มุสาวาโท. ‘‘ยมตฺถํ ภฺชตี’’ติ วตฺถุวเสน มุสาวาทสฺส อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตมาห. ยสฺส อตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺโช, มหาคุณตาย มหาสาวชฺโชติ อทินฺนาทาเน วิย คุณวเสนาปิ โยเชตพฺพํ. กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวเสนาปิ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา ลพฺภติเยว.

อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย, ปูรณกถานเยน จ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺเสว มุสาวาโท. ตตฺถ ปน เจตนา พลวตี น โหตีติ อปฺปสาวชฺชตา วุตฺตา. อปฺปตาย อูนสฺส อตฺถสฺส ปูรณวเสน ปวตฺตา กถา ปูรณกถา.

ตชฺโชติ ตสฺสารุปฺโป, วิสํวาทนานุรูโปติ อตฺโถ. ‘‘วายาโม’’ติ วายามสีเสน ปโยคมาห. วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปโยเค กเตปิ ปเรน ตสฺมึ อตฺเถ อวิฺาเต วิสํวาทนสฺส อสิชฺฌนโต ปรสฺส ตทตฺถวิชานนํ เอโก สมฺภาโร วุตฺโต. เกจิ ปน ‘‘อภูตวจนํ วิสํวาทนจิตฺตํ ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ ตโย สมฺภารา’’ติ วทนฺติ. กิริยาสมุฏฺาปกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกกมฺมุนา พชฺฌติ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย นิพฺพตฺตตฺตา, สเจปิ ทนฺธตาย วิจาเรตฺวา ปโร ตมตฺถํ ชานาตีติ อธิปฺปาโย.

‘‘สจฺจโต เถตโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙) วิย เถต-สทฺโท ถิรปริยาโย, ถิรภาโว จ สจฺจวาทิตาย อธิกตตฺตา กถาวเสน เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ถิรกโถติ อตฺโถ’’ติ. นถิรกโถติ ยถา หลิทฺทิราคาทโย อนวฏฺิตสภาวตาย น ถิรา, เอวํ น ถิรา กถา ยสฺส โส น ถิรกโถติ หลิทฺทิราคาทโย ยถา กถาย อุปมา โหนฺติ, เอวํ โยเชตพฺพํ. เอส นโย ‘‘ปาสาณเลขา วิยา’’ติอาทีสุปิ.

สทฺธา อยติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ สทฺธาโย, สทฺธาโย เอว สทฺธายิโก ยถา ‘‘เวนยิโก’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๘). สทฺธาย วา อยิตพฺโพ สทฺธายิโก, สทฺเธยฺโยติ อตฺโถ. วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ วิสํวาทนโตติ อธิปฺปาโย.

สุฺภาวนฺติ ปีติวิรหิตตาย ริตฺตตํ. สา ปิสุณวาจาติ ยายํ ยถาวุตฺตา สทฺทสภาวา วาจา, สา ปิยสุฺกรณโต ปิสุณวาจาติ นิรุตฺตินเยน อตฺถมาห. ปิสตีติ วา ปิสุณา, สมคฺเค สตฺเต อวยวภูเต วคฺเค ภินฺเน กโรตีติ อตฺโถ.

ผรุสนฺติ สิเนหาภาเวน ลูขํ. สยมฺปิ ผรุสาติ โทมนสฺสสมุฏฺิตตฺตา สภาเวนปิ กกฺกสา. เอตฺถ จ ผรุสํ กโรตีติ ผลูปจาเรน, ผรุสยตีติ วา วาจาย ผรุส-สทฺทปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา. สยมฺปิ ผรุสาติ ปเรสํ มมฺมจฺเฉทวเสน ปวตฺติยา เอกนฺตนิฏฺุรตาย สภาเวน, การณโวหาเรน จ วาจาย ผรุส-สทฺทปฺปวตฺติ ทฏฺพฺพา. ตโตเยว จ เนว กณฺณสุขา. อตฺถวิปนฺนตาย น หทยงฺคมา.

เยน สมฺผํ ปลปตีติ เยน ปลาปสงฺขาเตน นิรตฺถกวจเนน สุขํ หิตฺจ ผลติ วิทรติ วินาเสตีติ ‘‘สมฺผ’’นฺติ ลทฺธนามํ อตฺตโน ปเรสฺจ อนุปการกํ ยํ กิฺจิ ปลปติ.

สํกิลิฏฺจิตฺตสฺสาติ โลเภน โทเสน วา วิพาธิตจิตฺตสฺส, อุปตาปิตจิตฺตสฺส วา, ทูสิตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. เจตนา ปิสุณวาจา ปิสุณํ วทนฺติ เอตายาติ. ยสฺส ยโต เภทํ กโรติ, เตสุ อภินฺเนสุ อปฺปสาวชฺชํ, ภินฺเนสุ มหาสาวชฺชํ, ตถา กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวิเสเสสุ.

ยสฺส เปสุฺํ อุปสํหรติ, โส ภิชฺชตุ วา มา วา, ตสฺส อตฺถสฺส วิฺาปนเมว ปมาณนฺติ อาห ‘‘ตทตฺถวิชานน’’นฺติ, กมฺมปถปฺปตฺติ ปน ภินฺเน เอว.

อนุปฺปทาตาติ อนุพลปฺปทาตา, อนุวตฺตนวเสน วา ปทาตา. กสฺส ปน อนุวตฺตนํ ปทานฺจ? ‘‘สหิตาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา ‘‘สนฺธานสฺสา’’ติ วิฺายติ. เตเนวาห ‘‘สนฺธานานุปฺปทาตา’’ติ. ยสฺมา ปน อนุวตฺตนวเสน สนฺธานสฺส ปทานํ อาธานํ, รกฺขณํ วา ทฬฺหีกรณํ โหติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ทฬฺหีกมฺมํ กตฺตาติ อตฺโถ’’ติ. อารมนฺติ เอตฺถาติ อาราโม, รมิตพฺพฏฺานํ. ยสฺมา ปน อากาเรน วินาปิ อยเมวตฺโถ ลพฺภติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สมคฺคราโมติปิ ปาฬิ, อยเมเวตฺถ อตฺโถ’’ติ.

มมฺมานิ วิย มมฺมานิ, เยสุ ผรุสวาจาย ฉุปิตมตฺเตสุ ทุฏฺารูสุ วิย ฆฏฺฏิเตสุ จิตฺตํ อธิมตฺตํ ทุกฺขปฺปตฺตํ โหติ. กานิ ปน ตานิ? ชาติอาทีนิ อกฺโกสวตฺถูนิ. ตานิ ฉิชฺชนฺติ, ภิชฺชนฺติ วา เยน กายวจีปโยเคน, โส มมฺมจฺเฉทโก. เอกนฺเตน ผรุสเจตนา ผรุสวาจา ผรุสํ วทติ เอตายาติ. กถํ ปน เอกนฺตผรุสเจตนา โหติ? ทุฏฺจิตฺตตาย. ตสฺสาติ เอกนฺตผรุสเจตนาย เอว ผรุสวาจาภาวสฺส. มมฺมจฺเฉทโก สวนผรุสตายาติ อธิปฺปาโย. จิตฺตสณฺหตาย ผรุสวาจา น โหติ กมฺมปถ’ปฺปตฺตตฺตา, กมฺมภาวํ ปน น สกฺกา วาเรตุนฺติ. เอวํ อนฺวยวเสน เจตนาผรุสตาย ผรุสวาจํ สาเธตฺวา อิทานิ ตเมว ปฏิปกฺขนเยน สาเธตุํ ‘‘วจนสณฺหตายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สา ผรุสวาจา. นฺติ ยํ ปุคฺคลํ. เอตฺถาปิ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตา อปฺปสาวชฺชา, อิตรา มหาสาวชฺชา, ตถา กิเลสานํ มุทุติพฺพตาภาเว. เกจิ ปน ‘‘ยํ อุทฺทิสฺส ผรุสวาจา ปยุชฺชนฺติ, ตสฺส สมฺมุขาว สีสํ เอตี’’ติ, เอเก ‘‘ปรมฺมุขาปิ ผรุสวาจา โหติเยวา’’ติ วทนฺติ. ตตฺถายมธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา – สมฺมุขา ปโยเค อคารวาทีนํ พลวภาวโต สิยา เจตนา พลวตี, ปรสฺส จ ตทตฺถชานนํ, น ตถา อสมฺมุขาติ. ยถา ปน อกฺโกสิเต มเต อาฬหเน กตา ขมนา อุปวาทนฺตรายํ นิวตฺเตติ, เอวํ ‘‘ปรมฺมุขา ปยุตฺตาปิ ผรุสวาจา โหติเยวา’’ติ สกฺกา วิฺาตุนฺติ. กุปิตจิตฺตนฺติ อกฺโกสาธิปฺปาเยเนว กุปิตจิตฺตํ, น มรณาธิปฺปาเยน. มรณาธิปฺปาเยน หิ จิตฺตโกเป สติ พฺยาปาโทเยว โหตีติ. เอตฺถาติ –

‘‘เนลงฺโค เสตปจฺฉาโท, เอกาโร วตฺตตี รโถ;

อนีฆํ ปสฺส อายนฺตํ, ฉินฺนโสตํ อพนฺธน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๔.๓๔๗; อุทา. ๖๕);

อิมิสฺสา คาถาย. สีลฺเหตฺถ ‘‘เนลงฺค’’นฺติ วุตฺตํ. เตเนวาห จิตฺโต คหปติ ‘‘เนลงฺคนฺติ โข ภนฺเต สีลานเมตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๗). สุกุมาราติ อผรุสตาย มุทุกา. ปุรสฺสาติ เอตฺถ ปุร-สทฺโท ตนฺนิวาสีวาจโก ทฏฺพฺโพ ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ วิย. เตเนวาห ‘‘นครวาสีน’’นฺติ. มนํ อปฺปายติ วฑฺเฒตีติ มนาปา. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตวุฑฺฒิกรา’’ติ. อาเสวนํ ภาวนํ พหุลีกรณํ. ยํ คาหยิตุํ ปวตฺติโต, เตน อคฺคหิเต อปฺปสาวชฺโช คหิเต มหาสาวชฺโชติ, อิธาปิ กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวเสนาปิ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา ลพฺภติเยว.

‘‘กาลวาที’’ติอาทิ สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรตสฺส ปฏิปตฺติทสฺสนํ. ยถา หิ ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทิ ปาณาติปาตปฺปหานปฏิปตฺติทสฺสนํ. ‘‘ปาณาติปาตํ ปหาย วิหรตี’’ติ หิ วุตฺเต กถํ ปาณาติปาตปฺปหานํ โหตีติ? อเปกฺขาสพฺภาวโต ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหตี’’ติ วุตฺตํ, สา ปน วิรติ กถนฺติ อาห ‘‘นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ’’ติ, ตฺจ ทณฺฑสตฺถนิธานํ กถนฺติ วุตฺตํ ‘‘ลชฺชี’’ติอาทิ, เอวํ อุตฺตรุตฺตรํ ปุริมสฺส ปุริมสฺส อุปายสนฺทสฺสนํ, ตถา อทินฺนาทานาทีสุ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘กาลวาทีติอาทิ สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรตสฺส ปฏิปตฺติทสฺสน’’นฺติ. อตฺถสฺหิตาปิ หิ วาจา อยุตฺตกาลปฺปโยเคน อตฺถาวหา น สิยาติ อนตฺถวิฺาปนวาจํ อนุโลเมติ, ตสฺมา สมฺผปฺปลาปํ ปชหนฺเตน อกาลวาทิตา ปริวชฺเชตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘กาลวาที’’ติ. กาเลน วทนฺเตนาปิ อุภยานตฺถสาธนโต อภูตํ ปริวชฺเชตพฺพนฺติ อาห ‘‘ภูตวาที’’ติ. ภูตฺจ วทนฺเตน ยํ อิธโลกปรโลกหิตสมฺปาทกํ, ตเทว วตฺตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถวาที’’ติ วุตฺตํ. อตฺถํ วทนฺเตนาปิ น โลกิยธมฺมสนฺนิสฺสิตเมว วตฺตพฺพํ, อถ โข โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิตํ ปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมวาที’’ติ วุตฺตํ. ยถา จ อตฺโถ โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิโต โหติ, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘วินยวาที’’ติ วุตฺตํ. ปาติโมกฺขสํวโร สติสํวโร าณสํวโร ขนฺติสํวโร วีริยสํวโรติ หิ ปฺจนฺนํ สํวรานํ, ตทงฺควินโย วิกฺขมฺภนวินโย สมุจฺเฉทวินโย ปฏิปฺปสฺสทฺธิวินโย นิสฺสรณวินโยติ ปฺจนฺนํ วินยานฺจ วเสน วุจฺจมาโน อตฺโถ นิพฺพานาธิคมเหตุภาวโต โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิโต โหตีติ.

เอวํ คุณวิเสสยุตฺโต จ อตฺโถ วุจฺจมาโน เทสนาโกสลฺเล สติ โสภติ, กิจฺจกโร จ โหติ, นาฺถาติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ตํ เทสนาโกสลฺลํ วิภาเวตุํ ‘‘กาเลนา’’ติอาทิมาห. อชฺฌาสยฏฺุปฺปตฺตีนํ ปุจฺฉาย จ วเสน โอติณฺเณ เทสนาวิสเย เอกํสาทิพฺยากรณวิภาคํ สลฺลกฺเขตฺวา ปนาเหตุทาหรณสํสนฺทนานิ ตํตํกาลานุรูปํ วิภาเวนฺติยา ปริมิตปริจฺฉินฺนรูปาย วิปุลตรคมฺภีรุทารปหูตตฺถวิตฺถารสงฺคาหกาย เทสนาย ปเร ยถาชฺฌาสยํ ปรมตฺถสิทฺธิยํ ปติฏฺาเปนฺโต ‘‘เทสนากุสโล’’ติ วุจฺจตีติ เอวเมตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.

๑๐. เอวํ ปฏิปาฏิยา สตฺต มูลสิกฺขาปทานิ วิภชิตฺวา สติปิ อภิชฺฌาทิปฺปหานสฺส สํวรสีลสิกฺขาสงฺคเห อุปริคุณสงฺคหโต, โลกิยปุถุชฺชนาวิสยโต จ อุตฺตรเทสนาย สงฺคณฺหิตุํ ตํ ปริหริตฺวา ปจุรชนปากฏํ อาจารสีลเมว วิภชนฺโต ภควา ‘‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ คาโมติ สมูโห. นนุ จ รุกฺขาทโย จิตฺตรหิตตาย น ชีวา, จิตฺตรหิตตา จ ปริปฺผนฺทาภาวโต, ฉินฺเน วิรุหนโต, วิสทิสชาติกภาวโต, จตุโยนิอปฺปริยาปนฺนโต จ เวทิตพฺพา, วุฑฺฒิ ปน ปวาฬสิลาลวณานมฺปิ วิชฺชตีติ น เตสํ ชีวภาเว การณํ, วิสยคฺคหณฺจ ปริกปฺปนามตฺตํ สุปนํ วิย จิฺจาทีนํ, ตถา โทหฬาทโย, ตตฺถ กสฺมา พีชคามภูตคามสมารมฺภา ปฏิวิรติ อิจฺฉิตาติ? สมณสารุปฺปโต, สนฺนิสฺสิตสตฺตานุรกฺขณโต จ. เตเนวาห ‘‘ชีวสฺิโน หิ โมฆปุริสา มนุสฺสา รุกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๘๙). นีลติณรุกฺขาทิกสฺสาติ อลฺลติณสฺส เจว อลฺลรุกฺขาทิกสฺส จ. อาทิ-สทฺเทน โอสธิคจฺฉลตาทโย เวทิตพฺพา.

เอกํ ภตฺตํ เอกภตฺตํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ เอกภตฺติโก, เอกสฺมึ ทิวเส เอกวารเมว ภุฺชนโก. ตยิทํ รตฺติโภชโนปิ สิยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถมาห ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ. เอวมฺปิ อปรณฺหโภชีปิ สิยา เอกภตฺติโกติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘วิรโต วิกาลโภชนา’’ติ วุตฺตํ. อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา, อยํ พุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. อฏฺกถายํ ปน ทุติยปเทน รตฺติโภชนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา อปรณฺโห ‘‘วิกาโล’’ติ วุตฺโต.

สงฺเขปโต ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓; เนตฺติ. ๓๐, ๕๐, ๑๑๖, ๑๒๔) นยปฺปวตฺตํ ภควโต สาสนํ อจฺจนฺตฉนฺทราคปฺปวตฺติโต นจฺจาทีนํ ทสฺสนํ น อนุโลเมตีติ อาห ‘‘สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา’’ติ. อตฺตนา ปโยชิยมานํ, ปเรหิ ปโยชาปิยมานฺจ นจฺจํ นจฺจภาวสามฺโต ปาฬิยํ เอเกเนว นจฺจ-สทฺเทน คหิตํ, ตถา คีตวาทิต-สทฺเทน จาติ อาห ‘‘นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสนา’’ติ. อาทิ-สทฺเทน คายนคายาปนวาทนวาทาปนานิ สงฺคณฺหาติ. ทสฺสเนน เจตฺถ สวนมฺปิ สงฺคหิตํ วิรูเปกเสสนเยน. อาโลจนสภาวตาย วา ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสงฺเขปสพฺภาวโต ‘‘ทสฺสนา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. อวิสูกภูตสฺส คีตสฺส สวนํ กทาจิ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘วิสูกภูตา ทสฺสนา’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปาฏฺกถาย (ขุ. ปา. อฏฺ. ปจฺฉิมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘ธมฺมูปสํหิตมฺปิ เจตฺถ คีตํ วฏฺฏติ, คีตูปสํหิโต ธมฺโม น วฏฺฏตี’’ติ.

อุจฺจาติ อุจฺจสทฺเทน สมานตฺถํ เอกํ สทฺทนฺตรํ, เสติ เอตฺถาติ สยนํ. อุจฺจาสยนํ มหาสยนฺจ สมณสารุปฺปรหิตํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘ปมาณาติกฺกนฺตํ, อกปฺปิยตฺถรณ’’นฺติ. อาสนฺทาทิอาสนฺเจตฺถ สยเนน สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา ปน อาธาเร ปฏิกฺขิตฺเต ตทาธารกิริยา ปฏิกฺขิตฺตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺจาสยนมหาสยนา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ, อตฺถโต ปน ตทุปโภคภูต นิสชฺชานิปชฺชเนหิ วิรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา. อุจฺจาสยนสยนมหาสยนสยนาติ วา เอตสฺมึ อตฺเถ เอกเสสนเยน อยํ นิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑). อาสนกิริยาปุพฺพกตฺตา สยนกิริยาย สยนคฺคหเณเนว อาสนํ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อฺเหิ คาหาปเน อุปนิกฺขิตฺตสาทิยเน จ ปฏิคฺคหณตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘น อุคฺคณฺหาเปติ, น อุปนิกฺขิตฺตํ สาทียตี’’ติ. อถ วา ติวิธํ ปฏิคฺคหณํ กาเยน วาจาย มนสา. ตตฺถ กาเยน ปฏิคฺคหณํ อุคฺคณฺหนํ, วาจาย ปฏิคฺคหณํ อุคฺคหาปนํ, มนสา ปฏิคฺคหณํ สาทิยนนฺติ ติวิธมฺปิ ปฏิคฺคหณํ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา คเหตฺวา ‘‘ปฏิคฺคหณา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เนว นํ อุคฺคณฺหาตี’’ติอาทิ. เอส นโย ‘‘อามกธฺปฏิคฺคหณา’’ติอาทีสุปิ. นีวาราทิอุปธฺสฺส สาลิยาทิมูลธฺนฺโตคธตฺตา วุตฺตํ ‘‘สตฺตวิธสฺสา’’ติ. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ปฺจ วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) วุตฺตตฺตา อิทํ โอทิสฺส อนุฺาตํ นาม, ตสฺส ปน ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหณํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อฺตฺร โอทิสฺส อนุฺาตา’’ติ.

อกฺกมตีติ นิปฺปีเฬติ. ปุพฺพภาเค อกฺกมตีติ สมฺพนฺโธ. หทยนฺติ นาฬิอาทิมานภาชนานํ อพฺภนฺตรํ. ติลาทีนํ นาฬิอาทีหิ มินนกาเล อุสฺสาปิตสิขาเยว สิขา, ตสฺสา เภโท หาปนํ. เกจีติ สารสมาสาจริยา, อุตฺตรวิหารวาสิโน จ.

วโธติ มุฏฺิปฺปหารกสาตาฬนาทีหิ หึสนํ, วิเหนนฺติ อตฺโถ. วิเหนตฺโถปิ หิ วธสทฺโท ทิสฺสติ ‘‘อตฺตานํ วธิตฺวา วธิตฺวา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๘๐). ยถา หิ อปฺปฏิคฺคหภาวสามฺเ สติปิ ปพฺพชิเตหิ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพวตฺถุวิเสสภาวสนฺทสฺสนตฺถํ อิตฺถิกุมาริทาสิทาสาทโย วิภาเคน วุตฺตา, เอวํ ปรสฺสหรณภาวโต อทินฺนาทานภาวสามฺเ สติปิ ตุลากูฏาทโย อทินฺนาทานวิเสสภาวทสฺสนตฺถํ วิภาเคน วุตฺตา, น เอวํ ปาณาติปาตปริยายสฺส วธสฺส ปุนคฺคหเณ ปโยชนํ อตฺถิ. ‘‘ตตฺถ สยงฺกาโร, อิธ ปรํกาโร’’ติ จ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ฉปฺปโยคา’’ติ จ วุตฺตตฺตา. ตสฺมา ยถาวุตฺโตเยว อตฺโถ สุนฺทรตโร. อฏฺกถายํ ปน ‘‘วโธติ มารณ’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ โปถนเมว สนฺธายาติ จ สกฺกา วิฺาตุํ มารณ-สทฺทสฺส วิหึสเนปิ ทิสฺสนโต.

เอตฺตาวตาติ ‘‘ปาณาติปาตํ ปหายา’’ติอาทินา ‘‘เฉทน…เป… สหสาการา ปฏิวิรโต’’ติ เอตปริมาเณน ปาเน. อนฺตราเภทํ อคฺคเหตฺวา ปาฬิยํ อาคตนเยน ฉพฺพีสติสิกฺขาปทสงฺคหํ เยภุยฺเยน สิกฺขาปทานํ อวิภตฺตตฺตา จูฬสีลํ นาม. เทสนาวเสน หิ อิธ จูฬมชฺฌิมาทิภาโว อธิปฺเปโต, น ธมฺมวเสน. ตถา หิ อิธ สงฺขิตฺเตน อุทฺทิฏฺานํ สิกฺขาปทานํ อวิภตฺตานํ วิภชนวเสน มชฺฌิมสีลเทสนา ปวตฺตา. เตเนวาห ‘‘มชฺฌิมสีลํ วิตฺถาเรนฺโต’’ติ.

จูฬสีลวณฺณนา นิฏฺิตา.

มชฺฌิมสีลวณฺณนา

๑๑. ตตฺถ ยถาติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. วาติ วิกปฺปนตฺเถ. ปนาติ วจนาลงฺกาเร. เอเกติ อฺเ. โภนฺโตติ สาธูนํ ปิยสมุทาหาโร. สาธโว หิ ปเร ‘‘โภนฺโต’’ติ วา, ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วา ‘‘อายสฺมนฺโต’’ติ วา สมาลปนฺติ. ยํ กิฺจิ ปพฺพชฺชํ อุปคตา สมณา. ชาติมตฺเตน พฺราหฺมณา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อุสฺสาหํ กตฺวา มม วณฺณํ วทมาโนปิ ปุถุชฺชโน ‘‘ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทินา ปรานุทฺเทสิกนเยน วา ยถา ปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณภาวํ ปฏิชานมานา, ปเรหิ จ ตถาสมฺภาวิยมานา ตทนุรูปปฏิปตฺตึ อชานนโต, อสมตฺถโต จ น อภิสมฺภุณนฺติ, น เอวมยํ, อยํ ปน สมโณ โคตโม สพฺพถาปิ สมณสารุปฺปปฏิปทํ ปูเรสิเยวาติ เอวํ อฺุทฺเทสิกนเยน วา สพฺพถาปิ อาจารสีลมตฺตเมว วเทยฺยุํ, น ตทุตฺตรินฺติ.

พีชคามภูตคามสมารมฺภปเท สทฺทกฺกเมน อปฺปธานภูโตปิ พีชคามภูตคาโม นิทฺทิสิตพฺพตาย ปธานภาวํ ปฏิลภติ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม อฺโ อตฺถกฺกโมติ อาห ‘‘กตโม โส พีชคามภูตคาโม’’ติ. ตสฺมิฺหิ วิภตฺเต ตพฺพิสยตาย สมารมฺโภปิ วิภตฺโตว โหตีติ. เตเนวาห ภควา ‘‘มูลพีช’’นฺติอาทิ. มูลเมว พีชํ มูลพีชํ, มูลํ พีชํ เอตสฺสาติปิ มูลพีชํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ผฬุพีชนฺติ ปพฺพพีชํ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สทิสผลุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต วิรุหณสมตฺเถ สารผเล นิรุฬฺโห พีช-สทฺโท ตทตฺถสํสิทฺธิยา มูลาทีสุปิ เกสุจิ ปวตฺตตีติ มูลาทิโต นิวตฺตนตฺถํ เอเกน พีช-สทฺเทน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ ‘‘พีชพีช’’นฺติ. ‘‘รูปรูปํ, ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๒๗) จ ยถา. กสฺมา ปเนตฺถ พีชคามภูตคามํ ปุจฺฉิตฺวา พีชคาโม เอว วิภตฺโตติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. นนุ อโวจุมฺห ‘‘มูลเมว พีชํ มูลพีชํ, มูลํ พีชํ เอตสฺสาติปิ มูลพีชนฺติ’’. ตตฺถ ปุริเมน พีชคาโม นิทฺทิฏฺโ, ทุติเยน ภูตคาโม, ทุวิโธเปส สามฺนิทฺเทเสน, มูลพีชฺจ มูลพีชฺจ มูลพีชนฺติ เอกเสสนเยน วา ปาฬิยํ นิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘สพฺพฺเหต’’นฺติอาทิ.

๑๒. ‘‘สนฺนิธิกตสฺสา’’ติ เอเตน ‘‘สนฺนิธิการปริโภค’’นฺติ เอตฺถ การ-สทฺทสฺส กมฺมตฺถตํ ทสฺเสติ. ยถา วา ‘‘อาจยํคมิโน’’ติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลเปน ‘‘อาจยคามิโน’’ติ (ธ. ส. ๑๐) นิทฺเทโส กโต, เอวํ ‘‘สนฺนิธิการํ ปริโภค’’นฺติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลเปน ‘‘สนฺนิธิการปริโภค’’นฺติ วุตฺตํ, สนฺนิธึ กตฺวา ปริโภคนฺติ อตฺโถ.

สมฺมา กิเลเส ลิขตีติ สลฺเลโข, สุตฺตนฺตนเยน ปฏิปตฺติ. ปริยายติ กปฺปียตีติ ปริยาโย, กปฺปิยวาจานุสาเรน ปฏิปตฺติ. กิเลเสหิ อามสิตพฺพโต อามิสํ, ยํ กิฺจิ อุปโภคารหํ วตฺถุ. เตเนวาห ‘‘อามิสนฺติ วุตฺตาวเสส’’นฺติ. นยทสฺสนฺเหตํ สนฺนิธิวตฺถูนํ. อุทกกทฺทเมติ อุทเก จ กทฺทเม จ. อจฺฉถาติ นิสีทถ. คีวายามกนฺติ คีวํ อายมิตฺวา, ยถา จ ภุตฺเต อติภุตฺตตาย คีวา อายมิตพฺพาว โหติ, เอวนฺติ อตฺโถ. จตุภาคมตฺตนฺติ กุฑุพมตฺตํ. ‘‘กปฺปิยกุฏิย’’นฺติอาทิ วินยวเสน วุตฺตํ.

๑๓. เอตฺตกมฺปีติ วินิจฺฉยวิจารณาวตฺถุกิตฺตนมฺปิ. ปโยชนมตฺตเมวาติ ปทตฺถโยชนมตฺตเมว. ยสฺส ปน ปทสฺส วิตฺถารกถํ วินา น สกฺกา อตฺโถ วิฺาตุํ, ตตฺถ วิตฺถารกถาปิ ปทตฺถสงฺคหเมว คจฺฉติ. กุตูหลวเสน เปกฺขิตพฺพโต เปกฺขา, นฏสตฺถวิธินา นฏานฺจ ปโยโค. นฏสมูเหน ปน ชนสมูเห กรณวเสน ‘‘นฏสมชฺช’’นฺติ วุตฺตํ, สารสมาเส ‘‘เปกฺขา มห’’นฺติ วุตฺตํ. ฆนตาฬํ นาม ทณฺฑมยตาฬํ, สิลาสลากตาฬํ วา. เอเกติ สารสมาสาจริยา, อุตฺตรวิหารวาสิโน จ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุปิ ‘‘เอเก’’ติ อาคตฏฺาเนสุ. จตุรสฺสอมฺพณกตาฬํ นาม รุกฺขสารทณฺฑาทีสุ เยน เกนจิ จตุรสฺสอมฺพณกํ กตฺวา จตูสุ ปสฺเสสุ จมฺเมน โอนนฺธิตฺวา กตวาทิตํ. อพฺโภกฺกิรณํ รงฺคพลีกรณํ, ยา ‘‘นนฺที’’ติ วุจฺจติ. โสภนกรนฺติ โสภนกรณํ, ‘‘โสภนฆรก’’นฺติ สารสมาเส วุตฺตํ. จณฺฑาลานมิทนฺติ จณฺฑาลํ. สาเณ อุทเกน เตเมตฺวา อฺมฺํ อาโกฏนกีฬา สาณโธวนํ. อินฺทชาเลนาติ อฏฺิโธวนมนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา ยถา ปเร อฏฺีนิเยว ปสฺสนฺติ, เอวํ ตจาทีนํ อนฺตรธาปนมายาย. สกฏพฺยูหาทีติ อาทิ-สทฺเทน จกฺกปทุมกฬีรพฺยูหาทึ สงฺคณฺหาติ.

๑๔. ปทานีติ สารีนํ ปติฏฺานฏฺานานิ. ทสปทํ นาม ทฺวีหิ ปนฺตีหิ วีสติยา ปเทหิ กีฬนชูตํ. ปาสกํ วุจฺจติ ฉสุ ปสฺเสสุ เอเกกํ ยาว ฉกฺกํ ทสฺเสตฺวา กตกีฬนกํ, ตํ วฑฺเฒตฺวา ยถาลทฺธํ เอกกาทิวเสน สาริโย อปเนนฺตา อุปเนนฺตา จ กีฬนฺติ. ฆเฏน กีฬา ฆฏิกาติ เอเก. พหูสุ สลากาสุ วิเสสรหิตํ เอกํ สลากํ คเหตฺวา ตาสุ ปกฺขิปิตฺวา ปุน ตสฺเสว อุทฺธรณํ สลากหตฺถนฺติ เอเก. ปณฺเณน วํสากาเรน กตา นาฬิกา. เตเนวาห ‘‘ตํ ธมนฺตา’’ติ. ‘‘ปุจฺฉนฺตสฺส มุขาคตํ อกฺขรํ คเหตฺวา นฏฺมุตฺติ ลาภาลาภาทิชานนกีฬา อกฺขริกา’’ติปิ วทนฺติ. ‘‘วาทิตานุรูปํ นจฺจนํ คายนํ วา ยถาวชฺชํ’’ ติปิ วทนฺติ. ‘‘เอวํ กเต ชโย ภวิสฺสติ, อฺถา ปราชโย’’ติ ชยปราชเย ปุรกฺขตฺวา ปโยคกรณวเสน ปริหารปถาทีนมฺปิ ชูตปมาทฏฺานภาโว เวทิตพฺโพ. ปงฺคจีราทีหิปิ วํสาทีหิ กาตพฺพกิจฺจสิทฺธิอสิทฺธิชยปราชยาวโห ปโยโค วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยถาวชฺช’’นฺติ จ กาณาทีหิ สทิสตาการทสฺสเนหิ ชยปราชยวเสน ชูตกีฬิตภาเวน วุตฺตํ.

๑๕. วาฬรูปานีติ อาหริมานิ วาฬรูปานิ. ‘‘อกปฺปิยมฺโจว ปลฺลงฺโก’’ติ สารสมาเส. วานวิจิตฺตนฺติ ภิตฺติจฺฉทาทิวเสน วาเนน วิจิตฺรํ. รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกีตูลานํ วเสน ติณฺณํ ตูลานํ. อุทฺทโลมิยํ เกจีติ สารสมาสาจริยา, อุตฺตรวิหารวาสิโน จ. ตถา เอกนฺตโลมิยํ. โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยนฺติ โกเสยฺยกสฺสฏมยํ. สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ. ‘‘เปตฺวา ตูลิก’’นฺติ เอเตน รตนปริสิพฺพนรหิตาปิ ตูลิกา น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ‘‘รตนปริสิพฺพิตานี’’ติ อิมินา ยานิ รตนปริสิพฺพิตานิ, ตานิ ภูมตฺถรณวเสน, ยถานุรูปํ มฺจปีาทีสุ จ อุปเนตุํ วฏฺฏตีติ ทีปิตํ โหติ. อชินจมฺเมหีติ อชินมิคจมฺเมหิ. ตานิ กิร จมฺมานิ สุขุมานิ, ตสฺมา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อชินปฺปเวณี’’ติ. วุตฺตนเยนาติ วินเย วุตฺตนเยน.

๑๖. อลงฺการฺชนเมว น เภสชฺชํ มณฺฑนานุโยคสฺส อธิปฺเปตตฺตา. มาลา-สทฺโท สาสเน สุทฺธปุปฺเผสุปิ นิรุฬฺโหติ อาห ‘‘พทฺธมาลา วา’’ติ. มตฺติกกกฺกนฺติ โอสเธหิ อภิสงฺขตํ โยคมตฺติกกกฺกํ. จลิเตติ กุปิเต. โลหิเต สนฺนิสินฺเนติ ทุฏฺโลหิเต ขีเณ.

๑๗. ทุคฺคติโต สํสารโต จ นิยฺยาติ เอเตนาติ นิยฺยานํ, สคฺคมคฺโค โมกฺขมคฺโค จ. ตํ นิยฺยานํ อรหติ, นิยฺยาเน วา นิยุตฺตา, นิยฺยานํ วา ผลภูตํ เอติสฺสา อตฺถีติ นิยฺยานิกา, วจีทุจฺจริตสํกิเลสโต นิยฺยาตีติ วา อี-การสฺส รสฺสตฺตํ, ย-การสฺส จ ก-การํ กตฺวา นิยฺยานิกา, เจตนาย สทฺธึ สมฺผปฺปลาปา เวรมณิ. ตปฺปฏิปกฺขโต อนิยฺยานิกา, ตสฺสา ภาโว อนิยฺยานิกตฺตํ, ตสฺมา อนิยฺยานิกตฺตา. ติรจฺฉานภูตาติ ติโรกรณภูตา. กมฺมฏฺานภาเวติ อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตจตุสจฺจกมฺมฏฺานภาเว. สห อตฺเถนาติ สาตฺถกํ, หิตปฏิสํยุตฺตนฺติ อตฺโถ. วิสิขาติ ฆรสนฺนิเวโส, วิสิขาคหเณน จ ตนฺนิวาสิโน คหิตา ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ วิย. เตเนวาห ‘‘สูรา สมตฺถา’’ติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติ จ. กุมฺภฏฺานาปเทเสน กุมฺภทาสิโย วุตฺตาติ อาห ‘‘กุมฺภทาสีกถา วา’’ติ. อุปฺปตฺติิติสมฺภาราทิวเสน โลกํ อกฺขายตีติ โลกกฺขายิกา.

๑๘. สหิตนฺติ ปุพฺพาปราวิรุทฺธํ.

๑๙. ทูตสฺส กมฺมํ ทูเตยฺยํ, ตสฺส กถา ทูเตยฺยกถา.

๒๐. ติวิเธนาติ สามนฺตชปฺปนอิริยาปถสนฺนิสฺสิตปจฺจยปฏิเสวนเภทโต ติปฺปกาเรน. วิมฺหาปยนฺตีติ ‘‘อโห อจฺฉริยปุริโส’’ติ อตฺตนิ ปเรสํ วิมฺหยํ อุปฺปาเทนฺติ. ลปนฺตีติ อตฺตานํ, ทายกํ วา อุกฺขิปิตฺวา ยถา โส กิฺจิ ททาติ, เอวํ อุกฺกาเจตฺวา กเถนฺติ. นิมิตฺเตน จรนฺติ, นิมิตฺตํ วา กโรนฺตีติ เนมิตฺติกา นิมิตฺตนฺติ จ ปเรสํ ปจฺจย ทานสฺุปฺปาทกํ กายวจีกมฺมํ วุจฺจติ. นิปฺปึสนฺตีติ นิปฺเปสา, นิปฺเปสาเยว นิปฺเปสิกา, นิปฺเปโสติ จ สปุริโส วิย ลาภสกฺการตฺถํ อกฺโกสขุํสนุปฺปณฺฑนปรปิฏฺิมํสิกตาทิ.

มชฺฌิมสีลวณฺณนา นิฏฺิตา.

มหาสีลวณฺณนา

๒๑. องฺคานิ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา องฺคสหจริตํ สตฺถํ ‘‘องฺค’’นฺติ วุตฺตํ. นิมิตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เกจิ ปน ‘‘องฺคนฺติ องฺควิการ’’นฺติ วทนฺติ, ปเรสํ องฺควิการทสฺสเนนาปิ ลาภาลาภาทิวิชฺชาติ. ปณฺฑุราชาติ ทกฺขิณามธุราธิปติ. ‘‘มหนฺตาน’’นฺติ เอเตน อปฺปกํ นิมิตฺตํ, มหนฺตํ นิมิตฺตํ อุปฺปาโตติ ทสฺเสติ. อิทํ นาม ปสฺสตีติ โย วสภํ กุฺชรํ ปาสาทํ ปพฺพตํ วา อารุฬฺหํ สุปิเน อตฺตานํ ปสฺสติ, ตสฺส อิทํ นาม ผลํ โหตีติ. สุปินกนฺติ สุปินสตฺถํ. องฺคสมฺปตฺติวิปตฺติทสฺสนมตฺเตน อาทิสนํ วุตฺตํ ‘‘องฺค’’นฺติ อิมินา, ‘‘ลกฺขณ’’นฺติ อิมินา ปน มหานุภาวตานิปฺผาทกองฺคลกฺขณวิเสสทสฺสเนนาติ อยเมเตสํ วิเสโสติ. อหเตติ นเว. อิโต ปฏฺายาติ เทวรกฺขสมนุสฺสาทิเภเทน วิวิธวตฺถภาเค อิโต วา เอตฺโต วา สฺฉินฺเน อิทํ นาม โภคาทิ โหตีติ. ทพฺพิโหมทีนิ โหมสฺสุปกรณาทิวิเสเสหิ ผลวิเสสทสฺสนวเสน ปวตฺตานิ. อคฺคิโหมํ วุตฺตาวเสสสาธนวเสน ปวตฺตํ โหมํ. องฺคลฏฺินฺติ สรีรํ. อพฺภิโน สตฺถํ อพฺเภยฺยํ, มาสุรกฺเขน กโต คนฺโถ มาสุรกฺโข. ภูริวิชฺชา สสฺสพุทฺธิกรณวิชฺชาติ สารสมาเส. สปกฺขก…เป… จตุปฺปทานนฺติ ปิงฺคลมกฺขิกาทิสปกฺขก ฆรโคลิกาทิอปกฺขกเทวมนุสฺสโกฺจาทิทฺวิปทกกณฺฏกชมฺพุกาทิจตุปฺปทานํ.

๒๓. ‘‘อสุกทิวเส’’ติ ‘‘ปกฺขสฺส ทุติเย ตติเย’’ติอาทิ ติถิวเสน วุตฺตํ. อสุกนกฺขตฺเตนาติ โรหิณีอาทินกฺขตฺตโยควเสน.

๒๔. อุกฺกานํ ปตนนฺติ อุกฺโกภาสานํ ปตนํ. วาตสงฺฆาเตสุ หิ เวเคน อฺมฺํ สงฺฆฏฺเฏนฺเตสุ ทีปโกภาโส วิย โอภาโส อุปฺปชฺชิตฺวา อากาสโต ปตติ, ตตฺถายํ อุกฺกาปาตโวหาโร. อวิสุทฺธตา อพฺภมหิกาทีหิ.

๒๕. ธารานุปเวจฺฉนํ วสฺสนํ. หตฺเถน อธิปฺเปตวิฺาปนํ หตฺถมุทฺทา, ตํ ปน องฺคุลิสงฺโกจเนน คณนาเยว. ปารสิก มิลกฺขกาทโย วิย นวนฺตวเสน คณนา อจฺฉิทฺทกคณนา. สฏุปฺปาทนาทีติ อาทิ-สทฺเทน โวกลนภาคหาราทิเก สงฺคณฺหาติ. จินฺตาวเสนาติ วตฺถุํ อนุสนฺธิฺจ สยเมว จิเรน จินฺเตตฺวา กรณวเสน จินฺตากวิ เวทิตพฺโพ, กิฺจิ สุตฺวา สุเตน อสฺสุตํ อนุสนฺเธตฺวา กรณวเสน สุตกวิ, กฺจิ อตฺถํ อุปธาเรตฺวา ตสฺส สงฺขิปนวิตฺถารณาทิวเสน อตฺถกวิ, ยํ กิฺจิ ปเรน กตํ กพฺพํ นาฏกํ วา ทิสฺวา ตํ สทิสเมว อฺํ อตฺตโน านุปฺปตฺติกปฏิภาเนน กรณวเสน ปฏิภานกวิ เวทิตพฺโพ.

๒๖. ปริคฺคหภาเวน ทาริกาย คณฺหาปนํ อาวาหนํ. ตถา ทาปนํ วิวาหนํ. เทสนฺตเร ทิคุณติคุณาทิคหณวเสน ภณฺฑปฺปโยชนํ ปโยโค. ตตฺถ วา อฺตฺถ วา ยถากาลปริจฺเฉทํ วฑฺฒิคหณวเสน ปโยชนํ อุทฺธาโร. ‘‘ภณฺฑมูลรหิตานํ วาณิชฺชํ กตฺวา เอตฺตเกนุทเยน สห มูลํ เทถาติ ธนทานํ ปโยโค, ตาวกาลิกทานํ อุทฺธาโร’’ติ จ วทนฺติ. ตีหิ การเณหีติ เอตฺถ วาเตน, ปาณเกหิ วา คพฺเภ วินสฺสนฺเต น ปุริมกมฺมุนา โอกาโส กโต, ตปฺปจฺจยา กมฺมํ วิปจฺจติ. สยเมว ปน กมฺมุนา โอกาเส กเต น เอกนฺเตน วาโต ปาณกา วา อเปกฺขิตพฺพาติ กมฺมสฺส วิสุํ การณภาโว วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. นิพฺพาปนียนฺติ อุปสมกรํ. ปฏิกมฺมนฺติ ยถา เต น ขาทนฺติ, ตถา ปฏิกรณํ. ปริวตฺตนตฺถนฺติ อาวุธาทินา สห อุกฺขิตฺตหตฺถสฺส อุกฺขิปนวเสน ปริวตฺตนตฺถํ. อิจฺฉิตตฺถสฺส เทวตาย กณฺเณ กถนวเสน ชปฺปนํ กณฺณชปฺปนนฺติ. อาทิจฺจปาริจริยาติ กรวีรมาลาหิ ปูชํ กตฺวา สกลทิวสํ อาทิจฺจาภิมุขาวฏฺาเนน อาทิจฺจสฺส ปริจรณํ. ‘‘สิรวฺหายน’’นฺติ เกจิ ปนฺติ, ตสฺสตฺโถมนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา สิรสา อิจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส อวฺหายนนฺติ.

๒๗. สมิทฺธิกาเลติ อายาจิตสฺส อตฺถสฺส สิทฺธิกาเล. สนฺติปฏิสฺสวกมฺมนฺติ เทวตายาจนาย ยา สนฺติ ปฏิกตฺตพฺพา, ตสฺสา ปฏิฺาปฏิสฺสวกมฺมกรณํ, สนฺติยา อายาจนปฺปโยโคติ อตฺโถ. ตสฺมินฺติ ปฏิสฺสวผลภูเต ยถาภิปตฺถิตกมฺมสฺมึ, ยํ ‘‘สเจ เม อิทํ นาม สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสาติ สนฺติปฏิสฺสวสฺส, โย ‘‘ปณิธี’’ติ จ วุตฺโต. ยถาปฏิสฺสวฺหิ อุปหาเร กเต ปณิธิ อายาจนา กตา นิยฺยาติตา โหตีติ. อจฺฉนฺทิกภาวมตฺตนฺติ อิตฺถิยา อกามกภาวมตฺตํ. ลิงฺคนฺติ ปุริสลิงฺคํ. พลิกมฺมกรณํ อุปทฺทวปฏิพาหนตฺถฺเจว วฑฺฒิอาวหนตฺถฺจ. โทสานนฺติ ปิตฺตาทิโทสานํ. เอตฺถ จ วมนนฺติ ปจฺฉฏฺฏนํ อธิปฺเปตํ. อุทฺธํวิเรจนนฺติ วมนํ ‘‘อุทฺธํ โทสานํ นีหรณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ตถา วิเรจนนฺติ วิเรจนเมว. อโธวิเรจนนฺติ ปน สุทฺธิวตฺถิกสาวตฺถิอาทิ วตฺถิกิริยาปิ อธิปฺเปตา ‘‘อโธ โทสานํ นีหรณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. สีสวิเรจนํ เสมฺหนีหรณาทิ. ปฏลานีติ อกฺขิปฏลานิ. สลากเวชฺชกมฺมนฺติ อกฺขิเวชฺชกมฺมํ, อิทํ วุตฺตาวเสสสาลากิยสงฺคหณตฺถํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพนฺติ. ตปฺปนาทโยปิ หิ สาลากิยาเนวาติ. มูลานิ ปธานานิ โรคูปสเม สมตฺถานิ เภสชฺชานิ มูลเภสชฺชานิ, มูลานํ วา พฺยาธีนํ เภสชฺชานิ มูลเภสชฺชานิ. มูลานุพนฺธวเสน หิ ทุวิโธ พฺยาธิ. มูลโรเค จ ติกิจฺฉิเต เยภุยฺเยน อิตรํ วูปสมตีติ. ‘‘กายติกิจฺฉนํ ทสฺเสตี’’ติ อิทํ โกมารภจฺจสลฺลกตฺตสาลากิยาทิกรณวิเสสภูตตนฺตีนํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตตฺตา ปาริเสสวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา ตทวเสสาย ตนฺติยาปิ อิธ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สพฺพานิ เจตานิ อาชีวเหตุกานิเยว อิธาธิปฺเปตานิ ‘‘มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา. ยํ ปน ตตฺถ ตตฺถ ปาฬิยํ ‘‘อิติ วา’’ติ วุตฺตํ, ตตฺถ อิตีติ ปการตฺเถ นิปาโต, วา-อิติ วิกปฺปนตฺเถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ อิมินา ปกาเรน, อิโต อฺเ น วาติ. เตน ยานิ อิโต พาหิรกปพฺพชิตา สิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานาทีนิ ชีวิโกปายภูตานิ อาชีวปกตา อุปชีวนฺติ, เตสํ ปริคฺคโห กโตติ เวทิตพฺโพ.

มหาสีลวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปุพฺพนฺตกปฺปิกสสฺสตวาทวณฺณนา

๒๘. ภิกฺขุสงฺเฆน วุตฺตวณฺโณ นาม ‘‘ยาวฺจิทํ เตน ภควตา’’ติอาทินา วุตฺตวณฺโณ. เอตฺถายํ สมฺพนฺโธ – น ภิกฺขเว เอตฺตกา เอว พุทฺธคุณา, เย ตุมฺหากํ ปากฏา, อปากฏา ปน ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว อฺเ ธมฺมา’’ติ วิตฺถาโร. ตตฺถ ‘‘อิเม ทิฏฺิฏฺานา เอวํ คหิตา’’ติอาทินา สสฺสตาทิทิฏฺิฏฺานานํ ยถาคหิตาการสุฺตภาวปฺปกาสนโต, ‘‘ตฺจ ปชานนํ น ปรามสตี’’ติ สีลาทีนฺจ อปรามาสนิยฺยานิกภาวทีปเนน นิจฺจสาราทิวิรหปฺปกาสนโต, ยาสุ เวทนาสุ อวีตราคตาย พาหิรกานํ เอตานิ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตานิ สมฺภวนฺติ, เตสํ ปจฺจยภูตานฺจ สมฺโมหาทีนํ เวทกการกสภาวาภาวทสฺสนมุเขน สพฺพธมฺมานํ อตฺตตฺตนิยตาวิรหทีปนโต, อนุปาทาปรินิพฺพานทีปนโต จ อยํ เทสนา สุฺตาวิภาวนปฺปธานาติ อาห ‘‘สุฺตาปกาสนํ อารภี’’ติ. ปริยตฺตีติ วินยาทิเภทภินฺนา ตนฺติ. เทสนาติ ตสฺสา ตนฺติยา มนสาววตฺถาปิตาย วิภาวนา, ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาปภูตา วา ปฺาปนา, อนุโลมาทิวเสน วา กถนนฺติ ปริยตฺติเทสนานํ วิเสโส ปุพฺเพเยว ววตฺถาปิโตติ อาห ‘‘เทสนายํ ปริยตฺติย’’นฺติ. เอวํ อาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน สจฺจสภาวสมาธิปฺาปกติปุฺอาปตฺติเยฺยาทโย สงฺคยฺหนฺติ. ตถา หิ อยํ ธมฺม-สทฺโท ‘‘จตุนฺนํ ภิกฺขเว ธมฺมานํ อนนุโพธา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๘๖; อ. นิ. ๔.๑) สจฺเจ วตฺตติ, ‘‘กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑) สภาเว, ‘‘เอวํธมฺมา เต ภควนฺโต อเหสุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๓๗๘) สมาธิมฺหิ, ‘‘สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ส เว เปจฺจ น โสจตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๙๐) ปฺาย, ‘‘ชาติธมฺมานํ ภิกฺขเว สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๗๓; ปฏิ. ม. ๑.๓๓) ปกติยํ, ‘‘ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๘๔; เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) ปุฺเ, ‘‘จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๓) อาปตฺติยํ, ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๖) เยฺเย วตฺตติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา; อภิ. อฏฺ. ๑.ติกมาติกาปทวณฺณนา; พุ. วํ. อฏฺ. รตนจงฺกมนกณฺฑวณฺณนา). ธมฺมา โหนฺตีติ สุฺา ธมฺมมตฺตา โหนฺตีติ อตฺโถ.

‘‘ทุทฺทสา’’ติ เอเตเนว เตสํ ธมฺมานํ ทุกฺโขคาหตา ปกาสิตา โหติ. สเจ ปน โกจิ อตฺตโน ปมาณํ อชานนฺโต าเณน เต ธมฺเม โอคาหิตุํ อุสฺสาหํ กเรยฺย, ตสฺส ตํ าณํ อปฺปติฏฺเมว มกสตุณฺฑสูจิ วิย มหาสมุทฺเทติ อาห ‘‘อลพฺภเนยฺยปติฏฺา’’ติ. อลพฺภเนยฺยา ปติฏฺา เอตฺถาติ อลพฺภเนยฺยปติฏฺาติ ปทวิคฺคโห เวทิตพฺโพ. อลพฺภเนยฺยปติฏฺานํ โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ‘‘เอตฺตกา เอเต อีทิสา จา’’ติ ปสฺสิตุํ น สกฺกาติ วุตฺตํ ‘‘คมฺภีรตฺตา เอว ทุทฺทสา’’ติ. เย ปน ทฏฺุเมว น สกฺกา, เตสํ โอคาหิตฺวา อนุพุชฺฌเน กถา เอว นตฺถีติ อาห ‘‘ทุทฺทสตฺตา เอว ทุรนุโพธา’’ติ. สพฺพปริฬาหปฏิปฺปสฺสทฺธิมตฺถเก สมุปฺปนฺนตฺตา, นิพฺพุตสพฺพปริฬาหสมาปตฺติสโมกิณฺณตฺตา จ นิพฺพุตสพฺพปริฬาหา. สนฺตารมฺมณานิ มคฺคผลนิพฺพานานิ อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ สงฺขารานฺจ อภาวโต. อถ วา สมูหตวิกฺเขปตาย นิจฺจสมาหิตสฺส มนสิการสฺส วเสน ตทารมฺมณธมฺมานํ สนฺตภาโว เวทิตพฺโพ กสิณุคฺฆาฏิมากาสตพฺพิสยวิฺาณานํ อนนฺตภาโว วิย. อวิรชฺฌิตฺวา นิมิตฺตปฏิเวโธ วิย อิสฺสาสานํ อวิรชฺฌิตฺวา ธมฺมานํ ยถาภูตสภาวโพโธ สาทุรโส มหารโส จ โหตีติ อาห อติตฺติกรณฏฺเนาติ. ปฏิเวธปฺปตฺตานํ, เตสุ จ พุทฺธานํเยว สพฺพากาเรน วิสยภาวูปคมนโต น ตกฺกพุทฺธิยา โคจราติ อาห ‘‘อุตฺตมาณวิสยตฺตา’’ติอาทิ. ‘‘นิปุณา’’ติ เยฺเยสุ ติกฺขวิสทวุตฺติยา เฉกา. ยสฺมา ปน โส เฉกภาโว อารมฺมเณ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย สุขุมเยฺยคหณสมตฺถตาย สุปากโฏ โหติ, เตน วุตฺตํ ‘‘สณฺหสุขุมสภาวตฺตา’’ติ.

อปโร นโย – วินยปณฺณตฺติอาทิคมฺภีรเนยฺยวิภาวนโต คมฺภีรา. กทาจิ อสงฺขฺเยยฺยมหากปฺเป อติกฺกมิตฺวาปิ ทุลฺลภทสฺสนตาย ทุทฺทสา. ทสฺสนฺเจตฺถ ปฺาจกฺขุวเสเนว เวทิตพฺพํ. ธมฺมนฺวยสงฺขาตสฺส อนุโพธสฺส กสฺสจิเทว สมฺภวโต ทุรนุโพธา. สนฺตสภาวโต, เวเนยฺยานฺจ คุณสมฺปทานํ ปริโยสานตฺตา สนฺตา. อตฺตโน จ ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีตตาย ปณีตา. สมธิคตสจฺจลกฺขณตาย อตกฺเกหิ, อตกฺเกน วา าเณน อวจริตพฺพตาย อตกฺกาวจรา. นิปุณํ, นิปุเณ วา อตฺเถ สจฺจปฺปจฺจยาการาทิวเสน วิภาวนโต นิปุณา. โลเก อคฺคปณฺฑิเตน สมฺมาสมฺพุทฺเธน เวทียนฺติ ปกาสียนฺตีติ ปณฺฑิตเวทนียา. อนาวรณาณปฏิลาภโต หิ ภควา ‘‘สพฺพวิทู หํ อสฺมิ, (ธ. ป. ๓๕๓; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕) ทสพลสมนฺนาคโต ภิกฺขเว ตถาคโต’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๑) อตฺตโน สพฺพฺุตาทิคุเณ ปกาเสติ. เตเนวาห ‘‘สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตี’’ติ.

ตตฺถ กิฺจาปิ สพฺพฺุตฺาณํ ผลนิพฺพานานิ วิย สจฺฉิกาตพฺพสภาวํ น โหติ, อาสวกฺขยาเณ ปน อธิคเต อธิคตเมว โหตีติ ตสฺส ปจฺจกฺขกรณํ สจฺฉิกิริยาติ อาห ‘‘อภิวิสิฏฺเน าเณน ปจฺจกฺขํ กตฺวา’’ติ. อภิวิสิฏฺเน าเณนาติ จ เหตุอตฺเถ กรณวจนํ, อภิวิสิฏฺาณาธิคมเหตูติ อตฺโถ. อภิวิสิฏฺาณนฺติ วา ปจฺจเวกฺขณาเณ อธิปฺเปเต กรณวจนมฺปิ ยุชฺชติเยว. ปเวทนฺเจตฺถ อฺาวิสยานํ สจฺจาทีนํ เทสนากิจฺจสาธนโต, ‘‘เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕) ปฏิชานนโต จ เวทิตพฺพํ. วทมานาติ เอตฺถ สตฺติอตฺโถ มาน-สทฺโท, วตฺตุํ อุสฺสาหํ กโรนฺโตติ อตฺโถ. เอวํภูตา จ วตฺตุกามา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘วณฺณํ วตฺตุกามา’’ติ. สาวเสสํ วทนฺโตปิ วิปรีตํ วทนฺโต วิย ‘‘สมฺมา วทตี’’ติ น วตฺตพฺโพติ อาห ‘‘อหาเปตฺวา’’ติ, เตน อนวเสสตฺโถ อิธ สมฺมา-สทฺโทติ ทสฺเสติ. ‘‘วตฺตุํ สกฺกุเณยฺยุ’’นฺติ อิมินา ‘‘วเทยฺยุ’’นฺติ สกตฺถทีปนภาวมาห. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ภควโต ทสพลาทิาณานิปิ อนฺสาธารณานิ, สปฺปเทสวิสยตฺตา ปน เตสํ าณานํ น เตหิ พุทฺธคุณา อหาเปตฺวา คหิตา นาม โหนฺติ, นิปฺปเทสวิสยตฺตา ปน สพฺพฺุตฺาณสฺส ตสฺมึ คหิเต สพฺเพปิ พุทฺธคุณา คหิตา เอว นาม โหนฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘เยหิ…เป… วเทยฺยุ’’นฺติ. ปุถูนิ อารมฺมณานิ เอตสฺสาติ ปุถุอารมฺมณํ, สพฺพารมฺมณตฺตาติ อธิปฺปาโย. อถ วา ปุถุอารมฺมณารมฺมณโตติ เอตสฺมึ อตฺเถ ‘‘ปุถุอารมฺมณโต’’ติ วุตฺตํ, เอกสฺส อารมฺมณ-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘โอฏฺมุโข กามาวจร’’นฺติ อาทีสุ วิย, เตนสฺส ปุถุาณกิจฺจสาธกตํ ทสฺเสติ. ตถา เหตํ ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ, ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ, ฉสุ อสาธารณาเณสุ เสสาสาธารณาณานิ, สตฺตอริยปุคฺคลวิภาวกาณํ, อฏฺสุปิ ปริสาสุ อกมฺปนาณํ, นวสตฺตาวาสปริชานนาณํ, ทสพลาณนฺติ เอวมาทีนํ อเนกสตสหสฺสเภทานํ าณานํ ยถาสมฺภวํ กิจฺจํ สาเธตีติ. ‘‘ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติวเสนา’’ติ เอเตน สพฺพฺุตฺาณสฺส กมวุตฺติตํ ทสฺเสติ. กเมนาปิ หิ ตํ วิสเยสุ ปวตฺตติ, น สกึเยว ยถา พาหิรกา วทนฺติ ‘‘สกึเยว สพฺพฺู สพฺพํ ชานาติ, น กเมนา’’ติ.

ยทิ เอวํ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยเภทสฺส เยฺยสฺส ปริจฺเฉทวตา เอเกน าเณน นิรวเสสโต กถํ ปฏิเวโธติ, โก วา เอวมาห ‘‘ปริจฺเฉทวนฺตํ พุทฺธาณ’’นฺติ. อนนฺตฺหิ ตํ าณํ เยฺยํ วิย. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตกํ เยฺยํ ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕). เอวมฺปิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เยฺเย กเมน คยฺหมาเน อนวเสสปฏิเวโธ น สมฺภวติ เยวาติ, นยิทเมวํ. กสฺมา? ยํ กิฺจิ ภควตา าตุํ อิจฺฉิตํ สกลํ เอกเทโส วา. ตตฺถ อปฺปฏิหตจารตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ, วิกฺเขปาภาวโต จ ภควา สพฺพกาลํ สมาหิโตว าตุํ, อิจฺฉิตสฺส ปจฺจกฺขภาโว น สกฺกา นิวาเรตุํ ‘‘อากงฺขาปฏิพทฺธํ พุทฺธสฺส ภควโต าณ’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต, น เจตฺถ ทูรโต จิตฺตปฏํ ปสฺสนฺตานํ วิย, ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนฺตานํ วิย จ อเนกธมฺมาวโพธกาเล อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺตตีติ คเหตพฺพํ อจินฺเตยฺยานุภาวตาย พุทฺธาณสฺส. เตเนวาห ‘‘พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโย’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํสพฺพากาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติโน อนาวรณาณสฺส ปฏิลาเภน ภควา สนฺตาเนน สพฺพธมฺมปฏิเวธสมตฺโถ อโหสิ สพฺพเนยฺยาวรณสฺส ปหานโต, ตสฺมา สพฺพฺู, น สกึเยว สพฺพธมฺมาวโพธโต, ยถา สนฺตาเนน สพฺพอินฺธนสฺส ทหนสมตฺถตาย ปาวโก ‘‘สพฺพภู’’ติ วุจฺจตีติ.

ววตฺถาปนวจนนฺติ สนฺนิฏฺาปนวจนํ, อวธารณวจนนฺติ อตฺโถ. อฺเ วาติ เอตฺถ อวธารเณน นิวตฺติตํ ทสฺเสติ ‘‘น ปาณาติปาตา เวรมณิอาทโย’’ติ, อยฺจ เอว-สทฺโท อนิยตเทสตาย จ-สทฺโท วิย ยตฺถ วุตฺโต, ตโต อฺตฺถาปิ วจนิจฺฉาวเสน อุปติฏฺตีติ อาห ‘‘คมฺภีรา วา’’ติอาทิ. สพฺพปเทหีติ ยาว ‘‘ปณฺฑิตเวทนียา’’ติ อิทํ ปทํ, ตาว สพฺพปเทหิ. สาวกปารมิาณนฺติ สาวกานํ ทานาทิปาริปูริยา นิปฺผนฺนํ วิชฺชตฺตยฉฬภิฺาจตุปฺปฏิสมฺภิทาทิเภทํ าณํ. ตโตติ สาวกปารมิาณโต. ตตฺถาติ สาวกปารมิาเณ. ตโตปีติ อนนฺตรนิทฺทิฏฺโต ปจฺเจกพุทฺธาณโตปิ, โก ปน วาโท สาวกปารมิาณโตติ อธิปฺปาโย. เอตฺถายํ อตฺถโยชนา – กิฺจาปิ สาวกปารมิาณํ เหฏฺิมเสกฺขาณํ ปุถุชฺชนาณฺจ อุปาทาย คมฺภีรํ, ปจฺเจกพุทฺธาณํ อุปาทาย น ตถา คมฺภีรนฺติ ‘‘คมฺภีรเมวา’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ. ตถา ปจฺเจกพุทฺธาณมฺปิ สพฺพฺุตฺาณํ อุปาทายาติ ตตฺถ ววตฺถานํ น ลพฺภติ, สพฺพฺุตฺาณธมฺมา ปน สาวกปารมิาณาทีนํ วิย กิฺจิ อุปาทาย อคมฺภีรภาวาภาวโต คมฺภีรา วาติ. ยถา เจตฺถ ววตฺถานํ ทสฺสิตํ, เอวํ สาวกปารมิาณํ ทุทฺทสํ, ปจฺเจกพุทฺธาณํ ปน ตโต ทุทฺทสตรนฺติ ตตฺถ ววตฺถานํ นตฺถีติอาทินา ววตฺถานสพฺภาโว เนตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘ตถา ทุทฺทสาว…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ.

กสฺมา ปเนตํ เอวํ อารทฺธํติ เอตฺถายํ อธิปฺปาโย – ภวตุ ตาว นิรวเสสพุทฺธคุณวิภาวนูปายภาวโต สพฺพฺุตฺาณํ เอกมฺปิ ปุถุนิสฺสยารมฺมณากิจฺจสิทฺธิยา ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว อฺเว ธมฺมา’’ติอาทินา พหุวจเนน อุทฺทิฏฺํ, ตสฺส ปน วิสฺสชฺชนํ สจฺจปจฺจยาการาทิวิเสสวเสน อนฺสาธารเณน วิภชนนเยน อนารภิตฺวา สนิสฺสยานํ ทิฏฺีนํ วิภชนวเสน กสฺมา อารทฺธนฺติ. ตตฺถ ยถา สจฺจปจฺจยาการาทีนํ วิภชนํ อนฺสาธารณํ, สพฺพฺุตฺาณสฺเสว วิสโย, เอวํ นิรวเสเสน ทิฏฺิคตวิภชนมฺปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธานฺหี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ านานีติ การณานิ. คชฺชิตํ มหนฺตํ โหตีติ เทเสตพฺพสฺส อตฺถสฺส อเนกวิธตาย, ทุวิฺเยฺยตาย จ นานานเยหิ ปวตฺตมานํ เทสนาคชฺชิตํ มหนฺตํ วิปุลํ, พหุเภทฺจ โหติ. าณํ อนุปวิสตีติ ตโต เอว จ เทสนาาณํ เทเสตพฺพธมฺเม วิภาคโส กุรุมานํ อนุปวิสติ, เต อนุปวิสฺส ิตํ วิย โหตีติ อตฺโถ.

พุทฺธาณสฺส มหนฺตภาโว ปฺายตีติ เอวํวิธสฺส นาม ธมฺมสฺส เทสกํ ปฏิเวธกฺจาติ พุทฺธานํ เทสนาาณสฺส ปฏิเวธาณสฺส จ อุฬารภาโว ปากโฏ โหติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ‘‘สพฺพํ วจีกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺตี’’ติ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕; เนตฺติ. ๑๔) วจนโต สพฺพาปิ ภควโต เทสนา าณรหิตา นตฺถิ, สีหสมานวุตฺติตาย จ สพฺพตฺถ สมานุสฺสาหปฺปวตฺติ เทเสตพฺพธมฺมวเสน ปน เทสนา วิเสสโต าเณน อนุปวิฏฺา คมฺภีรตรา จ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. กถํ ปน วินยปณฺณตฺตึ ปตฺวา เทสนา ติลกฺขณาหตา สุฺตาปฏิสํยุตฺตา โหตีติ? ตตฺถาปิ จ สนฺนิสินฺนปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺตมานา เทสนา สงฺขารานํ อนิจฺจตาทิวิภาวนี, สพฺพธมฺมานํ อตฺตตฺตนิยตาภาวปฺปกาสนี จ โหติ. เตเนวาห ‘‘อเนกปริยาเยน ธมฺมึ กถํ กตฺวา’’ติอาทิ.

ภูมนฺตรนฺติ ธมฺมานํ อวตฺถาวิเสสฺจ านวิเสสฺจ. ตตฺถ อวตฺถาวิเสโสสติอาทิธมฺมานํ สติปฏฺานินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคาทิเภโท. านวิเสโส กามาวจราทิเภโท. ปจฺจยาการปทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. สมยนฺตรนฺติ ทิฏฺิวิเสสา, นานาวิหิตา ทิฏฺิโยติ อตฺโถ, อฺสมยํ วา. เอวํ โอติณฺเณ วตฺถุสฺมินฺติ เอวํ ลหุกครุกาทิวเสน ตทนุรูเป โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ สิกฺขาปทปฺาปนํ.

ยทิปิ กายานุปสฺสนาทิวเสน สติปฏฺานาทโย สุตฺตนฺตปิฏเกปิ (ที. นิ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๗) วิภตฺตา, สุตฺตนฺตภาชนียาทิวเสน ปน อภิธมฺเมเยว เต สวิเสสํ วิภตฺตาติ อาห ‘‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา…เป… อภิธมฺมปิฏกํ วิภชิตฺวา’’ติ. ตตฺถ ‘‘สตฺต ผสฺสา’’ติ สตฺตวิฺาณธาตุสมฺปโยควเสน วุตฺตํ. ตถา ‘‘สตฺต เวทนา’’ติอาทีสุปิ. โลกุตฺตรา ธมฺมา นามาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน วุตฺตาวเสสํ อภิธมฺเม อาคตํ ธมฺมานํ วิภชิตพฺพาการํ สงฺคณฺหาติ. จตุวีสติ สมนฺตปฏฺานานิ เอตฺถาติ จตุวีสติสมนฺตปฏฺานํ, อภิธมฺมปิฏกํ. เอตฺถ ปจฺจยนยํ อคฺคเหตฺวา ธมฺมวเสเนว สมนฺตปฏฺานสฺส จตุวีสติวิธตา วุตฺตา. ยถาห –

‘‘ติกฺจ ปฏฺานวรํ ทุกุตฺตมํ,

ทุกติกฺเจว ติกทุกฺจ;

ติกติกฺเจว ทุกทุกฺจ,

ฉ อนุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีรา. (ปฏฺา. ๑.ปจฺจยนิทฺเทส ๔๑, ๔๔, ๔๘, ๕๒);

ตถา –

ติกฺจ…เป… ฉ ปจฺจนียมฺหิ นยา สุคมฺภีรา;

ติกฺจ…เป… ฉ อนุโลมปจฺจนียมฺหิ นยา สุคมฺภีรา;

ติกฺจ…เป… ปจฺจนียานุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีรา’’ติ. (ปฏฺา. ๑.ปจฺจยนิทฺเทส ๔๔, ๕๒);

เอวํ ธมฺมวเสน จตุวีสติเภเทสุ ติกปฏฺานาทีสุ เอเกกํ ปจฺจยนเยน อนุโลมาทิวเสน จตุพฺพิธํ โหตีติ ฉนฺนวุติ สมนฺตปฏฺานานิ. ตตฺถ ปน ธมฺมานุโลเม ติกปฏฺาเน กุสลตฺติเก ปฏิจฺจวาเร ปจฺจยานุโลเม เหตุมูลเก เหตุปจฺจยวเสน เอกูนปฺาส ปุจฺฉานยา สตฺต วิสฺสชฺชนนยาติ อาทินา ทสฺสิยมานา อนนฺตเภทา นยาติ อาห ‘‘อนนฺตนย’’นฺติ. โหติ เจตฺถ –

‘‘ปฏฺานํ นาม ปจฺเจกํ ธมฺมานํ อนุโลมาทิมฺหิ ติกทุกาทีสุ ยา ปจฺจยมูลวิสิฏฺา จตุนยโต สตฺตธา คตี’’ติ.

นวหากาเรหีติ อุปฺปาทาทีหิ นวหิ ปจฺจยากาเรหิ. ตตฺถ อุปฺปชฺชติ เอตสฺมา ผลนฺติ อุปฺปาโท, อุปฺปตฺติยา การณภาโว. สติ จ อวิชฺชาย สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, น อสติ, ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาโท หุตฺวา ปจฺจโย โหติ. ตถา อวิชฺชาย สติ สงฺขารา ปวตฺตนฺติ ธรนฺติ, นิวิสนฺติ จ, เต อวิชฺชาย สติ ผลํ ภวาทีสุ ขิปนฺติ, อายูหนฺติ ผลุปฺปตฺติยา ฆฏนฺติ, สํยุชฺชนฺติ อตฺตโน ผเลน, ยสฺมึ สนฺตาเน สยฺจ อุปฺปนฺนา, ตํ ปลิพุนฺธนฺติ, ปจฺจยนฺตรสมวาเย อุทยนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ, หิโนติ จ สงฺขารานํ การณภาวํ คจฺฉติ, ปฏิจฺจ อวิชฺชํ สงฺขารา อยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ เอวํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ การณภาวูปคมนวิเสสา อุปฺปาทาทโย เวทิตพฺพา. ตถา สงฺขาราทีนํ วิฺาณาทีสุ.

อุปฺปาทฏฺิตีติอาทีสุ จ ติฏฺติ เอเตนาติ ิติ, การณํ. อุปฺปาโท เอว ิติ อุปฺปาทฏฺิติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ยสฺมา อโยนิโสมนสิกาโร, ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วจนโต อาสวา จ อวิชฺชาย ปจฺจโย, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุโภเปเต ธมฺมา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา’’ติ. ปจฺจยปริคฺคเห ปฺาติ สงฺขารานํ อวิชฺชาย จ อุปฺปาทาทิเก ปจฺจยากาเร ปริจฺฉินฺทิตฺวา คหณวเสน ปวตฺตา ปฺา. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ธมฺมานํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจยภาวโต ธมฺมฏฺิติสงฺขาเต ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ. ปจฺจยธมฺมา หิ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ‘‘ทฺวาทส ปฏิจฺจสมุปฺปาทา’’ติ วจนโต ทฺวาทส ปจฺจยา. อยฺจ นโย น ปจฺจุปฺปนฺเน เอว, อถ โข อตีตานาคตกาเลปิ, น จ อวิชฺชาย เอว สงฺขาเรสุ, อถ โข สงฺขาราทีนมฺปิ วิฺาณาทีสุ ลพฺภตีติ ปริปุณฺณํ กตฺวา ปจฺจยาการสฺส วิภตฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีตมฺปิ อทฺธาน’’นฺติอาทิ ปาฬึ อารภิ. ปฏฺาเน (ปฏฺา. ๑.ปจฺจยนิทฺเทส ๑) ทสฺสิตา เหตาทิปจฺจยา เอเวตฺถ อุปฺปาทาทิปจฺจยากาเรหิ คหิตาติ เต ยถาสมฺภวํ นีหริตฺวา โยเชตพฺพา, อติวิตฺถารภเยน ปน น โยชยิมฺห.

ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺสาติ ตสฺส ตสฺส สงฺขาราทิปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสฺส. ตถา ตถา ปจฺจยภาเวนาติ อุปฺปาทาทิเหตาทิปจฺจยภาเวน. อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตวเสน ตโย อทฺธา กาลา เอตสฺสาติ ติยทฺธํ. เหตุผลผลเหตุเหตุผลวเสน ตโย สนฺธี เอตสฺสาติ ติสนฺธึ. สงฺขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขโป, กมฺมํ วิปาโก จ. สงฺขิปฺปนฺติ เอตฺถาติ วา สงฺเขโป, อวิชฺชาทโย วิฺาณาทโย จ. โกฏฺาสปริยาโย วา สงฺเขป-สทฺโท. อตีเต กมฺมสงฺเขปาทิวเสน จตฺตาโร สงฺเขปา เอตสฺสาติ จตุสงฺเขปํ. สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺเขเป อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา, อตีเต เหตุอาทีนํ วา ปการา อาการา, เต สงฺเขเป ปฺจ ปฺจ กตฺวา วีสติอาการา เอตสฺสาติ วีสตาการํ.

ขตฺติยาทิเภเทน อเนกเภทภินฺนาปิ สสฺสตวาทิโน ชาติสตสหสฺสานุสฺสรณาทิโน อภินิเวสเหตุโน วเสน จตฺตาโรว โหนฺติ, น ตโต อุทฺธํ อโธติ สสฺสตวาทาทีนํ ปริมาณปริจฺเฉทสฺส อนฺวิสยตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร ชนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จตฺตาโร ชนาติ จตฺตาโร ชนสมูหา. อิทํ นิสฺสายาติ อิทํ อิทปฺปจฺจยตาย สมฺมา อคฺคหณํ, ตตฺถาปิ จ เหตุผลภาเวน สมฺพนฺธานํ สนฺตติฆนสฺส อเภทิตตฺตา ปรมตฺถโต วิชฺชมานมฺปิ เภทนิพนฺธนํ นานตฺตนยํ อนุปธาเรตฺวา คหิตํ เอกตฺตคฺคหณํ นิสฺสาย. อิทํ คณฺหนฺตีติ อิทํ สสฺสตคฺคหณํ อภินิวิสฺส โวหรนฺติ, อิมินา นเยน เอกจฺจสสฺสตวาทาทโยเปตฺถ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา วตฺตพฺพา. ภินฺทิตฺวาติ ‘‘อาตปฺปมนฺวายา’’ติอาทินา วิภชิตฺวา ‘‘ตยิทํ ภิกฺขเว ตถาคโต ปชานาตี’’ติอาทินา วิมทฺทิตฺวา นิชฺชฏํ นิคุมฺพํ กตฺวา ทิฏฺิชฏาวิชฏเนน ทิฏฺิคุมฺพวิวรเณน จ.

‘‘ตสฺมา’’ติอาทินา พุทฺธคุเณ อารพฺภ เทสนาย สมุฏฺิตตฺตา สพฺพฺุตฺาณํ อุทฺทิสิตฺวา เทสนากุสโล ภควา สมยนฺตรวิคฺคาหณวเสน สพฺพฺุตฺาณเมว วิสฺสชฺเชตีติ ทสฺเสติ. ‘‘สนฺตี’’ติ อิมินา เตสํ ทิฏฺิคติกานํ วิชฺชมานตาย อวิจฺฉินฺนตํ, ตโต จ เนสํ มิจฺฉาคาหโต สิถิลกรณวิเวจเนหิ อตฺตโน เทสนาย กิจฺจการิตํ, อวิตถตฺจ ทีเปติ ธมฺมราชา.

๒๙. อตฺถีติ ‘‘สํวิชฺชนฺตี’’ติ อิมินา สมานตฺโถ ปุถุวจนวิสโย เอโก นิปาโต ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ม. นิ. ๓.๑๕๔; สํ. นิ. ๔.๑๒๗; ขุ. ปา. ๓.๑) วิย. สสฺสตาทิวเสน ปุพฺพนฺตํ กปฺเปนฺตีติ ปุพฺพนฺตกปฺปิกา. ยสฺมา ปน เต ตํ ปุพฺพนฺตํ ปุริมสิทฺเธหิ ตณฺหาทิฏฺิกปฺเปหิ กปฺเปตฺวา, อาเสวนพลวตาย วิจิตฺตวุตฺติตาย จ วิกปฺเปตฺวา อปรภาคสิทฺเธหิ อภินิเวสภูเตหิ ตณฺหาทิฏฺิคฺคาเหหิ คณฺหนฺติ อภินิวิสนฺติ ปรามสนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพนฺตํ กปฺเปตฺวา วิกปฺเปตฺวา คณฺหนฺตี’’ติ. ตณฺหุปาทานวเสน วา กปฺปนคฺคหณานิ เวทิตพฺพานิ. ตณฺหาปจฺจยา หิ อุปาทานํ. โกฏฺาเสสูติ เอตฺถ โกฏฺาสาทีสูติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปทปูรณสมีปอุมฺมคฺคาทีสุปิ หิ อนฺต-สทฺโท ทิสฺสติ. ตถา หิ ‘‘อิงฺฆ ตฺวํ สุตฺตนฺเต วา คาถาโย วา อภิธมฺมํ วา ปริยาปุณสฺสุ (ปาจิ. ๔๔๒), สุตฺตนฺเต โอกาสํ การาเปตฺวา’’ติ (ปาจิ. ๑๒๒๑) จ อาทีสุ ปทปูรเณ อนฺต-สทฺโท วตฺตติ, คามนฺตํ โอสเรยฺย, (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) คามนฺตเสนาสน’’นฺติอาทีสุ สมีเป, ‘‘กามสุขลฺลิกานุโยโค เอโก อนฺโต, อตฺถีติ โข กจฺจาน อยเมโก อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) อุมฺมคฺเคติ.

กปฺป-สทฺโท มหากปฺปสมนฺตภาวกิเลสกามวิตกฺกกาลปฺตฺติสทิสภาวาทีสุ วตฺตตีติ อาห ‘‘สมฺพหุเลสุ อตฺเถสุ วตฺตตี’’ติ. ตถา เหส ‘‘จตฺตาริมานิ ภิกฺขเว กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๕๖) มหากปฺเป วตฺตติ, ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๔) สมนฺตภาเว, ‘‘สงฺกปฺโป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโม’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑; จูฬนิ. ๘) กิเลสกาเม, ‘‘ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๗) วิตกฺเก, ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาเล, ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๙๐; จูฬนิ. ๑๑๓) ปฺตฺติยํ, ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต กิร โภ สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา น ชานิมฺหา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) สทิสภาเว วตฺตตีติ. วุตฺตมฺปิ เจตนฺติ มหานิทฺเทสํ (มหานิ. ๒๘) สนฺธายาห. ตณฺหาทิฏฺิวเสนาติ ทิฏฺิยา อุปนิสฺสยภูตาย สหชาตาย อภินนฺทนภูตาย จ ตณฺหาย, สสฺสตาทิอากาเรน อภินิวิสนฺตสฺส มิจฺฉาคาหสฺส จ วเสน. ปุพฺเพนิวุตฺถธมฺมวิสยาย กปฺปนาย อธิปฺเปตตฺตา อตีตกาลวาจโก อิธ ปุพฺพ-สทฺโท, รูปาทิขนฺธวินิมุตฺตสฺส กปฺปนาวตฺถุโน อภาวา อนฺต-สทฺโท จ ภาควาจโกติ อาห ‘‘อตีตํ ขนฺธโกฏฺาส’’นฺติ. ‘‘กปฺเปตฺวา’’ติ จ ตสฺมึ ปุพฺพนฺเต ตณฺหายนาภินิเวสานํ สมตฺถนํ ปรินิฏฺาปนมาห. ิตาติ ตสฺสา ลทฺธิยา อวิชหนํ. อารพฺภาติ อาลมฺพิตฺวา. วิสโย หิ ตสฺสา ทิฏฺิยา ปุพฺพนฺโต. วิสยภาวโต เอว หิ โส ตสฺสา อาคมนฏฺานํ, อารมฺมณปจฺจโย จาติ วุตฺตํ ‘‘อาคมฺม ปฏิจฺจา’’ติ.

อธิวจนปทานีติ ปฺตฺติปทานิ. ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทิ-สทฺทา วิย วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺติยา อธิวจนํ ปฺตฺติ. อถ วา อธิ-สทฺโท อุปริภาเว, วุจฺจตีติ วจนํ, อุปริ วจนํ อธิวจนํ, อุปาทาภูตรูปาทีนํ อุปริ ปฺาปิยมานา อุปาทาปฺตฺตีติ อตฺโถ, ตสฺมา ปฺตฺติทีปกปทานีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปฺตฺติมตฺตฺเหตํ วุจฺจติ, ยทิทํ ‘‘อตฺตา, โลโก’’ติ จ, น รูปเวทนาทโย วิย ปรมตฺโถ. อธิกวุตฺติตาย วา อธิวุตฺติโยติ ทิฏฺิโย วุจฺจนฺติ. อธิกฺหิ สภาวธมฺเมสุ สสฺสตาทึ ปกติอาทิทพฺพาทึ ชีวาทึ กายาทิฺจ อภูตมตฺถํ อชฺฌาโรเปตฺวา ทิฏฺิโย ปวตฺตนฺตีติ.

๓๐. อภิวทนฺตีติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๓, ๔๒๗; ม. นิ. ๓.๒๗, ๒๙) อภินิวิสิตฺวา วทนฺติ ‘‘อยํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม’’ติอาทินา วิวทนฺติ. อภิวทนกิริยาย อชฺชาปิ อวิจฺเฉทภาวทสฺสนตฺถํ วตฺตมานกาลวจนํ. ทิฏฺิ เอว ทิฏฺิคตํ ‘‘มุตฺตคตํ, (ม. นิ. ๒.๑๑๙; อ. นิ. ๙.๑๑) สงฺขารคต’’นฺติอาทีสุ (มหานิ. ๔๑) วิย. คนฺตพฺพาภาวโต วา ทิฏฺิยา คตมตฺตํ, ทิฏฺิยา คหณมตฺตนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิปฺปกาโร วา ทิฏฺิคตํ. โลกิยา หิ วิธยุตฺตคตปการ-สทฺเท สมานตฺเถ อิจฺฉนฺติ. เอเกกสฺมิฺจ ‘‘อตฺตา’’ติ, ‘‘โลโก’’ติ จ คหณวิเสสํ อุปาทาย ปฺาปนํ โหตีติ อาห ‘‘รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตา จ โลโก จาติ คเหตฺวา’’ติ. อมรํ นิจฺจํ ธุวนฺติ สสฺสตเววจนานิ. มรณาภาเวน วา อมรํ, อุปฺปาทาภาเวน สพฺพถาปิ อตฺถิตาย นิจฺจํ, ถิรฏฺเน วิการาภาเวน ธุวํ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ นิทฺเทสปฏิสมฺภิทาปาฬีหิ วิภาเวติ. อยฺจ อตฺโถ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, เวทนํ, สฺํ, สงฺขาเร, วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ อิมิสฺสา ปฺจวิธาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน วุตฺโต. ‘‘รูปวนฺตํ อตฺตาน’’นฺติอาทิกาย ปน ปฺจทสวิธาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร ขนฺเธ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺํ ‘‘โลโก’’ติ ปฺเปนฺตีติ อยมฺปิ อตฺโถ ลพฺภติ. ตถา เอกํ ขนฺธํ ’’อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺเ อตฺตโน อุปโภคภูโต โลโกติ, สสนฺตติปติเต วา ขนฺเธ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺเ ‘‘โลโก’’ติ ปฺเปนฺตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอตฺถาห – สสฺสโต วาโท เอเตสนฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เตสํ อตฺตา โลโก จ สสฺสโตติ อธิปฺเปโต, น วาโท ติ? สจฺจเมตํ, สสฺสตสหจริตตาย ปน ‘‘วาโท สสฺสโต’’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ. สสฺสโต อิติ วาโท เอเตสนฺติ วา อิติ-สทฺทโลโป ทฏฺพฺโพ. อถ วา สสฺสตํ วทนฺติ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ อภินิวิสฺส โวหรนฺตีติ สสฺสตวาทา, สสฺสตทิฏฺิโนติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๓๑. อาตาปนํ กิเลสานํ วิพาธนํ ปหานํ. ปทหนํ โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา จิตฺตสฺส อุสฺสหนํ. อนุโยโค ยถา สมาธิ วิเสสภาคิยตํ ปาปุณาติ, เอวํ วีริยสฺส พหุลีกรณํ. อิธ อุปจารปฺปนาจิตฺตปริทมนวีริยานํ อธิปฺเปตตฺตา อาห ‘‘ติปฺปเภทํ วีริย’’นฺติ. นปฺปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, อสมฺโมโส. สมฺมา อุปาเยน มนสิ กโรติ กมฺมฏฺานํ เอเตนาติ สมฺมามนสิกาโร าณนฺติ อาห ‘‘วีริยฺจ สติฺจ าณฺจา’’ติ. เอตฺถาติ ‘‘อาตปฺป…เป… มนสิการํ อนฺวายา’’ติ อิมสฺมึ ปาเ. สีลวิสุทฺธิยา สทฺธึ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ อธิคมนปฏิปทา วตฺตพฺพา, สา ปน วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถารโต วุตฺตาติ อาห ‘‘สงฺเขปตฺโถ’’ติ. ‘‘ตถารูป’’นฺติ จุทฺทสวิเธหิ จิตฺตทมเนหิ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสฺส ทมิตตํ วทติ.

สมาธานาทิอฏฺงฺคสมนฺนาคตรูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสฺส โยคิโน สมาธิวิชมฺภนภูตา โลกิยาภิฺา ฌานานุภาโว. ‘‘ฌานาทีน’’นฺติ อิทํ ฌานลาภิสฺส วิเสเสน ฌานธมฺมา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, ตํมุเขน เสสธมฺมาติ อิมมตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. ชนกภาวํ ปฏิกฺขิปติ. สติ หิ ชนกภาเว รูปาทิธมฺมานํ วิย สุขาทิธมฺมานํ วิย, จ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อุปฺปาทวนฺตตา วิฺายติ, อุปฺปาเท จ สติ อวสฺสมฺภาวี นิโรโธติ อนวกาสาว นิจฺจตา สิยาติ. กูฏฏฺ-สทฺโท วา โลเก อจฺจนฺตนิจฺเจ นิรุฬฺโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘เอสิกฏฺายิฏฺิโต’’ติ เอเตน ยถา เอสิกา วาตปฺปหาราทีหิ น จลติ, เอวํ น เกนจิ วิการํ อาปชฺชตีติ วิการาภาวมาห, ‘‘กูฏฏฺโ’’ติ อิมินา ปน อนิจฺจตาภาวํ. วิกาโรปิ วินาโสเยวาติ อาห, ‘‘อุภเยนปิ โลกสฺส วินาสาภาวํ ทีเปตี’’ติ. ‘‘วิชฺชมานเมวา’’ติ เอเตน การเณ ผลสฺส อตฺถิภาวทสฺสเนน อภิพฺยตฺติวาทํ ทีเปติ. นิกฺขมตีติ จ อภิพฺยตฺตึ คจฺฉตีติ อตฺโถ. กถํ ปน วิชฺชมาโนเยว ปุพฺเพ อนภิพฺยตฺโต อภิพฺยตฺตึ คจฺฉตีติ? ยถา อนฺธกาเรน ปฏิจฺฉนฺโน ฆโฏ อาโลเกน อภิพฺยตฺตึ คจฺฉติ.

อิทเมตฺถ วิจาเรตพฺพํ – กึ กโรนฺโต อาโลโก ฆฏํ ปกาเสตีติ วุจฺจติ, ยทิ ฆฏวิสยํ พุทฺธึ กโรนฺโต, พุทฺธิยา อนุปฺปนฺนาย อุปฺปตฺติทีปนโต อภิพฺยตฺติวาโท หายติ. อถ ฆฏพุทฺธิยา อาวรณภูตํ อนฺธการํ วิธมนฺโต, เอวมฺปิ อภิพฺยตฺติวาโท หายติเยว. สติ หิ ฆฏพุทฺธิยา อนฺธกาโร กถํ ตสฺสา อาวรณํ โหตีติ, ยถา ฆฏสฺส อภิพฺยตฺติ น ยุชฺชติ, เอวํ อตฺตโนปิ. ตตฺถาปิ หิ ยทิ อินฺทฺริยวิสยาทิสนฺนิปาเตน อนุปฺปนฺนาย พุทฺธิยา อุปฺปตฺติ, อุปฺปตฺติวจเนเนว อภิพฺยตฺติวาโท หายติ, ตถา สสฺสตวาโท. อถ พุทฺธิปฺปวตฺติยา อาวรณภูตสฺส อนฺธการฏฺานิยสฺส โมหสฺส วิธมเนน. สติ พุทฺธิยา กถํ โมโห อาวรณนฺติ, กิฺจิ เภทสมฺภวโต. น หิ อภิพฺยฺชนกานํ จนฺทสูริยมณิปทีปาทีนํ เภเทน อภิพฺยฺชิตพฺพานํ ฆฏาทีนํ เภโท โหติ, โหติ จ วิสยเภเทน พุทฺธิเภโทติ ภิยฺโยปิ อภิพฺยตฺติ น ยุชฺชติเยว, น เจตฺถ วุตฺติกปฺปนา ยุตฺตา วุตฺติยา วุตฺติมโต จ อนฺถานุชานนโตติ. เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺตีติ เย อิธ มนุสฺสภาเวน อวฏฺิตา, เตเยว เทวภาวาทิอุปคมเนน อิโต อฺตฺถ คจฺฉนฺติ, อฺถา กตสฺส กมฺมสฺส วินาโส, อกตสฺส จ อพฺภาคโม อาปชฺเชยฺยาติ อธิปฺปาโย.

อปราปรนฺติ อปรสฺมา ภวา อปรํ ภวํ. เอวํ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺตีติ อตฺตโน นิจฺจสภาวตฺตา น จุตูปปตฺติโย, สพฺพพฺยาปิตาย นาปิ สนฺธาวนสํสรณานิ, ธมฺมานํเยว ปน ปวตฺติวิเสเสน เอวํ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, เอวํ โวหรียนฺตีติ อธิปฺปาโย. เอเตน อวฏฺิตสภาวสฺส อตฺตโน, ธมฺมิโน จ ธมฺมมตฺตํ อุปฺปชฺชติ เจว วินสฺสติ จาติ อิมํ วิปริณามวาทํ ทสฺเสติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต วกฺขาม. อตฺตโน วาทํ ภินฺทตีติ สนฺธาวนาทิวจนสิทฺธาย อนิจฺจตาย ปุพฺเพ ปฏิฺาตํ สสฺสตวาทํ ภินฺทติ, วิทฺธํเสตีติ อตฺโถ. สสฺสติสมนฺติ วา เอตสฺส สสฺสตํ ถาวรํ นิจฺจกาลนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

เหตุํ ทสฺเสนฺโตติ เยสํ ‘‘สสฺสโต’’ติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปติ อยํ ทิฏฺิคติโก, เตสํ เหตุํ ทสฺเสนฺโตติ อตฺโถ. น หิ อตฺตโน ทิฏฺิยา ปจฺจกฺขกตมตฺถํ อตฺตโนเยว สาเธติ, อตฺตโน ปน ปจฺจกฺขกเตน อตฺเถน อตฺตโน อปฺปจฺจกฺขภูตมฺปิ อตฺถํ สาเธติ. อตฺตนา หิ ยถานิจฺฉิตํ ปเรหิ วิฺาเปติ, น อนิจฺฉิตํ. ‘‘เหตุํ ทสฺเสนฺโต’’ติ เอตฺถ อิทํ เหตุทสฺสนํ – เอเตสุ อเนเกสุ ชาติสตสหสฺเสสุ เอโกวายํ เม อตฺตา, โลโก จ อนุสฺสรณสพฺภาวโต. โย หิ ยมตฺถํ อนุภวติ, โส เอว ตํ อนุสฺสรติ, น อฺโ. น หิ อฺเน อนุภูตมตฺถํ อฺโ อนุสฺสริตุํ สกฺโกติ ยถา ตํ พุทฺธรกฺขิเตน อนุภูตํ ธมฺมรกฺขิโต. ยถา เจตาสุ, เอวํ อิโต ปุริมตราสุปิ ชาตีสูติ. กสฺมา สสฺสโต เม อตฺตา จ โลโก จ. ยถา จ เม, เอวํ อฺเสมฺปิ สตฺตานํ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติ? สสฺสตวเสน ทิฏฺิคหนํ ปกฺขนฺโท ทิฏฺิคติโก ปเรปิ ตตฺถ ปติฏฺเปติ, ปาฬิยํ ปน ‘‘อเนกวิหิตานิ อธิวุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ. โส เอวํ อาหา’’ติ จ วจนโต ปรานุมานวเสน อิธ เหตุทสฺสนํ อธิปฺเปตนฺติ วิฺายติ. การณนฺติ ติวิธํ การณํ สมฺปาปกํ นิพฺพตฺตกํ าปกนฺติ. ตตฺถ อริยมคฺโค นิพฺพานสฺส สมฺปาปกํ การณํ, พีชํ องฺกุรสฺส นิพฺพตฺตกํ การณํ, ปจฺจยุปฺปนฺนตาทโย อนิจฺจตาทีนํ าปกํ การณํ, อิธาปิ าปกการณเมว อธิปฺเปตํ. าปโก หิ าเปตพฺพตฺถวิสยสฺส าณสฺส เหตุภาวโต การณนฺติ. ตทายตฺตวุตฺติตาย ตํ าณํ ติฏฺติ ตตฺถาติ ‘‘าน’’นฺติ, วสติ ตตฺถ ปวตฺตตีติ ‘‘วตฺถู’’ติ จ วุจฺจติ. ตถา หิ ภควตา วตฺถุ-สทฺเทน อุทฺทิสิตฺวาปิ านสทฺเทน นิทฺทิฏฺนฺติ.

๓๒-๓๓. ทุติยตติยวาทานํ ปมวาทโต นตฺถิ วิเสโส เปตฺวา กาลวิเสสนฺติ อาห ‘‘อุปริ วาททฺวเยปิ เอเสว นโย’’ติ. ยทิ เอวํ กสฺมา สสฺสตวาโท จตุธา วิภตฺโต, นนุ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาโท วิย ทุวิเธเนว วิภชิตพฺโพ สิยาติ อาห ‘‘มนฺทปฺโ หิ ติตฺถิโย’’ติอาทิ.

๓๔. ตกฺกยตีติ อูหยติ, สสฺสตาทิอากาเรน ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรเปตีติ อตฺโถ. ตกฺโกติ อาโกฏนลกฺขโณ วินิจฺฉยลกฺขโณ วา ทิฏฺิฏฺานภูโต วิตกฺโก. วีมํสา นาม วิจารณา, สา ปเนตฺถ อตฺถโต ปฺาปติรูปโก โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโท, มิจฺฉาภินิเวโส วา อโยนิโสมนสิกาโร, ปุพฺพภาเค วา ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตนฺติ ทฏฺพฺพา. เตเนวาห ‘‘ตุลนา รุจฺจนา ขมนา’’ติ. ปริยาหนนํ วิตกฺกสฺส อารมฺมณอูหนํ เอวาติ อาห ‘‘เตน เตน ปกาเรน ตกฺเกตฺวา’’ติ. อนุวิจริตนฺติ วีมํสาย อนุปวตฺติตํ, วีมํสานุคเตน วา วิจาเรน อนุมชฺชิตํ. ปฏิ ปฏิ ภาตีติ ปฏิภานํ, ยถาสมิหิตาการวิเสสวิภาวโก จิตฺตุปฺปาโท. ปฏิภานโต ชาตํ ปฏิภานํ, สยํ อตฺตโน ปฏิภานํ สยํ ปฏิภานํ. เตเนวาห ‘‘อตฺตโน ปฏิภานมตฺตสฺชาต’’นฺติ. มตฺต-สทฺเทน วิเสสาธิคมาทโย นิวตฺเตติ.

‘‘อนาคเตปิ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ อิทํ น อิธาธิปฺเปตตกฺกีวเสเนว วุตฺตํ, ลาภีตกฺกิโน เอวมฺปิ สมฺภวตีติ สมฺภวทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยํ กิฺจิ อตฺตนา ปฏิลทฺธํ รูปาทิ สุขาทิ จ อิธ ลพฺภตีติ ลาโภ, น ฌานาทิวิเสโส. ‘‘เอวํ สติ อิทํ โหตี’’ติ อนิจฺเจสุ ภาเวสุ อฺโ กโรติ, อฺโ ปฏิสํเวเทตีติ อาปชฺชติ, ตถา จ สติ กตสฺส วินาโส, อกตสฺส จ อพฺภาคโม สิยา. นิจฺเจสุ ปน ภาเวสุ โย กโรติ, โส ปฏิสํเวเทตีติ น โทโส อาปชฺชตีติ ตกฺกิกสฺส ยุตฺติคเวสนาการํ ทสฺเสติ.

ตกฺกมตฺเตเนวาติ อาคมาธิคมาทีนํ อนุสฺสวาทีนฺจ อภาวา สุทฺธตกฺเกเนว. นนุ จ วิเสสลาภิโนปิ สสฺสตวาทิโน อตฺตโน วิเสสาธิคมเหตุ อเนเกสุ ชาติสตสหสฺเสสุ ทสสุ สํวฏฺฏวิวฏฺเฏสุ จตฺตาลีสาย สํวฏฺฏวิวฏฺเฏสุ ยถานุภูตํ อตฺตโน สนฺตานํ ตปฺปฏิพทฺธฺจ ‘‘อตฺตา, โลโก’’ติ จ อนุสฺสริตฺวา ตโต ปุริมปุริมตราสุปิ ชาตีสุ ตถาภูตสฺส อตฺถิตานุวิตกฺกนมุเขน สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ ตถาภาวานุวิตกฺกนวเสเนว สสฺสตาภินิเวสิโน ชาตา, เอวฺจ สติ สพฺโพปิ สสฺสตวาที อนุสฺสุติชาติสฺสรตกฺกิกา วิย อตฺตโน อุปลทฺธวตฺถุนิพนฺธเนน ตกฺกเนน ปวตฺตวาทตฺตา ตกฺกีปกฺเขเยว ติฏฺเยฺย, อวสฺสฺจ วุตฺตปฺปการํ ตกฺกนมิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา วิเสสลาภี สสฺสตวาที เอกจฺจสสฺสติกปกฺขํ, อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกปกฺขํ วา ภเชยฺยาติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, ยสฺมา วิเสสลาภีนํ ขนฺธสนฺตานสฺส ทีฆทีฆตรทีฆตมกาลานุสฺสรณํ สสฺสตคฺคาหสฺส อสาธารณการณํ. ตถา หิ ‘‘อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อิมินามหเมตํ ชานามี’’ติ อนุสฺสรณเมว ปธานการณภาเวน ทสฺสิตํ. ยํ ปน ตสฺส ‘‘อิมินามหเมตํ ชานามี’’ติ ปวตฺตํ ตกฺกนํ, น ตํ อิธ ปธานํ อนุสฺสรณํ ปติ ตสฺส อปฺปธานภูตตฺตา. ยทิ เอวํ อนุสฺสวาทีนมฺปิ ปธานภาโว อาปชฺชตีติ เจ? น, เตสํ สจฺฉิกิริยาย อภาเวน ตกฺกปธานตฺตา, ปธานการเณน จ นิทฺเทโส นิรุฬฺโห สาสเน โลเก จ ยถา ‘‘จกฺขุวิฺาณํ, ยวงฺกุโร’’ติ จ.

อถ วา วิเสสาธิคมนิพนฺธนรหิตสฺส ตกฺกนสฺส วิสุํ สสฺสตคฺคาเห การณภาวทสฺสนตฺถํ วิเสสาธิคโม วิสุํ สสฺสตคฺคาหการณํ วตฺตพฺโพ, โส จ มนฺทมชฺฌติกฺขปฺาวเสน ติวิโธติ ภควตา สพฺพตกฺกิโน ตกฺกีภาวสามฺเน เอกชฺฌํ คเหตฺวา จตุธา ววตฺถาปิโต สสฺสตวาโท. ยทิปิ อนุสฺสวาทิวเสน ตกฺกิกานํ วิย มนฺทปฺาทีนมฺปิ หีนาทิวเสน อเนกเภทสพฺภาวโต วิเสสลาภีนมฺปิ พหุธา เภโท สมฺภวติ, สพฺเพ ปน วิเสสลาภิโน มนฺทปฺาทิวเสน ตโย ราสี กตฺวา ตตฺถ อุกฺกฏฺวเสน อเนกชาติสตสหสฺสทสสํวฏฺฏวิวฏฺฏจตฺตารีสสํวฏฺฏวิวฏฺฏานุสฺสรเณน อยํ วิภาโค วุตฺโต. ตีสุปิ ราสีสุ เย หีนมชฺฌปฺา, เต วุตฺตปริจฺเฉทโต อูนกเมว อนุสฺสรนฺติ. เย ปน ตตฺถ อุกฺกฏฺปฺา, เต วุตฺตปริจฺเฉทํ อติกฺกมิตฺวา นานุสฺสรนฺตีติ เอวํ ปนายํ เทสนา. ตสฺมา อฺตรเภทสงฺคหวเสเนว ภควตา จตฺตาริฏฺานานิ วิภตฺตานีติ ววตฺถิตา สสฺสตวาทีนํ จตุพฺพิธตา. น หิ อิธ สาวเสสํ ธมฺมํ เทเสติ ธมฺมราชา.

๓๕. ‘‘อฺตเรนา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอเกนา’’ติ วุตฺตํ. วา-สทฺทสฺส ปน อนิยมตฺถตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทฺวีหิ วา ตีหิ วา’’ติ วุตฺตํ. เตน จตูสุ าเนสุ ยถารหํ เอกจฺจํ เอกจฺจสฺส ปฺาปเน สหการีการณนฺติ ทสฺเสติ. กึ ปเนตานิ วตฺถูนิ อภินิเวสสฺส เหตุ, อุทาหุ ปติฏฺาปนสฺส. กิฺเจตฺถ ยทิ ตาว อภินิเวสสฺส, กสฺมา อนุสฺสรณตกฺกนานิเยว คหิตานิ, น สฺาวิปลฺลาสาทโย. ตถาหิ วิปรีตสฺา อโยนิโสมนสิการอสปฺปุริสูปนิสฺสยอสทฺธมฺมสฺสวนาทีนิ มิจฺฉาทิฏฺิยา ปวตฺตนฏฺานานิ. อถ ปติฏฺาปนสฺส อธิคมยุตฺติโย วิย อาคโมปิ วตฺถุภาเวน วตฺตพฺโพ, อุภยตฺถาปิ ‘‘นตฺถิ อิโต พหิทฺธา’’ติ วจนํ น ยุชฺชตีติ? น. กสฺมา? อภินิเวสปกฺเข ตาว อยํ ทิฏฺิคติโก อสปฺปุริสูปนิสฺสยอสทฺธมฺมสฺสวเนหิ อโยนิโส อุมฺมุชฺชิตฺวา วิปลฺลาสสฺโ รูปาทิธมฺมานํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวสฺส อนวโพธโต ธมฺมยุตฺตึ อติธาวนฺโต เอกตฺตนยํ มิจฺฉา คเหตฺวา ยถาวุตฺตานุสฺสรณตกฺเกหิ ขนฺเธสุ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๑) อภินิเวสํ ชเนสิ. อิติ อาสนฺนการณตฺตา, ปธานการณตฺตา, ตคฺคหเณเนว จ อิตเรสมฺปิ คหิตตฺตา อนุสฺสรณตกฺกนานิเยว อิธ คหิตานิ. ปติฏฺาปนปกฺเข ปน อาคโมปิ ยุตฺติปกฺเขเยว ิโต วิเสสโต พาหิรกานํ ตกฺกคาหิภาวโตติ อนุสฺสรณตกฺกนานิเยว ทิฏฺิยา วตฺถุภาเวน คหิตานิ. กิฺจ ภิยฺโย ทุวิธํ ลกฺขณํ ปรมตฺถธมฺมานํ สภาวลกฺขณํ สามฺลกฺขณฺจาติ. ตตฺถ สภาวลกฺขณาวโพโธ ปจฺจกฺขาณํ, สามฺลกฺขณาวโพโธ อนุมานาณํ, อาคโม จ สุตมยาย ปฺาย สาธนโต อนุมานาณเมว อาวหติ, สุตานํ ปน ธมฺมานํ อาการปริวิตกฺกเนน นิชฺฌานกฺขนฺติยํ ิโต จินฺตามยํ ปฺํ นิพฺพตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ภาวนาย ปจฺจกฺขาณํ อธิคจฺฉตีติ เอวํ อาคโมปิ ตกฺกวิสยํ นาติกฺกมตีติ ตคฺคหเณน คหิโตวาติ เวทิตพฺโพ. โส อฏฺกถายํ อนุสฺสุติตกฺกคฺคหเณน วิภาวิโตติ ยุตฺตํ เอวิทํ ‘‘นตฺถิ อิโต พหิทฺธา’’ติ. ‘‘อเนกวิหิตานิ อธิวุตฺติปทานิ อภิวทนฺติ, สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๐) จ วจนโต ปติฏฺาปนวตฺถูนิ อิธาธิปฺเปตานีติ ทฏฺพฺพํ.

๓๖. ทิฏฺิเยว ทิฏฺิฏฺานํ ปรมวชฺชตาย อเนกวิหิตานํ อนตฺถานํ เหตุภาวโต. ยถาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ ภิกฺขเว วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐) ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา (ปฏิ. ม. ๑.๑๒๔) ทิฏฺิยา านวิภาคํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานํ อารมฺมณฏฺเน ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๘๑, ๓๔๕) วจนโต. อวิชฺชาปิ ทิฏฺิฏฺานํ อุปนิสฺสยาทิภาเวน ปวตฺตนโต. ยถาห ‘‘อสฺสุตวา ภิกฺขเว ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒; ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐). ผสฺโสปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ยถา จาห ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา, (ที. นิ. ๑.๑๑๘ อาทโย) ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๔๔) จ. สฺาปิ ทิฏฺิฏฺานํ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา, (สุ. นิ. ๘๘๐; มหานิ. ๑๐๙) ปถวิโต สฺตฺวา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒) จ อาทิ. วิตกฺโกปิ ทิฏฺิฏฺานํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ (สุ. นิ. ๘๙๒) ‘‘ตกฺกี โหติ วีมํสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๔) จ อาทิ. อโยนิโสมนสิกาโรปิ ทิฏฺิฏฺานํ. เตนาห ภควา ‘‘ตสฺส เอวํ อโยนิโส มนสิ กโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ. ‘อตฺถิ เม อตฺตา’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๙). สมุฏฺาติ เอเตนาติ สมุฏฺานํ สมุฏฺานภาโว สมุฏฺานฏฺโ. ปวตฺติตาติ ปรสนฺตาเนสุ อุปฺปาทิตา. ปรินิฏฺาปิตาติ อภินิเวสสฺส ปริโยสานํ มตฺถกํ ปาปิตาติ อตฺโถ. ‘‘อารมฺมณวเสนา’’ติ อฏฺสุ ทิฏฺิฏฺาเนสุ ขนฺเธ สนฺธายาห. ปวตฺตนวเสนาติ อวิชฺชาทโย. อาเสวนวเสนาติ ปาปมิตฺตปรโตโฆสาทีนมฺปิ เสวนํ ลพฺภติเยว. อถ วา เอวํคติกาติ เอวํคมนา, เอวํนิฏฺาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม ทิฏฺิสงฺขาตา ทิฏฺิฏฺานา เอวํ ปรมตฺถโต อสนฺตํ อตฺตานํ สสฺสตภาวฺจสฺส อชฺฌาโรเปตฺวา คหิตา, ปรามฏฺา จ พาลลปนา ยาว ปณฺฑิตา น สมนุยุฺชนฺติ, ตาว คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺติ. ปณฺฑิเตหิ สมนุยุฺชิยมานา ปน อนวฏฺิตวตฺถุกา อวิมทฺทกฺขมา สูริยุคฺคมเน อุสฺสาวพินฺทู วิย ขชฺโชปนกา วิย จ ภิชฺชนฺติ วินสฺสนฺติ จาติ.

ตตฺถายํ อนุยุฺชเน สงฺเขปกถา – ยทิ หิ ปเรน ปริกปฺปิโต อตฺตา โลโก วา สสฺสโต สิยา, ตสฺส นิพฺพิการตาย ปุริมรูปาวิชหนโต กสฺสจิ วิเสสาธานสฺส กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อหิตโต นิวตฺตนตฺถํ, หิเต จ ปฏิปตฺติอตฺถํ อุปเทโส เอว นิปฺปโยชโน สิยา สสฺสตวาทิโน, กถํ วา โส อุปเทโส ปวตฺตียติ วิการาภาวโต, เอวฺจ อตฺตโน อชฏากาสสฺส วิย ทานาทิกิริยา หึสาทิกิริยา จ น สมฺภวติ. ตถา สุขสฺส ทุกฺขสฺส อนุภวนนิพนฺโธ เอว สสฺสตวาทิโน น ยุชฺชติ กมฺมพทฺธาภาวโต, ชาติอาทีนฺจ อสมฺภวโต กุโต วิโมกฺโข, อถ ปน ธมฺมมตฺตํ ตสฺส อุปฺปชฺชติ เจว วินสฺสติ จ, ยสฺส วเสนายํ กิริยาทิโวหาโรติ วเทยฺย, เอวมฺปิ ปุริมรูปาวิชหเนน อวฏฺิตสฺส อตฺตโน ธมฺมมตฺตนฺติ น สกฺกา สมฺภาเวตุํ, เต วา ปนสฺส ธมฺมา อวตฺถาภูตา อฺเ วา สิยุํ อนฺเ วา. ยทิ อฺเ, น ตาหิ ตสฺส อุปฺปนฺนาหิปิ โกจิ วิเสโส อตฺถิ. ยาหิ กโรติ ปฏิสํเวเทติ จวติ อุปปชฺชติ จาติ อิจฺฉิตํ, ตสฺมา ตทวตฺโถ เอว ยถาวุตฺตโทโส. กิฺจ ธมฺมกปฺปนาปิ นิรตฺถิกา สิยา, อถานฺเ อุปฺปาทวินาสวนฺตีหิ อวตฺถาหิ อนฺสฺส อตฺตโน ตาสํ วิย อุปฺปาทวินาสสพฺภาวโต กุโต นิจฺจตาวกาโส, ตาสมฺปิ วา อตฺตโน วิย นิจฺจตาติ พนฺธวิโมกฺขานํ อสมฺภโว เอวาติ น ยุชฺชติเยว สสฺสตวาโท. น เจตฺถ โกจิ วาที ธมฺมานํ สสฺสตภาเว ปริสุทฺธํ ยุตฺตึ วตฺตุํ สมตฺโถ, ยุตฺติรหิตฺจ วจนํ น ปณฺฑิตานํ จิตฺตํ อาราเธตีติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยาว ปณฺฑิตา น สมนุยุฺชนฺติ, ตาว คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตี’’ติ. กมฺมวเสน อภิมุโข สมฺปเรติ เอตฺถาติ อภิสมฺปราโย, ปโรโลโก.

‘‘สพฺพฺุตฺาณฺจา’’ติ อิทํ อิธ สพฺพฺุตฺาณสฺส วิภชิยมานตฺตา วุตฺตํ, ตสฺมึ วา วุตฺเต ตทธิฏฺานโต อาสวกฺขยาณํ, ตทวินาภาวโต สพฺพมฺปิ วา ภควโต ทสพลาทิาณํ คหิตเมว โหตีติ กตฺวา. ปชานนฺโตปีติ ปิ-สทฺโท สมฺภาวเน, เตน ‘‘ตฺจา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ จ-สทฺทตฺถมาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตํ ทิฏฺิคตโต อุตฺตริตรํ สารภูตํ สีลาทิคุณวิเสสมฺปิ ตถาคโต นาภินิวิสติ, โก ปน วาโท วฏฺฏามิเสติ. ‘‘อห’’นฺติ ทิฏฺิวเสน วา ตํ ปรามสนาการมาห. ปชานามีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, เตน ‘‘มม’’นฺติ ตณฺหาวเสน ปรามสนาการํ ทสฺเสติ. ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ปรโต อามสนํ ปรามาโส. น หิ ตํ อตฺถิ, ขนฺเธสุ ยํ ‘‘อห’’นฺติ วา, ‘‘มม’’นฺติ วา คเหตพฺพํ สิยา. โย ปน ปรามาโส ตณฺหาทโยว, เต จ ภควโต โพธิมูเลเยว ปหีนาติ อาห ‘‘ปรามาสกิเลสาน’’นฺติอาทิ. อปรามาสโตติ วา นิพฺพุติเวทนสฺส เหตุวจนํ, ‘‘วิทิตา’’ติ อิทํ ปทํ อเปกฺขิตฺวา กตฺตริ สามิวจนํ, อปรามสนเหตุ ปรามาสรหิตาย ปฏิปตฺติยา ตถาคเตน สยเมว อสงฺขตธาตุ อธิคตาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

‘‘ยาสุ เวทนาสู’’ติอาทินา ภควโต เทสนาวิลาสํ ทสฺเสติ. ตถา หิ ขนฺธายตนาทิวเสน อเนกวิธาสุ จตุสจฺจเทสนาสุ สมฺภวนฺตีสุปิ อยํ ตถาคตานํ เทสนาสุ ปฏิปตฺติ, ยํ ทิฏฺิคติกา มิจฺฉาปฏิปตฺติยา ทิฏฺิคหนํ ปกฺขนฺทาติ ทสฺสนตฺถํ เวทนาเยว ปริฺาย ภูมิทสฺสนตฺถํ อุทฺธฏา. กมฺมฏฺานนฺติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ. ยถาภูตํ วิทิตฺวาติ วิปสฺสนาปฺาย เวทนาย สมุทยาทีนิ อารมฺมณปฏิเวธวเสน มคฺคปฺาย อสมฺโมหปฏิเวธวเสน ชานิตฺวา, ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ อตฺโถ. ปจฺจยสมุทยฏฺเนาติ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๔; สํ. นิ. ๒.๒๑; อุทา. ๑) วุตฺตลกฺขเณน อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยานํ อุปฺปาเทน เจว มคฺเคน อสมุคฺฆาเตน จ. นิพฺพตฺติลกฺขณนฺติ อุปฺปาทลกฺขณํ, ชาตินฺติ อตฺโถ. ปฺจนฺนํ ลกฺขณานนฺติ เอตฺถ จตุนฺนํ ปจฺจยานมฺปิ อุปฺปาทลกฺขณเมว คเหตฺวา วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ, ยสฺมา ปจฺจยลกฺขณมฺปิ ลพฺภติเยว, ตถา เจว สํวณฺณิตํ. ปจฺจยนิโรธฏฺเนาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นฺติ ยสฺมา, ยํ วา สุขํ โสมนสฺสํ. ปฏิจฺจาติ อารมฺมณปจฺจยาทิภูตํ เวทนํ ลภิตฺวา. อยนฺติ สุขโสมนสฺสานํ ปจฺจยภาโว, สุขโสมนสฺสเมว วา, ‘‘อสฺสาโท’’ติ ปทํ ปน อเปกฺขิตฺวา ปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ปุริมุปฺปนฺนํ เวทนํ อารพฺภ โสมนสฺสุปฺปตฺติยํ โย ปุริมเวทนาย อสฺสาเทตพฺพากาโร โสมนสฺสสฺสาทนากาโร, อยํ อสฺสาโทติ. กถํ ปน เวทนํ อารพฺภ สุขํ อุปฺปชฺชตีติ? เจตสิกสุขสฺส อธิปฺเปตตฺตา นายํ โทโส. วิเสสนํ เหตฺถ โสมนสฺสคฺคหณํ สุขํ โสมนสฺสนฺติ ‘‘รุกฺโข สึสปา’’ติ ยถา.

‘‘อนิจฺจา’’ติ อิมินา สงฺขารทุกฺขตาวเสน อุเปกฺขาเวทนาย, สพฺพเวทนาสุเยว วา อาทีนวมาห, อิตเรหิ อิตรทุกฺขตาวเสน ยถากฺกมํ ทุกฺขสุขเวทนานํ, อวิเสเสน วา ตีณิปิ ปทานิ สพฺพาสมฺปิ เวทนานํ วเสน โยเชตพฺพานิ. อยนฺติ โย เวทนาย หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจภาโว, อุทยพฺพยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขภาโว, ชราย มรเณน จาติ ทฺเวธา วิปริณาเมตพฺพภาโว จ, อยํ เวทนาย อาทีนโว, ยโต วา อาทีนํ ปรมการุฺํ วาติ ปวตฺตตีติ. เวทนาย นิสฺสรณนฺติ เอตฺถ เวทนายาติ นิสฺสกฺกวจนํ, ยาว เวทนาปฏิพทฺธํ ฉนฺทราคํ น ปชหติ, ตาวายํ ปุริโส เวทนํ อลฺลีโนเยว โหติ. ยทา ปน ตํ ฉนฺทราคํ ปชหติ, ตทายํ ปุริโส เวทนาย นิสฺสโฏ วิสํยุตฺโต โหตีติ ฉนฺทราคปฺปหานํ เวทนาย นิสฺสรณํ วุตฺตํ. เอตฺถ จ เวทนาคฺคหเณน เวทนาย สหชาตนิสฺสยารมฺมณภูตา จ รูปารูปธมฺมา คหิตา เอว โหนฺตีติ ปฺจนฺนมฺปิ อุปาทานกฺขนฺธานํ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เวทนาสีเสน ปน เทสนา อาคตา, ตตฺถ การณํ วุตฺตเมว, ลกฺขณหารนเยน วา อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. ตตฺถ เวทนาคฺคหเณน คหิตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจํ, เวทนานํ สมุทยคฺคหเณน คหิตา อวิชฺชาทโย สมุทยสจฺจํ, อตฺถงฺคมนิสฺสรณปริยาเยหิ นิโรธสจฺจํ, ‘‘ยถาภูตํ วิทิตฺวา’’ติ เอเตน มคฺคสจฺจนฺติ เอวเมตฺถ จตฺตาริ สจฺจานิ เวทิตพฺพานิ. กามุปาทานมูลกตฺตา เสสุปาทานานํ, ปหีเน จ กามุปาทาเน อุปาทานเสสาภาวโต ‘‘วิคตฉนฺทราคตาย อนุปาทาโน’’ติ วุตฺตํ. อนุปาทาวิมุตฺโตติ อตฺตโน มคฺคผลปฺปตฺตึ ภควา ทสฺเสติ. ‘‘เวทนาน’’นฺติอาทินา หิ ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา อิมํ ทิฏฺิคตํ สการณํ สคติกํ ปเภทโต วิภชิตุํ สมตฺโถ อโหสิ, ตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส สทฺธึ ปุพฺพภาคปฏิปทาย อุปฺปตฺติภูมึ ทสฺเสติ ธมฺมราชา.

ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกจฺจสสฺสตวาทวณฺณนา

๓๘. สตฺเตสุ สงฺขาเรสุ จ เอกจฺจํ สสฺสตํ เอตสฺสาติ เอกจฺจสสฺสโต, เอกจฺจสสฺสตวาโท. โส เอเตสํ อตฺถีติ เอกจฺจสสฺสติกา. เต ปน ยสฺมา เอกจฺจสสฺสโต วาโท ทิฏฺิ เอเตสนฺติ เอกจฺจสสฺสตวาทา นาม โหนฺติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอกจฺจสสฺสตวาทา’’ติ. อิมินา นเยน เอกจฺจอสสฺสติกา ทิปทสฺสปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นนุ จ ‘‘เอกจฺจสสฺสติกา’’ติ วุตฺเต ตทฺสฺส เอกจฺจสฺส อสสฺสตตาสนฺนิฏฺานํ สิทฺธเมว โหตีติ? สจฺจํ สิทฺธเมว โหติ อตฺถโต, น ปน สทฺทโต. ตสฺมา สุปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เอกจฺจอสสฺสติกา’’ติ วุตฺตํ. น หิ อิธ สาวเสสํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสติ ธมฺมสฺสามี. อิธาติ ‘‘เอกจฺจสสฺสติกา’’ติ อิมสฺมึ ปเท. คหิตาติ วุตฺตา, ตถา เจว อตฺโถ ทสฺสิโต. อิธาติ วา อิมิสฺสา เทสนาย. ตถา หิ ปุริมกา ตโย วาทา สตฺตวเสน, จตุตฺโถ สงฺขารวเสน วิภตฺโต. ‘‘สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกา’’ติ อิทํ เตหิ สสฺสตภาเวน คยฺหมานานํ ธมฺมานํ ยาถาวสภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํ, น ปเนกจฺจสสฺสติกมตทสฺสนวเสน. ตสฺส หิ สสฺสตาภิมตํ อสงฺขตเมวาติ ลทฺธิ. เตเนวาห ‘‘จิตฺตนฺติ วา…เป… สฺสตี’’ติ. น หิ ยสฺส ภาวสฺส ปจฺจเยหิ อภิสงฺขตภาวํ ปฏิชานาติ, ตสฺเสว นิจฺจธุวาทิภาโว อนุมฺมตฺตเกน สกฺกา ปฏิฺาตุํ. เอเตน ‘‘อุปฺปาทวยธุวตายุตฺตภาวา สิยา นิจฺจา, สิยา อนิจฺจา สิยา น วตฺตพฺพา’’ติอาทินา ปวตฺตสฺส สตฺตภงฺควาทสฺส อยุตฺตตา วิภาวิตา โหติ.

ตตฺถายํ อยุตฺตตาวิภาวนา – ยทิ ‘‘เยน สภาเวน โย ธมฺโม อตฺถีติ วุจฺจติ, เตเนว สภาเวน โส ธมฺโม นตฺถี’’ติอาทินา วุจฺเจยฺย, สิยา อเนกนฺตวาโท. อถ อฺเน, สิยา น อเนกนฺตวาโท. น เจตฺถ เทสนฺตราทิสมฺพนฺธภาโว ยุตฺโต วตฺตุํ ตสฺส สพฺพโลกสิทฺธตฺตา, วิวาทาภาวโต. เย ปน วทนฺติ ‘‘ยถา สุวณฺณฆเฏน มกุเฏ กเต ฆฏภาโว นสฺสติ, มกุฏภาโว อุปฺปชฺชติ, สุวณฺณภาโว ติฏฺติเยว, เอวํ สพฺพภาวานํ โกจิ ธมฺโม นสฺสติ, โกจิ ธมฺโม อุปฺปชฺชติ, สภาโว ปน ติฏฺตี’’ติ. เต วตฺตพฺพา ‘‘กึ ตํ สุวณฺณํ, ยํ ฆเฏ มกุเฏ จ อวฏฺิตํ, ยทิ รูปาทิ, โส สทฺโท วิย อนิจฺโจ. อถ รูปาทิ สมูโห, สมูโห นาม สมฺมุติมตฺตํ. น ตสฺส อตฺถิตา นตฺถิตา นิจฺจตา วา ลพฺภตี’’ติ อเนกนฺตวาโท น สิยา. ธมฺมานฺจ ธมฺมิโน อฺถานฺถาสุ โทโส วุตฺโตเยว สสฺสตวาทวิจารณายํ. ตสฺมา โส ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อปิจ นิจฺจานิจฺจนวตฺตพฺพรูโป อตฺตา โลโก จ ปรมตฺถโต วิชฺชมานตาปฏิชานนโต ยถา นิจฺจาทีนํ อฺตรํ รูปํ, ยถา วา ทีปาทโย. น หิ ทีปาทีนํ อุทยพฺพยสภาวานํ นิจฺจานิจฺจนวตฺตพฺพสภาวตา สกฺกา วิฺาตุํ, ชีวสฺส นิจฺจาทีสุ อฺตรํ รูปํ วิยาติ เอวํ สตฺตภงฺคสฺส วิย เสสภงฺคานมฺปิ อสมฺภโวเยวาติ สตฺตภงฺควาทสฺส อยุตฺตตา เวทิตพฺพา.

เอตฺถ จ ‘‘อิสฺสโร นิจฺโจ, อฺเ สตฺตา อนิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา สตฺเตกจฺจสสฺสติกา เสยฺยถาปิ อิสฺสรวาทา. ‘‘ปรมาณโว นิจฺจา ธุวา, อณุกาทโย อนิจฺจา’’ติ เอวํ ปวตฺตวาทา สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกา เสยฺยถาปิ กาณาทา. นนุ ‘‘เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา, เอกจฺเจ อสสฺสตา’’ติ เอตสฺมึ วาเท จกฺขาทีนํ อสสฺสตตาสนฺนิฏฺานํ ยถาสภาวาวโพโธ เอว, ตยิทํ กถํ มิจฺฉาทสฺสนนฺติ, โก วา เอวมาห ‘‘จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวสนฺนิฏฺานํ มิจฺฉาทสฺสน’’นฺติ? อสสฺสเตสุเยว ปน เกสฺจิ ธมฺมานํ สสฺสตภาวาภินิเวโส อิธ มิจฺฉาทสฺสนํ. เตน ปน เอกวาเร ปวตฺตมาเนน จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวาวโพโธ วิทูสิโต สํสฏฺภาวโต วิสสํสฏฺโ วิย สปฺปิมณฺโฑ สกิจฺจกรณาสมตฺถตาย สมฺมาทสฺสนปกฺเข เปตพฺพตํ นารหตีติ. อสสฺสตภาเวน นิจฺฉิตาปิ วา จกฺขุอาทโย สมาโรปิตชีวสภาวา เอว ทิฏฺิคติเกหิ คยฺหนฺตีติ ตทวโพธสฺส มิจฺฉาทสฺสนภาโว น สกฺกา นิวาเรตุํ. เตเนวาห ‘‘จกฺขุํ อิติปิ…เป… กาโย อิติปิ อยํ เม อตฺตา’’ติอาทิ. เอวฺจ กตฺวา อสงฺขตาย สงฺขตาย จ ธาตุยา วเสน ยถากฺกมํ ‘‘เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา, เอกจฺเจ อสสฺสตา’’ติ เอวํ ปวตฺโต วิภชฺชวาโทปิ เอกจฺจสสฺสตวาโท อาปชฺชตีติ เอวํปการา โจทนา อนวกาสา โหติ อวิปรีตธมฺมสภาวสมฺปฏิปตฺติภาวโต.

กามฺเจตฺถ ปุริมวาเทปิ อสสฺสตานํ ธมฺมานํ ‘‘สสฺสตา’’ติ คหณํ วิเสสโต มิจฺฉาทสฺสนํ, สสฺสตานํ ปน ‘‘สสฺสตา’’ติ คาโห น มิจฺฉาทสฺสนํ ยถาสภาวคฺคหณภาวโต. อสสฺสเตสุเยว ปน ‘‘เกจิเทว ธมฺมา สสฺสตา, เกจิ อสสฺสตา’’ติ คเหตพฺพธมฺเมสุ วิภาคปฺปวตฺติยา อิมสฺส วาทสฺส วาทนฺตรตา วุตฺตา, น เจตฺถ ‘‘สมุทายนฺโตคธตฺตา เอกเทสสฺส สปฺปเทสสสฺสตคฺคาโห นิปฺปเทสสสฺสตคฺคาเห สโมธานํ คจฺฉตี’’ติ สกฺกา วตฺตุํ วาที ตพฺพิสยวิเสสวเสน วาททฺวยสฺส ปวตฺตตฺตา. อฺเ เอว หิ ทิฏฺิคติกา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สสฺสตา’’ติ อภินิวิฏฺา, อฺเ ‘‘เอกจฺจสสฺสตา’’ติ. สงฺขารานํ อนวเสสปริยาทานํ, เอกเทสปริคฺคโห จ วาททฺวยสฺส ปริพฺยตฺโตเยว. กิฺจ ภิยฺโย อเนกวิธสมุสฺสเย เอกวิธสมุสฺสเย จ ขนฺธปพนฺเธ อภินิเวสภาวโต. จตุพฺพิโธปิ หิ สสฺสตวาที ชาติวิเสสวเสน นานาวิธรูปกายสนฺนิสฺสเย เอว อรูปธมฺมปุฺเช สสฺสตาภินิเวสี ชาโต อภิฺาเณน อนุสฺสวาทีหิ จ รูปกายเภทคฺคหณโต. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๓๒) ‘‘จวนฺติ อุปปชฺชนฺตี’’ติ จ อาทิ. วิเสสลาภี เอกจฺจสสฺสติโก อนุปธาริตเภทสมุสฺสเยว ธมฺมปพนฺเธ สสฺสตาการคฺคหเณน อภินิวิสนํ ชเนสิ เอกภวปริยาปนฺนขนฺธสนฺตานวิสยตฺตา ตทภินิเวสสฺส. ตถา จ ตีสุปิ วาเทสุ ‘‘ตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, ตโต ปรํ นานุสฺสรตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ, ตกฺกีนํ ปน สสฺสเตกจฺจสสฺสตวาทีนํ สสฺสตาภินิเวสวิเสโส รูปารูปธมฺมวิสยตาย สุปากโฏเยวาติ.

๓๙. ทีฆสฺส กาลสฺส อติกฺกเมนาติ วิวฏฺฏวิวฏฺฏฏฺายีนํ อปคเมน. อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ สํ-สทฺเทน ยุตฺโต วฏฺฏ-สทฺโท วินาสวาจีติ อาห ‘‘วินสฺสตี’’ติ, สงฺขยวเสน วตฺตตีติ อตฺโถ. วิปตฺติกรมหาเมฆสมุปฺปตฺติโต ปฏฺาย หิ ยาว อณุสหคโตปิ สงฺขาโร น โหติ, ตาว โลโก สํวฏฺฏตีติ วุจฺจติ. โลโกติ เจตฺถ ปถวีอาทิภาชนโลโก อธิปฺเปโต. อุปริพฺรหฺมโลเกสูติ ปริตฺตสุภาทีสุ รูปีพฺรหฺมโลเกสุ. อคฺคินา หิ กปฺปวุฏฺานํ อิธาธิปฺเปตํ พหุลํ ปวตฺตนโต. เตเนวาห ภควา ‘‘อาภสฺสรสํวตฺตนิกา โหนฺตี’’ติ. อรูเปสุ วาติ วา-สทฺเทน สํวฏฺฏมานโลกธาตูหิ อฺโลกธาตูสุ วาติ วิกปฺปนํ เวทิตพฺพํ. น หิ ‘‘สพฺเพ อปายสตฺตา ตทา รูปารูปภเวสุ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ สกฺกา วิฺาตุํ อปาเยสุ ทีฆตมายุกานํ มนุสฺสโลกูปตฺติยา อสมฺภวโต. สติปิ สพฺพสตฺตานํ อภิสงฺขารมนสา นิพฺพตฺตภาเว พาหิรปจฺจเยหิ วินา มนสาว นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘มโนมยา’’ติ วุจฺจนฺติ รูปาวจรสตฺตา. ยทิ เอวํ กามภเว โอปปาติกสตฺตานมฺปิ มโนมยภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ อธิจิตฺตภูเตน อติสยมนสา นิพฺพตฺตสตฺเตสุ มโนมยโวหารโตติ ทสฺสนฺโต อาห ‘‘ฌานมเนน นิพฺพตฺตตฺตา มโนมยา’’ติ. เอวํ อรูปาวจรสตฺตานมฺปิ มโนมยภาโว อาปชฺชตีติ เจ? น, ตตฺถ พาหิรปจฺจเยหิ นิพฺพตฺเตตพฺพตาสงฺกาย เอว อภาวโต, ‘‘มนสาว นิพฺพตฺตา’’ติ อวธารณาสมฺภวโต. นิรุฬฺโห วายํ โลเก มโนมยโวหาโร รูปาวจรสตฺเตสุ. ตถา หิ ‘‘อนฺนมโย ปานมโย มโนมโย อานนฺทมโย วิฺาณมโย’’ติ ปฺจธา อตฺตานํ เวทวาทิโน วทนฺติ. อุจฺเฉทวาเทปิ วกฺขติ ‘‘ทิพฺโพ รูปี มโนมโย’’ติ (ที. นิ. ๑.๘๖). โสภนา ปภา เอเตสุ สนฺตีติ สุภา. ‘‘อุกฺกํเสนา’’ติ อาภสฺสรเทเว สนฺธายาห, ปริตฺตาภา อปฺปมาณาภา ปน ทฺเว จตฺตาโร จ กปฺเป ติฏฺนฺติ. อฏฺกปฺเปติ อฏฺ มหากปฺเป.

๔๐. สณฺาตีติ สมฺปตฺติกรมหาเมฆสมุปฺปตฺติโต ปฏฺาย ปถวีสนฺธารกุทกตํสนฺธารกวายุมหาปถวีอาทีนํ สมุปฺปตฺติวเสน าติ, ‘‘สมฺภวติ’’ อิจฺเจว วา อตฺโถ อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ. ปกติยาติ สภาเวน, ตสฺส ‘‘สุฺ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ตตฺถ การณมาห ‘‘นิพฺพตฺตสตฺตานํ นตฺถิตายา’’ติ, อนุปฺปนฺนตฺตาติ อตฺโถ, เตน ยถา เอกจฺจานิ วิมานานิ ตตฺถ นิพฺพตฺตสตฺตานํ จุตตฺตา สุฺานิ โหนฺติ, น เอวมิทนฺติ ทสฺเสติ. พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมาโน พฺรหฺมกายิกา, เตสํ นิวาโส ภูมิปิ ‘‘พฺรหฺมกายิกา’’ติ วุตฺตา. กมฺมํ อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย เอติสฺสาติ กมฺมปจฺจยา. อถ วา ตตฺถ นิพฺพตฺตสตฺตานํ วิปจฺจนกกมฺมสฺส สหการีปจฺจยภาวโต, กมฺมสฺส ปจฺจยาติ กมฺมปจฺจยา. อุตุ สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ อุตุสมุฏฺานา. ‘‘กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานา’’ติ วา ปาโ, กมฺมสหาโย ปจฺจโย, กมฺมสฺส วา สหายภูโต ปจฺจโย กมฺมปจฺจโย, โสว อุตุ กมฺมปจฺจยอุตุ, โส สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ โยเชตพฺพํ. เอตฺถาติ ‘‘พฺรหฺมวิมาน’’นฺติ วุตฺตาย พฺรหฺมกายิกภูมิยา. กถํ ปณีตาย ทุติยชฺฌานภูมิยํ ิตานํ หีนาย ปมชฺฌานภูมิยา อุปปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘อถ สตฺตาน’’นฺติอาทิ. โอตรนฺตีติ อุปปชฺชนวเสน เหฏฺาภูมึ คจฺฉนฺติ.

อปฺปายุเกติ ยํ อุฬารํ ปุฺกมฺมํ กตํ, ตสฺส อุปฺปชฺชนารหวิปากปพนฺธโต อปฺปปริมาณายุเก. อายุปฺปมาเณเนวาติ ปรมายุปฺปมาเณเนว. กึ ปเนตํ ปรมายุ นาม, กถํ วา ตํ ปริจฺฉินฺนปมาณนฺติ? วุจฺจเต – โย เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตสฺมึ ตสฺมึ ภววิเสเส ปุริมสิทฺธภวปตฺถนูปนิสฺสยวเสน สรีราวยววณฺณสณฺานปมาณาทิวิเสสา วิย ตํตํคตินิกายาทีสุ เยภุยฺเยน นิยตปริจฺเฉโท คพฺภเสยฺยกกามาวจรเทวรูปาวจรสตฺตานํ สุกฺกโสณิตอุตุโภชนาทิ อุตุอาทิปจฺจยุปฺปนฺนปจฺจยูปตฺถมฺภิโต วิปากปพนฺธสฺส ิติกาลนิยโม, โส ยถาสกํ ขณมตฺตาวฏฺายีนมฺปิ อตฺตโน สหชาตานํ รูปารูปธมฺมานํ ปนาการวุตฺติตาย ปวตฺตกานิ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยานิ ยสฺมา น เกวลํ เนสํ ขณิติยา เอว การณภาเวน อนุปาลกานิ, อถ โข ยาว ภวงฺคุปจฺเฉทา อนุปพนฺธสฺส อวิจฺเฉทเหตุภาเวนาปิ, ตสฺมา อายุเหตุกตฺตา การณูปจาเรน อายุ, อุกฺกํสปริจฺเฉทวเสน ปรมายูติ จ วุจฺจติ. ตํ ปน เทวานํ เนรยิกานํ อุตฺตรกุรุกานฺจ นิยตปริจฺเฉทํ, อุตฺตรกุรุกานํ ปน เอกนฺตนิยตปริจฺเฉทเมว, อวสิฏฺมนุสฺสเปตติรจฺฉานานํ ปน จิรฏฺิติสํวตฺตนิกกมฺมพหุเล กาเล ตํกมฺมสหิตสนฺตานชนิตสุกฺกโสณิตปฺปจฺจยานํ ตํมูลกานฺจ จนฺทสูริยสมวิสมปริวตฺตนาทิชนิตอุตุอาหาราทิสมวิสม ปจฺจยานํ วเสน จิราจิรกาลโต อนิยตปริจฺเฉทํ, ตสฺส จ ยถา ปุริมสิทฺธภวปตฺถนาวเสน ตํตํคตินิกายาทีสุ วณฺณสณฺานาทิวิเสสนิยโม สิทฺโธ ทสฺสนานุสฺสวาทีหิ, ตถา อาทิโต คหณสิทฺธิยา. เอวํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ เยภุยฺเยน สมปฺปมาณฏฺิติกาลํ ทสฺสนานุสฺสเวหิ ลภิตฺวา ตํ ปรมตํ อชฺโฌสาย ปวตฺติตภวปตฺถนาวเสน อาทิโต ปริจฺเฉทนิยโม เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปน กมฺมํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ ยถา ตํตํอุปปตฺตินิยตวณฺณาทินิพฺพตฺตเน สมตฺถํ, เอวํ นิยตายุปริจฺเฉทาสุ อุปปตฺตีสุ ปริจฺเฉทาติกฺกเมน วิปากนิพฺพตฺตเน สมตฺถํ น โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อายุปฺปมาเณเนว จวนฺตี’’ติ. ยสฺมา ปน อุปตฺถมฺภกสหาเยหิ อนุปาลกปฺปจฺจเยหิ อุปาทินฺนกกฺขนฺธานํ ปวตฺเตตพฺพากาโร อตฺถโต ปรมายุ, ตสฺส ยถาวุตฺตปริจฺเฉทานติกฺกมนโต สติปิ กมฺมาวเสเส านํ น สมฺภวติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน ปุฺพเลเนว าตุํ น สกฺโกตี’’ติ. กปฺปํ วาติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปํ วา ตสฺส อุปฑฺฒํ วา อุปฑฺฒกปฺปโต อูนมธิกํ วาติ วิกปฺปนตฺโถ วา-สทฺโท.

๔๑. อนภิรตีติ เอกวิหาเรน อนภิรติ. สา ปน ยสฺมา อฺเหิ สมาคมิจฺฉา โหติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อปรสฺสาปิ สตฺตสฺส อาคมนปตฺถนา’’ติ. ปิยวตฺถุวิรเหน ปิยวตฺถุอลาเภน วา จิตฺตวิฆาโต อุกฺกณฺิตา, สา อตฺถโต โทมนสฺสจิตฺตุปฺปาโท เยวาติ อาห ‘‘ปฏิฆสมฺปยุตฺตา’’ติ. ทีฆรตฺตํ ฌานรติยา รมมานสฺส วุตฺตปฺปการํ อนภิรตินิมิตฺตํ อุปฺปนฺนา ‘‘มม’’นฺติ จ ‘‘อห’’นฺติ จ คหณสฺส การณภูตา ตณฺหาทิฏฺิโย อิธ ปริตสฺสนา. ตา ปน จิตฺตสฺส ปุริมาวตฺถาย จลนํ กมฺปนนฺติ อาห ‘‘อุพฺพิชฺชนา ผนฺทนา’’ติ. เตเนวาห ‘‘ตณฺหาตสฺสนาปิ ทิฏฺิตสฺสนาปิ วฏฺฏตี’’ติ. ยํ ปน อตฺถุทฺธาเร ‘‘อโห วต อฺเปิ สตฺตา อิตฺถตฺตํ อาคจฺเฉยฺยุนฺติ อยํ ตณฺหาตสฺสนา นามา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ทิฏฺิตสฺสนาย วิสุํ อุทาหรณํ ทสฺเสนฺเตน ตณฺหาตสฺสนํเยว ตโต นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ ทิฏฺิตสฺสนาย อภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. ตาสตสฺสนา จิตฺตุตฺราโส. ภยานกนฺติ เภรวารมฺมณนิมิตฺตํ พลวภยํ. เตน สรีรสฺส ถทฺธภาโว ฉมฺภิตตฺตํ ภยํ สํเวคนฺติ เอตฺถ ภยนฺติ ภงฺคานุปสฺสนาย จิณฺณนฺเต สพฺพสงฺขารโต ภายนวเสน อุปฺปนฺนํ ภยาณํ. สํเวคนฺติ สโหตฺตปฺปาณํ, โอตฺตปฺปเมว วา. สนฺตาสนฺติ อาทีนวนิพฺพิทานุปสฺสนาหิ สงฺขาเรหิ สนฺตสฺสนาณํ. สห พฺยายติ ปวตฺตติ, โทสํ วา ฉาเทตีติ สหพฺโย, สหาโย, ตสฺส ภาวํ สหพฺยตํ.

๔๒. อภิภวิตฺวา ิโต อิเม สตฺเตติ อธิปฺปาโย. ยสฺมา ปน โส ปาสํสภาเวน อุตฺตมภาเวน จ ‘‘เต สตฺเต อภิภวิตฺวา ิโต’’ติ อตฺตานํ มฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เชฏฺโกหมสฺมี’’ติ. อฺทตฺถุ ทโสติ ทสฺสเน อนฺตรายาภาววจเนน, เยฺยวิเสสปริคฺคาหิกภาเวน จ อนาวรณทสฺสาวิตํ ปฏิชานาตีติ อาห ‘‘สพฺพํ ปสฺสามีติ อตฺโถ’’ติ. ภูตภพฺยานนฺติ อเหสุนฺติ ภูตา, ภวนฺติ ภวิสฺสนฺตีติ ภพฺยา, อฏฺกถายํ ปน วตฺตมานกาลวเสเนว ภพฺย-สทฺทสฺส อตฺโถ ทสฺสิโต. ปมจิตฺตกฺขเณติ ปฏิสนฺธิจิตฺตกฺขเณ. กิฺจาปิ โส พฺรหฺมา อนวฏฺิตทสฺสนตฺตา ปุถุชฺชนสฺส ปุริมตรชาติปริจิตมฺปิ กมฺมสฺสกตฺาณํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิกุพฺพนิทฺธิวเสน จิตฺตุปฺปตฺติมตฺตปฏิพทฺเธน สตฺตนิมฺมาเนน วิปลฺลฏฺโ ‘‘อหํ อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา’’ติอาทินา อิสฺสรกุตฺตทสฺสนํ ปกฺขนฺทมาโน อภินิวิสนวเสเนว ปติฏฺิโต, น ปติฏฺาปนวเสน ‘‘ตสฺส เอวํ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา, ปติฏฺาปนกฺกเมเนว ปน ตสฺส โส อภินิเวโส ชาโตติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘การณโต สาเธตุกาโม’’ติ, ‘‘ปฏิฺํ กตฺวา’’ติ จ วุตฺตํ. เตนาห ภควา ‘‘ตํ กิสฺส เหตู’’ติอาทิ. ตตฺถ มโนปณิธีติ มนสา เอว ปตฺถนา, ตถา จิตฺตปฺปวตฺติมตฺตเมวาติ อตฺโถ, อิตฺถภาวนฺติ อิทปฺปการตํ. ยสฺมา ปน อิตฺถนฺติ พฺรหฺมตฺตภาโว อิธาธิปฺเปโต, ตสฺมา ‘‘พฺรหฺมภาวนฺติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. นนุ จ เทวานํ อุปปตฺติสมนนฺตรํ ‘‘อิมิสฺสา นาม คติยา จวิตฺวา อิมินา นาม กมฺมุนา อิธูปปนฺนา’’ติ ปจฺจเวกฺขณา โหตีติ? สจฺจํ โหติ, สา ปน ปุริมชาตีสุ กมฺมสฺสกตฺาเณ สมฺมเทว นิวิฏฺชฺฌาสยานํ. อิเม ปน สตฺตา ปุริมาสุปิ ชาตีสุ อิสฺสรกุตฺตทสฺสนวเสน วินิพนฺธาภินิเวสา อเหสุนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิมินา มย’’นฺติอาทิ.

๔๓. อีสตีติ อีโส, อภิภูติ อตฺโถ. มหา อีโส มเหโส, สุปฺปติฏฺมเหสตาย ปน ปเรหิ ‘‘มเหโส’’ติ อกฺขาตพฺพตาย มเหสกฺโข, อติสเยน มเหสกฺโข มเหสกฺขตโรติ วจนตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา ปน โส มเหสกฺขภาโว อาธิปเตยฺยปริวารสมฺปตฺติยา วิฺายติ, ตสฺมา ‘‘อิสฺสริยปริวารวเสน มหายสตโร’’ติ วุตฺตํ.

๔๔. อิเธว อาคจฺฉตีติ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก เอว ปฏิสนฺธิวเสน อาคจฺฉติ. ยํ อฺตโร สตฺโตติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, กรเณ วา ปจฺจตฺตนิทฺเทโส, เยน าเนนาติ อตฺโถ, กิริยาปรามสนํ วา. อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉตีติ เอตฺถ ยเทตํ อิตฺถตฺตสฺส อาคมนํ, เอตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ. เอส นโย ‘‘ปพฺพชติ, เจโตสมาธึ ผุสติ, ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรตี’’ติ เอเตสุปิ ปเทสุ. ‘‘านํ โข ปเนตํ ภิกฺขเว วิชฺชติ, ยํ อฺตโร สตฺโต’’ติ อิมฺหิ ปทํ ‘‘ปพฺพชตี’’ติอาทีหิ ปเทหิ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพนฺติ.

๔๕. ขิฑฺฑาย ปทุสฺสนฺตีติ ขิฑฺฑาปโทสิโน, ขิฑฺฑาปโทสิโน เอว ขิฑฺฑาปโทสิกา, ขิฑฺฑาปโทโส วา เอเตสํ อตฺถีติ ขิฑฺฑาปโทสิกา. อติกฺกนฺตเวลํ อติเวลํ, อาหารูปโภคกาลํ อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. เมถุนสมฺปโยเคน อุปฺปชฺชนกสุขํ เกฬิหสฺสสุขํ รติธมฺโม รติสภาโว. อาหารนฺติ เอตฺถ โก เทวานํ อาหาโร, กา อาหารเวลาติ? สพฺเพสมฺปิ กามาวจรเทวานํ สุธา อาหาโร, สา เหฏฺิเมหิ อุปริมานํ ปณีตตมา โหติ, ตํ ยถาสกํ ทิวสวเสน ทิวเส ทิวเส ภุฺชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘พิฬารปทปฺปมาณํ สุธาหารํ ภุฺชนฺติ, โส ชิวฺหาย ปิตมตฺโต ยาว เกสคฺคนขคฺคา กายํ ผรติ, เตสํเยว ทิวสวเสน สตฺตทิวเส ยาปนสมตฺโถ จ โหตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘นิรนฺตรํ ขาทนฺตา ปิวนฺตา’’ติ อิทํ ปริกปฺปนวเสน วุตฺตํ. กมฺมชเตชสฺส พลวภาโว อุฬารปุฺนิพฺพตฺตตฺตา, อุฬารครุสินิทฺธสุธาหารชีรณโต จ. กรชกายสฺส มนฺทภาโว มุทุสุขุมาลภาวโต. เตเนว หิ ภควา อินฺทสาลคุหายํ ปกติปถวิยํ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตํ สกฺกํ เทวราชานํ ‘‘โอฬาริกํ กายํ อธิฏฺเหี’’ติ อาห. เตสนฺติ มนุสฺสานํ. วตฺถุนฺติ กรชกายํ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน.

๔๗. มเนนาติ อิสฺสาปกตตฺตา ปทุฏฺเน มนสา. อุสูยาวเสน มนโสว ปโทโส มโนปโทโส, โส เอเตสํ อตฺถิ วินาสเหตุภูโตติ มโนปโทสิกาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อกุทฺโธ รกฺขตีติ กุทฺธสฺส โส โกโธ อิตรสฺมึ อกุชฺฌนฺเต อนุปาทาโน เอกวารเมว อุปฺปตฺติยา อนาเสวโน จาเวตุํ น สกฺโกติ อุทกนฺตํ ปตฺวา อคฺคิ วิย นิพฺพายติ, ตสฺมา อกุทฺโธ ตํ จวนโต รกฺขติ, อุโภสุ ปน กุทฺเธสุ ภิยฺโย ภิยฺโย อฺมฺมฺหิ ปริวฑฺฒนวเสน ติขิณสมุทาจาโร นิสฺสยทหนรโส โกโธ อุปฺปชฺชมาโน หทยวตฺถุํ นิทหนฺโต อจฺจนฺตสุขุมาลกรชกายํ วินาเสติ, ตโต สกโลปิ อตฺตภาโว อนฺตรธายติ. เตนาห ‘‘อุโภสุ ปนา’’ติอาทิ. ตถา จาห ภควา ‘‘อฺมฺํ ปทุฏฺจิตฺตา กิลนฺตกายา…เป… จวนฺตี’’ติ. ธมฺมตาติ ธมฺมนิยาโม. โส จ เตสํ กรชกายสฺส มนฺทตาย, ตถาอุปฺปชฺชนกโกธสฺส จ พลวตาย านโส จวนํ, เตสํ รูปารูปธมฺมานํ สภาโวติ อธิปฺปาโย.

๔๙. จกฺขาทีนํ เภทํ ปสฺสตีติ วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิการาปตฺติทสฺสนโต, อนฺเต จ อทสฺสนูปคมนโต วินาสํ ปสฺสติ โอฬาริกตฺตา รูปธมฺมเภทสฺส. ปจฺจยํ ทตฺวาติ อนนฺตรปจฺจยาทิวเสน ปจฺจโย หุตฺวา. ‘‘พลวตร’’นฺติ จิตฺตสฺส ลหุตรํ เภทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตถา หิ เอกสฺมึ รูเป ธรนฺเตเยว โสฬส จิตฺตานิ ภิชฺชนฺติ. เภทํ น ปสฺสตีติ ขเณ ขเณ ภิชฺชนฺตมฺปิ จิตฺตํ ปรสฺส อนนฺตรปจฺจยภาเวเนว ภิชฺชตีติ ปุริมจิตฺตสฺส อภาวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิย ปจฺฉิมจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติโต ภาวปกฺโข พลวตโร ปากโฏ จ โหติ, น อภาวปกฺโขติ จิตฺตสฺส วินาสํ น ปสฺสติ, อยฺจ อตฺโถ อลาตจกฺกทสฺสเนน สุปากโฏ วิฺายติ. ยสฺมา ปน ตกฺกีวาที นานตฺตนยสฺส ทูรตรตาย เอกตฺตนยสฺสปิ มิจฺฉาคหิตตฺตา ‘‘ยเทวิทํ วิฺาณํ สพฺพทาปิ เอกรูเปน ปวตฺตติ, อยเมว อตฺตา นิจฺโจ’’ติอาทินา อภินิเวสํ ชเนติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โส ตํ อปสฺสนฺโต’’ติอาทิ.

อนฺตานนฺตวาทวณฺณนา

๕๓. อนฺตานนฺติกาติ เอตฺถ อมติ คจฺฉติ เอตฺถ สภาโว โอสานนฺติ อนฺโต, มริยาทา. ตปฺปฏิเสเธน อนนฺโต, อนฺโต จ อนนฺโต จ อนฺตานนฺโต จ เนวนฺตานานนฺโต จ อนฺตานนฺตา สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสเสน วา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๗๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑) วิย. กสฺส ปน อนฺตานนฺโตติ? โลกียติ สํสารนิสฺสรณตฺถิเกหิ ทิฏฺิคติเกหิ, โลกียนฺติ วา เอตฺถ เตหิ ปุฺาปุฺํ ตพฺพิปาโก จาติ โลโกติ สงฺขฺยํ คตสฺส อตฺตโน. เตนาห ภควา ‘‘อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปฺเปนฺตี’’ติ. โก ปน เอโส อตฺตาติ? ฌานวิสยภูตกสิณนิมิตฺตํ. ตตฺถ หิ อยํ ทิฏฺิคติโก โลกสฺี. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘ตํ โลโกติ คเหตฺวา’’ติ. เกจิ ปน ‘‘ฌานํ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จ อิธ ‘อตฺตา, โลโก’ติ จ คหิตา’’ติ วทนฺติ. อนฺตานนฺตสหจริตวาโท อนฺตานนฺโต, ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ อนฺตานนฺตสนฺนิสฺสโย วา ยถา ‘‘มฺจา โฆสนฺตี’’ติ. โส เอเตสํ อตฺถีติ อนฺตานนฺติกา. เต ปน ยสฺมา ยถาวุตฺตนเยน อนฺตานนฺโต วาโท ทิฏฺิ เอเตสนฺติ ‘‘อนฺตานนฺตวาทา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘อนฺตานนฺตวาทา’’ติ วตฺวา ‘‘อนฺตํ วา’’ติอาทินา อตฺโถ วิภตฺโต.

เอตฺถาห – ยุตฺตํ ตาว ปุริมานํ ติณฺณํ วาทีนํ อนฺตตฺตฺจ อนนฺตตฺตฺจ อนฺตานนฺตตฺตฺจ อารพฺภ ปวตฺตวาทตฺตา อนฺตานนฺติกตฺตํ, ปจฺฉิมสฺส ปน ตทุภยปฏิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา กถ อนฺตานนฺติกตฺตนฺติ? ตทุภยปฏิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา เอว. ยสฺมา อนฺตานนฺตปฏิเสธวาโทปิ อนฺตานนฺตวิสโย เอว ตํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา. เอตทตฺถํเยว หิ สนฺธาย อฏฺกถายํ ‘‘อารพฺภ ปวตฺตวาทา’’ติ วุตฺตํ. อถ วา ยถา ตติยวาเท เทสเภทวเสน เอกสฺเสว อนฺตวนฺตตา อนนฺตตา จ สมฺภวติ, เอวํ ตกฺกีวาเทปิ กาลเภทวเสน อุภยสมฺภวโต อฺมฺปฏิเสเธน อุภยฺเว วุจฺจติ. กถํ? อนฺตวนฺตตาปฏิเสเธน หิ อนนฺตตา วุจฺจติ, อนนฺตตาปฏิเสเธน จ อนฺตวนฺตตา, อนฺตานนฺตานฺจ น ตติยวาทภาโว กาลเภทสฺส อธิปฺเปตตฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อยํ โลกสฺิโต อตฺตา อธิคตวิเสเสหิ มเหสีหิ อนนฺโต กทาจิ สกฺขิทิฏฺโติ อนุสุยฺยติ, ตสฺมา เนวนฺตวา. ยสฺมา ปน เตหิเยว กทาจิ อนฺตวา สกฺขิทิฏฺโติ อนุสุยฺยติ, ตสฺมา น ปน อนนฺโตติ. ยถา จ อนุสฺสุติตกฺกีวเสน, เอวํ ชาติสฺสรตกฺกี อาทีนฺจ วเสน ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. อยฺหิ ตกฺกิโก อวฑฺฒิตภาวปุพฺพกตฺตา ปฏิภาคนิมิตฺตานํ วฑฺฒิตภาวสฺส วฑฺฒิตกาลวเสน อปฺปจฺจกฺขการิตาย อนุสฺสวาทิมตฺเต ตฺวา ‘‘เนวนฺตวา’’ติ ปฏิกฺขิปติ. อวฑฺฒิตกาลวเสน ปน ‘‘น ปนานนฺโต’’ติ, น ปน อนฺตตานนฺตตานํ อจฺจนฺตมภาเวน ยถา ตํ ‘‘เนวสฺินาสฺี’’ติ. ปุริมวาทตฺตยปฏิกฺเขโป จ อตฺตนา ยถาธิปฺเปตปฺปการวิลกฺขณตาย เตสํ, อวสฺสฺเจตํ เอวํ วิฺาตพฺพํ, อฺถา วิกฺเขปปกฺขํเยว ภเชยฺย จตุตฺถวาโท. น หิ อนฺตตาอนนฺตตาตทุภยวินิมุตฺโต อตฺตโน ปกาโร อตฺถิ, ตกฺกีวาที จ ยุตฺติมคฺคโก, กาลเภทวเสน จ ตทุภยํ เอกสฺมิมฺปิ น น ยุชฺชตีติ.

เกจิ ปน ยทิ ปนายํ อตฺตา อนฺตวา สิยา, ทูรเทเส อุปปชฺชนานุสฺสรณาทิ กิจฺจนิปฺผตฺติ น สิยา. อถ อนนฺโต, อิธ ิตสฺส เทวโลกนิรยาทีสุ สุขทุกฺขานุภวนมฺปิ สิยา. สเจ ปน อนฺตวา จ อนนฺโต จ, ตทุภยโทสสมาโยโค. ตสฺมา ‘‘อนฺตวา, อนนฺโต’’ติ จ อพฺยากรณีโย อตฺตาติ เอวํ ตกฺกนวเสน จตุตฺถวาทปฺปวตฺตึ วณฺเณนฺติ. เอวมฺปิ ยุตฺตํ ตาว ปจฺฉิมวาทีทฺวยสฺส อนฺตานนฺติกตฺตํ อนฺตานนฺตานํ วเสน อุภยวิสยตฺตา เตสํ วาทสฺส. ปุริมวาทีทฺวยสฺส ปน กถํ วิสุํ อนฺตานนฺติกตฺตนฺติ? อุปจารวุตฺติยา. สมุทิเตสุ หิ อนฺตานนฺตวาทีสุ ปวตฺตมาโน อนฺตานนฺติก-สทฺโท ตตฺถ นิรุฬฺหตาย ปจฺเจกมฺปิ อนฺตานนฺติกวาทีสุ ปวตฺตติ, ยถา อรูปชฺฌาเนสุ ปจฺเจกํ อฏฺวิโมกฺขปริยาโย, ยถา จ โลเก สตฺตาสโยติ. อถ วา อภินิเวสโต ปุริมกาลปฺปวตฺติวเสน อยํ ตตฺถ โวหาโร กโต. เตสฺหิ ทิฏฺิคติกานํ ตถารูปเจโตสมาธิสมธิคมโต ปุพฺพกาลํ ‘‘อนฺตวา นุ อยํ โลโก, อนนฺโต นู’’ติ อุภยาการาวลมฺพิโน ปริวิตกฺกสฺส วเสน นิรุฬฺโห อนฺตานนฺติกภาโว วิเสสลาเภน ตตฺถ อุปฺปนฺเนปิ เอกํสคฺคาเห ปุริมสิทฺธรุฬฺหิยา โวหรียตีติ.

๕๔-๖๐. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตกฺกยตีติ ตกฺกี’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๔) สทฺทโต, ‘‘จตุพฺพิโธ ตกฺกี’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๔) อตฺถโต จ สสฺสตวาเท วุตฺตวิธินา. ทิฏฺปุพฺพานุสาเรนาติ ทสฺสนภูเตน วิฺาเณน อุปลทฺธปุพฺพสฺส อนฺตวนฺตาทิโน อนุสฺสรเณน. เอวฺจ กตฺวา อนุสฺสุติตกฺกีสุทฺธตกฺกีนมฺปิ อิธ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. อถ วา ทิฏฺคฺคหเณเนว ‘‘นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑๐, ๑๙๔) วิย สุตาทีนมฺปิ คหิตตา เวทิตพฺพา. ‘‘อนฺตวา’’ติอาทินา อิจฺฉิตสฺส อตฺตโน สพฺพทา ภาวปรามสนวเสเนว อิเมสํ วาทานํ ปวตฺตนโต สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘เสสา สสฺสตทิฏฺิโย’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๙๗-๙๘).

อมราวิกฺเขปวาทวณฺณนา

๖๑. น มรตีติ น อุจฺฉิชฺชติ. ‘‘เอวมฺปิ เม โน’’ติอาทินา วิวิโธ นานปฺปกาโร เขโป ปเรน ปรวาทีนํ ขิปนํ วิกฺเขโป. อมราย ทิฏฺิยา วาจาย จ วิกฺขิปนฺตีติ วา อมราวิกฺเขปิโน. อมราวิกฺเขปิโน เอว อมราวิกฺเขปิกา. อิโต จิโต จ สนฺธาวติ เอกสฺมึ สภาเว อนวฏฺานโต. อมรา วิย วิกฺขิปนฺตีติ วา ปุริมนเยเนว สทฺทตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๖๒. วิกฺเขปวาทิโน อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม, อกุสลธมฺเมปิ สภาวเภทวเสเนว าตุํ าณพลํ นตฺถีติ กุสลากุสลปทานํ กุสลากุสลกมฺมปถวเสเนว อตฺโถ. ปมนยวเสเนว อปริยนฺตวิกฺเขปตาย อมราวิกฺเขปํ วิภาเวตุํ ‘‘เอวนฺติปิ เม โนติ อนิยมิตวิกฺเขโป’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อนิยมิตวิกฺเขโปติ สสฺสตาทีสุ เอกสฺมิมฺปิ ปกาเร อฏฺตฺวา วิกฺเขปกรณํ, ปรวาทินา ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ปุจฺฉิเต ปกาเร ตสฺส ปฏิกฺเขโปติ อตฺโถ. ทุติยนยวเสน อมราสทิสาย อมราย วิกฺเขปํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ กุสลนฺติ วา ปุฏฺโ’’ติอาทิมาห. อถ วา ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา อนิยมโตว สสฺสเตกจฺจสสฺสตุจฺเฉทตกฺกีวาทานํ ปฏิเสธเนน ตํ ตํ วาทํ ปฏิกฺขิปเตว อปริยนฺตวิกฺเขปวาทตฺตา อมราวิกฺเขปิโน. อตฺตนา ปน อนวฏฺิตวาทตฺตา น กิสฺมิฺจิ ปกฺเข อวติฏฺตีติ อาห ‘‘สยํ ปน…เป… พฺยากโรตี’’ติ. อิทานิ กุสลาทีนํ อพฺยากรเณน ตเมว อนวฏฺานํ วิภาเวติ ‘‘อิทํ กุสลนฺติ วา ปุฏฺโ’’ติอาทินา. เตเนวาห ‘‘เอกสฺมิมฺปิ ปกฺเข น ติฏฺตี’’ติ.

๖๓. กุสลากุสลํ ยถาภูตํ อปฺปชานนฺโตปิ เยสมหํ สมเยน กุสลเมว ‘‘กุสล’’นฺติ, อกุสลเมว จ ‘‘อกุสล’’นฺติ พฺยากเรยฺยํ, เตสุ ตถา พฺยากรณเหตุ ‘‘อโห วต เร ปณฺฑิโต’’ติ สกฺการสมฺมานํ กโรนฺเตสุ มม ฉนฺโท วา ราโค วา อสฺสาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ สมฺภวติ. โทโส วา ปฏิโฆ วาติ เอตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน โยเชตพฺพํ. อฏฺกถายํ ปน อตฺตโน ปณฺฑิตภาววิสยานํ ราคาทีนํ วเสน โยชนา กตา. ‘‘ฉนฺทราคทฺวยํ อุปาทาน’’นฺติ อภิธมฺมนเยน วุตฺตํ. อภิธมฺเม หิ ตณฺหาทิฏฺิโยว ‘‘อุปาทาน’’นฺติ อาคตา, สุตฺตนฺเต ปน โทโสปิ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺโต ‘‘โกธุปาทานวินิพนฺธา วิฆาตํ อาปชฺชนฺตี’’ติอาทีสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุภยมฺปิ วา ทฬฺหคฺคหณวเสน อุปาทาน’’นฺติ. ทฬฺหคฺคหณํ อมุฺจนํ. ปฏิโฆปิ หิ อุปนาหาทิวเสน ปวตฺโต อารมฺมณํ น มุฺจติ. วิหนนํ หึสนํ วิพาธนํ. ราโคปิ หิ ปริฬาหวเสน สารทฺธวุตฺติตาย นิสฺสยํ วิพาธตีติ. วินาเสตุกามตาย อารมฺมณํ คณฺหาตีติ สมฺพนฺโธ.

๖๔. ปณฺฑิจฺเจนาติ ปฺาย. เยน หิ ธมฺเมน ยุตฺโต ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, โส ธมฺโม ปณฺฑิจฺจํ, เตน สุตจินฺตามยํ ปฺํ ทสฺเสติ, น ปากติกกมฺมนิพฺพตฺตํ สาภาวิกปฺํ. กต-สทฺทสฺส กิริยาสามฺวาจกตฺตา ‘‘กตวิชฺโช’’ติอาทีสุ วิย กต-สทฺโท าณานุยุตฺตตํ วทตีติ อาห ‘‘วิฺาตปรปฺปวาทา’’ติ. สตฺตธา ภินฺนสฺส วาลคฺคสฺส อํสุโกฏิเวธโก ‘‘วาลเวธี’’ติ อธิปฺเปโต.

๖๕-๖. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ปุริมานมฺปิ ติณฺณํ กุสลาทิธมฺมสภาวานวโพธโต อตฺเถว มนฺทภาโว, เตสํ ปน อตฺตโน กุสลาทิธมฺมานวโพธสฺส อวโพธวิเสโส อตฺถิ, ตทภาวา ปจฺฉิโมเยว มนฺทโมมูหภาเวน วุตฺโต. นนุ จ ปจฺฉิมสฺสาปิ ‘‘อตฺถิ ปโรโลโก’ติ อิติ เจ เม อสฺส, ‘อตฺถิ ปโรโลโก’ติ อิติ เต นํ พฺยากเรยฺยํ, เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๖๕) วจนโต อตฺตโน ธมฺมานวโพธสฺส อวโพโธ อตฺถิเยวาติ? กิฺจาปิ อตฺถิ, น ตสฺส ปุริมานํ วิย อปริฺาตธมฺมพฺยากรณนิพนฺธนมุสาวาทาทิภยปริชิคุจฺฉนกาโร อตฺถิ, อถ โข มหามูฬฺโหเยว. อถ วา ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณตฺถํ ‘‘อตฺถิ ปโรโลโก’ติ อิติ เจ มํ ปุจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉาปนเมว เตน ทสฺสียติ, น อตฺตโน ธมฺมานวโพโธติ อยเมว วิเสเสน ‘‘มนฺโท เจว โมมูโห จา’’ติ วุตฺโต. เตเนว หิ ตถาวาทินํ สฺชยํ เพลฏฺปุตฺตํ อารพฺภ ‘‘อยํ วา อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพมนฺโท สพฺพมูฬฺโห’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๘๑) วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อตฺถิ ปโรโลโก’’ติ สสฺสตทสฺสนวเสน สมฺมาทิฏฺิวเสน วา ปุจฺฉา. ‘‘นตฺถิ ปโรโลโก’’ติ นตฺถิกทสฺสนวเสน สมฺมาทสฺสนวเสน วา ปุจฺฉา. ‘‘อตฺถิ จ นตฺถิ จ ปโรโลโก’’ติ อุจฺเฉททสฺสนวเสน สมฺมาทิฏฺิวเสน เอว วา ปุจฺฉา. ‘‘เนว อตฺถิ น นตฺถิ ปโรโลโก’’ติ วุตฺตปฺปการตฺตยปฏิกฺเขเป สติ ปการนฺตรสฺส อสมฺภวโต อตฺถิตานตฺถิตาหิ นวตฺตพฺพากาโร ปโรโลโกติ วิกฺเขปฺเว ปุเรกฺขาเรน สมฺมาทิฏฺิวเสน วา ปุจฺฉา. เสสจตุกฺกตฺตเยปิ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุฺสงฺขารตฺติโก วิย หิ กายสงฺขารตฺติเกน ปุริมจตุกฺกสงฺคหิโต เอว อตฺโถ. เสสจตุกฺกตฺตเยน อตฺตปรามาสปุฺาทิ ผลตาโจทนานเยน สงฺคหิโตติ.

อมราวิกฺเขปิโก สสฺสตาทีนํ อตฺตโน อรุจฺจนตาย สพฺพตฺถ ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา วิกฺเขปฺเว กโรติ. ตตฺถ ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทิ ตตฺถ ตตฺถ ปุจฺฉิตาการปฏิเสธนวเสน วิกฺขิปนาการทสฺสนํ. นนุ จ วิกฺเขปวาทิโน วิกฺเขปปกฺขสฺส อนุชานนํ วิกฺเขปปกฺเข อวฏฺานํ ยุตฺตรูปนฺติ? น, ตตฺถาปิ ตสฺส สมฺมูฬฺหตฺตา, ปฏิกฺเขปวเสเนว จ วิกฺเขปวาทสฺส ปวตฺตนโต. ตถา หิ สฺจโย เพลฏฺปุตฺโต รฺา อชาตสตฺตุนา สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ ปรโลกตฺติกาทีนํ ปฏิเสธนมุเขน วิกฺเขปํ พฺยากาสิ.

เอตฺถาห – นนุ จายํ สพฺโพปิ อมราวิกฺเขปิโก กุสลาทโย ธมฺเม, ปรโลกตฺติกาทีนิ จ ยถาภูตํ อนวพุชฺฌมาโน ตตฺถ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ ปุจฺฉาย วิกฺเขปนมตฺตํ อาปชฺชติ, ตสฺส กถํ ทิฏฺิคติกภาโว. น หิ อวตฺตุกามสฺส วิย ปุจฺฉิตมตฺถมชานนฺตสฺส วิกฺเขปกรณมตฺเตน ทิฏฺิคติกตา ยุตฺตาติ? วุจฺจเต – น เหว โข ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณมตฺเตน ตสฺส ทิฏฺิคติกตา, อถ โข มิจฺฉาภินิเวสวเสน. สสฺสตาภินิเวเสน มิจฺฉาภินิวิฏฺโเยว หิ ปุคฺคโล มนฺทพุทฺธิตาย กุสลาทิธมฺเม ปรโลกตฺติกาทีนิ จ ยาถาวโต อปฺปฏิปชฺชมาโน อตฺตนา อวิฺาตสฺส อตฺถสฺส ปรํ วิฺาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย มุสาวาทาทิภเยน จ วิกฺเขปํ อาปชฺชตีติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ยาสํ สตฺเตว อุจฺเฉททิฏฺิโย, เสสา สสฺสตทิฏฺิโย’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๙๗-๙๘) อถ วา ปุฺปาปานํ ตพฺพิปากานฺจ อนวโพเธน อสทฺทหเนน จ ตพฺพิสยาย ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณํเยว สุนฺทรนฺติ ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อภินิวิสนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิสุํเยเวสา เอกา ทิฏฺิ สตฺตภงฺคทิฏฺิ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ เจว วาจา จา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖๑). กถํ ปนสฺสา สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห? อุจฺเฉทวเสน อนภินิเวสโต. นตฺถิ โกจิ ธมฺมานํ ยถาภูตเวที วิวาทพหุลตฺตา โลกสฺส, ‘‘เอวเมว’’นฺติ ปน สทฺทนฺตเรน ‘‘ธมฺมนิชฺฌานนา อนาทิกาลิกา โลเก’’ติ คาหวเสน สสฺสตเลโสเปตฺถ ลพฺภติเยว.

อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาทวณฺณนา

๖๗. อธิจฺจ ยทิจฺฉกํ ยํ กิฺจิ การณํ, กสฺสจิ วุทฺธิปุพฺพํ วา วินา สมุปฺปนฺโนติ อตฺตโลกสฺิตานํ ขนฺธานํ อธิจฺจุปฺปตฺติอาการารมฺมณํ ทสฺสนํ ตทาการสนฺนิสฺสเยน ปวตฺติโต, ตทาการสหจริตตาย จ ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ วุจฺจติ ยถา ‘‘มฺจา โฆสนฺติ, กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ จ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺโน อตฺตา จ โลโก จาติ ทสฺสนํ อธิจฺจสมุปฺปนฺน’’นฺติ.

๖๘-๗๓. เทสนาสีสนฺติ เทสนาย เชฏฺกภาเวน คหณํ, เตน สฺํเยว ธุรํ กตฺวา ภควตา อยํ เทสนา กตา, น ปน ตตฺถ อฺเสํ อรูปธมฺมานํ อตฺถิภาวโตติ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘อจิตฺตุปฺปาทา’’ติอาทิ. ภควา หิ ยถา โลกุตฺตรธมฺมํ เทเสนฺโต สมาธึ ปฺํ วา ธุรํ กโรติ, เอวํ โลกิยธมฺมํ เทเสนฺโต จิตฺตํ สฺํ วา ธุรํ กโรติ. ตตฺถ ‘‘ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ (ธ. ส. ๒๗๗) ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ [ที. นิ. ๓.๓๕๕ (ข)] ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, [ที. นิ. ๓.๓๕๕ (ช); วิภ. ๒.๘๐๔] ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๑) ตถา ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, (ธ. ส. ๑) กึจิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขุ (ปารา. ๑๔๖, ๑๘๐) มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, (ธ. ป. ๑, ๒; เนตฺติ. ๙๐; เปฏโก. ๘๓) สนฺติ ภิกฺขเว สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, (ที. นิ. ๓.๓๓๒, ๓๔๒, ๓๕๗; อ. นิ. ๙.๒๔; จูฬนิ. ๘๓) น เนวสฺานาสฺายตน’’นฺติอาทีนิ สุตฺตานิ (ที. นิ. ๓.๓๕๘) เอตสฺส อตฺถสฺส สาธกานิ ทฏฺพฺพานิ. ติตฺถายตเนติ อฺติตฺถิยสมเย. ติตฺถิยา หิ อุปปตฺติวิเสเส วิมุตฺติสฺิโน, สฺาวิราคาวิราเคสุ อาทีนวานิสํสทสฺสิโน วา หุตฺวา อสฺสมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา อกฺขณภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺติ, น สาสนิกา. วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวาติ วาโยกสิเณ ปมาทีนิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ตติยชฺฌาเน จิณฺณวสี หุตฺวา ตโต วุฏฺาย จตุตฺถชฺฌานาธิคมาย ปริกมฺมํ กตฺวา. เตเนวาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา’’ติ.

กสฺมา ปเนตฺถ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – ยเถว หิ รูปปฏิภาคภูเตสุ กสิณวิเสเสสุ รูปวิภาวเนน รูปวิราคภาวนาสงฺขาโต อรูปสมาปตฺติวิเสโส สจฺฉิกรียติ, เอวํ อปริพฺยตฺตวิคฺคหตาย อรูปปฏิภาคภูเต กสิณวิเสเส อรูปวิภาวเนน อรูปวิราคภาวนาสงฺขาโต รูปสมาปตฺติวิเสโส อธิคมียตีติ เอตฺถ ‘‘สฺา โรโค สฺา คณฺโฑ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔) ‘‘ธิ จิตฺตํ, ธิพฺพเต ตํ จิตฺต’’นฺติอาทินา จ นเยน อรูปปฺปวตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน, ตทภาเว จ สนฺตปณีตภาวสนฺนิฏฺาเนน รูปสมาปตฺติยา อภิสงฺขรณํ, รูปวิราคภาวนา ปน สทฺธึ อุปจาเรน อรูปสมาปตฺติโย, ตตฺถาปิ วิเสเสน ปมารุปฺปชฺฌานํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปริจฺฉินฺนากาสกสิเณปี’’ติ วตฺตพฺพํ. ตสฺสาปิ หิ อรูปปฏิภาคตา ลพฺภตีติ? อิจฺฉิตเมเวตํ เกสฺจิ อวจนํ ปเนตฺถ ปุพฺพาจริเยหิ อคฺคหิตภาเวน. ยถา หิ รูปวิราคภาวนา วิรชฺชนียธมฺมภาวมตฺเตน ปรินิปฺผนฺนา, วิรชฺชนียธมฺมปฏิภาคภูเต จ วิสยวิเสเส ปาตุภวติ, เอวํ อรูปวิราคภาวนาปีติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธ, ติตฺถิเยเหว ปน ตสฺสา สมาปตฺติยา ปฏิปชฺชิตพฺพตาย, เตสฺจ วิสยปเถสุปนิพนฺธนสฺเสว ตสฺส ฌานสฺส ปฏิปตฺติโต ทิฏฺิวนฺเตหิ ปุพฺพาจริเยหิ จตุตฺเถเยว ภูตกสิเณ อรูปวิราคภาวนาปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ วณฺณกสิเณสุ วิย ปุริมภูตกสิณตฺตเยปิ วณฺณปฏิจฺฉายาว ปณฺณตฺติ อารมฺมณํ ฌานสฺส โลกโวหารานุโรเธเนว ปวตฺติโต. เอวฺจ กตฺวา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๕๗) ปถวีกสิณสฺส อาทาสจนฺทมณฺฑลูปมาวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ, จตุตฺถํ ปน ภูตกสิณํ ภูตปฺปฏิจฺฉายเมว ฌานสฺส โคจรภาวํ คจฺฉตีติ ตสฺเสว อรูปปฏิภาคตา ยุตฺตาติ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อิเธวาติ ปฺจโวการภเวเยว. ตตฺถาติ อสฺภเว. ยทิ รูปกฺขนฺธมตฺตเมว อสฺภเว ปาตุภวติ, กถมรูปสนฺนิสฺสเยน วินา ตตฺถ รูปํ ปวตฺตติ, กถํ ปน รูปสนฺนิสฺสเยน วินา อรูปธาตุยํ อรูปํ ปวตฺตติ, อิทมฺปิ เตน สมานชาติยเมว. กสฺมา? อิเธว อทสฺสนโต. ยทิ เอวํ กพฬีการาหาเรน วินา รูปธาตุยํ รูเปน น ปวตฺติตพฺพํ, กึ การณํ? อิเธว อทสฺสนโต. อปิ จ ยถา ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นิพฺพตฺติการณํ รูเป อวิคตตณฺหํ, ตสฺส สห รูเปน สมฺภวโต รูปํ นิสฺสาย ปวตฺติ, ยสฺส ปน นิพฺพตฺติการณํ รูเป วิคตตณฺหํ, ตสฺส วินา รูเปน รูปนิรเปกฺขตาย การณสฺส, เอวํ ยสฺส รูปปฺปพนฺธสฺส นิพฺพตฺติการณํ วิคตตณฺหํ อรูเป, ตสฺส วินา อรูเปน ปวตฺติ โหตีติ อสฺภเว รูปกฺขนฺธมตฺตเมว นิพฺพตฺตติ. กถํ ปน ตตฺถ เกวโล รูปปฺปพนฺโธ ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยรหิโต จิรกาลํ ปวตฺตตีติ ปจฺเจตพฺพํ, กิตฺตกํ วา กาลํ ปวตฺตตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘ยถา นาม ชิยาเวคุกฺขิตฺโต สโร’’ติอาทิ, เตน น เกวลมาคโมเยว อยเมตฺถ ยุตฺตีติ ทสฺเสติ. ตตฺตกเมว กาลนฺติ อุกฺกํสโต ปฺจ มหากปฺปสตานิปิ ติฏฺนฺติ อสฺสตฺตา. ฌานเวเคติ อสฺสมาปตฺติปริกฺขเต กมฺมเวเค. อนฺตรธายตีติ ปจฺจยนิโรเธน นิรุชฺฌติ นปฺปวตฺตติ.

อิธาติ กามภเว. กถํ ปน อเนกกปฺปสตสมติกฺกเมน จิรนิรุทฺธโต วิฺาณโต อิธ วิฺาณํ สมุปฺปชฺชติ. น หิ นิรุทฺเธ จกฺขุมฺหิ จกฺขุวิฺาณมุปฺปชฺชมานํ ทิฏฺนฺติ? นยิทเมกนฺตโต ทฏฺพฺพํ. จิรนิรุทฺธมฺปิ หิ จิตฺตํ สมานชาติกสฺส อนฺตรานุปฺปชฺชนโต อนนฺตรปจฺจยมตฺตํ โหติเยว, น พีชํ, พีชํ ปน กมฺมํ. ตสฺมา กมฺมโต พีชภูตโต อารมฺมณาทีหิ ปจฺจเยหิ อสฺภวโต จุตานํ กามธาตุยา อุปปตฺติวิฺาณํ โหติเยว. เตนาห ‘‘อิธ ปฏิสนฺธิสฺา อุปฺปชฺชตี’’ติ. เอตฺถ จ ยถา นาม อุตุนิยาเมน ปุปฺผคฺคหเณ นิยตกาลานํ รุกฺขานํ เวเข ทินฺเน เวขพเลน น ยถา นิยามตา โหติ ปุปฺผคฺคหณสฺส, เอวเมว ปฺจโวการภเว อวิปฺปโยเคน วตฺตมาเนสุ รูปารูปธมฺเมสุ รูปารูปวิราคภาวนาเวเข ทินฺเน ตสฺส สมาปตฺติเวขพลสฺส อนุรูปโต อรูปภเว อสฺาภเว จ ยถากฺกมํ รูปรหิตา อรูปรหิตา จ ขนฺธานํ ปวตฺติ โหตีติ เวทิตพฺพํ. นนุ เอตฺถ ชาติสตสหสฺสทสสํวฏฺฏาทีนํ มตฺถเก, อพฺภนฺตรโต วา ปวตฺตาย อสฺูปวตฺติยา วเสน ลาภีอธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาโท ลาภีสสฺสตวาโท วิย อเนกเภโท สมฺภวตีติ? สจฺจํ สมฺภวติ, อนนฺตรตฺตา ปน อาปนฺนาย อสฺูปปตฺติยา วเสน ลาภีอธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาโท นยทสฺสนวเสน เอโกว ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา สสฺสตทิฏฺิสงฺคหโต อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาทสฺส สสฺสตวาเท อาคโต สพฺโพ เทสนานโย ยถาสมฺภวํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาเทปิ คเหตพฺโพติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ภควตา ลาภีอธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาโท อวิภชิตฺวา เทสิโต. อวสฺสฺจ สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาทสฺส อิจฺฉิตพฺโพ สํกิเลสปกฺเข สตฺตานํ อชฺฌาสยสฺส ทุวิธตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ ‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิ จา’’ติ. ตถา จ วกฺขติ ‘‘ยาสํ สตฺเตว อุจฺเฉททิฏฺิโย, เสสา สสฺสตทิฏฺิโย’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๙๗-๙๘).

นนุ จ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาทสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห น ยุตฺโต. ‘‘อหฺหิ ปุพฺเพ นาโหสิ’’นฺติอาทิวเสน ปวตฺตนโต, อปุพฺพสตฺตปาตุภาวคฺคาหตฺตา, อตฺตโน โลกสฺส จ สทาภาวคาหินี จ สสฺสตทิฏฺิ ‘‘อตฺถิตฺเวว สสฺสติสม’’นฺติ ปวตฺตนโต? โน น ยุตฺโต อนาคเต โกฏิอทสฺสนโต. ยทิปิ หิ อยํ วาโท ‘‘โสมฺหิ เอตรหิ อหุตฺวา สนฺตตาย ปริณโต’’ติ (ที. นิ. ๑.๖๘) อตฺตโน โลกสฺส จ อตีตโกฏิปรามสนวเสน ปวตฺโต, ตถาปิ วตฺตมานกาลโต ปฏฺาย น เตสํ กตฺถจิ อนาคเต ปริยนฺตํ ปสฺสติ, วิเสเสน จ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตกาเลสุ ปริยนฺตาทสฺสนปภาวิโต สสฺสตวาโท. ยถาห ‘‘สสฺสติสมํ ตเถว สฺสตี’’ติ. ยทิ เอวํ อิมสฺส วาทสฺส, สสฺสตวาทาทีนฺจ ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ สงฺคโห น ยุตฺโต อนาคตกาลปรามสนวเสน ปวตฺตตฺตาติ? น, สมุทาคมสฺส อตีตโกฏฺาสิกตฺตา. ตถา หิ เนสํ สมุปฺปตฺติ อตีตํสปุพฺเพนิวาสาเณหิ, ตปฺปฏิรูปกานุสฺสวาทิปฺปภาวิตตกฺกเนหิ จ สงฺคหิตาติ, ตถา เจว สํวณฺณิตํ. อถ วา สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาเณน วาทิวเรน ธมฺมสฺสามินา นิรวเสสโต อคติฺจ คติฺจ ยถาภูตํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิตา เอตา ทิฏฺิโย, ตสฺมา ยาวติกา ทิฏฺิโย ภควตา เทสิตา, ยถา จ เทสิตา, ตถา ตถาว สนฺนิฏฺานโต สมฺปฏิจฺฉิตพฺพา, น เอตฺถ ยุตฺติวิจารณา กาตพฺพา พุทฺธวิสยตฺตา. อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธวิสโยติ.

ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

อปรนฺตกปฺปิกวาทวณฺณนา

๗๔. ‘‘อปรนฺเต าณํ, อปรนฺตานุทิฏฺิโน’’ติอาทีสุ วิย อปร-สทฺโท อิธ อนาคตกาลวาจโกติ อาห ‘‘อนาคตโกฏฺาสสงฺขาต’’นฺติ. อปรนฺตํ กปฺเปตฺวาติอาทีสุ ‘‘ปุพฺพนฺตํ กปฺเปตฺวา’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วิเสสมตฺตเมว วกฺขาม.

สฺีวาทวณฺณนา

๗๕. อุทฺธมาฆาตนาติ ปวตฺโต วาโท อุทฺธมาฆาตโน, โส เอเตสํ อตฺถีติ อุทฺธมาฆาตนิกา. ยสฺมา ปน เต ทิฏฺิคติกา ‘‘อุทฺธํ มรณา อตฺตา นิพฺพิกาโร’’ติ วทนฺติ, ตสฺมา ‘‘อุทฺธมาฆาตนา อตฺตานํ วทนฺตีติ อุทฺธมาฆาตนิกา’’ติ วุตฺตํ. สฺีวาโท เอเตสํ อตฺถีติ สฺีวาทา ‘‘พุทฺธํ อสฺส อตฺถีติ พุทฺโธ’’ติ ยถา. อถ วา สฺีติ ปวตฺโต วาโท สฺี สหจรณนเยน, สฺี วาโท เอเตสนฺติ สฺีวาทา.

๗๖-๗๗. รูปี อตฺตาติ เอตฺถ นนุ รูปวินิมุตฺเตน อตฺตนา ภวิตพฺพํ สฺาย วิย รูปสฺสปิ อตฺตนิยตฺตา. น หิ ‘‘สฺี อตฺตา’’ติ เอตฺถ สฺา อตฺตา. เตเนว หิ ‘‘ตตฺถ ปวตฺตสฺฺจสฺส สฺาติ คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เอวํ สติ กสฺมา กสิณรูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา วุตฺตนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปี’’ติ, อถ โข ‘‘รุปฺปนสีโล รูปี’’ติ. รุปฺปนฺเจตฺถ รูปสริกฺขตาย กสิณรูปสฺส วฑฺฒิตาวฑฺฒิตกาลวเสน วิเสสาปตฺติ, สา จ ‘‘นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ ปริตฺตวิปุลตาทิวิเสสสพฺภาวโต. ยทิ เอวํ อิมสฺส วาทสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห น ยุชฺชตีติ? โน น ยุชฺชติ กายเภทโต อุทฺธํ อตฺตโน นิพฺพิการตาย เตน อธิปฺเปตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อโรโค ปรํ มรณา’’ติ. อถ วา ‘‘รูปํ อสฺส อตฺถีติ รูปี’’ติ วุจฺจมาเนปิ น โทโส. กปฺปนาสิทฺเธนปิ หิ เภเทน อเภทสฺสาปิ นิทฺเทสทสฺสนโต, ยถา ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติ. รุปฺปนํ วา รูปสภาโว รูปํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ รูปี, อตฺตา ‘‘รูปิโน ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๑๑) วิย. เอวฺจ กตฺวา รูปสภาวตฺตา อตฺตโน ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ วจนํ ายาคตเมวาติ ‘‘กสิณรูปํ ‘อตฺตา’ติ คเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ. นิยตวาทิตาย กมฺมผลปฏิกฺเขปโต นตฺถิ อาชีวเกสุ ฌานสมาปตฺติลาโภติ อาห ‘‘อาชีวกาทโย วิย ตกฺกมตฺเตเนว วา รูปี อตฺตา’’ติ. ตถา หิ กณฺหาภิชาติอาทีสุ ฉฬาภิชาตีสุ อฺตรํ อตฺตานํ เอกจฺเจ อาชีวกา ปฏิชานนฺติ. นตฺถิ เอตสฺส โรโค ภงฺโคติ อโรโคติ อโรค-สทฺทสฺส นิจฺจปริยายตา เวทิตพฺพา, โรครหิตตาสีเสน วา นิพฺพิการตาย นิจฺจตํ ปฏิชานาติ ทิฏฺิคติโกติ อาห ‘‘อโรโคติ นิจฺโจ’’ติ.

กสิณุคฺฆาฏิมากาสปมารุปฺปวิฺาณนตฺถิภาวอากิฺจฺายตนานิ อรูปสมาปตฺตินิมิตฺตํ นิมฺพปณฺเณ ติตฺตกรโส วิย สรีรปริมาโณ อรูปี อตฺตา ตตฺถ ติฏฺตีติ นิคณฺาติ อาห ‘‘นิคณฺาทโย วิยา’’ติ. มิสฺสกคาหวเสนาติ รูปารูปสมาปตฺตีนํ นิมิตฺตานิ เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘เอโก อตฺตา’’ติ, ตตฺถ ปวตฺตสฺฺจสฺส ‘‘สฺา’’ติ คหณวเสน. อยฺหิ ทิฏฺิคติโก รูปารูปสมาปตฺติลาภิตาย ตนฺนิมิตฺตํ รูปภาเวน อรูปภาเวน จ อตฺตา อุปติฏฺติ, ตสฺมา ‘‘รูปี จ อรูปี จา’’ติ อภินิเวสํ ชเนสิ อชฺฌตฺตวาทิโน วิย, ตกฺกมตฺเตเนว วา รูปารูปธมฺมานํ มิสฺสกคฺคหณวเสน ‘‘รูปี อรูปี จ อตฺตา โหตี’’ติ.

ตกฺกคาเหเนวาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตธมฺมา วิย อจฺจนฺตสุขุมภาวปฺปตฺติยา สกิจฺจสาธนาสมตฺถตาย ถมฺภกุฏฺฏหตฺถปาทาทิสงฺฆาโต วิย เนว รูปี, รูปสภาวานติวตฺตนโต น อรูปีติ เอวํ ปวตฺตตกฺกคาเหน. อถ วา อนฺตานนฺติกจตุกฺกวาเท วิย อฺมฺปฏิกฺเขปวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน ตตฺถ เทสกาลเภทวเสน ตติยจตุตฺถวาทา ทสฺสิตา, อิธ กาลวตฺถุเภทวเสนาติ อยเมว วิเสโสติ. กาลเภทวเสน เจตฺถ ตติยวาทสฺส ปวตฺติ รูปารูปนิมิตฺตานํ สห อนุปฏฺานโต. จตุตฺถวาทสฺส ปน วตฺถุเภทวเสน ปวตฺติ รูปารูปธมฺมานํ สมูหโต ‘‘เอโก อตฺตา’’ติ ตกฺกนวเสนาติ ตตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.

ทุติยจตุกฺเก ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ‘‘อมติ คจฺฉติ เอตฺถ ภาโว โอสาน’’นฺติอาทินา อนฺตานนฺติกวาเท วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.

ยทิปิ อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ทิฏฺิคติกสฺส วเสน สมาปตฺติเภเทน สฺาเภทสมฺภวโต ‘‘นานตฺตสฺี อตฺตา’’ติ อยมฺปิ วาโท สมาปนฺนกวเสน ลพฺภติ. ตถาปิ สมาปตฺติยํ เอกรูเปเนว สฺาย อุปฏฺานโต สมาปนฺนกวเสน ‘‘เอกตฺตสฺี’’ติ อาห. เตเนเวตฺถ สมาปนฺนกคฺคหณํ กตํ. เอกสมาปตฺติลาภิโน เอว วา วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมาปตฺติเภเทน สฺาเภทสมฺภเวปิ พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมเณ สฺานานตฺเตน โอฬาริเกน นานตฺตสฺิตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสมาปนฺนกวเสน นานตฺตสฺี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ปริตฺตกสิณวเสน ปริตฺตสฺี’’ติ อิมินา สติปิ สฺาวินิมุตฺเต ธมฺเม ‘‘สฺาเยว อตฺตา’’ติ วทตีติ ทสฺสิตํ โหติ. กสิณคฺคหณฺเจตฺถ สฺาย วิสยทสฺสนํ, เอวํ วิปุลกสิณวเสนาติ เอตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวฺจ กตฺวา อนฺตานนฺติกวาเท, อิธ จ อนฺตานนฺติกจตุกฺเก ปมทุติยวาเทหิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วาทานํ วิเสโส สิทฺโธ โหติ, อฺถา วุตฺตปฺปกาเรสุ วาเทสุ ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปนเภเทน สติปิ เกหิจิ วิเสเส เกหิจิ นตฺถิ เยวาติ. อถ วา ‘‘องฺคุฏฺปฺปมาโณ อตฺตา, ยวปฺปมาโณ, อณุมตฺโต วา อตฺตา’’ติ อาทิทสฺสนวเสน ปริตฺโต สฺี จาติ ปริตฺตสฺี, กปิลกณาทาทโย วิย อตฺตโน สพฺพคตภาวปฏิชานนวเสน อปฺปมาโณ สฺี จาติ อปฺปมาณสฺีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑตาย ยถากมฺมูปคาณสฺส ทิพฺพจกฺขุปภาวชนิเตน ยถากมฺมูปคาเณน ทิสฺสมานาปิ สตฺตานํ สุขาทิสมงฺคิตา ทิพฺพจกฺขุนาว ทิฏฺา โหตีติ อาห ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติอาทิ. นนุ จ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา’’ติอาทิวาทานํ อปรนฺตทิฏฺิภาวโต ‘‘นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺวา’’ติ วจนํ อนุปนฺนนฺติ? นานุปปนฺนํ, อนาคตสฺส เอกนฺตสุขิภาวาทิกสฺส ปกปฺปนํ ปจฺจุปฺปนฺนาย นิพฺพตฺติยา ทสฺสเนน อธิปฺเปตนฺติ. เตเนวาห ‘‘นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺวา ‘เอกนฺตสุขี’ติ คณฺหาตี’’ติ. เอตฺถ จ ตสฺสํ ตสฺสํ ภูมิยํ พหุลํ สุขาทิสหิตธมฺมปฺปวตฺติทสฺสเนน เตสํ ‘‘เอกนฺตสุขี’’ติ คาโห ทฏฺพฺโพ. อถ วา หตฺถิทสฺสกอนฺธา วิย ทิฏฺิคติกา ยํ ยเทว ปสฺสนฺติ, ตํ ตเทว อภินิวิสฺส โวหรนฺตีติ น เอตฺถ ยุตฺติ มคฺคิตพฺพา.

อสฺี เนวสฺีนาสฺีวาทวณฺณนา

๗๘-๘๓. อสฺีวาเท อสฺภเว นิพฺพตฺตสตฺตวเสน ปมวาโท, ‘‘สฺํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน สฺํเยว ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตสฺส กิฺจนภาเวน ิตาย อฺาย สฺาย อภาวโต ‘‘อสฺี’’ติ ปวตฺโต ทุติยวาโท, ตถา สฺาย สห รูปธมฺเม, สพฺเพ เอว วา รูปารูปธมฺเม ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ปวตฺโต ตติยวาโท, ตกฺกคาหวเสเนว จตุตฺถวาโท ปวตฺโต. ตสฺส ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ทุติยจตุกฺเกปิ กสิณรูปสฺส อสฺชานนสภาวตาย อสฺีติ กตฺวา อนฺตานนฺติกวาเท วุตฺตนเยเนว จตฺตาโรปิ เวทิตพฺพา. ตถา เนวสฺีนาสฺีวาเทปิ เนวสฺีนาสฺีภเว นิพฺพตฺตสตฺตสฺเสว จุติปฏิสนฺธีสุ, สพฺพตฺถ วา ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถาย สุขุมาย สฺาย อตฺถิภาวปฏิชานนวเสน ปมวาโท, อสฺีวาเท วุตฺตนเยน สุขุมาย สฺาย วเสน, สฺชานนสภาวตาปฏิชาเนน จ ทุติยวาทาทโย ปวตฺตาติ เอวํ เอเกน ปกาเรน สติปิ การณปริเยสนสฺส สมฺภเว ทิฏฺิคติกวาทานํ อนาทรณียภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ตตฺถ น เอกนฺเตน การณํ ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอเตสฺจ สฺีอสฺีเนวสฺีนาสฺีวาทานํ ‘‘อโรโค ปรํ มรณา’’ติ วจนโต สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห ปากโฏเยว.

อุจฺเฉทวาทวณฺณนา

๘๔. อสโต วินาสาสมฺภวโต อตฺถิภาวนิพนฺธโน อุจฺเฉโทติ วุตฺตํ ‘‘สโต’’ติ. ยถา เหตุผลภาเวน ปวตฺตมานานํ สภาวธมฺมานํ สติปิ เอกสนฺตานปริยาปนฺนานํ ภินฺนสนฺตติปติเตหิ วิเสเส เหตุผลานํ ปรมตฺถโต ภินฺนสภาวตฺตา ภินฺนสนฺตานปติตานํ วิย อจฺจนฺตเภทสนฺนิฏฺาเนน นานตฺตนยสฺส มิจฺฉาคหณํ อุจฺเฉทาภินิเวสสฺส การณํ, เอวํ เหตุผลภูตานํ ธมฺมานํ วิชฺชมาเนปิ สภาวเภเท เอกสนฺตติปริยาปนฺนตาย เอกตฺตนเยน อจฺจนฺตมเภทคฺคหณมฺปิ การณํ เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ ปาฬิยํ. สนฺตานวเสน หิ วตฺตมาเนสุ ขนฺเธสุ ฆนวินิพฺโภคาภาเวน สตฺตคาโห, สตฺตสฺส จ อตฺถิภาวคาหนิพนฺธโน อุจฺเฉทคาโห ยาวายํ อตฺตา น อุจฺฉิชฺชติ, ตาวายํ วิชฺชติเยวาติ คหณโต, นิรุทยวินาโส วา อิธ อุจฺเฉโทติ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อุปจฺเฉท’’นฺติ. วิเสเสน นาโส วินาโส, อภาโว. โส ปน มํสจกฺขุปฺาจกฺขูนํ ทสฺสนปถาติกฺกโมเยว โหตีติ อาห ‘‘อทสฺสน’’นฺติ. อทสฺสเน หิ นาส-สทฺโท โลเก นิรุฬฺโหติ. ภาววิคมนฺติ สภาวาปคมํ. โย หิ นิรุทยวินาสวเสน อุจฺฉิชฺชติ, น โส อตฺตโน สภาเวน ติฏฺตีติ. ลาภีติ ทิพฺพจกฺขุาณลาภี. จุติมตฺตเมวาติ เสกฺขปุถุชฺชนานมฺปิ จุติมตฺตเมว. น อุปปาตนฺติ ปุพฺพโยคาภาเวน, ปริกมฺมากรเณน วา อุปปาตํ ทฏฺุํ น สกฺโกติ. ‘‘อลาภี จ โก ปรโลกํ น ชานาตี’’ติ นตฺถิกวาทวเสน, มหามูฬฺหภาเวเนว วา ‘‘อิโต อฺโ ปรโลโก อตฺถี’’ติ อนวโพธมาห. เอตฺตโกเยว วิสโย, โย ยํ อินฺทฺริยโคจโรติ. อตฺตโน ธีตุยา หตฺถคณฺหนกราชาทิ วิย กามสุขคิทฺธตาย วา. ‘‘น ปุน วิรุหนฺตี’’ติ ปติตปณฺณานํ วณฺเฏน อปฺปฏิสนฺธิกภาวมาห. เอวเมว สตฺตาติ ยถา ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปวุตฺโต น ปฏิสนฺธิยติ, เอวํ สพฺเพ สตฺตา อปฺปฏิสนฺธิกมรณเมว นิคจฺฉนฺตีติ. ชลปุพฺพูฬกูปมา หิ สตฺตาติ ตสฺส ลทฺธิ. ตถาติ วุตฺตปฺปกาเรน. ลาภิโนปิ จุติโต อุทฺธํ อทสฺสเนเนว อิมา ทิฏฺิโย อุปฺปชฺชนฺตีติ อาห ‘‘วิกปฺเปตฺวา วา’’ติ.

เอตฺถาห – ยถา อมราวิกฺเขปิกวาทา เอกนฺตอลาภีวเสเนว ทสฺสิตา, ยถา จ อุทฺธมาฆาตนิกสฺีวาทจตุกฺโก เอกนฺตลาภีวเสเนว, น เอวมยํ. อยํ ปน สสฺสเตกจฺจสสฺสตวาทาทโย วิย ลาภีอลาภีวเสน ปวตฺโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ ทฺเว ชนา’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ กสฺมา สสฺสตวาทาทิเทสนาหิ อิธ อฺถา เทสนา ปวตฺตาติ? วุจฺจเต – เทสนาวิลาสปฺปตฺติโต. เทสนาวิลาสปฺปตฺตา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เต เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิวิเธนากาเรน ธมฺมํ เทเสนฺติ, อฺถา อิธาปิ จ เอวํ ภควา เทเสยฺย ‘‘อิธ ภิกฺขเว เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป… ยถาสมาหิเต จิตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ, โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน อรหโต จุติจิตฺตํ ปสฺสติ, ปุถูนํ วา ปรสตฺตานํ, น เหว โข ตทุทฺธํ อุปปตฺตึ, โส เอวมาห ‘ยถา โข โภ อยํ อตฺตา’’’ ติอาทินา วิเสสลาภิโน, ตกฺกิโน จ วิสุํ กตฺวา, ตสฺมา เทสนาวิลาเสน เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ สสฺสตวาทาทิเทสนาหิ อฺถายํ เทสนา ปวตฺตาติ ทฏฺพฺพํ.

อถ วา เอกจฺจสสฺสตวาทาทีสุ วิย น อิธ ตกฺกีวาทิโต วิเสสลาภีวาโท ภินฺนากาโร, อถ โข สมานเภทตาย สมานากาโรเยวาติ อิมสฺส วิเสสสฺส ปกาสนตฺถํ ภควตา อยมุจฺเฉทวาโท ปุริมวาเทหิ วิสิฏฺากาโร เทสิโต. สมฺภวติ หิ ตกฺกิโนปิ อนุสฺสวาทิวเสน อธิคมวโต วิย อิธ อภินิเวโส. อถ วา น อิมา ทิฏฺิโย ภควตา อนาคเต เอวํ ภาวีวเสน เทสิตา, นาปิ ปริกปฺปวเสน, อถ โข ยถา ยถา ทิฏฺิคติเกหิ ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ ปฺตฺตา, ตถา ตถา ยถาภุจฺจํ สพฺพฺุตฺาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปกาสิตา. เยหิ คมฺภีราทิปฺปการา อปุถุชฺชนโคจรา พุทฺธธมฺมา ปกาสนฺติ, เยสฺจ ปริกิตฺตเนน ตถาคตา สมฺมเทว โถมิตา โหนฺติ. อุจฺเฉทวาทีหิ จ ทิฏฺิคติเกหิ ยถา อุตฺตรุตฺตรภวทสฺสีหิ อปรภวทสฺสีนํ เตสํ วาทปฏิเสธวเสน สกสกวาทา ปติฏฺาปิตา, ตถายํ เทสนา ปวตฺตาติ ปุริมเทสนาหิ อิมิสฺสา เทสนาย ปวตฺติเภโท น โจเทตพฺโพ. เอวฺจ กตฺวา อรูปภวเภทวเสน วิย กามรูปภวเภทวเสนาปิ อุจฺเฉทวาโท วิภชิตฺวา ทฏฺพฺโพ. อถ วา ปจฺเจกํ กามรูปภวเภทวเสน วิย อรูปภววเสนาปิ น วิภชิตฺวา วตฺตพฺโพ, เอวฺจ สติ ภควตา วุตฺตสตฺตกโต พหุตรเภโท, อปฺปตรเภโท วา อุจฺเฉทวาโท อาปชฺชตีติ เอวํ ปการาปิ โจทนา อนวกาสาวาติ.

เอตฺถาห – ยุตฺตํ ตาว ปุริเมสุ ตีสุ วาเทสุ ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ วุตฺตํ ปฺจโวการภวปริยาปนฺนํ อตฺตภาวํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา เตสํ วาทานํ, จตุโวการภวปริยาปนฺนํ ปน อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปวตฺเตสุ จตุตฺถาทีสุ จตูสุ วาเทสุ กสฺมา ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ วุตฺตํ. น หิ อรูปีนํ กาโย วิชฺชตีติ? สจฺจเมตํ, รูปตฺตภาเว ปวตฺตโวหาเรเนว ปน ทิฏฺิคติโก อรูปตฺตภาเวปิ กายโวหารํ อาโรเปตฺวา อาห ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ. ยถา จ ทิฏฺิคติกา ทิฏฺิโย ปฺาเปนฺติ, ตถา จ ภควา ทสฺเสตีติ, อรูปกายภาวโต วา ผสฺสาทิธมฺมสมูหภูเต อรูปตฺตภาเว กายนิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ กามเทวตฺตภาวาทินิรวเสสวิภวปติฏฺาปกานํ ทุติยวาทาทีนํ ยุตฺโต อปรนฺตกปฺปิกภาโว อนาคตทฺธวิสยตฺตา เตสํ วาทานํ, น ปน ทิฏฺิคติกปจฺจกฺขภูตมนุสฺสตฺตภาวสมุจฺเฉทปติฏฺาปกสฺส ปมวาทสฺส ปจฺจุปฺปนฺนวิสยตฺตา. ทุติยวาทาทีนฺหิ ปุริมปุริมวาทสงฺคหิตสฺเสว อตฺตโน ตทุตฺตรุตฺตริภโวปปนฺนสฺส สมุจฺเฉทโต ยุชฺชติ อปรนฺตกปฺปิกตา, ตถา จ ‘‘โน จ โข โภ อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉินฺโน โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ยํ ปน ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘อตฺถิ โข โภ อฺโ อตฺตา’’ติ, ตํ มนุสฺสกายวิเสสาเปกฺขาย วุตฺตํ, น สพฺพถา อฺภาวโตติ? โน น ยุตฺโต, อิธโลกปริยาปนฺนตฺเตปิ จ ปมวาทวิสยสฺส อนาคตกาลสฺเสว ตสฺส อธิปฺเปตตฺตา ปมวาทิโนปิ อปรนฺตกปฺปิกตาย น โกจิ วิโรโธติ.

ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวณฺณนา

๙๓. ทิฏฺธมฺโมติ ทสฺสนภูเตน าเณน อุปลทฺธธมฺโม. ตตฺถ โย อนินฺทฺริยวิสโย, โสปิ สุปากฏภาเวน อินฺทฺริยวิสโย วิย โหตีติ อาห ‘‘ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺขธมฺโม วุจฺจตี’’ติ. เตเนว จ ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ปฏิลทฺธตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ.

๙๕. อนฺโตนิชฺฌายนลกฺขโณติ าติโภคโรคสีลทิฏฺิพฺยสเนหิ ผุฏฺสฺส เจตโส อนฺโต อพฺภนฺตรํ นิชฺฌายนํ โสจนํ อนฺโตนิชฺฌายนํ, ตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อนฺโตนิชฺฌายนลกฺขโณ. ตนฺนิสฺสิตลาลปฺปนลกฺขโณติ ตํ โสกํ สมุฏฺานเหตุํ นิสฺสิตํ ตนฺนิสฺสิตํ, ภุสํ วิลาปนํ ลาลปฺปนํ, ตนฺนิสฺสิตฺจ ลาลปฺปนฺจ ตนฺนิสฺสิตลาลปฺปนํ, ตํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ ตนฺนิสฺสิตลาลปฺปนลกฺขโณ. าติพฺยสนาทินา ผุฏฺสฺส ปริเทเวนาปิ อสกฺกุณนฺตสฺส อนฺโตคตโสกสมุฏฺิโต ภุโส อายาโส อุปายาโส. โส ปน ยสฺมา เจตโส อปฺปสนฺนากาโร โหติ, ตสฺมา ‘‘วิสาทลกฺขโณ’’ติ วุตฺโต.

๙๖. วิตกฺกนํ วิตกฺกิตํ, ตํ ปน อภินิโรปนสภาโว วิตกฺโกเยวาติ อาห ‘‘อภิ…เป… วิตกฺโก’’ติ. เอส นโย วิจาริตนฺติ เอตฺถาปิ. โขภกรสภาวตฺตา วิตกฺกวิจารานํ ตํสหิตํ ฌานํ สอุพฺพิลนํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สกณฺฑกํ วิย ขายตี’’ติ.

๙๗. ยาย อุพฺพิลาปนปีติยา อุปฺปนฺนาย จิตฺตํ ‘‘อุพฺพิลาวิต’’นฺติ วุจฺจติ, สา ปีติ อุพฺพิลาวิตตฺตํ ยสฺมา ปน จิตฺตสฺส อุพฺพิลภาโว ตสฺสา ปีติยา สติ โหติ, นาสติ, ตสฺมา สา ‘‘อุพฺพิลภาวการณ’’นฺติ วุตฺตา.

๙๘. อาโภโคติ วา จิตฺตสฺส อาภุคฺคภาโว, อารมฺมเณ โอณตภาโวติ อตฺโถ. สุเขน หิ จิตฺตํ อารมฺมเณ อภินตํ โหติ, น ทุกฺเขน วิย อปนตํ, นาปิ อทุกฺขมสุเขน วิย อนภินตํ อนปนตฺจ. ตตฺถ ‘‘ขุปฺปิปาสาทิอภิภูตสฺส วิย มนุฺโภชนาทีสุ กาเมหิ วิเวจิยมานสฺสุปาทารมฺมณปตฺถนา วิเสสโต อภิวฑฺฒติ, อุฬารสฺส ปน กามรสสฺส ยาวทตฺถํ ติตฺตสฺส มนุฺรสโภชนํ ภุตฺตาวิโน วิย สุหิตสฺส โภตฺตุกามตา กาเมสุ ปาตพฺยตา น โหติ, วิสยสฺสาคิทฺธตาย วิสเยหิ ทุมฺโมจิเยหิปิ ชลูกา วิย สยเมว มุฺจตี’’ติ จ อโยนิโส อุมฺมุชฺชิตฺวา กามคุณสนฺตปฺปิตตาย สํสารทุกฺขวูปสมํ พฺยากาสิ ปมวาที. กามาทีนํ อาทีนวทสฺสิตาย, ปมาทิชฺฌานสุขสฺส สนฺตภาวทสฺสิตาย จ ปมาทิชฺฌานสุขติตฺติยา สํสารทุกฺขุปจฺเฉทํ พฺยากํสุ ทุติยาทิวาทิโน, อิธาปิ อุจฺเฉทวาเท วุตฺตปฺปกาโร วิจาโร ยถาสมฺภวํ อาเนตฺวา วตฺตพฺโพ. อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – เอกสฺมิฺหิ อตฺตภาเว ปฺจ วาทา ลพฺภนฺติ. เตเนว หิ ปาฬิยํ ‘‘อฺโ อตฺตา’’ติ อฺคฺคหณํ น กตํ. กถํ ปเนตฺถ อจฺจนฺตนิพฺพานปฺาปกสฺส อตฺตโน ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทสฺส สสฺสตทิฏฺิยา สงฺคโห, น ปน อุจฺเฉททิฏฺิยาติ? ตํตํสุขวิเสสสมงฺคิตาปฏิลทฺเธน พนฺธวิโมกฺเขน สุทฺธสฺส อตฺตโน สกรูเป อวฏฺานทีปนโต.

เสสาติ เสสา ปฺจปฺาส ทิฏฺิโย. ตาสุ อนฺตานนฺติกวาทาทีนํ สสฺสตทิฏฺิภาโว ตตฺถ ตตฺถ ปกาสิโตเยว.

๑๐๑-๓. กึ ปน การณํ ปุพฺพนฺตาปรนฺตา เอว ทิฏฺาภินิเวสสฺส วิสยภาเวน ทสฺสิตา, น ปน ตทุภยเมกชฺฌนฺติ? อสมฺภวโต. น หิ ปุพฺพนฺตาปรนฺเตสุ วิย ตทุภยวินิมุตฺเต มชฺฌนฺเต ทิฏฺิกปฺปนา สมฺภวติ อิตฺตรกาลตฺตา, อถ ปน ปจฺจุปฺปนฺนภโว ตทุภยเวมชฺฌํ, เอวํ สติ ทิฏฺิกปฺปนกฺขโม ตสฺส อุภยสภาโว ปุพฺพนฺตาปรนฺเตสุเยว อนฺโตคโธติ กถมทสฺสิตํ. อถ วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตวนฺตตาย ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺโต’’ติ มชฺฌนฺโต วุจฺจติ, โส จ ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฏฺิโน’’ติ วทนฺเตน ปุพฺพนฺตาปรนฺเตหิ วิสุํ กตฺวา วุตฺโตเยวาติ ทฏฺพฺโพ. อฏฺกถายมฺปิ ‘‘สพฺเพปิ เต อปรนฺตกปฺปิเก ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิเก’’ติ เอเตน สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสเสน วา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ, อฺถา สงฺกฑฺฒิตฺวา วุตฺตวจนสฺส อนตฺถกตา อาปชฺเชยฺยาติ. เก ปน เต ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา? เย อนฺตานนฺติกา หุตฺวา ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ เอวํ ปการา เวทิตพฺพา.

เอตฺถ จ ‘‘สพฺเพ เต อิเมเหว ทฺวาสฏฺิยา วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อฺตเรน, นตฺถิ อิโต พหิทฺธา’’ติ วจนโต, ปุพฺพนฺตกปฺปิกาทิตฺตยวินิมุตฺตสฺส จ กสฺสจิ ทิฏฺิคติกสฺส อภาวโต ยานิ ตานิ สามฺผลาทิ (ที. นิ. ๑.๑๖๖) สุตฺตนฺตเรสุ วุตฺตปฺปการานิ อกิริยาเหตุกนตฺถิกวาทาทีนิ, ยานิ จ อิสฺสรปชาปติปุริสกาลสภาวนิยติยทิจฺฉาวาทาทิปฺปเภทานิ ทิฏฺิคตานิ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๕๖๓; วิภ. อนุฏี. ๑๘๙ ปสฺสิตพฺพํ) พหิทฺธาปิ ทิสฺสมานานิ, เตสํ เอตฺเถว สงฺคโห, อนฺโตคธตา จ เวทิตพฺพา. กถํ? อกิริยวาโท ตาว ‘‘วฺโฌ กูฏฏฺโ’’ติอาทินา กิริยาภาวทีปนโต สสฺสตวาเท อนฺโตคโธ, ตถา ‘‘สตฺติเม กายา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๗๔) นยปฺปวตฺโต ปกุธวาโท, ‘‘นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) วจนโต อเหตุกวาโท อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาเท อนฺโตคโธ. ‘‘นตฺถิ ปโร โลโก’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๗๑) วจนโต นตฺถิกวาโท อุจฺเฉทวาเท อนฺโตคโธ. ตถา หิ ตตฺถ ‘‘กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๘๖) วุตฺตํ. ปเมน อาทิ-สทฺเทน นิคณฺวาทาทโย สงฺคหิตา.

ยทิปิ ปาฬิยํ นาฏปุตฺตวาท (ที. นิ. ๑.๑๗๘) ภาเวน จาตุยามสํวโร อาคโต, ตถาปิ สตฺตวตาติกฺกเมน วิกฺเขปวาทิตาย นาฏปุตฺตวาโทปิ สฺจยวาโท วิย อมราวิกฺเขปวาเทสุ อนฺโตคโธ. ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๓๗๗; ม. นิ. ๒.๑๒๒; สํ. นิ. ๒.๓๕) เอวํ ปการา วาทา ‘‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติอาทิวาเทสุ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, ‘‘อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ เอวํ ปการา สสฺสตวาเท. ‘‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ เอวํ ปการา อุจฺเฉทวาเทน สงฺคหิตา. ‘‘โหติ จ น โหติ จ ตถาคโต ปรํ มรณา, อตฺถิ จ นตฺถิ จ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ เอวํ ปการา เอกจฺจสสฺสตวาเท อนฺโตคธา. ‘‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, เนวตฺถิ น นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ จ เอวํ ปการา อมราวิกฺเขปวาเท อนฺโตคธา. อิสฺสรปชาปติปุริสกาลวาทา เอกจฺจสสฺสตวาเท อนฺโตคธา, ตถา กณาทวาโท. สภาวนิยติยทิจฺฉาวาทา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาเทน สงฺคหิตา. อิมินา นเยน สุตฺตนฺตเรสุ, พหิทฺธา จ ทิสฺสมานานํ ทิฏฺิคตานํ อิมาสุ ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺีสุ อนฺโตคธตา เวทิตพฺพา.

อชฺฌาสยนฺติ ทิฏฺิชฺฌาสยํ. สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิวเสน หิ สตฺตานํ สํกิเลสปกฺเข ทุวิโธ อชฺฌาสโย, ตฺจ ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อปริมาเณ เอว เยฺยวิเสเส อุปฺปชฺชนวเสน อเนกเภทภินฺนานมฺปิ ‘‘จตฺตาโร ชนา สสฺสตวาทา’’ติอาทินา ทฺวาสฏฺิยา ปเภเทหิ สงฺคณฺหนวเสน สพฺพฺุตฺาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทสฺเสนฺโต ปมาณภูตาย ตุลาย ธารยมาโน วิย โหตีติ อาห ‘‘ตุลาย ตุลยนฺโต วิยา’’ติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อนฺโต ชาลีกตา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๔๖). ‘‘สิเนรุปาทโต วาลุกํ อุทฺธรนฺโต วิยา’’ติ เอเตน สพฺพฺุตฺาณโต อฺสฺส อิมิสฺสา เทสนาย อสกฺกุเณยฺยตํ ทสฺเสติ.

อนุสนฺธานํ อนุสนฺธิ, ปุจฺฉาย กโต อนุสนฺธิ ปุจฺฉานุสนฺธิ. อถ วา อนุสนฺธยตีติ อนุสนฺธิ, ปุจฺฉา อนุสนฺธิ เอตสฺสาติ ปุจฺฉานุสนฺธิ. ปุจฺฉาย อนุสนฺธิยตีติ วา ปุจฺฉานุสนฺธิ. อชฺฌาสยานุสนฺธิมฺหิปิ เอเสว นโย. ยถานุสนฺธีติ เอตฺถ ปน อนุสนฺธียตีติ อนุสนฺธิ, ยา ยา อนุสนฺธิ ยถานุสนฺธิ, อนุสนฺธิอนุรูปํ วา ยถานุสนฺธีติ สทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ, โส ‘‘เยน ปน ธมฺเมน อาทิมฺหิ เทสนา อุฏฺิตา, ตสฺส ธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ปฏิปกฺขวเสน วา เยสุ สุตฺเตสุ อุปริ เทสนา อาคจฺฉติ, เตสํ วเสน ยถานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ? อากงฺเขยฺยสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๖๔-๖๙) เหฏฺา สีเลน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ ฉ อภิฺา อาคตา…เป… กกจูปเม (ม. นิ. ๑.๒๒๒) เหฏฺา อกฺขนฺติยา อุฏฺิตา, อุปริ กกจูปมา อาคตา’’ติอาทินา อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๐-๑๐๔) วุตฺโต.

อิติ กิราติ ภควโต ยถาเทสิตาย อตฺตสุฺตาย อตฺตโน อรุจฺจนภาวทีปนํ. โภติ ธมฺมาลปนํ. อนตฺตกตานีติ อตฺตนา น กตานิ, อนตฺตเกหิ วา ขนฺเธหิ กตานิ. กมตฺตานํ ผุสิสฺสนฺตีติ อสติ อตฺตนิ ขนฺธานฺจ ขณิกตฺตา กมฺมานิ กํ อตฺตานํ อตฺตโน ผเลน ผุสิสฺสนฺติ, โก กมฺมผลํ ปฏิสํเวเทตีติ อตฺโถ. อวิทฺวาติ สุตาทิวิรเหน อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย น วิทฺวา. อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชาย อุปคโต, อริยธมฺเม อวินีตตาย อปฺปหีนาวิชฺโชติ อตฺโถ. ตณฺหาธิปเตยฺเยน เจตสาติ ‘‘ยทิ อหํ นาม โกจิ นตฺถิ, มยา กตสฺส กมฺมสฺส โก ผลํ ปฏิสํเวเทติ, สติ ปน ตสฺมึ สิยา ผลูปโภโค’’ติ ตณฺหาธิปติโต อาคโต ตณฺหาธิปเตยฺโย, เตน. อตฺตวาทุปาทานสหคต เจตสา. อติธาวิตพฺพนฺติ ขณิกตฺเตปิ สงฺขารานํ ยสฺมึ สนฺตาเน กมฺมํ กตํ, ตตฺเถว ผลุปฺปตฺติโต ธมฺมปุฺชมตฺตสฺเสว จ สิทฺเธ กมฺมผลสมฺพนฺเธ เอกตฺตนยํ มิจฺฉา คเหตฺวา เอเกน การกเวทกภูเตน ภวิตพฺพํ, อฺถา ‘‘กมฺมผลานํ สมฺพนฺโธ น สิยา’’ติ อตฺตตฺตนิยสุฺตาปกาสนํ สตฺถุสาสนํ อติกฺกมิตพฺพํ มฺเยฺยาติ อตฺโถ.

‘‘อุปริ ฉ อภิฺา อาคตา’’ติ อนุรูปธมฺมวเสน ยถานุสนฺธึ ทสฺเสติ, อิตเรหิ ปฏิปกฺขวเสน. กิเลเสนาติ ‘‘โลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติอาทินา กิเลสวเสน. อิมสฺมิมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ยถา วุตฺตสุตฺตาทีสุ ปฏิปกฺขวเสน ยถานุสนฺธิ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเตติ ทสฺเสติ. ตถา หิ นิจฺจสาราทิปฺาปกานํ ทิฏฺิคตานํ วเสน อุฏฺิตา อยํ เทสนา นิจฺจสาราทิสุฺตาปกาสเนน นิฏฺาปิตาติ.

ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตวารวณฺณนา

๑๐๕-๑๑๗. มริยาทวิภาคทสฺสนตฺถนฺติ สสฺสตาทิทิฏฺิทสฺสนสฺส สมฺมาทสฺสเนน สงฺกราภาววิภาวนตฺถํ. ตทปิ เวทยิตนฺติ สมฺพนฺโธ. อชานตํ อปสฺสตนฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ ‘‘อิทํ ทิฏฺิฏฺานํ เอวํคหิกํ เอวํปรามฏฺํ เอวํคหิตํ โหติ เอวํอภิสมฺปราย’’นฺติ ยถาภูตํ อชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ. ตถา ยสฺมึ เวทยิเต อวีตตณฺหตาย เอวํ ทิฏฺิคตํ อุปาทิยนฺติ, ตํ เวทยิตํ สมุทยาทิโต ยถาภูตํ อชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ, เอเตน อนาวรณาณสมนฺตจกฺขูหิ ยถา ตถาคตานํ ยถาภูตเมตฺถ าณทสฺสนํ, น เอวํ ทิฏฺิคติกานํ, อถ โข ตณฺหาทิฏฺิปรามาโสเยวาติ ทสฺเสติ. เตเนว จายํ เทสนา มริยาทวิภาคทสฺสนตฺถา ชาตา. อฏฺกถายํ ปน ‘‘ยถาภูตํ ธมฺมานํ สภาวํ อชานนฺตานํ อปสฺสนฺตาน’’นฺติ อวิเสเสน วุตฺตํ. น หิ สงฺขตธมฺมสภาวํ อชานนมตฺเตน มิจฺฉา อภินิวิสนฺตีติ. สามฺโชตนา วิเสเส อวติฏฺตีติ อยํ วิเสสโยชนา กตา. เวทยิตนฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ ทิฏฺิปฺาปนวเสน ปวตฺตํ ทิฏฺิยา อนุภูตํ อนุภวนํ. ตณฺหาคตานนฺติ ตณฺหาย คตานํ อุปคตานํ, ปวตฺตานํ วา. ตฺจ โข ปเนตนฺติ จ ยถาวุตฺตํ เวทยิตํ ปจฺจามสติ. ตฺหิ วฏฺฏามิสภูตํ ทิฏฺิตณฺหาสลฺลานุวิทฺธตาย สอุพฺพิลตฺตา จฺจลํ, น มคฺคผลสุขํ วิย เอกรูเปน อวติฏฺตีติ. เตเนวาห ‘‘ปริตสฺสิเตนา’’ติอาทิ.

อถ วา เอวํ วิเสสการณโต ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ วิภชิตฺวา อิทานิ อวิเสสการณโต ตานิ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺร ภิกฺขเว’’ติอาทิกา เทสนา อารทฺธา. สพฺเพสฺหิ ทิฏฺิคติกานํ เวทนา อวิชฺชา ตณฺหา จ อวิสิฏฺการนฺติ. ตตฺถ ตทปีติ ‘‘สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ’’ติ เอตฺถ ยเทตํ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ ปฺาปนํ, ตทปิ. สุขาทิเภทํ ติวิธเวทยิตํ ยถากฺกมํ ทุกฺขสลฺลานิจฺจโต, อวิเสเสน สมุทยตฺถงฺคมสฺสาทาทีนวนิสฺสรณโต วา ยถาภูตํ อชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ, ตโต เอว จ สุขาทิปตฺถนาสมฺภวโต ตณฺหาย อุปคตตฺตา ตณฺหาคตานํ ตณฺหาปริตสฺสิเตน ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตเมว ทิฏฺิจลนเมว, ‘‘อสติ อตฺตนิ โก เวทนํ อนุภวตี’’ติ กายวจีทฺวาเรสุ ทิฏฺิยา โจปนปฺปตฺติมตฺตเมว วา, น ปน ทิฏฺิยา ปฺาเปตพฺโพ สสฺสโต โกจิ ธมฺโม อตฺถีติ อตฺโถ. เอกจฺจสสฺสตวาทาทีสุปิ เอเสว นโย.

ผสฺสปจฺจยวารวณฺณนา

๑๑๘. เยน ตณฺหาปริตสฺสิเตน เอตานิ ทิฏฺิคตานิ ปวตฺตนฺติ, ตสฺส เวทยิตํ ปจฺจโย, เวทยิตสฺสาปิ ผสฺโส ปจฺจโยติ เทสนา ทิฏฺิยา ปจฺจยปรมฺปรนิทฺธารณนฺติ อาห ‘‘ปรมฺปรปจฺจยทสฺสนตฺถ’’นฺติ, เตน ยถา ปฺาปนธมฺโม ทิฏฺิ, ตปฺปจฺจยธมฺมา จ ยถาสกํ ปจฺจยวเสเนว อุปฺปชฺชนฺติ, น ปจฺจเยหิ วินา, เอวํ ปฺาเปตพฺพา ธมฺมาปิ รูปเวทนาทโย, น เอตฺถ โกจิ อตฺตา วา โลโก วา สสฺสโตติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ.

เนตํานํวิชฺชติวารวณฺณนา

๑๓๑. ตสฺส ปจฺจยสฺสาติ ผสฺสปจฺจยสฺส ทิฏฺิเวทยิเตติ ทิฏฺิยา ปจฺจยภูเต เวทยิเต, ผสฺสปธาเนหิ อตฺตโน ปจฺจเยหิ นิปฺผาเทตพฺเพติ อตฺโถ. วินาปิ จกฺขาทิวตฺถูหิ, สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ จ เกหิจิ เวทนา อุปฺปชฺชติ, น ปน กทาจิ ผสฺเสน วินาติ ผสฺโส เวทนาย พลวการณนฺติ อาห ‘‘พลวภาวทสฺสนตฺถ’’นฺติ. สนฺนิหิโตปิ หิ วิสโย สเจ ผุสนาการรหิโต โหติ จิตฺตุปฺปาโท, น ตสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย โหตีติ ผสฺโสว สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วิเสสปจฺจโย. ตถา หิ ภควตา จิตฺตุปฺปาทํ วิภชนฺเตน ผสฺโสเยว ปมํ อุทฺธโฏ, เวทนาย ปน อธิฏฺานเมว.

ทิฏฺิคติกาธิฏฺานวฏฺฏกถาวณฺณนา

๑๔๔. เหฏฺา ตีสุปิ วาเรสุ อธิกตตฺตา, อุปริ จ ‘‘ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ วกฺขมานตฺตา เวทยิตเมตฺถ ปธานนฺติ อาห ‘‘สพฺพทิฏฺิเวทยิตานิ สมฺปิณฺเฑตี’’ติ. สมฺปิณฺเฑตีติ จ ‘‘เยปิ เต’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อาคตสฺส ปิ-สทฺทสฺส อตฺถํ ทสฺเสติ. เวทยิตสฺส ผสฺเส ปกฺขิปนํ ผสฺสปจฺจยตาทสฺสนเมว ‘‘ฉหิ อชฺฌตฺติกายตเนหิ ฉฬารมฺมณปฏิสํเวทนํ เอกนฺตโต ฉผสฺสเหตุกเมวา’’ติ. สฺชายนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณตฺโถ สฺชาติ-สทฺโทติ อาห ‘‘สฺชาติฏฺาเน’’ติ. เอวํ สโมสรณสทฺโทปิ ทฏฺพฺโพ. อายตติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตาย, อายภูตํ วา อตฺตโน ผลํ ตโนติ ปวตฺเตตีติ อายตนํ, การณํ. รุกฺขคจฺฉสมูเห อรฺโวหาโร อรฺเมว อรฺายตนนฺติ อาห ‘‘ปณฺณตฺติมตฺเต’’ติ. อตฺถตฺตเยปีติ ปิ-สทฺเทน อวุตฺตตฺถสมฺปิณฺฑนํ ทฏฺพฺพํ, เตน อาการนิวาสาธิฏฺานตฺเถ สงฺคณฺหาติ. หิรฺายตนํ สุวณฺณายตนํ, วาสุเทวายตนํ กมฺมายตนนฺติ อาทีสุ อากรนิวาสาธิฏฺาเนสุ อายตนสทฺโท. จกฺขาทีสุ จ ผสฺสาทโย อากิณฺณา, ตานิ จ เนสํ นิวาโส, อธิฏฺานฺจ นิสฺสยปจฺจยภาวโตติ. ติณฺณมฺปิ วิสยินฺทฺริยวิฺาณานํ สงฺคติภาเวน คเหตพฺโพ ผสฺโสติ ‘‘สงฺคตี’’ติ วุตฺโต. ตถา หิ โส ‘‘สนฺนิปาตปจฺจุปฏฺาโน’’ติ วุจฺจติ. อิมินา นเยนาติ วิชฺชมาเนสุปิ อฺเสุ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ยถา ‘‘จกฺขุฺจ…เป… ผสฺโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ม. นิ. ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓-๔๕; สํ. นิ. ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕) เอตสฺมึ สุตฺเต เวทนาย ปธานการณภาวทสฺสนตฺถํ ผสฺสสีเสน เทสนา กตา, เอวมิธาปิ พฺรหฺมชาเล ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทินา ผสฺสํ อาทึ กตฺวา อปรนฺตปฏิจฺจสมุปฺปาททีปเนน ปจฺจยปรมฺปรํ ทสฺเสตุํ ‘‘ผสฺสายตเนหิ ผุสฺส ผุสฺสา’’ติ ผสฺสมุเขน วุตฺตํ.

ผสฺโส อรูปธมฺโมปิ สมาโน เอกเทเสน อารมฺมเณ อนลฺลียมาโนปิ ผุสนากาเรน ปวตฺตติ ผุสนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘ผสฺโสว ตํ ตํ อารมฺมณํ ผุสตี’’ติ, เยน โส ‘‘ผุสนลกฺขโณ, สงฺฆฏฺฏนรโส’’ติ จ วุจฺจติ. ‘‘ผสฺสายตเนหิ ผุสฺส ผุสฺสา’’ติ อผุสนกิจฺจานิปิ อายตนานิ ‘‘มฺจา โฆสนฺตี’’ติอาทีสุ วิย นิสฺสิตโวหาเรน ผุสนกิจฺจานิ กตฺวา ทสฺสิตานีติ อาห ‘‘ผสฺเส อุปนิกฺขิปิตฺวา’’ติ, ผสฺสคติกานิ กตฺวา ผสฺสูปจารํ อาโรเปตฺวาติ อตฺโถ. อุปจาโร หิ นาม โวหารมตฺตํ, น เตน อตฺถสิทฺธิ โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.

อตฺตโน ปจฺจยภูตานํ ฉนฺนํ ผสฺสานํ วเสน จกฺขุสมฺผสฺสชา ยาว มโนสมฺผสฺสชาติ สงฺเขปโต ฉพฺพิธา เวทนา, วิตฺถารโต ปน อฏฺสตปริยาเยน อฏฺสตเภทา. รูปตณฺหาทิเภทายาติ รูปตณฺหา ยาว ธมฺมตณฺหาติ สงฺเขปโต ฉปฺปเภทาย, วิตฺถารโต อฏฺสตเภทาย. อุปนิสฺสยโกฏิยาติ อุปนิสฺสยสีเสน. กสฺมา ปเนตฺถ อุปนิสฺสยปจฺจโยว อุทฺธโฏ, นนุ สุขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา เวทนา จ ตณฺหาย อารมฺมณมตฺตอารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสยวเสน จตุธา ปจฺจโย, ทุกฺขา จ อารมฺมณมตฺตปกตูปนิสฺสยวเสน ทฺวิธาติ? สจฺจเมตํ, อุปนิสฺสเย เอว ปน ตํ สพฺพํ อนฺโตคธํ. ยุตฺตํ ตาว อารมฺมณูปนิสฺสยสฺส อุปนิสฺสยสามฺโต อุปนิสฺสเยน สงฺคโห, อารมฺมณมตฺตอารมฺมณาธิปตีนํ ปน กถนฺติ? เตสมฺปิ อารมฺมณสามฺโต อารมฺมณูปนิสฺสเยน สงฺคโหว กโต, น ปกตูปนิสฺสเยนาติ ทฏฺพฺพํ. เอตทตฺถเมเวตฺถ ‘‘อุปนิสฺสยโกฏิยา’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘อุปนิสฺสเยนา’’ติ.

จตุพฺพิธสฺสาติ กามุปาทานํ ยาว อตฺตวาทุปาทานนฺติ จตุพฺพิธสฺส. นนุ จ ตณฺหาว กามุปาทานนฺติ? สจฺจเมตํ. ตตฺถ ทุพฺพลา ตณฺหา ตณฺหาว, พลวตี ตณฺหา กามุปาทานํ. อถ วา อปฺปตฺตวิสยปตฺถนา ตณฺหา ตมสิ โจรานํ กรปสารณํ วิย. สมฺปตฺตวิสยคฺคหณํ อุปาทานํ, โจรานํ กรปฺปตฺตธนคฺคหณํ วิย. อปฺปิจฺฉตาปฏิปกฺขา ตณฺหา, สนฺโตสปฏิปกฺขา อุปาทานํ. ปริเยสนทุกฺขมูลํ ตณฺหา, อารกฺขทุกฺขมูลํ อุปาทานนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส. อุปาทานสฺสาติ อสหชาตสฺส อุปาทานสฺส อุปนิสฺสยโกฏิยา, อิตรสฺส สหชาตโกฏิยาติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ อนนฺตรสฺส อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนปจฺจเยหิ, อนานนฺตรสฺส อุปนิสฺสเยน, อารมฺมณภูตา ปน อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสเยหิ, อารมฺมณมตฺเตเนว วาติ ตํ สพฺพํ อุปนิสฺสเยเนว คเหตฺวา ‘‘อุปนิสฺสยโกฏิยา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา จ ตณฺหาย รูปาทีนิ อสฺสาเทตฺวา กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตณฺหา กามุปาทานสฺส อุปนิสฺสโย. ตถา รูปาทิเภเทว สมฺมูฬฺโห ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๑.๔๔๕; ม. นิ. ๒.๙๔, ๙๕, ๒๒๕; ม. นิ. ๓.๙๑, ๑๑๖, ๑๓๖; สํ. นิ. ๓.๒๑๐; ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๓๘) มิจฺฉาทสฺสนํ, สํสารโต มุจฺจิตุกาโม อสุทฺธิมคฺเค สุทฺธิมคฺคปรามสนํ, ขนฺเธสุ อตฺตตฺตนิยคาหภูตํ สกฺกายทสฺสนํ คณฺหาติ, ตสฺมา อิตเรสมฺปิ ตณฺหา อุปนิสฺสโยติ ทฏฺพฺพํ. สหชาตสฺส ปน สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตเหตุวเสน ตณฺหา ปจฺจโย โหติ. ตํ สพฺพํ สนฺธาย ‘‘สหชาตโกฏิยา’’ติ วุตฺตํ.

ตถาติ อุปนิสฺสยโกฏิยา เจว สหชาตโกฏิยา จาติ อตฺโถ. ภวสฺสาติ กมฺมภวสฺส เจว อุปปตฺติภวสฺส จ. ตตฺถ เจตนาทิสงฺขา ตํ สพฺพํ ภวคามิกมฺมํ กมฺมภโว, กามภวาทิโก นววิโธ อุปปตฺติภโว, เตสํ อุปปตฺติภวสฺส จตุพฺพิธมฺปิ อุปาทานํ อุปปตฺติภวการณกมฺมภวการณภาวโต, ตสฺส จ สหายภาวูปคมนโต ปกตูปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย โหติ. กมฺมารมฺมณกรณกาเล ปน กมฺมสหชาตกามุปาทานํ อุปปตฺติภวสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย โหติ. กมฺมภวสฺส ปน สหชาตสฺส สหชาตํ อุปาทานํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน เจว เหตุมคฺควเสน จ อเนกธา ปจฺจโย โหติ, อสหชาตสฺส อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนวเสน, อิตรสฺส ปกตูปนิสฺสยวเสน, สมฺมสนาทิกาเลสุ อารมฺมณวเสน จ ปจฺจโย โหติ. ตตฺถ อนนฺตราทิเก อุปนิสฺสยปจฺจเย, สหชาตาทิเก สหชาตปจฺจเย ปกฺขิปิตฺวา วุตฺตํ ‘‘อุปนิสฺสยโกฏิยา เจว สหชาตโกฏิยา จา’’ติ.

ภโว ชาติยาติ เอตฺถ ภโวติ กมฺมภโว อธิปฺเปโต. โส หิ ชาติยา ปจฺจโย, น อุปปตฺติภโว. อุปปตฺติภโว หิ ปมาภินิพฺพตฺตา ขนฺธา ชาติเยว. เตน วุตฺตํ ‘‘ชาตีติ ปเนตฺถ สวิการา ปฺจกฺขนฺธา ทฏฺพฺพา’’ติ. สวิการาติ จ นิพฺพตฺติวิกาเรน สวิการา, เต จ อตฺถโต อุปปตฺติภโวเยว. น หิ ตเทว ตสฺส การณํ ภวิตุํ ยุตฺตนฺติ. กมฺมภโว จ อุปปตฺติภวสฺส กมฺมปจฺจเยน เจว อุปนิสฺสยปจฺจเยน จ ปจฺจโย โหตีติ อาห ‘‘ภโว ชาติยา อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย’’ติ.

ยสฺมา จ สติ ชาติยา ชรามรณํ, ชรามรณาทินา ผุฏฺสฺส พาลสฺส โสกาทโย จ สมฺภวนฺติ, นาสติ, ตสฺมา ‘‘ชาติ…เป… ปจฺจโย โหตี’’ติ วุตฺตํ. สหชาตูปนิสฺสยสีเสน ปจฺจยวิจารณาย ทสฺสิตตฺตา, องฺควิจารณาย จ อนามฏฺตฺตา อาห ‘‘อยเมตฺถ สงฺเขโป’’ติ. มหาวิสยตฺตา ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิจารณาย สา นิรวเสสา กุโต ลทฺธพฺพาติ อาห ‘‘วิตฺถารโต’’ติอาทิ. เอกเทเสน เจตฺถ กถิตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ตถา กถเน สทฺธึ อุทาหรเณน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควา หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โกฏิ น ปฺายตีติ อสุกสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, จกฺกวตฺติโน วา กาเล อวิชฺชา อุปฺปนฺนา, น ตโต ปุพฺเพติ อวิชฺชาย อาทิมริยาทา อปฺปฏิหตสฺส มม สพฺพฺุตฺาณสฺสาปิ น ปฺายติ อวิชฺชมานตฺตาเยวาติ อตฺโถ. อยํ ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยา, อิมสฺมา การณา อาสวปจฺจยาติ อตฺโถ. ภวตณฺหายาติ ภวสํโยชนภูตาย ตณฺหาย. ภวทิฏฺิยาติ สสฺสตทิฏฺิยา. ‘‘อิโต เอตฺถ เอตฺโต อิธา’’ติ อปริยนฺตํ อปราปรุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ.

วิวฏฺฏกถาทิวณฺณนา

๑๔๕. ‘‘เวทนานํ สมุทย’’นฺติอาทิปาฬิ เวทนากมฺมฏฺานนฺติ ทฏฺพฺพา. นฺติ ‘‘ผสฺสสมุทยา ผสฺสนิโรธา’’ติ วุตฺตผสฺสฏฺานํ. อาหาโรติ กพฬีกาโร อาหาโร เวทิตพฺโพ. โส หิ ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.ปจฺจยนิทฺเทส ๔๒๙) วจนโต กมฺมสมุฏฺานานมฺปิ อุปตฺถมฺภกปจฺจโย โหติเยว. ยทิปิ โสตาปนฺนาทโย ยถาภูตํ ปชานนฺติ, อุกฺกํสคติวิชานนวเสน ปน เทสนา อรหตฺตนิกูเฏน นิฏฺาปิตา. เอตฺถ จ ‘‘ยโต โข ภิกฺขเว ภิกฺขุ…เป… ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ เอเตน ธมฺมสฺส นิยฺยานิกภาเวน สทฺธึ สงฺฆสฺส สุปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. เตเนว หิ อฏฺกถายเมตฺถ ‘‘โก เอวํ ชานาตีติ? ขีณาสโว ชานาติ, ยาว อารทฺธวิปสฺสโก ชานาตี’’ติ ปริปุณฺณํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺโฆ ทสฺสิโต, เตน ยํ วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆวเสนปิ ทีเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ, (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๘) ตํ ยถารุตวเสเนว ทีปิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.

๑๔๖. อนฺโต ชาลสฺสาติ อนฺโตชาลํ, อนฺโตชาเล กตาติ อนฺโตชาลีกตา. อปายูปปตฺติวเสน อโธ โอสีทนํ, สมฺปตฺติภววเสน อุทฺธํ อุคฺคมนํ. ตถา ปริตฺตภูมิมหคฺคตภูมิวเสน, โอลีนตา’ติธาวนวเสน, ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิอปรนฺตานุทิฏฺิวเสน จ ยถากฺกมํ อโธ โอสีทนํ อุทฺธํ อุคฺคมนํ โยเชตพฺพํ. ‘‘ทสสหสฺสิโลกธาตู’’ติ ชาติเขตฺตํ สนฺธายาห.

๑๔๗. อปณฺณตฺติกภาวนฺติ ธรมานกปณฺณตฺติยา อปณฺณตฺติกภาวํ. อตีตภาเวน ปน ตถา ปณฺณตฺติ ยาว สาสนนฺตรธานา, ตโต อุทฺธมฺปิ อฺพุทฺธุปฺปาเทสุ วตฺตติ เอว. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘โวหารมตฺตเมว ภวิสฺสตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๗). กาโยติ อตฺตภาโว, โย รูปารูปธมฺมสมูโห. เอวํ หิสฺส อมฺพรุกฺขสทิสตา, ตทวยวานฺจ รูปกฺขนฺธจกฺขาทีนํ อมฺพปกฺกสทิสตา ยุชฺชตีติ. เอตฺถ จ วณฺฏจฺเฉเท วณฺฏูปนิพนฺธานํ อมฺพปกฺกานํ อมฺพรุกฺขโต วิจฺเฉโท วิย ภวเนตฺติเฉเท ตทุปนิพนฺธานํ รูปกฺขนฺธาทีนํ สนฺตานโต วิจฺเฉโทติ เอตฺตาวตา โอปมฺมํ ทฏฺพฺพํ.

๑๔๘. ธมฺมปริยาเยติ ปาฬิยํ. อิธตฺโถติ ทิฏฺธมฺมหิตํ. ปรตฺโถติ สมฺปรายหิตํ. สงฺคามํ วิชินาติ เอเตนาติ สงฺคามวิชโย. อตฺถสมฺปตฺติยา อตฺถชาลํ. พฺยฺชนสมฺปตฺติยา, สีลาทิอนวชฺชธมฺมนิทฺเทสโต จ ธมฺมชาลํ. เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูตานํ มคฺคผลนิพฺพานานํ วิภตฺตตฺตา พฺรหฺมชาลํ. ทิฏฺิวิเวจนมุเขน สุฺตาปกาสเนน สมฺมาทิฏฺิยา วิภาวิตตฺตา ทิฏฺิชาลํ. ติตฺถิยวาทนิมฺมทฺทนูปายตฺตา อนุตฺตโร สงฺคามวิชโยติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.

๑๔๙. อตฺตมนาติ ปีติยา คหิตจิตฺตา. เตเนวาห ‘‘พุทฺธคตายา’’ติอาทิ. ยถา ปน อนตฺตมนา อตฺตโน อนตฺถจรตาย ปรมนา เวริมนา นาม โหนฺติ. ยถาห ‘‘ทิโส ทิส’’นฺติ (ธ. ป. ๔๒; อุทา. ๓๓) คาถา, น เอวํ อตฺตมนา. อิเม ปน อตฺตโน อตฺถจรตาย สกมนา โหนฺตีติ อาห ‘‘อตฺตมนาติ สกมนา’’ติ. อถ วา อตฺตมนาติ สมตฺตมนา, อิมาย เทสนาย ปริปุณฺณมนสงฺกปฺปาติ อตฺโถ. อภินนฺทตีติ ตณฺหายตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘ตณฺหายมฺปิ อาคโต’’ติ. อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ อภินนฺทนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ เสวนฺตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘อุปคมเนปิ อาคโต’’ติ. ตถา อภินนฺทนฺตีติ สมฺปฏิจฺฉนฺตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘สมฺปฏิจฺฉเนปิ อาคโต’’ติ. ‘‘อภินนฺทิตฺวา’’ติ อิมินา ปเทน วุตฺโตเยว อตฺโถ ‘‘อนุโมทิตฺวา’’ติ อิมินา ปกาสียตีติ อภินนฺทนสทฺโท อิธ อนุโมทนสทฺทตฺโถติ อาห ‘‘อนุโมทเนปิ อาคโต’’ติ. ‘‘กตมฺจ ตํ ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๗) ตตฺถ ตตฺถ ปวตฺตาย กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตตฺตา อิทํ สุตฺตํ เวยฺยากรณํ โหติ. ยสฺมา ปน ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตมฺปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ นาม โหติ, นิคฺคาถกตฺตเมว ปน องฺคนฺติ คาถารหิตํ เวยฺยากรณํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘นิคฺคาถกตฺตา หิ อิทํ เวยฺยากรณนฺติ วุตฺต’’นฺติ.

อปเรสุปีติ เอตฺถ ปิสทฺเทน ปารมิปริจยมฺปิ สงฺคณฺหาติ. วุตฺตฺหิ พุทฺธวํเส –

‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;

ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๖๖);

วีริยพเลนาติ มหาภินิกฺขมเน จกฺกวตฺติสิริปริจฺจาคเหตุภูตวีริยปฺปภาเวน, โพธิมณฺฑูปสงฺกมเน ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตู’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒; มหานิ. ๑๙๖) วุตฺตจตุรงฺคสมนฺนาคตวีริยานุภาเวน. อจฺฉริยเวคาภิหตาติ วิมฺหยาวหกิริยานุภาวฆฏฺฏิตา. ปํสุกูลโธวเน เกจิ ‘‘ปุฺเตเชนา’’ติ วทนฺติ, อจฺฉริยเวคาภิหตาติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, เวสฺสนฺตรชาตเก ปารมิปริปูรณปุฺเตเชน อเนกกฺขตฺตุํ กมฺปิตตฺตา ‘‘อกาลกมฺปเนนา’’ติ วุตฺตํ. สาธุการทานวเสน อกมฺปิตฺถ ยถา ตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓; ปฏิ. ม. ๒.๓๐). สงฺคีติกาลาทีสุปิ สาธุการทานวเสน อกมฺปิตฺถาติ เวทิตพฺพํ. อยํ ตาเวตฺถ อฏฺกถาย ลีนตฺถวณฺณนา.

ปกรณนยวณฺณนา

อยํ ปน ปกรณนเยน ปาฬิยา อตฺถวณฺณนา – สา ปนายํ อตฺถวณฺณนา ยสฺมา เทสนาย สมุฏฺานปฺปโยชนภาชเนสุ ปิณฺฑตฺเถสุ จ นิทฺธาริเตสุ สุกรา โหติ สุวิฺเยฺยา จ, ตสฺมา สุตฺตเทสนาย สมุฏฺานาทีนิ ปมํ นิทฺธารยิสฺสาม. ตตฺถ สมุฏฺานํ ตาว วุตฺตํ ‘‘วณฺณาวณฺณภณน’’นฺติ. อปิจ นินฺทาปสํสาสุ วิเนยฺยาฆาตานนฺทาทิภาวานาปตฺติ, ตตฺถ จ อาทีนวทสฺสนํ สมุฏฺานํ. ตถา นินฺทาปสํสาสุ ปฏิปชฺชนกฺกมสฺส, ปสํสาวิสยสฺส ขุทฺทกาทิวเสน อเนกวิธสฺส สีลสฺส, สพฺพฺุตฺาณสฺส สสฺสตาทิทิฏฺิฏฺาเนสุ ตตุตฺตริ จ อปฺปฏิหตจารตาย, ตถาคตสฺส จ กตฺถจิ อปริยาปนฺนตาย อนวโพโธ สมุฏฺานํ.

วุตฺตวิปริยาเยน ปโยชนํ เวทิตพฺพํ. วิเนยฺยาฆาตานนฺทาทิภาวาปตฺติ อาทิกฺหิ อิมํ เทสนํ ปโยเชตีติ. ตถา กุหนลปนาทินานาวิธมิจฺฉาชีววิทฺธํสนํ, ทฺวาสฏฺิทิฏฺิชาลวินิเวนํ, ทิฏฺิสีเสน ปจฺจยาการวิภาวนํ, ฉผสฺสายตนวเสน จตุสจฺจกมฺมฏฺานนิทฺเทโส, สพฺพทิฏฺิคตานํ อนวเสสปริยาทานํ, อตฺตโน อนุปาทาปรินิพฺพานทีปนฺจ ปโยชนานิ.

วณฺณาวณฺณนิมิตฺตํ อนุโรธวิโรธวนฺตจิตฺตา กุหนาทิวิวิธมิจฺฉาชีวนิรตา สสฺสตาทิทิฏฺิปงฺกํ นิมุคฺคา, สีลกฺขนฺธาทีสุ อปริปูรการิตาย อนวพุทฺธคุณวิเสสาณา วิเนยฺยา อิมิสฺสา ธมฺมเทสนาย ภาชนํ.

ปิณฺฑตฺถา ปน อาฆาตาทีนํ อกรณียตาวจเนน ปฏิฺานุรูปํ สมณสฺาย นิโยชนํ, ขนฺติโสรจฺจานุฏฺานํ, พฺรหฺมวิหารภาวนานุโยโค, สทฺธาปฺาสมาโยโค, สติสมฺปชฺาธิฏฺานํ, ปฏิสงฺขานภาวนาพลสิทฺธิ, ปริยุฏฺานานุสยปฺปหานํ, อุภยหิตปฏิปตฺติ, โลกธมฺเมหิ อนุปเลโป จ ทสฺสิตา โหนฺติ. ตถา ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติวจเนน สีลวิสุทฺธิ ทสฺสิตา, ตาย จ หิโรตฺตปฺปสมฺปตฺติ, เมตฺตากรุณาสมงฺคิตา, วีติกฺกมปฺปหานํ, ตทงฺคปหานํ, ทุจฺจริตสํกิเลสปฺปหานํ, วิรติตฺตยสิทฺธิ, ปิยมนาปครุภาวนียตานิปฺผตฺติ, ลาภสกฺการสิโลกสมุทาคโม, สมถวิปสฺสนานํ อธิฏฺานภาโว, อกุสลมูลตนุกรณํ, กุสลมูลโรปนํ, อุภยานตฺถทูรีกรณํ, ปริสาสุ วิสารทตา, อปฺปมาทวิหาโร,ปเรหิ ทุปฺปธํสิยตา, อวิปฺปฏิสาราทิสมงฺคิตา จ ทสฺสิตา โหนฺติ.

‘‘คมฺภีรา’’ติอาทิวจเนหิ คมฺภีรธมฺมวิภาวนํ, อลพฺภเนยฺยปติฏฺตา, กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺเยนาปิ ทุลฺลภปาตุภาวตา, สุขุเมนปิ าเณน ปจฺจกฺขโต ปฏิวิชฺฌิตุํ อสกฺกุเณยฺยตา, ธมฺมนฺวยสงฺขาเตน อนุมานาเณนาปิ ทุรธิคมนียตา, ปสฺสทฺธสพฺพทรถตา, สนฺตธมฺมวิภาวนํ, โสภนปริโยสานตา, อติตฺติกรภาโว, ปธานภาวปฺปตฺติ, ยถาภูตาณโคจรตา, สุขุมสภาวตา, มหาปฺาวิภาวนา จ ทสฺสิตา โหนฺติ. ทิฏฺิทีปกปเทหิ สมาสโต สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ปกาสิตาติ โอลีนตาติธาวนวิภาวนํ, อุปายวินิพทฺธนิทฺเทโส, มิจฺฉาภินิเวสกิตฺตนํ, กุมฺมคฺคปฏิปตฺติยา ปกาสนา, วิปริเยสคฺคาหปฺาปนํ, ปรามาสปริคฺคโห, ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฏฺิปติฏฺาปนํ, ภววิภวทิฏฺิวิภาโค, ตณฺหาวิชฺชาปวตฺติ, อนฺตวานนฺตวาทิฏฺินิทฺเทโส, อนฺตทฺวยาวตารณํ, อาสโวฆโยคกิเลสคนฺถสํโยชนูปาทานวิเสสวิภชฺชนฺจ ทสฺสิตานิ โหนฺติ. ตถา ‘‘เวทนานํ สมุทย’’นฺติอาทิวจเนหิ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อนุโพธปฏิเวธสิทฺธิ, วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานํ, ตณฺหาวิชฺชาวิคโม, สทฺธมฺมฏฺิตินิมิตฺตปริคฺคโห, อาคมาธิคมสมฺปตฺติ, อุภยหิตปฏิปตฺติ, ติวิธปฺาปริคฺคโห, สติสมฺปชฺานุฏฺานํ, สทฺธาปฺาสมาโยโค, สมฺมาวีริยสมถานุโยชนํ, สมถวิปสฺสนานิปฺผตฺติ จ ทสฺสิตา โหนฺติ.

‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ อวิชฺชาสิทฺธิ, ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตนฺติ ตณฺหาสิทฺธิ, ตทุภเยน จ นีวรณสํโยชนทฺวยสิทฺธิ, อนมตคฺคสํสารวฏฺฏานุจฺเฉโท, ปุพฺพนฺตาหรณอปรนฺตปฏิสนฺธานานิ, อตีตปจฺจุปฺปนฺนกาลวเสน เหตุวิภาโค, อวิชฺชาตณฺหานํ อฺมฺานติวตฺตนฏฺเน อฺมฺูปการิตา, ปฺาวิมุตฺติเจโตวิมุตฺตีนํ ปฏิปกฺขนิทฺเทโส จ ทสฺสิตา โหนฺติ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ สสฺสตาทิปฺาปนสฺส ปจฺจยาธีนวุตฺติตากถเนน ธมฺมานํ นิจฺจตาปฏิเสโธ, อนิจฺจตาปติฏฺาปนํ, ปรมตฺถโต การกาทิปฏิกฺเขโป, เอวํธมฺมตาทินิทฺเทโส, สุฺตาปกาสนํ, สมตฺตนิยามปจฺจยลกฺขณวิภาวนฺจ ทสฺสิตานิ โหนฺติ.

‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก’’ติอาทินา ภควโต ปหานสมฺปตฺติ, วิชฺชาธิมุตฺติ, วสีภาโว, สิกฺขตฺตยนิปฺผตฺติ, นิพฺพานธาตุทฺวยวิภาโค, จตุรธิฏฺานปริปูรณํ, ภวโยนิอาทีสุ อปริยาปนฺนตา จ ทสฺสิตา โหนฺติ. สกเลน ปน สุตฺตปเทน อิฏฺานิฏฺเสุ ภควโต ตาทิภาโว, ตตฺถ จ ปเรสํ ปติฏฺาปนํ, กุสลธมฺมานํ อาทิภูตธมฺมทฺวยสฺส นิทฺเทโส, สิกฺขตฺตยูปเทโส, อตฺตนฺตปาทิปุคฺคลจตุกฺกสิทฺธิ, กณฺหากณฺหวิปากาทิกมฺมจตุกฺกวิภาโค, จตุรปฺปมฺาวิสยนิทฺเทโส, สมุทยาทิปฺจกสฺส ยถาภูตาวโพโธ, ฉสารณียธมฺมวิภาวนา, ทสนาถกรธมฺมปติฏฺาปนฺติ เอวมาทโย นิทฺธาเรตพฺพา.

โสฬสหารวณฺณนา

เทสนาหารวณฺณนา

ตตฺถ ‘‘อตฺตา, โลโก’’ติ จ ทิฏฺิยา อธิฏฺานภาเวน, เวทนาผสฺสายตนาทิมุเขน จ คหิเตสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ตณฺหาวชฺชา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจํ. ตณฺหา สมุทยสจฺจํ. สา ปน ปริตสฺสนาคฺคหเณน ‘‘ตณฺหาคตาน’’นฺติ, ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ จ สรูเปเนว สมุทยคฺคหเณน, ภวเนตฺติคฺคหเณน จ ปาฬิยํ คหิตาว. อยํ ตาว สุตฺตนฺตนโย. อภิธมฺมนเยน ปน อาฆาตานนฺทาทิวจเนหิ, อาตปฺปาทิปเทหิ, จิตฺตปฺปโทสวจเนน, สพฺพทิฏฺิทีปกปเทหิ, กุสลากุสลคฺคหเณน, ภวคฺคหเณน, โสกาทิคฺคหเณน, ตตฺถ ตตฺถ สมุทยคฺคหเณน จาติ สงฺเขปโต สพฺพโลกิยกุสลากุสลธมฺมวิภาวนปเทหิ คหิตา กมฺมกิเลสา สมุทยสจฺจํ. อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ. ตสฺส ตตฺถ ตตฺถ เวทนานํ อตฺถงฺคมนิสฺสรณปริยาเยหิ, ปจฺจตฺตํ นิพฺพุติวจเนน, อนุปาทาวิมุตฺติวจเนน จ ปาฬิยํ คหณํ เวทิตพฺพํ. นิโรธปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจํ. ตสฺสาปิ ตตฺถ ตตฺถ เวทนานํ สมุทยาทิยถาภูตเวทนาปเทเสน, ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ สมุทยาทิยถาภูตปชานนปริยาเยน, ภวเนตฺติยา อุจฺเฉทปริยาเยน จ คหณํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สมุทเยน อสฺสาโท, ทุกฺเขน อาทีนโว, มคฺคนิโรเธหิ นิสฺสรณนฺติ เอวํ จตุสจฺจวเสน, ยานิ ปาฬิยํ (เนตฺติ. ๙) สรูเปเนว อาคตานิ อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณานิ, เตสฺจ วเสน อิธ อสฺสาทาทโย เวทิตพฺพา. วิเนยฺยานนฺตาทิภาวาปตฺติอาทิกํ ยถาวุตฺตวิภาคํ ปโยชนเมว ผลํ. อาฆาตาทีนํ อกรณียตา, อาฆาตาทิผลสฺส จ อนฺสนฺตานภาวิตา, นินฺทาปสํสาสุ ยถาสภาวปฏิชานนนิพฺเพนาติ เอวํ ตํตํปโยชนาธิคมเหตุ อุปาโย. อาฆาตาทีนํ กรณปฏิเสธนาทิอปเทเสน ธมฺมราชสฺส อาณตฺติ เวทิตพฺพาติ อยํ เทสนาหาโร.

วิจยหารวณฺณนา

กปฺปนาภาเวปิ โวหารวเสน, อนุวาทวเสน จ ‘‘มม’’นฺติ วุตฺตํ, นิยมาภาวโต วิกปฺปนตฺถํ วาคฺคหณํ กตํ, คุณสมงฺคิตาย, อภิมุขีกรณาย จ ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อามนฺตนํ. อฺภาวโต, ปฏิวิรุทฺธภาวโต จ ‘‘ปเร’’ติ วุตฺตํ, วณฺณปฏิปกฺขโต, อวณฺณนียโต จ ‘‘อวณฺณ’’นฺติ วุตฺตํ. พฺยตฺติวเสน, วิตฺถารวเสน จ ‘‘ภาเสยฺยุ’’นฺติ วุตฺตํ, ธารณภาวโต, อธมฺมปฏิปกฺขโต จ ‘‘ธมฺมสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ทิฏฺิสีเลหิ สํหตภาวโต, กิเลสานํ สงฺฆาตกรณโต จ ‘‘สงฺฆสฺสา’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตปฏินิทฺเทสโต, วจนุปนฺยาสนโต จ ‘‘ตตฺรา’’ติ วุตฺตํ, สมฺมุขภาวโต, ปุถุภาวโต จ ‘‘ตุมฺเหหี’’ติ วุตฺตํ. จิตฺตสฺส หนนโต, อารมฺมณาภิฆาตโต จ ‘‘อาฆาโต’’ติ วุตฺตํ, อารมฺมเณ สงฺโกจวุตฺติยา, อตุฏฺาการตาย จ ‘‘อปฺปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, อารมฺมณจินฺตนโต, นิสฺสยโต จ ‘‘เจตโส’’ติ วุตฺตํ, อตฺถาสาธนโต, อนุ อนุ ‘‘อนตฺถสาธนโต’’ จ ‘‘อนภิรทฺธี’’ติ วุตฺตํ, การณานรหตฺตา, สตฺถุสาสเน ิเตหิ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ ‘‘น กรณียา’’ติ วุตฺตนฺติ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ วินิจฺฉโย กาตพฺโพ. อิติ อนุปทวิจยโต วิจโย หาโร อติวิตฺถารภเยน, สกฺกา จ อฏฺกถํ ตสฺสา ลีนตฺถวณฺณนฺจ อนุคนฺตฺวา อยมตฺโถ วิฺุนา วิภาเวตุนฺติ น วิตฺถารยิมฺห.

ยุตฺติหารวณฺณนา

สพฺเพน สพฺพํ อาฆาตาทีนํ อกรณํ ตาทิภาวาย สํวตฺตตีติ ยุชฺชติ อิฏฺานิฏฺเสุ สมปฺปวตฺติสพฺภาวโต. ยสฺมึ สนฺตาเน อาฆาตาทโย อุปฺปนฺนา, ตนฺนิมิตฺตโก อนฺตราโย ตสฺเสว สมฺปตฺติวิพนฺธาย สํวตฺตตีติ ยุชฺชติ. กสฺมา? สนฺตานนฺตเรสุ อสงฺกมนโต. จิตฺตํ อภิภวิตฺวา อุปฺปนฺนา อาฆาตาทโย สุภาสิตาทิสลฺลกฺขเณปิ อสมตฺถตาย สํวตฺตนฺตีติ ยุชฺชติ สโกธโลภานํ อนฺธตมสพฺภาวโต. ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยโต เวรมณิ สพฺพสตฺตานํ ปาโมชฺชปาสํสภาวาย สํวตฺตตีติ ยุชฺชติ. สีลสมฺปตฺติยา หิ มหโต กิตฺติสทฺทสฺส อพฺภุคฺคโม โหตีติ. คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺเตน คุเณน ตถาคตสฺส วณฺณนา เอกเทสภูตาปิ สกลสพฺพฺุคุณคฺคหณาย สํวตฺตตีติ ยุชฺชติ อนฺสาธารณตฺตา. ตชฺชาอโยนิโสมนสิการปริกฺขตานิ อธิคมตกฺกนานิ สสฺสตวาทาทิอภินิเวสาย สํวตฺตนฺตีติ ยุชฺชติ กปฺปนาชาลสฺส อสมุคฺฆาฏิตตฺตา. เวทนาทีนวานวโพเธน เวทนาย ตณฺหา ปวฑฺฒตีติ ยุชฺชติ อสฺสาทานุปสฺสนาสพฺภาวโต. สติ จ เวทยิตราเค ตตฺถ อตฺตตฺตนิยคาโห, สสฺสตาทิคาโห จ วิปริผนฺทตีติ ยุชฺชติ การณสฺส สนฺนิหิตตฺตา. ตณฺหาปจฺจยา หิ อุปาทานํ สสฺสตาทิวาเท ปฺเปนฺตานํ, ตทนุจฺฉวิกํ วา เวทนํ เวทยนฺตานํ ผสฺโส เหตูติ ยุชฺชติ วิสยินฺทฺริยวิฺาณสงฺคติยา วินา ตทภาวโต. ฉผสฺสายตนนิมิตฺตวฏฺฏสฺส อนุปจฺเฉโทติ ยุชฺชติ ตตฺถ อวิชฺชาตณฺหานํ อปฺปหีนตฺตา. ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ สมุทยาทิปชานนา สพฺพทิฏฺิคติกสฺํ อติจฺจ ติฏฺตีติ ยุชฺชติ จตุสจฺจปฏิเวธภาวโต. อิมาเหว ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺีหิ สพฺพทิฏฺิคตานํ อนฺโตชาลีกตภาโวติ ยุชฺชติ อกิริยวาทาทีนํ อิสฺสรวาทาทีนฺจ ตทนฺโตคธตฺตา. ตถา เจว สํวณฺณิตํ. อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก ตถาคตสฺส กาโยติ ยุชฺชติ, ยสฺมา ภควา อภินีหารสมฺปตฺติยา จตูสุ สติปฏฺาเนสุ ปติฏฺิตจิตฺโต สตฺตโพชฺฌงฺเคเยว ยถาภูตํ ภาเวสิ. กายสฺส เภทา ปรินิพฺพุตํ น ทกฺขนฺตีติ ยุชฺชติ อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยํ รูปาทีสุ กสฺสจิปิ อนวเสสโตติ อยํ ยุตฺติหาโร.

ปทฏฺานหารวณฺณนา

อวณฺณารหอวณฺณานุรูปสมฺปตฺตานาเทยฺยวจนตาทิวิปตฺตีนํ ปทฏฺานํ. วณฺณารหวณฺณานุรูสมฺปตฺตสทฺเธยฺยวจนตาทิสมฺปตฺตีนํ ปทฏฺานํ. ตถา อาฆาตาทโย นิรยาทิทุกฺขสฺส ปทฏฺานํ. อาฆาตาทีนํ อกรณํ สคฺคสมฺปตฺติอาทิสพฺพสมฺปตฺตีนํ ปทฏฺานํ. ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติ อริยสฺส สีลกฺขนฺธสฺส ปทฏฺานํ. อริโย สีลกฺขนฺโธ อริยสฺส สมาธิกฺขนฺธสฺส ปทฏฺานํ. อริโย สมาธิกฺขนฺโธ อริยสฺส ปฺากฺขนฺธสฺส ปทฏฺานํ. คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตํ ภควโต ปฏิเวธปฺปการาณํ เทสนาาณสฺส ปทฏฺานํ. เทสนาาณํ วิเนยฺยานํ สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณสฺส ปทฏฺานํ. สพฺพาปิ ทิฏฺิ ทิฏฺุปาทานฺติ สา ยถารหํ นววิธสฺสาปิ ภวสฺส ปทฏฺานํ. ภโว ชาติยา, ชาติ ชรามรณสฺส, โสกาทีนฺจ ปทฏฺานํ. เวทนานํ สมุทยาทิยถาภูตเวทนํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อนุโพธปฏิเวโธ. ตตฺถ อนุโพโธ ปฏิเวธสฺส ปทฏฺานํ, ปฏิเวโธ จตุพฺพิธสฺส สามฺผลสฺส ปทฏฺานํ. ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ อวิชฺชาคหณํ, ตตฺถ อวิชฺชา สงฺขารานํ ปทฏฺานฺติ ยาว เวทนา ตณฺหาย ปทฏฺานฺติ เนตพฺพํ. ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิต’’นฺติ เอตฺถ ตณฺหา อุปาทานสฺส ปทฏฺานํ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ เอตฺถ สสฺสตาทิปฺาปนํ ปเรสํ มิจฺฉาภินิเวสสฺส ปทฏฺานํ, มิจฺฉาภินิเวโส สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปสฺสยโยนิโสมนสิการธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตีหิ วิมุขตาย, อสทฺธมฺมสฺสวนาทีนฺจ ปทฏฺานํ, ‘‘อฺตฺร ผสฺสา’’ติอาทีสุ ผสฺโส เวทนาย ปทฏฺานํ, ฉ ผสฺสายตนานิ ผสฺสสฺส, สกลวฏฺฏทุกฺขสฺส จ ปทฏฺานํ, ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ สมุทยาทิยถาภูตปฺปชานนํ นิพฺพิทาย ปทฏฺานํ, นิพฺพิทา วิราคสฺสาติ ยาว อนุปาทาปรินิพฺพานํ เนตพฺพํ. ภควโต ภวเนตฺติสมุจฺเฉโท สพฺพฺุตาย ปทฏฺานํ. ตถา อนุปาทาปรินิพฺพานสฺสาติ อยํ ปทฏฺานหาโร.

ลกฺขณหารวณฺณนา

อาฆาตาทิคฺคหเณน โกธุปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยสารมฺภปรวมฺภนาทีนํ สงฺคโห ปฏิฆจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตาย เอกลกฺขณตฺตา. อานนฺทาทิคฺคหเณน อภิชฺฌาวิสมโลภมานาติมานมทปฺปมาทาทีนํ สงฺคโห โลภจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตาย สมานลกฺขณตฺตา. ตถา อาฆาตคฺคหเณน อวสิฏฺคนฺถนีวรณานํ สงฺคโห กายคนฺถนีวรณลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. อานนฺทคฺคหเณน ผสฺสาทีนํ สงฺคโห สงฺขารกฺขนฺธลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. สีลคฺคหเณน อธิจิตฺตอธิปฺาสิกฺขานมฺปิ สงฺคโห สิกฺขาลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. อิธ ปน สีลสฺเสว อินฺทฺริยสํวราทิกสฺส ทฏฺพฺพํ. ทิฏฺิคฺคหเณน อวสิฏฺอุปาทานานมฺปิ สงฺคโห อุปาทานลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘เวทนาน’’นฺติ เอตฺถ เวทนาคฺคหเณน อวสิฏฺอุปาทานกฺขนฺธานมฺปิ สงฺคโห ขนฺธลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ตถา เวทนาย ธมฺมายตนธมฺมธาตุปริยาปนฺนตฺตา สมฺมสนูปคานํ สพฺเพสํ อายตนานํ ธาตูนฺจ สงฺคโห อายตนลกฺขเณน, ธาตุลกฺขเณน จ เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ เอตฺถ อวิชฺชาคฺคหเณน เหตุอาสโวฆโยคนีวรณาทิสงฺคโห เหตาทิลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา อวิชฺชาย, ตถา ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิต’’นฺติ เอตฺถ ตณฺหาคฺคหเณนาปิ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ เอตฺถ ผสฺสคฺคหเณน สฺาสงฺขารวิฺาณานํ สงฺคโห วิปลฺลาสเหตุภาเวน, ขนฺธลกฺขเณน จ เอกลกฺขณตฺตา. ฉผสฺสายตนคฺคหเณน ขนฺธินฺทฺริยธาตาทีนํ สงฺคโห ผสฺสุปฺปตฺตินิมิตฺตตาย, สมฺมสนสภาเวน จ เอกลกฺขณตฺตา. ภวเนตฺติคฺคหเณน อวิชฺชาทีนมฺปิ สํกิเลสธมฺมานํ สงฺคโห วฏฺฏเหตุภาเวน เอกลกฺขณตฺตาติ อยํ ลกฺขณหาโร.

จตุพฺยูหหารวณฺณนา

นินฺทาปสํสาหิ สมฺมากมฺปิตเจตสา มิจฺฉาชีวโต อโนรตา สสฺสตาทิมิจฺฉาภินิเวสิโน สีลาทิธมฺมกฺขนฺเธสุ อปฺปติฏฺิตตาย สมฺมาสมฺพุทฺธคุณรสสฺสาทวิมุขา เวเนยฺยา อิมิสฺสา เทสนาย นิทานํ. เต ยถาวุตฺตโทสวินิมุตฺตา กถํ นุ โข สมฺมาปฏิปตฺติยา อุภยหิตปรา ภเวยฺยุนฺติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโย. ปทนิพฺพจนํ นิรุตฺติ. ตํ ‘‘เอว’’นฺติอาทินิทานปทานํ, ‘‘มม’’นฺติอาทิปาฬิปทานฺจ อฏฺกถาวเสน สุวิฺเยฺยตฺตา อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห. ปทปทตฺถนิทฺเทสนิกฺเขปสุตฺตเทสนาสนฺธิวเสน ฉพฺพิธา สนฺธิ. ตตฺถ ปทสฺส ปทนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทสนฺธิ. ตถา ปทตฺถสฺส ปทตฺถนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทตฺถสนฺธิ. นานานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส ตํตํอนุสนฺธีหิ สมฺพนฺโธ, เอกานุสนฺธิกสฺส จ ปุพฺพาปรสมฺพนฺโธ นิทฺเทสสนฺธิ, ยา อฏฺกถายํ ปุจฺฉานุสนฺธิอชฺฌาสยานุสนฺธิยถานุสนฺธิวเสน ติวิธา วิภตฺตา, ตา ปเนตา ติสฺโสปิ สนฺธิโย อฏฺกถายํ วิจาริตา เอว. สุตฺตสนฺธิ จ ปมํ นิกฺเขปวเสน อมฺเหหิ ปุพฺเพ ทสฺสิตาเยว. เอกิสฺสา เทสนาย เทสนานฺตเรน สทฺธึ สํสนฺทนํ เทสนาสนฺธิ, สา เอวํ เวทิตพฺพา – ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว…เป… น เจตโส อนภิรทฺธิ กรณียา’’ติ อยํ เทสนา ‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ ภิกฺขเว กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกฺกนฺเตยฺยุํ, ตตฺรปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) อิมาย เทสนาย สทฺธึ สํสนฺทติ. ‘‘ตุมฺหํ เยวสฺส เตน อนฺตราโย’’ติ ‘‘กมฺมสฺสกา มาณว สตฺตา…เป… ทายาทา ภวิสฺสนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๑๖) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ‘‘อปิ ตุมฺเห…เป… อาชาเนยฺยาถา’’ติ ‘‘กุทฺโธ อตฺถํ…เป… สหเต นร’’นฺติ (อ. นิ. ๗.๖๔; มหานิ. ๕, ๑๕๖, ๑๙๕) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ.

‘‘มมํ วา ภิกฺขเว ปเร วณฺณํ…เป… น เจตโส อุพฺพิลฺลาวิตตฺตํ กรณีย’’นฺติ ‘‘ธมฺมาปิ โว ภิกฺขเว ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา (ม. นิ. ๑.๒๔๐). กุลฺลูปมํ โว ภิกฺขเว ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐) อิมาย เทสนาย สํสนฺทติ. ‘‘ตตฺร เจ ตุมฺเหหิ…เป… อุพฺพิลาวิตา, ตุมฺหํ เยวสฺส เตน อนฺตราโย’’ติ ‘‘ลุทฺโธอตฺถํ…เป… สหเต นร’’นฺติ (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕.๑๕๖, ๑๙๕; จูฬนิ. ๑๒๘) ‘‘กามนฺธา ชาลสฺฉนฺนา, ตณฺหาฉทนฉาทิตา’’ติ (อุทา. ๖๔; เนตฺติ. ๒๗, ๙๐; เปฏโก. ๑๔) อิมาหิ เทสนาหิ สํสนฺทติ.

‘‘อปฺปมตฺตกํ…เป… สีลมตฺตก’’นฺติ ‘‘ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ โข พฺราหฺมณ ยฺโ ปุริเมหิ ยฺเหิ อปฺปฏฺตโร จ อปฺปสมารมฺภตโร จ มหปฺผลตโร จ มหานิสํสตโร จา’’ติอาทิกาย (ที. นิ. ๑.๓๕๓) เทสนาย สํสนฺทติ, ปมชฺฌานสฺส สีลโต มหปฺผลมหานิสํสตรภาววจเนน ฌานโต สีลสฺส อปฺปภาวทีปนโต.

‘‘ปาณาติปาตํ ปหายา’’ติอาทิ ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม สีลวา…เป… กุสลสีเลน สมนฺนาคโต’’ติอาทิกาหิ (ที. นิ. ๑.๓๐๔) เทสนาหิ สํสนฺทติ.

‘‘อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา’’ติอาทิ ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม คมฺภีโร’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗, ๘) ปาฬิยา สํสนฺทติ. คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตธมฺมปฏิเวเธน หิ าณสฺส คมฺภีราทิภาโว วิฺายตีติ.

‘‘สนฺติ ภิกฺขเว เอเก สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิ ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา…เป… อภิวทนฺติ, สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺติ, อสสฺสโต, สสฺสโต จ อสสฺสโต จ, เนว สสฺสโต จ นาสสฺสโต จ, อนฺตวา, อนนฺตวา, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ, เนวนฺตวา นานนฺตวา จ อตฺตา จ โลโก จ อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทิกาหิ (ม. นิ. ๓.๒๗) เทสนาหิ สํสนฺทติ.

‘‘สนฺติ ภิกฺขเว เอเก สมณพฺราหฺมณา อปรนฺตกปฺปิกา’’ติอาทิ ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว เอเก สมณพฺราหฺมณา อปรนฺตกปฺปิกา…เป… อภิวทนฺติ, สฺี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา. อิตฺเถเก อภิวทนฺติ อสฺี, เนวสฺีนาสฺี จ อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา. อิตฺเถเก อภิวทนฺติ สโต วา ปน สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ วา ปเนเก อภิวทนฺตี’’ติอาทิกาหิ (ม. นิ. ๓.๒๑) เทสนาหิ สํสนฺทติ. ‘‘เวทนานํ…เป… ตถาคโต’’ติ ‘‘ตยิทํ สงฺขตํ โอฬาริกํ, อตฺถิ โข ปน สงฺขารานํ นิโรโธ, อตฺเถตนฺติ อิติ วิทิตฺวา ตสฺส นิสฺสรณทสฺสาวี ตถาคโต ตทุปาติวตฺโต’’ติอาทิกาหิ (ม. นิ. ๓.๒๘) เทสนาหิ สํสนฺทติ.

‘‘ตทปิ เตสํ…เป… วิปฺผนฺทิตเมวา’’ติ อิทํ ‘‘เตสํ ภวตํ อฺตฺเรว ฉนฺทาย อฺตฺร รุจิยา อฺตฺร อนุสฺสวา อฺตฺร อาการปริวิตกฺกา อฺตฺร ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา ปจฺจตฺตํเยว าณํ ภวิสฺสติ ปริสุทฺธํ ปริโยทาตนฺติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ปจฺจตฺตํ โข ปน ภิกฺขเว าเณ อสติ ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต ยทปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ตตฺถ าณภาคมตฺตเมว ปริโยทาเปนฺติ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อุปาทานมกฺขายตี’’ติอาทิกาหิ (ม. นิ. ๓.๒๙) เทสนาหิ สํสนฺทติ.

‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ อิทฺจ ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ, (สํ. นิ. ๒.๔๔) ‘‘ฉนฺทมูลกา อิเม อาวุโส ธมฺมา มนสิการสมุฏฺานา ผสฺสสโมธานา เวทนาสโมสรณา’’ติ (อ. นิ. ๘.๘๓) จ อาทิกาหิ เทสนาหิ สํสนฺทติ.

‘‘ยโต โข ภิกฺขเว ภิกฺขุ ฉนฺนํ ผสฺสายตนาน’’นฺติอาทิ ‘‘ยโต โข อานนฺท ภิกฺขุ เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ, น สฺํ, น สงฺขาเร, น วิฺาณํ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ, โส เอวํ อสมนุปสฺสนฺโต น กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ, อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตํเยว ปรินิพฺพายตี’’ติอาทิกาหิ เทสนาหิ สํสนฺทติ.

‘‘สพฺเพ เต อิเมเหว ทฺวาสฏฺิยา วตฺถูหิ อนฺโตชาลีกตา’’ติอาทิ ‘‘เย หิ เกจิ ภิกฺขเว…เป… อภิวทนฺติ, สพฺเพ เต อิมาเนว ปฺจ กายานิ อภิวทนฺติ เอเตสํ วา อฺตร’’นฺติอาทิกาหิ (ม. นิ. ๓.๒๖) เทสนาหิ สํสนฺทติ. ‘‘กายสฺส เภทา…เป… เทวมนุสฺสา’’ติ

‘‘อจฺจี ยถา วาตเวเคน ขิตฺตา, (อุปสิวาติ ภควา)

อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ;

เอวํ มุนี นามกายา วิมุตฺโต,

อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๐๘๐; จูฬนิ. ๔๓);

อาทิกาหิ เทสนาหิ สํสนฺทตีติ อยํ จาตุพฺยูโห หาโร.

อาวตฺตหารวณฺณนา

อาฆาตาทีนํ อกรณียตาวจเนน ขนฺติโสรจฺจานุฏฺานํ. ตตฺถ ขนฺติยา สทฺธาปฺาปราปการทุกฺขสหคตานํ สงฺคโห, โสรจฺเจน สีลสฺส. สทฺธาทิคฺคหเณน จ สทฺธินฺทฺริยาทิสกลโพธิปกฺขิยธมฺมา อาวตฺตนฺติ. สีลคฺคหเณน อวิปฺปฏิสาราทโย สพฺเพปิ สีลานิสํสธมฺมา อาวตฺตนฺติ. ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติวจเนน อปฺปมาทวิหาโร, เตน สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยํ อาวตฺตติ. คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตธมฺมคฺคหเณน มหาโพธิปกิตฺตนํ. อนาวรณาณปทฏฺานฺหิ อาสวกฺขยาณํ, อาสวกฺขยาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ มหาโพธิ, เตน ทสพลาทโย สพฺเพ พุทฺธคุณา อาวตฺตนฺติ. สสฺสตาทิทิฏฺิคฺคหเณน ตณฺหาวิชฺชาย สงฺคโห, ตาหิ อนมตคฺคสํสารวฏฺฏํ อาวตฺตติ. เวทนานํ สมุทยาทิยถาภูตเวทเนน ภควโต ปริฺาตฺตยวิสุทฺธิ, ตาย ปฺาปารมิมุเขน สพฺพปารมิโย อาวตฺตนฺติ. ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ อวิชฺชาคฺคหเณน อโยนิโสมนสิการปริคฺคโห, เตน จ อโยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ. ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิต’’นฺติ ตณฺหาคฺคหเณน นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ, ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติอาทิ สสฺสตาทิปฺาปนสฺส ปจฺจยาธีนวุตฺติทสฺสนํ, เตน อนิจฺจตาทิลกฺขณตฺตยํ อาวตฺตติ. ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ ยถาภูตํ ปชานเนน วิมุตฺติสมฺปทานิทฺเทโส, เตน สตฺตปิ วิสุทฺธิโย อาวตฺตนฺติ. ‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก ตถาคตสฺส กาโย’’ติ ตณฺหาปหานํ, เตน ภควโต สกลสํกิเลสปฺปหานํ อาวตฺตตีติ อยํ อาวตฺโต หาโร.

วิภตฺติหารวณฺณนา

อาฆาตานนฺทาทโย อกุสลา ธมฺมา, เตสํ อโยนิโสมนสิการาทิ ปทฏฺานํ. เยหิ ปน ธมฺเมหิ อาฆาตานนฺทาทีนํ อกรณํ อปฺปวตฺติ, เต อพฺยาปาทาทโย กุสลา ธมฺมา, เตสํ โยนิโสมนสิการาทิ ปทฏฺานํ. เตสุ อาฆาตาทโย กามาวจราว, อพฺยาปาทาทโย จตุภูมกา. ตถา ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติ กุสลา วา อพฺยากตา วา, ตสฺสา หิโรตฺตปฺปาทโย ธมฺมา ปทฏฺานํ. ตตฺถ กุสลา สิยา กามาวจรา, สิยา โลกุตฺตรา, อพฺยากตา โลกุตฺตราว. ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา’’ติ วุตฺตธมฺมา สิยา กุสลา, สิยา อพฺยากตา, ตตฺถ กุสลานํ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา ปทฏฺานํ. อพฺยากตานํ มคฺคธมฺมา, วิปสฺสนา, อาวชฺชนา วา ปทฏฺานํ. เตสุ กุสลา โลกุตฺตรา, อพฺยากตา สิยา กามาวจรา, สิยา โลกุตฺตรา, สพฺพาปิ ทิฏฺิโย อกุสลาว กามาวจราว, ตาสํ อวิเสเสน มิจฺฉาภินิเวเส อโยนิโสมนสิกาโร ปทฏฺานํ. วิเสสโต ปน สนฺตติฆนวินิพฺโภคาภาวโต เอกตฺตนยสฺส มิจฺฉาคาโห อตีตชาติอนุสฺสรณตกฺกสหิโต สสฺสตทิฏฺิยา ปทฏฺานํ. เหตุผลภาเวน สมฺพนฺธภาวสฺส อคฺคหณโต นานตฺตนยสฺส มิจฺฉาคาโห ตชฺชาสมนฺนาหารสหิโต อุจฺเฉททิฏฺิยา ปทฏฺานํ. เอวํ เสสทิฏฺีนมฺปิ ยถาสมฺภวํ วตฺตพฺพํ. ‘‘เวทนาน’’นฺติ เอตฺถ เวทนา สิยา กุสลา, สิยา อพฺยากตา, สิยา กามาวจรา, สิยา รูปาวจรา, สิยา อรูปาวจรา, ผสฺโส ตาสํ ปทฏฺานํ. เวทนานํ สมุทยาทิยถาภูตเวทนํ มคฺคาณํ, อนุปาทาวิมุตฺติ ผลํ, เตสํ ‘‘อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน ธมฺมาทิวิภาโค เนตพฺโพ. ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติอาทีสุ อวิชฺชา ตณฺหา อกุสลา กามาวจรา, ตาสุ อวิชฺชาย อาสวา, อโยนิโสมนสิกาโร เอว วา ปทฏฺานํ. ตณฺหาย สํโยชนิเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาททสฺสนํ ปทฏฺานํ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ เอตฺถ ผสฺสสฺส เวทนาย วิย ธมฺมาทิวิภาโค เวทิตพฺโพ. อิมินา นเยน ผสฺสายตนาทีนมฺปิ ยถารหํ ธมฺมาทิวิภาโค เนตพฺโพติ อยํ วิภตฺติหาโร.

ปริวตฺตหารวณฺณนา

อาฆาตาทีนํ อกรณํ ขนฺติโสรจฺจานิ อนุพฺรูเหตฺวา ปฏิสงฺขานภาวนาพลสิทฺธิยา อุภยหิตปฏิปตฺตึ อาวหติ. อาฆาตาทโย ปน ปวตฺติยมานา ทุพฺพณฺณตํ ทุกฺขเสยฺยํ โภคหานึ อกิตฺตึ ปเรหิ ทุรุปสงฺกมนตฺจ นิปฺผาเทนฺตา นิรยาทีสุ มหาทุกฺขํ อาวหนฺติ. ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติ อวิปฺปฏิสาราทิกลฺยาณํ ปรมฺปรํ อาวหติ. ปาณาติปาตาทิ ปน วิปฺปฏิสาราทิอกลฺยาณํ ปรมฺปรํ, คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตํ าณํ วิเนยฺยานํ ยถารหํ วิชฺชาภิฺาทิคุณวิเสสํ อาวหติ สพฺพเยฺยํ ยถาสภาวาวโพธโต. ตถา คมฺภีรตาทิวิเสสรหิตํ ปน าณํ เยฺเยสุ สาวรณโต ยถาวุตฺตคุณวิเสสํ นาวหติ. สพฺพาปิ เจตา ทิฏฺิโย ยถารหํ สสฺสตุจฺเฉทภาวโต อนฺตทฺวยภูตา สกฺกายตีรํ นาติวตฺตนฺติ อนิยฺยานิกสภาวตฺตา. นิยฺยานิกสภาวตฺตา ปน สมฺมาทิฏฺิ สปริกฺขารา มชฺฌิมปฏิปทาภูตา อติกฺกมฺม สกฺกายตีรํ ปารํ อาคจฺฉติ. เวทนานํ สมุทยาทิยถาภูตเวทนํ อนุปาทาวิมุตฺตึ อาวหติ มคฺคภาวโต. เวทนานํ สมุทยาทิอสมฺปฏิเวโธ สํสารจารกาวโรธํ อาวหติ สงฺขารานํ ปจฺจยภาวโต. เวทยิตสภาวปฏิจฺฉาทโก สมฺโมโห ตทภินนฺทนํ อาวหติ. ยถาภูตาวโพโธ ปน ตตฺถ นิพฺเพทํ วิราคฺจ อาวหติ. มิจฺฉาภินิเวเส อโยนิโสมนสิการสหิตา ตณฺหา อเนกวิหิตํ ทิฏฺิชาลํ ปสาเรติ. ยถาวุตฺตตณฺหาสมุจฺเฉโท ปมมคฺโค ตํ ทิฏฺิชาลํ สงฺโกเจติ. สสฺสตวาทาทิปฺาปนสฺส ผสฺโส ปจฺจโย โหติ อสติ ผสฺเส ตทภาวโต. ทิฏฺิพนฺธนพนฺธานํ ผสฺสายตนาทีนํ อนิโรเธน ผสฺสาทิอนิโรโธ สํสารทุกฺขสฺส อนิวตฺติเยว, ยาถาวโต ผสฺสายตนาทิปริฺา สพฺพทิฏฺิทสฺสนานิ อติวตฺตติ, ผสฺสายตนาทิอปริฺา ตํทิฏฺิคหนํ นาติวตฺตติ, ภวเนตฺติสมุจฺเฉโท อายตึ อตฺตภาวสฺส อนิพฺพตฺติยา สํวตฺตติ, อสมุจฺฉินฺนาย ภวเนตฺติยา อนาคเต ภวปฺปพนฺโธ ปริวตฺตติเยวาติ อยํ ปริวตฺโต หาโร.

เววจนหารวณฺณนา

‘‘มม มยฺหํ เม’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘ภิกฺขเว สมณา ตปสฺสิโน’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘ปเร อฺเ ปฏิวิรุทฺธา’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘อวณฺณํ อกิตฺตึ นินฺท’’นฺติ ปริยายวจนํ. ‘‘ภาเสยฺยุํ ภเณยฺยุํ กเรยฺยุ’’นฺติ ปริยายวจนํ. ‘‘ธมฺมสฺส วินยสฺส สตฺถุสาสนสฺสา’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘สงฺฆสฺส สมูหสฺส คณสฺสา’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘ตตฺร ตตฺถ เตสู’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘ตุมฺเหหิ โว ภวนฺเตหี’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘อาฆาโต โทโส พฺยาปาโท’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘อปฺปจฺจโย โทมนสฺสํ เจตสิกทุกฺข’’นฺติ ปริยายวจนํ. ‘‘เจตโส อนภิรทฺธิ จิตฺตสฺส พฺยาปตฺติ มโนปโทโส’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘น กรณียา น อุปฺปาเทตพฺพา น ปวตฺเตตพฺพา’’ติ ปริยายวจนํ. อิติ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ เววจนํ วตฺตพฺพนฺติ อยํ เววจโน หาโร.

ปฺตฺติหารวณฺณนา

อาฆาโต วตฺถุวเสน ทสวิเธน เอกูนวีสติวิเธน วา ปฺตฺโต. อปฺปจฺจโย อุปวิจารวเสน ฉธา ปฺตฺโต. อานนฺโทปีติอาทิวเสน นวธา ปฺตฺโต. ปีติ สามฺโต ขุทฺทิกาทิวเสน ปฺจธา ปฺตฺตา. โสมนสฺสํ อุปวิจารวเสน ฉธา ปฺตฺตํ. สีลํ วาริตฺตจาริตฺตาทิวเสน อเนกธา ปฺตฺตํ. คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตํ าณํ จิตฺตุปฺปาทวเสน จตุธา, ทฺวาทสวิเธน วา, วิสยเภทโต อเนกธา จ ปฺตฺตํ. ทิฏฺิสสฺสตาทิวเสน ทฺวาสฏฺิยา เภเทหิ, ตทนฺโตคธวิภาเคน อเนกธา จ ปฺตฺตา. เวทนา ฉธา อฏฺสตธา อเนกธา จ ปฺตฺตา. ตสฺสา สมุทโย ปฺจธา ปฺตฺโต, ตถา อตฺถงฺคโม. อสฺสาโท ทุวิเธน ปฺตฺโต. อาทีนโว ติวิเธน ปฺตฺโต. นิสฺสรณํ เอกธา จตุธา จ ปฺตฺตํ…เป… อนุปาทาวิมุตฺติ ทุวิเธน ปฺตฺตา.

‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ วุตฺตา อวิชฺชา วิสยเภเทน จตุธา อฏฺธา จ ปฺตฺตา. ‘‘ตณฺหาคตาน’’นฺติอาทินา วุตฺตา ตณฺหา ฉธา อฏฺสตธา อเนกธา จ ปฺตฺตา. ผสฺโส นิสฺสยวเสน ฉธา ปฺตฺโต. อุปาทานํ จตุธา ปฺตฺตํ. ภโว ทฺวิธา อเนกธา จ ปฺตฺโต. ชาติ เววจนวเสน ฉธา ปฺตฺตา. ตถา ชรา สตฺตธา ปฺตฺตา. มรณํ อฏฺธา นวธา จ ปฺตฺตํ. โสโก ปฺจธา ปฺตฺโต. ปริเทโว ฉธา ปฺตฺโต. ทุกฺขํ จตุธา ปฺตฺตํ, ตถา โทมนสฺสํ. อุปายาโส จตุธา ปฺตฺโต. ‘‘สมุทโย โหตี’’ติ ปภวปฺตฺติ, ‘‘ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ ทุกฺขสฺส ปริฺาปฺตฺติ, สมุทยสฺส ปหานปฺตฺติ, นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาปฺตฺติ, มคฺคสฺส ภาวนาปฺตฺติ.

‘‘อนฺโตชาลีกตา’’ติอาทิ สพฺพทิฏฺีนํ สงฺคหปฺตฺติ. ‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก’’ติอาทิ ทุวิเธน ปรินิพฺพานปฺตฺติ. เอวํ อาฆาตาทีนํ อกุสลกุสลาทิธมฺมานํ ยถาปภวปฺตฺติอาทิวเสน, ตถา ‘‘อาฆาโต’’ติ พฺยาปาทสฺส เววจนปฺตฺติ, ‘‘อปฺปจฺจโย’’ติ โทมนสฺสสฺส เววจนปฺตฺตีติอาทินา นเยน ปฺตฺติเภโท วิภชิตพฺโพติ อยํ ปฺตฺติหาโร.

โอตรณหารวณฺณนา

อาฆาตคฺคหเณน สงฺขารกฺขนฺธสงฺคโห, ตถา อนภิรทฺธิคหเณน. อปฺปจฺจยคฺคหเณน เวทนากฺขนฺธสงฺคโหติ อิทํ ขนฺธมุเขน โอตรณํ. ตถา อาฆาตาทิคฺคหเณน ธมฺมายตนํ ธมฺมธาตุ ทุกฺขสจฺจํ สมุทยสจฺจํ วา คหิตนฺติ อิทํ อายตนมุเขน ธาตุมุเขน สจฺจมุเขนโอตรณํ. ตถา อาฆาตาทีนํ สหชาตา อวิชฺชา เหตุสหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ, อสหชาตา ปน อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ, อนนฺตรา อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจโย โหติ. ตณฺหาอุปาทานาทีนํ, ผสฺสาทีนมฺปิ เตสํ สหชาตานํ อสหชาตานฺจ ยถารหํ ปจฺจยภาโว วตฺตพฺโพ. โกจิ ปเนตฺถ อธิปติวเสน, โกจิ กมฺมวเสน, โกจิ อาหารวเสน, โกจิ อินฺทฺริยวเสน, โกจิ ฌานวเสน, โกจิ มคฺควเสนปิ ปจฺจโย โหตีติ. อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพติ อิทํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน โอตรณํ. อานนฺทาทีนมฺปิ อิมินาว นเยน ขนฺธาทิมุเขน โอตรณํ วิภาเวตพฺพํ.

ตถา สีลํ ปาณาติปาตาทีหิ วิรติเจตนา, อพฺยาปาทาทิเจตสิกธมฺมา จ, ปาณาติปาตาทโย เจตนาว, เตสํ ตทุปการกธมฺมานฺจ ลชฺชาทยาทีนํ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมายตนาทิสงฺคโห, ปุริมนเยเนว ขนฺธาทิมุเขน จ โอตรณํ วิภาเวตพฺพํ. เอส นโย าณทิฏฺิเวทนาอวิชฺชาตณฺหาทิคฺคหเณสุ. นิสฺสรณอนุปาทาวิมุตฺติคหเณสุ อสงฺขตธาตุวเสนปิ ธาตุมุเขน โอตรณํ วิภาเวตพฺพํ. ตถา ‘‘เวทนานํ…เป… อนุปาทาวิมุตฺโต’’ติ เอเตน ภควโต สีลาทโย ปฺจ ธมฺมกฺขนฺธา, สติปฏฺานาทโย จ โพธิปกฺขิยธมฺมา ปกาสิตา โหนฺตีติ ตํ มุเขนปิ โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ ทิฏฺิปฺาปนสฺส ปจฺจยาธีนวุตฺติตาทีปเนน อนิจฺจตามุเขน โอตรณํ, ตถา เอวํธมฺมตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน โอตรณํ, อนิจฺจสฺส ทุกฺขานตฺตภาวโต อปฺปณิหิตมุเขน สุฺตามุเขน โอตรณํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโยติ อยํ โอตรโณ หาโร.

โสธนหารวณฺณนา

‘‘มมํ วา…เป… ภาเสยฺยุ’’นฺติ อารมฺโภ. ‘‘ธมฺมสฺส…เป… สงฺฆสฺส…เป… ภาเสยฺยุ’’นฺติ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ. ‘‘ตตฺร ตุมฺเหหิ…เป… กรณียา’’ติ ปทสุทฺธิ เจว อารมฺภสุทฺธิ จ. ทุติยนยาทีสุปิ เอเสว นโย. ตถา ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนต’’นฺติอาทิ อารมฺโภ. ‘‘กตม’’นฺติอาทิ ปุจฺฉา. ‘‘ปาณาติปาตํ ปหายา’’ติอาทิ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ, โน จ ปุจฺฉาสุทฺธิ. ‘‘อิทํ โข’’ติอาทิ ปุจฺฉาสุทฺธิ เจว ปทสุทฺธิ จ อารมฺภสุทฺธิ จ.

ตถา ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทิ อารมฺโภ. ‘‘กตเม จ เต’’ติอาทิ ปุจฺฉา. ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว’’ติอาทิ อารมฺโภ. ‘‘กิ’’นฺติอาทิ อารมฺภ ปุจฺฉา. ‘‘ยถาสมาหิเต’’ติอาทิ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ โน จ ปุจฺฉาสุทฺธิ. ‘‘อิเม โข เต’’ติอาทิ ปทสุทฺธิ เจว ปุจฺฉาสุทฺธิ จ อารมฺภสุทฺธิ จ. อิมินา นเยน สพฺพตฺถ อารมฺภาทโย เวทิตพฺพาติ. อยํ โสธโน หาโร.

อธิฏฺานหารวณฺณนา

‘‘อวณฺณ’’นฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ ตํ, อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘มมํ วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา’’ติ. สุกฺกปกฺเขปิ เอเสว นโย.

ตถา ‘‘สีล’’นฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทิ.

‘‘อฺเว ธมฺมา’’ติอาทิ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘ตยิทํ ภิกฺขเว ตถาคโต ปชานาตี’’ติอาทิ.

ตถา ‘‘ปุพฺพนฺตกปฺปิกา’’ติอาทิ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตํ อวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘สสฺสตวาทา’’ติอาทิ. อิมินา นเยน สพฺพตฺถ สามฺวิเสโส นิทฺธาเรตพฺโพติ อยํ อธิฏฺาโน หาโร.

ปริกฺขารหารวณฺณนา

อาฆาตาทีนํ ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทีนิ (ธ. ส. ๑๒๓๗; วิภ. ๙๐๙) จ เอกูนวีสติ อาฆาตวตฺถูนิ เหตุ. อานนฺทาทีนํ อารมฺมเณ อภิสิเนโห เหตุ. สีลสฺส หิริโอตฺตปฺปํ อปฺปิจฺฉตาทโย จ เหตุ. ‘‘คมฺภีรา’’ติอาทินา วุตฺตธมฺมสฺส สพฺพาปิ ปารมิโย เหตุ, วิเสเสน ปฺาปารมี. ทิฏฺีนํ อสปฺปุริสูปสฺสโย, อสทฺธมฺมสฺสวนํ, มิจฺฉาภินิเวเสน อโยนิโสมนสิกาโร จ อวิเสเสน เหตุ, วิเสเสน ปน สสฺสตวาทาทีนํ อตีตชาติอนุสฺสรณาทิ เหตุ. เวทนานํ อวิชฺชาตณฺหากมฺมานิ ผสฺโส จ เหตุ. อนุปาทาวิมุตฺติยา อริยมคฺโค เหตุ. ปฺาปนสฺส อโยนิโสมนสิกาโร