📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ทีฆนิกาเย
มหาวคฺคฏีกา
๑. มหาปทานสุตฺตวณฺณนา
ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตกถาวณฺณนา
๑. ยถาชาตานํ ¶ ¶ ¶ กเรริรุกฺขานํ ฆนปตฺตสาขาวิฏเปหิ มณฺฑปสงฺเขเปหิ สฺฉนฺโน ปเทโส ‘‘กเรริมณฺฑโป’’ติ อธิปฺเปโต. ทฺวาเรติ ทฺวารสมีเป. ทฺวาเร ิตรุกฺขวเสน อฺตฺถาปิ สมฺา อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กถํ ปน ภควา มหาคนฺธกุฏิยํ อวสิตฺวา ตทา กเรริกุฏิกายํ วิหาสีติ? สาปิ พุทฺธสฺส ภควโต วสนคนฺธกุฏิ เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนฺโตเชตวเน’’ติอาทิมาห. สลฬาคารนฺติ เทวทารุรุกฺเขหิ กตเคหํ. ปกติภตฺตสฺส ปจฺฉโตติ ภิกฺขูนํ ปากติกภตฺตกาลโต ปจฺฉา, ิตมชฺฌนฺหิกโต อุปรีติ อตฺโถ. ปิณฺฑปาตโต ปฏิกฺกนฺตานนฺติ ปิณฺฑปาตโภชนโต อเปตานํ. เตนาห ‘‘ภตฺตกิจฺจ’’นฺติอาทิ.
มณฺฑลสณฺานา ¶ มาฬสงฺเขเปน กตา นิสีทนสาลา ‘‘มณฺฑลมาฬ’’นฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘‘นิสีทนสาลายา’’ติ. ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตาติ เอตฺถ ปุพฺพ-สทฺโท อตีตวิสโย, นิวาส-สทฺโท กมฺมสาธโน, ขนฺธวินิมุตฺโต จ นิวสิตธมฺโม นตฺถิ, ขนฺธา จ สนฺตานวเสเนว ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานสงฺขาเตน ปุพฺเพนิวาเสนา’’ติ. โยเชตฺวาติ ¶ วิสยภาเวน โยเชตฺวา. ปวตฺติตาติ กถิตา. ธมฺมูปสํหิตตฺตา ธมฺมโต อนเปตาติ ธมฺมี. เตนาห ‘‘ธมฺมสํยุตฺตา’’ติ.
อุทปาทีติ ¶ ปทุทฺธาโร, ตสฺส อุปฺปนฺนา ชาตาติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ตํ ปนสฺสา อุปฺปนฺนาการํ ปาฬิยํ สงฺเขปโตว ทสฺสิตํ, วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘อโห อจฺฉริย’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ เก อนุสฺสรนฺติ, เก นานุสฺสรนฺตีติ ปททฺวเย ปมํเยว สปฺปปฺจนํ, น อิตรนฺติ ตเทว ปุคฺคลเภทโต, กาลวิภาคโต, อนุสฺสรณาการโต, โอปมฺมโต นิทฺทิสนฺเตน ‘‘ติตฺถิยา อนุสฺสรนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อคฺคปฺปตฺตกมฺมวาทิโนติ สิขาปฺปตฺตกมฺมวาทิโน ‘‘อตฺถิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๓๔) เอวํ กมฺมสฺสกตาาเณ ิตา ตาปสปริพฺพาชกา. จตฺตาลีสํเยว กปฺเป อนุสฺสรนฺตีติ พฺรหฺมชาลาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๓) ภควตา ตถา ปริจฺฉิชฺช วุตฺตตฺตา. ตโต ปรํ น อนุสฺสรนฺตีติ ตถาวจนฺจ ทิฏฺิคโตปฏฺกสฺส เตสํ าณสฺส ปริทุพฺพลภาวโต.
สาวกาติ มหาสาวกา เตสฺหิ กปฺปสตสหสฺสํ ปุพฺพาภินีหาโร. ปกติสาวกา ปน ตโต อูนกเมว อนุสฺสรนฺติ. ยสฺมา ‘‘กปฺปานํ ลกฺขาธิกํ เอกํ, ทฺเว จ อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติ กาลวเสน เอวํ ปริมาโณ ยถากฺกมํ อคฺคสาวกปจฺเจกพุทฺธานํ ปฺุาณาภินีหาโร, สาวกโพธิปจฺเจกโพธิปารมิตาสมฺภรณฺจ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา…เป… กปฺปสตสหสฺสฺจา’’ติ. ยทิ โพธิสมฺภารสมฺภรณกาลปริจฺฉินฺโน เตสํ เตสํ อริยานํ อภิฺาาณวิภโว, เอวํ สนฺเต พุทฺธานมฺปิสฺส สปริจฺเฉทตา อาปนฺนาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘พุทฺธานํ ปน เอตฺตกนฺติ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ยาวตกํ อากงฺขนฺติ, ตาวตกํ อนุสฺสรนฺตี’’ติ ‘‘ยาวตกํ เนยฺยํ, ตาวตกํ าณ’’นฺติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓, ๕) วจนโต. สพฺพฺุตฺาณสฺส วิย หิ พุทฺธานํ อภิฺาาณานมฺปิ สวิสเย ปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ, ตสฺมา ยํ ¶ ยํ าตุํ อิจฺฉนฺติ, เต ตํ ตํ ชานนฺติ เอว. อถ วา สติปิ กาลปริจฺเฉเท กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหาทินา สาติสยตฺตา มหาโพธิสมฺภารานํ ปฺาปารมิตาย ปวตฺติอานุภาวสฺส ปริจฺเฉโท นาม นตฺถิ, กุโต ตนฺนิมิตฺตกานํ อภิฺาาณานนฺติ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธานํ…เป… นตฺถี’’ติ.
ขนฺธปฏิปาฏิยาติ ¶ ¶ ยถาปจฺจยํ อนุปุพฺพปวตฺตมานานํ ขนฺธานํ อนุปุพฺพิยา. ขนฺธปฺปวตฺตินฺติ เวทนาทิกฺขนฺธปฺปวตฺตึ. เตสฺหิ อนุภวนาทิอาการคฺคหณมสฺส สาติสยํ, ตํ สฺาภเว ตตฺถ ตตฺถ อนุสฺสรณวเสน คเหตฺวา คจฺฉนฺตา เอกโวการภเว อลภนฺตา ‘‘น ปสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตา, ชาเล ปติตา วิย สกุณา, มจฺฉา วิย จาติ อธิปฺปาโย. กุณฺา วิยาติ ทนฺธา วิย. ปงฺคุฬา วิยาติ ปีสปฺปิโน วิย. ทิฏฺึ คณฺหนฺตีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกทิฏฺึ คณฺหนฺติ. ยฏฺิโกฏิเหตุกํ คมนํ ยฏฺิโกฏิคมนํ ขนฺธปฏิปาฏิยา อมฺุจนโต.
เอวํ สนฺเตปีติ กามํ พุทฺธสาวกาปิ อสฺภเว ขนฺธปฺปวตฺตึ น ปสฺสนฺติ, เอวํ สนฺเตปิ เต พุทฺธสาวกา อสฺภวํ ลงฺฆิตฺวา ปรโต อนุสฺสรนฺติ. ‘‘วฏฺเฏ’’ติอาทิ ตถา เตสํ อนุสฺสรณาการทสฺสนํ. พุทฺเธหิ ทินฺนนเย ตฺวาติ ‘‘ยตฺถ ปฺจกปฺปสตานิ รูปปฺปวตฺติเยว, น อรูปปฺปวตฺติ, โส อสฺภโว’’ติ เอวํ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ เทสิตายํ ธมฺมเนตฺติยํ ตฺวา. เอวฺหิ อนฺตรา จุติปฏิสนฺธิโย อปสฺสนฺตา ปรโต อนุสฺสรนฺติ เสยฺยถาปิ อายสฺมา โสภิโตติ (เถรคา. อฏฺ. ๑.๒.๑๖๔ โสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา). โส กิร ปุพฺเพนิวาเส จิณฺณวสี หุตฺวา อนุปฏิปาฏิยา อตฺตโน นิพฺพตฺตฏฺานํ ¶ อนุสฺสรนฺโต ยาว อสฺภเว อตฺตโน อจิตฺตกปฏิสนฺธิ ตาว อทฺทส, ตโต ปรํ ปฺจกปฺปสตปริมาเณ กาเล จุติปฏิสนฺธิโย อทิสฺวา อวสาเน จุตึ ทิสฺวา ‘‘กึ นาเมต’’นฺติ อาวชฺชยมาโน นยวเสน ‘‘อสฺภโว ภวิสฺสตี’’ติ นิฏฺํ อคมาสิ. อถ นํ ภควา ตํ การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. ‘‘จุติปฏิสนฺธึ โอโลเกตฺวา’’ติ อิทํ จุติปฏิสนฺธิวเสน เตสํ าณสฺส สงฺกมนทสฺสนํ, เตน สพฺพโส ภเว อนามสิตฺวา คนฺตุํ น สกฺโกนฺตีติ ทสฺเสติ.
ตํ ตเทว ปสฺสนฺตีติ ยถา นาม สรทสมเย ิตมชฺฌนฺหิกเวลาย จตุรตนิเก เคเห จกฺขุมโต ปุริสสฺส รูปคตํ สุปากฏเมว โหตีติ โลกสิทฺธเมตํ, สิยา ปน ตสฺส สุขุมตรติโรหิตาทิเภทสฺส รูปคตสฺส อโคจรตา. น ตฺเวว พุทฺธานํ าตุํ อิจฺฉิตสฺส เยฺยสฺส อโคจรตา, อถ โข ตํ าณาโลเกน โอภาสิตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย สุปากฏํ สุวิภูตเมว โหติ ¶ ตถา เยฺยาวรณสฺส สุปฺปหีนตฺตา. เตนาห ‘‘พุทฺธา ปน อตฺตนา วา ปเรหิ วา ทิฏฺกตสุตํ, สูริยมณฺฑโลภาสสทิส’’นฺติ จ อาทิ.
ตถา สาวกา จ ปจฺเจกพุทฺธา จาติ. เอตฺถ ตถา-สทฺเทน ‘‘อตฺตนา ทิฏฺกตสุตเมว อนุสฺสรนฺตี’’ติ ¶ อิทํ อุปสํหรติ, เตน สปฺปเทสเมว เนสํ อนุสฺสรณํ, น นิปฺปเทสนฺติ นิทสฺเสติ.
ขชฺโชปนกโอภาสสทิสํ าณสฺส อติวิย อปฺปานุภาวตาย. สาวกานนฺติ เอตฺถ ปกติสาวกานํ ปากติกปทีโปภาสสทิสํ. มหาสาวกานํ (เถรคา. อฏฺ. ๒.๒๑ วงฺคีเสตฺถรคาถาวณฺณนาย วิตฺถาโร) มหาปทีโปภาสสทิสํ. เตนาห วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๒) ‘‘อุกฺกาปภาสทิส’’นฺติ. โอสธิตารโกภาสสทิสนฺติ ¶ อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียติ, โอสธีนํ วา อนุพลปฺปทายกตฺตา ‘‘โอสธี’’ติ เอวํ ลทฺธนามาย ตารกาย ปภาสทิสํ. สรทสูริยมณฺฑโลภาสสทิสํ สพฺพโส อนฺธการวิธมนโต. อปฏุภาวเหตุโก วิสยคฺคหเณ จฺจลภาโว ขลิตํ, กุณฺิภาวเหตุโก วิสยสฺส อนภิสมโย ปฏิฆาโต. อาวชฺชนปฏิพทฺธเมวาติ อาวชฺชนมตฺตาธีนํ, อาวชฺชิตมตฺเต เอว ยถิจฺฉิตสฺส ปฏิวิชฺฌนกนฺติ อตฺโถ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.
อสงฺคอปฺปฏิหตํ ปวตฺตมานํ ภควโต าณํ ลหุตเรปิ วิสเย, ครุตเร จ เอกสทิสเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทุพฺพลปตฺตปุเฏ’’ติอาทินา อุปมาทฺวยํ วุตฺตํ. ธมฺมกายตฺตา ภควโต คุณํ อารพฺภ ปวตฺตา ‘‘ภควนฺตํเยว อารพฺภ อุปฺปนฺนา’’ติ วุตฺตํ. ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ยถาวุตฺตํ สพฺพมฺปิ ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตํ กถํ. ติตฺถิยานํ, สาวกานฺจ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณํ ภควโต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสรณสฺส หีนุทาหรณทสฺสนวเสเนตฺถ กถิตํ. เอวฺหิ ภควโต มหนฺตภาโว วิเสสโต ปกาสิโต โหตีติ. สงฺเขปโตติ สมาสโต. ยตฺตโกปิ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส ปวตฺติเภโท อตฺตโน าณสฺส วิสยภูโต, ตํ สพฺพํ ตทา ยถากถิตํ เต ภิกฺขู สงฺขิปิตฺวา ‘‘อิติปี’’ติ อาหํสุ. ตสฺส จ อเนกาการตาย อาเมฑิตวจนํ, ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, ‘‘อิติ โข ภิกฺขเว สปฺปฏิภโย พาโล’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔; อ. นิ. ๓.๑) วิย อาการตฺโถ อิติ-สทฺโทติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวมฺปี’’ติ ตทตฺถมาห.
๒-๓. วุตฺตเมวาติ ¶ เอตฺถ จ อิธ ปาเ ยํ วตฺตพฺพํ เตน ปาเน สาธารณํ, ตํ วุตฺตเมวาติ อธิปฺเปตํ, น อสาธารณํ อปุพฺพปทวณฺณนาย อธิกตตฺตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ¶ ‘‘อยเมว หิ วิเสโส’’ติอาทิมาห. ‘‘อสฺโสสี’’ติ อิทํ สวนกิจฺจนิปฺผตฺติยา วุตฺตํ สทฺทคฺคหณมุเขน ตทตฺถาวโพธสฺส สิทฺธตฺตา. ตตฺถ ปน ปาฬิยํ ‘‘อิมํ สํขิยธมฺมํ วิทิตฺวา’’ อิจฺเจว (ที. นิ. ๑.๒) วุตฺตํ. อิเม ภิกฺขู มม คุเณ โถเมนฺติ, กถํ? มม ปุพฺเพนิวาสาณํ อารพฺภาติ โยชนา. นิปฺผตฺตินฺติ กิจฺจนิปฺผตฺตึ, เตน กาตพฺพกิจฺจสิทฺธนฺติ อตฺโถ. โนติ ปุจฺฉาวาจี ¶ นุ-อิติ อิมินา สมานตฺโถ นิปาโตติ วุตฺตํ ‘‘อิจฺเฉยฺยาถ นู’’ติ. นนฺติ ภควนฺตํ. ‘‘ยํ ภควา’’ติ เอตฺถ ยํ-สทฺเทน กิริยาปรามสนภูเตน ‘‘ธมฺมึ กถํ กเถยฺยา’’ติ เอวํ วุตฺตํ. ธมฺมิกถากรณํ ปรามฏฺํ ‘‘เอตสฺสา’’ติ ปทสฺส อตฺโถติ อาห ‘‘เอตสฺส ธมฺมิกถากรณสฺสา’’ติ, อาทรวเสน ปน ตํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ.
๔. สุณาถาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เอเตน ‘‘มนสิ กโรถา’’ติ ปทํ สงฺคณฺหาติ. โสตาวธานํ โสตสฺส โอทหนํ, สุสฺสูสาติ อตฺโถ. ฉินฺนํ อุปจฺฉินฺนํ วฏุมํ สํสารวฏฺฏํ เอเตสนฺติ ฉินฺนวฏุมกา, สมฺมาสมฺพุทฺธา, อฺเ จ ขีณาสวา, อิธ ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา อธิปฺเปตา. เตสฺหิ สพฺพโส อนุสฺสรณํ อิตเรสํ อวิสโย. เตนาห ‘‘อฺเสํ อสาธารณ’’นฺติ. ปจฺจตฺตวจเน ทิสฺสติ ยํ-สทฺโท กมฺมตฺถทีปนโต. อุปโยควจเน ทิสฺสติ ยํ-สทฺโท ปุจฺฉนกิริยาย กมฺมตฺถทีปนโต. ตนฺติ จ อุปโยควจนเมว ปุจฺฉติ-สทฺทสฺส ทฺวิกมฺมกภาวโต. ยนฺติ เยน การเณนาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘กรณวจเน ทิสฺสตี’’ติ. ภุมฺเมติ ทฏฺพฺโพติ ยถา ยํ-สทฺโท น เกวลํ ปจฺจตฺตอุปโยเคสุ เอว, อถ โข กรเณปิ ทิสฺสติ, เอวํ อิธ ภุมฺเมติ ทฏฺพฺโพ. ทสสหสฺสิโลกธาตุนฺติ ชาติกฺเขตฺตภูตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬํ. อุนฺนาเทนฺโต อุปฺปชฺชิ ¶ อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฏิมณฺฑิตตฺตา พุทฺธุปฺปาทสฺส.
กาลสฺส ภทฺทตา นาม ตตฺถ สตฺตานํ คุณวิภูติยา, พุทฺธุปฺปาทปรมา จ คุณวิภูตีติ ตพฺพหุลตา ยสฺส กปฺปสฺส ภทฺทตาติ อาห ‘‘ปฺจพุทฺธุปฺปาทปฏิมณฺฑิตตฺตา สุนฺทรกปฺเป’’ติ, ตถา สารภูตคุณวเสน ‘‘สารกปฺเป’’ติ ¶ . ‘‘อิมํ กปฺปํ โถเมนฺโต เอวมาหา’’ติ วตฺวา อิมสฺส กปฺปสฺส ตถา โถเมตพฺพตา อนฺสาธารณาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยโต ปฏฺายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยโต ปฏฺายาติ ยโต ปภุติ อภินีหาโร กโตติ มนุสฺสตฺตาทิอฏฺงฺคสมนฺนาคโต อภินีหาโร ปวตฺติโต. สํสารสฺส อนาทิภาวโต อิมสฺส ภควโต อภินีหารโต ปุเรตรํ อุปฺปนฺนา สมฺมาสมฺพุทฺธา อนนฺตา อปริเมยฺยาติ เตหิ อุปฺปนฺนกปฺเป นิวตฺเตนฺโต ‘‘เอตสฺมึ อนฺตเร’’ติ อาห. กามํ ทีปงฺกรพุทฺธุปฺปาเท อยํ ภควา อภินีหารมกาสิ, ตสฺส ปน ภควโต นิพฺพตฺติ อิมสฺส อภินีหารโต ปุริมตราติ วุตฺตํ ‘‘อมฺหากํ…เป… นิพฺพตฺตึสู’’ติ.
อสงฺขฺเยยฺยกปฺปปริโยสาเนติ มหากปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยปริโยสาเน. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. ‘‘อิโต ตึสกปฺปสหสฺสานํ อุปรี’’ติ เอเตน ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต, สุเมธสฺส จ ภควโต อนฺตเร เอกูนสตฺตติกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธสฺุานิ อเหสุนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘อิโต อฏฺารสนฺนํ กปฺปสหสฺสานํ อุปรี’’ติ อิมินา สุชาตสฺส ภควโต, อตฺถทสฺสิสฺส จ ภควโต อนฺตเร ¶ เอเกนูนานิ ทฺวาทสกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธสฺุานิ อเหสุนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘อิโต จตุนวุเต กปฺเป’’ติ อิมินา ธมฺมทสฺสิสฺส ภควโต, สิทฺธตฺถสฺส จ ภควโต อนฺตเร ฉาธิกนวสตุตฺตรานิ สตฺตรสกปฺปสหสฺสานิ พุทฺธสฺุานิ อเหสุนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘เอกตึเส กปฺเป’’ติ อิมินา วิปสฺสิสฺส ภควโต, สิขิสฺส จ ภควโต อนฺตเร สฏฺิ กปฺปานิ พุทฺธสฺุานิ อเหสุนฺติ ทสฺเสติ. เต สพฺเพปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต โอรํ สุเมธาทีหิ อุปฺปนฺนกปฺเปหิ สทฺธึ สโมธานิยมานา สตสหสฺสา กปฺปา โหนฺติ, ยตฺถ มหาสาวกาทโย (เถรคา. อฏฺ. ๒.๒๑ วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนา) วิวฏฺฏู ปนิสฺสยานิ ¶ กุสลานิ สมฺภรึสุ. พุทฺธสฺุเปิ โลเก ปจฺเจกพุทฺธา อุปฺปชฺชิตฺวา เตสํ ปุริสวิเสสานํ ปฺุาภิสนฺทาภิพุทฺธิยา ปจฺจยา โหนฺติ. ‘‘เอวมย’’นฺติอาทิ วุตฺตเมวตฺถํ นิคมนวเสน วทติ.
‘‘กึ ปเนต’’นฺติอาทิ ปุพฺพนิมิตฺตวิภาวนตฺถาย อารทฺธํ. ตตฺถ เอตนฺติ พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนํ. กปฺปสณฺานกาลสฺมินฺติ วิวฏฺฏกปฺปสฺส สณฺหนกาเล. เอกมสงฺขฺเยยฺยนฺติ สํวฏฺฏฏฺายึ สนฺธายาห. เอกงฺคณํ หุตฺวา ิเตติ ปพฺพตรุกฺขคจฺฉาทีนํ, เมฆาทีนฺจ อภาเวน วิวฏํองฺคณํ หุตฺวา ิเต. โลกสนฺนิวาเสติ ¶ ภาชนโลเกน สนฺนิวิสิตพฺพฏฺาเน. วีสติ ยฏฺิโย อุสภํ. ‘‘อุสภมตฺตา, ทฺเว อุสภมตฺตา’’ติอาทินา ปจฺเจกํ มตฺตา-สทฺโท โยเชตพฺโพ. โยชนสหสฺสมตฺตา หุตฺวาติ ปตมานาว อุทกธารา โยชนสหสฺสมตฺตํ อากาสฏฺานํ ผริตฺวา ปวตฺติยา โยชนสหสฺสมตฺตา หุตฺวา. ยาว อวินฏฺพฺรหฺมโลกาติ ยาว อาภสฺสรพฺรหฺมโลกา, ยาว สุภกิณฺหพฺรหฺมโลกา, ยาว เวหปฺผลพฺรหฺมโลกาติ อตฺโถ.
วาตวเสนาติ สฏฺิสหสฺสาธิกนวโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสฺส สนฺธารกวาตมณฺฑลสฺส วเสน. มหาโพธิปลฺลงฺโกติ มหาโพธิปลฺลงฺกปฺปเทสมาห. ตสฺส ปจฺฉา วินาโส, ปมํ สณฺหนฺจ ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺพํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปเทเส. ปุพฺพนิมิตฺตํ หุตฺวาติ พุทฺธปฺปาทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ หุตฺวา. ปุพฺพนิมิตฺตสนฺนิสฺสโย หิ คจฺโฉ นิสฺสิตโวหาเรน ตถา วุตฺโต. เตนาห ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ. กณฺณิกาพทฺธานิ หุตฺวาติ อาพทฺธกณฺณิกา วิย หุตฺวา. สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน อตฺตมนา…เป… คจฺฉนฺตีติ โยชนา. เวหปฺผเลปิ สุภกิณฺเห สงฺคเหตฺวา ‘‘นว พฺรหฺมโลกา’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ เต ¶ จตุตฺถึเยว วิฺาณฏฺิตึ ภชนฺติ. นิกฺขมนฺเตสูติ มหาภินิกฺขมนํ อภินิกฺขมนฺเตสุ. อภิชาติ ปเนตฺถ ชาติภาวสามฺเน คพฺโภกฺกนฺติยาว สงฺคหิตา. นิมียติ อนุมียติ ผลํ เอเตนาติ นิมิตฺตํ, การณํ. าปกมฺปิ หิ การณํ ทิสฺวา ตสฺส อพฺยภิจารีภาเวน ผลํ สิทฺธเมว กตฺวา คณฺหิ, ยถา ตํ อสิโต อิสิ อภิชาติยํ มหาปุริสสฺส ลกฺขณานิ ทิสฺวา เตสํ อพฺยภิจารีภาเวน พุทฺธคุเณ สิทฺเธ เอว กตฺวา คณฺหิ, เอวํ ¶ ปน คยฺหมานํ ตนฺนิมิตฺตกํ ผลํ ตทานุภาเวน สิทฺธํ วิย โวหรียติ ตพฺภาเว ภาวโต. เตนาห ‘‘เตสํ นิมิตฺตานํ อานุภาเวนา’’ติอาทิ. ตถา จาห ภควา ‘‘โส เตน ลกฺขเณน สมนฺนาคโต…เป… ราชา สมาโน กึ ลภติ, พุทฺโธ สมาโน กึ ลภตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๐๒, ๒๐๔) จ เอวมาทิ. อิมมตฺถนฺติ ปฺจ พุทฺธา อิมสฺมึ กปฺเป อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ อิมมตฺถํ ยาถาวโต ชานึสุ.
ชาติปริจฺเฉทาทิวณฺณนา
๕-๗. กปฺปปริจฺเฉทวเสนาติ ¶ ‘‘อิโต โส เอกนวุเต กปฺเป’’ติอาทินา ยตฺถ ยตฺถ กปฺเป เต เต พุทฺธา อุปฺปนฺนา, ตสฺส ตสฺส กปฺปสฺส ปริจฺฉินฺทนวเสน ปริชานนวเสน. ‘‘อิทํ ต’’นฺติ หิ นิยเมตฺวา ปริจฺฉิชฺช ชานนํ ปริจฺฉินฺทนํ ปริจฺเฉโท. ปริตฺตนฺติ อิตฺตรํ. ลหุกนฺติ สลฺลหุกํ, อายุโน อธิปฺเปตตฺตา รสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘อุภยเมตํ อปฺปกสฺเสว เววจน’’นฺติ.
‘‘อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ อวิเสสโชตนํ ‘‘วีสํ วา ตึสํ วา’’ติอาทินา อนิยมิตวเสเนว ยถาลาภโต ¶ ววตฺถเปตฺวา อยฺจ นโย อปจุโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ ทีฆายุโก ปน อติทุลฺลโภ’’ติ อาห. อิทํ ตํ วิเสสววตฺถาปนํ ปุคฺคเลสุ ปกฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ วิสาขา’’ติอาทิมาห.
ยทิ เอวํ กสฺมา อมฺหากํ ภควา ตตฺตกมฺปิ กาลํ น ชีวิ, นนุ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว อติวิยอุฬารตเมน ปฺุาภิสงฺขาเรน ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตีติ? สจฺจเมตนฺติ. ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปสฺสีอาทโย ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิชาติยา เมตฺตาานตาย อภิสงฺขารวิฺาณสฺส เมตฺตาปุพฺพภาคตา. ตทนุคุณฺหิ เตสํ วิเสสโต ปฏิสนฺธิวิฺาณํ. ตสฺส วิเสสโต พหุลํ เขมวิตกฺกูปนิสฺสยตาย โสมนสฺสสหคตตา, อนฺสาธารณปโรปเทสรหิตาณวิเสสูปนิสฺสยตาย าณสมฺปยุตฺตตา, อสงฺขาริกตา จ เวทิตพฺพา, อสงฺขฺเยยฺยํ อายุ อาธารวิเสสโต, นิสฺสยวิเสสโต, ปฏิปกฺขทูรีภาวโต, ปวตฺติอาการวิเสสโต จ อปริเมยฺยานุภาวตาย การณสฺส. ตตฺถ จิรตรํ กาลํ สนฺตานสฺส ปารมิตาปริภาวิตตา อาธารวิเสสตา. อโลภชฺฌาสยาทิอาสยสมฺปทา นิสฺสยวิเสสตา. ลาภมจฺฉริยาทิปาปธมฺมวิกฺขมฺภนํ ปฏิปกฺขทูรีภาโว. สพฺพสตฺตานํ สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณตฺถาย อายูหนา ปวตฺติอาการวิเสโส เวทิตพฺโพ.
อยฺจ ¶ นโย สพฺเพสํ มหาโพธิสตฺตานํ จริมภวาภินิพฺพตฺตกกมฺมายูหเน สาธารโณติ ตสฺส ผเลนาปิ เอกสทิเสเนว ภวิตพฺพนฺติ ¶ อาห ‘‘อิติ สพฺเพ พุทฺธา อสงฺขฺเยยฺยายุกา’’ติ, อสงฺขฺเยยฺยกาลาวตฺถานายุกาติ อตฺโถ. อสงฺขฺเยยฺยายุกสํวตฺตนสมตฺถํ ปริจิตํ กมฺมํ โหติ, พุทฺธา ปน ตทา มนุสฺสานํ ¶ ปรมายุปฺปมาณานุรูปเมว กาลํ ตฺวา ปรินิพฺพายนฺติ ตโต ปรํ ตฺวา สาเธตพฺพปโยชนาภาวโต, ธมฺมตาเวสาติ วา เวทิตพฺพา. อฏฺกถายํ ปน ตโต ปรํ ปน อฏฺานสฺส ‘‘อุตุโภชนวิปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๕) การณํ วุตฺตํ, ‘‘ตํ โลกสาธารณํ โลเก ชาตสํวุทฺธานํ ตถาคตานํ น โหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ. ตถา หิ เนสํ โรคกิลมถาทโย โหนฺติเยว. อุตุโภชนวเสนาติ อสมฺปนฺนสฺส, สมฺปนฺนสฺส จ อุตุโน, โภชนสฺส จ วเสน ยถากฺกมํ อายุ หายติปิ วฑฺฒติปิ. อายูติ จ ปรมายุ อธิปฺเปตํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลาทิฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐) วุตฺตเมว.
อิทานิ ตมตฺถํ สมุทาคมโต ปฏฺาย ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ยทา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธมฺเม นิยุตฺตา ธมฺมิกา, น ธมฺมิกา อธมฺมิกา, หึสาทิอธมฺมปสุตา. อธมฺมิกเมว โหติ อิสฺสรชนานํ อนุวตฺตเนน, ปเรสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเนน จ. อุณฺหวลาหกา เทวตาติ อุณฺหอุตุโน ปจฺจยภูตเมฆมาลาสมุฏฺาปกา เทวปุตฺตา. เตสํ กิร ตถา จิตฺตุปฺปาทสมกาลเมว ยถิจฺฉิตฏฺานํ อุณฺหํ ผรมานา วลาหกมาลา นาติพหลา อิโต จิโต นภํ ฉาเทนฺตี วิตโนติ. เอส นโย สีตวลาหกวสฺสวลาหกาสุ. อพฺภวลาหกา ปน เทวตา สีตุณฺหวสฺเสหิ วินา เกวลํ อพฺภปฏลสฺเสว สมุฏฺาปกา เวทิตพฺพา. ตาสนฺติ เอตฺถ ‘‘มิตฺตา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยชนา. กามํ เหฏฺา วุตฺตา สตฺตวิธาปิ เทวตา จาตุมหาราชิกาว ตา ปน เตน เตน วิเสเสน วตฺวา อิทานิ ตทฺเ ปมภูมิเก กามาวจรเทเว สามฺโต คณฺหนฺโต ‘‘จาตุมหาราชิกา’’ติ อาห. ตาสํ อธมฺมิกตายาติ ราชูนํ อธมฺมิกภาวมูลเกน อุปราชาทิอธมฺมิกภาวปรมฺปราภเตน ตาสํ เทวตานํ อธมฺมิกภาเวน. วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺตีติ ¶ พหฺวาพาธตาทิ อนิฏฺผลูปนิสฺสยภูตสฺส ยถาวุตฺตอธมฺมิกตาสฺิตสฺส สาธารณสฺส ปาปกมฺมสฺส พเลน วิสมํ วายนฺเตน วายุนา ปีฬิยมานา จนฺทิมสูริยา สิเนรุํ ปริกฺขิปนฺตา วิสมํ ปริวตฺตนฺติ ยถามคฺเคน นปฺปวตฺตนฺตีติ ¶ . อสฺสิทํ ยถา จนฺทิมสูริยานํ วิสมปริวตฺตนํ วิสมวาตสงฺโขภเหตุกํ, เอวํ อุตุวสฺสาทิวิสมปฺปวตฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘วาโต ยถามคฺเคน น วายตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เทวตานนฺติ สีตวลาหกเทวตาทิเทวตานํ. เตนาห ‘‘สีตุณฺหเภโท อุตู’’ติอาทิ. ตสฺมึ อสมฺปชฺชนฺเตติ ตสฺมึ ยถาวุตฺเต วสฺสพีชภูเต อุตุมฺหิ ยถากาลํ สมฺปตฺตึ อนุปคจฺฉนฺเต.
‘‘น ¶ สมฺมา เทโว วสฺสตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘กทาจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กทาจิ วสฺสตีติ กทาจิ อวสฺสนกาเล วสฺสติ. กทาจิ น วสฺสตีติ กทาจิ วสฺสิตพฺพกาเล น วสฺสติ. กตฺถจิ วสฺสติ, กตฺถจิ น วสฺสตีติ ปเทสมาห. ‘‘วสฺสนฺโตปี’’ติอาทิ ‘‘กทาจิ วสฺสติ, กทาจิ น วสฺสตี’’ติ ปททฺวยสฺเสว อตฺถวิวรณํ. วิคตคนฺธวณฺณรสาทีติ อาทิ-สทฺเทน นิโรชตํ สงฺคณฺหาติ. เอกสฺมึ ปเทเสติ ภตฺตปจนภาชนสฺส เอกปสฺเส. อุตฺตณฺฑุลนฺติ ปากโต อุกฺกนฺตตณฺฑุลํ. ตีหากาเรหีติ สพฺพโส อปริณตํ, เอกเทเสน ปริณตํ, ทุปริณตฺจาติ เอวํ ตีหากาเรหิ. ปจฺจติ ปกฺกาสยํ อุปคจฺฉติ. อปฺปายุกาติ เอตฺถ ‘‘ทุพฺพณฺณา จา’’ติปิ วตฺตพฺพํ. เอวํ อุตุโภชนวเสน อายุ หายติ เหตุมฺหิ อปริกฺขีเณปิ ปจฺจยสฺส ปริทุพฺพลตฺตา.
‘‘ยทา ปนา’’ติอาทิ สุกฺกปกฺขสฺส อตฺโถ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ.
วฑฺฒิตฺวา ¶ วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? น หิ เอกสฺมึ อนฺตรกปฺเป อเนเก พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, เอโก เอว ปน อุปฺปชฺชตีติ. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. จตฺตาริ ตฺวาติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. ยํยํอายุปริมาเณสูติ ยตฺตกยตฺตกปรมายุปฺปมาเณสุ. เตสมฺปีติ พุทฺธานํ. ตํ ตเทว อายุปริมาณํ โหติ, ตตฺถ การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
ชาติปริจฺเฉทาทิวณฺณนา นิฏฺิตา
โพธิปริจฺเฉทวณฺณนา
๘. มูเลติ ¶ มูลาวยวสฺส สมีเป. ตํ ปน ตสฺสา เหฏฺาปเทโส โหตีติ อาห ‘‘ปาฏลิรุกฺขสฺส เหฏฺา’’ติ. ตํทิวสนฺติ อตฺตนา ชาตทิวเส, ตํทิวสนฺติ วา ตํ ภควโต อภิสมฺโพธิทิวเส. โส กิร โพธิรุกฺโข สาลกลฺยาณี วิย ปถวิยา อพฺภนฺตเร เอว ปุเรตรํ วฑฺเฒนฺโต อภิสมฺโพธิทิวเส ปถวึ อุพฺภิชฺชิตฺวา อุฏฺิโต รตนสตํ อุจฺโจ, ตาวเทว จ วิตฺถโต หุตฺวา นภํ ปูเรนฺโต อฏฺาสิ. อยมฺปิ กิเรตสฺส รุกฺขภาเวน วิย อฺเหิ เวมตฺตตา. ฆนสํหตนาฬวณฺฏตาย กณฺณิกพทฺเธหิ วิย ปุปฺเผหิ. เอกสฺฉนฺนาติ ปุปฺผานํ นิรนฺตรตาย ¶ เอกชฺฌํ สฺฉนฺนา, ตตฺถ ตตฺถ นิพทฺธ…เป… สมุชฺชลนฺติ ตหํ ตหํ โอลมฺพิตกุสุมทาเมหิ เจว ตหํ ตหํ ขิตฺตมาลาปิณฺฑีหิ จ อิโต จิโต วิปฺปกิณฺณวิวิธวณฺฏมุตฺตปุปฺเผหิ จ สมฺมเทว อุชฺชลํ. อฺมฺํ สิรีสมฺปตฺตานีติ อฺมฺสฺส สิริยา โสภาย สมฺปนฺนานิ. พุทฺธคุณวิภวสิรินฺติ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อภิคนฺตพฺพคุณวิภูติโสภํ. ปฏิวิชฺฌมาโนติ อธิคจฺฉนฺโต.
เสตมฺพรุกฺโขติ เสตวณฺณผโล อมฺพรุกฺโข. ตเทวาติ ¶ ปาฏลิยา วุตฺตปฺปมาณเมว. เอกโตติ เอกปสฺเส. สุรสานีติ สุมธุรรสานิ.
เอโกว ปลฺลงฺโกติ เอโกว ปลฺลงฺกปฺปเทโส. โส โส รุกฺโข ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ พุชฺฌนฺติ เอตฺถาติ กตฺวา.
สาวกยุคปริจฺเฉทวณฺณนา
๙. สาวกปริจฺเฉเทติ สาวกยุคปริจฺเฉเท. ‘‘ขณฺฑติสฺส’’นฺติ ทฺเวปิ เอกชฺฌํ คเหตฺวา เอกตฺตวเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ขณฺโฑ จ ติสฺโส จา’’ติ, พุทฺธานํ สโหทโร, เวมาติโกปิ วา เชฏฺภาตา น โหตีติ ‘‘เอกปิติโก กนิฏฺภาตา’’ติ วุตฺตํ. อวเสเสหิ ปุตฺเตหิ. ‘‘ปฺาปารมิยา มตฺถกํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา ตสฺส มตฺถกปฺปตฺตํ คุณวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘สิขินา ภควตา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อุตฺตโรติ อุตฺตโม. ปุน อุตฺตโรติ เถรํ นาเมน วทติ. ปารนฺติ ปรโกฏิมตฺถกํ. ปฺาวิสเยติ ปฺาธิกาเร. ปวตฺติฏฺานวเสน หิ ปวตฺตึ วทติ.
สาวกสนฺนิปาตปริจฺเฉทวณฺณนา
๑๐. อุโปสถนฺติ ¶ อาณาปาติโมกฺขํ. ทุติยตติเยสูติ ทุติเย, ตติเย จ สาวกสนฺนิปาเต. เอเสว นโยติ จตุรงฺคิกตํ อติทิสติ. อภินีหารโต ปฏฺาย วตฺถุํ กเถตฺวา ปพฺพชฺชา ทีเปตพฺพา, สา ปน ยสฺมา มโนรถปูรณิยํ องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๑) วิตฺถารโต อาคตา, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ.
อุปฏฺากปริจฺเฉทวณฺณนา
๑๑. นิพทฺธุปฏฺากภาวนฺติ ¶ อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว ปรินิพฺพานา นิยตอุปฏฺากภาวํ. อนิยตุอุปฏฺากา ปน ภควโต ปมโพธิยํ พหู อเหสุํ. เตนาห ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. อิทานิ อานนฺทตฺเถโร เยน การเณน สตฺถุ นิพทฺธุปฏฺากภาวํ อุปคโต, ยถา จ อุปคโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ เอกทา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อหํ อิมินา มคฺเคน คจฺฉามี’’ติ อาห อนยพฺยสนาปาทเกน กมฺมุนา โจทิยมาโน ¶ . อถ นํ ภควา ตมตฺถํ อนาโรเจตฺวาว เขมํ มคฺคํ สนฺธาย ‘‘เอหิ ภิกฺขุ อิมินา คจฺฉามา’’ติ อาห. กสฺมา ปนสฺส ภควา ตมตฺถํ นาโรเจสีติ? อาโรจิเตปิ อสทฺทหนฺโต นาทิยิสฺสติ. ตฺหิ ตสฺส โหติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติติ. เตติ เต คมนํ, ‘‘ต’’นฺติ วา ปาโ.
อนฺวาสตฺโตติ อนุพทฺโธ, อุปทฺทุโต วา. ธมฺมคารวนิสฺสิโต สํเวโค ธมฺมสํเวโค ‘‘อมฺเหสุ นาม ติฏฺนฺเตสุ ภควโตปิ อีทิสํ ชาต’’นฺติ. ‘‘อหํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วทนฺโต ธมฺมเสนาปติ อตฺถโต เอวํ วทนฺโต นาม โหตีติ ‘‘อหํ ภนฺเต ตุมฺเห’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสฺุาเยว เม สา ทิสาติ อสฺุาเยว มม สา ทิสา. ตตฺถ การณมาห ‘‘ตว โอวาโท พุทฺธานํ โอวาทสทิโส’’ติ.
วสิตุํ น ทสฺสตีติ เอกคนฺธกุฏิยํ วาสํ น ลภิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. ปรมฺมุขา เทสิตสฺสาปิ ธมฺมสฺสาติ สุตฺตนฺตเทสนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อภิธมฺมเทสนา ปนสฺส ปรมฺมุขาว ปวตฺตา ปเคว ยาจนาย. ตสฺสา วาจนามคฺโคปิ สาริปุตฺตตฺเถรปฺปภโว. กสฺมา? โส นิทฺเทสปฏิสมฺภิทา วิย ¶ เถรสฺส ภิกฺขุโต คหิตธมฺมกฺขนฺธปกฺขิโย. อปเร ปน ‘‘ธมฺมภณฺฑาคาริโก ปฏิปาฏิยา ติกทุเกสุ เทวสิกํ กโตกาโส ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิ, ภควาปิสฺส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ นยทานวเสน วิสฺสชฺเชสิ. เอวํ อภิธมฺโมปิ สตฺถารา ปรมฺมุขา เทสิโตปิ เถเรน สมฺมุขา ปฏิคฺคหิโตว อโหสี’’ติ วทนฺติ. สพฺพํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
อคฺคุปฏฺาโกติ อุปฏฺาเน สกฺกจฺจการิตาย อคฺคภูโต อุปฏฺาโก. เถโร หิ อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย ภควนฺตํ ทุวิเธน อุทเกน, ติวิเธน ทนฺตกฏฺเน, ปาทปริกมฺเมน, คนฺธกุฏิปริเวณสมฺมชฺชเนนาติ เอวมาทีหิ กิจฺเจหิ อุปฏฺหนฺโต ‘‘อิมาย นาม เวลาย สตฺถุ อิทํ นาม ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิทํ นาม กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ ตํ ตํ นิปฺผาเทนฺโต มหตึ ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา เอกรตฺตึ คนฺธกุฏิปริเวณํ นว วาเร อนุปริยายติ. เอวํ หิสฺส อโหสิ ¶ ‘‘สเจ เม ถินมิทฺธํ โอกฺกเมยฺย, ภควติ ปกฺโกสนฺเต ปฏิวจนํ ทาตุํ นาหํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ, ตสฺมา สพฺพรตฺตึ ทณฺฑทีปิกํ หตฺเถน น มฺุจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อคฺคุปฏฺาโก’’ติ.
๑๒. ปิตุมาตุชาตนครปริจฺเฉโท ปิตุมุเขน อาคตตฺตา ‘‘ปิติปริจฺเฉโท’’ติ วุตฺโต.
วิหารํ ปาวิสีติ คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. เอตฺตกํ กเถตฺวาติ กปฺปปริจฺเฉทาทินววารปฏิมณฺฑิตํ วิปสฺสีอาทีนํ สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ ปุพฺเพนิวาสปฏิสํยุตฺตํ เอตฺตาวตา เทสนํ เทเสตฺวา. กสฺมา ปเนตฺถ ภควา วิปสฺสีอาทีนํ สตฺตนฺนํเยว พุทฺธานํ ปุพฺเพนิวาสํ กเถสิ, น พุทฺธวํสเทสนายํ (พุ. วํ. ๖๔ คาถาทโย) วิย ปฺจวีสติยา พุทฺธานํ, ตโต วา ปน ภิยฺโยติ? อนธิการโต, ปโยชนาภาวโต จ. พุทฺธวํสเทสนายฺหิ (พุ. วํ. ๗๕) –
‘‘กีทิโส เต มหาวีร, อภินีหาโร นรุตฺตม;
กมฺหิ กาเล ตยา วีร, ปตฺถิตา โพธิมุตฺตมา’’ติ. อาทินา –
ปวตฺตํ ตํ ปุจฺฉํ อธิการํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปาทมูเล อตฺตนา มหาภินีหาโร กโต, ตํ ทีปงฺกรํ ภควนฺตํ อาทึ กตฺวา เยสํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติกา โพธิยา ลทฺธพฺยากรโณ หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปารมิโย ปูเรสิ, เตสํ ปฏิปตฺติสงฺขาโต ปุพฺเพนิวาโส, อตฺตโน จ ปฏิปตฺติ กถิตา, อิธ ปน ตาทิโส อธิกาโร นตฺถิ ¶ , เยน ทีปงฺกรโต ปฏฺาย, ตโต วา ปน ปุรโต พุทฺเธ อารพฺภ ปุพฺเพนิวาสํ กเถยฺย. ตสฺมา น เอตฺถ พุทฺธวํสเทสนายํ วิย ปุพฺเพนิวาโส วิตฺถาริโต. ยสฺมา จ พุทฺธานํ เทสนา นาม เทสนาย ภาชนภูตานํ ปุคฺคลานํ าณพลานุรูปา, น อตฺตโน าณพลานุรูปา, ตสฺมา ตตฺถ อคฺคสาวกานํ, มหาสาวกานํ, (เถรคา. อฏฺ. ๒.๒๑ วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนา) ตาทิสานฺจ ¶ เทวพฺรหฺมานํ วเสน เทสนา วิตฺถาริตา. อิธ ปน ปกติสาวกานํ, ตาทิสานฺจ เทวตานํ วเสน ปุพฺเพนิวาสํ กเถนฺโต สตฺตนฺนเมว พุทฺธานํ ปุพฺเพนิวาสํ กเถสิ. ตถา หิ เน ภควา ปโลภนวเสน สมุตฺเตเชตุํ สปฺปปฺจตาย กถาย เทสนํ มตฺถกํ อปาเปตฺวาว คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ตถา จ อิมิสฺสา เอว เทสนาย อนุสารโต อาฏานาฏิยปริตฺต- (ที. นิ. ๓.๒๗๕) เทสนาทโย ปวตฺตา.
อปิเจตฺถ ¶ ภควา อตฺตโน สุทฺธาวาสจาริกาวิภาวินิยา อุปริเทสนาย สงฺคหตฺถํ วิปสฺสีอาทีนํ เอว สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปุพฺเพนิวาสํ กเถสิ. เตสํเยว หิ สาวกา ตทา เจว เอตรหิ จ สุทฺธาวาสภูมิยํ ิตา, น อฺเสํ ปรินิพฺพุตตฺตา. ‘‘สิทฺธตฺถติสฺสผุสฺสานํ กิร พุทฺธานํ สาวกา สุทฺธาวาเสสุ อุปปนฺนา อุปปตฺติสมนนฺตรเมว อิมสฺมึ สาสเน อุปกาทโย วิย อรหตฺตํ อธิคนฺตฺวา นจิรสฺเสว ปรินิพฺพายึสุ, น ตตฺถ ตตฺถ ยาวตายุกํ อฏฺํสู’’ติ วทนฺติ. ตถา เยสํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปฏิเวธสาสนํ เอกํสโต นิจฺฉเย น อชฺชาปิ ธรติ, น อนฺตรหิตํ, เต เอว กิตฺเตนฺโต วิปสฺสีอาทีนํเยว ภควนฺตานํ ปุพฺเพนิวาสํ อิมสฺมึ สุตฺเต กเถสิ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน. อปุพฺพาจริมนิยโม ปน อปราปรํ สํสรณกสตฺตวาสวเสน เอกิสฺสา โลกธาตุยา อิจฺฉิโตติ น เตเนตํ วิรุชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ. นิรนฺตรํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาติ อภิชาติโต ปฏฺาย ยาว ปาติโมกฺขุทฺเทโส ยาว ตา พุทฺธกิจฺจสิทฺธิ, ตาว มตฺถกํ สิขํ ปาเปตฺวา. น ตาว กถิโตติ โยชนา.
ตนฺตินฺติ ธมฺมตนฺตึ, ปริยตฺตินฺติ อตฺโถ. ปุตฺตปุตฺตมาตุยานวิหารธนวิหารทายกาทีนํ สมฺพหุลานํ อตฺถานํ วิภาวนวเสน ปวตฺตวาโร สมฺพหุลวาโร.
สมฺพหุลวารวณฺณนา
กามฺจายํ ¶ ปาฬิยํ อนาคโต, อฏฺกถาสุ อาคตตฺตา ปน อาเนตฺวา ¶ ทีเปตพฺโพติ ตํ ทีเปนฺโต ‘‘สพฺพโพธิสตฺตานฺหี’’ติอาทิมาห. กุลวํโส กุลานุกฺกโม. ปเวณีติ ปรมฺปรา. ‘‘กสฺมา’’ติ ปุตฺตุปฺปตฺติยา การณํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘สพฺพฺุโพธิสตฺตานฺหี’’ติอาทิมาห, เตน เตสํ ชาตนคราทิ ปฺายมานํ เอกํสโต มนุสฺสภาวสฺชานนตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา ยถาธิปฺเปตพุทฺธกิจฺจสิทฺธิ เอว น สิยาติ ทสฺเสติ, ยโต มหาสตฺตานํ จริมภเว มนุสฺสโลเก เอว ปาตุภาโว, น อฺตฺถ.
สมฺพหุลปริจฺเฉทวณฺณนา
จนฺทาทีนํ โสภาวิเสสํ รเหติ จชาเปตีติ ราหุ, ราหุคฺคโห, อิธ ปน ราหุ วิยาติ ราหุ. พนฺธนนฺติ จ อนตฺถุปฺปตฺติฏฺานตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตถา มหาสตฺเตน วุตฺตวจนเมว คเหตฺวา กุมารสฺส ‘‘ราหุโล’’ติ นามํ อกํสุ. อถาติ นิปาตมตฺตํ. โรจินีติ โรจนสีลา, อุชฺชลรูปาติ ¶ อตฺโถ. รุจคฺคตีติ รุจํ ปภาตํ อาคติภูตา, ค-การาคมํ กตฺวา วุตฺตํ. อิตฺถิรตนภาวโต มนุสฺสโลเก สพฺพาสํ อิตฺถีนํ พิมฺพปฏิจฺฉนฺนภูตาติ พิมฺพา.
ฌานา วุฏฺายาติ ปาทกชฺฌานโต อุฏฺาย.
อฏฺงฺคุลุพฺเพธาติ อฏฺงฺคุลปฺปมาณพหลภาวา. จูฬํเสน ฉาเทตฺวาติ ติริยภาเคน ปนวเสน สพฺพํ วิหารฏฺานํ ฉาเทตฺวา. สุวณฺณยฏฺิผาเลหีติ ผาลปฺปมาณาหิ สุวณฺณยฏฺีหิ. สุวณฺณหตฺถิปาทานีติ ปกติหตฺถิปาทปริมาณานิ สุวณฺณขณฺฑานิ. วุตฺตนเยเนวาติ จูฬํเสเนว. สุวณฺณกฏฺฏีหีติ สุวณฺณขณฺเฑหิ. สลกฺขณานนฺติ ลกฺขณสมฺปนฺนานํ สหสฺสารานํ.
โพธิปลฺลงฺโกติ อภิสมฺพุชฺฌนกาเล นิสชฺชฏฺานํ. อวิชหิโตติ ¶ พุทฺธานํ ตถานิสชฺชาย อนฺตฺถภาวีภาวโต อปริจฺจตฺโต. เตนาห ‘‘เอกสฺมึเยว าเน โหตี’’ติ. ปมปทคณฺิกาติ ปจฺฉิเม โสปานผลเก ตฺวา ปิยมานสฺส ทกฺขิณปาทสฺส ปติฏฺหนฏฺานํ. ตํ ปน ยสฺมา ทฬฺหํ ถิรํ เกนจิ อเภชฺชํ โหติ, ตสฺมา ‘‘ปทคณฺี’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมึ ¶ ภูมิภาเค อิทานิ เชตวนมหาวิหาโร, ตตฺถ ยสฺมึ าเน ปุริมานํ สพฺพพุทฺธานํ มฺจา ปฺตฺตา, ตสฺมึเยว ปเทเส อมฺหากมฺปิ ภควโต มฺโจ ปฺตฺโตติ กตฺวา ‘‘จตฺตาริ มฺจปาทฏฺานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. มฺจานํ ปน มหนฺตขุทฺทกภาเวน มฺจปฺาปนปเทสสฺส มหนฺตามหนฺตตา อปฺปมาณํ, พุทฺธานุภาเวน ปน โส ปเทโส สพฺพทา เอกปฺปมาโณเยว โหตีติ ‘‘จตฺตาริ มฺจปาทฏฺานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺตี’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิหาโรปิ น วิชหิโต เยวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ปุริมํ วิหารฏฺานํ น ปริจฺจชตีติ หิ อตฺโถ.
วิสิฏฺา มตฺตา วิมตฺตา, วิมตฺตาว เวมตฺตํ, วิสทิสตาติ อตฺโถ. ปมาณํ อาโรโห. ปธานํ ทุกฺกรกิริยา. รสฺมีติ สรีรปฺปภา.
‘‘สตฺตานํ ปากติกหตฺเถน ฉหตฺโถ มชฺฌิมปุริโส, ตโต ติคุณํ ภควโต สรีรปฺปมาณนฺติ ภควา อฏฺารสหตฺโถ’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘มนุสฺสานํ ปากติกหตฺเถน จตุหตฺโถ มชฺฌิมปุริโส, ตโต ติคุณํ ภควโต สรีรปฺปมาณนฺติ ภควา ทฺวาทสหตฺโถ อุปาทินฺนกรูปธมฺมวเสน, สมนฺตโต ปน พฺยามมตฺตํ พฺยามปฺปภา ผรตีติ อุปริ ฉหตฺถํ อพฺภุคฺคโต, พหลตรปฺปภา รูเปน สทฺธึ อฏฺารสหตฺโถ โหตี’’ติ.
อทฺธนิยนฺติ ¶ ทีฆกาลํ.
อชฺฌาสยปฏิพทฺธนฺติ โพธิสมฺภารสมฺภรณกาเล ตถาปวตฺตชฺฌาสยาธีนํ, ตถาปวตฺตปตฺถนานุรูปํ วิปุลํ, วิปุลตรฺจ ¶ โหตีติ อตฺโถ. สฺวายมตฺโถ จริยาปิฏกวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เอตฺถ จ ยสฺมา สรีรปฺปมาณํ, ปธานํ, สรีรปฺปภา จ พุทฺธานํ วิสทิสาติ อิธ ปาฬิยํ อนาคตา, ตสฺมา เตหิ สทฺธึ เวมตฺตตาสามฺเน อายุกุลานิปิ อิธ อาหริตฺวา ทีปิตานิ. ปฏิวิทฺธคุเณสูติ อธิคตสพฺพฺุคุเณสุ. นนุ จ โพธิสมฺภาเรสุ, เวเนยฺยปุคฺคลปริมาเณ จ เวมตฺตํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, ตทุภยํ ปน พุทฺธคุณคฺคหเณน คหิตเมว โหตีติ น อุทฺธฏํ. ยทคฺเคน หิ สพฺพพุทฺธานํ พุทฺธคุเณสุ เวมตฺตํ นตฺถิ, ตทคฺเคน เนสํ สมฺโพธิสมฺภาเรสุปิ เวมตฺตํ นตฺถีติ. กสฺมา? เหตุอนุรูปตาย ผลสฺส ¶ , เอกนฺเตเนว เวเนยฺยปุคฺคลปริมาเณ เวมตฺตภาโว วิภาวิโต. มหาโพธิสตฺตานฺหิ เหตุอวตฺถายํ สมฺภตูปนิสฺสยินฺทฺริยปริปากา เวเนยฺยปุคฺคลา จริมภเว อรหตฺตสมฺปตฺติยา ปริโปสิตานิ กมลวนานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺเสน วิย ตถาคตคุณานุภาวสมฺผสฺเสน วิโพธํ อุปคจฺฉนฺตีติ ทีเปสุํ อฏฺกถาจริยา.
นิธิกุมฺโภติ จตฺตาโร มหานิธโย สนฺธาย วทติ. ชาโต จาติ. จ-สทฺเทน กตมหาภินีหาโร จาติ อยมฺปิ อตฺโถ สงฺคหิโตติ ทฏฺพฺโพ. วุตฺตํ เหตํ พุทฺธวํเส –
‘‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;
วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. (พุ. วํ. ๖๕);
‘‘เอเตเนว จ สพฺพพุทฺธานํ วิสาขานกฺขตฺเตเนว มหาภินีหาโร โหตี’’ติ จ วทนฺติ.
๑๓. อยํ ¶ คตีติ อยํ ปวตฺติ ปวตฺตนากาโร, อฺเ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตา อิมินา อากาเรน อนุสฺสรนฺตีติ อตฺโถ, ยสฺมา จุติโต ปฏฺาย ยาว ปฏิสนฺธิ, ตาว อนุสฺสรณํ อาโรหนํ อตีตอตีตตรอตีตตมาทิชาติสงฺขาเต ปุพฺเพนิวาเส าณสฺส อภิมุขภาเวน ปวตฺตีติ กตฺวา. ตสฺมา ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ยาว จุติ, ตาว อนุสฺสรณํ โอโรหนํ ปุพฺเพนิวาเส ปฏิมุขภาเวน าณสฺส ปวตฺตีติ อาห ‘‘ปจฺฉามุขํ าณํ เปเสตฺวา’’ติ. จุติคนฺตพฺพนฺติ ยํ ปนิทํ จุติยา าณคติยา คนฺตพฺพํ, ตํ คมนํ พุชฺฌนนฺติ อตฺโถ. ครุกนฺติ ภาริยํ ทุกฺกรํ. เตนาห ‘‘อากาเส ปทํ ทสฺเสนฺโต วิยา’’ติ. อปรมฺปิ การณนฺติ ¶ ฉินฺนวฏุมานุสฺสรณํ ปจฺฉามุขํ าณํ เปสนโต อปรํ อจฺฉริยพฺภุตการณํ. ยตฺราติ ปจฺจตฺตตฺเถ, นามาติ อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต, หิ-สทฺโท อนตฺถโก. เตนาห ‘‘โย นาม ตถาคโต’’ติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ยตฺรา’’ติ นิปาตวเสน วิสุํ ยตฺร-สทฺทคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ. ปปฺเจนฺติ สตฺตสนฺตานํ สํสาเร วิตฺถาเรนฺตีติ ปปฺจํ. กมฺมวฏฺฏํ วุจฺจตีติ กิเลสวฏฺฏสฺส ปปฺจคฺคหเณน, วิปากวฏฺฏสฺส ทุกฺขคฺคหเณน คหิตตฺตา. ปริยาทินฺนวฏฺเฏติ สพฺพโส เขปิตวฏฺเฏ. ‘‘มคฺคสีเลน ผลสีเลนา’’ติ วตฺวา ตยิทํ มคฺคผลสีลํ โลกิยสีลปุพฺพกํ, พุทฺธานฺจ ¶ โลกิยสีลมฺปิ โลกุตฺตรสีลํ วิย อนฺสาธารณํ เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โลกิยโลกุตฺตรสีเลนา’’ติ วุตฺตํ. สมาธิปฺาสุปิ เอเสว นโย. สมาธิปกฺขาติ สมาธิ จ สมาธิปกฺขา จ สมาธิปกฺขา, เอกเทสสรูเปกเสโส ทฏฺพฺโพ. เตนาห ‘‘มคฺคสมาธินา’’ติอาทิ, ‘‘วิหาโร คหิโต วา’’ติ จ. สมาธิปกฺขา นาม วีริยสติอาทโย.
สยนฺติ อตฺตนา. นีวรณาทีหีติ นีวรเณหิ เจว ตเทกฏฺเหิ จ ปาปธมฺเมหิ, วิตกฺกวิจาราทีหิ จ. ‘‘วิมุตฺตตฺตา ¶ วิมุตฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺตี’’ติ อิมินา วิมุตฺติ-สทฺทสฺส กมฺมสาธนตํ อาห อฏฺสมาปตฺติอาทิวิสยตฺตา ตสฺส. วิมุตฺตตฺตาติ จ ‘‘วิกฺขมฺภนวเสน วิมุตฺตตฺตา’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. ตสฺส ตสฺสาติ อนิจฺจานุปสฺสนาทิกสฺส. ปจฺจนีกงฺควเสนาติ ปหาตพฺพปฏิปกฺของฺควเสน. ปฏิปฺปสฺสทฺธนฺเต อุปฺปนฺนตฺตาติ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนํ ปฏิปฺปสฺสทฺธํ, โส เอว อนฺโต ปริโยสานภาวโต, ตสฺมึ สาเธตพฺเพ นิพฺพตฺตตฺตา, ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนวเสน ปวตฺตตฺตาติ อตฺโถ. กิเลเสหิ นิสฺสฏตา, อปคโม จ นิพฺพานสฺส เตหิ วิวิตฺตตฺตา เอวาติ อาห ‘‘ทูเร ิตตฺตา’’ติ.
๑๖. ธมฺมธาตูติ ธมฺมานํ สภาโว, อตฺถโต จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. สุปฺปฏิวิทฺธาติ สุฏฺุ ปฏิวิทฺธา สวาสนานํ สพฺเพสํ กิเลสานํ ปชหนโต. เอวฺหิ สพฺพฺุตา, ทสพลาณาทโย จาติ สพฺเพ พุทฺธคุณา ภควตา อธิคตา อเหสุํ. อรหตฺตํ ธมฺมธาตูติ เกจิ. สพฺพฺุตาณนฺติ อปเร. ทฺวีหิ ปเทหีติ ทฺวีหิ วากฺเยหิ. อาพทฺธนฺติ ปฏิพทฺธํ ตํมูลกตฺตา อุปริเทสนาย. เทวจาริกโกลาหลนฺติ อตฺตโน เทวโลเก จาริกายํ สุทฺธาวาสเทวานํ กุตูหลปฺปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต สุตฺตนฺตปริโยสาเน (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๑) วิจาเรสฺสติ, อตฺถโต วิภาเวสฺสตีติ โยชนา. อยํ เทสนาติ ‘‘อิโต โส ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๔) วิตฺถารโต ปวตฺติตเทสนมาห. นิทานกณฺเฑติอาทิโต เทสิตํ อุทฺเทสเทสนมาห. สา หิ อิมิสฺสา เทสนาย นิทานฏฺานิยตฺตา ตถา วุตฺตา.
โพธิสตฺตธมฺมตาวณฺณนา
๑๗. ‘‘วิปสฺสีติ ¶ ตสฺส นาม’’นฺติ วตฺวา ตสฺส อนฺวตฺถตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺจ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิวิเธ อตฺเถติ ติโรหิตวิทูรเทสคตาทิเก นีลาทิวเสน ¶ นานาวิเธ, ตทฺเ จ อินฺทฺริยโคจรภูเต เต จ ยถูปคเต, โวหารวินิจฺฉเย จาติ นานาวิเธ อตฺเถ. ปสฺสนกุสลตายาติ ทสฺสเน นิปุณภาเวน. ยาถาวโต ¶ เยฺยํ พุชฺฌตีติ โพธิ, โส เอว สตฺตโยคโต โพธิสตฺโตติ อาห ‘‘ปณฺฑิตสตฺโต พุชฺฌนกสตฺโต’’ติ. สุจินฺติตจินฺติตาทินา ปน ปณฺฑิตภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ยทา จ ปนาเนน มหาภินีหาโร กโต, ตโต ปฏฺาย มหาโพธิยํ เอกนฺตนินฺนตฺตา โพธิมฺหิ สตฺโต โพธิสตฺโตติ อาห ‘‘โพธิสงฺขาเตสู’’ติอาทิ. มคฺคาณปทฏฺานฺหิ สพฺพฺุตาณํ, สพฺพฺุตาณปทฏฺานฺจ มคฺคาณํ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติ อิมินา จตุตฺถาย คพฺภาวกฺกนฺติยา โอกฺกมีติ ทสฺเสติ. จตสฺโส หิ คพฺภาวกฺกนฺติโย อิเธกจฺโจ คพฺโภ มาตุกุจฺฉิยํ โอกฺกมเน, าเน, นิกฺขมเนติ ตีสุ าเนสุ อสมฺปชาโน โหติ, เอกจฺโจ ปเม าเน สมฺปชาโน, น อิตเรสุ, เอกจฺโจ ปเม, ทุติเย จ าเน สมฺปชาโน, น ตติเย, เอกจฺโจ ตีสุปิ าเนสุ สมฺปชาโน โหติ. ตตฺถ ปมา คพฺภาวกฺกนฺติ โลกิยมหาชนสฺส วเสน วุตฺตา, ทุติยา อสีติมหาสาวกานํ (เถรคา. อฏฺ. ๒.๒๑ วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนาย วิตฺถาโร) วเสน, ตติยา ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ, ปจฺเจกพุทฺธานฺจ วเสน. เต กิร กมฺมชวาเตหิ อุทฺธํปาทา อโธสิรา อเนกสตโปริเส ปปาเต วิย โยนิมุเข ขิตฺตา ตาฬจฺฉิคฺคเฬน หตฺถี วิย สมฺพาเธน โยนิมุเขน นิกฺขมนฺตา มหนฺตํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ, เตน เนสํ ‘‘มยํ นิกฺขมามา’’ติ สมฺปชฺํ น โหติ. จตุตฺถา สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ วเสน. เต หิ มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺตาปิ ปชานนฺติ, ตตฺถ วสนฺตาปิ ปชานนฺติ, นิกฺขมนกาเลปิ ปชานนฺติ. น หิ เต กมฺมชวาตา อุทฺธํปาเท อโธสิเร กตฺวา ขิปิตุํ สกฺโกนฺติ, ทฺเว หตฺเถ ปสาริตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ิตกาว นิกฺขมนฺตีติ. าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ปุพฺพภาเค ปฺจมหาวิโลกนาเณหิ เจว ‘‘อิทานิ จวามี’’ติ จุติปริจฺฉินฺทนาเณน จ อปรภาเค ‘‘อิธ มยา ปฏิสนฺธิ คหิตา’’ติ ปฏิสนฺธิปริจฺฉินฺทนาเณน จ ปริจฺฉิชฺช ชานิตฺวา.
ปฺจนฺนํ ¶ มหาปริจฺจาคานํ, าตตฺถจริยาทีนฺจ สติปิ ปารมิยา ปริยาปนฺนภาเว สมฺภารวิเสสภาวทสฺสนตฺถํ วิสุํ คหณํ. ตตฺถ องฺคปริจฺจาโค, นยนปริจฺจาโค, อตฺตปริจฺจาโค, รชฺชปริจฺจาโค, ปุตฺตทารปริจฺจาโคติ อิเม ¶ ปฺจ มหาปริจฺจาคา. ตตฺถาปิ กามํ องฺคปริจฺจาคาทโยปิ ทานปารมีเยว, ตถาปิ ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถฺเจว สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ ¶ มหาปริจฺจาคานํ วิสุํ คหณํ. ตโต เอว จ องฺคปริจฺจาคโตปิ วิสุํ นยนปริจฺจาคคฺคหณํ, ปริจฺจาคภาวสามฺเปิ รชฺชปริจฺจาคปุตฺตทารปริจฺจาคคฺคหณฺจ กตํ. าตีนํ อตฺถจริยา าตตฺถจริยา, สา จ โข กรุณายนวเสน. ตถา สตฺตโลกสฺส ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ วเสน หิตจริยา โลกตฺถจริยา. กมฺมสฺสกตาาณวเสน, อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาานวเสน, ขนฺธายตนาทิวเสน, ลกฺขณตฺตยาทิตีรณวเสน จ อตฺตโน, ปเรสฺจ ตตฺถ สติปฏฺาเนน าณจาโร พุทฺธจริยา, สา ปนตฺถโต ปฺาปารมีเยว, าณสมฺภารวิเสสตาทสฺสนตฺถํ ปน วิสุํ คหณํ. พุทฺธจริยานนฺติ พหุวจนนิทฺเทเสน ปุพฺพโยคปุพฺพจริยาธมฺมกฺขานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ คตปจฺจาคตวตฺตสงฺขาตาย ปุพฺพภาคปฏิปทาย สทฺธึ อภิฺาสมาปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพโยโค. ทานาทีสุเยว สาติสยปฏิปตฺติ ปุพฺพจริยา. ‘‘ยาว จริยาปิฏเก สงฺคหิตา อภินีหาโร ปุพฺพโยโค, กายาทิวิเวกวเสน เอกจริยา ปุพฺพจริยา’’ติ เกจิ. ทานาทีนฺเจว อปฺปิจฺฉตาทีนฺจ สํสารนิพฺพาเนสุ อาทีนวานิสํสานฺจ วิภาวนวเสน, สตฺตานํ โพธิตฺตเย ปติฏฺาปนปริปาจนวเสน ¶ จ ปวตฺตกถา ธมฺมกฺขานํ. โกฏึ ปตฺวาติ ปรํ ปริยนฺตํ ปรมุกฺกํสํ ปาปุณิตฺวา. สตฺตมหาทานานีติ อฏฺวสฺสิกกาเล ‘‘หทยมํสาทีนิปิ ยาจกานํ ทเทยฺย’’นฺติ อชฺฌาสยํ อุปฺปาเทตฺวา ทินฺนทานํ, มงฺคลหตฺถิทานํ, คมนกาเล ทินฺนํ สตฺตสตฺตกมหาทานํ, มคฺคํ คจฺฉนฺเตน ทินฺนํ อสฺสทานํ, รถทานํ, ปุตฺตทานํ, ภริยาทานนฺติ อิมานิ สตฺต มหาทานานิ (จริยา. ๗๙) ทตฺวา.
‘‘อิทาเนว เม มรณํ โหตู’’ติ อธิมุจฺจิตฺวา กาลกรณํ อธิมุตฺติกาลกิริยา, ตํ โพธิสตฺตานํเยว, น อฺเสํ. โพธิสตฺตา กิร ทีฆายุกเทวโลเก ิตา ‘‘อิธ ิตสฺส เม โพธิสมฺภารสมฺภรณํ น สมฺภวตี’’ติ กตฺวา ตตฺถ วาสโต นิพฺพินฺทมานสา โหนฺติ, ตทา วิมานํ ปวิสิตฺวา อกฺขีนิ นิมีเลตฺวา ‘‘อิโต อุทฺธํ เม ชีวิตํ นปฺปวตฺตตู’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย นิสีทนฺติ, จิตฺตาธิฏฺานสมนนฺตรเมว มรณํ โหติ. ปารมีธมฺมานฺหิ ¶ อุกฺกํสปฺปวตฺติยา ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตภาเว อภิฺาสมาปตฺตีหิ สนฺตานสฺส วิเสสิตตฺตา อตฺตสิเนหสฺส ตนุภาเวน, สตฺเตสุ จ มหากรุณาย อุฬารภาเวน อธิฏฺานสฺส ติกฺขวิสทภาวาปตฺติยา โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายา สมิชฺฌนฺติ. จิตฺเต, วิย กมฺเมสุ จ เนสํ วสีภาโว, ตสฺมา ยตฺถ อุปปนฺนานํ ปารมิโย สมฺมเทว ปริพฺรูหนฺติ. วุตฺตนเยน กาลํ กตฺวา ตตฺถ อุปปชฺชนฺติ. ตถา หิ อมฺหากํ มหาสตฺโต อิมสฺมึเยว กปฺเป นานาชาตีสุ อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, อปฺปกเมว กาลํ ตตฺถ ตฺวา ตโต จวิตฺวา มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺโต, ปารมีสมฺภรณปสุโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘โพธิสตฺตานํเยว, น ¶ อฺเส’’นฺติ. ‘‘เอเกนอตฺตภาเวน อนฺตเรน ปารมีนํ สพฺพโส ปูริตตฺตา’’ติ อิมินา ปโยชนาภาวโต ตตฺถ ตฺวา อธิมุตฺติกาลกิริยา ¶ นาม นาโหสีติ ทสฺเสติ. อปิ จ ตตฺถ ยาวตายุกฏฺานํ จริมภเว อเนกมหานิธิสมุฏฺานปุพฺพิกาย ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสาย มหาสมฺปตฺติยา นิพฺพตฺติ วิย, พุทฺธภูตสฺส อสทิสทานาทิวเสน อนฺสาธารณลาภุปฺปตฺติ วิย จ ‘‘อิโต ปรํ มหาปุริสสฺส ทิพฺพสมฺปตฺติอนุภวนํ นาม นตฺถี’’ติ อุสฺสาหชาตสฺส ปฺุสมฺภารสฺส วเสนาติ ทฏฺพฺพํ. อยฺเหตฺถ ธมฺมตา.
มนุสฺสคณนาวเสน, น เทวคณนาวเสน. ปุพฺพนิมิตฺตานีติ จุติยา ปุพฺพนิมิตฺตานิ. อมิลายิตฺวาติ เอตฺถ อมิลาตคฺคหเณเนว ตาสํ มาลานํ วณฺณสมฺปทายปิ คนฺธสมฺปทายปิ โสภาสมฺปทายปิ อวินาโส ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ. พาหิรพฺภนฺตรานํ รโชชลฺลานํ เลปสฺสปิ อภาวโต เทวานํ สรีรคตานิ วตฺถานิ สพฺพกาลํ ปริสุทฺธปฺปภสฺสราเนว หุตฺวา ติฏฺนฺตีติ อาห ‘‘วตฺเถสุปิ เอเสว นโย’’ติ. เนว สีตํ น อุณฺหนฺติ ยสฺส สีตสฺส ปฏิการวเสน อธิกํ เสวิยมานํ อุณฺหํ, สยเมว วา ขรตรํ หุตฺวา อภิภวนฺตํ สรีเร เสทํ อุปฺปาเทยฺย, ตาทิสํ เนว สีตํ, น อุณฺหํ โหติ. ตสฺมึ กาเลติ ยถาวุตฺตมรณาสนฺนกาเล. พินฺทุพินฺทุวเสนาติ ฉินฺนสุตฺตาย อามุตฺตมุตฺตาวลิยา นิปตนฺตา มุตฺตคุฬิกา วิย พินฺทุ พินฺทุ หุตฺวา. เสทาติ เสทธารา มุจฺจนฺติ. ทนฺตานํ ขณฺฑิตภาโว ขณฺฑิจฺจํ. เกสานํ ปลิตภาโว ปาลิจฺจํ. อาทิ-สทฺเทน วลิตฺตจตํ สงฺคณฺหาติ. กิลนฺตรูโป อตฺตภาโว โหติ, น ปน ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทีติ ¶ อธิปฺปาโย. อุกฺกณฺิตาติ อนภิรติ. สา นตฺถิ ¶ อุปรูปริ อุฬารอุฬารานเมว โภคานํ วิเสสโต ทุวิชานนานํ อุปติฏฺหนโต. นิสฺสสนฺตีติ อุณฺหํ นิสฺสสนฺติ. วิชมฺภนฺตีติ อนภิรติวเสน วิชมฺภนํ กโรนฺติ.
ปณฺฑิตา เอวาติ พุทฺธิสมฺปนฺนา เอว เทวตา. ยถา เทวตา สมฺปติชาตา ‘‘กีทิเสน ปฺุกมฺเมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อิมินา นาม ปฺุกมฺเมน อิธ นิพฺพตฺตา’’ติ ชานนฺติ, เอวํ อตีตภเว อตฺตนา กตํ, อฺทาปิ วา เอกจฺจํ ปฺุกมฺมํ ชานนฺติเยว มหาปฺุาติ อาห ‘‘เย มหาปฺุา’’ติอาทิ.
น ปฺายนฺติ จิรตรกาลตฺตา ปรมายุโน. อนิยฺยานิกนฺติ น นิยฺยานาวหํ สตฺตานํ อภาชนภาวโต. สตฺตา น ปรมายุโน โหนฺติ นาม ปาปุสฺสนฺนตายาติ อาห ‘‘ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺตี’’ติ. เอตฺถาห – กสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธา มนุสฺสโลเก เอว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวพฺรหฺมโลเกสูติ? เทวโลเก ตาว นุปฺปชฺชนฺติ พฺรหฺมจริยวาสสฺส อโนกาสภาวโต, ตถา อนจฺฉริยภาวโต ¶ . อจฺฉริยธมฺมา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เตสํ สา อจฺฉริยธมฺมตา เทวตฺตภาเว ิตานํ น ปากฏา โหติ ยถา มนุสฺสภูตานํ, เทวภูเต หิ สมฺมาสมฺพุทฺเธ ทิสฺสมานํ พุทฺธานุภาวํ เทวานุภาวโต โลโก ทหติ, น พุทฺธานุภาวโต, ตถา สติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, อิสฺสรคุตฺตคฺคาหํ น วิสฺสชฺเชติ, เทวตฺตภาวสฺส จ จิรกาลาธิฏฺานโต เอกจฺจสสฺสตวาทโต น ปริมุจฺจติ. พฺรหฺมโลเก นุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สตฺตานํ ตาทิสคฺคาหวินิโมจนตฺถฺหิ พุทฺธา ภควนฺโต มนุสฺสสุคติยํเยว อุปฺปชฺชนฺติ, น เทวสุคติยํ. มนุสฺสสุคติยํ อุปฺปชฺชนฺตาปิ โอปปาติกา น โหนฺติ, สติ จ โอปปาติกูปปตฺติยํ วุตฺตโทสานติวตฺตนโต, ธมฺมเวเนยฺยานํ ธมฺมตนฺติยา ปนสฺส ¶ วิย ธาตุเวเนยฺยานํ ธาตูนํ ปนสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา จ. น หิ โอปปาติกานํ ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ สรีรธาตุโย ติฏฺนฺติ. มนุสฺสโลเก อุปฺปชฺชนฺตาปิ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว มนุสฺสภาวสฺส ปากฏภาวกรณาย ปน ทารปริคฺคหมฺปิ กโรนฺตา ยาว ปุตฺตมุขทสฺสนา อคารมชฺเฌ ติฏฺนฺติ, ปริปากคตสีลเนกฺขมฺมปฺาทิปารมิกาปิ น อภินิกฺขมนฺตีติ. กึ วา เอตาย ¶ การณจินฺตาย ‘‘สพฺพพุทฺเธหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณา, ยทิทํ มนุสฺสภูตานํเยว อภิสมฺพุชฺฌนา, น เทวภูตาน’’นฺติ. อยเมตฺถ ธมฺมตา. ตถา หิ ตทตฺโถ มหาภินีหาโรปิ มนุสฺสภูตานํเยว อิชฺฌติ, น เทวภูตานํ.
กสฺมา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชนฺติ, น เสสทีเปสุ? เกจิ ตาว อาหุ ‘‘ยสฺมา ปถวิยา นาภิภูตา, พุทฺธานุภาวสหิตา อจลฏฺานภูตา โพธิมณฺฑภูมิ ชมฺพุทีเป เอว, ตสฺมา ชมฺพุทีเป เอว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ, ตถา ‘‘อิตเรสมฺปิ อวิชหิตฏฺานานํ ตตฺเถว ลพฺภนโต’’ติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – ยสฺมา ปุริมพุทฺธานํ, มหาโพธิสตฺตานํ, ปจฺเจกพุทฺธานฺจ นิพฺพตฺติยา สาวกโพธิสตฺตานํ สาวกโพธิยา อภินีหาโร, สาวกปารมิยา สมฺภรณํ, ปริปาจนฺจ พุทฺธเขตฺตภูเต อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ ชมฺพุทีเป เอว อิชฺฌติ, น อฺตฺถ. เวเนยฺยานํ วินยนตฺโถ จ พุทฺธุปฺปาโทติ อคฺคสาวกมหาสาวกาทิ เวเนยฺยวิเสสาเปกฺขาย เอตสฺมึ ชมฺพุทีเป เอว พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺติ, น เสสทีเปสุ. อยฺจ นโย สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณติ. เตสํ อุตฺตมปุริสานํ ตตฺเถว อุปฺปตฺติ สมฺปตฺติจกฺกานํ วิย อฺมฺูปนิสฺสยโต อปราปรํ ¶ วตฺตตีติ ทฏฺพฺพํ, เอเตเนว อิมํ จกฺกวาฬํ มชฺเฌ กตฺวา อิมินา สทฺธึ จกฺกวาฬานํ ทสสหสฺสสฺเสว เขตฺตภาโว ทีปิโต อิโต อฺสฺส พุทฺธานํ อุปฺปตฺติฏฺานสฺส เตปิฏเก พุทฺธวจเน อนุปลพฺภนโต. เตนาห ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตีติ ทีปํ ปสฺสี’’ติ. อิมินา นเยน เทสนิยาเมปิ การณํ นีหริตฺวา วตฺตพฺพํ.
อิทานิ ¶ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ พฺราหฺมณานมฺปิ ปูชนียภาวโต. ‘‘ราชา ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิ ปิตุวเสน กุลสฺส นิทฺทิสิตพฺพโต.
‘‘ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิ, เตน อตฺตโน อนฺตรายาภาวํ อฺาสิ, ตสฺสา จ ตุสิตภเว ทิพฺพสมฺปตฺติปจฺจนุภวนํ.
ตา เทวตาติ ทสสหสฺสิจกฺกวาฬเทวตา. กถํ ปน ตา เทวตา ตทา โพธิสตฺตสฺส ปูริตปารมิภาวํ, กถํ จสฺส พุทฺธภาวํ ชานนฺตีติ? มเหสกฺขานํ ¶ เทวตานํ วเสน, เยภุยฺเยน จ ตา เทวตา อภิสมยภาคิโน. ตถา หิ ภควโต ธมฺมทานสํวิภาเค อเนกวารํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาสนฺนิปาโต อโหสิ.
‘‘จวามี’’ติ ชานาติ จุติอาสนฺนชวเนหิ าณสหิเตหิ จุติยา อุปฏฺิตภาวสฺส ปฏิสํวิทิตตฺตา. จุติจิตฺตํ น ชานาติ จุติจิตฺตกฺขณสฺส อิตฺตรภาวโต. ตถา หิ ตํ จุตูปปาตาณสฺสปิ อวิสโยว. ปฏิสนฺธิจิตฺเตปิ เอเสว นโย. อาวชฺชนปริยาโยติ อาวชฺชนกฺกโม. ยสฺมา เอกวารํ อาวชฺชิตมตฺเตน อารมฺมณํ นิจฺฉินิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ตํ เอวารมฺมณํ ทุติยํ, ตติยฺจ อาวชฺชิตฺวา นิจฺฉยติ. อาวชฺชนสีเสน เจตฺถ ชวนวาโร คหิโต. เตนาห ‘‘ทุติยตติยจิตฺตวาเร เอว ชานิสฺสตี’’ติ. จุติยา ปุเรตรํ กติปยจิตฺตวารโต ปฏฺาย ‘‘มรณํ เม อาสนฺน’’นฺติ ¶ ชานนโต ‘‘จุติกฺขเณปิ จวามีติ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ. ปฏิสนฺธิยา ปน อปุพฺพภาวโต ปฏิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาติ. นิกนฺติยา อุปฺปตฺติโต ปรโต ‘‘อสุกสฺมึ เม าเน ปฏิสนฺธิ คหิตา’’ติ ชานาติ. ตสฺมึ กาเลติ ปฏิสนฺธิคฺคหณกาเล. ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปตีติ เอตฺถ กมฺปนการณํ เหฏฺา พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๔๙) วุตฺตเมว. อตฺถโต ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต มหาปรินิพฺพานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗๑) อาคมิสฺสติ. มหาการุณิกา พุทฺธา ภควนฺโต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปรตาย พหุลํ โสมนสฺสิกาว โหนฺตีติ เตสํ ปมมหาวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธิคฺคหณํ อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗; ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘; ม. นิ. อฏฺ. ๔.๒๐๐) วุตฺตํ. มหาสิวตฺเถโรปน ยทิปิ มหาการุณิกา พุทฺธา ภควนฺโต สตฺตานํ หิตสุขวิธานตปฺปราว, วิเวกชฺฌาสยา ปน วิสงฺขารนินฺนา สพฺพสงฺขาเรสุ อชฺฌุเปกฺขนพหุลาติ ปฺจมมหาวิปากจิตฺเตน ปฏิสนฺธิคฺคหณมาห.
ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺายาติ ปุณฺณมาย ปุเร สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย, สุกฺกปกฺเข ¶ นวมิโต ปฏฺายาติ อตฺโถ. สตฺตเม ทิวเสติ นวมิโต สตฺตเม ทิวเส อาสฬฺหิปุณฺณมายํ. อิทํ สุปินนฺติ อิทานิ วุจฺจมานาการํ. มชฺฌิมฏฺกถายํ ปน ‘‘อโนตตฺตทหํ เนตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. อถ เนสํ เทวิโย อาคนฺตฺวา มนุสฺสมลหรณตฺถํ นฺหาเปตฺวา’’ติ ¶ (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๒๐๐) วุตฺตํ. ตตฺถ เนสํ เทวิโยติ มหาราชูนํ เทวิโย. จริตฺวาติ โคจรํ จริตฺวา.
หริตูปลิตฺตายาติ หริเตน โคมเยน กตปริภณฺฑาย. ‘‘โส จ โข ปุริสคพฺโภ, น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺตกเมว ¶ เต พฺราหฺมณา อตฺตโน สุปินสตฺถนเยน กเถสุํ. ‘‘สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสตี’’ติอาทิ ปน เทวตาวิคฺคเหน ตมตฺถํ ยาถาวโต ปเวเทสุํ.
ธมฺมตาติ เอตฺถ ธมฺม-สทฺโท ‘‘ชาติธมฺมานํ ภิกฺขเว สตฺตาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓๑; ๓.๓๗๓; ปฏิ. ม. ๑.๓๓) วิย ปกติปริยาโย, ธมฺโม เอว ธมฺมตา ยถา เทโว เอว เทวตาติ อาห ‘‘อยํ สภาโว’’ติ, อยํ ปกตีติ อตฺโถ. สฺวายํ สภาโว อตฺถโต ตถา นิยตภาโวติ อาห ‘‘อยํ นิยาโมติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. นิยาโม ปน พหุวิโธติ เต สพฺเพ อตฺถุทฺธารนเยน อุทฺธริตฺวา อิธาธิปฺเปตนิยามเมว ทสฺเสตุํ ‘‘นิยาโม จ นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กมฺมานํ นิยาโม กมฺมนิยาโม. เอส นโย อุตุนิยามาทีสุ ตีสุ. อิตโร ปน ธมฺโม เอว นิยาโม ธมฺมนิยาโม, ธมฺมตา.
กุสลสฺส กมฺมสฺส. นิเสนฺโต ติขิณํ กโรนฺโต.
อรูปาทิภูมิภาควิเสสวเสน อุตุวิเสสทสฺสนโต อุตุวิเสเสน สิชฺฌมานานํ รุกฺขาทีนํ ปุปฺผผลาทิคฺคหณํ ‘‘เตสุ เตสุ ชนปเทสู’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. ตสฺมึ ตสฺมึ กาเลติ ตสฺมึ ตสฺมึ วสนฺตาทิกาเล.
มธุรโต พีชโต ติตฺตโต พีชโตติ โยชนา.
๑๘. วตฺตมานสมีเป วตฺตมาเน วิย โวหริตพฺพนฺติ ‘‘โอกฺกมตี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โอกฺกนฺโต โหตีติ อยเมวตฺโถ’’ติ. เอวํ โหตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรนสฺส สมฺปชานนา โหติ. น โอกฺกมมาเน ปฏิสนฺธิกฺขณสฺส ทุวิฺเยฺยตาย. ยถา จ วุตฺตํ ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺตํ น ชานาตี’’ติ. ทสสหสฺสจกฺกวาฬปตฺถรเณน ¶ วา อปฺปมาโณ. อติวิย สมุชฺชลนภาเวน อุฬาโร ¶ . เทวานุภาวนฺติ เทวานํ ปภานุภาวํ. เทวานฺหิ ปภํ โส โอภาโส ¶ อภิภวติ, น เตสํ อาธิปจฺจํ. เตนาห ‘‘นิวตฺถวตฺถสฺสา’’ติอาทิ.
โลกานํ โลกธาตูนํ อนฺตโร วิวโร โลกนฺตโร, โส เอว อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘โลกนฺตริกา’’ติ วุตฺโต. รุกฺขคจฺฉาทินา เกนจิ น หฺนฺตีติ อฆา, อสมฺพาธา. เตนาห ‘‘นิจฺจวิวฏา’’ติ. อสํวุตาติ เหฏฺา, อุปริ จ เกนจิ น ปิหิตา. เตน วุตฺตํ ‘‘เหฏฺาปิ อปฺปติฏฺา’’ติ. ตตฺถ ปิ-สทฺเทน ยถา เหฏฺา อุทกสฺส ปิธายิกา ปถวี นตฺถีติ อสํวุตา โลกนฺตริกา, เอวํ อุปริปิ จกฺกวาเฬสุ วิย เทววิมานานํ อภาวโต อสํวุตา อปฺปติฏฺาติ ทสฺเสติ. อนฺธกาโร เอตฺถ อตฺถีติ อนฺธการา. จกฺขุวิฺาณํ น ชายติ อาโลกสฺส อภาวโต, น จกฺขุโน. ตถา หิ ‘‘เตน โอภาเสน อฺมฺํ สฺชานนฺตี’’ติ วุตฺตํ. ชมฺพุทีเป ิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ อตฺถงฺคมนวเสน อุปฑฺฒํ สูริยมณฺฑลํ ปฺายติ, อปรโคยานวาสีนํ อุคฺคมนวเสน, เอวํ เสสทีเปสุ ปีติ อาห ‘‘เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ ปฺายนฺตี’’ติ. อิโต อฺถา ปน ทฺวีสุ เอว ทีเปสุ เอกปฺปหาเรน ปฺายนฺตีติ. เอเกกาย ทิสาย นว นว โยชนสตสหสฺสานิ อนฺธการวิธมนมฺปิ อิมินาว นเยน ทฏฺพฺพํ. ปภาย นปฺปโหนฺตีติ อตฺตโน ปภาย โอภาสิตุํ อนภิสมฺภุนนฺติ. ยุคนฺธรปพฺพตปฺปมาเณ อากาเส วิจรณโต ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตสฺส เวมชฺเฌน วิจรนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
วาวฏาติ ¶ ขาทนตฺถํ คณฺหิตุํ อุปกฺกมนฺตา. วิปริวตฺติตฺวาติ วิวตฺติตฺวา. ฉิชฺชิตฺวาติ มุจฺฉาปตฺติยา ิตฏฺานโต มุจฺจิตฺวา, องฺคปจฺจงฺคเฉทเนน วา ฉิชฺชิตฺวา. อจฺจนฺตขาเรติ อาตปสนฺตาปาภาเวน อติสีตภาวเมว สนฺธาย อจฺจนฺตขารตา วุตฺตา สิยา. น หิ ตํ กปฺปสณฺหนอุทกํ สมฺปตฺติกรมหาเมฆวุฏฺํ ปถวิสนฺธารกํ กปฺปวินาสกํ อุทกํ วิย ขารํ ภวิตุํ อรหติ. ตถา หิ สติ ปถวีปิ วิลีเยยฺย, เตสํ วา ปาปกมฺมพเลน เปตานํ อุทกสฺส ปุพฺพเขฬภาวาปตฺติ วิย ตสฺส อุทกสฺส ตทา ขารภาวาปตฺติ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อจฺจนฺตขาเร อุทเก’’ติ.
เอกยาคุปานมตฺตมฺปีติ ปตฺตาทิภาชนคตํ ยาคุํ คโฬจิอาทิอุทฺธรณิยา คเหตฺวา ปิวนมตฺตมฺปิ กาลํ. สมนฺตโตติ สพฺพภาคโต ฉปฺปการมฺปิ.
๑๙. จตุนฺนํ ¶ มหาราชานํ วเสนาติ เวสฺสวณาทิจตุมหาราชภาวสามฺเน.
ยถาวิหารนฺติ ¶ ยถาสกํ วิหารํ.
๒๐. ปกติยาติ อตฺตโน ปกติยา เอว. เตนาห ‘‘สภาเวเนวา’’ติ. ปรสฺส สนฺติเก คหเณน วินา อตฺตโน สภาเวเนว สยเมว อธิฏฺหิตฺวา สีลสมฺปนฺนา. โพธิสตฺตมาตาปีติ อมฺหากํ โพธิสตฺตมาตาปิ. กาลเทวิลสฺสาติ ยถา กาลเทวิลสฺส สนฺติเก อฺทา คณฺหาติ, โพธิสตฺเต ปน…เป… สยเมว สีลํ อคฺคเหสิ, ตถา วิปสฺสีโพธิสตฺตมาตาปีติ อธิปฺปาโย.
๒๑. ‘‘มนุสฺเสสู’’ติ อิทํ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ, ‘‘มนุสฺสิตฺถิยา นาม มนุสฺสปุริเสสุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ. โพธิสตฺตสฺส มาตุยา ปน เทเวสุปิ ตาทิสํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชเตว. ยถา โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวน โพธิสตฺตมาตุ ปุริสาธิปฺปายจิตฺตํ นุปฺปชฺชติ, เอวํ ตสฺส อานุภาเวเนว สา เกนจิ ปุริเสน อนภิภวนียาติ อาห ‘‘ปาทา น วหนฺติ ทิพฺพสงฺขลิกา วิย พชฺฌนฺตี’’ติ.
๒๒. ปุพฺเพ ¶ ‘‘กามคุณูปสํหิตํ จิตฺตํ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ปุน ‘‘ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรตี’’ติ จ วุตฺตํ. กถมิทํ อฺมฺํ น วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘ปุพฺเพ’’ติอาทิ. วตฺถุปฏิกฺเขโปติ อพฺรหฺมจริยวตฺถุปฏิเสโธ. เตนาห ‘‘ปุริสาธิปฺปายวเสนา’’ติ. อารมฺมณปฏิลาโภติ รูปาทิปฺจกามคุณารมฺมณสฺเสว ปฏิลาโภ.
๒๓. กิลมโถติ เขโท, กายสฺส ครุภาวกถินภาวาทโยปิ ตสฺสา ตทา น โหนฺติ เอว. ‘‘ติโรกุจฺฉิคตํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. กทา ปฏฺาย ปสฺสตีติ อาห ‘‘กลลาทิกาลํ อติกฺกมิตฺวา’’ติอาทิ. ทสฺสเน ปโยชนํ สยเมว วทติ. ตสฺส อภาวโต กลลาทิกาเล น ปสฺสติ. ปุตฺเตน ทหเรน มนฺเทน อุตฺตานเสยฺยเกน สทฺธึ. ‘‘ยํ ตํ มาตู’’ติอาทิ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ. จกฺกวตฺติคพฺภโตปิ หิ สวิเสสํ โพธิสตฺตคพฺโภ ปริหารํ ลภติ ปฺุสมฺภารสฺส สาติสยตฺตา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา อติวิย สปฺปายาหาราจารา จ หุตฺวา สกฺกจฺจํ ปริหรติ. สุขวาสตฺถนฺติ โพธิสตฺตสฺส สุขวาสตฺถํ. ปุรตฺถาภิมุโขติ มาตุ ¶ ปุริมภาคาภิมุโข. อิทานิ ติโรกุจฺฉิคตสฺส ทิสฺสมานตาย อพฺภนฺตรํ, พาหิรฺจ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพ กตกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อสฺสาติ เทวิยา. วตฺถุนฺติ กุจฺฉึ. ผลิกอพฺภปฏลาทิโน วิย โพธิสตฺตมาตุกุจฺฉิตจสฺส ปตนุภาเวน อาโลกสฺส วิพนฺธาภาวโต ยถา โพธิสตฺตมาตา กุจฺฉิคตํ โพธิสตฺตํ ปสฺสติ, กึ เอวํ โพธิสตฺโตปิ มาตรํ, อฺฺจ ปุรโต ิตํ รูปคตํ ปสฺสติ, โนติ อาห ‘‘โพธิสตฺโต ปนา’’ติอาทิ. กสฺมา ¶ ปน สติ จกฺขุมฺหิ, อาโลเก จ น ปสฺสตีติ อาห ‘‘น หิ อนฺโตกุจฺฉิยํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. อสฺสาสปสฺสาสา วิย หิ ตตฺถ จกฺขุวิฺาณมฺปิ น อุปฺปชฺชติ ตชฺชสฺส สมนฺนาหารสฺส อภาวโต.
๒๔. ยถา ¶ อฺา อิตฺถิโย วิชาตปฺปจฺจยา ตาทิเสน โรเคน อภิภูตาปิ หุตฺวา มรนฺติ, โพธิสตฺตมาตุ ปน โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต ตสฺส วิชายนนิมิตฺตํ, น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ, เกวลํ อายุปริกฺขเยเนว กาลํ กโรติ, สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว. ‘‘โพธิสตฺเตน วสิตฏฺานฺหี’’ติอาทิ ตสฺส การณวจนํ. อฺเสํ อปริโภคนฺติ อฺเหิ น ปริภฺุชิตพฺพํ, น ปริโภคโยคฺยนฺติ อตฺโถ. ตถา สติ โพธิสตฺตปิตุ อฺาย อคฺคมเหสิยา ภวิตพฺพํ, ตถาปิ โพธิสตฺตมาตริ ธรนฺติยา อยุชฺชมานกนฺติ อาห ‘‘น จ สกฺกา’’ติอาทิ. อปเนตฺวาติ อคฺคมเหสิานโต นีหริตฺวา. อตฺตนิ ฉนฺทราควเสเนว พหิทฺธา อารมฺมณปริเยสนาติ วิสยินิสาราโค สตฺตานํ วิสเยสุ สาราคสฺส พลวการณนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สตฺตานํ อตฺตภาเว ฉนฺทราโค พลวา โหตี’’ติ. อนุรกฺขิตุํ น สกฺโกตีติ สมฺมา คพฺภปริหารํ นานุยฺุชติ. เตน คพฺโภ พหฺวาพาโธ โหติ. วตฺถุ วิสทํ โหตีติ คพฺภาสโย วิสุทฺโธ โหติ. มาตุ มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฏฺาเส โพธิสตฺตคพฺโภกฺกมนมฺปิ ตสฺสา อายุปริมาณวิโลกเนเนว สงฺคหิตํ วโยวเสน อุปฺปชฺชนกวิการสฺส ปริวชฺชนโต. อิตฺถิสภาเวน อุปฺปชฺชนกวิกาโร ปน โพธิสตฺตสฺส อานุภาเวเนว วูปสมติ.
๒๕. สตฺตมาสชาโตติ ปฏิสนฺธิคฺคหณโต สตฺตเม มาเส ชาโต. โส สีตุณฺหกฺขโม น โหติ อติวิย สุขุมาลตาย. อฏฺมาสชาโต ¶ กามํ สตฺตมาสชาตโต พุทฺธิวยวา, เอกจฺเจ ปน จมฺมปเทสา วุทฺธึ ปาปุณนฺตา ฆฏฺฏนํ น สหนฺติ, เตน โส น ชีวติ. ‘‘สตฺตมาสชาตสฺส ปน น ตาว เต ชาตา’’ติ วทนฺติ.
๒๗. เทวา ¶ ปมํ ปฏิคฺคณฺหนฺตีติ ‘‘โลกนาถํ มหาปุริสํ สยเมว ปมํ ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ สฺชาตคารวพหุมานา อตฺตโน ปีตึ ปเวเทนฺตา ขีณาสวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมาโน อาทิโต ปฏิคฺคณฺหนฺติ. สูติเวสนฺติ สูติชคฺคนธาติเวสํ. เอเกติ อภยคิริวาสิโน. มจฺฉกฺขิสทิสํ ฉวิวเสน. อฏฺาสิ น นิสีทิ, น นิปชฺชิ วา. เตน วุตฺตํ ‘‘ิตาว โพธิสตฺตํ โพธิสตฺตมาตา วิชายตี’’ติ. นิทฺทุกฺขตาย ิตา เอว หุตฺวา วิชายติ. ทุกฺขสฺส หิ พลวภาวโต ตํ ทุกฺขํ อสหมานา อฺา อิตฺถิโย นิสินฺนา วา นิปนฺนา วา วิชายนฺติ.
๒๘. อชินปฺปเวณิยาติ ¶ อชินจมฺเมหิ สิพฺพิตฺวา กตปเวณิยา. มหาเตโชติ มหานุภาโว. มหายโสติ มหาปริวาโร, วิปุลกิตฺติโฆโส จ.
๒๙. ภคฺควิภคฺคาติ สมฺพาธฏฺานโต นิกฺขมเนน วิภาวิตตฺตา ภคฺคา, วิภคฺคา วิย จ หุตฺวา, เตน เนสํ อวิสทภาวเมว ทสฺเสติ. อลคฺโค หุตฺวาติ คพฺภาสเย, โยนิปเทเส จ กตฺถจิ อลคฺโค อสตฺโต หุตฺวา, ยโต ‘‘ธมกรณโต อุทกนิกฺขมนสทิส’’นฺติ วุตฺตํ. อุทเกนาติ คพฺภาสยคเตน อุทเกน. อมกฺขิโตว นิกฺขมติ สมฺมกฺขิตสฺส ตาทิสสฺส อุทกเสมฺหาทิกสฺเสว ตตฺถ อภาวโต. โพธิสตฺตสฺส หิ ปฺุานุภาวโต ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ตํ านํ ปุพฺเพปิ วิสุทฺธํ วิเสสโต ปรมสุคนฺธคนฺธกุฏิ วิย จนฺทนคนฺธํ วายนฺตํ ติฏฺติ.
อุทกวฏฺฏิโยติ อุทกกฺขนฺธา.
๓๑. มุหุตฺตชาโตติ มุหุตฺเตน ชาโต หุตฺวา มุหุตฺตมตฺโตว. อนุธาริยมาเนติ ¶ อนุกูลวเสน นียมาเน. อาคตาเนวาติ ตํ านํ อุปคตานิ เอว. อเนกสาขนฺติ รตนมยาเนกสตปติฏฺานหีรกํ. สหสฺสมณฺฑลนฺติ เตสํ อุปริฏฺิตํ อเนกสหสฺสมณฺฑลหีรกํ. มรูติ เทวา. น โข ปน เอวํ ทฏฺพฺพํ ปทวีติหารโต ปเคว ทิสาวิโลกนสฺส ¶ กตตฺตา. เตนาห ‘‘มหาสตฺโต หี’’ติอาทิ. เอกงฺคณานีติ วิวฏภาเวน วิหารงฺคณปริเวณงฺคณานิ วิย เอกงฺคณสทิสานิ อเหสุํ. สทิโสปิ นตฺถีติ ตุมฺหากํ อิทํ วิโลกนํ วิสิฏฺเ ปสฺสิตุํ ‘‘อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. อคฺโคติ ปธาโน, เกน ปนสฺส ปธานตาติ อาห ‘‘คุเณหี’’ติ. ปม-สทฺโท เจตฺถ ปธานปริยาโย. โพธิสตฺตสฺส ปน ปธานตา อนฺสาธารณาติ อาห ‘‘สพฺพปโม’’ติ, สพฺพปธาโนติ อตฺโถ. เอตสฺเสวาติ อคฺคสทฺทสฺเสว. เอตฺถ จ มเหสกฺขา ตาว เทวา ตถา จ วทนฺติ, อิตเร ปน กถนฺติ? มหาสตฺตสฺส อานุภาวทสฺสนาทินา. มเหสกฺขานฺหิ เทวานํ มหาสตฺตสฺส อานุภาโว วิย เตน สทิสานมฺปิ อานุภาโว ปจฺจกฺโข อโหสีติ, อิตเร ปน เตสํ วจนํ สุตฺวา สทฺทหนฺตา อนุมินนฺตา ตถา อาหํสุ. ปริปากคตปุพฺพเหตุสํสิทฺธาย ธมฺมตาย โจทิยมาโน อิมสฺมึ…เป… พฺยากาสิ.
ชาตมตฺตสฺเสว โพธิสตฺตสฺส านาทีนิ เยสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภูตานีติ เต นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปติฏฺานํ จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ อิทฺธิปาทวเสน โลกุตฺตรธมฺเมสุ สุปฺปติฏฺิตภาวสมิชฺฌนโต. อุตฺตราภิมุขภาโว ¶ โลกสฺส ¶ อุตฺตรณวเสน คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. เตน หิ ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส อภิภูโต, เกนจิ อนภิภูโต อโหสิ. เตนาห ‘‘มหาชนํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อภิภวิตฺวา คมนสฺส ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ. ตถา สตฺตปทคมนํ สตฺตปทโพชฺฌงฺคสมฺปนฺนอริยมคฺคคมนสฺส. สุวิสุทฺธเสตจฺฉตฺตธารณํ สุวิสุทฺธวิมุตฺติฉตฺตธารณสฺส. ปฺจราชกกุธภณฺฑสมาโยโค ปฺจวิธวิมุตฺติคุณสมาโยคสฺส. อนาวฏทิสานุวิโลกนํ อนาวฏาณตาย. ‘‘อคฺโคหมสฺมี’’ติอาทินา อฉมฺภิตวาจาภาสนํ เกนจิ อวิพนฺธนียตาย อปฺปวตฺติยสฺส สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส. ‘‘อยมนฺติมา ชาตี’’ติ อายตึ ชาติยา อภาวกิตฺตนา อนุปาทิ…เป… ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ตสฺส ตสฺส อนาคเต ลทฺธพฺพวิเสสสฺส ตํ ตํ นิมิตฺตํ อพฺยภิจารีติ กตฺวา. น อาคโตติ อิมสฺมึ สุตฺเต, อฺตฺถ จ วกฺขมานาย อนุปุพฺพิยา น อาคโต. อาหริตฺวาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สุตฺเต, อฏฺกถาสุ จ อาคตนเยน อาหริตฺวา ทีเปตพฺโพ.
‘‘ทสสหสฺสิโลกธาตุ ¶ กมฺปี’’ติ อิทํ สติปิ อิธ ปาฬิยํ อาคตตฺเต วกฺขมานานํ อจฺฉริยานํ มูลภูตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, เอวํ อฺมฺปิ เอวรูปํ ทฏฺพฺพํ. ตนฺติพทฺธา วีณา จมฺมพทฺธา เภริโยติ ปฺจงฺคิกตูริยสฺส นิทสฺสนมตฺตํ, จ-สทฺเทน วา อิตเรสมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘อนฺทุพนฺธนาทีนิ ตงฺขเณ เอว ฉชฺชิตฺวา ปุน ปากติกาเนว โหนฺติ, ตถา ชจฺจนฺธาทีนํ จกฺขุโสตาทีนิ ตถารูปกมฺมปจฺจยา ตสฺมึเยว ขเณ อุปฺปชฺชิตฺวา ตาวเทว วิคจฺฉนฺตี’’ติ วทนฺติ. ฉิชฺชึสูติ จ ปาเทสุ พนฺธฏฺาเนสุ ฉิชฺชึสุ. วิคจฺฉึสูติ วูปสมึสุ. อากาสฏฺกรตนานิ นาม ตํตํวิมานคตมณิรตนาทีนิ. สกเตโชภาสิตานีติ ¶ อติวิย สมุชฺชลาย อตฺตโน ปภาย โอภาสิตานิ อเหสุํ. นปฺปวตฺตีติ น สนฺนิปาโต. น วายีติ ขโร วาโต น วายิ. มุทุสุโข ปน สตฺตานํ สุขาวโห วายิ. ปถวิคตา อเหสุํ อุจฺจฏฺาเน าตุํ อวิสหนฺตา. อุตุสมฺปนฺโนติ อนุณฺหาสีตตาสงฺขาเตน อุตุนา สมฺปนฺโน. อปฺโผฏนํ วุจฺจติ ภุชหตฺถสงฺฆฏฺฏนสทฺโท, อตฺถโต ปน วามหตฺถํ อุเร เปตฺวา ทกฺขิเณน ปุถุปาณินา หตฺถตาฬเนน สทฺทกรณํ. มุเขน อุสฺเสฬนํ สทฺทสฺส มฺุจนํ เสฬนํ. เอกทฺธชมาลา อโหสิ นิรนฺตรํ ธชมาลาสโมธานคตาย. น เกวลฺจ เอตานิ เอว, อถ โข อฺานิปิ ‘‘วิจิตฺตปุปฺผสุคนฺธปุปฺผวสฺสเทโวปวสฺสิ สูริเย ทิสฺสมาเน เอว ตารกา โอภาสึสุ, อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อุทกํ ปถวิโต อุพฺภิชฺชิ, พิลาสยา จ ติรจฺฉานา อาสยโต นิกฺขมึสุ, ราคโทสโมหาปิ ตนุ ภวึสุ, ปถวิยํ รโช วูปสมิ, อนิฏฺคนฺโธ วิคจฺฉิ, ทิพฺพคนฺโธ วายิ, รูปิโน เทวา สรูเปเนว มนุสฺสานํ อาปาถํ อคมํสุ, สตฺตานํ จุตูปปาตา นาเหสุ’’นฺติ เอวมาทีนิ ¶ ยานิ มหาภินีหารสมเย อุปฺปนฺนานิ ทฺวตฺตึสปุพฺพนิมิตฺตานิ, ตานิ อนวเสสโต ตทา อเหสุนฺติ.
ตตฺราปีติ เตสุปิ ปถวิกมฺปาทีสุ เอวํ ปุพฺพนิมิตฺตภาโว เวทิตพฺโพ. น เกวลํ สมฺปติชาตสฺส านาทีสุ เอวาติ อธิปฺปาโย. สพฺพฺุตฺาณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ สพฺพสฺส เยฺยสฺส, ติตฺถกรมตสฺส จ จาลนโต. เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว อิมสฺมึเยว เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต เกนจิ อนุสฺสาหิตานํเยว เอกปฺปหาเรเนว ¶ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมปฏิคฺคณฺหนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ปมํ เทวตานํ ปฏิคฺคหณํ ทิพฺพวิหารปฏิลาภสฺส, ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฏิคฺคหณํ ตตฺเถว านสฺส นิจฺจลสภาวโต ¶ อาเนฺชวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. วีณานํ สยํ วชฺชนํ ปรูปเทเสน วินา สยเมว อนุปุพฺพวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. เภรีนํ วชฺชนํ จกฺกวาฬปริยนฺตาย ปริสาย ปเวทนสมตฺถสฺส ธมฺมเภริยา อนุสาวนสฺส อมตทุนฺทุภิโฆสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อนฺทุพนฺธนาทีนํ เฉโท มานวินิพนฺธเภทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. มหาชนสฺส โรควิคโม ตสฺเสว สกลวฏฺฏทุกฺขโรควิคมภูตสฺส สจฺจปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ‘‘มหาชนสฺสา’’ติ ปทํ ‘‘มหาชนสฺส ทิพฺพจกฺขุปฏิลาภสฺส, มหาชนสฺส ทิพฺพโสตธาตุปฏิลาภสฺสา’’ติอาทินา ตตฺถ ตตฺถ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อิทฺธิปาทภาวนาวเสน สาติสยาณชวสมฺปตฺติสิทฺธีติ อาห ‘‘ปีสปฺปีนํ ชวสมฺปทา จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ. สุปฏฺฏนสมฺปาปุณนํ จตุปฏิสมฺภิทาธิคมสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อตฺถาทิอนุรูปํ อตฺถาทีสุ สมฺปฏิปตฺติภาวโต. รตนานํ สกเตโชภาสิตตฺตํ ยํ โลกสฺส ธมฺโมภาสํ ทสฺเสสฺสติ, เตน ตสฺส สกเตโชภาสิตตฺตสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.
จตุพฺรหฺมวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ ตสฺส สพฺพโส เวรวูปสมนโต. เอกาทสอคฺคินิพฺพาปนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ ทุนฺนิพฺพาปนนิพฺพานภาวโต. าณาโลกาทสฺสนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ อนาโลเก อาโลกทสฺสนภาวโต. นิพฺพานรเสนาติ กิเลสานํ นิพฺพายนรเสน. เอกรสภาวสฺสาติ สาสนสฺส สพฺพตฺถ เอกรสภาวสฺส, ตฺจ โข อมธุรสฺส ¶ โลกสฺส สพฺพโส มธุรภาวาปาทเนน. ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตภินฺทนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ สพฺพโส ทิฏฺิคตวาตาปนยนวเสน. อากาสาทิอปฺปติฏฺวิสมจฺจลฏฺานํ ปหาย สกุณานํ ปถวิคมนํ ตาทิสํ มิจฺฉาคาหํ ปหาย สตฺตานํ ปาเณหิ รตนตฺตยสรณคมนสฺส ปุพฺพนิตฺตํ. พหุชนกนฺตตายาติ จนฺทสฺส วิย พหุชนสฺส กนฺตตาย. สูริยสฺส อุณฺหสีตวิวชฺชิตอุตุสุขตา ปริฬาหวิวชฺชิตกายิกเจตสิกสุขปฺปตฺติยา ปุพฺพนิมิตฺตํ. เทวตานํ อปฺโผฏนาทีหิ กีฬนํ ปโมทุปฺปตฺติ ภวนฺตคมเนน, ธมฺมสภาวโพธเนน จ อุทานวเสน ปโมทวิภาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ธมฺมเวควสฺสนสฺสาติ เทสนาาณเวเคน ธมฺมามตสฺส วสฺสนสฺส ¶ ปุพฺพนิมิตฺตํ. กายคตาสติวเสน ลทฺธํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปาทิตมคฺคผลสุขานุภโว กายคตาสติอมตปฏิลาโภ, ตสฺส ปน กายสฺสาปิ อตปฺปกสุขาวหตฺตา ขุทาปิปาสาปีฬนาภาโว ปุพฺพนิมิตฺตํ วุตฺโต ¶ . อฏฺกถายํปน ขุทํ, ปิปาสฺจ ภินฺทิตฺวา วุตฺตํ. ตตฺถ ปุพฺพนิมิตฺตานํ เภโท วิเสสสามฺวิภาเคน, โคพลีพทฺทาเยน จ คเหตพฺโพ. ‘‘สยเมวา’’ติ ปทํ ‘‘อฏฺงฺคิกมคฺคทฺวารวิวรณสฺสา’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ภริตภาวสฺสาติ ปริปุณฺณภาวสฺส. ‘‘อริยทฺธชมาลามาลิตายาติ กาสายทฺธชมาลาวนฺตตายา’’ติ เกจิ, สเทวกสฺส โลกสฺส ปน อริยมคฺคโพชฺฌงฺคทฺธชมาลาหิ มาลิภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ยํ ปเนตฺถ อนุทฺธฏํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอตฺถาติ ‘‘สมฺปติชาโต’’ติอาทินา อาคเต อิมสฺมึ วาเร. วิสฺสชฺชิโตว, ตสฺมา อมฺเหหิ อิธ อปุพฺพํ วตฺตพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. ตทา ¶ ปถวิยํ คจฺฉนฺโตปิ มหาสตฺโต อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสีติ อยเมตฺถ นิยติ ธมฺมนิยาโม โพธิสตฺตานํ ธมฺมตา ติ อิทํ นิยติวาทวเสน กถนํ. ปุพฺเพ ปุริมชาตีสุ ตาทิสสฺส ปฺุสมฺภารกมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสีติ อิทํ ปุพฺเพกตกมฺมวาทวเสน กถนํ. อิเมสํ สตฺตานํ อุปริ อีสนสีลตาย ยถาสกํ กมฺมเมว อิสฺสโร นาม, ตสฺส นิมฺมานํ อตฺตโน ผลสฺส นิพฺพตฺตนํ มหาปุริโสปิ สเทวกํ โลกํ อภิภวิตุํ สมตฺเถน อุฬาเรน ปฺุกมฺเมน นิพฺพตฺติโต, เตน อิสฺสเรน นิมฺมิโต นาม, ตสฺส จายํ นิมฺมานวิเสโส, ยทิทํ มหานุภาวตา, ยาย มหาชนสฺส ตถา อุปฏฺาสีติ อิทํ อิสฺสรนิมฺมานวเสน กถนํ. เอวํ ตํ ตํ พหุลํ วตฺวา กึ อิมาย ปริยายกถายาติ อวสาเน อุชุกเมว พฺยากริ. สมฺปติชาโต ปถวิยํ กถํ ปทสา คจฺฉติ, เอวํ มหานุภาโว อากาเสน มฺเ คจฺฉตีติ ปริกปฺปนวเสน อากาเสน คจฺฉนฺโต วิย อโหสิ. สีฆตรํ ปน สตฺตปทวีติหาเรน คตตฺตา ทิสฺสมานรูโปปิ มหาชนสฺส อทิสฺสมาโน วิย อโหสิ. อเจลกภาโว, ขุทฺทกสรีรตา จ ตาทิสสฺส อิริยาปถสฺส น อนุจฺฉวิกาติ กมฺมานุภาวสฺชนิตปาฏิหาริยวเสน อลงฺกตปฏิยตฺโต วิย, โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วิย จ มหาชนสฺส อุปฏฺาสีติ เวทิตพฺพํ. มหาสตฺตสฺส ปฺุานุภาเวน ตทา ตถา อุปฏฺานมตฺตเมเวตนฺติ. ปจฺฉา พาลทารโกว อโหสิ, น ตาทิโสติ. พุทฺธภาวานุจฺฉวิกสฺส โพธิสตฺตานุภาวสฺส ยาถาวโต ปเวทิตตฺตา ปริสา จสฺส พฺยากรเณน พุทฺเธน วิย…เป… อตฺตมนา อโหสิ.
สพฺพธมฺมตาติ ¶ ¶ สพฺพา โสฬสวิธาปิ ยถาวุตฺตา ธมฺมตา ¶ สพฺพโพธิสตฺตานํ โหนฺตีติ เวทิตพฺพา ปฺุาณสมฺภารทสฺสเนน เนสํ เอกสทิสตฺตา.
ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวณฺณนา
๓๓. ทุกูลจุมฺพฏเกติ ทหรสฺส นิปชฺชนโยคฺยตาวเสน ปฏิสํหฏทุกูลสุขุเม. ‘‘ขตฺติโย พฺราหฺมโณ’’ติ เอวมาทิ ชาติ. ‘‘โกณฺฑฺโ โคตโม’’ติ เอวมาทิ โคตฺตํ. ‘‘โปณิกา จิกฺขลฺลิกา สากิยา โกฬิยา’’ติ เอวมาทิ กุลปเทโส. อาทิ-สทฺเทน รูปิสฺสริยปริวาราทิสพฺพสมฺปตฺติโย สงฺคณฺหาติ. มหนฺตสฺสาติ วิปุลสฺส, อุฬารสฺสาติ อตฺโถ. นิปฺผตฺติโยติ สิทฺธิโย. คนฺตพฺพคติยาติ คติ-สทฺทสฺส กมฺมสาธนตมาห. อุปปชฺชนวเสน หิ สุจริตทุจฺจริเตหิ คนฺตพฺพาติ คติโย, อุปปตฺติภววิเสโส. คจฺฉติ ยถารุจิ ปวตฺตตีติ คติ, อชฺฌาสโย. ปฏิสรเณติ ปรายเณ อวสฺสเย. สพฺพสงฺขตวิสํยุตฺตสฺส หิ อรหโต นิพฺพานเมว ตํปฏิสรณํ. ตฺยาหนฺติ เต อหํ.
ทสวิเธ กุสลธมฺเม, อครหิเต จ ราชธมฺเม (ชา. ๒ มหามํสชาตเก วิตฺถาโร) นิยุตฺโตติ ธมฺมิโก. เตน จ ธมฺเมน สกลํ โลกํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ยสฺมา จกฺกวตฺตี ธมฺเมน าเยน รชฺชํ อธิคจฺฉติ, น อธมฺเมน, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ธมฺเมน ลทฺธรชฺชตฺตา ธมฺมราชา’’ติ. จตูสุ ทิสาสุ สมุทฺทปริโยสานตาย จตุรนฺตา นาม ตตฺถ ตตฺถ ทีเป มหาปถวีติ อาห ‘‘ปุรตฺถิม…เป… อิสฺสโร’’ติ. วิชิตาวีติ วิเชตพฺพสฺส วิชิตวา, กามโกธาทิกสฺส อพฺภนฺตรสฺส, ปฏิราชภูตสฺส พาหิรสฺส จ อริคณสฺส วิชยิ, วิเชตฺวา ิโตติ อตฺโถ. กามํ จกฺกวตฺติโน เกนจิ ยุทฺธํ นาม นตฺถิ, ยุทฺเธน ปน สาเธตพฺพสฺส วิชยสฺส สิทฺธิยา ‘‘วิชิตสงฺคาโม’’ติ วุตฺตํ. ชนปโทว จตุพฺพิธอจฺฉริยธมฺมาทิสมนฺนาคเต อสฺมึ ราชินิ ถาวริยํ เกนจิ อสํหาริยํ ทฬฺหํ ภตฺตภาวํ ปตฺโต, ชนปเท ¶ วา อตฺตโน ธมฺมิกาย ปฏิปตฺติยา ถาวริยํ ถิรภาวํ ปตฺโตติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต. มนุสฺสานํ อุเร สตฺถํ เปตฺวา อิจฺฉิตธนหรณาทินา ปรสาหสการิตาย สาหสิกา.
รติชนนฏฺเนาติ อตปฺปกปีติโสมนสฺสุปฺปาทเนน. สทฺทตฺถโต ปน รเมตีติ รตนํ. ‘‘อโห มโนหร’’นฺติ จิตฺเต กตฺตพฺพตาย จิตฺตีกตํ ¶ . ‘‘สฺวายํ จิตฺตีกาโร ตสฺส ปูชนียตายา’’ติ จิตฺตีกตนฺติ ปูชนียนฺติ อตฺถํ วทนฺติ. มหนฺตํ วิปุลํ อปริมิตํ มูลํ อคฺฆตีติ มหคฺฆํ. นตฺถิ เอตสฺส ตุลา อุปมาติ อตุลํ, อสทิสํ. กทาจิ เอว อุปฺปชฺชนโต ทุกฺเขน ลทฺธพฺพตฺตา ¶ ทุลฺลภทสฺสนํ. อโนเมหิ อุฬารคุเณเหว สตฺเตหิ ปริภฺุชิตพฺพโต อโนมสตฺตปริโภคํ. อิทานิ เนสํ จิตฺตีกตาทิอตฺถานํ สวิเสสํ จกฺกรตเน ลพฺภมานตํ ทสฺเสตฺวา อิตเรสุปิ เต อติทิสิตุํ ‘‘จกฺกรตนสฺส จา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อฺํ เทวฏฺานํ นาม น โหติ รฺโ อนฺสาธารณิสฺสริยาทิสมฺปตฺติปฏิลาภเหตุโต, สตฺตานฺจ ยถิจฺฉิตตฺถปฏิลาภเหตุโต. อคฺโฆ นตฺถิ อติวิย อุฬารสมุชฺชลสตฺตรตนมยตฺตา, อจฺฉริยพฺภุตมหานุภาวตาย จ. ยทคฺเคน มหคฺฆํ, ตทคฺเคน อตุลํ. สตฺตานํ ปาปชิคุจฺฉเนน วิคตกาฬโก ปฺุปสุตตาย มณฺฑภูโต ยาทิโส กาโล พุทฺธุปฺปาทารโห, ตาทิเส เอว จกฺกวตฺตีนมฺปิ สมฺภโวติ อาห ‘‘ยสฺมา จ ปนา’’ติอาทิ. อุปมาวเสน เจตํ วุตฺตํ, อุปโมปเมยฺยานฺจ น อจฺจนฺตเมว สทิสตา. ตสฺมา ยถา พุทฺธา กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, น ตถา จกฺกวตฺติโน, เอวํ สนฺเตปิ จกฺกวตฺติวตฺตปริปูรณสฺสาปิ ทุกฺกรภาวโตปิ ทุลฺลภุปฺปาทาเยวาติ ¶ , อิมินา ทุลฺลภุปฺปาทตาสามฺเน เตสํ ทุลฺลภทสฺสนตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. กามํ จกฺกรตนานุภาเวน สิชฺฌมาโน คุโณ จกฺกวตฺติปริวารสาธารโณ, ตถาปิ ‘‘จกฺกวตฺตี เอว นํ สามิภาเวน วิสวิตาย ปริภฺุชตี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ ตทตฺถํ อุปฺปชฺชนโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเทต’’นฺติอาทิมาห. ยถาวุตฺตานํ ปฺจนฺนํ, ฉนฺนมฺปิ วา อตฺถานํ อิตรรตเนสุปิ ลพฺภนโต ‘‘เอวํ เสสานิปี’’ติ วุตฺตํ. หตฺถิอสฺส-ปริณายกรตเนหิ อชิตวิชยโต, จกฺกรตเนน จ ปริวารภาเวน, เสเสหิ ปริโภคูปกรณภาเวน สมนฺนาคโต. หตฺถิอสฺสมณิอิตฺถิรตเนหิ ปริโภคูปกรณภาเวน เสเสหิ ปริวารภาเวนาติ โยชนา.
จตุนฺนํ มหาทีปานํ สิริวิภวนฺติ ตตฺถ ลทฺธํ สิริสมฺปตฺติฺเจว โภคสมฺปตฺติฺจ. ตาทิสเมวาติ ‘‘ปุเรภตฺตเมวา’’ติอาทินา วุตฺตานุภาวเมว. โยชนปฺปมาณํ ปเทสํ พฺยาปเนน โยชนปฺปมาณํ อนฺธการํ. อติทีฆตาทิฉพฺพิธโทสปริวชฺชิตํ.
สูราติ สตฺติวนฺโต, นิพฺภยาติ อตฺโถติ อาห ‘‘อภีรุกา’’ติ. องฺคนฺติ การณํ. เยน การเณน ‘‘วีรา’’ติ วุจฺเจยฺยุํ, ตํ วีรงฺคํ. เตนาห ‘‘วีริยสฺเสตํ ¶ นาม’’นฺติ. ยาว จกฺกวาฬปพฺพตา จกฺกสฺส วตฺตนโต ‘‘จกฺกวาฬปพฺพตํ สีมํ กตฺวา ิตสมุทฺทปริยนฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อทณฺเฑนา’’ติ อิมินาว ธนทณฺฑสฺส, สรีรทณฺฑสฺส จ อกรณํ วุตฺตํ. ‘‘อสตฺเถนา’’ติ อิมินา ปน เสนาย ยุชฺฌนสฺสาติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย กตาปราเธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุตฺตปฺปการนฺติ สาครปริยนฺตํ.
‘‘รฺชนฏฺเน ราโค, ตณฺหายนฏฺเน ตณฺหา’’ติ ปวตฺติอาการเภเทน ¶ โลโภ เอว ทฺวิธา วุตฺโต ¶ . ตถา หิสฺส ทฺวิธาปิ ฉทนฏฺโ เอกนฺติโก. ยถาห ‘‘อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติ, (เนตฺติ. ๑๑, ๒๗) ‘‘ตณฺหาฉทนฉาทิตา’’ติ (อุทา. ๖๔) จ. อิมินา นเยน โทสาทีนมฺปิ ฉทนฏฺโ วตฺตพฺโพ. กิเลสคฺคหเณน วิจิกิจฺฉาทโย เสสกิเลสา วุตฺตา. ยสฺมา เต สพฺเพ ปาปธมฺมา อุปฺปชฺชมานา สตฺตสนฺตานํ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺนฺติ กุสลปฺปวตฺตึ นิวาเรนฺติ, ตสฺมา เต ‘‘ฉทนา, ฉทา’’ติ จ วุตฺตา. วิวฏฺฏจฺฉทาติ จ โอ-การสฺส อา-การํ กตฺวา นิทฺเทโส.
๓๕. ตาสนฺติ ทฺวินฺนมฺปิ นิปฺผตฺตีนํ. นิมิตฺตภูตานีติ าปกการณภูตานิ. ตถา หิ ลกฺขียติ มหาปุริสภาโว เอเตหีติ ลกฺขณานิ. านคมนาทีสุ ภูมิยํ สุฏฺุ สมํ ปติฏฺิตา ปาทา เอตสฺสาติ สุปฺปติฏฺิตปาโท. ตํ ปนสฺส สุปฺปติฏฺิตปาทตํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อคฺคตลนฺติ อคฺคปาทตลํ. ปณฺหีติ ปณฺหิตลํ. ปสฺสนฺติ ปาทตลสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ เอเกกํ, อุภยเมว วา ปริยนฺตํ ปสฺสํ. ‘‘อสฺส ปนา’’ติอาทิ อนฺวยโต อตฺถวิภาวนํ. สุวณฺณปาทุกตลมิว อุชุกํ นิกฺขิปิยมานํ. เอกปฺปหาเรเนวาติ เอกกฺขเณเยว. สกลํ ปาทตลํ ภูมึ ผุสติ นิกฺขิปเน. เอกปฺปหาเรเนว สกลํ ปาทตลํ ภูมิโต อุฏฺหตีติ โยชนา. ตสฺมา อยํ สุปฺปติฏฺิตปาโทติ นิคมนํ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ อนุปุพฺพนินฺนาทิอจฺฉริยพฺภุตํ ¶ นิสฺสนฺทผลํ, ตํ ปรโต ลกฺขณสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๐๑) อาวิภวิสฺสตีติ.
นาภิ ทิสฺสตีติ ลกฺขณจกฺกสฺส นาภิ ปริมณฺฑลสณฺานา สุปริพฺยตฺตา หุตฺวา ทิสฺสติ, ลพฺภตีติ อธิปฺปาโย. นาภิปริจฺฉินฺนาติ ตสฺสํ นาภิยํ ปริจฺฉินฺนา ปริจฺเฉทวเสน ิตา. นาภิมุขปริกฺเขปปฏฺโฏติ ปกติจกฺกสฺส ¶ อกฺขพฺภาหตปริหรณตฺถํ นาภิมุเข เปตพฺพํ ปริกฺเขปปฏฺโฏ, ตปฺปฏิจฺฉนฺโน อิธ อธิปฺเปโต. เนมิมณิกาติ เนมิยํ อาวลิภาเวน ิตมณิกาเลขา. สมฺพหุลวาโรติ พหุวิธเลขงฺควิภาวนวาโร. สตฺตีติ อาวุธสตฺติ. สิริวจฺโฉติ สิริองฺคา. นนฺทีติ ทกฺขิณาวตฺตํ. โสวตฺติโกติ โสวตฺติองฺโค. วฏํสโกติ อาเวฬํ. วฑฺฒมานกนฺติ ปุริมหาทีสุ ทีปงฺกํ. โมรหตฺถโกติ โมรปิฺฉกลาโป, โมรปิฺฉปฏิสิพฺพิโต วา พีชนีวิเสโส. วาฬพีชนีติ จามริวาลํ. สิทฺธตฺถาทิ ปุณฺณฆฏปุณฺณปาติโย. ‘‘จกฺกวาโฬ’’ติ วตฺวา ตสฺส ปธานาวยเว ทสฺเสตุํ ‘‘หิมวา สิเนรุ…เป… สหสฺสานี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘จกฺกวตฺติรฺโ ปริสํ อุปาทายา’’ติ อิทํ หตฺถิรตนาทีนมฺปิ ตตฺถ ลพฺภมานภาวทสฺสนํ. สพฺโพติสตฺติอาทิโก ยถาวุตฺโต องฺควิเสโส จกฺกลกฺขณสฺเสว ปริวาโรติ เวทิตพฺโพ.
‘‘อายตปณฺหี’’ติ ¶ อิทํ อฺเสํ ปณฺหิโต ทีฆตํ สนฺธาย ¶ วุตฺตํ, น ปน อติทีฆตนฺติ อาห ‘‘ปริปุณฺณปณฺหี’’ติ. ยถา ปน ปณฺหิลกฺขณํ ปริปุณฺณํ นาม โหติ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อารคฺเคนาติ มณฺฑลาย สิขาย. วฏฺเฏตฺวาติ ยถา สุวฏฺฏํ โหติ, เอวํ วฏฺเฏตฺวา. รตฺตกมฺพลเคณฺฑุกสทิสาติ รตฺตกมฺพลมยเคณฺฑุกสทิสา.
‘‘มกฺกฏสฺเสวา’’ติ ทีฆภาวํ, สมตฺจ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. นิยฺยาสเตเลนาติ ฉตฺติริตนิยฺยาสาทินิยฺยาสสมฺมิสฺเสน เตเลน, ยํ ‘‘สุรภินิยฺยาส’’นฺติปิ วทนฺติ. นิยฺยาสเตลคฺคหณฺเจตฺถ หริตาลวฏฺฏิยา ฆนสินิทฺธภาวทสฺสนตฺถํ.
ยถา สตกฺขตฺตุํ วิหตํ กปฺปาสปฏลํ สปฺปิมณฺเฑ โอสาริตํ อติวิย มุทุ โหติ, เอวํ มหาปุริสสฺส หตฺถปาทาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สปฺปิมณฺเฑ’’ติอาทิมาห. ตลุนาติ สุขุมาลา.
จมฺเมนาติ องฺคุลนฺตรเวิตจมฺเมน. ปฏิพทฺธองฺคุลนฺตโรติ เอกโต สมฺพทฺธองฺคุลนฺตโร น โหติ. เอกปฺปมาณาติ ทีฆโต สมานปฺปมาณา. ยวลกฺขณนฺติ อพฺภนฺตรโต องฺคุลิปพฺเพ ิตํ ยวลกฺขณํ. ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ ตํตํปพฺพานํ สมานเทสตาย องฺคุลีนํ ปสาริตกาเลปิ อฺมฺํ วิชฺฌิตานิ วิย ผุสิตฺวา ติฏฺนฺติ.
สงฺขา ¶ วุจฺจนฺติ โคปฺผกา, อุทฺธํ สงฺขา เอเตสนฺติ อุสฺสงฺขา, ปาทา. ปิฏฺิปาเทติ ปิฏฺิปาทสมีเป. เตนาติ ปิฏฺิปาเท ิตโคปฺผกภาเวน พทฺธา โหนฺตีติ โยชนา. ตยิทํ ‘‘เตนา’’ติ ปทํ อุปริปททฺวเยปิ โยเชตพฺพํ ¶ ‘‘เตน พทฺธภาเวน น ยถาสุขํ ปริวฏฺฏนฺติ, เตน ยถาสุขํ นปริวฏฺฏเนน คจฺฉนฺตานํ ปาทตลานิปิ น ทิสฺสนฺตี’’ติ. อุปรีติ ปิฏฺิปาทโต ทฺวิติองฺคุลิมตฺตํ อุทฺธํ, ‘‘จตุรงฺคุลมตฺต’’นฺติ จ วทนฺติ. นิคูฬฺหานิ จ โหนฺติ, น อฺเสํ วิย ปฺายมานานิ. เตนาติ โคปฺผกานํ อุปริ ปติฏฺิตภาเวน. อสฺสาติ มหาปุริสสฺส. สติปิ เทสนฺตรปฺปวตฺติยํ นิจฺจโลติ ทสฺสนตฺถํ นาภิคฺคหณํ. ‘‘อโธกาโยว อิฺชตี’’ติ อิทํ ปุริมปทสฺส การณวจนํ. ยสฺมา อโธกาโยว อิฺชติ, ตสฺมา นาภิโต…เป… นิจฺจโล โหติ. ‘‘สุเขน ปาทา ปริวฏฺฏนฺตี’’ติ อิทํ ปน ปุริมสฺส, ปจฺฉิมสฺส จ การณวจนํ. ยสฺมา สุเขน ปาทา ปริวฏฺฏนฺติ, ตสฺมา อโธกาโยว อิฺชติ, ยสฺมา สุเขน ปาทา ปริวฏฺฏนฺติ, ตสฺมา ปุรโตปิ…เป… ปจฺฉโตเยวาติ.
ยสฺมา เอณิมิคสฺส สมนฺตโต เอกสทิสมํสา อนุกฺกเมน อุทฺธํ ถูลา ชงฺฆา โหนฺติ, ตถา ¶ มหาปุริสสฺสาปิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เอณิมิคสทิสชงฺโฆ’’ติ. ปริปุณฺณชงฺโฆติ สมนฺตโต มํสูปจเยน ปริปุณฺณชงฺโฆ. เตนาห ‘‘น เอกโต’’ติอาทิ.
เอเตนาติ ‘‘อโนนมนฺโต’’ติอาทิวจเนน, ชาณุผาสุภาวทีปเนนาติ อตฺโถ. อวเสสชนาติ อิมินา ลกฺขเณน รหิตชนา. ขุชฺชา วา โหนฺติ เหฏฺิมกายโต อุปริมกายสฺส รสฺสตาย, วามนา วา อุปริมกายโต เหฏฺิมกายสฺส รสฺสตาย, เอเตน เปตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ, จกฺกวตฺตินฺจ อิตเร สตฺตา ขุชฺชปกฺขิกา, วามนปกฺขิกา จาติ ทสฺเสติ.
กามํ สพฺพาปิ ปทุมกณฺณิกา สุวณฺณวณฺณาว, กฺจนปทุมกณฺณิกา ปน ปภสฺสรภาเวน ตโต สาติสยาติ ¶ อาห ‘‘สุวณฺณปทุมกณฺณิกสทิเสหี’’ติ. โอหิตนฺติ สโมหิตํ อนฺโตคธํ. ตถาภูตํ ปน ตํ เตน ฉนฺนํ โหตีติ อาห ‘‘ปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ.
สุวณฺณวณฺโณติ สุวณฺณวณฺณวณฺโณติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘ชาติหิงฺคุลเกนา’’ติอาทิ, สฺวายมตฺโถ อาวุตฺติาเยน จ เวทิตพฺโพ. สรีรปริยาโย อิธ วณฺณ-สทฺโทติ อธิปฺปาโย. ปมวิกปฺปํ วตฺวา ¶ ตถารูปาย ปน รุฬฺหิยา อภาวํ มนสิ กตฺวา วณฺณธาตุปริยายเมว วณฺณ-สทฺทํ คเหตฺวา ทุติยวิกปฺโป วุตฺโต. ตสฺมา ปททฺวเยนาปิ สุนิทฺธนฺตสุวณฺณสทิสฉวิวณฺโณติ วุตฺตํ โหติ.
รโชติ สุขุมรโช. ชลฺลนฺติ มลีนภาวาวโห เรณุสฺจโย. เตนาห ‘‘มลํ วา’’ติ. ยทิ วิวตฺตติ, กถํ นฺหานาทีนีติ อาห ‘‘หตฺถโธวนาทีนี’’ติอาทิ.
อาวฏฺฏปริโยสาเนติ ปทกฺขิณาวฏฺฏนวเสน ปวตฺตสฺส อาวฏฺฏสฺส อนฺเต.
พฺรหฺมุโน สรีรํ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา อโนนมิตฺวา อุชุกเมว อุคฺคตนฺติ อาห ‘‘พฺรหฺมา วิย อุชุคตฺโต’’ติ. สา ปนายํ อุชุคตฺตตา อวยเวสุ พุทฺธิปฺปตฺเตสุ ทฏฺพฺพา, น ทหรกาเลติ วุตฺตํ ‘‘อุคฺคตทีฆสรีโร ภวิสฺสตี’’ติ. อิตเรสูติ ‘‘ขนฺธชาณูสู’’ติ อิเมสุ ทฺวีสุ าเนสุ นมนฺตา ปุรโต นมนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ปสฺสวงฺกาติ ทกฺขิณปสฺเสน วา วามปสฺเสน วา วงฺกา. สูลสทิสาติ โปตฺถกรูปกรเณ ปิตสูลปาทสทิสา.
หตฺถปิฏฺิอาทิวเสน สตฺต สรีราวยวา อุสฺสทา อุปจิตมํสา เอตสฺสาติ สตฺตุสฺสโท. อฏฺิโกฏิโย ¶ ปฺายนฺตีติ โยชนา. นิคูฬฺหสิราชาเลหีติ ลกฺขณวจนเมตนฺติ เตน นิคูฬฺหอฏฺิโกฏีหีติปิ วุตฺตเมว โหตีติ. หตฺถปิฏฺาทีหีติ ¶ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน อํสกูฏขนฺธกูฏานํ สงฺคเห สิทฺเธ ตํ เอกเทเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘วฏฺเฏตฺวา…เป… ขนฺเธนา’’ติ อาห. ‘‘สิลารูปกํ วิยา’’ติอาทินา วา นิคูฬฺหอํสกูฏตาปิ วิภาวิตา เยวาติ ทฏฺพฺพํ.
สีหสฺส ปุพฺพทฺธํ สีหปุพฺพทฺธํ, ปริปุณฺณาวยวตาย สีหปุพฺพทฺธํ วิย สกโล กาโย อสฺสาติ สีหปุพฺพทฺธกาโย. เตนาห ‘‘สีหสฺส ปุพฺพทฺธกาโย วิย สพฺโพ กาโย ปริปุณฺโณ’’ติ. สีหสฺเสวาติ สีหสฺส วิย. ทุสฺสณฺิตวิสณฺิโต น โหตีติ ทุฏฺุ สณฺิโต, วิรูปสณฺิโต จ น โหติ, เตสํ เตสํ อวยวานํ อยุตฺตภาเวน, วิรูปภาเวน จ สณฺิติ อุปคโต น โหตีติ อตฺโถ. สณฺนฺตีติ สณฺหนฺติ. ทีเฆหีติ องฺคุลินาสาทีหิ. รสฺเสหีติ คีวาทีหิ. ถูเลหีติ อูรุพาหุอาทีหิ ¶ . กิเสหีติ เกสโลมมชฺฌาทีหิ. ปุถุเลหีติ อกฺขิหตฺถตลาทีหิ. วฏฺเฏหีติ ชงฺฆหตฺถาทีหิ.
สตปฺุลกฺขณตาย นานาจิตฺเตน ปฺุจิตฺเตน จิตฺติโต สฺชาตจิตฺตภาโว ‘‘อีทิโส เอว พุทฺธานํ ธมฺมกายสฺส อธิฏฺานํ ภวิตุํ ยุตฺโต’’ติ ทสปารมีหิ สชฺชิโต อภิสงฺขโต, ‘‘ทานจิตฺเตน ปฺุจิตฺเตนา’’ติ วา ปาโ, ทานวเสน, สีลาทิวเสน จ ปวตฺตปฺุจิตฺเตนาติ อตฺโถ.
ทฺวินฺนํ โกฏฺฏานํ อนฺตรนฺติ ทฺวินฺนํ ปิฏฺิพาหานํ เวมชฺฌํ ปิฏฺิมชฺฌสฺส อุปริภาโค. จิตํ ปริปุณฺณนฺติ อนินฺนภาเวน จิตํ, ทฺวีหิ โกฏฺเฏหิ สมตลตาย ปริปุณฺณํ. อุคฺคมฺมาติ อุคฺคนฺตฺวา, อนินฺนํ สมตลํ หุตฺวาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘สุวณฺณผลกํ วิยา’’ติ.
นิคฺโรโธ วิย ปริมณฺฑโลติ ปริมณฺฑลนิคฺโรโธ วิย ¶ ปริมณฺฑโล, ‘‘นิคฺโรธปริมณฺฑลปริมณฺฑโล’’ติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส ปริมณฺฑล-สทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘นิคฺโรธปริมณฺฑโล’’ติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘สมกฺขนฺธสาโข นิคฺโรโธ’’ติอาทิ. น หิ สพฺโพ นิคฺโรโธ ปริมณฺฑโลติ, ปริมณฺฑลสทฺทสนฺนิธาเนน วา ปริมณฺฑโลว นิคฺโรโธ คยฺหตีติ เอกสฺส ปริมณฺฑลสทฺทสฺส โลเปน วินาปิ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘นิคฺโรโธ วิย ปริมณฺฑโล’’ติ. ยาวตโก อสฺสาติ ยาวตกฺวสฺส โอ-การสฺส ว-การาเทสํ กตฺวา.
สมวฏฺฏิตกฺขนฺโธติ สมํ สุวฏฺฏิตกฺขนฺโธ. โกฺจา วิย ทีฆคลา, พกา วิย วงฺกคลา ¶ , วราหา วิย ปุถุลคลาติ โยชนา. สุวณฺณาฬิงฺคสทิโสติ สุวณฺณมยขุทฺทกมุทิงฺคสทิโส.
รสคฺคสคฺคีติ มธุราทิเภทํ รสํ คสนฺติ อนฺโต ปเวสนฺตีติ รสคฺคสา รสคฺคสานํ อคฺคา รสคฺคสคฺคา, ตา เอตสฺส สนฺตีติ รสคฺคสคฺคี. เตนาติ โอชาย อผรเณน หีนธาตุกตฺตา เต พหฺวาพาธา โหนฺติ.
หนูติ สนฺนิสฺสยทนฺตาธารสฺส สมฺา, ตํ ภควโต สีหสฺส หนุ วิย, ตสฺมา ภควา สีหหนุ. ตตฺถ ยสฺมา พุทฺธานํ รูปกายสฺส, ธมฺมกายสฺส จ อุปมา นาม หีนูปมาว, นตฺถิ สมานูปมา, กุโต อธิกูปมา, ตสฺมา อยมฺปิ หีนูปมาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา มหาปุริสสฺส เหฏฺิมานุรูปวเสเนว อุปริมมฺปิ สณฺิตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ¶ ‘‘ทฺเวปิ ปริปุณฺณานี’’ติ, ตฺจ โข น สพฺพโส ปริมณฺฑลตาย, อถ โข ติภาคาวเสสมณฺฑลตายาติ อาห ‘‘ทฺวาทสิยา ปกฺขสฺส จนฺทสทิสานี’’ติ. สลฺลกฺเขตฺวาติ อตฺตโน ลกฺขณสตฺถานุสาเรน ¶ อุปธาเรตฺวา. ทนฺตานํ อุจฺจนีจตา อพฺภนฺตรพาหิรปสฺสวเสนปิ เวทิตพฺพา, น อคฺควเสเนว. เตนาห ‘‘อยปฏฺฏเกน ฉินฺนสงฺขปฏลํ วิยา’’ติ. อยปฏฺฏกนฺติ กกจํ อธิปฺเปตํ. สมา ภวิสฺสนฺติ, น วิสมา, สมสณฺานาติ อตฺโถ.
สาติสยํ มุทุทีฆปุถุลตาทิปฺปการคุณา หุตฺวา ภูตา ชาตาติ ปภูตา, ภ-การสฺส ห-การํ กตฺวา ปหูตา ชิวฺหา เอตสฺสาติ ปหูตชิวฺโห.
วิจฺฉินฺทิตฺวา วิจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตสรตาย ฉินฺนสฺสราปิ. อเนกาการตาย ภินฺนสฺสราปิ. กากสฺส วิย อมนฺุสรตาย กากสฺสราปิ. อปลิพุทฺธตฺตาติ อนุปทฺทุตวตฺถุกตฺตา, วตฺถูติ จ อกฺขรุปฺปตฺติฏฺานํ เวทิตพฺพํ. อฏฺงฺคสมนฺนาคโตติ เอตฺถ องฺคานิ ปรโต อาคมิสฺสนฺติ. มฺชุโฆโสติ มธุรสฺสโร.
อภินีลเนตฺโตติ อธิกนีลเนตฺโต, อธิกตา จ สาติสยํ นีลภาเวน เวทิตพฺพา, น เนตฺตนีลภาวสฺเสว อธิกภาวโตติ อาห ‘‘น สกลนีลเนตฺโต’’ติอาทิ. ปีตโลหิตวณฺณา เสตมณฺฑลคตราชิวเสน. นีลเสตกาฬวณฺณา ปน ตํตํมณฺฑลวเสเนว เวทิตพฺพา.
‘‘จกฺขุภณฺฑนฺติ อกฺขิทล’’นฺติ เกจิ. ‘‘อกฺขิทลวฏุม’’นฺติ อฺเ. อกฺขิทเลหิ ปน ¶ สทฺธึ อกฺขิพิมฺพนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวฺหิ วินิคฺคตคมฺภีรโชตนาปิ ยุตฺตา โหติ. ‘‘อธิปฺเปต’’นฺติ อิมินา อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เอกเทเสน สมุทายุปลกฺขณาเยนาติ ทสฺเสติ. ยสฺมา ปขุม-สทฺโท โลเก อกฺขิทลโลเมสุ นิรุฬฺโห, เตเนวาห ‘‘มุทุสินิทฺธนีลสุขุมปขุมาจิตานิ อกฺขีนี’’ติ.
กิฺจาปิ อุณฺณา-สทฺโท โลเก อวิเสสโต โลมปริยาโย, อิธ ปน โลมวิเสสวาจโกติ อาห ‘‘อุณฺณา โลม’’นฺติ. นลาฏเวมชฺเฌ ¶ ชาตาติ นลาฏมชฺฌคตา ชาตา. โอทาตตาย อุปมา, น มุทุตาย ¶ . อุณฺณา หิ ตโตปิ สาติสยํ มุทุตรา. เตนาห‘‘สปฺปิ มณฺเฑ’’ติอาทิ. รชตปุพฺพุฬกนฺติ รชตมยตารกมาห.
ทฺเว อตฺถวเส ปฏิจฺจ วุตฺตนฺติ ยสฺมา พุทฺธา, จกฺกวตฺติโน จ ปริปุณฺณนลาฏตาย, ปริปุณฺณสีสพิมฺพตาย จ ‘‘อุณฺหีสสีสา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตสฺมา เต ทฺเว อตฺถวเส ปฏิจฺจ ‘‘อุณฺหีสสีโส’’ติ อิทํ วุตฺตํ. อิทานิ ตํ อตฺถทฺวยํ มหาปุริเส สุปฺปติฏฺิตนฺติ ‘‘มหาปุริสสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สณฺหตมตาย, สุวณฺณวณฺณตาย, ปภสฺสรตาย, ปริปุณฺณตาย จ รฺโ พนฺธอุณฺหีสปฏฺโฏ วิย วิโรจติ. กปิสีสาติ ทฺวิธาภูตสีสา. ผลสีสาติ ผลิตสีสา. อฏฺิสีสาติ มํสสฺส อภาวโต อติวิย อฏฺิตาย, ปตนุภาวโต วา ตโจนทฺธอฏฺิมตฺตสีสา. ตุมฺพสีสาติ ลาพุสทิสสีสา. ปพฺภารสีสาติ ปิฏฺิภาเคน โอลมฺพมานสีสา. ปุริมนเยนาติ ปริปุณฺณนลาฏตาปกฺเขน. อุณฺหีสเวิตสีโส วิยาติ อุณฺหีสปฏฺเฏน เวิตสีสปเทโส วิย. อุณฺหีสํ วิยาติ เฉเกน สิปฺปินา วิรจิตอุณฺหีสมณฺฑลํ วิย.
วิปสฺสีสมฺาวณฺณนา
๓๗. ตสฺส วิตฺถาโรติ ตสฺส ลกฺขณปริคฺคณฺหเน เนมิตฺตกานํ สนฺตปฺปนสฺส วิตฺถาโร วิตฺถารกถา. คพฺโภกฺกนฺติยํ นิมิตฺตภูต สุปินปฏิคฺคาหกสนฺตปฺปเน วุตฺโตเยว. นิทฺโทเสนาติ ขาริกโลณิกาทิโทสรหิเตน. ธาติโยติ ถฺปายิกา ธาติโย. ตา หิ ธาเปนฺติ ถฺํ ปาเยนฺตีติ ธาติโย. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘สฏฺิ’’นฺติ ปทํ อุปสํหรติ ¶ , เสสาปีติ นฺหาปิกา, ธาริกา, ปริหาริกาติ อิมา ติวิธา. ตาปิ ทหนฺติ วิทหนฺติ นฺหานํ ทหนฺติ ธาเรนฺตีติ ‘‘ธาติโย’’ ตฺเวว วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ธารณํ อุรสา, อูรุนา, หตฺเถหิ วา สุจิรํ เวลํ สนฺธารณํ. ปริหรณํ ¶ อฺสฺส องฺกโต อตฺตโน องฺกํ, อฺสฺส พาหุโต อตฺตโน พาหุํ อุปสํหรนฺเตหิ หรณํ สมฺปาปนํ.
๓๘. มฺชุสฺสโรติ สณฺหสฺสโร. โย หิ สณฺโห, โส ขโร น โหตีติ อาห ‘‘อขรสฺสโร’’ติ. วคฺคุสฺสโรติ มโนรมฺมสฺสโร, มโนรมฺมตา จสฺส จาตุริยเน ปฺุโยคโตติ อาห ‘‘เฉกนิปุณสฺสโร’’ติ. มธุรสฺสโรติ โสตสุขสฺสโร, โสตสุขตา จสฺส อติวิย อิฏฺภาเวนาติ อาห ‘‘สาตสฺสโร’’ติ. เปมนียสฺสโรติ ¶ ปิยายิตพฺพสฺสโร, ปิยายิตพฺพตา จสฺส สุณนฺตานํ อตฺตนิ ภตฺติสมุปฺปาทเนนาติ อาห ‘‘เปมชนกสฺสโร’’ติ. กรวีกสฺสโรติ. กรวีกสทฺโท เยสํ สตฺตานํ โสตปถํ อุปคจฺฉติ, เต อตฺตโน สรสมฺปตฺติยา ปกตึ ชหาเปตฺวา อวเส กโรนฺโต อตฺตโน วเส วตฺเตติ, เอวํ มธุโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺริท’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘กรวีกสกุเณ’’ติอาทิ ตสฺส สภาวกถนํ. ลฬิตนฺติ ปีติเวคสมุฏฺิตํ ลีฬํ. ฉฑฺเฑตฺวาติ ‘‘สงฺขรณมฺปิ มธุรสทฺทสวนนฺตรายกร’’นฺติ ติณานิ อปเนตฺวา. อนิกฺขิปิตฺวาติ ภูมิยํ อนิกฺขิปิตฺวา อากาสคตเมว กตฺวา. อนุพทฺธมิคา วาฬมิเคหิ. ตโต มรณภยํ หิตฺวา. ปกฺเข ปสาเรตฺวาติ ปกฺเข ยถาปสาริเต กตฺวา อปตนฺตา ติฏฺนฺติ.
สุวณฺณปฺชรํ วิสฺสชฺเชสิ โยชนปฺปมาเณ อากาเส อตฺตโน อาณาย ปวตฺตนโต. เตนาห ‘‘โส ราชาณายา’’ติอาทิ. ลฬึสูติ ลฬิตํ กาตุํ อารภึสุ. ตํ ปีตินฺติ ¶ ตํ พุทฺธคุณารมฺมณํ ปีตึ เตเนว นีหาเรน ปุนปฺปุนํ ปวตฺตํ ปีตึ อวิชหิตฺวา วิกฺขมฺภิตกิเลสา เถรานํ สนฺติเก ลทฺธธมฺมสฺสวนสปฺปายา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ปริปกฺกาณตาย สตฺตหิ…เป… ปติฏฺาสิ. สตฺตสตมตฺเตน โอโรธชเนน สทฺธึ ปทสาว เถรานํ สนฺติกํ อุปคตตฺตา ‘‘สตฺตหิ ชงฺฆสเตหิ สทฺธิ’’นฺติ วุตฺตํ. ตโตติ กรวีกสทฺทโต. สตภาเคน…เป… เวทิตพฺโพ อเนกกปฺปโกฏิสตสมฺภูตปฺุสมฺภารสมุทาคตวตฺถุสมฺปตฺติภาวโต.
๓๙. กมฺมวิปากชนฺติ สาติสยสุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ ทูเรปิ อารมฺมณํ สมฺปฏิจฺฉนสมตฺถํ กมฺมวิปาเกน สหชาตํ, กมฺมสฺส วา วิปากภาเวน ชาตํ ปสาทจกฺขุ. ทุวิธฺหิ ทิพฺพจกฺขุํ กมฺมมยํ, ภาวนามยนฺติ. ตตฺริทํ กมฺมมยนฺติ อาห ‘‘น ภาวนามย’’นฺติ. ภาวนามยํ ปน โพธิมูเล อุปฺปชฺชิสฺสติ. อยํ ‘‘โส’’ติ สลฺลกฺขณํ กามํ มโนวิฺาเณน โหติ, จกฺขุวิฺาเณน ปน ตสฺส ตถา วิภาวิตตฺตา มโนวิฺาณสฺส ตตฺถ ตถาปวตฺตีติ อาห ‘‘เยน นิมิตฺตํ…เป… สกฺโกตี’’ติ.
๔๐. วจนตฺโถติ ¶ ¶ สทฺทตฺโถ. นิมีลนนฺติ นิมีลนทสฺสนํ นวิสุทฺธํ, ตถา จ อกฺขีนิ อวิวฏานิ นิมีลทสฺสนสฺส น วิสุทฺธิภาวโต. ตพฺพิปริยายโต ปน ทสฺสนํ วิสุทฺธํ, วิวฏฺจาติ อาห ‘‘อนฺตรนฺตรา’’ติอาทิ.
๔๑. นี-อิติ – ชานนตฺถํ ธาตุํ คเหตฺวา อาห ‘‘ปนยติ ชานาตี’’ติ. ยโต วุตฺตํ ‘‘อนิมิตฺตา น นายเร’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๔; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐), ‘‘วิทูภิ ¶ เนยฺยํ นรวรสฺสา’’ติ (เนตฺติ. สงฺคหวาร) จ. นี-อิติ ปน ปวตฺตนตฺถํ ธาตุํ คเหตฺวา ‘‘นยติ ปวตฺเตตี’’ติ. อปฺปมตฺโต อโหสิ เตสุ เตสุ กิจฺจกรณีเยสุ.
๔๒. วสฺสาวาโส วสฺสํ อุตฺตรปทโลเปน, ตสฺมา วสฺสํ, วสฺเส วา, สนฺนิวาสผาสุตาย อรหตีติ วสฺสิโก, ปาสาโท. มาสา ปน วสฺเส อุตุมฺหิ ภวาติ วสฺสิกา. อิตเรสูติ เหมนฺติกํ คิมฺหิกนฺติ อิเมสุ. เอเสว นโยติ อุตฺตรปทโลเปน นิทฺเทสํ อติทิสติ.
นาติอุจฺโจ โหติ นาตินีโจติ คิมฺหิโก วิย อุจฺโจ, เหมนฺติโก วิย นีโจ น โหติ, อถ โข ตทุภยเวมชฺฌลกฺขณตาย นาติอุจฺโจ โหติ, นาตินีโจ. อสฺสาติ ปาสาทสฺส. นาติพหูนีติ คิมฺหิกสฺส วิย น อติพหูนิ. นาติตนูนีติ เหมนฺติกสฺส วิย น ขุทฺทกานิ, ตนุตรชาลานิ จ. มิสฺสกาเนวาติ เหมนฺติเก วิย น อุณฺหนิยาเนว, คิมฺหิเก วิย จ น สีตนิยาเนว, อถ โข อุภยมิสฺสกาเนว. ตนุกานีติ น ปุถุลานิ. อุณฺหปฺปเวสนตฺถายาติ สูริยสนฺตาปานุปฺปเวสาย. ภิตฺตินิยูหานีติ ทกฺขิณปสฺเส ภิตฺตีสุ นิยูหานิ. สินิทฺธนฺติ สิเนหวนฺตํ, สินิทฺธคฺคหเณเนว จสฺส ครุกตาปิ วุตฺตา เอว. กฏุกสนฺนิสฺสิตนฺติ ติกฏุกาทิกฏุกทฺรพฺพูปสฺหิตํ. อุทกยนฺตานีติ อุทกธาราวิสฺสนฺทยนฺตานิ. ยถา ชลยนฺตานิ, เอวํ หิมยนฺตานิปิ ตตฺถ กโรนฺติ เอว. ตสฺมา เหมนฺเต วิย หิมานิ ปตนฺตานิเยว โหนฺตีติ จ เวทิตพฺพํ.
สพฺพฏฺานานิปีติ ¶ สพฺพานิ ปฏิกิริยานฺหานโภชนกีฬาสฺจรณาทิฏฺานานิปิ, น นิวาสฏฺานานิเยว. เตนาห ‘‘โทวาริกาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ การณมาห ‘‘ราชา กิรา’’ติอาทิ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชิณฺณปุริสวณฺณนา
๔๔. โคปานสิวงฺกนฺติ ¶ ¶ วงฺกโคปานสี วิย. วงฺกานฺหิ วงฺกภาวสฺส นิทสฺสนตฺถํ อวงฺกโคปานสีปิ คยฺหติ. อาโภคฺควงฺกนฺติ อาทิโต ปฏฺาย อพฺภุคฺคตาย กุฏิลสรีรตาย วงฺกํ. เตนาห ‘‘ขนฺเธ’’ติอาทิ. ทณฺฑปรํ ทณฺฑคฺคหณปรํ อยนํ คมนํ เอตสฺสาติ ทณฺฑปรายนํ, ทณฺโฑ วา ปรํ อายนํ คมนการณํ เอตสฺสาติ ทณฺฑปรายนํ. านาทีสุ ทณฺโฑ คติ อวสฺสโย เอตสฺส เตน วินา อปฺปวตฺตนโตติ ทณฺฑคติกํ, คจฺฉติ เอเตนาติ วา คติ, ทณฺโฑ คติ คมนการณํ เอตสฺสาติ ทณฺฑคติกํ. ทณฺฑปฏิสรณนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ชราตุรนฺติ ชราย กิลนฺตํ อสฺสวสํ. ยทา รโถ ปุรโต โหตีติ ทฺเวธาปเถ สมฺปตฺเต ปุรโต คจฺฉนฺเต พลกาเย ตตฺถ เอกํ สณฺานํ อารุฬฺโห มชฺเฌ คจฺฉนฺโต โพธิสตฺเตน อารุฬฺโห รโถ อิตรํ สณฺานํ คจฺฉนฺโต ยทา ปุรโต โหติ. ปจฺฉา พลกาโยติ ตทา ปจฺฉา โหติ สพฺโพ พลกาโย. ตาทิเส โอกาเสติ ตาทิเส วุตฺตปฺปกาเร มคฺคปฺปเทเส. ตํ ปุริสนฺติ ตํ ชิณฺณปุริสํ. สุทฺธาวาสาติ สิทฺธตฺถาทีนํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สาสเน พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา สุทฺธาวาสภูมิยํ นิพฺพตฺตพฺรหฺมาโน. เต หิ ตทา ตตฺถ ติฏฺนฺติ. ‘‘กึ ¶ ปเนโส ชิณฺโณ นามา’’ติ เอโส ตยา วุจฺจมาโน กึ อตฺถโต, ตํ เม นิทฺธาเรตฺวา กเถหีติ ทสฺเสติ. อนิทฺธาริตสรูปตฺตา หิ ตสฺส อตฺตโน โพธิสตฺโต ลิงฺคสพฺพนาเมน ตํ วทนฺโต ‘‘กิ’’นฺติ อาห. ‘‘ยถา กึ เต ชาต’’นฺติ ทฺวยเมว หิ โลเก เยภุยฺยโต ชายติ อิตฺถี วา ปุริโส วา, ตถาปิ ตํ ลิงฺคสพฺพนาเมน วุจฺจติ, เอวํ สมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. ‘‘กึ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ ตสฺส อนิทฺธาริตสรูปตํเยว วิภาเวติ.
‘‘เตน หี’’ติอาทิ ‘‘อยฺจ ชิณฺณภาโว สพฺพสาธารณตฺตา มยฺหมฺปิ อุปริ อาปตฺติโต เอวา’’ติ มหาสตฺตสฺส สํวิชฺชนาการวิภาวนํ. รถํ สาเรตีติ สารถิ. กีฬาวิหารตฺถํ อุยฺยุตฺตา ยนฺติ อุปคจฺฉนฺติ เอตนฺติ อุยฺยานํ. อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ. นามาติ ครหเณ นิปาโต ‘‘กถฺหินามา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๙, ๔๒, ๘๗, ๘๘, ๙๐, ๑๖๖, ๑๗๐; ปาจิ. ๑, ๑๓, ๓๖) วิย. ชาติยา อาทีนวทสฺสนตฺถํ ตํมูลสฺส อุมฺมูลนํ วิย โหตีติ, ตสฺส จ อวสฺสิตภาวโต ‘‘ชาติยา มูลํ ¶ ขณนฺโต นิสีที’’ติ อาห. สิทฺเธ หิ การเณ ผลํ สิทฺธเมว โหตีติ. ปีฬํ ชเนตฺวา อนฺโตตุทนวเสน สพฺพปมํ หทยํ อนุปวิสฺส ิตตฺตา ปเมน สลฺเลน หทเย วิทฺโธ วิย นิสีทีติ โยชนา.
พฺยาธิปุริสวณฺณนา
๔๗. ปุพฺเพ ¶ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘สุทฺธาวาสา กิรา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺเตเนว นเยน. อาพาธิกนฺติ อาพาธวนฺตํ. ทุกฺขิตนฺติ สฺชาตทุกฺขํ. อชาตนฺติ อชาตภาโว, นิพฺพานํ วา.
กาลกตปุริสวณฺณนา
๕๐. ภนฺตเนตฺตกุปฺปลาทิ วิวิธํ กตฺวา ลาตพฺพโต วิลาโต, วยฺหํ, สิวิกา จาติ อาห ‘‘วิลาตนฺติ สิวิก’’นฺติ. สิวิกาย ทิฏฺปุพฺพตฺตา มหาสตฺโต จิตกปฺชรํ ‘‘สิวิก’’นฺติ อาห. อิโต ปฏิคตนฺติ อิโต ภวโต อปคตํ ¶ . กตกาลนฺติ ปริโยสาปิตชีวนกาลํ. เตนาห ‘‘ยตฺตก’’นฺติอาทิ.
ปพฺพชิตวณฺณนา
๕๓. ธมฺมํ จรตีติ ธมฺมจรโณ, ตสฺส ภาโว ธมฺมจรณภาโวติ ธมฺมจริยเมว วทติ. เอวํ เอเกกสฺส ปทสฺสาติ ยถา ‘‘สาธุธมฺมจริยาติ ปพฺพชิโต’’ติ โยชนา, เอวํ ‘‘สาธุสมจริยาติ ปพฺพชิโต’’ติอาทินา เอเกกสฺส ปทสฺส โยชนา เวทิตพฺพา. สพฺพานีติ ‘‘สาธุธมฺมจริยา’’ติอาทีสุ อาคตานิ สพฺพานิ ธมฺมสมกุสลปฺุปทานิ. ทสกุสลกมฺมปถเววจนานีติ ทานาทีนิ ทสกุสลธมฺมปริยายปทานิ.
โพธิสตฺตปพฺพชฺชาวณฺณนา
๕๔. ปพฺพชิตสฺส ธมฺมึ กถํ สุตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อฺฺจ สงฺคีติอนารุฬฺหํ เตน ตทา วุตฺตํ ธมฺมึ กถนฺติ โยชนา. ‘‘วํโสวา’’ติ ปทตฺตเยน ธมฺมตา เอสาติ ทสฺเสติ. จิรสฺสํ จิรสฺสํ ปสฺสนฺติ ทีฆายุกภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘พหูนํ วสฺสานํ…เป… อจฺจเยนา’’ติ. เตเนวาติ น จิรสฺสํ ทิฏฺภาเวเนว. อจิรกาลนฺตริกเมว ปุพฺพกาลกิริยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชิณฺณฺจ ทิสฺวา…เป… ปพฺพชิตฺจ ทิสฺวา, ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชา’’ติ อาห ¶ ยถา ‘‘นฺหตฺวา วตฺถํ ปริทหิตฺวา คนฺธํ วิลิมฺปิตฺวา มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา ภุตฺโต’’ติ.
มหาชนกายอนุปพฺพชฺชาวณฺณนา
๕๕. ‘‘กสฺมา ¶ ปเนตฺถา’’ติอาทินา เตสํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ มหาสตฺเต สํภตฺตตํ, สํเวคพหุลตฺจ ทสฺเสติ, ยโต สุตฏฺาเนเยว ตฺวา าติมิตฺตาทีสุ กิฺจิ อนามนฺเตตฺวา มตฺตวรวารโณ วิย อโยมยพนฺธนํ ฆนพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉึสุ.
จตฺตาโร มาเส จาริกํ จริ น ตาว าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา.
ยทา ปน าณํ ปริปากํ คตํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห. สพฺเพว อิเม ปพฺพชิตา มม คมนํ ¶ ชานิสฺสนฺติ, ชานนฺตา จ มํ อนุพนฺธิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย. สนฺนิสีเวสูติ สนฺนิสินฺเนสุ. สณเตวาติ สณติ วิย สทฺทํ กโรติ วิย.
อวิเวการามานนฺติ อนภิรติวิเวกานํ. อยํ กาโลติ อยํ เตสํ ปพฺพชิตานํ มม คมนสฺส อชานนกาโล. นิกฺขมิตฺวาติ ปณฺณสาลาย นิคฺคนฺตฺวา, มหาภินิกฺขมนํ ปน ปเคว นิกฺขนฺโต. ปารมิตานุภาเวน อุฏฺิตํ อุปริ เทวตาหิ ทิพฺพปจฺจตฺถรเณหิ สุปฺตฺตมฺปิ มหาสตฺตสฺส ปฺุานุภาเวน สิทฺธตฺตา เตน ปฺตฺตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ปลฺลงฺกํ ปฺเปตฺวา’’ติ. ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตู’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒, ๒๓๗; อ. นิ. ๒.๕; ๘.๑๓; มหานิ. ๑๗, ๑๙๖) นยปฺปวตฺตํ จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺหิตฺวา. วูปกาสนฺติ วิเวกวาสํ.
อฺเเนวาติ ยตฺถ มหาปุริโส ตทา วิหรติ, ตโต อฺเเนว ทิสาภาเคน. กามํ โพธิมณฺโฑ ชมฺพุทีปสฺส มชฺเฌ นาภิฏฺานิโย, ตทา ปน พฺรหารฺเ วิวิตฺเต โยคีนํ ปฏิสลฺลานสารุปฺโป หุตฺวา ติฏฺติ, ตทฺโ ปน ชมฺพุทีปปฺปเทโส เยภุยฺเยน พหุชโน อากิณฺณมนุสฺโส อิทฺโธ ผีโต อโหสิ. เตน เต ตํ ตํ ชนปทเทสํ อุทฺทิสฺส คตา ‘‘อนฺโต ชมฺพุทีปาภิมุขา จาริกํ ปกฺกนฺตา’’ติ วุตฺตา อนฺโต ชมฺพุทีปาภิมุขา, น หิมวนฺตาทิปพฺพตาภิมุขาติ อตฺโถ.
โพธิสตฺตอภินิเวสวณฺณนา
๕๗. กามํ ¶ ภควา พุทฺโธ หุตฺวา สตฺตสตฺตาหานิ ตตฺเถว วสิ, สพฺพปมํ ปน วิสาขปุณฺณมํ ¶ สนฺธาย ‘‘เอกรตฺติวาสํ อุปคตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. รโหคตสฺสาติ รโห ชนวิวิตฺตํ านํ อุปคตสฺส, เตน คณสงฺคณิกาภาเวน มหาสตฺตสฺส กายวิเวกมาห. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ ¶ นานารมฺมณจารโต จิตฺตสฺส นิวตฺติยา ปติ สมฺมเทว นิลีนสฺส ตตฺถ อวิสฏจิตฺตสฺส, เตน จิตฺตสงฺคณิกาภาเวนสฺส ปุพฺพภาคิยํ จิตฺตวิเวกมาห. ทุกฺขนฺติ ชาติอาทิมูลกํ ทุกฺขํ. กามํ จุตูปปาตาปิ ชาติมรณานิ เอว, มรณชาติโยว ‘‘ชายติ มียตี’’ติ ปน วตฺวา ‘‘จวติ อุปปชฺชตี’’ติ วจนํ น เอกภวปริยาปนฺนานํ เนสํ คหณํ, อถ โข นานาภวปริยาปนฺนานํ เอกชฺฌํ คหณนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิทํ ทฺวยํ…เป… วุตฺต’’นฺติ. กสฺมา ปน โลกสฺส กิจฺฉาปตฺติปริวิตกฺกเน ‘‘ชรามรณสฺสา’’ติ ชรามรณวเสน นิยมนํ กตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. ชรามรณเมว อุปฏฺาติ อาทิโตติ อธิปฺปาโย. อภินิวิฏฺสฺสาติ อารทฺธสฺส. ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนารมฺเภ ตสฺส ชรามรณโต ปฏฺาย อภินิเวโส อคฺคโต ยาว มูลํ โอตรณํ วิยาติ อาห ‘‘ภวคฺคโต โอตรนฺตสฺส วิยา’’ติ.
อุปายมนสิการาติ อุปาเยน มนสิกรณโต มนสิการสฺส ปวตฺตนโต. อิทานิ ตํ อุปายมนสิการปริยายํ โยนิโสมนสิการํ สรูปโต, ปวตฺติอาการโต จ ทสฺเสตุํ ‘‘อนิจฺจาทีนิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โยนิโสมนสิกาโร นาม โหตีติ ยาถาวโต มนสิการภาวโต. อนิจฺจาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน ทุกฺขานตฺตอสุภาทีนํ คหณํ. อยนฺติ ‘‘เอตทโหสี’’ติ เอวํ วุตฺโต ‘‘กิมฺหิ นุ โข สตี’’ติอาทินยปฺปวตฺโต มนสิกาโร. เตสํ อฺตโรติ เตสุ อนิจฺจาทิมนสิกาเรสุ อฺตโร เอโก. โก ปน โสติ? อนิจฺจมนสิกาโรว, ตตฺถ การณมาห ‘‘อุทยพฺพยานุปสฺสนาวเสน ปวตฺตตฺตา’’ติ. ยฺหิ อุปฺปชฺชติ เจว จวติ จ, ตํ อนิจฺจํ อุทยวยปริจฺฉินฺนตฺตา อทฺธุวนฺติ กตฺวา. ตสฺส ปน ตพฺภาวทสฺสนํ ยาถาวมนสิการตาย โยนิโสมนสิกาโร ¶ . อิโต โยนิโสมนสิการาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ ตสฺส อิมินา ‘‘อุปายมนสิกาเรนา’’ติ เหตุมฺหิ กรณวจเนน อตฺถมาห. สมาคโม อโหสีติ ¶ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌนวเสน สงฺคโม อโหสิ. กึ ปน ตนฺติ กึ ปน ตํ ชรามรณการณนฺติ อาห ‘‘ชาตี’’ติ. ‘‘ชาติยา โข’’ติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหติ, กึ ปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ชรามรณการณํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส ‘‘ยสฺมึ สติ ยํ โหติ, อสติ จ น โหติ, ตํ ตสฺส การณ’’นฺติ เอวํ อพฺยภิจาริการณปริคฺคณฺหเน ‘‘ชาติยา โข สติ ชรามรณํ โหติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ยา ชรามรณสฺส การณปริคฺคาหิกา ปฺา อุปฺปชฺชติ, ตาย อุปฺปชฺชนฺติยา สมาคโม อโหสีติ. สพฺพปทานีติ ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชาติ โหตี’’ติอาทินา อาคตานิ ชาติอาทีนิ วิฺาณปริโยสานานิ นว ปทานิ.
ทฺวาทสปทิเก ¶ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท อิธ ยานิ ทฺเว ปทานิ อคฺคหิตานิ, เตสํ อคฺคหเณ การณํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชตุกาโม เตสํ คเหตพฺพาการํ ตาว ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาห. ปจฺจกฺขภูตํ ปจฺจุปฺปนฺนภวํ ปมํ คเหตฺวา ตทนนฺตรํ อนาคตํ ‘‘ทุติย’’นฺติ คหเณ อตีโต ตติโย โหตีติ อาห ‘‘อวิชฺชา สงฺขารา หิ อตีโต ภโว’’ติ. นนุ เจตฺถ อนาคตสฺสาปิ ภวสฺส คหณํ น สมฺภวติ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิเวสสฺส โชติตตฺตาติ? สจฺจเมตํ, การเณ ปน คหิเต ผลํ คหิตเมว โหตีติ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อปิ เจตฺถ อนาคโตปิ อทฺธา อตฺถโต สงฺคหิโต เอว, ยโต ปรโต ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติอาทินา อนาคตทฺธสงฺคหิกา เทสนา ปวตฺตา. เตหีติ อวิชฺชาสงฺขาเรหิ อารมฺมณภูเตหิ. น ฆฏิยติ น สมฺพชฺฌติ. มหาปุริโส หิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิวิฏฺโติ อฆฏเน การณมาห. อทิฏฺเหีติ อนวพุทฺเธหิ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ. สติ อนุโพเธ ปฏิเวเธน ภวิตพฺพนฺติ อาห ‘‘น ¶ สกฺกา พุทฺเธน ภวิตุ’’นฺติ. อิมินาติ มหาสตฺเตน. เตติ อวิชฺชาสงฺขารา. ภวอุปาทานตณฺหาวเสเนวาติ ภวอุปาทานตณฺหาทสฺสนวเสเนว. ทิฏฺา ตํสภาวตํสหคเตหิ เตหิ สมานโยคกฺขมตฺตา. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๗๐) กถิตาว, ตสฺมา น อิธ กเถตพฺพาติ อธิปฺปาโย.
๕๘. ปจฺจยโตติ เหตุโต, สงฺขารโตติ อตฺโถ. ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ ชรามรณํ โหตี’’ติอาทินา หิ เหตุปรมฺปราวเสน ผลปรมฺปราย วุจฺจมานาย ¶ ‘‘กิมฺหิ นุ โข สติ วิฺาณํ โหตี’’ติ วิจารณาย ‘‘สงฺขาเร โข สติ วิฺาณํ โหตี’’ติ วิฺาณสฺส วิเสสการณภูเต สงฺขาเร อคฺคหิเต ตโต วิฺาณํ ปฏินิวตฺตติ นาม, น สพฺพปจฺจยโต. เตเนวาห ‘‘นามรูเป โข สติ วิฺาณํ โหตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๕๘), นามมฺปิ เจตฺถ สหชาตาทิวเสเนว ปจฺจยภูตํ อธิปฺเปตํ, น กมฺมูปนิสฺสยวเสน ปจฺจุปฺปนฺนวเสน อภินิวิสสฺส โชติตตฺตา. อารมฺมณโตติ อวิชฺชาสงฺขารสงฺขาตอารมฺมณโต, อตีตภวสงฺขาตอารมฺมณโต วา. อตีตทฺธปริยาปนฺนา หิ อวิชฺชาสงฺขารา. ยโต ปฏินิวตฺตมานํ วิฺาณํ อตีตภวโตปิ ปฏินิวตฺตติ นาม. อุภยมฺปีติ ปฏิสนฺธิวิฺาณมฺปิ วิปสฺสนาวิฺาณมฺปิ. นามรูปํ นาติกฺกมตีติ ปจฺจยภูตํ, อารมฺมณภูตฺจ นามรูปํ นาติกฺกมติ เตน วินา อวตฺตนโต. เตนาห ‘‘นามรูปโต ปรํ น คจฺฉตี’’ติ.
วิฺาเณ นามรูปสฺส ปจฺจเย โหนฺเตติ วิฺาเณ นามสฺส, รูปสฺส, นามรูปสฺส จ ปจฺจเย โหนฺเต. นามรูเป จ วิฺาณสฺส ปจฺจเย โหนฺเตติ ตถา นาเม, รูเป, นามรูเป จ วิฺาณสฺส ¶ ปจฺจเย โหนฺเตติ จตุโวการเอกโวการปฺจโวการภววเสน ยถารหํ โยชนา เวทิตพฺพา, ทฺวีสุปิ อฺมฺปจฺจเยสุ โหนฺเตสูติ ปน ปฺจโวการภววเสเนว. เอตฺตเกนาติ เอวํ วิฺาณ นามรูปานํ ¶ อฺมฺํ อุปตฺถมฺภนวเสน ปวตฺติยา. ชาเยถ วา…เป… อุปปชฺเชถ วาติ ‘‘สตฺโต ชายติ…เป… อุปปชฺชติ วา’’ติ สมฺา โหติ วิฺาณนามรูปวินิมุตฺตสฺส สตฺตปฺตฺติยา อุปาทานภูตสฺส ธมฺมสฺส อภาวโต. เตนาห ‘‘อิโต หี’’ติอาทิ. เอตเทวาติ วิฺาณํ, นามรูปนฺติ เอตํ ทฺวยเมว.
ปฺจ ปทานีติ ‘‘ชาเยถ วา’’ติอาทีนิ ปฺจ ปทานิ. นนุ ตตฺถ ปมตติเยหิ จตุตฺถปฺจมานิ อตฺถโต อภินฺนานีติ อาห ‘‘สทฺธึ อปราปรํ จุติปฏิสนฺธีหี’’ติ. ปุน ตํ เอตฺตาวตาติ วุตฺตมตฺถนฺติ โย ‘‘เอตฺตาวตา’’ติ ปเทน ปุพฺเพ วุตฺโต, ตเมว ยถาวุตฺตมตฺถํ ‘‘ยทิท’’นฺติอาทินา นิยฺยาเตนฺโต นิทสฺเสนฺโต ปุน วตฺวา. อนุโลมปจฺจยาการวเสนาติ ปจฺจยธมฺมทสฺสนปุพฺพกํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมทสฺสนวเสน. ปจฺจยธมฺมานฺหิ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ¶ ปจฺจยภาโว อิทปฺปจฺจยตา ปจฺจยากาโร, โส จ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา วุตฺโต. สํสารปฺปวตฺติยา อนุโลมนโต อนุโลมปจฺจยากาโร. ชาติอาทิกํ สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ จิตฺเตน สมิหิเตน กตํ สมูหวเสน คเหตฺวา ปาฬิยํ ‘‘ทุกฺขกฺขนฺธสฺสา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ชาติ…เป… ทุกฺขราสิสฺสา’’ติ.
๕๙. ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อเนกวารํ สมุทยทสฺสนวเสน วิฺาณสฺส ปวตฺตตฺตา ‘‘สมุทโย สมุทโย’’ติ อาเมฑิตวจนํ อโวจ. อถ วา ‘‘เอวํ สมุทโย โหตี’’ติ อิทํ น เกวลํ นิพฺพตฺตินิทสฺสนปทํ, อถ โข ปฏิจฺจสมุปฺปาท-สทฺโท วิย สมุปฺปาทมุเขน อิธ สมุทย-สทฺโท นิพฺพตฺติมุเขน ปจฺจยตฺตํ วทติ. วิฺาณาทโย ภวนฺตา อิธ ปจฺจยธมฺมา นิทฺทิฏฺา, เต สามฺรูเปน พฺยาปนิจฺฉาวเสน คณฺหนฺโต ‘‘สมุทโย สมุทโย’’ติ อาห, เอวฺจ กตฺวา ยํ วกฺขติ ‘‘อิมสฺมึ สติ ¶ อิทํ โหตีติ ปจฺจยสฺชานนมตฺตํ กถิต’’นฺติ, (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๕๙) ตํ สมตฺถิตํ โหติ. ยทิ เอวํ ‘‘อุทยทสฺสนปฺา เวสา’’ติ อิทํ กถนฺติ? นายํ โทโส ปจฺจยโต อุทยทสฺสนมุเขน นิพฺพตฺติลกฺขณทสฺสนสฺส สมฺภวโต. ทสฺสนฏฺเน จกฺขูติ สมุทยสฺส ปจฺจกฺขโต ทสฺสนภาเวน จกฺขุ วิยาติ จกฺขุ. าตกรณฏฺเนาติ ยถา สมุทโย สมฺมเทว าโต โหติ อวพุทฺโธ, เอวํ กรณฏฺเน. ปชานนฏฺเนาติ ‘‘วิฺาณาทิตํตํปจฺจยุปฺปตฺติยา เอตสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ ปการโต ชานนฏฺเน. นิพฺพิชฺฌิตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา อุปฺปนฺนฏฺเนาติ อนิพฺพิชฺฌิตฺวา ปุพฺเพ อุทยทสฺสนปฺาย ปฏิปกฺขธมฺเม นิพฺพิชฺฌิตฺวา ‘‘อยํ สมุทโย’’ติ ปจฺจยโต, ขณโต จ, สรูปโต ปฏิวิชฺฌิตฺวา ¶ อุปฺปนฺนภาเวน, นิพฺพิชฺฌนฏฺเน ปฏิวิชฺฌนฏฺเน วิชฺชาติ วุตฺตํ โหติ. โอภาสฏฺเนาติ สมุทยสภาวปฏิจฺฉาทนกสฺส โมหนฺธการสฺส จ กิเลสนฺธการสฺส จ วิธมนวเสน อวภาสกภาเวน.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปฏิปาฏิยา วิภาเวตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จกฺขุํ อุทปาทีติ ปาฬิยํ ปทุทฺธาโร. กถํ อุทปาทีติ เจติ อาห ‘‘ทสฺสนฏฺเนา’’ติ. ‘‘สมุทยสฺส ปจฺจกฺขโต ทสฺสนภาเวนาติ วุตฺโต วายมตฺโถ. อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. จกฺขุธมฺโมติ จกฺขูติ ปาฬิธมฺโม. ทสฺสนฏฺโ อตฺโถติ ทสฺสนสภาโว เตน ¶ ปกาเสตพฺโพ อตฺโถ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. เอตฺตเกหิ ปเทหีติ อิเมหิ ปฺจหิ ปเทหิ. ‘‘กึ กถิต’’นฺติ ปิณฺฑตฺถํ ปุจฺฉติ. ปจฺจยสฺชานนมตฺตนฺติ วิฺาณาทีนํ ปจฺจยธมฺมานํ นามรูปาทิปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยสภาวสฺชานนมตฺตํ กถิตํ อวิเสสโต ปจฺจยสภาวสลฺลกฺขณสฺส โชติตตฺตา. สงฺขารานํ สมฺมเทว ¶ อุทยทสฺสนสฺส โชติตตฺตา ‘‘วีถิปฏิปนฺนา ตรุณวิปสฺสนา กถิตา’’ติ จ วุตฺตํ.
๖๑. อตฺตนา อธิคตตฺตา อาสนฺนปจฺจกฺขตาย ‘‘อย’’นฺติ วุตฺตํ, อริยมคฺคาทีนํ มคฺคนฏฺเน มคฺโคติ. ปุพฺพภาควิปสฺสนา เหสา. เตนาห ‘‘โพธายา’’ติ. โพธปทสฺส ภาวสาธนตํ สนฺธายาห ‘‘จตุสจฺจพุชฺฌนตฺถายา’’ติ. ปริฺาปหานภาวนาภิสมยา ยาวเทว สจฺฉิกิริยาภิสมยตฺถา นิพฺพานาธิคมตฺถตฺตา พฺรหฺมจริยวาสสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘นิพฺพานพุชฺฌนตฺถาย เอว วา’’ติ. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕, ๒๑๗; ธ. ป. ๒๐๔) หิ วุตฺตํ. พุชฺฌตีติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ เอกปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ, เตน โพธ-สทฺทสฺส กตฺตุสาธนตฺตมาห. ปจฺจตฺตปเทหีติ ปมาวิภตฺติทีปเกหิ ปเทหิ. นิพฺพานเมว กถิตํ วิฺาณาทิ นิรุชฺฌติ เอตฺถาติ กตฺวา. อนิพฺพตฺตินิโรธนฺติ สพฺพโส ปจฺจยนิโรเธน อนุปฺปาทนิโรธํ อจฺจนฺตนิโรธํ.
๖๒. สพฺเพเหว เอเตหิ ปเทหีติ ‘‘จกฺขู’’ติอาทีหิ ปฺจหิ ปเทหิ. นิโรธสฺชานนมตฺตเมวาติ ‘‘นิโรโธ นิโรโธติ โข’’ติอาทินา นิโรธสฺส สฺชานนมตฺตเมว กถิตํ ปุพฺพารมฺภภาวโต, น ตสฺส ปฏิวิชฺฌนวเสน ปจฺจกฺขโต ทสฺสนํ อริยมคฺคสฺส อนธิคตตฺตา. สงฺขารานํ สมฺมเทว นิโรธทสฺสนํ นาม สิขาปฺปตฺตาย วิปสฺสนาย วเสน อิจฺฉิตพฺพนฺติ ‘‘วุฏฺานคามินี พลววิปสฺสนา กถิตา’’ติ จ วุตฺตํ.
๖๓. วิทิตฺวาติ ¶ ปุพฺพภาคิเยน าเณน ชานิตฺวา. ตโต อปรภาเคติ วุตฺตนเยน ปจฺจยนิโรธชานนโต ปจฺฉาภาเค. อุปาทานสฺส ปจฺจยภูเตสูติ จตุพฺพิธสฺสปิ อุปาทานสฺส อารมฺมณปจฺจยาทินา ปจฺจยภูเตสุ, อุปาทานิเยสูติ อตฺโถ ¶ . วหนฺโตติ ปวตฺเตนฺโต. อิทนฺติ ‘‘อปเรน สมเยนา’’ติอาทิ วจนํ. กสฺมา วุตฺตนฺติ ‘‘ยาย ปฏิปตฺติยา สพฺเพปิ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว โพธาย ปฏิปชฺชนฺติ, วิปสฺสนาย มหาโพธิสตฺเตน ตเถว ปฏิปนฺน’’นฺติ กเถตุกมฺยตาวเสน ปุจฺฉาวจนํ. เตนาห ¶ ‘‘สพฺเพเยว หี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส มหาภินิกฺขมนํ, ปธานานุโยโค จ ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺโพ, อิตรํ อิติกตฺตพฺพตาวเสน. ตตฺถาปิ จิรกาลปริภาวนาย ลทฺธาเสวนาย มหากรุณาย สฺโจทิตมานสตฺตา ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔, ๑๐) สํสารทุกฺขโต โมเจตุํ อิจฺฉิตสฺส สตฺตโลกสฺส กิจฺฉาปตฺติทสฺสนมุเขน ชรามรณโต ปฏฺาย ปจฺจยาการสมฺมสนมฺปิ ธมฺมตาว. ตถา อตฺตาธีนตาย, เกนจิ อนุปขตตฺตา, อเสจนกสุขวิหารตาย, จตุตฺถชฺฌานิกตาย จ อานาปานกมฺมฏฺานานุโยโค. ปฺจสุ ขนฺเธสุ อภินิวิสิตฺวาติ วิฺาณนามรูปาทิปริยาเยน คหิเตสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ วิปสฺสนาภินิเวสวเสน อภินิวิสิตฺวา ปฏิปตฺตึ อารภิตฺวา. อนุกฺกมนฺติ อนุ อนุ คามิตพฺพโต ปฏิปชฺชิตพฺพโต ‘‘อนุกฺกม’’นฺติ ลทฺธนามํ อนุปุพฺพปฏิปตฺตึ. กตฺวาติ ปฏิปชฺชิตฺวา.
อิติ รูปนฺติ เอตฺถ ทุติโย อิติ-สทฺโท นิทสฺสนตฺโถ, เตน ปโม อิติ-สทฺโท สรูปสฺส, ปริมาณสฺส จ โพธโก อเนกตฺถตฺตา นิปาตานํ,อาวุตฺติอาทิวเสน วายมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อนฺโตคธาวธารณฺจ วากฺยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ รูปํ นตฺถี’’ติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ‘‘รุปฺปนสภาว’’นฺติ อิมินา สามฺโต รูปสฺส สภาโว ทสฺสิโต, ‘‘ภูตุปาทายเภท’’นฺติอาทินา วิเสสโต, ตทุภเยนปิ ‘‘อิทํ รูป’’นฺติ ปทสฺส อตฺโถ นิทฺทิฏฺโ. ตตฺถ ลกฺขณํ นาม ตสฺส ตสฺส รูปวิเสสสฺส อนฺสาธารโณ สภาโว. รโส ตสฺเสว อตฺตโน ผลํ ปติ ปจฺจยภาโว. ปจฺจุปฏฺานํ ตสฺส ปรมตฺถโต วิชฺชมานตฺตา ยาถาวโต าณสฺส โคจรภาโว. ปทฏฺานํ อาสนฺนการณํ, เตนสฺส ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา ทสฺสิตา. ‘‘อนวเสสรูปปริคฺคโห’’ติ อิมินา ปน ‘‘เอตฺตกํ รูปํ, อิโต อุทฺธํ’’ รูปํ นตฺถีติ ปททฺวยสฺสาปิ อตฺโถ นิทฺทิฏฺโ รูปสฺส สพฺพโส ปริยาทานวเสน นิยามนโต. ‘‘อิติ รูปสฺส สมุทโย’’ติ เอตฺถ ปน อิติ-สทฺโท ‘‘อิติ โข ภิกฺขเว สปฺปฏิภโย พาโล’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๔; อ. นิ. ๓.๑) วิย ปการตฺโถติ อาห ‘‘อิตีติ เอว’’นฺติ.
อวิชฺชาสมุทยาติ ¶ อวิชฺชาย อุปฺปาทา, อตฺถิภาวาติ อตฺโถ. นิโรธนิโรธี หิ อุปฺปาโท อตฺถิภาววาจโกปิ โหติ, ตสฺมา ปุริมภวสิทฺธาย ¶ อวิชฺชาย สติ อิมสฺมึ ภเว รูปสมุทโย, รูปสฺส อุปฺปาโท โหตีติ อตฺโถ. ‘‘ตณฺหาสมุทยา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อาหารสมุทยาติ เอตฺถ ปน ปวตฺติปจฺจเยสุ กพฬีการาหารสฺส พลวตาย โส เอว คหิโต. ตสฺมึ ปน คหิเต ปวตฺติปจฺจยตาสามฺเน อุตุจิตฺตานิ คหิตาเนว โหนฺตีติ จตุสมุฏฺานิกรูปสฺส ปจฺจยโต อุทยทสฺสนํ วิภาวิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นิพฺพตฺติลกฺขณ’’นฺติอาทินา กาลวเสน อุทยทสฺสนมาห. ตตฺถ นิพฺพตฺติลกฺขณนฺติ รูปสฺส อุปฺปาทสงฺขาตํ สงฺขตลกฺขณํ. ปสฺสนฺโตปีติ น เกวลํ ปจฺจยสมุทยเมว, อถ โข ขณโต อุทยํ ปสฺสนฺโตปิ. อทฺธาวเสน หิ ปมํ อุทยํ ปสฺสิตฺวา ิโต ปุน สนฺตติวเสน ทิสฺวา อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติ. อวิชฺชานิโรธา รูปนิโรโธติ อคฺคมคฺเคน ¶ อวิชฺชาย อนุปฺปาทนิโรธโต อนาคตสฺส รูปสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ ปจฺจยาภาเว อภาวโต. ตณฺหานิโรธา กมฺมนิโรโธติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อาหารนิโรธาติ ปวตฺติปจฺจยสฺส กพฬีการาหารสฺส อภาเวน. รูปนิโรโธติ ตํสมุฏฺานรูปสฺส อภาโว โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. ‘‘วิปริณามลกฺขณ’’นฺติ ภงฺคกาลวเสน เหตํ วยทสฺสนํ, ตสฺมา ตํ อทฺธาวเสน ปมํ ปสฺสิตฺวา ปุน สนฺตติวเสน ทิสฺวา อนุกฺกเมน ขณวเสน ปสฺสติ. อยฺจ นโย ปากติกวิปสฺสกวเสน วุตฺโต, โพธิสตฺตานํ ปเนตํ นตฺถิ. เอส นโย อุทยทสฺสเนปิ.
‘‘อิติ เวทนา’’ติอาทีสุปิ เหฏฺา รูเป วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘อยํ เวทนา, เอตฺตกา เวทนา’’ติอาทิ. ตตฺถ เวทยิต…เป… สภาวนฺติ เอตฺถ ‘‘เวทยิตสภาวํ…เป… วิชานนสภาว’’นฺติ ปจฺเจกํ สภาว- สทฺโท โยเชตพฺโพ. เวทยิตสภาวนฺติ อนุภวนสภาวํ. สฺชานนสภาวนฺติ ‘‘นีลํ ปีต’’นฺติอาทินา อารมฺมณสฺส สลฺลกฺขณสภาวํ. อภิสงฺขรณสภาวนฺติ อายูหนสภาวํ. วิชานนสภาวนฺติ อารมฺมณสฺส อุปลทฺธิสภาวํ. สุขาทีติ อาทิ-สทฺเทน ทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสุเปกฺขาเวทนานํ สงฺคโห รูปสฺาทีติ อาทิ-สทฺเทน สทฺทสฺาทีนํ, ผสฺสาทีติ อาทิ-สทฺเทน เจตนา วิตกฺกาทีนํ จกฺขุวิฺาณาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สพฺเพสํ โลกิยวิฺาณานํ สงฺคโห. ยถา จ วิฺาเณ, เอส นโย เวทนาทีสุปิ. เตสนฺติ ¶ ‘‘สมุทโย’’ติ วุตฺตธมฺมานํ. ตีสุ ขนฺเธสูติ เวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺเธสุ. ‘‘ผุฏฺโ เวเทติ, ผุฏฺโ สฺชานาติ, ผุฏฺโ เจเตตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๙๓) วจนโต ¶ ‘‘ผสฺสสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํ. ‘‘นามรูปปจฺจยาปิ วิฺาณ’’นฺติ (วิภ. ๒๔๖; ที. นิ. ๒.๙๗) วจนโต วิฺาณกฺขนฺเธ ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติ วตฺตพฺพํ. เตสํ เยวาติ ¶ ตีสุ ขนฺเธสุ ‘‘ผสฺสสฺส วิฺาณกฺขนฺเธ นามรูปสฺสา’’ติ ผสฺสนามรูปานํเยว วเสน อตฺถงฺคมปทมฺปิ โยเชตพฺพํ, อวิชฺชาทโย ปน รูเป วุตฺตสทิสา เอวาติ อธิปฺปาโย.
สมปฺาสลกฺขณวเสนาติ ปจฺจยโต วีสติ ขณโต ปฺจาติ ปฺจวีสติยา อุทยลกฺขณานํ, ปจฺจยโต วีสติ ขณโต ปฺจาติ ปฺจวีสติยา เอว วยลกฺขณานํ จาติ สมปฺาสาย อุทยวยลกฺขณานํ วเสน. ตตฺถ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทโย ลกฺขียติ เอเตหีติ ลกฺขณานีติ วุจฺจนฺติ อวิชฺชาทิสมุทโยติ, ตถา เตสํ อนุปฺปาทนิโรโธ ลกฺขียติ เอเตหีติ ลกฺขณานีติ วุจฺจนฺติ อวิชฺชาทีนํ อจฺจนฺตนิโรโธ. นิพฺพตฺติวิปริณามลกฺขณานิ ปน สงฺขตลกฺขณเมวาติ. เอวํ เอตานิ สมปฺาสลกฺขณานิ สรูปโต เวทิตพฺพานิ. ยถานุกฺกเมน วฑฺฒิเตติ ยถาวุตฺตอุทยพฺพยาเณ ติกฺเข สูเร ปสนฺเน หุตฺวา วหนฺเต ตโต ปรํ วตฺตพฺพานํ ภงฺคาณาทีนํ อุปฺปตฺติปฏิปาฏิยา พุทฺธิปฺปตฺเต ปรมุกฺกํสคเต วิปสฺสนาาเณ. ปเคว หิ ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน ปวตฺเตน สพฺพฺุตฺาณานุจฺฉวิเกน มหาวชิราณสงฺขาเตน สมฺมสนาเณน สมฺภตานุภาวํ คพฺภํ คณฺหนฺตํ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ปฏิปทาวิสุทฺธิาณํ อปริมิตกาเล สมฺภตาย ปฺาปารมิยา อานุภาเวน อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตํ อนุกฺกเมน วุฏฺานคามินิภาวํ อุปคนฺตฺวา ยทา อริยมคฺเคน ฆเฏติ, ตทา อริยมคฺคจิตฺตํ สพฺพกิเลเสหิ มคฺคปฏิปาฏิยา วิมุจฺจติ ¶ , วิมุจฺจนฺตฺจ ตถา วิมุจฺจติ, ยถา สพฺพเยฺยาวรณปฺปหานํ โหติ. ยํ กิเลสานํ ‘‘สวาสนปฺปหาน’’นฺติ วุจฺจติ, ตยิทํ ปหานํ อตฺถโต อนุปฺปตฺตินิโรโธติ อาห ‘‘อนุปฺปาทนิโรเธนา’’ติ. อาสวสงฺขาเตหิ กิเลเสหีติ ภวโต อาภวคฺคํ, ธมฺมโต อาโคตฺรภุํ สวนโต ปวตฺตนโต อาสวสฺิเตหิ ราโค, ทิฏฺิ, โมโหติ อิเมหิ กิเลเสหิ. ลกฺขณวจนฺเจตํ, ปาฬิยํ ยทิทํ ‘‘อาสเวหี’’ติ, ตเทกฏฺตาย ปน สพฺเพหิปิ ¶ กิเลเสหิ สพฺเพหิปิ ปาปธมฺเมหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. อคฺคเหตฺวาติ เตสํ กิเลสานํ เลสมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา.
มคฺคกฺขเณ วิมุจฺจติ นาม ตํตํมคฺควชฺฌกิเลเสหิ ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ นาม. มคฺคกฺขเณ วา วิมุตฺตฺเจว วิมุจฺจติ จาติ อุปริมคฺคกฺขเณ เหฏฺิมมคฺควชฺเฌหิ วิมุตฺตฺเจว ยถาสกํ ปหาตพฺเพหิ วิมุจฺจติ จ. ผลกฺขเณ วิมุตฺตเมวาติ สพฺพสฺมิมฺปิ ผลกฺขเณ วิมุตฺตเมว, น วิมุจฺจติ นาม.
สพฺพพนฺธนาติ โอรมฺภาคิยุทฺธมฺภาคิยสงฺคหิตา สพฺพสฺมาปิ ภวสฺโชนา, วิปฺปมุตฺโต วิเสสโต ปกาเรหิ มุตฺโต. สุวิกสิตจิตฺตสนฺตาโนติ สาติสยํ าณรสฺมิสมฺผสฺเสน สุฏฺุ สมฺมเทว ¶ สมฺผุลฺลจิตฺตสนฺตาโน. ‘‘จตฺตาริ มคฺคาณานี’’ติอาทิ เยหิ าเณหิ สุวิกสิตจิตฺตสนฺตาโน, เตสํ เอกเทเสน ทสฺสนํ. นิปฺปเทสโต ทสฺสนํ ปน ปรโต อาคมิสฺสติ, ตสฺมา ตตฺเถว ตานิ วิภชิสฺสาม. สกเล จ พุทฺธคุเณติ อตีตํเส อปฺปฏิหตาณาทิเก สพฺเพปิ พุทฺธคุเณ. ยทา หิ โลกนาโถ อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉติ, ตทา สพฺเพ คุเณ หตฺถคเต กโรติ นาม. ตโต ปรํ ‘‘หตฺถคเต กตฺวา ิโต’’ติ วุจฺจติ.
‘‘ปริปุณฺณสงฺกปฺโป’’ติ วตฺวา ปริปุณฺณสงฺกปฺปตาปริทีปนํ อุทานํ ทสฺเสตุํ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาทิโต ทฺวินฺนํ คาถานมตฺโถ เหฏฺา พฺรหฺมชาลนิทานวณฺณนายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺโต เอว. ปรโต ¶ ปน อโยฆนหตสฺสาติ อโย หฺติ เอเตนาติ อโยฆนํ, กมฺมารานํ อโยกูฏํ, อโยมุฏฺิ จ, เตน อโยฆเนน หตสฺส ปหตสฺส. เอว-สทฺโท เจตฺถ นิปาตมตฺตํ. ชลโต ชาตเวทโสติ ชลยมานสฺส อคฺคิสฺส, อนาทเร วา เอตํ สามิวจนํ. อนุปุพฺพูปสนฺตสฺสาติ อนุกฺกเมน อุปสนฺตสฺส วิกฺขมฺภนฺตสฺส นิรุทฺธสฺส. ยถา น ายเต คตีติ ยถา ตสฺส คติ น ายติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อโยมุฏฺิกูฏาทินา ปหตตฺตา อโยฆเนน หตสฺส ปหตสฺส อโยคตสฺส, กํสภาชนาทิคตสฺส วา ชลมานสฺส อคฺคิสฺส อนุกฺกเมน อุปสนฺตสฺส ทสสุ ทิสาสุ น กตฺถจิ คติ ปฺายติ ปจฺจยนิโรเธน อปฺปฏิสนฺธิกนิรุทฺธตฺตาติ. เอวํ สมฺมาวิมุตฺตานนฺติ สมฺมา เหตุนา าเยน ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺติปุพฺพงฺคมาย ¶ สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา อริยมคฺเคน จตูหิปิ อุปาทาเนหิ, อาสเวหิ จ มุตฺตตฺตา สมฺมา วิมุตฺตานํ, ตโต เอว กามพนฺธนสงฺขาตํ กาโมฆภโวฆาทิเภทํ อวสิฏฺโอฆฺจ ตริตฺวา ิตตฺตา กามพนฺโธฆตารีนํ สุฏฺุ ปฏิปสฺสมฺภิตสพฺพกิเลสวิปฺผนฺทิตตฺตา กิเลสาภิสงฺขารวาเตหิ อกมฺปนียตาย อจลํ นิพฺพานสงฺขาตํ สงฺขารูปสมํ สุขํ ปตฺตานํ อธิคตานํ ขีณาสวานํ คติ เทวมนุสฺสาทิเภทาสุ คตีสุ ‘‘อยํ นามา’’ติ ปฺาเปตพฺพตาย อภาวโต ปฺาเปตุํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ, ยถาวุตฺตชาตเวโท วิย อปฺตฺติกภาวเมว เต คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เอวํ มนสิ กโรนฺโตติ ‘‘เอวํ อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๑๕๓) อตฺตโน กตกิจฺจตฺตํ มนสิ กโรนฺโต โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺโนว วิโรจิตฺถาติ โยชนา.
ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
พฺรหฺมยาจนกถาวณฺณนา
๖๔. ยนฺนูนาติ ¶ ¶ ปริวิตกฺกนตฺเถ นิปาโต, อหนฺติ ภควา อตฺตานํ นิทฺทิสตีติ อาห ‘‘ยทิ ปนาห’’นฺติ. ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติอาทิ ยถา อมฺหากํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทนาทิวเสน สตฺตสุ สตฺตาเหสุ ปฏิปชฺชิ, ตโต ปรฺจ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณาทิวเสน, เอวเมว สพฺเพปิ สมฺมาสมฺพุทฺธา อภิสมฺพุทฺธกาเล ปฏิปชฺชึสุ, เต จ สตฺตาหาทโย ตเถว ววตฺถปียนฺตีติ อยํ สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ ธมฺมตา. ตสฺมา วิปสฺสี ภควา อภิสมฺพุทฺธกาเล ตถา ปฏิปชฺชีติ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ตตฺถ ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติ อิทํ สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ, สตฺตาหโต โอริเม จ ปวตฺตาย ปฏิปตฺติยา วเสน วุตฺตํ, น ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส วิย อฏฺมสฺส นาม สตฺตาหสฺส ววตฺถิตสฺส ลพฺภมานตฺตา. อนนฺตโรติ ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม’’ติอาทิโก วิตกฺโก (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗, ๘).
ปฏิวิทฺโธติ สยมฺภุาเณน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปฏิมุขํ ปฏิวิชฺฌนวเสน ปวตฺโต, ยถาภูตํ อวพุทฺโธติ อตฺโถ. ธมฺโมติ จตุสจฺจธมฺโม ตพฺพินิมุตฺตสฺส ¶ ปฏิวิชฺฌิตพฺพธมฺมสฺส อภาวโต. คมฺภีโรติ มหาสมุทฺโท วิย มกสตุณฺฑสูจิยา อฺตฺร สมุปจิตปริปกฺกาณสมฺภาเรหิ อฺเสํ าเณน อลพฺภเนยฺยปฺปติฏฺโ. เตนาห ‘‘อุตฺตานภาวปฏิกฺเขปวจนเมต’’นฺติ. อลพฺภเนยฺยปฺปติฏฺโ โอคาหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย สรูปโต วิเสสโต จ ปสฺสิตุํ น สกฺกาติ อาห ‘‘คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส’’ติ. ทุกฺเขน ทฏฺพฺโพติ กิจฺเฉน เกนจิ กทาจิเทว ทฏฺพฺโพ. ยํ ปน ทฏฺุเมว น สกฺกา, ตสฺส โอคาเหตฺวา อนุ อนุ พุชฺฌเน กถา เอว นตฺถีติ อาห ‘‘ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ’’ติ. ทุกฺเขน อวพุชฺฌิตพฺโพ อวโพธสฺส ทุกฺกรภาวโต. อิมสฺมึ าเน ‘‘ตํ กึ มฺถ ภิกฺขเว ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕) สุตฺตปทํ ¶ วตฺตพฺพํ. สนฺตารมฺมณตาย วา สนฺโต. นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตาย นิพฺพุโต. ปธานภาวํ นีโตติ วา ปณีโต. อติตฺติกรฏฺเน อตปฺปโก สาทุรสโภชนํ วิย. เอตฺถ จ นิโรธสจฺจํ สนฺตํ อารมฺมณนฺติ สนฺตารมฺมณํ, มคฺคสจฺจํ สนฺตํ, สนฺตารมฺมณฺจาติ สนฺตารมฺมณํ อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ, สงฺขารานฺจ อภาวโต สนฺโต นิพฺพุตสพฺพปริฬาหตฺตา นิพฺพุโต, สนฺตปณีตภาเวเนว ตทตฺถาย อเสจนกตาย อตปฺปกตา ทฏฺพฺพา. เตนาห ‘‘อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. อุตฺตมาณสฺส วิสยตฺตา น ตกฺเกน อวจริตพฺโพ, ตโต เอว นิปุณาณโคจรตาย, สณฺหสุขุมสภาวตฺตา จ นิปุโณ. พาลานํ อวิสยตฺตา ปณฺฑิเตหิ เอว เวทิตพฺโพติ ปณฺฑิตเวทนีโย. อาลียนฺติ อภิรมิตพฺพฏฺเน ¶ เสวียนฺตีติ อาลยา, ปฺจ กามคุณา. อาลยนฺติ อภิรมณวเสน เสวนฺตีติ อาลยา, ตณฺหาวิจริตานิ. อาลยรตาติ อาลยนิรตา. สุฏฺุ มุทิตา อติวิย มุทิตา อนุกฺกณฺนโต. รมตีติ รตึ วินฺทติ กีฬติ ลฬติ. อิเม สตฺตา ยถา กามคุเณ, เอวํ ราคมฺปิ อสฺสาเทนฺติ อภินนฺทนฺติ เยวาติ วุตฺตํ ‘‘ทุวิธมฺปี’’ติอาทิ.
านํ สนฺธายาติ าน-สทฺทํ สนฺธาย. อตฺถโต ปน ‘‘าน’’นฺติ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เอว อธิปฺเปโต. ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, สงฺขาราทีนํ ปจฺจยภูตา อวิชฺชาทโย. อิเมสํ สงฺขาราทีนํ ปจฺจยาติ อิทปฺปจฺจยา, อวิชฺชาทโยว. อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา ยถา เทโว เอว เทวตา ¶ , อิทปฺปจฺจยานํ วา อวิชฺชาทีนํ อตฺตโน ผลํ ปฏิจฺจ ปจฺจยภาโว ¶ อุปฺปาทนสมตฺถตา อิทปฺปจฺจยตา, เตน ปรมตฺถปจฺจยลกฺขโณ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหติ. ปฏิจฺจ สมุปฺปชฺชติ ผลํ เอตสฺมาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ปททฺวเยนาปิ ธมฺมานํ ปจฺจยฏฺโ เอว วิภาวิโต. เตนาห ‘‘สงฺขาราทิปจฺจยานํ อวิชฺชาทีนเมตํ อธิวจน’’นฺติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ๒.๕๗๐) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพนฺติ สพฺพสงฺขารสมถาทิปทาภิเธยฺยํ สพฺพํ, อตฺถโต นิพฺพานเมว. อิทานิ ตสฺส นิพฺพานภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตนฺติ นิพฺพานํ. อาคมฺมาติ ปฏิจฺจ อริยมคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยเหตุ. สมฺมนฺตีติ อปฺปฏิสนฺธิกูปสมวเสน สมฺมนฺติ. ตถา สนฺตา จ สวิเสสํ อุปสนฺตา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘วูปสมฺมนฺตี’’ติ, เอเตน สพฺเพ สงฺขารา สมฺมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถ, นิพฺพานนฺติ ทสฺเสติ. สพฺพสงฺขารวิสํยุตฺเต หิ นิพฺพาเน สพฺพสงฺขารวูปสมปริยาโย ายาคโต เยวาติ. เสเสปเทสุปิ เอเสว นโย. อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ อุปธิ, ขนฺธาทโย. ปฏินิสฺสฏฺาติ สมุจฺเฉทวเสน ปริจฺจตฺตา โหนฺติ. สพฺพา ตณฺหาติ อฏฺสตปฺปเภทา สพฺพาปิ ตณฺหา. สพฺเพ กิเลสราคาติ กามราครูปราคาทิเภทา สพฺเพปิ กิเลสภูตา ราคา, สพฺเพปิ วา กิเลสา อิธ กิเลสราคาติ เวทิตพฺพา, น โลภวิเสสา เอว จิตฺตสฺส วิปรีตภาวาปาทนโต. ยถาห ‘‘รตฺตมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, ทุฏฺมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ, มูฬฺหมฺปิ จิตฺตํ วิปริณต’’นฺติ (ปารา. ๒๗๑) วิรชฺชนฺตีติ ¶ อตฺตโน สภาวํ วิชหนฺติ. สพฺพํ ทุกฺขนฺติ ชรามรณาทิเภทํ สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ. ภเวน ภวนฺติ เตน เตน ภเวน ภวนฺตรํ. ภวนิกนฺติภาเวน สํสิพฺพติ, ผเลน วา สทฺธึ กมฺมํ สตณฺหสฺเสว อายตึ ปุนพฺภวภาวโต. ตโต วานโต นิกฺขนฺตํ ตตฺถ ตสฺส สพฺพโส อภาวโต. จิรนิสชฺชาจิรภาสเนหิ ปิฏฺิอาคิลายนตาลุคลโสสาทิวเสน กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา ¶ จ เวทิตพฺพา. สา จ โข เทสนาย อตฺถํ อชานนฺตานํ, อปฺปฏิปชฺชนฺตานฺจ วเสน, ชานนฺตานํ, ปน ปฏิปชฺชนฺตานฺจ เทสนาย กายปริสฺสโมปิ สตฺถุ อปริสฺสโมว. เตนาห ภควา ‘‘น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสี’’ติ (อุทา. ๑๐). ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺสา’’ติ. อุภยนฺติ จิตฺตกิลมโถ, จิตฺตวิเหสา ¶ จาติ อุภยํ เปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ, โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตา.
๖๕. อนุพฺรูหนํ สมฺปิณฺฑนํ. โสติ ‘‘อปิสฺสู’’ติ นิปาโต. วิปสฺสินฺติ ปฏิ-สทฺทโยเคน สามิอตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘วิปสฺสิสฺสา’’ติ. วุทฺธิปฺปตฺตา อจฺฉริยา วา อนจฺฉริยา. วุทฺธิอตฺโถปิ หิ อกาโร โหติ ยถา‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกาย ๑๑). กปฺปานํ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมสํวิภาคกรณตฺถเมว ปารมิโย ¶ ปูเรตฺวา อิทานิ สมธิคตธมฺมราชสฺส ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติทีปนตา, คาถาตฺถสฺส อจฺฉริยตา, ตสฺส วุทฺธิปฺปตฺติ จาติ เวทิตพฺพา. อตฺถทฺวาเรน หิ คาถานํ อนจฺฉริยตา. โคจรา อเหสุนฺติ อุปฏฺหึสุ. อุปฏฺานฺจ วิตกฺเกตพฺพตาวาติ อาห ‘‘ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณึสู’’ติ.
ยทิ สุขาปฏิปทาว กถํ กิจฺฉตาติ อาห ‘‘ปารมีปูรณกาเล’’ติอาทิ. เอวมาทีนิ ทุปฺปริจฺจชานิ เทนฺตสฺส. ห-อิติ วา พฺยตฺตนฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต, ‘‘เอกํสตฺเถ’’ติ เกจิ. ห พฺยตฺตํ, เอกํเสน วา อลํ นิปฺปโยชนํ เอวํ กิจฺเฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส เทเสตุนฺติ โยชนา. หลนฺติ ‘‘อล’’นฺติ อิมินา สมานตฺถํ ปทํ ‘‘หลนฺติ วทามี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ฏี. ๑.๑๗๒) วิย. ราคโทสผุฏฺเหีติ ผุฏฺวิเสน วิย สปฺเปน ราเคน, โทเสน จ สมฺผุฏฺเหิ อภิภูเตหิ. ราคโทสานุคเตหีติ ราคโทเสหิ อนุพนฺเธหิ.
นิจฺจาทีนนฺติ นิจฺจคฺคาหาทีนํ. เอวํ คตนฺติ เอวํ ปวตฺตํ อนิจฺจาทิอากาเรน ปวตฺตํ. ‘‘จตุสจฺจธมฺม’’นฺติ อิทํ อนิจฺจาทีสุ, สจฺเจสุ จ ยถาลาภวเสน คเหตพฺพํ. เอวํ คตนฺติ วา เอวํ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา อภินิวิสิตฺวา มยา, อฺเหิ จ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ คตํ, าตํ ปฏิวิทฺธนฺติ อตฺโถ. กามราเคน, ภวราเคน จ รตฺตา นีวรเณหิ นิวุตจิตฺตตาย, ทิฏฺิราเคน รตฺตา วิปรีตาภินิเวเสน น ทกฺขนฺติ ยาถาวโต อิมํ ธมฺมํ นปฺปฏิวิชฺฌิสฺสนฺติ. เอวํ คาหาเปตุนฺติ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา สภาเวน ยาถาวโต ธมฺเม ¶ ชานาเปตุํ. ราคโทสปเรตตาปิ เนสํ สมฺมูฬฺหภาเวเนวาติ อาห ‘‘ตโมขนฺเธน อาวุฏา’’ติ.
ธมฺมเทสนาย ¶ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติยา การณํ วิภาเวตุํ ‘‘กสฺมา ปนา’’ติอาทินา สยเมว โจทนํ สมุฏฺาเปติ. ตตฺถ ยถายํ อิทานิ ธมฺมเทสนาย ¶ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณธมฺมตาวเสน, สพฺพโพธิสตฺตานํ อาทิโต ‘‘กึ เม อฺาตเวเสนา’’ติอาทินา (พุ. วํ. ๒.๙๙) มหาภินีหาเร อตฺตโน จิตฺตสฺส สมุสฺสาหนํ อาจิณฺณสมาจิณฺณธมฺมตา วาติ อาห ‘‘กึ เม’’ติอาทิ. ตตฺถ อฺาตเวเสนาติ สเทวกํ โลกํ อุนฺนาเทนฺโต พุทฺโธ อหุตฺวา เกวลํ พุทฺธานํ สาวกภาวูปคมนวเสน อฺาตรูเปน. ติวิธํ การณํ อปฺโปสฺสุกฺกตาปตฺติยา ปฏิปกฺขสฺส พลวภาโว, ธมฺมสฺส ปรมคมฺภีรตา, ตตฺถ จ ภควโต สาติสยํ คารวนฺติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ปฏิปกฺขา นาม ราคาทโย กิเลสา สมฺมาปฏิปตฺติยา อนฺตรายกรตฺตา. เตสํ พลวภาวโต จิรปริภาวนาย สตฺตสนฺตานโต ทุพฺพิโสธิยตาย เต สตฺเต มตฺตหตฺถิโน วิย ทุพฺพลํ ปุริสํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อนยพฺยสนํ อาปาเทนฺตา อเนกสตโยชนายามวิตฺถารํ สุนิจิตํ ฆนสนฺนิเวสํ กณฺฏกทุคฺคมฺปิ อธิเสนฺติ. ทูรปฺปเภท ทุจฺเฉชฺชตาหิ ทุพฺพิโสธิยตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ จ อนฺโต อามฏฺตาย กฺชิกปุณฺณลาพุ จิรปริวาสิกตาย ตกฺกภริตจาฏิ สฺเนหตินฺตทุพฺพลภาเวน วสาเตลปีตปิโลติกา; เตลมิสฺสิตตาย อฺชนมกฺขิตหตฺถา ทุพฺพิโสธนียา วุตฺตา. หีนูปมา ¶ เจตา รูปปฺปพนฺธภาวโต, อจิรกาลิกตฺตา จ มลีนตาย, กิเลสสํกิเลโส เอว ปน ทุพฺพิโสธนียตโร อนาทิกาลิกตฺตา, อนุสยิตตฺตา จ. เตนาห ‘‘อติสํกิลิฏฺา’’ติ. ยถา จ ทุพฺพิโสธนียตาย เอวํ คมฺภีรทุทฺทสทุรนุโพธานมฺปิ วุตฺตอุปมา หีนูปมาว.
คมฺภีโรปิ ธมฺโม ปฏิปกฺขวิธมเนน สุปากโฏ ภเวยฺย, ปฏิปกฺขวิธมนํ ปน สมฺมาปฏิปตฺติปฏิพทฺธํ, สา สทฺธมฺมสวนาธีนา, ตํ สตฺถริ, ธมฺเม จ ปสาทายตฺตํ. โส วิเสสโต โลเก สมฺภาวนียสฺส ครุกาตพฺพสฺส อภิปตฺถนาเหตุโกติ ปนาฬิกาย สตฺตานํ ธมฺมสมฺปฏิปตฺติยา พฺรหฺมยาจนาทินิมิตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห.
๖๖. ‘‘อฺตโร’’ติ อปฺปฺาโต วิย กิฺจาปิ วุตฺตํ, อถ โข ปากโฏ ปฺาโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ เชฏฺกมหาพฺรหฺมา’’ติ วุตฺตํ. มหาพฺรหฺมภวเน เชฏฺกมหาพฺรหฺมา. โส หิ สกฺโก วิย ¶ กามเทวโลเก, พฺรหฺมโลเก จ ปากโฏ ปฺาโต. อุปกฺกิเลสภูตํ อปฺปํ ราคาทิรชํ เอตสฺสาติ อปฺปรชํ, อปฺปรชํ อกฺขิ ปฺาจกฺขุ เยสํ เต ตํสภาวาติ กตฺวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺามเย’’ติอาทิมาห. อปฺปํ ราคาทิรชํ เยสํ เต ตํสภาวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อสฺสวนตาติ ‘‘สยํ ¶ อภิฺา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘, ๔๐๕; ม. นิ. ๑.๑๕๔, ๔๔๔) วิย กรเณ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘อสฺสวนตายา’’ติ. ทสปฺุกิริยวตฺถุวเสนาติ ทานาทิทสวิธวิมุตฺติปริปาจนียปฺุกิริยวตฺถูนํ วเสน. เตนาห ‘‘กตาธิการา’’ติอาทิ. ปปฺจสูทนิยํ ปน ‘‘ทฺวาทสปฺุกิริยวเสนา’’ติ ¶ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๘๒) วุตฺตํ, ตํ ทานาทีสุ สรณคมนปรหิตปริณามนทฺวย ปกฺขิปนวเสน วุตฺตํ.
๖๙. ครุฏฺานิเยสุ คารววเสน ครุกรปตฺถนา อชฺเฌสนา, สาปิ อตฺถโต ปตฺถนา เอวาติ วุตฺตํ ‘‘ยาจน’’นฺติ. ปเทสวิสยาณทสฺสนํ หุตฺวา พุทฺธานํเยว อาเวณิกภาวโต อิทํ าณทฺวยํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ าณานํ พุทฺธจกฺขูติ นาม’’นฺติ. ติณฺณํ มคฺคาณานนฺติ เหฏฺิมานํ ติณฺณํ มคฺคาณานํ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ นามํ, จตุสจฺจธมฺมทสฺสนนฺติ กตฺวา ทสฺสนมตฺตภาวโต. ยโต ตานิ าณานิ วิชฺชูปมาภาเวน วุตฺตานิ, อคฺคมคฺคาณํ ปน าณกิจฺจสฺส สิขาปฺปตฺติยา ทสฺสนมตฺตํ น โหตีติ ‘‘ธมฺมจกฺขู’’ติ น วุจฺจตีติ. ยโต ตํ วชิรูปมาภาเวน วุตฺตํ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘อปฺปรชกฺขชาติกา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว. ยสฺมา มนฺทกิเลสา ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ติ วุตฺตา, ตสฺมา พหลกิเลสา ‘‘มหารชกฺขา’’ติ เวทิตพฺพา. ปฏิปกฺขวิธมนสมตฺถตาย ติกฺขานิ สูรานิ วิสทานิ, วุตฺตวิปริยาเยน มุทูนิ. สทฺธาทโย อาการาติ สทฺทหนาทิปฺปกาเร วทติ. สุนฺทราติ กลฺยาณา. สมฺโมหวิโนทนิยํ ปน ‘‘เยสํ อาสยาทโย โกฏฺาสา สุนฺทรา, เต สฺวาการา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๘๑๔) วุตฺตํ, ตํ อิมาย อตฺถวณฺณนาย อฺทตฺถุ สํสนฺทติ ¶ สเมตีติ ทฏฺพฺพํ. ยโต สทฺธาสมฺปทาทิวเสน อชฺฌาสยสฺส สุนฺทรตาติ, ตพฺพิปริยายโต อสุนฺทรตาติ. การณํ นาม ปจฺจยากาโร, สจฺจานิ วา. ปรโลกนฺติ สมฺปรายํ. ตํ ทุกฺขาวหํ วชฺชํ วิย ภยโต ปสฺสิตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปรโลกฺเจว วชฺชฺจ ภยโต ปสฺสนฺตี’’ติ. สมฺปตฺติภวโต วา อฺตฺตา วิปตฺติภโว ‘‘ปรโลโก’’ติ วุตฺตํ ‘‘ปร…เป… ปสฺสนฺตี’’ติ.
อยํ ¶ ปเนตฺถ ปาฬีติ เอตฺถ ‘‘อปฺปรชกฺขา’’ทิปทานํ อตฺถวิภาวเน อยํ ตสฺส ตถาภาวสาธกปาฬิ. สทฺธาทีนฺหิ วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานํ พลวภาโว ตปฺปฏิปกฺขานํ ปาปธมฺมานํ ทุพฺพลภาเวเนว โหติ, เตสฺจ พลวภาโว สทฺธาทีนํ ทุพฺพลภาเวนาติ วิมุตฺติปริปาจกธมฺมานํ สวิเสสํ อตฺถิตานตฺถิตาวเสน ‘‘อปฺปรชกฺขา มหารชกฺขา’’ติ อาทโย ปาฬิยํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๑) วิภชิตฺวา ทสฺสิตา. อิติ สทฺธาทีนํ วเสน ปฺจ อปฺปรชกฺขา, อสทฺธิยาทีนํ วเสน ปฺจ มหารชกฺขา. เอวํ ติกฺขินฺทฺริยมุทินฺทฺริยาทโยติ วิภาวิตา ปฺาส ปุคฺคลา. สทฺธาทีนํ ปน อนฺตรเภเทน อเนกเภทา เวทิตพฺพา. ขนฺธาทโย เอว ¶ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก, สมฺปตฺติภวภูโต โลโก สมฺปตฺติภวโลโก, สุคติสงฺขาโต อุปปตฺติภโว, สมฺปตฺติ สมฺภวติ เอเตนาติ สมฺปตฺติสมฺภวโลโก สุคติสํวตฺตนิโย กมฺมภโว. ทุคฺคติสงฺขาตอุปปตฺติภวทุคฺคติสํวตฺตนิยกมฺมภวา วิปตฺติภวโลกวิปตฺติสมฺภวโลกา.
ปุน เอกกทุกาทิวเสน โลกํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เอโก โลโก’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาหาราทโย หิ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ. ตตฺถ ‘‘เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๓; อ. นิ. ๑๐.๒๗, ๒๘; ปฏิ. ม. ๑.๒, ๑๑๒, ๒๐๘) ยายํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺพสงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตา วุตฺตา, ตาย สพฺโพ สงฺขารโลโก เอโก เอกวิโธ ปการนฺตรสฺสาภาวโต. ‘‘ทฺเว โลกา’’ติอาทีสุปิ อิมินา ¶ นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นามคฺคหเณน เจตฺถ นิพฺพานสฺส อคฺคหณํ ตสฺส อโลกสภาวตฺตา. นนุ จ ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ เอตฺถ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย มคฺคผลานมฺปิ โลกตา อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ ปริฺเยฺยานํ ทุกฺขสจฺจธมฺมานํ ‘‘อิธ โลโก’’ติ อธิปฺเปตตฺตา. อถ วา น ลุชฺชติ น ปลุชฺชตีติ โย คหิโต, ตถา น โหติ, โส โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตา. อุปาทานานํ อารมฺมณภูตา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา. อนุโรธาทิวตฺถุภูตา ลาภาทโย อฏฺ โลกธมฺมา. ทสายตนานีติ ทส รูปายตนานิ วิวฏฺฏชฺฌาสยสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตสฺส จ สพฺพํ เตภูมกกมฺมํ ครหิตพฺพํ, วชฺชิตพฺพฺจ หุตฺวา อุปฏฺาตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ อภิสงฺขารา วชฺชํ, สพฺเพ ภวคามิกมฺมา วชฺช’’นฺติ. เยสํ ¶ ปุคฺคลานํ สทฺธาทโย มนฺทา, เต อิธ ‘‘อสฺสทฺธา’’ติอาทินา วุตฺตา. น ปน สพฺเพน สพฺพํ สทฺธาทีนํ อภาวโตติ อปฺปรชกฺขทุกาทีสุ ปฺจสุ ทุเกสุ เอเกกสฺมึ ทส ทส กตฺวา ‘‘ปฺาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ. อถ วา อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปโรปริยตฺตํ ชานาตีติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. เอตฺถ จ อปฺปรชกฺขาทิวเสน อาวชฺชนฺตสฺส ภควโต เต สตฺตา ปฺุชปฺุชาว หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, น เอเกกา.
อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี, คจฺโฉปิ ชลาสโยปิ, อิธ ปน ชลาสโย อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อุปฺปลวเน’’ติ. ยานิ อุทกสฺส อนฺโต นิมุคฺคาเนว หุตฺวา ปุสนฺติ วฑฺฒนฺติ, ตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนี. ทีปิตานีติ อฏฺกถายํ ปกาสิตานิ, อิเธว วา ‘‘อฺานิปี’’ติอาทินา ทีปิตานิ. อุคฺฆฏิตฺูติ อุคฺฆฏนํ นาม าณุคฺฆฏนํ, าเณ อุคฺฆฏิตมตฺเต เอว ชานาตีติ อตฺโถ. วิปฺจิตํ ¶ วิตฺถารเมวมตฺถํ ชานาตีติ วิปฺจิตฺู. อุทฺเทสาทีหิ เนตพฺโพติ เนยฺโย. สห อุทาหฏเวลายาติ อุทาหาเร ธมฺมสฺส อุทฺเทเส อุทาหฏมตฺเต เอว. ธมฺมาภิสมโยติ จตุสจฺจธมฺมสฺส าเณน สทฺธึ อภิสมโย. อยํ วุจฺจตีติ อยํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทินา ¶ นเยน สงฺขิตฺเตน มาติกาย ทีปิยมานาย เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา อรหตฺตํ คณฺหิตุํ สมตฺโถ ‘‘ปุคฺคโล อุคฺฆฏิตฺู’’ติ วุจฺจติ. อยํ วุจฺจตีติ อยํ สงฺขิตฺเตน มาติกํ เปตฺวา วิตฺถาเรน อตฺเถ วิภชิยมาเน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ ‘‘ปุคฺคโล วิปฺจิตฺู’’ติ วุจฺจติ. อุทฺเทสโตติ อุทฺเทสเหตุ, อุทฺทิสนฺตสฺส, อุทฺทิสาเปนฺตสฺส วาติ อตฺโถ. ปริปุจฺฉโตติ อตฺถํ ปริปุจฺฉนฺตสฺส. อนุปุพฺเพน ธมฺมาภิสมโย โหตีติ อนุกฺกเมน อรหตฺตปฺปตฺโต โหติ. น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหตีติ เตน อตฺตภาเวน มคฺคํ วา ผลํ วา อนฺตมโส ฌานํ วา วิปสฺสนํ วา นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโมติ อยํ ปุคฺคโล พฺยฺชนปทเมว ปรมํ อสฺสาติ ‘‘ปทปรโม’’ติ วุจฺจติ.
เยติ เย ทุวิเธ ปุคฺคเล สนฺธาย วุตฺตํ วิภงฺเค กมฺมาวรเณนาติ ปฺจวิเธน อานนฺตริยกมฺเมน. วิปากาวรเณนาติ อเหตุกปฏิสนฺธิยา. ยสฺมา ทุเหตุกานมฺปิ อริยมคฺคปฏิเวโธ นตฺถิ, ตสฺมา ทุเหตุกปฏิสนฺธิปิ ¶ ‘‘วิปากาวรณเมวา’’ติ เวทิตพฺพา. กิเลสาวรเณนาติ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิยา. อสฺสทฺธาติ พุทฺธาทีสุ สทฺธา รหิตา. อจฺฉนฺทิกาติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทรหิตา, อุตฺตรกุรุกา มนุสฺสา อจฺฉนฺทิกฏฺานํ ปวิฏฺา. ทุปฺปฺาติ ภวงฺคปฺาย ปริหีนา, ภวงฺคปฺาย ปน ปริปุณฺณายปิ ยสฺส ภวงฺคํ โลกุตฺตรสฺส ปจฺจโย น โหติ, โสปิ ทุปฺปฺโ เอว นาม. อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนฺติ ¶ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ อริยมคฺคํ โอกฺกมิตุํ อธิคนฺตุํ อภพฺพา. ‘‘น กมฺมาวรเณนา’’ติอาทีนิ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพานิ.
‘‘ราคจริตา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ [ปรมตฺถมฺชูสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายนฺติ ภวิตพฺพํ –
‘‘สา เอสา ปรมตฺถานํ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
นิธานโต ปรมตฺถ-มฺชูสา นาม นามโต’’ติ. (วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกาย นิคมเน สยเมว วุตฺตตฺตา)] วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ;
๗๐. อารพฺภาติ อตฺตโน อธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส ภควโต ชานาปนํ อุทฺทิสฺสาติ อตฺโถ. เสโล ปพฺพโต อุจฺโจ โหติ ถิโร จ, น ปํสุปพฺพโต, มิสฺสกปพฺพโต วาติ อาห ‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนี’’ติ. ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ โลกุตฺตรธมฺมมาห. โส หิ ปพฺพตสทิโส จ โหติ สพฺพธมฺเม อติกฺกมฺม อพฺภุคฺคตฏฺเน ปาสาทสทิโส จ, ปฺาปริยาโย วา อิธ ธมฺม-สทฺโท ¶ . สา หิ อพฺภุคฺคตฏฺเน ปาสาโทติ อภิธมฺเม (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖) นิทฺทิฏฺา. ตถา จาห –
‘‘ปฺาปาสาทมารุยฺห, อโสโก โสกินึ ปชํ;
ปพฺพตฏฺโว ภูมฏฺเ, ธีโร พาเล อเวกฺขตี’’ติ. (ธ. ป. ๒๘);
‘‘ยถา หี’’ติอาทีสุ ยถา ปพฺพเต ตฺวา รตฺตนฺธกาเร เหฏฺา โอโลเกนฺตสฺส ปุริสสฺส เขตฺเต เกทารปาฬิกุฏิโย, ตตฺถ สยิตมนุสฺสา จ น ปฺายนฺติ อนุชฺชลภาวโต. กุฏิกาสุ ปน อคฺคิชาลา ปฺายติ อุชฺชลภาวโต เอวํ ธมฺมปาสาทมารุยฺห สตฺตโลกํ โอโลกยโต ภควโต าณสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ อกตกลฺยาณา สตฺตา าณคฺคินา อนุชฺชลภาวโต, อนุฬารภาวโต จ รตฺตึ ขิตฺตา สรา ¶ วิย โหนฺติ. กตกลฺยาณา ปน ภพฺพปุคฺคลา ทูเร ิตาปิ ภควโต าณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ ปริปกฺกาณคฺคิตาย ¶ สมุชฺชลภาวโต, อุฬารสนฺตานตาย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
อุฏฺเหีติ ตฺวํ ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกตาสงฺขาตสงฺโกจาปตฺติโต กิลาสุภาวโต อุฏฺห. วีริยวนฺตตายาติ สาติสย จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยวนฺตตาย. วีรสฺส หิ ภาโว, กมฺมํ วา วีริยํ. กิเลสมารสฺส วิย มจฺจุมารสฺสปิ อายตึ อสมฺภวโต ‘‘มจฺจุกิเลสมาราน’’นฺติ วุตฺตํ. อภิสงฺขารมารวิชยสฺส อคฺคหณํ กิเลสมารวิชเยเนว ตพฺพิชยสฺส โชติตภาวโต. วาหนสมตฺถตายาติ สํสารมหากนฺตารโต นิพฺพานสงฺขาตํ เขมปฺปเทสํ สมฺปาปนสมตฺถตาย.
๗๑. ‘‘อปารุตํ เตสํ อมตสฺส ทฺวาร’’นฺติ เกจิ ปนฺติ. นิพฺพานสฺส ทฺวารํ ปวิสนมคฺโค วิวริตฺวา ปิโต มหากรุณูปนิสฺสเยน สยมฺภุาเณน อธิคตตฺตา. สทฺธํ ปมฺุจนฺตูติ สทฺธํ ปเวเทนฺตุ, อตฺตโน สทฺทหนาการํ อุปฏฺาเปนฺตูติ อตฺโถ. สุเขน อกิจฺเฉน ปวตฺตนียตาย สุปฺปวตฺติตํ. น ภาสึ น ภาสิสฺสามีติ จินฺเตสิ.
อคฺคสาวกยุควณฺณนา
๗๓. สลฺลปิตฺวาติ ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต อาวุโส อินฺทฺริยานี’’ติอาทินา (มหาว. ๖๐) อาลาปสลฺลาปํ กตฺวา. ตฺหิสฺส อปรภาเค สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมนสฺส ปจฺจโย อโหสิ.
๗๕-๖. อนุปุพฺพึ ¶ กถนฺติ อนุปุพฺพิยา อนุปุพฺพํ กเถตพฺพํ กถํ. กา ปน สาติ? ทานาทิกถา. ตตฺถ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา, สุกรตฺตา, สีเล ปติฏฺานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต กถิตา. ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ ¶ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ. สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ ¶ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตา, ตฺเจ ทานสีลํ วฏฺฏนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผลนฺติ ทสฺสนตฺถํ, อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺเนหิ ปฺุกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา ทิพฺพโภคภวสมฺปตฺติโย โหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถํ. วตฺวา อยํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ, สพฺพทา อนุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มคฺคกถา กเถตพฺพา. มคฺคฺจ กเถนฺเตน ตทธิคมุปายทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ, ปเคว อิตเร สพฺเพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา, อนิจฺจา อธุวา, วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโว, หีนา, คมฺมา, โปถุชฺชนิกา, อนริยา, อนตฺถสฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโส, สพฺพโส กิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพติ อยมตฺโถ มคฺคนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน อาทิอตฺถโชตเกน โพธิโตติ เวทิตพฺพํ.
สุขานํ นิทานนฺติ ทิฏฺธมฺมิกานํ, สมฺปรายิกานํ, นิพฺพานปฏิสํยุตฺตานฺจาติ สพฺเพสมฺปิ สุขานํ การณํ. ยฺหิ กิฺจิ โลเก โภคสุขํ นาม, ตํ สพฺพํ ทานนิทานนฺติ ปากโฏ ยมตฺโถ. ยํ ปน ตํ ¶ ฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานปฏิสํยุตฺตํ สุขํ, ตสฺสาปิ ทานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติเยว. สมฺปตฺตีนํ มูลนฺติ ยา อิมา โลเก ปเทสรชฺชํ สิริสฺสริยํ สตฺตรตนสมุชฺชลจกฺกวตฺติสมฺปทาติ เอวํปเภทา มานุสิกา สมฺปตฺติโย, ยา จ จาตุมหาราชิกจาตุมหาราชาทิเภทา ทิพฺพสมฺปตฺติโย, ยา วา ปนฺาปิ สมฺปตฺติโย, ตาสํ สพฺพาสํ อิทํ ทานํ นาม มูลํ การณํ. โภคานนฺติ ภฺุชิตพฺพฏฺเน ‘‘โภโค’’ติ ลทฺธนามานํ มนาปิยรูปาทีนํ, ตนฺนิสฺสยานฺจ อุปโภคสุขานํ. อวสฺสยฏฺเน ปติฏฺา. วิสมคตสฺสาติ พฺยสนปฺปตฺตสฺส. ตาณนฺติ รกฺขา ตโต ปริปาลนโต. เลณนฺติ พฺยสเนหิ ปริปาจิยมานสฺส โอลียนปเทโส. คตีติ คนฺตพฺพฏฺานํ. ปรายณนฺติ ปฏิสรณํ. อวสฺสโยติ วินิปติตุํ อเทนฺโต นิสฺสโย. อารมฺมณนฺติ โอลุพฺภารมฺมณํ.
รตนมยสีหาสนสทิสนฺติ สพฺพรตนมยสตฺตงฺคมหาสีหาสนสทิสํ มหคฺฆํ หุตฺวา สพฺพโส วินิปติตุํ ¶ อปฺปทานโต. มหาปถวิสทิสํ คตคตฏฺาเน ¶ ปติฏฺาย ลภาปนโต. อาลมฺพนรชฺชุสทิสนฺติ ยถา ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส อาลมฺพนรชฺชุ อุตฺติฏฺโต, ติฏฺโต จ อุปตฺถมฺโภ, เอวํ ทานํ สตฺตานํ สมฺปตฺติภเว อุปฺปตฺติยา, ิติยา จ ปจฺจยภาวโต. ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเนาติ ทุคฺคติทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน. สมสฺสาสนฏฺเนาติ ¶ โลภมจฺฉริยาทิปฏิสตฺตุปทฺทวโต สมฺมเทว อสฺสาสนฏฺเน. ภยปริตฺตาณฏฺเนาติ ทาลิทฺทิยภยโต ปริปาลนฏฺเน. มจฺเฉรมลาทีหีติ มจฺเฉรโลภโทสอิสฺสาวิจิกิจฺฉาทิฏฺิ อาทิจิตฺตมเลหิ. อนุปลิตฺตฏฺเนาติ อนุปกฺกิลิฏฺตาย. เตสนฺติ มจฺเฉรมลาทิกจวรานํ. เอเตหิ เอว ทุราสทฏฺเน. อสนฺตาสนฏฺเนาติ อนภิภวนียตาย สนฺตาสาภาเวน. โย หิ ทายโก ทานปติ, โส สมฺปติปิ กุโตจิ น ภายติ, ปเคว อายตึ. ธมฺมสีเสน ปุคฺคโล วุตฺโต. พลวนฺตฏฺเนาติ มหาพลวตาย. ทายโก หิ ทานปติ สมฺปติ ปกฺขพเลน พลวา โหติ, อายตึ ปน กายพลาทีหิปิ. อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเนาติ ‘‘วฑฺฒิการณ’’นฺติ อภิสมฺมตภาเวน. วิปตฺติภวโต สมฺปตฺติภวูปนยนํ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนํ, ภวสงฺคามโต โยคกฺเขมสมฺปาปนฺจ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนฏฺโ.
อิทานิ ทานํ วฏฺฏคตา อุกฺกํสปฺปตฺตา สมฺปตฺติโย วิย วิวฏฺฏคตาปิ ตา สมฺปาเทตีติ โพธิจริยภาเวนปิ ทานคุเณ ทสฺเสตุํ ‘‘ทานฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺติโย อตฺตหิตาย เอว, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ ปน อตฺตหิตาย, ปรหิตาย จาติ ทสฺเสตุํ สา ตาสํ ปรโต วุตฺตา, เอตา โลกิยา, อิมา ปน โลกุตฺตราติ ทสฺเสตุํ ตโต ปรํ ‘‘สาวกปารมีาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺตรุกฺกฏฺตมาติ ทสฺเสตุํ กเมน าณตฺตยํ วุตฺตํ. เตสํ ปน ทานสฺส ปจฺจยภาโว เหฏฺา วุตฺโต เอว. เอเตเนวสฺส พฺรหฺมสมฺปตฺติยาปิ ปจฺจยภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺโพ.
ทานฺจ นาม ทกฺขิเณยฺเยสุ หิตชฺฌาสเยน วา ปูชนชฺฌาสเยน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก สตฺเตสุ เอกนฺตหิตชฺฌาสโย ปุริสปุคฺคโล, โส ‘‘ปเรสํ หึสติ, ปเรสํ วา สนฺตกํ หรตี’’ติ อฏฺานเมตนฺติ อาห ‘‘ทานํ ททนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกตี’’ติ. สีลสทิโส อลงฺกาโร นตฺถีติ อกิตฺติมํ หุตฺวา สพฺพกาลํ โสภาวิเสสาวหตฺตา. สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถีติ เอตฺถาปิ ¶ เอเสว นโย. สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถีติ เอตฺถ ‘‘จนฺทนํ ¶ ตครํ วาปี’’ติอาทิกา (ธ. ป. ๕๕) คาถา, ‘‘คนฺโธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ, กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตนา’’ติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) จ วตฺตพฺพา ¶ . สีลฺหิ สตฺตานํ อาภรณฺเจว อลงฺกาโร จ คนฺธวิเลปนฺจ ปรสฺส ทสฺสนียภาวาวหฺจ. เตนาห ‘‘สีลาลงฺกาเรน หี’’ติอาทิ.
‘‘อยํ สคฺโค ลพฺภตี’’ติ อิทํ มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ อารทฺธํ สีลํ สนฺธายาห. เตนาห สกฺโก เทวราชา –
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๒๙);
อิฏฺโติ สุโข, กนฺโตติ กมนีโย, มนาโปติ มนวฑฺฒนโก, ตํ ปนสฺส อิฏฺาทิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิจฺจเมตฺถ กีฬา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิจฺจนฺติ สพฺพกาลํ กีฬาติ กามูปสํหิตา สุขวิหารา. สมฺปตฺติโยติ โภคสมฺปตฺติโย. ทิพฺพนฺติ ทิพฺพภวํ เทวโลกปริยาปนฺนํ. สุขนฺติ กายิกํ, เจตสิกฺจ สุขํ. ทิพฺพสมฺปตฺตินฺติ ทิพฺพภวํ อายุสมฺปตฺตึ, วณฺณยสอิสฺสริยสมฺปตฺตึ, รูปาทิสมฺปตฺติฺจ. เอวมาทีติ อาทิ-สทฺเทน ยามาทีหิ อนุภวิตพฺพํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ วทติ.
อปฺปสฺสาทาติ นิรสฺสาทา ปณฺฑิเตหิ ยถาภูตํ ปสฺสนฺเตหิ ตตฺถ อสฺสาเทตพฺพตาภาวโต. พหุทุกฺขาติ มหาทุกฺขา สมฺปติ, อายติฺจ วิปุลทุกฺขานุพนฺธตฺตา. พหุปายาสาติ อเนกวิธปริสฺสยา. เอตฺถาติ กาเมสุ. ภิยฺโยติ พหุํ. โทโสติ อนิจฺจตาทินา, อปฺปสฺสาทตาทินา จ ทูสิตภาโว, ยโต เต วิฺูนํ จิตฺตํ นาราเธนฺติ. อถ วา อาทีนํ วาติ ปวตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตา, ตถา ¶ จ กามา ยถาภูตํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฏฺนฺติ. ลามกภาโวติ นิหีนภาโว อเสฏฺเหิ เสวิตพฺพตฺตา, เสฏฺเหิ น เสวิตพฺพตฺตา จ. สํกิลิสฺสนนฺติ วิพาเธตพฺพตา อุปตาเปตพฺพตา. เนกฺขมฺเม อานิสํสนฺติ เอตฺถ ยตฺตกา กาเมสุ อาทีนวา, ตปฺปฏิปกฺขโต ตตฺตกา เนกฺขมฺเม อานิสํสา. อปิ จ ‘‘เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฏฺํ, นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสฺาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตกฺเกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปาทโต’’ติอาทินา ¶ (สารตฺถ. ฏี. ๓.๒๖ มหาวคฺเค) นเยน เนกฺขมฺเม อานิสํเส ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย, ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วณฺเณสิ.
วุตฺตนยนฺติ เอตฺถ ยํ อวุตฺตนยํ ‘‘กลฺลจิตฺเต’’ติอาทิ, ตตฺถ กลฺลจิตฺเตติ กมฺมนิยจิตฺเต, เหฏฺา ¶ ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺเตติ อตฺโถ. อสฺสทฺธิยาทโย หิ ยสฺมา จิตฺตสฺส โรคภูตา ตทา เต วิคตา, ตสฺมา อโรคจิตฺเตติ อตฺโถ. ทิฏฺิมานาทิกิเลสวิคมเนน มุทุจิตฺเต. กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺเต. สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺเต. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺเต. ยทา จ ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา กลฺลจิตฺเตติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺเต. มุทุจิตฺเตติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกถินจิตฺเต. วินีวรณจิตฺเตติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิกฺเขปสฺส วิคตตฺตา เตน อปิหิตจิตฺเต. อุทคฺคจิตฺเตติ ถินมิทฺธวิคเมน ¶ สมฺปคฺคหิตวเสน อลีนจิตฺเต. ปสนฺนจิตฺเตติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺเต, เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทินา อุปมาวเสน เนสํ สํกิเลสปฺปหานํ, อริยมคฺคุปฺปาทฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุ เอว. รชนนฺติ นีลปีตาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ติสฺสเมว นิสชฺชายํ, เอเตน เนสํ ลหุวิปสฺสกตา, ติกฺขปฺตา, สุขปฏิปทาขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหติ. วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํ. อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคมเนน วีตมลํ. ปมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ. ปฺจวิธทุสฺสีลฺยมลาปคมเนน วีตมลํ. ธมฺมจกฺขุนฺติ พฺรหฺมายุสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๘๓) เหฏฺิมา ตโย มคฺคา วุตฺตา, จูฬราหุโลวาเท (ม. นิ. ๓.๔๑๖) อาสวกฺขโย, อิธ ปน โสตาปตฺติมคฺโค อธิปฺเปโต. ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนนฺติ. นนุ จ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณํ, น สงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ? สจฺจเมตํ. ยสฺมา ตํ นิโรธํ อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจวเสน สพฺพสงฺขตํ ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตถา วุตฺตํ.
‘‘สุทฺธํ วตฺถ’’นฺติ นิทสฺสิตอุปมายํ อิทํ อุปมาสํสนฺทนํ วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว ¶ , โธวนสิลา วิย อนุปุพฺพิกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเก เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกาภเรหิ กาฬกปเทเส สมุจฺฉินฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปโยโค ¶ วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิลี กตฺวา สุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ, เตน ปโยเคน วตฺเถ นานากาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทปนนฺติ. ‘‘ทิฏฺธมฺมา’’ติ ¶ วตฺวา ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตํ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณสมฺปตฺติโต อฺมฺปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. สา ปน วิทิตธมฺมตา ธมฺเมสุ เอกเทเสนาปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺมา’’ติ วุตฺตํ, เตน เนสํ สจฺจาภิสมฺโพธึเยว วิภาเวติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทสโตว จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาหนฺตํ ปฏิวิชฺฌตีติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
๗๗. จีวรทานาทีนีติ จีวราทิปริกฺขารทานํ สนฺธายาห. โย หิ จีวราทิเก อฏฺ ปริกฺขาเร, ปตฺตจีวรเมว วา โสตาปนฺนาทิอริยสฺส, ปุถุชฺชนสฺเสว วา สีลสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ‘‘อิทํ ปริกฺขารทานํ อนาคเต เอหิภิกฺขุภาวาย ปจฺจโย โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ, ตสฺส จ สติ อธิการสมฺปตฺติยํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว อิทฺธิมยปริกฺขารลาภาย สํวตฺตตีติ เวทิตพฺพํ. วสฺสสติกตฺเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนาติ อธิปฺปาโย.
สนฺทสฺเสสีติ สุฏฺุ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทสฺเสสิ. อิธโลกตฺถนฺติ อิธโลกภูตํ ขนฺธปฺจกสงฺขาตมตฺถํ. ปรโลกตฺถนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ทสฺเสสีติ สามฺลกฺขณโต, สลกฺขณโต จ ทสฺเสสิ. เตนาห ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ หุตฺวา อภาวโต อนิจฺจนฺติ ทสฺเสสิ. อุทยพฺพยปฏิปีฬนโต ทุกฺขนฺติ ทสฺเสสิ. อวสวตฺตนโต อนตฺตาติ ทสฺเสสิ. อิเม รุปฺปนาทิลกฺขณา ปฺจกฺขนฺธาติ ราสฏฺเน ขนฺเธ ทสฺเสสิ. อิเม จกฺขาทิสภาวา ¶ นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน อฏฺารส ธาตุโยติ ทสฺเสสิ. อิมานิ จกฺขาทิสภาวาเนว ทฺวารารมฺมณภูตานิ ทฺวาทส อายตนานีติ ทสฺเสสิ. อิเม ¶ อวิชฺชาทโย ชรามรณปริโยสานา ทฺวาทส ปจฺจยธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ ทสฺเสสิ. รูปกฺขนฺธสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยน ปจฺจยโต จตฺตาริ, ขณโต เอกนฺติ อิมานิ ปฺจ ลกฺขณานิ ทสฺเสสิ. ตถาติ อิมินา ‘‘ปฺจ ลกฺขณานี’’ติ ปทํ อากฑฺฒติ. ทสฺเสนฺโตติ อิติ-สทฺโท นิทสฺสนตฺโถ, เอวนฺติ อตฺโถ. นิรยนฺติ อฏฺมหานิรยโสฬสอุสฺสทนิรยปฺปเภทํ สพฺพโส นิรยํ ทสฺเสสิ. ติรจฺฉานโยนินฺติ อปททฺวิปทจตุปฺปทพหุปฺปทาทิเภทํ มิคปสุปกฺขิสรีสปาทิวิภาคํ นานาวิธํ ติรจฺฉานโลกํ. เปตฺติวิสยนฺติ ขุปฺปิปาสิกวนฺตาสิกปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทิเภทภินฺนํ นานาวิธํ เปตสตฺตโลกํ. อสุรกายนฺติ กาลกฺจิกาสุรนิกายํ. เอวํ ตาว ทุคฺคติภูตํ ปรโลกตฺถํ วตฺวา อิทานิ สุคติภูตํ วตฺตุํ ‘‘ติณฺณํ กุสลานํ วิปาก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เวหปฺผเล สุภกิณฺเณเยว สงฺคเหตฺวา อสฺีสุ, อรูปีสุ จ สมฺปตฺติยา ทสฺเสตพฺพาย อภาวโต ทุวิฺเยฺยตาย ‘‘นวนฺนํ พฺรหฺมโลกาน’’นฺตฺเวว วุตฺตํ.
คณฺหาเปสีติ ¶ เต ธมฺเม สมาทินฺเน การาเปสิ.
สมุตฺเตชนํ นาม สมาทินฺนธมฺมานํ ยถา อนุปการกา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ปหียนฺติ จ, อุปการกา ธมฺมา ปริวฑฺฒนฺติ, วิสุชฺฌนฺติ จ, ตถา เนสํ อุสฺสาหุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘อพฺภุสฺสาเหสี’’ติ. ยถา ปน ตํ อุสฺสาหุปฺปาทนํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิธโลกตฺถฺเจวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตาเสตฺวา ตาเสตฺวาติ ปริพฺยตฺตภาวาปาทเนน เตเชตฺวา เตเชตฺวา. อธิคตํ วิย กตฺวาติ เยสํ กเถติ, เตหิ ตมตฺถํ ปจฺจกฺขโต อนุภุยฺยมานํ วิย กตฺวา. เวเนยฺยานฺหิ พุทฺเธหิ ปกาสิยมาโน ¶ อตฺโถ ปจฺจกฺขโตปิ ปากฏตโร หุตฺวา อุปฏฺาติ. ตถา หิ ภควา เอวํ โถมียติ –
‘‘อาทิตฺโตปิ อยํ โลโก, เอกาทสหิ อคฺคิภิ;
น ตถา ยาติ สํเวคํ, สมฺโมหปลิคุณฺิโต.
สุตฺวาทีนวสฺุตฺตํ, ยถา วาจํ มเหสิโน;
ปจฺจกฺขโตปิ พุทฺธานํ, วจนํ สุฏฺุ ปากฏ’’นฺติ.
เตนาห ‘‘ทฺวตฺตึสกมฺมการณปฺจวีสติมหาภยปฺปเภทฺหี’’ติอาทิ. ทฺวตฺตึสกมฺมการณานิ ‘‘หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๘) ทุกฺขกฺขนฺธสุตฺเต อาคตนเยน ¶ เวทิตพฺพานิ. ปฺจวีสติมหาภยานิ ‘‘ชาติภยํ ชราภยํ พฺยาธิภยํ มรณภย’’นฺติอาทินา (จูฬนิ. ๑๒๓) ตตฺถ ตตฺถ สุตฺเต อาคตนเยน เวทิตพฺพานิ. อาฆาตนภณฺฑิกา อธิกุฏฺฏนกฬิงฺครํ, ยํ ‘‘อจฺจาธาน’’นฺติปิ วุจฺจติ.
ปฏิลทฺธคุเณน โจเทสีติ ‘‘ตํตํคุณาธิคเมน อยมฺปิ ตุมฺเหหิ ปฏิลทฺโธ, อานิสํโส อยมฺปี’’ติ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต ‘‘กึ อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ อตฺถี’’ติ โจเทนฺโต วิย อโหสิ. เตนาห ‘‘มหานิสํสํ กตฺวา กเถสี’’ติ.
ตปฺปจฺจยฺจ กิลมถนฺติ สงฺขารปวตฺติเหตุกํ ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตสนฺตาเน อุปฺปชฺชนกปริสฺสมํ สํวิฆาตํ วิเหสํ. อิธาติ เหฏฺา ปมมคฺคาธิคมตฺถาย กถาย. สพฺพสงฺขารูปสมภาวโต สนฺตํ. อติตฺติกรปรมสุขตาย ปณีตํ. สกลสํสารพฺยสนโต ตายนตฺเถน ¶ ตาณํ. ตโต นิพฺพินฺทหทยานํ นิลียนฏฺานตาย เลณํ. อาทิ-สทฺเทน คติปฏิสรณํ ปรมสฺสาโสติ เอวมาทีนํ สงฺคโห.
มหาชนกายปพฺพชฺชาวณฺณนา
๘๐. สงฺฆปฺปโหนกานํ ภิกฺขูนํ อภาวา ‘‘สงฺฆสฺส อปริปุณฺณตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ทฺเว อคฺคสาวกา เอว หิ ตทา อเหสุํ.
จาริกาอนุชานนวณฺณนา
๘๖. ‘‘กทา ¶ อุทปาที’’ติ ปุจฺฉํ ‘‘สมฺโพธิโต’’ติอาทินา สงฺเขปโต วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน ตํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิตุ สงฺคหํ กโรนฺโต วิหาสิ สมฺโพธิโต ‘‘สตฺต สํวจฺฉรานิ สตฺต มาเส สตฺต ทิวเส’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ, ตฺจ โข เวเนยฺยานํ ตทา อภาวโต. กิลฺเชหิ พหิ ฉาทาเปตฺวา, วตฺเถหิ อนฺโต ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา, อุปริ จ วตฺเถหิ ฉาทาเปตฺวา, ตสฺส เหฏฺา สุวณฺณ…เป… วิตานํ การาเปตฺวา. มาลาวจฺฉเกติ ปุปฺผมาลาหิ วจฺฉากาเรน เวิเต. คนฺธนฺตเรติ จาฏิภริตคนฺธสฺส อนฺตเร. ปุปฺผานีติ จาฏิอาทิภริตานิ ชลชปุปฺผานิ เจว จงฺโกตกาทิภริตานิ ถลชปุปฺผานิ จ.
กามฺจายํ ¶ ราชา พุทฺธปิตา, ตถาปิ พุทฺธา นาม โลกครุโน, น เต เกนจิ วเส วตฺเตตพฺพา, อถ โข เต เอว ปเร อตฺตโน วเส วตฺเตนฺติ, ตสฺมา ราชา ‘‘นาหํ ภิกฺขุสงฺฆํ เทมี’’ติ อาห.
ทานมุขนฺติ ทานกรณูปายํ, ทานวตฺตนฺติ อตฺโถ. น ทานิ เม อนฺุาตาติ อิทานิ เม ทานํ น อนฺุาตา, โน น อนุชานนฺตีติ อตฺโถ.
ปริตสฺสนชีวิตนฺติ ทุกฺขชีวิกา ทาลิทฺทิยนฺติ อตฺโถ.
สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ ปโหสีติ ภควโต อฏฺสฏฺิ จ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ ภาคโต ทาตุํ ปโหสิ, น สพฺเพสํ ปริยตฺตภาเวน. เตนาห ‘‘เสนาปติปิ อตฺตโน เทยฺยธมฺมํ อทาสี’’ติ. เชฏฺิกฏฺาเนติ เชฏฺิกเทวิฏฺาเน.
ตเถว ¶ กตฺวาติ จรปุริเส เปตฺวา. สุจินฺติ สุทฺธํ. ปณีตนฺติ อุฬารํ, ภาวนปุํสกฺเจตํ ‘‘เอกมนฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒) วิย. ภฺชิตฺวาติ มทฺทิตฺวา, ปีเฬตฺวาติ ¶ อตฺโถ. ชาติสปฺปิขีราทีหิเยวาติ อนฺโตชาตสปฺปิขีราทีหิเยว, อมฺหากเมว คาวิอาทิโต คหิตสปฺปิอาทีหิเยวาติ อตฺโถ.
๙๐. ปราปวาทํ, ปราปการํ, สีตุณฺหาทิเภทฺจ คุณาปราธํ ขมติ สหติ อธิวาเสตีติ ขนฺติ. สา ปน ยสฺมา สีลาทีนํ ปฏิปกฺขธมฺเม สวิเสสํ ตปติ สนฺตปติ วิธมตีติ ปรมํ อุตฺตมํ ตโป. เตนาห ‘‘อธิวาสนขนฺติ นาม ปรมํ ตโป’’ติ. ‘‘อธิวาสนขนฺตี’’ติ อิมินา ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติโต วิเสเสติ. ติติกฺขนํ ขมนํ ติติกฺขา.อกฺขรจินฺตกา หิ ขมายํ ติติกฺขา-สทฺทํ วณฺเณนฺติ. เตเนวาห ‘‘ขนฺติยา เอว เววจน’’นฺติอาทิ. สพฺพากาเรนาติ สนฺตปณีตนิปุณสิวเขมาทินา สพฺพปฺปกาเรน. โส ปพฺพชิโต นาม น โหติ ปพฺพาชิตพฺพธมฺมสฺส อปพฺพาชนโต. ตสฺเสว ตติยปทสฺส เววจนํ อนตฺถนฺตรตฺตา.
‘‘น หี’’ติอาทินา ตํ เอวตฺถํ วิวรติ. อุตฺตมตฺเถน ปรมนฺติ วุจฺจติ ปร-สทฺทสฺส เสฏฺวาจกตฺตา, ‘‘ปุคฺคลปโรปรฺู’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๖๘; เนตฺติ. ๑๑๘) วิย. ปรนฺติ อฺํ. อิทานิ ปร-สทฺทํ อฺปริยายเมว คเหตฺวา อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มลสฺสาติ ปาปมลสฺส. อปพฺพาชิตตฺตาติ อนีหฏตฺตา อนิรากตตฺตา ¶ . สมิตตฺตาติ นิโรธิตตฺตา เตสํ ปาปธมฺมานํ. ‘‘สมิตตฺตา หิ ปาปานํ สมโณติ ปวุจฺจตี’’ติ หิ วุตฺตํ.
อปิจ ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺโต ปาติโมกฺขกถาย จ สีลปธานตฺตา สีลสฺส จ วิเสสโต โทโส ปฏิปกฺโขติ ¶ ตสฺส นิคฺคณฺหนวิธึ ทสฺเสตุํ อาทิโต ‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป’’ติ อาห, เตน อนิฏฺสฺส ปฏิหนนูปาโย วุตฺโต, ติติกฺขาคหเณน ปน อิฏฺสฺส, ตทุภเยนปิ อุปฺปนฺนํ รตึ อภิภุยฺย วิหรตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ. ตณฺหาวานสฺส วูปสมนโต นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา. ตตฺถ ขนฺติคฺคหเณน ปโยควิปตฺติยา อภาโว ทสฺสิโต, ติติกฺขาคหเณน อาสยวิปตฺติยา อภาโว. ตถา ขนฺติคฺคหเณน ปราปราธสหตา, ติติกฺขาคหเณน ปเรสุ อนปรชฺฌนา ทสฺสิตา. เอวํ การณมุเขน อนฺวยโต ปาติโมกฺขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ พฺยติเรกโต ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตน ยถา สตฺตานํ ชีวิตา โวโรปนํ, ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ วิพาธนฺจ ‘‘ปรูปฆาโต, ปรวิเหน’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ เตสํ มูลสาปเตยฺยาวหรณํ, ทารปรามสนํ, วิสํวาทนํ, อฺมฺเภทนํ, ผรุสวจเนน มมฺมฆฏฺฏนํ, นิรตฺถกวิปฺปลาโป ¶ , ปรสนฺตกคิชฺฌนํ, อุจฺเฉทวินฺทนํ, มิจฺฉาภินิเวสนฺจอุปฆาโต, วิเหนฺจ โหตีติ ยสฺส กสฺสจิ อกุสลสฺส กมฺมปถสฺส, กมฺมสฺส จ กรเณน ปพฺพชิโต, สมโณ จ น โหตีติ ทสฺเสติ.
สพฺพากุสลสฺสาติ สพฺพสฺสาปิ ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาทสงฺคหิตสฺส สาวชฺชธมฺมสฺส. กรณํ นาม ตสฺส อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนนฺติ ตปฺปฏิกฺเขปโต อกรณํ ‘‘อนุปฺปาทน’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘กุสลสฺสา’’ติ อิทํ ‘‘เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ วกฺขมานตฺตา อริยมคฺคธมฺเม, เตสฺจ สมฺภารภูเต เตภูมกกุสลธมฺเม สมฺโพเธตีติ อาห ‘‘จตุภูมกกุสลสฺสา’’ติ. อุปสมฺปทาติ อุปสมฺปาทนํ, ตํ ปน ตสฺส สมธิคโมติ อาห ‘‘ปฏิลาโภ’’ติ. จิตฺตโชตนนฺติ จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณํ สพฺพโส ปริโสธนํ. ยสฺมา ¶ อคฺคมคฺคสมงฺคิโน จิตฺตํ สพฺพโส ปริโยทปียติ นาม, อคฺคผลกฺขเณ ปน ปริโยทปิตํ โหติ ปุน ปริโยทเปตพฺพตาย อภาวโต, อิติ ปรินิฏฺิตปริโยทปนตํ สนฺธายาห ‘‘ตํ ปน อรหตฺเตน โหตี’’ติ. สพฺพปาปํ ปหาย ตทงฺคาทิวเสเนวาติ อธิปฺปาโย. ‘‘สีลสํวเรนา’’ติ หิ อิมินา เตภูมกสฺสาปิ สงฺคเห อิตรปฺปหานานมฺปิ สงฺคโห โหตีติ, เอวฺจ กตฺวา สพฺพคฺคหณํ สมตฺถิตํ โหติ ¶ . สมถวิปสฺสนาหีติ โลกิยโลกุตฺตราหิ สมถวิปสฺสนาหิ. สมฺปาเทตฺวาติ นิปฺผาเทตฺวา. สมฺปาทนฺเจตฺถ เหตุภูตาหิ ผลภูตสฺส สหชาตาหิปิ, ปเคว ปุริมสิทฺธาหีติ ทฏฺพฺพํ.
กสฺสจีติ หีนาทีสุ กสฺสจิ สตฺตสฺส กสฺสจิ อุปวาทสฺส, เตน ทวกมฺยตายปิ อุปวทนํ ปฏิกฺขิปติ. อุปฆาตสฺส อกรณนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘กสฺสจี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. กาเยนาติ จ นิทสฺสนมตฺตเมตํ มนสาปิ ปเรสํ อนตฺถจินฺตนาทิวเสน อุปฆาตกรณสฺส วชฺเชตพฺพตฺตา. กาเยนาติ วา เอตฺถ อรูปกายสฺสาปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, น โจปนกายกรชกายานเมว. ป อติโมกฺขนฺติ ปการโต อติวิย สีเลสุ มุขฺยภูตํ. ‘‘อติปโมกฺข’’นฺติ ตเมว ปทํ อุปสคฺคพฺยตฺตเยน วทติ. เอวํ เภทโต ปทวณฺณนํ กตฺวา ตตฺวโต วทติ ‘‘อุตฺตมสีล’’นฺติ. ‘‘ปาติ วา’’ติอาทินา ปาลนโต รกฺขณโต อติวิย โมกฺขนโต อติวิย โมจนโต ปาติโมกฺขนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘ปาปา อติ โมกฺเขตีติ อติโมกฺโข’’ติ นิมิตฺตสฺส กตฺตุภาเวน อุปจริตพฺพโต. โย วา นนฺติ โย วา ปุคฺคโล นํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ปาติ ¶ สมาทิยิตฺวา อวิโกเปนฺโต รกฺขติ, ตํ ‘‘ปาตี’’ติ ลทฺธนามํ ปาติโมกฺขสํวรสีเล ิตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขนฺติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน ปาติโมกฺขปทสฺส อตฺโถ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๔) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
มตฺตฺุตาติ ¶ โภชเน มตฺตฺุตา, สา ปน วิเสสโต ปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลวเสน คเหตพฺพาติ อาห ‘‘ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา’’ติ. อาชีวปาริสุทฺธิสีลวเสนาปิ คยฺหมาเน ‘‘ปริเยสนวิสฺสชฺชนวเสนา’’ติปิ วตฺตพฺพํ. สงฺฆฏฺฏนวิรหิตนฺติ ชนสงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ, นิรชนสมฺพาธํ วิวิตฺตนฺติ อตฺโถ. จตุปจฺจยสนฺโตโส ทีปิโต ปจฺจยสนฺโตสตาสามฺเน อิตรทฺวยสฺสาปิ ลกฺขณหารนเยน โชติตภาวโต. ‘‘อฏฺสมาปตฺติวสิภาวายา’’ติ อิมินา ปโยชนทสฺสนวเสน ยทตฺถํ วิวิตฺตเสนาสนเสวนํ อิจฺฉิตํ, โส อธิจิตฺตานุโยโค วุตฺโต. อฏฺ สมาปตฺติโย เจตฺถ วิปสฺสนาย ปาทกภูตา อธิปฺเปตา, น ยา กาจีติ สกลสฺสาปิ อธิจิตฺตานุโยคสฺส โชติตภาโว เวทิตพฺโพ.
เทวตาโรจนวณฺณนา
๙๑. เอตฺตาวตาติ ¶ เอตฺตเกน สุตฺตปเทเสน. ตตฺถาปิ จ อิมินา…เป… กถเนน สุปฺปฏิวิทฺธภาวํ ปกาเสตฺวาติ โยชนา. จ-สทฺโท พฺยติเรกตฺโถ, เตน อิทานิ วุจฺจมานตฺถํ อุลฺลงฺเคติ. เอกมิทาหนฺติ เอกํ อหํ. อิทํ-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน ‘‘ภิกฺขเว สมย’’นฺติ เอวมาทิ ปาโ สงฺคหิโต. อหํ ภิกฺขเว เอกํ สมยนฺติ เอวํ เปตฺถ ปทโยชนา.
สุภควเนติ สุภคตฺตา สุภคํ, สุนฺทรสิริกตฺตา ¶ , สุนฺทรกามตฺตา วาติ อตฺโถ. สุภคฺหิ ตํ สิริสมฺปตฺติยา, สุนฺทเร เจตฺถ กาเม มนุสฺสา ปตฺเถนฺติ. พหุชนกนฺตตายปิ ตํ สุภคํ. วนยตีติ วนํ, อตฺตสมฺปตฺติยา อตฺตนิ สิเนหํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. วนุเต อิติ วา วนํ, อตฺตสมฺปตฺติยา เอว ‘‘มํ ปริภฺุชถา’’ติ สตฺเต ยาจติ วิยาติ อตฺโถ. สุภคฺจ ตํ วนฺจาติ สุภควนํ, ตสฺมึ สุภควเน. อฏฺกถายํปน กึ อิมินา ปปฺเจนาติ ‘‘เอวํ นามเก วเน’’ติ วุตฺตํ. กามํ สาลรุกฺโขปิ ‘‘สาโล’’ติ วุจฺจติ, โย โกจิ รุกฺโขปิ วนปฺปติ เชฏฺกรุกฺโขปิ. อิธ ปน ปจฺฉิโม เอว อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘วนปฺปติเชฏฺกสฺส มูเล’’ติ. มูลสมุคฺฆาตวเสนาติ อนุสยสมุจฺฉินฺทนวเสน.
น วิหายนฺตีติ อกุปฺปธมฺมตาย น วิชหนฺติ. ‘‘น กฺจิ สตฺตํ ตปนฺตีติ อตปฺปา’’ติ อิทํ เตสุ ตสฺสา สมฺาย นิรุฬฺหตาย วุตฺตํ, อฺถา สพฺเพปิ สุทฺธาวาสา น กฺจิ สตฺตํ ตปนฺตีติ อตปฺปา นาม สิยุํ. ‘‘น วิหายนฺตี’’ติอาทินิพฺพจเนสุปิ เอเสว นโย. สุนฺทรทสฺสนาติ ทสฺสนียาติ อยมตฺโถติ อาห ‘‘อภิรูปา’’ติอาทิ. สุนฺทรเมเตสํ ทสฺสนนฺติ ¶ โสภนเมเตสํ จกฺขุนา ทสฺสนํ, วิฺาเณน ทสฺสนํ ปีติ อตฺโถ. สพฺเพ เหว…เป… เชฏฺา ปฺจโวการภเว ตโต วิสิฏฺานํ อภาวโต.
สตฺตนฺนํ พุทฺธานํ วเสนาติ สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อปทานวเสน. อวิเหหิ อชฺฌิฏฺเน เอเกน อวิหาพฺรหฺมุนา กถิตา เตหิ สพฺเพหิ กถิตา นาม โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ตถา อวิเหหี’’ติ. เอเสว นโย เสเสสุปิ. เตนาห ภควา ‘‘เทวตา มํ เอตทโวจุ’’นฺติ. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘อเนกานิ เทวตาสตานี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สพฺพํ ¶ ปจฺฉา อตฺตโน สาสเน ¶ วิเสสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ อุปฺปนฺนานํ วเสน วุตฺตํ. อนุสนฺธิทฺวยมฺปีติ ธมฺมธาตุปทานุสนฺธิ, เทวตาโรจนปทานุสนฺธีติ ทุวิธํ อนุสนฺธึ. นิยฺยาเตนฺโตติ นิคเมนฺโต. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
มหาปทานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๒. มหานิทานสุตฺตวณฺณนา
นิทานวณฺณนา
๙๕. ชนปทิโนติ ¶ ¶ ¶ ชนปทวนฺโต, ชนปทสฺส วา อิสฺสรสามิโน ราชกุมารา โคตฺตวเสน กุรู นาม. เตสํ นิวาโส ยทิ เอโก ชนปโท, กถํ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รุฬฺหิสทฺเทนา’’ติ. อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ ยุตฺเต วิย อีทิสลิงฺควจนานิ อิจฺฉนฺติ. อยเมตฺถ รุฬฺหิ ยถา อฺตฺถาปิ ‘‘องฺเคสุ วิหรติ, มลฺเลสุ วิหรตี’’ติ จ. ตพฺพิเสสเนปิ ชนปทสทฺเท ชาติสทฺเท เอกวจนเมว. อฏฺกถาจริยา ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโน, เตน ‘‘ปุถุอตฺถวิสยตาย เอเวตํ ปุถุวจน’’นฺติ ‘‘พหุเก ปนา’’ติอาทินา วกฺขมานํ วิเสสํ โชเตติ. สุตฺวาติ มนฺธาตุมหาราชสฺส อานุภาวทสฺสนานุสาเรน ปรมฺปรานุคตํ กถํ สุตฺวา. อนุสํยายนฺเตนาติ อนุวิจรนฺเตน. เอเตสํ านนฺติ จนฺทิมสูริยมุเขน จาตุมหาราชิกภวนมาห. เตนาห ‘‘ตตฺถ อคมาสี’’ติอาทิ. โสติ มนฺธาตุมหาราชา. ตนฺติ จาตุมหาราชิกรชฺชํ. คเหตฺวาติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา. ปุน ปุจฺฉิ ปริณายกรตนํ.
โทวาริกภูมิยํ ติฏฺนฺติ สุธมฺมาย เทวสภาย, เทวปุรสฺส จ จตูสุ ทฺวาเรสุ อารกฺขาย อธิคตตฺตา. ‘‘ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฏิมณฺฑิต’’นฺติ ¶ อิทํ ‘‘จิตฺตลตาวน’’นฺติอาทีสุปิ โยเชตพฺพํ.
ปถวิยํ ปติฏฺาสีติ ภสฺสิตฺวา ปถวิยา อาสนฺนฏฺาเน อฏฺาสิ. น หิ จกฺกรตนํ ภูมิยํ ปตติ, ตถาิตฺจ นจิรสฺเสว อนฺตรธายิ เตนตฺตภาเวน จกฺกวตฺติอิสฺสริยสฺส อภาวโต. ‘‘จิรตรํ กาลํ ตฺวา’’ติ อปเร. ราชา เอกโกว อคมาสิ อตฺตโน อานุภาเวน. มนุสฺสภาโวติ มนุสฺสคนฺธสรีรนิสฺสนฺทาทิมนุสฺสภาโว. ปาตุรโหสีติ เทวโลเก ปวตฺติวิปากทายิโน อปราปริยาย เวทนียสฺส กมฺมสฺส กโตกาสตฺตา สพฺพทา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกตา มาลามิลายนาทิ ทิพฺพภาโว ปาตุรโหสิ. ตทา มนุสฺสานํ อสงฺเขยฺยายุกตาย ¶ สกฺกรชฺชํ กาเรตฺวา. ‘‘กึ เม อิมินา อุปทฺธรชฺเชนา’’ติ อตฺริจฺฉตาย อติตฺโตว. มนุสฺสโลเก อุตุโน กกฺขฬตาย วาตาตเปน ผุฏฺคตฺโต กาลมกาสิ.
อวยเวสุ ¶ สิทฺโธ วิเสโส สมุทายสฺส วิเสสโก โหตีติ เอกมฺปิ รฏฺํ พหุวจเนน โวหริยติ.
ท-กาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติ นิรุตฺตินเยน. กมฺมาโสติ กมฺมาสปาโท วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ. กถํ ปน โส ‘‘กมฺมาสปาโท’’ติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ. ทมิโตติ เอตฺถ กีทิสํ ทมนํ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘โปริสาทภาวโต ปฏิเสธิโต’’ติ. ‘‘อิเม ปน เถราติ มชฺฌิมภาณกา’’ติ เกจิ. อปเร ปน ‘‘อฏฺกถาจริยา’’ติ, ‘‘ทีฆภาณกา’’ติ วทนฺติ. อุภยถาปิ จูฬกมฺมาสทมฺมํ สนฺธาย ตถา วทนฺติ. ยกฺขินิปุตฺโต หิ กมฺมาสปาโท อลีนสตฺตุกุมารกาเล (จริยา. ๒.๗๕) โพธิสตฺเตน ตตฺถ ทมิโต. สุตโสมกาเล (ชา. ๒.๒๑.๓๗๑) ปน พาราณสิราชา โปริสาทภาวปฏิเสธเนน ยตฺถ ทมิโต, ตํ มหากมฺมาสทมฺมํ นาม. ‘‘ปุตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘อตฺรโช’’ติ วจนํ โอรสปุตฺตภาวทสฺสนตฺถํ.
เยหิ อาวสิตปฺปเทโส ‘‘กุรุรฏฺ’’นฺติ นามํ ลภิ, เต อุตฺตรกุรุโต อาคตมนุสฺสา ตตฺถ รกฺขิตนิยาเมเนว ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. เตสํ ทิฏฺานุคติยา ปจฺฉิมชนตาติ โส เทสธมฺมวเสน อวิจฺเฉทโต ปวตฺตมาโน กุรุวตฺตธมฺโมติ ¶ ปฺายิตฺถ. อยฺจ อตฺโถ กุรุธมฺมชาตเกน ทีเปตพฺโพ. โส อปรภาเค ปมํ ยตฺถ สํกิลิฏฺโ ชาโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุรุรฏฺวาสีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยตฺถ ภควโต วสโนกาสภูโต โกจิ วิหาโร น โหติ, ตตฺถ เกวลํ โคจรคามกิตฺตนํ นิทานกถาย ปกติ ยถา ตํ สกฺเกสุ วิหรติ เทวทหํ นาม สกฺยานํ นิคโมติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อวสโนกาสโต’’ติอาทิมาห.
‘‘อายสฺมา’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วา ‘‘ตตฺร ภว’’นฺติ วา ปิยสมุทาหาโร เอโสติ อาห ‘‘อายสฺมาติ ปิยวจนเมต’’นฺติ. ตยิทํ ปิยวจนํ ครุคารววเสน วุจฺจตีติ อาห ‘‘คารววจนเมต’’นฺติ.
อติทูรอจฺจาสนฺนวชฺชเนน นาติทูรนาจฺจาสนฺนํ นาม คหิตํ, ตํ ปน อวกํสโต อุภินฺนํ ปสาริตหตฺถานํ ¶ สงฺฆฏฺฏเนน เวทิตพฺพํ. จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ, เตนาปิ อคารวเมว กตํ โหติ. คีวํ ปริวตฺเตตฺวาติ ปริวตฺตนวเสน คีวํ ปสาเรตฺวา.
กุลสงฺคหตฺถายาติ ¶ กุลานุทฺทยตาวเสน กุลานํ อนุคฺคณฺหนตฺถาย สหสฺสภณฺฑิกํ นิกฺขิปนฺโต วิย ภิกฺขปฏิคฺคณฺหเนน เตสํ มหโต ปฺุาภิสนฺทสฺส ชนเนน. ปฏิสมฺมชฺชิตฺวาติ อนฺเตวาสิเกหิ สมฺมชฺชนฏฺานํ สกฺกจฺจการิตาย ปุน สมฺมชฺชิตฺวา. ติกฺขตฺตุนฺติ ‘‘อาทิโต ปฏฺาย อนฺต’’นฺติอาทินา วุตฺตจตุราการูปสฺหิเต ตโย วาเร, เตนสฺส ทฺวาทสกฺขตฺตุํ สมฺมสิตภาวมาห.
อมฺหากํ ภควโต คมฺภีรภาเวเนว กถิตตฺตา เสสพุทฺเธหิปิ เอวเมว กถิโตติ ธมฺมนฺวเย ตฺวา วุตฺตํ ‘‘สพฺพพุทฺเธหิ…เป… กถิโต’’ติ. สาลินฺทนฺติ สปริภณฺฑํ. ‘‘สิเนรุํ อุกฺขิปนฺโต วิยา’’ติ ¶ อิมินา ตาทิสาย เทสนาย สุทุกฺกรภาวมาห. สุตฺตเมว ‘‘สุตฺตนฺตกถ’’นฺติ อาห ธมฺมกฺขนฺธภาวโต. ยถา วินยปณฺณตฺติภูมนฺตรสมยนฺตรานํ วิชานนํ อนฺสาธารณํ สพฺพฺุตาณสฺเสว วิสโย, เอวํ อนฺตทฺวยวินิมุตฺตสฺส การกเวทกรหิตสฺส ปจฺจยาการสฺส วิภชนํ ปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธานฺหี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ านานีติ การณานิ. คชฺชิตํ มหนฺตํ โหตีติ ตํ เทเสตพฺพสฺเสว อเนกวิธตาย, ทุวิฺเยฺยตาย จ นานานเยหิ ปวตฺตมานํ เทสนาคชฺชิตํ มหนฺตํ วิปุลํ, พหุเภทฺจ โหติ. าณํ อนุปวิสตีติ ตโต เอว เทสนาาณํ เทเสตพฺพธมฺเม วิภาคโส กุรุมานํ อนุ อนุ ปวิสติ, เตน อนุปวิสฺส ิตํ วิย โหตีติ อตฺโถ. พุทฺธาณสฺส มหนฺตภาโว ปฺายตีติ เอวํวิธสฺส นาม ธมฺมสฺส เทสกํ, ปฏิเวธกฺจาติ พุทฺธานํ เทสนาาณสฺส, ปฏิเวธาณสฺส จ อุฬารภาโว ปากโฏ โหติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ‘‘สพฺพํ วจีกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺต’’นฺติ (มหานิ. ๖๙, ๑๖๙; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕; เนตฺติ. ๑๔) วจนโต สพฺพาปิ ภควโต เทสนา าณรหิตา นตฺถิ, สีหสมานวุตฺติตาย สพฺพตฺถ สมานปฺปวตฺติ. เทเสตพฺพวเสน ปน เทสนา วิเสสโต าเณน อนุปวิฏฺา, คมฺภีรตรา จ โหตีติ ทฏฺพฺพํ. กถํ ปน วินยปฺตฺตึ ปตฺวา เทสนา ติลกฺขณพฺภาหตา สฺุตปฏิสํยุตฺตา โหตีติ? ตตฺถาปิ สนฺนิสินฺนปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺตมานา เทสนา สงฺขารานํ อนิจฺจตาทิวิภาวนํ, สพฺพธมฺมานํ อตฺตตฺตนิยตาภาวปฺปกาสนฺจ โหติ. เตเนวาห ‘‘อเนกปริยาเยน ¶ ธมฺมึ กถํ กตฺวา’’ติอาทิ.
อาปชฺชาติ ¶ ปตฺวา ยถา าณโกฺจนาทํ วิสฺสชฺเชติ, เอวํ ปาปุณิตฺวา.
ปมาณาติกฺกเมติ ¶ อปริมาณตฺเถ ‘‘ยาวฺจิทํ เตน ภควตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔) วิย. อปริเมยฺยภาวโชตโน หิ อยํ ยาว-สทฺโท. เตนาห ‘‘อติคมฺภีโร อตฺโถ’’ติ. อวภาสตีติ ายติ อุปฏฺาติ. าณสฺส ตถา อุปฏฺานฺหิ สนฺธาย ‘‘ทิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. นนุ เอส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เอกนฺตคมฺภีโรว, ตตฺถ กสฺมา คมฺภีราวภาสตา โชติตาติ? สจฺจเมตํ, เอกนฺตคมฺภีรตาทสฺสนตฺถเมว ปนสฺส คมฺภีราวภาสคฺคหณํ. ตสฺมา อฺตฺถ ลพฺภมานํ จตุโกฏิกํ พฺยติเรกมุเขน นิทสฺเสตฺวา ตํ เอวสฺส เอกนฺตคมฺภีรตํ วิภาเวตุํ ‘‘เอกฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตํ นตฺถีติ อคมฺภีโร, อคมฺภีราวภาโส จาติ เอตํ ทฺวยํ นตฺถิ, เตน ยถาทสฺสิเต จตุโกฏิเก ปจฺฉิมา เอก โกฏิ ลพฺภตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ.
เยหิ คมฺภีรภาเวหิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ‘‘คมฺภีโร’’ติ วุจฺจติ, เต จตูหิ อุปมาหิ อุลฺลิงฺเคนฺโต ‘‘ภวคฺคคฺคหณายา’’ติอาทิมาห. ยถา ภวคฺคํ หตฺถํ ปสาเรตฺวา คเหตุํ น สกฺกา ทูรภาวโต, เอวํ สงฺขาราทีนํ อวิชฺชาทิปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ปากติกาเณน คเหตุํ น สกฺกา. ยถา สิเนรุํ ภินฺทิตฺวา มิฺชํ ปพฺพตรสํ ปากติกปุริเสน นีหริตุํ น สกฺกา, เอวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทคเต ธมฺมตฺถาทิเก ปากติกาเณน ภินฺทิตฺวา วิภชฺช ปฏิวิชฺฌนวเสน ชานิตุํ น สกฺกา. ยถา มหาสมุทฺทํ ปากติกปุริสสฺส พาหุทฺวเยน ปธาริตุํ น สกฺกา, เอวํ เวปุลฺลฏฺเน มหาสมุทฺทสทิสํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปากติกาเณน เทสนาวเสน ปธาริตุํ น สกฺกา. ยถา มหาปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ¶ ปากติกปุริสสฺส ปถโวชํ คเหตุํ น สกฺกา, เอวํ ‘‘อิตฺถํ อวิชฺชาทโย สงฺขาราทีนํ ปจฺจยา โหนฺตี’’ติ เตสํ ปจฺจยภาโว ปากติกาเณน นีหริตฺวา คเหตุํ น สกฺกาติ. เอวํ จตุพฺพิธคมฺภีรตาวเสน จตสฺโส อุปมา โยเชตพฺพา. ปากติกาณวเสน จายมตฺถโยชนา กตา ทิฏฺสจฺจานํ ตตฺถ ปฏิเวธสภาวโต, ตถาปิ ยสฺมา สาวกานํ, ปจฺเจกพุทฺธานฺจ ตตฺถ สปฺปเทสเมว าณํ, พุทฺธานํเยว นิปฺปเทสํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘พุทฺธวิสยํ ปฺห’’นฺติอาทิ.
อุสฺสาเทนฺโตติ ¶ ปฺาย อุกฺกํเสนฺโต, อุคฺคณฺหนฺโตติ อตฺโถ. อปสาเทนฺโตติ นิพฺภจฺฉนฺโต, นิคฺคณฺหนฺโตติ อตฺโถ.
อุสฺสาทนาวณฺณนา
เตนาติ มหาปฺาภาเวน. ตตฺถาติ เถรสฺส สติปิ อุตฺตานภาเว, ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺสอฺเสํ ¶ คมฺภีรภาเว. สุโภชนรสปุฏฺสฺสาติ สุนฺทเรน โภชนรเสน โปสิตสฺส. กตโยคสฺสาติ นิพทฺธปโยเคน กตปริจยสฺส. มลฺลปาสาณนฺติ มลฺเลหิ มหพฺพเลเหว อุกฺขิปิตพฺพปาสาณํ. กุหึ อิมสฺส ภาริยฏฺานนฺติ กสฺมึ ปสฺเส อิมสฺส ปาสาณสฺส ครุตรปฺปเทโสติ ตสฺส สลฺลหุกภาวํ ทีเปนฺโต วทติ.
ติมิรปิงฺคเลเนว ทีเปนฺติ ตสฺส มหาวิปฺผารภาวโต. เตนาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ. ปกฺกุถตีติ ปกฺกุถนฺตํ วิย ปริวตฺตติ ปริโต วิวตฺตติ. ลกฺขณวจนฺเหตํ. ปิฏฺิยํ สกลินปทกาปิฏฺํ. กายูปปนฺนสฺสาติ มหตา กาเยน อุเปตสฺส, มหากายสฺสาติ อตฺโถ.
ปิฺฉวฏฺฏีติ ปิฺฉกลาโป. สุปณฺณวาตนฺติ นาคคฺคหณาทีสุ ปกฺขปปฺโผฏนวเสน อุปฺปชฺชนกวาตํ.
ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติกถาวณฺณนา
‘‘ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา’’ติอาทินา อุทฺทิฏฺการณานิ วิตฺถารโต วิวริตุํ ‘‘อิโต กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิโตติ อิโต กปฺปโต ¶ . สตสหสฺสิเมติ สตสหสฺสเม. หํสาวตี นาม นครํ อโหสิ ชาตนครํ. ธุรปตฺตานีติ พาหิรปตฺตานิ, ยานิ ทีฆตมานิ.
กนิฏฺภาตาติ เวมาติกภาตา กนิฏฺโ ยถา อมฺหากํ ภควโต นนฺทตฺเถโร. พุทฺธานฺหิ สโหทรา ภาตโร นาม น โหนฺติ. กถํ เชฏฺา ตาว น อุปฺปชฺชนฺติ, กนิฏฺานํ ปน อสมฺภโว เอว. โภคนฺติ วิภวํ. อุปสนฺโตติ โจรชนิตสงฺโขภวูปสเมน อุปสนฺโต ชนปโท.
ทฺเว สาฏเก นิวาเสตฺวาติ สาฏกทฺวยเมว อตฺตโน กายปริหาริกํ กตฺวา อิตรํ สพฺพสมฺภารํ อตฺตโต โมเจตฺวา.
ปตฺตคฺคหณตฺถนฺติ อนฺโตปกฺขิตฺตอุณฺหโภชนตฺตา อปราปรํ หตฺเถ ปริวตฺเตนฺตสฺส ปตฺตคฺคหณตฺถํ. อุตฺตริสาฏกนฺติ อตฺตโน อุตฺตริสาฏกํ. เอตานิ ¶ ปากฏฏฺานานีติ เอตานิ ยถาวุตฺตานิ ภควโต เทสนาย ปากฏานิ เถรสฺส ปฺุกรณฏฺานานิ.
ปฏิสนฺธึ ¶ คเหตฺวาติ อมฺหากํ มหาโพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส เอว ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา.
ติตฺถวาสาทิวณฺณนา
อุคฺคหณํ ปาฬิยา อุคฺคณฺหนํ. สวนํ อตฺถสวนํ. ปริปุจฺฉนํ คณฺิฏฺาเนสุ อตฺถปริปุจฺฉนํ. ธารณํ ปาฬิยาปิ ปาฬิอตฺถสฺสปิ จิตฺเต ปนํ. สพฺพฺเจตํ อิธ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสน เวทิตพฺพํ.
โสตาปนฺนานฺจ…เป... อุปฏฺาติตตฺถ สมฺโมหวิทฺธํสเนน ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๙๘; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; จูฬนิ. ๔, ๗, ๘) อตฺตปจฺจกฺขวเสน อุปฏฺานโต. นามรูปปริจฺเฉโทติ สห ปจฺจเยน นามรูปสฺส ปริจฺฉิชฺช อวโพโธ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทคมฺภีรตาวณฺณนา
‘‘อตฺถคมฺภีรตายา’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ¶ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ชาติปจฺจยโต สมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส ชรามรณสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตภาโว, อนุปวตฺตตฺโถติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ. ‘‘น ชาติโต ชรามรณํ น โหติ,’’ น จ ชาตึ วินา ‘‘อฺโต โหตี’’ติ หิ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ วุตฺโต, อิตฺถฺจ ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติปจฺจยสมุทาคตฏฺโ, ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, ตทนุรูปปาตุภาโวติ อตฺโถ. โส อนุปจิตกุสลสมฺภารานํ าณสฺส ตตฺถ อปฺปติฏฺตาย อคาธฏฺเน คมฺภีโร. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโติ เยนากาเรน ยทวตฺถา อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ. เยน หิ ปวตฺติอากาเรน, ยาย จ อวตฺถาย อวตฺถิตา อวิชฺชา เตสํ เตสํ สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ, ตทุภยสฺสปิ ทุรวโพธนียโต อวิชฺชา สงฺขารานํ นวหิ อากาเรหิ ปจฺจยฏฺโ ¶ อนุปจิตกุสลสมฺภารานํ าณสฺส ตตฺถ อปฺปติฏฺตาย อคาธฏฺเน คมฺภีโร. เอส นโย เสสปเทสุปิ.
กตฺถจิ ¶ อนุโลมโต เทสียติ, กตฺถจิ ปฏิโลมโตติ อิธ ปน ปจฺจยุปฺปาทา ปจฺจยุปฺปนฺนุปฺปาทสงฺขาโต อนุโลโม, ปจฺจยนิโรธา ปจฺจยุปฺปนฺนนิโรธสงฺขาโต จ ปฏิโลโม อธิปฺเปโต. อาทิโต ปน ปฏฺาย อนฺตคมนํ อนุโลโม, อนฺตโต จ อาทิคมนํ ปฏิโลโมติ อธิปฺเปโต. อาทิโต ปฏฺาย อนุโลมเทสนาย, อนฺตโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนาย จ ติสนฺธิ จตุสงฺเขโป. ‘‘อิเม ภิกฺขเว จตฺตาโร อาหารา กึ นิทานา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๑๑) จ เวมชฺฌโต ปฏฺาย ปฏิโลมเทสนาย, ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทิกาย (สํ. นิ. ๒.๔๓, ๔๕) อนุโลมเทสนาย จ ทฺวิสนฺธิ ติสงฺเขโป. ‘‘สํโยชนิเยสุ ¶ ภิกฺขเว ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน วิหรโต ตณฺหา ปวฑฺฒติ, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๓, ๕๗) เอกสนฺธิ ทฺวิสงฺเขโป. เอกงฺโค หิ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโต. ลพฺภเตว หิ โส ‘‘ตตฺร ภิกฺขเว สุตวา อริยสาวโก ปฏิจฺจสมุปฺปาทํเยว สาธุกํ โยนิโส มนสิ กโรติ ‘อิติ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ…เป… นิรุชฺฌตี’ติ. สุขเวทนิยํ ภิกฺขเว ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขเวทนา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๒) อิมสฺส สุตฺตสฺส วเสน เวทิตพฺโพ. อิติ เตน เตน การเณน ตถา ตถา ปวตฺเตตพฺพตฺตา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท เทสนาย คมฺภีโร. เตนาห ‘‘อยํ เทสนาคมฺภีรตา’’ติ. น หิ ตตฺถ สพฺพฺุตาณโต อฺํ าณํ ปติฏฺํ ลภติ.
‘‘อวิชฺชาย ปนา’’ติอาทีสุ ชานนลกฺขณสฺส าณสฺส ปฏิปกฺขภูโต อวิชฺชาย อฺาณฏฺโ. อารมฺมณสฺส ปจฺจกฺขกรเณน ทสฺสนภูตสฺส ปฏิปกฺขภูโต อทสฺสนฏฺโ. เยเนสา อตฺตโน สภาเวน ทุกฺขาทีนํ ยาถาวสรสํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น เทติ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺติ, โส ตสฺสา สจฺจาสมฺปฏิเวธฏฺโ. อภิสงฺขรณํ สํวิธานํ, ปกปฺปนนฺติ อตฺโถ. อายูหนํ สมฺปิณฺฑนํ, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อตฺตโน กิจฺจานุรูปตาย ราสีกรณนฺติ อตฺโถ. อปฺุาภิสงฺขาเรกเทโส สราโค. อฺโ วิราโค. ราคสฺส วา อปฺปฏิปกฺขภาวโต ราคปฺปวฑฺฒโก, ราคุปฺปตฺติปจฺจโย ¶ จ สพฺโพปิ อปฺุาภิสงฺขาโร สราโค. อิตโร ตพฺพิทูรภาวโต วิราโค. ‘‘ทีฆรตฺตํ เหตํ ภิกฺขเว อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส อชฺโฌสิตํ มมายิตํ ปรามฏฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ’’ (สํ. นิ. ๒.๖๑) อตฺตปรามาสสฺส ¶ วิฺาณํ วิเสสโต วตฺถุ วุตฺตนฺติ วิฺาณสฺส สฺุตฏฺโ คมฺภีโร. อตฺตา วิชานาติ สํสรตีติ สพฺยาปารตาสงฺกนฺติอภินิเวสพลวตาย อพฺยาปารอสงฺกนฺติปฏิสนฺธิปาตุภาวฏฺา จ คมฺภีรา. นามรูปสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณ เอกโตว อุปฺปาโท เอกุปฺปาโท, ปวตฺติยํ วิสุํ วิสุํ ยถารหํ เอกุปฺปาโท. นามสฺส รูเปน, รูปสฺส จ นาเมน อสมฺปโยคโต วินิพฺโภโค นามสฺส นาเมน ¶ , รูปสฺส จ รูเปน เอกจฺจสฺส เอกจฺเจน อวินิพฺโภโค (นามสฺส นาเมน อวินิพฺโภโค วิภ. มูลฏี. ๒๔๒) โยเชตพฺโพ. เอกุปฺปาเทกนิโรเธหิ อวินิพฺโภเค อธิปฺเปเต โส รูปสฺส จ เอกกลาปปวตฺติโน รูเปน ลพฺภตีติ. อถ วา เอกจตุโวการภเวสุ นามรูปานํ อสหวตฺตนโต อฺมฺํ วินิพฺโภโค, ปฺจโวการภเว สหวตฺตนโต อวินิพฺโภโค จ เวทิตพฺโพ.
นามสฺส อารมฺมณาภิมุขํ นมนํ นมนฏฺโ. รูปสฺส วิโรธิปจฺจยสมวาเย วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนฏฺโ. อินฺทฺริยปจฺจยภาโว อธิปติยฏฺโ. ‘‘โลโกเปโส, ทฺวาราเปสา, เขตฺตํ เปต’’นฺติ วุตฺตโลกาทิอตฺโถ จกฺขาทีสุ ปฺจสุ โยเชตพฺโพ. มนายตนสฺส ปน ลุชฺชนโต, มโนสมฺผสฺสาทีนํ ทฺวารเขตฺตภาวโต จ เอเต อตฺถา เวทิตพฺพา. อาปาถคตานํ รูปาทีนํ ปกาสนโยคฺยตาลกฺขณํ โอภาสนํ จกฺขาทีนํ วิสยิภาโว, มนายตนสฺส วิชานนํ. สงฺฆฏฺฏนฏฺโ วิเสสโต จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ปฺจนฺนํ, อิตเร ฉนฺนมฺปิ โยเชตพฺพา. ผุสนฺจ ผสฺสสฺส สภาโว. สงฺฆฏฺฏนํ รโส, อิตเร อุปฏฺานาการา. อารมฺมณรสานุภวนฏฺโ รสวเสน วุตฺโต, เวทยิตฏฺโ ลกฺขณวเสน. สุขทุกฺขม อชฺฌตฺตภาโว ¶ ยถากฺกมํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ สภาววเสน วุตฺโต. ‘‘อตฺตา เวทยตี’’ติ อภินิเวสสฺส พลวภาวโต นิชฺชีวฏฺโ เวทนาย คมฺภีโร. นิชฺชีวาย วา เวทนาย เวทยิตํ นิชฺชีวเวทยิตํ, โส เอว อตฺโถติ นิชฺชีวเวทยิตฏฺโ.
สปฺปีติกตณฺหาย ¶ อภินนฺทิตฏฺโ. พลวตรตณฺหาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปนํ อชฺโฌสานฏฺโ. อิตเร ปน เชฏฺภาวโอสารณสมุทฺททุรติกฺกมอปาริปูริวเสน เวทิตพฺพา. อาทานคฺคหณาภินิเวสฏฺา จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ สมานา, ปรามาสฏฺโ ทิฏฺุปาทานาทีนเมว, ตถา ทุรติกฺกมฏฺโ. ‘‘ทิฏฺิกนฺตาโร’’ติ (ธ. ส. ๓๙๒) หิ วจนโต ทิฏฺีนํ ทุรติกฺกมตา. ทฬฺหคฺคหณตฺตา วา จตุนฺนมฺปิ ทุรติกฺกมฏฺโ โยเชตพฺโพ. โยนิคติิตินิวาเสสุขิปนนฺติ สมาเส ภุมฺมวจนสฺส อโลโป ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ เตน อายูหนาภิสงฺขรณปทานํ สมาโส โหติ. ยถา ตถา ชายนํ ชาติอตฺโถ. ตสฺสา ปน สนฺนิปาตโต ชายนํ สฺชาติอตฺโถ. มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมิตฺวา วิย ชายนํ โอกฺกนฺติอตฺโถ. โส ชาติโต นิพฺพตฺตนํ นิพฺพตฺติอตฺโถ. เกวลํ ปาตุภวนํ ปาตุภาวฏฺโ.
ชรามรณงฺคํ มรณปฺปธานนฺติ ตสฺส มรณฏฺา เอว ขยาทโย คมฺภีราติ ทสฺสิตา. อุปฺปนฺนอุปฺปนฺนานฺหิ นวนวานํ ขเยน กเมน ขณฺฑิจฺจาทิปริปกฺกปวตฺติยํ โลเก ชราโวหาโรติ ¶ . ขยฏฺโ วา ชราย วุตฺโตติ ทฏฺพฺโพ. นวภาวาปคโม หิ ‘‘ขโย’’ติ ¶ วตฺตุํ ยุตฺโตติ วิปริณามฏฺโ ทฺวินฺนมฺปิ วเสน โยเชตพฺโพ, สนฺตติวเสน วา ชราย ขยวยภาวา, สมฺมุติขณิกวเสน มรณสฺส เภทวิปริณามฏฺา โยเชตพฺพา. อวิชฺชาทีนํ สภาโว ปฏิวิชฺฌียตีติ ปฏิเวโธ. วุตฺตฺเหตํ นิทานกถายํ ‘‘เตสํ เตสํ วา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ สลกฺขณสงฺขาโต อวิปรีตสภาโว ปฏิเวโธ’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ปมมหาสงฺคีติกถา; อภิ. อฏฺ. นิทานกถา) โส หิ อวิชฺชาทีนํ สภาโว มคฺคาเณเนว อสมฺโมหปฏิเวธวเสน ปฏิวิชฺฌิตพฺพโต อฺาณสฺส อลพฺภเนยฺยปติฏฺตาย อคาธฏฺเน คมฺภีโร. สา สพฺพาปีติ สา ยถาวุตฺตา สงฺเขปโต จตุพฺพิธา วิตฺถารโต อเนกปฺปเภทา สพฺพาปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส คมฺภีรตา เถรสฺส อุตฺตานกา วิย อุปฏฺาสิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตตฺตา. อุทาหุ อฺเสมฺปีติ ‘‘มยฺหํ ตาว เอส ปฏิจฺจสมุปฺปาโท อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาติ, กึ นุ โข อฺเสมฺปิ เอวํ อุตฺตานโก หุตฺวา อุปฏฺาตี’’ติ มา เอวํ อวจ มยาว ทินฺนนเย จตุสจฺจกมฺมฏฺานวิธิมฺหิ ตฺวา.
อปสาทนาวณฺณนา
โอฬาริกนฺติ ¶ วตฺถุวีติกฺกมสมตฺถตาวเสน ถูลํ. กามํ กามราคปฏิฆาเยว อตฺถโต กามราคปฏิฆสํโยชนานิ, กามราคปฏิฆานุสยา จ, ตถาปิ อฺโเยว สํโยชนฏฺโ พนฺธนภาวโต, อฺโ อนุสยนฏฺโ อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน ถามคมนนฺติ กตฺวา, อิติ กิจฺจวิเสสวิสิฏฺเภเท คเหตฺวา ‘‘จตฺตาโร กิเลเส’’ติ จ วุตฺตํ. เอเสว นโย อิตเรสุปิ. อณุสหคเตติ อณุสภาวํ อุปคเต. ตพฺภาวตฺโถ หิ อยํ สหคต-สทฺโท ‘‘นนฺทิราคสหคตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๙๑, ๑๓๓, ๔๖๐; ๓.๓๗๔; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔; วิภ. ๒๐๓; ปฏิ. ม. ๑.๓๔; ๒.๓๐) วิย.
ยถา อุปริมคฺคาธิคมนวเสน สจฺจสมฺปฏิเวโธ ¶ ปจฺจยาการปฏิเวธวเสน, เอวํ สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธิอธิคมนวเสนปิ สจฺจสมฺปฏิเวโธ ปจฺจยาการปฏิเวธวเสเนวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพถาวาติ สพฺพปฺปกาเรเนว กิฺจิปิ ปการํ อเสเสตฺวาติ อตฺโถ. เย กตาภินีหารานํ มหาโพธิสตฺตานํ วีริยสฺส อุกฺกฏฺมชฺฌิมมุทุตาวเสน โพธิสมฺภารสมฺภรเณ กาลเภทา อิจฺฉิตา, เต ทสฺเสนฺโต ‘‘จตฺตาริ, อฏฺ, โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติ อาห, สฺวายมตฺโถ จริยาปิฏกวณฺณนาย คเหตพฺโพ. สาวโก ปเทสาเณ ¶ ิโตติ สาวโก หุตฺวา เสกฺขภาวโต ตตฺถาปิ ปเทสาเณ ิโต. พุทฺธานํ กถาย ‘‘ตํ ตถาคโต อภิสเมตี’’ติอาทิกาย ปจฺจนีกํ โหติ. อนฺสาธารณสฺส หิ วเสน พุทฺธานํ สีหนาโท, น อฺสาธารณสฺส.
‘‘วายมนฺตสฺเสวา’’ติ อิมินา วิเสสโต าณสมฺภารสมฺภรณํ ปฺาปารมิตาปูรณํ วทติ. ตสฺส จ สพฺพมฺปิ ปฺุํ อุปนิสฺสโย.
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๐) –
หิ วุตฺตํ. ตสฺมา มหาโพธิสตฺตานํ สพฺเพสมฺปิ ปฺุสมฺภาโร ยาวเทว าณสมฺภารตฺโถ สมฺมาสมฺโพธิสมธิคมสมตฺถตฺตาติ อาห ‘‘ปจฺจยาการํ ¶ …เป… นตฺถี’’ติ. อิทานิ ปจฺจยาการปฏิเวธสฺเสว วา มหานุภาวตาทสฺสนมุเขน ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺเสว ปรมคมฺภีรตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวิชฺชา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นวหิ อากาเรหีติ อุปฺปาทาทีหิ นวหิ อากาเรหิ. อวิชฺชา หิ สงฺขารานํ อุปฺปาโท หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, ปวตฺตํ หุตฺวา นิมิตฺตํ, อายูหนํ, สํโยโค, ปลิโพโธ, สมุทโย, เหตุ, ปจฺจโย หุตฺวา ปจฺจโย โหติ. เอวํ สงฺขาราทโย วิฺาณาทีนํ. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทามคฺเค ‘‘กถํ ¶ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณํ? อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาทฏฺิติ จ ปวตฺตฏฺิติ จ นิมิตฺตฏฺิติ จ อายูหนฏฺิติ จ สฺโคฏฺิติ จ ปลิโพธฏฺิติ จ สมุทยฏฺิติ จ เหตุฏฺิติ จ ปจฺจยฏฺิติ จ อิเมหิ นวหากาเรหิ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ปจฺจยสมุปฺปนฺนา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๔๕).
ตตฺถ นวหากาเรหีติ นวหิ ปจฺจยภาวูปคมนากาเรหิ. อุปฺปชฺชติ เอตสฺมา ผลนฺติ อุปฺปาโท, ผลุปฺปตฺติยา การณภาโว. สติ จ อวิชฺชาย สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสติ, ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาโท หุตฺวา ปจฺจโย โหติ. ตถา อวิชฺชาย สติ สงฺขารา ปวตฺตนฺติ, นียนฺติ จ. ยถา จ ภวาทีสุ ขิปนฺติ, เอวํ เตสํ อวิชฺชา ปจฺจโย โหติ. ตถา อายูหนฺติ ผลุปฺปตฺติยา ฆเฏนฺติ, สํยุชฺชนฺติ อตฺตโน ผเลน. ยสฺมึ สนฺตาเน สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ ปลิพุนฺธนฺติ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย อุทยนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ. หิโนติ จ สงฺขารานํ การณภาวํ คจฺฉติ. ปฏิจฺจ อวิชฺชํ สงฺขารา อยนฺติ ปวตฺตนฺตีติ เอวํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ การณภาวูปคมนวิเสสา อุปฺปาทาทโย เวทิตพฺพา. ตตฺถ ตถา สงฺขาราทีนํ วิฺาณาทีสุ อุปฺปาทฏฺิติอาทีสุปิ. ติฏฺติ เอเตนาติ ิติ, การณํ. อุปฺปาโท เอว ิติ อุปฺปาทฏฺิติ ¶ . เอเสว นโย เสเสสุปิ. ‘‘ปจฺจโย โหตี’’ติ อิทํ อิธ โลกนาเถน ตทา ปจฺจยปริคฺคหสฺส อารทฺธภาวทสฺสนํ. โส จ อารมฺโภ ายารุฬฺโห ‘‘ยถา จ ปุริเมหิ มหาโพธิสตฺเตหิ โพธิมูเล ปวตฺติโต, ตเถว จ ปวตฺติโต’’ติ. อจฺฉริยเวคาภิหตา ทสสหสฺสิโลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺมตฺเตวา’’ติอาทิมาห.
เอตสฺส ธมฺมสฺสาติ เอตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺิตสฺส ¶ ธมฺมสฺส. โส ปน ยสฺมา อตฺถโต เหตุปภวานํ เหตุ. เตนาห ‘‘เอตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺสา’’ติ, ชาติอาทีนํ ชรามรณาทิปจฺจยตายาติ อตฺโถ. นามรูปปริจฺเฉโท, ตสฺส จ ปจฺจยปริคฺคโห น ปมาภินิเวสมตฺเตน โหติ ¶ , อถ โข ตตฺถ อปราปรํ าณุปฺปตฺติสฺิเตน อนุ อนุ พุชฺฌเนน, ตทุภยาภาวํ ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘าตปริฺาวเสน อนนุพุชฺฌนา’’ติ อาห. นิจฺจสฺาทีนํ ปชหนวเสน วตฺตมานา วิปสฺสนา ธมฺเม จ ปฏิวิชฺฌนฺตี เอว นาม โหติ ปฏิปกฺขวิกฺขมฺภเนน ติกฺขวิสทภาวาปตฺติโต, ตทธิฏฺานภูตา จ ตีรณปริฺา, อริยมคฺโค จ ปริฺาปหานาภิสมยวเสน ปวตฺติยา ตีรณปหานปริฺาสงฺคโห จาติ ตทุภยปฏิเวธาภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีรณ…เป… อปฺปฏิวิชฺฌนา’’ติ อาห. ตนฺตํ วุจฺจติ วตฺถวีนนตฺถํ ตนฺตวาเยหิ ทณฺฑเก อาสฺชิตฺวา ปสาริตสุตฺตปฏฺฏี ตนียตีติ กตฺวา. ตํ ปน สุตฺตสนฺตานากุลตาย นิทสฺสนภาเวน อากุลเมว คหิตนฺติ อาห ‘‘ตนฺตํ วิย อากุลกชาตา’’ติ. สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมาเนตุนฺติ ปุพฺเพน ปรํ สมํ กตฺวา อาเนตุํ, อวิสมํ อุชุํ กาตุนฺติ อตฺโถ. ตนฺตเมว วา อากุลํ ตนฺตากุลํ, ตนฺตากุลํ วิย ชาตา ภูตาติ ตนฺตากุลชาตา. มชฺฌิมํ ปฏิปทํ อนุปคนฺตฺวา อนฺตทฺวยปตเนน ปจฺจยากาเร ขลิตา อากุลา พฺยากุลา โหนฺติ. เตเนว อนฺตทฺวยปตเนน ตํตํทิฏฺิคาหวเสน ปริพฺภมนฺตา อุชุกํ ธมฺมฏฺิติ กถํ ปฏิปชฺชิตุํ น ชานนฺติ. เตนาห ‘‘น สกฺโกนฺติ ตํ ปจฺจยาการํ อุชุํ กาตุ’’นฺติ. ทฺเว โพธิสตฺเตติ ปจฺเจกโพธิสตฺตมหาโพธิสตฺเต. อตฺตโน ธมฺมตายาติ อตฺตโน สภาเวน, ปโรปเทเสน วินาติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺถ คุฬกชาตนฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ชาตคุฬกมฺปิ คณฺีติ ¶ สุตฺตคณฺิ. ตโต เอว คณฺิพทฺธํ พทฺธคณฺิกํ. ปจฺจเยสุ ปกฺขลิตฺวาติ อนิจฺจทุกฺขานตฺตาทิสภาเวสุ ปจฺจยธมฺเมสุ นิจฺจาทิคฺคาหวเสน ปกฺขลิตฺวา. ปจฺจเย อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตาติ ตสฺเสว นิจฺจาทิคฺคาหสฺส อวิสฺสชฺชนโต ปจฺจยธมฺมนิมิตฺตํ อตฺตโน ทสฺสนํ อุชุํ กาตุํ อสกฺโกนฺตา อิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถวเสน คณฺิกชาตา โหนฺตีติ อาห ‘‘ทฺวาสฏฺิ…เป… คณฺิพทฺธา’’ติ. เย หิ เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา สสฺสตทิฏฺิอาทิทิฏฺิโย นิสฺสิตา อลฺลีนา.
วินนโต ¶ ‘‘กุลา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามสฺส ตนฺตวายสฺส คณฺิกํ นาม อากุลภาเวน อคฺคโต วา มูลโต วา ทุวิฺเยฺยาเยว ขลิตตนฺตสุตฺตนฺติ อาห ‘‘กุลาคณฺิกํ วุจฺจติ เปสการกฺชิยสุตฺต’’นฺติ. สกุณิกาติ กุลาวกสกุณิกา. สา หิ รุกฺขสาขาสุ โอลมฺพนกุลาวกา ¶ โหติ. ตฺหิ สา กุลาวกํ ตโต ตโต ติณหีราทิเก อาเนตฺวา ตถา วินนฺธติ, ยถา เตสํ เปสการกฺชิยสุตฺตํ วิย อคฺเคน วา อคฺคํ มูเลน วา มูลํ สมาเนตุํ วิเวเจตุํ วา น สกฺกา. เตนาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. ตทุภยมฺปีติ ‘‘กุลาคณฺิก’’นฺติ วุตฺตํ กฺชิยสุตฺตํ, กุลาวกฺจ. ปุริมนเยเนวาติ ‘‘เอวเมว สตฺตา’’ติอาทินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว.
กามํ มฺุชปพฺพชติณานิ ยถาชาตานิปิ ทีฆภาเวน ปติตฺวา อรฺฏฺาเน อฺมฺํ วินนฺธิตฺวา อากุลพฺยากุลานิ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, ตานิ ปน น ตถา ¶ ทุพฺพิเวจิยานิ, ยถา รชฺชุภูตานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา ตานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เสสเมตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
อปายาติ อวฑฺฒิตา, สุเขน, สุขเหตุนา วา วิรหิตาติ อตฺโถ. ทุกฺขสฺส คติภาวโตติ อาปายิกสฺส ทุกฺขสฺส ปวตฺติฏฺานภาวโต. สุขสมุสฺสยโตติ อพฺภุทยโต. วินิปติตตฺตาติ วิรูปํ นิปติตตฺตา ยถา เตนตฺตภาเวน สุขสมุสฺสโย น โหติ, เอวํ นิปติตตฺตา. อิตโรติ สํสาโร. นนุ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุตฺโตปิ สํสาโร เอวาติ? สจฺจเมตํ, นิรยาทีนํ ปน อธิมตฺตทุกฺขภาวทสฺสนตฺถํ อปายาทิคฺคหณํ. โคพลีพทฺทาเยนายมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏีติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ เหตุผลภาเวน อปราปรํ ปวตฺติ. อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานาติ อวิจฺเฉเทน ปวตฺตมานา. ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ ‘‘อปาย’’นฺติอาทินา วุตฺตํ สพฺพํ อปายทุกฺขฺเจว วฏฺฏทุกฺขฺจ. ‘‘มหาสมุทฺเท วาตุกฺขิตฺตนาวา วิยา’’ติ อิทํ ปริพฺภมฏฺานสฺส มหนฺตทสฺสนตฺถฺเจว ปริพฺภมนสฺส อนวฏฺิตตาทสฺสนตฺถฺจ ‘‘อุปมาย. ยนฺเตสุ ยุตฺตโคโณ วิยา’’ติ อิทํ ปน อวสภาวทสฺสนตฺถฺเจว ทุปฺปโมกฺขภาวทสฺสนตฺถฺจาติ เวทิตพฺพํ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทวณฺณนา
อิมินา ตาวาติ เอตฺถ ตาว-สทฺโท กมตฺโถ, เตน ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธิ ปรโต อาวิภวิสฺสตีติ ทีเปติ. อตฺถิ อิทปฺปจฺจยาติ เอตฺถ อยํ ปจฺจโยติ อิทปฺปจฺจโย, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยา, อิมสฺมา ปจฺจยาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อิมสฺมา นาม ปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ¶ เอวํ วตฺตพฺโพ อตฺถิ นุ โข ชรามรณสฺส ปจฺจโยติ. เตนาห ¶ ‘‘อตฺถิ นุ โข…เป… ภเวยฺยา’’ติ. เอตฺถ หิ ‘‘กึ ปจฺจยา ชรามรณํ? ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ อุปริ ชาติสทฺทปจฺจยสทฺทสมานาธิกรเณน ¶ กึ-สทฺเทน อิทํ-สทฺทสฺส สมานาธิกรณตาทสฺสนโต กมฺมธารยสมาสตา อิทปฺปจฺจยสทฺทสฺส ยุชฺชติ. น เหตฺถ ‘‘อิมสฺส ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา’’ติ ชรามรณสฺส, อฺสฺส วา ปจฺจยโต ชรามรณสมฺภวปุจฺฉา สมฺภวติ วิฺาตภาวโต, อสมฺภวโต จ, ชรามรณสฺส ปน ปจฺจยปุจฺฉา สมฺภวติ. ปจฺจยสทฺทสมานาธิกรณตายฺจ อิทํ-สทฺทสฺส ‘‘อิมสฺมา ปจฺจยา’’ติ ปจฺจยปุจฺฉา ยุชฺชติ.
สา ปน สมานาธิกรณตา ยทิปิ อฺปทตฺถสมาเสปิ ลพฺภติ, อฺปทตฺถวจนิจฺฉาภาวโต ปเนตฺถ กมฺมธารยสมาโส เวทิตพฺโพ. สามิวจนสมาสปกฺเข ปน นตฺเถว สมานาธิกรณตาสมฺภโวติ. นนุ จ ‘‘อิทปฺปจฺจยตา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ อิทปฺปจฺจย-สทฺโท สามิวจนสมาโส อิจฺฉิโตติ? สจฺจํ อิจฺฉิโต อุชุกเมว ตตฺถ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวจนิจฺฉาติ กตฺวา, อิธ ปน เกวลํ ชรามรณสฺส ปจฺจยปริปุจฺฉา อธิปฺเปตา, ตสฺมา ยถา ตตฺถ อิทํ-สทฺทสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิเสสนตา, อิธ จ ‘‘ปุจฺฉิตพฺพปจฺจยตฺถตา สมฺภวติ, ตถา ตตฺถ, อิธ จ สมาสกปฺปนา เวทิตพฺพา. กสฺมา ปน ตตฺถ กมฺมธารยสมาโส น อิจฺฉิโตติ? เหตุปฺปภวานํ เหตุ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อิมสฺส อตฺถสฺส กมฺมธารยสมาเส อสมฺภวโตติ อิมสฺส, อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อนุรูโป ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโยติ เอตสฺส จ อตฺถสฺส อิจฺฉิตตฺตา. โย ปเนตฺถ อิทํ-สทฺเทน คหิโต อตฺโถ, โส ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ ชรามรณคฺคหเณเนว คหิโตติ อิทํ-สทฺโท ปฏิจฺจสมุปฺปาทโต ปริจฺจชนโต อฺสฺส อสมฺภวโต ปจฺจเย ¶ อวติฏฺติ, เตเนตฺถ กมฺมธารยสมาโส. ตตฺถ ปน อิทํ-สทฺทสฺส ตโต ปริจฺจชนการณํ นตฺถีติ สามิวจนสมาโส เอว อิจฺฉิโต. อฏฺกถายํปน ยสฺมา ชรามรณาทีนํ ปจฺจยปุจฺฉามุเขนายํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทเทสนา อารทฺธา, ปฏิจฺจสมุปฺปาโท จ นาม อตฺถโต เหตุปฺปภวานํ เหตูติ วุตฺโต วายมตฺโถ, ตสฺมา ‘‘อิมสฺส ชรามรณสฺส ปจฺจโย’’ติ เอวมตฺถวณฺณนา กตา.
ปณฺฑิเตนาติ เอกํสพฺยากรณียาทิปฺหาวิเสสชานนสมตฺถาย ปฺาย สมนฺนาคเตน. ตเมว หิสฺส ปณฺฑิจฺจํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ ¶ . ยาทิสสฺส ชีวสฺส ทิฏฺิคติโก สรีรโต อนฺตฺตํ ปุจฺฉติ ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ, โส เอวํ ปรมตฺถโต นุปลพฺภติ, กถํ ตสฺส วฺฌาตนยสฺส วิย ทีฆรสฺสตา สรีรโต อฺตา วา อนฺตา วา พฺยากาตพฺพา สิยา, ตสฺมาสฺส ปฺหสฺส ปนียตา เวทิตพฺพา. ตุณฺหีภาโว นาเมส ปุจฺฉโต อนาทโร วิเหสา ¶ วิย โหตีติ ‘‘อพฺยากตเมต’’นฺติ ปการนฺตรมาห. เอวํ อพฺยากรณการณํ าตุกามสฺส กเถตพฺพํ โหติ, กถิเต จ ชานนฺตสฺส ปมาโทปิ เอวํ สิยา, กถนวิธิ ปน ‘‘ยาทิสสฺสา’’ติอาทินา ทสฺสิโต เอว. เอวํ อปฺปฏิปชฺชิตฺวาติ เอวํ ปนียปฺเห วิย ตุณฺหีภาวาทึ อนาปชฺชิตฺวา เอว. ‘‘อปฺปฏิปชฺชิตฺวา’’ติ วจนํ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. ‘‘กึ สพฺพํ อนิจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กึ สงฺขตํ สนฺธาย ปุจฺฉสิ, อุทาหุ อสงฺขต’’นฺติ ปฏิปุจฺฉิตฺวา พฺยากาตพฺพํ โหติ ‘‘กึ ขนฺธปฺจกํ ปริฺเยฺย’’นฺติ ปุฏฺเ ‘‘อตฺถิ ตตฺถ ปริฺเยฺยํ, อตฺถิ น ปริฺเยฺย’’นฺติ วิภชฺช พฺยากาตพฺพํ โหติ, เอวํ อปฺปฏิปชฺชิตฺวาติ จ อยเมตฺถ อตฺโถ อิจฺฉิโตติ. ปุพฺเพ ยสฺส ปจฺจยสฺส อตฺถิตามตฺตํ ¶ โจทิตนฺติ อตฺถิตามตฺตํ วิสฺสชฺชิตํ. ปุจฺฉาสภาเคน หิ วิสฺสชฺชนนฺติ. อิทานิ ตสฺเสว สรูปปุจฺฉา กรียตีติ ‘‘ปุน กิ’’นฺติ วุตฺตํ. อิธาปิ ‘‘ยถา’’ติอาทิ สพฺพํ อาเนตฺวา วตฺตพฺพํ.
‘‘เอส นโย สพฺพปเทสู’’ติ อติเทสวเสน อุสฺสุกฺกํ กตฺวา ‘‘นามรูปปจฺจยา’’ติอาทินา ตตฺถ อปวาโท อารทฺโธ. ยสฺมา ทสฺเสตุกาโม, ตสฺมา อิทํ วุตฺตนฺติ โยชนา. ฉนฺนํ วิปากสมฺผสฺสานํเยว คหณํ โหติ วิฺาณาทิ เวทนาปริโยสานา วิปากวิธีติ กตฺวา อเนเกสุ สุตฺตปเทสุ, (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อุทา. ๑) อภิธมฺเม (วิภ. ๒๒๕) จ เยภุยฺเยน เตสํเยว คหณสฺส นิรุฬฺหตฺตา. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. จ-สทฺโท พฺยติเรกตฺโถ, เตเนตฺถ ‘‘คหิตมฺปี’’ติอาทินา วุจฺจมานํเยว วิเสสํ โชเตติ. ปจฺจยภาโว นาม ปจฺจยุปฺปนฺนาเปกฺโข เตน วินา ตสฺส อสมฺภวโต. ตสฺมา สฬายตนปฺปจฺจยาติ ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ อิมินา ปเทนาติ โยชนา. อวยเวน วา สมุทาโยปลกฺขณเมตํ ‘‘สฬายตนปจฺจยา’’ติ, ตสฺมา ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ อิมินา ปเทนาติ วุตฺตํ โหติ. คหิตมฺปีติ ฉพฺพิธํ วิปากผสฺสมฺปิ. อคฺคหิตมฺปีติ อวิปากผสฺสมฺปิ กุสลากุสลกิริยาผสฺสมฺปิ. ปจฺจยุปฺปนฺนวิเสสํ ทสฺเสตุกาโมติ ¶ โยชนา. น เจตฺถ ปจฺจยุปฺปนฺโนว อุปาทินฺโน อิจฺฉิโต, อถ โข ปจฺจโยปิ อุปาทินฺโน อิจฺฉิโตติ อชฺฌตฺติกายตนสฺเสว สฬายตนคฺคหเณน คหณนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สฬายตนโต…เป… ทสฺเสตุกาโม’’ติ. น หิ ผสฺสสฺส จกฺขาทิสฬายตนเมว ปจฺจโย, อถ โข ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๔, ๔๕; ๒.๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) วจนโต รูปายตนาทิรูปฺจ จกฺขุวิฺาณาทินามฺจ ปจฺจโย, ตสฺมา อิมํ จกฺขาทิสฬายตนโต อติริตฺตํ ¶ อาวชฺชนาทิ วิย สาธารณํ อหุตฺวา, ตสฺส ตสฺส ผสฺสสฺส สาธารณตาย อฺํ วิเสสปจฺจยํ ปิ-สทฺเทน อวิสิฏฺํ สาธารณปจฺจยํ ปิทสฺเสตุกาโม ภควา, ‘‘นามรูปปจฺจยา ¶ ผสฺโส’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ โยชนา. อภิธมฺมภาชนีเยปิ อิมเมว ปจฺจยํ สนฺธาย ‘‘นามรูปปจฺจยา ผสฺโส’’ติ วุตฺตนฺติ ตทฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๒๔๓) ‘‘ปจฺจยวิเสสทสฺสนตฺถฺเจว มหานิทานเทสนาสงฺคหตฺถฺจา’’ติ อตฺถวณฺณนา กตา. ปจฺจยานนฺติ ชาติอาทีนํ ปจฺจยธมฺมานํ. นิทานํ กถิตนฺติ ชรามรณาทิกสฺส นิทานตฺตํ กถิตํ เอกํสิโก ปจฺจยภาโว กถิโต. ตฺหิ เตสํ ปจฺจยภาเว อพฺยภิจารีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิติ โข ปเนต’’นฺติอาทินา อุปริ เทสนา ปวตฺตา. นิชฺชเฏติ นิชฺชาลเก. นิคฺคุมฺเพติ นิกฺเขเป. ปททฺวเยนาปิ อากุลาภาวเมว ทสฺเสติ, ตสฺมา อนากุลํ อพฺยากุลํ มหนฺตํ ปจฺจยนิทานเมตฺถ กถิตนฺติ มหานิทานํ สุตฺตํ อฺถาภาวสฺส อภาวโต.
๙๘. เตสํ เตสํ ปจฺจยานนฺติ เตสํ เตสํ ชาติอาทีนํ ปจฺจยานํ. ยสฺมา ปจฺจยภาโว นาม เตหิ เตหิ ปจฺจเยหิ อนูนาธิเกเหว ตสฺส ตสฺส ผลสฺส สมฺภวโต ตโถ ตจฺโฉ, ตปฺปกาโร วา สามคฺคิอุปคเตสุ ปจฺจเยสุ มุหุตฺตมฺปิ ตโถ นิพฺพตฺตนธมฺมานํ อสมฺภวาภาวโต. อวิตโถ อวิสํวาทนโก วิสํวาทนาการวิรหิโต อฺธมฺมปจฺจเยหิ อฺธมฺมานุปฺปตฺติโต. ‘‘อนฺถา’’ติ วุจฺจติ อฺถาภาวสฺส อภาวโต. ตสฺมา ‘‘ตถํ อวิตถํ อนฺถํ ปจฺจยภาวํ ทสฺเสตุ’’นฺติ วุตฺตํ. ปริยายติ ¶ อตฺตโน ผลํ ปริคฺคเหตฺวา วตฺตตีติ ปริยาโย, เหตูติ อาห ‘‘ปริยาเยนาติ การเณนา’’ติ. สพฺเพน สพฺพนฺติ เทวตฺตาทินา ¶ สพฺพภาเวน สพฺพา ชาติ. สพฺพถา สพฺพนฺติ ตตฺถาปิ จาตุมหาราชิกาทิสพฺพากาเรน สพฺพา, นิปาตทฺวยเมตํ, นิปาตฺจ อพฺยยํ, ตฺจ สพฺพลิงฺควิภตฺติวจเนสุ เอกาการเมว โหตีติ ปาฬิยํ ‘‘สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. อตฺถวจเน ปน ตสฺส ตสฺส ชาติสทฺทาเปกฺขาย อิตฺถิอตฺถวุตฺติตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพากาเรน สพฺพา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมินาว นเยนาติ อิมินา ชาติวาเร วุตฺเตเนว นเยน. เทวาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน คนฺธพฺพยกฺขาทิเก ปาฬิยํ (ที. นิ. ๒.๙๘) อาคเต, ตทนฺตรเภเท จ สงฺคณฺหาติ.
อิธ นิกฺขิตฺตอตฺถวิภชนตฺเถติ อิมสฺมึ ‘‘กสฺสจิ กิมฺหิจี’’ติ อนิยมโต อุทฺเทสวเสน วุตฺตตฺถสฺส นิทฺทิสนตฺเถ โชเตตพฺเพ นิปาโต, ตทตฺถโชตนํ นิปาตปทนฺติ อตฺโถ. ตสฺสาติ ตสฺส ปทสฺส. เตติ ธมฺมเทสนาย สมฺปทานภูตํ เถรํ วทติ. เสยฺยถิทนฺติ วา เต กตเมติ เจติ อตฺโถ. เย หิ ‘‘กสฺสจี’’ติ, ‘‘กิมฺหิจี’’ติ จ อนิยมโต วุตฺโต อตฺโถ, เต กตเมติ. กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา เหสา. เทวภาวายาติ เทวภาวตฺถํ. ขนฺธชาตีติ ขนฺธปาตุภาโว, ยถา ขนฺเธสุ อุปฺปนฺเนสุ ‘‘เทวา’’ติ สมฺา โหติ, ตถา เตสํ อุปฺปาโทติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ยายา’’ติ อาห. สพฺพปเทสูติ ‘‘คนฺธพฺพานํ คนฺธพฺพตฺถายา’’ติอาทีสุ สพฺเพสุ ชาตินิทฺเทสปเทสุ ¶ , ภวาทิปเทสุ จ. เยน หิ นเยน สเจ หิ ชาตีติ อยมตฺถโยชนา กตา, ชาตินิทฺเทสปเทโสว ‘‘ภโว’’ติอาทินา ภวาทิปเทสุปิ โส กาตพฺโพติ. เทวาติ อุปปตฺติเทวา จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว ภวคฺคา ทิพฺพนฺติ กามคุณาทีหิ กีฬนฺติ ลฬนฺติ วิหรนฺติ โชตนฺตีติ กตฺวา. คนฺธํ อพฺพนฺติ ปริภฺุชนฺตีติ คนฺธพฺพา, ธตรฏฺสฺส ¶ มหาราชสฺส ปริวารภูตา. ยชนฺติ เวสฺสวณสกฺกาทิเก ปูเชนฺตีติ ยกฺขา, เตน เตน วา ปณิธิกมฺมาทินา ยชิตพฺพา ปูเชตพฺพาติ ยกฺขา, เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส ปริวารภูตา. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อมนุสฺสา’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. ภูตาติ กุมฺภณฺฑา, วิรูฬฺหกสฺส มหาราชสฺส ปริวารภูตา. อฏฺกถายํ ปน ‘‘เย เกจิ นิพฺพตฺตสตฺตา’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํ. อฏฺิปกฺขา ภมรตุปฺปฬาทโย. จมฺมปกฺขา ชตุสิงฺคาลาทโย. โลมปกฺขา หํสโมราทโย. สรีสปา อหิวิจฺฉิกสตปทิอาทโย.
‘‘เตสํ ¶ เตส’’นฺติ อิทํ น เยวาปนกนิทฺเทโส วิย อวุตฺตสงฺคหตฺถํ วจนํ, อถ โข อเยวาปนกนิทฺเทโส วิย วุตฺตสงฺคหตฺถนฺติ. อาทิ-สทฺเทเนว จ อาเมฑิตตฺโถ สงฺคยฺหตีติ อาห ‘‘เตสํ เตสํ เทวคนฺธพฺพาทีน’’นฺติ. ตทตฺตายาติ ตํภาวาย, ยถารูเปสุ ขนฺเธสุ ปวตฺตมาเนสุ ‘‘เทวา คนฺธพฺพา’’ติ โลกสมฺา โหติ, ตถารูปตายาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘เทวคนฺธพฺพาทิภาวายา’’ติ. ‘‘นิโรโธ, วิคโม’’ติ จ ปฏิลทฺธตฺตาลาภสฺส ภาโว วุจฺจติ, อิธ ปน อจฺจนฺตาภาโว อธิปฺเปโต ‘‘สพฺพโส ชาติยา อสตี’’ติ อวตฺวา ‘‘ชาตินิโรธา’’ติ วุตฺตตฺตาติ อาห ‘‘อภาวาติ อตฺโถ’’ติ.
ผลตฺถาย หิโนตีติ ยถา ผลํ ตโต นิพฺพตฺตติ, เอวํ หิโนติ ปวตฺตติ, ตสฺส เหตุภาวํ อุปคจฺฉตีติ อตฺโถ. อิทํ คณฺหถ นนฺติ ‘‘อิทํ เม ผลํ, คณฺหถ น’’นฺติ เอวํ อปฺเปติ วิย นิยฺยาเตติ วิย. ‘‘เอส นโย’’ติ อวิเสสํ อติทิสิตฺวา วิเสสมตฺตสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นนุ จายํ ชาติ ปรินิปฺผนฺนา, สงฺขตภาวา จ น โหติ วิการภาวโต, ตถา ชรามรณํ, ตสฺส กถํ สา เหตุ โหตีติ โจทนํ สนฺธายาห ¶ ‘‘ชรามรณสฺส หี’’ติอาทิ. ตพฺภาเว ภาโว, ตทภาเว จ อภาโว ชรามรณสฺส ชาติยา อุปนิสฺสยตา.
๙๙. โอกาสปริคฺคโหติ ปวตฺติฏฺานปริคฺคโห. อุปปตฺติภเว ยุชฺชติ อุปปตฺติกฺขนฺธานํ ยถาวุตฺตฏฺานโต อฺตฺถ อนุปฺปชฺชนโต. อิธ ปนาติ อิมสฺมึ สุตฺเต ‘‘กามภโว’’ติอาทินา อาคเต อิมสฺมึ าเน. กมฺมภเว ยุชฺชติ กามภวาทิโชตนา วิเสสโต ตสฺส ชาติยา ปจฺจยภาวโตติ. เตนาห ‘‘โส หิ ชาติยา อุปนิสฺสยโกฏิยาว ปจฺจโย’’ติ. นนุ จ อุปปตฺติภโวปิ ¶ ชาติยา อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย โหตีติ? สจฺจํ โหติ, โส ปน น ตถา ปธานภูโต, กมฺมภโว ปน ปธานภูโต ปจฺจโย ชนกภาวโตติ. ‘‘โส หิ ชาติยา’’ติอาทิ วุตฺตํ กามภวูปคํ กมฺมํ กามภโว. เอส นโย รูปารูปภเวสุปิ. โอกาสปริคฺคโหว กโต‘‘กิมฺหิจี’’ติ อิมินา สตฺตปริคฺคหสฺส กตตฺตา.
๑๐๐. ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานนฺติ กามกมฺมภวาทีนํ ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานํ. ติณฺณฺจ อุปปตฺติภวานนฺติ กามุปปตฺติภวาทีนํ ติณฺณฺจ อุปปตฺติภวานํ. ตถา ¶ เสสานิปีติ ทิฏฺุปาทานาทีนิ เสสุปาทานานิปิ ติณฺณมฺปิ กมฺมภวานํ, ติณฺณฺจ อุปปตฺติภวานํ ปจฺจโยติ อตฺโถ. อิตีติ เอวํ วุตฺตนเยน. ทฺวาทส กมฺมภวา ทฺวาทส อุปปตฺติภวาติ จตุวีสติภวา เวทิตพฺพา. ยสฺมา กมฺมภวสฺส ปจฺจยภาวมุเขเนว อุปาทานํ อุปปตฺติภวสฺส ปจฺจโย นาม โหติ, น อฺถา, ตสฺมา อุปาทานํ กมฺมภวสฺส อุชุกเมว ปจฺจยภาโวติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยเนตฺถ ทฺวาทส กมฺมภวา ลพฺภนฺตี’’ติ. เตสนฺติ กมฺมภวานํ. สหชาตโกฏิยาติ อกุสลสฺส กมฺมภวสฺส สหชาตํ อุปาทานํ สหชาตโกฏิยา, อิตรํ อนนฺตรูปนิสฺสยาทิวเสน อุปนิสฺสยโกฏิยา, กุสลสฺส กมฺมภวสฺส ปน ¶ อุปนิสฺสยโกฏิยาว ปจฺจโย. เอตฺถ จ ยถา อฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทิปจฺจยานํ สหชาตปจฺจเยน เอกสงฺคหตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สหชาตโกฏิยา’’ติ วุตฺตํ, เอวํ อารมฺมณูปนิสฺสยอนนฺตรูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสยานํ เอกชฺฌํ คหณวเสน ‘‘อุปนิสฺสยโกฏิยา’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๑๐๑. อุปาทานสฺสาติ เอตฺถ กามุปาทานสฺส ตณฺหา อุปนิสฺสยโกฏิยาว ปจฺจโย, เสสุปาทานานํ สหชาตโกฏิยาปิ อุปนิสฺสยโกฏิยาปิ วิฺาณาทิ จ เวทนาปริโยสานา วิปากวิธีติ กตฺวา.
๑๐๒. ยทิทํ เวทนาติ เอตฺถ วิปากเวทนาติ ตเมว ตาว อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย อิตรโกฏิยา อสมฺภวโต. อฺาติ กุสลากุสลกิริยเวทนา. อฺถาปีติ สหชาตโกฏิยาปิ.
๑๐๓. เอตฺตาวตาติ ชรามรณาทีนํ ปจฺจยปรมฺปราทสฺสนวเสน ปวตฺตาย เอตฺตกาย เทสนาย. ปุริมตณฺหนฺติ ปุริมภวสิทฺธํ ตณฺหํ. ‘‘เอส ปจฺจโย ตณฺหาย, ยทิทํ เวทนา’’ติ วตฺวา ตทนนฺตรํ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนาติ อิติ โข ปเนตํ วุตฺต’’นฺติอาทินา เวทนาย ปจฺจยภูตสฺส ผสฺสสฺส อุทฺธรณํ อฺเสุ สุตฺเตสุ อาคตนเยน ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส เทสนามคฺโค ¶ , ตํ ปน อโนตริตฺวา สมุทาจารตณฺหาทสฺสนมุเขเนว ตณฺหามูลกธมฺเม เทเสนฺโต อาจิณฺณเทสนามคฺคโต โอกฺกมนฺโต วิย, ตฺจ เทสนํ ปสฺสโต อปฺปวตฺตนฺติ ปสยฺห พลกฺกาเรน เทเสนฺโต วิย จ โหตีติ อาห ‘‘อิทานี’’ติอาทิ. ทฺเว ตณฺหาติ อิธาธิปฺเปตตณฺหา เอว ¶ ทฺวิธา ภินฺทนฺโต อาห. เอสนตณฺหาติ โภคานํ ปริเยสนวเสน ปวตฺตตณฺหา. เอสิตตณฺหาติ ปริยิฏฺเสุ โภเคสุ อุปฺปชฺชมานตณฺหา. สมุทาจารตณฺหายาติ ปริยุฏฺานวเสน ปวตฺตตณฺหาย. ทุวิธาเปสา เวทนํ ปฏิจฺจ ตณฺหา ¶ นาม เวทนาปจฺจยา จ อปฺปฏิลทฺธานํ โภคานํ ปฏิลาภาย ปริเยสนา, ลทฺเธสุ จ เตสุปาตพฺยตาปตฺติอาทิ โหตีติ.
ปริตสฺสนวเสน ปริเยสติ เอตายาติ ปริเยสนา. อาสยโต, ปโยคโต จ ปริเยสนา ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท. เตนาห ‘‘ตณฺหาย สติ โหตี’’ติ. รูปาทิอารมฺมณปฏิลาโภติ สวตฺถุกานํ รูปาทิอารมฺมณานํ คเวสนวเสน, ปวตฺติยํ ปน อปริยิฏฺํเยว ลพฺภติ, ตมฺปิ อตฺถโต ปริเยสนาย ลทฺธเมว นาม ตถารูปสฺส กมฺมสฺส ปุพฺเพกตตฺตา เอว ลพฺภนโต. เตนาห ‘‘โส หิ ปริเยสนาย สติ โหตี’’ติ. สุขวินิจฺฉยนฺติ สุขํ วิเสสโต นิจฺฉิโนตีติ สุขวินิจฺฉโย, สุขํ สภาวโต, สมุทยโต, อตฺถงฺคมนโต, นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ชานิตฺวา ปวตฺตาณํ, ตํ สุขวินิจฺฉยํ. ชฺาติ ชาเนยฺย. ‘‘สุภสุข’’นฺติอาทิกํ อารมฺมเณ อภูตาการํ วิวิธํ นินฺนภาเวน นิจฺฉิโนติ อาโรเปตีติ วินิจฺฉโย. อสฺสาทานุปสฺสนตณฺหาทิฏฺิยาปิ เอวเมว วินิจฺฉยภาโว เวทิตพฺโพ. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต วิตกฺโกเยว อาคโตติ โยชนา. อิมสฺมึ ปน สุตฺเตติ สกฺกปฺหสุตฺเต. (ที. นิ. ๒.๓๕๘) ตตฺถ หิ ‘‘ฉนฺโท โข, เทวานํ อินฺท, วิตกฺกนิทาโน’’ติ อาคตํ. อิธาติ อิมสฺมึ มหานิทานสุตฺเต. ‘‘วิตกฺเกเนว วินิจฺฉินาตี’’ติ เอเตน ‘‘วินิจฺฉียติ เอเตนาติ วินิจฺฉโย’’ติ วินิจฺฉย-สทฺทสฺส กรณสาธนมาห. ‘‘เอตฺตก’’นฺติอาทิ วินิจฺฉยนาการทสฺสนํ.
ฉนฺทนฏฺเน ฉนฺโท, เอวํ รฺชนฏฺเน ราโค, สฺวายํ อนาเสวนตาย มนฺโท หุตฺวา ปวตฺโต อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ทุพฺพลราคสฺสาธิวจน’’นฺติ. อชฺโฌสานนฺติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินิวิสนํ. ‘‘มยฺหํ ¶ อิท’’นฺติ หิ ตณฺหาคาโห เยภุยฺเยน อตฺตคฺคาหสนฺนิสฺสโยว โหติ. เตนาห ‘‘อหํ มม’’นฺติ, ‘‘พลวสนฺนิฏฺาน’’นฺติ จ เตสํ คาหานํ ถิรภาวปฺปตฺติมาห. ตณฺหาทิฏฺิวเสน ปริคฺคหกรณนฺติ ‘‘อหํ มม’’นฺติ พลวสนฺนิฏฺานวเสน อภินิวิฏฺสฺส ¶ อตฺตตฺตนิยคฺคาหวตฺถุโน อฺาสาธารณํ วิย กตฺวา ปริคฺคเหตฺวา านํ, ตถาปวตฺโต โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโท. อตฺตนา ปริคฺคหิตสฺส วตฺถุโน ยสฺส วเสน ปเรหิ สาธารณภาวสฺส อสหมาโน ¶ โหติ ปุคฺคโล, โส ธมฺโม อสหนตา. เอวํ วจนตฺถํ วทนฺติ นิรุตฺตินเยน. สทฺทลกฺขเณ ปน ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน มจฺฉริยโยคโต ปุคฺคโล มจฺฉโร, ตสฺส ภาโว, กมฺมํ วา มจฺฉริยํ, มจฺเฉโร ธมฺโม. มจฺฉริยสฺส พลวภาวโต อาทเรน รกฺขณํ อารกฺโขติ อาห ‘‘ทฺวาร…เป… สุฏฺุ รกฺขณ’’นฺติ. อตฺตโน ผลํ กโรตีติ กรณํ, ยํ กิฺจิ การณํ, อธิกํ กรณนฺติ อธิกรณํ, วิเสสการณํ. วิเสสการณฺจ โภคานํ อารกฺขทณฺฑาทานาทิอนตฺถสมฺภวสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติอาทิ. ปรนิเสธนตฺถนฺติ มารณาทินา ปเรสํ วิพาธนตฺถํ. อาทียติ เอเตนาติ อาทานํ, ทณฺฑสฺส อาทานํ ทณฺฑาทานํ, อภิภวิตฺวา ปรวิเหนจิตฺตุปฺปาโท. สตฺถาทาเนปิ เอเสว นโย. หตฺถปรามาสาทิวเสน กาเยน กาตพฺพกลโห กายกลโห. มมฺมฆฏฺฏนาทิวเสน วาจาย กาตพฺพกลโห วาจากลโห. วิรุชฺฌนวเสน วิรูปํ คณฺหาติ เอเตนาติ วิคฺคโห. วิรุทฺธํ วทติ เอเตนาติ วิวาโท. ตุวํ ตุวนฺติ อคารววจนสหจรณโต ตุวํ ตุวํ, สพฺเพเต ตถาปวตฺตา โทสสหคตจิตฺตุปฺปาทา เวทิตพฺพา. เตนาห ภควา ‘‘อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๔).
๑๑๒. เทสนํ นิวตฺเตสีติ ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา’’ติอาทินา อนุโลมนเยน ปวตฺติตํ เทสนํ ปฏิโลมนเยน ¶ ปุน ‘‘อารกฺขาธิกรณ’’นฺติ อารภนฺโต นิวตฺเตสิ. ปฺจกามคุณิกราควเสนาติ อารมฺมณภูตา ปฺจ กามคุณา เอตสฺส อตฺถีติ ปฺจกามคุณิโก, ตตฺถ รฺชนวเสน อภิรมณวเสน ปวตฺตราโค, ตสฺส วเสน อุปฺปนฺนา รฺชนวเสน ตณฺหายนวเสน ปวตฺตา รูปาทิตณฺหาว กาเมสุ ตณฺหาติ กามตณฺหา. ภวติ อตฺถิ สพฺพกาลํ ติฏฺตีติ ปวตฺตา ภวทิฏฺิ อุตฺตรปทโลเปน ภโว, ตํสหคตา ตณฺหา ภวตณฺหา. วิภวติ วินสฺสติ อุจฺฉิชฺชตีติ ปวตฺตา วิภวทิฏฺิ วิภโว อุตฺตรปทโลเปน, ตํสหคตา ตณฺหา วิภวตณฺหาติ อาห ‘‘สสฺสตทิฏฺี’’ติอาทิ. อิเม ทฺเว ธมฺมาติ ¶ ‘‘เอส ปจฺจโย อุปาทานสฺส, ยทิทํ ตณฺหา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๑) เอวํ วุตฺตา วฏฺฏมูลตณฺหา จ ‘‘ตณฺหํ ปฏิจฺจ ปริเยสนา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๓) เอวํ วุตฺตา สมุทาจารตณฺหา จาติ อิเม ทฺเว ธมฺมา. วฏฺฏมูลสมุทาจารวเสนาติ วฏฺฏมูลวเสน เจว สมุทาจารวเสน จ. ทฺวีหิ โกฏฺาเสหีติ ทฺวีหิ ภาเคหิ. ทฺวีหิ อวยเวหิ สโมสรนฺติ นิพฺพตฺตนวเสน สมํ วตฺตนฺติ อิโตติ สโมสรณํ, ปจฺจโย, เอกํ สโมสรณํ เอตาสนฺติ เอกสโมสรณา. เกน ปน เอกสโมสรณาติ อาห ‘‘เวทนายา’’ติ. ทฺเวปิ หิ ตณฺหา เวทนาปจฺจยา เอวาติ. เตนาห ‘‘เวทนาปจฺจเยน เอกปจฺจยา’’ติ. ตโต ตโต โอสริตฺวา อาคนฺตฺวา สมวสนฏฺานํ โอสรณ สโมสรณํ. เวทนาย ¶ สมํ สห เอกสฺมึ อารมฺมเณ โอสรณกปวตฺตนกา เวทนา สโมสรณาติ อาห ‘‘อิทํ สหชาตสโมสรณํ นามา’’ติ.
๑๑๓. สพฺเพติ อุปฺปตฺติทฺวารวเสน ภินฺทิตฺวา วุตฺตา สวิปากผสฺสา เอว วิฺาณาทิ เวทนาปริโยสานา วิปากวิถีติ ¶ กตฺวา. ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา นาม วฏฺฏกถาติ อาห ‘‘เปตฺวา จตฺตาโร โลกุตฺตรวิปากผสฺเส’’ติ. พหุธาติ พหุปฺปกาเรน. อยฺหิ ปฺจทฺวาเร จกฺขุปสาทาทิวตฺถุกานํ ปฺจนฺนํ เวทนานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผสฺโส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากอาหารสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน อฏฺธา ปจฺจโย โหติ. เสสานํ ปน เอเกกสฺมึ ทฺวาเร สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิโก ผสฺโส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ. มโนทฺวาเรปิ ตทารมฺมณวเสน ปวตฺตานํ กามาวจรวิปากเวทนานํ สหชาตมโนสมฺผสฺโส ตเถว อฏฺธา ปจฺจโย โหติ, ตถา ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ปวตฺตานํ เตภูมกวิปากเวทนานํ. ยา ปน ตา มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสน ปวตฺตา กามาวจรเวทนา, ตาสํ มโนทฺวาราวชฺชนสมฺปยุตฺโต มโนสมฺผสฺโส อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหตีติ เอวํ ผสฺโส พหุธา เวทนาย ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๑๑๔. เวทนาทีนนฺติ เวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณานํ. อสทิสภาวาติ อนุภวนสฺชานนาภิสงฺขรณวิชานนภาวา. เต หิ อฺมฺวิธุเรน เวทยิตาทิรูเปน อากิริยนฺติ ปฺายนฺตีติ อาการาติ วุจฺจนฺติ. เตเยวาติ ¶ เวทนาทีนํ เต เอว เวทยิตาทิอาการา. สาธุกํ ทสฺสิยมานาติ สกฺกจฺจํ ปจฺจกฺขโต วิย ปกาสิยมานา. ตํ ตํ ลีนมตฺถํ คเมนฺตีติ ‘‘อรูปฏฺโ อารมฺมณาภิมุขนมนฏฺโ’’ติ เอวมาทิกํ ตํ ตํ ลีนํ อปากฏมตฺถํ คเมนฺติ าเปนฺตีติ ลิงฺคานิ. ตสฺส ตสฺส สฺชานนเหตุโตติ ตสฺส ตสฺส อรูปฏฺาทิกสฺส สลฺลกฺขณสฺส การณตฺตา. นิมียนฺติ อนุมียนฺติ เอเตหีติ นิมิตฺตานิ. ตถา ตถา อรูปภาวาทิปฺปกาเรน, เวทยิตาทิปฺปกาเรน จ อุทฺทิสิตพฺพโต กเถตพฺพโต อุทฺเทสา. ตสฺมาติ ‘‘อสทิสภาวา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ. ยสฺมา เวทนาทีนํ อฺมฺอสทิสภาวา ยถาวุตฺเตนตฺเถน อาการาทโย, ตสฺมา อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน เอตฺถ ปาฬิปเท อตฺโถ.
นามสมูหสฺสาติ อารมฺมณาภิมุขํ นมนฏฺเน ‘‘นาม’’นฺติ ลทฺธสมฺสฺส ¶ เวทนาทิจตุกฺขนฺธสงฺขาตสฺส อรูปธมฺมปฺุชสฺส. ปฺตฺตีติ ‘‘นามกาโย อรูปกลาโป อรูปิโน ¶ ขนฺธา’’ติอาทิกา ปฺาปนา โหติ. เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมานํ ‘‘สงฺขารานํ เจตนากาเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนีเย สงฺขารกฺขนฺธวิภชเน ‘‘ยา เจตนา สฺเจตนา สฺเจตยิตตฺต’’นฺติ (วิภ. ๒๔๙ อภิธมฺมภาชนีเย) เจตนาว นิทฺทิฏฺา. อสตีติ อสนฺเตสุ. วจนวิปลฺลาเสน หิ เอวํ วุตฺตํ. จตฺตาโร ขนฺเธ วตฺถุํ กตฺวาติ เวทนา สฺา จิตฺตํ เจตนาทโยติ อิเม จตุกฺขนฺธสฺิเต นิสฺสยปจฺจยภูเต ธมฺเม วตฺถุํ กตฺวา. อยฺจ นโย ปฺจทฺวาเรปิ สมฺภวตีติ ‘‘มโนทฺวาเร’’ติ วิเสสิตํ. อธิวจนสมฺผสฺสเววจโนติ อธิวจนมุเขน ปฺตฺติมุเขน คเหตพฺพตฺตา ‘‘อธิวจนสมฺผสฺโส’’ติ ลทฺธนาโม. โสติ มโนสมฺผสฺโส. ปฺจโวกาเร จ หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ลพฺภนโต รูปกาเย ปฺายเตว, อยํ ปน นโย อิธ น อิจฺฉิโต เวทนาทิปฏิกฺเขปวเสน อสมฺภวปริยายสฺส โชติตตฺตาติ ‘‘ปฺจปสาเท วตฺถุํ กตฺวา อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต. น หิ เวทนาสนฺนิสฺสเยน วินา ปฺจปสาเท วตฺถุํ กตฺวา มโนสมฺผสฺสสฺส สมฺภโว อตฺถิ. อุปฺปตฺติฏฺาเน อสติ อนุปฺปตฺติฏฺานโต ผลสฺส อุปฺปตฺติ นาม กทาจิปิ นตฺถีติ อิมมตฺถํ ยถาธิคตสฺส อตฺถสฺส นิทสฺสนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อมฺพรุกฺเข’’ติอาทิมาห ¶ . รูปกายโตติ เกวลํ รูปกายโต. ตสฺสาติ มโนสมฺผสฺสสฺส.
วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิภูตตรา วิสทิสุปฺปตฺติ, ตสฺมึ วา สติ อตฺตโน สนฺตาเน วิชฺชมานสฺเสว วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว รุปฺปนากาโร. โส เอว รุปฺปนากาโร วตฺถุสปฺปฏิฆาทิกํ ตํ ตํ ลีนมตฺถํ คเมตีติ ลิงฺคํ. ตสฺส ตสฺส สฺชานนเหตุโต นิมิตฺตํ. ตถา ตถา อุทฺทิสิตพฺพโต อุทฺเทโสติ เอวเมตฺถ อาการาทโย อตฺถโต ¶ เวทิตพฺพา. วตฺถารมฺมณานํ อฺมฺปฏิหนนํ ปฏิโฆ, ตโต ปฏิฆโต ชาโต ปฏิฆสมฺผสฺโส. เตนาห ‘‘สปฺปฏิฆ’’นฺติอาทิ. นามกายโตติ เกวลํ นามกายโต. ตสฺสาติ ปฏิฆสมฺผสฺสสฺส. เสสํ ปมปฺเห วุตฺตนยเมว.
อุภยวเสนาติ นามกาโย รูปกาโยติ อุภยสนฺนิสฺสยสฺส อธิวจนสมฺผสฺโส ปฏิฆสมฺผสฺโสติ อุภยสมฺผสฺสสฺส วเสน.
วิสุํ วิสุํ ปจฺจยํ ทสฺเสตฺวาติ พฺยติเรกมุเขน ปจฺเจกํ นามกายรูปกายสฺิตํ ปจฺจยํ ทสฺเสตฺวา. เตสนฺติ ผสฺสานํ. อวิเสสโตติ วิเสสํ อกตฺวา สามฺโต. ทสฺเสตุนฺติ พฺยติเรกมุเขเนว ทสฺเสตุํ. เอเสว เหตูติ เอส ฉสุปิ ทฺวาเรสุ ปวตฺโต นามรูปสงฺขาโต เหตุ ยถารหํ ทฺวินฺนมฺปิ ผสฺสานํ. อิทานิ ตํ ยถารหํ ปวตฺตึ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺขุทฺวาราทีสุ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สมฺปยุตฺตกา ¶ ขนฺธาติ ผสฺเสน สมฺปยุตฺตา เวทนาทโย ขนฺธา. อาวชฺชนสฺสาปิ สมฺปยุตฺตกฺขนฺธคฺคหเณเนเวตฺถ คหณํ ทฏฺพฺพํ ตทวินาภาวโต. ปรโต มโนสมฺผสฺเสปิ เอเสว นโย. ปฺจวิโธปีติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิวเสน ปฺจวิโธปิ. โส ผสฺโสติ ปฏิฆสมฺผสฺโส. พหุธาติ พหุปฺปกาเรน. ตถา หิ วิปากนามํ วิปากสฺส อเนกเภทสฺส มโนสมฺผสฺสสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน สตฺตธา ปจฺจโย โหติ. ยํ ปเนตฺถ อาหารกิจฺจํ, ตํ อาหารปจฺจยวเสน. ยํ อินฺทฺริยกิจฺจํ, ตํ อินฺทฺริยปจฺจยวเสน ปจฺจโย โหติ. อวิปากํ ปน นามํ อวิปากสฺส มโนสมฺผสฺสสฺส เปตฺวา วิปากปจฺจยํ อิตเรสํ วเสน ปจฺจโย โหติ. รูปํ ปน จกฺขายตนาทิเภทํ จกฺขุสมฺผสฺสาทิกสฺส ปฺจวิธสฺส ผสฺสสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ¶ ¶ ฉธา ปจฺจโย โหติ. รูปายตนาทิเภทํ ตสฺส ปฺจวิธสฺส อารมฺมณปุเรชาตอตฺถิอวิคตวเสน จตุธา ปจฺจโย โหติ. มโนสมฺผสฺสสฺส ปน ตานิ รูปายตนาทีนิ, ธมฺมารมฺมณฺจ ตถา จ อารมฺมณปจฺจยมตฺเตเนว ปจฺจโย โหติ. วตฺถุรูปํ ปน มโนสมฺผสฺสสฺส นิสฺสยปุเรชาตวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน ปฺจธา ปจฺจโย โหติ. เอวํ นามรูปํ อสฺส ผสฺสสฺส พหุธา ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ.
๑๑๕. ปมุปฺปตฺติยํ วิฺาณํ นามรูปสฺส วิเสสปจฺจโยติ อิมมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘มาตุกุจฺฉิมฺหิ น โอกฺกมิสฺสถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คพฺภเสยฺยกปฏิสนฺธิ หิ พาหิรโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺตสฺส วิย โหนฺตีปิ อตฺถโต ยถาปจฺจยํ ขนฺธานํ ตตฺถ ปมุปฺปตฺติเยว. เตนาห ‘‘ปวิสิตฺวา…เป… น วตฺติสฺสถา’’ติ. สุทฺธนฺติ เกวลํ วิฺาเณน อมิสฺสิตํ วิรหิตํ. ‘‘อวเสส’’นฺติ อิทํ นามาเปกฺขํ, ตสฺมา อวเสสํ นามรูปนฺติ อิมํ วิฺาณํ เปตฺวา อวเสสํ นามรูปํ วาติ อตฺโถ. ปฏิสนฺธิวเสน โอกฺกนฺตนฺติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน, มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺตสฺส วา ปมาวยวภาเวน โอติณฺณํ. โวกฺกมิสฺสถาติ สนฺตติวิจฺเฉทํ วินาสํ อุปคมิสฺสถ, ตํ ปน มรณํ นาม โหตีติ อาห ‘‘จุติวเสนา’’ติ. อสฺสาติ วิฺาณสฺส, ตฺจ โข วิฺาณสามฺวเสน วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตสฺเสว จิตฺตสฺส นิโรเธนา’’ติ, ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺเสว นิโรเธนาติ อตฺโถ. ตโตติ ปฏิสนฺธิจิตฺตโต. ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส, ตโต ทุติยตติยจิตฺตานํ วา นิโรเธน จุติ น โหตีติ วุตฺตมตฺถํ ยุตฺติโต วิภาเวตุํ ‘‘ปฏิสนฺธิจิตฺเตน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตสฺมึ อนฺตเรติ เอตสฺมึ โสฬสจิตฺตกฺขเณ กาเล. อนฺตราโย นตฺถีติ เอตฺถ ทารกสฺส ตาว มรณนฺตราโย มา โหตุ ตทา จุติจิตฺตสฺส อสมฺภวโต, มาตุ ปน กถํ ตทา มรณนฺตรายาภาโวติ? ตํ ตํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา ¶ ตทนฺตเรเยว ¶ จวนธมฺมาย คพฺภคฺคหณสฺเสว อสมฺภวโต. เตนาห ‘‘อยฺหิ อโนกาโส นามา’’ติ, จุติยาติ อธิปฺปาโย.
ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานีติ โอกฺกนฺติกฺขเณ อุปฺปนฺนกมฺมชรูปานิ วทติ. ตานิ หิ นิปฺปริยายโต ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานิ นาม, น อุตุสมุฏฺานานิ ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส อุปฺปาทโต ปจฺฉา สมุฏฺิตตฺตา. จิตฺตชาหารชานํ ¶ ปน ตทา อสมฺภโว เอว. ยานิ ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานิ, ตานิ ติวิธานิ ตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ สมุฏฺิตานิ, ิติกฺขเณ สมุฏฺิตานิ, ภงฺคกฺขเณ สมุฏฺิตานีติ. เตสุ อุปฺปาทกฺขเณ สมุฏฺิตานิ สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณ นิรุชฺฌนฺติ, ิติกฺขเณ สมุฏฺิตานิ ิติกฺขเณ นิรุชฺฌนฺติ, ภงฺคกฺขเณ สมุฏฺิตานิ ภงฺคกฺขเณ นิรุชฺฌนฺติ. ตตฺถ ‘‘ภฺชมาโน ธมฺโม ภฺชมานสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย โหตี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, อุปฺปาเท, ปน ิติยฺจ น น สกฺกาติ ‘‘สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส อุปฺปาทกฺขเณ, ิติกฺขเณ จ ธรนฺตานํ วเสน ตสฺส ปจฺจยมฺปิ ทาตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ วุตฺตํ. รูปกายูปตฺถมฺภิตสฺเสว หิ นามกายสฺส ปฺจโวกาเร ปวตฺตีติ. เตหิ รูปธมฺเมหิ ตสฺส จิตฺตสฺส พลวตรํ สนฺธายาห ‘‘สตฺตรสมสฺส…เป… ปวตฺติ ปวตฺตตี’’ติ. ปเวณี ฆฏิยตีติ อฏฺจตฺตาลีสกมฺมชสฺส ¶ รูปปเวณี สมฺพนฺธา หุตฺวา ปวตฺตติ. ปมฺหิ ปฏิสนฺธิจิตฺตํ, ตโต ยาว โสฬสมํ ภวงฺคจิตฺตํ, เตสุ เอเกกสฺส อุปฺปาทิติภงฺควเสน ตโย ตโย ขณา. ตตฺถ เอเกกสฺส จิตฺตสฺส ตีสุ ตีสุ ขเณสุ สมตึส สมตึส กมฺมชรูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อิติ โสฬสติกา อฏฺจตฺตาลีสํ โหนฺติ. เอส นโย ตโต ปเรสุปิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อฏฺจตฺตาลีสกมฺมชสฺส รูปปเวณี สมฺพนฺธา หุตฺวา ปวตฺตตี’’ติ. สเจ ปน น สกฺโกนฺตีติ ปฏิสนฺธิจิตฺเตน สทฺธึ สมุฏฺิตรูปานิ สตฺตรสมสฺส ภวงฺคสฺส ปจฺจยํ ทาตุํ สเจ น สกฺโกนฺติ. ยทิ หิ ปฏิสนฺธิจิตฺตโต สตฺตรสมํ จุติจิตฺตํ สิยา, ปฏิสนฺธิจิตฺตสฺส ิติภงฺคกฺขเณสุปิ กมฺมชรูปํ น อุปฺปชฺเชยฺย, ปเคว ภวงฺคจิตฺตกฺขเณสุ. ตถา สติ นตฺเถว ตสฺส จิตฺตสฺส ปจฺจยลาโภติ ปวตฺติ นปฺปวตฺตติ, ปเวณี น ฆฏิยเตว, อฺทตฺถุ วิจฺฉิชฺชติ. เตนาห ‘‘โวกฺกมติติ นาม โหตี’’ติอาทิ.
อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถํปการตาย. ยาทิโส คพฺภเสยฺยกสฺส อตฺตภาโว, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ตสฺส จ ปฺจกฺขนฺธา อนูนา เอว โหนฺตีติ อาห ‘‘เอวํ ปริปุณฺณปฺจกฺขนฺธภาวายา’’ติ. อุปจฺฉิชฺชิสฺสถาติ สนฺตานวิจฺเฉเทน วิจฺฉินฺเทยฺย. สุทฺธํ นามรูปเมวาติ วิฺาณวิรหิตํ เกวลํ นามรูปเมว. อวยวานํ ปาริปูริ วุฑฺฒิ. ถิรภาวปฺปตฺติ วิรูฬฺหิ. มหลฺลกภาวปฺปตฺติ เวปุลฺลํ. ตานิ ¶ จ ยถากฺกมํ ปมาทิวยวเสน โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ปมวยวเสนา’’ติอาทิ. วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน วสฺสสหสฺสทฺวยาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
วิฺาณเมวาติ ¶ นิยมวจนํ, อิโต พาหิรกปฺปิตสฺส อตฺตโน, อิสฺสราทีนฺจ ปฏิกฺเขปปทํ, น อวิชฺชาทิผสฺสาทิปฏิกฺเขปปทํ ปฏิโยคีนิวตฺตนปทตฺตา อวธารณสฺส. เตนาห ‘‘เอเสว เหตู’’ติอาทิ. อยฺจ นโย เหฏฺาปิ สพฺพปเทสุ ยถารหํ วตฺตพฺโพ. อิทานิ วิฺาณเมว นามรูปสฺส ปธานการณนฺติ อิมมตฺถํ โอปมฺมวเสน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปจฺเจกํ วิย สมุทิตสฺสาปิ นามรูปสฺส วิฺาเณน วินา อตฺตกิจฺจาสมตฺถตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺวํ นามรูปํ นามา’’ติ เอกชฺฌํ คหณํ. ปุเรจาริเกติ ปุพฺพงฺคเมว. วิฺาณฺหิ ¶ สหชาตธมฺมานํ ปุพฺพงฺคมํ. เตนาห ภควา ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติ. (ธ. ป. ๑; เนตฺติ. ๙๐, ๙๒; เปฏโก. ๑๓, ๘๓) พหุธาติ อเนกปฺปกาเรน ปจฺจโย โหติ.
กถํ? วิปากนามสฺส หิ ปฏิสนฺธิยํ อฺํ วา วิฺาณํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากอาหารอินฺทฺริยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ นวธา ปจฺจโย โหติ. วตฺถุรูปสฺส ปฏิสนฺธิยํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากอาหารอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ นวธา ปจฺจโย โหติ. เปตฺวา ปน วตฺถุรูปํ เสสรูปสฺส อิเมสุ นวสุ อฺมฺปจฺจยํ อปเนตฺวา เสเสหิ อฏฺหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. อภิสงฺขารวิฺาณํ ปน อสฺสตฺตรูปสฺส, ปฺจโวกาเร วา กมฺมชสฺส สุตฺตนฺติกปริยายโต อุปนิสฺสยวเสน เอกธาว ปจฺจโย โหติ. อวเสสฺหิ ปมภวงฺคโต ปภุติ สพฺพมฺปิ วิฺาณํ ตสฺส นามรูปสฺส ยถารหํ ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน ปจฺจยนเย ทสฺสิยมาเน สพฺพาปิ มหาปกรณกถา อาเนตพฺพา โหตีติ น วิตฺถาริตา. กถํ ปเนตํ ปจฺเจตพฺพํ ‘‘ปฏิสนฺธินามรูปํ วิฺาณปจฺจยา โหตี’’ติ? สุตฺตโต, ยุตฺติโต จ. ปาฬิยฺหิ ‘‘จิตฺตานุปริวตฺติโน ธมฺมา’’ติอาทินา (ธ. ส. มาติกา ๖๒) นเยน พหุธา เวทนาทีนํ วิฺาณปจฺจยตา อาคตา. ยุตฺติโต ปน อิธ จิตฺตเชน รูเปน ทิฏฺเน อทิฏฺสฺสาปิ รูปสฺส วิฺาณํ ปจฺจโย โหตีติ วิฺายติ. จิตฺเตหิ ปสนฺเน, อปฺปสนฺเน วา ตทนุรูปานิ รูปานิ อุปฺปชฺชมานานิ ทิฏฺานิ, ทิฏฺเน จ อทิฏฺสฺส อนุมานํ โหตีติ. อิมินา อิธ ‘‘ทิฏฺเน จิตฺตชรูเปน อทิฏฺสฺสาปิ ปฏิสนฺธิรูปสฺส วิฺาณํ ปจฺจโย โหตี’’ติ ปจฺเจตพฺพเมตํ ¶ . กมฺมสมุฏฺานสฺสาปิ หิ รูปสฺส จิตฺตสมุฏฺานสฺส วิย วิฺาณปจฺจยตา ปฏฺาเน อาคตาติ.
๑๑๖. อิธ ¶ ¶ สมุทย-สทฺโท สมุทาย-สทฺโท วิย สมูหปริยาโยติ อาห ‘‘ทุกฺขราสิสมฺภโว’’ติ. เอกโกติ อสหาโย ราชปริสารหิโต. ปสฺเสยฺยาม เต ราชภาวํ อมฺเหหิ วินาติ อธิปฺปาโย. ยถารหํ ปริสํ รฺเชตีติ หิ ราชา. อตฺถโตติ อตฺถสิทฺธิโต อวทนฺตมฺปิ วทติ วิย. ‘‘หทยวตฺถุ’’นฺติ อิมินาว ตนฺนิสฺสโยปิ คหิโต วาติ ทฏฺพฺพํ. อานนฺตริยภาวโต นิสฺสยนิสฺสโยปิ ‘‘นิสฺสโย’’ ตฺเวว วุจฺจตีติ. ปฏิสนฺธิวิฺาณํ นาม ภเวยฺยาสิ, เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปสฺเสยฺยามา’’ติอาทิ. พหุธาติ อเนกธา ปจฺจโย โหติ. กถํ? นามํ ตาว ปฏิสนฺธิยํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปากสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ สตฺตธา วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหตีติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ เอวํ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ. อวิปากํ ปน นามํ ยถาวุตฺเตสุ ปจฺจเยสุ เปตฺวา วิปากปจฺจยํ อิตเรหิ ฉหิ ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. กิฺจิ ปเนตฺถ เหตุปจฺจเยน, กิฺจิ อาหารปจฺจเยนาติ อฺถาปิ ปจฺจโย โหติ, ตฺจ โข ปวตฺติยํเยว, น ปฏิสนฺธิยํ. รูปโต ปน หทยวตฺถุ ปฏิสนฺธิยํ วิฺาณสฺส สหชาตอฺมฺนิสฺสยวิปฺปยุตฺตอตฺถิ อวิคตปจฺจเยหิ ฉธาว ปจฺจโย โหติ. ปวตฺติยํ ปน สหชาตอฺมฺปจฺจยวชฺชิเตหิ ปฺจหิ ปุเรชาตปจฺจเยน สห เตเหว ปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหติ. จกฺขายตนาทิเภทํ ปน ปฺจวิธมฺปิ รูปํ ยถากฺกมํ จกฺขุวิฺาณาทิเภทสฺส วิฺาณสฺส นิสฺสยปุเรชาตอินฺทฺริยวิปฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย โหตีติ เอวํ นามรูปํ วิฺาณสฺส พหุธา ปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพํ.
ยฺวายมนุกฺกเมน วิฺาณสฺส นามรูปํ, ปฏิสนฺธินามรูปสฺส ¶ , จ วิฺาณํ ปติ ปจฺจยภาโว, โส กทาจิ วิฺาณสฺส สาติสโย, กทาจิ นามรูปสฺส, กทาจิ อุภินฺนํ สทิโสติ ติวิโธปิ โส ‘‘เอตฺตาวตา’’ติ ปเทน เอกชฺฌํ คหิโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิฺาเณ…เป… ปวตฺเตสู’’ติ วตฺวา ปุน ยมิทมฺปิ วิฺาณํ นามรูปสฺิตานํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อฺมฺนิสฺสเยน ปวตฺตานํ เอตฺตเกน สพฺพา สํสารวฏฺฏปฺปวตฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺตเกน…เป… ปฏิสนฺธิโย’’ติ อาห. ตตฺถ เอตฺตเกนาติ เอตฺตเกเนว, น อิโต อฺเน เกนจิ การกเวทกสภาเวน อตฺตนา, อิสฺสราทินา วาติ อตฺโถ. อนฺโตคธาวธารณฺเหตํ ปทํ.
วจนมตฺตเมว ¶ อธิกิจฺจาติ ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทิ-สทฺทา วิย อตถตฺตา วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺตสฺส. เตนาห ‘‘อตฺถํ อทิสฺวา’’ติ. โวหารสฺสาติ โวหรณมตฺตสฺส. ปโถติ ปวตฺติมคฺโค ปวตฺติยา วิสโย. ยสฺมา สรณกิริยาวเสน ปุคฺคโล ‘‘สโต’’ติ วุจฺจติ, สมฺปชานนกิริยาวเสน ‘‘สมฺปชาโน’’ติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘การณาปเทสวเสนา’’ติ. การณํ ¶ นิทฺธาเรตฺวา อุตฺติ นิรุตฺตีติ. เอกเมว อตฺถํ ‘‘ปณฺฑิโต’’ติอาทินา ปการโต าปนโต ‘‘ปฺตฺตี’’ติ วทนฺติ. โส เอว หิ ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ จ ‘‘พฺยตฺโต’’ติ จ ‘‘เมธาวี’’ติ จ ปฺาปียตีติ. ปณฺฑิจฺจปฺปการโต ปน ปณฺฑิโต, เวยฺยตฺติยปฺปการโต พฺยตฺโตติ ปฺาปียตีติ เอวํ ปการโต ปฺาปนโต ปฺตฺติ. ยสฺมา อิธ อธิวจนนิรุตฺติปฺตฺติปทานิ สมานตฺถานิ. สพฺพฺจ วจนํ อธิวจนาทิภาวํ ภชติ, ตสฺมา เกสุจิ วจนวิเสเสสุ วิเสเสน ปวตฺเตหิ อธิวจนาทิสทฺเทหิ สพฺพานิ วจนานิ ปฺตฺติอตฺถปฺปกาสนสามฺเน วุตฺตานีติ อิมินา อธิปฺปาเยน อยมตฺถโยชนา กตาติ เวทิตพฺพา.
อถ วา อธิ-สทฺโท อุปริภาเว, อุปริ วจนํ อธิวจนํ. กสฺส อุปริ? ปกาเสตพฺพสฺส อตฺถสฺสาติ ปากโฏ ยมตฺโถ. อธีนํ วา วจนํ อธิวจนํ. เกน อธีนํ? อตฺเถน. ตถา ตํตํอตฺถปฺปกาเสน ¶ นิจฺฉิตํ, นิยตํ วา วจนํ นิรุตฺติ. ปถวีธาตุปุริสาทิตํตํปกาเรน าปนโต ปฺตฺตีติ เอวํ อธิวจนาทิปทานํ สพฺพวจเนสุ ปวตฺติ เวทิตพฺพา, อฺถา สิริวฑฺฒกธนวฑฺฒกปฺปการานเมว นิรุตฺติตา, ‘‘ปณฺฑิโต วิยตฺโต’’ติ เอวํ ปการานเมว เอกเมว อตฺถํ เตน เตน ปกาเรน าเปนฺตานํ ปฺตฺติตา จ อาปชฺเชยฺยาติ. เอวํ ตีหิปิ นาเมหิ วุตฺตสฺส โวหารสฺส ปวตฺติมคฺโคปิ สห วิฺาเณน นามรูปนฺติ เอตฺตาวตาว อิจฺฉิตพฺโพ. เตนาห ‘‘อิตี’’ติอาทิ. ปฺาย อวจริตพฺพนฺติ ปฺาย ปวตฺติตพฺพํ, เยฺยนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ชานิตพฺพ’’นฺติ. วฏฺฏนฺติ กิเลสวฏฺฏํ, กมฺมวฏฺฏํ, วิปากวฏฺฏนฺติ ติวิธมฺปิ วฏฺฏํ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. ตยิทํ ‘‘ชาเยถา’’ติอาทินา ปฺจหิ ปเทหิ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส นิคมนวเสน วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน อิตฺถีติปุริสาติอาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. นามปฺตฺตตฺถายาติ ขนฺธาทิผสฺสาทิสตฺตาทิอิตฺถาทินามสฺส ปฺาปนตฺถาย. วตฺถุปิ เอตฺตาวตาว. เตนาห ‘‘ขนฺธปฺจกมฺปิ เอตฺตาวตาว ปฺายตี’’ติ. เอตฺตาวตา เอตฺตเกน, สห วิฺาเณน นามรูปปฺปวตฺติยาติ อตฺโถ.
อตฺตปฺตฺติวณฺณนา
๑๑๗. อนุสนฺธิยติ ¶ เอเตนาติ อนุสนฺธิ, เหฏฺา อาคตเทสนาย อนุสนฺธานวเสน ปวตฺตา อุปริเทสนา, สา ปมปทสฺส ทสฺสิตา, อิทานิ ทุติยปทสฺส ทสฺเสตพฺพาติ ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติ ภควา’’ติอาทิมาห. รูปินฺติ รูปวนฺตํ. ปริตฺตนฺติ น วิปุลํ, อปฺปกนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา อตฺตา นาม โกจิ ปรมตฺถโต นตฺถิ. เกวลํ ปน ทิฏฺิคติกานํ ปริกปฺปิตมตฺตํ ¶ , ตสฺมา ยตฺถ เนสํ อตฺตสฺา, ยถา จสฺส รูปิภาวาทิปริกปฺปนา โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย’’ติอาทิมาห. รูปึ ปริตฺตนฺติ อตฺตโน อุปฏฺิตกสิณรูปวเสน รูปึ, ตสฺส อวฑฺฒิตภาเวน ปริตฺตํ. ปฺเปติ นีลกสิณาทิวเสน นานากสิณลาภี. ตนฺติ อตฺตานํ ¶ . อนนฺตนฺติ กสิณนิมิตฺตสฺส อปฺปมาณตาย ปริจฺเฉทสฺส อนุปฏฺานโต อนฺตรหิตํ. อุคฺฆาเฏตฺวาติ ภาวนาย อปเนตฺวา. นิมิตฺตผุฏฺโกาสนฺติ เตน กสิณนิมิตฺเตน ผุฏฺปฺปเทสํ. เตสูติ จตูสุ อรูปกฺขนฺเธสุ. วิฺาณมตฺตเมวาติ ‘‘วิฺาณมโย อตฺตา’’ติ เอวํวาที.
๑๑๘. ‘‘เอตรหี’’ติ สาวธารณมิทํ ปทนฺติ ตทตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทาเนวา’’ติ วตฺวา อวธารเณน นิวตฺติตมตฺถํ อาห ‘‘น อิโต ปร’’นฺติ. ตตฺถ ตตฺเถว สตฺตา อุจฺฉิชฺชนฺตีติ อุจฺเฉทวาที, เตนาห ‘‘อุจฺเฉทวเสเนตํ วุตฺต’’นฺติ. ภาวินฺติ สพฺพํ สทา ภาวึ อวินสฺสนกํ. เตนาห ‘‘สสฺสตวเสเนตํ วุตฺต’’นฺติ. อตถาสภาวนฺติ ยถา ปรวาที วทนฺติ, น ตถา สภาวํ. ตถภาวายาติ อุจฺเฉทภาวาย วา สสฺสตภาวาย วา. อนิยมวจนฺเหตํ วุตฺตํ สามฺโชตนาวเสน. สมฺปาเทสฺสามีติ ตถภาวํ อสฺส สมฺปนฺนํ กตฺวา ทสฺสยิสฺสามิ, ปติฏฺาเปสฺสามีติ อตฺโถ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สสฺสตวาทฺจ ชานาเปตฺวา’’ติอาทิ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๑๘) อิมินาติ ‘‘อตถํ วา ปนา’’ติอาทิ วจเนน, อนุจฺเฉทสภาวมฺปิ สมานํ สสฺสตวาทิโน มติวเสนาติ อธิปฺปาโย. อุปกปฺเปสฺสามีติ อุเปจฺจ สมตฺถยิสฺสามิ.
เอวํ สมานนฺติ เอวํ ภูตํ สมานํ. รูปกสิณชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน, อธิคมนวเสน ตํ เอตสฺส อตฺถีติ รูปีติ อาห ‘‘รูปินฺติ รูปกสิณลาภิ’’นฺติ. ปริตฺตตฺตานุทิฏฺีติ เอตฺถ รูปี-สทฺโทปิอาวุตฺติอาทินเยน อาเนตฺวา วตฺตพฺโพ, รูปีภาวมฺปิ หิ โส ทิฏฺิคติโก ปริตฺตภาวํ วิย ¶ อตฺตโน อภินิวิสฺส ิโตติ. อรูปินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ปตฺตปลาสพหุลคจฺฉสงฺเขเปน ฆนคหนชฏาวิตานา ¶ นาติทีฆสนฺตานา วลฺลิ, ตพฺพิปรีตา ลตา’’ติ วทนฺติ. อปฺปหีนฏฺเนาติ มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนภาเวน. การณลาเภ สติ อุปฺปชฺชนารหตา อนุสยนฏฺโ.
อรูปกสิณํ นาม กสิณุคฺฆาฏึ อากาสํ, น ปริจฺฉินฺนากาสกสิณํ. ‘‘อุภยมฺปิ อรูปกสิณเมวา’’ติ เกจิ. อรูปกฺขนฺธโคจรํ วาติ เวทนาทโย อรูปกฺขนฺธา ‘‘อตฺตา’’ติ อภินิเวสสฺส โคจโร เอตสฺสาติ อรูปกฺขนฺธโคจโร, ทิฏฺิคติโก, ตํ อรูปกฺขนฺธโคจรํ. วา-สทฺโท วุตฺตวิกปฺปตฺโถ. สทฺทโยชนา ปน อรูปํ อรูปกฺขนฺธา โคจรภูตา เอตสฺส อตฺถีติ อรูปี, ตํ อรูปึ. ลาภิโน จตฺตาโรติ รูปกสิณาทิลาภวเสน ตํ ตํ ทิฏฺิวาทํ สยเมว ปริกปฺเปตฺวา ¶ ตํ อาทาย ปคฺคยฺห ปฺาปนกา จตฺตาโร ทิฏฺิคติกา. เตสํ อนฺเตวาสิกาติ เตสํ ลาภีนํ วาทํ ปจฺจกฺขโต, ปรมฺปราย จ อุคฺคเหตฺวา ตเถว นํ ขมิตฺวา โรเจตฺวา ปฺาปนกา จตฺตาโร. ตกฺกิกา จตฺตาโรติ กสิณชฺฌานสฺส อลาภิโน เกวลํ ตกฺกนวเสเนว ยถาวุตฺเต จตฺตาโร ทิฏฺิวาเท สยเมว อภินิวิสฺส ปคฺคยฺห ิตา จตฺตาโร. เตสํ อนฺเตวาสิกา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา.
นอตฺตปฺตฺติวณฺณนา
๑๑๙. อารทฺธวิปสฺสโกปีติ สมฺปรายิกวิปสฺสโกปิ, เตน พลววิปสฺสนาย ิตํ ปุคฺคลํ ทสฺเสติ. น ปฺเปติ เอว อพหุสฺสุโต ปีติ อธิปฺปาโย. ตาทิโส หิ วิปสฺสนาย อานุภาโว. สาสนิโกปิ ฌานาภิฺาลาภี ‘‘น ปฺเปตี’’ติ น วตฺตพฺโพติ โส อิธ น อุทฺธโฏ. อิทานิ เนสํ อปฺาปเน การณํ ทสฺเสติ ‘‘เอเตสฺหี’’ติอาทินา. อิจฺเจว าณํ โหติ, น วิปรีตคฺคาโห ตสฺส การณสฺส ทูรสมุสฺสาริตตฺตา. อรูปกฺขนฺธา อิจฺเจว าณํ โหตีติ โยชนา.
อตฺตสมนุปสฺสนาวณฺณนา
๑๒๑. ทิฏฺิวเสน สมนุปสฺสิตฺวา, น าณวเสน. สา จ สมนุปสฺสนา อตฺถโต ทิฏฺิทสฺสนวเสน.
‘‘เวทนํ ¶ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอวํ ¶ อาคตา เวทนากฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ. อิฏฺาทิเภทํ อารมฺมณํ น ปฏิสํเวเทตีติ อปฺปฏิสํเวทโนติ เวทกภาวปฏิกฺเขปมุเขน สฺชานนาทิภาโวปิ ปฏิกฺขิตฺโต โหติ ตทวินาภาวโตติ อาห ‘‘อิมินา รูปกฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ กถิตา’’ติ. ‘‘อตฺตา เม เวทิยตี’’ติ อิมินา อปฺปฏิสํเวทนตฺตํ ปฏิกฺขิปติ. เตนาห ‘‘โนปิ อปฺปฏิสํเวทโน’’ติ. ‘‘เวทนาธมฺโม’’ติ ปน อิมินา ‘‘เวทนา เม อตฺตา’’ติ อิมํ วาทํ ปฏิกฺขิปติ. เวทนาสงฺขาโต ธมฺโม เอตสฺส อตฺถีติ หิ เวทนาธมฺโมติ เวทนาย สมนฺนาคตภาวํ ตสฺส ปฏิชานาติ. เตนาห ‘‘เอตสฺส จ เวทนาธมฺโม อวิปฺปยุตฺตสภาโว’’ติ. สฺาสงฺขารวิฺาณกฺขนฺธวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ กถิตาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ‘‘เวทนาสมฺปยุตฺตตฺตา เวทิยตี’’ติ ตํสมฺปโยคโต ตํกิจฺจกตมาห ยถา เจตนาโยคโต เจตโน ปุริโสติ. สพฺเพสมฺปิ ตํ สารมฺมณธมฺมานํ อารมฺมณานุภวนํ ลพฺภเตว, ตฺจ โข เอกเทสโต ผุฏฺตามตฺตโต ¶ , เวทนาย ปน วิสฺสวิตาย สามิภาเวน อารมฺมณรสานุภวนนฺติ. ตสฺสา วเสน สฺาทโยปิ ตํสมฺปยุตฺตตฺตา ‘‘เวทิยตี’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ อฏฺสาลินิยํ ‘‘อารมฺมณรสานุภวนฏฺานํ ปตฺวา เสสสมฺปยุตฺตธมฺมา เอกเทสมตฺตกเมว อนุภวนฺตี’’ติ, (ธ. ส. อฏฺ. ๑ ธมฺมุทฺเทสกถา) ราชสูทนิทสฺสเนน วายมตฺโถ ตตฺถ วิภาวิโต เอว. เอตสฺสาติ สฺาทิกฺขนฺธตฺตยสฺส. ‘‘อวิปฺปยุตฺตสภาโว’’ติ อิมินา อวิสํโยคชนิตํ กฺจิ วิเสสํ านํ ทีเปติ.
๑๒๒. ตตฺถาติ เตสุ วาเรสุ. ตีสุ ทิฏฺิคติเกสูติ ‘‘เวทนา เม อตฺตา’’ติ, ‘‘อปฺปฏิสํเวทโน เม อตฺตา’’ติ, ‘‘เวทนาธมฺโม เม อตฺตา’’ติ จ เอวํวาเทสุ ¶ ตีสุ ทิฏฺิคติเกสุ. ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ภินฺนสภาวตฺตา สุขํ เวทนํ ‘‘อตฺตา’’ติ สมนุปสฺสโต ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขํ วา เวทนํ ‘‘อตฺตา’’ติ สมนุปสฺสนา น ยุตฺตา. เอวํ เสสทฺวเย ปีติ อาห ‘‘โย โย ยํ ยํ เวทนํ อตฺตาติ สมนุปสฺสตี’’ติ.
๑๒๓. ‘‘หุตฺวา อภาวโต’’ติ อิมินา อุทยพฺพยวนฺตตาย อนิจฺจาติ ทสฺเสติ, ‘‘เตหิ เตหี’’ติอาทินา อเนกการณสงฺขตตฺตา สงฺขตาติ. ตํ ตํ ปจฺจยนฺติ ‘‘อินฺทฺริยํ, อารมฺมณํ, วิฺาณํ, สุข, เวทนีโย ผสฺโส’’ติ ¶ เอวํ อาทิกํ ตํ ตํ อตฺตโน การณํ ปฏิจฺจ นิสฺสาย สมฺมา สสฺสตาทิภาวสฺส, อุจฺเฉทาทิภาวสฺส จ อภาเวน าเยน สมการเณน สทิสการเณน อนุรูปการเณน อุปฺปนฺนา. ขยสภาวาติ ขยธมฺมา, วยสภาวาติ วยธมฺมา วิรชฺชนสภาวาติ วิราคธมฺมา, นิรุชฺฌนสภาวาติ นิโรธธมฺมา, จตูหิปิ ปเทหิ เวทนาย ภงฺคภาวเมว ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘ขโยติ…เป… ขยธมฺมาติอาทิ วุตฺต’’นฺติ.
วิคโตติ สภาววิคเมน วิคโต. เอกสฺเสวาติ เอกสฺเสว ทิฏฺิคติกสฺส. ตีสุปิ กาเลสูติ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ปวตฺติกาเลสุ. เอโส เม อตฺตาติ ‘‘เอโส สุขเวทนาสภาโว, ทุกฺขอทุกฺขมสุขเวทนาสภาโว เม อตฺตา’’ติ กึ ปน โหตี, เอกสฺเสว ภินฺนสภาวตํ อนุมฺมตฺตโก กถํ ปจฺเจตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ. อิตโร เอวมฺปิ ตสฺส น โหติ เยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กึ ปน น ภวิสฺสตี’’ติอาทิมาห. วิเสเสนาติ สุขาทิวิภาเคน. สุขฺจ ทุกฺขฺจาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน อทุกฺขมสุขํ สงฺคณฺหาติ, สุขสงฺคหเมว วา เตน กตํ สนฺตสุขุมภาวโต. อวิเสเสนาติ อวิภาเคน เวทนาสามฺเน. โวกิณฺณนฺติ สุขาทิเภเทน โวมิสฺสกํ. ตํ ติวิธมฺปิ เวทนํ เอส ¶ ทิฏฺิคติโก เอกชฺฌํ คเหตฺวา อตฺตาติ สมนุปสฺสติ. เอกกฺขเณ จ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปาโท อาปชฺชติ อวิเสเสน เวทนาสภาวตฺตา. อตฺตโน หิ ตสฺมึ ¶ สติ สทา สพฺพเวทนาปวตฺติปฺปสงฺคโต ทิฏฺิคติโก อคติยา เอกกฺขเณปิ พหูนมฺปิ เวทนานํ อุปฺปตฺตึ ปฏิชาเนยฺยาติ ตสฺส อวสรํ อเทนฺโต ‘‘น เอกกฺขเณ พหูนํ เวทนานํ อุปฺปตฺติ อตฺถี’’ติ อาห, ปจฺจกฺขวิรุทฺธเมตนฺติ อธิปฺปาโย. เอเตน เปตํ นกฺขมตีติ เอเตน วิรุทฺธตฺตสาธเนนปิ สพฺเพน สพฺพํ อตฺตโน อภาเวนปิ ปณฺฑิตานํ น รุจฺจติ, เอตํ ทสฺสนํ ธีรา นกฺขมนฺตีติ อตฺโถ.
๑๒๔. อินฺทฺริยพทฺเธปิ รูปปฺปพนฺเธ วาโยธาตุวิปฺผารวเสน กาจิ กิริยา นาม ลพฺภตีติ สุทฺธรูปกฺขนฺเธปิ ยตฺถ กทาจิ วาโยธาตุวิปฺผาโร ลพฺภติ, ตเมว นิทสฺสนภาเวน คณฺหนฺโต ‘‘ตาลวณฺเฏ วา วาตปาเน วา’’ติ อาห. เวทนาธมฺเมสูติ เวทนาธมฺมวนฺเตสุ. ‘‘อหมสฺมี’’ติ อิมินา ตโยปิ ขนฺเธ เอกชฺฌํ คเหตฺวา อหํการสฺส อุปฺปชฺชนากาโร วุตฺโตติ. ‘‘อยมหมสฺมี’’ติ ปน อิมินา ตตฺถ เอกํ เอกํ คเหตฺวา อหํการสฺส อุปฺปชฺชนากาโร วุตฺโต. เตนาห ‘‘เอกธมฺโมปี’’ติอาทิ ¶ . ตนฺติ ‘‘อหมสฺมี’’ติ อหํการุปฺปตฺตึ. สา หิ จตุกฺขนฺธนิโรเธน อนุปลพฺภมานสนฺนิสฺสยา สสวิสาณติขิณตา วิย น ภเวยฺยาวาติ.
เอตฺตาวตาติ ‘‘กิตฺตาวตา จ อานนฺทา’’ติอาทินา ‘‘ตนฺตากุลกชาตา’’ติ ปทสฺส อนุสนฺธิทสฺสนวเสน ปวตฺเตน เอตฺตเกน เทสนาธมฺเมน. กามํ เหฏฺาปิ วฏฺฏกถาว กถิตา, อิธ ปน ทิฏฺิคติกสฺส วฏฺฏโต สีสุกฺขิปนาสมตฺถตาวิภาวนวเสน มิจฺฉาทิฏฺิยา มหาสาวชฺชภาวทีปนิยกถา ปกาสิตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วฏฺฏกถา กถิตา’’ติ อาห. นนุ วฏฺฏมูลํ อวิชฺชา ตณฺหา, ตา อนามสิตฺวา ตโต อฺถา กสฺมา อิธ วฏฺฏกถา กถิตาติ อาห ‘‘ภควา ¶ หี’’ติอาทิ. อวิชฺชาสีเสนาติ อวิชฺชํ อุตฺตมงฺคํ กตฺวา, อวิชฺชามุเขนาติ อตฺโถ. โกฏิ น ปฺายตีติ ‘‘อสุกสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, จกฺกวตฺติโน วา กาเล อวิชฺชา อุปฺปนฺนา, น ตโต ปุพฺเพ อตฺถี’’ติ อวิชฺชาย อาทิ มริยาทา อปฺปฏิหตสฺส มม สพฺพฺุตฺาณสฺสาปิ น ปฺายติ อวิชฺชมานตฺตา เอวาติ อตฺโถ. อยํ ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย, ตสฺมา อิทปฺปจฺจยา, อิมสฺมา อาสวาทิการณาติ อตฺโถ. ภวตณฺหายาติ ภวสํโยชนภูตาย ตณฺหาย. ภวทิฏฺิยาติ สสฺสตทิฏฺิยา. ‘‘ตตฺถ ตตฺถ อุปปชฺชนฺโต’’ติ อิมินา ‘‘อิโต เอตฺถ เอตฺโต อิธา’’ติ เอวํ อปริยนฺตํ อปราปรุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘มหาสมุทฺเท’’ติอาทิ.
๑๒๖. ปจฺจยาการมูฬฺหสฺสาติ ภูตกถนเมตํ, น วิเสสนํ. สพฺโพปิ หิ ทิฏฺิคติโก ปจฺจยาการมูฬฺโห เอวาติ. วิวฏฺฏํ กเถนฺโตติ วฏฺฏโต วินิมุตฺตตฺตา วิวฏฺฏํ, วิโมกฺโข, ตํ กเถนฺโต ¶ . การกสฺสาติ สตฺถุโอวาทการกสฺส, สมฺมาปฏิปชฺชนฺตสฺสาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สติปฏฺานวิหาริโน’’ติ. โส หิ เวทนานุปสฺสนาย, ธมฺมานุปสฺสนาย จ สมฺมาปฏิปตฺติยา ‘‘เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา วตฺตพฺพตํ อรหติ. เตนาห ‘‘เอวรูโป หี’’ติอาทิ. สพฺพธมฺเมสูติ สพฺเพสุ เตภูมกธมฺเมสุ. เต หิ สมฺมสนียา. น อฺนฺติ เวทนาย อฺํ สฺาทิธมฺมํ อตฺตานํ น สมนุปสฺสตีติ. ‘‘ขนฺธโลกาทโย’’ติ รูปาทิธมฺมา เอว วุจฺจนฺติ, เตสํ สมูโหติ ทสฺเสตุํ ‘‘รูปาทีสุ ธมฺเมสู’’ติ วุตฺตํ. น อุปาทิยติ ทิฏฺิตณฺหาคาหวเสน. ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๑๐๘; มหานิ. ๒๑, ๑๗๘; ธ. ส. ๑๑๒๑; วิภ. ๘๓๒, ๘๖๖) ปวตฺตมานมฺนาปิ ¶ ตณฺหาทิฏฺิมฺนา วิย ปริตสฺสนรูปา เอวาติ อาห ‘‘ตณฺหาทิฏฺิมานปริตสฺสนายปี’’ติ.
สา เอวํ ทิฏฺีติ สา อรหโต เอวํปการา ทิฏฺีติ โย วเทยฺย ¶ , ตทกลฺลํ, ตํ น ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอวมสฺส ทิฏฺีติ เอตฺถาปิ เอวํปการา อสฺส อรหโต ทิฏฺีติอาทินา โยเชตพฺพํ. เอวฺหิ สตีติ โย วเทยฺย ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา อิติสฺส ทิฏฺี’’ติ, ตสฺส เจ วจนํ ตเถวาติ อตฺโถ. ‘‘อรหา น กิฺจิ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ ภเวยฺย ชานโต ตถา ทิฏฺิยา อภาวโต. เตเนวาติ ตถา วตฺตุมยุตฺตตฺตา เอว. จตุนฺนมฺปิ นยานนฺติ ‘‘โหติ ตถาคโต’’ติอาทินา อาคตานํ จตุนฺนํ วารานํ. อาทิโต ตีสุ วาเรสุ สงฺขิปิตฺวา ปริโยสานวาเร วิตฺถาริตตฺตา ‘‘อวสาเน ‘ตํ กิสฺส เหตู’ติอาทิมาหา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อาทิโต ตีสุ วาเรสุ ตเถว เทสนา ปวตฺตา, ยถา ปริโยสานวาเร, ปาฬิ ปน สงฺขิตฺตา’’ติ เกจิ.
โวหาโรติ ‘‘สตฺโต อิตฺถี ปุริโส’’ติอาทินา, ‘‘ขนฺธาอายตนานี’’ติอาทินา, ‘‘ผสฺโส เวทนา’’ติอาทินา จ โวหาริตพฺพโวหาโร. ตสฺส ปน โวหารสฺส ปวตฺติฏฺานํ นาม สงฺเขปโต อิเม เอวาติ อาห ‘‘ขนฺธา อายตนานิ ธาตุโย’’ติ. ยสฺมา นิพฺพานํ ปุพฺพภาเค สงฺขารานํ นิโรธภาเวเนว ปฺาปิยติ จ, ตสฺมา ตสฺสาปิ ขนฺธมุเขน อวจริตพฺพตา ลพฺภตีติ ‘‘ปฺาย อวจริตพฺพํ ขนฺธปฺจก’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ภควา ‘‘อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ โลกสมุทยฺจ โลกนิโรธฺจ โลกนิโรธคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕) ปฺาวจรนฺติ วา เตภูมกธมฺมานเมตํ คหณนฺติ ‘‘ขนฺธปฺจก’’นฺตฺเวว วุตฺตํ, ตสฺมา ‘‘ยาวตา ปฺา’’ติ เอตฺถาปิ โลกิยปฺาย เอว คหณํ ทฏฺพฺพํ. วฏฺฏกถา เหสาติ. ตถา หิ ‘‘ยาวตา วฏฺฏํ วฏฺฏติ’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตนฺตากุลกปทสฺเสว อนุสนฺธิ ทสฺสิโต’’ติ. ยสฺมา ภควา ทิฏฺิสีเสเนตฺถ วฏฺฏกถํ กเถตฺวา ยถานุสนฺธินาปิ วฏฺฏกถํ กเถสิ, ตสฺมา ‘‘ตนฺตากุลกปทสฺเสว ¶ ¶ อนุสนฺธิ ทสฺสิโต’’ติ สาวธารณํ กตฺวา วุตฺตํ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา ปเนตฺถ ยาวเทว ตสฺส คมฺภีรภาววิภาวนตฺถาย วิตฺถาริตา, วิวฏฺฏกถาปิ สมานา อิธ ปจฺจามฏฺาติ ทฏฺพฺพํ.
สตฺตวิฺาณฏฺิติวณฺณนา
๑๒๗. คจฺฉนฺโต ¶ คจฺฉนฺโตติ สมถปฏิปตฺติยํ สุปฺปติฏฺิโต หุตฺวา วิปสฺสนาคมเนน, มคฺคคมเนน จ คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต. อุโภหิ ภาเคหิ มุจฺจนโต อุภโตภาควิมุตฺโต นาม โหติ. โส ‘‘เอวํ อสมนุปสฺสนฺโต’’ติ วุตฺโต วิปสฺสนายานิโกติ กตฺวา ‘‘โย จ น สมนุปสฺสตีติ วุตฺโต โส ยสฺมา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต ปฺาวิมุตฺโต นาม โหตี’’ติ วุตฺตํ. เหฏฺา วุตฺตานนฺติ ‘‘กิตฺตาวตา จ, อานนฺท, อตฺตานํ น ปฺเปนฺโต น ปฺาเปตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๑๙), ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ เนว เวทนํ อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๒๕ อาทโย) จ เหฏฺา ปาฬิยํ อาคตานํ ทฺวินฺนํ ปุถุชฺชนภิกฺขูนํ. นิคมนนฺติ นิสฺสรณํ. นามนฺติ ปฺาวิมุตฺตาทินามํ.
ปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตาติ นานตฺตกายนานตฺตสฺิตาวิเสสวิสิฏฺปฏิสนฺธิวเสน วุตฺตา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. ตํตํสตฺตนิกายํ ปติ นิสฺสยโต หิ นานตฺตกายาทิตา ตํปริยาปนฺนปฏิสนฺธิสมุทาคตาติ ทฏฺพฺพา ตทภินิพฺพตฺตกกมฺมภวสฺส ตถา อายูหิตตฺตา. จตสฺโส อาคมิสฺสนฺตีติ รูปเวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺธวเสน จตสฺโส วิฺาณฏฺิติโย อาคมิสฺสนฺติ ‘‘รูปุปายํ วา อาวุโส วิฺาณํ ติฏฺมานํ ติฏฺตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๑๑). วิฺาณปติฏฺานสฺสาติ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส เอตรหิ ¶ ปติฏฺานการณสฺส. อตฺถโต วุตฺตวิเสสวิสิฏฺา ปฺจโวกาเร รูปเวทนาสฺาสงฺขารกฺขนฺธา, จตุโวกาเร เวทนาทโย ตโย ขนฺธา เวทิตพฺพา. สตฺตาวาสภาวํ อุปาทาย ‘‘ทฺเว จ อายตนานีติ ทฺเว นิวาสฏฺานานี’’ติ วุตฺตํ. นิวาสฏฺานปริยาโยปิ อายตนสทฺโท โหติ ยถา ‘‘เทวายตนทฺวย’’นฺติ. สพฺพนฺติ วิฺาณฏฺิติ อายตนทฺวยนฺติ สกลํ. ตสฺมา คหิตํ ตตฺถ เอกเมว อคฺคเหตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปริยาทานํ อนวเสสคฺคหณํ น คจฺฉติ วฏฺฏํ วิฺาณฏฺิติอายตนทฺวยานํ อฺมฺอนฺโตคธตฺตา.
นิทสฺสนตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา เสยฺยถาปิ มนุสฺสาติ ยถา มนุสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. วิเสโส โหติเยว สติปิ พาหิรสฺส การกสฺส อเภเท อชฺฌตฺติกสฺส ภินฺนตฺตา. นานตฺตํ กาเย เอเตสํ, นานตฺโต ¶ วา กาโย เอเตสนฺติ นานตฺตกายา, อิมินา นเยน เสสปเทสุปิ ¶ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เนสนฺติ มนุสฺสานํ. นานตฺตา สฺา เอเตสํ อตฺถีติ นานตฺตสฺิโน. สุขสมุสฺสยโต วินิปาโต เอเตสํ อตฺถีติ วินิปาติกา สติปิ เทวภาเว ทิพฺพสมฺปตฺติยา อภาวโต, อปาเยสุ วา คโต นตฺถิ นิปาโต เอเตสนฺติ วินิปาติกา. เตนาห ‘‘จตุอปายวินิมุตฺตา’’ติ. ธมฺมปทนฺติ สติปฏฺานาทิธมฺมโกฏฺาสํ. วิชานิยาติ สุตมเยน ตาว าเณน วิชานิตฺวา. ตทนุสาเรน โยนิโสมนสิการํ ปริพฺรูหนฺโต สีลวิสุทฺธิอาทิกํ สมฺมาปฏิปตฺตึ อปิ ปฏิปชฺเชม. สา จ ปฏิปตฺติ หิตาย ทิฏฺธมฺมิกาทิสกลหิตาย อมฺหากํ สิยา. อิทานิ ตตฺถ สีลปฏิปตฺตึ ตาว วิภาเคน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปาเณสุ จา’’ติ คาถมาห.
พฺรหฺมกาเย ปมชฺฌานนิพฺพตฺเต พฺรหฺมสมูเห, พฺรหฺมนิกาเย วา ภวาติ พฺรหฺมกายิกา. มหาพฺรหฺมุโน ปริสาย ภวาติ พฺรหฺมปาริสชฺชา ตสฺส ปริจารกฏฺาเน ิตตฺตา. มหาพฺรหฺมุโน ปุโรหิตฏฺาเน ิตาติ พฺรหฺมปุโรหิตา ¶ . อายุวณฺณาทีหิ มหนฺโต พฺรหฺมาโนติ มหาพฺรหฺมุโน. สติปิ เตสํ ติวิธานมฺปิ ปเมน ฌาเนน อภินิพฺพตฺตภาเว ฌานสฺส ปน ปวตฺติเภเทน อยํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘พฺรหฺมปาริสชฺชา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริตฺเตนาติ หีเนน, สา จสฺส หีนตา ฉนฺทาทีนํ หีนตาย เวทิตพฺพา, ปฏิลทฺธมตฺตํ วา หีนํ. กปฺปสฺสาติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส. หีนปณีตานํ มชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิเมน, สา จสฺส มชฺฌิมตา ฉนฺทาทีนํ มชฺฌิมตาย เวทิตพฺพา, ปฏิลภิตฺวา นาติสุภาวิตํ วา มชฺฌิมํ. อุปฑฺฒกปฺโปติ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส อุปฑฺฒกปฺโป. วิปฺผาริกตโรติ พฺรหฺมปาริสชฺเชหิ ปมาณโต วิปุลตโร, สภาวโต อุฬารตโร จ โหติ. สภาเวนปิ หิ อุฬารตโรว, ตํ ปเนตฺถ อปฺปมาณํ. ตถา หิ ปริตฺตาภาทีนํ, ปริตฺตสุภาทีนฺจ กาเย สติปิ สภาวเวมตฺเต เอกตฺตวเสเนว ววตฺถาปียตีติ ‘‘เอกตฺตกายา’’ ตฺเวว วุจฺจนฺติ. ปณีเตนาติ อุกฺกฏฺเน, สา จสฺส อุกฺกฏฺตา ฉนฺทาทีนํ อุกฺกฏฺตาย เวทิตพฺพา, สุภาวิตํ วา สมฺมเทว วสิภาวํ ปาปิตํ ปณีตํ ปธานภาวํ นีตนฺติ กตฺวา, อิธาปิ กปฺโป อสงฺขฺเยยฺยกปฺปวเสเนว เวทิตพฺโพ ปริปุณฺณสฺส มหากปฺปสฺส อสมฺภวโต. อิตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน. เตติ ‘‘พฺรหฺมกายิกา’’ติ วุตฺตา ติวิธาปิ พฺรหฺมาโน. สฺาย เอกตฺตาติ ติเหตุกภาเวน สฺาย เอกตฺตสภาวตฺตา ¶ . น หิ ตสฺสา สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน อฺโปิ โกจิ เภโท อตฺถิ.
เอวนฺติ อิมินา นานตฺตกายเอกตฺตสฺิโนติ ทสฺเสติ.
ทณฺฑอุกฺกายาติ ทณฺฑทีปิกาย. สรตีติ ธาวติ วิย. วิสฺสรตีติ วิปฺปกิณฺณา วิย ธาวติ ¶ . ทฺเว กปฺปาติ ทฺเว มหากปฺปา. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน อาภสฺสรคฺคหเณเนว สพฺเพปิ เต ปริตฺตาภา, อปฺปมาณาภาปิ คหิตา.
โสภนา ปภา สุภา, สุภาย กิณฺณา สุภากิณฺณาติ วตฺตพฺเพ อา-การสฺส รสฺสตฺตํ, อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การฺจ กตฺวา ‘‘สุภกิณฺหา’’ติ วุตฺตา, อฏฺกถายํปน นิจฺจลาย เอกคฺฆนาย ปภาย สุโภติ ปริยายวจนนฺติ ¶ ‘‘สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, เอตฺถาปิ อนฺติม-ณ-การสฺส ห-การกรณํ อิจฺฉิตพฺพเมว. น ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปภา คจฺฉติ เอกคฺฆนตฺตา. จตุตฺถวิฺาณฏฺิติเมว ภชนฺติ กายสฺส, สฺาย จ เอกรูปตฺตา. วิปุลสนฺตสุขายุวณฺณาทิผลตฺตา เวหปฺผลา. เอตฺถาติ วิฺาณฏฺิติยํ.
วิวฏฺฏปกฺเข ิตา นปุนราวตฺตนโต. ‘‘น สพฺพกาลิกา’’ติ วตฺวา ตเมว อสพฺพกาลิกตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสฬสกปฺปสหสฺสจฺจเยน อุปฺปนฺนานํ สุทฺธาวาสพฺรหฺมานํ ปรินิพฺพายนโต, อฺเสฺจ ตตฺถ อนุปฺปชฺชนโต พุทฺธสฺุเ โลเก สฺุํ ตํ านํ โหติ, ตสฺมา สุทฺธาวาสา น สพฺพกาลิกา, ขนฺธาวารฏฺานสทิสา โหนฺติ สุทฺธาวาสภูมิโย. อิมินา สุตฺเตน สุทฺธาวาสานํ สตฺตาวาสภาวทีปเนเนว วิฺาณฏฺิติภาโว ทีปิโต, ตสฺมา สุทฺธาวาสาปิ สตฺตสุ วิฺาณฏฺิตีสุ จตุตฺถวิฺาณฏฺิตึ นวสุ สตฺตาวาเสสุ จตุตฺถสตฺตาวาสํเยว ภชนฺติ.
สุขุมตฺตาติ สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺตตฺตา. ปริพฺยตฺตวิฺาณกิจฺจาภาวโต เนว วิฺาณํ, สพฺพโส อวิฺาณํ น โหตีติ นาวิฺาณํ, ตสฺมา ปริปฺผุฏวิฺาณกิจฺจวนฺตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ อวตฺวา.
๑๒๘. ตฺจ วิฺาณฏฺิตินฺติ ปมํ วิฺาณฏฺิตึ. เหฏฺา วุตฺตนเยน สรูปโต, มนุสฺสาทิวิภาคโต, สงฺเขปโต, ‘‘นามฺจ รูปฺจา’’ติ เภทโต ¶ จ ปชานาติ. ตสฺสา สมุทยฺจาติ ตสฺสา ปมาย วิฺาณฏฺิติยา ปฺจวีสติวิธํ สมุทยฺจ ปชานาติ. อตฺถงฺคเมปิ เอเสว นโย. อสฺสาเทตพฺพโต, อสฺสาทโต จ อสฺสาทํ. อยํ อนิจฺจาทิภาโว อาทีนโว. ฉนฺทราโค วินียติ เอเตน, เอตฺถ วาติ ฉนฺทราควินโย, สห มคฺเคน นิพฺพานํ. ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. มานทิฏฺีนํ วเสนาหนฺติ วา, ตณฺหาวเสน มมนฺติ วา อภินนฺทนาปิ มานสฺส ปริตสฺสนา วิย ทฏฺพฺพา. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ เสเสสุ อฏฺสุปิ วาเรสุ ¶ . ตตฺถาติ อุปริ ตีสุ วิฺาณฏฺิตีสุ ทุติยายตเนสุ. ตตฺถ หิ รูปํ นตฺถิ. ปุน ตตฺถาติ ปมายตเน. ตตฺถ หิ เอโก รูปกฺขนฺโธว. เอตฺถาติ ¶ จ ตเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ รูปสฺส กมฺมสมุฏฺานตฺตา อาหารวเสน โยชนา น สมฺภวติ.
ยโต โขติ เอตฺถ โต-สทฺโท ทา-สทฺโท วิย กาลวจโน ‘‘ยโต โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๑) วิยาติ วุตฺตํ ‘‘ยทา โข’’ติ. อคฺคเหตฺวาติ กฺจิปิ สงฺขารํ ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา อคฺคเหตฺวา. ปฺาวิมุตฺโตติ อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ อนธิคตตฺตา สาติสยสฺส สมาธิพลสฺส อภาวโต ปฺาพเลเนว วิมุตฺโต. เตนาห ‘‘อฏฺ วิโมกฺเข อสจฺฉิกตฺวา ปฺาพเลเนวา’’ติอาทิ. อปฺปวตฺตินฺติ อายตึ อปฺปวตฺตึ กตฺวา. ปชานนฺโต วิมุตฺโตติ วา ปฺาวิมุตฺโต, ปมชฺฌานผสฺเสน วินา ปริชานนาทิปฺปกาเรหิ จตฺตาริ สจฺจานิ ชานนฺโต ปฏิวิชฺฌนฺโต เตสํ กิจฺจานํ มตฺถกปฺปตฺติยา นิฏฺิตกิจฺจตาย วิเสเสน มุตฺโตติ วิมุตฺโต. โส ปฺาวิมุตฺโต. สุกฺขวิปสฺสโกติ สมถภาวนาสิเนหาภาเวน สุกฺขา ลูขา, อสินิทฺธา วา วิปสฺสนา เอตสฺสาติ สุกฺขวิปสฺสโก. ตฺวาติ ปาทกกรณวเสน ตฺวา. อฺตรสฺมินฺติ จ อฺตรอฺตรสฺมึ, เอเกกสฺมินฺติ อตฺโถ. เอวฺหิสฺส ปฺจวิธตา สิยา. ‘‘น เหว โข อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตี’’ติ อิมินา สาติสยสฺส สมาธิพลสฺส อภาโว ทีปิโต. ‘‘ปฺาย จสฺส ทิสฺวา’’ติอาทินา สาติสยสฺส ปฺาพลสฺส ภาโว. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ น อาสวา ปฺาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ปริกฺขีณา ‘‘ทิสฺวา ปริกฺขีณา’’ติ วุตฺตา. ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา เอว หิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยา โหติ.
อฏฺวิโมกฺขวณฺณนา
๑๒๙. เอกสฺส ¶ ภิกฺขุโนติ สตฺตสุ อริยปุคฺคเลสุ เอกสฺส ภิกฺขุโน. วิฺาณฏฺิติอาทินา ปริชานนาทิวสปฺป วตฺตนิคฺคมนฺจ ¶ ปฺาวิมุตฺตนามฺจ. อิตรสฺสาติ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส. อิเม สนฺธาย หิ ปุพฺเพ ‘‘ทฺวินฺนํ ภิกฺขูน’’นฺติ วุตฺตํ. เกนฏฺเนาติ เกน สภาเวน. สภาโว หิ าเณน ยาถาวโต อรณียโต าตพฺพโต ‘‘อตฺโถ’’ติ วุจฺจติ, โส เอว ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ‘‘อฏฺโ’’ติ วุตฺโต. อธิมุจฺจนฏฺเนาติ อธิกํ สวิเสสํ มุจฺจนฏฺเน, เอเตน สติปิ สพฺพสฺสาปิ รูปาวจรชฺฌานสฺส วิกฺขมฺภนวเสน ปฏิปกฺขโต วิมุตฺตภาเว เยน ภาวนาวิเสเสน ตํ ฌานํ สาติสยํ ปฏิปกฺขโต วิมุจฺจิตฺวา ปวตฺตติ, โส ภาวนาวิเสโส ทีปิโต. ภวติ หิ สมานชาติยุตฺโตปิ ภาวนาวิเสเสน ปวตฺติอาการวิเสโส, ยถา ตํ สทฺธาวิมุตฺตตา ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส. ตถา ปจฺจนีกธมฺเมหิ สุฏฺุ วิมุตฺตตาย ¶ , เอวํ อนิคฺคหิตภาเวน นิราสงฺกตาย อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺเนปิ วิโมกฺโข. เตนาห ‘‘อารมฺมเณ จา’’ติอาทิ. อยํ ปนตฺโถติ อยํ อธิมุจฺจนฏฺโ ปจฺฉิเม วิโมกฺเข นิโรเธ นตฺถิ, เกวโล วิมุตฺตฏฺโ เอว ตตฺถ ลพฺภติ, ตํ สยเมว ปรโต วกฺขติ.
รูปีติ เยนายํ สสนฺตติปริยาปนฺเนน รูเปน สมนฺนาคโต, ตํ ยสฺส ฌานสฺส เหตุภาเวน วิสิฏฺํ รูปํ โหติ, เยน วิสิฏฺเน รูเปน ‘‘รูปี’’ติ วุจฺเจยฺย รูปี-สทฺทสฺส อติสยตฺถทีปนโต, ตเทว สสนฺตติปริยาปนฺนรูปวเสน ปฏิลทฺธํ ฌานํ อิธ ปรมตฺถโต รูปีภาวสาธกนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ. รูปชฺฌานํ รูปํ อุตฺตรปทโลเปน. รูปานีติ ปเนตฺถ ปุริมปทโลโป ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘นีลกสิณาทิรูปานี’’ติ. รูเป กสิณรูเป สฺา รูปสฺา, สา เอตสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. ตปฺปฏิกฺเขเปน ¶ อรูปสฺี. เตนาห ‘‘อชฺฌตฺตํ น รูปสฺี’’ติอาทิ.
‘‘อนฺโต อปฺปนายํ สุภนฺติ อาโภโค นตฺถี’’ติ อิมินา ปุพฺพาโภควเสน ตถา อธิมุตฺติ สิยาติ ทสฺเสติ. เอวฺเหตฺถ ตถาวตฺตพฺพตาปตฺติโจทนา สมตฺถิตา โหติ. ยสฺมา สุวิสุทฺเธสุ นีลาทีสุ วณฺณกสิเณสุ ตตฺถ กตาธิการานํ อภิรติวเสน สุฏฺุ อธิมุจฺจนฏฺโ สมฺภวติ ¶ , ตสฺมา อฏฺกถายํ ตถา ตติโย วิโมกฺโข สํวณฺณิโต, ยสฺมา ปน เมตฺตาวเสน ปวตฺตมานา ภาวนา สตฺเต อปฺปฏิกูลโต ทหนฺติ เตสุ ตโต อธิมุจฺจิตฺวาว ปวตฺตติ, ตสฺมา ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๒๑๒) ‘‘พฺรหฺมวิหารภาวนา สุภวิโมกฺโข’’ติ วุตฺตา, ตยิทํ อุภยมฺปิ เตน เตน ปริยาเยน วุตฺตตฺตา น วิรุชฺฌตีติ ทฏฺพฺพํ.
สพฺพโสติ อนวเสสโต. น หิ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานํ เอกเทโสปิ ตตฺถ อวสฺสิสฺสติ. วิสุทฺธตฺตาติ ยถาปริจฺฉินฺนกาเล นิโรธิตตฺตา. อุตฺตโม วิโมกฺโข นาม อริเยเหว สมาปชฺชิตพฺพโต, อริยผลปริโยสานตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานปฺปตฺติภาวโต จ.
๑๓๐. อาทิโต ปฏฺายาติ ปมสมาปตฺติโต ปฏฺาย. ยาว ปริโยสานา สมาปตฺติ, ตาว. อฏฺตฺวาติ กตฺถจิ สมาปตฺติยํ อฏฺิโต เอว, นิรนฺตรเมว ปฏิปาฏิยา, อุปฺปฏิปาฏิยา จ สมาปชฺชเตวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิโต จิโต จ สฺจรณวเสน วุตฺต’’นฺติ. อิจฺฉติ สมาปชฺชิตุํ. ตตฺถ ‘‘สมาปชฺชติ ปวิสตี’’ติ สมาปตฺติสมงฺคีปุคฺคโล ตํ ตํ ปวิฏฺโ วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ.
ทฺวีหิ ¶ ภาเคหิ วิมุตฺโตติ อรูปชฺฌาเนน วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขนาติ ทฺวีหิ วิมุจฺจนภาเคหิ, อรูปสมาปตฺติยา รูปกายโต, มคฺเคน นามกายโตติ ทฺวีหิ วิมุจฺจิตพฺพภาเคหิ จ วิมุตฺโต. เตนาห ‘‘อรูปสมาปตฺติยา’’ติอาทิ ¶ . วิมุตฺโตติ หิ กิเลเสหิ วิมุตฺโต, วิมุจฺจนฺโต จ กิเลสานํ วิกฺขมฺภนสมุจฺฉินฺทเนหิ กายทฺวยโต วิมุตฺโตติ อยเมตฺถ อตฺโถ. คาถาย จ อากิฺจฺายตนลาภิโน อุปสิวพฺราหฺมณสฺส ภควตา ‘‘นามกายา วิมุตฺโต’’ติ อุภโตภาควิมุตฺโต มุนิ อกฺขาโต. ตตฺถ อตฺถํ ปเลตีติ อตฺถํ คจฺฉติ. น อุเปติ สงฺขนฺติ ‘‘อสุกํ นาม ทิสํ คโต’’ติ โวหารํ น คจฺฉติ. เอวํ มุนิ นามกายา วิมุตฺโตติ เอวํ อรูปํ อุปปนฺโน เสกฺขมุนิ ปกติยา ปุพฺเพว รูปกายา วิมุตฺโต, ตตฺถ จ จตุตฺถมคฺคํ นิพฺพตฺเตตฺวา นามกายสฺส ปริฺาตตฺตา ปุน นามกายาปิ วิมุตฺโต. อุภโตภาควิมุตฺโต ขีณาสโว หุตฺวา อนุปาทาย ปรินิพฺพานสงฺขาตํ ¶ อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ, ‘‘ขตฺติโย พฺราหฺมโณ’’ติ เอวํ อาทิกํ สมฺํ น คจฺฉตีติ อตฺโถ.
‘‘อฺตรโต วุฏฺายา’’ติ อิทํ กึ อากาสานฺจายตนาทีสุ อฺตรลาภีวเสน วุตฺตํ, อุทาหุ สพฺพารุปฺปลาภีวเสนาติ ยถิจฺฉสิ, ตถา โหตุ, ยทิ สพฺพารุปฺปลาภีวเสน วุตฺตํ, น โกจิ วิโรโธ. อถ ตตฺถ อฺตรลาภีวเสน วุตฺตํ, ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฏฺ วิโมกฺเข อนุโลมมฺปิ สมาปชฺชตี’’ติอาทิวจเนน วิรุชฺเฌยฺยาติ? ยสฺมา อรูปาวจรชฺฌาเนสุ เอกสฺสาปิ ลาภี ‘‘อฏฺวิโมกฺขลาภี’’ ตฺเวว วุจฺจติ อฏฺวิโมกฺเข เอกเทสสฺสาปิ ตํนามทานสมตฺถตาสมฺภวโต. อยฺหิ อฏฺวิโมกฺขสมฺา สมุทาเย วิย ตเทกเทเสปิ นิรุฬฺหาปตฺติสมฺา วิยาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อากาสานฺจายตนาทีสุ อฺตรโต วุฏฺายา’’ติ. ‘‘ปฺจวิโธ โหตี’’ติ วตฺวา ฉพฺพิธตํปิสฺส เกจิ ปริกปฺเปนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, นิจฺฉิโตวายํ ปฺโห ปุพฺพาจริเยหีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกจิ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิโน, สารสมาสาจริยา จ. เต หิ ‘‘อุภโตภาควิมุตฺโตติ ¶ อุภยภาควิมุตฺโต สมาธิวิปสฺสนาโต’’ติ วตฺวา รูปาวจรสมาธินาปิ สมาธิปริปนฺถโต วิมุตฺตึ มฺนฺติ. เอวํ รูปชฺฌานภาเคน, อรูปชฺฌานภาเคน จ อุภโต วิมุตฺโตติ ปายสมาโน. ‘‘ตาทิสเมวา’’ติ อิมินา ยาทิสํ อรูปาวจรชฺฌานํ กิเลสวิกฺขมฺภเน, ตาทิสํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ ปีติ อิมมตฺถํ อุลฺลงฺเคติ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
อุภโตภาควิมุตฺตปฺโหติ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส ฉพฺพิธตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนปฺโห. วณฺณนํ นิสฺสายาติ ตสฺส ปทสฺส อตฺถวจนํ นิสฺสาย. จิเรนาติ เถรสฺส อปรภาเค จิเรน กาเลน. วินิจฺฉยนฺติ ¶ สํสยเฉทกํ สนฺนิฏฺานํ ปตฺโต. ตํ ปฺหนฺติ ตมตฺถํ. าตุํ อิจฺฉิโต หิ อตฺโถ ปฺโห. น เกนจิ สุตปุพฺพนฺติ เกนจิ กิฺจิ น สุตปุพฺพํ, อิทํ อตฺถชาตนฺติ อธิปฺปาโย. กิฺจาปิ อุเปกฺขาสหคตํ, กิฺจาปิ กิเลเส วิกฺขมฺเภตีติ ปจฺเจกํ กิฺจาปิ-สทฺโท โยเชตพฺโพ. สมุทาจรตีติ ปวตฺตติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อิเม หี’’ติอาทินา, เตน รูปาวจรภาวนโต อารุปฺปภาวนา สวิเสสํ กิเลเส วิกฺขมฺเภติ รูปวิราคภาวนาภาวโต ¶ , อุปริภาวนาภาวโต จาติ ทสฺเสตีติ. เอวฺจ กตฺวา อฏฺกถายํ อารุปฺปภาวนานิทฺเทเส ยํ วุตฺตํ ‘‘ตสฺเสวํ ตสฺมึ นิมิตฺเต ปุนปฺปุนํ จิตฺตํ จาเรนฺตสฺส นีวรณานิ วิกฺขมฺภนฺติ สติ สนฺติฏฺตี’’ติอาทิ, (วิสุทฺธิ. ๑.๒๘๑) ตํ สมตฺถตํ โหตีติ. อิทํ สุตฺตนฺติ ปุคฺคลปฺตฺติปามาห (ปุ. ป. นิทฺเทส ๒๗). สพฺพฺหิ พุทฺธวจนํ อตฺถสูจนาทิอตฺเถน สุตฺตนฺติ วุตฺโต วายมตฺโถ. ยํ ปน ตตฺถ ¶ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ อนุโลมาทิโต สมาปชฺชเนน สาติสยํ สนฺตานสฺส อภิสงฺขตตฺตา, อฏฺมฺจ อุตฺตมํ วิโมกฺขํ ปทฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อุภโตภาควิมุจฺจนโต จ อิมาย อุภโตภาควิมุตฺติยา สพฺพเสฏฺตา เวทิตาติ ทฏฺพฺพา.
มหานิทานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๓. มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนา
๑๓๑. ปูชนียภาวโต ¶ ¶ , ¶ พุทฺธสมฺปทฺจ ปหาย ปวตฺตตา มหนฺตฺจ ตํ ปรินิพฺพานฺจาติ มหาปรินิพฺพานํ; สวาสนปฺปหานโต มหนฺตํ กิเลสกฺขยํ นิสฺสาย ปวตฺตํ ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; มหตา กาเลน มหตา วา คุณราสินา สาธิตํ ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; มหนฺตภาวาย, ธาตูนํ พหุภาวาย ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; มหโต โลกโต นิสฺสฏํ ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; สพฺพโลกาสาธารณตฺตา พุทฺธานํ สีลาทิคุเณหิ มหโต พุทฺธสฺส ภควโต ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานํ; มหติ สาสเน ปติฏฺิเต ปรินิพฺพานนฺติปิ มหาปรินิพฺพานนฺติ พุทฺธสฺส ภควโต ปรินิพฺพานํ วุจฺจติ, ตปฺปฏิสํยุตฺตํ สุตฺตํ มหาปรินิพฺพานสุตฺตํ. คิชฺฌา เอตฺถ วสนฺตีติ คิชฺฌํ, คิชฺฌํ กูฏํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฏ, คิชฺฌํ วิย วา คิชฺฌํ, กูฏํ, ตํ เอตสฺสาติ คิชฺฌกูโฏ, ปพฺพโต, ตสฺมึ คิชฺฌกูเฏ. เตนาห ‘‘คิชฺฌา’’ติอาทิ. อภิยาตุกาโมติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท อภิภวนตฺโถ, ‘‘อภิวิชานาตู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๔; ๓.๘๕; ม. นิ. ๓.๒๕๖) วิยาติ อาห ‘‘อภิภวนตฺถาย ยาตุกาโม’’ติ. วชฺชิราชาโนติ ‘‘วชฺเชตพฺพา อิเม’’ติอาทิโต ปวตฺตํ วจนํ อุปาทาย ‘‘วชฺชี’’ติ ลทฺธนามา ราชาโน, วชฺชีรฏฺสฺส วา ราชาโน วชฺชิราชาโน. วชฺชิรฏฺสฺส ปน วชฺชิสมฺา ตนฺนิวาสิราชกุมารวเสน เวทิตพฺพา. ราชิทฺธิยาติ ราชภาวานุคเตน สภาเวน. โส ปน สภาโว เนสํ ¶ คณราชูนํ มิโถ สามคฺคิยา โลเก ปากโฏ, จิรฏฺายี จ อโหสีติ ‘‘สมคฺคภาวํ กเถสี’’ติ วุตฺตํ. อนุ อนุ ตํสมงฺคิโน ภาเวติ วฑฺเฒตีติ อนุภาโว, อนุภาโว เอว อานุภาโว, ปตาโป, โส ปน เนสํ ปตาโป หตฺถิอสฺสาทิวาหนสมฺปตฺติยา, ตตฺถ จ สุสิกฺขิตภาเวน โลเก ปากโฏ ชาโตติ ‘‘เอเตน…เป… กเถสี’’ติ วุตฺตํ. ตาฬจฺฉิคฺคเลนาติ กฺุจิกาฉิทฺเทน. อสนนฺติ สรํ. อติปาตยิสฺสนฺตีติ อติกฺกาเมนฺติ. โปงฺขานุโปงฺขนฺติ โปงฺขสฺส อนุโปงฺขํ, ปุริมสรสฺส โปงฺขปทานุคตโปงฺขํ อิตรํ สรํ กตฺวาติ อตฺโถ. อวิราธิตนฺติ อวิรชฺฌิตํ. อุจฺฉินฺทิสฺสามีติ อุมฺมูลนวเสน กุลสนฺตตึ ฉินฺทิสฺสามิ. อยนํ ¶ วฑฺฒนํ อโย, ตปฺปฏิกฺเขเปน อนโยติ อาห ‘‘อวฑฺฒิยา เอตํ นาม’’นฺติ. วิกฺขิปตีติ วิทูรโต ขิปติ, อปเนตีติ อตฺโถ.
คงฺคายนฺติ ¶ คงฺคาสมีเป. ปฏฺฏนคามนฺติ สกฏปฏฺฏนคามํ. อาณาติ อาณา วตฺตติ. อฑฺฒโยชนนฺติ จ ตสฺมึ ปฏฺฏเน อฑฺฒโยชนฏฺานวาสิโน สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺราติ ตสฺมึ ปฏฺฏเน. พลวาฆาตชาโตติ อุปฺปนฺนพลวโกโธ.
เมติ มยฺหํ. คเตนาติ คมเนน.
ราชอปริหานิยธมฺมวณฺณนา
๑๓๔. สีตํ วา อุณฺหํ วา นตฺถิ, ตายํ เวลายํ ปฺุานุภาเวน พุทฺธานํ สพฺพกาลํ สมสีตุณฺหาว อุตุ โหติ, ตํ สนฺธาย ตถา วุตฺตํ. อภิณฺหํ สนฺนิปาตาติ นิจฺจสนฺนิปาตา, ตํ ปน นิจฺจสนฺนิปาตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทิวสสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สนฺนิปาตพหุลาติ ปจุรสนฺนิปาตา. โวสานนฺติ สงฺโกจํ. ‘‘ยาวกีว’’นฺติ เอกเมเวตํ ปทํ อนิยมโต ปริมาณวาจี, กาโล เจตฺถ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘ยตฺตกํ กาล’’นฺติ. ‘‘วุทฺธิเยวา’’ติอาทินา วุตฺตมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘อภิณฺหํ อสนฺนิปตนฺตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อากุลาติ ขุภิตา, น ปสนฺนา. ภิชฺชิตฺวาติ วคฺคพนฺธโต วิภชฺช วิสุํ วิสุํ หุตฺวา.
สนฺนิปาตเภริยาติ สนฺนิปาตาโรจนเภริยา. อฑฺฒภุตฺตา วาติ สามิภุตฺตา จ. โอสีทมาเนติ หายมาเน.
ปุพฺเพ อกตนฺติ ปุพฺเพ อนิพฺพตฺตํ. สุงฺกนฺติ ภณฺฑํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตหิ ปพฺพตขณฺฑ นทีติตฺถคามทฺวาราทีสุ ราชปุริสานํ ทาตพฺพภาคํ. พลินฺติ นิปฺผนฺนสสฺสาทิโต ฉภาคํ, สตฺตภาคนฺติอาทินา ลทฺธกรํ. ทณฺฑนฺติ ทสวีสติกหาปณาทิกํ อปราธานุรูปํ คเหตพฺพธนทณฺฑํ. วชฺชิธมฺมนฺติ วชฺชิราชธมฺมํ. อิทานิ อปฺตฺตปฺาปนาทีสุ ตปฺปฏิกฺเขป อาทีนวานิสํเส วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘เตสํ อปฺตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปาริจริยกฺขมาติ อุปฏฺานกฺขมา.
กุลโภคอิสฺสริยาทิวเสน มหตี มตฺตา ปมาณํ เอเตสนฺติ มหามตฺตา, นีติสตฺถวิหิเต วินิจฺฉเย ¶ ปิตา มหามตฺตา วินิจฺฉยมหามตฺตา, เตสํ. เทนฺตีติ นิยฺยาเตนฺติ. สเจ โจโรติ เอวํสฺิโน สเจ โหนฺติ. ปาปภีรุตาย อตฺตนา กิฺจิ อวตฺวา. ทณฺฑนีติสฺิเต โวหาเร นิยุตฺตาติ โวหาริกา, เย ‘‘ธมฺมฏฺา’’ติ วุจฺจนฺติ. สุตฺตธรา นีติสุตฺตธรา ¶ , อีทิเส โวหารวินิจฺฉเย นิยเมตฺวา ปิตา. ปรมฺปราภเตสุ อฏฺสุ กุเลสุ ชาตา อคติคมนวิรตา อฏฺมหลฺลกปุริสา อฏฺกุลิกา.
สกฺการนฺติ อุปการํ. ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวาติ ‘‘อิเม อมฺหากํ ครุโน’’ติ ตตฺถ ครุภาวํ ปติ ปติ อุปฏฺเปตฺวา. มาเนนฺตีติ สมฺมาเนนฺติ, ตํ ปน สมฺมานนํ เตสุ เนสํ อตฺตมนตาปุพฺพกนฺติ อาห ‘‘มเนน ปิยายนฺตี’’ติ. นิปจฺจการนฺติ ปณิปาตํ. ทสฺเสนฺตีติ ‘‘อิเม อมฺหากํ ปิตามหา ¶ , มาตามหา’’ติอาทินา นีจจิตฺตา หุตฺวา ครุจิตฺตาการํ ทสฺเสนฺติ. สนฺธาเรตุนฺติ สมฺพนฺธํ อวิจฺฉินฺนํ กตฺวา ฆเฏตุํ.
ปสยฺหาการสฺสาติ พลกฺการสฺส. กามํ วุทฺธิยา ปูชนียตาย ‘‘วุทฺธิหานิโย’’ติ วุตฺตํ, อตฺโถ ปน วุตฺตานุกฺกเมเนว โยเชตพฺโพ, ปาฬิยํ วา ยสฺมา ‘‘วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขา, โน ปริหานี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตทนุกฺกเมน ‘‘วุทฺธิหานิโย’’ติ วุตฺตํ.
วิปจฺจิตุํ อลทฺโธกาเส ปาปกมฺเม, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเก วา อนวสโรว เทวโตปสคฺโค, ตสฺมึ ปน ลทฺโธกาเส สิยา เทวโตปสคฺคสฺส อวสโรติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนํ…เป… วฑฺเฒนฺตี’’ติ. เอเตเนว อนุปฺปนฺนํ สุขนฺติ เอตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘พลกายสฺส ทิคุณติคุณตาทสฺสนํ, ปฏิภยภาวทสฺสน’’นฺติ เอวํ อาทินา เทวตานํ สงฺคามสีเส สหายตา เวทิตพฺพา.
อนิจฺฉิตนฺติ อนิฏฺํ. อาวรณโตติ นิเสธนโต. ยสฺส ธมฺมโต อนเปตา ธมฺมิยาติ อิธ ‘‘ธมฺมิกา’’ติ วุตฺตา. มิคสูกราทิฆาตาย สุนขาทีนํ กฑฺฒิตฺวา วนจรณํ วาโช, มิควา, ตตฺถ นิยุตฺตา, เต วา วาเชนฺติ เนนฺตีติ วาชิกา, มิควธจาริโน. จิตฺตปฺปวตฺตึ ปุจฺฉติ. กายิกวาจสิกปโยเคน หิ สา โลเก ปากฏา ปกาสภูตาติ.
๑๓๕. เทวายตนภาเวน จิตตฺตา, โลกสฺส จิตฺตีการฏฺานตฺตา จ เจติยํ อโหสิ.
กามํการวเสน กิฺจิปิ น กรณียาติ อกรณียา. กามํกาโร ปน หตฺถคตกรณวเสนาติ ¶ อาห ‘‘อคฺคเหตพฺพาติ อตฺโถ’’ติ. อภิมุขยุทฺเธนาติ อภิมุขํ อุชุกเมว สงฺคามกรเณน. อุปลาปนํ ¶ สามํ ทานฺจาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เภโทปิ อิธ อุปาโย เอวาติ วุตฺตํ ‘‘อฺตฺร มิถุเภทายา’’ติ. ยุทฺธสฺส ปน อนุปายตา ¶ ปเคว ปกาสิตา. อิทนฺติ ‘‘อฺตฺร อุปลาปนาย, อฺตฺร มิถุเภทา’’ติ จ อิทํ วจนํ. กถาย นยํ ลภิตฺวาติ ‘‘ยาวกีวฺจ…เป… โน ปริหานี’’ติ อิมาย ภควโต กถาย นยํ อุปายํ ลภิตฺวา.
อนุกมฺปายาติ วชฺชิราเชสุ อนุคฺคเหน. อสฺสาติ ภควโต.
กถนฺติ วชฺชีหิ สทฺธึ กาตพฺพยุทฺธกถํ. อุชุํ กริสฺสามีติ ปฏิราชาโน อาเนตฺวา ปาการปริขานํ อฺถาภาวาปาทเนน อุชุภาวํ กริสฺสามิ.
ปติฏฺิตคุโณติ ปติฏฺิตาจริยคุโณ. อิสฺสรา สนฺนิปตนฺตุ, มยํ อนิสฺสรา, ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสามาติ ลิจฺฉวิโน น สนฺนิปตึสูติ โยชนา. สูรา สนฺนิปตนฺตูติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
พลเภรินฺติ ยุทฺธาย พลกายสฺส อุฏฺานเภรึ.
ภิกฺขุอปริหานิยธมฺมวณฺณนา
๑๓๖. อปริหานาย หิตาติ อปริหานิยา, น ปริหายนฺติ เอเตหีติ วา อปริหานิยา, เต ปน ยสฺมา อปริหานิยา การกา นาม โหนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อปริหานิกเร’’ติ. ยสฺมา ปน เต ปริหานิกรานํ อุชุปฏิปกฺขภูตา, ตสฺมา อาห ‘‘วุทฺธิเหตุภูเต’’ติ. ยสฺมา ภควโต เทสนา อุปรูปริ าณาโลกํ ปสาเทนฺตี สตฺตานํ หทยนฺธการํ วิธมติ, ปกาเสตพฺเพ จ อตฺเถ หตฺถตเล อามลกํ วิย สุฏฺุตรํ ปากเฏ กตฺวา ทสฺเสติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จนฺทสหสฺสํ…เป… กถยิสฺสามี’’ติ.
ยสฺมา ภควา ‘‘ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สมฺมุขา วชฺชีนํ อภิณฺหสนฺนิปาตาทิปฏิปตฺตึ กเถนฺโตเยว อยํ อปริหานิยกถา อนิยฺยานิกา วฏฺฏนิสฺสิตา, มยฺหํ ปน สาสเน ตถารูปี กถา กเถตพฺพา, สา โหติ นิยฺยานิกา วิวฏฺฏนิสฺสิตา, ยาย สาสนํ มยฺหํ ปรินิพฺพานโต ปรมฺปิ ¶ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติก’’นฺติ จินฺเตสิ, ตสฺมา ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา เตสํ อปริหานิเย ธมฺเม เทเสนฺโต เตเนว นิยาเมน เทเสสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิทํ วชฺชิสตฺตเก วุตฺตสทิสเมวา’’ติ. เอวํ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ ¶ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อิธาปิ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ตโต’’ติอาทิ ¶ ทิสาสุ อาคตสาสเน วุตฺตํ ตํ กถนํ. วิหารสีมา อากุลา ยสฺมา, ตสฺมา อุโปสถปวารณา ิตา.
โอลียมานโกติ ปาฬิโต, อตฺถโต จ วินสฺสมาโน. อุกฺขิปาเปนฺตาติ ปคุณภาวกรเณน, อตฺถสํวณฺณเนน จ ปคฺคณฺหนฺตา.
สาวตฺถิยํ ภิกฺขู วิย ปาจิตฺติยํ เทสาเปตพฺโพติ (ปารา. ๕๖๕ วิตฺถารวตฺถุ). วชฺชิปุตฺตกา วิย ทสวตฺถุทีปเนน (จูฬว. ๔๔๖ วิตฺถารวตฺถุ). ‘‘คิหิคตานีติ คิหิปฏิสํยุตฺตานี’’ติ วทนฺติ. คิหีสุ คตานิ, เตหิ าตานิ คิหิคตานิ. ธูมกาโล เอตสฺสาติ ธูมกาลิกํ จิตกธูมวูปสมโต ปรํ อปฺปวตฺตนโต.
ถิรภาวปฺปตฺตาติ สาสเน ถิรภาวํ อนิวตฺติตภาวํ อุปคตา. เถรการเกหีติ เถรภาวสาธเกหิ สีลาทิคุเณหิ อเสกฺขธมฺเมหิ. พหู รตฺติโยติ ปพฺพชิตา หุตฺวา พหู รตฺติโย ชานนฺติ. สีลาทิคุเณสุ ปติฏฺาปนเมว สาสเน ปริณายกตาติ อาห ‘‘ตีสุ สิกฺขาสุ ปวตฺเตนฺตี’’ติ.
โอวาทํ น เทนฺติ อภาชนภาวโต. ปเวณีกถนฺติ อาจริยปรมฺปราภตํ สมฺมาปฏิปตฺติทีปนํ ธมฺมกถํ. สารภูตํ ธมฺมปริยายนฺติ สมถวิปสฺสนามคฺคผลสมฺปาปเนน สารภูตํ โพชฺฌงฺคโกสลฺลอนุตฺตรสีตีภาวอธิจิตฺตสุตฺตาทิธมฺมตนฺตึ.
ปุนพฺภวทานํ ปุนพฺภโว อุตฺตรปทโลเปน. อิตเรติ เย น ปจฺจยวสิกา น อามิสจกฺขุกา, เต น คจฺฉนฺติ ตณฺหาย วสํ.
อารฺเกสูติ อรฺภาเคสุ อรฺปริยาปนฺเนสุ. นนุ ยตฺถ กตฺถจิปิ ตณฺหา สาวชฺชา เอวาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘คามนฺตเสนาสเนสุ หี’’ติอาทิ, เตน ‘‘อนุตฺตเรสุ วิโมกฺเขสุ ปิหํ อุปฏฺาปยโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตสิเนหาทโย วิย อารฺเกสุ เสนาสเนสุ สาลยตา เสวิตพฺพปกฺขิยา เอวาติ ทสฺเสติ.
อตฺตนาวาติ ¶ ¶ สยเมว, เตน ปเรหิ อนุสฺสาหิตานํ สรเสเนว อนาคตานํ เปสลานํ ภิกฺขูนํ อาคมนํ, อาคตานฺจ ผาสุวิหารํ ปจฺจาสิสนฺตีติ ทสฺเสติ. อิมินา นีหาเรนาติ อิมาย ปฏิปตฺติยา. อคฺคหิตธมฺมคฺคหณนฺติ ¶ อคฺคหิตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส อุคฺคหณํ. คหิตสชฺฌายกรณนฺติ อุคฺคหิตสฺส สุฏฺุ อตฺถจินฺตนํ. จินฺตนตฺโถ หิ สชฺฌายสทฺโท.
เอนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ. นิสีทนฺติ อาสนปฺาปนาทินา.
๑๓๗. อารมิตพฺพฏฺเน กมฺมํ อาราโม. กมฺเม รตา, น คนฺถธุเร, วาสธุเร วาติ กมฺมรตา, อนุยุตฺตาติ ตปฺปรภาเวน ปุนปฺปุนํ ปสุตา. อิติ กาตพฺพกมฺมนฺติ ตํ ตํ ภิกฺขูนํ กาตพฺพํ อุจฺจาวจกมฺมํ จีวรวิจารณาทิ. เตนาห ‘‘เสยฺยถิท’’นฺติอาทิ. อุปตฺถมฺภนนฺติ ทุปฏฺฏติปฏฺฏาทิกรณํ. ตฺหิ ปมปฏลาทีนํ อุปตฺถมฺภนการณตฺตา ตถา วุตฺตํ. ยทิ เอวํ กถํ อยํ กมฺมรามตา ปฏิกฺขิตฺตาติ อาห ‘‘เอกจฺโจ หี’’ติอาทิ.
กโรนฺโต เยวาติ ยถาวุตฺตติรจฺฉานกถํ กเถนฺโตเยว. อติรจฺฉานกถาภาเวปิ ตสฺส ตตฺถ ตปฺปรภาวทสฺสนตฺถํ อวธารณวจนํ. ปริยนฺตการีติ สปริยนฺตํ กตฺวา วตฺตา. ‘‘ปริยนฺตวตึ วาจํ ภาสิตา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙, ๑๙๔) หิ วุตฺตํ. อปฺปภสฺโส วาติ ปริมิตกโถเยว เอกนฺเตน กเถตพฺพสฺเสว กถนโต. สมาปตฺติสมาปชฺชนํ อริโย ตุณฺหีภาโว.
นิทฺทายติเยวาติ ¶ นิทฺโทกฺกมเน อนาทีนวทสฺสี นิทฺทายติเยว. อิริยาปถปริวตฺตนาทินา น นํ วิโนเทติ.
เอวํ สํสฏฺโ วาติ วุตฺตนเยน คณสงฺคณิกาย สํสฏฺโ เอว วิหรติ.
ทุสฺสีลา ปาปิจฺฉา นามาติ สยํ นิสฺสีลา อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย สมนฺนาคตตฺตา ปาปา ลามกา อิจฺฉา เอเตสนฺติ ปาปิจฺฉา.
ปาปปุคฺคเลหิ เมตฺติกรณโต ปาปมิตฺตา. เตหิ สทา สห ปวตฺตเนน ปาปสหายา. ตตฺถ นินฺนตาทินา ตทธิมุตฺตตาย ปาปสมฺปวงฺกา.
๑๓๘. สทฺธา เอเตสํ อตฺถีติ สทฺธาติ อาห ‘‘สทฺธาสมฺปนฺนา’’ติ. อาคมนียปฏิปทาย อาคตสทฺธา ¶ อาคมนียสทฺธา, สา สาติสยา มหาโพธิสตฺตานํ ปโรปเทเสน วินา สทฺเธยฺยวตฺถุํ อวิปรีตโต โอคาเหตฺวา ¶ อธิมุจฺจนโตติ อาห ‘‘สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ โหตี’’ติ. สจฺจปฏิเวธโต อาคตสทฺธา อธิคมสทฺธา สุรพนฺธาทีนํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๑๘; ธ. ป. อฏฺ. ๑.สุปฺปพุทฺธกุฏฺิวตฺถุ; อุทา. อฏฺ. ๔๓) วิย. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา พุทฺธาทีสุ อุปฺปชฺชนกปสาโท ปสาทสทฺธา มหากปฺปินราชาทีนํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๓๑; ธ. ป. อฏฺ. ๑.มหากปฺปินตฺเถรวตฺถุ; เถรคา. อฏฺ. ๒.มหากปฺปินตฺเถรคาถาวณฺณนา, วิตฺถาโร) วิย. ‘‘เอวเมต’’นฺติ โอกฺกนฺติตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา สทฺทหนวเสน กปฺปนํ โอกปฺปนํ. ทุวิธาปีติ ปสาทสทฺธาปิ โอกปฺปนสทฺธาปิ. ตตฺถ ปสาทสทฺธา อปรเนยฺยรูปา โหติ สวนมตฺเตน ปสีทนโต. โอกปฺปนสทฺธา สทฺเธยฺยวตฺถุํ โอคาเหตฺวา อนุปวิสิตฺวา ‘‘เอวเมต’’นฺติ ปจฺจกฺขํ กโรนฺตี วิย ปวตฺตติ. เตนาห ‘‘สทฺธาธิมุตฺโต วกฺกลิตฺเถรสทิโส โหตี’’ติ. ตสฺส หีติ โอกปฺปนสทฺธาย สมนฺนาคตสฺส. หิรี เอตสฺส อตฺถีติ หิริ, หิริ มโน เอเตสนฺติ หิริมนาติ อาห ‘‘ปาป…เป… จิตฺตา’’ติ. ปาปโต โอตฺตปฺเปนฺติ อุพฺพิชฺชนฺติ ภายนฺตีติ โอตฺตปฺปี.
พหุ สุตํ สุตฺตเคยฺยาทิ เอเตนาติ พหุสฺสุโต, สุตคฺคหณํ เจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ ธารณปริจยปริปุจฺฉานุเปกฺขนทิฏฺินิชฺฌานานํ ¶ เปตฺถ อิจฺฉิตพฺพตฺตา. สวนมูลกตฺตา วา เตสมฺปิ ตคฺคหเณเนว คหณํ ทฏฺพฺพํ. อตฺถกาเมน ปริยาปุณิตพฺพโต, ทิฏฺธมฺมิกาทิปุริสตฺถสิทฺธิยา ปริยตฺตภาวโต จ ปริยตฺติ, ตีณิ ปิฏกานิ. สจฺจปฺปฏิเวโธ สจฺจานํ ปฏิวิชฺฌนํ. ตทปิ พาหุสจฺจํ ยถาวุตฺตพาหุสจฺจกิจฺจนิปฺผตฺติโต. ปริยตฺติ อธิปฺเปตา สจฺจปฏิเวธาวเหน พาหุสจฺเจน พหุสฺสุตภาวสฺส อิธ อิจฺฉิตตฺตา. โสติ ปริยตฺติพหุสฺสุโต. จตุพฺพิโธ โหติ ปฺจมสฺส ปการสฺส อภาวโต. สพฺพตฺถกพหุสฺสุโตติ นิสฺสยมุจฺจนกพหุสฺสุตาทโย วิย ปเทสิโก อหุตฺวา ปิฏกตฺตเย สพฺพตฺถกเมว พาหุสจฺจสพฺภาวโต สพฺพสฺส อตฺถสฺส กายนโต กถนโต สพฺพตฺถกพหุสฺสุโต. เต อิธ อธิปฺเปตา ปฏิปตฺติปฏิเวธสทฺธมฺมานํ มูลภูเต ปริยตฺติสทฺธมฺเม สุปฺปติฏฺิตภาวโต.
อารทฺธนฺติ ปคฺคหิตํ. ตํ ปน ทุวิธมฺปิ วีริยารมฺภวิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกกาติ เอกากิโน, วูปกฏฺวิหาริโนติ อตฺโถ.
ปุจฺฉิตฺวาติ ¶ ปรโต ปุจฺฉิตฺวา. สมฺปฏิจฺฉาเปตุนฺติ ‘‘ตฺวํ อสุกนาโม’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘อามา’’ติ ปฏิชานาเปตุนฺติ อตฺโถ. เอวํ จิรกตาทิอนุสฺสรณสมตฺถสติเนปกฺกานํ อปฺปกสิเรเนว ¶ สติสมฺโพชฺฌงฺคภาวนาปาริปูรึ คจฺฉตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘เอวรูเป ภิกฺขู สนฺธายา’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘อปิจา’’ติอาทิ.
๑๓๙. พุชฺฌติ เอตายาติ ‘‘โพธี’’ติ ลทฺธนามาย สมฺมาทิฏฺิอาทิธมฺมสามคฺคิยา องฺโคติ โพชฺฌงฺโค, ปสตฺโถ, สุนฺทโร วา โพชฺฌงฺโค สมฺโพชฺฌงฺโค. อุปฏฺานลกฺขโณติ กายเวทนาจิตฺตธมฺมานํ อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตภาวสลฺลกฺขณสงฺขาตํ อารมฺมเณ อุปฏฺานํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อุปฏฺานลกฺขโณ. จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ปีฬนาทิปฺปการโต วิจโย อุปปริกฺขา ลกฺขณํ เอตสฺสาติ ปวิจยลกฺขโณ. อนุปฺปนฺนา กุสลานุปฺปาทนาทิวเสน จิตฺตสฺส ¶ ปคฺคโห ปคฺคณฺหนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ ปคฺคหลกฺขโณ. ผรณํ วิปฺผาริกตา ลกฺขณํ เอตสฺสาติ ผรณลกฺขโณ. อุปสโม กายจิตฺตปริฬาหานํ วูปสมนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อุปสมลกฺขโณ. อวิกฺเขโป วิกฺเขปวิทฺธํสนํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ อวิกฺเขปลกฺขโณ. ลีนุทฺธจฺจรหิเต อธิจิตฺเต ปวตฺตมาเน ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฏตฺตา อชฺฌุเปกฺขนํ ปฏิสงฺขานํ ลกฺขณํ เอตสฺสาติ ปฏิสงฺขานลกฺขโณ.
จตูหิ การเณหีติ สติสมฺปชฺํ, มุฏฺสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนา, อุปฏฺิตสฺสติปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ. ฉหิ การเณหีติ ปริปุจฺฉกตา, วตฺถุวิสทกิริยา, อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา, ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา, ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ ฉหิ การเณหิ. มหาสติปฏฺานวณฺณนายํ ปน ‘‘สตฺตหิ การเณหี’’ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๑๘) วกฺขติ, ตํ คมฺภีราณจริยาปจฺจเวกฺขณาติ อิมํ การณํ ปกฺขิปิตฺวา เวทิตพฺพํ. นวหิ การเณหีติ อปายภยปจฺจเวกฺขณา, คมนวีถิปจฺจเวกฺขณา, ปิณฺฑปาตสฺส อปจายนตา, ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สพฺรหฺมจารีมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนา, อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ นวหิ การเณหิ. มหาสติปฏฺานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๑๘) ปน ¶ อานิสํสทสฺสาวิตา, ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ อิเมหิ สทฺธึ ‘‘เอกาทสา’’ติ วกฺขติ. ทสหิ การเณหีติ พุทฺธานุสฺสติ, ธมฺมานุสฺสติ, สงฺฆสีลจาคเทวตาอุปสมานุสฺสติ, ลูขปุคฺคลปริวชฺชนา, สินิทฺธปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ ทสหิ. มหาสติปฏฺานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๑๘) ปน ปสาทนิยสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณาย สทฺธึ ‘‘เอกาทสา’’ติ วกฺขติ. สตฺตหิ การเณหีติ ปณีตโภชนเสวนตา ¶ , อุตุสุขเสวนตา, อิริยาปถสุขเสวนตา, มชฺฌตฺตปโยคตา, สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนตา ¶ , ปสฺสทฺธกายปุคฺคลเสวนตา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ สตฺตหิ. ทสหิ การเณหีติ วตฺถุวิสทกิริยา, อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา, นิมิตฺตกุสลตา, สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคหณํ, สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคหณํ, สมเย จิตฺตสฺส สมฺปหํสนํ, สมเย จิตฺตสฺส อชฺฌุเปกฺขนํ, อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนํ, สมาหิตปุคฺคลเสวนํ, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ ทสหิ การเณหิ. มหาสติปฏฺานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๑๘) ปน ‘‘ฌานวิโมกฺขปจฺจเวกฺขณา’’ติ อิมินา สทฺธึ ‘‘เอกาทสหี’’ติ วกฺขติ. ปฺจหิ การเณหีติ สตฺตมชฺฌตฺตตา, สงฺขารมชฺฌตฺตตา, สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนา, สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตาติ อิเมหิ ปฺจหิ การเณหิ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ มหาสติปฏฺานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๕; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๑๘) อาคมิสฺสติ. กามํ โพธิปกฺขิยธมฺมา นาม นิปฺปริยายโต อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา เอว นิยฺยานิกภาวโต. สุตฺตนฺตเทสนา นาม ปริยายกถาติ ‘‘อิมินา วิปสฺสนา…เป… กเถสี’’ติ วุตฺตํ.
๑๔๐. เตภูมเก สงฺขาเร ‘‘อนิจฺจา’’ติ อนุปสฺสติ เอตายาติ อนิจฺจานุปสฺสนา, ตถา ปวตฺตา วิปสฺสนา, สา ปน ยสฺมา อตฺตนา สหคตสฺาย ภาวิตาย วิภาวิตา เอว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาย สทฺธึ อุปฺปนฺนสฺา’’ติ. สฺาสีเสน วายํ วิปสฺสนาย เอว นิทฺเทโส. อนตฺตสฺาทีสุปิ เอเสว นโย. โลกิยวิปสฺสนาปิ โหนฺติ, ยสฺมา ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา ตา ปวตฺตนฺตีติ. โลกิยวิปสฺสนาปีติ ปิ-สทฺเทน มิสฺสกาเปตฺถ สนฺตีติ อตฺถโต อาปนฺนนฺติ อตฺถาปตฺติสิทฺธมตฺถํ นิทฺธาเรตฺวา สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘วิราโค’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาคตวเสนาติ ตถา อาคตปาฬิวเสน ‘‘วิราโค นิโรโธ’’ติ หิ ตตฺถ ¶ นิพฺพานํ วุตฺตนฺติ อิธ ¶ ‘‘วิราคสฺา, นิโรธสฺา’’ติ วุตฺตสฺา นิพฺพานารมฺมณาปิ สิยุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทฺเว โลกุตฺตราปิ โหนฺตี’’ติ.
๑๔๑. เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, จิตฺตํ. ตํสมุฏฺานํ กายกมฺมํ เมตฺตํ กายกมฺมํ. เอส นโย เสสทฺวเยปิ. อิมานิปิ เมตฺตากายกมฺมาทีนิ ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ เตสํ เสฏฺปริสภาวโต. ยถา ปน ภิกฺขูสุปิ ลพฺภนฺติ, เอวํ คิหีสุปิ ลพฺภนฺติ จตุปริสสาธารณตฺตาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขูนฺหี’’ติอาทิมาห. กามํ อาทิพฺรหฺมจริยกธมฺมสฺสวเนนปิ เมตฺตากายกมฺมานิ ลพฺภนฺติ, นิปฺปริยายโต ปน จาริตฺตธมฺมสฺสวเนน อยมตฺโถ อิจฺฉิโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาภิสมาจาริกธมฺมปูรณ’’นฺติ อาห. เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ ปริปุจฺฉนอตฺถกถนวเสน ปวตฺติยมานํ หิตชฺฌาสเยน ปวตฺติตพฺพโต.
อาวีติ ¶ ปกาสํ, ปกาสภาโว เจตฺถ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส สมฺมุขภาวโตติ อาห ‘‘สมฺมุขา’’ติ. รโหติ อปฺปกาสํ, อปฺปกาสตา จ ยํ อุทฺทิสฺส ตํ กายกมฺมํ กรียติ, ตสฺส ปจฺจกฺขาภาวโตติ อาห ‘‘ปรมฺมุขา’’ติ. สหายภาวคมนํ เตสํ ปุรโต. อุภเยหีติ นวเกหิ, เถเรหิ จ.
ปคฺคยฺหาติ ปคฺคณฺหิตฺวา อุจฺจํ กตฺวา.
กามํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานํ นยนานํ อุมฺมีลนา, ปสนฺเนน มุเขน โอโลกนฺจ เมตฺตํ กายกมฺมเมว, ยสฺส ปน จิตฺตสฺส วเสน นยนานํ เมตฺตาสิเนหสินิทฺธตา, มุขสฺส จ ปสนฺนตา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เมตฺตํ มโนกมฺมํ นามา’’ติ.
ลาภสทฺโท กมฺมสาธโน ‘‘ลาภาวต, ลาโภ ลทฺโธ’’ติอาทีสุ วิย, โส เจตฺถ ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ วจนโต อตีตกาลิโกติ อาห ‘‘จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา’’ติ. ธมฺมโต ¶ อาคตาติ ธมฺมิกา. เตนาห ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ. อิมเมว หิ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘กุหนาที’’ติอาทิ วุตฺตํ. จิตฺเตน วิภชนปุพฺพกํ กาเยน วิภชนนฺติ มูลเมว ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ จิตฺเตน วิภชน’’นฺติ วุตฺตํ, เตน จิตฺตุปฺปาทมตฺเตนปิ ปฏิวิภาโค น กาตพฺโพติ ทสฺเสติ. อปฺปฏิวิภตฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, อปฺปฏิวิภตฺตํ วา ลาภํ ภฺุชตีติ กมฺมนิทฺเทโส เอว.
ตํ ¶ ตํ เนว คิหีนํ เทติ อตฺตโน อาชีวโสธนตฺถํ. น อตฺตนา ภฺุชตีติ อตฺตนาว น ปริภฺุชติ ‘‘มยฺหํ อสาธารณโภคิตา มา โหตู’’ติ. ‘‘ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ…เป… ปสฺสตี’’ติ อิมินา ตสฺส ลาภสฺส ตีสุปิ กาเลสุ สาธารณโต ปนํ ทสฺสิตํ. ‘‘ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ สงฺเฆน สาธารณํ โหตู’’ติ อิมินา ปฏิคฺคหณกาโล ทสฺสิโต, ‘‘คเหตฺวา…เป… ปสฺสตี’’ติ อิมินา ปฏิคฺคหิตกาโล, ตทุภยํ ปน ตาทิเสน ปุพฺพาโภเคน วินา น โหตีติ อตฺถสิทฺโธ ปุริมกาโล. ตยิทํ ปฏิคฺคหณโต ปุพฺเพ วสฺส โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคเหสฺสามี’’ติ. ปฏิคฺคณฺหนฺตสฺส โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคณฺหามี’’ติ. ปฏิคฺคเหตฺวา โหติ ‘‘สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ ปฏิคฺคหิตํ มยา’’ติ เอวํ ติลกฺขณสมฺปนฺนํ กตฺวา ลทฺธลาภํ โอสานลกฺขณํ อวิโกเปตฺวา ปริภฺุชนฺโต สาธารณโภคี, อปฺปฏิวิภตฺตโภคี จ โหติ.
อิมํ ปน สารณียธมฺมนฺติ อิมํ จตุตฺถํ สริตพฺพยุตฺตธมฺมํ. น หิ…เป… คณฺหนฺติ, ตสฺมา ¶ สาธารณโภคิตา เอว ทุสฺสีลสฺส นตฺถีติ อารมฺโภปิ ตาว น สมฺภวติ, กุโต ปูรณนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปริสุทฺธสีโล’’ติ อิมินา ลาภสฺส ธมฺมิกภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘วตฺตํ อขณฺเฑนฺโต’’ติ อิมินา อปฺปฏิวิภตฺตโภคิตํ, สาธารณโภคิตฺจ ทสฺเสติ. สติ ปน ตทุภเย สารณียธมฺโม ปูริโต เอว โหตีติ อาห ‘‘ปูเรตี’’ติ. ‘‘โอทิสฺสกํ ¶ กตฺวา’’ติ เอเตน อโนทิสฺสกํ กตฺวา ปิตุโน, อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เถราสนโต ปฏฺาย เทนฺตสฺส สารณียธมฺโมเยว โหตีติ. สารณียธมฺโม ปนสฺส น โหตีติ ปฏิชคฺคนฏฺาเน โอทิสฺสกํ กตฺวา ทินฺนตฺตา. เตนาห ‘‘ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหตี’’ติอาทิ. ยทิ เอวํ สพฺเพน สพฺพํ สารณียธมฺมปูรกสฺส โอทิสฺสกทานํ น วฏฺฏตีติ? โน น วฏฺฏติ ยุตฺตฏฺาเนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตน ปนา’’ติอาทิมาห. คิลานาทีนํ โอทิสฺสกํ กตฺวา ทานํ อปฺปฏิวิภาคปกฺขิกํ ‘‘อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ ปฏิกฺเขปสฺส อภาวโต. พฺยติเรกปฺปธาโน หิ ปฏิวิภาโค. เตนาห ‘‘อวเสส’’นฺติอาทิ. อทาตุมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ทาตุมฺปิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ, ตฺจ โข กรุณายนวเสน, น วตฺตปูรณวเสน.
สุสิกฺขิตายาติ สารณียธมฺมปูรณวิธิมฺหิ สุฏฺุ สิกฺขิตาย, สุกุสลายาติ อตฺโถ. อิทานิ ตสฺสา โกสลฺลํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุสิกฺขิตาย หี’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ‘‘ทฺวาทสหิ วสฺเสหิ ปูรติ, น ตโต โอร’’นฺติ อิมินา ตสฺส ทุปฺปูรณํ ทสฺเสติ. ตถา หิ โส มหปฺผโล มหานิสํโส, ทิฏฺธมฺมิเกหิปิ ตาว ครุตเรหิ ผลานิสํเสหิ จ อนุคโต. ตํสมงฺคี จ ปุคฺคโล วิเสสลาภี อริยปุคฺคโล วิย โลเก อจฺฉริยพฺภุตธมฺมสมนฺนาคโต โหติ. ตถา หิ โส ทุปฺปชหํ ทานมยสฺส, สีลมยสฺส จ ปฺุสฺส ปฏิปกฺขธมฺมํ สุทูเร วิกฺขมฺภิตํ กตฺวา สุวิสุทฺเธน เจตสา โลเก ปากโฏ ปฺาโต หุตฺวา วิหรติ, ตสฺสิมมตฺถํ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิทานิ เย สมฺปรายิเก, ทิฏฺธมฺมิเก จ อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เนว อิสฺสา, น มจฺฉริยํ โหติ จิรกาลภาวนาย วิธุตภาวโต. มนุสฺสานํ ปิโย โหติ ปริจฺจาคสีลตาย วิสุทฺธตฺตา. เตนาห ‘‘ททํ ปิโย โหติ ภชนฺติ นํ พหู’’ติอาทิ ¶ (อ. นิ. ๕.๓๔). สุลภปจฺจโย โหติ ทานวเสน อุฬารชฺฌาสยานํ ปจฺจยลาภสฺส อิธานิสํสภาวโต ทานสฺส. ปตฺตคตํ อสฺส ทิยฺยมานํ น ขียติ ปตฺตคตวเสน ทฺวาทสวสฺสิกสฺส มหาปตฺตสฺส อวิจฺเฉเทน ปูริตตฺตา. อคฺคภณฺฑํ ลภติ เทวสิกํ ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺคโต ปฏฺาย ทานสฺส ทินฺนตฺตา. ภเยวา…เป… อาปชฺชนฺติ เทยฺยปฏิคฺคาหกวิกปฺปํ ¶ อกตฺวา อตฺตนิ นิรเปกฺขจิตฺเตน จิรกาลํ ทานปูรตาย ปสาทิตจิตฺตตฺตา.
ตตฺราติ เตสุ อานิสํเสสุ วิภาเวตพฺเพสุ. อิมานิ ตํ ทีปนานิ วตฺถูนิ การณานิ. อลภนฺตาปีติ อมหาปฺุตาย น ลาภิโน สมานาปิ. ภิกฺขาจารมคฺคสภาคนฺติ สภาคํ ตพฺภาคิยํ ภิกฺขาจารมคฺคํ ชานนฺติ.
อนุตฺตริมนุสฺสธมฺมตฺตา, เถรานํ สํสยวิโนทนตฺถฺจ ‘‘สารณียธมฺโม เม ภนฺเต ปูริโต’’ติ อาห. ตถา หิ ทุติยวตฺถุสฺมิมฺปิ เถเรน อตฺตา ปกาสิโต. มนุสฺสานํ ปิยตาย, สุลภปจฺจยตายปิ อิทํ วตฺถุเมว. ปตฺตคตาขียนสฺส ปน วิเสสํ วิภาวนโต ‘‘อิทํ ตาว…เป… เอตฺถ วตฺถุ’’นฺติ วุตฺตํ.
คิริภณฺฑมหาปูชายาติ ¶ เจติยคิริมฺหิ สกลลงฺกาทีเป, โยชนปฺปมาเณ สมุทฺเท จ นาวาสงฺฆาฏาทิเก เปตฺวา ทีปปุปฺผคนฺธาทีหิ กริยมานมหาปูชายํ. ปริยาเยนปีติ เลเสนปิ. อนุจฺฉวิกนฺติ สารณียธมฺมปูรณโตปิ อิทํ ยถาภูตปฺปเวทนํ ตุมฺหากํ อนุจฺฉวิกนฺติ อตฺโถ.
อนาโรเจตฺวาว ปลายึสุ โจรภเยน. ‘‘อตฺตโน ทุชฺชีวิกายา’’ติ จ วทนฺติ.
วฏฺฏิสฺสตีติ กปฺปิสฺสติ. เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ, เถรสฺส ปน สีลเตเชเนว เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิ.
นตฺถิ ¶ เอเตสํ ขณฺฑนฺติ อขณฺฑานิ. ตํ ปน เนสํ ขณฺฑํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุปสมฺปนฺนสีลานํ อุทฺเทสกฺกเมน อาทิ อนฺตา เวทิตพฺพา. เตนาห ‘‘สตฺตสู’’ติอาทิ. อนุปสมฺปนฺนสีลานํ ปน สมาทานกฺกเมนปิ อาทิ อนฺตา ลพฺภนฺติ. ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิยาติ วตฺถนฺเต, ทสนฺเต วา ฉินฺนวตฺถํ วิย, วิสทิสูทาหรณํ เจตํ ‘‘อขณฺฑานี’’ติ อิมสฺส อธิคตตฺตา. เอวํ เสสานิปิ อุทาหรณานิ. ขณฺฑิตภินฺนตา ขณฺฑํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ ขณฺฑํ, สีลํ. ‘‘ฉิทฺท’’นฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เวมชฺเฌ ภินฺนํ วินิวิชฺฌนวเสน วิสภาควณฺเณน คาวี วิยาติ สมฺพนฺโธ. สพลรหิตานิ อสพลานิ. ตถา อกมฺมาสานิ. สีลสฺส ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยภาวาปาทนํ. ยสฺมา จ ตํสมงฺคีปุคฺคโล เสรี สยํวสี ภุชิสฺโส นาม โหติ, ตสฺมาปิ ภุชิสฺสานิ. เตเนวาห ‘‘ภุชิสฺสภาวการณโต ¶ ภุชิสฺสานี’’ติ. สุปริสุทฺธภาเวน ปาสํสตฺตา วิฺุปสตฺถานิ. อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภเวยฺยํ, เทวฺตโร วา, ตตฺถ ‘‘นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต’’ติ, ‘‘สีเลน สุทฺธี’’ติ จ เอวํ อาทินา ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตา. ‘‘อยํ เต สีเลสุ โทโส’’ติ จตูสุปิ วิปตฺตีสุ ยาย กายจิ วิปตฺติยา ทสฺสเนน ปรามฏฺุํ อนุทฺธํเสตุํ. สมาธิสํวตฺตนปฺปโยชนานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ.
สมานภาวูปคตสีลาติ สีลสมฺปตฺติยา สมานภาวํ อุปคตสีลา สภาควุตฺติกา. กามํ ปุถุชฺชนานฺจ จตุปาริสุทฺธิสีเล นานตฺตํ น สิยา, ตํ ¶ ปน น เอกนฺติกํ, อิทํ เอกนฺติกํ นิยตภาวโตติ อาห ‘‘นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺต’’นฺติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ มคฺคสีลํ สนฺธาย เอตํ ‘‘ยานิ ตานิ สีลานี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ยายนฺติ ยา อยํ มยฺหฺเจว ตุมฺหากฺจ ปจฺจกฺขภูตา ¶ . ทิฏฺีติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิ. นิทฺโทสาติ นิธุตโทสา, สมุจฺฉินฺนราคาทิปาปธมฺมาติ อตฺโถ. นิยฺยาตีติ วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรติ นิคจฺฉติ. สยํ นิยฺยนฺตสฺเสว หิ ‘‘ตํสมงฺคีปุคฺคลํ วฏฺฏทุกฺขโต นิยฺยาเปตี’’ติ วุจฺจติ. ยา สตฺถุ อนุสิฏฺิ, ตํ กโรตีติ ตกฺกโร, ตสฺส, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนกสฺสาติ อตฺโถ. สมานทิฏฺิภาวนฺติ สทิสทิฏฺิภาวํ สจฺจสมฺปฏิเวเธน อภินฺนทิฏฺิภาวํ. วุทฺธิเยวาติ อริยวินเย คุเณหิ วุฑฺฒิเยว, โน ปริหานีติ อยํ อปริหานิยธมฺมเทสนา อตฺตโนปิ สาสนสฺส อทฺธนิยตํ อากงฺขนฺเตน ภควตา อิธ เทสิตา.
๑๔๒. อาสนฺนปรินิพฺพานตฺตาติ กติปยมาสาธิเกน สํวจฺฉรมตฺเตน ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสตีติ กตฺวา วุตฺตํ. เอตํเยวาติ ‘‘อิติ สีล’’นฺติอาทิกํเยว อิติ สีลนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, ปริมาณตฺโถ จ เอกชฺฌํ กตฺวา คหิโตติ อาห ‘‘เอวํ สีลํ เอตฺตกํ สีล’’นฺติ. เอวํ สีลนฺติ เอวํ ปเภทํ สีลํ. เอตฺตกนฺติ เอตํ ปรมํ, น อิโต ภิยฺโย. จตุปาริสุทฺธิสีลนฺติ มคฺคสฺส สมฺภารภูตํ โลกิยจตุปาริสุทฺธิสีลํ. จิตฺเตกคฺคตา สมาธีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ยสฺมึ สีเล ตฺวาติ ยสฺมึ โลกุตฺตรกุสลสฺส ปทฏฺานภูเต ‘‘ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุทฺโธ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓๑; กถา. ๘๗๔) เอวํ วุตฺตสีเล ปติฏฺาย. เอโสติ มคฺคผลสมาธิ. ปริภาวิโตติ เตน สีเลน สพฺพโส ภาวิโต สมฺภาวิโต. มหปฺผโล โหติ มหานิสํโสติ มคฺคสมาธิ ตาว สามฺผเลหิ มหปฺผโล, วฏฺฏทุกฺขวูปสเมน มหานิสํโส. อิตโร ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหาเนน มหปฺผโล, นิพฺพุติสุขุปฺปตฺติยา มหานิสํโส. ยมฺหิ สมาธิมฺหิ ¶ ตฺวาติ ยสฺมึ โลกุตฺตรกุสลสฺส ¶ ปทฏฺานภูเต ปาทกชฺฌานสมาธิมฺหิ เจว วุฏฺานคามินิสมาธิมฺหิ จ ตฺวา. สาติ มคฺคผลปฺา. เตน ปริภาวิตาติ เตน ยถาวุตฺตสมาธินา สพฺพโส ภาวิตา ปริภาวิตา. มหปฺผลมหานิสํสตา สมาธิมฺหิ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. อปิ จ เต โพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคปฺปเภทเหตุตาย มหปฺผลา สตฺตทกฺขิเณยฺยปุคฺคลวิภาคเหตุตาย ¶ มหานิสํสาติ เวทิตพฺพา. ยาย ปฺาย ตฺวาติ ยายํ วิปสฺสนาปฺายํ, สมาธิวิปสฺสนาปฺายํ วา ตฺวา. สมถยานิกสฺส หิ สมาธิสหคตาปิ ปฺา มคฺคาธิคมาย วิเสสปจฺจโย โหติเยว. สมฺมเทวาติ สุฏฺุเยว ยถา อาสวานํ เลโสปิ นาวสิสฺสติ, เอวํ สพฺพโส อาสเวหิ วิมุจฺจติ. อคฺคมคฺคกฺขณฺหิ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
๑๔๓. โลกิยตฺถสทฺทานํ วิย อภิรนฺต-สทฺทสฺส สิทฺธิ ทฏฺพฺพา. อภิรนฺตํ อภิรตํ อภิรตีติ หิ อตฺถโต เอกํ. อภิรนฺต-สทฺโท จายํ อภิรุจิปริยาโย, น อสฺสาทปริยาโย. อสฺสาทวเสน หิ กตฺถจิ วสนฺตสฺส อสฺสาทวตฺถุวิคเมน สิยา ตสฺส ตตฺถ อนภิรติ, ยทิทํ ขีณาสวานํ นตฺถิ, ปเคว พุทฺธานนฺติ อาห ‘‘พุทฺธานํ…เป… นตฺถี’’ติ. อภิรติวเสน กตฺถจิ วสิตฺวา ตทภาวโต อฺตฺถ คมนํ นาม พุทฺธานํ นตฺถิ. เวเนยฺยวินยนตฺถํ ปน กตฺถจิ วสิตฺวา ตสฺมึ สิทฺเธ เวเนยฺยวินยนตฺถเมว ตโต อฺตฺถ คจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ ยถารุจิ. อายามาติ เอตฺถ อา-สทฺโท ‘‘อาคจฺฉา’’ติ อิมินา สมานตฺโถติ อาห ‘‘เอหิ ยามา’’ติ. อยามาติ ปน ปาเ อ-กาโร นิปาตมตฺตํ. สนฺติกาวจรตฺตา เถรํ อาลปติ, น ปน ตทา สตฺถุ สนฺติเก วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ อภาวโต. อปริจฺฉินฺนคณโน หิ ตทา ภควโต สนฺติเก ภิกฺขุสงฺโฆ ¶ . เตนาห ‘‘มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธิ’’นฺติ. อมฺพลฏฺิกาคมนนฺติ อมฺพลฏฺิกาคมนปฏิสํยุตฺตปามาห. ปาฏลิคมเนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อุตฺตานเมว อนนฺตรํ, เหฏฺา จ สํวณฺณิตรูปตฺตา.
สาริปุตฺตสีหนาทวณฺณนา
๑๔๕. ‘‘อายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติอาทิ ปาชาตํ. สมฺปสาทนีเยติ สมฺปสาทนียสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๑๔๑) วิตฺถาริตํ โปราณฏฺกถายํ, ตสฺมา มยมฺปิ ตตฺเถว นํ อตฺถโต วิตฺถารยิสฺสามาติ อธิปฺปาโย.
ทุสฺสีลอาทีนววณฺณนา
๑๔๘. อาคนฺตฺวา ¶ วสนฺติ เอตฺถ อาคนฺตุกาติ อาวสโถ, ตเทว อคารนฺติ อาห ‘‘อาวสถาคารนฺติ อาคนฺตุกานํ อาวสถเคห’’นฺติ. ทฺวินฺนํ ¶ ราชูนนฺติ ลิจฺฉวิราชมคธราชูนํ. สหายกาติ เสวกา. กุลานีติ กุฏุมฺพิเก. สนฺถตนฺติ สนฺถริ, สพฺพํ สนฺถริ สพฺพสนฺถริ, ตํ สพฺพสนฺถรึ. ภาวนปุํสกนิทฺเทโส จายํ. เตนาห ‘‘ยถา สพฺพํ สนฺถตํ โหติ, เอว’’นฺติ.
๑๔๙. ทุสฺสีโลติ เอตฺถ ทุ-สทฺโท อภาวตฺโถ ‘‘ทุปฺปฺโ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๔๙; อ. นิ. ๕.๑๐) วิย, น ครหตฺโถติ อาห ‘‘อสีโล นิสฺสีโล’’ติ. ภินฺนสํวโรติ เอตฺถ โย สมาทินฺนสีโล เกนจิ การเณน สีลเภทํ ปตฺโต, โส ตาว ภินฺนสํวโร โหติ. โย ปน สพฺเพน สพฺพํ อสมาทินฺนสีโล อาจารหีโน, โส กถํ ภินฺนสํวโร นาม โหตีติ? โสปิ สาธุสมาจารสฺส ปริหานิยสฺส เภทิตตฺตา ภินฺนสํวโร เอว นาม. วิสฺสฏฺสํวโร สํวรรหิโตติ หิ วุตฺตํ โหติ.
ตํ ตํ สิปฺปฏฺานํ. มาฆาตกาเลติ ‘‘มา ฆาเตถ ปาณิโน’’ติ เอวํ มาฆาตาติ โฆสนํ โฆสิตทิวเส.
อพฺภุคฺคจฺฉติ ปาปโก กิตฺติสทฺโท.
อชฺฌาสเยน มงฺกุ โหติเยว วิปฺปฏิสาริภาวโต.
ตสฺสาติ ¶ ทุสฺสีลสฺส. สมาทาย ปวตฺติฏฺานนฺติ อุฏฺาย สมุฏฺาย กตการณํ. อาปาถํ อาคจฺฉตีติ ตํ มนโส อุปฏฺาติ. อุมฺมีเลตฺวา อิธโลกนฺติ อุมฺมีลนกาเล อตฺตโน ปุตฺตทาราทิทสฺสนวเสน อิธ โลกํ ปสฺสติ. นิมีเลตฺวา ปรโลกนฺติ นิมีลนกาเล คตินิมิตฺตุปฏฺานวเสน ปรโลกํ ปสฺสติ. เตนาห ‘‘จตฺตาโร อปายา’’ติอาทิ. ปฺจมปทนฺติ ‘‘กายสฺส เภทา’’ติอาทินา วุตฺโต ปฺจโม อาทีนวโกฏฺาโส.
สีลวนฺตอานิสํสวณฺณนา
๑๕๐. วุตฺตวิปริยาเยนาติ วุตฺตาย อาทีนวกถาย วิปริยาเยน. ‘‘อปฺปมตฺโต ตํ ตํ กสิวาณิชฺชาทึ ¶ ยถากาลํ สมฺปาเทตุํ สกฺโกตี’’ติอาทินา ‘‘ปาสํสํ สีลมสฺส อตฺถีติ สีลวา. สีลสมฺปนฺโนติ สีเลน สมนฺนาคโต. สมฺปนฺนสีโล’’ติ เอวมาทิกํ ปน อตฺถวจนํ สุกรนฺติ อนามฏฺํ.
๑๕๑. ปาฬิมุตฺตกายาติ ¶ สงฺคีติอนารุฬฺหาย ธมฺมิกถาย. ตตฺเถวาติ อาวสถาคาเร เอว.
ปาฏลิปุตฺตนครมาปนวณฺณนา
๑๕๒. อิสฺสริยมตฺตายาติ อิสฺสริยปฺปมาเณน, อิสฺสริเยน เจว วิตฺตูปกรเณน จาติ เอวํ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อุปโภคูปกรณานิปิ หิ โลเก ‘‘มตฺตา’’ติ วุจฺจนฺติ. ปาฏลิคามํ นครํ กตฺวาติ ปุพฺเพ ‘‘ปาฏลิคาโม’’ติ ลทฺธนามํ านํ อิทานิ นครํ กตฺวา. มาเปนฺตีติ ปติฏฺาเปนฺติ. อายมุขปจฺฉินฺทนตฺถนฺติ อายทฺวารานํ อุปจฺเฉทนาย. ‘‘สหสฺสเสวา’’ติ วา ปาโ, สหสฺสโส เอว. เตนาห ‘‘เอเกกวคฺควเสน สหสฺสํ สหสฺสํ หุตฺวา’’ติ. ฆรวตฺถูนีติ ฆรปติฏฺาปนฏฺานานิ. จิตฺตานิ นมนฺตีติ ตํตํเทวตานุภาเวน ตตฺถ ตตฺเถว จิตฺตานิ นมนฺติ วตฺถุวิชฺชาปากานํ, ยตฺถ ยตฺถ ตาหิ วตฺถูนิ ปริคฺคหิตานิ. สิปฺปานุภาเวนาติ สิปฺปานุคตวิชฺชานุภาเวน. นาคคฺคาโหติ นาคานํ นิวาสปฺปริคฺคโห. เสสทฺวเยสุปิ เอเสว นโย. ปาสาโณติ อปฺปลกฺขณปาสาโณ. ขาณุโกติ โย โกจิ ขาณุโก ¶ . สิปฺปํ ชปฺปิตฺวา ตาทิสํ สารมฺภฏฺานํ ปริหริตฺวา อนารมฺเภ าเน ตาหิ วตฺถุปริคฺคาหิกาหิ เทวตาหิ สทฺธึ มนฺตยมานา วิย ตํตํเคหานิ มาเปนฺติ อุปเทสทานวเสน. เนสนฺติ วตฺถุวิชฺชาปากานํ, สพฺพาสํ เทวตานํ. มงฺคลํ วฑฺฒาเปสฺสนฺตีติ มงฺคลํ พฺรูเหสฺสนฺติ. ปณฺฑิตทสฺสนาทีนิ หิ อุตฺตมมงฺคลานิ. เตนาห ‘‘อถ มย’’นฺติอาทิ.
สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ อวยวธมฺเมน สมุทายสฺส อปทิสิตพฺพโต ยถา ‘‘อลงฺกโต เทวทตฺโต’’ติ.
อริยกมนุสฺสานนฺติ อริยเทสวาสิมนุสฺสานํ. ราสิวเสเนวาติ ‘‘สหสฺสํ สตสหสฺส’’นฺติอาทินา ราสิวเสเนว, อปฺปกสฺส ปน ภณฺฑสฺส กยวิกฺกโย อฺตฺถาปิ ลพฺภเตวาติ ‘‘ราสิวเสเนวา’’ติ วุตฺตํ. วาณิชาย ปโถ ปวตฺติฏฺานนฺติ วณิปฺปโถติ ปุริมวิกปฺเป อตฺโถ ทุติยวิกปฺเป ปน วาณิชานํ ปโถ ปวตฺติฏฺานนฺติ, วณิปฺปโถติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ¶ ‘‘วาณิชานํ วสนฏฺาน’’นฺติ อาห. ภณฺฑปุเฏ ภินฺทนฺติ โมเจนฺติ เอตฺถาติ ปุฏเภทนนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘ภณฺฑปุเฏ…เป… วุตฺตํ โหตี’’ติ.
จ-การตฺโถ ¶ สมุจฺจยตฺโถ วา-สทฺโท.
๑๕๓. กาฬกณฺณี สตฺตาติ อตฺตนา กณฺหธมฺมพหุลตาย ปเรสฺจ กณฺหวิปากานตฺถนิพฺพตฺตินิมิตฺตตาย ‘‘กาฬกณฺณี’’ติ ลทฺธนามา ปรูปทฺทวกรา อปฺเปสกฺขสตฺตา. ตนฺติ ภควนฺตํ. ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ปุพฺพณฺเห เอกํ สมยํ. คามปฺปวิสนนีหาเรนาติ คามปฺปเวสน นิวสนากาเรน. กายปฏิพทฺธํ กตฺวาติ จีวรํ ปารุปิตฺวา, ปตฺตํ หตฺเถน คเหตฺวาติ อตฺโถ.
เอตฺถาติ ¶ เอตสฺมึ วา สกปฺปิตปฺปเทเส. สฺเตติ สมฺมเทว สฺเต สุสํวุตกายวาจาจิตฺเต.
ปตฺตึ ทเทยฺยาติ อตฺตนา ปสุตํ ปฺุํ ตาสํ เทวตานํ อนุปฺปทชฺเชยฺย. ‘‘ปูชิตา’’ติอาทีสุ ตเทว ปตฺติทานํ ปูชา, อนาคเต เอว อุปทฺทเว อารกฺขสํวิธานํ ปฏิปูชา. ‘‘เยภุยฺเยน าติมนุสฺสา าติเปตานํ ปตฺติทานาทินา ปูชนมานนาทีนิ กโรนฺติ อิเม ปน อฺาตกาปิ สมานา ตถา กโรนฺติ, ตสฺมา เนสํ สกฺกจฺจํ อารกฺขา สํวิธาตพฺพา’’ติ อฺมฺํ สมฺปวาเรตฺวา เทวตา ตตฺถ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเม’’ติอาทิมาห. พลิกมฺมกรณํ มานนํ, สมฺปติ อุปฺปนฺนปริสฺสยหรณํ ปฏิมานนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอเต’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สุนฺทรานิ ปสฺสตีติ สุนฺทรานิ อิฏฺานิ เอว ปสฺสติ, น อนิฏฺานิ.
๑๕๔. อาณิโย โกฏฺเฏตฺวาติ ลหุเก ทารุทณฺเฑ คเหตฺวา กวาฏผลเก วิย อฺมฺํ สมฺพนฺเธ กาตุํ อาณิโย โกฏฺเฏตฺวา. นาวาสงฺเขเปน กตํ อุฬุมฺปํ, เวฬุนฬาทิเก สงฺฆริตฺวา วลฺลิอาทีหิ กลาปวเสน พนฺธิตฺวา กตฺตพฺพํ กุลฺลํ.
อุทกฏฺานสฺเสตํ อธิวจนนฺติ ยถาวุตฺตสฺส ยสฺส กสฺสจิ อุทกฏฺานสฺส เอตํ ‘‘อณฺณว’’นฺติ อธิวจนํ, สมุทฺทสฺเสวาติ อธิปฺปาโย. สรนฺติ อิธ นที อธิปฺเปตา สรติ สนฺทตีติ ¶ กตฺวา. คมฺภีรวิตฺถตนฺติ อคาธฏฺเน คมฺภีรํ, สกลโลกตฺตยพฺยาปิตาย วิตฺถตํ. วิสชฺชาติ อนาสชฺช อปฺปตฺวา. ปลฺลลานิ เตสํ อตรณโต. วินาเยว กุลฺเลนาติ อีทิสํ อุทกํ กุลฺเลน อีทิเสน วินา เอว ติณฺณา เมธาวิโน ชนา, ตณฺหาสรํ ปน อริยมคฺคสงฺขาตํ เสตุํ กตฺวา นิตฺติณฺณาติ โยชนา.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อริยสจฺจกถาวณฺณนา
๑๕๕. มหาปนาทสฺส ¶ ¶ รฺโ. ปาสาทโกฏิยํ กตคาโมติ ปาสาทสฺส ปติตถุปิกาย ปติฏฺิตฏฺาเน นิวิฏฺคาโม. อริยภาวกรานนฺติ เย ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ อริยภาวกรานํ นิมิตฺตสฺส กตฺตุภาวูปจารวเสเนว วุตฺตํ. ตจฺฉาวิปลฺลาสภูตภาเวน สจฺจานํ. อนุโพโธ ปุพฺพภาคิยํ าณํ, ปฏิเวโธ มคฺคาเณน อภิสมโย, ตตฺถ ยสฺมา อนุโพธปุพฺพโก ปฏิเวโธ อนุโพเธน วินา น โหติ, อนุโพโธปิ เอกจฺโจ ปฏิเวเธน สมฺพนฺโธ, ตทุภยาภาวเหตุกฺจ วฏฺเฏว สํสรณํ, ตสฺมา วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘อนนุโพธา…เป… ตุมฺหากฺจา’’ติ. ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ภวโต ภวนฺตรูปคมนํ สนฺธาวนํ, อปราปรํ จวนุปปชฺชนวเสน สฺจรณํ สํสรณนฺติ อาห ‘‘ภวโต’’ติอาทิ. สนฺธาวิตสํสริตปทานํ กมฺมสาธนตํ สนฺธายาห ‘‘มยา จ ตุมฺเหหิ จา’’ติ ปมวิกปฺเป. ทุติยวิกปฺเป ปน ภาวสาธนตํ หทเย กตฺวา ‘‘มมฺเจว ตุมฺหากฺจา’’ติ ยถารุตวเสเนว วุตฺตํ. นยนสมตฺถาติ ปาปนสมตฺถา, ทีฆรชฺชุนา พทฺธสกุณํ วิย รชฺชุหตฺโถ ปุริโส เทสนฺตรํ ตณฺหารชฺชุนา พทฺธํ สตฺตสนฺตานํ อภิสงฺขาโร ภวนฺตรํ เนติ เอตายาติ ภวเนตฺติ, ตณฺหา, สา อริยมคฺคสตฺเถน สุฏฺุ หตา ฉินฺนาติ ภวเนตฺติสมูหตา.
อนาวตฺติธมฺมสมฺโพธิปรายณวณฺณนา
๑๕๖. ทฺเว คามา ‘‘นาติกา’’ติ เอวํ ลทฺธนาโม, -การสฺส จายํ น-การาเทเสน นิทฺเทโส ‘‘อนิมิตฺตา น นายเร’’ติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๗๔; ชา. อฏฺ. ๒.๒.๓๔) วิย. เตนาห ‘‘าติคามเก’’ติ ¶ . คิฺชกา วุจฺจนฺติ อิฏฺกา, คิฺชกาหิ เอว กโต อาวสโถติ คิฺชกาวสโถ ¶ . โส กิร อาวาโส ยถา สุธาปริกมฺเมน สมฺปโยชนํ นตฺถิ, เอวํ อิฏฺกาหิ เอว จินิตฺวา ฉาเทตฺวา กโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อิฏฺกามเย อาวสเถ’’ติ. ตุลาทณฺฑกวาฏผลกานิ ปน ทารุมยาเนว.
๑๕๗. โอรํ วุจฺจติ กามธาตุ, ปจฺจยภาเวน ตํ โอรํ ภชนฺตีติ โอรมฺภาคิยานิ, โอรมฺภาคสฺส วา หิตานิ โอรมฺภาคิยานิ. เตนาห ‘‘เหฏฺาภาคิยาน’’นฺติอาทิ. ตีหิ มคฺเคหีติ เหฏฺิเมหิ ตีหิ มคฺเคหิ. เตหิ ¶ ปหาตพฺพตาย หิ เนสํ สํโยชนานํ โอรมฺภาคิยตา. โอรมฺภฺชิยานิ วา โอรมฺภาคิยานิ วุตฺตานิ นิรุตฺตินเยน. อิทานิ พฺยติเรกมุเขน เนสํ โอรมฺภาคิยภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิกฺขมฺภิตานิ สมตฺถตาวิฆาเตน ปุถุชฺชนานํ, สมุจฺฉินฺนานิ สพฺพโส อภาเวน อริยานํ รูปารูปภวูปปตฺติยา วิพนฺธาย น โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘อวิกฺขมฺภิตานิ อสมุจฺฉินฺนานี’’ติ. นิพฺพตฺตวเสนาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน. คนฺตุํ น เทนฺติ มหคฺคตคามิกมฺมายูหนสฺส วินิพนฺธนโต. สกฺกายทิฏฺิอาทีนิ ตีณิ สํโยชนานิ กามจฺฉนฺทพฺยาปาทา วิย มหคฺคตูปปตฺติยา อวินิพนฺธภูตานิปิ กามภวูปปตฺติยา วิเสสปจฺจยตฺตา ตตฺถ มหคฺคตภเว นิพฺพตฺตมฺปิ ตนฺนิพฺพตฺติเหตุกมฺมปริกฺขเย กามภวูปปตฺติปจฺจยตาย มหคฺคตภวโต อาเนตฺวา ปุน อิเธว กามภเว เอว นิพฺพตฺตาเปนฺติ, ตสฺมา สพฺพานิปิ ปฺจปิ สํโยชนานิ โอรมฺภาคิยานิ เอว. ปฏิสนฺธิวเสน อนาคมนสภาวาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ตสฺมา โลกา อิธ น อาคมนสภาวา. พุทฺธทสฺสนเถรทสฺสนธมฺมสฺสวนานํ ปนตฺถายสฺส อาคมนํ อนิวาริตํ.
กทาจิ กรหจิ อุปฺปตฺติยา สวิรฬาการตา ¶ ปริยุฏฺานมนฺทตาย อพหลตาติ ทฺเวธาปิ ตนุภาโว. อภิณฺหนฺติ พหุโส. พหลพหลาติ ติพฺพติพฺพา. ยตฺถ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ สนฺตานํ มทฺทนฺตา, ผรนฺตา, สาเธนฺตา, อนฺธการํ กโรนฺตา อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺวีหิ ปน มคฺเคหิ ปหีนตฺตา ตนุกตนุกา มนฺทมนฺทา อุปฺปชฺชนฺติ. ‘‘ปุตฺตธีตโร โหนฺตี’’ติ อิทํ อการณํ. ตถา หิ องฺคปจฺจงฺคปรามสนมตฺเตนปิ เต โหนฺติ. อิทนฺติ ‘‘ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา’’ติ อิทํ วจนํ. ภวตนุกวเสนาติ อปฺปกภววเสน. ตนฺติ มหาสิวตฺเถรสฺส วจนํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. เย ภวา อริยานํ ลพฺภนฺติ, เต ปริปุณฺณลกฺขณภวา เอว. เย น ลพฺภนฺติ, ตตฺถ กีทิสํ ตํ ภวตนุกํ, ตสฺมา อุภยถาปิ ภวตนุกสฺส อสมฺภโว เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โสตาปนฺนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺเม ภเว ภวตนุกํ นตฺถิ อฏฺมสฺเสว ภวสฺส สพฺพสฺเสว อภาวโต. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
กามาวจรโลกํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ อิตรสฺส โลกสฺส วเสน ตถา วตฺตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. โย หิ สกทาคามี เทวมนุสฺสโลเกสุ โวมิสฺสกวเสน นิพฺพตฺตติ, โสปิ กามภววเสเนว ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ. ภควตา จ กามโลเก ตฺวา ‘‘สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา’’ติ ¶ วุตฺตํ, ‘‘อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา’’ติ จ อิมินา ปฺจสุ สกทาคามีสุ จตฺตาโร วชฺเชตฺวา เอโกว คหิโต. เอกจฺโจ หิ อิธ สกทาคามิผลํ ปตฺวา อิเธว ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ อิธ ปตฺวา เทวโลเก ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพายติ, เอกจฺโจ เทวโลเก ปตฺวา อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายติ, อิเม จตฺตาโร อิธ น ลพฺภนฺติ. โย ปน อิธ ปตฺวา เทวโลเก ยาวตายุกํ วสิตฺวา ปุน อิธูปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อิธ อธิปฺเปโต. อฏฺกถายํ ปน อิมํ โลกนฺติ กามภโว อธิปฺเปโตติ อิมมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทินา อฺํเยว จตุกฺกํ ทสฺสิตํ.
จตูสุ ¶ …เป… สภาโวติ อตฺโถ อปายคมนียานํ ปาปธมฺมานํ สพฺพโส ปหีนตฺตา. ธมฺมนิยาเมนาติ มคฺคธมฺมนิยาเมน. นิยโต อุปริมคฺคาธิคมสฺส อวสฺสํภาวิภาวโต. เตนาห ‘‘สมฺโพธิปรายโณ’’ติ.
ธมฺมาทาสธมฺมปริยายวณฺณนา
๑๕๘. เตสํ เตสํ าณคตินฺติ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ‘‘อสุโก โสตาปนฺโน, อสุโก สกทาคามี’’ติอาทินา ตํตําณาธิคมนํ. าณูปปตฺตึ าณาภิสมฺปรายนฺติ ตโต ปรมฺปิ ‘‘นิยโต สมฺโพธิปรายโณ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติอาทินา จ าณสหิตํ อุปฺปตฺติปจฺจยภาวํ. โอโลเกนฺตสฺส าณจกฺขุนา เปกฺขนฺตสฺส กายกิลมโถว, น เตน กาจิ เวเนยฺยานํ อตฺถสิทฺธีติ อธิปฺปาโย. จิตฺตวิเหสาติ จิตฺตเขโท, สา กิเลสูปสํหิตตฺตา พุทฺธานํ นตฺถิ. อาทียติ อาโลกียติ อตฺตา เอเตนาติ อาทาสํ, ธมฺมภูตํ อาทาสํ ธมฺมาทาสํ, อริยมคฺคาณสฺเสตํ อธิวจนํ, เตน อริยสาวกา จตูสุ อริยสจฺเจสุ วิทฺธสฺตสมฺโมหตฺตา อตฺตานมฺปิ ยาถาวโต ตฺวา ยาถาวโต พฺยากเรยฺย, ตปฺปกาสนโต ปน ธมฺมปริยายสฺส สุตฺตสฺส ธมฺมาทาสตา เวทิตพฺพา. เยน ธมฺมาทาเสนาติ อิธ ปน มคฺคธมฺมเมว วทติ.
อเวจฺจ ยาถาวโต ชานิตฺวา ตนฺนิมิตฺตอุปฺปนฺนปสาโท อเวจฺจปสาโท, มคฺคาธิคเมน อุปฺปนฺนปสาโท ¶ , โส ปน ยสฺมา ปาสาณปพฺพโต วิย นิจฺจโล, น จ เกนจิ การเณน วิคจฺฉติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อจเลน อจฺจุเตนา’’ติ.
‘‘ปฺจสีลานี’’ติ ¶ คหฏฺวเสเนตํ วุตฺตํ เตหิ เอกนฺตปริหรณียโต. อริยานํ ปน สพฺพานิ สีลานิ กนฺตาเนว. เตนาห ‘‘สพฺโพปิ ปเนตฺถ สํวโร ลพฺภติเยวา’’ติ.
สพฺเพสนฺติ ¶ สพฺเพสํ อริยานํ. สิกฺขาปทาวิโรเธนาติ ยถา ภูตโรจนาปตฺติ น โหติ, เอวํ. ยุตฺตฏฺาเนติ กาตุํ ยุตฺตฏฺาเน.
อมฺพปาลีคณิกาวตฺถุวณฺณนา
๑๖๑. ตทา กิร เวสาลี อิทฺธา ผีตา สพฺพงฺคสมฺปนฺนา อโหสิ เวปุลฺลปฺปตฺตา, ตํ สนฺธายาห ‘‘ขนฺธเก วุตฺตนเยน เวสาลิยา สมฺปนฺนภาโว เวทิตพฺโพ’’ติ. ตสฺมึ กิร ภิกฺขุสงฺเฆ ปฺจสตมตฺตา ภิกฺขู นวา อจิรปพฺพชิตา อเหสุํ โอสนฺนวีริยา จ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ตตฺถ กิร เอกจฺเจ ภิกฺขู โอสนฺนวีริยา’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๖๕). สติปจฺจุปฏฺานตฺถนฺติ เตสํ สติปจฺจุปฏฺาปนตฺถํ. สรตีติ กายาทิเก ยถาสภาวโต าณสมฺปยุตฺตาย สติยา อนุสฺสรติ อุปธาเรติ. สมฺปชานาตีติ สมํ ปกาเรหิ ชานาติ อวพุชฺฌติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรโต สติปฏฺานวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๖) อาคมิสฺสติ.
สพฺพสงฺคาหกนฺติ สรีรคตสฺส เจว วตฺถาลงฺการคตสฺส จาติ สพฺพสฺส นีลภาวสฺส สงฺคาหกํ วจนํ. ตสฺเสวาติ นีลาติ สพฺพสงฺคาหกวเสน วุตฺตอตฺถสฺเสว. วิภาคทสฺสนนฺติ ปเภททสฺสนํ. ยถา เต ลิจฺฉวิราชาโน อปีตาทิวณฺณา เอว เกจิ วิเลปนวเสน ปีตาทิวณฺณา ขายึสุ, เอวํ อนีลาทิวณฺณา เอว เกจิ วิเลปนวเสน นีลาทิวณฺณา ขายึสูติ วุตฺตํ ‘‘น เตสํ ปกติวณฺโณ นีโล’’ติอาทิ. นีโล มณิ เอเตสูติ นีลมณิ, อินฺทนีลมหานีลาทินีลรตนวินทฺธา อลงฺการา. เต กิร สุวณฺณวิรจิเต หิ มณิโอภาเสหิ เอกนีลา วิย ขายนฺติ. นีลมณิขจิตาติ นีลรตนปริกฺขิตฺตา. นีลวตฺถปริกฺขิตฺตาติ นีลวตฺถนีลกมฺปลปริกฺเขปา. นีลวมฺมิเกหีติ นีลกฆฏปริกฺขิตฺเตหิ. สพฺพปเทสูติ ‘‘ปีตา โหนฺตี’’ติอาทิสพฺพปเทสุ. ปริวฏฺเฏสีติ ¶ ปฏิฆฏฺเฏสิ. อาหรนฺติ อิมสฺมา ราชปุริสา พลินฺติ อาหาโร, ตปฺปตฺตชนปโทติ อาห ‘‘สาหารนฺติ สชนปท’’นฺติ. องฺคุลิโผโฏปิ องฺคุลิยา จาลนวเสเนว ¶ ¶ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘องฺคุลึ จาเลสุ’’นฺติ. อมฺพกายาติ มาตุคาเมน. อุปจารวจนํ เหตํ อิตฺถีสุ, ยทิทํ ‘‘อมฺพกา มาตุคาโม ชนนิกา’’ติ.
อวโลเกถาติ อปวตฺติตฺวา โอโลกนํ โอโลเกถ. ตํ ปน อปวตฺติตฺวา โอโลกนํ อนุ อนุ ทสฺสนํ โหตีติ อาห ‘‘ปุนปฺปุนํ ปสฺสถา’’ติ. อุปเนถาติ ‘‘ยถายํ ลิจฺฉวิราชปริสา โสภาติสเยน ยุตฺตา, เอวํ ตาวตึสปริสา’’ติ อุปนยํ กโรถ. เตนาห ‘‘ตาวตึเสหิ สมเก กตฺวา ปสฺสถา’’ติ.
‘‘อุปสํหรถ ภิกฺขเว ลิจฺฉวิปริสํ ตาวตึสสทิส’’นฺติ นยิทํ นิมิตฺตคฺคาเห นิโยชนํ, เกวลํ ปน ทิพฺพสมฺปตฺติสทิสา เอเตสํ ราชูนํ อิสฺสริยสมฺปตฺตีติ อนุปุพฺพิกถาย สคฺคสมฺปตฺติกถนํ วิย ทฏฺพฺพํ. เตสุ ปน ภิกฺขูสุ เอกจฺจานํ ตตฺถ นิมิตฺตคฺคาโหปิ สิยา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิมิตฺตคฺคาเห อุยฺโยเชตี’’ติ. หิตกามตาย เตสํ ภิกฺขูนํ ยถา อายสฺมโต นนฺทสฺส หิตกามตาย สคฺคสมฺปตฺติทสฺสนํ. เตนาห ‘‘ตตฺร กิรา’’ติอาทิ. โอสนฺนวีริยาติ สมฺมาปฏิปตฺติยํ อวสนฺนวีริยา, โอสฺสฏฺวีริยา วาติ อตฺโถ. อนิจฺจลกฺขณวิภาวนตฺถนฺติ เตสํ ราชูนํ วเสน ภิกฺขูนํ อนิจฺจลกฺขณวิภูตภาวตฺถํ.
เวฬุวคามวสฺสูปคมนวณฺณนา
๑๖๓. สมีเป เวฬุวคาโมติ ปุพฺพณฺหํ วา สายนฺหํ วา คนฺตฺวา นิวตฺตนโยคฺเย อาสนฺนฏฺาเน นิวิฏฺา ปริวารคาโม. สงฺคมฺมาติ สมฺมา คนฺตฺวา. อสฺสาติ ภควโต.
๑๖๔. ผรุโสติ กกฺขโฬ, ครุตโรติ อตฺโถ. วิสภาคโรโคติ ¶ ธาตุวิสภาคตาย สมุฏฺิโต พหลตรโรโค, น อาพาธมตฺตํ. าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ เวทนานํ ขณิกตํ, ทุกฺขตํ, อตฺตสฺุตฺจ ยาถาวโต าเณน ปริจฺฉิชฺช ปริตุเลตฺวา. อธิวาเสสีติ ตา อภิภวนฺโต ยถาปริมทฺทิตาการสลฺลกฺขเณน อตฺตนิ อาโรเปตฺวา วาเสสิ, น ตาหิ อภิภุยฺยมาโน. เตนาห ‘‘อวิหฺมาโน’’ติอาทิ. อทุกฺขิยมาโนติ เจโตทุกฺขวเสน อทุกฺขิยมาโน ¶ , กายทุกฺขํ ปน ‘‘นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ. อสติ หิ ตสฺมึ อธิวาสนาย เอว อสมฺภโวติ. อนามนฺเตตฺวาติ อนาลปิตฺวา. อนปโลเกตฺวาติ อวิสฺสชฺชิตฺวา. เตนาห ‘‘โอวาทานุสาสนึ อทตฺวาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ปุพฺพภาควีริเยนาติ ผลสมาปตฺติยา ปริกมฺมวีริเยน. ผลสมาปตฺติวีริเยนาติ ผลสมาปตฺติสมฺปยุตฺตวีริเยน. วิกฺขมฺเภตฺวาติ ¶ วิโนเทตฺวา. ยถา นาม ปุปฺผนสมเย จมฺปกาทิรุกฺเข เวเข ทินฺเน ยาว โส เวโข นาปนียติ, ตาวสฺส ปุปฺผนสมตฺถตา วิกฺขมฺภิตา วิโนทิตา โหติ, เอวเมว ยถาวุตฺตวีริยเวขทาเนน ตา เวทนา สตฺถุ สรีเร ยถาปริจฺฉินฺนํ กาลํ วิกฺขมฺภิตา วิโนทิตา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิกฺขมฺเภตฺวาติ วิโนเทตฺวา’’ติ. ชีวิตมฺปิ ชีวิตสงฺขาโร กมฺมุนา สงฺขรียตีติ กตฺวา. ฉิชฺชมานํ วิโรธิปจฺจยสมาโยเคน ปโยคสมฺปตฺติยา ฆเฏตฺวา ปียติ. อธิฏฺายาติ อธิฏฺานํ กตฺวา. เตนาห ‘‘ทสมาเส มา อุปฺปชฺชิตฺถาติ สมาปตฺตึ สมาปชฺชี’’ติ. ตํ ปน ‘‘อธิฏฺานํ, ปวตฺตน’’นฺติ จ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ วุตฺตํ ‘‘อธิฏฺหิตฺวา ปวตฺเตตฺวา’’ติ.
ขณิกสมาปตฺตีติ ตาทิสํ ปุพฺพาภิสงฺขารํ อกตฺวา านโส สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺติ. ปุน สรีรํ เวทนา อชฺโฌตฺถรติ สวิเสสปุพฺพาภิสงฺขารสฺส อกตตฺตา. รูปสตฺตกอรูปสตฺตกานิ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนาสุ ¶ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๗๐๖, ๗๑๗) วิตฺถาริตนเยน เวทิตพฺพานิ. สุฏฺุ วิกฺขมฺเภติ ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส สาติสยตฺตา. อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปพฺยูฬฺโหติ อปนีโต. จุทฺทสหากาเรหิ สนฺเนตฺวาติ เตสํเยว รูปสตฺตกอรูปสตฺตกานํ วเสน จุทฺทสหิ ปกาเรหิ วิปสฺสนาจิตฺตํ, สกลเมว วา อตฺตภาวํ วิสภาคโรคสฺชนิตลูขภาวนิโรคกรณาย สิเนเหตฺวา น อุปฺปชฺชิเยว สมฺมาสมฺพุทฺเธน สาติสยสมาปตฺติเวเคน สุวิกฺขมฺภิตตฺตา.
คิลาโน หุตฺวา ปุน วุฏฺิโตติ ปุพฺเพ คิลาโน หุตฺวา ปุน ตโต คิลานภาวโต วุฏฺิโต. มธุรกภาโว นาม สรีรสฺส ถมฺภิตตฺตํ, ตํ ปน ครุภาวปุพฺพกนฺติ อาห ‘‘สฺชาตครุภาโว สฺชาตถทฺธภาโว’’ติ. ‘‘นานาการโต น อุปฏฺหนฺตี’’ติ อิมินา ทิสาสมฺโมโหปิ เม อโหสิ ¶ โสกพเลนาติ ทสฺเสติ. สติปฏฺานาทิธมฺมาติ กายานุปสฺสนาทโย อนุปสฺสนาธมฺมา ปุพฺเพ วิภูตา หุตฺวา อุปฏฺหนฺตาปิ อิทานิ มยฺหํ ปากฏา น โหนฺติ.
๑๖๕. อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม อตฺตนิเยว ปนโต. ปุคฺคลํ อพฺภนฺตรํ กโรติ นาม สมานตฺตตาวเสน ธมฺเมน ปุพฺเพ ตสฺส สงฺคณฺหโต. ทหรกาเลติ อตฺตโน ทหรกาเล. กสฺสจิ อกเถตฺวาติ กสฺสจิ อตฺตโน อนฺเตวาสิกสฺส อุปนิคูหภูตํ คนฺถํ อกเถตฺวา. มุฏฺึ กตฺวาติ มุฏฺิคตํ วิย รหสิภูตํ กตฺวา. ยสฺมึ วา นฏฺเ สพฺโพ ตํมูลโก ธมฺโม วินสฺสติ, โส อาทิโต มูลภูโต ธมฺโม, มุสฺสติ วินสฺสติ ธมฺโม เอเตน นฏฺเนาติ มุฏฺิ, ตํ ตถารูปํ มุฏฺึ กตฺวา ปริหริตฺวา ปิตํ กิฺจิ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
อหเมวาติ ¶ อวธารณํ ภิกฺขุสงฺฆปริหรณสฺส อฺสาธารณิจฺฉาทสฺสนตฺถํ, อวธารเณน ปน วินา ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติอาทิ ภิกฺขุสงฺฆปริหรเณ อหํการมมํการาภาวทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุทฺทิสิตพฺพฏฺเนาติ ‘‘สตฺถา’’ติ อุทฺทิสิตพฺพฏฺเน. มา วา ¶ อเหสุํ ภิกฺขูติ อธิปฺปาโย. ‘‘มา วา อโหสี’’ติ วา ปาโ. เอวํ น โหตีติ ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติอาทิ อากาเรน จิตฺตปฺปวตฺติ น โหติ. ‘‘ปจฺฉิมวยอนุปฺปตฺตภาวทีปนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ อิมินา วโย วิย พุทฺธกิจฺจมฺปิ ปริโยสิตกมฺมนฺติ ทีเปติ. สกฏสฺส พาหปฺปเทเส ทฬฺหีภาวาย เวทานํ พาหพนฺโธ. จกฺกเนมิสนฺธีนํ ทฬฺหีภาวาย เวทานํ จกฺกพนฺโธ.
ตมตฺถนฺติ เวมิสฺสเกน มฺเติ วุตฺตมตฺถํ. รูปาทโย เอว ธมฺมา สวิคฺคโห วิย อุปฏฺานโต รูปนิมิตฺตาทโย, เตสํ รูปนิมิตฺตาทีนํ. โลกิยานํ เวทนานนฺติ ยาสํ นิโรธเนน ผลสมาปตฺติ สมาปชฺชิตพฺพา, ตาสํ นิโรธา ผาสุ โหติ, ตถา พาฬฺหเวทนาภิตุนฺนสรีรสฺสาปิ. ตทตฺถายาติ ผลสมาปตฺติวิหารตฺถาย. ทฺวีหิ ภาเคหิ อาโป คโต เอตฺถาติ ทีโป, โอเฆน ปริคโต หุตฺวา อนชฺโฌตฺถโฏ ภูมิภาโค, อิธ ปน จตูหิปิ โอเฆหิ, สํสารมโหเฆเนว วา อนชฺโฌตฺถโฏ อตฺตา ‘‘ทีโป’’ติ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘มหาสมุทฺทคตา’’ติอาทิ. อตฺตสฺสรณาติ อตฺตปฺปฏิสรณา. อตฺตคติกา วาติ อตฺตปรายณาว ¶ . มา อฺคติกาติ อฺํ กิฺจิ คตึ ปฏิสรณํ ปรายณํ มา จินฺตยิตฺถ. กสฺมา? อตฺตา นาเมตฺถ ปรมตฺถโต ธมฺโม อพฺภนฺตรฏฺเน, โส เอวํ สมฺปาทิโต ตุมฺหากํ ทีปํ ตาณํ คติ ปรายณนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ธมฺมทีปา’’ติอาทิ. ตถา จาห ‘‘อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ, โก หิ นาโถ ปโร สิยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๐, ๓๘๐) อุปเทสมตฺตเมว ¶ หิ ปรสฺมึ ปฏิพทฺธํ, อฺา สพฺพา สมฺปตฺติ ปุริสสฺส อตฺตาธีนา เอว. เตนาห ภควา ‘‘ตุมฺเหหิ กิจฺจํ อาตปฺปํ, อกฺขาตาโร ตถาคตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๖). ตมคฺเคติ ตมโยคสฺส อคฺเค ตสฺส อติกฺกนฺตาภาวโต. เตเนวาห ‘‘อิเม อคฺคตมา’’ติอาทิ. มมาติ มม สาสเน. สพฺเพปิ เต จตุสติปฏฺานโคจรา วาติ จตุพฺพิธํ สติปฏฺานํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา ตเทว โคจรํ อตฺตโน ปวตฺติฏฺานํ กตฺวา ิตา เอว ภิกฺขู อคฺเค ภวิสฺสนฺติ.
ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิมิตฺโตภาสกถาวณฺณนา
๑๖๖. อเนกวารํ ¶ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ, ตสฺมา อิมํ เวสาลิปฺปเวสนํ นิยเมตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กทา ปาวิสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อาคมนโต ปฏฺาย ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิมาห. อาคตมคฺเคเนวาติ ปุพฺเพ ยาว เวฬุวคามกา อาคตมคฺเคเนว ปฏินิวตฺเตนฺโต. ยถาปริจฺเฉเทนาติ ยถาปริจฺฉินฺนกาเลน. ตโตติ ผลสมาปตฺติโต. อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาโร. ทิวาฏฺาโนโลกนาทิ ปรินิพฺพานสฺส เอกนฺติกภาวทสฺสนํ. โอสฺสฏฺโติ วิสฺสฏฺโ อายุสงฺขาโร ‘‘สตฺตาหเมว มยา ชีวิตพฺพ’’นฺติ.
เชฏฺกนิฏฺภาติกานนฺติ สพฺเพว สพฺรหฺมจาริโน สนฺธาย วทติ.
ปฏิปาเทสฺสามีติ มคฺคปฏิปตฺติยา นิโยเชสฺสามิ. มณิผลเกติ มณิขจิเต ปมุเข อตฺถตผลเก. ตํ ปมํ ¶ ทสฺสนนฺติ ยํ เวฬุวเน ปริพฺพาชกรูเปน อาคตสฺส สิทฺธํ ทสฺสนํ, ตํ ปมทสฺสนํ. ยํ วา อโนมทสฺสิสฺส ภควโต วจนํ สทฺทหนฺเตน ตทา อภินีหารกาเล ปจฺจกฺขโต ¶ วิย ตุมฺหากํ ทสฺสนํ สิทฺธํ, ตํ ปมทสฺสนํ. ปจฺจาคมนจาริกนฺติ ปจฺจาคมนตฺถํ จาริกํ.
สตฺตาหนฺติ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. เถรสฺส ชาโตวรกเคหํ กิร อิตรเคหโต วิเวกฏฺํ, วิวฏงฺคณฺจ, ตสฺมา เทวพฺรหฺมานํ อุปสงฺกมนโยคฺยนฺติ ‘‘ชาโตวรกํ ปฏิชคฺคถา’’ติ วุตฺตํ. โสติ อุปเรวโต. ตํ ปวตฺตินฺติ ตตฺถ วสิตุกามตาย วุตฺตํ ตํ.
‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตี’’ติ (ปารา. ๑๖, ๑๖๕) อิมินา นีหาเรน เถโร ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตฺวํ จตูหิ มหาราเชหิ มหนฺตตโร’’ติ ปุฏฺโ อตฺตโน มหตฺตํ สตฺถุ อุปริ ปกฺขิปนฺโต ‘‘อารามิกสทิสา เอเต อุปาสิเก อมฺหากํ สตฺถุโน’’ติ อาห. สาวกสมฺปตฺติกิตฺตนมฺปิ หิ อตฺถโต สตฺถุ สมฺปตฺตึเยว วิภาเวติ.
โสตาปตฺติผเล ปติฏฺายาติ เถรสฺส เทสนานุภาเวน, อตฺตโน จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา าณสฺส ปริปกฺกตฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา.
อยนฺติ ¶ ยถาวุตฺตา. เอตฺถาติ ‘‘เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสี’’ติ เอตสฺมึ เวสาลีปเวเส. อนุปุพฺพีกถาติ อนุปุพฺพทีปนี กถา.
๑๖๗. อุเทนยกฺขสฺส เจติยฏฺาเนติ อุเทนสฺส นาม ยกฺขสฺส อายตนภาเวน อิฏฺกาหิ จิเต มหาชนสฺส จิตฺตีกตฏฺาเน. กตวิหาโรติ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโร. วุจฺจตีติ ปุริมโวหาเรน ‘‘อุเทนเจติย’’นฺติ วุจฺจติ. โคตมกาทีสุปีติ ‘‘โคตมกเจติย’’นฺติ เอวํ อาทีสุปิ. เอเสว นโยติ เจติยฏฺาเน กตวิหารภาวํ อติทิสติ. วฑฺฒิตาติ ¶ ภาวนาปาริปูริวเสน ปริพฺรูหิตา. ปุนปฺปุนํ กตาติ ภาวนาย พหุลีกรเณน อปราปรํ ปวตฺติตา. ยุตฺตยานํ วิย กตาติ ยถา ยุตฺตํ อาชฺยานํ เฉเกน สารถินา อธิฏฺิตํ ยถารุจิ ปวตฺตติ, เอวํ ยถารุจิปวตฺติรหตํ คมิตา. ปติฏฺานฏฺเนาติ อธิฏฺานฏฺเน. วตฺถุ วิย กตาติ สพฺพโส อุปกฺกิเลสวิโสธเนน อิทฺธิวิสยตาย ปวตฺติฏฺานภาวโต สุวิโสธิตปริสฺสยวตฺถุ วิย กตา. อธิฏฺิตาติ ปฏิปกฺขทูรีภาวโต สุภาวิตภาเวน ตํตํอธิฏฺานโยคฺยตาย ปิตา ¶ . สมนฺตโต จิตาติ สพฺพภาเคน ภาวนุปจยํ คมิตา. เตนาห ‘‘สุวฑฺฒิตา’’ติ. สุฏฺุ สมารทฺธาติ อิทฺธิภาวนาย สิขาปฺปตฺติยา สมฺมเทว สํเสวิตา.
อนิยเมนาติ ‘‘ยสฺส กสฺสจี’’ติ อนิยมวจเนน. นิยเมตฺวาติ ‘‘ตถาคตสฺสา’’ติ สรูปทสฺสเนน นิยเมตฺวา. อายุปฺปมาณนฺติ ปรมายุปฺปมาณํ วทติ, ตสฺเสว คหเณ การณํ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๐; ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. มหาสิวตฺเถโร ปน ‘‘มหาโพธิสตฺตานํ จริมภเว ปฏิสนฺธิทายิโน กมฺมสฺส อสงฺขฺเยยฺยายุกตาสํวตฺตนสมตฺถตํ หทเย เปตฺวา พุทฺธานํ อายุสงฺขารสฺส ปริสฺสยวิกฺขมฺภนสมตฺถตา ปาฬิยํ อาคตา เอวาติ อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ติฏฺเยฺยา’’ติ อโวจ. ‘‘ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยตี’’ติ เอเตน ยถา อิทฺธิพเลน ชราย น ปฏิฆาโต, เอวํ เตน มรณสฺสปิ น ปฏิฆาโตติ อตฺถโต อาปนฺนเมวาติ. ‘‘กฺว สโร ขิตฺโต, กฺว จ นิปติโต’’ติ อฺถา วุฏฺิเตนาปิ เถรวาเทน อฏฺกถาวจนเมว สมตฺถิตนฺติ ทฏฺพฺพํ ¶ . เตนาห ‘‘โส น รุจฺจติ…เป… นิยมิต’’นฺติ.
ปริยุฏฺิตจิตฺโตติ ยถา กิฺจิ อตฺถานตฺถํ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺกา, เอวํ อภิภูตจิตฺโต. โส ปน อภิภโว มหตา อุทโกเฆน อปฺปกสฺส อุทกสฺส อชฺโฌตฺถรณํ วิย อโหสีติ วุตฺตํ ‘‘อชฺโฌตฺถฏจิตฺโต’’ติ. อฺโปีติ เถรโต, อริเยหิ วา อฺโปิ โย โกจิ ปุถุชฺชโน. ปุถุชฺชนคฺคหณฺเจตฺถ ยถา สพฺเพน สพฺพํ อปฺปหีนวิปลฺลาโส มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโต กิฺจิ ¶ อตฺถํ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกติ, เอวํ เถโร ภควตา กตํ นิมิตฺโตภาสํ สพฺพโส น สลฺลกฺเขสีติ ทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘มาโร หี’’ติอาทิ. จตฺตาโร วิปลฺลาสาติ อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ สฺาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโส, ทุกฺเข ‘‘สุข’’นฺติ สฺาวิปลฺลาโส, จิตฺตวิปลฺลาโสติ อิเม จตฺตาโร วิปลฺลาสา. เตนาติ ยทิปิ อิตเร อฏฺ วิปลฺลาสา ปหีนา, ตถาปิ ยถาวุตฺตานํ จตุนฺนํ วิปลฺลาสานํ อปฺปหีนภาเวน. อสฺสาติ เถรสฺส. มทฺทตีติ ผุสนมตฺเตน มทฺทนฺโต วิย โหติ, อฺถา เตน มทฺทิเต สตฺตานํ มรณเมว สิยา. กึ สกฺขิสฺสติ, น สกฺขิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. กสฺมา ¶ น สกฺขิสฺสติ, นนุ เอส อคฺคสาวกสฺส กุจฺฉึ ปวิฏฺโติ? สจฺจํ ปวิฏฺโ, ตฺจ โข อตฺตโน อานุภาวทสฺสนตฺถํ, น วิพาธนาธิปฺปาเยน. วิพาธนาธิปฺปาเยน ปน อิธ ‘‘กึ สกฺขิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ หทยมทฺทนสฺส อธิคตตฺตา. นิมิตฺโตภาสนฺติ เอตฺถ ‘‘ติฏฺตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลกปฺปํ อวฏฺานยาจนาย ‘‘ยสฺส กสฺสจิ อานนฺท จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อฺาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฏฺานสมตฺถตาวเสน สฺุปฺปาทนํ นิมิตฺตํ, ตถา ปน ปริยายํ มฺุจิตฺวา อุชุกํเยว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ โอภาโส. ชานนฺโตเยว วาติ มาเรน ปริยุฏฺิตภาวํ ชานนฺโต เอว. อตฺตโน อปราธเหตุโต ¶ สตฺตานํ โสโก ตนุโก โหติ, น พลวาติ อาห ‘‘โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถ’’นฺติ. กึ ปน เถโร มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺตกาเล ปวตฺตึ ปจฺฉา ชานาตีติ? น ชานาติ สภาเวน, พุทฺธานุภาเวน ปน อนุชานาติ.
มารยาจนกถาวณฺณนา
๑๖๘. อนตฺเถ นิโยเชนฺโต คุณมารเณน มาเรติ, วิราควิพนฺธเนน วา ชาตินิมิตฺตตาย ตตฺถ ตตฺถ ชาตํ ชาตํ มาเรนฺโต วิย โหตีติ ‘‘มาเรตีติ มาโร’’ติ วุตฺตํ. อติวิย ปาปตาย ปาปิมา. กณฺหธมฺเมหิ สมนฺนาคโต กณฺโห. วิราคาทิคุณานํ อนฺตกรณโต อนฺตโก. สตฺตานํ อนตฺถาวหปฏิปตฺตึ น มุจฺจตีติ นมุจิ. อตฺตโน มารปาเสน ปมตฺเต พนฺธติ, ปมตฺตา วา พนฺธู เอตสฺสาติ ปมตฺตพนฺธุ. สตฺตมสตฺตาหโต ปรํ สตฺต อหานิ สนฺธายาห ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติ น ปน ปลฺลงฺกสตฺตาหาทิ วิย นิยตกิจฺจสฺส อฏฺมสตฺตาหสฺส นาม ลพฺภนโต. สตฺตมสตฺตาหสฺส หิ ปรโต อชปาลนิคฺโรธมูเล มหาพฺรหฺมุโน, สกฺกสฺส จ เทวรฺโ ปฏิฺาตธมฺมเทสนํ ภควนฺตํ ตฺวา ‘‘อิทานิ สตฺเต ธมฺมเทสนาย มม วิสยํ อติกฺกมาเปสฺสตี’’ติ สฺชาตโทมนสฺโส หุตฺวา ิโต จินฺเตสิ ‘‘หนฺท ทานาหํ นํ อุปาเยน ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, เอวมสฺส มโนรโถ อฺถตฺตํ คมิสฺสติ, มม จ มโนรโถ อิชฺฌิสฺสตี’’ติ ¶ . เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกํ อนฺตํ ิโต ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ ภนฺเต ภควา’’ติอาทินา ปรินิพฺพานํ ยาจิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อฏฺเม สตฺตาเห’’ติอาทิ. ตตฺถ อชฺชาติ อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนทิวสํ สนฺธายาห. ภควา จสฺส อภิสนฺธึ ชานนฺโตปิ ¶ ตํ อนาวิกตฺวา ปรินิพฺพานสฺส อกาลภาวเมว ปกาเสนฺโต ยาจนํ ปฏิกฺขิปิ. เตนาห ‘‘น ตาวาห’’นฺติอาทิ.
มคฺควเสน วิยตฺตาติ สจฺจสมฺปฏิเวธเวยฺยตฺติเยน พฺยตฺตา. ตเถว วินีตาติ มคฺควเสน กิเลสานํ สมุจฺเฉทวินยเนน วินีตา. ตถา วิสารทาติ อริยมคฺคาธิคเมเนว สตฺถุสาสเน เวสารชฺชปฺปตฺติยา วิสารทา ¶ , สารชฺชกรานํ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทิปาปธมฺมานํ วิคเมน วิสารทภาวํ ปตฺตาติ อตฺโถ. ยสฺส สุตสฺส วเสน วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณํ สมฺภวติ, ตํ อิธ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน ‘‘สุต’’นฺติ อธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘เตปิฏกวเสนา’’ติ. ติณฺณํ ปิฏกานํ สมูโห เตปิฏกํ, ตีณิ วา ปิฏกานิ ติปิฏกํ, ติปิฏกเมว เตปิฏกํ, ตสฺส วเสน. ตเมวาติ ยํ ตํ เตปิฏกํ โสตพฺพภาเวน ‘‘สุต’’นฺติ วุตฺตํ, ตเมว. ธมฺมนฺติ ปริยตฺติธมฺมํ. ธาเรนฺตีติ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสํ วิย อวินสฺสนฺตํ กตฺวา สุปฺปคุณสุปฺปวตฺติภาเวน ธาเรนฺติ หทเย เปนฺติ. อิติ ปริยตฺติธมฺมวเสน พหุสฺสุตธมฺมธรภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิเวธธมฺมวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อริยธมฺมสฺสาติ มคฺคผลธมฺมสฺส, นววิธสฺสาปิ วา โลกุตฺตรธมฺมสฺส. อนุธมฺมภูตนฺติ อธิคมาย อนุรูปธมฺมภูตํ. อนุจฺฉวิกปฏิปทนฺติ จ ตเมว วิปสฺสนาธมฺมมาห, ฉพฺพิธา วิสุทฺธิโย วา. อนุธมฺมนฺติ ตสฺสา ยถาวุตฺตปฏิปทาย อนุรูปํ อภิสลฺเลขิตํ อปฺปิจฺฉตาทิธมฺมํ. จรณสีลาติ สมาทาย ปวตฺตนสีลา. อนุ มคฺคผลธมฺโม เอติสฺสาติ วา อนุธมฺมา, วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา, ตสฺสา จรณสีลา. อตฺตโน อาจริยวาทนฺติ อตฺตโน อาจริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาทํ. สเทวกสฺส โลกสฺส อาจารสิกฺขาปเนน อาจริโย, ภควา. ตสฺส วาโท, จตุสจฺจเทสนา.
อาจิกฺขิสฺสนฺตีติ อาทิโต กเถสฺสนฺติ, อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ปเร อุคฺคณฺหาเปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เทเสสฺสนฺตีติ วาเจสฺสนฺติ, ปาฬึ สมฺมา ปโพเธสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฺาเปสฺสนฺตีติ ปชานาเปสฺสนฺติ, สงฺกาเปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฏฺเปสฺสนฺตีติ ปกาเรหิ เปสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อตฺโถ. วิวริสฺสนฺตีติ วิวฏํ กริสฺสนฺติ. วิภชิสฺสนฺตีติ วิภตฺตํ กริสฺสนฺติ. อุตฺตานึ กริสฺสนฺตีติ ¶ อนุตฺตานํ คมฺภีรํ อุตฺตานํ ปากฏํ กริสฺสนฺติ. สห ธมฺเมนาติ เอตฺถ ธมฺม-สทฺโท การณปริยาโย ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ ¶ (วิภ. ๒๗๐) วิยาติ อาห ‘‘สเหตุเกน สการเณน วจเนนา’’ติ. สปฺปาฏิหาริยนฺติ สนิสฺสรณํ ¶ , ยถา ปรวาทํ ภฺชิตฺวา สกวาโท ปติฏฺหติ, เอวํ เหตุทาหรเณหิ ยถาธิคตมตฺถํ สมฺปาเทตฺวา ธมฺมํ กเถสฺสนฺติ. เตนาห ‘‘นิยฺยานิกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติ, นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ ปโพเธสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘ปฺาเปสฺสนฺตี’’ติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ ฉ อตฺถปทานิ ทสฺสิตานิ, อาทิโต ปน ทฺวีหิ ปเทหิ ฉ พฺยฺชนปทานิ. เอตฺตาวตา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สํวณฺณนานเยน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ เนตฺติยํ ‘‘ทฺวาทสปทานิ สุตฺตํ, ตํ สพฺพํ พฺยฺชนฺจ อตฺโถ จา’’ติ (เนตฺติ. สงฺขาเร).
สิกฺขตฺตยสงฺคหิตนฺติ อธิสีลสิกฺขาทิสิกฺขตฺตยสงฺคหณํ. สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยนฺติ อนวเสสํ สตฺถุสาสนภูตํ เสฏฺจริยํ. สมิทฺธนฺติ สมฺมเทว วฑฺฒิตํ. ฌานสฺสาทวเสนาติ เตหิ เตหิ ภิกฺขูหิ สมธิคตฌานสุขวเสน. วุทฺธิปฺปตฺตนฺติ อุฬารปณีตภาวคมเนน สพฺพโส ปริวุทฺธึ อุปคตํ. สพฺพปาลิผุลฺลํ วิย อภิฺาสมฺปตฺติวเสน อภิฺาสมฺปทาหิ สาสนาภิวุทฺธิยา มตฺถกปฺปตฺติโต. ปติฏฺิตวเสนาติ ปติฏฺานวเสน, ปติฏฺปฺปตฺติยาติ อตฺโถ. ปฏิเวธวเสน พหุโน ชนสฺส หิตนฺติ พาหุชฺํ. เตนาห ‘‘พหุชนาภิสมยวเสนา’’ติ. ปุถุ ปุถุลํ ภูตํ ชาตํ, ปุถุ วา ปุถุตฺตํ ภูตํ ปตฺตนฺติ ¶ ปุถุภูตํ. เตนาห ‘‘สพฺพาการ…เป… ปตฺต’’นฺติ. สุฏฺุ ปกาสิตนฺติ สุฏฺุ สมฺมเทว อาทิกลฺยาณาทิภาเวน ปเวทิตํ.
อายุสงฺขารโอสฺสชฺชนวณฺณนา
๑๖๙. สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวาติ อยํ กายาทิวิภาโค อตฺตภาวสฺิโต ทุกฺขภาโร มยา เอตฺตกํ กาลํ วหิโต, อิทานิ ปน น วหิตพฺโพ, เอตสฺส อวหนตฺถํ จิรตรํ กาลํ อริยมคฺคสมฺภาโร สมฺภโต, สฺวายํ อริยมคฺโค ปฏิวิทฺโธ, ยโต อิเม กายาทโย อสุภาทิโต สมฺมเทว ปริฺาตา, จตุพฺพิธมฺปิ สมฺมาสตึ ยถาตถํ วิสเย สุฏฺุ อุปฏฺิตํ กตฺวา. าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาติ ยสฺมา อิมสฺส อตฺตภาวสฺิตสฺส ทุกฺขภารสฺส วหเน ปโยชนภูตํ อตฺตหิตํ ตาว มหาโพธิมูเล เอว ปริสมาปิตํ, ปรหิตํ ปน พุทฺธเวเนยฺยวินยนํ ปริสมาปิตพฺพํ, ตํ ¶ อิทานิ มาสตฺตเยเนว ปริสมาปนํ ปาปุณิสฺสติ, ตสฺมา อภาสิ ‘‘วิสาขปุณฺณมายํ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ, เอวํ พุทฺธาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สพฺพภาเคน นิจฺฉยํ กตฺวา. อายุสงฺขารํ วิสฺสชฺชีติ อายุโน ชีวิตสฺส อภิสงฺขารกํ ผลสมาปตฺติธมฺมํ ‘‘น สมาปชฺชิสฺสามี’’ติ วิสฺสชฺชิ ตํวิสฺสชฺชเนเนว เตน อภิสงฺขริยมานํ ชีวิตสงฺขารํ ‘‘นปฺปวตฺเตสฺสามี’’ติ วิสฺสชฺชิ. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. านมหนฺตตายปิ ปวตฺติอาการมหนฺตตายปิ มหนฺโต ปถวีกมฺโป. ตตฺถ านมหนฺตตาย ภูมิจาลสฺส มหตฺตํ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘ตทา กิร…เป… กมฺปิตฺถา’’ติ วุตฺตํ. สา ปน ชาติกฺเขตฺตภูตา ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอว, น ยา กาจิ, ยา มหาภินีหารมหาชาติอาทีสุปิ กมฺปิตฺถ. ตทาปิ ตตฺติกาย เอว กมฺปเน กึ การณํ ¶ ? ชาติกฺเขตฺตภาเวน ตสฺเสว อาทิโต ปริคฺคหสฺส กตตฺตา. ปริคฺคหกรณํ จสฺส ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ปุริมพุทฺธานมฺปิ ตาวตกเมว ชาติกฺเขตฺตํ อโหสิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตู, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา…เป… มหาสมุทฺโท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปตี’’ติ จ อาทิ (พุ. วํ. ๘๔-๙๑). อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ฉปฺปการปเวธเนน อวีตราเค ภึเสตีติ ภึสโน, โส เอว ภึสนโกติ อาห ‘‘ภยชนโก’’ติ. เทวเภริโยติ เทวทุนฺทุภิสทฺทสฺส ปริยายวจนมตฺตํ. น เจตฺถ กาจิ เภรี ‘‘เทวทุนฺทุภี’’ติ อธิปฺเปตา, อถ โข อุปฺปาตภาเวน ลพฺภมาโน อากาสคโต นิคฺโฆสสทฺโท. เตนาห ‘‘เทโว’’ติอาทิ. เทโวติ เมโฆ. ตสฺส หิ อจฺฉภาเวน อากาสสฺส วสฺสาภาเวน สุกฺขคชฺชิตสฺิเต สทฺเท นิจฺฉรนฺเต เทวทุนฺทุภิสมฺา. เตนาห ‘‘เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชี’’ติ.
ปีติเวควิสฺสฏฺนฺติ ‘‘เอวํ จิรตรํ กาลํ วหิโต อยํ อตฺตภาวสฺิโต ทุกฺขภาโร, อิทานิ น จิรสฺเสว นิกฺขิปิสฺสตี’’ติ สฺชาตโสมนสฺโส ภควา สภาเวเนว ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ. เอวํ ปน อุทาเนนฺเตน อยมฺปิ อตฺโถ สาธิโต โหตีติ ทสฺสนตฺถํ อฏฺกถายํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตุลียตีติ ตุลนฺติ ตุล-สทฺโท กมฺมสาธโนติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุลิต’’นฺติ วุตฺตํ. อปฺปานุภาวตาย ปริจฺฉินฺนํ. ตถา หิ ตํ ปริโต ขณฺฑิตภาเวน ‘‘ปริตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ปฏิปกฺขวิกฺขมฺภนโต ทีฆสนฺตานตาย, วิปุลผลตาย ¶ จ น ตุลํ น ปริจฺฉินฺนํ. เยหิ การเณหิ ปุพฺเพ อวิเสสโต มหคฺคตํ ‘‘อตุล’’นฺติ วุตฺตํ, ตานิ การณานิ ¶ รูปาวจรโต อารุปฺปสฺส สาติสยานิ วิชฺชนฺตีติ ‘‘อรูปาวจรํ อตุล’’นฺติ วุตฺตํ, อิตรฺจ ‘‘ตุล’’นฺติ, อปฺปวิปากํ ตีสุปิ กมฺเมสุ ยํ ตนุวิปากํ หีนํ, ตํ ตุลํ. พหุวิปากนฺติ ยํ มหาวิปากํ ปณีตํ, ตํ อตุลํ. ยํ ปเนตฺถ มชฺฌิมํ, ตํ หีนํ, อุกฺกฏฺนฺติ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ทฺวีสุ ภาเคสุ ปกฺขิปิตพฺพํ. หีนตฺติกวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว อปฺปพหุวิปากตํ นิทฺธาเรตฺวา ตสฺส วเสน ตุลาตุลภาโว เวทิตพฺโพ. สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโวติ อาห ‘‘สมฺภวสฺส เหตุภูต’’นฺติ. นิยกชฺฌตฺตรโตติ สสนฺตานธมฺเมสุ วิปสฺสนาวเสน, โคจราเสวนาย จ นิรโต. สวิปากํ สมานํ ปวตฺติวิปากมตฺตทายิกมฺมํ สวิปากฏฺเน สมฺภวํ. น จ ตํ กามาทิภวาภิสงฺขารกนฺติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘สมฺภว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ภวสงฺขาร’’นฺติ วุตฺตํ. โอสฺสชฺชีติ อริยมคฺเคน อวสฺสชฺชิ ¶ . กวจํ วิย อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ อตฺตนิ สมฺภูตตฺตา อตฺตสมฺภวํ กิเลสฺจ อภินฺทีติ กิเลสเภทสหภาวิกมฺโมสฺสชฺชนํ ทสฺเสนฺโต ตทุภยสฺส การณํ อโวจ ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติ.
ตีเรนฺโตติ ‘‘อุปฺปาโท ภยํ, อนุปฺปาโท เขม’’นฺติอาทินา วีมํสนฺโต. ‘‘ตุเลนฺโต ตีเรนฺโต’’ติอาทินา สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา’’ติ อาทึ วตฺวา ภวสงฺขารสฺส อวสฺสชฺชนาการํ สรูปโต ทสฺเสสิ. ‘‘เอว’’นฺติอาทินา ปน อุทานวณฺณนายํ อาทิโต วุตฺตมตฺถํ นิคมนวเสน ทสฺเสสิ.
มหาภูมิจาลวณฺณนา
๑๗๑. ยนฺติ กรเณ วา อธิกรเณ วา ปจฺจตฺตวจนนฺติ อธิปฺปาเยน อาห ‘‘เยน สมเยน, ยสฺมึ วา สมเย’’ติ. อุกฺเขปกวาตาติ ¶ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ิตฏฺานโต เขปกวาตา. ‘‘สฏฺิ…เป… พหล’’นฺติ อิทํ ตสฺส วาตสฺส อุพฺเพธปฺปมาณเมว คเหตฺวา วุตฺตํ, อายามวิตฺถารโต ปน ทสสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณมฺปิ อุทกสนฺธารกวาตํ อุปจฺฉินฺทติเยว. อากาเสติ ปุพฺเพ วาเตน ปติฏฺิโตกาเส. ปุน วาโตติ อุกฺเขปกวาเต ตถากตฺวา วิคเต อุทกสนฺธารกวาโต ปุน อาพนฺธิตฺวา ¶ คณฺหาติ ยถา ตํ อุทกํ น ภสฺสติ, เอวํ อุตฺถมฺเภนฺตํ อาพนฺธนวิตานวเสน พนฺธิตฺวา คณฺหาติ. ตโต อุทกํ อุคฺคจฺฉตีติ ตโต อาพนฺธิตฺวา คหณโต เตน วาเตน อุตฺถมฺภิตํ อุทกํ อุคฺคจฺฉติ อุปริ คจฺฉติ. โหติเยวาติ อนฺตรนฺตรา โหติเยว. พหลภาเวนาติ มหาปถวิยา มหนฺตภาเวน. สกลา หิ มหาปถวี ตทา โอคฺคจฺฉติ, อุคฺคจฺฉติ จ, ตสฺมา กมฺปนํ น ปฺายติ.
อิชฺฌนสฺสาติ อิจฺฉิตตฺถสิชฺฌนสฺส. อนุภวิตพฺพสฺสอิสฺสริยสมฺปตฺติอาทิกสฺส. ปริตฺตาติ ปฏิลทฺธมตฺตา นาติสุภาวิตา. ตถา จ ภาวนา พลวตี น โหตีติ อาห ‘‘ทุพฺพลา’’ติ. สฺาสีเสน หิ ภาวนา วุตฺตา. อปฺปมาณาติ ปคุณา สุภาวิตา. สา หิ ถิรา ทฬฺหตรา โหตีติ อาห ‘‘พลวา’’ติ. ‘‘ปริตฺตา ปถวีสฺา, อปฺปมาณา อาโปสฺา’’ติ เทสนามตฺตเมว, อาโปสฺาย ปน สุภาวิตาย ปถวีกมฺโป สุเขเนว อิชฺฌตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. สํเวเชนฺโต ทิพฺพสมฺปตฺติยา ปมตฺตํ สกฺกํ เทวราชานํ. วีมํสนฺโต วา ตาวเทว สมธิคตํ อตฺตโน อิทฺธิพลํ. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ปาสาทกมฺปนํ ปากฏนฺติ ตํ อนามสิตฺวา สงฺฆรกฺขิตสามเณรสฺส ปาสาทกมฺปนํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส กิรายสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปูติมิสฺโส ¶ คนฺโธ เอตสฺสาติ ปูติคนฺโธ, เตน ปูติคนฺเธเนว ¶ อธิคตมาตุกุจฺฉิสมฺภวํ วิย คนฺเธเนว สีเสน, อติวิย ทารโก เอวาติ อตฺโถ.
อาจริยนฺติ อาจริยูปเทสํ. อิทฺธาภิสงฺขาโร นาม อิทฺธิวิธปฺปฏิปกฺขาทีภาเวน อิจฺฉิตพฺโพ, โส จ อุปาเย โกสลฺลสฺส อตฺตนา น สมฺมา อุคฺคหิตตฺตา น ตาว สิกฺขิโตติ อาห ‘‘อสิกฺขิตฺวาว ยุทฺธํ ปวิฏฺโสี’’ติ. ‘‘ปิลวนฺต’’นฺติ อิมินา สกลเมว ปาสาทวตฺถุํ อุทกํ กตฺวา อธิฏฺาตพฺพปาสาโทว ตตฺถ ปิลวตีติ ทสฺเสติ. อธิฏฺานกฺกมํ ปน อุปมาย ทสฺเสนฺโต ‘‘ตาต…เป… ชานาหี’’ติ อาห. ตตฺถ กปลฺลกปูวนฺติ อาสิตฺตกปูวํ, ตํ ปจนฺตา กปาเล ปมํ กิฺจิ ปิฏฺํ เปตฺวา อนุกฺกเมน วฑฺเฒตฺวา อนฺตนฺเตน ปริจฺฉินฺทนฺติ ปูวํ สมนฺตโต ปริจฺฉินฺนํ กตฺวา เปนฺติ, เอวํ ‘‘อาโปกสิณวเสน ‘ปาสาเทน ปติฏฺิตฏฺานํ อุทกํ โหตู’ติ อธิฏฺหนฺโต สมนฺตโต ปาสาทสฺส ยาว ปริยนฺตา ยถา อุทกํ โหติ, ตถา อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติ อุปมาย อุปทิสติ.
มหาปทาเน ¶ วุตฺตเมวาติ ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสตฺโต ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘) วตฺวา ‘‘อยฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘), ตถา ‘‘ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ยทา โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๐) วตฺวา ‘‘อยฺจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒) จ ¶ มหาโพธิสตฺตสฺส คพฺโภกฺกนฺติยํ, อภิชาติยฺจ ธมฺมตาวเสน มหาปทาเนปถวีกมฺปสฺส วุตฺตตฺตา อิตเรสุปิ จตูสุ าเนสุ ปถวีกมฺโป ธมฺมตาวเสเนวาติ มหาปทาเนอตฺถโต วุตฺตํ เอวาติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ เนสํ ปถวีกมฺปนํ การณโต, ปวตฺติอาการโต จ วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิติ อิเมสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธาตุโกเปนาติ อุกฺเขปกธาตุสงฺขาตาย วาโยธาตุยา ปโกเปน. อิทฺธานุภาเวนาติ าณิทฺธิยา วา กมฺมวิปากชิทฺธิยา วา ปภาเวน, เตเชนาติ อตฺโถ. ปฺุเตเชนาติ ปฺุานุภาเวน, มหาโพธิสตฺตสฺส ปฺุพเลนาติ อตฺโถ. าณเตเชนาติ ปฏิเวธาณานุภาเวน. สาธุการทานวเสนาติ ยถา อนฺสาธารเณน ปฏิเวธาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี อภิสมฺโพธิยํ อกมฺปิตฺถ, เอวํ อนฺสาธารเณน เทสนาาณานุภาเวน อภิหตา มหาปถวี อกมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา สาธุการทานํ วิย โหตีติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติ วุตฺตํ.
เยน ¶ ปน ภควา อสีติอนุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณ- (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๑๙๘; ม. นิ. ๒.๓๘๕) วิจิตฺรรูปกาโย สพฺพาการปริสุทฺธสีลกฺขนฺธาทิคุณรตนสมิทฺธิธมฺมกาโย ปฺุมหตฺตถามมหตฺตยสมหอาอิทฺธิมหตฺตปฺามหตฺตานํ ปรมุกฺกํสคโต อสโม อสมสโม อปฺปฏิปุคฺคโล อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อตฺตโน อตฺตภาวสฺิตํ ขนฺธปฺจกํ กปฺปํ วา กปฺปาวเสสํ วา เปตุํ สมตฺโถปิ สงฺขตธมฺมํ ปฏิชิคุจฺฉนาการปฺปวตฺเตน าณวิเสเสน ติณายปิ อมฺมาโน อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนวิธินา นิรเปกฺโข โอสฺสชฺชิ. ตทนุภาวาภิหตา มหาปถวี อายุสงฺขาโรสฺสชฺชเน อกมฺปิตฺถ, ตํ ปนสฺสา การฺุสภาวสณฺิตา วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘การฺุสภาเวนา’’ติ ¶ . ยสฺมา ภควา ปรินิพฺพานสมเย จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา สมาปตฺติโย ¶ สมาปชฺชิ อนฺตรนฺตรา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน, ตสฺส ปุพฺพภาเค สาติสยํ ติกฺขํ สูรํ วิปสฺสนาาณฺจ ปวตฺเตสิ, ‘‘ยทตฺถฺจ มยา เอวํ สุจิรกาลํ อนฺสาธารโณ ปรมุกฺกํสคโต าณสมฺภาโร สมฺภโต, อนุตฺตโร จ วิโมกฺโข สมธิคโต, ตสฺส วต เม สิขาปฺปตฺตผลภูตา อจฺจนฺตนิฏฺา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ อชฺช สมิชฺฌตี’’ติ ภิยฺโย อติวิย โสมนสฺสปฺปตฺตสฺส ภควโต ปีติวิปฺผาราทิคุณวิปุลตรานุภาโว ปเรหิ อสาธารณาณาติสโย อุทปาทิ, ยสฺส สมาปตฺติพลสมุปพฺรูหิตสฺส าณาติสยสฺส อานุภาวํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘ทฺเวเม ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมสมวิปากา’’ติอาทิ (อุทา. ๗๕), ตสฺมา ตสฺส อานุภาเวน สมภิหตา มหาปถวี อกมฺปิตฺถ. ตํ ปนสฺสา ตสฺสํ เวลายํ อาโรทนาการปฺปตฺติ วิย โหตีติ ‘‘อฏฺโม อาโรทเนนา’’ติ วุตฺตํ.
อิทานิ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺเต’’ติอาทิมาห. อยํ ปนตฺโถติ ‘‘สาธุการทานวเสนา’’ติอาทินา วุตฺโต อตฺโถ. ปถวีเทวตาย วเสนาติ เอตฺถ สมุทฺทเทวตา วิย มหาปถวิยา อธิเทวตา กิร นาม อตฺถิ. ตาทิเส การเณ สติ ตสฺสา จิตฺตวเสน อยํ มหาปถวี สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธติ, ยถา วาตวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน วาตา วายนฺติ, สีตุณฺหอพฺภวสฺสวลาหกเทวตานํ จิตฺตวเสน สีตาทโย ภวนฺติ. ตถา หิ วิสาขปุณฺณมายํ อภิสมฺโพธิอตฺถํ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺนสฺส โลกนาถสฺส อนฺตรายกรณตฺถํ อุปฏฺิตํ มารพลํ วิธมิตุํ –
‘‘อเจตนายํ ¶ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;
สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ. (จริยา. ๑.๑๒๔) –
วจนสมนนฺตรํ ¶ มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา สปริสํ มารํ ปริวตฺเตสิ. เอตนฺติ สาธุการทานาทิ. ยทิปิ นตฺถิ อเจตนตฺตา, ธมฺมตาวเสน ปน วุตฺตนเยน สิยาติ สกฺกา วตฺตุํ. ธมฺมตา ปน อตฺถโต ธมฺมสภาโว, โส ปฺุธมฺมสฺส วา าณธมฺมสฺส วา อานุภาวสภาโวติ. ตยิทํ สพฺพํ วิจาริตเมว, เอวฺจ กตฺวา –
‘‘อิเม ¶ ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;
ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถา’’ติ. (พุ. วํ. ๑.๑๖๖);
อาทิ วจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ.
นิทฺทิฏฺนิทสฺสนนฺติ นิทฺทิฏฺสฺส อตฺถสฺส นิยฺยาตนํ, นิคมนนฺติ อตฺโถ. เอตฺตาวตาติ ปถวีกมฺปาทิอุปฺปาทชนเนน เจว ปถวีกมฺปสฺส ภควโต เหตุนิทสฺสเนน จ. ‘‘อทฺธา อชฺช ภควตา อายุสงฺขาโร โอสฺสฏฺโ’’ติ สลฺลกฺเขสิ ปาริเสสาเยน. เอวฺหิ ตทา เถโร ตมตฺถํ วีมํเสยฺย นายํ ภูมิกมฺโป ธาตุปฺปโกปเหตุโก ตสฺส อปฺายมานรูปตฺตา, พาหิรโกปิ อิสิ เอวํ มหานุภาโว พุทฺธกาเล นตฺถิ, สาสนิโกปิ สตฺถุ อนาโรเจตฺวา เอวํ กโรนฺโต นาม นตฺถิ, เสสานํ ปฺจนฺนํ อิทานิ อสมฺภโว, เอวํ ภูมิกมฺโป จายํ มหาภึสนโก สโลมหํโส อโหสิ, ตสฺมา ปาริเสสโต อาห ‘‘อชฺช ภควตา อายุสงฺขาโร โอสฺสฏฺโติ สลฺลกฺเขสี’’ติ.
อฏฺปริสวณฺณนา
๑๗๒. โอกาสํ อทตฺวาติ ‘‘ติฏฺตุ ภนฺเต ภควา กปฺป’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๗๘) นยปฺปวตฺตาย เถรสฺส อายาจนาย อวสรํ อทตฺวา. อฺานิปิ อฏฺกานิ สมฺปิณฺเฑนฺโต เหตุอฏฺกโต อฺานิ ปริสาภิภายตนวิโมกฺขวเสน ¶ ตีณิ อฏฺกานิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อฏฺ โข อิมา’’ติอาทิมาห. ‘‘อายสฺมโต อานนฺทสฺส โสกุปฺปตฺตึ ปริหรนฺโต วิกฺเขปํ กโรนฺโต’’ติ เกจิ สหสา ภณิเต พลวโสโก อุปฺปชฺเชยฺยาติ.
สมาคนฺตพฺพโต, สมาคจฺฉตีติ วา สมาคโม, ปริสา. พิมฺพิสารปมุโข สมาคโม พิมฺพิสารสมาคโม. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. พิมฺพิสาร…เป… สมาคมาทิสทิสํ ขตฺติยปริสนฺติ โยชนา. อฺเสุ จกฺกวาเฬสุปิ ลพฺภเตเยว สตฺถุ ขตฺติยปริสาทิอุปสงฺกมนํ. อาทิโต เตหิ สทฺธึ สตฺถุ ภาสนํ อาลาโป. กถนปฏิกถนํ สลฺลาโป. ธมฺมุปสฺหิตา ปุจฺฉา ปฏิปุจฺฉา ¶ ธมฺมสากจฺฉา. สณฺานํ ปฏิจฺจ กถนํ สณฺานปริยายตฺตา ¶ วณฺณ-สทฺทสฺส ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) วิย. ‘‘เตส’’นฺติ ปทํ อุภยปทาเปกฺขํ ‘‘เตสมฺปิ ลกฺขณสณฺานํ วิย สตฺถุ สรีรสณฺานํ, เตสํ เกวลํ ปฺายติ เอวา’’ติ. นาปิ อามุกฺกมณิกุณฺฑโล ภควา โหตีติ โยชนา. ฉินฺนสฺสราติ ทฺวิธาภูตสฺสรา. คคฺครสฺสราติ ชชฺชริตสฺสรา. ภาสนฺตรนฺติ เตสํ สตฺตานํ ภาสโต อฺํ ภาสํ. วีมํสาติ จินฺตนา. ‘‘กิมตฺถํ…เป… เทเสตี’’ติ อิทํ นนุ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา ธมฺเม กถิเต เตสํ สาติสโย ปสาโท โหตีติ อิมินา อธิปฺปาเยน วุตฺตํ? เยสํ อตฺตานํ อชานาเปตฺวาว ธมฺเม กถิเต ปสาโท โหติ, น ชานาเปตฺวา, ตาทิเส สนฺธาย สตฺถา ตถา กโรติ. ตตฺถ ปโยชนมาห ‘‘วาสนตฺถายา’’ติ. เอวํ สุโตปีติ เอวํ อวิฺาตเทสโก อวิฺาตาคมโนปิ สุโต ธมฺโม อตฺตโน ธมฺมสุธมฺมตาเยว อนาคเต ปจฺจโย โหติ สุณนฺตสฺส.
‘‘อานนฺทา’’ติอาทิโก สงฺคีติอนารุฬฺโห ปาฬิธมฺโม เอว ตถา ทสฺสิโต. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ เอวรูเปสุ าเนสุ.
อฏฺอภิภายตนวณฺณนา
๑๗๓. อภิภวตีติ ¶ อภิภุ, ปริกมฺมํ, าณํ วา. อภิภุ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํ. อภิภวิตพฺพํ วา อารมฺมณสงฺขาตํ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ. อารมฺมณาภิภวนโต อภิภุ จ ตํ อายตนฺจ โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิฏฺานภาวโต, มนายตนธมฺมายตนภาวโต วาติปิ สสมฺปยุตฺตํ ฌานํ อภิภายตนํ. เตนาห ‘‘อภิภวนการณานี’’ติอาทิ. ตานิ หีติ อภิภายตนสฺิตานิ ฌานานิ. ‘‘ปุคฺคลสฺส าณุตฺตริยตายา’’ติ อิทํ อุภยตฺถาปิ โยเชตพฺพํ. กถํ? ปฏิปกฺขภาเวน ปจฺจนีกธมฺเม อภิภวนฺติ ปุคฺคลสฺส าณุตฺตริยตาย อารมฺมณานิ อภิภวนฺติ. าณพเลเนว หิ อารมฺมณาภิภวนํ วิย ปฏิปกฺขาภิภโว ปีติ.
ปริกมฺมวเสน อชฺฌตฺตํ รูปสฺี, น อปฺปนาวเสน. น หิ ปฏิภาคนิมิตฺตารมฺมณา อปฺปนา อชฺฌตฺตวิสยา สมฺภวติ, ตํ ปน อชฺฌตฺตปริกมฺมวเสน ลทฺธํ ¶ กสิณนิมิตฺตํ อวิสุทฺธเมว โหติ, น พหิทฺธาปริกมฺมวเสน ลทฺธํ วิย วิสุทฺธํ.
ปริตฺตานีติ ¶ ยถาลทฺธานิ สุปฺปสราวมตฺตานิ. เตนาห ‘‘อวฑฺฒิตานี’’ติ. ปริตฺตวเสเนวาติ วณฺณวเสน อาโภเค วิชฺชมาเนปิ ปริตฺตวเสเนว อิทํ อภิภายตนํ วุตฺตํ. ปริตฺตตา เหตฺถ อภิภวนสฺส การณํ. วณฺณาโภเค สติปิ อสติปิ อภิภายตนภาวนา นาม ติกฺขปฺสฺเสว สมฺภวติ, น อิตรสฺสาติ อาห ‘‘าณุตฺตริโก ปุคฺคโล’’ติ. อภิภวิตฺวา สมาปชฺชตีติ เอตฺถ อภิภวนํ, สมาปชฺชนฺจ อุปจารชฺฌานาธิคมสมนนฺตรเมว อปฺปนาฌานุปฺปาทนนฺติ อาห ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ. สห นิมิตฺตุปฺปาเทนาติ จ อปฺปนาปริวาสาภาวสฺส ลกฺขณํ วจนเมตํ. โย ‘‘ขิปฺปาภิฺโ’’ติ วุจฺจติ, ตโตปิ าณุตฺตรสฺเสว อภิภายตนภาวนา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นิมิตฺเต. อปฺปนํ ปาเปตีติ ภาวนํ อปฺปนํ เนติ.
เอตฺถ ¶ จ เกจิ ‘‘อุปฺปนฺเน อุปจารชฺฌาเน ตํ อารพฺภ เย เหฏฺิมนฺเตน ทฺเว ตโย ชวนวารา ปวตฺตนฺติ, เต อุปจารชฺฌานปกฺขิกา เอว, ตทนนฺตรฺจ ภวงฺคปริวาเสน, อุปจาราเสวนาย จ วินา อปฺปนา โหติ, สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนว อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ. น หิ ปริวาสิตปริกมฺเมน อปฺปนาวาโร อิจฺฉิโต, นาปิ มหคฺคตปฺปมาณชฺฌาเนสุ วิย อุปจารชฺฌาเน เอกนฺตโต ปจฺจเวกฺขณา อิจฺฉิตพฺพา, ตสฺมา อุปจารชฺฌานาธิคมนโต ปรํ กติปยภวงฺคจิตฺตาวสาเน อปฺปนํ ปาปุณนฺโต ‘‘สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนเวตฺถ อปฺปนํ ปาเปตี’’ติ วุตฺโต. สห นิมิตฺตุปฺปาเทเนวาติ จ อธิปฺปายิกมิทํ วจนํ, น นีตตฺถํ, อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ, น อนฺโตสมาปตฺติยํ ตทา ตถารูปสฺส อาโภคสฺส อสมฺภวโต. สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส อาโภโค ปุพฺพภาคภาวนายวเสน ฌานกฺขเณ ปวตฺตํ อภิภวนาการํ คเหตฺวา ปวตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. อภิธมฺมฏฺกถายํ ปน ‘‘อิมินา ตสฺส ปุพฺพาโภโค กถิโต’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) วุตฺตํ. อนฺโตสมาปตฺติยํ ตถา อาโภคาภาเว กสฺมา ‘‘ฌานสฺายปี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อภิภวน…เป… อตฺถี’’ติ.
วฑฺฒิตปฺปมาณานีติ ¶ วิปุลปฺปมาณานีติ อตฺโถ, น เอกงฺคุลทฺวงฺคุลาทิวเสน วฑฺฒึ ปาปิตานีติ ตถา วฑฺฒนสฺเสเวตฺถ อสมฺภวโต. เตนาห ‘‘มหนฺตานี’’ติ. ภตฺตวฑฺฒิตกนฺติ ภฺุชนภาชนํ วฑฺเฒตฺวา ทินฺนภตฺตํ, เอกาสเน ปุริเสน ภฺุชิตพฺพภตฺตโต อุปฑฺฒภตฺตนฺติ อตฺโถ.
รูเป สฺา รูปสฺา, สา อสฺส อตฺถีติ รูปสฺี, น รูปสฺี อรูปสฺี, สฺาสีเสน ฌานํ วทติ. รูปสฺาย อนุปฺปาทนํ เอเวตฺถ อลาภิตา.
พหิทฺธาว ¶ ¶ อุปฺปนฺนนฺติ พหิทฺธา วตฺถุสฺมึเยว อุปฺปนฺนํ. อภิธมฺเม ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ…เป… อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ (ธ. ส. ๒๒๐) เอวํ จตุนฺนํ อภิภายตนานํ อาคตตฺตา อภิธมฺมฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๐๔) ‘‘กสฺมา ปน ‘ยถา สุตฺตนฺเต อชฺฌตฺตํ รูปสฺี เอโก พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ ปริตฺตานีติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ อวตฺวา อิธ จตูสุปิ อภิภายตเนสุ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาว วุตฺตา’ติ โจทนํ กตฺวา ‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’ติ การณํ วตฺวา, ตตฺถ วา หิ อิธ วา พหิทฺธา รูปาเนว อภิภวิตพฺพานิ, ตสฺมา ตานิ นิยมโต วตฺตพฺพานีติ ตตฺราปิ อิธาปิ วุตฺตานิ. ‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’ติ อิทํ ปน สตฺถุ เทสนาวิลาสมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ วณฺณาโภครหิตานิ, สหิตานิ จ สพฺพานิ ปริตฺตานิ ‘‘ปริตฺตานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ วุตฺตานิ, ตถา อปฺปมาณานิ ‘‘อปฺปมาณานิ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ. อตฺถิ หิ โส ปริยาโย ปริตฺตานิ อภิภุยฺย ตานิ เจ กทาจิ วณฺณวเสน อาภุชิตานิ โหนฺติ, สุวณฺณทุพฺพณฺณานิ อภิภุยฺยาติ. ปริยายกถา หิ สุตฺตนฺตเทสนาติ. อภิธมฺเม (ธ. ส. ๒๒๒) ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วณฺณาโภครหิตานิ วิสุํ วุตฺตานิ, ตถา สหิตานิ. อตฺถิ หิ อุภยตฺถ อภิภวนวิเสโสติ. ตถา อิธ ปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขานมฺปิ อภิภวนปริยาโย อตฺถีติ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติอาทินา ปมทุติยอภิภายตเนสุ ปมวิโมกฺโข, ตติยจตุตฺถอภิภายตเนสุ ทุติยวิโมกฺโข, วณฺณาภิภายตเนสุ ตติยวิโมกฺโข จ อภิภวนปฺปวตฺติโต สงฺคหิโต. อภิธมฺเม ปน นิปฺปริยายเทสนตฺตา วิโมกฺขาภิภายตนานิ อสงฺกรโต ทสฺเสตุํ วิโมกฺเข วชฺเชตฺวา อภิภายตนานิ กถิตานิ ¶ ; สพฺพานิ จ วิโมกฺขกิจฺจานิ ฌานานิ วิโมกฺขเทสนายํ วุตฺตานิ. ตเทตํ ¶ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปสฺี’’ติ อาคตสฺส อภิภายตนทฺวยสฺส อภิธมฺเม อภิภายตเนสุ อวจนโต ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนฺจ สพฺพวิโมกฺขกิจฺจสาธารณวจนภาวโต ววตฺถานํ กตนฺติ วิฺายติ. ‘‘อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียโต’’ติ อิทํ กตฺถจิปิ ‘‘อชฺฌตฺตํ รูปานิ ปสฺสตี’’ติ อวตฺวา สพฺพตฺถ ยํ วุตฺตํ ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ, ตสฺส การณวจนํ, เตน ยํ อฺเหตุกํ, ตํ เตน เหตุนา วุตฺตํ. ยํ ปน เทสนาวิลาสเหตุกํ อชฺฌตฺตํ อรูปสฺิตาย เอว อภิธมฺเม (ธ. ส. ๒๒๓) วจนํ, น ตสฺส อฺํ การณํ มคฺคิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. อชฺฌตฺตรูปานํ อนภิภวนียตา จ เตสํ พหิทฺธา รูปานํ วิย อภูตตฺตา. เทสนาวิลาโส จ ยถาวุตฺตววตฺถานวเสน เวทิตพฺโพ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน วิชฺชมานปริยายกถาภาวโต. ‘‘สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติ เอเตเนว สิทฺธตฺตา น นีลาทิ อภิภายตนานิ วตฺตพฺพานีติ เจ? ตํ น, นีลาทีสุ กตาธิการานํ นีลาทิภาวสฺเสว อภิภวนการณตฺตา. น หิ เตสํ ปริสุทฺธาปริสุทฺธวณฺณานํ ¶ ปริตฺตตา, อปฺปมาณตา วา อภิภวนการณํ, อถ โข นีลาทิภาโว เอวาติ. เอเตสุ จ ปริตฺตาทิกสิณรูเปสุ ยํ ยํ จริตสฺส อิมานิ อภิภายตนานิ อิชฺฌนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สพฺพสงฺคาหกวเสนาติ สกลนีลวณฺณนีลนิทสฺสนนีลนิภาสานํ สาธารณวเสน. วณฺณวเสนาติ สภาววณฺณวเสน. นิทสฺสนวเสนาติ ปสฺสิตพฺพตาวเสน จกฺขุวิฺาณาทิวิฺาณวีถิยา คเหตพฺพตาวเสน. โอภาสวเสนาติ สปฺปภาสตาย อวภาสนวเสน. อุมาปุปฺผนฺติ อตสิปุปฺผํ. นีลเมว โหติ วณฺณสงฺกราภาวโต. พาราณสิสมฺภวนฺติ พาราณสิยํ สมุฏฺิตํ.
เอกจฺจสฺส อิโต พาหิรกสฺส อปฺปมาณํ อติวิตฺถาริตํ กสิณนิมิตฺตํ ¶ โอโลเกนฺตสฺส ภยํ อุปฺปชฺเชยฺย ‘‘กึ นุ โข อิทํ สกลํ โลกํ อภิภวิตฺวา อชฺโฌตฺถริตฺวา คณฺหาตี’’ติ, ตถาคตสฺส ปน ตาทิสํ ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถีติ อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว อานีตานิ.
อฏฺวิโมกฺขวณฺณนา
๑๗๔. อุตฺตานตฺถาเยว ¶ เหฏฺา อตฺถโต วิภตฺตตฺตา. เอกจฺจสฺส วิโมกฺโขติ โฆโสปิ ภยาวโห วฏฺฏาภิรตภาวโต, ตถาคตสฺส ปน วิโมกฺเข อุปสมฺปชฺช วิหรโตปิ ตํ นตฺถีติ อภีตภาวทสฺสนตฺถเมว อานีตานิ.
อานนฺทยาจนกถาวณฺณนา
๑๗๘. โพธีติ สพฺพฺุตฺาณํ. ตฺหิ ‘‘จตุมคฺคาณปฏิเวธ’’นฺตฺเวว วุตฺตํ สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิเวธสฺส ตํมูลกตฺตา. เอวํ วุตฺตภาวนฺติ ‘‘อากงฺขมาโน อานนฺท ตถาคโต กปฺปํ วา ติฏฺเยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๖๖) เอวํ วุตฺตภาวํ.
๑๗๙. ตมฺปิ โอฬาริกนิมิตฺตํ กตํ ตสฺส มาเรน ปริยุฏฺิตเจตโส น ปฏิวิทฺธํ น สลฺลกฺขิตํ.
๑๘๓. อาทิเกหีติ เอวมาทีหิ มิตฺตามจฺจสุหชฺชาหิ. ปิยายิตพฺพโต ปิเยหิ. มนวฑฺฒนโต ¶ มนาเปหิ. ชาติยาติ ชาติอนุรูปคมเนน. นานาภาโว วิสุํภาโว อสมฺพทฺธภาโว. มรเณน วินาภาโวติ จุติยา เตนตฺตภาเวน อปุนราวตฺตนโต วิปฺปโยโค. ภเวน อฺถาภาโวติ ภวนฺตรคฺคหเณน ปุริมาการโต อฺาการตา ‘‘กามาวจรสตฺโต รูปาวจโร โหตี’’ติอาทินา, ตตฺถาปิ ‘‘มนุสฺโส เทโว โหตี’’ติอาทินาปิ โยเชตพฺโพ. กุเตตฺถ ลพฺภาติ กุโต กุหึ กิสฺมึ นาม าเน เอตฺถ เอตสฺมึ ขนฺธปฺปวตฺเต ‘‘ยํ ตํ ชาตํ…เป… มา ปลุชฺชี’’ติ ลทฺธุํ สกฺกา. น สกฺกา เอว ตาทิสสฺส การณสฺส อภาวโตติ อาห ‘‘เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ. เอวํ อจฺฉริยพฺภุตธมฺมํ ตถาคตสฺสาปิ สรีรํ, กิมงฺคํ ปน อฺเสนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ปจฺจาวมิสฺสตี’’ติ เนตํ านํ ¶ วิชฺชติ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อายุสงฺขารานํ โอสฺสฏฺตฺตา, พุทฺธกิจฺจสฺส จ ปริโยสาปิตตฺตา. น เหตฺถ มาสตฺตยโต ปรํ พุทฺธเวเนยฺยา ลพฺภนฺตีติ.
๑๘๔. สาสนสฺส จิรฏฺิติ นาม สสมฺภาเรหิ อริยมคฺคธมฺเมหิ เกวเลหีติ อาห ‘‘สพฺพํ โลกิยโลกุตฺตรวเสเนว กถิต’’นฺติ โลกิยาหิ ¶ สีลสมาธิปฺาหิ วินา โลกุตฺตรธมฺมสมธิคมสฺส อสมฺภวโต.
ตติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นาคาปโลกิตวณฺณนา
๑๘๖. นาคาปโลกิตนฺติ นาคสฺส วิย อปโลกิตํ, หตฺถินาคสฺส อปโลกนสทิสํ อปโลกนนฺติ อตฺโถ. อาหจฺจาติ ผุสิตฺวา. องฺกุสกลคฺคานิ วิยาติ องฺกุสกานิ วิย อฺมฺสฺมึ ลคฺคานิ อาสตฺตานิ หุตฺวา ิตานิ. เอกาพทฺธานีติ อฺมฺํ เอกโต อาพทฺธานิ. ตสฺมาติ คีวฏฺีนํ เอกคฺฆนานํ วิย เอกาพทฺธภาเวน, น เกวลํ คีวฏฺีนํเยว, อถ โข สพฺพานิปิ ตานิ พุทฺธานํ เปตฺวา พาหุสนฺธิอาทิกา ทฺวาทส มหาสนฺธิโย, องฺคุลิสนฺธิโย จ อิตรสนฺธีสุ เอกาพทฺธานิ หุตฺวา ิตานิ, ยโต เนสํ ปกติหตฺถีนํ โกฏิสหสฺสพลปฺปมาณํ กายพลํ โหติ. เวสาลินคราภิมุขํ อกาสิ กณฺฏกปริวตฺตเน วิย กปิลนคราภิมุขํ. ยทิ เอวํ กถํ ตํ นาคาปโลกิตํ นาม ชาตํ? ตทชฺฌาสยํ อุปาทาย. ภควา ¶ หิ นาคาปโลกิตวเสเนว อปโลเกตุกาโม ชาโต, ปฺุานุภาเวน ปนสฺส ปติฏฺิตฏฺานํ ปริวตฺติ, เตน ตํ ‘‘นาคาปโลกิตํ’’ ตฺเวว วุจฺจติ.
‘‘อิทํ ปจฺฉิมกํ อานนฺท ตถาคตสฺส ¶ เวสาลิยา ทสฺสน’’นฺติ นยิทํ เวสาลิยา อปโลกนสฺส การณวจนํ อเนกนฺติกตฺตา, ภูตกถนมตฺตํ ปเนตํ. มคฺคโสธนวเสน ตํ ทสฺเสตฺวา อฺเทเวตฺถ อปโลกนการณํ ทสฺเสตุกาโม ‘‘นนุ จา’’ติอาทิมาห. ตํ ตํ สพฺพํ ปจฺฉิมทสฺสนเมว อนุกฺกเมน กุสินารํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพาตุกามตาย ตโต ตโต นิกฺขนฺตตฺตา. ‘‘อนจฺฉริยตฺตา’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตํ อเนกนฺติกตฺตํ ปริหรติ, ตยิทํ โสธนมตฺตํ. อิทํ ปเนตฺถ อวิปรีตํ การณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น หิ ภควา สาเปกฺโข เวสาลึ อปโลเกสิ, ‘‘อิทํ ปน เม คมนํ อปุนราคมน’’นฺติ ทสฺสนมุเขน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อปโลเกสิ. เตนาห ‘‘อปิจ เวสาลิราชาโน’’ติอาทิ.
อนฺตกโรติ ¶ สกลวฏฺฏทุกฺขสฺส สกสนฺตาเน, ปรสนฺตาเน จ วินาสกโร อภาวกโร. พุทฺธจกฺขุธมฺมจกฺขุทิพฺพจกฺขุมํสจกฺขุสมนฺตจกฺขุสงฺขาเตหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. สวาสนานํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สาติสยํ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต.
จตุมหาปเทสวณฺณนา
๑๘๗. มหาโอกาเสติ มหนฺเต โอกาเส. มหนฺตานิ ธมฺมสฺส ปติฏฺาปนฏฺานานิ. เยสุ ปติฏฺาปิโต ธมฺโม นิจฺฉียติ อสนฺเทหโต, กานิ ปน ตานิ? อาคมนวิสิฏฺานิ สุตฺโตตรณาทีนิ. ทุติยวิกปฺเป อปทิสนฺตีติ อปเทสา, ‘‘สมฺมุขา เมตํ อาวุโส ภควโต สุต’’นฺติอาทินา เกนจิ อาภตสฺส ‘‘ธมฺโม’’ติ วินิจฺฉินเน การณํ. กึ ปน ตนฺติ? ตสฺส ยถาภตสฺส สุตฺโตตรณาทิ เอว. ยทิ เอวํ กถํ จตฺตาโรติ? ยสฺมา ธมฺมสฺส ทฺเว สมฺปรายา สตฺถา, สาวกา จ, เตสุ จ สาวกา สงฺฆคณปุคฺคลวเสน ติวิธา ¶ , เอวํ ‘‘ตุมฺหากํ มยา ยํ ธมฺโม ปฏิคฺคหิโต’’ติ อปทิสิตพฺพานํ เภเทน จตฺตาโร. เตนาห ‘‘สมฺมุขา เม ตํ อาวุโส ภควโต สุต’’นฺติอาทิ. ตถา จ วุตฺตํ เนตฺติยํ ‘‘จตฺตาโร มหาปเทสา พุทฺธาปเทโส สงฺฆาปเทโส สมฺพหุลตฺเถราปเทโส เอกตฺเถราปเทโส. อิเม จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติ (เนตฺติ. ๑๘) พุทฺโธ อปเทโส เอตสฺสาติ พุทฺธาปเทโส. เอส นโย เสเสสุปิ. เตนาห ‘‘พุทฺธาทโย…เป… มหาการณานี’’ติ.
๑๘๘. เนว ¶ อภินนฺทิตพฺพนฺติ น สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. คนฺถสฺส สมฺปฏิจฺฉนํ นาม สวนนฺติ อาห ‘‘น โสตพฺพ’’นฺติ. ปทพฺยฺชนานีติ ปทานิ จ พฺยฺชนานิ จ, อตฺถปทานิ, พฺยฺชนปทานิ จาติ อตฺโถ. ปชฺชติ อตฺโถ เอเตหีติ ปทานิ, อกฺขราทีนิ พฺยฺชนปทานิ. ปชฺชิตพฺพโต ปทานิ, สงฺกาสนาทีนิ อตฺถปทานิ. อฏฺกถายํปน ‘‘‘ปทสงฺขาตานิ พฺยฺชนานี’ติ พฺยฺชนปทาเนว วุตฺตานี’’ติ เกจิ, ตํ น, อตฺถํ พฺยฺเชนฺตีติ พฺยฺชนานิ, พฺยฺชนปทานิ, เตหิ พฺยฺชิตพฺพโต พฺยฺชนานิ, อตฺถปทานีติ อุภยสงฺคหโต. อิมสฺมึ าเนติ เตนาภตสุตฺตสฺส อิมสฺมึ ปเทเส. ปาฬิ วุตฺตาติ เกวโล ปาฬิธมฺโม ปวตฺโต. อตฺโถ วุตฺโตติ ปาฬิยา อตฺโถ ปวตฺโต นิทฺทิฏฺโ. อนุสนฺธิ กถิโตติ ยถารทฺธเทสนาย, อุปริ เทสนาย จ อนุสนฺธานํ กถิตํ สมฺพนฺโธ กถิโต ¶ . ปุพฺพาปรํ กถิตนฺติ ปุพฺเพนาปรํ อวิรุชฺฌนฺเจว วิเสสาธานฺจ กถิตํ ปกาสิตํ. เอวํ ปาฬิธมฺมาทีนิ สมฺมเทว สลฺลกฺเขตฺวา คหณํ สาธุกํ อุคฺคหณนฺติ อาห ‘‘สุฏฺุ คเหตฺวา’’ติ. สุตฺเต โอตาเรตพฺพานีติ ¶ าเณน สุตฺเต โอคาเหตฺวา ตาเรตพฺพานิ, ตํ ปน โอคาเหตฺวา ตรณํ ตตฺถ โอตรณํ อนุปฺปเวสนํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สุตฺเต โอตาเรตพฺพานี’’ติ. สํสนฺเทตฺวา ทสฺสนํ สนฺทสฺสนนฺติ อาห ‘‘วินเย สํสนฺเทตพฺพานี’’ติ.
กึ ปน ตํ สุตฺตํ, โก วา วินโยติ วิจารณาย อาจริยานํ มติเภทมุเขน ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วินโยติ วิภงฺคปามาห. โส หิ มาติกาสฺิตสฺส สุตฺตสฺส อตฺถสูจนโต ‘‘สุตฺต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. วิวิธนยตฺตา, วิสิฏฺนยตฺตา จ วินโย, ขนฺธกปาโ. เอวนฺติ เอวํ สุตฺตวินเยสุ ปริคฺคยฺหมาเนสุ วินยปิฏกมฺปิ น ปริยาทียติ ปริวารปาฬิยา อสงฺคหิตตฺตา. สุตฺตนฺตาภิธมฺมปิฏกานิ วา สุตฺตํ อตฺถสูจนาทิอตฺถสมฺภวโต. เอวมฺปีติ ‘‘สุตฺตนฺตาภิธมฺมปิฏกานิ สุตฺตํ, วินยปิฏกํ วินโย’’ติ เอวํ สุตฺตวินยวิภาเค วุจฺจมาเนปิ. น ตาว ปริยาทียนฺตีติ น ตาว อนวเสสโต ปริคฺคยฺหนฺติ, กสฺมาติ อาห ‘‘อสุตฺตนามกฺหี’’ติอาทิ. ยสฺมา ‘‘สุตฺต’’นฺติ อิมํ นามํ อนาโรเปตฺวา สงฺคีตมฺปิ ชาตกาทิพุทฺธวจนํ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตนเยน ตีณิ ปิฏกานิ น ปริยาทิณฺณานีติ. สุตฺตนิปาตอุทานอิติวุตฺตกาทีนิ ทีฆนิกายาทโย วิย สุตฺตนามํ อาโรเปตฺวา อสงฺคีตานีติ อธิปฺปาเย ปเนตฺถ ชาตกาทีหิ สทฺธึ ตานิปิ คหิตานิ. พุทฺธวํสจริยาปิฏกานํ ปเนตฺถ อคฺคหเณ การณํ มคฺคิตพฺพํ, กึ วา เตน มคฺคเนน? สพฺโพปายํ วณฺณนานโย เถรวาทํ ทสฺสนมุเขน ปฏิกฺขิตฺโต เอวาติ.
อตฺถีติ กึ อตฺถิ, อสุตฺตนามกํ พุทฺธวจนํ นตฺถิ เอวาติ ทสฺเสติ. ตถา หิ นิทานวณฺณนายํ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา; สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อมฺเหหิ วุตฺตํ ¶ ‘‘สุตฺตนฺติ สามฺวิธิ, วิเสสวิธโย ปเร’’ติ. ตํ สพฺพํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘สุตฺตนฺติ วินโย’’ติอาทินา วุตฺตํ สํวณฺณนานยํ ‘‘นายมตฺโถ อิธาธิปฺเปโต’’ติ ปฏิโสเธตฺวา. วิเนติ เอเตน กิเลเสติ วินโย, กิเลสวินยนูปาโย, โส เอว จ นํ กโรตีติ การณนฺติ อาห ‘‘วินโย ปน การณ’’นฺติ.
ธมฺเมติ ¶ ปริยตฺติธมฺเม. สราคายาติ สราคภาวาย กามราคภวราคปริพฺรูหนาย. สฺโคายาติ ภวสํโยชนาย. อาจยายาติ วฏฺฏสฺส วฑฺฒนตฺถาย. มหิจฺฉตายาติ มหิจฺฉภาวาย. อสนฺตุฏฺิยาติ อสนฺตุฏฺิภาวาย. สงฺคณิกายาติ กิเลสสงฺคณคณสงฺคณวิหาราย. โกสชฺชายาติ กุสีตภาวาย. ทุพฺภรตายาติ ทุปฺโปสตาย. วิราคายาติ สกลวฏฺฏโต วิรชฺชนตฺถาย. วิสฺโคายาติ กามภวาทีหิ วิสํยุชฺชนตฺถาย. อปจยายาติ สพฺพสฺสาปิ วฏฺฏสฺส อปจยนาย, นิพฺพานายาติ อตฺโถ. อปฺปิจฺฉตายาติ ปจฺจยปฺปิจฺฉตาทิวเสน สพฺพโส อิจฺฉาปคมาย. สนฺตุฏฺิยาติ ทฺวาทสวิธสนฺตุฏฺิภาวาย. ปวิเวกายาติ ปวิวิตฺตภาวาย, กายวิเวกาทิตทงฺควิเวกาทิวิเวกสิทฺธิยา. วีริยารมฺภายาติ กายิกสฺส เจว, เจตสิกสฺส จ วีริยสฺส ปคฺคหณตฺถาย. สุภรตายาติ สุขโปสนตฺถาย. เอวํ โย ปริยตฺติธมฺโม อุคฺคหณธารณปริปุจฺฉามนสิการวเสน โยนิโส ปฏิปชฺชนฺตสฺส สราคาทิภาวปริวชฺชนสฺส การณํ หุตฺวา วิราคาทิภาวาย สํวตฺตติ, เอกํสโต เอโส ธมฺโม. เอโส วินโย, สมฺมเทว ¶ อปายาทีสุ อปตนวเสน ธารณโต, กิเลสานํ วินยนโต, สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอวาทานุสิฏฺิภาวโต เอตํ สตฺถุสาสนนฺติ ธาเรยฺยาสิ ชาเนยฺยาสิ, อวพุชฺเฌยฺยาสีติ อตฺโถ. จตุสจฺจสฺส สูจนํ สุตฺตนฺติ อาห ‘‘สุตฺเตติ เตปิฏเก พุทฺธวจเน’’ติ. เตปิฏกฺหิ พุทฺธวจนํ สจฺจวินิมุตฺตํ นตฺถิ. ราคาทิวินยนการณํ ตถาคเตน สุตฺตปเทน ปกาสิตนฺติ อาห ‘‘วินเยติ เอตสฺมึ ราคาทิวินยการเณ’’ติ.
สุตฺเต โอสรณฺเจตฺถ เตปิฏเก พุทฺธวจเน ปริยาปนฺนตาวเสเนว เวทิตพฺพํ, น อฺถาติ อาห ‘‘สุตฺตปฏิปาฏิยา กตฺถจิ อนาคนฺตฺวา’’ติ. ฉลฺลึ อุฏฺเปตฺวาติ อโรคสฺส มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต อุปกฺกเมน ฉลฺลิยา สกลิกาย, ปปฏิกาย วา อุฏฺปนํ วิย อโรคสฺส สาสนธมฺมสฺส ติฏฺโต พฺยฺชนมตฺเตน ตปฺปริยาปนฺนํ วิย หุตฺวา ฉลฺลิสทิสํ ปุพฺพาปรวิรุทฺธตาทิโทสํ อุฏฺเปตฺวา ปริทีเปตฺวา, ตาทิสานิ ปน เอกํสโต คุฬฺหเวสฺสนฺตราทิปริยาปนฺนานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘คุฬฺหเวสฺสนฺตร…เป…ปฺายนฺตีติ อตฺโถ’’ติ ¶ . ราคาทิวินเยติ ราคาทีนํ วินยนตฺเถ. ตทาการตาย น ปฺายมานานิ น ทิสฺสมานานิ ฉฑฺเฑตพฺพานิ วชฺชิตพฺพานิ น คเหตพฺพานิ. สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุ.
อิมสฺมึ ¶ ปน าเนติ อิมสฺมึ มหาปเทสนิทฺเทสฏฺาเน. ‘‘สุตฺเต จตฺตาโร มหาปเทสา’’ติอาทินา วุตฺตมฺปิ อวุตฺเตน สทฺธึ คเหตฺวา ปกิณฺณกกถาย มาติกํ อุทฺทิสติ. าตุํ ¶ อิจฺฉิโต อตฺโถ ปฺโห, ตสฺส วิสฺสชฺชนานิ ปฺหาพฺยากรณานิ, อตฺถสูจนาทิอตฺเถน สุตฺตํ, ปาฬิ, ตํ สุตฺตํ อนุโลเมติ อนุกูเลตีติ สุตฺตานุโลมํ, มหาปเทโส. อาจริยา วทนฺติ สํวณฺเณนฺติ ปาฬึ เอเตนาติ อาจริยวาโท อฏฺกถา. ตสฺส ตสฺส เถรสฺส อตฺตโน เอว มติ อธิปฺปาโยติ อตฺตโนมติ. ธมฺมวินิจฺฉเย ปตฺเตติ ธมฺเม วินิจฺฉินิตพฺเพ อุปฏฺิเต. อิเมติ อนนฺตรํ วุตฺตา จตฺตาโร มหาปเทสา. ปมียติ ธมฺโม ปริจฺฉิชฺชติ วินิจฺฉียติ เอเตนาติ ปมาณํ. เตนาห ‘‘ยํ เอตฺถ สเมตี’’ติอาทิ. อิตรนฺติ มหาปเทเสสุ อสเมนฺตํ. ปุน อิตรนฺติ อกปฺปิยํ อนุโลเมนฺตํ กปฺปิยํ ปฏิพาหนฺตํ สนฺธายาห.
เอกํเสเนว พฺยากาตพฺโพ วิสฺสชฺเชตพฺโพติ เอกํสพฺยากรณีโย. วิภชฺชาติ ปุจฺฉิตมตฺถํ อวธารณาทิเภเทน วิภชิตฺวา. ปฏิปุจฺฉาติ ปุจฺฉนฺตํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา. ปนีโยติ ติธาปิ อวิสฺสชฺชนียตฺตา ปนีโย พฺยากรณํ อกตฺวา เปตพฺโพ. ‘‘จกฺขุํ อนิจฺจ’’นฺติ ปฺเห อุตฺตรปทาวธารณํ สนฺธาย ‘‘เอกํเสเนว พฺยากาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ นิจฺจตาย เลสสฺสาปิ ตตฺถ อภาวโต. ปุริมปทาวธารเณ ปน วิภชฺชพฺยากรณียตา จกฺขุโสเตสุ วิเสสตฺถสามฺตฺถานํ อสาธารณภาวโต. ทฺวินฺนํ เตสํ สทิสตาโจทนา ปฏิปุจฺฉนมุเขเนว พฺยากรณียา ปฏิกฺเขปวเสน, อนฺุาตวเสน จ วิสฺสชฺชิตพฺพโตติ อาห ‘‘ยถา จกฺขุ, ตถา โสตํ…เป… อยํ ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปฺโห’’ติ. ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ชีวสรีรานํ อนฺตาปฺโห. ยสฺส เยน อนฺตาโจทิตา, โส เอว ปรมตฺถโต ¶ นุปลพฺภตีติ วฺฌาตนยสฺส มตฺเตยฺยตากิตฺตนสทิโสติ อพฺยากาตพฺพตาย ปนีโย วุตฺโตติ. อิมานิ จตฺตาริ ปฺหพฺยากรณานิ ปมาณํ เตเนว นเยน เตสํ ปฺหานํ พฺยากาตพฺพโต.
วินยมหาปเทโส กปฺปิยานุโลมวิธานโต นิปฺปริยายโต อนุโลมกปฺปิยํ นาม, มหาปเทสภาเวน ปน ตํสทิสตาย สุตฺตนฺตมหาปเทเสสุปิ ‘‘อนุโลมกปฺปิย’’นฺติ อยํ อฏฺกถาโวหาโร. ยทิปิ ตตฺถ ตตฺถ ภควตา ปวตฺติตปกิณฺณกเทสนาว อฏฺกถา, สา ปน ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปมํ ตีณิ ปิฏกานิ สงฺคายิตฺวา ตสฺส อตฺถวณฺณนานุรูเปเนว ¶ วาจนามคฺคํ อาโรปิตตฺตา ‘‘อาจริยวาโท’’ติ วุจฺจติ อาจริยา วทนฺติ สํวณฺเณนฺติ ปาฬึ เอเตนาติ. เตนาห ¶ ‘‘อาจริยวาโท นาม อฏฺกถา’’ติ. ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺโห เอว จ พุทฺธวจนสฺส อตฺถสํวณฺณนาภูโต กถามคฺโค มหินฺทตฺเถเรน ตมฺพปณฺณิทีปํ อาภโต ปจฺฉา ตมฺพปณฺณิเยหิ มหาเถเรหิ สีหฬภาสาย ปิโต นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรปริหรณตฺถํ. อตฺตโนมติ นาม เถรวาโท. นยคฺคาเหนาติ สุตฺตาทิโต ลพฺภมานนยคฺคหเณน. อนุพุทฺธิยาติ สุตฺตาทีนิเยว อนุคตพุทฺธิยา. อตฺตโน ปฏิภานนฺติ อตฺตโน เอว ตสฺส อตฺถสฺส วุตฺตนเยน อุปฏฺานํ, ยถาอุปฏฺิตา อตฺถา เอว ตถา วุตฺตา. สเมนฺตเมว คเหตพฺพนฺติ ยถา สุตฺเตน สํสนฺทติ, เอวํ มหาปเทสโต อตฺถา อุทฺธริตพฺพาติ ทสฺเสติ. ปมาทปาวเสน อาจริยวาทสฺส กทาจิ ปาฬิยา อสํสนฺทนาปิ สิยา, โส น คเหตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อาจริยวาโทปิ สุตฺเตน สเมนฺโตเยว คเหตพฺโพ’’ติ. สพฺพทุพฺพลา ปุคฺคลสฺส สยํ ปฏิภานภาวโต. ตถา จ สาปิ คเหตพฺพา, กีทิสี? สุตฺเตน สเมนฺตา เยวาติ โยชนา. ตาสูติ ตีสุ สงฺคีตีสุ. ‘‘อาคตเมว ปมาณ’’นฺติ อิมินา มหากสฺสปาทีหิ สงฺคีตเมว ‘‘สุตฺต’’นฺติ อิธาธิปฺเปตนฺติ ตทฺสฺส ¶ สุตฺตภาวเมว ปฏิกฺขิปติ. ตทตฺถา เอว หิ ติสฺโส สงฺคีติโย. ตตฺถาติ คารยฺหสุตฺเต. น เจว สุตฺเต โอสรนฺติ, น จ วินเย สนฺทิสฺสนฺตีติ เวทิตพฺพานิ ตสฺส อสุตฺตภาวโต เตน ‘‘อนุโลมกปฺปิยํ สุตฺเตน สเมนฺตเมว คเหตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ เอวตฺถํ นิคมนวเสน นิทสฺเสติ. สพฺพตฺถ ‘‘น อิตร’’นฺติ วจนํ ตตฺถ ตตฺถ คหิตาวธารณผลทสฺสนํ ทฏฺพฺพํ.
กมฺมารปุตฺตจุนฺทวตฺถุวณฺณนา
๑๘๙. สูกรมทฺทวนฺติ วนวราหสฺส มุทุมํสํ. ยสฺมา จุนฺโท อริยสาวโก โสตาปนฺโน, อฺเ จ ภควโต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อาหารํ ปฏิยาเทนฺตา อนวชฺชเมว ปฏิยาเทนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปวตฺตมํส’’นฺติ. ตํ กิราติ ‘‘นาติตรุณสฺสา’’ติอาทินา วุตฺตวิเสสํ. ตถา หิ ตํ ‘‘มุทุ เจว สินิทฺธฺจา’’ติ วุตฺตํ. มุทุมํสภาวโต หิ อภิสงฺขรณวิเสเสน จ ‘‘มทฺทว’’นฺติ วุตฺตํ. โอชํ ปกฺขิปึสุ ‘‘อยํ ภควโต ปจฺฉิมโก อาหาโร’’ติ ปฺุวิเสสาเปกฺขาย, ตํ ปน ตถาปกฺขิตฺตทิพฺโพชตาย ครุตรํ ชาตํ.
อฺเ ¶ ยํ ทุชฺชีรํ, ตํ อชานนฺตา ‘‘กสฺสจิ อทตฺวา วินาสิต’’นฺติ อุปวเทยฺยุนฺติ ปรูปวาทโมจนตฺถํ ภควา ‘‘นาหํ ต’’นฺติอาทินา สีหนาทํ นทติ.
๑๙๐. กถํ ปนายํ สีหนาโท นนุ ตํ ภควโตปิ สมฺมาปริณามํ น คตนฺติ? นยิทํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, ยสฺมา ‘‘สมฺมเทว ตํ ภควโต ปริณามํ คต’’นฺติ วตฺตุํ อรหติ ตปฺปจฺจยา อุปฺปนฺนสฺส ¶ วิการสฺส อภาวโต, อฺปจฺจยสฺส จ วิการสฺส มุทุภาวํ อาปาทิตตฺตา. เตนาห ‘‘น ปน ภุตฺตปฺปจฺจยา’’ติอาทิ. น หิ ภควา, อฺเ วา ปน ขีณาสวา นวเวทนุปฺปาทนวเสน อาหารํ ปริภฺุชนฺติ อฏฺงฺคสมนฺนาคตเมว กตฺวา อาหารสฺส อุปภฺุชนโต. ยทิ เอวํ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘ภตฺตํ ภุตฺตาวิสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชี’’ติอาทิ วุตฺตํ? ตํ โภชนุตฺตรกาลํ ¶ อุปฺปนฺนตฺตา วุตฺตํ. ‘‘น ปน ภุตฺตปจฺจยา’’ติ วุตฺโต วายมตฺโถ อฏฺกถายํ. กตุปจิตสฺส ลทฺโธกาสสฺส กมฺมสฺส วเสน พลวติปิ โรเค อุปฺปนฺเน ครุสินิทฺธโภชนปฺปจฺจยา เวทนานิคฺคโห ชาโต, เตนาห ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิ. ปตฺถิตฏฺาเนติ อิจฺฉิตฏฺาเน, อิจฺฉา จสฺส ตตฺถ คนฺตฺวา วิเนตพฺพเวเนยฺยาเปกฺขา ทฏฺพฺพา. คาถายมฺปิ ‘‘สุต’’นฺติ อิมินา สุตมตฺตํ, ปเรสํ วจนมตฺตเมตํ, น ปน โภชนปฺปจฺจยา อาพาธํ ผุสิ ธีโรติ ทสฺเสติ.
ปานียาหรณวณฺณนา
๑๙๑. ปสนฺนภาเวน อุทกสฺส อจฺฉภาโว เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อจฺโฉทกาติ ปสนฺโนทกา’’ติ. สาทุรสตฺตา สาตตาติ อาห ‘‘มธุโรทกา’’ติ. ตนุกเมว สลิลํ วิเสสโต สีตลํ, น พหลนฺติ อาห ‘‘ตนุสีตลสลิลา’’ติ. นิกฺกทฺทมาติ เสตภาวสฺส การณมาห. ปงฺกจิกฺขลฺลาทิวเสน หิ อุทกสฺส วิวณฺณตา, สภาวโต ปน ตํ เสตวณฺณํ เอวาติ.
ปุกฺกุสมลฺลปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
๑๙๒. ธุรวาเตติ ปฏิมุขวาเต. ทีฆปิงฺคโลติ ทีโฆ หุตฺวา ปิงฺคลจกฺขุโก. ปิงฺคลกฺขิโก หิ โส ‘‘อาฬาโร’’ติ ปฺายิตฺถ. เอวรูปนฺติ ทกฺขติ กริสฺสติ ภวิสฺสตีติ อีทิสํ. อีทิเสสูติ ยตฺร ยํจาติ เอวรูปนิปาตสทฺทยุตฺตฏฺาเนสุ.
๑๙๓. วิจรนฺติโย ¶ เมฆคพฺภโต นิจฺฉรนฺติโย วิย โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘นิจฺฉรนฺตีสูติ วิจรนฺตีสู’’ติ. นววิธายาติ นวปฺปการาย. นวสุ หิ ปกาเรสุ เอกวิธาปิ อสนิ ตปฺปริยาปนฺนตาย ‘‘นววิธา’’ ตฺเวว วุจฺจติ. อีทิสี หิ เอสา รุฬฺหิ อฏฺวิโมกฺขปตฺติปิ สมฺา วิย. อสฺํ กโรติ, โย ตสฺสา สทฺเทน ¶ , เตชสา จ อชฺโฌตฺถโฏ. เอกํ จกฺกนฺติ เอกํ มณฺฑลํ. สงฺการํ ตีเรนฺตี ปริจฺฉิชฺชนฺตี วิย ทสฺเสตีติ สเตรา. คคฺครายมานาติ คคฺคราติสทฺทํ กโรนฺตี, อนุรวทสฺสนฺเหตํ. กปิสีสาติ กปิสีสาการวตี. มจฺฉวิโลลิกาติ ¶ อุทเก ปริปฺผนฺทมานมจฺโฉ วิย วิลุฬิตาการา. กุกฺกุฏสทิสาติ ปสาริตปกฺขกุกฺกุฏาการา. นงฺคลสฺส กสฺสนกาเล กสฺสกานํ หตฺเถน คเหตพฺพฏฺาเน มณิกา โหติ, ตํ อุปาทาย นงฺคลํ ‘‘ทณฺฑมณิกา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ทณฺฑมณิกาการา ทณฺฑมณิกา. เตนาห ‘‘นงฺคลสทิสา’’ติ. เทเว วสฺสนฺเตปิ สโชติภูตตาย อุทเกน อเตเมตพฺพโต มหาสนิ ‘‘สุกฺขาสนี’’ติ วุตฺตา. เตนาห ‘‘ปติตฏฺานํ สมุคฺฆาเฏตี’’ติ.
ภุสาคารเกติ ภุสมเย อคารเก. ตตฺถ กิร มหนฺตํ ปลาลปฺุชํ อพฺภนฺตรโต ปลาลํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา สาลาสทิสํ ปพฺพชิตานํ วสนโยคฺคฏฺานํ กตํ, ตทา ภควา ตตฺถ วสิ, ตํ ปน ขลมณฺฑลํ สาลาสทิสนฺติ อาห ‘‘ขลสาลาย’’นฺติ. เอตฺถาติ เหตุมฺหิ ภุมฺมวจนนฺติ อาห ‘‘เอตสฺมึ การเณ’’ติ, อสนิปาเตน ฉนฺนํ ชนานํ หตการเณติ อตฺโถ. โส ตฺวํ ภนฺเตติ อยเมว วา ปาโ.
๑๙๔. สิงฺคี นาม กิร อุตฺตมํ อติวิย ปภสฺสรํ พุทฺธานํ ฉวิวณฺโณภาสํ เทวโลกโต อาคตสุวณฺณํ. เตเนวาห ‘‘สิงฺคีสุวณฺณวณฺณ’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เถโร ตํ คณฺหี’’ติ สยเมว ปุจฺฉํ สมุฏฺาเปตฺวา ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิมาห. เตเนว การเณนาติ อุปฏฺากฏฺานสฺส มตฺถกปฺปตฺติ, ปเรสํ ¶ วจโนกาสปจฺเฉทนํ, เตน วตฺเถน สตฺถุ ปูชนํ, สตฺถุ อชฺฌาสยานุวตฺตนนฺติ อิมินา เตเนว ยถาวุตฺเตน จตุพฺพิเธน การเณน.
๑๙๕. เถโร จ ตาวเทว ตํ สิงฺคีวณฺณํ มฏฺทุสฺสํ ภควโต อุปนาเมสิ ‘‘ปฏิคฺคณฺหตุ เม ภนฺเต ภควา อิมํ มฏฺทุสฺสํ, ตํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา, ปฏิคฺคเหตฺวาว นํ ปริภฺุชิ ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘ภควาปิ ตโต เอกํ นิวาเสสิ, เอกํ ปารุปี’’ติ. ตาวเทว กิร ตํ ภิกฺขู โอวฏฺฏิกรณมตฺเตน ตุนฺนกมฺมํ นิฏฺาเปตฺวา เถรสฺส อุปเนสุํ, เถโร ภควโต อุปนาเมสิ. หตจฺจิกํ วิยาติ ปฏิหตปฺปภํ, วิย-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. ภควโต หิ สรีรปฺปภาหิ อภิภุยฺยมานา ตสฺส วตฺถยุคสฺส ปภสฺสรตา นาโหสิ. อนฺตนฺเตเนวาติ อนฺโต อนฺโต เอว, อพฺภนฺตรโต เอวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘พหิปนสฺส ปภา นตฺถี’’ติ.
‘‘ปสนฺนรูปํ สมุฏฺาเปตี’’ติ เอเตเนตสฺส อาหารสฺส ภุตฺตปฺปจฺจยา น โส โรโคติ อยมตฺโถ ทีปิโต. ทฺวีสุ กาเลสุ เอวํ โหติ ทฺวินฺนํ นิพฺพานธาตูนํ สมธิคมสมยภาวโต. อุปวตฺตเน อนฺตเรน ยมกสาลานนฺติ เอตฺถ วตฺตพฺพํ ปรโต อาคมิสฺสติ.
๑๙๖. สพฺพํ ¶ สุวณฺณวณฺณเมว อโหสิ อติวิย ปริสุทฺธาย ปภสฺสราย เอกคฺฆนาย ภควโต สรีรปฺปภาย นิรนฺตรํ อภิภูตตฺตา.
ธมฺเมติ ปริยตฺติธมฺเม. ปวตฺตาติ ปาวจนภาเวน เทเสตา. ปุรโตว นิสีทิ โอวาทปฺปฏิกรณภาวโต.
๑๙๗. ทานานิสํสสงฺขาตา ¶ ลาภาติ วณฺณทานพลทานาทิเภทา ทานสฺส อานิสํสสฺิตา ทิฏฺธมฺมิกา, สมฺปรายิกา จ ลาภา อิจฺฉิตพฺพา. เต อลาภาติ เต สพฺเพ ตุยฺหํ อลาภา, ลาภา เอว น โหนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเม ปจฺจกฺขภูเต อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ภวา ทิฏฺธมฺมิกา. สมฺปเรตพฺพโต เปจฺจ คนฺตพฺพโต ‘‘สมฺปราโย’’ติ ลทฺธนาเม ปรโลเก ภวา สมฺปรายิกา. ทิฏฺธมฺมิกา จ สมฺปรายิกา จ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกา. ทานานิสํสสงฺขาตา ลาภาติ ทานานิสํสภูตา ลาภา. สพฺพถา สมเมว หุตฺวา สมํ ผลํ เอเตสํ น เอกเทเสนาติ สมสมผลา. ปิณฺฑปาตาติ ตพฺพิสยํ ทานมยํ ปฺุมาห.
ยทิ เขตฺตวเสน เนสํ สมผลตา อธิปฺเปตา, สติปิ เอกสนฺตานภาเว ปุถุชฺชนอรหนฺตภาวสิทฺธํ นนุ เตสํ เขตฺตํ วิสิฏฺนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘นนุ จา’’ติอาทิมาห. ปรินิพฺพานสมตายาติ กิเลสปรินิพฺพานขนฺธปรินิพฺพานภาเวน ปรินิพฺพานสมตาย. ‘‘ปริภฺุชิตฺวา ปรินิพฺพุโต’’ติ เอเตน ¶ ยถา ปณีตปิณฺฑปาตปริโภคูปตฺถมฺภิตรูปกายสนฺนิสฺสโย ธมฺมกาโย สุเขเนว กิเลเส ปริจฺจชิ, โภชนสปฺปายสํสิทฺธิยา เอวํ สุเขเนว ขนฺเธ ปริจฺจชีติ เอวํ กิเลสปริจฺจาคสฺส, ขนฺธปริจฺจาคสฺส จ สุขสิทฺธินิมิตฺตตาย อุภินฺนํ ปิณฺฑปาตานํ สมผลตา โชติตา. ‘‘ปิณฺฑปาตสีเสน จ ปิณฺฑปาตทานํ โชติต’’นฺติ วุตฺโต วายมตฺโถ. ยถา หิ สุชาตาย ‘‘อิมํ อาหารํ นิสฺสาย มยฺหํ เทวตาย วณฺณสุขพลาทิคุณา สมฺมเทว สมฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ อุฬาโร อชฺฌาสโย ตทา อโหสิ, เอวํ จุนฺทสฺสปิ กมฺมารปุตฺตสฺส ‘‘อิมํ อาหารํ นิสฺสาย ภควโต วณฺณสุขพลาทิคุณา สมฺมเทว สมฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ อุฬาโร อชฺฌาสโยติ เอวมฺปิ เนสํ อุภินฺนํ สมผลตา เวทิตพฺพา. สติปิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺตีนํ เทวสิกํ วฬฺชนสมาปตฺติภาเว ยถา ปน อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส อภินววิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺโต รูปสตฺตกาทิ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๗๐๗ วิตฺถาโร) วเสน จุทฺทสหากาเรหิ ¶ สนฺเนตฺวา มหาวิปสฺสนามุเขน ตา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ, เอวํ ปรินิพฺพานทิวเสปิ สพฺพา ตา สมาปชฺชีติ เอวํ สมาปตฺติสมตายปิ เตสํ สมผลตา. จุนฺทสฺส ตาว อนุสฺสรณํ อุฬารตรํ โหตุ ภควโต ทินฺนภาเวน อฺถตฺตาภาวโต, สุชาตาย ปน ¶ กถํ เทวตาย ทินฺนนฺติ? เอวํสฺิภาวโตติ อาห ‘‘สุชาตา จา’’ติอาทิ. อปรภาเคติ อภิสมฺโพธิโต อปรภาเค. ปุน อปรภาเคติ ปรินิพฺพานโต ปรโต. ธมฺมสีสนฺติ ธมฺมานํ มตฺถกภูตํ นิพฺพานํ. เม คหิตนฺติ มม วเสน คหิตํ. เตนาห ‘‘มยฺหํ กิรา’’ติอาทิ.
อธิปติภาโว อาธิปเตยฺยนฺติ อาห ‘‘เชฏฺภาวสํวตฺตนิยก’’นฺติ.
สํวเรติ สีลสํวเร. เวรนฺติ ปาณาติปาตาทิปฺจวิธํ เวรํ. ตฺหิ เวริธมฺมภาวโต, เวรเหตุตาย จ ‘‘เวร’’นฺติ วุจฺจติ. โกสลฺลํ วุจฺจติ าณํ, เตน ยุตฺโต กุสโลติ อาห ‘‘กุสโล ปน าณสมฺปนฺโน’’ติ. าณสมฺปทา นาม าณปาริปูรี, สา จ อคฺคมคฺควเสน เวทิตพฺพา, อคฺคมคฺโค จ นิรวเสสโต กิเลเส ปชหตีติ อาห ‘‘อริยมคฺเคน…เป… ชหาตี’’ติ. อิมํ ปาปกํ ชหิตฺวาติ ทาเนน ตาว โลภมจฺฉริยาทิปาปกํ, สีเลน ปาณาติปาตาทิปาปกํ ชหิตฺวา ตทงฺควเสน ปหาย ตโต สมถวิปสฺสนาธมฺเมหิ วิกฺขมฺภนวเสน, ตโต มคฺคปฏิปาฏิยา สมุจฺเฉทวเสน อนวเสสํ ปาปกํ ปหาย. ตถา ¶ ปหีนตฺตา เอว ราคาทีนํ ขยา กิเลสนิพฺพาเนน สพฺพโส กิเลสวูปสเมน นิพฺพุโต ปรินิพฺพุโตติ สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนาย กูฏํ คณฺหนฺโต ‘‘อิติ จุนฺทสฺส…เป… สมฺปสฺสมาโน อุทานํ อุทาเนสี’’ติ.
จตุตฺถภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ยมกสาลวณฺณนา
๑๙๘. เอวํ ¶ ตํ กุสินารายํ โหตีติ ยถา อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ, เอวํ ตํ อุยฺยานํ กุสินาราย ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ โหติ. ตสฺมาติ ยสฺมา นครํ ปวิสิตุกามา อุยฺยานโต อุเปจฺจ วตฺตนฺติ คจฺฉนฺติ เอเตนาติ ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ สาลปนฺติภาเวน ิตํ สาลวนํ. อนฺตเรนาติ เวมชฺเฌ. ตสฺส กิร มฺจกสฺสาติ ตตฺถ ปฺปิยมานสฺส ตสฺส มฺจกสฺส. ตตฺราปิ…เป… เอโก ปาทภาคสฺส, ตสฺมา ‘‘อนฺตเรน ยมกสาลาน’’นฺติ วุตฺตํ. สํสิพฺพิตฺวาติ อฺมฺอาสตฺตวิฏปสาขตาย สํสิพฺพิตฺวา วิย. ‘‘ิตสาขา’’ติปิ วุตฺตํ อฏฺกถายํ. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘อุตฺตรสีสกํ มฺจกํ ¶ ปฺเปหี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปจฺฉิมทสฺสนํ ทฏฺุํ อาคตานํ เทวตานํ ทฏฺุํ โยคฺยตาวเสน วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘อุตฺตรทิสาวิโลกนมุขํ ปุพฺพทิสาสีสกํ กตฺวา มฺจกํ ปฺเปหีติ อตฺโถ’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ.
เอเต นาคานมุตฺตมาติ เอเต โคตฺตโต โคจริอาทินามกา หตฺถินาเคสุ พเลน เสฏฺตมา. มชฺฌิมฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘) ปน เกจิ หตฺถิโน อิโต อฺถา อาคตา, โส ปน เนสํ นามมตฺตกโต เภโท ทฏฺพฺโพ.
ปริภุตฺตกาลโต ปฏฺาย…เป… ปริกฺขยํ คตํ, ‘‘น ปน ปริภุตฺตปฺปจฺจยา’’ติ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. จงฺควาเรติ อูมิยํ. กโตกาสสฺส กมฺมสฺส วเสน ยถาสมุฏฺิโต โรโค อาโรคฺยํ อภิมทฺทตีติ กตฺวา เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิยา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ภควา เหฏฺา วุตฺตนเยน ¶ กปฺปํ, กปฺปาวเสสํ วา าตุํ สมตฺโถ เอว, ตตฺตกํ กาลํ ¶ าเน ปโยชนาภาวโต อายุสงฺขาเร โอสฺสชฺชิตฺวา ตาทิสสฺส กมฺมสฺส โอกาสํ อทาสิ, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิยา’’ติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติเยว.
กุสลํ กาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ ‘‘เอวํ มหปฺผลํ, เอวํ มหานิสํสํ, มหานุภาวฺจ ตํ กุสล’’นฺติ.
เอกสฺสาปิ สตฺตสฺส วฏฺฏทุกฺขวูปสโม พุทฺธานํ ครุตโร หุตฺวา อุปฏฺาติ อติทุลฺลภภาวโต, ตสฺมา ‘‘อปรมฺปิ ปสฺสตี’’ติอาทิ วุตฺตํ, สฺวายมตฺโถ มาคณฺฑิยสุตฺเตน (สุ. นิ. ๘๔๑) ทีเปตพฺโพ.
ตติยํ ปน การณํ สตฺตานํ อุปฺปชฺชนกอนตฺถปริหรณนฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ปุน ‘‘อปรมฺปิ ปสฺสตี’’ติอาทิมาห.
สีหเสยฺยนฺติ. เอตฺถ สยนํ เสยฺยา, สีหสฺส วิย เสยฺยา สีหเสยฺยา, ตํ สีหเสยฺยํ. อถ วา สีหเสยฺยนฺติ เสฏฺเสยฺยํ, ยทิทํ อตฺถทฺวยํ ปรโต อาคมิสฺสติ.
‘‘วาเมน ปสฺเสน เสนฺตี’’ติ เอวํ วุตฺตา กามโภคิเสยฺยา, ทกฺขิณปสฺเสน สยาโน นาม นตฺถิ ทกฺขิณหตฺถสฺส สรีรคฺคหณาทิโยคกฺขมโต, ปุริสวเสน เจตํ วุตฺตํ.
เอเกน ¶ ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกนฺติ ทุกฺขุปฺปตฺติโต.
อยํ สีหเสยฺยาติ อยํ เอวํ วุตฺตา สีหเสยฺยา. ‘‘เตชุสฺสทตฺตา’’ติ อิมินา สีหสฺส อภีรุภาวํ ทสฺเสติ. ภีรุกา หิ เสสมิคา อตฺตโน อาสยํ ปวิสิตฺวา สนฺตาสปุพฺพกํ ยถา ตถา สยนฺติ, สีโห ปน อภีรุภาวโต สโตการี ภิกฺขุ วิย สตึ อุปฏฺาเปตฺวาว สยติ. เตนาห ‘‘ปุริมปาเท’’ติอาทิ. ทกฺขิเณ ปุริมปาเท วามสฺส ปุริมปาทสฺส ปนวเสน ทฺเว ปุริมปาเท เอกสฺมึ าเน เปตฺวา. ปจฺฉิมปาเทติ ทฺเว ปจฺฉิมปาเท. วุตฺตนเยเนว อิธาปิ เอกสฺมึ าเน ปาทฏฺปนํ เวทิตพฺพํ, ิโตกาสสลฺลกฺขณํ อภีรุภาเวเนว. ‘‘สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตา สีหกิริยา อนุตฺราสปพุชฺฌนํ ¶ วิย อภีรุภาวสิทฺธา ธมฺมตาวเสเนวาติ เวทิตพฺพา. สีหวิชมฺภิตวิชมฺภนํ อติเวลํ เอกากาเรน ปิตานํ สรีราวยวานํ คมนาทิกิริยาสุ โยคฺยภาวาปาทนตฺถํ. ติกฺขตฺตุํ สีหนาทนทนํ อปฺเปสกฺขมิคชาตปริหรณตฺถํ.
เสติ ¶ อพฺยาวฏภาเวน ปวตฺตติ เอตฺถาติ เสยฺยา, จตุตฺถชฺฌานเมว เสยฺยา จตุตฺถชฺฌานเสยฺยา. กึ ปน ตํ จตุตฺถชฺฌานนฺติ? อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ, ตโต หิ วุฏฺหิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ภควา อนุกฺกเมน อคฺคมคฺคํ อธิคนฺตฺวา ตถาคโต ชาโตติ. ‘‘ตยิทํ ปทฏฺานํ นาม, น เสยฺยา, ตถาปิ ยสฺมา ‘จตุตฺถชฺฌานา วุฏฺหิตฺวา สมนนฺตรา ภควา ปรินิพฺพายี’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๙) วกฺขติ, ตสฺมา โลกิยจตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติ เอว ตถาคตเสยฺยา’’ติ เกจิ, เอวํ สติ ปรินิพฺพานกาลิกาว ตถาคตเสยฺยาติ อาปชฺชติ, น จ ภควา โลกิยจตุตฺถชฺฌานสมาปชฺชนพหุโล วิหาสิ. อคฺคผลวเสน ปวตฺตํ ปเนตฺถ จตุตฺถชฺฌานํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ยถา สตฺตานํ นิทฺทุปคมนลกฺขณา เสยฺยา ภวงฺคจิตฺตวเสน โหติ, สา จ เนสํ ปมชาติสมนฺวยา เยภุยฺยวุตฺติกา, เอวํ ภควโต อริยชาติสมนฺวยํ เยภุยฺยวุตฺติกํ อคฺคผลภูตํ จตุตฺถชฺฌานํ ‘‘ตถาคตเสยฺยา’’ติ เวทิตพฺพํ. สีหเสยฺยา นาม เสฏฺเสยฺยาติ อาห ‘‘อุตฺตมเสยฺยา’’ติ.
นตฺถิ เอติสฺสา อุฏฺานนฺติ อนุฏฺานา, เสยฺยา, ตํ อนุฏฺานเสยฺยํ. ‘‘อิโต อุฏฺหิสฺสามี’’ติ มนสิการสฺส อภาวโต ‘‘อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา’’ติ น วุตฺตํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ อนุฏฺานเสยฺยุปคมเน. กายวเสน อนุฏฺานํ, น จิตฺตวเสน, จิตฺตวเสน จ อนุฏฺานํ นาม นิทฺทุปคมนนฺติ ¶ ตทภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิทฺทาวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภวงฺคสฺสาติ นิทฺทุปคมนลกฺขณสฺส ภวงฺคสฺส.
สพฺพปาลิผุลฺลาติ ¶ สพฺพตฺถกเมว วิกสนวเสน ผุลฺลา, น เอกเทสวิกสนวเสน. เตนาห ‘‘สพฺเพ สมนฺตโต ปุปฺผิตา’’ติ. เอกจฺฉนฺนาติ สมฺผุลฺลปุปฺเผหิ เอกากาเรน สพฺพตฺเถว ฉาทิตา. อุลฺโลกปทุมานีติ เหฏฺา โอโลเกนฺตานิ วิย ติฏฺนปทุมานิ. โมรปิฺฉกลาโป วิย ปฺจวณฺณปุปฺผสฺฉาทิตตฺตา.
นนฺทโปกฺขรณีสมฺภวานีติ นนฺทโปกฺขรณีตีรสมฺภวานิ. มหาตุมฺพมตฺตนฺติ อาฬฺหกมตฺตํ. ปวิฏฺานีติ ขิตฺตานิ. สรีรเมว โอกิรนฺตีติ สรีรเมว อชฺโฌกิรนฺติ.
เทวตานํ ¶ อุปกปฺปนจนฺทนจุณฺณานีติ สฏฺิปิ ปฺาสมฺปิ โยชนานิ วายนกเสตวณฺณจนฺทนจุณฺณานิ. ทิพฺพคนฺธชาลจุณฺณานีติ ทิพฺพคนฺธทิพฺพจุณฺณานิ. หริตาลอฺชนจุณฺณาทีนิปิ ทิพฺพานิ ปรมสุคนฺธานิ เอวาติ เวทิตพฺพานิ. เตเนวาห ‘‘สพฺพทิพฺพคนฺธวาสวิกติโย’’ติ.
เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา อนฺตลิกฺเข วชฺชนฺติ มหาภินิกฺขมนกาเล วิย.
ตาติ เทวตา. คนฺถมานา วาติ มาลํ รจนฺติโย เอว. อปรินิฏฺิตา วาติ ยถาธิปฺปายํ ปริโยสิตา เอว. หตฺเถน หตฺถนฺติ อตฺตโน หตฺเถน ปรสฺส หตฺถํ. คีวาย คีวนฺติ กณฺคาหวเสน อตฺตโน คีวาย ปรสฺส คีวํ. คเหตฺวาติ อามสิตฺวา. มหายโส มหายโสติ อาเมฑิตวเสน อฺมฺํ อาลาปวจนํ.
๑๙๙. มหนฺตํ อุสฺสาหนฺติ ตถาคตสฺส ปูชาสกฺการวเสน ปวตฺติยมานํ มหนฺตํ อุสฺสาหํ ทิสฺวา.
สาเยว ¶ ปน ปฏิปทาติ ปุพฺพภาคปฏิปทา เอว. อนุจฺฉวิกตฺตาติ อธิคนฺตพฺพสฺส นววิธโลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุรูปตฺตา.
สีลนฺติ จาริตฺตสีลมาห. อาจารปฺตฺตีติ จาริตฺตสีลํ. ยาว โคตฺรภุโตติ ยาว โคตฺรภุาณํ, ตาว ปวตฺเตตพฺพา สมถวิปสฺสนา สมฺมาปฏิปทา. อิทานิ ตํ สมฺมาปฏิปทํ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ชินกาฬสุตฺตนฺติ ชินมหาวฑฺฒกินา ปิตํ วชฺเชตพฺพคเหตพฺพธมฺมสนฺทสฺสนกาฬสุตฺตํ สิกฺขาปทมริยาทํ, อุปาสโกปาสิกาวาเรสุ ¶ ‘‘คนฺธปูชํ มาลาปูชํ กโรตี’’ติ วจนํ จาริตฺตสีลปกฺเข เปตฺวา กรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, เตน ภิกฺขุภิกฺขุนีนมฺปิ ตถากรณํ อนฺุาตเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
อยฺหีติ ธมฺมานุธมฺมปฏิปทํ สนฺธาย วทติ.
อุปวาณตฺเถรวณฺณนา
๒๐๐. อปเนสีติ ิตปฺปเทสโต ยถา อปคจฺฉติ, เอวมกาสิ, น ปน นิพฺภจฺฉิ. เตนาห ‘‘อานนฺโท’’ติอาทิ. วุตฺตสทิสา วาติ สมจิตฺตปริยายเทสนายํ (อ. นิ. ๒.๓๗) วุตฺตสทิสา เอว. อาวาเรนฺโตติ ฉาเทนฺโต.
ยสฺมา ¶ กสฺสปสฺสพุทฺธสฺส เจติเย อารกฺขเทวตา อโหสิ, ตสฺมา เถโรว เตชุสฺสโท, น อฺเ อรหนฺโตติ อาเนตฺวา โยชนา.
อิทานิ อาคมนโต ปฏฺาย ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘วิปสฺสิมฺหิ กิร สมฺมาสมฺพุทฺเธ’’ติอาทิ อารทฺธํ. ‘‘จาตุมหาราชิกา เทวตา’’ติ อิทํ โคพลีพทฺทาเยน คเหตพฺพํ ภุมฺมเทวตาทีนมฺปิ ตปฺปริยาปนฺนตฺตา. เตสํ มนุสฺสานํ.
ตตฺถาติ กสฺสปสฺส ภควโต เจติเย.
ฉินฺนปาโต วิย ฉินฺนปาโต, ตํ ฉินฺนปาตํ, ¶ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ยํ. อาวฏฺฏนฺตีติ อภิมุขภาเวน วฏฺฏนฺติ. ยตฺถ ปติตา, ตโต กติปยรตนฏฺานํ วฏฺฏนวเสเนว คนฺตฺวา ปุน ยถาปติตเมว านํ วฏฺฏนวเสน อาคจฺฉนฺติ. เตนาห ‘‘อาวฏฺฏนฺติโย ปติตฏฺานเมว อาคจฺฉนฺตี’’ติ. วิวฏฺฏนฺตีติ ยตฺถ ปติตา, ตโต วินิวฏฺฏนฺติ. เตนาห ‘‘ปติตฏฺานโต ปรภาคํ วฏฺฏมานา คจฺฉนฺตี’’ติ. ปุรโต วฏฺฏนํ อาวฏฺฏนํ, อิตรํ ติวิธมฺปิ วิวฏฺฏนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เทวตา ธาเรตุํ น สกฺโกติ อุทกํ วิย โอสีทนโต. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถาติ ปกติปถวิยํ. เทวตา โอสีทนฺติ ธาตูนํ สณฺหสุขุมาลภาวโต. ปถวิยํ ¶ ปถวึ มาเปสุนฺติ ปกติปถวิยํ อตฺตโน สรีรํ ธาเรตุํ สมตฺถํ อิทฺธานุภาเวน ปถวึ มาเปสุํ.
กามํ โทมนสฺเส อสติปิ เอกจฺโจ ราโค โหติเยว, ราเค ปน อสติ โทมนสฺสสฺส อสมฺภโว เอวาติ ตเทกฏฺภาวโตติ อาห ‘‘วีตราคาติ ปหีนโทมนสฺสา’’ติ. สิลาถมฺภสทิสา อิฏฺานิฏฺเสุ นิพฺพิการตาย.
จตุสํเวชนียฏฺานวณฺณนา
๒๐๒. อปารคงฺคายาติ คงฺคาย โอรมฺภาเค. ‘‘สงฺการฉฑฺฑกสมฺมชฺชนิโย คเหตฺวา’’ติอาทิ อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺาเน วตฺตกรณาการทสฺสนํ. ‘‘เอวํ ทฺวีสุ กาเลสู’’ติอาทิ นิทสฺสนตฺถํ ปจฺจามสนํ, ตํ เหฏฺา อธิคตํ.
กมฺมสาธโน ¶ สมฺภาวนตฺโถ ภาวนีย-สทฺโทติ อาห ‘‘มนสา ภาวิเต สมฺภาวิเต’’ติ. ทุติยวิกปฺเป ปน ภาวนํ, วฑฺฒนฺจ ปฏิปกฺขปหานโตติ อาห ‘‘เย วา’’ติอาทิ.
พุทฺธาทีสุ ตีสุ วตฺถูสุ ปสนฺนจิตฺตสฺส, น กมฺมผลสทฺธามตฺเตน. สา จสฺส สทฺธาสมฺปทา เอวํ ¶ เวทิตพฺพาติ ผเลน เหตุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วตฺตสมฺปนฺนสฺสา’’ติ อาห. สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปาณํ, อภิชาติฏฺานาทีนิปิ ตสฺส อุปฺปตฺติเหตูนิ ภวนฺตีติ อาห ‘‘สํเวคชนกานี’’ติ.
เจติยปูชนตฺถํ จาริกา เจติยจาริกา. สคฺเค ปติฏฺหิสฺสนฺติเยว พุทฺธคุณารมฺมณาย กุสลเจตนาย สคฺคสํวตฺตนิยภาวโต.
อานนฺทปุจฺฉากถาวณฺณนา
๒๐๓. เอตฺถาติ มาตุคาเม. อยํ อุตฺตมา ปฏิปตฺติ, ยทิทํ อทสฺสนํ, ทสฺสนมูลกตฺตา ตปฺปจฺจยานํ สพฺพานตฺถานํ. โลโภติ กามราโค. จิตฺตจลนา ปฏิปตฺติอนฺตรายกโร จิตฺตกฺโขโภ. มุรุมุราเปตฺวาติ สอฏฺิกํ กตฺวา ขาทเน อนุรวทสฺสนํ. อปริมิตํ กาลํ ทุกฺขานุภวนํ อปริจฺฉินฺนทุกฺขานุภวนํ. วิสฺสาโสติ วิสงฺโค ฆฏฺฏนาภาโว. โอตาโรติ ตตฺถ จิตฺตสฺส ¶ อนุปฺปเวโส. อสิหตฺเถน เวรีปุริเสน, ปิสาเจนาปิ ขาทิตุกาเมน. อาสีเทติ อกฺกมนาทิวเสน พาเธยฺย. อสฺสาติ มาตุคามสฺส. ปพฺพชิเตหิ กตฺตพฺพกมฺมนฺติ อามิสปฏิคฺคหณาทิ ปพฺพชิเตหิ กาตพฺพํ กมฺมํ. สตีติ วา กายคตาสติ อุปฏฺาเปตพฺพา.
๒๐๔. อตนฺติพทฺธาติ อภารวหา. เปสิตจิตฺตาติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตจิตฺตา.
๒๐๕. วิหเตนาติ กปฺปาสวิหนนธนุนา ปพฺพชฏานํ วิชฏนวเสน หเตน. เตนาห ‘‘สุโปถิเตนา’’ติ, อสงฺกรณวเสน สุฏฺุ โปถิเตนาติ อตฺโถ, ทสฺสนียสํเวชนียฏฺานกิตฺตเนน จ วสนฏฺานํ กถิตํ.
อานนฺทอจฺฉริยธมฺมวณฺณนา
๒๐๗. เถรํ อทิสฺวา อามนฺเตสีติ ตตฺถ อทิสฺวา อาวชฺชนฺโต เถรสฺส ิตฏฺานํ, ปวตฺติฺจ ตฺวา อามนฺเตสิ.
กายกมฺมสฺส ¶ ¶ หิตภาโว หิตชฺฌาสเยน ปวตฺติตตฺตาติ อาห ‘‘หิตวุทฺธิยา กเตนา’’ติ. สุขภาโว กายิกทุกฺขาภาโว, เจตสิกสุขภาโว เจตสิกสุขสมุฏฺิตตฺตา จาติ วุตฺตํ ‘‘สุขโสมนสฺเสเนว กเตนา’’ติ. อาวิรโหวิภาคโต อทฺวยภาวโต อทฺวเยนาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สตฺถุ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยา, เถรสฺส อชฺฌาสยสมฺปตฺติยา จ ‘‘เอตฺตกมิท’’นฺติ ปมาณํ คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปมาณวิรหิตตฺตา ตสฺส กมฺมสฺสาติ อาห ‘‘จกฺกวาฬมฺปี’’ติอาทิ.
เอวํ ปวตฺติเตนาติ เอวํ โอทิสฺสกเมตฺตาภาวนาย วเสน ปวตฺติเตน. วิวฏฺฏูปนิสฺสยภูตํ กตํ อุปจิตํ ปฺุํ เอเตนาติ กตปฺุโ, อรหตฺตาธิคมาย กตาธิกาโรติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อภินีหารสมฺปนฺโนสีติ ทสฺเสตี’’ติ.
๒๐๘. กตฺถจิ สงฺกุจิตํ หุตฺวา ิตํ มหาปถวึ ปตฺถรนฺโต วิย, ปฏิสํหฏํ หุตฺวา ิตํ อากาสํ วิตฺถาเรนฺโต วิย, จตุสฏฺาธิกโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ จกฺกวาฬคิรึ อโธ โอสาเรนฺโต วิย, อฏฺสฏฺาธิกสหสฺสโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ สิเนรุํ อุกฺขิเปนฺโต วิย, สตโยชนายามวิตฺถารํ มหาชมฺพุํ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลนฺโต วิยาติ ปฺจ หิ อุปมา หิ เถรสฺส คุณกถา ¶ มหนฺตภาวทสฺสนตฺถฺเจว อฺเสํ ทุกฺกฏภาวทสฺสนตฺถฺจ อาคตาว. เอเตเนว จาติ จ-สทฺเทน ‘‘อหํ เอตรหิ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ (ที. นิ. ๒.๔), ‘‘สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; มิ. ป. ๕.๑๑) จ เอวํ อาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. พฺยตฺโตติ ¶ ขนฺธโกสลฺลาทิสงฺขาเตน เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต. เมธาวีติ เมธาสงฺขาตาย สมฺมาภาวิตาย ปฺาย สมนฺนาคโต.
๒๐๙. ปฏิสนฺถารธมฺมนฺติ ปกติจาริตฺตวเสน วุตฺตํ, อุปคตานํ ปน ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนฺจ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวเสน เจว จิตฺตรุจิวเสน จ ยถากาลํ ธมฺมํ เทเสติเยว, อุปาสโกปาสิกานํ ปน อุปนิสินฺนกถาวเสน.
มหาสุทสฺสนสุตฺตเทสนาวณฺณนา
๒๑๐. ขุทฺทก-สทฺโท ¶ ปติรูปวาจี, ก-สทฺโท อปฺปตฺโถติ อาห ‘‘ขุทฺทกนครเกติ นครปติรูปเก สมฺพาเธ ขุทฺทกนครเก’’ติ. ธุปรวิสาลสณฺานตาย ตํ ‘‘อุชฺชงฺคลนครก’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วิสมนครเก’’ติ. อฺเสํ มหานครานํ เอกเทสปฺปมาณตาย สาขาสทิเส. เอตฺถ จ ‘‘ขุทฺทกนครเก’’ติ อิมินา ตสฺส นครสฺส อปฺปกภาโว วุตฺโต, ‘‘อุชฺชงฺคลนครเก’’ติ อิมินา ภูมิวิปตฺติยา นิหีนภาโว, ‘‘สาขานครเก’’ติ อิมินา อปฺปธานภาโว. สารปฺปตฺตาติ วิภวสาราทินา สารมหตฺตํ ปตฺตา.
กหาปณสกฏนฺติ เอตฺถ ‘‘ทฺวิกุมฺภํ สกฏํ. กุมฺโภ ปน ทสมฺพโณ’’ติ วทนฺติ. ทฺเว ปวิสนฺตีติ ทฺเว กหาปณสกฏานิ ทฺเว อายวเสน ปวิสนฺติ.
สุภิกฺขาติ สุลภาหารา, สุนฺทราหารา จ. เตนาห ‘‘ขชฺชโภชฺชสมฺปนฺนา’’ติ. สทฺทํ กโรนฺเตติ รวสารินา ตุฏฺภาเวน โกฺจนาทํ กโรนฺเต. อวิวิตฺตาติ อสฺุา, กทาจิ รโถ ปมํ คจฺฉติ, ตํ อฺโ อนุพนฺธนฺโต คจฺฉติ, กทาจิ ทุติยํ วุตฺตรโถ ปมํ คจฺฉติ, อิตโร ตํ อนุพนฺธติ เอวํ อฺมฺํ อนุพนฺธมานา. เอตฺถาติ กุสาวตีนคเร. ตสฺส มหนฺตภาวโต เจว อิทฺธาทิภาวโต จ นิจฺจํ ปโยชิตาเนว เภริอาทีนิ ตูริยานิ, สมฺม ¶ สมฺมาติ วา อฺมฺํ ปิยาลาปสทฺโท สมฺม-สทฺโท. กํสตาฬาทิสพฺพตาฬาวจรสทฺโท ตาฬ-สทฺโท, กูฏเภริ-สทฺโท กุมฺภถูณสทฺโท.
เอวรูปา ¶ สทฺทา โหนฺติ กจวรากิณฺณวีถิตาย, อรฺเ กนฺทมูลปณฺณาทิคฺคหณาย, ตตฺถ ทุกฺขชีวิกตาย จาติ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพํ. อิธ น เอวํ อโหสิ เทวโลเก วิย สพฺพโส ปริปุณฺณสมฺปตฺติกตาย.
มหนฺตํ โกลาหลนฺติ สทฺธาสมฺปนฺนานํ เทวตานํ, อุปาสกานฺจ วเสน ปุรโต ปุรโต มหตี อุคฺโฆสนา โหติ. ตตฺถ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กตสฺส วิหารสฺส อภาวโต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหนฺตภาวโต เต อาคนฺตฺวา…เป… เปเสสิ. เปเสนฺโต จ ‘‘กถฺหิ นาม ภควา ปจฺฉิเม กาเล อตฺตโน ปวตฺตึ อมฺหากํ นาโรเจสิ, เนสํ โทมนสฺสํ มา อโหสี’’ติ ‘‘อชฺช โข วาเสฏฺา’’ติอาทินา สาสนํ เปเสสิ.
มลฺลานํ วนฺทนาวณฺณนา
๒๑๑. อฆํ ¶ ทุกฺขํ อาเวนฺติ ปกาเสนฺตีติ อฆาวิโน, ปากฏีภูตทุกฺขาติ อาห ‘‘อุปฺปนฺนทุกฺขา’’ติ. าติสาโลหิตภาเวน กุลํ ปริวตฺตติ เอตฺถาติ กุลปริวตฺตํ. ตํ ตํกุลีนภาเคน ิโต สตฺตนิกาโย ‘‘กุลปริวตฺตโส’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กุลปริวตฺต’’นฺติ. เต ปน ตํตํกุลปริวตฺตปริจฺฉินฺนา มลฺลราชาโน ตสฺมึ นคเร วีถิอาทิสภาเคน วสนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘วีถิสภาเคน เจว รจฺฉาสภาเคน จา’’ติ.
สุภทฺทปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
๒๑๒. กงฺขา เอว กงฺขาธมฺโม. เอกโต วาติ ภูมึ อวิภชิตฺวา สาธารณโตว. พีชโต จ อคฺคํ คเหตฺวา อาหารํ สมฺปาเทตฺวา ทานํ พีชคฺคํ. คพฺภกาเลติ คพฺภธารณโต ปรํ ขีรคฺคหณกาเล. เตนาห ‘‘คพฺภํ ผาเลตฺวา ขีรํ นิหริตฺวา’’ติอาทิ. ปุถุกกาเลติ สสฺสานํ นาติปกฺเก ปุถุกโยคฺยผลกาเล. ลายนคฺคนฺติ ปกฺกสฺส สสฺสสฺส ลวเน ลวนารมฺเภ ทานํ อทาสิ. ลุนสฺส ¶ สสฺสสฺส เวณิวเสน พนฺธิตฺวา ปนํ เวณิกรณํ. ตสฺส อารมฺเภ ทานํ เวณคฺคํ. เวณิโย ปน เอกโต กตฺวา ราสิกรณํ กลาโป. ตตฺถ อคฺคทานํ กลาปคฺคํ. กลาปโต นีหริตฺวา มทฺทเน อคฺคทานํ ขลคฺคํ. มทฺทิตํ โอผุณิตฺวา ธฺสฺส ราสิกรเณ อคฺคทานํ ขลภณฺฑคฺคํ. ธฺสฺส ขลโต โกฏฺเ ปกฺขิปเน อคฺคทานํ โกฏฺคฺคํ. อุทฺธริตฺวาติ โกฏฺโต อุทฺธริตฺวา.
‘‘นว ¶ อคฺคทานานิ อทาสี’’ติ อิมินา ‘‘กถํ นุ โข อหํ สตฺถุ สนฺติเก อคฺคโตว มุจฺเจยฺย’’นฺติ อคฺคคฺคทานวเสน วิวฏฺฏูปนิสฺสยสฺส กุสลสฺส กตูปจิตตฺตา, าณสฺส จ ตถา ปริปากํ คตตฺตา อคฺคธมฺมเทสนาย ตสฺส ภาชนภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อิมํ อคฺคธมฺมํ ตสฺส เทเสสฺสามี’’ติอาทิ. โอหียิตฺวา สงฺโกจํ อาปชฺชิตฺวา.
๒๑๓. อฺาตุกาโมว น สนฺทิฏฺึ ปรามาสี. อพฺภฺึสูติ สนฺเทหชาตสฺส ปุจฺฉาวจนนฺติ กตฺวา ชานึสูติ อตฺถมาห. เตนาห ปาฬิยํ ‘‘สพฺเพว น อพฺภฺึสู’’ติ. เนสนฺติ ปูรณาทีนํ. สา ปฏิฺาติ ‘‘กโรโต โข มหาราช การยโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๖๖) ปฏิฺาตา, สพฺพฺุปฏิฺา ¶ เอว วา. นิยฺยานิกาติ สปฺปาฏิหาริยา, เตสํ วา สิทฺธนฺตสงฺขาตา ปฏิฺา วฏฺฏโต นิสฺสรณฏฺเน นิยฺยานิกาติ. สาสนสฺส สมฺปตฺติยา เตสํ สพฺพฺุตํ, ตพฺพิปริยายโต จ อสพฺพฺุตํ คจฺฉตีติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. อตฺถาภาวโตติ สุภทฺทสฺส สาเธตพฺพอตฺถาภาวโต. โอกาสาภาวโตติ ตถา วิตฺถาริตํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสตุํ อวสราภาวโต. อิทานิ ตเมว โอกาสาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมยามสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๒๑๔. เยสํ ¶ สมณภาวกรานํ ธมฺมานํ สมฺปาทเนน สมโณ, เต ปน อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน อริยมคฺคธมฺมาติ จตุมคฺคสํสิทฺธิยา ปาฬิยํ จตฺตาโร สมณา วุตฺตาติ เต พาหิรสมเย สพฺเพน สพฺพํ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปโม โสตาปนฺนสมโณ’’ติอาทิมาห. ปุริมเทสนายาติ ‘‘ยสฺมิฺจ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย’’ติอาทินา วุตฺตาย เทสนาย. พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ อธิปฺเปโต อตฺโถ วิภาวียตีติ ปมนโยเปตฺถ ‘‘ปุริมเทสนายา’’ติ ปเทน สงฺคหิโต วาติ ทฏฺพฺโพ. อตฺตโน สาสนํ นิยเมนฺโต อาห ‘‘อิมสฺมึ โข’’ติ โยชนา. อารทฺธวิปสฺสเกหีติ สมาธิกมฺมิกวิปสฺสเกหิ, สิขาปฺปตฺตวิปสฺสเก สนฺธาย วุตฺตํ, น ปฏฺปิตวิปสฺสเน. อปเร ปน ‘‘พาหิรกสมเย วิปสฺสนารมฺภสฺส คนฺโถปิ นตฺเถวาติ อวิเสสวจนเมต’’นฺติ วทนฺติ. อธิคตฏฺานนฺติ อธิคตสฺส การณํ, ตทตฺถํ ปุพฺพภาคปฏิปทนฺติ อตฺโถ, เยน โสตาปตฺติมคฺโค อธิคโต, น อุปริมคฺโค, โส โสตาปตฺติมคฺเค ิโต อกุปฺปธมฺมตาย ตสฺส, ตตฺถ วา สิทฺธิโต ิตปุพฺโพ ภูตปุพฺพคติยาติ โสตาปตฺติมคฺคฏฺโ โสตาปนฺโน, น เสสอริยา ภูมนฺตรุปฺปตฺติโต. โสตาปนฺโน หิ อตฺตนา อธิคตฏฺานํ โสตาปตฺติมคฺคํ อฺสฺส กเถตฺวา โสตาปตฺติมคฺคฏฺํ กเรยฺย, น อฏฺมโก อสมฺภวโต. เอส นโย เสสมคฺคฏฺเสูติ เอตฺถาปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปคุณํ กมฺมฏฺานนฺติ อตฺตโน ปคุณํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ, เอเตเนว ‘‘อวิเสสวจน’’นฺติ วาโท ปฏิกฺขิตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.
สพฺพฺุตฺาณํ ¶ อธิปฺเปตํ. ตฺหิ สพฺพเยฺยธมฺมาวโพธเน ‘‘กุสลํ เฉกํ นิปุณ’’นฺติ วุจฺจติ ตตฺถ ¶ อสงฺคอปฺปฏิหตํ ปวตฺตตีติ กตฺวา. สมธิกานิ ¶ เอเกน วสฺเสน. ายนฺติ เอเตน จตุสจฺจธมฺมํ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌนฺตีติ าโย, โลกุตฺตรมคฺโคติ อาห ‘‘อริยมคฺคธมฺมสฺสา’’ติ. ปทิสฺสติ เอเตน อริยมคฺโค ปจฺจกฺขโต ทิสฺสตีติ ปเทโส, วิปสฺสนาติ วุตฺตํ ‘‘ปเทเส วิปสฺสนามคฺเค’’ติ. สมโณปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท ‘‘ปเทสวตฺตี’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺโพติ อาห ‘‘ปเทสวตฺติ…เป… นตฺถีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ.
๒๑๕. โสติ ตถาวุตฺโต อนฺเตวาสี. เตนาติ อาจริเยน. อตฺตโน าเน ปิโต โหติ ปรปพฺพาชนาทีสุ นิยุตฺตตฺตา.
สกฺขิสาวโกติ ปจฺจกฺขสาวโก, สมฺมุขสาวโกติ อตฺโถ. ภควติ ธรมาเนติ ธรมานสฺส ภควโต สนฺติเก. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย. สพฺโพปิ โสติ สพฺโพ โส ติวิโธปิ. อยํ ปน อรหตฺตํ ปตฺโต, ตสฺมา ปริปุณฺณคตาย มตฺถกปฺปตฺโต ปจฺฉิโม สกฺขิสาวโกติ.
ปฺจมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตถาคตปจฺฉิมวาจาวณฺณนา
๒๑๖. ตนฺติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาทกงฺคํ ทสฺเสตุํ…เป… วุตฺตํ ธมฺมสงฺคาหเกหีติ อธิปฺปาโย. สุตฺตาภิธมฺมสงฺคหิตสฺส ธมฺมสฺส อติสชฺชนํ สมฺโพธนํ เทสนา, ตสฺเสว ปการโต าปนํ เวเนยฺยสนฺตาเน ปนํ ปฺาปนนฺติ ‘‘ธมฺโมปิ เทสิโต เจว ¶ ปฺตฺโต จา’’ติ วุตฺตํ. ตถา วินยตนฺติสงฺคหิตสฺส กายวาจานํ วินยนโต ‘‘วินโย’’ติ ลทฺธาธิวจนสฺส อตฺถสฺส อติสชฺชนํ สมฺโพธนํ เทสนา, ตสฺเสว ปการโต าปนํ อสงฺกรโต ปนํ ปฺาปนนฺติ ‘‘วินโยปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จา’’ติ วุตฺตํ. อธิสีลสิกฺขานิทฺเทสภาเวน สาสนสฺส มูลภูตตฺตา วินโย ปมํ สิกฺขิตพฺโพติ ตํ ตาว อยมุทฺเทสํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘มยา หิ โว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธวเสนาติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมนียตาวเสน ¶ . สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ‘‘อิทํ โว กตฺตพฺพํ, อิทํ โว น กตฺตพฺพ’’นฺติ กตฺตพฺพากตฺตพฺพสฺส วิภาเคน อนุสาสนโต.
เตน ¶ เตนากาเรนาติ เตน เตน เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยานุรูเปน ปกาเรน. อิเม ธมฺเมติ อิเม สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺเม. ตปฺปธานตฺตา สุตฺตนฺตเทสนาย ‘‘สุตฺตนฺตปิฏกํ เทสิต’’นฺติ วุตฺตํ. สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ตํตํจริยานุรูปํ สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุสาสนโต. กุสลากุสลาพฺยากตวเสน นว เหตู. ‘‘สตฺต ผสฺสา’’ติอาทิ สตฺตวิฺาณธาตุสมฺปโยควเสน วุตฺตํ. ธมฺมานุโลเม ติกปฏฺานาทโย ฉ, ตถา ธมฺมปจฺจนีเย, ธมฺมานุโลมปจฺจนีเย, ธมฺมปจฺจนียานุโลเมติ จตุวีสติ สมนฺตปฏฺานานิ เอตสฺสาติ จตุวีสติสมนฺตปฏฺานํ, ตํ ปน ปจฺจยานุโลมาทิวเสน วิภชิยมานํ อปริมาณนยํ เอวาติ อาห ‘‘อนนฺตนยมหาปฏฺานปฏิมณฺฑิต’’นฺติ. สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสตีติ ขนฺธาทิวิภาเคน ายมานํ จตุสจฺจสมฺโพธาวหตฺตา สตฺถารา สมฺมาสมฺพุทฺเธน กาตพฺพกิจฺจํ นิปฺผาเทสฺสติ.
โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺติ โอวาทานุสาสนีกิจฺจนิปฺผาทนโต.
จาริตฺตนฺติ สมุทาจารา, นเวสุ ปิยาลาปํ วุฑฺเฒสุ ¶ คารวาลาปนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ภนฺเตติ วา อายสฺมาติ วา’’ติ. คารววจนํ เหตํ ยทิทํ ภนฺเตติ วา อายสฺมาติ วา, โลเก ปน ‘‘ตตฺร ภว’’นฺติ, ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ จ คารววจนเมว.
‘‘อากงฺขมาโน สมูหนตู’’ติ วุตฺเต ‘‘น อากงฺขมาโน น สมูหนตู’’ติปิ วุตฺตเมว โหตีติ อาห ‘‘วิกปฺปวจเนเนว เปสี’’ติ. พลนฺติ าณพลํ. ยทิ อสมูหนนํ ทิฏฺํ, ตเทว จ อิจฺฉิตํ, อถ กสฺมา ภควา ‘‘อากงฺขมาโน สมูหนตู’’ติ อโวจาติ? ตถารูปปุคฺคลชฺฌาสยวเสน. สนฺติ หิ เกจิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมาทาย สํวตฺติตุํ อนิจฺฉนฺตา, เตสํ ตถา อวุจฺจมาเน ภควติ วิฆาโต อุปฺปชฺเชยฺย, ตํ เตสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย, ตถา ปน วุตฺเต เตสํ วิฆาโต น อุปฺปชฺเชยฺย ‘‘อมฺหากํ เอวายํ โทโส, ยโต อมฺเหสุ เอว เกจิ สมูหนนํ น อิจฺฉนฺตี’’ติ. เกจิ ‘‘สกลสฺส ปน สาสนสฺส สงฺฆายตฺตภาวกรณตฺถํ ตถา วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ยฺจ กิฺจิ สตฺถารา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ สมณา สกฺยปุตฺติยา สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ชีวิตํ วิย รกฺขนฺติ. ตถา หิ เต ‘‘ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ อากงฺขมาโน สงฺโฆ สมูหนตู’’ติ ¶ วุตฺเตปิ น สมูหนึสุ, อฺทตฺถุ ‘‘ปุรโต วิย ตสฺส อจฺจเยปิ รกฺขึสุ เอวา’’ติ สตฺถุสาสนสฺส ¶ , สงฺฆสฺส จ มหนฺตภาวทสฺสนตฺถมฺปิ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ อายสฺมา อานนฺโท, อฺเปิ วา ภิกฺขู ‘‘กตมํ ปน ภนฺเต ขุทฺทกํ, กตมํ อนุขุทฺทก’’นฺติ น ปุจฺฉึสุ สมูหนชฺฌาสยสฺเสว อภาวโต.
น ตํ เอวํ คเหตพฺพนฺติ ‘‘นาคเสนตฺเถโร ขุทฺทานุขุทฺทกํ ชานาตี’’ติอาทินา วุตฺตํ ตํ เนสํ วจนํ อิมินา วุตฺตากาเรน น คเหตพฺพํ อธิปฺปายสฺส อวิทิตตฺตา. อิทานิ ตํ อธิปฺปายํ วิภาเวตุํ ‘‘นาคเสนตฺเถโร ¶ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา นาคเสนตฺเถโร (มิลินฺทปฺเห อเภชฺชวคฺเค วิตฺถาโร) ปเรสํ วาทปโถปจฺเฉทนตฺถํ สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหกมหาเถเรหิ คหิตโกฏฺาเสสุ จ อนฺติมโกฏฺาสเมว คเหตฺวา มิลินฺทราชานํ ปฺาเปสิ. มหากสฺสปตฺเถโร ปน เอกสิกฺขาปทมฺปิ อสมูหนิตุกามตาย ตถา กมฺมวาจํ สาเวติ, ตสฺมา ตํ เตสํ วจนํ ตถา น คเหตพฺพํ.
๒๑๗. ทฺเวฬฺหกนฺติ ทฺวิธาคาโห, อเนกํสคฺคาโหติ อตฺโถ. วิมตีติ สํสยาปตฺติ. เตนาห ‘‘วินิจฺฉิตุํ อสมตฺถตา’’ติ. ตํ โว วทามีติ ตํ สํสยวนฺตํ ภิกฺขุํ สนฺธาย โว ตุมฺเห วทามิ.
นิกฺกงฺขภาวปจฺจกฺขกรณาณํ เยวาติ พุทฺธาทีสุ เตสํ ภิกฺขูนํ นิกฺกงฺขภาวสฺส ปจฺจกฺขการิยาภาวโต ตมตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิตํ สพฺพฺุตฺาณเมว. เอตฺถ เอตสฺมึ อตฺเถ.
๒๑๘. อปฺปมชฺชนํ อปฺปมาโท, โส ปน อตฺถโต าณูปสฺหิตา สติ. ยสฺมา ตตฺถ สติยา พฺยาปาโร สาติสโย, ตสฺมา ‘‘สติอวิปฺปวาเสนา’’ติ วุตฺตํ. อปฺปมาทปเทเยว ปกฺขิปิตฺวา อทาสิ ตํ อตฺถโต, ตสฺส สกลสฺส พุทฺธวจนสฺส สงฺคณฺหนโต จ.
ปรินิพฺพุตกถาวณฺณนา
๒๑๙. ฌานาทีสุ, จิตฺเต จ ปรมุกฺกํสคตวสีภาวตาย ‘‘เอตฺตเก กาเล เอตฺตกา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา สมาปตฺติ สมาปชฺชนํ ‘‘ปรินิพฺพานปริกมฺม’’นฺติ อธิปฺเปตํ. เถโรติ อนุรุทฺธตฺเถโร.
อยมฺปิ ¶ จาติ ยถาวุตฺตปฺจสฏฺิยา ฌานานํ สมาปนฺนภาวกถาปิ สงฺเขปกถา เอว, กสฺมา ¶ ? ยสฺมา ภควา ตทาปิ เทวสิกํ วฬฺชนสมาปตฺติโย สพฺพาปิ อปริหาเปตฺวา สมาปชฺชิ เอวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิพฺพานปุรํ ปวิสนฺโต’’ติอาทิมาห.
อิมานิ ทฺเวปิ สมนนฺตราเนว ปจฺจเวกฺขณายปิ เยภุยฺเยนานนฺตริยกตาย ฌานปกฺขิกภาวโต, ยสฺมา ¶ ภวงฺคจิตฺตํ สพฺพปจฺฉิมํ, ตโต ภวโต จวนโต ‘‘จุตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา น เกวลํ อยเมว ภควา, อถ โข สพฺเพปิ สตฺตา ภวงฺคจิตฺเตเนว จวนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เย หิ เกจี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๒๒๐. ปฏิภาคปุคฺคลวิรหิโตติ สีลาทิคุเณหิ อสทิสตาย สทิสปุคฺคลรหิโต.
๒๒๑. สงฺขารา วูปสมนฺติ เอตฺถาติ วูปสโมติ เอวํสงฺขาตํ าตํ กถิตํ นิพฺพานํ.
๒๒๒. ยนฺติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘โย กาลํ อกรี’’ติ.
สุวิกสิเตเนวาติ ปีติโสมนสฺสโยคโต สุฏฺุ วิกสิเตน มุทิเตน. เวทนํ อธิวาเสสิ อภาวสมุทโย กโต สุฏฺุ ปริฺาตตฺตา. อนาวรณวิโมกฺโข สพฺพโส นิพฺพุตภาวโต.
๒๒๓. อากโรนฺติ อตฺตโน ผลานิ สมานากาเร กโรนฺตีติ อาการา, การณานิ. สพฺพาการวรูเปเตติ สพฺเพหิ อาการวเรหิ อุตฺตมการเณหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคเตติ อตฺโถ.
จุลฺลกทฺธานนฺติ ปริตฺตํ กาลํ ทฺวตฺตินาฑิกามตฺตํ เวลํ.
พุทฺธสรีรปูชาวณฺณนา
๒๒๗. กํสตาฬาทิ ตาฬํ อวจรติ เอตฺถาติ ‘‘ตาฬาวจร’’นฺติ วุจฺจติ อาตตาทิตูริยภณฺฑํ. เตนาห ‘‘สพฺพํ ตูริยภณฺฑ’’นฺติ.
ทกฺขิณทิสาภาเคเนวาติ ¶ ¶ อฺเน ทิสาภาเคน อนาหริตฺวา ยมกสาลานํ านโต ทกฺขิณทิสาภาเคเนว, ตโตปิ ทกฺขิณทิสาภาคํ หริตฺวา เนตฺวา.
เชตวนสทิเสติ สาวตฺถิยา เชตวนสทิเส าเน, ‘‘เชตวนสทิเส าเน’’ติปิ ปาโ.
๒๒๘. ปสาธนมงฺคลสาลายาติ ¶ อภิเสกกาเล อลงฺกรณมงฺคลสาลาย.
๒๒๙. เทวทานิโยติ ตสฺส โจรสฺส นามํ.
มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุวณฺณนา
๒๓๑. ปาวายาติ ปาวา นครโต. อาวชฺชนปฏิพทฺธตฺตา ชานนสฺส อนาวชฺชิตตฺตา สตฺถุ ปรินิพฺพานํ อชานนฺโต ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ เถโร จินฺเตสิ, สตฺถุ สรีเร วา สตฺถุสฺํ อุปฺปาเทนฺโต ตถา จินฺเตสิ. เตเนวาห ‘‘อถ ภควนฺตํ อุกฺขิปิตฺวา’’ติ. ‘‘ธุวํ ปรินิพฺพุโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ ปาริเสสาเยน. ชานนฺโตปิ เถโร อาชีวกํ ปุจฺฉิเยว, ปุจฺฉเน ปน การณํ สยเมว ปกาเสตุํ ‘‘กึ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ.
อชฺช สตฺตาหปรินิพฺพุโตติ อชฺช ทิวสโต ปฏิโลมโต สตฺตเม อหนิ ปรินิพฺพุโต.
๒๓๒. นาฬิยา วาปเกนาติ นาฬิยา เจว ถวิกาย จ.
มฺชุเกติ มฺชุภาณิเน มธุรสฺสเร. ปฏิภาเนยฺยเกติ ปฏิภานวนฺเต. ภฺุชิตฺวา ปาตพฺพยาคูติ ปมํ ภฺุชิตฺวา ปิวิตพฺพยาคุ.
ตสฺสาติ สุภทฺทสฺส วุฑฺฒปพฺพชิตสฺส.
อาราธิตสาสเนติ สมาหิตสาสเน. อลนฺติ สมตฺโถ. ปาโปติ ปาปปุคฺคโล. โอสกฺกาเปตุนฺติ หาเปตุํ อนฺตรธาเปตุํ.
ปฺหวาราติ ปฺหา วิย วิสฺสชฺชนานิ ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ ¶ โหตี’’ติอาทินา, (ธ. ส. ๑.๑) ‘‘ยสฺมึ สมเย รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติอาทินา ¶ ¶ (ธ. ส. ๑.๒๕๑) จ ปวตฺตานิ เอกํ ทฺเว ภูมนฺตรานิ. มูเล นฏฺเ ปิสาจสทิสา ภวิสฺสามาติ ยถา รุกฺเข อธิวตฺโถ ปิสาโจ ตสฺส สาขาปริวาเร นฏฺเ ขนฺธํ นิสฺสาย วสติ, ขนฺเธ นฏฺเ มูลํ นิสฺสาย วสติ, มูเล ปน นฏฺเ อนิสฺสโยว โหติ, ตถา ภวิสฺสามาติ อตฺโถ. อถ วา มูเล นฏฺเติ ปิสาเจน กิร รุกฺขคจฺฉาทีนํ กฺจิเทว มูลํ ฉินฺทิตฺวา อตฺตโน ปุตฺตสฺส ทินฺนํ, ยาว ตํ ตสฺส หตฺถโต น วิคจฺฉติ, ตาว โส ตํ ปเทสํ อทิสฺสมานรูโป วิจรติ. ยทา ปน ตสฺมึ เกนจิ อจฺฉินฺนภาเวน วา สติวิปฺปวาสวเสน วา นฏฺเ มนุสฺสานมฺปิ ทิสฺสมานรูโป วิจรติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘มูเล นฏฺเ ปิสาจสทิสา ภวิสฺสามา’’ติ.
มํ กายสกฺขึ กตฺวาติ ตํ ปฏิปทํ กาเยน สจฺฉิกตวนฺตํ ตสฺมา ตสฺสา เทสนาย สกฺขิภูตํ มํ กตฺวา. ปฏิจฺฉาเปสิ ตํ ปฏิจฺฉาปนํ กสฺสปสุตฺเตน ทีเปตพฺพํ.
๒๓๓. จนฺทนฆฏิกาพาหุลฺลโต จนฺทนจิตกา.
ตํ สุตฺวาติ ตํ อายสฺมตา อนุรุทฺธตฺเถเรน วุตฺตํ เทวตานํ อธิปฺปายํ สุตฺวา.
๒๓๔. ทสิกตนฺตํ วาติ ปลิเวิตอหตกาสิกวตฺถานํ ทสาเนน ตนฺตุมตฺตมฺปิ วา. ทารุกฺขนฺธํ วาติ จนฺทนาทิจิตกทารุกฺขนฺธํ วา.
๒๓๕. สมุทาเยสุ ปวตฺตโวหารานํ อวยเวสุ ทิสฺสนโต สรีรสฺส อวยวภูตานิ อฏฺีนิ ‘‘สรีรานี’’ติ วุตฺตานิ.
น วิปฺปกิรึสูติ สรูเปเนว ิตาติ อตฺโถ. ‘‘เสสา วิปฺปกิรึสู’’ติ วตฺวา ยถา ปน ตา วิปฺปกิณฺณา อเหสุํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา นิพฺพาเปสุนฺติ เทวตานุภาเวน. เอวํ มหติโย พหู อุทกธารา กิมตฺถายาติ อาห ¶ ‘‘ภควโต จิตโก มหนฺโต’’ติ. มหา หิ โส วีสรตนสติโก. อฏฺทนฺตเกหีติ นงฺคเลหิ อฏฺเว หิ เนสํ ทนฺตสทิสานิ โปตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อฏฺทนฺตกานี’’ติ วุจฺจติ.
ธมฺมกถาว ¶ ¶ ปมาณนฺติ อติวิย อจฺฉริยพฺภุตภาวโต ปสฺสนฺตานํ, สุณนฺตานฺจ สาติสยํ ปสาทาวหภาวโต, สวิเสสํ พุทฺธานุภาวทีปนโต. ปรินิพฺพุตสฺส หิ พุทฺธสฺส ภควโต เอวรูโป อานุภาโวติ ตํ ปวตฺตึ กเถนฺตานํ ธมฺมกถิกานํ อตฺตโน าณพลานุรูปํ ปวตฺติยมานา ธมฺมกถา เอเวตฺถ ปมาณํ วณฺเณตพฺพสฺส อตฺถสฺส มหาวิสยตฺตา, ตสฺมา วณฺณนาภูมิ นาเมสาติ อธิปฺปาโย. จตุชฺชาติยคนฺธปริภณฺฑํ กาเรตฺวาติ ตครกุงฺกุมยวนปุปฺผตมาลปตฺตานิ ปิสิตฺวา กตคนฺเธน ปริภณฺฑํ กาเรตฺวา. ขจิตฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ โอลมฺพนวเสน รเจตฺวา, คนฺธวตฺถูนิ คเหตฺวา คนฺถิตมาลา คนฺธทามานิ รตนาวฬิโย รตนทามานิ. พหิกิลฺชปริกฺเขปสฺส, อนฺโตสาณิปริกฺเขปสฺส กรเณน สาณิกิลฺชปริกฺเขปํ กาเรตฺวา. วาตคฺคาหินิโย ปฏากา วาตปฏากา. สรภรูปปาทโก ปลฺลงฺโก สรภมยปลฺลงฺโก, ตสฺมึ สรภมยปลฺลงฺเก.
สตฺติหตฺถา ปุริสา สตฺติโย ตํสหจรณโต ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ, เตหิ สมนฺตโต รกฺขาปนํ ปฺจกรณนฺติ อาห ‘‘สตฺติหตฺเถหิ ปุริเสหิ ปริกฺขิปาเปตฺวา’’ติ. ธนูหีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สนฺนาหควจฺฉิกํ วิย กตฺวา นิรนฺตราวฏฺิตอารกฺขสนฺนาเหน ควจฺฉิชาลํ วิย กตฺวา.
สาธุกีฬิตนฺติ ¶ สปรหิตํ สาธนฏฺเน สาธู, เตสํ กีฬิตํ อุฬารปฺุปสวนโต, สมฺปรายิกตฺถาวิโรธิกํ กีฬาวิหารนฺติ อตฺโถ.
สรีรธาตุวิภชนวณฺณนา
๒๓๖. อิมินาว นิยาเมนาติ เยน นีหาเรน มหาตเล นิสินฺโน กฺจิ ปริหารํ อกตฺวา เกวลํ อิมินา นิยาเมเนว. สุปินโกติ ทุสฺสุปินโก. ทุกูลทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวาติ ทฺเว ทุกูลวตฺถานิ เอกชฺฌํ กตฺวา นิวาเสตฺวา. เอวฺหิ ตานิ โสกสมปฺปิตสฺสาปิ อภสฺสิตฺวา ติฏฺนฺติ.
อภิเสกสิฺจโกติ รชฺชาภิเสเก อภิเสกมงฺคลสิฺจโก อุตฺตมมงฺคลภาวโต. วิสฺี ชาโต ยถา ตํ ภควโต คุณวิเสสามตรสฺุตาย อวฏฺิตเปโม โปถุชฺชนิกสทฺธาย ปติฏฺิตปสาโท กตูปการตาย สฺชนิตจิตฺตมทฺทโว.
สุวณฺณพิมฺพิสกวณฺณนฺติ ¶ ¶ สุวิรจิต อปสฺเสนสทิสํ.
กสฺมา ปเนตฺถ ปาเวยฺยกา ปาฬิยํ สพฺพปจฺฉโต คหิตา, กึ เต กุสินาราย อาสนฺนตราปิ สพฺพปจฺฉโต อุฏฺิตา? อาม, สพฺพปจฺฉโต อุฏฺิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ปาเวยฺยกา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ธาตุปาสนตฺถนฺติ สตฺถุ ธาตูนํ ปยิรุปาสนาย. เนสํ ปกฺขา อเหสุํ ‘‘าเยน เตสํ สนฺตกา ธาตุโย’’ติ.
๒๓๗. โทณคชฺชิตํ นาม อโวจ สตฺถุ อวตฺถตฺตยูปสํหิตํ. เอตทตฺถเมว หิ ภควา มคฺคํ คจฺฉนฺโต ‘‘ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโต โทโณ พฺราหฺมโณ ยาว เม ปทวฬฺชํ ปสฺสติ, ตาว มา วิคจฺฉตู’’ติ อธิฏฺาย อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. โทโณปิ โข ¶ พฺราหฺมโณ ‘‘อิมานิ สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส ปทานี’’ติ สลฺลกฺเขนฺโต ปทานุสาเรน สตฺถุ สนฺติกํ อุปคจฺฉิ, สตฺถาปิสฺส ธมฺมํ เทเสสิ, เตนปิ โส ภควติ นิวิฏฺสทฺโธ อโหสิ. เอตทโวจ, กึ อโวจาติ อาห ‘‘สุณนฺตุ…เป… อโวจา’’ติ.
กาเยน เอกสนฺนิปาตา วาจาย เอกวจนา อภินฺนวจนา เอวํ สมคฺคา โหถ. ตสฺส ปนิทํ การณนฺติ อาห ‘‘สมฺโมทมานา’’ติ. เตนาห ‘‘จิตฺเตนาปิ อฺมฺํ สมฺโมทมานา โหถา’’ติ.
๒๓๘. ตโต ตโต สมาคตสงฺฆานนฺติ ตโต ตโต อตฺตโน วสนฏฺานโต สมาคนฺตฺวา สนฺนิปติตภาเวน สมาคตสงฺฆานํ. ตถา สมาปติตสมูหภาเวน สมาคตคณานํ. วจนสมฺปฏิจฺฉเนน ปฏิสฺสุณิตฺวา.
ธาตุถูปปูชาวณฺณนา
๒๓๙. ยกฺขคฺคาโห เทวตาเวโส. ขิปิตกํ ธาตุกฺโขภํ อุปฺปาเทตฺวา ขิปิตกโรโค. อโรจโก อาหารสฺส อรุจฺจนโรโค.
สตฺตมทิวเสติ ¶ สตฺตวสฺสสตฺตมาสโต ปรโต สตฺตเม ทิวเส. พลานุรูเปนาติ วิภวพลานุรูเปน.
ปจฺฉา สงฺคีติการกาติ ทุติยํ ตติยํ สงฺคีติการกา. ธาตูนํ อนฺตรายํ ทิสฺวาติ ตตฺถ ตตฺถ เจติเย ยถาปติฏฺาปิตภาเวเนว ิตานํ ¶ ธาตูนํ มิจฺฉาทิฏฺิกานํ วเสน อนฺตรายํ ทิสฺวา, มหาธาตุนิธาเนน สมฺมเทว รกฺขิตานํ อนาคเต อโสเกน ธมฺมรฺา ตโต อุทฺธริตฺวา วิตฺถาริตภาเว กเต สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขาวหภาวฺจ ทิสฺวาติ อธิปฺปาโย. ปริจรณมตฺตเมวาติ คเหตฺวา ปริจริตพฺพธาตุมตฺตเมว. ราชูนํ หตฺเถ เปตฺวา, น เจติเยสุ. ตถา หิ ปจฺฉา อโสกมหาราชา เจติเยสุ ธาตูนํ น ลภติ.
ปุริมํ ¶ ปุริมํ กตสฺส คณฺหนโยคฺยํ ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ กาเรนฺโต อฏฺ อฏฺ หริจนฺทนาทิมเย กรณฺเฑ จ ถูเป จ กาเรสิ. โลหิตจนฺทนมยาทีสุปิ เอเสว นโย. มณิกรณฺเฑสูติ โลหิตงฺกมสารคลฺลผลิกมเย เปตฺวา อวเสสมณิวิจิตฺตเกสุ กรณฺเฑสุ.
ถูปารามเจติยปฺปมาณนฺติ เทวานํปิยติสฺสมหาราเชน การิตเจติยปฺปมาณํ.
มาลา มา มิลายนฺตูติ ‘‘ยาว อโสโก ธมฺมราชา พหิ เจติยานิ กาเรตุํ อิโต ธาตุโย อุทฺธริสฺสติ, ตาว มาลา มา มิลายนฺตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา. อาวิฺฉนรชฺชุยนฺติ อคฺคฬาวิฺฉนรชฺชุยํ. กฺุจิกมุทฺทิกนฺติ ทฺวารวิวรณตฺถํ กฺุจิกฺเจว มุทฺทิกฺจ.
วาฬสงฺฆาตยนฺตนฺติ กุกฺกุลํ ปฏิภยทสฺสนํ อฺมฺปฏิพทฺธคมนาทิตาย สงฺฆาฏิตรูปกยนฺตํ โยเชสิ. เตนาห ‘‘กฏฺรูปกานี’’ติอาทิ. อาณิยา พนฺธิตฺวาติ อเนกกฏฺรูปวิจิตฺตยนฺตํ อตฺตโน เทวานุภาเวน เอกาย เอว อาณิยา พนฺธิตฺวา วิสฺสกมฺโม เทวโลกเมว คโต. ‘‘สมนฺตโต’’ติอาทิ ปน ตสฺมึ ธาตุนิทาเน อชาตสตฺตุโน กิจฺจวิเสสานุฏฺานทสฺสนํ.
‘‘อสุกฏฺาเน นาม ธาตุนิธาน’’นฺติ รฺา ปุจฺฉิเต ‘‘ตสฺมึ สนฺนิปาเต วิเสสลาภิโน นาเหสุ’’นฺติ เกจิ. ‘‘อตฺตานํ นิคูหิตฺวา ตสฺส วุฑฺฒตรสฺส วจนํ นิสฺสาย วีมํสนฺโต ชานิสฺสตีติ น กเถสุ’’นฺติ อปเร. ยกฺขทาสเกติ อุปหาราทิวิธินา เทวตาเวสนเก ภูตาวิคฺคาหเก.
อิมํ ¶ ¶ ปทนฺติ ‘‘เอวเมตํ ภูตปุพฺพ’’นฺติ ทุติยสงฺคีติกาเรหิ ปิตํ อิมํ ปทํ. มหาธาตุนิธานมฺปิ ตสฺส อตฺถํ กตฺวา ตติยสงฺคีติการาปิ ปยึสุ.
มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๔. มหาสุทสฺสนสุตฺตวณฺณนา
กุสาวตีราชธานีวณฺณนา
๒๔๒. โสวณฺณมยาติ ¶ ¶ ¶ สุวณฺณมยา. อยํ ปากาโรติ สพฺพรตนมโย ปากาโร. ตโย ตโยติ อนฺโต จ ตโย, พหิ จ ตโยติ ตโย ตโย.
เอสิกตฺถมฺโภ อินฺทขีโล นครโสภโน อลงฺการตฺถมฺโภ. องฺคียติ ายติ ปุถุลภาโว เอเตนาติ องฺคํ, ปริกฺเขโป. ติโปริสํ องฺคํ เอติสฺสาติ ติโปริสงฺคา. เตนาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ. เตน ปฺจหตฺถปฺปมาเณน ติโปริเสน. ปณฺณผเลสุปีติ สพฺพรตนมยานํ ตาลานํ ปณฺณผเลสุปิ. เอเสว นโยติ ‘‘ปณฺเณสุ เอกํ ปตฺตกํ โสวณฺณมยํ, เอกํ รูปิยมยํ. ผเลสุปิ เอโก เลขาภาโว โสวณฺณมโย, เอโก รูปิยมโย’’ติอาทิโก อยมตฺโถ อติทิฏฺโ. ปาการนฺตเรติ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ปาการานํ อนฺตเร. เอเกกา หุตฺวา ิตา ตาลปนฺติ.
เฉโกติ ปฏุ สุวิสโท, โส จสฺส ปฏุภาโว มโนสาโรติ อาห ‘‘สุนฺทโร’’ติ. รฺเชตุนฺติ ราคํ อุปฺปาเทตุํ. ขมเตวาติ โรจเตว. น พีภจฺเฉตีติ น ตชฺเชติ, โสตสุขภาวโต ปิยายิตพฺโพ จ โหติ. กุมฺภถุณททฺทริกาทิ เอกตลํ ตูริยํ. อุภยตลํ ปากฏเมว. สพฺพโต ปริโยนทฺธํ จตุรสฺสอมฺพณกํ, ปณวาทิ จ. วํสาทีติ อาทิ-สทฺเทน สงฺขาทิกํ สงฺคณฺหาติ. สุมุจฺฉิตสฺสาติ สุฏฺุ ปริยตฺตสฺส. ปมาเณติ นาติทฬฺหนาติสิถิลตาสงฺขาเต มชฺฌิเม มุจฺฉนปฺปมาเณ ¶ . หตฺถํ วา ปาทํ วา จาเลตฺวาติ หตฺถลยปาทลเย สชฺเชตฺวา. นจฺจนฺตาติ สาขานจฺจํ นจฺจนฺตา.
จกฺกรตนวณฺณนา
๒๔๓. อุโปสถํ ¶ วุจฺจติ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ สพฺพทิวเสสุ คหฏฺเหิ รกฺขิตพฺพสีลํ, สมาทานวเสน ตํ ตสฺส อตฺถีติ อุโปสถิโก, ตสฺส อุโปสถิกสฺส. เตนาห ‘‘สมาทินฺนอุโปสถงฺคสฺสา’’ติ. ตทาติ ตสฺมึ ¶ กาเล. กสฺมึ ปน กาเลติ? ยสฺมึ กาเล จกฺกวตฺติภาวสํวตฺตนิยทานสีลาทิปฺุสมฺภารสมุทาคมสมฺปนฺโน ปูริตจกฺกวตฺติวตฺโต กาลทีปเทสวิเสสปจฺจาชาติยา เจว กุลรูปโภคาธิปเตยฺยาทิคุณวิเสสสมฺปตฺติยา จ ตทนุรูเป อตฺตภาเว ิโต โหติ, ตสฺมึ กาเล. ตาทิเส หิ กาเล จกฺกวตฺติภาวี ปุริสวิเสโส ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคโต ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต วิสุทฺธสีโล อนุโปสถํ สตสหสฺสวิสฺสชฺชนาทินา สมฺมาปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชติ, น ยทา จกฺกรตนํ อุปฺปชฺชติ, ตทา เอว. อิเม จ วิเสสา สพฺพจกฺกวตฺตีนํ สาธารณวเสน วุตฺตา. เตนาห ‘‘ปาโตว…เป… ธมฺมตา’’ติ. โพธิสตฺตานํ ปน จกฺกวตฺติภาวาวหคุณาปิ จกฺกวตฺติคุณาปิ สาติสยาว โหนฺติ.
วุตฺตปฺปการปฺุกมฺมปจฺจยนฺติ จกฺกวตฺติภาวาวหทานทมสํยมาทิปฺุกมฺมเหตุกํ. นีลมณิสงฺฆาตสทิสนฺติ อินฺทนีลมณิสฺจยสมานํ. ทิพฺพานุภาวยุตฺตตฺตาติ ทสฺสเนยฺยตา, มนฺุโฆสตา, อากาสคามิตา, โอภาสวิสฺสชฺชนา, อปฺปฏิฆาตตา, รฺโ อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติการณตาติ เอวมาทีหิ ทิพฺพสทิเสหิ อานุภาเวหิ สมนฺนาคตตฺตา, เอเตน ทิพฺพํ วิยาติ ทิพฺพนฺติ ทสฺเสติ. น หิ ตํ เทวโลกปริยาปนฺนํ. สหสฺสํ อรา เอตสฺสาติ วา สหสฺสารํ. สพฺเพหิ อากาเรหีติ สพฺเพหิ สุนฺทเรหิ ปริปุณฺณาวยเว ลกฺขณสมฺปนฺเน จกฺเก อิจฺฉิตพฺเพหิ อากาเรหิ. ปริปูรนฺติ ปริปุณฺณํ, สา จสฺสา ปาริปูรึ อิทาเนว วิตฺถาเรสฺสติ.
ปนาฬีติ ฉิทฺทํ. สุทฺธสินิทฺธทนฺตปนฺติยา นิพฺพิวรายาติ ¶ อธิปฺปาโย. ตสฺสา ปน ปนาฬิยา สมนฺ