📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ทีฆนิกาเย
ปาถิกวคฺคฏีกา
๑. ปาถิกสุตฺตวณฺณนา
สุนกฺขตฺตวตฺถุวณฺณนา
๑. อปุพฺพปทวณฺณนาติ ¶ ¶ ¶ อตฺถสํวณฺณนาวเสน เหฏฺา อคฺคหิตตาย อปุพฺพสฺส อภินวสฺส ปทสฺส วณฺณนา อตฺถวิภาวนา. ‘‘หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา) หิ วุตฺตํ. มลฺเลสูติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. ฉายูทกสมฺปนฺเน วนสณฺเฑ วิหรตีติ อนุปิยสามนฺตา กตสฺส วิหารสฺส อภาวโต. ยทิ น ตาว ปวิฏฺโ, กสฺมา ‘‘ปาวิสี’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปวิสิสฺสามี’’ติอาทิ, เตน อวสฺสํ ภาวินิ ภูเต วิย อุปจารา โหนฺตีติ ทสฺเสติ. อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวนฺโต ‘‘ยถา กิ’’นฺติอาทิมาห. เอตนฺติ เอตํ ‘‘อติปฺปโค โข’’ติอาทิกํ จินฺตนํ อโหสิ. อติวิย ¶ ปโค โขติ อติวิย ปาโตว. ฉนฺนโกปีนตาย, ปริพฺพาชกปพฺพชฺชุปคเมน จ ฉนฺนปริพฺพาชกํ, น นคฺคปริพฺพาชกํ.
๒. ยสฺมา ภควโต อุจฺจากุลปฺปสุตตํ, มหาภินิกฺขมนนิกฺขนฺตตํ, อนฺสาธารณทุกฺกรจรณํ, วิเวกวาสํ, โลกสมฺภาวิตตํ, โอวาทานุสาสนีหิ โลกสฺส พหุปการตํ, ปรปฺปวาทมทฺทนํ, มหิทฺธิกตํ ¶ , มหานุภาวตนฺติ เอวมาทิกํ ตํตํอตฺตปจฺจกฺขคุณวิเสสํ นิสฺสาย เยภุยฺเยน ¶ อฺติตฺถิยาปิ ภควนฺตํ ทิสฺวา อาทรคารวพหุมานํ ทสฺเสนฺติเยว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภควนฺตํ ทิสฺวา มานถทฺธตํ อกตฺวา’’ติอาทิ. โลกสมุทาจารวเสนาติ โลโกปจารวเสน. จิรสฺสนฺติ จิรกาเลน. อาทีนิ วทนฺติ อุปจารวเสน. ตสฺสาติ ภคฺควโคตฺตสฺส ปริพฺพาชกสฺส. คิหิสหาโยติ คิหิกาลโต ปฏฺาย สหาโย. ปจฺจกฺขาโตติ เยนากาเรน ปจฺจกฺขานา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺจกฺขามี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๓. อุทฺทิสฺสาติ สตฺถุการภาเวน อุทฺทิสฺสาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควา เม’’ติอาทิมาห. ยทา สุนกฺขตฺตสฺส ‘‘ภควนฺตํ ปจฺจกฺขามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, วาจา ภินฺนา, ตทา เอวสฺส ภควตา สทฺธึ โกจิ สมฺพนฺโธ นตฺถิ อสกฺยปุตฺติยภาวโต สาสนโต ปริพาหิรตฺตา. อยํ ตาเวตฺถ สาสนยุตฺติ, สา ปนายํ เปตฺวา สาสนยุตฺติโกวิเท อฺเสํ น สมฺมเทว วิสโยติ ภควา สพฺพสาธารณวเสนสฺส อตฺตนา สมฺพนฺธาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิ นู’’ติ อาทึ วตฺวา สุนกฺขตฺตํ ‘‘โก สนฺโต กํ ปจฺจาจิกฺขสี’’ติ อาห. ยสฺมา มุขาคโตยํ สมฺพนฺโธ, น ปูชาคตาทิโก, โย จ ยาจกยาจิตพฺพตาวเสน โหติ, ตทุภยฺเจตฺถ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ภควา สุนกฺขตฺตํ ‘‘โก สนฺโต กํ ปจฺจาจิกฺขสี’’ติ อโวจ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาจโก วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยาจิตโก วา ยาจกํ ปจฺจาจิกฺเขยฺยาติ สมฺพนฺโธ. ตฺวํ ปน เนว ยาจโก ‘‘อหํ ภนฺเต ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามี’’ติ เอวํ มม สนฺติกํ อนุปคตตฺตา. น ยาจิตโก ‘‘เอหิ ตฺวํ สุนกฺขตฺต มมํ อุทฺทิสฺส วิหราหี’’ติ เอวํ มยา อปตฺถิตตฺตา.
โก สมาโนติ ยาจกยาจิตเกสุ โก นาม โหนฺโต. กนฺติ ยาจกยาจิตเกสุ เอว กํ นาม โหนฺตํ มํ ปจฺจาจิกฺขสิ. ตุจฺฉปุริสาติ ¶ ฌานมคฺคาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺเมสุ กสฺสจิปิ อภาวา ริตฺตปุริสา. นนุ จายํ สุนกฺขตฺโต โลกิยชฺฌานานิ, เอกจฺจาภิฺฺจ อุปฺปาเทสีติ? กิฺจาปิ อุปฺปาเทสิ, ตโต ปน ภควติ อาฆาตุปฺปาทเนน สเหว ปริหีโน อโหสิ. อปราโธ นาม สุปฺปฏิปตฺติยา วิรชฺฌนเหตุภูโต กิเลสุปฺปาโทติ อาห ‘‘ยตฺตโก เต อปราโธ, ¶ ตตฺตโก โทโส’’ติ. ยาวฺจาติ อวธิปริจฺเฉทภาวทสฺสนํ ‘‘ยาวฺจ ¶ เตน ภควตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓) วิย. เตติ ตยา. อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. อปรทฺธนฺติ อปรชฺฌิตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ปจฺจาจิกฺขามิทานาหํ ภนฺเต ภควนฺต’’นฺติอาทีนิ วทนฺเตน ตุจฺฉปุริส ตยา ยาวฺจิทํ อปรทฺธํ, น ตสฺส อปราธสฺส ปมาณํ อตฺถีติ.
๔. มนุสฺสธมฺมาติ ภาวนานุโยเคน วินา มนุสฺเสหิ อนุฏฺาตพฺพธมฺมา. โส หิ มนุสฺสานํ จิตฺตาธิฏฺานมตฺเตน อิชฺฌนโต เตสํ สมฺภาวิตธมฺโม วิย ิโต ตถา วุตฺโต, มนุสฺสคฺคหณฺเจตฺถ เตสุ พหุลํ ปวตฺตนโต. อิทฺธิภูตํ ปาฏิหาริยํ, น อาเทสนานุสาสนีปาฏิหาริยนฺติ อธิปฺปาโย. กเตติ ปวตฺติเต. นิยฺยาตีติ นิคฺคจฺฉติ, วฏฺฏทุกฺขโต นิคฺคมนวเสน ปวตฺตตีติ อตฺโถ. ธมฺเม หิ นิคฺคจฺฉนฺเต ตํสมงฺคิปุคฺคโล ‘‘นิคฺคจฺฉตี’’ติ วุจฺจติ, อฏฺกถายํ ปน นิ-สทฺโท อุปสคฺคมตฺตํ, ยาติ อิจฺเจว อตฺโถติ ทสฺเสตุํ คจฺฉตีติ อตฺโถ วุตฺโต. ตตฺราติ ปธานภาเวน วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ภุมฺมวเสน ¶ ปฏินิทฺเทโสติ ตสฺมึ ธมฺเม สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย นิยฺยนฺเตติ อยเมตฺถ อตฺโถติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตสฺมึ…เป… สํวตฺตมาเน’’ติ.
๕. อคฺคนฺติ ายตีติ อคฺคฺํ. โลกปฺตฺตินฺติ โลกสฺส ปฺาปนํ. โลกสฺส อคฺคนฺติ โลกุปฺปตฺติสมเย ‘‘อิทํ นาม โลกสฺส อคฺค’’นฺติ เอวํ ชานิตพฺพํ พุชฺฌิตพฺพํ. อคฺคมริยาทนฺติ อาทิมริยาทํ.
๖. เอตฺตกํ วิปฺปลปิตฺวาติ ‘‘น ทานาหํ ภนฺเต ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วิหริสฺสามี’’ติ, ‘‘น หิ ปน เม ภนฺเต ภควา อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ กโรตี’’ติ, ‘‘น หิ ปน เม ภนฺเต ภควา อคฺคฺํ ปฺเปตี’’ติ จ เอตฺตกํ วิปฺปลปิตฺวา. อิทํ กิร โส ภควา สตฺถุกิจฺจํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ, อคฺคฺปฺาปนฺจ กาตุํ น สกฺโกตีติ ปกาเสนฺโต กเถสิ. เตนาห ‘‘สุนกฺขตฺโต กิรา’’ติอาทิ. อุตฺตรวจนวเสน ปติฏฺาภาวโต อปฺปติฏฺโ. ตโต เอว นิรโว นิสฺสทฺโท.
อาทีนวทสฺสนตฺถนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสฺส อาทีนวสฺส ทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘สยเมว ครหํ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. สมฺปรายิกา ปน อาทีนวา อเนกวิธา, เต ทสฺเสนฺโต สุนกฺขตฺโต น สทฺทเหยฺยาติ ทิฏฺธมฺมิกสฺเสว คหณํ ¶ . อเนกการเณนาติ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรห’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) อเนกวิเธน วณฺณการเณน. เอวํ เม อวณฺโณ ¶ น ภวิสฺสตีติ อชฺฌาสเยน อตฺตโน พาลตาย วณฺณารหานํ อวณฺณํ กเถตฺวา. เอวํ ภควา มกฺขิภาเว อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ปุน ตสฺส กถเน การณํ วิภาเวตุํ ‘‘อิติ โข เต’’ติอาทิมาหาติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวฺหิ สุนกฺขตฺตสฺส อปฺปโกปิ วจโนกาโส น ภวิสฺสตีติ. อปกฺกมีติ ¶ อตฺตนา ยถาิตา วุฏฺาย อปสกฺกิ. อปกฺกนฺโต สาสนโต ภฏฺโ. เตนาห ‘‘จุโต’’ติ. เอวเมวาติ อปกฺกมนฺโต จ น ยถา ตถา อปกฺกมิ, ยถา ปน กายสฺส เภทา อปาเย นิพฺพตฺเตยฺย, เอวเมว อปกฺกมิ.
โกรขตฺติยวตฺถุวณฺณนา
๗. ทฺวีหิ ปเทหีติ ทฺวีหิ วากฺเยหิ อารทฺธํ พฺยติเรกวเสน ตทุภยตฺถนิทฺเทสวเสน อุปริเทสนาย ปวตฺตตฺตา. อนุสนฺธิทสฺสนวเสนาติ ยถานุสนฺธิสงฺขาตอนุสนฺธิทสฺสนวเสน.
เอกํ สมยนฺติ จ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘เอกสฺมึ สมเย’’ติ จ. ถูลู นาม ชนปโทติ ชนปทีนํ ราชกุมารานํ วเสน ตถาลทฺธนาโม. กุกฺกุรวตํ สมาทานวเสน เอตสฺมึ อตฺถีติ กุกฺกุรวติโกติ อาห ‘‘สมาทินฺนกุกฺกุรวโต’’ติ. อฺมฺปีติ ‘‘จตุกฺโกณฺฑิกสฺเสว วิจรณํ, ตถา กตฺวาว ขาทนํ, ภฺุชนํ, วามปาทํ อุทฺธริตฺวา มุตฺตสฺส วิสฺสชฺชน’’นฺติ เอวมาทิกํ อฺมฺปิ สุนเขหิ กาตพฺพกิริยํ. จตูหิ สรีราวยเวหิ กุณฺฑนํ คมนํ จตุกฺโกณฺโฑ, โส เอตสฺมึ อตฺถีติ จตุกฺโกณฺฑิโก. โส ปน ยสฺมา จตูหิ สรีราวยเวหิ สงฺฆฏฺฏิตคมโน โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตุสงฺฆฏฺฏิโต’’ติ. เตเนวาห ‘‘ทฺเว ชณฺณูนี’’ติอาทิ. ภกฺขสนฺติ วา ภกฺขิตพฺพํ, อสิตพฺพฺจ. เตเนวาห ‘‘ยํ กิฺจิ ขาทนียํ โภชนีย’’นฺติ. กามํ ขาทนฺจ นาม มุเขน กาตพฺพํ, หตฺเถน ปน ตตฺถ อุปนามนํ นิวาเรตุํ อวธารณํ กตนฺติ อาห ‘‘หตฺเถน อปรามสิตฺวา’’ติ, อคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. สุนฺทรรูโปติ ¶ สุนฺทรภาโว. วตาติ ปตฺถนตฺเถ นิปาโต ‘‘อโห วตาหํ ลาภี อสฺส’’นฺติอาทีสุ วิย. ‘‘สมเณน นาม เอวรูเปน ภวิตพฺพํ อโห วตาหํ เอทิโส ภเวยฺย’’นฺติ เอวํ ตสฺส ปตฺถนา อโหสิ. เตนาห ‘‘เอวํ กิรา’’ติอาทิ.
ครหตฺเถ ¶ อปิ-กาโร ‘‘อปิ สิฺเจ ปลณฺฑก’’นฺติอาทีสุ วิย. อรหนฺเต จ พุทฺเธ, พุทฺธสาวเก ‘‘อรหนฺโต ขีณาสวา น โหนฺตี’’ติ เอวํ ตสฺส ทิฏฺิ อุปฺปนฺนา. ยถาห มหาสีหนาทสุตฺเต ‘‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๖). สตฺตมํ ¶ ทิวสนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ. อลสเกนาติ อชีรเณน อามโรเคน.
อฏฺิตจมตฺตตาย ปุราณปณฺณสทิโส. พีรณตฺถมฺพกนฺติ พีรณคจฺฉา.
มตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ มตฺตํ, โภชนมตฺตวนฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปมาณยุตฺต’’นฺติ. มนฺตา มนฺตาติ มนฺตาย มนฺตาย.
๘. เอกทฺวีหิกาย คณนาย. นิราหาโรว อโหสิ ภควโต วจนํ อฺถา กาตุกาโม, ตถาภูโตปิ สตฺตเม ทิวเส อุปฏฺาเกน อุปนีตํ ภกฺขสํ ทิสฺวา ‘‘ธี’’ติ อุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต โภชนตณฺหาย อากฑฺฒิยมานหทโย ตํ กุจฺฉิปูรํ ภฺุชิตฺวา ¶ ภควตา วุตฺตนิยาเมเนว กาลมกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ. สเจปิ…เป… จินฺเตยฺยาติ ยทิ เอโส อเจโล ‘‘ธี’’ติ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ‘‘อชฺชปิ อหํ น ภฺุเชยฺย’’นฺติ จินฺเตยฺย, ตถาจินฺตเน สติปิ เทวตาวิคฺคเหน ตํ ทิวสํ…เป… กเรยฺย. กสฺมา? อทฺเวชฺฌวจนา หิ ตถาคตา, น เตสํ วจนํ วิตถํ โหติ.
คตคตฏฺานํ องฺคณเมว โหตีติ เตหิ ตํ กฑฺฒิตฺวา คจฺฉนฺเตหิ คตคตปฺปเทโส อุตฺตรกสามนฺตา วิวฏงฺคณเมว หุตฺวา อุปฏฺาติ. เตติ ติตฺถิยา. สุสานํเยว คนฺตฺวาติ ‘‘พีรณตฺถมฺพกํ อติกฺกมิสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺตาปิ อเนกวารํ ตํ อนุสํยายิตฺวา ปุนปิ ตํเยว สุสานํ อุปคนฺตฺวา.
๙. อิทนฺติ อิทํ มตสรีรํ. ‘‘ตเมว วา สรีรํ กถาเปสีติ ตํ สรีรํ อธิฏฺหิตฺวา ิตเปเตน กถาเปสี’’ติ เกจิ. โกรขตฺติยํ วา อสุรโยนิโต อาเนตฺวา กถาเปตุ อฺํ วา เปตํ, โก เอตฺถ วิเสโส. ‘‘อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธวิสโย’’ติ ปน วจนโต ตเทว สรีรํ สุนกฺขตฺเตน ปหตมตฺตํ พุทฺธานุภาเวน อุฏฺาย ตมตฺถํ าเปสีติ ทฏฺพฺพํ. ปุริโมเยว ปน อตฺโถ อฏฺกถาสุ วินิจฺฉิโต. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘นิพฺพตฺตฏฺานโต’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐).
๑๐. วิปากนฺติ ¶ ผลํ, อตฺถนิพฺพตฺตีติ อตฺโถ.
สมาเนตพฺพานีติ ¶ สมฺมา อาเนตพฺพานิ, สรูปโต อาเนตฺวา ทสฺเสตพฺพานีติ อตฺโถ. ปาฏิหาริยานํ ปมาทิตา ภควตา วุตฺตานุปุพฺพิยา เวทิตพฺพา. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ปรจิตฺตวิภาวนํ, อายุปริจฺเฉทวิภาวนํ, พฺยาธิวิภาวนํ, คติวิภาวนํ, สรีรนิกฺเขปวิภาวนํ, สุนกฺขตฺเตน สทฺธึ กถาวิภาวนฺจาติ ฉ ปาฏิหาริยานี’’ติ วทนฺติ, ตํ ยทิ สุนกฺขตฺตสฺส จิตฺตวิภาวนํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอวํ สติ ‘‘สตฺตา’’ติ วตฺตพฺพํ ตสฺส ภาวิอวณฺณวิภาวนาย สทฺธึ. อถ อเจลสฺส ¶ มรณจิตฺตวิภาวนํ, ตํ ‘‘สตฺตมํ ทิวสํ กาลํ กริสฺสตี’’ติ อิมินา สงฺคหิตนฺติ วิสุํ น วตฺตพฺพํ, ตสฺมา อฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ.
อเจลกฬารมฏฺฏกวตฺถุวณฺณนา
๑๑. นิกฺขนฺตทนฺตมฏฺฏโกติ นิกฺขนฺตทนฺโต มฏฺฏโก. โส กิร อเจลกภาวโต ปุพฺเพ มฏฺฏกิโต หุตฺวา วิจริ วิวรทนฺโต จ, เตน นํ ‘‘โกรมฏฺฏโก’’ติ สฺชานนฺติ. ยํ กิฺจิ ตสฺส เทนฺโต ‘‘สาธุรูโป อยํ สมโณ’’ติ สมฺภาเวนฺโต อคฺคํ เสฏฺํเยว เทนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ลาภคฺคํ ปตฺโต, อคฺคลาภํ ปตฺโต’’ติ. พหู อเจลกา ตํ ปริวาเรตฺวา วิจรนฺติ, คหฏฺา จ ตํ พหู อฑฺฒา วิภวสมฺปนฺนา กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสคฺคํ อคฺคปริวารํ ปตฺโต’’ติ. วตานิเยว ปชฺชิตพฺพโต ปทานิ. อฺมฺํ อสงฺกรโต วตโกฏฺาสา วา. สมตฺตานีติ สมํ อตฺตนิ คหิตานิ. ปุรตฺถิเมนาติ เอน-สทฺทสมฺพนฺเธน ‘‘เวสาลิ’’นฺติ อุปโยควจนํ, อวิทูรตฺเถ จ เอน-สทฺโท ปฺจมฺยนฺโตติ อาห ‘‘เวสาลิโต อวิทูเร’’ติ.
๑๒. สาสเน ปริจยวเสน ติลกฺขณาหตํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. น สมฺปายาสีติ นาวพุชฺฌิ น สมฺปาเทสิ. เตนาห ‘‘สมฺมา าณคติยา’’ติอาทิ. สมฺปายนํ วา สมฺปาทนํ. ปฺหํ ปุฏฺสฺส จ สมฺปาทนํ นาม สมฺมเทว กถนนฺติ ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. โกปวเสน ตสฺส อกฺขีนิ กมฺปนภาวํ ¶ อาปชฺชึสูติ อาห ‘‘กมฺปนกฺขีนิปิ ปริวตฺเตตฺวา’’ติ. โกปนฺติ โกธํ, โส ปน จิตฺตสฺส ปกุปฺปนวเสน ปวตฺตตีติ อาห ‘‘กุปฺปนาการ’’นฺติ ¶ . โทสนฺติ อาฆาตํ, โส ปน อารมฺมเณ ทุสฺสนวเสน ปวตฺตีติ อาห ‘‘ทุสฺสนาการ’’นฺติ. อตุฏฺาการนฺติ ตุฏฺิยา ปีติยา ปฏิปกฺขภูตปฺปวตฺติอาการํ. กายวจีวิกาเรหิ ปากฏมกาสิ. มา วต โนติ เอตฺถ มาติ ปฏิกฺเขโป, โนติ มยฺหนฺติ อตฺโถติ อาห ‘‘อโห วต เม น ภเวยฺยา’’ติ. มํ วต โนติ เอตฺถ ปน โนติ สํสเยติ อาห ‘‘อโหสิ วต นุ มมา’’ติ.
๑๔. ปริปุพฺโพ ¶ ทหิต-สทฺโท วตฺถนิวาสนํ วทตีติ อาห ‘‘ปริทหิโต นิวตฺถวตฺโถ’’ติ. ยสนิมิตฺตกตาย ลาภสฺส ยสปริหานิยาว ลาภปริหานิ วุตฺตา โหตีติ ปาฬิยํ ‘‘ยสา นิหีโน’’ติ วุตฺตํ.
อเจลปาถิกปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
๑๕. ‘‘อหํ สพฺพํ ชานามี’’ติ เอวํ สพฺพฺุตฺาณํ วทติ ปฏิชานาตีติ าณวาโท, เตน มยา าณวาเทน สทฺธึ. อติกฺกมฺม คจฺฉโตติ อุปฑฺฒภาเคน ปริจฺฉินฺนํ ปเทสํ อติกฺกมิตฺวา อิทฺธิปาฏิหาริยํ กาตุํ คจฺฉโต. กึ ปนายํ อเจโล ปาถิกปุตฺโต อตฺตโน ปมาณํ น ชานาตีติ? โน น ชานาติ. ยทิ เอวํ, กสฺมา สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชีติ? ‘‘เอวาหํ โลเก ปาสํโส ภวิสฺสามี’’ติ โกหฺเ กตฺวา สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชิ. เตน วุตฺตํ ‘‘นครวาสิโน’’ติอาทิ. ปฏฺเปตฺวาติ ยุคคฺคาหํ อารภิตฺวา.
๑๖. หีนชฺฌาสยตฺตา…เป… อุทปาทิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘หีนาธิมุตฺติกา สตฺตา หีนาธิมุตฺติเก เอว สตฺเต เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๙๘).
ยสฺมา ¶ ตถาวุตฺตา วาจา ตถารูปจิตฺตเหตุกา, ตฺจ จิตฺตํ ตถารูปทิฏฺิจิตฺตเหตุกํ, ตสฺมา ‘‘ตํ วาจํ อปฺปหายา’’ติ วตฺวา ยถา ตสฺสา อปฺปหานํ โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตํ จิตฺตํ อปฺปหายา’’ติ อาห, ตสฺส จ ยถา อปฺปหานํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา’’ติ อโวจ. ยสฺมา วา ตถารูปา วาจา มหาสาวชฺชา, จิตฺตํ ตโต มหาสาวชฺชตรํ ตํสมุฏฺาปกภาวโต, ทิฏฺิ ปน ตโต มหาสาวชฺชตมา ตทุภยสฺส มูลภาวโต, ตสฺมา เตสํ มหาสาวชฺชตาย อิมํ วิภาคํ ทสฺเสตฺวา อยํ อนุกฺกโม ปิโตติ เวทิตพฺโพ. เตสํ ปน ¶ ยถา ปหานํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘นาหํ พุทฺโธ’’ติ วทนฺโตติ สาเยฺเยน วินา อุชุกเมว ‘‘อหํ พุทฺโธ น โหมี’’ติ วทนฺโต. จิตฺตทิฏฺิปฺปหาเนปิ เอเสว นโย. วิปเตยฺยาติ เอตฺถ วิ-สทฺโท ปเม วิกปฺเป อุปสคฺคมตฺตํ, ทุติเย ปน วิสรณตฺโถติ อาห ‘‘สตฺตธา วา ปน ผเลยฺยา’’ติ.
๑๗. เอกํเสนาติ เอกนฺเตน, เอกนฺติกํ ปน วจนปริยายวินิมุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘นิปฺปริยาเยนา’’ติ. โอธาริตาติ อวธาริตา นิยเมตฺวา ภาสิตา. วิคตรูเปนาติ อปคตสภาเวน ¶ . เตนาห ‘‘วิคจฺฉิตสภาเวนา’’ติ, อิทฺธานุภาเวน อปนีตสกภาเวน. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน’’ติอาทิ.
๑๘. ทฺวยํ คจฺฉตีติ ทฺวยคามินี. กีทิสํ ทฺวยนฺติ อาห ‘‘สรูเปนา’’ติอาทิ. อยฺหิ โส คณฺฑสฺสุปริโผฏฺพฺพาโทสํ.
๑๙. อชิตสฺส ลิจฺฉวิเสนาปติสฺส มหานิรเย นิพฺพตฺติตฺวา ตโต อาคนฺตฺวา อเจลสฺส ปาถิกปุตฺตสฺส สนฺติเก ปโรทนํ. อภาวาติ ¶ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการสฺส ปาฏิหาริยกรณสฺส อภาวา. ภควา ปน สนฺนิปติตปริสายํ ปสาทชนนตฺถํ ตทนุรูปํ ปาฏิหาริยมกาสิเยว. ยถาห ‘‘เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา’’ติอาทิ.
อิทฺธิปาฏิหาริยกถาวณฺณนา
๒๐. นิจยนํ ธนธฺานํ สฺจยนํ นิจโย, ตตฺถ นิยุตฺตาติ เนจยิกา, คหปติ เอว เนจยิกา คหปติเนจยิกา. เอตฺตกานิ ชงฺฆสหสฺสานีติ ปริมาณาภาวโต สหสฺเสหิปิ อปริมาณคณนา. เตเนวาติ อิมสฺส วเสน สนฺนิปติตาย เอวํ มหติยา ปริสาย พนฺธนโมกฺขํ กาตุํ ลพฺภติ, เอเตเนว การเณน.
๒๑. จิตฺตุตฺราสภยนฺติ จิตฺตสฺส อุตฺราสนากาเรน ปวตฺตภยํ, น าณภยํ, นาปิ ‘‘ภายติ เอตสฺมา’’ติ เอวํ วุตฺตํ อารมฺมณภยํ. ฉมฺภิตตฺตนฺติ เตเนว จิตฺตุตฺราสภเยน สกลสรีรสฺส ฉมฺภิตภาโว. โลมหํโสติ เตเนว ภเยน, เตน จ ฉมฺภิตตฺเตน สกลสรีเร โลมานํ ¶ หฏฺภาโว, โส ปน เตสํ ภิตฺติยํ นาคทนฺตานํ วิย อุทฺธํมุขตาติ อาห ‘‘โลมานํ อุทฺธคฺคภาโว’’ติ. อนฺตนฺเตน อาวิชฺฌิตฺวาติ อตฺตโน นิสีทนตฺถํ นิคูฬฺหฏฺานํ อุปปริกฺขนฺโต ปริพฺพาชการามํ ปริยนฺเตน อนุสํยายิตฺวา, กสฺสจิเทว สุนกฺขตฺตสฺส วา สุนกฺขตฺตสทิสสฺส วา สพฺพฺุปฏิฺํ อปฺปหาย สตฺถุ สมฺมุขีภาเว สตฺตธา ตสฺส มุทฺธาผลนํ ธมฺมตา. เตน วุตฺตํ ‘‘มา นสฺสตุ พาโล’’ติอาทิ.
๒๒. สํสปฺปตีติ ตตฺเถว ปาสาณผลเก พาลทารโก วิย อุฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโต อวสีทนวเสน อิโต ¶ จิโต จ สํสปฺปติ. เตนาห ‘‘โอสีทตี’’ติ. ตตฺเถว สฺจรตีติ ตสฺมึเยว ปาสาเณ อานิสทุปฏฺิโน สฺจลนํ นิสชฺชวเสเนว สฺจรติ, น อุฏฺาย ปทสา.
๒๓. วินฏฺรูโปติ ¶ สมฺภาวนาย วินาเสน, ลาภสฺส วินาเสน จ วินฏฺสภาโว.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒๕. โคยุตฺเตหีติ พลวนฺตพลีพทฺทโยชิเตหิ.
๒๖. ตสฺสาติ ชาลิยสฺส. อยฺหิ มณฺฑิเสน ปริพฺพาชเกน สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณิ, ตโต ปุเรตรํ ภควโต คุณานํ อชานนกาเล อยํ ปวตฺติ. เตเนวาห ‘‘ติฏฺตุ ตาว ปาฏิหาริยํ…เป… ปราชโย ภวิสฺสตี’’ติ.
๒๗. ติณสีโหติ ติณสทิสหริตวณฺโณ สีโห. กาฬสีโหติ กาฬวณฺโณ สีโห. ปณฺฑุสีโหติ ปณฺฑุวณฺโณ สีโห. เกสรสีโหติ เกสรวนฺโต เสตวณฺโณ, โลหิตวณฺโณ วา สีโห. มิครฺโติ เอตฺถ มิค-สทฺโท กิฺจาปิ ปสทกุรุงฺคาทีสุ เกสุจิเทว จตุปฺปเทสุ นิรุฬฺโห, อิธ ปน สพฺพสาธารณวเสนาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มิครฺโติ สพฺพจตุปฺปทานํ รฺโ’’ติ วุตฺตํ. อาคนฺตฺวา เสติ เอตฺถาติ อาสโย, นิวาสนฏฺานํ. สีหนาทนฺติ ปริสฺสยานํ สหนโต, ปฏิปกฺขสฺส จ หนนโต ‘‘สีโห’’ติ ลทฺธนามสฺส มิคาธิปสฺส โฆสํ, โส ปน เตน ยสฺมา กุโตจิปิ อภีตภาเวน ปวตฺตียติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อภีตนาท’’นฺติ. ตตฺถ ตตฺถ ตาสุ ตาสุ ทิสาสุ คนฺตฺวา จริตพฺพตาย ¶ ภกฺขิตพฺพตาย โคจโร ฆาโสติ อาห ‘‘โคจรายาติ อาหารตฺถายา’’ติ. วรํ ¶ วรนฺติ มิคสงฺเฆ มิคสมูเห มุทุมํสตาย วรํ วรํ มหึสวนวราหาทึ วธิตฺวาติ โยชนา. เตนาห ‘‘ถูลํ ถูล’’นฺติ. วรวรภาเวน หิ ตสฺส วรภาโว อิจฺฉิโต. สูรภาวํ สนฺนิสฺสิตํ สูรภาวสนฺนิสฺสิตํ, เตน. สูรภาเวนาปิ หิ ‘‘กึ อิเม ปาณเก ทุพฺพเล หนฺตฺวา’’ติ อปฺปถาเมสุ ปาเณสุ การฺุํ อุปติฏฺติ.
๒๘. วิฆาโสติ ปรสฺส ภกฺขิตเสสตาย วิรูโป ฆาโส วิฆาโส, อุจฺฉิฏฺํ. เตนาห ‘‘ภกฺขิตาติริตฺตมํส’’นฺติ, ตสฺมึ วิฆาเส, วิฆาสนิมิตฺตนฺติ อตฺโถ. อสฺมิมานโทเสนาติ อสฺมิมานโทสเหตุ, อหํการนิมิตฺตนฺติ อตฺโถ. โส ปนสฺส อสฺมิมาโน ยถา อุปฺปชฺชิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺราย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
‘‘เสคาลกํเยวา’’ติปิ ปาโ, ยถาวุตฺโตว อตฺโถ. เภรณฺฑกํเยวาติ เภรณฺฑสกุณรวสทิสํเยว, เภรณฺโฑ นาม เอโก ปกฺขี ทฺวิมุโข, ตสฺส กิร สทฺโท อติวิย วิรูโป ¶ อมนาโป. เตนาห ‘‘อปฺปิยอมนาปสทฺทเมวา’’ติ. สมฺมาปฏิปตฺติยา วิเสสโต สุฏฺุ คตาติ สุคตา, สมฺมาสมฺพุทฺธา. เต อปทายนฺติ โสเธนฺติ สตฺตสนฺตานํ เอเตหีติ สุคตาปทานานิ, ติสฺโส สิกฺขา. ยสฺมา ตาหิ เต ‘‘สุคตา’’ติ ลกฺขียนฺติ, ตา จ เตสํ โอวาทภูตา, ตสฺมา ‘‘สุคตลกฺขเณสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยทิ ตา สุคตสฺส ลกฺขณภูตา, สาสนภูตา จ, กถํ ปเนส ปาถิกปุตฺโต ตตฺถ ตาสุ สิกฺขาสุ ชีวติ, โก ตสฺส ตาหิ สมฺพนฺโธติ อาห ‘‘เอตสฺส หี’’ติอาทิ. สมฺพุทฺธานํ เทมาติ เทนฺตีติ พุทฺธสฺาย เทนฺตีติ อธิปฺปาโย. เตน เอส…เป… ชีวติ นาม น สุคตนฺวยอชฺฌุปคมนโต. ‘‘ตถาคเต’’ติอาทิ ¶ เอกตฺเต ปุถุวจนนฺติ อาห ‘‘ตถาคต’’นฺติอาทิ. พหุวจนํ เอว ครุสฺมึ เอกสฺมิมฺปิ พหุวจนปฺปโยคโต เอกวจนํ วิย วุตฺตํ วจนวิปลฺลาเสน.
๒๙. สเมกฺขิตฺวาติ สมํ กตฺวา มิจฺฉาทสฺสเนน อเปกฺขิตฺวา, ตํ ปน อเปกฺขนํ ตถา มฺนเมวาติ อาห ‘‘มฺิตฺวา’’ติ. ปุพฺเพ วุตฺตํ สเมกฺขนมฺปิ มฺนํ เอวาติ วุตฺตํ ‘‘อมฺีติ ปุน อมฺิตฺถา’’ติ, เตน อปราปรํ ตสฺส มฺนปฺปวตฺตึ ทสฺเสติ. เภรณฺฑกรวํ โกสติ วิกฺโกสตีติ โกตฺถุ.
๓๐. เต ¶ เต ปาเณ พฺยาปาเทนฺโต ฆสตีติ พฺยคฺโฆติ อิมินา นิพฺพจเนน ‘‘พฺยคฺโฆ’’ติ มิคราชสฺสปิ สิยา นามนฺติ อาห ‘‘พฺยคฺโฆติ มฺตีติ สีโหหมสฺมีติ มฺตี’’ติ. ยทิปิ ยถาวุตฺตนิพฺพจนวเสน สีโหปิ ‘‘พฺยคฺโฆ’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, พฺยคฺฆ-สทฺโท ปน มิคราเช เอว นิรุฬฺโหติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สีเหน วา’’ติอาทิมาห.
๓๑. สีเหน วิจริตวเน สํวฑฺฒตฺตา วุตฺตํ ‘‘มหาวเน สฺุวเน วิวฑฺโฒ’’ติ.
๓๔. กิเลสพนฺธนาติ ¶ ตณฺหาพนฺธนโต. ตณฺหาพนฺธนฺหิ ถิรํ ทฬฺหพนฺธนํ ทุมฺโมจนียํ. ยถาห –
‘‘สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ,
ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา;
เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา,
โอหารินํ สิถิลํ ทุปฺปมฺุจ’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๔๖; ชา. ๑.๒.๑๐๒);
กิเลสพนฺธนาติ วา ทสวิธสํโยชนโต. มหาวิทุคฺคํ นาม จตฺตาโร โอฆา มหนฺตํ ชลวิทุคฺคํ ¶ วิย อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุคฺคมฏฺเน.
อคฺคฺปฺตฺติกถาวณฺณนา
๓๖. อิมสฺส ปทสฺส. อิทํ นาม โลกสฺส อคฺคนฺติ ชานิตพฺพํ, ตํ อคฺคฺํ, โส ปน โลกสฺส อุปฺปตฺติกฺกโม ปวตฺติ ปเวณี จาติ อาห ‘‘โลกุปฺปตฺติจริยวํส’’นฺติ. สมฺมาสมฺโพธิโต อุตฺตริตรํ นาม กิฺจิ นตฺถิ ปชานิตพฺเพสุ, ตํ ปน โกฏึ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ยาว สพฺพฺุตฺาณา ปชานามี’’ติ อาห. ‘‘มม ปชานนา’’ติ อสฺสาเทนฺโต ตณฺหาวเสน, ‘‘อหํ ปชานามี’’ติ อภินิวิสนฺโต ทิฏฺิวเสน, ‘‘สุฏฺุ ปชานามิ สมฺมา ปชานามี’’ติ ปคฺคณฺหนฺโต มานวเสน น ปรามสามีติ โยชนา. ‘‘ปจฺจตฺตฺเวา’’ติ ปทํ ‘‘นิพฺพุติ วิทิตา’’ติ ปททฺวเยนาปิ โยเชตพฺพํ ‘‘ปจฺจตฺตํเยว อุปฺปาทิตา นิพฺพุติ จ ปจฺจตฺตํเยว วิทิตา’’ติ, สยมฺภุาเณน นิพฺพตฺติตา นิพฺพุติ สยเมว วิทิตาติ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘ปจฺจตฺต’’นฺติ ปทํ วิวิธวิภตฺติกํ หุตฺวา อาวุตฺตินเยน ¶ อาวตฺตตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺตนาเยว อตฺตนี’’ติ วุตฺตํ. อวิทิตนิพฺพานาติ อปฺปฏิลทฺธนิพฺพานา มิจฺฉาปฏิปนฺนตฺตา. ปชานนมฺปิ หิ ตทธิคมวเสเนว เวทิตพฺพํ. เอติ อิฏฺภาเวน ปวตฺตตีติ อโย, สุขํ. ตปฺปฏิกฺเขเปน อนโย, ทุกฺขํ. ตเทว หิตสุขสฺส พฺยสนโต พฺยสนํ.
๓๗. ตํ ทสฺเสนฺโตติ ภควาปิ ‘‘อฺติตฺถิโย ตตฺถ สารสฺี’’ติ ตํ ทสฺเสนฺโต. อาธิปจฺจภาเวนาติ อาธิปจฺจสภาเวน. ยสฺส อาจริยวาทสฺส วเสน ปุริโส ‘‘อาจริโย’’ติ วุจฺจติ, โส อาจริยวาโท อาจริยภาโวติ อาห ‘‘อาจริยภาวํ อาจริยวาท’’นฺติ. เอตฺถาติ อาจริยวาเท. อิติ กตฺวาติ อิมินา การเณน. โสติ อาจริยวาโท. ‘‘อคฺคฺํ’’ ตฺเวว วุตฺโต อคฺคฺวิสยตฺตา. เกน วิหิตนฺติ เกน ปกาเรน วิหิตํ. เตนาห ‘‘เกน วิหิตํ กินฺติ วิหิต’’นฺติ. พฺรหฺมชาเลติ พฺรหฺมชาลสํวณฺณนายํ ¶ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘). ตตฺถ หิ วิตฺถารโต วุตฺตวิธึ อิธ อติทิสติ, ปาฬิ ปน ตตฺถ เจว อิธ จ เอกสทิสา วาติ.
๔๑. ขิฑฺฑา ปโทสิกา มูลภูตา เอตฺถ สนฺตีติ ขิฑฺฑาปโทสิกํ, อาจริยกํ. เตเนวาห ‘‘ขิฑฺฑาปโทสิกมูลก’’นฺติ. มโนปโทสิกนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
๔๗. เยน ¶ วจเนน อพฺภาจิกฺขนฺติ, ตสฺส อวิชฺชมานตา นาม อตฺถวเสเนวาติ อาห ‘‘อสํวิชฺชมานฏฺเนา’’ติ. ตุจฺฉา, มุสาติ จ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘ตุจฺเฉน, มุสาวาเทนา’’ติ. วจนสฺส อนฺโตสารํ นาม อวิปรีโต อตฺโถติ ตทภาเวนาห ‘‘อนฺโตสารวิรหิเตนา’’ติ. อภิอาจิกฺขนฺตีติ อภิภวิตฺวา ฆฏฺเฏนฺตา กเถนฺติ, อกฺโกสนฺตีติ อตฺโถ. วิปรีตสฺโติ อยาถาวสฺโ. สุภํ วิโมกฺขนฺติ ‘‘สุภ’’นฺติ วุตฺตวิโมกฺขํ. วณฺณกสิณนฺติ สุนีลกสุปีตกาทิวณฺณกสิณํ. สพฺพนฺติ ยํ สุภํ, อสุภฺจ วณฺณกสิณํ, ตฺจ สพฺพํ. น อสุภนฺติ อสุภมฺปิ ‘‘อสุภ’’นฺติ ตสฺมึ สมเย น สฺชานาติ, อถ โข ‘‘สุภํ’’ ตฺเวว สฺชานาตีติ อตฺโถ. วิปรีตา อยาถาวคาหิตาย, อยาถาววาทิตาย จ.
๔๘. ยสฺมา ¶ โส ปริพฺพาชโก อวิสฺสฏฺมิจฺฉาคาหิตาย สมฺมา อปฺปฏิปชฺชิตุกาโม สมฺมาปฏิปนฺนํ วิย มํ สมโณ โคตโม, ภิกฺขโว จ สฺชานนฺตูติ อธิปฺปาเยน ‘‘ตถา ธมฺมํ เทเสตุ’’นฺติอาทิมาห, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มยา เอตสฺส…เป… วฏฺฏตี’’ติ. มมฺมนฺติ มมฺมปฺปเทสํ ปีฬาชนนฏฺานํ. สุฏฺูติ สกฺกจฺจํ. ยถา น วินสฺสติ, เอวํ อนุรกฺข.
วาสนายาติ กิเลสกฺขยาวหาย ปฏิปตฺติยา วาสนาย. เสสํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
ปาถิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๒. อุทุมฺพริกสุตฺตวณฺณนา
นิคฺโรธปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
๔๙. อุทุมฺพริกายาติ ¶ ¶ ¶ สมฺพนฺเธ สามิวจนนฺติ อาห ‘‘อุทุมฺพริกาย เทวิยา สนฺตเก ปริพฺพาชการาเม’’ติ. ‘‘อุทุมฺพริกาย’’นฺติ วา ปาโ, ตถา สติ อธิกรเณ เอตํ ภุมฺมํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ อุทุมฺพริกาย รฺโ เทวิยา นิพฺพตฺติโต อาราโม อุทุมฺพริกา, ตสฺสํ อุทุมฺพริกายํ. เตนาห ‘‘อุทุมฺพริกาย เทวิยา สนฺตเก’’ติ. ตาย หิ นิพฺพตฺติโต ตสฺสา สนฺตโก. วรณาทิปาวเสน เจตฺถ นิพฺพตฺตตฺถโพธกสฺส สทฺทสฺส อทสฺสนํ. สนฺธาโนติ ภินฺนานมฺปิ เตสํ สนฺธาปเนน ‘‘สนฺธาโน’’ติ เอวํ ลทฺธนาโม. สํวณฺณิโตติ ปสํสิโต. อิริยตีติ ปวตฺตติ. อริเยน าเณนาติ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริเยน โลกุตฺตเรน าเณน. อริยาย วิมุตฺติยาติ สุวิสุทฺธาย โลกุตฺตรผลวิมุตฺติยา.
ทิวา-สทฺโท ทิน-สทฺโท วิย ทิวสปริยาโย, ตสฺส วิเสสนภาเวน วุจฺจมาโน ทิวา-สทฺโท สวิเสสํ ทิวสภาคํ ทีเปตีติ อาห ‘‘ทิวสสฺส ทิวา’’ติอาทิ. ยสฺมา สมาปนฺนสฺส จิตฺตํ นานารมฺมณโต ปฏิสํหตํ โหติ, ฌานสมงฺคี จ ปวิเวกูปคมเนน สงฺคณิกาภาวโต เอกากิยาย นิลีโน วิย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตโต ตโต…เป… คโต’’ติ. มโน ภวนฺติ มนโส วิวฏฺฏนิสฺสิตํ วฑฺฒึ อาวหนฺตีติ มโนภาวนิยาติ อาห ‘‘มนวฑฺฒกาน’’นฺติอาทิ. อุนฺนมติ น สงฺกุจติ, อลีนฺจ โหตีติ อตฺโถ.
๕๑. ยาวตาติ ¶ ยาวนฺโตติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘ยตฺตกา’’ติ. เตสนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. นิทฺธารณฺจ เกนจิ วิเสเสน อิจฺฉิตพฺพํ. เยหิ จ คุณวิเสเสหิ สมนฺนาคตา ภควโต สาวกา อุปาสกา ราชคเห ปฏิวสนฺติ, อยฺจ เตหิ สมนฺนาคโตติ อิมํ วิเสสํ ทีเปตุํ ‘‘เตสํ อพฺภนฺตโร’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ภควโต กิรา’’ติอาทิ.
๕๒. เตสนฺติ ¶ ปริพฺพาชกานํ. กถายาติ ติรจฺฉานกถาย. ทสฺสเนนาติ ทิฏฺิทสฺสเนน. อากปฺเปนาติ เวเสน. กุตฺเตนาติ กิริยาย. อาจาเรนาติ อฺมฺสฺมึ อาจริตพฺพอาจาเรน. วิหาเรนาติ รตฺตินฺทิวํ ¶ วิหริตพฺพวิหรเณน. อิริยาปเถนาติ านาทิอิริยาปเถน. อฺาการตาย อฺติตฺเถ นิยุตฺตาติ อฺติตฺถิยา. สงฺคนฺตฺวา สมาคนฺตฺวา ราสี หุตฺวา ปเรหิ นิสินฺนฏฺาเน. อรฺานิ จ ตานิ วนปตฺถานิ จาติ อรฺวนปตฺถานิ. ตตฺถ ยํ อรฺกงฺคนิปฺผาทกํ อารฺกานํ, ตํ ‘‘อรฺ’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วนปตฺถนฺติ คามนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานํ, ยตฺถ น กสียติ น วปฺปียติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ ‘‘วนปตฺถนฺติ วนสณฺฑานเมตํ เสนาสนานํ, วนปตฺถนฺติ ภีสนกานเมตํ, วนปตฺถนฺติ สโลมหํสานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ปริยนฺตานเมตํ วนปตฺถนฺติ น มนุสฺสูปจารานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ (วิภ. ๕๓๑). เตน วุตฺตํ ‘‘คามูปจารโต มุตฺตานี’’ติอาทิ. ปนฺตานีติ ปริยนฺตานิ อติทูรานิ. เตนาห ‘‘ทูรตรานี’’ติอาทิ. วิหารูปจาเรนาติ วิหารสฺส อุปจารปฺปเทเสน. อทฺธิกชนสฺสาติ ¶ มคฺคคามิโน ชนสฺส. มนฺทสทฺทานีติ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาภาวโต ตนุสทฺทานิ. มนุสฺเสหิ สมาคมฺม เอกชฺฌํ ปวตฺติตสทฺโท นิคฺโฆโส, ตสฺส ยสฺมา อตฺโถ ทุพฺพิภาวิโต โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อวิภาวิตตฺเถน นิคฺโฆเสนา’’ติ. วิคตวาตานีติ วิคตสทฺทานิ. ‘‘รหสฺส กรณสฺส ยุตฺตานี’’ติ อิมินาปิ เตสํ านานํ อรฺลกฺขณยุตฺตตํ, ชนวิวิตฺตตํ, วนวิวิตฺตเมว จ วิภาเวติ, ตถา ‘‘เอกีภาวสฺส อนุรูปานี’’ติ อิมินา.
๕๓. เกนาติ เหตุมฺหิ, สหโยเค จ กรณวจนนฺติ อาห ‘‘เกน การเณน เกน ปุคฺคเลน สทฺธิ’’นฺติ. เอโกปิ หิ วิภตฺตินิทฺเทโส อเนกตฺถวิภาวโน โหติ, ตถา ตทฺธิตตฺถปทสมาหาเรติ.
สํสนฺทนนฺติ อาลาปสลฺลาปวเสน กถาสํสนฺทนํ. าณพฺยตฺตภาวนฺติ พฺยตฺตาณภาวํ, โส ปน ปรสฺส วจเน อุตฺตรทานวเสน, ปเรน วา วุตฺตอุตฺตเร ปจฺจุตฺตรทานวเสน สิยาติ อาห ‘‘อุตฺตรปจฺจุตฺตรนเยนา’’ติ. โย หิ ปรสฺส วจนํ ติปุกฺขเลน นเยน รูเปติ, ตถา ปรสฺส รูปนวจนํ ชาติภาวํ อาปาเทติ, ตสฺส ตาทิสํ วจนสภาวํ าณเวยฺยตฺติยํ วิภาเวติ ปากฏํ กโรตีติ. สฺุาคาเรสุ นฏฺาติ สฺุาคาเรสุ นิวาเสสุ นฏฺา วินฏฺา ¶ อภาวํ คตา. นาสฺส ปฺา นสฺเสยฺย เตหิ เตหิ กตปุจฺฉนปฏิปุจฺฉนนิมิตฺตํ นานาปฏิภานุปฺปตฺติยา ¶ วิสารมาปนฺนํ ปุจฺฉิตํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ อสมตฺถตาย. โอโรเธยฺยามาติ นิรุสฺสาหํ วิย กโรนฺตา อวโรเธยฺยาม, ตํ ปรสฺส โอโรธนํ วาทชาเลน วินนฺธนํ วิย โหตีติ อาห ‘‘วินนฺเธยฺยามา’’ติ ¶ . ตทตฺถํ เตน ตุจฺฉกุมฺภินิทสฺสนํ กตํ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทสฺเสตุํ ‘‘ปูริตฆโฏ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
พลํ ทีเปนฺโตติ อภูตเมว อตฺตโน าณพลํ ปกาเสนฺโต. อสมฺภินฺนนฺติ ชาติสมฺเภทาภาเวน อสมฺภินฺนํ. อฺชาติสมฺเภเท สติ อสฺสตรสฺส อสฺสสฺส ชาตภาโว วิย สีหสฺสปิ สีหถามาภาโว สิยาติ อาห ‘‘อสมฺภินฺนเกสรสีห’’นฺติ. านโส วาติ ตงฺขเณ เอว.
๕๔. ‘‘สุมาคธา นาม นที’’ติ เกจิ, ตํ มิจฺฉาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุมาคธา นาม โปกฺขรณี’’ติ วตฺวา ตสฺสา โปกฺขรณิภาวสฺส สุตฺตนฺตเร อาคตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺสา ตีเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. โมรานํ นิวาโป เอตฺถาติ โมรนิวาโป. พฺยธิกรณานมฺปิ หิ ปทานํ พาหิรตฺถสมาโส โหติเยว ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ. อถ วา นิวุตฺถํ เอตฺถาติ นิวาโป, โมรานํ นิวาโป โมรนิวาโป, โมรานํ นิวาปทินฺนฏฺานํ. เตนาห ‘‘ยตฺถ โมราน’’นฺติอาทิ. ยสฺมา นิคฺโรโธ ตโปชิคุจฺฉวาโท, สาสเน จ ภิกฺขู อตฺตกิลมถานุโยคํ วชฺเชตฺวา ภาวนานุโยเคน ปรมสฺสาสปฺปตฺเต วิหรนฺเต ปสฺสติ, ตสฺมา ‘‘กถํ นุ โข สมโณ โคตโม กายกิลมเถน วินาว สาวเก วิเนตี’’ติ สฺชาตสนฺเทโห ‘‘โก นาม โส’’ติอาทินา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. อสฺสสติ อนุสงฺกิตปริสงฺกิโต โหติ เอเตนาติ อสฺสาโส, ปีติโสมนสฺสนฺติ ¶ อาห ‘‘อสฺสาสปฺปตฺตาติ ตุฏฺิปฺปตฺตา โสมนสฺสปฺปตฺตา’’ติ. อธิโก เสฏฺโ อาสโย นิสฺสโย อชฺฌาสโยติ อาห ‘‘อุตฺตมนิสฺสยภูต’’นฺติ. อาทิภูตํ ปุราตนํ เสฏฺจริยํ อาทิพฺรหฺมจริยํ, โลกุตฺตรมคฺคนฺติ อตฺโถ. ตถา เหส สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ เตเนว อากาเรน อธิคโต. เตนาห ‘‘ปุราณ…เป… อริยมคฺค’’นฺติ. ตถา หิ ตํ ภควา ‘‘อทฺทส ปุราณํ มคฺคํ ปุราณมฺชส’’นฺติ อโวจ. ปูเรตฺวา ภาวนาปาริปูริวเสน. ‘‘ปูเรตฺวา’’ติ วา อิทํ ‘‘อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริย’’นฺติ เอตฺถ ปาเสโสติ ¶ วทนฺติ. ‘‘อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฏิชานนฺติ อสฺสาสปฺปตฺตา’’ติ เอวํ วา เอตฺถ โยชนา.
ตโปชิคุจฺฉาวาทวณฺณนา
๕๕. ปกตา หุตฺวา วิจฺฉินฺนา วิปฺปกตาติ อาห ‘‘อนิฏฺิตาว หุตฺวา ิตา’’ติ.
๕๖. วีริเยน ปาปชิคุจฺฉนวาโทติ ลูขปฏิปตฺติสาธเนน วีริเยน อตฺตตณฺหาวิโนทนวเสน ¶ ปาปกสฺส ชิคุจฺฉนวาโท. ชิคุจฺฉตีติ ชิคุจฺโฉ, ตพฺภาโว เชคุจฺฉํ, อธิกํ เชคุจฺฉํ อธิเชคุจฺฉํ, อติวิย ปาปชิคุจฺฉนํ, ตสฺมึ อธิเชคุจฺเฉ. กายทฬฺหีพหุลํ ตปตีติ ตโป, อตฺตกิลมถานุโยควเสน ปวตฺตํ วีริยํ, เตน กายทฬฺหีพหุลตานิมิตฺตสฺส ปาปสฺส ชิคุจฺฉนํ, วิรชฺชนมฺปิ ตโปชิคุจฺฉาติ อาห ‘‘วีริเยน ปาปชิคุจฺฉา’’ติ. ฆาสจฺฉาทนเสนาสนตณฺหาวิโนทนมุเขน อตฺตสฺเนหวิรชฺชนนฺติ อตฺโถ. อุปริ วุจฺจมาเนสุ นานากาเรสุ อเจลกาทิวเตสุ เอกชฺฌํ สมาทินฺนานํ ปริโสธนเมเวตฺถ ปาริปูรณํ ¶ , น สพฺเพสํ อนวเสสโต สมาทานํ ตสฺส อสมฺภวโตติ อาห ‘‘ปริปุณฺณาติ ปริสุทฺธา’’ติ. ปริโสธนฺจ เนสํ สกสมยสิทฺเธน นเยน ปฏิปชฺชนเมว. วิปริยาเยน อปริสุทฺธตา เวทิตพฺพา.
๕๗. ‘‘เอกํ ปฺหมฺปิ น กเถตี’’ติ ปมํ อตฺตนา ปุจฺฉิตปฺหสฺส อกถิตตฺตา วุตฺตํ.
ตปนิสฺสิตโกติ อตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาตํ ตปํ นิสฺสาย สมาทาย วตฺตนโก. สีหนาเทติ สีหนาทสุตฺตวณฺณนายํ. ยสฺมา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยน เวทิตพฺพานิ, ตสฺมา ตสฺสา อตฺถปฺปกาสนาย วุตฺตนเยนปิ เวทิตพฺพานิ.
อุปกฺกิเลสวณฺณนา
๕๘. ‘‘สมฺมา อาทิยตี’’ติ วตฺวา สมฺมา อาทิยนฺจสฺส ทฬฺหคฺคาโห เอวาติ อาห ‘‘ทฬฺหํ คณฺหาตี’’ติ. ‘‘สาสนาวจเรนาปิ ทีเปตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ¶ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกจฺโจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตน ธุตงฺคธรตามตฺเตน อตฺตมนตา, ปริปุณฺณสงฺกปฺปตา สมฺมาปฏิปตฺติยา อุปกฺกิเลโสติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ, น ยถาวุตฺตตปสมาทานธุตงฺคธรตานํ สติปิ อนิยฺยานิกตฺเต สทิสตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ทุวิธสฺสาปีติ ‘อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป’ติ จ เอวํ อุปกฺกิเลสเภเทน วุตฺตสฺส ทุวิธสฺสาปิ ตปสฺสิโน’’ติ เกจิ. ยสฺมา ปน อฏฺกถายํ สาสนิกวเสนาปิ อตฺโถ ทีปิโต, ตสฺมา พาหิรกสฺส, สาสนิกสฺส จาติ เอวํ ทุวิธสฺสาปิ ตปสฺสิโนติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถา เจว หิ อุปริปิ อตฺถวณฺณนํ วกฺขตีติ. เอตฺตาวตาติ ยทิทํ ‘‘โก อฺโ มยา สทิโส’’ติ เอวํ อติมานสฺส, อนิฏฺิตกิจฺจสฺเสว จ ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ เอวํ อติมานสฺส จ อุปฺปาทนํ, เอตฺตาวตา.
อุกฺกํสตีติ ¶ อุกฺกฏฺํ กโรติ. อุกฺขิปตีติ อฺเสํ อุปริ ขิปติ, ปคฺคณฺหาตีติ อตฺโถ. ปรํ สํหาเรตีติ ปรํ สํหรํ นิหีนํ กโรติ. อวกฺขิปตีติ อโธ ขิปติ, อวมฺตีติ อตฺโถ.
มานมทกรเณนาติ มานสงฺขาตสฺส มทสฺส กรเณน อุปฺปาทเนน. มุจฺฉิโต ¶ โหตีติ มุจฺฉาปนฺโน โหติ, สา ปน มุจฺฉาปตฺติ อภิชฺฌาสีลพฺพตปรามาสกายคนฺเถหิ คธิตจิตฺตตา, ตตฺถ จ อติลคฺคภาโวติ อาห ‘‘คธิโต อชฺโฌสนฺโน’’ติ. ปมชฺชนฺเจตฺถ ปมชฺชนเมวาติ อาห ‘‘ปมาทมาปชฺชตี’’ติ. เกวลํ ธุตงฺคสุทฺธิโก หุตฺวา กมฺมฏฺานํ อนนุยฺุชนฺโต ตาย เอว ธุตงฺคสุทฺธิกตาย อตฺตุกฺกํสนาทิวเสน ปวตฺเตยฺยาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สาสเน’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ธุตงฺคเมว…เป… ปจฺเจตี’’ติ.
๕๙. เตเยว ปจฺจยา. สุฏฺุ กตฺวา ปฏิสงฺขริตฺวา ลทฺธาติ อาทรคารวโยเคน สกฺกจฺจํ อภิสงฺขริตฺวา ทานวเสน อุปนยวเสน ลทฺธา. วณฺณภณนนฺติ คุณกิตฺตนํ. อสฺสาติ ตปสฺสิโน.
๖๐. โวทาสนฺติ พฺยาสนํ, วิภชฺชนนฺติ อตฺโถ. ตํ ปเนตฺถ วิภชฺชนํ ทฺวิธา อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘ทฺเวภาคํ อาปชฺชตี’’ติ. ทฺเว ภาเค กโรติ รุจฺจนารุจฺจนวเสน ¶ . เคธชาโตติ สฺชาตเคโธ. มุจฺฉนํ นาม สติวิปฺปวาเสเนว โหติ, น สติยา สตีติ อาห ‘‘สมุฏฺสฺสตี’’ติ. อาทีนวมตฺตมฺปีติ คธิตาทิภาเวน ปริโภเค อาทีนวมตฺตมฺปิ น ปสฺสติ. มตฺตฺุตาติ ปริโภเค มตฺตฺุตา. ปจฺจเวกฺขณปริโภคมตฺตมฺปีติ ปจฺจเวกฺขณมตฺเตน ปริโภคมฺปิ เอกวารํ ปจฺจเวกฺขิตฺวาปิ ปริภฺุชนมฺปิ น กโรติ.
๖๑. วิจกฺกสณฺานาติ วิปุลตมจกฺกสณฺานา. สพฺพสฺส ภฺุชนโต อโยกูฏสทิสา ทนฺตา เอว ทนฺตกูฏํ. อปสาเทตีติ ปสาเทติ. อเจลกาทิวเสนาติ ¶ อเจลกวตาทิวเสน. ลูขาชีวินฺติ สลฺเลขปฏิปตฺติยา ลูขชีวิกํ.
๖๒. ตปํ กโรตีติ ภาวนามนสิการลกฺขณํ ตปํ จรติ จรนฺโต วิย โหติ. จงฺกมํ โอตรติ ภาวนํ อนุยฺุชนฺโต วิย. วิหารงฺคณํ สมฺมชฺชติ วตฺตปฏิปตฺตึ ปูเรนฺโต วิย.
‘‘อาทสฺสยมาโน’’ติ วา ปาโ.
กิฺจิ ¶ วชฺชนฺติ กิฺจิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา โทสํ. ทิฏฺิคตนฺติ วิปรีตทสฺสนํ. อรุจฺจมานนฺติ อตฺตโน สิทฺธนฺเต ปฏิกฺขิตฺตภาเวน อรุจฺจมานํ. รุจฺจติ เมติ ‘‘กปฺปติ เม’’ติ วทติ. อนุชานิตพฺพนฺติ ตจฺฉาวิปรีตภูตภาเวน ‘‘เอวเมต’’นฺติ อนุชานิตพฺพํ. สวนมโนหาริตาย ‘‘สาธุ สุฏฺู’’ติ อนุโมทิตพฺพํ.
๖๓. กุชฺฌนสีลตาย โกธโน. วุตฺตลกฺขโณ อุปนาโห เอตสฺส อตฺถีติ อุปนาหี. เอวํภูโต จ ตํสมงฺคี โหตีติ ‘‘สมนฺนาคโต โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ.
อยํ ปน วิเสโส – อิสฺสติ อุสูยตีติ อุสฺสุกี. สนํ อสนฺตคุณสมฺภาวนํ สโ, โส เอตสฺส อตฺถีติ สโ. สนฺตโทสปฏิจฺฉาทนสภาวา มายา, มายา เอตสฺส อตฺถีติ มายาวี. ครุฏฺานิยานมฺปิ ปณิปาตากรณลกฺขณํ ถมฺภนํ ถทฺธํ, ตเมตฺถ อตฺถีติ ถทฺโธ. คุเณหิ สมานํ, อธิกฺจ อติกฺกมิตฺวา นิหีนํ กตฺวา มฺนสีลตาย อติมานี. อสนฺตคุณสมฺภาวนตฺถิกตาสงฺขาตา ปาปา ลามกา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิจฺโฉ. มิจฺฉา วิปรีตา ทิฏฺิ เอตสฺสาติ มิจฺฉาทิฏฺิโก. ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ ¶ (ม. นิ. ๑๘๗, ๒๐๒, ๔๒๗; ๓.๒๗, ๒๙; อุทา. ๕๕; มหานิ. ๒๐; เนตฺติ. ๕๘) เอวํ ¶ อตฺตนา อตฺตาภินิวิฏฺตาย สตา ทิฏฺิ สนฺทิฏฺิ, ตเมว ปรามสตีติ สนฺทิฏฺิปรามาสี. อฏฺกถายํ ปน ‘‘สยํ ทิฏฺิ สนฺทิฏฺี’’ติ วตฺถุวเสน อตฺโถ วุตฺโต. อา พาฬฺหํ วิย ธียตีติ อาธานนฺติ อาห ‘‘ทฬฺหํ สุฏฺุ ปิต’’นฺติ. ยถาคหิตํ คาหํ ปฏินิสฺสชฺชนสีโล ปฏินิสฺสคฺคี, ตปฺปฏิกฺเขเปน ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี. ปฏิเสธตฺโถ หิ อยํ ทุ-สทฺโท ยถา ‘‘ทุปฺปฺโ, (ม. นิ. ๑.๔๔๙) ทุสฺสีโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; ๑๐.๗๕; ปารา. ๑๙๕; ธ. ป. ๓๐๘) จ.
ปริสุทฺธปปฏิกปฺปตฺตกถาวณฺณนา
๖๔. อิธ นิคฺโรธ ตปสฺสีติ ยถานุกฺกนฺตํ ปุริมปาฬึ นิคมนวเสน เอกเทเสน ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘เอวํ ภควา’’ติอาทิ. คหิตลทฺธินฺติ ‘‘อเจลกาทิภาโว เสยฺโย, เตน จ สํสารสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํ คหิตลทฺธึ. รกฺขิตํ ตปนฺติ ตาย ลทฺธิยา สมาทิยิตฺวา รกฺขิตํ อเจลกวตาทิตปํ. ‘‘สพฺพเมว สํกิลิฏฺ’’นฺติ อิมินา ยํ วกฺขติ ปริสุทฺธปาฬิวณฺณนายํ ‘‘ลูขตปสฺสิโน เจว ธุตงฺคธรสฺส จ วเสน โยชนา เวทิตพฺพา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๖๔), ตสฺส ปริกปฺปิตรูปสฺส ลูขสฺส ตปสฺสิโนติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ ¶ ทสฺเสติ. ‘‘ปริสุทฺธปาฬิทสฺสนตฺถ’’นฺติ จ อิมินา ติตฺถิยานํ วเสน ปาฬิ เยเวตฺถ ลพฺภติ, น ปน ตทตฺโถติ ทสฺเสติ. วุตฺตวิปกฺขวเสนาติ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปฏิปกฺขวเสน, ปฏิกฺเขปวเสนาติ อตฺโถ. ตสฺมึ าเนติ เหตุอตฺเถ ภุมฺมนฺติ ตสฺส เหตุอตฺเถน กรณวจเนน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ โส เตนา’’ติอาทิมาห. อุตฺตริ วายมมาโนติ ยถาสมาทินฺเนหิ ธุตธมฺเมหิ อปริตุฏฺโ, อปริโยสิตสงฺกปฺโป จ หุตฺวา อุปริ ภาวนานุโยควเสน สมฺมาวายามํ กโรนฺโต.
๖๙. อิโต ปรนฺติ อิโต ยถาวุตฺตนยโต ปรํ. อคฺคภาวํ วา สารภาวํ วาติ ตโปชิคุจฺฉาย อคฺคภาวํ วา สารภาวํ วา อชานนฺโต. ‘‘อยเมวสฺส อคฺคภาโว สารภาโว’’ติ ¶ มฺมาโน ‘‘อคฺคปฺปตฺตา, สารปฺปตฺตา จา’’ติ อาห.
ปริสุทฺธตจปฺปตฺตาทิกถาวณฺณนา
๗๐. ยมนํ ¶ สํยมนํ ยาโม, หึสาทีนํ อกรณวเสน จตุพฺพิโธ ยาโมว จาตุยาโม, โส เอว สํวโร, เตน สํวุโต คุตฺตสพฺพทฺวาโร จาตุยามสํวรสํวุโต. เตนาห ‘‘จตุพฺพิเธน สํวเรน ปิหิโต’’ติ. อติปาตนํ หึสนนฺติ อาห ‘‘ปาณํ น หนตี’’ติ. โลภจิตฺเตน ภาวิตํ สมฺภาวิตนฺติ กตฺวา ภาวิตํ นาม ปฺจ กามคุณา. อยฺจ เตสุ เตสํเยว สมุทาจาโร มคฺโคฏฺาปกํ วิยาติ อาห ‘‘เตสํ สฺายา’’ติ.
เอตนฺติ อภิหรณํ, หีนาย อนาวตฺตนฺจ. เตนาห ‘‘โส อภิหรตีติ อาทิลกฺขณ’’นฺติ. อภิหรตีติ อภิพุทฺธึ เนติ. เตนาห ‘‘อุปรูปริ วฑฺเฒตี’’ติ. จกฺกวตฺตินาปิ ปพฺพชิตสฺส อภิวาทนาทิ กรียเตวาติ ปพฺพชฺชา เสฏฺา คุณวิเสสโยคโต, โทสวิรหิตโต จ, ยโต สา ปณฺฑิตปฺตฺตา วุตฺตา. คิหิภาโว ปน นิหีโน ตทุภยาภาวโตติ อาห ‘‘หีนาย คิหิภาวตฺถายา’’ติ.
๗๑. ตจปฺปตฺตาติ ตจํ ปตฺตา, ตจสทิสา โหตีติ อตฺโถ.
๗๔. ติตฺถิยานํ วเสนาติ ติตฺถิยานํ สมยวเสน. เนสนฺติ ติตฺถิยานํ. ตนฺติ ทิพฺพจกฺขุํ. สีลสมฺปทาติ สพฺพาการสมฺปนฺนํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. ตจสารสมฺปตฺติโตติ ตจตโปชิคุจฺฉายาสารสมฺปตฺติโต. วิเสสภาวนฺติ วิเสสสภาวํ.
อเจลกปาฬิมตฺตมฺปีติ ¶ ¶ อเจลกปาฬิอาคตตฺถมตฺตมฺปิ นตฺถิ, ตสฺมา มยํ อนสฺสาม วินฏฺาติ อตฺโถ. อ-กาโร วา นิปาตมตฺตํ, นสฺสามาติ วินสฺสาม. กุโต ปริสุทฺธปาฬีติ กุโต เอว อมฺเหสุ ปริสุทฺธปาฬิอาคตปฏิปตฺติ. เอส นโย เสเสสุปิ. สุติวเสนาปีติ โสตปถาคมนมตฺเตนาปิ น ชานาม.
นิคฺโรธสฺสปชฺฌายนวณฺณนา
๗๕. อสฺสาติ ¶ สนฺธานสฺส คหปติสฺส. กกฺขฬนฺติ ผรุสํ. ทุราสทวจนนฺติ อวตฺตพฺพวจนํ. ยสฺมา ผรุสวจนํ ยํ อุทฺทิสฺส ปยุตฺตํ, ตสฺมึ ขมาปิเต ขมาปกสฺส ปฏิปากติกํ โหติ, ตสฺมา ‘‘อยํ มยี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๗๖. โพธตฺถาย ธมฺมํ เทเสติ, น อตฺตโน พุทฺธภาวโฆสนตฺถาย. วาทตฺถายาติ ปรวาทภฺชนวาทตฺถาย. ราคาทิสมนตฺถาย ธมฺมํ เทเสติ, น อนฺเตวาสิกมฺยตาย. โอฆนิตฺถรณตฺถายาติ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถาย ธมฺมํ เทเสติ สพฺพโส โอรปาราติณฺณมาวหตฺตา เทสนาย. สพฺพกิเลสปรินิพฺพานตฺถาย ธมฺมํ เทเสติ กิเลสานํ เลเสนปิ เทสนาย อปรามฏฺภาวโต.
พฺรหฺมจริยปริโยสานาทิวณฺณนา
๗๗. อิทํ สพฺพมฺปีติ สตฺตวสฺสโต ปฏฺาย ยาว ‘‘สตฺตาห’’นฺติ ปทํ, อิทํ สพฺพมฺปิ วจนํ. อสโ ปน อมายาวี อุชุชาติโก ติกฺขปฺโ อุคฺฆฏิตฺูติ อธิปฺปาโย. โส หิ ตํมุหุตฺเตเนว อรหตฺตํ ปตฺตุํ สกฺขิสฺสตีติ. วงฺกวงฺโกติ กายวงฺกาทีหิปิ วงฺเกหิ วงฺโก ชิมฺโห กุฏิโล. ‘‘สํ ปนาหํ อนุสาสิตุํ น สกฺโกมี’’ติ น อิทํ ภควา กิลาสุภาเวเนว วทติ, อถ โข ตสฺส อภาชนภาเวเนว.
๗๘. ปกติยา อาจริโยติ โย เอว ตุมฺหากํ อิโต ปุพฺเพ ปกติยา อาจริโย อโหสิ, โส เอว อิทานิปิ ปุพฺพาจิณฺณวเสน อาจริโย โหตุ, น มยํ ตุมฺเห อนฺเตวาสิเก กาตุกามาติ อธิปฺปาโย. น ¶ มยํ ตุมฺหากํ อุทฺเทเสน อตฺถิกา, ธมฺมตนฺติ เมว ปน ตุมฺเห าเปตุกามมฺหาติ อธิปฺปาโย. อาชีวโตติ ชีวิกาย วุตฺติโต. อกุสลาติ โกฏฺาสํ ปตฺตาติ อกุสลาติ ตํ ตํ โกฏฺาสตํเยว อุปคตา. กิเลสทรถสมฺปยุตฺตาติ กิเลสทรถสหิตา ตํสมฺพนฺธนโต ¶ . ชาติชรามรณานํ หิตาติ ชาติชรามรณิยา. สํกิเลโส เอตฺถ อตฺถิ, สํกิเลเส วา นิยุตฺตาติ สํกิเลสิกา. โวทานํ วุจฺจติ วิสุทฺธิ, ตสฺส ปจฺจยภูตตฺตา โวทานิยา. ตถาภูตา เจเต โวทาเปนฺตีติ อาห ‘‘สตฺเต โวทาเปนฺตี’’ติ. สิขาปฺปตฺตา ปฺาย ปาริปูริเวปุลฺลตา มคฺคผลวเสเนว อิจฺฉิตพฺพาติ ¶ อาห ‘‘มคฺคปฺา…เป… เวปุลฺลต’’นฺติ. อุโภปิ วา เอตานิ ปาริปูริเวปุลฺลานิ. ยา หิ ตสฺส ปาริปูรี, สา เอว เวปุลฺลตาติ. ตโตติ สํกิเลสธมฺมปฺปหานโวทานธมฺมาภิพุทฺธิเหตุ.
๗๙. ‘‘ยถา มาเรนา’’ติ นยิทํ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ, อถ โข ตถาภาวกถนเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘มาโร กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถาติ มาเรน เตสํ ปริยุฏฺานปฺปตฺติโต ปจฺฉา อฺาสีติ โยชนา. กสฺมา ปน ภควา ปเคว น อฺาสีติ? อนาวชฺชิตตฺตา. มารํ ปฏิพาหิตฺวาติ มาเรน เตสุ กตํ ปริยุฏฺานํ วิธเมตฺวา, น เตสํ สติ ปโยชเน พุทฺธานํ ทุกฺกรํ. โสติ มคฺคผลุปฺปตฺติเหตุ. เตสํ ปริพฺพาชกานํ.
ผุฏฺาติ ปริยุฏฺานวเสน ผุฏฺา. ยตฺราติ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘เยสู’’ติ. อฺาณตฺถนฺติ อาชานนตฺถํ, อุปสคฺคมตฺตฺเจตฺถ ¶ อา-กาโรติ อาห ‘‘ชานนตฺถ’’นฺติ, วีมํสนตฺถนฺติ อตฺโถ. จิตฺตํ นุปฺปนฺนนฺติ ‘‘ชานาม ตาวสฺส ธมฺม’’นฺติ อาชานนตฺถํ ‘‘พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามา’’ติ เอกสฺมึ ทิวเส เอกวารมฺปิ เตสํ จิตฺตํ นุปฺปนฺนํ. สตฺตาโห ปน วุจฺจมาโน เอเตสํ กึ กริสฺสตีติ โยชนา. สตฺตาหํ ปูเรตุนฺติ สตฺตาหํ พฺรหฺมจริยํ ปูเรตุํ, พฺรหฺมจริยวเสน วา สตฺตาหํ ปูเรตุนฺติ อตฺโถ. ปรวาทภินฺทนนฺติ ปรวาทมทฺทนํ. สกวาทสมุสฺสาปนนฺติ สกวาทปคฺคณฺหนํ. วาสนายาติ สจฺจสมฺปฏิเวธวาสนาย. เนสนฺติ จ ปกรณวเสน วุตฺตํ. ตทฺเสมฺปิ หิ ภควโต สมฺมุขา, ปรมฺปราย จ เทวมนุสฺสานํ สุณนฺตานํ วาสนาย ปจฺจโย เอวาติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
อุทุมฺพริกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๓. จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนา
อตฺตทีปสรณตาวณฺณนา
๘๐. อุตฺตานํ ¶ ¶ ¶ วุจฺจติ ปากฏํ, ตปฺปฏิกฺเขเปน อนุตฺตานํ อปากฏํ, ปฏิจฺฉนฺนํ, อปจุรํ, ทุวิฺเยฺยฺจ. อนุตฺตานานํ ปทานํ วณฺณนา อนุตฺตานปทวณฺณนา. อุตฺตานปทวณฺณนาย ปโยชนาภาวโต อนุตฺตานคฺคหณํ. ‘‘มาตุลา’’ติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนาโม เอโก รุกฺโข, ตสฺสา อาสนฺนปฺปเทเส มาปิตตฺตา นครมฺปิ ‘‘มาตุลา’’ ตฺเวว ปฺายิตฺถ. เตน วุตฺตํ ‘‘มาตุลายนฺติ เอวํ นามเก นคเร’’ติ. อวิทูเรติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร.
กามฺเจตฺถ สุตฺเต ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา ทฬฺหเนมิ นาม อโหสี’’ติอาทินา อตีตวํสทีปิกา กถา อาทิโต ปฏฺาย อาคตา, ‘‘อฑฺฒเตยฺยวสฺสสตายุกานํ มนุสฺสานํ วสฺสสตายุกา ปุตฺตา ภวิสฺสนฺตี’’ติอาทินา ปน สวิเสสํ อนาคตตฺถปฏิสํยุตฺตา กถา อาคตาติ วุตฺตํ ‘‘อนาคตวํสทีปิกาย สุตฺตนฺตกถายา’’ติ. อนาคตตฺถทีปนฺหิ อจฺฉริยํ, ตตฺถาปิ อนาคตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฏิปตฺติกิตฺตนํ อจฺฉริยตมํ. สมาคเมนาติ สนฺนิปาเตน.
‘‘ภตฺตคฺคํ อมนาป’’นฺติอาทิ เกวลํ เตสํ ปริวิตกฺกมตฺตํ. อมนาปนฺติ อมนฺุํ. พุทฺเธสุ กโต อปฺปโกปิ อปราโธ อปฺปโก กาโร วิย ครุตรวิปาโกติ อาห ‘‘พุทฺเธหิ สทฺธึ…เป… สทิสํ โหตี’’ติ. ตตฺราติ ตสฺมึ มาตุลนครสฺส สมีเป, ตสฺสํ วา ปริสายํ.
อตฺตทีปาติ เอตฺถ กามํ โย ปโร น โหติ, โส อตฺตาติ สสนฺตาโน ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจติ, หิตสุเขสิภาเวน ปน อตฺตนิพฺพิเสสตฺตา ธมฺโม อิธ ‘‘อตฺตา’’ติ อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘อตฺตา นาม โลกิยโลกุตฺตโร ธมฺโม’’ติ. ทฺวิธา อาโป คโต เอตฺถาติ ทีโป, โอเฆน อนชฺโฌตฺถโต ¶ ภูมิภาโค. อิธ ¶ ปน กาโมฆาทีหิ อนชฺโฌตฺถรณียตฺตา ทีโป วิยาติ ทีโป, อตฺตา ทีโป ปติฏฺา เอเตสนฺติ อตฺตทีปา. เตนาห ‘‘อตฺตานํ ทีป’’นฺติอาทิ. ทีปภาโว เจตฺถ ปฏิสรณตาติ อาห ‘‘อิทํ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. อฺสรณปฏิกฺเขปวจนนฺติ อฺสรณภาวปฏิกฺเขปวจนํ. อิทฺหิ น อฺํ สรณํ กตฺวา ¶ วิหรณสฺเสว ปฏิกฺเขปวจนํ, อถ โข อฺสฺส สรณสภาวสฺเสว ปฏิกฺเขปวจนํ ตปฺปฏิกฺเขเป จ เตน อิตรสฺสาปิ ปฏิกฺเขปสิทฺธิโต. เตนาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. อิทานิ ตเมวตฺถํ สุตฺตนฺตเรน สาเธตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ. ยทิ เอตฺถ ปากติโก อตฺตา อิจฺฉิโต, กถํ ตสฺส ทีปสรณภาโว, ตสฺมา อธิปฺปายิโก เอตฺถ อตฺตา ภเวยฺยาติ ปุจฺฉติ ‘‘โก ปเนตฺถ อตฺตา นามา’’ติ. อิตโร ยถาธิปฺเปตํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกิยโลกุตฺตโร ธมฺโม’’ติ. ทุติยวาโรปิ ปมวารสฺเสว ปริยายภาเวน เทสิโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โคจเรติ ภิกฺขูนํ โคจรฏฺานภูเต. เตนาห ‘‘จริตุํ ยุตฺตฏฺาเน’’ติ. สเกติ กถํ ปนายํ ภิกฺขูนํ สโกติ อาห ‘‘เปตฺติเก วิสเย’’ติ. ปิติโต สมฺมาสมฺพุทฺธโต อาคตตฺตา ‘‘อยํ ตุมฺหากํ โคจโร’’ติ เตน อุทฺทิฏฺตฺตา เปตฺติเก วิสเยติ. จรนฺตนฺติ สามิอตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘อยเมวตฺโถ’’ติ, จรนฺตานนฺติ จ อตฺโถ, เตนายํ วิภตฺติวิปลฺลาเสนปิ วจนวิปลฺลาเสนปีติ ทสฺเสติ. กิเลสมารสฺส โอตาราลาเภเนว อิตรมารานมฺปิ โอตาราลาโภ เวทิตพฺโพ. อยํ ปนตฺโถติ โคจเร จรณํ สนฺธายาห, วตฺถุ ปน พฺยติเรกมุเขน อาคตํ.
สกุเณ หนฺตีติ สกุณคฺฆิ, มหาเสนสกุโณ. อชฺฌปฺปตฺตาติ อภิภวนวเสน ปตฺตา อุปคตา. น มฺยายนฺติ เม อยํ สกุณคฺฆิ นาลํ อภวิสฺส. นงฺคลกฏฺกรณนฺติ นงฺคเลน กสิตปฺปเทโส. เลฑฺฑุฏฺานนฺติ เลฑฺฑูนํ ¶ อุฏฺปิตฏฺานํ. สเก พเลติ อตฺตโน พลเหตุ. อปตฺถทฺธาติ อวคาฬฺหตฺถมฺภา สฺชาตตฺถมฺภา. อสฺสรมานาติ อวฺหายนฺตี.
มหนฺตํ เลฑฺฑุนฺติ นงฺคเลน ภินฺนฏฺาเน สุกฺขตาย ติขิณสิงฺคอโยฆนสทิสํ มหนฺตํ เลฑฺฑุํ. อภิรุหิตฺวาติ ตสฺส อโธภาเคน อตฺตนา ปวิสิตฺวา นิลีนโยคฺคปฺปเทสํ สลฺลกฺเขตฺวา ตสฺสุปริ จงฺกมนฺโต อสฺสรมาโน อฏฺาสิ. ‘‘เอหิ โข’’ติอาทิ ตสฺส อสฺสรมานาการทสฺสนํ. สนฺนยฺหาติ วาตคฺคหณวเสน อุโภ ปกฺเข สมํ เปตฺวา. ปจฺจุปาทีติ ปาวิสิ. ตตฺเถวาติ ยตฺถ ปุพฺเพ ลาโป ิโต, ตตฺเถว เลฑฺฑุมฺหิ ¶ . อุรนฺติ อตฺตโน อุรปฺปเทสํ. ปจฺจตาเฬสีติ ปติ อตาเฬสิ สารมฺภวเสน เวเคน คนฺตฺวา ปหรณโต วิธาเรนฺตี ปตาเฬสิ. อารมฺมณนฺติ ปจฺจยํ. ‘‘อวสร’’นฺติ เกจิ.
‘‘กุสลาน’’นฺติ ¶ เอวํ ปวตฺตาย เทสนาย โก อนุสนฺธิ? ยถาอนุสนฺธิ เอว. อาทิโต หิ ‘‘อตฺตทีปา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๘๐) เยว อตฺตธมฺมปริยาเยน โลกิยโลกุตฺตรธมฺมา คหิตา, เต เยเวตฺถ กุสลคฺคหเณน คหิตาติ. อนวชฺชลกฺขณานนฺติ อวชฺชปฏิปกฺขสภาวานํ. ‘‘อวชฺชรหิตสภาวาน’’นฺติ เกจิ. ตตฺถ ปุริเม อตฺถวิกปฺเป วิปากธมฺมธมฺมา เอว คหิตา, ทุติเย ปน วิปากธมฺมาปิ. ยทิ เอวํ, กถํ เตสํ สมาทาย วตฺตนนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘วิปากธมฺมา สีลาทิ วิย สมาทาย วตฺติตพฺพา’’ติ. สมาทานนฺติ ปน อตฺตโน สนฺตาเน สมฺมา อาทานํ ปจฺจยวเสน ปวตฺติ เยวาติ ทฏฺพฺพํ. วิปากธมฺมา หิ ปจฺจยวิเสเสหิ สตฺตสนฺตาเน สมฺมเทว อาหิตา อายุอาทิสมฺปตฺติวิเสสภูตา ¶ อุปรูปริกุสลวิเสสุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสยา โหนฺตีติ วทนฺติ. ปฺุํ ปวฑฺฒตีติ เอตฺถ ปฺุนฺติ อุตฺตรปทโลเปนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ปฺุผลํ วฑฺฒตี’’ติ. ปฺุผลนฺติ จ เอกเทสสรูเปกเสเสน วุตฺตํ ‘‘ปฺฺุจ ปฺุผลฺจ ปฺุผล’’นฺติ อาห ‘‘อุปรูปริ ปฺุมฺปิ ปฺุวิปาโกปิ เวทิตพฺโพ’’ติ.
‘‘มาตาปิตูน’’นฺติอาทิ นิทสฺสนมตฺตํ, ตสฺมา อฺมฺปิ เอวรูปํ เหตูปนิสฺสยํ กุสลํ ทฏฺพฺพํ. สิเนหวเสนาติ อุปนิสฺสยภูตสฺส สิเนหสฺส วเสน, น สมฺปยุตฺตสฺส. น หิ สิเนหสมฺปยุตฺตํ นาม กุสลํ อตฺถิ. มุทุมทฺทวจิตฺตนฺติ เมตฺตาวเสน อติวิย มทฺทวนฺตํ จิตฺตํ. ยถา มตฺถกปฺปตฺตํ วฏฺฏคามิกุสลํ ทสฺเสตุํ ‘‘มาตาปิตูนํ …เป… มุทุมทฺทวจิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ มตฺถกปฺปตฺตเมว วิวฏฺฏคามิกุสลํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร สติ…เป… โพธิปกฺขิยธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. ตทฺเปิ ปน ทานสีลาทิธมฺมา วฏฺฏสฺส อุปนิสฺสยภูตา วฏฺฏคามิกุสลํ วิวฏฺฏสฺส อุปนิสฺสยภูตา วิวฏฺฏคามิกุสลนฺติ เวทิตพฺพา. ปริโยสานนฺติ ผลวิเสสาวหตาย ผลทาย โกฏิ สิขาปฺปตฺติ, เทวโลเก จ ปวตฺติสิริวิภโวติ ปริโยสานํ ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ วิเสสิตํ, มนุสฺสโลกวเสเนว จายํ ¶ เทสนา อาคตาติ. มคฺคผลนิพฺพานสมฺปตฺติ ปริโยสานนฺติ โยชนา. วิวฏฺฏคามิกุสลสฺส วิปากํ สุตฺตปริโยสาเน ทสฺสิสฺสติ ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, สงฺโข นาม ราชา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๐๘).
ทฬฺหเนมิจกฺกวตฺติราชกถาวณฺณนา
๘๑. อิธาติ อิมสฺมึ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๑๐) สุตฺตเทสนาย อารทฺธฏฺาเน วฏฺฏวิวฏฺฏคามิภาเวน สาธารเณ กุสลคฺคหเณ. ตตฺถ วฏฺฏคามิกุสลานุสนฺธิวเสน ‘‘ภูตปุพฺพํ ภิกฺขเว’’ติ ¶ เทสนํ อารภิ, อารภนฺโต จ เทสิยมานมตฺตํ ¶ . ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ ภิกฺขูนํ สงฺเขปโต เอวํ ทีเปตฺวา อารภีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํ, ปมํ ตถา อทีเปนฺโตปิ ภควา อตฺถโต ทีเปติ วิยาติ อธิปฺปาโย.
๘๒. อีสกมฺปีติ อปฺปมตฺตกมฺปิ. อวสกฺกิตนฺติ โอคตภฏฺํ. เนมิอภิมุขนฺติ เนมิปฺปเทสสฺส สมฺมุขา. พนฺธึสุ จกฺกรตนสฺส โอสกฺกิตาโนสกฺกิตภาวํ ชานิตุํ. ตเทตนฺติ ยถาวุตฺตฏฺานา จวนํ. อติพลวโทเสติ รฺโ พลวติ อนตฺเถ อุปฏฺิเต สติ.
อปฺปมตฺโตติ รฺโ อาณาย ปมาทํ อกโรนฺโต.
เอกสมุทฺทปริยนฺตเมวาติ ชมฺพุทีปเมว สนฺธาย วทติ. โส อุตฺตรโต อสฺสกณฺณปพฺพเตน ปริจฺฉินฺนํ หุตฺวา อตฺตานํ ปริกฺขิปิตฺวา ิตเอกสมุทฺทปริยนฺโต. ปฺุิทฺธิวเสนาติ จกฺกวตฺติภาวาวหาย ปฺุิทฺธิยา วเสน.
๘๓. เอวํ กตฺวาติ กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา. สุกตํ กมฺมนฺติ ทสกุสลกมฺมปถเมว วทติ.
‘‘ทสวิธํ, ทฺวาทสวิธ’’นฺติ จ วุตฺตวิภาโค ปรโต อาคมิสฺสติ. ปูเรนฺเตเนวาติ ปูเรตฺวา ิเตเนว. นิทฺโทเสติ จกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปฏิปกฺขภูตานํ โทสานํ อปคมเน นิทฺโทเส. จกฺกวตฺตีนํ วตฺเตติ จกฺกวตฺติราชูหิ วตฺติตพฺพวตฺเต. ภาวินิ ภูเต วิย หิ อุปจาโร ยถา ‘‘อคมา ราชคหํ พุทฺโธ’’ติ (สุ. นิ. ๔๑๐). อธิคตจกฺกวตฺติภาวาปิ หิ เต ตตฺถ วตฺตนฺเตวาติ ตถา วุตฺตํ.
จกฺกวตฺติอริยวตฺตวณฺณนา
๘๔. อฺถา ¶ วตฺติตุํ อเทนฺโต โส ธมฺโม อธิฏฺานํ เอตสฺสาติ ตทธิฏฺานํ, เตน ตทธิฏฺาเนน เจตสา. สกฺกโรนฺโตติ ¶ อาทรกิริยาวเสน กโรนฺโต. เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ครุํ กโรนฺโตติ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณวเสน ครุํ กโรนฺโต. เตเนวาห ‘‘ตสฺมึ คารวุปฺปตฺติยา’’ติ. มาเนนฺโตติ สมฺภาวนาวเสน มเนน ปิยายนฺโต. เตนาห ‘‘ตเมวา’’ติอาทิ. เอวํ ปูชยโต อปจายโต เอวฺจ ยถาวุตฺตสกฺการาทิสมฺภโวติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ อปทิสิตฺวา’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ‘‘ธมฺมาธิปติภูโต อาคตภาเวนา’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตธมฺมสฺส เชฏฺกภาเวน ปุริมปุริมตรอตฺตภาเวสุ สกฺกจฺจ สมุปจิตภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘ธมฺมวเสเนว สพฺพกิริยานํ กรเณนา’’ติ เอเตน านนิสชฺชาทีสุ ยถาวุตฺตธมฺมนินฺนโปณปพฺภารภาวํ ทสฺเสติ. อสฺสาติ รกฺขาวรณคุตฺติยา. ปรํ รกฺขนฺโต อฺํ ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺถโต รกฺขนฺโต เตเนว ปรตฺถสาธเนน ขนฺติอาทิคุเณน อตฺตานํ ตโต เอว รกฺขติ. เมตฺตจิตฺตตาติ เมตฺตจิตฺตตาย. นิวาสนปารุปนเคหาทีนํ สีตุณฺหาทิปฏิพาหเนน อาวรณํ. อนฺโต ชนสฺมินฺติ อพฺภนฺตรภูเต ปุตฺตทาราทิชเน.
‘‘สีลสํวเร ปติฏฺาเปหี’’ติ อิมินา รกฺขํ ทสฺเสติ, ‘‘วตฺถคนฺธมาลาทีนิ เทหี’’ติ อิมินา อาวรณํ, อิตเรน คุตฺตึ. ภตฺตเวตนสมฺปทาเนนปีติ ปิ-สทฺเทน สีลสํวเร ปติฏฺาปนาทีนิ สมฺปิณฺเฑติ. เอเสว นโย อิโต ปเรสุปิ ปิ-สทฺทคฺคหเณสุ. นิคโม นิวาโส เอเตสนฺติ เนคมา, เอวํ ชานปทาติ อาห ‘‘นิคมวาสิโน’’ติอาทิ.
นววิธา มานมทาติ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๑๐๘; ธ. ส. ๑๑๒๑; วิภ. ๘๖๖; มหานิ. ๒๑, ๑๗๘) นยปฺปวตฺติยา ¶ นววิธา มานสงฺขาตา มทา. มาโน เอว เหตฺถ ปมชฺชนากาเรน ปวตฺติยา มานมโท. โสภเน กายิกวาจสิกกมฺเม รโตติ สูรโต อุ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา, ตสฺส ภาโว โสรจฺจํ, กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม, สพฺพํ วา กายวจีสุจริตํ. สุฏฺุ โอรโตติ โสรโต, ตสฺส ภาโว โสรจฺจํ, ยถาวุตฺตเมว สุจริตํ. ราคาทีนนฺติ ราคโทสโมหมานาทีนํ. ทมนาทีหีติ ทมนสมนปรินิพฺพาปเนหิ. เอกมตฺตานนฺติ ¶ เอกํ จิตฺตํ, เอกจฺจํ อตฺตโน จิตฺตนฺติ อตฺโถ. ราคาทีนฺหิ ปุพฺพภาคิยํ ทมนาทิปจฺเจกํ อิจฺฉิตพฺพํ, น มคฺคกฺขเณ วิย เอกชฺฌํ ปฏิสงฺขานมุเขน ปชหนโต. เอกมตฺตานนฺติ วา วิเวกวเสน เอกํ เอกากินํ อตฺตานํ. กาเล กาเลติ เตสํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตพฺเพ กาเล กาเล.
อิธ ตฺวาติ ‘‘อิทํ โข, ตาต, ต’’นฺติ เอวํ นิคมนวเสน วุตฺตฏฺาเน ตฺวา. วตฺตนฺติ อริยจกฺกวตฺติวตฺตํ. สมาเนตพฺพนฺติ ‘‘ทสวิธํ, ทฺวาทสวิธ’’นฺติ จ เหฏฺา วุตฺตคณนาย จ สมานํ กาตพฺพํ อนูนํ อนธิกํ กตฺวา ทสฺเสตพฺพํ. อธมฺมราคสฺสาติ อยุตฺตฏฺาเน ราคสฺส. วิสมโลภสฺสาติ ยุตฺตฏฺาเนปิ อติวิย พลวภาเวน ปวตฺตโลภสฺส.
จกฺกรตนปาตุภาววณฺณนา
๘๕. วตฺตมานสฺสาติ ¶ ปริปุณฺเณ จกฺกวตฺติวตฺเต วตฺตมานสฺส, โน อปริปุณฺเณติ อาห ‘‘ปูเรตฺวา วตฺตมานสฺสา’’ติ. กิตฺตาวตา ปนสฺส ปาริปูรี โหตีติ? ตตฺถ ‘‘กตาธิการสฺส ตาว เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ทฺวาทสหิปิ สํวจฺฉเรหิ ปูรติ, ปฺจวีสติยา, ปฺาสาย วา สํวจฺฉเรหิ. อยฺจ เภโท ธมฺมจฺฉนฺทสฺสปิ ติกฺขมชฺฌมุทุตาวเสน, อิตรสฺส ตโต ภิยฺโยปี’’ติ วทนฺติ.
ทุติยาทิจกฺกวตฺติกถาวณฺณนา
๙๐. อตฺตโน มติยาติ ปรมฺปราคตํ ปุราณํ ตนฺตึ ปเวณึ ลงฺฆิตฺวา อตฺตโน อิจฺฉิตากาเรน. เตนาห ‘‘โปราณก’’นฺติอาทิ.
น ¶ ปพฺพนฺตีติ สมิทฺธิยา น ปูเรนฺติ, ผีตา น โหนฺตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น วฑฺฒนฺตี’’ติ. ตถา จาห ‘‘กตฺถจิ สฺุา โหนฺตี’’ติ. ตตฺถ ตตฺถ ราชกิจฺเจ รฺา อมา สห วตฺตนฺตีติ อมจฺจา, เยหิ วินา ราชกิจฺจํ นปฺปวตฺตติ. ปรมฺปราคตา หุตฺวา รฺโ ปริสาย ภวาติ ปาริสชฺชา. เตนาห ‘‘ปริสาวจรา’’ติ. ตสฺมึ านนฺตเร ปิตา หุตฺวา รฺโ อายํ, วยฺจ ยาถาวโต คเณนฺตีติ คณกา. ชาติกุลสุตาจาราทิวเสน ปุถุตฺตํ คตตฺตา มหตี มตฺตา เอเตสนฺติ มหามตฺตา, เต ปน มหานุภาวา อมจฺจา เอวาติ อาห ‘‘มหาอมจฺจา’’ติ. เย รฺโ หตฺถานีกาทีสุ อวฏฺิตา, เต อนีกฏฺาติ อาห ‘‘หตฺถิอาจริยาทโย’’ติ ¶ . มนฺตํ ปฺํ อสิตา หุตฺวา ชีวนฺตีติ มนฺตสฺสาชีวิโน, มติสชีวาติ อตฺโถ, เย ตตฺถ ตตฺถ ราชกิจฺเจ อุปเทสทายิโน. เตนาห ‘‘มนฺตา วุจฺจติ ปฺา’’ติอาทิ.
อายุวณฺณาทิปริหานิกถาวณฺณนา
๙๑. พลวโลภตฺตาติ ‘‘อิมสฺมึ โลเก อิทานิ ทลิทฺทมนุสฺสา นาม พหู, เตสํ สพฺเพสํ ธเน อนุปฺปทิยมาเน มยฺหํ โกสสฺส ปริกฺขโย โหตี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนพลวโลภตฺตา. อุปรูปริภูมีสูติ ฉกามสคฺคสงฺขาตาสุ อุปรูปริกามภูมีสุ. กมฺมสฺส ผลํ อคฺคํ นาม, ตํ ปเนตฺถ อุทฺธคามีติ อาห ‘‘อุทฺธํ อคฺคํ อสฺสา’’ติ. สคฺเค นิยุตฺตา, สคฺคปฺปโยชนาติ วา โสวคฺคิกา. ทสนฺนํ วิเสสานนฺติ ทิพฺพอายุวณฺณยสสุขอาธิปเตยฺยานฺเจว ทิพฺพรูปาทีนฺจ ผลวิเสสานํ ¶ . วณฺณคฺคหเณน เจตฺถ สโก อตฺตภาววณฺโณ คหิโต, รูปคฺคหเณน พหิทฺธา รูปารมฺมณํ.
๙๒. สุฏฺุ ¶ นิสิทฺธนฺติ ยถายํ อิมินา อตฺตภาเวน อทินฺนํ อาทาตุํ น สกฺโกติ, เอวํ สมฺมเทว ตโต นิเสธิตํ กตฺวา. มูลหตนฺติ ชีวิตา โวโรปเนน มูเล เอว หตํ.
๙๖. ราควเสน จรณํ จริตฺตํ, จริตฺตเมว จาริตฺตํ, เมถุนนฺติ อธิปฺปาโย, ตํ ปน ‘‘ปเรสํ ทาเรสู’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘มิจฺฉาจาร’’นฺติ อาห.
๑๐๐. ปจฺจนีกทิฏฺีติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิกาย (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๔; วิภ. ๗๙๓) สมฺมาทิฏฺิยา ปฏิปกฺขภูตา ทิฏฺิ.
๑๐๑. มาตุจฺฉาทิกา อุปริ สยเมว วกฺขติ. อติพลวโลโภติ อติวิย พลวา พหลกิเลโส, เยน อกาเล, อเทเส จ ปวตฺตติ. มิจฺฉาธมฺโมติ มิจฺฉา วิปรีโต อวิสภาควตฺถุโก โลภธมฺโม. เตนาห ‘‘ปุริสาน’’นฺติอาทิ.
ตสฺส ภาโวติ เยน เมตฺตากรุณาปุพฺพงฺคเมน จิตฺเตน ปุคฺคโล ‘‘มตฺเตยฺโย’’ติ วุจฺจติ, โส ตสฺส ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาโท, ตํสมุฏฺานา จ กิริยา มตฺเตยฺยตา. เตนาห ‘‘มาตริ สมฺมา ปฏิปตฺติยา เอตํ นาม’’นฺติ ¶ . ยา สมฺมา ปชฺชิตพฺเพ สมฺมา อปฺปฏิปตฺติ, โสปิ โทโส อคารวกิริยาทิภาวโต. วิปฺปฏิปตฺติยํ ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ตสฺสา อภาโว เจว ตปฺปฏิปกฺขตา จ อมตฺเตยฺยตา’’ติ. กุเล เชฏฺานนฺติ อตฺตโน กุเล วุทฺธานํ มหาปิตุจูฬปิตุเชฏฺกภาติกาทีนํ.
ทสวสฺสายุกสมยวณฺณนา
๑๐๓. ‘‘ย’’นฺติ อิมินา สมโย อามฏฺโ, ภุมฺมตฺเถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ. อลํ ปติโนติ อลํปเตยฺยา. ตสฺสา ปริยตฺตตา ภริยาภาเวนาติ อาห ‘‘ทาตุํ ยุตฺตา’’ติ. อคฺครสานีติ มธุรภาเวน, เภสชฺชภาเวน จ อคฺคภูตรสานิ.
ทิปฺปิสฺสนฺตีติ ¶ ปฏิปกฺขภาเวน สมุชฺชลิสฺสนฺติ. เตนาห ‘‘กุสลนฺติปิ น ภวิสฺสตี’’ติ ¶ . อโห ปุริโสติ มาตาทีสุปิ อีทิโส, อฺเสํ เกสํ กึ วิสฺสชฺเชสฺสติ, อโห เตชวปุริโสติ.
เคเห มาตุคามํ วิยาติ อตฺตโน เคเห ทาสิภริยาภูตมาตุคามํ วิย. มิสฺสีภาวนฺติ มาตาทีสุ ภริยาย วิย จาริตฺตสงฺกรํ.
พลวโกโปติ หนฺตุกามตาวเสน อุปฺปตฺติยา พลวโกโป. อาฆาเตตีติ อาหนติ, อตฺตโน กกฺขฬผรุสภาเวน จิตฺตํ วิพาธตีติ อตฺโถ. นิสฺสยทหนรโส หิ โทโส. พฺยาปาเทตีติ วินาเสติ, มโนปทูสนโต มนสฺส ปโกปนโต. ติพฺพนฺติ ติกฺขํ, สา ปนสฺส ติกฺขตา สรีเร อวหนฺเตปิ สิเนหวตฺถุํ ลงฺฆิตฺวาปิ ปวตฺติยา เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘ปิยมานสฺสปี’’ติอาทิ.
๑๐๔. กปฺปวินาโส กปฺโป อุตฺตรปทโลเปน, อนฺตราว กปฺโป อนฺตรกปฺโป. ตณฺหาทิเภโท กปฺโป เอตสฺส อตฺถีติ กปฺโป, สตฺตโลโกติ อาห ‘‘อนฺตราว โลกวินาโส’’ติ. สฺวายํ อนฺตรกปฺโป กติวิโธ, กถฺจสฺส สมฺภโว, กึ คติโกติ อนฺโตคธํ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อนฺตรกปฺโป จ นามา’’ติอาทิ. โลภุสฺสทายาติ โลภาธิกาย ปชาย วตฺตมานาย.
เอวํ จินฺตยึสูติ ปุพฺเพ ยถานุสฺสวานุสฺสรเณน, อตฺตโน จ อายุวิเสสสฺส ลภนโต. คุมฺพลตาทีหิ คหนํ านนฺติ คุมฺพลตาทีหิ สฺฉนฺนตาย คหนภูตํ านํ. รุกฺเขหิ ¶ คหนนฺติ รุกฺเขหิ นิรนฺตรนิจิเตหิ คหนภูตํ ¶ . นทีวิทุคฺคนฺติ ฉินฺนตฏาหิ นทีหิ โอรโต, ปารโต จ วิทุคฺคํ. เตนาห ‘‘นทีน’’นฺติอาทิ. ปพฺพเตหิ วิสมํ ปพฺพตนฺตรํ. ปพฺพเตสุ วา ฉินฺนตเฏสุ ทุราโรหํ วิสมฏฺานํ. สภาเคติ ชีวนวเสน สมานภาเค สทิเส กริสฺสนฺติ.
อายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถาวณฺณนา
๑๐๕. อายตนฺติ วา ทีฆํ จิรกาลิกํ. มรณวเสน หิ าติกฺขโย อายโต อปุนราวตฺตนโต, น ราชภยาทินา อุกฺกมนวเสน ปุนราวตฺติยาปิ ตสฺส ลพฺภนโต. โอสกฺเกยฺยามาติ โอรเมยฺยาม. วิรมณมฺปิ อตฺถโต ปชหนเมว ปริจฺจชนภาวโตติ อาห ‘‘ปชเหยฺยามาติ อตฺโถ’’ติ. สีลคพฺเภ วฑฺฒิตตฺตาติ มาตุ, ปิตุ จ สีลวนฺตตาย ตทวยวภูเต คพฺเภ วฑฺฒิ ‘‘สีลคพฺเภ วฑฺฒิตา’’ติ วุตฺตา, เอเตน อุตุอาหารสฺส วิย ตทฺสฺสาปิ พาหิรสฺส ปจฺจยสฺส วเสน สตฺตสนฺตานสฺส วิเสสาธานํ โหตีติ ทสฺเสติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลฏีกายํ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) วุตฺตเมว. เขตฺตวิสุทฺธิยาติ อธิฏฺานภูตวตฺถุวิสุทฺธิยา. นนุ จ ตํ วิเสสาธานํ ชายมานํ รูปสนฺตติยา เอว ภเวยฺยาติ? สจฺจเมตํ, รูปสนฺตติยา ปน ตถา อาหิตวิเสสาย อรูปสนฺตติปิ ลทฺธูปการา เอว โหติ ตปฺปฏิพทฺธวุตฺติภาวโต. ยถา กพฬีการาหาเรน อุปตฺถมฺภิเต รูปกาเย สพฺโพปิ อตฺตภาโว อนุคฺคหิโต เอว นาม โหติ, ยถา ปน รฺโ จกฺกวตฺติโน ปฺุวิเสสํ อุปนิสฺสาย ตสฺส อิตฺถิรตนาทีนํ อนฺสาธารณา เต เต วิเสสา สมฺภวนฺติ ตพฺภาเว ภาวโต, ตทภาเว จ อภาวโต, เอวเมว ¶ ตสฺมึ กาเล มาตาปิตูนํ ยถาวุตฺตปฺุวิเสสํ อุปนิสฺสาย เตสํ ปุตฺตานํ ชายมานานํ ทีฆายุกตา เขตฺตวิสุทฺธิยาว โหตีติ เวทิตพฺพา สํเวคธมฺมฉนฺทาทิสมุปพฺรูหิตาย ตทา เตสํ กุสลเจตนาย ตถา อุฬารภาเวน สมุปฺปชฺชนโต. เอตฺถาติ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก, ตตฺถาติ ยถาวุตฺตํ กุสลธมฺมํ สมาทาย วตฺตมาเน สตฺตนิกาเย. ตตฺเถวาติ ตสฺมึเยว สตฺตนิกาเย. ‘‘อตฺตโนว สีลสมฺปตฺติยา’’ติ วุตฺตํ สสนฺตติปริยาปนฺนสฺส ธมฺมสฺส ตตฺถ วิเสสปฺปจฺจยภาวโต. เขตฺตวิสุทฺธิปิ ปน อิธาปิ ปฏิกฺขิปิตุํ น สกฺกา.
โกฏฺาสาติ ¶ จตฺตารีสวสฺสายุกาติอาทโย อสีติวสฺสสหสฺสายุกปริโยสานา เอกาทส โกฏฺาสา. อทินฺนาทานาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน กุเล เชฏฺาปจายิกาปริโยสานานํ ทสนฺนํ ปาปโกฏฺาสานํ คหณํ.
สงฺขราชอุปฺปตฺติวณฺณนา
๑๐๖. เอวํ อุปฺปชฺชนกตณฺหาติ เอวํ วจีเภทํ ปาปนวเสน ปวตฺตา ภฺุชิตุกามตา. อนสนนฺติ กายิกกิริยาอสมตฺถตาเหตุภูโต สรีรสงฺโกโจ. เตนาห ‘‘อวิปฺผาริกภาโว’’ติอาทิ. ฆนนิวาสตนฺติ คามนิคมราชธานีนํ ฆนนิวิฏฺตํ อฺมฺสฺส นาติทูรวตฺติตํ. นิรนฺตรปูริโตติ นิรนฺตรํ วิย ปุณฺโณ ตตฺรุปคานํ สตฺตานํ พหุภาวโต.
เมตฺเตยฺยพุทฺธุปฺปาทวณฺณนา
๑๐๗. กิฺจาปิ ปุพฺเพ วฑฺฒมานกวเสน เทสนา อาคตํ, อิทํ ปน น วฑฺฒมานกวเสน วุตฺตํ. กสฺมาติ เจ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. สตฺตานํ วฑฺฒมานายุกกาเล พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ สํสาเร สํเวคสฺส ทุพฺพิภาวนียตฺตา ¶ . ตโต วสฺสสตสหสฺสโต โอรเมว พุทฺธุปฺปาทกาโล.
๑๐๘. สมุสฺสิตฏฺเน ¶ ยูโป วิยาติ ยูโป, ยูปนฺติ เอตฺถ สตฺตา อเนกภูมิกูฏาคาโรวรกาทิวนฺตตายาติ ยูโป, ปาสาโท. รฺโ เหตุภูเตนาติ เหตุอตฺเถ กรณวจนนฺติทสฺเสติอุสฺสาหสมฺปตฺติอาทินา. มหตา ราชานุภาเวน, มหตา จ กิตฺติสทฺเทน สมนฺนาคตตฺตา จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ มหาชนสฺส รฺชนโต มหาปนาโท นาม ราชา ชาโต. ชาตเกติ มหาปนาทชาตเก (ชา. ๑.๓.๔๐ มหาปนาทชาตเก).
ปนาโท นาม โส ราชาติ ‘‘อตีเต ปนาโท นาม โส ราชา อสฺโสสี’’ติ อตฺตภาวนฺตรตาย อตฺตานํ ปรํ วิย นิทฺทิสติ. อายสฺมา หิ ภทฺทชิตฺเถโร อตฺตนา อชฺฌาวุตฺถปุพฺพํ สุวณฺณปาสาทํ ทสฺเสตฺวา เอวมาห. ยสฺส ยูโป สุวณฺณโยติ ยสฺส รฺโ อยํ ยูโป ปาสาโท สุวณฺณโย สุวณฺณมโย. ติริยํ โสฬสุพฺเพโธติ วิตฺถารโต โสฬสสรปาตปฺปมาโณ, โส ปน อฑฺฒโยชนปฺปมาโณ โหติ. อุพฺภมาหุ ¶ สหสฺสธาติ อุพฺภํ อุจฺจภาวํ อสฺส ปาสาทสฺส สหสฺสธา สหสฺสกณฺฑปฺปมาณํ อาหุ, โส ปน โยชนโต ปฺจวีสติโยชนปฺปมาโณ โหติ. เกจิ ปเนตฺถ คาถาสุขตฺถํ ‘‘อาหู’’ติ ทีฆํ กตํ, อหุ อโหสีติ อตฺถํ วทนฺติ.
สหสฺสกณฺโฑติ สหสฺสภูมิโก, ‘‘สหสฺสขณฺโฑ’’ ติปิ ปาโ, โส เอว อตฺโถ. สตเคณฺฑูติ อเนกสตนิยูหโก. ธชาลูติ ตตฺถ ตตฺถ นิยูหสิขราทีสุ ปติฏฺปิเตหิ สตฺติธชวีรงฺคธชาทีหิ ธเชหิ สมฺปนฺโน. หริตามโยติ จามีกรสุวณฺณมโย. เกจิ ปน หริตามโยติ ‘‘หริตมณิปริกฺขโฏ’’ติ วทนฺติ. คนฺธพฺพาติ นฏา. ฉสหสฺสานิ สตฺตธาติ ฉมตฺตานิ คนฺธพฺพสหสฺสานิ สตฺตธา ตสฺส ปาสาทสฺส สตฺตสุ าเนสุ รฺโ อภิรมาปนตฺถํ นจฺจึสูติ อตฺโถ. เต ¶ เอวํ นจฺจนฺตาปิ กิร ราชานํ หาเสตุํ นาสกฺขึสุ. อถ สกฺโก เทวราชา เทวนฏํ เปเสตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ, ตทา ราชา หสีติ.
โกฏิคาโม นาม มาปิโต. วตฺถูติ ภทฺทชิตฺเถรสฺส วตฺถุ. ตํ เถรคาถาวณฺณนายํ (เถรคา. อฏฺ. ภทฺทชิตฺเถรคาถาวณฺณนาย) วิตฺถารโต อาคตเมว. อิตรสฺสาติ นฬการเทวปุตฺตสฺส. อานุภาวาติ ปฺุานุภาวนิมิตฺตํ.
ทานวเสน ทตฺวาติ ตํ ปาสาทํ อตฺตโน ปริคฺคหภาววิโยชเนน ทานมุเข นิโยเชตฺวา. วิสฺสชฺเชตฺวาติ จิตฺเตเนว ปริจฺจชนวเสน ทตฺวา ปุน ทกฺขิเณยฺยานํ สนฺตกภาวกรเณน นิรเปกฺขปริจฺจาควเสน วิสฺสชฺเชตฺวา. เอตฺตเกนาติ ‘‘ภูตปุพฺพํ ภิกฺขเว’’ติ อาทึ กตฺวา ยาว ‘‘ปพฺพชิสฺสตี’’ติ ปทํ เอตฺตเกน เทสนามคฺเคน.
ภิกฺขุโน อายุวณฺณาทิวฑฺฒนกถาวณฺณนา
๑๑๐. อิทํ ¶ ภิกฺขุโน อายุสฺมินฺติ อายุสฺมึ สาเธตพฺเพ อิทํ ภิกฺขุโน อิจฺฉิตพฺพํ จิรชีวิตาย เหตุภาวโตติ. เตนาห ‘‘อิทํ อายุการณ’’นฺติ.
สมฺปนฺนสีลสฺส อวิปฺปฏิสารปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิสุขสมาธิยถาภูตาณาทิสมฺภวโต ตํสมุฏฺานปณีตรูเปหิ กายสฺส ผุฏตฺตา สรีเร วณฺณธาตุ ¶ วิปฺปสนฺนา โหติ, กลฺยาโณ จ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตีติ อาห ‘‘สีลวโต หี’’ติอาทิ.
วิเวกชํ ปีติสุขาทีติ อาทิ-สทฺเทน สมาธิชํ ปีติสุขํ, อปีติชํ กายสุขํ, สติปาริสุทฺธิชํ อุเปกฺขาสุขฺจ สงฺคณฺหาติ.
อปฺปฏิกฺกูลตาวโหติ อปฺปมาณานํ สตฺตานํ, อตฺตโน จ เตสุ อปฺปฏิกฺกูลภาวโต. หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา สพฺพทิสาสุ ผรณอปฺปมาณวเสน สพฺพทิสาสุ วิปฺผาริกตา.
‘‘อรหตฺตผลสงฺขาตํ พล’’นฺติ วุตฺตํ ตสฺส อกุปฺปธมฺมตาย เกนจิ อนภิภวนียภาวโต.
‘‘โลเก’’ติ อิทํ ยถา ‘‘เอกพลมฺปี’’ติ อิมินา สมฺพนฺธียติ, เอวํ ¶ ‘‘ทุปฺปสหํ ทุรภิสมฺภว’’นฺติ อิเมหิปิ สมฺพนฺธิตพฺพํ. โลกปริยาปนฺเนเหว หิ ธมฺเมหิ เตสํ พลสฺส ทุปฺปสหตา, ทุรภิสมฺภวตา, น โลกุตฺตเรหีติ. เอตฺเถวาติ เอตสฺมึ อรหตฺตผเล เอว, ตทตฺถนฺติ อตฺโถ.
โลกุตฺตรปฺุมฺปีติ โลกุตฺตรปฺุมฺปิ ปฺุผลมฺปิ. ยาว อาสวกฺขยา ปวฑฺฒติ วิวฏฺฏคามิกุสลธมฺมานํ สมาทานเหตูติ โยชนา. อมตปานํ ปิวึสุ เหฏฺิมมคฺคผลสมธิคมวเสนาติ อธิปฺปาโย.
จกฺกวตฺติสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๔. อคฺคฺสุตฺตวณฺณนา
วาเสฏฺภารทฺวาชวณฺณนา
๑๑๑. เอตฺถาติ ¶ ¶ ¶ ‘‘ปุพฺพาราเม, มิคารมาตุปาสาเท’’ติ เอตสฺมึ ปททฺวเย. โกยํ ปุพฺพาราโม, กถฺจ ปุพฺพาราโม, กา จ มิคารมาตา, กถฺจสฺสา ปาสาโท อโหสีติ เอตสฺมึ อนฺโตลีเน อนุโยเค. อยํ อิทานิ วุจฺจมานา อนุปุพฺพิกถา อาทิโต ปฏฺาย สงฺเขเปเนว อนุปุพฺพิกถา. ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ เอกํ อุปาสิกํ อคฺคุปฏฺายิกฏฺาเน เปนฺตึ ทิสฺวาน ตตฺถ สฺชาตคารวพหุมานา ตเมวตฺถํ ปุรกฺขตฺวา ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา. เมณฺฑกปุตฺตสฺสาติ เมณฺฑกเสฏฺิปุตฺตสฺส. โสตาปนฺนา อโหสิ ตถา กตาธิการตฺตา.
มาตุฏฺาเน เปสิ อตฺตโน สีลาจารสมฺปตฺติยา ครุฏฺานิยตฺตา. อุปโยคนฺติ ตตฺถ ตตฺถ อปฺเปตพฺพฏฺาเน อปฺปนาวเสน วินิโยคํ อคมํสุ. อฺเหิ จ เวฬุริยโลหิตงฺกมสารคลฺลาทีหิ. ภสฺสตีติ โอตรติ. สุทฺธปาสาโทว น โสภตีติ เกวโล เอกปาสาโท เอว วิหาโร น โสภติ. นิยูหานิ พหูนิ นีหริตฺวา กตฺตพฺพเสนาสนานิ ‘‘ทุวฑฺฒเคหานี’’ติ วทนฺติ. มชฺเฌ คพฺโภ สมนฺตโต อนุปริยายโตติ เอวํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วฑฺเฒตฺวา กตเสนาสนานิ ทุวฑฺฒเคหานิ. จูฬปาสาทาติ ขุทฺทกปาสาทา.
อุตฺตรเทวีวิหาโร นาม นครสฺส ปาจีนทฺวารสมีเป กตวิหาโร.
ติตฺถิยลิงฺคสฺส อคฺคหิตตฺตา เนว ติตฺถิยปริวาสํ วสนฺติ. อนุปสมฺปนฺนภาวโต อาปตฺติยา อาปนฺนาย อภาวโต น อาปตฺติปริวาสํ วสนฺติ. ภิกฺขุภาวนฺติ อุปสมฺปทํ. เตวิชฺชสุตฺตนฺติ อิมสฺมึ ทีฆนิกาเย เตวิชฺชสุตฺตํ สุตฺวา.
๑๑๓. อนุวตฺตมานา ¶ ¶ จงฺกมึสุ อนนุจงฺกมเน ยถาธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส ปุจฺฉนาทีนํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา. เตสนฺติ เตสํ ทฺวินฺนํ. เตนาห ‘‘ปณฺฑิตตโร’’ติ. อตฺถาติ ภวตฺถ. กุลสมฺปนฺนาติ สมฺปนฺนกุลา อุทิโตทิเต พฺราหฺมณกุเล อุปฺปนฺนา. พฺราหฺมณกุลาติ เกนจิ ปาริชฺุเน อนุปทฺทุตา ¶ เอว พฺราหฺมณกุลา. เตนาห ‘‘โภคาทิสมฺปนฺน’’นฺติอาทิ. อิเม พฺราหฺมณา อุจฺจา หุตฺวา ‘‘อิมํ วสลํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชึสู’’ติอาทินา ชาติอาทีนิ ฆฏฺเฏนฺตา อกฺโกสนฺติ. ปริภาสนฺตีติ ปริภวิตฺวา ภาสนฺติ. อตฺตโน อนุรูปายาติ อตฺตโน อชฺฌาสยสฺส อนุรูปาย. อนฺตรนฺตรา วิจฺฉิชฺช ปวตฺติยมานา ปริภาสา ปริปุณฺณา นาม น โหติ ขณฺฑภาวโต, ตพฺพิปริยายโต ปริปุณฺณา นาม โหตีติ อาห ‘‘อนฺตรา’’ติอาทิ.
อปฺปติฏฺตายาติ อปสฺสยรหิตตฺตา. วิภินฺโนติ วินฏฺโ.
อิตเร ตโย วณฺณาติ ขตฺติยาทโย วณฺณา หีนา. นนุ ขตฺติยาว เสฏฺา วณฺณา ยถา พุทฺธา เอตรหิ ขตฺติยกุเล เอว อุปฺปนฺนาติ? สจฺจเมตํ, เต ปน อตฺตโน มิจฺฉาภิมาเนน, มิจฺฉาคาเหน จ ‘‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ วจนมตฺตํ. ‘‘สุชฺฌนฺตีติ สุทฺธา โหนฺติ, น นินฺทํ ครหํ ปาปุณนฺตี’’ติ วทนฺติ. สุชฺฌนฺติ วา สํสารโต สุชฺฌนฺติ, น เสสา วณฺณา อสุกฺกชาติกตฺตา, มนฺตชฺเฌนาภาวโต จาติ. พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตา เวทวจนโต ชาตาติ มุขโต ชาตา. ตโต เอว พฺรหฺมุโน มหาพฺรหฺมุโน เวทวจนโต วิชาตาติ พฺรหฺมชา. เตน ¶ ทุวิเธนาปิ นิมฺมิตาติ พฺรหฺมนิมฺมิตา. เวทเวทงฺคาทิพฺรหฺมทายชฺชํ อรหนฺตีติ พฺรหฺมทายาทา. มุณฺฑเก สมณเกติ เอตฺถ ก-กาโร ครหายนฺติ อาห ‘‘นินฺทนฺตา ชิคุจฺฉนฺตา วทนฺตี’’ติ. อิพฺเภติ สุทฺเท, เต ปน ฆรพนฺธเนน พทฺธา นิหีนตราติ อาห ‘‘คหปติเก’’ติ. กณฺเหติ กณฺหชาติเก. พนฺธนฏฺเน พนฺธุ, กสฺส ปน พนฺธูติ อาห ‘‘มารสฺส พนฺธุภูเต’’ติ. ปาทาปจฺเจติ ปาทโต ชาตาปจฺเจ. อยํ กิร พฺราหฺมณานํ ลทฺธิ ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตา, ขตฺติยา อุรโต, อูรูหิ เวสฺสา, ปาทโต สุทฺทา’’ติ.
๑๑๔. ยสฺมา ปมกปฺปิกกาเล จตุวณฺณววตฺถานํ นตฺถิ, สพฺเพว สตฺตา เอกสทิสา, อปรภาเค ปน เตสํ ปโยคเภทวเสน อโหสิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘โปราณํ…เป… อชานนฺตา’’ติ. ลทฺธิภินฺทนตฺถายาติ ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา’’ติ เอวํ ปวตฺตาย ลทฺธิยา วินิเวนตฺถํ. ปุตฺตปฺปฏิลาภตฺถายาติ ‘‘เอวํ มยํ เปตฺติกํ อิณํ ¶ โสเธสฺสามา’’ติ ลทฺธิยํ ตฺวา ปุตฺตปฺปฏิลาภาย. อยฺเหตฺถ ธมฺมิกานํ พฺราหฺมณานํ อชฺฌาสโย. สฺชาตปุปฺผาติ รชสฺสลา. อิตฺถีนฺหิ กุมาริภาวปฺปตฺติโต ปฏฺาย ปจฺฉิมวยโต โอรํ อสติ วิพนฺเธ อฏฺเม อฏฺเม ¶ สตฺตาเห คพฺภาสยสฺิเต ตติเย อาวตฺเต กติปยา โลหิตปีฬกา สณฺหิตฺวา อคฺคหิตปุปฺผา เอว ภิชฺชนฺติ, ตโต โลหิตํ ปคฺฆรติ, ตตฺถ อุตุสมฺา, ปุปฺผสมฺา จ. เนสนฺติ พฺราหฺมณานํ. สจฺจวจนํ สิยาติ ‘‘พฺรหฺมุโน ปุตฺตา’’ติอาทิวจนํ สจฺจํ ยทิ สิยา, พฺราหฺมณีนํ…เป… มุขํ ภเวยฺย, น เจตํ อตฺถิ.
จตุวณฺณสุทฺธิวณฺณนา
๑๑๕. มุขจฺเฉทกวาทนฺติ ¶ ‘‘พฺราหฺมณา มหาพฺรหฺมุโน มุขโต ชาตา’’ติ วาทสฺส เฉทกวาทํ. อริยภาเว อสมตฺถาติ อนริยภาวาวหา. ปกติกาฬกาติ สภาเวเนว น สุทฺธา. กณฺโหติ กิลิฏฺโ อุปตาปโก. เตนาห ‘‘ทุกฺโขติ อตฺโถ’’ติ.
สุกฺกภาโว นาม ปริสุทฺธตาติ อาห ‘‘นิกฺกิเลสภาเวน ปณฺฑรา’’ติ. สุกฺโกติ น กิลิฏฺโ อนุปตาปโกติ วุตฺตํ ‘‘สุโขติ อตฺโถ’’ติ.
๑๑๖. อุภยโวกิณฺเณติ วจนวิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุภเยสุ โวกิณฺเณสู’’ติ. มิสฺสีภูเตสูติ ‘‘กทาจิ กณฺหา ธมฺมา, กทาจิ สุกฺกา ธมฺมา’’ติ เอวํ เอกสฺมึ สนฺตาเน, เอกสฺมึเยว จ อตฺตภาเว ปวตฺติยา มิสฺสีภูเตสุ, น ปน เอกชฺฌํ ปวตฺติยา. เอตฺถาติ อนนฺตรวุตฺตธมฺมาว อนฺวาธิฏฺาติ อาห ‘‘กณฺหสุกฺกธมฺเมสู’’ติ. ยสฺมา จ เต พฺราหฺมณา น เจว เต ธมฺเม อติกฺกนฺตา, ยาย จ ปฏิปทาย อติกฺกเมยฺยุํ, สาปิ เตสํ ปฏิปทา นตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘วตฺตมานาปี’’ติ. นานุชานนฺติ อยถาภุจฺจวาทภาวโต. อนุชานนฺจ นาม อพฺภนุโมทนนฺติ ตทภาวํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘นานุโมทนฺติ, น ปสํสนฺตี’’ติ วุตฺตํ. จตุนฺนํ วณฺณานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. เตสนฺติ ปน สมฺพนฺเธปิ วา สามิวจนํ. เต จ พฺราหฺมณา น เอวรูปา น เอทิสา, ยาทิโส อรหา เอกเทเสนาปิ เตน เตสํ สทิสตาภาวโต, ตสฺมา เตน การเณน เนสํ พฺราหฺมณานํ ‘‘พฺราหฺมโณว ¶ เสฏฺโ วณฺโณ’’ติ วาทํ วิฺู ยถาภูตวาทิโน พุทฺธาทโย อริยา นานุชานนฺติ.
อารกตฺตาทีหีติ ¶ เอตฺถ กิเลสานํ อารกตฺตา ปหีนภาวโต ทูรตฺตา อรหํ, กิเลสารีนํ หตตฺตา อรหํ, สํสารจกฺกสฺส อรานํ หตตฺตา อรหํ, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา อรหํ, ปาปกรเณ รหาภาเวน อรหนฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๕ อาทโย), ตํ สํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๒๔) จ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ ¶ . อาสวานํ ขีณตฺตาติ จตุนฺนมฺปิ อาสวานํ อนวเสสโต ปหีนตฺตา. พฺรหฺมจริยวาสนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ. ตสฺส วาสสฺส ปริโยสิตตฺตา วุตฺถวาโส, ทสนฺนมฺปิ วา อริยวาสานํ วุตฺถตฺตา วุตฺถวาโส. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ทสยิเม, ภิกฺขเว, อริยาวาสา, ยทริยา อาวสึสุ วา อาวสนฺติ วา อาวสิสฺสนฺติ วา. กตเม ทส? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจงฺควิปฺปหีโน โหติ ฉฬงฺคสมนฺนาคโต เอการกฺโข จตุราปสฺเสโน ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ สมวยสเสโน อนาวิลสงฺกปฺโป ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร สุวิมุตฺตจิตฺโต สุวิมุตฺตปฺโ. อิเม โข, ภิกฺขเว, ทส อริยาวาสา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๙).
วุสฺสตีติ วา วุสิตํ, อริยมคฺโค, อริยผลฺจ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ อติสยวจนิจฺฉาวเสน อรหา ‘‘วุสิตวา’’ติ วุตฺโต. กรณียํ นาม ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนา ทุกฺขสฺสนฺตํ กาตุกาเมหิ เอกนฺตโต กตฺตพฺพตฺตา, ตํ ปน ยสฺมา จตูหิ มคฺเคหิ ปจฺเจกํ จตูสุ สจฺเจสุ กาตพฺพํ กตํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตูหิ…เป… กตกรณีโย’’ติ. โอสีทาปนฏฺเน ภารา วิยาติ ภารา, กิเลสา, ขนฺธา จ. วุตฺตฺหิ ‘‘ภารา หเว ปฺจกฺขนฺธา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒๒) โอหาริโตติ อปนีโต. สโก อตฺโถ สทตฺโถติ เอตฺถ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร. กามํ ทิฏฺิอาทโยปิ สํโยชนานิ เอว, ตถาปิ ตณฺหาย ภวสํโยชนฏฺโ สาติสโย. ยถาห ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ ¶ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนาน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๒.๑๒๕, ๑๒๖, ๑๒๗, ๑๓๒, ๑๓๔, ๑๓๖, ๑๔๒; ๓.๕.๕๒๐; กถา. ๗๕) ตโต สา เอว สุตฺเต (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๙๓, ๑๓๓; ๓.๓๗๓; สํ. นิ. ๓.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๑.๓๔ อาทโย) สมุทยสจฺจภาเวน วุตฺตา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ภวสํโยชนํ วุจฺจติ ตณฺหา’’ติ. สมฺมทฺา วิมุตฺโตติ สมฺมา อฺาย ชานนภูตาย อคฺคมคฺคปฺาย ¶ สมฺมา ยถาภูตํ ยํ ยถา ชานิตพฺพํ, ตํ ตถา ชานิตฺวา วิมุตฺโต. อิมสฺมึ โลเกติ อิมสฺมึ สตฺตโลเก. อิธตฺตภาเวติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว, ปรตฺตภาเวติ ปรสฺมึ อตฺตภาเว, อิธโลเก, ปรโลเก จาติ อตฺโถ.
๑๑๗. อนฺตรวิรหิตาติ วิภาควิรหิตา. เตนาห ‘‘อตฺตโน กุเลน สทิสา’’ติ. อนุยนฺตีติ อนุยนฺตา, อนุยนฺตา เอว อานุยนฺตา, อนุวตฺตกา. เตนาห ‘‘วสวตฺติโน’’ติ.
๑๑๘. นิวิฏฺาติ ¶ สทฺเธยฺยวตฺถุสฺมึ อนุปวิสนวเสน นิวิฏฺา. ตโต เอว ตสฺมึ อธิกํ นิวิสนโต อภินิวิฏฺา. อจลฏฺิตาติ อจลภาเว ิตา.
ยนฺติ ยํ กเถตพฺพธมฺมํ อนุปธาเรตฺวา, ตทตฺถฺจ อปฺปจฺจกฺขํ กตฺวา กถนํ, เอตํ อฏฺานํ อการณํ ตสฺส โพธิมูเลเยว สมุจฺฉินฺนตฺตา. วิจฺฉินฺทชนนตฺถนฺติ รตนตฺตยสทฺธาย วิจฺฉินฺทสฺส อุปฺปาทนตฺถํ, อฺถตฺตายาติ อตฺโถ. โสติ มาโร. มุสาวาทํ กาตุํ นาสกฺขีติ อาคตผลสฺส อริยสาวกสฺส ปุรโต มุสา วตฺตุํ น วิสหิ, ตสฺมา อาม มาโรสฺมีติ ปฏิชานิ. สิลาปถวิยนฺติ รตนมยสิลาปถวิยํ. สิเนรุํ กิร ปริวาเรตฺวา ิโต ภูมิปฺปเทโส สตฺตรตนมโย, ‘‘สุวณฺณมโย’’ติ เกจิ, สา วิตฺถารโต, อุพฺเพธโต อเนกโยชนสหสฺสปริมาณา อติวิย นิจฺจลา. กึ ตฺวํ เอตฺถาติ กึ การณา ตฺวํ เอตฺถ. ‘‘ิโต’’ติ อจฺฉรํ ปหริ. าตุํ อสกฺโกนฺโตติ อริยสาวกสฺส ปุรโต าตุํ อสกฺโกนฺโต. อยฺหิ อริยธมฺมาธิคมสฺส อานุภาโว, ยํ มาโรปิ ¶ นาม มหานุภาโว อุชุกํ ปฏิปฺปริตุํ น สกฺโกติ.
มคฺโค เอว มูลํ มคฺคมูลํ, ตสฺส. สฺชาตตฺตา อุปฺปนฺนตฺตา. เตน มคฺคมูเลน ปติฏฺิตสนฺตาเน ลทฺธปติฏฺา. ภควโต เทสนาธมฺมํ นิสฺสาย อริยาย ชาติยา ชาโต ‘‘ภควนฺตํ นิสฺสาย อริยภูมิยํ ชาโต’’ติ วุตฺโต. ‘‘อุเร วสิตฺวา’’ติ อิทํ ธมฺมโฆสสฺส อุรโต สมุฏฺานตาย วุตฺตํ. อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย วา โอรโส. มุขโต ชาเตน ชาโต ‘‘มุขโต ชาโต’’ติ วุตฺโต. การณการเณปิ หิ การเณ วิย โวหาโร โหติ ‘‘ติเณหิ ภตฺตํ สิทฺธ’’นฺติ. เกจิ ปน ‘‘วิโมกฺขมุขสฺส วเสน ¶ ชาตตฺตา มุขโต ชาโต’’ติ วทนฺติ, ตตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุริเมนตฺเถน โยนิโช, เสทโช, มุขโชติ ตีสุ สมฺพนฺเธสุ มุขเชน สมฺพนฺเธน ภควโต ปุตฺตภาโว วิภาวิโต. อตฺถทฺวเยนาปิ ธมฺมชภาโวเยว ทีปิโต. อริยธมฺมปฺปตฺติโต ลทฺธวิเสโส หุตฺวา ปวตฺโต ตทุตฺตรกาลิโก ขนฺธสนฺตาโน ‘‘อริยธมฺมโต ชาโต’’ติ เวทิตพฺโพ, อริยธมฺมํ วา มคฺคผลํ นิสฺสาย, อุปนิสฺสาย จ ชาโต สพฺโพปิ ธมฺมปฺปพนฺโธ ‘‘อริยธมฺมโต ชาโต’’ติ คเหตพฺโพ. เตสํ ปน อริยธมฺมานํ อปริโยสิตกิจฺจตาย อริยภาเวน อภินิพฺพตฺติมตฺตํ อุปาทาย ‘‘อริยธมฺมโต ชาตตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ปริโยสิตกิจฺจตาย ตถา นิพฺพตฺติปาริปูรึ อุปาทาย ‘‘นิมฺมิตตฺตา’’ติ วุตฺตํ, ยโต ‘‘ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต’’ติ วุตฺตํ. ‘‘นวโลกุตฺตรธมฺมทายํ อาทิยตีติ ธมฺมทายาโท’’ ติปิ ปาโ. อสฺสาติ ‘‘ภควโตมฺหิปุตฺโต’’ติอาทินา วุตฺตสฺส วากฺยสฺส. อตฺถํ ทสฺเสนฺโตติ ภาวตฺถํ ปกาเสนฺโต. ตถาคตสฺส อนฺสาธารณสีลาทิธมฺมกฺขนฺธสฺส สมูหนิเวสวเสน ธมฺมกายตาย น ¶ กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, สตฺถุฏฺานิยสฺส ปน ธมฺมกายตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺมา ตถาคโต ธมฺมกาโยติ ¶ วุตฺโต’’ติ สยเมว ปุจฺฉํ สมุฏฺาเปตฺวา ‘‘ตถาคโต หี’’ติอาทินา ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชติ. หทเยน จินฺเตตฺวาติ ‘‘อิมํ ธมฺมํ อิมสฺส เทเสสฺสามี’’ติ ตสฺส อุปคตสฺส เวเนยฺยชนสฺส โพธนตฺถํ จิตฺเตน จินฺเตตฺวา. วาจาย อภินีหรีติ สทฺธมฺมเทสนาวาจาย กรวีกรุตมฺชุนา พฺรหฺมสฺสเรน เวเนยฺยสนฺตานาภิมุขํ ตทชฺฌาสยานุรูปํ หิตมตฺถํ นีหริ อุปเนสิ. เตนาติ เตน การเณน เอวํสทฺธมฺมาธิมุตฺติภาเวน. อสฺสาติ ตถาคตสฺส. ธมฺมมยตฺตาติ ธมฺมภูตตฺตา. อิธาธิปฺเปตธมฺโม เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูโตติ อาห ‘‘ธมฺมกายตฺตา เอว พฺรหฺมกาโย’’ติ. สพฺพโส อธมฺมํ ปชหิตฺวา อนวเสสโต ธมฺโม เอว ภูโตติ ธมฺมภูโต. ตถารูโป จ ยสฺมา สภาวโต ธมฺโม เอวาติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ อาห ‘‘ธมฺมสภาโว’’ติ.
๑๑๙. เสฏฺจฺเฉทกวาทนฺติ ‘‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๑๖) เอวํ วุตฺตเสฏฺภาวจฺเฉทกวาทํ. อปเรนปิ นเยนาติ ยถาวุตฺตเสฏฺจฺเฉทกวาทโต อปเรนปิ โปราณกโลกุปฺปตฺติทสฺสนนเยน. เสฏฺจฺเฉท…เป… ทสฺเสตุนฺติ โสปิ หิ ‘‘พฺราหฺมโณว เสฏฺโ วณฺโณ, หีนา อฺเ ¶ วณฺณา’’ติ, ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา พฺรหฺมชา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๑๔) จ เอวํ ปวตฺตาย มิจฺฉาทิฏฺิยา วินิเวโน ชาติพฺราหฺมณานํ เสฏฺภาวสฺส เฉทนโต เสฏฺจฺเฉทนวาโท นาม โหตีติ ทสฺเสตุนฺติ อตฺโถ.
อิตฺถภาวนฺติ อิมํ ปการตํ มนุสฺสภาวํ. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺติ, ปกรณวเสน วา อยมตฺโถ อวจฺฉินฺโน ทฏฺพฺโพ. มเนเนว ¶ นิพฺพตฺตาติ พาหิรปจฺจเยน วินา เกวลํ อุปจารฌานมนสาว นิพฺพตฺตา. ยาย อุปจารชฺฌานเจตนาย เต ตตฺถ นิพฺพตฺตา, นีวรณวิกฺขมฺภนาทินา อุฬาโร ตสฺสา ปวตฺติวิเสโส, ตสฺมา ฌานผลกปฺโป ตสฺสา ผลวิเสโสติ อาห ‘‘พฺรหฺมโลเก วิยา’’ติอาทิ. ‘‘สยํปภา’’ติ ปทานํ ตตฺถ สูริยาโลกาทีหิ วินา อนฺธการํ วิธมนฺตา สยเมว ปภาสนฺตีติ สยํปภา, อนฺตลิกฺเข อากาเส จรนฺตีติ อนฺตลิกฺขจรา, ตทฺกามาวจรสตฺตานํ วิย สรีรสฺส วิจรณฏฺานสฺส อสุภตาภาวโต สุภํ, สุเภว ติฏฺนฺตีติ สุภฏฺายิโนติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
รสปถวิปาตุภาววณฺณนา
๑๒๐. สพฺพํ จกฺกวาฬนฺติ อนวเสสํ โกฏิสตสหสฺสํ จกฺกวาฬํ. สมตนีติ สฺฉาเทนฺตี วิปฺผริ, สา ปน ตสฺมึ อุทเก ปติฏฺิตา อโหสีติ อาห ‘‘ปติฏฺหี’’ติ. วณฺเณน ¶ สมฺปนฺนาติ สมฺปนฺนวณฺณา. มกฺขิกณฺฑกรหิตนฺติ มกฺขิกาหิ จ ตาสํ อณฺฑเกหิ จ รหิตํ.
อตีตานนฺตเรปิ กปฺเป โลโลเยว. กสฺมา? เอวํ จิรปริจิตโลลตาวเสน สพฺพปมํ ตถา อกาสีติ ทสฺเสติ. กิเมวิทนฺติ ‘‘วณฺณโต, คนฺธโต จ ตาว าตํ, รสโต ปน กิเมวิทํ ภวิสฺสตี’’ติ สํสยชาโต วทติ. ติฏฺตีติ อฏฺาสิ.
จนฺทิมสูริยาทิปาตุภาววณฺณนา
๑๒๑. อาลุปฺปการกนฺติ เอตฺถ อาโลปปริยาโย อาลุปฺป-สทฺโทติ อาห ‘‘อาโลปํ กตฺวา’’ติ. ปจฺจกฺขภูตานมฺปิ ¶ จนฺทิมสูริยานํ ปวตฺติยํ โลกิยานํ สมฺโมโห โหติ, ตํ วิธมิตุํ ‘‘โก ปน เตส’’นฺติอาทินา อฏฺ ปฺหาวิสฺสชฺชนานิ คหิตานิ. ตตฺถ เตสนฺติ จนฺทิมสูริยานํ. กสฺมินฺติ กสฺมึ าเน. ‘‘โก อุปรี’’ติ เอเตเนว ¶ โก เหฏฺาติ อยมตฺโถ วุตฺโตเยว. ตถา ‘‘โก สีฆํ คจฺฉตี’’ติ อิมินา โก สณิกํ คจฺฉตีติ อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโตเยว. วีถิโยติ คมนวีถิโย. เอกโตติ เอกสฺมึ ขเณ ปาตุภวนฺติ. สูริยมณฺฑเล ปน อตฺถงฺคเต จนฺทมณฺฑลํ ปฺายิตฺถ. ฉนฺทํ ตฺวา วาติ รุจึ ตฺวา วิย.
อุภยนฺติ อนฺโต, พหิ จ.
อุชุกนฺติ อายามโต, วิตฺถารโต, อุพฺเพธโต จ. ปริมณฺฑลโตติ ปริกฺเขปโต.
อุชุกํ สณิกํ คจฺฉติ อมาวาสิยํ สูริเยน สทฺธึ คจฺฉนฺโต ทิวเส ทิวเส โถกํ โถกํ โอหียนฺโต ปุณฺณมาสิยํ อุปฑฺฒมคฺคเมว โอหียนโต. ติริยํ สีฆํ คจฺฉติ เอกสฺมิมฺปิ มาเส กทาจิ ทกฺขิณโต, กทาจิ อุตฺตรโต ทสฺสนโต. ‘‘ทฺวีสุ ปสฺเสสู’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. จนฺทสฺส ปุรโต, ปจฺฉโต, สมฺจ ตารกา คจฺฉนฺติเยว. อตฺตโน านนฺติ อตฺตโน คมนฏฺานํ. น วิชหนฺติ อตฺตโน วีถิยาว คจฺฉนโต. สูริยสฺส อุชุกํ คมนสฺส สีฆตา จนฺทสฺส คมนํ อุปาทาย เวทิตพฺพา. ติริยํ คมนํ ทกฺขิณทิสโต อุตฺตรทิสาย, อุตฺตรทิสโต จ ทกฺขิณทิสาย คมนํ ทนฺธํ ฉหิ ฉหิ มาเสหิ อิชฺฌนโต. โสติ สูริโย. กาฬปกฺขอุโปสถโตติ กาฬปกฺเข อุโปสเถ จนฺเทน สเหว คนฺตฺวา ตโต ปรํ. ปาฏิปททิวเสติ สุกฺกปกฺขปาฏิปททิวเส. โอหาย คจฺฉติ อตฺตโน สีฆคามิตาย, ตสฺส จ ทนฺธคามิตาย. เลขา ¶ วิย ปฺายติ ปจฺฉิมทิสายํ. ยาว อุโปสถทิวสาติ ยาว สุกฺกปกฺขอุโปสถทิวสา. ‘‘จนฺโท อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา’’ติ อิทํ อุปริภาคโต ปติตสูริยาโลกตาย เหฏฺโต ปวตฺตาย สูริยสฺส ทูรภาเวน ทิวเส ทิวเส อนุกฺกเมน ปริหายมานาย อตฺตโน ฉายาย วเสน อนุกฺกเมน จนฺทมณฺฑลปฺปเทสสฺส วฑฺฒมานสฺส วิย ทิสฺสมานตาย วุตฺตํ, ตสฺมา อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา วิย. อุโปสถทิวเส ปุณฺณมายํ ปริปุณฺโณ โหติ, ปริปุณฺณมณฺฑโล หุตฺวา ทิสฺสตีติ อตฺโถ. ธาวิตฺวา คณฺหาติ จนฺทสฺส ทนฺธคติตาย, อตฺตโน จ สีฆคติตาย. อนุกฺกเมน หายิตฺวาติ เอตฺถ ‘‘อนุกฺกเมน ¶ วฑฺฒิตฺวา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน อตฺโถ ¶ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปน ฉายาย หายมานตาย มณฺฑลํ วฑฺฒมานํ วิย ทิสฺสติ, อิธ ฉายาย วฑฺฒมานตาย มณฺฑลํ หายมานํ วิย ทิสฺสติ.
ยาย วีถิยา สูริเย คจฺฉนฺเต วสฺสวลาหกา เทวปุตฺตา สูริยาภิตาปสนฺตตฺตา อตฺตโน วิมานโต น นิกฺขมนฺติ, กีฬาปสุตา หุตฺวา น วิจรนฺติ, ตทา กิร สูริยสฺส วิมานํ ปกติมคฺคโต อโธ โอตริตฺวา วิจรติ, ตสฺส โอรุยฺห จรเณเนว จนฺทวิมานมฺปิ อโธ โอรุยฺห จรติ ตคฺคติกตฺตา, ตสฺมา สา วีถิ อุทกาภาเวน อชานุรูปตาย ‘‘อชวีถี’’ติ สมฺํ คตา. ยาย ปน วีถิยา สูริเย คจฺฉนฺเต วสฺสวลาหกา เทวปุตฺตา สูริยาภิตาปาภาวโต อภิณฺหํ อตฺตโน วิมานโต พหิ นิกฺขมิตฺวา กีฬาปสุตา อิโต จิโต จ วิจรนฺติ, ตทา กิร สูริยวิมานํ ปกติมคฺคโต อุทฺธํ อารุหิตฺวา วิจรติ, ตสฺส อุทฺธํ อารุยฺห จรเณเนว จนฺทวิมานมฺปิ อุทฺธํ อารุยฺห จรติ ตคฺคติกตฺตา, ตคฺคติกตา จ สมานคตินา วาตมณฺฑเลน วิมานสฺส เผลฺลิตพฺพตฺตา, ตสฺมา สา วีถิ อุทกพหุภาเวน นาคานุรูปตาย ‘‘นาควีถี’’ติ สมฺํ คตา. ยทา สูริโย อุทฺธมนารุหนฺโต, อโธ จ อโนตรนฺโต ปกติมคฺเคเนว คจฺฉติ, ตทา วสฺสวลาหกา ยถากาลํ, ยถารุจิ จ วิมานโต นิกฺขมิตฺวา สุเขน วิจรนฺติ, เตน กาเลน กาลํ วสฺสนโต โลเก อุตุสมตา โหติ, ตาย อุตุสมตาย เหตุภูตาย สา จนฺทิมสูริยานํ คติ ควานุรูปตาย ‘‘โควีถี’’ติ สมฺํ คตา. เตน วุตฺตํ ‘‘อชวีถี’’ติอาทิ.
เอวํ ‘‘กติ เนสํ วีถิโย’’ติ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘กถํ วิจรนฺตี’’ติ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘จนฺทิมสูริยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สิเนรุโต พหิ นิกฺขมนฺตีติ สิเนรุสมีเปน ตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คจฺฉนฺตา ตโต คมนวีถิโต พหิ อตฺตโน ¶ ติริยคมเนน จกฺกวาฬาภิมุขา นิกฺขมนฺติ. อนฺโต วิจรนฺตีติ เอวํ ฉ มาเส ขเณ ขเณ สิเนรุโต อปสกฺกนวเสน ตโต นิกฺขมิตฺวา จกฺกวาฬสมีปํ ปตฺตา, ตโตปิ ฉ มาเส ขเณ ขเณ อปสกฺกนวเสน ¶ นิกฺขมิตฺวา สิเนรุสมีปํ ปาปุณนฺตา อนฺโต วิจรนฺติ. อิทานิ ตเมวตฺถํ สงฺเขเปน วุตฺตํ วิวริตุํ ‘‘เตหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สิเนรุสฺส, จกฺกวาฬสฺส จ ยํ านํ เวมชฺฌํ, ตสฺส, สิเนรุสฺส จ ยํ านํ เวมชฺฌํ, เตน คจฺฉนฺตา ‘‘สิเนรุสมีเปน ¶ วิจรนฺตี’’ติ วุตฺตา, น สิเนรุสฺส อคฺคาฬินฺทอลฺลีนา. จกฺกวาฬสมีเปน จริตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. มชฺเฌนาติ สิเนรุสฺส, จกฺกวาฬสฺส จ อุชุกํ เวมชฺเฌน มคฺเคน. จิตฺรมาเส มชฺเฌนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
เอกปฺปหาเรนาติ เอกเวลาย, เอเกเนว วา อตฺตโน เอกปฺปหาเรน. มชฺฌนฺหิโกติ ิตมชฺฌนฺหิโก กาโล โหติ. ตทา หิ สูริยมณฺฑลํ อุคฺคจฺฉนฺตํ หุตฺวาปิ อิมสฺมึ ทีเป ิตสฺส อุปฑฺฒเมว ทิสฺสติ, อุตฺตรกุรูสุ ิตสฺส โอคจฺฉนฺตํ หุตฺวา. เอวฺหิ เอกเวลายเมว ตีสุ ทีเปสุ อาโลกกรณํ.
เยสุ กตฺติกาทินกฺขตฺตสมฺา, ตานิปิ ตารกรูปานิ เยวาติ วุตฺตํ ‘‘เสสตารกรูปานิ จา’’ติ, นกฺขตฺตสฺิตตารกรูปโต อวสิฏฺตารกรูปานีติ อตฺโถ. อุภยานิปิ ตานิ เทวตานํ วสนกวิมานานีติ เวทิตพฺพานิ. รา-สทฺโท ติยติ ฉิชฺชติ เอตฺถาติ รตฺติ, สตฺตานํ สทฺทสฺส วูปสมนกาโลติ อตฺโถ. ทิพฺพนฺติ สตฺตา กีฬนฺติ โชตนฺติ เอตฺถาติ ทิวา. สตฺตานํ อายุํ มินนฺโต วิย สิยติ อนฺตํ กโรตีติ มาโส. ตํ ตํ กิริยํ อรติ วตฺเตตีติ อุตุ. ตํ ตํ สตฺตํ, ธมฺมปฺปวตฺติฺจ สงฺคมฺม วทนฺโต วิย สรติ วตฺเตตีติ สํวจฺฉโร.
๑๒๒. วิวชฺชนํ วิวชฺโช, โส เอว เววชฺชํ, วณฺณสฺส เววชฺชํ ¶ วณฺณเววชฺชํ, วณฺณสมฺปตฺติยา วิคโม, ตสฺส ปน อตฺถิตา ‘‘วณฺณเววชฺชตา’’ติ วุตฺตา. เตนาห ‘‘วิวชฺชภาโว’’ติ. เตสนฺติ วณฺณวนฺตานํ สตฺตานํ. อติมานปฺปจฺจยาติ ทุพฺพณฺณวมฺภนวเสน อติกฺกมฺม อตฺตโน วณฺณํ ปฏิจฺจ มานปจฺจยา, มานสมฺปคฺคณฺหนนิมิตฺตนฺติ อตฺโถ. สาติสโย รโส เอติสฺสา อตฺถีติ รสาติ ลทฺธมานาย, อนุภาสึสูติ อนุโรธวเสน ภาสึสุ. โลกุปฺปตฺติวํสกถนฺติ โลกุปฺปตฺติวํสชํ ปเวณีกถํ, อาทิกาเล อุปฺปนฺนํ ปเวณีอาคตกถนฺติ อตฺโถ. ‘‘อนุปตนฺตี’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ.
ภูมิปปฺปฏกปาตุภาวาทิวณฺณนา
๑๒๓. เอทิโส หุตฺวาติ อหิจฺฉตฺตกสทิโส หุตฺวา.
๑๒๔. ปทาลตาติ ¶ ¶ ‘‘ปทา’’ติ เอวํนามา เอกา ลตา, สา ปน ยสฺมา สมฺปนฺนวณฺณคนฺธรสา, ตสฺมา ‘‘ภทฺทลตา’’ติ วุตฺตา. นาฬิกาติ นาฬิวลฺลิ. อหายีติ นสฺสิ.
๑๒๕. อกฏฺปาโกติ อกฏฺเเยว าเน อุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺจนโก, นีวาโร วิย สฺชาโต หุตฺวา นิปฺปชฺชนโกติ อตฺโถ. กโณ ‘‘กุณฺฑก’’นฺติ จ วุจฺจติ. ถุสนฺติ ตณฺฑุลํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตตฺตโจ, ตทภาวโต ‘‘อกโณ, อถุโส’’ติ สาลิ วุตฺโต. ‘‘ปฏิวิรูฬฺห’’นฺติ อิทํ ปกฺกภาวสฺส การณวจนํ. ปฏิวิรูฬฺหโต หิ ตํ ปกฺกนฺติ. ยสฺมึ าเน สายํ ปกฺโก สาลิ คหิโต, ตเทว านํ ทุติยทิวเส ปาโต ปกฺเกน สาลินา ปริปุณฺณํ หุตฺวา ติฏฺตีติ อาห ‘‘สายํ คหิตฏฺานํ ปาโต ปกฺกํ โหตี’’ติอาทิ. อลายิตนฺติ ¶ ลายิตฏฺานมฺปิ เตสํ กมฺมปฺปจฺจยา อลายิตเมว หุตฺวา อนูนํ ปริปุณฺณเมว ปฺายติ, น เกวลํ ปฺายนเมว, อถ โข ตถาภูตเมว หุตฺวา ติฏฺติ.
อิตฺถิปุริสลิงฺคาทิปาตุภาววณฺณนา
๑๒๖. ‘‘มนุสฺสกาเล’’ติ อิทํ ปุพฺเพ มนุสฺสภูตานํเยว ตตฺถ อิทานิ นิกนฺติวเสน อุปฺปตฺติ โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ, เทวตานมฺปิ ปุริมชาติยํ อิตฺถิภาเว ิตานํ ตตฺถ วิราคาทิปุริสตฺตปฺปจฺจเย อสติ ตทา อิตฺถิลิงฺคเมว ปาตุภวติ. ปุริสตฺตปจฺจเยติ ‘‘อตฺตโนปิ อนิสฺสรตา, สพฺพกาลํ ปรายตฺตวุตฺติตา, รชสฺสลตา วฺจตา, คพฺภธารณํ, ปมาย ปกติยา นิหีนปกติตา, สูรวีรตาภาโว, ‘อปฺปกา ชนา’ติ ‘หีเฬตพฺพตา’ติ เอวมาทิ อาทีนวปจฺจเวกฺขณปุพฺพกมฺปิ อิตฺถิภาเว ‘อลํ อิตฺถิภาเวน, น หิ อิตฺถิภาเว ตฺวา จกฺกวตฺติสิรึ, น สกฺกมารพฺรหฺมสิริโย ปจฺจนุภวิตุํ, น ปจฺเจกโพธึ, น สมฺมาสมฺโพธึ อธิคนฺตุํ สกฺกา’ติ เอวํ อิตฺถิภาววิรชฺชนํ, ‘ยถาวุตฺตอาทีนววิรหโต อุตฺตมปกติภาวโต สมฺปทมิทํ ปุริสตฺตํ นาม เสฏฺํ อุตฺตมํ, เอตฺถ ตฺวา สกฺกา เอตา สมฺปตฺติโย สมฺปาปุณิตุ’นฺติ เอวํ ปุริสตฺตภาเว สมฺภาวนาปุพฺพกํ ปตฺถนาปนํ, ‘ตตฺถ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตา’ติ’’ เอวมาทิเก ปุริสภาวสฺส ปจฺจยภูเต ธมฺเม. ปูเรตฺวา วฑฺเฒตฺวา. ปจฺจกฺขํ ภูตํ, สทิสฺจ ทิฏฺธมฺมิกํ, สมฺปรายิกฺจ สุวิปุลํ อนตฺถํ อจินฺเตตฺวา ปุริสสฺส กาเมสุ มิจฺฉาจรณํ เกวลํ อิตฺถิยํ อาสาปตฺติ ¶ ผเลเนวาติ อาสาอาปตฺติ อิตฺถิภาวาวหาปิ โหติเยว. ตนฺนินฺนโปณปพฺภารภาเวน ตนฺนิกนฺติยา นิมิตฺตภาวาปตฺติโตติ วุตฺตํ ‘‘ปุริโส อิตฺถตฺตภาวํ ลภนฺโต กาเมสุมิจฺฉาจารํ ¶ นิสฺสาย ลภตี’’ติ. ตทาติ ยถาวุตฺเต ปมกปฺปิกกาเล. ปกติยาติ สภาเวน. มาตุคามสฺสาติ ปุริมตฺตภาเว มาตุคามภูตสฺส. ปุริสสฺสาติ เอตฺถาปิ ‘‘ปกติยา’’ติ ปทํ ¶ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อุปนิชฺฌายตนฺติ อุเปจฺจ นิชฺฌายนฺตานํ. ยถา อฺมฺสฺมึ สาราโค อุปฺปชฺชติ, เอวํ สาเปกฺขภาเวน โอโลเกนฺตานํ. ราคปริฬาโหติ ราคโช ปริฬาโห.
นิพฺพุยฺหมานายาติ ปริณตา หุตฺวา นิยฺยมานาย.
เมถุนธมฺมสมาจารวณฺณนา
๑๒๗. โคมยปิณฺฑมตฺตมฺปิ นาลตฺถาติ สมฺมเทว วิวาหกมฺมํ นาลตฺถาติ อธิปฺปาเยน วทนฺติ. ปาตพฺยตนฺติ ตสฺมึ อสทฺธมฺเม กิเลสกาเมน ปิวิตพฺพตํ กิฺจิ ปิวิตพฺพวตฺถุํ ปิวนฺตา วิย อติวิย โตเสตฺวา ปริภฺุชิตพฺพตํ อาปชฺชึสุ, ปาตพฺยตนฺติ วา ปริภฺุชนกตํ อาปชฺชึสุ อุปคจฺฉึสุ. ปริโภคตฺโถ หิ อยํ ปา-สทฺโท, กตฺตุสาธโน จ ตพฺย-สทฺโท, ยถารุจิ ปริภฺุชึสูติ อตฺโถ.
สนฺนิธิการกนฺติ สนฺนิธิการํ, ก-กาโร ปทวฑฺฒนมตฺตนฺติ อาห ‘‘สนฺนิธึ กตฺวา’’ติ. อปทานนฺติ อวขณฺฑนํ. เอเกกสฺมึ าเนติ ยตฺถ ยตฺถ วหิตํ, ตสฺมึ ตสฺมึ เอเกกสฺมึ าเน. คุมฺพคุมฺพาติ ปฺุชปฺุชา.
สาลิวิภาควณฺณนา
๑๒๘. สีมํ เปยฺยามาติ ‘‘อยํ ภูมิภาโค อสุกสฺส, อยํ ภูมิภาโค อสุกสฺสา’’ติ เอวํ ปริจฺเฉทํ กเรยฺยาม. ตํ อคฺคํ กตฺวาติ ตํ อาทึ กตฺวา.
มหาสมฺมตราชวณฺณนา
๑๓๐. ปกาเสตพฺพนฺติ โทสวเสน ปกาเสตพฺพํ. ขิปิตพฺพนฺติ เขปํ กาตพฺพํ. เตนาห ‘‘หาเรตพฺพ’’นฺติ, สตฺตนิกายโต นีหริตพฺพํ.
เนสนฺติ ¶ นิทฺธารเณ สามิวจนํ.
๑๓๑. อกฺขรนฺติ นิรุตฺตึ. สา หิ มหาชเนน สมฺมโตติ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพโต นิรุตฺติ ¶ , ตสฺมึเยว นิรูฬฺหภาวโต ¶ , อฺตฺถ อสฺจรณโต อกฺขรนฺติ จ วุจฺจติ, ตถา สงฺขาตพฺพโต สงฺขา, สมฺายตีติ สมฺา, ปฺาปนโต ปฺตฺติ, โวหรณโต โวหาโร. อุปฺปนฺโนติ ปวตฺโต. น เกวลํ อกฺขรเมวาติ น เกวลํ สมฺากรณเมว. เขตฺตสามิโนติ ตํ ตํ ภูมิภาคํ ปริคฺคเหตฺวา ิตสตฺตา. ตีหิ สงฺเขหีติ ติวิธกิริยาภิสงฺขเตหิ ตีหิ สงฺเขหิ ขตฺติยาทีหิ ตีหิ วณฺเณหิ ปริคฺคหิเตหิ. ‘‘ขตฺติยานุยนฺตพฺราหฺมณคหปติกเนคมชานปเทหิ ตีหิ คหปตีหิ ปริคฺคหิเตหี’’ติ จ วทนฺติ. อคฺคนฺติ าเตนาติ อคฺคํ กุลนฺติ าเตน. ขตฺติยกุลฺหิ โลเก สพฺพเสฏฺํ. ยถาห ‘‘ขตฺติโย เสฏฺโ ชเนตสฺมึ, เย โคตฺตปฏิสาริโน’’ติ, (ที. นิ. ๑.๒๗๗; ๓.๑๔๐; ม. นิ. ๒.๓๐; สํ. นิ. ๑.๑๘๒, ๒๔๕) อเภโทปจาเรน ปน อกฺขรสฺส ขตฺติยสทฺทสฺสปิ เสฏฺตาติ ปาฬิยํ ‘‘อคฺคฺเน อกฺขเรนา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ อเภโทปจาเรน วินา เอว อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺเค วา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
พฺราหฺมณมณฺฑลาทิวณฺณนา
๑๓๒. เยน อนารมฺภภาเวน พาหิตากุสลา ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ วุตฺตา, ตเมว ตาว ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘วีตงฺคารา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ตทตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจิตฺวา’’ติอาทิมาห. ตเมนนฺติ วจนวิปลฺลาเสน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘เต เอเต’’ติ. อภิสงฺขโรนฺตาติ จิตฺตมนฺตภาเวน อฺมฺํ อภิวิสิฏฺเ กโรนฺตา, พฺราหฺมณากปฺปภาเวน สงฺขโรนฺตา จ. วาเจนฺตาติ ปเรสํ กเถนฺตา, เย ตถา คนฺเถ กาตุํ น ชานนฺติ. อจฺฉนฺตีติ ¶ อาสนฺติ, อุปวิสนฺตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วสนฺตี’’ติ. อจฺเฉนฺตีติ กาลํ เขเปนฺติ. หีนสมฺมตํ ฌานภาวนานุโยคํ ฉฑฺเฑตฺวา คนฺเถ ปสุตตาทีปนโต. เสฏฺสมฺมตํ ชาตํ ‘‘เวทธรา โสตฺติยา สุพฺราหฺมณาติ เอวํ เสฏฺสมฺมตํ ชาตํ.
๑๓๓. เมถุนธมฺมํ สมาทิยิตฺวาติ ชายาปติกภาเวน ทฺวยํ ทฺวยํ นิวาสํ อชฺฌุปคนฺตฺวา. วาณิชกมฺมาทิเกติ อาทิ-สทฺเทน กสิกมฺมาทึ สงฺคณฺหาติ.
๑๓๔. ลุทฺทาจารกมฺมขุทฺทาจารกมฺมุนาติ ¶ ปรวิเหนาทิลุทฺทาจารกมฺมุนา, นฬการทารุกมฺมาทิขุทฺทาจารกมฺมุนา จ. สุทฺทนฺติ เอตฺถ สุ-อิติ สีฆตฺเถ นิปาโต. ทา-อิติ ครหณตฺเถติ อาห ‘‘สุทฺทํ สุทฺทํ ลหุํ ลหุํ กุจฺฉิตํ คจฺฉนฺตี’’ติ.
๑๓๕. อหูติ กาลวิปลฺลาสวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โหติ โข’’ติ อาห. อิมินาติ ¶ ‘‘อิเมหิ โข, วาเสฏฺ, จตูหิ มณฺฑเลหิ สมณมณฺฑลสฺส อภินิพฺพตฺติ โหตี’’ติ อิมินา วจเนน. อิมํ ทสฺเสตีติ สมณมณฺฑลํ นาม…เป… สุทฺธึ ปาปุณนฺตีติ อิมํ อตฺถชาตํ ทสฺเสติ. ยทิ อิเมหิ…เป… อภินิพฺพตฺติ โหติ, เอวํ สนฺเต อิมาเนว จตฺตาริ มณฺฑลานิ ปธานานิ, สมณมณฺฑลํ อปฺปธานํ ตโต อภินิพฺพตฺตตฺตาติ? นยิทเมวนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมณมณฺฑลํ อนุวตฺตนฺติ คุเณหิ วิสิฏฺภาวโต. คุโณ หิ วิฺูนํ อนุวตฺตนเหตุ, น โกลปุตฺติยํ, วณฺณโปกฺขรตา, วากฺกรณมตฺตํ วา. เตนาห ‘‘ธมฺเมเนว อนุวตฺตนฺติ, โน อธมฺเมนา’’ติ. โส ธมฺโม จ โลกุตฺตโรว อธิปฺเปโต, เยน สํสารโต วิสุชฺฌติ, ตสฺมา สมณมณฺฑลนฺติ จ สาสนิกเมว ¶ สมณคณํ วทตีติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘สมณมณฺฑลฺหี’’ติอาทิ.
ทุจฺจริตาทิกถาวณฺณนา
๑๓๖. มิจฺฉาทิฏฺิวเสน สมาทินฺนกมฺมํ นาม ‘‘โก อนุพนฺธิตพฺโพ. อโชตคฺคิโสฏฺิมิโส’’ติอาทินา ยฺวิธานาทิวเสน ปวตฺติตํ หึสาทิปาปกมฺมํ. มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสฺสาติ ‘‘เอส สทฺธาธิคโต เทวยาโน, เยน ยนฺติ ปุตฺติโน วิโสกา’’ติอาทินา ปวตฺติตสฺส มิจฺฉาทิฏฺิสหคตกมฺมสฺส. สมาทานํ ตสฺส ตถา ปวตฺตนํ, ตสฺสา วา ทิฏฺิยา อุปคมนํ.
๑๓๗. ทฺวยการีติ กุสลากุสลทฺวยสฺส กตฺตา. ตยิทํ ทฺวยํ ยสฺมา เอกชฺฌํ นปฺปวตฺตติ, ตสฺมา อาห ‘‘กาเลนา’’ติอาทิ. เอกกฺขเณ อุภยวิปากทานฏฺานํ นาม นตฺถิ เอกสฺมึ ขเณ จิตฺตทฺวยูปสฺหิตาย สตฺตสนฺตติยา อภาวโต. ยถา ปน ทฺวยการิโน สุขทุกฺขปฏิสํเวทิตา สมฺภวติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เยน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํภูโตติ วิกลาวยโว. ทฺเวปิหิ กุสลากุสลกมฺมานิ กตูปจิตานิ สภาวโต พลวนฺตาเนว โหนฺติ, ตสฺมา มรณกาเล อุปฏฺหนฺติ ¶ . เตสุ อกุสลํ พลวตรํ โหติ ปจฺจยลาภโต. นิกนฺติอาทโย หิ ปจฺจยวิเสสา อกุสลสฺเสว สภาคา, น กุสลสฺส, ตสฺมา กตูปจิตภาเวน สมานพเลสุปิ กุสลากุสเลสุ ปจฺจยลาเภน วิปจฺจิตุํ ลทฺโธกาสตาย กุสลโต อกุสลํ พลวตรํ โหตีติ, ตถาภูตมฺปิ ตํ ยถา วิปากทาเน ลทฺโธกาสสฺส กุสลสฺสาปิ อวสโร โหติ, ตถา ลทฺธปจฺจยํ ปฏิสนฺธิทานาภิมุขํ กุสลํ ปฏิพาหิตฺวา ปฏิสนฺธึ เทนฺตํ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตาเปตีติ. ‘‘อกุสลํ พลวตรํ โหตี’’ติ เอตฺถ ‘‘อกุสลํ เจ พลวตรํ โหติ, ตํ กุสลํ ปฏิพาหิตฺวา’’ติ วุตฺตนเยเนว อตฺถํ วตฺวา ¶ เตสุ กุสลํ เจ พลวตรํ โหติ, ตฺจ ¶ อกุสลํ ปฏิพาหิตฺวา มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺตาเปติ, อกุสลํ ปวตฺติเวทนียํ โหติ, อถ นํ ตํ กาณมฺปิ กโรติ ขุชฺชมฺปิ ปีสปฺปิมฺปิ กุจฺฉิโรคาทีหิ วา อุปทฺทุตํ. เอวํ โส ปวตฺติยํ นานปฺปการํ ทุกฺขํ ปจฺจนุภวตีติ อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที โหตี’’ติ. ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – วุตฺตกาเล วา กาเรน สมานพเลสุ กุสลากุสลกมฺเมสุ อุปฏฺหนฺเตสุ มรณสฺส อาสนฺนเวลายํ ยทิ พลวตรานิ กุสลชวนานิ ชวนฺติ, ยถาอุปฏฺิตํ อกุสลํ ปฏิพาหิตฺวา กุสลํ วุตฺตนเยน ปฏิสนฺธึ เทติ. อถ พลวตรานิ อกุสลชวนานิ ชวนฺติ, ยถาอุปฏฺิตํ กุสลํ ปฏิพาหิตฺวา อกุสลํ วุตฺตนเยเนว ปฏิสนฺธึ เทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อุภินฺนํ กมฺมานํ สมานพลวภาวโต, ปจฺจยนฺตรสาเปกฺขโต จาติ, สพฺพํ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
โพธิปกฺขิยภาวนาวณฺณนา
๑๓๘. โพธิ วุจฺจติ มคฺคสมฺมาทิฏฺิ, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ พุชฺฌตีติ กตฺวา, สภาวโต, ตํสภาวโต จ ตสฺสา ปกฺเข ภวาติ โพธิปกฺขิยา, สติวีริยาทโย ธมฺมา, เตสํ โพธิปกฺขิยานํ. ปฏิปาฏิยาติ โพธิปกฺขิยเทสนาปฏิปาฏิยา. ภาวนํ อนุคนฺตฺวาติ อนุกฺกเมน ปวตฺตํ ภาวนํ ปตฺวา. เตนาห ‘‘ปฏิปชฺชิตฺวา’’ติ. สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา วเสน ขีณาสวสฺส เสฏฺภาวํ โลกสฺส ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ สกฺกา, น อิตราย สพฺพโส อปฺตฺติภาวูปคมเน ตสฺส ¶ อทสฺสนโตติ วุตฺตํ ‘‘ปรินิพฺพาตีติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายตี’’ติ. วินิวตฺเตตฺวาติ ตโต จตุวณฺณโต นีหริตฺวา.
๑๔๐. ตเมวตฺถนฺติ ‘‘ขีณาสโวว เทวมนุสฺเสสุ เสฏฺโ’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ.
เสฏฺจฺเฉทกวาทเมวาติ ¶ ชาติพฺราหฺมณานํ เสฏฺภาวสมุจฺเฉทกเมว กถํ. ทสฺเสตฺวา ภาสิตฺวา. สุตฺตนฺตํ วินิวตฺเตตฺวาติ ปุพฺเพ โลกิยธมฺมสนฺทสฺสนวเสน ปวตฺตํ อคฺคฺสุตฺตํ ‘‘สตฺตนฺนํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนมนฺวายา’’ติอาทินา ตโต วินิวตฺเตตฺวา นีหริตฺวา เตน อสํสฏฺํ กตฺวา. อาวชฺชนฺตาติ สมนฺนาหรนฺตา. อนุมชฺชนฺตาติ ปุพฺเพนาปรํ อตฺถโต วิจรนฺตาติ.
อคฺคฺสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๕. สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนา
สาริปุตฺตสีหนาทวณฺณนา
๑๔๑. ปาวาเรนฺติ ¶ ¶ ¶ สฺฉาเทนฺติ สรีรํ เอเตนาติ ปาวาโร, วตฺถํ. ปาวรณํ วา ปาวาโร, ‘‘วตฺถํ ทุสฺส’’นฺติ ปริยายสทฺทา เอเตติ ทุสฺสเมว ปาวาโร, โส เอตสฺส พหุวิโธ อเนกโกฏิปฺปเภโท ภณฺฑภูโต อตฺถีติ ทุสฺสปาวาริโก. โส กิร ปุพฺเพ ทหรกาเล ทุสฺสปาวารภณฺฑเมว พหุํ ปริคฺคเหตฺวา วาณิชฺชํ อกาสิ, เตน นํ เสฏฺิฏฺาเน ิตมฺปิ ‘‘ปาวาริโก’’ ตฺเวว สฺชานนฺติ. ภควตีติ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน วุตฺตวจนํ สพฺพํ สงฺคณฺหาติ. ‘‘กสฺมา เอวํ อโวจา’’ติ ตถาวจเน การณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โสมนสฺสปเวทนตฺถ’’นฺติ กสฺมา ปโยชนํ วิสฺสชฺชิตํ, ตยิทํ อมฺพํ ปุฏฺสฺส ลพุชํ พฺยากรณสทิสนฺติ? นยิทเมวํ จินฺเตตพฺพํ. ยา หิสฺส เถรสฺส ตทา ภควติ โสมนสฺสุปฺปตฺติ, สา นิทฺธาริตรูปา การณภาเวน โจทิตา, ตสฺมา เอวํ อโวจาติ, สา เอว จ ยสฺมา นิทฺธาริตรูปา ปเวทนวเสน ภควโต สมฺมุขา ตถาวจนํ ปโยเชติ, ตสฺมา ‘‘อตฺตโน อุปฺปนฺนโสมนสฺสปเวทนตฺถ’’นฺติ ปโยชนภาเวน วิสฺสชฺชิตํ.
ตตฺราติ ตสฺมึ โสมนสฺสปเวทเน. วิหาเร นิวาสปริวตฺตนวเสน สุนิวตฺถนิวาสโน. อาภุชิตฺวาติ อาพนฺธิตฺวา.
สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘อโห สนฺโต วตายํ อริยวิหาโร’’ติ สมาปตฺติสุขปจฺจเวกฺขณมุเขน อตฺตโน คุเณ อนุสฺสริตุํ อารทฺโธ, อารภิตฺวา จ เนสํ ตํ ตํ สามฺวิเสสวิภาควเสน อนุสฺสริ. ตถา หิ ‘‘สมาธี’’ติ สามฺโต คหิตสฺเสว ‘‘ปมํ ฌาน’’นฺติอาทินา ¶ วิเสสวิภาโค, ‘‘ปฺา’’ติ สามฺโต จ คหิตสฺเสว ‘‘วิปสฺสนาาณ’’นฺติอาทินา วิเสสวิภาโค อุทฺธโฏ. ‘‘โลกิยาภิฺาสุ ทิพฺพจกฺขุาณสฺเสว คหณํ เถรสฺส ¶ อิตเรหิ สาติสยนฺติ ทสฺเสตุ’’นฺติ วทนฺติ, ปุพฺเพนิวาสาณมฺปิ ปน ‘‘กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺสา’’ติอาทินา กิจฺจวเสน ทสฺสิตเมว, ลกฺขณหารวเสน วา อิตเรสํ เปตฺถ คหิตตา เวทิตพฺพา.
อตฺถปฺปเภทสฺส ¶ สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ตถา ธมฺมปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺติยํ ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถาน กรณสมตฺถํ ปฏิภาเน ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค, (วิสุทฺธิ. ๒.๔๒๘) ตํ สํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๔๒๘) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. สาวกวิสเย ปรมุกฺกํสคตํ าณํ สาวกปารมิาณํ สพฺพฺุตฺาณํ วิย สพฺพเยฺยธมฺเมสุ. ตสฺสาปิ หิ วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถิ, สาวกปารมิยา ปน สมฺมเทว ปริปูริตตฺตา อคฺคมคฺคสมธิคเมเนวสฺส สมธิคโม โหติ. สพฺพฺุตฺาณสฺเสว สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ยาว นิสินฺนปลฺลงฺกา อนุสฺสรโตติ โยชนา.
ภควโต สีลํ นิสฺสาย คุเณ อนุสฺสริตุมารทฺโธติ โยชนา. ยสฺมา คุณานํ พหุภาวโต เนสํ เอกชฺฌํ อาปาถาคมนํ นตฺถิ, สติ จ ตสฺมึ อนิรูปิตรูเปเนว อนุสฺสรเณน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา เถโร สวิสเย ตฺวา เต อนุปทํ สรูปโต อนุสฺสริ, อนุสฺสรนฺโต จ สพฺพปมํ สีลํ อนุสฺสริ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควโต สีลํ นิสฺสายา’’ติ อาห, สีลํ อารพฺภาติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ยสฺมา เจตฺถ เถโร เอเกกวเสน ¶ ภควโต คุเณ อนุสฺสริตฺวา ตโต ปรํ จตุกฺกปฺจกาทิวเสน อนุสฺสริ, ตสฺมา ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาเท’’ติ วตฺวา ตโต ปรํ โพชฺฌงฺคภาวนาสามฺเน อินฺทฺริเยสุ วตฺตพฺเพสุ ตานิ อคฺคเหตฺวา ‘‘จตฺตาโร มคฺเค’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ มหาสีหนาทสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๑๕๒) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. จตฺตาโร อริยวํสา อริยวํสสุตฺเต (อ. นิ. ๔.๒๘) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ปธานิยงฺคาทโย สงฺคีติ (ที. นิ. ๓.๓๑๗) ทสุตฺตรสุตฺเตสุ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) อาคมิสฺสนฺติ. ฉ สารณีย ธมฺมา ปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๑๔๑) อาคตา เอว. สุขํ สุปนาทโย (อ. นิ. ๑๑.๑๕; ปฏิ. ม. ๒.๒๒) เอกาทส เมตฺตานิสํสา ¶ . ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑, มหาว. ๑๕, ปฏิ. ม. ๒.๓๐) จตูสุ อริยสจฺเจสุ ติปริวตฺตวเสน อาคตา ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา. มคฺคผเลสุ ปวตฺตานิ ¶ อฏฺ าณานิ, ฉ อสาธารณาณานิ จาติ จุทฺทส พุทฺธาณานิ. ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนิยา ธมฺมา เมฆิยสุตฺตวณฺณนายํ (อุทา. อฏฺ. ๓๑) คเหตพฺพา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ อานาปานสฺสติสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๑๔๘), อฏฺารส พุทฺธธมฺมา (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕; ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) เอวํ เวทิตพฺพา –
อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, อนาคตํเส, ปจฺจุปฺปนฺนํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ. อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺติ, สพฺพํ วจีกมฺมํ, สพฺพํ มโนกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺติ. อิเมหิ ฉหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานิ, นตฺถิ วีริยสฺส หานิ, นตฺถิ สมาธิสฺส หานิ, นตฺถิ ปฺาย หานิ, นตฺถิ วิมุตฺติยา หานิ. อิเมหิ ทฺวาทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ ทวา, นตฺถิ รวา, นตฺถิ อปฺผุฏฺํ, นตฺถิ เวคายิตตฺตํ, นตฺถิ อพฺยาวฏมโน, นตฺถิ อปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขาติ.
ตตฺถ ¶ ‘‘นตฺถิ ทวาติ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน กิริยา นตฺถิ. นตฺถิ รวาติ สหสา กิริยา นตฺถี’’ติ วทนฺติ. สหสา ปน กิริยา ทวา, ‘‘อฺํ กริสฺสามี’’ติ อฺสฺส กรณํ รวา. นตฺถิ อปฺผุฏนฺติ าเณน อผุสิตํ นตฺถิ. นตฺถิ เวคายิตตฺตนฺติ ตุริตกิริยา นตฺถิ. นตฺถิ อพฺยาวฏมโนติ นิรตฺถกจิตฺตสมุทาจาโร นตฺถิ. นตฺถิ อปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขาติ อฺาณุเปกฺขา นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘นตฺถิ ธมฺมเทสนาย หานี’’ติ อปิตฺวา ‘‘นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานิ, นตฺถิ วีริยสฺส หานิ, นตฺถิ สติยา [สตฺติยา (วิภ. มูลฏี. สุตฺตนฺตภาชนียวณฺณนา)] หานี’’ติ ปนฺติ.
ชรามรณาทีสุ เอกาทสสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ ปจฺเจกํ จตุสจฺจโยชนาวเสน ปวตฺตานิ จตุจตฺตาลีส าณานิเยว (สํ. นิ. ๒.๓๓) สุขวิเสสานํ อธิฏฺานภาวโต าณวตฺถูนิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยโต ¶ โข ภิกฺขเว อริยสาวโก เอวํ ชรามรณํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๓๓).
ชรามรณสมุทโยติ ¶ เจตฺถ ชาติ อธิปฺเปตา. เสสปเทสุ ภวาทโย เวทิตพฺพา.
กุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ ผสฺสาทโย ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา.
‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ าณํ, ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติ าณํ, อตีตมฺปิ อทฺธานํ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ าณํ, ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติ าณํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ าณํ, ‘‘อสติ ชาติยา นตฺถิ ชรามรณ’’นฺติ าณํ. ‘‘ยมฺปิ อิทํ ธมฺมฏฺิติาณํ, ตมฺปิ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺม’’นฺติ าณนฺติ เอวํ ¶ ชรามรณาทีสุ เอกาทสสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ ปจฺเจกํ สตฺต สตฺต กตฺวา สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ (สํ. นิ. ๒.๓๔) เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ ยมฺปีติ ฉพฺพิธมฺปิ ปจฺจเวกฺขณาณํ วิปสฺสนารมฺมณภาเวน เอกชฺฌํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ฉปิ าณานิ สงฺขิปิตฺวา วุตฺตํ าณํ. ‘‘ขยธมฺม’’นฺติอาทินา ปน ปกาเรน ปวตฺตาณสฺส ทสฺสนํ, วิปสฺสนาทสฺสนโต วิปสฺสนา ปฏิวิปสฺสนาทสฺสนมตฺตเมวาติ น ตํ ‘‘องฺค’’นฺติ วทนฺติ, ปาฬิยํ (สํ. นิ. ๒.๓๔) ปน สพฺพตฺถ าณวเสน องฺคานํ วุตฺตตฺตา ‘‘นิโรธธมฺมนฺติ าณ’’นฺติ อิติ-สทฺเทน ปกาเสตฺวา วุตฺตํ วิปสฺสนาาณํ สตฺตมํ าณนฺติ อยมตฺโถ ทิสฺสติ. น หิ ยมฺปิ อิทํ ธมฺมฏฺิติาณํ, ตมฺปิ าณนฺติ สมฺพนฺโธ โหติ าณคฺคหเณน เอตสฺมึ าณภาวทสฺสนสฺส อนธิปฺเปตตฺตา, ‘‘ขยธมฺมํ…เป… นิโรธธมฺม’’นฺติ เอเตสํ สมฺพนฺธภาวปฺปสงฺโค จาติ. จตุวีสติ…เป… วชิราณนฺติ เอตฺถ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘ภควา เทวสิกํ ทฺวาทสโกฏิสตสหสฺสกฺขตฺตุํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ทฺวาทสโกฏิสตสหสฺสกฺขตฺตุเมว จ อรหตฺตผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ตาสํ ปุเรจรํ, สหวจรฺจ าณํ ปฏิปกฺเขหิ อเภชฺชตํ, มหตฺตฺจ อุปาทาย มหาวชิราณํ นาม. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘ตถาคตํ ¶ , ภิกฺขเว, อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทฺเว วิตกฺกา พหุลํ สมุทาจรนฺติ – เขโม จ วิตกฺโก, ปวิเวโก จ วิตกฺโก’ติ (อิติวุ. ๓๘).
เขมวิตกฺโก หิ ภควโต มหากรุณาสมาปตฺตึ ปูเรตฺวา ิโต, ปวิเวกวิตกฺโก อรหตฺตผลสมาปตฺตึ. พุทฺธานฺหิ ภวงฺคปริวาโส ลหุโก, มตฺถกปฺปตฺโต สมาปตฺตีสุ ¶ วสีภาโว, ตสฺมา สมาปชฺชนวุฏฺานานิ กติปยจิตฺตกฺขเณเหว อิชฺฌนฺติ. ปฺจ รูปาวจรสมาปตฺติโย จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย อปฺปมฺาสมาปตฺติยา สทฺธึ ทส, นิโรธสมาปตฺติ, อรหตฺตผลสมาปตฺติ ¶ จาติ ทฺวาทเสตา สมาปตฺติโย ภควา ปจฺเจกํ ทิวเส ทิวเส โกฏิสตสหสฺสกฺขตฺตุํ ปุเรภตฺตํ สมาปชฺชติ, ตถา ปจฺฉาภตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวํ สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺติสฺจาริตาณํ มหาวชิราณํ นามา’’ติ เกจิ.
อปเร ปน ‘‘ยํ ตํ ภควตา อภิสมฺโพธิทิวเส ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน ปฏิโลมนเยน ชรามรณโต ปฏฺาย าณํ โอตาเรตฺวา อนุปทธมฺมวิปสฺสนํ อารภนฺเตน ยถา นาม ปุริโส สุวิทุคฺคํ มหาคหนํ มหาวนํ ฉินฺทนฺโต อนฺตรนฺตรา นิสานสิลายํ ผรสุํ สุนิสิตํ กโรติ, เอวเมว นิสานสิลาสทิสิโย สมาปตฺติโย อนฺตรนฺตรา สมาปชฺชิตฺวา าณสฺส ติกฺขวิสทสูรภาวํ สมฺปาเทตุํ อนุโลมปฏิโลมโต ปจฺเจกํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺควเสน สมฺมสนฺโต ทิวเส ทิวเส ลกฺขโกฏิลกฺขโกฏิผลสมาปตฺติโย สมาปชฺชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘จตุวีสติ…เป… มหาวชิราณํ นิสฺสายา’ติ’’. นนุ ภควโต สมาปตฺติสมาปชฺชเน ปริกมฺเม ปโยชนํ นตฺถีติ? นยิทํ เอกนฺติกํ. ตถา หิ เวทนาปฏิปฺปณามนาทีสุ สวิเสสํ ปริกมฺมปุพฺพงฺคเมน สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ. อปเร ปน ‘‘โลกิยสมาปตฺติสมาปชฺชเน ปริกมฺเมน ปโยชนํ นตฺถิ. โลกุตฺตรสมาปตฺติสมาปชฺชเน ตชฺชํ ปริกมฺมํ อิจฺฉิตพฺพเมวา’’ติ วทนฺติ.
‘‘อปรมฺปรา’’ติ ¶ ปทํ เยสํ เทสนาย อตฺถิ, เต อปรมฺปริยาว. กุสลปฺตฺติยนฺติ กุสลธมฺมานํ ปฺาปเน. อนุตฺตโรติ อุตฺตโม. อุปนิสฺสเย ตฺวาติ าณูปนิสฺสเย ตฺวา ยาทิโส ปุพฺพูปนิสฺสโย ปุพฺพโยโค, ¶ ตตฺถ ปติฏฺาย. มหนฺตโต สทฺทหติ ปฏิปกฺขวิคเมน าณสฺส วิย สทฺธายปิ ติกฺขวิสทภาวาปตฺติโต. อวเสสอรหนฺเตหีติ ปกติสาวเกหิ. อสีติ มหาเถรา ปรมตฺถทีปนิยํ เถรคาถาวณฺณนายํ นามโต อุทฺธฏา. จตฺตาโร มหาเถราติ มหากสฺสปอนุรุทฺธมหากจฺจานมหาโกฏฺิกตฺเถรา. เตสุปิ อคฺคสาวเกสุ สาริปุตฺตตฺเถโร ปฺาย วิสิฏฺภาวโต. สาริปุตฺตตฺเถรโตปิ เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ ติกฺขวิสทาโณ อภินีหารมหนฺตตาย สมฺภตาณสมฺภารตฺตา. สติปิ ปจฺเจกโพธิยา อวิเสเสสุ พหูสุ เอกชฺฌํ สนฺนิปติเตสุ ปุพฺพโยควเสน โลกิเย วิสเย สิยา กสฺสจิ าณสฺส วิสิฏฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สพฺพฺุพุทฺโธว พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหตี’’ติ อิทํ เหฏฺา อาคตเทสนาโสตวเสน วุตฺตํ. พุทฺธา หิ พุทฺธคุเณ มหตฺตํ ปจฺจกฺขโตว ปสฺสนฺติ, น สทฺทหนวเสน.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘เสยฺยถาปิ นามา’’ติอาทิ อารทฺธํ. คมฺภีโร อุตฺตาโนติ ¶ คมฺภีโร วา อุตฺตาโน วาติ ชานนตฺถํ. ‘‘เอวเมวา’’ติอาทิ ยถาทสฺสิตาย อุปมาย อุปเมยฺเยน สํสนฺทนํ. พุทฺธคุเณสุ อปฺปมตฺตวิสยมฺปิ โลกิยมหาชนสฺส าณํ อปวตฺติตรูเปเนว ปวตฺตติ อนวตฺติตสภาวตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘เอกพฺยาม…เป… เวทิตพฺพา’’ติ. ตตฺถ ¶ าตอุทกํ วิยาติ ปมาณโต าตอุทกํ วิย. อริยานํ ปน ตตฺถ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตนกาณํ ปวตฺติตรูเปเนว ปวตฺตติ อตฺตโน ปฏิเวธานุรูปํ, อภินีหารานุรูปฺจ อวตฺติตสภาวตฺตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทสพฺยามโยตฺเตนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปฏิวิทฺธสจฺจานมฺปิ ปฏิปกฺขวิธมนปุพฺพโยควิเสสวเสน าณํ สาติสยํ, มหานุภาวฺจ โหตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ โสตาปนฺนาณสฺส ทสพฺยามอุทกํ โอปมฺมภาเวน ทสฺเสตฺวา ตโต ปเรสํ ทสุตฺตรทิคุณทสคุณอสีติคุณวิสิฏฺํ อุทกํ โอปมฺมํ กตฺวา ทสฺสิตํ. นนุ เอวํ สนฺเต พุทฺธคุณา ปริมิตปริจฺฉินฺนา, เถเรน จ เต ปริจฺฉิชฺช าตาติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ ยถา โส ปุริโส’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โส ปุริโสติ โส จตุราสีติพฺยามสหสฺสปฺปมาเณน โยตฺเตน จตุราสีติพฺยามสหสฺสฏฺาเน มหาสมุทฺเท อุทกํ มินิตฺวา ิโต ปุริโส. โส หิ เถรสฺส อุปมาภาเวน คหิโต. ธมฺมนฺวเยนาติ ¶ อนุมานาเณน. ตฺหิ สิทฺธํ ธมฺมํ อนุคนฺตฺวา ปวตฺตนโต ‘‘ธมฺมนฺวโย’’ติ วุจฺจติ, ตถา อนฺวยวเสน อตฺถสฺส พุชฺฌนโต อนฺวยพุทฺธิ, อนุเมยฺยํ อนุมิโนตีติ อนุมานํ, นิทสฺสเน ทิฏฺนเยน อนุเมยฺยํ คณฺหาตีติ ‘‘นยคฺคาโห’’ติ จ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ธมฺมนฺวเยนา’’ติอาทิ. สฺวายํ ธมฺมนฺวโย น ยสฺส กสฺสจิ โหติ, อถ โข ตถารูปสฺส อคฺคสาวกสฺเสวาติ อาห ‘‘สาวกปารมิาเณ ตฺวา’’ติ. ยทิ เถโร พุทฺธคุเณ เอกเทสโต ปจฺจกฺเข กตฺวา ตทฺเ นยคฺคาเหน คณฺหิ, นนุ เอวํ สนฺเต พุทฺธคุณา ปริมิตปริจฺฉินฺนา อาปนฺนาติ? นยิทํ เอวนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนนฺตา อปริมาณา’’ติ.
‘‘สทฺทหตี’’ติ วตฺวา ปุน ตเมวตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘เถเรน หิ…เป… พหุตรา’’ติ อาห. กถํ ปนายมตฺโถ เอวํ ทฏฺพฺโพติ เอวํ อธิปฺปายเภทกํ อุปมาย สฺาเปตุํ ‘‘ยถา กถํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ ‘‘อุปมายมิเธกจฺเจ ¶ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๗) อิโต นว อิโต นวาติ อิโต มชฺฌฏฺานโต ยาว ทกฺขิณตีรา นว อิโต มชฺฌฏฺานโต ยาว อุตฺตรตีรา นว. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ สุตฺเตน สมตฺเถตุํ ‘‘พุทฺโธปี’’ติ คาถมาห.
ยมกยุคฬมหานทีมโหโฆ วิยาติ ทฺวินฺนํ เอกโต สมาคตตฺตา ยุคฬภูตานํ มหานทีนํ มโหโฆ วิย.
อนุจฺฉวิกํ ¶ กตฺวาติ โยยํ มม ปสาโท พุทฺธคุเณ อารพฺภ โอคาฬฺโห หุตฺวา อุปฺปนฺโน, ตํ อนุจฺฉวิกํ อนุรูปํ กตฺวา. ปฏิคฺคเหตุํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ อฺโ โกจิ น สกฺขิสฺสติ ยาถาวโต อนวพุชฺฌนโต. ปฏิคฺคเหตุํ สกฺโกติ ตสฺส เหตุโต, ปจฺจยโต, สภาวโต, กิจฺจโต, ผลโต สมฺมเทว ปฏิวิชฺฌนโต. ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโว. ปคฺฆรณกาเลติ วิกิรณกาเล, ปตนกาเลติ อตฺโถ. ‘‘ปสนฺโน’’ติ อิมินา ปสาทสฺส วตฺตมานตา ทีปิตาติ ‘‘อุปฺปนฺนสทฺโธ’’ติ อิมินาปิ สทฺธาย ปจฺจุปฺปนฺนตา ปกาสิตาติ อาห ‘‘เอวํ สทฺทหามีติ อตฺโถ’’ติ. อภิฺายตีติ อภิฺโ, อธิโก อภิฺโ ภิยฺโยภิฺโ, โส เอว อติสยวจนิจฺฉาวเสน ‘‘ภิยฺโยภิฺตโร’’ติ วุตฺโตติ อาห ‘‘ภิยฺยตโร อภิฺาโต’’ติ. ทุติยวิกปฺเป ปน อภิชานาตีติ อภิฺา, อภิวิสิฏฺา ปฺา, ภิยฺโย อภิฺา ¶ เอตสฺสาติ ภิยฺโยภิฺโ, โส เอว อติสยวจนิจฺฉาวเสน ภิยฺโยภิฺตโร, สฺวายมสฺส อติสโย อภิฺาย ภิยฺโยภาวกโตติ อาห ‘‘ภิยฺยตราภิฺโ วา’’ติ. สมฺพุชฺฌติ เอตายาติ สมฺโพธิ, สพฺพฺุตฺาณํ, อคฺคมคฺคาณฺจ. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺหิ อคฺคมคฺคาณํ, อคฺคมคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ สมฺโพธิ นาม. ตตฺถ ปธานวเสน ตทตฺถทสฺสเน ¶ ปมวิกปฺโป, ปทฏฺานวเสน ทุติยวิกปฺโป. กสฺมา ปเนตฺถ อรหตฺตมคฺคาณสฺเสว คหณํ, นนุ เหฏฺิมานิปิ ภควโต มคฺคาณานิ สวาสนเมว ยถาสกํ ปฏิปกฺขวิธมนวเสน ปวตฺตานิ. สวาสนปฺปหานฺหิ เยฺยาวรณปฺปหานนฺติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน อปริปุณฺณํ ปฏิปกฺขวิธมนสฺส วิปฺปกตภาวโตติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺคาเณ วา’’ติ. อคฺคมคฺควเสน เจตฺถ อริยานํ โพธิตฺตยปาริปูรีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อรหตฺตมคฺเคเนว หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิปฺปเทสาติ อนวเสสา. คหิตา โหนฺตีติ อรหตฺตมคฺเคน คหิเตน อธิคเตน คหิตา อธิคตา โหนฺติ. สพฺพนฺติ เตหิ อธิคนฺตพฺพํ. เตนาติ สมฺโพธินา สพฺพฺุตฺาณปทฏฺาเนน อรหตฺตมคฺคาเณน.
๑๔๒. ขาทนียานํ อุฬารตา สาตรสานุภาเวนาติ อาห ‘‘มธุเร อาคจฺฉตี’’ติ. ปสํสาย อุฬารตา วิสิฏฺภาเวนาติ อาห ‘‘เสฏฺเ’’ติ, โอภาสสฺส อุฬารตา มหนฺตภาเวนาติ วุตฺตํ ‘‘วิปุเล’’ติ. อุสภสฺส อยนฺติ อาสภี, อิธ ปน อาสภี วิยาติ อาสภี. เตนาห ‘‘อุสภสฺส วาจาสทิสี’’ติ. เยน ปน คุเณนสฺสา ตํสทิสตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อจลา อสมฺปเวธี’’ติ วุตฺตํ. ยโต กุโตจิ อนุสฺสวนํ อนุสฺสโว. วิชฺชาฏฺาเนสุ กตปริจยานํ อาจริยานํ ตํ ตมตฺถํ วิฺาเปนฺตี ปเวณี อาจริยปรมฺปรา. เกวลํ อตฺตโน มติยา ‘‘อิติกิร เอวํกิรา’’ติ ปริกปฺปนา อิติกิร. ปิฏกสฺส คนฺถสฺส สมฺปทานโต สยํ สมฺปทานภาเวน คหณํ ปิฏกสมฺปทานํ. ยถาสุตานํ อตฺถานํ อาการสฺส ปริวิตกฺกนํ อาการปริวิตกฺโก. ตเถว ‘‘เอวเมต’’นฺติ ทิฏฺิยา นิชฺฌานกฺขมนํ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติ. อาคมาธิคเมหิ ¶ วินา ตกฺกมคฺคํ นิสฺสาย ตกฺกนํ ตกฺโก. อนุมานวิธึ นิสฺสาย นยคฺคาโห. ยสฺมา พุทฺธวิสเย ¶ ตฺวา ภควโต อยํ เถรสฺส โจทนา, เถรสฺส จ โส อวิสโย, ตสฺมา ‘‘ปจฺจกฺขโต าเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา วิยา’’ติ วุตฺตํ. สีหนาโท วิยาติ สีหนาโท, ตํสทิสตา จสฺส เสฏฺภาเวน, โส ¶ เจตฺถ เอวํ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สีหนาโท’’ติอาทิมาห. เนว ทนฺธายนฺเตนาติ น มนฺทายนฺเตน. น ภคฺครายนฺเตนาติ อปริสงฺกนฺเตน.
อนุโยคทาปนตฺถนฺติ อนุโยคํ โสธาเปตุํ. วิมทฺทกฺขมฺหิ สีหนาทํ นทนฺโต อตฺถโต ตตฺถ อนุโยคํ โสเธติ นาม. อนุยฺุชนฺโต จ นํ โสธาเปติ นาม. ทาตุนฺติ โสเธตุํ. เกจิ ‘‘ทานตฺถ’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ. น หิ โย สีหนาทํ นทติ, โส เอว ตตฺถ อนุโยคํ เทตีติ ยุชฺชติ. นิฆํสนนฺติ วิมทฺทนํ. ธมมานนฺติ ตาปยมานํ, ตาปนฺเจตฺถ คคฺคริยา ธมาปนสีเสน วทติ. สพฺเพ เตติ สพฺเพ เต อตีเต นิรุทฺเธ สมฺมาสมฺพุทฺเธ, เตเนตํ ทสฺเสติ – เย เต อเหสุํ อตีตํ อทฺธานํ ตว อภินีหารโต โอรํ สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ ตาว สาวกาณโคจเร ธมฺเม ปริจฺฉินฺทนฺโต มาราทโย วิย พุทฺธานํ โลกิยจิตฺตจารํ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิ. เย ปน เต อพฺภตีตา ตโต ปรโต ฉินฺนวฏุมา ฉินฺนปปฺจา ปริยาทิณฺณวฏฺฏา สพฺพทุกฺขวีติวตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสํ สพฺเพสมฺปิ สาวกาณสฺส อวิสยภูเต ธมฺเม กถํ ชานิสฺสสีติ.
อนาคตพุทฺธานํ ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโน, เตน อตีเตสุ ตาว ขนฺธานํ ภูตปุพฺพตฺตา ตตฺถ สิยา าณสฺส สวิสเย คติ, อนาคเตสุ ปน สพฺพโส อสฺชาเตสุ กถนฺติ อิมมตฺถํ โชเตติ. เตนาห ‘‘อนาคตาปี’’ติอาทิ ¶ . ‘‘จิตฺเตน ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อตีตานาคเต สตฺตาเห เอว ปวตฺตํ จิตฺตํ เจโตปริยาณสฺส วิสโย, น ตโต ปรนฺติ? นยิทํ เจโตปริยาณกิจฺจวเสน วุตฺตํ, อถ โข ปุพฺเพนิวาสอนาคตํสาณวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา นายํ โทโส.
วิทิตฏฺาเน น กโรติ สิกฺขาปเทเนว ตาทิสสฺส ปฏิกฺเขปสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา, เสตุฆาตโต จ. กถํ ปน เถโร ทฺวยสมฺภเว ปฏิกฺเขปเมว อกาสิ, น วิภชฺช พฺยากาสีติ อาห ‘‘เถโร กิรา’’ติอาทิ. ปารํ ปริยนฺตํ มิโนตีติ ปารมี, สา เอว าณนฺติ ปารมิาณํ, สาวกานํ ปารมิาณํ สาวกปารมิาณํ, ตสฺมึ. สาวกานํ อุกฺกํสปริยนฺตคเต ชานเน นายํ อนุโยโค, อถ โข สพฺพฺุตฺาเณ สพฺพฺุตาย ชานเน. เกจิ ปน ‘‘สาวกปารมิาเณติ สาวกปารมิาณวิสเย’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. ตถา เสสปเทสุปิ. สีล ¶ ..เป… สมตฺถนฺติ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติสงฺขาตการณานํ ¶ ชานนสมตฺถํ. พุทฺธสีลาทโย หิ พุทฺธานํ พุทฺธกิจฺจสฺส, ปเรหิ ‘‘พุทฺธา’’ติ ชานนสฺส จ การณํ.
๑๔๓. อนุมานาณํ วิย สํสยปิฏฺิกํ อหุตฺวา ‘‘อิทมิท’’นฺติ ยถาสภาวโต เยฺยํ ธาเรติ นิจฺฉิโนตีติ ธมฺโม, ปจฺจกฺขาณนฺติ อาห ‘‘ธมฺมสฺส ปจฺจกฺขโต าณสฺสา’’ติ. อนุเอตีติ อนฺวโยติ อาห ‘‘อนุโยคํ อนุคนฺตฺวา’’ติ. ปจฺจกฺขสิทฺธฺหิ อตฺถํ อนุคนฺตฺวา อนุมานาณสฺส ปวตฺติ ทิฏฺเน อทิฏฺสฺส อนุมานนฺติ เวทิตพฺโพ. วิทิเต เวทกมฺปิ าณํ อตฺถโต วิทิตเมว โหตีติ ‘‘อนุมานาณํ นยคฺคาโห วิทิโต’’ติ วุตฺตํ. วิทิโตติ วิทฺโธ ปฏิลทฺโธ, อธิคโตติ อตฺโถ. อปฺปมาโณติ อปริมาโณ มหาวิสยตฺตา. เตนาห ‘‘อปริยนฺโต’’ติ. เตนาติ อปริยนฺตตฺตา, เตน วา อปริยนฺเตน าเณน, เอเตเนว เถโร ยํ ยํ อนุเมยฺยมตฺถํ าตุกาโม ¶ โหติ, ตตฺถ ตตฺถสฺส อสงฺคมปฺปฏิหฏอนุมานาณํ ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘โส อิมินา’’ติอาทิ. ตตฺถ อิมินาติ อิมินา การเณน. ปาการสฺส ถิรภาวํ อุทฺธมุทฺธํ อาเปตีติ อุทฺธาปํ, ปาการมูลํ. อาทิ-สทฺเทน ปาการทฺวารพนฺธปริขาทีนํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปจฺจนฺเต ภวํ ปจฺจนฺติมํ. ปณฺฑิตโทวาริกฏฺานิยํ กตฺวา เถโร อตฺตานํ ทสฺเสตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกทฺวารนฺติ กสฺมา อาหา’’ติ โจทนํ สมุฏฺาเปสิ. ยสฺสา ปฺาย วเสน ปุริโส ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, ตํ ปณฺฑิจฺจนฺติ อาห ‘‘ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต’’ติ. ตํตํอิติกตฺตพฺพตาสุ เฉกภาโว พฺยตฺตภาโว เวยฺยตฺติยํ. เมธติ สมฺโมสํ หึสติ วิธมตีติ เมธา, สา เอตสฺส อตฺถีติ เมธาวี. าเน าเน อุปฺปตฺติ เอติสฺสา อตฺถีติ านุปฺปตฺติกา, านโส อุปฺปชฺชนกปฺา. อนุปริยายนฺติ เอเตนาติ อนุปริยาโย, โส เอว ปโถติ อนุปริยายปโถ, ปริโต ปาการสฺส อนุสํยายนมคฺโค. ปาการภาคา สนฺธาตพฺพา เอตฺถาติ ปาการสนฺธิ, ปาการสฺส ผุลฺลิตปฺปเทโส. โส ปน เหฏฺิมนฺเตน ทฺวินฺนมฺปิ อิฏฺกานํ วิคเมน เอวํ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ทฺวินฺนํ อิฏฺกานํ อปคตฏฺาน’’นฺติ. ฉินฺนฏฺานนฺติ ฉินฺนภินฺนปฺปเทโส, ฉินฺนฏฺานํ วา. ตฺหิ ‘‘วิวร’’นฺติ วุจฺจติ.
กิลิฏฺนฺติ มลีนํ. อุปตาเปนฺตีติ กิเลสปริฬาเหน สนฺตาเปนฺติ. วิพาเธนฺตีติ ปีเฬนฺติ. อุปฺปนฺนาย ปฺาย นีวรเณหิ น กิฺจิ กาตุํ สกฺกาติ อาห ‘‘อนุปฺปนฺนาย ปฺาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺตี’’ติ. ตสฺมาติ ปจฺจยูปฆาเตน ¶ อุปฺปชฺชิตุํ อปฺปทานโต. จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุฏฺุ ปิตจิตฺตาติ จตุพฺพิธายปิ ¶ สติปฏฺานภาวนาย สมฺมเทว ปิตจิตฺตา. ยถาสภาเวน ภาเวตฺวาติ อวิปรีตสภาเวน ยถา ปฏิปกฺขา สมุจฺฉิชฺชนฺติ, เอวํ ภาเวตฺวา.
ปุริมนเย ¶ สติปฏฺานานิ, โพชฺฌงฺคา จ มิสฺสกา อธิปฺเปตาติ ตโต อฺถา วตฺตุํ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มิสฺสกาติ สมถวิปสฺสนามคฺควเสน มิสฺสกา. ‘‘จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา’’ติอาทิโต วุตฺตตฺตา สติปฏฺาเน วิปสฺสนาติ คเหตฺวา ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา, มคฺคปริยาปนฺนานํเยว จ เนสํ นิปฺปริยายโพชฺฌงฺคภาวโต, เตสุ จ สพฺพโส อธิคเตสุ โลกนาเถน สพฺพฺุตฺาณมฺปิ อธิคตเมว โหตีติ ‘‘โพชฺฌงฺเค มคฺโค, สพฺพฺุตฺาณฺจาติ คหิเต สุนฺทโร ปฺโห ภเวยฺยา’’ติ มหาสิวตฺเถโร อาห, น ปเนวํ คหิตํ โปราเณหีติ อธิปฺปาโย. อิตีติ วุตฺตปฺปการปรามสนํ. เถโรติ สาริปุตฺตตฺเถโร.
ตตฺถาติ เตสุ ปจฺจนฺตนคราทีสุ. นครํ วิย นิพฺพานํ ตทตฺถิเกหิ อุปคนฺตพฺพโต, อุปคตานฺจ ปริสฺสยรหิตสุขาธิคมนฏฺานโต. ปากาโร วิย สีลํ ตทุปคตานํ ปริโต อารกฺขภาวโต. ปริยายปโถ วิย หิรี สีลปาการสฺส อธิฏฺานภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปริยายปโถติ โข ภิกฺขุ หิริยา เอตํ อธิวจน’’นฺติ. ทฺวารํ วิย อริยมคฺโค นิพฺพานนครปฺปเวสนอฺชสภาวโต. ปณฺฑิตโทวาริโก วิย ธมฺมเสนาปติ นิพฺพานนครปวิฏฺปวิสนกานํ สตฺตานํ สลฺลกฺขณโต. ทินฺโนติ ทาปิโต, โสธิโตติ อตฺโถ.
๑๔๔. นิปฺผตฺติทสฺสนตฺถนฺติ ¶ สิทฺธิทสฺสนตฺถํ, อธิคมทสฺสนตฺถนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปฺจนวุติปาสณฺเฑ’’ติ อิทํ ยสฺมา เถโร ปริพฺพาชโก หุตฺวา ตโต ปุพฺเพว นิพฺพานปริเยสนํ จรมาโน เต เต ปาสณฺฑิโน อุปสงฺกมิตฺวา นิพฺพานํ ปุจฺฉิ, เต นาสฺส จิตฺตํ อาราเธสุํ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เต ปน ปาสณฺฑา เหฏฺา วุตฺตา เอว. ตตฺเถวาติ ตสฺสเยว ภาคิเนยฺยสฺส เทสิยมานาย เทสนาย. ปรสฺส วฑฺฒิตํ ภตฺตํ ภฺุชนฺโต วิย สาวกปารมิาณํ หตฺถคตํ อกาสิ อธิคจฺฉิ. อุตฺตรุตฺตรนฺติ เหฏฺิมสฺส เหฏฺิมสฺส อุตฺตรณโต อติกฺกมนโต อุตฺตรุตฺตรํ, ตโต เอว ปธานภาวํ ปาปิตตาย ¶ ปณีตปณีตํ. อุตฺตรุตฺตรนฺติ วา อุปรูปริ. ปณีตปณีตนฺติ ปณีตตรํ, ปณีตตมฺจาติ อตฺโถ. กณฺหนฺติ กาฬกํ สํกิเลสธมฺมํ. สุกฺกนฺติ โอทาตํ โวทานธมฺมํ. สวิปกฺขํ กตฺวาติ ปหาตพฺพปหายกภาวทสฺสนวเสน ยถากฺกมํ อุภยํ สวิปกฺขํ กตฺวา. ‘‘อยํ กณฺหธมฺโม, อิมสฺส อยํ ปหายโก’’ติ เอวํ กณฺหํ ปฏิพาหิตฺวา เทสนาวเสน นีหริตฺวา สุกฺกํ, ‘‘อยํ สุกฺกธมฺโม, อิมินา อยํ ปหาตพฺโพ’’ติ เอวํ สุกฺกํ ปฏิพาหิตฺวา กณฺหํ. สอุสฺสาหนฺติ ผลุปฺปาทนสมตฺถตาวเสน สพฺยาปารํ. เตนาห ‘‘สวิปาก’’นฺติ. วิปากธมฺมนฺติ อตฺโถ.
ตสฺมึ ¶ เทสิเต ธมฺเมติ ตสฺมึ วุตฺตนเยน ภควา ตุมฺเหหิ เทสิเต ธมฺเม เอกจฺจํ ธมฺมํ นาม สาวกปารมิาณํ ชานิตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ตํชานเน หิ วุตฺเต จตุสจฺจธมฺมชานนํ อวุตฺตสิทฺธนฺติ. ‘‘จตุสจฺจธมฺเมสู’’ติ อิทํ โปราณฏฺกถายํ วุตฺตาการทสฺสนํ. วิปกฺโข ปน ปรโต อาคมิสฺสติ. เอตฺถาติ ‘‘ธมฺเมสุ นิฏฺํ อคม’’นฺติ เอตสฺมึ ปเท. เถรสลฺลาโปติ เถรานํ สลฺลาปสทิโส วินิจฺฉยวาโท ¶ . กาฬวลฺลวาสีติ กาฬวลฺลวิหารวาสี. อิทานีติ เอตรหิ ‘‘อิทาหํ ภนฺเต’’ติอาทิวจนกาเล. อิมสฺมึ ปน าเนติ ‘‘ธมฺเมสุ นิฏฺํ อคม’’นฺติ อิมสฺมึ ปเทเส, อิมสฺมึ วา นิฏฺานการณภูเต โยนิโส ปริวิตกฺกเน. ‘‘อิมสฺมึ ปน าเน พุทฺธคุเณสุ นิฏฺงฺคโต’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ สาวกปารมิาณสมธิคตกาเล เอว เถโร พุทฺธคุเณสุ นิฏฺงฺคโตติ? สจฺจเมตํ, อิทานิ ปน ตํ ปากฏํ ชาตนฺติ เอวํ วุตฺตํ. สพฺพนฺติ ‘‘จตุสจฺจธมฺเมสู’’ติอาทิ สุมตฺเถเรน วุตฺตํ สพฺพํ. อรหตฺเต นิฏฺงฺคโตติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อนุโยคปริหารา เวทิตพฺพา. ยทิปิ ธมฺมเสนาปติ ‘‘สาวกปารมิาณํ มยา สมธิคต’’นฺติ อิโต ปุพฺเพปิ ชานาติเยว, อิทานิ ปน อสงฺขฺเยยฺยาปริเมยฺยเภเท พุทฺธคุเณ นยคฺคาหวเสน ปริคฺคเหตฺวา กิจฺจสิทฺธิยา ตสฺมึ าเณ นิฏฺงฺคโต อโหสีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มหาสิวตฺเถโร…เป… ธมฺเมสูติ สาวกปารมิาเณ นิฏฺงฺคโต’’ติ อโวจ.
พุทฺธคุณา ปน นยโต อาคตา, เต นยคฺคาหโต ยาถาวโต ชานนฺโต สาวกปารมิาเณ ตถาชานนวเสน นิฏฺงฺคตตฺตา สาวกปารมิาณเมว ตสฺส อปราปรุปฺปตฺติวเสน, เตน เตน ภาเวตพฺพกิจฺจพหุตาวเสน จ ‘‘ธมฺเมสู’’ติ ปุถุวจเนน วุตฺตํ. อนนฺตาปริเมยฺยานํ อนฺวิสยานํ ¶ พุทฺธคุณานํ นยโต ปริคฺคณฺหเนน เถรสฺส สาติสโย ภควติ ปสาโท อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘ภิยฺโยโสมตฺตายา’’ติอาทิ. ‘‘สุฏฺุ อกฺขาโต’’ติ วตฺวา ตํ เอวสฺส สุฏฺุ อกฺขาตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิยฺยานิโก มคฺโค’’ติ วุตฺตํ. สฺวากฺขาตตา หิ ธมฺมสฺส ยทตฺถํ เทสิโต, ตทตฺถสาธเนน เวทิตพฺพา. ผลตฺถาย นิยฺยาตีติ อนนฺตรวิปากตฺตา, อตฺตโน อุปฺปตฺติสมนนฺตรเมว ผลนิปฺผาทนวเสน ปวตฺตตีติ อตฺโถ. วฏฺฏจารกโต นิยฺยาตีติ วา นิยฺยานิโก, นิยฺยานสีโลติ วา. ราคโทสโมหนิมฺมทนสมตฺโถติ อิธาปิ ¶ ‘‘ปสนฺโนสฺมิ ภควตีติ ทสฺเสตี’’ติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. วงฺกาทีติ อาทิ-สทฺเทน ชิมฺหกุฏิเล, อฺเ จ ปฏิปตฺติโทเส สงฺคณฺหาติ. ภควา ตุมฺหากํ พุทฺธสุพุทฺธตา วิย ธมฺมสุธมฺมตา, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติ จ ธมฺเมสุ นิฏฺงฺคมเนน สาวกปารมิาเณ นิฏฺงฺคตตฺตา มยฺหํ สุฏฺุ วิภูตา สุปากฏา ชาตาติ ทสฺเสนฺโต เถโร ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆติ ปสีทิ’’นฺติ อโวจ.
กุสลธมฺมเทสนาวณฺณนา
๑๔๕. อนุตฺตรภาโวติ ¶ เสฏฺภาโว. อนุตฺตโร ภควา เยน คุเณน, โส อนุตฺตรภาโว, ตํ อนุตฺตริยํ. ยสฺมา ตสฺสาปิ คุณสฺส กิฺจิ อุตฺตริตรํ นตฺถิ เอว, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สา ตุมฺหากํ เทสนา อนุตฺตราติ วทตี’’ติ. กุสเลสุ ธมฺเมสูติ กุสลธมฺมนิมิตฺตํ. นิมิตฺตตฺเถ หิ เอตํ ภุมฺมํ, ตสฺมา กุสลธมฺมเทสนาเหตุปิ ภควาว อนุตฺตโรติ อตฺโถ. ภูมึ ทสฺเสนฺโตติ วิสยํ ทสฺเสนฺโต. กุสลธมฺมเทสนาย หิ กุสลา ธมฺมา วิสโย. วุตฺตปเทติ ‘‘กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ เอวํ วุตฺตวากฺเย, เอวํ วา วุตฺตธมฺมโกฏฺาเส. ‘‘ปฺจธา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เฉกฏฺเนปิ กุสลํ อิจฺฉิตพฺพํ ‘‘กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคาน’’นฺติอาทีสูติ (ม. นิ. ๒.๘๗)? สจฺจเมตํ, โส ปน เฉกฏฺโ โกสลฺลสมฺภูตฏฺเเนว สงฺคหิโตติ วิสุํ น คหิโต. ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๒.๒๐๐๘) ชาตเก อาคตตฺตา ‘‘ชาตกปริยายํ ปตฺวา อาโรคฺยฏฺเน กุสลํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตํ ¶ กึ มฺถ, คหปตโย, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’’ติอาทีสุ สุตฺตปเทเสสุ ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตธมฺมา เอว ‘‘อนวชฺชา’’ติ วุตฺตาติ ¶ อาห ‘‘สุตฺตนฺตปริยายํ ปตฺวา อนวชฺชฏฺเน กุสลํ วฏฺฏตี’’ติ. อภิธมฺเม ‘‘โกสลฺล’’นฺติ ปฺา อาคตาติ โยนิโสมนสิการเหตุกสฺส กุสลสฺส โกสลฺลสมฺมูตฏฺโ, ทรถาภาวทีปนโต นิทฺทรถฏฺโ, ‘‘กุสลสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติ วตฺวา อิฏฺวิปากนิทฺทิสนโต สุขวิปากฏฺโ จ อภิธมฺมนยสิทฺโธติ อาห ‘‘อภิธมฺม…เป… วิปากฏฺเนา’’ติ. พาหิติกสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๕๘) ภควโต กายสมาจาราทิเก วณฺเณนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘โย โข มหาราช กายสมาจาโร อนวชฺโช’’ติ กุสโล กายสมาจาโร รฺโ ปเสนทิสฺส วุตฺโต. น หิ ภควโต สุขวิปากกมฺมํ อตฺถีติ สพฺพสาวชฺชรหิตา กายสมาจาราทโย ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตา, อิธ ปน ‘‘กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ โพธิปกฺขิยธมฺมา ‘‘กุสลา’’ติ วุตฺตา, เต จ สมถวิปสฺสนา มคฺคสมฺปยุตฺตา เอกนฺเตน สุขวิปากา เอวาติ อวชฺชรหิตตามตฺตํ อุปาทาย อนวชฺชตฺโถ กุสล-สทฺโทติ อาห ‘‘อิมสฺมึ ปน…เป… ทฏฺพฺพ’’นฺติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ผลสติปฏฺานํ ปน อิธ อนธิปฺเปต’’นฺติ อิทฺจ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ สวิปากสฺเสว คหณนฺติ กตฺวา.
‘‘จุทฺทสวิเธนา’’ติอาทิ สติปฏฺาเน (ที. นิ. ๒.๓๗๖; ม. นิ. ๑.๑๐๙) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ปคฺคหฏฺเนาติ กุสลปกฺขสฺส ปคฺคณฺหนสภาเวน. กิจฺจวเสนาติ อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิกิจฺจวเสน. ตโต เอว จสฺส จตุพฺพิธตา. อิชฺฌนฏฺเนาติ นิปฺปชฺชนสภาเวน. ¶ ฉนฺทาทโย เอว อิทฺธิปาเทสุ วิสิฏฺสภาวา, อิตเร อวิสิฏฺา, เตสมฺปิ วิเสโส ฉนฺทาทิกโตติ อาห ‘‘ฉนฺทาทิวเสน นานาสภาวา’’ติ.
อธิโมกฺขาทิสภาววเสนาติ ¶ ปสาทาธิโมกฺขาทิสลกฺขณวเสน. อุปตฺถมฺภนฏฺเนาติ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุปตฺถมฺภนกภาเวน. อกมฺปิยฏฺเนาติ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยสภาเวน. สลกฺขเณนาติ อธิโมกฺขาทิสภาเวน. นิยฺยานฏฺเนาติ สํกิเลสปกฺขโต, วฏฺฏจารกโต จ นิคฺคมนฏฺเน. อุปฏฺานาทินาติ อุปฏฺานธมฺมวิจยปคฺคหสมฺปิยายนปสฺสมฺภนสมาธานอชฺฌุเปกฺขนสงฺขาเตน อตฺตโน สภาเวน. เหตุฏฺเนาติ นิพฺพานสฺส สมฺปาปกเหตุภาเวน. ทสฺสนาทินาติ ทสฺสนาภินิโรปนปริคฺคหสมุฏฺาปนโวทาปนปคฺคหุปฏฺานสมาธานสงฺขาเตน อตฺตโน สภาเวน.
สาสนสฺส ¶ ปริโยสานทสฺสนตฺถนฺติ สาสนํ นาม นิปฺปริยายโต สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา. ตตฺถ เย สมถวิปสฺสนาสหคตา, เต สาสนสฺส อาทิ, มคฺคปริยาปนฺนา มชฺเฌ, ผลภูตา ปริโยสานํ, ตํทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘สาสนสฺส หี’’ติอาทิ.
ปุน เอตทานุตฺตริยํ ภนฺเตติ ยถารทฺธาย เทสนาย นิคมนํ. วุตฺตสฺเสว อตฺถสฺส ปุน วจนฺหิ นิคมนํ วุตฺตํ. ตํ เทสนนฺติ ตํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ เทสนาปฺปการํ, เทสนาวิธึ, เทเสตพฺพฺจ, สกลํ วา สมฺปุณฺณํ อนวเสสํ อภิชานาติ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานาติ, อเสสํ อภิชานนโต เอว อุตฺตริ อุปริ อภิฺเยฺยํ นตฺถิ. อิโตติ ภควตา อภิฺาตโต. อฺโ ปรมตฺถวเสน ธมฺโม วา ปฺตฺติวเสน ปุคฺคโล วา อยํ นาม ยํ ภควา น ชานาตีติ อิทํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ สพฺพสฺเสว สมฺมเทว ตุมฺเหหิ อภิฺาตตฺตา. กุสเลสุ ธมฺเมสุ อภิชานเน, เทสนายฺจ ภควโต อุตฺตริตโร นตฺถิ.
อายตนปณฺณตฺติเทสนาวณฺณนา
๑๔๖. อายตนปฺาปนาสูติ จกฺขาทีนํ, รูปาทีนฺจ อายตนานํ ¶ สมฺโพธเนสุ, เตสํ อชฺฌตฺติกพาหิรวิภาคโต, สภาควิภาคโต, สมุทยโต, อตฺถงฺคมโต, อาหารโต, อาทีนวโต, นิสฺสรณโต จ เทสนายนฺติ อตฺโถ.
คพฺภาวกฺกนฺติเทสนาวณฺณนา
๑๔๗. คพฺโภกฺกมเนสูติ ¶ คพฺภภาเวน มาตุกุจฺฉิยํ อวกฺกมเนสุ อนุปฺปเวเสสุ, คพฺเภ วา มาตุกุจฺฉิสฺมึ อวกฺกมเนสุ. ปวิสตีติ ปจฺจยวเสน ตตฺถ นิพฺพตฺเตนฺโต ปวิสนฺโต วิย โหตีติ กตฺวา วุตฺตํ. าตีติ สนฺตานฏฺิติยา ปวตฺตติ, ตถาภูโต จ ตตฺถ วสนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘วสตี’’ติ. ปกติโลกิยมนุสฺสานํ ปมา คพฺภาวกฺกนฺตีติ ปจุรมนุสฺสานํ คพฺภาวกฺกนฺติ เทสนาวเสน อิธ ปมา. ‘‘ทุติยา คพฺภาวกฺกนฺตี’’ติอาทีสุปิ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
อลเมวาติ ยุตฺตเมว.
ขิปิตุํ ¶ น สกฺโกนฺตีติ ตถา วาตานํ อนุปฺปชฺชนเมว วทติ. เสสนฺติ ปุน ‘‘เอตทานุตฺตริย’’ติอาทิ ปาปฺปเทสํ วทติ.
อาเทสนวิธาเทสนาวณฺณนา
๑๔๘. ปรสฺส จิตฺตํ อาทิสติ เอเตหีติ อาเทสนานิ, ยถาอุปฏฺิตนิมิตฺตาทีนิ, ตานิ เอว อฺมฺสฺส อสํกิณฺณรูเปน ิตตฺตา อาเทสนวิธา, อาเทสนาภาคา, ตาสุ อาเทสนวิธาสุ. เตนาห ‘‘อาเทสนโกฏฺาเสสู’’ติ. อาคตนิมิตฺเตนาติ ยสฺส อาทิสติ, ตสฺส, อตฺตโน จ อุปคตนิมิตฺเตน, นิมิตฺตปฺปตฺตสฺส ลาภาลาภาทิอาทิสนวิธิทสฺสนสฺส ปวตฺตตฺตา ‘‘อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘เอวมฺปิ เต มโน’’ติอาทินา ปรสฺส จิตฺตาทิสนเมว อาคตํ, ตํ นิทสฺสนมตฺตํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ‘‘อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺตสฺเสว อตฺถสฺส วิภาวนวเสน วตฺถุ อาคตํ. คตนิมิตฺตํ นาม คมนนิมิตฺตํ. ิตนิมิตฺตํ ¶ นาม อตฺตโน สมีเป านนิมิตฺตํ, ปรสฺส คมนวเสน, านวเสน จ คเหตพฺพนิมิตฺตํ. มนุสฺสานํ ปรจิตฺตวิทูนํ, อิตเรสมฺปิ วา สวนวเสน ปรสฺส จิตฺตํ ตฺวา กเถนฺตานํ สทฺทํ สุตฺวา. ยกฺขปิสาจาทีนนฺติ หิงฺการยกฺขานฺเจว กณฺณปิสาจาทิปิสาจานํ, กุมฺภณฺฑนาคาทีนฺจ.
วิตกฺกวิปฺผารวเสนาติ วิปฺผาริกภาเวน ปวตฺตวิตกฺกสฺส วเสน. อุปฺปนฺนนฺติ ตโต สมุฏฺิตํ. วิปฺปลปนฺตานนฺติ กสฺสจิ อตฺถสฺส อโพธนโต วิรูปํ, วิวิธํ วา ปลปนฺตานํ. สุตฺตปมตฺตาทีนนฺติ ¶ อาทิ-สทฺเทน เวทนาฏฺฏขิตฺตจิตฺตาทีนํ สงฺคโห. มหาอฏฺกถายํ ปน ‘‘อิทํ วกฺขามิ, เอวํ วกฺขามีติ วิตกฺกยโต วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท นาม อุปฺปชฺชตี’’ติ (อภิ. อฏฺ. ๑.วจีกมฺมทฺวารกถาปิ) อาคตตฺตา ชาครนฺตานํ ปกติยํ ิตานํ อวิปฺปลปนฺตานํ วิตกฺกวิปฺผารสทฺโท กทาจิ อุปฺปชฺชตีติ วิฺายติ, โย โลเก ‘‘มนฺตชปฺโป’’ติ วุจฺจติ. ยสฺส มหาอฏฺกถายํ อโสตวิฺเยฺยตา วุตฺตา. ตาทิสฺหิ สนฺธาย วิฺตฺติสหชเมว ‘‘ชิวฺหาตาลุจลนาทิกรวิตกฺกสมุฏฺิตํ สุขุมสทฺทํ ทิพฺพโสเตน สุตฺวา อาทิสตีติ สุตฺเต วุตฺต’’นฺติ (ธ. ส. มูลฏี. วจีกมฺมทฺวารกถาวณฺณนา) อานนฺทาจริโย อโวจ. วุตฺตลกฺขโณ เอว ปน นาติสุขุโม อตฺตโน, อจฺจาสนฺนปฺปเทเส ิตสฺส จ มํสโสตสฺสาปิ อาปาถํ คจฺฉตีติ สกฺกา วิฺาตุํ. ตสฺสาติ ¶ ตสฺส ปุคฺคลสฺส. ตสฺส วเสนาติ ตสฺส วิตกฺกสฺส วเสน. เอวํ อยมฺปิ อาเทสนวิธา เจโตปริยาณวเสเนว อาคตาติ เวทิตพฺพา ¶ . เกจิ ปน ‘‘ตสฺส วเสนาติ ตสฺส สทฺทสฺส วเสนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ อยุตฺตํ. น หิ สทฺทคฺคหเณน ตํสมุฏฺาปกจิตฺตํ คยฺหติ, สทฺทคฺคหณานุสาเรนปิ ตทตฺถสฺเสว คหณํ โหติ, น จิตฺตสฺส. เอเตเนว ยเทเก ‘‘ยํ วิตกฺกยโตติ ยมตฺถํ วิตกฺกยโต’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺส วเสนาติ ตสฺส อตฺถสฺส วเสนา’’ติ วณฺเณนฺติ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิตฺตํ.
มนสา สงฺขรียนฺตีติ มโนสงฺขารา, เวทนาสฺา. ปณิหิตาติ ปุริมปริพนฺธวินเยน ปธานภาเวน นิหิตา ปิตา. เตนาห ‘‘จิตฺตสงฺขารา สุฏฺปิตา’’ติ. วิตกฺกสฺส วิตกฺกนํ นาม อุปฺปาทนเมวาติ อาห ‘‘ปวตฺเตสฺสตี’’ติ. ‘‘ปชานาตี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตปทสมฺพนฺธทสฺสนวเสน อาเนติ. อาคมเนนาติ ฌานสฺส อาคมนฏฺานวเสน. ปุพฺพภาเคนาติ มคฺคสฺส สพฺพปุพฺพภาเคน วิปสฺสนารมฺเภน. อุภยํ เปตํ โย สยํ ฌานลาภี, อธิคตมคฺโค จ อฺํ ตทตฺถาย ปฏิปชฺชนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อิมินา นีหาเรน ปฏิปชฺชนฺโต อทฺธา ฌานํ ลภิสฺสติ, มคฺคํ อธิคมิสฺสตี’’ติ อภิฺาย วินา อนุมานวเสน ชานาติ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘อาคมเนน ชานาติ นามา’’ติอาทิ. อนนฺตราติ วุฏฺิตกาลํ สนฺธายาห. ตทา หิ ปวตฺตวิตกฺกปชานเนเนว ฌานสฺส หานภาคิยตาทิวิเสสปชานนํ.
กึ ปนิทํ เจโตปริยาณํ ปรสฺส จิตฺตํ ปริจฺฉิชฺช ชานนฺตํ อิทฺธิจิตฺตภาวโต อวิเสสโต สพฺเพสมฺปิ จิตฺตํ ชานาตีติ? โนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. น อริยานนฺติ เยน จิตฺเตน เต อริยา นาม ชาตา, ตํ โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาติ อปฺปฏิวิทฺธภาวโต ¶ . ยถา หิ ปุถุชฺชโน สพฺเพสมฺปิ อริยานํ โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาติ อปฺปฏิวิทฺธตฺตา, เอวํ อริโยปิ เหฏฺิโม อุปริมสฺส โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาติ อปฺปฏิวิทฺธตฺตา เอว ¶ . ยถา ปน อุปริโม เหฏฺิมํ ผลสมาปตฺตึ น สมาปชฺชติ, กึ เอวํ โส ตสฺส โลกุตฺตรจิตฺตํ น ชานาตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อุปริโม ปน เหฏฺิมสฺส ชานาตี’’ติ, ปฏิวิทฺธตฺตาติ อธิปฺปาโย. ‘‘อุปริโม เหฏฺิมํ น สมาปชฺชตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘เตสฺหี’’ติอาทิ. เตสนฺติ อริยานํ. เหฏฺิมา เหฏฺิมา สมาปตฺติ ภูมนฺตรปฺปตฺติยา ปฏิปฺปสฺสทฺธิกปฺปา. เตนาห ‘‘ตตฺรุปปตฺติเยว โหตี’’ติ, น ¶ อุปริภูมิปตฺติ. นิมิตฺตาทิวเสน าตสฺส กทาจิ พฺยภิจาโรปิ สิยา, น ปน อภิฺาาเณน าตสฺสาติ อาห ‘‘เจโต…เป… นตฺถี’’ติ. ‘‘ตํ ภควา’’ติอาทิ เสสํ นาม.
ทสฺสนสมาปตฺติเทสนาวณฺณนา
๑๔๙. พฺรหฺมชาเลติ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ. อุตฺตรปทโลเปน เหส นิทฺเทโส. อาตปฺปนฺติ วีริยํ อาตปฺปติ โกสชฺชํ สพฺพมฺปิ สํกิเลสปกฺขนฺติ. กุสลวีริยสฺเสว เหตฺถ คหณํ อปฺปมาทาทิปทนฺตรสนฺนิธานโต. ปทหิตพฺพโตติ ปทหนโต, ภาวนํ อุทฺทิสฺส วายมนโตติ อตฺโถ. อนุยฺุชิตพฺพโตติ อนุยฺุชนโต. อีทิสานํ ปทานํ พหุลํกตฺตุวิสยตาย อิจฺฉิตพฺพตฺตา อาตปฺปปทสฺส วิย อิตเรสมฺปิ กตฺตุสาธนตา ทฏฺพฺพา. ปฏิปตฺติยํ นปฺปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, สติอวิปฺปวาโส. สมฺมา มนสิ กโรติ เอเตนาติ สมฺมามนสิกาโร, ตถาปวตฺโต กุสลจิตฺตุปฺปาโท. ภาวนานุโยคเมว ตถา วทติ. เทสนากฺกเมน ปมา, ทสฺสนสมาปตฺติ นาม กรชกาเย ปฏิกฺกูลาการสฺส สมฺมเทว ทสฺสนวเสน ปวตฺตสมาปตฺติภาวโต. นิปฺปริยาเยเนวาติ วุตฺตลกฺขณทสฺสนสมาปตฺติสนฺนิสฺสยตฺตา, ทสฺสนมคฺคผลภาวโต ¶ จ ปมสามฺผลํ ปริยาเยน วินา ทสฺสนสมาปตฺติ.
อติกฺกมฺม ฉวิมํสโลหิตํ อฏฺึ ปจฺจเวกฺขตีติ ตานิ อปจฺจเวกฺขิตฺวา อฏฺิเมว ปจฺจเวกฺขติ. อฏฺิอารมฺมณา ทิพฺพจกฺขุปาทกชฺฌานสมาปตฺตีติ วุตฺตนเยน อฏฺิอารมฺมณา ทิพฺพจกฺขุอธิฏฺานา ปมชฺฌานสมาปตฺติ. โย หิ ภิกฺขุ อาโลกกสิเณ จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคตทิพฺพจกฺขุาโณ หุตฺวา สวิฺาณเก กาเย อฏฺึ ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ ปฏิกฺกูลมนสิการวเสน ปมํ ฌานํ นิพฺพตฺเตติ, ตสฺสายํ ปมชฺฌานสมาปตฺติ ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฏฺิ อฏฺี’’ติอาทิ. โย ปเนตฺถ ปาฬิยํ ทฺวตฺตึสาการมนสิกาโร วุตฺโต, โส มคฺคโสธนวเสน วุตฺโต. ตตฺถ วา กตปริจยสฺส สุเขเนว วุตฺตนยา อฏฺิปจฺจเวกฺขณา สมิชฺฌตีติ. เตเนเวตฺถ ‘‘อิมํ เจวา’’ติ ‘‘อติกฺกมฺม จา’’ติ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ วุตฺโต. ตํ ฌานนฺติ ยถาวุตฺตํ ¶ ปมชฺฌานํ. อยนฺติ อยํ สกทาคามิผลสมาปตฺติ ¶ . สาติสยํ จตุสจฺจทสฺสนาคมนโต ปริยาเยน วินา มุขฺยา ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติ. ยาว ตติยมคฺคา วตฺตตีติ อาห ‘‘ขีณาสวสฺส วเสน จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติ กถิตา’’ติ.
ปาฬิยํ ปุริสสฺส จาติ จ-สทฺโท พฺยติเรเก, เตน ยถาวุตฺตสมาปตฺติทฺวยโต วุจฺจมานํเยว อิมสฺส วิเสสํ โชเตติ. อวิจฺเฉเทน ปวตฺติยา โสตสทิสตาย วิฺาณเมว วิฺาณโสตํ, ตเทตํ วิฺาณํ ปุริมโต อนนฺตรปจฺจยํ ลภิตฺวา ปจฺฉิมสฺส อนนฺตรปจฺจโย หุตฺวา ปวตฺตตีติ อยํ อสฺส โสตาคตตาย โสตสทิสตา, ตสฺมา ปชานิตพฺพภาเวน วุตฺตํ เอกเมว เจตฺถ วิฺาณํ ¶ , ตสฺมา อฏฺกถายํ ‘‘วิฺาณโสตนฺติ วิฺาณเมวา’’ติ วุตฺตํ. ทฺวีหิปิ ภาเคหีติ โอรภาคปรภาเคหิ. อิธโลโก หิสฺส โอรภาโค, ปรโลโก ปรภาโค ทฺวินฺนมฺปิ วเสเนตํ สมฺพนฺธนฺติ. เตนาห ‘‘อิธโลเก ปติฏฺิต’’นฺติอาทิ. วิฺาณสฺส ขเณ ขเณ ภิชฺชนฺตสฺส กามํ นตฺถิ กสฺสจิ ปติฏฺิตตา, ตณฺหาวเสน ปน ตํ ‘‘ปติฏฺิต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ฉนฺทราควเสนา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กพฬีกาเร เจ ภิกฺขเว อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺหํ. ยตฺถ ปติฏฺิตํ วิฺาณํ วิรุฬฺหํ…เป… อตฺถิ ตตฺถ อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗).
กมฺมนฺติ กุสลากุสลกมฺมํ, อุปโยควจนเมตํ. กมฺมโต อุปคจฺฉนฺตนฺติ กมฺมภาเวน อุปคจฺฉนฺตํ, วิฺาณนฺติ อธิปฺปาโย. อภิสงฺขารวิฺาณฺหิ เยน กมฺมุนา สหคตํ, อฺทตฺถุ ตพฺภาวเมว อุปคตํ หุตฺวา ปวตฺตติ. อิธโลเก ปติฏฺิตํ นาม อิธ กตูปจิตกมฺมภาวูปคมนโต. กมฺมภวํ อากฑฺฒนฺตนฺติ กมฺมวิฺาณํ อตฺตนา สมฺปยุตฺตกมฺมํ ชวาเปตฺวา ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตเนน ตทภิมุขํ อากฑฺฒนฺตํ. เตเนว ปฏิสนฺธินิพฺพตฺตนสามตฺถิเยน ปรโลเก ปติฏฺิตํ นาม อตฺตโน ผลสฺส ตตฺถ ปติฏฺาปเนน. เกจิ ปน ‘‘อภิสงฺขารวิฺาณํ ปรโต วิปากํ ทาตุํ อสมตฺถํ อิธโลเก ปติฏฺิตํ นาม, ทาตุํ สมตฺถํ ปน ปรโลเก ปติฏฺิตํ ¶ นามา’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ‘‘อุภยโต อพฺโพจฺฉินฺน’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ยฺจ เตหิ ‘‘ปรโลเก ปติฏฺิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อิธโลเกปิ ปติฏฺิตเมว. น หิ ตสฺส อิธโลเก ปติฏฺิตภาเวน วินา ปรโลเก ปติฏฺิตภาโว สมฺภวติ. เสกฺขปุถุชฺชนานํ ¶ เจโตปริยาณนฺติ เสกฺขานํ ¶ , ปุถุชฺชนานฺจ เจตโส ปริจฺฉินฺทนกาณํ. กถิตํ ปริจฺฉินฺทิตพฺพสฺส เจตโส ฉนฺทราควเสน ปติฏฺิตภาวโชตนโต.
จตุตฺถาย ทสฺสนสมาปตฺติยา ตติยทสฺสนสมาปตฺติยํ วุตฺตปฺปฏิกฺเขเปน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ปุริมานํ ทฺวินฺนํ สมาปตฺตีนํ ปุพฺเพ สมถวเสน อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา อิทานิ วิปสฺสนาวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิจฺจลเมว ปุพฺเพ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส อปเนตพฺพโต. อตฺถนฺตรตฺถตาย ทสฺสิยมานาย ปทํ จลิตํ นาม โหติ. อปโร นโยติ เอตฺถ ปมชฺฌานสฺส ปมทสฺสนสมาปตฺติภาเว อปุพฺพํ นตฺถิ. ทุติยชฺฌานํ ทุติยาติ เอตฺถ ปน ‘‘อฏฺิกวณฺณกสิณวเสน ปฏิลทฺธทุติยชฺฌานํ ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺตี’’ติ วทนฺติ, ตติยชฺฌานมฺปิ ตเถว ปฏิลทฺธํ. ทสฺสนสมาปตฺติภาโว ปน โย ภิกฺขุ อาโลกกสิเณ จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคตทิพฺพจกฺขุโก หุตฺวา สวิฺาณเก อฏฺึ ปริคฺคเหตฺวา ตตฺถ วณฺณกสิณวเสน เหฏฺิมานิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพตฺเตติ, ตสฺส. ตติยชฺฌานํ ตติยา ทสฺสนสมาปตฺติ อธิฏฺานภูตสฺส ทิพฺพจกฺขุาณสฺส วเสน. จตุตฺถชฺฌานํ จตุตฺถาติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคตทิพฺพจกฺขุาณสฺส ตํ จตุตฺถชฺฌานํ จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติ. อิธาปิ เสกฺขปุถุชฺชนานํ เจตโส ปริจฺฉินฺทเนน ตติยา ทสฺสนสมาปตฺติ, อรหโต จิตฺตสฺส ปริจฺฉินฺทเนน จตุตฺถา ทสฺสนสมาปตฺติ เวทิตพฺพา. เอวฺเหสา อตฺถวณฺณนา ปาฬิยา สํสนฺเทยฺย. ‘‘ปมมคฺโค’’ติอาทีสุ อฏฺิอารมฺมณปมชฺฌานปาทโก ปมมคฺโค ปมา ทสฺสนสมาปตฺติ. อฏฺิอารมฺมณทุติยชฺฌานปาทโก ทุติยมคฺโค ทุติยา ทสฺสนสมาปตฺติ. ปรจิตฺตาณสหคตา จตุตฺถชฺฌานปาทกา ตติยจตุตฺถมคฺคา ตติยจตุตฺถทสฺสนสมาปตฺติโยติ ¶ . ปุริสสฺส วิฺาณปชานนํ ปเนตฺถ อสมฺโมหวเสน ทฏฺพฺพํ.
ปุคฺคลปณฺณตฺติเทสนาวณฺณนา
๑๕๐. ปุคฺคลปณฺณตฺตีสูติ ¶ ปุคฺคลานํ ปฺาปเนสุ. คุณวิเสสวเสน อฺมฺํ อสงฺกรโต ปเนสุ. โลกโวหารวเสนาติ โลกสมฺมุติวเสน. โลกโวหาโร เหส, ยทิทํ ‘‘สตฺโต ปุคฺคโล’’ติอาทิ. รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺโต. ตสฺส ตสฺส สตฺตนิกายสฺส ปูรณโต คลนโต, มรณวเสน ปตนโต จ ปุคฺคโล. สนฺตติยา นยนโต นโร. อตฺตภาวสฺส โปสนโต โปโส. เอวํ ปฺาเปตพฺพาสุ โวหริตพฺพาสุ. ‘‘สพฺพเมตํ ปุคฺคโล’’ติ อิมิสฺสา สาธารณปฺตฺติยา ¶ วิภาวนวเสน วุตฺตํ, น อิธาธิปฺเปตอสาธารณปฺตฺติยา, ตสฺมา โลกปฺตฺตีสูติ สตฺตโลกคตปฺตฺตีสุ. อนุตฺตโร โหติ อนฺสาธารณตฺตา ตสฺส ปฺาปนสฺส.
ทฺวีหิ ภาเคหีติ การเณ, นิสฺสกฺเก เจตํ ปุถุวจนํ, อาวุตฺติอาทิวเสน จายมตฺโถ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘อรูปสมาปตฺติยา’’ติอาทิ, เอเตน ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน, มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกจูฬนาคตฺเถรวาโท, ‘‘นามกายโต, รูปกายโต จ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกมหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรวาโท, ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน เอกวารํ วิมุตฺโตว มคฺเคน สมุจฺเฉทวิโมกฺเขน เอกวารํ วิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุตฺโต’’ติ เอวํ ปวตฺโต ติปิฏกจูฬาภยตฺเถรวาโท จาติ อิเมสํ ติณฺณมฺปิ เถรวาทานํ เอกชฺฌํ สงฺคโห กโตติ ทฏฺพฺพํ. วิมุตฺโตติ กิเลเสหิ วิมุตฺโต, กิเลสวิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทเนหิ ¶ วา กายทฺวยโต วิมุตฺโตติ อตฺโถ. อรูปสมาปตฺตีนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. อรหตฺตปฺปตฺตอนาคามิโนติ ภูตปุพฺพคติยา วุตฺตํ. น หิ อรหตฺตปฺปตฺโต อนาคามี นาม โหติ. ปาฬีติ ปุคฺคลปฺตฺติปาฬิ. อฏฺ วิโมกฺเข กาเยน ผุสิตฺวาติ อฏฺ สมาปตฺติโย สหชาตนามกาเยน ปฏิลภิตฺวา. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ วิปสฺสนาปฺาย สงฺขารคตํ, มคฺคปฺาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปสฺสิตฺวา จตฺตาโรปิ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. ทิสฺวาติ ทสฺสนเหตุ. น หิ อาสเว ปฺาย ปสฺสนฺติ, ทสฺสนการณา ปน ¶ ปริกฺขีณา ‘‘ทิสฺวา ปริกฺขีณา’’ติ วุตฺตา ทสฺสนายตฺตปริกฺขีณตฺตา. เอวฺหิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยาภาเวน วุตฺตํ.
ปฺาย วิเสสโต มุตฺโตติ ปฺาวิมุตฺโต อนวเสสโต อาสวานํ ปริกฺขีณตฺตา. อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขปวเสเนว, น ตเทกเทสภูตรูปชฺฌานปฏิกฺเขปวเสน. เอวฺหิ อรูปชฺฌาเนกเทสาภาเวปิ อฏฺวิโมกฺขปฏิกฺเขโป น โหตีติ สิทฺธํ โหติ. อรูปาวจรชฺฌาเนสุ หิ เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุตฺโตเยว นาม โหติ, น ปฺาวิมุตฺโตติ.
ผุฏฺนฺตํ สจฺฉิกโรตีติ ผุฏฺานํ อนฺโต ผุฏฺนฺโต, ผุฏฺานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโย, อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ, ผุฏฺานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกาตพฺพํ, สจฺฉิกโต สจฺฉิกรณูปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘โส ฌานผสฺส’’นฺติอาทิ. เอกจฺเจ อาสวาติ เหฏฺิมมคฺคตฺตยวชฺฌา อาสวา. โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต, นามกาเยกเทสโต ¶ จ วิกฺขมฺภนวิโมกฺเขน วิมุตฺโต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมกฺโข อาโลจิโต ปกาสิโต ¶ วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโต. นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกจฺเจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิกโรตีติ กายสกฺขีติ วุจฺจติ, น ตุ วิมุตฺโตติ เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตา.
ทิฏฺนฺตํ ปตฺโตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคาณสฺส อนนฺตรํ ปตฺโตติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺตฺตา ปตฺโต’’ติปิ ปาโ, เตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฏฺิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติ. เตนาห ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา’’ติอาทิ. ปมผลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคมคฺคา ทิฏฺิปฺปตฺโตติ อาห ‘‘เอโสปิ กายสกฺขี วิย ฉพฺพิโธ โหตี’’ติ. อิทํ ทุกฺขนฺติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺข’’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยสฺมา อิทํ ยาถาวสรสโต ปชานาติ, ปชานนฺโต จ เปตฺวา ตณฺหํ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ‘‘ทุกฺขสจฺจ’’นฺติ ปชานาติ. ตณฺหํ ปน อิทํ ทุกฺขํ อิโต สมุเทติ, ตสฺมา ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยสฺมา อิทํ ทุกฺขฺจ สมุทโย จ นิพฺพานํ ปตฺวา นิรุชฺฌนฺติ วูปสมนฺติ อปฺปวตฺตึ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อริโย ปน อฏฺงฺคิโก มคฺโค ¶ ตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ, เตน ตํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ. เอตฺตาวตา นานกฺขเณ สจฺจววตฺถานํ ทสฺสิตํ. อิทานิ ตํ เอกกฺขเณ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถาคตปฺปเวทิตาติ ตถาคเตน โพธิมณฺเฑ ปฏิวิทฺธา วิทิตา ปากฏา กตา. ธมฺมาติ จตุสจฺจธมฺมา. โวทิฏฺา โหนฺตีติ สุทิฏฺา โหนฺติ. โวจริตาติ สุจริตา, เตสุ เตน ปฺา สุฏฺุ จราปิตาติ อตฺโถ. อยนฺติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ‘‘ทิฏฺิปฺปตฺโต’’ติ วุจฺจติ.
สทฺธาย ¶ วิมุตฺโตติ สทฺทหนวเสน วิมุตฺโต, เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามตฺเตน วิมุตฺตภาวํ ทสฺเสติ. สทฺธาวิมุตฺโตติ วา สทฺธาย อธิมุตฺโตติ อตฺโถ. วุตฺตนเยเนวาติ กายสกฺขิมฺหิ วุตฺตนเยเนว. โน จ โข ยถา ทิฏฺิปฺปตฺตสฺสาติ ยถา ทิฏฺิปฺปตฺตสฺส อาสวา ปริกฺขีณา, น เอวํ สทฺธาย วิมุตฺตสฺสาติ อตฺโถ. กึ ปน เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ อตฺถีติ? นตฺถิ. อถ กสฺมา สทฺธาวิมุตฺโต ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ? อาคมนียนานตฺเตน. ทิฏฺิปฺปตฺโต หิ อาคมนมฺหิ กิเลเส วิกฺขมฺเภนฺโต อปฺปทุกฺเขน, อกิลมนฺโต จ สกฺโกติ วิกฺขมฺเภตุํ, สทฺธาวิมุตฺโต ทุกฺเขน กิลมนฺโต วิกฺขมฺเภติ, ตสฺมา ทิฏฺิปฺปตฺตํ น ปาปุณาติ. เตนาห ‘‘เอเตสุ หี’’ติอาทิ.
อารมฺมณํ ¶ ยาถาวโต ธาเรติ อวธาเรตีติ ธมฺโม, ปฺา. ปฺาปุพฺพงฺคมนฺติ ปฺาปธานํ. ปฺํ วาเหตีติ ปฺาวาหี, ปฺํ สาติสยํ ปวตฺเตตีติ อตฺโถ. ปฺา วา อิมํ ปุคฺคลํ วาเหติ, นิพฺพานาภิมุขํ คเมตีติ อตฺโถ. สทฺธานุสารินิทฺเทเสปิ เอเสว นโย.
ตสฺมาติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๗๐, ๗๗๖) วุตฺตตฺตา, ตโต เอว วิสุทฺธิมคฺเค, ตํ สํวณฺณนาสุ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๗๗๖) วุตฺตนเยเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ปธานเทสนาวณฺณนา
๑๕๑. ปทหนวเสนาติ ภาวนานุโยควเสน. สตฺต โพชฺฌงฺคา ปธานาติ วุตฺตา วิเวกนิสฺสิตาทิภาเวน ปทหิตพฺพโต ภาเวตพฺพโต.
ปฏิปทาเทสนาวณฺณนา
๑๕๒. ทุกฺเขน ¶ กสิเรน สมาธึ อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ ปุพฺพภาเค อาคมนกาเล กิจฺเฉน ทุกฺเขน สสงฺขาเรน สปฺปโยเคน กิลมนฺตสฺส กิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา โลกุตฺตรสมาธึ อุปฺปาเทนฺตสฺส. ทนฺธํ ตํ านํ อภิชานนฺตสฺสาติ วิกฺขมฺภิเตสุ กิเลเสสุ วิปสฺสนาปริวาเส จิรํ ¶ วสิตฺวา ตํ โลกุตฺตรสมาธิสงฺขาตํ านํ ทนฺธํ สณิกํ อภิชานนฺตสฺส ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส, สจฺฉิกโรนฺตสฺส ปาปุณนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อยํ วุจฺจตีติ ยา เอสา เอวํ อุปฺปชฺชติ, อยํ กิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปทาย ทุกฺขตฺตา, วิปสฺสนาปริวาสปฺาย จ ทนฺธตฺตา มคฺคกาเล เอกจิตฺตกฺขเณ อุปฺปนฺนาปิ ปฺา อาคมนวเสน ‘‘ทุกฺขปฏิปทา ทนฺธาภิฺา นามา’’ติ วุจฺจติ. อุปริ ตีสุ ปเทสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภสฺสสมาจาราทิเทสนาวณฺณนา
๑๕๓. ภสฺสสมาจาเรติ วจีสมาจาเร. ิโตติ ยถารทฺธํ ตํ อวิจฺเฉทวเสน กเถนฺโต. เตนาห ‘‘กถามคฺคํ อนุปจฺฉินฺทิตฺวา กเถนฺโต’’ติ. มุสาวาทูปสฺหิตนฺติ อนฺตรนฺตรา ปวตฺเตน มุสาวาเทน อุปสํหิตํ. วิภูติ วุจฺจติ วิสุํภาโว, ตตฺถ นิยุตฺตนฺติ เวภูติกํ, ตเทว เวภูติยํ, เปสฺุํ. เตนาห ‘‘เภทกรวาจ’’นฺติ. กรณุตฺตริยลกฺขณโต สารมฺภโต ชาตาติ สารมฺภชา. ตสฺสา ปวตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ‘‘ตฺวํ ทุสฺสีโล’’ติอาทิ วุตฺตํ. พหิทฺธากถา อมนาปา, ¶ มนาปาปิ ปรสฺส จิตฺตวิฆาตาวหตฺตา กรณุตฺตริยปกฺขิยเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตุยฺห’’นฺติอาทิมาห. วิกฺเขปกถาปวตฺตนฺติ วิกฺเขปกถาวเสน ปวตฺตํ. ชยปุเรกฺขาโร หุตฺวาติ อตฺตโน ชยํ ปุรกฺขตฺวา. ยํ กิฺจิ น ภาสตีติ โยชนา. ‘‘มนฺตา’’ติ วุจฺจติ ปฺา, มนฺตนํ ชานนนฺติ กตฺวา. ‘‘มนฺตา’’ติ อิทํ ‘‘มนฺเตตฺวา’’ติ อิมินา สมานตฺถํ นิปาตปทนฺติ อาห ‘‘อุปปริกฺขิตฺวา’’ติ. ยุตฺตกถเมวาติ อตฺตโน, สุณนฺตสฺส จ ยุตฺตรูปเมว กถํ. หทเย นิทหิตพฺพยุตฺตนฺติ อตฺถสมฺปตฺติยา, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา ¶ อตฺถเวทาทิปฏิลาภนิมิตฺตตฺตา จิตฺเต เปตพฺพํ, วิมุตฺตายตนภาเวน มนสิ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. สพฺพงฺคสมฺปนฺนาปิ วาจา อกาเล ภาสิตา อภาชเน ภาสิตา วิย น อตฺถาวหาติ อาห ‘‘ยุตฺตปตฺตกาเลนา’’ติ. อยฺจ จตุรงฺคสมนฺนาคตา สุภาสิตวาจา ¶ สจฺจสมฺโพธาวหาทิตาย สตฺตานํ มหิทฺธิกา มหานิสํสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ภาสิตา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สีลาจาเรติ สีเล จ อาจาเร จ ปริสุทฺธสีเล เจว ปริสุทฺธมโนสมาจาเร จ. ิโตติ ปติฏฺหนฺโต. สจฺจํ เอตสฺส อตฺถีติ สจฺโจติ อาห ‘‘สจฺจกโถ’’ติ. เอส นโย สทฺโธติ เอตฺถาปิ. เตนาห ‘‘สทฺธาสมฺปนฺโน’’ติ. ‘‘นนุ จ เหฏฺา สจฺจํ กถิตเมวา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ? เหฏฺา หิ วจีสมาจารํ กเถนฺเตน สจฺจํ กถิตํ, ปฏิปกฺขปฏิกฺเขปวเสน อิธ สีลํ กเถนฺเตน ตํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ทสฺเสตุํ สจฺจํ สรูเปเนว กถิตํ. ‘‘ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย อารพฺภนฺตรฺเจตํ, ตถาปิ สจฺจํ วตฺวา อนนฺตรเมว สจฺจสฺส กถนํ ปุนรุตฺตํ โหตีติ ปรสฺส โจทนาวสโร มา โหตู’’ติ ตตฺถ ปริหารํ ทาตุกาโม ‘‘อิธ กสฺมา ปุน วุตฺต’’นฺติ อาห. เหฏฺา วาจาสจฺจํ กถิตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ สุภาสิตวาจํ ทสฺเสนฺเตน. อนฺตมโส…เป… ทสฺเสตุํ อิธ วุตฺตํ ‘‘เอวํ สีลํ สุปริสุทฺธํ โหตี’’ติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ‘‘เอวํ ปริตฺตกํ โข, ราหุล, เตสํ สามฺํ, เยสํ นตฺถิ สมฺปชานมุสาวาเท ลชฺชา’’ติอาทิ นยปฺปวตฺตํ ราหุโลวาทสุตฺตํ ทสฺเสตพฺพํ.
คุตฺตา สติกวาเฏน ปิทหิตา ทฺวารา เอเตนาติ คุตฺตทฺวาโรติ อาห ‘‘ฉสุ อินฺทฺริเยสู’’ติอาทิ ¶ . ปริเยสนปฏิคฺคณฺหนปริโภควิสฺสชฺชนวเสน โภชเน มตฺตํ ชานาตีติ โภชเน มตฺตฺู. สมนฺติ อวิสมํ. สมจาริตา หิ กายวิสมาทีนิ ปหาย กายสมาทิปูรณํ. นิสชฺชายาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, เตน ‘‘อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. ภาวนาย จิตฺตปริโสธนฺหิ ชาคริยานุโยโค, น นิทฺทาวิโนทนมตฺตํ. นิตฺตนฺทีติ วิคตถินมิทฺโธ. สา ปน นิตฺตนฺทิตา กายาลสิยวิคมเน ปากฏา โหตีติ วุตฺตํ ‘‘กายาลสิยวิรหิโต’’ติ. ‘‘อารทฺธวีริโย’’ติ อิมินา ทุวิโธปิ วีริยารมฺโภ คหิโตติ ตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กายิกวีริเยนาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สงฺคมฺม คณวิหาโร ¶ สหวาโส สงฺคณิกา, สา ปน กิเลเสหิปิ เอวํ โหตีติ ตโต วิเสเสตุํ ‘‘คณสงฺคณิก’’นฺติ วุตฺตํ. คเณน สงฺคณิกํ คณสงฺคณิกนฺติ. อารมฺภวตฺถุวเสนาติ อนธิคตวิเสสาธิคมการณวเสน เอกวิหารี, น เกวลํ เอกีภาววเสน. กิเลสสงฺคณิกนฺติ ¶ กิเลสสหิตจิตฺตตํ. ยถา ตถาติ วิปสฺสนาวเสน, ปฏิสงฺขานวเสน วา. สมถวเสน อารมฺมณูปนิชฺฌานํ. วิปสฺสนาวเสน ลกฺขณูปนิชฺฌานํ.
กลฺยาณปฏิภาโนติ สุนฺทรปฏิภาโน, สา ปนสฺส ปฏิภานสมฺปทา วจนจาตุริยสหิตาว อิจฺฉิตาติ อาห ‘‘วากฺกรณ…เป… สมฺปนฺโน จา’’ติ. ‘‘ปฏิภาน’’นฺติ หิ าณมฺปิ วุจฺจติ าณสฺส อุปฏฺิตวจนมฺปิ. ตตฺถ อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตํ ปฏิภานมสฺสาติ ยุตฺตปฏิภาโน. ปุจฺฉิตานนฺตรเมว สีฆํ พฺยากาตุํ อสมตฺถตาย โน มุตฺตปฏิภานํ อสฺสาติ โน มุตฺตปฏิภาโน. อิธ ปน วิกิณฺณวาโจ มุตฺตปฏิภาโน อธิปฺเปโตติ อธิปฺปาเยน ‘‘สีลสมาจารสฺมิฺหิ ิตภิกฺขุ มุตฺตปฏิภาโน น โหตี’’ติ วุตฺตํ. คมนสมตฺถายาติ ¶ อสฺสุตํ ธมฺมํ คเมตุํ สมตฺถาย. ธารณสมตฺถายาติ สาติสยํ สติวีริยสหิตตาย ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ธาเรตุํ สมตฺถาย. มุนนโต อนุมินนโต มุตีติ อนุมาน ปฺาย นามํ. ตีหิ ปเทหีติ ‘‘คติมา ธิติมา มุติมา’’ติ ตีหิ ปเทหิ. เหฏฺาติ เหฏฺา ‘‘อารทฺธวีริโย’’ติ วุตฺตฏฺาเน. อิธาติ ‘‘ธิติมา’’ติ วุตฺตฏฺาเน. วีริยมฺปิ เหฏฺา คุณภูตํ คหิตนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เหฏฺาติ ‘‘ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต, ฌายี’’ติ เอตฺถ วิปสฺสนาปฺา กถิตา. อิธาติ ‘‘ธิติมา มุติมา’’ติ เอตฺถ พุทฺธวจนคณฺหนปฺา กถิตา กรณปุพฺพาปรโกสลฺลปฺาทีปนโต. กิเลสกาโมปิ วตฺถุกาโม วิย ยถาปวตฺโต อสฺสาทียตีติ วุตฺตํ ‘‘วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อคิทฺโธ’’ติ.
อนุสาสนวิธาเทสนาทิวณฺณนา
๑๕๔. อตฺตโน อุปายมนสิกาเรนาติ อตฺตนิ สมฺภูเตน ปถมนสิกาเรน ภาวนามนสิกาเรน. ปฏิปชฺชมาโนติ วิสุทฺธึ ปฏิปชฺชมาโน.
๑๕๕. กิเลสวิมุตฺติาเณติ กิเลสปฺปหานชานเน.
๑๕๖. ปริยาทิยมาโนติ ปริจฺฉิชฺช คณฺหนฺโตติ อตฺโถ. สุทฺธกฺขนฺเธเยว อนุสฺสรติ นามโคตฺตํ ปริยาทิยิตุํ อสกฺโกนฺโต. วุตฺตเมวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘เอโก หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สกฺโกติ ¶ ปริยาทิยิตุํ. อสกฺโกนฺตสฺส ¶ วเสน คหิตํ, ‘‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. อสกฺโกนฺตสฺสาติ จ อาโรหเน อสกฺโกนฺตสฺส, โอโรหเน ปน าณสฺส ถิรภูตตฺตา. เตนาห ‘‘สุทฺธกฺขนฺเธเยว อนุสฺสรนฺโต’’ติอาทิ. เอตนฺติ ปุพฺพาปรวิโรธํ. น สลฺลกฺเขสิ ทิฏฺาภินิเวเสน ¶ กุณฺาณตฺตา. เตนาห ‘‘ทิฏฺิคติกตฺตา’’ติ. านนฺติ เอกสฺมึ ปกฺเข อวฏฺานํ. นิยโมติ วาทนิยโม ปฏินิยตวาทตา. เตนาห ‘‘อิมํ คเหตฺวา’’ติอาทิ.
๑๕๗. ปิณฺฑคณนายาติ ‘‘เอกํ ทฺเว’’ติอาทินา อคเณตฺวา สงฺกลนปทุปฺปาทนาทินา ปิณฺฑนวเสน คณนาย. อจฺฉิทฺทกวเสนาติ อวิจฺฉินฺทกคณนาวเสน คณนา กมคณนํ มฺุจิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ รุกฺเข เอตฺตกานิ ปณฺณานี’’ติ วา ‘‘อิมสฺมึ ชลาสเย เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกานี’’ติ วา เอวํ คเณตพฺพสฺส เอกชฺฌมฺปิ ปิณฺเฑตฺวา คณนา. กมคณนา หิ อนฺตรนฺตรา วิจฺฉิชฺช ปวตฺติยา ปจฺฉินฺทิกา. สา ปเนสา คณนา สวนนฺตรํ อนเปกฺขิตฺวา มนสาว คเณตพฺพโต ‘‘มโนคณนา’’ติปิ วุจฺจตีติ อาห ‘‘มโนคณนายา’’ติ. ปิณฺฑคณนเมว ทสฺเสติ, น วิภาคคณนํ. สงฺขาตุํ น สกฺกา อฺเหิ อสงฺขฺเยยฺยาภาวโต. ปฺาปารมิยา ปูริตภาวํ ทสฺเสนฺโต อิตราสํ ปูรเณน วินา ตสฺสา ปูรณํ นตฺถีติ ‘‘ทสนฺนํ ปารมีนํ ปูริตตฺตา’’ติ อาห. เตนาห ‘‘สพฺพฺุตฺาณสฺส สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา’’ติ. เอตฺตกนฺติ ทสฺเสถาติ ทีเปติ เถโร. ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘สาการํ สอุทฺเทสํ อนุสฺสรตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ตสฺส อนุสฺสรณมตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, น อายุโน วสฺสาทิคณนาย ปริจฺฉินฺทนํ ตสฺส อวิสยภาวโต.
๑๕๘. ตุมฺหากํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ เยว อนุตฺตรา อนฺสาธารณตฺตา. อิทานิ ตสฺสา เทสนาย มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส วิย วิภาคาภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีตพุทฺธาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมินาปิ การเณนาติ อนุตฺตรภาเวน, อฺเหิ พุทฺเธหิ เอกสทิสภาเวน จ.
๑๕๙. อาสวานํ อารมฺมณภาวูปคมเนน สาสวา. อุเปจฺจ ¶ อาธียนฺตีติ อุปาธี, โทสาโรปนานิ, สห อุปาธีหีติ สอุปาธิกา. อนริยิทฺธิยฺหิ อตฺตโน จิตฺตโทเสน เอกจฺเจ อุปารมฺภํ ททนฺติ, สฺวายมตฺโถ เกวฏฺฏสุตฺเตน ทีเปตพฺโพ. โน ‘‘อริยา’’ติ วุจฺจติ สาสวภาวโต. นิทฺโทเสหิ ¶ ขีณาสเวหิ ปวตฺเตตพฺพโต นิทฺโทสา โทเสหิ สห อปฺปวตฺตนโต. ตโต เอว อนุปารมฺภา. อริยานํ อิทฺธีติ อริยิทฺธีติ วุจฺจติ.
อปฺปฏิกฺกูลสฺีติ อิฏฺสฺี อิฏฺากาเรน ปวตฺตจิตฺโต. ปฏิกฺกูเลติ อมนฺุเ อนิฏฺเ ¶ . ธาตุสฺนฺติ ‘‘ธาตุโย’’ติ สฺํ. อุปสํหรตีติ อุปเนติ ปวตฺเตติ. อนิฏฺสฺมึ วตฺถุสฺมินฺติ อนิฏฺเ สตฺตสฺิเต อารมฺมเณ. เมตฺตาย วา ผรตีติ เมตฺตํ หิเตสิตํ อุปสํหรนฺโต สพฺพตฺถกเมว ตํ ตตฺถ ผรติ. ธาตุโต วา อุปสํหรตีติ ธมฺมสภาวจินฺตเนน ธาตุโส, ปจฺจเวกฺขณาย ธาตุมนสิการํ วา ตตฺถ ปวตฺเตติ. อปฺปฏิกฺกูเล สตฺเต าติมิตฺตาทิเก ยาถาวโต ธมฺมสภาวจินฺตเนน อนิจฺจสฺาย วิสภาคภูเต ‘‘เกสาทิ อสุจิโกฏฺาสเมวา’’ติ อสุภสฺํ ผรติ อสุภมนสิการํ ปวตฺเตติ. ฉฬงฺคุเปกฺขายาติ อิฏฺานิฏฺฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนลกฺขณาย ฉสุ ทฺวาเรสุ ปวตฺตนโต ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขายา’’ติ ลทฺธนามาย ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาย.
ตํ เทสนนฺติ ตํ ทฺวีสุ อิทฺธิวิธาสุ เทสนปฺปการํ เทสนาวิธึ. อเสสํ สกลนฺติ อเสสํ นิรวเสสํ สมฺปุณฺณํ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานาติ. อเสสํ อภิชานโต ตโต อุตฺตริ อภิฺเยฺยํ ¶ นตฺถิ. อิโตติ ภควโต อภิฺาตโต. อฺโ ปรมตฺถวเสน ธมฺโม วา ปฺตฺติวเสน ปุคฺคโล วา อยํ นาม ยํ ภควา น ชานาตีติ อิทํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ สพฺพสฺเสว สมฺมเทว ตุมฺเหหิ อภิฺาตตฺตา. ทฺวีสุ อิทฺธิวิธาสุ อภิชานเน, เทสนายฺจ ภควโต อุตฺตริตโร นตฺถิ. อิมินาปีติ ปิ-สทฺโท น เกวลํ วุตฺตตฺถสมุจฺจยตฺโถ, อถ โข อวุตฺตตฺถสมุจฺจยตฺโถปิ ทฏฺพฺโพ. ยํ ตํ ภนฺเตติอาทินาปิ หิ ภควโต คุณทสฺสนํ ตสฺเสว ปสาทสฺส การณวิภาวนํ.
อฺถาสตฺถุคุณทสฺสนาทิวณฺณนา
๑๖๐. ปุพฺเพ ‘‘เอตทานุตฺตริยํ ภนฺเต’’ติอาทินา ยถาวุตฺตพุทฺธคุณา ทสฺสิตา, ตโต อฺโ เอวายํ ปกาโร ‘‘ยํ ตํ ภนฺเต’’ติอาทินา อารทฺโธติ อาห ‘‘อปเรนาปิ อากาเรนา’’ติ. พุทฺธานํ สมฺมาสมฺโพธิยา สทฺทหนโต วิเสสโต สทฺธา กุลปุตฺตา นาม โพธิสตฺตา, มหาโพธิสตฺตาติ อธิปฺปาโย. เต หิ มหาภินีหารโต ปฏฺาย ¶ มหาโพธิยํ สตฺตา อาสตฺตา ลคฺคา นิยตภาวูปคมเนน เกนจิ อสํหาริยภาวโต. ยโต เนสํ น กถฺจิ ตตฺถ สทฺธาย อฺถตฺตํ โหติ, เอเตเนว เตสํ กมฺมผลํ สทฺธายปิ อฺถตฺตาภาโว ทีปิโต ทฏฺพฺโพ. ตสฺมาติ ยสฺมา อติสยวจนิจฺฉาวเสน, ‘‘อนุปฺปตฺตํ ตํ ภควตา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนน จ วิสิฏฺวิสยํ ‘‘สทฺเธน กุลปุตฺเตนา’’ติ อิทํ ปทํ, ตสฺมา. โลกุตฺตรธมฺมสมธิคมมูลกตฺตา สพฺพพุทฺธคุณสมธิคมสฺส ‘‘นว โลกุตฺตรธมฺมา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อารทฺธวีริเยนา’’ติอาทีสุ สมาสปเทสุ ‘‘วีริยํ ถาโม’’ติอาทีนิ อวยวปทานิ. อาทิ-สทฺเทน ปรกฺกมปทํ สงฺคณฺหาติ, น ¶ โธรยฺหปทํ. น หิ ตํ วีริยเววจนํ, อถ โข วีริยวนฺตวาจกํ. ธุราย นิยุตฺโตติ หิ โธรยฺโห. เตนาห ¶ ‘‘ตํ ธุรํ วหนสมตฺเถน มหาปุริเสนา’’ติ. ปคฺคหิตวีริเยนาติ อสิถิลวีริเยน. ถิรวีริเยนาติ อุสฺโสฬฺหีภาวูปคมเนน ถิรภาวปฺปตฺตวีริเยน. อสมธุเรหีติ อนฺสาธารณธุเรหิ. ปเรสํ อสยฺหสหนา หิ โลกนาถา. ตํ สพฺพํ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยเภทํ พุทฺธานํ คุณชาตํ. ปารมิตา, พุทฺธคุณา, เวเนยฺยสตฺตาติ ยสฺมา อิทํ ตยํ สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ สมานเมว, ตสฺมา อาห ‘‘อตีตานาคต…เป… อูโน นตฺถี’’ติ.
กามสุขลฺลิกานุโยคนฺติ กามสุเข อลฺลีนา หุตฺวา อนุยฺุชนํ. โก ชานาติ ปรโลกํ ‘‘อตฺถี’’ติ, เอตฺถ ‘‘โก เอกวิสโยยํ อินฺทฺริยโคจโร’’ติ เอวํทิฏฺิ หุตฺวาติ อธิปฺปาโย. สุโขติ อิฏฺโ สุขาวโห. ปริพฺพาชิกายาติ ตาปสปริพฺพาชิกาย ตรุณิยา. มุทุกายาติ สุขุมาลาย. โลมสายาติ ตรุณมุทุโลมวติยา. โมฬิพนฺธาหีติ โมฬึ กตฺวา พนฺธเกสาหิ. ปริจาเรนฺตีติ อตฺตโน ปาริจาริกํ กโรนฺติ, อินฺทฺริยานิ วา ตตฺถ ปริโต จาเรนฺติ. ลามกนฺติ ปฏิกิลิฏฺํ. คามวาสีนํ พาลานํ ธมฺมํ. ปุถุชฺชนานมิทนฺติ โปถุชฺชนิกํ. ยถา ปน ตํ ‘‘ปุถุชฺชนานมิท’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุถุชฺชเนหิ เสวิตพฺพ’’นฺติ อาห. อนริเยหิ เสวิตพฺพนฺติ วา อนริยํ. ยสฺมา ปน นิทฺโทสตฺโถ อริยตฺโถ, ตสฺมา ‘‘อนริยนฺติ น นิทฺโทส’’นฺติ วุตฺตํ. อนตฺถสํยุตฺตนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกาทิวิวิธวิปุลานตฺถสฺหิตํ. อตฺตกิลมถานุโยคนฺติ อตฺตโน กิลมถสฺส เขทนสฺส อนุยฺุชนํ. ทุกฺขํ ¶ เอตสฺส อตฺถีติ ทุกฺขํ. ทุกฺขมนํ เอตสฺสาติ ทุกฺขมํ.
อาภิเจตสิกานนฺติ ¶ อภิเจโต วุจฺจติ อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธํ จิตฺตํ, อธิจิตฺตํ วา, ตสฺมึ อภิเจตสิ ชาตานีติ อาภิเจตสิกานิ, อภิเจโตสนฺนิสฺสิตานิ วา. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานนฺติ ทิฏฺธมฺเม สุขวิหารานํ, ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว, ตตฺถ สุขวิหารภูตานนฺติ อตฺโถ, รูปาวจรฌานานเมตํ อธิวจนํ. ตานิ หิ อปฺเปตฺวา นิสินฺนา ฌายิโน อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อสํกิลิฏฺํ เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานี’’ติ วุจฺจนฺตีติ. กถิตา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร’’ติ สปฺปีติกตฺตา, โลกุตฺตรวิปากสุขุมสฺหิตตฺตา จ. สห มคฺเคน วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ กถิตํ ‘‘จตฺตาโรเม จุนฺท สุขลฺลิกานุโยคา เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๘๔) จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺตีติ จตุตฺถชฺฌานิกา ผลสมาปตฺติ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารภาเวน กถิตา. จตฺตาริ รูปาวจรานิ ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารชฺฌานานี’’ติ กถิตานีติ อตฺโถ. นิกามลาภีติ นิกาเมน ลาภี อตฺตโน อิจฺฉาวเสน ลาภี. อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถติ อตฺโถ ¶ . เตนาห ‘‘ยถากามลาภี’’ติ. อทุกฺขลาภีติ สุเขเนว ปจฺจนีกธมฺมานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถ. อกสิรลาภีติ อกสิรานํ วิปุลานํ ลาภี, ยถาปริจฺเฉเทเนว วุฏฺาตุํ สมตฺโถ. เอกจฺโจ หิ ลาภีเยว โหติ, น ปน สกฺโกติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ. เอกจฺโจ ตถา สมาปชฺชิตุํ สกฺโกติ, ปาริพนฺธเก ปน กิจฺเฉน วิกฺขมฺเภติ. เอกจฺโจ ตถา จ สมาปชฺชติ, ปาริพนฺธเก จ อกิจฺเฉเนว วิกฺขมฺเภติ ¶ , น สกฺโกติ นาฬิกยนฺตํ วิย ยถาปริจฺเฉเท วุฏฺาตุํ. ภควา ปน สพฺพโส สมุจฺฉินฺนปาริพนฺธกตฺตา วสิภาวสฺส สมฺมเทว สมธิคตตฺตา สพฺพเมตํ สมฺมเทว สกฺโกติ.
อนุโยคทานปฺปการวณฺณนา
๑๖๑. ทสสหสฺสิโลกธาตุยาติ อิมาย โลกธาตุยา สทฺธึ อิมํ โลกธาตุํ ปริวาเรตฺวา ิตาย ทสสหสฺสิโลกธาตุยา. ชาติเขตฺตภาเวน หิ ตํ เอกชฺฌํ คเหตฺวา ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ วุตฺตํ, ตตฺตกาย เอว ชาติเขตฺตภาโว ธมฺมตาวเสน เวทิตพฺโพ. ‘‘ปริคฺคหวเสนา’’ติ เกจิ. สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ ตตฺตกํ เอว ¶ ชาติเขตฺตํ. ‘‘ตนฺนิวาสีนํเยว จ เทวานํ ธมฺมาภิสมโย’’ติ วทนฺติ. ปกมฺปนเทวตูปสงฺกมนาทินา ชาตจกฺกวาเฬน สมานโยคกฺขมฏฺานํ ชาติเขตฺตํ. สรเสเนว อาณาปวตฺตนฏฺานํ อาณาเขตฺตํ. พุทฺธาณสฺส วิสยภูตํ านํ วิสยเขตฺตํ. โอกฺกมนาทีนํ ฉนฺนเมว คหณํ นิทสฺสนมตฺตํ มหาภินีหาราทิกาเลปิ ตสฺส ปกมฺปนลพฺภนโต. อาณาเขตฺตํ นาม, ยํ เอกจฺจํ สํวฏฺฏติ, วิวฏฺฏติ จ. อาณา วตฺตติ ตนฺนิวาสิเทวตานํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉเนน, ตฺจ โข เกวลํ พุทฺธานํ อานุภาเวเนว, น อธิปฺปายวเสน. ‘‘ยาวตา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วจนโต ตโต ปรมฺปิ อาณา ปวตฺเตยฺเยว.
นุปฺปชฺชนฺตีติ ปน อตฺถีติ ‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕) อิมิสฺสา ¶ โลกธาตุยา ตฺวา วทนฺเตน ภควตา, อิมสฺมึเยว สุตฺเต ‘‘กึ ปนาวุโส, สาริปุตฺต, อตฺเถตรหิ อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ภควตา สมสโม สมฺโพธิย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑) เอวํ ปุฏฺโ ‘‘อหํ ภนฺเต โนติ วเทยฺย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑) วตฺวา ตสฺส การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๖๑; ม. นิ. ๓.๑๒๙; อ. นิ. ๑.๒๗๗; เนตฺติ. ๕๗; มิ. ป. ๕.๑.๑) อิมํ สุตฺตํ ทสฺเสนฺเตน ¶ ธมฺมเสนาปตินา จ พุทฺธเขตฺตภูตํ อิมํ โลกธาตุํ เปตฺวา อฺตฺถ อนุปฺปตฺติ วุตฺตา โหตีติ อธิปฺปาโย.
เอกโตติ สห, เอกสฺมึ กาเลติ อตฺโถ. โส ปน กาโล กถํ ปริจฺฉินฺโนติ? จริมภเว ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ยาว ธาตุปรินิพฺพานนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ โพธิปลฺลงฺเก’’ติอาทิมาห. นิสินฺนกาลโต ปฏฺายาติ ปฏิโลมกฺกเมน วทติ. เขตฺตปริคฺคโห กโตว โหติ ‘‘อิทํ พุทฺธานํ ชาติเขตฺต’’นฺติ. เกน ปน ปริคฺคโห กโต? อุปฺปชฺชมาเนน โพธิสตฺเตน. ปรินิพฺพานโต ปฏฺายาติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานโต ปฏฺาย. เอตฺถนฺตเรติ จริมภเว โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณํ, ธาตุปรินิพฺพานนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ ปริจฺฉินฺเน เอตสฺมึ อนฺตเร.
ติปิฏกอนฺตรธานกถาวณฺณนา
‘‘น ¶ นิวาริตา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตีณิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฏิปตฺติอนฺตรธาเนน สาสนสฺส โอสกฺกิตตฺตา อปรสฺส อุปฺปตฺติ ลทฺธาวสรา โหติ. ปฏิปทาติ ปฏิเวธาวหา ปุพฺพภาคปฏิปทา.
‘‘ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ โพธิสตฺตํ นิทสฺสนํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตยิทํ หีนํ นิทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิยฺยานิกธมฺมสฺส หิ ิตึ ทสฺเสนฺโต อนิยฺยานิกธมฺมํ นิทสฺเสติ.
มาติกาย อนฺตรหิตายาติ ‘‘โย ปน ภิกฺขู’’ติอาทิ (ปารา. ๓๙, ๔๔; ปาจิ. ๔๕) นยปฺปวตฺตาย ¶ สิกฺขาปทปาฬิมาติกาย อนฺตรหิตาย. นิทานุทฺเทสสงฺขาเต ปาติโมกฺเข, ปพฺพชฺชาอุปสมฺปทากมฺเมสุ จ สาสนํ ติฏฺติ. ยถา วา ปาติโมกฺเข ธรนฺเต เอว ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ, เอวํ สติ เอว ตทุภเย ปาติโมกฺขํ ตทุภยาภาเว ปาติโมกฺขาภาวโต. ตสฺมา ตยิทํ ตยํ สาสนสฺส ิติเหตูติ อาห ‘‘ปาติโมกฺขปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาสุ ิตาสุ สาสนํ ติฏฺตี’’ติ. ยสฺมา วา อุปสมฺปทาธีนํ ปาติโมกฺขํ อนุปสมฺปนฺนสฺส อนิจฺฉิตตฺตา, อุปสมฺปทา จ ปพฺพชฺชาธีนา, ตสฺมา ปาติโมกฺเข, ตํ สิทฺธิยา สิทฺธาสุ ปพฺพชฺชุปสมฺปทาสุ จ สาสนํ ติฏฺติ. โอสกฺกิตํ นามาติ ปจฺฉิมกปฏิเวธสีลเภททฺวยํ เอกโต กตฺวา ตโต ปรํ ¶ วินฏฺํ นาม โหติ, ปจฺฉิมกปฏิเวธโต ปรํ ปฏิเวธสาสนํ, ปจฺฉิมกสีลเภทโต ปรํ ปฏิปตฺติสาสนํ วินฏฺํ นาม โหตีติ อตฺโถ.
สาสนอนฺตรหิตวณฺณนา
เอเตน กามํ ‘‘สาสนฏฺิติยา ปริยตฺติ ปมาณ’’นฺติ วุตฺตํ, ปริยตฺติ ปน ปฏิปตฺติเหตุกาติ ปฏิปตฺติยา อสติ สา อปฺปติฏฺา โหติ ปฏิเวโธ วิย, ตสฺมา ปฏิปตฺติอนฺตรธานํ สาสโนสกฺกนสฺส วิเสสการณนฺติ ทสฺเสตฺวา ตยิทํ สาสโนสกฺกนํ ธาตุปรินิพฺพาโนสานนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตีณิ ปรินิพฺพานานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ธาตูนํ สนฺนิปาตนาทิ พุทฺธานํ อธิฏฺาเนเนวาติ เวทิตพฺพํ.
ตาติ ¶ รสฺมิโย. การฺุนฺติ ปริเทวนการฺุํ. ชมฺพุทีเป, ทีปนฺตเรสุ, เทวนาคพฺรหฺมโลเกสุ จ วิปฺปกิริตฺวา ิตานํ ธาตูนํ มหาโพธิปลฺลงฺกฏฺาเน เอกชฺฌํ สนฺนิปาตนํ, รสฺมิวิสฺสชฺชนํ, ตตฺถ เตโชธาตุยา อุฏฺานํ, เอกชาลิภาโว จาติ สพฺพเมตํ สตฺถุ อธิฏฺานวเสเนวาติ เวทิตพฺพํ.
อนจฺฉริยตฺตาติ ทฺวีสุปิ อุปฺปชฺชมาเนสุ อจฺฉริยตฺตาภาวโทสโตติ ¶ อตฺโถ. พุทฺธา นาม มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย เอกสทิสาติ เตสํ เทสนาปิ เอกรสา เอวาติ อาห ‘‘เทสนาย จ วิเสสาภาวโต’’ติ, เอเตน จ อนจฺฉริยตฺตเมว สาเธติ. ‘‘วิวาทภาวโต’’ติ เอเตน วิวาทาภาวตฺถํ ทฺเว เอกโต น อุปฺปชฺชนฺตีติ ทสฺเสติ.
ตตฺถาติ มิลินฺทปฺเห (มิ. ป. ๕.๑.๑). เอกุทฺเทโสติ เอโก เอกวิโธ อภินฺโน อุทฺเทโส. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
เอกํ เอว พุทฺธํ ธาเรตีติ เอกพุทฺธธารณี, เอเตน เอวํสภาวา เอเต พุทฺธคุณา, เยน ทุติยํ พุทฺธคุณํ ธาเรตุํ อสมตฺถา อยํ โลกธาตูติ ทสฺเสติ. ปจฺจยวิเสสนิปฺผนฺนานฺหิ ธมฺมานํ สภาววิเสโส น สกฺกา นิวาเรตุนฺติ. ‘‘น ธาเรยฺยา’’ติ วตฺวา ตเมว อธารณํ ปริยาเยหิ ปกาเสนฺโต ‘‘จเลยฺยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จเลยฺยาติ ปริปฺผนฺเทยฺย. กมฺเปยฺยาติ ปเวเธยฺย. นเมยฺยาติ เอกปสฺเสน นตา ภเวยฺย. โอณเมยฺยาติ โอสีเทยฺย. วินเมยฺยาติ วิวิธา อิโต จิโต จ นเมยฺย. วิกิเรยฺยาติ วาเตน ภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิเรยฺย. วิธเมยฺยาติ ¶ วินสฺเสยฺย. วิทฺธํเสยฺยาติ สพฺพโส วิทฺธสฺตา ภเวยฺย. ตถาภูตา จ น กตฺถจิ ติฏฺเยฺยาติ อาห ‘‘น านํ อุปคจฺเฉยฺยา’’ติ.
อิทานิ ตตฺถ นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา มหาราชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมุปาทิกาติ สมํ อุทฺธํ ปชฺชติ ปวตฺตตีติ สมุปาทิกา, อุทกสฺส อุปริ สมํคามินีติ อตฺโถ. วณฺเณนาติ สณฺาเนน. ปมาเณนาติ อาโรเหน. กิสถูเลนาติ กิสถูลภาเวน, ปริณาเหนาติ อตฺโถ. ทฺวินฺนมฺปีติ ทฺเวปิ, ทฺวินฺนมฺปิ วา สรีรภารํ.
ฉาเทนฺตนฺติ โรเจนฺตํ รุจึ อุปฺปาเทนฺตํ. ตนฺทีกโตติ เตน โภชเนน ตนฺทีภูโต. อโนณมิตทณฺฑชาโตติ ยาวทตฺถโภชเนน โอณมิตุํ อสมตฺถตาย ¶ อโนณมิตทณฺโฑ วิย ชาโต. สกึ ¶ ภุตฺโตวาติ เอกํ วฑฺฒิตกํ ภุตฺตมตฺโตว มเรยฺยาติ. อติธมฺมภาเรนาติ ธมฺเมน นาม ปถวี ติฏฺเยฺย, สกึ เตเนว จลติ วินสฺสตีติ อธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ. ปุน เถโร รตนํ นาม โลเก กุฏุมฺพํ สนฺธาเรนฺตํ, อภิมตฺจ โลเกน; ตํ อตฺตโน ครุสภาวตาย สกฏภงฺคสฺส การณํ อติภารภูตํ ทิฏฺเมวํ ธมฺโม จ หิตสุขวิเสเสหิ ตํสมงฺคินํ ธาเรนฺโต, อภิมโต จ วิฺูนํ คมฺภีรปฺปเมยฺยภาเวน ครุสภาวตฺตา อติภารภูโต ปถวิจลนสฺส การณํ โหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิธ มหาราช ทฺเว สกฏา’’ติอาทิมาห, เอเตเนว ตถาคตสฺส มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนาทิกาเล ปถวิกมฺปนการณํ สํวณฺณิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกสฺสาติ เอกสฺมา, เอกสฺส วา สกฏสฺส รตนํ ตสฺมา สกฏโต คเหตฺวาติ อตฺโถ.
โอสาริตนฺติ อุจฺจาริตํ, กถิตนฺติ อตฺโถ.
อคฺโคติ สพฺพสตฺเตหิ อคฺโค.
สภาวปกติกาติ สภาวภูตา อกิตฺติมา ปกติกา. การณมหนฺตตฺตาติ การณานํ มหนฺตตาย, มหนฺเตหิ พุทฺธกรธมฺเมหิ ปารมิสงฺขาเตหิ การเณหิ พุทฺธคุณานํ นิพฺพตฺติโตติ วุตฺตํ โหติ. ปถวิอาทีนิ มหนฺตานิ วตฺถูนิ, มหนฺตา จ สกฺกภาวาทโย อตฺตโน อตฺตโน วิสเย เอเกกาว, เอวํ สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ มหนฺโต อตฺตโน วิสเย เอโก เอว. โก จ ตสฺส วิสโย? พุทฺธภูมิ, ยาวตกํ วา เยฺยเมวํ ‘‘อากาโส วิย อนนฺตวิสโย ภควา เอโก เอว โหตี’’ติ วทนฺโต ‘‘เอกิสฺสา โลกธาตุยา’’ติ วุตฺตโลกธาตุโต อฺเสุปิ จกฺกวาเฬสุ อปรสฺส พุทฺธสฺส อภาวํ ทสฺเสติ.
‘‘สมฺมุขา ¶ เมต’’นฺติอาทินา ปวตฺติตํ อตฺตโน พฺยากรณํ อวิปรีตตฺถตาย สตฺถริ ปสาทุปฺปาทเนน สมฺมาปฏิปชฺชมานสฺส อนุกฺกเมน โลกุตฺตรธมฺมาวหมฺปิ ¶ โหตีติ อาห ‘‘ธมฺมสฺส…เป… ปฏิปท’’นฺติ. วาทสฺส อนุปตนํ อนุปฺปวตฺติ วาทานุปาโตติ อาห ‘‘วาโทเยวา’’ติ.
อจฺฉริยอพฺภุตวณฺณนา
๑๖๒. อุทายีติ ¶ นามํ, มหาสรีรตาย ปน เถโร มหาอุทายีติ ปฺายิตฺถ, ยสฺส วเสน วินเย นิสีทนสฺส ทสา อนฺุาตา. ปฺจวณฺณาติ ขุทฺทิกาทิเภทโต ปฺจปฺปการา. ปีติสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ อติพฺยาปิตเทโห ‘‘นิรนฺตรํ ปีติยา ผุฏสรีโร’’ติ วุตฺโต, ตโต เอวสฺสา ปริยายโต ผรณลกฺขณมฺปิ วุตฺตํ. อปฺป-สทฺโท ‘‘อปฺปกสิเรเนวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๐๑; ๕.๑๕๘; อ. นิ. ๗.๗๑) วิย อิธ อภาวตฺโถติ อาห ‘‘อปฺปิจฺฉตาติ นิตฺตณฺหตา’’ติ. ตีหากาเรหีติ ยถาลาภยถาพลยถาสารุปฺปปฺปกาเรหิ.
น น กเถติ กเถติเยว. จีวราทิเหตุนฺติ จีวรุปฺปาทาทิเหตุภูตํ ปยุตฺตกถํ น กเถติ. เวเนยฺยวเสนาติ วิเนตพฺพปุคฺคลวเสน. กเถติ ‘‘เอวมยํ วินยํ อุปคจฺฉตี’’ติ. ‘‘สพฺพาภิภู สพฺพวิทูหมสฺมี’’ติอาทิกา (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; ธ. ป. ๓๕๓) คาถาปิ ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทิกา (สํ. นิ. ๒.๒๑, ๒๒) สุตฺตนฺตาปิ.
๑๖๓. อภิกฺขณนฺติ อภิณฺหํ. นิคฺคาถกตฺตา, ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺติตตฺตา จ ‘‘เวยฺยากรณ’’นฺติ วุตฺตํ. เสสํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยํ เอวาติ.
สมฺปสาทนียสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๖. ปาสาทิกสุตฺตวณฺณนา
นิคณฺนาฏปุตฺตกาลงฺกิริยวณฺณนา
๑๖๔. ลกฺขสฺส ¶ ¶ ¶ สรเวธํ อวิรชฺฌิตฺวาน วิชฺฌนวิธึ ชานนฺตีติ เวธฺา. เตนาห ‘‘ธนุมฺหิ กตสิกฺขา’’ติ. สิปฺปํ อุคฺคหณตฺถายาติ ธนุสิปฺปาทิสิปฺปสฺส อุคฺคหณตฺถาย. มชฺฌิเมน ปมาเณน สรปาตโยคฺยตาวเสน กตตฺตา ทีฆปาสาโท.
สมฺปติ กาลํ กโตติ อจิรกาลํ กโต. ทฺเวธิกชาตาติ ชาตทฺเวธิกา สฺชาตเภทา. ทฺเวชฺฌชาตาติ ทุวิธภาวปฺปตฺตา. ภณฺฑนฺติ ปริภาสนฺติ เอเตนาติ ภณฺฑนํ, วิรุทฺธจิตฺตํ. ตนฺติ ภณฺฑนํ. ‘‘อิทํ นหานาทิ น กตฺตพฺพ’’นฺติ ปฺตฺตวตฺตํ ปณฺณตฺติ. ธมฺมวินยนฺติ ปาวจนํ สิทฺธนฺตํ. วิชฺฌนฺตา มุขสตฺตีหิ. สหิตํ เมติ มยฺหํ วจนํ สหิตํ สิลิฏฺํ ปุพฺพาปรสมฺพนฺธํ อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตํ. เตนาห ‘‘อตฺถสํหิต’’นฺติ. อธิจิณฺณนฺติ อาจิณฺณํ. วิปราวตฺตนฺติ วิโรธทสฺสนวเสน ปราวตฺติตํ, ปราวตฺตํ ทูสิตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘จิรกาลวเสน ปคุณํ, ตํ มม วาทํ อาคมฺม นิวตฺต’’นฺติ. ปริเยสมาโน วิจร ตตฺถ คนฺตฺวา สิกฺขาติ อตฺโถ. สเจ สกฺโกสิ, อิทานิเยว มยา เวิตํ โทสํ นิพฺเพเหิ. มรณเมวาติ ¶ อฺมฺฆาตนวเสน มรณเมว. นาฏปุตฺตสฺส อิเมติ นาฏปุตฺติยา, เต ปน ตสฺส สิสฺสาติ อาห ‘‘อนฺเตวาสิเกสู’’ติ. ปุริมปฏิปตฺติโต ปฏินิวตฺตนํ ปฏิวานํ, ตํ รูปํ สภาโว เอเตสนฺติ ปฏิวานรูปา. เตนาห ‘‘นิวตฺตนสภาวา’’ติ. กถนํ อตฺถสฺส อาจิกฺขนํ. ปเวทนํ เหตุทาหรณานิ อาหริตฺวา โพธนํ. เตนาห ‘‘ทุปฺปเวทิเตติ ทุวิฺาปิเต’’ติ. น อุปสมาย สํวตฺตตีติ อนุปสมสํวตฺตนํ, ตเทว อนุปสมสํวตฺตนิกํ, ตสฺมึ. สมุสฺสิตํ หุตฺวา ปติฏฺาเหตุภาวโต ถูปํ, ปติฏฺาติ อาห ‘‘ภินฺนถูเปติ ภินฺนปติฏฺเ’’ติ, ถูโปติ วา ธมฺมสฺส นิยฺยานภาโว เวทิตพฺโพ อฺเ ธมฺเม อภิภุยฺย สมุสฺสิตฏฺเน, โส นิคณฺสฺส สมเย. เกหิจิ อภินฺนสมฺมโตปิ ภินฺโน วินฏฺโ เอว สพฺเพน สพฺพํ อภาวโตติ โส ภินฺนถูโป, โส เอว ¶ นิยฺยานภาโว วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิตุกามานํ ปฏิสรณํ, ตเมตฺถ นตฺถีติ อปฺปฏิสรโณ ¶ , ตสฺมึ ภินฺนถูเป อปฺปฏิสรเณติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อาจริยปฺปมาณนฺติ อาจริยมุฏฺิ หุตฺวา ปมาณภูตํ. นานานีหาเรนาติ นานากาเรน.
๑๖๕. ตเถว สมุทาจรึสุ ภูตปุพฺพคติยา. สามากานนฺติ สามากธฺานํ.
‘‘เยนสฺส อุปชฺฌาโย’’ติ วตฺวา ยถาสฺส อายสฺมโต จุนฺทสฺส ธมฺมภณฺฑาคาริโก อุปชฺฌาโย อโหสิ, ตํ วิตฺถาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธกาเล กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พุทฺธกาเลติ ภูตกถนเมตํ, น วิเสสนํ. สตฺถุ ปรินิพฺพานโต ปุเรตรเมว หิ ธมฺมเสนาปติ ปรินิพฺพุโต.
ธมฺมรตนปูชาวณฺณนา
สทฺธิวิหาริกํ ¶ อทาสีติ สทฺธิวิหาริกํ กตฺวา อทาสิ.
กถาย มูลนฺติ ภควโต สนฺติกา ลภิตพฺพธมฺมกถาย การณํ. สมุฏฺาเปตีติ อุฏฺาเปติ, ทาลิทฺทิยปงฺกโต อุทฺธรตีติ อธิปฺปาโย. สนฺธมนฺติ สมฺมเทว ธมนฺโต. เอเกกสฺมึ ปหาเรเยว ตโย ตโย วาเร กตฺวา ทิวา นววาเร รตฺตึ นววาเร. อุปฏฺานเมว คจฺฉติ พุทฺธุปฏฺานวเสน, ปฺหาปุจฺฉนาทิวเสน ปน อนฺตรนฺตราปิ คจฺฉเตว, คจฺฉนฺโต จ ทิวสสฺส…เป… คจฺฉติ. าตุํ อิจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส อุทฺธรณภาวโต ปฺโหว ปฺหุทฺธาโร, ตํ คเหตฺวาว คจฺฉติ อตฺตโน มหาปฺตาย, สตฺถุ จ ธมฺมเทสนายํ อกิลาสุภาวโต.
อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตธมฺมวินยวณฺณนา
๑๖๖. อาโรจิเตปิ ตสฺมึ อตฺเถ. สามิโก โหติ, ตสฺส สามิกภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘โสว ตสฺสา อาทิมชฺฌปริโยสานํ ชานาตี’’ติ อาห. เอวนฺติ วจนสมฺปฏิจฺฉนํ. จุนฺทตฺเถเรน หิ อานีตํ กถาปาภตํ ภควา สมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘‘เอว’’นฺติ อาห. ‘‘เอว’’นฺติ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย สาวกานํ ทฺเวธิกาทิภาเวน วิหรณกิริยาปรามสนฺเหตํ.
ยสฺมา ¶ …เป… ปากฏํ โหติ พฺยติเรกมุเขน จ เนยฺยสฺส อตฺถสฺส วิภูตภาวาปตฺติโต. อถ ¶ วา ยสฺมา…เป… ปากฏํ โหติ โทเสสุ อาทีนวทสฺสเนน ตปฺปฏิปกฺเขสุ คุเณสุ อานิสํสสฺส วิภูตภาวาปตฺติโต. โวกฺกมฺมาติ อปสกฺเกตฺวา. อาเมฑิตโลเปน จายํ นิทฺเทโส, โวกฺกมฺม โวกฺกมฺมาติ วุตฺตํ โหติ, เตน ตสฺส โวกฺกมนสฺส อนฺตรนฺตราติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘น นิรนฺตร’’นฺติอาทิ. ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติอาทโยติ เตน สตฺถารา วุตฺตมุตฺติธมฺมสฺส อนุธมฺมํ อปฺปฏิปชฺชนาทโย ¶ . อาทิ-สทฺเทน ปาฬิยํ อาคตา อสามีจิปฏิปทาทโย จ สงฺคยฺหนฺติ. มนุสฺสตฺตมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ‘‘วิจารณปฺาย อสมฺภโว, โทเสสุ อนภินิเวสิตา, อสนฺทิฏฺิปรามาสิตา’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ตถา เอว’’นฺติ ปเทหิ ยถากฺกมํ ปการสฺส กามํ ติโรกฺขตา, ปจฺจกฺขตา วุจฺจติ, ตถาปิ ยถา ‘‘ตถา ปฏิปชฺชตู’’ติ ปเทน ปฏิปชฺชนากาโร นิยเมตฺวา วิหิโต, ตถา ‘‘เอวํ ปฏิปชฺชตู’’ติ อิมินาปีติ อิทํ ตสฺส อตฺถทสฺสนภาเวน วุตฺตํ. สมาทปิตตฺตา มิจฺฉาปฏิปทาย อปฺุํ ปสวติ.
๑๖๗. ายติ มุตฺติธมฺโม เอเตนาติ าโย, เตน สตฺถารา วุตฺโต ธมฺมานุธมฺโม, ตํ ปฏิปนฺโนติ ายปฺปฏิปนฺโน, โส ปน ยสฺมา ตสฺส มุตฺติธมฺมสฺส อธิคเม การณสมฺมโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘การณปฺปฏิปนฺโน’’ติ. นิปฺผาเทสฺสตีติ สาเธสฺสติ, สิทฺธึ คมิสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. ทุกฺขนิพฺพตฺตกนฺติ สมฺปติ, อายติฺจ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺตกํ. วีริยํ กโรติ มิจฺฉาปฏิปนฺนตฺตา.
สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตธมฺมวินยาทิวณฺณนา
๑๖๘. นิยฺยาตีติ วตฺตติ, สํวตฺตตีติ วา อตฺโถ.
๑๗๐. อิธ สาวกสฺส สมฺมาปฏิปตฺติยา เอกนฺติกอปสฺสยทสฺสนตฺถํ สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธตา, ธมฺมสฺส จ สฺวากฺขาตตา กิตฺติตาติ ‘‘สมฺมาปฏิปนฺนสฺส กุลปุตฺตสฺส ปสํสํ ทสฺเสตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เอวฺหิ อิมิสฺสา เทสนาย สํกิเลสภาคิยภาเวน อุฏฺิตาย โวทานภาคิยภาเวน ยถานุสนฺธินา ปวตฺติ ทีปิตา โหติ. อโพธิตตฺถาติ อปฺปเวทิตตฺถา, ปรมตฺถํ จตุตฺถสจฺจปฏิเวธํ อปาปิตาติ อตฺโถ. ปาฬิยํ ‘‘อสฺสา’’ติ ปทํ ¶ ‘‘สาวกา สทฺธมฺเม’’ติ ¶ ทฺวีหิ ปเทหิ โยเชตพฺพํ ‘‘อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวกา, อสฺส สทฺธมฺเม’’ติ. สพฺพสงฺคหปเทหิ กตนฺติ สพฺพสฺส สาสนตฺถสฺส สงฺคณฺหนปเทหิ เอกชฺฌํ กตํ. เตนาห ‘‘สพฺพสงฺคาหิกํ กตํ น โหตีติ อตฺโถ’’ติ. ปุพฺเพนาปรํ สมฺพนฺธตฺถภาเวน สงฺคเหตพฺพตาย วา สงฺคหานิ ¶ ปทานิ กตานิ เอตสฺสาติ สงฺคหปทกตํ, พฺรหฺมจริยํ. ตปฺปฏิกฺเขเปน น จ สงฺคหปทกตนฺติ โยชนา. ราคาทิปฏิปกฺขหรณํ, ยถานุสิฏฺํ วา ปฏิปชฺชมานานํ วฏฺฏทุกฺขโต ปฏิหรณํ นิพฺพานปาปนํ ปฏิหาโร, โส เอว อา-การสฺส อิ-การํ กตฺวา ปฏิหิโร, ปฏิหิโร เอว ปาฏิหิโร, สห ปาฏิหิเรนาติ สปฺปาฏิหิรํ, ตถา สุปฺปเวทิตตาย สปฺปาฏิหิรํ กตนฺติ สปฺปาฏิหิรกตํ. ตาทิสํ ปน วฏฺฏโต นิยฺยาเน นิยุตฺตํ, นิยฺยานปฺปโยชนฺจ โหตีติ อาห ‘‘นิยฺยานิก’’นฺติ. เทวโลกโตติ เทวโลกโต ปฏฺาย รูปีเทวนิกายโต ปภุติ. สุปฺปกาสิตนฺติ สุฏฺุ ปกาสิตํ. ยาว เทวมนุสฺเสหีติ วา ยาว เทวมนุสฺเสหิ ยตฺตกา เทวา มนุสฺสา จ, ตาว เต สพฺเพ อภิพฺยาเปตฺวา สุปฺปกาสิตํ. อนุตาปาย โหตีติ อนุตปฺโป, โส ปน อนุตาปํ กโรนฺโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อนุตาปกโร โหตี’’ติ.
๑๗๒. ถิโรติ ิตธมฺโม เกนจิ อสํหาริโย, อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย เถรการกา ธมฺมา.
๑๗๓. โยเคหิ เขมตฺตาติ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา. สทฺธมฺมสฺสาติ ¶ อสฺส สทฺธมฺมสฺส. อสฺสาติ จ อสฺส สตฺถุโน.
๑๗๔. อุปาสกา พฺรหฺมจาริโน นาม วิเสสโต อนาคามิโน. โสตาปนฺนสกทาคามิโนปิ ตาทิสา ตถา วุจฺจนฺตีติ ‘‘พฺรหฺมจริยวาสํ วสมานา อริยสาวกา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ.
๑๗๖. สพฺพการณสมฺปนฺนนฺติ ยตฺตเกหิ การเณหิ สมฺปนฺนํ นาม โหติ, เตหิ สพฺเพหิ การเณหิ สมฺปนฺนํ สมฺปตฺตํ อุปคตํ ปริปุณฺณํ, สมนฺนาคตํ วา. อิมเมว ธมฺมนฺติ อิมเมว สาสนธมฺมํ.
อุทเกน ¶ ปเทสฺุนา อตฺตโน ปฺาเวยฺยตฺติยตํ ทสฺเสตุํ อนิยฺยานิเก อตฺเถ ปยุตฺตํ ปเหฬิกสทิสํ วจนํ, ภควตา อตฺตโน สพฺพฺุตาย นิยฺยานิเก อตฺเถ โยเชตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อุทโก สุท’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส กิรา’’ติอาทิมาห.
สงฺคายิตพฺพธมฺมาทิวณฺณนา
๑๗๗. สงฺคมฺม สมาคมฺมาติ ตสฺมึเยว าเน ลพฺภมานานํ คติวเสน สงฺคมฺม านนฺตรโต ปกฺโกสเนน ¶ สมาคตานํ วเสน สมาคมฺม. เตนาห ‘‘สงฺคนฺตฺวา สมาคนฺตฺวา’’ติ. อตฺเถน อตฺถนฺติ ปทนฺตเร อาคตอตฺเถน สห ตตฺถ ตตฺถ อาคตมตฺถํ. พฺยฺชเนน พฺยฺชนนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. สมาเนนฺเตหีติ สมานํ กโรนฺเตหิ, โอปมฺมํ วา อาเนนฺเตหิ. สงฺคายิตพฺพนฺติ สมฺมเทว คายิตพฺพํ กเถตพฺพํ, ตํ ปน สงฺคายนํ วาจนามคฺโคติ อาห ‘‘วาเจตพฺพ’’นฺติ.
๑๗๘. ตสฺส วา ภาสิเตติ ตสฺส ภิกฺขุโน ภาสิเต อตฺเถ เจว พฺยฺชเน จ. อตฺถมิจฺฉาคหณโรปนานิ ยถา โหนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อารมฺมณํ ‘‘สติปฏฺาน’’นฺติ คณฺหาติ, น สติเยว ‘‘สติปฏฺาน’’นฺติ. ‘‘สติปฏฺานานี’’ติ ¶ พฺยฺชนํ โรเปติ ตสฺมึ อตฺเถ, น ‘‘สติปฏฺานา’’ติ. อุปปนฺนตรานีติ ยุตฺตตรานิ. อลฺลีนตรานีติ สิลิฏฺตรานิ. ยา เจวาติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, วิภตฺติโลเปน วา. ปุน ยา เจวาติ ลิงฺควิปลฺลาเสเนว นิทฺเทโส. เนว อุสฺสาเทตพฺโพติ น อุกฺกํเสตพฺโพ วิรชฺฌิตฺวา วุตฺตตฺตา. น อปสาเทตพฺโพติ น สนฺตชฺเชตพฺโพ วิวาทปริหรณตฺถํ. ธารณตฺถนฺติ อุปธารณตฺถํ สลฺลกฺขณตฺถํ.
๑๘๑. อตฺเถน อุเปตนฺติ อวิปรีเตน อตฺเถน อุเปตํ ตํ ‘‘อยเมตฺถ อตฺโถ’’ติ อุเปจฺจ ปฏิชานิตฺวา ิตํ. ตถารูโป จ ตสฺส พุชฺฌิตา นาม โหตีติ อาห ‘‘อตฺถสฺส วิฺาตาร’’นฺติ. เอวเมตํ ภิกฺขุํ ปสํสถาติ วุตฺตนเยน ธมฺมภาณกํ อมุํ ภิกฺขุํ ‘‘เอวํ ลาภา โน อาวุโส’’ติอาทิอากาเรน ปสํสถ. อิทานิสฺส ปสํสภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอโส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอสาติ ปริยตฺติธมฺมสฺส สตฺถุกิจฺจกรณโต, ตตฺถ จสฺส สมฺมเทว อวฏฺิตภาวโต ‘‘พุทฺโธ นาม เอสา’’ติ ¶ วุตฺโต. ‘‘ลาภา โน’’ติอาทินา จสฺส ภิกฺขูนํ ปิยครุภาวํ วิภาเวนฺโต สตฺถา ตํ อตฺตโน าเน เปสีติ วุตฺโต.
ปจฺจยานฺุาตการณาทิวณฺณนา
๑๘๒. ตโตปิ อุตฺตริตรนฺติ ยา ปุพฺเพ สมฺมาปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน ปสํสนวเสน ‘‘อิธ ปน จุนฺท สตฺถา จ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๖๗, ๑๖๙) ปวตฺติตเทสนาย อุปริ ‘‘อิธ จุนฺท สตฺถา จ โลเก อุทปาที’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๑๗๐, ๑๗๑) เทสนา วฑฺฒิตา. ตโตปิ อุตฺตริตรํ สวิเสสํ เทสนํ วฑฺเฒนฺโต ‘‘ปจฺจยเหตู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปจฺจยเหตูติ ปจฺจยสํวตฺตนเหตุ. อุปฺปชฺชนกา อาสวาติ ปจฺจยานํ ปริเยสนเหตุ ¶ เจว ปริโภคเหตุ จ อุปฺปชฺชนกา กามาสวาทโย. เตสํ ทิฏฺธมฺมิกานํ ¶ อาสวานํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก มิจฺฉาอาชีวํ ปหาย สมฺมาอาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๘) ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) จ สมฺมาปฏิปตฺตึ อุปทิสนฺโต ภควา ปฏิฆาตาย ธมฺมํ เทเสติ นาม. ‘‘โย ตุมฺเหสุ ปาฬิยา อตฺถพฺยฺชนานิ มิจฺฉา คณฺหาติ, โส เนว อุสฺสาเทตพฺโพ, น อปสาเทตพฺโพ, สาธุกํ สฺาเปตพฺโพ ตสฺเสว อตฺถสฺส นิสนฺติยา’’ติ เอวํ ปริยตฺติธมฺเม มิจฺฉาปฏิปนฺเน สมฺมาปฏิปตฺติยํ ภิกฺขู นิโยเชนฺโต ภควา ภณฺฑนเหตุ อุปฺปชฺชนกานํ สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตาย ธมฺมํ เทเสติ นาม. ยถา เต น ปวิสนฺตีติ เต อาสวา อตฺตโน จิตฺตสนฺตานํ ยถา น โอตรนฺติ. มูลฆาเตน ปฏิหนนายาติ ยถา มูลฆาโต โหติ, เอวํ มูลฆาตวเสน ปชหนาย. ตนฺติ จีวรํ. ยถา จีวรํ อิทมตฺถิกตเมว อุปาทาย อนฺุาตํ, เอวํ ปิณฺฑปาตาทโยปิ.
สุขลฺลิกานุโยคาทิวณฺณนา
๑๘๓. สุขิตนฺติ สฺชาตสุขํ. ปีณิตนฺติ ธาตํ สุหิตํ. ตถาภูโต ปน ยสฺมา ถูลสรีโร โหติ, ตสฺมา ‘‘ถูลํ กโรตี’’ติ วุตฺตํ.
๑๘๖. นิตสภาวาติ ¶ อนวฏฺิตสภาวา, เอวรูปาย กถาย อนวฏฺานภาวโต สภาโวปิ เตสํ อนวฏฺิโตติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ชิวฺหา โน อตฺถี’’ติอาทิ. กามํ ‘‘ปฺจหิ จกฺขูหี’’ติ วุตฺตํ, อคฺคหิตคฺคหเณน ปน ¶ จตฺตาริ จกฺขูนิ เวทิตพฺพานิ. สพฺพฺุตฺาณฺหิ สมนฺตจกฺขูติ. ตสฺส วา เยฺยธมฺเมสุ ชานนวเสน ปวตฺตึ อุปาทาย ‘‘ชานตา’’ติ วุตฺตํ. หตฺถามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ทสฺสนวเสน ปวตฺตึ อุปาทาย ‘‘ปสฺสตา’’ติ วุตฺตํ. เนมํ วุจฺจติ ถมฺภาทีหิ อนุปวิฏฺภูมิปฺเปเทโสติ อาห ‘‘คมฺภีรภูมึ อนุปวิฏฺโ’’ติ. สุฏฺุ นิขาโตติ ภูมึ นิขนิตฺวา สมฺมเทว ปิโต. ตสฺมินฺติ ขีณาสเว. อนชฺฌาจาโร อจโล อสมฺปเวธี, ยสฺมา อชฺฌาจาโร เสตุฆาโต ขีณาสวานํ. โสตาปนฺนาทโยติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน คหิเตสุ อนาคามิโน ตาว นวสุปิ าเนสุ ขีณาสวา วิย อภพฺพา, โสตาปนฺนสกทาคามิโน ปน ‘‘ตติยปฺจมฏฺาเนสุ อภพฺพา’’ติ น วตฺตพฺพา, อิตเรสุ สตฺตสุ าเนสุ อภพฺพาว.
ปฺหพฺยากรณวณฺณนา
๑๘๗. คิหิพฺยฺชเนนาติ ¶ คิหิลิงฺเคน. ขีณาสโว ปน คิหิพฺยฺชเนน อรหตฺตํ ปตฺโตปิ น ติฏฺติ วิเวกฏฺานสฺส อภาวาติ อธิปฺปาโย. ตสฺส วเสนาติ ภุมฺมเทวตฺตภาเว ตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตสฺส วเสน. อยํ ปฺโหติ ‘‘อภพฺโพ โส นว านานิ อชฺฌาจริตุ’’นฺติ อยํ ปฺโห อาคโต อิตรสฺส ปพฺพชฺชาย, ปรินิพฺพาเนน วา อภพฺพตาย อวุตฺตสิทฺธตฺตา. ยทิ เอวํ กถํ ภิกฺขุคหณนฺติ อาห ‘‘ภินฺนโทสตฺตา’’ติอาทิ. อปริจฺเฉทนฺติ อปริยนฺตํ, ตยิทํ สุวิปุลนฺติ อาห ‘‘มหนฺต’’นฺติ. เยฺยสฺส หิ วิปุลตาย าณสฺส วิปุลตา เวทิตพฺพา, เอเตน ‘‘อปริจฺเฉท’’นฺติ วุจฺจมานมฺปิ เยฺยํ สตฺถุ าณสฺส วเสน ปริจฺเฉทเมวาติ ทสฺสิตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘าณปริยนฺติกํ เนยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) อนาคเต ¶ อปฺาปนนฺติ อนาคเต วิสเย าณสฺส อปฺาปนํ. ‘‘ปจฺจกฺขํ วิย กตฺวา’’ติ กสฺมา วิย-สทฺทคฺคหณํ กตํ, นนุ พุทฺธานํ สพฺพมฺปิ าณํ อตฺตโน วิสยํ ปจฺจกฺขเมว กตฺวา ปวตฺตติ เอกปฺปมาณภาวโตติ? สจฺจเมตํ, ‘‘อกฺข’’นฺติ ปน จกฺขาทิอินฺทฺริยํ วุจฺจติ, ตํ อกฺขํ ปติ วตฺตตีติ จกฺขาทินิสฺสิตํ วิฺาณํ, ตสฺส ¶ จ อารมฺมณํ ‘‘ปจฺจกฺข’’นฺติ โลเก นิรุฬฺหเมตนฺติ ตํ นิทสฺสนํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจฺจกฺขํ วิย กตฺวา’’ติ อโวจ, น ปน ภควโต าณสฺส อปฺปจฺจกฺขากาเรน ปวตฺตนโต. ตถา หิ วทนฺติ –
‘‘อาวิภูตํ ปกาสนํ, อนุปทฺทุตเจตสํ;
อตีตานาคเต าณํ, ปจฺจกฺขานํ วสิสฺสตี’’ติ.
อฺตฺถ วิหิตเกนาติ อฺสฺมึ วิสเย ปวตฺติเตน. สงฺคาเหตพฺพนฺติ สมํ กตฺวา กถยิตพฺพํ, กถนํ ปน ปฺาปนํ นาม โหตีติ ปฺาเปตพฺพนฺติ อตฺโถ วุตฺโต. ตาทิสนฺติ สตตํ สมิตํ ปวตฺตกํ. าณํ นาม นตฺถีติ อาวชฺชเนน วินา าณุปฺปตฺติยา อสมฺภวโต. เอกากาเรน จ าเณ ปวตฺตมาเน นานาการสฺส วิสยสฺส อวโพโธ น สิยา. อถาปิ สิยา, อนิรุปิตรูเปเนว อวโพโธ สิยา, เตน จ าณํ เยฺยํ อฺาตสทิสเมว สิยา. น หิ ‘‘อิทํ ต’’นฺติ วิเวเกน อนวพุทฺโธ อตฺโถ าโต นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘จรโต จ ติฏฺโต จา’’ติอาทิ พาลลาปนมตฺตํ. เตนาห ‘‘ยถริว พาลา อพฺยตฺตา, เอวํ มฺนฺตี’’ติ.
สตึ ¶ อนุสฺสรตีติ สตานุสาริ, สติยานุวตฺตนวเสน ปวตฺตาณํ. เตนาห ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติสมฺปยุตฺตก’’นฺติ ¶ . าณํ เปเสสีติ าณํ ปวตฺเตสิ. สพฺพตฺถกเมว เยฺยาวรณสฺส สุปฺปหีนตฺตา อปฺปฏิหตํ อนิวาริตํ าณํ คจฺฉติ ปวตฺตติจฺเจว อตฺโถ. ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ๒๑๑) วจนโต จตุมคฺคาณํ โพธิ, ตโต ตสฺส อธิคตตฺตา อุปฺปชฺชนกํ ปจฺจเวกฺขณาณํ ‘‘โพธิชํ าณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. โพธิชํ โพธิมูเล ชาตํ จตุมคฺคาณํ, ตฺจ โข อนาคตํ อารพฺภ อุทฺทิสฺส ตสฺส อปฺปวตฺติอตฺถํ ตถาคตสฺส อุปฺปชฺชติ ตสฺส อุปฺปนฺนตฺตา อายตึ ปุนพฺภวาภาวโต. กถํ ตถาคโต อนาคตมทฺธานํ อารพฺภ อตีรกํ าณทสฺสนํ ปฺาเปตีติ? อตีตสฺส ปน อทฺธุโน มหนฺตตาย อตีรกํ าณทสฺสนํ ตตฺถ ปฺาเปตีติ โก เอตฺถ วิโรโธ. ติตฺถิยา ปน อิมมตฺถํ ยาถาวโต อชานนฺตา – ‘‘ตยิทํ กึ สุ, ตยิทํ กถํสู’’ติ อตฺตโน อฺาณเมว ปากฏํ กโรนฺติ. ตสฺมา ภควตา สสนฺตติปริยาปนฺนธมฺมปฺปวตฺตึ สนฺธาย ‘‘อฺวิหิตกํ าณทสฺสน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อิตรํ ปน สนฺธาย วุจฺจมาเน สติ ตถารูเป ปโยชเน อนาคตมฺปิ อทฺธานํ ¶ อารพฺภ อตีรกเมว าณทสฺสนํ ปฺาเปยฺย ภควาติ อนตฺถสํหิตนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘น อิธโลกตฺถํ วา ปรโลกตฺถํ วา นิสฺสิต’’นฺติ. ยํ ปน สตฺตานํ อนตฺถาวหตฺตา อนตฺถสํหิตํ, ตตฺถ เสตุฆาโต ตถาคตสฺส. ‘‘ภารตยุทฺธสีตาหรณสทิส’’นฺติ ¶ อิมินา ตสฺสา กถาย เยภุยฺเยน อภูตตฺถตํ ทีเปติ. สเหตุกนฺติ าปเกน เหตุนา สเหตุกํ. โส ปน เหตุ เยน นิทสฺสเนน สาธียติ, ตํ ตสฺส การณนฺติ เตน สการณํ กตฺวา. ยถา หิ ปฏิฺาตตฺถสาธนโต เหตุ, เอวํ สาธกํ นิทสฺสนนฺติ. ยุตฺตปตฺตกาเลเยวาติ ยุตฺตานํ ปตฺตกาเล เอว. เย หิ เวเนยฺยา ตสฺสา กถาย ยุตฺตา อนุจฺฉวิกา, เตสํเยว โยชเน สนฺธาย วา กถาย ปตฺโต อุปการาวโห กาโล, ตทา เอว กเถตีติ อตฺโถ.
๑๘๘. ‘‘ตถา ตเถว คทนโต’’ติ อิมินา ‘‘ตถาคโต’’ติ อาเมฑิตโลเปนายํ นิทฺเทโสติ ทสฺเสติ. ตถา ตเถวาติ จ ธมฺมอตฺถสภาวานุรูปํ, เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปฺจาติ อธิปฺปาโย. ทิฏฺนฺติ รูปายตนํ ทฏฺพฺพโต, เตน ยํ ทิฏฺํ, ยํ ทิสฺสติ, ยํ ทกฺขติ, ยํ สติ สมวาเย ปสฺเสยฺยํ, ตํ สพฺพํ ‘‘ทิฏฺํ’’ ตฺเวว คหิตํ กาลวิเสสสฺส อนามฏฺภาวโต. ‘‘สุต’’นฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. สุตนฺติ สทฺทายตนํ โสตพฺพโต. มุตนฺติ สนิสฺสเยน ฆานาทิอินฺทฺริเยน สยํ ปตฺวา ปาปุณิตฺวา คเหตพฺพํ. เตนาห ‘‘ปตฺวา คเหตพฺพโต’’ติ. วิฺาตนฺติ วิชานิตพฺพํ, ตํ ปน ทิฏฺาทิวินิมุตฺตํ วิฺเยฺยนฺติ อาห ‘‘สุขทุกฺขาทิธมฺมายตน’’นฺติ. ปตฺตนฺติ ยถา ตถา ปตฺตํ, หตฺถคตํ อธิคตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปริเยสิตฺวา วา อปริเยสิตฺวา วา’’ติ. ปริเยสิตนฺติ ปตฺติยามตฺถํ ปริยิฏฺํ, ตํ ปน ¶ ปตฺตํ วา สิยา อปฺปตฺตํ วา อุภยถาปิ ปริเยสิตเมวาติ อาห ‘‘ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา’’ติ. ปททฺวเยนาปิ ทฺวิปฺปการมฺปิ ปตฺตํ, ทฺวิปฺปการมฺปิ ¶ ปริเยสิตํ, เตน เตน ปกาเรน ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธนฺติ ทสฺเสติ. จิตฺเตน อนุสฺจริตนฺติ โจปนํ อปาเปตฺวา จิตฺเตเนว อนุสํจริตํ, ปริวิตกฺกิตนฺติ อตฺโถ. ปีตกนฺติ อาทีติ อาทิ-สทฺเทน โลหิตกโอทาตาทิ สพฺพํ รูปารมฺมณวิภาคํ สงฺคณฺหาติ. สุมโนติ ราควเสน, โลภวเสน, สทฺธาทิวเสน วา สุมโน. ทุมฺมโนติ พฺยาปาทวิตกฺกวเสน, วิหึสาวิตกฺกวเสน วา ทุมฺมโน. มชฺฌตฺโตติ อฺาณวเสน วา าณวเสน ¶ วา มชฺฌตฺโต. เอเสว นโย สพฺพตฺถ. ตตฺถ ตตฺถ อาทิ-สทฺเทน สงฺขสทฺโท ปณวสทฺโท, ปตฺตคนฺโธ ปุปฺผคนฺโธ, ปตฺตรโส ผลรโส, อุปาทินฺนํ อนุปาทินฺนํ, มชฺฌตฺตเวทนา กุสลกมฺมํ อกุสลกมฺมนฺติ เอวํ อาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อปฺปตฺตนฺติ าเณน อสมฺปตฺตํ, อวิทิตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘าเณน อสจฺฉิกต’’นฺติ. ตเถว คตตฺตาติ ตเถว าตตฺตา อภิสมฺพุทฺธตฺตา. คต-สทฺเทน เอกตฺถํ พุทฺธิอตฺถนฺติ อตฺโถ. ‘‘คติอตฺถา หิ ธาตโว พุทฺธิอตฺถา ภวนฺตี’’ติ อกฺขรจินฺตกา.
อพฺยากตฏฺานาทิวณฺณนา
๑๘๙. ‘‘อสมตํ กเถตฺวา’’ติ วตฺวา สโมปิ นาม โกจิ นตฺถิ, กุโต อุตฺตริตโรติ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุตฺตรต’’นฺติ วุตฺตํ. สา ปนายํ อสมตา, อนุตฺตรตา จ สพฺพฺุตํ ปูเรตฺวา ิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพฺุต’’นฺติ วุตฺตํ. สา สพฺพฺุตา สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติภาเวน โลเก ปากฏา ชาตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมราชภาวํ กเถตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ตถา สพฺพฺุภาเวน จ สตฺถา อิเมสุ ทิฏฺิคตวิปลฺลาเสสุ ¶ เอวํ ปฏิปชฺชตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทานี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สีหนาทนฺติ อภีตนาทํ เสฏฺนาทํ. เสฏฺนาโท เหส, ยทิทํ ปนียสฺส ปฺหสฺส ปนียภาวทสฺสนํ. ปนียตา จสฺส ปาฬิอารุฬฺหา เอว ‘‘น เหต’’นฺติอาทินา. ยถา อุปจิตกมฺมกิเลเสน อิตฺถตฺตํ อาคนฺตพฺพํ, ตถา นํ อาคโตติ ตถาคโต, สตฺโต. ตถา หิ โส รูปาทีสุ สตฺโต วิสตฺโตติ กตฺวา ‘‘สตฺโต’’ติ จ วุจฺจติ. อิตฺถตฺตนฺติ จ ปฏิลทฺธตฺตา ตถา ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโวติ เวทิตพฺโพ.
‘‘อตฺถสํหิตํ น โหตี’’ติ อิมินา อุภยตฺถ วิธุรตาทสฺสเนน นิรตฺถกวิปฺปลาปตํ ตสฺส วาทสฺส วิภาเวติ, อุภยโลกตฺถวิธุรมฺปิ สมานํ ‘‘กึ นุ โข วิวฏฺฏนิสฺสิต’’นฺติ โกจิ อาสงฺเกยฺยาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘น จ ธมฺมสํหิต’’นฺติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘นวโลกุตฺตรธมฺมนิสฺสิตํ น โหตี’’ติ. ยทิปิ ตํ น วิวฏฺโฏคตํ โหติ, วิวฏฺฏสฺส ปน อธิฏฺานภูตํ ¶ นุ โขติ โกจิ อาสงฺเกยฺยาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘น อาทิพฺรหฺมจริยก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๑๙๐. กามํ ¶ ตณฺหาปิ ทุกฺขสภาวตฺตา ‘‘ทุกฺข’’นฺติ พฺยากาตพฺพา, ปภวภาเวน ปน สา ตโต วิสุํ กาตพฺพาติ ‘‘ตณฺหํ เปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตสฺเสว ทุกฺขสฺส ปภาวิกา’’ติอาทิ. นนุ จ อวิชฺชาทโยปิ ทุกฺขสฺส สมุทโยติ? สจฺจํ สมุทโย, ตสฺสา ปน กมฺมสฺส วิจิตฺตภาวเหตุโต, ทุกฺขุปฺปาทเน วิเสสปจฺจยภาวโต จ สาติสโย สมุทยฏฺโติ สา เอว สุตฺเตสุ ตถา วุตฺตา. เตนาห ‘‘ตณฺหา ทุกฺขสมุทโยติ ¶ พฺยากต’’นฺติ. อุภินฺนํ อปฺปวตฺตีติ ทุกฺขสมุทยานํ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. ‘‘ทุกฺขปริชานโน’’ติอาทิ มคฺคกิจฺจทสฺสนํ, เตน มคฺคสฺส ภาวนตฺโถปิ อตฺถโต ทสฺสิโตวาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ ภาวนาภิสมเยน วินา ปริฺาภิสมยาทโย สมฺภวนฺตีติ. สจฺจววตฺถาปนํ อปฺปมาทปฏิปตฺติภาวโต อสมฺโมหกลฺยาณกิตฺติสทฺทาทินิมิตฺตตาย ยถา สาติสยํ อิธโลกตฺถาวหํ, เอวํ ยาว าณสฺส ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติยา อภาเวน นวโลกุตฺตรธมฺมสมฺปาปกํ น โหติ, ตาว ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺติภเว อพฺภุทยสมฺปตฺติ อนุคตเมว สิยาติ วุตฺตํ ‘‘เอตํ อิธโลกปรโลกตฺถนิสฺสิต’’นฺติ. นวโลกุตฺตรธมฺมนิสฺสิตนฺติ นววิธมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ นิสฺสาย ปวตฺตํ ตทธิคมูปายภาวโต. ยสฺมา สจฺจสมฺโพธํ อุทฺทิสฺส สาสนพฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ, น อฺทตฺถํ, ตสฺมา เอตํ สจฺจววตฺถาปนํ ‘‘อาทิปธาน’’นฺติ วุตฺตํ ปมตรํ จิตฺเต อาทาตพฺพโต.
ปุพฺพนฺตสหคตทิฏฺินิสฺสยวณฺณนา
๑๙๑. ตํ มยา พฺยากตเมวาติ ตํ มยา ตถา พฺยากตเมว, พฺยากาตพฺพํ นาม มยา อพฺยากตํ นตฺถีติ พฺยากรณาเวกลฺเลน อตฺตโน ธมฺมสุธมฺมตาย พุทฺธสุพุทฺธตํ วิภาเวติ. เตนาห ‘‘สีหนาทํ นทนฺโต’’ติ. ปุริมุปฺปนฺนา ทิฏฺิโย อปราปรุปฺปนฺนานํ ทิฏฺีนํ อวสฺสยา โหนฺตีติ ‘‘ทิฏฺิโยว ทิฏฺินิสฺสยา’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺิคติกาติ ทิฏฺิคติโย, ทิฏฺิปฺปวตฺติโยติ อตฺโถ. อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจนฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ อโมฆํ อวิปรีตํ. อฺเสํ วจนํ โมฆนฺติ ‘‘อสสฺสโต อตฺตา จ โลโก ¶ จา’’ติ เอวมาทิกํ อฺเสํ สมณพฺราหฺมณานํ วจนํ โมฆํ ตุจฺฉํ, มิจฺฉาติ อตฺโถ. น สยํ กาตพฺโพติ อสยํกาโรติ อาห ‘‘อสยํกโต’’ติ, ยาทิจฺฉิกตฺตาติ อธิปฺปาโย.
๑๙๒. อตฺถิ ¶ โขติ เอตฺถ โข-สทฺโท ปุจฺฉายํ, อตฺถิ นูติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อตฺถิ ¶ โข อิทํ อาวุโส วุจฺจตี’’ติอาทิ. อาวุโส ยํ ตุมฺเหหิ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุจฺจติ, อิทมตฺถิ โข อิทํ วาจามตฺตํ, โน นตฺถิ, ตสฺมา วาจาวตฺถุมตฺตโต ตสฺส ยํ โข เต เอวมาหํสุ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆํ อฺ’’นฺติ, ตํ เตสํ นานุชานามีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ จ โยชนา จ เวทิตพฺพา. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ พฺรหฺมชาลฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๐) วุตฺตเมว. ทิฏฺิปฺตฺติยาติ ทิฏฺิยา ปฺาปเน ‘‘เอวํ เอสา ทิฏฺิ อุปฺปนฺนา’’ติ ตสฺสา ทิฏฺิยา สมุทยโต, อตฺถงฺคมโต, อสฺสาทโต, อาทีนวโต, นิสฺสรณโต จ ยาถาวโต ปฺาปเน. อวิปรีตวุตฺติยา สเมน าเณน สมํ กฺจิ เนว สมนุปสฺสามิ. อธิปฺตฺตีติ อภิฺเยฺยธมฺมปฺาปนา. ยํ อชานนฺตา พาหิรกา ทิฏฺิปฺตฺติเยว อลฺลีนาติ ตฺจ ปฺตฺติโต อชานนฺตา ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรนฺติ. เอตฺถ จ ยายํ ‘‘ทิฏฺิปฺตฺติ นามา’’ติ วุตฺตา ทิฏฺิยา ทิฏฺิคติเกหิ เอวํ คหิตตาย วิภาวนา, ตตฺถ จ ภควโต อุตฺตริตโร นาม โกจิ นตฺถิ, สฺวายมตฺโถ พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐) วิภาวิโต เอว. ‘‘อธิปฺตฺตี’’ติ วุตฺตา ปน วิภาวิยมานา โลกสฺส นิพฺพิทาเหตุภาเวน พหุลีการาติ ตสฺสา วเสน ภควา อนุตฺตรภาวํ ปเวเทนฺโต ‘เนว อตฺตนา สมสมํ สมนุปสฺสามี’ติ สีหนาทํ นที’’ติ เกจิ. อฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๙๒) ปน ‘‘ยฺจ วุตฺตํ ‘ปฺตฺติยา’ติ ยฺจ ‘อธิปฺตฺตี’ติ ¶ , อุภยเมตํ อตฺถโต เอก’’นฺติ ‘‘อิธ ปน ปฺตฺติยาติ เอตฺถาปิ ปฺตฺติ เจว อธิปฺตฺติ จ อธิปฺเปตา, อธิปฺตฺตีติ เอตฺถาปี’’ติ จ วุตฺตา, อุภยสฺสปิ วเสเนตฺถ ภควา สีหนาทํ นทีติ วิฺายติ. อุภยํ เปตํ อตฺถโต เอกนฺติ จ ปฺตฺติภาวสามฺํ สนฺธาย วุตฺตํ, น เภทาภาวโต. เตนาห ‘‘เภทโต หี’’ติอาทิ. ขนฺธปฺตฺตีติ ขนฺธานํ ‘‘ขนฺธา’’ติ ปฺาปนา ทสฺสนา ปกาสนา ปนา นิกฺขิปนา. ‘‘อาจิกฺขติ ทสฺเสติ ปฺาเปติ ปฏฺเปตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๐, ๙๗) อาคตฏฺาเน หิ ปฺาปนา ทสฺสนา ปกาสนา ปฺตฺติ นาม, ‘‘สุปฺตฺตํ มฺจปี’’นฺติ (ปารา. ๒๖๙) อาคตฏฺาเน ปนา นิกฺขิปนา ปฺตฺติ นาม, อิธ อุภยมฺปิ ยุชฺชติ.
ทิฏฺินิสฺสยปฺปหานวณฺณนา
๑๙๖. ปชหนตฺถนฺติ ¶ อจฺจนฺตาย ปฏินิสฺสชฺชนตฺถํ. ยสฺมา เตน ปชหเนน สพฺเพ ทิฏฺินิสฺสยา สมฺมเทว อติกฺกนฺตา โหนฺติ วีติกฺกนฺตา, ตสฺมา ‘‘สมติกฺกมายาติ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ อโวจ. น เกวลํ สติปฏฺานา กถิตมตฺตา, อถ โข เวเนยฺยสนฺตาเน ปติฏฺาปิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เทสิตา’’ติ วตฺวา ‘‘ปฺตฺตา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เทสิตาติ กถิตา. ปฺตฺตาติ ปิตา’’ติ. อิทานิ สติปฏฺานเทสนาย ทิฏฺินิสฺสยานํ เอกนฺติกํ ปหานาวหภาวํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘สติปฏฺานภาวนาย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สติปฏฺานภาวนายาติ อิมินา เตสํ ภาวนาย เอว เนสํ ปหานํ, เทสนา ปน ตทุปนิสฺสยภาวโต ตถา วุตฺตาติ ทสฺเสติ. เสสํ สพฺพํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.
ปาสาทิกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๗. ลกฺขณสุตฺตวณฺณนา
ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวณฺณนา
๑๙๙. อภินีหาราทิคุณมหตฺเตน ¶ ¶ ¶ มหนฺโต ปุริโสติ มหาปุริโส, โส ลกฺขียติ เอเตหีติ มหาปุริสลกฺขณานิ. ตํ มหาปุริสํ พฺยฺชยนฺติ ปกาเสนฺตีติ มหาปุริสพฺยฺชนานิ. มหาปุริโส นิมียติ อนุมียติ เอเตหีติ มหาปุริสนิมิตฺตานิ. เตนาห ‘‘อยํ…เป… การณานี’’ติ.
๒๐๐. ธาเรนฺตีติ ลกฺขณปาํ ธาเรนฺติ, เตน ลกฺขณานิ เต สรูปโต ชานนฺติ, น ปน สมุฏฺานโตติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘โน จ โข’’ติอาทิ, เตน อนฺสาธารณเมตํ, ยทิทํ มหาปุริสลกฺขณานํ การณวิภาวนนฺติ ทสฺเสติ. กสฺมา อาหาติ ยถาวุตฺตสฺส สุตฺตสฺส สมุฏฺานการณํ ปุจฺฉติ, อาจริโย ‘‘อฏฺุปฺปตฺติยา อนุรูปตฺตา’’ติ วตฺวา ตเมวสฺส อฏฺุปฺปตฺตึ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘สา ปนา’’ติอาทิมาห. สพฺพปาลิผุลฺโลติ สพฺพโส สมนฺตโต วิกสิตปุปฺโผ. วิกสนเมว หิ ปุปฺผสฺส นิปฺผตฺติ. ปาริจฺฉตฺตโก วิยาติ อนุสฺสวลทฺธมตฺตํ คเหตฺวา วทนฺติ. อุปฺปชฺชตีติ ลพฺภติ, นิพฺพตฺตตีติ อตฺโถ.
เยน กมฺเมนาติ เยน กุสลกมฺมุนา. ยํ นิพฺพตฺตนฺติ ยํ ยํ ลกฺขณํ นิพฺพตฺตํ. ทสฺสนตฺถนฺติ ตสฺส ตสฺส กุสลกมฺมสฺส สรูปโต, กิจฺจโต, ปวตฺติอาการวิเสสโต, ปจฺจยโต, ผลวิเสสโต จ ทสฺสนตฺถํ, เอเตเนว ปฏิปาฏิยา อุทฺทิฏฺานํ ลกฺขณานํ ¶ อสมุทฺเทสการณวิภาวนาย การณํ ทีปิตํ โหติ สมานการณานํ ลกฺขณานํ เอกชฺฌํ การณทสฺสนวเสนสฺส ปวตฺตตฺตา. เอวมาหาติ ‘‘พาหิรกาปิ อิสโย ธาเรนฺตี’’ติอาทินา อิมินา อิมินา ปกาเรน อาห.
สุปฺปติฏฺิตปาทตาลกฺขณวณฺณนา
๒๐๑. ‘‘ปุริมํ ¶ ชาตินฺติ ปุริมายํ ชาติยํ, ภุมฺมตฺเถ เอตํ อุปโยควจน’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตาเน ิโต’’ติ วจนโต อจฺจนฺตสํโยเค วา อุปโยควจนํ. ยตฺถ ยตฺถ หิ ชาติยํ มหาสตฺโต ปฺุกมฺมํ ¶ กาตุํ อารภติ, อารภโต ปฏฺาย อจฺจนฺตเมว ตตฺถ ปฺุกมฺมปฺปสุโต โหติ. เตนาห ‘‘ทฬฺหสมาทาโน’’ติอาทิ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. นิวุตฺถกฺขนฺธา ‘‘ชาตี’’ติ วุตฺตา ขนฺธวินิมุตฺตาย ชาติยา อภาวโต, นิพฺพตฺติลกฺขณสฺส จ วิการสฺส อิธ อนุปยุชฺชนโต. ชาตวเสนาติ ชายนวเสน. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธา’’ติ อิมํ ปทํ อุปสํหรติ. ภวนวเสนาติ ปจฺจยโต นิพฺพตฺตนวเสน. นิวุตฺถวเสนาติ นิวุสิตตาวเสน. อาลยฏฺเนาติ อาวสิตภาเวน. นิวาสตฺโถ หิ นิเกตตฺโถ.
ตตฺถาติ เทวโลกาทิมฺหิ. อาทิ-สทฺเทน เอกจฺจํ ติรจฺฉานโยนึ สงฺคณฺหาติ. น สุกรนฺติ เทวคติยา เอกนฺตสุขตาย, ทุคฺคติยา เอกนฺตทุกฺขตาย, ทุกฺขพหุลตาย จ ปฺุกิริยาย โอกาโส น สุลภรูโป ปจฺจยสมวายสฺส ทุลฺลภภาวโต, อุปฺปชฺชมานา จ สา อุฬารา, วิปุลา จ น โหตีติ คติวเสนาปิ เขตฺตวิเสสตา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา, ปุถุชฺชนทุสฺสีเล ทานํ ทตฺวา สหสฺสคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) วจนโต ¶ . มนุสฺสคติยา ปน สุขพหุลตาย ปฺุกิริยาย โอกาโส สุลภรูโป ปจฺจยสมวายสฺส จ เยภุยฺเยน สุลภภาวโต. ยฺจ ตตฺถ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตมฺปิ วิเสสโต ปฺุกิริยาย อุปนิสฺสโย โหติ, ทุกฺขูปนิสา สทฺธาติ. ยถา หิ อโยฆเนน สตฺถเก นิปฺผาทิยมาเน ตสฺส เอกนฺตโต อคฺคิมฺหิ ตาปนํ, อุทเกน วา เตมนํ เฉทนกิริยาสมตฺถตาย น วิเสสปจฺจโย, ตาเปตฺวา ปน สมานโยคโต อุทกเตมนํ ตสฺสา วิเสสปจฺจโย, เอวเมว สตฺตสนฺตานสฺส เอกนฺตทุกฺขสมงฺคิตา ทุกฺขพหุลตา เอกนฺตสุขสมงฺคิตา สุขพหุลตา จ ปฺุกิริยาสมตฺถตาย น วิเสสปจฺจโย, สติ ปน สมานโยคโต ทุกฺขสนฺตาปเน, สุขุมพฺรูหเน จ ลทฺธูปนิสฺสยา ปฺุกิริยา สมตฺถตาย สมฺภวติ, ตถา สติ อุปฺปชฺชมานา ปฺุกิริยา มหาชุติกา มหาวิปฺผารา ปฏิปกฺขจฺเฉทนสมตฺถา โหติ. ตสฺมา มนุสฺสภาโว ปฺุกิริยาย วิเสสปจฺจโย. เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ น สุกรํ, มนุสฺสภูตสฺเสว สุกร’’นฺติ.
อถ ¶ ‘‘มนุสฺสภูตสฺสา’’ติ เอตฺถ โก วจนตฺโถ? ‘‘มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสาติ, สูรภาวสติมนฺตตาพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุณวเสน ¶ อุปจิตมนกา อุกฺกฏฺคุณจิตฺตาติ อตฺโถ. เก ปน เต? ชมฺพุทีปวาสิโน สตฺตวิเสสา. เตนาห ภควา –
‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ ชมฺพุทีปกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส. กตเมหิ ตีหิ? สูรา สติมนฺโต อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑; กถา. ๒๗๑).
ตถา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, ปจฺเจกพุทฺธา, อคฺคสาวกา ¶ , มหาสาวกา, จกฺกวตฺติโน, อฺเ จ มหานุภาวา สตฺตา ตตฺเถว อุปฺปชฺชนฺติ. เต หิ สมานรูปาทิตาย ปน สทฺธึ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ มนุสฺสา ตฺเวว ปฺายึสู’’ติ เกจิ. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘โลภาทีหิ, อโลภาทีหิ จ สหิตสฺส มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา. เย หิ สตฺตา มนุสฺสชาติกา, เตสุ วิเสสโต โลภาทโย, อโลภาทโย จ อุสฺสนฺนา, เต โลภาทิอุสฺสนฺนตาย อปายมคฺคํ, อโลภาทิอุสฺสนฺนตาย สุคติมคฺคํ, นิพฺพานคามิมคฺคฺจ ปริปูเรนฺติ, ตสฺมา โลภาทีหิ, อโลภาทีหิ จ สหิตสฺส มนสฺส อุสฺสนฺนตาย ปริตฺตทีปวาสีหิ สทฺธึ จตุทีปวาสิโน สตฺตวิเสสา มนุสฺสาติ วุจฺจนฺตี’’ติ. โลกิยา ปน ‘‘มนุโน อปจฺจภาเวน มนุสฺสา’’ติ วทนฺติ. มนุ นาม ปมกปฺปิโก โลกมริยาทาย อาทิภูโต สตฺตานํ หิตาหิตวิธายโก กตฺตพฺพากตฺตพฺพตาสุ นิโยชนตาวเสน ปิตุฏฺานิโย, โย สาสเน ‘‘มหาสมฺมโต’’ติ วุจฺจติ อมฺหากํ มหาโพธิสตฺโต, ปจฺจกฺขโต, ปรมฺปรา จ ตสฺส โอวาทานุสาสนิยํ ิตา สตฺตา ปุตฺตสทิสตาย ‘‘มนุสฺสา, มานุสา’’ติ จ วุจฺจนฺติ. ตโต เอว หิ เต ‘‘มานวา, มนุชา’’ติ จ โวหรียนฺติ. มนุสฺสภูตสฺสาติ มนุสฺเสสุ ภูตสฺส ชาตสฺส, มนุสฺสภาวํ วา ปตฺตสฺสาติ อตฺโถ. อยฺจ นโย โลกิยมหาชนสฺส วเสน วุตฺโต. มหาโพธิสตฺตานํ ปน สนฺตานสฺส มหาภินีหารโต ปฏฺาย กุสลธมฺมปฏิปตฺติยํ สมฺมเทว อภิสงฺขตตฺตา เตสํ สุคติยํ, อตฺตโน อุปฺปชฺชนทุคฺคติยฺจ นิพฺพตฺตานํ กุสลกมฺมํ ครุตรเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อการณํ วา เอต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
เอวรูเป ¶ อตฺตภาเวติ หตฺถิอาทิอตฺตภาเว. ิเตน กตกมฺมํ น สกฺกา สุเขน ทีเปตุํ โลเก อปฺปฺาตรูปตฺตา. สุเขน ทีเปตุํ ‘‘อสุกสฺมึ เทเส อสุกสฺมึ นคเร อสุโก นาม ราชา, พฺราหฺมโณ หุตฺวา อิมํ กุสลกมฺมํ อกาสี’’ติ เอวํ สุวิฺาปยภาวโต. ถิรคฺคหโณติ ¶ อสิถิลคฺคาหี ถามปฺปตฺตคฺคหโณ. นิจฺจลคฺคหโณติ อจฺจลคฺคาหี ตตฺถ เกนจิปิ อสํหาริโย ¶ . ปฏิกุฏตีติ สํกุฏติ, ชิคุจฺฉนวเสน วิวฏฺฏติ วา. ปสาริยตีติ วิตฺถตํ โหติ เวปุลฺลํ ปาปุณาติ.
ตเวโส มหาสมุทฺทสทิโสติ เอโส อุทโกโฆ เตว มหาสมุทฺทสทิโส.
ทียติ เอเตนาติ ทานํ, ปริจฺจาคเจตนา. ทิยฺยนวเสนาติ เทยฺยธมฺมสฺส ปริยตฺตํ กตฺวา ปริจฺจชนวเสน ทานํ. สํวิภาคกรณวเสนาติ ตสฺเสว อตฺตนา สทฺธึ ปรสฺส สํวิภชนวเสน สํวิภาโค, ตถาปวตฺตา เจตนา. สีลสมาทาเนติ สีลสฺส สมฺมเทว อาทาเน, คหเณ ปวตฺตเนติ อตฺโถ. ตํ ปวตฺติกาเลน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปูรณกาเล’’ติ อาห. มาตุ หิโต มตฺเตยฺโย, ยสฺส ปน ธมฺมสฺส วเสน โส ‘‘มตฺเตยฺโย’’ติ วุจฺจติ, โส มตฺเตยฺยตาติ อาห ‘‘มาตุ กาตพฺพวตฺเต’’ติ. เอเสว นโย ‘‘เปตฺเตยฺยตายา’’ติอาทีสุ. อฺตรฺตเรสูติ อฺมฺวิสิฏฺเสุ อฺเสุ, เต ปน กุสลภาเวน วุตฺตา กุสลาติ อาห ‘‘เอวรูเปสู’’ติ. อธิกุสเลสูติ อภิวิสิฏฺเสุ กุสเลสุ, สา ปน อภิวิสิฏฺตา อุปาทายุปาทาย โหติ. ยํ ปเนตฺถ อุกฺกํสคตํ อธิกุสลํ, ตทุกฺกํสนเยน อิธาธิปฺเปตนฺติ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถิ กุสลา, อตฺถิ อธิกุสลา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นนุ ปฺาปารมิสงฺคหาณสมฺภารภูตา กุสลา ธมฺมา นิปฺปริยาเยน สพฺพฺุตฺาณปฏิลาภปจฺจยา กุสลา นาม, อิเม ปน มหาปุริสลกฺขณนิพฺพตฺตกา ปฺุสมฺภารภูตา กสฺมา ตถา วุตฺตาติ? สพฺเพสมฺปิ มหาโพธิสตฺตสนฺตานคตานํ ปารมิธมฺมานํ ¶ สพฺพฺุตฺาณปฏิลาภปจฺจยภาวโต. มหาภินีหารโต ปฏฺาย หิ มหาปุริโส ยํ กิฺจิ ปฺุํ กโรติ, สพฺพํ ตํ สมฺมาสมฺโพธิสมธิคมาเยว ปริณาเมติ. ตถา หิ สสมฺภาราพฺยาโส, ทีฆกาลาพฺยาโส, นิรนฺตราพฺยาโส, สกฺกจฺจาพฺยาโสติ จตฺตาโร อพฺยาสา จตุรธิฏฺานปริปูริตสมฺพนฺธา อนุปุพฺเพน มหาโพธิฏฺานา สมฺปชฺชนฺติ.
สกิมฺปีติ ¶ ปิ-สทฺเทน อเนกวารมฺปิ กตํ วิชาติเยน อนฺตริตํ สงฺคณฺหาติ. อภิณฺหกรเณนาติ พหุลีกาเรน. อุปจิตนฺติ อุปรูปริ วฑฺฒิตํ. ปิณฺฑีกตนฺติ ปิณฺฑโส กตํ. ราสีกตนฺติ ราสิภาเวน กตํ. อเนกกฺขตฺตฺุหิ ปวตฺติยมานํ กุสลกมฺมํ สนฺตาเน ตถาลทฺธปริภาวนํ ปิณฺฑีภูตํ วิย, ราสีภูตํ วิย จ โหติ. วิปากํ ปติ สํหจฺจการิภาวตฺตา จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ ภวคฺคํ อตินีจํ, สเจ ปเน ตํ รูปํ สิยาติ อธิปฺปาโย. วิปุลตฺตาติ มหนฺตตฺตา. ยสฺมา ปน ตํ กมฺมํ เมตฺตากรุณาสติสมฺปชฺาหิ ปริคฺคหิตตาย ทุรสมุสฺสาริตํ ปมาณกรณธมฺมนฺติ ปมาณรหิตตาย ‘‘อปฺปมาณ’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตสฺมา ‘‘อปฺปมาณตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
อธิภวตีติ ¶ ผลสฺส อุฬารภาเวน อภิภุยฺย ติฏฺติ. อตฺถโต ปณีตปณีตานํ โภคานํ ปฏิลาโภ เอวาติ อาห ‘‘อติเรกํ ลภตี’’ติ. อธิคจฺฉตีติ วินฺทติ, นิพฺพตฺตมาโนว เตน สมนฺนาคโต โหตีติ อตฺโถ. เอกเทเสน อผุสิตฺวา สพฺพปฺปเทเสหิ ผุสนโต สพฺพปฺปเทเสหิ ¶ ผุสนฺติโย เอเตสํ ปาทตลานํ สนฺตีติ ‘‘สพฺพาวนฺเตหิ ปาทตเลหี’’ติ วุตฺตํ. ยถา นิกฺขิปเน สพฺเพ ปาทตลปฺปเทสา สํหจฺจการิโน อนินฺนตาย สมภาวโต, เอวํ อุทฺธรเณปีติ วุตฺตํ ‘‘สมํ ผุสติ, สมํ อุทฺธรตี’’ติ. อิทานิ อิมสฺส มหาปุริสลกฺขณสฺส สมธิคเมน ลทฺธพฺพนิสฺสนฺทผลวิภาวนมุเขน อานุภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘สเจปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นรกนฺติ อาวาฏํ. อนฺโต ปวิสติ สมภาวาปตฺติยา. ‘‘จกฺกลกฺขเณน ปติฏฺาตพฺพฏฺาน’’นฺติ อิทํ ยํ ภูมิปฺปเทสํ ปาทตลํ ผุสติ, ตตฺถ จกฺกลกฺขณมฺปิ ผุสนวเสน ปติฏฺาตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ตสฺส ปน ตถา ปติฏฺานํ สุปฺปติฏฺิตปาทตาย เอวาติ สุปฺปติฏฺิตปาทตาย อานุภาวกิตฺตเน ‘‘ลกฺขณนฺตรานยนํ กิมตฺถิย’’นฺติ น จินฺเตตพฺพํ. สีลเตเชนาติ สีลปฺปภาเวน. ปฺุเตเชนาติ กุสลปฺปภาเวน. ธมฺมเตเชนาติ าณปฺปภาเวน. ตีหิปิ ปเทหิ ภควโต พุทฺธภูตสฺส ธมฺมา คหิตา, ‘‘ทสนฺนํ ปารมีน’’นฺติ อิมินา พุทฺธกรธมฺมา คหิตา.
๒๐๒. มหาสมุทฺโทว สีมา สพฺพภูมิสฺสรภาวโต. ‘‘อขิลมนิมิตฺตมกณฺฏก’’นฺติ ตีหิปิ ปเทหิ เถยฺยาภาโวว วุตฺโตติ อาห ‘‘นิจฺโจร’’นฺติอาทิ ¶ . ขรสมฺผสฺสฏฺเนาติ ฆฏฺฏเนน ทุกฺขสมฺผสฺสภาเวน ขิลาติ. อุปทฺทวปจฺจยฏฺเนาติ อนตฺถเหตุตาย นิมิตฺตาติ. ‘‘อขิล’’นฺติอาทินา เอกจารีหิ โจราภาโว วุตฺโต, ‘‘นิรพฺพุท’’นฺติ อิมินา ปน คณพนฺธวเสน วิจรณโจราภาโว วุตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘คุมฺพํ คุมฺพํ หุตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อวิกฺขมฺภนีโยติ ¶ น วิพนฺธนีโย เกนจิ อปฺปฏิพาหนีโย านโต อนิกฺกฑฺฒนีโย. ปฏิปกฺขํ อนิฏฺํ อตฺเถตีติ ปจฺจตฺถิโก, เอเตน ปากฏภาเวน วิโรธํ อกโรนฺโต เวริปุคฺคโล วุตฺโต. ปฏิวิรุทฺโธ อมิตฺโต ปจฺจามิตฺโต, เอเตน ปากฏภาเวน วิโรธํ กโรนฺโต เวริปุคฺคโล วุตฺโต. วิกฺขมฺเภตุํ นาสกฺขึสุ, อฺทตฺถุ สยเมว วิฆาตพฺยสนํ ปาปุณึสุ เจว สาวกตฺตฺจ ปเวเทสุํ.
‘‘กมฺม’’นฺติอาทีสุ กมฺมํ นาม พุทฺธภาวํ อุทฺทิสฺส กตูปจิโต ลกฺขณสํวตฺตนิโย ปฺุสมฺภาโร. เตนาห ‘‘สตสหสฺสกปฺปาธิกานี’’ติอาทิ. กมฺมสริกฺขกํ นาม ตสฺเสว ปฺุสมฺภารสฺส กรณกาเล เกนจิ อกมฺปนียสฺส ทฬฺหาวตฺถิตภาวสฺส อนุจฺฉวิโก สุปฺปติฏฺิตปาทตาสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส ปเรหิ อวิกฺขมฺภนียตาย าปกนิมิตฺตภาโว, สฺวายํ นิมิตฺตภาโว ตสฺเสว ลกฺขณสฺสาติ อฏฺกถายํ ‘‘กมฺมสริกฺขกํ นาม…เป… มหาปุริสลกฺขณ’’นฺติ ¶ วุตฺตํ. านคมเนสุ ปาทานํ ทฬฺหาวตฺถิตภาโว ลกฺขณํ นาม. ปาทานํ ภูมิยํ สมํ นิกฺขิปนํ, ปาทตลานํ สพฺพภาเคหิ ผุสนํ, สมเมว อุทฺธรณํ, ตสฺมา สุฏฺุ สมํ สพฺพภาเคหิ ปติฏฺิตา ปาทา เอตสฺสาติ สุปฺปติฏฺิตปาโท, ตสฺส ภาโว สุปฺปติฏฺิตปาทตาติ วุจฺจติ ลกฺขณํ. สุฏฺุ สมํ ภูมิยา ผุสเนเนว หิ เนสํ ตตฺถ ทฬฺหาวตฺถิตภาโว สิทฺโธ, ยํ ‘‘กมฺมสริกฺขก’’นฺติ วุตฺตํ. ลกฺขณานิสํโสติ ลกฺขณปฏิลาภสฺส อุทฺรโย, ลกฺขณสํวตฺตนิยสฺส กมฺมสฺส อานิสํสผลนฺติ อตฺโถ. นิสฺสนฺทผลํ ปน เหฏฺา ภาวิตเมว.
๒๐๓. กมฺมาทิเภเทติ กมฺมกมฺมสริกฺขกลกฺขณ ลกฺขณานิสํสวิสฺิเต วิภาเค. คาถาพนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ, อตฺโถ ปน อปุพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. โปราณกตฺเถราติ อฏฺกถาจริยา. วณฺณนาคาถาติ ¶ โถมนาคาถา วุตฺตเมวตฺถํ คเหตฺวา โถมนาวเสน ปวตฺตตฺตา. อปรภาเค ¶ เถรา นาม ปาฬึ, อฏฺกถฺจ โปตฺถกาโรปนวเสน สมาคตา มหาเถรา, เย สาฏฺกถํ ปิฏกตฺตยํ โปตฺถการุฬฺหํ กตฺวา สทฺธมฺมํ อทฺธนิยจิรฏฺิติกํ อกํสุ. เอกปทิโกติ ‘‘ทฬฺหสมาทาโน อโหสี’’ติอาทิปาเ เอเกกปทคาหี. อตฺถุทฺธาโรติ ตทตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถํ คาถาพนฺธวเสน อุทฺธรณโต อตฺถุทฺธารภูโต, ตยิทํ ปาฬิยํ อาคตปทานิ คเหตฺวา คาถาพนฺธวเสน ตทตฺถวิจารณภาวทสฺสนํ, น ปน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปิตภาวปฏิกฺขิปนนฺติ ทฏฺพฺพํ.
กุสลธมฺมานํ วจีสจฺจสฺส พหุการตํ, ตปฺปฏิปกฺขสฺส จ มุสาวาทสฺส มหาสาวชฺชตํ ทสฺเสตุํ อนนฺตรเมว กุสลกมฺมปถธมฺเม วทนฺโตปิ ตโต วจีสจฺจํ นีหริตฺวา กเถติ สจฺเจติ วา สนฺนิธาเนว ‘‘ธมฺเม’’ติ วุจฺจมานา กุสลกมฺมปถธมฺมา เอว ยุตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘ธมฺเมติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺเม’’ติ. โคพลีพทฺทาเยน วา เอตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อินฺทฺริยทมเนติ อินฺทฺริยสํวเร. กุสลกมฺมปถคฺฆเณนสฺส วาริตฺตสีลเมว คหิตนฺติ อิตรมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ สํยมสฺเสว คหณํ กตนฺติ ‘‘สํยเมติ สีลสํยเม’’ติ วุตฺตํ. สุจิ วุจฺจติ ปุคฺคโล ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน, ตํ โสเจยฺยํ, กายสุจริตาทิ. เอตสฺเสว หิ วิภาคสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตมฺปิ เจตํ ปุน วุตฺตํ, มโนโสเจยฺยคฺคหเณน วา ฌานาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺมานมฺปิ สงฺคณฺหนตฺถํ โสเจยฺยคฺคหณํ. อาลยภูตนฺติ สมถวิปสฺสนานํ ¶ อธิฏฺานภูตํ. อุโปสถกมฺมนฺติ อุโปสถทิวเส สมาทิยิตฺวา สมาจริตพฺพํ ปฺุกมฺมํ อุโปสโถ สหจรณาเยน. ‘‘อวิหึสายาติ สตฺตานํ อวิเหนายา’’ติ วทนฺติ, ตํ ปน สีลคฺคหเณเนว คหิตํ. ตสฺมา อวิหึสายาติ กรุณายาติ อตฺโถ. อวิหึสาคฺคหเณเนว เจตฺถ อปฺปมฺาสามฺเน จตฺตาโรปิ พฺรหฺมวิหารา อุปจาราวตฺถา คหิตา ลกฺขณหารนเยน. สกลนฺติ อนวเสสํ ปริปุณฺณํ. เอวเมตฺถ กามาวจรตฺตภาวปริยาปนฺนตฺตา ลกฺขณสฺส ตํสํวตฺตนิกกามาวจรกุสลธมฺมา เอว ปารมิตาสงฺคหปฺุสมฺภารภูตกายสุจริตาทีหิ ¶ ทฺวาทสธา วิภตฺตา เอว. คาถายํ ‘‘สจฺเจ’’ติอาทินา ทสธา สงฺคยฺห ทสฺสิตา. เอส นโย เสสลกฺขเณปิ.
อํนุภีติ คาถาสุขตฺถํ อการํ สานุนาสิกํ กตฺวา วุตฺตํ. พฺยฺชนานิ ลกฺขณานิ อาจิกฺขนฺตีติ เวยฺชนิกา. วิกฺขมฺเภตพฺพนฺติ ปฏิพาหิตพฺพํ ตสฺสาติ ¶ มหาปุริสสฺส, ตสฺส วา มหาปุริสลกฺขณสฺส. ลกฺขณสีเสน เจตฺถ ตํสํวตฺตนิกปฺุสมฺภาโร วุจฺจติ.
ปาทตลจกฺกลกฺขณวณฺณนา
๒๐๔. ภยํ นาม ภีติ, ตํ ปน อุพฺพิชฺชนากาเรน, อุตฺตสนากาเรน จ ปวตฺติยา ทุวิธนฺติ อาห ‘‘อุพฺเพคภยฺเจว อุตฺตาสภยฺจา’’ติ. ตทุภยมฺปิ ภยํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปนูทิตาติ ยถา โจราทโย วิลุปฺปนพนฺธนาทีนิ ปรสฺส น กโรนฺติ, กตฺจ ปจฺจาหรณาทินา ปฏิปากติกํ โหติ, เอวํ ยถา จ จณฺฑหตฺถิอาทโย ¶ ทูรโต ปริวชฺชิตา โหนฺติ, อปริวชฺชิเต ตสฺส ยถา าเน ิเตหิ อภิภโว น โหติ, เอวํ อปนูทิตา. อติวาเหตีติ อติกฺกาเมติ. ตํ านนฺติ ตํ สาสงฺกฏฺานํ. อสกฺโกนฺตานนฺติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, อสกฺโกนฺเตติ อตฺโถ. อสกฺโกนฺตานนฺติ วา อนาทเร สามิวจนํ. สห ปริวาเรนาติ สปริวารํ. ตตฺถ กิฺจิ เทยฺยธมฺมํ เทนฺโต ยทา ตสฺส ปริวารภาเวน อฺมฺปิ เทยฺยธมฺมํ เทติ, เอวํ ตสฺส ตํ ทานมยํ ปฺุํ สปริวารํ นาม โหติ.
ตมตฺถํ วิตฺถาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ อนฺน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา เทยฺยธมฺมํ ตสฺส อนฺนทานสฺส ปริวาโร, เอวํ ตสฺส สกฺกจฺจกรณํ ปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ โข’’ติอาทิมาห. ยาคุภตฺตํ ทตฺวาว อทาสีติ โยชนา. เอส นโย อิโต ปรโตปิ. สุตฺตํ วฏฺเฏตีติ จีวรสฺส สิพฺพนสุตฺตกํ ทุวฏฺฏติวฏฺฏาทิวเสน วฏฺฏิตํ อกาสิ. รชนนฺติ อลฺลิอาทิรชนวตฺถุํ. ปณฺฑุปลาสนฺติ รชนุปคเมว ปณฺฑุวณฺณํ ปลาสํ.
เหฏฺิมานีติ อนฺนาทีนิ จตฺตาริ. นิสทคฺคหเณเนว นิสทโปโตปิ คหิโต. จีนปิฏฺํ สินฺธุรกจุณฺณํ. โกชวนฺติ อุทฺทโลมิเอกนฺตโลมิอาทิโกชวตฺถรณ. สุวิภตฺตอนฺตรานีติ สุฏฺุ วิภตฺตอนฺตรานิ, เอเตน จกฺกาวยวฏฺานานํ สุปริจฺฉินฺนตํ ทสฺเสติ.
ลทฺธาภิเสกา ขตฺติยา อตฺตโน วิชิเต วิสวิตาย พฺราหฺมณาทิเก ¶ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รฺเชตุํ ¶ สกฺโกนฺติ, น อิตราติ อาห ‘‘ราชาโนติ อภิสิตฺตา’’ติ. ราชโต ยถาลทฺธคามนิคมาทึ อิสฺสรวตาย ภฺุชนฺตีติ โภชกา, ตาทิโส โภโค เอเตสํ อตฺถิ ¶ , ตตฺถ วา นิยุตฺตาติ โภคิกา, เต เอว ‘‘โภคิยา’’ติ วุตฺตา. สปริวารํ ทานนฺติ วุตฺตนเยน สปริวารทานํ. ชานาตูติ ‘‘สเทวโก โลโก ชานาตู’’ติ อิมินา วิย อธิปฺปาเยน นิพฺพตฺตํ จกฺกลกฺขณนฺติ ลกฺขณสฺเสว กมฺมสริกฺขตา ทสฺสิตา. เอวํ สติ ติกเมว สิยา, น จตุกฺกํ, ตสฺมา จกฺกลกฺขณสฺส มหาปริวารตาย าปกนิมิตฺตภาโว กมฺมสริกฺขกํ นาม. เตเนวาห ‘‘สปริวารํ…เป… ชานาตูติ นิพฺพตฺต’’นฺติ. ‘‘ทีฆายุกตาย ตํ นิมิตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๒๐๗) จ วกฺขติ, ตถา ‘‘ตํ ลกฺขณํ ภวติ ตทตฺถโชตก’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๒๒๑) จ. นิสฺสนฺทผลํ ปน ปฏิปกฺขาภิภโว ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห คาถายํ ‘‘สตฺตุมทฺทโน’’ติ.
๒๐๕. เอตนฺติ เอตํ คาถาพนฺธภูตํ วจนํ, ตํ ปนตฺถโต คาถา เอวาติ อาห ‘‘อิมา ตทตฺถปริทีปนา คาถา วุจฺจนฺตี’’ติ.
ปุรตฺถาติ วา ‘‘ปุเร’’ติ วุตฺตโตปิ ปุพฺเพ. ยสฺมา มหาปุริโส น อตีตาย เอกชาติยํ, นาปิ กติปยชาตีสุ, อถ โข ปุริมปุริมตราสุ ตถาว ปฏิปนฺโน, ตสฺมา ตตฺถ ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุเร ปุรตฺถา’’ติ วุตฺตํ. อิมิสฺสาปิ ชาติยํ อตีตกาลวเสน ‘‘ปุเรปุรตฺถา’’ติ วตฺตุํ ลพฺภาติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ปุริมาสุ ¶ ชาตีสู’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิมิสฺสา’’ติอาทิ. เกจิ ‘‘อิมิสฺสา ชาติยา ปุพฺเพ ตุสิตเทวโลเก กตกมฺมปฏิกฺเขปวจน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ตตฺถ ตาทิสสฺส กตกมฺมสฺส อภาวโต. อปนูทโนติ อปเนตา. อธิมุตฺโตติ ยุตฺตปยุตฺโต.
ปฺุกมฺเมนาติ ทานาทิปฺุกมฺเมน. เอวํ สนฺเตติ สตมตฺเตน ปฺุกมฺเมน เอเกกํ ลกฺขณํ นิพฺพตฺเตยฺย, เอวํ สติ. น โรจยึสูติ เกวลํ สตมตฺเตน ปฺุกมฺเมน ลกฺขณนิพฺพตฺตึ น โรจยึสุ อฏฺกถาจริยา. กถํ ปน โรจยึสูติ อาห ‘‘อนนฺเตสุ ปนา’’ติอาทิ. เอเกกํ กมฺมนฺติ เอเกกํ ทานาทิปุพฺพกมฺมํ. เอเกกํ สตคุณํ กตฺวาติ อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ ยตฺตกา สตฺตา, เตหิ สพฺเพหิ ปจฺเจกํ สตกฺขตฺตุํ กตานิ ทานาทิปฺุกมฺมานิ ยตฺตกานิ, ตโต เอเกกํ ปฺุกมฺมํ มหาสตฺเตน สตคุณํ กตํ ‘‘สต’’นฺติ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา อิธ สต-สทฺโท พหุภาวปริยาโย, น สงฺขฺยาวจโนติ ทสฺเสติ ‘‘สตคฺฆิ สตํ เทวมนุสฺสา’’ติอาทีสุ ¶ วิย. เตนาห ‘‘ตสฺมา สตปฺุลกฺขโณติ อิมมตฺถํ โรจยึสู’’ติ.
อายตปณฺหิตาทิติลกฺขณวณฺณนา
๒๐๖. สรสจุติ ¶ นาม ชาตสฺส สตฺตสฺส ยาวชีวํ ชีวิตฺวา ปกติยา มรณํ. อากฑฺฒชิยสฺส ธนุทณฺฑสฺส วิย ปาทานํ อนฺโตมุขํ กุฏิลตาย อนฺโตวงฺกปาทตา. พหิมุขํ กุฏิลตาย พหิวงฺกปาทตา. ปาทตลสฺส มชฺเฌ อูนตาย อุกฺกุฏิกปาทตา. อคฺคปาเทน ขฺชนกา อคฺคโกณฺฑา. ปณฺหิปฺปเทเสน ขฺชนกา ปณฺหิโกณฺฑา. อุนฺนตกาเยนาติ อโนนตภาเวน สมุสฺสิตสรีเรน ¶ . มุฏฺิกตหตฺถาติ อาวุธาทีนํ คหณตฺถํ กตมุฏฺิหตฺถา. ผณหตฺถกาติ อฺมฺํ สํสฏฺงฺคุลิหตฺถา. อิทเมตฺถ กมฺมสริกฺขกนฺติ อิทํ อิเมสํ ติณฺณมฺปิ ลกฺขณานํ ตถาคตสฺส ทีฆายุกตาย าปกนิมิตฺตภาโว เอตฺถ อายตปณฺหิตา, ทีฆงฺคุลิตา พฺรหฺมุชุคตฺตตาติ เอตสฺมึ ลกฺขณตฺตเย กมฺมสริกฺขกตฺตํ. นิสฺสนฺทผลํ ปน อนนฺตรายตาทิ ทฏฺพฺพํ.
๒๐๗. ภายิตพฺพวตฺถุนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชมานมฺปิ ภยํ อตฺตสิเนหเหตุกํ ปหีนสิเนหสฺส ตทภาวโตติ อาห ‘‘ยถา มยฺหํ มรณโต ภยํ มม ชีวิตํ ปิย’’นฺติ. สุจิณฺเณนาติ สุฏฺุ กตูปจิเตน สุจริตกมฺมุนา.
จวิตฺวาติ สคฺคโต จวิตฺวา. ‘‘สุชาตคตฺโต สุภุโช’’ติ อาทโย สรีราวยวคุณา อิเมหิ ลกฺขเณหิ อวินาภาวิโนติ ทสฺเสตุํ วุตฺตา. จิรยปนายาติ อตฺตภาวสฺส จิรกาลํ ปวตฺตนาย. เตนาห ‘‘ทีฆายุกภาวายา’’ติ. ตโตติ จกฺกวตฺตี หุตฺวา ยาปนโต. วสิปฺปตฺโตติ ฌานาทีสุ วสีภาวฺเจว เจโตวสิภาวฺจ ปตฺโต หุตฺวา, กถํ อิทฺธิภาวนาย อิทฺธิปาทภาวนายาติ อตฺโถ. ยาเปติ จิรตรนฺติ โยชนา.
สตฺตุสฺสทตาลกฺขณวณฺณนา
๒๐๘. รโส ชาโต เอเตสนฺติ รสิตานิ, มหารสานิ. เตนาห ‘‘รสสมฺปนฺนาน’’นฺติ. ปิฏฺขชฺชกาทีนีติ ปูปสกฺขลิโมทกาทีนิ. อาทิ-สทฺเทน ปน กทลิผลาทึ สงฺคณฺหาติ. ปิฏฺํ ปกฺขิปิตฺวา ปจิตพฺพปายสํ ปิฏฺปายสํ. อาทิ-สทฺเทน ตถารูปโภชฺชยาคุอาทึ สงฺคณฺหาติ.
อิธ ¶ ¶ ¶ กมฺมสริกฺขกํ นาม สตฺตุสฺสทตาลกฺขณสฺส ปณีตลาภิตาย าปกนิมิตฺตภาโว. อิมินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ ลกฺขเณ กมฺมสริกฺขกํ นิทฺธาเรตฺวา โยเชตพฺพํ.
๒๐๙. อุตฺตโม อคฺครสทายโกติ สพฺพสตฺตานํ อุตฺตโม โลกนาโถ อคฺคานํ ปณีตานํ รสานํ ทายโก. อุตฺตมานํ อคฺครสานนฺติ ปณีเตสุปิ ปณีตรสานํ. ขชฺชโภชฺชาทิโชตกนฺติ ขชฺชโภชฺชาทิลาภโชตกํ. ลาภสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส ผลํ ‘‘ลาภสํวตฺตนิก’’นฺติ การณูปจาเรน วทติ. ตทตฺถโชตกนฺติ วา ตสฺส ปณีตโภชนทายกตฺตสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส โชตกํ. ตทาธิคจฺฉตีติ เอตฺถ อา-กาโร นิปาตมตฺตนฺติ อาห ‘‘ตํ อธิคจฺฉตี’’ติ. ลาภิรุตฺตมนฺติ ร-กาโร ปทสนฺธิกโร.
กรจรณาทิลกฺขณวณฺณนา
๒๑๐. ปพฺพชิตปริกฺขารํ ปตฺตจีวราทึ คิหิปริกฺขารํ วตฺถาวุธยานสยนาทึ.
สพฺพนฺติ สพฺพํ อุปการํ. มกฺเขตฺวา นาเสติ มกฺขิภาเว ตฺวา. เตเลน วิย มกฺเขตีติ สตโธตเตเลน มกฺเขติ วิย. อตฺถสํวฑฺฒนกถายาติ หิตาวหกถาย. กถาคหณฺเจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ. ปเรสํ หิตาวโห กายปโยโคปิ อตฺถจริยา. อฏฺกถายํ ปน วจีปโยควเสเนว อตฺถจริยา วุตฺตา.
สมานตฺตตายาติ สทิสภาเว สมานฏฺาเน ปเนน, ตํ ปนสฺส สมานฏฺาเน ปนํ อตฺตสทิสตากรณํ, สุเขน เอกสมฺโภคตา, อตฺตโน สุขุปฺปตฺติยํ; ตสฺส จ ทุกฺขุปฺปตฺติยํ เตน อตฺตโน เอกสมฺโภคตาติ อาห ‘‘สมานสุขทุกฺขภาเวนา’’ติ. สา จ สมานสุขทุกฺขตา เอกโต นิสชฺชาทินา ปากฏา โหตีติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกาสเน’’ติอาทิมาห. น หิ สกฺกา เอกปริโภโค กาตุํ ชาติยา หีนตฺตา. ตถา อกริยมาเน ¶ จ โส กุชฺฌติ โภเคน อธิกตฺตา, ตสฺมา ทุสฺสงฺคโห. น หิ โส เอกปริโภคํ อิจฺฉติ ชาติยา หีนภาวโต. น อกริยมาเน จ กุชฺฌติ โภเคน หีนภาวโต. อุโภหีติ ชาติโภเคหิ. สทิโสปิ สุสงฺคโห เอกสทิสภาเวเนว ¶ อิตเรน สห เอกปริโภคสฺส ปจฺจาสีสาย, อกรเณ จ ตสฺส กุชฺฌนสฺสาภาวโต. อทียมาเนปิ กิสฺมิฺจิ อามิเส อกริยมาเนปิ สงฺคเห. น ปาปเกน จิตฺเตน ปสฺสติ เปสลภาวโต. ตโต เอว ปริโภโคปิ…เป… โหติ. เอวรูปนฺติ คิหี เจ, อุโภหิ สทิสํ; ปพฺพชิโต เจ, สีลวนฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
สุสงฺคหิตาว ¶ โหนฺตีติ สุฏฺุ สงฺคหิตา เอว โหนฺติ ทฬฺหภตฺติภาวโต. เตนาห ‘‘น ภิชฺชนฺตี’’ติ.
ทานาทิสงฺคหกมฺมนฺติ ทานาทิเภทํ ปรสงฺคณฺหนวเสน ปวตฺตํ กุสลกมฺมํ.
๒๑๑. อนวฺาเตน อปริภูเตน สมฺภาวิเตน. ปโมโท วุจฺจติ หาโส, น อปฺปโมเทนาติ เอตฺถ ปฏิเสธทฺวเยน โส เอว วุตฺโต. โส จ โอทคฺยสภาวตฺตา น ทีโน ธมฺมูปสฺหิตตฺตา น คพฺภยุตฺโตติ อาห ‘‘น ทีเนน น คพฺภิเตนาติ อตฺโถ’’ติ. สตฺตานํ อคณฺหนคุเณนาติ โยชนา.
อติรุจิรนฺติ อติวิย รุจิรกตํ, ตํ ปน ปสฺสนฺตานํ ปสาทาวหนฺติ อาห ‘‘สุปาสาทิก’’นฺติ. สุฏฺุ เฉกนฺติ อติวิย สุนฺทรํ. วิธาตพฺโพติ วิธาตุํ สนฺทิสิตุํ สกฺกุเณยฺโย. ปิยํ วทตีติ ปิยวทู ยถา ‘‘สพฺพวิทู’’ติ. สุขเมว สุขตา, ตํ สุขตํ. ธมฺมฺจ ¶ อนุธมฺมฺจาติ โลกุตฺตรธมฺมฺเจว ตสฺส อนุรูปปุพฺพภาคธมฺมฺจ.
อุสฺสงฺขปาทาทิลกฺขณวณฺณนา
๒๑๒. ‘‘อตฺถูปสํหิต’’นฺติ อิมินา วฏฺฏนิสฺสิตา ธมฺมกถา วุตฺตาติ อาห ‘‘อิธโลกปรโลกตฺถนิสฺสิต’’นฺติ. ‘‘ธมฺมูปสํหิต’’นฺติ อิมินา วิวฏฺฏนิสฺสิตา, ตสฺมา ทสกุสลกมฺมปถา วิวฏฺฏสนฺนิสฺสยา เวทิตพฺพา. นิทํเสสีติ สนฺทสฺเสสิ เต ธมฺเม ปจฺจกฺเข กตฺวา ปกาเสสิ. นิทํสนกถนฺติ ปากฏกรณกถํ. เชฏฺฏฺเน อคฺโค, ปาสํสฏฺเน เสฏฺโ, ปมุขฏฺเน ปาโมกฺโข, ปธานฏฺเน อุตฺตโม, หิตสุขตฺถิเกหิ ปการโต วรณียโต รชนียโต ปวโรติ เอวํ อตฺถวิเสสวาจีนมฺปิ ‘‘อคฺโค’’ติอาทีนํ ปทานํ ภาวตฺถสฺส เภทาภาวโต ‘‘สพฺพานิ อฺมฺเววจนานี’’ติ อาห.
อุทฺธงฺคมนียาติ ¶ สุณนฺตานํ อุปรูปริ วิเสสํ คเมนฺตีติ อุทฺธงฺคมนียา. สงฺขาย อโธ ปิฏฺิปาทสมีเป เอว ปติฏฺิตตฺตา อโธสงฺขา ปาทา เอตสฺสาติ อโธสงฺขปาโท. สงฺขาติ จ โคปฺผกานมิทํ นามํ.
๒๑๓. ธมฺมทานยฺนฺติ ธมฺมทานสงฺขาตํ ยฺํ.
สุฏฺุ ¶ สณฺิตาติ สมฺมเทว สณฺิตา. ปิฏฺิปาทสฺส อุปริ ปกติองฺคุเลน จตุรงฺคุเล ชงฺฆาปเทเส นิคูฬฺหา อปฺายมานรูปา หุตฺวา ิตาติ อตฺโถ.
เอณิชงฺฆลกฺขณวณฺณนา
๒๑๔. สิปฺปนฺติ สิกฺขิตพฺพฏฺเน ‘‘สิปฺป’’นฺติ ลทฺธนามํ สตฺตานํ ชีวิกาเหตุภูตํ อาชีววิธึ. ชีวิกตฺถํ, สตฺตานํ อุปการตฺถฺจ เวทิตพฺพฏฺเน วิชฺชา, มนฺตสตฺถาทิ. จรนฺติ เตน สุคตึ, สุขฺจ คจฺฉนฺตีติ จรณํ. กมฺมสฺสกตาาณํ ¶ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตาชานนปฺา’’ติ. ตานิ เจวาติ ปุพฺเพ วุตฺตหตฺถิอาทีนิ เจว. สตฺต รตนานีติ มุตฺตาทีนิ สตฺต รตนานิ. จ-สทฺเทน รฺโ อุปโภคภูตานํ วตฺถเสยฺยาทีนํ สงฺคโห. รฺโ อนุจฺฉวิกานีติ รฺโ ปริภฺุชนโยคฺยานิ. สพฺเพสนฺติ ‘‘ราชารหานี’’ติอาทินา วุตฺตานํ สพฺเพสํเยว เอกชฺฌํ คหณํ. พุทฺธานํ ปริสา นาม โอธิโส อโนธิโส จ สมิตปาปา, ตถตฺถาย ปฏิปนฺนา จ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สมณานํ โกฏฺาสภูตา จตสฺโส ปริสา’’ติ.
สิปฺปาทิวาจนนฺติ สิปฺปานํ สิกฺขาปนํ. ปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘วาเจตา’’ติ วาจนสีเสน สิกฺขาปนํ ทสฺสิตํ. อุกฺกุฏิกาสนนฺติ ตํตํเวยฺยาวจฺจกรเณน อุกฺกุฏิกสฺส นิสชฺชา. ปโยชนวเสน เคหโต เคหํ คามโต คามํ ชงฺฆาโย กิลเมตฺวา เปสนํ ชงฺฆเปสนิกา. ลิขิตฺวา ปาติตํ วิย โหติ อปริปุณฺณภาวโต. อนุปุพฺพอุคฺคตวฏฺฏิตนฺติ โคปฺผกฏฺานโต ปฏฺาย ยาว ชาณุปฺปเทสา มํสูปจยสฺส อนุกฺกเมน สมนฺตโต วฑฺฒิตตฺตา อนุปุพฺเพน อุคฺคตํ หุตฺวา สุวฏฺฏิตํ. เอณิชงฺฆลกฺขณนฺติ สณฺานมตฺเตน เอณิมิคชงฺฆาสทิสชงฺฆลกฺขณํ.
๒๑๕. ‘‘ยตุปฆาตายา’’ติ ¶ เอตฺถ ต-กาโร ปทสนฺธิกโร, อนุนาสิกโลเปน นิทฺเทโสติ อาห ‘‘ย’’นฺติอาทิ. ‘‘อุทฺธคฺคโลมา สุขุมตฺตโจตฺถตา’’ติ วุตฺตตฺตา โจทเกน ‘‘กึ ปน อฺเน กมฺเมน อฺํ ลกฺขณํ นิพฺพตฺตตี’’ติ โจทิโต, อาจริโย ‘‘น นิพฺพตฺตตี’’ติ วตฺวา ¶ ‘‘ยทิ เอวํ อิธ กสฺมา ลกฺขณนฺตรํ กถิต’’นฺติ อนฺโตลีนเมว โจทนํ ปริหรนฺโต ‘‘ยํ ปน นิพฺพตฺตตีติ…เป… อิธ วุตฺต’’นฺติ อาห. ตตฺถ ยํ ปน นิพฺพตฺตตีติ ยํ ลกฺขณํ วุจฺจมานลกฺขณนิพฺพตฺตเกน กมฺมุนา นิพฺพตฺตติ. ตํ อนุพฺยฺชนํ โหตีติ ตํ ลกฺขณํ วุจฺจมานสฺส ลกฺขณสฺส อนุกูลลกฺขณํ นาม โหติ. ตสฺมา เตน การเณน อิธ เอณิชงฺฆลกฺขณกถเน ‘‘อุทฺธคฺคโลมา สุขุมตฺตโจตฺถตา’’ติ ลกฺขณนฺตรํ วุตฺตํ.
สุขุมจฺฉวิลกฺขณวณฺณนา
๒๑๖. สมิตปาปฏฺเน ¶ สมณํ, น ปพฺพชฺชามตฺเตน. พาหิตปาปฏฺเน พฺราหฺมณํ, น ชาติมตฺเตน.
มหนฺตานํ อตฺถานํ ปริคฺคณฺหนโต มหตี ปฺา เอตสฺสาติ มหาปฺโ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโยติ อาห ‘‘มหาปฺาทีหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ’’ติ. นานตฺตนฺติ ยาหิ มหาปฺาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา ภควา ‘‘มหาปฺโ’’ติอาทินา กิตฺตียติ, ตาสํ มหาปฺาทีนํ อิทํ นานตฺตํ อยํ เวมตฺตตา.
ยสฺส กสฺสจิ วิเสสโต อรูปธมฺมสฺส มหตฺตํ นาม กิจฺจสิทฺธิยา เวทิตพฺพนฺติ ตทสฺสา กิจฺจสิทฺธิยา ทสฺเสนฺโต ‘‘มหนฺเต สีลกฺขนฺเธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปฺา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เหตุมหนฺตตาย, ปจฺจยมหนฺตตาย, นิสฺสยมหนฺตตาย, ปเภทมหนฺตตาย, กิจฺจมหนฺตตาย, ผลมหนฺตตาย, อานิสํสมหนฺตตาย จ สีลกฺขนฺธสฺส มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ เหตุ อโลภาทโย. ปจฺจโย หิโรตฺตปฺปสทฺธาสติวีริยาทโย. นิสฺสโย สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธินิยตตา, ตํสมงฺคิโน จ ปุริสวิเสสา. ปเภโท จาริตฺตวาริตฺตาทิวิภาโค. กิจฺจํ ตทงฺคาทิวเสน ปฏิปกฺขวิธมนํ. อานิสํโส ปิยมนาปตาทิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค, (วิสุทฺธิ. ๑.๖) อากงฺเขยฺยสุตฺตาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๖๕) จ อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมินา นเยน ¶ สมาธิกฺขนฺธาทีนมฺปิ มหนฺตตา ยถารหํ วิตฺถาเรตฺวา เวทิตพฺพา. านาานานํ ปน มหาวิสยตาย, สา พหุธาตุกสุตฺเต อาคตนเยน เวทิตพฺพา. วิหารสมาปตฺติโย สมาธิกฺขนฺธนิทฺธารณนเยน เวทิตพฺพา. อริยสจฺจานํ สกลสาสนสงฺคหโต, โส สจฺจวิภงฺค- (วิภ. ๑๘๙) ตํสํวณฺณนาสุ (วิภ. อฏฺ. ๑๘๙) อาคตนเยน, สติปฏฺานา ทีนํ สติปฏฺานวิภงฺคาทีสุ, (วิภ. ๓๕๕) ตํสํวณฺณนาสุ (วิภ. อฏฺ. ๓๕๕) จ อาคตนเยน, สามฺผลานํ มหโต หิตสฺส, มหโต สุขสฺส, มหโต อตฺถสฺส, มหโต โยคกฺเขมสฺส นิพฺพตฺติภาวโต, สนฺตปณีตนิปุณอตกฺกาวจรปณฺฑิตเวทนียภาวโต จ; อภิฺานํ มหาสมฺภารโต, มหาวิสยโต, มหากิจฺจโต, มหานุภาวโต, มหานิพฺพตฺติโต จ, นิพฺพานสฺส มทนิมฺมทนาทิมหตฺตสิทฺธิโต มหนฺตตา เวทิตพฺพา.
ปุถุปฺาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ ปน วิเสโส – นานาขนฺเธสุ าณํ ปวตฺตตีติ ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ นาม…เป… อยํ วิฺาณกฺขนฺโธ นามา’’ติ ¶ เอวํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นานากรณํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. เตสุปิ ‘‘เอกวิเธน รูปกฺขนฺโธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขนฺโธ. เอกวิเธน เวทนากฺขนฺโธ, พหุวิเธน เวทนากฺขนฺโธ. เอกวิเธน สฺากฺขนฺโธ. เอกวิเธน สงฺขารกฺขนฺโธ. เอกวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ, พหุวิเธน วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติ เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส อตีตาทิเภทวเสนาปิ นานากรณํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. ตถา ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป...อิทํ ธมฺมายตนํ นาม. ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, ทฺเว จตุภูมกา’’ติ เอวํ อายตนานํ นานตฺตํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ. นานาธาตูสูติ ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป… อยํ มโนวิฺาณธาตุ นาม. ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, ทฺเว ธาตุโย จตุภูมิกา’’ติ ¶ เอวํ นานาธาตูสุ าณํ ปวตฺตติ, ตยิทํ อุปาทินฺนกธาตุวเสน วุตฺตํ. ปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ หิ ทฺวินฺนฺจ อคฺคสาวกานํ อุปาทินฺนกธาตูสุ เอวํ นานากรณํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ, ตฺจ โข เอกเทสโตว, น นิปฺปเทสโต. อนุปาทินฺนกธาตูนํ ปน ลกฺขณาทิมตฺตเมว ชานนฺติ, น นานากรณํ. สพฺพฺุพุทฺธานเมว ปน ‘‘อิมาย นามธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขนฺโธ เสโต, อิมสฺส กาโฬ, อิมสฺส มฏฺโ, อิมสฺส พหลตฺตโจ ¶ , อิมสฺส ตนุตโจ. อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺานาทิวเสน เอวรูปํ. อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ, อิมสฺส ปีตกํ, โลหิตกํ, โอทาตํ, สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธํ. ผลํ ขุทฺทกํ, มหนฺตํ, ทีฆํ, วฏฺฏํ, สุสณฺานํ, ทุสฺสณฺานํ, มฏฺํ, ผรุสํ, สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธํ, มธุรํ, ติตฺตกํ, อมฺพิลํ, กฏุกํ, กสาวํ. กณฺฏโก ติขิโณ, อติขิโณ, อุชุโก, กุฏิโล, กณฺโห, นีโล, โอทาโต โหตี’’ติ ธาตุนานตฺตํ ปฏิจฺจ าณํ ปวตฺตติ.
นานาปฏิจฺจสมุปฺปาเทสูติ อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต จ นานาปเภเทสุ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺเคสุ. อวิชฺชาทิองฺคานิ หิ ปจฺเจกํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺิตานิ. เตนาห สงฺขารปิฏเก ‘‘ทฺวาทส ปจฺจยา ทฺวาทส ปฏิจฺจสมุปฺปาทา’’ติ. นานาสฺุตมนุปลพฺเภสูติ นานาสภาเวสุ นิจฺจสาราทิวิรหิเตสุ สฺุตภาเวสุ ตโต เอว อิตฺถิปุริสอตฺตตฺตนิยาทิวเสน อนุปลพฺภนสภาเวสุ ปกาเรสุ. ม-กาโร เหตฺถ ปทสนฺธิกโร. นานาอตฺเถสูติ อตฺถปฏิสมฺภิทาย วิสยภูเตสุ ปจฺจยุปฺปนฺนาทิวเสน นานาวิเธสุ อตฺเถสุ. ธมฺเมสูติ ธมฺมปฏิสมฺภิทาย ¶ วิสยภูเตสุ ปจฺจยาทิวเสน นานาวิเธสุ ธมฺเมสุ. นิรุตฺตีสูติ เตสํเยว อตฺถธมฺมานํ นิทฺธารณวจนสงฺขาเตสุ นานานิรุตฺตีสุ. ปฏิภาเนสูติ อตฺถปฏิสมฺภิทาทีสุ วิสยภูเตสุ ‘‘อิมานิ าณานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติ (วิภ. ๗๒๖, ๗๒๙, ๗๓๑, ๗๓๒, ๗๓๔, ๗๓๖, ๗๓๙) ตถา ตถา ปฏิภานโต อุปติฏฺนโต ‘‘ปฏิภานานี’’ติ ลทฺธนาเมสุ นานาาเณสุ. ‘‘ปุถุนานาสีลกฺขนฺเธสู’’ติอาทีสุ สีลสฺส ปุถุตฺตํ วุตฺตเมว, อิตเรสํ ปน วุตฺตนยานุสาเรน สุวิฺเยฺยตฺตา ปากฏเมว. ยํ ปน อภินฺนํ เอกเมว นิพฺพานํ, ตตฺถ อุปจารวเสน ¶ ปุถุตฺตํ คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปุถุชฺชนสาธารเณ ธมฺเม สมติกฺกมฺมา’’ติ, เตนสฺส มทนิมฺมทนาทิปริยาเยน ปุถุตฺตํ ปริทีปิตํ โหติ.
เอวํ วิสยวเสน ปฺาย มหตฺตํ, ปุถุตฺตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน หาสภาวํ, ปวตฺติอาการวเสน ชวนภาวํ, กิจฺจวเสน ติกฺขาทิภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘กตมา หาสปฺา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หาสพหุโลติ ปีติพหุโล. เสสปทานิ ตสฺเสว เววจนานิ. สีลํ ปริปูเรตีติ หฏฺปหฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค หุตฺวา เปตฺวา อินฺทฺริยสํวรํ ตสฺส วิสุํ วุตฺตตฺตา อนวเสสสีลํ ปริปูเรติ. ปีติโสมนสฺสสหคตา หิ ปฺา อภิรติวเสน อารมฺมเณ ผุลฺลิตวิกสิตา วิย ¶ ปวตฺตติ, น เอวํ อุเปกฺขาสหคตา. ปุน สีลกฺขนฺธนฺติ อริยสีลกฺขนฺธมาห. ‘‘สมาธิกฺขนฺธ’’นฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
สพฺพํ ตํ รูปํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ยา รูปธมฺเม ‘‘อนิจฺจา’’ติ สีฆเวเคน ปวตฺตติ, ปฏิปกฺขทูรภาเวน ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส สาติสยตฺตา อินฺเทน วิสฺสฏฺวชิรํ วิย ลกฺขณํ อวิรชฺฌนฺตี อทนฺธายนฺตี ¶ รูปกฺขนฺเธ อนิจฺจลกฺขณํ เวคสา ปฏิวิชฺฌติ, สา ชวนปฺา นามาติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาวเสน ชวนปฺํ ทสฺเสตฺวา พลววิปสฺสนาวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ขยฏฺเนาติ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนโต ขยสภาวตฺตา. ภยฏฺเนาติ ภยานกภาวโต. อสารกฏฺเนาติ อสารกภาวโต อตฺตสารวิรหโต, นิจฺจสาราทิวิรหโต จ. ตุลยิตฺวาติ ตุลนภูตาย วิปสฺสนาปฺาย ตุเลตฺวา. ตีรยิตฺวาติ ตาย เอว ตีรณภูตาย ตีรยิตฺวา. วิภาวยิตฺวาติ ยาถาวโต ปกาเสตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา. วิภูตํ กตฺวาติ ปากฏํ กตฺวา. รูปนิโรเธติ รูปกฺขนฺธนิโรธเหตุภูเต นิพฺพาเน นินฺนโปณปพฺภารภาเวน. อิทานิ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาวเสน ชวนปฺํ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาวเสนา’’ติ เกจิ.
าณสฺส ติกฺขภาโว นาม สวิเสสํ ปฏิปกฺขปหาเนน เวทิตพฺโพติ. ‘‘ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปฺา’’ติ วตฺวา เต ปน กิเลเส วิภาเคน ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺก’’นฺติอาทิมาห. ติกฺขปฺโ ขิปฺปาภิฺโ โหติ, ปฏิปทา จสฺส น จลตีติ อาห ‘‘เอกสฺมึ อาสเน จตฺตาโร อริยมคฺคา…เป… อธิคตา โหนฺตี’’ติอาทิ.
‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา ¶ วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา’’ติ ยาถาวโต ทสฺสเนน สจฺจปฺปฏิเวโธ อิชฺฌติ, น อฺถาติ การณมุเขน นิพฺเพธิกปฺํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ อุพฺเพคพหุโล โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุพฺเพคพหุโลติ วุตฺตนเยน สพฺพสงฺขาเรสุ อภิณฺหปวตฺตสํเวโค. อุตฺตาสพหุโลติ าณุตฺตาสวเสน สพฺพสงฺขาเรสุ พหุโส อุตฺราสมานโส ¶ , เอเตน อาทีนวานุปสฺสนมาห. ‘‘อุกฺกณฺนพหุโล’’ติ ปน อิมินา นิพฺพิทานุปสฺสนมาห ¶ , ‘‘อรติพหุโล’’ติอาทินา ตสฺสา เอว อปราปรุปฺปตฺตึ. พหิมุโขติ สพฺพสงฺขารโต พหิภูตํ นิพฺพานํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตาณมุโข, ตถา วา ปวตฺติตวิโมกฺขมุโข. นิพฺพิชฺฌนํ นิพฺเพโธ, โส เอติสฺสา อตฺถิ, นิพฺพิชฺฌตีติ วา นิพฺเพธิกา, สา เอว ปฺา นิพฺเพธิกปฺา. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา, อุตฺตานตฺถตฺตา จ สุวิฺเยฺยเมว.
๒๑๗. ปพฺพชิตํ อุปาสิตาติ เอตฺถ ยาทิสํ ปพฺพชิตํ อุปาสโต ปฺาปฏิลาโภ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปณฺฑิตํ ปพฺพชิต’’นฺติ วุตฺตํ. อุปาสนฺเจตฺถ อุปฏฺานวเสน อิจฺฉิตํ, น อุปนิสีทนมตฺเตนาติ อาห ‘‘ปยิรุปาสิตา’’ติ. อตฺถนฺติ หิตํ. อพฺภนฺตรํ กริตฺวาติ อพฺภนฺตรคตํ กตฺวา. เตนาห ‘‘อตฺถยุตฺต’’นฺติ. ภาวนปุํสกนิทฺเทโส จายํ, หิตูปสฺหิตํ กตฺวาติ อตฺโถ. อนฺตร-สทฺโท วา จิตฺตปริยาโย ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) วิย. ตสฺมา อตฺถนฺตโรติ หิตชฺฌาสโยติ อตฺโถ.
ปฏิลาภตฺถาย คเตนาติ ปฏิลาภตฺถาย ปวตฺเตน, ปฏิลาภสํวตฺตนิเยนาติ อตฺโถ. อุปฺปาเท จ นิมิตฺเต จ เฉกาติ อุปฺปาทวิธิมฺหิ เจว นิมิตฺตวิธิมฺหิ จ กุสลา. อุปฺปาทนิมิตฺตโกวิทตาสีเสน เจตฺถ ลกฺขณโกสลฺลเมว ทสฺเสติ. อถ วา เสสลกฺขณานํ นิพฺพตฺติยา พุทฺธานํ, จกฺกวตฺตีนฺจ อุปฺปาโท อนุมียติ, ยานิ เตหิ ลทฺธพฺพอานิสํสานิ นิมิตฺตานิ ¶ , ตสฺมึ อุปฺปาเท จ นิมิตฺเต จ อนุมินนาทิวเสน เฉกา นิปุณาติ อตฺโถ. ตฺวา ปสฺสิสฺสตีติ าเณน ชานิตฺวา ปสฺสิสฺสติ, น จกฺขุวิฺาเณนาติ อธิปฺปาโย.
อตฺถานุสาสนีสูติ อตฺถานํ หิตานํ อนุสาสนีสุ. ยสฺมา อนตฺถปฏิวชฺชนปุพฺพิกา สตฺตานํ อตฺถปฏิปตฺติ, ตสฺมา อนตฺโถปิ ปริจฺฉิชฺช คเหตพฺโพ, ชานิตพฺโพ จาติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถานตฺถํ ปริคฺคาหกานิ าณานี’’ติ, ยโต ‘‘อายุปายโกสลฺลํ วิย อปายโกสลฺลมฺปิ อิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ.
สุวณฺณวณฺณลกฺขณวณฺณนา
๒๑๘. ปฏิสงฺขานพเลน ¶ ¶ โกธวินเยน อกฺโกธโน, น ภาวนาพเลนาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น อนาคามิมคฺเคนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ อกฺโกธวสิกตฺตาติ เอวํ มฆมาณโว วิย น โกธวสํ คตตฺตา. นาภิสชฺชีติ กุชฺฌนวเสเนว น อภิสชฺชิ. ยฺหิ โกธสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูเต อารมฺมเณ อุปนาหสฺส ปจฺจยภูตํ กุชฺฌนวเสน อภิสชฺชนํ, ตํ อิธาธิปฺเปตํ, น ลุพฺภนวเสน. เตนาห ‘‘กุฏิลกณฺฏโก วิยา’’ติอาทิ. โส หิ ยตฺถ ลคฺคติ, ตํ โขเภนฺโต เอว ลคฺคติ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ มมฺมฏฺาเน. มมฺมนฺติ ผุฏฺมตฺเตปิ รุชฺชนฏฺานํ. ปุพฺพุปฺปตฺติโกติ ปมุปฺปนฺโน. ตโต พลวตโร พฺยาปาโท ลทฺธาเสวนตาย จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนโต. ตโต พลวตรา ¶ ปติตฺถิยนาติ สาติสยํ ลทฺธาเสวนตาย ตโต พฺยาปาทาวตฺถายปิ พลวตรา ปติตฺถิยนา ปจฺจตฺถิกภาเวน ถามปฺปตฺติโต.
สุขุมตฺถรณาทีติ อาทิ-สทฺเทน ปณีตโภชนียาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ โภชนทานสฺสปิ วณฺณสมฺปทานิมิตฺตภาวโต. เตนาห ภควา ‘‘โภชนํ ภิกฺขเว ททมาโน ทายโก ปฏิคฺคาหกานํ…เป… อายุํ เทติ, วณฺณํ เทตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๓๗) ตถา จ วกฺขติ ‘‘อามิสทาเนน วา’’ติ.
๒๑๙. ติ อทาสิ. เทโวติ เมโฆ, ปชฺชุนฺโน เอว วา. วรตโรติ อุตฺตมตโร. ปพฺพชฺชาย วิสทิสาวตฺถาทิ ภาวโต น ปพฺพชฺชาติ อปพฺพชฺชา, คิหิภาโว. อจฺฉาเทนฺติ โกปีนํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ เอเตหีติ อจฺฉาทนานิ, นิวาสนานิ, เตสํ อจฺฉาทนานฺเจว เสส วตฺถานฺจ โกชวาทิ อุตฺตมปาวุรณานฺจ. วินาโสติ กตสฺส กมฺมสฺส อวิปจฺจิตฺวา วินาโส.
โกโสหิตวตฺถคุยฺหลกฺขณวณฺณนา
๒๒๐. สมาเนตาติ สมฺมเทว อาเนตา สมาคเมตา. รชฺเช ปติฏฺิเตน สกฺกา กาตุํ พหุภติกสฺเสว อิชฺฌนโต. กตฺตา นาม นตฺถีติ วชฺชํ ปฏิจฺฉาเทนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ, กโรนฺติ วชฺชปฏิจฺฉาทนกมฺมนฺติ วา. นนุ วชฺชปฏิจฺฉาทนกมฺมํ นาม สาวชฺชนฺติ? สจฺจํ สาวชฺชํ สํกิลิฏฺจิตฺเตน ¶ ปฏิจฺฉาเทนฺตสฺส, อิทํ ปน อสํกิลิฏฺจิตฺเตน ปรสฺส อุปฺปชฺชนกอนตฺถํ ¶ ปริหรณวเสน ปวตฺตํ อธิปฺเปตํ. ‘‘าติสงฺคหํ กโรนฺเตนา’’ติ ¶ เอเตน าตตฺถจริยาวเสน ตํ กมฺมํ ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ.
๒๒๑. อมิตฺตตาปนาติ อมิตฺตานํ ตปนสีลา, อมิตฺตตาปนํ โหตุ วา มา วา เอวํสภาวาติ อตฺโถ. น หิ จกฺกวตฺติโน ปุตฺตานํ อมิตฺตา นาม เกจิ โหนฺติ, เย เต ภเวยฺยุํ, จกฺกานุภาเวเนว สพฺเพปิ ขตฺติยาทโย อนุวตฺตกา เตสํ ภวนฺติ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปริมณฺฑลาทิลกฺขณวณฺณนา
๒๒๒. สมนฺติ สมานํ. เตน เตน โลเก วิฺาตคุเณน สมํ สมานํ ชานาติ, ยโต ตตฺถ ปฏิปชฺชนวิธินาว อิตรสฺมึ ปฏิปชฺชติ. สยํ ชานาตีติ อปรเนยฺโย หุตฺวา สยเมว ชานาติ. ปุริสํ ชานาตีติ วา ‘‘อยํ เสฏฺโ, อยํ มชฺฌิโม, อยํ นิหีโน’’ติ ตํ ตํ ปุริสํ ยาถาวโต ชานาติ. ปุริสวิเสสํ ชานาตีติ ตสฺมึ ตสฺมึ ปุริเส วิชฺชมานํ วิเสสํ ชานาติ, ยโต ตตฺถ ตตฺถ อนุรูปทานปทานาทิปฏิปตฺติยา ยุตฺตปตฺตการี โหติ. เตนาห ‘‘อยมิทมรหตี’’ติอาทิ.
สมฺปตฺติปฏิลาภฏฺเนาติ ทิฏฺธมฺมิกาทิสมฺปตฺตีนํ ปฏิลาภาปนฏฺเน. สมสงฺคหกมฺมนฺติ สมํ ชานิตฺวา ตทนุรูปํ ตสฺส ตสฺส สงฺคณฺหนกมฺมํ.
๒๒๓. ตุลยิตฺวาติ ตีรยิตฺวา. ปฏิวิจินิตฺวาติ วีมํสิตฺวา. นิปุณโยคโต นิปุณา, อติวิย นิปุณา อตินิปุณา, สา ปน เตสํ นิปุณตา สณฺหสุขุมา ปฺาติ อาห ‘‘สุขุมปฺา’’ติ.
สีหปุพฺพทฺธกายาทิลกฺขณวณฺณนา
๒๒๔. เขมกาโมติ ¶ ¶ อนุปทฺทวกาโม. กมฺมสฺสกตาาณํ สตฺตานํ วฑฺฒิอาวหํ สพฺพสมฺปตฺติวิธายกนฺติ อาห ‘‘ปฺายาติ กมฺมสฺสกตาปฺายา’’ติ.
สมนฺตปริปูรานีติ ¶ สมนฺตโต สพฺพภาเคหิ ปริปุณฺณานิ. ตโต เอว อหีนานิ อนูนานิ. ธนาทีหีติ ธนธฺาทีหิ.
๒๒๕. โอกปฺปนสทฺธา สทฺเธยฺยวตฺถุํ โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา สทฺทหนสทฺธา. สา เอว ปสาทนียวตฺถุสฺมิมฺปิ อภิปฺปสีทนวเสน ปวตฺติยา ปสาทสทฺธา. ปริยตฺติสวเนนาติ สตฺตานํ หิตสุขาวหาย ปริยตฺติยา สวเนน. ธารณปริจยาทีนํ ตํมูลกตฺตา ตถา วุตฺตํ. เอเตสนฺติ สทฺธาทีนํ. สห หานธมฺเมนาติ สหานธมฺโม, น สหานธมฺโมติ อสหานธมฺโม, ตสฺส ภาโว อสหานธมฺมตา, ตํ อสหานธมฺมตํ, อปริหานิยสภาวนฺติ อตฺโถ.
รสคฺคสคฺคิตาลกฺขณวณฺณนา
๒๒๖. ติลผลมตฺตมฺปิ โภชนํ. สพฺพตฺถ ผรตีติ สพฺพา รสาหรณิโย อนุสฺสรนฺตํ สภาเวน สพฺพสฺมึ กาเย ผรติ. สมา หุตฺวา วหนฺตีติ อวิสมา อุชุกา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ.
อาโรคฺยกรณกมฺมนฺติ อโรคภาวกรํ สตฺตานํ อวิเหนกมฺมํ. มธุราทิเภทํ รสํ คสติ หรติ เอเตหิ, สยเมว วา ตํ คสนฺติ คิลนฺติ อนฺโต ปเวเสนฺตีติ รสคฺคสา, รสคฺคสานํ อคฺคา รสคฺคสคฺคา, เต เอตฺถ สนฺตีติ รสคฺคสคฺคี, ตเทว ลกฺขณํ. ภวติ หิ อภินฺเนปิ วตฺถุสฺมึ ตคฺคตวิเสสาวโพธนตฺถํ ภินฺนํ วิย กตฺวา โวหาโร ยถา ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติ ¶ . รสคฺคสคฺคิตาสงฺขาตํ วา ลกฺขณํ รสคฺคสคฺคิลกฺขณํ.
๒๒๗. วธ-สทฺโท ‘‘อตฺตานํ วธิตฺวา วธิตฺวา โรทตี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๗๙) พาธนตฺโถปิ โหตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘มารณวเธนา’’ติ วุตฺตํ, มารณสงฺขาเตน วเธนาติ อตฺโถ. พาธนตฺโถ เอว วา วธ-สทฺโท, มารเณน, พาธเนน จาติ อตฺโถ. อุพฺพาธนายาติ พนฺธนาคาเร ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธํ อุทฺธํ พาธเนน. เตนาห ‘‘พนฺธนาคารปฺปเวสเนนา’’ติ.
อภินีลเนตฺตาทิลกฺขณวณฺณนา
๒๒๘. วิสฏนฺติ ¶ กุชฺฌนวเสน วินิสฏํ กตฺวา. เตนาห ‘‘กกฺกฏโก วิยา’’ติอาทิ. วิสาจีติ วิรูปํ สาจิตกํ, วิชิมฺหนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วงฺกกฺขิโกฏิยา’’ติ ¶ , กุฏิลอกฺขิโกฏิปาเตนาติ อตฺโถ. วิเจยฺย เปกฺขิตาติ อุชุกํ อโนโลเกตฺวา ทิฏฺิปาตํ วิจาเรตฺวา โอโลเกตฺวา. เตนาห ‘‘โย กุชฺฌิตฺวา’’ติอาทิ. ปโรติ กุชฺฌิโต. น โอโลเกติ ตํ สมฺมุขา คจฺฉนฺตํ กุชฺฌิตฺวา น โอโลเกติ, ปรมฺมุขา. วิเตยฺยาติ วิรูปํ ติริยํ, วิฺูนํ โอโลกนกฺกมํ วีติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. ชิมฺหํ อโนโลเกตฺวา อุชุกํ โอโลกนํ นาม กุฏิลภาวกรานํ ปาปธมฺมานํ อภาชนอุชุกตจิตฺตตสฺเสว ¶ โหตีติ อาห ‘‘อุชุมโน หุตฺวา อุชุํ เปกฺขิตา’’ติ. ยถา จ อุชุํ เปกฺขิตา โหตีติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ปสฏนฺติ อุมฺมีลนวเสน สมฺมเทว ปตฺถฏํ. วิปุลํ วิตฺถตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. ปิยํ ปิยายิตพฺพํ ทสฺสนํ โอโลกนํ เอตสฺสาติ ปิยทสฺสโน.
กาโณติ อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวา เปกฺขนโก. กากกฺขีติ เกกรกฺโข. วงฺกกฺขีติ ชิมฺหเปกฺขนโก. อาวิลกฺขีติ อากุลทิฏฺิปาโต. นีลปีตโลหิตเสตกาฬวณฺณานํ วเสน ปฺจวณฺโณ. ตตฺถ ปีตโลหิตวณฺณา เสตมณฺฑลคตราชิวเสน, นีลเสตกาฬวณฺณา ปน ตํตํมณฺฑลวเสเนว เวทิตพฺพา. ‘‘ปสาโทติ ปน เตสํ วณฺณานํ ปสนฺนาการํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ เกจิ. ปฺจวณฺโณ ปสาโทติ ปน ยถาวุตฺตปฺจวณฺณปริวาโร, เตหิ วา ปฏิมณฺฑิโต ปสาโทติ อตฺโถ. เนตฺตสมฺปตฺติกรานีติ ‘‘ปฺจวณฺณปสาทตา ติโรหิตวิทูรคตทสฺสนสมตฺถตา’’ติ เอวมาทิ จกฺขุสมฺปทาย การณานิ. ลกฺขณสตฺเถ ยุตฺตาติ ลกฺขณสตฺเถ อายุตฺตา สุกุสลา.
อุณฺหีสสีสลกฺขณวณฺณนา
๒๓๐. ปุพฺพงฺคโมติ เอตฺถ ปุพฺพงฺคมตา นาม ปมุขตา, เชฏฺเสฏฺกภาโว พหุชนสฺส อนุวตฺตนียตาติ อาห ‘‘คณเชฏฺโก’’ติอาทิ.
ปุพฺพงฺคมตาติ ปุพฺพงฺคมสฺส กมฺมํ. ยสฺส หิ กายสุจริตาทิกมฺมสฺส วเสน มหาปุริโส พหุชนสฺส ปุพฺพงฺคโม อโหสิ, ตทสฺส กมฺมํ ‘‘ปุพฺพงฺคมตา’’ติ อธิปฺเปตํ, น ปุพฺพงฺคมภาโว. เตนาห ‘‘อิธ กมฺมํ นาม ปุพฺพงฺคมตา’’ติ. ปีติปาโมชฺเชน ¶ ปริปุณฺณสีโสติ ปีติยา, ¶ ปาโมชฺเชน จ สมฺปุณฺณปฺาสีโส พหุลํ โสมนสฺสสหคตาณสมฺปยุตฺตจิตฺตสมงฺคี ¶ เอว หุตฺวา วิจรติ. มหาปุริโสติ มหาปุริสชาติโก.
๒๓๑. พหุชนนฺติ สามิอตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘พหุชนสฺสา’’ติ. ปริภฺุชนฏฺเน ปฏิโภโค, อุปโยควตฺถุ ปฏิโภโค, ตสฺส หิตาติ ปฏิโภคิยา. เทสกาลํ ตฺวา ตทุปกรณูปฏฺานาทิ เวยฺยาวจฺจกรา สตฺตา. อภิหรนฺตีติ พฺยาหรนฺติ. ตสฺส ตสฺส เวยฺยาวจฺจสฺส ปฏิหรณโต ปวตฺตนกรณโต ปฏิหาโร, เวยฺยาวจฺจกโร, ตสฺส ภาโว ปฏิหารกนฺติ อาห ‘‘เวยฺยาวจฺจกรภาว’’นฺติ. วิสวนํ วิสโว, กามกาโร วสิตา, โส เอตสฺส อตฺถีติ วิสวีติ อาห ‘‘จิณฺณวสี’’ติ.
เอเกกโลมตาทิลกฺขณวณฺณนา
๒๓๒. อุปวตฺตตีติ อนุกูลภาวํ อุเปจฺจ วตฺตติ. เตนาห ‘‘อชฺฌาสยํ อนุวตฺตตี’’ติ.
เอเกกโลมลกฺขณนฺติ เอเกกสฺมึ โลมกูเป เอเกกโลมตาลกฺขณํ. เอเกเกหิ โลเมหีติ อฺเสํ สรีเร เอเกกสฺมิมฺปิ โลมกูเป อเนกานิปิ โลมานิ อุฏฺหนฺติ, น ตถาคตสฺส. เตหิ ปุน ปจฺเจกํ โลมกูเปสุ เอเกเกเหว อุปฺปนฺเนหิ กุณฺฑลาวตฺเตหิ ปทกฺขิณาวตฺตกชาเตหิ นิจิตํ วิย สรีรํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘เอเกกโลมูปจิตงฺควา’’ติ.
จตฺตาลีสาทิลกฺขณวณฺณนา
๒๓๔. อภินฺทิตพฺพปริโสติ ปเรหิ เกนจิ สงฺคเหน สงฺคเหตฺวา, ยุตฺติการณํ ทสฺเสตฺวา วา น ภินฺทิตพฺพปริโส.
อปิสุณวาจายาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, เปสฺุสฺส ปฏิปกฺขภูตํ กุสลกมฺมํ. ปิสุณา วาจา เอตสฺสาติ ปิสุณวาโจ, ตสฺส ปิสุณวาจสฺส ปุคฺคลสฺส. อปริปุณฺณาติ ¶ จตฺตารีสโต อูนภาเวน น ปริปุณฺณา. วิรฬาติ สวิวรา.
ปหูตชิวฺหาทิลกฺขณวณฺณนา
๒๓๖. อาเทยฺยวาโจติ ¶ ¶ อาทรคารววเสน อาทาตพฺพวจโน. ‘‘เอวเมต’’นฺติ คเหตพฺพวจโน สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตสาสโน.
พทฺธชิวฺหาติ ยถา สุเขน ปริวตฺตติ, เอวํ สิราทีหิ ปลิพุทฺธชิวฺหา. คูฬฺหชิวฺหาติ รสพหลตาย คูฬฺหคณฺฑสทิสชิวฺหา. ทฺวิชิวฺหาติ อคฺเค กปฺปภาเวน ทฺวิธาภูตชิวฺหา. มมฺมนาติ อปฺปริปฺปุฏตลาปา. ขรผรุสกกฺกสาทิวเสน สทฺโท ภิชฺชติ ภินฺนกาโร โหติ. วิจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตสฺสรตาย ฉินฺนสฺสรา วา. อเนกาการตาย ภินฺนสฺสรา วา. กากสฺส วิย อมนฺุสฺสรตาย กากสฺสรา วา. มธุโรติ อิฏฺเ, กมฺมผเลน วตฺถุโน สุวิสุทฺธตฺตา. เปมนีโยติ ปีติสฺชนโน, ปิยายิตพฺโพ วา.
๒๓๗. อกฺโกสยุตฺตตฺตาติ อกฺโกสุปสฺหิตตฺตา อกฺโกสวตฺถุสหิตตฺตา. อาพาธกรินฺติ ฆฏฺฏนวเสน ปเรสํ ปีฬาวหํ. พหุโน ชนสฺส อวมทฺทนโต, ปมทฺทาภาวกรณโต วา พหุชนปฺปมทฺทนํ. อพาฬฺหนฺติ วา เอตฺถ อ-กาโร วุทฺธิอตฺโถ ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑) วิย, ตสฺมา อติวิย พาฬฺหํ ผรุสํ คิรนฺติ เอวเมตฺถ ¶ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. น ภณีติ เจตฺถ ‘‘น อภณิ น ภณี’’ติ สรโลเปน นิทฺเทโส. สุสํหิตนฺติ สุฏฺุ สํหิตํ. เกน ปน สุฏฺุ สํหิตํ? ‘‘มธุร’’นฺติ อนนฺตรเมว วุตฺตตฺตา มธุรตายาติ วิฺายติ, กา ปนสฺส มธุรตาติ อาห ‘‘สุฏฺุ เปมสํหิต’’นฺติ. อุปโยคปุถุตฺตวิสโย ยํ วาจา-สทฺโทติ อาห ‘‘วาจาโย’’ติ, สา จสฺสา อุปโยคปุถุตฺตวิสยตา ‘‘หทยคามินิโย’’ติ ปเทน สมานาธิกรณตาย ทฏฺพฺพา. ‘‘กณฺณสุข’’นฺติ ปาเ ภาวนปุํสกนิทฺเทโสยนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เวทยถาติ กาลวิปลฺลาเสนายํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘เวทยิตฺถา’’ติ. พฺรหฺมสฺสรตนฺติ เสฏฺสฺสรตํ, พฺรหฺมุโน สรสทิสสฺสรตํ วา. พหูนํ พหุนฺติ พหูนํ ชนานํ พหุํ สุภณิตนฺติ โยชนา.
สีหหนุลกฺขณวณฺณนา
๒๓๘. อปฺปธํสิโกติ อปฺปธํสิโย. ย-การสฺส หิ ก-การํ กตฺวา อยํ นิทฺเทโส ยถา ‘‘นิยฺยานิกา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๙๗) คุณโตติ อตฺตนา อธิคตคุณโต. านโตติ ยถาิตฏฺานนฺตรโต.
ปลาปกถายาติ ¶ ¶ สมฺผปฺปลาปกถาย. อนฺโตปวิฏฺหนุกา เอกโต, อุภโต วา สํกุจิตวิสุกา. วงฺกหนุกา เอกปสฺเสน กุฏิลวิสุกา. ปพฺภารหนุกา ปุรโต โอลมฺพมานวิสุกา.
๒๓๙. วิกิณฺณวจนา ¶ นาม สมฺผปฺปลาปิโน, ตปฺปฏิกฺเขเปน อวิกิณฺณวจนา มหาโพธิสตฺตา. วาจา เอว ตทตฺถาธิคมุปายตาย ‘‘พฺยาปฺปโถ’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อวิกิณฺณ…เป… วจนปโถ อสฺสา’’ติ. ‘‘ทฺวีหิ ทฺวีหี’’ติ นยิทํ อาเมฑิตวจนํ อสมานาธิกรณโต, อถ โข ทฺวีหิ ทิคุณตาทสฺสนนฺติ อาห ‘‘ทฺวีหิ ทฺวีหีติ จตูหี’’ติ. ตสฺมา ‘‘ทฺวิทุคมา’’ติ จตุคมา วุตฺตาติ อาห ‘‘จตุปฺปทาน’’นฺติ. ตถาสภาโวติ ยถาสฺส วุตฺตนเยน เกนจิ อปฺปธํสิยตา โหติ คุเณหิ, ตถาสภาโว.
สมทนฺตาทิลกฺขณวณฺณนา
๒๔๐. วิสุทฺธสีลาจารตาย ปริสุทฺธา สมนฺตโต สพฺพถา วา สุทฺธา ปุคฺคลา ปริวารา เอตสฺสาติ ปริสุทฺธปริวาโร.
๒๔๑. ปหาสีติ ตทงฺควเสน, วิกฺขมฺภนวเสน จ ปริจฺจชิ. ติทิวํ ตาวตึสภวนํ ปุรํ นครํ เอเตสนฺติ ติทิวปุรา, ตาวตึสเทวา, เตสํ วโร ติทิวปุรวโร, อินฺโท. เตน ติทิวปุรวเรน. เตนาห ‘‘สกฺเกนา’’ติ. ลปนฺติ กเถนฺติ เอเตนาติ ลปนํ, มุขนฺติ อาห ‘‘ลปนชนฺติ มุขช’’นฺติ. สุฏฺุ ธวลตาย สุกฺกา, อีสกมฺปิ อสํกิลิฏฺตาย สุจิ. สุนฺทรสณฺานตาย สุฏฺุ ภาวนโต, วิปสฺสนโต จ โสภนา. กามํ ชนานํ มนุสฺสานํ นิวาสนฏฺานาทิภาเวน ปติฏฺาภูโต เทสวิเสโส ‘‘ชนปโท’’ติ วุจฺจติ, อิธ ปน สปริวารจตุมหาทีปสฺิโต สพฺโพ ปเทโส ตถา วุตฺโตติ อาห ‘‘จกฺกวาฬปริจฺฉินฺโน ชนปโท’’ติ. นนุ จ ยถาวุตฺโต ปเทโส สมุทฺทปริจฺฉินฺโน, น จกฺกวาฬปพฺพตปริจฺฉินฺโนติ? โส ปเทโส จกฺกวาฬปริจฺฉินฺโนปิ โหตีติ ตถา วุตฺตํ ¶ . เย วา สมุทฺทนิสฺสิตา, จกฺกวาฬปาทนิสฺสิตา จ สตฺตา, เตสํ เต เต ปเทสา ปติฏฺาติ เตปิ สงฺคณฺหนฺโต ‘‘จกฺกวาฬปริจฺฉินฺโน’’ติ อโวจ. จกฺกวาฬปริจฺฉินฺโนติ จ จกฺกวาเฬน ปริจฺฉินฺโนติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตสฺสาติ ตสฺส จกฺกวตฺติโน. ปุน ¶ ตสฺสาติ ตสฺส ชนปทสฺส. พหุชน สุขนฺติ เอตฺถ ปจฺจตฺตพหุวจนโลเปน พหุชนคฺคหณนฺติ อาห ‘‘พหุชนา’’ติ. ยถา ปน เต หิตสุขํ จรนฺติ, ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘สมานสุขทุกฺขา หุตฺวา’’ติ วุตฺตํ. วิคตปาโปติ สพฺพโส ¶ สมุจฺฉินฺทเนน วินิทฺธุตปาปธมฺโม. ทรโถ วุจฺจติ กายิโก, เจตสิโก จ ปริฬาโห. ตตฺถ เจตสิกปริฬาโห ‘‘วิคตปาโป’’ติ อิมินาว วุตฺโตติ อาห ‘‘วิคตกายิกทรถกิลมโถ’’ติ. ราคาทโย ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปนฺนา, ตสฺส มลีนภาวกรเณน มลา. กจวรภาเวน ขิลา. สตฺตานํ มหานตฺถกรตฺตา วิเสสโต โทโส กลีติ วุตฺตํ ‘‘โทสกลีนฺจา’’ติ. ปนูเทหีติ สมุจฺฉินฺทนวเสน สสนฺตานโต นีหารเกหิ, ปชหนเกหีติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอตฺถ จ ยสฺมา สพฺเพสมฺปิ ลกฺขณานํ มหาปุริสสนฺตานคตปฺุสมฺภารเหตุกภาเวน สพฺพํเยว ตํ ปฺุกมฺมํ สพฺพสฺส ลกฺขณสฺส การณํ วิสิฏฺรูปตฺตา ผลสฺส. น หิ อภินฺนรูปการณํ ภินฺนสภาวสฺส ผลสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ยสฺส ยสฺส ลกฺขณสฺส ยํ ยํ ปฺุกมฺมํ วิเสสการณํ, ตํ ตํ วิภาเคน ทสฺเสนฺตี อยํ เทสนา ปวตฺตา. ตตฺถ ยถา ยาทิสํ กายสุจริตาทิปฺุกมฺมํ สุปฺปติฏฺิตปาทตาย การณํ วุตฺตํ, ตาทิสเมว ‘‘อุณฺหีสสีสตาย’’ การณนฺติ น สกฺกา วตฺตุํ ทฬฺหสมาทานตาวิสิฏฺสฺส ตสฺส สุปฺปติฏฺิตปาทตาย การณภาเวน ¶ วุตฺตตฺตา, อิตรสฺส จ ปุพฺพงฺคมตาวิสิฏฺสฺส วุตฺตตฺตา, เอวํ ยาทิสํ อายตปณฺหิตาย การณํ, น ตาทิสเมว ทีฆงฺคุลิตาย, พฺรหฺมุชุคตฺตตาย จ การณํ วิสิฏฺรูปตฺตา ผลสฺส. น หิ อภินฺนรูปการณํ ภินฺนสภาวสฺส ผลสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สกฺโกติ. ตตฺถ ยถา เอเกเนว กมฺมุนา จกฺขาทินานินฺทฺริยุปฺปตฺติยํ อวตฺถาเภทโต, สามตฺถิยเภทโต วา กมฺมเภโท อิจฺฉิตพฺโพ. น หิ ยทวตฺถํ กมฺมํ จกฺขุสฺส การณํ, ตทวตฺถเมว โสตาทีนํ การณํ โหติ อภินฺนสามตฺถิยํ วา, ตสฺมา ปฺจายตนิกตฺตภาวปตฺถนาภูตา ปุริมนิปฺผนฺนา กามตณฺหา ปจฺจยวเสน วิสิฏฺสภาวา กมฺมสฺส วิสิฏฺสภาวผลนิพฺพตฺตนสมตฺถตาสาธนวเสน ปจฺจโย โหตีติ เอกมฺปิ อเนกวิธผลนิพฺพตฺตนสมตฺถตาวเสน อเนกรูปตํ อาปนฺนํ วิย โหติ, เอวมิธาปิ ‘‘เอกมฺปิ ปาณาติปาตา เวรมณิวเสน ¶ ปวตฺตํ กุสลกมฺมํ อายตปณฺหิตาทีนํ ติณฺณมฺปิ ลกฺขณานํ นิพฺพตฺตกํ โหตี’’ติ วุจฺจมาเนปิ น โกจิ วิโรโธ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา…เป… อิมานิ ตีณิ มหาปุริสลกฺขณานิ ปฏิลภตี’’ติ นานากมฺมุนา ปน เตสํ นิพฺพตฺติยํ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ปาฬิยํ ปน ‘‘ตสฺส กมฺมสฺสา’’ติ เอกวจนนิทฺเทโส สามฺวเสนาติ ทฏฺพฺโพ. เอวฺจ กตฺวา สตปฺุลกฺขณวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ‘‘อิมานิ ทฺเว มหาปุริสลกฺขณานิ ปฏิลภตี’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโยติ.
ลกฺขณสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๘. สิงฺคาลสุตฺตวณฺณนา
นิทานวณฺณนา
๒๔๒. ปากาเรน ¶ ¶ ¶ ปริกฺขิตฺตนฺติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. โคปุรฏฺฏาลกยุตฺตนฺติ ทฺวารปาสาเทน เจว ตตฺถ ตตฺถ ปาการมตฺถเก ปติฏฺาปิตอฏฺฏาลเกหิ จ ยุตฺตํ. เวฬูหิ ปริกฺขิตฺตตฺตา, อพฺภนฺตเร ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสฺฉนฺนตฺตา จ นีโลภาสํ. ฉายูทกสมฺปตฺติยา, ภูมิภาคสมฺปตฺติยา จ มโนรมํ.
กาฬกเวเสนาติ กลนฺทกรูเปน. นิวาปนฺติ โภชนํ. ตนฺติ อุยฺยานํ.
‘‘โข ปนา’’ติ วจนาลงฺการมตฺตเมตนฺติ เตน สมเยนาติ อตฺถวจนํ ยุตฺตํ. คหปติ มหาสาโลติ คหปติภูโต มหาสาโร, ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา อยํ นิทฺเทโส. วิภวสมฺปตฺติยา มหาสารปฺปตฺโต กุฏุมฺพิโก. ‘‘ปุตฺโต ปนสฺส อสฺสทฺโธ’’ติอาทิ อฏฺุปฺปตฺติโก ยํ สุตฺตนิกฺเขโปติ ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. กมฺมผลสทฺธาย อภาเวน อสฺสทฺโธ. รตนตฺตเย ปสาทาภาเวน อปฺปสนฺโน. เอวมาหาติ เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน วทติ.
ยาวชีวํ อนุสฺสรณียา โหติ หิเตสิตาย วุตฺตา ปจฺฉิมา วาจาติ อธิปฺปาเยน. ปุถุทิสาติ วิสุํ วิสุํ ทิสา, ตา ปน อเนกาติ อาห ‘‘พหุทิสา’’ติ.
๒๔๓. ‘‘น ตาว ปวิฏฺโ’’ติอาทีสุ วตฺตพฺพํ เหฏฺา วุตฺตเมว. น อิทาเนวาติ น อิมาย เอว เวลาย. กึ จรหีติ อาห ‘‘ปจฺจูสสมเยปี’’ติอาทิ. คิหิวินยนฺติ คิหีนํ คหฏฺานํ วินยตนฺติภูตํ ‘‘คิหินา เอวํ วตฺติตพฺพ’’นฺติ คหฏฺาจารสฺส คหฏฺวตฺตสฺส อนวเสสโต อิมสฺมึ ¶ สุตฺเต สวิเสสํ ¶ กตฺวา วุตฺตตฺตา. ตเถวาติ ยถา พุทฺธจกฺขุนา ทิฏฺํ, ตเถว ปสฺสิ. นมสฺสติ วตฺตวเสน กตฺตพฺพนฺติ คเหตฺวา ิตตฺตา.
ฉทิสาทิวณฺณนา
๒๔๔. วจนํ สุตฺวาว จินฺเตสิ พุทฺธานุภาเวน อตฺตสมฺมาปณิธานนิมิตฺเตน ปฺุพเลน จ โจทิยมาโน. น กิร ตา เอตาติ ตา ฉ ¶ ทิสา เอตา อิทานิ มยา นมสฺสิยมานา ปุรตฺถิมาทิกา น โหนฺติ กิราติ. นิปาตมตฺตนฺติ อนตฺถกภาวํ ตสฺส วทติ. ปุจฺฉาปทนฺติ ปุจฺฉาวจนํ.
ภควา คหปติปุตฺเตน นมสฺสิตพฺพา ฉ ทิสา ปุจฺฉิโต เทสนากุสลตาย อาทิโต เอว ตา อกเถตฺวา ตสฺส ตาว ปฏิปตฺติยา นํ ภาชนภูตํ กาตุํ วชฺชนียวชฺชนตฺถฺเจว เสวิตพฺพเสวนตฺถฺจ โอวาทํ เทนฺโต ‘‘ยโต โข คหปติปุตฺตา’’ติอาทินา เทสนํ อารภิ. ตตฺถ กมฺมกิเลสาติ กมฺมภูตา สํกิเลสา. กิลิสฺสนฺตีติ กิลิฏฺา มลีนา วิย ิตา, อุปตาปิตา จ โหนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ กิลิสฺสนนิมิตฺตตฺตา. ยทิปิ สุราปานํ ปฺจเวรภาเวน อุปาสเกหิ ปริวชฺชนียํ, ตสฺส ปน อปายมุขภาเวน ปรโต วตฺตุกามตาย ปาณาติปาตาทิเก เอว สนฺธาย ‘‘จตฺตาโร’’ติ วุตฺตํ, น ‘‘ปฺจา’’ติ. ‘‘วิสุํ อกมฺมปถภาวโต จา’’ติ อปเร. ‘‘สุราปานมฺปิ ‘สุราเมรยปานํ, ภิกฺขเว, อาเสวิตํ ภาวิตํ พหุลีกตํ นิรยสํวตฺตนิก’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๘.๔๐) วจนโต วิสุํ กมฺมปถภาเวน อาคตํ. ตถา หิ ตํ ทุจฺจริตกมฺมํ หุตฺวา ทุคฺคติคามิปิฏฺิวตฺตกภาเวน นิยต’’นฺติ เกจิ, เตสํ มเตน เอกาทส กมฺมปถา สิยุํ ¶ . ตสฺมา ยถาวุตฺเตสฺเวว กมฺมปเถสุ อุปการกตฺตสภาคตฺตวเสน อนุปฺปเวโส ทฏฺพฺโพติ ‘‘วิสุํ อกมฺมปถภาวโต จา’’ติ สุวุตฺตเมตํ. สุราปานสฺส โภคาปายมุขภาเวน วตฺตุกามตาย ‘‘จตฺตาโร’’ ตฺเวว อโวจ. ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, เหตูติ อาห ‘‘าเนหีติ การเณหี’’ติ. อเปนฺติ อปคจฺฉนฺติ, อเปติ วา เอเตหีติ อปายา, อปายานํ, อปายา เอว วา มุขานิ ทฺวารานีติ อปายมุขานิ. วินาสมุขานีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย.
กิฺจาปิ ‘‘อริยสาวกสฺสา’’ติ ปุพฺเพ สาธารณโต วุตฺตํ, วิเสสโต ปน ปมาย ภูมิยํ ิตสฺเสว วกฺขมานนโย ยุชฺชตีติ ‘‘โสติ โส โสตาปนฺโน’’ติ วุตฺตํ. ปาปก-สทฺโท นิหีนปริยาโยติ ‘‘ลามเกหี’’ติ วุตฺตํ. อปายทุกฺขํ, วฏฺฏทุกฺขฺจ ปาเปนฺตีติ วา ปาปกา, เตหิ ¶ ปาปเกหิ. ฉ ทิสา ปฏิจฺฉาเทนฺโตติ เตน เตน ภาเคน ทิสฺสนฺตีติ ‘‘ทิสา’’ติ สฺิเต ฉ ภาเค สตฺเต ยถา เตหิ สทฺธึ อตฺตโน ฉิทฺทํ น โหติ, เอวํ ปฏิจฺฉาเทนฺโต ปฏิสนฺธาเรนฺโต. วิชินนตฺถายาติ ¶ อภิภวนตฺถาย. โย หิ ทิฏฺธมฺมิกํ, สมฺปรายิกฺจ อนตฺถํ ปริวชฺชนวเสน อภิภวติ, ตโต เอว ตทุภยตฺถํ สมฺปาเทติ, โส อุภยโลกวิชยาย ปฏิปนฺโน นาม โหติ ปจฺจตฺถิกนิคฺคณฺหนโต, สกตฺถสมฺปาทนโต จ. เตนาห ‘‘อยฺเจว โลโก’’ติอาทิ. ปาณาติปาตาทีนิ ปฺจ เวรานิ เวรปฺปสวนโต. อารทฺโธ โหตีติ สํสาธิโต โหติ, ตยิทํ สํสาธนํ กิตฺติสทฺเทน อิธ สตฺตานํ จิตฺตโตสเนน ¶ , เวราภาวาปาทเนน จ โหตีติ อาห ‘‘ปริโตสิโต เจว นิปฺผาทิโต จา’’ติ. ปุน ปฺจ เวรานีติ ปฺจ เวรผลานิ อุตฺตรปทโลเปน.
กตมสฺสาติ กตเม อสฺส. กิเลสสมฺปยุตฺตตฺตา กิเลโสติ ตํโยคโต ตํสทิสํ วทติ ยถา ‘‘ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ, (ที. นิ. ๑.๒๒๖; ม. นิ. ๑.๒๗๑, ๒๘๗, ๒๙๗; สํ. นิ. ๒.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓; ๕.๒๘; ปารา. ๑๑; ธ. ส. ๔๙๙; วิภ. ๕๐๘) นีลํ วตฺถ’’นฺติ จ. สมฺปยุตฺตตา เจตฺถ ตเทกฏฺตาย เวทิตพฺพา, น เอกุปฺปาทาทิตาย. เอวฺจ กตฺวา ปาณาติปาตกมฺมสฺส ทิฏฺิมานโลภาทีหิปิ กิลิฏฺตา สิทฺธา โหติ, มิจฺฉาจารสฺส โทสาทีหิ กิลิฏฺตา. เตนาห ‘‘สํกิเลโสเยวา’’ติอาทิ. ปุพฺเพ วุตฺตอตฺถวเสน ปน สมฺมุเขนปิ เนสํ กิเลสปริยาโย ลพฺภเตว. เอตทตฺถปริทีปกเมวาติ โย ‘‘ปาณาติปาโต โข’’ติอาทินา วุตฺโต, เอตสฺส อตฺถสฺส ปริทีปกเมว. ยทิ เอวํ กสฺมา ปุน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘คาถาพนฺธ’’นฺติ, ตสฺส อตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถํ ภควา คาถาพนฺธํ อโวจาติ อธิปฺปาโย.
จตุานาทิวณฺณนา
๒๔๖. ‘‘ปาปกมฺมํ กโรตี’’ติ กสฺมา อยํ อุทฺเทสนิทฺเทโส ปวตฺโตติ อนฺโตลีนโจทนํ สนฺธาย ‘‘อิทํ ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุกฺกปกฺขวเสน หิ อุทฺเทโส กโต, กณฺหปกฺขวเสน จ นิทฺเทโส อารทฺโธ. การเกติ ปาปกมฺมสฺส การเก. อการโก ปากโฏ โหติ ยถา ปฏิปชฺชนฺโต ปาปํ กโรติ นาม, ตถา อปฺปฏิปชฺชนโต. สํกิเลสธมฺมวิวชฺชนปุพฺพกํ โวทานธมฺมปฏิปตฺติอาจิกฺขนํ อิธ เทสนาโกสลฺลํ. ปมตรํ การกํ ทสฺเสนฺโต อาห ยถา ‘‘วามํ มฺุจ ทกฺขิณํ คณฺหา’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๔๙๘) ตถา ¶ ¶ หิ ภควา อฏฺตึส มงฺคลานิ ทสฺเสนฺโต ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติ (ขุ. ปา. ๕.๓; สุ. นิ. ๒๖๒) วตฺวา ‘‘ปณฺฑิตานฺจ ¶ เสวนา’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๓; สุ. นิ. ๒๖๒) อโวจ. ฉนฺทาคตินฺติ เอตฺถ สนฺธิวเสน สรโลโปติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉนฺเทน เปเมน อคติ’’นฺติ. ฉนฺทาติ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนนฺติ อาห ‘‘ฉนฺเทนา’’ติ. ฉนฺท-สทฺโท เจตฺถ ตณฺหาปริยาโย, น กุสลจฺฉนฺทาทิปริยาโยติ อาห ‘‘เปเมนา’’ติ. ปรปเทสูติ ‘‘โทสาคตึ คจฺฉนฺโต’’ติอาทีสุ วากฺเยสุ. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ‘‘โทเสน โกเปนา’’ติ เอวมาทิ อตฺถวจนํ อติทิสติ. มิตฺโตติ ทฬฺหมิตฺโต, สมฺภตฺโตติ อตฺโถ. สนฺทิฏฺโติ ทิฏฺมตฺตสหาโย. ปกติเวรวเสนาติ ปกติยา อุปฺปนฺนเวรวเสน, จิรกาลานุพนฺธวิโรธวเสนาติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘ตงฺขณุปฺปนฺนโกธวเสน วา’’ติ. ยํ วา ตํ วา อยุตฺตํ อการณํ วตฺวา. วิสเม โจราทิเก, วิสมานิ วา กายทุจฺจริตาทีนิ สมาทาย วตฺตเนน นิสฺสิโต วิสมนิสฺสิโต.
ฉนฺทาคติอาทีนิ น คจฺฉติ มคฺเคเนว จตุนฺนมฺปิ อคติคมนานํ ปหีนตฺตา, อคติคมนานีติ จ ตถาปวตฺตา อปายคมนียา อกุสลจิตฺตุปฺปาทา เวทิตพฺพา อคติ คจฺฉติ เอเตหีติ.
ยสฺสติ เตน กิตฺตียตีติ ยโส, ถุติโฆโส. ยสฺสติ เตน ปุเรจรานุจรภาเวน ปริวารียตีติ ยโส, ปริวาโรติ อาห ‘‘กิตฺติยโสปิ ปริวารยโสปี’’ติ. ปริหายตีติ ปุพฺเพ โย จ ยาวตเก ลพฺภติ, ตโต ปริโต หายติ ปริกฺขยํ คจฺฉติ.
ฉอปายมุขาทิวณฺณนา
๒๔๗. ปูเว ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ตชฺชํ อุทกํ ทตฺวา มทฺทิตฺวา กตา ¶ ปูวสุรา. เอวํ เสสสุราปิ. กิณฺณาติ ปน ตสฺสา สุราย พีชํ วุจฺจติ, เย ‘‘สุราโมทกา’’ ติปิ วุจฺจนฺติ, เต ปกฺขิปิตฺวา กตา กิณฺณปกฺขิตฺตา. หรีตกีสาสปาทินานาสมฺภาเรหิ สํโยชิตา สมฺภารสํยุตฺตา. มธุกตาลนาฬิเกราทิปุปฺผรโส จิรปาริวาสิโก ปุปฺผาสโว. ปนสาทิผลรโส ผลาสโว. มุทฺทิการโส มธฺวาสโว. อุจฺฉุรโส คุฬาสโว. หรีตกามลกกฏุกภณฺฑาทินานาสมฺภารานํ รโส จิรปาริวาสิโก สมฺภารสํยุตฺโต. ตํ สพฺพมฺปีติ ตํ สพฺพํ ทสวิธมฺปิ. มทกรณวเสน ¶ มชฺชํ ปิวนฺตํ มทยตีติ กตฺวา. สุราเมรยมชฺเช ปมาทฏฺานํ สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ. อนุ อนุ โยโคติ ปุนปฺปุนํ ตํสมงฺคิตา. เตนาห ‘‘ปุนปฺปุนํ กรณ’’นฺติ, อปราปรํ ปวตฺตนนฺติ อตฺโถ. อุปฺปนฺนา เจว โภคา ปริหายนฺติ ปานพฺยสเนน พฺยสนกรณโต. อนุปฺปนฺนา จ นุปฺปชฺชนฺติ ปมตฺตสฺส กมฺมนฺเตสุ ายกรณาภาวโต. โภคานนฺติ ภฺุชิตพฺพฏฺเน ¶ ‘‘โภคา’’ติ ลทฺธนามานํ กามคุณานํ. อปายมุข-สทฺทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว. อเวลายาติ อยุตฺตเวลาย. ยทา วิจรโต อตฺถรกฺขาทโย น โหนฺติ. วิสิขาสุ จริยาติ รจฺฉาสุ วิจรณํ.
สมชฺชา วุจฺจติ มโห, ยตฺถ นจฺจานิปิ ปโยชียนฺติ, เตสํ ทสฺสนาทิอตฺถํ ตตฺถ อภิรติวเสน จรณํ อุปคมนํ สมชฺชาภิจรณํ. นจฺจาทิทสฺสนวเสนาติ นจฺจาทีนํ ทสฺสนาทิวเสนาติ อาทิสทฺทโลโป ทฏฺพฺโพ, ทสฺสเนน วา สวนมฺปิ คหิตํ วิรูเปกเสสนเยน. อาโลจนสภาวตาย วา ปฺจวิฺาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสงฺเขปสมฺภวโต ‘‘ทสฺสนวเสน’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. อิธ ¶ จิตฺตาลสิยตา อการณนฺติ ‘‘กายาลสิยตา’’ติ วุตฺตํ. ยุตฺตปฺปยุตฺตตาติ ตปฺปสุตตา อติเรกตรตาย.
สุราเมรยสฺส ฉอาทีนวาทิวณฺณนา
๒๔๘. สยํ ทฏฺพฺพนฺติ สนฺทิฏฺํ. สนฺทิฏฺเมว สนฺทิฏฺิกํ, ธนชานิสทฺทาเปกฺขาย ปน อิตฺถิลิงฺควเสน นิทฺเทโส, ทิฏฺธมฺมิกาติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อิธโลกภาวินี’’ติ. สมํ, สมฺมา ปสฺสิตพฺพาติ วา สนฺทิฏฺิกา, ปานสมกาลภาวินีติ อตฺโถ. กลหปฺปวฑฺฒนี มิตฺตสฺส กลเห อนาทีนวทสฺสิภาวโต. เขตฺตํ อุปฺปตฺติฏฺานภาวโต. อายตนนฺติ วา การณํ, อากโร วาติ อตฺโถ. ปรโลเก อกิตฺตึ ปาปุณนฺติ อกิตฺติสํวตฺตนิยสฺส กมฺมสฺส ปสวนโต. โกปีนํ วา ปากฏภาเวน อกตฺตพฺพรหสฺสกมฺมํ. สุรามทมตฺตา จ ปุพฺเพ อตฺตนา กตํ ตาทิสํ กมฺมํ อมตฺตกาเล ฉาเทนฺตา วิจริตฺวา มตฺตกาเล ปจฺจตฺถิกานมฺปิ วิวรนฺติ ปากฏํ กโรนฺติ, เตน เตสํ สา สุรา ตสฺส โกปีนสฺส นิทํสนโต ‘‘โกปีนนิทํสนี’’ติ วุจฺจตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. กมฺมสฺสกตาปฺนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยํ กิฺจิ โลกิยํ ปฺํ ทุพฺพลํ กโรติเยวา’’ติ หิ สกฺกา วิฺาตุํ. ตถา หิ พฺยติเรกมุเขน ตมตฺถํ ปติฏฺเปตุํ ¶ ‘‘มคฺคปฺํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อนฺโตมุขเมว น ปวิสตี’’ติ อิมินา สุราย มคฺคปฺาทุพฺพลกรณสฺส ทุรสมุสฺสาริตภาวมาห ¶ . นนุ เจวํ สุราย ตสฺสา ปฺาย ทุพฺพลีกรเณ สามตฺถิยวิฆาโต อโจทิโต โหติ อริยานํ อนุปฺปโยคสฺเสว โจทิตตฺตาติ? นยิทํ เอวํ อุปโยโคปิ นาม สทา เตสํ นตฺถิ, กุโต กิจฺจกรณนฺติ อิมสฺส อตฺถสฺส วุตฺตตฺตา. อถ ปน อฏฺานปริกปฺปวเสนสฺสา กทาจิ สิยา อุปโยโค, ตถาปิ โส ตสฺสา ทุพฺพลิยํ อีสกมฺปิ กาตุํ นาลเมว สมฺมเทว ปฏิปกฺขทูรีภาเวน สุปฺปติฏฺิตภาวโต. เตนาห ‘‘มคฺคปฺํ ปน ทุพฺพลํ กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ. มคฺคสีเสน เจตฺถ อริยานํ สพฺพสฺสาปิ โลกิยโลกุตฺตราย ¶ ปฺาย ทุพฺพลภาวาปาทาเน อสมตฺถตา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพํ. ปชฺชติ เอเตน ผลนฺติ ปทํ, การณํ.
๒๔๙. อตฺตาปิสฺส อกาลจาริสฺส อคุตฺโต สรสโต อรกฺขิโต อุปกฺกมโตปิ ปริวชฺชนียานํ อปริวชฺชนโต. เตนาห ‘‘อเวลาย จรนฺโต หี’’ติอาทิ. กณฺฏกาทีนิปีติ ปิ-สทฺเทน โสพฺภาทิเก สงฺคณฺหาติ. เวริโนปีติ ปิ-สทฺเทน โจราทิกา สงฺคยฺหนฺติ. ปุตฺตทาราติ เอตฺถ ปุตฺตคฺคหเณน ปุตฺตีปิ คหิตาติ อาห ‘‘ปุตฺตธีตโร’’ติ. พหิ ปตฺถนนฺติ กามปตฺถนาวเสน อนฺโตเคหสฺสิตโต นิพทฺธวตฺถุโต พหิทฺธา ปตฺถนํ กตฺวา. อฺเหิ กตปาปกมฺเมสูติ ปเรหิ กตาสุ ปาปกิริยาสุ. สงฺกิตพฺโพ โหติ อกาเล ตตฺถ ตตฺถ จรณโต. รุหติ ยสฺมึ ปเทเส โจริกา ปวตฺตา, ตตฺถ ปเรหิ ทิฏฺตฺตา. วตฺตุํ น สกฺกาติ ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ โทมนสฺส’’นฺติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วตฺตุํ น สกฺกา. ตํ สพฺพมฺปิ วิกาลจาริมฺหิ ปุคฺคเล อาหริตพฺพํ ตสฺส อุปริ ปกฺขิปิตพฺพํ โหติ. กถํ? อฺสฺมึ ปุคฺคเล ตถารูเป อาสงฺกิตพฺเพ อสติ. อิตีติ เอวํ. โสติ วิกาลจารี. ปุรกฺขโต ¶ ปุรโต อตฺตโน อุปริ อาสงฺกนฺเต กตฺวา จรติ.
๒๕๐. นฏนาฏกาทินจฺจนฺติ นเฏหิ นาฏเกหิ นจฺจิตพฺพนาฏกาทินจฺจวิธิ. อาทิ-สทฺเทน อวสิฏฺํ สพฺพํ สงฺคณฺหาติ. ‘‘ตตฺถ คนฺตพฺพํ โหตี’’ติ วตฺวา ตตฺถสฺส คมเนน ยถา อนุปฺปนฺนานํ โภคานํ อนุปฺปาโท, อุปฺปนฺนานฺจ วินาโส โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คีตนฺติ สรคตํ, ปกรณคตํ ¶ , ตาฬคตํ, อปธานคตนฺติ คนฺธพฺพสตฺถวิหิตํ อฺมฺปิ สพฺพํ คีตํ เวทิตพฺพํ. วาทิตนฺติ วีณาเวณุมุทิงฺคาทิวาทนํ. อกฺขานนฺติ ภารตยุทฺธสีตาหรณาทิอกฺขานํ. ปาณิสฺสรนฺติ กํสตาฬํ, ‘‘ปาณิตาฬ’’นฺติปิ วทนฺติ. กุมฺภถูนนฺติ จตุรสฺสอมฺพณกตาฬํ. ‘‘กุฏเภริสทฺโท’’ติ เกจิ. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ‘‘กสฺมึ าเน’’ติอาทินา นจฺเจ วุตฺตมตฺถํ คีตาทีสุ อติทิสติ.
๒๕๑. ชยนฺติ ชูตํ ชินนฺโต. เวรนฺติ ชิเตน กีฬกปุริเสน ชยนิมิตฺตํ อตฺตโน อุปริ เวรํ วิโรธํ ปสวติ อุปฺปาเทติ. ตฺหิสฺส เวรปสวนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชิตํ มยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ชิโนติ ชูตปราชยาปนฺนาย ธนชานิยา ชิโน. เตนาห ‘‘อฺเน ชิโต สมาโน’’ติอาทิ. วิตฺตํ อนุโสจตีติ ตํ ชินํ วิตฺตํ อุทฺทิสฺส อนุตฺถุนติ. วินิจฺฉยฏฺาเนติ ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ อฏฺฏวินิจฺฉยฏฺาเน. สกฺขิปุฏฺสฺสาติ ¶ สกฺขิภาเวน ปุฏฺสฺส. อกฺขโสณฺโฑติ อกฺขธุตฺโต. ชูตกโรติ ชูตปมาทฏฺานานุยุตฺโต. ตฺวมฺปิ นาม กุลปุตฺโตติ กุลปุตฺโต นาม ตฺวํ, น ¶ มยํ ตยิ โกลปุตฺติยํ อิทานิ ปสฺสามาติ อธิปฺปาโย. ฉินฺนภินฺนโกติ ฉินฺนภินฺนหิโรตฺตปฺโป, อหิริโก อโนตฺตปฺปีติ อตฺโถ. ตสฺส การณาติ ตสฺส อตฺถาย.
อนิจฺฉิโตติ น อิจฺฉิโต. โปสิตพฺพา ภวิสฺสติ ชูตปราชเยน สพฺพกาลํ ริตฺตตุจฺฉภาวโต.
ปาปมิตฺตตาย ฉอาทีนวาทิวณฺณนา
๒๕๒. อกฺขธุตฺตาติ อกฺเขสุ ธุตฺตา, อกฺขนิมิตฺตํ อตฺถวินาสกา. อิตฺถิโสณฺฑาติ อิตฺถีสุ โสณฺฑา, อิตฺถิสมฺโภคนิมิตฺตํ อาตปฺปนกา. ตถา ภตฺตโสณฺฑาทโย เวทิตพฺพา. ปิปาสาติ อุปรูปริ สุราปิปาสา. เตนาห ‘‘ปานโสณฺฑา’’ติ. เนกติกาทโย เหฏฺา วุตฺตา เอว. เมตฺติอุปฺปตฺติฏฺานตาย มิตฺตา โหนฺติ. ตสฺมาติ ปาปมิตฺตตาย.
๒๕๓. กมฺมนฺตนฺติ กมฺมํ, ยถา สุตฺตํเยว สุตฺตนฺโต, เอวํ กมฺมํเยว กมฺมนฺโต, ตํ กาตุํ คจฺฉามาติ วุตฺโต. กมฺมํ วา อนฺโต นิฏฺานํ คจฺฉติ เอตฺถาติ กมฺมนฺโต, กมฺมกรณฏฺานํ, ตํ คจฺฉามาติ วุตฺโต.
ปนฺนสขาติ ¶ สุรํ ปาตุํ ปนฺเน ปฏิปชฺชนฺเต เอว สขาติ ปนฺนสขา. เตนาห ‘‘อยเมวตฺโถ’’ติ. ‘‘สมฺมิยสมฺมิโย’’ติ วจนเมตฺถ อตฺถีติ สมฺมิยสมฺมิโย. เตนาห ‘‘สมฺมสมฺมาติ วทนฺโต’’ติ. สหาโย โหตีติ สหาโย วิย โหติ. โอตารเมว คเวสตีติ รนฺธเมว ปริเยสติ อนตฺถมสฺส กาตุกาโม. เวรปฺปสโวติ ปเรหิ อตฺตนิ เวรสฺส ปสวนํ อนุปวตฺตนํ. เตนาห ‘‘เวรพหุลตา’’ติ. ปเรสํ กริยมาโน อนตฺโถ เอตฺถ อตฺถีติ อนตฺโถ, ตพฺภาโว อนตฺถตาติ อาห ‘‘อนตฺถการิตา’’ติ. โย หิ ปเรสํ ¶ อนตฺถํ กโรติ, โส อตฺถโต อตฺตโน อนตฺถกาโร นาม, ตสฺมา อนตฺถตาติ อุภยานตฺถการิตา. อริโย วุจฺจติ สตฺโต, กุจฺฉิโต อริโย กทริโย. ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน โส ‘‘กทริโย’’ติ วุจฺจติ, โส ธมฺโม กทริยตา, มจฺฉริยํ. ตํ ปน ทุพฺพิสชฺชนียภาเว ิตํ สนฺธายาห ‘‘สุฏฺุ กทริยตา ถทฺธมจฺฉริยภา’’โวติ. อวิปณฺณสภาวโต อุฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโต จ อิณํ คณฺหนฺโต สํสีทนฺโตว อิณํ วิคาหติ นาม. สูริเย อนุคฺคเต เอว กมฺมนฺเต อนารภนฺโต รตฺตึ อนุฏฺานสีโล.
อตฺถาติ ธนานิ. อติกฺกมนฺตีติ อปคจฺฉนฺติ. อถ วา อตฺถาติ กิจฺจานิ. อติกฺกมนฺตีติ ¶ อติกฺกนฺตกาลานิ โหนฺติ, เตสํ อติกฺกโมปิ อตฺถโต ธนานเมว อติกฺกโม. อิมินา กถามคฺเคนาติ อิมินา ‘‘ยโต โข คหปติปุตฺตา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๒๔๔) นยปฺปวตฺเตน กถาสงฺขาเตน หิตาธิคมูปาเยน. เอตฺตกํ กมฺมนฺติ จตฺตาโร กมฺมกิเลสา, จตฺตาริ อคติคมนานิ, ฉ โภคานํ อปายมุขานีติ เอวํ วุตฺตํ จุทฺทสวิธํ ปาปกมฺมํ.
มิตฺตปติรูปกวณฺณนา
๒๕๔. อนตฺโถติ ‘‘โภคชานิ, อายสกฺยํ, ปริสมชฺเฌ มงฺกุภาโว, สมฺมูฬฺหมรณ’’นฺติ เอวํ อาทิโก ทิฏฺธมฺมิโก ‘‘ทุคฺคติปริกิเลโส, สุคติยฺจ อปฺปายุกตา, พหฺวาพาธตา, อติทลิทฺทตา, อปฺปนฺนปานตา’’ติ เอวํ อาทิโก จ อนตฺโถ อุปฺปชฺชติ. ยานิ กานิจิ ภยานีติ อตฺตานุวาทภยปรานุวาทภยทณฺฑภยาทีนิ โลเก ลพฺภมานานิ ยานิ กานิจิ ภยานิ. อุปทฺทวาติ อนฺตรายา. อุปสคฺคาติ สรีเรน สํสฏฺานิ วิย ¶ อุปรูปริ อุปฺปชฺชนกานิ พฺยสนานิ. อฺทตฺถูติ เอกนฺเตนาติ เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต ‘‘อฺทตฺถุทโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๒) วิยาติ วุตฺตํ ‘‘เอกํเสนา’’ติ. ยํ กิฺจิ คหณโยคฺยํ หรติเยว คณฺหาติเยว. วาจา ¶ เอว ปรมา เอตสฺส กมฺมนฺติ วจีปรโม. เตนาห ‘‘วจนมตฺเตเนวา’’ติอาทิ. อนุปฺปิยนฺติ ตกฺกนํ, ยํ วา ‘‘รุจี’’ติ วุจฺจติ เยหิ สุราปานาทีหิ โภคา อเปนฺติ วิคจฺฉนฺติ, เตสุ เตสํ อปาเยสุ พฺยสนเหตูสุ สหาโย โหติ.
๒๕๕. หารโกเยว โหติ, น ทายโก, ตมสฺส เอกํสโต หารกภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สหายสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยํ กิฺจิ อปฺปกนฺติ ปุปฺผผลาทิ ยํ กิฺจิ ปริตฺตํ วตฺถุํ ทตฺวา, พหุํ ปตฺเถติ พหุํ มหคฺฆํ วตฺถยุคาทึ ปจฺจาสีสติ. ทาโส วิย หุตฺวา มิตฺตสฺส ตํ ตํ กิจฺจํ กโรนฺโต กถํ อมิตฺโต นาม ชาโตติ อาห ‘‘อย’’นฺติอาทิ. ยสฺส กิจฺจํ กโรติ อนตฺถปริหารตฺถํ, อตฺตโน มิตฺตภาวทสฺสนตฺถฺจ, ตํ เสวติ. อตฺถการณาติ วฑฺฒินิมิตฺตํ, อยเมเตสํ เภโท.
๒๕๖. ปเรติ ปรทิวเส. น อาคโต สีติ อาคโต นาโหสิ. ขีณนฺติ ตาทิสสฺส, อสุกสฺส จ ทินฺนตฺตา. สสฺสสงฺคเหติ สสฺสโต กาตพฺพธฺสงฺคเห กเต.
๒๕๗. ‘‘ทานาทีสุ ยํ กิฺจิ กโรมา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สมฺม กโรมา’’ติ อนุชานาตีติ อิมมตฺถํ ‘‘กลฺยาเณปิ เอเสว นโย’’ติ อติทิสติ. นนุ เอวํ อนุชานนฺโต อยํ ¶ มิตฺโต เอว, น อมิตฺโต มิตฺตปติรูปโกติ? อนุปฺปิยภาณีทสฺสนมตฺตเมตํ. สหาเยน วา เทสกาลํ, ตสฺมึ วา กเต อุปฺปชฺชนกวิโรธาทึ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘กโรมา’’ติ วุตฺเต โย ตํ ชานนฺโต เอว ‘‘สาธุ สมฺม กโรมา’’ติ อนุปฺปิยํ ภณติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กลฺยาณํ ปิสฺส อนุชานาตี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กลฺยาเณปิ เอเสว นโย’’ติ.
๒๕๙. มิตฺตปติรูปกา เอเต มิตฺตาติ เอวํ ชานิตฺวา.
สุหทมิตฺตวณฺณนา
๒๖๐. สุนฺทรหทยาติ ¶ เปมสฺส อตฺถิวเสน ภทฺทจิตฺตา.
๒๖๑. ปมตฺตํ รกฺขตีติ เอตฺถ ปมาทวเสน กิฺจิ ¶ อยุตฺเต กเต ตาทิเส กาเล รกฺขณํ ‘‘ภีตสฺส สรณํ โหตี’’ติ อิมินาว ตํ คหิตนฺติ ตโต อฺเมว ปมตฺตสฺส รกฺขณวิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘มชฺชํ ปิวิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เคเห อารกฺขํ อสํวิหิตสฺส พหิคมนมฺปิ ปมาทปกฺขิกเมวาติ ‘‘สหาโย พหิคโต วา โหตี’’ติ วุตฺตํ. ภยํ หรนฺโตติ ภยํ ปฏิพาหนฺโต. โภคเหตุตาย ผลูปจาเรน ธนํ ‘‘โภค’’นฺติ วทติ. กิจฺจกรณีเยติ ขุทฺทเก, มหนฺเต จ กาตพฺเพ อุปฺปนฺเน.
๒๖๒. นิคูหิตุํ ยุตฺตกถนฺติ นิคูหิตุํ ฉาเทตุํ ยุตฺตกถํ, นิคูหิตุํ วา ยุตฺตา กถา เอตสฺสาติ นิคูหิตุํ ยุตฺตกถํ, อตฺตโน กมฺมํ. รกฺขตีติ อนาวิกโรนฺโต ฉาเทติ. ชีวิตมฺปีติ ปิ-สทฺเทน กิมงฺคํ ปน อฺํ ปริคฺคหิตวตฺถุนฺติ ทสฺเสติ.
๒๖๓. ปสฺสนฺเตสุ ปสฺสนฺเตสูติ อาเมฑิตวจเนน นิวาริยมานสฺส ปาปสฺส ปุนปฺปุนํ กรณํ ทีเปติ. ปุนปฺปุนํ กโรนฺโต หิ ปาปโต วิเสเสน นิวาเรตพฺโพ โหติ. สรเณสูติ สรเณสุ วตฺตสฺสุ อภินฺนานิ กตฺวา ปฏิปชฺช, สรเณสุ วา อุปาสกภาเวน วตฺตสฺสุ. นิปุณนฺติ สณฺหํ. การณนฺติ กมฺมสฺสกตาทิเภทยุตฺตํ. อิทํ กมฺมนฺติ อิมํ ทานาทิเภทํ กุสลกมฺมํ. ‘‘กมฺม’’นฺติ สาธารณโต วุตฺตสฺสาปิ ตสฺส ‘‘สคฺเค นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ปทนฺตรสนฺนิธาเนน สทฺธาหิโรตฺตปฺปาโลภาทิคุณธมฺมสมงฺคิตา วิย กุสลภาโว โชติโต โหติ. สทฺธาทโย หิ ธมฺมา สคฺคคามิมคฺโค. ยถาห –
‘‘สทฺธา ¶ หิริยํ กุสลฺจ ทานํ,
ธมฺมา เอเต สปฺปุริสานุยาตา;
เอตฺหิ มคฺคํ ทิวิยํ วทนฺติ,
เอเตน หิ คจฺฉติ เทวโลก’’นฺติ. (อ. นิ. ๘.๓๒);
๒๖๔. ภวนํ ¶ ¶ สมฺปตฺติวฑฺฒนํ ภโวติ อตฺโถ, ตปฺปฏิกฺเขเปน อภโวติ อาห ‘‘อภเวน อวุฑฺฒิยา’’ติ. ปาริชฺุนฺติ ชานิ. อนตฺตมโน โหตีติ อตฺตมโน น โหติ อนุกมฺปกภาวโต. อฺทตฺถุ ตํ อภวํ อตฺตนิ อาปติตํ วิย มฺติ. อิทานิ ตํ ภวํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตถารูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. วิรูโปติ พีภจฺโฉ. น ปาสาทิโกติ ตสฺเสว เววจนํ. สุชาโตติ สุนฺทรชาติโก ชาติสมฺปนฺโน.
๒๖๕. ชลนฺติ ชลนฺโต. อคฺคีวาติ อคฺคิกฺขนฺโธ วิย. ภาสตีติ วิโรจติ. ยสฺมาสฺส ภควตา สวิเสสํ วิโรจนํ โลเก ปากฏภาวฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘ชลํ อคฺคีว ภาสตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ยทา อคฺคิ สวิเสสํ วิโรจติ, ยตฺถ จ ิโต ทูเร ิตานมฺปิ ปฺายติ, ตํ ทสฺสนาทิวเสน ตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘รตฺติ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
‘‘ภมรสฺเสว อิรียโต’’ติ เอเตเนวสฺส โภคสํหรณํ ธมฺมิกํ าโยเปตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺตานมฺปี’’ติอาทิมาห. ราสึ กโรนฺตสฺสาติ ยถาสฺส ธนธฺาทิโภคชาตํ สมฺปิณฺฑิตํ ราสิภูตํ หุตฺวา ติฏฺติ, เอวํ อิรียโต อายูหนฺตสฺส จ. จกฺกปฺปมาณนฺติ รถจกฺกปฺปมาณํ. นิจยนฺติ วุฑฺฒึ ปริวุฑฺฒึ. ‘‘โภคา สนฺนิจยํ ยนฺตี’’ติ เกจิ ปนฺติ.
สมาหตฺวาติ สํหริตฺวา. อลํ-สทฺโท ‘‘อลเมว สพฺพสงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทิตุํ, อลํ วิรชฺชิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๒๔, ๑๒๙, ๑๓๔, ๑๔๓) ยุตฺตนฺติ อิมมตฺถํ โชเตติ, ‘‘อลมริยาณทสฺสนวิเสส’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) ปริยตฺตนฺติ. โย เวิตตฺโตติอาทีสุ ¶ (สุ. นิ. ๒๑๗) วิย อตฺต-สทฺโท สภาวปริยาโยติ ตํ สพฺพํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยุตฺตสภาโว’’ติอาทิมาห. สณฺเปตุนฺติ สมฺมา เปตุํ, สมฺมเทว ปวตฺเตตุนฺติ อตฺโถ.
เอวํ วิภชนฺโตติ เอวํ วุตฺตนเยน อตฺตโน ธนํ จตุธา วิภชนฺโต วิภชนเหตุ มิตฺตานิ คนฺถติ โสฬส กลฺยาณมิตฺตานิ เมตฺตาย อชีราปเนน ปพนฺธติ. เตนาห ‘‘อเภชฺชมานานิ เปตี’’ติ ¶ . กถํ ปน วุตฺตนเยน จตุธา โภคานํ วิภชเนน มิตฺตานิ คนฺถตีติ อาห ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิ. เตนาห ภควา ‘‘ททํ มิตฺตานิ คนฺถตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖). ภฺุเชยฺยาติ ¶ อุปภฺุเชยฺย, อุปยฺุเชยฺย จาติ อตฺโถ. สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกาทีนํ ทานวเสน เจว อธิวตฺถเทวตาทีนํ เปตพลิวเสน, นฺหาปิตาทีนํ เวตนวเสน จ วินิโยโคปิ อุปโยโค เอว. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ อาโย นาม เหฏฺิมนฺเตน วยโต จตุคฺคุโณ อิจฺฉิตพฺโพ, อฺถา วโย อวิจฺเฉทวเสน น สนฺตาเนยฺย, นิเธยฺย, ภาเชยฺย จ อสมฺภเตติ วุตฺตํ ‘‘ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย’’ติ. นิเธตฺวาติ นิทหิตฺวา, ภูมิคตํ กตฺวาติ อตฺโถ. ราชาทิวเสนาติ อาทิ-สทฺเทน อคฺคิอุทกโจรทุพฺภิกฺขาทิเก สงฺคณฺหาติ. นฺหาปิตาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน กุลาลรชกาทีนํ สงฺคโห.
ฉทฺทิสาปฏิจฺฉาทนกณฺฑวณฺณนา
๒๖๖. จตูหิ การเณหีติ น ฉนฺทคมนาทีหิ จตูหิ การเณหิ ¶ . อกุสลํ ปหายาติ ‘‘จตฺตาโร กมฺมกิเลสา’’ติ วุตฺตํ อกุสลฺเจว อคติคมนากุสลฺจ ปชหิตฺวา. ฉหิ การเณหีติ สุราปานาทีสุ อาทีนวทสฺสนสงฺขาเตหิ ฉหิ การเณหิ. สุราปานานุโยคาทิเภทํ ฉพฺพิธํ โภคานํ อปายมุขํ วินาสมุขํ วชฺเชตฺวา. โสฬส มิตฺตานีติ อุปการาทิวเสน จตฺตาโร, ปมตฺตรกฺขณาทิกิจฺจวิเสสวเสน ปจฺเจกํ จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา โสฬสวิเธ กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺโต ภชนฺโต. สตฺถวาณิชฺชาทิมิจฺฉาชีวํ ปหาย าเยเนว วตฺตนโต ธมฺมิเกน อาชีเวน ชีวติ. นมสฺสิตพฺพาติ อุปการวเสน, คุณวเสน จ นมสฺสิตพฺพา สพฺพทา นเตน หุตฺวา วตฺติตพฺพา. ทิสา-สทฺทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว. อาคมนภยนฺติ ตตฺถ สมฺมา อปฺปฏิปตฺติยา, มิจฺฉาปฏิปตฺติยา จ อุปฺปชฺชนกอนตฺโถ. โส หิ ภายนฺติ เอตสฺมาติ ‘‘ภย’’นฺติ วุจฺจติ. เยน การเณน มาตาปิตุอาทโย ปุรตฺถิมาทิภาเวน อปทิฏฺา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺพุปการิตายา’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตน อตฺถสริกฺขตาย เนสํ ปุรตฺถิมาทิภาโวติ ทสฺเสติ. ตถา หิ มาตาปิตโร ปุตฺตานํ ปุรตฺถิมภาเวน ตาว อุปการิภาเวน ทิสฺสนโต, อปทิสฺสนโต จ ปุรตฺถิมา ทิสา. อาจริยา อนฺเตวาสิกสฺส ทกฺขิณภาเวน, หิตาหิตํ ปติกุสลภาเวน ทกฺขิณารหตาย จ วุตฺตนเยน ทกฺขิณา ทิสา. อิมินา นเยน ‘‘ปจฺฉิมา ทิสา’’ติอาทีสุ ยถารหํ ¶ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ฆราวาสสฺส ทุกฺขพหุลตาย เต เต จ กิจฺจวิเสสา ยถาอุปฺปติตทุกฺขนิตฺถรณตฺถาติ วุตฺตํ ‘‘เต เต ทุกฺขวิเสเส อุตฺตรตี’’ติ. ยสฺมา ทาสกมฺมกรา สามิกสฺส ปาทานํ ปยิรุปาสนวเสน เจว ตทนุจฺฉวิกกิจฺจสาธนวเสน จ เยภุยฺเยน ¶ สนฺติกาวจรา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปาทมูเล ปติฏฺานวเสนา’’ติ. คุเณหีติ อุปริภาวาวเหหิ คุเณหิ. อุปริ ิตภาเวนาติ ¶ สคฺคมคฺเค โมกฺขมคฺเค จ ปติฏฺิตภาเวน.
๒๖๗. ภโตติ โปสิโต, ตํ ปน ภรณํ ชาตกาลโต ปฏฺาย สุขปจฺจยูปหรเณน ทุกฺขปจฺจยาปหรเณน จ เตหิ ปวตฺติตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ถฺํ ปาเยตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ชคฺคิโตติ ปฏิชคฺคิโต. เตติ มาตาปิตโร.
มาตาปิตูนํ สนฺตกํ เขตฺตาทึ อวินาเสตฺวา รกฺขิตํ เตสํ ปรมฺปราย ิติยา การณํ โหตีติ ‘‘ตํ รกฺขนฺโต กุลวํสํ สณฺเปติ นามา’’ติ วุตฺตํ. อธมฺมิกวํสโตติ ‘‘กุลปฺปเทสาทินา อตฺตนา สทิสํ เอกํ ปุริสํ ฆเฏตฺวา วา คีวายํ วา หตฺเถ วา พนฺธมณิยํ วา หาเรตพฺพ’’นฺติ เอวํ อาทินา ปวตฺตอธมฺมิกปเวณิโต. หาเรตฺวาติ อปเนตฺวา ตํ คาหํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา. มาตาปิตโร ตโต คาหโต วิเวจเนเนว หิ อายตึ เตสํ ปรมฺปราหาริกา สิยา. ธมฺมิกวํเสติ หึสาทิวิรติยา ธมฺมิเก วํเส ธมฺมิกาย ปเวณิยํ. เปนฺโตติ ปติฏฺเปนฺโต. สลากภตฺตาทีนิ อนุปจฺฉินฺทิตฺวาติ สลากภตฺตทานาทีนิ อวิจฺฉินฺทิตฺวา.
ทายชฺชํ ปฏิปชฺชามีติ เอตฺถ ยสฺมา ทายปฏิลาภสฺส โยคฺยภาเวน วตฺตมาโนเยว ทายชฺชํ ปฏิปชฺชติ นาม, น อิตโร, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘มาตาปิตโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทารเกติ ปุตฺเต. วินิจฺฉยํ ปตฺวาติ ‘‘ปุตฺตสฺส จชวิสฺสชฺชน’’นฺติ เอวํ อาคตํ วินิจฺฉยํ อาคมฺม. ทายชฺชํ ปฏิปชฺชามีติ วุตฺตนฺติ ‘‘ทายชฺชํ ปฏิปชฺชามี’’ ติ อิทํ จตุตฺถํ วตฺตนฏฺานํ วุตฺตํ. เตสนฺติ มาตาปิตูนํ. ตติยทิวสโต ปฏฺายาติ มตทิวสโต ตติยทิวสโต ปฏฺาย.
ปาปโต ¶ นิวารณํ นาม อนาคตวิสยํ. สมฺปตฺตวตฺถุโตปิ หิ นิวารณํ วีติกฺกเม อนาคเต เอว สิยา, น วตฺตมาเน. นิพฺพตฺติตา ปน ปาปกิริยา ¶ ครหณมตฺตปฏิการาติ อาห ‘‘กตมฺปิ ครหนฺตี’’ติ. นิเวเสนฺตีติ ปติฏฺเปนฺติ. วุตฺตปฺปการา มาตาปิตโร อนวชฺชเมว สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘มุทฺทาคณนาทิสิปฺป’’นฺติ. รูปาทีหีติ อาทิ-สทฺเทน โภคปริวาราทึ สงฺคณฺหาติ. อนุรูเปนาติ อนุจฺฉวิเกน.
นิจฺจภูโต สมโย อภิณฺหกรณกาโล. อภิณฺหตฺโถ หิ อยํ นิจฺจ-สทฺโท ‘‘นิจฺจปหํสิโต นิจฺจปหฏฺโ’’ติอาทีสุ วิย. ยุตฺตปตฺตกาโล เอว สมโย กาลสมโย. ‘‘อุฏฺาย ¶ สมุฏฺายา’’ติ อิมินาสฺส นิจฺจเมว ทาเน เตสํ ยุตฺตปยุตฺตตํ ทสฺเสติ. สิขาปนํ ทารกกาเล. อาวาหวิวาหํ ปุตฺตธีตูนํ โยพฺพนปฺปตฺตกาเล.
ตํ ภยํ ยถา นาคจฺฉติ, เอวํ ปิหิตา โหติ ‘‘ปุรตฺถิมา ทิสา’’ติ วิภตฺตึ ปริณาเมตฺวา โยชนา. ยถา ปน ตํ ภยํ อาคจฺเฉยฺย, ยถา จ นาคจฺเฉยฺย, ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิปฺปฏิปนฺนาติ ‘‘ภโต เน ภริสฺสามี’’ติอาทินา อุตฺตสมฺมาปฏิปตฺติยา อการเณน เจว ตปฺปฏิปกฺขมิจฺฉาปฏิปตฺติยา อกรเณน จ วิปฺปฏิปนฺนา ปุตฺตา อสฺสุ. เอตํ ภยนฺติ เอตํ ‘‘มาตาปิตูนํ อปฺปติรูปาติ วิฺูนํ ครหิตพฺพตาภยํ, ปรวาทภย’’นฺติ เอวมาทิ อาคจฺเฉยฺย ปุตฺเตสุ. ปุตฺตานํ นานุรูปาติ เอตฺถ ‘‘ปุตฺตาน’’นฺติ ปทํ เอตํ ภยํ ปุตฺตานํ อาคจฺเฉยฺยาติ เอวํ อิธาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตาทิสานฺหิ มาตาปิตูนํ ปุตฺตานํ โอวาทานุสาสนิโย ทาตุํ สมตฺถกาลโต ปฏฺาย ตา เตสํ ทาตพฺพา เอวาติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. ปุตฺตานฺหิ วเสนายํ เทสนา อนาคตา สมฺมาปฏิปนฺเนสุ อุโภสุ อตฺตโน, มาตาปิตูนฺจ ¶ วเสน อุปฺปชฺชนกตาย สพฺพํ ภยํ น โหติ สมฺมาปฏิปนฺนตฺตา. เอวํ ปฏิปนฺนตฺตา เอว ปฏิจฺฉนฺนา โหติ ตตฺถ กาตพฺพปฏิสนฺถารสฺส สมฺมเทว กตตฺตา. เขมาติ อนุปทฺทวา. ยถาวุตฺตสมฺมาปฏิปตฺติยา อกรเณน หิ อุปฺปชฺชนกอุปทฺทวา กรเณน น โหนฺตีติ.
‘‘น โข เต’’ติอาทินา วุตฺโต สงฺคีติอนารุฬฺโห ภควตา ตทา ตสฺส วุตฺโต ปรมฺปราคโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เตนาห ‘‘ภควา สิงฺคาลกํ เอตทโวจา’’ติ. อยฺหีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท อวธารเณ. ตถา หิ ‘‘โน อฺา’’ติ อฺทิสํ นิวตฺเตติ.
๒๖๘. อาจริยํ ¶ ทูรโตว ทิสฺวา อุฏฺานวจเนเนว ตสฺส ปจฺจุคฺคมนาทิสามีจิกิริยา อวุตฺตสิทฺธาติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา’’ติอาทิมาห. อุปฏฺาเนนาติ ปยิรุปาสเนน. ติกฺขตฺตุํอุปฏฺานคมเนนาติ ปาโต, มชฺฌนฺหิเก, สายนฺติ ตีสุ กาเลสุ อุปฏฺานตฺถํ อุปคมเนน. สิปฺปุคฺคหณตฺถํ ปน อุปคมนํ อุปฏฺานนฺโตคธํ ปโยชนวเสน คมนภาวโตติ อาห ‘‘สิปฺปุคฺคหณ…เป… โหตี’’ติ. โสตุํ อิจฺฉา สุสฺสูสา, สา ปน อาจริเย สิกฺขิตพฺพสิกฺเข จ อาทรคารวปุพฺพิกา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘อทฺธา อิมินา สิปฺเปน สิกฺขิเตน เอวรูปํคุณํ ปฏิลภิสฺสามี’’ติ. ตถาภูตฺจ ตํ สวนํ สทฺธาปุพฺพงฺคมํ โหตีติ อาห ‘‘สทฺทหิตฺวา สวเนนา’’ติ. วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรกวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘อสทฺทหิตฺวา…เป… นาธิคจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา ตสฺสตฺโถ วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺโพ. ยํ สนฺธาย ‘‘อวเสสขุทฺทกปาริจริยายา’’ติ วุตฺตํ, ตํ วิภชนํ อนวเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อนฺเตวาสิเกน หี’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ปจฺจุปฏฺานาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน อาสนปฺาปนํ พีชนนฺติ เอวมาทึ สงฺคณฺหาติ. อนฺเตวาสิกวตฺตนฺติ ¶ อนฺเตวาสิเกน อาจริยมฺหิ สมฺมาวตฺติตพฺพวตฺตํ. สิปฺปปฏิคฺคหเณนาติ สิปฺปคนฺถสฺส สกฺกจฺจํ อุคฺคหเณน. ตสฺส หิ สุฏฺุ อุคฺคหเณน ตทนุสาเรนสฺส ปโยโคปิ สมฺมเทว อุคฺคหิโต โหตีติ. เตนาห ‘‘โถกํ คเหตฺวา’’ติอาทิ.
สุวินีตํ วิเนนฺตีติ อิธ อาจารวินโย อธิปฺเปโต. สิปฺปสฺมึ ปน สิกฺขาปนวินโย ‘‘สุคฺคหิตํ คาหาเปนฺตี’’ติ อิมินาว สงฺคหิโตติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ เต นิสีทิตพฺพ’’นฺติอาทิ. อาจริยา หิ นาม อนฺเตวาสิเก น ทิฏฺธมฺมิเก เอว วิเนนฺติ, อถ โข สมฺปรายิเกปีติ อาห ‘‘ปาปมิตฺตา วชฺเชตพฺพา’’ติ. สิปฺปคนฺถสฺส อุคฺคณฺหนํ นาม ยาวเทว ปโยคสมฺปาทนตฺถนฺติ อาห ‘‘ปโยคํ ทสฺเสตฺวา คณฺหาเปนฺตี’’ติ. มิตฺตามจฺเจสูติ อตฺตโน มิตฺตามจฺเจสุ. ปฏิยาเทนฺตีติ ปริคฺคเหตฺวา นํ มมตฺตวเสน ปฏิยาเทนฺติ. ‘‘อยํ อมฺหากํ อนฺเตวาสิโก’’ติอาทินา หิ อตฺตโน ปริคฺคหิตทสฺสนมุเขน เจว ‘‘พหุสฺสุโต’’ติอาทินา ตสฺส คุณปริคฺคณฺหนมุเข จ ตํ เตสํ ปฏิยาเทนฺติ. สพฺพทิสาสุ รกฺขํ กโรนฺติ จาตุทฺทิสภาวสมฺปาทเนนสฺส สพฺพตฺถ สุขชีวิภาวสาธนโต. เตนาห ‘‘อุคฺคหิตสิปฺโป หี’’ติอาทิ. สตฺตานฺหิ ทุวิธา สรีรรกฺขา อพฺภนฺตรปริสฺสยปฏิฆาเตน, พาหิรปริสฺสยปฏิฆาเตน จ. ตตฺถ ¶ อพฺภนฺตรปริสฺสโย ขุปฺปิปาสาทิเภโท, โส ลาภสิทฺธิยา ปฏิหฺติ ตาย ตชฺชาปริหารสํวิธานโต. พาหิรปริสฺสโย โจรอมนุสฺสาทิเหตุโก, โส วิชฺชาสิทฺธิยา ปฏิหฺติ ตาย ตชฺชาปริหารสํวิธานโต. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ยํ ทิส’’นฺติอาทิ.
ปุพฺเพ ‘‘อุคฺคหิตสิปฺโป หี’’ติอาทินา สิปฺปสิกฺขาปเนเนว ลาภุปฺปตฺติยา ทิสาสุ ปริตฺตาณกรณํ ทสฺสิตํ, อิทานิ ‘‘ยํ วา โส’’ติอาทินา ตสฺส อุคฺคหิตสิปฺปสฺส นิปฺผตฺติวเสน คุณกิตฺตนมุเขน ¶ ปคฺคณฺหเนนปิ ลาภุปฺปตฺติยาติ อยเมเตสํ วิกปฺปานํ เภโท. เสสนฺติ ‘‘ปฏิจฺฉนฺนา โหตี’’ติอาทิกํ ปาฬิอาคตํ, ‘‘เอวฺจ ปน วตฺวา’’ติอาทิกํ อฏฺกถาคตฺจ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ทุติยทิสาวาเร. ปุริมนเยเนวาติ ปุพฺเพ ปมทิสาวาเร วุตฺตนเยเนว.
๒๖๙. สมฺมานนา นาม สมฺภาวนา, สา ปน อตฺถจริยาลกฺขณา จ ทานลกฺขณา จ จตุตฺถปฺจมฏฺาเนเหว สงฺคหิตาติ ปิยวจนลกฺขณํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺภาวิตกถากถเนนา’’ติ วุตฺตํ. วิคตมานนา วิมานนา, น วิมานนา อวิมานนา, วิมานนาย อกรณํ. เตนาห ‘‘ยถา ทาสกมฺมกราทโย’’ติอาทิ. สามิเกน หิ วิมานิตานํ อิตฺถีนํ สพฺโพ ปริชโน วิมาเนติเยว ¶ . ปริจรนฺโตติ อินฺทฺริยานิ ปริจรนฺโต. ตํ อติจรติ นาม ตํ อตฺตโน คิหินึ อติมฺิตฺวา อคเณตฺวา วตฺตนโต. อิสฺสริยโวสฺสคฺเคนาติ เอตฺถ ยาทิโส อิสฺสริยโวสฺสคฺโค คิหินิยา อนุจฺฉวิโก, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภตฺตเคเห วิสฺสฏฺเ’’ติ อาห. เคเห เอว ตฺวา วิจาเรตพฺพมฺปิ หิ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ กุลิตฺถิยา ภาโร น โหติ, สามิกสฺเสว ภาโร, ตโต อาคตสาปเตยฺยํ ปน ตาย สุคุตฺตํ กตฺวา เปตพฺพํ โหติ. ‘‘สพฺพํ อิสฺสริยํ วิสฺสฏฺํ นาม โหตี’’ติ เอตา มฺนฺตีติ อธิปฺปาโย. อิตฺถิโย นาม ปุตฺตลาเภน วิย มหคฺฆวิปุลาลงฺการลาเภนปิ น สนฺตุสฺสนฺเตวาติ ตาสํ โตสนํ อลงฺการทานนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน วิภวานุรูเปนา’’ติ.
กุลิตฺถิยา สํวิหิตพฺพกมฺมนฺตา นาม อาหารสมฺปาทนวิจารปฺปการาติ อาห ‘‘ยาคุภตฺตปจนกาลาทีนี’’ติอาทิ. สมฺมานนาทีหิ ยถารหํ ¶ ปิยวจเนหิ เจว โภชนทานาทีหิ จ ปเหณกเปสนาทีหิ อฺโต, ตตฺเถว วา อุปฺปนฺนสฺส ปณฺณาการสฺส ฉณทิวสาทีสุ เปเสตพฺพปิยภณฺเฑหิ จ สงฺคหิตปริชนา. เคหสามินิยา ¶ อนฺโตเคหชโน นิจฺจํ สงฺคหิโต เอวาติ วุตฺตํ ‘‘อิธ ปริชโน นาม…เป… าติชโน’’ติ. อาภตธนนฺติ พาหิรโต อนฺโตเคหํ ปเวสิตธนํ. คิหินิยา นาม ปมํ อาหารสมฺปาทเน โกสลฺลํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตตฺถ จ ยุตฺตปยุตฺตตา, ตโต สามิกสฺส อิตฺถิชนายตฺเตสุ กิจฺจากิจฺเจสุ, ตโต ปุตฺตานํ ปริชนสฺส กาตพฺพกิจฺเจสูติ อาห ‘‘ยาคุภตฺตสมฺปาทนาทีสู’’ติอาทิ. ‘‘นิกฺโกสชฺชา’’ติ วตฺวา ตเมว นิกฺโกสชฺชตํ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ วิภาเวตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ ตติยทิสาวาเร. ปุริมนเยเนวาติ ปมทิสาวาเร วุตฺตนเยเนว. อิติ ภควา ‘‘ปจฺฉิมา ทิสา ปุตฺตทารา’’ติ อุทฺทิสิตฺวาปิ ทารวเสเนว ปจฺฉิมํ ทิสํ วิสฺสชฺเชสิ, น ปุตฺตวเสน. กสฺมา? ปุตฺตา หิ ทารกกาเล อตฺตโน มาตุ อนุคฺคณฺหเนเนว อนุคฺคหิตา โหนฺติ อนุกมฺปิตา, วิฺุตํ ปตฺตกาเล ปน ยถา เตปิ ตทา อนุคฺคเหตพฺพา, สฺวายํ วิธิ ‘‘ปาปา นิวาเรนฺตี’’ติอาทินา ปมทิสาวาเร ทสฺสิโต เอวาติ กึ ปุน วิสฺสชฺชเนนาติ. ทานาทิสงฺคหวตฺถูสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมวาติ.
๒๗๐. จตฺตาริปิ านานิ ลงฺฆิตฺวา ปฺจมเมว านํ วิวริตุํ ‘‘อวิสํวาทนตายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺส ยสฺส นามํ คณฺหาตีติ สหาโย อตฺถิกภาเวน ยสฺส ยสฺส วตฺถุโน นามํ กเถติ. อวิสํวาเทตฺวาติ เอตฺถ ทุวิธํ อวิสํวาทนํ วาจาย, ปโยเคน จาติ ตํ ทุวิธมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ทาเนนา’’ติ จ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ อิตรสงฺคหวตฺถุวเสนปิ อวิสํวาเทตฺวา สงฺคณฺหนสฺส ลพฺภนโต, อิจฺฉิตพฺพโต ¶ จ. อปรา ปจฺฉิมา ปชา อปรปชา, อปราปรํ อุปฺปนฺนา วา ปชา อปรปชา. ปฏิปูชนา นาม มมายนา, สกฺการกิริยา จาติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกลายนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. มมายนฺตีติ มมตฺตํ กโรนฺติ.
๒๗๑. ยถาพลํ กมฺมนฺตสํวิธาเนนาติ ทาสกมฺมกรานํ ¶ ยถาพลํ พลานุรูปํ เตสํ เตสํ กมฺมนฺตานํ สํวิทหเนน วิจารเณน, การาปเนนาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ทหเรหี’’ติอาทิ. ภตฺตเวตนานุปฺปทาเนนาติ ตสฺส ตสฺส ทาสกมฺมกรสฺส อนุรูปํ ภตฺตสฺส, เวตนสฺส จ ปทาเนน ¶ . เตเนวาห ‘‘อยํ ขุทฺทกปุตฺโต’’ติอาทิ. เภสชฺชาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน สปฺปายาหารวสนฏฺานาทึ สงฺคณฺหาติ. สาตภาโว เอว รสานํ อจฺฉริยตาติ อาห ‘‘อจฺฉริเย มธุรรเส’’ติ. เตสนฺติ ทาสกมฺมกรานํ. โวสฺสชฺชเนนาติ กมฺมกรณโต วิสฺสชฺชเนน. เวลํ ตฺวาติ ‘‘ปหาราวเสโส, อุปฑฺฒปหาราวเสโส วา ทิวโส’’ติ เวลํ ชานิตฺวา. โย โกจิ มหุสฺสโว ฉโณ นาม. กตฺติกุสฺสโว, ผคฺคุณุสฺสโวติ เอวํ นกฺขตฺตสลฺลกฺขิโต มหุสฺสโว นกฺขตฺตํ. ปุพฺพุฏฺายิตา, ปจฺฉานิปาติตา จ มหาสุทสฺสเน วุตฺตา เอวาติ อิธ อนามฏฺา.
ทินฺนาทายิโนติ ปุพฺพปทาวธารณวเสน สาวธารณวจนนฺติ อวธารเณน นิวตฺติตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โจริกาย กิฺจิ อคฺคเหตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สามิเกหิ ทินฺนสฺเสว อาทายิโน’’ติ. น มยํ กิฺจิ ลภามาติ อนุชฺฌายิตฺวาติ ปฏิเสธทฺวเยน เตหิ ลทฺธพฺพสฺส ลาภํ ทสฺเสติ. ‘‘กึ เอตสฺส กมฺเมน กเตนาติ อนุชฺฌายิตฺวา’’ติ อิทํ ตุฏฺหทยตาย การณทสฺสนํ ปฏิปกฺขทูรีภาวโต. ตุฏฺหทยตาทสฺสนมฺปิ กมฺมสฺส สุกตการิตาย การณทสฺสนํ. กิตฺติ เอว วณฺโณ กิตฺติวณฺโณ, ตํ กิตฺติวณฺณํ คุณกถํ หรนฺติ, ตํ ตํ ทิสํ อุปาหรนฺตีติ กิตฺติวณฺณหรา. ตถา ตถา กิตฺเตตพฺพโต หิ กิตฺติ ¶ , คุโณ, เตสํ วณฺณนํ กถนํ วณฺโณ. เตนาห ‘‘คุณกถาหารกา’’ติ.
๒๗๒. การณภูตา เมตฺตา เอเตสํ อตฺถีติ เมตฺตานิ, กายกมฺมาทีนิ. ยานิ ปน ตานิ ยถา ยถา จ สมฺภวนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘วิหารคมน’’นฺติอาทีสุ ‘‘เมตฺตจิตฺตํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา’’ติ ปทํ อาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. อนาวฏทฺวารตายาติ เอตฺถ ทฺวารํ นาม อโลภชฺฌาสยตา ทานสฺส มุขภาวโต. ตสฺส สโต เทยฺยธมฺมสฺส ทาตุกามตา อนาวฏตา เอวฺหิ ฆรมาวสนฺโต กุลปุตฺโต เคหทฺวาเร ปิหิเตปิ อนาวฏทฺวาโร เอว, อฺถา อปิหิเตปิ ฆรทฺวาเร อาวฏทฺวาโร เอวาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. วิวริตฺวาปิ วสนฺโตติ วจนเสโส. ปิทหิตฺวาปีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘สีลวนฺเตสู’’ติ อิทํ ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณวิสุทฺธิทสฺสนตฺถํ ¶ วุตฺตํ. กรุณาเขตฺเตปิ ¶ ทาเนน อนาวฏทฺวารตา เอว. ‘‘สนฺตฺเวา’’ติ อิมินา อสนฺตํ นตฺถิวจนํ ปุจฺฉิตปฏิวจนํ วิย อิจฺฉิตพฺพํ เอวาติ ทสฺเสติ วิฺูนํ อตฺถิกานํ จิตฺตมทฺทวกรณโต. ‘‘ปุเรภตฺตํ ปริภฺุชิตพฺพก’’นฺติ อิทํ ยาวกาลิเก เอว อามิสภาวสฺส นิรุฬฺหตาย วุตฺตํ.
‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิทํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อชฺฌาสยสมฺปตฺติทสฺสนํ ปกฺขปาตาภาวทีปนโต, โอธิโส ผรณายปิ เมตฺตาภาวนาย ลพฺภนโต. ยาย กุสลาภิวฑฺฒิอากงฺขาย เตสํ อุปฏฺากานํ, ตถา เนสํ เคหปวิสนํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปวิสนฺตาปิ กลฺยาเณน เจตสา อนุกมฺปนฺติ นามา’’ติ. สุตสฺส ปริโยทาปนํ นาม ตสฺส ยาถาวโต อตฺถํ วิภาเวตฺวา วิจิกิจฺฉาตมวิธมเนน วิโสธนนฺติ อาห ‘‘อตฺถํ กเถตฺวา กงฺขํ วิโนเทนฺตี’’ติ. สวนํ นาม ธมฺมสฺส ยาวเทว สมฺมาปฏิปชฺชนาย อสติ ตสฺมึ ตสฺส นิรตฺถกภาวโต, ตสฺมา สุตสฺส ปริโยทาปนํ นาม ¶ สมฺมาปฏิปชฺชาปนนฺติ อาห ‘‘ตถตฺตาย วา ปฏิปชฺชาเปนฺตี’’ติ.
๒๗๓. อลมตฺโตติ สมตฺถสภาโว, โส จ อตฺถโต สมตฺโถ เอวาติ ‘‘อคารํ อชฺฌาวสนสมตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. ทิสานมสฺสนฏฺาเนติ ยถาวุตฺตทิสานํ ปจฺจุปฏฺานสฺิเต นมสฺสนการเณ. ปณฺฑิโต หุตฺวา กุสโล เฉโก ลภเต ยสนฺติ โยชนา. สณฺหคุณโยคโต สณฺโห, สณฺหคุโณติ ปเนตฺถ สุขุมนิปุณปฺา, มุทุวาจาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุขุม…เป… ภณเนน วา’’ติ วุตฺตํ. ทิสานมสฺสนฏฺาเนนาติ เยน าเณน ยถาวุตฺตา ฉ ทิสา วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชนฺโต นมสฺสติ นาม, ตํ าณํ ทิสานมสฺสนฏฺานํ, เตน ปฏิภานวา. เตน หิ ตํตํกิจฺจยุตฺตปตฺตวเสน ปฏิปชฺชนฺโต อิธ ‘‘ปฏิภานวา’’ติ วุตฺโต. นิวาตวุตฺตีติ ปณิปาตสีโล. อตฺถทฺโธติ น ถทฺโธ ถมฺภรหิโตติ จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตลกฺขเณน ถมฺภิตภาเวน วิรหิโต. อุฏฺานวีริยสมฺปนฺโนติ กายิเกน วีริเยน สมนฺนาคโต. นิรนฺตรกรณวเสนาติ อารทฺธสฺส กมฺมสฺส สตตการิตาวเสน. านุปฺปตฺติยา ปฺายาติ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺถกิจฺเจ อุปฏฺิเต านโส ตงฺขเณ เอว อุปฺปชฺชนกปฺาย.
สงฺคหกโรติ ยถารหํ สตฺตานํ สงฺคณฺหนโก. มิตฺตกโรติ มิตฺตภาวกโร, โส ปน อตฺถโต มิตฺเต ปริเยสนโก นาม โหตีติ ¶ วุตฺตํ ‘‘มิตฺตคเวสโน’’ติ. ยถาวุตฺตํ วทํ วจนํ ชานาตีติ วทฺูติ อาห ‘‘ปุพฺพการินา วุตฺตวจนํ ชานาตี’’ติ. อิทานิ ตเมวตฺถํ สงฺเขเปน วุตฺตํ วิตฺถารวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘สหายกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุพฺเพ ยถาปวตฺตาย วาจาย ชานเน ¶ วทฺุตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อาการสลฺลกฺขเณน อปฺปวตฺตาย วาจาย ชานเนปิ วทฺุตํ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เยน เยน วา ปนา’’ติอาทินา วจนียตฺถตํ วทฺู-สทฺทสฺส ทสฺเสติ. เนตาติ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ ปจฺจกฺขโต ปาเปตา. เตนาห ‘‘ตํ ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ปฺาย เนตา’’ติ. เนติ ตํ ตมตฺถนฺติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. ปุนปฺปุนํ เนตีติ อนุ อนุ เนติ, ตํ ตมตฺถนฺติ อาเนตฺวา โยชนา.
ตสฺมึ ตสฺมินฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ ทานาทีหิ สงฺคเหหิ สงฺคเหตพฺเพ ปุคฺคเล. อาณิยาติ อกฺขสีสคตาย อาณิยา. ยายโตติ คจฺฉโต. ปุตฺตการณาติ ปุตฺตนิมิตฺตํ. ปุตฺตเหตุกฺหิ ปุตฺเตน กตฺตพฺพํ มานํ วา ปูชํ วา.
อุปโยควจเนติ อุปโยคตฺเถ. วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ. อุปโยควจเน วา วตฺตพฺเพ. ปจฺจตฺตนฺติ ปจฺจตฺตวจนํ. สมฺมา เปกฺขนฺตีติ สมฺมเทว กาตพฺเพ เปกฺขนฺติ. ปสํสนียาติ ปสํสิตพฺพา. ภวนฺติ เอเต สงฺคเหตพฺเพ ตตฺถ ปุคฺคเล ยถารหํ ปวตฺเตนฺตาติ อธิปฺปาโย.
๒๗๔. ‘‘อิติ ภควา’’ติอาทิ นิคมนํ. ยา ทิสาติ ยา มาตาปิตุอาทิลกฺขณา ปุรตฺถิมาทิทิสา. นมสฺสาติ นมสฺเสยฺยาสีติ อตฺโถ ‘‘ยถา กถํ ปนา’’ติอาทิกาย คหปติปุตฺตสฺส ปุจฺฉาย วเสน เทสนาย อารทฺธตฺตา ‘‘ปุจฺฉาย ตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อกถิตํ นตฺถิ คิหีหิ กตฺตพฺพกมฺเม อปฺปมาทปฏิปตฺติยา อนวเสสโต กถิตตฺตา. มาตาปิตุอาทีสุ หิ เตหิ จ ปฏิปชฺชิตพฺพปฏิปตฺติยา นิรวเสสโต กถเนเนว ราชาทีสุปิ ปฏิปชฺชิตพฺพวิธิ อตฺถโต กถิโต เอว โหตีติ. คิหิโน วินียนฺติ, วินยํ อุเปนฺติ เอเตนาติ คิหิวินโย. ยถานุสิฏฺนฺติ ยถา อิธ สตฺถารา อนุสิฏฺํ คิหิจาริตฺตํ ¶ , ตถา เตน ปกาเรน ตํ อวิราเธตฺวา. ปฏิปชฺชมานสฺส วุทฺธิเยว ปาฏิกงฺขาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ วุทฺธิเยว อิจฺฉิตพฺพา อวสฺสมฺภาวินีติ.
สิงฺคาลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๙. อาฏานาฏิยสุตฺตวณฺณนา
ปมภาณวารวณฺณนา
๒๗๕. ‘‘จตุทฺทิสํ ¶ ¶ ¶ รกฺขํ เปตฺวา’’ติ อิทํ ทฺวีสุ าเนสุ จตูสุ ทิสาสุ ปิตํ รกฺขํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสุรเสนายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺตโน หิ อธิกาเร, อตฺตโน รกฺขาย จ อปฺปมชฺชเนน เตสํ อิทํ ทฺวีสุ าเนสุ จตูสุ ทิสาสุ อารกฺขฏฺปนํ. ยฺหิ ตํ อสุรเสนาย ปฏิเสธนตฺถํ เทวปุเร จตูสุ ทิสาสุ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อารกฺขฏฺปนํ, ตํ อตฺตโน อธิกาเร อปฺปมชฺชนํ. ยํ ปน เนสํ ภควโต สนฺติกํ อุปสงฺกมเน จตูสุ ทิสาสุ อารกฺขฏฺปนํ, ตํ อตฺตโน กตา รกฺขาย อปฺปมชฺชนํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อสุรเสนาย นิวารณตฺถ’’นฺติอาทิ. ปาฬิยํ จตุทฺทิสนฺติ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ ภุมฺมวเสน ตทตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จตูสุ ทิสาสู’’ติ อาห. อารกฺขํ เปตฺวาติ เวสฺสวณาทโย จตฺตาโร มหาราชาโน อตฺตนา อตฺตนา รกฺขิตพฺพทิสาสุ อารกฺขํ เปตฺวา คุตฺตึ สมฺมเทว วิทหิตฺวา. พลคุมฺพํ เปตฺวาติ ยกฺขเสนาทิเสนาพลสมูหํ เปตฺวา. โอวรณํ เปตฺวาติ ปฏิปกฺขนิเสธนสมตฺถํ อาวรณํ เปตฺวา. อิติ ตีหิ ปเทหิ ยถากฺกมํ ปจฺเจกํ เทวนครทฺวารสฺส อนฺโต, ทฺวารสมีเป, ทฺวารโต พหิ, ทิสารกฺขาวสโนติ ติวิธาย รกฺขาย ปิตภาโว วา ทีปิโต. เตนาห ‘‘เอวํ สกฺกสฺส…เป… กตฺวา’’ติ. สตฺต พุทฺเธ อารพฺภาติ เอตฺถ สตฺเตว พุทฺเธ อารพฺภ ปริพนฺธนการณํ มหาปทานฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๒.๑๒) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ธมฺมอาณนฺติ ธมฺมมยํ อาณํ, สตฺถุ ธมฺมจกฺกนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปริสโต พาหิรภาโว, อสมฺโภโค’’ติ เอวมาทึ อิทฺจิทฺจ วิวชฺชนกรณํ ¶ กริสฺสามาติ. สาวนนฺติ จตุนฺนมฺปิ ปริสานํ ติกฺขตฺตุํ ปริวาเรน อนุสาวนํ, ยถา สกฺโก เทวานมินฺโท อสุรเสนาย นิวารณตฺถํ จตูสุ ทิสาสุ อารกฺขํ ปาเปติ, เอวํ มหาราชาโนปิ ตาทิเส กิจฺจวิเสเส อตฺตโน อารกฺขํ เปนฺติ. อิเมสมฺปิ หิ ตโต สาสงฺกํ สปฺปฏิภยนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตโนปี’’ติอาทิ.
อภิกฺกนฺตาติ ¶ อติกฺกนฺตา, วิคตาติ อตฺโถติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม’’ติ อนนฺตรํ วุตฺตํ. อภิกฺกนฺตตโรติ ¶ อติวิย กนฺตตโร. ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นาม โหตีติ อาห ‘‘สุนฺทเร ทิสฺสตี’’ติ.
โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ โก กตโม. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย เอวรูปาย เทวิทฺธิยา. ‘‘ยสสา’’ติ อิมินา เอทิเสน ปริวาเรน, ปริจฺเฉเทน จ. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน อภิรูเปน. วณฺเณนาติ สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ ทสปิ ทิสา ปภาเสนฺโต จนฺโท วิย, สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโตติ คาถาย อตฺโถ. อภิรูเปติ อุฬารรูเป สมฺปนฺนรูเป. อพฺภนุโมทเนติ สมฺปหํสเน. อิธ ปนาติ ‘‘อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา’’ติ เอตสฺมึ ปเท. เตนาติ ขยปริยายตฺตา.
รูปายตนาทีสูติ อาทิ-สทฺเทน อกฺขราทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สุวณฺณวณฺโณติ สุวณฺณจฺฉวีติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘ฉวิย’’นฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘กฺจนสนฺนิภตฺตโจ’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕; ๓.๒๐๐, ๒๑๘; ม. นิ. ๒.๓๘๖) สฺูฬฺหาติ สงฺคนฺถิตา. วณฺณาติ คุณวณฺณนาติ อาห ‘‘ถุติย’’นฺติ, โถมนายนฺติ อตฺโถ. กุลวคฺเคติ ขตฺติยาทิกุลโกฏฺาเส. ตตฺถ ‘‘อจฺโฉ วิปฺปสนฺโน’’ติอาทินา วณฺณิตพฺพฏฺเน วณฺโณ, ฉวิ. วณฺณนฏฺเน วณฺโณ, ถุติ. อภิตฺถวนฏฺเน วณฺโณ, ถุติ, อฺมฺํ อสงฺกรโต ¶ วณฺณิตพฺพโต เปตพฺพโต วณฺโณ, ขตฺติยาทิกุลวคฺโค. วณฺณียติ าปียติ เอเตนาติ วณฺโณ, าปกํ การณํ. วณฺณนโต ถูลรสฺสาทิภาเวน อุปฏฺานโต วณฺโณ, สณฺานํ. ‘‘มหนฺตํ ขุทฺทกํ, มชฺฌิม’’นฺติ วณฺเณตพฺพโต ปมาเณตพฺพโต วณฺโณ, ปมาณํ. วณฺณียติ จกฺขุนา วิวรียตีติ วณฺโณ, รูปายตนนฺติ เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ วณฺณ-สทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา. โสติ วณฺณสทฺโท. ฉวิยํ ทฏฺพฺโพ รูปายตเน คยฺหมานสฺส ฉวิมุเขเนว คเหตพฺพโต. ‘‘ฉวิคตา ปน วณฺณธาตุ เอว สุวณฺณวณฺโณติ เอตฺถ วณฺณคฺคหเณน คหิตา’’ติ อปเร.
เกวลปริปุณฺณนฺติ เอกเทสมฺปิ อเสเสตฺวา นิรวเสสโตว ปริปุณฺณนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถติ อาห ‘‘อนวเสสตา อตฺโถ’’ติ. เกวลกปฺปาติ กปฺป-สทฺโท นิปาโต ปทปูรณมตฺตํ, เกวลํ อิจฺเจว อตฺโถ ¶ . เกวล-สทฺโท พหุลวาจีติ อาห ‘‘เยภุยฺยตา อตฺโถ’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อีสกํ อสมตฺตา เกวลกปฺปา’’ติ วทนฺติ. เอวํ สติ อนวเสสตฺโถ เอว เกวล-สทฺทตฺโถ สิยา, อนตฺถนฺตเรน ปน กปฺป-สทฺเทน ปทวฑฺฒนํ กตํ เกวลเมว เกวลกปฺปนฺติ. อถ วา กปฺปนียตา, ปฺาเปตพฺพตา ¶ เกวลกปฺปา. อพฺยามิสฺสตา วิชาติเยน อสงฺกรา สุทฺธตา. อนติเรกตา ตํปรมตา วิเสสาภาโว. เกวลกปฺปนฺติ เกวลํ ทฬฺหํ กตฺวาติ อตฺโถ. เกวลํ วุจฺจติ นิพฺพานํ สพฺพสงฺขตวิวิตฺตตฺตา. ตํ เอตสฺส อธิคตํ อตฺถีติ เกวลี, สจฺฉิกตนิโรโธ ขีณาสโว.
กปฺป-สทฺโท ¶ ปนายํ ส-อุปสคฺโค, อนุปสคฺโค จาติ อธิปฺปาเยน โอกปฺปนิยปเท ลพฺภมานํ กปฺปนิยสทฺทมตฺตํ นิทสฺเสติ, อฺถา กปฺป-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร โอกปฺปนิยปทํ อนิทสฺสนเมว สิยา. สมณกปฺเปหีติ วินยกฺกมสิทฺเธหิ สมณโวหาเรหิ. นิจฺจกปฺปนฺติ นิจฺจกาลํ. ปฺตฺตีติ นามฺเหตํ ตสฺส อายสฺมโต, ยทิทํ กปฺโปติ. กปฺปิตเกสมสฺสูติ กตฺตริยา เฉทิตเกสมสฺสุ. ทฺวงฺคุลกปฺโปติ มชฺฌนฺหิกเวลาย วีติกฺกนฺตาย ทฺวงฺคุลตาวิกปฺโป. เลโสติ อปเทโส. อนวเสสํ ผริตุํ สมตฺถสฺส โอภาสสฺส เกนจิ การเณน เอกเทสผรณมฺปิ สิยา, อยํ ปน สพฺพโสว ผรีติ ทสฺเสตุํ สมนฺตตฺโถ กปฺป-สทฺโท คหิโตติ อาห ‘‘อนวเสสํ สมนฺตโต’’ติ.
ยสฺมา เทวตานํ สรีรปฺปภา ทฺวาทสโยชนมตฺตํ านํ, ตโต ภิยฺโยปิ ผริตฺวา ติฏฺติ, ตถา วตฺถาภรณาทีหิ สมุฏฺิตา ปภา, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จนฺทิมา วิย, สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกํ ปชฺโชตํ กริตฺวา’’ติ. กสฺมา เอเต มหาราชาโน ภควโต สนฺติเก นิสีทึสุ? นนุ เยภุยฺเยน เทวตา ภควโต สนฺติกํ อุปคตา ตฺวาว กเถตพฺพํ กเถนฺตา คจฺฉนฺตีติ? สจฺจเมตํ, อิธ ปน นิสีทเน การณํ อตฺถิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เทวตาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อิทํ ปริตฺตํ นาม สตฺตพุทฺธปฏิสํยุตฺตํ ครุ, ตสฺมา น อมฺเหหิ ตฺวา คเหตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปริตฺตคารววเสน นิสีทึสุ.
๒๗๖. กสฺมา ปเนตฺถ เวสฺสวโณ เอว กเถสิ, น อิตเรสุ โย โกจีติ? ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิสฺสาสิโก ¶ อภิณฺหํ อุปสงฺกมเนน. พฺยตฺโตติ วิสารโท, ตฺจสฺส เวยฺยตฺติยํ สุฏฺุ สิกฺขิตภาเวนาติ อาห ‘‘สุสิกฺขิโต’’ติ. มนุสฺเสสุ วิย หิ เทเวสุปิ โกจิเทว ปุริมชาติปริจเยน สุสิกฺขิโต โหติ, ตตฺราปิ โกจิเทว ยถาธิปฺเปตมตฺถํ วตฺตุํ สมตฺโถ ปริปุณฺณปทพฺยฺชนาย โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต. ‘‘มเหสกฺขา’’ติ อิมสฺส อตฺถวจนํ ‘‘อานุภาวสมฺปนฺนา’’ติ, มเหสกฺขาติ วา มหาปริวาราติ อตฺโถ. ปาณาติปาเต ¶ อาทีนวทสฺสเนเนว ตํ วิปริยายโต ตโต เวรมณิยํ อานิสํโส ปากโฏ โหตีติ ‘‘อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. เตสุ เสนาสเนสูติ ยานิ ‘‘อรฺวนปฺปตฺถานี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๓๔-๔๕) วุตฺตานิ ¶ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานภูตานิ อรฺายตนานิ, เตสุ ภิกฺขูหิ สยิตพฺพโต, อาสิตพฺพโต จ เสนาสนสฺิเตสุ. นิพทฺธวาสิโนติ รุกฺขปพฺพตปฏิพทฺเธสุ วิมาเนสุ นิจฺจวาสิตาย นิพทฺธวาสิโน. พทฺธตฺตาติ คาถาภาเวน คนฺถิตตฺตา สมฺพนฺธิตตฺตา.
‘‘อุคฺคณฺหาตุ ภนฺเต ภควา’’ติ อตฺตนา วุจฺจมานํ ปริตฺตํ ภควนฺตํ อุคฺคณฺหาเปตุกาโม เวสฺสวโณ อโวจาติ อธิปฺปาเยน โจทโก ‘‘กึ ปน ภควโต อปฺปจฺจกฺขธมฺโม นาม อตฺถี’’ติ โจเทสิ. อาจริโย สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารสฺส ภควโต น กิฺจิ อปฺปจฺจกฺขนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อุคฺคณฺหาตุ ภนฺเต ภควา’’ติ วทโต เวสฺสวณสฺส อธิปฺปายํ วิวรนฺโต ‘‘โอกาสกรณตฺถ’’นฺติอาทิมาห. ยถา หิ ปฺจสิโข คนฺธพฺพเทวปุตฺโต เทวานํ ตาวตึสานํ, พฺรหฺมุโน จ สนงฺกุมารสฺส สมฺมุขา อตฺตโน ยถาสุตํ ธมฺมํ ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ปเวเทติ, เอวมยมฺปิ มหาราชา อิตเรหิ สทฺธึ อาฏานาฏนคเร คาถาวเสน พนฺธิตํ ปริตฺตํ ภควโต ปเวเทตุํ โอกาสํ กาเรนฺโต ‘‘อุคฺคณฺหาตุ ภนฺเต ภควา’’ติ อาห, น นํ ตสฺส ปริยาปุณเน นิโยเชนฺโต. ตสฺมา อุคฺคณฺหาตูติ ยถิทํ ปริตฺตํ มยา ปเวทิตมตฺตเมว หุตฺวา จตุนฺนํ ปริสานํ จิรกาลํ หิตาวหํ โหติ, เอวํ อุทฺธํ อารกฺขาย คณฺหาตุ, สมฺปฏิจฺฉตูติ อตฺโถ. สตฺถุ กถิเตติ สตฺถุ อาโรจิเต, จตุนฺนํ ปริสานํ สตฺถุ กถเน วาติ อตฺโถ. สุขวิหารายาติ ¶ ยกฺขาทีหิ อวิหึสาย ลทฺธพฺพสุขวิหาราย.
๒๗๗. สตฺตปิ ¶ พุทฺธา จกฺขุมนฺโต ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมภาเว วิเสสาภาวโต. ตสฺมาติ ยสฺมา จกฺขุมภาโว วิย สพฺพภูตานุกมฺปิตาทโย สพฺเพปิ วิเสสา สตฺตนฺนมฺปิ พุทฺธานํ สาธารณา, ตสฺมา, คุณเนมิตฺตกาเนว วา ยสฺมา พุทฺธานํ นามานิ นาม, น ลิงฺคิกาวตฺถิกยาทิจฺฉกานิ, ตสฺมา พุทฺธานํ คุณวิเสสทีปนานิ ‘‘จกฺขุมนฺตสฺสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๒๗๗) วุตฺตานิ เอตานิ เอเกกสฺส สตฺต สตฺต นามานิ โหนฺติ. เตสํ นามานํ สาธารณภาวํ อตฺถวเสน โยเชตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺเพปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพภูตานุกมฺปิโนติ อนฺสาธารณมหากรุณาย สพฺพสตฺตานํ อนุกมฺปิกา. นฺหาตกิเลสตฺตาติ อฏฺงฺคิเกน อริยมคฺคชเลน สปรสนฺตาเนสุ นิรวเสสโต โธตกิเลสมลตฺตา. มารเสนาปมทฺทิโนติ สปริวาเร ปฺจปิ มาเร ปมทฺทิตวนฺโต. วุสิตวนฺโตติ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ, ทสวิธํ อริยวาสฺจ วุสิตวนฺโต. วุสิตวนฺตตาย เอว พาหิตปาปตา วุตฺตา โหตีติ ‘‘พฺราหฺมณสฺสา’’ติ ปทํ อนามฏฺํ. วิมุตฺตาติ อนฺสาธารณานํ ปฺจนฺนมฺปิ วิมุตฺตีนํ วเสน นิรวเสสโต มุตฺตา. องฺคโตติ สรีรงฺคโต, าณงฺคโต จ, ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณ- (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๕) อสีติอนุพฺยฺชเนหิ นิกฺขมนปฺปภา, พฺยามปฺปภา, เกตุมาลาอุณฺหีสปฺปภา ¶ จ สรีรงฺคโต นิกฺขมนกรสฺมิโย, ยมกมหาปาฏิหาริยาทีสุ อุปฺปชฺชนกปฺปภา าณงฺคโต นิกฺขมนกรสฺมิโย. น เอตาเนว ‘‘จกฺขุมา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๒๗๗) วุตฺตานิ สตฺต นามานิ, อถ โข อฺานิปิ พหูนิ อปริมิตานิ นามานิ. กถนฺติ อาห ‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ สคุเณน มเหสิโนติ วุตฺต’’นฺติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๓; ปฏิ. อฏฺ. ๗๖). เกน วุตฺตํ? ธมฺมเสนาปตินา.
ยทิ เอวํ กสฺมา เวสฺสวโณ เอตาเนว คณฺหีติ อาห ‘‘อตฺตโน ปากฏนามวเสนา’’ติ. ขีณาสวา ¶ ชนาติ อธิปฺเปตา. เต หิ กมฺมกิเลเสหิ ชาตาปิ เอวํ น ปุน ชายิสฺสนฺตีติ อิมินา อตฺเถน ชนา. ยถาห ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) เทสนาสีสมตฺตนฺติ นิทสฺสนมตฺตนฺติ อตฺโถ, อวยเวน วา สมุทายุปลกฺขณเมตํ. สติ จ ปิสุณวาจปฺปหาเน ¶ ผรุสวาจา ปหีนาว โหติ, ปเคว จ มุสาวาโทติ ‘‘อปิสุณา’’ อิจฺเจว วุตฺตา. มหตฺตาติ มหา อตฺตา สภาโว เอเตสนฺติ มหตฺตา. เตนาห ‘‘มหนฺตภาวํ ปตฺตา’’ติ. มหนฺตาติ วา มหา อนฺตา, ปรินิพฺพานปริโยสานาติ วุตฺตํ โหติ. มหนฺเตหิ วา สีลาทีหิ สมนฺนาคตา. อยํ ตาว อฏฺกถายํ อาคตนเยน อตฺโถ. อิตเรสํ ปน มเตน พุทฺธาทีหิ อริเยหิ มหนียโต ปูชนียโต มหํ นาม นิพฺพานํ, มหมนฺโต เอเตสนฺติ มหนฺตา, นิพฺพานทิฏฺาติ อตฺโถ. นิสฺสารทาติ สารชฺชรหิตา, นิพฺภยาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วิคตโลมหํสา’’ติ.
หิตนฺติ หิตจิตฺตํ, สตฺตานํ หิเตสีติ อตฺโถ. ยถาภูตํ วิปสฺสิสุนฺติ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ สมุทยาทิโต ยาถาวโต วิวิเธนากาเรน ปสฺสึสุ. ‘‘เย จาปี’’ติ ปุพฺเพ ปจฺจตฺตพหุวจเนน อนิยมโต วุตฺเต เตสมฺปีติ อตฺถํ สมฺปทานพหุวจนวเสน นิยเมตฺวา ‘‘นมตฺถู’’ติ จ ปทํ อาเนตฺวา โยเชติ ยํ ตํ-สทฺทานํ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธภาวโต. วิปสฺสึสุ นมสฺสนฺตีติ วา โยชนา. ปมคาถายาติ ‘‘เย จาปิ นิพฺพุตา โลเก’’ติ ¶ เอวํ วุตฺตคาถาย. ทุติยคาถายาติ ตทนฺตรคาถาย. ตตฺถ เทสนามุขมตฺตนฺติ อิตเรสมฺปิ พุทฺธานํ นามคฺคหเณ ปตฺเต อิมสฺเสว ภควโต นามคฺคหณํ ตถา เทสนาย มุขมตฺตํ, ตสฺมา เตปิ อตฺถโต คหิตา เอวาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อยมฺปิ หี’’ติอาทิ. ตตฺถ อยนฺติ อยํ คาถา. ปุริมโยชนายํ ตสฺสาติ วิเสสิตพฺพตาย อภาวโต ‘‘ยนฺติ นิปาตมตฺต’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ปน ‘‘ตสฺส นมตฺถู’’ติ เอวํ สมฺพนฺธสฺส จ อิจฺฉิตตฺตา ‘‘ย’’นฺติ นามปทํ อุปโยเคกวจนนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ นมสฺสนฺติ โคตม’’นฺติ อาห.
๒๗๘. ‘‘ยโต ¶ อุคฺคจฺฉติ สูริโย’’ติอาทิกํ กสฺมา อารทฺธํ? ยํ เย ยกฺขาทโย สตฺถุ ธมฺมอาณํ, อตฺตโน จ ราชาณํ นาทิยนฺติ, เตสํ ‘‘อิทฺจิทฺจ นิคฺคหํ กริสฺสามา’’ติ สาวนํ กาตุกามา ตตฺถ ตตฺถ ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ อตฺตโน อาณาย วตฺตานํ อตฺตโน ปุตฺตานํ, อฏฺวีสติยา ยกฺขเสนาปติอาทีนฺจ สตฺถริ ปสาทคารวพหุมานฺจ ปเวเทตฺวา นิคฺคหารหานํ สนฺตชฺชนตฺถํ อารทฺธํ. ตตฺถ ¶ ‘‘ยโต อุคฺคจฺฉตี’’ติอาทีสุ ‘‘ยโต านโต อุเทตี’’ติ วุจฺจติ, กุโต ปน านโต อุเทตีติ วุจฺจติ? ปุพฺพวิเทหวาสีนํ ตาว มชฺฌนฺหิกฏฺาเน ิโต ชมฺพุทีปวาสีนํ อุเทตีติ วุจฺจติ, อุตฺตรกุรุกานํ ปน โอคฺคจฺฉตีติ อิมินา นเยน เสสทีเปสุปิ สูริยสฺส อุคฺคจฺฉโนคฺคจฺฉนปริยาโย เวทิตพฺโพ. อยฺจ อตฺโถ เหฏฺา อคฺคฺสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๒๑) ปกาสิโต เอว. อทิติยา ปุตฺโตติ โลกสมุทาจารวเสน วุตฺตํ. โลกิยา หิ เทเว อทิติยา ปุตฺตา, อสุเร อติถิยา ปุตฺตาติ วทนฺติ. อาทิปฺปนโต ปน อาทิจฺโจ, เอกปฺปหาเรเนว ตีสุ ทีเปสุ อาโลกวิทํสเนน สมุชฺชลนโตติ อตฺโถ. มณฺฑลีติ เอตฺถ อี-กาโร ภุสตฺโถติ อาห ‘‘มหนฺตํ มณฺฑลํ อสฺสาติ มณฺฑลี’’ติ. มหนฺตํ หิสฺส วิมานมณฺฑลํ ปฺาสโยชนายามวิตฺถารโต. ‘‘สํวรีปิ ¶ นิรุชฺฌตี’’ติ อิมินาว ทิวโสปิ ชายตีติ อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. รตฺติ อนฺตรธายตีติ สิเนรุปจฺฉายาลกฺขณสฺส อนฺธการสฺส วิคจฺฉนโต.
อุทกรหโทติ ชลธิ. ‘‘ตสฺมึ าเน’’ติ อิทํ ปุรตฺถิมสมุทฺทสฺส อุปริภาเคน สูริยสฺส คมนํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตถา หิ ชมฺพุทีเป ิตานํ ปุรตฺถิมสมุทฺทโต สูริโย อุคฺคจฺฉนฺโต วิย อุปฏฺาติ. เตนาห ‘‘ยโต อุคฺคจฺฉติ สูริโย’’ติ. สมุทฺทนฏฺเน อตฺตนิ ปติตสฺส สมฺมเทว, สพฺพโส จ อุนฺทนฏฺเน กิเลทนฏฺเน สมุทฺโท. สมุทฺโท หิ กิเลทนฏฺโ รหโท. สาริโตทโกติ อเนกานิ โยชนสหสฺสานิ วิตฺถิณฺโณทโก, สริตา นทิโย อุทเก เอตสฺสาติ วา สริโตทโก.
สิเนรุปพฺพตราชา จกฺกวาฬสฺส เวมชฺเฌ ิโต, ตํ ปธานํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘อิโตติ สิเนรุโต’’ติ วตฺวา ตถา ปน ทิสาววตฺถานํ อนวฏฺิตนฺติ ‘‘เตสํ นิสินฺนฏฺานโต วา’’ติ วุตฺตํ. เตสนฺติ จตุนฺนํ มหาราชานํ. นิสินฺนฏฺานํ อาฏานาฏนครํ. ตตฺถ หิ นิสินฺนา เต อิมํ ปริตฺตํ พนฺธึสุ. เตสํ นิสินฺนฏฺานโตติ วา สตฺถุ สนฺติเก เตสํ นิสินฺนฏฺานโต. อุภยถาปิ สูริยสฺส อุทยฏฺานา ปุรตฺถิมา ทิสา นาม โหติ. ปุริมปกฺขํเยเวตฺถ วณฺเณนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิโต สา ปุริมา ทิสา’’ติ. สูริโย, ปน จนฺทนกฺขตฺตาทโย จ สิเนรุํ ทกฺขิณโต, จกฺกวาฬปพฺพตฺจ วามโต กตฺวา ปริวตฺเตนฺติ. ยตฺถ ¶ จ เนสํ อุคฺคมนํ ปฺายติ, สา ปุรตฺถิมา ¶ ทิสา. ยตฺถ โอกฺกมนํ ปฺายติ, สา ปจฺฉิมา ทิสา. ทกฺขิณปสฺเส ¶ อุตฺตรา ทิสา, วามปสฺเส ทกฺขิณา ทิสาติ จตุมหาทีปวาสีนํ ปจฺเจกํ สิเนรุ อุตฺตราทิสายเมว, ตสฺมา อนวฏฺิตา ทิสาววตฺถาติ อาห ‘‘อิติ นํ อาจิกฺขติ ชโน’’ติ. ยํ ทิสนฺติ ยํ ปุรตฺถิมทิสํ ยสสฺสีติ มหาปริวาโร. โกฏิสตสหสฺสปริมาณา หิ เทวตา อภิณฺหํ ปริวาเรนฺติ. จนฺทนนาครุกฺขาทีสุ โอสธิติณวนปฺปติสุคนฺธานํ อพฺพนโต, เตหิ ทิตฺตภาวูปคมนโต ‘‘คนฺธพฺพา’’ติ ลทฺธนามานํ จาตุมหาราชิกเทวานํ อธิปติ ภาวโต. เม สุตนฺติ เอตฺถ เมติ นิปาตมตฺตํ. สุตนฺติ วิสฺสุตนฺติ อตฺโถ. อยฺเหตฺถ โยชนา – ตสฺส ธตรฏฺมหาราชสฺส ปุตฺตาปิ พหโว. กิตฺตกา? อสีติ, ทส เอโก จ. เอกนามา. กถํ? อินฺทนามา. ‘‘มหปฺผลา’’ติ จ สุตํ วิสฺสุตเมตํ โลเกติ.
อาทิจฺโจ โคตมโคตฺโต, ภควาปิ โคตมโคตฺโต, อาทิจฺเจน สมานโคตฺตตาย อาทิจฺโจ พนฺธุ เอตสฺสาติปิ อาทิจฺจพนฺธุ, อาทิจฺจสฺส วา พนฺธูติ อาทิจฺจพนฺธุ, ตํ อาทิจฺจพนฺธุนํ. อนวชฺเชนาติ อวชฺชปฏิปกฺเขน พฺรหฺมวิหาเรน. สเมกฺขสิ โอธิโส, อโนธิโส จ ผรเณน โอโลเกสิอาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิวิภาคาวโพธวเสน. วตฺวา วนฺทนฺตีติ ‘‘โลกสฺส อนุกมฺปโก’’ติ กิตฺเตตฺวา วนฺทนฺติ. สุตํ เนตนฺติ สุตํ นนูติ เอตสฺมึ อตฺเถ นุ-สทฺโท. อฏฺกถายํ ปน โนกาโรยนฺติ อธิปฺปาเยน อมฺเหหีติ อตฺโถ วุตฺโต. เอตนฺติ เอตํ ตถา ปริกิตฺเตตฺวา อมนุสฺสานํ เทวตานํ วนฺทนํ. วทนฺติ ธตรฏฺมหาราชสฺส ปุตฺตา.
๒๗๙. เยน ¶ เปตา ปวุจฺจนฺตีติ เอตฺถ วจนเสเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ, น ยถารุตวเสเนวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เยน ทิสาภาเคน นีหรียนฺตูติ วุจฺจนฺตี’’ติ อาห. ฑยฺหนฺตุ วาติ เปเต สนฺธาย วทติ. ฉิชฺชนฺตุ วา หตฺถปาทาทิเก ปิสุณา ปิฏฺิมํสิกา. หฺนฺตุ ปาณาติปาติโนติอาทิกา. ปวุจฺจนฺตีติ วา สมุจฺจนฺติ, ‘‘อลํ เตส’’นฺติ สมาจินียนฺตีติ อตฺโถ. เอวฺหิ วจนเสเสน วินา เอว อตฺโถ สิทฺโธ โหติ. รหสฺสงฺคนฺติ พีชํ สนฺธาย วทติ.
๒๘๐. ยสฺมึ ทิสาภาเค สูริโย อตฺถํ คจฺฉตีติ เอตฺถ ‘‘ยโต านโต อุเทตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๒๘๑. เยน ¶ ทิสาภาเคน อุตฺตรกุรุ รมฺโม อวฏฺิโต, อิโต สา อุตฺตรา ทิสาติ โยชนา ¶ . มหาเนรูติ มหนฺโต, มหนีโย จ เนรุสงฺขาโต ปพฺพโต. เตนาห ‘‘มหาสิเนรุ ปพฺพตราชา’’ติ. รชตมยํ. ตถา หิ ตสฺส ปภาย อชฺโฌตฺถตํ ตสฺสํ ทิสายํ สมุทฺโททกํ ขีรํ วิย ปฺายติ. มณิมยนฺติ อินฺทนีลมยํ. ตถา หิ ทกฺขิณทิสาย สมุทฺโททกํ เยภุยฺเยน นีลวณฺณํ หุตฺวา ปฺายติ, ตถา อากาสํ. มนุสฺสา ชายนฺติ. กถํ ชายนฺติ? อมมา อปริคฺคหาติ โยชนา. มมตฺตวิรหิตาติ ‘‘อิทํ มม อิทํ มมา’’ติ มมงฺการวิรหิตาติ อธิปฺปาโย. ยทิ เตสํ ‘‘อยํ มยฺหํ ภริยา’’ติ ปริคฺคโห นตฺถิ, ‘‘อยํ เม มาตา, อยํ ภคินี’’ติ เอวรูปา อิธ วิย มริยาทาปิ น สิยา มาตุอาทิภาวสฺส อชานนโตติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘มาตรํ วา’’ติอาทิ. ฉนฺทราโค นุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ‘‘ธมฺมตาสิทฺธสฺส สีลสฺส อานุภาเวน ปุตฺเต ¶ ทิฏฺมตฺเต เอว มาตุ ถนโต ถฺํ ปคฺฆรติ, เตน สฺาเณน เนสํ มาตริ ปุตฺตสฺส มาตุสฺา, มาตุ จ ปุตฺเต ปุตฺตสฺา ปจฺจุปฏฺิตา’’ติ เกจิ.
นงฺคลาติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘นงฺคลานิปี’’ติ. อกฏฺเติ อกสิเต อกตกสิกมฺเม.
ตณฺฑุลาว ตสฺส ผลนฺติ สตฺตานํ ปฺุานุภาวเหตุกา ถุสาทิอภาเวน ตณฺฑุลา เอว ตสฺส สาลิสฺส ผลํ. ตุณฺฑิกิรนฺติ ปจนภาชนสฺส นามนฺติ วุตฺตํ ‘‘อุกฺขลิย’’นฺติ. อากิริตฺวาติ ตณฺฑุลานิ ปกฺขิปิตฺวา. นิทฺธูมงฺคาเรนาติ ธูมงฺคารรหิเตน เกวเลน อคฺคินา. โชติกปาสาณโต อคฺคิมฺหิ อุฏฺหนฺเต กุโต ธูมงฺคารานํ สมฺภโว. โภชนนฺติ โอทนเมวาธิปฺเปตนฺติ ‘‘โภชนเมวา’’ติ อวธารณํ กตฺวา เตน นิวตฺเตตพฺพํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อฺโ สูโป วา พฺยฺชนํ วา น โหตี’’ติ อาห. ยทิ เอวํ รสวิเสสยุตฺโต เตสํ อาหาโร น โหตีติ? โนติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภฺุชนฺตานํ…เป… รโส โหตี’’ติ อาห. มจฺฉริยจิตฺตํ นาม น โหตีติ ธมฺมตาสิทฺธสฺส สีลสฺส อานุภาเวน. ตถา หิ เต กตฺถจิปิ อมมา ปริคฺคหาว หุตฺวา วสนฺติ.
อปิจ ¶ ตตฺถ อุตฺตรกุรุกานํ ปฺุานุภาวสิทฺโธ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ – ตตฺถ กิร เตสุ เตสุ ปเทเสสุ ฆนจิตปตฺตสฺฉนฺนสาขาปสาขา กูฏาคารูปมา มโนรมา รุกฺขา เตสํ มนุสฺสานํ นิเวสนกิจฺจํ สาเธนฺติ, ยตฺถ สุขํ นิวสนฺติ, อฺเปิ ตตฺถ รุกฺขา สุชาตา สพฺพทาปิ ปุปฺผิตคฺคา ติฏฺนฺติ, ชลาสยาปิ วิกสิตกมลกุวลยปุณฺฑรีกโสคนฺธิกาทิปุปฺผสฺฉนฺนา สพฺพกาลํ ปรมสุคนฺธํ สมนฺตโต ปวายนฺตา ¶ ติฏฺนฺติ. สรีรมฺปิ เตสํ อติทีฆตาทิโทสรหิตํ อาโรหปริณาหสมฺปนฺนํ ชราย อนภิภูตตฺตา วลิปลิตาทิโทสรหิตํ ยาวตายุกํ อปริกฺขีณชวพลปรกฺกมโสภเมว หุตฺวา ติฏฺติ. อนุฏฺานผลูปชีวิตาย น จ ¶ เนสํ กสิวาณิชฺชาทิวเสน, อาหารปริเยฏฺิวเสน ทุกฺขํ อตฺถิ, ตโต เอว น ทาสทาสิกมฺมกราทิปริคฺคโห อตฺถิ, น จ ตตฺถ สีตุณฺหฑํสมกสวาตาตปสรีสปวาฬาทิปริสฺสโย อตฺถิ. ยถา นาเมตฺถ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺจูสเวลายํ สมสีตุณฺหอุตุ โหติ, เอวเมว สพฺพกาลํ สมสีตุณฺโหว อุตุ โหติ, น จ เตสํ โกจิ อุปฆาโต, วิเหสา วา อุปฺปชฺชติ. อกฏฺปากิมเมว สาลึ อกณํ อถุสํ สุคนฺธํ ตณฺฑุลผลํ ปริภฺุชนฺตานํ เนสํ กุฏฺํ, คณฺโฑ, กิลาโส, โสโส, กาโส, สาโส, อปมาโร, ชโรติ เอวมาทิโก น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ. น เต ขุชฺชา วา วามนกา วา กาณา วา กุณี วา ขฺชา วา ปกฺขหตา วา วิกลงฺคา วา วิกลินฺทฺริยา วา โหนฺติ. อิตฺถิโยปิ ตตฺถ นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬา นาจฺโจทาตา โสภคฺคปฺปตฺตรูปา โหนฺติ. ตถา หิ ทีฆงฺคุลี ตมฺพนขี ลมฺพตฺถนา ตนุมชฺฌา ปุณฺณจนฺทมุขี วิสาลกฺขี มุทุคตฺตา สํหิตูรู โอทาตทนฺตา คมฺภีรนาภี ตนุชงฺฆา ทีฆนีลเวลฺลิตเกสี ปุถุลสุโสณี นาติโลมานาโลมา สุภคา อุตุสุขสมฺผสฺสา สณฺหา สขิลสมฺภาสา นานาภรณวิภูสิตา วิจรนฺติ. สพฺพทา หิ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหนฺติ. ปุริสา จ ปฺจวีสติวสฺสุทฺเทสิกา วิย, น ปุตฺตทาเรสุ รชฺชนฺติ. อยํ ตตฺถ ธมฺมตา.
สตฺตาหิกเมว จ ตตฺถ อิตฺถิปุริสา กามรติยา วิหรนฺติ, ตโต วีตราคา ยถาสกํ คจฺฉนฺติ. น ตตฺถ อิธ วิย คพฺโภกฺกนฺติมูลกํ, คพฺภปริหรณมูลกํ ¶ , วิชายนมูลกํ วา ทุกฺขํ โหติ. รตฺตกฺจุกโต กฺจนปฏิมา ¶ วิย ทารกา มาตุกุจฺฉิโต อมกฺขิตา เอว เสมฺหาทินา สุเขเนว นิกฺขมนฺติ, อยํ ตตฺถ ธมฺมตา.
มาตา ปน ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา วิชายิตฺวา เตสํ วิจรณปฺปเทเส เปตฺวา อนเปกฺขา ยถารุจิ คจฺฉติ. เตสํ ตตฺถ สยิตานํ เย ปสฺสนฺติ ปุริสา, อิตฺถิโย วา, เต อตฺตโน องฺคุลิโย อุปนาเมนฺติ, เตสํ กมฺมพเลน ตโต ขีรํ ปวตฺตติ, เตน ทารกา ยาเปนฺติ. เอวํ ปน วฑฺฒนฺตา กติปยทิวเสเหว ลทฺธพลา หุตฺวา ทาริกา อิตฺถิโย อุปคจฺฉนฺติ, ทารกา ปุริเส. กปฺปรุกฺขโต เอว จ เตสํ ตตฺถ ตตฺถ วตฺถาภรณานิ นิปฺปชฺชนฺติ. นานาวิราควณฺณวิจิตฺตานิ หิ สุขุมานิ มุทุสุขสมฺผสฺสานิ วตฺถานิ ตตฺถ ตตฺถ กปฺปรุกฺเขสุ โอลมฺพนฺตานิ อิฏฺนฺติ. นานาวิธรํสิชาลสมุชฺชลวิวิธวณฺณรตนวินทฺธานิ อเนกวิธมาลากมฺมลตากมฺมภิตฺติกมฺมวิจิตฺตานิ สีสูปคคีวูปคหตฺถูปคกฏูปคปาทูปคานิ โสวณฺณมยานิ อาภรณานิ จ กปฺปรุกฺขโต โอลมฺพนฺติ. ตถา วีณามุทิงฺคปณวสมฺมตาฬสงฺขวํสเวตาฬปริวานิวลฺลกีปภุติกา ตูริยภณฺฑาปิ ตโต ตโต โอลมฺพนฺติ. ตตฺถ จ พหู ผลรุกฺขา กุมฺภมตฺตานิ ¶ ผลานิ ผลนฺติ มธุรรสานิ, ยานิ ปริภฺุชิตฺวา เต สตฺตาหมฺปิ ขุปฺปิปาสาหิ น พาธียนฺติ. นชฺโชปิ ตตฺถ สุวิสุทฺธชลา สุปติตฺถา รมณียา อกทฺทมา วาลุกตลา นาติสีตา นาจฺจุณฺหา สุรภิคนฺธีหิ ชลชปุปฺเผหิ สฺฉนฺนา สพฺพกาลํ สุรภึ วายนฺติโย สนฺทนฺติ. น ตตฺถ กณฺฏกติณกกฺขฬคจฺฉลตา โหนฺติ, อกณฺฏกา ปุปฺผผลสมฺปนฺนา เอว โหนฺติ. จนฺทนนาครุกฺขา สยเมว รสํ ปคฺฆรนฺติ ¶ . นฺหายิตุกามา จ นทีติตฺเถ เอกชฺฌํ วตฺถาภรณานิ เปตฺวา นทึ โอตริตฺวา นฺหตฺวา อุตฺติณฺณุตฺติณฺณา อุปริฏฺิมํ วตฺถาภรณํ คณฺหนฺติ, น เตสํ เอวํ โหติ ‘‘อิทํ มม, อิทํ ปรสฺสา’’ติ, ตโต เอว น เตสํ โกจิ วิคฺคโห วา วิวาโท วา. สตฺตาหิกา เอว จ เนสํ กามรติกีฬา โหติ, ตโต วีตราคา วิย วิจรนฺติ. ยตฺถ จ รุกฺเข สยิตุกามา โหนฺติ, ตตฺเถว สยนํ อุปลภนฺติ. มเต จ สตฺเต ทิสฺวา น โรทนฺติ, น โสจนฺติ, ตฺจ มณฺฑยิตฺวา นิกฺขิปนฺติ. ตาวเทว จ เนสํ ตถารูปา สกุณา อุปคนฺตฺวา มตํ ทีปนฺตรํ เนนฺติ. ตสฺมา สุสานํ วา อสุจิฏฺานํ วา ตตฺถ นตฺถิ. น จ ตโต มตา นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนึ วา เปตฺติวิสยํ วา อุปปชฺชนฺติ. ‘‘ธมฺมตาสิทฺธสฺส ปฺจสีลสฺส อานุภาเวน เต ¶ เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ วทนฺติ. วสฺสสหสฺสเมว จ เนสํ สพฺพกาลํ อายุปฺปมาณํ. สพฺพเมตํ เตสํ ปฺจสีลํ วิย ธมฺมตาสิทฺธํ เอวาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อุตฺตรกุรุทีเป.
เอกขุรํ กตฺวาติ อเนกสผมฺปิ เอกสผํ วิย กตฺวา, อสฺสํ วิย กตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘คาวิ’’นฺติ วตฺวา ปุน ‘‘ปสุ’’นฺติ วุตฺตตฺตา คาวิโต อิตโร สพฺโพ จตุปฺปโท อิธ ‘‘ปสู’’ติ อธิปฺเปโตติ อาห ‘‘เปตฺวา คาวิ’’นฺติ.
ตสฺสาติ คพฺภินิตฺถิยา. ปิฏฺิ โอนมิตุํ สหตีติ กุจฺฉิยา ครุภารตาย เตสํ อารุฬฺหกาเล ปิฏฺิ โอนมติ, เตสํ นิสชฺชํ สหติ ปลฺลงฺเก นิสินฺนา วิย โหนฺติ. สมฺมาทิฏฺิเกติ กมฺมปถสมฺมาทิฏฺิยา สมฺมาทิฏฺิเก. เอตฺถาติ ชมฺพุทีเป. เอตฺถ หิ ชนปทโวหาโร, น อุตฺตรกุรุมฺหิ. ตถา หิ ‘‘ปจฺจนฺติมมิลกฺขุวาสิเก’’ติ จ วุตฺตํ.
ตสฺส รฺโติ เวสฺสวณมหาราชสฺส. อิติ โส อตฺตานเมว ปรํ วิย กตฺวา วทติ. เอเสว นโย ปรโตปิ. พหุวิธํ ¶ นานารตนวิจิตฺตํ นานาสณฺานํ รถาทิ ทิพฺพยานํ อุปฏฺิตเมว โหติ สุทนฺตวาหนยุตฺตํ, น เนสํ ยานานํ อุปฏฺาปเน อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิตพฺพํ อตฺถิ. เอตานีติ หตฺถิยานาทีนิ. เนสนฺติ เวสฺสวณปริจาริกานํ. กปฺปิตานิ หุตฺวา อุฏฺิตานิ อารุหิตุํ อุปกปฺปนยานานิ. นิปนฺนาปิ นิสินฺนาปิ วิจรนฺติ จนฺทิมสูริยา วิย ยถาสกํ วิมาเนสุ.
นครา ¶ อหูติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘นครานิ ภวึสูติ อตฺโถ’’ติ. อาฏานาฏา นามาติ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามํ นครํ อาสิ.
ตสฺมึ ตฺวาติ ตสฺมึ ปเทเส ปรกุสิฏนาฏานามเก นคเร ตฺวา. ตโต อุชุํ อุตฺตรทิสายํ. เอตสฺสาติ กสิวนฺตนครสฺส. อปรภาเค อปรโกฏฺาเส, ปรโต อิจฺเจว อตฺโถ.
กุเวโรติ ตสฺส ปุริมชาติสมุทาคตํ นามนฺติ เตเนว ปสงฺเคน เยนายํ สมฺปตฺติ อธิคตา, ตทสฺส ปุพฺพกมฺมํ อาจิกฺขิตุํ ‘‘อยํ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุจฺฉุวปฺปนฺติ อุจฺฉุสสฺสํ. อวเสสสาลาหีติ อวเสสยนฺตสาลาหิ, นิสฺสกฺกวจนฺเจตํ. ตตฺเถวาติ ปฺุตฺถํ ทินฺนสาลายเมว.
ปฏิเอสนฺโตติ ¶ ปติ ปติ อตฺเถ เอสนฺโต วีมํสนฺโต. น เกวลํ เต วีมํสนฺติ เอว, อถ โข ตมตฺถํ ปติฏฺาเปนฺตีติ อาห ‘‘วิสุํ วิสุํ อตฺเถ อุปปริกฺขมานา อนุสาสมานา’’ติ. ยกฺขรฏฺิกาติ ยกฺขรฏฺาธิปติโน. ยกฺขา จ เวสฺสวณสฺส รฺโ นิเวสนทฺวาเร นิยุตฺตา จาติ ยกฺขโทวาริกา, เตสํ ยกฺขโทวาริกานํ.
ยสฺมา ธรณีโปรกฺขณิโต ปุราโณทกํ ภสฺสยนฺตํ เหฏฺา วุฏฺิ หุตฺวา นิกฺขมติ, ตสฺมา ตํ ตโต คเหตฺวา เมเฆหิ ปวุฏฺํ วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ยโต โปกฺขรณิโต อุทกํ คเหตฺวา เมฆา ปวสฺสนฺตี’’ติ. ยโตติ ยโต ธรณีโปกฺขรณิโต. สภาติ ¶ ยกฺขานํ อุปฏฺานสภา.
ตสฺมึ าเนติ ตสฺสา โปกฺขรณิยา ตีเร ยกฺขานํ วสนวเน. สทา ผลิตาติ นิจฺจกาลํ สฺชาตผลา. นิจฺจปุปฺผิตาติ นิจฺจํ สฺชาตปุปฺผา. นานาทิชคณายุตาติ นานาวิเธหิ ทิชคเณหิ ยุตฺตา. เตหิ ปน สกุณสงฺเฆหิ อิโต จิโต จ สมฺปตนฺเตหิ ปริพฺภมนฺเตหิ ยสฺมา สา โปกฺขรณี อากุลา วิย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘วิวิธปกฺขิสงฺฆสมากุลา’’ติ. โกฺจสกุเณหีติ สารสสกุนฺเตหิ.
‘‘เอวํ วิรวนฺตาน’’นฺติ อิมินา ตถา วสฺสิตวเสน ‘‘ชีวฺชีวกา’’ติ อยํ เตสํ สมฺาติ ทสฺเสติ. อุฏฺวจิตฺตกาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘เอวํ วสฺสมานา’’ติ. โปกฺขรสาตกาติ โปกฺขรสณฺานตาย ‘‘โปกฺขรสาตกา’’ติ เอวํ ลทฺธนามา.
สพฺพกาลํ ¶ โสภตีติ สพฺพอุตูสุ โสภติ, น ตสฺสา เหมนฺตาทิวเสน โสภาวิรโต อตฺถิ. เอวํภูตา จ นิจฺจํ ปุปฺผิตชลชถลชปุปฺผตาย, ผลภารภริตรุกฺขปริวาริตตาย, อฏฺงฺคสมนฺนาคตสลิลตาย จ นิรนฺตรํ โสภติ.
๒๘๒. ปริกมฺมนฺติ ปุพฺพุปจารํ. ปริโสเธตฺวาติ เอกกฺขรสฺสาปิ อวิราธนวเสน อาจริยสนฺติเก สพฺพํ โสเธตฺวา. สุฏฺุ อุคฺคหิตาติ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนาย โปริยา วาจาย วิสฺสฏฺาย อเนลคฬาย อตฺถสฺส วิฺาปนียา สมฺมเทว อุคฺคหิตา. ตถา หิ ‘‘อตฺถฺจ พฺยฺชนฺจ ปริโสเธตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อตฺถํ ชานโต เอว หิ พฺยฺชนํ ปริสุชฺฌติ, โน อชานโต. ปทพฺยฺชนานีติ ปทฺเจว พฺยฺชนฺจ อหาเปตฺวา. เอวฺหิ ปริปุณฺณา นาม ¶ โหตีติ. วิสํวาเทตฺวาติ อฺถา กตฺวา. เตชวนฺตํ น โหติ วิรชฺฌนโต เจว วิมฺหยตฺถภาวโต ¶ จ. สพฺพโสติ อนวเสสโต อาทิมชฺฌปริโยสานโต. เตชวนฺตํ โหตีติ สภาวนิรุตฺตึ อวิราเธตฺวา สุปฺปวตฺติภาเวน สาธนโต. เอวํ ปโยควิปตฺตึ ปหาย ปโยคสมฺปตฺติยา สติ ปริตฺตสฺส อตฺถสาธกตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อชฺฌาสยวิปตฺตึ ปหาย อชฺฌาสยสมฺปตฺติยา อตฺถสาธกตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ลาภเหตู’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิทํ ปริตฺตภณนํ สตฺตานํ อนตฺถปฏิพาหนเหตูติ ตสฺส าณกรุณาปุพฺพกตา นิสฺสรณปกฺโข. เมตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวาติ เมตฺตามนสิกาเรน สตฺเตสุ หิตผรณํ ปุรกฺขตฺวา.
‘‘วตฺถุํ วา’’ติอาทิ ปุพฺเพ จตุปริสมชฺเฌ กตาย สาธนาย ภควโต ปเวทนํ. ฆรวตฺถุนฺติ วสนเคหํ. นิพทฺธวาสนฺติ ปรเคเหปิ เนวาสิกภาเวน วาสํ น ลเภยฺย, ยํ ปน มหาราชานํ, ยกฺขเสนาปตีนฺจ อชานนฺตานํเยว กทาจิ วสิตฺวา คมนํ, ตํ อปฺปมาณนฺติ อธิปฺปาโย. สมิตินฺติ ยกฺขาทิสมาคมํ. กามํ ปาฬิยํ ‘‘น เม โส’’ติ อาคตํ, อิตเรสมฺปิ ปน มหาราชานมตฺตนา เอกชฺฌาสยตาย เตสมฺปิ อชฺฌาสยํ หทเย เปตฺวา เวสฺสวโณ ตถา อโวจ. กฺํ อนุ อนุ วหิตุํ อยุตฺโต อนาวยฺโห, สพฺพกาลํ กฺํ ลทฺธุํ อยุตฺโตติ อตฺโถ, ตํ อนาวยฺหํ. เตนาห ‘‘น อาวาหยุตฺต’’นฺติ. น วิวยฺหนฺติ อวิวยฺหํ, กฺํ คเหตุมยุตฺตนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น วิวาหยุตฺต’’นฺติ. อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโว. อตฺตา ¶ วิสยภูโต เอตาสํ อตฺถีติ อตฺตา, ปริภาสา, ตาหิ. ปริยตฺตํ กตฺวา วจเนน ปริปุณฺณาหิ. ยถา ยกฺขา อกฺโกสิตพฺพา, เอวํ ปวตฺตา อกฺโกสา ยกฺขอกฺโกสา นาม, เตหิ. เต ปน ‘‘กฬารกฺขิ กฬารทนฺตา กาฬวณฺณา’’ติ เอวํ อาทโย.
วิรุทฺธาติ ¶ วิรุชฺฌนกา ปเรหิ วิโรธิโน. รภสาติ สารมฺภกาติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘กรณุตฺตริยา’’ติ. รภสาติ วา สาหสิกา. สามิโน มนโส อสฺสวาติ มนสฺสา, กิงฺกรา. เย หิ ‘‘กึ กโรมิ ภทฺทนฺเต’’ติ สามิกสฺส วเส วตฺตนฺติ, เต เอวํ วุจฺจนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยกฺขเสนาปตีนํ เย มนสฺสา, เตส’’นฺติ. อาณาย อวโรธิตุปจารา อวรุทฺธา, เต ปน อาณาวโต ปจฺจตฺถิกา นาม โหนฺตีติ ‘‘ปจฺจามิตฺตา เวริโน’’ติ วุตฺตํ. อุชฺฌาเปตพฺพนฺติ เหฏฺา กตฺวา จินฺตาเปตพฺพํ, ตํ ¶ ปน อุชฺฌาปนํ เตสํ นีจกิริยาย ชานาปนํ โหตีติ อาห ‘‘ชานาเปตพฺพา’’ติ.
ปริตฺตปริกมฺมกถาวณฺณนา
ปริตฺตสฺส ปริกมฺมํ กเถตพฺพนฺติ อาฏานาฏิยปริตฺตสฺส ปริกมฺมํ ปุพฺพุปจารฏฺานิยํ เมตฺตสุตฺตาทิ กเถตพฺพํ. เอวฺหิ ตํ ลทฺธาเสวนํ หุตฺวา เตชวนฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ปมเมว หี’’ติอาทิ. ปิฏฺํ วา มํสํ วาติ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, เตน มจฺฉฆตสูปาทึ สงฺคณฺหาติ. โอตารํ ลภนฺติ อตฺตนา ปิยายิตพฺพอาหารวเสน ปิยายิตพฺพฏฺานวเสน จ. ‘‘ปริตฺต…เป… นิสีทิตพฺพ’’นฺติ อิมินาว ปริตฺตการกสฺส ภิกฺขุโน ปริสุทฺธิปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสติ.
‘‘ปริตฺตการโก…เป… สมฺปริวาริเตนา’’ติ อิทํ ปริตฺตกรเณ พาหิรรกฺขาสํวิธานํ. ‘‘เมตฺตจิตฺตํ …เป… กาตพฺพ’’นฺติ อิทํ อพฺภนฺตรรกฺขา อุภยโต ¶ รกฺขาสํวิธานํ. เอวฺหิ อมนุสฺสา ปริตฺตกรณสฺส อนฺตรายํ กาตุํ น วิสหนฺติ. มงฺคลกถา วตฺตพฺพา ปุพฺพุปจารวเสน. สพฺพสนฺนิปาโตติ ตสฺมึ วิหาเร, ตสฺมึ วา คามเขตฺเต สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ สนฺนิปาโต. โฆเสตพฺโพ,‘‘เจติยงฺคเณ สพฺเพหิ สนฺนิปติตพฺพ’’นฺติ. อนาคนฺตุํ นาม น ลพฺภติ อมนุสฺเสน พุทฺธาณาภเยน, ราชาณาภเยน จ. คหิตกาปเทเสน อมนุสฺโสว ปุจฺฉิโต โหตีติ อาห ‘‘อมนุสฺสคฺคหิตโก ‘ตฺวํ โก นามา’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ. มาลาคนฺธาทีสุ ปูชนตฺถํ วินิยฺุชิยมาเนสุ. ปตฺตีติ ตุยฺหํ ปตฺติทานํ. ปิณฺฑปาเต ปตฺตีติ ปิณฺฑปาเต ทิยฺยมาเน ปตฺติทานํ. เทวตานนฺติ ยกฺขเสนาปตีนํ. ปริตฺตํ ภณิตพฺพนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘เมตฺตจิตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา’’ติ จ ‘‘มงฺคลกถา วตฺตพฺพา’’ติ จ ‘‘วิหารสฺส อุปวเน’’ติ เอวมาทิ จ สพฺพํ คิหีนํ ปริตฺตกรเณ วุตฺตํ ปริกมฺมํ กาตพฺพเมว.
สรีเร อธิมุจฺจตีติ สรีรํ อนุปวิสิตฺวา วิย อาวิสนฺโต ยถา คหิตกสฺส วเสน น วตฺตติ, อตฺตโน เอว วเสน วตฺตติ, เอวํ อธิมุจฺจติ อธิฏฺหิตฺวา ติฏฺติ. เตนาห ‘‘อาวิสตีติ ¶ ตสฺเสว เววจน’’นฺติ. ลคฺคตีติ ตตฺเถว ลคฺโค อลฺลีโน โหติ. เตนาห ‘‘น อเปตี’’ติ. โรคํ ¶ วฑฺเฒนฺโตติ ธาตูนํ สมภาเวน วตฺติตุํ อปฺปทานวเสน อุปฺปนฺนํ โรคํ วฑฺเฒนฺโต. ธาตูนํ วิสมภาวาปตฺติยา จ อาหารสฺส จ อรุจฺจเนน คหิตกสฺส สรีเร โลหิตํ สุสฺสติ, มํสํ มิลายติ, ตํ ปนสฺส ยกฺโข ธาตุกฺโขภนิมิตฺตตาย กโรนฺโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อปฺปมํสโลหิตํ กโรนฺโต’’ติ.
๒๘๓. เตสํ นามานิ อินฺทาทินามภาเวน โวหริตพฺพโต. ตโตติ ¶ ตโต อาโรจนโต ปรํ. เตติ ยกฺขเสนาปตโย. โอกาโส น ภวิสฺสตีติ ภิกฺขุภิกฺขุนิโย, อุปาสกอุปาสิกาโย วิเหเตุํ อวสโร น ภวิสฺสติ สมฺมเทว อารกฺขาย วิหิตตฺตาติ.
อาฏานาฏิยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
๑๐. สงฺคีติสุตฺตวณฺณนา
๒๙๖. ทสสหสฺสจกฺกวาเฬติ ¶ ¶ ¶ พุทฺธเขตฺตภูเต ทสสหสฺสปริมาเณ จกฺกวาเฬ. ตตฺถ หิ อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ เทวมนุสฺสาเยว กตาธิการา, อิตเรสุ เทวา วิเสสภาคิโน. เตน วุตฺตํ ‘‘ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ าณชาลํ ปตฺถริตฺวา’’ติ. าณชาลปตฺถรณนฺติ จ เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนวเสน าณสฺส ปวตฺตนเมว. เตนาห ‘‘โลกํ โวโลกยมาโน’’ติ, สตฺตโลกํ พฺยวโลกยมาโน อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิเก วิเสสโต โอคาเหตฺวา ปสฺสนฺโตติ อตฺโถ. มงฺคลํ ภณาเปสฺสนฺติ ‘‘ตํ เตสํ อายตึ วิเสสาธิคมสฺส วิชฺชาฏฺานํ หุตฺวา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสา’’ติ. ตีหิ ปิฏเกหิ สมฺมสิตฺวาติ ติปิฏกโต เอกกทุกาทินา สงฺคเหตพฺพสฺส สงฺคณฺหนวเสน สมฺมสิตฺวา วีมํสิตฺวา. าตุํ อิจฺฉิตา อตฺถา ปฺหา, เต ปน อิมสฺมึ สุตฺเต เอกกาทิวเสน อาคตา สหสฺสํ, จุทฺทส จาติ อาห ‘‘จุทฺทสปฺหาธิเกน ปฺหสหสฺเสน ปฏิมณฺเฑตฺวา’’ติ. เอวมิธ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺสิเต ปฺเห ปรโต สุตฺตปริโยสาเน ‘‘เอกกวเสน ทฺเว ปฺหา กถิตา’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๔๙) วิภาเคน ปริคเณตฺวา สยเมว ทสฺเสสฺสติ.
อุพฺภตกนวสนฺธาคารวณฺณนา
๒๙๗. อุจฺจาธิฏฺานตาย ตํ สนฺธาคารํ ภูมิโต อุพฺภตํ วิยาติ ‘‘อุพฺภตก’’นฺติ นามํ ลภติ. เตนาห ‘‘อุจฺจตฺตา วา เอวํ วุตฺต’’นฺติ. สนฺธาคารสาลาติ เอกา มหาสาลา. อุยฺโยคกรณาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ตฺวา ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉา’’ติอาทินา ตตฺถ นิสีทิตฺวา สนฺธํ กโรนฺติ มริยาทํ ¶ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ านํ ‘‘สนฺธาคาร’’นฺติ วุจฺจติ. อุยฺโยคฏฺานโต จ อาคนฺตฺวา ยาว เคหํ โคมยปริภณฺฑาทิวเสน ปฏิชคฺคนํ กโรนฺติ, ตาว เอกํ ทฺเว ทิวเส เต ราชาโน ตตฺถ สนฺถมฺภนฺตีติปิ สนฺธาคารํ, เตสํ ราชูนํ สห อตฺถานุสาสนอคารนฺติปิ สนฺธาคารนฺติ. ยสฺมา วา เต ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ¶ กาเล กสิตุํ วฏฺฏติ, อิมสฺมึ กาเลวปิตุ’’นฺติอาทินา ฆราวาสกิจฺจํ สนฺธรนฺติ, ตสฺมา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ ฆราวาสํ ¶ ตตฺถ สนฺธรนฺตีติปิ สนฺธาคารํ, สา เอว สาลาติ สนฺธาคารสาลา. เทวตาติ ฆรเทวตา. นิวาสวเสน อนชฺฌาวุตฺถตฺตา ‘‘เกนจิ วา มนุสฺสภูเตนา’’ติ วุตฺตํ. กมฺมกรณวเสน ปน มนุสฺสา ตตฺถ นิสชฺชาทีนิ กปฺเปสุเมว. ‘‘สยเมว ปน สตฺถุ อิธาคมนํ อมฺหากํ ปฺุวเสเนว, อโห มยํ ปฺุวนฺโต’’ติ หฏฺตุฏฺา เอวํ สมฺมา จินฺเตสุนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อมฺเหหี’’ติอาทิมาห.
๒๙๘. อฏฺฏกาติ จิตฺตกมฺมกรณตฺถํ พทฺธา มฺจกา. มุตฺตมตฺตาติ ตาวเทว สนฺธาคาเร นวกมฺมสฺส นิฏฺาปิตภาวมาห, เตน‘‘อจิรการิต’’นฺติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวติ. อรฺํ อาราโม อารมิตพฺพฏฺานํ เอเตสนฺติ อรฺารามา. สนฺถรณํ สนฺถริ, สพฺโพ สกโล สนฺถริ เอตฺถาติ สพฺพสนฺถริ, ภาวนปุํสกนิทฺเทโสยํ. เตนาห ‘‘ยถา สพฺพํ สนฺถตํ โหติ, เอว’’นฺติ.
๒๙๙. สมนฺตปาสาทิโกติ สมนฺตโต สพฺพภาเคน ปสาทาวโห ¶ จาตุริยโส. ‘‘อสีติหตฺถํ านํ คณฺหาตี’’ติ อิทํ พุทฺธานํ กายปฺปภาย ปกติยา อสีติหตฺเถ าเน อภิพฺยาปนโต วุตฺตํ. อิทฺธานุภาเวน ปน อนนฺตํ อปริมาณํ านํ วิชฺโชตเตว. นีลปีตโลหิโตทาตมฺชฏฺปภสฺสรวเสน ฉพฺพณฺณา. สพฺเพ ทิสาภาคาติ สรีรปฺปภาย พาหุลฺลโต วุตฺตํ.
อพฺภมหิกาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺํ สฺุํ น โสภติ, ตารกาจิตํ ปน อนฺตลิกฺขํ ตาสํ ปภาหิ สมนฺตโต วิชฺโชตมานํ วิโรจตีติ อาห ‘‘สมุคฺคตตารกํ วิย คคนตล’’นฺติ. สพฺพปาลิผุลฺโลติ มูลโต ปฏฺาย ยาว สาขคฺคา ผุลฺโล. ‘‘ปฏิปาฏิยาปิตาน’’นฺติอาทิ ปริกปฺปูปมา. ตถา หิ วิย-สทฺทคฺคหณํ กตํ. สิริยา สิรึ อภิภวมานํ วิยาติ อตฺตโน โสภาย เตสํ โสภนฺติ อตฺโถ. ‘‘ภิกฺขูปิ สพฺเพวา’’ติ อิทํ เนสํ ‘‘อปฺปิจฺฉา’’ติอาทินา วุตฺตคุเณสุ โลกิยคุณานํ วเสน โยเชตพฺพํ. น หิ เต สพฺเพว ทสกถาวตฺถุลาภิโน. เตน วุตฺตํ ‘‘สุตฺตนฺตํ อาวชฺเชตฺวา…เป… อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๙๖). ตสฺมา เย ตตฺถ อริยา, เต สพฺเพสมฺปิ ปทานํ วเสน โพธิตา โหนฺติ. เย ปน ปุถุชฺชนา, เต โลกิยคุณทีปเกหิ ปเทหีติ น ตถา เหฏฺา ¶ ‘‘อสีติมหาเถรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุพฺเพ อรหตฺตภาคิโน คหิตา.
รูปกายสฺส อสีติอนุพฺยฺชน-ปฏิมณฺฑิต-ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณกายปฺปภาพฺยามปฺปภาเกตุมาลาวิจิตฺตตาว ¶ (ที. นิ. ๒.๓๓; ๓.๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๕) พุทฺธเวโส. ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตสฺส ภควโต กายสฺส อาโลกิตวิโลกิตาทีสุ ปรมุกฺกํสคโต พุทฺธาเวณิโก อจฺจนฺตุปสโม พุทฺธวิลาโส. อสฺสนฺติ ตสฺสํ.
สนฺธาคารานุโมทนปฏิสํยุตฺตาติ ‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺตี’’ติอาทินา ¶ (จูฬว. ๒๙๕, ๓๑๕) นเยน สนฺธาคารคุณูปสฺหิตา สนฺธาคารกรณปฺุานิสํสภาวินี. ปกิณฺณกกถาติ สงฺคีติอนารุฬฺหา สุณนฺตานํ อชฺฌาสยานุรูปตาย วิวิธวิปุลเหตูปมาสมาลงฺกตา นานานยวิจิตฺตา วิตฺถารกถา. เตนาห ‘‘ตทา หี’’ติอาทิ. อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย นิรุปกฺกิเลสตาย สุวิสุทฺเธน, วิปุโลทารตาย อปริเมยฺเยน จ อตฺเถน สุณนฺตานํ กายจิตฺตปริฬาหวูปสมนโต. ปถโวชํ อากฑฺฒนฺโต วิย อฺเสํ สุทุกฺกรตาย, มหาสารตาย วา อตฺถสฺส. มหาชมฺพุํ มตฺถเก คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย จาลนปจฺจยฏฺานวเสน ปุพฺเพนาปรํ อนุสนฺธานโต. โยชนิย…เป… ปายมาโน วิย เทสนํ จตุสจฺจยนฺเต ปกฺขิปิตฺวา อตฺถเวทธมฺมเวทสฺเสว ลภาปเนน สาตมธุรธมฺมามตรสูปสํหรณโต. มธุคณฺฑนฺติ มธุปฏลํ.
๓๐๐. ‘‘ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูต’’นฺติ พฺยาปนิจฺฉายํ อิทํ อาเมฑิตวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ ยนฺทิส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อนุวิโลเกตฺวาติ เอตฺถ อนุ-สทฺโท ‘‘ปรี’’ติ อิมินา สมานตฺโถ, วิโลกนฺเจตฺถ สตฺถุ จกฺขุทฺวเยนปิ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ‘‘มํสจกฺขุนา…เป… ตโต ตโต วิโลเกตฺวา’’ติ สงฺเขปโต วตฺวา ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘มํสจกฺขุนา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. หตฺเถน กุจฺฉิตํ กตํ หตฺถกุกฺกุจฺจํ กุกตเมว กุกฺกุจฺจนฺติ กตฺวา. เอวํ ปาทกุกฺกุจฺจํ ทฏฺพฺพํ. นิจฺจลา นิสีทึสุ อตฺตโน สุวินีตภาเวน, พุทฺธคารเวน จ. ‘‘อาโลกํ ปน วฑฺฒยิตฺวา’’ติอาทิ กทาจิ ภควา เอวมฺปิ กโรตีติ ¶ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ. น หิ สตฺถุ สาวกานํ วิย เอวํ ปโยคสมฺปาทนียเมตํ าณํ. ติโรหิตวิทูรวตฺตนิปิ รูปคเต มํสจกฺขุโน ปวตฺติยา อิจฺฉิตตฺตา วีมํสิตพฺพํ ¶ . อรหตฺตุปคํ อรหตฺตปทฏฺานํ. จกฺขุตเลสุ นิมิตฺตํ เปตฺวาติ ภาวนานุโยคสมฺปตฺติยา สพฺเพสํ เตสํ ภิกฺขูนํ จกฺขุตเลสุ ลพฺภมานํ สนฺตินฺทฺริยวิคตถินมิทฺธตาการสงฺขาตํ นิมิตฺตํ อตฺตโน หทเย เปตฺวา สลฺลกฺเขตฺวา. กสฺมา อาคิลายติ โกฏิสตสหสฺสหตฺถินาคานํ พลํ ธาเรนฺตสฺสาติ โจทกสฺส อธิปฺปาโย. อาจริโย เอส สงฺขารานํ สภาโว, ยทิทํ อนิจฺจตา. เย ปน อนิจฺจา, เต เอกนฺเตเนว อุทยวยปฏิปีฬิตตาย ทุกฺขา เอว, ทุกฺขสภาเวสุ เตสุ สตฺถุ กาเย ทุกฺขุปฺปตฺติยา อยํ ปจฺจโยติ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปิฏฺิวาโต อุปฺปชฺชิ, โส จ โข ปุพฺเพ กตกมฺมปจฺจยา. สฺวายมตฺโถ ปรมตฺถทีปนิยํ อุทานฏฺกถายํ อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ภินฺนนิคณฺวตฺถุวณฺณนา
๓๐๑. เหฏฺา วุตฺตเมว ปาสาทิกสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๖๔).
๓๐๒. สฺวาขฺยาตํ ธมฺมํ เทเสตุกาโมติ สฺวาขฺยาตํ กตฺวา ธมฺมํ กเถตุกาโม, สตฺถารา วา สฺวาขฺยาตํ ธมฺมํ สยํ ภิกฺขูนํ กเถตุกาโม. สตฺถารา เทสิตธมฺมเมว หิ ตโต ตโต คเหตฺวา สาวกา สพฺรหฺมจารีนํ กเถนฺติ.
เอกกวณฺณนา
๓๐๓. สมคฺเคหิ ภาสิตพฺพนฺติ อฺมฺํ สมคฺเคหิ หุตฺวา ภาสิตพฺพํ, สชฺฌายิตพฺพฺเจว วณฺเณตพฺพฺจาติ อตฺโถ. ยถา ปน สมคฺเคหิ สงฺคายนํ โหติ, ตมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกวจเนหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอกวจเนหีติ วิโรธาภาเวน สมานวจเนหิ. เตนาห ‘‘อวิรุทฺธวจเนหี’’ติอาทิ. สามคฺคิรสํ ทสฺเสตุกาโมติ ยสฺมึ ธมฺเม สงฺคายเน สามคฺคิรสานุภวนํ อิจฺฉิตํ เทสนากุสลตาย, ตตฺถ เอกกทุกติกาทิวเสน พหุธา สามคฺคิรสํ ทสฺเสตุกาโม. สพฺเพ สตฺตาติ อนวเสสา สตฺตา ¶ , เต ปน ภวเภทโต สงฺเขเปเนว ¶ ภินฺทิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กามภวาทีสู’’ติอาทิมาห. พฺยธิกรณานมฺปิ พาหิรตฺถสมาโส โหติ ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติ อาห ‘‘อาหารโต ิติ เอเตสนฺติ อาหารฏฺิติกา’’ติ. ติฏฺติ เอเตนาติ ิติ, อาหาโร ิติ เอเตสนฺติ อาหารฏฺิติกาติ เอวํ วา เอตฺถ สมาสวิคฺคโห ทฏฺพฺโพ. อาหารฏฺิติกาติ ปจฺจยฏฺิติกา, ปจฺจยายตฺตวุตฺติกาติ อตฺโถ. ปจฺจยตฺโถ เหตฺถ อาหาร-สทฺโท ‘‘อยํ อาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺสอุปฺปาทายา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓, ๒๓๒) วิย. เอวฺหิ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิมินา อสฺสตฺตาปิ ปริคฺคหิตา โหนฺติ. สา ปนายํ อาหารฏฺิติกตา นิปฺปริยายโต สงฺขารธมฺโม, น สตฺตธมฺโม. เตเนวาหุ อฏฺกถาจริยา ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกาติ อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ’’ติ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๖; ปารา. อฏฺ. เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; อุทา. อฏฺ. ๓๐; จูฬนิ. อฏฺ. ๖๕; อุทา. อฏฺ. ๑๘๖) ยทิ เอวํ ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ อิทํ กถนฺติ? ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนาติ นายํ โทโส. ยถาห ภควา ‘‘เอกธมฺเม ภิกฺขเว ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา ¶ วิมุจฺจมาโน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมตฺตํ อภิสเมจฺจ ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, กตมสฺมึ เอกธมฺเม? สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗) เอโก ธมฺโมติ ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ ยฺวายํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย สพฺเพสํ สงฺขารานํ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อาหารปริยาเยน สามฺโต ปจฺจยธมฺโม วุตฺโต, อยํ อาหาโร นาม เอโก ธมฺโม. ยาถาวโต ตฺวาติ ยถาสภาวโต ¶ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา. สมฺมทกฺขาโตติ เตเนว อภิสมฺพุทฺธากาเรน สมฺมเทว เทสิโต.
โจทโก วุตฺตมฺปิ อตฺถํ ยาถาวโต อปฺปฏิปชฺชมาโน เนยฺยตฺถํ สุตฺตปทํ นีตตฺถโต ทหนฺโต ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ วจนมตฺเต ตฺวา ‘‘นนุ จา’’ติอาทินา โจเทติ. อาจริโย อวิปรีตํ ตตฺถ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ ปเวเทนฺโต ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ วตฺวา ‘‘เตสฺหิ ฌานํ อาหาโร โหตี’’ติ อาห. ฌานนฺติ เอกโวการภวาวหํ สฺาย วิรชฺชนวเสน ปวตฺตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อนาหารา’’ติ วจนํ อสฺภเว จตุนฺนํ อาหารานํ อภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ปจฺจยาหารสฺส อภาวโต. ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติ อิทํ สาสเน เยสุ ธมฺเมสุ วิเสสโต ¶ อาหาร-สทฺโท นิรุฬฺโห, ‘‘อาหารฏฺิติกา’’ติ เอตฺถ ยทิ เต เอว คยฺหนฺติ, อพฺยาปิตโทโส อาปนฺโน. อถ สพฺโพปิ ปจฺจยธมฺโม อาหาโรติ อธิปฺเปโต, อิมาย อาหารปาฬิยา วิโรโธ อาปนฺโนติ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ‘‘น วิรุชฺฌตี’’ติ เยนาธิปฺปาเยน วุตฺตํ, ตํ วิวรนฺโต ‘‘เอตสฺมิฺหิ สุตฺเต’’ติอาทิมาห. กพฬีการาหาราทีนํ โอชฏฺมกรูปาหรณาทิ นิปฺปริยาเยน อาหารภาโว. ยถา หิ กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปาหรเณน รูปกายํ อุปตฺถมฺเภติ, เอวํ ผสฺสาทโย จ เวทนาทิอาหรเณน นามกายํ อุปตฺถมฺเภนฺติ, ตสฺมา สติปิ ชนกภาเว อุปตฺถมฺภกภาโว โอชาทีสุ สาติสโย ลพฺภมาโน มุขฺโย อาหารฏฺโติ เต เอว นิปฺปริยาเยน อาหารลกฺขณา ธมฺมา วุตฺตา. อิธาติ อิมสฺมึ สงฺคีติสุตฺเต. ปริยาเยน ปจฺจโย อาหาโรติ วุตฺโต สพฺโพ ปจฺจโย ธมฺโม อตฺตโน ผลํ อาหรตีติ อิมํ ปริยายํ ลภตีติ. เตนาห ‘‘สพฺพธมฺมานฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ สพฺพธมฺมานนฺติ สพฺเพสํ สงฺขตธมฺมานํ. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ¶ สุตฺเตน (อ. นิ. ๑๐.๖๑) สมตฺเถตุํ ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยนฺติ ปจฺจยาหาโร.
นิปฺปริยายาหาโรปิ คหิโตว โหติ, ยาวตา โสปิ ปจฺจยภาเวเนว ชนโก, อุปตฺถมฺภโก จ หุตฺวา ตํ ตํ ผลํ อาหรตีติ วตฺตพฺพตํ ลภตีติ. ตตฺถาติ ปริยายาหาโร, นิปฺปริยายาหาโรติ ทฺวีสุ อาหาเรสุ. อสฺภเว ยทิปิ นิปฺปริยายาหาโร น ลพฺภติ, ปจฺจยาหาโร ปน ลพฺภติ ปริยายาหารลกฺขโณ. อิทานิ อิมเมวตฺถํ วิตฺถาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปฺปนฺเน หิ พุทฺเธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุปฺปนฺเน พุทฺเธ ติตฺถกรมตนิสฺสิตานํ ฌานภาวนาย อสิชฺฌนโต ‘‘อนุปฺปนฺเน ¶ พุทฺเธ’’ติ วุตฺตํ. สาสนิกา ตาทิสํ ฌานํ น นิพฺพตฺเตนฺตีติ ‘‘ติตฺถายตเน ปพฺพชิตา’’ติ วุตฺตํ. ติตฺถิยา หิ อุปตฺติวิเสเส วิมุตฺติสฺิโน, อฺาวิราคาวิราเคสุ อาทีนวานิสํสทสฺสิโน วา หุตฺวา อสฺสมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา อกฺขณภูมิยํ อุปฺปชฺชนฺติ, น สาสนิกา. วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวาติ วาโยกสิเณ ปมาทีนิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ตติยชฺฌาเน จิณฺณวสี หุตฺวา ตโต วุฏฺาย จตุตฺถชฺฌานาธิคมาย ปริกมฺมํ กตฺวา. เตนาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา’’ติ. กสฺมา ปเนตฺถ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ? ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ ¶ , ตํ พฺรหฺมชาลฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๑) วิตฺถาริตเมว. ธีติ ชิคุจฺฉนตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ธี จิตฺตนฺติ จิตฺตํ ชิคุจฺฉามีติ อตฺโถ. ธิพฺพเตตํ จิตฺตนฺติ เอตํ มม จิตฺตํ ชิคุจฺฉิตํ วต โหตุ. วตาติ สมฺภาวเน, เตน ชิคุจฺฉํ สมฺภาเวนฺโต วทติ. นามาติ จ สมฺภาวเน เอว, เตน จิตฺตสฺส อภาวํ สมฺภาเวติ. จิตฺตสฺส ภาวาภาเวสุ อาทีนวานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺตฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวาติ ‘‘จิตฺตสฺส อภาโว เอว สาธุ สุฏฺู’’ติ อิมํ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตึ, ตตฺถ จ อภิรุจึ อุปฺปาเทตฺวา.
ตถา ภาวิตสฺส ฌานสฺส ิติภาคิยภาวปฺปตฺติยา อปริหีนชฺฌานสฺส ติตฺถายตเน ปพฺพชิตสฺเสว ตถา ฌานภาวนา โหตีติ อาห ‘‘มนุสฺสโลเก’’ติ. ปณิหิโต อโหสีติ มรณสฺส ¶ อาสนฺนกาเล ปิโต อโหสิ. ยทิ านาทินา อากาเรน นิพฺพตฺเตยฺย, กมฺมพเลน ยาว เภทา เตเนวากาเรน ติฏฺเยฺย วาติ อาห ‘‘โส เตน อิริยาปเถนา’’ติอาทิ.
เอว รูปานมฺปีติ เอวํ อเจตนานมฺปิ. ปิ-สทฺเทน ปเคว สเจตนานนฺติ ทสฺเสติ. กถํ ปน อเจตนานํ เนสํ ปจฺจยาหารสฺส อุปกปฺปนนฺติ โจทนํ สนฺธาย ตตฺถ นิทสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาห.
เย อุฏฺานวีริเยเนว ทิวสํ วีตินาเมตฺวา ตสฺส นิสฺสนฺทผลมตฺตํ กิฺจิเทว ลภิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, เต อุฏฺานผลูปชีวิโน. เย ปน อตฺตโน ปฺุผลเมว อุปชีเวนฺติ, เต ปฺุผลูปชีวิโน. เนรยิกานํ ปน เนว อุฏฺานวีริยวเสน ชีวิกากปฺปนํ, ปฺุผลสฺส ปน เลโสปิ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เย ปน เต เนรยิกา…เป… น ปฺุผลูปชีวีติ วุตฺตา’’ติ. ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส อาหรเณน มโนสฺเจตนาหาโรติ วุตฺตา, น ยสฺส กสฺสจิ ผลสฺสาติ อธิปฺปาเยน ‘‘กึ ปฺจ อาหารา อตฺถี’’ติ โจเทติ. อาจริโย นิปฺปริยายาหาเร อธิปฺเปเต สิยา ตว โจทนายาวสโร, สา ปน เอตฺถ อนวสราติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจ น ปฺจาติ อิทํ น วตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปริยายาหารสฺเสว ปเนตฺถ อธิปฺเปตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นนุ ปจฺจโย อาหาโรติ ¶ วุตฺตเมต’’นฺติ อาห. ตสฺมาติ ยสฺส กสฺสจิ ปจฺจยสฺส ‘‘อาหาโร’’ติ อิจฺฉิตตฺตา. อิทานิ วุตฺตเมวตฺถํ ปาฬิยา สมตฺเถนฺโต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาห.
มุขฺยาหารวเสนปิ ¶ เนรยิกานํ อาหารฏฺิติกตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กพฬีการํ อาหารํ…เป… สาเธตี’’ติ วุตฺตํ. ยทิ เอวํ เนรยิกา สุขปฏิสํเวทิโนปิ โหนฺตีติ? โนติ ทสฺเสตุํ ‘‘เขโฬปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตโยติ ตโย อรูปาหารา กพฬีการาหารสฺส อภาวโต. อวเสสานนฺติ อสฺสตฺเตหิ อวเสสานํ. กามภวาทีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ ปจฺจยาหาโร หิ สพฺเพสํ สาธารโณติ. เอตํ ปฺหนฺติ ‘‘กตโม เอโก ธมฺโม’’ติ ¶ เอวํ โจทิตเมตํ ปฺหํ. กเถตฺวาติ วิสฺสชฺเชตฺวา.
‘‘ตตฺถ ตตฺถ…เป… ทุกฺขํ โหตี’’ติ เอเตน ยถา อิธ ปมสฺส ปฺหสฺส นิยฺยาตนํ, ทุติยสฺส อุทฺธรณํ น กตํ, เอวํ อิมินา เอว อธิปฺปาเยน อิโต ปเรสุ ทุกติกาทิปฺเหสุ ตตฺถ ตตฺถ อาทิปริโยสาเนสุ เอว อุทฺธรณนิยฺยาตนานิ กตฺวา เสเสสุ น กตนฺติ ทสฺเสติ. ปฏิจฺจ เอตสฺมา ผลํ เอตีติ ปจฺจโย, การณํ, ตเทว อตฺตโน ผลํ สงฺขโรตีติ สงฺขาโรติ อาห ‘‘อิมสฺมิมฺปิ…เป… สงฺขาโรติ วุตฺโต’’ติ. อาหารปจฺจโยติ อาหรณฏฺวิสิฏฺโ ปจฺจโย. อาหรณฺเจตฺถ อุปฺปาทกตฺตปฺปธานํ, สงฺขรณํ อุปตฺถมฺภกตฺตปฺปธานนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส. เตนาห ‘‘อยเมตฺถ เหฏฺิมโต วิเสโส’’ติ. นิปฺปริยายาหาเร คหิเต ‘‘สพฺเพ สตฺตา’’ติ วุตฺเตปิ อสฺสตฺตา น คหิตา เอว ภวิสฺสนฺตีติ ปเทสวิสโย สพฺพ-สทฺโท โหติ ยถา ‘‘สพฺเพ ตสนฺติทณฺฑสฺสา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๓๐). น เหตฺถ ขีณาสวาทีนํ คหณํ โหติ. ปากโฏ ภเวยฺย วิเสสสามฺสฺส วิสยตฺตา ปฺหานํ. โน จ คณฺหึสุ อฏฺกถาจริยา. ธมฺโม นาม นตฺถิ สงฺขโตติ อธิปฺปาโย. อิธ ทุติยปฺเห ‘‘สงฺขาโร’’ติ ปจฺจโย เอว กถิโตติ สมฺพนฺโธ.
ยทา สมฺมาสมฺโพธิสมธิคโต, ตทา เอว สพฺพเยฺยํ สจฺฉิกตํ ชาตนฺติ อาห ‘‘มหาโพธิมณฺเฑ นิสีทิตฺวา’’ติ. สยนฺติ สามํเยว. อทฺธนิยนฺติ อทฺธานกฺขมํ จิรกาลาวฏฺายิ ปารมฺปริยวเสน. เตนาห ‘‘เอเกน หี’’ติอาทิ. ปรมฺปรกถานิยเมนาติ ปรมฺปรกถากถนนิยเมน, นิยมิตตฺถพฺยฺชนานุปุพฺพิยา กถายาติ อตฺโถ. เอกกวเสนาติ เอกํ เอกํ ปริมาณํ ¶ เอตสฺสาติ เอกโก, ปฺโห. ตสฺส เอกกสฺส วเสน. เอกกํ นิฏฺิตํ วิสฺสชฺชนนฺติ อธิปฺปาโยติ.
เอกกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุกวณฺณนา
๓๐๔. จตฺตาโร ¶ ¶ ขนฺธาติ เตสํ ตาว นามนฏฺเน นามภาวํ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา นิพฺพานสฺส วตฺตุกาโม อาห. ตสฺสาปิ หิ ตถา นามภาวํ ปรโต วกฺขติ. ‘‘นามํ กโรติ นามยตี’’ติ เอตฺถ ยํ นามกรณํ, ตํ นามนฺติ อาห ‘‘นามนฏฺเนาติ นามกรณฏฺเนา’’ติ, อตฺตโนวาติ อธิปฺปาโย. เอวฺหิ สาติสยมิทํ เตสํ นามกรณํ โหติ. เตนาห ‘‘อตฺตโน นามํ กโรนฺตาว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทิ. อิทานิ ตมตฺถํ พฺยติเรกมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺส นามสฺส กรเณเนว เต ‘‘นาม’’นฺติ วุจฺจนฺติ, ตํ สามฺนามํ, กิตฺติมนามํ, คุณนามํ วา น โหติ, อถ โข โอปปาติกนามนฺติ ปุริมานิ ตีณิ นามานิ อุทาหรณวเสน ทสฺเสตฺวา ‘‘น เอวํ เวทนาทีน’’นฺติ เต ปฏิกฺขิปิตฺวา อิตรนามเมว นามกรณฏฺเน นามนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เวทนาทโย หี’’ติอาทิมาห. ‘‘มหาปถวิอาทโย’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ปถวิอาปาทโย อิธ นามนฺติ อนธิปฺเปตา, รูปนฺติ ปน อธิปฺเปตาติ? สจฺจเมตํ, ผสฺสเวทนาทีนํ วิย ปน ปถวิอาทีนํ โอปปาติกนามตาสามฺเน ‘‘ปถวิอาทโย วิยา’’ติ นิทสฺสนํ กตํ, น อรูปธมฺมา วิย รูปธมฺมานํ นามสภาวตฺตา. ผสฺสเวทนาทีนฺหิ อรูปธมฺมานํ สพฺพทาปิ ผสฺสาทินามกตฺตา, ปถวิอาทีนํ เกสกุมฺภาทินามนฺตราปตฺติ วิย นามนฺตรานาปชฺชนโต จ สทา อตฺตนาว กตนามตาย จตุกฺขนฺธนิพฺพานานิ นามกรณฏฺเน นามํ. อถ วา อธิวจนสมฺผสฺโส วิย อธิวจนนามมนฺตเรน เย อนุปจิตสมฺภารานํ ¶ คหณํ น คจฺฉนฺติ, เต นามายตฺตคฺคหณา นามํ. รูปํ ปน วินาปิ นามสาธนํ อตฺตโน รุปฺปนสภาเวน คหณํ อุปยาตีติ รูปํ. เตนาห ‘‘เตสุ อุปฺปนฺเนสู’’ติอาทิ. อิธาปิ ‘‘ยถาปถวิยา’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ นิทสฺสนวเสน อาคตตฺตา. ‘‘อตีเตปี’’ติอาทินา เวทนาทีสุ นามสฺา นิรุฬฺหา, อนาทิกาลิกา จาติ ทสฺเสติ.
อิติ อตีตาทิวิภาควนฺตานมฺปิ เวทนาทีนํ นามกรณฏฺเน นามภาโว เอกนฺติโก, ตพฺพิภาครหิเต ปน เอกสภาเว นิจฺเจ นิพฺพาเน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิพฺพานํ ปน…เป… นามนฏฺเน นาม’’นฺติ อาห. นามนฏฺเนาติ นามกรณฏฺเน. นมนฺตีติ เอกนฺตโต สารมฺมณตฺตา ตนฺนินฺนา โหนฺติ, เตหิ วินา นปฺปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. สพฺพนฺติ ขนฺธจตุกฺกํ, นิพฺพานฺจ ¶ . ยสฺมึ อารมฺมเณเยว เวทนากฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ตํสมฺปยุตฺตตาย สฺากฺขนฺธาทโยปิ ตตฺถ ปวตฺตนฺตีติ โส เน ตตฺถ นาเมนฺโต วิย โหติ วินา อปฺปวตฺตนโต. เอส นโย สฺากฺขนฺธาทีสุปีติ วุตฺตํ ‘‘อารมฺมเณ อฺมฺํ นาเมนฺตี’’ติ. อนวชฺชธมฺเม มคฺคผลาทิเก ¶ . กามํ เกสุจิ รูปธมฺเมสุปิ อารมฺมณาธิปติภาโว ลพฺภเตว, นิพฺพาเน ปเนส สาติสโย ตสฺส อจฺจนฺตสนฺตปณีตตากปฺปภาวโตติ ตเทว อารมฺมณาธิปติปจฺจยตาย ‘‘อตฺตนิ นาเมตี’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ อริยา สกลมฺปิ ทิวสภาคํ ตํ อารพฺภ วีตินาเมนฺตาปิ ติตฺตึ น คจฺฉนฺติ.
‘‘รุปฺปนฏฺเนา’’ติ เอเตน รุปฺปตีติ รูปนฺติ ทสฺเสติ. ตตฺถ สีตาทิวิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนํ. นนุ จ อรูปธมฺมานมฺปิ วิโรธิปจฺจยสมาคเม วิสทิสุปฺปตฺติ ลพฺภตีติ? สจฺจํ ลพฺภติ, น ปน วิภูตตรํ. วิภูตตรฺเหตฺถ รุปฺปนํ อธิปฺเปตํ สีตาทิคฺคหณโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘รุปฺปตีติ ¶ โข ภิกฺขเว ตสฺมา ‘รูป’นฺติ วุจฺจติ. เกน รุปฺปติ? สีเตนปิ รุปฺปติ, อุณฺเหนปิ รุปฺปตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๗๙). ยทิ เอวํ กถํ พฺรหฺมโลเก รูปสมฺาติ? ตตฺถาปิ ตํสภาวานติวตฺตนโต โหติเยว รูปสมฺา. อนุคฺคาหกปจฺจยวเสน วา วิสทิสปจฺจยสนฺนิปาเตติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘โย อตฺตโน สนฺตาเน วิชฺชมานสฺสเยว วิสทิสุปฺปตฺติเหตุภาโว, ตํ รุปฺปน’’นฺติ อฺเ. อิมสฺมึ ปกฺเข รูปยติ วิการมาปาเทตีติ รูปํ. ‘‘สงฺฆฏฺฏเนน วิการาปตฺติยํ รุปฺปน-สทฺโท นิรุฬฺโห’’ติ เกจิ. เอตสฺมึ ปกฺเข อรูปธมฺเมสุ รูปสมฺาย ปสงฺโค เอว นตฺถิ สงฺฆฏฺฏนาภาวโต. ‘‘ปฏิฆโต รุปฺปน’’นฺติ อปเร. ‘‘ตสฺสาติ รูปสฺสา’’ติ วทนฺติ, นามรูปสฺสาติ ปน ยุตฺตํ. ยถา หิ รูปสฺส, เอวํ นามสฺสาปิ เวทนากฺขนฺธาทิวเสน, มทนิมฺมทนาทิวเสน จ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๕๖) วุตฺตา เอวาติ. อิติ อยํ ทุโก กุสลตฺติเกน สงฺคหิเต สภาวธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา ปวตฺโตติ.
อวิชฺชาติ อวินฺทิยํ ‘‘อตฺตา, ชีโว, อิตฺถี, ปุริโส’’ติ เอวมาทิกํ วินฺทตีติ อวิชฺชา. วินฺทิยํ ‘‘ทุกฺขํ, สมุทโย’’ติ เอวมาทิกํ น วินฺทตีติ อวิชฺชา. สพฺพมฺปิ ธมฺมชาตํ อวิทิตกรณฏฺเน อวิชฺชา. อนฺตรหิเต สํสาเร สตฺเต ชวาเปตีติ อวิชฺชา. อตฺถโต ปน สา ทุกฺขาทีนํ จตุนฺนํ สจฺจานํ สภาวจฺฉาทโก สมฺโมโห โหตีติ อาห ‘‘ทุกฺขาทีสุ อฺาณ’’นฺติ ¶ . ภวปตฺถนา นาม กามภวาทีนํ ปตฺถนาวเสน ปวตฺตตณฺหา. เตนาห ‘‘โย ภเวสุ ภวจฺฉนฺโท’’ติอาทิ. อิติ ‘‘อยํ ทุโก วฏฺฏมูลสมุทาจารทสฺสนตฺถํ คหิโต.
ภวทิฏฺีติ ขนฺธปฺจกํ ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ คาเหตฺวา ตํ ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ คณฺหนวเสน นิวิฏฺา สสฺสตทิฏฺีติ ¶ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ภโว วุจฺจตี’’ติอาทิ. ภวิสฺสตีติ ภโว, ติฏฺติ สพฺพกาลํ อตฺถีติ อตฺโถ. สสฺสตนฺติ สสฺสตภาโว. วิภวทิฏฺีติ ขนฺธปฺจกเมว ¶ ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘โลโก’’ติ จ คเหตฺวา ตํ ‘‘น ภวิสฺสตี’’ติ คณฺหนวเสน นิวิฏฺา อุจฺเฉททิฏฺีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วิภโว วุจฺจตี’’ติอาทิ. วิภวิสฺสติ วินสฺสติ อุจฺฉิชฺชตีติ วิภโว, อุจฺเฉโท.
ยํ น หิรียตีติ เยน ธมฺเมน ตํสมฺปยุตฺตธมฺมสมูโห, ปุคฺคโล วา น หิรียติ น ลชฺชติ, ลิงฺควิปลฺลาสํ วา กตฺวา โย ธมฺโมติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. หิรียิตพฺเพนาติ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ, หิรียิตพฺพยุตฺตกํ กายทุจฺจริตาทิธมฺมํ น ชิคุจฺฉตีติ อตฺโถ. นิลฺลชฺชตาติ ปาปสฺส อชิคุจฺฉนา. ยํ น โอตฺตปฺปตีติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โอตฺตปฺปิตพฺเพนาติ ปน เหตุอตฺเถ กรณวจนํ, โอตฺตปฺปิตพฺพยุตฺตเกน โอตฺตปฺปสฺส เหตุภูเตน กายทุจฺจริตาทินาติ อตฺโถ. หิรียิตพฺเพนาติ เอตฺถาปิ วา เอวเมว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อภายนกอากาโรติ ปาปโต อนุตฺตาสนากาโร.
‘‘ยํ หิรียตี’’ติอาทีสุ อนนฺตรทุเก วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นิยกชฺฌตฺตํ ชาติอาทิสมุฏฺานํ เอติสฺสาติ อชฺฌตฺตสมุฏฺานา. นิยกชฺฌตฺตโต พหิภาวโต พหิทฺธา ปรสนฺตาเน สมุฏฺานํ เอติสฺสาติ พหิทฺธา สมุฏฺานา. อตฺตา เอว อธิปติ อตฺตาธิปติ, อชฺฌตฺตสมุฏฺานตฺตา เอว อตฺตาธิปติโต อาคมนโต อตฺตาธิปเตยฺยา. โลกาธิปเตยฺยนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ลชฺชาสภาวสณฺิตาติ ปาปโต ชิคุจฺฉนรูเปน อวฏฺิตา. ภยสภาวสณฺิตนฺติ ตโต อุตฺตาสนรูเปน อวฏฺิตํ. อชฺฌตฺตสมุฏฺานาทิตา จ หิโรตฺตปฺปานํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏภาเวน วุตฺตา, น ปน เตสํ กทาจิปิ อฺมฺวิปฺปโยคโต. น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ.
ทุกฺขนฺติ ¶ กิจฺฉํ, อนิฏฺนฺติ วา อตฺโถ. วิปฺปฏิกูลคาหิมฺหีติ ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา วิโลมคาหเก. ตสฺสา เอว วิปจฺจนีกํ ทุปฺปฏิปตฺติ สาตํ อิฏฺํ เอตสฺสาติ ¶ วิปจฺจนีกสาโต, ตสฺมึ วิปจฺจนีกสาเต. เอวํภูโต จ โอวาทภูเต สาสนกฺกเม โอวาทเก จ อาทรภาวรหิโต โหตีติ อาห ‘‘อนาทเร’’ติ. ตสฺส กมฺมนฺติ ตสฺส ทุพฺพจสฺส ปุคฺคลสฺส อนาทริยวเสน ปวตฺตเจตนา โทวจสฺสํ. ตสฺส ภาโวติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส โทวจสฺสสฺส อตฺถิภาโว โทวจสฺสตา, อตฺถโต โทวจสฺสเมว. เตเนวาห ‘‘สา อตฺถโต สงฺขารกฺขนฺโธ โหตี’’ติ. เจตนาปฺปธานตาย หิ สงฺขารกฺขนฺธสฺส เอวํ วุตฺตํ. เอเตนากาเรนาติ อปฺปทกฺขิณคฺคาหิตากาเรน. อสฺสทฺธิยทุสฺสีลฺยาทิปาปธมฺมโยคโต ปุคฺคลา ปาปา นาม โหนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เย เต ปุคฺคลา อสฺสทฺธา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยาย เจตนาย ปุคฺคโล ปาปสมฺปวงฺโก นาม โหติ, สา เจตนา ปาปมิตฺตตา ¶ , จตฺตาโรปิ วา อรูปิโน ขนฺธา ตทาการปฺปวตฺตา ปาปมิตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สาปิ อตฺถโต โทวจสฺสตา วิย ทฏฺพฺพา’’ติ อาห.
‘‘สุขํ วโจ เอตสฺมึ ปทกฺขิณคฺคาหิมฺหิ อนุโลมสาเต สาทเร ปุคฺคเลติ สุพฺพโจติอาทินา, ‘‘กลฺยาณา สทฺธาทโย ปุคฺคลา เอตสฺส มิตฺตาติ กลฺยาณมิตฺโต’’ติอาทินา จ อนนฺตรทุกสฺส อตฺโถ อิจฺฉิโตติ อาห โสวจสฺสตา…เป… วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺพา’’ติ. อุโภติ โสวจสฺสตา, กลฺยาณมิตฺตตา จ. เตสํ ขนฺธานํ ปวตฺติอาการวิเสสา ‘‘โสวจสฺสตา, กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ จ วุจฺจนฺติ, เต โลกิยาปิ โหนฺติ โลกุตฺตราปีติ อาห ‘‘โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา กถิตา’’ติ.
วตฺถุเภทาทินา อเนกเภทภินฺนา ตํตํชาติวเสน เอกชฺฌํ กตฺวา ราสิโต คยฺหมานา อาปตฺติโยว อาปตฺติกฺขนฺธา. ตา ปน อนฺตราปตฺตีนํ อคฺคหเณ ปฺจปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺติโย, ตาสํ ปน คหเณ สตฺตปิ อาปตฺติกฺขนฺธา อาปตฺติโย. ‘‘อิมา อาปตฺติโย, เอตฺตกา อาปตฺติโย, เอวฺจ เตสํ อาปชฺชนํ โหตี’’ติ ชานนปฺา อาปตฺติกุสลตาติ ¶ อาห ‘‘ยา ตาส’’นฺติอาทิ. ตาสํ อาปตฺตีนนฺติ ตาสุ อาปตฺตีสุ. ตตฺถ ยํ สมฺภินฺนวตฺถุกาสุ วิย ิตาสุ, ทุวิฺเยฺยวิภาคาสุ จ อาปตฺตีสุ อสงฺกรโต ววตฺถาน, อยํ วิเสสโต อาปตฺติกุสลตาติ ทสฺเสตุํ ทุติยํ อาปตฺติคฺคหณํ กตํ. สห ¶ กมฺมวาจายาติ กมฺมวาจาย สเหว. อาปตฺติโต วุฏฺาปนปโยคตาย กมฺมภูตา วาจา กมฺมวาจา, ตถาภูตา อนุสาวนวาจา เจว ‘‘ปสฺสิสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตวาจา จ. ตาย กมฺมวาจาย สทฺธึ สมกาลเมว ‘‘อิมาย กมฺมวาจาย อิโต อาปตฺติโต วุฏฺานํ โหติ, โหนฺตฺจ ปเม วา ตติเย วา อนุสาวเนยฺยการปฺปตฺเต, ‘สํวริสฺสามี’ติ วา ปเท ปริโยสิเต โหตี’’ติ เอวํ ตํ ตํ อาปตฺตีหิ วุฏฺานปริจฺเฉทปริชานนปฺา อาปตฺติวุฏฺานกุสลตา. วุฏฺานนฺติ จ ยถาปนฺนาย อาปตฺติยา ยถา ตถา อนนฺตรายตาปาทนํ, เอวํ วุฏฺานคฺคหเณเนว เทสนายปิ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ.
‘‘อิโต ปุพฺเพ ปริกมฺมํ ปวตฺตํ, อิโต ปรํ ภวงฺค มชฺเฌ สมาปตฺตี’’ติ เอวํ สมาปตฺตีนํ อปฺปนาปริจฺเฉทชานนปฺา สมาปตฺติกุสลตา. วุฏฺาเน กุสลภาโว วุฏฺานกุสลตา, ปเคว วุฏฺาน ปริจฺเฉทกรํ าณํ. เตนาห ‘‘ยถาปริจฺฉินฺนสมยวเสเนวา’’ติอาทิ. วุฏฺานสมตฺถาติ วุฏฺาปเน สมตฺถา.
‘‘ธาตุกุสลตา’’ติ เอตฺถ ปถวีธาตุอาทโย, สุขธาตุอาทโย, กามธาตุอาทโย จ ธาตุโย เอตาสฺเวว ¶ อนฺโตคธาติ เอตาสุ โกสลฺเล ทสฺสิเต ตาสุปิ โกสลฺลํ ทสฺสิตเมว โหตีติ ‘‘อฏฺารส ธาตุโย จกฺขุธาตุ…เป… มโนวิฺาณธาตู’’ติ วตฺวา ‘‘อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ สภาวปริจฺเฉทกา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ สภาวปริจฺเฉทกาติ ยถาภูตสภาวาวโพธินี. ‘‘สวนปฺา ธารณปฺา’’ติอาทินา ปจฺเจกํ ปฺา-สทฺโท โยเชตพฺโพ. ธาตูนํ ¶ สวนธารณปฺา สุตมยา, อิตรา ภาวนามยา. ตตฺถาปิ สมฺมสนปฺา โลกิยา. วิปสฺสนา ปฺา หิ สา, อิตรา โลกุตฺตรา. ลกฺขณาทิวเสน, อนิจฺจาทิวเสน จ มนสิกรณํ มนสิกาโร, ตตฺถ โกสลฺลํ มนสิการกุสลตา. ตํ ปน อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน ติธา ภินฺทิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺมสนปฏิเวธปจฺจเวกฺขณปฺา’’ติ อาห. สมฺมสนปฺา หิ ตสฺสา อาทิ, ปฏิเวธปฺา มชฺเฌ, ปจฺจเวกฺขณปฺา ปริโยสานํ.
อายตนานํ คนฺถโต จ อตฺถโต จ อุคฺคณฺหนวเสน เตสํ ธาตุลกฺขณาทิวิภาคสฺส ชานนปฺา อุคฺคหชานนปฺา. สมฺมสนปฏิเวธปจฺจเวกฺขณวิธิโน ชานนปฺา มนสิการชานนปฺา. ยสฺมา อายตนานิปิ อตฺถโต ธาตุโยว มนสิกาโร จ อุคฺคณฺหนาทิวเสน เตสเมว มนสิการวิธิ ¶ , ตสฺมา ธาตุกุสลตาทิกา ติสฺโสปิ กุสลตา เอกเทเส กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สวนํ วิย อุคฺคณฺหนปจฺจเวกฺขณานิปิ ปริตฺตาณกตฺตุกานีติ อาห ‘‘สวน อุคฺคหณปจฺจเวกฺขณา โลกิยา’’ติ. อริยมคฺคกฺขเณ สมฺมสนมนสิการานํ นิปฺผตฺติ ปรินิฏฺานนฺติ เตสํ โลกุตฺตรตาปริยาโยปิ ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘สมฺมสนมนสิการา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา’’ติ. ปจฺจยธมฺมานํ เหตุอาทีนํ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนานํ เหตุปจฺจยาทิภาเวน ปจฺจยภาโว ปจฺจยากาโร, โส ปน อวิชฺชาทีนํ ทฺวาทสนฺนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานํ วเสน ทฺวาทสวิโธติ อาห ‘‘ทฺวาทสนฺนํ ปจฺจยาการาน’’นฺติ. อุคฺคหาทิวเสนาติ อุคฺคหมนสิการสวนสมฺมสนปฏิเวธปจฺจเวกฺขณวเสน.
านฺเจว ติฏฺติ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ การณฺจ เหตุปจฺจยภาเวน กรณโต นิปฺผาทนโต. เตสํ โสตวิฺาณาทีนํ. เอตสฺมึ ¶ ทุเก อตฺโถ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. เย ธมฺมา ยสฺส ธมฺมสฺส การณภาวโต านํ, เตว ธมฺมา ตํวิธุรสฺส ธมฺมสฺส อการณภาวโต อฏฺานนฺติ ปมนเย ผลเภเทน ตสฺเสว ธมฺมสฺส านาฏฺานตา ทีปิตา; ทุติยนเย ปน อภินฺเนปิ ผเล ปจฺจยธมฺมเภเทน เตสํ านาฏฺานตา ทีปิตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. น หิ กทาจิ อริยา ทิฏฺิสมฺปทา นิจฺจคฺคาหสฺส การณํ โหติ, อกิริยตา ปน สิยา ตสฺส การณนฺติ.
อุชุโน ภาโว อชฺชวํ, อชิมฺหตา อกุฏิลตา อวงฺกตาติ อตฺโถติ ตมตฺถํ อนชฺชวปฏิกฺเขปมุเขน ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘โคมุตฺตวงฺกตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สฺวายํ อนชฺชโว ภิกฺขูนํ เยภุยฺเยน อเนสนาย, อโคจรจาริตาย จ โหตีติ อาห ‘‘เอกจฺโจ หิ…เป… จรตี’’ติ. อยํ โคมุตฺตวงฺกตา นาม อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา ปฏิปตฺติยา วงฺกภาวโต. ปุริมสทิโสติ ปมํ วุตฺตภิกฺขุสทิโส. จนฺทวงฺกตา นาม ปฏิปตฺติยา มชฺฌฏฺาเน วงฺกภาวาปตฺติโต. นงฺคลโกฏิวงฺกตา นาม ปริโยสาเน วงฺกภาวาปตฺติโต. อิทํ อชฺชวํ นาม สพฺพตฺถกเมว อุชุภาวสิทฺธิโต. อชฺชวตาติ อาการนิทฺเทโส, เยนากาเรนสฺส อชฺชโว ปวตฺตติ, ตทาการนิทฺเทโสติ อตฺโถ. ลชฺชตีติ ลชฺชี, หิริมา, ตสฺส ภาโว ลชฺชวํ, หิรีติ อตฺโถ. ลชฺชา เอตสฺส ¶ อตฺถีติ ลชฺชี ยถา ‘‘มาลี, มายี’’ติ จ, ตสฺส ภาโว ลชฺชีภาโว, สา เอว ลชฺชา.
ปราปราธาทีนํ อธิวาสนกฺขมํ อธิวาสนขนฺติ. สุจิสีลตา โสรจฺจํ. สา หิ โสภนกมฺมรตตา, สุฏฺุ วา ปาปโต โอรตภาโว วิรตตา โสรจฺจํ. เตนาห ‘‘สุรตภาโว’’ติ.
‘‘นามฺจ รูปฺจา’’ติอาทีสุ อยํ อปโร นโย – นามกรณฏฺเนาติ อฺํ อนเปกฺขิตฺวา สยเมว อตฺตโน นามกรณสภาวโตติ อตฺโถ. ยฺหิ ปรสฺส นามํ กโรติ, ตสฺส จ ตทเปกฺขตฺตา อฺาเปกฺขํ นามกรณนฺติ นามกรณสภาวตา น โหติ, ตสฺมา มหาชนสฺส ¶ าตีนํ, คุณานฺจ สามฺนามาทิการกานํ นามภาโว นาปชฺชติ. ยสฺส จ อฺเหิ นามํ กรียติ, ตสฺส จ นามกรณสภาวตา นตฺถีติ, นตฺถิเยว นามภาโว. เวทนาทีนํ ปน สภาวสิทฺธตฺตา เวทนาทินามสฺส นามกรณสภาวโต นามตา วุตฺตา. ปถวีอาทิ นิทสฺสเนน นามสฺส สภาวสิทฺธตํเยว นิทสฺเสติ, น นามภาวสามฺํ, นิรุฬฺหตฺตา ปน นาม-สทฺโท อรูปธมฺเมสุ เอว วตฺตติ, น ปถวีอาทีสูติ น เตสํ นามภาโว. น หิ ปถวีอาทินามํ วิชหิตฺวา เกสาทินาเมหิ รูปธมฺมานํ วิย เวทนาทินามํ วิชหิตฺวา อฺเน นาเมน อรูปธมฺมานํ โวหริตพฺเพน ปิณฺฑากาเรน ปวตฺติ อตฺถีติ.
อถ วา รูปธมฺมา จกฺขาทโย รูปาทโย จ, เตสํ ปกาสกปกาสิตพฺพภาวโต วินาปิ นาเมน ปากฏา โหนฺติ, น เอวํ อรูปธมฺมาติ เต อธิวจนสมฺผสฺโส วิย นามายตฺตคฺคหณียภาเวน ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตา. ปฏิฆสมฺผสฺโส จ น จกฺขาทีนิ วิย นาเมน วินา ปากโฏติ ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺโต, อรูปตาย วา อฺนามสภาคตฺตา สงฺคหิโตยํ, อฺผสฺสสภาคตฺตา วา. วจนตฺโถปิ หิ รูปยตีติ รูปํ, นามยตีติ นามนฺติ อิธ ปจฺฉิมปุริมานํ สมฺภวติ. รูปยตีติ วินาปิ นาเมน อตฺตานํ ปกาเสตีติ อตฺโถ. นามยตีติ ¶ นาเมน วินา อปากฏภาวโต อตฺตโน ปกาสกํ นามํ กโรตีติ อตฺโถ. อารมฺมณาธิปติปจฺจยตายาติ สติปิ รูปสฺส อารมฺมณาธิปติปจฺจยภาเว น ตํ ปรมสฺสาสภูตํ นิพฺพานํ วิย สาติสยํ นามนภาเวน ปจฺจโยติ นิพฺพานเมว ‘‘นาม’’นฺติ วุตฺตํ.
‘‘อวิชฺชา ¶ จ ภวตณฺหา จา’’ติ อยํ ทุโก สตฺตานํ ¶ วฏฺฏมูลสมุทาจารทสฺสนตฺโถ. สมุทาจรตีติ หิ สมุทาจาโร, วฏฺฏมูลเมว สมุทาจาโร วฏฺฏมูลสมุทาจาโร, วฏฺฏมูลทสฺสเนน วา วฏฺฏมูลานํ ปวตฺติ ทสฺสิตา โหตีติ วฏฺฏมูลานํ สมุทาจาโร วฏฺฏมูลสมุทาจาโร, ตํทสฺสนตฺโถติ อตฺโถ.
เอเกกสฺมิฺจ ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘โลโก’’ติ จ คหณวิเสสํ อุปาทาย ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุตฺตํ, เอกํ วา ขนฺธํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา อฺํ อตฺตโน อุปโภคภูตํ ‘‘โลโก’’ติ คณฺหนฺตสฺส, อตฺตโน อตฺตานํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ปรสฺส อตฺตานํ ‘‘โลโก’’ติ คณฺหนฺตสฺส วา วเสน ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วุตฺตํ.
สห สิกฺขิตพฺโพ ธมฺโม สหธมฺโม, ตตฺถ ภวํ สหธมฺมิกํ, ตสฺมึ สหธมฺมิเก. โทวจสฺส-สทฺทโต อาย-สทฺทํ อนฺตฺตํ กตฺวา ‘‘โทวจสฺสาย’’นฺติ วุตฺตํ, โทวจสฺสสฺส วา อยนํ ปวตฺติ โทวจสฺสายํ. อาเสวนฺตสฺสาปิ อนุสิกฺขนา อชฺฌาสเยน ภชนาติ อาห ‘‘เสวนา…เป… ภชนา’’ติ. สพฺพโตภาเคน ภตฺติ สมฺภตฺติ.
สห กมฺมวาจายาติ อพฺภานติณวตฺถารกกมฺมวาจาย, ‘‘อหํ ภนฺเต อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปชฺชิ’’นฺติอาทิกาย จ สเหว. สเหว หิ กมฺมวาจาย อาปตฺติวุฏฺานฺจ ปริจฺฉิชฺชติ, ‘‘ปฺตฺติลกฺขณาย อาปตฺติยา วา การณํ วีติกฺกมลกฺขณํ กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ วา, วุฏฺานสฺส การณํ กมฺมวาจา’’ติ การเณน สห ผลสฺส ชานนวเสน ‘‘สห กมฺมวาจายา’’ติ วุตฺตํ.‘‘สห กมฺมวาจายา’’ติ. อิมินา นเยน สห ปริกมฺเมนาติ เอตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ธาตุวิสยา ¶ สพฺพาปิ ปฺา ธาตุกุสลตา. ตเทกเทสา มนสิการกุสลตาติ อธิปฺปาเยน ปุริมปเทปิ สมฺมสนปฏิเวธปฺา วุตฺตา. ยสฺมา ปน นิปฺปริยายโต วิปสฺสนาทิปฺา เอว มนสิการโกสลฺลํ, ตสฺมา ‘‘ตาสํเยว ธาตูนํ สมฺมสนปฏิเวธปจฺจเวกฺขณปฺา’’ติ วุตฺตํ.
อายตนวิสยา สพฺพาปิ ปฺา อายตนกุสลตาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ อุคฺคหมนสิการชานนปฺา’’ติ ¶ วตฺวา ปุน ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทฺวีสุปิ วา ปเทสุ วาจุคฺคตาย อายตนปาฬิยา, ธาตุปาฬิยา จ มนสิกรณํ มนสิกาโร. ตถา อุคฺคณฺหนฺตี, มนสิ กโรนฺตี ¶ , ตทตฺถํ สุณนฺตี, คนฺถโต จ อตฺถโต จ ธาเรนฺตี, ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม, อยํ จกฺขุธาตุ นามา’’ติอาทินา สภาวโต, คณนโต จ ปริจฺเฉทํ ชานนฺตี จ ปฺา อุคฺคหปฺาทิกา วุตฺตา. มนสิการปเท ปน จตุพฺพิธาปิ ปฺา อุคฺคโหติ ตโต ปวตฺโต อนิจฺจาทิมนสิกาโร ‘‘อุคฺคหมนสิกาโร’’ติ วุตฺโต. ตสฺส ชานนํ ปวตฺตนเมว, ‘‘ยถา ปวตฺตํ วา อุคฺคหํ, เอวเมว ปวตฺโต อุคฺคโห’’ติ ชานนํ อุคฺคหชานนํ. ‘‘มนสิกาโร เอวํ ปวตฺเตตพฺโพ, เอวฺจ ปวตฺโต’’ติ ชานนํ มนสิการชานนํ. ตทุภยมฺปิ ‘‘มนสิการโกสลฺล’’นฺติ วุตฺตํ. อุคฺคโหปิ หิ มนสิการสมฺปโยคโต มนสิการนิรุตฺตึ ลทฺธุํ อรหติ. โย จ มนสิกาตพฺโพ, โย จ มนสิกรณูปาโย, สพฺโพ โส ‘‘มนสิกาโร’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ, ตตฺถ โกสลฺลํ มนสิการกุสลตาติ. สมฺมสนํ ปฺา, สา มคฺคสมฺปยุตฺตา อนิจฺจาทิสมฺมสนกิจฺจํ สาเธติ นิจฺจสฺาทิปชหนโต. มนสิกาโร สมฺมสนสมฺปยุตฺโต, โส ตตฺเถว อนิจฺจาทิมนสิการกิจฺจํ มคฺคสมฺปยุตฺโต สาเธตีติ อาห ‘‘สมฺมสนมนสิการา โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา’’ติ. ‘‘อิมินา ¶ ปจฺจเยนิทํ โหตี’’ติ เอวํ อวิชฺชาทีนํ สงฺขาราทิปจฺจยุปฺปนฺนสฺส ปจฺจยภาวชานนํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสลตา.
อธิวาสนํ ขมนํ. ตฺหิ ปเรสํ ทุกฺกฏํ ทุรุตฺตฺจ ปฏิวิโรธากรเณน อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาสนํ ‘‘อธิวาสน’’นฺติ วุจฺจติ. อจณฺฑิกฺกนฺติ อกุชฺฌนํ. โทมนสฺสวเสน ปเรสํ อกฺขีสุ อสฺสูนํ อนุปฺปาทนา อนสฺสุโรโป. อตฺตมนตาติ สกมนตา. จิตฺตสฺส อพฺยาปนฺโน สโก มโนภาโว อตฺตมนตา. จิตฺตนฺติ วา จิตฺตปฺปพนฺธํ เอกตฺเตน คเหตฺวา ตสฺส อนฺตรา อุปฺปนฺเนน ปีติสหคตมเนน สกมนตา. อตฺตมโน วา ปุคฺคโล, ตสฺส ภาโว อตฺตมนตา, สา น สตฺตสฺสาติ ปุคฺคลทิฏฺินิวารณตฺถํ ‘‘จิตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ. อธิวาสนลกฺขณา ขนฺติ อธิวาสนขนฺติ. สุจิสีลตา โสรจฺจํ. สา หิ โสภนกมฺมรตตา. สุฏฺุ ปาปโต โอรตภาโว วิรตตา โสรจฺจํ. เตนาห ‘‘สุรตภาโว’’ติ.
สขิโล วุจฺจติ สณฺหวาโจ, ตสฺส ภาโว สาขลฺยํ, สณฺหวาจตา. ตํ ปน พฺยติเรกมุเขน วิภาเวนฺตี ยา ปาฬิ ปวตฺตา, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺย’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อณฺฑกาติ สโทสวเณ รุกฺเข นิยฺยาสปิณฺฑิโย, อหิจฺฉตฺตกาทีนิ วา อุฏฺิตานิ ‘‘อณฺฑกานี’’ติ วทนฺติ ¶ . เผคฺคุรุกฺขสฺส ปน กุถิตสฺส อณฺฑานิ วิย อุฏฺิตา จุณฺณปิณฺฑิโย, คณฺิโย วา อณฺฑกา. อิธ ปน พฺยาปชฺชนกกฺกสาทิภาวโต ¶ อณฺฑกปกติภาเวน ¶ วาจา ‘‘อณฺฑกา’’ติ วุตฺตา. ปทุมนาฬํ วิย โสตํ ฆํสยมานา ปวิสนฺตี กกฺกสา ทฏฺพฺพา. โกเธน นิพฺพตฺตตฺตา ตสฺส ปริวารภูตา โกธสามนฺตา. ปุเร สํวทฺธนารี โปรี, สา วิย สุกุมารา มุทุกา วาจา โปรี วิยาติ โปรี. ตตฺถาติ ‘‘ภาสิตา โหตี’’ติ วุตฺตาย กิริยายาติปิ โยชนา สมฺภวติ, ตตฺถ วาจายาติ วา. ‘‘สณฺหวาจตา’’ติอาทินา ตํ วาจํ ปวตฺตยมานํ เจตนํ ทสฺเสติ. สมฺโมทกสฺส ปุคฺคลสฺส มุทุกภาโว มทฺทวํ สมฺโมทกมุทุกภาโว. อามิเสน อลพฺภมาเนน, ตถา ธมฺเมน จาติ ทฺวีหิ ฉิทฺโท. อามิสสฺส, ธมฺมสฺส จ อลาเภน อตฺตโน ปรสฺส จ อนฺตเร สมฺภวนฺตสฺส หิ ฉิทฺทสฺส วิวรสฺส เภทสฺส ปฏิสนฺถรณํ ปิทหนํ สงฺคณฺหนํ ปฏิสนฺถาโร. ตํ สรูปโต, ปฏิปตฺติโต จ ปาฬิทสฺสนมุเขน วิภาเวตุํ ‘‘อภิธมฺเมปี’’ติอาทิมาห. อคฺคํ อคฺคเหตฺวาติ อคฺคํ อตฺตโน อคฺคเหตฺวา. อุทฺเทสทานนฺติ ปาฬิยา, อฏฺกถาย จ อุทฺทิสนํ. ปาฬิวณฺณนาติ ปาฬิยา อตฺถวณฺณนา. ธมฺมกถากถนนฺติ สรภฺสรภณนาทิวเสน ธมฺมกถนํ.
กรุณาติ กรุณาพฺรหฺมวิหารมาห. กรุณาปุพฺพภาโคติ ตสฺส ปุพฺพภาคอุปจารชฺฌานํ วทติ. ปาฬิปเท ปน ยา กาจิ กรุณา ‘‘กรุณา’’ติ วุตฺตา, กรุณาเจโตวิมุตฺตีติ ปน อปฺปนาปฺปตฺตาว. เมตฺตายปิ เอเสว นโย. สุจิ-สทฺทโต ภาเว ยฺย-การํ, อิ-การสฺส จ เอ-การาเทสํ กตฺวา อยํ นิทฺเทโสติ อาห ‘‘โสเจยฺยนฺติ สุจิภาโว’’ติ. โหตุ ตาว สุจิภาโว โสเจยฺยํ, ตสฺส ปน เมตฺตาปุพฺพภาคตา กถนฺติ อาห ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิ.
มุฏฺา สติ เอตสฺสาติ มุฏฺสฺสติ, ตสฺส ภาโว มุฏฺสฺสจฺจํ, สติปฏิปกฺโข ธมฺโม, น สติยา อภาวมตฺตํ ¶ . ยสฺมา ปฏิปกฺเข สติ ตสฺส วเสน สติวิคตา วิปฺปวุตฺถา นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สติวิปฺปวาโส’’ติ. ‘‘อสฺสตี’’ติอาทีสุ อ-กาโร ปฏิปกฺเข ทฏฺพฺโพ, น สตฺตปฏิเสเธ. อุทเก ลาพุ วิย เยน จิตฺตํ อารมฺมเณ ปิลวนฺตา วิย ติฏฺติ, น โอคาหติ, สา ปิลาปนตา. เยน คหิตมฺปิ อารมฺมณํ สมฺมุสฺสติ น ¶ สรติ, สา สมฺมุสฺสนตา. ยถา วิชฺชาปฏิปกฺขา อวิชฺชา วิชฺชาย ปหาตพฺพโต, เอวํ สมฺปชฺปฏิปกฺขํ อสมฺปชฺํ, อวิชฺชาเยว.
อินฺทฺริยสํวรเภโทติ อินฺทฺริยสํวรวินาโส. อปฺปฏิสงฺขาติ อปจฺจเวกฺขิตฺวา อโยนิโส จ อาหารปริโภเค อาทีนวานิสํเส อวีมํสิตฺวา.
อปฺปฏิสงฺขายาติ อิติกตฺตพฺพตาสุ อปฺปจฺจเวกฺขณาย นามํ. อฺาณํ อปฺปฏิสงฺขาต นิมิตฺตํ ¶ . อกมฺปนาณนฺติ ตาย อนภิภวนียํ าณํ, ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจเวกฺขณาาณฺเจว ปจฺจเวกฺขณาย มุทฺธภูตํ โลกุตฺตราณฺจ. นิปฺปริยายโต มคฺคภาวนา ภาวนา นาม, ยา จ ตทตฺถา, ตทุภยฺจ ภาเวนฺตสฺเสว อิจฺฉิตพฺพํ, น ภาวิตภาวนสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนํ พล’’นฺติ. เตนาห ‘‘ยา กุสลานํ ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺม’’นฺติ.
กามํ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาโวปิ พลฏฺโ เอว, ปฏิปกฺเขหิ ปน อกมฺปนียตา สาติสยํ พลฏฺโติ วุตฺตํ ‘‘อสฺสติยา อกมฺปนวเสนา’’ติ. ปจฺจนีกธมฺมสมนโต สมโถ สมาธิ. อนิจฺจาทินา วิวิเธนากาเรน ทสฺสนโต วิปสฺสนา ปฺา ¶ . ตํ อาการํ คเหตฺวาติ สมาธานาการํ คเหตฺวา. เยนากาเรน ปุพฺเพ อลีนํ อนุทฺธตํ มชฺฌิมํ ภาวนาวีถิปฏิปนฺนํ หุตฺวา จิตฺตํ สมาหิตํ โหติ, ตํ อาการํ คเหตฺวา สลฺลกฺเขตฺวา. นิมิตฺตวเสนาติ การณวเสน. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ปคฺคโหว ตํ อาการํ คเหตฺวา ปุน ปวตฺเตตพฺพสฺส ปคฺคาหสฺส นิมิตฺตวเสน ปคฺคาหนิมิตฺตนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติ, ตสฺสตฺโถ สมเถ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺโพ. ปคฺคาโห วีริยํ โกสชฺชปกฺขโต จิตฺตสฺส ปติตุํ อทตฺวา ปคฺคณฺหนโต. อวิกฺเขโป เอกคฺคตา วิกฺเขปสฺส อุทฺธจฺจสฺส ปฏิปกฺขภาวโต. ปฏิสงฺขานกิจฺจนิพฺพตฺติภาวโต โลกุตฺตรธมฺมานํ ปฏิสงฺขานพลภาโว, ตถา ปุพฺเพ ปวตฺตาการสลฺลกฺขณวเสน สมถปคฺคาหานํ อุปริ ปวตฺติสพฺภาวโต สมถนิมิตฺตทุกสฺสปิ มิสฺสกตา วุตฺตา.
ยถาสมาทินฺนสฺส สีลสฺส เภทกโร วีติกฺกโม. สีลวินาสโก อสํวโร. สมฺมาทิฏฺิวินาสิกาติ ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๔๑; ๒.๙๔; วิภ. ๗๙๓) นยปฺปวตฺตาย สมฺมาทิฏฺิยา ทูสิกา.
สีลสฺส ¶ สมฺปาทนํ นาม สพฺพภาคโต ตสฺส อนูนตาปาทนนฺติ อาห ‘‘สมฺปาทนโต ปริปูรณโต’’ติ. ปาริปูรตฺโถ หิ สมฺปทา-สทฺโทติ. มานสิกสีลํ นาม สีลวิโสธนวเสน อภิชฺฌาทิปฺปหานํ. ทิฏฺิปาริปูริภูตํ าณนฺติ อตฺถิกทิฏฺิอาทิสมฺมาทิฏฺิยา ปาริปูริภาเวน ปวตฺตํ าณํ.
วิสุทฺธึ ¶ ปาเปตุํ สมตฺถนฺติ จิตฺตวิสุทฺธิอาทิอุปริวิสุทฺธิยา ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ. สุวิสุทฺธเมว หิ สีลํ ตสฺสา ปทฏฺานํ โหตีติ. วิสุทฺธึ ปาเปตุํ สมตฺถํ ทสฺสนนฺติ าณทสฺสนวิสุทฺธึ, ปรมตฺถวิสุทฺธินิพฺพานฺจ ปาเปตุํ อุปเนตุํ สมตฺถํ กมฺมสฺสกตาาณาทิสมฺมาทสฺสนํ ¶ . เตนาห ‘‘อภิธมฺเม’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ‘‘อิทํ อกุสลํ กมฺมํ โน สกํ, อิทํ ปน กมฺมํ สก’’นฺติ เอวํ พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ กมฺมสฺสกตาชานนาณํ กมฺมสฺสกตาาณํ. เตนาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. ‘‘ปเรน กตมฺปี’’ติ อิทํ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ ยถา ปเรน กตํ, เอวํ อตฺตนา กตมฺปิ สกกมฺมํ นาม น โหตีติ. อตฺตนา วา อุสฺสาหิเตน ปเรน กตํปีติ เอวํ วา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยฺหิ ตํ ปรสฺส อุสฺสาหนวเสน กตํ, ตมฺปิ สกกมฺมํ นาม โหตีติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. อตฺถภฺชนโตติ ทิฏฺธมฺมิกาทิสพฺพอตฺถวินาสนโต. อตฺถชนนโตติ อิธโลกตฺถปรโลกตฺถปรมตฺถานํ อุปฺปาทนโต. อารพฺภกาเล ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ปวตฺตมฺปิ วจีสจฺจฺจ ลกฺขณานิ ปฏิวิชฺฌนฺตํ วิปสฺสนาาณํ อนุโลเมติ ตตฺเถว ปฏิวิชฺฌนโต. ปรมตฺถสจฺจฺจ นิพฺพานํ น วิโลเมติ น วิโรเธติ เอกนฺเตเนว สมฺปาปนโต.
าณทสฺสนนฺติ าณภูตํ ทสฺสนํ, เตน มคฺคํ วทติ. ตํสมฺปยุตฺตเมว วีริยนฺติ ปมมคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยมาห. สพฺพาปิ มคฺคปฺา ทิฏฺิวิสุทฺธิเยวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยเมว จ นโย อภิธมฺมปาฬิยา (ธ. ส. ๕๕๐) สเมตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิธมฺเม ปนา’’ติ อาทึ อโวจ.
ยสฺมา สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปาณํ, ตสฺมา สํเวควตฺถุํ ภยโต ภายิตพฺพโต ทสฺสนวเสน ปวตฺตาณํ ¶ . เตนาห ‘‘ชาติภย’’นฺติอาทิ. ภายนฺติ เอตสฺมาติ ภยํ, ชาติ เอว ภยํ ชาติภยํ. สํเวชนียนฺติ สํวิชฺชิตพฺพํ ภายิตพฺพํ อุตฺตาสิตพฺพํ. านนฺติ การณํ, วตฺถูติ อตฺโถ ¶ . สํเวคชาตสฺสาติ อุปฺปนฺนสํเวคสฺส. อุปายปธานนฺติ อุปาเยน ปวตฺเตตพฺพํ วีริยํ.
กุสลานํ ธมฺมานนฺติ สีลาทีนํ อนวชฺชธมฺมานํ. ภาวนายาติ อุปฺปาทเนน วฑฺฒเนน จ. อสนฺตุฏฺสฺสาติ ‘‘อลํ เอตฺตาวตา, กถํ เอตฺตาวตา’’ติ สงฺโกจาปตฺติวเสน น สนฺตุฏฺสฺส. ภิยฺโยกมฺยตาติ ภิยฺโย ภิยฺโย อุปฺปาทนิจฺฉา. โวสานนฺติ สงฺโกจํ อสมตฺถนฺติ. ตุสฺสนํ ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ, นตฺถิ เอตสฺส สนฺตุฏฺีติ อสนฺตุฏฺิ, ตสฺส ภาโว อสนฺตุฏฺิตา. วีริยปฺปวาเห วตฺตมาเน อนฺตรา เอว ปฏิคมนํ นิวตฺตนํ ปฏิวานํ, ตํ ตสฺส อตฺถีติ ปฏิวานี, น ปฏิวานี อปฺปฏิวานี, ตสฺส ภาโว อปฺปฏิวานิตา. สกฺกจฺจกิริยตาติ กุสลานํ กรเณ สกฺกจฺจกิริยตา อาทรกิริยตา. สาตจฺจกิริยตาติ สตตเมว กรณํ. อฏฺิตกิริยตาติ อนฺตรา อฏฺเปตฺวา ขณฺฑํ อกตฺวา กรณํ. อโนลีนวุตฺติตาติ น ลีนปฺปวตฺติตา. อนิกฺขิตฺตฉนฺทตาติ กุสลจฺฉนฺทสฺส อนิกฺขิปนํ. อนิกฺขิตฺตธุรตาติ กุสลกรเณ วีริยธุรสฺส ¶ อนิกฺขิปนํ. อาเสวนาติ อาทเรน เสวนา. ภาวนาติ วฑฺฒนา พฺรูหนา. พหุลีกมฺมนฺติ ปุนปฺปุนํ กรณํ.
ติสฺโส วิชฺชาติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ, ทิพฺพจกฺขุาณํ อาสวกฺขยาณนฺติ อิมา ติสฺโส วิชฺชา. ปฏิปกฺขวิชฺฌนฏฺเน ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธาทีนํ วิทิตกรณฏฺเน วิสิฏฺา มุตฺตีติ วิมุตฺติ. สฺวายํ วิเสโส ปฏิปกฺขวิคมเนน, ปฏิโยคิวิคมเนน จ อิจฺฉิตพฺโพติ ตทุภยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เยน วิเสเสน สมาปตฺติโย ปจฺจนีกธมฺเมหิ ¶ สุฏฺุ มุตฺตา, ตโต นิราสงฺกตาย อารมฺมเณ จ อภิรตา, ตํ วิเสสํ อุปาทาย ตา อธิกํ มุจฺจนโต, อารมฺมเณ อธิมุจฺจนโต จ อธิมุตฺติโย นามาติ วุตฺตํ ‘‘จิตฺตสฺส จ อธิมุตฺตี’’ติ. มุตฺตตฺตาติ สพฺพสงฺขาเรหิ วิเสเสน นิสฺสฏตฺตา วิมุตฺติ.
ขเย าณนฺติ สมุจฺเฉทวเสน กิเลเส เขเปตีติ ขโย, อริยมคฺโค, ตปฺปริยาปนฺนํ าณํ ขเย าณํ. ปฏิสนฺธิวเสนาติ กิเลสานํ ตํตํมคฺควชฺฌานํ อุปฺปนฺนมคฺเค ขนฺธสนฺตาเน ปุน สนฺทหนวเสน. อนุปฺปาทภูเตติ ตํตํผเล. อนุปฺปาทปริโยสาเนติ อนุปฺปาทกโร มคฺโค อนุปฺปาโท, ตสฺส ปริโยสาเน, กิเลสานํ วา อนุปฺปชฺชนสงฺขาเต ปริโยสาเน, ภงฺเคติ อตฺโถติ.
ทุกวณฺณนา นิฏฺิตา.
ติกวณฺณนา
๓๐๕. ธมฺมโต ¶ อฺโ กตฺตา นตฺถีติ ทสฺเสตุํ กตฺตุสาธนวเสน ‘‘ลุพฺภตีติ โลโภ’’ติ วุตฺตํ. ลุพฺภติ เตน, ลุพฺภนมตฺตเมตนฺติ กรณภาวสาธนวเสนปิ อตฺโถ ยุชฺชเตว. ทุสฺสติ มุยฺหตีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อกุสลฺจ ตํ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน เอกนฺตากุสลภาวโต มูลฺจ อตฺตนา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนโต, น อกุสลภาวสาธนโต. น หิ มูลกโต อกุสลานํ อกุสลภาโว, กุสลาทีนฺจ กุสลาทิภาโว. ตถา สติ โมมูหจิตฺตทฺวเย โมหสฺส อกุสลภาโว น สิยา. เตสนฺติ โลภาทีนํ. ‘‘น ลุพฺภตีติ อโลโภ’’ติอาทินา ปฏิปกฺขนเยน.
ทุฏฺุ ¶ จริตานีติ ปจฺจยโต, สมฺปยุตฺตธมฺมโต, ปวตฺติอาการโต ¶ จ น สุฏฺุ อสมฺมา ปวตฺติตานิ. วิรูปานีติ พีภจฺฉานิ สมฺปติ, อายติฺจ อนิฏฺรูปตฺตา. กาเยนาติ กายทฺวาเรน กรณภูเตน. กายโตติ กายทฺวารโต. ‘‘สุฏฺุ จริตานี’’ติอาทีสุ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยสฺส สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกเม กายสมุฏฺานา อาปตฺติ โหติ, ตํ กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทํ. อวีติกฺกโม กายสุจริตนฺติ วาริตฺตสีลสฺส วเสน วทติ, จาริตฺตสีลสฺสปิ วา, ยสฺส อกรเณ อาปตฺติ โหติ. วจีทุจฺจริตสุจริตนิทฺธารณมฺปิ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ. อุภยตฺถ ปฺตฺตสฺสาติ กายทฺวาเร, วจีทฺวาเร จ ปฺตฺตสฺส. สิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโมว มโนทุจฺจริตํ มโนทฺวาเร ปฺตฺตสฺส สิกฺขาปทสฺส อภาวโต, ตยิทํ ทฺวารทฺวเย อกิริยสมุฏฺานาย อาปตฺติยา วเสน เวทิตพฺพํ. อวีติกฺกโมติ ยถาวุตฺตาย อาปตฺติยา อวีติกฺกโม มโนสุจริตํ. ‘‘สพฺพสฺสาปิ สิกฺขาปทสฺส อวีติกฺกโม มโนสุจริต’’นฺติ เกจิ. ตทุภยฺหิ จาริตฺตสีลํ อุทฺทิสฺสปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ, ตสฺส อวีติกฺกโม สิยา กายสุจริตํ, สิยา วจีสุจริตนฺติ.
ปาโณ อติปาตียติ เอตายาติ ปาณาติปาโต, ตถาปวตฺตา เจตนา, เอวํ อทินฺนาทานาทโยปีติ อาห ‘‘ปาณาติปาตาทโย ปน ติสฺโส เจตนา’’ติ. วจีทฺวาเรปิ อุปฺปนฺนา กายทุจฺจริตํ ¶ ทฺวารนฺตเร อุปฺปนฺนสฺสาปิ กมฺมสฺส สนามาปริจฺจาคโต เยภุยฺยวุตฺติยา, ตพฺพหุลวุตฺติยา จ. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา –
‘‘ทฺวาเร จรนฺติ กมฺมานิ, น ทฺวารา ทฺวารจาริโน;
ตสฺมา ทฺวาเรหิ กมฺมานิ, อฺมฺํ ววตฺถิตา’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. กามาวจรกุสลทฺวารกถา);
วจีทุจฺจริตํ กายทฺวาเรปิ วจีทฺวาเรปิ อุปฺปนฺนาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมาติ มโนกมฺมภูตาย เจตนาย สมฺปยุตฺตธมฺมา. กายวจีกมฺมภูตาย ปน เจตนาย สมฺปยุตฺตา อภิชฺฌาทโย ตํ ตํ ปกฺขิกา วา โหนฺติ อพฺโพหาริกา วาติ. เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนสุจริตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ติวิธสฺส ¶ ทุจฺจริตสฺส อกรณวเสน ปวตฺตา ติสฺโส เจตนาปิ วิรติโยปิ กายสุจริตํ กายิกสฺส วีติกฺกมสฺส อกรณวเสน ปวตฺตนโต, กาเยน ปน สิกฺขาปทานํ สมาทิยเน สีลสฺส กายสุจริตภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เอเสว นโย วจีสุจริเต.
กามปฏิสํยุตฺโตติ ¶ เอตฺถ ทฺเว กามา วตฺถุกาโม จ กิเลสกาโม จ. ตตฺถ วตฺถุกามปกฺเข อารมฺมณกรณวเสน กาเมหิ ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก กามวิตกฺโก. กิเลสกามปกฺเข ปน สมฺปโยควเสน กาเมน ปฏิสํยุตฺโตติ โยเชตพฺพํ. ‘‘พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต’’ติอาทีสุ สมฺปโยควเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พฺยาปาทวตฺถุปฏิสํยุตฺโตปิ พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโตติ คยฺหมาเน อุภยถาปิ โยชนา ลพฺภเตว. วิหึสาปฏิสํยุตฺโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. วิหึสนฺติ เอตาย สตฺเต, วิหึสนํ วา เอสา สตฺตานนฺติ วิหึสา, ตาย ปฏิสํยุตฺโต วิหึสาปฏิสํยุตฺโตติ เอวํ สทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปฺปิเย อมนาเป สงฺขาเร อารพฺภ พฺยาปาทวิตกฺกปฺปวตฺติ อฏฺานาฆาตวเสน ทีเปตพฺพา. พฺยาปาทวิตกฺกสฺส อวธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาว วินาสนา’’ติ วุตฺตํ. วินาสนํ ปน ปาณาติปาโต เอวาติ. ‘‘สงฺขาโร’’ หิ ทุกฺขาเปตพฺโพ นาม นตฺถี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ เย ‘‘ทุกฺขาเปตพฺพา’’ติ อิจฺฉิตา สตฺตสฺิตา, เตปิ อตฺถโต สงฺขารา เอวาติ? สจฺจเมตํ, เย ปน อินฺทฺริยพทฺธา สวิฺาณกตาย ทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺติ, ตสฺมา เต วิหึสาวิตกฺกสฺส วิสยา อิจฺฉิตา สตฺตสฺิตา. เย ปน น ทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺติ ¶ วุตฺตลกฺขณาโยคโต, เต สนฺธาย ‘‘วิหึสาวิตกฺโก สงฺขาเรสุ นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. ยตฺถ ปน อุปฺปชฺชติ, ยถา จ อุปฺปชฺชติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเม สตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
เนกฺขมฺมํ วุจฺจติ โลภโต นิกฺขนฺตตฺตา อโลโภ, นีวรเณหิ นิกฺขนฺตตฺตาปิ ปมชฺฌานํ, สพฺพากุสเลหิ นิกฺขนฺตตฺตา สพฺโพ กุสโล ธมฺโม, สพฺพสงฺขเตหิ ปน ¶ นิกฺขนฺตตฺตา, นิพฺพานํ. อุปนิสฺสยโต, สมฺปโยคโต, อารมฺมณกรณโต จ เนกฺขมฺเมน ปฏิสํยุตฺโตติ เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต. เนกฺขมฺมวิตกฺโก สมฺมาสงฺกปฺโป. อิทานิ ตํ ภูมิวิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘โส’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสุภปุพฺพภาเคติ อสุภชฺฌานสฺส ปุพฺพภาเค. อสุภคฺคหณฺเจตฺถ กามวิตกฺกสฺส อุชุวิปจฺจนีกทสฺสนตฺถํ กตํ. กามวิตกฺกปฏิปกฺโข หิ เนกฺขมฺมวิตกฺโกติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริวิตกฺกทฺวยสฺส ภูมึ ทสฺเสนฺเตน สปุพฺพภาคานิ เมตฺตากรุณาฌานาทีนิ อุทฺธฏานิ. อสุภชฺฌาเนติ อสุภารมฺมเณ ปมชฺฌาเน. อวยเว หิ สมุทายโวหารํ กตฺวา นิทฺทิสติ ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. ฌานํ ปาทกํ กตฺวาติ นิทสฺสนมตฺตํ. ตํ ฌานํ สมฺมสิตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเลปิ หิ โส โลกุตฺตโรติ. พฺยาปาทสฺส ปฏิปกฺโข, กิฺจิปิ น พฺยาปาเทติ เอเตนาติ วา อพฺยาปาโท, เมตฺตา, ตาย ปฏิสํยุตฺโต อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต. เมตฺตาฌาเนติ เมตฺตาภาวนาวเสน อธิคเต ปมชฺฌาเน. กรุณาฌาเนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. วิหึสาย ปฏิปกฺโข, น วิหึสนฺติ วา เอตาย สตฺเตติ อวิหึสา, กรุณา.
นนุ ¶ จ อโลภาโทสานํ อฺมฺาวิรหโต เตสํ วเสน อุปฺปชฺชนกานํ อิเมสํ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทีนํ อฺมฺํ อสงฺกรณโต ววตฺถานํ น โหตีติ? โนติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อโลโภ สีสํ โหตีติ อโลโภ ปธาโน โหติ. นิยมิตปริณตสมุทาจาราทิวเสน ยทา อโลภปฺปธาโน เนกฺขมฺมครุโก จิตฺตุปฺปาโท โหติ, ตทา ลทฺธาวสโร เนกฺขมฺมวิตกฺโก ปติฏฺหติ. ตํสมฺปยุตฺตสฺส ปน อโทสลกฺขณสฺส อพฺยาปาทสฺส วเสน โย ตสฺเสว อพฺยาปาทวิตกฺกภาโว สมฺภเวยฺย, สติ จ อพฺยาปาทวิตกฺกภาเว กสฺสจิปิ อวิเหนชาติกตาย อวิหึสาวิตกฺกภาโว ¶ จ สมฺภเวยฺย, เต อิตเร ทฺเว. ตทนฺวยิกาติ ตสฺเสว เนกฺขมฺมวิตกฺกสฺส อนุคามิโน, สรูปโต อทิสฺสนโต ‘‘ตสฺมึ สติ โหนฺติ ¶ , อสติ น โหนฺตี’’ติ ตทนุมานเนยฺยา ภวนฺติ. เสสทฺวเยปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘กามปฏิสํยุตฺโต สงฺกปฺโป กามสงฺกปฺโป’’ติอาทินา วิตกฺกตฺติเก วุตฺตนเยเนว (ที. นิ. ๓.๒๘๘) เวทิตพฺโพ อตฺถโต อภินฺนตฺตา. ยทิ เอวํ กสฺมา ปุน เทสนา กตาติ? ตถา เทสนาย พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสยวเสน เทสนามตฺตเมเวตํ.
กามวิตกฺกาทีนํ วิย อุปฺปชฺชนากาโร เวทิตพฺโพ ‘‘ตาสุ ทฺเว สตฺเตสุปิ สงฺขาเรสุปิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินา. ตตฺถ การณมาห ‘‘ตํสมฺปยุตฺตาเยว หิ เอตา’’ติ. ตเถวาติ ยถา เนกฺขมฺมวิตกฺกาทีนํ ‘‘อสุภปุพฺพภาเค กามาวจโร โหตี’’ติอาทินา กามาวจราทิภาโว วุตฺโต, ตเถว ตาสมฺปิ เนกฺขมฺมสฺาทีนมฺปิ กามาวจราทิภาโว เวทิตพฺโพ.
กามปฏิสํยุตฺโตติ สมฺปโยควเสน กาเมน ปฏิสํยุตฺโต. ตกฺกนวเสน ตกฺโก. วิเสสโต ตกฺกนวเสน วิตกฺโก. สงฺกปฺปนปริกปฺปนวเสน สงฺกปฺโป. อฺเสุปิ กามปฏิสํยุตฺเตสุ ธมฺเมสุ วิชฺชมาเนสุ วิตกฺเก เอว กาโมปปโท ธาตุ-สทฺโท นิรุฬฺโห เวทิตพฺโพ วิตกฺกสฺส กามสงฺกปฺปปฺปวตฺติยา สาติสยตฺตา. เอส นโย พฺยาปาทธาตุอาทีสุ. สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา กามธาตู หีนชฺฌาสเยหิ กามิตพฺพธาตุภาวโต กิเลสกามสฺส อารมฺมณสภาวตฺตาติ อตฺโถ. วิเหเตีติ วิพาธติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ยถาวุตฺเต กามธาตุตฺติเก. สพฺพากุสลสงฺคาหิกาย กามธาตุยา อิตรา ทฺเว สงฺคเหตฺวา กถนํ สพฺพสงฺคาหิกา กถา. ติสฺโส ธาตุโย อฺมฺํ อสงฺกรโต กถา อสมฺภินฺนา. อิตรา ทฺเว คหิตาว โหนฺตีติ อิตรา ทฺเว ธาตุโย คหิตา เอว โหนฺติ สพฺเพปิ อกุสลา ¶ ธมฺมา กามธาตู’’ติ วุตฺตตฺตา สามฺโชตนาย สวิสยสฺส อติพฺยาปเนน. ตโตติ อิตรธาตุทฺวยสงฺคาหิกาย กามธาตุยา. นีหริตฺวาติ นิทฺธาเรตฺวา. ทสฺเสตีติ เอวํ ภควา ทสฺเสตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. พฺยาปาทธาตุํ…เป… กเถสิ. กสฺมา? ปเคว ¶ อปวาทา อภินิวิสนฺติ, ตโต ปรํ อุสฺสคฺโค ปวตฺตติ, เปตฺวา วา อปวาทวิสยํ ตํ ปริหรนฺโตว อุสฺสคฺโค ปวตฺตตีติ, าโย เหส โลเก นิรุฬฺโหติ.
ทฺเว ¶ กถาติ ‘‘สพฺพสงฺคาหิกา, อสมฺภินฺนา จา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) อนนฺตรตฺติเก วุตฺตา ทฺเว กถา. ตตฺถ วุตฺตนเยน อาเนตฺวา กถนวเสน เวทิตพฺพา. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตอตฺโถ อิธาปิ อาหริตฺวา เวทิตพฺโพ ‘‘เนกฺขมฺมธาตุยา คหิตาย อิตรา ทฺเว คหิตาว โหนฺตี’’ติอาทินา.
สฺุตฏฺเนาติ อตฺตสฺุตาย. กามภโว กาโม อุตฺตรปทโลเปน สฺุตฏฺเน ธาตุ จาติ กามธาตุ. พฺรหฺมโลกนฺติ ปมชฺฌานภูมิสฺิตํ พฺรหฺมโลกํ. ธาตุยา อาคตฏฺานมฺหีติ ‘‘กามธาตุ รูปธาตู’’ติอาทินา ธาตุคฺคหเณ กเต. ภเวน ปริจฺฉินฺทิตพฺพาติ ‘‘กามภโว รูปภโว’’ติอาทินา ภววเสน ตทตฺโถ ปริจฺฉินฺทิตพฺโพ, น ยาย กายจิ ธาตุยา วเสน. ยทคฺเคน จ ธาตุยา อาคตฏฺาเน ภเวน ปริจฺเฉโท กาตพฺโพ, ตทคฺเคน ภวสฺส อาคตฏฺาเน ธาตุยา ปริจฺเฉโท กาตพฺโพ ภววเสน ธาตุยา ปริจฺฉิชฺชนโต. นิรุชฺฌติ กิเลสวฏฺฏเมตฺถาติ นิโรโธ, สา เอว สฺุตฏฺเน ธาตูติ นิโรธธาตุ, นิพฺพานํ. นิรุทฺเธ จ กิเลสวฏฺเฏ กมฺมวิปากวฏฺฏา นิรุทฺธา เอว โหนฺติ.
หีนธาตุตฺติโก อภิธมฺเม (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๔) หีนตฺติเกน ปริจฺฉินฺทิตพฺโพติ วุตฺตํ ‘‘หีนา ธาตูติ ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา’’ติ. เต หิ ลามกฏฺเน หีนธาตุ. หีนปณีตานํ มชฺเฌ ภวาติ มชฺฌิมธาตุ, อวเสสา เตภูมกธมฺมา. อุตฺตมฏฺเน อตปฺปกฏฺเน ¶ จ ปณีตธาตุ, นวโลกุตฺตรธมฺมา.
ปฺจกามคุณา วิสยภูตา เอตสฺส สนฺตีติ ปฺจกามคุณิโก, กามราโค. รูปารูปภเวสูติ รูปารูปูปปตฺติภเวสุ ยถาธิคเตสุ. อนธิคเตสุ ปน โส ปตฺถนา นาม น โหตีติ ภววเสน ปตฺถนาติ อิมินาว คหิโต. ฌานนิกนฺตีติ รูปารูปชฺฌาเนสุ นิกนฺติ. ภววเสน ปตฺถนาติ ภเวสุ ปตฺถนาติ. เอวํ จตูหิปิ ปเทหิ ยถากฺกมํ มหคฺคตูปปตฺติภววิสยา, มหคฺคตกมฺมภววิสยา, ภวทิฏฺิสหคตา, ภวปตฺถนาภูตา จ ตณฺหา ‘‘ภวตณฺหา’’ติ วุตฺตา. วิภวทิฏฺิ วิภโว อุตฺตรปทโลเปน, วิภวสหคตา ตณฺหา วิภวตณฺหา. รูปาทิปฺจวตฺถุ กามวิสยา พลวราคภูตา ตณฺหา กามตณฺหาติ ปมนโย, ‘‘สพฺเพปิ ¶ เตภูมกธมฺมา ¶ กามนียฏฺเน กามา’’ติ (มหานิ. ๑) วจนโต เต อารพฺภ ปวตฺตา ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตา สพฺพาปิ ตณฺหา กามตณฺหาติ ทุติยนโยติ อยเมเตสํ วิเสโส.
อภิธมฺเม ปนาติ ปน-สทฺโท วิเสสตฺถโชตโน, เตน ปฺจกามคุณิกราคโต อฺโปิ กามาวจรธมฺมวิสโย โลโภ อภิธมฺเม (วิภ. ๙๑๕) ‘‘กามตณฺหา’’ติ อาคโตติ อิมํ วิเสสํ โชเตติ. ติกนฺตรมฺปิ สมานํ ตณฺหํเยว นิสฺสาย ปวตฺติตเทสนานนฺตรตาย ตํ ‘‘วาโร’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ‘‘อิมินา วาเรนา’’ติ วุตฺตํ. อิมินา วาเรนาติ อิมินา ปริยาเยนาติ อตฺโถ. รชนียฏฺเนาติ กามนียฏฺเน. ปริยาทิยิตฺวาติ ปริคฺคเหตฺวา. ตโตติ กามตณฺหาย. นีหริตฺวาติ นิทฺธาเรตฺวา. อิตรา ทฺเว ตณฺหาติ รูปตณฺหํ, อรูปตณฺหฺจ ทสฺเสติ. เอเตน ‘‘กามตณฺหา’’ติ สาธารณวจนเมตํ สพฺพสฺสปิ โลภสฺส, ตสฺส ปน ‘‘รูปตณฺหา ¶ อรูปตณฺหา’’ติ วิเสสวจนํ ยถา กามคุณิกราโค รูปราโค อรูปราโคติ ทสฺเสติ. นิโรธตณฺหาติ ภวนิโรเธ ภวสมุจฺเฉเท ตณฺหา. ยสฺมา หิ อุจฺเฉททิฏฺิ มนุสฺสตฺตภาเว, กามาวจรเทวตฺตภาเว, รูปาวจรอรูปาวจรตฺตภาเว ิตสฺส อตฺตโน สมฺมา สมุจฺเฉโท โหตีติ ภวนิโรธํ อารพฺภ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตํสหคตาปิ ตณฺหา ตเมว อารพฺภ ปวตฺตตีติ.
วฏฺฏสฺมินฺติ ติวิเธปิ วฏฺเฏ. ยถา เต หิ นิสฺสริตุํ อปฺปทานวเสน กมฺมวิปากวฏฺเฏ ตํสมงฺคิสตฺตํ เตสํ ปราปรุปฺปตฺติยา ปจฺจยภาเวน สํโยเชนฺติ, เอวํ กิเลสวฏฺเฏปีติ. สตีติ ปรมตฺถโต วิชฺชมาเน. รูปาทิเภเทติ รูปเวทนาทิวิภาเค. กาเยติ ขนฺธสมูเห. วิชฺชมานาติ สตี ปรมตฺถโต อุปลพฺภมานา. ทิฏฺิยา ปริกปฺปิโต หิ อตฺตาทิ ปรมตฺถโต นตฺถิ, ทิฏฺิ ปน อยํ อตฺเถวาติ. วิจินนฺโตติ ธมฺมสภาวํ วีมํสนฺโต. กิจฺฉตีติ กิลมติ. ปรามสตีติ ปรโต อามสติ. ‘‘สีเลน สุทฺธิ, วเตน สุทฺธี’’ติ คณฺหนฺโต หิ วิสุทฺธิมคฺคํ อติกฺกมิตฺวา ตสฺส ปรโต อามสติ นาม. วีสติวตฺถุกา ทิฏฺีติ รูปาทิ-ธมฺเม, ปจฺเจกํ เต วา นิสฺสิตํ, เตสํ วา นิสฺสยภูตํ, สามิภูตํ วา กตฺวา ปริกปฺปนวเสน ปวตฺติยา วีสติวตฺถุกา อตฺตทิฏฺิ วีสติ. วิมตีติ ธมฺเมสุ ¶ สมฺมา, มิจฺฉา วา มนนาภาวโต สํสยิตฏฺเน อมติ, อปฺปฏิปชฺชนนฺติ อตฺโถ. วิปริยาสคฺคาโหติ อสุทฺธิมคฺเค ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ วิปรีตคฺคาโห.
จิรปาริวาสิยฏฺเนาติ จิรปริวุตฺถตาย ปุราณภาเวน. อาสวนฏฺเนาติ สนฺทนฏฺเน, ปวตฺตนฏฺเนาติ อตฺโถ. สวตีติ ปวตฺตติ. อวธิอตฺโถ อา-กาโร, อวธิ ¶ จ มริยาทาภิวิธิเภทโต ทุวิโธ. ตตฺถ มริยาโท กิริยํ พหิ กตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อา ปาฏลิปุตฺตา ¶ วุฏฺโ เทโว’’ติ. อภิวิธิ กิริยํ พฺยาเปตฺวา ปวตฺตติ ยถา ‘‘อา ภวคฺคา ภควโต ยโส ปวตฺโต’’ติ. อภิวิธิอตฺโถ อยํ อา-กาโร เวทิตพฺโพ.
กตฺถจิ ทฺเว อาสวา อาคตาติ วินยปาฬึ (ปารา. ๓๙) สนฺธายาห. ตตฺถ หิ ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) ทฺวิธา อาสวา อาคตาติ. กตฺถจีติ ติกนิปาเต อาสวสุตฺเต, (อิติวุ. ๕๖; สํ. นิ. ๕.๑๖๓) อฺเสุ จ สฬายตนสุตฺตาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๓๒๑). สฬายตนสุตฺเตสุปิ หิ ‘‘ตโยเม อาวุโส อาสวา กามาสโว ภวาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ ตโย เอว อาคตาติ. นิรยํ คเมนฺตีติ นิรยคามินียา. ยสฺมา อิธ สาสวํ กุสลากุสลํ กมฺมํ อาสวปริยาเยน เทสิตํ, ตสฺมา ปฺจคติสํวตฺตนียภาเวน อาสวา อาคตา. อิมสฺมึ สงฺคีติสุตฺเต ตโย อาคตาติ. เอตฺถ ยสฺมา อฺเสุ จ อา ภวคฺคํ อา โคตฺรภุํ ปวตฺตนฺเตสุ มานาทีสุ วิชฺชมาเนสุ อตฺตตฺตนิยาทิคฺคาหวเสน, อภิพฺยาปนมทกรณวเสน อาสวสทิสตา จ เอเตสํเยว, น อฺเสํ, ตสฺมา เอเตสฺเวว อาสว-สทฺโท นิรุฬฺโห ทฏฺพฺโพ. น เจตฺถ ‘‘ทิฏฺาสโว นาคโต’’ติ จินฺเตตพฺพํ ภวตณฺหาย, ภวทิฏฺิยาปิ ภวาสวคฺคหเณเนว คหิตตฺตา. กามาสโว นาม กามนฏฺเน, อาสวนฏฺเน จ. วุตฺตาเยว อตฺถโต นินฺนานากรณโต.
กาเม เอสติ คเวสติ เอตายาติ กาเมสนา, กามานํ อภิปตฺถนาวเสน, ปริเยฏฺิวเสน, ปริภฺุชนวเสน วา ปวตฺตราโค. ภเวสนา ปน ภวปตฺถนา, ภวาภิรติภวชฺโฌสานวเสน ปวตฺตราโค ¶ . ทิฏฺิคติกสมฺมตสฺสาติ อฺติตฺถิเยหิ ปริกปฺปิตสฺส, สมฺภาวิตสฺส ¶ จ. พฺรหฺมจริยสฺสาติ ตโปปกฺกมสฺส. ตเทกฏฺนฺติ ตาหิ ราคทิฏฺีหิ สหเชกฏฺํ. กมฺมนฺติ อกุสลกมฺมํ. ตมฺปิ หิ กามาทิเก นิพฺพตฺตนาธิฏฺานาทิวเสน ปวตฺตํ ‘‘เอสตี’’ติ วุจฺจติ. อนฺตคฺคาหิกา ทิฏฺีติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. ยา กาจิ ปน มิจฺฉาทิฏฺิ ตโปปกฺกมเหตุกา พฺรหฺมจริเยสนา เอว.
อาการสณฺานนฺติ วิสิฏฺาการาวฏฺานํ กถํวิธนฺติ หิ เกน ปกาเรน สณฺิตํ, สมวฏฺิตนฺติ อตฺโถ. สทฺทตฺถโต ปน วิทหนํ วิสิฏฺากาเรน อวฏฺานํ วิธา, วิธียติ วิสทิสากาเรน ปียตีติ วิธา, โกฏฺาโส. วิทหนโต หีนาทิวเสน วิวิเธนากาเรน ทหนโต อุปธารณโต วิธา, มาโนว. เสยฺยสทิสหีนานํ วเสนาติ เสยฺยสทิสหีนภาวานํ ยาถาวา’ ยาถาวภูตานํ วเสน. ตโย มานา วุตฺตา เสยฺยสฺเสว อุปฺปชฺชนกา. เอส นโย สทิสหีเนสุปิ. เตนาห ‘‘อยฺหิ มาโน’’ติอาทิ. อิทานิ ยถาอุทฺทิฏฺเ นววิเธปิ มาเน วตฺถุวิภาเคน ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ราชูนฺเจว ปพฺพชิตานฺจ อุปฺปชฺชติ กสฺมา? เต วิเสสโต อตฺตานํ เสยฺยโต ทหนฺตีติ. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ราชา หี’’ติอาทิมาห. โก มยา สทิโส อตฺถีติ โก-สทฺโท ปฏิกฺเขปตฺโถ, อฺโ สทิโส นตฺถีติ อธิปฺปาโย. เอเตสํเยวาติ ราชูนํ, ปพฺพชิตานฺจ. อุปฺปชฺชติ เสฏฺวตฺถุกตฺตา ตสฺส. ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ มาเนปิ เอเสว นโย.
‘‘โก มยา สทิโส อฺโ ราชปุริโส อตฺถี’’ติ วา ‘‘มยฺหํ อฺเหิ สทฺธึ กึ นานากรณ’’นฺติ วา ‘‘อมจฺโจ ติ นามาเมว…เป… นามาห’’นฺติ วาติ สทิสสฺส เสยฺยมานาทีนํ ติณฺณํ ปวตฺติอาการทสฺสนํ.
ทาสาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน ภติก กมฺมกราทีนํ ปราธีนวุตฺติกานํ คหณํ ¶ . อาทิ-สทฺเทน วา คหิเต เอว ‘‘ปุกฺกุสจณฺฑาลาทโยปี’’ติ สยเมว ทสฺเสติ. นนุ จ มาโน นามายํ สํปคฺคหรโส, โส กถํ โอมาเน สมฺภวตีติ? โสปิ อวกรณมุเขน วิธานวตฺถุนา ปคฺคณฺหนวเสเนว ปวตฺตตีติ นายํ วิโรโธ. เตเนวาห ‘‘กึ ทาโส นาม อหนฺติ เอเต มาเน กโรตี’’ติ. ตถา หิสฺส ยาถาวมานตา วุตฺตา.
ยาถาวมานา ¶ ภวนิกนฺติ วิย, อตฺตทิฏฺิ วิย จ น มหาสาวชฺชา, ตสฺมา เต น อปายคมนียา. ยถาภูตวตฺถุกตาย หิ เต ยาถาวมานา. ‘‘อรหตฺตมคฺควชฺฌา’’ติ จ ตสฺส อนวเสสปฺปหายิตาย วุตฺตํ. ทุติยตติยมคฺเคหิ จ เต ยถากฺกมํ ปหียนฺติ, เย โอฬาริกตรา, โอฬาริกตมา จ. มาโน หิ ‘‘อหํ อสฺมี’’ติ ปวตฺติยา อุปริมคฺเคสุ สมฺมาทิฏฺิยา อุชุวิปจฺจนีโก หุตฺวา ปหียติ. อยาถาวมานา นาม อยถาภูตวตฺถุกตาย, เตเนว เต มหาสาวชฺชภาเวน ปมมคฺควชฺฌา วุตฺตา.
อตติ สตตํ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อทฺธา, กาโลติ อาห ‘‘ตโย อทฺธาติ ตโย กาลา’’ติ. สุตฺตนฺตปริยาเยนาติ ภทฺเทกรตฺตสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๘๓) อาคตนเยน. ตตฺถ หิ ‘‘โย จาวุโส มโน, เย จ ธมฺมา, อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ, ตสฺมึ เจ ปจฺจุปฺปนฺเน ฉนฺทราคปฏิพทฺธํ โหติ วิฺาณํ, ฉนฺทราคปฏิพทฺธตฺตา วิฺาณสฺส ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทนฺโต ปจฺจุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ สํหีรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๔) อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ปฏิสนฺธิโต ปุพฺเพ’’ติอาทิ. ตทนฺตรนฺติ เตสํ จุติปฏิสนฺธีนํ เวมชฺฌํ ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา, โย ปุพฺพนฺตาปรนฺตานํ เวมชฺฌตาย ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺเต กงฺขติ, (ธ. ส. ๑๑๒๓) ปุพฺพนฺตาปรนฺเต ¶ อฺาณ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๐๖๗, ๑๑๐๖, ๑๑๒๘) เอวมาทีสุ ¶ ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺโต’’ติ จ วุจฺจติ. ภงฺโค ธมฺโม อตีตํเสน สงฺคหิโตติ อาห ‘‘ภงฺคโต อุทฺธํ อตีโต อทฺธา นามา’’ติ. ตถา อนุปฺปนฺโน ธมฺโม อนาคตํเสน สงฺคหิโตติ อาห ‘‘อุปฺปาทโต ปุพฺเพ อนาคโต อทฺธา นามา’’ติ. ขณตฺตเยติ อุปฺปาโท, ิติ, ภงฺโคติ ตีสุ ขเณสุ. ยทา หิ ธมฺโม เหตุปจฺจยสฺส สมวาเย อุปฺปชฺชติ, ยทา จ เวติ, อิติ ทฺวีสุปิ ขเณสุ ิติกฺขเณ วิย ปจฺจุปฺปนฺโนติ. ธมฺมานฺหิ ปากภาวูปาธิกํ ปตฺตพฺพํ อุทโย, วิทฺธํสภาวูปาธิกํ วโย, ตทุภยเวมชฺฌํ ิติ. ยทิ เอวํ อทฺธา นามายํ ธมฺโม เอว อาปนฺโนติ? น ธมฺโม, ธมฺมสฺส ปน อวตฺถาเภโท, ตฺจ อุปาทาย โลเก กาลสมฺาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีตาทิเภโท จ นาม อย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. เตเนว โวหาเรนาติ ตํ ตํ อวตฺถาวิเสสํ อุปาทาย ธมฺโม ‘‘อตีโต อนาคโต ปจฺจุปฺปนฺโน’’ติ เยน โวหาเรน ¶ โวหรียติ, ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย หิ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กาโล ตสฺเสว ธมฺมสฺส ปวตฺติอวตฺถาวิเสสํ อุปาทาย เตเนว โวหาเรน ‘‘อตีโต อทฺธา’’ติอาทินา วุตฺโต.
อนฺต-สทฺโท โลเก ปริโยสาเน, โกฏิยํ นิรุฬฺโหติ ตทตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนฺโตเยว อนฺโต’’ติ อาห, โกฏิ อนฺโตติ อตฺโถ. ปรภาโคติ ปาริมนฺโต. อมติ คจฺฉติ ภวปฺปพนฺโธ นิฏฺานํ เอตฺถาติ อนฺโต, โกฏิ. อมนํ นิฏฺานคมนนฺติ อนฺโต, โอสานํ. โส ปน ‘‘เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๙๓; สํ. นิ. ๒.๕๑) วุตฺตตฺตา ทุกฺขณฺณวสฺส ปาริมนฺโตติ อาห ‘‘ปรภาโค’’ติ. อมฺมติ ปริภุยฺยติ หีฬียตีติ อนฺโต, ลามโก. อมฺมติ ภาคโส ายตีติ อนฺโต, อํโสติ อาห ‘‘โกฏฺาโส อนฺโต’’ติ. สนฺโต ¶ ปรมตฺถโต วิชฺชมาโน กาโย ธมฺมสมูโหติ สกฺกาโย, ขนฺธา, เต ปน อริยสจฺจภูตา อิธาธิปฺเปตาติ วุตฺตํ ‘‘ปฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ. ปุริมตณฺหาติ เยสํ นิพฺพตฺติกา, ตนฺนิพฺพตฺติโต ปเคว สิทฺธา ตณฺหา. อปฺปวตฺติภูตนฺติ นปฺปวตฺตติ ตทุภยํ เอตฺถาติ เตสํ อปฺปวตฺติฏฺานภูตํ. ยทิ ‘‘สกฺกาโย อนฺโต’’ติอาทินา อฺมฺํ วิภตฺติตาย ทุกฺขสจฺจาทโย คหิตา, อถ กสฺมา มคฺโค น คหิโตติ อาห ‘‘มคฺโค ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อุปายตฺตาติ อุปายภาวโต, สมฺปาปกเหตุภาวโตติ อตฺโถ.
ยทิ ปน เหตุมนฺตคฺคหเณเนว เหตุ คหิโต โหติ, นนุ เอวํ สกฺกายคฺคหเณเนว ตสฺส เหตุภูโต สกฺกายสมุทโย คหิโต โหตีติ? ตสฺส คหเณ สงฺขตทุโก วิย, สปฺปจฺจยทุโก วิย จ ทุโกวายํ อาปชฺชติ, น ติโก. ยถา ปน สกฺกายํ คเหตฺวา สกฺกายสมุทโยปิ คหิโต, เอวํ สกฺกายนิโรธํ คเหตฺวา สกฺกายนิโรธุปาโย คยฺเหยฺย, เอวํ สติ จตุกฺโก อยํ อาปชฺเชยฺย, ¶ น ติโก, ตสฺมา เหตุมนฺตคฺคหเณน เหตุคฺคหณํ น จินฺเตตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา – อิธ สกฺกายสกฺกายสมุทยา อนาทิกาลิกา, อสติ มคฺคภาวนายํ ปจฺจยานุปรเมน อปริยนฺตา จ, นิพฺพานํ ปน อปฺปจฺจยตฺตา อตฺตโน นิจฺจตาย เอว สพฺพทาภาวีติ อนาทิกาลิโก, อปริยนฺโต จ. อิติ อิมานิ ตีณิ สจฺจานิ มหาเถโร อิมาย สภาคตาย ‘‘ตโย อนฺตา’’ติ ติกํ กตฺวา ทสฺเสติ ¶ . อริยมคฺโค ปน กทาจิ กรหจิ ลพฺภมาโน น ตถาติ ตสฺส อติวิย ทุลฺลภปาตุภาวตํ ทีเปตุํ ติกโต พหิกโตติ อยเมตฺถ อตฺตโนมติ.
ทุกฺขตาติ ทุกฺขภาโว, ทุกฺขํเยว วา ยถา เทโว เอว เทวตา. ทุกฺข-สทฺโท จายํ อทุกฺขสภาเวสุปิ ¶ สุขุเปกฺขาสุ กฺจิ อนิฏฺตาวิเสสํ อุปาทาย ปวตฺตตีติ ตโต นิวตฺเตนฺโต สภาวทุกฺขวาจินา เอเกน ทุกฺข-สทฺเทน วิเสเสตฺวา ‘‘ทุกฺขทุกฺขตา’’ติ อาห. ภวติ หิ เอกนฺตโต ตํสภาเวปิ อตฺเถ อฺสฺส ธมฺมสฺส เยน เกนจิ สทิสตาเลเสน พฺยภิจาราสงฺกาติ วิเสสิตพฺพตา ยถา ‘‘รูปรูปํ ติลเตล’’นฺติ (วิภ. อฏฺ. ปกิณฺณกถา) จ. สงฺขารภาเวนาติ สงฺขตภาเวน. ปจฺจเยหิ สงฺขรียนฺตีติ สงฺขารา, อทุกฺขมสุขเวทนา. สงฺขริยมานตฺตา เอว หิ อสารกตาย ปริทุพฺพลภาเวน ภงฺคภงฺคาภิมุขกฺขเณสุ วิย อตฺตลาภกฺขเณปิ วิพาธปฺปตฺตา เอว หุตฺวา สงฺขารา ปวตฺตนฺตีติ อาห ‘‘สงฺขตตฺตา อุปฺปาทชราภงฺคปีฬิตา’’ติ. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตการณโต. อฺทุกฺขสภาววิรหโตติ ทุกฺขทุกฺขตาวิปริณามทุกฺขตาสงฺขาตสฺส อฺสฺส ทุกฺขสภาวสฺส อภาวโต. วิปริณาเมติ ปริณาเม, วิคเมติ อตฺโถ. เตนาห ปปฺจสูทนิยํ ‘‘วิปริณามทุกฺขาติ นตฺถิภาโว ทุกฺข’’นฺติ. อปริฺาตวตฺถุกานฺหิ สุขเวทนุปรโม ทุกฺขโต อุปฏฺาติ, สฺวายมตฺโถ ปิยวิปฺปโยเคน ทีเปตพฺโพ. เตนาห ‘‘สุขสฺส หี’’ติอาทิ. ปุพฺเพ วุตฺตนโย ปเทสนิสฺสิโต เวทนาวิเสสมตฺตวิสยตฺตาติ อนวเสสโต สงฺขารทุกฺขตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติ ทุติยนโย วุตฺโต. นนุ จ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๘) วจนโต สุขทุกฺขเวทนานมฺปิ สงฺขารทุกฺขตา อาปนฺนาติ ¶ ? สจฺจเมตํ, สา ปน สามฺโชตนาอปวาทภูเตน อิตรทุกฺขตาวจเนน นิวตฺตียตีติ นายํ วิโรโธ. เตเนวาห ‘‘เปตฺวา ทุกฺขเวทนํ สุขเวทนฺจา’’ติ.
มิจฺฉาสภาโวติ ‘‘หิตสุขาวโห เม ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อาสีสิโตปิ ตถา อภาวโต, อสุภาทีสุเยว ‘‘สุภ’’นฺติอาทิวิปรีตปฺปวตฺติโต จ มิจฺฉาสภาโว, มุสาสภาโวติ อตฺโถ. มาตุฆาตกาทีสุ ปวตฺตมานาปิ หิ หิตสุขํ อิจฺฉนฺตาว ปวตฺตนฺตีติ เต ¶ ธมฺมา ‘‘หิตสุขาวหา เม ¶ ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาสีสิตา โหนฺติ. ตถา อสุภาสุขานิจฺจานตฺเตสุ สุภาทิวิปริยาสทฬฺหตาย อานนฺตริยกมฺมนิยตมิจฺฉาทิฏฺีสุ ปวตฺติ โหตีติ เต ธมฺมา อสุภาทีสุ สุภาทิวิปรีตปฺปวตฺติกา โหนฺติ. วิปากทาเน สติ ขนฺธเภทานนฺตรเมว วิปากทานโต นิยโต, มิจฺฉตฺโต จ โส นิยโต จาติ มิจฺฉตฺตนิยโต. อเนเกสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ ยํ ตตฺถ พลวํ, ตํ วิปจฺจติ, น อิตรานีติ เอกนฺตวิปากชนกตาย นิยตตา น สกฺกา วตฺตุนฺติ ‘‘วิปากทาเน สตี’’ติ วุตฺตํ. ขนฺธเภทานนฺตรนฺติ จุติอนนฺตรนฺติ อตฺโถ. จุติ หิ มรณนิทฺเทเส ‘‘ขนฺธานํ เภโท’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๙๐; ม. นิ. ๑.๑๒๓; ๓.๓๗๓; วิภ. ๑๙๓) วุตฺตา, เอเตน วจเนน สติ ผลทาเน จุติอนนฺตโร เอว เอเตสํ ผลกาโล, น อฺโติ ผลกาลนิยเมน นิยตตา วุตฺตา โหติ, น ผลทานนิยเมนาติ นิยตผลกาลานํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ, ทิฏฺธมฺมเวทนียานมฺปิ นิยตตา อาปชฺชติ, ตสฺมา วิปากธมฺมธมฺมานํ ปจฺจยนฺตรวิกลตาทีหิ อวิปจฺจมานานมฺปิ อตฺตโน สภาเวน วิปากธมฺมตา วิย พลวตา อานนฺตริเยน วิปาเก ทินฺเน อวิปจฺจมานานมฺปิ อานนฺตริยานํ ผลทาเน นิยตสภาวา, อานนฺตริยสภาวา จ ปวตฺตีติ อตฺตโน สภาเวน ¶ ผลทานนิยเมเนว นิยตตา, อานนฺตริยตา จ เวทิตพฺพา. อวสฺสฺจ นิยตสภาวา, อานนฺตริยสภาวา จ เตสํ ปวตฺตีติ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพเมตํ อฺสฺส พลวโต อานนฺตริยสฺส อภาเว จุติอนนฺตรํ เอกนฺเตน ผลทานโต.
นนุ เอวํ อฺเสมฺปิ อุปปชฺชเวทนียานํ อฺสฺมึ วิปากทายเก อสติ จุติอนนฺตรเมว เอกนฺเตน ผลทานโต อานนฺตริยสภาวา, นิยตสภาวา จ ปวตฺติ อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ อสมานชาติเกน เจโตปณิธิวเสน, อุปฆาตเกน จ นิวตฺเตตพฺพวิปากตฺตา อนนฺตเรกนฺตผลทายกตฺตาภาวา, น ปน อานนฺตริยานํ ปมชฺฌานาทีนํ ทุติยชฺฌานาทีนิ วิย อสมานชาติกํ ผลนิวตฺตกํ อตฺถิ สพฺพานนฺตริยานํ อวีจิผลตฺตา, น จ เหฏฺูปปตฺตึ อิจฺฉโต สีลวโต เจโตปณิธิ วิย อุปรูปปตฺติชนกกมฺมพลํ อานนฺตริยพลํ นิวตฺเตตุํ สมตฺโถ เจโตปณิธิ อตฺถิ อนิจฺฉนฺตสฺเสว อวีจิปาตนโต, น จ อานนฺตริยุปฆาตกํ กิฺจิ กมฺมํ อตฺถิ. ตสฺมา เตสํเยว อนนฺตเรกนฺตวิปากชนกสภาวา ปวตฺตีติ. อเนกานิ ¶ จ อานนฺตริยานิ กตานิ เอกนฺเต วิปาเก นิยตตฺตา อุปรตาวิปจฺจนสภาวาสงฺกตฺตา นิจฺฉิตานิ สภาวโต นิยตาเนว. จุติอนนฺตรํ ปน ผลํ อนนฺตรํ นาม, ตสฺมึ อนนฺตเร นิยุตฺตานิ, ตนฺนิพฺพตฺตเนน อนนฺตรกรณสีลานิ อนนฺตรปโยชนานิ จาติ สภาวโต อานนฺตริยาเนว จ โหนฺติ. เตสุ ปน สมานสภาเวสุ เอเกน วิปาเก ทินฺเน อิตรานิ อตฺตนา กาตพฺพกิจฺจสฺส เตเนว กตตฺตา น ทุติยํ ตติยฺจ ปฏิสนฺธึ ¶ กโรนฺติ, น สมตฺถตาวิฆาตตฺตาติ นตฺถิ เตสํ นิยตานนฺตริยตานิวตฺตีติ. น หิ สมานสภาวํ สมานสภาวสฺส ¶ สมตฺถตํ วิหนตีติ. เอกสฺส ปน อฺานิปิ อุปตฺถมฺภกานิ โหนฺตีติ ทฏฺพฺพานีติ. สมฺมาสภาเวติ สจฺจสภาเว. นิยโต เอกนฺติโก อนนฺตรเมว ผลทาเนนาติ สมฺมตฺตนิยมโต. น นิยโตติ อุภยถาปิ น นิยโต. อวเสสานํ ธมฺมานนฺติ กิเลสานนฺตริยกมฺมนิยฺยานิกธมฺเมหิ อฺเสํ ธมฺมานํ.
ตมนฺธกาโรติ ตโม อนฺธกาโรติ ปทวิภาโค. อวิชฺชา ตโม นาม อารมฺมณสฺส ฉาทนฏฺเน. เตเนวาห ‘‘ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน (ม. นิ. ๑.๓๘๕; ปารา. ๑๒), ตโมกฺขนฺโธ ปทาลิโต’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๖๔) จ อาทิ. อวิชฺชาสีเสน วิจิกิจฺฉา วุตฺตา มหตา สมฺโมเหน สพฺพกาลํ อวิยุชฺชนโต. อาคมฺมาติ ปตฺวา. กงฺขตีติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) กงฺขํ อุปฺปาเทติ สํสยํ อาปชฺชติ. อธิมุจฺจิตุํ น สกฺโกตีติ ปสาทาธิโมกฺขวเสน อธิมุจฺจิตุํ น สกฺโกติ. เตนาห ‘‘น สมฺปสีทตี’’ติ. ยาวตฺตกฺหิ ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ วิจิกิจฺฉา น วิคจฺฉติ, ตาว ตตฺถ สทฺธาธิโมกฺโข อนวสโรว. น เกวลํ สทฺธาธิโมกฺโข, นิจฺฉยาธิโมกฺโขปิ ตตฺถ น ปติฏฺหติ เอว.
น รกฺขิตพฺพานีติ ‘‘อิมานิ มยา รกฺขิตพฺพานี’’ติ เอวํ กตฺถจิ รกฺขากิจฺจํ นตฺถิ ปรโต รกฺขิตพฺพสฺเสว อภาวโต. สติยา เอว รกฺขิตานีติ มุฏฺสฺสจฺจสฺส โพธิมูเล ¶ เอว สวาสนํ สมุจฺฉินฺนตฺตา สติยา รกฺขิตพฺพานิ นาม สพฺพทาปิ รกฺขิตานิ เอว. นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตนฺติ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ นาม นตฺเถว, ยโต สุปริสุทฺโธ กายสมาจาโร ภควโต. โน อปริสุทฺธา, ปริสุทฺธา เอว อปริสุทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ปหีนตฺตา. ตถาปิ วินเย อปกตฺุตาวเสน สิยา ¶ เตสํ อปาริสุทฺธิเลโส, น ภควโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘น ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วิหารการํ อาปตฺตินฺติ เอกวจนวเสน ‘‘อาปตฺติโย’’ติ เอตฺถ อาปตฺติ-สทฺทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อภิเธยฺยานุรูปฺหิ ลิงฺควจนานิ โหนฺติ. เอส นโย เสเสสุปิ. ‘‘มโนทฺวาเร’’ติ อิทํ ตสฺสา อาปตฺติยา อกิริยสมุฏฺานตาย วุตฺตํ. น หิ มโนทฺวาเร ปฺตฺตา อาปตฺติ อตฺถีติ. สอุปารมฺภวเสนาติ สวตฺตพฺพตาวเสน, น ปน ทุจฺจริตลกฺขณาปตฺติวเสน, ยโต นํ ภควา ปฏิกฺขิปติ. ยถา อายสฺมโต มหากปฺปินสฺสาปิ ‘‘คจฺเฉยฺยํ วาหํ อุโปสถํ, น วา คจฺเฉยฺยํ. คจฺเฉยฺยํ วาหํ สงฺฆกมฺมํ, น วา คจฺเฉยฺย’’นฺติ (มหาว. ๑๓๗) ปริวิตกฺกิตํ. มโนทุจฺจริตนฺติ มโนทฺวาริกํ อปฺปสตฺถํ จริตํ. สตฺถารา อปฺปสตฺถตาย หิ ตํ ทุจฺจริตํ นาม ชาตํ, น สภาวโต.
ยสฺมา ¶ มหาการุณิโก ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขาย เอว ปฏิปชฺชมาโน อจฺจนฺตวิเวกชฺฌาสยตาย ตพฺพิธุรํ ธมฺมเสนาปติโน จิตฺตุปฺปาทํ ปฏิกฺขิปนฺโต ¶ ‘‘น โข เต…เป… อุปฺปาเทตพฺพ’’นฺติ อโวจ, ตสฺมา โส เถรสฺส จิตฺตุปฺปาโท ภควโต น ปาสํโสติ กตฺวา มโนทุจฺจริตํ นาม ชาโต, ตสฺส จ ปฏิกฺเขโป อุปารมฺโภติ อาห ‘‘ตสฺมึ มโนทุจฺจริเต อุปารมฺภํ อาโรเปนฺโต’’ติ. ภควโต ปน เอตฺตกมฺปิ นตฺถิ, ยโต ปวารณาสุตฺเต ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, ปวาเรมิ โว, น จ เม กิฺจิ ครหถ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๑๕) วุตฺโต ภิกฺขุสงฺโฆ ‘‘น โข มยํ ภนฺเต ภควโต กิฺจิ ครหาม กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ สตฺถุ ปริสุทฺธกายสมาจาราทิกํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิ. อยฺหิ โลกนาถสฺส ทุจฺจริตาภาโว โพธิสตฺตภูมิยมฺปิ จริยาจิรานุคโต อโหสิ, ปเคว พุทฺธภูมิยนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนจฺฉริยฺเจต’’นฺติอาทิมาห.
พุทฺธานํเยว ธมฺมา คุณา, น อฺเสนฺติ พุทฺธธมฺมา. ตถา หิ เต พุทฺธานํ อาเวณิกธมฺมาติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ‘‘นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริต’’นฺติอาทินา กายวจีมโนทุจฺจริตาภาววจนํ ยถาธิการํ กายกมฺมาทีนํ าณานุปริวตฺติตาย ลทฺธคุณกิตฺตนํ, น อาเวณิกธมฺมนฺตรทสฺสนํ. สพฺพสฺมิฺหิ กายกมฺมาทิเก าณานุปริวตฺตินิ กุโต กายทุจฺจริตาทีนํ สมฺภโว. ‘‘พุทฺธสฺส อปฺปฏิหตาณ’’นฺติอาทินา วุตฺตานิ สพฺพฺุตฺาณโต วิสุํเยว ¶ ตีณิ าณานิ จตุโยนิปฺจคติปริจฺเฉทกาณานิ วิยา’’ติ วทนฺติ. เอกํเยว หุตฺวา ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ นาม สพฺพฺุตฺาณเมว. นตฺถิ ฉนฺทสฺส หานีติ สตฺเตสุ หิตฉนฺทสฺส หานิ นตฺถิ. นตฺถิ วีริยสฺส ¶ หานีติ เขมปวิเวกวิตกฺกานุคตสฺส วีริยสฺส หานิ นตฺถิ. ‘‘นตฺถิ ทวาติ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน กิริยา นตฺถิ. นตฺถิ รวาติ สหสา กิริยา นตฺถี’’ติ วทนฺติ, สหสา ปน กิริยา ทวา ‘‘อฺํ กริสฺสามี’’ติ อฺกรณํ รวา. ขลิตนฺติ วิรชฺฌนํ าเณน อปฺผุฏํ. สหสาติ เวคายิตตฺตํ ตุริตกิริยา. อพฺยาวโฏ มโนติ นิรตฺถโก จิตฺตสมุทาจาโร. อกุสลจิตฺตนฺติ อฺาณุเปกฺขมาห, อยฺจ ทีฆภาณกานํ ปาโ อากุโล วิย. อยํ ปน ปาโ อนากุโล –
อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตาณํ, อนาคตํเส, ปจฺจุปฺปนฺนํเส. อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สพฺพํ กายกมฺมํ าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺติ, สพฺพํ วจีกมฺมํ, สพฺพํ มโนกมฺมํ. อิเมหิ ฉหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต นตฺถิ