📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ทีฆนิกาเย
มหาวคฺคฏฺกถา
๑. มหาปทานสุตฺตวณฺณนา
ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตกถา
๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… กเรริกุฏิกายนฺติ มหาปทานสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา – กเรริกุฏิกายนฺติ กเรรีติ วรุณรุกฺขสฺส นามํ, กเรริมณฺฑโป ตสฺสา กุฏิกาย ทฺวาเร ิโต, ตสฺมา ‘‘กเรริกุฏิกา’’ติ วุจฺจติ, ยถา โกสมฺพรุกฺขสฺส ทฺวาเร ิตตฺตา ‘‘โกสมฺพกุฏิกา’’ติ. อนฺโตเชตวเน กิร กเรริกุฏิ โกสมฺพกุฏิ คนฺธกุฏิ สลฬาคารนฺติ จตฺตาริ มหาเคหานิ, เอเกกํ สตสหสฺสปริจฺจาเคน นิปฺผนฺนํ. เตสุ สลฬาคารํ รฺา ปเสนทินา การิตํ, เสสานิ อนาถปิณฺฑิเกน การิตานิ. อิติ ภควา อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา ถมฺภานํ อุปริ การิตาย เทววิมานกปฺปาย กเรริกุฏิกายํ วิหรติ ¶ . ปจฺฉาภตฺตนฺติ เอกาสนิกขลุปจฺฉาภตฺติกานํ ปาโตว ภุตฺตานํ อนฺโตมชฺฌนฺหิเกปิ ปจฺฉาภตฺตเมว. อิธ ปน ปกติภตฺตสฺส ปจฺฉโต ‘‘ปจฺฉาภตฺต’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตานนฺติ ปิณฺฑปาตโต ปฏิกฺกนฺตานํ, ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺเปตฺวา อุฏฺิตานนฺติ อตฺโถ.
กเรริมณฺฑลมาเฬติ ตสฺเสว กเรริมณฺฑปสฺส อวิทูเร กตาย นิสีทนสาลาย. โส กิร กเรริมณฺฑโป คนฺธกุฏิกาย จ สาลาย จ ¶ อนฺตเร โหติ, ตสฺมา คนฺธกุฏีปิ กเรริกุฏิกาปิ สาลาปิ – ‘‘กเรริมณฺฑลมาโฬ’’ติ วุจฺจติ. ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตาติ ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ, ทฺเวปิ ชาติโย’’ติ เอวํ วิภตฺเตน ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานสงฺขาเตน ปุพฺเพนิวาเสน สทฺธึ โยเชตฺวา ปวตฺติตา. ธมฺมีติ ธมฺมสํยุตฺตา.
อุทปาทีติ อโห อจฺฉริยํ ทสพลสฺส ปุพฺเพนิวาสาณํ ¶ , ปุพฺเพนิวาสํ นาม เก อนุสฺสรนฺติ, เก นานุสฺสรนฺตีติ. ติตฺถิยา อนุสฺสรนฺติ, สาวกา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ พุทฺธา จ อนุสฺสรนฺติ. กตรติตฺถิยา อนุสฺสรนฺติ? เย อคฺคปฺปตฺตกมฺมวาทิโน, เตปิ จตฺตาลีสํเยว กปฺเป อนุสฺสรนฺติ, น ตโต ปรํ. สาวกา กปฺปสตสหสฺสํ อนุสฺสรนฺติ. ทฺเว อคฺคสาวกา อสงฺขฺเยยฺยฺเจว กปฺปสตสหสฺสฺจ. ปจฺเจกพุทฺธา ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ. พุทฺธานํ ปน เอตฺตกนฺติ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ยาวตกํ อากงฺขนฺติ, ตาวตกํ อนุสฺสรนฺติ.
ติตฺถิยา ขนฺธปฏิปาฏิยา อนุสฺสรนฺติ, ปฏิปาฏึ มฺุจิตฺวา น สกฺโกนฺติ. ปฏิปาฏิยา อนุสฺสรนฺตาปิ อสฺภวํ ปตฺวา ขนฺธปฺปวตฺตึ น ปสฺสนฺติ, ชาเล ปติตา กุณฺา วิย, กูเป ปติตา ปงฺคุฬา วิย จ โหนฺติ. เต ตตฺถ ตฺวา ‘‘เอตฺตกเมว, อิโต ปรํ นตฺถี’’ติ ทิฏฺึ คณฺหนฺติ. อิติ ติตฺถิยานํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณํ อนฺธานํ ยฏฺิโกฏิคมนํ วิย โหติ. ยถา หิ อนฺธา ยฏฺิโกฏิคฺคาหเก สติเยว คจฺฉนฺติ, อสติ ตตฺเถว นิสีทนฺติ, เอวเมว ติตฺถิยา ขนฺธปฏิปาฏิยาว อนุสฺสริตุํ สกฺโกนฺติ, ปฏิปาฏึ วิสฺสชฺเชตฺวา น สกฺโกนฺติ.
สาวกาปิ ขนฺธปฏิปาฏิยาว อนุสฺสรนฺติ, อสฺภวํ ปตฺวา ขนฺธปฺปวตฺตึ น ปสฺสนฺติ. เอวํ สนฺเตปิ เต วฏฺเฏ สํสรณกสตฺตานํ ขนฺธานํ อภาวกาโล นาม นตฺถิ. อสฺภเว ปน ปฺจกปฺปสตานิ ปวตฺตนฺตีติ ตตฺตกํ กาลํ อติกฺกมิตฺวา พุทฺเธหิ ทินฺนนเย ตฺวา ปรโต อนุสฺสรนฺติ; เสยฺยถาปิ อายสฺมา โสภิโต. ทฺเว อคฺคสาวกา ปน ปจฺเจกพุทฺธา จ ¶ จุติปฏิสนฺธึ โอโลเกตฺวา อนุสฺสรนฺติ. พุทฺธานํ จุติปฏิสนฺธิกิจฺจํ นตฺถิ, ยํ ยํ านํ ปสฺสิตุกามา โหนฺติ, ตํ ตเทว ปสฺสนฺติ.
ติตฺถิยา ¶ จ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรมานา อตฺตนา ทิฏฺกตสุตเมว อนุสฺสรนฺติ. ตถา สาวกา จ ปจฺเจกพุทฺธา ¶ จ. พุทฺธา ปน อตฺตนา วา ปเรหิ วา ทิฏฺกตสุตํ สพฺพเมว อนุสฺสรนฺติ.
ติตฺถิยานํ ปุพฺเพนิวาสาณํ ขชฺโชปนกโอภาสสทิสํ, สาวกานํ ปทีโปภาสสทิสํ, อคฺคสาวกานํ โอสธิตารโกภาสสทิสํ, ปจฺเจกพุทฺธานํ จนฺโทภาสสทิสํ, พุทฺธานํ สรทสูริยมณฺฑโลภาสสทิสํ. ตสฺส เอตฺตกานิ ชาติสตานิ ชาติสหสฺสานิ ชาติสตสหสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ กปฺปสตานิ กปฺปสหสฺสานิ กปฺปสตสหสฺสานีติ วา นตฺถิ, ยํ กิฺจิ อนุสฺสรนฺตสฺส เนว ขลิตํ, น ปฏิฆาตํ โหติ, อาวชฺชนปฏิพทฺธเมว อากงฺขมนสิการจิตฺตุปฺปาทปฏิพทฺธเมว โหติ. ทุพฺพลปตฺตปุเฏ เวคกฺขิตฺตนาราโจ วิย, สิเนรุกูเฏ วิสฺสฏฺอินฺทวชิรํ วิย จ อสชฺชมานเมว คจฺฉติ. ‘‘อโห มหนฺตํ ภควโต ปุพฺเพนิวาสาณ’’นฺติ เอวํ ภควนฺตํเยว อารพฺภ กถา อุปฺปนฺนา, ชาตา ปวตฺตาติ อตฺโถ. ตํ สพฺพมฺปิ สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อิติปิ ปุพฺเพนิวาโส, อิติปิ ปุพฺเวนิวาโส’’ติ เอตฺตกเมว ปาฬิยํ วุตฺตํ. ตตฺถ อิติปีติ เอวมฺปิ.
๒-๓. อสฺโสสิ โข…เป… อถ ภควา อนุปฺปตฺโตติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตเมว. อยเมว หิ วิเสโส – ตตฺถ สพฺพฺุตฺาเณน อสฺโสสิ, อิธ ทิพฺพโสเตน. ตตฺถ จ วณฺณาวณฺณกถา วิปฺปกตา, อิธ ปุพฺเพนิวาสกถา. ตสฺมา ภควา – ‘‘อิเม ภิกฺขู มม ปุพฺเพนิวาสาณํ อารพฺภ คุณํ โถเมนฺติ, ปุพฺเพนิวาสาณสฺส ปน เม นิปฺผตฺตึ น ชานนฺติ; หนฺท เนสํ ตสฺส นิปฺผตฺตึ กเถตฺวา ทสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ปกติยาปิ พุทฺธานํ นิสีทิตฺวา ธมฺมเทสนตฺถเมว ปิเต ตงฺขเณ ภิกฺขูหิ ปปฺโผเฏตฺวา ทินฺเน วรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉาย จ ‘‘อิธ ¶ , ภนฺเต’’ติอาทิปฏิวจนสฺส จ ปริโยสาเน เตสํ ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมึ กถํ กเถตุกาโม อิจฺเฉยฺยาถ โนติอาทิมาห. ตตฺถ อิจฺเฉยฺยาถ โนติ อิจฺเฉยฺยาถ นุ. อถ นํ ปหฏฺมานสา ภิกฺขู ยาจมานา เอตสฺส ภควาติอาทิมาหํสุ. ตตฺถ เอตสฺสาติ เอตสฺส ธมฺมิกถากรณสฺส.
๔. อถ ¶ ภควา เตสํ ยาจนํ คเหตฺวา กเถตุกาโม ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ เต ¶ โสตาวธารณสาธุกมนสิกาเรสุ นิโยเชตฺวา อฺเสํ อสาธารณํ ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณํ ปกาเสตุกาโม อิโต โส, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ ยํ วิปสฺสีติ ยสฺมึ กปฺเป วิปสฺสี. อยฺหิ ‘ย’นฺติ สทฺโท ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, เทวานํ ตาวตึสานํ สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ, อาโรเจมิ ตํ, ภควโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๐๓) ปจฺจตฺตวจเน ทิสฺสติ. ‘‘ยํ ตํ อปุจฺฉิมฺห อกิตฺตยี โน, อฺํ ตํ ปุจฺฉาม ตทิงฺฆ พฺรูหี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๘๑) อุปโยควจเน. ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๒๗๗) กรณวจเน. อิธ ปน ภุมฺมตฺเถติ ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยสฺมึ กปฺเป’’ติ. อุทปาทีติ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทนฺโต อุปฺปชฺชิ.
ภทฺทกปฺเปติ ปฺจพุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตตฺตา สุนฺทรกปฺเป สารกปฺเปติ ภควา อิมํ กปฺปํ โถเมนฺโต เอวมาห. ยโต ปฏฺาย กิร อมฺหากํ ภควตา อภินีหาโร กโต, เอตสฺมึ อนฺตเร เอกกปฺเปปิ ปฺจ พุทฺธา นิพฺพตฺตา นาม นตฺถิ. อมฺหากํ ภควโต อภินีหารสฺส ปุรโต ปน ตณฺหงฺกโร, เมธงฺกโร, สรณงฺกโร, ทีปงฺกโรติ จตฺตาโร พุทฺธา เอกสฺมึ กปฺเป นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ โอรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธสฺุเมว อโหสิ.
อสงฺขฺเยยฺยกปฺปปริโยสาเน ปน โกณฺฑฺโ นาม พุทฺโธ เอโกว เอกสฺมึ กปฺเป อุปฺปนฺโน. ตโตปิ อสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธสฺุเมว อโหสิ. อสงฺขฺเยยฺยกปฺปปริโยสาเน มงฺคโล, สุมโน, เรวโต, โสภิโตติ จตฺตาโร พุทฺธา เอกสฺมึ กปฺเป อุปฺปนฺนา ¶ . ตโตปิ อสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธสฺุเมว อโหสิ. อสงฺขฺเยยฺยกปฺปปริโยสาเน ปน อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสงฺขฺเยยฺยสฺส อุปริ อโนมทสฺสี, ปทุโม, นารโทติ ตโย พุทฺธา เอกสฺมึ กปฺเป อุปฺปนฺนา. ตโตปิ อสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธสฺุเมว อโหสิ. อสงฺขฺเยยฺยกปฺปปริโยสาเน ปน อิโต กปฺปสตสหสฺสานํ อุปริ ปทุมุตฺตโร ภควา เอโกว เอกสฺมึ กปฺเป อุปฺปนฺโน. ตสฺส โอรภาเค อิโต ตึสกปฺปสหสฺสานํ อุปริ สุเมโธ, สุชาโตติ ทฺเว พุทฺธา เอกสฺมึ กปฺเป อุปฺปนฺนา. ตโต โอรภาเค อิโต อฏฺารสนฺนํ กปฺปสหสฺสานํ อุปริ ปิยทสฺสี, อตฺถทสฺสี, ธมฺมทสฺสีติ ตโย พุทฺธา ¶ เอกสฺมึ กปฺเป อุปฺปนฺนา. อถ อิโต จตุนวุติกปฺเป สิทฺธตฺโถ นาม พุทฺโธ เอโกว เอกสฺมึ กปฺเป อุปฺปนฺโน. อิโต ทฺเว นวุติกปฺเป ติสฺโส, ผุสฺโสติ ทฺเว พุทฺธา เอกสฺมึ กปฺเป อุปฺปนฺนา. อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี ภควา อุปฺปนฺโน. อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขี, เวสฺสภูติ ทฺเว พุทฺธา อุปฺปนฺนา. อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป กกุสนฺโธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, โคตโม อมฺหากํ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปนฺนา, เมตฺเตยฺโย อุปฺปชฺชิสฺสติ. เอวมยํ กปฺโป ปฺจพุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตตฺตา สุนฺทรกปฺโป สารกปฺโปติ ภควา อิมํ กปฺปํ โถเมนฺโต เอวมาห.
กึ ¶ ปเนตํ พุทฺธานํเยว ปากฏํ โหติ – ‘‘อิมสฺมึ กปฺเป เอตฺตกา พุทฺธา อุปฺปนฺนา วา อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ วา’’ติ, อุทาหุ อฺเสมฺปิ ปากฏํ โหตีติ? อฺเสมฺปิ ปากฏํ โหติ. เกสํ? สุทฺธาวาสพฺรหฺมานํ. กปฺปสณฺานกาลสฺมิฺหิ เอกมสงฺขฺเยยฺยํ เอกงฺคณํ หุตฺวา ิเต โลกสนฺนิวาเส โลกสฺส สณฺานตฺถาย เทโว วสฺสิตุํ อารภติ. อาทิโตว อนฺตรฏฺเก หิมปาโต วิย โหติ. ตโต ติลมตฺตา กณมตฺตา ตณฺฑุลมตฺตา มุคฺค-มาส-พทร-อามลก-เอฬาลุก-กุมฺภณฺฑ-อลาพุมตฺตา อุทกธารา หุตฺวา อนุกฺกเมน อุสภทฺเวอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตทฺเวคาวุตอฑฺฒโยชนโยชนทฺวิโยชน…เป… โยชนสตโยชนสหสฺสโยชนสตสหสฺสมตฺตา ¶ หุตฺวา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬพฺภนฺตเร ยาว อวินฏฺพฺรหฺมโลกา ปูเรตฺวา ติฏฺนฺติ. อถ ตํ อุทกํ อนุปุพฺเพน ภสฺสติ, ภสฺสนฺเต อุทเก ปกติเทวโลกฏฺาเนสุ เทวโลกา สณฺหนฺติ, เตสํ สณฺหนวิธานํ วิสุทฺธิมคฺเค ปุพฺเพนิวาสกถายํ วุตฺตเมว.
มนุสฺสโลกสณฺหนฏฺานํ ปน ปตฺเต อุทเก ธมกรณมุเข ปิหิเต วิย วาตวเสน ตํ อุทกํ สนฺติฏฺติ, อุทกปิฏฺเ อุปฺปลินิปณฺณํ วิย ปถวี สณฺหติ. มหาโพธิปลฺลงฺโก วินสฺสมาเน โลเก ปจฺฉา วินสฺสติ, สณฺหมาเน ปมํ สณฺหติ. ตตฺถ ปุพฺพนิมิตฺตํ หุตฺวา เอโก ปทุมินิคจฺโฉ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส สเจ ตสฺมึ กปฺเป พุทฺโธ นิพฺพตฺติสฺสติ, ปุปฺผํ อุปฺปชฺชติ. โน เจ, นุปฺปชฺชติ. อุปฺปชฺชมานฺจ สเจ เอโก พุทฺโธ นิพฺพตฺติสฺสติ, เอกํ อุปฺปชฺชติ. สเจ ทฺเว, ตโย, จตฺตาโร, ปฺจ พุทฺธา นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, ปฺจ อุปฺปชฺชนฺติ. ตานิ จ โข เอกสฺมึเยว นาเฬ กณฺณิกาพทฺธานิ หุตฺวา. สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน ‘‘อายาม ¶ , มยํ มาริสา, ปุพฺพนิมิตฺตํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ มหาโพธิปลฺลงฺกฏฺานํ อาคจฺฉนฺติ, พุทฺธานํ อนิพฺพตฺตนกปฺเป ปุปฺผํ น โหติ. เต ปน อปุปฺผิตคจฺฉํ ทิสฺวา – ‘‘อนฺธกาโร วต โภ โลโก ภวิสฺสติ, มตา มตา สตฺตา อปาเย ปูเรสฺสนฺติ, ฉ เทวโลกา นว พฺรหฺมโลกา สฺุา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อนตฺตมนา โหนฺติ. ปุปฺผิตกาเล ปน ปุปฺผํ ทิสฺวา – ‘‘สพฺพฺุโพธิสตฺเตสุ มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺเตสุ นิกฺขมนฺเตสุ สมฺพุชฺฌนฺเตสุ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตนฺเตสุ ยมกปาฏิหาริยํ กโรนฺเตสุ เทโวโรหนํ กโรนฺเตสุ อายุสงฺขารํ โอสฺสชฺชนฺเตสุ ปรินิพฺพายนฺเตสุ ทสสหสฺสจกฺกวาฬกมฺปนาทีนิ ปาฏิหาริยานิ ทกฺขิสฺสามา’’ติ จ ‘‘จตฺตาโร อปายา ปริหายิสฺสนฺติ, ฉ เทวโลกา นว พฺรหฺมโลกา ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ จ อตฺตมนา อุทานํ อุทาเนนฺตา อตฺตโน อตฺตโน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉนฺติ. อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป ปฺจ ปทุมานิ อุปฺปชฺชึสุ. เตสํ นิมิตฺตานํ อานุภาเวน จตฺตาโร พุทฺธา อุปฺปนฺนา, ปฺจโม อุปฺปชฺชิสฺสติ. สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโนปิ ¶ ตานิ ปทุมานิ ทิสฺวา อิมมตฺถํ ชานึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อฺเสมฺปิ ปากฏํ โหตี’’ติ.
อายุปริจฺเฉทวณฺณนา
๕-๗. อิติ ¶ ภควา – ‘‘อิโต โส, ภิกฺขเว’’ติอาทินา นเยน กปฺปปริจฺเฉทวเสน ปุพฺเพนิวาสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสํ พุทฺธานํ ชาติปริจฺเฉทาทิวเสน ทสฺเสตุํ วิปสฺสี, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อายุปริจฺเฉเท ปริตฺตํ ลหุกนฺติ อุภยเมตํ อปฺปกสฺเสว เววจนํ. ยฺหิ อปฺปกํ, ตํ ปริตฺตฺเจว ลหุกฺจ โหติ.
อปฺปํ วา ภิยฺโยติ วสฺสสตโต วา อุปริ อปฺปํ, อฺํ วสฺสสตํ อปตฺวา วีสํ วา ตึสํ วา จตฺตาลีสํ วา ปณฺณาสํ วา สฏฺิ วา วสฺสานิ ชีวติ. เอวํ ทีฆายุโก ปน อติทุลฺลโภ, อสุโก กิร เอวํ จิรํ ชีวตีติ ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา ทฏฺพฺโพ โหติ. ตตฺถ วิสาขา อุปาสิกา วีสวสฺสสตํ ชีวติ, ตถา โปกฺขรสาติ พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ, เสโล พฺราหฺมโณ, พาวริยพฺราหฺมโณ, อานนฺทตฺเถโร, มหากสฺสปตฺเถโรติ. อนุรุทฺธตฺเถโร ปน วสฺสสตฺเจว ปณฺณาสฺจ วสฺสานิ, พากุลตฺเถโร วสฺสสตฺเจว สฏฺิ จ วสฺสานิ. อยํ สพฺพทีฆายุโก. โสปิ ทฺเว วสฺสสตานิ น ชีวติ.
วิปสฺสีอาทโย ¶ ปน สพฺเพปิ โพธิสตฺตา เมตฺตาปุพฺพภาเคน โสมนสฺสสหคตาณสมฺปยุตฺตอสงฺขาริกจิตฺเตน มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ. เตน จิตฺเตน คหิตาย ปฏิสนฺธิยา อสงฺขฺเยยฺยํ อายุ, อิติ สพฺเพ พุทฺธา อสงฺขฺเยยฺยายุกา. เต กสฺมา อสงฺขฺเยยฺยํ น อฏฺํสุ? อุตุโภชนวิปตฺติยา. อุตุโภชนวเสน หิ อายุ หายติปิ วฑฺฒติปิ.
ตตฺถ ยทา ราชาโน อธมฺมิกา โหนฺติ, ตทา อุปราชาโน, เสนาปติ, เสฏฺิ, สกลนครํ, สกลรฏฺํ อธมฺมิกเมว โหติ; อถ เตสํ อารกฺขเทวตา, ตาสํ เทวตานํ มิตฺตา ภูมฏฺเทวตา, ตาสํ เทวตานํ มิตฺตา อากาสฏฺกเทวตา, อากาสฏฺกเทวตานํ มิตฺตา อุณฺหวลาหกา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา อพฺภวลาหกา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา สีตวลาหกา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา วสฺสวลาหกา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา จาตุมหาราชิกา ¶ เทวตา, ตาสํ มิตฺตา ตาวตึสา เทวตา, ตาสํ มิตฺตา ยามา เทวตาติ เอวมาทิ. เอวํ ยาว ภวคฺคา เปตฺวา อริยสาวเก สพฺพา เทวพฺรหฺมปริสาปิ อธมฺมิกาว โหนฺติ. ตาสํ อธมฺมิกตาย วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ, วาโต ยถามคฺเคน น วายติ, อยถามคฺเคน วายนฺโต อากาสฏฺกวิมานานิ โขเภติ, วิมาเนสุ โขภิเตสุ เทวตานํ กีฬนตฺถาย จิตฺตานิ น นมนฺติ, เทวตานํ กีฬนตฺถาย จิตฺเตสุ อนมนฺเตสุ ¶ สีตุณฺหเภโท อุตุ ยถากาเลน น สมฺปชฺชติ, ตสฺมึ อสมฺปชฺชนฺเต น สมฺมา เทโว วสฺสติ, กทาจิ วสฺสติ, กทาจิ น วสฺสติ; กตฺถจิ วสฺสติ, กตฺถจิ น วสฺสติ, วสฺสนฺโตปิ วปฺปกาเล องฺกุรกาเล นาฬกาเล ปุปฺผกาเล ขีรคฺคหณาทิกาเลสุ ยถา ยถา สสฺสานํ อุปกาโร น โหติ, ตถา ตถา วสฺสติ จ วิคจฺฉติ จ, เตน สสฺสานิ วิสมปากานิ โหนฺติ, วิคตคนฺธวณฺณรสาทิสมฺปนฺนานิ. เอกภาชเน ปกฺขิตฺตตณฺฑุเลสุปิ เอกสฺมึ ปเทเส ภตฺตํ อุตฺตณฺฑุลํ โหติ, เอกสฺมึ อติกิลินฺนํ, เอกสฺมึ สมปากํ. ตํ ปริภุตฺตํ กุจฺฉิยมฺปิ ตีหากาเรหิ ปจฺจติ. เตน สตฺตา พหฺวาพาธา เจว โหนฺติ, อปฺปายุกา จ. เอวํ ตาว อุตุโภชนวเสน อายุ หายติ.
ยทา ¶ ปน ราชาโน ธมฺมิกา โหนฺติ, ตทา อุปราชาโนปิ ธมฺมิกา โหนฺตีติ ปุริมนเยเนว ยาว พฺรหฺมโลกา สพฺเพปิ ธมฺมิกา โหนฺติ. เตสํ ธมฺมิกตฺตา สมํ จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ, ยถามคฺเคน วาโต วายติ, ยถามคฺเคน วายนฺโต อากาสฏฺกวิมานานิ น โขเภติ, เตสํ อโขภา เทวตานํ กีฬนตฺถาย จิตฺตานิ นมนฺติ. เอวํ กาเลน อุตุ สมฺปชฺชติ, เทโว สมฺมา วสฺสติ, วปฺปกาลโต ปฏฺาย สสฺสานํ อุปการํ กโรนฺโต กาเล วสฺสติ, กาเล วิคจฺฉติ, เตน สสฺสานิ สมปากานิ สุคนฺธานิ สุวณฺณานิ สุรสานิ โอชวนฺตานิ โหนฺติ, เตหิ สมฺปาทิตํ โภชนํ ปริภุตฺตมฺปิ สมฺมา ปริปากํ คจฺฉติ ¶ , เตน สตฺตา อโรคา ทีฆายุกา โหนฺติ. เอวํ อุตุโภชนวเสน อายุ วฑฺฒติ.
ตตฺถ วิปสฺสี ภควา อสีติวสฺสสหสฺสายุกกาเล นิพฺพตฺโต, สิขี สตฺตติวสฺสสหสฺสายุกกาเลติ อิทํ อนุปุพฺเพน ปริหีนสทิสํ กตํ, น ปน เอวํ ปริหีนํ, วฑฺฒิตฺวา วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํ. กถํ? อิมสฺมึ ตาว กปฺเป กกุสนฺโธ ภควา จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสายุกกาเล นิพฺพตฺโต, อายุปฺปมาณํ ปฺจ โกฏฺาเส กตฺวา จตฺตาริ ตฺวา ปฺจเม วิชฺชมาเนเยว ปรินิพฺพุโต. ตํ อายุ ปริหายมานํ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน วฑฺฒมานํ อสงฺขฺเยยฺยํ หุตฺวา ตโต ปริหายมานํ ตึสวสฺสสหสฺสกาเล ิตํ; ตทา โกณาคมโน ภควา นิพฺพตฺโต. ตสฺมิมฺปิ ตเถว ปรินิพฺพุเต ตํ อายุ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน วฑฺฒมานํ อสงฺขฺเยยฺยํ หุตฺวา ปริหายิตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสกาเล ิตํ; ตทา กสฺสโป ภควา นิพฺพตฺโต. ตสฺมิมฺปิ ตเถว ปรินิพฺพุเต ตํ อายุ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน วฑฺฒมานํ อสงฺขฺเยยฺยํ หุตฺวา ปริหายิตฺวา วสฺสสตกาลํ ปตฺตํ, อถ อมฺหากํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ นิพฺพตฺโต. เอวํ อนุปุพฺเพน ปริหายิตฺวา ปริหายิตฺวา วฑฺฒิตฺวา วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ยํ ยํ อายุปริมาเณสุ ¶ มนุสฺเสสุ พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, เตสมฺปิ ตํ ตเทว อายุปริมาณํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
อายุปริจฺเฉทวณฺณนา นิฏฺิตา.
โพธิปริจฺเฉทวณฺณนา
๘. โพธิปริจฺเฉเท ¶ ปน ปาฏลิยา มูเลติ ปาฏลิรุกฺขสฺส เหฏฺา. ตสฺสา ปน ปาฏลิยา ขนฺโธ ตํ ทิวสํ ปณฺณาสรตโน หุตฺวา อพฺภุคฺคโต, สาขา ปณฺณาสรตนาติ อุพฺเพเธน รตนสตํ อโหสิ. ตํ ทิวสฺจ สา ปาฏลิ กณฺณิกาพทฺเธหิ วิย ปุปฺเผหิ มูลโต ปฏฺาย เอกสฺฉนฺนา อโหสิ, ทิพฺพคนฺธํ วายติ. น เกวลฺจ ตทา อยเมว ปุปฺผิตา, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ สพฺพปาฏลิโย ปุปฺผิตา. น เกวลฺจ ปาฏลิโย, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ สพฺพรุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ, อากาเส อากาสปทุมานิ ปุปฺผิตานิ, ปถวิตลํ ¶ ภินฺทิตฺวาปิ มหาปทุมานิ อุฏฺิตานิ. มหาสมุทฺโทปิ ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ นีลุปฺปลรตฺตุปฺปเลหิ จ สฺฉนฺโน อโหสิ. สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬํ ธชมาลากุลํ ตตฺถ ตตฺถ นิพทฺธปุปฺผทามวิสฺสฏฺมาลาคุฬวิปฺปกิณฺณํ นานาวณฺณกุสุมสมุชฺชลํ นนฺทนวนจิตฺตลตาวนมิสฺสกวนผารุสกวนสทิสํ อโหสิ. ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสิตทฺธชา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ อภิหนนฺติ. ปจฺฉิมทกฺขิณอุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสิตทฺธชา ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ อภิหนนฺติ. เอวํ อฺมฺสิรีสมฺปตฺตานิ จกฺกวาฬานิ อเหสุํ. อภิสมฺพุทฺโธติ สกลํ พุทฺธคุณวิภวสิรึ ปฏิวิชฺฌมาโน จตฺตาริ สจฺจานิ อภิสมฺพุทฺโธ.
‘‘สิขี, ภิกฺขเว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปุณฺฑรีกสฺส มูเล อภิสมฺพุทฺโธ’’ติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน ปทวณฺณนา เวทิตพฺพา. เอตฺถ ปน ปุณฺฑรีโกติ เสตมฺพรุกฺโข. ตสฺสาปิ ตเทว ปริมาณํ. ตํ ทิวสฺจ โสปิ ทิพฺพคนฺเธหิ ปุปฺเผหิ สุสฺฉนฺโน อโหสิ. น เกวลฺจ ปุปฺเผหิ, ผเลหิปิ สฺฉนฺโน อโหสิ. ตสฺส เอกโต ตรุณานิ ผลานิ, เอกโต มชฺฌิมานิ ผลานิ, เอกโต นาติปกฺกานิ ผลานิ, เอกโต สุปกฺกานิ ปกฺขิตฺตทิพฺโพชานิ วิย สุรสานิ โอลมฺพนฺติ. ยถา โส, เอวํ สกลทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ ¶ ปุปฺผูปครุกฺขา ปุปฺเผหิ, ผลูปครุกฺขา ผเลหิ ปฏิมณฺฑิตา อเหสุํ.
สาโลติ สาลรุกฺโข. ตสฺสาปิ ตเทว ปริมาณํ, ตเถว ปุปฺผสิรีวิภโว เวทิตพฺโพ. สิรีสรุกฺเขปิ เอเสว นโย. อุทุมฺพรรุกฺเข ปุปฺผานิ ¶ นาเหสุํ, ผลวิภูติ ปเนตฺถ อมฺเพ วุตฺตนยาว, ตถา นิคฺโรเธ, ตถา อสฺสตฺเถ. อิติ สพฺพพุทฺธานํ เอโกว ปลฺลงฺโก, รุกฺขา ปน อฺเปิ โหนฺติ. เตสุ ยสฺส ยสฺส รุกฺขสฺส มูเล จตุมคฺคาณสงฺขาตโพธึ พุทฺธา ปฏิวิชฺฌนฺติ, โส โส โพธีติ วุจฺจติ. อยํ โพธิปริจฺเฉโท นาม.
สาวกยุคปริจฺเฉทวณฺณนา
๙. สาวกยุคปริจฺเฉเท ปน ขณฺฑติสฺสนฺติ ขณฺโฑ จ ติสฺโส จ. เตสุ ขณฺโฑ เอกปิติโก กนิฏฺภาตา, ติสฺโส ปุโรหิตปุตฺโต ¶ . ขณฺโฑ ปฺาปารมิยา มตฺถกํ ปตฺโต, ติสฺโส สมาธิปารมิยา มตฺถกํ ปตฺโต. อคฺคนฺติ เปตฺวา วิปสฺสึ ภควนฺตํ อวเสเสหิ สทฺธึ อสทิสคุณตาย อุตฺตมํ. ภทฺทยุคนฺติ อคฺคตฺตาเยว ภทฺทยุคํ. อภิภูสมฺภวนฺติ อภิภู จ สมฺภโว จ. เตสุ อภิภู ปฺาปารมิยา มตฺถกํ ปตฺโต. สิขินา ภควตา สทฺธึ อรุณวติโต พฺรหฺมโลกํ คนฺตฺวา พฺรหฺมปริสาย วิวิธานิ ปาฏิหาริยานิ ทสฺเสนฺโต ธมฺมํ เทเสตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อนฺธกาเรน ผริตฺวา – ‘‘กึ อิท’’นฺติ สฺชาตสํเวคานํ โอภาสํ ผริตฺวา – ‘‘สพฺเพ เม รูปฺจ ปสฺสนฺตุ, สทฺทฺจ สุณนฺตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา – ‘‘อารมฺภถา’’ติ คาถาทฺวยํ (สํ. นิ. ๑.๑๘๕) ภณนฺโต สทฺทํ สาเวสิ. สมฺภโว สมาธิปารมิยา มตฺถกํ ปตฺโต อโหสิ.
โสณุตฺตรนฺติ โสโณ จ อุตฺตโร จ. เตสุปิ โสโณ ปฺาปารมึ ปตฺโต, อุตฺตโร สมาธิปารมึ ปตฺโต อโหสิ. วิธุรสฺชีวนฺติ วิธุโร จ สฺชีโว จ. เตสุ วิธุโร ปฺาปารมึ ปตฺโต อโหสิ, สฺชีโว สมาธิปารมึ ปตฺโต. สมาปชฺชนพหุโล รตฺติฏฺานทิวาฏฺานกุฏิเลณมณฺฑปาทีสุ สมาปตฺติพเลน ฌายนฺโต เอกทิวสํ อรฺเ นิโรธํ สมาปชฺชิ, อถ นํ วนกมฺมิกาทโย ‘‘มโต’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ฌาเปสุํ. โส ยถาปริจฺเฉเทน สมาปตฺติโต อุฏฺาย จีวรานิ ปปฺโผเฏตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตทุปาทาเยว จ นํ ‘‘สฺชีโว’’ติ สฺชานึสุ. ภิยฺโยสุตฺตรนฺติ ภิยฺโยโส จ อุตฺตโร จ. เตสุ ภิยฺโยโส ปฺาย อุตฺตโร, อุตฺตโร สมาธินา อคฺโค อโหสิ. ติสฺสภารทฺวาชนฺติ ติสฺโส จ ภารทฺวาโช จ ¶ . เตสุ ติสฺโส ปฺาปารมึ ปตฺโต, ภารทฺวาโช สมาธิปารมึ ปตฺโต อโหสิ ¶ . สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานนฺติ สาริปุตฺโต จ โมคฺคลฺลาโน จ. เตสุ สาริปุตฺโต ปฺาวิสเย, โมคฺคลฺลาโน สมาธิวิสเย อคฺโค อโหสิ. อยํ สาวกยุคปริจฺเฉโท นาม.
สาวกสนฺนิปาตปริจฺเฉทวณฺณนา
๑๐. สาวกสนฺนิปาตปริจฺเฉเท ¶ วิปสฺสิสฺส ภควโต ปมสนฺนิปาโต จตุรงฺคิโก อโหสิ, สพฺเพ เอหิภิกฺขู, สพฺเพ อิทฺธิยา นิพฺพตฺตปตฺตจีวรา, สพฺเพ อนามนฺติตาว อาคตา, อิติ เต จ โข ปนฺนรเส อุโปสถทิวเส. อถ สตฺถา พีชนึ คเหตฺวา นิสินฺโน อุโปสถํ โอสาเรสิ. ทุติยตติเยสุปิ เอเสว นโย. ตถา เสสพุทฺธานํ สพฺพสนฺนิปาเตสุ. ยสฺมา ปน อมฺหากํ ภควโต ปมโพธิยาว สนฺนิปาโต อโหสิ, อิทฺจ สุตฺตํ อปรภาเค วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ เอโก สาวกานํ สนฺนิปาโต’’ติ อนิฏฺเปตฺวา ‘‘อโหสี’’ติ วุตฺตํ.
ตตฺถ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานีติ ปุราณชฏิลานํ สหสฺสํ, ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ ปริวารานิ อฑฺฒเตยฺยสตานีติ อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานิ. ตตฺถ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อภินีหารโต ปฏฺาย วตฺถุํ กเถตฺวา ปพฺพชฺชา ทีเปตพฺพา. ปพฺพชิตานํ ปน เตสํ มหาโมคฺคลฺลาโน สตฺตเม ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺโต. ธมฺมเสนาปติ ปนฺนรสเม ทิวเส คิชฺฌกูฏปพฺพตมชฺเฌ สูกรขตเลณปพฺภาเร ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส สชฺชิเต ธมฺมยาเค เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺเต (ม. นิ. ๒.๒๐๑) เทสิยมาเน เทสนํ อนุพุชฺฌมานํ าณํ เปเสตฺวา สาวกปารมิาณํ ปตฺโต. ภควา เถรสฺส อรหตฺตปฺปตฺตึ ตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เวฬุวเนเยว ปจฺจุฏฺาสิ. เถโร – ‘‘กุหึ นุ โข ภควา คโต’’ติ อาวชฺชนฺโต เวฬุวเน ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เวฬุวเนเยว ปจฺจุฏฺาสิ. อถ ภควา ปาติโมกฺขํ โอสาเรสิ. ตํ สนฺนิปาตํ สนฺธาย ภควา – ‘‘อฑฺฒเตฬสานิ ภิกฺขุสตานี’’ติ อาห. อยํ สาวกสนฺนิปาตปริจฺเฉโท นาม.
อุปฏฺากปริจฺเฉทวณฺณนา
๑๑. อุปฏฺากปริจฺเฉเท ¶ ปน อานนฺโทติ นิพทฺธุปฏฺากภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ภควโต หิ ปมโพธิยํ อนิพทฺธา อุปฏฺากา อเหสุํ. เอกทา นาคสมาโล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจริ, เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโน, เอกทา สุนกฺขตฺโต, เอกทา จุนฺโท สมณุทฺเทโส, เอกทา สาคโต ¶ , เอกทา เมฆิโย. ตตฺถ ¶ เอกทา ภควา นาคสมาลตฺเถเรน สทฺธึ อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน ทฺเวธาปถํ ปตฺโต. เถโร มคฺคา โอกฺกมฺม – ‘‘ภควา, อหํ อิมินา มคฺเคน คจฺฉามี’’ติ อาห. อถ นํ ภควา – ‘‘เอหิ ภิกฺขุ, อิมินา มคฺเคน คจฺฉามา’’ติ อาห. โส – ‘‘หนฺท, ภควา, ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ อิมินา มคฺเคน คจฺฉามี’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ ฉมายํ เปตุํ อารทฺโธ. อถ นํ ภควา – ‘‘อาหร, ภิกฺขู’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา คโต. ตสฺสปิ ภิกฺขุโน อิตเรน มคฺเคน คจฺฉโต โจรา ปตฺตจีวรฺเจว หรึสุ, สีสฺจ ภินฺทึสุ. โส – ‘‘ภควา อิทานิ เม ปฏิสรณํ, น อฺโ’’ติ จินฺเตตฺวา โลหิเตน คฬิเตน ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. ‘‘กิมิทํ ภิกฺขู’’ติ จ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ นํ ภควา – ‘‘มา จินฺตยิ, ภิกฺขุ, เอตํเยว เต การณํ สลฺลกฺเขตฺวา นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา นํ สมสฺสาเสสิ.
เอกทา ปน ภควา เมฆิยตฺเถเรน สทฺธึ ปาจีนวํสมิคทาเย ชนฺตุคามํ อคมาสิ. ตตฺราปิ เมฆิโย ชนฺตุคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา นทีตีเร ปาสาทิกํ อมฺพวนํ ทิสฺวา – ‘‘ภควา, ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถ, อหํ ตสฺมึ อมฺพวเน สมณธมฺมํ กโรมี’’ติ วตฺวา ภควตา ติกฺขตฺตุํ นิวาริยมาโนปิ คนฺตฺวา อกุสลวิตกฺเกหิ อุปทฺทุโต อนฺวาสตฺโต (อ. นิ. ๙.๓; อุทาน ปริจฺเฉโท ๓๑ ทฏฺพฺโพ). ปจฺจาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตมฺปิ ภควา – ‘‘อิทเมว เต การณํ สลฺลกฺเขตฺวา นิวารยิมฺหา’’ติ วตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อคมาสิ. ตตฺถ คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขเว, อิทานิมฺหิ มหลฺลโก, ‘เอกจฺเจ ภิกฺขู อิมินา มคฺเคน คจฺฉามา’ติ วุตฺเต อฺเน คจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ มยฺหํ ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปนฺติ, มยฺหํ นิพทฺธุปฏฺากํ เอกํ ภิกฺขุํ ชานาถา’’ติ. ภิกฺขูนํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ. อถายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา – ‘‘อหํ ¶ , ภนฺเต, ตุมฺเหเยว ปตฺถยมาโน สตสหสฺสกปฺปาธิกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปารมิโย ปูรยึ, นนุ มาทิโส มหาปฺโ อุปฏฺาโก นาม วฏฺฏติ, อหํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อาห. ตํ ภควา – ‘‘อลํ สาริปุตฺต, ยสฺสํ ¶ ทิสายํ ตฺวํ วิหรสิ, อสฺุาเยว เม สา ทิสา, ตว โอวาโท พุทฺธานํ โอวาทสทิโส, น เม ตยา อุปฏฺากกิจฺจํ อตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. เอเตเนวุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานํ อาทึ กตฺวา อสีติมหาสาวกา อุฏฺหึสุ. เต สพฺเพปิ ภควา ปฏิกฺขิปิ.
อานนฺทตฺเถโร ปน ตุณฺหีเยว นิสีทิ. อถ นํ ภิกฺขู เอวมาหํสุ – ‘‘อาวุโส, อานนฺท, ภิกฺขุสงฺโฆ อุปฏฺากฏฺานํ ยาจติ, ตฺวมฺปิ ยาจาหี’’ติ. โส อาห – ‘‘ยาจิตฺวา ลทฺธุปฏฺานํ ¶ นาม อาวุโส กีทิสํ โหติ, กึ มํ สตฺถา น ปสฺสติ, สเจ โรจิสฺสติ, อานนฺโท มํ อุปฏฺาตูติ วกฺขตี’’ติ. อถ ภควา – ‘‘น, ภิกฺขเว, อานนฺโท อฺเน อุสฺสาเหตพฺโพ, สยเมว ชานิตฺวา มํ อุปฏฺหิสฺสตี’’ติ อาห. ตโต ภิกฺขู – ‘‘อุฏฺเหิ, อาวุโส อานนฺท, อุฏฺเหิ อาวุโส อานนฺท, ทสพลํ อุปฏฺากฏฺานํ ยาจาหี’’ติ อาหํสุ. เถโร อุฏฺหิตฺวา จตฺตาโร ปฏิกฺเขเป, จตสฺโส จ อายาจนาติ อฏฺ วเร ยาจิ.
จตฺตาโร ปฏิกฺเขปา นาม – ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, ภควา อตฺตนา ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ น ทสฺสติ, ปิณฺฑปาตํ น ทสฺสติ, เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตุํ น ทสฺสติ, นิมนฺตนํ คเหตฺวา น คมิสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา – ‘‘กึ ปเนตฺถ, อานนฺท, อาทีนวํ ปสฺสสี’’ติ วุตฺเต – ‘‘สจาหํ, ภนฺเต, อิมานิ วตฺถูนิ ลภิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘อานนฺโท ทสพเลน ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ ปริภฺุชติ, ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชติ, เอกคนฺธกุฏิยํ วสติ, เอกโต นิมนฺตนํ คจฺฉติ, เอตํ ลาภํ ลภนฺโต ตถาคตํ อุปฏฺาติ, โก เอวํ อุปฏฺหโต ภาโร’ติ’’ อิเม จตฺตาโร ปฏิกฺเขเป ยาจิ.
จตสฺโส อายาจนา นาม – ‘‘สเจ, ภนฺเต, ภควา มยา คหิตนิมนฺตนํ คมิสฺสติ, สจาหํ ติโรรฏฺา ติโรชนปทา ภควนฺตํ ทฏฺุํ อาคตํ ปริสํ อาคตกฺขเณ เอว ภควนฺตํ ทสฺเสตุํ ลจฺฉามิ, ยทา เม กงฺขา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึเยว ขเณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุํ ลจฺฉามิ, ยํ ภควา มยฺหํ ปรมฺมุขา ธมฺมํ เทเสติ, ตํ อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ ¶ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา – ‘‘กํ ปเนตฺถ, อานนฺท, อานิสํสํ ปสฺสสี’’ติ ¶ วุตฺเต – ‘‘อิธ, ภนฺเต, สทฺธา กุลปุตฺตา ภควโต โอกาสํ อลภนฺตา มํ เอวํ วทนฺติ – ‘สฺเว, ภนฺเต อานนฺท, ภควตา สทฺธึ อมฺหากํ ฆเร ภิกฺขํ คณฺเหยฺยาถา’ติ, สเจ ภนฺเต ภควา ตตฺถ น คมิสฺสติ, อิจฺฉิตกฺขเณเยว ปริสํ ทสฺเสตุํ, กงฺขฺจ วิโนเทตุํ โอกาสํ น ลจฺฉามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘กึ อานนฺโท ทสพลํ อุปฏฺาติ, เอตฺตกมฺปิสฺส อนุคฺคหํ ภควา น กโรตี’ติ. ภควโต จ ปรมฺมุขา มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ – ‘อยํ, อาวุโส อานนฺท, คาถา, อิทํ สุตฺตํ, อิทํ ชาตกํ, กตฺถ เทสิต’นฺติ. สจาหํ ตํ น สมฺปาทยิสฺสามิ, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘เอตฺตกมฺปิ, อาวุโส, น ชานาสิ, กสฺมา ตฺวํ ฉายา วิย ภควนฺตํ อวิชหนฺโต ทีฆรตฺตํ วิจรสี’ติ. เตนาหํ ปรมฺมุขา เทสิตสฺสปิ ธมฺมสฺส ปุน กถนํ อิจฺฉามี’’ติ อิมา จตสฺโส อายาจนา ยาจิ. ภควาปิสฺส อทาสิ.
เอวํ อิเม อฏฺ วเร คเหตฺวา นิพทฺธุปฏฺาโก อโหสิ. ตสฺเสว านนฺตรสฺสตฺถาย กปฺปสตสหสฺสํ ¶ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลํ ปาปุณีติ อิมสฺส นิพทฺธุปฏฺากภาวํ สนฺธาย – ‘‘มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตรหิ อานนฺโท ภิกฺขุ อุปฏฺาโก อคฺคุปฏฺาโก’’ติ อาห. อยํ อุปฏฺากปริจฺเฉโท นาม.
๑๒. ปิติปริจฺเฉโท อุตฺตานตฺโถเยว.
วิหารํ ปาวิสีติ กสฺมา วิหารํ ปาวิสิ? ภควา กิร เอตฺตกํ กเถตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘น ตาว มยา สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ วํโส นิรนฺตรํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา กถิโต, อชฺช มยิ ปน วิหารํ ปวิฏฺเ อิเม ภิกฺขู ภิยฺโยโส มตฺตาย ปุพฺเพนิวาสาณํ อารพฺภ วณฺณํ กถยิสฺสนฺติ. อถาหํ อาคนฺตฺวา นิรนฺตรํ พุทฺธวํสํ กเถตฺวา มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ กถาวารสฺส โอกาสํ ทตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ.
ยฺเจตํ ภควา ตนฺตึ กเถสิ, ตตฺถ กปฺปปริจฺเฉโท, ชาติปริจฺเฉโท, โคตฺตปริจฺเฉโท, อายุปริจฺเฉโท, โพธิปริจฺเฉโท, สาวกยุคปริจฺเฉโท, สาวกสนฺนิปาตปริจฺเฉโท, อุปฏฺากปริจฺเฉโท, ปิติปริจฺเฉโทติ นวิเม วารา อาคตา, สมฺพหุลวาโร อนาคโต, อาเนตฺวา ปน ทีเปตพฺโพ.
สมฺพหุลวารกถาวณฺณนา
สพฺพโพธิสตฺตานฺหิ ¶ ¶ เอกสฺมึ กุลวํสานุรูเป ปุตฺเต ชาเต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตพฺพนฺติ อยเมว วํโส, อยํ ปเวณี. กสฺมา? สพฺพฺุโพธิสตฺตานฺหิ มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนโต ปฏฺาย ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการานิ อเนกานิ ปาฏิหาริยานิ โหนฺติ, ตตฺร เนสํ ยทิ เนว ชาตนครํ, น ปิตา, น มาตา, น ภริยา, น ปุตฺโต ปฺาเยยฺย, ‘‘อิมสฺส เนว ชาตนครํ, น ปิตา, น ภริยา, น ปุตฺโต ปฺายติ, เทโว วา สกฺโก วา มาโร วา พฺรหฺมา วา เอส มฺเ, เทวานฺจ อีทิสํ ปาฏิหาริยํ อนจฺฉริย’’นฺติ มฺมาโน ชโน เนว โสตพฺพํ, น สทฺธาตพฺพํ มฺเยฺย. ตโต อภิสมโย น ภเวยฺย, อภิสมเย อสติ นิรตฺถโกว พุทฺธุปฺปาโท, อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติ. ตสฺมา สพฺพโพธิสตฺตานํ – ‘‘เอกสฺมึ กุลวํสานุรูเป ปุตฺเต ชาเต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตพฺพ’’นฺติ อยเมว วํโส อยํ ปเวณี. ตสฺมา ปุตฺตาทีนํ วเสน สมฺพหุลวาโร อาเนตฺวา ทีเปตพฺโพ.
สมฺพหุลปริจฺเฉทวณฺณนา
ตตฺถ ¶ –
สมวตฺตกฺขนฺโธ อตุโล, สุปฺปพุทฺโธ จ อุตฺตโร;
สตฺถวาโห วิชิตเสโน, ราหุโล ภวติ สตฺตโมติ.
เอเต ตาว สตฺตนฺนมฺปิ โพธิสตฺตานํ อนุกฺกเมเนว สตฺต ปุตฺตา เวทิตพฺพา.
ตตฺถ ราหุลภทฺเท ตาว ชาเต ปณฺณํ อาหริตฺวา มหาปุริสสฺส หตฺเถ ปยึสุ. อถสฺส ตาวเทว สกลสรีรํ โขเภตฺวา ปุตฺตสิเนโห อฏฺาสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘เอกสฺมึ ตาว ชาเต เอวรูโป ปุตฺตสิเนโห, ปโรสหสฺสํ กิร เม ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ, เตสุ เอเกกสฺมึ ชาเต อิทํ สิเนหพนฺธนํ เอวํ วฑฺฒนฺตํ ทุพฺเภชฺชํ ภวิสฺสติ, ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ อาห. ตํ ทิวสเมว จ รชฺชํ ปหาย นิกฺขนฺโต. เอส นโย สพฺเพสํ ปุตฺตุปฺปตฺติยนฺติ. อยํ ปุตฺตปริจฺเฉโท.
สุตนา ¶ สพฺพกามา จ, สุจิตฺตา อถ โรจินี;
รุจคฺคตี สุนนฺทา จ, พิมฺพา ภวติ สตฺตมาติ.
เอตา เตสํ สตฺตนฺนมฺปิ ปุตฺตานํ มาตโร อเหสุํ. พิมฺพาเทวี ปน ราหุลกุมาเร ชาเต ราหุลมาตาติ ปฺายิตฺถ. อยํ ภริยปริจฺเฉโท.
วิปสฺสี ¶ กกุสนฺโธติ อิเม ปน ทฺเว โพธิสตฺตา ปยุตฺตอาชฺรถมารุยฺห มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมึสุ. สิขี โกณาคมโนติ อิเม ทฺเว หตฺถิกฺขนฺธวรคตา หุตฺวา นิกฺขมึสุ. เวสฺสภู สุวณฺณสิวิกาย นิสีทิตฺวา นิกฺขมิ. กสฺสโป อุปริปาสาเท มหาตเล นิสินฺโนว อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานา อุฏฺาย ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา – ‘‘ปาสาโท อุคฺคนฺตฺวา โพธิมณฺเฑ โอตรตู’’ติ อธิฏฺาสิ. ปาสาโท อากาเสน คนฺตฺวา โพธิมณฺเฑ โอตริ. มหาปุริโสปิ ตโต โอตริตฺวา ภูมิยํ ตฺวา – ‘‘ปาสาโท ยถาาเนเยว ปติฏฺาตู’’ติ จินฺเตสิ. โส ยถาาเน ปติฏฺาสิ. มหาปุริโสปิ สตฺต ทิวสานิ ปธานมนุยฺุชิตฺวา โพธิปลฺลงฺเก ¶ นิสีทิตฺวา สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิ. อมฺหากํ ปน โพธิสตฺโต กณฺฏกํ อสฺสวรมารุยฺห นิกฺขนฺโตติ. อยํ ยานปริจฺเฉโท.
วิปสฺสิสฺส ปน ภควโต โยชนปฺปมาเณ ปเทเส วิหาโร ปติฏฺาสิ, สิขิสฺส ติคาวุเต, เวสฺสภุสฺส อฑฺฒโยชเน, กกุสนฺธสฺส คาวุเต, โกณาคมนสฺส อฑฺฒคาวุเต, กสฺสปสฺส วีสติอุสเภ. อมฺหากํ ภควโต ปกติมาเนน โสฬสกรีเส, ราชมาเนน อฏฺกรีเส ปเทเส วิหาโร ปติฏฺิโตติ. อยํ วิหารปริจฺเฉโท.
วิปสฺสิสฺส ปน ภควโต เอกรตนายามา วิทตฺถิวิตฺถารา อฏฺงฺคุลุพฺเพธา สุวณฺณิฏฺกา กาเรตฺวา จูฬํเสน ฉาเทตฺวา วิหารฏฺานํ กิณึสุ. สิขิสฺส สุวณฺณยฏฺิผาเลหิ ฉาเทตฺวา กิณึสุ. เวสฺสภุสฺส สุวณฺณหตฺถิปาทานิ กาเรตฺวา เตสํ จูฬํเสน ฉาเทตฺวา กิณึสุ. กกุสนฺธสฺส วุตฺตนเยเนว สุวณฺณิฏฺกาหิ ฉาเทตฺวา กิณึสุ. โกณาคมนสฺส วุตฺตนเยเนว สุวณฺณกจฺฉเปหิ ฉาเทตฺวา กิณึสุ. กสฺสปสฺส ¶ สุวณฺณกฏฺฏีหิเยว ฉาเทตฺวา กิณึสุ. อมฺหากํ ภควโต สลกฺขณานํ กหาปณานํ จูฬํเสน ฉาเทตฺวา กิณึสุ. อยํ วิหารภูมิคฺคหณธนปริจฺเฉโท.
ตตฺถ ¶ วิปสฺสิสฺส ภควโต ตถา ภูมึ กิณิตฺวา วิหารํ กตฺวา ทินฺนุปฏฺาโก ปุนพฺพสุมิตฺโต นาม อโหสิ, สิขิสฺส สิริวฑฺฒโน นาม, เวสฺสภุสฺส โสตฺถิโย นาม, กกุสนฺธสฺส อจฺจุโต นาม, โกณาคมนสฺส อุคฺโค นาม, กสฺสปสฺส สุมโน นาม, อมฺหากํ ภควโต สุทตฺโต นาม. สพฺเพ เจเต คหปติมหาสาลา เสฏฺิโน อเหสุนฺติ. อยํ อุปฏฺากปริจฺเฉโท นาม.
อปรานิ จตฺตาริ อวิชหิตฏฺานานิ นาม โหนฺติ. สพฺพพุทฺธานฺหิ โพธิปลฺลงฺโก อวิชหิโต, เอกสฺมึเยว าเน โหติ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ อิสิปตเน มิคทาเย อวิชหิตเมว โหติ. เทโวโรหนกาเล สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปมปทคณฺิกา อวิชหิตาว โหติ. เชตวเน คนฺธกุฏิยา จตฺตาริ มฺจปาทฏฺานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺติ. วิหาโร ปน ขุทฺทโกปิ มหนฺโตปิ โหติ, วิหาโรปิ น วิชหิโตเยว, นครํ ปน วิชหติ. ยทา นครํ ปาจีนโต โหติ, ตทา วิหาโร ปจฺฉิมโต; ยทา นครํ ทกฺขิณโต, ตทา วิหาโร อุตฺตรโต. ยทา นครํ ปจฺฉิมโต, ตทา วิหาโร ปาจีนโต; ยทา นครํ อุตฺตรโต, ตทา วิหาโร ทกฺขิณโต. อิทานิ ปน นครํ อุตฺตรโต, วิหาโร ทกฺขิณโต.
สพฺพพุทฺธานฺจ ¶ อายุเวมตฺตํ, ปมาณเวมตฺตํ, กุลเวมตฺตํ, ปธานเวมตฺตํ, รสฺมิเวมตฺตนฺติ ปฺจ เวมตฺตานิ โหนฺติ. อายุเวมตฺตํ นาม เกจิ ทีฆายุกา โหนฺติ, เกจิ อปฺปายุกา. ตถา หิ ทีปงฺกรสฺส วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิ, อมฺหากํ ภควโต วสฺสสตํ อายุปฺปมาณํ.
ปมาณเวมตฺตํ นาม เกจิ ทีฆา โหนฺติ เกจิ รสฺสา. ตถา หิ ทีปงฺกโร อสีติหตฺโถ อโหสิ, สุมโน นวุติหตฺโถ, อมฺหากํ ภควา อฏฺารสหตฺโถ.
กุลเวมตฺตํ ¶ นาม เกจิ ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺตนฺติ, เกจิ พฺราหฺมณกุเล. ปธานเวมตฺตํ นาม เกสฺจิ ปธานํ อิตฺตรกาลเมว โหติ, ยถา กสฺสปสฺส ภควโต. เกสฺจิ อทฺธนิยํ, ยถา อมฺหากํ ภควโต.
รสฺมิเวมตฺตํ นาม มงฺคลสฺส ภควโต สรีรรสฺมิ ทสสหสฺสิโลกธาตุปฺปมาณา อโหสิ. อมฺหากํ ภควโต สมนฺตา พฺยามมตฺตา ¶ . ตตฺร รสฺมิเวมตฺตํ อชฺฌาสยปฺปฏิพทฺธํ, โย ยตฺตกํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตตฺตกํ สรีรปฺปภา ผรติ. มงฺคลสฺส ปน นิจฺจมฺปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผรตูติ อชฺฌาสโย อโหสิ. ปฏิวิทฺธคุเณสุ ปน กสฺสจิ เวมตฺตํ นาม นตฺถิ.
อปรํ อมฺหากํเยว ภควโต สหชาตปริจฺเฉทฺจ นกฺขตฺตปริจฺเฉทฺจ ทีเปสุํ. สพฺพฺุโพธิสตฺเตน กิร สทฺธึ ราหุลมาตา, อานนฺทตฺเถโร, ฉนฺโน, กณฺฏโก, นิธิกุมฺโภ, มหาโพธิ, กาฬุทายีติ อิมานิ สตฺต สหชาตานิ. มหาปุริโส จ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตเนว มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมิ, มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ, ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ. วิสาขานกฺขตฺเตน ชาโต จ อภิสมฺพุทฺโธ จ ปรินิพฺพุโต จ. มาฆนกฺขตฺเตนสฺส สาวกสนฺนิปาโต จ อโหสิ, อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนฺจ, อสฺสยุชนกฺขตฺเตน เทโวโรหนนฺติ เอตฺตกํ อาหริตฺวา ทีเปตพฺพํ. อยํ สมฺพหุลปริจฺเฉโท นาม.
๑๓. อิทานิ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนนฺติอาทีสุ เต ภิกฺขู – ‘‘อาวุโส, ปุพฺเพนิวาสสฺส นาม อยํ คติ, ยทิทํ จุติโต ปฏฺาย ปฏิสนฺธิอาโรหนํ. ยํ ปน อิทํ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ปจฺฉามุขํ าณํ เปเสตฺวา จุติ คนฺตพฺพํ, อิทํ อติครุกํ. อากาเส ปทํ ทสฺเสนฺโต วิย ภควา กเถสี’’ติ อติวิมฺหยชาตา หุตฺวา – ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส,’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุน อปรมฺปิ การณํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘ยตฺร หิ นาม ตถาคโต’’ติอาทิมาหํสุ ¶ . ตตฺถ ยตฺร หิ นามาติ อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต, โย นาม ตถาคโตติ อตฺโถ. ฉินฺนปปฺเจติ เอตฺถ ปปฺจา นาม ตณฺหา มาโน ทิฏฺีติ อิเม ตโย กิเลสา. ฉินฺนวฏุเมติ เอตฺถ วฏุมนฺติ กุสลากุสลกมฺมวฏฺฏํ วุจฺจติ. ปริยาทินฺนวฏฺเฏติ ตสฺเสว เววจนํ, ปริยาทินฺนสพฺพกมฺมวฏฺเฏติ อตฺโถ. สพฺพทุกฺขวีติวตฺเตติ สพฺพํ วิปากวฏฺฏสงฺขาตํ ทุกฺขํ วีติวตฺเต ¶ . อนุสฺสริสฺสตีติ อิทํ ยตฺราติ นิปาตวเสน อนาคตวจนํ, อตฺโถ ปเนตฺถ อตีตวเสน เวทิตพฺโพ. ภควา หิ เต พุทฺเธ อนุสฺสริ, น อิทานิ อนุสฺสริสฺสติ. เอวํสีลาติ ¶ มคฺคสีเลน ผลสีเลน โลกิยโลกุตฺตรสีเลน เอวํสีลา. เอวํธมฺมาติ เอตฺถ สมาธิปกฺขา ธมฺมา อธิปฺเปตา, มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา โลกิยโลกุตฺตรสมาธินา, เอวํสมาธโยติ อตฺโถ. เอวํปฺาติ มคฺคปฺาทิวเสเนว เอวํปฺา. เอวํวิหารีติ เอตฺถ ปน เหฏฺา สมาธิปกฺขานํ ธมฺมานํ คหิตตฺตา วิหาโร คหิโตว ปุน กสฺมา คหิตเมว คณฺหาตีติ เจ; น อิทํ คหิตเมว, อิทฺหิ นิโรธสมาปตฺติทีปนตฺถํ วุตฺตํ. ตสฺมา เอวํ นิโรธสมาปตฺติวิหารี เต ภควนฺโต อเหสุนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอวํวิมุตฺตาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ, ตทงฺควิมุตฺติ, สมุจฺเฉทวิมุตฺติ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ, นิสฺสรณวิมุตฺตีติ ปฺจวิธา วิมุตฺติ. ตตฺถ อฏฺ สมาปตฺติโย สยํ วิกฺขมฺภิเตหิ นีวรณาทีหิ วิมุตฺตตฺตา วิกฺขมฺภนวิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. อนิจฺจานุปสฺสนาทิกา สตฺตานุปสฺสนา สยํ ตสฺส ตสฺส ปจฺจนีกงฺควเสน ปริจฺจตฺตาหิ นิจฺจสฺาทีหิ วิมุตฺตตฺตา ตทงฺควิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. จตฺตาโร อริยมคฺคา สยํ สมุจฺฉินฺเนหิ กิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา สมุจฺเฉทวิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. จตฺตาริ สามฺผลานิ มคฺคานุภาเวน กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. นิพฺพานํ สพฺพกิเลเสหิ นิสฺสฏตฺตา อปคตตฺตา ทูเร ิตตฺตา นิสฺสรณวิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. อิติ อิมาสํ ปฺจนฺนํ วิมุตฺตีนํ วเสน – ‘‘เอวํ วิมุตฺตา’’ติ เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๑๔. ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ เอกีภาวา วุฏฺิโต.
๑๖. ‘‘อิโต โส, ภิกฺขเว’’ติ โก อนุสนฺธิ? อิทฺหิ สุตฺตํ – ‘‘ตถาคตสฺเสเวสา, ภิกฺขเว, ธมฺมธาตุ สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ จ ‘‘เทวตาปิ ตถาคตสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสุ’’นฺติ จ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ อาพทฺธํ. ตตฺถ เทวตาโรจนปทํ สุตฺตนฺตปริโยสาเน เทวจาริกโกลาหลํ ทสฺเสนฺโต วิจาเรสฺสติ ¶ . ธมฺมธาตุปทานุสนฺธิวเสน ปน อยํ เทสนา ¶ อารทฺธา. ตตฺถ ขตฺติโย ชาติยาติอาทีนิ เอกาทสปทานิ นิทานกณฺเฑ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.
โพธิสตฺตธมฺมตาวณฺณนา
๑๗. อถ ¶ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี โพธิสตฺโตติอาทีสุ ปน วิปสฺสีติ ตสฺส นามํ, ตฺจ โข วิวิเธ อตฺเถ ปสฺสนกุสลตาย ลทฺธํ. โพธิสตฺโตติ ปณฺฑิตสตฺโต พุชฺฌนกสตฺโต. โพธิสงฺขาเตสุ วา จตูสุ มคฺเคสุ สตฺโต อาสตฺโต ลคฺคมานโสติ โพธิสตฺโต. สโต สมฺปชาโนติ เอตฺถ สโตติ สติเยว. สมฺปชาโนติ าณํ. สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมีติ อตฺโถ. โอกฺกมีติ อิมินา จสฺส โอกฺกนฺตภาโว ปาฬิยํ ทสฺสิโต, น โอกฺกมนกฺกโม. โส ปน ยสฺมา อฏฺกถํ อารูฬฺโห, ตสฺมา เอวํ เวทิตพฺโพ –
สพฺพโพธิสตฺตา หิ สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา, ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, าตตฺถจริยโลกตฺถจริยพุทฺธจริยานํ โกฏึ ปตฺวา, เวสฺสนฺตรสทิเส ตติเย อตฺตภาเว ตฺวา, สตฺต มหาทานานิ ทตฺวา, สตฺตกฺขตฺตุํ ปถวึ กมฺเปตฺวา, กาลงฺกตฺวา, ทุติยจิตฺตวาเร ตุสิตภวเน นิพฺพตฺตนฺติ. วิปสฺสี โพธิสตฺโตปิ ตเถว กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา สฏฺิสตสหสฺสาธิกา สตฺตปฺาส วสฺสโกฏิโย ตตฺถ อฏฺาสิ. อฺทา ปน ทีฆายุกเทวโลเก นิพฺพตฺตา โพธิสตฺตา น ยาวตายุกํ ติฏฺนฺติ. กสฺมา? ตตฺถ ปารมีนํ ทุปฺปูรณียตฺตา. เต อธิมุตฺติกาลกิริยํ กตฺวา มนุสฺสปเถเยว นิพฺพตฺตนฺติ. ปารมีนํ ปูเรนฺโต ปน ยถา อิทานิ เอเกน อตฺตภาเวน สพฺพฺุตํ อุปเนตุํ สกฺโกนฺติ, เอวํ สพฺพโส ปูริตตฺตา ตทา วิปสฺสี โพธิสตฺโต ตตฺถ ยาวตายุกํ อฏฺาสิ.
เทวตานํ ปน – ‘‘มนุสฺสานํ คณนาวเสน อิทานิ สตฺตหิ ทิวเสหิ จุติ ภวิสฺสตี’’ติ ปฺจ ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ – มาลา มิลายนฺติ, วตฺถานิ กิลิสฺสนฺติ, กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, กาเย ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกมติ, เทโว เทวาสเน น สณฺาติ. ตตฺถ ¶ มาลาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส ปิฬนฺธนมาลา ¶ , ตา กิร สฏฺิสตสหสฺสาธิกา สตฺตปณฺณาส วสฺสโกฏิโย อมิลายิตฺวา ตทา มิลายนฺติ. วตฺเถสุปิ เอเสว นโย. เอตฺตกํ ปน กาลํ เทวานํ เนว สีตํ น อุณฺหํ โหติ, ตสฺมึ กาเล สรีรา พินฺทุพินฺทุวเสน เสทา มุจฺจนฺติ. เอตฺตกฺจ กาลํ เตสํ สรีเร ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทิวเสน วิวณฺณตา น ปฺายติ, เทวธีตา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย ขายนฺติ, เทวปุตฺตา วีสติวสฺสุทฺเทสิกา วิย ขายนฺติ, มรณกาเล ปน เตสํ กิลนฺตรูโป อตฺตภาโว โหติ. เอตฺตกฺจ เตสํ กาลํ เทวโลเก อุกฺกณฺิตา นาม นตฺถิ, มรณกาเล ปน นิสฺสสนฺติ วิชมฺภนฺติ, สเก อาสเน นาภิรมนฺติ.
อิมานิ ¶ ปน ปุพฺพนิมิตฺตานิ ยถา โลเก มหาปฺุานํ ราชราชมหามตฺตาทีนํเยว อุกฺกาปาตภูมิจาลจนฺทคฺคาหาทีนิ นิมิตฺตานิ ปฺายนฺติ, น สพฺเพสํ; เอวํ มเหสกฺขเทวตานํเยว ปฺายนฺติ, น สพฺเพสํ. ยถา จ มนุสฺเสสุ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นกฺขตฺตปากาทโยว ชานนฺติ, น สพฺเพ; เอวํ ตานิปิ น สพฺพเทวตา ชานนฺติ, ปณฺฑิตา เอว ปน ชานนฺติ. ตตฺถ เย มนฺเทน กุสลกมฺเมน นิพฺพตฺตา เทวปุตฺตา, เต เตสุ อุปฺปนฺเนสุ – ‘‘อิทานิ โก ชานาติ, ‘กุหึ นิพฺพตฺเตสฺสามา’ติ’’ ภายนฺติ. เย มหาปฺุา, เต ‘‘อมฺเหหิ ทินฺนํ ทานํ, รกฺขิตํ สีลํ, ภาวิตํ ภาวนํ อาคมฺม อุปริ เทวโลเกสุ สมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามา’’ติ น ภายนฺติ. วิปสฺสี โพธิสตฺโตปิ ตานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ อนนฺตเร อตฺตภาเว พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ น ภายติ. อถสฺส เตสุ นิมิตฺเตสุ ปาตุภูเตสุ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา – ‘‘มาริส, ตุมฺเหหิ ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตหิ น สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารสมฺปตฺตึ, น พฺรหฺมสมฺปตฺตึ, น จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺถยมาเนหิ ปูริตา. โส โว, อิทานิ กาโล, มาริส, พุทฺธตฺตาย, สมโย, มาริส, พุทฺธตฺตายา’’ติ ยาจนฺติ.
อถ มหาสตฺโต ตาสํ เทวตานํ ปฏิฺํ อทตฺวาว กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปริจฺเฉทวเสน ปฺจมหาวิโลกนํ นาม วิโลเกสิ. ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, น กาโล’’ติ ปมํ กาลํ วิโลเกสิ. ตตฺถ ¶ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ วฑฺฒิตอายุกาโล กาโล นาม น โหติ. กสฺมา? ตทา หิ สตฺตานํ ชาติชรามรณานิ น ¶ ปฺายนฺติ, พุทฺธานฺจ ธมฺมเทสนา นาม ติลกฺขณมุตฺตา นตฺถิ. เต เตสํ – ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ กเถนฺตานํ – ‘‘กึ นาเมตํ กเถนฺตี’’ติ เนว โสตุํ, น สทฺทหิตุํ มฺนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมึ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติ. ตสฺมา โส อกาโล. วสฺสสตโต อูนอายุกาโลปิ กาโล น โหติ. กสฺมา? ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานฺจ ทินฺโน โอวาโท โอวาทฏฺาเน น ติฏฺติ, อุทเก ทณฺฑราชิ วิย ขิปฺปํ วิคจฺฉติ. ตสฺมา โสปิ อกาโลว. วสฺสสตสหสฺสโต ปฏฺาย เหฏฺา, วสฺสสตโต ปฏฺาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นาม, ตทา จ อสีติวสฺสสหสฺสายุกา มนุสฺสา. อถ มหาสตฺโต – ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ กาลํ ปสฺสิ.
ตโต ทีปํ วิโลเกนฺโต สปริวาเร จตฺตาโร ทีเป โอโลเกตฺวา – ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิ.
ตโต ¶ – ‘‘ชมฺพุทีโป นาม มหา, ทสโยชนสหสฺสปริมาโณ, กตรสฺมึ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ เทสํ วิโลเกนฺโต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิ. มชฺฌิมเทโส นาม – ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม’’ติอาทินา (มหาว. ๒๕๙) นเยน วินเย วุตฺโตว. โส อายามโต ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขปโต นวโยชนสตานีติ. เอตสฺมิฺหิ ปเทเส พุทฺธา ปจฺเจกพุทฺธา อคฺคสาวกา อสีติ มหาสาวกา จกฺกวตฺติราชาโน อฺเ จ มเหสกฺขา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติมหาสาลา อุปฺปชฺชนฺติ. อิทฺเจตฺถ พนฺธุมตี นาม นครํ, ตตฺถ มยา นิพฺพตฺติตพฺพนฺติ นิฏฺํ อคมาสิ.
ตโต กุลํ วิโลเกนฺโต – ‘‘พุทฺธา นาม โลกสมฺมเต กุเล นิพฺพตฺตนฺติ. อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ, พนฺธุมา นาม เม ราชา ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิ.
ตโต ¶ มาตรํ วิโลเกนฺโต – ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตปารมี, ชาติโต ปฏฺาย อขณฺฑปฺจสีลา โหติ, อยฺจ พนฺธุมตี นาม เทวี อีทิสา, อยํ เม มาตา ภวิสฺสติ ¶ , ‘‘กิตฺตกํ ปนสฺสา อายู’’ติ อาวชฺชนฺโต ‘‘ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิ.
อิติ อิมํ ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา ‘‘กาโล, เม มาริสา, พุทฺธภาวายา’’ติ เทวตานํ สงฺคหํ กโรนฺโต ปฏิฺํ ทตฺวา – ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห’’ติ ตา เทวตา อุยฺโยเชตฺวา ตุสิตเทวตาหิ ปริวุโต ตุสิตปุเร นนฺทนวนํ ปาวิสิ. สพฺพเทวโลเกสุ หิ นนฺทนวนํ อตฺถิเยว. ตตฺร นํ เทวตา อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉาติ ปุพฺเพกตกุสลกมฺโมกาสํ สารยมานา วิจรนฺติ. โส เอวํ เทวตาหิ กุสลํ สารยมานาหิ ปริวุโต ตตฺถ วิจรนฺโตเยว จวิ.
เอวํ จุโต จ ‘จวามี’ติ ชานาติ, จุติจิตฺตํ น ชานาติ. ปฏิสนฺธึ คเหตฺวาปิ ชานาติ, ปฏิสนฺธิจิตฺตเมว น ชานาติ. ‘‘อิมสฺมึ เม าเน ปฏิสนฺธึ คหิตา’’ติ เอวํ ปน ชานาติ. เกจิ ปน เถรา – ‘‘อาวชฺชนปริยาโย นาม ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ทุติยตติยจิตฺตวาเร เอว ชานิสฺสตี’’ติ วทนฺติ. ติปิฏกมหาสีวตฺเถโร ปน อาห – ‘‘มหาสตฺตานํ ปฏิสนฺธิ น อฺเสํ ปฏิสนฺธิสทิสา, โกฏิปฺปตฺตํ ปน เตสํ สติสมฺปชฺํ. ยสฺมา ปน เตเนว จิตฺเตน ตํ จิตฺตํ าตุํ น สกฺกา, ตสฺมา จุติจิตฺตํ น ชานาติ. จุติกฺขเณปิ ‘จวามี’ติ ชานาติ. ปฏิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติ. ‘อสุกสฺมึ เม าเน ปฏิสนฺธิ คหิตา’ติ ชานาติ, ตสฺมึ ¶ กาเล ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปตี’’ติ. เอวํ สโต สมฺปชาโน มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺโต ปน เอกูนวีสติยา ปฏิสนฺธิจิตฺเตสุ เมตฺตาปุพฺพภาคสฺส โสมนสฺสสหคตาณสมฺปยุตฺตอสงฺขาริกกุสลจิตฺตสฺส สทิสมหาวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธิ คณฺหิ. มหาสีวตฺเถโร ปน อุเปกฺขาสหคเตนาติ อาห. ยถา ¶ จ อมฺหากํ ภควา, เอวํ โสปิ อาสาฬฺหีปุณฺณมายํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตเนว ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ.
ตทา กิร ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธาทิวิภูติสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา โพธิสตฺตมาตา สตฺตเม ทิวเส ปาโต อุฏฺาย คนฺโธทเกน นหายิตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา วรโภชนํ ภฺุชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิทํ สุปินํ อทฺทส – ‘‘จตฺตาโร กิร ¶ นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธึ อุกฺขิปิตฺวา อโนตตฺตทหํ เนตฺวา นหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา ทิพฺพคนฺเธหิ วิลิมฺเปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬนฺธิตฺวา, ตโต อวิทูเร รชตปพฺพโต, ตสฺส อนฺโต กนกวิมานํ อตฺถิ, ตสฺมึ ปาจีนโต สีสํ กตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. อถ โพธิสตฺโต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต, ตตฺถ จริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉึ ปวิฏฺสทิโส อโหสิ’’.
อถ ปพุทฺธา เทวี ตํ สุปินํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา วิภาตาย รตฺติยา จตุสฏฺิมตฺเต พฺราหฺมณปาโมกฺเข ปกฺโกสาเปตฺวา หริตูปลิตฺตาย ลาชาทีหิ กตมงฺคลสกฺการาย ภูมิยา มหารหานิ อาสนานิ ปฺเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ สปฺปิมธุสกฺกราภิสงฺขตสฺส วรปายาสสฺส สุวณฺณรชตปาติโย ปูเรตฺวา สุวณฺณรชตปาตีเหว ปฏิกุชฺชิตฺวา อทาสิ, อฺเหิ จ อหตวตฺถกปิลคาวีทานาทีหิ เนสํ สนฺตปฺเปสิ. อถ เนสํ สพฺพกามสนฺตปฺปิตานํ ตํ สุปินํ อาโรเจตฺวา – ‘‘กึ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา อาหํสุ – ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, เทวิยา เต กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ ปติฏฺิโต, โส จ โข ปุริสคพฺโภ น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสติ. โส สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี. สเจ อคารา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสติ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท’’ติ. อยํ ตาว – ‘‘มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมี’’ติ เอตฺถ วณฺณนากฺกโม.
อยเมตฺถ ¶ ธมฺมตาติ อยํ เอตฺถ มาตุกุจฺฉิโอกฺกมเน ธมฺมตา, อยํ สภาโว, อยํ นิยาโมติ ¶ วุตฺตํ โหติ. นิยาโม จ นาเมส กมฺมนิยาโม, อุตุนิยาโม, พีชนิยาโม, จิตฺตนิยาโม, ธมฺมนิยาโมติ ปฺจวิโธ (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘).
ตตฺถ กุสลสฺส อิฏฺวิปากทานํ, อกุสลสฺส อนิฏฺวิปากทานนฺติ อยํ กมฺมนิยาโม. ตสฺส ทีปนตฺถํ – ‘‘น อนฺตลิกฺเข’’ติ (ขุ. ปา. ๑๒๗) คาถาย วตฺถูนิ วตฺตพฺพานิ. อปิจ เอกา กิร อิตฺถี สามิเกน สทฺธึ ภณฺฑิตฺวา อุพฺพนฺธิตฺวา มริตุกามา ¶ รชฺชุปาเส คีวํ ปเวเสสิ. อฺตโร ปุริโส วาสึ นิเสนฺโต ตํ อิตฺถิกมฺมํ ทิสฺวา รชฺชุํ ฉินฺทิตุกาโม – ‘‘มา ภายิ, มา ภายี’’ติ ตํ สมสฺสาเสนฺโต อุปธาวิ. รชฺชุ อาสีวิโส หุตฺวา อฏฺาสิ. โส ภีโต ปลายิ. อิตรา ตตฺเถว มริ. เอวมาทีนิ เจตฺถ วตฺถูนิ ทสฺเสตพฺพานิ.
เตสุ เตสุ ชนปเทสุ ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล เอกปฺปหาเรเนว รุกฺขานํ ปุปฺผผลคหณาทีนิ, วาตสฺส วายนํ อวายนํ, อาตปสฺส ติกฺขตา มนฺทตา, เทวสฺส วสฺสนํ อวสฺสนํ, ปทุมานํ ทิวา วิกสนํ รตฺตึ มิลายนนฺติ เอวมาทิ อุตุนิยาโม.
ยํ ปเนตํ สาลิพีชโต สาลิผลเมว, มธุรโต มธุรสํเยว, ติตฺตโต ติตฺตรสํเยว ผลํ โหติ, อยํ พีชนิยาโม.
ปุริมา ปุริมา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา ปจฺฉิมานํ ปจฺฉิมานํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺจโยติ เอวํ ยเทตํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ อนนฺตรา สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ นิพฺพตฺตนํ, อยํ จิตฺตนิยาโม.
ยา ปเนสา โพธิสตฺตานํ มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนาทีสุ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนาทีนํ ปวตฺติ, อยํ ธมฺมนิยาโม นาม. เตสุ อิธ ธมฺมนิยาโม อธิปฺเปโต. ตสฺมา ตเมวตฺถํ ทสฺเสนฺโต ธมฺมตา เอสา ภิกฺขเวติอาทิมาห.
๑๘. ตตฺถ กุจฺฉึ โอกฺกมตีติ เอตฺถ กุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหตีติ อยเมวตฺโถ ¶ . โอกฺกนฺเต หิ ตสฺมึ เอวํ โหติ, น โอกฺกมมาเน. อปฺปมาโณติ วุฑฺฒิปฺปมาโณ, วิปุโลติ อตฺโถ. อุฬาโรติ ตสฺเสว เววจนํ. อุฬารานิ อุฬารานิ ขาทนียานิ ขาทนฺตีติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๙) หิ มธุรํ อุฬารนฺติ วุตฺตํ. อุฬาราย ขลุ ภวํ วจฺฉายโน สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตีติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘๘) เสฏฺํ อุฬารนฺติ วุตฺตํ. อิธ ปน วิปุลํ ¶ อธิปฺเปตํ. เทวานํ เทวานุภาวนฺติ เอตฺถ เทวานํ อยมานุภาโว นิวตฺถวตฺถสฺส ปภา ทฺวาทสโยชนานิ ผรติ, ตถา สรีรสฺส, ตถา อลงฺการสฺส, ตถา วิมานสฺส, ตํ อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ.
โลกนฺตริกาติ ¶ ติณฺณํ ติณฺณํ จกฺกวาฬานํ อนฺตรา เอเกโก โลกนฺตริโก โหติ, ติณฺณํ สกฏจกฺกานํ วา ติณฺณํ ปตฺตานํ วา อฺมฺํ อาหจฺจ ปิตานํ มชฺเฌ โอกาโส วิย. โส ปน โลกนฺตริกนิรโย ปริมาณโต อฏฺโยชนสหสฺโส โหติ. อฆาติ นิจฺจวิวฏา. อสํวุตาติ เหฏฺาปิ อปฺปติฏฺา. อนฺธการาติ ตมภูตา. อนฺธการติมิสาติ จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺตินิวารณโต อนฺธภาวกรณติมิเสน สมนฺนาคตา. ตตฺถ กิร จกฺขุวิฺาณํ น ชายติ. เอวํมหิทฺธิกาติ จนฺทิมสูริยา กิร เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ ปฺายนฺติ, เอวํ มหิทฺธิกา. เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกํ ทสฺเสนฺติ, เอวํมหานุภาวา. อาภาย นานุโภนฺตีติ อตฺตโน ปภาย นปฺปโหนฺติ. เต กิร จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมชฺเฌน วิจรนฺติ, จกฺกวาฬปพฺพตฺจ อติกฺกมฺม โลกนฺตริกนิรยา. ตสฺมา เต ตตฺถ อาภาย นปฺปโหนฺติ.
เยปิ ตตฺถ สตฺตาติ เยปิ ตสฺมึ โลกนฺตริกมหานิรเย สตฺตา อุปฺปนฺนา. กึ ปน กมฺมํ กตฺวา ตตฺถ อุปฺปชฺชนฺตีติ. ภาริยํ ทารุณํ มาตาปิตูนํ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานฺจ อุปริ อปราธํ, อฺฺจ ทิวเส ทิวเส ปาณวธาทิสาหสิกกมฺมํ กตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ, ตมฺพปณฺณิทีเป อภยโจรนาคโจราทโย วิย. เตสํ อตฺตภาโว ติคาวุติโก โหติ, วคฺคุลีนํ วิย ทีฆนขา โหนฺติ. เต รุกฺเข วคฺคุลิโย วิย นเขหิ จกฺกวาฬปพฺพเต ลคฺคนฺติ. ยทา ¶ สํสปฺปนฺตา อฺมฺสฺส หตฺถปาสํ คตา โหนฺติ, อถ ‘‘ภกฺโข โน ลทฺโธ’’ติ มฺมานา ตตฺถ วาวฏา วิปริวตฺติตฺวา โลกสนฺธารกอุทเก ปตนฺติ, วาเต ปหรนฺเตปิ มธุกผลานิ วิย ฉิชฺชิตฺวา อุทเก ปตนฺติ, ปติตมตฺตาว อจฺจนฺตขาเร อุทเก ปิฏฺปิณฺฑิ วิย วิลียนฺติ.
อฺเปิ กิร โภ สนฺติ สตฺตาติ โภ ยถา มยํ มหาทุกฺขํ อนุภวาม, เอวํ อฺเ กิร สตฺตาปิ อิมํ ทุกฺขมนุภวนตฺถาย อิธูปปนฺนาติ ตํ ทิวสํ ปสฺสนฺติ. อยํ ปน โอภาโส เอกยาคุปานมตฺตมฺปิ น ติฏฺติ, อจฺฉราสงฺฆาฏมตฺตเมว วิชฺโชภาโส วิย นิจฺฉริตฺวา – ‘‘กึ อิท’’นฺติ ภณนฺตานํเยว อนฺตรธายติ. สงฺกมฺปตีติ สมนฺตโต กมฺปติ. อิตรทฺวยํ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. ปุน อปฺปมาโณ จาติอาทิ นิคมนตฺถํ วุตฺตํ.
๑๙. จตฺตาโร ¶ ¶ นํ เทวปุตฺตา จาตุทฺทิสํ รกฺขาย อุปคจฺฉนฺตีติ เอตฺถ จตฺตาโรติ จตุนฺนํ มหาราชานํ วเสน วุตฺตํ. ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ ปน จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา จตฺตาลีสสหสฺสานิ โหนฺติ. ตตฺถ อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ มหาราชาโน ขคฺคหตฺถา โพธิสตฺตสฺส อารกฺขตฺถาย อุปคนฺตฺวา สิริคพฺภํ ปวิฏฺา, อิตเร คพฺภทฺวารโต ปฏฺาย อวรุทฺธเก ปํสุปิสาจกาทิยกฺขคเณ ปฏิกฺกมาเปตฺวา ยาว จกฺกวาฬา อารกฺขํ คณฺหึสุ.
กิมตฺถาย ปนายํ รกฺขา? นนุ ปฏิสนฺธิกฺขเณ กลลกาลโต ปฏฺาย สเจปิ โกฏิสตสหสฺสมารา โกฏิสตสหสฺสสิเนรุํ อุกฺขิปิตฺวา โพธิสตฺตสฺส วา โพธิสตฺตมาตุยา วา อนฺตรายกรณตฺถํ อาคจฺเฉยฺยุํ, สพฺเพ อนฺตราว อนฺตรธาเยยฺยุํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา รุหิรุปฺปาทวตฺถุสฺมึ – ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ปรุปกฺกเมน ตถาคตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย. อนุปกฺกเมน, ภิกฺขเว, ตถาคตา ปรินิพฺพายนฺติ. คจฺฉถ, ตุมฺเห ภิกฺขเว, ยถาวิหารํ, อรกฺขิยา, ภิกฺขเว ตถาคตา’’ติ (จูฬว. ๓๔๑). เอวเมว, เตน ปรุปกฺกเมน น เตสํ ชีวิตนฺตราโย ¶ อตฺถิ, สนฺติ โข ปน อมนุสฺสา วิรูปา ทุทฺทสิกา เภรวรูปา มิคปกฺขิโน, เยสํ รูปํ วา ทิสฺวา สทฺทํ วา สุตฺวา โพธิสตฺตมาตุ ภยํ วา สนฺตาโส วา อุปฺปชฺเชยฺย, เตสํ นิวารณตฺถาย รกฺขํ อคฺคเหสุํ. อปิจ โพธิสตฺตสฺส ปฺุเตเชน สฺชาตคารวา อตฺตโน คารวโจทิตาปิ เต เอวมกํสุ.
กึ ปน เต อนฺโตคพฺภํ ปวิสิตฺวา ิตา จตฺตาโร มหาราชาโน โพธิสตฺตสฺส มาตุยา อตฺตานํ ทสฺเสนฺติ, น ทสฺเสนฺตีติ? นหานมณฺฑนโภชนาทิสรีรกิจฺจกาเล น ทสฺเสนฺติ, สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา วรสยเน นิปนฺนกาเล ปน ทสฺเสนฺติ. ตตฺถ กิฺจาปิ อมนุสฺสทสฺสนํ นาม มนุสฺสานํ สปฺปฏิภยํ โหติ, โพธิสตฺตสฺส มาตา ปน อตฺตโน เจว ปุตฺตสฺส จ ปฺุานุภาเวน เต ทิสฺวา น ภายติ, ปกติอนฺเตปุรปาลเกสุ วิย อสฺสา เอเตสุ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ.
๒๐. ปกติยา สีลวตีติ สภาเวเนว สีลสมฺปนฺนา. อนุปฺปนฺเน กิร พุทฺเธ มนุสฺสา ตาปสปริพฺพาชกานํ สนฺติเก วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา สีลํ คณฺหนฺติ. โพธิสตฺตมาตาปิ กาลเทวิลสฺส อิสิโน สนฺติเก ¶ สีลํ คณฺหาติ. โพธิสตฺเต ปน กุจฺฉิคเต อฺสฺส ปาทมูเล นิสีทิตุํ นาม น สกฺกา, สมานาสเน นิสีทิตฺวา คหิตสีลมฺปิ อาวชฺชนกรณมตฺตํ โหติ. ตสฺมา สยเมว สีลํ อคฺคเหสีติ วุตฺตํ โหติ.
๒๑. ปุริเสสูติ ¶ โพธิสตฺตสฺส ปิตรํ อาทึ กตฺวา เกสุจิ มนุสฺเสสุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ นุปฺปชฺชติ. โพธิสตฺตมาตุรูปํ ปน กุสลา สิปฺปิกา โปตฺถกมฺมาทีสุปิ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. ตํ ทิสฺวา ปุริสสฺส ราโค นุปฺปชฺชตีติ น สกฺกา วตฺตุํ, สเจ ปน ตํ รตฺตจิตฺโต อุปสงฺกมิตุกาโม โหติ, ปาทา น วหนฺติ, ทิพฺพสงฺขลิกา วิย พชฺฌนฺติ. ตสฺมา ‘‘อนติกฺกมนียา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๒๒. ปฺจนฺนํ กามคุณานนฺติ ปุพฺเพ กามคุณูปสฺหิตนฺติ อิมินา ปุริสาธิปฺปายวเสน วตฺถุปฏิกฺเขโป กโต, อิธ อารมฺมณปฺปฏิลาโภ ทสฺสิโต. ตทา กิร เทวิยา เอวรูโป ปุตฺโต กุจฺฉึ อุปปนฺโนติ สุตฺวา สมนฺตโต ราชาโน ¶ มหคฺฆอาภรณตูริยาทิวเสน ปฺจทฺวารารมฺมณวตฺถุภูตํ ปณฺณาการํ เปเสนฺติ. โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุ จ กตกมฺมสฺส อุสฺสนฺนตฺตา ลาภสกฺการสฺส ปมาณปริจฺเฉโท นตฺถิ.
๒๓. อกิลนฺตกายาติ ยถา อฺา อิตฺถิโย คพฺภภาเรน กิลมนฺติ หตฺถปาทา อุทฺธุมาตตาทีนิ ปาปุณนฺติ, เอวํ ตสฺสา โกจิ กิลมโถ นาโหสิ. ติโรกุจฺฉิคตนฺติ อนฺโตกุจฺฉิคตํ. ปสฺสตีติ กลลาทิกาลํ อติกฺกมิตฺวา สฺชาตองฺคปจฺจงฺคอหีนินฺทฺริยภาวํ อุปคตํเยว ปสฺสติ. กิมตฺถํ ปสฺสติ? สุขวาสตฺถํเยว. ยเถว หิ มาตา ปุตฺเตน สทฺธึ นิปนฺนา วา นิสินฺนา วา – ‘‘หตฺถํ วาสฺส ปาทํ วา โอลมฺพนฺตํ อุกฺขิปิตฺวา สณฺเปสฺสามี’’ติ สุขวาสตฺถํ ปุตฺตํ โอโลเกติ, เอวํ โพธิสตฺตมาตาปิ ยํ ตํ มาตุ อุฏฺานคมนปริวตฺตนนิสชฺชาทีสุ อุณฺหสีตโลณิกติตฺตกกฏุกาหารอชฺโฌหรณกาเลสุ จ คพฺภสฺส ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ‘‘อตฺถิ นุ โข เม ตํ ปุตฺตสฺสา’’ติ สุขวาสตฺถํ โอโลกยมานา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนํ โพธิสตฺตํ ปสฺสติ. ยถา หิ อฺเ อนฺโตกุจฺฉิคตา ปกฺกาสยํ อวตฺถริตฺวา อามาสยํ อุกฺขิปิตฺวา อุทรปฏลํ ปิฏฺิโต กตฺวา ปิฏฺิกณฺฑกํ นิสฺสาย อุกฺกุฏิกํ ทฺวีสุ มุฏฺีสุ หนุกํ เปตฺวา เทเว ¶ วสฺสนฺเต รุกฺขสุสิเร มกฺกฏา วิย นิสีทนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺโต, โพธิสตฺโต ปน ปิฏฺิกณฺฑกํ ปิฏฺิโต กตฺวา ธมฺมาสเน ธมฺมกถิโก วิย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทติ. ปุพฺเพกตกมฺมํ ปนสฺสา วตฺถุํ โสเธติ, สุทฺเธ วตฺถุมฺหิ สุขุมจฺฉวิลกฺขณํ นิพฺพตฺตติ. อถ นํ กุจฺฉิตโจ ปฏิจฺฉาเทตุํ น สกฺโกติ, โอโลเกนฺติยา พหิิโต วิย ปฺายติ. ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวนฺโต ภควา เสยฺยถาปีติอาทิมาห. โพธิสตฺโต ปน อนฺโตกุจฺฉิคโต มาตรํ น ปสฺสติ. น หิ อนฺโตกุจฺฉิยํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ.
๒๔. กาลงฺกโรตีติ ¶ น วิชาตภาวปจฺจยา, อายุปริกฺขเยเนว. โพธิสตฺเตน วสิตฏฺานฺหิ เจติยกุฏิสทิสํ โหติ, อฺเสํ อปริโภคารหํ, น จ สกฺกา โพธิสตฺตมาตรํ ¶ อปเนตฺวา อฺํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตุนฺติ ตตฺตกํเยว โพธิสตฺตมาตุ อายุปฺปมาณํ โหติ, ตสฺมา ตทา กาลงฺกโรติ. กตรสฺมึ ปน วเย กาลํ กโรตีติ? มชฺฌิมวเย. ปมวยสฺมิฺหิ สตฺตานํ อตฺตภาเว ฉนฺทราโค พลวา โหติ, เตน ตทา สฺชาตคพฺภา อิตฺถี คพฺภํ อนุรกฺขิตุํ น สกฺโกติ, คพฺโภ พหฺวาพาโธ โหติ. มชฺฌิมวยสฺส ปน ทฺเว โกฏฺาเส อติกฺกมฺม ตติเย โกฏฺาเส วตฺถุ วิสทํ โหติ, วิสเท วตฺถุมฺหิ นิพฺพตฺตทารกา อโรคา โหนฺติ, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตาปิ ปมวเย สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา มชฺฌิมวยสฺส ตติเย โกฏฺาเส วิชายิตฺวา กาลํ กโรตีติ อยเมตฺถ ธมฺมตา.
๒๕. นว วา ทส วาติ เอตฺถ วา สทฺทสฺส วิกปฺปนวเสน สตฺต วา อฏฺ วา เอกาทส วา ทฺวาทส วาติ เอวมาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สตฺตมาสชาโต ชีวติ, สีตุณฺหกฺขโม ปน น โหติ. อฏฺมาสชาโต น ชีวติ, อวเสสา ชีวนฺติ.
๒๗. เทวา ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตีติ ขีณาสวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน ปฏิคฺคณฺหนฺติ. กถํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ? ‘‘สูติเวสํ คณฺหิตฺวา’’ติ เอเก. ตํ ปน ปฏิกฺขิปิตฺวา อิทํ วุตฺตํ – ‘ตทา โพธิสตฺตมาตา สุวณฺณขจิตํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา มจฺฉกฺขิสทิสํ ทุกูลปฏํ ยาว ปาทนฺตา ปารุปิตฺวา อฏฺาสิ. อถสฺสา สลฺลหุกคพฺภวุฏฺานํ อโหสิ, ธมกรณโต อุทกนิกฺขมนสทิสํ. อถ เต ปกติพฺรหฺมเวเสเนว อุปสงฺกมิตฺวา ปมํ สุวณฺณชาเลน ¶ ปฏิคฺคเหสุํ. เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา ปฏิคฺคเหสุํ. ตโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน ปฏิคฺคเหสุํ’. เตน วุตฺตํ – ‘‘เทวา ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ปจฺฉา มนุสฺสา’’ติ.
๒๘. จตฺตาโร นํ เทวปุตฺตาติ จตฺตาโร มหาราชาโน. ปฏิคฺคเหตฺวาติ อชินปฺปเวณิยา ปฏิคฺคเหตฺวา. มเหสกฺโขติ มหาเตโช มหายโส ลกฺขณสมฺปนฺโน.
๒๙. วิสโทว นิกฺขมตีติ ยถา อฺเ สตฺตา โยนิมคฺเค ลคฺคนฺตา ภคฺควิภคฺคา นิกฺขมนฺติ, น เอวํ นิกฺขมติ, อลคฺโค ¶ หุตฺวา นิกฺขมตีติ อตฺโถ อุเทนาติ อุทเกน. เกนจิ อสุจินาติ ยถา อฺเ สตฺตา กมฺมชวาเตหิ อุทฺธํปาทา อโธสิรา โยนิมคฺเค ปกฺขิตฺตา สตโปริสํ นรกปปาตํ ปตนฺตา วิย, ตาฬจฺฉิทฺเทน นิกฺกฑฺฒิยมานา หตฺถี วิย มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา นานาอสุจิมกฺขิตาว นิกฺขมนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺโต. โพธิสตฺตฺหิ กมฺมชวาตา ¶ อุทฺธปาทํ อโธสิรํ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. โส ธมฺมาสนโต โอตรนฺโต ธมฺมกถิโก วิย, นิสฺเสณิโต โอตรนฺโต ปุริโส วิย จ ทฺเว หตฺเถ จ ทฺเว ปาเท จ ปสาเรตฺวา ิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโตว นิกฺขมติ.
อุทกสฺส ธาราติ อุทกวฏฺฏิโย. ตาสุ สีตา สุวณฺณกฏาเห ปตติ อุณฺหา รชตกฏาเห. อิทฺจ ปถวิตเล เกนจิ อสุจินา อสมฺมิสฺสํ เตสํ ปานียปริโภชนียอุทกฺเจว อฺเหิ อสาธารณํ กีฬาอุทกฺจ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, อฺสฺส ปน สุวณฺณรชตฆเฏหิ อาหริยมานอุทกสฺส เจว หํสวตฺตกาทิโปกฺขรณีคตสฺส จ อุทกสฺส ปริจฺเฉโท นตฺถิ.
๓๑. สมฺปติชาโตติ มุหุตฺตชาโต. ปาฬิยํ ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโต วิย ทสฺสิโต, น เอวํ ทฏฺพฺพํ. นิกฺขนฺตมตฺตฺหิ นํ ปมํ พฺรหฺมาโน สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน. มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺิโต. เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธาริยมาเนติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺเต อนุธาริยมานมฺหิ. เอตฺถ จ ฉตฺตสฺส ปริวารานิ ขคฺคาทีนิ ¶ ปฺจ ราชกกุธภณฺฑานิปิ อาคตาเนว. ปาฬิยํ ปน ราชคมเน ราชา วิย ฉตฺตเมว วุตฺตํ. เตสุ ฉตฺตเมว ปฺายติ, น ฉตฺตคฺคาหโก. ตถา ขคฺคตาลวณฺฏโมรหตฺถกวาฬพีชนีอุณฺหีสมตฺตาเยว ปฺายนฺติ, น เตสํ คาหกา. สพฺพานิ กิร ตานิ อทิสฺสมานรูปา เทวตา คณฺหึสุ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘อเนกสาขฺจ ¶ สหสฺสมณฺฑลํ,
ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิกฺเข;
สุวณฺณทณฺฑา วิปตนฺติ จามรา,
น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกา’’ติ. (สุ. นิ. ๖๙๓);
สพฺพา จ ทิสาติ อิทํ สตฺตปทวีติหารูปริ ิตสฺส วิย สพฺพทิสานุวิโลกนํ วุตฺตํ, น โข ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปวิยํ ปติฏฺิโต ปุรตฺถิมํ ทิสํ โอโลเกสิ. อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา – ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา, เหฏฺา, อุปรีติ ทส ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา – ‘‘อยํ อุตฺตรา ทิสา’’ติ อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ. อคฺโคติ คุเณหิ สพฺพปโม. อิตรานิ ¶ ทฺเว ปทานิ เอตสฺเสว เววจนานิ. อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ ปททฺวเยน อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ พฺยากาสิ.
เอตฺถ จ สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยา ปติฏฺานํ จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อุตฺตราภิมุขภาโว มหาชนํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อภิภวิตฺวา คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สตฺตปทคมนํ สตฺตโพชฺฌงฺครตนปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ทิพฺพเสตจฺฉตฺตธารณํ วิมุตฺติวรฉตฺตปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปฺจราชกกุธภณฺฑานํ ปฏิลาโภ ปฺจหิ วิมุตฺตีหิ วิมุจฺจนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, สพฺพทิสานุวิโลกนํ อนาวรณาณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, อาสภิวาจาภาสนํ อปฺปฏิวตฺติยธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ‘‘อยมนฺติมา ชาตี’’ติ สีหนาโท อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานสฺส ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ¶ . อิเม ¶ วารา ปาฬิยํ อาคตา, สมฺพหุลวาโร ปน นาคโต, อาหริตฺวา ทีเปตพฺโพ.
มหาปุริสสฺส หิ ชาตทิวเส ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิ. ทสสหสฺสิโลกธาตุมฺหิ เทวตา เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปตึสุ. ปมํ เทวา ปฏิคฺคณฺหึสุ, ปจฺฉา มนุสฺสา. ตนฺติพทฺธา วีณา จมฺมพทฺธา เภริโย จ เกนจิ อวาทิตา สยเมว วชฺชึสุ. มนุสฺสานํ อนฺทุพนฺธนาทีนิ ขณฺฑาขณฺฑํ ฉิชฺชึสุ. สพฺพโรคา วูปสมึสุ, อมฺพิเลน โธตตมฺพมลํ วิย วิคจฺฉึสุ. ชจฺจนฺธา รูปานิ ปสฺสึสุ. ชจฺจพธิรา สทฺทํ สุณึสุ. ปีสปฺปี ชวสมฺปนฺนา อเหสุํ. ชาติชฬานมฺปิ เอฬมูคานํ สติ ปติฏฺาสิ. วิเทสปกฺขนฺทา นาวา สุปฏฺฏนํ ปาปุณึสุ. อากาสฏฺกภูมฏฺกรตนานิ สกเตโชภาสิตานิ อเหสุํ. เวริโน เมตฺตจิตฺตํ ปฏิลภึสุ. อวีจิมฺหิ อคฺคิ นิพฺพายิ. โลกนฺตเรสุ อาโลโก อุทปาทิ. นทีสุ ชลํ นปฺปวตฺตติ. มหาสมุทฺเท มธุรสํ อุทกํ อโหสิ. วาโต น วายิ. อากาสปพฺพตรุกฺขคตา สกุณา ภสฺสิตฺวา ปถวิคตา อเหสุํ. จนฺโท อติวิโรจิ. สูริโย น อุณฺโห, น สีตโล, นิมฺมโล อุตุสมฺปนฺโน อโหสิ. เทวตา อตฺตโน อตฺตโน วิมานทฺวาเร ตฺวา อปฺโผฏนเสฬนเจลุกฺเขปาทีหิ มหากีฬกํ กีฬึสุ. จาตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วสฺสิ. มหาชนํ เนว ขุทา น ปิปาสา ปีเฬสิ. ทฺวารกวาฏานิ สยเมว วิวรึสุ. ปุปฺผูปคผลูปคา รุกฺขา ปุปฺผผลานิ คณฺหึสุ. ทสสหสฺสิโลกธาตุ เอกทฺธชมาลา อโหสิ.
ตตฺราปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺโป สพฺพฺุตฺาณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. เทวตานํ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนกาเล เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปติตฺวา ธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ปมํ เทวตานํ ปฏิคฺคหณํ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ปฏิลาภสฺส ¶ ปุพฺพนิมิตฺตํ. ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฏิคฺคหณํ ¶ จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ตนฺติพทฺธวีณานํ สยํ วชฺชนํ อนุปุพฺพวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. จมฺมพทฺธเภรีนํ วชฺชนํ มหติยา ธมฺมเภริยา อนุสฺสาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อนฺทุพนฺธนาทีนํ เฉโท อสฺมิมานสมุจฺเฉทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. มหาชนสฺส โรควิคโม จตุสจฺจปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ชจฺจนฺธานํ รูปทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ ¶ . พธิรานํ สทฺทสฺสวนํ ทิพฺพโสตธาตุปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ปีสปฺปีนํ ชวสมฺปทา จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ชฬานํ สติปติฏฺานํ จตุสติปฏฺานปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. วิเทสปกฺขนฺทนาวานํ สุปฏฺฏนสมฺปาปุณนํ จตุปฏิสมฺภิทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. รตนานํ สกเตโชภาสิตตฺตํ ยํ โลกสฺส ธมฺโมภาสํ ทสฺเสสฺสติ, ตสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.
เวรีนํ เมตฺตจิตฺตปฏิลาโภ จตุพฺรหฺมวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อวีจิมฺหิ อคฺคินิพฺพายนํ เอกาทสอคฺคินิพฺพายนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. โลกนฺตริกาโลโก อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา าณาโลกทสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. มหาสมุทฺทสฺส มธุรตา นิพฺพานรเสน เอกรสภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. วาตสฺส อวายนํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตภินฺทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. สกุณานํ ปถวิคมนํ มหาชนสฺส โอวาทํ สุตฺวา ปาเณหิ สรณคมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. จนฺทสฺส อติวิโรจนํ พหุชนกนฺตตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ. สูริยสฺส อุณฺหสีตวิวชฺชนอุตุสุขตา กายิกเจตสิกสุขปฺปตฺติยา ปุพฺพนิมิตฺตํ. เทวตานํ วิมานทฺวาเรสุ ตฺวา อปฺโผฏนาทีหิ กีฬนํ พุทฺธภาวํ ปตฺวา อุทานํ อุทานสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. จาตุทฺทีปิกมหาเมฆวสฺสนํ มหโต ธมฺมเมฆวสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ขุทาปีฬนสฺส อภาโว กายคตาสติอมตปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ปิปาสาปีฬนสฺส อภาโว วิมุตฺติสุเขน ¶ สุขิตภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ทฺวารกวาฏานํ สยเมว วิวรณํ อฏฺงฺคิกมคฺคทฺวารวิวรณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. รุกฺขานํ ปุปฺผผลคฺคหณํ วิมุตฺติปุปฺเผหิ ปุปฺผิตสฺส จ สามฺผลภารภริตภาวสฺส จ ปุพฺพนิมิตฺตํ. ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เอกทฺธชมาลิตา อริยทฺธชมาลมาลิตาย ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อยํ สมฺพหุลวาโร นาม.
เอตฺถ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘ยทา มหาปุริโส ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข ปทสา คนฺตฺวา อาสภึ วาจํ อภาสิ, ตทา กึ ปถวิยา คโต, อุทาหุ อากาเสน; ทิสฺสมาโน คโต, อุทาหุ อทิสฺสมาโน; อเจลโก คโต, อุทาหุ อลงฺกตปฏิยตฺโต; ทหโร หุตฺวา คโต ¶ , อุทาหุ มหลฺลโก; ปจฺฉาปิ กึ ตาทิโสว อโหสิ, อุทาหุ ปุน พาลทารโก’’ติ? อยํ ปน ปฺโห เหฏฺาโลหปาสาเท สมุฏฺิโต ติปิฏกจูฬาภยตฺเถเรน วิสฺสชฺชิโตว. เถโร กิร เอตฺถ นิยติปุพฺเพกตกมฺมอิสฺสรนิมฺมานวาทวเสน ¶ ตํ ตํ พหุํ วตฺวา อวสาเน เอวํ พฺยากริ – ‘‘มหาปุริโส ปถวิยา คโต, มหาชนสฺส ปน อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ. ทิสฺสมาโน คโต, มหาชนสฺส ปน อทิสฺสมาโน วิย อโหสิ. อเจลโก คโต, มหาชนสฺส ปน อลงฺกตปฏิยตฺโต วิย อุปฏฺาสิ. ทหโรว คโต, มหาชนสฺส ปน โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วิย อโหสิ. ปจฺฉา ปน พาลทารโกว อโหสิ, น ตาทิโส’’ติ. ปริสา จสฺส – ‘‘พุทฺเธน วิย หุตฺวา โภ เถเรน ปฺโห กถิโต’’ติ อตฺตมนา อโหสิ. โลกนฺตริกวาโร วุตฺตนโย เอว.
อิมา จ ปน อาทิโต ปฏฺาย กถิตา สพฺพธมฺมตา สพฺพโพธิสตฺตานํ โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวณฺณนา
๓๓. อทฺทส โขติ ทุกูลจุมฺพฏเก นิปชฺชาเปตฺวา อานีตํ อทฺทส. มหาปุริสสฺสาติ ชาติโคตฺตกุลปเทสาทิวเสน มหนฺตสฺส ปุริสสฺส. ทฺเว คติโยติ ทฺเว นิฏฺา, ทฺเว นิปฺผตฺติโย. อยฺหิ คติสทฺโท – ‘‘ปฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๓) เอตฺถ นิรยาทิเภทาย สตฺเตหิ คนฺตพฺพคติยา ¶ วตฺตติ. ‘‘อิเมสํ โข อหํ ภิกฺขูนํ สีลวนฺตานํ กลฺยาณธมฺมานํ เนว ชานามิ อาคตึ วา คตึ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๐๘) เอตฺถ อชฺฌาสเย. ‘‘นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ (ปริ. ๓๓๙) เอตฺถ ปฏิสฺสรเณ. ‘‘อปิ จ ตฺยาหํ พฺรหฺเม คติฺจ ปชานามิ, ชุติฺจ ปชานามิ เอวํมหิทฺธิโก พโก พฺรหฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๐๓) เอตฺถ นิปฺผตฺติยํ วตฺตติ. สฺวายมิธาปิ นิปฺผตฺติยํ วตฺตตีติ เวทิตพฺโพ. อนฺาติ อฺา คติ นิปฺผตฺติ นาม นตฺถิ.
ธมฺมิโกติ ทสกุสลธมฺมสมนฺนาคโต อคติคมนวิรหิโต. ธมฺมราชาติ อิทํ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. ธมฺเมน วา ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชา. จาตุรนฺโตติ ¶ ปุรตฺถิมสมุทฺทาทีนํ จตุนฺนํ สมุทฺทานํ วเสน จตุรนฺตาย ปถวิยา อิสฺสโร. วิชิตาวีติ วิชิตสงฺคาโม. ชนปโท อสฺมึ ถาวริยํ ถิรภาวํ ปตฺโตติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต. จณฺฑสฺส หิ รฺโ พลิทณฺฑาทีหิ โลกํ ปีฬยโต มนุสฺสา มชฺฌิมชนปทํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพตสมุทฺทตีราทีนิ นิสฺสาย ปจฺจนฺเต วาสํ กปฺเปนฺติ. อติมุทุกสฺส รฺโ โจเรหิ สาหสิกธนวิโลปปีฬิตา มนุสฺสา ปจฺจนฺตํ ปหาย ชนปทมชฺเฌ วาสํ กปฺเปนฺติ, อิติ เอวรูเป ราชินิ ชนปโท ถิรภาวํ น ปาปุณาติ. อิมสฺมึ ปน ¶ กุมาเร รชฺชํ การยมาเน เอตสฺส ชนปโท ปาสาณปิฏฺิยํ เปตฺวา อโยปฏฺเฏน ปริกฺขิตฺโต วิย ถิโร ภวิสฺสตีติ ทสฺเสนฺโต – ‘‘ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต’’ติ อาหํสุ.
สตฺตรตนสมนฺนาคโตติ เอตฺถ รติชนนฏฺเน รตนํ. อปิจ –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจติ’’.
จกฺกรตนสฺส จ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย อฺํ เทวฏฺานํ นาม น โหติ, สพฺเพ คนฺธปุปฺผาทีหิ ตสฺเสว ปูชฺจ อภิวาทนาทีนิ จ กโรนฺตีติ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ. จกฺกรตนสฺส จ เอตฺตกํ นาม ธนํ อคฺฆตีติ ¶ อคฺโฆ นตฺถิ, อิติ มหคฺฆฏฺเนาปิ รตนํ. จกฺกรตนฺจ อฺเหิ โลเก วิชฺชมานรตเนหิ อสทิสนฺติ อตุลฏฺเนาปิ รตนํ. ยสฺมา จ ปน ยสฺมึ กปฺเป พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมึเยว จกฺกวตฺติโน อุปฺปชฺชนฺติ, พุทฺธา จ กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ทุลฺลภทสฺสนฏฺเนาปิ รตนํ. ตเทตํ ชาติรูปกุลอิสฺสริยาทีหิ อโนมสฺส อุฬารสตฺตสฺเสว อุปฺปชฺชติ, น อฺสฺสาติ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเนาปิ รตนํ. ยถา จกฺกรตนํ, เอวํ เสสานิปีติ. อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ ปริวารภาเวน เจว สพฺพโภคูปกรณภาเวน จ สมนฺนาคโตติ สตฺตรตนสมนฺนาคโต.
อิทานิ เตสํ สรูปโต ทสฺสนตฺถํ ตสฺสิมานีติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จกฺกรตนนฺติอาทีสุ อยํ สงฺเขปาธิปฺปาโย – ทฺเวสหสฺสทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ สิริวิภวํ คเหตฺวา ทาตุํ สมตฺถํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติ. ตถา ปุเรภตฺตเมว สาครปริยนฺตํ ปถวึ อนุสํยายนสมตฺถํ เวหาสงฺคมํ หตฺถิรตนํ, ตาทิสเมว อสฺสรตนํ, จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร ¶ โยชนปฺปมาณํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา อาโลกทสฺสนสมตฺถํ มณิรตนํ, ฉพฺพิธโทสวิวชฺชิตํ มนาปจาริ อิตฺถิรตนํ, โยชนปฺปมาเณ อนฺโตปถวิคตํ นิธึ ทสฺสนสมตฺถํ คหปติรตนํ, อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา สกลรชฺชมนุสาสนสมตฺถํ เชฏฺปุตฺตสงฺขาตํ ปริณายกรตนํ ปาตุภวติ.
ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํ. สูราติ อภีรุกา. วีรงฺครูปาติ วีรานํ องฺคํ วีรงฺคํ, วีริยสฺเสตํ นามํ, วีรงฺคํ รูปเมเตสนฺติ วีรงฺครูปา, วีริยชาติกา วีริยสภาวา วีริยมยา อกิลาสุโน อเหสุํ. ทิวสมฺปิ ยุชฺฌนฺตา น กิลมนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. สาครปริยนฺตนฺติ จกฺกวาฬปพฺพตํ สีมํ กตฺวา ิตสมุทฺทปริยนฺตํ. อทณฺเฑนาติ เย กตาปราเธ สตฺเต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ¶ คณฺหนฺติ, เต ธนทณฺเฑน รชฺชํ กาเรนฺติ. เย เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสนฺติ, เต สตฺถทณฺเฑน. อยํ ปน ทุวิธมฺปิ ทณฺฑํ ปหาย อทณฺเฑน อชฺฌาวสติ. อสตฺเถนาติ ¶ เย เอกโตธาราทินา สตฺเถน ปรํ วิเหสนฺติ, เต สตฺเถน รชฺชํ กาเรนฺติ นาม. อยํ ปน สตฺเถน ขุทฺทมกฺขิกายปิ ปิวนมตฺตํ โลหิตํ กสฺสจิ อนุปฺปาเทตฺวา ธมฺเมเนว – ‘‘เอหิ โข มหาราชา’’ติ เอวํ ปฏิราชูหิ สมฺปฏิจฺฉิตาคมโน วุตฺตปฺปการํ ปถวึ อภิวิชินิตฺวา อชฺฌาวสติ, อภิภวิตฺวา สามี หุตฺวา วสตีติ อตฺโถ.
เอวํ เอกํ นิปฺผตฺตึ กเถตฺวา ทุติยํ กเถตุํ สเจ โข ปนาติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสตณฺหาสงฺขาตํ ฉทนํ อาวรณํ วิวฏํ วิทฺธํสิตํ วิวฏกํ เอเตนาติ วิวฏจฺฉโท. ‘‘วิวฏฺฏจฺฉทา’’ติปิ ปาโ, อยเมว อตฺโถ.
๓๕. เอวํ ทุติยํ นิปฺผตฺตึ กเถตฺวา ตาสํ นิมิตฺตภูตานิ ลกฺขณานิ ทสฺเสตุํ อยฺหิ, เทว, กุมาโรติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุปฺปติฏฺิตปาโทติ ยถา อฺเสํ ภูมิยํ ปาทํ เปนฺตานํ อคฺคปาทตลํ วา ปณฺหิ วา ปสฺสํ วา ปมํ ผุสติ, เวมชฺเฌ วา ปน ฉิทฺทํ โหติ, อุกฺขิปนฺตานํ อคฺคตลาทีสุ เอกโกฏฺาโสว ปมํ อุฏฺหติ, น เอวมสฺส. อสฺส ปน สุวณฺณปาทุกตลมิว เอกปฺปหาเรเนว สกลํ ปาทตลํ ภูมึ ผุสติ, เอกปฺปหาเรเนว ภูมิโต อุฏฺหติ. ตสฺมา อยํ สุปฺปติฏฺิตปาโท.
จกฺกานีติ ¶ ทฺวีสุ ปาทตเลสุ ทฺเว จกฺกานิ, เตสํ อรา จ เนมิ จ นาภิ จ ปาฬิยํ วุตฺตาว. สพฺพาการปริปูรานีติ อิมินา ปน อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพ, เตสํ กิร จกฺกานํ ปาทตลสฺส มชฺเฌ นาภิ ทิสฺสติ, นาภิปริจฺฉินฺนา วฏฺฏเลขา ทิสฺสติ, นาภิมุขปริกฺเขปปฏฺโฏ ทิสฺสติ, ปนาฬิมุขํ ทิสฺสติ, อรา ทิสฺสนฺติ, อเรสุ วฏฺฏิเลขา ทิสฺสนฺติ, เนมิมณิกา ทิสฺสนฺติ. อิทํ ตาว ปาฬิยํ อาคตเมว. สมฺพหุลวาโร ปน อนาคโต, โส เอวํ ทฏฺพฺโพ – สตฺติ, สิริวจฺโฉ, นนฺทิ, โสวตฺติโก, วฏํสโก, วฑฺฒมานกํ, มจฺฉยุคฬํ, ภทฺทปีํ, องฺกุสโก, ปาสาโท, โตรณํ, เสตจฺฉตฺตํ, ขคฺโค, ตาลวณฺฏํ, โมรหตฺถโก, วาฬพีชนี, อุณฺหีสํ, มณิ, ปตฺโต, สุมนทามํ, นีลุปฺปลํ, รตฺตุปฺปลํ, เสตุปฺปลํ, ปทุมํ, ปุณฺฑรีกํ, ปุณฺณฆโฏ ¶ , ปุณฺณปาติ, สมุทฺโท, จกฺกวาโฬ, หิมวา, สิเนรุ, จนฺทิมสูริยา, นกฺขตฺตานิ, จตฺตาโร มหาทีปา, ทฺวิปริตฺตทีปสหสฺสานิ, อนฺตมโส จกฺกวตฺติรฺโ ปริสํ อุปาทาย สพฺโพ จกฺกลกฺขณสฺเสว ปริวาโร.
อายตปณฺหีติ ¶ ทีฆปณฺหิ, ปริปุณฺณปณฺหีติ อตฺโถ. ยถา หิ อฺเสํ อคฺคปาโท ทีโฆ โหติ, ปณฺหิมตฺถเก ชงฺฆา ปติฏฺาติ, ปณฺหึ ตจฺเฉตฺวา ปิตา วิย โหติ, น เอวํ มหาปุริสสฺส. มหาปุริสสฺส ปน จตูสุ โกฏฺาเสสุ ทฺเว โกฏฺาสา อคฺคปาโท โหติ, ตติเย โกฏฺาเส ชงฺฆา ปติฏฺาติ, จตุตฺถโกฏฺาเส อารคฺเคน วฏฺเฏตฺวา ปิตา วิย รตฺตกมฺพลเคณฺฑุกสทิสา ปณฺหิ โหติ.
ทีฆงฺคุลีติ ยถา อฺเสํ กาจิ องฺคุลิโย ทีฆา โหนฺติ, กาจิ รสฺสา, น เอวํ มหาปุริสสฺส. มหาปุริสสฺส ปน มกฺกฏสฺเสว ทีฆา หตฺถปาทงฺคุลิโย มูเล ถูลา, อนุปุพฺเพน คนฺตฺวา อคฺเค ตนุกา, นิยฺยาสเตเลน มทฺทิตฺวา วฏฺฏิตหริตาลวฏฺฏิสทิสา โหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทีฆงฺคุลี’’ติ.
มุทุตลุนหตฺถปาโทติ สปฺปิมณฺเฑ โอสาเรตฺวา ปิตํ สตวารวิหตกปฺปาสปฏลํ วิย มุทุ. ยถา จ อิทานิ ชาตมตฺตสฺส, เอวํ วุฑฺฒกาเลปิ มุทุตลุนาเยว ภวิสฺสนฺติ, มุทุตลุนา หตฺถปาทา เอตสฺสาติ มุทุตลุนหตฺถปาโท.
ชาลหตฺถปาโทติ น จมฺเมน ปฏิพทฺธองฺคุลนฺตโร. เอทิโส หิ ผณหตฺถโก ปุริสโทเสน อุปหโต ปพฺพชฺชํ น ปฏิลภติ. มหาปุริสสฺส ปน ¶ จตสฺโส หตฺถงฺคุลิโย ปฺจปิ ปาทงฺคุลิโย เอกปฺปมาณา โหนฺติ, ตาสํ เอกปฺปมาณตาย ยวลกฺขณํ อฺมฺํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ติฏฺติ. อถสฺส หตฺถปาทา กุสเลน วฑฺฒกินา โยชิตชาลวาตปานสทิสา โหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ชาลหตฺถปาโท’’ติ.
อุทฺธํ ปติฏฺิตโคปฺผกตฺตา อุสฺสงฺขา ปาทา อสฺสาติ อุสฺสงฺขปาโท. อฺเสฺหิ ปิฏฺิปาเท โคปฺผกา โหนฺติ, เตน เตสํ ปาทา อาณิพทฺธา วิย พทฺธา โหนฺติ, น ยถาสุขํ ปริวฏฺฏนฺติ, คจฺฉนฺตานํ ปาทตลานิปิ น ทิสฺสนฺติ. มหาปุริสสฺส ปน อารุหิตฺวา อุปริ โคปฺผกา ปติฏฺหนฺติ, เตนสฺส นาภิโต ปฏฺาย อุปริมกาโย นาวาย ปิตสุวณฺณปฏิมา วิย นิจฺจโล โหติ, อโธกาโยว อิฺชติ, สุเขน ปาทา ¶ ปริวฏฺฏนฺติ, ปุรโตปิ ปจฺฉโตปิ อุภยปสฺเสสุปิ ตฺวา ปสฺสนฺตานํ ปาทตลานิ ปฺายนฺติ, น หตฺถีนํ วิย ปจฺฉโตเยว.
เอณิชงฺโฆติ เอณิมิคสทิสชงฺโฆ มํสุสฺสเทน ปริปุณฺณชงฺโฆ, น เอกโต พทฺธปิณฺฑิกมํโส ¶ , สมนฺตโต สมสณฺิเตน มํเสน ปริกฺขิตฺตาหิ สุวฏฺฏิตาหิ สาลิคพฺภยวคพฺภสทิสาหิ ชงฺฆาหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ.
อโนนมนฺโตติ อนมนฺโต, เอเตนสฺส อขุชฺชอวามนภาโว ทีปิโต. อวเสสชนา หิ ขุชฺชา วา โหนฺติ วามนา วา. ขุชฺชานํ อุปริมกาโย อปริปุณฺโณ โหติ, วามนานํ เหฏฺิมกาโย. เต อปริปุณฺณกายตฺตา น สกฺโกนฺติ อโนนมนฺตา ชณฺณุกานิ ปริมชฺชิตุํ. มหาปุริโส ปน ปริปุณฺณอุภยกายตฺตา สกฺโกติ.
โกโสหิตวตฺถคุยฺโหติ อุสภวารณาทีนํ วิย สุวณฺณปทุมกณฺณิกสทิเสหิ โกเสหิ โอหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ วตฺถคุยฺหํ อสฺสาติ โกโสหิตวตฺถคุยฺโห. วตฺถคุยฺหนฺติ วตฺเถน คุหิตพฺพํ องฺคชาตํ วุจฺจติ.
สุวณฺณวณฺโณติ ชาติหิงฺคุลเกน มชฺชิตฺวา ทีปิทาาย ฆํสิตฺวา เครุกปริกมฺมํ กตฺวา ปิตฆนสุวณฺณรูปสทิโสติ อตฺโถ. เอเตนสฺส ฆนสินิทฺธสณฺหสรีรตํ ทสฺเสตฺวา ฉวิวณฺณทสฺสนตฺถํ กฺจนสนฺนิภตฺตโจติ วุตฺตํ. ปุริมสฺส วา เววจนเมตํ.
รโชชลฺลนฺติ ¶ รโช วา มลํ วา. น อุปลิมฺปตีติ น ลคฺคติ ปทุมปลาสโต อุทกพินฺทุ วิย วิวฏฺฏติ. หตฺถโธวนาทีนิ ปน อุตุคฺคหณตฺถาย เจว ทายกานํ ปฺุผลตฺถาย จ พุทฺธา กโรนฺติ, วตฺตสีเสนาปิ จ กโรนฺติเยว. เสนาสนํ ปวิสนฺเตน หิ ภิกฺขุนา ปาเท โธวิตฺวา ปวิสิตพฺพนฺติ วุตฺตเมตํ.
อุทฺธคฺคโลโมติ อาวฏฺฏปริโยสาเน อุทฺธคฺคานิ หุตฺวา มุขโสภํ อุลฺโลกยมานานิ วิย ิตานิ โลมานิ อสฺสาติ อุทฺธคฺคโลโม.
พฺรหฺมุชุคตฺโตติ พฺรหฺมา วิย อุชุคตฺโต, อุชุเมว อุคฺคตทีฆสรีโร ภวิสฺสติ. เยภุยฺเยน หิ สตฺตา ขนฺเธ กฏิยํ ¶ ชาณูสูติ ตีสุ าเนสุ นมนฺติ, เต กฏิยํ นมนฺตา ปจฺฉโต นมนฺติ, อิตเรสุ ทฺวีสุ าเนสุ ปุรโต. ทีฆสรีรา ปน เอเก ปสฺสวงฺกา โหนฺติ, เอเก มุขํ อุนฺนเมตฺวา นกฺขตฺตานิ คณยนฺตา วิย จรนฺติ, เอเก อปฺปมํสโลหิตา สูลสทิสา โหนฺติ, เอเก ปุรโต ปพฺภารา โหนฺติ, ปเวธมานา คจฺฉนฺติ. อยํ ปน อุชุเมว อุคฺคนฺตฺวา ทีฆปฺปมาโณ เทวนคเร อุสฺสิตสุวณฺณโตรณํ วิย ภวิสฺสตีติ ทีเปนฺติ. ยถา เจตํ, เอวํ ยํ ยํ ชาตมตฺตสฺส ¶ สพฺพโส อปริปุณฺณํ มหาปุริสลกฺขณํ โหติ, ตํ ตํ อายตึ ตถาภาวิตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สตฺตุสฺสโทติ ทฺเว หตฺถปิฏฺิโย ทฺเว ปาทปิฏฺิโย ทฺเว อํสกูฏานิ ขนฺโธติ อิเมสุ สตฺตสุ าเนสุ ปริปุณฺโณ มํสุสฺสโท อสฺสาติ สตฺตุสฺสโท. อฺเสํ ปน หตฺถปาทปิฏฺาทีสุ สิราชาลํ ปฺายติ, อํสกูฏกฺขนฺเธสุ อฏฺิโกฏิโย. เต มนุสฺสา เปตา วิย ขายนฺติ, น ตถา มหาปุริโส, มหาปุริโส ปน สตฺตสุ าเนสุ ปริปุณฺณมํสุสฺสทตฺตา นิคูฬฺหสิราชาเลหิ หตฺถปิฏฺาทีหิ วฏฺเฏตฺวา สุฏฺปิตสุวณฺณาฬิงฺคสทิเสน ขนฺเธน สิลารูปกํ วิย ขายติ, จิตฺตกมฺมรูปกํ วิย จ ขายติ.
สีหสฺส ปุพฺพทฺธํ วิย กาโย อสฺสาติ สีหปุพฺพทฺธกาโย. สีหสฺส หิ ปุรตฺถิมกาโยว ปริปุณฺโณ โหติ, ปจฺฉิมกาโย อปริปุณฺโณ. มหาปุริสสฺส ปน สีหสฺส ปุพฺพทฺธกาโย วิย สพฺโพ กาโย ปริปุณฺโณ. โสปิ สีหสฺเสว ตตฺถ ตตฺถ วินตุนฺนตาทิวเสน ทุสฺสณฺิตวิสณฺิโต ¶ น โหติ, ทีฆยุตฺตฏฺาเน ปน ทีโฆ, รสฺสถูลกิสปุถุลอนุวฏฺฏิตยุตฺตฏฺาเนสุ ตถาวิโธว โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘มนาปิเยว โข, ภิกฺขเว, กมฺมวิปาเก ปจฺจุปฏฺิเต เยหิ องฺเคหิ ทีเฆหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ ทีฆานิ สณฺนฺติ. เยหิ องฺเคหิ รสฺเสหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ รสฺสานิ สณฺนฺติ. เยหิ องฺเคหิ ถูเลหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ ถูลานิ สณฺนฺติ. เยหิ องฺเคหิ กิเสหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ กิสานิ สณฺนฺติ. เยหิ องฺเคหิ ปุถุเลหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ ¶ ปุถุลานิ สณฺนฺติ. เยหิ องฺเคหิ วฏฺเฏหิ โสภติ, ตานิ องฺคานิ วฏฺฏานิ สณฺนฺตี’’ติ.
อิติ นานาจิตฺเตน ปฺุจิตฺเตน จิตฺติโต ทสหิ ปารมีหิ สชฺชิโต มหาปุริสสฺส อตฺตภาโว, โลเก สพฺพสิปฺปิโน วา สพฺพอิทฺธิมนฺโต วา ปติรูปกมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺติ.
จิตนฺตรํโสติ อนฺตรํสํ วุจฺจติ ทฺวินฺนํ โกฏฺฏานํ อนฺตรํ, ตํ จิตํ ปริปุณฺณํ อนฺตรํสํ อสฺสาติ จิตนฺตรํโส. อฺเสฺหิ ตํ านํ นินฺนํ โหติ, ทฺเว ปิฏฺิโกฏฺฏา ปาฏิเยกฺกา ปฺายนฺติ. มหาปุริสสฺส ปน กฏิโต ปฏฺาย มํสปฏลํ ยาว ขนฺธา อุคฺคมฺม สมุสฺสิตสุวณฺณผลกํ วิย ปิฏฺึ ฉาเทตฺวา ปติฏฺิตํ.
นิคฺโรธปริมณฺฑโลติ ¶ นิคฺโรโธ วิย ปริมณฺฑโล. ยถา ปฺาสหตฺถตาย วา สตหตฺถตาย วา สมกฺขนฺธสาโข นิคฺโรโธ ทีฆโตปิ วิตฺถารโตปิ เอกปฺปมาโณว โหติ, เอวํ กายโตปิ พฺยามโตปิ เอกปฺปมาโณ. ยถา อฺเสํ กาโย ทีโฆ วา โหติ พฺยาโม วา, น เอวํ วิสมปฺปมาโณติ อตฺโถ. เตเนว ยาวตกฺวสฺส กาโยติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยาวตโก อสฺสาติ ยาวตกฺวสฺส.
สมวฏฺฏกฺขนฺโธติ สมวฏฺฏิตกฺขนฺโธ. ยถา เอเก โกฺจา วิย จ พกา วิย จ วราหา วิย จ ทีฆคลา วงฺกคลา ปุถุลคลา จ โหนฺติ ¶ , กถนกาเล สิราชาลํ ปฺายติ, มนฺโท สโร นิกฺขมติ, น เอวํ มหาปุริสสฺส. มหาปุริสสฺส ปน สุวฏฺฏิตสุวณฺณาฬิงฺคสทิโส ขนฺโธ โหติ, กถนกาเล สิราชาลํ น ปฺายติ, เมฆสฺส วิย คชฺชิโต สโร มหา โหติ.
รสคฺคสคฺคีติ เอตฺถ รสํ คสนฺติ หรนฺตีติ รสคฺคสา. รสหรณีนเมตํ อธิวจนํ, ตา อคฺคา อสฺสาติ รสคฺคสคฺคี. มหาปุริสสฺส กิร สตฺตรสหรณีสหสฺสานิ อุทฺธคฺคานิ หุตฺวา คีวายเมว ปฏิมุกฺกานิ. ติลผลมตฺโตปิ อาหาโร ชิวฺหคฺเค ปิโต สพฺพกายํ อนุผรติ. เตเนว มหาปธานํ ปทหนฺตสฺส เอกตณฺฑุลาทีหิปิ กฬายยูสปสตมตฺเตนาปิ กายสฺส ยาปนํ อโหสิ. อฺเสํ ปน ตถา อภาวา น สกลํ กายํ โอชา ผรติ. เตน เต พหฺวาพาธา โหนฺติ.
สีหสฺเสว ¶ หนุ อสฺสาติ สีหหนุ. ตตฺถ สีหสฺส เหฏฺิมหนุเมว ปริปุณฺณํ โหติ, น อุปริมํ. มหาปุริสสฺส ปน สีหสฺส เหฏฺิมํ วิย ทฺเวปิ ปริปุณฺณานิ ทฺวาทสิยา ปกฺขสฺส จนฺทสทิสานิ โหนฺติ. อถ เนมิตฺตกา หนุกปริยนฺตํ โอโลเกนฺตาว อิเมสุ หนุเกสุ เหฏฺิเม วีสติ อุปริเม วีสตีติ จตฺตาลีสทนฺตา สมา อวิรฬา ปติฏฺหิสฺสนฺตีติ สลฺลกฺเขตฺวา อยฺหิ เทว, กุมาโร จตฺตาลีสทนฺโต โหตีติอาทิมาหํสุ. ตตฺรายมตฺโถ, อฺเสฺหิ ปริปุณฺณทนฺตานมฺปิ ทฺวตฺตึส ทนฺตา โหนฺติ. อิมสฺส ปน จตฺตาลีสํ ภวิสฺสนฺติ. อฺเสฺจ เกจิ ทนฺตา อุจฺจา, เกจิ นีจาติ วิสมา โหนฺติ, อิมสฺส ปน อยปฏฺฏเกน ฉินฺนสงฺขปฏลํ วิย สมา ภวิสฺสนฺติ. อฺเสํ กุมฺภิลานํ วิย ทนฺตา วิรฬา โหนฺติ, มจฺฉมํสานิ ขาทนฺตานํ ทนฺตนฺตรํ ปูเรนฺติ. อิมสฺส ปน กนกผลกายํ สมุสฺสิตวชิรปนฺติ วิย อวิรฬา ตูลิกาย ทสฺสิตปริจฺเฉทา วิย ทนฺตา ภวิสฺสนฺติ. อฺเสฺจ ปูติทนฺตา อุฏฺหนฺติ. เตน กาจิ ทาา กาฬาปิ วิวณฺณาปิ โหนฺติ. อยํ ปน สุฏฺุ สุกฺกทาโ โอสธิตารกมฺปิ อติกฺกมฺม วิโรจมานาย ปภาย สมนฺนาคตทาโ ภวิสฺสติ.
ปหูตชิวฺโหติ ¶ ปุถุลชิวฺโห. อฺเสํ ชิวฺหา ถูลาปิ โหนฺติ กิสาปิ รสฺสาปิ ถทฺธาปิ วิสมาปิ, มหาปุริสสฺส ปน ชิวฺหา มุทุ ทีฆา ปุถุลา วณฺณสมฺปนฺนา โหติ. โส หิ เอตํ ลกฺขณํ ปริเยสิตุํ อาคตานํ กงฺขาวิโนทนตฺถํ มุทุกตฺตา ตํ ชิวฺหํ กถินสูจึ วิย วฏฺเฏตฺวา อุโภ นาสิกโสตานิ ปรามสติ, ทีฆตฺตา อุโภ กณฺณโสตานิ ปรามสติ ¶ , ปุถุลตฺตา เกสนฺตปริโยสานํ เกวลมฺปิ นลาฏํ ปฏิจฺฉาเทติ. เอวมสฺส มุทุทีฆปุถุลภาวํ ปกาเสนฺโต เตสํ กงฺขํ วิโนเทติ. เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺนํ ชิวฺหํ สนฺธาย ‘‘ปหูตชิวฺโห’’ติ วุตฺตํ.
พฺรหฺมสฺสโรติ อฺเ ฉินฺนสฺสราปิ ภินฺนสฺสราปิ กากสฺสราปิ โหนฺติ, อยํ ปน มหาพฺรหฺมุโน สรสทิเสน สเรน สมนฺนาคโต ภวิสฺสติ, มหาพฺรหฺมุโน หิ ปิตฺตเสมฺเหหิ อปลิพุทฺธตฺตา สโร วิสโท โหติ. มหาปุริเสนาปิ กตกมฺมํ ตสฺส วตฺถุํ โสเธติ. วตฺถุโน สุทฺธตฺตา นาภิโต ¶ ปฏฺาย สมุฏฺหนฺโต สโร วิสโท อฏฺงฺคสมนฺนาคโตว สมุฏฺาติ. กรวีโก วิย ภณตีติ กรวีกภาณี, มตฺตกรวีกรุตมฺชุโฆโสติ อตฺโถ.
อภินีลเนตฺโตติ น สกลนีลเนตฺโต, นีลยุตฺตฏฺาเน ปนสฺส อุมาปุปฺผสทิเสน อติวิสุทฺเธน นีลวณฺเณน สมนฺนาคตานิ เนตฺตานิ โหนฺติ, ปีตยุตฺตฏฺาเน กณิการปุปฺผสทิเสน ปีตวณฺเณน, โลหิตยุตฺตฏฺาเน พนฺธุชีวกปุปฺผสทิเสน โลหิตวณฺเณน, เสตยุตฺตฏฺาเน โอสธิตารกสทิเสน เสตวณฺเณน, กาฬยุตฺตฏฺาเน อทฺทาริฏฺกสทิเสน กาฬวณฺเณน สมนฺนาคตานิ. สุวณฺณวิมาเน อุคฺฆาฏิตมณิสีหปฺชรสทิสานิ ขายนฺติ.
โคปขุโมติ เอตฺถ ปขุมนฺติ สกลจกฺขุภณฺฑํ อธิปฺเปตํ, ตํ กาฬวจฺฉกสฺส พหลธาตุกํ โหติ, รตฺตวจฺฉกสฺส วิปฺปสนฺนํ, ตํมุหุตฺตชาตตรุณรตฺตวจฺฉกสทิสจกฺขุภณฺโฑติ อตฺโถ. อฺเสฺหิ จกฺขุภณฺฑา อปริปุณฺณา โหนฺติ, หตฺถิมูสิกาทีนํ อกฺขิสทิเสหิ วินิคฺคเตหิปิ คมฺภีเรหิปิ อกฺขีหิ สมนฺนาคตา โหนฺติ. มหาปุริสสฺส ปน โธวิตฺวา มชฺชิตฺวา ปิตมณิคุฬิกา วิย มุทุสินิทฺธนีลสุขุมปขุมาจิตานิ อกฺขีนิ.
อุณฺณาติ อุณฺณโลมํ. ภมุกนฺตเรติ ทฺวินฺนํ ภมุกานํ เวมชฺเฌ นาสิกมตฺถเกเยว ชาตา, อุคฺคนฺตฺวา ปน นลาฏเวมชฺเฌ ชาตา. โอทาตาติ ปริสุทฺธา, โอสธิตารกสมานวณฺณา. มุทูติ สปฺปิมณฺเฑ โอสาเรตฺวา ปิตสตวารวิหตกปฺปาสปฏลสทิสา. ตูลสนฺนิภาติ สิมฺพลิตูลลตาตูลสมานา, อยมสฺส โอทาตตาย อุปมา. สา ปเนสา โกฏิยํ คเหตฺวา อากฑฺฒิยมานา อุปฑฺฒพาหุปฺปมาณา โหติ, วิสฺสฏฺา ¶ ทกฺขิณาวฏฺฏวเสน อาวฏฺฏิตฺวา อุทฺธคฺคา หุตฺวา ¶ สนฺติฏฺติ. สุวณฺณผลกมชฺเฌ ปิตรชตปุพฺพุฬกํ วิย, สุวณฺณฆฏโต นิกฺขมมานา ขีรธารา วิย, อรุณปฺปภารฺชิเต คคนปฺปเทเส โอสธิตารกา วิย จ อติมโนหราย สิริยา วิโรจติ.
อุณฺหีสสีโสติ ¶ อิทํ ปริปุณฺณนลาฏตฺจ ปริปุณฺณสีสตํ จาติ ทฺเว อตฺถวเส ปฏิจฺจ วุตฺตํ. มหาปุริสสฺส หิ ทกฺขิณกณฺณจูฬิกโต ปฏฺาย มํสปฏลํ อุฏฺหิตฺวา สกลนลาฏํ ฉาทยมานํ ปูรยมานํ คนฺตฺวา วามกณฺณจูฬิกายํ ปติฏฺิตํ, ตํ รฺโ พนฺธอุณฺหีสปฏฺโฏ วิย วิโรจติ. มหาปุริสสฺส กิร อิมํ ลกฺขณํ ทิสฺวา ราชูนํ อุณฺหีสปฏฺฏํ อกํสุ. อยํ ตาว เอโก อตฺโถ. อฺเ ปน ชนา อปริปุณฺณสีสา โหนฺติ, เกจิ กปิสีสา, เกจิ ผลสีสา, เกจิ อฏฺิสีสา, เกจิ หตฺถิสีสา, เกจิ ตุมฺพสีสา, เกจิ ปพฺภารสีสา. มหาปุริสสฺส ปน อารคฺเคน วฏฺเฏตฺวา ปิตํ วิย สุปริปุณฺณํ อุทกปุพฺพุฬสทิสํ สีสํ โหติ. ตตฺถ ปุริมนเย อุณฺหีสเวิตสีโส วิยาติ อุณฺหีสสีโส. ทุติยนเย อุณฺหีสํ วิย สพฺพตฺถ ปริมณฺฑลสีโสติ อุณฺหีสสีโส.
วิปสฺสีสมฺาวณฺณนา
๓๗. สพฺพกาเมหีติ อิทํ ลกฺขณานิ ปริคฺคณฺหาเปตฺวา ปจฺฉา กตํ วิย วุตฺตํ, น ปเนวํ ทฏฺพฺพํ. ปมฺหิ เต เนมิตฺตเก สนฺตปฺเปตฺวา ปจฺฉา ลกฺขณปริคฺคณฺหนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺส วิตฺถาโร คพฺโภกฺกนฺติยํ วุตฺโตเยว. ปาเยนฺตีติ ถฺํ ปาเยนฺติ. ตสฺส กิร นิทฺโทเสน มธุเรน ขีเรน สมนฺนาคตา สฏฺิ ธาติโย อุปฏฺาเปสิ, ตถา เสสาปิ เตสุ เตสุ กมฺเมสุ กุสลา สฏฺิสฏฺิเยว. ตาสํ เปสนการเก สฏฺิ ปุริเส, ตสฺส ตสฺส กตากตภาวํ สลฺลกฺขเณ สฏฺิ อมจฺเจ อุปฏฺาเปสิ. เอวํ จตฺตาริ สฏฺิโย อิตฺถีนํ, ทฺเว สฏฺิโย ปุริสานนฺติ ฉ สฏฺิโย อุปฏฺกานํเยว อเหสุํ. เสตจฺฉตฺตนฺติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺตํ. กุลทตฺติยํ ปน สิริคพฺเภเยว ติฏฺติ. มา นํ สีตํ วาติอาทีสุ มา อภิภวีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สฺวาสฺสุทนฺติ โส อสฺสุทํ. องฺเกเนว องฺกนฺติ อฺสฺส พาหุนาว อฺสฺส พาหุํ. อฺสฺส จ อํสกูเฏเนว ¶ อฺสฺส อํสกูฏํ. ปริหริยตีติ นียติ, สมฺปาปิยตีติ อตฺโถ.
๓๘. มฺชุสฺสโรติ อขรสฺสโร. วคฺคุสฺสโรติ เฉกนิปุณสฺสโร. มธุรสฺสโรติ สาตสฺสโร. เปมนิยสฺสโรติ เปมชนกสฺสโร. ตตฺริทํ ¶ กรวีกานํ มธุรสฺสรตาย – กรวีกสกุเณ กิร มธุรรสํ อมฺพปกฺกํ มุขตุณฺฑเกน ปหริตฺวา ปคฺฆริตรสํ ปิวิตฺวา ปกฺเขน ¶ ตาลํ ทตฺวา วิกูชมาเน จตุปฺปทา มตฺตา วิย ลฬิตุํ อารภนฺติ. โคจรปสุตาปิ จตุปฺปทา มุขคตานิ ติณานิ ฉฑฺเฑตฺวา ตํ สทฺทํ สุณนฺติ. วาฬมิคา ขุทฺทกมิเค อนุพนฺธมานา อุกฺขิตฺตํ ปาทํ อนิกฺขิปิตฺวาว ติฏฺนฺติ. อนุพทฺธมิคา จ มรณภยํ ชหิตฺวา ติฏฺนฺติ. อากาเส ปกฺขนฺทา ปกฺขิโนปิ ปกฺเข ปสาเรตฺวา ตํ สทฺทํ สุณมานาว ติฏฺนฺติ. อุทเก มจฺฉาปิ กณฺณปฏลํ ปปฺโผเฏตฺวา ตํ สทฺทํ สุณมานาว ติฏฺนฺติ. เอวํ มธุรสฺสรา กรวีกา.
อสนฺธิมิตฺตาปิ ธมฺมาโสกสฺส เทวี – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, พุทฺธสฺสเรน สทิโส กสฺสจิ สโร’’ติ สงฺฆํ ปุจฺฉิ. อตฺถิ กรวีกสกุณสฺสาติ. กุหึ, ภนฺเต, เต สกุณาติ? หิมวนฺเตติ. สา ราชานํ อาห – ‘‘เทว, อหํ กรวีกสกุณํ ปสฺสิตุกามามฺหี’’ติ. ราชา – ‘‘อิมสฺมึ ปฺชเร นิสีทิตฺวา กรวีโก อาคจฺฉตู’’ติ สุวณฺณปฺชรํ วิสฺสชฺเชสิ. ปฺชโร คนฺตฺวา เอกสฺส กรวีกสฺส ปุรโต อฏฺาสิ. โส – ‘‘ราชาณาย อาคโต ปฺชโร, น สกฺกา น คนฺตุ’’นฺติ ตตฺถ นิสีทิ. ปฺชโร อาคนฺตฺวา รฺโ ปุรโต อฏฺาสิ. น กรวีกสทฺทํ การาเปตุํ สกฺโกนฺติ. อถ ราชา – ‘‘กถํ, ภเณ, อิเม สทฺทํ น กโรนฺตี’’ติ อาห. าตเก อทิสฺวา เทวาติ. อถ นํ ราชา อาทาเสหิ ปริกฺขิปาเปสิ. โส อตฺตโน ฉายํ ทิสฺวา – ‘‘าตกา เม อาคตา’’ติ มฺมาโน ปกฺเขน ตาลํ ทตฺวา มธุรสฺสเรน มณิวํสํ ธมมาโน วิย วิรวิ. สกลนคเร มนุสฺสา มตฺตา วิย ลฬึสุ. อสนฺธิมิตฺตา จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺส ตาว ติรจฺฉานคตสฺส เอวํ มธุโร สทฺโท, กีทิโส นุ โข สพฺพฺุตฺาณสิริปตฺตสฺส ภควโต สทฺโท อโหสี’’ติ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ปีตึ อวิชหิตฺวา สตฺตหิ ชงฺฆสเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. เอวํ มธุโร กิร ¶ กรวีกสทฺโทติ. ตโต ปน สตภาเคน สหสฺสภาเคน จ มธุรตโร วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส สทฺโท อโหสีติ เวทิตพฺโพ.
๓๙. กมฺมวิปากชนฺติ น ภาวนามยํ, กมฺมวิปากวเสน ปน เทวตานํ จกฺขุสทิสเมว มํสจกฺขุ อโหสิ ¶ , เยน นิมิตฺตํ กตฺวา ติลวาเห ปกฺขิตฺตํ เอกติลมฺปิ อยํ โสติ อุทฺธริตฺวา ทาตุํ สกฺโกติ.
๔๐. วิปสฺสีติ เอตฺถ อยํ วจนตฺโถ, อนฺตรนฺตรา นิมีลชนิตนฺธการวิรเหน วิสุทฺธํ ปสฺสติ, วิวเฏหิ จ อกฺขีหิ ปสฺสตีติ วิปสฺสี; ทุติยวาเร วิเจยฺย วิเจยฺย ปสฺสตีติ วิปสฺสี; วิจินิตฺวา วิจินิตฺวา ปสฺสตีติ อตฺโถ.
อตฺเถ ปนายตีติ อตฺเถ ชานาติ ปสฺสติ, นยติ วา ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. เอกทิวสํ กิร ¶ วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิตฺวา อตฺเถ อนุสาสนฺตสฺส รฺโ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มหาปุริสํ อาเนตฺวา หตฺเถ ปยึสุ. ตสฺส ตํ องฺเกกตฺวา อุปลาฬยมานสฺเสว อมจฺจา สามิกํ อสฺสามิกํ อกํสุ. โพธิสตฺโต อนตฺตมนสทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. ราชา – ‘‘กิเมตํ, อุปธาเรถา’’ติ อาห. อุปธาริยมานา อฺํ อทิสฺวา – ‘‘อฑฺฑสฺส ทุพฺพินิจฺฉิตตฺตา เอวํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ ปุน สามิกํเยว สามิกํ กตฺวา ‘‘ตฺวา นุ โข กุมาโร เอวํ กโรตี’’ติ วีมํสนฺตา ปุน สามิกํ อสฺสามิกํ อกํสุ. ปุนปิ โพธิสตฺโต ตเถว สทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. อถ ราชา – ‘‘ชานาติ มหาปุริโส’’ติ ตโต ปฏฺาย อปฺปมตฺโต อโหสิ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘วิเจยฺย วิเจยฺย กุมาโร อตฺเถ ปนายตี’’ติ.
๔๒. วสฺสิกนฺติอาทีสุ ยตฺถ สุขํ โหติ วสฺสกาเล วสิตุํ, อยํ วสฺสิโก. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ วสฺสาวาโส วสฺสํ, วสฺสํ อรหตีติ วสฺสิโก. อิตเรสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺถ วสฺสิโก ปาสาโท นาติอุจฺโจ โหติ, นาตินีโจ, ทฺวารวาตปานานิปิสฺส นาติพหูนิ นาติตนูนิ, ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณขชฺชโภชฺชานิเปตฺถ มิสฺสกาเนว วฏฺฏนฺติ. เหมนฺติเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ นีจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ตนุกานิ สุขุมจฺฉิทฺทานิ, อุณฺหปฺปเวสนตฺถาย ภิตฺตินิยูหานิ นีหริยนฺติ. ภูมตฺถรณปจฺจตฺถรณนิวาสนปารุปนานิ ปเนตฺถ อุณฺหวิริยานิ ¶ กมฺพลาทีนิ วฏฺฏนฺติ. ขชฺชโภชฺชํ สินิทฺธํ กฏุกสนฺนิสฺสิตํ นิรุทกสนฺนิสฺสิตฺจ. คิมฺหิเก ถมฺภาปิ ภิตฺติโยปิ อุจฺจา โหนฺติ, ทฺวารวาตปานานิ ปเนตฺถ พหูนิ วิปุลชาตานิ โหนฺติ, ภูมตฺถรณาทีนิ ทุกูลมยานิ วฏฺฏนฺติ. ขชฺชโภชฺชานิ มธุรสสนฺนิสฺสิตภริตานิ. วาตปานสมีเปสุ เจตฺถ ¶ นว จาฏิโย เปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา นีลุปฺปลาทีหิ สฺฉาเทนฺติ. เตสุ เตสุ ปเทเสสุ อุทกยนฺตานิ กโรนฺติ, เยหิ เทเว วสฺสนฺเต วิย อุทกธารา นิกฺขมนฺติ.
นิปฺปุริเสหีติ ปุริสวิรหิเตหิ. น เกวลฺเจตฺถ ตูริยาเนว นิปฺปุริสานิ, สพฺพฏฺานานิปิ นิปฺปุริสาเนว, โทวาริกาปิ อิตฺถิโยว, นหาปนาทิปริกมฺมกราปิ อิตฺถิโยว. ราชา กิร – ‘‘ตถารูปํ อิสฺสริยสุขสมฺปตฺตึ อนุภวมานสฺส ปุริสํ ทิสฺวา ปุริสาสงฺกา อุปฺปชฺชติ, สา เม ปุตฺตสฺส มา อโหสี’’ติ สพฺพกิจฺเจสุ อิตฺถิโยว เปสีติ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชิณฺณปุริสวณฺณนา
๔๓. ทุติยภาณวาเร ¶ โคปานสิวงฺกนฺติ โคปานสี วิย วงฺกํ. โภคฺคนฺติ ขนฺเธ, กฏิยํ, ชาณูสูติ ตีสุ าเนสุ โภคฺควงฺกํ. ทณฺฑปรายนนฺติ ทณฺฑคติกํ ทณฺฑปฏิสรณํ. อาตุรนฺติ ชราตุรํ. คตโยพฺพนนฺติ อติกฺกนฺตโยพฺพนํ ปจฺฉิมวเย ิตํ. ทิสฺวาติ อฑฺฒโยชนปฺปมาเณน พลกาเยน ปริวุโต สุสํวิหิตารกฺโขปิ คจฺฉนฺโต ยทา รโถ ปุรโต โหติ, ปจฺฉา พลกาโย, ตาทิเส โอกาเส สุทฺธาวาสขีณาสวพฺรหฺเมหิ อตฺตโน อานุภาเวน รถสฺส ปุรโตว ทสฺสิตํ, ตํ ปุริสํ ปสฺสิตฺวา. สุทฺธาวาสา กิร – ‘‘มหาปุริโส ปงฺเก คโช วิย ปฺจสุ กามคุเณสุ ลคฺโค, สติมสฺส อุปฺปาเทสฺสามา’’ติ ตํ ทสฺเสสุํ. เอวํ ทสฺสิตฺจ ตํ โพธิสตฺโต เจว ปสฺสติ สารถิ จ. พฺรหฺมาโน หิ โพธิสตฺตสฺส อปฺปมาทตฺถํ สารถิสฺส จ กถาสลฺลาปตฺถํ ตํ ทสฺเสสุํ. กึ ปเนโสติ ‘‘เอโส ชิณฺโณติ กึ วุตฺตํ โหติ, นาหํ, โภ อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ อทฺทส’’นฺติ ปุจฺฉิ.
เตน ¶ หีติ ยทิ มยฺหมฺปิ เอวรูเปหิ เกเสหิ เอวรูเปน จ กาเยน ภวิตพฺพํ, เตน หิ สมฺม สารถิ. อลํ ทานชฺช อุยฺยานภูมิยาติ – ‘‘อชฺช อุยฺยานภูมึ ปสฺสิสฺสามา’’ติ คจฺฉาม, อลํ ตาย อุยฺยานภูมิยาติ สํวิคฺคหทโย สํเวคานุรูปมาห. อนฺเตปุรํ คโตติ อิตฺถิชนํ วิสฺสชฺเชตฺวา สิริคพฺเภ เอกโกว นิสินฺโน. ยตฺร หิ นามาติ ยาย ชาติยา สติ ชรา ปฺายติ, สา ชาติ ธิรตฺถุ ¶ ธิกฺกตา อตฺถุ, ชิคุจฺฉาเมตํ ชาตินฺติ, ชาติยา มูลํ ขณนฺโต นิสีทิ, ปเมน สลฺเลน หทเย วิทฺโธ วิย.
๔๕. สารถึ อามนฺตาเปตฺวาติ ราชา กิร เนมิตฺตเกหิ กถิตกาลโต ปฏฺาย โอหิตโสโต วิจรติ, โส ‘‘กุมาโร อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค นิวตฺโต’’ติ สุตฺวา สารถึ อามนฺตาเปสิ. มา เหว โขติอาทีสุ รชฺชํ กาเรตุ, มา ปพฺพชตุ, พฺราหฺมณานํ วจนํ มา สจฺจํ โหตูติ เอวํ จินฺเตสีติ อตฺโถ.
พฺยาธิปุริสวณฺณนา
๔๗. อทฺทส โขติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สุทฺธาวาเสหิ ทสฺสิตํ อทฺทส. อาพาธิกนฺติ อิริยาปถภฺชนเกน วิสภาคพาเธน อาพาธิกํ. ทุกฺขิตนฺติ โรคทุกฺเขน ทุกฺขิตํ. พาฬฺหคิลานนฺติ อธิมตฺตคิลานํ. ปลิปนฺนนฺติ นิมุคฺคํ. ชรา ปฺายิสฺสติ พฺยาธิ ปฺายิสฺสตีติ ¶ อิธาปิ ยาย ชาติยา สติ อิทํ ทฺวยํ ปฺายติ, ธิกฺกตา สา ชาติ, อชาตํ เขมนฺติ ชาติยา มูลํ ขณนฺโต นิสีทิ, ทุติเยน สลฺเลน วิทฺโธ วิย.
กาลงฺกตปุริสวณฺณนา
๕๐. วิลาตนฺติ สิวิกํ. เปตนฺติ อิโต ปฏิคตํ. กาลงฺกตนฺติ กตกาลํ, ยตฺตกํ เตน กาลํ ชีวิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ กตฺวา นิฏฺเปตฺวา มตนฺติ อตฺโถ. อิมมฺปิสฺส ปุริมนเยเนว พฺรหฺมาโน ทสฺเสสุํ. ยตฺร หิ นามาติ อิธาปิ ยาย ชาติยา สติ อิทํ ตยํ ปฺายติ, ธิกฺกตา สา ชาติ, อชาตํ เขมนฺติ ชาติยา มูลํ ขณนฺโต นิสีทิ, ตติเยน สลฺเลน วิทฺโธ วิย.
ปพฺพชิตวณฺณนา
๕๒. ภณฺฑุนฺติ ¶ มุณฺฑํ. อิมมฺปิสฺส ปุริมนเยเนว พฺรหฺมาโน ทสฺเสสุํ. สาธุ ธมฺมจริยาติอาทีสุ อยํ เทว ธมฺมจรณภาโว สาธูติ จินฺเตตฺวา ปพฺพชิโตติ เอวํ เอกเมกสฺส ปทสฺส โยชนา เวทิตพฺพา. สพฺพานิ เจตานิ ทสกุสลกมฺมปถเววจนาเนว. อวสาเน ปน อวิหึสาติ กรุณาย ปุพฺพภาโค. อนุกมฺปาติ เมตฺตาย ปุพฺพภาโค. เตนหีติ อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโต. ปพฺพชิตํ หิสฺส ทิสฺวา จิตฺตํ ปพฺพชฺชาย นินฺนํ ชาตํ. อถ เตน สทฺธึ กเถตุกาโม หุตฺวา สารถึ อุยฺโยเชนฺโต เตน หีติอาทิมาห.
โพธิสตฺตปพฺพชฺชาวณฺณนา
๕๔. อถ ¶ โข, ภิกฺขเวติ – ‘‘ปพฺพชิตสฺส สาธุ ธมฺมจริยา’’ติอาทีนิ จ อฺฺจ พหุํ มหาชนกาเยน รกฺขิยมานสฺส ปุตฺตทารสมฺพาเธ ฆเร วสโต อาทีนวปฏิสํยุตฺตฺเจว มิคภูเตน เจตสา ยถาสุขํ วเน วสโต ปพฺพชิตสฺส วิเวกานิสํสปฏิสํยุตฺตฺจ ธมฺมึ กถํ สุตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา – อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสี กุมาโร สารถึ อามนฺเตสิ.
อิมานิ จตฺตาริ ทิสฺวา ปพฺพชิตํ นาม สพฺพโพธิสตฺตานํ วํโสว ตนฺติเยว ปเวณีเยว. อฺเปิ จ โพธิสตฺตา ยถา อยํ วิปสฺสี กุมาโร, เอวํ จิรสฺสํ จิรสฺสํ ปสฺสนฺติ. อมฺหากํ ปน โพธิสตฺโต จตฺตาริปิ เอกทิวสํเยว ทิสฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อโนมานทีตีเร ¶ ปพฺพชิโต. เตเนว ราชคหํ ปตฺวา ตตฺถ รฺา พิมฺพิสาเรน – ‘‘กิมตฺถํ, ปณฺฑิต, ปพฺพชิโตสีติ’’ ปุฏฺโ อาห –
‘‘ชิณฺณฺจ ทิสฺวา ทุขิตฺจ พฺยาธิตํ,
มตฺจ ทิสฺวา คตมายุสงฺขยํ;
กาสายวตฺถํ ปพฺพชิตฺจ ทิสฺวา,
ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชา’’ติ.
มหาชนกายอนุปพฺพชฺชาวณฺณนา
๕๕. สุตฺวาน เตสนฺติ เตสํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ สุตฺวา เอตทโหสิ. โอรโกติ อูนโก ลามโก. อนุปพฺพชึสูติ อนุปพฺพชิตานิ ¶ . กสฺมา ปเนตฺถ ยถา ปรโต ขณฺฑติสฺสานํ อนุปพฺพชฺชาย – ‘‘พนฺธุมติยา ราชธานิยา นิกฺขมิตฺวา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ น วุตฺตนฺติ? นิกฺขมิตฺวา สุตตฺตา. เอเต กิร สพฺเพปิ วิปสฺสิสฺส กุมารสฺส อุปฏฺากปริสาว, เต ปาโตว อุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา กุมารํ อทิสฺวา ปาตราสตฺถาย คนฺตฺวา ภุตฺตปาตราสา อาคมฺม ‘‘กุหึ กุมาโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุยฺยานภูมึ คโต’’ติ สุตฺวา ‘‘ตตฺเถว นํ ทกฺขิสฺสามา’’ติ นิกฺขมนฺตา นิวตฺตมานํ สารถึ ทิสฺวา – ‘‘กุมาโร ปพฺพชิโต’’ติ จสฺส วจนํ สุตฺวา สุตฏฺาเนเยว สพฺพาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา อนฺตราปณโต กาสาวปีตานิ วตฺถานิ อาหราเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ปพฺพชึสุ. อิติ นครโต นิกฺขมิตฺวา พหินคเร สุตตฺตา เอตฺถ – ‘‘พนฺธุมติยา ราชธานิยา นิกฺขมิตฺวา’’ติ น วุตฺตํ.
จาริกํ ¶ จรตีติ คตคตฏฺาเน มหามณฺฑปํ กตฺวา ทานํ สชฺเชตฺวา อาคมฺม สฺวาตนาย นิมนฺติโต ชนสฺส อายาจิตภิกฺขเมว ปฏิคฺคณฺหนฺโต จตฺตาโร มาเส จาริกํ จริ.
อากิณฺโณติ อิมินา คเณน ปริวุโต. อยํ ปน วิตกฺโก โพธิสตฺตสฺส กทา อุปฺปนฺโนติ? สฺเว วิสาขปุณฺณมา ภวิสฺสตีติ จาตุทฺทสีทิวเส. ตทา กิร โส – ‘‘ยเถว มํ อิเม ปุพฺเพ คิหิภูตํ ปริวาเรตฺวา จรนฺติ, อิทานิปิ ตเถว, กึ อิมินา คเณนา’’ติ คณสงฺคณิกาย อุกฺกณฺิตฺวา ‘‘อชฺเชว คจฺฉามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน ‘‘อชฺช อเวลา, สเจ อิทานิ คมิสฺสามิ, สพฺเพว อิเม ชานิสฺสนฺติ, สฺเวว คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ตํ ทิวสฺจ อุรุเวลคามสทิเส คาเม คามวาสิโน สฺวาตนาย นิมนฺตยึสุ. เต จตุราสีติสหสฺสานมฺปิ เตสํ ¶ ปพฺพชิตานํ มหาปุริสสฺส จ ปายาสเมว ปฏิยาทยึสุ. อถ มหาปุริโส ปุนทิวเส ตสฺมึเยว คาเม เตหิ ปพฺพชิเตหิ สทฺธึ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วสนฏฺานเมว อคมาสิ. ตตฺถ เต ปพฺพชิตา มหาปุริสสฺส วตฺตํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ ปวิฏฺา. โพธิสตฺโตปิ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺโน.
‘‘ิเต มชฺฌนฺหิเก กาเล, สนฺนิสีเวสุ ปกฺขิสุ;
สณเตว พฺรหารฺํ, ตํ ภยํ ปฏิภาติ ม’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕);
เอวรูเป ¶ อวิเวการามานํ ภยกาเล สพฺพสตฺตานํ สทรถกาเลเยว – ‘‘อยํ กาโล’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปณฺณสาลาย ทฺวารํ ปิทหิตฺวา โพธิมณฺฑาภิมุโข ปายาสิ. อฺทาปิ จ ตสฺมึ าเน วิจรนฺโต โพธิมณฺฑํ ปสฺสติ, นิสีทิตุํ ปนสฺส จิตฺตํ น นมิตปุพฺพํ. ตํ ทิวสํ ปนสฺส าณํ ปริปากคตํ, ตสฺมา อลงฺกตํ โพธิมณฺฑํ ทิสฺวา อาโรหนตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ. โส ทกฺขิณทิสาภาเคน อุปคมฺม ปทกฺขิณํ กตฺวา ปุรตฺถิมทิสาภาเค จุทฺทสหตฺถํ ปลฺลงฺกํ ปฺเปตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺหิตฺวา – ‘‘ยาว พุทฺโธ น โหมิ, น ตาว อิโต วุฏฺหามี’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา นิสีทิ. อิทมสฺส วูปกาสํ สนฺธาย – ‘‘เอโกว คณมฺหา วูปกฏฺโ วิหาสี’’ติ วุตฺตํ.
อฺเเนว ¶ ตานีติ เต กิร สายํ โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ‘‘อติวิกาโล ชาโต, อุปธาเรถา’’ติ วตฺวา ปณฺณสาลํ วิวริตฺวา ตํ อปสฺสนฺตาปิ ‘‘กุหึ คโต’’ติ นานุพนฺธึสุ, ‘‘คณวาเส นิพฺพินฺโน เอโก วิหริตุกาโม มฺเ มหาปุริโส, พุทฺธภูตํเยว นํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ วตฺวา อนฺโตชมฺพุทีปาภิมุขา จาริกํ ปกฺกนฺตา.
โพธิสตฺตอภิเวสวณฺณนา
๕๗. วาสูปคตสฺสาติ โพธิมณฺเฑ เอกรตฺติวาสํ อุปคตสฺส. รโหคตสฺสาติ รหสิ คตสฺส. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ เอกีภาววเสน นิลีนสฺส. กิจฺฉนฺติ ทุกฺขํ. จวติ จ อุปปชฺชติ จาติ อิทํ ทฺวยํ ปน อปราปรํ จุติปฏิสนฺธึ สนฺธาย วุตฺตํ. ชรามรณสฺสาติ เอตฺถ ยสฺมา ปพฺพชนฺโต ชิณฺณพฺยาธิมตฺเตเยว ทิสฺวา ปพฺพชิโต, ตสฺมาสฺส ชรามรณเมว อุปฏฺาติ. เตเนวาห ¶ – ‘‘ชรามรณสฺสา’’ติ. อิติ ชรามรณํ มูลํ กตฺวา อภินิวิฏฺสฺส ภวคฺคโต โอตรนฺตสฺส วิย – อถ โข, ภิกฺขเว, วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส เอตทโหสิ.
โยนิโสมนสิการาติ อุปายมนสิการา ปถมนสิการา. อนิจฺจาทีนิ หิ อนิจฺจาทิโตว มนสิกโรโต โยนิโสมนสิกาโร นาม โหติ. อยฺจ – ‘‘กิสฺมึ นุ โข สติชาติอาทีนิ โหนฺติ, กิสฺมึ อสติ น โหนฺตี’’ติ อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน ปวตฺตตฺตา เตสํ อฺตโร ¶ . ตสฺมาสฺส อิโต โยนิโสมนสิการา อิมินา อุปายมนสิกาเรน อหุ ปฺาย อภิสมโย, โพธิสตฺตสฺส ปฺาย ยสฺมึ สติ ชรามรณํ โหติ, เตน ชรามรณการเณน สทฺธึ สมาคโม อโหสิ. กึ ปน ตนฺติ? ชาติ. เตนาห – ‘‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหตี’’ติ. ยา จายํ ชรามรณสฺส การณปริคฺคาหิกา ปฺา, ตาย สทฺธึ โพธิสตฺตสฺส สมาคโม อโหสีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอเตนุปาเยน สพฺพปทานิ เวทิตพฺพานิ.
นามรูเป โข สติ วิฺาณนฺติ เอตฺถ ปน สงฺขาเรสุ สติ วิฺาณนฺติ จ, อวิชฺชาย สติ สงฺขาราติ จ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย, ตทุภยมฺปิ น คหิตํ. กสฺมา? อวิชฺชาสงฺขารา หิ อตีโต ภโว เตหิ สทฺธึ อยํ วิปสฺสนา น ฆฏิยติ. มหาปุริโส หิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิวิฏฺโติ. นนุ จ อวิชฺชาสงฺขาเรหิ อทิฏฺเหิ น สกฺกา พุทฺเธน ภวิตุนฺติ. สจฺจํ น สกฺกา, อิมินา ปน เต ภวอุปาทานตณฺหาวเสเนว ทิฏฺาติ. อิมสฺมึ าเน ¶ วิตฺถารโต ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา กเถตพฺพา. สา ปเนสา วิสุทฺธิมคฺเค กถิตาว.
๕๘. ปจฺจุทาวตฺตตีติ ปฏินิวตฺตติ. กตมํ ปเนตฺถ วิฺาณํ ปจฺจุทาวตฺตตีติ? ปฏิสนฺธิวิฺาณมฺปิ วิปสฺสนาาณมฺปิ. ตตฺถ ปฏิสนฺธิวิฺาณํ ปจฺจยโต ปฏินิวตฺตติ, วิปสฺสนาาณํ อารมฺมณโต. อุภยมฺปิ นามรูปํ นาติกฺกมติ, นามรูปโต ปรํ น คจฺฉติ. เอตฺตาวตา ชาเยถ วาติอาทีสุ วิฺาเณ นามรูปสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, นามรูเป จ วิฺาณสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, ทฺวีสุปิ อฺมฺปจฺจเยสุ โหนฺเตสุ เอตฺตเกน ชาเยถ วา…เป… อุปปชฺเชถ วา, อิโต หิ ปรํ กึ อฺํ ชาเยยฺย วา…เป… อุปปชฺเชยฺย วา. นนุ เอตเทว ชายติ จ…เป… อุปปชฺชติ จาติ? เอวํ สทฺธึ อปราปรจุติปฏิสนฺธีหิ ปฺจ ปทานิ ทสฺเสตฺวา ปุน ตํ เอตฺตาวตาติ วุตฺตมตฺถํ นิยฺยาเตนฺโต – ‘‘ยทิทํ นามรูปปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ วตฺวา ตโต ปรํ อนุโลมปจฺจยาการวเสน วิฺาณปจฺจยา นามรูปมูลํ ¶ อายติมฺปิ ชาติชรามรณํ ทสฺเสตุํ นามรูปปจฺจยา สฬายตนนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตีติ สกลสฺส ชาติชรามรณโสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาทิเภทสฺส ทุกฺขราสิสฺส นิพฺพตฺติ โหติ. อิติ มหาปุริโส สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตึ อทฺทส.
๕๙. สมุทโย ¶ สมุทโยติ โขติ นิพฺพตฺติ นิพฺพตฺตีติ โข. ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสูติ น อนุสฺสุเตสุ อสฺสุตปุพฺเพสุ. จกฺขุํ อุทปาทีติอาทีสุ อุทยทสฺสนปฺาเวสา. ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ, าตกรณฏฺเน าณํ, ปชานนฏฺเน ปฺา, นิพฺพิชฺฌิตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา อุปฺปนฺนฏฺเน วิชฺชา, โอภาสฏฺเน จ อาโลโกติ วุตฺตา. ยถาห – ‘‘จกฺขุํ อุทปาทีติ ทสฺสนฏฺเน. าณํ อุทปาทีติ าตฏฺเน. ปฺา อุทปาทีติ ปชานนฏฺเน. วิชฺชา อุทปาทีติ ปฏิเวธฏฺเน. อาโลโก อุทปาทีติ โอภาสฏฺเน. จกฺขุธมฺโม ทสฺสนฏฺโ อตฺโถ. าณธมฺโม าตฏฺโ อตฺโถ. ปฺาธมฺโม ปชานนฏฺโ อตฺโถ. วิชฺชาธมฺโม ปฏิเวธฏฺโ อตฺโถ. อาโลโก ธมฺโม โอภาสฏฺโ อตฺโถ’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๓๙). เอตฺตเกหิ ปเทหิ กึ ¶ กถิตนฺติ? อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ ปจฺจยสฺชานนมตฺตํ กถิตํ. อถวา วีถิปฏิปนฺนา ตรุณวิปสฺสนา กถิตาติ.
๖๑. อธิคโต โข มฺยายนฺติ อธิคโต โข เม อยํ. มคฺโคติ วิปสฺสนามคฺโค. โพธายาติ จตุสจฺจพุชฺฌนตฺถาย, นิพฺพานพุชฺฌนตฺถาย เอว วา. อปิ จ พุชฺฌตีติ โพธิ, อริยมคฺคสฺเสตํ นามํ, ตทตฺถายาติปิ วุตฺตํ โหติ. วิปสฺสนามคฺคมูลโก หิ อริยมคฺโคติ. อิทานิ ตํ มคฺคํ นิยฺยาเตนฺโต – ‘‘ยทิทํ นามรูปนิโรธาติอาทิมาห. เอตฺถ จ วิฺาณนิโรโธติอาทีหิ ปจฺจตฺตปเทหิ นิพฺพานเมว กถิตํ. อิติ มหาปุริโส สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนิพฺพตฺตินิโรธํ อทฺทส.
๖๒. นิโรโธ นิโรโธติ โขติ อนิพฺพตฺติ อนิพฺพตฺติติ โข. จกฺขุนฺติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว. อิธ ปน สพฺเพเหว เอเตหิ ปเทหิ – ‘‘อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหตี’’ติ นิโรธสฺชานนมตฺตเมว กถิตํ, อถวา วุฏฺานคามินี พลววิปสฺสนา กถิตาติ.
๖๓. อปเรน สมเยนาติ เอวํ ปจฺจยฺจ ปจฺจยนิโรธฺจ วิทิตฺวา ตโต อปรภาเค. อุปาทานกฺขนฺเธสูติ อุปาทานสฺส ปจฺจยภูเตสุ ขนฺเธสุ. อุทยพฺพยานุปสฺสีติ ตเมว ปมํ ทิฏฺํ อุทยฺจ วยฺจ อนุปสฺสมาโน. วิหาสีติ สิขาปตฺตํ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนํ วหนฺโต วิหริ. อิทํ กสฺมา วุตฺตํ? สพฺเพเยว หิ ปูริตปารมิโน โพธิสตฺตา ปจฺฉิมภเว ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส ¶ ¶ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปธานมนุยฺุชิตฺวา โพธิปลฺลงฺกมารุยฺห มารพลํ วิธมิตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, ทุติยยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺติ, ตติยยาเม ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต อุฏฺาย ปฺจสุ ขนฺเธสุ อภินิวิสิตฺวา อุทยพฺพยวเสน สมปฺาส ลกฺขณานิ ทิสฺวา ยาว โคตฺรภุาณา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺเคน สกเล พุทฺธคุเณ ปฏิวิชฺฌนฺติ. อยมฺปิ มหาปุริโส ปูริตปารมี. โส ยถาวุตฺตํ สพฺพํ อนุกฺกมํ กตฺวา ปจฺฉิมยาเม อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต อุฏฺาย ปฺจสุ ขนฺเธสุ อภินิวิสิตฺวา วุตฺตปฺปการํ อุทยพฺพยวิปสฺสนํ อารภิ. ตํ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ.
ตตฺถ ¶ อิติ รูปนฺติ อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ รูปํ นตฺถีติ รุปฺปนสภาวฺเจว ภูตุปาทายเภทฺจ อาทึ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานวเสน อนวเสสรูปปริคฺคโห วุตฺโต. อิติ รูปสฺส สมุทโยติ อิมินา เอวํ ปริคฺคหิตสฺส รูปสฺส สมุทยทสฺสนํ วุตฺตํ. ตตฺถ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อตฺโถ. ตสฺส วิตฺถาโร – ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย, ตณฺหาสมุทยา รูปสมุทโย, กมฺมสมุทยา รูปสมุทโย, อาหารสมุทยา รูปสมุทโยติ, นิพฺพตฺติลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ปสฺสตี’’ติ เอวํ เวทิตพฺโพ. อตฺถงฺคเมปิ ‘‘อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธ…เป… วิปริณามลกฺขณํ ปสฺสนฺโตปิ รูปกฺขนฺธสฺส นิโรธํ ปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) อยมสฺส วิตฺถาโร.
อิติ เวทนาติอาทีสุปิ อยํ เวทนา, เอตฺตกา เวทนา, อิโต อุทฺธํ เวทนา นตฺถิ. อยํ สฺา, อิเม สงฺขารา, อิทํ วิฺาณํ, เอตฺตกํ วิฺาณํ, อิโต อุทฺธํ วิฺาณํ นตฺถีติ เวทยิตสฺชานนอภิสงฺขรณวิชานนสภาวฺเจว สุขาทิรูปสฺาทิ ผสฺสาทิ จกฺขุวิฺาณาทิ เภทฺจ อาทึ กตฺวา ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานวเสน อนวเสสเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณปริคฺคโห วุตฺโต. อิติ เวทนาย สมุทโยติอาทีหิ ปน เอวํ ปริคฺคหิตานํ เวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณานํ สมุทยทสฺสนํ วุตฺตํ. ตตฺราปิ อิตีติ เอวํ สมุทโย โหตีติ อตฺโถ. เตสมฺปิ วิตฺถาโร – ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) รูเป วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – ตีสุ ขนฺเธสุ ‘‘อาหารสมุทยา’’ติ อวตฺวา ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํ. วิฺาณกฺขนฺเธ ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติ ¶ อตฺถงฺคมปทมฺปิ เตสํเยว วเสน โยเชตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน อุทยพฺพยวินิจฺฉโย สพฺพาการปริปูโร วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต. ตสฺส ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโตติ ตสฺส วิปสฺสิสฺส โพธิสตฺตสฺส อิเมสุ รูปาทีสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สมปฺาสลกฺขณวเสน อุทยพฺพยานุปสฺสิโน วิหรโต ยถานุกฺกเมน วฑฺฒิเต วิปสฺสนาาเณ อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌมาเนหิ ¶ อาสวสงฺขาเตหิ กิเลเสหิ อนุปาทาย อคฺคเหตฺวาว จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ตเทตํ ¶ มคฺคกฺขเณ วิมุจฺจติ นาม, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ นาม; มคฺคกฺขเณ วา วิมุตฺตฺเจว วิมุจฺจติ จ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตเมว.
เอตฺตาวตา จ มหาปุริโส สพฺพพนฺธนา วิปฺปมุตฺโต สูริยรสฺมิสมฺผุฏฺมิว ปทุมํ สุวิกสิตจิตฺตสนฺตาโน จตฺตาริ มคฺคาณานิ, จตฺตาริ ผลาณานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ, ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ, ฉ อสาธารณาณานิ, สกเล จ พุทฺธคุเณ หตฺถคเต กตฺวา ปริปุณฺณสงฺกปฺโป โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺโนว –
‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.
คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓, ๑๕๔);
‘‘อโยฆนหตสฺเสว, ชลโต ชาตเวทโส;
อนุปุพฺพูปสนฺตสฺส, ยถา น ายเต คติ.
เอวํ สมฺมาวิมุตฺตานํ, กามพนฺโธฆตารินํ;
ปฺาเปตุํ คติ นตฺถิ, ปตฺตานํ อจลํ สุข’’นฺติ. (อุทา. ๘๐);
เอวํ มนสิ กโรนฺโต สรเท สูริโย วิย, ปุณฺณจนฺโท วิย จ วิโรจิตฺถาติ.
ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา
๖๔. ตติยภาณวาเร ¶ ¶ ยํนูนาหํ ธมฺมํ เทเสยฺยนฺติ ยทิ ปนาหํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ. อยํ ปน วิตกฺโก กทา อุปฺปนฺโนติ? พุทฺธภูตสฺส อฏฺเม สตฺตาเห. โส กิร พุทฺโธ หุตฺวา สตฺตาหํ โพธิปลฺลงฺเก นิสีทิ, สตฺตาหํ โพธิปลฺลงฺกํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ, สตฺตาหํ รตนจงฺกเม จงฺกมิ, สตฺตาหํ รตนคพฺเภ ธมฺมํ วิจินนฺโต นิสีทิ, สตฺตาหํ อชปาลนิคฺโรเธ นิสีทิ, สตฺตาหํ มุจลินฺเท นิสีทิ, สตฺตาหํ ราชายตเน นิสีทิ. ตโต อุฏฺาย อฏฺเม สตฺตาเห ปุน อาคนฺตฺวา อชปาลนิคฺโรเธ นิสินฺนมตฺตสฺเสว ¶ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ อยฺเจว อิโต อนนฺตโร จ วิตกฺโก อุปฺปนฺโนติ.
ตตฺถ อธิคโตติ ปฏิวิทฺโธ. ธมฺโมติ จตุสจฺจธมฺโม. คมฺภีโรติ อุตฺตานภาวปฏิกฺเขปวจนเมตํ. ทุทฺทโสติ คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส ทุกฺเขน ทฏฺพฺโพ, น สกฺกา สุเขน ทฏฺุํ. ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ ทุกฺเขน อวพุชฺฌิตพฺโพ, น สกฺกา สุเขน อวพุชฺฌิตุํ. สนฺโตติ นิพฺพุโต. ปณีโตติ อตปฺปโก. อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อตกฺกาวจโรติ ตกฺเกน อวจริตพฺโพ โอคาหิตพฺโพ น โหติ, าเณเนว อวจริตพฺโพ. นิปุโณติ สณฺโห. ปณฺฑิตเวทนีโยติ สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺเนหิ ปณฺฑิเตหิ เวทิตพฺโพ. อาลยรามาติ สตฺตา ปฺจสุ กามคุเณสุ อลฺลียนฺติ, ตสฺมา เต อาลยาติ วุจฺจนฺติ. อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ อาลยนฺติ, ตสฺมา อาลยาติ วุจฺจนฺติ. เตหิ อาลเยหิ รมนฺตีติ อาลยรามา. อาลเยสุ รตาติ อาลยรตา. อาลเยสุ สุฏฺุ มุทิตาติ อาลยสมฺมุทิตา. ยเถว หิ สุสชฺชิตํ ปุปฺผผลภริตรุกฺขาทิสมฺปนฺนํ อุยฺยานํ ปวิฏฺโ ราชา ตาย ตาย สมฺปตฺติยา รมติ, ปมุทิโต อาโมทิโต โหติ, น อุกฺกณฺติ, สายํ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉติ, เอวมิเมหิปิ กามาลยตณฺหาลเยหิ สตฺตา รมนฺติ, สํสารวฏฺเฏ ปมุทิตา อนุกฺกณฺิตา วสนฺติ. เตน เนสํ ภควา ทุวิธมฺปิ อาลยํ อุยฺยานภูมึ วิย ทสฺเสนฺโต – ‘‘อาลยรามา’’ติอาทิมาห.
ยทิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส านํ สนฺธาย – ‘‘ยํ อิท’’นฺติ, ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ สนฺธาย – ‘‘โย อย’’นฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อิเมสํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา, อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา, อิทปฺปจฺจยตา จ สา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท จาติ อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโท. สงฺขาราทิปจฺจยานํ ¶ อวิชฺชาทีนํ เอตํ อธิวจนํ. สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ นิพฺพานเมว. ยสฺมา หิ ตํ อาคมฺม สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมฺมนฺติ ¶ วูปสมฺมนฺติ ตสฺมา – ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม สพฺเพ อุปธโย ปฏินิสฺสฏฺา โหนฺติ, สพฺพา ตณฺหา ขียนฺติ ¶ , สพฺเพ กิเลสราคา วิรชฺชนฺติ, สพฺพํ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ’’ติ วุจฺจติ. สา ปเนสา ตณฺหา ภเวน ภวํ, ผเลน วา สทฺธึ กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติ. ตโต วานโต นิกฺขนฺตนฺติ นิพฺพานํ. โส มมสฺส กิลมโถติ ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺส, สา มม วิเหสา อสฺสาติ อตฺโถ. กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ อสฺสาติ วุตฺตํ โหติ, จิตฺเต ปน อุภยมฺเปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ.
๖๕. อปิสฺสูติ อนุพฺรูหนตฺเถ นิปาโต. โส – ‘‘น เกวลํ เอตทโหสิ, อิมาปิ คาถา ปฏิภํสู’’ติ ทีเปติ. วิปสฺสินฺติอาทีสุ วิปสฺสิสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสาติ อตฺโถ. อนจฺฉริยาติ อนุอจฺฉริยา. ปฏิภํสูติ ปฏิภานสงฺขาตสฺส าณสฺส โคจรา อเหสุํ, ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณึสุ.
กิจฺเฉนาติ ทุกฺเขน, น ทุกฺขาย ปฏิปทาย. พุทฺธานฺหิ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฏิปทาว โหนฺติ. ปารมีปูรณกาเล ปน สราคสโทสสโมหสฺเสว สโต อาคตาคตานํ ยาจกานํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ สีสํ ฉินฺทิตฺวา คลโลหิตํ นีหริตฺวา สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา กุลวํสปทีปกํ ปุตฺตํ มนาปจารินึ ภริยนฺติ เอวมาทีนิ เทนฺตสฺส อฺานิ จ ขนฺติวาทิสทิเสสุ อตฺตภาเวสุ เฉชฺชเภชฺชาทีนิ ปาปุณนฺตสฺส อาคมนียปฏิปทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. หลนฺติ เอตฺถ หกาโร นิปาตมตฺโต, อลนฺติ อตฺโถ. ปกาสิตุนฺติ เทเสตุํ; เอวํ กิจฺเฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส อลํ เทเสตุํ; โก อตฺโถ เทสิเตนาติ วุตฺตํ โหติ. ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสผุฏฺเหิ ราคโทสานุคเตหิ วา.
ปฏิโสตคามินฺติ นิจฺจาทีนํ ปฏิโสตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาสุภนฺติ เอวํ คตํ จตุสจฺจธมฺมํ. ราครตฺตาติ กามราเคน ภวราเคน ทิฏฺิราเคน จ รตฺตา. น ทกฺขนฺตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ อิมินา สภาเวน น ปสฺสิสฺสนฺติ ¶ , เต อปสฺสนฺเต โก สกฺขิสฺสติ เอวํ คาหาเปตุํ? ตโมขนฺเธน อาวุฏาติ ¶ อวิชฺชาราสินา อชฺโฌตฺถฏา.
อปฺโปสฺสุกฺกตายาติ นิรุสฺสุกฺกภาเวน, อเทเสตุกามตายาติ อตฺโถ. กสฺมา ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ? นนุ เอส – ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี, ติณฺโณ ตาเรสฺสามิ’’,
‘‘กึ ¶ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวก’’นฺติ.
ปตฺถนํ กตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโตติ. สจฺจเมตํ, ปจฺจเวกฺขณานุภาเวน ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ. ตสฺส หิ สพฺพฺุตํ ปตฺวา สตฺตานํ กิเลสคหนตํ ธมฺมสฺส จ คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สตฺตานํ กิเลสคหนตา จ ธมฺมคมฺภีรตา จ สพฺพากาเรน ปากฏา ชาตา. อถสฺส – ‘‘อิเม สตฺตา กฺชิกปุณฺณลาพุ วิย ตกฺกภริตจาฏิ วิย วสาเตลปีตปิโลติกา วิย อฺชนมกฺขิตหตฺถา วิย กิเลสภริตา อติสํกิลิฏฺา ราครตฺตา โทสทุฏฺา โมหมูฬฺหา, เต กึ นาม ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ จินฺตยโต กิเลสคหนปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมิ.
‘‘อยฺจ ธมฺโม ปถวีสนฺธารกอุทกกฺขนฺโธ วิย คมฺภีโร, ปพฺพเตน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปิโต สาสโป วิย ทุทฺทโส, สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาทนํ วิย ทุรนุโพโธ, นนุ มยา หิ อิมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วายมนฺเตน อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อรกฺขิตํ สีลํ นาม นตฺถิ, อปริปูริตา กาจิ ปารมี นาม นตฺถิ. ตสฺส เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺสาปิ ปถวี น กมฺปิตฺถ, ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, ปจฺฉิมยาเม ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปฏิวิชฺฌนฺตสฺเสว เม ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ. อิติ มาทิเสนาปิ ติกฺขาเณน กิจฺเฉเนวายํ ธมฺโม ปฏิวิทฺโธ ตํ โลกิยมหาชนา กถํ ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมีติ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ¶ พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายปิสฺส เอวํ จิตฺตํ ¶ นมิ. ชานาติ หิ ภควา – ‘‘มม อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺเต นมมาเน มํ มหาพฺรหฺมา ธมฺมเทสนํ ยาจิสฺสติ, อิเม จ สตฺตา พฺรหฺมครุกา, เต ‘สตฺถา กิร ธมฺมํ น เทเสตุกาโม อโหสิ, อถ นํ มหาพฺรหฺมา ยาจิตฺวา เทสาเปสิ, สนฺโต วต โภ ธมฺโม, ปณีโต วต โภ ธมฺโม’ติ มฺมานา สุสฺสูสิสฺสนฺตี’’ติ. อิมมฺปิสฺส การณํ ปฏิจฺจ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายาติ เวทิตพฺพํ.
๖๖. อฺตรสฺสาติ เอตฺถ กิฺจาปิ ‘‘อฺตโร’’ติ วุตฺตํ, อถ โข อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ เชฏฺกมหาพฺรหฺมา เอโสติ เวทิตพฺโพ. นสฺสติ วต โภ โลโกติ โส กิร อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรสิ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สพฺเพ สนฺนิปตึสุ. ยตฺร หิ นามาติ ¶ ยสฺมึ นาม โลเก. ปุรโต ปาตุรโหสีติ เตหิ ทสหิ พฺรหฺมสหสฺเสหิ สทฺธึ ปาตุรโหสิ. อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ, เอวํ สภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกา. อสฺสวนตาติ อสฺสวนตาย. ภวิสฺสนฺตีติ ปุริมพุทฺเธสุ ทสปฺุกิริยวตฺถุวเสน กตาธิการา ปริปากคตา ปทุมานิ วิย สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ, ธมฺมเทสนํเยว อากงฺขมานา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อริยภูมึ โอกฺกมนารหา น เอโก, น ทฺเว, อเนกสตสหสฺสา ธมฺมสฺส อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ.
๖๙. อชฺเฌสนนฺติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ ยาจนํ. พุทฺธจกฺขุนาติ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน จ อาสยานุสยาเณน จ. อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ าณานํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ นามํ, สพฺพฺุตฺาณสฺส ‘‘สมนฺตจกฺขู’’ติ, ติณฺณํ มคฺคาณานํ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ. อปฺปรชกฺเขติอาทีสุ เยสํ วุตฺตนเยเนว ปฺาจกฺขุมฺหิ ราคาทิรชํ อปฺปํ, เต อปฺปรชกฺขา. เยสํ ตํ มหนฺตํ, เต มหารชกฺขา. เยสํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ, เต ติกฺขินฺทฺริยา. เยสํ ตานิ มุทูนิ, เต มุทินฺทฺริยา. เยสํ เตเยว สทฺธาทโย อาการา สุนฺทรา, เต สฺวาการา. เย กถิตการณํ สลฺลกฺเขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิฺาเปตุํ, เต สุวิฺาปยา. เย ปรโลกฺเจว วชฺชฺจ ภยโต ปสฺสนฺติ, เต ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิโน นาม.
อยํ ¶ ¶ ปเนตฺถ ปาฬิ – ‘‘สทฺโธ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อสฺสทฺโธ ปุคฺคโล มหารชกฺโข.… อารทฺธวีริโย…เป… กุสีโต… อุปฏฺิตสฺสติ… มุฏฺสฺสติ… สมาหิโต… อสมาหิโต… ปฺวา… ทุปฺปฺโ ปุคฺคโล มหารชกฺโข. ตถา สทฺโธ ปุคฺคโล ติกฺขินฺทฺริโย…เป… ปฺวา ปุคฺคโล ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวี, ทุปฺปฺโ ปุคฺคโล น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวี. โลโกติ ขนฺธโลโก, ธาตุโลโก, อายตนโลโก, สมฺปตฺติภวโลโก, วิปตฺติภวโลโก, สมฺปตฺติสมฺภวโลโก, วิปตฺติสมฺภวโลโก. เอโก โลโก – สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา. ทฺเว โลกา – นามฺจ รูปฺจ. ตโย โลกา – ติสฺโส เวทนา. จตฺตาโร โลกา – จตฺตาโร อาหารา. ปฺจ โลกา – ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ฉ โลกา – ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ. สตฺต โลกา – สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. อฏฺ โลกา – อฏฺ โลกธมฺมา. นว โลกา – นว สตฺตาวาสา. ทส โลกา – ทสายตนานิ. ทฺวาทส โลกา – ทฺวาทสายตนานิ. อฏฺารส โลกา – อฏฺารส ธาตุโย. วชฺชนฺติ สพฺเพ กิเลสา วชฺชํ, สพฺเพ ทุจฺจริตา วชฺชํ, สพฺเพ อภิสงฺขารา วชฺชํ, สพฺเพ ภวคามิกมฺมา วชฺชํ. อิติ อิมสฺมิฺจ โลเก อิมสฺมิฺจ วชฺเช ติพฺพา ภยสฺา ปจฺจุปฏฺิตา โหติ, เสยฺยถาปิ อุกฺขิตฺตาสิเก วธเก ¶ . อิเมหิ ปฺาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ ชานาติ ปสฺสติ อฺาติ ปฏิวิชฺฌติ, อิทํ ตถาคตสฺส อินฺทฺริยปโรปริยตฺเต าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒).
อุปฺปลินิยนฺติ อุปฺปลวเน. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. อนฺโตนิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อฺานิปิ ปทุมานิ อนฺโตนิมุคฺคาเนว โปสยนฺติ. อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ิตานีติ อุทกํ อติกฺกมิตฺวา ิตานิ. ตตฺถ ยานิ อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ, ตานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ ิตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิ. ยานิ สโมทกํ ิตานิ, ตานิ สฺเว ปุปฺผนกานิ. ยานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโตอุทกโปสีนิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ. อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อฺานิปิ สโรชอุปฺปลาทีนิ นาม ¶ อตฺถิ, ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ, มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ, ตานิ ปาฬึ นารูฬฺหานิ. อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานีติ ทีปิตานิ. ยเถว หิ ตานิ จตุพฺพิธานิ ปุปฺผานิ, เอวเมว อุคฺฆฏิตฺู, วิปฺจิตฺู, เนยฺโย, ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลา. ตตฺถ ยสฺส ¶ ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฏเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุคฺฆฏิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส สงฺขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺเถ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปฺจิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโสมนสิกโรโต กลฺยาณมิตฺเต เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต อนุปุพฺเพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนยฺโย. ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต พหุมฺปิ ภณโต พหุมฺปิ คณฺหโต พหุมฺปิ ธารยโต พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโม (ปุ. ป. ๑๔๘, ๑๔๙, ๑๕๐, ๑๕๑).
ตตฺถ ภควา อุปฺปลวนาทิสทิสํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต – ‘‘อชฺช ปุปฺผนกานิ วิย อุคฺฆฏิตฺู, สฺเว ปุปฺผนกานิ วิย วิปฺจิตฺู, ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ วิย เนยฺโย, มจฺฉกจฺฉปภกฺขานิ วิย ปทปรโม’’ติ อทฺทส. ปสฺสนฺโต จ – ‘‘เอตฺตกา อปฺปรชกฺขา, เอตฺตกา มหารชกฺขา. ตตฺราปิ เอตฺตกา อุคฺฆฏิตฺู’’ติ เอวํ สพฺพาการโต อทฺทส. ตตฺถ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถํ สาเธติ, ปทปรมานํ อนาคเต วาสนตฺถาย โหติ.
อถ ภควา อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถาวหํ ธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา เทเสตุกมฺยตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน เต สพฺเพสุปิ ตีสุ ภเวสุ สพฺเพ สตฺเต ภพฺพาภพฺพวเสน ทฺเว โกฏฺาเส อกาสิ. เย สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เย เต สตฺตา กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา, วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา, กิเลสาวรเณน ¶ สมนฺนาคตา, อสฺสทฺธา อจฺฉนฺทิกา ทุปฺปฺา อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ, อิเม เต สตฺตา อภพฺพา. กตเม สตฺตา ภพฺพา? เย เต สตฺตา น กมฺมาวรเณน…เป…อิเม เต สตฺตา ภพฺพา’’ติ (วิภ. ๘๒๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๑๔).
ตตฺถ สพฺเพปิ อภพฺพปุคฺคเล ¶ ปหาย ภพฺพปุคฺคเลเยว าเณน ปริคฺคเหตฺวา – ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา, เอตฺตกา โทสโมหวิตกฺกสทฺธาพุทฺธิจริตา’’ติ ฉ โกฏฺาเส อกาสิ. เอวํ กตฺวา – ‘‘ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ ¶ . พฺรหฺมา ตํ ตฺวา โสมนสฺสชาโต ภควนฺตํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ. อิทํ สนฺธาย – ‘‘อถ โข โส, ภิกฺขเว, มหาพฺรหฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๗๐. ตตฺถ อชฺฌภาสีติ อธิอภาสิ, อธิกิจฺจ อารพฺภ อภาสีติ อตฺโถ.
เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโตติ เสลมเย เอกคฺฆเน ปพฺพตมุทฺธนิ ยถาิโตว, น หิ ตตฺถ ิตสฺส ทสฺสนตฺถํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถิ. ตถูปมนฺติ ตปฺปฏิภาคํ เสลปพฺพตูปมํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ, ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ยถาิโตว จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปสฺเสยฺย, ตถา ตฺวมฺปิ สุเมธ, สุนฺทรปฺสพฺพฺุตฺาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปฺามยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ชาติชราภิภูตํ ชนตํ อเปกฺขสฺสุ, อุปธารย อุปปริกฺข.
อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฏิกาโย กตฺวา รตฺตึ อคฺคึ ชาเลยฺยุํ. จตุรงฺคสมนฺนาคตฺจ อนฺธการํ อสฺส. อถสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมึ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ, น เกทารปาฬิโย, น กุฏิโย, น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปฺาเยยฺยุํ, กุฏิกาสุ ปน อคฺคิชาลมตฺตเมว ปฺาเยยฺย. เอวํ ธมฺมปาสาทมารุยฺห สตฺตนิกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณชาณุปสฺเส นิสินฺนาปิ พุทฺธจกฺขุสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตสรา วิย โหนฺติ. เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต ตสฺส ทูเร ิตาปิ อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๔);
อุฏฺเหีติ ¶ ¶ ภควโต ธมฺมเทสนตฺถํ จาริกจรณํ ยาจนฺโต ภณติ. วีราติอาทีสุ ภควา วีริยวนฺตตาย วีโร, เทวปุตฺตมจฺจุกิเลสมารานํ วิชิตตฺตา ¶ วิชิตสงฺคาโม, ชาติกนฺตราทินิตฺถรณตฺถาย เวเนยฺยสตฺถวาหนสมตฺถตาย สตฺถวาโห, กามจฺฉนฺทอิณสฺส อภาวโต อณโณติ เวทิตพฺโพ.
๗๑. อปารุตาติ วิวฏา. อมตสฺส ทฺวาราติ อริยมคฺโค. โส หิ อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารํ. โส มยา วิวริตฺวา ปิโตติ ทสฺเสติ. ปมฺุจนฺตุ สทฺธนฺติ สพฺเพ อตฺตโน สทฺธํ ปมฺุจนฺตุ วิสฺสชฺเชนฺตุ. ปจฺฉิมปททฺวเย อยมตฺโถ, อหฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺติตมฺปิ อิมํ ปณีตํ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสฺี หุตฺวา น ภาสึ, อิทานิ ปน สพฺเพ ชนา สทฺธาภาชนํ อุปเนนฺตุ, ปูเรสฺสามิ เตสํ สงฺกปฺปนฺติ.
อคฺคสาวกยุควณฺณนา
๗๓. โพธิรุกฺขมูเลติ โพธิรุกฺขสฺส อวิทูเร อชปาลนิคฺโรเธ อนฺตรหิโตติ อตฺโถ. เขเม มิคทาเยติ อิสิปตนํ เตน สมเยน เขมํ นาม อุยฺยานํ โหติ, มิคานํ ปน อภยวาสตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เขเม มิคทาเย’’ติ. ยถา จ วิปสฺสี ภควา, เอวํ อฺเปิ พุทฺธา ปมํ ธมฺมเทสนตฺถาย คจฺฉนฺตา อากาเสน คนฺตฺวา ตตฺเถว โอตรนฺติ. อมฺหากํ ปน ภควา อุปกสฺส อาชีวกสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา – ‘‘อุปโก อิมํ อทฺธานํ ปฏิปนฺโน, โส มํ ทิสฺวา สลฺลปิตฺวา คมิสฺสติ. อถ ปุน นิพฺพินฺทนฺโต อาคมฺม อรหตฺตํ สจฺฉิกริสฺสตี’’ติ ตฺวา อฏฺารสโยชนมคฺคํ ปทสาว อคมาสิ. ทายปาลํ อามนฺเตสีติ ทิสฺวาว ปุนปฺปุนํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อยฺโย โน, ภนฺเต, อาคโต’’ติ วตฺวา อุปคตํ อามนฺเตสิ.
๗๕-๖. อนุปุพฺพึ กถนฺติ ทานกถํ, ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวํ อนุปฏิปาฏิกถํ กเถสิ. ตตฺถ ทานกถนฺติ อิทํ ทานํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฏฺา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ¶ ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ. อิทฺหิ อวสฺสยฏฺเน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฏฺานฏฺเน มหาปถวีสทิสํ, อารมฺมณฏฺเน ¶ อาลมฺพนรชฺชุสทิสํ. อิทฺหิ ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน นาวา, สมสฺสาสนฏฺเน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณฏฺเน สุสงฺขตนครํ, มจฺเฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตฏฺเน ปทุมํ, เตสํ นิทหนฏฺเน อคฺคิ, ทุราสทฏฺเน ¶ อาสีวิโส, อสนฺตาสนฏฺเน สีโห, พลวนฺตฏฺเน หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเน เสตอุสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนฏฺเน วลาหกอสฺสราชา. ทานฺหิ โลเก สกฺกสมฺปตฺตึ มารสมฺปตฺตึ พฺรหฺมสมฺปตฺตึ จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ สาวกปารมิาณํ ปจฺเจกโพธิาณํ อภิสมฺโพธิาณํ เทตีติ เอวมาทิทานคุณปฏิสํยุตฺตํ กถํ.
ยสฺมา ปน ทานํ ททนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตทนนฺตรํ สีลกถํ กเถสิ. สีลกถนฺติ สีลํ นาเมตํ อวสฺสโย ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ. อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย ปติฏฺา อารมฺมณํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถิ, สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถิ, สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลกุสุมปิฬนฺธนํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโกปิ โลโก โอโลเกนฺโต ติตฺตึ น คจฺฉตีติ เอวมาทิสีลคุณปฏิสํยุตฺตํ กถํ.
อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สคฺโค ลพฺภตีติ ทสฺเสตุํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิ. สคฺคกถนฺติ อยํ สคฺโค นาม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป, นิจฺจเมตฺถ กีฬา, นิจฺจํ สมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภนฺติ, ตาวตึสา ติสฺโส จ วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานีติ เอวมาทิสคฺคคุณปฏิสํยุตฺตํ กถํ. สคฺคสมฺปตฺตึ กถยนฺตานฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘อเนกปริยาเยน โข อหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิ.
เอวํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน หตฺถึ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทนฺโต วิย – ‘‘อยมฺปิ สคฺโค อนิจฺโจ อทฺธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค ¶ กาตพฺโพ’’ติ ทสฺสนตฺถํ – ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๕; ๒.๔๒) นเยน กามานํ อาทีนวํ ¶ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิ. ตตฺถ อาทีนโวติ โทโส. โอกาโรติ อวกาโร ลามกภาโว. สํกิเลโสติ เตหิ สตฺตานํ สํสาเร สํกิลิสฺสนํ. ยถาห – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต โภ สตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑). เอวํ กามาทีนเวน เตชฺชตฺวา เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย คุณํ ปกาเสสีติ อตฺโถ. เสสํ อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนยฺเจว อุตฺตานตฺถฺจ.
๗๗. อลตฺถุนฺติ กถํ อลตฺถุํ? เอหิภิกฺขุภาเวน. ภควา กิร เตสํ อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺสูปนิสฺสยํ โอโลเกนฺโต อเนกาสุ ชาตีสุ จีวรทานาทีนิ ทิสฺวา เอถ ภิกฺขโวติอาทิมาห ¶ . เต ตาวเทว ภณฺฑู กาสายวสนา อฏฺหิ ภิกฺขุปริกฺขาเรหิ สรีรปฏิมุกฺเกเหว วสฺสสติกตฺเถรา วิย ภควนฺตํ นมสฺสมานาว นิสีทึสุ.
สนฺทสฺเสสีติอาทีสุ อิธโลกตฺถํ สนฺทสฺเสสิ, ปรโลกตฺถํ สนฺทสฺเสสิ. อิธโลกตฺถํ ทสฺเสนฺโต อนิจฺจนฺติ ทสฺเสสิ, ทุกฺขนฺติ ทสฺเสสิ, อนตฺตาติ ทสฺเสสิ, ขนฺเธ ทสฺเสสิ, ธาตุโย ทสฺเสสิ, อายตนานิ ทสฺเสสิ, ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ทสฺเสสิ, รูปกฺขนฺธสฺส อุทยํ ทสฺเสนฺโต ปฺจ ลกฺขณานิ ทสฺเสสิ, ตถา เวทนากฺขนฺธาทีนํ, ตถา วยํ ทสฺเสนฺโตปิ อุทยพฺพยวเสน ปฺาสลกฺขณานิ ทสฺเสสิ, ปรโลกตฺถํ ทสฺเสนฺโต นิรยํ ทสฺเสสิ, ติรจฺฉานโยนึ, เปตฺติวิสยํ, อสุรกายํ, ติณฺณํ กุสลานํ วิปากํ, ฉนฺนํ เทวโลกานํ, นวนฺนํ พฺรหฺมโลกานํ สมฺปตฺตึ ทสฺเสสิ.
สมาทเปสีติ จตุปาริสุทฺธิสีลเตรสธุตงฺคทสกถาวตฺถุอาทิเก กลฺยาณธมฺเม คณฺหาเปสิ.
สมุตฺเตเชสีติ สุฏฺุ อุตฺเตเชสิ, อพฺภุสฺสาเหสิ. อิธโลกตฺถฺเจว ปรโลกตฺถฺจ ตาเสตฺวา ตาเสตฺวา อธิคตํ วิย กตฺวา กเถสิ. ทฺวตฺตึสกมฺมการณปฺจวีสติมหาภยปฺปเภทฺหิ อิธโลกตฺถํ พุทฺเธ ภควติ ตาเสตฺวา ตาเสตฺวา กถยนฺเต ปจฺฉาพาหํ, คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จาตุมหาปเถ ปหารสเตน ตาเฬตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน ¶ นิยฺยมาโน วิย อาฆาตนภณฺฑิกาย ปิตสีโส วิย สูเล อุตฺตาสิโต วิย มตฺตหตฺถินา มทฺทิยมาโน วิย จ สํวิคฺโค โหติ. ปรโลกตฺถฺจ ¶ กถยนฺเต นิรยาทีสุ นิพฺพตฺโต วิย เทวโลกสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน วิย จ โหติ.
สมฺปหํเสสีติ ปฏิลทฺธคุเณน โจเทสิ, มหานิสํสํ กตฺวา กเถสีติ อตฺโถ.
สงฺขารานํ อาทีนวนฺติ เหฏฺา ปมมคฺคาธิคมตฺถํ กามานํ อาทีนวํ กเถสิ, อิธ ปน อุปริมคฺคาธิคมตฺถํ – ‘‘อนิจฺจา, ภิกฺขเว, สงฺขารา อทฺธุวา อนสฺสาสิกา, ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ อลํ วิรชฺชิตุํ อลํ วิมุจฺจิตุ’’นฺติอาทินา (อ. นิ. ๗.๖๖; สํ. นิ. ๒.๑๓๔) นเยน สงฺขารานํ อาทีนวฺจ ลามกภาวฺจ ตปฺปจฺจยฺจ กิลมถํ ปกาเสสิ. ยถา จ ตตฺถ เนกฺขมฺเม, เอวมิธ – ‘‘สนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, นิพฺพานํ นาม ปณีตํ ตาณํ เลณ’’นฺติอาทินา นเยน นิพฺพาเน อานิสํสํ ปกาเสสิ.
มหาชนกายปพฺพชฺชาวณฺณนา
๗๘. มหาชนกาโยติ ¶ เตสํเยว ทฺวินฺนํ กุมารานํ อุปฏฺากชนกาโยติ.
๘๐. ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉาม, ธมฺมฺจาติ สงฺฆสฺส อปริปุณฺณตฺตา ทฺเววาจิกเมว สรณมคมํสุ.
๘๑. อลตฺถุนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เอหิภิกฺขุภาเวเนว อลตฺถุํ. อิโต อนนฺตเร ปพฺพชิตวาเรปิ เอเสว นโย.
จาริกาอนุชานนวณฺณนา
๘๕. ปริวิตกฺโก อุทปาทีติ กทา อุทปาทิ? สมฺโพธิโต สตฺต สํวจฺฉรานิ สตฺต มาเส สตฺต ทิวเส อติกฺกมิตฺวา อุทปาทิ. ภควา กิร ปิตุสงฺคหํ กโรนฺโต วิหาสิ. ราชาปิ จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เชฏฺปุตฺโต นิกฺขมิตฺวา พุทฺโธ ชาโต, ทุติยปุตฺโต เม นิกฺขมิตฺวา อคฺคสาวโก ชาโต, ปุโรหิตปุตฺโต ทุติยอคฺคสาวโก, อิเม จ อวเสสา ภิกฺขู คิหิกาเลปิ มยฺหํ ปุตฺตเมว ปริวาเรตฺวา วิจรึสุ. อิเม สพฺเพ อิทานิปิ ¶ มยฺหํเยว ภาโร, อหเมว จ เน จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามิ, อฺเสํ โอกาสํ น ทสฺสามี’’ติ วิหารทฺวารโกฏฺกโต ปฏฺาย ยาว ราชเคหทฺวารา อุภยโต ขทิรปาการํ การาเปตฺวา กิลฺเชหิ ฉาทาเปตฺวา วตฺเถหิ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา อุปริ จ ฉาทาเปตฺวา สุวณฺณตารกวิจิตฺตํ สโมลมฺพิตตาลกฺขนฺธมตฺตํ วิวิธปุปฺผทามวิตานํ การาเปตฺวา เหฏฺา ภูมิยํ จิตฺตตฺถรเณหิ ¶ สนฺถราเปตฺวา อนฺโต อุโภสุ ปสฺเสสุ มาลาวจฺฉเก ปุณฺณฆเฏ, สกลมคฺควาสตฺถาย จ คนฺธนฺตเร ปุปฺผานิ ปุปฺผนฺตเร คนฺเธ จ ปาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ.
ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อนฺโตสาณิยาว ราชเคหํคนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ ปจฺจาคจฺฉติ. อฺโ โกจิ ทฏฺุมฺปิ น ลภติ, กุโต ปน ภิกฺขํ วา ทาตุํ, ปูชํ วา กาตุํ, ธมฺมํ วา โสตุํ. นาครา จินฺเตสุํ – ‘‘อชฺช สตฺถุ โลเก อุปฺปนฺนสฺส สตฺตมาสาธิกานิ สตฺตสํวจฺฉรานิ, มยฺจ ทฏฺุมฺปิ น ลภาม, ปเคว ภิกฺขํ วา ทาตุํ, ปูชํ วา กาตุํ, ธมฺมํ วา โสตุํ. ราชา – ‘มยฺหเมว พุทฺโธ, มยฺหเมว ธมฺโม, มยฺหเมว สงฺโฆ’ติ มมายิตฺวา สยเมว อุปฏฺหิ. สตฺถา จ อุปฺปชฺชมาโน สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺถาย หิตาย อุปฺปนฺโน. น หิ รฺโเยว ¶ นิรโย อุณฺโห อสฺส, อฺเสํ นีลุปฺปลวนสทิโส. ตสฺมา ราชานํ วทาม. สเจ โน สตฺถารํ เทติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ เทติ, รฺา สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวาปิ สงฺฆํ คเหตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรม. น สกฺกา โข ปน สุทฺธนาคเรเหว เอวํ กาตุํ, เอกํ เชฏฺปุริสมฺปิ คณฺหามา’’ติ.
เต เสนาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺเสตมตฺถํ อาโรเจตฺวา – ‘‘สามิ, กึ อมฺหากํ ปกฺโข โหสิ, อุทาหุ รฺโ’’ติ อาหํสุ. โส – ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ปกฺโข โหมิ, อปิ จ โข ปน ปมทิวโส มยฺหํ ทาตพฺโพ’’ติ. เต สมฺปฏิจฺฉึสุ. โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘นาครา, เทว, ตุมฺหากํ กุปิตา’’ติ อาห. กิมตฺถํ ตาตาติ? สตฺถารํ กิร ตุมฺเหเยว อุปฏฺหถ, อมฺเห น ลภามาติ. สเจ อิทานิปิ ลภนฺติ, น กุปฺปนฺติ, อลภนฺตา ตุมฺเหหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตุกามา เทวาติ. ยุชฺฌามิ, ตาต, นาหํ ภิกฺขุสงฺฆํ เทมีติ. เทว ตุมฺหากํ ทาสา ตุมฺเหหิ สทฺธึ ยุชฺฌามาติ วทนฺติ, ตุมฺเห กํ คณฺหิตฺวา ยุชฺฌิสฺสถาติ? นนุ ตฺวํ เสนาปตีติ? นาคเรหิ วินา น ¶ สมตฺโถ อหํ เทวาติ. ตโต ราชา – ‘‘พลวนฺโต นาครา, เสนาปติปิ เตสฺเว ปกฺโข’’ติ ตฺวา ‘‘อฺานิปิ สตฺตมาสาธิกานิ สตฺตสํวจฺฉรานิ มยฺหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ททนฺตู’’ติ อาห. นาครา ¶ น สมฺปฏิจฺฉึสุ. ราชา – ‘‘ฉ วสฺสานิ, ปฺจ, จตฺตาริ, ตีณิ, ทฺเว, เอกวสฺส’’นฺติ หาเปสิ. เอวํ หาเปนฺเตปิ น สมฺปฏิจฺฉึสุ. อฺเ สตฺต ทิวเส ยาจิ. นาครา – ‘‘อติกกฺขฬํ ทานิ รฺา สทฺธึ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อนุชานึสุ.
ราชา สตฺตมาสาธิกานํ สตฺตนฺนํ สํวจฺฉรานํ สชฺชิตํ ทานมุขํ สตฺตนฺนเมว ทิวสานํ วิสฺสชฺเชตฺวา ฉ ทิวเส เกสฺจิ อปสฺสนฺตานํเยว ทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส นาคเร ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘สกฺขิสฺสถ, ตาต, เอวรูปํ ทานํ ทาตุ’’นฺติ อาห. เตปิ – ‘‘นนุ อมฺเหเยว นิสฺสาย ตํ เทวสฺส อุปฺปนฺน’’นฺติ วตฺวา – ‘‘สกฺขิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ปิฏฺิหตฺเถน อสฺสูนิ ปฺุฉมาโน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภนฺเต, อหํ อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺสํ อฺสฺส วารํ อกตฺวา ยาวชีวํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามีติ จินฺเตสึ. นาครา น ทานิ เม อนฺุาตา, นาครา หิ ‘มยํ ทานํ ทาตุํ น ลภามา’ติ กุปฺปนฺติ. ภควา สฺเว ปฏฺาย เตสํ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ อาห.
อถ ทุติยทิวเส เสนาปติ มหาทานํ สชฺเชตฺวา – ‘‘อชฺช ยถา อฺโ โกจิ เอกภิกฺขมฺปิ น เทติ, เอวํ รกฺขถา’’ติ สมนฺตา ปุริเส เปสิ. ตํ ทิวสํ เสฏฺิภริยา โรทมานา ธีตรํ อาห – ‘‘สเจ, อมฺม, ตว ปิตา ชีเวยฺย, อชฺชาหํ ปมํ ทสพลํ โภเชยฺย’’นฺติ ¶ . สา ตํ อาห – ‘‘อมฺม, มา จินฺตยิ, อหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา พุทฺธปฺปมุโข ภิกฺขุสงฺโฆ ปมํ อมฺหากํ ภิกฺขํ ปริภฺุชิสฺสตี’’ติ. ตโต สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา นิรุทกปายาสสฺส ปูเรตฺวา สปฺปิมธุสกฺกราทีหิ อภิสงฺขริตฺวา อฺาย ปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา ตํ สุมนมาลาคุเฬหิ ปริกฺขิปิตฺวา มาลาคุฬสทิสํ กตฺวา ภควโต คามํ ปวิสนเวลาย สยเมว อุกฺขิปิตฺวา ทาสิคณปริวุตา นครา นิกฺขมิ. อนฺตรามคฺเค เสนาปติอุปฏฺากา – ‘‘อมฺม, มา อิโต อคมา’’ติ วทนฺติ. มหาปฺุา นาม มนาปกถา โหนฺติ, น จ เตสํ ปุนปฺปุนํ ภณนฺตานํ กถา ปฏิกฺขิปิตุํ สกฺกา โหติ. สา – ‘‘จูฬปิตา มหาปิตา มาตุลา กิสฺส ตุมฺเห คนฺตุํ น เทถา’’ติ อาห. เสนาปตินา ¶ – ‘‘อฺสฺส กสฺสจิ ขาทนียโภชนียํ ทาตุํ มา เทถา’’ติ ปิตมฺห อมฺมาติ. กึ ปน เม หตฺเถ ขาทนียํ โภชนียํ ปสฺสถาติ? มาลาคุฬํ ปสฺสามาติ ¶ . กึ ตุมฺหากํ เสนาปติ มาลาคุฬปูชมฺปิ กาตุํ น เทตีติ? เทติ, อมฺมาติ. เตน หิ, อเปถ, อเปถาติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มาลาคุฬํ คณฺหาเปถ ภควาติ อาห. ภควา เอกํ เสนาปติสฺสุปฏฺากํ โอโลเกตฺวา มาลาคุฬํ คณฺหาเปสิ. สา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภควา, ภวาภเว นิพฺพตฺติยํ เม สติ ปริตสฺสนชีวิตํ นาม มา โหตุ, อยํ สุมนมาลา วิย นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน ปิยาว โหมิ, นาเมน จ สุมนา เยวา’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา สตฺถารา – ‘‘สุขินี โหหี’’ติ วุตฺตา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
ภควา เสนาปติสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. เสนาปติ ยาคุํ คเหตฺวา อุปคฺฉิ, สตฺถา ปตฺตํ ปิทหิ. นิสินฺโน, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺโฆติ. อตฺถิ โน เอโก อนฺตรา ปิณฺฑปาโต ลทฺโธติ. โส มาลํ อปเนตฺวา ปิณฺฑปาตํ อทฺทส. จูฬุปฏฺาโก อาห – ‘‘สามิ, มาลาติ มํ วตฺวา มาตุคาโม วฺเจสี’’ติ. ปายาโส ภควนฺตํ อาทึ กตฺวา สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ ปโหติ. เสนาปติปิ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ อทาสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา มงฺคลํ วตฺวา ปกฺกามิ. เสนาปติ – ‘‘กา นาม สา ปิณฺฑปาตมทาสี’’ติ ปุจฺฉิ. เสฏฺิธีตา, สามีติ. สปฺปฺา สา อิตฺถี, เอวรูปาย ฆเร วสนฺติยา ปุริสสฺส สคฺคสมฺปตฺติ นาม น ทุลฺลภาติ ตํ อาเนตฺวา เชฏฺิกฏฺาเน เปสิ.
ปุนทิวเส นาครา ทานมทํสุ, ปุนทิวเส ราชาติ เอกนฺตริกาย ทานํ ทาตุํ อารภึสุ. ราชาปิ จรปุริเส เปตฺวา นาคเรหิ ทินฺนทานโต อติเรกตรํ เทติ, นาคราปิ ตเถว กตฺวา รฺา ทินฺนทานโต อติเรกตรํ. ราชเคเห นาฏกิตฺถิโย ทหรสามเณเร วทนฺติ – ‘‘คณฺหถ, ตาตา, น คหปติกานํ คตฺตวตฺถาทีสุ ปฺุฉิตฺวา พาฬทารกานํ เขฬสิงฺฆาณิกาทิโธวนหตฺเถหิ กตํ ¶ , สุจึ ปณีตํ กต’’นฺติ. ปุนทิวเส นาคราปิ ททมานา วทนฺติ – ‘‘คณฺหถ, ตาตา, น นครคามนิคมาทีสุ สงฺกฑฺฒิตตณฺฑุลขีรทธิสปฺปิอาทีหิ, น อฺเสํ ชงฺฆสีสปิฏฺิอาทีนิ ¶ ภฺชิตฺวา อาหราปิเตหิ กตํ, ชาติสปฺปิขีราทีหิเยว กต’’นฺติ. เอวํ สตฺตสุ สํวจฺฉเรสุ สตฺตสุ มาเสสุ สตฺตสุ ทิวเสสุ จ อติกฺกนฺเตสุ อถ ภควโต อยํ วิตกฺโก อุทปาทิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สมฺโพธิโต สตฺต สํวจฺฉรานิ สตฺต มาสานิ สตฺต ทิวสานิ อติกฺกมิตฺวา อุทปาที’’ติ.
๘๗. อฺตโร ¶ มหาพฺรหฺมาติ ธมฺมเทสนํ อายาจิตพฺรหฺมาว.
๘๙. จตุราสีติ อาวาสสหสฺสานีติ จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ. เต สพฺเพปิ ทฺวาทสสหสฺสภิกฺขุคณฺหนกา มหาวิหารา อภยคิริเจติยปพฺพตจิตฺตลปพฺพตมหาวิหารสทิสาว อเหสุํ.
๙๐. ขนฺตี ปรมํ ตโปติ อธิวาสนขนฺติ นาม ปรมํ ตโป. ติติกฺขาติ ขนฺติยา เอว เววจนํ. ติติกฺขา สงฺขาตา อธิวาสนขนฺติ อุตฺตมํ ตโปติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปรมนฺติ สพฺพากาเรน ปน นิพฺพานํ ปรมนฺติ วทนฺติ พุทฺธา. น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตีติ โย อธิวาสนขนฺติวิรหิตตฺตา ปรํ อุปฆาเตติ พาเธติ หึสติ, โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ. จตุตฺถปาโท ปน ตสฺเสว เววจนํ. ‘‘น หิ ปพฺพชิโต’’ติ เอตสฺส หิ น สมโณ โหตีติ เววจนํ. ปรูปฆาตีติ เอตสฺส ปรํ วิเหยนฺโตติ เววจนํ. อถ วา ปรูปฆาตีติ สีลูปฆาตี. สีลฺหิ อุตฺตมฏฺเน ปรนฺติ วุจฺจติ. โย จ สมโณ ปรํ ยํ กฺจิ สตฺตํ วิเหยนฺโต ปรูปฆาตี โหติ, อตฺตโน สีลํ วินาสโก, โส ปพฺพชิโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. อถวา โย อธิวาสนขนฺติยา อภาวโต ปรูปฆาตี โหติ, ปรํ อนฺตมโส ฑํสมกสมฺปิ สฺจิจฺจ ชีวิตา โวโรเปติ, โส น หิ ปพฺพชิโต. กึ การณา? มลสฺส อปพฺพาชิตตฺตา. ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ปพฺพชิโตติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘) อิทฺหิ ปพฺพชิตลกฺขณํ. โยปิ น เหว โข อุปฆาเตติ, น มาเรติ, อปิ จ ทณฺฑาทีหิ วิเหเติ, โส ปรํ วิเหยนฺโต สมโณ น โหติ. กึ การณา? วิเหสาย อสมิตตฺตา. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ ¶ , สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕) อิทฺหิ สมณลกฺขณํ.
ทุติยคาถาย สพฺพปาปสฺสาติ สพฺพากุสลสฺส. อกรณนฺติ อนุปฺปาทนํ. กุสลสฺสาติ จตุภูมิกกุสลสฺส. อุปสมฺปทาติ ปฏิลาโภ. สจิตฺตปริโยทปนนฺติ อตฺตโน จิตฺตโชตนํ, ตํ ปน ¶ อรหตฺเตน โหติ. อิติ สีลสํวเรน สพฺพปาปํ ปหาย สมถวิปสฺสนาหิ กุสลํ สมฺปาเทตฺวา อรหตฺตผเลน จิตฺตํ ปริโยทาเปตพฺพนฺติ เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺี ติ.
ตติยคาถาย ¶ อนูปวาโทติ วาจาย กสฺสจิ อนุปวทนํ. อนูปฆาโตติ กาเยน อุปฆาตสฺส อกรณํ. ปาติโมกฺเขติ ยํ ตํ ปอติโมกฺขํ, อติปโมกฺขํ, อุตฺตมสีลํ, ปาติ วา อคติวิเสเสหิ โมกฺเขติ ทุคฺคติภเยหิ, โย วา นํ ปาติ, ตํ โมกฺเขตีติ ‘‘ปาติโมกฺข’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ ปาติโมกฺเข จ สํวโร. มตฺตฺุตาติ ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ สยนาสนฺจ สงฺฆฏฺฏนวิรหิตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ ทฺวีหิเยว ปจฺจเยหิ จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนุปวทนํ อนุปฆาตนํ ปาติโมกฺขสํวโร ปฏิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตฺุตา อฏฺสมาปตฺติวสิภาวาย วิวิตฺตเสนาสนเสวนฺจ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺีติ. อิมา ปน สพฺพพุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทสคาถา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
เทวตาโรจนวณฺณนา
๙๑. เอตฺตาวตา จ อิมินา วิปสฺสิสฺส ภควโต อปทานานุสาเรน วิตฺถารกถเนน – ‘‘ตถาคตสฺเสเวสา, ภิกฺขเว, ธมฺมธาตุ สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ เอวํ วุตฺตาย ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธภาวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ – ‘‘เทวตาปิ ตถาคตสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสุ’’นฺติ วุตฺตํ เทวตาโรจนํ ปกาเสตุํ เอกมิทาหนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ สุภควเนติ เอวํนามเก วเน. สาลราชมูเลติ วนปฺปติเชฏฺกสฺส มูเล. กามจฺฉนฺทํ วิราเชตฺวาติ อนาคามิมคฺเคน มูลสมุคฺฆาตวเสน วิราเชตฺวา. ยถา จ วิปสฺสิสฺส, เอวํ เสสพุทฺธานมฺปิ สาสเน วุตฺถพฺรหฺมจริยา เทวตา อาโรจยึสุ, ปาฬิ ปน วิปสฺสิสฺส ¶ เจว อมฺหากฺจ ภควโต วเสน อาคตา.
ตตฺถ อตฺตโน สมฺปตฺติยา น หายนฺติ, น วิหายนฺตีติ อวิหา. น กฺจิ สตฺตํ ตปนฺตีติ อตปฺปา. สุนฺทรทสฺสนา อภิรูปา ปาสาทิกาติ สุทสฺสา. สุฏฺุ ปสฺสนฺติ, สุนฺทรเมเตสํ วา ทสฺสนนฺติ สุทสฺสี. สพฺเพเหว จ สคุเณหิ ภวสมฺปตฺติยา จ เชฏฺา, นตฺเถตฺถ กนิฏฺาติ อกนิฏฺา.
อิธ ¶ ¶ ตฺวา ภาณวารา สโมธาเนตพฺพา. อิมสฺมิฺหิ สุตฺเต วิปสฺสิสฺส ภควโต อปทานวเสน ตโย ภาณวารา วุตฺตา. ยถา จ วิปสฺสิสฺส, เอวํ สิขีอาทีนมฺปิ อปทานวเสน วุตฺตาว. ปาฬิ ปน สงฺขิตฺตา. อิติ สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ วเสน อมฺหากํ ภควตา เอกวีสติ ภาณวารา กถิตา. ตถา อวิเหหิ. ตถา อตปฺเปหิ. ตถา สุทสฺเสหิ. ตถา สุทสฺสีหิ. ตถา อกนิฏฺเหีติ สพฺพมฺปิ ฉพฺพีสติภาณวารสตํ โหติ. เตปิฏเก พุทฺธวจเน อฺํ สุตฺตํ ฉพฺพีสติภาณวารสตปริมาณํ นาม นตฺถิ, สุตฺตนฺตราชา นาม อยํ สุตฺตนฺโตติ เวทิตพฺโพ. อิโต ปรํ อนุสนฺธิทฺวยมฺปิ นิยฺยาเตนฺโต อิติ โข ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ อุตฺตานเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
มหาปทานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. มหานิทานสุตฺตวณฺณนา
นิทานวณฺณนา
๙๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… กุรูสูติ มหานิทานสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา. กุรูสุ วิหรตีติ กุรู นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺเทน ‘‘กุรู’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ กุรูสุ ชนปเท. อฏฺกถาจริยา ปนาหุ – มนฺธาตุกาเล ตีสุ ทีเปสุ มนุสฺสา ‘‘ชมฺพุทีโป นาม พุทฺธปจฺเจกพุทฺธมหาสาวกจกฺกวตฺติปฺปภุตีนํ อุตฺตมมนุสฺสานํ อุปฺปตฺติภูมิ อุตฺตมทีโป อติรมณีโย’’ติ สุตฺวา รฺา มนฺธาตุจกฺกวตฺตินา จกฺกรตนํ ปุรกฺขตฺวา จตฺตาโร ทีเป อนุสํยายนฺเตน สทฺธึ อาคมํสุ. ตโต ราชา ปริณายกรตนํ ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข มนุสฺสโลกโต รมณียตรํ าน’’นฺติ. กสฺมา เทว เอวํ ภณสิ? กึ น ปสฺสสิ จนฺทิมสูริยานํ อานุภาวํ, นนุ เอเตสํ านํ อิโต รมณียตรนฺติ? ราชา จกฺกรตนํ ปุรกฺขตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. จตฺตาโร มหาราชาโน – ‘‘มนฺธาตุมหาราชา อาคโต’’ติ สุตฺวาว ‘‘มหิทฺธิโก มหานุภาโว ราชา, น สกฺกา ยุทฺเธน ปฏิพาหิตุ’’นฺติ สกํ รชฺชํ นิยฺยาเตสุํ. โส ตํ คเหตฺวา ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข อิโต รมณียตรํ าน’’นฺติ?
อถสฺส ตาวตึสภวนํ กถยึสุ. ‘‘ตาวตึสภวนํ, เทว, อิโต รมณียตรํ. ตตฺถ สกฺกสฺส เทวรฺโ อิเม จตฺตาโร มหาราชาโน ปริจารกา โทวาริกภูมิยํ ติฏฺนฺติ, สกฺโก เทวราชา มหิทฺธิโก มหานุภาโว, ตสฺสิมานิ อุปโภคฏฺานานิ – โยชนสหสฺสุพฺเพโธ เวชยนฺโต ปาสาโท, ปฺจโยชนสตุพฺเพธา สุธมฺมา เทวสภา, ทิยฑฺฒโยชนสติโก เวชยนฺตรโถ ตถา เอราวโณ หตฺถี ¶ , ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฺปฏิมณฺฑิตํ นนฺทนวนํ, จิตฺตลตาวนํ, ผารุสกวนํ, มิสฺสกวนํ, โยชนสตุพฺเพโธ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, ตสฺส เหฏฺา สฏฺิโยชนายามา ปฺาสโยชนวิตฺถตา ¶ ปฺจทสโยชนุพฺเพธา ชยกุสุมปุปฺผวณฺณา ปณฺฑุกมฺพลสิลา, ยสฺสา มุทุตาย สกฺกสฺส นิสีทโต อุปฑฺฒกาโย อนุปวิสตี’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ตตฺถ คนฺตุกาโม จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริ. ตํ อากาเส ปติฏฺาสิ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. อถ ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ เวมชฺฌโต จกฺกรตนํ โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ สทฺธึ ปริณายกรตนปมุขาย จตุรงฺคินิยา เสนาย. ราชา เอกโกว ตาวตึสภวนํ อคมาสิ. สกฺโก – ‘‘มนฺธาตา อาคโต’’ติ สุตฺวาว ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา – ‘‘สฺวาคตํ, เต มหาราช, สกํ เต มหาราช, อนุสาส มหาราชา’’ติ วตฺวา สทฺธึ นาฏเกหิ รชฺชํ ทฺเว ภาเค กตฺวา เอกํ ภาคมทาสิ. รฺโ ตาวตึสภวเน ปติฏฺิตมตฺตสฺเสว มนุสฺสภาโว วิคจฺฉิ, เทวภาโว ปาตุรโหสิ. ตสฺส กิร สกฺเกน สทฺธึ ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ นิสินฺนสฺส อกฺขินิมิสมตฺเตน นานตฺตํ ปฺายติ. ตํ อสลฺลกฺเขนฺตา เทวา สกฺกสฺส จ ตสฺส จ นานตฺเต มุยฺหนฺติ. โส ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน ยาว ฉตฺตึส สกฺกา อุปฺปชฺชิตฺวา จุตา, ตาว รชฺชํ กาเรตฺวา อติตฺโตว กาเมหิ ตโต จวิตฺวา อตฺตโน อุยฺยาเน ปติฏฺิโต วาตาตเปน ผุฏฺคตฺโต กาลมกาสิ.
จกฺกรตเน ปน ปุน ปถวิยํ ปติฏฺิเต ปริณายกรตนํ สุวณฺณปฏฺเฏ มนฺธาตุ อุปาหนํ ลิขาเปตฺวา อิทํ มนฺธาตุ รชฺชนฺติ รชฺชมนุสาสิ. เตปิ ตีหิ ทีเปหิ อาคตมนุสฺสา ปุน คนฺตุํ อสกฺโกนฺตา ปริณายกรตนํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘เทว, มยํ รฺโ อานุภาเวน อาคตา, อิทานิ คนฺตุํ น สกฺโกม, วสนฏฺานํ โน เทหี’’ติ ยาจึสุ. โส เตสํ เอกเมกํ ชนปทมทาสิ. ตตฺถ ปุพฺพวิเทหโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปเทโส ตาเยว ปุริมสฺาย – ‘‘วิเทหรฏฺ’’นฺติ นามํ ลภิ, อปรโคยานโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปเทโส ‘‘อปรนฺตชนปโท’’ติ นามํ ลภิ, อุตฺตรกุรุโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปเทโส ‘‘กุรุรฏฺ’’นฺติ นามํ ¶ ลภิ, พหุเก ปน คามนิคมาทโย อุปาทาย พหุวจเนน โวหริยติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘กุรูสุ วิหรตี’’ติ.
กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโมติ กมฺมาสธมฺมนฺติ เอตฺถ เกจิ ธ-การสฺส ท-กาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติ. กมฺมาโส เอตฺถ ทมิโตติ กมฺมาสทมฺโม. กมฺมาโสติ กมฺมาสปาโท โปริสาโท วุจฺจติ. ตสฺส กิร ปาเท ขาณุเกน วิทฺธฏฺาเน วโณ รุหนฺโต จิตฺตทารุสทิโส หุตฺวา รุหิ. ตสฺมา กมฺมาสปาโทติ ปฺายิตฺถ. โส จ ตสฺมึ โอกาเส ทมิโต โปริสาทภาวโต ¶ ปฏิเสธิโต ¶ . เกน? มหาสตฺเตน. กตรสฺมึ ชาตเกติ? มหาสุตโสมชาตเกติ เอเก. อิเม ปน เถรา ชยทฺทิสชาตเกติ วทนฺติ. ตทา หิ มหาสตฺเตน กมฺมาสปาโท ทมิโต. ยถาห –
‘‘ปุตฺโต ยทา โหมิ ชยทฺทิสสฺส;
ปฺจาลรฏฺธิปติสฺส อตฺรโช.
จชิตฺวาน ปาณํ ปิตรํ ปโมจยึ;
กมฺมาสปาทมฺปิ จหํ ปสาทยิ’’นฺติ.
เกจิ ปน ธ-กาเรเนว อตฺถํ วณฺณยนฺติ. กุรูรฏฺวาสีนํ กิร กุรุวตฺตธมฺโม, ตสฺมึ กมฺมาโส ชาโต, ตสฺมา ตํ านํ กมฺมาโส เอตฺถ ธมฺโม ชาโตติ กมฺมาสธมฺมนฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ นิวิฏฺนิคมสฺสาปิ เอตเทว นามํ. ภุมฺมวจเนน กสฺมา น วุตฺตนฺติ. อวสโนกาสโต. ภควโต กิร ตสฺมึ นิคเม วสโนกาโส โกจิ วิหาโร นาม นาโหสิ. นิคมโต ปน อปกฺกมฺม อฺตรสฺมึ อุทกสมฺปนฺเน รมณีเย ภูมิภาเค มหาวนสณฺโฑ อโหสิ ตตฺถ ภควา วิหาสิ, ตํ นิคมํ โคจรคามํ กตฺวา. ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ‘‘กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโม, ตํ โคจรคามํ กตฺวา’’ติ.
อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ, คารววจนเมตํ. อานนฺโทติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส – ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. ตสฺมา ยถา นิสินฺโน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหติ, ตถา นิสีทีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ อุปโยควจนํ นิสีทีติ ¶ อุปาวิสิ. ปณฺฑิตา หิ ครุฏฺานิยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ นิสีทนฺติ. อยฺจ เตสํ อฺตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
กถํ นิสินฺโน โข ปน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหตีติ? ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา. เสยฺยถิทํ – อติทูรํ, อจฺจาสนฺนํ, อุปริวาตํ, อุนฺนตปฺปเทสํ, อติสมฺมุขํ, อติปจฺฉาติ. อติทูเร นิสินฺโน หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ, อุจฺจาสทฺเทน กเถตพฺพํ โหติ. อจฺจาสนฺเน นิสินฺโน สงฺฆฏฺฏนํ กโรติ. อุปริวาเต นิสินฺโน สรีรคนฺเธน พาธติ. อุนฺนตปฺปเทเส นิสินฺโน ¶ อคารวํ ปกาเสติ. อติสมฺมุขา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ. อติปจฺฉา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, คีวํ ปริวตฺเตตฺวา ทฏฺพฺพํ โหติ. ตสฺมา อยมฺปิ ติกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา เอเต ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา ¶ ทกฺขิณชาณุมณฺฑลสฺส อภิมุขฏฺาเน ฉพฺพณฺณานํ พุทฺธรสฺมีนํ อนฺโต ปวิสิตฺวา ปสนฺนลาขารสํ วิคาหนฺโต วิย สุวณฺณปฏํ ปารุปนฺโต วิย รตฺตุปฺปลมาลาวิตานมชฺฌํ ปวิสนฺโต วิย จ ธมฺมภณฺฑาคาริโก อายสฺมา อานนฺโท นิสีทิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติ.
กาย ปน เวลาย, เกน การเณน อยมายสฺมา ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโตติ? สายนฺหเวลายํ ปจฺจยาการปฺหปุจฺฉนการเณน. ตํ ทิวสํ กิรายมายสฺมา กุลสงฺคหตฺถาย ฆรทฺวาเร ฆรทฺวาเร สหสฺสภณฺฑิกํ นิกฺขิปนฺโต วิย กมฺมาสธมฺมคามํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สตฺถุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สตฺถริ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน ทิวาฏฺานํ คนฺตฺวา อนฺเตวาสิเกสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺกนฺเตสุ ทิวาฏฺานํ ปฏิสมฺมชฺชิตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปฺเปตฺวา อุทกตุมฺพโต อุทกํ คเหตฺวา อุทเกน หตฺถปาเท สีตเล กตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน โสตาปตฺติผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. อถ ปริจฺฉินฺนกาลวเสน สมาปตฺติโต อุฏฺาย ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรสิ. โส – ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโต ปฏฺาย อนฺตํ, อนฺตโต ปฏฺาย อาทึ, อุภยนฺตโต ปฏฺาย มชฺฌํ, มชฺฌโต ปฏฺาย อุโภ อนฺเต ปาเปนฺโต ติกฺขตฺตุํ ทฺวาทสปทํ ปจฺจยาการํ สมฺมสิ. ตสฺเสวํ สมฺมสนฺตสฺส ปจฺจยากาโร วิภูโต ¶ หุตฺวา อุตฺตานกุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปจฺจยากาโร สพฺพพุทฺเธหิ – ‘คมฺภีโร เจว คมฺภีราวภาโส จา’ติ กถิโต, มยฺหํ โข ปน ปเทสาเณ ิตสฺส สาวกสฺส สโต อุตฺตาโน วิภูโต ปากโฏ หุตฺวา อุปฏฺาติ, มยฺหํเยว นุ โข เอส อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, อุทาหุ อฺเสมฺปี’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘หนฺทาหํ อิมํ ปฺหํ คเหตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉามิ, อทฺธา เม ภควา อิมํ อตฺถุปฺปตฺตึ กตฺวา สาลินฺทํ สิเนรุํ อุกฺขิปนฺโต วิย เอกํ สุตฺตนฺตกถํ กเถตฺวา ทสฺเสสฺสติ. พุทฺธานฺหิ วินยปฺตฺตึ, ภุมฺมนฺตรํ, ปจฺจยาการํ, สมยนฺตรนฺติ อิมานิ จตฺตาริ านานิ ปตฺวา คชฺชิตํ มหนฺตํ โหติ, าณํ อนุปวิสติ, พุทฺธาณสฺส มหนฺตภาโว ¶ ปฺายติ, เทสนา คมฺภีรา โหติ ติลกฺขณพฺภาหตา สฺุตปฏิสํยุตฺตา’’ติ.
โส กิฺจาปิ ปกติยาว เอกทิวเส สตวารมฺปิ สหสฺสวารมฺปิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโต น อเหตุอการเณน อุปสงฺกมติ, ตํ ทิวสํ ปน อิมํ ปฺหํ คเหตฺวา – ‘‘อิมํ พุทฺธคนฺธหตฺถึ อาปชฺช าณโกฺจนาทํ โสสฺสามิ, พุทฺธสีหํ อาปชฺช าณสีหนาทํ โสสฺสามิ, พุทฺธสินฺธวํ อาปชฺช าณปทวิกฺกมํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทิวาฏฺานา อุฏฺาย จมฺมกฺขณฺฑํ ปปฺโผเฏตฺวา ¶ อาทาย สายนฺหสมเย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สายนฺหเวลายํ ปจฺจยาการปฺหปุจฺฉนการเณน อุปสงฺกมนฺโต’’ติ.
ยาว คมฺภีโรติ เอตฺถ ยาวสทฺโท ปมาณาติกฺกเม, อติกฺกมฺม ปมาณํ คมฺภีโร, อติคมฺภีโรติ อตฺโถ. คมฺภีราวภาโสติ คมฺภีโรว หุตฺวา อวภาสติ, ทิสฺสตีติ อตฺโถ. เอกฺหิ อุตฺตานเมว คมฺภีราวภาสํ โหติ ปูติปณฺณาทิวเสน กาฬวณฺณปุราณอุทกํ วิย. ตฺหิ ชาณุปฺปมาณมฺปิ สตโปริสํ วิย ทิสฺสติ. เอกํ คมฺภีรํ ¶ อุตฺตานาวภาสํ โหติ มณิคงฺคาย วิปฺปสนฺนอุทกํ วิย. ตฺหิ สตโปริสมฺปิ ชาณุปฺปมาณํ วิย ขายติ. เอกํ อุตฺตานํ อุตฺตานาวภาสํ โหติ จาฏิอาทีสุ อุทกํ วิย. เอกํ คมฺภีรํ คมฺภีราวภาสํ โหติ สิเนรุปาทกมหาสมุทฺเท อุทกํ วิย. เอวํ อุทกเมว จตฺตาริ นามานิ ลภติ. ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ปเนตํ นตฺถิ. อยฺหิ คมฺภีโร เจว คมฺภีราวภาโส จาติ เอกเมว นามํ ลภติ. เอวรูโป สมาโนปิ อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายติ, ยทิทํ อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ ภนฺเตติ. เอวํ อตฺตโน วิมฺหยํ ปกาเสนฺโต ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตุณฺหีภูโต นิสีทิ.
ภควา ตสฺส วจนํ สุตฺวา – ‘‘อานนฺโท ภวคฺคคฺคหณาย หตฺถํ ปสาเรนฺโต วิย, สิเนรุํ ฉินฺทิตฺวา มิฺชํ นีหริตุํ วายมมาโน วิย, วินา นาวาย มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม วิย, ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ปถโวชํ คเหตุํ วายมมาโน วิย พุทฺธวิสยปฺหํ อตฺตโน อุตฺตานํ วทติ. หนฺทสฺส คมฺภีรภาวํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มา เหวนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ มา เหวนฺติ ห-กาโร นิปาตมตฺตํ. เอวํ มา ภณีติ อตฺโถ. มา เหวนฺติ จ อิทํ วจนํ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุสฺสาเทนฺโตปิ ภณติ อปสาเทนฺโตปิ.
อุสฺสาทนาวณฺณนา
ตตฺถ ¶ อุสฺสาเทนฺโต – อานนฺท, ตฺวํ มหาปฺโ วิสทาโณ, เตน เต คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย ขายติ. อฺเสํ ปเนส อุตฺตานโกติ น สลฺลกฺเขตพฺโพ, คมฺภีโรเยว จ คมฺภีราวภาโส จ. ตตฺถ จตสฺโส อุปมา วทนฺติ. ฉมาเส สุโภชนรสปุฏฺสฺส กิร กตโยคสฺส มหามลฺลสฺส สมชฺชสมเย กตมลฺลปาสาณปริจยสฺส ยุทฺธภูมึ คจฺฉนฺตสฺส อนฺตรา มลฺลปาสาณํ ทสฺเสสุํ, โส – กึ เอตนฺติ อาห. มลฺลปาสาโณติ. อาหรถ นนฺติ. อุกฺขิปิตุํ ¶ น สกฺโกมาติ วุตฺเต สยํ คนฺตฺวา กุหึ อิมสฺส ภาริยฏฺานนฺติ วตฺวา ทฺวีหิ หตฺเถหิ ทฺเว ปาสาเณ อุกฺขิปิตฺวา กีฬาคุเฬ วิย ขิปิตฺวา อคมาสิ. ตตฺถ มลฺลสฺส มลฺลปาสาโณ ลหุโกปิ น อฺเสํ ลหุโกติ วตฺตพฺโพ. ฉมาเส สุโภชนรสปุฏฺโ มลฺโล วิย หิ กปฺปสตสหสฺสํ อภินีหารสมฺปนฺโน อายสฺมา อานนฺโท, ยถา มลฺลสฺส มหาพลตาย มลฺลปาสาโณ ลหุโก, เอวํ เถรสฺส มหาปฺตาย ¶ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโน, โส อฺเสํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
มหาสมุทฺเท จ ติมินาม มจฺโฉ ทฺวิโยชนสติโก ติมิงฺคโล ติโยชนสติโก, ติมิปิงฺคโล จตุโยชนสติโก ติมิรปิงฺคโล ปฺจโยชนสติโก, อานนฺโท ติมินนฺโท อชฺฌาโรโห มหาติมีติ อิเม จตฺตาโร โยชนสหสฺสิกา. ตตฺถ ติมิรปิงฺคเลเนว ทีเปนฺติ. ตสฺส กิร ทกฺขิณกณฺณํ จาเลนฺตสฺส ปฺจโยชนสเต ปเทเส อุทกํ จลติ. ตถา วามกณฺณํ. ตถา นงฺคุฏฺํ, ตถา สีสํ. ทฺเว ปน กณฺเณ จาเลตฺวา นงฺคุฏฺเน อุทกํ ปหริตฺวา สีสํ อปราปรํ กตฺวา กีฬิตุํ อารทฺธสฺส สตฺตฏฺโยชนสเต ปเทเส ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธเน อาโรปิตํ วิย อุทกํ ปกฺกุถติ, ติโยชนสตมตฺเต ปเทเส อุทกํ ปิฏฺึ ฉาเทตุํ น สกฺโกติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ มหาสมุทฺโท คมฺภีโร คมฺภีโรติ วทนฺติ กุตสฺส คมฺภีรตา, มยํ ปิฏฺิปฏิจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อุทกํ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายุปปนฺนสฺส ติมิรปิงฺคลสฺส มหาสมุทฺโท อุตฺตาโนติ, อฺเสํ ขุทฺทกมจฺฉานํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณุปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ, อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
สุปณฺณราชา ¶ จ ทิยฑฺฒโยชนสติโก, ตสฺส ทกฺขิณปกฺโข ปฺาสโยชนิโก โหติ ตถา วามปกฺโข, ปิฺฉวฏฺฏิ สฏฺิโยชนิกา, คีวา ตึสโยชนิกา, มุขํ นวโยชนํ, ปาทา ทฺวาทสโยชนิกา. ตสฺมึ สุปณฺณวาตํ ทสฺเสตุํ อารทฺเธ สตฺตฏฺโยชนสตํ านํ นปฺปโหติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ อากาโส อนนฺโต อนนฺโตติ วทนฺติ, กุตสฺส อนนฺตตา, มยํ ปกฺขวาตปฺปสารโณกาสมฺปิ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายุปปนฺนสฺส สุปณฺณรฺโ อากาโส ปริตฺโตติ, อฺเสํ ขุทฺทกปกฺขีนํ ปริตฺโตติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณุปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ, อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ.
ราหุ อสุรินฺโท ปน ปาทนฺตโต ยาว เกสนฺตา โยชนานํ จตฺตาริ สหสฺสานิ อฏฺ จ สตานิ โหติ. ตสฺส ทฺวินฺนํ พาหานํ อนฺตรํ ทฺวาทสโยชนสติกํ. พหลตฺเตน ฉโยชนสติกํ ¶ . หตฺถปาทตลานิ ¶ ติโยชนสติกานิ, ตถา มุขํ. เอเกกํ องฺคุลิปพฺพํ ปฺาสโยชนํ, ตถา ภมุกนฺตรํ. นลาฏํ ติโยชนสติกํ. สีสํ นวโยชนสติกํ. ตสฺส มหาสมุทฺทํ โอติณฺณสฺส คมฺภีรํ อุทกํ ชาณุปฺปมาณํ โหติ. โส เอวํ วเทยฺย – ‘‘อยํ มหาสมุทฺโท คมฺภีโร คมฺภีโรติ วทนฺติ, กุตสฺส คมฺภีรตา, มยํ ชาณุปฺปฏิจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อุทกํ น ลภามา’’ติ. ตตฺถ กายุปปนฺนสฺส ราหุโน มหาสมุทฺโท อุตฺตาโนติ, อฺเสํ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ, เอวเมว าณุปปนฺนสฺส เถรสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ, อฺเสมฺปิ อุตฺตาโนติ น วตฺตพฺโพ. เอตมตฺถํ สนฺธาย ภควา – ‘‘มา เหวํ, อานนฺท, อวจ; มา เหวํ, อานนฺท อวจา’’ติ อาห.
เถรสฺส หิ จตูหิ การเณหิ คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตาโนติ อุปฏฺาติ. กตเมหิ จตูหิ? ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา, ติตฺถวาเสน, โสตาปนฺนตาย, พหุสฺสุตภาเวนาติ.
ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติกถา
อิโต กิร สตสหสฺสิเม กปฺเป ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิ. ตสฺส หํสวตี นาม นครํ อโหสิ, อานนฺโท นาม ราชา ปิตา ¶ , สุเมธา นาม เทวี มาตา, โพธิสตฺโต อุตฺตรกุมาโร นาม อโหสิ. โส ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ปธานมนุยฺุชนฺโต อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตาหํ โพธิปลฺลงฺเก วีตินาเมตฺวา ปถวิยํ เปสฺสามีติ ปาทํ อภินีหริ. อถ ปถวึ ภินฺทิตฺวา มหนฺตํ ปทุมํ อุฏฺาสิ. ตสฺส ธุรปตฺตานิ นวุติหตฺถานิ, เกสรํ ตึสหตฺถํ, กณฺณิกา ทฺวาทสหตฺถา, นวฆฏปฺปมาโณ เรณุ อโหสิ.
สตฺถา ปน อุพฺเพธโต อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพโธ อโหสิ. ตสฺส อุภินฺนํ พาหานมนฺตรํ อฏฺารสหตฺถํ, นลาฏํ ปฺจหตฺถํ, หตฺถปาทา เอกาทสหตฺถา. ตสฺส เอกาทสหตฺเถน ปาเทน ทฺวาทสหตฺถาย กณฺณิกาย อกฺกนฺตมตฺตาย นวฆฏปฺปมาโณ เรณุ อุฏฺาย อฏฺปณฺณาสหตฺถํ ปเทสํ อุคฺคนฺตฺวา โอกิณฺณมโนสิลาจุณฺณํ วิย ปจฺโจกิณฺโณ. ตทุปาทาย ภควา ปทุมุตฺตโรตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺส เทวิโล ¶ จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา อเหสุํ. อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา. สุมโน นาม อุปฏฺาโก. ปทุมุตฺตโร ภควา ปิตุสงฺคหํ กุรุมาโน ภิกฺขุสตสหสฺสปริวาโร หํสวติยา ราชธานิยา วสติ.
กนิฏฺภาตา ¶ ปนสฺส สุมนกุมาโร นาม. ตสฺส ราชา หํสวติโต วีสติโยชนสเต าเน โภคคามํ อทาสิ. โส กทาจิ อาคนฺตฺวา ปิตรฺจ สตฺถารฺจ ปสฺสติ. อเถกทิวสํ ปจฺจนฺโต กุปิโต. สุมโน รฺโ เปเสสิ – ‘‘ปจฺจนฺโต กุปิโต’’ติ. ราชา ‘‘มยา ตฺวํ ตตฺถ กสฺมา ปิโต’’ติ ปฏิเปเสสิ. โส นิกฺขมฺม โจเร วูปสเมตฺวา – ‘‘อุปสนฺโต, เทว, ชนปโท’’ติ รฺโ เปเสสิ. ราชา ตุฏฺโ – ‘‘สีฆํ มม ปุตฺโต อาคจฺฉตู’’ติ อาห. ตสฺส สหสฺสมตฺตา อมจฺจา โหนฺติ. โส เตหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค มนฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปิตา ตุฏฺโ, สเจ เม วรํ เทติ, กึ คณฺหามี’’ติ. อถ นํ เอกจฺเจ ‘‘หตฺถึ คณฺหถ, อสฺสํ คณฺหถ, รถํ คณฺหถ, ชนปทํ คณฺหถ, สตฺตรตนานิ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. อปเร – ‘‘ตุมฺเห ปถวิสฺสรสฺส ปุตฺตา, ตุมฺหากํ ธนํ น ทุลฺลภํ, ลทฺธมฺปิ เจตํ สพฺพํ ปหาย คมนียํ, ปฺุเมว เอกํ อาทาย คมนียํ; ตสฺมา เต เทเว วรํ ททมาเน เตมาสํ ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ วรํ คณฺหถา’’ติ. โส – ‘‘ตุมฺเห มยฺหํ กลฺยาณมิตฺตา, น มเมตํ จิตฺตํ อตฺถิ, ตุมฺเหหิ ปน อุปฺปาทิตํ, เอวํ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา ¶ ปิตราปิ อาลิงฺเคตฺวา ตสฺส มตฺถเก จุมฺพิตฺวา – ‘‘วรํ เต ปุตฺต, เทมี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ มหาราช, อิจฺฉามหํ มหาราช ภควนฺตํ เตมาสํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺโต ชีวิตํ อวฺฌํ กาตุํ, อิมเมว วรํ เทหี’’ติ อาห. ‘‘น สกฺกา ตาต, อฺํ วเรหี’’ติ วุตฺเต ‘‘เทว, ขตฺติยานํ นาม ทฺเว กถา นตฺถิ, เอตเมว เทหิ, น เม อฺเนตฺโถ’’ติ. ตาต พุทฺธานํ นาม จิตฺตํ ทุชฺชานํ, สเจ ภควา น อิจฺฉิสฺสติ, มยา ทินฺเนปิ กึ ภวิสฺสตีติ? โส – ‘‘สาธุ, เทว, อหํ ภควโต จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ วิหารํ คโต.
เตน จ สมเยน ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺเปตฺวา ภควา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺโ โหติ. โส มณฺฑลมาเฬ สนฺนิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ อคมาสิ. เต ตํ อาหํสุ – ‘‘ราชปุตฺต, กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ภควนฺตํ ทสฺสนาย, ทสฺเสถ เม ภควนฺตนฺติ. น ¶ มยํ, ราชปุตฺต, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สตฺถารํ ทฏฺุํ ลภามาติ. โก ปน, ภนฺเต, ลภตีติ? สุมนตฺเถโร นาม ราชปุตฺตาติ. ‘‘โส กุหึ, ภนฺเต, เถโร’’ติ. เถรสฺส นิสินฺนฏฺานํ ปุจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ปสฺสิตุํ, ทสฺเสถ เม’’ติ อาห. เถโร – ‘‘เอหิ ราชปุตฺตา’’ติ ตํ คเหตฺวา ตํ คนฺธกุฏิปริเวเณ เปตฺวา คนฺธกุฏึ อภิรุหิ. อถ นํ ภควา – ‘‘สุมน, กสฺมา อาคโตสี’’ติ อาห. ราชปุตฺโต, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคโตติ. เตน หิ ภิกฺขุ อาสนํ ปฺาเปหีติ. เถโร อาสนํ ปฺาเปสิ, นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. ราชปุตฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ อกาสิ. กทา อาคโตสิ ราชปุตฺตาติ? ภนฺเต, ตุมฺเหสุ คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเสุ. ภิกฺขู ปน – ‘‘น มยํ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ภควนฺตํ ทฏฺุํ ลภามา’’ติ มํ ¶ เถรสฺส สนฺติกํ ปาเหสุํ. เถโร ปน เอกวจเนเนว ทสฺเสสิ. เถโร, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สาสเน วลฺลโภ มฺเติ. อาม ราชกุมาร, วลฺลโภ เอส ภิกฺขุ มยฺหํ สาสเนติ. ภนฺเต, พุทฺธานํ สาสเน กึ กตฺวา วลฺลโภ โหตีติ? ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา กุมาราติ. ภควา, อหํ เถโร วิย พุทฺธสาสเน วลฺลโภ โหตุกาโม, เตมาสํ เม วสฺสาวาสํ อธิวาเสถาติ. ภควา – ‘‘อตฺถิ นุ โข ตตฺถ คเตน อตฺโถ’’ติ โอโลเกตฺวา อตฺถีติ ทิสฺวา ‘‘สฺุาคาเร, โข ราชกุมาร ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ ¶ อาห. กุมาโร ‘‘อฺาตํ ภควา, อฺาตํ สุคตา’’ติ วตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปุริมตรํ คนฺตฺวา วิหารํ กาเรมิ, มยา เปสิเต ภิกฺขุสตสหสฺเสน สทฺธึ อาคจฺฉถา’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปิตุสนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ทินฺนา เม, เทว, ภควตา ปฏิฺา, มยา ปหิเต ภควนฺตํ เปเสยฺยาถา’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา โยชเน โยชเน วิหารํ กาเรตฺวา วีสโยชนสตํ อทฺธานํ คนฺตฺวา อตฺตโน นคเร วิหารฏฺานํ วิจินนฺโต โสภนํ นาม กุฏุมฺพิกสฺส อุยฺยานํ ทิสฺวา สตสหสฺเสน กิณิตฺวา สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิหารํ กาเรสิ. ตตฺถ ภควโต คนฺธกุฏึ เสสภิกฺขูนฺจ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานตฺถาย กุฏิเลณมณฺฑเป การาเปตฺวา ¶ ปาการปริกฺเขเป กตฺวา ทฺวารโกฏฺกฺจ นิฏฺเปตฺวา ปิตุสนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘นิฏฺิตํ มยฺหํ กิจฺจํ, สตฺถารํ ปหิณถา’’ติ.
ราชา ภควนฺตํ โภเชตฺวา – ‘‘ภควา, สุมนสฺส กิจฺจํ นิฏฺิตํ, ตุมฺหากํ คมนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ อาห. ภควา สตสหสฺสภิกฺขุปริวาโร โยชเน โยชเน วิหาเรสุ วสมาโน อคมาสิ. กุมาโร ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา โยชนํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา มาลาทีหิ ปูชยมาโน วิหารํ ปเวเสตฺวา –
‘‘สตสหสฺเสน เม กีตํ, สตสหสฺเสน มาปิตํ;
โสภนํ นาม อุยฺยานํ, ปฏิคฺคณฺห มหามุนี’’ติ.
วิหารํ นิยฺยาเตสิ. โส วสฺสูปนายิกทิวเส ทานํ ทตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทาเร จ อมจฺเจ จ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘อยํ สตฺถา อมฺหากํ สนฺติกํ ทูรโต อาคโต, พุทฺธา จ นาม ธมฺมครุโน น อามิสครุกา. ตสฺมา อหํ เตมาสํ ทฺเว สาฏเก นิวาเสตฺวา ทส สีลานิ สมาทิยิตฺวา อิเธว วสิสฺสามิ, ตุมฺเห ขีณาสวสตสหสฺสสฺส อิมินาว นีหาเรน เตมาสํ ทานํ ทเทยฺยาถา’’ติ.
โส สุมนตฺเถรสฺส วสนฏฺานสภาเคเยว าเน วสนฺโต ยํ เถโร ภควโต วตฺตํ กโรติ, ตํ ¶ สพฺพํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน เอกนฺตวลฺลโภ เอส เถโร, เอตสฺเสว เม านนฺตรํ ปตฺเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปกฏฺาย ปวารณาย คามํ ปวิสิตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ปาทมูเล ติจีวรํ เปตฺวา ภควนฺตํ ¶ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภนฺเต, ยเทตํ มยา มคฺเค โยชนนฺตริกํ โยชนนฺตริกํ วิหารํ การาปนโต ปฏฺาย ปฺุํ กตํ, ตํ เนว สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารสมฺปตฺตึ, น พฺรหฺมสมฺปตฺตึ ปตฺถยนฺเตน, พุทฺธสฺส ปน อุปฏฺากภาวํ ปตฺถยนฺเตน กตํ. ตสฺมา อหมฺปิ, ภควา, อนาคเต สุมนตฺเถโร วิย พุทฺธสฺส อุปฏฺาโก ภเวยฺย’’นฺติ ปฺจปติฏฺิเตน นิปติตฺวา วนฺทิ.
ภควา – ‘‘มหนฺตํ กุลปุตฺตสฺส จิตฺตํ, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข โน’’ติ โอโลเกนฺโต – ‘‘อนาคเต อิโต สตสหสฺสิเม กปฺเป โคตโม นาม ¶ พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺเสว อุปฏฺาโก ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา –
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, สพฺพเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา’’ติ.
อาห. กุมาโร ตํ สุตฺวา – ‘‘พุทฺธา นาม อทฺเวชฺฌกถา โหนฺตี’’ติ ทุติยทิวเสเยว ตสฺส ภควโต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ. โส ตสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท วสฺสสตสหสฺสํ ทานํ ทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเลปิ ปิณฺฑาย จรโต เถรสฺส ปตฺตคฺคหณตฺถํ อุตฺตริสาฏกํ ทตฺวา ปูชมกาสิ. ปุน สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิราชา หุตฺวา อฏฺนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ปณฺณสาลาโย กาเรตฺวา มณิอาธารเก อุปฏฺเปตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ ทสวสฺสสหสฺสานิ อุปฏฺานํ อกาสิ. เอตานิ ปากฏฏฺานานิ.
กปฺปสตสหสฺสํ ปน ทานํ ททมาโนว อมฺหากํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน กตาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปมคมเนน กปิลวตฺถุํ อาคนฺตฺวา ตโต นิกฺขมนฺเต ภควติ ภควโต ปริวารตฺถํ ราชกุมาเรสุ ปพฺพชิเตสุ ภทฺทิยาทีหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ (สํ. นิ. ๓.๘๓). เอวเมส อายสฺมา ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปนฺโน ตสฺสิมาย ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
ติตฺถวาสาทิวณฺณนา
ติตฺถวาโสติ ¶ ¶ ปุนปฺปุนํ ครูนํ สนฺติเก อุคฺคหณสวนปริปุจฺฉนธารณานิ วุจฺจนฺติ. โส เถรสฺส อติวิย ปริสุทฺโธ, เตนาปิสฺสายํ คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
โสตาปนฺนานฺจ นาม ปจฺจยากาโร อุตฺตานโกว หุตฺวา อุปฏฺาติ, อยฺจ อายสฺมา โสตาปนฺโน. พหุสฺสุตานฺจ จตุหตฺเถ โอวรเก ปทีเป ชลมาเน มฺจปีํ วิย นามรูปปริจฺเฉโท ¶ ปากโฏ โหติ, อยฺจ อายสฺมา พหุสฺสุตานํ อคฺโค โหติ, พาหุสจฺจานุภาเวนปิสฺส คมฺภีโรปิ ปจฺจยากาโร อุตฺตานโก วิย อุปฏฺาสิ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทคมฺภีรตา
ตตฺถ อตฺถคมฺภีรตาย, ธมฺมคมฺภีรตาย, เทสนาคมฺภีรตาย, ปฏิเวธคมฺภีรตายาติ จตูหิ อากาเรหิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท คมฺภีโร นาม.
ตตฺถ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ คมฺภีโร…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ คมฺภีโรติ อยํ อตฺถคมฺภีรตา.
อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ คมฺภีโร…เป… ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ คมฺภีโรติ อยํ ธมฺมคมฺภีรตา.
กตฺถจิ สุตฺเต ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อนุโลมโต เทสิยติ, กตฺถจิ ปฏิโลมโต, กตฺถจิ อนุโลมปฏิโลมโต, กตฺถจิ มชฺฌโต ปฏฺาย อนุโลมโต วา ปฏิโลมโต วา อนุโลมปฏิโลมโต วา, กตฺถจิ ติสนฺธิ จตุสงฺเขโป, กตฺถจิ ทฺวิสนฺธิ ติสงฺเขโป, กตฺถจิ เอกสนฺธิ ทฺวิสงฺเขโปติ อยํ เทสนาคมฺภีรตา.
อวิชฺชาย ปน อฺาณอทสฺสนสจฺจาปฏิเวธฏฺโ คมฺภีโร, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณายูหนสราควิราคฏฺโ, วิฺาณสฺส สฺุตอพฺยาปารอสงฺกนฺติปฏิสนฺธิปาตุภาวฏฺโ, นามรูปสฺส เอกุปฺปาทวินิพฺโภคาวินิพฺโภคนมนรุปฺปนฏฺโ, สฬายตนสฺส อธิปติโลกทฺวารกฺเขตฺตวิสยิภาวฏฺโ ¶ , ผสฺสสฺส ¶ ผุสนสงฺฆฏฺฏนสงฺคติสนฺนิปาตฏฺโ, เวทนาย อารมฺมณรสานุภวนสุขทุกฺขมชฺฌตฺตภาวนิชฺชีวเวทยิตฏฺโ, ตณฺหาย อภินนฺทิตอชฺโฌสานสริตาลตาตณฺหานทีตณฺหาสมุทฺททุปฺปูรณฏฺโ, อุปาทานสฺส อาทานคฺคหณาภินิเวสปรามาสทุรติกฺกมฏฺโ, ภวสฺส อายูหนาภิสงฺขรณโยนิคติิตินิวาเสสุ ขิปนฏฺโ, ชาติยา ชาติสฺชาติโอกฺกนฺตินิพฺพตฺติปาตุภาวฏฺโ, ชรามรณสฺส ขยวยเภทวิปริณามฏฺโ คมฺภีโรติ. เอวํ โย อวิชฺชาทีนํ สภาโว, เยน ปฏิเวเธน อวิชฺชาทโย สรสลกฺขณโต ปฏิวิทฺธา โหนฺติ; โส คมฺภีโรติ อยํ ปฏิเวธคมฺภีรตาติ เวทิตพฺพา. สา สพฺพาปิ เถรสฺส อุตฺตานกา วิย อุปฏฺาสิ. เตน ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุสฺสาเทนฺโต – ‘‘มา เหว’’นฺติอาทิมาห. อยฺเจตฺถ ¶ อธิปฺปาโย – อานนฺท, ตฺวํ มหาปฺโ วิสทาโณ, เตน เต คมฺภีโรปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก วิย ขายติ, ตสฺมา – ‘‘มยฺหเมว นุ โข เอส อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, อุทาหุ อฺเสมฺปี’’ติ มา เอวํ อวจาติ.
อปสาทนาวณฺณนา
ยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘อปสาเทนฺโต’’ติ, ตตฺถ อยํ อธิปฺปาโย – อานนฺท, ‘‘อถ จ ปน เม อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายตี’’ติ มา เหวํ อวจ. ยทิ หิ เต เอส อุตฺตานกุตฺตานโก วิย ขายติ, กสฺมา ตฺวํ อตฺตโน ธมฺมตาย โสตาปนฺโน นาโหสิ, มยา ทินฺนนเยว ตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌสิ. อานนฺท, อิทํ นิพฺพานเมว คมฺภีรํ, ปจฺจยากาโร ปน ตว อุตฺตานโก ชาโต, อถ กสฺมา โอฬาริกํ กามราคสํโยชนํ ปฏิฆสํโยชนํ, โอฬาริกํ กามราคานุสยํ ปฏิฆานุสยนฺติ อิเม จตฺตาโร กิเลเส สมุคฺฆาเฏตฺวา สกทาคามิผลํ น สจฺฉิกโรสิ? เตเยว อณุสหคเต จตฺตาโร กิเลเส สมุคฺฆาเฏตฺวา อนาคามิผลํ น สจฺฉิกโรสิ? รูปราคาทีนิ ปฺจ สํโยชนานิ, ภวราคานุสยํ, มานานุสยํ, อวิชฺชานุสยนฺติ อิเม อฏฺ กิเลเส สมุคฺฆาเฏตฺวา อรหตฺตํ น สจฺฉิกโรสิ?
กสฺมา ¶ จ สตสหสฺสกปฺปาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปูริตปารมิโน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา วิย สาวกปารมิาณํ นปฺปฏิวิชฺฌสิ? สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิโน ปจฺเจกพุทฺธา วิย จ ปจฺเจกโพธิาณํ นปฺปฏิวิชฺฌสิ? ยทิ วา เต สพฺพถาว เอส อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, อถ กสฺมา สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อฏฺ โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิโน พุทฺธา วิย สพฺพฺุตฺาณํ น สจฺฉิกโรสิ? กึ อนตฺถิโกสิ เอเตหิ วิเสสาธิคเมหิ, ปสฺส ยาวฺจ เต อปรทฺธํ, ตฺวํ นาม สาวโก ปเทสาเณ ¶ ิโต อติคมฺภีรํ ปจฺจยาการํ – ‘‘อุตฺตานโก เม อุปฏฺาตี’’ติ วทสิ, ตสฺส เต อิทํ วจนํ พุทฺธานํ กถาย ปจฺจนีกํ โหติ, น ตาทิเสน นาม ภิกฺขุนา พุทฺธานํ กถาย ปจฺจนีกํ กเถตพฺพนฺติ ยุตฺตเมตํ.
นนุ มยฺหํ, อานนฺท, อิทํ ปจฺจยาการํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วายมนฺตสฺเสว สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกนฺตานิ? ปจฺจยาการํ ปฏิวิชฺฌนตฺถาย จ ปน เม อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อปูริตปารมี นาม นตฺถิ. ปจฺจยาการํ ¶ ปฏิวิชฺฌสฺสามีติ ปน เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺส อยํ มหาปถวี ทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ น กมฺปิ ตถา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ สมฺปาเทนฺตสฺส. ปจฺฉิมยาเม ปน เม พลวปจฺจูสสมเย – ‘‘อวิชฺชา สงฺขารานํ นวหิ อากาเรหิ ปจฺจโย โหตี’’ติ ทิฏฺมตฺเตว ทสสหสฺสิโลกธาตุ อยทณฺฑเกน อาโกฏิตกํสตาลํ วิย วิรวสตํ วิรวสหสฺสํ มฺุจมานา วาตาหเต ปทุมินิปณฺเณ อุทกพินฺทุ วิย กมฺปิตฺถ. เอวํ คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, คมฺภีราวภาโส จ. เอตสฺส อานนฺท, ธมฺมสฺส อนนุโพธา…เป… นาติวตฺตตีติ.
เอตสฺส ธมฺมสฺสาติ เอตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส. อนนุโพธาติ าตปริฺาวเสน อนนุพุชฺฌนา. อปฺปฏิเวธาติ ตีรณปฺปหานปริฺาวเสน อปฺปฏิวิชฺฌนา. ตนฺตากุลกชาตาติ ตนฺตํ วิย อากุลกชาตา. ยถา นาม ทุนฺนิกฺขิตฺตํ มูสิกจฺฉินฺนํ เปสการานํ ตนฺตํ ตหึ ตหึ อากุลํ โหติ, อิทํ อคฺคํ อิทํ มูลนฺติ อคฺเคน วา อคฺคํ มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรํ โหติ; เอวเมว สตฺตา อิมสฺมึ ปจฺจยากาเร ขลิตา อากุลา พฺยากุลา โหนฺติ, น สกฺโกนฺติ ตํปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ. ตตฺถ ตนฺตํ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ตฺวา สกฺกาปิ ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, เปตฺวา ปน ¶ ทฺเว โพธิสตฺเต อฺเ สตฺตา อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมตฺถา นาม นตฺถิ. ยถา ปน อากุลํ ตนฺตํ กฺชิยํ ทตฺวา โกจฺเฉน ปหตํ ตตฺถ ตตฺถ คุฬกชาตํ โหติ คณฺิพทฺธํ, เอวมิเม สตฺตา ปจฺจเยสุ ปกฺขลิตฺวา ปจฺจเย อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตา ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตวเสน อากุลกชาตา โหนฺติ, คณฺิพทฺธา. เย หิ เกจิ ทิฏฺิคตนิสฺสิตา, สพฺเพ ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตาเยว.
กุลาคณฺิกชาตาติ กุลาคณฺิกํ วุจฺจติ เปสการกฺชิยสุตฺตํ. กุลา นาม สกุณิกา, ตสฺสา กุลาวโกติปิ เอเก. ยถา หิ ตทุภยมฺปิ อากุลํ อคฺเคน วา อคฺคํ มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรนฺติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ.
มฺุชปพฺพชภูตาติ ¶ ¶ มฺุชติณํ วิย ปพฺพชติณํ วิย จ ภูตา. ยถา ตานิ ติณานิ โกฏฺเฏตฺวา กตรชฺชุ ชิณฺณกาเล กตฺถจิ ปติตํ คเหตฺวา เตสํ ติณานํ อิทํ อคฺคํ, อิทํ มูลนฺติ อคฺเคน วา อคฺคํ มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ ทุกฺกรนฺติ. ตมฺปิ ปจฺจตฺตปุริสกาเร ตฺวา สกฺกา ภเวยฺย อุชุํ กาตุํ, เปตฺวา ปน ทฺเว โพธิสตฺเต อฺเ สตฺตา อตฺตโน ธมฺมตาย ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุํ สมตฺถา นาม นตฺถิ. เอวมยํ ปชา ปจฺจยากาเร อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตี ทิฏฺิคตวเสน คณฺิกชาตา หุตฺวา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติ.
ตตฺถ อปาโยติ นิรยติรจฺฉานโยนิเปตฺติวิสยอสุรกายา. สพฺเพปิ หิ เต วฑฺฒิสงฺขาตสฺส อยสฺส อภาวโต – ‘‘อปาโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา ทุกฺขสฺส คติภาวโต ทุคฺคติ. สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาโต. อิตโร ปน –
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ.
ตํ สพฺพมฺปิ นาติวตฺตติ นาติกฺกมติ. อถ โข จุติโต ปฏิสนฺธึ, ปฏิสนฺธิโต จุตินฺติ เอวํ ปุนปฺปุนํ จุติปฏิสนฺธิโย คณฺหนฺตา ตีสุ ภเวสุ จตูสุ โยนีสุ ปฺจสุ คตีสุ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ นวสุ สตฺตาวาเสสุ มหาสมุทฺเท วาตุกฺขิตฺตนาวา วิย ยนฺเตสุ ยุตฺตโคโณ วิย จ ปริพฺภมติเยว ¶ . อิติ สพฺพํ เปตํ ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อปสาเทนฺโต อาหาติ เวทิตพฺพํ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทวณฺณนา
๙๖. อิทานิ ยสฺมา อิทํ สุตฺตํ – ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ จ ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ จ ทฺวีหิเยว ปเทหิ อาพทฺธํ, ตสฺมา – ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ อิมินา ตาว อนุสนฺธินา ปจฺจยาการสฺส คมฺภีรภาวทสฺสนตฺถํ เทสนํ อารภนฺโต อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติอาทิมาห. ตตฺรายมตฺโถ – อิมสฺส ชรามรณสฺส ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยา อตฺถิ ชรามรณํ, อตฺถิ นุ โข ชรามรณสฺส ปจฺจโย, ยมฺหา ปจฺจยา ชรามรณํ ภเวยฺยาติ ¶ เอวํ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, ปณฺฑิเตน ปุคฺคเลน ยถา – ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ วุตฺเต ปนียตฺตา ปฺหสฺส ตุณฺหี ภวิตพฺพํ โหติ, ‘‘อพฺยากตเมตํ ¶ ตถาคเตนา’’ติ วา วตฺตพฺพํ โหติ, เอวํ อปฺปฏิปชฺชิตฺวา, ยถา – ‘‘จกฺขุ สสฺสตํ อสสฺสต’’นฺติ วุตฺเต อสสฺสตนฺติ เอกํเสเนว วตฺตพฺพํ โหติ, เอวํ เอกํเสเนว อตฺถีติสฺส วจนียํ. ปุน กึ ปจฺจยา ชรามรณํ, โก นาม โส ปจฺจโย, ยโต ชรามรณํ โหตีติ วุตฺเต ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิจฺจสฺส วจนียํ, เอวํ วตฺตพฺพํ ภเวยฺยาติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพปเทสุ.
นามรูปปจฺจยา ผสฺโสติ อิทํ ปน ยสฺมา สฬายตนปจฺจยาติ วุตฺเต จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ฉนฺนํ วิปากสมฺผสฺสานํเยว คหณํ โหติ, อิธ จ ‘‘สฬายตนปจฺจยา’’ติ อิมินา ปเทน คหิตมฺปิ อคหิตมฺปิ ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสํ ผสฺสสฺส จ สฬายตนโต อติริตฺตํ อฺมฺปิ วิเสสปจฺจยํ ทสฺเสตุกาโม, ตสฺมา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิมินา ปน วาเรน ภควตา กึ กถิตนฺติ? ปจฺจยานํ นิทานํ กถิตํ. อิทฺหิ สุตฺตํ ปจฺจเย นิชฺชเฏ นิคฺคุมฺเพ กตฺวา กถิตตฺตา มหานิทานนฺติ วุจฺจติ.
๙๘. อิทานิ เตสํ เตสํ ปจฺจยานํ ตถํ อวิตถํ อนฺถํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสตุํ ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปริยาเยนาติ การเณน. สพฺเพนสพฺพํ สพฺพถาสพฺพนฺติ นิปาตทฺวยเมตํ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘สพฺพากาเรน สพฺพา สพฺเพน สภาเวน ¶ สพฺพา ชาติ นาม ยทิ น ภเวยฺยา’’ติ. ภวาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กสฺสจีติ อนิยมวจนเมตํ, เทวาทีสุ ยสฺส กสฺสจิ. กิมฺหิจีติ อิทมฺปิ อนิยมวจนเมว, กามภวาทีสุ นวสุ ภเวสุ ยตฺถ กตฺถจิ. เสยฺยถิทนฺติ อนิยมิตนิกฺขิตฺตอตฺถวิภชนตฺเถ นิปาโต, ตสฺสตฺโถ – ‘‘ยํ วุตฺตํ ‘กสฺสจิ กิมฺหิจี’ติ, ตสฺส เต อตฺถํ วิภชิสฺสามี’’ติ. อถ นํ วิภชนฺโต – ‘‘เทวานํ วา เทวตฺตายา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เทวานํ วา เทวตฺตายาติ ยา อยํ เทวานํ เทวภาวาย ขนฺธชาติ, ยาย ขนฺธชาติยา เทวา ‘‘เทวา’’ติ วุจฺจนฺติ. สเจ ¶ หิ ชาติ สพฺเพน สพฺพํ นาภวิสฺสาติ อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ เทวาติ อุปปตฺติเทวา. คนฺธพฺพาติ มูลขนฺธาทีสุ อธิวตฺถเทวตาว. ยกฺขาติ อมนุสฺสา. ภูตาติ เย เกจิ นิพฺพตฺตสตฺตา. ปกฺขิโนติ เย เกจิ อฏฺิปกฺขา วา จมฺมปกฺขา วา โลมปกฺขา วา. สรีสปาติ เย เกจิ ภูมิยํ สรนฺตา คจฺฉนฺติ. เตสํ เตสนฺติ เตสํ เตสํ เทวคนฺธพฺพาทีนํ. ตทตฺถายาติ เทวคนฺธพฺพาทิภาวาย. ชาตินิโรธาติ ชาติวิคมา, ชาติอภาวาติ อตฺโถ.
เหตูติอาทีนิ สพฺพานิปิ การณเววจนานิ เอว. การณฺหิ ยสฺมา อตฺตโน ผลตฺถาย หิโนติ ¶ ปวตฺตติ, ตสฺมา ‘‘เหตู’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา ตํ ผลํ นิเทติ – ‘‘หนฺท, นํ คณฺหถา’’ติ อปฺเปติ วิย ตสฺมา นิทานํ. ยสฺมา ผลํ ตโต สมุเทติ อุปฺปชฺชติ, ตฺจ ปฏิจฺจ เอติ ปวตฺตติ, ตสฺมา สมุทโยติ จ ปจฺจโยติ จ วุจฺจติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อปิ จ ยทิทํ ชาตีติ เอตฺถ ยทิทนฺติ นิปาโต. ตสฺส สพฺพปเทสุ ลิงฺคานุรูปโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิธ ปน – ‘‘ยา เอสา ชาตี’’ติ อยมสฺส อตฺโถ. ชรามรณสฺส หิ ชาติ อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหติ.
๙๙. ภวปเท – ‘‘กิมฺหิจี’’ติ อิมินา โอกาสปริคฺคโห กโต. ตตฺถ เหฏฺา อวีจิปริยนฺตํ กตฺวา อุปริ ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทเว อนฺโตกริตฺวา กามภโว เวทิตพฺโพ. อยํ นโย อุปปตฺติภเว. อิธ ปน กมฺมภเว ยุชฺชติ. โส หิ ชาติยา อุปนิสฺสยโกฏิยาว ปจฺจโย โหติ. อุปาทานปทาทีสุปิ – ‘‘กิมฺหิจี’’ติ อิมินา โอกาสปริคฺคโหว กโตติ เวทิตพฺโพ.
๑๐๐. อุปาทานปจฺจยา ¶ ภโวติ เอตฺถ กามุปาทานํ ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานํ ติณฺณฺจ อุปปตฺติภวานํ ปจฺจโย, ตถา เสสานิปีติ อุปาทานปจฺจยา จตุวีสติภวา เวทิตพฺพา. นิปฺปริยาเยเนตฺถ ทฺวาทส กมฺมภวา ลพฺภนฺติ. เตสํ อุปาทานานิ สหชาตโกฏิยาปิ อุปนิสฺสยโกฏิยาปิ ปจฺจโย.
๑๐๑. รูปตณฺหาติ รูปารมฺมเณ ตณฺหา. เอส นโย สทฺทตณฺหาทีสุ. สา ปเนสา ตณฺหา อุปาทานสฺส สหชาตโกฏิยาปิ อุปนิสฺสยโกฏิยาปิ ปจฺจโย โหติ.
๑๐๒. เอส ปจฺจโย ตณฺหาย, ยทิทํ ¶ เวทนาติ เอตฺถ วิปากเวทนา ตณฺหาย อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย โหติ, อฺา อฺถาปีติ.
๑๐๓. เอตฺตาวตา ปน ภควา วฏฺฏมูลภูตํ ปุริมตณฺหํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เทสนํ, ปิฏฺิยํ ปหริตฺวา เกเสสุ วา คเหตฺวา วิรวนฺตํ วิรวนฺตํ มคฺคโต โอกฺกเมนฺโต วิย นวหิ ปเทหิ สมุทาจารตณฺหํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘อิติ โข ปเนตํ, อานนฺท, เวทนํ ปฏิจฺจ ตณฺหา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตณฺหาติ ทฺเว ตณฺหา เอสนตณฺหา จ, เอสิตตณฺหา จ. ยาย ตณฺหาย อชปถสงฺกุปถาทีนิ ปฏิปชฺชิตฺวา โภเค เอสติ คเวสติ, อยํ เอสนตณฺหา นาม. ยา เตสุ เอสิเตสุ คเวสิเตสุ ปฏิลทฺเธสุ ตณฺหา, อยํ เอสิตตณฺหา นาม. ตทุภยมฺปิ สมุทาจารตณฺหาย เอว อธิวจนํ. ตสฺมา ¶ ทุวิธาเปสา เวทนํ ปฏิจฺจ ตณฺหา นาม. ปริเยสนา นาม รูปาทิอารมฺมณปริเยสนา, สา หิ ตณฺหาย สติ โหติ. ลาโภติ รูปาทิอารมฺมณปฏิลาโภ, โส หิ ปริเยสนาย สติ โหติ. วินิจฺฉโย ปน าณตณฺหาทิฏฺิวิตกฺกวเสน จตุพฺพิโธ. ตตฺถ – ‘‘สุขวินิจฺฉยํ ชฺา, สุขวินิจฺฉยํ ตฺวา อชฺฌตฺตํ สุขมนุยฺุเชยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๒๓) อยํ าณวินิจฺฉโย. ‘‘วินิจฺฉโยติ ทฺเว วินิจฺฉยา – ตณฺหาวินิจฺฉโย จ ทิฏฺิวินิจฺฉโย จา’’ติ (มหานิ. ๑๐๒). เอวํ อาคตานิ อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ ตณฺหาวินิจฺฉโย. ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ทิฏฺิวินิจฺฉโย. ‘‘ฉนฺโท โข, เทวานมินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕๘) อิมสฺมึ ปน สุตฺเต อิธ วินิจฺฉโยติ วุตฺโต วิตกฺโกเยว อาคโต. ลาภํ ลภิตฺวา หิ อิฏฺานิฏฺํ สุนฺทราสุนฺทรฺจ วิตกฺเกเนว วินิจฺฉินาติ ¶ – ‘‘เอตฺตกํ เม รูปารมฺมณตฺถาย ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ สทฺทาทิอารมฺมณตฺถาย, เอตฺตกํ มยฺหํ ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ ปรสฺส, เอตฺตกํ ปริภฺุชิสฺสามิ, เอตฺตกํ นิทหิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ลาภํ ปฏิจฺจ วินิจฺฉโย’’ติ.
ฉนฺทราโคติ เอวํ อกุสลวิตกฺเกน วิตกฺกิตวตฺถุสฺมึ ทุพฺพลราโค จ พลวราโค จ อุปฺปชฺชติ, อิทฺหิ อิธ ตณฺหา. ฉนฺโทติ ทุพฺพลราคสฺสาธิวจนํ. อชฺโฌสานนฺติ อหํ มมนฺติ พลวสนฺนิฏฺานํ. ปริคฺคโหติ ตณฺหาทิฏฺวเสน ปริคฺคหณกรณํ. มจฺฉริยนฺติ ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหนตา. เตเนวสฺส โปราณา เอวํ ¶ วจนตฺถํ วทนฺติ – ‘‘อิทํ อจฺฉริยํ มยฺหเมว โหตุ, มา อฺเสํ อจฺฉริยํ โหตูติ ปวตฺตตฺตา มจฺฉริยนฺติ วุจฺจตี’’ติ. อารกฺโขติ ทฺวารปิทหนมฺชูสโคปนาทิวเสน สุฏฺุ รกฺขณํ. อธิกโรตีติ อธิกรณํ, การณสฺเสตํ นามํ. อารกฺขาธิกรณนฺติ ภาวนปุํสกํ, อารกฺขเหตูติ อตฺโถ. ทณฺฑาทานาทีสุ ปรนิเสธนตฺถํ ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ. เอกโต ธาราทิโน สตฺถสฺส อาทานํ สตฺถาทานํ. กลโหติ กายกลโหปิ วาจากลโหปิ. ปุริโม ปุริโม วิโรโธ วิคฺคโห. ปจฺฉิโม ปจฺฉิโม วิวาโท. ตุวํตุวนฺติ อคารววจนํ ตุวํตุวํ.
๑๑๒. อิทานิ ปฏิโลมนเยนาปิ ตํสมุทาจารตณฺหํ ทสฺเสตุํ ปุน – ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติ อารภนฺโต เทสนํ นิวตฺเตสิ. ตตฺถ กามตณฺหาติ ปฺจกามคุณิกราควเสน อุปฺปนฺนา รูปาทิตณฺหา. ภวตณฺหาติ สสฺสตทิฏฺิสหคโต ราโค. วิภวตณฺหาติ อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต ราโค. อิเม ทฺเว ธมฺมาติ วฏฺฏมูลตณฺหา จ สมุทาจารตณฺหา จาติ อิเม ทฺเว ธมฺมา. ทฺวเยนาติ ตณฺหาลกฺขณวเสน เอกภาวํ คตาปิ วฏฺฏมูลสมุทาจารวเสน ทฺวีหิ โกฏฺาเสหิ เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ, เวทนาปจฺจเยน เอกปจฺจยาติ อตฺโถ. ติวิธฺหิ สโมสรณํ โอสรณสโมสรณํ, สหชาตสโมสรณํ, ปจฺจยสโมสรณฺจ. ตตฺถ – ‘‘อถ ¶ โข สพฺพานิ ตานิ กามสโมสรณานิ ภวนฺตี’’ติ อิทํ โอสรณสโมสรณํ นาม. ‘‘ฉนฺทมูลกา, อาวุโส, เอเต ธมฺมา ผสฺสสมุทยา เวทนาสโมสรณา’’ติ (อ. นิ. ๘.๘๓) อิทํ สหชาตสโมสรณํ นาม. ‘‘ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา’’ติ อิทํ ปน ปจฺจยสโมสรณนฺติ เวทิตพฺพํ.
๑๑๓. จกฺขุสมฺผสฺโสติ ¶ อาทโย สพฺเพ วิปากผสฺสาเยว. เตสุ เปตฺวา จตฺตาโร โลกุตฺตรวิปากผสฺเส อวเสสา ทฺวตฺตึส ผสฺสา โหนฺติ. ยทิทํ ผสฺโสติ เอตฺถ ปน ผสฺโส พหุธา เวทนาย ปจฺจโย โหติ.
๑๑๔. เยหิ, อานนฺท, อากาเรหีติอาทีสุ อาการา วุจฺจนฺติ เวทนาทีนํ อฺมฺํ อสทิสสภาวา. เตเยว สาธุกํ ทสฺสิยมานา ตํ ตํ ลีนมตฺถํ คเมนฺตีติ ลิงฺคานิ. ตสฺส ตสฺส สฺชานนเหตุโต นิมิตฺตานิ. ตถา ตถา อุทฺทิสิตพฺพโต อุทฺเทสา ¶ . ตสฺมา อยเมตฺถ อตฺโถ – ‘‘อานนฺท, เยหิ อากาเรหิ…เป… เยหิ อุทฺเทเสหิ นามกายสฺส นามสมูหสฺส ปฺตฺติ โหติ, ยา เอสา จ เวทนาย เวทยิตากาเร เวทยิตลิงฺเค เวทยิตนิมิตฺเต เวทนาติ อุทฺเทเส สติ, สฺาย สฺชานนากาเร สฺชานนลิงฺเค สฺชานนนิมิตฺเต สฺาติ อุทฺเทเส สติ, สงฺขารานํ เจตนากาเร เจตนาลิงฺเค เจตนานิมิตฺเต เจตนาติ อุทฺเทเส สติ, วิฺาณสฺส วิชานนากาเร วิชานนลิงฺเค วิชานนนิมิตฺเต วิฺาณนฺติ อุทฺเทเส สติ – ‘อยํ นามกาโย’ติ นามกายสฺส ปฺตฺติ โหติ. เตสุ นามกายปฺปฺตฺติเหตูสุ เวทนาทีสุ อาการาทีสุ อสติ อปิ นุ โข รูปกาเย อธิวจนสมฺผสฺโส ปฺาเยถ? ยฺวายํ จตฺตาโร ขนฺเธ วตฺถุํ กตฺวา มโนทฺวาเร อธิวจนสมฺผสฺสเววจโน มโนสมฺผสฺโส อุปฺปชฺชติ, อปิ นุ โข โส รูปกาเย ปฺาเยถ, ปฺจ ปสาเท วตฺถุํ กตฺวา กตฺวา อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ. อถ อายสฺมา อานนฺโท อมฺพรุกฺเข อสติ ชมฺพุรุกฺขโต อมฺพปกฺกสฺส อุปฺปตฺตึ วิย รูปกายโต ตสฺส อุปฺปตฺตึ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต โน เหตํ ภนฺเตติ อาห.
ทุติยปฺเห รุปฺปนาการรุปฺปนลิงฺครุปฺปนนิมิตฺตวเสน รูปนฺติ อุทฺเทสวเสน จ อาการาทีนํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปฏิฆสมฺผสฺโสติ สปฺปฏิฆํ รูปกฺขนฺธํ วตฺถุํ กตฺวา อุปฺปชฺชนกสมฺผสฺโส. อิธาปิ เถโร ชมฺพุรุกฺเข อสติ อมฺพรุกฺขโต ชมฺพุปกฺกสฺส อุปฺปตฺตึ วิย นามกายโต ตสฺส อุปฺปตฺตึ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อาห.
ตติยปฺโห ¶ ¶ อุภยวเสเนว วุตฺโต. ตตฺร เถโร อากาเส อมฺพชมฺพุปกฺกานํ อุปฺปตฺตึ วิย นามรูปาภาเว ทฺวินฺนมฺปิ ผสฺสานํ อุปฺปตฺตึ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อาห.
เอวํ ทฺวินฺนํ ผสฺสานํ วิสุํ วิสุํ ปจฺจยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ อวิเสสโต นามรูปปจฺจยตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘เยหิ อานนฺท อากาเรหี’’ติ จตุตฺถํ ปฺหํ อารภิ. ยทิทํ นามรูปนฺติ ยํ อิทํ นามรูปํ, ยํ อิทํ ฉสุปิ ทฺวาเรสุ นามรูปํ, เอเสว เหตุ เอเสว ปจฺจโยติ อตฺโถ. จกฺขุทฺวาราทีสุ หิ จกฺขาทีนิ เจว รูปารมฺมณาทีนิ จ รูปํ, สมฺปยุตฺตกา ขนฺธา นามนฺติ เอวํ ปฺจวิโธปิ โส ผสฺโส นามรูปปจฺจยาว ¶ ผสฺโส. มโนทฺวาเรปิ หทยวตฺถฺุเจว ยฺจ รูปํ อารมฺมณํ โหติ, อิทํ รูปํ. สมฺปยุตฺตธมฺมา เจว ยฺจ อรูปํ อารมฺมณํ โหติ, อิทํ อรูปํ นาม. เอวํ มโนสมฺผสฺโสปิ นามรูปปจฺจยา ผสฺโสติ เวทิตพฺโพ. นามรูปํ ปนสฺส พหุธา ปจฺจโย โหติ.
๑๑๕. น โอกฺกมิสฺสถาติ ปวิสิตฺวา ปวตฺตมานํ วิย ปฏิสนฺธิวเสน น วตฺติสฺสถ. สมุจฺจิสฺสถาติ ปฏิสนฺธิวิฺาเณ อสติ อปิ นุ โข สุทฺธํ อวเสสํ นามรูปํ อนฺโตมาตุกุจฺฉิสฺมึ กลลาทิภาเวน สมุจฺจิตํ มิสฺสกภูตํ หุตฺวา วตฺติสฺสถ. โอกฺกมิตฺวา โวกฺกมิสฺสถาติ ปฏิสนฺธิวเสน โอกฺกมิตฺวา จุติวเสน โวกฺกมิสฺสถ, นิรุชฺฌิสฺสถาติ อตฺโถ. โส ปนสฺส นิโรโธ น ตสฺเสว จิตฺตสฺส นิโรเธน, น ตโต ทุติยตติยานํ นิโรเธน โหติ. ปฏิสนฺธิจิตฺเตน หิ สทฺธึ สมุฏฺิตานิ สมตึส กมฺมชรูปานิ นิพฺพตฺตนฺติ. เตสุ ปน ิเตสุเยว โสฬส ภวงฺคจิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ. เอตสฺมึ อนฺตเร คหิตปฏิสนฺธิกสฺส ทารกสฺส วา มาตุยา วา ปนสฺส อนฺตราโย นตฺถิ. อยฺหิ อโนกาโส นาม. สเจ ปน ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานิ สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส ปจฺจยํ ทาตุํ สกฺโกนฺติ, ปวตฺติ ปวตฺตติ, ปเวณี ฆฏิยติ. สเจ ปน น สกฺโกนฺติ, ปวตฺติ นปฺปวตฺตติ, ปเวณี น ฆฏิยติ, โวกฺกมติ นาม โหติ. ตํ สนฺธาย ‘‘โอกฺกมิตฺวา โวกฺกมิสฺสถา’’ติ วุตฺตํ.
อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวาย, เอวํ ปริปุณฺณปฺจกฺขนฺธภาวายาติ อตฺโถ. ทหรสฺเสว สโตติ มนฺทสฺส พาลสฺเสว สนฺตสฺส. โวจฺฉิชฺชิสฺสถาติ อุปจฺฉิชฺชิสฺสถ ¶ วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลนฺติ วิฺาเณ อุปจฺฉินฺเน สุทฺธํ นามรูปเมว อุฏฺหิตฺวา ปมวยวเสน วุฑฺฒึ, มชฺฌิมวยวเสน วิรูฬฺหึ, ปจฺฉิมวยวเสน เวปุลฺลํ อปิ นุ โข อาปชฺชิสฺสถาติ. ทสวสฺสวีสติวสฺสวสฺสสตวสฺสสหสฺสสมฺปาปเนน ¶ วา อปิ นุ โข วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถาติ อตฺโถ.
ตสฺมาติหานนฺทาติ ยสฺมา มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหเณปิ ¶ กุจฺฉิวาเสปิ กุจฺฉิโต นิกฺขมเนปิ, ปวตฺติยํ ทสวสฺสาทิกาเลปิ วิฺาณเมวสฺส ปจฺจโย, ตสฺมา เอเสว เหตุ เอส ปจฺจโย นามรูปสฺส, ยทิทํ วิฺาณํ. ยถา หิ ราชา อตฺตโน ปริสํ นิคฺคณฺหนฺโต เอวํ วเทยฺย – ‘‘ตฺวํ อุปราชา, ตฺวํ เสนาปตีติ เกน กโต นนุ มยา กโต, สเจ หิ มยิ อกโรนฺเต ตฺวํ อตฺตโน ธมฺมตาย อุปราชา วา เสนาปติ วา ภเวยฺยาสิ, ชาเนยฺยาม โว พล’’นฺติ; เอวเมว วิฺาณํ นามรูปสฺส ปจฺจโย โหติ. อตฺถโต เอวํ นามรูปํ วทติ วิย ‘‘ตฺวํ นามํ, ตฺวํ รูปํ, ตฺวํ นามรูปํ นามาติ เกน กตํ, นนุ มยา กตํ, สเจ หิ มยิ ปุเรจาริเก หุตฺวา มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคณฺหนฺเต ตฺวํ นามํ วา รูปํ วา นามรูปํ วา ภเวยฺยาสิ, ชาเนยฺยาม โว พล’’นฺติ. ตํ ปเนตํ วิฺาณํ นามรูปสฺส พหุธา ปจฺจโย โหติ.
๑๑๖. ทุกฺขสมุทยสมฺภโวติ ทุกฺขราสิสมฺภโว. ยทิทํ นามรูปนฺติ ยํ อิทํ นามรูปํ, เอเสว เหตุ เอส ปจฺจโย. ยถา หิ ราชปุริสา ราชานํ นิคฺคณฺหนฺโต เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘ตฺวํ ราชาติ เกน กโต, นนุ มยา กโต, สเจ หิ มยิ อุปราชฏฺาเน, มยิ เสนาปติฏฺาเน อติฏฺนฺเต ตฺวํ เอกโกว ราชา ภเวยฺยาสิ, ปสฺเสยฺยาม เต ราชภาว’’นฺติ; เอวเมว นามรูปมฺปิ อตฺถโต เอวํ วิฺาณํ วทติ วิย ‘‘ตฺวํ ปฏิสนฺธิวิฺาณนฺติ เกน กตํ, นนุ อมฺเหหิ กตํ, สเจ หิ ตฺวํ ตโย ขนฺเธ หทยวตฺถฺุจ อนิสฺสาย ปฏิสนฺธิวิฺาณํ นาม ภเวยฺยาสิ, ปสฺเสยฺยาม เต ปฏิสนฺธิวิฺาณภาว’’นฺติ. ตฺจ ปเนตํ นามรูปํ วิฺาณสฺส พหุธา ปจฺจโย โหติ.
เอตฺตาวตา โขติ วิฺาเณ นามรูปสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, นามรูเป วิฺาณสฺส ปจฺจเย โหนฺเต, ทฺวีสุ อฺมฺปจฺจยวเสน ปวตฺเตสุ เอตฺตเกน ¶ ชาเยถ วา…เป… อุปปชฺเชถ วา, ชาติอาทโย ปฺาเยยฺยุํ อปราปรํ วา จุติปฏิสนฺธิโยติ.
อธิวจนปโถติ ‘‘สิริวฑฺฒโก ธนวฑฺฒโก’’ติอาทิกสฺส อตฺถํ อทิสฺวา วจนมตฺตเมว อธิกิจฺจ ปวตฺตสฺส โวหารสฺส ปโถ. นิรุตฺติปโถติ สรตีติ สโต, สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโนติอาทิกสฺส ¶ การณาปเทสวเสน ปวตฺตสฺส โวหารสฺส ปโถ. ปฺตฺติปโถติ – ‘‘ปณฺฑิโต ¶ พฺยตฺโต เมธาวี นิปุโณ กตปรปฺปวาโท’’ติอาทิกสฺส นานปฺปการโต าปนวเสน ปวตฺตสฺส โวหารสฺส ปโถ. อิติ ตีหิ ปเทหิ อธิวจนาทีนํ วตฺถุภูตา ขนฺธาว กถิตา. ปฺาวจรนฺติ ปฺาย อวจริตพฺพํ ชานิตพฺพํ. วฏฺฏํ วตฺตตีติ สํสารวฏฺฏํ วตฺตติ. อิตฺถตฺตนฺติ อิตฺถํภาโว, ขนฺธปฺจกสฺเสตํ นามํ. ปฺาปนายาติ นามปฺตฺตตฺถาย. ‘‘เวทนา สฺา’’ติอาทินา นามปฺตฺตตฺถาย, ขนฺธปฺจกมฺปิ เอตฺตาวตา ปฺายตีติ อตฺโถ. ยทิทํ นามรูปํ สห วิฺาเณนาติ ยํ อิทํ นามรูปํ สห วิฺาเณน อฺมฺปจฺจยตาย ปวตฺตติ, เอตฺตาวตาติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺเหตฺถ นิยฺยาติตวจนํ.
อตฺตปฺตฺติวณฺณนา
๑๑๗. อิติ ภควา – ‘‘คมฺภีโร จายํ, อานนฺท, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, คมฺภีราวภาโส จา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘กิตฺตาวตา จา’’ติอาทิกํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ รูปึ วา หิ, อานนฺท, ปริตฺตํ อตฺตานนฺติอาทีสุ โย อวฑฺฒิตํ กสิณนิมิตฺตํ อตฺตาติ คณฺหาติ, โส รูปึ ปริตฺตํ ปฺเปติ. โย ปน นานากสิณลาภี โหติ, โส ตํ กทาจิ นีโล, กทาจิ ปีตโกติ ปฺเปติ. โย วฑฺฒิตํ กสิณนิมิตฺตํ อตฺตาติ คณฺหาติ, โส รูปึ อนนฺตํ ปฺเปติ. โย วา ปน อวฑฺฒิตํ กสิณนิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏตฺวา นิมิตฺตผุฏฺโกาสํ วา ตตฺถ ปวตฺเต จตฺตาโร ขนฺเธ วา เตสุ วิฺาณมตฺตเมว วา อตฺตาติ คณฺหาติ, โส อรูปึ ปริตฺตํ ปฺเปติ. โย วฑฺฒิตํ นิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏตฺวา นิมิตฺตผุฏฺโกาสํ วา ตตฺถ ปวตฺเต จตฺตาโร ขนฺเธ วา เตสุ วิฺาณมตฺตเมว วา อตฺตาติ คณฺหาติ, โส อรูปึ อนนฺตํ ปฺเปติ.
๑๑๘. ตตฺรานนฺทาติ ¶ เอตฺถ ตตฺราติ เตสุ จตูสุ ทิฏฺิคติเกสุ. เอตรหิ วาติ อิทาเนว, น อิโต ปรํ. อุจฺเฉทวเสเนตํ วุตฺตํ. ตตฺถภาวึ วาติ ตตฺถ วา ปรโลเก ภาวึ. สสฺสตวเสเนตํ วุตฺตํ. อตถํ วา ปน สนฺตนฺติ อตถสภาวํ สมานํ. ตถตฺตายาติ ตถภาวาย. อุปกปฺเปสฺสามีติ สมฺปาเทสฺสามิ. อิมินา วิวาทํ ทสฺเสติ. อุจฺเฉทวาที หิ ‘‘สสฺสตวาทิโน อตฺตานํ อตถํ อนุจฺเฉทสภาวมฺปิ สมานํ ตถตฺถาย ¶ อุจฺเฉทสภาวาย อุปกปฺเปสฺสามิ, สสฺสตวาทฺจ ชานาเปตฺวา อุจฺเฉทวาทเมว นํ คาเหสฺสามี’’ติ จินฺเตติ. สสฺสตวาทีปิ ‘‘อุจฺเฉทวาทิโน อตฺตานํ อตถํ อสสฺสตสภาวมฺปิ สมานํ ตถตฺถาย สสฺสตภาวาย อุปกปฺเปสฺสามิ, อุจฺเฉทวาทฺจ ชานาเปตฺวา สสฺสตวาทเมว นํ คาเหสฺสามี’’ติ จินฺเตติ.
เอวํ ¶ สนฺตํ โขติ เอวํ สมานํ รูปึ ปริตฺตํ อตฺตานํ ปฺเปนฺตนฺติ อตฺโถ. รูปินฺติ รูปกสิณลาภึ. ปริตฺตตฺตานุทิฏฺิ อนุเสตีติ ปริตฺโต อตฺตาติ อยํ ทิฏฺิ อนุเสติ, สา ปน น วลฺลิ วิย จ ลตา วิย จ อนุเสติ. อปฺปหีนฏฺเน อนุเสตีติ เวทิตพฺโพ. อิจฺจาลํ วจนายาติ ตํ ปุคฺคลํ เอวรูปา ทิฏฺิ อนุเสตีติ วตฺตุํ ยุตฺตํ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อรูปินฺติ เอตฺถ ปน อรูปกสิณลาภึ, อรูปกฺขนฺธโคจรํ วาติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอตฺตาวตา ลาภิโน จตฺตาโร, เตสํ อนฺเตวาสิกา จตฺตาโร, ตกฺกิกา จตฺตาโร, เตสํ อนฺเตวาสิกา จตฺตาโรติ อตฺตโต โสฬส ทิฏฺิคติกา ทสฺสิตา โหนฺติ.
นอตฺตปฺตฺติวณฺณนา
๑๑๙. เอวํ เย อตฺตานํ ปฺเปนฺติ, เต ทสฺเสตฺวา อิทานิ เย น ปฺเปนฺติ, เต ทสฺเสตุํ – ‘‘กิตฺตาวตา จ อานนฺทา’’ติอาทิมาห. เก ปน น ปฺเปนฺติ? สพฺเพ ตาว อริยปุคฺคลา น ปฺเปนฺติ. เย จ พหุสฺสุตา ติปิฏกธรา ทฺวิปิฏกธรา เอกปิฏกธรา, อนฺตมโส เอกนิกายมฺปิ สาธุกํ วินิจฺฉินิตฺวา อุคฺคหิตธมฺมกถิโกปิ อารทฺธวิปสฺสโกปิ ปุคฺคโล, เต น ปฺเปนฺติเยว. เอเตสฺหิ ปฏิภาคกสิเณ ปฏิภาคกสิณมิจฺเจว าณํ โหติ. อรูปกฺขนฺเธสุ จ อรูปกฺขนฺธา อิจฺเจว.
อตฺตสมนุปสฺสนาวณฺณนา
๑๒๑. เอวํ ¶ เย น ปฺเปนฺติ, เต ทสฺเสตฺวา อิทานิ เย เต ปฺเปนฺติ, เต ยสฺมา ทิฏฺิวเสน สมนุปสฺสิตฺวา ปฺเปนฺติ, สา จ เนสํ สมนุปสฺสนา วีสติวตฺถุกาย สกฺกายทิฏฺิยา อปฺปหีนตฺตา โหติ, ตสฺมา ตํ วีสติวตฺถุกํ สกฺกายทิฏฺึ ทสฺเสตุํ ปุน กิตฺตาวตา จ อานนฺทาติอาทิมาห.
ตตฺถ เวทนํ วา หีติ อิมินา เวทนากฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ กถิตา. อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตาติ อิมินา รูปกฺขนฺธวตฺถุกา. อตฺตา เม เวทิยติ, เวทนาธมฺโม หิ เม อตฺตาติ อิมินา สฺาสงฺขารวิฺาณกฺขนฺธวตฺถุกา ¶ . อิทฺหิ ขนฺธตฺตยํ เวทนาสมฺปยุตฺตตฺตา เวทิยติ. เอตสฺส จ เวทนาธมฺโม อวิปฺปยุตฺตสภาโว.
๑๒๒. อิทานิ ¶ ตตฺถ โทสํ ทสฺเสนฺโต – ‘‘ตตฺรานนฺทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺราติ เตสุ ตีสุ ทิฏฺิคติเกสุ. ยสฺมึ, อานนฺท, สมเยติอาทิ โย โย ยํ ยํ เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสติ, ตสฺส ตสฺส อตฺตโน กทาจิ ภาวํ, กทาจิ อภาวนฺติ เอวมาทิโทสทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ.
๑๒๓. อนิจฺจาทีสุ หุตฺวา อภาวโต อนิจฺจา. เตหิ เตหิ การเณหิ สงฺคมฺม สมาคมฺม กตาติ สงฺขตา. ตํ ตํ ปจฺจยํ ปฏิจฺจ สมฺมา การเณเนว อุปฺปนฺนาติ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา. ขโยติอาทิ สพฺพํ ภงฺคสฺส เววจนํ. ยฺหิ ภิชฺชติ, ตํ ขิยติปิ วยติปิ วิรชฺฌติปิ นิรุชฺฌติปิ, ตสฺมา ขยธมฺมาติอาทิ วุตฺตํ.
พฺยคา เมติ วิอคาติ พฺยคา, วิคโต นิรุทฺโธ เม อตฺตาติ อตฺโถ. กึ ปน เอกสฺเสว ตีสุปิ กาเลสุ – ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ โหตีติ, กึ ปน น ภวิสฺสติ? ทิฏฺิคติกสฺส หิ ถุสราสิมฺหิ นิกฺขิตฺตขาณุกสฺเสว นิจฺจลตา นาม นตฺถิ, วนมกฺกโฏ วิย อฺํ คณฺหาติ, อฺํ มฺุจติ. อนิจฺจสุขทุกฺขโวกิณฺณนฺติ วิเสเสน ตํ ตํ เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสนฺโต อนิจฺจฺเจว สุขฺจ ทุกฺขฺจ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ อวิเสเสน เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสนฺโต โวกิณฺณํ อุปฺปาทวยธมฺมํ ¶ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ. เวทนา หิ ติวิธา เจว อุปฺปาทวยธมฺมา จ, ตฺเจส อตฺตาติ สมนุปสฺสติ. อิจฺจสฺส อนิจฺโจ เจว อตฺตา อาปชฺชติ, เอกกฺขเณ จ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปาโท. ตํ โข ปเนส อนิจฺจํ อตฺตานํ อนุชานาติ, น เอกกฺขเณ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปตฺติ อตฺถิ. อิมมตฺถํ สนฺธาย – ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเตนเปตํ นกฺขมติ ‘เวทนา เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสิตุ’’นฺติ วุตฺตํ.
๑๒๔. ยตฺถ ปนาวุโสติ ยตฺถ สุทฺธรูปกฺขนฺเธ สพฺพโส เวทยิตํ นตฺถิ. อปิ นุ โข ตตฺถาติ อปิ นุ โข ตสฺมึ เวทนาวิรหิเต ตาลวณฺเฏ วา วาตปาเน วา อสฺมีติ เอวํ อหํกาโร อุปฺปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. ตสฺมาติหานนฺทาติ ยสฺมา สุทฺธรูปกฺขนฺโธ อุฏฺาย อหมสฺมีติ น วทติ, ตสฺมา เอเตนปิ เอตํ นกฺขมตีติ อตฺโถ. อปิ นุ โข ตตฺถ อยมหมสฺมีติ สิยาติ อปิ นุ โข เตสุ ¶ เวทนาธมฺเมสุ ตีสุ ขนฺเธสุ เอกธมฺโมปิ อยํ นาม อหมสฺมีติ เอวํ วตฺตพฺโพ สิยา. อถ วา เวทนานิโรธา สเหว เวทนาย นิรุทฺเธสุ เตสุ ตีสุ ขนฺเธสุ อปิ นุ โข อยมหมสฺมีติ วา อหมสฺมีติ วา อุปฺปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. อถายสฺมา อานนฺโท สสวิสาณสฺส ติขิณภาวํ วิย ตํ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต โน เหตํ ภนฺเตติ อาห.
เอตฺตาวตา ¶ กึ กถิตํ โหติ? วฏฺฏกถา กถิตา โหติ. ภควา หิ วฏฺฏกถํ กเถนฺโต กตฺถจิ อวิชฺชาสีเสน กเถสิ, กตฺถจิ ตณฺหาสีเสน, กตฺถจิ ทิฏฺิสีเสน. ตตฺถ ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ นปฺปฺายติ อวิชฺชาย, ‘อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ. เอวฺจิทํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ. อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา อวิชฺชา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๑) เอวํ อวิชฺชาสีเสน กถิตา. ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ นปฺปฺายติ ภวตณฺหาย, ‘อิโต ปุพฺเพ ภวตณฺหา นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ. เอวฺจิทํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ. อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา ภวตณฺหา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๖๒) เอวํ ตณฺหาสีเสน กถิตา. ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ นปฺปฺายติ ภวทิฏฺิยา, ‘อิโต ปุพฺเพ ภวทิฏฺิ นาโหสิ, อถ ปจฺฉา สมภวี’ติ, เอวฺจิทํ, ภิกฺขเว, วุจฺจติ. อถ จ ปน ปฺายติ อิทปฺปจฺจยา ภวทิฏฺี’’ติ เอวํ ทิฏฺิสีเสน กถิตา. อิธาปิ ทิฏฺิสีเสเนว กถิตา.
ทิฏฺิคติโก ¶ หิ สุขาทิเวทนํ อตฺตาติ คเหตฺวา อหงฺการมมงฺการปรามาสวเสน สพฺพภวโยนิคติ – วิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ ตโต ตโต จวิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อุปปชฺชนฺโต มหาสมุทฺเท วาตุกฺขิตฺตนาวา วิย สตตํ สมิตํ ปริพฺภมติ, วฏฺฏโต สีสํ อุกฺขิปิตุํเยว น สกฺโกติ.
๑๒๖. อิติ ภควา ปจฺจยาการมูฬฺหสฺส ทิฏฺิคติกสฺส เอตฺตเกน กถามคฺเคน วฏฺฏํ กเถตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ กเถนฺโต ยโต โข ปน, อานนฺท, ภิกฺขูติอาทิมาห.
ตฺจ ปน วิวฏฺฏกถํ ภควา เทสนาสุ กุสลตฺตา วิสฺสฏฺกมฺมฏฺานํ นวกมฺมาทิวเสน วิกฺขิตฺตปุคฺคลํ อนามสิตฺวา การกสฺส สติปฏฺานวิหาริโน ปุคฺคลสฺส วเสน อารภนฺโต เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสตีติอาทิมาห. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ – ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริกํ วา สุขุมํ ¶ วา หีนํ วา ปณีตํ วา ยํ ทูเร วา สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ อนิจฺจโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. ทุกฺขโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสนํ. อนตฺตโต ววตฺถเปติ, เอกํ สมฺมสน’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตสฺส สมฺมสนาณสฺส วเสน สพฺพธมฺเมสุ ปวตฺตตฺตา เนว เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสติ, น อฺํ, โส เอวํ อสมนุปสฺสนฺโต น กิฺจิ โลเก อุปาทิยตีติ ขนฺธโลกาทิเภเท โลเก รูปาทีสุ ธมฺเมสุ กิฺจิ เอกธมฺมมฺปิ อตฺตาติ วา อตฺตนิยนฺติ วา น อุปาทิยติ.
อนุปาทิยํ ¶ น ปริตสฺสตีติ อนุปาทิยนฺโต ตณฺหาทิฏฺิมานปริตสฺสนายาปิ น ปริตสฺสติ. อปริตสฺสนฺติ อปริตสฺสมาโน. ปจฺจตฺตํเยว ปรินิพฺพายตีติ อตฺตนาว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายติ. เอวํ ปรินิพฺพุตสฺส ปนสฺส ปจฺจเวกฺขณาปวตฺติทสฺสนตฺถํ ขีณา ชาตีติอาทิ วุตฺตํ.
อิติ สา ทิฏฺีติ ยา ตถาวิมุตฺตสฺส อรหโต ทิฏฺิ, สา เอวํ ทิฏฺิ. ‘‘อิติสฺส ทิฏฺี’’ติปิ ปาโ. โย ตถาวิมุตฺโต อรหา, เอวมสฺส ทิฏฺีติ อตฺโถ. ตทกลฺลนฺติ ตํ น ยุตฺตํ. กสฺมา? เอวฺหิ สติ – ‘‘อรหา น กิฺจิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ ภเวยฺย, เอวํ ตฺวา วิมุตฺตฺจ อรหนฺตํ ‘‘น กิฺจิ ชานาตี’’ติ วตฺตุํ ¶ น ยุตฺตํ. เตเนว จตุนฺนมฺปิ นยานํ อวสาเน – ‘‘ตํ กิสฺส เหตู’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ยาวตา อานนฺท อธิวจนนฺติ ยตฺตโก อธิวจนสงฺขาโต โวหาโร อตฺถิ. ยาวตา อธิวจนปโถติ ยตฺตโก อธิวจนสฺส ปโถ, ขนฺธา อายตนานิ ธาตุโย วา อตฺถิ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ปฺาวจรนฺติ ปฺาย อวจริตพฺพํ ขนฺธปฺจกํ. ตทภิฺาติ ตํ อภิชานิตฺวา. เอตฺตเกน ภควตา กึ ทสฺสิตํ? ตนฺตากุลปทสฺเสว อนุสนฺธิ ทสฺสิโต.
สตฺตวิฺาณฏฺิติวณฺณนา
๑๒๗. อิทานิ โย – ‘‘น ปฺเปตี’’ติ วุตฺโต, โส ยสฺมา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต นาม โหติ. โย จ – ‘‘น สมนุปสฺสตี’’ติ วุตฺโต, โส ยสฺมา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต ปฺาวิมุตฺโต นาม โหติ. ตสฺมา เตสํ เหฏฺา วุตฺตานํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ นิคมนฺจ นามฺจ ทสฺเสตุํ สตฺต โข อิมานนฺท วิฺาณฏฺิติโยติอาทิมาห.
ตตฺถ สตฺตาติ ปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตา, อารมฺมณวเสน สงฺคีติสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๓๑๑) วุตฺตา จตสฺโส อาคมิสฺสนฺติ. วิฺาณํ ติฏฺติ เอตฺถาติ ¶ วิฺาณฏฺิติ, วิฺาณปติฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ. ทฺเว จ อายตนานีติ ทฺเว นิวาสฏฺานานิ. นิวาสฏฺานฺหิ อิธายตนนฺติ อธิปฺเปตํ. เตเนว วกฺขติ – ‘‘อสฺสตฺตายตนํ เนวสฺานาสฺายตนเมว ทุติย’’นฺติ. กสฺมา ปเนตํ สพฺพํ คหิตนฺติ? วฏฺฏปริยาทานตฺถํ. วฏฺฏฺหิ น สุทฺธวิฺาณฏฺิติวเสน สุทฺธายตนวเสน วา ปริยาทานํ คจฺฉติ, ภวโยนิคติสตฺตาวาสวเสน ปน คจฺฉติ, ตสฺมา สพฺพเมตํ คหิตํ.
อิทานิ ¶ อนุกฺกเมน ตมตฺถํ วิภชนฺโต กตมา สตฺตาติอาทิมาห. ตตฺถ เสยฺยถาปีติ นิทสฺสนตฺเถ นิปาโต, ยถา มนุสฺสาติ อตฺโถ. อปริมาเณสุ หิ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณานํ มนุสฺสานํ วณฺณสณฺานาทิวเสน ทฺเวปิ เอกสทิสา นตฺถิ. เยปิ หิ กตฺถจิ ยมกภาตโร วณฺเณน วา สณฺาเนน วา เอกสทิสา โหนฺติ, เตสมฺปิ อาโลกิตวิโลกิตกถิตหสิตคมนานาทีหิ วิเสโส โหติเยว. ตสฺมา ¶ นานตฺตกายาติ วุตฺตา. ปฏิสนฺธิสฺา ปน เนสํ ติเหตุกาปิ ทฺวิเหตุกาปิ อเหตุกาปิ โหนฺติ, ตสฺมา นานตฺตสฺิโนติ วุตฺตา. เอกจฺเจ จ เทวาติ ฉ กามาวจรเทวา. เตสุ หิ เกสฺจิ กาโย นีโล โหติ, เกสฺจิ ปีตกาทิวณฺโณ. สฺา ปน เนสํ ทฺวิเหตุกาปิ ติเหตุกาปิ โหนฺติ, อเหตุกา นตฺถิ. เอกจฺเจ จ วินิปาติกาติ จตุอปายวินิมุตฺตา อุตฺตรมาตา ยกฺขินี, ปิยงฺกรมาตา, ผุสฺสมิตฺตา, ธมฺมคุตฺตาติ เอวมาทิกา อฺเ จ เวมานิกา เปตา. เอเตสฺหิ ปีตโอทาตกาฬมงฺคุรจฺฉวิสามวณฺณาทิวเสน เจว กิสถูลรสฺสทีฆวเสน จ กาโย นานา โหติ, มนุสฺสานํ วิย ทฺวิเหตุกติเหตุกอเหตุกวเสน สฺาปิ. เต ปน เทวา วิย น มเหสกฺขา, กปณมนุสฺสา วิย อปฺเปสกฺขา, ทุลฺลภฆาสจฺฉาทนา ทุกฺขปีฬิตา วิหรนฺติ. เอกจฺเจ กาฬปกฺเข ทุกฺขิตา ชุณฺหปกฺเข สุขิตา โหนฺติ, ตสฺมา สุขสมุสฺสยโต วินิปติตตฺตา วินิปาติกาติ วุตฺตา. เย ปเนตฺถ ติเหตุกา เตสํ ธมฺมาภิสมโยปิ โหติ, ปิยงฺกรมาตา หิ ยกฺขินี ปจฺจูสสมเย อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ธมฺมํ สชฺฌายโต สุตฺวา –
‘‘มา ¶ สทฺทมกริ ปิยงฺกร, ภิกฺขุ ธมฺมปทานิ ภาสติ;
อปิ ธมฺมปทํ วิชานิย, ปฏิปชฺเชม หิตาย โน สิยา;
ปาเณสุ จ สํยมามเส, สมฺปชานมุสา น ภณามเส;
สิกฺเขม สุสีลฺยมตฺตโน, อปิ มุจฺเจม ปิสาจโยนิยา’’ติ. (สํ. นิ. ๒.๔๐);
เอวํ ปุตฺตกํ สฺาเปตฺวา ตํ ทิวสํ โสตาปตฺติผลํ ปตฺตา. อุตฺตรมาตา ปน ภควโต ธมฺมํ สุตฺวาว โสตาปนฺนา ชาตา.
พฺรหฺมกายิกาติ พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมาโน. ปมาภินิพฺพตฺตาติ เต สพฺเพปิ ปเมน ฌาเนน อภินิพฺพตฺตา. เตสุ พฺรหฺมปาริสชฺชา ปน ปริตฺเตน อภินิพฺพตฺตา, เตสํ กปฺปสฺส ตติโย ภาโค อายุปฺปมาณํ. พฺรหฺมปุโรหิตา มชฺฌิเมน, เตสํ อุปฑฺฒกปฺโป อายุปฺปมาณํ, กาโย ¶ จ เตสํ วิปฺผาริกตโร โหติ. มหาพฺรหฺมาโน ปณีเตน, เตสํ กปฺโป อายุปฺปมาณํ, กาโย ปน เตสํ อติวิปฺผาริโก โหติ. อิติ เต กายสฺส นานตฺตา, ปมชฺฌานวเสน สฺาย เอกตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโนติ เวทิตพฺพา.
ยถา ¶ จ เต, เอวํ จตูสุ อปาเยสุ สตฺตา. นิรเยสุ หิ เกสฺจิ คาวุตํ, เกสฺจิ อฑฺฒโยชนํ, เกสฺจิ โยชนํ อตฺตภาโว โหติ, เทวทตฺตสฺส ปน โยชนสติโก ชาโต. ติรจฺฉาเนสุปิ เกจิ ขุทฺทกา, เกจิ มหนฺตา. เปตฺติวิสเยปิ เกจิ สฏฺิหตฺถา, เกจิ สตฺตติหตฺถา, เกจิ อสีติหตฺถา โหนฺติ, เกจิ สุวณฺณา, เกจิ ทุพฺพณฺณา โหนฺติ. ตถา กาลกฺชิกา อสุรา. อปิ เจตฺถ ทีฆปิฏฺิกเปตา นาม สฏฺิโยชนิกาปิ โหนฺติ. สฺา ปน สพฺเพสมฺปิ อกุสลวิปากอเหตุกาว โหนฺติ. อิติ อาปายิกาปิ นานตฺตกายา เอกตฺตสฺิโนตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ.
อาภสฺสราติ ทณฺฑอุกฺกาย อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ วิสฺสรตีติ อาภสฺสรา. เตสุ ปฺจกนเยน ทุติยตติยชฺฌานทฺวยํ ปริตฺตํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา ปริตฺตาภา นาม โหนฺติ, เตสํ ทฺเว กปฺปา อายุปฺปมาณํ. มชฺฌิมํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา อปฺปมาณาภา นาม โหนฺติ, เตสํ จตฺตาโร กปฺปา อายุปฺปมาณํ. ปณีตํ ภาเวตฺวา อุปปนฺนา อาภสฺสรา ¶ นาม โหนฺติ, เตสํ อฏฺ กปฺปา อายุปฺปมาณํ. อิธ ปน อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน สพฺเพปิ เต คหิตา. สพฺเพสฺหิ เตสํ กาโย เอกวิปฺผาโรว โหติ, สฺา ปน อวิตกฺกวิจารมตฺตา วา อวิตกฺกอวิจารา วาติ นานา.
สุภกิณฺหาติ สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา, สุเภน สรีรปฺปภาวณฺเณน เอกคฺฆนาติ อตฺโถ. เอเตสฺหิ อาภสฺสรานํ วิย น ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปภา คจฺฉติ. ปฺจกนเย ปน ปริตฺตมชฺฌิมปณีตสฺส จตุตฺถชฺฌานสฺส วเสน โสฬสทฺวตฺตึสจตุสฏฺิกปฺปายุกา ปริตฺตสุภอปฺปมาณสุภสุภกิณฺหา นาม หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ. อิติ สพฺเพปิ เต เอกตฺตกายา เจว จตุตฺถชฺฌานสฺาย เอกตฺตสฺิโน จาติ เวทิตพฺพา. เวหปฺผลาปิ จตุตฺถวิฺาณฏฺิติเมว ภชนฺติ. อสฺสตฺตา วิฺาณาภาวา เอตฺถ สงฺคหํ น คจฺฉนฺติ, สตฺตาวาเสสุ คจฺฉนฺติ.
สุทฺธาวาสา วิวฏฺฏปกฺเข ิตา น สพฺพกาลิกา, กปฺปสตสหสฺสมฺปิ อสงฺขฺเยยฺยมฺปิ พุทฺธสฺุเ โลเก นุปฺปชฺชนฺติ. โสฬสกปฺปสหสฺสพฺภนฺตเร พุทฺเธสุ อุปฺปนฺเนสุเยว อุปฺปชฺชนฺติ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตสฺส ภควโต ขนฺธวารฏฺานสทิสา โหนฺติ. ตสฺมา เนว วิฺาณฏฺิตึ น สตฺตาวาสํ ¶ ภชนฺติ. มหาสีวตฺเถโร ปน – ‘‘น โข ปน โส สาริปุตฺต สตฺตาวาโส สุลภรูโป ¶ โย มยา อนิวุตฺถปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๐) อิมินา สุตฺเตน สุทฺธาวาสาปิ จตุตฺถวิฺาณฏฺิตึ จตุตฺถสตฺตาวาสํเยว ภชนฺตีติ วทติ, ตํ อปฺปฏิพาหิยตฺตา สุตฺตสฺส อนฺุาตํ.
สพฺพโส รูปสฺานนฺติอาทีนํ อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต. เนวสฺานาสฺายตนํ ปน ยเถว สฺาย, เอวํ วิฺาณสฺสปิ สุขุมตฺตา เนว วิฺาณํ นาวิฺาณํ. ตสฺมา วิฺาณฏฺิตีสุ อวตฺวา อายตเนสุ วุตฺตํ.
๑๒๘. ตตฺราติ ตาสุ วิฺาณฏฺิตีสุ. ตฺจ ปชานาตีติ ตฺจ วิฺาณฏฺิตึ ปชานาติ. ตสฺสา จ สมุทยนฺติ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๔๙) นเยน ตสฺสา สมุทยฺจ ปชานาติ. ตสฺสา จ อตฺถงฺคมนฺติ – ‘‘อวิชฺชานิโรธา ¶ รูปนิโรโธ’’ติอาทินา นเยน ตสฺสา อตฺถงฺคมฺจ ปชานาติ. อสฺสาทนฺติ ยํ รูปํ ปฏิจฺจ…เป… ยํ วิฺาณํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ วิฺาณสฺส อสฺสาโทติ, เอวํ ตสฺสา อสฺสาทฺจ ปชานาติ. อาทีนวนฺติ ยํ รูปํ…เป… ยํ วิฺาณํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, อยํ วิฺาณสฺส อาทีนโวติ, เอวํ ตสฺสา อาทีนวฺจ ปชานาติ. นิสฺสรณนฺติ โย รูปสฺมึ…เป… โย วิฺาเณ ฉนฺทราควินโย, ฉนฺทราคปฺปหานํ, อิทํ วิฺาณสฺส นิสฺสรณนฺติ (สํ. นิ. ๒.๒๖) เอวํ ตสฺสา นิสฺสรณฺจ ปชานาติ. กลฺลํ นุ เตนาติ ยุตฺตํ นุ เตน ภิกฺขุนา ตํ วิฺาณฏฺิตึ ตณฺหามานทิฏฺีนํ วเสน อหนฺติ วา มมนฺติ วา อภินนฺทิตุนฺติ. เอเตนุปาเยน สพฺพตฺถ เวทิตพฺโพ. ยตฺถ ปน รูปํ นตฺถิ, ตตฺถ จตุนฺนํ ขนฺธานํ วเสน, ยตฺถ วิฺาณํ นตฺถิ, ตตฺถ เอกสฺส ขนฺธสฺส วเสน สมุทโย โยเชตพฺโพ. อาหารสมุทยา อาหารนิโรธาติ อิทฺเจตฺถ ปทํ โยเชตพฺพํ.
ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขูติ ยทา โข อานนฺท, ภิกฺขุ. อนุปาทา วิมุตฺโตติ จตูหิ อุปาทาเนหิ อคฺคเหตฺวา วิมุตฺโต. ปฺาวิมุตฺโตติ ปฺาย วิมุตฺโต. อฏฺ วิโมกฺเข อสจฺฉิกตฺวา ปฺาพเลเนว นามกายสฺส จ รูปกายสฺส จ อปฺปวตฺตึ กตฺวา วิมุตฺโตติ อตฺโถ. โส สุกฺขวิปสฺสโก จ ปมชฺฌานาทีสุ อฺตรสฺมึ ตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต ¶ จาติ ปฺจวิโธ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล ปฺาวิมุตฺโต? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล น เหว โข อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปฺาวิมุตฺโต’’ติ (ปุ. ป. ๑๕).
อฏฺวิโมกฺขวณฺณนา
๑๒๙. เอวํ ¶ เอกสฺส ภิกฺขุโน นิคมนฺจ นามฺจ ทสฺเสตฺวา อิตรสฺส ทสฺเสตุํ อฏฺ โข อิเมติอาทิมาห. ตตฺถ วิโมกฺโขติ เกนฏฺเน วิโมกฺโข? อธิมุจฺจนฏฺเน. โก ปนายํ อธิมุจฺจนฏฺโ นาม? ปจฺจนีกธมฺเมหิ จ สุฏฺุ มุจฺจนฏฺโ, อารมฺมเณ จ อภิรติวเสน สุฏฺุ มุจฺจนฏฺโ, ปิตุองฺเก วิสฺสฏฺงฺคปจฺจงฺคสฺส ทารกสฺส สยนํ วิย อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อารมฺมเณ ปวตฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อยํ ปนตฺโถ ปจฺฉิเม ¶ วิโมกฺเข นตฺถิ, ปุริเมสุ สพฺเพสุ อตฺถิ.
รูปี รูปานิ ปสฺสตีติ เอตฺถ อชฺฌตฺตํ เกสาทีสุ นีลกสิณาทีสุ นีลกสิณาทิวเสน อุปฺปาทิตํ รูปชฺฌานํ รูปํ, ตทสฺสตฺถีติ รูปี. พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ พหิทฺธาปิ นีลกสิณาทีนิ รูปานิ ฌานจกฺขุนา ปสฺสติ. อิมินา อชฺฌตฺตพหิทฺธาวตฺถุเกสุ กสิเณสุ อุปฺปาทิตชฺฌานสฺส ปุคฺคลสฺส จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานิ ทสฺสิตานิ. อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อชฺฌตฺตํ น รูปสฺี, อตฺตโน เกสาทีสุ อนุปฺปาทิตรูปาวจรชฺฌาโนติ อตฺโถ. อิมินา พหิทฺธา ปริกมฺมํ กตฺวา พหิทฺธาว อุปฺปาทิตชฺฌานสฺส ปุคฺคลสฺส รูปาวจรชฺฌานานิ ทสฺสิตานิ.
สุภนฺตฺเวว อธิมุตฺโต โหตีติ อิมินา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ฌานานิ ทสฺสิตานิ. ตตฺถ กิฺจาปิ อนฺโตอปฺปนายํ สุภนฺติ อาโภโค นตฺถิ, โย ปน วิสุทฺธํ สุภํ กสิณมารมฺมณํ กริตฺวา วิหรติ, โส ยสฺมา สุภนฺติ อธิมุตฺโต โหตีติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, ตสฺมา เอวํ เทสนา กตา. ปฏิสมฺภิทามคฺเค ปน – ‘‘กถํ สุภนฺตฺเวว อธิมุตฺโต โหตีติ วิโมกฺโข? อิธ ภิกฺขุ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ…เป… เมตฺตาย ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฏิกูลา โหนฺติ. กรุณา, มุทิตา, อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ…เป… อุเปกฺขาย ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฏิกูลา ¶ โหนฺติ. เอวํ สุภํ ตฺเวว อธิมุตฺโต โหตีติ วิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๒) วุตฺตํ.
สพฺพโส รูปสฺานนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตเมว. อยํ อฏฺโม วิโมกฺโขติ อยํ จตุนฺนํ ขนฺธานํ สพฺพโส วิสุทฺธตฺตา วิมุตฺตตฺตา อฏฺโม อุตฺตโม วิโมกฺโข นาม.
๑๓๐. อนุโลมนฺติ ¶ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา. ปฏิโลมนฺติ ปริโยสานโต ปฏฺาย ยาว อาทิโต. อนุโลมปฏิโลมนฺติ อิทํ อติปคุณตฺตา สมาปตฺตีนํ อฏฺตฺวาว อิโต จิโต จ สฺจรณวเสน วุตฺตํ. ยตฺถิจฺฉกนฺติ โอกาสปริทีปนํ, ยตฺถ ยตฺถ โอกาเส อิจฺฉติ. ยทิจฺฉกนฺติ สมาปตฺติทีปนํ, ยํ ยํ สมาปตฺตึ อิจฺฉติ. ยาวติจฺฉกนฺติ อทฺธานปริจฺเฉททีปนํ ¶ , ยาวตกํ อทฺธานํ อิจฺฉติ. สมาปชฺชตีติ ตํ ตํ สมาปตฺตึ ปวิสติ. วุฏฺาตีติ ตโต อุฏฺาย ติฏฺติ.
อุภโตภาควิมุตฺโตติ ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุตฺโต, อรูปสมาปตฺติยา รูปกายโต วิมุตฺโต, มคฺเคน นามกายโต วิมุตฺโตติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อจฺจี ยถา วาตเวเคน ขิตฺตา, (อุปสิวาติ ภควา)
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ;
เอวํ มุนี นามกายา วิมุตฺโต,
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๐๘๐);
โส ปเนส อุภโตภาควิมุตฺโต อากาสานฺจายตนาทีสุ อฺตรโต อุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโต จ อนาคามี หุตฺวา นิโรธา อุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโต จาติ ปฺจวิโธ. เกจิ ปน – ‘‘ยสฺมา รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมฺปิ ทุวงฺคิกํ อุเปกฺขาสหคตํ, อรูปาวจรชฺฌานมฺปิ ตาทิสเมว. ตสฺมา รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานโต อุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตปิ อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ.
อยํ ปน อุภโตภาควิมุตฺตปฺโห เหฏฺา โลหปาสาเท สมุฏฺหิตฺวา ติปิฏกจูฬสุมนตฺเถรสฺส วณฺณนํ นิสฺสาย จิเรน วินิจฺฉยํ ปตฺโต ¶ . คิริวิหาเร กิร เถรสฺส อนฺเตวาสิโก เอกสฺส ปิณฺฑปาติกสฺส มุขโต ตํ ปฺหํ สุตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส, เหฏฺาโลหปาสาเท อมฺหากํ อาจริยสฺส ธมฺมํ วณฺณยโต น เกนจิ สุตปุพฺพ’’นฺติ. กึ ปน, ภนฺเต, เถโร อวจาติ? รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ กิฺจาปิ ทุวงฺคิกํ อุเปกฺขาสหคตํ กิเลเส วิกฺขมฺเภติ, กิเลสานํ ปน อาสนฺนปกฺเข วิรูหนฏฺาเน สมุทาจรติ. อิเม หิ กิเลสา นาม ปฺจโวการภเว นีลาทีสุ อฺตรํ อารมฺมณํ อุปนิสฺสาย สมุทาจรนฺติ, รูปาวจรชฺฌานฺจ ตํ อารมฺมณํ น สมติกฺกมติ. ตสฺมา สพฺพโส รูปํ นิวตฺเตตฺวา อรูปชฺฌานวเสน กิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตว อุภโตภาควิมุตฺโตติ, อิทํ อาวุโส เถโร อวจ. อิทฺจ ปน วตฺวา อิทํ สุตฺตํ อาหริ – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต. อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อฏฺวิโมกฺเข ¶ ¶ กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ (ปุ. ป. ๒๔).
อิมาย จ อานนฺท อุภโตภาควิมุตฺติยาติ อานนฺท อิโต อุภโตภาควิมุตฺติโต. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
มหานิทานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา
๑๓๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาปรินิพฺพานสุตฺตํ. ตตฺรายมนุปุพฺพปทวณฺณนา – คิชฺฌกูเฏติ คิชฺฌา ตสฺส กูเฏสุ วสึสุ, คิชฺฌสทิสํ วา ตสฺส กูฏํ อตฺถีติ คิชฺฌกูโฏ, ตสฺมึ คิชฺฌกูเฏ. อภิยาตุกาโมติ อภิภวนตฺถาย ยาตุกาโม. วชฺชีติ วชฺชิราชาโน. เอวํมหิทฺธิเกติ เอวํ มหติยา ราชิทฺธิยา สมนฺนาคเต, เอเตน เนสํ สมคฺคภาวํ กเถสิ. เอวํมหานุภาเวติ เอวํ มหนฺเตน อานุภาเวน สมนฺนาคเต, เอเตน เนสํ หตฺถิสิปฺปาทีสุ กตสิกฺขตํ กเถสิ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สิกฺขิตา วติเม ลิจฺฉวิกุมารกา, สุสิกฺขิตา วติเม ลิจฺฉวิกุมารกา, ยตฺร หิ นาม สุขุเมน ตาฬจฺฉิคฺคเลน อสนํ อติปาตยิสฺสนฺติ โปงฺขานุโปงฺขํ อวิราธิต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕). อุจฺเฉจฺฉามีติ อุจฺฉินฺทิสฺสามิ. วินาเสสฺสามีติ นาเสสฺสามิ, อทสฺสนํ ปาเปสฺสามิ. อนยพฺยสนนฺติ เอตฺถ น อโยติ อนโย, อวฑฺฒิยา เอตํ นามํ. หิตฺจ สุขฺจ วิยสฺสติ วิกฺขิปตีติ พฺยสนํ, าติปาริชฺุาทีนํ เอตํ นามํ. อาปาเทสฺสามีติ ปาปยิสฺสามิ.
อิติ กิร โส านนิสชฺชาทีสุ อิมํ ยุทฺธกถเมว กเถติ, คมนสชฺชา โหถาติ เอวํ พลกายํ อาณาเปติ. กสฺมา? คงฺคายํ กิร เอกํ ปฏฺฏนคามํ นิสฺสาย อฑฺฒโยชนํ อชาตสตฺตุโน อาณา, อฑฺฒโยชนํ ลิจฺฉวีนํ. เอตฺถ ปน อาณาปวตฺติฏฺานํ โหตีติ อตฺโถ. ตตฺราปิ จ ปพฺพตปาทโต มหคฺฆภณฺฑํ โอตรติ. ตํ สุตฺวา – ‘‘อชฺช ยามิ, สฺเว ยามี’’ติ อชาตสตฺตุโน สํวิทหนฺตสฺเสว ลิจฺฉวิราชาโน สมคฺคา สมฺโมทมานา ปุเรตรํ คนฺตฺวา สพฺพํ คณฺหนฺติ. อชาตสตฺตุ ปจฺฉา อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ¶ กุชฺฌิตฺวา คจฺฉติ. เต ปุนสํวจฺฉเรปิ ตเถว กโรนฺติ. อถ โส พลวาฆาตชาโต ตทา เอวมกาสิ.
ตโต จินฺเตสิ – ‘‘คเณน สทฺธึ ยุทฺธํ นาม ภาริยํ, เอโกปิ โมฆปฺปหาโร นาม นตฺถิ, เอเกน โข ปน ปณฺฑิเตน สทฺธึ มนฺเตตฺวา กโรนฺโต นิปฺปราโธ โหติ, ปณฺฑิโต จ สตฺถารา สทิโส ¶ นตฺถิ, สตฺถา จ อวิทูเร ธุรวิหาเร วสติ, หนฺทาหํ เปเสตฺวา ปุจฺฉามิ ¶ . สเจ เม คเตน โกจิ อตฺโถ ภวิสฺสติ, สตฺถา ตุณฺหี ภวิสฺสติ, อนตฺเถ ปน สติ กึ รฺโ ตตฺถ คมเนนาติ วกฺขตี’’ติ. โส วสฺสการพฺราหฺมณํ เปเสสิ. พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ราชา…เป… อาปาเทสฺสามี’’ติ.
ราชอปริหานิยธมฺมวณฺณนา
๑๓๔. ภควนฺตํ พีชยมาโนติ เถโร วตฺตสีเส ตฺวา ภควนฺตํ พีชติ, ภควโต ปน สีตํ วา อุณฺหํ วา นตฺถิ. ภควา พฺราหฺมณสฺส วจนํ สุตฺวา เตน สทฺธึ อมนฺเตตฺวา เถเรน สทฺธึ มนฺเตตุกาโม กินฺติ เต, อานนฺท, สุตนฺติอาทิมาห. อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ สนฺนิปตนฺตาปิ อนฺตรนฺตรา สนฺนิปตนฺตาปิ อภิณฺหํ สนฺนิปาตาว. สนฺนิปาตพหุลาติ หิยฺโยปิ สนฺนิปติมฺหา, ปุริมทิวสมฺปิ สนฺนิปติมฺหา, ปุน อชฺช กิมตฺถํ สนฺนิปติตา โหมาติ โวสานํ อนาปชฺชนฺตา สนฺนิปาตพหุลา นาม โหนฺติ. ยาวกีวฺจาติ ยตฺตกํ กาลํ. วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานีติ – อภิณฺหํ อสนฺนิปตนฺตา หิ ทิสาวิทิสาสุ อาคตํ สาสนํ น สุณนฺติ, ตโต – ‘‘อสุกคามสีมา วา นิคมสีมา วา อากุลา, อสุกฏฺาเน โจรา วา ปริยุฏฺิตา’’ติ น ชานนฺติ, โจราปิ ‘‘ปมตฺตา ราชาโน’’ติ ตฺวา คามนิคมาทีนิ ปหรนฺตา ชนปทํ นาเสนฺติ. เอวํ ราชูนํ ปริหานิ โหติ. อภิณฺหํ สนฺนิปตนฺตา ปน ตํ ตํ ปวตฺตึ สุณนฺติ, ตโต พลํ เปเสตฺวา อมิตฺตมทฺทนํ กโรนฺติ, โจราปิ – ‘‘อปฺปมตฺตา ราชาโน, น สกฺกา อมฺเหหิ วคฺคพนฺเธหิ วิจริตุ’’นฺติ ภิชฺชิตฺวา ปลายนฺติ. เอวํ ราชูนํ วุทฺธิ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา โน ปริหานี’’ติ. ตตฺถ ปาฏิกงฺขาติ อิจฺฉิตพฺพา, อวสฺสํ ภวิสฺสตีติ เอวํ ทฏฺพฺพาติ อตฺโถ.
สมคฺคาติอาทีสุ สนฺนิปาตเภริยา นิคฺคตาย – ‘‘อชฺช เม กิจฺจํ อตฺถิ, มงฺคลํ อตฺถี’’ติ วิกฺเขปํ ¶ กโรนฺตา น สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. เภริสทฺทํ ปน สุตฺวาว ภฺุชนฺตาปิ อลงฺกริยมานาปิ วตฺถานิ นิวาเสนฺตาปิ อฑฺฒภุตฺตา วา อฑฺฒาลงฺกตา วา วตฺถํ นิวาสยมานา วา สนฺนิปตนฺตา สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. สนฺนิปติตา ปน จินฺเตตฺวา มนฺเตตฺวา กตฺตพฺพํ กตฺวา เอกโตว อวุฏฺหนฺตา ¶ น สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. เอวํ วุฏฺิเตสุ หิ เย ปมํ คจฺฉนฺติ, เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘อมฺเหหิ พาหิรกถาว สุตา, อิทานิ วินิจฺฉยกถา ภวิสฺสตี’’ติ. เอกโต วุฏฺหนฺตา ปน สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. อปิจ – ‘‘อสุกฏฺาเนสุ คามสีมา ¶ วา นิคมสีมา วา อากุลา, โจรา ปริยุฏฺิตา’’ติ สุตฺวา – ‘‘โก คนฺตฺวา อิมํ อมิตฺตมทฺทนํ กริสฺสตี’’ติ วุตฺเต – ‘‘อหํ ปมํ, อหํ ปม’’นฺติ วตฺวา คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. เอกสฺส ปน กมฺมนฺเต โอสีทมาเน เสสา ราชาโน ปุตฺตภาตโร เปเสตฺวา ตสฺส กมฺมนฺตํ อุปตฺถมฺภยมานาปิ, อาคนฺตุกราชานํ – ‘‘อสุกสฺส เคหํ คจฺฉตุ, อสุกสฺส เคหํ คจฺฉตู’’ติ อวตฺวา สพฺเพ เอกโต สงฺคณฺหนฺตาปิ, เอกสฺส มงฺคเล วา โรเค วา อฺสฺมึ วา ปน ตาทิเส สุขทุกฺเข อุปฺปนฺเน สพฺเพ ตตฺถ สหายภาวํ คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วชฺชิกรณียานิ กโรนฺติ นาม.
อปฺตฺตนฺติอาทีสุ ปุพฺเพ อกตํ สุงฺกํ วา พลึ วา ทณฺฑํ วา อาหราเปนฺตา อปฺตฺตํ ปฺเปนฺติ นาม. โปราณปเวณิยา อาคตเมว ปน อนาหราเปนฺตา ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺติ นาม. โจโรติ คเหตฺวา ทสฺสิเต อวิจินิตฺวาว เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาเสนฺตา โปราณํ วชฺชิธมฺมํ สมาทาย น วตฺตนฺติ นาม. เตสํ อปฺตฺตํ ปฺเปนฺตานํ อภินวสุงฺกาทีหิ ปีฬิตา มนุสฺสา – ‘‘อติอุปทฺทุตมฺห, โก อิเมสํ วิชิเต วสิสฺสตี’’ติ ปจฺจนฺตํ ปวิสิตฺวา โจรา วา โจรสหายา วา หุตฺวา ชนปทํ ปหรนฺติ. ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺตานํ ปเวณีอาคตานิ สุงฺกาทีนิ อคณฺหนฺตานํ โกโส ปริหายติ. ตโต หตฺถิอสฺสพลกายโอโรธาทโย ยถานิพทฺธํ วฏฺฏํ อลภมานา ถาเมน พเลน ปริหายนฺติ. เต เนว ยุทฺธกฺขมา โหนฺติ, น ปาริจริยกฺขมา. โปราณํ วชฺชิธมฺมํ สมาทาย อวตฺตนฺตานํ วิชิเต มนุสฺสา – ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตํ ปิตรํ ภาตรํ อโจรํเยว โจโรติ ¶ กตฺวา ฉินฺทึสุ ภินฺทึสู’’ติ กุชฺฌิตฺวา ปจฺจนฺตํ ปวิสิตฺวา โจรา วา โจรสหายา วา หุตฺวา ชนปทํ ปหรนฺติ, เอวํ ราชูนํ ปริหานิ โหติ, ปฺตฺตํ ปฺเปนฺตานํ ปน ‘‘ปเวณีอาคตเมว ราชาโน กโรนฺตี’’ติ มนุสฺสา หฏฺตุฏฺา กสิวาณิชฺชาทิเก กมฺมนฺเต สมฺปาเทนฺติ. ปฺตฺตํ อสมุจฺฉินฺทนฺตานํ ปเวณีอาคตานิ สุงฺกาทีนิ คณฺหนฺตานํ ¶ โกโส วฑฺฒติ, ตโต หตฺถิอสฺสพลกายโอโรธาทโย ยถานิพทฺธํ วฏฺฏํ ลภมานา ถามพลสมฺปนฺนา ยุทฺธกฺขมา เจว ปาริจริยกฺขมา จ โหนฺติ.
โปราณํ วชฺชิธมฺมนฺติ เอตฺถ ปุพฺเพ กิร วชฺชิราชาโน ‘‘อยํ โจโร’’ติ อาเนตฺวา ทสฺสิเต ‘‘คณฺหถ นํ โจร’’นฺติ อวตฺวา วินิจฺฉยมหามตฺตานํ เทนฺติ. เต วินิจฺฉินิตฺวา สเจ อโจโร โหติ, วิสฺสชฺเชนฺติ. สเจ โจโร, อตฺตนา กิฺจิ อวตฺวา โวหาริกานํ เทนฺติ. เตปิ อโจโร เจ, วิสฺสชฺเชนฺติ. โจโร เจ, สุตฺตธรานํ เทนฺติ. เตปิ วินิจฺฉินิตฺวา อโจโร เจ, วิสฺสชฺเชนฺติ. โจโร เจ, อฏฺกุลิกานํ เทนฺติ. เตปิ ตเถว กตฺวา เสนาปติสฺส, เสนาปติ อุปราชสฺส, อุปราชา รฺโ, ราชา วินิจฺฉินิตฺวา อโจโร เจ, วิสฺสชฺเชติ. สเจ ¶ ปน โจโร โหติ, ปเวณีโปตฺถกํ วาจาเปติ. ตตฺถ – ‘‘เยน อิทํ นาม กตํ, ตสฺส อยํ นาม ทณฺโฑ’’ติ ลิขิตํ. ราชา ตสฺส กิริยํ เตน สมาเนตฺวา ตทนุจฺฉวิกํ ทณฺฑํ กโรติ. อิติ เอตํ โปราณํ วชฺชิธมฺมํ สมาทาย วตฺตนฺตานํ มนุสฺสา น อุชฺฌายนฺติ, ‘‘ราชาโน โปราณปเวณิยา กมฺมํ กโรนฺติ, เอเตสํ โทโส นตฺถิ, อมฺหากํเยว โทโส’’ติ อปฺปมตฺตา กมฺมนฺเต กโรนฺติ. เอวํ ราชูนํ วุทฺธิ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ.
สกฺกโรนฺตีติ ยํกิฺจิ เตสํ สกฺการํ กโรนฺตา สุนฺทรเมว กโรนฺติ. ครุํ กโรนฺตีติ ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวาว กโรนฺติ. มาเนนฺตีติ มเนน ปิยายนฺติ. ปูเชนฺตีติ นิปจฺจการํ ทสฺเสนฺติ. โสตพฺพํ มฺนฺตีติ ทิวสสฺส ทฺเว ตโย วาเร อุปฏฺานํ คนฺตฺวา เตสํ กถํ โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ มฺนฺติ. ตตฺถ เย เอวํ มหลฺลกานํ ราชูนํ สกฺการาทีนิ น กโรนฺติ, โอวาทตฺถาย จ เนสํ อุปฏฺานํ น คจฺฉนฺติ, เต เตหิ วิสฺสฏฺา อโนวทิยมานา กีฬาปสุตา รชฺชโต ปริหายนฺติ. เย ปน ตถา ปฏิปชฺชนฺติ, เตสํ มหลฺลกราชาโน – ‘‘อิทํ กาตพฺพํ, อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ ¶ โปราณํ ปเวณึ อาจิกฺขนฺติ. สงฺคามํ ปตฺวาปิ – ‘‘เอวํ ปวิสิตพฺพํ, เอวํ นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ อุปายํ ทสฺเสนฺติ. เต เตหิ โอวทิยมานา ยถาโอวาทํ ปฏิปชฺชนฺตา สกฺโกนฺติ ราชปฺปเวณึ สนฺธาเรตุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วุทฺธิเยว, อานนฺท, วชฺชีนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ.
กุลิตฺถิโยติ ¶ กุลฆรณิโย. กุลกุมาริโยติ อนิวิทฺธา ตาสํ ธีตโร. โอกฺกสฺส ปสยฺหาติ เอตฺถ ‘‘โอกฺกสฺสา’’ติ วา ‘‘ปสยฺหา’’ติ วา ปสยฺหาการสฺเสเวตํ นามํ. ‘‘อุกฺกสฺสา’’ติปิ ปนฺติ. ตตฺถ โอกฺกสฺสาติ อวกสฺสิตฺวา อากฑฺฒิตฺวา. ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวา อชฺโฌตฺถริตฺวาติ อยํ วจนตฺโถ. เอวฺหิ กโรนฺตานํ วิชิเต มนุสฺสา – ‘‘อมฺหากํ เคเห ปุตฺตมาตโรปิ, เขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ มุเขน อปเนตฺวา สํวฑฺฒิตธีตโรปิ อิเม ราชาโน พลกฺกาเรน คเหตฺวา อตฺตโน ฆเร วาเสนฺตี’’ติ กุปิตา ปจฺจนฺตํ ปวิสิตฺวา โจรา วา โจรสหายา วา หุตฺวา ชนปทํ ปหรนฺติ. เอวํ อกโรนฺตานํ ปน วิชิเต มนุสฺสา อปฺโปสฺสุกฺกา สกานิ กมฺมานิ กโรนฺตา ราชโกสํ วฑฺเฒนฺติ. เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.
วชฺชีนํ วชฺชิเจติยานีติ วชฺชิราชูนํ วชฺชิรฏฺเ จิตฺตีกตฏฺเน เจติยานีติ ลทฺธนามานิ ยกฺขฏฺานานิ. อพฺภนฺตรานีติ อนฺโตนคเร ิตานิ. พาหิรานีติ พหินคเร ิตานิ ¶ . ทินฺนปุพฺพนฺติ ปุพฺเพ ทินฺนํ. กตปุพฺพนฺติ ปุพฺเพ กตํ. โน ปริหาเปสฺสนฺตีติ อปริหาเปตฺวา ยถาปวตฺตเมว กริสฺสนฺติ ธมฺมิกํ พลึ ปริหาเปนฺตานฺหิ เทวตา อารกฺขํ สุสํวิหิตํ น กโรนฺติ, อนุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ ชเนตุํ อสกฺโกนฺตาปิ อุปฺปนฺนํ กาสสีสโรคาทึ วฑฺเฒนฺติ, สงฺคาเม ปตฺเต สหายา น โหนฺติ. อปริหาเปนฺตานํ ปน อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรนฺติ, อนุปฺปนฺนํ สุขํ อุปฺปาเทตุํ อสกฺโกนฺตาปิ อุปฺปนฺนํ กาสสีสโรคาทึ หนนฺติ, สงฺคามสีเส สหายา โหนฺตีติ เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.
ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺตีติ เอตฺถ รกฺขา เอว ยถา อนิจฺฉิตํ น คจฺฉติ, เอวํ อาวรณโต อาวรณํ. ยถา อิจฺฉิตํ น วินสฺสติ, เอวํ โคปายนโต คุตฺติ. ตตฺถ พลกาเยน ปริวาเรตฺวา รกฺขณํ ปพฺพชิตานํ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ ¶ นาม น โหติ. ยถา ปน วิหารสฺส อุปวเน รุกฺเข น ฉินฺทนฺติ, วาชิกา วชฺฌํ น กโรนฺติ, โปกฺขรณีสุ มจฺเฉ น คณฺหนฺติ, เอวํ กรณํ ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ นาม. กินฺติ อนาคตา จาติ อิมินา ปน เนสํ เอวํ ปจฺจุปฏฺิตจิตฺตสนฺตาโนติ จิตฺตปฺปวตฺตึ ปุจฺฉติ.
ตตฺถ ¶ เย อนาคตานํ อรหนฺตานํ อาคมนํ น อิจฺฉนฺติ, เต อสฺสทฺธา โหนฺติ อปฺปสนฺนา. ปพฺพชิเต จ สมฺปตฺเต ปจฺจุคฺคมนํ น กโรนฺติ, คนฺตฺวา น ปสฺสนฺติ, ปฏิสนฺถารํ น กโรนฺติ, ปฺหํ น ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ น สุณนฺติ, ทานํ น เทนฺติ, อนุโมทนํ น สุณนฺติ, นิวาสนฏฺานํ น สํวิทหนฺติ. อถ เนสํ อวณฺโณ อพฺภุคฺคจฺฉติ – ‘‘อสุโก นาม ราชา อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน, ปพฺพชิเต สมฺปตฺเต ปจฺจุคฺคมนํ น กโรติ…เป… นิวาสนฏฺานํ น สํวิทหตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปพฺพชิตา ตสฺส นครทฺวาเรน น คจฺฉนฺติ, คจฺฉนฺตาปิ นครํ น ปวิสนฺติ. เอวํ อนาคตานํ อรหนฺตานํ อนาคมนเมว โหติ. อาคตานมฺปิ ผาสุวิหาเร อสติ เยปิ อชานิตฺวา อาคตา, เต – ‘‘วสิสฺสามาติ ตาว จินฺเตตฺวา อาคตมฺหา, อิเมสํ ปน ราชูนํ อิมินา นีหาเรน โก วสิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวํ อนาคเตสุ อนาคจฺฉนฺเตสุ, อาคเตสุ ทุกฺขํ วิหรนฺเตสุ โส เทโส ปพฺพชิตานํ อนาวาโส โหติ. ตโต เทวตารกฺขา น โหติ, เทวตารกฺขาย อสติ อมนุสฺสา โอกาสํ ลภนฺติ. อมนุสฺสา อุสฺสนฺนา อนุปฺปนฺนํ พฺยาธึ อุปฺปาเทนฺติ, สีลวนฺตานํ ทสฺสนปฺหาปุจฺฉนาทิวตฺถุกสฺส ปฺุสฺส อนาคโม โหติ. วิปริยาเยน ปน ยถาวุตฺตกณฺหปกฺขวิปรีตสฺส สุกฺกปกฺขสฺส สมฺภโว โหตีติ เอวเมตฺถ วุทฺธิหานิโย เวทิตพฺพา.
๑๓๕. เอกมิทาหนฺติ อิทํ ภควา ปุพฺเพ วชฺชีนํ อิมสฺส วชฺชิสตฺตกสฺส เทสิตภาวปฺปกาสนตฺถมาห ¶ . ตตฺถ สารนฺทเท เจติเยติ เอวํนามเก วิหาเร. อนุปฺปนฺเน กิร พุทฺเธ ตตฺถ สารนฺททสฺส ยกฺขสฺส นิวาสนฏฺานํ เจติยํ อโหสิ. อเถตฺถ ภควโต วิหารํ การาเปสุํ, โส สารนฺทเท เจติเย กตตฺตา สารนฺททเจติยนฺตฺเวว สงฺขฺยํ คโต.
อกรณียาติ อกาตพฺพา, อคฺคเหตพฺพาติ อตฺโถ. ยทิทนฺติ ¶ นิปาตมตฺตํ. ยุทฺธสฺสาติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, อภิมุขยุทฺเธน คเหตุํ น สกฺกาติ อตฺโถ. อฺตฺร อุปลาปนายาติ เปตฺวา อุปลาปนํ. อุปลาปนา นาม – ‘‘อลํ วิวาเทน, อิทานิ สมคฺคา โหมา’’ติ หตฺถิอสฺสรถหิรฺสุวณฺณาทีนิ เปเสตฺวา สงฺคหกรณํ. เอวฺหิ สงฺคหํ กตฺวา เกวลํ วิสฺสาเสน สกฺกา คณฺหิตุนฺติ อตฺโถ. อฺตฺร มิถุเภทายาติ เปตฺวา มิถุเภทํ. อิมินา อฺมฺเภทํ กตฺวาปิ สกฺกา เอเต คเหตุนฺติ ¶ ทสฺเสติ. อิทํ พฺราหฺมโณ ภควโต กถาย นยํ ลภิตฺวา อาห.
กึ ปน ภควา พฺราหฺมณสฺส อิมาย กถาย นยลาภํ น ชานาตีติ? อาม, ชานาติ. ชานนฺโต กสฺมา กเถสีติ? อนุกมฺปาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘มยา อกถิเตปิ กติปาเหน คนฺตฺวา สพฺเพ คณฺหิสฺสติ, กถิเต ปน สมคฺเค ภินฺทนฺโต ตีหิ สํวจฺฉเรหิ คณฺหิสฺสติ, เอตฺตกมฺปิ ชีวิตเมว วรํ, เอตฺตกฺหิ ชีวนฺตา อตฺตโน ปติฏฺานภูตํ ปฺุํ กริสฺสนฺตี’’ติ.
อภินนฺทิตฺวาติ จิตฺเตน อภินนฺทิตฺวา. อนุโมทิตฺวาติ ‘‘ยาว สุภาสิตฺจิทํ โภตา โคตเมนา’’ติ วาจาย อนุโมทิตฺวา. ปกฺกามีติ รฺโ สนฺติกํ คโต. ตโต นํ ราชา – ‘‘กึ อาจริย, ภควา อวจา’’ติ ปุจฺฉิ. โส – ‘‘ยถา โภ สมณสฺส โคตมสฺส วจนํ น สกฺกา วชฺชี เกนจิ คเหตุํ, อปิ จ อุปลาปนาย วา มิถุเภเทน วา สกฺกา’’ติ อาห. ตโต นํ ราชา – ‘‘อุปลาปนาย อมฺหากํ หตฺถิอสฺสาทโย นสฺสิสฺสนฺติ, เภเทเนว เต คเหสฺสามิ, กึ กโรมา’’ติ ปุจฺฉิ. เตน หิ, มหาราช, ตุมฺเห วชฺชึ อารพฺภ ปริสติ กถํ สมุฏฺาเปถ. ตโต อหํ – ‘‘กึ เต มหาราช เตหิ, อตฺตโน สนฺตเกหิ กสิวาณิชฺชาทีนิ กตฺวา ชีวนฺตุ เอเต ราชาโน’’ติ วตฺวา ปกฺกมิสฺสามิ. ตโต ตุมฺเห – ‘‘กินฺนุ โข โภ เอส พฺราหฺมโณ วชฺชึ อารพฺภ ปวตฺตํ กถํ ปฏิพาหตี’’ติ วเทยฺยาถ, ทิวสภาเค จาหํ เตสํ ปณฺณาการํ เปเสสฺสามิ, ตมฺปิ คาหาเปตฺวา ตุมฺเหปิ มม โทสํ อาโรเปตฺวา พนฺธนตาลนาทีนิ อกตฺวาว เกวลํ ขุรมุณฺฑํ มํ กตฺวา นครา นีหราเปถ. อถาหํ – ‘‘มยา เต นคเร ปากาโร ปริขา จ การิตา, อหํ กิร ทุพฺพลฏฺานฺจ อุตฺตานคมฺภีรฏฺานฺจ ชานามิ, น จิรสฺเสว ทานิ ¶ อุชุํ กริสฺสามี’’ติ ¶ วกฺขามิ. ตํ สุตฺวา ตุมฺเห – ‘‘คจฺฉตู’’ติ วเทยฺยาถาติ. ราชา สพฺพํ อกาสิ.
ลิจฺฉวี ตสฺส นิกฺขมนํ สุตฺวา – ‘‘สโ พฺราหฺมโณ, มา ตสฺส คงฺคํ อุตฺตริตุํ อทตฺถา’’ติ อาหํสุ. ตตฺร เอกจฺเจหิ – ‘‘อมฺเห อารพฺภ กถิตตฺตา กิร โส เอวํ กโต’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภเณ, เอตู’’ติ ภณึสุ. โส คนฺตฺวา ลิจฺฉวี ทิสฺวา ‘‘กึ อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิโต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ, ลิจฺฉวิโน – ‘‘อปฺปมตฺตเกน นาม เอวํ ครุํ ทณฺฑํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ¶ วตฺวา – ‘‘กึ เต ตตฺร านนฺตร’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘วินิจฺฉยามจฺโจหมสฺมี’’ติ. ตเทว เต านนฺตรํ โหตูติ. โส สุฏฺุตรํ วินิจฺฉยํ กโรติ, ราชกุมารา ตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ.
โส ปติฏฺิตคุโณ หุตฺวา เอกทิวสํ เอกํ ลิจฺฉวึ คเหตฺวา เอกมนฺตํ คนฺตฺวา – ทารกา กสนฺตีติ ปุจฺฉิ. อาม, กสนฺติ. ทฺเว โคเณ โยเชตฺวาติ? อาม, ทฺเว โคเณ โยเชตฺวาติ. เอตฺตกํ วตฺวา นิวตฺโต. ตโต ตํ อฺโ – ‘‘กึ อาจริโย อาหา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน วุตฺตํ อสทฺทหนฺโต ‘‘น เม เอส ยถาภูตํ กเถตี’’ติ เตน สทฺธึ ภิชฺชิ. พฺราหฺมโณ อฺสฺมึ ทิวเส เอกํ ลิจฺฉวึ เอกมนฺตํ เนตฺวา – ‘‘เกน พฺยฺชเนน ภุตฺโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา นิวตฺโต. ตมฺปิ อฺโ ปุจฺฉิตฺวา อสทฺทหนฺโต ตเถว ภิชฺชิ. พฺราหฺมโณ อปรมฺปิ ทิวสํ เอกํ ลิจฺฉวึ เอกมนฺตํ เนตฺวา – ‘‘อติทุคฺคโตสิ กิรา’’ติ ปุจฺฉิ. โก เอวมาหาติ ปุจฺฉิโต อสุโก นาม ลิจฺฉวีติ. อปรมฺปิ เอกมนฺตํ เนตฺวา – ‘‘ตฺวํ กิร ภีรุกชาติโก’’ติ ปุจฺฉิ. โก เอวมาหาติ? อสุโก นาม ลิจฺฉวีติ. เอวํ อฺเน อกถิตเมว อฺสฺส กเถนฺโต ตีหิ สํวจฺฉเรหิ เต ราชาโน อฺมฺํ ภินฺทิตฺวา ยถา ทฺเว เอกมคฺเคน น คจฺฉนฺติ, ตถา กตฺวา สนฺนิปาตเภรึ จราเปสิ. ลิจฺฉวิโน – ‘‘อิสฺสรา สนฺนิปตนฺตุ, สูรา สนฺนิปตนฺตู’’ติ วตฺวา น สนฺนิปตึสุ.
พฺราหฺมโณ – ‘‘อยํ ทานิ กาโล, สีฆํ อาคจฺฉตู’’ติ รฺโ สาสนํ เปเสสิ. ราชา สุตฺวาว พลเภรึ จราเปตฺวา นิกฺขมิ. เวสาลิกา สุตฺวา – ‘‘รฺโ คงฺคํ อุตฺตริตุํ น ทสฺสามา’’ติ เภรึ จราเปสุํ. ตมฺปิ สุตฺวา – ‘‘คจฺฉนฺตุ สูรราชาโน’’ติอาทีนิ วตฺวา น ¶ สนฺนิปตึสุ. ‘‘นครปฺปเวสนํ น ทสฺสาม, ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา สฺสามา’’ติ เภรึ จราเปสุํ. เอโกปิ น สนฺนิปติ. ยถาวิวเฏเหว ทฺวาเรหิ ปวิสิตฺวา สพฺเพ อนยพฺยสนํ ปาเปตฺวา คโต.
ภิกฺขุอปริหานิยธมฺมวณฺณนา
๑๓๖. อถ ¶ โข ภควา อจิรปกฺกนฺเตติอาทิมฺหิ สนฺนิปาเตตฺวาติ ทูรวิหาเรสุ อิทฺธิมนฺเต เปเสตฺวา สนฺติกวิหาเรสุ สยํ คนฺตฺวา – ‘‘สนฺนิปตถ, อายสฺมนฺโต; ภควา โว สนฺนิปาตํ อิจฺฉตี’’ติ สนฺนิปาเตตฺวา. อปริหานิเยติ ¶ อปริหานิกเร, วุทฺธิเหตุภูเตติ อตฺโถ. ธมฺเม เทเสสฺสามีติ จนฺทสหสฺสํ สูริยสหสฺสํ อุฏฺเปนฺโต วิย จตุกุฏฺฏเก เคเห อนฺโต เตลทีปสหสฺสํ อุชฺชาเลนฺโต วิย ปากเฏ กตฺวา กถยิสฺสามีติ.
ตตฺถ อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ อิทํ วชฺชิสตฺตเก วุตฺตสทิสเมว. อิธาปิ จ อภิณฺหํ อสนฺนิปติตา ทิสาสุ อาคตสาสนํ น สุณนฺติ. ตโต – ‘‘อสุกวิหารสีมา อากุลา, อุโปสถปวารณา ิตา, อสุกสฺมึ าเน ภิกฺขู เวชฺชกมฺมทูตกมฺมาทีนิ กโรนฺติ, วิฺตฺติพหุลา ปุปฺผทานาทีหิ ชีวิกํ กปฺเปนฺตี’’ติอาทีนิ น ชานนฺติ, ปาปภิกฺขูปิ ‘‘ปมตฺโต ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ ตฺวา ราสิภูตา สาสนํ โอสกฺกาเปนฺติ. อภิณฺหํ สนฺนิปติตา ปน ตํ ตํ ปวตฺตึ สุณนฺติ, ตโต ภิกฺขุสงฺฆํ เปเสตฺวา สีมํ อุชุํ กโรนฺติ, อุโปสถปวารณาทโย ปวตฺตาเปนฺติ, มิจฺฉาชีวานํ อุสฺสนฺนฏฺาเน อริยวํสเก เปเสตฺวา อริยวํสํ กถาเปนฺติ, ปาปภิกฺขูนํ วินยธเรหิ นิคฺคหํ การาเปนฺติ, ปาปภิกฺขูปิ ‘‘อปฺปมตฺโต ภิกฺขุสงฺโฆ, น สกฺกา อมฺเหหิ วคฺคพนฺเธน วิจริตุ’’นฺติ ภิชฺชิตฺวา ปลายนฺติ. เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย เวทิตพฺพา.
สมคฺคาติอาทีสุ เจติยปฏิชคฺคนตฺถํ วา โพธิเคหอุโปสถาคารจฺฉาทนตฺถํ วา กติกวตฺตํ วา เปตุกามตาย โอวาทํ วา ทาตุกามตาย – ‘‘สงฺโฆ สนฺนิปตตู’’ติ เภริยา วา ฆณฺฏิยา วา อาโกฏิตาย – ‘‘มยฺหํ จีวรกมฺมํ อตฺถิ, มยฺหํ ปตฺโต ปจิตพฺโพ, มยฺหํ นวกมฺมํ อตฺถี’’ติ วิกฺเขปํ กโรนฺตา น สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. สพฺพํ ปน ตํ กมฺมํ เปตฺวา – ‘‘อหํ ปุริมตรํ, อหํ ปุริมตร’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปตนฺตา สมคฺคา สนฺนิปตนฺติ นาม. สนฺนิปติตา ปน จินฺเตตฺวา มนฺเตตฺวา กตฺตพฺพํ ¶ กตฺวา เอกโต อวุฏฺหนฺตา สมคฺคา น วุฏฺหนฺติ นาม. เอวํ วุฏฺิเตสุ หิ เย ปมํ คจฺฉนฺติ, เตสํ เอวํ โหติ – ‘‘อมฺเหหิ พาหิรกถาว สุตา, อิทานิ วินิจฺฉยกถา ภวิสฺสตี’’ติ. เอกปฺปหาเรเนว วุฏฺหนฺตา ปน สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม. อปิจ ‘‘อสุกฏฺาเน วิหารสีมา อากุลา, อุโปสถปวารณา ิตา, อสุกฏฺาเน เวชฺชกมฺมาทิการกา ปาปภิกฺขู อุสฺสนฺนา’’ติ สุตฺวา – ‘‘โก คนฺตฺวา ¶ เตสํ นิคฺคหํ กริสฺสตี’’ติ ¶ วุตฺเต – ‘‘อหํ ปมํ, อหํ ปม’’นฺติ วตฺวา คจฺฉนฺตาปิ สมคฺคา วุฏฺหนฺติ นาม.
อาคนฺตุกํ ปน ทิสฺวา – ‘‘อิมํ ปริเวณํ ยาหิ, เอตํ ปริเวณํ ยาหิ, อยํ โก’’ติ อวตฺวา สพฺเพ วตฺตํ กโรนฺตาปิ, ชิณฺณปตฺตจีวรกํ ทิสฺวา ตสฺส ภิกฺขาจารวตฺเตน ปตฺตจีวรํ ปริเยสมานาปิ, คิลานสฺส คิลานเภสชฺชํ ปริเยสมานาปิ, คิลานเมว อนาถํ – ‘‘อสุกปริเวณํ ยาหิ, อสุกปริเวณํ ยาหี’’ติ อวตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปริเวเณ ปฏิชคฺคนฺตาปิ, เอโก โอลิยมานโก คนฺโถ โหติ, ปฺวนฺตํ ภิกฺขุํ สงฺคณฺหิตฺวา เตน ตํ คนฺถํ อุกฺขิปาเปนฺตาปิ สมคฺคา สงฺฆํ กรณียานิ กโรนฺติ นาม.
อปฺตฺตนฺติอาทีสุ นวํ อธมฺมิกํ กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา พนฺธนฺตา อปฺตฺตํ ปฺเปนฺติ นาม, ปุราณสนฺถตวตฺถุสฺมึ สาวตฺถิยํ ภิกฺขู วิย. อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สาสนํ ทีเปนฺตา ปฺตฺตํ สมุจฺฉินฺทนฺติ นาม, วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา วิย. ขุทฺทานุขุทฺทกา ปน อาปตฺติโย สฺจิจฺจ วีติกฺกมนฺตา ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย น วตฺตนฺติ นาม, อสฺสชิปุนพฺพสุกา วิย. นวํ ปน กติกวตฺตํ วา สิกฺขาปทํ วา อพนฺธนฺตา, ธมฺมวินยโต สาสนํ ทีเปนฺตา, ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ อสมูหนนฺตา อปฺตฺตํ น ปฺเปนฺติ, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺทนฺติ, ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺตนฺติ นาม, อายสฺมา อุปเสโน วิย, อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต วิย จ.
‘‘สุณาตุ, เม อาวุโส สงฺโฆ, สนฺตมฺหากํ สิกฺขาปทานิ คิหิคตานิ, คิหิโนปิ ชานนฺติ, ‘อิทํ โว สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’ติ. สเจ หิ มยํ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ¶ สมูหนิสฺสาม, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘ธูมกาลิกํ สมเณน โคตเมน สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ยาวิเมสํ สตฺถา อฏฺาสิ, ตาวิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขึสุ. ยโต อิเมสํ สตฺถา ปรินิพฺพุโต, น ทานิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขนฺตี’ติ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อปฺตฺตํ ¶ น ปฺเปยฺย, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺเทยฺย, ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺเตยฺยา’’ติ (จุฬว. ๔๔๒) –
อิมํ ตนฺตึ ปยนฺโต อายสฺมา มหากสฺสโป วิย จ. วุทฺธิเยวาติ สีลาทีหิ คุเณหิ วุฑฺฒิเยว, โน ปริหานิ.
เถราติ ¶ ถิรภาวปฺปตฺตา เถรการเกหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา. พหู รตฺติโย ชานนฺตีติ รตฺตฺู. จิรํ ปพฺพชิตานํ เอเตสนฺติ จิรปพฺพชิตา. สงฺฆสฺส ปิตุฏฺาเน ิตาติ สงฺฆปิตโร. ปิตุฏฺาเน ิตตฺตา สงฺฆํ ปริเนนฺติ ปุพฺพงฺคมา หุตฺวา ตีสุ สิกฺขาสุ ปวตฺเตนฺตีติ สงฺฆปริณายกา.
เย เตสํ สกฺการาทีนิ น กโรนฺติ, โอวาทตฺถาย ทฺเว ตโย วาเร อุปฏฺานํ น คจฺฉนฺติ, เตปิ เตสํ โอวาทํ น เทนฺติ, ปเวณีกถํ น กเถนฺติ, สารภูตํ ธมฺมปริยายํ น สิกฺขาเปนฺติ. เต เตหิ วิสฺสฏฺา สีลาทีหิ ธมฺมกฺขนฺเธหิ สตฺตหิ จ อริยธเนหีติ เอวมาทีหิ คุเณหิ ปริหายนฺติ. เย ปน เตสํ สกฺการาทีนิ กโรนฺติ, อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ, เตปิ เตสํ โอวาทํ เทนฺติ. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต อาโลกิตพฺพํ, เอวํ เต วิโลกิตพฺพํ, เอวํ เต สมิฺชิตพฺพํ, เอวํ เต ปสาริตพฺพํ, เอวํ เต สงฺฆาฏิปตฺตจีวรํ ธาเรตพฺพ’’นฺติ ปเวณีกถํ กเถนฺติ, สารภูตํ ธมฺมปริยายํ สิกฺขาเปนฺติ, เตรสหิ ธุตงฺเคหิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ อนุสาสนฺติ. เต เตสํ โอวาเท ตฺวา สีลาทีหิ คุเณหิ วฑฺฒมานา สามฺตฺถํ อนุปาปุณนฺติ. เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย เวทิตพฺพา.
ปุนพฺภวทานํ ปุนพฺภโว, ปุนพฺภโว สีลมสฺสาติ โปโนพฺภวิกา, ปุนพฺภวทายิกาติ อตฺโถ, ตสฺมา โปโนพฺภวิกาย. น วสํ คจฺฉนฺตีติ เอตฺถ เย จตุนฺนํ ปจฺจยานํ การณา อุปฏฺากานํ ปทานุปทิกา หุตฺวา คามโต คามํ วิจรนฺติ, เต ตสฺสา ตณฺหาย วสํ คจฺฉนฺติ นาม, อิตเร น คจฺฉนฺติ ¶ นาม. ตตฺถ หานิวุทฺธิโย ปากฏาเยว.
อารฺเกสูติ ปฺจธนุสติกปจฺฉิเมสุ. สาเปกฺขาติ สตณฺหา สาลยา. คามนฺตเสนาสเนสุ หิ ฌานํ อปฺเปตฺวาปิ ตโต วุฏฺิตมตฺโตว อิตฺถิปุริสทาริกาทิสทฺทํ สุณาติ, เยนสฺส อธิคตวิเสโสปิ หายติเยว. อรฺเ ปน นิทฺทายิตฺวา ปฏิพุทฺธมตฺโต สีหพฺยคฺฆโมราทีนํ สทฺทํ ¶ สุณาติ, เยน อารฺกํ ปีตึ ลภิตฺวา ตเมว สมฺมสนฺโต อคฺคผเล ปติฏฺาติ. อิติ ภควา คามนฺตเสนาสเน ฌานํ อปฺเปตฺวา นิสินฺนภิกฺขุโน อรฺเ นิทฺทายนฺตเมว ปสํสติ. ตสฺมา ตเมว อตฺถวสํ ปฏิจฺจ – ‘‘อารฺเกสุ เสนาสเนสุ สาเปกฺขา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาห.
ปจฺจตฺตฺเว สตึ อุปฏฺเปสฺสนฺตีติ อตฺตนาว อตฺตโน อพฺภนฺตเร สตึ อุปฏฺเปสฺสนฺติ. เปสลาติ ปิยสีลา. อิธาปิ สพฺรหฺมจารีนํ อาคมนํ อนิจฺฉนฺตา เนวาสิกา อสฺสทฺธา โหนฺติ อปฺปสนฺนา ¶ . สมฺปตฺตภิกฺขูนํ ปจฺจุคฺคมนปตฺตจีวรปฺปฏิคฺคหณอาสนปฺาปนตาลวณฺฏคฺคหณาทีนิ น กโรนฺติ, อถ เนสํ อวณฺโณ อุคฺคจฺฉติ – ‘‘อสุกวิหารวาสิโน ภิกฺขู อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา วิหารํ ปวิฏฺานํ วตฺตปฏิวตฺตํ น กโรนฺตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ปพฺพชิตา วิหารทฺวาเรน คจฺฉนฺตาปิ วิหารํ น ปวิสนฺติ. เอวํ อนาคตานํ อนาคมนเมว โหติ. อาคตานํ ปน ผาสุวิหาเร อสติ เยปิ อชานิตฺวา อาคตา, เต – ‘‘วสิสฺสามาติ ตาว จินฺเตตฺวา อาคตามฺห, อิเมสํ ปน เนวาสิกานํ อิมินา นีหาเรน โก วสิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺติ. เอวํ โส วิหาโร อฺเสํ ภิกฺขูนํ อนาวาโสว โหติ. ตโต เนวาสิกา สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ อลภนฺตา กงฺขาวิโนทนํ วา อาจารสิกฺขาปกํ วา มธุรธมฺมสฺสวนํ วา น ลภนฺติ, เตสํ เนว อคฺคหิตธมฺมคฺคหณํ, น คหิตสชฺฌายกรณํ โหติ. อิติ เนสํ หานิเยว โหติ, น วุทฺธิ.
เย ปน สพฺรหฺมจารีนํ อาคมนํ อิจฺฉนฺติ, เต สทฺธา โหนฺติ ปสนฺนา, อาคตานํ สพฺรหฺมจารีนํ ปจฺจุคฺคมนาทีนิ กตฺวา เสนาสนํ ปฺเปตฺวา เทนฺติ, เต คเหตฺวา ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺติ, กงฺขํ วิโนเทนฺติ, มธุรธมฺมสฺสวนํ ลภนฺติ. อถ เนสํ กิตฺติสทฺโท อุคฺคจฺฉติ – ‘‘อสุกวิหารภิกฺขู เอวํ สทฺธา ปสนฺนา วตฺตสมฺปนฺนา สงฺคาหกา’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ทูรโตปิ เอนฺติ, เตสํ เนวาสิกา วตฺตํ กโรนฺติ ¶ , สมีปํ อาคนฺตฺวา วุฑฺฒตรํ อาคนฺตุกํ วนฺทิตฺวา นิสีทนฺติ, นวกตรสฺส สนฺติเก อาสนํ คเหตฺวา นิสีทนฺติ. นิสีทิตฺวา – ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร วสิสฺสถ คมิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉนฺติ. ‘คมิสฺสามี’ติ วุตฺเต – ‘‘สปฺปายํ เสนาสนํ, สุลภา ภิกฺขา’’ติอาทีนิ วตฺวา คนฺตุํ น เทนฺติ. วินยธโร เจ โหติ, ตสฺส สนฺติเก วินยํ สชฺฌายนฺติ. สุตฺตนฺตาทิธโร เจ, ตสฺส สนฺติเก ตํ ตํ ธมฺมํ สชฺฌายนฺติ. อาคนฺตุกานํ เถรานํ โอวาเท ตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณนฺติ. อาคนฺตุกา ‘‘เอกํ ¶ ทฺเว ทิวสานิ วสิสฺสามาติ อาคตามฺห, อิเมสํ ปน สุขสํวาสตาย ทสทฺวาทสวสฺสานิ วสิสฺสามา’’ติ วตฺตาโร โหนฺติ. เอวเมตฺถ หานิวุทฺธิโย เวทิตพฺพา.
๑๓๗. ทุติยสตฺตเก กมฺมํ อาราโม เอเตสนฺติ กมฺมารามาติ. กมฺเม รตาติ กมฺมรตา. กมฺมารามตมนุยุตฺตาติ ยุตฺตา ปยุตฺตา อนุยุตฺตา. ตตฺถ กมฺมนฺติ อิติกาตพฺพกมฺมํ วุจฺจติ. เสยฺยถิทํ – จีวรวิจารณํ, จีวรกรณํ, อุปตฺถมฺภนํ, สูจิฆรํ, ปตฺตตฺถวิกํ, อสํพทฺธกํ, กายพนฺธนํ, ธมกรณํ, อาธารกํ, ปาทกถลิกํ, สมฺมชฺชนีอาทีนํ กรณนฺติ. เอกจฺโจ หิ เอตานิ กโรนฺโต สกลทิวสํ เอตาเนว กโรติ. ตํ สนฺธาเยส ปฏิกฺเขโป. โย ปน เอเตสํ กรณเวลายเมว เอตานิ กโรติ, อุทฺเทสเวลายํ อุทฺเทสํ คณฺหาติ, สชฺฌายเวลายํ สชฺฌายติ, เจติยงฺคณวตฺตเวลายํ ¶ เจติยงฺคณวตฺตํ กโรติ, มนสิการเวลายํ มนสิการํ กโรติ, น โส กมฺมาราโม นาม.
น ภสฺสารามาติ เอตฺถ โย อิตฺถิวณฺณปุริสวณฺณาทิวเสน อาลาปสลฺลาปํ กโรนฺโตเยว ทิวสฺจ รตฺติฺจ วีตินาเมติ, เอวรูเป ภสฺเส ปริยนฺตการี น โหติ, อยํ ภสฺสาราโม นาม. โย ปน รตฺตินฺทิวํ ธมฺมํ กเถติ, ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, อยํ อปฺปภสฺโสว ภสฺเส ปริยนฺตการีเยว. กสฺมา? ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ – ธมฺมี วา กถา, อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓) วุตฺตตฺตา.
น นิทฺทารามาติ เอตฺถ โย คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ นิปนฺโนปิ ถินมิทฺธาภิภูโต นิทฺทายติเยว, อยํ นิทฺทาราโม นาม. ยสฺส ปน กรชกายเคลฺเน จิตฺตํ ภวงฺเค โอตรติ ¶ , นายํ นิทฺทาราโม. เตเนวาห – ‘‘อภิชานามหํ อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗).
น สงฺคณิการามาติ เอตฺถ โย เอกสฺส ทุติโย ทฺวินฺนํ ตติโย ติณฺณํ จตุตฺโถติ เอวํ สํสฏฺโว วิหรติ, เอกโก อสฺสาทํ น ลภติ, อยํ สงฺคณิการาโม. โย ปน จตูสุ อิริยาปเถสุ เอกโก อสฺสาทํ ลภติ, นายํ สงฺคณิการาโมติ เวทิตพฺโพ.
น ¶ ปาปิจฺฉาติ เอตฺถ อสนฺตสมฺภาวนาย อิจฺฉาย สมนฺนาคตา ทุสฺสีลา ปาปิจฺฉา นาม.
น ปาปมิตฺตาทีสุ ปาปา มิตฺตา เอเตสนฺติ ปาปมิตฺตา. จตูสุ อิริยาปเถสุ สห อยนโต ปาปา สหายา เอเตสนฺติ ปาปสหายา. ตนฺนินฺนตปฺโปณตปฺปพฺภารตาย ปาเปสุ สมฺปวงฺกาติ ปาปสมฺปวงฺกา.
โอรมตฺตเกนาติ อวรมตฺตเกน อปฺปมตฺตเกน. อนฺตราติ อรหตฺตํ อปตฺวาว เอตฺถนฺตเร. โวสานนฺติ ปรินิฏฺิตภาวํ – ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ โอสกฺกนํ ิตกิจฺจตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยาว สีลปาริสุทฺธิมตฺเตน วา วิปสฺสนามตฺเตน วา ฌานมตฺเตน วา โสตาปนฺนภาวมตฺเตน วา สกทาคามิภาวมตฺเตน วา อนาคามิภาวมตฺเตน วา โวสานํ น อาปชฺชิสฺสนฺติ, ตาว วุทฺธิเยว ภิกฺขูนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ.
๑๓๘. ตติยสตฺตเก ¶ สทฺธาติ สทฺธาสมฺปนฺนา. ตตฺถ อาคมนียสทฺธา, อธิคมสทฺธา, ปสาทสทฺธา, โอกปฺปนสทฺธาติ จตุพฺพิธา สทฺธา. ตตฺถ อาคมนียสทฺธา สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ โหติ. อธิคมสทฺธา อริยปุคฺคลานํ. พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆติ วุตฺเต ปน ปสาโท ปสาทสทฺธา. โอกปฺเปตฺวา ปกปฺเปตฺวา ปน สทฺทหนํ โอกปฺปนสทฺธา. สา ทุวิธาปิ อิธาธิปฺเปตา. ตาย หิ สทฺธาย สมนฺนาคโต สทฺธาวิมุตฺโต, วกฺกลิตฺเถรสทิโส โหติ. ตสฺส หิ เจติยงฺคณวตฺตํ วา, โพธิยงฺคณวตฺตํ วา กตเมว โหติ. อุปชฺฌายวตฺตอาจริยวตฺตาทีนิ สพฺพวตฺตานิ ปูเรติ. หิริมนาติ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา ยุตฺตจิตฺตา. โอตฺตปฺปีติ ปาปโต ภายนลกฺขเณน โอตฺตปฺเปน สมนฺนาคตา.
พหุสฺสุตาติ เอตฺถ ปน ปริยตฺติพหุสฺสุโต, ปฏิเวธพหุสฺสุโตติ ¶ ทฺเว พหุสฺสุตา. ปริยตฺตีติ ตีณิ ปิฏกานิ. ปฏิเวโธติ สจฺจปฺปฏิเวโธ. อิมสฺมึ ปน าเน ปริยตฺติ อธิปฺเปตา. สา เยน พหุ สุตา, โส พหุสฺสุโต. โส ปเนส นิสฺสยมุจฺจนโก, ปริสุปฏฺาโก, ภิกฺขุโนวาทโก, สพฺพตฺถกพหุสฺสุโตติ จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ตโย พหุสฺสุตา สมนฺตปาสาทิกาย วินยฏฺกถาย โอวาทวคฺเค วุตฺตนเยน คเหตพฺพา. สพฺพตฺถกพหุสฺสุตา ปน อานนฺทตฺเถรสทิสา โหนฺติ. เต อิธ อธิปฺเปตา.
อารทฺธวีริยาติ ¶ เยสํ กายิกฺจ เจตสิกฺจ วีริยํ อารทฺธํ โหติ. ตตฺถ เย กายสงฺคณิกํ วิโนเทตฺวา จตูสุ อิริยาปเถสุ อฏฺอารพฺภวตฺถุวเสน เอกกา โหนฺติ, เตสํ กายิกวีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ. เย จิตฺตสงฺคาณิกํ วิโนเทตฺวา อฏฺสมาปตฺติวเสน เอกกา โหนฺติ, คมเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส านํ ปาปุณิตุํ น เทนฺติ, าเน อุปฺปนฺนกิเลสสฺส นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนกิเลสสฺส สยนํ ปาปุณิตุํ น เทนฺติ, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนฏฺาเนเยว กิเลเส นิคฺคณฺหนฺติ, เตสํ เจตสิกวีริยํ อารทฺธํ นาม โหติ.
อุปฏฺิตสฺสตีติ จิรกตาทีนํ สริตา อนุสฺสริตา มหาคติมฺพยอภยตฺเถรทีฆภาณอภยตฺเถรติปิฏกจูฬาภยตฺเถรา วิย. มหาคติมฺพยอภยตฺเถโร กิร ชาตปฺจมทิวเส มงฺคลปายาเส ตุณฺฑํ ปสาเรนฺตํ วายสํ ทิสฺวา หุํ หุนฺติ สทฺทมกาสิ. อถ โส เถรกาเล – ‘‘กทา ปฏฺาย, ภนฺเต, สรถา’’ติ ภิกฺขูหิ ปุจฺฉิโต ‘‘ชาตปฺจมทิวเส กตสทฺทโต ปฏฺาย อาวุโส’’ติ อาห.
ทีฆภาณกอภยตฺเถรสฺส ชาตนวมทิวเส มาตา จุมฺพิสฺสามีติ โอนตา ตสฺสา โมฬิ มุจฺจิตฺถ ¶ . ตโต ตุมฺพมตฺตานิ สุมนปุปฺผานิ ทารกสฺส อุเร ปติตฺวา ทุกฺขํ ชนยึสุ. โส เถรกาเล – ‘‘กทา ปฏฺาย, ภนฺเต, สรถา’’ติ ปุจฺฉิโต – ‘‘ชาตนวมทิวสโต ปฏฺายา’’ติ อาห.
ติปิฏกจูฬาภยตฺเถโร – ‘‘อนุราธปุเร ตีณิ ทฺวารานิ ปิทหาเปตฺวา มนุสฺสานํ เอเกน ทฺวาเรน นิกฺขมนํ กตฺวา – ‘ตฺวํ กินฺนาโม, ตฺวํ กินฺนาโม’ติ ปุจฺฉิตฺวา สายํ ปุน อปุจฺฉิตฺวาว เตสํ นามานิ สมฺปฏิจฺฉาเปตุํ – ‘‘สกฺกา อาวุโส’’ติ อาห. เอวรูเป ภิกฺขู สนฺธาย – ‘‘อุปฏฺิตสฺสตี’’ติ วุตฺตํ.
ปฺวนฺโตติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยปริคฺคาหิกาย ปฺาย สมนฺนาคตา. อปิ จ ทฺวีหิปิ เอเตหิ ปเทหิ วิปสฺสกานํ ¶ ภิกฺขูนํ วิปสฺสนาสมฺภารภูตา สมฺมาสติ เจว วิปสฺสนาปฺา จ กถิตา.
๑๓๙. จตุตฺถสตฺตเก สติเยว สมฺโพชฺฌงฺโค สติสมฺโพชฺฌงฺโคติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ตตฺถ อุปฏฺานลกฺขโณ สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปวิจยลกฺขโณ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปคฺคหลกฺขโณ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ผรณลกฺขโณ ¶ ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, อุปสมลกฺขโณ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อวิกฺเขปลกฺขโณ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, ปฏิสงฺขานลกฺขโณ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค. ภาเวสฺสนฺตีติ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปนฺตา, ฉหิ การเณหิ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, นวหิ การเณหิ วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, ทสหิ การเณหิ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, สตฺตหิ การเณหิ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, ทสหิ การเณหิ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา, ปฺจหิ การเณหิ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ สมุฏฺาเปนฺตา วฑฺเฒสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อิมินา วิปสฺสนามคฺคผลสมฺปยุตฺเต โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก สมฺโพชฺฌงฺเค กเถสิ.
๑๔๐. ปฺจมสตฺตเก อนิจฺจสฺาติ อนิจฺจานุปสฺสนาย สทฺธึ อุปฺปนฺนสฺา. อนตฺตสฺาทีสุปิ เอเสว นโย. อิมา สตฺต โลกิยวิปสฺสนาปิ โหนฺติ. ‘‘เอตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีตํ, ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ วิราโค นิโรโธ’’ติ (อ. นิ. ๙.๓๖) อาคตวเสเนตฺถ ทฺเว โลกุตฺตราปิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
๑๔๑. ฉกฺเก เมตฺตํ กายกมฺมนฺติ เมตฺตจิตฺเตน กตฺตพฺพํ กายกมฺมํ. วจีกมฺมมโนกมฺเมสุปิ เอเสว นโย. อิมานิ ปน ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ คิหีสุปิ ลพฺภนฺติ ¶ . ภิกฺขูนฺหิ เมตฺตจิตฺเตน อาภิสมาจาริกธมฺมปูรณํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. คิหีนํ เจติยวนฺทนตฺถาย โพธิวนฺทนตฺถาย สงฺฆนิมนฺตนตฺถาย คมนํ, คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ, ปตฺตปฺปฏิคฺคหณํ, อาสนปฺาปนํ, อนุคมนนฺติ เอวมาทิกํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม.
ภิกฺขูนํ เมตฺตจิตฺเตน อาจารปฺตฺติสิกฺขาปทปฺาปนํ, กมฺมฏฺานกถนํ, ธมฺมเทสนา, เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. คิหีนํ เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม ¶ , โพธิวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม, ธมฺมสฺสวนํ กริสฺสาม, ทีปมาลปุปฺผปูชํ กริสฺสาม, ตีณิ สุจริตานิ สมาทาย วตฺติสฺสาม, สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสาม, วสฺสวาสิกํ ทสฺสาม, อชฺช สงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจเย ทสฺสาม, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ขาทนียาทีนิ สํวิทหถ, อาสนานิ ปฺาเปถ, ปานียํ อุปฏฺเปถ, สงฺฆํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อาเนถ, ปฺตฺตาสเน ¶ นิสีทาเปถ, ฉนฺทชาตา อุสฺสาหชาตา เวยฺยาวจฺจํ กโรถาติอาทิกถนกาเล เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม.
ภิกฺขูนํ ปาโตว อุฏฺาย สรีรปฺปฏิชคฺคนํ, เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ จ กตฺวา วิวิตฺตาสเน นิสีทิตฺวา อิมสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู สุขี โหนฺตุ อเวรา อพฺยาปชฺชาติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘อยฺยา สุขี โหนฺตุ, อเวรา อพฺยาปชฺชา’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา จ ปรมฺมุขา จ. ตตฺถ นวกานํ จีวรกมฺมาทีสุ สหายภาวคมนํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. เถรานํ ปน ปาทโธวนวนฺทนพีชนทานาทิเภทํ สพฺพํ สามีจิกมฺมํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. อุภเยหิปิ ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ ทารุภณฺฑาทีนํ เตสุ อวมฺํ อกตฺวา อตฺตนา ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ วิย ปฏิสามนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม.
เทวตฺเถโร ติสฺสตฺเถโรติ เอวํ ปคฺคยฺห วจนํ สมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. วิหาเร อสนฺตํ ปน ปฏิปุจฺฉนฺตสฺส กุหึ อมฺหากํ เทวตฺเถโร, กุหึ อมฺหากํ ติสฺสตฺเถโร, กทา นุ โข อาคมิสฺสตีติ เอวํ มมายนวจนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม.
เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานิ ปน นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา ปสนฺเนน มุเขน โอโลกนํ สมฺมุขา เมตฺตํ ¶ มโนกมฺมํ นาม. เทวตฺเถโร ติสฺสตฺเถโร อโรโค โหตุ, อปฺปาพาโธติ สมนฺนาหรณํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
ลาภาติ จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา. ธมฺมิกาติ กุหนาทิเภทํ มิจฺฉาชีวํ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน ภิกฺขาจารวตฺเตน อุปฺปนฺนา. อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปีติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปตฺเต ปริยาปนฺนํ ปตฺตสฺส อนฺโตคตํ ทฺวิติกฏจฺฉุภิกฺขามตฺตมฺปิ ¶ . อปฺปฏิวิภตฺตโภคีติ เอตฺถ ทฺเว ปฏิวิภตฺตา นาม – อามิสปฺปฏิวิภตฺตฺจ, ปุคฺคลปฺปฏิวิภตฺตฺจ. ตตฺถ – ‘‘เอตฺตกํ ทสฺสามิ, เอตฺตกํ น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ อามิสปฺปฏิวิภตฺตํ นาม. ‘‘อสุกสฺส ทสฺสามิ, อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ ปน ปุคฺคลปฺปฏิวิภตฺตํ นาม. ตทุภยมฺปิ อกตฺวา โย อปฺปฏิวิภตฺตํ ภฺุชติ, อยํ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี นาม.
สีลวนฺเตหิ ¶ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคีติ เอตฺถ สาธารณโภคิโน อิทํ ลกฺขณํ, ยํ ยํ ปณีตํ ลพฺภติ, ตํ ตํ เนว ลาเภน ลาภํ นิชิคีสนตามุเขน คิหีนํ เทติ, น อตฺตนา ภฺุชติ, ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ – ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตู’’ติ คเหตฺวา ฆณฺฏึ ปหริตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ สงฺฆสนฺตกํ วิย ปสฺสติ.
อิมํ ปน สารณียธมฺมํ โก ปูเรติ, โก น ปูเรตีติ? ทุสฺสีโล ตาว น ปูเรติ. น หิ ตสฺส สนฺตกํ สีลวนฺตา คณฺหนฺติ. ปริสุทฺธสีโล ปน วตฺตํ อขณฺเฑนฺโต ปูเรติ. ตตฺริทํ วตฺตํ – โย หิ โอทิสฺสกํ กตฺวา มาตุ วา ปิตุ วา อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เทติ, โส ทาตพฺพํ เทติ, สารณียธมฺโม ปนสฺส น โหติ, ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหติ. สารณียธมฺโม หิ มุตฺตปลิโพธสฺเสว วฏฺฏติ. เตน ปน โอทิสฺสกํ เทนฺเตน คิลานคิลานุปฏฺากอาคนฺตุกคมิกานฺเจว นวปพฺพชิตสฺส จ สงฺฆาฏิปตฺตคฺคหณํ อชานนฺตสฺส ทาตพฺพํ. เอเตสํ ทตฺวา อวเสสํ เถราสนโต ปฏฺาย โถกํ อทตฺวา โย ยตฺตกํ คณฺหาติ, ตสฺส ตตฺตกํ ทาตพฺพํ. อวสิฏฺเ อสติ ปุน ปิณฺฑาย จริตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย ยํ ยํ ปณีตํ, ตํ ทตฺวา เสสํ ปริภฺุชิตพฺพํ. ‘‘สีลวนฺเตหี’’ติ วจนโต ทุสฺสีลสฺส อทาตุมฺปิ วฏฺฏติ.
อยํ ปน สารณียธมฺโม สุสิกฺขิตาย ปริสาย สุปูโร โหติ, โน อสิกฺขิตาย ปริสาย. สุสิกฺขิตาย หิ ปริสาย โย อฺโต ลภติ, โส น คณฺหาติ. อฺโต อลภนฺโตปิ ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาติ, นาติเรกํ. อยํ ปน สารณียธมฺโม เอวํ ปุนปฺปุนํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ เทนฺตสฺสาปิ ทฺวาทสหิ วสฺเสหิ ปูรติ, น ตโต โอรํ. สเจ หิ ทฺวาทสเม ¶ วสฺเส สารณียธมฺมปูรโก ปิณฺฑปาตปูรํ ปตฺตํ อาสนสาลายํ เปตฺวา นหายิตุํ คจฺฉติ สงฺฆตฺเถโร จ กสฺเสโส ปตฺโตติ, ‘‘สารณียธมฺมปูรกสฺสา’’ติ ¶ วุตฺเต ‘‘อาหรถ น’’นฺติ สพฺพํ ปิณฺฑปาตํ วิจาเรตฺวา ภฺุชิตฺวา จ ริตฺตํ ปตฺตํ เปติ, อถ โส ภิกฺขุ ริตฺตํ ปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยฺหํ อนวเสเสตฺวาว ปริภฺุชึสู’’ติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทติ, สารณียธมฺโม ภิชฺชติ, ปุน ทฺวาทสวสฺสานิ ปูเรตพฺโพ โหติ. ติตฺถิยปริวาสสทิโส เหส, สกึ ขณฺเฑ ชาเต ปุน ปูเรตพฺโพว. โย ปน – ‘‘ลาภา วต ¶ เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม ปตฺตคตํ อนาปุจฺฉาว สพฺรหฺมจารี ปริภฺุชนฺตี’’ติ โสมนสฺสํ ชเนติ, ตสฺส ปุณฺโณ นาม โหติ.
เอวํ ปูริตสารณียธมฺมสฺส ปน เนว อิสฺสา, น มจฺฉริยํ โหติ. โส มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, สุลภปจฺจโย จ, ปตฺตคตมสฺส ทิยฺยมานมฺปิ น ขียติ, ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ลภติ, ภเย วา ฉาตเก วา สมฺปตฺเต เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺติ.
ตตฺริมานิ วตฺถูนิ – เสนคิริวาสี ติสฺสตฺเถโร กิร มหาคิริคามํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ปฺาส มหาเถรา นาคทีปํ เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉนฺตา คิริคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา นิกฺขมึสุ. เถโร ปน ปวิสนฺโต เต ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ลทฺธํ, ภนฺเต’’ติ? วิจริมฺห อาวุโสติ. โส เตสํ อลทฺธภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ. มยํ, อาวุโส, ปฺาส ชนา ปตฺตเตมนมตฺตมฺปิ น ลภิมฺหาติ. ภนฺเต, เนวาสิกา นาม ปฏิพลา โหนฺติ, อลภนฺตาปิ ภิกฺขาจารมคฺคสภาคํ ชานนฺตีติ. เถรา อาคเมสุํ. เถโร คามํ ปาวิสิ. ธุรเคเหเยว มหาอุปาสิกา ขีรภตฺตํ สชฺเชตฺวา เถรํ โอโลกยมานา ิตา. อถ เถรสฺส ทฺวารํ สมฺปตฺตสฺเสว ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ, โส ตํ อาทาย เถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา คณฺหถ, ภนฺเตติ, สงฺฆตฺเถรํ อาห. เถโร – ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตเกหิ กิฺจิ น ลทฺธํ, อยํ สีฆเมว คเหตฺวา อาคโต, กึ นุ โข’’ติ เสสานํ มุขํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกนากาเรเนว ตฺวา ‘‘ภนฺเต, ธมฺเมน สเมน ลทฺธปิณฺฑปาโต, นิกฺกุกฺกุจฺจา คณฺหถา’’ติอาทิโต ปฏฺาย สพฺเพสํ ยาวทตฺถํ ทตฺวา อตฺตนาปิ ยาวทตฺถํ ภฺุชิ.
อถ นํ ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถรา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กทา, อาวุโส, โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌี’’ติ? นตฺถิ เม, ภนฺเต, โลกุตฺตรธมฺโมติ. ฌานลาภีสิ, อาวุโสติ? เอตมฺปิ ¶ เม, ภนฺเต, นตฺถีติ. นนุ, อาวุโส, ปาฏิหาริยนฺติ? สารณียธมฺโม เม, ภนฺเต, ปูริโต, ตสฺส เม ธมฺมสฺส ปูริตกาลโต ปฏฺาย สเจปิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ โหติ, ปตฺตคตํ น ขียตีติ. เต สุตฺวา ¶ – ‘‘สาธุ สาธุ สปฺปุริส, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุยฺห’’นฺติ อาหํสุ. อิทํ ตาว – ‘‘ปตฺตคตํ น ขียตี’’ติ เอตฺถ วตฺถุ.
อยเมว ปน เถโร เจติยปพฺพเต คิริภณฺฑมหาปูชาย ทานฏฺานํ คนฺตฺวา อิมสฺมึ าเน กึ วรภณฺฑนฺติ ปุจฺฉิ. ทฺเว สาฏกา, ภนฺเตติ. เอเต มยฺหํ ¶ ปาปุณิสฺสนฺตีติ. ตํ สุตฺวา อมจฺโจ รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘เอโก ทหโร เอวํ วทตี’’ติ. ทหรสฺส เอวํ จิตฺตํ, มหาเถรานํ ปน สุขุมสาฏกา วฏฺฏนฺตีติ วตฺวา มหาเถรานํ ทสฺสามีติ เปติ. ตสฺส ภิกฺขุสงฺเฆ ปฏิปาฏิยา ิเต เทนฺตสฺส มตฺถเก ปิตาปิ เต สาฏกา หตฺถํ นาโรหนฺติ. อฺเ อาโรหนฺติ. ทหรสฺส ทานกาเล ปน หตฺถํ อารุฬฺหา. โส ตสฺส หตฺเถ ปาเตตฺวา อมจฺจสฺส มุขํ โอโลเกตฺวา ทหรํ นิสีทาเปตฺวา ทานํ ทตฺวา สงฺฆํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทหรสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา – ‘‘ภนฺเต, อิมํ ธมฺมํ กทา ปฏิวิชฺฌิตฺถา’’ติ อาห. โส ปริยาเยนาปิ อสนฺตํ อวทนฺโต – ‘‘นตฺถิ มยฺหํ มหาราช โลกุตฺตรธมฺโม’’ติ อาห. นนุ, ภนฺเต, ปุพฺเพ อวจุตฺถาติ. อาม, มหาราช, สารณียธมฺมปูรโก อหํ, ตสฺส เม ธมฺมสฺส ปูริตกาลโต ปฏฺาย ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ภนฺเต, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุยฺห’’นฺติ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ – ‘‘ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตี’’ติ เอตฺถ วตฺถุ.
พฺราหฺมณติสฺสภเย ปน ภาตรคามวาสิโน นาคตฺเถริยา อนาโรเจตฺวาว ปลายึสุ. เถรี ปจฺจูสสมเย – ‘‘อติวิย อปฺปนิคฺโฆโส คาโม, อุปธาเรถ ตาวา’’ติ ทหรภิกฺขุนิโย อาห. ตา คนฺตฺวา สพฺเพสํ คตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถริยา อาโรเจสุํ. สา สุตฺวา ‘‘มา ตุมฺเห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถ, อตฺตโน อุทฺเทสปริปุจฺฉาโยนิโสมนสิกาเรสุเยว โยคํ กโรถา’’ติ วตฺวา ภิกฺขาจารเวลายํ ปารุปิตฺวา อตฺตทฺวาทสมา คามทฺวาเร นิคฺโรธมูเล อฏฺาสิ. รุกฺเข อธิวตฺถาเทวตา ทฺวาทสนฺนมฺปิ ภิกฺขุนีนํ ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา ‘‘อยฺเย, มา อฺตฺถ คจฺฉถ, นิจฺจํ ¶ อิเธว เอถา’’ติ อาห. เถริยา ปน กนิฏฺภาตา นาคตฺเถโร นาม อตฺถิ, โส – ‘‘มหนฺตํ ภยํ, น สกฺกา อิธ ยาเปตุํ, ปรตีรํ คมิสฺสามี’’ติ อตฺตทฺวาทสโมว อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขนฺโต เถรึ ทิสฺวา คมิสฺสามีติ ภาตรคามํ อาคโต. เถรี – ‘‘เถรา อาคตา’’ติ สุตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา กึ อยฺยาติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สา – ‘‘อชฺช เอกทิวสํ วิหาเรเยว วสิตฺวา สฺเว คมิสฺสถา’’ติ อาห. เถรา วิหารํ อคมํสุ.
เถรี ¶ ปุนทิวเส รุกฺขมูเล ปิณฺฑาย จริตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เถโร – ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เถรี’’ติ วตฺวา ตุณฺหี อฏฺาสิ. ธมฺมิโก ตาต ปิณฺฑปาโต ¶ , กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา ปริภฺุชถาติ. ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เถรี’’ติ. สา ปตฺตํ คเหตฺวา อากาเส ขิปิ. ปตฺโต อากาเส อฏฺาสิ. เถโร – ‘‘สตฺตตาลมตฺเต ิตมฺปิ ภิกฺขุนิภตฺตเมว เถรี’’ติ วตฺวา – ‘‘ภยํ นาม สพฺพกาลํ น โหติ, ภเย วูปสนฺเต อริยวํสํ กถยมาโน, ‘โภ ปิณฺฑปาติก, ภิกฺขุนิภตฺตํ ภฺุชิตฺวา วีตินามยิตฺถา’ติ จิตฺเตน อนุวทิยมาโน สนฺถมฺเภตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อปฺปมตฺตา โหถ เถริโย’’ติ มคฺคํ อารุหิ.
รุกฺขเทวตาปิ – ‘‘สเจ เถโร เถริยา หตฺถโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิสฺสติ, น นํ นิวตฺเตสฺสามิ. สเจ น ปริภฺุชิสฺสติ, นิวตฺเตสฺสามี’’ติ จินฺตยมานา ตฺวา เถรสฺส คมนํ ทิสฺวา รุกฺขา โอรุยฺห ปตฺตํ, ภนฺเต, เทถาติ ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ รุกฺขมูลํเยว อาเนตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ปฏิฺํ กาเรตฺวา ทฺวาทส ภิกฺขุนิโย ทฺวาทส ภิกฺขู จ สตฺตวสฺสานิ อุปฏฺหิ. อิทํ – ‘‘เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺตี’’ติ เอตฺถ วตฺถุ. ตตฺร หิ เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ.
อขณฺฑานีติอาทีสุ ยสฺส สตฺตสุ อาปตฺติกฺขนฺเธสุ อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา สิกฺขาปทํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส สีลํ ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิย ขณฺฑํ นาม. ยสฺส ปน เวมชฺเฌ ภินฺนํ, ตสฺส มชฺเฌ ฉิทฺทสาฏโก วิย ฉิทฺทํ นาม โหติ. ยสฺส ปน ปฏิปาฏิยา ทฺเว ตีณิ ภินฺนานิ, ตสฺส ปิฏฺิยํ วา กุจฺฉิยํ วา อุฏฺิเตน วิสภาควณฺเณน กาฬรตฺตาทีนํ อฺตรวณฺณา คาวี วิย สพลํ นาม โหติ. ยสฺส ปน อนฺตรนฺตรา วิสภาคพินฺทุจิตฺรา คาวี ¶ วิย กมฺมาสํ นาม โหติ. ยสฺส ปน สพฺเพนสพฺพํ อภินฺนานิ, ตสฺส ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ นาม โหนฺติ. ตานิ ปเนตานิ ตณฺหาทาสพฺยโต โมเจตฺวา ภุชิสฺสภาวกรณโต ภุชิสฺสานิ. พุทฺธาทีหิ วิฺูหิ ปสตฺถตฺตา วิฺุปสตฺถานิ, ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตา – ‘‘อิทํ นาม ตฺวํ อาปนฺนปุพฺโพ’’ติ เกนจิ ปรามฏฺุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ อปรามฏฺานิ, อุปจารสมาธึ วา อปฺปนาสมาธึ วา สํวตฺตยนฺตีติ สมาธิสํวตฺตนิกานีติ วุจฺจนฺติ.
สีลสามฺคตา ¶ วิหริสฺสนฺตีติ เตสุ เตสุ ทิสาภาเคสุ วิหรนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สมานภาวูปคตสีลา วิหริสฺสนฺติ. โสตาปนฺนาทีนฺหิ สีลํ สมุทฺทนฺตเรปิ เทวโลเกปิ วสนฺตานํ อฺเสํ โสตาปนฺนาทีนํ สีเลน สมานเมว โหติ, นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺตํ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ยายํ ¶ ทิฏฺีติ มคฺคสมฺปยุตฺตา สมฺมาทิฏฺิ. อริยาติ นิทฺโทสา. นิยฺยาตีติ นิยฺยานิกา. ตกฺกรสฺสาติ โย ตถาการี โหติ. สพฺพทุกฺขกฺขยายาติ สพฺพทุกฺขกฺขยตฺถํ. ทิฏฺิสามฺคตาติ สมานทิฏฺิภาวํ อุปคตา หุตฺวา วิหริสฺสนฺติ. วุทฺธิเยวาติ เอวํ วิหรนฺตานํ วุทฺธิเยว ภิกฺขูนํ ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานีติ.
๑๔๒. เอตเทว พหุลนฺติ อาสนฺนปรินิพฺพานตฺตา ภิกฺขุ โอวทนฺโต ปุนปฺปุนํ เอตํเยว ธมฺมึ กถํ กโรติ. อิติ สีลนฺติ เอวํ สีลํ, เอตฺตกํ สีลํ. เอตฺถ จตุปาริสุทฺธิสีลํ สีลํ จิตฺเตกคฺคตา สมาธิ, วิปสฺสนาปฺา ปฺาติ เวทิตพฺพา. สีลปริภาวิโตติ อาทีสุ ยสฺมึ สีเล ตฺวาว มคฺคสมาธึ ผลสมาธึ นิพฺพตฺเตนฺติ. เอโส เตน สีเลน ปริภาวิโต มหปฺผโล โหติ, มหานิสํโส. ยมฺหิ สมาธิมฺหิ ตฺวา มคฺคปฺํ ผลปฺํ นิพฺพตฺเตนฺติ, สา เตน สมาธินา ปริภาวิตา มหปฺผลา โหติ, มหานิสํสา. ยาย ปฺาย ตฺวา มคฺคจิตฺตํ ผลจิตฺตํ นิพฺพตฺเตนฺติ, ตํ ตาย ปริภาวิตํ สมฺมเทว อาสเวหิ วิมุจฺจติ.
ยถาภิรนฺตนฺติ พุทฺธานํ อนภิรติปริตสฺสิตํ นาม นตฺถิ, ยถารุจิ ยถาอชฺฌาสยนฺติ ปน วุตฺตํ โหติ. อายามาติ เอหิ ยาม. ‘‘อยามา’’ติปิ ปาโ, คจฺฉามาติ ¶ อตฺโถ. อานนฺทาติ ภควา สนฺติกาวจรตฺตา เถรํ อาลปติ. เถโร ปน – ‘‘คณฺหถาวุโส ปตฺตจีวรานิ, ภควา อสุกฏฺานํ คนฺตุกาโม’’ติ ภิกฺขูนํ อาโรเจติ.
๑๔๔. อมฺพลฏฺิกาคมนํ อุตฺตานเมว. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโตติอาทิ (ที. นิ. ๓.๑๔๑) สมฺปสาทนีเย วิตฺถาริตํ.
ทุสฺสีลอาทีนววณฺณนา
๑๔๘. ปาฏลิคมเน ¶ อาวสถาคารนฺติ อาคนฺตุกานํ อาวสถเคหํ. ปาฏลิคาเม กิร นิจฺจกาลํ ทฺวินฺนํ ราชูนํ สหายกา อาคนฺตฺวา กุลานิ เคหโต นีหริตฺวา มาสมฺปิ อฑฺฒมาสมฺปิ วสนฺติ. เต มนุสฺสา นิจฺจุปทฺทุตา – ‘‘เอเตสํ อาคตกาเล วสนฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ นครมชฺเฌ มหตึ สาลํ กริตฺวา ตสฺสา เอกสฺมึ ปเทเส ภณฺฑปฏิสามนฏฺานํ, เอกสฺมึ ปเทเส นิวาสฏฺานํ อกํสุ. เต – ‘‘ภควา อาคโต’’ติ สุตฺวาว – ‘‘อมฺเหหิ คนฺตฺวาปิ ภควา อาเนตพฺโพ สิยา, โส สยเมว อมฺหากํ วสนฏฺานํ สมฺปตฺโต, อชฺช ภควนฺตํ อาวสเถ มงฺคลํ วทาเปสฺสามา’’ติ เอตทตฺถเมว อุปสงฺกมนฺตา. ตสฺมา เอวมาหํสุ. เยน อาวสถาคารนฺติ เต กิร ¶ – ‘‘พุทฺธา นาม อรฺชฺฌาสยา อรฺารามา อนฺโตคาเม วสิตุํ อิจฺเฉยฺยุํ วา โน วา’’ติ ภควโต มนํ อชานนฺตา อาวสถาคารํ อปฺปฏิชคฺคิตฺวาว อาคมํสุ. อิทานิ ภควโต มนํ ตฺวา ปุเรตรํ คนฺตฺวา ปฏิชคฺคิสฺสามาติ เยนาวสถาคารํ, เตนุปสงฺกมึสุ. สพฺพสนฺถรินฺติ ยถา สพฺพํ สนฺถตํ โหติ, เอวํ สนฺถรึ.
๑๔๙. ทุสฺสีโลติ อสีโล นิสฺสีโล. สีลวิปนฺโนติ วิปนฺนสีโล ภินฺนสํวโร. ปมาทาธิกรณนฺติ ปมาทการณา.
อิทฺจ สุตฺตํ คหฏฺานํ วเสน อาคตํ ปพฺพชิตานมฺปิ ปน ลพฺภเตว. คหฏฺโ หิ เยน เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิตํ กปฺเปติ – ยทิ กสิยา, ยทิ วณิชฺชาย, ปาณาติปาตาทิวเสน ปมตฺโต ตํ ตํ ยถากาลํ สมฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, อถสฺส มูลมฺปิ วินสฺสติ. มาฆาตกาเล ปาณาติปาตํ ปน อทินฺนาทานาทีนิ จ กโรนฺโต ทณฺฑวเสน มหตึ โภคชานึ นิคจฺฉติ. ปพฺพชิโต ทุสฺสีโล จ ปมาทการณา สีลโต พุทฺธวจนโต ฌานโต สตฺตอริยธนโต จ ชานึ นิคจฺฉติ.
คหฏฺสฺส – ‘‘อสุโก นาม อสุกกุเล ชาโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม ¶ ปริจฺจตฺตอิธโลกปรโลโก สลากภตฺตมตฺตมฺปิ น เทตี’’ติ จตุปริสมชฺเฌ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. ปพฺพชิตสฺส วา – ‘‘อสุโก นาม นาสกฺขิ สีลํ รกฺขิตุํ, น พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตุํ, เวชฺชกมฺมาทีหิ ¶ ชีวติ, ฉหิ อคารเวหิ สมนฺนาคโต’’ติ เอวํ อพฺภุคฺคจฺฉติ.
อวิสารโทติ คหฏฺโ ตาว – ‘‘อวสฺสํ พหูนํ สนฺนิปาตฏฺาเน เกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสนฺติ, อถ มํ นิคฺคณฺหิสฺสนฺตี’’ติ วา, ‘‘ราชกุลสฺส วา ทสฺสนฺตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข องฺคุลิเกน ภูมึ กสนฺโต นิสีทติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ น สกฺโกติ. ปพฺพชิโตปิ – ‘‘พหู ภิกฺขู สนฺนิปติตา, อวสฺสํ โกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสติ, อถ เม อุโปสถมฺปิ ปวารณมฺปิ เปตฺวา สามฺโต จาเวตฺวา นิกฺกฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ น สกฺโกติ. เอกจฺโจ ปน ทุสฺสีโลปิ ทปฺปิโต วิย วิจรติ, โสปิ อชฺฌาสเยน มงฺกุ โหติเยว.
สมฺมูฬฺโห กาลงฺกโรตีติ ตสฺส หิ มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส ทุสฺสีลกมฺเม สมาทาย ปวตฺติตฏฺานํ อาปาถมาคจฺฉติ, โส อุมฺมีเลตฺวา อิธโลกํ ปสฺสติ, นิมีเลตฺวา ปรโลกํ ปสฺสติ ¶ , ตสฺส จตฺตาโร อปายา อุปฏฺหนฺติ, สตฺติสเตน สีเส ปหริยมาโน วิย โหติ. โส – ‘‘วาเรถ, วาเรถา’’ติ วิรวนฺโต มรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรตี’’ติ. ปฺจมปทํ อุตฺตานเมว.
๑๕๐. อานิสํสกถา วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพา.
๑๕๑. พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถายาติ อฺาย ปาฬิมุตฺตกาย ธมฺมิกถาย เจว อาวสถานุโมทนาย จ อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย โยชนปฺปมาณํ มหามธุํ ปีเฬตฺวา มธุปานํ ปาเยนฺโต วิย พหุเทว รตฺตึ สนฺทสฺเสตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุยฺโยเชสิ. อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา ขีณา ขยวยํ อุเปตา. สฺุาคารนฺติ ปาฏิเยกฺกํ สฺุาคารํ นาม นตฺถิ, ตตฺเถว ปน เอกปสฺเส สาณิปากาเรน ปริกฺขิปิตฺวา – ‘‘อิธ สตฺถา วิสฺสมิสฺสตี’’ติ มฺจกํ ปฺเปสุํ. ภควา – ‘‘จตูหิปิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ เอเตสํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ ตตฺถ สีหเสยฺยํ ¶ กปฺเปสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สฺุาคารํ ปาวิสี’’ติ.
ปาฏลิปุตฺตนครมาปนวณฺณนา
๑๕๒. สุนิธวสฺสการาติ ¶ สุนิโธ จ วสฺสกาโร จ ทฺเว พฺราหฺมณา. มคธมหามตฺตาติ มคธรฺโ มหามตฺตา มหาอมจฺจา, มคธรฏฺเ วา มหามตฺตา มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคตาติ มคธมหามตฺตา. ปาฏลิคาเม นครนฺติ ปาฏลิคามํ นครํ กตฺวา มาเปนฺติ. วชฺชีนํ ปฏิพาหายาติ วชฺชิราชกุลานํ อายมุขปจฺฉินฺทนตฺถํ. สหสฺเสวาติ เอเกกวคฺควเสน สหสฺสํ สหสฺสํ หุตฺวา. วตฺถูนีติ ฆรวตฺถูนิ. จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุนฺติ รฺฺจ ราชมหามตฺตานฺจ นิเวสนานิ มาเปตุํ วตฺถุวิชฺชาปากานํ จิตฺตานิ นมนฺติ. เต กิร อตฺตโน สิปฺปานุภาเวน เหฏฺา ปถวิยํ ตึสหตฺถมตฺเต าเน – ‘‘อิธ นาคคฺคาโห, อิธ ยกฺขคฺคาโห, อิธ ภูตคฺคาโห, ปาสาโณ วา ขาณุโก วา อตฺถี’’ติ ปสฺสนฺติ. เต ตทา สิปฺปํ ชปฺปิตฺวา เทวตาหิ สทฺธึ มนฺตยมานา วิย มาเปนฺติ. อถวา เนสํ สรีเร เทวตา อธิมุจฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิเวสนานิ มาเปตุํ จิตฺตํ นาเมนฺติ. ตา จตูสุ โกเณสุ ขาณุเก โกฏฺเฏตฺวา วตฺถุมฺหิ คหิตมตฺเต ปฏิวิคจฺฉนฺติ. สทฺธานํ กุลานํ สทฺธา เทวตา ตถา กโรนฺติ, อสฺสทฺธานํ กุลานํ อสฺสทฺธา เทวตาว. กึ การณา? สทฺธานฺหิ เอวํ โหติ – ‘‘อิธ มนุสฺสา นิเวสนํ มาเปตฺวา ปมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา มงฺคลํ วฑฺฒาเปสฺสนฺติ. อถ มยํ สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ, ธมฺมกถํ, ปฺหาวิสฺสชฺชนํ ¶ , อนุโมทนฺจ โสตุํ ลภิสฺสาม, มนุสฺสา ทานํ ทตฺวา อมฺหากํ ปตฺตึ ทสฺสนฺตี’’ติ.
ตาวตึเสหีติ ยถา หิ เอกสฺมึ กุเล เอกํ ปณฺฑิตมนุสฺสํ, เอกสฺมึ วา วิหาเร เอกํ พหุสฺสุตภิกฺขุํ อุปาทาย – ‘‘อสุกกุเล มนุสฺสา ปณฺฑิตา, อสุกวิหาเร ภิกฺขู พหุสฺสุตา’’ติ สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, เอวเมว สกฺกํ เทวราชานํ วิสฺสกมฺมฺจ เทวปุตฺตํ อุปาทาย – ‘‘ตาวตึสา ปณฺฑิตา’’ติ สทฺโท อพฺภุคฺคโต. เตนาห – ‘‘ตาวตึเสหี’’ติ. ตาวตึเสหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวาปิ วิย มาเปนฺตีติ อตฺโถ.
ยาวตา อริยํ อายตนนฺติ ยตฺตกํ อริยกมนุสฺสานํ โอสรณฏฺานํ ¶ นาม อตฺถิ. ยาวตา วณิปฺปโถติ ยตฺตกํ วาณิชานํ อาภตภณฺฑสฺส ¶ ราสิวเสเนว กยวิกฺกยฏฺานํ นาม, วาณิชานํ วสนฏฺานํ วา อตฺถิ. อิทํ อคฺคนครนฺติ เตสํ อริยายตนวณิปฺปถานํ อิทํ อคฺคนครํ เชฏฺกํ ปาโมกฺขํ ภวิสฺสตีติ. ปุฏเภทนนฺติ ภณฺฑปุฏเภทนฏฺานํ, ภณฺฑภณฺฑิกานํ โมจนฏฺานนฺติ วุตฺตํ โหติ. สกลชมฺพุทีเป อลทฺธภณฺฑมฺปิ หิ อิเธว ลภิสฺสนฺติ, อฺตฺถ วิกฺกเยน อคจฺฉนฺตมฺปิ จ อิเธว คมิสฺสติ. ตสฺมา อิเธว ปุฏํ ภินฺทิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. จตูสุ หิ ทฺวาเรสุ จตฺตาริ สภายํ เอกนฺติ เอวํ ทิวเส ทิวเส ปฺจสตสหสฺสานิ อุฏฺหิสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ.
อคฺคิโต วาติอาทีสุ จการตฺโถ วา-สทฺโท. อคฺคินา จ อุทเกน จ มิถุเภเทน จ นสฺสิสฺสตีติ อตฺโถ. เอกโกฏฺาโส อคฺคินา นสฺสิสฺสติ, นิพฺพาเปตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. เอกํ คงฺคา คเหตฺวา คมิสฺสติ. เอโก – ‘‘อิมินา อกถิตํ อมุสฺส, อมุนา อกถิตํ อิมสฺสา’’ติ วทนฺตานํ ปิสุณวาจานํ วเสน ภินฺนานํ มนุสฺสานํ อฺมฺเภเทเนว นสฺสิสฺสตีติ อตฺโถ. อิติ วตฺวา ภควา ปจฺจูสกาเล คงฺคาย ตีรํ คนฺตฺวา กตมุขโธวโน ภิกฺขาจารเวลํ อาคมยมาโน นิสีทิ.
๑๕๓. สุนิธวสฺสการาปิ – ‘‘อมฺหากํ ราชา สมณสฺส โคตมสฺส อุปฏฺาโก, โส อมฺเห ปุจฺฉิสฺสติ, ‘สตฺถา กิร ปาฏลิคามํ อคมาสิ, ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺถ, น อุปสงฺกมิตฺถา’ติ. อุปสงฺกมิมฺหาติ จ วุตฺเต – ‘นิมนฺตยิตฺถ, น นิมนฺตยิตฺถา’ติ จ ปุจฺฉิสฺสติ. น นิมนฺตยิมฺหาติ จ วุตฺเต อมฺหากํ โทสํ อาโรเปตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสติ. อิทํ จาปิ มยํ อาคตฏฺาเน นครํ มาเปม, สมณสฺส โข ปน โคตมสฺส คตคตฏฺาเน กาฬกณฺณิสตฺตา ¶ ปฏิกฺกมนฺติ, ตํ มยํ นครมงฺคลํ วทาเปสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺตยึสุ. ตสฺมา – ‘‘อถ โข สุนิธวสฺสการา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปุพฺพณฺหกาเล. นิวาเสตฺวาติ คามปฺปเวสนนีหาเรน นิวาสนํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ ¶ พนฺธิตฺวา. ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตฺจ จีวรฺจ อาทิยิตฺวา กายปฺปฏิพทฺธํ กตฺวา.
สีลวนฺเตตฺถาติ สีลวนฺเต เอตฺถ. สฺเตติ กายวาจามเนหิ สฺเต.
ตาสํ ¶ ทกฺขิณมาทิเยติ สงฺฆสฺส ทินฺเน จตฺตาโร ปจฺจเย ตาสํ ฆรเทวตานํ อาทิเสยฺย, ปตฺตึ ทเทยฺย. ปูชิตา ปูชยนฺตีติ – ‘‘อิเม มนุสฺสา อมฺหากํ าตกาปิ น โหนฺติ, เอวมฺปิ โน ปตฺตึ เทนฺตี’’ติ อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรถาติ สุฏฺุ อารกฺขํ กโรนฺติ. มานิตา มานยนฺตีติ กาลานุกาลํ พลิกมฺมกรเณน มานิตา ‘‘เอเต มนุสฺสา อมฺหากํ าตกาปิ น โหนฺติ, จตุมาสฉมาสนฺตเร โน พลิกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ มาเนนฺติ, มาเนนฺติโย อุปฺปนฺนํ ปริสฺสยํ หรนฺติ.
ตโต นนฺติ ตโต นํ ปณฺฑิตชาติกํ มนุสฺสํ. โอรสนฺติ อุเร เปตฺวา สํวฑฺฒิตํ, ยถา มาตา โอรสํ ปุตฺตํ อนุกมฺปติ, อุปฺปนฺนปริสฺสยหรณตฺถเมว ตสฺส วายมติ, เอวํ อนุกมฺปนฺตีติ อตฺโถ. ภทฺรานิ ปสฺสตีติ สุนฺทรานิ ปสฺสติ.
๑๕๔. อุฬุมฺปนฺติ ปารคมนตฺถาย อาณิโย โกฏฺเฏตฺวา กตํ. กุลฺลนฺติ วลฺลิอาทีหิ พนฺธิตฺวา กตํ.
‘‘เย ตรนฺติ อณฺณว’’นฺติ คาถาย อณฺณวนฺติ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน โยชนมตฺตํ คมฺภีรสฺส จ ปุถุลสฺส จ อุทกฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ. สรนฺติ อิธ นที อธิปฺเปตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ, เย คมฺภีรวิตฺถตํ ตณฺหาสรํ ตรนฺติ, เต อริยมคฺคสงฺขาตํ เสตุํ กตฺวาน. วิสชฺช ปลฺลลานิ อนามสิตฺวา อุทกภริตานิ นินฺนฏฺานานิ. อยํ ปน อิทํ อปฺปมตฺตกํ ตริตุกาโมปิ กุลฺลฺหิ ชโน ปพนฺธติ. พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ วินาเยว กุลฺเลน ติณฺณา เมธาวิโน ชนาติ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อริยสจฺจกถาวณฺณนา
๑๕๕. โกฏิคาโมติ ¶ มหาปนาทสฺส ปาสาทโกฏิยํ กตคาโม. อริยสจฺจานนฺติ อริยภาวกรานํ สจฺจานํ. อนนุโพธาติ อพุชฺฌเนน อชานเนน. อปฺปฏิเวธาติ อปฺปฏิวิชฺฌเนน. สนฺธาวิตนฺติ ภวโต ภวํ คมนวเสน ¶ สนฺธาวิตํ. สํสริตนฺติ ปุนปฺปุนํ คมนาคมนวเสน สํสริตํ. มมฺเจว ¶ ตุมฺหากฺจาติ มยา จ ตุมฺเหหิ จ. อถ วา สนฺธาวิตํ สํสริตนฺติ สนฺธาวนํ สํสรณํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจ อโหสีติ เอมเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ภวเนตฺติ สมูหตาติ ภวโต ภวํ นยนสมตฺถา ตณฺหารชฺชุ สุฏฺุ หตา ฉินฺนา อปฺปวตฺติกตา.
อนาวตฺติธมฺมสมฺโพธิปรายณวณฺณนา
๑๕๖. นาติกาติ เอกํ ตฬากํ นิสฺสาย ทฺวินฺนํ จูฬปิตุมหาปิตุปุตฺตานํ ทฺเว คามา. นาติเกติ เอกสฺมึ าติคามเก. คิฺชกาวสเถติ อิฏฺกามเย อาวสเถ.
๑๕๗. โอรมฺภาคิยานนฺติ เหฏฺาภาคิยานํ, กามภเวเยว ปฏิสนฺธิคฺคาหาปกานนฺติ อตฺโถ. โอรนฺติ ลทฺธนาเมหิ วา ตีหิ มคฺเคหิ ปหาตพฺพานีติปิ โอรมฺภาคิยานิ. ตตฺถ กามจฺฉนฺโท, พฺยาปาโทติ อิมานิ ทฺเว สมาปตฺติยา วา อวิกฺขมฺภิตานิ, มคฺเคน วา อสมุจฺฉินฺนานิ นิพฺพตฺตวเสน อุทฺธํ ภาคํ รูปภวฺจ อรูปภวฺจ คนฺตุํ น เทนฺติ. สกฺกายทิฏฺิอาทีนิ ตีณิ ตตฺถ นิพฺพตฺตมฺปิ อาเนตฺวา ปุน อิเธว นิพฺพตฺตาเปนฺตีติ สพฺพานิปิ โอรมฺภาคิยาเนว. อนาวตฺติธมฺมาติ ปฏิสนฺธิวเสน อนาคมนสภาวา.
ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตาติ เอตฺถ กทาจิ กรหจิ อุปฺปตฺติยา จ, ปริยุฏฺานมนฺทตาย จาติ ทฺเวธาปิ ตนุภาโว เวทิตพฺโพ. สกทาคามิสฺส หิ ปุถุชฺชนานํ วิย อภิณฺหํ ราคาทโย นุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ. อุปฺปชฺชมานา จ ปุถุชฺชนานํ วิย พหลพหลา นุปฺปชฺชนฺติ, มกฺขิกาปตฺตํ วิย ตนุกตนุกา อุปฺปชฺชนฺติ. ทีฆภาณกติปิฏกมหาสีวตฺเถโร ปนาห – ‘‘ยสฺมา สกทาคามิสฺส ปุตฺตธีตโร โหนฺติ, โอโรธา จ โหนฺติ, ตสฺมา พหลา กิเลสา. อิทํ ปน ภวตนุกวเสน กถิต’’นฺติ. ตํ อฏฺกถายํ – ‘‘โสตาปนฺนสฺส สตฺตภเว เปตฺวา อฏฺเม ภเว ภวตนุกํ นตฺถิ. สกทาคามิสฺส ทฺเว ภเว เปตฺวา ปฺจสุ ภเวสุ ภวตนุกํ นตฺถิ. อนาคามิสฺส รูปารูปภเว เปตฺวา กามภเว ภวตนุกํ นตฺถิ. ขีณาสวสฺส กิสฺมิฺจิ ภเว ภวตนุกํ นตฺถี’’ติ วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิตฺตํ โหติ.
อิมํ ¶ โลกนฺติ อิมํ กามาวจรโลกํ สนฺธาย วุตฺตํ. อยฺเจตฺถ ¶ อธิปฺปาโย, สเจ หิ มนุสฺเสสุ สกทาคามิผลํ ปตฺโต เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา ¶ อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. อสกฺโกนฺโต ปน อวสฺสํ มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา สจฺฉิกโรติ. เทเวสุ สกทาคามิผลํ ปตฺโตปิ สเจ มนุสฺเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. อสกฺโกนฺโต ปน อวสฺสํ เทวโลกํ คนฺตฺวา สจฺฉิกโรตีติ.
อวินิปาตธมฺโมติ เอตฺถ วินิปตนํ วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม. จตูสุ อปาเยสุ อวินิปาตธมฺโม จตูสุ อปาเยสุ อวินิปาตสภาโวติ อตฺโถ. นิยโตติ ธมฺมนิยาเมน นิยโต. สมฺโพธิปรายโณติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ ปรํ อยนํ อสฺส คติ ปฏิสรณํ อวสฺสํ ปตฺตพฺพาติ สมฺโพธิปรายโณ.
ธมฺมาทาสธมฺมปริยายวณฺณนา
๑๕๘. วิเหสาติ เตสํ เตสํ าณคตึ าณูปปตฺตึ าณาภิสมฺปรายํ โอโลเกนฺตสฺส กายกิลมโถว เอส, อานนฺท, ตถาคตสฺสาติ ทีเปติ, จิตฺตวิเหสา ปน พุทฺธานํ นตฺถิ. ธมฺมาทาสนฺติ ธมฺมมยํ อาทาสํ. เยนาติ เยน ธมฺมาทาเสน สมนฺนาคโต. ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโตติ อิทํ นิรยาทีนํเยว เววจนวเสน วุตฺตํ. นิรยาทโย หิ วฑฺฒิสงฺขาตโต อยโต อเปตตฺตา อปายา. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ. เย ทุกฺกฏการิโน, เต เอตฺถ วิวสา นิปตนฺตีติ วินิปาตา.
อเวจฺจปฺปสาเทนาติ พุทฺธคุณานํ ยถาภูตโต าตตฺตา อจเลน อจฺจุเตน ปสาเทน. อุปริ ปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อิติปิ โส ภควาติอาทีนํ ปน วิตฺถาโร วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต.
อริยกนฺเตหีติ อริยานํ กนฺเตหิ ปิเยหิ มนาเปหิ. ปฺจ สีลานิ หิ อริยสาวกานํ กนฺตานิ โหนฺติ, ภวนฺตเรปิ อวิชหิตพฺพโต. ตานิ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. สพฺโพปิ ปเนตฺถ สํวโร ลพฺภติเยว.
โสตาปนฺโนหมสฺมีติ อิทํ เทสนาสีสเมว. สกทาคามิอาทโยปิ ปน สกทาคามีหมสฺมีติอาทินา นเยน พฺยากโรนฺติ เยวาติ. สพฺเพสมฺปิ หิ สิกฺขาปทาวิโรเธน ยุตฺตฏฺาเน พฺยากรณํ อนฺุาตเมว โหติ.
อมฺพปาลีคณิกาวตฺถุวณฺณนา
๑๖๑. เวสาลิยํ ¶ ¶ วิหรตีติ เอตฺถ เตน โข ปน สมเยน เวสาลี อิทฺธา เจว โหติ ผีตาจาติอาทินา ขนฺธเก วุตฺตนเยน ¶ เวสาลิยา สมฺปนฺนภาโว เวทิตพฺโพ. อมฺพปาลิวเนติ อมฺพปาลิยา คณิกาย อุยฺยานภูเต อมฺพวเน. สโต ภิกฺขเวติ ภควา อมฺพปาลิทสฺสเน สติปจฺจุปฏฺานตฺถํ วิเสสโต อิธ สติปฏฺานเทสนํ อารภิ. ตตฺถ สรตีติ สโต. สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโน. สติยา จ สมฺปชฺเน จ สมนฺนาคโต หุตฺวา วิหเรยฺยาติ อตฺโถ. กาเย กายานุปสฺสีติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาสติปฏฺาเน วกฺขาม.
นีลาติ อิทํ สพฺพสงฺคาหกํ. นีลวณฺณาติอาทิ ตสฺเสว วิภาคทสฺสนํ. ตตฺถ น เตสํ ปกติวณฺโณ นีโล, นีลวิเลปนวิลิตฺตตฺตา ปเนตํ วุตฺตํ. นีลวตฺถาติ ปฏทุกูลโกเสยฺยาทีนิปิ เตสํ นีลาเนว โหนฺติ. นีลาลงฺการาติ นีลมณีหิ นีลปุปฺเผหิ อลงฺกตา, รถาปิ เตสํ นีลมณิขจิตา นีลวตฺถปริกฺขิตฺตา นีลทฺธชา นีลวมฺมิเกหิ นีลาภรเณหิ นีลอสฺเสหิ ยุตฺตา, ปโตทลฏฺิโยปิ นีลา เยวาติ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปริวฏฺเฏสีติ ปหริ. กึ เช อมฺพปาลีติ เชติ อาลปนวจนํ, โภติ อมฺพปาลิ, กึ การณาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘กิฺจา’’ติปิ ปาโ, อยเมเวตฺถ อตฺโถ. สาหารนฺติ สชนปทํ. องฺคุลึ โผเฏสุนฺติ องฺคุลึ จาเลสุํ. อมฺพกายาติ อิตฺถิกาย.
เยสนฺติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, เยหิ อทิฏฺาติ วุตฺตํ โหติ. โอโลเกถาติ ปสฺสถ. อวโลเกถาติ ปุนปฺปุนํ ปสฺสถ. อุปสํหรถาติ อุปเนถ. อิมํ ลิจฺฉวิปริสํ ตุมฺหากํ จิตฺเตน ตาวตึสสทิสํ อุปสํหรถ อุปเนถ อลฺลียาเปถ. ยเถว ตาวตึสา อภิรูปา ปาสาทิกา นีลาทินานาวณฺณา, เอวมิเม ลิจฺฉวิราชาโนปีติ ตาวตึเสหิ สมเก กตฺวา ปสฺสถาติ อตฺโถ.
กสฺมา ปน ภควา อเนกสเตหิ สุตฺเตหิ จกฺขาทีนํ รูปาทีสุ นิมิตฺตคฺคาหํ ปฏิเสเธตฺวา อิธ มหนฺเตน อุสฺสาเหน นิมิตฺตคฺคาเห อุยฺโยเชตีติ? หิตกามตาย. ตตฺร กิร เอกจฺเจ ภิกฺขู โอสนฺนวีริยา, เตสํ ¶ สมฺปตฺติยา ปโลเภนฺโต – ‘‘อปฺปมาเทน สมณธมฺมํ กโรนฺตานํ เอวรูปา อิสฺสริยสมฺปตฺติ สุลภา’’ติ สมณธมฺเม อุสฺสาหชนนตฺถํ อาห. อนิจฺจลกฺขณวิภาวนตฺถฺจาปิ ¶ เอวมาห. นจิรสฺเสว หิ สพฺเพปิเม อชาตสตฺตุสฺส วเสน วินาสํ ปาปุณิสฺสนฺติ. อถ เนสํ รชฺชสิริสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ิตภิกฺขู – ‘‘ตถารูปายปิ นาม ¶ สิริสมฺปตฺติยา วินาโส ปฺายิสฺสตี’’ติ อนิจฺจลกฺขณํ ภาเวตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตีติ อนิจฺจลกฺขณวิภาวนตฺถํ อาห.
อธิวาเสตูติ อมฺพปาลิยา นิมนฺติตภาวํ ตฺวาปิ กสฺมา นิมนฺเตนฺตีติ? อสทฺทหนตาย เจว วตฺตสีเสน จ. สา หิ ธุตฺตา อิตฺถี อนิมนฺเตตฺวาปิ นิมนฺเตมีติ วเทยฺยาติ เตสํ จิตฺตํ อโหสิ, ธมฺมํ สุตฺวา คมนกาเล จ นิมนฺเตตฺวา คมนํ นาม มนุสฺสานํ วตฺตเมว.
เวฬุวคามวสฺสูปคมนวณฺณนา
๑๖๓. เวฬุวคามโกติ เวสาลิยา สมีเป เวฬุวคาโม. ยถามิตฺตนฺติอาทีสุ มิตฺตา มิตฺตาว. สนฺทิฏฺาติ ตตฺถ ตตฺถ สงฺคมฺม ทิฏฺมตฺตา นาติทฬฺหมิตฺตา. สมฺภตฺตาติ สุฏฺุ ภตฺตา สิเนหวนฺโต ทฬฺหมิตฺตา. เยสํ เยสํ ยตฺถ ยตฺถ เอวรูปา ภิกฺขู อตฺถิ, เต เต ตตฺถ ตตฺถ วสฺสํ อุเปถาติ อตฺโถ. กสฺมา เอวมาห? เตสํ ผาสุวิหารตฺถาย. เตสฺหิ เวฬุวคามเก เสนาสนํ นปฺปโหติ, ภิกฺขาปิ มนฺทา. สมนฺตา เวสาลิยา ปน พหูนิ เสนาสนานิ, ภิกฺขาปิ สุลภา, ตสฺมา เอวมาห. อถ กสฺมา – ‘‘ยถาสุขํ คจฺฉถา’’ติ น วิสฺสชฺเชสิ? เตสํ อนุกมฺปาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ ทสมาสมตฺตํ ตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามิ, สเจ อิเม ทูรํ คจฺฉิสฺสนฺติ, มม ปรินิพฺพานกาเล ทฏฺุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. อถ เนสํ – ‘‘สตฺถา ปรินิพฺพายนฺโต อมฺหากํ สติมตฺตมฺปิ น อทาสิ, สเจ ชาเนยฺยาม, เอวํ น ทูเร วเสยฺยามา’’ติ วิปฺปฏิสาโร ภเวยฺย. เวสาลิยา สมนฺตา ปน วสนฺตา มาสสฺส อฏฺ วาเร อาคนฺตฺวา ธมฺมํ สุณิสฺสนฺติ, สุคโตวาทํ ลภิสฺสนฺตี’’ติ น วิสฺสชฺเชสิ.
๑๖๔. ขโรติ ผรุโส. อาพาโธติ วิสภาคโรโค. พาฬฺหาติ พลวติโย. มารณนฺติกาติ มรณนฺตํ มรณสนฺติกํ ปาปนสมตฺถา. สโต สมฺปชาโน อธิวาเสสีติ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อธิวาเสสิ. อวิหฺมาโนติ เวทนานุวตฺตนวเสน อปราปรํ ¶ ปริวตฺตนํ อกโรนฺโต อปีฬิยมาโน อทุกฺขิยมาโนว อธิวาเสสิ ¶ . อนามนฺเตตฺวาติ อชานาเปตฺวา. อนปโลเกตฺวาติ น อปโลเกตฺวา โอวาทานุสาสนึ อทตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วีริเยนาติ ปุพฺพภาควีริเยน เจว ผลสมาปตฺติวีริเยน จ. ปฏิปณาเมตฺวาติ วิกฺขมฺเภตฺวา. ชีวิตสงฺขารนฺติ เอตฺถ ชีวิตมฺปิ ชีวิตสงฺขาโร. เยน ชีวิตํ สงฺขริยติ ฉิชฺชมานํ ฆเฏตฺวา ปิยติ, โส ผลสมาปตฺติธมฺโมปิ ชีวิตสงฺขาโร. โส อิธ อธิปฺเปโต. อธิฏฺายาติ ¶ อธิฏฺหิตฺวา ปวตฺเตตฺวา, ชีวิตฏฺปนสมตฺถํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺเชยฺยนฺติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ.
กึ ปน ภควา อิโต ปุพฺเพ ผลสมาปตฺตึ น สมาปชฺชตีติ? สมาปชฺชติ. สา ปน ขณิกสมาปตฺติ. ขณิกสมาปตฺติ จ อนฺโตสมาปตฺติยํเยว เวทนํ วิกฺขมฺเภติ, สมาปตฺติโต วุฏฺิตมตฺตสฺส กฏฺปาเตน วา กลปาเตน วา ฉินฺนเสวาโล วิย อุทกํ ปุน สรีรํ เวทนา อชฺโฌตฺถรติ. ยา ปน รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกฺจ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา มหาวิปสฺสนาวเสน สมาปนฺนา สมาปตฺติ, สา สุฏฺุ วิกฺขมฺเภติ. ยถา นาม ปุริเสน โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ สุฏฺุ อปพฺยูฬฺโห เสวาโล จิเรน อุทกํ โอตฺถรติ; เอวเมว ตโต วุฏฺิตสฺส จิเรน เวทนา อุปฺปชฺชติ. อิติ ภควา ตํ ทิวสํ มหาโพธิปลฺลงฺเก อภินววิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺโต วิย รูปสตฺตกํ อรูปสตฺตกํ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา จุทฺทสหากาเรหิ สนฺเนตฺวา มหาวิปสฺสนาย เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา – ‘‘ทสมาเส มา อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. สมาปตฺติวิกฺขมฺภิตา เวทนา ทสมาเส น อุปฺปชฺชิ เยว.
คิลานา วุฏฺิโตติ คิลาโน หุตฺวา ปุน วุฏฺิโต. มธุรกชาโต วิยาติ สฺชาตครุภาโว สฺชาตถทฺธภาโว สูเล อุตฺตาสิตปุริโส วิย. น ปกฺขายนฺตีติ นปฺปกาสนฺติ, นานาการโต น อุปฏฺหนฺติ. ธมฺมาปิ มํ น ปฏิภนฺตีติ สติปฏฺานาทิธมฺมา มยฺหํ ปากฏา น โหนฺตีติ ทีเปติ. ตนฺติธมฺมา ปน เถรสฺส สุปคุณา. น อุทาหรตีติ ปจฺฉิมํ โอวาทํ น เทติ. ตํ สนฺธาย วทติ.
๑๖๕. อนนฺตรํ ¶ อพาหิรนฺติ ธมฺมวเสน วา ปุคฺคลวเสน วา อุภยํ อกตฺวา. ‘‘เอตฺตกํ ธมฺมํ ปรสฺส น เทเสสฺสามี’’ติ ¶ หิ จินฺเตนฺโต ธมฺมํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม. ‘‘เอตฺตกํ ปรสฺส เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ธมฺมํ พาหิรํ กโรติ นาม. ‘‘อิมสฺส ปุคฺคลสฺส เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปน ปุคฺคลํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม. ‘‘อิมสฺส น เทเสสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปุคฺคลํ พาหิรํ กโรติ นาม. เอวํ อกตฺวา เทสิโตติ อตฺโถ. อาจริยมุฏฺีติ ยถา พาหิรกานํ อาจริยมุฏฺิ นาม โหติ. ทหรกาเล กสฺสจิ อกเถตฺวา ปจฺฉิมกาเล มรณมฺเจ นิปนฺนา ปิยมนาปสฺส อนฺเตวาสิกสฺส กเถนฺติ, เอวํ ตถาคตสฺส – ‘‘อิทํ มหลฺลกกาเล ปจฺฉิมฏฺาเน กเถสฺสามี’’ติ มุฏฺึ กตฺวา ‘‘ปริหริสฺสามี’’ติ ปิตํ กิฺจิ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
อหํ ¶ ภิกฺขุสงฺฆนฺติ อหเมว ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามีติ วา มมุทฺเทสิโกติ อหํ อุทฺทิสิตพฺพฏฺเน อุทฺเทโส อสฺสาติ มมุทฺเทสิโก. มํเยว อุทฺทิสิตฺวา มม ปจฺจาสีสมาโน ภิกฺขุสงฺโฆ โหตุ, มม อจฺจเยน วา มา อเหสุํ, ยํ วา ตํ วา โหตูติ อิติ วา ยสฺส อสฺสาติ อตฺโถ. น เอวํ โหตีติ โพธิปลฺลงฺเกเยว อิสฺสามจฺฉริยานํ วิหตตฺตา เอวํ น โหติ. ส กินฺติ โส กึ. อาสีติโกติ อสีติสํวจฺฉริโก. อิทํ ปจฺฉิมวยอนุปฺปตฺตภาวทีปนตฺถํ วุตฺตํ. เวมิสฺสเกนาติ พาหพนฺธจกฺกพนฺธาทินา ปฏิสงฺขรเณน เวมิสฺสเกน. มฺเติ ชิณฺณสกฏํ วิย เวมิสฺสเกน มฺเ ยาเปติ. อรหตฺตผลเวเนน จตุอิริยาปถกปฺปนํ ตถาคตสฺส โหตีติ ทสฺเสติ.
อิทานิ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ยสฺมึ, อานนฺท, สมเยติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปนิมิตฺตาทีนํ. เอกจฺจานํ เวทนานนฺติ โลกิยานํ เวทนานํ. ตสฺมาติหานนฺทาติ ยสฺมา อิมินา ผลสมาปตฺติวิหาเรน ผาสุ โหติ, ตสฺมา ตุมฺเหปิ ตทตฺถาย เอวํ วิหรถาติ ทสฺเสติ. อตฺตทีปาติ มหาสมุทฺทคตทีปํ วิย อตฺตานํ ทีปํ ปติฏฺํ กตฺวา วิหรถ. อตฺตสรณาติ อตฺตคติกาว โหถ, มา อฺคติกา. ธมฺมทีปธมฺมสรณปเทสุปิ เอเสว นโย. ตมตคฺเคติ ตมอคฺเค. มชฺเฌ ตกาโร ปทสนฺธิวเสน วุตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อิเม อคฺคตมาติ ตมตคฺคา’’ติ. เอวํ สพฺพํ ตมโยคํ ฉินฺทิตฺวา อติวิย อคฺเค อุตฺตมภาเว เอเต ¶ , อานนฺท ¶ , มม ภิกฺขู ภวิสฺสนฺติ. เตสํ อติอคฺเค ภวิสฺสนฺติ, เย เกจิ สิกฺขากามา, สพฺเพปิ เต จตุสติปฏฺานโคจราว ภิกฺขู อคฺเค ภวิสฺสนฺตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สงฺคณฺหาติ.
ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิมิตฺโตภาสกถาวณฺณนา
๑๖๖. เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ กทา ปาวิสิ? อุกฺกเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ คตกาเล. ภควา กิร วุฏฺวสฺโส เวฬุวคามกา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ คมิสฺสามีติ อาคตมคฺเคเนว ปฏินิวตฺตนฺโต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปาวิสิ. ธมฺมเสนาปติ ภควโต วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ทิวาฏฺานํ คโต. โส ตตฺถ อนฺเตวาสิเกสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺกนฺเตสุ ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปฺเปตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ผลสมาปตฺตึ ¶ ปาวิสิ. อถสฺส ยถาปริจฺเฉเทน ตโต วุฏฺิตสฺส อยํ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘พุทฺธา นุ โข ปมํ ปรินิพฺพายนฺติ, อคสาวกา นุ โข’’ติ? ตโต – ‘‘อคฺคสาวกา ปม’’นฺติ ตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกสิ. โส – ‘‘สตฺตาหเมว เม อายุสงฺขาโร ปวตฺตตี’’ติ ตฺวา – ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ตโต – ‘‘ราหุโล ตาวตึเสสุ ปรินิพฺพุโต, อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร ฉทฺทนฺตทเห, อหํ กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ ปุน จินฺเตนฺโต มาตรํ อารพฺภ สตึ อุปฺปาเทสิ – ‘‘มยฺหํ มาตา สตฺตนฺนํ อรหนฺตานํ มาตา หุตฺวาปิ พุทฺธธมฺมสงฺเฆสุ อปฺปสนฺนา, อตฺถิ นุ โข ตสฺสา อุปนิสฺสโย, นตฺถิ นุ โข’’ติ อาวชฺเชตฺวา โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา – ‘‘กสฺส เทสนาย อภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺโต – ‘‘มเมว ธมฺมเทสนาย ภวิสฺสติ, น อฺสฺส. สเจ โข ปนาหํ อปฺโปสฺสุกฺโก ภเวยฺยํ, ภวิสฺสนฺติ เม วตฺตาโร – ‘สาริปุตฺตตฺเถโร อวเสสชนานมฺปิ อวสฺสโย โหติ. ตถา หิสฺส สมจิตฺตสุตฺตเทสนาทิวเส (อ. นิ. ๑.๓๗) โกฏิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปตฺตา ¶ . ตโย มคฺเค ปฏิวิทฺธเทวตานํ คณนา นตฺถิ. อฺเสุ จ าเนสุ อเนกา อภิสมยา ¶ ทิสฺสนฺติ. เถเรว จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตาเนว อสีติกุลสหสฺสานิ. โส ทานิ สกมาตุมิจฺฉาทสฺสนมตฺตมฺปิ หริตุํ นาสกฺขี’ติ. ตสฺมา มาตรํ มิจฺฉาทสฺสนา โมเจตฺวา ชาโตวรเกเยว ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา – ‘‘อชฺเชว ภควนฺตํ อนุชานาเปตฺวา นิกฺขมิสฺสามี’’ติ จุนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ. ‘‘อาวุโส, จุนฺท, อมฺหากํ ปฺจสตาย ภิกฺขุปริสาย สฺํ เทหิ – ‘คณฺหถาวุโส ปตฺตจีวรานิ, ธมฺมเสนาปติ นาฬกคามํ คนฺตุกาโม’ติ’’. เถโร ตถา อกาสิ. ภิกฺขู เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เถรสฺส สนฺติกํ อาคมํสุ. เถโร เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ทิวาฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาฏฺานทฺวาเร ตฺวา ทิวาฏฺานํ โอโลเกนฺโต – ‘‘อิทํ ทานิ ปจฺฉิมทสฺสนํ, ปุน อาคมนํ นตฺถี’’ติ ปฺจสตภิกฺขุปริวุโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอตทโวจ –
‘‘ฉินฺโน ทานิ ภวิสฺสามิ, โลกนาถ มหามุนิ;
คมนาคมนํ นตฺถิ, ปจฺฉิมา วนฺทนา อยํ.
ชีวิตํ อปฺปกํ มยฺหํ, อิโต สตฺตาหมจฺจเย;
นิกฺขิเปยฺยามหํ เทหํ, ภารโวโรปนํ ยถา.
อนุชานาตุ เม ภนฺเต, ภควา, อนุชานาตุ สุคโต;
ปรินิพฺพานกาโล เม, โอสฺสฏฺโ อายุสงฺขาโร’’ติ.
พุทฺธา ¶ ปน ยสฺมา ‘‘ปรินิพฺพาหี’’ติ วุตฺเต มรณสํวณฺณนํ สํวณฺเณนฺติ นาม, ‘‘มา ปรินิพฺพาหี’’ติ วุตฺเต วฏฺฏสฺส คุณํ กเถนฺตีติ มิจฺฉาทิฏฺิกา โทสํ อาโรเปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตทุภยมฺปิ น วทนฺติ. เตน นํ ภควา อาห – ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสสิ สาริปุตฺตา’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, มคเธสุ นาฬกคาเม ชาโตวรโก, ตตฺถาหํ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘ยสฺส ทานิ ตฺวํ, สาริปุตฺต, กาลํ มฺสิ, อิทานิ ปน เต เชฏฺกนิฏฺภาติกานํ ตาทิสสฺส ภิกฺขุโน ทสฺสนํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสตีติ เทเสหิ เตสํ ธมฺม’’นฺติ อาห.
เถโร – ‘‘สตฺถา มยฺหํ อิทฺธิวิกุพฺพนปุพฺพงฺคมํ ธมฺมเทสนํ ปจฺจาสีสตี’’ติ ตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ตาลปฺปมาณํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุน โอรุยฺห ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ¶ สตฺตตาลปฺปมาเณ ¶ อนฺตลิกฺเข ิโต อิทฺธิวิกุพฺพนํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. สกลนครํ สนฺนิปติ. เถโร โอรุยฺห ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘คมนกาโล เม, ภนฺเต’’ติ อาห. ภควา ‘‘ธมฺมเสนาปตึ ปฏิปาเทสฺสามี’’ติ ธมฺมาสนา อุฏฺาย คนฺธกุฏิอภิมุโข คนฺตฺวา มณิผลเก อฏฺาสิ. เถโร ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา – ‘‘ภควา อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสงฺขฺเยยฺยสฺส อุปริ อโนมทสฺสิสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเล นิปติตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺสนํ ปตฺเถสึ. สา เม ปตฺถนา สมิทฺธา, ทิฏฺา ตุมฺเห, ตํ ปมทสฺสนํ, อิทํ ปจฺฉิมทสฺสนํ. ปุน ตุมฺหากํ ทสฺสนํ นตฺถี’’ติ – วตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ยาว ทสฺสนวิสโย, ตาว อภิมุโขว ปฏิกฺกมิตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย จุติปฏิสนฺธิวเสน กิสฺมิฺจิ าเน คมนาคมนํ นาม นตฺถี’’ติ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาภูมิจาโล อโหสิ. ภควา ปริวาเรตฺวา ิเต ภิกฺขู อาห – ‘‘อนุคจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เชฏฺภาติก’’นฺติ. ภิกฺขู ยาว ทฺวารโกฏฺกา อคมํสุ. เถโร – ‘‘ติฏฺถ, ตุมฺเห อาวุโส, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ นิวตฺตาเปตฺวา อตฺตโน ปริสาเยว สทฺธึ ปกฺกามิ. มนุสฺสา – ‘‘ปุพฺเพ อยฺโย ปจฺจาคมนจาริกํ จรติ, อิทํ ทานิ คมนํ น ปุน ปจฺจาคมนายา’’ติ ปริเทวนฺตา อนุพนฺธึสุ. เตปิ ‘‘อปฺปมตฺตา โหถ อาวุโส, เอวํภาวิโน นาม สงฺขารา’’ติ นิวตฺตาเปสิ.
อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อนฺตรามคฺเค สตฺตาหํ มนุสฺสานํ อนุคฺคหํ กโรนฺโต สายํ นาฬกคามํ ปตฺวา คามทฺวาเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล อฏฺาสิ. อถ อุปเรวโต นาม เถรสฺส ภาคิเนยฺโย พหิคามํ คจฺฉนฺโต เถรํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. เถโร ตํ อาห – ‘‘อตฺถิ เคเห เต อยฺยิกา’’ติ? อาม, ภนฺเตติ. คจฺฉ อมฺหากํ อิธาคตภาวํ อาโรเจหิ. ‘‘กสฺมา อาคโต’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อชฺช กิร เอกทิวสํ อนฺโตคาเม ภวิสฺสติ, ชาโตวรกํ ปฏิชคฺคถ, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ นิวาสนฏฺานํ ชานาถา’’ติ. โส คนฺตฺวา ‘‘อยฺยิเก, มยฺหํ มาตุโล ¶ อาคโต’’ติ อาห. อิทานิ กุหินฺติ? คามทฺวาเรติ. เอกโกว, อฺโปิ โกจิ อตฺถีติ ¶ ? อตฺถิ ปฺจสตา ภิกฺขูติ. กึ การณา อาคโตติ? โส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. พฺราหฺมณี – ‘‘กึ นุ โข เอตฺตกานํ วสนฏฺานํ ปฏิชคฺคาเปติ ¶ , ทหรกาเล ปพฺพชิตฺวา มหลฺลกกาเล คิหี โหตุกาโม’’ติ จินฺเตนฺตี ชาโตวรกํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานํ กาเรตฺวา ทณฺฑทีปิกาโย ชาเลตฺวา เถรสฺส ปาเหสิ.
เถโร ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปาสาทํ อภิรุหิ. อภิรุหิตฺวา จ ชาโตวรกํ ปวิสิตฺวา นิสีทิ. นิสชฺเชว – ‘‘ตุมฺหากํ วสนฏฺานํ คจฺฉถา’’ติ ภิกฺขู อุยฺโยเชสิ. เตสุ คตมตฺเตสุเยว เถรสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, โลหิตปกฺขนฺทิกา มารณนฺติกา เวทนา วตฺตนฺติ, เอกํ ภาชนํ ปวิสติ, เอกํ นิกฺขมติ. พฺราหฺมณี – ‘‘มม ปุตฺตสฺส ปวตฺติ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ อตฺตโน วสนคพฺภทฺวารํ นิสฺสาย อฏฺาสิ. จตฺตาโร มหาราชาโน ‘‘ธมฺมเสนาปติ กุหึ วิหรตี’’ติ โอโลเกนฺตา ‘‘นาฬกคาเม ชาโตวรเก ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน, ปจฺฉิมทสฺสนํ คมิสฺสามา’’ติ อาคมฺม วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. เถโร – เก ตุมฺเหติ? มหาราชาโน, ภนฺเตติ. กสฺมา อาคตตฺถาติ? คิลานุปฏฺากา ภวิสฺสามาติ. โหตุ, อตฺถิ คิลานุปฏฺาโก, คจฺฉถ ตุมฺเหติ อุยฺโยเชสิ. เตสํ คตาวสาเน เตเนว นเยน สกฺโก เทวานมินฺโท, ตสฺมึ คเต สุยามาทโย มหาพฺรหฺมา จ อาคมึสุ. เตปิ ตเถว เถโร อุยฺโยเชสิ.
พฺราหฺมณี เทวตานํ อาคมนฺจ คมนฺจ ทิสฺวา – ‘‘เก นุ โข เอเต มม ปุตฺตํ วนฺทิตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ เถรสฺส คพฺภทฺวารํ คนฺตฺวา – ‘‘ตาต, จุนฺท, กา ปวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา – ‘‘มหาอุปาสิกา, ภนฺเต อาคตา’’ติ อาห. เถโร กสฺมา อเวลาย อาคตตฺถาติ ปุจฺฉิ. สา ตุยฺหํ ตาต ทสฺสนตฺถายาติ วตฺวา ‘‘ตาต เก ปมํ อาคตา’’ติ ปุจฺฉิ. จตฺตาโร มหาราชาโน, อุปาสิเกติ. ตาต, ตฺวํ จตูหิ มหาราเชหิ มหนฺตตโรติ? อารามิกสทิสา เอเต อุปาสิเก, อมฺหากํ สตฺถุ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ขคฺคหตฺถา หุตฺวา อารกฺขํ อกํสูติ. เตสํ ตาต, คตาวสาเน โก อาคโตติ? สกฺโก เทวานมินฺโทติ. เทวราชโตปิ ตฺวํ ตาต, มหนฺตตโรติ? ภณฺฑคาหกสามเณรสทิโส ¶ เอส อุปาสิเก, อมฺหากํ สตฺถุ ตาวตึสโต โอตรณกาเล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา โอติณฺโณติ. ตสฺส ตาต คตาวสาเน โชตมาโน วิย โก อาคโตติ? อุปาสิเก ตุยฺหํ ภควา จ สตฺถา จ มหาพฺรหฺมา นาม เอโสติ. มยฺหํ ภควโต มหาพฺรหฺมโตปิ ตฺวํ ตาต มหนฺตตโรติ? อาม อุปาสิเก, เอเต นาม กิร อมฺหากํ สตฺถุ ¶ ชาตทิวเส จตฺตาโร มหาพฺรหฺมาโน มหาปุริสํ สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสูติ.
อถ ¶ พฺราหฺมณิยา – ‘‘ปุตฺตสฺส ตาว เม อยํ อานุภาโว, กีทิโส วต มยฺหํ ปุตฺตสฺส ภควโต สตฺถุ อานุภาโว ภวิสฺสตี’’ติ จินฺตยนฺติยา สหสา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลสรีเร ผริ. เถโร – ‘‘อุปฺปนฺนํ เม มาตุ ปีติโสมนสฺสํ, อยํ ทานิ กาโล ธมฺมเทสนายา’’ติ จินฺเตตฺวา – ‘‘กึ จินฺเตสิ มหาอุปาสิเก’’ติ อาห. สา – ‘‘ปุตฺตสฺส ตาว เม อยํ คุโณ, สตฺถุ ปนสฺส กีทิโส คุโณ ภวิสฺสตีติ อิทํ, ตาต, จินฺเตมี’’ติ อาห. มหาอุปาสิเก, มยฺหํ สตฺถุ ชาตกฺขเณ, มหาภินิกฺขมเน, สมฺโพธิยํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จ ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ, สีเลน สมาธินา ปฺาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติาณทสฺสเนน สโม นาม นตฺถิ, อิติปิ โส ภควาติ วิตฺถาเรตฺวา พุทฺธคุณปฺปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมเทสนํ กเถสิ.
พฺราหฺมณี ปิยปุตฺตสฺส ธมฺมเทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, อุปติสฺส, กสฺมา เอวมกาสิ, เอวรูปํ นาม อมตํ มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ น อทาสี’’ติ. เถโร – ‘‘ทินฺนํ ทานิ เม มาตุ รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา โปสาวนิกมูลํ, เอตฺตเกน วฏฺฏิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ มหาอุปาสิเก’’ติ พฺราหฺมณึ อุยฺโยเชตฺวา ‘‘จุนฺท กา เวลา’’ติ อาห. พลวปจฺจูสกาโล, ภนฺเตติ. เตน หิ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตหีติ. สนฺนิปติโต, ภนฺเต, สงฺโฆติ. มํ อุกฺขิปิตฺวา นิสีทาเปหิ จุนฺทาติ อุกฺขิปิตฺวา นิสีทาเปสิ. เถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส จตุจตฺตาลีสํ โว วสฺสานิ มยา สทฺธึ วิจรนฺตานํ ยํ เม กายิกํ วา วาจสิกํ วา น โรเจถ, ขมถ ตํ อาวุโสติ. เอตฺตกํ, ภนฺเต, อมฺหากํ ฉายา วิย ตุมฺเห อมฺุจิตฺวา วิจรนฺตานํ อรุจฺจนกํ นาม นตฺถิ, ตุมฺเห ปน อมฺหากํ ขมถาติ. อถ ¶ เถโร อรุณสิขาย ปฺายมานาย มหาปถวึ อุนฺนาทยนฺโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. พหู เทวมนุสฺสา เถรสฺส ปรินิพฺพาเน สกฺการํ กรึสุ.
อายสฺมา ¶ จุนฺโท เถรสฺส ปตฺตจีวรฺจ ธาตุปริสฺสาวนฺจ คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา อานนฺทตฺเถรํ คเหตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. ภควา ธาตุปริสฺสาวนํ คเหตฺวา ปฺจหิ คาถาสเตหิ เถรสฺส คุณํ กเถตฺวา ธาตุเจติยํ การาเปตฺวา ราชคหคมนตฺถาย อานนฺทตฺเถรสฺส สฺํ อทาสิ. เถโร ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. ภควา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ อคมาสิ. ตตฺถ คตกาเล มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปรินิพฺพายิ. ภควา ตสฺส ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ การาเปตฺวา ราชคหโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน คงฺคาภิมุโข คนฺตฺวา อุกฺกเจลํ อคมาสิ. ตตฺถ คงฺคาตีเร ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสีทิตฺวา ตตฺถ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ ปรินิพฺพานปฺปฏิสํยุตฺตํ สุตฺตํ เทเสตฺวา อุกฺกเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ อคมาสิ. เอวํ คเต อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ ¶ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ อยเมตฺถ อนุปุพฺพี กถา.
นิสีทนนฺติ เอตฺถ จมฺมกฺขณฺฑํ อธิปฺเปตํ. อุเทนเจติยนฺติ อุเทนยกฺขสฺส เจติยฏฺาเน กตวิหาโร วุจฺจติ. โคตมกาทีสุปิ เอเสว นโย. ภาวิตาติ วฑฺฒิตา. พหุลีกตาติ ปุนปฺปุนํ กตา. ยานีกตาติ ยุตฺตยานํ วิย กตา. วตฺถุกตาติ ปติฏฺานฏฺเน วตฺถุ วิย กตา. อนุฏฺิตาติ อธิฏฺิตา. ปริจิตาติ สมนฺตโต จิตา สุวฑฺฒิตา. สุสมารทฺธาติ สุฏฺุ สมารทฺธา.
อิติ อนิยเมน กเถตฺวา ปุน นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต ตถาคตสฺส โขติอาทิมาห. เอตฺถ จ กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ. ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ยํ มนุสฺสานํ อายุปฺปมาณํ โหติ, ตํ ปริปุณฺณํ กโรนฺโต ติฏฺเยฺย. กปฺปาวเสสํ วาติ – ‘‘อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๗; อ. นิ. ๖.๗๔) วุตฺตวสฺสสตโต อติเรกํ วา. มหาสีวตฺเถโร ปนาห – ‘‘พุทฺธานํ อฏฺาเน คชฺชิตํ นาม นตฺถิ. ยเถว หิ เวฬุวคามเก อุปฺปนฺนํ มารณนฺติกํ เวทนํ ทส มาเส วิกฺขมฺเภติ, เอวํ ปุนปฺปุนํ ¶ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ทส ทส มาเส วิกฺขมฺเภนฺโต อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ติฏฺเยฺย, กสฺมา ปน น ิโตติ? อุปาทินฺนกสรีรํ นาม ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยติ, พุทฺธา จ ขณฺฑิจฺจาทิภาวํ อปตฺวา ปฺจเม อายุโกฏฺาเส พหุชนสฺส ปิยมนาปกาเลเยว ปรินิพฺพายนฺติ. พุทฺธานุพุทฺเธสุ จ มหาสาวเกสุ ปรินิพฺพุเตสุ เอกเกเนว ขาณุเกน วิย ¶ าตพฺพํ โหติ, ทหรสามเณรปริวาริเตน วา. ตโต – ‘อโห พุทฺธานํ ปริสา’ติ หีเฬตพฺพตํ อาปชฺเชยฺย. ตสฺมา น ิโต’’ติ. เอวํ วุตฺเตปิ โส น รุจฺจติ, ‘‘อายุกปฺโป’’ติ อิทเมว อฏฺกถายํ นิยมิตํ.
๑๖๗. ยถา ตํ มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโตติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ. ยถา มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโต อชฺโฌตฺถฏจิตฺโต อฺโปิ โกจิ ปุถุชฺชโน ปฏิวิชฺฌิตุํ น สกฺกุเณยฺย, เอวเมว นาสกฺขิ ปฏิวิชฺฌิตุนฺติ อตฺโถ. กึ การณา? มาโร หิ ยสฺส สพฺเพน สพฺพํ ทฺวาทส วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, ตสฺส จิตฺตํ ปริยุฏฺาติ. เถรสฺส จตฺตาโร วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, เตนสฺส มาโร จิตฺตํ ปริยุฏฺาติ. โส ปน จิตฺตปริยุฏฺานํ กโรนฺโต กึ กโรตีติ? เภรวํ รูปารมฺมณํ วา ทสฺเสติ, สทฺทารมฺมณํ วา สาเวติ, ตโต สตฺตา ตํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา สตึ วิสฺสชฺเชตฺวา วิวฏมุขา โหนฺติ. เตสํ มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา หทยํ มทฺทติ. ตโต วิสฺาว หุตฺวา ติฏฺนฺติ. เถรสฺส ปเนส มุเขน หตฺถํ ปเวเสตุํ กึ สกฺขิสฺสติ ¶ ? เภรวารมฺมณํ ปน ทสฺเสติ. ตํ ทิสฺวา เถโร นิมิตฺโตภาสํ น ปฏิวิชฺฌิ. ภควา ชานนฺโตเยว – ‘‘กิมตฺถํ ยาวตติยํ อามนฺเตสี’’ติ? ปรโต ‘‘ติฏฺตุ, ภนฺเต, ภควา’’ติ ยาจิเต ‘‘ตุยฺเหเวตํ ทุกฺกฏํ, ตุยฺเหเวตํ อปรทฺธ’’นฺติ โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถํ.
มารยาจนกถาวณฺณนา
๑๖๘. มาโร ปาปิมาติ เอตฺถ มาโรติ สตฺเต อนตฺเถ นิโยเชนฺโต มาเรตีติ มาโร. ปาปิมาติ ตสฺเสว เววจนํ. โส หิ ปาปธมฺมสมนฺนาคตตฺตา ‘‘ปาปิมา’’ติ วุจฺจติ. กณฺโห, อนฺตโก, นมุจิ, ปมตฺตพนฺธูติปิ ตสฺเสว นามานิ. ภาสิตา โข ปเนสาติ อยฺหิ ภควโต สมฺโพธิปตฺติยา อฏฺเม สตฺตาเห โพธิมณฺเฑเยว อาคนฺตฺวา – ‘‘ภควา ยทตฺถํ ตุมฺเหหิ ปารมิโย ปูริตา, โส โว อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, ปฏิวิทฺธํ สพฺพฺุตฺาณํ, กึ เต โลกวิจารเณนา’’ติ วตฺวา, ยถา อชฺช ¶ , เอวเมว ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต, ภควา’’ติ ยาจิ. ภควา จสฺส – ‘‘น ¶ ตาวาห’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปฏิกฺขิปิ. ตํ สนฺธาย ‘‘ภาสิตา โข ปเนสา ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ วิยตฺตาติ มคฺควเสน วิยตฺตา. ตเถว วินีตา ตถา วิสารทา. พหุสฺสุตาติ เตปิฏกวเสน พหุ สุตเมเตสนฺติ พหุสฺสุตา. ตเมว ธมฺมํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมธรา. อถวา ปริยตฺติพหุสฺสุตา เจว ปฏิเวธพหุสฺสุตา จ. ปริยตฺติปฏิเวธธมฺมานํเยว ธารณโต ธมฺมธราติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺนาติ อริยธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตํ วิปสฺสนาธมฺมํ ปฏิปนฺนา. สามีจิปฺปฏิปนฺนาติ อนุจฺฉวิกปฏิปทํ ปฏิปนฺนา. อนุธมฺมจาริโนติ อนุธมฺมจรณสีลา. สกํ อาจริยกนฺติ อตฺตโน อาจริยวาทํ. อาจิกฺขิสฺสนฺตีติอาทีนิ สพฺพานิ อฺมฺสฺส เววจนานิ. สหธมฺเมนาติ สเหตุเกน สการเณน วจเนน. สปฺปาฏิหาริยนฺติ ยาว น นิยฺยานิกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสนฺติ.
พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยํ. อิทฺธนฺติ สมิทฺธํ ฌานสฺสาทวเสน. ผีตนฺติ วุทฺธิปฺปตฺตํ สพฺพผาลิผุลฺลํ วิย อภิฺาย สมฺปตฺติวเสน. วิตฺถาริกนฺติ วิตฺถตํ ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ปติฏฺิตวเสน. พาหุชฺนฺติ พหุชเนหิ าตํ ปฏิวิทฺธํ มหาชนาภิสมยวเสน. ปุถุภูตนฺติ สพฺพาการวเสน ปุถุลภาวปฺปตฺตํ. กถํ? ยาว เทวมนุสฺเสหิ ¶ สุปฺปกาสิตนฺติ ยตฺตกา วิฺุชาติกา เทวา เจว มนุสฺสา จ อตฺถิ สพฺเพหิ สุฏฺุ ปกาสิตนฺติ อตฺโถ.
อปฺโปสฺสุกฺโกติ นิราลโย. ตฺวฺหิ ปาปิม, อฏฺมสตฺตาหโต ปฏฺาย – ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต, ภควา ปรินิพฺพาตุ, สุคโต’’ติ วิรวนฺโต อาหิณฺฑิตฺถ. อชฺช ทานิ ปฏฺาย วิคตุสฺสาโห โหหิ; มา มยฺหํ ปรินิพฺพานตฺถํ วายามํ กโรหีติ วทติ.
อายุสงฺขารโอสฺสชฺชนวณฺณนา
๑๖๙. สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชีติ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺชิ, ปชหิ. ตตฺถ น ภควา หตฺเถน เลฑฺฑุํ วิย อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, เตมาสมตฺตเมว ปน สมาปตฺตึ ¶ สมาปชฺชิตฺวา ตโต ปรํ น สมาปชฺชิสฺสามีติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โอสฺสชี’’ติ. ‘‘อุสฺสชฺชี’’ติ ปิ ปาโ. มหาภูมิจาโลติ ¶ มหนฺโต ปถวีกมฺโป. ตทา กิร ทสสหสฺสี โลกธาตุ กมฺปิตฺถ. ภึสนโกติ ภยชนโก. เทวทุนฺทุภิโย จ ผลึสูติ เทวเภริโย ผลึสุ, เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชิ, อกาลวิชฺชุลตา นิจฺฉรึสุ, ขณิกวสฺสํ วสฺสีติ วุตฺตํ โหติ.
อุทานํ อุทาเนสีติ กสฺมา อุทาเนสิ? โกจิ นาม วเทยฺย – ‘‘ภควา ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิตฺวา – ‘ปรินิพฺพายถ, ภนฺเต, ปรินิพฺพายถ, ภนฺเต’ติ อุปทฺทุโต ภเยน อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺเชสี’’ติ. ‘‘ตสฺโสกาโส มา โหตุ, ภีตสฺส อุทานํ นาม นตฺถี’’ติ เอตสฺส ทีปนตฺถํ ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สพฺเพสํ โสณสิงฺคาลาทีนมฺปิ ปจฺจกฺขภาวโต ตุลิตํ ปริจฺฉินฺนนฺติ ตุลํ. กึ ตํ? กามาวจรกมฺมํ. น ตุลํ, น วา ตุลํ สทิสมสฺส อฺํ โลกิยํ กมฺมํ อตฺถีติ อตุลํ. กึ ตํ? มหคฺคตกมฺมํ. อถวา กามาวจรรูปาวจรํ ตุลํ, อรูปาวจรํ อตุลํ. อปฺปวิปากํ วา ตุลํ, พหุวิปากํ อตุลํ. สมฺภวนฺติ สมฺภวสฺส เหตุภูตํ, ปิณฺฑการกํ ราสิการกนฺติ อตฺโถ. ภวสงฺขารนฺติ ปุนพฺภวสงฺขารณกํ. อวสฺสชีติ วิสฺสชฺเชสิ. มุนีติ พุทฺธมุนิ. อชฺฌตฺตรโตติ นิยกชฺฌตฺตรโต. สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธิวเสน สมาหิโต. อภินฺทิ กวจมิวาติ กวจํ วิย อภินฺทิ. อตฺตสมฺภวนฺติ อตฺตนิ สฺชาตํ กิเลสํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สวิปากฏฺเน สมฺภวํ, ภวาภิสงฺขารณฏฺเน ภวสงฺขารนฺติ จ ลทฺธนามํ ตุลาตุลสงฺขาตํ ¶ โลกิยกมฺมฺจ โอสฺสชิ. สงฺคามสีเส มหาโยโธ กวจํ วิย อตฺตสมฺภวํ กิเลสฺจ อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต หุตฺวา อภินฺที’’ติ.
อถ วา ตุลนฺติ ตุเลนฺโต ตีเรนฺโต. อตุลฺจ สมฺภวนฺติ นิพฺพานฺเจว สมฺภวฺจ. ภวสงฺขารนฺติ ภวคามิกมฺมํ. อวสฺสชิ มุนีติ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา, ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ นิพฺพานํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๓๘) นเยน ตุลยนฺโต พุทฺธมุนิ ภเว อาทีนวํ, นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ทิสฺวา ตํ ขนฺธานํ มูลภูตํ ภวสงฺขารกมฺมํ – ‘‘กมฺมกฺขยาย สํวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๑) เอวํ วุตฺเตน กมฺมกฺขยกเรน อริยมคฺเคน ¶ อวสฺสชิ. กถํ? อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต อภินฺทิ กวจมิว อตฺตนิ ¶ สมฺภวํ. โส หิ วิปสฺสนาวเสน อชฺฌตฺตรโต สมถวเสน สมาหิโตติ เอวํ ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย สมถวิปสฺสนาพเลน กวจมิว อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ, อตฺตนิ สมฺภวตฺตา ‘‘อตฺตสมฺภว’’นฺติ ลทฺธนามํ สพฺพกิเลสชาลํ อภินฺทิ. กิเลสาภาเวน จ กตกมฺมํ อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา อวสฺสฏฺํ นาม โหตีติ เอวํ กิเลสปฺปหาเนน กมฺมํ ปชหิ, ปหีนกิเลสสฺส จ ภยํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อภีโตว อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, อภีตภาวาปนตฺถฺจ อุทานํ อุทาเนสีติ เวทิตพฺโพ.
มหาภูมิจาลวณฺณนา
๑๗๑. ยํ มหาวาตาติ เยน สมเยน ยสฺมึ วา สมเย มหาวาตา วายนฺติ, มหาวาตา วายนฺตาปิ อุกฺเขปกวาตา นาม อุฏฺหนฺติ, เต วายนฺตา สฏฺิสหสฺสาธิกนวโยชนสตสหสฺสพหลํ อุทกสนฺธารกํ วาตํ อุปจฺฉินฺทนฺติ, ตโต อากาเส อุทกํ ภสฺสติ, ตสฺมึ ภสฺสนฺเต ปถวี ภสฺสติ. ปุน วาโต อตฺตโน พเลน อนฺโตธมกรเณ วิย อุทกํ อาพนฺธิตฺวา คณฺหาติ, ตโต อุทกํ อุคฺคจฺฉติ, ตสฺมึ อุคฺคจฺฉนฺเต ปถวี อุคฺคจฺฉติ. เอวํ อุทกํ กมฺปิตํ ปถวึ กมฺเปติ. เอตฺจ กมฺปนํ ยาว อชฺชกาลาปิ โหติเยว, พหลภาเวน ปน น โอคจฺฉนุคฺคจฺฉนํ ปฺายติ.
มหิทฺธิโก มหานุภาโวติ อิชฺฌนสฺส มหนฺตตาย มหิทฺธิโก, อนุภวิตพฺพสฺส มหนฺตตาย มหานุภาโว. ปริตฺตาติ ทุพฺพลา. อปฺปมาณาติ พลวา. โส อิมํ ปถวึ กมฺเปตีติ โส อิทฺธึ นิพฺพตฺเตตฺวา สํเวเชนฺโต มหาโมคฺคลฺลาโน วิย, วีมํสนฺโต วา มหานาคตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺโย สงฺฆรกฺขิตสามเณโร วิย ปถวึ กมฺเปติ. โส กิรายสฺมา ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ ¶ – ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ ภิกฺขุ, เยน ปพฺพชิตทิวเสเยว อรหตฺตํ ปตฺวา เวชยนฺโต ปาสาโท กมฺปิตปุพฺโพ’’ติ? ตโต – ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติ ตฺวา – ‘‘อหํ กมฺเปสฺสามี’’ติ อภิฺาพเลน เวชยนฺตมตฺถเก ตฺวา ปาเทน ปหริตฺวา กมฺเปตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ สกฺกสฺส นาฏกิตฺถิโย อาหํสุ – ‘‘ปุตฺต สงฺฆรกฺขิต, ตฺวํ ปูติคนฺเธเนว สีเสน เวชยนฺตํ กมฺเปตุํ อิจฺฉสิ, สุปฺปติฏฺิโต ตาต ปาสาโท, กถํ กมฺเปตุํ ¶ สกฺขิสฺสสี’’ติ?
สามเณโร ¶ – ‘‘อิมา เทวตา มยา สทฺธึ เกฬึ กโรนฺติ, อหํ โข ปน อาจริยํ นาลตฺถํ, กหํ นุ โข เม อาจริโย สามุทฺทิกมหานาคตฺเถโร’’ติ อาวชฺเชนฺโต มหาสมุทฺเท อุทกเลณํ มาเปตฺวา ทิวาวิหารํ นิสินฺโนติ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ตโต นํ เถโร – ‘‘กึ, ตาต สงฺฆรกฺขิต, อสิกฺขิตฺวาว ยุทฺธํ ปวิฏฺโสี’’ติ วตฺวา ‘‘นาสกฺขิ, ตาต, เวชยนฺตํ กมฺเปตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. อาจริยํ, ภนฺเต, นาลตฺถนฺติ. อถ นํ เถโร – ‘‘ตาต ตุมฺหาทิเส อกมฺเปนฺเต โก อฺโ กมฺเปสฺสติ. ทิฏฺปุพฺพํ เต, ตาต, อุทกปิฏฺเ โคมยขณฺฑํ ปิลวนฺตํ, ตาต, กปลฺลกปูวํ ปจนฺตา อนฺตนฺเตน ปริจฺฉินฺทนฺติ, อิมินา โอปมฺเมน ชานาหี’’ติ อาห. โส – ‘‘วฏฺฏิสฺสติ, ภนฺเต, เอตฺตเกนา’’ติ วตฺวา ปาสาเทน ปติฏฺิโตกาสํ อุทกํ โหตูติ อธิฏฺาย เวชยนฺตาภิมุโข อคมาสิ.
เทวธีตโร ตํ ทิสฺวา – ‘‘เอกวารํ ลชฺชิตฺวา คโต, ปุนปิ สามเณโร เอติ, ปุนปิ เอตี’’ติ วทึสุ. สกฺโก เทวราชา – ‘‘มา มยฺหํ ปุตฺเตน สทฺธึ กถยิตฺถ, อิทานิ เตน อาจริโย ลทฺโธ, ขเณน ปาสาทํ กมฺเปสฺสตี’’ติ อาห. สามเณโรปิ ปาทงฺคุฏฺเน ปาสาทถูปิกํ ปหริ. ปาสาโท จตูหิ ทิสาหิ โอณมติ. เทวตา – ‘‘ปติฏฺาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺส ปติฏฺาตุํ เทหิ, ตาต, ปาสาทสฺสา’’ติ วิรวึสุ. สามเณโร ปาสาทํ ยถาาเน เปตฺวา ปาสาทมตฺถเก ตฺวา อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต, อชฺช ปตฺตาสวกฺขยํ;
อชฺช กมฺเปมิ ปาสาทํ, อโห พุทฺธสฺสุฬารตา.
อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต…เป… อโห ธมฺมสฺสุฬารตา.
อชฺเชวาหํ ปพฺพชิโต…เป… อโห สงฺฆสฺสุฬารตาติ.
อิโต ¶ ปเรสุ ฉสุ ปถวีกมฺเปสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาปทาเน วุตฺตเมว.
อิติ อิเมสุ อฏฺสุ ปถวีกมฺเปสุ ปโม ธาตุโกเปน, ทุติโย อิทฺธานุภาเวน, ตติยจตุตฺถา ปฺุเตเชน, ปฺจโม าณเตเชน, ฉฏฺโ สาธุการทานวเสน, สตฺตโม การฺุภาเวน, อฏฺโม อาโรทเนน. มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺเต จ ตโต นิกฺขมนฺเต จ มหาสตฺเต ตสฺส ปฺุเตเชน ปถวี อกมฺปิตฺถ. อภิสมฺโพธิยํ าณเตเชน อภิหตา ¶ หุตฺวา อกมฺปิตฺถ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน ¶ สาธุการภาวสณฺิตา สาธุการํ ททมานา อกมฺปิตฺถ. อายุสงฺขาโรสฺสชฺชเน การฺุสภาวสณฺิตา จิตฺตสงฺโขภํ อสหมานา อกมฺปิตฺถ. ปรินิพฺพาเน อาโรทนเวคตุนฺนา หุตฺวา อกมฺปิตฺถ. อยํ ปนตฺโถ ปถวีเทวตาย วเสน เวทิตพฺโพ, มหาภูตปถวิยา ปเนตํ นตฺถิ อเจตนตฺตาติ.
อิเม โข, อานนฺท, อฏฺ เหตูติ เอตฺถ อิเมติ นิทฺทิฏฺนิทสฺสนํ. เอตฺตาวตา จ ปนายสฺมา อานนฺโท – ‘‘อทฺธา อชฺช ภควตา อายุสงฺขาโร โอสฺสฏฺโ’’ติ สลฺลกฺเขสิ. ภควา ปน สลฺลกฺขิตภาวํ ชานนฺโตปิ โอกาสํ อทตฺวาว อฺานิปิ อฏฺกานิ สมฺปิณฺเฑนฺโต – ‘‘อฏฺ โข อิมา’’ติอาทิมาห.
อฏฺปริสวณฺณนา
๑๗๒. ตตฺถ อเนกสตํ ขตฺติยปริสนฺติ พิมฺพิสารสมาคมาติสมาคลิจฺฉวีสมาคมาทิสทิสํ, สา ปน อฺเสุ จกฺกวาเฬสุปิ ลพฺภเตเยว. สลฺลปิตปุพฺพนฺติ อาลาปสลฺลาโป กตปุพฺโพ. สากจฺฉาติ ธมฺมสากจฺฉาปิ สมาปชฺชิตปุพฺพา. ยาทิสโก เตสํ วณฺโณติ เต โอทาตาปิ โหนฺติ กาฬาปิ มงฺคุรจฺฉวีปิ, สตฺถา สุวณฺณวณฺโณว. อิทํ ปน สณฺานํ ปฏิจฺจ กถิตํ. สณฺานมฺปิ จ เกวลํ เตสํ ปฺายติเยว, น ปน ภควา มิลกฺขุสทิโส โหติ, นาปิ อามุตฺตมณิกุณฺฑโล, พุทฺธเวเสเนว นิสีทติ. เต ปน อตฺตโน สมานสณฺานเมว ปสฺสนฺติ. ยาทิสโก เตสํ สโรติ เต ฉินฺนสฺสราปิ โหนฺติ คคฺครสฺสราปิ กากสฺสราปิ, สตฺถา พฺรหฺมสฺสโรว. อิทํ ปน ภาสนฺตรํ สนฺธาย กถิตํ. สเจปิ หิ สตฺถา ราชาสเน นิสินฺโน กเถติ, ‘‘อชฺช ราชา มธุเรน สเรน กเถตี’’ติ เตสํ โหติ. กเถตฺวา ปกฺกนฺเต ปน ภควติ ปุน ราชานํ อาคตํ ทิสฺวา – ‘‘โก นุ โข อย’’นฺติ วีมํสา อุปฺปชฺชติ. ตตฺถ โก นุ โข อยนฺติ อิมสฺมึ าเน อิทาเนว มาคธภาสาย สีหฬภาสาย มธุเรนากาเรน กเถนฺโต โก นุ โข อยํ อนฺตรหิโต, กึ เทโว, อุทาหุ มนุสฺโสติ เอวํ วีมํสนฺตาปิ ¶ น ชานนฺตีติ อตฺโถ. กิมตฺถํ ปเนวํ อชานนฺตานํ ธมฺมํ เทเสตีติ? วาสนตฺถาย ¶ . เอวํ สุโตปิ หิ ธมฺโม อนาคเต ปจฺจโย โหติ เยวาติ อนาคตํ ปฏิจฺจ เทเสติ. อเนกสตํ พฺราหฺมณปริสนฺติอาทีนมฺปิ โสณทณฺฑกูฏทณฺฑสมาคมาทิวเสน ¶ เจว อฺจกฺกวาฬวเสน จ สมฺภโว เวทิตพฺโพ.
อิมา ปน อฏฺ ปริสา ภควา กิมตฺถํ อาหริ? อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว. อิมา กิร อาหริตฺวา เอวมาห – ‘‘อานนฺท, อิมาปิ อฏฺ ปริสา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ตถาคตสฺส ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถิ, มารํ ปน เอกกํ ทิสฺวา ตถาคโต ภาเยยฺยาติ โก เอวํ สฺํ อุปฺปาเทตุมรหติ. อภีโต, อานนฺท, ตถาคโต อจฺฉมฺภี, สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชี’’ติ.
อฏฺอภิภายตนวณฺณนา
๑๗๓. อภิภายตนานีติ อภิภวนการณานิ. กึ อภิภวนฺติ? ปจฺจนีกธมฺเมปิ อารมฺมณานิปิ. ตานิ หิ ปฏิปกฺขภาเวน ปจฺจนีกธมฺเม อภิภวนฺติ, ปุคฺคลสฺส าณุตฺตริยตาย อารมฺมณานิ.
อชฺฌตฺตํ รูปสฺีติอาทีสุ ปน อชฺฌตฺตรูเป ปริกมฺมวเสน อชฺฌตฺตํ รูปสฺี นาม โหติ. อชฺฌตฺตฺหิ นีลปริกมฺมํ กโรนฺโต เกเส วา ปิตฺเต วา อกฺขิตารกาย วา กโรติ. ปีตปริกมฺมํ กโรนฺโต เมเท วา ฉวิยา วา หตฺถปาทปิฏฺเสุ วา อกฺขีนํ ปีตกฏฺาเน วา กโรติ. โลหิตปริกมฺมํ กโรนฺโต มํเส วา โลหิเต วา ชิวฺหาย วา อกฺขีนํ รตฺตฏฺาเน วา กโรติ. โอทาตปริกมฺมํ กโรนฺโต อฏฺิมฺหิ วา ทนฺเต วา นเข วา อกฺขีนํ เสตฏฺาเน วา กโรติ. ตํ ปน สุนีลํ สุปีตํ สุโลหิตกํ สุโอทาตกํ น โหติ, อวิสุทฺธเมว โหติ.
เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ ยสฺเสวํ ปริกมฺมํ อชฺฌตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, นิมิตฺตํ ปน พหิทฺธา, โส เอวํ อชฺฌตฺตํ ปริกมฺมสฺส พหิทฺธา จ อปฺปนาย วเสน – ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ วุจฺจติ. ปริตฺตานีติ อวฑฺฒิตานิ. สุวณฺณทุพฺพณฺณานีติ สุวณฺณานิ วา โหนฺติ, ทุพฺพณฺณานิ วา. ปริตฺตวเสเนว อิทํ อภิภายตนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตานิ อภิภุยฺยาติ ยถา นาม สมฺปนฺนคหณิโก กฏจฺฉุมตฺตํ ภตฺตํ ลภิตฺวา – ‘‘กึ ¶ เอตฺถ ภฺุชิตพฺพํ อตฺถี’’ติ สงฺกฑฺฒิตฺวา เอกกพฬเมว กโรติ, เอวเมว าณุตฺตริโก ปุคฺคโล วิสทาโณ ¶ – ‘‘กึ เอตฺถ ปริตฺตเก อารมฺมเณ สมาปชฺชิตพฺพํ อตฺถิ, นายํ มม ภาโร’’ติ ตานิ รูปานิ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตีติ อตฺโถ. ชานามิ ¶ ปสฺสามีติ อิมินา ปนสฺส อาโภโค กถิโต. โส จ โข สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส, น อนฺโตสมาปตฺติยํ. เอวํสฺี โหตีติ อาโภคสฺายปิ ฌานสฺายปิ เอวํสฺี โหติ. อภิภวนสฺา หิสฺส อนฺโตสมาปตฺติยมฺปิ อตฺถิ, อาโภคสฺา ปน สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺเสว.
อปฺปมาณานีติ วฑฺฒิตปฺปมาณานิ, มหนฺตานีติ อตฺโถ. อภิภุยฺยาติ เอตฺถ ปน ยถา มหคฺฆโส ปุริโส เอกํ ภตฺตวฑฺฒิตกํ ลภิตฺวา – ‘‘อฺมฺปิ โหตุ, กึ เอตํ มยฺหํ กริสฺสตี’’ติ ตํ น มหนฺตโต ปสฺสติ, เอวเมว าณุตฺตโร ปุคฺคโล วิสทาโณ ‘‘กึ เอตฺถ สมาปชฺชิตพฺพํ, นยิทํ อปฺปมาณํ, น มยฺหํ จิตฺเตกคฺคตากรเณ ภาโร อตฺถี’’ติ ตานิ อภิภวิตฺวา สมาปชฺชติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตีติ อตฺโถ.
อชฺฌตฺตํ อรูปสฺีติ อลาภิตาย วา อนตฺถิกตาย วา อชฺฌตฺตรูเป ปริกมฺมสฺาวิรหิโต.
เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตีติ ยสฺส ปริกมฺมมฺปิ นิมิตฺตมฺปิ พหิทฺธาว อุปฺปนฺนํ, โส เอวํ พหิทฺธา ปริกมฺมสฺส เจว อปฺปนาย จ วเสน – ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ จตุตฺถาภิภายตเน วุตฺตนยเมว. อิเมสุ ปน จตูสุ ปริตฺตํ วิตกฺกจริตวเสน อาคตํ, อปฺปมาณํ โมหจริตวเสน, สุวณฺณํ โทสจริตวเสน, ทุพฺพณฺณํ ราคจริตวเสน. เอเตสฺหิ เอตานิ สปฺปายานิ. สา จ เนสํ สปฺปายตา วิตฺถารโต วิสุทฺธิมคฺเค จริตนิทฺเทเส วุตฺตา.
ปฺจมอภิภายตนาทีสุ นีลานีติ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตํ. นีลวณฺณานีติ วณฺณวเสน. นีลนิทสฺสนานีติ นิทสฺสนวเสน, อปฺาย มานวิวรานิ อสมฺภินฺนวณฺณานิ เอกนีลาเนว หุตฺวา ทิสฺสนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. นีลนิภาสานีติ อิทํ ปน โอภาสวเสน วุตฺตํ, นีโลภาสานิ นีลปฺปภายุตฺตานีติ อตฺโถ. เอเตน เนสํ วิสุทฺธตํ ทสฺเสติ. วิสุทฺธวณฺณวเสเนว ¶ หิ อิมานิ จตฺตาริ อภิภายตนานิ วุตฺตานิ. อุมาปุปฺผนฺติ เอตฺหิ ปุปฺผํ สินิทฺธํ มุทุ, ทิสฺสมานมฺปิ นีลเมว โหติ. คิริกณฺณิกปุปฺผาทีนิ ปน ทิสฺสมานานิ เสตธาตุกาเนว โหนฺติ. ตสฺมา อิทเมว คหิตํ, น ¶ ตานิ. พาราณเสยฺยกนฺติ พาราณสิสมฺภวํ. ตตฺถ กิร กปฺปาโสปิ ¶ มุทุ, สุตฺตกนฺติกาโยปิ ตนฺตวายาปิ เฉกา, อุทกมฺปิ สุจิ สินิทฺธํ. ตสฺมา ตํ วตฺถํ อุภโตภาควิมฏฺํ โหติ; ทฺวีสุปิ ปสฺเสสุ มฏฺํ มุทุ สินิทฺธํ ขายติ.
ปีตานีติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘นีลกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต นีลสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาติ ปุปฺผสฺมึ วา วตฺถสฺมึ วา วณฺณธาตุยา วา’’ติอาทิกํ ปเนตฺถ กสิณกรณฺจ ปริกมฺมฺจ อปฺปนาวิธานฺจ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถารโต วุตฺตเมว. อิมานิปิ อฏฺ อภิภายตนานิ อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว อานีตานิ. อิมานิ กิร วตฺวา เอวมาห – ‘‘อานนฺท, เอวรูปาปิ สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺตสฺส จ วุฏฺหนฺตสฺส จ ตถาคตสฺส ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถิ, มารํ ปน เอกกํ ทิสฺวา ตถาคโต ภาเยยฺยาติ โก เอวํ สฺํ อุปฺปาเทตุมรหติ. อภีโต, อานนฺท, ตถาคโต อจฺฉมฺภี, สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชี’’ติ.
อฏฺวิโมกฺขวณฺณนา
๑๗๔. วิโมกฺขกถา อุตฺตานตฺถาเยว. อิเมปิ อฏฺ วิโมกฺขา อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว อานีตา. อิเมปิ กิร วตฺวา เอวมาห – ‘‘อานนฺท, เอตาปิ สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺตสฺส จ วุฏฺหนฺตสฺส จ ตถาคตสฺส ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถิ…เป… โอสฺสชี’’ติ.
๑๗๕. อิทานิปิ ภควา อานนฺทสฺส โอกาสํ อทตฺวาว เอกมิทาหนฺติอาทินา นเยน อปรมฺปิ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ ปมาภิสมฺพุทฺโธติ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปมเมว อฏฺเม สตฺตาเห.
๑๗๗. โอสฺสฏฺโติ วิสฺสชฺชิโต ปริจฺฉินฺโน, เอวํ กิร วตฺวา – ‘‘เตนายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ กมฺปิตฺถา’’ติ อาห.
อานนฺทยาจนกถา
๑๗๘. อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนเมตํ. โพธินฺติ จตุมคฺคาณปฏิเวฆํ. สทฺทหสิ ตฺวนฺติ เอวํ วุตฺตภาวํ ตถาคตสฺส สทฺทหสีติ วทติ. ตสฺมาติหานนฺทาติ ¶ ยสฺมา อิทํ วจนํ สทฺทหสิ, ตสฺมา ตุยฺเหเวตํ ทุกฺกฏนฺติ ทสฺเสติ.
๑๗๙. เอกมิทาหนฺติ ¶ อิทํ ภควา – ‘‘น เกวลํ อหํ อิเธว ตํ อามนฺเตสึ, อฺทาปิ อามนฺเตตฺวา โอฬาริกํ นิมิตฺตํ อกาสึ, ตมฺปิ ¶ ตยา น ปฏิวิทฺธํ, ตเววายํ อปราโธ’’ติ เอวํ โสกวิโนทนตฺถาย นานปฺปการโต เถรสฺเสว โทสาโรปนตฺถํ อารภิ.
๑๘๓. ปิเยหิ มนาเปหีติ มาตาปิตาภาตาภคินิอาทิเกหิ ชาติยา นานาภาโว, มรเณน วินาภาโว, ภเวน อฺถาภาโว. ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ ตนฺติ ตสฺมา, ยสฺมา สพฺเพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว, ตสฺมา ทส ปารมิโย ปูเรตฺวาปิ, สมฺโพธึ ปตฺวาปิ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวาปิ, ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวาปิ, เทโวโรหณํ กตฺวาปิ, ยํ ตํ ชาตํ ภูตํ สงฺขตํ ปโลกธมฺมํ, ตํ วต ตถาคตสฺสาปิ สรีรํ มา ปลุชฺชีติ เนตํ านํ วิชฺชติ, โรทนฺเตนาปิ กนฺทนฺเตนาปิ น สกฺกา ตํ การณํ ลทฺธุนฺติ. ปุน ปจฺจาวมิสฺสตีติ ยํ จตฺตํ วนฺตํ, ตํ วต ปุน ปฏิขาทิสฺสตีติ อตฺโถ.
๑๘๔. ยถยิทํ พฺรหฺมจริยนฺติ ยถา อิทํ สิกฺขาตฺตยสงฺคหํ สาสนพฺรหฺมจริยํ. อทฺธนิยนฺติ อทฺธานกฺขมํ. จิรฏฺิติกนฺติ จิรปฺปวตฺติวเสน จิรฏฺิติกํ. จตฺตาโร สติปฏฺานาติอาทิ สพฺพํ โลกิยโลกุตฺตรวเสเนว กถิตํ. เอเตสํ ปน โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ วินิจฺฉโย สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธินิทฺเทเส วุตฺโต. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ตติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นาคาปโลกิตวณฺณนา
๑๘๖. นาคาปโลกิตนฺติ ยถา หิ มหาชนสฺส อฏฺีนิ โกฏิยา โกฏึ อาหจฺจ ิตานิ ปจฺเจกพุทฺธานํ, องฺกุสกลคฺคานิ วิย, น เอวํ พุทฺธานํ. พุทฺธานํ ¶ ปน สงฺขลิกานิ วิย เอกาพทฺธานิ หุตฺวา ิตานิ, ตสฺมา ปจฺฉโต อปโลกนกาเล น สกฺกา โหติ คีวํ ปริวตฺเตตุํ. ยถา ปน หตฺถินาโค ปจฺฉาภาคํ อปโลเกตุกาโม สกลสรีเรเนว ปริวตฺตติ, เอวํ ปริวตฺติตพฺพํ โหติ. ภควโต ปน นครทฺวาเร ตฺวา – ‘‘เวสาลึ อปโลเกสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเต – ‘‘ภควา อเนกานิ กปฺปโกฏิสหสฺสานิ ปารมิโย ปูเรนฺเตหิ ตุมฺเหหิ น คีวํ ปริวตฺเตตฺวา ¶ อปโลกนกมฺมํ กต’’นฺติ อยํ ปถวี กุลาลจกฺกํ วิย ปริวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ ¶ เวสาลินคราภิมุขํ อกาสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
นนุ จ น เกวลํ เวสาลิยาว, สาวตฺถิราชคหนาฬนฺทปาฏลิคามโกฏิคามนาติกคามเกสุปิ ตโต ตโต นิกฺขนฺตกาเล ตํ ตํ สพฺพํ ปจฺฉิมทสฺสนเมว, ตตฺถ ตตฺถ กสฺมา นาคาปโลกิตํ นาปโลเกสีติ? อนจฺฉริยตฺตา. ตตฺถ ตตฺถ หิ นิวตฺเตตฺวา อปโลเกนฺตสฺเสตํ น อจฺฉริยํ โหติ, ตสฺมา นาปโลเกสิ. อปิ จ เวสาลิราชาโน อาสนฺนวินาสา, ติณฺณํ วสฺสานํ อุปริ วินสฺสิสฺสนฺติ. เต ตํ นครทฺวาเร นาคาปโลกิตํ นาม เจติยํ กตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชสฺสนฺติ, ตํ เนสํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตีติ เตสํ อนุกมฺปาย อปโลเกสิ.
ทุกฺขสฺสนฺตกโรติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกโร. จกฺขุมาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต.
จตุมหาปเทสวณฺณนา
๑๘๗. มหาปเทเสติ มหาโอกาเส, มหาอปเทเส วา, พุทฺธาทโย มหนฺเต มหนฺเต อปทิสิตฺวา วุตฺตานิ มหาการณานีติ อตฺโถ.
๑๘๘. เนว อภินนฺทิตพฺพนฺติ หฏฺตุฏฺเหิ สาธุการํ ทตฺวา ปุพฺเพว น โสตพฺพํ, เอวํ กเต หิ ปจฺฉา ‘‘อิทํ น สเมตี’’ติ วุจฺจมาโน – ‘‘กึ ปุพฺเพว อยํ ธมฺโม, อิทานิ น ธมฺโม’’ติ วตฺวา ลทฺธึ น วิสฺสชฺเชติ. นปฺปฏิกฺโกสิตพฺพนฺติ – ‘‘กึ เอส พาโล วทตี’’ติ เอวํ ปุพฺเพว น วตฺตพฺพํ, เอวํ วุตฺเต หิ วตฺตุํ ยุตฺตมฺปิ น วกฺขติ. เตนาห – ‘‘อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา’’ติ. ปทพฺยฺชนานีติ ปทสงฺขาตานิ พฺยฺชนานิ. สาธุกํ อุคฺคเหตฺวาติ อิมสฺมึ ¶ าเน ปาฬิ วุตฺตา, อิมสฺมึ าเน อตฺโถ วุตฺโต, อิมสฺมึ าเน อนุสนฺธิ กถิโต, อิมสฺมึ าเน ปุพฺพาปรํ กถิตนฺติ สุฏฺุ คเหตฺวา. สุตฺเต โอสาเรตพฺพานีติ สุตฺเต โอตาเรตพฺพานิ. วินเย สนฺทสฺเสตพฺพานีติ วินเย สํสนฺเทตพฺพานิ.
เอตฺถ จ สุตฺตนฺติ วินโย. ยถาห – ‘‘กตฺถ ปฏิกฺขิตฺตํ? สาวตฺถิยํ สุตฺตวิภงฺเค’’ติ (จุฬว. ๔๕๗). วินโยติ ขนฺธโก. ยถาห – ‘‘วินยาติสาเร’’ติ. เอวํ วินยปิฏกมฺปิ น ¶ ปริยาทิยติ. อุภโตวิภงฺคา ปน สุตฺตํ, ขนฺธกปริวารา วินโยติ เอวํ วินยปิฏกํ ปริยาทิยติ. อถวา สุตฺตนฺตปิฏกํ สุตฺตํ, วินยปิฏกํ วินโยติ เอวํ ทฺเวเยว ปิฏกานิ ปริยาทิยนฺติ. สุตฺตนฺตาภิธมฺมปิฏกานิ ¶ วา สุตฺตํ, วินยปิฏกํ วินโยติ เอวมฺปิ ตีณิ ปิฏกานิ น ตาว ปริยาทิยนฺติ. อสุตฺตนามกฺหิ พุทฺธวจนํ นาม อตฺถิ. เสยฺยถิทํ – ชาตกํ, ปฏิสมฺภิทา, นิทฺเทโส, สุตฺตนิปาโต, ธมฺมปทํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, วิมานวตฺถุ, เปตวตฺถุ, เถรคาถา, เถรีคาถา, อปทานนฺติ.
สุทินฺนตฺเถโร ปน – ‘‘อสุตฺตนามกํ พุทฺธวจนํ น อตฺถี’’ติ ตํ สพฺพํ ปฏิปกฺขิปิตฺวา – ‘‘ตีณิ ปิฏกานิ สุตฺตํ, วินโย ปน การณ’’นฺติ อาห. ตโต ตํ การณํ ทสฺเสนฺโต อิทํ สุตฺตมาหริ –
‘‘เย โข ตฺวํ, โคตมิ, ธมฺเม ชาเนยฺยาสิ, อิเม ธมฺมา สราคาย สํวตฺตนฺติ โน วิราคาย, สฺโคาย สํวตฺตนฺติ โน วิสฺโคาย, อาจยาย สํวตฺตนฺติ โน อปจยาย, มหิจฺฉตาย สํวตฺตนฺติ โน อปฺปิจฺฉตาย, อสนฺตุฏฺิยา สํวตฺตนฺติ โน สนฺตุฏฺิยา, สงฺคณิกาย สํวตฺตนฺติ โน ปวิเวกาย, โกสชฺชาย สํวตฺตนฺติ โน วีริยารมฺภาย, ทุพฺภรตาย สํวตฺตนฺติ โน สุภรตาย. เอกํเสน, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ – ‘เนโส ธมฺโม, เนโส วินโย, เนตํ สตฺถุสาสน’นฺติ. เย จ โข ตฺวํ, โคตมิ, ธมฺเม ชาเนยฺยาสิ, อิเม ธมฺมา วิราคาย สํวตฺตนฺติ โน สราคาย, วิสฺโคาย สํวตฺตนฺติ โน สฺโคาย, อปจยาย สํวตฺตนฺติ โน อาจยาย, อปฺปิจฺฉตาย สํวตฺตนฺติ โน มหิจฺฉตาย, สนฺตุฏฺิยา สํวตฺตนฺติ โน อสนฺตุฏฺิยา, ปวิเวกาย สํวตฺตนฺติ โน สงฺคณิกาย ¶ , วีริยารมฺภาย สํวตฺตนฺติ โน โกสชฺชาย, สุภรตาย สํวตฺตนฺติ โน ทุพฺภรตาย. เอกํเสน, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ – ‘เอโส ธมฺโม, เอโส วินโย, เอตํ สตฺถุสาสน’นฺติ’’ (อ. นิ. ๘.๕๓).
ตสฺมา สุตฺเตติ เตปิฏเก พุทฺธวจเน โอตาเรตพฺพานิ. วินเยติ เอตสฺมึ ราคาทิวินยการเณ สํสนฺเทตพฺพานีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. น เจว สุตฺเต โอสรนฺตีติ สุตฺตปฏิปาฏิยา กตฺถจิ อนาคนฺตฺวา ฉลฺลึ อุฏฺเปตฺวา คุฬฺหเวสฺสนฺตร-คุฬฺหอุมฺมคฺค-คุฬฺหวินย-เวทลฺลปิฏกานํ อฺตรโต อาคตานิ ปฺายนฺตีติ อตฺโถ. เอวํ อาคตานิ หิ ราคาทิวินเย จ น ปฺายมานานิ ฉฑฺเฑตพฺพานิ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อิติ เหตํ, ภิกฺขเว, ฉฑฺเฑยฺยาถา’’ติ. เอเตนุปาเยน สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อิทํ ¶ , ภิกฺขเว, จตุตฺถํ มหาปเทสํ ธาเรยฺยาถาติ อิทํ ¶ จตุตฺถํ ธมฺมสฺส ปติฏฺาโนกาสํ ธาเรยฺยาถ.
อิมสฺมึ ปน าเน อิมํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ. สุตฺเต จตฺตาโร มหาปเทสา, ขนฺธเก จตฺตาโร มหาปเทสา, จตฺตาริ ปฺหพฺยากรณานิ, สุตฺตํ, สุตฺตานุโลมํ, อาจริยวาโท, อตฺตโนมติ, ติสฺโส สงฺคีติโยติ.
ตตฺถ – ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย’’ติ ธมฺมวินิจฺฉเย ปตฺเต อิเม จตฺตาโร มหาปเทสา ปมาณํ. ยํ เอตฺถ สเมติ ตเทว คเหตพฺพํ, อิตรํ วิรวนฺตสฺสปิ น คเหตพฺพํ.
‘‘อิทํ กปฺปติ, อิทํ น กปฺปตี’’ติ กปฺปิยากปฺปิยวินิจฺฉเย ปตฺเต – ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, มยา อิทํ น กปฺปตีติ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ, ตํ เจ อกปฺปิยํ อนุโลเมติ, กปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว น กปฺปตี’’ติอาทินา (มหาว. ๓๐๕) นเยน ขนฺธเก วุตฺตา จตฺตาโร มหาปเทสา ปมาณํ. เตสํ วินิจฺฉยกถา สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺตา. ตตฺถ วุตฺตนเยน ยํ กปฺปิยํ อนุโลเมติ, ตเทว กปฺปิยํ, อิตรํ อกปฺปิยนฺติ เอวํ สนฺนิฏฺานํ กาตพฺพํ.
เอกํสพฺยากรณีโย ปฺโห, วิภชฺชพฺยากรณีโย ปฺโห, ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปฺโห, ปนีโย ปฺโหติ อิมานิ จตฺตาริ ปฺหพฺยากรณานิ นาม. ตตฺถ ‘‘จกฺขุํ อนิจฺจ’’นฺติ ปุฏฺเน – ‘‘อาม อนิจฺจ’’นฺติ เอกํเสเนว พฺยากาตพฺพํ ¶ . เอส นโย โสตาทีสุ. อยํ เอกํสพฺยากรณีโย ปฺโห. ‘‘อนิจฺจํ นาม จกฺขุ’’นฺติ ปุฏฺเน – ‘‘น จกฺขุเมว, โสตมฺปิ อนิจฺจํ ฆานมฺปิ อนิจฺจ’’นฺติ เอวํ วิภชิตฺวา พฺยากาตพฺพํ. อยํ วิภชฺชพฺยากรณีโย ปฺโห. ‘‘ยถา จกฺขุ ตถา โสตํ, ยถา โสตํ ตถา จกฺขุ’’นฺติ ปุฏฺเน ‘‘เกนฏฺเน ปุจฺฉสี’’ติ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทสฺสนฏฺเน ปุจฺฉามี’’ติ วุตฺเต ‘‘น หี’’ติ พฺยากาตพฺพํ, ‘‘อนิจฺจฏฺเน ปุจฺฉามี’’ติ วุตฺเต อามาติ พฺยากาตพฺพํ. อยํ ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปฺโห. ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติอาทีนิ ปุฏฺเน ปน ‘‘อพฺยากตเมตํ ภควตา’’ติ เปตพฺโพ, เอส ปฺโห น พฺยากาตพฺโพ. อยํ ปนีโย ปฺโห. อิติ เตนากาเรน ปฺเห สมฺปตฺเต อิมานิ จตฺตาริ ปฺหพฺยากรณานิ ปมาณํ. อิเมสํ วเสน โส ปฺโห พฺยากาตพฺโพ.
สุตฺตาทีสุ ปน สุตฺตํ นาม ติสฺโส สงฺคีติโย อารูฬฺหานิ ตีณิ ปิฏกานิ. สุตฺตานุโลมํ นาม อนุโลมกปฺปิยํ. อาจริยวาโท นาม อฏฺกถา. อตฺตโนมติ นาม นยคฺคาเหน ¶ อนุพุทฺธิยา อตฺตโน ปฏิภานํ. ตตฺถ สุตฺตํ อปฺปฏิพาหิยํ, ตํ ปฏิพาหนฺเตน พุทฺโธว ปฏิพาหิโต โหติ. อนุโลมกปฺปิยํ ¶ ปน สุตฺเตน สเมนฺตเมว คเหตพฺพํ, น อิตรํ. อาจริยวาโทปิ สุตฺเตน สเมนฺโตเยว คเหตพฺโพ, น อิตโร. อตฺตโนมติ ปน สพฺพทุพฺพลา, สาปิ สุตฺเตน สเมนฺตาเยว คเหตพฺพา, น อิตรา. ปฺจสติกา, สตฺตสติกา, สหสฺสิกาติ อิมา ปน ติสฺโส สงฺคีติโย. สุตฺตมฺปิ ตาสุ อาคตเมว ปมาณํ, อิตรํ คารยฺหสุตฺตํ น คเหตพฺพํ. ตตฺถ โอตรนฺตานิปิ หิ ปทพฺยฺชนานิ น เจว สุตฺเต โอตรนฺติ, น จ วินเย สนฺทิสฺสนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
กมฺมารปุตฺตจุนฺทวตฺถุวณฺณนา
๑๘๙. กมฺมารปุตฺตสฺสาติ สุวณฺณการปุตฺตสฺส. โส กิร อฑฺโฒ มหากุฏุมฺพิโก ภควโต ปมทสฺสเนเนว โสตาปนฺโน หุตฺวา อตฺตโน อมฺพวเน วิหารํ การาเปตฺวา นิยฺยาเตสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อมฺพวเน’’ติ.
สูกรมทฺทวนฺติ นาติตรุณสฺส นาติชิณฺณสฺส เอกเชฏฺกสูกรสฺส ปวตฺตมํสํ. ตํ กิร มุทุ เจว สินิทฺธฺจ โหติ, ตํ ปฏิยาทาเปตฺวา สาธุกํ ปจาเปตฺวาติ ¶ อตฺโถ. เอเก ภณนฺติ – ‘‘สูกรมทฺทวนฺติ ปน มุทุโอทนสฺส ปฺจโครสยูสปาจนวิธานสฺส นาเมตํ, ยถา ควปานํ นาม ปากนาม’’นฺติ. เกจิ ภณนฺติ – ‘‘สูกรมทฺทวํ นาม รสายนวิธิ, ตํ ปน รสายนสตฺเถ อาคจฺฉติ, ตํ จุนฺเทน – ‘ภควโต ปรินิพฺพานํ น ภเวยฺยา’ติ รสายนํ ปฏิยตฺต’’นฺติ. ตตฺถ ปน ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เทวตา โอชํ ปกฺขิปึสุ.
นาหํ ตนฺติ อิมํ สีหนาทํ กิมตฺถํ นทติ? ปรูปวาทโมจนตฺถํ. อตฺตนา ปริภุตฺตาวเสสํ เนว ภิกฺขูนํ, น มนุสฺสานํ ทาตุํ อทาสิ, อาวาเฏ นิขณาเปตฺวา วินาเสสีติ หิ วตฺตุกามานํ อิทํ สุตฺวา วจโนกาโส น ภวิสฺสตีติ ปเรสํ อุปวาทโมจนตฺถํ สีหนาทํ นทตีติ.
๑๙๐. ภุตฺตสฺส จ สูกรมทฺทเวนาติ ภุตฺตสฺส อุทปาทิ, น ปน ภุตฺตปจฺจยา. ยทิ หิ อภุตฺตสฺส อุปฺปชฺชิสฺสถ, อติขโร ภวิสฺสติ. สินิทฺธโภชนํ ภุตฺตตฺตา ปนสฺส ตนุเวทนา อโหสิ. เตเนว ปทสา คนฺตุํ อสกฺขิ. วิเรจมาโนติ อภิณฺหํ ปวตฺตโลหิตวิเรจโนว สมาโน ¶ . อโวจาติ อตฺตนา ปตฺถิตฏฺาเน ปรินิพฺพานตฺถาย เอวมาห. อิมา ปน ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปิตคาถาโยติ เวทิตพฺพา.
ปานียาหรณวณฺณนา
๑๙๑. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. อจฺโฉทกาติ ¶ ปสนฺโนทกา. สาโตทกาติ มธุโรทกา. สีโตทกาติ ตนุสีตลสลิลา. เสตกาติ นิกฺกทฺทมา. สุปฺปติตฺถาติ สุนฺทรติตฺถา.
ปุกฺกุสมลฺลปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
๑๙๒. ปุกฺกุโสติ ตสฺส นามํ. มลฺลปุตฺโตติ มลฺลราชปุตฺโต. มลฺลา กิร วาเรน รชฺชํ กาเรนฺติ. ยาว เนสํ วาโร น ปาปุณาติ, ตาว วณิชฺชํ กโรนฺติ. อยมฺปิ วณิชฺชเมว กโรนฺโต ปฺจ สกฏสตานิ โยชาเปตฺวา ธุรวาเต วายนฺเต ปุรโต คจฺฉติ, ปจฺฉา วาเต วายนฺเต สตฺถวาหํ ปุรโต เปเสตฺวา สยํ ปจฺฉา คจฺฉติ. ตทา ปน ปจฺฉา วาโต วายิ, ตสฺมา เอส ปุรโต สตฺถวาหํ เปเสตฺวา สพฺพรตนยาเน ¶ นิสีทิตฺวา กุสินารโต นิกฺขมิตฺวา ‘‘ปาวํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘กุสินาราย ปาวํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหตี’’ติ.
อาฬาโรติ ตสฺส นามํ. ทีฆปิงฺคโล กิเรโส, เตนสฺส อาฬาโรติ นามํ อโหสิ. กาลาโมติ โคตฺตํ. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม. เนว ทกฺขตีติ น อทฺทส. ยตฺรสทฺทยุตฺตตฺตา ปเนตํ อนาคตวเสน วุตฺตํ. เอวรูปฺหิ อีทิเสสุ าเนสุ สทฺทลกฺขณํ.
๑๙๓. นิจฺฉรนฺตีสูติ วิจรนฺตีสุ. อสนิยา ผลนฺติยาติ นววิธาย อสนิยา ภิชฺชมานาย วิย มหารวํ รวนฺติยา. นววิธา หิ อสนิโย – อสฺา, วิจกฺกา, สเตรา, คคฺครา, กปิสีสา, มจฺฉวิโลลิกา, กุกฺกุฏกา, ทณฺฑมณิกา, สุกฺขาสนีติ. ตตฺถ อสฺา อสฺํ กโรติ. วิจกฺกา เอกํ จกฺกํ กโรติ. สเตรา สเตรสทิสา หุตฺวา ปตติ. คคฺครา คคฺครายมานา ปตติ. กปิสีสา ภมุกํ อุกฺขิเปนฺโต มกฺกโฏ วิย โหติ. มจฺฉวิโลลิกา วิโลลิตมจฺโฉ วิย โหติ. กุกฺกุฏกา กุกฺกุฏสทิสา หุตฺวา ปตติ. ทณฺฑมณิกา นงฺคลสทิสา หุตฺวา ปตติ. สุกฺขาสนี ปติตฏฺานํ สมุคฺฆาเฏติ.
เทเว ¶ วสฺสนฺเตติ สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชิตฺวา อนฺตรนฺตรา วสฺสนฺเต. อาตุมายนฺติ อาตุมํ นิสฺสาย วิหรามิ. ภุสาคาเรติ ขลสาลายํ. เอตฺเถโสติ เอตสฺมึ การเณ เอโส มหาชนกาโย สนฺนิปติโต. กฺว อโหสีติ กุหึ อโหสิ. โส ตํ ภนฺเตติ โส ตฺวํ ภนฺเต.
๑๙๔. สิงฺคีวณฺณนฺติ สิงฺคีสุวณฺณวณฺณํ. ยุคมฏฺนฺติ ¶ มฏฺยุคํ, สณฺหสาฏกยุคฬนฺติ อตฺโถ. ธารณียนฺติ อนฺตรนฺตรา มยา ธาเรตพฺพํ, ปริทหิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตํ กิร โส ตถารูเป ฉณทิวเสเยว ธาเรตฺวา เสสกาเล นิกฺขิปติ. เอวํ อุตฺตมํ มงฺคลวตฺถยุคํ สนฺธายาห. อนุกมฺปํ อุปาทายาติ มยิ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ. อจฺฉาเทหีติ อุปจารวจนเมตํ – เอกํ มยฺหํ เทหิ, เอกํ อานนฺทสฺสาติ อตฺโถ. กึ ปน เถโร ตํ คณฺหีติ? อาม คณฺหิ. กสฺมา? มตฺถกปฺปตฺตกิจฺจตฺตา. กิฺจาปิ เหส เอวรูปํ ลาภํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อุปฏฺากฏฺานํ ปฏิปนฺโน. ตํ ปนสฺส อุปฏฺากกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ. ตสฺมา อคฺคเหสิ. เย จาปิ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘อนาราธโก มฺเ อานนฺโท ¶ ปฺจวีสติ วสฺสานิ อุปฏฺหนฺเตน น กิฺจิ ภควโต สนฺติกา เตน ลทฺธปุพฺพ’’นฺติ. เตสํ วจโนกาสจฺเฉทนตฺถมฺปิ อคฺคเหสิ. อปิ จ ชานาติ ภควา – ‘‘อานนฺโท คเหตฺวาปิ อตฺตนา น ธาเรสฺสติ, มยฺหํเยว ปูชํ กริสฺสติ. มลฺลปุตฺเตน ปน อานนฺทํ ปูเชนฺเตน สงฺโฆปิ ปูชิโต ภวิสฺสติ, เอวมสฺส มหาปฺุราสิ ภวิสฺสตี’’ติ เถรสฺส เอกํ ทาเปสิ. เถโรปิ เตเนว การเณน อคฺคเหสีติ. ธมฺมิยา กถายาติ วตฺถานุโมทนกถาย.
๑๙๕. ภควโต กายํ อุปนามิตนฺติ นิวาสนปารุปนวเสน อลฺลียาปิตํ. ภควาปิ ตโต เอกํ นิวาเสสิ, เอกํ ปารุปิ. หตจฺจิกํ วิยาติ ยถา หตจฺจิโก องฺคาโร อนฺตนฺเตเนว โชตติ, พหิ ปนสฺส ปภา นตฺถิ, เอวํ พหิ ปฏิจฺฉนฺนปฺปภํ หุตฺวา ขายตีติ อตฺโถ.
อิเมสุ โข, อานนฺท, ทฺวีสุปิ กาเลสูติ กสฺมา อิเมสุ ทฺวีสุ กาเลสุ เอวํ โหติ? อาหารวิเสเสน เจว พลวโสมนสฺเสน จ. เอเตสุ หิ ทฺวีสุ กาเลสุ สกลจกฺกวาเฬ เทวตา อาหาเร โอชํ ปกฺขิปนฺติ, ตํ ปณีตโภชนํ กุจฺฉึ ปวิสิตฺวา ปสนฺนรูปํ สมุฏฺาเปติ. อาหารสมุฏฺานรูปสฺส ปสนฺนตฺตา มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ อติวิย วิโรจนฺติ. สมฺโพธิทิวเส จสฺส – ‘‘อเนกกปฺปโกฏิสตสหสฺสสฺจิโต วต เม กิเลสราสิ อชฺช ปหีโน’’ติ อาวชฺชนฺตสฺส พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ ปสีทติ, จิตฺเต ปสนฺเน โลหิตํ ปสีทติ, โลหิเต ปสนฺเน มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ อติวิย วิโรจนฺติ. ปรินิพฺพานทิวเสปิ – ‘‘อชฺช, ทานาหํ, อเนเกหิ ¶ พุทฺธสตสหสฺเสหิ ปวิฏฺํ อมตมหานิพฺพานํ นาม นครํ ปวิสิสฺสามี’’ติ อาวชฺชนฺตสฺส ¶ พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ ปสีทติ, จิตฺเต ปสนฺเน โลหิตํ ปสีทติ, โลหิเต ปสนฺเน มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ อติวิย วิโรจนฺติ. อิติ อาหารวิเสเสน เจว พลวโสมนสฺเสน จ อิเมสุ ทฺวีสุ กาเลสุ เอวํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. อุปวตฺตเนติ ปาจีนโต นิวตฺตนสาลวเน. อนฺตเรน ยมกสาลานนฺติ ยมกสาลรุกฺขานํ มชฺเฌ.
สิงฺคีวณฺณนฺติ คาถา สงฺคีติกาเล ปิตา.
๑๙๖. นฺหตฺวา ¶ จ ปิวิตฺวา จาติ เอตฺถ ตทา กิร ภควติ นหายนฺเต อนฺโตนทิยํ มจฺฉกจฺฉปา จ อุภโตตีเรสุ วนสณฺโฑ จ สพฺพํ สุวณฺณวณฺณเมว โหติ. อมฺพวนนฺติ ตสฺสาเยว นทิยา ตีเร อมฺพวนํ. อายสฺมนฺตํ จุนฺทกนฺติ ตสฺมึ กิร ขเณ อานนฺทตฺเถโร อุทกสาฏกํ ปีเฬนฺโต โอหียิ, จุนฺทตฺเถโร สมีเป อโหสิ. ตํ ภควา อามนฺเตสิ.
คนฺตฺวาน พุทฺโธ นทิกํ กกุธนฺติ อิมาปิ คาถา สงฺคีติกาเลเยว ปิตา. ตตฺถ ปวตฺตา ภควา อิธ ธมฺเมติ ภควา อิธ สาสเน ธมฺเม ปวตฺตา, จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ปวตฺตานีติ อตฺโถ. ปมุเข นิสีทีติ สตฺถุ ปุรโตว นิสีทิ. เอตฺตาวตา จ เถโร อนุปฺปตฺโต. เอวํ อนุปฺปตฺตํ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ.
๑๙๗. อลาภาติ เย อฺเสํ ทานานิสํสสงฺขาตา ลาภา โหนฺติ, เต อลาภา. ทุลฺลทฺธนฺติ ปฺุวิเสเสน ลทฺธมฺปิ มนุสฺสตฺตํ ทุลฺลทฺธํ. ยสฺส เตติ ยสฺส ตว. อุตฺตณฺฑุลํ วา อติกิลินฺนํ วา โก ชานาติ, กีทิสมฺปิ ปจฺฉิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา ตถาคโต ปรินิพฺพุโต, อทฺธา เต ยํ วา ตํ วา ทินฺนํ ภวิสฺสตีติ. ลาภาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกทานานิสํสสงฺขาตา ลาภา. สุลทฺธนฺติ ตุยฺหํ มนุสฺสตฺตํ สุลทฺธํ. สมสมผลาติ สพฺพากาเรน สมานผลา.
นนุ จ ยํ สุชาตาย ทินฺนํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา ตถาคโต อภิสมฺพุทฺโธ, โส สราคสโทสสโมหกาเล ปริภุตฺโต, อยํ ปน จุนฺเทน ทินฺโน วีตราควีตโทสวีตโมหกาเล ปริภุตฺโต, กสฺมา เอเต สมผลาติ? ปรินิพฺพานสมตาย จ สมาปตฺติสมตาย จ อนุสฺสรณสมตาย จ. ภควา ¶ หิ สุชาตาย ทินฺนํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต, จุนฺเทน ทินฺนํ ปริภฺุชิตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโตติ เอวํ ปรินิพฺพานสมตายปิ สมผลา. อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส จ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา ¶ สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ, ปรินิพฺพานทิวเสปิ สพฺพา ตา สมาปชฺชีติ เอวํ สมาปตฺติสมตายปิ สมผลา. สุชาตา จ อปรภาเค อสฺโสสิ – ‘‘น กิเรสา รุกฺขเทวตา, โพธิสตฺโต กิเรส, ตํ กิร ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ ¶ , สตฺตสตฺตาหํ กิรสฺส เตน ยาปนํ อโหสี’’ติ. ตสฺสา อิทํ สุตฺวา – ‘‘ลาภา วต เม’’ติ อนุสฺสรนฺติยา พลวปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. จุนฺทสฺสาปิ อปรภาเค – ‘‘อวสานปิณฺฑปาโต กิร มยา ทินฺโน, ธมฺมสีสํ กิร เม คหิตํ, มยฺหํ กิร ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา สตฺถา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต’’ติ สุตฺวา ‘‘ลาภา วต เม’’ติ อนุสฺสรโต พลวโสมนสฺสํ อุทปาทีติ เอวํ อนุสฺสรณสมตายปิ สมผลาติ เวทิตพฺพา.
ยสสํวตฺตนิกนฺติ ปริวารสํวตฺตนิกํ. อาธิปเตยฺยสํวตฺตนิกนฺติ เชฏฺกภาวสํวตฺตนิกํ.
สํยมโตติ สีลสํยเมน สํยมนฺตสฺส, สํวเร ิตสฺสาติ อตฺโถ. เวรํ น จียตีติ ปฺจวิธํ เวรํ น วฑฺฒติ. กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ กุสโล ปน าณสมฺปนฺโน อริยมคฺเคน อนวเสสํ ปาปกํ ลามกํ อกุสลํ ชหาติ. ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ โส อิมํ ปาปกํ ชหิตฺวา ราคาทีนํ ขยา กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโตติ. อิติ จุนฺทสฺส จ ทกฺขิณํ, อตฺตโน จ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺตึ สมฺปสฺสมาโน อุทานํ อุทาเนสีติ.
จตุตฺถภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ยมกสาลาวณฺณนา
๑๙๘. มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธินฺติ อิธ ภิกฺขูนํ คณนปริจฺเฉโท นตฺถิ. เวฬุวคาเม เวทนาวิกฺขมฺภนโต ปฏฺาย หิ – ‘‘น จิเรน ภควา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ตโต ตโต อาคเตสุ ภิกฺขูสุ เอกภิกฺขุปิ ปกฺกนฺโต นาม นตฺถิ. ตสฺมา คณนวีติวตฺโต สงฺโฆ อโหสิ. อุปวตฺตนํ มลฺลานํ สาลวนนฺติ ยเถว หิ กลมฺพนทีตีรโต ราชมาตุวิหารทฺวาเรน ถูปารามํ คนฺตพฺพํ ¶ โหติ, เอวํ หิรฺวติยา ปาริมตีรโต สาลวนุยฺยานํ, ยถา อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม, เอวํ ตํ กุสินารายํ โหติ. ยถา ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสนมคฺโค ปาจีนมุโข ¶ คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺโต, เอวํ อุยฺยานโต สาลวนํ ปาจีนมุขํ คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตํ. ตสฺมา ตํ – ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ. อนฺตเรน ยมกสาลานํ ¶ อุตฺตรสีสกนฺติ ตสฺส กิร มฺจกสฺส เอกา สาลปนฺติ สีสภาเค โหติ, เอกา ปาทภาเค. ตตฺราปิ เอโก ตรุณสาโล สีสภาคสฺส อาสนฺโน โหติ, เอโก ปาทภาคสฺส. อปิ จ ยมกสาลา นาม มูลขนฺธวิฏปปตฺเตหิ อฺมฺํ สํสิพฺพิตฺวา ิตสาลาติ วุตฺตํ. มฺจกํ ปฺเปหีติ ตสฺมึ กิร อุยฺยาเน ราชกุลสฺส สยนมฺโจ อตฺถิ, ตํ สนฺธาย ปฺเปหีติ อาห. เถโรปิ ตํเยว ปฺเปตฺวา อทาสิ.
กิลนฺโตสฺมิ, อานนฺท, นิปชฺชิสฺสามีติ ตถาคตสฺส หิ –
‘‘โคจริ กฬาโป คงฺเคยฺโย, ปิงฺคโล ปพฺพเตยฺยโก;
เหมวโต จ ตมฺโพ จ, มนฺทากินิ อุโปสโถ;
ฉทฺทนฺโตเยว ทสโม, เอเต นาคานมุตฺตมา’’ติ. –
เอตฺถ ยํ ทสนฺนํ โคจริสงฺขาตานํ ปกติหตฺถีนํ พลํ, ตํ เอกสฺส กฬาปสฺสาติ. เอวํ ทสคุณวฑฺฒิตาย คณนาย ปกติหตฺถีนํ โกฏิสหสฺสพลปฺปมาณํ พลํ, ตํ สพฺพมฺปิ จุนฺทสฺส ปิณฺฑปาตํ ปริภุตฺตกาลโต ปฏฺาย จงฺควาเร ปกฺขิตฺตอุทกํ วิย ปริกฺขยํ คตํ. ปาวานครโต ตีณิ คาวุตานิ กุสินารานครํ, เอตสฺมึ อนฺตเร ปฺจวีสติยา าเนสุ นิสีทิตฺวา มหตา อุสฺสาเหน อาคจฺฉนฺโตปิ สูริยสฺส อตฺถงฺคมิตเวลายํ สฺฌาสมเย ภควา สาลวนํ ปวิฏฺโ. เอวํ โรโค สพฺพํ อาโรคฺยํ มทฺทนฺโต อาคจฺฉติ. เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต วิย สพฺพโลกสฺส สํเวคกรํ วาจํ ภาสนฺโต – ‘‘กิลนฺโตสฺมิ, อานนฺท, นิปชฺชิสฺสามี’’ติ อาห.
กสฺมา ปน ภควา เอวํ มหนฺเตน อุสฺสาเหน อิธาคโต, กึ อฺตฺถ น สกฺกา ปรินิพฺพายิตุนฺติ? ปรินิพฺพายิตุํ นาม น กตฺถจิ น สกฺกา, ตีหิ ปน การเณหิ อิธาคโต, อิทฺหิ ภควา เอวํ ปสฺสติ – ‘‘มยิ อฺตฺถ ปรินิพฺพายนฺเต มหาสุทสฺสนสุตฺตสฺส อตฺถุปฺปตฺติ น ภวิสฺสติ, กุสินารายํ ¶ ปน ปรินิพฺพายนฺเต ยมหํ เทวโลเก อนุภวิตพฺพํ สมฺปตฺตึ มนุสฺสโลเกเยว อนุภวึ, ตํ ทฺวีหิ ภาณวาเรหิ มณฺเฑตฺวา เทเสสฺสามิ, ตํ เม สุตฺวา พหู ชนา กุสลํ กาตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ.
อปรมฺปิ ¶ ปสฺสติ – ‘‘มํ อฺตฺถ ปรินิพฺพายนฺตํ สุภทฺโท น ปสฺสิสฺสติ, โส จ พุทฺธเวเนยฺโย ¶ , น สาวกเวเนยฺโย; น ตํ สาวกา วิเนตุํ สกฺโกนฺติ. กุสินารายํ ปรินิพฺพายนฺตํ ปน มํ โส อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ, ปฺหาวิสฺสชฺชนปริโยสาเน จ สรเณสุ ปติฏฺาย มม สนฺติเก ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา มยิ ธรมาเนเยว อรหตฺตํ ปตฺวา ปจฺฉิมสาวโก ภวิสฺสตี’’ติ.
อปรมฺปิ ปสฺสติ – ‘‘มยิ อฺตฺถ ปรินิพฺพายนฺเต ธาตุภาชนีเย มหากลโห ภวิสฺสติ, โลหิตํ นที วิย สนฺทิสฺสติ. กุสินารายํ ปรินิพฺพุเต โทณพฺราหฺมโณ ตํ วิวาทํ วูปสเมตฺวา ธาตุโย วิภชิสฺสตี’’ติ. อิเมหิ ตีหิ การเณหิ ภควา เอวํ มหนฺเตน อุสฺสาเหน อิธาคโตติ เวทิตพฺโพ.
สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ กามโภคีเสยฺยา, เปตเสยฺยา, สีหเสยฺยา, ตถาคตเสยฺยาติ จตสฺโส เสยฺยา.
ตตฺถ – ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, กามโภคี สตฺตา วาเมน ปสฺเสน เสนฺตี’’ติ อยํ กามโภคีเสยฺยา. เตสุ หิ เยภุยฺเยน ทกฺขิเณน ปสฺเสน สยนฺตา นาม นตฺถิ.
‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, เปตา อุตฺตานา เสนฺตี’’ติ อยํ เปตเสยฺยา. อปฺปมํสโลหิตตฺตา หิ เปตา อฏฺิสงฺฆาฏชฏิตา เอเกน ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกนฺติ, อุตฺตานาว เสนฺติ.
‘‘สีโห, ภิกฺขเว, มิคราชา ทกฺขิเณน ปสฺเสน เสยฺยํ กปฺเปติ…เป… อตฺตมโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ สีหเสยฺยา. เตชุสฺสทตฺตา หิ สีโห มิคราชา ทฺเว ปุริมปาเท เอกสฺมึ าเน, ปจฺฉิมปาเท เอกสฺมึ าเน เปตฺวา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทปจฺฉิมปาทนงฺคุฏฺานํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ทฺวินฺนํ ปุริมปาทานํ มตฺถเก สีสํ เปตฺวา สยติ. ทิวสํ สยิตฺวาปิ ปพุชฺฌมาโน น อุตฺรสนฺโต ปพุชฺฌติ, สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทาทีนํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขติ. สเจ กิฺจิ านํ วิชหิตฺวา ิตํ โหติ – ‘‘น ยิทํ ตุยฺหํ ชาติยา สูรภาวสฺส จ อนุรูป’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ตตฺเถว สยติ, น โคจราย ปกฺกมติ. อวิชหิตฺวา ิเต ปน ¶ – ‘‘ตุยฺหํ ชาติยา จ สูรภาวสฺส จ อนุรูปมิท’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อุฏฺาย สีหวิชมฺภิตํ ¶ วิชมฺภิตฺวา เกสรภารํ วิธุนิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ.
‘‘จตุตฺถชฺฌานเสยฺยา ¶ ปน ตถาคตสฺส เสยฺยาติ วุจฺจติ’’ (อ. นิ. ๔.๒๔๖). ตาสุ อิธ สีหเสยฺยา อาคตา. อยฺหิ เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา นาม.
ปาเท ปาทนฺติ ทกฺขิณปาเท วามปาทํ. อจฺจาธายาติ อติอาธาย, อีสกํ อติกฺกมฺม เปตฺวา. โคปฺผเกน หิ โคปฺผเก, ชาณุนา วา ชาณุมฺหิ สงฺฆฏฺฏิยมาเน อภิณฺหํ เวทนา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ, เสยฺยา อผาสุกา โหติ. ยถา ปน น สงฺฆฏฺเฏติ, เอวํ อติกฺกมฺม ปิเต เวทนา นุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, เสยฺยา ผาสุ โหติ. ตสฺมา เอวํ นิปชฺชิ. อนุฏฺานเสยฺยํ อุปคตตฺตา ปเนตฺถ – ‘‘อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา’’ติ น วุตฺตํ. กายวเสน เจตฺถ อนุฏฺานํ เวทิตพฺพํ, นิทฺทาวเสน ปน ตํ รตฺตึ ภควโต ภวงฺคสฺส โอกาโสเยว นาโหสิ. ปมยามสฺมิฺหิ มลฺลานํ ธมฺมเทสนา อโหสิ, มชฺฌิมยาเม สุภทฺทสฺส ปจฺฉิมยาเม ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทิ, พลวปจฺจูเส ปรินิพฺพายิ.
สพฺพผาลิผุลฺลาติ สพฺเพ สมนฺตโต ปุปฺผิตา มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคา เอกจฺฉนฺนา อเหสุํ, น เกวลฺจ ยมกสาลาเยว, สพฺเพปิ รุกฺขา สพฺพปาลิผุลฺลาว อเหสุํ. น เกวลฺหิ ตสฺมึเยว อุยฺยาเน, สกลฺหิปิ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ ปุปฺผูปคา ปุปฺผํ คณฺหึสุ, ผลูปคา ผลํ คณฺหึสุ, สพฺพรุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, วลฺลีสุ วลฺลิปทุมานิ, อากาเสสุ อากาสปทุมานิ ปถวีตลํ ภินฺทิตฺวา ทณฺฑปทุมานิ ปุปฺผึสุ. สพฺโพ มหาสมุทฺโท ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺโน อโหสิ. ติโยชนสหสฺสวิตฺถโต หิมวา ฆนพทฺธโมรปิฺฉกลาโป วิย, นิรนฺตรํ มาลาทามควจฺฉิโก วิย, สุฏฺุ ปีเฬตฺวา อาพทฺธปุปฺผวฏํสโก วิย, สุปูริตํ ปุปฺผจงฺโกฏกํ วิย จ อติรมณีโย อโหสิ.
เต ตถาคตสฺส สรีรํ โอกิรนฺตีติ เต ยมกสาลา ภุมฺมเทวตาหิ สฺจลิตขนฺธสาขวิฏปา ตถาคตสฺส สรีรํ อวกิรนฺติ, สรีรสฺส อุปริ ปุปฺผานิ วิกิรนฺตีติ อตฺโถ. อชฺโฌกิรนฺตีติ อชฺโฌตฺถรนฺตา วิย กิรนฺติ. อภิปฺปกิรนฺตีติ อภิณฺหํ ปุนปฺปุนํ ปกิรนฺติเยว. ทิพฺพานีติ ¶ เทวโลเก นนฺทโปกฺขรณีสมฺภวานิ, ตานิ โหนฺติ ¶ สุวณฺณวณฺณานิ ปณฺณจฺฉตฺตปฺปมาณปตฺตานิ, มหาตุมฺพมตฺตํ เรณุํ คณฺหนฺติ. น เกวลฺจ มนฺทารวปุปฺผาเนว, อฺานิปิ ปน ทิพฺพานิ ปาริจฺฉตฺตกโกวิฬารปุปฺผาทีนิ สุวณฺณจงฺโกฏกานิ ปูเรตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยมฺปิ ติทสปุเรปิ พฺรหฺมโลเกปิ ิตาหิ เทวตาหิ ปวิฏฺานิ, อนฺตลิกฺขา ปตนฺติ. ตถาคตสฺส สรีรนฺติ อนฺตรา อวิกิณฺณาเนว อาคนฺตฺวา ปตฺตกิฺชกฺขเรณุจุณฺเณหิ ตถาคตสฺส สรีรเมว โอกิรนฺติ.
ทิพฺพานิปิ ¶ จนฺทนจุณฺณานีติ เทวตานํ อุปกปฺปนจนฺทนจุณฺณานิ. น เกวลฺจ เทวตานํเยว, นาคสุปณฺณมนุสฺสานมฺปิ อุปกปฺปนจนฺทนจุณฺณานิ. น เกวลฺจ จนฺทนจุณฺณาเนว, กาฬานุสาริกโลหิตจนฺทนาทิสพฺพทิพฺพคนฺธชาลจุณฺณานิ, หริตาลอฺชนสุวณฺณรชตจุณฺณานิ สพฺพทิพฺพคนฺธวาสวิกติโย สุวณฺณรชตาทิสมุคฺเค ปูเรตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิอาทีสุ ิตาหิ เทวตาหิ ปวิฏฺานิ อนฺตรา อวิปฺปกิริตฺวา ตถาคตสฺเสว สรีรํ โอกิรนฺติ.
ทิพฺพานิปิ ตูริยานีติ เทวตานํ อุปกปฺปนตูริยานิ. น เกวลฺจ ตานิเยว, สพฺพานิปิ ตนฺติพทฺธจมฺมปริโยนทฺธฆนสุสิรเภทานิ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวนาคสุปณฺณมนุสฺสานํ ตูริยานิ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา อนฺตลิกฺเข วชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
ทิพฺพานิปิ สงฺคีตานีติ วรุณวารณเทวตา กิร นาเมตา ทีฆายุกา เทวตา – ‘‘มหาปุริโส มนุสฺสปเถ นิพฺพตฺติตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ‘‘ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส นํ คเหตฺวา คมิสฺสามา’’ติ มาลํ คนฺเถตุมารภึสุ. ตา คนฺถมานาว – ‘‘มหาปุริโส มาตุกุจฺฉิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเห กสฺส คนฺถถา’’ติ วุตฺตา ‘‘น ตาว นิฏฺาติ, กุจฺฉิโต นิกฺขมนทิวเส คณฺหิตฺวา คมิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ปุนปิ ‘‘นิกฺขนฺโต’’ติ สุตฺวา ‘‘มหาภินิกฺขมนทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. เอกูนตึสวสฺสานิ ฆเร วสิตฺวา ‘‘อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต’’ติปิ สุตฺวา ‘‘อภิสมฺโพธิทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ กตฺวา ‘‘อชฺช อภิสมฺพุทฺโธ’’ติปิ สุตฺวา ‘‘ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘สตฺตสตฺตาหานิ โพธิมณฺเฑ วีตินาเมตฺวา ¶ อิสิปตนํ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติต’’นฺติปิ สุตฺวา ‘‘ยมกปาฏิหาริยทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อชฺช ยมกปาฏิหาริยํ กรี’’ติปิ ¶ สุตฺวา ‘‘เทโวโรหณทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อชฺช เทโวโรหณํ กรี’’ติปิ สุตฺวา ‘‘อายุสงฺขาโรสฺสชฺชเน คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อชฺช อายุสงฺขารํ โอสฺสชี’’ติปิ สุตฺวา ‘‘น ตาว นิฏฺาติ, ปรินิพฺพานทิวเส คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อชฺช ภควา ยมกสาลานมนฺตเร ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ อุปคโต พลวปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพายิสฺสติ. ตุมฺเห กสฺส คนฺถถา’’ติ สุตฺวา ปน – ‘‘กินฺนาเมตํ, ‘อชฺเชว มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อชฺเชว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ, อชฺเชว มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ, อชฺเชว พุทฺโธ อโหสิ, อชฺเชว ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิ, อชฺเชว ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ, อชฺเชว เทวโลกา โอติณฺโณ, อชฺเชว อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, อชฺเชว กิร ปรินิพฺพายิสฺสตี’ติ. นนุ นาม ทุติยทิวเส ยาคุปานกาลมตฺตมฺปิ าตพฺพํ อสฺส. ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺตสฺส นาม อนนุจฺฉวิกเมต’’นฺติ อปรินิฏฺิตาว มาลาโย คเหตฺวา อาคมฺม อนฺโต จกฺกวาเฬ ¶ โอกาสํ อลภมานา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ลมฺพิตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยาว อาธาวนฺติโย หตฺเถน หตฺถํ คีวาย คีวํ คเหตฺวา ตีณิ รตนานิ อารพฺภ ทฺวตฺตึส มหาปุริสลกฺขณานิ ฉพฺพณฺณรสฺมิโย ทส ปารมิโย อฑฺฒฉฏฺานิ ชาตกสตานิ จุทฺทส พุทฺธาณานิ อารพฺภ คายิตฺวา ตสฺส ตสฺส อวสาเน ‘‘มหายโส, มหายโส’’ติ วทนฺติ. อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ – ‘‘ทิพฺพานิปิ สงฺคีตานิ อนฺตลิกฺเข วตฺตนฺติ ตถาคตสฺส ปูชายา’’ติ.
๑๙๙. ภควา ปน ยมกสาลานํ อนฺตรา ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปนฺโนเยว ปถวีตลโต ยาว จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยา, จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิโต จ ยาว พฺรหฺมโลกา สนฺนิปติตาย ปริสาย มหนฺตํ อุสฺสาหํ ทิสฺวา อายสฺมโต อานนฺทสฺส อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ…เป… ตถาคตสฺส ปูชายา’’ติ. เอวํ มหาสกฺการํ ทสฺเสตฺวา เตนาปิ อตฺตโน อสกฺกตภาวเมว ทสฺสนฺโต น โข, อานนฺท, เอตฺตาวตาติอาทิมาห.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อานนฺท, มยา ทีปงฺกรปาทมูเล นิปนฺเนน อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา อภินีหารํ กโรนฺเตน ¶ น มาลาคนฺธตูริยสงฺคีตานํ อตฺถาย อภินีหาโร กโต, น เอตทตฺถาย ปารมิโย ปูริตา. ตสฺมา น โข อหํ เอตาย ปูชาย ปูชิโต นาม โหมี’’ติ.
กสฺมา ¶ ปน ภควา อฺตฺถ เอกํ อุมาปุปฺผมตฺตมฺปิ คเหตฺวา พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา กตาย ปูชาย พุทฺธาเณนาปิ อปริจฺฉินฺนํ วิปากํ วณฺเณตฺวา อิธ เอวํ มหนฺตํ ปูชํ ปฏิกฺขิปตีติ? ปริสานุคฺคเหน เจว สาสนสฺส จ จิรฏฺิติกามตาย. สเจ หิ ภควา เอวํ น ปฏิกฺขิเปยฺย, อนาคเต สีลสฺส อาคตฏฺาเน สีลํ น ปริปูเรสฺสนฺติ, สมาธิสฺส อาคตฏฺาเน สมาธึ น ปริปูเรสฺสนฺติ, วิปสฺสนาย อาคตฏฺาเน วิปสฺสนาคพฺภํ น คาหาเปสฺสนฺติ. อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา ปูชํเยว กาเรนฺตา วิหริสฺสนฺติ. อามิสปูชา จ นาเมสา สาสนํ เอกทิวสมฺปิ เอกยาคุปานกาลมตฺตมฺปิ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ. มหาวิหารสทิสฺหิ วิหารสหสฺสํ มหาเจติยสทิสฺจ เจติยสหสฺสมฺปิ สาสนํ ธาเรตุํ น สกฺโกนฺติ. เยน กมฺมํ กตํ, ตสฺเสว โหติ. สมฺมาปฏิปตฺติ ปน ตถาคตสฺส อนุจฺฉวิกา ปูชา. สา หิ เตน ปตฺถิตา เจว, สกฺโกติ สาสนฺจ สนฺธาเรตุํ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺโต โย โข อานนฺทาติอาทิมาห.
ตตฺถ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโนติ นววิธสฺส โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุธมฺมํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ ปฏิปนฺโน ¶ . สาเยว ปน ปฏิปทา อนุจฺฉวิกตฺตา ‘‘สามีจี’’ติ วุจฺจติ. ตํ สามีจึ ปฏิปนฺโนติ สามีจิปฺปฏิปนฺโน. ตเมว ปุพฺพภาคปฏิปทาสงฺขาตํ อนุธมฺมํ จรติ ปูเรตีติ อนุธมฺมจารี.
ปุพฺพภาคปฏิปทาติ จ สีลํ อาจารปฺตฺติ ธุตงฺคสมาทานํ ยาว โคตฺรภุโต สมฺมาปฏิปทา เวทิตพฺพา. ตสฺมา โย ภิกฺขุ ฉสุ อคารเวสุ ปติฏฺาย ปฺตฺตึ อติกฺกมติ, อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ น ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน. โย ปน สพฺพํ อตฺตโน ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ ชินเวลํ ชินมริยาทํ ชินกาฬสุตฺตํ อณุมตฺตมฺปิ น วีติกฺกมติ, อยํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน นาม. ภิกฺขุนิยาปิ เอเสว นโย. โย อุปาสโก ปฺจ เวรานิ ทส อกุสลกมฺมปเถ สมาทาย วตฺตติ อปฺเปติ, อยํ น ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน. โย ปน ตีสุ สรเณสุ, ปฺจสุปิ สีเลสุ, ทสสุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, มาสสฺส อฏฺ อุโปสเถ กโรติ, ทานํ เทติ, คนฺธปูชํ มาลาปูชํ กโรติ, มาตรํ ปิตรํ ¶ อุปฏฺาติ, ธมฺมิเก สมณพฺราหฺมเณ อุปฏฺาติ, อยํ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน นาม. อุปาสิกายปิ เอเสว นโย.
ปรมาย ¶ ปูชายาติ อุตฺตมาย ปูชาย. อยฺหิ นิรามิสปูชา นาม สกฺโกติ มม สาสนํ สนฺธาเรตุํ. ยาว หิ อิมา จตสฺโส ปริสา มํ อิมาย ปูเชสฺสนฺติ, ตาว มม สาสนํ มชฺเฌ นภสฺส ปุณฺณจนฺโท วิย วิโรจิสฺสตีติ ทสฺเสติ.
อุปวาณตฺเถรวณฺณนา
๒๐๐. อปสาเรสีติ อปเนสิ. อเปหีติ อปคจฺฉ. เถโร เอกวจเนเนว ตาลวณฺฏํ นิกฺขิปิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อุปฏฺาโกติอาทิ ปมโพธิยํ อนิพทฺธุปฏฺากภาวํ สนฺธายาห. อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อุปวาโณติ เอวํ เถเรน วุตฺเต อานนฺโท อุปวาณสฺส สโทสภาวํ สลฺลกฺเขติ, ‘หนฺทสฺส นิทฺโทสภาวํ กเถสฺสามี’ติ ภควา เยภุยฺเยน อานนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ เยภุยฺเยนาติ อิทํ อสฺสตฺตานฺเจว อรูปเทวตานฺจ โอหีนภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อปฺผุโฏติ อสมฺผุฏฺโ อภริโต วา. ภควโต กิร อาสนฺนปเทเส วาลคฺคมตฺเต โอกาเส สุขุมตฺตภาวํ มาเปตฺวา ทส ทส มเหสกฺขา เทวตา อฏฺํสุ. ตาสํ ปรโต วีสติ วีสติ. ตาสํ ปรโต ตึสติ ตึสติ. ตาสํ ปรโต จตฺตาลีสํ จตฺตาลีสํ. ตาสํ ปรโต ปฺาสํ ปฺาสํ. ตาสํ ปรโต สฏฺิ สฏฺิ เทวตา อฏฺํสุ. ตา อฺมฺํ หตฺเถน วา ปาเทน วา วตฺเถน วา น พฺยาพาเธนฺติ. ‘‘อเปหิ มํ, มา ฆฏฺเฏหี’’ติ วตฺตพฺพาการํ นาม นตฺถิ. ‘‘ตา ¶ โข ปน เทวตาโย ทสปิ หุตฺวา วีสติปิ หุตฺวา ตึสมฺปิ หุตฺวา จตฺตาลีสมฺปิ หุตฺวา ปฺาสมฺปิ หุตฺวา อารคฺคโกฏินิตุทนมตฺเตปิ ติฏฺนฺติ, น จ อฺมฺํ พฺยาพาเธนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๗) วุตฺตสทิสาว อเหสุํ. โอวาเรนฺโตติ อาวาเรนฺโต. เถโร กิร ปกติยาปิ มหาสรีโร หตฺถิโปตกสทิโส. โส ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา อติมหา วิย อโหสิ.
ตถาคตํ ทสฺสนายาติ ภควโต มุขํ ทฏฺุํ อลภมานา เอวํ อุชฺฌายึสุ. กึ ปน ตา เถรํ วินิวิชฺฌ ปสฺสิตุํ น สกฺโกนฺตีติ? อาม, น สกฺโกนฺติ. เทวตา หิ ปุถุชฺชเน วินิวิชฺฌ ปสฺสิตุํ สกฺโกนฺติ, น ขีณาสเว. เถรสฺส จ มเหสกฺขตาย ¶ เตชุสฺสทตาย อุปคนฺตุมฺปิ น สกฺโกนฺติ. กสฺมา ¶ ปน เถโรว เตชุสฺสโท, น อฺเ อรหนฺโตติ? ยสฺมา กสฺสปพุทฺธสฺส เจติเย อารกฺขเทวตา อโหสิ.
วิปสฺสิมฺหิ กิร สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปรินิพฺพุเต เอกคฺฆนสุวณฺณกฺขนฺธสทิสสฺส ธาตุสรีรสฺส เอกเมว เจติยํ อกํสุ, ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ เอกเมว เจติยํ โหติ. ตํ มนุสฺสา รตนายามาหิ วิทตฺถิวิตฺถตาหิ ทฺวงฺคุลพหลาหิ สุวณฺณิฏฺกาหิ หริตาเลน จ มโนสิลาย จ มตฺติกากิจฺจํ ติลเตเลเนว อุทกกิจฺจํ สาเธตฺวา โยชนปฺปมาณํ อุฏฺเปสุํ. ตโต ภุมฺมา เทวตา โยชนปฺปมาณํ, ตโต อากาสฏฺกเทวตา, ตโต อุณฺหวลาหกเทวตา, ตโต อพฺภวลาหกเทวตา, ตโต จาตุมหาราชิกา เทวตา, ตโต ตาวตึสา เทวตา โยชนปฺปมาณํ อุฏฺเปสุนฺติ เอวํ สตฺตโยชนิกํ เจติยํ อโหสิ. มนุสฺเสสุ มาลาคนฺธวตฺถาทีนิ คเหตฺวา อาคเตสุ อารกฺขเทวตา คเหตฺวา เตสํ ปสฺสนฺตานํเยว เจติยํ ปูเชสิ.
ตทา อยํ เถโร พฺราหฺมณมหาสาโล หุตฺวา เอกํ ปีตกํ วตฺถํ อาทาย คโต. เทวตา ตสฺส หตฺถโต วตฺถํ คเหตฺวา เจติยํ ปูเชสิ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ‘‘อหมฺปิ อนาคเต เอวรูปสฺส พุทฺธสฺส เจติเย อารกฺขเทวตา โหมี’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ตสฺส เทวโลเก จ มนุสฺสโลเก จ สํสรนฺตสฺเสว กสฺสโป ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิ. ตสฺสาปิ เอกเมว ธาตุสรีรํ อโหสิ. ตํ คเหตฺวา โยชนิกํ เจติยํ กาเรสุํ. โส ตตฺถ อารกฺขเทวตา หุตฺวา สาสเน อนฺตรหิเต สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล ตโต จุโต มหากุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต. อิติ เจติเย อารกฺขเทวตา หุตฺวา อาคตตฺตา เถโร เตชุสฺสโทติ เวทิตพฺโพ.
เทวตา ¶ , อานนฺท, อุชฺฌายนฺตีติ อิติ อานนฺท, เทวตา อุชฺฌายนฺติ, น มยฺหํ ปุตฺตสฺส อฺโ โกจิ โทโส อตฺถีติ ทสฺเสติ.
๒๐๑. กถํภูตา ปน, ภนฺเตติ กสฺมา อาห? ภควา ตุมฺเห – ‘‘เทวตา อุชฺฌายนฺตี’’ติ วทถ, กถํ ภูตา ปน ตา ตุมฺเห มนสิ กโรถ ¶ , กึ ตุมฺหากํ ปรินิพฺพานํ อธิวาเสนฺตีติ ปุจฺฉติ. อถ ภควา – ‘‘นาหํ อธิวาสนการณํ วทามี’’ติ ตาสํ อนธิวาสนภาวํ ทสฺเสนฺโต สนฺตานนฺทาติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ อากาเส ปถวีสฺินิโยติ อากาเส ปถวึ มาเปตฺวา ตตฺถ ปถวีสฺินิโย. กนฺทนฺตีติ โรทนฺติ. ฉินฺนปาตํ ปปตนฺตีติ มชฺเฌ ฉินฺนา วิย หุตฺวา ยโต วา ตโต วา ปปตนฺติ. อาวฏฺฏนฺตีติ อาวฏฺฏนฺติโย ปติตฏฺานเมว อาคจฺฉนฺติ. วิวฏฺฏนฺตีติ ปติตฏฺานโต ปรภาคํ วฏฺฏมานา คจฺฉนฺติ. อปิจ ทฺเว ปาเท ปสาเรตฺวา สกึ ปุรโต สกึ ปจฺฉโต สกึ วามโต สกึ ทกฺขิณโต สํปริวตฺตมานาปิ – ‘‘อาวฏฺฏนฺติ วิวฏฺฏนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. สนฺตานนฺท, เทวตา ปถวิยํ ปถวีสฺินิโยติ ปกติปถวี กิร เทวตา ธาเรตุํ น สกฺโกติ. ตตฺถ หตฺถโก พฺรหฺมา วิย เทวตา โอสีทนฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘โอฬาริกํ หตฺถก, อตฺตภาวํ อภินิมฺมินาหี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๘). ตสฺมา ยา เทวตา ปถวิยํ ปถวึ มาเปสุํ, ตา สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ปถวิยํ ปถวีสฺินิโย’’ติ.
วีตราคาติ ปหีนโทมนสฺสา สิลาถมฺภสทิสา อนาคามิขีณาสวเทวตา.
จตุสํเวชนียานวณฺณนา
๒๐๒. วสฺสํวุฏฺาติ พุทฺธกาเล กิร ทฺวีสุ กาเลสุ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถํ, วุฏฺวสฺสา จ คหิตกมฺมฏฺานานุโยเคน นิพฺพตฺติตวิเสสาโรจนตฺถํ. ยถา จ พุทฺธกาเล, เอวํ ตมฺพปณฺณิทีเปปิ อปารคงฺคาย ภิกฺขู โลหปาสาเท สนฺนิปตึสุ, ปารคงฺคาย ภิกฺขู ติสฺสมหาวิหาเร. เตสุ อปารคงฺคาย ภิกฺขู สงฺการฉฑฺฑกสมฺมชฺชนิโย คเหตฺวา อาคนฺตฺวา มหาวิหาเร สนฺนิปติตฺวา เจติเย สุธากมฺมํ กตฺวา – ‘‘วุฏฺวสฺสา อาคนฺตฺวา โลหปาสาเท สนฺนิปตถา’’ติ วตฺตํ กตฺวา ผาสุกฏฺาเนสุ วสิตฺวา วุฏฺวสฺสา อาคนฺตฺวา โลหปาสาเท ปฺจนิกายมณฺฑเล, เยสํ ปาฬิ ปคุณา, เต ปาฬึ สชฺฌายนฺติ. เยสํ อฏฺกถา ปคุณา, เต อฏฺกถํ สชฺฌายนฺติ. ¶ โย ปาฬึ วา อฏฺกถํ วา วิราเธติ ¶ , ตํ – ‘‘กสฺส สนฺติเก ตยา คหิต’’นฺติ วิจาเรตฺวา อุชุํ กตฺวา คาหาเปนฺติ. ปารคงฺคาวาสิโนปิ ติสฺสมหาวิหาเร เอวเมว กโรนฺติ. เอวํ ทฺวีสุ กาเลสุ สนฺนิปติเตสุ ภิกฺขูสุ เย ปุเร วสฺสูปนายิกาย กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คตา วิเสสาโรจนตฺถํ อาคจฺฉนฺติ, เอวรูเป สนฺธาย ‘‘ปุพฺเพ ภนฺเต วสฺสํวุฏฺา’’ติอาทิมาห.
มโนภาวนีเยติ มนสา ภาวิเต สมฺภาวิเต. เย วา มโน มนํ ภาเวนฺติ วฑฺเฒนฺติ ราครชาทีนิ ปวาเหนฺติ, เอวรูเปติ อตฺโถ. เถโร ¶ กิร วตฺตสมฺปนฺโน มหลฺลกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ถทฺโธ หุตฺวา น นิสีทติ, ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา หตฺถโต ฉตฺตฺจ ปตฺตจีวรฺจ คเหตฺวา ปีํ ปปฺโผเฏตฺวา เทติ, ตตฺถ นิสินฺนสฺส วตฺตํ กตฺวา เสนาสนํ ปฏิชคฺคิตฺวา เทติ. นวกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ตุณฺหีภูโต น นิสีทติ, สมีเป ตฺวา วตฺตํ กโรติ. โส ตาย วตฺตปฏิปตฺติยา อปริหานึ ปตฺถยมาโน เอวมาห.
อถ ภควา – ‘‘อานนฺโท มโนภาวนียานํ ทสฺสนํ น ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตติ, หนฺทสฺส, มโนภาวนียานํ ทสฺสนฏฺานํ อาจิกฺขิสฺสามิ, ยตฺถ วสนฺโต อิโต จิโต จ อนาหิณฺฑิตฺวาว ลจฺฉติ มโนภาวนีเย ภิกฺขู ทสฺสนายาติ จินฺเตตฺวา จตฺตาริมานีติอาทิมาห.
ตตฺถ สทฺธสฺสาติ พุทฺธาทีสุ ปสนฺนจิตฺตสฺส วตฺตสมฺปนฺนสฺส, ยสฺส ปาโต ปฏฺาย เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ สพฺพวตฺตานิ กตาเนว ปฺายนฺติ. ทสฺสนียานีติ ทสฺสนารหานิ ทสฺสนตฺถาย คนฺตพฺพานิ. สํเวชนียานีติ สํเวคชนกานิ. านานีติ การณานิ, ปเทสานาเนว วา.
เย หิ เกจีติ อิทํ เจติยจาริกาย สตฺถกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺถ เจติยจาริกํ อาหิณฺฑนฺตาติ เย จ ตาว ตตฺถ ตตฺถ เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชนฺตา, อาสนานิ โธวนฺตา โพธิมฺหิ อุทกํ สิฺจนฺตา อาหิณฺฑนฺติ, เตสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ อสุกวิหาเร ‘‘เจติยํ วนฺทิสฺสามา’’ติ นิกฺขมิตฺวา ปสนฺนจิตฺตา อนฺตรา กาลงฺกโรนฺตาปิ อนนฺตราเยน สคฺเค ปติฏฺหิสฺสนฺติ เยวาติ ทสฺเสติ.
อานนฺทปุจฺฉากถาวณฺณนา
๒๐๓. อทสฺสนํ ¶ ¶ , อานนฺทาติ ยเทตํ มาตุคามสฺส อทสฺสนํ, อยเมตฺถ อุตฺตมา ปฏิปตฺตีติ ทสฺเสติ. ทฺวารํ ปิทหิตฺวา เสนาสเน นิสินฺโน หิ ภิกฺขุ อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ิตมฺปิ มาตุคามํ ยาว น ปสฺสติ, ตาวสฺส เอกํเสเนว น โลโภ อุปฺปชฺชติ, น จิตฺตํ จลติ. ทสฺสเน ปน สติเยว ตทุภยมฺปิ อสฺส. เตนาห – ‘‘อทสฺสนํ อานนฺทา’’ติ. ทสฺสเน ภควา สติ กถนฺติ ภิกฺขํ คเหตฺวา อุปคตฏฺานาทีสุ ทสฺสเน สติ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ปุจฺฉติ. อถ ภควา ยสฺมา ขคฺคํ คเหตฺวา – ‘‘สเจ มยา สทฺธึ อาลปสิ, เอตฺเถว เต สีสํ ปาเตสฺสามี’’ติ ิตปุริเสน วา, ‘‘สเจ มยา สทฺธึ อาลปสิ, เอตฺเถว เต มํสํ มุรุมุราเปตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ ¶ ิตยกฺขินิยา วา อาลปิตุํ วรํ. เอกสฺเสว หิ อตฺตภาวสฺส ตปฺปจฺจยา วินาโส โหติ, น อปาเยสุ อปริจฺฉินฺนทุกฺขานุภวนํ. มาตุคาเมน ปน อาลาปสลฺลาเป สติ วิสฺสาโส โหติ, วิสฺสาเส สติ โอตาโร โหติ, โอติณฺณจิตฺโต สีลพฺยสนํ ปตฺวา อปายปูรโก โหติ; ตสฺมา อนาลาโปติ อาห. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สลฺลเป อสิหตฺเถน, ปิสาเจนาปิ สลฺลเป;
อาสีวิสมฺปิ อาสีเท, เยน ทฏฺโ น ชีวติ;
น ตฺเวว เอโก เอกาย, มาตุคาเมน สลฺลเป’’ติ. (อ. นิ. ๕.๕๕);
อาลปนฺเตน ปนาติ สเจ มาตุคาโม ทิวสํ วา ปุจฺฉติ, สีลํ วา ยาจติ, ธมฺมํ วา โสตุกาโม โหติ, ปฺหํ วา ปุจฺฉติ, ตถารูปํ วา ปนสฺส ปพฺพชิเตหิ กตฺตพฺพกมฺมํ โหติ, เอวรูเป กาเล อนาลปนฺตํ ‘‘มูโค อยํ, พธิโร อยํ, ภุตฺวาว พทฺธมุโข นิสีทตี’’ติ วทติ, ตสฺมา อวสฺสํ อาลปิตพฺพํ โหติ. เอวํ อาลปนฺเตน ปน กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ปุจฺฉติ. อถ ภควา – ‘‘เอถ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, มาตุมตฺตีสุ มาตุจิตฺตํ อุปฏฺเปถ, ภคินิมตฺตีสุ ภคินิจิตฺตํ อุปฏฺเปถ, ธีตุมตฺตีสุ ธีตุจิตฺตํ อุปฏฺเปถา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๗) อิมํ โอวาทํ สนฺธาย สติ, อานนฺท, อุปฏฺเปตพฺพาติ อาห.
๒๐๔. อพฺยาวฏาติ อตนฺติพทฺธา นิรุสฺสุกฺกา โหถ. สารตฺเถ ฆฏถาติ อุตฺตมตฺเถ อรหตฺเต ฆเฏถ. อนุยฺุชถาติ ตทธิคมาย อนุโยคํ ¶ กโรถ. อปฺปมตฺตาติ ตตฺถ อวิปฺปมุฏฺสตี. วีริยาตาปโยเคน อาตาปิโน. กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขตาย ปหิตตฺตา เปสิตจิตฺตา วิหรถ.
๒๐๕. กถํ ¶ ปน, ภนฺเตติ เตหิ ขตฺติยปณฺฑิตาทีหิ กถํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. อทฺธา มํ เต ปฏิปุจฺฉิสฺสนฺติ – ‘‘กถํ, ภนฺเต, อานนฺท ตถาคตสฺส สรีเร ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ; ‘‘เตสาหํ กถํ ปฏิวจนํ เทมี’’ติ ปุจฺฉติ. อหเตน วตฺเถนาติ นเวน กาสิกวตฺเถน. วิหเตน กปฺปาเสนาติ สุโปถิเตน กปฺปาเสน. กาสิกวตฺถฺหิ สุขุมตฺตา เตลํ น คณฺหาติ, กปฺปาโส ปน คณฺหาติ. ตสฺมา ‘‘วิหเตน กปฺปาเสนา’’ติ อาห. อายสายาติ โสวณฺณาย. โสวณฺณฺหิ อิธ ‘‘อยส’’นฺติ อธิปฺเปตํ.
ถูปารหปุคฺคลวณฺณนา
๒๐๖. ราชา จกฺกวตฺตีติ เอตฺถ กสฺมา ภควา อคารมชฺเฌ วสิตฺวา กาลงฺกตสฺส รฺโ ถูปารหตํ อนุชานาติ, น สีลวโต ปุถุชฺชนสฺส ภิกฺขุสฺสาติ? อนจฺฉริยตฺตา. ปุถุชฺชนภิกฺขูนฺหิ ¶ ถูเป อนฺุายมาเน ตมฺพปณฺณิทีเป ตาว ถูปานํ โอกาโส น ภเวยฺย, ตถา อฺเสุ าเนสุ. ตสฺมา ‘‘อนจฺฉริยา เต ภวิสฺสนฺตี’’ติ นานุชานาติ. ราชา จกฺกวตฺตี เอโกว นิพฺพตฺตติ, เตนสฺส ถูโป อจฺฉริโย โหติ. ปุถุชฺชนสีลวโต ปน ปรินิพฺพุตภิกฺขุโน วิย มหนฺตมฺปิ สกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติเยว.
อานนฺทอจฺฉริยธมฺมวณฺณนา
๒๐๗. วิหารนฺติ อิธ มณฺฑลมาโล วิหาโรติ อธิปฺเปโต, ตํ ปวิสิตฺวา. กปิสีสนฺติ ทฺวารพาหโกฏิยํ ิตํ อคฺคฬรุกฺขํ. โรทมาโน อฏฺาสีติ โส กิรายสฺมา จินฺเตสิ – ‘‘สตฺถารา มม สํเวคชนกํ วสนฏฺานํ กถิตํ, เจติยจาริกาย สาตฺถกภาโว กถิโต, มาตุคาเม ปฏิปชฺชิตพฺพปฺโห วิสฺสชฺชิโต, อตฺตโน สรีเร ปฏิปตฺติ อกฺขาตา, จตฺตาโร ถูปารหา กถิตา, ธุวํ อชฺช ภควา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ, ตสฺเสวํ จินฺตยโต พลวโทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ภควโต สนฺติเก โรทนํ นาม อผาสุกํ, เอกมนฺตํ คนฺตฺวา ¶ โสกํ ตนุกํ กริสฺสามี’’ติ, โส ตถา อกาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘โรทมาโน อฏฺาสี’’ติ.
อหฺจ วตมฺหีติ อหฺจ วต อมฺหิ, อหํ วตมฺหีติปิ ปาโ. โย มม อนุกมฺปโกติ โย มํ อนุกมฺปติ อนุสาสติ, สฺเว ทานิ ปฏฺาย กสฺส มุขโธวนํ ทสฺสามิ, กสฺส ปาเท โธวิสฺสามิ, กสฺส เสนาสนํ ปฏิชคฺคิสฺสามิ, กสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจริสฺสามีติ พหุํ วิลปิ. อามนฺเตสีติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺตเร เถรํ อทิสฺวา อามนฺเตสิ.
เมตฺเตน ¶ กายกมฺเมนาติ เมตฺตจิตฺตวเสน ปวตฺติเตน มุขโธวนทานาทิกายกมฺเมน. หิเตนาติ หิตวุทฺธิยา กเตน. สุเขนาติ สุขโสมนสฺเสเนว กเตน, น ทุกฺขินา ทุมฺมเนน หุตฺวาติ อตฺโถ. อทฺวเยนาติ ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา อกเตน. ยถา หิ เอโก สมฺมุขาว กโรติ น ปรมฺมุขา, เอโก ปรมฺมุขาว กโรติ น สมฺมุขา เอวํ วิภาคํ อกตฺวา กเตนาติ วุตฺตํ โหติ. อปฺปมาเณนาติ ปมาณวิรหิเตน. จกฺกวาฬมฺปิ หิ อติสมฺพาธํ, ภวคฺคมฺปิ อตินีจํ, ตยา กตํ กายกมฺมเมว ¶ พหุนฺติ ทสฺเสติ.
เมตฺเตน วจีกมฺเมนาติ เมตฺตจิตฺตวเสน ปวตฺติเตน มุขโธวนกาลาโรจนาทินา วจีกมฺเมน. อปิ จ โอวาทํ สุตฺวา – ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ วจนมฺปิ เมตฺตํ วจีกมฺมเมว. เมตฺเตน มโนกมฺเมนาติ กาลสฺเสว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา วิวิตฺตาสเน นิสีทิตฺวา – ‘‘สตฺถา อโรโค โหตุ, อพฺยาปชฺโช สุขี’’ติ เอวํ ปวตฺติเตน มโนกมฺเมน. กตปฺุโสีติ กปฺปสตสหสฺสํ อภินีหารสมฺปนฺโนสีติ ทสฺเสติ. กตปฺุโสีติ จ เอตฺตาวตา วิสฺสตฺโถ มา ปมาทมาปชฺชิ, อถ โข ปธานมนุยฺุช. เอวฺหิ อนุยุตฺโต ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว, ธมฺมสงฺคีติกาเล อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสสิ. น หิ มาทิสสฺส กตปาริจริยา นิปฺผลา นาม โหตีติ ทสฺเสติ.
๒๐๘. เอวฺจ ปน วตฺวา มหาปถวึ ปตฺถรนฺโต วิย อากาสํ วิตฺถาเรนฺโต วิย จกฺกวาฬคิรึ โอสาเรนฺโต วิย สิเนรุํ อุกฺขิเปนฺโต วิย มหาชมฺพุํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย อายสฺมโต อานนฺทสฺส คุณกถํ อารภนฺโต อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ. ตตฺถ ‘‘เยปิ ¶ เต, ภิกฺขเว, เอตรหี’’ติ กสฺมา น วุตฺตํ? อฺสฺส พุทฺธสฺส นตฺถิตาย. เอเตเนว เจตํ เวทิตพฺพํ – ‘‘ยถา จกฺกวาฬนฺตเรปิ อฺโ พุทฺโธ นตฺถี’’ติ. ปณฺฑิโตติ พฺยตฺโต. เมธาวีติ ขนฺธธาตุอายตนาทีสุ กุสโล.
๒๐๙. ภิกฺขุปริสา อานนฺทํ ทสฺสนายาติ เย ภควนฺตํ ปสฺสิตุกามา เถรํ อุปสงฺกมนฺติ, เย จ ‘‘อายสฺมา กิรานนฺโท สมนฺตปาสาทิโก อภิรูโป ทสฺสนีโย พหุสฺสุโต สงฺฆโสภโน’’ติ เถรสฺส คุเณ สุตฺวา อาคจฺฉนฺติ, เต สนฺธาย ‘‘ภิกฺขุปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อตฺตมนาติ สวเนน โน ทสฺสนํ สเมตีติ สกมนา ตุฏฺจิตฺตา. ธมฺมนฺติ ‘‘กจฺจิ, อาวุโส, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โยนิโส มนสิกาเรน กมฺมํ กโรถ, อาจริยุปชฺฌาเย วตฺตํ ปูเรถา’’ติ เอวรูปํ ปฏิสนฺถารธมฺมํ. ตตฺถ ภิกฺขุนีสุ – ‘‘กจฺจิ, ภคินิโย, อฏฺ ครุธมฺเม สมาทาย วตฺตถา’’ติ อิทมฺปิ นานากรณํ โหติ. อุปาสเกสุ อาคเตสุ ‘‘อุปาสก, น เต กจฺจิ สีสํ วา องฺคํ วา ¶ รุชฺชติ, อโรคา เต ปุตฺตภาตโร’’ติ น เอวํ ปฏิสนฺถารํ กโรติ. เอวํ ปน กโรติ – ‘‘กถํ อุปาสกา ตีณิ สรณานิ ปฺจ สีลานิ รกฺขถ, มาสสฺส อฏฺ ¶ อุโปสเถ กโรถ, มาตาปิตูนํ อุปฏฺานวตฺตํ ปูเรถ, ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณ ปฏิชคฺคถา’’ติ. อุปาสิกาสุปิ เอเสว นโย.
อิทานิ อานนฺทตฺเถรสฺส จกฺกวตฺตินา สทฺธึ อุปมํ กโรนฺโต จตฺตาโรเม ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ ขตฺติยาติ อภิสิตฺตา จ อนภิสิตฺตา จ ขตฺติยชาติกา. เต กิร – ‘‘ราชา จกฺกวตฺตี นาม อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก อากาเสน วิจรนฺโต รชฺชํ อนุสาสติ ธมฺมิโก ธมฺมราชา’’ติ ตสฺส คุณกถํ สุตฺวา ‘‘สวเนน ทสฺสนมฺปิ สม’’นฺติ อตฺตมนา โหนฺติ. ภาสตีติ กเถนฺโต – ‘‘กถํ, ตาตา, ราชธมฺมํ ปูเรถ, ปเวณึ รกฺขถา’’ติ ปฏิสนฺถารํ กโรติ. พฺราหฺมเณสุ ปน – ‘‘กถํ อาจริยา มนฺเต วาเจถ, กถํ อนฺเตวาสิกา มนฺเต คณฺหนฺติ, ทกฺขิณํ วา วตฺถานิ วา กปิลํ วา อลตฺถา’’ติ ปฏิสนฺถารํ กโรติ. คหปตีสุ – ‘‘กถํ ตาตา, น โว ราชกุลโต ทณฺเฑน วา พลินา วา ปีฬา อตฺถิ, สมฺมา ¶ เทโว ธารํ อนุปเวจฺฉติ, สสฺสานิ สมฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ ปฏิสนฺถารํ กโรติ. สมเณสุ – ‘‘กถํ, ภนฺเต, ปพฺพชิตปริกฺขารา สุลภา, สมณธมฺเม น ปมชฺชถา’’ติ เอวํ ปฏิสนฺถารํ กโรติ.
มหาสุทสฺสนสุตฺตเทสนาวณฺณนา
๒๑๐. ขุทฺทกนครเกติ นครปติรูปเก สมฺพาเธ ขุทฺทกนครเก. อุชฺชงฺคลนครเกติ วิสมนครเก. สาขานครเกติ ยถา รุกฺขานํ สาขา นาม ขุทฺทกา โหนฺติ, เอวเมว อฺเสํ มหานครานํ สาขาสทิเส ขุทฺทกนครเก. ขตฺติยมหาสาลาติ ขตฺติยมหาสารปฺปตฺตา มหาขตฺติยา. เอส นโย สพฺพตฺถ.
เตสุ ขตฺติยมหาสาลา นาม เยสํ โกฏิสตมฺปิ โกฏิสหสฺสมฺปิ ธนํ นิขณิตฺวา ปิตํ, ทิวสปริพฺพโย เอกํ กหาปณสกฏํ นิคจฺฉติ, สายํ ทฺเว ปวิสนฺติ. พฺราหฺมณมหาสาลา นาม เยสํ อสีติโกฏิธนํ นิหิตํ โหติ, ทิวสปริพฺพโย เอโก กหาปณกุมฺโภ นิคจฺฉติ, สายํ เอกสกฏํ ปวิสติ. คหปติมหาสาลา นาม เยสํ จตฺตาลีสโกฏิธนํ นิหิตํ โหติ, ทิวสปริพฺพโย ปฺจ กหาปณมฺพณานิ นิคจฺฉนฺติ, สายํ กุมฺโภ ปวิสติ.
มา ¶ เหวํ, อานนฺท, อวจาติ อานนฺท, มา เอวํ อวจ, น อิมํ ‘‘ขุทฺทกนคร’’นฺติ ¶ วตฺตพฺพํ. อหฺหิ อิมสฺเสว นครสฺส สมฺปตฺตึ กเถตุํ – ‘‘อเนกวารํ ติฏฺํ นิสีทํ มหนฺเตน อุสฺสาเหน, มหนฺเตน ปรกฺกเมน อิธาคโต’’ติ วตฺวา ภูตปุพฺพนฺติอาทิมาห. สุภิกฺขาติ ขชฺชโภชฺชสมฺปนฺนา. หตฺถิสทฺเทนาติ เอกสฺมึ หตฺถิมฺหิ สทฺทํ กโรนฺเต จตุราสีติหตฺถิสหสฺสานิ สทฺทํ กโรนฺติ, อิติ หตฺถิสทฺเทน อวิวิตฺตา, โหติ, ตถา อสฺสสทฺเทน. ปฺุวนฺโต ปเนตฺถ สตฺตา จตุสินฺธวยุตฺเตหิ รเถหิ อฺมฺํ อนุพนฺธมานา อนฺตรวีถีสุ วิจรนฺติ, อิติ รถสทฺเทน อวิวิตฺตา โหติ. นิจฺจํ ปโยชิตาเนว ปเนตฺถ เภริอาทีนิ ตูริยานิ, อิติ เภริสทฺทาทีหิปิ อวิวิตฺตา โหติ. ตตฺถ สมฺมสทฺโทติ กํสตาฬสทฺโท. ปาณิตาฬสทฺโทติ ปาณินา จตุรสฺสอมฺพณตาฬสทฺโท. กุฏเภริสทฺโทติปิ วทนฺติ.
อสฺนาถ ¶ ปิวถ ขาทถาติ อสฺนาถ ปิวถ ขาทถ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป, ภฺุชถ โภติ อิมินา ทสเมน สทฺเทน อวิวิตฺตา โหติ อนุปจฺฉินฺนสทฺทา. ยถา ปน อฺเสุ นคเรสุ ‘‘กจวรํ ฉฑฺเฑถ, กุทาลํ คณฺหถ, ปจฺฉึ คณฺหถ, ปวาสํ คมิสฺสาม, ตณฺฑุลปุฏํ คณฺหถ, ภตฺตปุฏํ คณฺหถ, ผลกาวุธาทีนิ สชฺชานิ กโรถา’’ติ เอวรูปา สทฺทา โหนฺติ, น ยิธ เอวํ อโหสีติ ทสฺเสติ.
‘‘ทสเมน สทฺเทนา’’ติ จ วตฺวา ‘‘กุสาวตี, อานนฺท, ราชธานี สตฺตหิ ปากาเรหิ ปริกฺขิตฺตา อโหสี’’ติ สพฺพํ มหาสุทสฺสนสุตฺตํ นิฏฺาเปตฺวา คจฺฉ ตฺวํ อานนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ อภิกฺกมถาติ อภิมุขา กมถ, อาคจฺฉถาติ อตฺโถ. กึ ปน เต ภควโต อาคตภาวํ น ชานนฺตีติ? ชานนฺติ. พุทฺธานํ คตคตฏฺานํ นาม มหนฺตํ โกลาหลํ โหติ, เกนจิเทว กรณีเยน นิสินฺนตฺตา น อาคตา. ‘‘เต อาคนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส านนิสชฺโชกาสํ สํวิทหิตฺวา ทสฺสนฺตี’’ติ เตสํ สนฺติเก อเวลายมฺปิ ภควา เปเสสิ.
มลฺลานํ วนฺทนาวณฺณนา
๒๑๑. อมฺหากฺจ โนติ เอตฺถ โน กาโร นิปาตมตฺตํ. อฆาวิโนติ อุปฺปนฺนทุกฺขา. ทุมฺมนาติ อนตฺตมนา. เจโตทุกฺขสมปฺปิตาติ โทมนสฺสสมปฺปิตา. กุลปริวตฺตโส กุลปริวตฺตโส เปตฺวาติ เอเกกํ ¶ กุลปริวตฺตํ กุลสงฺเขปํ วีถิสภาเคน เจว รจฺฉาสภาเคน จ วิสุํ วิสุํ เปตฺวา.
สุภทฺทปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
๒๑๒. สุภทฺโท ¶ นาม ปริพฺพาชโกติ อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโต ฉนฺนปริพฺพาชโก. กงฺขาธมฺโมติ วิมติธมฺโม. กสฺมา ปนสฺส อชฺช เอวํ อโหสีติ? ตถาวิธอุปนิสฺสยตฺตา. ปุพฺเพ กิร ปฺุกรณกาเล ทฺเว ภาตโร อเหสุํ. เต เอกโตว สสฺสํ อกํสุ. ตตฺถ เชฏฺกสฺส – ‘‘เอกสฺมึ สสฺเส นววาเร อคฺคสสฺสทานํ มยา ทาตพฺพ’’นฺติ อโหสิ. โส วปฺปกาเล พีชคฺคํ นาม ทตฺวา คพฺภกาเล กนิฏฺเน สทฺธึ ¶ มนฺเตสิ – ‘‘คพฺภกาเล คพฺภํ ผาเลตฺวา ทสฺสามา’’ติ กนิฏฺโ – ‘‘ตรุณสสฺสํ นาเสตุกาโมสี’’ติ อาห. เชฏฺโ กนิฏฺสฺส อนนุวตฺตนภาวํ ตฺวา เขตฺตํ วิภชิตฺวา อตฺตโน โกฏฺาสโต คพฺภํ ผาเลตฺวา ขีรํ นีหริตฺวา สปฺปินวนีเตน สํโยเชตฺวา อทาสิ, ปุถุกกาเล ปุถุกํ กาเรตฺวา อทาสิ, ลายนกาเล ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทีสุ กลาปคฺคํ, ขลคฺคํ, ขลภณฺฑคฺคํ, โกฏฺคฺคนฺติ เอวํ เอกสสฺเส นววาเร อคฺคทานํ อทาสิ. กนิฏฺโ ปน อุทฺธริตฺวา อทาสิ.
เตสุ เชฏฺโก อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร ชาโต. ภควา – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ โอโลเกนฺโต ‘‘อฺาสิโกณฺฑฺโ เอกสฺมึ สสฺเส นว อคฺคทานานิ อทาสิ, อิมํ อคฺคธมฺมํ ตสฺส เทเสสฺสามี’’ติ สพฺพปมํ ธมฺมํ เทเสสิ. โส อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. กนิฏฺโ ปน โอหียิตฺวา ปจฺฉา ทานสฺส ทินฺนตฺตา สตฺถุ ปรินิพฺพานกาเล เอวํ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ ทฏฺุกาโม อโหสิ.
มา ตถาคตํ วิเหเสีติ เถโร กิร – ‘‘เอเต อฺติตฺถิยา นาม อตฺตโน คหณเมว คณฺหนฺติ, ตสฺส วิสฺสชฺชาปนตฺถาย ภควโต พหุํ ภาสมานสฺส กายวาจาวิเหสา ภวิสฺสติ, ปกติยาปิ จ กิลนฺโตเยว ภควา’’ติ มฺมาโน เอวมาห. ปริพฺพาชโก – ‘‘น เม อยํ ภิกฺขุ โอกาสํ กโรติ, อตฺถิเกน ปน อนุวตฺติตฺวา กาเรตพฺโพ’’ติ เถรํ อนุวตฺตนฺโต ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ อาห.
๒๑๓. อสฺโสสิ ¶ โขติ สาณิทฺวาเร ิตสฺส ภาสโต ปกติโสเตเนว อสฺโสสิ, สุตฺวา จ ปน สุภทฺทสฺเสว อตฺถาย มหตา อุสฺสาเหน อาคตตฺตา อลํ อานนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ อลนฺติ ปฏิกฺเขปตฺเถ นิปาโต. อฺาเปกฺโขวาติ อฺาตุกาโมว หุตฺวา. อพฺภฺึสูติ ยถา เตสํ ปฏิฺา, ตเถว ชานึสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ เนสํ สา ปฏิฺา นิยฺยานิกา, สพฺเพ อพฺภฺํสุ, โน เจ, น อพฺภฺํสุ. ตสฺมา กึ เตสํ ปฏิฺา นิยฺยานิกา, อนิยฺยานิกาติ ¶ อยเมว ¶ ตสฺส ปฺหสฺส อตฺโถ. อถ ภควา เตสํ อนิยฺยานิกภาวกถเนน อตฺถาภาวโต เจว โอกาสาภาวโต จ ‘‘อล’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ธมฺมเมว เทเสสิ. ปมยามสฺมิฺหิ มลฺลานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มชฺฌิมยาเม สุภทฺทสฺส, ปจฺฉิมยาเม ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทิตฺวา พลวปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพายิสฺสามิจฺเจว ภควา อาคโต.
๒๑๔. สมโณปิ ตตฺถ น อุปลพฺภตีติ ปโม โสตาปนฺนสมโณปิ ตตฺถ นตฺถิ, ทุติโย สกทาคามิสมโณปิ, ตติโย อนาคามิสมโณปิ, จตุตฺโถ อรหตฺตสมโณปิ ตตฺถ นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘อิมสฺมึ โข’’ติ ปุริมเทสนาย อนิยมโต วตฺวา อิทานิ อตฺตโน สาสนํ นิยเมนฺโต อาห. สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภีติ จตุนฺนํ มคฺคานํ อตฺถาย อารทฺธวิปสฺสเกหิ จตูหิ, มคฺคฏฺเหิ จตูหิ, ผลฏฺเหิ จตูหีติ ทฺวาทสหิ สมเณหิ สฺุา ปรปฺปวาทา ตุจฺฉา ริตฺตกา. อิเม จ สุภทฺทาติ อิเม ทฺวาทส ภิกฺขู. สมฺมา วิหเรยฺยุนฺติ เอตฺถ โสตาปนฺโน อตฺตโน อธิคตฏฺานํ อฺสฺส กเถตฺวา ตํ โสตาปนฺนํ กโรนฺโต สมฺมา วิหรติ นาม. เอส นโย สกทาคามิอาทีสุ. โสตาปตฺติมคฺคฏฺโ อฺมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคฏฺํ กโรนฺโต สมฺมา วิหรติ นาม. เอส นโย เสสมคฺคฏฺเสุ. โสตาปตฺติมคฺคตฺถาย อารทฺธวิปสฺสโก อตฺตโน ปคุณํ กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา อฺมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคตฺถาย อารทฺธวิปสฺสกํ กโรนฺโต สมฺมา วิหรติ นาม. เอส นโย เสสมคฺคตฺถาย อารทฺธวิปสฺสเกสุ. อิทํ สนฺธายาห – ‘‘สมฺมา วิหเรยฺยุ’’นฺติ. อสฺุโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสาติ นฬวนํ สรวนํ วิย นิรนฺตโร ¶ อสฺส.
เอกูนตึโส วยสาติ วเยน เอกูนตึสวสฺโส หุตฺวา. ยํ ปพฺพชินฺติ เอตฺถ ยนฺติ นิปาตมตฺตํ. กึ กุสลานุเอสีติ ‘‘กึ กุสล’’นฺติ อนุเอสนฺโต ปริเยสนฺโต. ตตฺถ – ‘‘กึ กุสล’’นฺติ สพฺพฺุตฺาณํ อธิปฺเปตํ, ตํ คเวสนฺโตติ อตฺโถ. ยโต อหนฺติ ยโต ปฏฺาย อหํ ปพฺพชิโต, เอตฺถนฺตเร สมธิกานิ ปฺาส วสฺสานิ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. ายสฺส ธมฺมสฺสาติ อริยมคฺคธมฺมสฺส. ปเทสวตฺตีติ ปเทเส วิปสฺสนามคฺเค ปวตฺตนฺโต. อิโต พหิทฺธาติ มม สาสนโต พหิทฺธา. สมโณปิ ¶ นตฺถีติ ปเทสวตฺติวิปสฺสโกปิ นตฺถิ, ปมสมโณ โสตาปนฺโนปิ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ.
เย เอตฺถาติ เย ตุมฺเห เอตฺถ สาสเน สตฺถารา สมฺมุขา อนฺเตวาสิกาภิเสเกน อภิสิตฺตา, เตสํ โว ลาภา เตสํ โว สุลทฺธนฺติ. พาหิรสมเย กิร ยํ อนฺเตวาสิกํ อาจริโย – ‘‘อิมํ ปพฺพาเชหิ ¶ , อิมํ โอวท, อิมํ อนุสาสา’’ติ วทติ, โส เตน อตฺตโน าเน ปิโต โหติ, ตสฺมา ตสฺส – ‘‘อิมํ ปพฺพเชหิ, อิมํ โอวท, อิมํ อนุสาสา’’ติ อิเม ลาภา โหนฺติ. เถรมฺปิ สุภทฺโท ตเมว พาหิรสมยํ คเหตฺวา เอวมาห.
อลตฺถ โขติ กถํ อลตฺถ? เถโร กิร นํ เอกมนฺตํ เนตฺวา อุทกตุมฺพโต ปานีเยน สีสํ เตเมตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาทาเปตฺวา สรณานิ ทตฺวา ภควโต สนฺติกํ อาเนสิ. ภควา อุปสมฺปาเทตฺวา กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ตํ คเหตฺวา อุยฺยานสฺส เอกมนฺเต จงฺกมํ อธิฏฺาย ฆเฏนฺโต วายมนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อาคมฺม ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. ตํ สนฺธาย – ‘‘อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โส จ ภควโต ปจฺฉิโม สกฺขิสาวโก อโหสีติ สงฺคีติการกานํ วจนํ. ตตฺถ โย ภควติ ธรมาเน ปพฺพชิตฺวา อปรภาเค อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อุปสมฺปทมฺปิ วา ธรมาเนเยว ลภิตฺวา อปรภาเค กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, กมฺมฏฺานมฺปิ วา ธรมาเนเยว คเหตฺวา อปรภาเค อรหตฺตเมว ปาปุณาติ, สพฺโพปิ โส ปจฺฉิโม สกฺขิสาวโก. อยํ ปน ธรมาเนเยว ภควติ ¶ ปพฺพชิโต จ อุปสมฺปนฺโน จ กมฺมฏฺานฺจ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตติ.
ปฺจมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตถาคตปจฺฉิมวาจาวณฺณนา
๒๑๖. อิทานิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาทํ อารภิ, ตํ ทสฺเสตุํ อถ โข ภควาติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เทสิโต ปฺตฺโตติ ธมฺโมปิ เทสิโต เจว ¶ ปฺตฺโต จ, วินโยปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จ. ปฺตฺโต จ นาม ปิโต ปฏฺปิโตติ อตฺโถ. โส โว มมจฺจเยนาติ โส ธมฺมวินโย ตุมฺหากํ มมจฺจเยน สตฺถา. มยา หิ โว ิเตเนว – ‘‘อิทํ ลหุกํ, อิทํ ครุกํ, อิทํ สเตกิจฺฉํ, อิทํ อเตกิจฺฉํ, อิทํ โลกวชฺชํ, อิทํ ปณฺณตฺติวชฺชํ, อยํ อาปตฺติ ปุคฺคลสฺส สนฺติเก วุฏฺาติ, อยํ อาปตฺติ คณสฺส สนฺติเก วุฏฺาติ, อยํ สงฺฆสฺส สนฺติเก วุฏฺาตี’’ติ ¶ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธวเสน โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ สขนฺธกปริวาโร อุภโตวิภงฺโค วินโย นาม เทสิโต, ตํ สกลมฺปิ วินยปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ.
ิเตเนว จ มยา – ‘‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจ อินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ เตน เตนากาเรน อิเม ธมฺเม วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา สุตฺตนฺตปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ สุตฺตนฺตปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ. ิเตเนว จ มยา – ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา, ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, จตฺตาริ สจฺจานิ, พาวีสตินฺทฺริยานิ, นว เหตู, จตฺตาโร อาหารา, สตฺต ผสฺสา, สตฺต เวทนา, สตฺต สฺา, สตฺต สฺเจตนา, สตฺต จิตฺตานิ. ตตฺราปิ ‘เอตฺตกา ธมฺมา กามาวจรา, เอตฺตกา รูปาวจรา, เอตฺตกา อรูปาวจรา, เอตฺตกา ปริยาปนฺนา, เอตฺตกา อปริยาปนฺนา, เอตฺตกา โลกิยา, เอตฺตกา โลกุตฺตรา’ติ’’ อิเม ธมฺเม วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา จตุวีสติสมนฺตปฏฺานอนนฺตนยมหาปฏฺานปฏิมณฺฑิตํ อภิธมฺมปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ อภิธมฺมปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ.
อิติ สพฺพมฺเปตํ อภิสมฺโพธิโต ยาว ปรินิพฺพานา ปฺจจตฺตาลีสวสฺสานิ ภาสิตํ ลปิตํ – ‘‘ตีณิ ปิฏกานิ, ปฺจ นิกายา, นวงฺคานิ, จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ เอวํ มหาปเภทํ โหติ. อิติ ¶ อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ติฏฺนฺติ, อหํ เอโกว ปรินิพฺพายามิ. อหฺจ โข ปน ทานิ เอกโกว โอวทามิ อนุสาสามิ, มยิ ปรินิพฺพุเต อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ตุมฺเห โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺตีติ เอวํ ภควา พหูนิ การณานิ ทสฺเสนฺโต – ‘‘โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ โอวทิตฺวา ปุน อนาคเต จาริตฺตํ ทสฺเสนฺโต ยถา โข ปนาติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ สมุทาจรนฺตีติ กเถนฺติ โวหรนฺติ. นาเมน วา โคตฺเตน วาติ นวกาติ อวตฺวา ‘‘ติสฺส, นาคา’’ติ เอวํ นาเมน วา, ‘‘กสฺสป, โคตมา’’ติ เอวํ โคตฺเตน วา, ‘‘อาวุโส ติสฺส, อาวุโส กสฺสปา’’ติ เอวํ อาวุโสวาเทน วา สมุทาจริตพฺโพ. ภนฺเตติ วา อายสฺมาติ วาติ ภนฺเต ติสฺส, อายสฺมา ติสฺสาติ เอวํ สมุทาจริตพฺโพ. สมูหนตูติ อากงฺขมาโน สมูหนตุ, ยทิ อิจฺฉติ สมูหเนยฺยาติ อตฺโถ. กสฺมา ปน สมูหนถาติ เอกํเสเนว อวตฺวา วิกปฺปวจเนเนว เปสีติ? มหากสฺสปสฺส พลํ ทิฏฺตฺตา. ปสฺสติ หิ ภควา ¶ – ‘‘สมูหนถาติ วุตฺเตปิ สงฺคีติกาเล กสฺสโป น สมูหนิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา วิกปฺเปเนว เปสิ.
ตตฺถ – ‘‘เอกจฺเจ เถรา เอวมาหํสุ – จตฺตาริ ปาราชิกานิ เปตฺวา อวเสสานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานี’’ติอาทินา นเยน ปฺจสติกสงฺคีติยํ ขุทฺทานุขุทฺทกกถา อาคตาว วินิจฺฉโย เปตฺถ สมนฺตปาสาทิกายํ วุตฺโต. เกจิ ปนาหุ – ‘‘ภนฺเต, นาคเสน, กตมํ ขุทฺทกํ, กตมํ อนุขุทฺทก’’นฺติ มิลินฺเทน รฺา ปุจฺฉิโต. ‘‘ทุกฺกฏํ, มหาราช, ขุทฺทกํ, ทุพฺภาสิตํ อนุขุทฺทก’’นฺติ วุตฺตตฺตา นาคเสนตฺเถโร ขุทฺทานุขุทฺทกํ ชานาติ. มหากสฺสโป ปน ตํ อชานนฺโต –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ สนฺตมฺหากํ สิกฺขาปทานิ คิหิคตานิ, คิหิโนปิ ชานนฺติ – ‘‘อิทํ โว สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’’ติ. สเจ มยํ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนิสฺสาม, ภวิสฺสนฺติ วตฺตาโร – ‘‘ธูมกาลิกํ สมเณน โคตเมน สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ยาว เนสํ สตฺถา อฏฺาสิ, ตาวิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขึสุ, ยโต อิเมสํ สตฺถา ปรินิพฺพุโต, น ทานิเม สิกฺขาปเทสุ สิกฺขนฺตี’’ติ. ยทิ สงฺฆสฺส ¶ ปตฺตกลฺลํ, สงฺโฆ อปฺตฺตํ น ปฺเปยฺย, ปฺตฺตํ น สมุจฺฉินฺเทยฺย, ยถาปฺตฺเตสุ สิกฺขาปเทสุ สมาทาย วตฺเตยฺย. เอสา ตฺตีติ –
กมฺมวาจํ สาเวสีติ. น ตํ เอวํ คเหตพฺพํ. นาคเสนตฺเถโร หิ – ‘‘ปรวาทิโน โอกาโส มา อโหสี’’ติ เอวมาห. มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘ขุทฺทานุขุทฺทกาปตฺตึ น สมูหนิสฺสามี’’ติ กมฺมวาจํ สาเวสิ.
พฺรหฺมทณฺฑกถาปิ ¶ สงฺคีติยํ อาคตตฺตาสมนฺตปาสาทิกายํ วินิจฺฉิตา.
กงฺขาติ ทฺเวฬฺหกํ. วิมตีติ วินิจฺฉิตุํ อสมตฺถตา, พุทฺโธ นุ โข, น พุทฺโธ นุ โข, ธมฺโม นุ โข, น ธมฺโม นุ โข, สงฺโฆ นุ โข, น สงฺโฆ นุ โข, มคฺโค นุ โข, น มคฺโค นุ โข, ปฏิปทา นุ โข, น ปฏิปทา นุ โขติ ยสฺส สํสโย อุปฺปชฺเชยฺย, ตํ โว วทามิ ‘‘ปุจฺฉถ ภิกฺขเว’’ติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ. สตฺถุคารเวนาปิ น ปุจฺเฉยฺยาถาติ มยํ สตฺถุสนฺติเก ปพฺพชิมฺห, จตฺตาโร ปจฺจยาปิ โน สตฺถุ สนฺตกาว, เต มยํ เอตฺตกํ กาลํ กงฺขํ อกตฺวา ¶ น อรหาม อชฺช ปจฺฉิมกาเล กงฺขํ กาตุนฺติ สเจ เอวํ สตฺถริ คารเวน น ปุจฺฉถ. สหายโกปิ ภิกฺขเว สหายกสฺส อาโรเจตูติ ตุมฺหากํ โย ยสฺส ภิกฺขุโน สนฺทิฏฺโ สมฺภตฺโต, โส ตสฺส อาโรเจตุ, อหํ เอตสฺส ภิกฺขุสฺส กเถสฺสามิ, ตสฺส กถํ สุตฺวา สพฺเพ นิกฺกงฺขา ภวิสฺสถาติ ทสฺเสติ.
เอวํ ปสนฺโนติ เอวํ สทฺทหามิ อหนฺติ อตฺโถ. าณเมวาติ นิกฺกงฺขภาวปจฺจกฺขกรณาณํเยว, เอตฺถ ตถาคตสฺส น สทฺธามตฺตนฺติ อตฺโถ. อิเมสฺหิ, อานนฺทาติ อิเมสํ อนฺโตสาณิยํ นิสินฺนานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ. โย ปจฺฉิมโกติ โย คุณวเสน ปจฺฉิมโก. อานนฺทตฺเถรํเยว สนฺธายาห.
๒๑๘. อปฺปมาเทน สมฺปาเทถาติ สติอวิปฺปวาเสน สพฺพกิจฺจานิ สมฺปาเทยฺยาถ. อิติ ภควา ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ทินฺนํ โอวาทํ สพฺพํ เอกสฺมึ อปฺปมาทปเทเยว ปกฺขิปิตฺวา อทาสิ. อยํ ตถาคตสฺส ปจฺฉิมา วาจาติ อิทํ ปน สงฺคีติการกานํ ¶ วจนํ.
ปรินิพฺพุตกถาวณฺณนา
๒๑๙. อิโต ปรํ ยํ ปรินิพฺพานปริกมฺมํ กตฺวา ภควา ปรินิพฺพุโต, ตํ ทสฺเสตุํ อถ โข ภควา ปมํ ฌานนฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปรินิพฺพุโต ภนฺเตติ นิโรธํ สมาปนฺนสฺส ภควโต อสฺสาสปสฺสาสานํ อภาวํ ทิสฺวา ปุจฺฉติ. น อาวุโสติ เถโร กถํ ชานาติ? เถโร กิร สตฺถารา สทฺธึเยว ตํ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺโต ยาว เนวสฺานาสฺายตนา วุฏฺานํ, ตาว คนฺตฺวา อิทานิ ภควา ¶ นิโรธํ สมาปนฺโน, อนฺโตนิโรเธ จ กาลงฺกิริยา นาม นตฺถีติ ชานาติ.
อถ โข ภควา สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติยา วุฏฺหิตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ สมาปชฺชิ…เป… ตติยชฺฌานา วุฏฺหิตฺวา จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชีติ เอตฺถ ภควา จตุวีสติยา าเนสุ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิ, เตรสสุ าเนสุ ทุติยชฺฌานํ, ตถา ตติยชฺฌานํ, ปนฺนรสสุ าเนสุ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิ. กถํ? ทสสุ อสุเภสุ, ทฺวตฺตึสากาเร อฏฺสุ กสิเณสุ, เมตฺตากรุณามุทิตาสุ, อานาปาเน, ปริจฺเฉทากาเสติ อิเมสุ ตาว จตุวีสติยา าเนสุ ปมชฺฌานํ สมาปชฺชิ. เปตฺวา ปน ทฺวตฺตึสาการฺจ ทส อสุภานิ จ เสเสสุ เตรสสุ ทุติยชฺฌานํ ¶ , เตสุเยว จ ตติยชฺฌานํ สมาปชฺชิ. อฏฺสุ ปน กสิเณสุ, อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหาเร, อานาปาเน, ปริจฺเฉทากาเส, จตูสุ อรูเปสูติ อิเมสุ ปนฺนรสสุ าเนสุ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิ. อยมฺปิ จ สงฺเขปกถาว. นิพฺพานปุรํ ปวิสนฺโต ปน ภควา ธมฺมสฺสามี สพฺพาปิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา สมาปตฺติโย ปวิสิตฺวา วิเทสํ คจฺฉนฺโต าติชนํ อาลิงฺเคตฺวา วิย สพฺพสมาปตฺติสุขํ อนุภวิตฺวา ปวิฏฺโ.
จตุตฺถชฺฌานา วุฏฺหิตฺวา สมนนฺตรา ภควา ปรินิพฺพายีติ เอตฺถ ฌานสมนนฺตรํ, ปจฺจเวกฺขณาสมนนฺตรนฺติ ทฺเว สมนนฺตรานิ. ตตฺถ ฌานา วุฏฺาย ภวงฺคํ โอติณฺณสฺส ตตฺเถว ปรินิพฺพานํ ฌานสมนนฺตรํ นาม. ฌานา วุฏฺหิตฺวา ปุน ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ภวงฺคํ โอติณฺณสฺส ตตฺเถว ปรินิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขณาสมนนฺตรํ นาม. อิมานิปิ ทฺเว สมนนฺตราเนว. ภควา ปน ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ฌานา วุฏฺาย ฌานงฺคานิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ภวงฺคจิตฺเตน อพฺยากเตน ทุกฺขสจฺเจน ปรินิพฺพายิ. เย ¶ หิ เกจิ พุทฺธา วา ปจฺเจกพุทฺธา วา อริยสาวกา วา อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย สพฺเพ ภวงฺคจิตฺเตเนว อพฺยากเตน ทุกฺขสจฺเจน กาลงฺกโรนฺตีติ. มหาภูมิจาลาทีนิ วุตฺตนยาเนวาติ.
๒๒๐. ภูตาติ สตฺตา. อปฺปฏิปุคฺคโลติ ปฏิภาคปุคฺคลวิรหิโต. พลปฺปตฺโตติ ทสวิธาณพลํ ปตฺโต.
๒๒๑. อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ ¶ อุปฺปาทวยสภาวา. เตสํ วูปสโมติ เตสํ สงฺขารานํ วูปสโม, อสงฺขตํ นิพฺพานเมว สุขนฺติ อตฺโถ.
๒๒๒. นาหุ อสฺสาสปสฺสาโสติ น ชาโต อสฺสาสปสฺสาโส. อเนโชติ ตณฺหาสงฺขาตาย เอชาย อภาเวน อเนโช. สนฺติมารพฺภาติ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ อารพฺภ ปฏิจฺจ สนฺธาย. ยํ กาลมกรีติ โย กาลํ อกริ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อาวุโส, โย มม สตฺถา พุทฺธมุนิ สนฺตึ คมิสฺสามีติ, สนฺตึ อารพฺภ กาลมกริ, ตสฺส ิตจิตฺตสฺส ตาทิโน อิทานิ อสฺสาสปสฺสาโส น ชาโต, นตฺถิ, นปฺปวตฺตตี’’ติ.
อสลฺลีเนนาติ อลีเนน อสงฺกุฏิเตน สุวิกสิเตเนว จิตฺเตน. เวทนํ อชฺฌวาสยีติ เวทนํ อธิวาเสสิ, น เวทนานุวตฺตี หุตฺวา อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺติ. วิโมกฺโขติ เกนจิ ธมฺเมน อนาวรณวิโมกฺโข สพฺพโส อปฺตฺติภาวูปคโม ปชฺโชตนิพฺพานสทิโส ชาโต.
๒๒๓. ตทาสีติ ¶ ‘‘สห ปรินิพฺพานา มหาภูมิจาโล’’ติ เอวํ เหฏฺา วุตฺตํ ภูมิจาลเมว สนฺธายาห. ตฺหิ โลมหํสนฺจ ภึสนกฺจ อาสิ. สพฺพาการวรูเปเตติ สพฺพวรการณูเปเต.
๒๒๔. อวีตราคาติ ปุถุชฺชนา เจว โสตาปนฺนสกทาคามิโน จ. เตสฺหิ โทมนสฺสํ อปฺปหีนํ. ตสฺมา เตปิ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ. อุโภปิ หตฺเถ สีเส เปตฺวา โรทนฺตีติ สพฺพํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๒๒๕. อุชฺฌายนฺตีติ ‘‘อยฺยา อตฺตนาปิ อธิวาเสตุํ น สกฺโกนฺติ, เสสชนํ กถํ สมสฺสาเสสฺสนฺตี’’ติ วทนฺติโย อุชฺฌายนฺติ. กถํภูตา ปน ภนฺเต อายสฺมา อนุรุทฺโธ เทวตา มนสิกโรตีติ เทวตา, ภนฺเต, กถํภูตา อายสฺมา อนุรุทฺโธ สลฺลกฺเขติ, กึ ตา สตฺถุ ปรินิพฺพานํ อธิวาเสนฺตีติ?
อถ ตาสํ ปวตฺติทสฺสนตฺถํ เถโร สนฺตาวุโสติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมว. รตฺตาวเสสนฺติ ¶ พลวปจฺจูเส ปรินิพฺพุตตฺตา รตฺติยา อวเสสํ ¶ จุลฺลกทฺธานํ. ธมฺมิยา กถายาติ อฺา ปาฏิเยกฺกา ธมฺมกถา นาม นตฺถิ, ‘‘อาวุโส สเทวเก นาม โลเก อปฺปฏิปุคฺคลสฺส สตฺถุโน อยํ มจฺจุราชา น ลชฺชติ, กิมงฺคํ ปน โลกิยมหาชนสฺส ลชฺชิสฺสตี’’ติ เอวรูปาย ปน มรณปฏิสํยุตฺตาย กถาย วีตินาเมสุํ. เตสฺหิ ตํ กถํ กเถนฺตานํ มุหุตฺเตเนว อรุณํ อุคฺคจฺฉิ.
๒๒๖. อถ โขติ อรุณุคฺคํ ทิสฺวาว เถโร เถรํ เอตทโวจ. เตเนว กรณีเยนาติ กีทิเสน นุ โข ปรินิพฺพานฏฺาเน มาลาคนฺธาทิสกฺกาเรน ภวิตพฺพํ, กีทิเสน ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสชฺชฏฺาเนน ภวิตพฺพํ, กีทิเสน ขาทนียโภชนีเยน ภวิตพฺพนฺติ, เอวํ ยํ ภควโต ปรินิพฺพุตภาวํ สุตฺวา กตฺตพฺพํ เตเนว กรณีเยน.
พุทฺธสรีรปูชาวณฺณนา
๒๒๗. สพฺพฺจ ตาฬาวจรนฺติ สพฺพํ ตูริยภณฺฑํ. สนฺนิปาเตถาติ เภรึ จราเปตฺวา สมาหรถ. เต ตเถว อกํสุ. มณฺฑลมาเฬติ ทุสฺสมณฺฑลมาเฬ. ปฏิยาเทนฺตาติ สชฺเชนฺตา.
ทกฺขิเณน ทกฺขิณนฺติ นครสฺส ทกฺขิณทิสาภาเคเนว ทกฺขิณทิสาภาคํ. พาหิเรน พาหิรนฺติ ¶ อนฺโตนครํ อปฺปเวเสตฺวา พาหิเรเนว นครสฺส พาหิรปสฺสํ หริตฺวา. ทกฺขิณโต นครสฺสาติ อนุราธปุรสฺส ทกฺขิณทฺวารสทิเส าเน เปตฺวา สกฺการสมฺมานํ กตฺวา เชตวนสทิเส าเน ฌาเปสฺสามาติ อตฺโถ.
๒๒๘. อฏฺ มลฺลปาโมกฺขาติ มชฺฌิมวยา ถามสมฺปนฺนา อฏฺมลฺลราชาโน. สีสํ นฺหาตาติ สีสํ โธวิตฺวา นหาตา. อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธนฺติ เถโรว ทิพฺพจกฺขุโกติ ปากโฏ, ตสฺมา เต สนฺเตสุปิ อฺเสุ มหาเถเรสุ – ‘‘อยํ โน ปากฏํ กตฺวา กเถสฺสตี’’ติ เถรํ ปุจฺฉึสุ. กถํ ปน, ภนฺเต, เทวตานํ อธิปฺปาโยติ ภนฺเต, อมฺหากํ ตาว อธิปฺปายํ ชานาม. เทวตานํ กถํ อธิปฺปาโยติ ปุจฺฉนฺติ. เถโร ปมํ เตสํ อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต ตุมฺหากํ โขติอาทิมาห. มกุฏพนฺธนํ นาม มลฺลานํ เจติยนฺติ มลฺลราชูนํ ปสาธนมงฺคลสาลาย เอตํ นามํ. จิตฺตีกตฏฺเน ปเนสา ‘‘เจติย’’นฺติ วุจฺจติ.
๒๒๙. ยาว ¶ ¶ สนฺธิสมลสงฺกฏีราติ เอตฺถ สนฺธิ นาม ฆรสนฺธิ. สมลํ นาม คูถราสินิทฺธมนปนาฬิ. สงฺกฏีรํ นาม สงฺการฏฺานํ. ทิพฺเพหิ จ มานุสเกหิ จ นจฺเจหีติ อุปริ เทวตานํ นจฺจานิ โหนฺติ, เหฏฺา มนุสฺสานํ. เอส นโย คีตาทีสุ. อปิจ เทวตานํ อนฺตเร มนุสฺสา, มนุสฺสานํ อนฺตเร เทวตาติ เอวมฺปิ สกฺกโรนฺตา ปูเชนฺตา อคมํสุ. มชฺเฌน มชฺฌํ นครสฺส หริตฺวาติ เอวํ หริยมาเน ภควโต สรีเร พนฺธุลมลฺลเสนาปติภริยา มลฺลิกา นาม – ‘‘ภควโต สรีรํ อาหรนฺตี’’ติ สุตฺวา อตฺตโน สามิกสฺส กาลํ กิริยโต ปฏฺาย อปริภฺุชิตฺวา ปิตํ วิสาขาย ปสาธนสทิสํ มหาลตาปสาธนํ นีหราเปตฺวา – ‘‘อิมินา สตฺถารํ ปูเชสฺสามี’’ติ ตํ มชฺชาเปตฺวา คนฺโธทเกน โธวิตฺวา ทฺวาเร ิตา.
ตํ กิร ปสาธนํ ตาสฺจ ทฺวินฺนํ อิตฺถีนํ, เทวทานิยโจรสฺส เคเหติ ตีสุเยว าเนสุ อโหสิ. สา จ สตฺถุ สรีเร ทฺวารํ สมฺปตฺเต – ‘‘โอตาเรถ, ตาตา, สตฺถุสรีร’’นฺติ วตฺวา ตํ ปสาธนํ สตฺถุสรีเร ปฏิมฺุจิ. ตํ สีสโต ปฏฺาย ปฏิมุกฺกํ ยาวปาทตลาคตํ. สุวณฺณวณฺณํ ภควโต สรีรํ สตฺตรตนมเยน มหาปสาธเนน ปสาธิตํ อติวิย วิโรจิตฺถ. ตํ สา ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา ปตฺถนํ อกาสิ – ‘‘ภควา ยาว วฏฺเฏ สํสริสฺสามิ, ตาว เม ปาฏิเยกฺกํ ปสาธนกิจฺจํ มา โหตุ, นิจฺจํ ปฏิมุกฺกปสาธนสทิสเมว สรีรํ โหตู’’ติ.
อถ ภควนฺตํ สตฺตรตนมเยน มหาปสาธเนน อุกฺขิปิตฺวา ปุรตฺถิเมน ทฺวาเรน นีหริตฺวา ปุรตฺถิเมน นครสฺส มกุฏพนฺธนํ มลฺลานํ เจติยํ, เอตฺถ ภควโต สรีรํ นิกฺขิปึสุ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุวณฺณนา
๒๓๑. ปาวาย ¶ กุสินารนฺติ ปาวานคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา ‘‘กุสินารํ คมิสฺสามี’’ติ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน โหติ. รุกฺขมูเล นิสีทีติ เอตฺถ กสฺมา ทิวาวิหารนฺติ น วุตฺตํ? ทิวาวิหารตฺถาย อนิสินฺนตฺตา. เถรสฺส หิ ปริวารา ภิกฺขู สพฺเพ สุขสํวทฺธิตา มหาปฺุา. เต มชฺฌนฺหิกสมเย ตตฺตปาสาณสทิสาย ภูมิยา ปทสา คจฺฉนฺตา กิลมึสุ. เถโร เต ทิสฺวา – ‘‘ภิกฺขู กิลมนฺติ, คนฺตพฺพฏฺานฺจ น ทูรํ, โถกํ วิสฺสมิตฺวา ทรถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา สายนฺหสมเย กุสินารํ คนฺตฺวา ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ มคฺคา ¶ โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ¶ สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา อุทกตุมฺพโต อุทเกน หตฺถปาเท สีตเล กตฺวา นิสีทิ. ปริวารภิกฺขูปิสฺส รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา โยนิโส มนสิกาเร กมฺมํ กุรุมานา ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ ภณมานา นิสีทึสุ. อิติ ทรถวิโนทนตฺถาย นิสินฺนตฺตา ‘‘ทิวาวิหาร’’นฺติ น วุตฺตํ.
มนฺทารวปุปฺผํ คเหตฺวาติ มหาปาติปฺปมาณํ ปุปฺผํ อาคนฺตุกทณฺฑเก เปตฺวา ฉตฺตํ วิย คเหตฺวา. อทฺทส โขติ อาคจฺฉนฺตํ ทูรโต อทฺทส. ทิสฺวา จ ปน จินฺเตสิ –
‘‘เอตํ อาชีวกสฺส หตฺเถ มนฺทารวปุปฺผํ ปฺายติ, เอตฺจ น สพฺพทา มนุสฺสปเถ ปฺายติ, ยทา ปน โกจิ อิทฺธิมา อิทฺธึ วิกุพฺพติ, ตทา สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺส จ มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนาทีสุ โหติ. น โข ปน อชฺช เกนจิ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กตํ, น เม สตฺถา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต, น กุจฺฉิโต นิกฺขมนฺโต, นาปิสฺส อชฺช อภิสมฺโพธิ, น ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, น ยมกปาฏิหาริยํ, น เทโวโรหณํ, น อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนํ. มหลฺลโก ปน เม สตฺถา ธุวํ ปรินิพฺพุโต ภวิสฺสตี’’ติ.
ตโต – ‘‘ปุจฺฉามิ น’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา – ‘‘สเจ โข ปน นิสินฺนโกว ปุจฺฉามิ, สตฺถริ อคารโว กโต ภวิสฺสตี’’ติ อุฏฺหิตฺวา ิตฏฺานโต อปกฺกมฺม ฉทฺทนฺโต นาคราชา มณิจมฺมํ วิย ทสพลทตฺติยํ เมฆวณฺณํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสฺมึ ปติฏฺเปตฺวา สตฺถริ กเตน คารเวน อาชีวกสฺส อภิมุโข หุตฺวา – ‘‘อาวุโส, อมฺหากํ สตฺถารํ ชานาสี’’ติ อาห. กึ ปน สตฺถุ ปรินิพฺพานํ ชานนฺโต ปุจฺฉิ อชานนฺโตติ? อาวชฺชนปฏิพทฺธํ ขีณาสวานํ ชานนํ, อนาวชฺชิตตฺตา ปเนส อชานนฺโต ปุจฺฉีติ ¶ เอเก. เถโร สมาปตฺติพหุโล, รตฺติฏฺานทิวาฏฺานเลณมณฺฑปาทีสุ นิจฺจํ สมาปตฺติพเลเนว ยาเปติ, กุลสนฺตกมฺปิ คามํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺิโตว ภิกฺขํ คณฺหาติ. เถโร กิร อิมินา ปจฺฉิเมน อตฺตภาเวน มหาชนานุคฺคหํ กริสฺสามิ – ‘‘เย มยฺหํ ภิกฺขํ วา เทนฺติ คนฺธมาลาทีหิ วา สกฺการํ กโรนฺติ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ เอวํ ¶ กโรติ. ตสฺมา สมาปตฺติพหุลตาย น ชานาติ. อิติ อชานนฺโตว ปุจฺฉตีติ วทนฺติ, ตํ ¶ น คเหตพฺพํ.
น เหตฺถ อชานนการณํ อตฺถิ. อภิลกฺขิตํ สตฺถุ ปรินิพฺพานํ อโหสิ, ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนาทีหิ นิมิตฺเตหิ. เถรสฺส ปน ปริสาย เกหิจิ ภิกฺขูหิ ภควา ทิฏฺปุพฺโพ, เกหิจิ น ทิฏฺปุพฺโพ, ตตฺถ เยหิปิ ทิฏฺปุพฺโพ, เตปิ ปสฺสิตุกามาว, เยหิปิ อทิฏฺปุพฺโพ, เตปิ ปสฺสิตุกามาว. ตตฺถ เยหิ น ทิฏฺปุพฺโพ, เต อติทสฺสนกามตาย คนฺตฺวา ‘‘กุหึ ภควา’’ติ ปุจฺฉนฺตา ‘‘ปรินิพฺพุโต’’ติ สุตฺวา สนฺธาเรตุํ นาสกฺขิสฺสนฺติ. จีวรฺจ ปตฺตฺจ ฉฑฺเฑตฺวา เอกวตฺถา วา ทุนฺนิวตฺถา วา ทุปฺปารุตา วา อุรานิ ปฏิปิสนฺตา ปโรทิสฺสนฺติ. ตตฺถ มนุสฺสา – ‘‘มหากสฺสปตฺเถเรน สทฺธึ อาคตา ปํสุกูลิกา สยมฺปิ อิตฺถิโย วิย ปโรทนฺติ, เต กึ อมฺเห สมสฺสาเสสฺสนฺตี’’ติ มยฺหํ โทสํ ทสฺสนฺติ. อิทํ ปน สฺุํ มหาอรฺํ, อิธ ยถา ตถา โรทนฺเตสุ โทโส นตฺถิ. ปุริมตรํ สุตฺวา นาม โสโกปิ ตนุโก โหตีติ ภิกฺขูนํ สตุปฺปาทนตฺถาย ชานนฺโตว ปุจฺฉิ.
อชฺช สตฺตาหปรินิพฺพุโต สมโณ โคตโมติ อชฺช สมโณ โคตโม สตฺตาหปรินิพฺพุโต. ตโต เม อิทนฺติ ตโต สมณสฺส โคตมสฺส ปรินิพฺพุตฏฺานโต.
๒๓๒. สุภทฺโท นาม วุฑฺฒปพฺพชิโตติ ‘‘สุภทฺโท’’ติ ตสฺส นามํ. วุฑฺฒกาเล ปน ปพฺพชิตตฺตา ‘‘วุฑฺฒปพฺพชิโต’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา ปน โส เอวมาห? ภควติ อาฆาเตน. อยํ กิเรโส ขนฺธเก อาคเต อาตุมาวตฺถุสฺมึ นหาปิตปุพฺพโก วุฑฺฒปพฺพชิโต ภควติ กุสินารโต นิกฺขมิตฺวา อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อาตุมํ อาคจฺฉนฺเต ภควา อาคจฺฉตีติ สุตฺวา – ‘‘อาคตกาเล ยาคุปานํ กริสฺสามี’’ติ สามเณรภูมิยํ ิเต ทฺเว ปุตฺเต เอตทโวจ – ‘‘ภควา กิร, ตาตา, อาตุมํ อาคจฺฉติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ; คจฺฉถ ตุมฺเห, ตาตา, ขุรภณฺฑํ อาทาย นาฬิยาวาปเกน อนุฆรกํ อนุฆรกํ อาหิณฺฑถ โลณมฺปิ เตลมฺปิ ตณฺฑุลมฺปิ ขาทนียมฺปิ ¶ สํหรถ ¶ ภควโต อาคตสฺส ยาคุปานํ กริสฺสามา’’ติ (มหาว. ๓๐๓). เต ตถา อกํสุ.
มนุสฺสา ¶ เต ทารเก มฺชุเก ปฏิภาเนยฺยเก ทิสฺวา กาเรตุกามาปิ อกาเรตุกามาปิ กาเรนฺติเยว. กตกาเล – ‘‘กึ คณฺหิสฺสถ ตาตา’’ติ ปุจฺฉนฺติ. เต วทนฺติ – ‘‘น อมฺหากํ อฺเน เกนจิ อตฺโถ, ปิตา ปน โน ภควโต, อาคตกาเล ยาคุทานํ ทาตุกาโม’’ติ. ตํ สุตฺวา มนุสฺสา อปริคเณตฺวาว ยํ เต สกฺโกนฺติ อาหริตุํ, สพฺพํ เทนฺติ. ยมฺปิ น สกฺโกนฺติ, มนุสฺเสหิ เปเสนฺติ. อถ ภควติ อาตุมํ อาคนฺตฺวา ภุสาคารํ ปวิฏฺเ สุภทฺโท สายนฺหสมยํ คามทฺวารํ คนฺตฺวา มนุสฺเส อามนฺเตสิ – ‘‘อุปาสกา, นาหํ ตุมฺหากํ สนฺติกา อฺํ กิฺจิ ปจฺจาสีสามิ, มยฺหํ ทารเกหิ อาภตานิ ตณฺฑุลาทีนิเยว สงฺฆสฺส ปโหนฺติ. ยํ หตฺถกมฺมํ, ตํ เม เทถา’’ติ. ‘‘อิทฺจิทฺจ คณฺหถา’’ติ สพฺพูปกรณานิ คาเหตฺวา วิหาเร อุทฺธนานิ กาเรตฺวา เอกํ กาฬกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา ตาทิสเมว ปารุปิตฺวา – ‘‘อิทํ กโรถ, อิทํ กโรถา’’ติ สพฺพรตฺตึ วิจาเรนฺโต สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา โภชฺชยาคฺุจ มธุโคฬกฺจ ปฏิยาทาเปสิ. โภชฺชยาคุ นาม ภฺุชิตฺวา ปาตพฺพยาคุ, ตตฺถ สปฺปิมธุผาณิตมจฺฉมํสปุปฺผผลรสาทิ ยํ กิฺจิ ขาทนียํ นาม สพฺพํ ปกฺขิปติ กีฬิตุกามานํ สีสมกฺขนโยคฺคา โหติ สุคนฺธคนฺธา.
อถ ภควา กาลสฺเสว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปิณฺฑาย จริตุํ อาตุมนคราภิมุโข ปายาสิ. มนุสฺสา ตสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ภควา ปิณฺฑาย คามํ ปวิสติ, ตยา กสฺส ยาคุ ปฏิยาทิตา’’ติ. โส ยถานิวตฺถปารุเตเหว เตหิ กาฬกกาสาเวหิ เอเกน หตฺเถน ทพฺพิฺจ กฏจฺฉฺุจ คเหตฺวา พฺรหฺมา วิย ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ภูมิยํ ปติฏฺเปตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม, ภนฺเต, ภควา ยาคุ’’นฺติ อาห.
ตโต ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตี’’ติ ขนฺธเก อาคตนเยน ภควา ปุจฺฉิตฺวา จ สุตฺวา จ ตํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ วิครหิตฺวา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ อกปฺปิยสมาทานสิกฺขาปทฺจ, ขุรภณฺฑปริหรณสิกฺขาปทฺจาติ ทฺเว สิกฺขาปทานิ ¶ ปฺเปตฺวา – ‘‘ภิกฺขเว, อเนกกปฺปโกฏิโย โภชนํ ปริเยสนฺเตเหว ¶ วีตินามิตา, อิทํ ปน ตุมฺหากํ อกปฺปิยํ อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ, อิมํ ปริภุตฺตานํ อเนกานิ อตฺตภาวสหสฺสานิ อปาเยสฺเวว นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, อเปถ มา คณฺหถา’’ติ ภิกฺขาจาราภิมุโข อคมาสิ. เอกภิกฺขุนาปิ น กิฺจิ คหิตํ.
สุภทฺโท อนตฺตมโน หุตฺวา อยํ ‘‘สพฺพํ ชานามี’’ติ อาหิณฺฑติ. สเจ น คหิตุกาโม, เปเสตฺวา อาโรเจตพฺพํ. อยํ ปกฺกาหาโร นาม สพฺพจิรํ ติฏฺนฺโต สตฺตาหมตฺตํ ติฏฺเยฺย. อิทฺหิ มม ยาวชีวํ ปริยตฺตํ อสฺส. สพฺพํ เตน นาสิตํ, อหิตกาโม อยํ มยฺหนฺติ ¶ ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ทสพเล ธรนฺเต กิฺจิ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ อุจฺจา กุลา ปพฺพชิโต มหาปุริโส, สเจ กิฺจิ วกฺขามิ, มํเยว สนฺตชฺเชสฺสตี’’ติ. สฺวายํ อชฺช ‘‘ปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ สุตฺวา ลทฺธสฺสาโส วิย หฏฺตุฏฺโ เอวมาห.
เถโร ตํ สุตฺวา หทเย ปหารทานํ วิย มตฺถเก ปติตสุกฺขาสนิ วิย มฺิ, ธมฺมสํเวโค จสฺส อุปฺปชฺชิ – ‘‘สตฺตาหมตฺตปรินิพฺพุโต ภควา, อชฺชาปิสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ธรติเยว, ทุกฺเขน ภควตา อาราธิตสาสเน นาม เอวํ ลหุ มหนฺตํ ปาปกสฏํ กณฺฏโก อุปฺปนฺโน, อลํ โข ปเนส ปาโป วฑฺฒมาโน อฺเปิ เอวรูเป สหาเย ลภิตฺวา สกฺกา สาสนํ โอสกฺกาเปตุ’’นฺติ. ตโต เถโร จินฺเตสิ –
‘‘สเจ โข ปนาหํ อิมํ มหลฺลกํ อิเธว ปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา ฉาริกาย โอกิราเปตฺวา นีหราเปสฺสามิ, มนุสฺสา ‘สมณสฺส โคตมสฺส สรีเร ธรมาเนเยว สาวกา วิวทนฺตี’ติ อมฺหากํ โทสํ ทสฺเสสฺสนฺติ อธิวาเสมิ ตาว.
ภควตา หิ เทสิโต ธมฺโม อสงฺคหิตปุปฺผราสิสทิโส. ตตฺถ ยถา วาเตน ปหฏปุปฺผานิ ยโต วา ตโต วา คจฺฉนฺติ, เอวเมว เอวรูปานํ ปาปปุคฺคลานํ วเสน คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล วินเย เอกํ ทฺเว สิกฺขาปทานิ นสฺสิสฺสนฺติ, สุตฺเต เอโก ทฺเว ปฺหาวารา นสฺสิสฺสนฺติ, อภิธมฺเม เอกํ ทฺเว ภูมนฺตรานิ นสฺสิสฺสนฺติ, เอวํ อนุกฺกเมน มูเล นฏฺเ ปิสาจสทิสา ภวิสฺสาม; ตสฺมา ธมฺมวินยสงฺคหํ กริสฺสาม. เอวฺหิ สติ ทฬฺหํ ¶ สุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ วิย อยํ ธมฺมวินโย นิจฺจโล ภวิสฺสติ.
เอตทตฺถฺหิ ภควา ¶ มยฺหํ ตีณิ คาวุตานิ ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ, ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปทํ อทาสิ, กายโต อปเนตฺวา กาเย จีวรปริวตฺตนํ อกาสิ, อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา จนฺทูปมํ ปฏิปทํ กเถนฺโต มํ กายสกฺขึ กตฺวา กเถสิ, ติกฺขตฺตุํ สกลสาสนทายชฺชํ ปฏิจฺฉาเปสิ. มาทิเส ภิกฺขุมฺหิ ติฏฺมาเน อยํ ปาโป สาสเน วุฑฺฒึ มา อลตฺถ. ยาว อธมฺโม น ทิปฺปติ, ธมฺโม น ปฏิพาหิยติ. อวินโย น ทิปฺปติ วินโย น ปฏิพาหิยติ. อธมฺมวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน น ทุพฺพลา โหนฺติ; อวินยวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน น ทุพฺพลา โหนฺติ. ตาว ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามิ. ตโต ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปโหนกํ คเหตฺวา กปฺปิยากปฺปิยํ ¶ กเถสฺสนฺติ. อถายํ ปาโป สยเมว นิคฺคหํ ปาปุณิสฺสติ, ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺขิสฺสติ, สาสนํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ ภวิสฺสตี’’ติ.
โส เอวํ นาม มยฺหํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนนฺติ กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สมสฺสาเสสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป…เป… เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ.
๒๓๓. จิตกนฺติ วีสรตนสติกํ จนฺทนจิตกํ. อาฬิมฺเปสฺสามาติ อคฺคึ คาหาเปสฺสาม. น สกฺโกนฺติ อาฬิมฺเปตุนฺติ อฏฺปิ โสฬสปิ ทฺวตฺตึสปิ ชนา ชาลนตฺถาย ยมกยมกอุกฺกาโย คเหตฺวา ตาลวณฺเฏหิ พีชนฺตา ภสฺตาหิ ธมนฺตา ตานิ ตานิ การณานิ กโรนฺตาปิ น สกฺโกนฺติเยว อคฺคึ คาหาเปตุํ. เทวตานํ อธิปฺปาโยติ เอตฺถ ตา กิร เทวตา เถรสฺส อุปฏฺากเทวตาว. อสีติมหาสาวเกสุ หิ จิตฺตานิ ปสาเทตฺวา เตสํ อุปฏฺากานิ อสีติกุลสหสฺสานิ สคฺเค นิพฺพตฺตานิ. ตตฺถ เถเร จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตา เทวตา ตสฺมึ สมาคเม เถรํ อทิสฺวา – ‘‘กุหึ นุ โข อมฺหากํ กุลูปกตฺเถโร’’ติ อนฺตรามคฺเค ปฏิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ กุลูปกตฺเถเรน อวนฺทิเต จิตโก มา ปชฺชลิตฺถา’’ติ อธิฏฺหึสุ.
มนุสฺสา ¶ ตํ สุตฺวา – ‘‘มหากสฺสโป กิร นาม โภ ภิกฺขุ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ‘ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิสฺสามี’ติ อาคจฺฉติ. ตสฺมึ กิร อนาคเต จิตโก น ปชฺชลิสฺสติ. กีทิโส โภ โส ภิกฺขุ กาโฬ โอทาโต ทีโฆ รสฺโส, เอวรูเป นาม โภ ภิกฺขุมฺหิ ิเต กึ ทสพลสฺส ปรินิพฺพานํ นามา’’ติ เกจิ ¶ คนฺธมาลาทิหตฺถา ปฏิปถํ คจฺฉึสุ. เกจิ วีถิโย วิจิตฺตา กตฺวา อาคมนมคฺคํ โอโลกยมานา อฏฺํสุ.
๒๓๔. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เยน กุสินารา…เป… สิรสา วนฺทีติ เถโร กิร จิตกํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาวชฺชนฺโตว สลฺลกฺเขสิ – ‘‘อิมสฺมึ าเน สีสํ, อิมสฺมึ าเน ปาทา’’ติ. ตโต ปาทานํ สมีเป ตฺวา อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย – ‘‘อราสหสฺสปฏิมณฺฑิตจกฺกลกฺขณปติฏฺิตา ทสพลสฺส ปาทา สทฺธึ กปฺปาสปฏเลหิ ปฺจ ทุสฺสยุคสตานิ สุวณฺณโทณึ จนฺทนจิตกฺจ ทฺเวธา กตฺวา มยฺหํ อุตฺตมงฺเค สิรสฺมึ ปติฏฺหนฺตู’’ติ อธิฏฺาสิ. สห อธิฏฺานจิตฺเตน ตานิ ปฺจ ทุสฺสยุคสตานิ ทฺเวธา กตฺวา วลาหกนฺตรา ปุณฺณจนฺโท วิย ปาทา นิกฺขมึสุ. เถโร วิกสิตรตฺตปทุมสทิเส หตฺเถ ปสาเรตฺวา สุวณฺณวณฺเณ สตฺถุปาเท ยาว โคปฺผกา ทฬฺหํ คเหตฺวา อตฺตโน สิรวเร ปติฏฺเปสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ภควโต ปาเท สิรสา วนฺที’’ติ.
มหาชโน ¶ ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา เอกปฺปหาเรเนว มหานาทํ นทิ, คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา ยถารุจิ วนฺทิ. เอวํ ปน เถเรน จ มหาชเนน จ เตหิ จ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ วนฺทิตมตฺเต ปุน อธิฏฺานกิจฺจํ นตฺถิ. ปกติอธิฏฺานวเสเนว เถรสฺส หตฺถโต มุจฺจิตฺวา อลตฺตกวณฺณานิ ภควโต ปาทตลานิ จนฺทนทารุอาทีสุ กิฺจิ อจาเลตฺวาว ยถาาเน ปติฏฺหึสุ, ยถาาเน ิตาเนว อเหสุํ. ภควโต หิ ปาเทสุ นิกฺขมนฺเตสุ วา ปวิสนฺเตสุ วา กปฺปาสอํสุ วา ทสิกตนฺตํ วา เตลพินฺทุ วา ทารุกฺขนฺธํ วา านา จลิตํ นาม นาโหสิ. สพฺพํ ยถาาเน ิตเมว อโหสิ. อุฏฺหิตฺวา ปน อตฺถงฺคเต จนฺเท วิย สูริเย วิย จ ตถาคตสฺส ปาเทสุ อนฺตรหิเตสุ มหาชโน มหากนฺทิตํ กนฺทิ. ปรินิพฺพานกาลโต อธิกตรํ การฺุํ อโหสิ.
สยเมว ¶ ภควโต จิตโก ปชฺชลีติ อิทํ ปน กสฺสจิ ปชฺชลาเปตุํ วายมนฺตสฺส อทสฺสนวเสน วุตฺตํ. เทวตานุภาเวน ปเนส สมนฺตโต เอกปฺปหาเรเนว ปชฺชลิ.
๒๓๕. สรีราเนว อวสิสฺสึสูติ ปุพฺเพ เอกคฺฆเนน ิตตฺตา สรีรํ นาม อโหสิ. อิทานิ วิปฺปกิณฺณตฺตา สรีรานีติ วุตฺตํ สุมนมกุฬสทิสา ¶ จ โธตมุตฺตสทิสา จ สุวณฺณสทิสา จ ธาตุโย อวสิสฺสึสูติ อตฺโถ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ สรีรํ สุวณฺณกฺขนฺธสทิสํ เอกเมว โหติ. ภควา ปน – ‘‘อหํ น จิรํ ตฺวา ปรินิพฺพายามิ, มยฺหํ สาสนํ ตาว สพฺพตฺถ น วิตฺถาริตํ, ตสฺมา ปรินิพฺพุตสฺสาปิ เม สาสปมตฺตมฺปิ ธาตุํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺาเน เจติยํ กตฺวา ปริจรนฺโต มหาชโน สคฺคปรายโณ โหตู’’ติ ธาตูนํ วิกิรณํ อธิฏฺาสิ. กติ, ปนสฺส ธาตุโย วิปฺปกิณฺณา, กติ น วิปฺปกิณฺณาติ. จตสฺโส ทาา, ทฺเว อกฺขกา, อุณฺหีสนฺติ อิมา สตฺต ธาตุโย น วิปฺปกิรึสุ, เสสา วิปฺปกิรึสูติ. ตตฺถ สพฺพขุทฺทกา ธาตุ สาสปพีชมตฺตา อโหสิ, มหาธาตุ มชฺเฌ ภินฺนตณฺฑุลมตฺตา, อติมหตี มชฺเฌ ภินฺนมุคฺคมตฺตาติ.
อุทกธาราติ อคฺคพาหุมตฺตาปิ ชงฺฆมตฺตาปิ ตาลกฺขนฺธมตฺตาปิ อุทกธารา อากาสโต ปติตฺวา นิพฺพาเปสิ. อุทกสาลโตติ ปริวาเรตฺวา ิตสาลรุกฺเข สนฺธาเยตํ วุตฺตํ, เตสมฺปิ หิ ขนฺธนฺตรวิฏปนฺตเรหิ อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา นิพฺพาเปสุํ. ภควโต จิตโก มหนฺโต. สมนฺตา ปถวึ ภินฺทิตฺวาปิ นงฺคลสีสมตฺตา อุทกวฏฺฏิ ผลิกวฏํสกสทิสา อุคฺคนฺตฺวา จิตกเมว คณฺหนฺติ. คนฺโธทเกนาติ สุวณฺณฆเฏ รชตฆเฏ จ ปูเรตฺวา อาภตนานาคนฺโธทเกน. นิพฺพาเปสุนฺติ สุวณฺณมยรชตมเยหิ อฏฺทณฺฑเกหิ วิกิริตฺวา จนฺทนจิตกํ นิพฺพาเปสุํ.
เอตฺถ ¶ จ จิตเก ฌายมาเน ปริวาเรตฺวา ิตสาลรุกฺขานํ สาขนฺตเรหิ วิฏปนฺตเรหิ ปตฺตนฺตเรหิ ชาลา อุคฺคจฺฉนฺติ, ปตฺตํ วา สาขา วา ปุปฺผํ วา ทฑฺฒา นาม นตฺถิ, กิปิลฺลิกาปิ มกฺกฏกาปิ ชาลานํ อนฺตเรเนว วิจรนฺติ ¶ . อากาสโต ปติตอุทกธาราสุปิ สาลรุกฺเขหิ นิกฺขนฺตอุทกธาราสุปิ ปถวึ ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺตอุทกธาราสุปิ ธมฺมกถาว ปมาณํ. เอวํ จิตกํ นิพฺพาเปตฺวา ปน มลฺลราชาโน สนฺถาคาเร จตุชฺชาติยคนฺธปริภณฺฑํ กาเรตฺวา ลาชปฺจมานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา อุปริ เจลวิตานํ พนฺธิตฺวา สุวณฺณตารกาทีหิ ขจิตฺวา ตตฺถ คนฺธทามมาลาทามรตนทามานิ โอลมฺเพตฺวา ¶ สนฺถาคารโต ยาว มกุฏพนฺธนสงฺขาตา สีสปสาธนมงฺคลสาลา, ตาว อุโภหิ ปสฺเสหิ สาณิกิลฺชปริกฺเขปํ กาเรตฺวา อุปริ เจลวิตานํ พนฺธาเปตฺวา สุวณฺณตารกาทีหิ ขจิตฺวา ตตฺถปิ คนฺธทามมาลาทามรตนทามานิ โอลมฺเพตฺวา มณิทณฺฑวณฺเณหิ เวณูหิ จ ปฺจวณฺณทฺธเช อุสฺสาเปตฺวา สมนฺตา วาตปฏากา ปริกฺขิปิตฺวา สุสมฺมฏฺาสุ วีถีสุ กทลิโย จ ปุณฺณฆเฏ จ เปตฺวา ทณฺฑกทีปิกา ชาเลตฺวา อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺเธ สห ธาตูหิ สุวณฺณโทณึ เปตฺวา มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชนฺตา สาธุกีฬิตํ กีฬนฺตา อนฺโตนครํ ปเวเสตฺวา สนฺถาคาเร สรภมยปลฺลงฺเก เปตฺวา อุปริ เสตจฺฉตฺตํ ธาเรสุํ. เอวํ กตฺวา – ‘‘อถ โข โกสินารกา มลฺลา ภควโต สรีรานิ สตฺตาหํ สนฺถาคาเร สตฺติปฺชรํ กริตฺวา’’ติ สพฺพํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ สตฺติปฺชรํ กริตฺวาติ สตฺติหตฺเถหิ ปุริเสหิ ปริกฺขิปาเปตฺวา. ธนุปาการนฺติ ปมํ ตาว หตฺถิกุมฺเภน กุมฺภํ ปหรนฺเต ปริกฺขิปาเปสุํ, ตโต อสฺเส คีวาย คีวํ ปหรนฺเต, ตโต รเถ อาณิโกฏิยา อาณิโกฏึ ปหรนฺเต, ตโต โยเธ พาหุนา พาหุํ ปหรนฺเต. เตสํ ปริยนฺเต โกฏิยา โกฏึ ปหรมานานิ ธนูนิ ปริกฺขิปาเปสุํ. อิติ สมนฺตา โยชนปฺปมาณํ านํ สตฺตาหํ สนฺนาหควจฺฉิกํ วิย กตฺวา อารกฺขํ สํวิทหึสุ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ธนุปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา’’ติ.
กสฺมา ปเนเต เอวมกํสูติ? อิโต ปุริเมสุ หิ ทฺวีสุ สตฺตาเหสุ เต ภิกฺขุสงฺฆสฺส านนิสชฺโชกาสํ กโรนฺตา ขาทนียํ โภชนียํ สํวิทหนฺตา สาธุกีฬิกาย โอกาสํ น ลภึสุ. ตโต เนสํ อโหสิ – ‘‘อิมํ สตฺตาหํ สาธุกีฬิตํ กีฬิสฺสาม, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ อมฺหากํ ปมตฺตภาวํ ตฺวา โกจิเทว อาคนฺตฺวา ธาตุโย คณฺเหยฺย, ตสฺมา อารกฺขํ เปตฺวา กีฬิสฺสามา’’ติ. เต ตถา เอวมกํสุ.
สรีรธาตุวิภชนวณฺณนา
๒๓๖. อสฺโสสิ ¶ ¶ โข ราชาติ กถํ อสฺโสสิ? ปมเมว กิรสฺส อมจฺจา สุตฺวา จินฺตยึสุ – ‘‘สตฺถา นาม ปรินิพฺพุโต, น โส สกฺกา ปุน อาหริตุํ. โปถุชฺชนิกสทฺธาย ปน อมฺหากํ รฺา สทิโส นตฺถิ, สเจ เอส อิมินาว นิยาเมน สุณิสฺสติ, หทยมสฺส ผลิสฺสติ. ราชา โข ปน อมฺเหหิ อนุรกฺขิตพฺโพ’’ติ เต ติสฺโส สุวณฺณโทณิโย อาหริตฺวา จตุมธุรสฺส ปูเรตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘เทว ¶ , อมฺเหหิ สุปินโก ทิฏฺโ, ตสฺส ปฏิฆาตตฺถํ ตุมฺเหหิ ทุกูลทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา ยถา นาสาปุฏมตฺตํ ปฺายติ, เอวํ จตุมธุรโทณิยา นิปชฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา อตฺถจรานํ อมจฺจานํ วจนํ สุตฺวา ‘‘เอวํ โหตุ ตาตา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกาสิ.
อเถโก อมจฺโจ อลงฺการํ โอมฺุจิตฺวา เกเส ปกิริย ยาย ทิสาย สตฺถา ปรินิพฺพุโต, ตทภิมุโข หุตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ราชานํ อาห – ‘‘เทว, มรณโต มุจฺจนกสตฺโต นาม นตฺถิ, อมฺหากํ อายุวฑฺฒโน เจติยฏฺานํ ปฺุกฺเขตฺตํ อภิเสกสิฺจโก โส ภควา สตฺถา กุสินาราย ปรินิพฺพุโต’’ติ. ราชา สุตฺวาว วิสฺีชาโต จตุมธุรโทณิยํ อุสุมํ มฺุจิ. อถ นํ อุกฺขิปิตฺวา ทุติยาย โทณิยา นิปชฺชาเปสุํ. โส ปุน สฺํ ลภิตฺวา – ‘‘ตาตา, กึ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สตฺถา, มหาราช, ปรินิพฺพุโต’’ติ. ราชา ปุนปิ วิสฺีชาโต จตุมธุรโทณิยา อุสุมํ มฺุจิ. อถ นํ ตโตปิ อุกฺขิปิตฺวา ตติยาย โทณิยา นิปชฺชาเปสุํ. โส ปุน สฺํ ลภิตฺวา ‘‘ตาตา, กึ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สตฺถา, มหาราช, ปรินิพฺพุโต’’ติ. ราชา ปุนปิ วิสฺีชาโต, อถ นํ อุกฺขิปิตฺวา นหาเปตฺวา มตฺถเก ฆเฏหิ อุทกํ อาสิฺจึสุ.
ราชา สฺํ ลภิตฺวา อาสนา วุฏฺาย คนฺธปริภาวิเต มณิวณฺเณ เกเส วิกิริตฺวา สุวณฺณผลกวณฺณาย ปิฏฺิยํ ปกิริตฺวา ปาณินา อุรํ ปหริตฺวา ปวาฬงฺกุรวณฺณาหิ สุวฏฺฏิตงฺคุลีหิ สุวณฺณพิมฺพิสกวณฺณํ อุรํ สิพฺพนฺโต วิย คเหตฺวา ปริเทวมาโน อุมฺมตฺตกเวเสน อนฺตรวีถึ โอติณฺโณ, โส อลงฺกตนาฏกปริวุโต นครโต นิกฺขมฺม ชีวกมฺพวนํ คนฺตฺวา ยสฺมึ าเน นิสินฺเนน ภควตา ธมฺโม เทสิโต ตํ โอโลเกตฺวา ¶ – ‘‘ภควา สพฺพฺุ, นนุ อิมสฺมึ าเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทสยิตฺถ, โสกสลฺลํ เม วิโนทยิตฺถ, ตุมฺเห มยฺหํ โสกสลฺลํ นีหริตฺถ, อหํ ตุมฺหากํ สรณํ คโต, อิทานิ ปน เม ปฏิวจนมฺปิ น เทถ, ภควา’’ติ ปุนปฺปุนํ ปริเทวิตฺวา ‘‘นนุ ภควา อหํ อฺทา เอวรูเป กาเล ‘ตุมฺเห มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา ¶ ชมฺพุทีปตเล จาริกํ จรถา’ติ สุโณมิ, อิทานิ ปนาหํ ตุมฺหากํ อนนุรูปํ อยุตฺตํ ปวตฺตึ สุโณมี’’ติ เอวมาทีนิ จ วตฺวา สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ ¶ ภควโต คุณํ อนุสฺสริตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มม ปริเทวิเตเนว น สิชฺฌติ, ทสพลสฺส ธาตุโย อาหราเปสฺสามี’’ติ เอวํ อสฺโสสิ. สุตฺวา จ อิมิสฺสา วิสฺิภาวาทิปวตฺติยา อวสาเน ทูตํ ปาเหสิ. ตํ สนฺธาย อถ โข ราชาติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ทูตํ ปาเหสีติ ทูตฺจ ปณฺณฺจ เปเสสิ. เปเสตฺวา จ ปน – ‘‘สเจ ทสฺสนฺติ, สุนฺทรํ. โน เจ ทสฺสนฺติ, อาหรณุปาเยน อาหริสฺสามี’’ติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา สยมฺปิ นิกฺขนฺโตเยว. ยถา จ อชาตสตฺตุ, เอวํ ลิจฺฉวีอาทโยปิ ทูตํ เปเสตฺวา สยมฺปิ จตุรงฺคินิยา เสนาย นิกฺขมึสุเยว. ตตฺถ ปาเวยฺยกา สพฺเพหิ อาสนฺนตรา กุสินารโต ติคาวุตนฺตเร นคเร วสนฺติ, ภควาปิ ปาวํ ปวิสิตฺวาว กุสินารํ คโต. อถ กสฺมา ปมตรํ น อาคตาติ เจ? มหาปริวารา ปเนเต ราชาโน มหาปริวารํ กโรนฺตาว ปจฺฉโต ชาตา.
เต สงฺเฆ คเณ เอตทโวจุนฺติ สพฺเพปิ เต สตฺตนครวาสิโน อาคนฺตฺวา – ‘‘อมฺหากํ ธาตุโย วา เทนฺตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ กุสินารานครํ ปริวาเรตฺวา ิเต – ‘‘เอตํ ภควา อมฺหากํ คามกฺเขตฺเต’’ติ ปฏิวจนํ อโวจุํ. เต กิร เอวมาหํสุ – ‘‘น มยํ สตฺถุ สาสนํ ปหิณิมฺห, นาปิ คนฺตฺวา อานยิมฺห. สตฺถา ปน สยเมว อาคนฺตฺวา สาสนํ เปเสตฺวา อมฺเห ปกฺโกสาเปสิ. ตุมฺเหปิ โข ปน ยํ ตุมฺหากํ คามกฺเขตฺเต รตนํ อุปฺปชฺชติ, น ตํ อมฺหากํ เทถ. สเทวเก จ โลเก พุทฺธรตนสมํ รตนํ นาม นตฺถิ, เอวรูปํ อุตฺตมรตนํ ลภิตฺวา มยํ น ทสฺสาม. น โข ปน ตุมฺเหหิเยว มาตุถนโต ขีรํ ปีตํ, อมฺเหหิปิ มาตุถนโต ขีรํ ปีตํ. น ตุมฺเหเยว ปุริสา, อมฺเหปิ ปุริสา โหตู’’ติ อฺมฺํ อหํการํ กตฺวา สาสนปฏิสาสนํ เปเสนฺติ, อฺมฺํ มานคชฺชิตํ คชฺชนฺติ. ยุทฺเธ ปน สติ โกสินารกานํเยว ชโย อภวิสฺส. กสฺมา? ยสฺมา ธาตุปาสนตฺถํ ¶ อาคตา เทวตา เนสํ ปกฺขา อเหสุํ. ปาฬิยํ ปน – ‘‘ภควา อมฺหากํ คามกฺเขตฺเต ปรินิพฺพุโต, น มยํ ทสฺสาม ภควโต สรีรานํ ภาค’’นฺติ เอตฺตกเมว อาคตํ.
๒๓๗. เอวํ วุตฺเต โทโณ พฺราหฺมโณติ โทณพฺราหฺมโณ อิมํ เตสํ วิวาทํ สุตฺวา – ‘‘เอเต ราชาโน ภควโต ปรินิพฺพุตฏฺาเน วิวาทํ กโรนฺติ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, อลํ อิมินา กลเหน, วูปสเมสฺสามิ น’’นฺติ โส คนฺตฺวา เต สงฺเฆ คเณ เอตทโวจ. กิมโวจ? อุนฺนตปฺปเทเส ¶ ¶ ตฺวา ทฺวิภาณวารปริมาณํ โทณคชฺชิตํ นาม อโวจ. ตตฺถ ปมภาณวาเร ตาว เอกปทมฺปิ เต น ชานึสุ. ทุติยภาณวารปริโยสาเน – ‘‘อาจริยสฺส วิย โภ สทฺโท, อาจริยสฺส วิย โภ สทฺโท’’ติ สพฺเพ นิรวา อเหสุํ. ชมฺพุทีปตเล กิร กุลฆเร ชาตา เยภุยฺเยน ตสฺส น อนฺเตวาสิโก นาม นตฺถิ. อถ โส เต อตฺตโน วจนํ สุตฺวา นิรเว ตุณฺหีภูเต วิทิตฺวา ปุน เอตทโวจ – ‘‘สุณนฺตุ โภนฺโต’’ติ เอตํ คาถาทฺวยํ อโวจ.
ตตฺถ อมฺหากํ พุทฺโธติ อมฺหากํ พุทฺโธ. อหุ ขนฺติวาโทติ พุทฺธภูมึ อปฺปตฺวาปิ ปารมิโย ปูเรนฺโต ขนฺติวาทิตาปสกาเล ธมฺมปาลกุมารกาเล ฉทฺทนฺตหตฺถิกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล จมฺเปยฺยนาคราชกาเล สงฺขปาลนาคราชกาเล มหากปิกาเล อฺเสุ จ พหูสุ ชาตเกสุ ปเรสุ โกปํ อกตฺวา ขนฺติเมว อกาสิ. ขนฺติเมว วณฺณยิ. กิมงฺคํ ปน เอตรหิ อิฏฺานิฏฺเสุ ตาทิลกฺขณํ ปตฺโต, สพฺพถาปิ อมฺหากํ พุทฺโธ ขนฺติวาโท อโหสิ, ตสฺส เอวํวิธสฺส. น หิ สาธุ ยํ อุตฺตมปุคฺคลสฺส, สรีรภาเค สิยา สมฺปหาโรติ น หิ สาธุยนฺติ น หิ สาธุ อยํ. สรีรภาเคติ สรีรวิภาคนิมิตฺตํ, ธาตุโกฏฺาสเหตูติ อตฺโถ. สิยา สมฺปหาโรติ อาวุธสมฺปหาโร สาธุ น สิยาติ วุตฺตํ โหติ.
สพฺเพว โภนฺโต สหิตาติ สพฺเพว โภนฺโต สหิตา โหถ, มา ภิชฺชถ. สมคฺคาติ กาเยน จ วาจาย จ เอกสนฺนิปาตา เอกวจนา สมคฺคา โหถ. สมฺโมทมานาติ จิตฺเตนาปิ อฺมฺํ สมฺโมทมานา โหถ. กโรมฏฺภาเคติ ภควโต สรีรานิ อฏฺ ภาเค กโรม ¶ . จกฺขุมโตติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมโต พุทฺธสฺส. น เกวลํ ตุมฺเหเยว, พหุชโนปิ ปสนฺโน, เตสุ เอโกปิ ลทฺธุํ อยุตฺโต นาม นตฺถีติ พหุํ การณํ วตฺวา สฺาเปสิ.
๒๓๘. เตสํ สงฺฆานํ คณานํ ปฏิสฺสุตฺวาติ เตสํ เตสํ ตโต ตโต สมาคตสงฺฆานํ สมาคตคณานํ ปฏิสฺสุณิตฺวา. ภควโต ¶ สรีรานิ อฏฺธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชิตฺวาติ เอตฺถ อยมนุกฺกโม – โทโณ กิร เตสํ ปฏิสฺสุณิตฺวา สุวณฺณโทณึ วิวราเปสิ. ราชาโน อาคนฺตฺวา โทณิยํเยว ิตา สุวณฺณวณฺณา ธาตุโย ทิสฺวา – ‘‘ภควา สพฺพฺุ ปุพฺเพ มยํ ตุมฺหากํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิขจิตํ อสีติอนุพฺยฺชนสมุชฺชลิตโสภํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ อทฺทสาม, อิทานิ ปน สุวณฺณวณฺณาว ธาตุโย อวสิฏฺา ชาตา, น ยุตฺตมิทํ ภควา ตุมฺหาก’’นฺติ ปริเทวึสุ.
พฺราหฺมโณปิ ตสฺมึ สมเย เตสํ ปมตฺตภาวํ ตฺวา ทกฺขิณทาํ คเหตฺวา เวนฺตเร เปสิ, อถ ¶ ปจฺฉา อฏฺธา สมํ สุวิภตฺตํ วิภชิ, สพฺพาปิ ธาตุโย ปากติกนาฬิยา โสฬส นาฬิโย อเหสุํ, เอเกกนครวาสิโน ทฺเว ทฺเว นาฬิโย ลภึสุ. พฺราหฺมณสฺส ปน ธาตุโย วิภชนฺตสฺเสว สกฺโก เทวานมินฺโท – ‘‘เกน นุ โข สเทวกสฺส โลกสฺส กงฺขจฺเฉทนตฺถาย จตุสจฺจกถาย ปจฺจยภูตา ภควโต ทกฺขิณทาา คหิตา’’ติ โอโลเกนฺโต ‘‘พฺราหฺมเณน คหิตา’’ติ ทิสฺวา – ‘‘พฺราหฺมโณปิ ทาาย อนุจฺฉวิกํ สกฺการํ กาตุํ น สกฺขิสฺสติ, คณฺหามิ น’’นฺติ เวนฺตรโต คเหตฺวา สุวณฺณจงฺโกฏเก เปตฺวา เทวโลกํ เนตฺวา จูฬามณิเจติเย ปติฏฺเปสิ.
พฺราหฺมโณปิ ธาตุโย วิภชิตฺวา ทาํ อปสฺสนฺโต โจริกาย คหิตตฺตา – ‘‘เกน เม ทาา คหิตา’’ติ ปุจฺฉิตุมฺปิ นาสกฺขิ. ‘‘นนุ ตยาว ธาตุโย ภาชิตา, กึ ตฺวํ ปมํเยว อตฺตโน ธาตุยา อตฺถิภาวํ น อฺาสี’’ติ อตฺตนิ โทสาโรปนํ สมฺปสฺสนฺโต – ‘‘มยฺหมฺปิ โกฏฺาสํ เทถา’’ติ วตฺตุมฺปิ นาสกฺขิ. ตโต – ‘‘อยมฺปิ สุวณฺณตุมฺโพ ธาตุคติโกว, เยน ตถาคตสฺส ธาตุโย มิตา, อิมสฺสาหํ ถูปํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ เม โภนฺโต ตุมฺพํ ททนฺตูติ อาห.
ปิปฺปลิวนิยา ¶ โมริยาปิ อชาตสตฺตุอาทโย วิย ทูตํ เปเสตฺวา ยุทฺธสชฺชาว นิกฺขมึสุ.
ธาตุถูปปูชาวณฺณนา
๒๓๙. ราชคเห ภควโต สรีรานํ ถูปฺจ มหฺจ อกาสีติ กถํ อกาสิ? กุสินารโต ยาว ราชคหํ ปฺจวีสติ โยชนานิ, เอตฺถนฺตเร อฏฺอุสภวิตฺถตํ สมตลํ มคฺคํ ¶ กาเรตฺวา ยาทิสํ มลฺลราชาโน มกุฏพนฺธนสฺส จ สนฺถาคารสฺส จ อนฺตเร ปูชํ กาเรสุํ. ตาทิสํ ปฺจวีสติโยชเนปิ มคฺเค ปูชํ กาเรตฺวา โลกสฺส อนุกฺกณฺนตฺถํ สพฺพตฺถ อนฺตราปเณ ปสาเรตฺวา สุวณฺณโทณิยํ ปกฺขิตฺตธาตุโย สตฺติปฺชเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา อตฺตโน วิชิเต ปฺจโยชนสตปริมณฺฑเล มนุสฺเส สนฺนิปาตาเปสิ. เต ธาตุโย คเหตฺวา กุสินารโต สาธุกีฬิตํ กีฬนฺตา นิกฺขมิตฺวา ยตฺถ ยตฺถ สุวณฺณวณฺณานิ ปุปฺผานิ ปสฺสนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ ธาตุโย สตฺติอนฺตเร เปตฺวา ปูชํ อกํสุ. เตสํ ปุปฺผานํ ขีณกาเล คจฺฉนฺติ, รถสฺส ธุรฏฺานํ ปจฺฉิมฏฺาเน สมฺปตฺเต สตฺต ทิวเส สาธุกีฬิตํ กีฬนฺติ. เอวํ ธาตุโย คเหตฺวา อาคจฺฉนฺตานํ สตฺต วสฺสานิ สตฺต มาสานิ สตฺต ทิวสานิ วีติวตฺตานิ.
มิจฺฉาทิฏฺิกา ¶ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส ปรินิพฺพุตกาลโต ปฏฺาย พลกฺกาเรน สาธุกีฬิตาย อุปทฺทุตมฺห สพฺเพ โน กมฺมนฺตา นฏฺา’’ติ อุชฺฌายนฺตา มนํ ปโทเสตฺวา ฉฬาสีติสหสฺสมตฺตา อปาเย นิพฺพตฺตา. ขีณาสวา อาวชฺชิตฺวา ‘‘มหาชโน มนํ ปโทเสตฺวา อปาเย นิพฺพตฺตี’’ติ ทิสฺวา – ‘‘สกฺกํ เทวราชานํ ธาตุอาหรณูปายํ กาเรสฺสามา’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา – ‘‘ธาตุอาหรณูปายํ กโรหิ มหาราชา’’ติ อาหํสุ. สกฺโก อาห – ‘‘ภนฺเต, ปุถุชฺชโน นาม อชาตสตฺตุนา สโม สทฺโธ นตฺถิ, น โส มม วจนํ กริสฺสติ, อปิจ โข มารวิภึสกสทิสํ วิภึสกํ ทสฺเสสฺสามิ, มหาสทฺทํ สาเวสฺสามิ, ยกฺขคาหกขิปิตกอโรจเก กริสฺสามิ, ตุมฺเห ‘อมนุสฺสา มหาราช กุปิตา ธาตุโย อาหราเปถา’ติ วเทยฺยาถ, เอวํ โส อาหราเปสฺสตี’’ติ. อถ โข สกฺโก ตํ สพฺพํ อกาสิ.
เถราปิ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘มหาราช, อมนุสฺสา กุปิตา, ธาตุโย อาหราเปหี’’ติ ภณึสุ. ราชา – ‘‘น ตาว, ภนฺเต, มยฺหํ จิตฺตํ ¶ ตุสฺสติ, เอวํ สนฺเตปิ อาหรนฺตู’’ติ อาห. สตฺตมทิวเส ธาตุโย อาหรึสุ. เอวํ อาหตา ธาตุโย คเหตฺวา ราชคเห ถูปฺจ มหฺจ อกาสิ. อิตเรปิ อตฺตโน อตฺตโน ¶ พลานุรูเปน อาหริตฺวา สกสกฏฺาเนสุ ถูปฺจ มหฺจ อกํสุ.
๒๔๐. เอวเมตํ ภูตปุพฺพนฺติ เอวํ เอตํ ธาตุภาชนฺเจว ทสถูปกรณฺจ ชมฺพุทีเป ภูตปุพฺพนฺติ ปจฺฉา สงฺคีติการกา อาหํสุ. เอวํ ปติฏฺิเตสุ ปน ถูเปสุ มหากสฺสปตฺเถโร ธาตูนํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ราชานํ อชาตสตฺตุํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, เอกํ ธาตุนิธานํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. สาธุ, ภนฺเต, นิธานกมฺมํ ตาว มม โหตุ, เสสธาตุโย ปน กถํ อาหรามีติ? น, มหาราช, ธาตุอาหรณํ ตุยฺหํ ภาโร, อมฺหากํ ภาโรติ. สาธุ, ภนฺเต, ตุมฺเห ธาตุโย อาหรถ, อหํ ธาตุนิธานํ กริสฺสามีติ. เถโร เตสํ เตสํ ราชกุลานํ ปริจรณมตฺตเมว เปตฺวา เสสธาตุโย อาหริ. รามคาเม ปน ธาตุโย นาคา ปริคฺคณฺหึสุ, ตาสํ อนฺตราโย นตฺถิ. ‘‘อนาคเต ลงฺกาทีเป มหาวิหาเร มหาเจติยมฺหิ นิทหิสฺสนฺตี’’ติ ตา น อาหริตฺวา เสเสหิ สตฺตหิ นคเรหิ อาหริตฺวา ราชคหสฺส ปาจีนทกฺขิณทิสาภาเค ตฺวา – ‘‘อิมสฺมึ าเน โย ปาสาโณ อตฺถิ, โส อนฺตรธายตุ, ปํสุ สุวิสุทฺธา โหตุ, อุทกํ มา อุฏฺหตู’’ติ อธิฏฺาสิ.
ราชา ตํ านํ ขณาเปตฺวา ตโต อุทฺธตปํสุนา อิฏฺกา กาเรตฺวา อสีติมหาสาวกานํ เจติยานิ ¶ กาเรติ. ‘‘อิธ ราชา กึ กาเรตี’’ติ ปุจฺฉนฺตานมฺปิ ‘‘มหาสาวกานํ เจติยานี’’ติ วทนฺติ, น โกจิ ธาตุนิธานภาวํ ชานาติ. อสีติหตฺถคมฺภีเร ปน ตสฺมึ ปเทเส ชาเต เหฏฺา โลหสนฺถารํ สนฺถราเปตฺวา ตตฺถ ถูปาราเม เจติยฆรปฺปมาณํ ตมฺพโลหมยํ เคหํ การาเปตฺวา อฏฺ อฏฺ หริจนฺทนาทิมเย กรณฺเฑ จ ถูเป จ การาเปสิ. อถ ภควโต ธาตุโย หริจนฺทนกรณฺเฑ ปกฺขิปิตฺวา ตํ หริจนฺทนกรณฺฑกมฺปิ อฺสฺมึ หริจนฺทนกรณฺฑเก, ตมฺปิ อฺสฺมินฺติ เอวํ อฏฺ หริจนฺทนกรณฺเฑ เอกโต กตฺวา เอเตเนว อุปาเยน เต อฏฺ กรณฺเฑ อฏฺสุ หริจนฺทนถูเปสุ, อฏฺ หริจนฺทนถูเป อฏฺสุ โลหิตจนฺทนกรณฺเฑสุ, อฏฺ โลหิตจนฺทนกรณฺเฑ อฏฺสุ โลหิตจนฺทนถูเปสุ, อฏฺ โลหิตจนฺทนถูเป อฏฺสุ ทนฺตกรณฺเฑสุ ¶ , อฏฺ ทนฺตกรณฺเฑ ¶ อฏฺสุ ทนฺตถูเปสุ, อฏฺ ทนฺตถูเป อฏฺสุ สพฺพรตนกรณฺเฑสุ, อฏฺ สพฺพรตนกรณฺเฑ อฏฺสุ สพฺพรตนถูเปสุ, อฏฺ สพฺพรตนถูเป อฏฺสุ สุวณฺณกรณฺเฑสุ, อฏฺ สุวณฺณกรณฺเฑ, อฏฺสุ สุวณฺณถูเปสุ, อฏฺ สุวณฺณถูเป อฏฺสุ รชตกรณฺเฑสุ, อฏฺ รชตกรณฺเฑ อฏฺสุ รชตถูเปสุ, อฏฺ รชตถูเป, อฏฺสุ มณิกรณฺเฑสุ, อฏฺ มณิกรณฺเฑ อฏฺสุ มณิถูเปสุ, อฏฺ มณิถูเป อฏฺสุ โลหิตงฺกกรณฺเฑสุ, อฏฺ โลหิตงฺกกรณฺเฑ อฏฺสุ โลหิตงฺกถูเปสุ, อฏฺ โลหิตงฺกถูเป อฏฺสุ มสารคลฺลกรณฺเฑสุ, อฏฺ มสารคลฺลกรณฺเฑ อฏฺสุ มสารคลฺลถูเปสุ, อฏฺ มสารคลฺลถูเป อฏฺสุ ผลิกกรณฺเฑสุ, อฏฺ ผลิกกรณฺเฑ อฏฺสุ ผลิกมยถูเปสุ ปกฺขิปิ.
สพฺเพสํ อุปริมํ ผลิกเจติยํ ถูปารามเจติยปฺปมาณํ อโหสิ, ตสฺส อุปริ สพฺพรตนมยํ เคหํ กาเรสิ, ตสฺส อุปริ สุวณฺณมยํ, ตสฺส อุปริ รชตมยํ, ตสฺส อุปริ ตมฺพโลหมยํ เคหํ. ตตฺถ สพฺพรตนมยํ วาลิกํ โอกิริตฺวา ชลชถลชปุปฺผานํ สหสฺสานิ วิปฺปกิริตฺวา อฑฺฒฉฏฺานิ ชาตกสตานิ อสีติมหาเถเร สุทฺโธทนมหาราชานํ มหามายาเทวึ สตฺต สหชาเตติ สพฺพาเนตานิ สุวณฺณมยาเนว กาเรสิ. ปฺจปฺจสเต สุวณฺณรชตมเย ปุณฺณฆเฏ ปาเปสิ, ปฺจ สุวณฺณทฺธชสเต อุสฺสาเปสิ. ปฺจสเต สุวณฺณทีเป, ปฺจสเต รชตทีเป การาเปตฺวา สุคนฺธเตลสฺส ปูเรตฺวา เตสุ ทุกูลวฏฺฏิโย เปสิ.
อถายสฺมา มหากสฺสโป – ‘‘มาลา มา มิลายนฺตุ, คนฺธา มา วินสฺสนฺตุ, ทีปา มา วิชฺฌายนฺตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ อกฺขรานิ ฉินฺทาเปสิ –
‘‘อนาคเต ปิยทาโส นาม กุมาโร ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อโสโก ธมฺมราชา ภวิสฺสติ. โส อิมา ธาตุโย วิตฺถาริกา กริสฺสตี’’ติ.
ราชา ¶ สพฺพปสาธเนหิ ปูเชตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ทฺวารํ ปิทหนฺโต นิกฺขมิ, โส ตมฺพโลหทฺวารํ ปิทหิตฺวา อาวิฺฉนรชฺชุยํ กฺุจิกมุทฺทิกํ พนฺธิตฺวา ¶ ตตฺเถว มหนฺตํ มณิกฺขนฺธํ เปตฺวา – ‘‘อนาคเต ทลิทฺทราชา อิมํ มณึ คเหตฺวา ¶ ธาตูนํ สกฺการํ กโรตู’’ติ อกฺขรํ ฉินฺทาเปสิ.
สกฺโก เทวราชา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตตฺวา – ‘‘ตาต, อชาตสตฺตุนา ธาตุนิธานํ กตํ, เอตฺถ อารกฺขํ ปฏฺเปหี’’ติ ปหิณิ. โส อาคนฺตฺวา วาฬสงฺฆาฏยนฺตํ โยเชสิ, กฏฺรูปกานิ ตสฺมึ ธาตุคพฺเภ ผลิกวณฺณขคฺเค คาเหตฺวา วาตสทิเสน เวเคน อนุปริยายนฺตํ ยนฺตํ โยเชตฺวา เอกาย เอว อาณิยา พนฺธิตฺวา สมนฺตโต คิฺชกาวสถากาเรน สิลาปริกฺเขปํ กตฺวา อุปริ เอกาย ปิทหิตฺวา ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา ภูมึ สมํ กตฺวา ตสฺส อุปริ ปาสาณถูปํ ปติฏฺเปสิ. เอวํ นิฏฺิเต ธาตุนิธาเน ยาวตายุกํ ตฺวา เถโรปิ ปรินิพฺพุโต, ราชาปิ ยถากมฺมํ คโต, เตปิ มนุสฺสา กาลงฺกตา.
อปรภาเค ปิยทาโส นาม กุมาโร ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อโสโก นาม ธมฺมราชา หุตฺวา ตา ธาตุโย คเหตฺวา ชมฺพุทีเป วิตฺถาริกา อกาสิ. กถํ? โส นิคฺโรธสามเณรํ นิสฺสาย สาสเน ลทฺธปฺปสาโท จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ กาเรตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, มยา จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ การิตานิ, ธาตุโย กุโต ลภิสฺสามี’’ติ? มหาราช, – ‘‘ธาตุนิธานํ นาม อตฺถี’’ติ สุโณม, น ปน ปฺายติ – ‘‘อสุกสฺมึ าเน’’ติ. ราชา ราชคเห เจติยํ ภินฺทาเปตฺวา ธาตุํ อปสฺสนฺโต ปฏิปากติกํ กาเรตฺวา ภิกฺขุภิกฺขุนิโย อุปาสกอุปาสิกาโยติ จตสฺโส ปริสา คเหตฺวา เวสาลึ คโต. ตตฺราปิ อลภิตฺวา กปิลวตฺถุํ. ตตฺราปิ อลภิตฺวา รามคามํ คโต. รามคาเม นาคา เจติยํ ภินฺทิตุํ น อทํสุ, เจติเย นิปติตกุทาโล ขณฺฑาขณฺฑํ โหติ. เอวํ ตตฺราปิ อลภิตฺวา อลฺลกปฺปํ เวทีปํ ปาวํ กุสินารนฺติ สพฺพตฺถ เจติยานิ ภินฺทิตฺวา ธาตุํ อลภิตฺวาว ปฏิปากติกานิ กตฺวา ปุน ราชคหํ คนฺตฺวา จตสฺโส ปริสา สนฺนิปาตาเปตฺวา – ‘‘อตฺถิ เกนจิ สุตปุพฺพํ ‘อสุกฏฺาเน นาม ธาตุนิธาน’นฺติ’’ ปุจฺฉิ.
ตตฺเรโก วีสวสฺสสติโก เถโร – ‘‘อสุกฏฺาเน ธาตุนิธาน’’นฺติ น ชานามิ, มยฺหํ ปน ปิตา มหาเถโร มํ สตฺตวสฺสกาเล ¶ มาลาจงฺโกฏกํ คาหาเปตฺวา – ‘‘เอหิ สามเณร, อสุกคจฺฉนฺตเร ปาสาณถูโป ¶ อตฺถิ, ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ คนฺตฺวา ปูเชตฺวา – ‘‘อิมํ านํ อุปธาเรตุํ วฏฺฏติ สามเณรา’’ติ อาห. อหํ เอตฺตกํ ชานามิ มหาราชาติ อาห. ราชา ‘‘เอตเทว าน’’นฺติ ¶ วตฺวา คจฺเฉ หาเรตฺวา ปาสาณถูปฺจ ปํสฺุจ อปเนตฺวา เหฏฺา สุธาภูมึ อทฺทส. ตโต สุธฺจ อิฏฺกาโย จ หาเรตฺวา อนุปุพฺเพน ปริเวณํ โอรุยฺห สตฺตรตนวาลุกํ อสิหตฺถานิ จ กฏฺรูปกานิ สมฺปริวตฺตกานิ อทฺทส. โส ยกฺขทาสเก ปกฺโกสาเปตฺวา พลิกมฺมํ กาเรตฺวาปิ เนว อนฺตํ น โกฏึ ปสฺสนฺโต เทวตานํ นมสฺสมาโน – ‘‘อหํ อิมา ธาตุโย คเหตฺวา จตุราสีติยา วิหารสหสฺเสสุ นิทหิตฺวา สกฺการํ กโรมิ, มา เม เทวตา อนฺตรายํ กโรนฺตู’’ติ อาห.
สกฺโก เทวราชา จาริกํ จรนฺโต ตํ ทิสฺวา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต, อโสโก ธมฺมราชา ‘ธาตุโย นีหริสฺสามี’ติ ปริเวณํ โอติณฺโณ, คนฺตฺวา กฏฺรูปกานิ หาเรหี’’ติ. โส ปฺจจูฬคามทารกเวเสน คนฺตฺวา รฺโ ปุรโต ธนุหตฺโถ ตฺวา – ‘‘หรามิ มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘หร, ตาตา’’ติ สรํ คเหตฺวา สนฺธิมฺหิเยว วิชฺฌิ, สพฺพํ วิปฺปกิริยิตฺถ. อถ ราชา อาวิฺฉเน พนฺธํ กฺุจิกมุทฺทิกํ คณฺหิ, มณิกฺขนฺธํ ปสฺสิ. ‘‘อนาคเต ทลิทฺทราชา อิมํ มณึ คเหตฺวา ธาตูนํ สกฺการํ กโรตู’’ติ ปุน อกฺขรานิ ทิสฺวา กุชฺฌิตฺวา – ‘‘มาทิสํ นาม ราชานํ ทลิทฺทราชาติ วตฺตุํ อยุตฺต’’นฺติ ปุนปฺปุนํ ฆเฏตฺวา ทฺวารํ วิวราเปตฺวา อนฺโตเคหํ ปวิฏฺโ.
อฏฺารสวสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อาโรปิตทีปา ตเถว ปชฺชลนฺติ. นีลุปฺปลปุปฺผานิ ตงฺขณํ อาหริตฺวา อาโรปิตานิ วิย, ปุปฺผสนฺถาโร ตงฺขณํ สนฺถโต วิย, คนฺธา ตํ มุหุตฺตํ ปิสิตฺวา ปิตา วิย ราชา สุวณฺณปฏฺฏํ คเหตฺวา – ‘‘อนาคเต ปิยทาโส นาม กุมาโร ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อโสโก นาม ธมฺมราชา ภวิสฺสติ โส อิมา ธาตุโย วิตฺถาริกา กริสฺสตี’’ติ วาเจตฺวา – ‘‘ทิฏฺโ โภ, อหํ อยฺเยน มหากสฺสปตฺเถเรนา’’ติ วตฺวา วามหตฺถํ อาภุชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน อปฺโผเฏสิ. โส ตสฺมึ าเน ปริจรณธาตุมตฺตเมว เปตฺวา เสสา ธาตุโย คเหตฺวา ¶ ธาตุเคหํ ปุพฺเพ ปิหิตนเยเนว ปิทหิตฺวา สพฺพํ ยถาปกติยาว กตฺวา อุปริ ปาสาณเจติยํ ปติฏฺาเปตฺวา จตุราสีติยา วิหารสหสฺเสสุ ธาตุโย ¶ ปติฏฺาเปตฺวา มหาเถเร วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ทายาโทมฺหิ, ภนฺเต, พุทฺธสาสเน’’ติ. กิสฺส ทายาโท ตฺวํ, มหาราช, พาหิรโก ตฺวํ สาสนสฺสาติ. ภนฺเต, ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ กาเรตฺวา อหํ น ทายาโท, อฺโ โก ทายาโทติ? ปจฺจยทายโก นาม ตฺวํ มหาราช, โย ปน อตฺตโน ปุตฺตฺจ ธีตรฺจ ปพฺพาเชติ, อยํ สาสเน ทายาโท นามาติ. โส ปุตฺตฺจ ธีตรฺจ ปพฺพาเชสิ. อถ นํ เถรา อาหํสุ – ‘‘อิทานิ, มหาราช, สาสเน ทายาโทสี’’ติ.
เอวเมตํ ¶ ภูตปุพฺพนฺติ เอวํ เอตํ อตีเต ธาตุนิธานมฺปิ ชมฺพุทีปตเล ภูตปุพฺพนฺติ. ตติยสงฺคีติการาปิ อิมํ ปทํ ปยึสุ.
อฏฺโทณํ จกฺขุมโต สรีรนฺติอาทิคาถาโย ปน ตมฺพปณฺณิทีเป เถเรหิ วุตฺตาติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถายํ
มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. มหาสุทสฺสนสุตฺตวณฺณนา
กุสาวตีราชธานีวณฺณนา
๒๔๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาสุทสฺสนสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา – สพฺพรตนมโยติ เอตฺถ เอกา อิฏฺกา โสวณฺณมยา, เอกา รูปิยมยา, เอกา เวฬุริยมยา, เอกา ผลิกมยา, เอกา โลหิตงฺกมยา, เอกา มสารคลฺลมยา, เอกา สพฺพรตนมยา, อยํ ปากาโร สพฺพปาการานํ อนฺโต อุพฺเพเธน สฏฺิหตฺโถ อโหสิ. เอเก ปน เถรา – ‘‘นครํ นาม อนฺโต ตฺวา โอโลเกนฺตานํ ทสฺสนียํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สพฺพพาหิโร สฏฺิหตฺโถ, เสสา อนุปุพฺพนีจา’’ติ วทนฺติ. เอเก – ‘‘พหิ ตฺวา โอโลเกนฺตานํ ทสฺสนียํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สพฺพอพฺภนฺตริโม สฏฺิหตฺโถ, เสสา อนุปุพฺพนีจา’’ติ. เอเก – ‘‘อนฺโต จ พหิ จ ตฺวา โอโลเกนฺตานํ ทสฺสนียํ วฏฺฏติ, ตสฺมา มชฺเฌ ปากาโร สฏฺิหตฺโถ, อนฺโต จ พหิ จ ตโย ตโย อนุปุพฺพนีจา’’ติ.
เอสิกาติ เอสิกตฺถมฺโภ. ติโปริสงฺคาติ เอกํ โปริสํ มชฺฌิมปุริสสฺส อตฺตโน หตฺเถน ปฺจหตฺถํ, เตน ติโปริสปริกฺเขปา ปนฺนรสหตฺถปริมาณาติ อตฺโถ. เต ปน กถํ ิตาติ? นครสฺส พาหิรปสฺเส เอเกกํ มหาทฺวารพาหํ นิสฺสาย เอเกโก, เอเกกํ ขุทฺทกทฺวารพาหํ นิสฺสาย เอเกโก, มหาทฺวารขุทฺทกทฺวารานํ อนฺตรา ตโย ตโยติ. ตาลปนฺตีสุ สพฺพรตนมยานํ ตาลานํ เอกํ โสวณฺณมยนฺติ ปากาเร วุตฺตลกฺขณเมว เวทิตพฺพํ, ปณฺณผเลสุปิ เอเสว นโย. ตา ปน ตาลปนฺติโย อสีติหตฺถา อุพฺเพเธน, วิปฺปกิณฺณวาลุเก สมตเล ภูมิภาเค ปาการนฺตเร เอเกกา หุตฺวา ิตา.
วคฺคูติ เฉโก สุนฺทโร. รชนีโยติ รฺเชตุํ สมตฺโถ. ขมนีโยติ ทิวสมฺปิ สุยฺยมาโน ขมเตว, น พีภจฺเฉติ. มทนีโยติ ¶ มานมทปุริสมทชนโน. ปฺจงฺคิกสฺสาติ อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ ¶ สุสิรํ ฆนนฺติ อิเมหิ ปฺจหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส. ตตฺถ อาตตํ นาม จมฺมปริโยนทฺเธสุ เภรีอาทีสุ เอกตลํ ตูริยํ. วิตตํ นาม อุภยตลํ. อาตตวิตตํ นาม สพฺพโต ปริโยนทฺธํ. สุสิรํ ¶ นาม วํสาทิ. ฆนํ นาม สมฺมาทิ. สุวินีตสฺสาติ อากฑฺฒนสิถิลกรณาทีหิ สุมุจฺฉิตสฺส. สุปฺปฏิตาฬิตสฺสาติ ปมาเณ ิตภาวชานนตฺถํ สุฏฺุ ปฏิตาฬิตสฺส. สุกุสเลหิ สมนฺนาหตสฺสาติ เย วาทิตุํ เฉกา กุสลา, เตหิ วาทิตสฺส. ธุตฺตาติ อกฺขธุตฺตา,. โสณฺฑาติ สุราโสณฺฑา. เตเยว ปุนปฺปุนํ ปาตุกามตาวเสน ปิปาสา. ปริจาเรสุนฺติ (ที. นิ. ๒.๑๓๒) หตฺถํ วา ปาทํ วา จาเลตฺวา นจฺจนฺตา กีฬึสุ.
จกฺกรตนวณฺณนา
๒๔๓. สีสํ นฺหาตสฺสาติ สีเสน สทฺธึ คนฺโธทเกน นหาตสฺส. อุโปสถิกสฺสาติ สมาทินฺนอุโปสถงฺคสฺส. อุปริปาสาทวรคตสฺสาติ ปาสาทวรสฺส อุปริ คตสฺส, สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา ปาสาทวรสฺส อุปริมหาตเล สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สีลานิ อาวชฺชนฺตสฺส. ตทา กิร ราชา ปาโตว สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ สีสํ นหายิตฺวา กตปาตราโส สุทฺธํ อุตฺตราสงฺคํ เอกํสํ กริตฺวา อุปริปาสาทสฺส สิริสยเน ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน อตฺตโน ทานาทิมยํ ปฺุสมุทายํ อาวชฺชนฺโต นิสีทิ. อยํ สพฺพจกฺกวตฺตีนํ ธมฺมตา.
เตสํ ตํ อาวชฺชนฺตานํเยว วุตฺตปฺปการปฺุกมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานํ นีลมณิสงฺฆาตสทิสํ ปาจีนสมุทฺทชลตลํ ภินฺทมานํ วิย, อากาสํ อลงฺกุรุมานํ วิย ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติ. ตํ มหาสุทสฺสนสฺสาปิ ตเถว ปาตุรโหสิ. ตยิทํ ทิพฺพานุภาวยุตฺตตฺตา ทิพฺพนฺติ วุตฺตํ. สหสฺสํ อสฺส อรานนฺติ สหสฺสารํ. สห เนมิยา, สห นาภิยา จาติ สเนมิกํ สนาภิกํ. สพฺเพหิ อากาเรหิ ปริปุณฺณนฺติ สพฺพาการปริปูรํ.
ตตฺถ จกฺกฺจ ตํ รติชนนฏฺเน รตนฺจาติ จกฺกรตนํ. ยาย ปน ตํ นาภิยา ‘‘สนาภิก’’นฺติ วุตฺตํ, สา อินฺทนีลมยา โหติ, มชฺเฌ ปนสฺสา สารรชตมยา ปนาฬิ, ยาย ¶ สุทฺธสินิทฺธทนฺตปนฺติยา หสมานา วิย วิโรจติ, มชฺเฌ ฉิทฺเทน วิย จนฺทมณฺฑเลน, อุโภสุปิ พาหิรนฺเตสุ รชตปฏฺเฏน กตปริกฺเขปา โหติ. เตสุ ปนสฺส นาภิปนาฬิปริกฺเขปปฏฺเฏสุ ¶ ยุตฺตยุตฺตฏฺาเนสุ ปริจฺเฉทเลขา สุวิภตฺตาว หุตฺวา ปฺายนฺติ. อยํ ตาว อสฺส นาภิยา สพฺพาการปริปูรตา.
เยหิ ¶ ปน ตํ – ‘‘อเรหิ สหสฺสาร’’นฺติ วุตฺตํ, เต สตฺตรตนมยา สูริยรสฺมิโย วิย ปภาสมฺปนฺนา โหนฺติ, เตสมฺปิ ฆฏกมณิกปริจฺเฉทเลขาทีนิ สุวิภตฺตาเนว หุตฺวา ปฺายนฺติ. อยมสฺส อรานํ สพฺพาการปริปูรตา.
ยาย ปน ตํ เนมิยา – ‘‘สเนมิก’’นฺติ วุตฺตํ, สา พาลสูริยรสฺมิกลาปสิรึ อวหสมานา วิย สุรตฺตสุทฺธสินิทฺธปวาฬมยา โหติ. สนฺธีสุ ปนสฺสา สฺฌาราคสสฺสิริกา รตฺตชมฺพุนทปฏฺฏา วฏฺฏปริจฺเฉทเลขา สุวิภตฺตา หุตฺวา ปฺายนฺติ. อยมสฺส เนมิยา สพฺพาการปริปูรตา.
เนมิมณฺฑลปิฏฺิยํ ปนสฺส ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานํ อนฺตเร ธมนวํโส วิย อนฺโต สุสิโร ฉิทฺทมณฺฑลขจิโต วาตคาหี ปวาฬทณฺโฑ โหติ, ยสฺส วาเตริตสฺส สุกุสลสมนฺนาหตสฺส ปฺจงฺคิกตูริยสฺส วิย สทฺโท วคฺคุ จ รชนีโย จ กมนีโย จ มทนีโย จ โหติ. ตสฺส โข ปน ปวาฬทณฺฑสฺส อุปริ เสตจฺฉตฺตํ อุโภสุ ปสฺเสสุ สโมสริตกุสุมทามานํ ทฺเว ปนฺติโยติ เอวํ สโมสริตกุสุมทามปนฺติสตทฺวยปริวารเสตจฺฉตฺตสตธารินา ปวาฬทณฺฑสเตน สมุปโสภิตเนมิปริกฺเขปสฺส ทฺวินฺนมฺปิ นาภิปนาฬีนํ อนฺโต ทฺเว สีหมุขานิ โหนฺติ, เยหิ ตาลกฺขนฺธปฺปมาณา ปุณฺณจนฺทกิรณกลาปสสฺสิรีกา ตรุณรวิสมานรตฺตกมฺพลเคณฺฑุกปริยนฺตา อากาสคงฺคาคติโสภํ อวหสมานา วิย ทฺเว มุตฺตกลาปา โอลมฺพนฺติ. เยหิ จกฺกรตเนน สทฺธึ อากาเส สมฺปริวตฺตมาเนหิ ตีณิ จกฺกานิ เอกโต ปริวตฺตนฺตานิ วิย ขายนฺติ. อยมสฺส สพฺพโส สพฺพาการปริปูรตา.
ตํ ปเนตํ เอวํ สพฺพาการปริปูรํ ปกติยา สายมาสภตฺตํ ภฺุชิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเร ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทิตฺวา ปวตฺตกถาสลฺลาเปสุ มนุสฺเสสุ วีถิจตุกฺกาทีสุ ¶ กีฬมาเน ทารกชเน นาติอุจฺเจน นาตินีเจน วนสณฺฑมตฺถกาสนฺเนน อากาสปฺปเทเสน อุปโสภยมานํ วิย, รุกฺขสาขคฺคานิ ทฺวาทสโยชนโต ปฏฺาย สุยฺยมาเนน มธุรสฺสเรน ¶ สตฺตานํ โสตานิ โอธาปยมานํ โยชนโต ปฏฺาย นานปฺปภาสมุทยสมุชฺชเลน วณฺเณน นยนานิ สมากฑฺฒนฺตํ วิย, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปฺุานุภาวํ อุคฺโฆสยนฺตํ วิย, ราชธานิยา อภิมุขํ อาคจฺฉติ.
อถสฺส จกฺกรตนสฺส สทฺทสวเนเนว – ‘‘กุโต นุ โข, กสฺส นุ โข อยํ สทฺโท’’ติ อาวชฺชิตหทยานํ ปุรตฺถิมทิสํ อาโลกยมานานํ เตสํ มนุสฺสานํ อฺตโร อฺตรํ เอวมาห ¶ – ‘‘ปสฺสถ, โภ, อจฺฉริยํ, อยํ ปุณฺณจนฺโท ปุพฺเพ เอโก อุคฺคจฺฉติ, อชฺเชว ปน อตฺตทุติโย อุคฺคโต, เอตฺหิ ราชหํสมิถุนมิว ปุณฺณจนฺทมิถุนํ ปุพฺพาปริเยน คคนตลํ อภิลงฺฆตี’’ติ. ตมฺโ อาห – ‘‘กึ กเถสิ, สมฺม, กุหึ นาม ตยา ทฺเว ปุณฺณจนฺทา เอกโต อุคฺคจฺฉนฺตา ทิฏฺปุพฺพา, นนุ เอส ตปนียรํสิธาโร ปิฺฉรกิรโณ ทิวากโร อุคฺคโต’’ติ, ตมฺโ หสิตํ กตฺวา เอวมาห – ‘‘กึ อุมฺมตฺโตสิ, นนุ อิทาเนว ทิวากโร อตฺถงฺคโต, โส กถํ อิมํ ปุณฺณจนฺทํ อนุพนฺธมาโน อุคฺคจฺฉิสฺสติ? อทฺธา ปเนตํ อเนกรตนปฺปภาสมุทยุชฺชลํ เอกสฺสาปิ ปฺุวโต วิมานํ ภวิสฺสตี’’ติ. เต สพฺเพปิ อปสารยนฺต