📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ทีฆนิกาเย
สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา
คนฺถารมฺภกถา
โย ¶ ¶ เทเสตฺวาน สทฺธมฺมํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ วรํ;
ทีฆทสฺสี จิรํ กาลํ, ปติฏฺาเปสิ สาสนํ.๑.
วิเนยฺยชฺฌาสเย เฉกํ, มหามตึ มหาทยํ;
นตฺวาน ตํ สสทฺธมฺมคณํ คารวภาชนํ.๒.
สงฺคีติตฺตยมารุฬฺหา, ทีฆาคมวรสฺส ยา;
สํวณฺณนา ยา จ ตสฺสา, วณฺณนา สาธุวณฺณิตา. ๓.
อาจริยธมฺมปาล- ¶ ตฺเถเรเนวาภิสงฺขตา;
สมฺมา นิปุณคมฺภีร-ทุทฺทสตฺถปฺปกาสนา.๔.
กามฺจ สา ตถาภูตา, ปรมฺปราภตา ปน;
ปาโต อตฺถโต จาปิ, พหุปฺปมาทเลขนา.๕.
สงฺเขปตฺตา จ โสตูหิ, สมฺมา าตุํ สุทุกฺกรา;
ตสฺมา สพฺรหฺมจารีนํ, ยาจนํ สมนุสฺสรํ.๖.
โย’เนกเสตนาคินฺโท, ราชา นานารฏฺิสฺสโร;
สาสนโสธเน ทฬฺหํ, สทา อุสฺสาหมานโส.๗.
ตํ นิสฺสาย ‘‘มเมโสปิ, สตฺถุสาสนโชตเน;
อปฺเปว นามุปตฺถมฺโภ, ภเวยฺยา’’ติ วิจินฺตยํ.๘.
วณฺณนํ ¶ อารภิสฺสามิ, สาธิปฺปายมหาปยํ;
อตฺถํ ตมุปนิสฺสาย, อฺฺจาปิ ยถารหํ.๙.
จกฺกาภิวุฑฺฒิกามานํ, ธีรานํ จิตฺตโตสนํ;
สาธุวิลาสินึ นาม, ตํ สุณาถ สมาหิตาติ. ๑๐.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา
นานานยนิปุณคมฺภีรวิจิตฺรสิกฺขตฺตยสงฺคหสฺส พุทฺธานุพุทฺธสํวณฺณิตสฺส สทฺธาวหคุณสมฺปนฺนสฺส ทีฆาคมวรสฺส คมฺภีรทุรนุโพธตฺถทีปกํ สํวณฺณนมิมํ กโรนฺโต สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหนสมตฺโถ มหาเวยฺยากรโณยมาจริโย สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามปโยชนาทิวิธานานิ กโรนฺโต ปมํ ตาว รตนตฺตยปณามํ กาตุํ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทิมาห. เอตฺถ จ สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณปฺปโยชนํ ตตฺถ ตตฺถ พหุธา ปปฺเจนฺติ อาจริยา. ตถา หิ วณฺณยนฺติ –
‘‘สํวณฺณนารมฺเภ ¶ สตฺถริ ปณามกรณํ ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตภาเวน สตฺถริ ปสาทชนนตฺถํ, สตฺถุ จ อวิตถเทสนภาวปฺปกาสเนน ธมฺเม ปสาทชนนตฺถํ. ตทุภยปฺปสาทา หิ มหโต อตฺถสฺส สิทฺธิ โหตี’’ติ (ธ. ส. ฏี. ๑-๑).
อถ วา ‘‘รตนตฺตยปณามวจนํ อตฺตโน รตนตฺตยปฺปสาทสฺส วิฺาปนตฺถํ, ตํ ปน วิฺูนํ จิตฺตาราธนตฺถํ, ตํ อฏฺกถาย คาหณตฺถํ, ตํ สพฺพสมฺปตฺตินิปฺผาทนตฺถ’’นฺติ. อถ วา ‘‘สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยวนฺทนา สํวณฺเณตพฺพสฺส ธมฺมสฺส ปภวนิสฺสยวิสุทฺธิปฏิเวทนตฺถํ, ตํ ปน ธมฺมสํวณฺณนาสุ วิฺูนํ พหุมานุปฺปาทนตฺถํ, ตํ สมฺมเทว เตสํ อุคฺคหณธารณาทิกฺกมลทฺธพฺพาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สพฺพหิตสุขนิปฺผาทนตฺถ’’นฺติ. อถ วา ‘‘มงฺคลภาวโต, สพฺพกิริยาสุ ปุพฺพกิจฺจภาวโต, ปณฺฑิเตหิ สมาจริตภาวโต, อายตึ ปเรสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนโต จ สํวณฺณนายํ รตนตฺตยปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘จตุคมฺภีรภาวยุตฺตํ ธมฺมวินยํ สํวณฺเณตุกามสฺส มหาสมุทฺทํ โอคาหนฺตสฺส วิย ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคตสฺสาปิ มหนฺตํ ภยํ สมฺภวติ, ภยกฺขยาวหฺเจตํ รตนตฺตยคุณานุสฺสรณชนิตํ ¶ ปณามปูชาวิธานํ, ตโต จ สํวณฺณนายํ รตนตฺตยปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘อสตฺถริปิ สตฺถาภินิเวสสฺส โลกสฺส ยถาภูตํ สตฺถริ เอว สมฺมาสมฺพุทฺเธ สตฺถุสมฺภาวนตฺถํ, อสตฺถริ จ สตฺถุสมฺภาวนปริจฺจชาปนตฺถํ, ‘ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’ติ (ปารา. ๑๙๕) จ วุตฺตโทสปริหรณตฺถํ สํวณฺณนายํ ปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต ปณามวิธาเนน สมฺมาสมฺพุทฺธภาวาธิคมาย พุทฺธยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหชนนตฺถํ, สทฺธมฺมสฺส จ ปณามวิธาเนน ปจฺเจกพุทฺธภาวาธิคมาย ปจฺเจกพุทฺธยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหชนนตฺถํ, สงฺฆสฺส จ ปณามวิธาเนน ปรมตฺถสงฺฆภาวาธิคมาย สาวกยานํ ปฏิปชฺชนฺตานํ อุสฺสาหชนนตฺถํ สํวณฺณนายํ ปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘มงฺคลาทิกานิ สตฺถานิ อนนฺตรายานิ, จิรฏฺิติกานิ, พหุมตานิ จ ภวนฺตีติ เอวํลทฺธิกานํ จิตฺตปริโตสนตฺถํ สํวณฺณนายํ ปณามกิริยา’’ติ. อถ วา ‘‘โสตุชนานํ ยถาวุตฺตปณาเมน อนนฺตราเยน อุคฺคหณธารณาทินิปฺผาทนตฺถํ สํวณฺณนายํ ปณามกิริยา. โสตุชนานุคฺคหเมว หิ ปธานํ กตฺวา อาจริเยหิ สํวณฺณนารมฺเภ ถุติปณามปริทีปกานิ วากฺยานิ นิกฺขิปียนฺติ, อิตรถา วินาปิ ตํ นิกฺเขปํ กายมโนปณาเมเนว ยถาธิปฺเปตปฺปโยชนสิทฺธิโต กิเมเตน คนฺถคารวกรเณนา’’ติ จ เอวมาทินา. มยํ ปน อิธาธิปฺเปตเมว ปโยชนํ ทสฺสยิสฺสาม, ตสฺมา สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทเมว จ ปโยชนํ อาจริเยน อิธาธิปฺเปตํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อิติ เม ปสนฺนมติโน ¶ …เป… ตสฺสานุภาเวนา’’ติ. รตนตฺตยปณามกรณฺหิ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถํ รตนตฺตยปูชาย ปฺาปาฏวภาวโต, ตาย จ ปฺาปาฏวํ ราคาทิมลวิธมนโต. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยสฺมึ มหานาม สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; อ. นิ. ๑๑.๑๑).
ตสฺมา ¶ รตนตฺตยปูชาย วิกฺขาลิตมลาย ปฺาย ปาฏวสิทฺธิ. อถ วา รตนตฺตยปูชาย ปฺาปทฏฺานสมาธิเหตุตฺตา ปฺาปาฏวํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อุชุคตจิตฺโต โข ปน มหานาม อริยสาวโก ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺโมปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวทยติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐; อ. นิ. ๑๑.๑๑).
สมาธิสฺส จ ปฺาย ปทฏฺานภาโว ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๔.๙๙; ๕.๑๐๗๑; เนตฺติ. ๔๐; เปฏโก. ๖๖; มิ. ป. ๑๔) วุตฺโตเยว. ตโต เอวํ ปฏุภูตาย ปฺาย เขทมภิภุยฺย ปฏิฺาตํ สํวณฺณนํ สมาปยิสฺสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘รตนตฺตยปณามกรณฺหิ…เป… ปฺาปาฏวภาวโต’’ติ. อถ วา รตนตฺตยปูชาย อายุวณฺณสุขพลวฑฺฒนโต อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ เวทิตพฺพํ. รตนตฺตยปณาเมน หิ อายุวณฺณสุขพลานิ วฑฺฒนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อภิวาทนสีลิสฺส, นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน;
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ, อายุ วณฺโณ สุขํ พล’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๐๙);
ตโต อายุวณฺณสุขพลวุทฺธิยา โหตฺเวว การิยนิฏฺานนฺติ วุตฺตํ ‘‘รตนตฺตยปูชาย อายุ…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ. อถ วา รตนตฺตยปูชาย ปฏิภานาปริหานาวหตฺตา อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ เวทิตพฺพํ. อปริหานาวหา หิ รตนตฺตยปูชา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สตฺติเม ¶ ภิกฺขเว, อปริหานียา ธมฺมา, กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา, ธมฺมคารวตา, สงฺฆคารวตา, สิกฺขาคารวตา, สมาธิคารวตา, กลฺยาณมิตฺตตา, โสวจสฺสตา’’ติ (อ. นิ. ๗.๓๔) ตโต ปฏิภานาปริหาเนน โหตฺเวว ยถาปฏิฺาตปริสมาปนนฺติ วุตฺตํ ‘‘รตนตฺตย…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ. อถ วา ปสาทวตฺถูสุ ปูชาย ปฺุาติสยภาวโต อนนฺตราเยน ปริสมาปนํ เวทิตพฺพํ. ปฺุาติสยา หิ ปสาทวตฺถูสุ ปูชา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปูชารเห ¶ ปูชยโต, พุทฺเธ ยทิว สาวเก;
ปปฺจสมติกฺกนฺเต, ติณฺณโสกปริทฺทเว.
เต ตาทิเส ปูชยโต, นิพฺพุเต อกุโตภเย;
น สกฺกา ปฺุํ สงฺขาตุํ, อิเมตฺตมปิ เกนจี’’ติ. (ขุ. ปา. ๑๙๖; อป. ๑.๑๐.๒);
ปฺุาติสโย จ ยถาธิปฺเปตปริสมาปนุปาโย. ยถาห –
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภตี’’ติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๐);
อุปาเยสุ จ ปฏิปนฺนสฺส โหตฺเวว การิยนิฏฺานนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปสาทวตฺถูสุ…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ. เอวํ รตนตฺตยปูชา นิรติสยปฺุกฺเขตฺตสมฺพุทฺธิยา อปริเมยฺยปฺปภาโว ปฺุาติสโยติ พหุวิธนฺตราเยปิ โลกสนฺนิวาเส อนฺตรายนิพนฺธนสกลสํกิเลสวิทฺธํสนาย ปโหติ, ภยาทิอุปทฺทวฺจ นิวาเรติ. ตสฺมา สุวุตฺตํ ‘‘สํวณฺณนารมฺเภ รตนตฺตยปณามกรณํ ยถาปฏิฺาตสํวณฺณนาย อนนฺตราเยน ปริสมาปนตฺถนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ.
เอวํ ปน สปโยชนํ รตนตฺตยปณามํ กตฺตุกาโม พุทฺธรตนมูลกตฺตา เสสรตนานํ ปมํ ตสฺส ปณามํ กาตุมาห – ‘‘กรุณาสีตลหทยํ…เป… คติวิมุตฺต’’นฺติ. พุทฺธรตนมูลกานิ หิ ธมฺมสงฺฆรตนานิ, เตสุ จ ธมฺมรตนมูลกํ สงฺฆรตนํ, ตถาภาโว จ ‘‘ปุณฺณจนฺโท วิย ภควา, จนฺทกิรณนิกโร วิย เตน เทสิโต ธมฺโม, จนฺทกิรณสมุปฺปาทิตปีณิโต โลโก วิย สงฺโฆ’’ติ เอวมาทีหิ อฏฺกถายมาคตอุปมาหิ วิภาเวตพฺโพ. อถ วา สพฺพสตฺตานํ อคฺโคติ กตฺวา ปมํ พุทฺโธ, ตปฺปภวโต, ตทุปเทสิตโต จ ตทนนฺตรํ ธมฺโม, ตสฺส ธมฺมสฺส สาธารณโต ¶ , ตทาเสวนโต จ ตทนนฺตรํ สงฺโฆ วุตฺโต. ‘‘สพฺพสตฺตานํ วา หิเต วินิโยชโกติ กตฺวา ปมํ พุทฺโธ, สพฺพสตฺตหิตตฺตา ตทนนฺตรํ ธมฺโม, หิตาธิคมาย ปฏิปนฺโน อธิคตหิโต จาติ กตฺวา ตทนนฺตรํ สงฺโฆ วุตฺโต’’ติ อฏฺกถาคตนเยน อนุปุพฺพตา เวทิตพฺพา.
พุทฺธรตนปณามฺจ ¶ กโรนฺโต เกวลปณามโต โถมนาปุพฺพงฺคโมวสาติสโยติ ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติอาทิปเทหิ โถมนาปุพฺพงฺคมตํ ทสฺเสติ. โถมนาปุพฺพงฺคเมน หิ ปณาเมน สตฺถุ คุณาติสยโยโค, ตโต จสฺส อนุตฺตรวนฺทนียภาโว, เตน จ อตฺตโน ปณามสฺส เขตฺตงฺคตภาโว, เตน จสฺส เขตฺตงฺคตสฺส ปณามสฺส ยถาธิปฺเปตนิปฺผตฺติเหตุภาโว ทสฺสิโตติ. โถมนาปุพฺพงฺคมตฺจ ทสฺเสนฺโต ยสฺสา สํวณฺณนํ กตฺตุกาโม, สา สุตฺตนฺตเทสนา กรุณาปฺาปฺปธานาเยว, น วินยเทสนา วิย กรุณาปฺปธานา, นาปิ อภิธมฺมเทสนา วิย ปฺาปฺปธานาติ ตทุภยปฺปธานเมว โถมนมารภติ. เอสา หิ อาจริยสฺส ปกติ, ยทิทํ อารมฺภานุรูปโถมนา. เตเนว จ วินยเทสนาย สํวณฺณนารมฺเภ ‘‘โย กปฺปโกฏีหิปิ…เป… มหาการุณิกสฺส ตสฺสา’’ติ (ปารา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) กรุณาปฺปธานํ, อภิธมฺมเทสนาย สํวณฺณนารมฺเภ ‘‘กรุณา วิย…เป… ยถารุจี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑) ปฺาปฺปธานฺจ โถมนมารทฺธํ. วินยเทสนา หิ อาสยาทินิรเปกฺขเกวลกรุณาย ปากติกสตฺเตนาปิ อโสตพฺพารหํ สุณนฺโต, อปุจฺฉิตพฺพารหํ ปุจฺฉนฺโต, อวตฺตพฺพารหฺจ วทนฺโต สิกฺขาปทํ ปฺเปสีติ กรุณาปฺปธานา. ตถา หิ อุกฺกํสปริยนฺตคตหิโรตฺตปฺโปปิ ภควา โลกิยสาธุชเนหิปิ ปริหริตพฺพานิ ‘‘สิขรณี, สมฺภินฺนา’’ติอาทิวจนานิ, (ปารา. ๑๘๕) ยถาปราธฺจ ครหวจนานิ มหากรุณาสฺโจทิตมานโส มหาปริสมชฺเฌ อภาสิ, ตํตํสิกฺขาปทปฺตฺติ การณาเปกฺขาย จ เวรฺชาทีสุ สารีริกํ เขทมนุโภสิ. ตสฺมา กิฺจาปิ ภูมนฺตรปจฺจยาการสมยนฺตรกถานํ วิย วินยปฺตฺติยาปิ สมุฏฺาปิกา ปฺา อนฺสาธารณตาย อติสยกิจฺจวตี, กรุณาย กิจฺจํ ปน ตโตปิ อธิกนฺติ วินยเทสนาย กรุณาปฺปธานตา วุตฺตา. กรุณาพฺยาปาราธิกตาย หิ เทสนาย กรุณาปธานตา, อภิธมฺมเทสนา ปน เกวลปฺาปฺปธานา ปรมตฺถธมฺมานํ ยถาสภาวปฏิเวธสมตฺถาย ปฺาย ตตฺถ สาติสยปฺปวตฺติโต. สุตฺตนฺตเทสนา ปน กรุณาปฺาปฺปธานา เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยานุสยาธิมุตฺติจริตาทิเภทปริจฺฉินฺทนสมตฺถาย ปฺาย สตฺเตสุ จ มหากรุณาย ตตฺถ สาติสยปฺปวตฺติโต. สุตฺตนฺตเทสนาย หิ มหากรุณาย สมาปตฺติพหุโล วิเนยฺยสนฺตาเน ตทชฺฌาสยานุโลเมน ¶ คมฺภีรมตฺถปทํ ปติฏฺเปสิ. ตสฺมา อารมฺภานุรูปํ กรุณาปฺาปฺปธานเมว โถมนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ, อยเมตฺถ สมุทายตฺโถ.
อยํ ¶ ปน อวยวตฺโถ – กิรตีติ กรุณา, ปรทุกฺขํ วิกฺขิปติ ปจฺจยเวกลฺลกรเณน อปเนตีติ อตฺโถ. ทุกฺขิเตสุ วา กิริยติ ปสาริยตีติ กรุณา. อถ วา กิณาตีติ กรุณา, ปรทุกฺเข สติ การุณิกํ หึสติ วิพาธติ, ปรทุกฺขํ วา วินาเสตีติ อตฺโถ. ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ กมฺปนํ หทยเขทํ กโรตีติ วา กรุณา. อถ วา กมิติ สุขํ, ตํ รุนฺธตีติ กรุณา. เอสา หิ ปรทุกฺขาปนยนกามตาลกฺขณา อตฺตสุขนิรเปกฺขตาย การุณิกานํ สุขํ รุนฺธติ วิพนฺธตีติ, สพฺพตฺถ สทฺทสตฺถานุสาเรน ปทนิปฺผตฺติ เวทิตพฺพา. อุณฺหาภิตตฺเตหิ เสวียตีติ สีตํ, อุณฺหาภิสมนํ. ตํ ลาติ คณฺหาตีติ สีตลํ, ‘‘จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามิ, หทยํ วา เต ผาเลสฺสามี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. อาฬวกสุตฺต) เอตฺถ อุโร ‘‘หทย’’นฺติ วุตฺตํ, ‘‘วกฺกํ หทย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๑๐; ๒.๑๑๔; ๓.๑๕๔) เอตฺถ หทยวตฺถุ, ‘‘หทยา หทยํ มฺเ อฺาย ตจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๓) เอตฺถ จิตฺตํ, อิธาปิ จิตฺตเมว อพฺภนฺตรฏฺเน หทยํ. อตฺตโน สภาวํ วา หรตีติ หทยํ, ร-การสฺส ท-การํ กตฺวาติ เนรุตฺติกา. กรุณาย สีตลํ หทยมสฺสาติ กรุณาสีตลหทโย, ตํ กรุณาสีตลหทยํ.
กามฺเจตฺถ ปเรสํ หิโตปสํหารสุขาทิอปริหานิชฺฌานสภาวตาย, พฺยาปาทาทีนํ อุชุวิปจฺจนีกตาย จ สตฺตสนฺตานคตสนฺตาปวิจฺเฉทนาการปฺปวตฺติยา เมตฺตามุทิตานมฺปิ จิตฺตสีตลภาวการณตา อุปลพฺภติ, ตถาปิ ปรทุกฺขาปนยนาการปฺปวตฺติยา ปรูปตาปาสหนรสา อวิหึสาภูตา กรุณาว วิเสเสน ภควโต จิตฺตสฺส จิตฺตปสฺสทฺธิ วิย สีติภาวนิมิตฺตนฺติ ตสฺสาเยว จิตฺตสีตลภาวการณตา วุตฺตา. กรุณามุเขน วา เมตฺตามุทิตานมฺปิ หทยสีตลภาวการณตา วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. น หิ สพฺพตฺถ นิรวเสสตฺโถ อุปทิสียติ, ปธานสหจรณาวินาภาวาทินเยหิปิ ยถาลพฺภมานํ คยฺหมานตฺตา. อปิเจตฺถ ตํสมฺปยุตฺตาณสฺส ฉอสาธารณาณปริยาปนฺนตาย อสาธารณาณวิเสสนิพนฺธนภูตา สาติสยํ, นิรวเสสฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ¶ วิย สวิสยพฺยาปิตาย มหากรุณาภาวมุปคตา อนฺสาธารณสาติสยภาวปฺปตฺตา กรุณาว หทยสีตลตฺตเหตุภาเวน วุตฺตา. อถ วา สติปิ เมตฺตามุทิตานํ ปเรสํ หิโตปสํหารสุขาทิอปริหานิชฺฌานสภาวตาย สาติสเย หทยสีตลภาวนิพนฺธนตฺเต สกลพุทฺธคุณวิเสสการณตาย ตาสมฺปิ การณนฺติ กรุณาย เอว หทยสีตลภาวการณตา วุตฺตา. กรุณานิทานา หิ สพฺเพปิ พุทฺธคุณา. กรุณานุภาวนิพฺพาปิยมานสํสารทุกฺขสนฺตาปสฺส หิ ภควโต ปรทุกฺขาปนยนกามตาย อเนกานิปิ กปฺปานมสงฺขฺเยยฺยานิ อกิลนฺตรูปสฺเสว นิรวเสสพุทฺธกรธมฺมสมฺภรณนิรตสฺส สมธิคตธมฺมาธิปเตยฺยสฺส จ สนฺนิหิเตสุปิ สตฺตสงฺฆาตสมุปนีตหทยูปตาปนิมิตฺเตสุ น อีสกมฺปิ ¶ จิตฺตสีติภาวสฺส อฺถตฺตมโหสีติ. ตีสุ เจตฺถ วิกปฺเปสุ ปเม วิกปฺเป อวิเสสภูตา พุทฺธภูมิคตา, ทุติเย ตเถว มหากรุณาภาวูปคตา, ตติเย ปมาภินีหารโต ปฏฺาย ตีสุปิ อวตฺถาสุ ปวตฺตา ภควโต กรุณา สงฺคหิตาติ ทฏฺพฺพํ.
ปชานาตีติ ปฺา, ยถาสภาวํ ปกาเรหิ ปฏิวิชฺฌตีติ อตฺโถ. ปฺเปตีติ วา ปฺา, ตํ ตทตฺถํ ปากฏํ กโรตีติ อตฺโถ. สาเยว เยฺยาวรณปฺปหานโต ปกาเรหิ ธมฺมสภาวโชตนฏฺเน ปชฺโชโตติ ปฺาปชฺโชโต. ปฺวโต หิ เอกปลฺลงฺเกนปิ นิสินฺนสฺส ทสสหสฺสิโลกธาตุ เอกปชฺโชตา โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว, ปชฺโชตา. กตเม จตฺตาโร? จนฺทปชฺโชโต, สูริยปชฺโชโต, อคฺคิปชฺโชโต, ปฺาปชฺโชโต, อิเม โข ภิกฺขเว, จตฺตาโร ปชฺโชตา. เอตทคฺคํ ภิกฺขเว, อิเมสํ จตุนฺนํ ปชฺโชตานํ ยทิทํ ปฺาปชฺโชโต’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๔๕). เตน วิหโต วิเสเสน สมุคฺฆาฏิโตติ ปฺาปชฺโชตวิหโต, วิเสสตา เจตฺถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ. มุยฺหนฺติ เตน, สยํ วา มุยฺหติ, มุยฺหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโห, อวิชฺชา. สฺเวว วิสยสภาวปฏิจฺฉาทนโต อนฺธการสริกฺขตาย ตโม วิยาติ โมหตโม. สติปิ ตมสทฺทสฺส สทิสกปฺปนมนฺตเรน อวิชฺชาวาจกตฺเต โมหสทฺทสนฺนิธาเนน ตพฺพิเสสกตาเวตฺถ ยุตฺตาติ สทิสกปฺปนา. ปฺาปชฺโชตวิหโต โมหตโม ¶ ยสฺสาติ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตโม, ตํ ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ.
นนุ จ สพฺเพสมฺปิ ขีณาสวานํ ปฺาปชฺโชเตน อวิชฺชนฺธการหตตา สมฺภวติ, อถ กสฺมา อฺสาธารณาวิเสสคุเณน ภควโต โถมนา วุตฺตาติ? สวาสนปฺปหาเนน อนฺสาธารณวิเสสตาสมฺภวโต. สพฺเพสมฺปิ หิ ขีณาสวานํ ปฺาปชฺโชตหตาวิชฺชนฺธการตฺเตปิ สติ สทฺธาธิมุตฺเตหิ วิย ทิฏฺิปฺปตฺตานํ สาวกปจฺเจกพุทฺเธหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สวาสนปฺปหาเนน กิเลสปฺปหานสฺส วิเสโส วิชฺชเตวาติ. อถ วา ปโรปเทสมนฺตเรน อตฺตโน สนฺตาเน อจฺจนฺตํ อวิชฺชนฺธการวิคมสฺส นิปฺผาทิตตฺตา (นิพฺพตฺติตตฺตา ม. นิ. ฏี. ๑.๑), ตตฺถ จ สพฺพฺุตาย พเลสุ จ วสีภาวสฺส สมธิคตตฺตา, ปรสนฺตติยฺจ ธมฺมเทสนาติสยานุภาเวน สมฺมเทว ตสฺส ปวตฺติตตฺตา, ภควาเยว วิเสสโต ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมภาเวน โถเมตพฺโพติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป ปฺาปชฺโชตปเทน สสนฺตานคตโมหวิธมนา ปฏิเวธปฺา เจว ปรสนฺตานคตโมหวิธมนา เทสนาปฺา จ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา สงฺคหิตา. น ตุ ปุริมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป วิย ปฏิเวธปฺาเยวาติ เวทิตพฺพํ.
อปโร ¶ นโย – ภควโต าณสฺส เยฺยปริยนฺติกตฺตา สกลเยฺยธมฺมสภาวาวโพธนสมตฺเถน อนาวรณาณสงฺขาเตน ปฺาปชฺโชเตน สกลเยฺยธมฺมสภาวจฺฉาทกโมหตมสฺส วิหตตฺตา อนาวรณาณภูเตน อนฺสาธารณปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมภาเวน ภควโต โถมนา เวทิตพฺพา. อิมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป โมหตมวิธมนนฺเต อธิคตตฺตา อนาวรณาณํ การณูปจาเรน สกสนฺตาเน โมหตมวิธมนนฺติ เวทิตพฺพํ. อภินีหารสมฺปตฺติยา สวาสนปฺปหานเมว หิ กิเลสานํ เยฺยาวรณปฺปหานนฺติ, ปรสนฺตาเน ปน โมหตมวิธมนสฺส การณภาวโต ผลูปจาเรน อนาวรณาณเมว โมหตมวิธมนนฺติ วุจฺจติ. อนาวรณาณนฺติ จ สพฺพฺุตฺาณเมว, เยน ธมฺมเทสนาปจฺจเวกฺขณานิ กโรติ. ตทิทฺหิ าณทฺวยํ อตฺถโต เอกเมว. อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมารมฺมณตาย สพฺพฺุตฺาณํ ¶ ตตฺถาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ, วิสยปฺปวตฺติมุเขน ปน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ ทฺวิธา กตฺวา ฉฬาสาธารณาณเภเท วุตฺตํ.
กึ ปเนตฺถ การณํ อวิชฺชาสมุคฺฆาโตเยเวโก ปหานสมฺปตฺติวเสน ภควโต โถมนาย คยฺหติ, น ปน สาติสยํ นิรวเสสกิเลสปฺปหานนฺติ? วุจฺจเต – ตปฺปหานวจเนเนว หิ ตเทกฏฺตาย สกลสํกิเลสสมุคฺฆาตสฺส โชติตภาวโต นิรวเสสกิเลสปฺปหานเมตฺถ คยฺหติ. น หิ โส สํกิเลโส อตฺถิ, โย นิรวเสสาวิชฺชาสมุคฺฆาตเนน น ปหียตีติ. อถ วา สกลกุสลธมฺมุปฺปตฺติยา, สํสารนิวตฺติยา จ วิชฺชา วิย นิรวเสสากุสลธมฺมุปฺปตฺติยา, สํสารปฺปวตฺติยา จ อวิชฺชาเยว ปธานการณนฺติ ตพฺพิฆาตวจเนเนว สกลสํกิเลสสมุคฺฆาตวจนสิทฺธิโต โสเยเวโก คยฺหตีติ. อถ วา สกลสํกิเลสธมฺมานํ มุทฺธภูตตฺตา อวิชฺชาย ตํ สมุคฺฆาโตเยเวโก คยฺหติ. ยถาห –
‘‘อวิชฺชา มุทฺธาติ ชานาหิ, วิชฺชา มุทฺธาธิปาตินี;
สทฺธาสติสมาธีหิ, ฉนฺทวีริเยน สํยุตา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๓๒; จูฬ. นิ. ๕๑);
สนรามรโลกครุนฺติ เอตฺถ ปน ปมปกติยา อวิภาเคน สตฺโตปิ นโรติ วุจฺจติ, อิธ ปน ทุติยปกติยา มนุชปุริโสเยว, อิตรถา โลกสทฺทสฺส อวตฺตพฺพตา สิยา. ‘‘ยถา หิ ปมปกติภูโต สตฺโต อิตราย ปกติยา เสฏฺฏฺเน ปุเร อุจฺจฏฺาเน เสติ ปวตฺตตีติ ปุริโสติ วุจฺจติ, เอวํ เชฏฺภาวํ เนตีติ นโรติ. ปุตฺตภาตุภูโตปิ หิ ปุคฺคโล มาตุเชฏฺภคินีนํ ปิตุฏฺาเน ¶ ติฏฺติ, ปเคว ภตฺตุภูโต อิตราส’’นฺติ (วิ. อฏฺ. ๔๓-๔๖) นาวาวิมานวณฺณนายํ วุตฺตํ. เอกเสสปฺปกปฺปเนน ปุถุวจนนฺตวิคฺคเหน วา นรา, มรณํ มโร, โส นตฺถิ เยสนฺติ อมรา, สห นเรหิ, อมเรหิ จาติ สนรามโร.ครติ อุคฺคจฺฉติ อุคฺคโต ปากโฏ ภวตีติ ครุ, ครสทฺโท หิ อุคฺคเม. อปิจ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ภาริยฏฺเน ‘‘ครู’’ติ วุจฺจติ.
มาตาปิตาจริเยสุ ¶ , ทุชฺชเร อลหุมฺหิ จ;
มหนฺเต จุคฺคเต เจว, นิเฉกาทิกเรสุ จ;
ตถา วณฺณวิเสเสสุ, ครุสทฺโท ปวตฺตติ.
อิธ ปน สพฺพโลกาจริเย ตถาคเต. เกจิ ปน ‘‘ครุ, คุรูติ จ ทฺวิธา คเหตฺวา ภาริยวาจกตฺเต ครุสทฺโท, อาจริยวาจกตฺเต ตุ คุรุสทฺโท’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. ปาฬิวิสเย หิ สพฺเพสมฺปิ ยถาวุตฺตานมตฺถานํ วาจกตฺเต ครุสทฺโทเยวิจฺฉิตพฺโพ อการสฺส อาการภาเวน ‘‘คารว’’นฺติ ตทฺธิตนฺตปทสฺส สวุทฺธิกสฺส ทสฺสนโต. สกฺกตภาสาวิสเย ปน คุรุสทฺโทเยวิจฺฉิตพฺโพ อุการสฺส วุทฺธิภาเวน อฺถา ตทฺธิตนฺตปทสฺส ทสฺสนโตติ. สนรามโร จ โส โลโก จาติ สนรามรโลโก, ตสฺส ครูติ ตถา, ตํ สนรามรโลกครุํ. ‘‘สนรมรูโลกครุ’’นฺติปิ ปนฺติ, ตทปิ อริยาคาถตฺตา วุตฺติลกฺขณโต, อตฺถโต จ ยุตฺตเมว. อตฺถโต หิ ทีฆายุกาปิ สมานา ยถาปริจฺเฉทํ มรณสภาวตฺตา มรูติ เทวา วุจฺจนฺติ. เอเตน เทวมนุสฺสานํ วิย ตทวสิฏฺสตฺตานมฺปิ ยถารหํ คุณวิเสสาวหตาย ภควโต อุปการกตํ ทสฺเสติ. นนุ เจตฺถ เทวมนุสฺสา ปธานภูตา, อถ กสฺมา เตสํ อปฺปธานตา นิทฺทิสียตีติ? อตฺถโต ปธานตาย คเหตพฺพตฺตา. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโมติ สทฺทกฺกมานุสาเรน ปธานาปธานภาโว น โจเทตพฺโพ. เอทิเสสุ หิ สมาสปเทสุ ปธานมฺปิ อปฺปธานํ วิย นิทฺทิสียติ ยถา ตํ ‘‘สราชิกาย ปริสายา’’ติ, ตสฺมา สพฺพตฺถ อตฺถโตว อธิปฺปาโย คเวสิตพฺโพ, น พฺยฺชนมตฺเตน. ยถาหุ โปราณา –
‘‘อตฺถฺหิ นาโถ สรณํ อโวจ,
น พฺยฺชนํ โลกหิโต มเหสิ.
ตสฺมา อกตฺวา รติมกฺขเรสุ,
อตฺเถ นิเวเสยฺย มตึ มติมา’’ติ. (กงฺขา. อฏฺ. ปมปาราชิกกณฺฑวณฺณนา);
กามฺเจตฺถ ¶ สตฺตสงฺขารภาชนวเสน ติวิโธ โลโก, ครุภาวสฺส ปน อธิปฺเปตตฺตา ครุกรณสมตฺถสฺเสว ยุชฺชนโต สตฺตโลกวเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ. โส หิ โลกียนฺติ เอตฺถ ปฺุาปฺุานิ ¶ , ตพฺพิปาโก จาติ โลโก, ทสฺสนตฺเถ จ โลกสทฺทมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อมรคฺคหเณน เจตฺถ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา. อปโร นโย – สมูหตฺโถ เอตฺถ โลกสทฺโท สมุทายวเสน โลกียติ ปฺาปียตีติ กตฺวา. สห นเรหีติ สนรา, เตเยว อมราติ สนรามรา, เตสํ โลโก ตถา, ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ. อมรสทฺเทน เจตฺถ อุปปตฺติเทวา วิย วิสุทฺธิเทวาปิ สงฺคยฺหนฺติ. เตปิ หิ ปรมตฺถโต มรณาภาวโต อมรา. อิมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป นรามรานเมว คหณํ อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕). ตถา หิ สพฺพานตฺถปริหานปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา, สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตมุปการิตาย อปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณสมงฺคิตาย จ สพฺพสตฺตุตฺตโม ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมมนฺสาธารณํ คารวฏฺานนฺติ. กามฺจ อิตฺถีนมฺปิ ตถาอุปการตฺตา ภควา ครุเยว, ปธานภูตํ ปน โลกํ ทสฺเสตุํ ปุริสลิงฺเคน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เนรุตฺติกา ปน อวิเสสนิจฺฉิตฏฺาเน ตถา นิทฺทิฏฺมิจฺฉนฺติ ยถา ‘‘นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุ’’นฺติ (อป. ๑.๑.๔๘). ตถา จาหุ –
‘‘นปุํสเกน ลิงฺเคน, สทฺโททาหุ ปุเมน วา;
นิทฺทิสฺสตีติ าตพฺพมวิเสสวินิจฺฉิเต’’ติ.
วนฺเทติ เอตฺถ ปน –
วตฺตมานาย ปฺจมฺยํ, สตฺตมฺยฺจ วิภตฺติยํ;
เอเตสุ ตีสุ าเนสุ, วนฺเทสทฺโท ปวตฺตติ.
อิธ ปน วตฺตมานายํ อฺาสมสมฺภวโต. ตตฺถ จ อุตฺตมปุริสวเสนตฺโถ คเหตพฺโพ ‘‘อหํ วนฺทามี’’ติ. นมนถุติยตฺเถสุ จ วนฺทสทฺทมิจฺฉนฺติ อาจริยา, เตน จ สุคตปทํ, นาถปทํ วา อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. โสภนํ คตํ คมนํ เอตสฺสาติ สุคโต. คมนฺเจตฺถ กายคมนํ, าณคมนฺจ, กายคมนมฺปิ วิเนยฺยชโนปสงฺกมนํ, ปกติคมนฺจาติ ทุพฺพิธํ. ภควโต หิ วิเนยฺยชโนปสงฺกมนํ เอกนฺเตน เตสํ หิตสุขนิปฺผาทนโต ¶ โสภนํ, ตถา ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทุตวิลมฺพิตขลิตานุกฑฺฒนนิปฺปีฬนุกฺกุฏิก-กุฏิลากุลตาทิโทสรหิต- มวหสิตราชหํส- ¶ วสภวารณมิคราชคมนํ ปกติคมนฺจ, วิมลวิปุลกรุณาสติวีริยาทิคุณวิเสสสหิตมฺปิ าณคมนํ อภินีหารโต ปฏฺาย ยาว มหาโพธิ, ตาว นิรวชฺชตาย โสภนเมวาติ. อถ วา ‘‘สยมฺภูาเณน สกลมฺปิ โลกํ ปริฺาภิสมยวเสน ปริชานนฺโต สมฺมา คโต อวคโตติ สุคโต. โย หิ คตฺยตฺโถ, โส พุทฺธยตฺโถ. โย จ พุทฺธยตฺโถ, โส คตฺยตฺโถติ. ตถา โลกสมุทยํ ปหานาภิสมยวเสน ปชหนฺโต อนุปฺปตฺติธมฺมตมาปาเทนฺโต สมฺมา คโต อตีโตติ สุคโต. โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน สมฺมา คโต อธิคโตติ สุคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ภาวนาภิสมยวเสน สมฺมา คโต ปฏิปนฺโนติ สุคโต, อยฺจตฺโถ ‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตี’ติ (มหานิ. ๓๘; จูฬนิ. ๒๗) สุคโตติอาทินา นิทฺเทสนเยน วิภาเวตพฺโพ.
อปโร นโย – สุนฺทรํ สมฺมาสมฺโพธึ, นิพฺพานเมว วา คโต อธิคโตติ สุคโต. ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ ยถารหํ กาลยุตฺตเมว วาจํ วิเนยฺยานํ สมฺมา คทตีติ วา สุคโต, ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา, ตํ สุคตํ. ปฺุาปฺุกมฺเมหิ อุปปชฺชนวเสน คนฺตพฺพาติ คติโย, อุปปตฺติภววิเสสา. ตา ปน นิรยาทิเภเทน ปฺจวิธา, สกลสฺสาปิ ภวคามิกมฺมสฺส อริยมคฺคาธิคเมน อวิปาการหภาวกรเณน นิวตฺติตตฺตา ปฺจหิปิ ตาหิ วิสํยุตฺโต หุตฺวา มุตฺโตติ คติวิมุตฺโต. อุทฺธมุทฺธภวคามิโน หิ เทวา ตํตํกมฺมวิปากทานกาลานุรูเปน ตโต ตโต ภวโต มุตฺตาปิ มุตฺตมตฺตาว, น ปน วิสฺโควเสน มุตฺตา, คติปริยาปนฺนา จ ตํตํภวคามิกมฺมสฺส อริยมคฺเคน อนิวตฺติตตฺตา, น ตถา ภควา. ภควา ปน ยถาวุตฺตปฺปกาเรน วิสํยุตฺโต หุตฺวา มุตฺโตติ. ตสฺมา อเนน ภควโต กตฺถจิปิ คติยา อปริยาปนฺนตํ ทสฺเสติ. ยโต จ ภควา ‘‘เทวาติเทโว’’ติ วุจฺจติ. เตเนวาห –
‘‘เยน ¶ เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖);
ตํตํคติสํวตฺตนกานฺหิ กมฺมกิเลสานํ มหาโพธิมูเลเยว อคฺคมคฺเคน ปหีนตฺตา นตฺถิ ภควโต ตํตํคติปริยาปนฺนตาติ อจฺจนฺตเมว ภควา สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสสตฺตนิกาเยหิ ปริมุตฺโตติ. อถ วา กามํ สอุปาทิเสสายปิ นิพฺพานธาตุยา ตาหิ คตีหิ ¶ วิมุตฺโต, เอสา ปน ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอตฺเถวนฺโตคธาติ อิมินา ปเทน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยาว โถเมตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอตฺถ ปน อตฺตหิตสมฺปตฺติปรหิตปฏิปตฺติวเสน ทฺวีหากาเรหิ ภควโต โถมนา กตา โหติ. เตสุ อนาวรณาณาธิคโม, สห วาสนาย กิเลสานมจฺจนฺตปฺปหานํ, อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติ จ อตฺตหิตสมฺปตฺติ นาม, ลาภสกฺการาทินิรเปกฺขจิตฺตสฺส ปน สพฺพทุกฺขนิยฺยานิกธมฺมเทสนาปโยคโต เทวทตฺตาทีสุปิ วิรุทฺธสตฺเตสุ นิจฺจํ หิตชฺฌาสยตา, วินีตพฺพสตฺตานํ าณปริปากกาลาคมนฺจ อาสยโต ปรหิตปฏิปตฺติ นาม. สา ปน อาสยปโยคโต ทุวิธา, ปรหิตปฏิปตฺติ ติวิธา จ อตฺตหิตสมฺปตฺติ อิมาย คาถาย ยถารหํ ปกาสิตา โหติ. ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ หิ เอเตน อาสยโต ปรหิตปฏิปตฺติ, สมฺมา คทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปโยคโต ปรหิตปฏิปตฺติ. ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ คติวิมุตฺต’’นฺติ เอเตหิ, จตุสจฺจปฏิเวธตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ติวิธาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, อวสิฏฺฏฺเน ปน เตน, ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติ จ เอเตน สพฺพาปิ อตฺตหิตสมฺปตฺติ, ปรหิตปฏิปตฺติ จ ปกาสิตา โหติ.
อถ วา เหตุผลสตฺตูปการวเสน ตีหากาเรหิ โถมนา กตา. ตตฺถ เหตุ นาม มหากรุณาสมาโยโค, โพธิสมฺภารสมฺภรณฺจ, ตทุภยมฺปิ ปมปเทน ยถารุตโต, สามตฺถิยโต จ ปกาสิตํ. ผลํ ปน าณปฺปหานอานุภาวรูปกายสมฺปทาวเสน จตุพฺพิธํ ¶ . ตตฺถ สพฺพฺุตาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ, ตมฺมูลกานิ จ ทสพลาทิาณานิ าณสมฺปทา, สวาสนสกลสํกิเลสานมจฺจนฺตมนุปฺปาทธมฺมตาปาทนํ ปหานสมฺปทา, ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเน อาธิปจฺจํ อานุภาวสมฺปทา, สกลโลกนยนาภิเสกภูตา ปน ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตา อตฺตภาวสมฺปตฺติ รูปกายสมฺปทา. ตาสุ าณปฺปหานสมฺปทา ทุติยปเทน, สจฺจปฏิเวธตฺเถน จ สุคตสทฺเทน ปกาสิตา, อานุภาวสมฺปทา ตติยปเทน, รูปกายสมฺปทา โสภนกายคมนตฺเถน สุคตสทฺเทน ลกฺขณานุพฺยฺชนปาริปูริยา วินา ตทภาวโต. ยถาวุตฺตา ทุวิธาปิ ปรหิตปฏิปตฺติ สตฺตูปการสมฺปทา, สา ปน สมฺมา คทนตฺเถน สุคตสทฺเทน ปกาสิตาติ เวทิตพฺพา.
อปิจ อิมาย คาถาย สมฺมาสมฺโพธิ ตมฺมูล – ตปฺปฏิปตฺติยาทโย อเนเก พุทฺธคุณา อาจริเยน ปกาสิตา โหนฺติ. เอสา หิ อาจริยานํ ปกติ, ยทิทํ เยน เกนจิ ปกาเรน อตฺถนฺตรวิฺาปนํ. กถํ? ‘‘กรุณาสีตลหทย’’นฺติ หิ เอเตน สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ ทสฺเสติ ¶ . มหากรุณาสฺโจทิตมานโส หิ ภควา สํสารปงฺกโต สตฺตานํ สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาโร อนุปุพฺเพน ปารมิโย ปูเรตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธิมธิคโตติ กรุณา สมฺมาสมฺโพธิยา มูลํ. ‘‘ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตม’’นฺติ เอเตน สมฺมาสมฺโพธึ ทสฺเสติ. สพฺพฺุตาณปทฏฺานฺหิ อคฺคมคฺคาณํ, อคฺคมคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจติ. สมฺมา คมนตฺเถน สุคตสทฺเทน สมฺมาสมฺโพธิยา ปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคสสฺสตุจฺเฉทาภินิเวสาทิอนฺตทฺวยรหิตาย กรุณาปฺาปริคฺคหิตาย มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปกาสนโต, อิตเรหิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปธานาปฺปธานปฺปเภทํ ปโยชนํ ทสฺเสติ. สํสารมโหฆโต สตฺตสนฺตารณฺเหตฺถ ปธานํ, ตทฺมปฺปธานํ. เตสุ จ ปธาเนน ปโยชเนน ปรหิตปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ, อิตเรน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ, ตทุภเยน จ อตฺตหิตปฏิปนฺนาทีสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ ภควโต จตุตฺถปุคฺคลภาวํ ปกาเสติ. เตน จ อนุตฺตรํ ทกฺขิเณยฺยภาวํ, อุตฺตมฺจ วนฺทนียภาวํ, อตฺตโน จ วนฺทนาย เขตฺตงฺคตภาวํ วิภาเวติ.
อปิจ กรุณาคฺคหเณน โลกิเยสุ มหคฺคตภาวปฺปตฺตาสาธารณคุณทีปนโต สพฺพโลกิยคุณสมฺปตฺติ ทสฺสิตา, ปฺาคฺคหเณน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานมคฺคาณทีปนโต ¶ สพฺพโลกุตฺตรคุณสมฺปตฺติ. ตทุภยคฺคหณสิทฺโธ หิ อตฺโถ ‘‘สนรามรโลกครุ’’นฺติอาทินา วิปฺจียตีติ. กรุณาคฺคหเณน จ นิรุปกฺกิเลสมุปคมนํ ทสฺเสติ, ปฺาคฺคหเณน อปคมนํ. ตถา กรุณาคฺคหเณน โลกสมฺานุรูปํ ภควโต ปวตฺตึ ทสฺเสติ โลกโวหารวิสยตฺตา กรุณาย, ปฺาคฺคหเณน โลกสมฺาย อนติธาวนํ. สภาวานวโพเธน หิ ธมฺมานํ สภาวํ อติธาวิตฺวา สตฺตาทิปรามสนํ โหติ. ตถา กรุณาคฺคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติวิหารํ ทสฺเสติ, ปฺาคฺคหเณน ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ, จตุสจฺจาณํ, จตุปฏิสมฺภิทาาณํ, จตุเวสารชฺชาณํ, กรุณาคฺคหเณน มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส คหิตตฺตา เสสาสาธารณาณานิ, ฉ อภิฺา, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณานิ, ทส พลานิ, จุทฺทส พุทฺธคุณา, โสฬส าณจริยา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, จตุจตฺตารีส าณวตฺถูนิ, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนีติ เอวมาทีนํ อเนเกสํ ปฺาปเภทานํ วเสน าณจารํ ทสฺเสติ. ตถา กรุณาคฺคหเณน จรณสมฺปตฺตึ, ปฺาคฺคหเณน วิชฺชาสมฺปตฺตึ. กรุณาคฺคหเณน อตฺตาธิปติตา, ปฺาคฺคหเณน ธมฺมาธิปติตา. กรุณาคฺคหเณน โลกนาถภาโว, ปฺาคฺคหเณน อตฺตนาถภาโว. ตถา กรุณาคฺคหเณน ปุพฺพการีภาโว, ปฺาคฺคหเณน กตฺุตา. กรุณาคฺคหเณน อปรนฺตปตา, ปฺาคฺคหเณน อนตฺตนฺตปตา. กรุณาคฺคหเณน วา พุทฺธกรธมฺมสิทฺธิ, ปฺาคฺคหเณน พุทฺธภาวสิทฺธิ. ตถา กรุณาคฺคหเณน ปรสนฺตารณํ, ปฺาคฺคหเณน ¶ อตฺตสนฺตารณํ. ตถา กรุณาคฺคหเณน สพฺพสตฺเตสุ อนุคฺคหจิตฺตตา, ปฺาคฺคหเณน สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺตตา ทสฺสิตา โหติ สพฺเพสฺจ พุทฺธคุณานํ กรุณา อาทิ ตนฺนิทานภาวโต, ปฺา ปริโยสานํ ตโต อุตฺตริ กรณียาภาวโต. อิติ อาทิปริโยสานทสฺสเนน สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ. ตถา กรุณาคฺคหเณน สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต โหติ. กรุณานิทานฺหิ สีลํ ตโต ปาณาติปาตาทิวิรติปฺปวตฺติโต, สา จ ฌานตฺตยสมฺปโยคินีติ, ปฺาวจเนน ปฺากฺขนฺโธ. สีลฺจ สพฺพพุทฺธคุณานํ อาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ เอวมฺปิ อาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สพฺเพ พุทฺธคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ นยโต ทสฺสิตตฺตา. เอโส เอว หิ นิรวเสสโต พุทฺธคุณานํ ทสฺสนุปาโย, ยทิทํ นยคฺคาหณํ, อฺถา โก ¶ นาม สมตฺโถ ภควโต คุเณ อนุปทํ นิรวเสสโต ทสฺเสตุํ. เตเนวาห –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน.
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ.
เตเนว จ อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรนาปิ พุทฺธคุณปริจฺเฉทนํ ปติ ภควตา อนุยุตฺเตน ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อปิ จ เม ภนฺเต ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ สมฺปสาทนียสุตฺเต วุตฺตํ.
เอวํ สงฺเขเปน สกลสพฺพฺุคุเณหิ ภควโต โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กตฺวา อิทานิ สทฺธมฺมสฺสาปิ โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กโรนฺโต ‘‘พุทฺโธปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถายํ สห ปทสมฺพนฺเธน สงฺเขปตฺโถ – ยถาวุตฺตวิวิธคุณคณสมนฺนาคโต พุทฺโธปิ ยํ อริยมคฺคสงฺขาตํ ธมฺมํ, สห ปุพฺพภาคปฏิปตฺติธมฺเมน วา อริยมคฺคภูตํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา เจว ยํ ผลนิพฺพานสงฺขาตํ ธมฺมํ, ปริยตฺติธมฺมปฏิปตฺติธมฺเมหิ วา สห ผลนิพฺพานภูตํ ธมฺมํ สจฺฉิกตฺวา จ สมฺมาสมฺโพธิสงฺขาตํ พุทฺธภาวมุปคโต, วีตมลมนุตฺตรํ ตํ ธมฺมมฺปิ วนฺเทติ.
ตตฺถ พุทฺธสทฺทสฺส ตาว ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ. โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา นิทฺเทสนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา อคฺคมคฺคาณาธิคเมน สวาสนาย สมฺโมหนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคมนโต, อปริมิตคุณคณาลงฺกตสพฺพฺุตฺาณปฺปตฺติยา วิกสิตภาวโต ¶ จ พุทฺธวาติ พุทฺโธ ชาครณวิกสนตฺถวเสน. อถ วา กสฺสจิปิ เยฺยธมฺมสฺส อนวพุทฺธสฺส อภาเวน เยฺยวิเสสสฺส กมฺมภาวาคหณโต กมฺมวจนิจฺฉายาภาเวน อวคมนตฺถวเสน กตฺตุนิทฺเทโสว ลพฺภติ, ตสฺมา พุทฺธวาติ พุทฺโธติปิ วตฺตพฺโพ. ปเทสคฺคหเณ หิ อสติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตาว วิฺายติ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา กมฺมวิเสสานเปกฺขา กตฺตริ เอว พุทฺธสทฺทสิทฺธิ เวทิตพฺพา, อตฺถโต ¶ ปน ปารมิตาปริภาวิโต สยมฺภุาเณน สห วาสนาย วิหตวิทฺธสฺตนิรวเสสกิเลโสมหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณคณาธาโร ขนฺธสนฺตาโน พุทฺโธ, ยถาห –
‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ๙๗; ปฏิ. ม. ๑๖๑).
อปิสทฺโท สมฺภาวเน, เตน เอวํ คุณวิเสสยุตฺโต โสปิ นาม ภควา อีทิสํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา, สจฺฉิกตฺวา จ พุทฺธภาวมุปคโต, กา นาม กถา อฺเสํ สาวกาทิภาวมุปคมเนติ ธมฺเม สมฺภาวนํ ทีเปติ. พุทฺธภาวนฺติ สมฺมาสมฺโพธึ. เยน หิ นิมิตฺตภูเตน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺาเนน อคฺคมคฺคาเณน, อคฺคมคฺคาณปทฏฺาเนน จ สพฺพฺุตฺาเณน ภควติ ‘‘พุทฺโธ’’ติ นามํ, ตทารมฺมณฺจ าณํ ปวตฺตติ, ตเมวิธ ‘‘ภาโว’’ติ วุจฺจติ. ภวนฺติ พุทฺธิสทฺทา เอเตนาติ หิ ภาโว. ตถา หิ วทนฺติ –
‘‘เยน เยน นิมิตฺเตน, พุทฺธิ สทฺโท จ วตฺตเต;
ตํตํนิมิตฺตกํ ภาวปจฺจเยหิ อุทีริต’’นฺติ.
ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา, วฑฺเฒตฺวา วา. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. เจว-สทฺโท จ-สทฺโท จ ตทุภยตฺถ สมุจฺจเย. เตน หิ สทฺททฺวเยน น เกวลํ ภควา ธมฺมสฺส ภาวนามตฺเตน พุทฺธภาวมุปคโต, นาปิ สจฺฉิกิริยามตฺเตน, อถ โข ตทุภเยเนวาติ สมุจฺจิโนติ. อุปคโตติ ปตฺโต, อธิคโตติ อตฺโถ. เอตสฺส ‘‘พุทฺธภาว’’นฺติ ปเทน สมฺพนฺโธ. วีตมลนฺติ เอตฺถ วิรหวเสน เอติ ปวตฺตตีติ วีโต, มลโต วีโต, วีตํ วา มลํ ยสฺสาติ วีตมโล, ตํ วีตมลํ. ‘‘คตมล’’นฺติปิ ปาโ ทิสฺสติ, เอวํ สติ สอุปสคฺโค วิย อนุปสคฺโคปิ คตสทฺโท วิรหตฺถวาจโก เวทิตพฺโพ ธาตูนมเนกตฺถตฺตา. คจฺฉติ อปคจฺฉตีติ หิ คโต, ธมฺโม ¶ . คตํ วา มลํ, ปุริมนเยน สมาโส. อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรวิรหิตํ. ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายโต, สํสารโต จ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม, นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม. ตปฺปกาสนตฺตา, สจฺฉิกิริยาสมฺมสนปริยายสฺส จ ลพฺภมานตฺตา ปริยตฺติธมฺโมปิ อิธ สงฺคหิโต ¶ . ตถา หิ ‘‘อภิธมฺมนยสมุทฺทํ อธิคจฺฉิ, ตีณิ ปิฏกานิ สมฺมสี’’ติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตถา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา สจฺฉิกตฺวา’’ติ จ วุตฺตตฺตา ภาวนาสจฺฉิกิริยาโยคฺยตาย พุทฺธกรธมฺมภูตาหิ ปารมิตาหิ สห ปุพฺพภาคอธิสีลสิกฺขาทโยปิ อิธ สงฺคหิตาติ เวทิตพฺพา. ตาปิ หิ วิคตปฏิปกฺขตาย วีตมลา, อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรา จ. กถํ ปน ตา ภาเวตฺวา, สจฺฉิกตฺวา จ ภควา พุทฺธภาวมุปคโตติ? วุจฺจเต – สตฺตานฺหิ สํสารวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาย [นิสฺสรณตฺถาย (ปณฺณาส ฏี.) นิสฺสรเณ (กตฺถจิ)] กตมหาภินีหาโร มหากรุณาธิวาสนเปสลชฺฌาสโย ปฺาวิเสสปริโยทาตนิมฺมลานํ ทานทมสฺมาทีนํ อุตฺตมธมฺมานํ กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสํ ภาวนาสจฺฉิกิริยาหิ กมฺมาทีสุ อธิคตวสีภาโว อจฺฉริยาจินฺเตยฺยมหานุภาโว อธิสีลาธิจิตฺตานํ ปรมุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต ภควา ปจฺจยากาเร จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน มหาวชิราณํ เปเสตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธิสงฺขาตํ พุทฺธภาวมุปคโตติ.
อิมาย ปน คาถาย วิชฺชาวิมุตฺติสมฺปทาทีหิ อเนเกหิ คุเณหิ ยถารหํ สทฺธมฺมํ โถเมติ. กถํ? เอตฺถ หิ ‘‘ภาเวตฺวา’’ติ เอเตน วิชฺชาสมฺปทาย โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน วิมุตฺติสมฺปทาย. ตถา ปเมน ฌานสมฺปทาย, ทุติเยน วิโมกฺขสมฺปทาย. ปเมน วา สมาธิสมฺปทาย, ทุติเยน สมาปตฺติสมฺปทาย. อถ วา ปเมน ขยาณภาเวน, ทุติเยน อนุปฺปาทาณภาเวน. ปเมน วา วิชฺชูปมตาย, ทุติเยน วชิรูปมตาย. ปเมน วา วิราคสมฺปตฺติยา, ทุติเยน นิโรธสมฺปตฺติยา. ตถา ปเมน นิยฺยานภาเวน, ทุติเยน นิสฺสรณภาเวน. ปเมน วา เหตุภาเวน, ทุติเยน อสงฺขตภาเวน. ปเมน วา ทสฺสนภาเวน, ทุติเยน วิเวกภาเวน. ปเมน วา อธิปติภาเวน, ทุติเยน อมตภาเวน ธมฺมํ โถเมติ. อถ วา ‘‘ยํ ธมฺมํ ภาเวตฺวา พุทฺธภาวํ อุปคโต’’ติ เอเตน สฺวากฺขาตตาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ เอเตน สนฺทิฏฺิกตาย. ตถา ปเมน อกาลิกตาย, ทุติเยน เอหิปสฺสิกตาย. ปเมน วา โอปเนยฺยิกตาย, ทุติเยน ปจฺจตฺตํเวทิตพฺพตาย. ปเมน วา สห ปุพฺพภาคสีลาทีหิ เสกฺเขหิ สีลสมาธิปฺากฺขนฺเธหิ ¶ , ทุติเยน สห อสงฺขตธาตุยา อเสกฺเขหิ ธมฺมํ โถเมติ.
‘‘วีตมล’’นฺติ ¶ อิมินา ปน สํกิเลสาภาวทีปเนน วิสุทฺธตาย ธมฺมํ โถเมติ, ‘‘อนุตฺตร’’นฺติ เอเตน อฺสฺส วิสิฏฺสฺส อภาวทีปเนน ปริปุณฺณตาย. ปเมน วา ปหานสมฺปทาย, ทุติเยน สภาวสมฺปทาย. ปเมน วา ภาวนาผลโยคฺยตาย. ภาวนาคุเณน หิ โส สํกิเลสมลสมุคฺฆาตโก, ตสฺมาเนน ภาวนากิริยาย ผลมาห. ทุติเยน สจฺฉิกิริยาผลโยคฺยตาย. ตทุตฺตริกรณียาภาวโต หิ อนฺสาธารณตาย อนุตฺตรภาโว สจฺฉิกิริยานิพฺพตฺติโต, ตสฺมาเนน สจฺฉิกิริยาผลมาหาติ.
เอวํ สงฺเขเปเนว สพฺพสทฺธมฺมคุเณหิ สทฺธมฺมสฺสาปิ โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กตฺวา อิทานิ อริยสงฺฆสฺสาปิ โถมนาปุพฺพงฺคมํ ปณามํ กโรนฺโต ‘‘สุคตสฺส โอรสาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุคตสฺสาติ สมฺพนฺธนิทฺเทโส, ‘‘ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน สมฺพชฺฌิตพฺโพ. อุรสิ ภวา, ชาตา, สํวุทฺธา วา โอรสา, อตฺตโช เขตฺตโช อนฺเตวาสิโก ทินฺนโกติ จตุพฺพิเธสุ ปุตฺเตสุ อตฺตชา, ตํสริกฺขตาย ปน อริยปุคฺคลา ‘‘โอรสา’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถา หิ มนุสฺสานํ โอรสปุตฺตา อตฺตชาตตาย ปิตุสนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส วิเสสภาคิโน โหนฺติ, เอวเมเตปิ สทฺธมฺมสวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย ภควโต สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส ธมฺมรตนสฺส จ ทายชฺชสฺส วิเสสภาคิโนติ. อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมึ โอกฺกมมานา, โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา ภควโต อุเร วายามชนิตาภิชาตตาย สทิสกปฺปนมนฺตเรน นิปฺปริยาเยเนว ‘‘โอรสา’’ติ วตฺตพฺพตมรหนฺติ. ตถา หิ เต ภควตา อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิโอโลกเนน, วชฺชานุจินฺตเนน จ หทเย กตฺวา วชฺชโต นิวาเรตฺวา อนวชฺเช ปติฏฺาเปนฺเตน สีลาทิธมฺมสรีรโปสเนน สํวฑฺฒาปิตา. ยถาห ภควา อิติวุตฺตเก ‘‘อหมสฺมิ ภิกฺขเว พฺราหฺมโณ…เป… ตสฺส เม ตุมฺเห ปุตฺตา โอรสา มุขโต ชาตา’’ติอาทิ (อิติวุ. ๑๐๐). นนุ สาวกเทสิตาปิ เทสนา อริยภาวาวหาติ? สจฺจํ, สา ปน ตมฺมูลิกตฺตา, ลกฺขณาทิวิเสสาภาวโต จ ‘‘ภควโต ธมฺมเทสนา’’ ¶ อิจฺเจว สงฺขฺยํ คตา, ตสฺมา ภควโต โอรสปุตฺตภาโวเยว เตสํ วตฺตพฺโพติ, เอเตน จตุพฺพิเธสุ ปุตฺเตสุ อริยสงฺฆสฺส อตฺตชปุตฺตภาวํ ทสฺเสติ. อตฺตโน กุลํ ปุเนนฺติ โสเธนฺติ, มาตาปิตูนํ วา หทยํ ปูเรนฺตีติ ปุตฺตา, อตฺตชาทโย. อริยา ปน ธมฺมตนฺติวิโสธเนน, ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติยา จิตฺตาราธเนน จ ตปฺปฏิภาคตาย ภควโต ปุตฺตา นาม, เตสํ. ตสฺส ‘‘สมูห’’นฺติ ปเทน สมฺพนฺโธ.
สํกิเลสนิมิตฺตํ หุตฺวา คุณํ มาเรติ วิพาธตีติ มาโร, เทวปุตฺตมาโร. สินาติ ปเร พนฺธติ เอตายาติ เสนา, มารสฺส เสนา ตถา, มารฺจ มารเสนฺจ มเถนฺติ วิโลเถนฺตีติ มารเสนมถนา ¶ , เตสํ. ‘‘มารมารเสนมถนาน’’นฺติ หิ วตฺตพฺเพปิ เอกเทสสรูเปกเสสวเสน เอวํ วุตฺตํ. มารสทฺทสนฺนิธาเนน วา เสนาสทฺเทน มารเสนา คเหตพฺพา, คาถาพนฺธวเสน เจตฺถ รสฺโส. ‘‘มารเสนมทฺทนาน’’นฺติปิ กตฺถจิ ปาโ, โส อยุตฺโตว อริยาชาติกตฺตา อิมิสฺสา คาถาย. นนุ จ อริยสาวกานํ มคฺคาธิคมสมเย ภควโต วิย ตทนฺตรายกรณตฺถํ เทวปุตฺตมาโร วา มารเสนา วา น อปสาเทติ, อถ กสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ? อปสาเทตพฺพภาวการณสฺส วิมถิตตฺตา. เตสฺหิ อปสาเทตพฺพตาย การเณ สํกิเลเส วิมถิเต เตปิ วิมถิตา นาม โหนฺตีติ. อถ วา ขนฺธาภิสงฺขารมารานํ วิย เทวปุตฺตมารสฺสาปิ คุณมารเณ สหายภาวูปคมนโต กิเลสพลกาโย อิธ ‘‘มารเสนา’’ติ วุจฺจติ ยถาห ภควา –
‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;
ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.
ปฺจมํ ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;
สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มกฺโข ถมฺโภ เต อฏฺโม.
ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร,
มิจฺฉาลทฺโธ จ โย ยโส;
โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส,
ปเร จ อวชานติ.
เอสา ¶ นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี;
น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘; จูฬนิ. ๔๗);
สา จ เตหิ อริยสาวเกหิ ทิยฑฺฒสหสฺสเภทา, อนนฺตเภทา วา กิเลสวาหินี สติธมฺมวิจยวีริยสมถาทิคุณปหรณีหิ โอธิโส มถิตา, วิทฺธํสิตา, วิหตา จ, ตสฺมา ‘‘มารเสนมถนา’’ติ วุจฺจนฺติ. วิโลถนฺเจตฺถ วิทฺธํสนํ, วิหนนํ วา. อปิจ ขนฺธาภิสงฺขารมจฺจุเทวปุตฺตมารานํ เตสํ สหายภาวูปคมนตาย เสนาสงฺขาตสฺส กิเลสมารสฺส จ มถนโต ‘‘มารเสนมถนา’’ติปิ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอวฺจ สติ ปฺจมารนิมฺมถนภาเวน อตฺโถ ปริปุณฺโณ โหติ. อริยสาวกาปิ หิ สมุทยปฺปหานปริฺาวเสน ขนฺธมารํ, สหายเวกลฺลกรเณน ¶ สพฺพถา, อปฺปวตฺติกรเณน จ อภิสงฺขารมารํ, พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน มจฺจุมารํ, เทวปุตฺตมารฺจ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สพฺพโส อปฺปวตฺติกรเณน กิเลสมารํ มเถนฺตีติ, อิมินา ปน เตสํ โอรสปุตฺตภาเว การณํ, ตีสุ ปุตฺเตสุ จ อนุชาตตํ ทสฺเสติ. มารเสนมถนตาย หิ เต ภควโต โอรสปุตฺตา, อนุชาตา จาติ.
อฏฺนฺนนฺติ คณนปริจฺเฉโท, เตนสติปิ เตสํ ตํตํเภเทน อเนกสตสหสฺสสงฺขฺยาเภเท อริยภาวกรมคฺคผลธมฺมเภเทน อิมํ คณนปริจฺเฉทํ นาติวตฺตนฺติ มคฺคฏฺผลฏฺภาวานติวตฺตนโตติ ทสฺเสติ. ปิ-สทฺโท, อปิ-สทฺโท วา ปทลีฬาทินา การเณน อฏฺาเน ปยุตฺโต, โส ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอตฺถ โยเชตพฺโพ, เตน น เกวลํ พุทฺธธมฺเมเยว, อถ โข อริยสงฺฆมฺปีติ สมฺปิณฺเฑติ. ยทิปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ นตฺถิ อวยวํ อุปาทาย สมุทายสฺส วตฺตพฺพตฺตา, อวิฺายมานสมุทายํ ปน วิฺายมานสมุทาเยน วิเสสิตุมรหตีติ อาห ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ, เอเตน ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอตฺถ น เยน เกนจิ สณฺานาทินา, กายสามคฺคิยา วา สมุทายภาโว, อปิ ตุ มคฺคฏฺผลฏฺภาเวเนวาติ วิเสเสติ. อวยวเมว สมฺปิณฺเฑตฺวา อูหิตพฺโพ วิตกฺเกตพฺโพ, สํอูหนิตพฺโพ วา สงฺฆฏิตพฺโพติ สมูโห, โสเยว สโมโห วจนสิลิฏฺตาทินา. ทฺวิธาปิ หิ ปาโ ยุชฺชติ. อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต อริยา นิรุตฺตินเยน ¶ . อถ วา สเทวเกน โลเกน สรณนฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต, อุปคตานฺจ ตทตฺถสิทฺธิโต อริยา, ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต, สมคฺคํ วา กมฺมํ สมุทายวเสน สมุปคโตติ สงฺโฆ, อริยานํ สงฺโฆ, อริโย จ โส สงฺโฆ จ ยถาวุตฺตนเยนาติ วา อริยสงฺโฆ, ตํ อริยสงฺฆํ. ภควโต อปรภาเค พุทฺธธมฺมรตนานมฺปิ สมธิคโม สงฺฆรตนาธีโนติ อริยสงฺฆสฺส พหูปการตํ ทสฺเสตุํ อิเธว ‘‘สิรสา วนฺเท’’ติ วุตฺตํ. อวสฺสฺจายมตฺโถ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ วินยฏฺกถาทีสุปิ (ปารา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) ตถา วุตฺตตฺตา. เกจิ ปน ปุริมคาถาสุปิ ตํ ปทมาเนตฺวา โยเชนฺติ, ตทยุตฺตเมว รตนตฺตยสฺส อสาธารณคุณปฺปกาสนฏฺานตฺตา, ยถาวุตฺตการณสฺส จ สพฺเพสมฺปิ สํวณฺณนาการานมธิปฺเปตตฺตาติ.
อิมาย ปน คาถาย อริยสงฺฆสฺส ปภวสมฺปทา ปหานสมฺปทาทโย อเนเก คุณา ทสฺสิตา โหนฺติ. กถํ? ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ หิ เอเตน อริยสงฺฆสฺส ปภวสมฺปทํ ทสฺเสติ สมฺมาสมฺพุทฺธปภวตาทีปนโต. ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ เอเตน ปหานสมฺปทํ สกลสํกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน าณสมฺปทํ มคฺคฏฺผลฏฺภาวทีปนโต ¶ . ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอเตน สภาวสมฺปทํ สพฺพสงฺฆานํ อคฺคภาวทีปนโต. อถ วา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ อริยสงฺฆสฺส วิสุทฺธนิสฺสยภาวทีปนํ. ‘‘มารเสนมถนาน’’นฺติ สมฺมาอุชุายสามีจิปฏิปนฺนภาวทีปนํ. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ อาหุเนยฺยาทิภาวทีปนํ. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ อนุตฺตรปฺุกฺเขตฺตภาวทีปนํ. ตถา ‘‘สุคตสฺส โอรสานํ ปุตฺตาน’’นฺติ เอเตน อริยสงฺฆสฺส โลกุตฺตรสรณคมนสพฺภาวํ ทสฺเสติ. โลกุตฺตรสรณคมเนน หิ เต ภควโต โอรสปุตฺตา ชาตา. ‘‘มารเสนมถนาน’นฺติ เอเตน อภินีหารสมฺปทาสิทฺธํ ปุพฺพภาคสมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. กตาภินีหารา หิ สมฺมาปฏิปนฺนา มารํ, มารเสนํ วา อภิวิชินนฺติ. ‘‘อฏฺนฺนมฺปิ สมูห’’นฺติ เอเตน วิทฺธสฺตวิปกฺเข เสกฺขาเสกฺขธมฺเม ทสฺเสติ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน มคฺคผลธมฺมานํ ทสฺสิตตฺตา. ‘‘อริยสงฺฆ’’นฺติ เอเตน อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ ทสฺเสติ อนุตฺตรปฺุกฺเขตฺตภาวสฺส ทสฺสิตตฺตา. สรณคมนฺจ สาวกานํ สพฺพคุณสฺส อาทิ, สปุพฺพภาคปฏิปทา เสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย มชฺเฌ, อเสกฺขา สีลกฺขนฺธาทโย ¶ ปริโยสานนฺติอาทิมชฺฌปริโยสานกลฺยาณา สงฺเขปโต สพฺเพปิ อริยสงฺฆคุณา ทสฺสิตา โหนฺตีติ.
เอวํ คาถาตฺตเยน สงฺเขปโต สกลคุณสํกิตฺตนมุเขน รตนตฺตยสฺส ปณามํ กตฺวา อิทานิ ตํ นิปจฺจการํ ยถาธิปฺเปตปโยชเน ปริณาเมนฺโต ‘‘อิติ เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิติ-สทฺโท นิทสฺสเน. เตน คาถาตฺตเยน ยถาวุตฺตนยํ นิทสฺเสติ. เมติ อตฺตานํ กรณวจเนน กตฺตุภาเวน นิทฺทิสติ. ตสฺส ‘‘ยํ ปฺุํ มยา ลทฺธ’’นฺติ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ, สมฺปทานนิทฺเทโส วา เอโส, ‘‘อตฺถี’’ติ ปาเสโส, สามินิทฺเทโส วา ‘‘ยํ มม ปฺุํ วนฺทนามย’’นฺติ. ปสีทียเต ปสนฺนา, ตาทิสา มติ ปฺา, จิตฺตํ วา ยสฺสาติ ปสนฺนมติ, อฺปทลิงฺคปฺปธานตฺตา อิมสฺส สมาสปทสฺส ‘‘ปสนฺนมติโน’’ติ วุตฺตํ. รตึ นยติ, ชเนติ, วหตีติ วา รตนํ, สตฺตวิธํ, ทสวิธํ วา รตนํ, ตมิว อิมานีติ เนรุตฺติกา. สทิสกปฺปนมฺตฺร ปน ยถาวุตฺตวจนตฺเถเนว พุทฺธาทีนํ รตนภาโว ยุชฺชติ. เตสฺหิ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๕๗, ๒๕๕) ยถาภูตคุเณ อาวชฺชนฺตสฺส อมตาธิคมเหตุภูตํ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชติ. ยถาห –
‘‘ยสฺมึ มหานาม สมเย อริยสาวโก ตถาคตํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทส…เป… น โมห…เป… อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ ตถาคตํ อารพฺภ. อุชุคตจิตฺโต โข ปน มหานาม อริยสาวโก ¶ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๑๑.๑๑).
จิตฺตีกตาทิภาโว วา รตนฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถาสุ –
‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ. (ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; อุทาน. อฏฺ. ๔๗; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สุ. นิ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖);
จิตฺตีกตภาวาทโย จ อนฺสาธารณา สาติสยโต พุทฺธาทีสุเยว ลพฺภนฺตีติ. วิตฺถาโร รตนสุตฺตวณฺณนายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖) คเหตพฺโพ. อยมตฺโถ ¶ ปน นิพฺพจนตฺถวเสน น วุตฺโต, อถ เกนาติ เจ? โลเก รตนสมฺมตสฺส วตฺถุโน ครุกาตพฺพตาทิอตฺถวเสนาติ สทฺทวิทู. สาธูนฺจ รมนโต, สํสารณฺณวา จ ตรณโต, สุคตินิพฺพานฺจ นยนโต รตนํ ตุลฺยตฺถสมาสวเสน, อลมติปปฺเจน. เอกเสสปกปฺปเนน, ปุถุวจนนิพฺพจเนน วา รตนานิ. ติณฺณํ สมูโห, ตีณิ วา สมาหฏานิ, ตโย วา อวยวา อสฺสาติ ตยํ, รตนานเมว ตยํ, นาฺเสนฺติ รตนตฺตยํ. อวยววินิมุตฺตสฺส ปน สมุทายสฺส อภาวโต ตีณิ เอว รตนานิ ตถา วุจฺจนฺติ, น สมุทายมตฺตํ, สมุทายาเปกฺขาย ปน เอกวจนํ กตํ. วนฺทียเต วนฺทนา, สาว วนฺทนามยํ ยถา ‘‘ทานมยํ สีลมย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๓). วนฺทนา เจตฺถ กายวาจาจิตฺเตหิ ติณฺณํ รตนานํ คุณนินฺนตา, โถมนา วา. อปิจ ตสฺสา เจตนาย สหชาตาโทปกาเรโก สทฺธาปฺาสติวีริยาทิสมฺปยุตฺตธมฺโม วนฺทนา, ตาย ปกตนฺติ วนฺทนามยํ ยถา ‘‘โสวณฺณมยํ รูปิยมย’’นฺติ, อตฺถโต ปน ยถาวุตฺตเจตนาว. รตนตฺตเย, รตนตฺตยสฺส วา วนฺทนามยํ รตนตฺตยวนฺทนามยํ. ปุชฺชภวผลนิพฺพตฺตนโต ปฺุํ นิรุตฺตินเยน, อตฺตโน การกํ, สนฺตานํ วา ปุนาติ วิโสเธตีติ ปฺุํ, สกมฺมกตฺตา ธาตุสฺส การิตวเสน อตฺถวิวรณํ ลพฺภติ, สทฺทนิปฺผตฺติ ปน สุทฺธวเสเนวาติ สทฺทวิทู.
ตํตํสมฺปตฺติยา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย, ทิฏฺธมฺมิกาทิอนตฺโถ. ปณามปโยชเน วุตฺตวิธินา สุฏฺุ วิหโต วิทฺธสฺโต อนฺตราโย อสฺสาติ สุวิหตนฺตราโย. วิหนนฺเจตฺถ ตทุปฺปาทกเหตุปริหรณวเสน เตสํ อนฺตรายานมนุปฺปตฺติกรณนฺติ ¶ ทฏฺพฺพํ. หุตฺวาติ ปุพฺพกาลกิริยา, ตสฺส ‘‘อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ตสฺสาติ ยํ-สทฺเทน อุทฺทิฏฺสฺส วนฺทนามยปฺุสฺส. อานุภาเวนาติ พเลน.
‘‘เตโช อุสฺสาหมนฺตา จ, ปภู สตฺตีติ ปฺจิเม;
‘อานุภาโว’ติ วุจฺจนฺติ, ‘ปภาโว’ติ จ เต วเท’’ติ. –
วุตฺเตสุ หิ อตฺเถสุ อิธ สตฺติยํ วตฺตติ. อนุ ปุนปฺปุนํ ตํสมงฺคึ ภาเวติ วฑฺเฒตีติ หิ อนุภาโว, โสเยว อานุภาโวติ อุทานฏฺกถายํ ¶ , อตฺถโต ปน ยถาลทฺธสมฺปตฺตินิมิตฺตกสฺส ปุริมกมฺมสฺส พลานุปฺปทานวสสงฺขาตา วนฺทนามยปฺุสฺส สตฺติเยว, สา จ สุวิหตนฺตรายตาย กรณํ, เหตุ วา สมฺภวติ.
เอตฺถ ปน ‘‘ปสนฺนมติโน’’ติ เอเตน อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘รตนตฺตยวนฺทนามย’’นฺติ เอเตน รตนตฺตยสฺส เขตฺตภาวสมฺปตฺตึ, ตโต จ ตสฺส ปฺุสฺส อตฺตโน ปสาทสมฺปตฺติยา, รตนตฺตยสฺส จ เขตฺตภาวสมฺปตฺติยาติ ทฺวีหิ องฺเคหิ อตฺถสํวณฺณนาย อุปฆาตกอุปทฺทวานํ วิหนเน สมตฺถตํ ทีเปติ. จตุรงฺคสมฺปตฺติยา ทานเจตนา วิย หิ ทฺวยงฺคสมฺปตฺติยา ปณามเจตนาปิ อนฺตรายวิหนเนน ทิฏฺธมฺมิกาติ.
เอวํ รตนตฺตยสฺส นิปจฺจการกรเณ ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺสา ธมฺมเทสนาย อตฺถํ สํวณฺเณตุกาโม, ตทปิ สํวณฺเณตพฺพธมฺมภาเวน ทสฺเสตฺวา คุณาภิตฺถวนวิเสเสน อภิตฺถเวตุํ ‘‘ทีฆสฺสา’’ติอาทิมาห. อยฺหิ อาจริยสฺส ปกติ, ยทิทํ ตํตํสํวณฺณนาสุ อาทิโต ตสฺส ตสฺส สํวณฺเณตพฺพธมฺมสฺส วิเสสคุณกิตฺตเนน โถมนา. ตถา หิ เตสุ เตสุ ปปฺจสูทนีสารตฺถปกาสนีมโนรถปูรณีอฏฺสาลินีอาทีสุ ยถากฺกมํ ‘‘ปรวาทมถนสฺส, าณปฺปเภทชนนสฺส, ธมฺมกถิกปุงฺควานํ วิจิตฺตปฏิภานชนนสฺส,
ตสฺส คมฺภีราเณหิ, โอคาฬฺหสฺส อภิณฺหโส;
นานานยวิจิตฺตสฺส, อภิธมฺมสฺส อาทิโต’’ติ. อาทินา –
โถมนา กตา. ตตฺถ ทีฆสฺสาติ ทีฆนามกสฺส. ทีฆสุตฺตงฺกิตสฺสาติ ทีเฆหิ อภิอายตวจนปฺปพนฺธวนฺเตหิ สุตฺเตหิ ลกฺขิตสฺส, อเนน ‘‘ทีโฆ’’ติ อยํ อิมสฺส อาคมสฺส ¶ อตฺถานุคตา สมฺาติ ทสฺเสติ. นนุ จ สุตฺตานิเยว อาคโม, กถํ โส เตหิ องฺกียตีติ? สจฺจเมตํ ปรมตฺถโต, ปฺตฺติโต ปน สุตฺตานิ อุปาทาย อาคมภาวสฺส ปฺตฺตตฺตา อวยเวหิ สุตฺเตหิ อวยวีภูโต อาคโม องฺกียติ. ยเถว หิ อตฺถพฺยฺชนสมุทาเย ‘‘สุตฺต’’นฺติ โวหาโร, เอวํ สุตฺตสมุทาเย อาคมโวหาโรติ. ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทินิปุณตฺถภาวโต นิปุณสฺส. อาคจฺฉนฺติ อตฺตตฺถปรตฺถาทโย เอตฺถ, เอเตน, เอตสฺมาติ วา อาคโม, อุตฺตมฏฺเน, ปตฺถนียฏฺเน จ โส วโรติ ¶ อาคมวโร. อปิจ อาคมสมฺมเตหิ พาหิรกปเวทิเตหิ ภารตปุราณกถานรสีหปุราณกถาทีหิ วโรติปิ อาคมวโร, ตสฺส. พุทฺธานมนุพุทฺธา พุทฺธานุพุทฺธา, พุทฺธานํ สจฺจปฏิเวธํ อนุคมฺม ปฏิวิทฺธสจฺจา อคฺคสาวกาทโย อริยา, เตหิ อตฺถสํวณฺณนาวเสน, คุณสํวณฺณนาวเสน จ สํวณฺณิโตติ ตถา. อถ วา พุทฺธา จ อนุพุทฺธา จ, เตหิ สํวณฺณิโต ยถาวุตฺตนเยนาติ ตถา, ตสฺส. สมฺมาสมฺพุทฺเธเนว หิ ติณฺณมฺปิ ปิฏกานํ อตฺถสํวณฺณนากฺกโม ภาสิโต, ตโต ปรํ สงฺคายนาทิวเสน สาวเกหีติ อาจริยา วทนฺติ. วุตฺตฺจ มชฺฌิมาคมฏฺกถาย อุปาลิสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘เวยฺยากรณสฺสาติ วิตฺถาเรตฺวา อตฺถทีปกสฺส. ภควตา หิ อพฺยากตํ ตนฺติปทํ นาม นตฺถิ, สพฺเพสํเยว อตฺโถ กถิโต’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๗๖). สทฺธาวหคุณสฺสาติ พุทฺธาทีสุ ปสาทาวหคุณสฺส. นนุ จ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ เตปิฏกํ สทฺธาวหคุณเมว, อถ กสฺมา อยมฺสาธารณคุเณน โถมิโตติ? สาติสยโต อิมสฺส ตคฺคุณสมฺปนฺนตฺตา. อยฺหิ อาคโม พฺรหฺมชาลาทีสุ สีลทิฏฺาทีนํ อนวเสสนิทฺเทสาทิวเสน, มหาปทานาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓) ปุริมพุทฺธานมฺปิ คุณนิทฺเทสาทิวเสน, ปาถิกสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑.๔) ติตฺถิเย มทฺทิตฺวา อปฺปฏิวตฺติยสีหนาทนทนาทิวเสน, อนุตฺตริยสุตฺตาทีสุ วิเสสโต พุทฺธคุณวิภาวเนน รตนตฺตเย สาติสยํ สทฺธํ อาวหตีติ.
เอวํ สํวณฺเณตพฺพธมฺมสฺส อภิตฺถวนมฺปิ กตฺวา อิทานิ สํวณฺณนาย สมฺปติ วกฺขมานาย อาคมนวิสุทฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถปฺปกาสนตฺถ’’นฺติอาทิมาห. อิมาย หิ คาถาย สงฺคีติตฺตยมารุฬฺหทีฆาคมฏฺกถาโตว สีหฬภาสามตฺตํ วินา อยํ วกฺขมานสํวณฺณนา อาคตา, นาฺโต, ตเทว การณํ กตฺวา วตฺตพฺพา, นาฺนฺติ อตฺตโน สํวณฺณนาย อาคมนวิสุทฺธึ ทสฺเสติ. อปโร นโย – ปรมนิปุณคมฺภีรํ พุทฺธวิสยมาคมวรํ อตฺตโน พเลเนว วณฺณยิสฺสามีติ อฺเหิ วตฺตุมฺปิ อสกฺกุเณยฺยตฺตา สํวณฺณนานิสฺสยํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อตฺถปฺปกาสนตฺถ’’นฺติอาทิ. อิมาย หิ ปุพฺพาจริยานุภาวํ นิสฺสาเยว ตสฺส อตฺถํ วณฺณยิสฺสามีติ อตฺตโน สํวณฺณนานิสฺสยํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘อตฺถปฺปกาสนตฺถ’’นฺติ ปาตฺโถ, สภาวตฺโถ, เยฺยตฺโถ, ปาานุรูปตฺโถ, ตทนุรูปตฺโถ, สาวเสสตฺโถ, นิวรเสสตฺโถ, นีตตฺโถ, เนยฺยตฺโถติอาทินา ¶ ¶ อเนกปฺปการสฺส อตฺถสฺส ปกาสนตฺถาย, ปกาสนาย วา. คาถาพนฺธสมฺปตฺติยา ทฺวิภาโว. อตฺโถ กถียติ เอตายาติ อตฺถกถา, สาเยว อฏฺกถา ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ยถา ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗; ๒.๘), อยฺจ สสฺโควิธิ อริยาชาติภาวโต. อกฺขรจินฺตกาปิ หิ ‘‘ตถานํฏฺ ยุค’’นฺติ ลกฺขณํ วตฺวา อิทเมวุทาหรนฺติ.
ยาย’ตฺถมภิวณฺเณนฺติ, พฺยฺชนตฺถปทานุคํ;
นิทานวตฺถุสมฺพนฺธํ, เอสา อฏฺกถา มตา.
อาทิโตติอาทิมฺหิ ปมสงฺคีติยํ. ฉฬภิฺตาย ปรเมน จิตฺตวสีภาเวน สมนฺนาคตตฺตา, ฌานาทีสุ ปฺจวสิตา สพฺภาวโต จ วสิโน, เถรา มหากสฺสปาทโย, เตสํ สเตหิ ปฺจหิ. ยา สงฺคีตาติ ยา อฏฺกถา อตฺถํ ปกาเสตุํ ยุตฺตฏฺาเน ‘‘อยเมตสฺส อตฺโถ, อยเมตสฺส อตฺโถ’’ติ สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. อนุสงฺคีตา จ ปจฺฉาปีติ น เกวลํ ปมสงฺคีติยเมว, อถ โข ปจฺฉา ทุติยตติยสงฺคีตีสุปิ. น จ ปฺจหิ วสิสเตหิ อาทิโต สงฺคีตาเยว, อปิ ตุ ยสตฺเถราทีหิ อนุสงฺคีตา จาติ สห สมุจฺจเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สมุจฺจยทฺวยฺหิ ปจฺเจกํ กิริยากาลํ สมุจฺจิโนติ.
อถ โปราณฏฺกถาย วิชฺชมานาย กิเมตาย อธุนา ปุน กตาย สํวณฺณนายาติ ปุนรุตฺติยา, นิรตฺถกตาย จ โทสํ สมนุสฺสริตฺวา ตํ ปริหรนฺโต ‘‘สีหฬทีป’’นฺติอาทิมาห. ตํ ปริหรเณเนว หิ อิมิสฺสา สํวณฺณนาย นิมิตฺตํ ทสฺเสติ. ตตฺถ สีหํ ลาติ คณฺหาตีติ สีหโฬ ล-การสฺส ฬ-การํ กตฺวา ยถา ‘‘ครุโฬ’’ติ. ตสฺมึ วํเส อาทิปุริโส สีหกุมาโร, ตพฺพํสชาตา ปน ตมฺพปณฺณิทีเป ขตฺติยา, สพฺเพปิ จ ชนา ตทฺธิตวเสน, สทิสโวหาเรน วา สีหฬา, เตสํ นิวาสทีโปปิ ตทฺธิตวเสน, านีนาเมน วา ‘‘สีหโฬ’’ติ เวทิตพฺโพ. ชลมชฺเฌ ทิปฺปติ, ทฺวิธา วา อาโป เอตฺถ สนฺทตีติ ทิโป, โสเยว ทีโป, เภทาเปกฺขาย เตสํ ทีโปติ ตถา. ปนสทฺโท อรุจิสํสูจเน, เตน กามฺจ สา สงฺคีติตฺตยมารุฬฺหา, ตถาปิ ปุน เอวํภูตาติ อรุจิยภาวํ สํสูเจติ. ตทตฺถสมฺพนฺธตาย ปน ปุริมคาถาย ‘‘กามฺจ สงฺคีตา ¶ อนุสงฺคีตา จา’’ติ สานุคฺคหตฺถโยชนา สมฺภวติ. อฺตฺถาปิ หิ ตถา ทิสฺสตีติ. อาภตาติ ชมฺพุทีปโต อานีตา. อถาติ สงฺคีติกาลโต ปจฺฉา, เอวํ สติ อาภตปเทน สมฺพนฺโธ. อถาติ วา มหามหินฺทตฺเถเรนาภตกาลโต ปจฺฉา, เอวํ สติ ปิตปเทน สมฺพนฺโธ. สา หิ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปมํ ตีณิ ปิฏกานิ สงฺคายิตฺวา ตสฺส อตฺถสํวณฺณนานุรูเปเนว วาจนามคฺคํ ¶ อาโรปิตตฺตา ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหาเยว, ตโต ปจฺฉา จ มหามหินฺทตฺเถเรน ตมฺพปณฺณิทีปมาภตา, ปจฺฉา ปน ตมฺพปณฺณิเยหิ มหาเถเรหิ นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรปริหรณตฺถํ สีหฬภาสาย ปิตาติ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร ปน ปจฺฉิมสมฺพนฺธเมว ทุทฺทสตฺตา ปกาเสติ. ตถา ‘‘ทีปวาสีนมตฺถายา’’ติ อิทมฺปิ ‘‘ปิตา’’ติ จ ‘‘อปเนตฺวา อาโรเปนฺโต’’ติ จ เอเตหิ ปเทหิ สมฺพชฺฌิตพฺพํ. เอกปทมฺปิ หิ อาวุตฺติยาทินเยหิ อเนกตฺถสมฺพนฺธมุปคจฺฉติ. ปุริมสมฺพนฺเธน เจตฺถ สีหฬทีปวาสีนมตฺถาย นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรปริหรเณน สีหฬภาสาย ปิตาติ ตมฺพปณฺณิยตฺเถเรหิ ปนปโยชนํ ทสฺเสติ. ปจฺฉิมสมฺพนฺเธน ปน อิมาย สํวณฺณนาย ชมฺพุทีปวาสีนํ, อฺทีปวาสีนฺจ อตฺถาย สีหฬภาสาปนยนสฺส, ตนฺตินยานุจฺฉวิกภาสาโรปนสฺส จ ปโยชนนฺติ. มหาอิสฺสริยตฺตา มหินฺโทติ ราชกุมารกาเล นามํ, ปจฺฉา ปน คุณมหนฺตตาย มหามหินฺโทติ วุจฺจติ. สีหฬภาสา นาม อเนกกฺขเรหิ เอกตฺถสฺสาปิ โวหรณโต ปเรสํ โวหริตุํ อติทุกฺกรา กฺจุกสทิสา สีหฬานํ สมุทาจิณฺณา ภาสา.
เอวํ โหตุ โปราณฏฺกถาย, อธุนา กริยมานา ปน อฏฺกถา กถํ กรียตีติ อนุโยเค สติ อิมิสฺสา อฏฺกถาย กรณปฺปการํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อปเนตฺวานา’’ติอาทิ. ตตฺถ ตโต มูลฏฺกถาโต สีหฬภาสํ อปเนตฺวา โปตฺถเก อนาโรปิตภาเวน นิรงฺกริตฺวาติ สมฺพนฺโธ, เอเตน อยํ วกฺขมานา อฏฺกถา สงฺคีติตฺตยมาโรปิตาย มูลฏฺกถาย สีหฬภาสาปนยนมตฺตมฺตฺร อตฺถโต สํสนฺทติ เจว สเมติ จ ยถา ‘‘คงฺโคทเกน ยมุโนทก’’นฺติ ทสฺเสติ. ‘‘มโนรม’’ มิจฺจาทีนิ ‘‘ภาส’’นฺติ เอตสฺส สภาวนิรุตฺติภาวทีปกานิ วิเสสนานิ. สภาวนิรุตฺติภาเวน หิ ปณฺฑิตานํ มนํ รมยตีติ มโนรมา. ตโนติ อตฺถเมตาย, ตนียติ วา อตฺถวเสน วิวรียติ, วฏฺฏโต วา สตฺเต ตาเรติ ¶ , นานาตฺถวิสยํ วา กงฺขํ ตรนฺติ เอตายาติ ตนฺติ, ปาฬิ. ตสฺสา นยสงฺขาตาย คติยา ฉวึ ฉายํ อนุคตาติ ตนฺตินยานุจฺฉวิกา. อสภาวนิรุตฺติภาสนฺตรสํกิณฺณโทสวิรหิตตาย วิคตโทสา, ตาทิสํ สภาวนิรุตฺติภูตํ –
‘‘สา มาคธี มูลภาสา, นรา ยายา’ทิกปฺปิกา;
พฺรหฺมาโน จสฺสุตาลาปา, สมฺพุทฺธา จาปิ ภาสเร’’ติ. –
วุตฺตํ ปาฬิคติภาสํ โปตฺถเก ลิขนวเสน อาโรเปนฺโตติ อตฺโถ, อิมินา สทฺทโทสาภาวมาห.
สมยํ ¶ อวิโลเมนฺโตติ สิทฺธนฺตมวิโรเธนฺโต, อิมินา ปน อตฺถโทสาภาวมาห. อวิรุทฺธตฺตา เอว หิ เต เถรวาทาปิ อิธ ปกาสยิสฺสนฺติ. เกสํ ปน สมยนฺติ อาห ‘‘เถราน’’นฺติอาทิ, เอเตน ราหุลาจริยาทีนํ เชตวนวาสีอภยคิริวาสีนิกายานํ สมยํ นิวตฺเตติ. ถิเรหิ สีลสุตฌานวิมุตฺติสงฺขาเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคตาติ เถรา. ยถาห ‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว เถรกรณา ธมฺมา. กตเม จตฺตาโร? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ สีลวา โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๒๒). อปิจ สจฺจธมฺมาทีหิ ถิรกรเณหิ สมนฺนาคตตฺตา เถรา. ยถาห ธมฺมราชา ธมฺมปเท –
‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, อหึสา สํยโม ทโม;
ส เว วนฺตมโล ธีโร, ‘เถโร’อิติ ปวุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๒๖๐);
เตสํ. มหากสฺสปตฺเถราทีหิ อาคตา อาจริยปรมฺปรา เถรวํโส, ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา อาคมาธิคมสมฺปนฺนตฺตา ปฺาปชฺโชเตน ตสฺส สมุชฺชลนโต ตํ ปกาเรน ทีเปนฺติ, ตสฺมึ วา ปทีปสทิสาติ เถรวํสปทิปา. วิวิเธน อากาเรน นิจฺฉียตีติ วินิจฺฉโย, คณฺิฏฺาเนสุ ขีลมทฺทนากาเรน ปวตฺตา วิมติจฺเฉทนีกถา, สุฏฺุ นิปุโณ สณฺโห วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. อถ วา วินิจฺฉิโนตีติ วินิจฺฉโย, ยถาวุตฺตวิสยํ าณํ, สุฏฺุ นิปุโณ เฉโก วินิจฺฉโย เอเตสนฺติ สุนิปุณวินิจฺฉยา. มหาเมฆวเน ิโต วิหาโร มหาวิหาโร, โย สตฺถุ มหาโพธินา วิโรจติ, ตสฺมึ วสนสีลา มหาวิหารวาสิโน ¶ , ตาทิสานํ สมยํ อวิโลเมนฺโตติ อตฺโถ, เอเตน มหากสฺสปาทิเถรปรมฺปราคโต, ตโตเยว อวิปริโต สณฺหสุขุโม วินิจฺฉโยติ มหาวิหารวาสีนํ สมยสฺส ปมาณภูตตํ ปุคฺคลาธิฏฺานวเสน ทสฺเสติ.
หิตฺวา ปุนปฺปุนภตมตฺถนฺติ เอกตฺถ วุตมฺปิ ปุน อฺตฺถ อาภตมตฺถํ ปุนรุตฺติภาวโต, คนฺถครุกภาวโต จ จชิตฺวา ตสฺส อาคมวรสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามีติ อตฺโถ.
เอวํ กรณปฺปการมฺปิ ทสฺเสตฺวา ‘‘ทีปวาสีนมตฺถายา’’ติ วุตฺตปฺปโยชนโต อฺมฺปิ สํวณฺณนาย ปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุชนสฺส จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สุชนสฺส จาติ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน น เกวลํ ชมฺพุทีปวาสีนเมว อตฺถาย, อถ โข สาธุชนโตสนตฺถฺจาติ สมุจฺจิโนติ. เตเนว จ ตมฺพปณฺณิทีปวาสีนมฺปิ อตฺถายาติ อยมตฺโถ สิทฺโธ โหติ อุคฺคหณาทิสุกรตาย เตสมฺปิ พหูปการตฺตา. จิรฏฺิตตฺถฺจาติ เอตฺถาปิ จ-สทฺโท น เกวลํ ตทุภยตฺถเมว, อปิ ตุ ติวิธสฺสาปิ สาสนธมฺมสฺส, ปริยตฺติธมฺมสฺส วา ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณํ ¶ จิรกาลํ ิตตฺถฺจาติ สมุจฺจยตฺถเมว ทสฺเสติ. ปริยตฺติธมฺมสฺส หิ ิติยา ปฏิปตฺติธมฺมปฏิเวธธมฺมานมฺปิ ิติ โหติ ตสฺเสว เตสํ มูลภาวโต. ปริยตฺติธมฺโม ปน สุนิกฺขิตฺเตน ปทพฺยฺชเนน, ตทตฺเถน จ จิรํ สมฺมา ปติฏฺาติ, สํวณฺณนาย จ ปทพฺยฺชนํ อวิปรีตํ สุนิกฺขิตฺตํ, ตทตฺโถปิ อวิปรีโต สุนิกฺขิตฺโต โหติ, ตสฺมา สํวณฺณนาย อวิปรีตสฺส ปทพฺยฺชนสฺส, ตทตฺถสฺส จ สุนิกฺขิตฺตสฺส อุปายภาวมุปาทาย วุตฺตํ ‘‘จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺสา’’ติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ทฺเวเม ภิกฺขเว ธมฺมา สทฺธมฺมสฺส ิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ทฺเว? สุนิกฺขิตฺตฺจ ปทพฺยฺชนํ, อตฺโถ จ สุนีโต, อิเม โข…เป… สํวตฺตนฺตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๒.๒๑).
เอวํ ปโยชนมฺปิ ทสฺเสตฺวา วกฺขมานาย สํวณฺณนาย มหตฺตปริจฺจาเคน คนฺถครุกภาวํ ปริหริตุมาห ‘‘สีลกถา’’ติอาทิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘น ตํ วิจรยิสฺสามี’’ติ. อปโร นโย – ยทฏฺกถํ กตฺตุกาโม, ตเทกเทสภาเวน วิสุทฺธิมคฺโค คเหตพฺโพติ กถิกานํ อุปเทสํ กโรนฺโต ¶ ตตฺถ วิจาริตธมฺเม อุทฺเทสวเสน ทสฺเสตุมาห ‘‘สีลกถา’’ติอาทิ. ตตฺถ สีลกถาติ จาริตฺตวาริตฺตาทิวเสน สีลวิตฺถารกถา. ธุตธมฺมาติ ปิณฺฑปาติกงฺคาทโย เตรส กิเลสธุนนกธมฺมา. กมฺมฏฺานานีติ ภาวนาสงฺขาตสฺส โยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานตฺตา กมฺมฏฺานนามานิ ธมฺมชาตานิ. ตานิ ปน ปาฬิยมาคตานิ อฏฺตึ เสว น คเหตพฺพานิ, อถ โข อฏฺกถายมาคตานิปิ ทฺเวติ าเปตุํ ‘‘สพฺพานิปี’’ติ วุตฺตํ. จริ ยาวิธานสหิโตติ ราคจริตาทีนํ สภาวาทิวิธาเนน สห ปวตฺโต, อิทํ ปน ‘‘ฌานสมาปตฺติวิตฺถาโร’’ติ อิมสฺส วิเสสนํ. เอตฺถ จ รูปาวจรชฺฌานานิ ฌานํ, อรูปาวจรชฺฌานานิ สมาปตฺติ. ตทุภยมฺปิ วา ปฏิลทฺธมตฺตํ ฌานํ, สมาปชฺชนวสีภาวปฺปตฺตํ สมาปตฺติ. อปิจ ตทปิ อุภยํ ฌานเมว, ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติโย ปน สมาปตฺติ, ตาสํ วิตฺถาโรติ อตฺโถ.
โลกิยโลกุตฺตรเภทานํ ฉนฺนมฺปิ อภิฺานํ คหณตฺถํ ‘‘สพฺพา จ อภิฺาโย’’ติ วุตฺตํ. าณวิภงฺคาทีสุ (วิภ. ๗๕๑) อาคตนเยน เอกวิธาทินา เภเทน ปฺาย สงฺกลยิตฺวา สมฺปิณฺเฑตฺวา, คเณตฺวา วา วินิจฺฉยนํ ปฺาสงฺกลนวินิจฺฉโย. อริยานีติ พุทฺธาทีหิ อริเยหิ ปฏิวิชฺฌิตพฺพตฺตา, อริยภาวสาธกตฺตา วา อริยานิ อุตฺตรปทโลเปน. อวิตถภาเวน วา อรณียตฺตา, อวคนฺตพฺพตฺตา อริยานิ, ‘‘สจฺจานี’’ติมสฺส วิเสสนํ.
เหตาทิปจฺจยธมฺมานํ ¶ เหตุปจฺจยาทิภาเวน ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานมุปการกตา ปจฺจยากาโร, ตสฺส เทสนา ตถา, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถาติ อตฺโถ. สา ปน นิกายนฺตรลทฺธิสงฺกรรหิตตาย สุฏฺุ ปริสุทฺธา, ฆนวินิพฺโภคสฺส จ สุทุกฺกรตาย นิปุณา, เอกตฺตาทินยสหิตา จ ตตฺถ วิจาริตาติ อาห ‘‘สุปริสุทฺธนิปุณนยา’’ติ. ปทตฺตยมฺปิ เหตํ ปจฺจยาการเทสนาย วิเสสนํ. ปฏิสมฺภิทาทีสุ อาคตนยํ อวิสฺสชฺชิตฺวาว วิจาริตตฺตา อวิมุตฺโต ตนฺติมคฺโค ยสฺสาติ อวิมุตฺตตนฺติ มคฺคา. มคฺโคติ เจตฺถ ปาฬิสงฺขาโต อุปาโย ตํตทตฺถานํ อวโพธสฺส, สจฺจปฏิเวธสฺส วา อุปายภาวโต. ปพนฺโธ วา ทีฆภาเวน ปกติมคฺคสทิสตฺตา, อิทํ ปน ‘‘วิปสฺสนา, ภาวนา’’ติ ปททฺวยสฺส วิเสสนํ.
อิติ ¶ ปน สพฺพนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปริสมาปเน ยถาอุทฺทิฏฺอุทฺเทสสฺส ปรินิฏฺิตตฺตา, เอตฺตกํ สพฺพนฺติ อตฺโถ. ปนาติ วจนาลงฺการมตฺตํ วิสุํ อตฺถาภาวโต. ปทตฺถสํกิณฺณสฺส, วตฺตพฺพสฺส จ อวุตฺตสฺส อวเสสสฺส อภาวโต สุวิฺเยฺยภาเวน สุปริสุทฺธํ, ‘‘สพฺพ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ, ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ อิมินา สมฺพชฺฌนโต. ภิยฺโยติ อติเรกํ, อติวิตฺถารนฺติ อตฺโถ, เอเตน ปทตฺถมตฺตเมว วิจารยิสฺสามีติ ทสฺเสติ. เอตํ สพฺพํ อิธ อฏฺกถาย น วิจารยิสฺสามิ ปุนรุตฺติภาวโต, คนฺถครุกภาวโต จาติ อธิปฺปาโย. วิจรยิสฺสามีติ จ คาถาภาวโต น วุทฺธิภาโวติ ทฏฺพฺพํ.
เอวมฺปิ เอส วิสุทฺธิมคฺโค อาคมานมตฺถํ น ปกาเสยฺย, อถ สพฺโพเปโส อิธ วิจาริตพฺโพเยวาติ โจทนาย ตถา อวิจารณสฺส เอกนฺตการณํ นิทฺธาเรตฺวา ตํ ปริหรนฺโต ‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มชฺเฌติ ขุทฺทกโต อฺเสํ จตุนฺนมฺปิ อาคมานํ อพฺภนฺตเร. หิ-สทฺโท การเณ, เตน ยถาวุตฺตํ การณํ โชเตติ. ตตฺถาติ เตสุ จตูสุ อาคเมสุ. ยถาภาสิตนฺติ ภควตา ยํ ยํ เทสิตํ, เทสิตานุรูปํ วา. อปิ จ สํวณฺณเกหิ สํวณฺณนาวเสน ยํ ยํ ภาสิตํ, ภาสิตานุรูปนฺติปิ อตฺโถ. อิจฺเจวาติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน ยถาวุตฺตํ การณํ นิทสฺเสติ, อิมินาว การเณน, อิทเมว วา การณํ มนสิ สนฺนิธายาติ อตฺโถ. กโตติ เอตฺถาปิ ‘‘วิสุทฺธิมคฺโค เอสา’’ติ ปทํ กมฺมภาเวน สมฺพชฺฌติ อาวุตฺติยาทินเยนาติ ทฏฺพฺพํ. ตมฺปีติ ตํ วิสุทฺธิมคฺคมฺปิ าเณน คเหตฺวาน. เอตายาติ สุมงฺคลวิลาสินิยา นาม เอตาย อฏฺกถาย. เอตฺถ จ ‘‘มชฺเฌ ตฺวา’’ติ เอเตน มชฺฌตฺตภาวทีปเนน วิเสสโต จตุนฺนมฺปิ อาคมานํ สาธารณฏฺกถา วิสุทฺธิมคฺโค, น สุมงฺคลวิลาสินีอาทโย วิย อสาธารณฏฺกถาติ ทสฺเสติ. อวิเสสโต ปน วินยาภิธมฺมานมฺปิ ยถารหํ สาธารณฏฺกถา โหติเยว, เตหิ สมฺมิสฺสตาย จ ตทวเสสสฺส ขุทฺทกาคมสฺส ¶ วิเสสโต สาธารณา สมานาปิ ตํ เปตฺวา จตุนฺนเมว อาคมานํ สาธารณาตฺเวว วุตฺตาติ.
อิติ โสฬสคาถาวณฺณนา.
คนฺถารมฺภกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิทานกถาวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ ยถาวุตฺเตน วิวิเธน นเยน ปณามาทิกํ ปกรณารมฺภวิธานํ กตฺวา อิทานิ วิภาควนฺตานํ สภาววิภาวนํ วิภาคทสฺสนวเสเนว สุวิภาวิตํ, สุวิฺาปิตฺจ โหตีติ ปมํ ตาว วคฺคสุตฺตวเสน วิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ทีฆาคโม นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ทีฆสฺส อาคมวรสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ ยทิทํ วุตฺตํ, ตสฺมึ วจเน. ‘‘ยสฺส อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ ปฏิฺาตํ, โส ทีฆาคโม นาม วคฺคสุตฺตวเสน เอวํ เวทิตพฺโพ, เอวํ วิภาโคติ วา อตฺโถ. อถ วา ตตฺถาติ ‘‘ทีฆาคมนิสฺสิต’’นฺติ ยํ วุตฺตํ, เอตสฺมึ วจเน. โย ทีฆาคโม วุตฺโต, โส ทีฆาคโม นาม วคฺคสุตฺตวเสน. เอวํ วิภชิตพฺโพ, เอทิโสติ วา อตฺโถ. ‘‘ทีฆสฺสา’’ติอาทินา หิ วุตฺตํ ทูรวจนํ ตํ-สทฺเทน ปฏินิทฺทิสติ วิย ‘‘ทีฆาคมนิสฺสิต’’นฺติ วุตฺตํ อาสนฺนวจนมฺปิ ตํ-สทฺเทน ปฏินิทฺทิสติ อตฺตโน พุทฺธิยํ ปรมฺมุขํ วิย ปริวตฺตมานํ หุตฺวา ปวตฺตนโต. เอทิเสสุ หิ าเนสุ อตฺตโน พุทฺธิยํ สมฺมุขํ วา ปรมฺมุขํ วา ปริวตฺตมานํ ยถา ตถา วา ปฏินิทฺทิสิตุํ วฏฺฏติ สทฺทมตฺตปฏินิทฺเทเสน อตฺถสฺสาวิโรธนโต. วคฺคสุตฺตาทีนํ นิพฺพจนํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ตโย วคฺคา ยสฺสาติ ติวคฺโค. จตุตฺตึส สุตฺตานิ เอตฺถ สงฺคยฺหนฺติ, เตสํ วา สงฺคโห คณนา เอตฺถาติ จตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห.
อตฺตโน สํวณฺณนาย ปมสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมเนว ปวตฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส…เป… นิทานมาที’’ติ วุตฺตํ. อาทิภาโว เหตฺถ สงฺคีติกฺกเมเนว เวทิตพฺโพ. กสฺมา ปน จตูสุ อาคเมสุ ทีฆาคโม ปมํ สงฺคีโต, ตตฺถ จ สีลกฺขนฺธวคฺโค ปมํ นิกฺขิตฺโต, ตสฺมิฺจ พฺรหฺมชาลสุตฺตํ, ตตฺถาปิ นิทานนฺติ? นายมนุโยโค กตฺถจิปิ น ปวตฺตติ สพฺพตฺเถว วจนกฺกมมตฺตํ ปฏิจฺจ อนุยฺุชิตพฺพโต. อปิจ สทฺธาวหคุณตฺตา ทีฆาคโมว ปมํ สงฺคีโต. สทฺธา หิ กุสลธมฺมานํ พีชํ. ยถาห ‘‘สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๙๗; สุ. นิ. ๗๗). สทฺธาวหคุณตา จสฺส เหฏฺา ทสฺสิตาเยว. กิฺจ ภิยฺโย – กติปยสุตฺตสงฺคหตาย ¶ เจว อปฺปปริมาณตาย จ อุคฺคหณธารณาทิสุขโต ปมํ สงฺคีโต. ตถา เหส จตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห, จตุสฏฺิภาณวารปริมาโณ จ. สีลกถาพาหุลฺลโต ปน สีลกฺขนฺธวคฺโค ปมํ นิกฺขิตฺโต. สีลฺหิ สาสนสฺส อาทิ สีลปติฏฺานตฺตา สพฺพคุณานํ ¶ . เตเนวาห ‘‘ตสฺมา ติห ตฺวํ ภิกฺขุ อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธ’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๔๖๙). สีลกฺขนฺธกถาพาหุลฺลโต หิ โส ‘‘สีลกฺขนฺธวคฺโค’’ติ วุตฺโต. ทิฏฺิวินิเวนกถาภาวโต ปน สุตฺตนฺตปิฏกสฺส นิรวเสสทิฏฺิวิภชนํ พฺรหฺมชาลสุตฺตํ ปมํ นิกฺขิตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตปิฏเก หิ พุทฺธวจเน พฺรหฺมชาลสทิสํ ทิฏฺิคตานิ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา วิภตฺตสุตฺตํ นตฺถิ. นิทานํ ปน ปมสงฺคีติยํ มหากสฺสปตฺเถเรน ปุฏฺเน อายสฺมตา อานนฺเทน เทสกาลาทินิทสฺสนตฺถํ ปมํ นิกฺขิตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘พฺรหฺมชาลสฺสาปี’’ติอาทิ. ตตฺถ จ ‘‘อายสฺมตา’’ติอาทินา เทสกํ นิยเมติ, ปมสงฺคีติกาเลติ ปน กาลนฺติ, อยมตฺโถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ.
ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา
อิทานิ ‘‘ปมมหาสงฺคีติกาเล’’ติ วจนปฺปสงฺเคน ตํ ปมมหาสงฺคีตึ ทสฺเสนฺโต, ยสฺสํ วา ปมมหาสงฺคีติยํ นิกฺขิตฺตานุกฺกเมน สํวณฺณนํ กตฺตุกามตฺตา ตํ วิภาเวนฺโต ตสฺสา ตนฺติยา อารุฬฺหายปิ อิธ วจเน การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมมหาสงฺคีติ นาม เจสา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ หิ กิฺจาปิ…เป… มารุฬฺหาติ เอเตน นนุ สา สงฺคีติกฺขนฺธเก ตนฺติมารุฬฺหา, กสฺมา อิธ ปุน วุตฺตา, ยทิ จ วุตฺตา อสฺส นิรตฺถกตา, คนฺถครุตา จ สิยาติ โจทนาเลสํ ทสฺเสติ. ‘‘นิทาน…เป… เวทิตพฺพา’’ติ ปน เอเตน นิทานโกสลฺลตฺถภาวโต ยถาวุตฺตโทสตา น สิยาติ วิเสสการณทสฺสเนน ปริหรติ. ‘‘ปมมหาสงฺคีติ นาม เจสา’’ติ เอตฺถ จ-สทฺโท อีทิเสสุ าเนสุ วตฺตพฺพสมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน หิ ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานฺจ อาทิ, เอสา จ ปมมหาสงฺคีติ นาม เอวํ เวทิตพฺพาติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑติ. อุปฺาสตฺโถ วา จ-สทฺโท, อุปฺาโสติ จ วากฺยารมฺโภ วุจฺจติ. เอสา หิ คนฺถการานํ ปกติ, ยทิทํ กิฺจิ วตฺวา ปุน อปรํ วตฺตุมารภนฺตานํ จ-สทฺทปโยโค. ยํ ปน วชิรพุทฺธิตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘เอตฺถ จ-สทฺโท อติเรกตฺโถ, เตน อฺาปิ อตฺถีติ ทีเปตี’’ติ (วชิร ฏี. พาหิรนิทานกถาวณฺณนา), ตทยุตฺตเมว. น เหตฺถ จ-สทฺเทน ตทตฺโถ วิฺายติ. ยทิ เจตฺถ ตทตฺถทสฺสนตฺถเมว จ-กาโร อธิปฺเปโต สิยา, เอวํ สติ โส น กตฺตพฺโพเยว ปมสทฺเทเนว อฺาสํ ทุติยาทิสงฺคีตีนมฺปิ ¶ อตฺถิภาวสฺส ทสฺสิตตฺตา. ทุติยาทิมุปาทาย หิ ปมสทฺทปโยโค ¶ ทีฆาทิมุปาทาย รสฺสาทิสทฺทปโยโค วิย. ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตตฺตา, ปฺตฺตตฺตา จ วิปฺปกิณฺณานํ ธมฺมวินยานํ สงฺคเหตฺวา คายนํ กถนํ สงฺคีติ, เอเตน ตํ ตํ สิกฺขาปทานํ, ตํตํสุตฺตานฺจ อาทิปริโยสาเนสุ, อนฺตรนฺตรา จ สมฺพนฺธวเสน ปิตํ สงฺคีติการกวจนํ สงฺคหิตํ โหติ. มหาวิสยตฺตา, ปูชิตตฺตา จ มหตี สงฺคีติ มหาสงฺคีติ, ปมา มหาสงฺคีติ ปมมหาสงฺคีติ. กิฺจาปีติ อนุคฺคหตฺโถ, เตน ปาฬิยมฺปิ สา สงฺคีติมารุฬฺหาวาติ อนุคฺคหํ กโรติ, เอวมฺปิ ตตฺถารุฬฺหมตฺเตน อิธ โสตูนํ นิทานโกสลฺลํ น โหตีติ ปน-สทฺเทน อรุจิยตฺถํ ทสฺเสติ. นิททาติ เทสนํ เทสกาลาทิวเสน อวิทิตํ วิทิตํ กตฺวา นิทสฺเสตีติ นิทานํ, ตสฺมึ โกสลฺลํ, ตทตฺถายาติ อตฺโถ.
อิทานิ ตํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมจกฺกปวตฺตนฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สตฺตานํ ทสฺสนานุตฺตริยสรณาทิปฏิลาภเหตุภูตาสุ วิชฺชมานาสุปิ อฺาสุ ภควโต กิริยาสุ ‘‘พุทฺโธ โพเธยฺย’’นฺติ (พุ. วํ. อฏฺ. อพฺภนฺตรนิทาน ๑; จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา; อุทาน อฏฺ. ๑๘) ปฏิฺาย อนุโลมนโต วิเนยฺยานํ มคฺคผลุปฺปตฺติเหตุภูตา กิริยาว นิปฺปริยาเยน พุทฺธกิจฺจํ นามาติ ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ…เป… วินยนา’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปน ปุพฺพภาเค ภควตา ภาสิตํ สุณนฺตานมฺปิ วาสนาภาคิยเมว ชาตํ, น เสกฺขภาคิยํ, น นิพฺเพธภาคิยํ ตปุสฺสภลฺลิกานํ สรณทานํ วิย. เอสา หิ ธมฺมตา, ตสฺมา ตเมว มริยาทภาเวน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สทฺธินฺทฺริยาทิ ธมฺโมเยว ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ. อถ วา จกฺกนฺติ อาณา, ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมฺจ ตํ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ. ธมฺเมน าเยน จกฺกนฺติปิ ธมฺมจกฺกํ. วุตฺตฺหิ ปฏิสมฺภิทายํ –
‘‘ธมฺมฺจ ปวตฺเตติ จกฺกฺจาติ ธมฺมจกฺกํ. จกฺกฺจ ปวตฺเตติ ธมฺมฺจาติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺเมน ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺกํ, ธมฺมจริยาย ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺก’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๒.๔๐, ๔๑).
ตสฺส ปวตฺตนํ ตถา. ปวตฺตนนฺติ จ ปวตฺตยมานํ, ปวตฺติตนฺติ ปจฺจุปฺปนฺนาตีตวเสน ทฺวิธา อตฺโถ. ยํ สนฺธาย อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ‘‘ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตํ ¶ เทเสนฺโต ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ นาม, อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส มคฺคผลาธิคตโต ปฏฺาย ปวตฺติตํ นามา’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๐๘๑-๑๐๘๘; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๔๐). อิธ ปน ปจฺจุปฺปนฺนวเสเนว อตฺโถ ยุตฺโต. ยาวาติ ปริจฺเฉทตฺเถ นิปาโต, สุภทฺทสฺส นาม ปริพฺพาชกสฺส วินยนํ ¶ อนฺโตปริจฺเฉทํ กตฺวาติ อภิวิธิวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตฺหิ ภควา ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโนเยว วิเนสีติ. กตํ ปรินิฏฺาปิตํ พุทฺธกิจฺจํ เยนาติ ตถา, ตสฺมึ. กตพุทฺธกิจฺเจ ภควติ โลกนาเถ ปรินิพฺพุเตติ สมฺพนฺโธ, เอเตน พุทฺธกตฺตพฺพสฺส กิจฺจสฺส กสฺสจิปิ อเสสิตภาวํ ทีเปติ. ตโตเยว หิ ภควา ปรินิพฺพุโตติ. นนุ จ สาวเกหิ วินีตาปิ วิเนยฺยา ภควตาเยว วินีตา นาม. ตถา หิ สาวกภาสิตํ สุตฺตํ ‘‘พุทฺธภาสิต’’นฺติ วุจฺจติ. สาวกวิเนยฺยา จ น ตาว วินีตา, ตสฺมา ‘‘กตพุทฺธกิจฺเจ’’ติ น วตฺตพฺพนฺติ? นายํ โทโส เตสํ วินยนุปายสฺส สาวเกสุ ปิตตฺตา. เตเนวาห –
‘‘น ตาวาหํ ปาปิม ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม ภิกฺขู น สาวกา ภวิสฺสนฺติ วิยตฺตา วินีตา วิสารทา พหุสฺสุตา ธมฺมธรา…เป… อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สห ธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปาฏิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๑๖๘; อุทา. ๕๑).
‘‘กุสินาราย’’นฺติอาทินา ภควโต ปรินิพฺพุตเทสกาลวิเสสวจนํ ‘‘อปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ คาหสฺส มิจฺฉาภาวทสฺสนตฺถํ, โลเก ชาตสํวทฺธาทิภาวทสฺสนตฺถฺจ. ตถา หิ มนุสฺสภาวสฺส สุปากฏกรณตฺถํ มหาโพธิสตฺตา จริมภเว ทารปริคฺคหาทีนิปิ กโรนฺตีติ. กุสินารายนฺติ เอวํ นามเก นคเร. ตฺหิ นครํ กุสหตฺถํ ปุริสํ ทสฺสนฏฺาเน มาปิตตฺตา ‘‘กุสินาร’’นฺติ วุจฺจติ, สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมํ. อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเนติ ตสฺส นครสฺส อุปวตฺตนภูเต มลฺลราชูนํ สาลวเน. ตฺหิ สาลวนํ นครํ ปวิสิตุกามา อุยฺยานโต อุปจฺจ วตฺตนฺติ คจฺฉนฺติ เอเตนาติ อุปวตฺตนํ. ยถา หิ อนุราธปุรสฺส ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ ถูปาราโม, เอวํ ตํ อุยฺยานํ กุสินาราย ทกฺขิณปจฺฉิมทิสายํ โหติ. ยถา จ ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสนมคฺโค ปาจีนมุโข คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตติ, เอวํ อุยฺยานโต สาลปนฺติ ปาจีนมุขา คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตา, ตสฺมา ตํ ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ. อปเร ปน ¶ ‘‘ตํ สาลวนมุปคนฺตฺวา มิตฺตสุหชฺเช อปโลเกตฺวา นิวตฺตนโต อุปวตฺตนนฺติ ปากฏํ ชาตํ กิรา’’ติ วทนฺติ. ยมกสาลานมนฺตเรติ ยมกสาลานํ เวมชฺเฌ. ตตฺถ กิร ภควโต ปฺตฺตสฺส ปรินิพฺพานมฺจสฺส สีสภาเค เอกา สาลปนฺติ โหติ, ปาทภาเค เอกา. ตตฺราปิ เอโก ตรุณสาโล สีสภาคสฺส อาสนฺโน โหติ, เอโก ปาทภาคสฺส. ตสฺมา ‘‘ยมกสาลานมนฺตเร’’ติ วุตฺตํ. อปิจ ‘‘ยมกสาลา นาม มูลกฺขนฺธวิฏปปตฺเตหิ อฺมฺํ สํสิพฺเพตฺวา ิตสาลา’’ติปิ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. มา อิติ จนฺโท วุจฺจติ ตสฺส คติยา ทิวสสฺส ¶ มินิตพฺพโต, ตทา สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณ เอว มาติ ปุณฺณมา. สทฺทวิทู ปน ‘‘โม สิโว จนฺทิมา เจวา’’ติ วุตฺตํ สกฺกตภาสานยํ คเหตฺวา โอการนฺตมฺปิ จนฺทิมวาจก ม-สทฺทมิจฺฉนฺติ. วิสาขาย ยุตฺโต ปุณฺณมา ยตฺถาติ วิสาขาปุณฺณโม, โสเยว ทิวโส ตถา, ตสฺมึ. ปจฺจูสติ ติมิรํ วินาเสตีติ ปจฺจูโส, ปติ-ปุพฺโพ อุส-สทฺโท รุชายนฺติ หิ เนรุตฺติกา, โสเยว สมโยติ รตฺติยา ปจฺฉิมยามปริยาปนฺโน กาลวิเสโส วุจฺจติ, ตสฺมึ. วิสาขาปุณฺณมทิวเส อีทิเส รตฺติยา ปจฺฉิมสมเยติ วุตฺตํ โหติ.
อุปาทียเต กมฺมกิเลเสหีติ อุปาทิ, วิปากกฺขนฺธา, กฏตฺตา จ รูปํ. โส ปน อุปาทิ กิเลสาภิสงฺขารมารนิมฺมถเน อโนสฺสฏฺโ, อิธ ขนฺธมจฺจุมารนิมฺมถเน โอสฺสฏฺโน เสสิโต, ตสฺมา นตฺถิ เอติสฺสา อุปาทิสงฺขาโต เสโส, อุปาทิสฺส วา เสโสติ กตฺวา ‘‘อนุปาทิเสสา’’ติ วุจฺจติ. นิพฺพานธาตูติ เจตฺถ นิพฺพุติมตฺตํ อธิปฺเปตํ, นิพฺพานฺจ ตํ สภาวธารณโต ธาตุ จาติ กตฺวา. นิพฺพุติยา หิ การณปริยาเยน อสงฺขตธาตุ ตถา วุจฺจติ. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ จายํ กรณนิทฺเทโส. อนุปาทิเสสตาสงฺขาตํ อิมํ ปการํ ภูตสฺส ปตฺตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส ภควโต ลกฺขเณ นิพฺพานธาตุสงฺขาเต อตฺเถ ตติยาติ วุตฺตํ โหติ. นนุ จ ‘‘อนุปาทิเสสายา’’ติ นิพฺพานธาตุยาว วิเสสนํ โหติ, น ปรินิพฺพุตสฺส ภควโต, อถ กสฺมา ตํ ภควา ปตฺโตติ วุตฺโตติ? นิพฺพานธาตุยา สหจรณโต. ตํสหจรเณน หิ ภควาปิ อนุปาทิเสสภาวํ ปตฺโตติ วุจฺจติ. อถ วา อนุปาทิเสสภาวสงฺขาตํ อิมํ ปการํ ปตฺตาย นิพฺพานธาตุยา ลกฺขเณ สฺชานนกิริยาย ตติยาติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ. อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยาติ จ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ ¶ หุตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘อูนปฺจพนฺธเนน ปตฺเตนา’’ติ (ปารา. ๖๑๒). เอตฺถ หิ อูนปฺจพนฺธนปตฺโต หุตฺวาติ อตฺถํ วทนฺติ. อปิจ นิพฺพานธาตุยา อนุปาทิเสสาย อนุปาทิเสสา หุตฺวา ภูตายาติปิ ยุชฺชติ. วุตฺตฺหิ อุทานฏฺกถาย นนฺทสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘อุปฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหีติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ วิปฺปกตุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ อุปลกฺขิตาติ อตฺโถ’’ติ (อุทา. อฏฺ. ๒๒) เอสนโย อีทิเสสุ. ธาตุภาชนทิวเสติ เชฏฺมาสสฺส สุกฺกปกฺขปฺจมีทิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตฺจ น ‘‘สนฺนิปติตาน’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํ, ‘‘อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ เอตสฺส ปน วิเสสนํ ‘‘ธาตุภาชนทิวเส ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ อุสฺสาหชนนสฺส กาลวเสน ภินฺนาธิกรณวิเสสนภาวโต. ธาตุภาชนทิวสโต หิ ปุริมตรทิวเสสุปิ ภิกฺขู สนฺนิปติตาติ. อถ วา ‘‘สนฺนิปติตาน’’นฺติ อิทํ กายสามคฺคิวเสน สนฺนิปตนเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น สมาคมนมตฺเตน. ตสฺมา ‘‘ธาตุภาชนทิวเส’’ติ อิทํ ‘‘สนฺนิปติตาน’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนํ สมฺภวติ, อิทฺจ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสีติ เอตฺถ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ เอเตนปิ สมฺพชฺฌนียํ ¶ . สงฺฆสฺส เถโร สงฺฆตฺเถโร. โส ปน สงฺโฆ กึ ปริมาโณติ อาห ‘‘สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสาน’’นฺติ. สงฺฆสทฺเทน หิ อวิฺายมานสฺส ปริมาณสฺส วิฺาปนตฺถเมเวตํ ปุน วุตฺตํ. สทฺทวิทู ปน วทนฺติ –
‘‘สมาโส จ ตทฺธิโต จ, วากฺยตฺเถสุ วิเสสกา;
ปสิทฺธิยนฺตุ สามฺํ, เตลํ สุคตจีวรํ.
ตสฺมา นามมตฺตภูตสฺส สงฺฆตฺเถรสฺส วิเสสนตฺถเมเวตํ ปุน วุตฺตนฺติ, นิจฺจสาเปกฺขตาย จ เอทิเสสุ สมาโส ยถา ‘‘เทวทตฺตสฺส ครุกุล’’นฺติ. นิจฺจสาเปกฺขตา เจตฺถ สงฺฆสทฺทสฺส ภิกฺขุสตสหสฺสสทฺทํ สาเปกฺขตฺเตปิ อฺปทนฺตราภาเวน วากฺเย วิย อเปกฺขิตพฺพตฺถสฺส คมกตฺตา. ‘‘สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสาน’’นฺติ หิ เอตสฺส สงฺฆสทฺเท อวยวีภาเวน สมฺพนฺโธ, ตสฺสาปิ สามิภาเวน เถรสทฺเทติ. ‘‘สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสาน’’นฺติ จ คณปาโมกฺขภิกฺขูเยว สนฺธาย วุตฺตํ. ตทา หิ สนฺนิปติตา ภิกฺขู เอตฺตกาติ คณนปถมติกฺกนฺตา. ตถา หิ เวฬุวคาเม เวทนาวิกฺขมฺภนโต ปฏฺาย ‘‘นจิเรเนว ภควา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ตโต ตโต อาคเตสุ ภิกฺขูสุ เอกภิกฺขุปิ ปกฺกนฺโต นาม นตฺถิ. ยถาหุ –
‘‘สตฺตสตสหสฺสานิ ¶ , เตสุ ปาโมกฺขภิกฺขโว;
เถโร มหากสฺสโปว, สงฺฆตฺเถโร ตทา อหู’’ติ.
อายสฺมา มหากสฺสโป อนุสฺสรนฺโต มฺมาโน จินฺตยนฺโต หุตฺวา อุสฺสาหํ ชเนสิ, อนุสฺสรนฺโต มฺมาโน จินฺตยนฺโต อายสฺมา มหากสฺสโป อุสฺสาหํ ชเนสีติ วา สมฺพนฺโธ. มหนฺเตหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺโต กสฺสโปติ มหากสฺสโป. อปิจ ‘‘มหากสฺสโป’’ติ อุรุเวลกสฺสโป นทีกสฺสโป คยากสฺสโป กุมารกสฺสโปติ อิเม ขุทฺทานุขุทฺทเก เถเร อุปาทาย วุจฺจติ. กสฺมา ปนายสฺมา มหากสฺสโป อุสฺสาหํ ชเนสีติ อนุโยเค สติ ตํ การณํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘สตฺตาหปรินิพฺพุเต’’ติอาทิ. สตฺต อหานิ สมาหฏานิ สตฺตาหํ. สตฺตาหํ ปรินิพฺพุตสฺส อสฺสาติ ตถา ยถา ‘‘อจิรปกฺกนฺโต, มาสชาโต’’ติ, อนฺตตฺถอฺปทสมาโสยํ, ตสฺมึ. ภควโต ปรินิพฺพานทิวสโต ปฏฺาย สตฺตาเห วีติวตฺเตติ วุตฺตํ โหติ, เอตสฺส ‘‘วุตฺตวจน’’นฺติ ปเทน สมฺพนฺโธ, ตถา ‘‘สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตนา’’ติ เอตสฺสปิ. ตตฺถ สุภทฺโทติ ตสฺส นามมตฺตํ, วุฑฺฒกาเล ปน ปพฺพชิตตฺตา ‘‘วุฑฺฒปพฺพชิเตนา’’ติ วุตฺตํ, เอเตน สุภทฺทปริพฺพาชกาทีหิ ตํ วิเสสํ กโรติ. ‘‘อลํ อาวุโส’’ติอาทินา ¶ เตน วุตฺตวจนํ นิทสฺเสติ. โส หิ สตฺตาหปรินิพฺพุเต ภควติ อายสฺมตา มหากสฺสปตฺเถเรน สทฺธึ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฏิปนฺเนสุ ปฺจมตฺเตสุ ภิกฺขุสเตสุ อวีตราเค ภิกฺขู อนฺตรามคฺเค ทิฏฺอาชีวกสฺส สนฺติกา ภควโต ปรินิพฺพานํ สุตฺวา ปตฺตจีวรานิ ฉฑฺเฑตฺวา พาหา ปคฺคยฺหํ นานปฺปการํ ปริเทวนฺเต ทิสฺวา เอวมาห.
กสฺมา ปน โส เอวมาหาติ? ภควติ อาฆาเตน. อยํ กิเรโส ขนฺธเก อาคเต อาตุมาวตฺถุสฺมึ (มหาว. ๓๐๓) นหาปิตปุพฺพโก วุฑฺฒปพฺพชิโต ภควติ กุสินารโต นิกฺขมิตฺวา อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ อาตุมํ คจฺฉนฺเต ‘‘ภควา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา ‘‘อาคตกาเลยาคุทานํ กริสฺสามี’’ติ สามเณรภูมิยํ ิเต ทฺเว ปุตฺเต เอตทโวจ ‘‘ภควา กิร ตาตา อาตุมํ อาคจฺฉติ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ, คจฺฉถ ตุมฺเห ตาตา, ขุรภณฺฑํ อาทาย นาฬิยา วา ปสิพฺพเกน วา อนุฆรกํ อาหิณฺฑถ, โลณมฺปิ เตลมฺปิ ตณฺฑุลมฺปิ ขาทนียมฺปิ ¶ สํหรถ, ภควโต อาคตสฺส ยาคุทานํ กริสฺสามี’’ติ. เต ตถา อกํสุ. อถ ภควติ อาตุมํ อาคนฺตฺวา ภุสาคารกํ ปวิฏฺเ สุภทฺโท สายนฺหสมยํ คามทฺวารํ คนฺตฺวา มนุสฺเส อามนฺเตตฺวา ‘‘หตฺถกมฺมมตฺตํ เม เทถา’’ติ หตฺถกมฺมํ ยาจิตฺวา ‘‘กึ ภนฺเต กโรมา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทฺจิทฺจ คณฺหถา’’ติ สพฺพูปกรณานิ คาหาเปตฺวา วิหาเร อุทฺธนานิ กาเรตฺวา เอกํ กาฬกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา ตาทิสเมว ปารุปิตฺวา ‘‘อิทํ กโรถ, อิทํ กโรถา’’ติ สพฺพรตฺตึ วิจาเรนฺโต สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชตฺวา โภชฺชยาคฺุจ มธุโคฬกฺจ ปฏิยาทาเปสิ. โภชฺชยาคุ นาม ภฺุชิตฺวา ปาตพฺพยาคุ, ตตฺถ สปฺปิมธุผาณิตมจฺฉมํสปุปฺผผลรสาทิ ยํ กิฺจิ ขาทนียํ นาม อตฺถิ, ตํ สพฺพํ ปวิสติ. กีฬิตุกามานํ สีสมกฺขนโยคฺคา โหติ สุคนฺธคนฺธา.
อถ ภควา กาลสฺเสว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปิณฺฑาย จริตุํ อาตุมาภิมุโข ปายาสิ. อถ ตสฺส อาโรเจสุํ ‘‘ภควา ปิณฺฑาย คามํ ปวิสติ, ตยา กสฺส ยาคุ ปฏิยาทิตา’’ติ. โส ยถานิวตฺถปารุเตเหว เตหิ กาฬกกาสาเวหิ เอเกน หตฺเถน ทพฺพิฺจ กฏจฺฉฺุจ คเหตฺวา พฺรหฺมา วิย ทกฺขิณํ ชาณุมณฺฑลํ ภูมิยํ ปติฏฺเปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภนฺเต ภควา ยาคุ’’นฺติ อาห. ตโต ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺตี’’ติ ขนฺธเก (มหาว. ๓๐๔) อาคตนเยน ภควา ปุจฺฉิตฺวา จ สุตฺวา จ ตํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ วิครหิตฺวา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ อกปฺปิยสมาทานสิกฺขาปทํ, ขุรภณฺฑปริหรณสิกฺขาปทฺจาติ ทฺเว สิกฺขาปทานิ ปฺเปตฺวา ‘‘อเนกกปฺปโกฏิโย ภิกฺขเว โภชนํ ปริเยสนฺเตเหว วีตินามิตา ¶ , อิทํ ปน ตุมฺหากํ อกปฺปิยํ, อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ อิมํ ปริภฺุชิตฺวา อเนกานิ อตฺตภาวสหสฺสานิ อปาเยสฺเวว นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, อเปถ มา คณฺหถา’’ติ วตฺวา ภิกฺขาจาราภิมุโข อคมาสิ, เอกภิกฺขุนาปิ น กิฺจิ คหิตํ. สุภทฺโท อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘อยํ สพฺพํ ชานามี’’ติ อาหิณฺฑติ, สเจ น คเหตุกาโม เปเสตฺวา อาโรเจตพฺพํ อสฺส, ปกฺกาหาโร นาม สพฺพจิรํ ติฏฺนฺโต สตฺตาหมตฺตํ ติฏฺเยฺย, อิทฺจ มม ยาวชีวํ ปริยตฺตํ อสฺส, สพฺพํ เตน นาสิตํ, อหิตกาโม อยํ มยฺห’’นฺติ ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ทสพเล ธรมาเน กิฺจิ วตฺตุํ ¶ นาสกฺขิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อยํ อุจฺจา กุลา ปพฺพชิโต มหาปุริโส, สเจ กิฺจิ ธรนฺตสฺส วกฺขามิ, มมํเยว สนฺตชฺเชสฺสตี’’ติ.
สฺวายํ อชฺช มหากสฺสปตฺเถเรน สทฺธึ คจฺฉนฺโต ‘‘ปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ สุตฺวา ลทฺธสฺสาโส วิย หฏฺตุฏฺโ เอวมาห. เถโร ปน ตํ สุตฺวา หทเย ปหารํ วิย, มตฺถเก ปติตสุกฺขาสนึ วิย (สุกฺขาสนิ วิย ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๓๒) มฺิ, ธมฺมสํเวโค จสฺส อุปฺปชฺชิ ‘‘สตฺตาหมตฺตปรินิพฺพุโต ภควา, อชฺชาปิสฺส สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ธรติเยว, ทุกฺเขน ภควตา อาราธิตสาสเน นาม เอวํ ลหุํ มหนฺตํ ปาปํ กสฏํ กณฺฏโก อุปฺปนฺโน, อลํ โข ปเนส ปาโป วฑฺฒมาโน อฺเปิ เอวรูเป สหาเย ลภิตฺวา สาสนํ โอสกฺกาเปตุ’’นฺติ.
ตโต เถโร จินฺเตสิ ‘‘สเจ โข ปนาหํ อิมํ มหลฺลกํ อิเธว ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา ฉาริกาย โอกิราเปตฺวา นีหราเปสฺสามิ, มนุสฺสา ‘สมณสฺส โคตมสฺส สรีเร ธรมาเนเยว สาวกา วิวทนฺตี’ติ อมฺหากํ โทสํ ทสฺเสสฺสนฺติ, อธิวาเสมิ ตาว. ภควตา หิ เทสิตธมฺโม อสงฺคหิตปุปฺผราสิสทิโส, ตตฺถ ยถา วาเตน ปหฏปุปฺผานิ ยโต วา ตโต วา คจฺฉนฺติ, เอวเมว เอวรูปานํ วเสน คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล วินเย เอกํ ทฺเว สิกฺขาปทานิ นสฺสิสฺสนฺติ, สุตฺเต เอโก ทฺเว ปฺหาวารา นสฺสิสฺสนฺติ, อภิธมฺเม เอกํ ทฺเว ภูมนฺตรานิ นสฺสิสฺสนฺติ, เอวํ อนุกฺกเมน มูเล นฏฺเ ปิสาจสทิสา ภวิสฺสาม, ตสฺมา ธมฺมวินยสงฺคหํ กริสฺสามิ, เอวํ สติ ทฬฺหสุตฺเตน สงฺคหิตปุปฺผานิ วิย อยํ ธมฺมวินโย นิจฺจโล ภวิสฺสติ. เอตทตฺถฺหิ ภควา มยฺหํ ตีณิ คาวุตานิ ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ, ตีหิ โอวาเทหิ (สํ. นิ. ๒.๑๔๙, ๑๕๐, ๑๕๑) อุปสมฺปทํ อกาสิ, กายโต จีวรปริวตฺตนํ อกาสิ, อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา จนฺโทปมปฏิปทํ กเถนฺโต มฺเว สกฺขึ กตฺวา กเถสิ, ติกฺขตฺตุํ สกลสาสนรตนํ ปฏิจฺฉาเปสิ, มาทิเส ภิกฺขุมฺหิ ติฏฺมาเน อยํ ปาโป สาสเน วฑฺฒึ มา อลตฺถ, ยาว อธมฺโม น ทิปฺปติ, ธมฺโม น ปฏิพาหิยฺยติ, อวินโย น ทิปฺปติ, วินโย น ปฏิพาหิยฺยติ, อธมฺมวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ¶ น ทุพฺพลา โหนฺติ, อวินยวาทิโน น พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน น ทุพฺพลา โหนฺติ, ตาว ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามิ, ตโต ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปโหนกํ ¶ คเหตฺวา กปฺปิยากปฺปิเย กเถสฺสนฺติ, อถายํ ปาโป สยเมว นิคฺคหํ ปาปุณิสฺสติ, ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺขิสฺสติ, สาสนํ อิทฺธฺเจว ผีตฺตฺจ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา โส ‘‘เอวํ นาม มยฺหํ จิตฺตํ อุปฺปนฺน’’นฺติ กสฺสจิปิ อนาโรเจตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สมสฺสาเสตฺวา อถ ปจฺฉา ธาตุภาชนทิวเส ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหปรินิพฺพุเต…เป… ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ.
ตตฺถ อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ, น ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อาวุโสติ ปริเทวนฺเต ภิกฺขู อาลปติ. มา โสจิตฺถาติ จิตฺเต อุปฺปนฺนพลวโสเกน มา โสกมกตฺถ. มา ปริเทวิตฺถาติ วาจาย มา วิลาปมกตฺถ. ‘‘ปริเทวนํ วิลาโป’’ติ หิ วุตฺตํ. อโสจนาทีนํ การณมาห ‘‘สุมุตฺตา’’ติอาทินา. เตน มหาสมเณนาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ, สฺมาวจนสฺส วา นาพฺยปฺปเทโส. ‘‘อุปทฺทุตา’’ติ ปเท ปน กตฺตริ ตติยาวเสน สมฺพนฺโธ. อุภยาเปกฺขฺเหตํ ปทํ. อุปทฺทุตา จ โหมาติ ตํกาลาเปกฺขวตฺตมานวจนํ, ‘‘ตทา’’ติ เสโส. อตีตตฺเถ วา วตฺตมานวจนํ, อหุมฺหาติ อตฺโถ. อนุสฺสรนฺโต ธมฺมสํเวควเสเนว, น ปน โกธาทิวเสน. ธมฺมสภาวจินฺตาวเสน หิ ปวตฺตํ สโหตฺตปฺปาณํ ธมฺมสํเวโค. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สพฺพสงฺขตธมฺเมสุ, โอตฺตปฺปาการสณฺิตํ;
าณโมหิตภารานํ, ธมฺมสํเวคสฺิต’’นฺติ. (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา);
อฺํ อุสฺสาหชนนการณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อีทิสสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อีทิสสฺส จ สงฺฆสนฺนิปาตสฺสาติ สตฺตสตสหสฺสคณปาโมกฺขตฺเถรปฺปมุขคณนปถาติกฺกนฺตสงฺฆสนฺนิปาตํ สนฺธาย วทติ. ‘‘านํ โข ปเนตํ วิชฺชตี’’ติอาทินาปิ อฺํ การณํ ทสฺเสติ. ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านํ, เหตุ. โขติ อวธารเณ. ปนาติ วจนาลงฺกาเร, เอตํ านํ วิชฺชเตว, โน น วิชฺชตีติ อตฺโถ. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘ยํ ปาปภิกฺขู’’ติอาทิ. ยนฺติ นิปาตมตฺตํ, การณนิทฺเทโส วา, เยน าเนน อนฺตรธาเปยฺยุํ, ตเทตํ านํ วิชฺชติเยวาติ. ปาเปน ลามเกน อิจฺฉาวจเรน สมนฺนาคตา ภิกฺขู ปาปภิกฺขู ¶ . อตีโต สตฺถา เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา อตีตสตฺถุกํ ยถา ‘‘พหุกตฺตุโก’’ติ. ปธานํ วจนํ ปาวจนํ. ปา-สทฺโท ¶ เจตฺถ นิปาโต ‘‘ปา เอว วุตฺยสฺสา’’ติอาทีสุ วิย. อุปสคฺคปทํ วา เอตํ, ทีฆํ กตฺวา ปน ตถา วุตฺตํ ยถา ‘‘ปาวทตี’’ติปิ วทนฺติ. ปกฺขนฺติ อลชฺชิปกฺขํ. ‘‘ยาว จา’’ติอาทินา สงฺคีติยา สาสนจิรฏฺิติกภาเว การณํ, สาธกฺจ ทสฺเสติ. ‘‘ตสฺมา’’ติ หิ ปทมชฺฌาหริตฺวา ‘‘สงฺคาเยยฺย’’นฺติ ปเทน สมฺพนฺธนียํ.
ตตฺถ ยาว จ ธมฺมวินโย ติฏฺตีติ ยตฺตกํ กาลํ ธมฺโม จ วินโย จ ลชฺชิปุคฺคเลสุ ติฏฺติ. ปรินิพฺพานมฺจเก นิปนฺเนน ภควตา มหาปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วุตฺตํ สนฺธาย ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. หิ-สทฺโท อาคมวเสน ทฬฺหิโชตโก. เทสิโต ปฺตฺโตติ ธมฺโมปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จ. สุตฺตาภิธมฺมสงฺคหิตสฺส หิ ธมฺมสฺส อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา, ตสฺเสว ปการโต าปนํ วิเนยฺยสนฺตาเน ปนํ ปฺาปนํ. วินโยปิ เทสิโต เจว ปฺตฺโต จ. วินยตนฺติสงฺคหิตสฺส หิ อตฺถสฺส อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา, ตสฺเสว ปการโต าปนํ อสงฺกรโต ปนํ ปฺาปนํ, ตสฺมา กมฺมทฺวยมฺปิ กิริยาทฺวเยน สมฺพชฺฌนํ ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.
โสติ โส ธมฺโม จ วินโย จ. มมจฺจเยนาติ มม อจฺจยกาเล. ‘‘ภุมฺมตฺเถ กรณนิทฺเทโส’’ติ หิ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ. เหตฺวตฺเถ วา กรณวจนํ, มม อจฺจยเหตุ ตุมฺหากํ สตฺถา นาม ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. วุตฺตฺหิ มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๑๖). ลกฺขณวจนฺเหตฺถ เหตฺวตฺถสาธกํ ยถา ‘‘เนตฺเต อุชุํ คเต สตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๐; เนตฺติ. ๑๐.๙๐, ๙๓). อิทํ วุตฺตํ โหติ – มยา โว ิเตเนว ‘‘อิทํ ลหุกํ, อิทํ ครุกํ, อิทํ สเตกิจฺฉํ, อิทํ อเตกิจฺฉํ, อิทํ โลกวชฺชํ, อิทํ ปณฺณตฺติวชฺชํ, อยํ อาปตฺติ ปุคฺคลสฺส สนฺติเก วุฏฺาติ, อยํ คณสฺส, อยํ สงฺฆสฺส สนฺติเก วุฏฺาตี’’ติ สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมนียตาวเสน โอติณฺณวตฺถุสฺมึ สขนฺธกปริวาโร อุภโตวิภงฺโค มหาวินโย นาม เทสิโต, ตํ สกลมฺปิ วินยปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ‘‘อิทํ โว กตฺตพฺพํ, อิทํ โว น กตฺตพฺพ’’นฺติ กตฺตพฺพากตฺตพฺพสฺส วิภาเคน ¶ อนุสาสนโต. ิเตเนว จ มยา ‘‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ เตน เตน วิเนยฺยานํ อชฺฌาสยานุรูเปน ปกาเรน อิเม สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา สุตฺตนฺตปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ สุตฺตนฺตปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ตํตํจริยานุรูปํ สมฺมาปฏิปตฺติยา อนุสาสนโต, ิเตเนว จ มยา ‘‘อิเม ¶ ปฺจกฺขนฺธา (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๑๖), ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, จตฺตาริ สจฺจานิ, พาวีสตินฺทฺริยานิ, นว เหตู, จตฺตาโร อาหารา, สตฺต ผสฺสา, สตฺต เวทนา, สตฺต สฺา, สตฺต เจตนา, สตฺต จิตฺตานิ. ตตฺราปิ เอตฺตกา ธมฺมา กามาวจรา, เอตฺตกา รูปาวจรา, เอตฺตกา อรูปาวจรา, เอตฺตกา ปริยาปนฺนา, เอตฺตกา อปริยาปนฺนา, เอตฺตกา โลกิยา, เอตฺตกา โลกุตฺตรา’’ติ อิเม ธมฺเม วิภชิตฺวา วิภชิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ เทสิตํ, ตํ สกลมฺปิ อภิธมฺมปิฏกํ มยิ ปรินิพฺพุเต ตุมฺหากํ สตฺถุกิจฺจํ สาเธสฺสติ ขนฺธาทิวิภาเคน ายมานํ จตุสจฺจสมฺโพธาวหตฺตา. อิติ สพฺพมฺเปตํ อภิสมฺโพธิโต ยาว ปรินิพฺพานา ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานิ ภาสิตํ ลปิตํ ‘‘ตีณิ ปิฏกานิ, ปฺจ นิกายา, นวงฺคานิ, จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ เอวํ มหปฺปเภทํ โหติ. อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ติฏฺนฺติ, อหํ เอโกว ปรินิพฺพายิสฺสามิ, อหฺจ ปนิทานิ เอโกว โอวทามิ อนุสาสามิ, มยิ ปรินิพฺพุเต อิมานิ จตุราสีติ พุทฺธสหสฺสานิ ตุมฺเห โอวทิสฺสนฺติ อนุสาสิสฺสนฺติ โอวาทานุสาสนกิจฺจสฺส นิปฺผาทนโตติ.
สาสนนฺติ ปริยตฺติปฏิปตฺติปฏิเวธวเสน ติวิธมฺปิ สาสนํ, นิปฺปริยายโต ปน สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา. อทฺธานํ คมิตุมลนฺติ อทฺธนิยํ, อทฺธานคามิ อทฺธานกฺขมนฺติ อตฺโถ. จิรํ ิติ เอตสฺสาติ จิรฏฺิติกํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน ปกาเรน อิทํ สาสนํ อทฺธนิยํ, ตโตเยว จ จิรฏฺิติกํ ภเวยฺย, เตน ปกาเรน ธมฺมฺจ วินยฺจ ยทิ ปนาหํ สงฺคาเยยฺยํ, สาธุ วตาติ.
อิทานิ สมฺมาสมฺพุทฺเธน อตฺตโน กตํ อนุคฺคหวิเสสํ สมนุสฺสริตฺวา จินฺตนาการมฺปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยฺจาหํ ภควตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ยฺจาห’’นฺติ เอตสฺส ‘‘อนุคฺคหิโต, ปสํสิโต’’ติ เอเตหิ สมฺพนฺโธ. ยนฺติ ¶ ยสฺมา, กิริยาปรามสนํ วา เอตํ, เตน ‘‘อนุคฺคหิโต, ปสํสิโต’’ติ เอตฺถ อนุคฺคหณํ, ปสํสนฺจ ปรามสติ. ‘‘ธาเรสฺสสี’’ติอาทิกํ ปน วจนํ ภควา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล มหากสฺสปตฺเถเรน ปฺตฺตสงฺฆาฏิยํ นิสินฺโน ตํ สงฺฆาฏึ ปทุมปุปฺผวณฺเณน ปาณินา อนฺตนฺเตน ปรามสนฺโต อาห. วุตฺตฺเหตํ กสฺสปสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) มหากสฺสปตฺเถเรเนว อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา กเถนฺเตน –
‘‘อถ โข อาวุโส ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อฺตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิ, อถ ขฺวาหํ อาวุโส ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏึ จตุคฺคุณํ ปฺเปตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจํ ‘อิธ ภนฺเต ภควา นิสีทตุ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’ติ ¶ . นิสีทิ โข อาวุโส ภควา ปฺตฺเต อาสเน, นิสชฺช โข มํ อาวุโส ภควา เอตทโวจ ‘มุทุกา โข ตฺยายํ กสฺสป ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏี’ติ. ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภนฺเต ภควา ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏึ อนุกมฺปํ อุปาทายาติ. ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ กสฺสป สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานีติ. ธาเรสฺสามหํ ภนฺเต ภควโต สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานีติ. โส ขฺวาหํ อาวุโส ปฏปิโลติกานํ สงฺฆาฏึ ภควโต ปาทาสึ, อหํ ปน ภควโต สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานิ ปฏิปชฺชิ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔).
ตตฺถ มุทุกา โข ตฺยายนฺติ มุทุกา โข เต อยํ. กสฺมา ปน ภควา เอวมาหาติ? เถเรน สห จีวรํ ปริวตฺเตตุกามตาย. กสฺมา ปริวตฺเตตุกาโม ชาโตติ? เถรํ อตฺตโน าเน เปตุกามตาย. กึ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา นตฺถีติ? อตฺถิ, เอวํ ปนสฺส อโหสิ ‘‘อิเม น จิรํ สฺสนฺติ, ‘กสฺสโป ปน วีสวสฺสสตายุโก, โส มยิ ปรินิพฺพุเต สตฺตปณฺณิคุหายํ วสิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคหํ กตฺวา มม สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณกาลํ ปวตฺตนกํ กริสฺสตี’’ติ อตฺตโน นํ าเน เปสิ, เอวํ ภิกฺขู กสฺสปสฺส สุสฺสุสิตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ ตสฺมา เอวมาห. เถโร ปน ยสฺมา จีวรสฺส วา ปตฺตสฺส วา วณฺเณ กถิเต ‘‘อิมํ ตุมฺเห คณฺหถา’’ติ วจนํ จาริตฺตเมว, ตสฺมา ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภนฺเต ภควา’’ติ อาห.
ธาเรสฺสสิ ¶ ปน เม ตฺวํ กสฺสปาติ กสฺสป ตฺวํ อิมานิ ปริโภคชิณฺณานิ ปํสุกูลานิ ปารุปิตุํ สกฺขิสฺสสีติ วทติ. ตฺจ โข น กายพลํ สนฺธาย, ปฏิปตฺติปูรณํ ปน สนฺธาย เอวมาห. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อหํ อิมํ จีวรํ ปุณฺณํ นาม ทาสึ ปารุปิตฺวา อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตํ สุสานํ ปวิสิตฺวา ตุมฺพมตฺเตหิ ปาณเกหิ สมฺปริกิณฺณํ เต ปาณเก วิธุนิตฺวา มหาอริยวํเส ตฺวา อคฺคเหสึ, ตสฺส เม อิมํ จีวรํ คหิตทิวเส ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ มหาปถวี มหาวิรวํ วิรวมานา กมฺปิตฺถ, อากาสํ ตฏตฏายิ, จกฺกวาเฬ เทวตา สาธุการํ อทํสุ, อิมํ จีวรํ คณฺหนฺเตน ภิกฺขุนา ชาติปํสุกูลิเกน ชาติอารฺิเกน ชาติเอกาสนิเกน ชาติสปทานจาริเกน ภวิตุํ วฏฺฏติ, ตฺวํ อิมสฺส จีวรสฺส อนุจฺฉวิกํ กาตุํ สกฺขิสฺสสีติ. เถโรปิ อตฺตนา ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธาเรติ, โส ตํ อตกฺกยิตฺวา ‘‘อหเมตํ ปฏิปตฺตึ ปูเรสฺสามี’’ติ อุสฺสาเหน สุคตจีวรสฺส อนุจฺฉวิกํ กาตุกาโม ‘‘ธาเรสฺสามหํ ภนฺเต’’ติ อาห. ปฏิปชฺชินฺติ ปฏิปนฺโนสึ. เอวํ ปน จีวรปริวตฺตนํ ¶ กตฺวา เถเรน ปารุปิตจีวรํ ภควา ปารุปิ, สตฺถุ จีวรํ เถโร. ตสฺมึ สมเย มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อุนฺนทนฺตี กมฺปิตฺถ.
สาณานิ ปํสุกูลานีติ มตกเฬวรํ ปริเวเตฺวา ฉฑฺฑิตานิ ตุมฺพมตฺเต กิมี ปปฺโผเฏตฺวา คหิตานิ สาณวากมยานิ ปํสุกูลจีวรานิ. นิพฺพสนานีติ นิฏฺิตวสนกิจฺจานิ, ปริโภคชิณฺณานีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ เอกเมว ตํ จีวรํ, อเนกาวยวตฺตา ปน พหุวจนํ กตนฺติ มชฺฌิมคณฺิปเท วุตฺตํ. จีวเร สาธารณปริโภเคนาติ เอตฺถ อตฺตนา สาธารณปริโภเคนาติ อตฺถสฺส วิฺายมานตฺตา, วิฺายมานตฺถสฺส จ สทฺทสฺส ปโยเค กามาจารตฺตา ‘‘อตฺตนา’’ติ น วุตฺตํ. ‘‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ กสฺสป สาณานิ ปํสุกูลานี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) หิ วุตฺตตฺตา ‘‘อตฺตนาว สาธารณปริโภเคนา’’ติ วิฺายติ, นาฺเน. น หิ เกวลํ สทฺทโตเยว สพฺพตฺถ อตฺถนิจฺฉโย, อตฺถปกรณาทินาปิ เยภุยฺเยน อตฺถสฺส นิยมิตตฺตา. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปเนตฺถ เอวํ วุตฺตํ ‘‘จีวเร สาธารณปริโภเคนาติ เอตฺถ ‘อตฺตนา สมสมฏฺปเนนา’ติ อิธ วุตฺตํ อตฺตนา – สทฺทมาเนตฺวา ‘จีวเร อตฺตนา สาธารณปริโภเคนา’ติ โยเชตพฺพํ.
ยสฺส ¶ เยน หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺมฺปิ จ ตสฺส ตํ;
อตฺถโต หฺยสมานานํ, อาสนฺนตฺตมการณนฺติ.
อถ วา ภควตา จีวเร สาธารณปริโภเคน ภควตา อนุคฺคหิโตติ โยชนียํ. เอกสฺสาปิ หิ กรณนิทฺเทสสฺส สหาทิโยคกตฺตุตฺถโชตกตฺตสมฺภวโต’’ติ. สมานํ ธารณเมตสฺสาติ สาธารโณ, ตาทิโส ปริโภโคติ สาธารณปริโภโค, เตน. สาธารณปริโภเคน จ สมสมฏฺปเนน จ อนุคฺคหิโตติ สมฺพนฺโธ.
อิทานิ –
‘‘อหํ ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ, กสฺสโปปิ ภิกฺขเว ยาวเท อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๑๕๒) –
นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปเภเท ¶ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปนตฺถาย ภควตา วุตฺตํ กสฺสปสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๒.๑๕๑) อาคตํ ปาฬิมิมํ เปยฺยาลมุเขน, อาทิคฺคหเณน จ สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อหํ ภิกฺขเว’’ติอาทิ.
ตตฺถ ยาวเทติ ยาวเทว, ยตฺตกํ กาลํ อากงฺขามิ, ตตฺตกํ กาลํ วิหรามีติ อตฺโถ. ตโตเยว หิ มชฺฌิมคณฺิปเท, จูฬคณฺิปเท จ ‘‘ยาวเทติ ยาวเทวาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ ลิขิตํ. สํยุตฺตฏฺกถายมฺปิ ‘‘ยาวเท อากงฺขามีติ ยาวเทว อิจฺฉามี’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๒.๑๕๒) อตฺโถ วุตฺโต. ตถา หิ ตตฺถ ลีนตฺถปกาสนิยํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ‘‘ยาวเทวาติ อิมินา สมานตฺถํ ‘ยาวเท’ติ อิทํ ปท’’นฺติ วุตฺตํ. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ยาวเทวา’’ติ อยเมว ปาโ ทิสฺสติ. อปิ จ ยาวเทติ ยตฺตกํ สมาปตฺติวิหารํ วิหริตุํ อากงฺขามิ, ตตฺตกํ สมาปตฺติวิหารํ วิหรามีติ สมาปตฺติฏฺาเน, ยตฺตกํ อภิฺาโวหารํ โวหริตุํ ¶ อากงฺขามิ, ตตฺตกํ อภิฺาโวหารํ โวหรามีติ อภิฺาาเน จ สห ปาเสเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนาปิ ตเทวตฺถํ ยถาลาภนเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ยตฺตเก สมาปตฺติวิหาเร, อภิฺาโวหาเร วา อากงฺขนฺโต วิหารามิ เจว โวหรามิ จ, ตถา กสฺสโปปีติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. อปเร ปน ‘‘ยาวเทติ ‘ยํ ปมชฺฌานํ อากงฺขามิ, ตํ ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหารามี’ติอาทินา สมาปตฺติฏฺาเน, อิทฺธิวิธาภิฺาาเน จ อชฺฌาหริตสฺส ต-สทฺทสฺส กมฺมวเสน ‘ยํ ทิพฺพโสตํ อากงฺขามิ, เตน ทิพฺพโสเตน สทฺเท สุณามี’ติอาทินา เสสาภิฺาาเน กรณวเสน โยชนา วตฺตพฺพา’’ติ วทนฺติ. วิวิจฺเจว กาเมหีติ เอตฺถ เอว-สทฺโท นิยมตฺโถ, อุภยตฺถ โยเชตพฺโพ. ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตทุปริ อาวิ ภวิสฺสติ.
นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเทติ เอตฺถ นวานุปุพฺพวิหารา นาม อนุปฏิปาฏิยา สมาปชฺชิตพฺพตฺตา เอวํสฺิตา นิโรธสมาปตฺติยา สห อฏฺ สมาปตฺติโย. ฉฬภิฺา นาม อาสวกฺขยาเณน สห ปฺจาภิฺาโย. กตฺถจิ โปตฺถเก เจตฺถ อาทิสทฺโท ทิสฺสติ. โส อนธิปฺเปโต ยถาวุตฺตาย ปาฬิยา คเหตพฺพสฺส อตฺถสฺส อนวเสสตฺตา. มนุสฺเสสุ, มนุสฺสานํ วา อุตฺตริภูตานํ, อุตฺตรีนํ วา มนุสฺสานํ ฌายีนฺเจว อริยานฺจ ธมฺโมติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม, มนุสฺสธมฺมา วา อุตฺตรีติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม. ทส กุสลกมฺมปถา เจตฺถ วินา ภาวนามนสิกาเรน ปกติยาว มนุสฺเสหิ นิพฺพตฺเตตพฺพโต, มนุสฺสตฺตภาวาวหนโต จ มนุสฺสธมฺโม นาม, ตโต อุตฺตริ ปน ฌานาทิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโมติ เวทิตพฺโพ. สมสมฏฺปเนนาติ ‘‘อหํ ยตฺตกํ กาลํ, ยตฺตเก วา สมาปตฺติวิหาเร, ยตฺตกา อภิฺาโย จ วฬฺเชมิ ¶ , ตถา กสฺสโปปี’’ติ เอวํ สมสมํ กตฺวา ปเนน. อเนกฏฺาเนสุ ปนํ, กสฺสจิปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส อเสสภาเวน เอกนฺตสมฏฺปนํ วา สนฺธาย ‘‘สมสมฏฺปเนนา’’ติ วุตฺตํ, อิทฺจ นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาภาวสามฺเน ปสํสามตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. น หิ อายสฺมา มหากสฺสโป ภควา วิย เทวสิกํ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา สมาปตฺติโย สมาปชฺชติ, ยมกปาฏิหาริยาทิวเสน จ อภิฺาโย วฬฺเชตีติ. เอตฺถ จ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปเนนา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ –
‘‘โอวท ¶ กสฺสป ภิกฺขู, กโรหิ กสฺสป ภิกฺขูนํ ธมฺมึ กถํ, อหํ วา กสฺสป ภิกฺขู โอวเทยฺยํ, ตฺวํ วา. อหํ วา กสฺสป ภิกฺขูนํ ธมฺมึ กถํ กเรยฺยํ, ตฺวํ วา’’ติ –
เอวมฺปิ อตฺตนา สมสมฏฺปนมกาสิเยวาติ.
ตถาติ รูปูปสํหาโร ยถา อนุคฺคหิโต, ตถา ปสํสิโตติ. อากาเส ปาณึ จาเลตฺวาติ ภควตา อตฺตโนเยว ปาณึ อากาเส จาเลตฺวา กุเลสุ อลคฺคจิตฺตตาย เจว กรณภูตาย ปสํสิโตติ สมฺพนฺโธ. อลคฺคจิตฺตตายาติ วา อาธาเร ภุมฺมํ, อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา กุลูปกสฺส ภิกฺขุโน อลคฺคจิตฺตตาย กุเลสุ อลคฺคนจิตฺเตน ภวิตุํ ยุตฺตตาย เจว มฺเว สกฺขึ กตฺวา ปสํสิโตติ อตฺโถ. ยถาห –
‘‘อถ โข ภควา อากาเส ปาณึ จาเลสิ เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว, อยํ อากาเส ปาณิ น สชฺชติ น คยฺหติ น พชฺฌติ, เอวเมว โข ภิกฺขเว ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน กุลานิ อุปสงฺกมโต กุเลสุ จิตฺตํ น สชฺชติ น คยฺหติ น พชฺฌติ ‘ลภนฺตุ ลาภกามา, ปฺุกามา กโรนฺตุ ปฺุานี’ติ. ยถา สเกน ลาเภน อตฺตมโน โหติ สุมโน, เอวํ ปเรสํ ลาเภน อตฺตมโน โหติ สุมโน. เอวรูโป โข ภิกฺขเว ภิกฺขุ อรหติ กุลานิ อุปสงฺกมิตุํ. กสฺสปสฺส ภิกฺขเว กุลานิ อุปสงฺกมโต กุเลสุ จิตฺตํ น สชฺชติ น คยฺหติ น พชฺฌติ ‘ลภนฺตุ ลาภกามา, ปฺุกามา กโรนฺตุ ปฺุานี’ติ. ยถา สเกน ลาเภน อตฺตมโน โหติ สุมโน, เอวํ ปเรสํ ลาเภน อตฺตมโน โหติ สุมโน’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖).
ตตฺถ อากาเส ปาณึ จาเลสีติ นีเล คคนนฺตเร ยมกวิชฺชุกํ สฺจาลยมาโน วิย เหฏฺาภาเค ¶ , อุปริภาเค, อุภโต จ ปสฺเสสุ ปาณึ สฺจาเลสิ, อิทฺจ ปน เตปิฏเก พุทฺธวจเน อสมฺภินฺนปทํ นาม. อตฺตมโนติ สกมโน, น โทมนสฺเสน ปจฺฉินฺทิตฺวา คหิตมโน. สุมโนติ ตุฏฺมโน, อิทานิ โย หีนาธิมุตฺติโก มิจฺฉาปฏิปนฺโน เอวํ ¶ วเทยฺย ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ‘อลคฺคจิตฺตตาย อากาเส จาลิตปาณูปมา กุลานิ อุปสงฺกมถา’ติ วทนฺโต อฏฺาเน เปติ, อสยฺหภารํ อาโรเปติ, ยํ น สกฺกา กาตุํ, ตํ กาเรหี’’ติ, ตสฺส วาทปถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘สกฺกา จ โข เอวํ กาตุํ, อตฺถิ เอวรูโป ภิกฺขู’’ติ อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปตฺเถรเมว สกฺขึ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กสฺสปสฺส ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห.
อฺมฺปิ ปสํสนมาห ‘‘จนฺโทปมปฏิปทาย จา’’ติ, จนฺทปฏิภาคาย ปฏิปทาย จ กรณภูตาย ปสํสิโต, ตสฺสํ วา อาธารภูตาย มฺเว สกฺขึ กตฺวา ปสํสิโตติ อตฺโถ. ยถาห –
‘‘จนฺทูปมา ภิกฺขเว กุลานิ อุปสงฺกมถ อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวกา กุเลสุ อปฺปคพฺภา. เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว ปุริโส ชรุทปานํ วา โอโลเกยฺย ปพฺพตวิสมํ วา นทีวิทุคฺคํ วา อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตํ, เอวเมว โข ภิกฺขเว จนฺทูปมา กุลานิ อุปสงฺกมถ อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวกา กุเลสุ อปฺปคพฺภา. กสฺสโป ภิกฺขเว จนฺทูปโม กุลานิ อุปสงฺกมติ อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวโก กุเลสุ อปฺปคพฺโภ’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖).
ตตฺถ จนฺทูปมาติ จนฺทสทิสา หุตฺวา. กึ ปริมณฺฑลตาย สทิสาติ? โน, อปิจ โข ยถา จนฺโท คคนตลํ ปกฺขนฺทมาโน น เกนจิ สทฺธึ สนฺถวํ วา สิเนหํ วา อาลยํ วา นิกนฺตึ วา ปตฺถนํ วา ปริยุฏฺานํ วา กโรติ, น จ น โหติ มหาชนสฺส ปิโย มนาโป, ตุมฺเหปิ เอวํ เกนจิ สทฺธึ สนฺถวาทีนํ อกรเณน พหุชนสฺส ปิยา มนาปา จนฺทูปมา หุตฺวา ขตฺติยกุลาทีนิ จตฺตาริ กุลานิ อุปสงฺกมถาติ อตฺโถ. อปิจ ยถา จนฺโท อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกํ ผรติ, เอวํ กิเลสนฺธการวิธมเนน, าณาโลกผรเณน จ จนฺทูปมา หุตฺวาติ เอวมาทีหิปิ นเยหิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อปกสฺเสว กายํ, อปกสฺส จิตฺตนฺติ เตเนว สนฺถวาทีนมกรเณน กายฺจ จิตฺตฺจ อปกสฺสิตฺวา, อกฑฺฒิตฺวา อปเนตฺวาติ อตฺโถ. นิจฺจนวกาติ นิจฺจํ นวิกาว, อาคนฺตุกสทิสา ¶ เอว หุตฺวาติ อตฺโถ. อาคนฺตุโก ¶ หิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตเคหํ ปวิสิตฺวา สเจ นํ ฆรสามิกา ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตภาตโรปิ วิปฺปวาสคตา เอวํ วิจรึสู’’ติ อนุกมฺปมานา นิสีทาเปตฺวา โภเชนฺติ, ภุตฺตมตฺโตเยว ‘‘ตุมฺหากํ ภาชนํ คณฺหถา’’ติ อุฏฺาย ปกฺกมติ, น เตหิ สทฺธึ สนฺถวํ วา กโรติ, กิจฺจกรณียานิ วา สํวิทหติ, เอวํ ตุมฺเหปิ ปฏิปาฏิยา สมฺปตฺตฆรํ ปวิสิตฺวา ยํ อิริยาปเถสุ ปสนฺนา มนุสฺสา เทนฺติ, ตํ คเหตฺวา ปจฺฉินฺนสนฺถวา เตสํ กิจฺจกรณีเย อพฺยาวฏา หุตฺวา นิกฺขมถาติ ทีเปติ. อปฺปคพฺภาติ น ปคพฺภา, อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน, จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน, อเนกฏฺาเนน มโนปาคพฺภิเยน จ วิรหิตา กุลานิ อุปสงฺกมถาติ อตฺโถ.
ชรุทปานนฺติ ชิณฺณกูปํ. ปพฺพตวิสมนฺติ ปพฺพเต วิสมํ ปปาตฏฺานํ. นทีวิทุคฺคนฺติ นทิยา วิทุคฺคํ ฉินฺนตฏฏฺานํ. เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ชรุทปานาทโย วิย หิ จตฺตาริ กุลานิ, โอโลกนปุริโส วิย ภิกฺขุ, ยถา ปน อนปกฏฺกายจิตฺโต ตานิ โอโลเกนฺโต ปุริโส ตตฺถ ปตติ, เอวํ อรกฺขิเตหิ กายาทีหิ กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ภิกฺขุ กุเลสุ พชฺฌติ, ตโต นานปฺปการํ สีลปาทภฺชนาทิกํ อนตฺถํ ปาปุณาติ. ยถา ปน อปกฏฺกายจิตฺโต ปุริโส ตตฺถ น ปตติ, เอวํ รกฺขิเตเนว กาเยน, รกฺขิตาย วาจาย, รกฺขิเตหิ จิตฺเตหิ, สูปฏฺิตาย สติยา อปกฏฺกายจิตฺโต หุตฺวา กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ภิกฺขุ กุเลสุ น พชฺฌติ, อถสฺส สีลสทฺธาสมาธิปฺาสงฺขาตานิ ปาทหตฺถกุจฺฉิสีสานิ น ภฺชนฺติ, ราคกณฺฏกาทโย น วิชฺฌนฺติ, สุขิโต เยนกามํ อคตปุพฺพํ นิพฺพานทิสํ คจฺฉติ, เอวรูโป อยํ มหากสฺสโปติ หีนาธิมุตฺติกสฺส มิจฺฉาปฏิปนฺนสฺส วาทปถปจฺฉินฺทนตฺถํ มหากสฺสปตฺเถรํ เอว สกฺขึ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘กสฺสโป ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหาติ. เอวมฺเปตฺถ อตฺถมิจฺฉนฺติอลคฺคจิตฺตตาสงฺขาตาย จนฺโทปมปฏิปทาย กรณภูตาย ปสํสิโต, ตสฺสํ วา อาธารภูตาย มฺเว สกฺขึ กตฺวา ปสํสิโตติ, เอวํ สติ เจว-สทฺโท, จ-สทฺโท จ น ปยุชฺชิตพฺโพ ทฺวินฺนํ ปทานํ ตุลฺยาธิกรณตฺตา, อยเมว อตฺโถ ปาโ จ ยุตฺตตโร วิย ทิสฺสติ ปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘อากาเส ปาณึ จาเลตฺวา จนฺทูปมํ ปฏิปทํ กเถนฺโต มํ กายสกฺขึ กตฺวา กเถสี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๓๒) วุตฺตตฺตาติ.
ตสฺส ¶ กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ, อฺตฺร ธมฺมวินยสงฺคายนาติ อธิปฺปาโย. ตตฺถ ตสฺสาติ ยํ-สทฺทสฺส การณนิทสฺสเน ‘‘ตสฺมา’’ติ อชฺฌาหริตฺวา ตสฺส เมติ อตฺโถ, กิริยาปรามสเน ปน ตสฺส อนุคฺคหณสฺส, ปสํสนสฺส จาติ. โปตฺถเกสุปิ กตฺถจิ ‘‘ตสฺส เม’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, เอวํ สติ กิริยาปรามสเน ‘‘ตสฺสา’’ติ อปรํ ปทมชฺฌาหริตพฺพํ. นตฺถิ ¶ อิณํ ยสฺสาติ อณโณ, ตสฺส ภาโว อาณณฺยํ. ธมฺมวินยสงฺคายนํ เปตฺวา อฺํ กึ นาม ตสฺส อิณวิรหิตตฺตํ ภวิสฺสติ, น ภวิสฺสติ เอวาติ อตฺโถ. ‘‘นนุ มํ ภควา’’ติอาทินา วุตฺตเมวตฺถํ อุปมาวเสน วิภาเวติ. สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนนาติ เอตฺถ กวโจ นาม อุรจฺฉโท, เยน อุโร ฉาทียเต, ตสฺส จ จีวรนิทสฺสเนน คหณํ, อิสฺสริยสฺส ปน อภิฺาสมาปตฺตินิทสฺสเนนาติ ทฏฺพฺพํ. กุลวํสปฺปติฏฺาปกนฺติ กุลวํสสฺส กุลปเวณิยา ปติฏฺาปกํ. ‘‘เม’’ติ ปทสฺส นิจฺจสาเปกฺขตฺตา สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโกติ สมาโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สตฺตุสงฺฆนิมฺมทฺทเนน อตฺตโน กุลวํสปฺปติฏฺาปนตฺถํ สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนน กุลวํสปฺปติฏฺาปกํ ปุตฺตํ ราชา วิย ภควาปิ มํ ทีฆทสฺสี ‘‘สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโก เม อยํ ภวิสฺสตี’’ติ มนฺตฺวา สาสนปจฺจตฺถิกคณนิมฺมทฺทเนน สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปนตฺถํ จีวรทานสมสมฏฺปนสงฺขาเตน อิมินา อสาธารณานุคฺคเหน อนุคฺคเหสิ นนุ, อิมาย จ อุฬาราย ปสํสาย ปสํสิ นนูติ. อิติ จินฺตยนฺโตติ เอตฺถ อิติสทฺเทน ‘‘อนฺตรธาเปยฺยุํ, สงฺคาเยยฺยํ, กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสตี’’ติ วจนปุพฺพงฺคมํ, ‘‘านํ โข ปเนตํ วิชฺชตี’’ติอาทิ วากฺยตฺตยํ นิทสฺเสติ.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ สงฺคีติกฺขนฺธกปาฬิยา สาเธนฺโต อาห ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยถาหาติ กึ อาห, มยา วุตฺตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ กึ อาหาติ วุตฺตํ โหติ. ยถา วา เยน ปกาเรน มยา วุตฺตํ, ตถา เตน ปกาเรน ปาฬิยมฺปิ อาหาติ อตฺโถ. ยถา วา ยํ วจนํ ปาฬิยํ อาห, ตถา เตน วจเนน มยา วุตฺตวจนํ สํสนฺทติ เจว สเมติ จ ยถา ตํ คงฺโคทเกน ยมุโนทกนฺติปิ วตฺตพฺโพ ปาฬิยา สาธนตฺถํ อุทาหริตภาวสฺส ปจฺจกฺขโต วิฺายมานตฺตา, วิฺายมานตฺถสฺส จ สทฺทสฺส ปโยเค กามาจารตฺตา. อธิปฺปายวิภาวนตฺถา หิ อตฺถโยชนา. ยถา วา เยน ปกาเรน ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ ¶ อุสฺสาหํ ชเนสิ, ตถา เตน ปกาเรน ปาฬิยมฺปิ อาหาติ อตฺโถ. เอวมีทิเสสุ.
เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ. เอกํ สมยนฺติ จ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ, เอกสฺมึ สมเยติ อตฺโถ. ปาวายาติ ปาวานครโต, ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา ‘‘กุสินารํ คมิสฺสามี’’ติ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธานมคฺโคติ จ ทีฆมคฺโค วุจฺจติ, ทีฆปริยาโย เหตฺถ อทฺธานสทฺโท. มหตาติ คุณมหตฺเตนปิ สงฺขฺยามหตฺเตนปิ มหตา. ‘‘ปฺจมตฺเตหี’’ติอาทินา สงฺขฺยามหตฺตํ ทสฺเสติ, มตฺตสทฺโท จ ปมาณวจโน ‘‘โภชเน มตฺตฺุตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑๖) วิย. ‘‘ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ อุสฺสาหํ ชเนสี’’ติ เอตสฺสตฺถสฺส สาธนตฺถํ อาหตา ‘‘อถ โข’’ติอาทิกา ปาฬิ ยถาวุตฺตมตฺถํ น สาเธติ ¶ . น เหตฺถ อุสฺสาหชนนปฺปกาโร อาคโตติ โจทนํ ปริหริตุมาห ‘‘สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพ’’นฺติ. เอวมฺเปสา โจทนา ตทวตฺถาเยวาติ วุตฺตํ ‘‘ตโต ปรํ อาหา’’ติอาทิ. อปิจ ยถาวุตฺตตฺถสาธิกา ปาฬิ มหตราติ คนฺถครุตาปริหรณตฺถํ มชฺเฌ เปยฺยาลมุเขน อาทิอนฺตเมว ปาฬึ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพ’’นฺติ อาห. เตน หิ ‘‘อถ ขฺวาหํ อาวุโส มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีที’’ติ (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตปาฬิโต ปฏฺาย ‘‘ยํ น อิจฺฉิสฺสาม, น ตํ กริสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตปาฬิปริโยสานํ สุภทฺทกณฺฑํ ทสฺเสติ.
‘‘ตโต ปร’’นฺติอาทินา ปน ตทวเสสํ ‘‘หนฺท มยํ อาวุโส’’ติอาทิกํ อุสฺสาหชนนปฺปการทสฺสนปาฬึ. ตสฺมา ตโต ปรํ อาหาติ เอตฺถ สุภทฺทกณฺฑโต ปรํ อุสฺสาหชนนปฺปการทสฺสนวจนมาหาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มหาคณฺิปเทปิ หิ โสเยวตฺโถ วุตฺโต. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรนาปิ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) ตเถว อธิปฺเปโต. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘ตโต ปรนฺติ ตโต ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนโต ปรโต’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ เหฏฺา อุสฺสาหชนนปฺปการสฺส ปาฬิยํ อวุตฺตตฺตา. อยเมว หิ อุสฺสาหชนนปฺปกาโร ยทิทํ ‘‘หนฺท มยํ อาวุโส ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, ปุเร อธมฺโม ทิปฺปตี’’ติอาทิ. ยทิ ¶ ปน สุภทฺทกณฺฑเมว อุสฺสาหชนนเหตุภูตสฺส สุภทฺเทน วุตฺตวจนสฺส ปกาสนตฺตา อุสฺสาหชนนนฺติ วเทยฺย, นตฺเถเวตฺถ วิจาเรตพฺพตาติ. ปุเร อธมฺโม ทิปฺปตีติ เอตฺถ อธมฺโม นาม ทสกุสลกมฺมปถปฏิปกฺขภูโต อธมฺโม. ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ อุสฺสาหชนนปฺปสงฺคตฺตา วา ตทสงฺคายนเหตุโก โทสคโณปิ สมฺภวติ, ‘‘อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา สีลวิปตฺติอาทิเหตุโก ปาปิจฺฉตาทิโทสคโณ อธมฺโมติปิ วทนฺติ. ปุเร ทิปฺปตีติ อปิ นาม ทิปฺปติ. สํสยตฺเถ หิ ปุเร-สทฺโท. อถ วา ยาว อธมฺโม ธมฺมํ ปฏิพาหิตุํ สมตฺโถ โหติ, ตโต ปุเรตรเมวาติ อตฺโถ. อาสนฺเน หิ อนธิปฺเปเต อยํ ปุเร-สทฺโท. ทิปฺปตีติ ทิปฺปิสฺสติ, ปุเร-สทฺทโยเคน หิ อนาคตตฺเถ อยํ วตฺตมานปโยโค ยถา ‘‘ปุรา วสฺสติ เทโว’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘อนาคเต สนฺนิจฺฉเย, ตถาตีเต จิรตเน;
กาลทฺวเยปิ กวีหิ, ปุเรสทฺโท ปยุชฺชเต’’ติ. (วชิร. ฏี. พาหิรนิทานกถาวณฺณนา);
‘‘ปุเรยาวปุราโยเค ¶ , นิจฺจํ วา กรหิ กทา;
ลจฺฉายมปิ กึ วุตฺเต, วตฺตมานา ภวิสฺสตี’’ติ จ.
เกจิ ปเนตฺถ เอวํ วณฺณยนฺติ – ปุเรติ ปจฺฉา อนาคเต, ยถา อทฺธานํ คจฺฉนฺตสฺส คนฺตพฺพมคฺโค ‘‘ปุเร’’ติ วุจฺจติ, ตถา อิธาปิ มคฺคคมนนเยน อนาคตกาโล ‘‘ปุเร’’ติ วุจฺจตีติ. เอวํ สติ ตํกาลาเปกฺขาย เจตฺถ วตฺตมานปโยโค สมฺภวติ. ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยตีติ เอตฺถาปิ ปุเร-สทฺเทน โยเชตฺวา วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ, ตถา ธมฺโมปิ อธมฺมวิปรีตวเสน, อิโต ปรมฺปิ เอเสว นโย. อวินโยติ ปหานวินยสํวรวินยานํ ปฏิปกฺขภูโต อวินโย. วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตีติ เอวํ อิติ-สทฺเทน ปาโ, โส ‘‘ตโต ปรํ อาหา’’ติ เอตฺถ อาห-สทฺเทน สมฺพชฺฌิตพฺโพ.
เตน หีติ อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโต. อุจฺจินเน อุยฺโยเชนฺตา หิ มหากสฺสปตฺเถรํ เอวมาหํสุ ‘‘ภิกฺขู อุจฺจินตู’’ติ, สงฺคีติยา อนุรูเป ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา อุปธาเรตฺวา คณฺหาตูติ อตฺโถ. ‘‘สกล…เป… ปริคฺคเหสี’’ติ เอเตน สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวปริยนฺตานํ ยถาวุตฺตปุคฺคลานํ สติปิ ¶ อาคมาธิคมสมฺภเว สห ปฏิสมฺภิทาหิ ปน เตวิชฺชาทิคุณยุตฺตานํ อาคมาธิคมสมฺปตฺติยา อุกฺกํสคตตฺตา สงฺคีติยา พหูปการตํ ทสฺเสติ. สกลํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ นวงฺคํ เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา สกลนวงฺคํ, สตฺถุ ภควโต สาสนํ สตฺถุสาสนํ สาสียติ เอเตนาติ กตฺวา, ตเทว สตฺถุสาสนนฺติ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนํ. นว วา สุตฺตเคยฺยาทีนิ องฺคานิ เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา นวงฺคํ, ตเมว สตฺถุสาสนํ, ตฺจ สกลเมว, น เอกเทสนฺติ ตถา. อตฺถกาเมน ปริยาปุณิตพฺพา สิกฺขิตพฺพา, ทิฏฺธมฺมิกาทิปุริสตฺถํ วา นิปฺผาเทตุํ ปริยตฺตา สมตฺถาติ ปริยตฺติ, ตีณิ ปิฏกานิ, สกลนวงฺคสตฺถุสาสนสงฺขาตา ปริยตฺติ, ตํ ธาเรนฺตีติ ตถา, ตาทิเสติ อตฺโถ. ปุถุชฺชน…เป… สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวภิกฺขูติ เอตฺถ –
‘‘ทุเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
อนฺโธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโน’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๖๑; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๕๑; จูฬนิ. อฏฺ. ๘๘; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑๓๐); –
วุตฺเตสุ กลฺยาณปุถุชฺชนาว อธิปฺเปตา สทฺทนฺตรสนฺนิธาเนนปิ อตฺถวิเสสสฺส วิฺาตพฺพตฺตา. สมถภาวนาสิเนหาภาเวน ¶ สุกฺขา ลูขา อสินิทฺธา วิปสฺสนา เอเตสนฺติ สุกฺขวิปสฺสกา, เตเยว ขีณาสวาติ ตถา. ‘‘ภิกฺขู’’ติ ปน สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ยฺจตฺถวโต สทฺเทกเสสโต วาปิ สุยฺยเต;
ตํ สมฺพชฺฌเต ปจฺเจกํ, ยถาลาภํ กทาจิปี’’ติ.
ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเรติ เอตฺถ ติณฺณํ ปิฏกานํ สมาหาโร ติปิฏกํ, ตํสงฺขาตํ นวงฺคาทิวเสน อเนกเภทภินฺนํ สพฺพํ ปริยตฺติปฺปเภทํ ธาเรนฺตีติ ตถา, ตาทิเส. อนุ อนุ ตํ สมงฺคินํ ภาเวติ วฑฺเฒตีติ อนุภาโว, โสเยว อานุภาโว, ปภาโว, มหนฺโต อานุภาโว เยสํ เต มหานุภาวา. ‘‘เอตทคฺคํ ภิกฺขเว’’ติ ภควตา วุตฺตวจนมุปาทาย ปวตฺตตฺตา ‘‘เอตทคฺค’’นฺติ ปทํ อนุกรณชนามํ นาม ยถา ‘‘เยวาปนก’’นฺติ, ตพฺพเสน วุตฺตฏฺานนฺตรมิธ เอตทคฺคํ, ตมาโรปิเตติ อตฺโถ. เอตทคฺคํ เอโส ภิกฺขุ อคฺโคติ วา อาโรปิเตปิ วฏฺฏติ. ตทนาโรปิตาปิ อวเสสคุณสมฺปนฺนตฺตา อุจฺจินิตา ตตฺถ สนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ วุตฺตํ. ติสฺโส วิชฺชา เตวิชฺชา, ตา ¶ อาทิ เยสํ ฉฬภิฺาทีนนฺติ เตวิชฺชาทโย, เต เภทา อเนกปฺปการา เยสนฺติ เตวิชฺชาทิเภทา. อถ วา ติสฺโส วิชฺชา อสฺส ขีณาสวสฺสาติ เตวิชฺโช, โส อาทิ เยสํ ฉฬภิฺาทีนนฺติ เตวิชฺชาทโย, เตเยว เภทา เยสนฺติ เตวิชฺชาทิเภทา. เตวิชฺชฉฬภิฺาทิวเสน อเนกเภทภินฺเน ขีณาสวภิกฺขูเยวาติ วุตฺตํ โหติ. เย สนฺธาย วุตฺตนฺติ เย ภิกฺขู สนฺธาย อิทํ ‘‘อถ โข’’ติอาทิวจนํ สงฺคีติกฺขนฺธเก วุตฺตํ. อิมินา กิฺจาปิ ปาฬิยํ อวิเสสโตว วุตฺตํ, ตถาปิ วิเสเสน ยถาวุตฺตขีณาสวภิกฺขูเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ปาฬิยา สํสนฺทนํ กโรติ.
นนุ จ สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธรา ขีณาสวา อเนกสตา, อเนกสหสฺสา จ, กสฺมา เถโร เอเกนูนมกาสีติ โจทนํ อุทฺธริตฺวา วิเสสการณทสฺสเนน ตํ ปริหริตุํ ‘‘กิสฺส ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กิสฺสาติ กสฺมา. ปกฺขนฺตรโชตโก ปน-สทฺโท. โอกาสกรณตฺถนฺติ โอกาสกรณนิมิตฺตํ โอกาสกรณเหตุ. อตฺถ-สทฺโท หิ ‘‘ฉณตฺถฺจ นครโต นิกฺขมิตฺวา มิสฺสกปพฺพตํ อภิรุหตู’’ติอาทีสุ วิย การณวจโน, ‘‘กิสฺส เหตู’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓๘) วิย จ เหตฺวตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. ตถา หิ วณฺณยนฺติ ‘‘ฉณตฺถนฺติ ฉณนิมิตฺตํ ฉณเหตูติ อตฺโถ’’ติ. เอวฺจ สติ ปุจฺฉาสภาคตาวิสฺสชฺชนาย โหติ, เอส นโย อีทิเสสุ.
กสฺมา ปนสฺส โอกาสมกาสีติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ. หิ-สทฺโท การณตฺเถ. ‘‘โส หายสฺมา’’ติอาทินา ¶ ‘‘สหาปิ วินาปิ น สกฺกา’’ติ วุตฺตวจเน ปจฺเจกํ การณํ ทสฺเสติ. เกจิ ปน ‘‘ตมตฺถํ วิวรตี’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ‘‘ตสฺมา’’ติ การณวจนทสฺสนโต. ‘‘ตสฺมา’’ติอาทินา หิ การณทสฺสนฏฺาเน การณโชตโกเยว หิ-สทฺโท. สฺาณมตฺตโชตกา สาขาภงฺโคปมา หิ นิปาตาติ, เอวมีทิเสสุ. สิกฺขตีติ เสกฺโข, สิกฺขนํ วา สิกฺขา, สาเยว ตสฺส สีลนฺติ เสกฺโข. โส หิ อปริโยสิตสิกฺขตฺตา, ตทธิมุตฺตตฺตา จ เอกนฺเตน สิกฺขนสีโล, น อเสกฺโข วิย ปรินิฏฺิตสิกฺโข ตตฺถ ปฏิปฺปสฺสทฺธุสฺสาโห, นาปิ วิสฺสฏฺสิกฺโข ปจุรชโน วิย ตตฺถ อนธิมุตฺโต, กิตวเสน วิย จ ตทฺธิตวเสนิธ ตปฺปกติยตฺโถ คยฺหติ ยถา ‘‘การุณิโก’’ติ. อถ วา อริยาย ชาติยา ตีสุปิ สิกฺขาสุ ชาโต, ตตฺถ วา ภโวติ ¶ เสกฺโข. อปิจ อิกฺขติ เอตายาติ อิกฺขา, มคฺคผลสมฺมาทิฏฺิ, สห อิกฺขายาติ เสกฺโข. อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจสฺส อปริโยสิตตฺตา สห กรณีเยนาติ สกรณีโย. อสฺสาติ อเนน, ‘‘อปฺปจฺจกฺขํ นามา’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. อสฺสาติ วา ‘‘นตฺถี’’ติ เอตฺถ กิริยาปฏิคฺคหกวจนํ. ปคุณปฺปวตฺติภาวโต อปฺปจฺจกฺขํ นาม นตฺถิ. วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ, ตํ’’ ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต’’ติ วุตฺตมฺปิ ภควโต สนฺติเก ปฏิคฺคหิตเมว นามาติ กตฺวา วุตฺตํ. ตถา หิ สาวกภาสิตมฺปิ สุตฺตํ ‘‘พุทฺธภาสิต’’นฺติ วุจฺจตีติ.
‘‘ยถาหา’’ติอาทินา อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตคาถเมว สาธกภาเวน ทสฺเสติ. อยฺหิ คาถา โคปกโมคฺคลฺลาเนน นาม พฺราหฺมเณน ‘‘พุทฺธสาสเน ตฺวํ พหุสฺสุโตติ ปากโฏ, กิตฺตกา ธมฺมา เต สตฺถารา ภาสิตา, ตยา จ ธาริตา’’ติ ปุจฺฉิเตน ตสฺส ปฏิวจนํ เทนฺเตน อายสฺมตา อานนฺเทเนว โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺเต, อตฺตโน คุณทสฺสนวเสน วา เถรคาถายมฺปิ ภาสิตา. ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – พุทฺธโต สตฺถุ สนฺติกา ทฺวาสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ อหํ คณฺหึ อธิคณฺหึ, ทฺเว ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ภิกฺขุโต ธมฺมเสนาปติอาทีนํ ภิกฺขูนํ สนฺติกา คณฺหึ. เย ธมฺมา เม ชิวฺหาคฺเค, หทเย วา ปวตฺติโน ปคุณา วาจุคฺคตา, เต ธมฺมา ตทุภยํ สมฺปิณฺเฑตฺวา จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานีติ. เกจิ ปน ‘‘เยเมติ เอตฺถ ‘เย อิเม’ติ ปทจฺเฉทํ กตฺวา เย อิเม ธมฺมา พุทฺธสฺส, ภิกฺขูนฺจ ปวตฺติโน ปวตฺติตา, เตสุ ธมฺเมสุ พุทฺธโต ทฺวาสีติ สหสฺสานิ อหํ คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต คณฺหึ, เอวํ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ สมฺพนฺธํ วทนฺติ, อยฺจ สมฺพนฺโธ ‘‘เอตฺตกาเยว ธมฺมกฺขนฺธา’’ติ สนฺนิฏฺานสฺส อวิฺายมานตฺตา เกจิวาโท นาม กโต.
‘‘สหาปิ ¶ น สกฺกา’’ติ วตฺตพฺพเหตุโต ‘‘วินาปิ น สกฺกา’’ติ วตฺตพฺพเหตุเยว พลวตโร สงฺคีติยา พหุการตฺตา. ตสฺมา ตตฺถ โจทนํ ทสฺเสตฺวา ปริหริตุํ ‘‘ยทิ เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยทิ เอวนฺติ เอวํ วินา ยทิ น สกฺกา, ตถา สตีติ อตฺโถ. เสกฺโขปิ สมาโนติ เสกฺขปุคฺคโล สมาโนปิ. มาน-สทฺโท เหตฺถ ลกฺขเณ. พหุการตฺตาติ พหูปการตฺตา. อุปการวจโน หิ การ-สทฺโท ‘‘อปฺปกมฺปิ ¶ กตํ การํ, ปฺุํ โหติ มหปฺผล’’นฺติอาทีสุ วิย. อสฺสาติ ภเวยฺย. อถ-สทฺโท ปุจฺฉายํ. ปฺเห ‘‘อถ ตฺวํ เกน วณฺเณนา’’ติ หิ ปโยคมุทาหรนฺติ. ‘‘เอวํ สนฺเต’’ติ ปน อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ปรูปวาทวิวชฺชนโตติ ยถาวุตฺตการณํ อชานนฺตานํ ปเรสํ อาโรปิตอุปวาทโต วิวชฺชิตุกามตฺตา. ตํ วิวรติ ‘‘เถโร หี’’ติอาทินา. อติวิย วิสฺสตฺโถติ อติเรกํ วิสฺสาสิโก. เกน วิฺายตีติ อาห ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ. ทฬฺหีกรณํ วา เอตํ วจนํ. ‘‘วุตฺตฺหิ, ตถา หิ อิจฺเจเต ทฬฺหีกรณตฺเถ’’ติ หิ วทนฺติ สทฺทวิทู. นนฺติ อานนฺทตฺเถรํ. ‘‘โอวทตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อานนฺทตฺเถรสฺส เยภุยฺเยน นวกาย ปริสาย วิพฺภมเน มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) อาห. ตถา หิ ปรินิพฺพุเต ภควติ มหากสฺสปตฺเถโร ภควโต ปรินิพฺพาเน สนฺนิปติตสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ปฺจสเต ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา ‘‘ราชคเห อาวุโส วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมวินยํ สงฺคายิสฺสาม, ตุมฺเห ปุเร วสฺสูปนายิกาย อตฺตโน อตฺตโน ปลิโพธํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ราชคเห สนฺนิปตถา’’ติ วตฺวา อตฺตนา ราชคหํ คโต.
อานนฺทตฺเถโรปิ ภควโต ปตฺตจีวรมาทาย มหาชนํ สฺาเปนฺโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา ตโต นิกฺขมฺม ราชคหํ คจฺฉนฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ จาริกํ จริ. ตสฺมึ สมเย อานนฺทตฺเถรสฺส ตึสมตฺตา สทฺธิวิหาริกา เยภุยฺเยน กุมารกา เอกวสฺสิกทุวสฺสิกภิกฺขู เจว อนุปสมฺปนฺนา จ วิพฺภมึสุ. กสฺมา ปเนเต ปพฺพชิตา, กสฺมา จ วิพฺภมึสูติ? เตสํ กิร มาตาปิตโร จินฺเตสุํ ‘‘อานนฺทตฺเถโร สตฺถุวิสฺสาสิโก อฏฺ วเร ยาจิตฺวา อุปฏฺหติ, อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ สตฺถารํ คเหตฺวา คนฺตุํ สกฺโกติ, อมฺหากํ ทารเก เอตสฺส สนฺติเก ปพฺพเชยฺยาม, เอวํ โส สตฺถารํ คเหตฺวา อาคมิสฺสติ, ตสฺมึ อาคเต มยํ มหาสกฺการํ กาตุํ ลภิสฺสามา’’ติ. อิมินา ตาว การเณน เนสํ าตกา เต ปพฺพาเชสุํ, สตฺถริ ปน ปรินิพฺพุเต เตสํ สา ปตฺถนา อุปจฺฉินฺนา, อถ เน เอกทิวเสเนว อุปฺปพฺพาเชสุํ. อถ อานนฺทตฺเถรํ ทกฺขิณาคิริสฺมึ จาริกํ จริตฺวา ราชคหมาคตํ ทิสฺวา มหากสฺสปตฺเถโร เอวมาหาติ. วุตฺตฺเหตํ กสฺสปสํยุตฺเต –
‘‘อถ ¶ กิฺจรหิ ตฺวํ อาวุโส อานนฺท อิเมหิ นเวหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาเรหิ ¶ โภชเน อมตฺตฺูหิ ชาคริยํ อนนุยุตฺเตหิ สทฺธึ จาริกํ จรสิ, สสฺสฆาตํ มฺเ จรสิ, กุลูปฆาตํ มฺเ จรสิ, โอลุชฺชติ โข เต อาวุโส อานนฺท ปริสา, ปลุชฺชนฺติ โข เต อาวุโส นวปฺปายา, น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ.
อปิ เม ภนฺเต กสฺสป สิรสฺมึ ปลิตานิ ชาตานิ, อถ จ ปน มยํ อชฺชาปิ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส กุมารกวาทา น มุจฺจามาติ. ตถา หิ ปน ตฺวํ อาวุโส อานนฺท อิเมหิ นเวหิ ภิกฺขูหิ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาเรหิ โภชเน อมตฺตฺูหิ ชาคริยํ อนนุยุตฺเตหิ สทฺธึ จาริกํ จรสิ, สสฺสฆาตํ มฺเ จรสิ, กุลูปฆาตํ มฺเ จรสิ, โอลุชฺชติ โข เต อาวุโส อานนฺท ปริสา, ปลุชฺชนฺติ โข เต อาวุโส นวปฺปายา, น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔).
ตตฺถ สสฺสฆาตํ มฺเ จรสีติ สสฺสํ ฆาเตนฺโต วิย อาหิณฺฑสิ. กุลูปฆาตํ มฺเ จรสีติ กุลานิ อุปฆาเตนฺโต วิย อาหิณฺฑสิ. โอลุชฺชตีติ ปลุชฺชติ ภิชฺชติ. ปลุชฺชนฺติ โข เต อาวุโส นวปฺปายาติ อาวุโส อานนฺท เอเต ตุยฺหํ ปาเยน เยภุยฺเยน นวกา เอกวสฺสิกทุวสฺสิกทหรา เจว สามเณรา จ ปลุชฺชนฺติ. น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ อยํ กุมารโก อตฺตโน ปมาณํ น วต ชานาตีติ เถรํ ตชฺเชนฺโต อาห. กุมารกวาทา น มุจฺจามาติ กุมารกวาทโต น มุจฺจาม. ตถา หิ ปน ตฺวนฺติ อิทมสฺส เอวํ วตฺตพฺพตาย การณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา ตฺวํ อิเมหิ นเวหิ อินฺทฺริยสํวรวิรหิเตหิ โภชเน อมตฺตฺูหิ สทฺธึ วิจรสิ, ตสฺมา กุมารเกหิ สทฺธึ วิจรนฺโต ‘‘กุมารโก’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหสีติ.
น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ เอตฺถ วา-สทฺโท ปทปูรเณ. วา-สทฺโท หิ อุปมานสมุจฺจยสํสยวิสฺสคฺควิกปฺปปทปูรณาทีสุ พหูสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๓) อุปมาเน ¶ ทิสฺสติ, สทิสภาเวติ อตฺโถ. ‘‘ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๒๑๓) สมุจฺจเย. ‘‘เก วา อิเม กสฺส วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๙๖) สํสเย. ‘‘อยํ วา อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑๘๑) ววสฺสคฺเค. ‘‘เย หิ เกจิ ภิกฺขเว สมณา วา พฺราหฺมณา วา’’ติอาทีสุปิ (ม. นิ. ๑.๑๗๐; สํ. นิ. ๒.๑๓) วิกปฺเป. ‘‘น วาหํ ปณฺณํ ภฺุชามิ, น เหตํ มยฺห โภชน’’นฺติอาทีสุ ปทปูรเณ. อิธาปิ ปทปูรเณ ¶ ทฏฺพฺโพ. เตเนว จ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วา-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธารํ กโรนฺเตน วุตฺตํ ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติอาทีสุ ปทปูรเณ’’ติ. สํยุตฺตฏฺกถายมฺปิ อิทเมว วุตฺตํ ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสีติ อยํ กุมารโก อตฺตโน ปมาณํ น วต ชานาสีติ เถรํ ตชฺเชนฺโต อาหา’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๑๕๔). เอตฺถาปิ ‘‘วตา’’ติ วจนสิลิฏฺตาย วุตฺตํ. ‘‘น วาย’’นฺติ เอตสฺส วา ‘‘น เว อย’’นฺติ ปทจฺเฉทํ กตฺวา เว-สทฺทสฺสตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘วตา’’ติ วุตฺตํ. ตถา หิ เว-สทฺทสฺส เอกํสตฺถภาเว ตเทว ปาฬึ ปโยคํ กตฺวา อุทาหรนฺติ เนรุตฺติกา. วชิรพุทฺธิตฺเถโร ปน เอวํ วทติ ‘‘น วายนฺติ เอตฺถ จ วาติ วิภาสา, อฺาสิปิ น อฺาสิปี’’ติ, (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) ตํ ตสฺส มติมตฺตํ สํยุตฺตฏฺกถาย ตถา อวุตฺตตฺตา. อิทเมกํ ปรูปวาทสมฺภวการณํ ‘‘ตตฺถ เกจี’’ติอาทินา สมฺพชฺฌิตพฺพํ.
อฺมฺปิ การณมาห ‘‘สกฺยกุลปฺปสุโต จายสฺมา’’ติ. สากิยกุเล ชาโต, สากิยกุลภาเวน วา ปากโฏ จ อายสฺมา อานนฺโท. ตตฺถ…เป… อุปวเทยฺยุนฺติ สมฺพนฺโธ. อฺมฺปิ การณํ วทติ ‘‘ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต’’ติ. ภาตาติ เจตฺถ กนิฏฺภาตา จูฬปิตุปุตฺตภาเวน, น ปน วยสา สหชาตภาวโต.
‘‘สุทฺโธทโน โธโตทโน, สกฺกสุกฺกามิโตทนา;
อมิตา ปาลิตา จาติ, อิเม ปฺจ อิมา ทุเว’’ติ.
วุตฺเตสุ หิ สพฺพกนิฏฺสฺส อมิโตทนสกฺกสฺส ปุตฺโต อายสฺมา อานนฺโท. วุตฺตฺหิ มโนรถปูรณิยํ –
‘‘กปฺปสตสหสฺสํ ¶ ปน ทานํ ททมาโน อมฺหากํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, อถสฺส สพฺเพ าตเก อานนฺทิเต ปโมทิเต กโรนฺโต ชาโตติ ‘อานนฺโท’ตฺเวว นามมกํสู’’ติ.
ตถาเยว วุตฺตํ ปปฺจสูทนิยมฺปิ –
‘‘อฺเ ปน วทนฺติ – นายสฺมา อานนฺโท ภควตา สหชาโต, วยสา จ จูฬปิตุปุตฺตตาย ¶ จ ภควโต กนิฏฺภาตาเยว. ตถา หิ มโนรถปูรณิยํ เอกนิปาตวณฺณนายํ สหชาตคณเน โส น วุโต’’ติ.
ยํ วุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วิสฺสตฺถาทิภาเว สติ. อติวิสฺสตฺถสกฺยกุลปฺปสุตตถาคตภาตุภาวโตติ วุตฺตํ โหติ. ภาเวนภาวลกฺขเณ หิ กตฺถจิ เหตฺวตฺโถ สมฺปชฺชติ. ตถา หิ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน เนตฺติฏฺกถายํ ‘‘คุนฺนฺเจ ตรมานาน’’นฺติ คาถาวณฺณนายํ วุตฺตํ –
‘‘สพฺพา ตา ชิมฺหํ คจฺฉนฺตีติ สพฺพา ตา คาวิโย กุฏิลเมว คจฺฉนฺติ, กสฺมา? เนตฺเต ชิมฺหคเต สติ เนตฺเต กุฏิลํ คเต สติ, เนตฺตสฺส กุฏิลํ คตตฺตาติ อตฺโถ’’ติ.
อุทานฏฺกถายมฺปิ ‘‘อิติ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติ สุตฺตปทวณฺณนายํ ‘‘เหตุอตฺถตา ภุมฺมวจนสฺส การณสฺส ภาเวน ตทวินาภาวี ผลสฺส ภาโว ลกฺขียตีติ เวทิตพฺพา’’ติ (อุทา. อฏฺ. ๑.๑). ตตฺถาติ วา นิมิตฺตภูเต วิสฺสตฺถาทิมฺหีติ อตฺโถ, ตสฺมึ อุจฺจินเนติปิ วทนฺติ. ฉนฺทาคมนํ วิยาติ เอตฺถ ฉนฺทา อาคมนํ วิยาติ ปทจฺเฉโท. ฉนฺทาติ จ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํ, ฉนฺเทน อาคมนํ ปวตฺตนํ วิยาติ อตฺโถ, ฉนฺเทน อกตฺตพฺพกรณมิวาติ วุตฺตํ โหติ, ฉนฺทํ วา อาคจฺฉติ สมฺปโยควเสนาติ ฉนฺทาคมนํ, ตถา ปวตฺโต อปายคมนีโย อกุสลจิตฺตุปฺปาโท. อถ วา อนนุรูปํ คมนํ อคมนํ. ฉนฺเทน อคมนํ ฉนฺทาคมนํ, ฉนฺเทน สิเนเหน อนนุรูปํ คมนํ ปวตฺตนํ วิย อกตฺตพฺพกรณํ วิยาติ วุตฺตํ โหติ. อเสกฺขภูตา ปฏิสมฺภิทา, ตํปตฺตาติ ¶ ตถา, อเสกฺขา จ เต ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา จาติ วา ตถา, ตาทิเส. เสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เอส นโย. ปริวชฺเชนฺโตติ เหตฺวตฺเถ อนฺตสทฺโท, ปริวชฺชนเหตูติ อตฺโถ. อนุมติยาติ อนฺุาย, ยาจนายาติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘กิฺจาปิ เสกฺโข’’ติ อิทํ อเสกฺขานํเยว อุจฺจินิตตฺตา วุตฺตํ, น เสกฺขานํ อคติคมนสมฺภเวน. ปมมคฺเคเนว หิ จตฺตาริ อคติคมนานิ ปหียนฺติ, ตสฺมา กิฺจาปิ เสกฺโข, ตถาปิ เถโร อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อุจฺจินตูติ สมฺพนฺโธ. น ปน กิฺจาปิ เสกฺโข, ตถาปิ อภพฺโพ อคตึ คนฺตุนฺติ. ‘‘อภพฺโพ’’ติอาทินา ปน ธมฺมสงฺคีติยา ตสฺส อรหภาวํ ทสฺเสนฺโต วิชฺชมานคุเณ กเถติ, เตน สงฺคีติยา ธมฺมวินยวินิจฺฉเย สมฺปตฺเต ฉนฺทาทิวเสน อฺถา ¶ อกเถตฺวา ยถาภูตเมว กเถสฺสตีติ ทสฺเสติ. น คนฺตพฺพา, อนนุรูปา วา คตีติ อคติ, ตํ. ปริยตฺโตติ อธิคโต อุคฺคหิโต.
‘‘เอว’’นฺติอาทินา สนฺนิฏฺานคณนํ ทสฺเสติ. อุจฺจินิเตนาติ อุจฺจินิตฺวา คหิเตน. อปิจ เอวํ…เป… อุจฺจินีติ นิคมนํ, ‘‘เตนายสฺมตา’’ติอาทิ ปน สนฺนิฏฺานคณนทสฺสนนฺติปิ วทนฺติ.
เอวํ สงฺคายกวิจินนปฺปการํ ทสฺเสตฺวา อฺมฺปิ สงฺคายนตฺถํ เทสวิจินนาทิปฺปการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ โข’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอตทโหสีติ เอตํ ปริวิตกฺกนํ อโหสิ. นุ-สทฺเทน หิ ปริวิตกฺกนํ ทสฺเสติ. ราชคหนฺติ ‘‘ราชคหสามนฺตํ คเหตฺวา วุตฺต’’นฺติ คณฺิปเทสุ วทนฺติ. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, คุนฺนํ จรณฏฺานํ, โส วิยาติ โคจโร, ภิกฺขูนํ จรณฏฺานํ, มหนฺโต โส อสฺส, เอตฺถาติ วา มหาโคจรํ. อฏฺารสนฺนํ มหาวิหารานมฺปิ อตฺถิตาย ปหูตเสนาสนํ.
ถาวรกมฺมนฺติ จิรฏฺายิกมฺมํ. วิสภาคปุคฺคโล สุภทฺทสทิโส. อุกฺโกเฏยฺยาติ นิวาเรยฺย. อิติ-สทฺโท อิทมตฺเถ, อิมินา มนสิกาเรน เหตุภูเตน เอตทโหสีติ อตฺโถ. ครุภาวชนนตฺถํ ตฺติทุติเยน กมฺเมน สงฺฆํ สาเวสิ, น อปโลกนตฺติกมฺมมตฺเตนาติ อธิปฺปาโย.
กทา ปนายํ กตาติ อาห ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ. เอวํ กตภาโว จ อิมาย คณนาย วิฺายตีติ ทสฺเสติ ‘‘ภควา หี’’ติอาทินา. อถาติ อนนฺตรตฺเถ นิปาโต, ปรินิพฺพานนฺตรเมวาติ อตฺโถ. สตฺตาหนฺติ ¶ หิ ปรินิพฺพานทิวสมฺปิ สงฺคณฺหิตฺวา วุตฺตํ. อสฺสาติ ภควโต, ‘‘สรีร’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. สํเวควตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กิตฺเตตฺวา อนิจฺจตาปฏิสฺุตฺตานิ คีตานิ คายิตฺวา ปูชาวเสน กีฬนโต สุนฺทรํ กีฬนทิวสา สาธุกีฬนทิวสา นาม, สปรหิตสาธนฏฺเน วา สาธูติ วุตฺตานํ สปฺปุริสานํ สํเวควตฺถุํ กิตฺเตตฺวา กิตฺเตตฺวา กีฬนทิวสาติปิ ยุชฺชติ. อิมสฺมิฺจ ปุริมสตฺตาเห เอกเทเสเนว สาธุกีฬนมกํสุ. วิเสสโต ปน ธาตุปูชาทิวเสสุเยว. ตถา หิ วุตฺตํ มหาปรินิพฺพานสุตฺตฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๓๕) –
‘‘อิโต ปุริเมสุ หิ ทฺวีสุ สตฺตาเหสุ เต ภิกฺขู สงฺฆสฺส านนิสชฺโชกาสํ กโรนฺตา ขาทนียํ โภชนียํ สํวิทหนฺตา สาธุกีฬิกาย โอกาสํ น ลภึสุ, ตโต เนสํ ¶ อโหสิ ‘อิมํ สตฺตาหํ สาธุกีฬิตํ กีฬิสฺสาม, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ อมฺหากํ ปมตฺตภาวํ ตฺวา โกจิเทว อาคนฺตฺวา ธาตุโย คณฺเหยฺย, ตสฺมา อารกฺขํ เปตฺวา กีฬิสฺสามา’ติ, เตน เต เอวมกํสู’’ติ.
ตถาปิ เต ธาตุปูชายปิ กตตฺตา ธาตุปูชาทิวสา นาม. อิเมเยว วิเสเสน ภควติ กตฺตพฺพสฺส อฺสฺส อภาวโต เอกเทเสน กตมฺปิ สาธุกีฬนํ อุปาทาย ‘‘สาธุกีฬนทิวสา’’ติ ปากฏา ชาตาติ อาห ‘‘เอวํ สตฺตาหํ สาธุกีฬนทิวสา นาม อเหสุ’’นฺติ.
จิตกายาติ วีสสตรตนุจฺจาย จนฺทนทารุจิตกาย, ปธานกิจฺจวเสเนว จ สตฺตาหํ จิตกายํ อคฺคินา ฌายีติ วุตฺตํ. น หิ อจฺจนฺตสํโยควเสน นิรนฺตรํ สตฺตาหเมว อคฺคินา ฌายิ ตตฺถ ปจฺฉิมทิวเสเยว ฌายิตตฺตา, ตสฺมา สตฺตาหสฺมินฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุริมปจฺฉิมานฺหิ ทฺวินฺนํ สตฺตาหานมนฺตเร สตฺตาเห ยตฺถ กตฺถจิปิ ทิวเส ฌายมาเน สติ ‘‘สตฺตาเห ฌายี’’ติ วตฺตุํ ยุชฺชติ. ยถาห –
‘‘เตน โข ปน สมเยน จตฺตาโร มลฺลปาโมกฺขา สีสํ นฺหาตา อหตานิ วตฺถานิ นิวตฺถา ‘มยํ ภควโต จิตกํ อาฬิมฺเปสฺสามา’ติ น สกฺโกนฺติ อาฬิมฺเปตุ’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๓๓).
สตฺติปฺชรํ ¶ กตฺวาติ สตฺติขคฺคาทิหตฺเถหิ ปุริเสหิ มลฺลราชูนํ ภควโต ธาตุอารกฺขกรณํ อุปลกฺขณวเสนาห. สตฺติหตฺถา ปุริสา หิ สตฺติโย ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ, ตาหิ สมนฺตโต รกฺขาปนวเสน ปฺชรปฏิภาคตฺตา สตฺติปฺชรํ. สนฺธาคารํ นาม ราชูนํ เอกา มหาสาลา. อุยฺโยคกาลาทีสุ หิ ราชาโน ตตฺถ ตฺวา ‘‘เอตฺตกา ปุรโต คจฺฉนฺตุ, เอตฺตกา ปจฺฉโต, เอตฺตกา อุโภหิ ปสฺเสหิ, เอตฺตกา หตฺถีสุ อภิรุหนฺตุ, เอตฺตกา อสฺเสสุ, เอตฺตกา รเถสู’’ติ เอวํ สนฺธึ กโรนฺติ มริยาทํ พนฺธนฺติ, ตสฺมา ตํ านํ ‘‘สนฺธาคาร’’นฺติ วุจฺจติ. อปิจ อุยฺโยคฏฺานโต อาคนฺตฺวาปิ ยาว เคเหสุ อลฺลโคมยปริภณฺฑาทีนิ กโรนฺติ, ตาว ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ ราชาโน ตตฺถ สนฺถมฺภนฺติ วิสฺสมนฺติ ปริสฺสยํ วิโนเทนฺตีติปิ สนฺธาคารํ, ราชูนํ วา สห อตฺถานุสาสนํ อคารนฺติปิ สนฺธาคารํ ห-การสฺส ธ-การํ, อนุสราคมฺจ กตฺวา, ยสฺมา วา ราชาโน ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อิมสฺมึ กาเล กสิตุํ วฏฺฏติ, อิมสฺมึ กาเล วปิตุ’’นฺติ เอวมาทินา นเยน ฆราวาสกิจฺจานิ สมฺมนฺตยนฺติ, ตสฺมา ฉินฺนวิจฺฉินฺนํ ฆราวาสํ ตตฺถ สนฺธาเรนฺตีติปิ สนฺธาคารํ. วิสาขปุณฺณมิโต ¶ ปฏฺาย ยาว วิสาขมาสสฺส อมาวาสี, ตาว โสฬส ทิวสา สีหฬโวหารวเสน คหิตตฺตา, เชฏฺมูลมาสสฺส สุกฺกปกฺเข จ ปฺจ ทิวสาติ อาห ‘‘อิติ เอกวีสติ ทิวสา คตา’’ติ. ตตฺถ จริมทิวเสเยว ธาตุโย ภาชยึสุ, ตสฺมึเยว จ ทิวเส อยํ กมฺมวาจา กตา. เตน วุตฺตํ ‘‘เชฏฺมูลสุกฺกปกฺขปฺจมิย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ เชฏฺนกฺขตฺตํ วา มูลนกฺขตฺตํ วา ตสฺส มาสสฺส ปุณฺณมิยํ จนฺเทน ยุตฺตํ, ตสฺมา โส มาโส ‘‘เชฏฺมูลมาโส’’ติ วุจฺจติ. อนาจารนฺติ เหฏฺา วุตฺตํ อนาจารํ.
ยทิ เอวํ กสฺมา วินยฏฺกถายํ, (ปารา. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) มงฺคลสุตฺตฏฺกถายฺจ (ขุ. ปา. อฏฺ. มงฺคลสุตฺตวณฺณนา) ‘‘สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสุ, สตฺตสุ จ ธาตุปูชาทิวเสสุ วีติวตฺเตสู’’ติ วุตฺตนฺติ? สตฺตสุ ธาตุปูชาทิวเสสุ คหิเตสุ ตทวินาภาวโต มชฺเฌ จิตกาย ฌายนสตฺตาหมฺปิ คหิตเมวาติ กตฺวา วิสุํ น วุตฺตํ วิย ทิสฺสติ. ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, ทิยฑฺฒมาโส เสโส’’ติ จ วุตฺตนฺติ? นายํ โทโส. อปฺปกฺหิ อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหติ, ตสฺมา อปฺปเกน อธิโกปิ สมุทาโย อนธิโก วิย โหตีติ กตฺวา อฑฺฒมาสโต อธิเกปิ ปฺจทิวเส ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต’’ติ วุตฺตํ ทฺวาสีติขนฺธกวตฺตานํ กตฺถจิ ‘‘อสีติ ขนฺธกวตฺตานี’’ติ วจนํ วิย, ตถา อปฺปเกน อูโนปิ สมุทาโย อนูโน วิย โหตีติ ¶ กตฺวา ทิยฑฺฒมาสโต อูเนปิ ปฺจทิวเส ‘‘ทิยฑฺฒมาโส เสโส’’ติ วุตฺตํ สติปฏฺานวิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. ๓๕๖) ฉมาสโต อูเนปิ อฑฺฒมาเส ‘‘ฉมาสํ สชฺฌาโย กาตพฺโพ’’ติ วจนํ วิย, อฺถา อฏฺกถานํ อฺมฺวิโรโธ สิยา. อปิจ ทีฆภาณกานํ มเตน ติณฺณํ สตฺตาหานํ วเสน ‘‘เอกวีสติ ทิวสา คตา’’ติ อิธ วุตฺตํ. วินยสุตฺตนิปาตขุทฺทกปาฏฺกถาสุ ปน ขุทฺทกภาณกานํ มเตน เอกเมว ฌายนทิวสํ กตฺวา ตทวเสสานํ ทฺวินฺนํ สตฺตาหานํ วเสน ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, ทิยฑฺฒมาโส เสโส’’ติ จ วุตฺตํ. ปมพุทฺธวจนาทีสุ วิย ตํ ตํ ภาณกานํ มเตน อฏฺกถาสุปิ วจนเภโท โหตีติ คเหตพฺพํ. เอวมฺเปตฺถ วทนฺติ – ปรินิพฺพานทิวสโต ปฏฺาย อาทิมฺหิ จตฺตาโร สาธุกีฬนทิวสาเยว, ตโต ปรํ ตโย สาธุกีฬนทิวสา เจว จิตกฌายนทิวสา จ, ตโต ปรํ เอโก จิตกฌายนทิวโสเยว, ตโต ปรํ ตโย จิตกฌายนทิวสา เจว ธาตุปูชาทิวสา จ, ตโต ปรํ จตฺตาโร ธาตุปูชาทิวสาเยว, อิติ ตํ ตํ กิจฺจานุรูปคณนวเสน ตีณิ สตฺตาหานิ ปริปูเรนฺติ, อคหิตคฺคหเณน ปน อฑฺฒมาโสว โหติ. ‘‘เอกวีสติ ทิวสา คตา’’ติ อิธ วุตฺตวจนฺจ ตํ ตํ กิจฺจานุรูปคณเนเนว. เอวฺหิ จตูสุปิ อฏฺกถาสุ วุตฺตวจนํ สเมตีติ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ. วชิรพุทฺธิตฺเถเรน ปน วุตฺตํ ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโตติ เอตฺถ เอโก ทิวโส นฏฺโ, โส ปาฏิปททิวโส, โกลาหลทิวโส ¶ นาม โส, ตสฺมา อิธ น คหิโต’’ติ, (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) ตํ น สุนฺทรํ ปรินิพฺพานสุตฺตนฺตปาฬิยํ (ที. นิ. ๒.๒๒๗) ปาฏิปททิวสโตเยว ปฏฺาย สตฺตาหสฺส วุตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ ปรินิพฺพานทิวเสน สทฺธึ ติณฺณํ สตฺตาหานํ คณิตตฺตา. ตถา หิ ปรินิพฺพานทิวเสน สทฺธึ ติณฺณํ สตฺตาหานํ คณเนเนว เชฏฺมูลสุกฺกปกฺขปฺจมี เอกวีสติโม ทิวโส โหติ.
จตฺตาลีส ทิวสาติ เชฏฺมูลสุกฺกปกฺขฉฏฺทิวสโต ยาว อาสฬฺหี ปุณฺณมี, ตาว คเณตฺวา วุตฺตํ. เอตฺถนฺตเรติ จตฺตาลีสทิวสพฺภนฺตเร. โรโค เอว โรคปลิโพโธ. อาจริยุปชฺฌาเยสุ กตฺตพฺพกิจฺจเมว อาจริยุปชฺฌายปลิโพโธ ¶ , ตถา มาตาปิตุปลิโพโธ. ยถาธิปฺเปตํ อตฺถํ, กมฺมํ วา ปริพุนฺเธติ อุปโรเธติ ปวตฺติตุํ น เทตีติ ปลิโพโธ ร-การสฺส ล-การํ กตฺวา. ตํ ปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา ตํ กรณียํ กโรตูติ สงฺคาหเกน ฉินฺทิตพฺพํ ตํ สพฺพํ ปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา ธมฺมวินยสงฺคายนสงฺขาตํ ตเทว กรณียํ กโรตุ.
อฺเปิ มหาเถราติ อนุรุทฺธตฺเถราทโย. โสกสลฺลสมปฺปิตนฺติ โสกสงฺขาเตน สลฺเลน อนุปวิฏฺํ ปฏิวิทฺธํ. อสมุจฺฉินฺนอวิชฺชาตณฺหานุสยตฺตา อวิชฺชาตณฺหาภิสงฺขาเตน กมฺมุนา ภวโยนิคติฏฺิติสตฺตาวาเสสุ ขนฺธปฺจกสงฺขาตํ อตฺตภาวํ ชเนติ อภินิพฺพตฺเตตีติ ชโน. กิเลเส ชเนติ, อชนิ, ชนิสฺสตีติ วา ชโน, มหนฺโต ชโน ตถา, ตํ. อาคตาคตนฺติ อาคตมาคตํ ยถา ‘‘เอเกโก’’ติ. เอตฺถ สิยา – ‘‘เถโร อตฺตโน ปฺจสตาย ปริสาย ปริวุตฺโต ราชคหํ คโต, อฺเปิ มหาเถรา อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเร คเหตฺวา โสกสลฺลสมปฺปิตํ มหาชนํ อสฺสาเสตุกามา ตํ ตํ ทิสํ ปกฺกนฺตา’’ติ อิธ วุตฺตวจนํ สมนฺตปาสาทิกาย ‘‘มหากสฺสปตฺเถโร ‘ราชคหํ อาวุโส คจฺฉามา’ติ อุปฑฺฒํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต, อนุรุทฺธตฺเถโรปิ อุปฑฺฒํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต’’ติ (ปารา. อฏฺ. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตวจนฺจ อฺมฺํ วิรุทฺธํ โหติ. อิธ หิ มหากสฺสปตฺเถราทโย อตฺตโน อตฺตโน ปริวารภิกฺขูหิเยว สทฺธึ ตํ ตํ ทิสํ คตาติ อตฺโถ อาปชฺชติ, ตตฺถ ปน มหากสฺสปตฺเถรอนุรุทฺธตฺเถราเยว ปจฺเจกมุปฑฺฒสงฺเฆน สทฺธึ เอเกกํ มคฺคํ คตาติ? วุจฺจเต – ตทุภยมฺปิ หิ วจนํ น วิรุชฺฌติ อตฺถโต สํสนฺทนตฺตา. อิธ หิ นิรวเสเสน เถรานํ ปจฺเจกคมนวจนเมว ตตฺถ นยวเสน ทสฺเสติ, อิธ อตฺตโน อตฺตโน ปริสาย คมนวจนฺจ ตตฺถ อุปฑฺฒสงฺเฆน สทฺธึ คมนวจเนน. อุปฑฺฒสงฺโฆติ หิ สกสกปริสาภูโต ภิกฺขุคโณ คยฺหติ อุปฑฺฒสทฺทสฺส อสเมปิ ภาเค ปวตฺตตฺตา. ยทิ หิ สนฺนิปติเต สงฺเฆ อุปฑฺฒสงฺเฆน สทฺธินฺติ อตฺถํ คณฺเหยฺย, ตทา สงฺฆสฺส คณนปถมตีตตฺตา น ยุชฺชเตว ¶ , ยทิ จ สงฺคายนตฺถํ อุจฺจินิตานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มชฺเฌ อุปฑฺฒสงฺเฆน สทฺธินฺติ อตฺถํ คณฺเหยฺย, เอวมฺปิ เตสํ คณปาโมกฺขานํเยว อุจฺจินิตตฺตา น ยุชฺชเตว. ปจฺเจกคณิโน เหเต. วุตฺตฺหิ ‘‘สตฺตสตสหสฺสานิ, เตสุ ปาโมกฺขภิกฺขโว’’ติ ¶ , อิติ อตฺถโต สํสนฺทนตฺตา ตเทตํ อุภยมฺปิ วจนํ อฺมฺํ น วิรุชฺฌตีติ. ตํตํภาณกานํ มเตเนวํ วุตฺตนฺติปิ วทนฺติ.
‘‘อปรินิพฺพุตสฺส ภควโต’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. ปตฺตจีวรมาทายาติ เอตฺถ จตุมหาราชทตฺติยเสลมยปตฺตํ, สุคตจีวรฺจ คณฺหิตฺวาติ อตฺโถ. โสเยว หิ ปตฺโต ภควตา สทา ปริภุตฺโต. วุตฺตฺหิ สมจิตฺตปฏิปทาสุตฺตฏฺกถายํ ‘‘วสฺสํวุตฺถานุสาเรน อติเรกวีสติวสฺสกาเลปิ ตสฺเสว ปริภุตฺตภาวํ ทีเปตุกาเมน ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา สุนิวตฺถนิวาสโน สุคตจีวรํ ปารุปิตฺวา เสลมยปตฺตมาทาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺโต’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗) คนฺธมาลาทโย เนสํ หตฺเถติ คนฺธมาลาทิหตฺถา.
ตตฺราติ ติสฺสํ สาวตฺถิยํ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตายาติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗) อนิจฺจสภาวปฏิสฺุตฺตาย. ธมฺเมน ยุตฺตา, ธมฺมสฺส วา ปติรูปาติ ธมฺมี, ตาทิสาย. สฺาเปตฺวาติ สุฏฺุ ชานาเปตฺวา, สมสฺสาเสตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วสิตคนฺธกุฏินฺติ นิจฺจสาเปกฺขตฺตา สมาโส. ปริโภคเจติยภาวโต ‘‘คนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘วนฺทิตฺวา’’ติ จ ‘‘วิวริตฺวา’’ติ เอตฺถ ปุพฺพกาลกิริยา. ตถา หิ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘คนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวริตฺวาติ ปริโภคเจติยภาวโต คนฺธกุฏึ วนฺทิตฺวา คนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวรีติ เวทิตพฺพ’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา) มิลาตา มาลา, สาเยว กจวรํ, มิลาตํ วา มาลาสงฺขาตํ กจวรํ ตถา. อติหริตฺวาติ ปมํ ปิตฏฺานมภิมุขํ หริตฺวา. ยถาาเน เปตฺวาติ ปมํ ปิตฏฺานํ อนติกฺกมิตฺวา ยถาิตฏฺาเนเยว เปตฺวา. ภควโต ิตกาเล กรณียํ วตฺตํ สพฺพมกาสีติ เสนาสเน กตฺตพฺพวตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ. กุรุมาโน จาติ ตํ สพฺพํ วตฺตํ กโรนฺโต จ. ลกฺขเณ หิ อยํ มาน-สทฺโท. นฺหานโกฏฺกสฺส สมฺมชฺชนฺจ ตสฺมึ อุทกสฺส อุปฏฺาปนฺจ, ตานิ อาทีนิ เยสํ ธมฺมเทสนาโอวาทาทีนนฺติ ตถา, เตสํ กาเลสูติ อตฺโถ. สีหสฺส มิคราชสฺส เสยฺยา สีหเสยฺยา, ตทฺธิตวเสน, สทิสโวหาเรน วา ภควโต เสยฺยาปิ ‘‘สีหเสยฺยา’’ติ วุจฺจติ. เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา วา, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ ¶ กปฺเปสิ ¶ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน’’ติ, (ที. นิ. ๒.๑๙๘) ตํ. กปฺปนกาโล กรณกาโล นนูติ โยเชตพฺพํ.
‘‘ยถา ต’’นฺติอาทินา ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาย อาวิ กโรติ. ตตฺถ ยถา อฺโปิ ภควโต…เป… ปติฏฺิตเปโม เจว อขีณาสโว จ อเนเกสุ…เป… อุปการสฺชนิตจิตฺตมทฺทโว จ อกาสิ, เอวํ อายสฺมาปิ อานนฺโท ภควโต คุณ…เป… มทฺทโว จ หุตฺวา อกาสีติ โยชนา. นฺติ นิปาตมตฺตํ. อปิจ เอเตน ตถากรณเหตุํ ทสฺเสติ, ยถา อฺเปิ ยถาวุตฺตสภาวา อกํสุ, ตถา อายสฺมาปิ อานนฺโท ภควโต…เป… ปติฏฺิตเปมตฺตา เจว อขีณาสวตฺตา จ อเนเกสุ…เป… อุปการสฺชนิตจิตฺตมทฺทวตฺตา จาติ เหตุอตฺถสฺส ลพฺภมานตฺตา. เหตุคพฺภานิ หิ เอตานิ ปทานิ ตทตฺถสฺเสว ตถากรณเหตุภาวโต. ธนปาลทมน (จูฬว. ๓๔๒), สุวณฺณกกฺกฏ (ชา. ๑.๕.๙๔), จูฬหํส (ชา. ๑.๑๕.๑๓๓) -มหาหํสชาตกาทีหิ (ชา. ๒.๒๑.๘๙) เจตฺถ วิภาเวตพฺโพ. คุณานํ คโณ, โสเยว อมตนิปฺผาทกรสสทิสตาย อมตรโส. ตํ ชานนปกติตายาติ ปติฏฺิตปเท เหตุ. อุปการ…เป… มทฺทโวติ อุปการปุพฺพภาเวน สมฺมาชนิตจิตฺตมุทุโก. เอวมฺปิ โส อิมินา การเณน อธิวาเสสีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเมน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตเมนนฺติ ตํ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ. เอต-สทฺโท หิ ปทาลงฺการมตฺตํ. อยฺหิ สทฺทปกติ, ยทิทํ ทฺวีสุ สพฺพนาเมสุ ปุพฺพปทสฺเสว อตฺถปทตา. สํเวเชสีติ ‘‘นนุ ภควตา ปฏิกจฺเจว อกฺขาตํ ‘สพฺเพเหว ปิเยหิ มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๑๘๓; สํ. นิ. ๕.๓๗๙; อ. นิ. ๑๐.๔๘) สํเวคํ ชเนสี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ, เอวํ สติ ‘‘ภนฺเต…เป… อสฺสาเสสฺสถาติ ปมํ วตฺวา’’ติ สห ปาเสเสน โยชนา อสฺส. ยถารุตโต ปน อาทฺยตฺเถน อิติ-สทฺเทน ‘‘เอวมาทินา สํเวเชสี’’ติ โยชนาปิ ยุชฺชเตว. เยน เกนจิ หิ วจเนน สํเวคํ ชเนสิ, ตํ สพฺพมฺปิ สํเวชนสฺส กรณํ สมฺภวตีติ. สนฺถมฺภิตฺวาติ ปริเทวนาทิวิรเหน อตฺตานํ ปฏิพนฺเธตฺวา ปติฏฺาเปตฺวา. อุสฺสนฺนธาตุกนฺติ อุปจิตปิตฺตเสมฺหาทิโทสํ. ปิตฺตเสมฺหวาตวเสน หิ ติสฺโส ธาตุโย อิธ เภสชฺชกรณโยคฺยตาย ¶ อธิปฺเปตา, ยา ‘‘โทสา, มลา’’ติ จ โลเก วุจฺจนฺติ, ปถวี อาโป เตโช วาโย อากาโสติ จ เภเทน ปจฺเจกํ ปฺจวิธา. วุตฺตฺหิ –
‘‘วายุปิตฺตกผา โทสา, ธาตโว จ มลา ตถา;
ตตฺถาปิ ปฺจธาขฺยาตา, ปจฺเจกํ เทหธารณา.
สรีรทูสนา ¶ โทสา, มลีนกรณา มลา;
ธารณา ธาตโว เต ตุ, อิตฺถมนฺวตฺถสฺกา’’ติ.
สมสฺสาเสตุนฺติ สนฺตปฺเปตุํ. เทวตาย สํเวชิตทิวสโต, เชตวนวิหารํ ปวิฏฺทิวสโต วา ทุติยทิวเส. วิริจฺจติ เอเตนาติ วิเรจนํ, โอสธปริภาวิตํ ขีรเมว วิเรจนํ ตถา. ยํ สนฺธายาติ ยํ เภสชฺชปานํ สนฺธาย. องฺคปจฺจงฺเคน โสภตีติ สุโภ, มนุโน อปจฺจํ มานโว, น-การสฺส ปน ณ-กาเร กเต มาณโว. มนูติ หิ ปมกปฺปิกกาเล มนุสฺสานํ มาตาปิตุฏฺาเน ิโต ปุริโส, โย สาสเน ‘‘มหาสมฺมตราชา’’ติ วุตฺโต. โส หิ สกลโลกสฺส หิตํ มนภิ ชานาตีติ มนูติ วุจฺจติ. เอวมฺเปตฺถ วทนฺติ ‘‘ทนฺตช น-การสหิโต มานวสทฺโท สพฺพสตฺตสาธารณวจโน, มุทฺธช ณ-การสหิโต ปน มาณวสทฺโท กุจฺฉิตมูฬฺหาปจฺจวจโน’’ติ. จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตฏฺกถายมฺปิ (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๒๘๙) หิ มุทฺธช ณ-การสหิตสฺเสว มาณวสทฺทสฺส อตฺโถ วณฺณิโต. ตฏฺฏีกายมฺปิ ‘‘ยํ อปจฺจํ กุจฺฉิตํ มูฬฺหํ วา, ตตฺถ โลเก มาณวโวหาโร, เยภุยฺเยน จ สตฺตา ทหรกาเล มูฬฺหธาตุกา โหนฺตีติ ตสฺเสวตฺโถ ปกาสิโต’’ติ วทนฺติ อาจริยา. อฺตฺถ จ วีสติวสฺสพฺภนฺตโร ยุวา มาณโว, อิธ ปน ตพฺโพหาเรน มหลฺลโกปิ. วุตฺตฺหิ จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘มาณโวติ ปน ตํ ตรุณกาเล โวหรึสุ, โส มหลฺลกกาเลปิ เตเนว โวหาเรน โวหรียตี’’ติ, (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๒๘๙) สุภนามเกน ลทฺธมาณวโวหาเรนาติ อตฺโถ. โส ปน ‘‘สตฺถา ปรินิพฺพุโต, อานนฺทตฺเถโร กิรสฺส ปตฺตจีวรมาทาย อาคโต, มหาชโน ตํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมตี’’ติ สุตฺวา ‘‘วิหารํ โข ปน คนฺตฺวา มหาชนมชฺเฌ น สกฺกา สุเขน ปฏิสนฺถารํ วา กาตุํ, ธมฺมกถํ วา โสตุํ, เคหมาคตํเยว นํ ทิสฺวา สุเขน ปฏิสนฺถารํ กริสฺสามิ ¶ , เอกา จ เม กงฺขา อตฺถิ, ตมฺปิ นํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกํ มาณวกํ เปเสสิ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปหิตํ มาณวก’’นฺติ ขุทฺทเก เจตฺถ กปจฺจโย. เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘อกาโล’’ติอาทิกํ วจนํ อานนฺทตฺเถโร อโวจ.
อกาโลติ อชฺช คนฺตุํ อยุตฺตกาโล. กสฺมาติ เจ ‘‘อตฺถิ เม’’ติอาทิมาห. เภสชฺชมตฺตาติ อปฺปกํ เภสชฺชํ. อปฺปตฺโถ เหตฺถ มตฺตาสทฺโท ‘‘มตฺตา สุขปริจฺจาคา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๙๐) วิย. ปีตาติ ปิวิตา. สฺเวปีติ เอตฺถ ‘‘อปิ-สทฺโท อเปกฺโข มนฺตา นฺุายา’’ติ (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วชิรพุทฺธิตฺเถเรน วุตฺตํ. อยํ ปน ตสฺสาธิปฺปาโย – ‘‘อปฺเปว นามา’’ติ สํสยมตฺเต วุตฺเต อนฺุาตภาโว น สิทฺโธ, ตสฺมา ตํ สาธนตฺถํ ¶ ‘‘อปี’’ติ วุตฺตํ, เตน อิมมตฺถํ ทีเปติ ‘‘อปฺเปว นาม สฺเว มยํ อุปสงฺกเมยฺยาม, อุปสงฺกมิตุํ ปฏิพลา สมานา อุปสงฺกมิสฺสาม จา’’ติ.
ทุติยทิวเสติ ขีรวิเรจนปีตทิวสโต ทุติยทิวเส. เจตกตฺเถเรนาติ เจติยรฏฺเ ชาตตฺตา เจตโกติ เอวํ ลทฺธนาเมน เถเรน. ปจฺฉาสมเณนาติ ปจฺฉานุคเตน สมเณน. สหตฺเถ เจตํ กรณวจนํ. สุเภน มาณเวน ปุฏฺโติ ‘‘เยสุ ธมฺเมสุ ภวํ โคตโม อิมํ โลกํ ปติฏฺเปสิ, เต ตสฺส อจฺจเยน นฏฺา นุ โข, ธรนฺติ นุ โข, สเจ ธรนฺติ, ภวํ (นตฺถิ ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๔๘) อานนฺโท ชานิสฺสติ, หนฺท นํ ปุจฺฉามี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา ‘‘เยสํ โส ภวํ โคตโม ธมฺมานํ วณฺณวาที อโหสิ, ยตฺถ จ อิมํ ชนตํ สมาทเปสิ นิเวเสสิ ปติฏฺาเปสิ, กตเมสานํ โข โภ อานนฺท ธมฺมานํ โส ภวํ โคตโม วณฺณวาที อโหสี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๔๘) ปุฏฺโ, อถสฺส เถโร ตีณิ ปิฏกานิ สีลกฺขนฺธาทีหิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ติณฺณํ โข มาณว ขนฺธานํ โส ภควา วณฺณวาที’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๔๙) อิธ สีลกฺขนฺธวคฺเค ทสมํ สุตฺตมภาสิ, ตํ สนฺธายาห ‘‘อิมสฺมึ…เป… มภาสี’’ติ.
ขณฺฑนฺติ ฉินฺนํ. ผุลฺลนฺติ ภินฺนํ, เสวาลาหิฉตฺตกาทิวิกสฺสนํ วา, เตสํ ปฏิสงฺขรณํ สมฺมา ปากติกกรณํ, อภินวปฏิกรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุปกฏฺายาติ อาสนฺนาย. วสฺสํ อุปเนนฺติ อุปคจฺฉนฺติ เอตฺถาติ วสฺสูปนายิกา, วสฺสูปคตกาโล, ตาย. สงฺคีติปาฬิยํ (จูฬว. ๔๔๐) สามฺเน วุตฺตมฺปิ วจนํ ¶ เอวํ คเตเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ สํสนฺเทตุํ สาเธตุํ วา อาห ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิ.
ราชคหํ ปริวาเรตฺวาติ พหินคเร ิตภาเวน วุตฺตํ. ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปาติ ฉฑฺฑิตา จ ปติตา จ อุกฺลาปา จ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภควโต ปรินิพฺพานฏฺานํ คจฺฉนฺเตหิ ภิกฺขูหิ ฉฑฺฑิตา วิสฺสฏฺา, ตโตเยว จ อุปจิกาทีหิ ขาทิตตฺตา อิโต จิโต จ ปติตา, สมฺมชฺชนาภาเวน อากิณฺณกจวรตฺตา อุกฺลาปา จาติ. ตเทวตฺถํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทินา วิภาเวติ. อวกุถิ ปูติภาวมคมาสีติ อุกฺลาโป ถ-การสฺส ล-การํ กตฺวา, อุชฺฌิฏฺโ วา กลาโปสมูโหติ อุกฺลาโป, วณฺณสงฺคมนวเสเนวํ วุตฺตํ ยถา ‘‘อุปกฺเลโส, สฺเนโห’’ – อิจฺจาทิ, เตน ยุตฺตาติ ตถา. ปริจฺเฉทวเสน เวณียนฺติ ทิสฺสนฺตีติ ปริเวณา. กุรุมานาติ กตฺตุกามา. เสนาสนวตฺตานํ ปฺตฺตตฺตา, เสนาสนกฺขนฺธเก จ เสนาสนปฏิพทฺธานํ พหูนมฺปิ วจนานํ วุตฺตตฺตา เสนาสนปฏิสงฺขรณมฺปิ ตสฺส ปูชาเยว นามาติ อาห ‘‘ภควโต วจนปูชนตฺถ’’นฺติ. ปมํ มาสนฺติ ¶ วสฺสานสฺส ปมํ มาสํ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ‘‘ติตฺถิยวาทปริโมจนตฺถฺจา’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏํ กาตุํ ‘‘ติตฺถิยา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ยนฺติ กติกวตฺตกรณํ. เอทิเสสุ หิ าเนสุ ยํ-สทฺโท ตํ-สทฺทานเปกฺโข เตเนว อตฺถสฺส ปริปุณฺณตฺตา. ยํ วา กติกวตฺตํ สนฺธาย ‘‘อถ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตเทว มยาปิ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอส นโย อีทิเสสุ ภควตา…เป… วณฺณิตนฺติ เสนาสนวตฺตํ ปฺเปนฺเตน เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๐๘) จ เสนาสนปฏิพทฺธวจนํ กเถนฺเตน วณฺณิตํ. สงฺคายิสฺสามาติ เอตฺถ อิติ-สทฺทสฺส ‘‘วุตฺตํ อโหสี’’ติ จ อุภยตฺถ สมฺพนฺโธ, เอกสฺส วา อิติ-สทฺทสฺส โลโป.
ทุติยทิวเสติ เอวํ จินฺติตทิวสโต ทุติยทิวเส, โส จ โข วสฺสูปนายิกทิวสโต ทุติยทิวโสว. เถรา หิ อาสฬฺหิปุณฺณมิโต ปาฏิปททิวเสเยว สนฺนิปติตฺวา วสฺสมุปคนฺตฺวา เอวํ จินฺเตสุนฺติ. ราชทฺวาเรติ ราชเคหทฺวาเร. หตฺถกมฺมนฺติ หตฺถกิริยํ, หตฺถกมฺมสฺส กรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปฏิเวเทสุนฺติ ชานาเปสุํ. วิสฏฺาติ นิราสงฺกจิตฺตา. อาณาเยว ¶ อปฺปฏิหตวุตฺติยา ปวตฺตนฏฺเน จกฺกนฺติ อาณาจกฺกํ. ตถา ธมฺโมเยว จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ, ตํ ปนิธ เทสนาาณปฏิเวธาณวเสน ทุวิธมฺปิ ยุชฺชติ ตทุภเยเนว สงฺคีติยา ปวตฺตนโต. ‘‘ธมฺมจกฺกนฺติ เจตํ เทสนาาณสฺสาปิ นามํ, ปฏิเวธาณสฺสาปี’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๗๘) หิ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. สนฺนิสชฺชฏฺานนฺติ สนฺนิปติตฺวา นิสีทนฏฺานํ. สตฺต ปณฺณานิ ยสฺสาติ สตฺตปณฺณี, โย ‘‘ฉตฺตปณฺโณ, วิสมจฺฉโท’’ ติปิ วุจฺจติ, ตสฺส ชาตคุหทฺวาเรติ อตฺโถ.
วิสฺสกมฺมุนาติ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส กมฺมากมฺมวิธายกํ เทวปุตฺตํ สนฺธายาห. สุวิภตฺตภิตฺติถมฺภโสปานนฺติ เอตฺถ สุวิภตฺตปทสฺส ทฺวนฺทโต ปุพฺเพ สุยฺยมานตฺตา สพฺเพหิ ทฺวนฺทปเทหิ สมฺพนฺโธ, ตถา ‘‘นานาวิธ…เป… วิจิตฺต’’นฺติอาทีสุปิ. ราชภวนวิภูตินฺติ ราชภวนสมฺปตฺตึ, ราชภวนโสภํ วา. อวหสนฺตมิวาติ อวหาสํ กุรุมานํ วิย. สิริยาติ โสภาสงฺขาตาย ลกฺขิยา. นิเกตนมิวาติ วสนฏฺานมิว, ‘‘ชลนฺตมิวา’’ติปิ ปาโ. เอกสฺมึเยว ปานียติตฺเถ นิปตนฺตา ปกฺขิโน วิย สพฺเพสมฺปิ ชนานํ จกฺขูนิ มณฺฑเปเยว นิปตนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘เอกนิปาต…เป… วิหงฺคาน’’นฺติ. นยนวิหงฺคานนฺติ นยนสงฺขาตวิหงฺคานํ. โลกรามเณยฺยกมิว สมฺปิณฺฑิตนฺติ ยทิ โลเก วิชฺชมานํ รามเณยฺยกํ สพฺพเมว อาเนตฺวา เอกตฺถ สมฺปิณฺฑิตํ สิยา, ตํ วิยาติ วุตฺตํ โหติ, ยํ ยํ วา โลเก รมิตุมรหติ, ตํ สพฺพํ สมฺปิณฺฑิตมิวาติปิ ¶ อตฺโถ. ทฏฺพฺพสารมณฺฑนฺติ เผคฺคุรหิตํ สารํ วิย, กสฏวินิมุตฺตํ ปสนฺนํ วิย จ ทฏฺุมรหรูเปสุ สารภูตํ, ปสนฺนภูตฺจ. อปิจ ทฏฺพฺโพ ทสฺสนีโย สารภูโต วิสิฏฺตโร มณฺโฑ มณฺฑนํ อลงฺกาโร เอตสฺสาติ ทฏฺพฺพสารมณฺโฑ, ตํ. มณฺฑํ สูริยรสฺมึ ปาติ นิวาเรติ, สพฺเพสํ วา ชนานํ มณฺฑํ ปสนฺนํ ปาติ รกฺขติ, มณฺฑนมลงฺการํ วา ปาติ ปิวติ อลงฺกริตุํ ยุตฺตภาเวนาติ มณฺฑโป, ตํ.
กุสุมทามานิ จ ตานิ โอลมฺพกานิ เจติ กุสุมทาโมลมฺพกานิ. วิเสสนสฺส เจตฺถ ปรนิปาโต ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ. วิวิธานิเยว กุสุมทาโมลมฺพกานิ ตถา, ตานิ วินิคฺคลนฺตํ วิเสเสน วเมนฺตํ นิกฺขาเมนฺตมิว จารุ โสภนํ วิตานํ เอตฺถาติ ตถา. กุฏฺเฏน คหิโต สมํ กโตติ กุฏฺฏิโม, โกฏฺฏิโม วา, ตาทิโสเยว มณีติ มณิโกฏฺฏิโม ¶ , นานารตเนหิ วิจิตฺโต มณิโกฏฺฏิโม, ตสฺส ตลํ ตถา. อถ วา มณิโย โกฏฺเฏตฺวา กตตลตฺตา มณิโกฏฺเฏน นิปฺผตฺตนฺติ มณิโกฏฺฏิมํ, ตเมว ตลํ, นานารตนวิจิตฺตํ มณิโกฏฺฏิมตลํ ตถา. ตมิว จ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตํ สุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมนฺติ สมฺพนฺโธ. ปุปฺผปูชา ปุปฺผูปหาโร. เอตฺถ หิ นานารตนวิจิตฺตคฺคหณํ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตตายนิทสฺสนํ, มณิโกฏฺฏิมตลคฺคหณํ สุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมตายาติ ทฏฺพฺพํ. นนฺติ มณฺฑปํ. พฺรหฺมวิมานสทิสนฺติ ภาวนปุํสกํ, ยถา พฺรหฺมวิมานํ โสภติ, ตถา อลงฺกริตฺวาติ อตฺโถ. วิเสเสน มาเนตพฺพนฺติ วิมานํ. สทฺทวิทู ปน ‘‘วิเห อากาเส มายนฺติ คจฺฉนฺติ เทวา เยนาติ วิมาน’’นฺติ วทนฺติ. วิเสเสน วา สุจริตกมฺมุนา มียติ นิมฺมียตีติ วิมานํ, วีติ วา สกุโณ วุจฺจติ, ตํ สณฺาเนน มียติ นิมฺมียตีติ วิมานนฺติอาทินาปิ วตฺตพฺโพ. วิมานฏฺกถายํ ปน ‘‘เอกโยชนทฺวิโยชนาทิภาเวน ปมาณวิเสสยุตฺตตาย, โสภาติสยโยเคน จ วิเสสโต มานนียตาย วิมาน’’นฺติ (วิ. ว. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) วุตฺตํ. นตฺถิ อคฺฆเมเตสนฺติ อนคฺฆานิ, อปริมาณคฺฆานิ อคฺฆิตุมสกฺกุเณยฺยานีติ วุตฺตํ โหติ. ปติรูปํ, ปจฺเจกํ วา อตฺถริตพฺพานีติ ปจฺจตฺถรณานิ, เตสํ สตานิ ตถา. อุตฺตราภิมุขนฺติ อุตฺตรทิสาภิมุขํ. ธมฺโมปิ สตฺถาเยว สตฺถุกิจฺจนิปฺผาทนโตติ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต อาสนารหํ ธมฺมาสนํ ปฺเปตฺวา’’ติ. ยถาห ‘‘โย โข…เป… มมจฺจเยน สตฺถา’’ติอาทิ, (ที. นิ. ๒.๒๑๖) ตถาคตปฺปเวทิตธมฺมเทสกสฺส วา สตฺถุกิจฺจาวหตฺตา ตถารูเป อาสเน นิสีทิตุมรหตีติ ทสฺเสตุมฺปิ เอวํ วุตฺตํ. อาสนารหนฺติ นิสีทนารหํ. ธมฺมาสนนฺติ ธมฺมเทสกาสนํ, ธมฺมํ วา กเถตุํ ยุตฺตาสนํ. ทนฺตขจิตนฺติ ทนฺเตหิ ขจิตํ, หตฺถิทนฺเตหิ กตนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ทนฺโต นาม หตฺถิทนฺโต วุจฺจตี’’ติ หิ วุตฺตํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ธมฺมาสเน. มม กิจฺจนฺติ มม กมฺมํ, มยา วา กรณียํ.
อิทานิ ¶ อายสฺมโต อานนฺทสฺส อเสกฺขภูมิสมาปชฺชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺมิฺจ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺมิฺจ ปน ทิวสเอติ ตถา รฺา อาโรจาปิตทิวเส, สาวณมาสสฺส กาฬปกฺขจตุตฺถทิวเสติ วุตฺตํ โหติ. อนตฺถชนนโต วิสสงฺกาสตาย กิเลโส วิสํ, ตสฺส ขีณาสวภาวโต อฺถาภาวสงฺขาตา สตฺติ คนฺโธ. ตถา หิ โส ¶ ภควโต ปรินิพฺพานาทีสุ วิลาปาทิมกาสิ. อปิจ วิสชนนกปุปฺผาทิคนฺธปฏิภาคตาย นานาวิธทุกฺขเหตุกิริยาชนนโก กิเลโสว ‘‘วิสคนฺโธ’’ติ วุจฺจติ. ตถา หิ โส ‘‘วิสํ หรตีติ วิสตฺติกา, วิสมูลาติ วิสตฺติกา, วิสผลาติ วิสตฺติกา, วิสปริโภคาติ วิสตฺติกา’’ติอาทินา (มหานิ. ๓) วุตฺโตติ. อปิจ วิสคนฺโธนาม วิรูโป มํสาทิคนฺโธ, ตํสทิสตาย ปน กิเลโส. ‘‘วิสฺสสทฺโท หิ วิรูเป’’ติ (ธ. ส. ฏี. ๖๒๔) อภิธมฺมฏีกายํวุตฺตํ. อทฺธาติ เอกํสโต. สํเวคนฺติ ธมฺมสํเวคํ. ‘‘โอหิตภาราน’’นฺติ หิ เยภุยฺเยน, ปธาเนน จ วุตฺตํ. เอทิเสสุ ปน าเนสุ ตทฺเสมฺปิ ธมฺมสํเวโคเยว อธิปฺเปโต. ตถา หิ ‘‘สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปํ าณํ, โส ตสฺสา ภควโต ทสฺสเน อุปฺปชฺชี’’ติ (วิ. ว. อฏฺ. ๘๓๘) รชฺชุมาลาวิมานวณฺณนายํวุตฺตํ, สา จ ตทา อวิฺาตสาสนา อนาคตผลาติ. อิตรถา หิ จิตฺตุตฺราสวเสน โทโสเยว สํเวโคติ อาปชฺชติ, เอวฺจ สติ โส ตสฺส อเสกฺขภูมิสมาปชฺชนสฺส เอกํสการณํ น สิยา. เอวมภูโต จ โส อิธ น วตฺตพฺโพเยวาติ อลมติปปฺเจน. เตนาติ ตสฺมา สฺเว สงฺฆสนฺนิปาตสฺส วตฺตมานตฺตา, เสกฺขสกรณียตฺตา วา. เต น ยุตฺตนฺติ ตว น ยุตฺตํ, ตยา วา สนฺนิปาตํ คนฺตุํ น ปติรูปํ.
เมตนฺติ มม เอตํ คมนํ. ยฺวาหนฺติ โย อหํ, ยนฺติ วา กิริยาปรามสนํ, เตน ‘‘คจฺเฉยฺย’’นฺติ เอตฺถ คมนกิริยํ ปรามสติ, กิริยาปรามสนสฺส จ ยํ ตํ-สทฺทสฺส อยํ ปกติ, ยทิทํ นปุํสกลิงฺเคน, เอกวจเนน จ โยคฺยตา ตถาเยว ตตฺถ ตตฺถ ทสฺสนโต. กิริยาย หิ สภาวโต นปุํสกตฺตเมกตฺตฺจ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อาวชฺเชสีติ อุปนาเมสิ. มุตฺตาติ มุจฺจิตา. อปฺปตฺตฺจาติ อคตฺจ, พิมฺโพหเน น ตาว ปิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตสฺมึ อนฺตเรติ เอตฺถนฺตเร, อิมินา ปททฺวเยน ทสฺสิตกาลานํ เวมชฺฌกฺขเณ, ตถาทสฺสิตกาลทฺวยสฺส วา วิวเรติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘การเณ เจว จิตฺเต จ, ขณสฺมึ วิวเรปิ จ;
เวมชฺฌาทีสุ อตฺเถสุ ‘อนฺตรา’ติ รโว คโต’’ติ.
หิ ¶ วุตฺตํ. อนุปาทายาติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน กฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวา, เยหิ วา กิเลเสหิ มุจฺจติ, เตสํ เลสมตฺตมฺปิ อคฺคเหตฺวา. อาสเวหีติ ¶ ภวโต อา ภวคฺคํ, ธมฺมโต จ อา โคตฺรภุํ สวนโต ปวตฺตนโต อาสวสฺิเตหิ กิเลเสหิ. อุปลกฺขณวจนมตฺตฺเจตํ. ตเทกฏฺตาย หิ สพฺเพหิปิ กิเลเสหิ สพฺเพหิปิ ปาปธมฺเมหิ จิตฺตํ วิมุจฺจติเยว. จิตฺตํ วิมุจฺจีติ จิตฺตํ อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อาสเวหิ วิมุจฺจมานํ หุตฺวา อรหตฺตผลกฺขเณ วิมุจฺจิ. ตทตฺถํ วิวรติ ‘‘อยฺหี’’ติอาทินา. จงฺกเมนาติ จงฺกมนกิริยาย. วิเสสนฺติ อตฺตนา ลทฺธมคฺคผลโต วิเสสมคฺคผลํ. วิวฏฺฏูปนิสฺสยภูตํ กตํ อุปจิตํ ปฺุํ เยนาติ กตปฺุโ, อรหตฺตาธิคมาย กตาธิกาโรติ อตฺโถ. ปธานมนุยฺุชาติ วีริยมนุยฺุชาหิ, อรหตฺตสมาปตฺติยา อนุโยคํ กโรหีติ วุตฺตํ โหติ. โหหิสีติ ภวิสฺสสิ. กถาโทโสติ กถาย โทโส วิตถภาโว. อจฺจารทฺธนฺติ อติวิย อารทฺธํ. อุทฺธจฺจายาติ อุทฺธตภาวาย. หนฺทาติ โวสฺสคฺควจนํ. เตน หิ อธุนาเยว โยเชมิ, น ปนาหํ ปปฺจํ กโรมีติ โวสฺสคฺคํ กโรติ. วีริยสมตํ โยเชมีติ จงฺกมนวีริยสฺส อธิมตฺตตฺตา ตสฺส หาปนวเสน สมาธินา สมตาปาทเนน วีริยสฺส สมตํ สมภาวํ โยเชมิ, วีริเยน วา สมถสงฺขาตํ สมาธึ โยเชมีติปิ อตฺโถ. ทฺวิธาปิ หิ ปาโ ทิสฺสติ. วิสฺสมิสฺสามีติ อสฺสสิสฺสามิ. อิทานิ ตสฺส วิเสสโต ปสํสนารหภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาติ จตุอิริยาปถวิรหิตตาการเณน. ‘‘อนิปนฺโน’’ติอาทีนิ ปจฺจุปฺปนฺนวจนาเนว. ปรินิพฺพุโตปิ โส อากาเสเยว ปรินิพฺพายิ. ตสฺมา เถรสฺส กิเลสปรินิพฺพานํ, ขนฺธปรินิพฺพานฺจ วิเสเสน ปสํสารหํ อจฺฉริยพฺภุตเมวาติ.
ทุติยทิวเสติ เถเรน อรหตฺตปตฺตทิวสโต ทุติยทิวเส. ปฺจมิยนฺติ ติถีเปกฺขาย วุตฺตํ, ‘‘ทุติยทิวเส’’ติ อิมินา ตุลฺยาธิกรณํ. ภินฺนลิงฺคมฺปิ หิ ตุลฺยตฺถปทํ ทิสฺสติ ยถา ‘‘คุโณ ปมาณํ, วีสติ จิตฺตานิ’’ อิจฺจาทิ. กาฬปกฺขสฺสาติ สาวณมาสกาฬปกฺขสฺส. ปมฺหิ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณมกํสุ, ปมมาสภาโว จ มชฺฌิมปฺปเทสโวหาเรน. ตตฺถ หิ ปุริมปุณฺณมิโต ยาว อปรา ปุณฺณมี, ตาว เอโก มาโสติ โวหรนฺติ. ตโต ตีณิ ทิวสานิ ราชา มณฺฑปมกาสิ, ตโต ทุติยทิวเส เถโร อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ, ตติยทิวเส ปน สนฺนิปติตฺวา เถรา สงฺคีติมกํสุ, ตสฺมา อาสฬฺหิมาสกาฬปกฺขปาฏิปทโต ยาว สาวณมาสกาฬปกฺขปฺจมี ¶ , ตาว ปฺจทิวสาธิโก เอกมาโส โหติ. สมาโนติ อุปฺปชฺชมาโน. หฏฺตุฏฺจิตฺโตติ อติวิย โสมนสฺสจิตฺโต, ปาโมชฺเชน วา หฏฺจิตฺโต ปีติยา ตุฏฺจิตฺโต. เอกํสนฺติ เอกสฺมึ อํเส, วามํเสติ อตฺโถ. ตถา หิ วงฺคีสสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตํ –
‘‘เอกํสํ ¶ จีวรนฺติ เอตฺถ ปุน สณฺาปนวเสน เอวํ วุตฺตํ, เอกํสนฺติ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺสตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔๕).
พนฺธ…เป… วิยาติ วณฺฏโต ปวุตฺตสุปริปกฺกตาลผลมิว. ปณฺฑุ…เป… วิยาติ สิตปีตปภายุตฺตปณฺฑุโรมชกมฺพเล ปิโต ชาติมา มณิ วิย, ชาติวจเนน เจตฺถ กุตฺติมํ นิวตฺเตติ. สมุคฺคตปุณฺณจนฺโท วิยาติ ชุณฺหปกฺขปนฺนรสุโปสเถ สมุคฺคโต โสฬสกลาปริปุณฺโณ จนฺโท วิย. พาลา…เป… วิยาติ ตรุณสูริยปภาสมฺผสฺเสน ผุลฺลิตสุวณฺณวณฺณปราคคพฺภํ สตปตฺตปทฺธํ วิย. ‘‘ปิฺชรสทฺโท หิ เหมวณฺณปริยาโย’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๒๒) สารตฺถทีปนิยํ วุตฺโต. ปริโยทาเตนาติ ปภสฺสเรน. สปฺปเภนาติ วณฺณปฺปภาย, สีลปฺปภาย จ สมนฺนาคเตน. สสฺสิริเกนาติ สรีรโสภคฺคาทิสงฺขาตาย สิริยา อติวิย สิริมตา. มุขวเรนาติ ยถาวุตฺตโสภาสมลงฺกตตฺตา อุตฺตมมุเขน. กามํ ‘‘อหมสฺมิ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ นาโรเจสิ, ตถารูปาย ปน อุตฺตมลีฬาย คมนโต ปสฺสนฺตา สพฺเพปิ ตมตฺถํ ชานนฺติ, ตสฺมา อาโรเจนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ อาโรจยมาโน วิย อคมาสี’’ติ.
กิมตฺถํ ปนายํ เอวมาโรจยมาโน วิย อคมาสีติ? วุจฺจเต – โส หิ ‘‘อตฺตุปนายิกํ อกตฺวา อฺพฺยากรณํ ภควตา สํวณฺณิต’’นฺติ มนสิ กริตฺวา ‘‘เสกฺขตาย ธมฺมวินยสงฺคีติยา คเหตุมยุตฺตมฺปิ พหุสฺสุตตฺตา คณฺหิสฺสามา’’ติ นิสินฺนานํ เถรานํ อรหตฺตปฺปตฺติวิชานเนน โสมนสฺสุปฺปาทนตฺถํ, ‘‘อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ ภควตา ทินฺนโอวาทสฺส จ สผลตาทีปนตฺถํ เอวมาโรจยมาโน วิย อคมาสีติ. อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ¶ เอตทโหสิ สมสมฏฺปนาทินา ยถาวุตฺตการเณน สตฺถุกปฺปตฺตา. ธเรยฺยาติ วิชฺชมาโน ภเวยฺย. ‘‘โสภติ วต เต อาวุโส อานนฺท อรหตฺตสมธิคมตา’’ติอาทินา สาธุการมทาสิ. อยมิธ ทีฆภาณกานํ วาโท. ขุทฺทกภาณเกสุ จ สุตฺตนิปาตขุทฺทกปาภาณกานํ วาโทติปิ ยุชฺชติ ตทฏฺกถาสุปิ ตถา วุตฺตตฺตา.
มชฺฌิมํ นิกายํ ภณนฺติ สีเลนาติ มชฺฌิมภาณกา, ตปฺปคุณา อาจริยา. ยถาวุฑฺฒนฺติ วุฑฺฒปฏิปาฏึ, ตทนติกฺกมิตฺวา วา. ตตฺถาติ ตสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ. อานนฺทสฺส เอตมาสนนฺติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมึ สมเยติ ตสฺมึ เอวํกถนสมเย. เถโร จินฺเตสิ ‘‘กุหึ คโต’’ติ ปุจฺฉนฺตานํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺเต อติวิย ปากฏภาเวน ภวิสฺสมานตฺตา, อยมฺปิ มชฺฌิมภาณเกสฺเวว เอกจฺจานํ วาโท, ตสฺมา อิติปิ เอเก วทนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อากาเสน อาคนฺตฺวา อตฺตโน อาสเนเยว ¶ อตฺตานํ ทสฺเสสีติปิ เตสเมว เอกจฺเจ วทนฺติ. ปุลฺลิงฺควิสเย หิ ‘‘เอเก’’ติ วุตฺเต สพฺพตฺถ ‘‘เอกจฺเจ’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตีสุปิ เจตฺถ วาเทสุ เตสํ เตสํ ภาณกานํ เตน เตนากาเรน อาคตมตฺตํ เปตฺวา วิสุํ วิสุํ วจเน อฺํ วิเสสการณํ นตฺถิ. สตฺตมาสํ กตาย หิ ธมฺมวินยสงฺคีติยา กทาจิ ปกติยาว, กทาจิ ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา, กทาจิ อากาเสน อาคตตฺตา ตํ ตทาคมนมุปาทาย ตถา ตถา วทนฺติ. อปิจ สงฺคีติยา อาทิทิวเสเยว ปมํ ปกติยา อาคนฺตฺวา ตโต ปรํ อากาสมพฺภุคฺคนฺตฺวา ปริสํ ปตฺตกาเล ตโต โอตริตฺวา ภิกฺขุปนฺตึ อปีเฬนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อาสเน อตฺตานํ ทสฺเสสีติปิ วทนฺติ. ยถา วา ตถา วา อาคจฺฉตุ, อาคมนาการมตฺตํ น ปมาณํ, อาคนฺตฺวา คตกาเล อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส สาธุการทานเมว ปมาณํ สตฺถารา ทาตพฺพสาธุการทาเนเนว อรหตฺตปฺปตฺติยา อฺเสมฺปิ าปิตตฺตา, ภควติ ธรมาเน ปฏิคฺคเหตพฺพาย จ ปสํสาย เถรสฺส ปฏิคฺคหิตตฺตา. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา วา’’ติอาทิมาห. สพฺพตฺถาปีติ สพฺเพสุปิ ตีสุ วาเทสุ.
ภิกฺขู อามนฺเตสีติ ภิกฺขู อาลปีติ อยเมตฺถ อตฺโถ, อฺตฺร ปน าปเนปิ ทิสฺสติ ยถา ‘‘อามนฺตยามิ โว ภิกฺขเว, (ที. นิ. ๒.๒๑๘) ปฏิเวทยามิ โว ภิกฺขเว’’ติ ¶ (อ. นิ. ๗.๗๒) ปกฺโกสเนปิ ทิสฺสติ ยถา ‘‘เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุ มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามนฺเตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑) อาลปเนปิ ทิสฺสติ ยถา ‘‘ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘ภิกฺขโว’ติ’’ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙), อิธาปิ อาลปเนติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ. อาลปนมตฺตสฺส ปน อภาวโต ‘‘กึ ปมํ สงฺคายามา’’ติอาทินา วุตฺเตน วิฺาปิยมานตฺถนฺตเรน จ สหจรณโต าปเนว วฏฺฏติ, ตสฺมา อามนฺเตสีติ ปฏิเวเทสิ วิฺาเปสีติ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ‘‘ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘ภิกฺขโว’ติ, ‘ภทฺทนฺเต’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) หิ อาลปนมตฺตเมว ทิสฺสติ, น วิฺาปิยมานตฺถนฺตรํ, ตํ ปน ‘‘ภูตปุพฺพํ ภิกฺขเว’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๒๔๙) ปจฺเจกเมว อารทฺธํ. ตสฺมา ตาทิเสสฺเวว อาลปเน วฏฺฏตีติ โน ตกฺโก. สทฺทวิทู ปน วทนฺติ ‘‘อามนฺตยิตฺวา เทวินฺโท, วิสฺสกมฺมํ มหิทฺธิก’นฺติอาทีสุ (จริยา. ๑๐๗) วิย มนฺตสทฺโท คุตฺตภาสเน. ตสฺมา ‘อามนฺเตสี’ติ เอตสฺส สมฺมนฺตยีติ อตฺโถ’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติอาทิ อามนฺตนาการทีปนํ. ธมฺมํ วา วินยํ วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท วิกปฺปเน, เตน ‘‘กิเมกํ เตสุ ปมํ สงฺคายามา’’ติ ทสฺเสติ. กสฺมา อายูติ อาห ‘‘วินเย ิเต’’ติอาทิ. ‘‘ยสฺมา, ตสฺมา’’ติ จ อชฺฌาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. ตสฺมาติ ตาย อายุสริกฺขตาย ¶ . ธุรนฺติ เชฏฺกํ. โน นปฺปโหตีติ ปโหติเยว. ทฺวิปฏิเสโธ หิ สห อติสเยน ปกตฺยตฺถทีปโก.
เอตทคฺคนฺติ เอโส อคฺโค. ลิงฺควิปลฺลาเสน หิ อยํ นิทฺเทโส. ยทิทนฺติ จ โย อยํ, ยทิทํ ขนฺธปฺจกนฺติ วา โยเชตพฺพํ. เอวฺหิ สติ ‘‘เอตทคฺค’’นฺติ ยถารุตลิงฺคเมว. ‘‘ยทิท’’นฺติ ปทสฺส จ อยํ สภาโว, ยา ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วตฺตพฺพสฺส ลิงฺคานุรูเปน ‘‘โย อย’’นฺติ วา ‘‘ยา อย’’นฺติ วา ‘‘ยํ อิท’’นฺติ วา โยเชตพฺพตา ตถาเยวสฺส ตตฺถ ตตฺถ ทสฺสิตตฺตา. ภิกฺขูนํ วินยธรานนฺติ นิทฺธารณฉฏฺีนิทฺเทโส.
อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนีติ สยเมว อตฺตานํ สมฺมตํ อกาสิ. ‘‘อตฺตนา’’ติ หิ อิทํ ตติยาวิเสสนํ ภวติ, ตฺจ ปเรหิ สมฺมนฺนนํ นิวตฺเตติ, ‘‘อตฺตนา’’ติ วา อยํ วิภตฺยนฺตปติรูปโก อพฺยยสทฺโท ¶ . เกจิ ปน ‘‘ลิงฺคตฺเถ ตติยา อภิหิตกตฺตุภาวโต’’ติ วทนฺติ. ตทยุตฺตเมว ‘‘เถโร’’ติ กตฺตุโน วิชฺชมานตฺตา. วิสฺสชฺชนตฺถาย อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนีติ โยเชตพฺพํ. ปุจฺฉธาตุสฺส ทฺวิกมฺมิกตฺตา ‘‘อุปาลึ วินย’’นฺติ กมฺมทฺวยํ วุตฺตํ.
พีชนึ คเหตฺวาติ เอตฺถ พีชนีคหณํ ธมฺมกถิกานํ ธมฺมตาติ เวทิตพฺพํ. ตาย หิ ธมฺมกถิกานํ ปริสาย หตฺถกุกฺกุจฺจมุขวิการาทิ ปฏิจฺฉาทียติ. ภควา จ ธมฺมกถิกานํ ธมฺมตาทสฺสนตฺถเมว วิจิตฺรพีชนึ คณฺหาติ. อฺถา หิ สพฺพสฺสปิ โลกสฺส อลงฺการภูตํ ปรมุกฺกํสคตสิกฺขาสํยมานํ พุทฺธานํ มุขจนฺทมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตพฺพํ น สิยา. ‘‘ปมํ อาวุโส อุปาลิ ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ตสฺส สงฺคีติยา ปุริมกาเล ปมภาโว น ยุตฺโตติ? โน น ยุตฺโต ภควตา ปฺตฺตานุกฺกเมน, ปาติโมกฺขุทฺเทสานุกฺกเมน จ ปมภาวสฺส สิทฺธตฺตา. เยภุยฺเยน หิ ตีณิ ปิฏกานิ ภควโต ธรมานกาเล ิตานุกฺกเมเนว สงฺคีตานิ, วิเสสโต วินยาภิธมฺมปิฏกานีติ ทฏฺพฺพํ. กิสฺมึ วตฺถุสฺมินฺติ, เมถุนธมฺเมติ จ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ‘‘กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติอาทินา ทสฺสิเตน สห ตทวสิฏฺมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สงฺคีติการกวจนสมฺมิสฺสํ วา นุ โข, สุทฺธํ วา พุทฺธวจนนฺติ อาสงฺกาปริหรณตฺถํ, ยถาสงฺคีตสฺเสว ปมาณภาวํ ทสฺสนตฺถฺจ ปุจฺฉํ สมุทฺธริตฺวา วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘กึ ปเนตฺถา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ ปมปาราชิเกติ เอติสฺสํ ตถาสงฺคีตาย ปมปาราชิกปาฬิยํ. เตเนวาห ‘‘น หิ ตถาคตา เอกพฺยฺชนมฺปิ นิรตฺถกํ วทนฺตี’’ติ. อปเนตพฺพนฺติ อติเรกภาเวน ¶ นิรตฺถกตาย, วิตถภาเวน วา อยุตฺตตาย ฉฑฺเฑตพฺพวจนํ. ปกฺขิปิตพฺพนฺติ อสมฺปุณฺณตาย อุปเนตพฺพวจนํ. กสฺมาติ อาห ‘‘น หี’’ติอาทิ. สาวกานํ ปน เทวตานํ วา ภาสิเตติ ภควโต ปุจฺฉาโถมนาทิวเสน ภาสิตํ สนฺธายาห. สพฺพตฺถาปีติ ภควโต สาวกานํ เทวตานฺจ ภาสิเตปิ. ตํ ปน ปกฺขิปนํ สมฺพนฺธวจนมตฺตสฺเสว, น สภาวายุตฺติยา อตฺถสฺสาติ ทสฺเสติ ‘‘กึ ปน ต’’นฺติอาทินา สมฺพนฺธวจนมตฺตนฺติ ปุพฺพาปรสมฺพนฺธวจนเมว. อิทํ ปมปาราชิกนฺติ ววตฺถเปตฺวา เปสุํ อิมินาว วาจนามคฺเคน อุคฺคหณธารณาทิกิจฺจนิปฺผาทนตฺถํ, ตทตฺถเมว จ คณสชฺฌายมกํสุ ‘‘เตน…เป… วิหรตี’’ติ. สชฺฌายารมฺภกาเลเยว ปถวี อกมฺปิตฺถาติ วทนฺติ, ตทิทํ ปน ปถวีกมฺปนํ เถรานํ ธมฺมสชฺฌายานุภาเวนาติ ¶ าเปตุํ ‘‘สาธุการํ ททมานา วิยา’’ติ วุตฺตํ. อุทกปริยนฺตนฺติ ปถวีสนฺธารกอุทกปริยนฺตํ. ตสฺมิฺหิ จลิเตเยว สาปิ จลติ, เอเตน จ ปเทสปถวีกมฺปนํ นิวตฺเตติ.
กิฺจาปิ ปาฬิยํ คณนา นตฺถิ, สงฺคีติมาโรปิตานิ ปน เอตฺตกาเนวาติ ทีเปตุํ ‘‘ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานี’’ติ วุตฺตํ ‘‘ปุริมนเยเนวา’’ติ เอเตน สาธุการํ ททมานา วิยาติ อตฺถมาห. น เกวลํ สิกฺขาปทกณฺฑวิภงฺคนิยเมเนว, อถ โข ปมาณนิยเมนาปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุสฏฺิภาณวารา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ภาณวาโรติ –
‘‘อฏฺกฺขรา เอกปทํ, เอกคาถา จตุปฺปทํ;
คาถา เจกา มโต คนฺโถ, คนฺโถ พาตฺตึสตกฺขโร.
พาตฺตึสกฺขรคนฺถานํ, ปฺาสทฺวิสตํ ปน;
ภาณวาโร มโต เอโก, สฺวฏฺกฺขรสหสฺสโก’’ติ.
เอวํ อฏฺกฺขรสหสฺสปริมาโณ ปาโ วุจฺจติ. ภณิตพฺโพ วาโร ยสฺสาติ หิ ภาณวาโร, เอเกน สชฺฌายนมคฺเคน กเถตพฺพวาโรติ อตฺโถ. ขนฺธกนฺติ มหาวคฺคจูฬวคฺคํ. ขนฺธานํ สมูหโต, ปกาสนโต วา ขนฺธโกติ หิ วุจฺจติ, ขนฺธาติ เจตฺถ ปพฺพชฺชูปสมฺปทาทิวินยกมฺมสงฺขาตา, จาริตฺตวาริตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตา จ ปฺตฺติโย อธิปฺเปตา. ปพฺพชฺชาทีนิ หิ ภควตา ปฺตฺตตฺตา ปฺตฺติโยติ วุจฺจนฺติ. ปฺตฺติยฺจ ขนฺธสทฺโท ทิสฺสติ ‘‘ทารุกฺขนฺโธ, (อ. นิ. ๖.๔๑) อคฺคิกฺขนฺโธ (อ. นิ. ๗.๗๒), อุทกกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๔๕; ๖.๓๗) วิย. อปิจ ภาคราสฏฺตาปิ ¶ ยุชฺชติเยว ตาสํ ปฺตฺตีนํ ภาคโต, ราสิโต จ วิภตฺตตฺตา, ตํ ปน วินยปิฏกํ ภาณเกหิ รกฺขิตํ โคปิตํ สงฺคหารุฬฺหนเยเนว จิรกาลํ อนสฺสมานํ หุตฺวา ปติฏฺหิสฺสตีติ อายสฺมนฺตํ อุปาลิตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสุํ ‘‘อาวุโส อิมํ ตุยฺหํ นิสฺสิตเก วาเจหี’’ติ.
ธมฺมํ สงฺคายิตุกาโมติ สุตฺตนฺตาภิธมฺมสงฺคีตึ กตฺตุกาโม ‘‘ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๑๖) วิย ปาริเสสนเยน ธมฺมสทฺทสฺส สุตฺตนฺตาภิธมฺเมสฺเวว ปวตฺตนโต. อยมตฺโถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ.
สงฺฆํ าเปสีติ เอตฺถ เหฏฺา วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กตรํ อาวุโส ปิฏกนฺติ วินยาวเสเสสุ ทฺวีสุ ปิฏเกสุ กตรํ ปิฏกํ. วินยาภิธมฺมานมฺปิ ¶ ขุทฺทกสงฺคีติปริยาปนฺนตฺตา ตมนฺตเรน วุตฺตํ ‘‘สุตฺตนฺตปิฏเก จตสฺโส สงฺคีติโย’’ติ. สงฺคีติโยติ จ สงฺคายนกาเล ทีฆาทิวเสน วิสุํ วิสุํ นิยเมตฺวา สงฺคยฺหมานตฺตา นิกายาว วุจฺจนฺติ. เตนาห ‘‘ทีฆสงฺคีติ’’นฺติอาทิ. สุตฺตาเนว สมฺปิณฺเฑตฺวา วคฺคกรณวเสน ตโย วคฺคา, นาฺานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุตฺตึส สุตฺตานิ ตโย วคฺคา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา จตุตฺติสํ สุตฺตานิ ตโย วคฺคา โหนฺติ, สุตฺตานิ วา จตุตฺตึส, เตสํ วคฺคกรณวเสน ตโย วคฺคา, เตสุ ตีสุ วคฺเคสูติ โยเชตพฺพํ. ‘‘พฺรหฺมชาลสุตฺตํ นาม อตฺถิ, ตํ ปมํ สงฺคายามา’’ติ วุตฺเต กสฺมาติ โจทนาสมฺภวโต ‘‘ติวิธสีลาลงฺกต’’นฺติอาทิมาห. เหตุคพฺภานิ หิ เอตานิ. จูฬมชฺฌิมมหาสีลวเสน ติวิธสฺสาปิ สีลสฺส ปกาสนตฺตา เตน อลงฺกตํ วิภูสิตํ ตถา นานาวิเธ มิจฺฉาชีวภูเต กุหนลปนาทโย วิทฺธํเสตีติ นานาวิธมิจฺฉาชีวกุหนลปนาทิวิทฺธํสนํ. ตตฺถ กุหนาติ กุหายนา, ปจฺจยปฏิเสวนสามนฺตชปฺปนอิริยาปถสนฺนิสฺสิตสงฺขาเตน ติวิเธน วตฺถุนา วิมฺหาปนาติ อตฺโถ. ลปนาติ วิหารํ อาคเต มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘กิมตฺถาย โภนฺโต อาคตา, กึ ภิกฺขู นิมนฺเตตุํ. ยทิ เอวํ คจฺฉถ, อหํ ปจฺฉโต ภิกฺขู คเหตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ เอวมาทินา ภาสนา. อาทิสทฺเทน ปุปฺผทานาทโย, เนมิตฺติกตาทโย จ สงฺคณฺหาติ. อปิเจตฺถ มิจฺฉาชีวสทฺเทน กุหนลปนาหิ เสสํ อเนสนํ คณฺหาติ. อาทิสทฺเทน ปน ตทวเสสํ มหิจฺฉตาทิกํ ทุสฺสิลฺยนฺติ ทฏฺพฺพํ. ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย เอว ปลิเวนฏฺเน ชาลสริกฺขตาย ชาลํ, ตสฺส วินิเวนํ อปลิเวกรณํ ตถา.
อนฺตรา จ ภนฺเต ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทนฺติ เอตฺถ อนฺตราสทฺโท วิวเร ‘‘อปิจายํ ภิกฺขเว ¶ ตโปทาทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๑) วิย. ตสฺมา ราชคหสฺส จ นาฬนฺทสฺส จ วิวเรติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนฺตราสทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํ. อีทิเสสุ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามฺจ นทิฺจ ยาตี’’ติ เอวํ เอกเมว อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทนปิ โยเชตพฺโพ โหติ. อโยชิยมาเน หิ อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ สามิวจนสฺส ปสงฺเค อนฺตราสทฺทโยเคน อุปโยควจนสฺส อิจฺฉิตตฺตา. ตตฺถ รฺโ กีฬนตฺถํ ปฏิภานจิตฺตวิจิตฺรอคารมกํสุ, ตํ ‘‘ราชาคารก’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ. อมฺพลฏฺิกาติ รฺโ ¶ อุยฺยานํ. ตสฺส กิร ทฺวารสมีเป ตรุโณ อมฺพรุกฺโข อตฺถิ, ตํ ‘‘อมฺพลฏฺิกา’’ติ วทนฺติ, ตสฺส สมีเป ปวตฺตตฺตา อุยฺยานมฺปิ ‘‘อมฺพลฏฺิกา’’ ตฺเวว สงฺขฺยํ คตํ ยถา ‘‘วรุณนคร’’นฺติ, ตสฺมา อมฺพลฏฺิกายํ นาม อุยฺยาเน ราชาคารเกติ อตฺโถ. อวิฺายมานสฺส หิ วิฺาปนตฺถํ เอตํ อาธารทฺวยํ วุตฺตํ ราชาคารเมตสฺสาติ วา ราชาคารกํ, อุยฺยานํ, ราชาคารวติ อมฺพลฏฺิกายํ นาม อุยฺยาเนติ อตฺโถ. ภินฺนลิงฺคมฺปิ หิ วิเสสนปทมตฺถี’’ติ เกจิ วทนฺติ, เอวํ สติ ราชาคารํ อาธาโร น สิยา. ‘‘ราชาคารเกติ เอวํนามเก อุยฺยาเน อภิรมนารหํ กิร ราชาคารมฺปิ. ตตฺถ, ยสฺส วเสเนตํ เอวํ นามํ ลภตี’’ติ (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วชิรพุทฺธิตฺเถโร. เอวํ สติ ‘‘อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ อาสนฺนตรุณมฺพรุกฺเขน วิเสเสตฺวา ‘‘ราชาคารเก’’ติ อุยฺยานเมว นามวเสน วุตฺตนฺติ อตฺโถ อาปชฺชติ, ตถา จ วุตฺตโทโสว สิยา. สุปฺปิยฺจ ปริพฺพาชกนฺติ สุปฺปิยํ นาม สฺจยสฺส อนฺเตวาสึ ฉนฺนปริพฺพาชกฺจ. พฺรหฺมทตฺตฺจ มาณวนฺติ เอตฺถ ตรุโณ ‘‘มาณโว’’ติ วุตฺโต ‘‘อมฺพฏฺโ มาณโว, องฺคโก มาณโว’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๙, ๒๑๑) วิย, ตสฺมา พฺรหฺมทตฺตํ นาม ตรุณปุริสฺจ อารพฺภาติ อตฺโถ. วณฺณาวณฺเณติ ปสํสาย เจว ครหาย จ. อถ วา คุโณ วณฺโณ, อคุโณ อวณฺโณ, เตสํ ภาสนํ อุตฺตรปทโลเปน ตถา วุตฺตํ ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ.
‘‘ตโต ปร’’นฺติอาทิมฺหิ อยํ วจนกฺกโม – สามฺผลํ ปนาวุโส อานนฺท กตฺถ ภาสิตนฺติ? ราชคเห ภนฺเต ชีวกมฺพวเนติ. เกน สทฺธินฺติ? อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุตฺเตน สทฺธินฺติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สามฺผลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉีติ. เอตฺถ หิ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ อวตฺวา ‘‘เกน สทฺธิ’’นฺติ วตฺตพฺพํ. กสฺมาติ เจ? น ภควตา เอว เอตํ สุตฺตํ ภาสิตํ, รฺาปิ ‘‘ยถา นุ โข อิมานิ ปุถุสิปฺปายตนานี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๖๓) กิฺจิ กิฺจิ วุตฺตมตฺถิ, ตสฺมา เอวเมว วตฺตพฺพนฺติ. อิมินาว นเยน สพฺพตฺถ ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ วา ‘‘เกน สทฺธิ’’นฺติ วา ยถารหํ วตฺวา สงฺคีติมกาสีติ ทฏฺพฺพํ. ตนฺตินฺติ สุตฺตวคฺคสมุทายวเสน ววตฺถิตํ ปาฬึ. เอวฺจ ¶ กตฺวา ‘‘ติวคฺคสงฺคหํ จตุตฺตึสสุตฺตปฏิมณฺฑิต’’นฺติ วจนํ อุปปนฺนํ โหติ. ปริหรถาติ อุคฺคหณวาจนาทิวเสน ธาเรถ. ตโต อนนฺตรํ สงฺคายิตฺวาติ สมฺพนฺโธ.
‘‘ธมฺมสงฺคโห ¶ จา’’ติอาทินา สมาโส. เอวํ สํวณฺณิตํ โปราณเกหีติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘มหาธมฺมหทเยน, มหาธาตุกถาย วา สทฺธึ สตฺตปฺปกรณํ อภิธมฺมปิฏกํ นามา’’ติ วุตฺตํ วิตณฺฑวาทิมตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘กถาวตฺถุนาว สทฺธิ’’นฺติ วุตฺตํ สมานวาทิมตํ ทสฺเสติ. สณฺหาณสฺส, สณฺหาณวนฺตานํ วา วิสยภาวโต สุขุมาณโคจรํ.
จูฬนิทฺเทสมหานิทฺเทสวเสน ทุวิโธปิ นิทฺเทโส. ชาตกาทิเก ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺเน, เยภุยฺเยน จ ธมฺมนิทฺเทสภูเต ตาทิเส อภิธมฺมปิฏเกว สงฺคณฺหิตุํ ยุตฺตํ, น ปน ทีฆนิกายาทิปฺปกาเร สุตฺตนฺตปิฏเก, นาปิ ปฺตฺตินิทฺเทสภูเต วินยปิฏเกติ ทีฆภาณกา ชาตกาทีนํ อภิธมฺมปิฏเก สงฺคหํ วทนฺติ. จริยาปิฏกพุทฺธวํสานฺเจตฺถ อคฺคหณํ ชาตกคติกตฺตา, เนตฺติเปฏโกปเทสาทีนฺจ นิทฺเทสปฏิสมฺภิทามคฺคคติกตฺตา. มชฺฌิมภาณกา ปน อฏฺุปฺปตฺติวเสน เทสิตานํ ชาตกาทีนํ ยถานุโลมเทสนาภาวโต ตาทิเส สุตฺตนฺตปิฏเก สงฺคโห ยุตฺโต, น ปน สภาวธมฺมนิทฺเทสภูเต ยถาธมฺมสาสเน อภิธมฺมปิฏเก, นาปิ ปฺตฺตินิทฺเทสภูเต ยถาปราธสาสเน วินยปิฏเกติ ชาตกาทีนํ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนตํ วทนฺติ. ยุตฺตเมตฺถ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํ.
เอวํ นิมิตฺตปโยชนกาลเทสการกกรณปฺปกาเรหิ ปมํ สงฺคีตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ววตฺถาปิเตสุ ธมฺมวินเยสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ เอกวิธาทิเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘เอว’’นฺติ อิมินา เอตสทฺเทน ปรามสิตพฺพํ ยถาวุตฺตสงฺคีติปฺปการํ นิทสฺเสติ. ‘‘ยฺหี’’ติอาทิ วิตฺถาโร. อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธินฺติ อนาวรณาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ, มคฺคาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ. เอตฺถนฺตเรติ อภิสมฺพุชฺฌนสฺส, ปรินิพฺพายนสฺส จ วิวเร. ตเทตํ ปฺจจตฺตาลีส วสฺสานีติ กาลวเสน นิยเมติ. ปจฺจเวกฺขนฺเตน วาติ อุทานาทิวเสน ปวตฺตธมฺมํ สนฺธายาห. ยํ วจนํ วุตฺตํ, สพฺพํ ตนฺติ สมฺพนฺโธ. กึ ปเนตนฺติ อาห ‘‘วิมุตฺติรสเมวา’’ติ, น ตทฺรสนฺติ วุตฺตํ โหติ. วิมุจฺจิตฺถาติ วิมุตฺติ, รสิตพฺพํ อสฺสาเทตพฺพนฺติ รสํ, วิมุตฺติสงฺขาตํ รสเมตสฺสาติ วิมุตฺติรสํ, อรหตฺตผลสฺสาทนฺติ อตฺโถ. อยํ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถรสฺส มติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา). อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร ปน ตํ เกจิวาทํ กตฺวา อิมมตฺถมาห ¶ ‘‘วิมุจฺจติ วิมุจฺจิตฺถาติ วิมุตฺติ, ยถารหํ มคฺโค ผลฺจ. รสนฺติ คุโณ, สมฺปตฺติกิจฺจํ วา ¶ , วุตฺตนเยน สมาโส. วิมุตฺตานิสํสํ, วิมุตฺติสมฺปตฺติกํ วา มคฺคผลนิปฺผาทนโต, วิมุตฺติกิจฺจํ วา กิเลสานมจฺจนฺตวิมุตฺติสมฺปาทนโตติ อตฺโถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา). องฺคุตฺตรฏฺกถายํ ปน ‘‘อตฺถรสสฺสาทีสุ อตฺถรโส นาม จตฺตาริ สามฺผลานิ, ธมฺมรโส นาม จตฺตาโร มคฺคา, วิมุตฺติรโส นาม อมตนิพฺพาน’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๓๓๕) วุตฺตํ.
กิฺจาปิ อวิเสเสน สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ กิเลสวินยเนน วินโย, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน อปายปตนาทิโต ธารเณน ธมฺโม จ โหติ, ตถาปิ อิธาธิปฺเปเตเยว ธมฺมวินเย วตฺติจฺฉาวเสน สรูปโต นิทฺธาเรตุํ ‘‘ตตฺถ วินยปิฏก’’นฺติอาทิมาห. อวเสสํ พุทฺธวจนํ ธมฺโม ขนฺธาทิวเสน สภาวธมฺมเทสนาพาหุลฺลโต. อถ วา ยทิปิ วินโย จ ธมฺโมเยว ปริยตฺติยาทิภาวโต, ตถาปิ วินยสทฺทสนฺนิธาเน ภินฺนาธิกรณภาเวน ปยุตฺโต ธมฺมสทฺโท วินยตนฺติ วิปรีตํ ตนฺติเมว ทีเปติ ยถา ‘‘ปฺุาณสมฺภารา, โคพลีพทฺท’’นฺติ. ปโยควเสน ตํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เตเนวาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เยน วินย…เป… ธมฺโม, เตเนว เตสํ ตถาภาวํ สงฺคีติกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๔๗) อาหาติ อตฺโถ.
‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ อยํ คาถา ภควตา อตฺตโน สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ อรหตฺตปฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขนฺเตน เอกูนวีสติมสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อนนฺตรํ ภาสิตา, ตสฺมา ‘‘ปมพุทฺธวจน’’นฺติ วุตฺตา. อิทํ กิร สพฺพพุทฺเธหิ อวิชหิตํ อุทานํ. อยมสฺส สงฺเขปตฺโถ – อหํ อิมสฺส อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ คเวสนฺโต เยน าเณน ตํ ทฏฺุํ สกฺกา, ตสฺส โพธิาณสฺสตฺถาย ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาโร เอตฺตกํ กาลํ อเนกชาติสํสารํ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขฺยํ สํสารวฏฺฏํ อนิพฺพิสํ อนิพฺพิสนฺโต ตํ าณํ อวินฺทนฺโต อลภนฺโตเยว สนฺธาวิสฺสํ สํสรึ. ยสฺมา ชราพฺยาธิมรณมิสฺสตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมึ อทิฏฺเ นิวตฺตติ, ตสฺมา ตํ คเวสนฺโต สนฺธาวิสฺสนฺติ อตฺโถ. อิทานิ โภ อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส การก ตณฺหาวฑฺฒกิ ตฺวํ มยา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเตน ทิฏฺโ อสิ. ปุน อิมํ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํ น กาหสิ น กริสฺสสิ. ตว สพฺพา อวเสสกิเลส ผาสุกา มยา ภคฺคา ภฺชิตา ¶ . อิมสฺส ตยา กตสฺส อตฺตภาวสงฺขาตสฺส เคหสฺส กูฏํ อวิชฺชาสงฺขาตํ กณฺณิกมณฺฑลํ วิสงฺขตํ วิทฺธํสิตํ. อิทานิ มม จิตฺตํ วิสงฺขารํ นิพฺพานํ อารมฺมณกรณวเสน คตํ อนุปวิฏฺํ. อหฺจ ตณฺหานํ ขย สงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคํ, อรหตฺตผลํ วา อชฺฌคา อธิคโต ปตฺโตสฺมีติ. คณฺิปเทสุ ปน วิสงฺขารคตํ ¶ จิตฺตเมว ตณฺหานํ ขยสงฺขาตํ อรหตฺตมคฺคํ, อรหตฺตผลํ วา อชฺฌคา อธิคตนฺติ อตฺโถ วุตฺโต.
‘‘สนฺธาวิสฺส’’นฺติ เอตฺถ จ ‘‘คาถายมตีตตฺเถ อิมิสฺส’’นฺติ เนรุตฺติกา. ‘‘ตํกาลวจนิจฺฉายมตีเตปิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ เกจิ. ปุนปฺปุนนฺติ อภิณฺหตฺเถ นิปาโต. ปาตพฺพา รกฺขิตพฺพาติ ผาสุ ป-การสฺส ผ-การํ กตฺวา, ผุสิตพฺพาติ วา ผาสุ, สาเยว ผาสุกา. อชฺฌคาติ จ ‘‘อชฺชตนิยมาตฺตมึ วา อํ วา’’ติ วทนฺติ. ยทิ ปน จิตฺตเมว กตฺตา, ตทา ปโรกฺขาเยว. อนฺโตชปฺปนวเสน กิร ภควา ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ คาถาทฺวยมาห, ตสฺมา เอสา มนสา ปวตฺติตธมฺมานมาทิ. ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติ อยํ ปน วาจาย ปวตฺติตธมฺมานนฺติ วทนฺติ.
เกจีติ ขนฺธกภาณกา. ปมํ วุตฺโต ปน ธมฺมปทภาณกานํ วาโท. ยทา…เป… ธมฺมาติ เอตฺถ นิทสฺสนตฺโถ, อาทฺยตฺโถ จ อิติ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. นิทสฺสเนน หิ มริยาทวจเนน วินา ปทตฺถวิปลฺลาสการินาว อตฺโถ ปริปุณฺโณ น โหติ. ตตฺถ อาทฺยตฺถเมว อิติ-สทฺทํ คเหตฺวา อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ‘‘เตน อาตาปิโน…เป… สเหตุธมฺม’นฺติอาทิคาถาตฺตยํ สงฺคณฺหาตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ. ขนฺธเกติ มหาวคฺเค. อุทานคาถนฺติ ชาติยา เอกวจนํ, ตตฺถาปิ วา ปมคาถเมว คเหตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
เอตฺถ จ ขนฺธกภาณกา เอวํ วทนฺติ ‘‘ธมฺมปทภาณกานํ คาถา มนสาว เทสิตตฺตา ตทา มหโต ชนสฺส อุปการาย นาโหสิ, อมฺหากํ ปน คาถา วจีเภทํ กตฺวา เทสิตตฺตา ตทา สุณนฺตานํ เทวพฺรหฺมานํ อุปการาย อโหสิ, ตสฺมา อิทเมว ปมพุทฺธวจน’’นฺติ. ธมฺมปทภาณกา ปน ‘‘เทสนาย ชนสฺส อุปการานุปการภาโว ปมภาเว ลกฺขณํ น โหติ, ภควตา มนสา ปมํ เทสิตตฺตา อิทเมว ปมพุทฺธวจน’’นฺติ วทนฺติ ¶ . ตสฺมา อุภยมฺปิ อุภยถา ยุชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. นนุ จ ยทิ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ คาถา มนสาว เทสิตา, อถ กสฺมา ธมฺมปทฏฺกถายํ ‘‘อเนกชาติสํสาร’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ สตฺถา โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน อุทานวเสน อุทาเนตฺวา อปรภาเค อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ กเถสี’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๑๕๒ อุทานวตฺถุ) วุตฺตนฺติ? อตฺถวเสน ตถาเยว คเหตพฺพตฺตา. ตตฺถาปิ หิ มนสา อุทาเนตฺวาติ อตฺโถเยว คเหตพฺโพ. เทสนา วิย หิ อุทานมฺปิ มนสา อุทานํ, วจสา อุทานนฺติ ทฺวิธา วิฺายติ. ยทิ จายํ วจสา อุทานํ สิยา, อุทานปาฬิยมารุฬฺหา ภเวยฺย ¶ , ตสฺมา อุทานปาฬิยมนารุฬฺหภาโวเยว วจสา อนุทาเนตฺวา มนสา อุทานภาเว การณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปาฏิปททิวเส’’ติ อิทํ ‘‘สพฺพฺุภาวปฺปตฺตสฺสา’’ติ เอเตน น สมฺพชฺฌิตพฺพํ, ‘‘ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา’’ติ เอเตน ปน สมฺพชฺฌิตพฺพํ. วิสาขปุณฺณมายเมว หิ ภควา ปจฺจูสสมเย สพฺพฺุตํ ปตฺโต. โลกิยสมเย ปน เอวมฺปิ สมฺพชฺฌนํ ภวติ, ตถาปิ เนส สาสนสมโยติ น คเหตพฺพํ. โสมนสฺสเมว โสมนสฺสมยํ ยถา ‘‘ทานมยํ, สีลมย’’นฺติ, (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๔) ตํสมฺปยุตฺตาเณนาติ อตฺโถ. โสมนสฺเสน วา สหชาตาทิสตฺติยา ปกตํ, ตาทิเสน าเณนาติปิ วฏฺฏติ.
หนฺทาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. อิงฺฆ สมฺปาเทถาติ หิ โจเทติ. อามนฺตยามีติ ปฏิเวทยามิ, โพเธมีติ อตฺโถ. โวติ ปน ‘‘อามนฺตยามี’’ติ เอตสฺส กมฺมปทํ. ‘‘อามนฺตนตฺเถ ทุติยาเยว, น จตุตฺถี’’ติ หิ วตฺวา ตเมวุทาหรนฺติ อกฺขรจินฺตกา. วยธมฺมาติ อนิจฺจลกฺขณมุเขน สงฺขารานํ ทุกฺขานตฺตลกฺขณมฺปิ วิภาเวติ ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕, ๔๕, ๗๖, ๗๗; ๒.๓.๑, ๔; ปฏิ. ม. ๒.๑๐) วจนโต. ลกฺขณตฺตยวิภาวนนเยเนว จ ตทารมฺมณํ วิปสฺสนํ ทสฺเสนฺโต สพฺพติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ พุทฺธาเวณิกํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานาธิฏฺานํ อวิปรีตํ นิพฺพานคามินิปฏิปทํ ปกาเสตีติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ ตตฺถ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยเชติ ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ, ตาย จตุสจฺจกมฺมฏฺานาธิฏฺานาย อวิปรีตนิพฺพานคามินิปฏิปทาย อปฺปมาเทน สมฺปาเทถาติ อตฺโถ. อปิจ ‘‘วยธมฺมา สงฺขารา’’ติ เอเตน สงฺเขเปน สํเวเชตฺวา ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ สงฺเขเปเนว นิรวเสสํ สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ ¶ . อปฺปมาทปทฺหิ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ เกวลปริปุณฺณํ สาสนํ ปริยาทิยิตฺวา ติฏฺติ, สิกฺขตฺตยสงฺคหิตาย เกวลปริปุณฺณาย สาสนสงฺขาตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถาติ อตฺโถ. อุภินฺนมนฺตเรติ ทฺวินฺนํ วจนานมนฺตราเฬ เวมชฺเฌ. เอตฺถ หิ กาลวตา กาโลปิ นิทสฺสิโต ตทวินาภาวิตฺตาติ เวทิตพฺโพ.
สุตฺตนฺตปิฏกนฺติ เอตฺถ สุตฺตเมว สุตฺตนฺตํ ยถา ‘‘กมฺมนฺตํ, วนนฺต’’นฺติ. สงฺคีตฺจ อสงฺคีตฺจาติ สพฺพสรูปมาห. ‘‘อสงฺคีตนฺติ จ สงฺคีติกฺขนฺธกกถาวตฺถุปฺปกรณาทิ. เกจิ ปน ‘สุภสุตฺตํ (ที. นิ. ๑.๔๔๔) ปมสงฺคีติยมสงฺคีต’นฺติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ. ปมสงฺคีติโต ปุเรตรเมว หิ อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน เชตวเน วิหรนฺเตน สุภสฺส มาณวสฺส ภาสิต’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. สุภสุตฺตํ ปน ‘‘เอวํ เม สุตฺตํ เอกํ สมยํ อายสฺมา อานนฺโท สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส ¶ อาราเม อจิรปรินิพฺพุเต ภควตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔๔๔) อาคตํ. ตตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิวจนํ ปมสงฺคีติยํ อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรเนว วตฺตุํ ยุตฺตรูปํ น โหติ. น หิ อานนฺทตฺเถโร สยเมว สุภสุตฺตํ เทเสตฺวา ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทีนิ วทติ. เอวํ ปน วตฺตพฺพํ สิยา ‘‘เอกมิทาหํ ภนฺเต สมยํ สาวตฺถิยํ วิหรามิ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติอาทิ. ตสฺมา ทุติยตติยสงฺคีติการเกหิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา สุภสุตฺตํ สงฺคีติมาโรปิตํ วิย ทิสฺสติ. อถาจริยธมฺมปาลตฺเถรสฺส เอวมธิปฺปาโย สิยา ‘‘อานนฺทตฺเถเรเนว วุตฺตมฺปิ สุภสุตฺตํ ปมสงฺคีติมาโรเปตฺวา ตนฺตึ เปตุกาเมหิ มหากสฺสปตฺเถราทีหิ อฺเสุ สุตฺเตสุ อาคตนเยเนว ‘เอวํ เม สุต’นฺติอาทินา ตนฺติ ปิตา’’ติ. เอวํ สติ ยุชฺเชยฺย. อถ วา อายสฺมา อานนฺโท สุภสุตฺตํ สยํ เทเสนฺโตปิ สามฺผลาทีสุ ภควตา เทสิตนเยเนว เทเสสีติ ภควโต สมฺมุขา ลทฺธนเย ตฺวา เทสิตตฺตา ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ อตฺตนิ อทหนฺโต ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิมาหาติ เอวมธิปฺปาเยปิ สติ ยุชฺชเตว. ‘‘อนุสงฺคีตฺจา’’ติปิ ปาโ. ทุติยตติยสงฺคีตีสุ ปุน สงฺคีตฺจาติ อตฺถวเสน นินฺนานากรณเมว. สโมธาเนตฺวา วินยปิฏกํ นาม เวทิตพฺพํ, สุตฺต…เป… อภิธมฺมปิฏกํ นาม เวทิตพฺพนฺติ โยชนา.
ภิกฺขุภิกฺขุนีปาติโมกฺขวเสน ¶ อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ. ภิกฺขุภิกฺขุนีวิภงฺควเสน ทฺเว วิภงฺคา. มหาวคฺคจูฬวคฺเคสุ อาคตา ทฺวาวีสติ ขนฺธกา. ปจฺเจกํ โสฬสหิ วาเรหิ อุปลกฺขิตตฺตา โสฬส ปริวาราติ วุตฺตํ. ปริวารปาฬิยฺหิ มหาวิภงฺเค โสฬส วารา, ภิกฺขุนีวิภงฺเค โสฬส วารา จาติ พาตฺตึส วารา อาคตา. โปตฺถเกสุ ปน กตฺถจิ ‘‘ปริวารา’’ติ เอตฺตกเมว ทิสฺสติ, พหูสุ ปน โปตฺถเกสุ วินยฏฺกถายํ, อภิธมฺมฏฺกถายฺจ ‘‘โสฬส ปริวารา’’ติ เอวเมว ทิสฺสมานตฺตา อยมฺปิ ปาโ น สกฺกา ปฏิพาหิตุนฺติ ตสฺเสวตฺโถ วุตฺโต. ‘‘อิตี’’ติ ยถาวุตฺตํ พุทฺธวจนํ นิทสฺเสตฺวา ‘‘อิท’’นฺติ ตํ ปรามสติ. อิติ-สทฺโท วา อิทมตฺเถ, อิทนฺติ วจนสิลิฏฺตามตฺตํ, อิติ อิทนฺติ วา ปริยายทฺวยํ อิทมตฺเถเยว วตฺตติ ‘‘อิทาเนตรหิ วิชฺชตี’’ติอาทีสุ วิย. เอส นโย อีทิเสสุ. พฺรหฺมชาลาทีนิ จตุตฺตึส สุตฺตานิ สงฺคยฺหนฺติ เอตฺถ, เอเตน วา, เตสํ วา สงฺคโห คณนา เอตสฺสาติ พฺรหฺมชาลาทิจตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห. เอวมิตเรสุปิ. เหฏฺา วุตฺเตสุ ทีฆภาณกมชฺฌิมภาณกานํ วาเทสุ มชฺฌิมภาณกานฺเว วาทสฺส ยุตฺตตรตฺตา ขุทฺทกปาาทโยปิ สุตฺตนฺตปิฏเกเยว สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ขุทฺทก…เป… สุตฺตนฺตปิฏกํ นามา’’ติ อาห. ตตฺถ ‘‘สุณาถ ภาวิตตฺตานํ, คาถา อตฺถูปนายิกาติ (เถรคา. นิทานคาถา) วุตฺตตฺตา ‘‘เถรคาถา เถรีคาถา’’ติ จ ปาโ ยุตฺโต.
เอวํ ¶ สรูปโต ปิฏกตฺตยํ นิยเมตฺวา อิทานิ นิพฺพจนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาติ เตสุ ติพฺพิเธสุ ปิฏเกสุ. วิวิธวิเสสนยตฺตาติ วิวิธนยตฺตา, วิเสสนยตฺตา จ. วินยนโตติ วินยนภาวโต, ภาวปฺปธานนิทฺเทโสยํ, ภาวโลโป วา, อิตรถา ทพฺพเมว ปธานํ สิยา, ตถา จ สติ วินยนตาคุณสมงฺคินา วินยทพฺเพเนว เหตุภูเตน วินโยติ อกฺขาโต, น ปน วินยนตาคุเณนาติ อนธิปฺเปตตฺถปฺปสงฺโค ภเวยฺย. อยํ นโย เอทิเสสุ. วินียเต วา วินยนํ, ตโตติ อตฺโถ. อยํ วินโยติ อตฺถปฺตฺติภูโต สฺีสงฺขาโต อยํ ตนฺติ วินโย. วินโยติ อกฺขาโตติ สทฺทปฺตฺติภูโต สฺาสงฺขาโต วินโย นามาติ กถิโต. อตฺถปฺตฺติยา หิ นามปฺตฺติวิภาวนํ นิพฺพจนนฺติ.
อิทานิ ¶ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘วิวิธา หี’’ติอาทิ. ‘‘วิวิธา เอตฺถ นยา, ตสฺมา วิวิธนยตฺตา วินโยติ อกฺขาโต’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. วิวิธตฺตํ สรูปโต ทสฺเสติ ‘‘ปฺจวิธา’’ติอาทินา, ตถา วิเสสตฺตมฺปิ ‘‘ทฬฺหีกมฺมา’’ติอาทินา. โลกวชฺเชสุ สิกฺขาปเทสุ ทฬฺหีกมฺมปโยชนา, ปณฺณตฺติวชฺเชสุ สิถิลกรณปโยชนา. สฺมเวลํ อภิภวิตฺวา ปวตฺโต อาจาโร อชฺฌาจาโร, วีติกฺกโม, กาเย, วาจาย จ ปวตฺโต โส, ตสฺส นิเสธนํ ตถา, เตน ตถานิเสธนเมว ปริยาเยน กายวาจาวินยนํ นามาติ ทสฺเสติ. ‘‘ตสฺมา’’ติ วตฺวา ตสฺสาเนกธา ปรามสนมาห ‘‘วิวิธนยตฺตา’’ติอาทิ. ยถาวุตฺตา จ คาถา อีทิสสฺส นิพฺพจนสฺส ปกาสนตฺถํ วุตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาติ วิวิธนยตฺตาทิเหตุนา กรณภูเตนาติ วทนฺติ. อปิจ ‘‘วิวิธา หี’’ติอาทิวากฺยสฺส ยถาวุตฺตสฺส คุณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตนา’’ติอาทิมาหาติปิ สมฺพนฺธํ วทนฺติ. เอวํ สติ เตนาติ วิวิธนยตฺตาทินา เหตุภูเตนาติ อตฺโถ. อถ วา ยถาวุตฺตวจนเมว สนฺธาย โปราเณหิ อยํ คาถา วุตฺตาติ สํสนฺเทตุํ ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติปิ วทนฺติ, ทุติยนเย วิย ‘‘เตนา’’ติ ปทสฺส อตฺโถ. เอตนฺติ คาถาวจนํ. เอตสฺสาติ วินยสทฺทสฺส, ‘‘วจนตฺถา’’ติ ปเทน สมฺพนฺโธ. ‘‘วจนสฺส อตฺโถ’’ติ หิ สมฺพนฺเธ วุตฺเตปิ ตสฺส วจนสามฺโต วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตสฺสา’’ติ ปุน วุตฺตํ. เนรุตฺติกา ปน สมาสตทฺธิเตสุ สิทฺเธสุ สามฺตฺตา, นามสทฺทตฺตา จ เอทิเสสุ สทฺทนฺตเรน วิเสสิตภาวํ อิจฺฉนฺติ.
‘‘อตฺถาน’’นฺติ ปทํ ‘‘สูจนโต…เป… สุตฺตาณา’’ติ ปเทหิ ยถารหํ กมฺมสมฺพนฺธวเสน โยเชตพฺพํ. ตมตฺถํ วิวรติ ‘‘ตฺหี’’ติอาทินา. อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเท อตฺเถติ โย ตํ สุตฺตํ สชฺฌายติ, สุณาติ, วาเจติ, จินฺเตติ, เทเสติ จ, สุตฺเตน สงฺคหิโต สีลาทิอตฺโถ ตสฺสปิ โหติ, เตน ปรสฺส สาเธตพฺพโต ปรสฺสปีติ ตทุภยํ ตํ สุตฺตํ สูเจติ ทีเปติ, ตถา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺเถ ¶ โลกิยโลกุตฺตรตฺเถ จาติ เอวมาทิเภเท อตฺเถ อาทิ-สทฺเทน สงฺคณฺหาติ. อตฺถสทฺโท จายํ หิตปริยาโย, น ภาสิตตฺถวจโน. ยทิ สิยา, สุตฺตํ อตฺตโนปิ ภาสิตตฺถํ สูเจติ, ปรสฺสปีติ อยมนธิปฺเปตตฺโถ วุตฺโต สิยา. สุตฺเตน หิ โย อตฺโถ ปกาสิโต, โส ตสฺเสว ปกาสกสฺส ¶ สุตฺตสฺส โหติ, ตสฺมา น เตน ปรตฺโถ สูจิโต, เตน สูเจตพฺพสฺส ปรตฺถสฺส นิวตฺเตตพฺพสฺส อภาวา อตฺตตฺถคฺคหณฺจ น กตฺตพฺพํ. อตฺตตฺถปรตฺถวินิมุตฺตสฺส ภาสิตตฺถสฺส อภาวา อาทิคฺคหณฺจ น กตฺตพฺพํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตสฺส หิตปริยายสฺส อตฺถสฺส สุตฺเต อสมฺภวโต สุตฺตาธารสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน อตฺตตฺถปรตฺถา วุตฺตา.
อถ วา สุตฺตํ อนเปกฺขิตฺวา เย อตฺตตฺถาทโย อตฺถปฺปเภทา ‘‘น ห’ฺทตฺถ’ตฺถิ ปสํสลาภา’’ติ เอตสฺส ปทสฺส นิทฺเทเส (มหานิ. ๖๓) วุตฺตา ‘‘อตฺตตฺโถ, ปรตฺโถ, อุภยตฺโถ, ทิฏฺธมฺมิโก อตฺโถ, สมฺปรายิโก อตฺโถ, อุตฺตาโน อตฺโถ, คมฺภีโร อตฺโถ, คูฬฺโห อตฺโถ, ปฏิจฺฉนฺโน อตฺโถ, เนยฺโย อตฺโถ, นีโต อตฺโถ, อนวชฺโช อตฺโถ, นิกฺกิเลโส อตฺโถ, โวทาโน อตฺโถ, ปรมตฺโถ’’ติ, (มหานิ. ๖๓) เต อตฺถปฺปเภเท สูเจตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. กิฺจาปิ หิ สุตฺตนิรเปกฺขํ อตฺตตฺถาทโย วุตฺตา สุตฺตตฺถภาเวน อนิทฺทิฏฺตฺตา, เตสุ ปน เอโกปิ อตฺถปฺปเภโท สุตฺเตน ทีเปตพฺพตํ นาติวตฺตตีติ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป อตฺถสทฺโท ภาสิตตฺถปริยาโยปิ โหติ. เอตฺถ หิ ปุริมกา ปฺจ อตฺถปฺปเภทา หิตปริยายา, ตโต ปเร ฉ ภาสิตตฺถปฺปเภทา, ปจฺฉิมกา จตฺตาโร อุภยสภาวา. ตตฺถ สุวิฺเยฺยตาย วิภาเวน อนคาธภาโว อุตฺตาโน. ทุรธิคมตาย วิภาเวน อคาธภาโว คมฺภีโร. อวิวโฏ คูฬฺโห. มูลุทกาทโย วิย ปํสุนา อกฺขรสนฺนิเวสาทินา ติโรหิโต ปฏิจฺฉนฺโน. นิทฺธาเรตฺวา าเปตพฺโพ เนยฺโย. ยถารุตวเสน เวทิตพฺโพ นีโต. อนวชฺชนิกฺกิเลสโวทานา ปริยายวเสน วุตฺตา, กุสลวิปากกิริยาธมฺมวเสน วา ยถากฺกมํ โยเชตพฺพา. ปรมตฺโถ นิพฺพานํ, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาโว เอว วา.
อถ วา ‘‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหตี’’ติ อตฺตตฺถํ, ‘‘อปฺปิจฺฉกถฺจ ปเรสํ กตฺตา โหตี’’ติ ปรตฺถํ สูเจติ. เอวํ ‘‘อตฺตนา จ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ, ปรฺจ ปาณาติปาตา เวรมณิยา สมาทเปตี’’ติอาทิสุตฺตานิ (อ. นิ. ๔.๙๙, ๒๖๕) โยเชตพฺพานิ. อปเร ปน ‘‘ยถาสภาวํ ภาสิตํ อตฺตตฺถํ, ปูรณกสฺสปาทีนมฺติตฺถิยานํ สมยภูตํ ปรตฺถํ สูเจติ, สุตฺเตน วา สงฺคหิตํ อตฺตตฺถํ, สุตฺตานุโลมภูตํ ปรตฺถํ, สุตฺตนฺตนยภูตํ วา อตฺตตฺถํ, วินยาภิธมฺมนยภูตํ ปรตฺถํ ¶ สูเจตี’’ติปิ วทนฺติ. วินยาภิธมฺเมหิ จ วิเสเสตฺวา สุตฺตสทฺทสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ, ตสฺมา เวเนยฺยชฺฌาสยวสปฺปวตฺตาย เทสนาย สาติสยํ อตฺตหิตปรหิตาทีนิ ¶ ปกาสิตานิ โหนฺติ ตปฺปธานภาวโต, น ปน อาณาธมฺมสภาว-วสปฺปวตฺตายาติ อิทเมว ‘‘อตฺถานํ สูจนโต สุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สูจ-สทฺทสฺส เจตฺถ รสฺโส. ‘‘เอวฺจ กตฺวา ‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺน’นฺติ (ปาจิ. ๖๕๕, ๑๒๔๒) จ สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานี’ติ (อฏฺสา. นิทานกถา, กถา. อฏฺ. นิทานกถา) จ เอวมาทีสุ สุตฺตสทฺโท อุปจริโตติ คเหตพฺโพ’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ. อฺเ ปน ยถาวุตฺตสทิเสเนว นิพฺพจเนน สุตฺตสทฺทสฺส วินยาภิธมฺมานมฺปิ วาจกตฺตํ วทนฺติ.
สุตฺเต จ อาณาธมฺมสภาโว เวเนยฺยชฺฌาสยมนุวตฺตติ, น วินยาภิธมฺเมสุ วิย เวเนยฺยชฺฌาสโย อาณาธมฺมสภาเว, ตสฺมา เวเนยฺยานํ เอกนฺตหิตปฏิลาภสํวตฺตนิกา สุตฺตนฺตเทสนาติ อาห ‘‘สุวุตฺตา เจตฺถ อตฺถา’’ติอาทิ. ‘‘เอกนฺตหิตปฏิลาภสํวตฺตนิกา สุตฺตนฺตเทสนา’’ติ อิทมฺปิ เวเนยฺยานํ หิตสมฺปาทเน สุตฺตนฺตเทสนาย ตปฺปรภาวเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตปฺปรภาโว จ เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลมโต ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลเมน วุตฺตตฺตา’’ติ. เอเตน จ เหตุนา นนุ วินยาภิธมฺมาปิ สุวุตฺตา, อถ กสฺมา อิทเมว เอวํ วุตฺตนฺติ อนุโยคํ ปริหรติ.
อนุปุพฺพสิกฺขาทิวเสน กาลนฺตเรน อตฺถาภินิปฺผตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘สสฺสมิว ผล’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา สสฺสํ นาม วปนโรปนาทิกฺขเณเยว ผลํ น ปสวติ, อนุปุพฺพชคฺคนาทิวเสน กาลนฺตเรเนว ปสวติ, ตถา อิทมฺปิ สวนธารณาทิกฺขเณเยว อตฺเถ น ปสวติ, อนุปุพฺพสิกฺขาทิวเสน กาลนฺตเรเนว ปสวตีติ. ปสวตีติ จ ผลติ, อภินิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. อภินิปฺผาทนเมว หิ ผลนํ. อุปายสมงฺคีนฺเว อตฺถาภินิปฺผตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เธนุ วิย ขีร’’นฺติ อาห. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา เธนุ นาม กาเล ชาตวจฺฉา ถนํ คเหตฺวา ทุหตํ อุปายวนฺตานเมว ขีรํ ปคฺฆราเปติ, น อกาเล อชาตวจฺฉา. กาเลปิ วา วิสาณาทิกํ คเหตฺวา ทุหตํ อนุปายวนฺตานํ, ตถา อิทมฺปิ นิสฺสรณาทินา สวนธารณาทีนิ กุรุตํ อุปายวนฺตานเมว ¶ สีลาทิอตฺเถ ปคฺฆราเปติ, น อลคทฺทูปมาย สวนธารณาทีนิ กุรุตํ อนุปายวนฺตานนฺติ. ยทิปิ ‘‘สูทตี’’ติ เอตสฺส ฆรติ สิฺจตีติ อตฺโถ, ตถาปิ สกมฺมิกธาตุตฺตา ปคฺฆราเปตีติ การิตวเสน อตฺโถ วุตฺโต ยถา ‘‘ตรตี’’ติ เอตสฺส นิปาเตตีติ อตฺโถ’’ติ. ‘‘สุตฺตาณา’’ติ เอตสฺส อตฺถมาห ‘‘สุฏฺุ จ เน ตายตี’’ติ. เนติ อตฺเถ.
สุตฺตสภาคนฺติ ¶ สุตฺตสทิสํ. ตพฺภาวํ ทสฺเสติ ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา. ตจฺฉกานํ สุตฺตนฺติ วฑฺฒกีนํ กาฬสุตฺตํ. ปมาณํ โหติ ตทนุสาเรน ตจฺฉนโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา กาฬสุตฺตํ ปสาเรตฺวา สฺาเณ กเต คเหตพฺพํ, วิสฺสชฺเชตพฺพฺจ ปฺายติ, ตสฺมา ตํ ตจฺฉกานํ ปมาณํ โหติ, เอวํ วิวาเทสุ อุปฺปนฺเนสุ สุตฺเต อานีตมตฺเต ‘‘อิทํ คเหตพฺพํ, อิทํ วิสฺสชฺเชตพฺพ’’นฺติ ปากฏตฺตา วิวาโท วูปสมฺมติ, ตสฺมา เอตํ วิฺูนํ ปมาณนฺติ. อิทานิ อฺถาปิ สุตฺตสภาคตํ วิภาเวนฺโต ‘‘ยถา จา’’ติอาทิมาห. สุตฺเตนาติ ปุปฺผาวุเตน เยน เกนจิ ถิรสุตฺเตน. สงฺคหิตานีติ สุฏฺุ, สมํ วา คหิตานิ, อาวุตานีติ อตฺโถ. น วิกิริยนฺตีติ อิโต จิโต จ วิปฺปกิณฺณาภาวมาห, น วิทฺธํสียนฺตีติ เฉชฺชเภชฺชาภาวํ. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – ยถา ถิรสุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ วาเตน น วิกิริยนฺติ น วิทฺธํสียนฺติ, เอวํ สุตฺเตน สงฺคหิตา อตฺถา มิจฺฉาวาเทน น วิกิริยนฺติ น วิทฺธํสียนฺตีติ. เวเนยฺยชฺฌาสยวสปฺปวตฺตาย จ เทสนาย อตฺตตฺถปรตฺถาทีนํ สาติสยปฺปกาสนโต อาณาธมฺมสภาเวหิ วินยาภิธมฺเมหิ วิเสเสตฺวา อิมสฺเสว สุตฺตสภาคตา วุตฺตา. ‘‘เตนา’’ติอาทีสุ วุตฺตนยานุสาเรน สมฺพนฺโธ เจว อตฺโถ จ ยถารหํ วตฺตพฺโพ. เอตฺถ จ ‘‘สุตฺตนฺตปิฏก’’นฺติ เหฏฺา วุตฺเตปิ อนฺตสทฺทสฺส อวจนํ ตสฺส วิสุํ อตฺถาภาวทสฺสนตฺถํ ตพฺภาววุตฺติโต. สหโยคสฺส หิ สทฺทสฺส อวจเนน เสสตา ตสฺส ตุลฺยาธิกรณตํ, อนตฺถกตํ วา าเปติ.
ยนฺติ เอส นิปาโต การเณ, เยนาติ อตฺโถ. เอตฺถ อภิธมฺเม วุฑฺฒิมนฺโต ธมฺมา เยน วุตฺตา, เตน อภิธมฺโม นาม อกฺขาโตติ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. อภิ-สทฺทสฺส อตฺถวเสนายํ ปเภโทติ ตสฺส ตทตฺถปฺปวตฺตตาทสฺสเนน ตมตฺถํ สาเธนฺโต ‘‘อยฺหี’’ติอาทิมาห. อภิ-สทฺโท ¶ กมนกิริยาย วุฑฺฒิภาวสงฺขาตมติเรกตฺถํ ทีเปตีติ วุตฺตํ ‘‘อภิกฺกมนฺตีติอาทีสุ วุฑฺฒิยํ อาคโต’’ติ. อภิฺาตาติ อฑฺฒจนฺทาทินา เกนจิ สฺาเณน าตา, ปฺาตา ปากฏาติ วุตฺตํ โหติ. อฑฺฒจนฺทาทิภาโว หิ รตฺติยา อุปลกฺขณวเสน ปฺาณํ โหติ ‘‘ยสฺมา อฑฺโฒ, ตสฺมา อฏฺมี. ยสฺมา อูโน, ตสฺมา จาตุทฺทสี. ยสฺมา ปุณฺโณ, ตสฺมา ปนฺนรสี’’ติ. อภิลกฺขิตาติ เอตฺถาปิ อยเมวตฺโถ เวทิตพฺโพ, อิทํ ปน มูลปณฺณาสเก ภยเภรวสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๓๔) อภิลกฺขิตสทฺทปริยาโย อภิฺาตสทฺโทติ อาห ‘‘อภิฺาตา อภิลกฺขิตาติอาทีสุ ลกฺขเณ’’ติ. ยชฺเชวํ ลกฺขิตสทฺทสฺเสว ลกฺขณตฺถทีปนโต อภิ-สทฺโท อนตฺถโกว สิยาติ? เนวํ ทฏฺพฺพํ ตสฺสาปิ ตทตฺถโชตนโต. วาจกสทฺทสนฺนิธาเน หิ อุปสคฺคนิปาตา ตทตฺถโชตกมตฺตาติ ลกฺขิตสทฺเทน วาจกภาเวน ปกาสิตสฺส ลกฺขณตฺถสฺเสว โชตกภาเวน ปกาสนโต อภิ-สทฺโทปิ ลกฺขเณ ปวตฺตตีติ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ราชาภิราชาติ ปเรหิ ¶ ราชูหิ ปูชิตุมรโห ราชา. ปูชิเตติ ปูชารเห. อิทํ ปน สุตฺตนิปาเต เสลสุตฺเต (สุ. นิ. ๕๕๓ อาทโย).
อภิธมฺเมติ ‘‘สุปินนฺเตน สุกฺกวิสฏฺิยา อนาปตฺติภาเวปิ อกุสลเจตนา อุปลพฺภตี’’ติอาทินา (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วินยปฺตฺติยา สงฺกรวิรหิเต ธมฺเม. ปุพฺพาปรวิโรธาภาเวน ยถาวุตฺตธมฺมานเมว อฺมฺสงฺกรวิรหโต อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเมติปิ วทนฺติ. ‘‘ปาณาติปาโต อกุสล’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๙๒) เอวมาทีสุ วา มรณาธิปฺปายสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา อกุสโล, น ปาณสงฺขาตชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทสงฺขาโต อติปาโต. ตถา ‘‘อทินฺนสฺส ปรสนฺตกสฺส อาทานสงฺขาตา วิฺตฺติ อพฺยากโต ธมฺโม, ตํวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อกุสโล ธมฺโม’’ติ เอวมาทินาปิ อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเมติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อภิวินเยติ เอตฺถ ปน ‘‘ชาตรูปรชตํ น ปฏิคฺคเหตพฺพ’’นฺติ วทนฺโต วินเย วิเนติ นาม. เอตฺถ จ ‘‘เอวํ ปฏิคฺคณฺหโต ปาจิตฺติยํ, เอวํ ปน ทุกฺกฏ’’นฺติ วทนฺโต อภิวินเย วิเนติ นามาติ วทนฺติ. ตสฺมา ชาตรูปรชตํ ปรสนฺตกํ เถยฺยจิตฺเตน คณฺหนฺตสฺส ยถาวตฺถุํ ¶ ปาราชิกถุลฺลจฺจยทุกฺกเฏสุ อฺตรํ, ภณฺฑาคาริกสีเสน คณฺหนฺตสฺส ปาจิตฺติยํ, อตฺตโน อตฺถาย คณฺหนฺตสฺส นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, เกวลํ โลลตาย คณฺหนฺตสฺส อนามาสทุกฺกฏํ, รูปิยฉฑฺฑกสมฺมตสฺส อนาปตฺตีติ เอวํ อฺมฺสงฺกรวิรหิเต วินเยปิ ปฏิพโล วิเนตุนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวํ ปน ปริจฺฉินฺนตํ สรูปโต สงฺเขเปเนว ทสฺเสนฺโต ‘‘อฺมฺ…เป… โหตี’’ติ อาห.
อภิกฺกนฺเตนาติ เอตฺถ กนฺติยา อธิกตฺตํ อภิ-สทฺโท ทีเปตีติ วุตฺตํ ‘‘อธิเก’’ติ. นนุ จ ‘‘อภิกฺกมนฺตี’’ติ เอตฺถ อภิ-สทฺโท กมนกิริยาย วุฑฺฒิภาวํ อติเรกตฺตํ ทีเปติ, ‘‘อภิฺาตา อภิลกฺขิตา’’ติ เอตฺถ าณลกฺขณกิริยานํ สุปากฏตํ วิเสสํ, ‘‘อภิกฺกนฺเตนา’’ติ เอตฺถ กนฺติยา อธิกตฺตํ วิสิฏฺภาวํ ทีเปตีติ อิทํ ตาว ยุตฺตํ กิริยาวิเสสกตฺตา อุปสคฺคสฺส. ‘‘ปาทโย กิริยาโยเค อุปสคฺคา’’ติ หิ สทฺทสตฺเถ วุตฺตํ. ‘‘อภิราชา, อภิวินเย’’ติ ปน ปูชิตปริจฺฉินฺเนสุ ราชวินเยสุ อภิ-สทฺโท วตฺตตีติ กถเมตํ ยุชฺเชยฺย. น หิ อสตฺววาจี สทฺโท สตฺววาจโก สมฺภวตีติ? นตฺถิ อตฺร โทโส ปูชนปริจฺเฉทนกิริยานมฺปิ ทีปนโต, ตาหิ จ กิริยาหิ ยุตฺเตสุ ราชวินเยสุปิ ปวตฺตตฺตา. อภิปูชิโต ราชาติ หิ อตฺเถน กิริยาการกสมฺพนฺธํ นิมิตฺตํ กตฺวา กมฺมสาธนภูตํ ราชทพฺพํ อภิ-สทฺโท ปธานโต วทติ, ปูชนกิริยํ ปน อปฺปธานโต. ตถา อภิปริจฺฉินฺโน วินโยติ ¶ อตฺเถน กิริยาการกสมฺพนฺธํ นิมิตฺตํ กตฺวา กมฺมสาธนภูตํ วินยทพฺพํ อภิ-สทฺโท ปธานโต วทติ, ปริจฺฉินฺทนกิริยํ ปน อปฺปธานโต. ตสฺมา อติมาลาทีสุ อติ-สทฺโท วิย อภิ-สทฺโท เอตฺถ สห สาธเนน กิริยํ วทตีติ อภิราชอภิวินยสทฺทา โสปสคฺคาว สิทฺธา. เอวํ อภิธมฺมสทฺเทปิ อภิสทฺโท สห สาธเนน วุฑฺฒิยาทิกิริยํ วทตีติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
โหตุ อภิ-สทฺโท ยถาวุตฺเตสุ อตฺเถสุ, ตปฺปโยเคน ปน ธมฺมสทฺเทน ทีปิตา วุฑฺฒิมนฺตาทโย ธมฺมา เอตฺถ วุตฺตา น ภเวยฺยุํ, กถํ อยมตฺโถ ยุชฺเชยฺยาติ อนุโยเค สติ ตํ ปริหรนฺโต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอตฺถาติ เอตสฺมึ อภิธมฺเม. อุปนฺยาเส จ-สทฺโท. ภาเวตีติ จิตฺตสฺส วฑฺฒนํ วุตฺตํ, ผริตฺวาติ อารมฺมณสฺส วฑฺฒนํ, ตสฺมา ตาหิ ภาวนาผรณวุฑฺฒีหิ วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตาติ อตฺโถ ¶ . อารมฺมณาทีหีติ อารมฺมณสมฺปยุตฺตกมฺมทฺวารปฏิปทาทีหิ. เอกนฺตโต โลกุตฺตรธมฺมานฺเว ปูชารหตฺตา ‘‘เสกฺขา ธมฺมา’’ติอาทินา เตเยว ปูชิตาติ ทสฺสิตา. ‘‘ปูชารหา’’ติ เอเตน กตฺตาทิสาธนํ, อตีตาทิกาลํ, สกฺกุเณยฺยตฺถํ วา นิวตฺเตติ. ปูชิตพฺพาเยว หิ ธมฺมา กาลวิเสสนิยมรหิตา ปูชารหา เอตฺถ วุตฺตาติ อธิปฺปาโย ทสฺสิโต. สภาวปริจฺฉินฺนตฺตาติ ผุสนาทิสภาเวน ปริจฺฉินฺนตฺตา. กามาวจเรหิ มหนฺตภาวโต มหคฺคตา ธมฺมา อธิกา, ตโตปิ อุตฺตรวิรหโต อนุตฺตรา ธมฺมาติ ทสฺเสติ ‘‘มหคฺคตา’’ติอาทินา. เตนาติ ‘‘วุฑฺฒิมนฺโต’’ติอาทินา วจเนน กรณภูเตน, เหตุภูเตน วา.
ยํ ปเนตฺถาติ เอเตสุ วินยาทีสุ ตีสุ อฺมฺวิสิฏฺเสุ ยํ อวิสิฏฺํ สมานํ, ตํ ปิฏกนฺติ อตฺโถ. วินยาทโย หิ ตโย สทฺทา อฺมฺาสาธารณตฺตา วิสิฏฺา นาม, ปิฏกสทฺโท ปน เตหิ ตีหิปิ สาธารณตฺตา ‘‘อวิสิฏฺโ’’ติ วุจฺจติ. ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโตติ ปริยาปุณิตพฺพตฺถปติฏฺานตฺเถหิ กรณภูเตหิ, วิเสสนภูเตหิ วา. อปิจ ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต ปริยตฺติภาชนตฺถนฺติ อาหูติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปจฺจตฺตตฺเถ หิ โต-สทฺโท อิติ-สทฺเทน นิทฺทิสิตพฺพตฺตา. อิตินา นิทฺทิสิตพฺเพหิโต – สทฺทมิจฺฉนฺติ เนรุตฺติกา ยถา ‘‘อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตี’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๐๖, ๔๐๘, ๔๑๑) เอเตน ปริยาปุณิตพฺพโต, ตํตทตฺถานํ ภาชนโต จ ปิฏกํ นามาติ ทสฺเสติ. อนิปฺผนฺนปาฏิปทิกปทฺเหตํ. สทฺทวิทู ปน ‘‘ปิฏ สทฺทสงฺฆาเฏสู’’ติ วตฺวา อิธ วุตฺตเมว ปโยคมุทาหรนฺติ, ตสฺมา เตสํ มเตน ปิฏียติ สทฺทียติ ปริยาปุณียตีติ ปิฏกํ, ปิฏียติ วา สงฺฆาฏียติ ตํตทตฺโถ เอตฺถาติ ปิฏกนฺติ นิพฺพจนํ กาตพฺพํ. ‘‘เตนา’’ติอาทินา สมาสํ ทสฺเสติ.
มา ¶ ปิฏกสมฺปทาเนนาติ กาลามสุตฺเต, (อ. นิ. ๓.๖๖) สาฬฺหสุตฺเต (อ. นิ. ๓.๖๗) จ อาคตํ ปาฬิมาห. ตทฏฺกถายฺจ ‘‘อมฺหากํ ปิฏกตนฺติยา สทฺธึ สเมตีติ มา คณฺหิตฺถา’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๖๖) อตฺโถ วุตฺโต. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน ปน ‘‘ปาฬิสมฺปทานวเสน มา คณฺหถา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ. กุทาลปิฏกมาทายาติ กุทาลฺจ ¶ ปิฏกฺจ อาทาย. กุ วุจฺจติ ปถวี, ตสฺสา ทาลนโต วิทาลนโต อโยมยอุปกรณวิเสโส กุทาลํ นาม. เตสํ เตสํ วตฺถูนํ ภาชนภาวโต ตาลปณฺณเวตฺตลตาทีหิ กโต ภาชนวิเสโส ปิฏกํ นาม. อิทํ ปน มูลปณฺณาสเก กกจูปมสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๒๗).
‘‘เตน…เป… เยฺยา’’ติ คาถาปทํ อุลฺลิงฺเคตฺวา ‘‘เตนา’’ติอาทินา วิวรติ. สพฺพาทีหิ สพฺพนาเมหิ วุตฺตสฺส วา ลิงฺคมาทิยเต, วุจฺจมานสฺส วา, อิธ ปน วตฺติจฺฉาย วุตฺตสฺเสวาติ กตฺวา ‘‘วินโย จ โส ปิฏกฺจา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ยถาวุตฺเตเนว นเยนา’’ติ อิมินา ‘‘เอวํ ทุวิธตฺเถน…เป… กตฺวา’’ติ จ ‘‘ปริยตฺติภาวโต, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ภาชนโต จา’’ติ จ วุตฺตํ สพฺพมติทิสติ. ตโยปีติ เอตฺถ อปิสทฺโท, ปิ-สทฺโท วา อวยวสมฺปิณฺฑนตฺโถ. ‘‘อปี’’ติ อวตฺวา ‘‘ปี’’ติ วทนฺโต หิ อปิ-สทฺโท วิย ปิ-สทฺโทปิ วิสุํ นิปาโต อตฺถีติ ทสฺเสติ.
กเถตพฺพานํ อตฺถานํ เทสกายตฺเตน อาณาทิวิธินา อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนา. สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน ยถาปราธาทิสาสิตพฺพภาเวน อนุสาสนํ วินยนํ สาสนํ. กเถตพฺพสฺส สํวราสํวราทิโน อตฺถสฺส กถนํ วจนปฏิพทฺธตากรณํ กถา, อิทํ วุตฺตํ โหติ – เทสิตารํ ภควนฺตมเปกฺขิตฺวา เทสนา, สาสิตพฺพปุคฺคลวเสน สาสนํ, กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส วเสน กถาติ เอวมิเมสํ นานากรณํ เวทิตพฺพนฺติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ เทสนาทโย เทเสตพฺพาทินิรเปกฺขา น โหนฺติ, อาณาทโย ปน วิเสสโต เทสกาทิอธีนาติ ตํ ตํ วิเสสโยควเสน เทสนาทีนํ เภโท วุตฺโต. ยถา หิ อาณาวิธานํ วิเสสโต อาณารหาธีนํ ตตฺถ โกสลฺลโยคโต, เอวํ โวหารปรมตฺถวิธานานิ จ วิธายกาธีนานีติ อาณาทิวิธิโน เทสกายตฺตตา วุตฺตา. อปราธชฺฌาสยานุรูปํ วิย จ ธมฺมานุรูปมฺปิ สาสนํ วิเสสโต, ตถา วิเนตพฺพปุคฺคลาเปกฺขนฺติ สาสิตพฺพปุคฺคลวเสน สาสนํ วุตฺตํ. สํวราสํวรนามรูปานํ วิย จ วินิพฺเพเตพฺพาย ทิฏฺิยา กถนํ สติ วาจาวตฺถุสฺมึ, นาสตีติ วิเสสโต ตทธีนํ, ตสฺมา กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส วเสน กถา วุตฺตา. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘เทสกสฺส ¶ ¶ วเสเนตฺถ, เทสนา ปิฏกตฺตยํ;
สาสิตพฺพวเสเนตํ, สาสนนฺติ ปวุจฺจติ.
กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส, วเสนาปิ กถาติ จ;
เทสนาสาสนกถา-เภทมฺเปวํ ปกาสเย’’ติ.
ปทตฺตยมฺเปตํ สโมธาเนตฺวา ตาสํ เภโทติ กตฺวา เภทสทฺโท วิสุํ วิสุํ โยเชตพฺโพ ทฺวนฺทปทโต ปรํ สุยฺยมานตฺตา ‘‘เทสนาเภทํ, สาสนเภทํ, กถาเภทฺจ ยถารหํ ปริทีปเย’’ติ. เภทนฺติ จ นานตฺตํ, วิเสสํ วา. เตสุ ปิฏเกสุ. สิกฺขา จ ปหานฺจ คมฺภีรภาโว จ, ตฺจ ยถารหํ ปริทีปเย.
ทุติยคาถาย ปริยตฺติเภทํ ปริยาปุณนสฺส ปการํ, วิเสสฺจ วิภาวเย. ยหึ วินยาทิเก ปิฏเก. ยํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจ ยถา ภิกฺขุ ปาปุณาติ, ตถา ตมฺปิ สพฺพํ ตหึ วิภาวเยติ สมฺพนฺโธ. อถ วา ยํ ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจ ยหึ ยถา ภิกฺขุ ปาปุณาติ, ตถา ตมฺปิ สพฺพํ ตหึ วิภาวเยติ โยเชตพฺพํ. ยถาติ จ เยหิ อุปารมฺภาทิเหตุปริยาปุณนาทิปฺปกาเรหิ, อุปารมฺภนิสฺสรณธมฺมโกสรกฺขณเหตุปริยาปุณนํ สุปฺปฏิปตฺติทุปฺปฏิปตฺตีติ เอเตหิ ปกาเรหีติ วุตฺตํ โหติ. สนฺเตสุปิ จ อฺเสุ ตถา ปาปุณนฺเตสุ เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต, ยถานุสิฏฺํ สมฺมาปฏิปชฺชเนน ธมฺมาธิฏฺานภาวโต จ ภิกฺขูติ วุตฺตํ.
ตตฺราติ ตาสุ คาถาสุ. อยนฺติ อธุนา วกฺขมานา กถา. ปริทีปนาติ สมนฺตโต ปกาสนา, กิฺจิมตฺตมฺปิ อเสเสตฺวา วิภชนาติ วุตฺตํ โหติ. วิภาวนาติ เอวํ ปริทีปนายปิ สติ คูฬฺหํ ปฏิจฺฉนฺนมกตฺวา โสตูนํ สุวิฺเยฺยภาเวน อาวิภาวนา. สงฺเขเปน ปริทีปนา, วิตฺถาเรน วิภาวนาติปิ วทนฺติ. อปิจ เอตํ ปททฺวยํ เหฏฺา วุตฺตานุรูปโต กถิตํ, อตฺถโต ปน เอกเมว. ตสฺมา ปริทีปนา ปมคาถาย, วิภาวนา ทุติยคาถายาติ โยเชตพฺพํ. จ-สทฺเทน อุภยตฺถํ อฺมฺํ สมุจฺเจติ. กสฺมา, วุจฺจนฺตีติ อาห ‘‘เอตฺถ หี’’ติอาทิ. หีติ การเณ นิปาโต ‘‘อกฺขรวิปตฺติยํ หี’’ติอาทีสุ วิย. ยสฺมา, กสฺมาติ วา อตฺโถ. อาณํ ปเณตุํ [เปตุํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา)] อรหตีติ อาณารโห, สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา, มหาการุณิกตาย ¶ จ อวิปรีตหิโตปเทสกภาเวน ปมาณวจนตฺตา อาณารเหน ภควตาติ อตฺโถ. โวหารปรมตฺถธมฺมานมฺปิ ตตฺถ สพฺภาวโต ‘‘อาณาพาหุลฺลโต’’ติ ¶ วุตฺตํ, เตน เยภุยฺยนยํ ทสฺเสติ. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. วิเสเสน สตฺตานํ มนํ อวหรตีติ โวหาโร, ปฺตฺติ, ตสฺมึ กุสโล, เตน.
ปจุโร พหุโล อปราโธ โทโส วีติกฺกโม เยสํ เต ปจุราปราธา, เสยฺยสกตฺเถราทโย. ยถาปราธนฺติ โทสานุรูปํ. ‘‘อเนกชฺฌาสยา’’ติอาทีสุ อาสโยว อชฺฌาสโย, โส อตฺถโต ทิฏฺิ, าณฺจ, ปเภทโต ปน จตุพฺพิโธ โหติ. วุตฺตฺจ –
‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺี จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;
ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสทฺทิต’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺพทิฏฺีนํ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺีหิ สงฺคหิตตฺตา สพฺเพปิ ทิฏฺิคติกา สตฺตา อิมา เอว ทฺเว ทิฏฺิโย สนฺนิสฺสิตา. ยถาห ‘‘ทฺวยนิสฺสิโต โข ปนายํ กจฺจาน โลโก เยภุยฺเยน อตฺถิตฺจ นตฺถิตฺจา’’ติ, (สํ. นิ. ๒.๑๕) อตฺถิตาติ หิ สสฺสตคฺคาโห อธิปฺเปโต, นตฺถิตาติ อุจฺเฉทคฺคาโห. อยํ ตาว วฏฺฏนิสฺสิตานํ ปุถุชฺชนานํ อาสโย. วิวฏฺฏนิสฺสิตานํ ปน สุทฺธสตฺตานํ อนุโลมิกา ขนฺติ, ยถาภูตาณนฺติ ทุวิโธ อาสโย. ตตฺถ จ อนุโลมิกา ขนฺติ วิปสฺสนาาณํ. ยถาภูตาณํ ปน กมฺมสกตาาณํ. จตุพฺพิโธ เปโส อาสยนฺติ สตฺตา เอตฺถ นิวสนฺติ, จิตฺตํ วา อาคมฺม เสติ เอตฺถาติ อาสโย มิคาสโย วิย. ยถา มิโค โคจราย คนฺตฺวาปิ ปจฺจาคนฺตฺวา ตตฺเถว วนคหเน สยตีติ ตํ ตสฺส ‘‘อาสโย’’ติ วุจฺจติ, ตถา จิตฺตํ อฺถาปิ ปวตฺติตฺวา ยตฺถ ปจฺจาคมฺม เสติ, ตสฺส โส ‘‘อาสโย’’ติ. กามราคาทโย สตฺต อนุสยา. มูสิกวิสํ วิย การณลาเภ อุปฺปชฺชมานารหา อนาคตา, อตีตา, ปจฺจุปฺปนฺนา จ ตํสภาวตฺตา ตถา วุจฺจนฺติ. น หิ ธมฺมานํ กาลเภเทน สภาวเภโทติ. จริยาติ ราคจริยาทิกา ฉ มูลจริยา, อนฺตรเภเทน อเนกวิธา, สํสคฺควเสน ปน เตสฏฺิ โหนฺติ. อถ วา จริยาติ สุจริตทุจฺจริตวเสน ทุวิธํ จริตํ. ตฺหิ วิภงฺเค จริตนิทฺเทเส นิทฺทิฏฺํ.
‘‘อธิมุตฺติ ¶ นาม ‘อชฺเชว ปพฺพชิสฺสามิ, อชฺเชว อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามี’ติอาทินา ตนฺนินฺนภาเวน ปวตฺตมานํ สนฺนิฏฺาน’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘อธิมุตฺติ นาม สตฺตานํ ปุพฺพจริยวเสน อภิรุจิ, สา ทุวิธา หีนปณีตเภเทนา’ติ (ที. นิ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺตํ. ตถา หิ ยาย หีนาธิมุตฺติกา สตฺตา หีนาธิมุตฺติเกเยว สตฺเต เสวนฺติ, ปณีตาธิมุตฺติกา ปณีตาธิมุตฺติเกเยว ¶ . สเจ หิ อาจริยุปชฺฌายา สีลวนฺโต น โหนฺติ, สทฺธิวิหาริกา สีลวนฺโต, เต อตฺตโน อาจริยุปชฺฌาเยปิ น อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตนา สทิเส สารุปฺปภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติ. สเจ อาจริยุปชฺฌายา สารุปฺปภิกฺขู, อิตเร อสารุปฺปา, เตปิ น อาจริยุปชฺฌาเย อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตนา สทิเส อสารุปฺปภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติ. ธาตุสํยุตฺตวเสน (สํ. นิ. ๒.๘๕ อาทโย) เจส อตฺโถ ทีเปตพฺโพ. เอวมยํ หีนาธิมุตฺติกาทีนํ อฺมฺโ ปเสวนาทินิยมิตา อภิรุจิ อชฺฌาสยธาตุ ‘‘อธิมุตฺตี’’ติ เวทิตพฺพา. อเนกา อชฺฌาสยาทโย เต เยสํ อตฺถิ, อเนกา วา อชฺฌาสยาทโย เยสนฺติ ตถา ยถา ‘‘พหุกตฺตุโก, พหุนทิโก’’ติ. ยถานุโลมนฺติ อชฺฌาสยาทีนํ อนุโลมํ อนติกฺกมฺม, เย เย วา อชฺฌาสยาทโย อนุโลมา, เตหิ เตหีติ อตฺโถ. อาสยาทีนํ อนุโลมสฺส วา อนุรูปนฺติปิ วทนฺติ. ฆนวินิพฺโภคาภาวโต ทิฏฺิมานตณฺหาวเสน ‘‘อหํ มม สนฺตก’’นฺติ เอวํ ปวตฺตสฺิโน. ยถาธมฺมนฺติ ‘‘นตฺเถตฺถ อตฺตา, อตฺตนิยํ วา, เกวลํ ธมฺมมตฺตเมเวต’’นฺติ เอวมาทินา ธมฺมสภาวานุรูปนฺติ อตฺโถ.
สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. มหนฺโต สํวโร อสํวโร. วุฑฺฒิอตฺโถ หิ อยํ อ-กาโร ยถา ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๒๑) ตํโยคตาย จ ขุทฺทโก สํวโร ปาริเสสาทินเยน สํวโร, ตสฺมา ขุทฺทโก, มหนฺโต จ สํวโรติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สํวรา สํวโร’’ติอาทิ. ทิฏฺิวินิเวนาติ ทิฏฺิยา วิโมจนํ, อตฺถโต ปน ตสฺส อุชุวิปจฺจนิกา สมฺมาทิฏฺิอาทโย ธมฺมา. ตถา จาห ‘‘ทฺวาสฏฺิทิฏฺิปฏิปกฺขภูตา’’ติ. นามสฺส, รูปสฺส, นามรูปสฺส จ ปริจฺฉินฺทนํ นามรูปปริจฺเฉโท, โส ปน ‘‘ราคาทิปฏิปกฺขภูโต’’ติ วจนโต ตถาปวตฺตเมว าณํ.
‘‘ตีสุปี’’ติอาทินา ¶ อปรฑฺฒํ วิวรติ. ตีสุปิ ตาสํ วจนสมฺภวโต ‘‘วิเสเสนา’’ติ วุตฺตํ. ตเทตํ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. ตตฺร ‘‘ยายํ อธิสีลสิกฺขา, อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปตา สิกฺขา’’ติ วจนโต อาห ‘‘วินยปิฏเก อธิสีลสิกฺขา’’ติ. สุตฺตนฺตปาฬิยํ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๒๖; สํ. นิ. ๑.๑๕๒; อ. นิ. ๔.๑๒๓) สมาธิเทสนาพาหุลฺลโต ‘‘สุตฺตนฺต ปิฏเก อธิจิตฺตสิกฺขา’’ติ วุตฺตํ. นามรูปปริจฺเฉทสฺส อธิปฺาปทฏฺานโต, อธิปฺาย จ อตฺถาย ตทวเสสนามรูปธมฺมกถนโต อาห ‘‘อภิธมฺมปิฏเก อธิปฺาสิกฺขา’’ติ.
กิเลสานนฺติ สํกฺเลสธมฺมานํ, กมฺมกิเลสานํ วา, อุภยาเปกฺขฺเจตํ ‘‘โย กายวจีทฺวาเรหิ ¶ กิเลสานํ วีติกฺกโม, ตสฺส ปหานํ, ตสฺส ปฏิปกฺขตฺตา’’ติ จ. ‘‘วีติกฺกโม’’ติ อยํ ‘‘ปฏิปกฺข’’นฺติ ภาวโยเค สมฺพนฺโธ, ‘‘สีลสฺสา’’ติ ปน ภาวปจฺจเย. เอวํ สพฺพตฺถ. อนุสยวเสน สนฺตาเน อนุวตฺตนฺตา กิเลสา การณลาเภ ปริยุฏฺิตาปิ สีลเภทภยวเสน วีติกฺกมิตุํ น ลภนฺตีติ อาห ‘‘วีติกฺกมปฏิปกฺขตฺตา สีลสฺสา’’ติ. โอกาสาทานวเสน กิเลสานํ จิตฺเต กุสลปฺปวตฺตึ ปริยาทิยิตฺวา อุฏฺานํ ปริยุฏฺานํ, ตสฺส ปหานํ, จิตฺตสนฺตาเน อุปฺปตฺติวเสน กิเลสานํ ปริยุฏฺานสฺส ปหานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘กิเลสาน’’นฺติ หิ อธิกาโร, ตํ ปน ปริยุฏฺานปฺปหานํ จิตฺตสมาทหนวเสน ภวตีติ อาห ‘‘ปริยุฏฺานปฏิปกฺขตฺตา สมาธิสฺสา’’ติ. อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ สยนกา อนุรูปการณลาเภ อุปฺปชฺชนารหา ถามคตา กามราคาทโย สตฺต กิเลสา อนุสยา, เตสํ ปหานํ, เต ปน สพฺพโส อริยมคฺคปฺาย ปหียนฺตีติ อาห ‘‘อนุสยปฏิปกฺขตฺตา ปฺายา’’ติ.
ทีปาโลเกน วิย ตมสฺส ทานาทิปฺุกิริยวตฺถุคเตน เตน เตน กุสลงฺเคน ตสฺส ตสฺส อกุสลสฺส ปหานํ ตทงฺคปฺปหานํ. อิธ ปน อธิสีลสิกฺขาย วุตฺตฏฺานตฺตา เตน เตน สุสีลฺยงฺเคน ตสฺส ตสฺส ทุสฺสีลฺยงฺคสฺส ปหานํ ‘‘ตทงฺคปฺปหาน’’นฺติ คเหตพฺพํ. อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺตินิวารเณน ฆฏปฺปหาเรน วิย ชลตเล เสวาลสฺส เตสํ เตสํ นีวรณาทิธมฺมานํ วิกฺขมฺภนวเสน ปหานํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ. จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํ ตํ มคฺควโต สนฺตาเน สมุทยปกฺขิกสฺส ¶ กิเลสคณสฺส อจฺจนฺตมปฺปวตฺติสงฺขาต สมุจฺฉินฺทนวเสน ปหานํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ. ทุฏฺุ จริตํ, สํกิเลเสหิ วา ทูสิตํ จริตํ ทุจฺจริตํ. ตเทว ยตฺถ อุปฺปนฺนํ, ตํ สนฺตานํ สมฺมา กิลิสติ วิพาธติ, อุปตาเปติ จาติ สํกิเลโส, ตสฺส ปหานํ. กายวจีทุจฺจริตวเสน ปวตฺตสํกิเลสสฺส ตทงฺควเสน ปหานํ วุตฺตํ สีลสฺส ทุจฺจริตปฏิปกฺขตฺตา. สิกฺขตฺตยานุสาเรน หิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตสตีติ ตณฺหา, สาว วุตฺตนเยน สํกิเลโส, ตสฺส วิกฺขมฺภนวเสน ปหานํ วุตฺตํ สมาธิสฺส กามจฺฉนฺทปฏิปกฺขตฺตา. ทิฏฺิเยว ยถาวุตฺตนเยน สํกิเลโส, ตสฺส สมุจฺเฉทวเสน ปหานํ วุตฺตํ ปฺาย อตฺตาทิวินิมุตฺตสภาว ธมฺมปฺปกาสนโต.
เอกเมกสฺมิฺเจตฺถาติ เอเตสุ ตีสุ ปิฏเกสุ เอกเมกสฺมึ ปิฏเก, จ-สทฺโท วากฺยารมฺเภ, ปกฺขนฺตเร วา. ปิ-สทฺโท, อปิ-สทฺโท วา อวยวสมฺปิณฺฑเน, เตน น เกวลํ จตุพฺพิธสฺเสว คมฺภีรภาโว, อถ โข ปจฺเจกํ ตทวยวานมฺปีติ สมฺปิณฺฑนํ กโรติ. เอส นโย อีทิเสสุ. อิทานิ เต สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตนฺตีติ ปาฬิ. สา หิ อุกฺกฏฺานํ สีลาทิอตฺถานํ ¶ โพธนโต, สภาวนิรุตฺติภาวโต, พุทฺธาทีหิ ภาสิตตฺตา จ ปกฏฺานํ วจนานํ อาฬิ ปนฺตีติ ‘‘ปาฬี’’ติ วุจฺจติ.
อิธ ปน วินยคณฺิปทการาทีนํ สทฺทวาทีนํ มเตน ปุพฺเพ ววตฺถาปิตา ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธภูตา ตนฺติ ธมฺโม นาม. อิติ-สทฺโท หิ นามตฺเถ, ‘‘ธมฺโม’’ติ วา วุจฺจติ. ตสฺสาเยวาติ ตสฺสา ยถาวุตฺตาย เอว ตนฺติยา อตฺโถ. มนสา ววตฺถาปิตายาติ อุคฺคหณ-ธารณาทิวสปฺปวตฺเตน มนสา ปุพฺเพ ววตฺถาปิตาย ยถาวุตฺตาย ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธภูตาย ตสฺสา ตนฺติยา. เทสนาติ ปจฺฉา ปเรสมวโพธนตฺถํ เทสนาสงฺขาตา ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธภูตา ตนฺติเยว. อปิจ ยถาวุตฺตตนฺติ สงฺขาตสทฺทสมุฏฺาปโก จิตฺตุปฺปาโท เทสนา. ตนฺติยา, ตนฺติอตฺถสฺส จาติ ยถาวุตฺตาย ทุวิธายปิ ตนฺติยา, ตทตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เต หิ ภควตา วุจฺจมานสฺส อตฺถสฺส, โวหารสฺส จ ทีปโก สทฺโทเยว ตนฺติ นามาติ วทนฺติ. เตสํ ปน วาเท ธมฺมสฺสาปิ สทฺทสภาวตฺตา ธมฺมเทสนานํ โก วิเสโสติ เจ? เตสํ เตสํ อตฺถานํ โพธกภาเวน าโต, อุคฺคหณาทิวเสน ¶ จ ปุพฺเพ ววตฺถาปิโต ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺโธ ธมฺโม, ปจฺฉา ปเรสํ อวโพธนตฺถํ ปวตฺติโต ตํ ตทตฺถปฺปกาสโก สทฺโท เทสนาติ อยมิเมสํ วิเสโสติ. อถ วา ยถาวุตฺตสทฺทสมุฏฺาปโก จิตฺตุปฺปาโท เทสนา เทสียติ สมุฏฺาปียติ สทฺโท เอเตนาติ กตฺวา มุสาวาทาทโย วิย ตตฺถาปิ หิ มุสาวาทาทิสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาทาทิสทฺเทหิ โวหรียตีติ. กิฺจาปิ อกฺขราวลิภูโต ปฺตฺติสทฺโทเยว อตฺถสฺส าปโก, ตถาปิ มูลการณภาวโต ‘‘อกฺขรสฺาโต’’ติอาทีสุ วิย ตสฺสาเยว อตฺโถติ ปรมตฺถสทฺโทเยว อตฺถสฺส าปกภาเวน วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ตสฺสา ตนฺติยา เทสนา’’ติ จ สทิสโวหาเรน วุตฺตํ ยถา ‘‘อุปฺปนฺนา จ กุสลาธมฺมา ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.
อภิธมฺมคณฺิปทการาทีนํ ปน ปณฺณตฺติวาทีนํ มเตน สมฺมุติปรมตฺถเภทสฺส อตฺถสฺส อนุรูปวาจกภาเวน ปรมตฺถสทฺเทสุ เอกนฺเตน ภควตา มนสา ววตฺถาปิตา นามปฺตฺติปพนฺธภูตา ตนฺติ ธมฺโม นาม, ‘‘ธมฺโม’’ติ วา วุจฺจติ. ตสฺสาเยวาติ ตสฺสา นามปฺตฺติภูตาย ตนฺติยา เอว อตฺโถ. มนสา ววตฺถาปิตายาติ สมฺมุติปรมตฺถเภทสฺส อตฺถสฺสานุรูปวาจกภาเวน ปรมตฺถสทฺเทสุ ภควตา มนสา ววตฺถาปิตาย นามปณฺณตฺติปพนฺธภูตาย ตสฺสา ตนฺติยา. เทสนาติ ปเรสํ ปโพธเนน อติสชฺชนา วาจาย ปกาสนา วจีเภทภูตา ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธสงฺขาตา ตนฺติ. ตนฺติยา, ตนฺติอตฺถสฺส จาติ ยถาวุตฺตาย ทุพฺพิธายปิ ตนฺติยา, ตทตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธติ อตฺโถ. เต หิ เอวํ วทนฺติ – สภาวตฺถสฺส, สภาวโวหารสฺส จ อนุรูปวเสเนว ภควตา มนสา ววตฺถาปิตา ปณฺณตฺติ ¶ อิธ ‘‘ตนฺตี’’ติ วุจฺจติ. ยทิ จ สทฺทวาทีนํ มเตน สทฺโทเยว อิธ ตนฺติ นาม สิยา. ตนฺติยา, เทสนาย จ นานตฺเตน ภวิตพฺพํ, มนสา ววตฺถาปิตาย จ ตนฺติยา วจีเภทกรณมตฺตํ เปตฺวา เทสนาย นานตฺตํ นตฺถิ. ตถา หิ เทสนํ ทสฺเสนฺเตน มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนาติ วจีเภทกรณมตฺตํ วินา ตนฺติยา สห เทสนาย อนฺตา วุตฺตา. ตถา จ อุปริ ‘‘เทสนาติ ปฺตฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา เทสนาย อนฺภาเวน ตนฺติยาปิ ปณฺณตฺติภาโว กถิโต โหติ.
อปิจ ¶ ยทิ ตนฺติยา อฺาเยว เทสนา สิยา, ‘‘ตนฺติยา จ ตนฺติอตฺถสฺส จ เทสนาย จ ยถาภูตาวโพโธ’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา. เอวํ ปน อวตฺวา ‘‘ตนฺติยา จ ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ’’ติ วุตฺตตฺตา ตนฺติยา, เทสนาย จ อนฺภาโว ทสฺสิโต โหติ. เอวฺจ กตฺวา อุปริ ‘‘เทสนา นาม ปฺตฺตี’’ติ ทสฺเสนฺเตน เทสนาย อนฺภาวโต ตนฺติยา ปณฺณตฺติภาโว กถิโต โหตีติ. ตทุภยมฺปิ ปน ปรมตฺถโต สทฺโทเยว ปรมตฺถวินิมุตฺตาย สมฺมุติยา อภาวา, อิมเมว จ นยํ คเหตฺวา เกจิ อาจริยา ‘‘ธมฺโม จ เทสนา จ ปรมตฺถโต สทฺโท เอวา’’ติ โวหรนฺติ, เตปิ อนุปวชฺชาเยว. ยถา กามาวจรปฏิสนฺธิวิปากา ‘‘ปริตฺตารมฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวํ สมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. น หิ กามาวจรปฏิสนฺธิวิปากา ‘‘นิพฺพตฺติตปรมตฺถวิสยาเยวา’’ติ สกฺกา วตฺตุํ อิตฺถิปุริสาทิอาการปริวิตกฺกปุพฺพกานํ ราคาทิอกุสลานํ, เมตฺตาทิกุสลานฺจ อารมฺมณํ คเหตฺวาปิ สมุปฺปชฺชนโต. ปรมตฺถธมฺมมูลกตฺตา ปนสฺส ปริกปฺปสฺส ปรมตฺถวิสยตา สกฺกา ปฺเปตุํ, เอวมิธาปิ ทฏฺพฺพนฺติ จ. เอวมฺปิ ปณฺณตฺติวาทีนํ มตํ โหตุ, สทฺทวาทีนํ มเตปิ ธมฺมเทสนานํ นานตฺตํ วุตฺตนเยเนว อาจริยธมฺมปาลตฺเถรา ทีหิ ปกาสิตนฺติ. โหติ เจตฺถ –
‘‘สทฺโท ธมฺโม เทสนา จ, อิจฺจาหุ อปเร ครู;
ธมฺโม ปณฺณตฺติ สทฺโท ตุ, เทสนา วาติ จาปเร’’ติ.
ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธาติ เอตฺถ ตนฺติอตฺโถ, ตนฺติเทสนา, ตนฺติอตฺถปฏิเวโธ จาติ อิเม ตโย ตนฺติวิสยา โหนฺตีติ วินยปิฏกาทีนํ อตฺถเทสนาปฏิเวธาธารภาโว ยุตฺโต, ปิฏกานิ ปน ตนฺติเยวาติ เตสํ ธมฺมาธารภาโว กถํ ยุชฺเชยฺยาติ? ตนฺติสมุทายสฺส อวยวตนฺติยา อาธารภาวโต. สมุทาโย หิ อวยวสฺส ปริกปฺปนามตฺตสิทฺเธน อาธารภาเวน วุจฺจติ ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. เอตฺถ จ ธมฺมาทีนํ ทุกฺโขคาหภาวโต เตหิ ธมฺมาทีหิ วินยาทโย คมฺภีราติ วินยาทีนมฺปิ จตุพฺพิโธ คมฺภีรภาโว ¶ วุตฺโตเยว, ตสฺมา ธมฺมาทโย เอว ทุกฺโขคาหตฺตา คมฺภีรา, น วินยาทโยติ น โจเทตพฺพเมตํ สมุเขน, วิสยวิสยีมุเขน จ วินยาทีนฺเว คมฺภีรภาวสฺส วุตฺตตฺตา. ธมฺโม หิ วินยาทโย เอว อภินฺนตฺตา. เตสํ วิสโย อตฺโถ วาจกภูตานํ เตสเมว วาจฺจภาวโต, วิสยิโน เทสนาปฏิเวธา ¶ ธมฺมตฺถวิสยภาวโตติ. ตตฺถ ปฏิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ธมฺมตฺถานํ, เทสนาาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย จ ทุกฺโขคาหภาโว เวทิตพฺโพ, ปฏิเวธสฺส ปน อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, ตพฺพิสยาณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา. ธมฺมตฺถเทสนานํ คมฺภีรภาวโต ตพฺพิสโย ปฏิเวโธปิ คมฺภีโร ยถา ตํ คมฺภีรสฺส อุทกสฺส ปมาณคฺคหเณ ทีเฆน ปมาเณน ภวิตพฺพํ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) วชิรพุทฺธิตฺเถโร. ปิฏกาวยวานํ ธมฺมาทีนํ วุจฺจมาโน คมฺภีรภาโว ตํสมุทายสฺส ปิฏกสฺสาปิ วุตฺโตเยว, ตสฺมา ตถา น โจเทตพฺพนฺติปิ วทนฺติ, วิจาเรตพฺพเมตํ สพฺเพสมฺปิ เตสํ ปิฏกาวยวาสมฺภวโต. มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาโห, อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ วิย จาติ สมฺพนฺโธ. อตฺถวสา หิ วิภตฺติวจนลิงฺคปริณาโมติ. ทุกฺเขน โอคยฺหนฺติ, ทุกฺโข วา โอคาโห อนฺโต ปวิสนเมเตสูติ ทุกฺโขคาหา. น ลภิตพฺโพติ อลพฺภนีโย, โสเยว อลพฺภเนยฺโย, ลภียเต วา ลพฺภนํ, ตํ นารหตีติ อลพฺภเนยฺโย. ปติฏฺหนฺติ เอตฺถ โอกาเสติ ปติฏฺโ, ปติฏฺหนํ วา ปติฏฺโ, อลพฺภเนยฺโย โส เยสุ เต อลพฺภเนยฺยปติฏฺา. เอกเทเสน โอคาหนฺเตหิปิ มนฺทพุทฺธีหิ ปติฏฺา ลทฺธุํ น สกฺกาเยวาติ ทสฺเสตุํ เอตํ ปุน วุตฺตํ. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ นิคมนํ.
อิทานิ เหตุเหตุผลาทีนมฺปิ วเสน คมฺภีรภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เหตูติ ปจฺจโย. โส จ อตฺตโน ผลํ ทหติ วิทหตีติ ธมฺโม ท-การสฺส ธ-การํ กตฺวา. ธมฺมสทฺทสฺส เจตฺถ เหตุปริยายตา กถํ วิฺายตีติ อาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ. วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทาวิภงฺเค (วิภ. ๗๑๘). นนุ จ ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอเตน วจเนน ธมฺมสฺส เหตุภาโว กถํ วิฺายตีติ? ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส สมาสปทสฺส อวยวปทตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุมฺหิ าณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. ‘‘ธมฺเม ปฏิสมฺภิทา ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตฺถ หิ ‘‘ธมฺเม’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เหตุมฺหี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ปฏิสมฺภิทา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘าณ’’นฺติ. ตสฺมา เหตุธมฺมสทฺทา เอกตฺถา, าณปฏิสมฺภิทา สทฺทา จาติ อิมมตฺถํ วทนฺเตน สาธิโต ธมฺมสฺส เหตุภาโวติ. ตถา ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ เอเตน วจเนน สาธิโต อตฺถสฺส เหตุผลภาโวติ ¶ ทฏฺพฺโพ. เหตุโน ผลํ เหตุผลํ, ตฺจ เหตุอนุสาเรน อรียติ อธิคมียตีติ อตฺโถติ วุจฺจติ.
เทสนาติ ¶ ปฺตฺตีติ เอตฺถ สทฺทวาทีนํ วาเท อตฺถพฺยฺชนกา อวิปรีตาภิลาปธมฺมนิรุตฺติภูตา ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺธสงฺขาตา ตนฺติ ‘‘เทสนา’’ติ วุจฺจติ, เทสนา นามาติ วา อตฺโถ. เทสียติ อตฺโถ เอตายาติ หิ เทสนา. ปกาเรน าปียติ อตฺโถ เอตาย, ปการโต วา าเปตีติ ปฺตฺติ. ตเมว สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. ยถาธมฺมนฺติ เอตฺถ ปน ธมฺมสทฺโท เหตุํ, เหตุผลฺจ สพฺพํ สงฺคณฺหาติ. สภาววาจโก เหส ธมฺมสทฺโท, น ปริยตฺติเหตุอาทิวาจโก, ตสฺมา โย โย อวิชฺชาสงฺขาราทิธมฺโม, ตสฺมึ ตสฺมินฺติ อตฺโถ. เตสํ เตสํ อวิชฺชาสงฺขาราทิธมฺมานํ อนุรูปํ วา ยถาธมฺมํ. เทสนาปิ หิ ปฏิเวโธ วิย อวิปรีตสวิสยวิภาวนโต ธมฺมานุรูปํ ปวตฺตติ, ตโตเยว จ อวิปรีตาภิลาโปติ วุจฺจติ. ธมฺมาภิลาโปติ หิ อตฺถพฺยฺชนโก อวิปรีตาภิลาโป ธมฺมนิรุตฺติภูโต ตนฺติสงฺขาโต ปรมตฺถสทฺทปฺปพนฺโธ. โส หิ อภิลปฺปติ อุจฺจารียตีติ อภิลาโป, ธมฺโม อวิปรีโต สภาวภูโต อภิลาโป ธมฺมาภิลาโปติ วุจฺจติ, เอเตน ‘‘ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘) เอตฺถ วุตฺตํ ธมฺมนิรุตฺตึ ทสฺเสติ สทฺทสภาวตฺตา เทสนาย. ตถา หิ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทาย ปริตฺตารมฺมณาทิภาโว ปฏิสมฺภิทาวิภงฺคปาฬิยํ (วิภ. ๗๑๘) วุตฺโต. ตทฏฺกถาย จ ‘‘ตํ สภาวนิรุตฺตึ สทฺทํ อารมฺมณํ กตฺวา’’ติอาทินา (วิภ. อฏฺ. ๗๑๘) ตสฺสา สทฺทารมฺมณตา ทสฺสิตา. ‘‘อิมสฺส อตฺถสฺส อยํ สทฺโท วาจโก’’ติ หิ วจนวจนตฺเถ ววตฺถเปตฺวา ตํ ตํ วจนตฺถวิภาวนวเสน ปวตฺติโต สทฺโท ‘‘เทสนา’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อธิปฺปาโย’’ติ เอเตน ‘‘เทสนาติ ปฺตฺตี’’ติ เอตํ วจนํ ธมฺมนิรุตฺตาภิลาปํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ตโต วินิมุตฺตํ ปฺตฺตึ สนฺธายาติ ทสฺเสติ อเนกธา อตฺถสมฺภเว อตฺตนา อธิปฺเปตตฺถสฺเสว วุตฺตตฺตาติ อยํ สทฺทวาทีนํ วาทโต วินิจฺฉโย.
ปฺตฺติวาทีนํ วาเท ปน สมฺมุติปรมตฺถเภทสฺส อตฺถสฺสานุรูปวาจกภาเวน ปรมตฺถสทฺเทสุ ภควตา มนสา ววตฺถาปิตา ตนฺติสงฺขาตา นามปฺตฺติ เทสนา นาม, ‘‘เทสนา’’ติ วา วุจฺจตีติ อตฺโถ. ตเทว มูลการณภูตสฺส ¶ สทฺทสฺส ทสฺสนวเสน การณูปจาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ หิ ‘‘ธมฺมาภิลาโป’’ติ เอตฺถ อภิลปฺปติ อุจฺจารียตีติ อภิลาโปติ สทฺโท วุจฺจติ, น ปณฺณตฺติ, ตถาปิ สทฺเท วุจฺจมาเน ตทนุรูปํ โวหารํ คเหตฺวา เตน โวหาเรน ทีปิตสฺส อตฺถสฺส ชานนโต สทฺเท กถิเต ตทนุรูปา ปณฺณตฺติปิ การณูปจาเรน กถิตาเยว โหติ. อปิจ ‘‘ธมฺมาภิลาโปติ อตฺโถ’’ติ อวตฺวา ‘‘ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตตฺตา เทสนา นาม สทฺโท น โหตีติ ทีปิตเมว. เตน หิ อธิปฺปายมตฺตเมว มูลการณสทฺทวเสน กถิตํ, น อิธ คเหตพฺโพ ‘‘เทสนา’’ติ เอตสฺส อตฺโถติ ¶ อยํ ปฺตฺติวาทีนํ วาทโต วินิจฺฉโย. อตฺถนฺตรมาห ‘‘อนุโลม…เป… กถน’’นฺติ, เอเตน เหฏฺา วุตฺตํ เทสนาสมุฏฺาปกํ จิตฺตุปฺปาทํ ทสฺเสติ. กถียติ อตฺโถ เอเตนาติ หิ กถนํ. อาทิสทฺเทน นีตเนยฺยาทิกา ปาฬิคติโย, เอกตฺตาทินนฺทิยาวตฺตาทิกา ปาฬินิสฺสิตา จ นยา สงฺคหิตา.
สยเมว ปฏิวิชฺฌติ, เอเตน วา ปฏิวิชฺฌนฺตีติ ปฏิเวโธ, าณํ. ตเทว อภิสเมติ, เอเตน วา อภิสเมนฺตีติ อภิสมโยติปิ วุจฺจติ. อิทานิ ตํ ปฏิเวธํ อภิสมยปฺปเภทโต, อภิสมยาการโต, อารมฺมณโต, สภาวโต จ ปากฏํ กาตุํ ‘‘โส จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หิ โลกิยโลกุตฺตโรติ ปเภทโต, วิสยโต, อสมฺโมหโตติ อาการโต, ธมฺเมสุ, อตฺเถสุ, ปฺตฺตีสูติ อารมฺมณโต, อตฺถานุรูปํ, ธมฺมานุรูปํ, ปฺตฺติปถานุรูปนฺติ สภาวโต จ ปากฏํ กโรติ. ตตฺถ วิสยโต อตฺถาทิอนุรูปํ ธมฺมาทีสุ อวโพโธ นาม อวิชฺชาทิธมฺมารมฺมโณ, สงฺขาราทิอตฺถารมฺมโณ, ตทุภยปฺาปนารมฺมโณ จ โลกิโย อภิสมโย. อสมฺโมหโต อตฺถาทิอนุรูปํ ธมฺมาทีสุ อวโพโธ นาม นิพฺพานารมฺมโณ มคฺคสมฺปยุตฺโต ยถาวุตฺตธมฺมตฺถปฺตฺตีสุ สมฺโมหวิทฺธํสโน โลกุตฺตโร อภิสมโย. ตถา หิ ‘‘อยํ เหตุ, อิทมสฺส ผลํ, อยํ ตทุภยานุรูโป โวหาโร’’ติ เอวํ อารมฺมณกรณวเสน โลกิยาณํ วิสยโต ปฏิวิชฺฌติ, โลกุตฺตราณํ ปน เตสุ เหตุเหตุผลาทีสุ สมฺโมหสฺสาเณน สมุจฺฉินฺนตฺตา อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌติ. โลกุตฺตโร ปน ปฏิเวโธ ¶ วิสยโต นิพฺพานสฺส, อสมฺโมหโต จ อิตรสฺสาติปิ วทนฺติ เอเก.
อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสูติ ‘‘อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, สงฺขาเร อุปฺปาเทติ อวิชฺชา’’ติ เอวํ การิยานุรูปํ การเณสูติ อตฺโถ. อถ วา ‘‘ปฺุาภิสงฺขารอปฺุาภิสงฺขารอาเนฺชาภิสงฺขาเรสุ ตีสุ อปฺุาภิสงฺขารสฺส อวิชฺชา สมฺปยุตฺตปจฺจโย, อิตเรสํ ยถานุรูป’’นฺติอาทินา การิยานุรูปํ การเณสุ ปฏิเวโธติปิ อตฺโถ. ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสูติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑; วิภ. ๒๒๕) การณานุรูปํ การิเยสุ. ฉพฺพิธาย ปฺตฺติยา ปโถ ปฺตฺติปโถ, ตสฺส อนุรูปํ ตถา, ปฺตฺติยา วุจฺจมานธมฺมานุรูปํ ปฺตฺตีสุ อวโพโธติ อตฺโถ. อภิสมยโต อฺมฺปิ ปฏิเวธตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิมาห. ปฏิวิชฺฌียตีติ ปฏิเวโธติ หิ ตํตํรูปาทิธมฺมานํ อวิปรีตสภาโว วุจฺจติ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ปิฏเก, ปาฬิปเทเส วา. สลกฺขณสงฺขาโตติ รุปฺปนนมนผุสนาทิสกสกลกฺขณสงฺขาโต.
ยถาวุตฺเตหิ ¶ ธมฺมาทีหิ ปิฏกานํ คมฺภีรภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานี’’ติอาทิมาห. ธมฺมชาตนฺติ การณปฺปเภโท, การณเมว วา. อตฺถชาตนฺติ การิยปฺปเภโท, การิยเมว วา. ยา จายํ เทสนาติ สมฺพนฺโธ. ตทตฺถวิชานนวเสน อภิมุโข โหติ. โย เจตฺถาติ โย เอตาสุ ตํ ตํ ปิฏกาคตาสุ ธมฺมตฺถเทสนาสุ ปฏิเวโธ, โย จ เอเตสุ ปิฏเกสุ เตสํ เตสํ ธมฺมานํ อวิปรีตสภาโวติ อตฺโถ. สมฺภริตพฺพโต กุสลเมว สมฺภาโร, โส สมฺมา อนุปจิโต เยหิ เต อนุปจิตกุสลสมฺภารา, ตโตว ทุปฺปฺเหิ, นิปฺปฺเหีติ อตฺโถ. น หิ ปฺวโต, ปฺาย วา ทุฏฺุภาโว ทูสิตภาโว จ สมฺภวตีติ นิปฺปฺตฺตาเยว ทุปฺปฺา ยถา ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; ๑๐.๗๕; ปารา. ๒๙๕; ธ. ป. ๓๐๘). เอตฺถ จ อวิชฺชาสงฺขาราทีนํ ธมฺมตฺถานํ ทุปฺปฏิวิชฺฌตาย ทุกฺโขคาหตา, เตสํ ปฺาปนสฺส ทุกฺกรภาวโต ตํเทสนาย, อภิสมยสงฺขาตสฺส ปฏิเวธสฺส อุปฺปาทนวิสยีกรณานํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, อวิปรีตสภาวสงฺขาตสฺส ปฏิเวธสฺส ทุพฺพิฺเยฺยตาย ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา. เอวมฺปีติ ปิ-สทฺโท ปุพฺเพ ¶ วุตฺตํ ปการนฺตรํ สมฺปิณฺเฑติ. เอวํ ปมคาถาย อนูนํ ปริปุณฺณํ ปริทีปิตตฺถภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิมาห. ‘‘สิทฺเธ หิ สตฺยารมฺโภ อตฺถนฺตรวิฺาปนาย วา โหติ, นิยมาย วา’’ติ อิมินา ปุนารมฺภวจเนน อนูนํ ปริปุณฺณํ ปริทีปิตตฺถภาวํ ทสฺเสติ. เอตฺตาวตาติ ปริจฺเฉทตฺเถ นิปาโต, เอตฺตเกน วจนกฺกเมนาติ อตฺโถ. เอตํ วา ปริมาณํ ยสฺสาติ เอตฺตาวํ, เตน, เอตปริมาณวตา สทฺทตฺถกฺกเมนาติ อตฺโถ. ‘‘สทฺเท หิ วุตฺเต ตทตฺโถปิ วุตฺโตเยว นามา’’ติ วทนฺติ. วุตฺโต สํวณฺณิโต อตฺโถ ยสฺสาติ วุตฺตตฺถา.
เอตฺถาติ เอติสฺสา คาถาย. เอวํ อตฺโถ, วินิจฺฉโยติ วา เสโส. ตีสุ ปิฏเกสูติ เอตฺถ ‘‘เอเกกสฺมิ’’นฺติ อธิการโต, ปกรณโต วา เวทิตพฺพํ. ‘‘เอกเมกสฺมิฺเจตฺถา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา) หิ เหฏฺา วุตฺตํ. อถ วา วตฺติจฺฉานุปุพฺพิกตฺตา สทฺทปฏิปตฺติยา นิทฺธารณมิธ อวตฺตุกาเมน อาธาโรเยว วุตฺโต. น เจตฺถ โจเทตพฺพํ ‘‘ตีสุเยว ปิฏเกสุ ติวิโธ ปริยตฺติเภโท ทฏฺพฺโพ สิยา’’ติ สมุทายวเสน วุตฺตสฺสาปิ วากฺยสฺส อวยวาธิปฺปายสมฺภวโต. ทิสฺสติ หิ อวยววากฺยนิปฺผตฺติ ‘‘พฺราหฺมณาทโย ภฺุชนฺตู’’ติอาทีสุ, ตสฺมา อลมติปปฺเจน. ยถา อตฺโถ น วิรุชฺฌติ, ตถาเยว คเหตพฺโพติ. เอวํ สพฺพตฺถ. ปริยตฺติเภโทติ ปริยาปุณนํ ปริยตฺติ. ปริยาปุณนวาจโก เหตฺถ ปริยตฺติสทฺโท, น ปน ปาฬิปริยาโย, ตสฺมา ปริยาปุณนปฺปกาโรติ อตฺโถ. อถ วา ตีหิ ปกาเรหิ ปริยาปุณิตพฺพา ปาฬิโย เอว ‘‘ปริยตฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา เจว อภิธมฺมฏฺกถาย สีหฬคณฺิปเท วุตฺตนฺติ วทนฺติ. เอวมฺปิ หิ อลคทฺทูปมาปริยาปุณนโยคโต ‘‘อลคทฺทูปมา ปริยตฺตี’’ติ ปาฬิปิ สกฺกา วตฺตุํ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ¶ ปริยาปุฏา อลคทฺทูปมา’’ติ ปรโต นิทฺเทสวจนมฺปิ อุปปนฺนํ โหติ. ตตฺถ หิ ปาฬิเยว ‘‘ทุคฺคหิตา, ปริยาปุฏา’’ติ จ วตฺตุํ ยุตฺตา.
อลคทฺโท อลคทฺทคฺคหณํ อุปมา เอติสฺสาติ อลคทฺทูปมา. อลคทฺทสฺส คหณฺเหตฺถ อลคทฺทสทฺเทน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาปูปิโกติ เอตฺถ อาปูป-สทฺเทน อาปูปขาทนํ วิย, เวณิโกติ เอตฺถ วีณาสทฺเทน วีณาวาทนคฺคหณํ วิย จ. อลคทฺทคฺคหเณน หิ ปริยตฺติ อุปมียติ ¶ , น อลคทฺเทน. ‘‘อลคทฺทคฺคหณูปมา’’ติ วา วตฺตพฺเพ มชฺเฌปทโลปํ กตฺวา ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วุตฺตํ ‘‘โอฏฺมุโข’’ติอาทีสุ วิย. อลคทฺโทติ จ อาสีวิโส วุจฺจติ. คโทติ หิ วิสสฺส นามํ, ตฺจ ตสฺส อลํ ปริปุณฺณํ อตฺถิ, ตสฺมา อลํ ปริยตฺโต ปริปุณฺโณ คโท อสฺสาติ อลคทฺโท อนุนาสิกโลปํ, ท-การาคมฺจ กตฺวา, อลํ วา ชีวิตหรเณ สมตฺโถ คโท ยสฺสาติ อลคทฺโท วุตฺตนเยน. วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสรณํ อตฺโถ ปโยชนเมติสฺสาติ นิสฺสรณตฺถา. ภณฺฑาคาเร นิยุตฺโต ภณฺฑาคาริโก, ราชรตนานุปาลโก, โส วิยาติ ตถา, ธมฺมรตนานุปาลโก ขีณาสโว. อฺมตฺถมนเปกฺขิตฺวา ภณฺฑาคาริกสฺเสว สโต ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ.
ทุคฺคหิตาติ ทุฏฺุ คหิตา. ตเทว สรูปโต นิยเมตุํ ‘‘อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา’’ติ อาห, อุปารมฺภอิติวาทปฺปโมกฺขาทิเหตุ อุคฺคหิตาติ อตฺโถ. ลาภสกฺการาทิเหตุ ปริยาปุณนมฺปิ เอตฺเถว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ อลคทฺทสุตฺตฏฺกถายํ –
‘‘โย พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา ‘เอวํ จีวราทีนิ วา ลภิสฺสามิ, จตุปริสมชฺเฌ วา มํ ชานิสฺสนฺตี’ติ ลาภสกฺการเหตุ ปริยาปุณาติ, ตสฺส สา ปริยตฺติ อลคทฺทปริยตฺติ นาม. เอวํ ปริยาปุณนโต หิ พุทฺธวจนํ อปริยาปุณิตฺวา นิทฺโทกฺกมนํ วรตร’’นฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๓๙).
นนุ จ อลคทฺทคฺคหณูปมา ปริยตฺติ ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วุจฺจติ, เอวฺจ สติ สุคฺคหิตาปิ ปริยตฺติ ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ ตตฺถาปิ อลคทฺทคฺคหณสฺส อุปมาภาเวน ปาฬิยํ วุตฺตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน, โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ, ตเมนํ อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺเหยฺย ¶ , อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคหิตฺวา คีวาย สุคฺคหิตํ คณฺเหยฺย. กิฺจาปิ โส ภิกฺขเว, อลคทฺโท ตสฺส ปุริสสฺส หตฺถํ วา พาหํ วา อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ โภเคหิ ปลิเวเยฺย ¶ . อถ โข โส เนว ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ, สุคฺคหิตตฺตา ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๓๙).
ตสฺมา อิธ ทุคฺคหิตา เอว ปริยตฺติ อลคทฺทูปมาติ อยํ วิเสโส กุโต วิฺายติ, เยน ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วุจฺจตีติ? สจฺจเมตํ, อิทํ ปน ปาริเสสาเยน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ นิสฺสรณตฺถภณฺฑาคาริกปริยตฺตีนํ วิสุํ คหิตตฺตา ปาริเสสโต อลคทฺทสฺส ทุคฺคหณูปมาเยว ปริยตฺติ ‘‘อลคทฺทูปมา’’ติ วิฺายติ. อลคทฺทสฺส สุคฺคหณูปมา หิ ปริยตฺติ นิสฺสรณตฺถา วา โหติ, ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ วา. ตสฺมา สุวุตฺตเมตํ ‘‘ทุคฺคหิตา…เป… ปริยตฺตี’’ติ. อิทานิ ตมตฺถํ ปาฬิยา สาเธนฺโต ‘‘ยํ สนฺธายา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยนฺติ ยํ ปริยตฺติทุคฺคหณํ. มชฺฌิมนิกาเย มูลปณฺณาสเก อลคทฺทสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๓๙) ภควตา วุตฺตํ.
อลคทฺทตฺถิโกติ อาสีวิเสน, อาสีวิสํ วา อตฺถิโก, อลคทฺทํ คเวสติ ปริเยสติ สีเลนาติ อลคทฺทคเวสี. อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโนติ อาสีวิสปริเยสนตฺถํ จรมาโน. ตทตฺเถ เหตํ ปจฺจตฺตวจนํ, อุปโยควจนํ วา, อลคทฺทปริเยสนฏฺานํ วา จรมาโน. อลคทฺทํ ปริเยสนฺติ เอตฺถาติ หิ อลคทฺทปริเยสนํ. ตเมนนฺติ ตํ อลคทฺทํ. โภเคติ สรีเร. ‘‘โภโค ตุ ผณิโน ตนู’’ติ หิ วุตฺตํ. ภุชียติ กุฏิลํ กรียตีติ โภโค. ตสฺสาติ ปุริสสฺส. หตฺเถ วา พาหาย วาติ สมฺพนฺโธ. มณิพนฺธโต ปฏฺาย ยาว อคฺคนขา หตฺโถ. สทฺธึ อคฺคพาหาย อวเสสา พาหา, กตฺถจิ ปน กปฺปรโต ปฏฺาย ยาว อคฺคนขา ‘‘หตฺโถ’’ติ วุตฺตํ พาหาย วิสุํ อนาคตตฺตา. วุตฺตลกฺขณํ หตฺถฺจ พาหฺจ เปตฺวา อวเสสํ สรีรํ องฺคปจฺจงฺคํ. ตโตนิทานนฺติ ตนฺนิทานํ, ตํการณาติ อตฺโถ. ตํ หตฺถาทีสุ ฑํสนํ นิทานํ การณํ เอตสฺสาติ ‘‘ตนฺนิทาน’’นฺติ หิ วตฺตพฺเพ ‘‘ตโตนิทาน’’นฺติ ปุริมปเท ปจฺจตฺตตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ กตฺวา, ตสฺส จ โลปมกตฺวา นิทฺเทโส, เหตฺวตฺเถ จ ปจฺจตฺตวจนํ. การณตฺเถ นิปาตปทเมตนฺติปิ วทนฺติ. อปิจ ‘‘ตโตนิทาน’’นฺติ เอตํ ‘‘มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตนเยน วิเสสนํ. ตํ ¶ กิสฺส เหตูติ ยํ วุตฺตํ หตฺถาทีสุ ฑํสนํ, ตนฺนิทานฺจ มรณาทิอุปคมนํ ¶ , ตํ กิสฺส เหตุ เกน การเณนาติ เจ? ตสฺส ปุริสสฺส อลคทฺทสฺส ทุคฺคหิตตฺตา.
อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. โมฆปุริสาติ คุณสารรหิตตาย ตุจฺฉปุริสา. ธมฺมนฺติ ปาฬิธมฺมํ. ปริยาปุณนฺตีติ อุคฺคณฺหนฺติ, สชฺฌายนฺติ เจว วาจุคฺคตํ กโรนฺตา ธาเรนฺติ จาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ธมฺม’’นฺติ สามฺโต วุตฺตเมว สรูเปน ทสฺเสติ ‘‘สุตฺต’’นฺติอาทินา. น หิ สุตฺตาทินวงฺคโต อฺโ ธมฺโม นาม อตฺถิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เตสํ ธมฺมาน’’นฺติ. อตฺถนฺติ เจตฺถ สมฺพนฺธีนิทฺเทโส เอโส, อตฺถนฺติ จ ยถาภูตํ ภาสิตตฺถํ, ปโยชนตฺถฺจ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา วุตฺตํ. ยฺหิ ปทํ สุติสามฺเน อเนกธา อตฺถํ ทีเปติ, ตํ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วาติ สพฺพตฺถ เวทิตพฺพํ. น อุปปริกฺขนฺตีติ น ปริคฺคณฺหนฺติ น วิจาเรนฺติ. อิกฺขสทฺทสฺส หิ ทสฺสนงฺเกสุ อิธ ทสฺสนเมว อตฺโถ, ตสฺส จ ปริคฺคณฺหนจกฺขุโลจเนสุ ปริคฺคณฺหนเมว, ตฺจ วิจารณา ปริยาทานวเสน ทุพฺพิเธสุ วิจารณาเยว, สา จ วีมํสาเยว, น วิจาโร, วีมํสา จ นาเมสา ภาสิตตฺถวีมํสา, ปโยชนตฺถวีมํสา จาติ อิธ ทุพฺพิธาว อธิปฺเปตา, ตาสุ ‘‘อิมสฺมึ าเน สีลํ กถิตํ, อิมสฺมึ สมาธิ, อิมสฺมึ ปฺา, มยฺจ ตํ ปูเรสฺสามา’’ติ เอวํ ภาสิตตฺถวีมํสฺเจว ‘‘สีลํ สมาธิสฺส การณํ, สมาธิ วิปสฺสนายา’’ติอาทินา ปโยชนตฺถวีมํสฺจ น กโรนฺตีติ อตฺโถ. อนุปปริกฺขตนฺติ อนุปปริกฺขนฺตานํ เตสํ โมฆปุริสานํ. น นิชฺฌานกฺขมนฺตีติ นิชฺฌานํ นิสฺเสเสน เปกฺขนํ ปฺํ น ขมนฺติ. เฌ-สทฺโท หิ อิธ เปกฺขเนเยว, น จินฺตนฌาปเนสุ, ตฺจ าณเปกฺขนเมว, น จกฺขุเปกฺขนํ, อารมฺมณูปนิชฺฌานเมว วา, น ลกฺขณูปนิชฺฌานํ, ตสฺมา ปฺาย ทิสฺวา โรเจตฺวา คเหตพฺพา น โหนฺตีติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. นิสฺเสเสน ฌายเต เปกฺขเตติ หิ นิชฺฌานํ. สนฺธิวเสน อนุสฺวารโลโป นิชฺฌานกฺขมนฺตีติ, ‘‘นิชฺฌานํ ขมนฺตี’’ติปิ ปาโ, เตน อิมมตฺถํ ทีเปติ ‘‘เตสํ ปฺาย อตฺถสฺส อนุปปริกฺขนโต เต ธมฺมา น อุปฏฺหนฺติ, อิมสฺมึ าเน สีลํ, สมาธิ, วิปสฺสนา, มคฺโค, วฏฺฏํ, วิวฏฺํ กถิตนฺติ เอวํ ชานิตุํ น สกฺกา โหนฺตี’’ติ.
อุปารมฺภานิสํสา เจวาติ ปเรสํ วาเท โทสาโรปนานิสํสา จ หุตฺวา. ภุโส อารมฺภนฺหิ ปเรสํ วาเท โทสาโรปนํ อุปารมฺโภ, ปริยตฺตึ ¶ นิสฺสาย ปรวมฺภนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตถา เหส ‘‘ปรวชฺชานุปนยนลกฺขโณ’’ติ วุตฺโต. อิติ วาทปฺปโมกฺขานิสํสา จาติ อิติ เอวํ เอตาย ปริยตฺติยา วาทปฺปโมกฺขานิสํสา อตฺตโน อุปริ ปเรหิ อาโรปิตสฺส วาทสฺส นิคฺคหสฺส อตฺตโต, สกวาทโต วา ปโมกฺขปโยชนา จ หุตฺวา. อิติ สทฺโท อิทมตฺเถ, เตน ‘‘ปริยาปุณนฺตี’’ติ ¶ เอตฺถ ปริยาปุณนํ ปรามสติ. วทนฺติ นิคฺคณฺหนฺติ เอเตนาติ วาโท, โทโส, ปมุจฺจนํ, ปมุจฺจาปนํ วา ปโมกฺโข, อตฺตโน อุปริ อาโรปิตสฺส ปโมกฺโข อานิสํโส เยสํ ตถา. อาโรปิตวาโท หิ ‘‘วาโท’’ติ วุตฺโต ยถา ‘‘เทเวน ทตฺโต ทตฺโต’’ติ. วาโทติ วา อุปวาโทนินฺทา ยถาวุตฺตนเยเนว สมาโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปเรหิ สกวาเท โทเส อาโรปิเต, นินฺทาย วา อาโรปิตาย ตํ โทสํ, นินฺทํ วา เอวฺจ เอวฺจ โมเจสฺสามาติ อิมินา จ การเณน ปริยาปุณนฺตีติ. อถ วา โส โส วาโท อิติ วาโท อิติ-สทฺทสฺส สห วิจฺฉาย ต-สทฺทตฺเถ ปวตฺตตฺตา. อิติวาทส ปโมกฺโข ยถาวุตฺตนเยน, โส อานิสํโส เยสํ ตถา, ตํ ตํ วาทปโมจนานิสํสา หุตฺวาติ อตฺโถ. ยสฺส จตฺถายาติ ยสฺส จ สีลาทิปูรณสฺส, มคฺคผลนิพฺพานภูตสฺส วา อนุปาทาวิโมกฺขสฺส อตฺถาย. อเภเทปิ เภทโวหาโร เอโส ยถา ‘‘ปฏิมาย สรีร’’นฺติ, เภทฺยเภทกํ วา เอตํ ยถา ‘‘กถินสฺสตฺถาย อาภตํ ทุสฺส’’นฺติ. ‘‘ตฺจสฺส อตฺถ’’นฺติ หิ วุตฺตํ. จ-สทฺโท อวธารเณ, เตน ตทตฺถาย เอว ปริยาปุณนํ สมฺภวติ, นาฺตฺถายาติ วินิจฺฉิโนติ. ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตีติ หิ ชาติอาจารวเสน ทุวิธาปิ กุลปุตฺตา าเยน ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตีติ อตฺโถ. ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺตีติ อสฺส ธมฺมสฺส สีลาทิปูรณสงฺขาตํ, มคฺคผลนิพฺพานภูตํ วา อนุปาทาวิโมกฺขสงฺขาตํ อตฺถํ เอเต ทุคฺคหิตคาหิโน นานุโภนฺติ น วินฺทนฺติเยว.
อปโร นโย – ยสฺส อุปารมฺภสฺส, อิติวาทปฺปโมกฺขสฺส วา อตฺถาย เย โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, เต ปเรหิ ‘‘อยมตฺโถ น โหตี’’ติ วุตฺเต ทุคฺคหิตตฺตาเยว ‘‘ตทตฺโถว โหตี’’ติ ปฏิปาทนกฺขมา น โหนฺติ, ตสฺมา ปรสฺส วาเท อุปารมฺภํ อาโรเปตุํ อตฺตโน วาทํ ปโมเจตฺุจ อสกฺโกนฺตาปิ ตํ อตฺถํ นานุโภนฺติ จ น วินฺทนฺติเยวาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิธาปิ หิ จ-สทฺโท อวธารณตฺโถว. ‘‘เตส’’นฺติอาทีสุ ¶ เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตตฺตา อุปารมฺภมานทพฺพมกฺขปลาสาทิเหตุภาเวน ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. ทุคฺคหิตาติ หิ เหตุคพฺภวจนํ. เตนาห ‘‘ทุคฺคหิตตฺตา ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๘). เอตฺถ จ การเณ ผลโวหารวเสน ‘‘เต ธมฺมา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘ฆตมายุ, ทธิ พล’’นฺติ. ตถา หิ กิฺจาปิ น เต ธมฺมา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, ตถาปิ วุตฺตนเยน ปริยาปุณนฺตานํ สชฺฌายนกาเล, วิวาทกาเล จ ตมฺมูลกานํ อุปารมฺภาทีนํ อเนเกสํ อกุสลานํ อุปฺปตฺติสมฺภวโต ‘‘เต…เป… สํวตฺตนฺตี’’ติ วุจฺจติ. ตํ กิสฺส เหตูติ เอตฺถ นฺติ ยถาวุตฺตสฺสตฺถสฺส อนนุภวนํ, เตสฺจ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนํ ปรามสติ. กิสฺสาติ สามิวจนํ เหตฺวตฺเถ, ตถา เหตูติ ปจฺจตฺตวจนฺจ.
ยา ¶ ปนาติ เอตฺถ กิริยา ปาฬิวเสน วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กิริยาปกฺเข ยา สุคฺคหิตาติ อเภเทปิ เภทโวหาโร ‘‘จาริกํ ปกฺกมติ, จาริกํ จรมาโน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๔, ๓๐๐) วิย. ตเทวตฺถํ วิวรติ ‘‘สีลกฺขนฺธาที’’ติอาทินา, อาทิสทฺเทน เจตฺถ สมาธิวิปสฺสนาทีนํ สงฺคโห. โย หิ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา สีลสฺส อาคตฏฺาเน สีลํ ปูเรตฺวา, สมาธิโน อาคตฏฺาเน สมาธึ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา, วิปสฺสนาย อาคตฏฺาเน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา, มคฺคผลานํ อาคตฏฺาเน ‘‘มคฺคํ ภาเวสฺสามิ, ผลํ สจฺฉิกริสฺสามี’’ติ อุคฺคณฺหาติ, ตสฺเสว สา ปริยตฺติ นิสฺสรณตฺถา นาม โหติ. ยนฺติ ยํ ปริยตฺติสุคฺคหณํ. วุตฺตํ อลคทฺทสุตฺเต. ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ สีลาทีนํ อาคตฏฺาเน สีลาทีนิ ปูเรนฺตานมฺปิ อรหตฺตํ ปตฺวา ปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสตฺวา ธมฺมเทสนาย ปสนฺเนหิ อุปนีเต จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตานมฺปิ ปเรสํ วาเท สหธมฺเมน อุปารมฺภํ อาโรเปนฺตานมฺปิ สกวาทโต ปเรหิ อาโรปิตโทสํ ปริหรนฺตานมฺปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. ตถา หิ น เกวลํ สุคฺคหิตปริยตฺตึ นิสฺสาย มคฺคภาวนาผลสจฺฉิกิริยาทีนิเยว, อปิ ตุ ปรวาทนิคฺคหสกวาทปติฏฺาปนานิปิ อิชฺฌนฺติ. ตถา จ วุตฺตํ ปรินิพฺพานสุตฺตา ทีสุ ‘‘อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา สปฺปาฏิหาริยํ ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๖๘).
ยํ ¶ ปนาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน ทุวิเธน อตฺโถ. ทุกฺขปริชาเนน ปริฺาตกฺขนฺโธ. สมุทยปฺปหาเนน ปหีนกิเลโส. ปฏิวิทฺธารหตฺตผลตาย ปฏิวิทฺธากุปฺโป. อกุปฺปนฺติ จ อรหตฺตผลสฺเสตํ นาม. สติปิ หิ จตฺตุนฺนํ มคฺคานํ, จตุนฺนฺจ ผลานํ อวินสฺสนภาเว สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ สกสกนามปริจฺจาเคน อุปรูปริ นามนฺตรปฺปตฺติโต เตสํ มคฺคผลาติ ‘‘อกุปฺปามิ’’ติ น วุจฺจนฺติ. อรหา ปน สพฺพทาปิ อรหาเยว นามาติ ตสฺเสว ผลํ ปุคฺคลนามวเสน ‘‘อกุปฺป’’นฺติ วุตฺตํ, อิมินา จ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ขีณาสวสฺเสว ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นามา’’ติ. ตสฺส หิ อปริฺาตํ, อปฺปหีนํ อภาวิตํ, อสจฺฉิกตํ วา นตฺถิ, ตสฺมา โส พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺโตปิ ตนฺติธารโก ปเวณีปาลโก วํสานุรกฺขโกว หุตฺวา ปริยาปุณาติ, เตเนวาห ‘‘ปเวณีปาลนตฺถายา’’ติอาทิ. ปเวณี เจตฺถ ธมฺมสนฺตติ ธมฺมสฺส อวิจฺเฉเทน ปวตฺติ. พุทฺธสฺส ภควโต วํโสติ จ ยถาวุตฺตปเวณีเยว.
นนุ จ ยทิ ปเวณีปาลนตฺถาย พุทฺธวจนสฺส ปริยาปุณนํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ, อถ กสฺมา ‘‘ขีณาสโว’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. เอกจฺจสฺส หิ ปุถุชฺชนสฺสาปิ อยํ นโย ลพฺภติ. ตถา หิ เอกจฺโจ ปุถุชฺชโน ภิกฺขุ ฉาตกภยาทินา คนฺถธุเรสุ เอกสฺมึ าเน วสิตุมสกฺโกนฺเตสุ ¶ สยํ ภิกฺขาจาเรน อติกิลมมาโน ‘‘อติมธุรํ พุทฺธวจนํ มา นสฺสตุ, ตนฺตึ ธาเรสฺสามิ, วํสํ เปสฺสามิ, ปเวณึ ปาเลสฺสามี’’ติ ปริยาปุณาติ. ตสฺมา ตสฺสาปิ ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นาม กสฺมา น โหตีติ? วุจฺจเต – เอวํ สนฺเตปิ หิ ปุถุชฺชนสฺส ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นาม น โหติ. กิฺจาปิ หิ ปุถุชฺชโน ‘‘ปเวณึ ปาเลสฺสามี’’ติ อชฺฌาสเยน ปริยาปุณาติ, อตฺตโน ปน ภวกนฺตารโต อวิติณฺณตฺตา ตสฺส สา ปริยตฺติ นิสฺสรณตฺถาเยว นาม โหติ, ตสฺมา ปุถุชฺชนสฺส ปริยตฺติ อลคทฺทุปมา วา โหติ, นิสฺสรณตฺถา วา. สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ นิสฺสรณตฺถาว. ขีณาสวานํ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติเยวาติ เวทิตพฺพํ. ขีณาสโว หิ ภณฺฑาคาริก สทิสตฺตา ‘‘ภณฺฑาคาริโก’’ติ วุจฺจติ. ยถา หิ ภณฺฑาคาริโก อลงฺการภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ปสาธนกาเล ตทุปิยํ อลงฺการภณฺฑํ รฺโ อุปนาเมตฺวา ตํ อลงฺกโรติ, เอวํ ขีณาสโวปิ ธมฺมรตนภณฺฑํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา โมกฺขาธิคมาย ¶ ภพฺพรูเป สเหตุเก สตฺเต ปสฺสิตฺวา ตทนุรูปํ ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคงฺคโพชฺฌงฺคาทิสงฺขาเตน โลกุตฺตเรน อลงฺกาเรน อลงฺกโรตีติ.
เอวํ ติสฺโส ปริยตฺติโย วิภชิตฺวา อิทานิ ตีสุปิ ปิฏเกสุ ยถารหํ สมฺปตฺติวิปตฺติโย นิทฺธาเรตฺวา วิภชนฺโต ‘‘วินเย ปนา’’ติอาทิมาห. ‘‘สีลสมฺปทํ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณาตี’’ติอาทีสุ ยสฺมา สีลํ วิสุชฺฌมานํ สติสมฺปชฺพเลน, กมฺมสฺสกตาาณพเลน จ สํกิเลสมลโต วิสุชฺฌติ, ปาริปูริฺจ คจฺฉติ, ตสฺมา สีลสมฺปทา สิชฺฌมานา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติภาเวน สติพลํ, าณพลฺจ ปจฺจุปฏฺเปตีติ ตสฺสา วิชฺชตฺตยูปนิสฺสยตา เวทิตพฺพา สภาคเหตุสมฺปาทนโต. สติพเลน หิ ปุพฺเพนิวาสวิชฺชาสิทฺธิ. สมฺปชฺพเลน สพฺพกิจฺเจสุ สุทิฏฺการิตาปริจเยน จุตูปปาตาณานุพทฺธาย ทุติยวิชฺชาย สิทฺธิ. วีติกฺกมาภาเวน สํกิเลสปฺปหานสพฺภาวโต วิวฏฺฏูปนิสฺสยตาวเสน อชฺฌาสยสุทฺธิยา ตติยวิชฺชาสิทฺธิ. ปุเรตรสิทฺธานํ สมาธิปฺานํ ปาริปูรึ วินา สีลสฺส อาสวกฺขยาณูปนิสฺสยตา สุกฺขวิปสฺสกขีณาสเวหิ ทีเปตพฺพา. ‘‘สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕; ๕.๑๐๗๑; เนตฺติ. ๔๐; มิ. ป. ๑๔) วจนโต สมาธิสมฺปทา ฉฬภิฺตาย อุปนิสฺสโย. ‘‘โยคา เว ชายเต ภูรี’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒) วจนโต ปุพฺพโยเคน ครุวาสเทสภาสาโกสลฺลอุคฺคหณปริปุจฺฉาทีหิ จ ปริภาวิตา ปฺาสมฺปทา ปฏิสมฺภิทาปฺปเภทสฺส อุปนิสฺสโย. เอตฺถ จ ‘‘สีลสมฺปทํ นิสฺสายา’’ติ วุตฺตตฺตา ยสฺส สมาธิวิชมฺภนภูตา อนวเสสา ฉ อภิฺา น อิชฺฌนฺติ, ตสฺส อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน น สมาธิสมฺปทา อตฺถีติ สติปิ วิชฺชานํ อภิฺเกเทสภาเว สีลสมฺปทาสมุทาคตา เอว ติสฺโส วิชฺชา คหิตา, ยถา จ ปฺาสมฺปทาสมุทาคตา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส ¶ มคฺเคเนว อิชฺฌนฺติ มคฺคกฺขเณเยว ตาสํ ปฏิลทฺธตฺตา. เอวํ สีลสมฺปทาสมุทาคตา ติสฺโส วิชฺชา, สมาธิสมฺปทาสมุทาคตา จ ฉ อภิฺา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส มคฺเคเนว อิชฺฌนฺตีติ มคฺคาธิคเมเนว ตาสํ อธิคโม เวทิตพฺโพ. ปจฺเจกพุทฺธานํ, สมฺมาสมฺพุทฺธานฺจ ปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธิสมธิคมสทิสา หิ อิเมสํ อริยานํ อิเม วิเสสาธิคมาติ.
ตาสํเยว ¶ จ ตตฺถ ปเภทวจนโตติ เอตฺถ ‘‘ตาสํเยวา’’ติ อวธารณํ ปาปุณิตพฺพานํ ฉฬภิฺาจตุปฏิสมฺภิทานํ วินเย ปเภทวจนาภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เวรฺชกณฺเฑ (ปารา. ๑๒) หิ ติสฺโส วิชฺชาว วิภตฺตาติ. จสทฺเทน สมุจฺจินนฺจ ตาสํ เอตฺถ เอกเทสวจนํ สนฺธาย วุตฺตํ อภิฺาปฏิสมฺภิทานมฺปิ เอกเทสานํ ตตฺถ วุตฺตตฺตา. ทุติเย ‘‘ตาสํเยวา’’ติ อวธารณํ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อเปกฺขิตฺวา กตํ, น ติสฺโส วิชฺชา. ตา หิ ฉสุ อภิฺาสุ อนฺโตคธตฺตา สุตฺเต วิภตฺตาเยวาติ. จ-สทฺเทน จ ปฏิสมฺภิทานเมกเทสวจนํ สมุจฺจิโนติ. ตติเย ‘‘ตาสฺจา’’ติ จ-สทฺเทน เสสานมฺปิ ตตฺถ อตฺถิภาวํ ทีเปติ. อภิธมฺเม หิ ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา, จตสฺโส จ ปฏิสมฺภิทา วุตฺตาเยว. ปฏิสมฺภิทานํ ปน อฺตฺถ ปเภทวจนาภาวํ, ตตฺเถว จ สมฺมา วิภตฺตภาวํ ทีเปตุกาโม เหฏฺา วุตฺตนเยน อวธารณมกตฺวา ‘‘ตตฺเถวา’’ติ ปริวตฺเตตฺวา อวธารณํ เปติ. ‘‘อภิธมฺเม ปน ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา, จตสฺโส จ ปฏิสมฺภิทา อฺเ จ สมฺมปฺปธานาทโย คุณวิเสสา วิภตฺตา. กิฺจาปิ วิภตฺตา, วิเสสโต ปน ปฺาชาติกตฺตา จตสฺโสว ปฏิสมฺภิทา ปาปุณาตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘ตาสฺจ ตตฺเถวา’ติ อวธารณวิปลฺลาโส กโต’’ติ วชิรพุทฺธิตฺเถโร. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ นิคมนํ.
สุโข สมฺผสฺโส เอเตสนฺติ สุขสมฺผสฺสานิ, อนฺุาตานิเยว ตาทิสานิ อตฺถรณปาวุรณาทีนิ, เตสํ ผสฺสสามฺโต สุโข วา สมฺผสฺโส ตถา, อนฺุาโต โส เยสนฺติ อนฺุาตสุขสมฺผสฺสานิ, ตาทิสานิ อตฺถรณปาวุรณาทีนิ เตสํ ผสฺเสน สมานตาย. อุปาทินฺนกผสฺโส อิตฺถิผสฺโส, เมถุนธมฺโมเยว. วุตฺตํ อริฏฺเน นาม คทฺธพาธิปุพฺเพน ภิกฺขุนา (ม. นิ. ๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗). โส หิ พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทอาณาวีติกฺกมวเสน ปฺจวิเธสุ อนฺตรายิเกสุ อาณาวีติกฺกมนฺตรายิกํ น ชานาติ, เสสนฺตรายิเกเยว ชานาติ, ตสฺมา โส รโหคโต เอวํ จินฺเตสิ ‘‘อิเม อคาริกา ปฺจ กามคุเณ ปริภฺุชนฺตา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ โหนฺติ, ภิกฺขูปิ มนาปิกานิ จกฺขุวิฺเยฺยานิ รูปานิ ปสฺสนฺติ ¶ …เป… กายวิฺเยฺเย ¶ โผฏฺพฺเพ ผุสนฺติ, มุทุกานิ อตฺถรณปาวุรณานิ ปริภฺุชนฺติ, เอตํ สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ, กสฺมา อิตฺถีนํเยว รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพา น วฏฺฏนฺติ, เอเตปิ วฏฺฏนฺติเยวา’’ติ อนวชฺเชน ปจฺจยปริโภครเสน สาวชฺชํ กามคุณปริโภครสํ สํสนฺทิตฺวา สฉนฺทราคปริโภคฺจ นิจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ เอกํ กตฺวา ถุลฺลวาเกหิ สทฺธึ อติสุขุมสุตฺตํ ฆเฏนฺโต วิย, สาสเปน สทฺธึ สิเนรุโน สทิสตํ อุปสํหรนฺโต วิย จ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กึ ภควตา มหาสมุทฺทํ พนฺธนฺเตน วิย มหตา อุสฺสาเหน ปมปาราชิกํ ปฺตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ โทโส’’ติ สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌนฺโต เวสารชฺชาณํ ปฏิพาหนฺโต อริยมคฺเค ขาณุกณฺฏกาทีนิ ปกฺขิปนฺโต ‘‘เมถุนธมฺเม โทโส นตฺถี’’ติ ชินจกฺเก ปหารมทาสิ, เตนาห ‘‘ตถาห’’นฺติอาทิ.
อนติกฺกมนตฺเถน อนฺตราเย นิยุตฺตา, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหนฺติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีลาติ อนฺตรายิกา, สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายกราติ วุตฺตํ โหติ. เต จ กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทอาณาวีติกฺกมวเสน ปฺจวิธา. วิตฺถาโร อริฏฺสิกฺขาปทวณฺณนาทีสุ (ปาจิ. อฏฺ. ๔๑๗) คเหตพฺโพ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺถสมฺพนฺโธ – เย อิเม ธมฺมา อนฺตรายิกา อิติ ภควตา วุตฺตา เทสิตา เจว ปฺตฺตา จ, เต ธมฺเม ปฏิเสวโต ปฏิเสวนฺตสฺส ยถา เยน ปกาเรน เต ธมฺมา อนฺตรายาย สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายกรณตฺถํ นาลํ สมตฺถา น โหนฺติ, ตถา เตน ปกาเรน อหํ ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ อาชานามีติ. ตโต ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาตีติ ตโต อนวชฺชสฺิภาวเหตุโต วีติกฺกมิตฺวา ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาติ.
จตฺตาโร…เป…อาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน –
‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โน ปรหิตาย, ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โน อตฺตหิตาย, เนวตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โน ปรหิตาย, อตฺตหิตาย เจว ปฏิปนฺโน ปรหิตาย จ…เป… อิเม โข ภิกฺขเว…เป… โลกสฺมิ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๙๖) –
เอวมาทินา ¶ ปุคฺคลเทสนาปฏิสฺุตฺตสุตฺตนฺตปาฬึ นิทสฺเสติ. อธิปฺปายนฺติ ‘‘อยํ ปุคฺคลเทสนาโวหารวเสน, น ปรมตฺถโต’’ติ เอวํ ภควโต อธิปฺปายํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ทุเว ¶ สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ.
สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณา.
ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐; อิติวุ. อฏฺ. ๒๔);
น หิ โลกสมฺมุตึ พุทฺธา ภควนฺโต วิชหนฺติ, โลกสมฺาย โลกนิรุตฺติยา โลกาภิลาเป ิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ. อปิจ ‘‘หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถ’’นฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๒; อิติวุ. อฏฺ. ๒๔; กถา. อนุฏี. ๑) เอวมาทีหิปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถตี’’ติ เอวํ อธิปฺปายมชานนฺโต. อยมตฺโถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ. ทุคฺคหิตํ คณฺหาตีติ ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๔๔) ทุคฺคหิตํ กตฺวา คณฺหาติ, วิปรีตํ คณฺหาตีติ วุตฺตํ โหติ. ทุคฺคหิตนฺติ หิ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส กิริยายวิเสสนภาเวน นปุํสกลิงฺเคน นิทฺทิสิตพฺพตฺตา. อยฺหิ ภาวนปุํสกปทสฺส ปกติ, ยทิทํ นปุํสกลิงฺเคน นิทฺทิสิตพฺพตฺตา, ภาวปฺปฏฺานตา, สกมฺมากมฺมกิริยานุโยคํ ปจฺจตฺโตปโยควจนตา จ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุคฺคหิตํ กตฺวา’’ติ. ยนฺติ ทุคฺคหิตคาหํ. มชฺฌิมนิกาเย มูลปณฺณาสเก มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๑๔๔) ตถาวาทีนํ สาธินามกํ เกวฏฺฏปุตฺตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ภควตา วุตฺตํ. อตฺตนา ทุคฺคหิเตน ธมฺเมนาติ ปาเสโส, มิจฺฉาสภาเวนาติ อตฺโถ. อถ วา ทุคฺคหณํ ทุคฺคหิตํ, อตฺตนาติ จ สามิอตฺเถ กรณวจนํ, วิภตฺติยนฺตปติรูปกํ วา อพฺยยปทํ, ตสฺมา อตฺตโน ทุคฺคหเณน วิปรีตคาเหนาติ อตฺโถ. อพฺภาจิกฺขตีติ อพฺภกฺขานํ กโรติ. อตฺตโน กุสลมูลานิ ขนนฺโต อตฺตานํ ขนติ นาม. ตโตติ ทุคฺคหิตภาวเหตุโต.
ธมฺมจินฺตนฺติ ¶ ธมฺมสภาววิจารํ. อติธาวนฺโตติ าตพฺพมริยาทายํ อฏฺตฺวา ‘‘จิตฺตุปฺปาทมตฺเตนปิ ทานํ โหติ, สยเมว จิตฺตํ อตฺตโน อารมฺมณํ โหติ, สพฺพมฺปิ จิตฺตํ สภาวธมฺมารมฺมณเมว โหตี’’ติ จ เอวมาทินา อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตยมาโน. จินฺเตตุมสกฺกุเณยฺยานิ ¶ , อนรหรูปานิ วา อจินฺเตยฺยานิ นาม, ตานิ ทสฺเสนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อจินฺเตยฺยานีติ เตสํ สภาวทสฺสนํ. น จินฺเตตพฺพานีติ ตตฺถ กตฺตพฺพกิจฺจทสฺสนํ. ‘‘ยานี’’ติอาทิ ตสฺส เหตุทสฺสนํ. ยานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส จิตฺตกฺเขปสฺส, วิฆาตสฺส วิเหสสฺส จ ภาคี อสฺส, อจินฺเตยฺยานิ อิมานิ จตฺตาริ น จินฺเตตพฺพานิ, อิมานิ วา จตฺตาริ อจินฺเตยฺยานิ นาม น จินฺเตตพฺพานิ, ยานิ วา…เป… อสฺส, ตสฺมา น จินฺเตตพฺพานิ อจินฺเตตพฺพภูตานิ อิมานิ จตฺตาริ อจินฺเตยฺยานิ นามาติ โยชนา. อิติ-สทฺเทน ปน –
‘‘กตมานิ จตฺตาริ? พุทฺธานํ ภิกฺขเว พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ, ยํ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺส. ฌายิสฺส ภิกฺขเว ฌานวิสโย อจินฺเตยฺโย…เป… กมฺมวิปาโก ภิกฺขเว อจินฺเตยฺโย…เป… โลกจินฺตา ภิกฺขเว อจินฺเตยฺยา…เป… อิมานิ…เป… อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗) –
จตุรงฺคุตฺตเร วุตฺตํ อจินฺเตยฺยสุตฺตํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ อจินฺเตยฺยภาวทีปกํ ปาฬึ สงฺคณฺหาติ. กามํ อจินฺเตยฺยานิ ฉ อสาธารณาณาทีนิ, ตานิ ปน อนุสฺสรนฺตสฺส กุสลุปฺปตฺติเหตุภาวโต จินฺเตตพฺพานิ, อิมานิ ปน เอวํ น โหนฺติ อผลภาวโต, ตสฺมา น จินฺเตตพฺพานิ. ‘‘ทุสฺสีลฺย…เป… ปเภท’’นฺติ อิมินา วิปตฺตึ สรูปโต ทสฺเสติ. ‘‘กถํ? ปิฏกวเสนา’’ติอาทิวจนสมฺพชฺฌเนน ปุพฺพาปรสมฺพนฺธํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ นานปฺปการโต’’ติอาทิมาห. ปุพฺพาปรสมฺพนฺธวิรหิตฺหิ วจนํ พฺยากุลํ. โสตูนฺจ อตฺถวิฺาปกํ น โหติ, ปุพฺพาปรฺูนเมว จ ตถาวิจาริตวจนํ วิสโย. ยถาห –
‘‘ปุพฺพาปรฺู อตฺถฺู, นิรุตฺติปทโกวิโท;
สุคฺคหีตฺจ คณฺหาติ, อตฺถฺโจ’ ปปริกฺขตี’’ติ. (เถรคา. ๑๐๓๑);
เตสนฺติ ปิฏกานํ. เอตนฺติ พุทฺธวจนํ.
สีลกฺขนฺธวคฺคมหาวคฺคปาถิกวคฺคสงฺขาเตหิ ¶ ตีหิ วคฺเคหิ สงฺคโห เอเตสนฺติ ติวคฺคสงฺคหานิ. คาถาย ปน ยสฺส นิกายสฺส สุตฺตคณนโต จตุตฺตึเสว สุตฺตนฺตา. วคฺคสงฺคหวเสน ตโย วคฺคา อสฺส สงฺคหสฺสาติ ติวคฺโค สงฺคโห. ปโม เอส นิกาโย ทีฆนิกาโยติ ¶ อนุโลมิโก อปจฺจนีโก, อตฺถานุโลมนโต อตฺถานุโลมนามิโก วา, อนฺวตฺถนาโมติ อตฺโถ. ตตฺถ ‘‘ติวคฺโค สงฺคโห’’ติ เอตํ ‘‘ยสฺสา’’ติ อนฺตริเกปิ สมาโสเยว โหติ, น วากฺยนฺติ ทฏฺพฺพํ ‘‘นวํ ปน ภิกฺขุนา จีวรลาเภนา’’ติ (ปาจิ. ๓๖๘) เอตฺถ ‘‘นวํจีวรลาเภนา’’ติ ปทํ วิย. ตถา หิ อฏฺกถาจริยา วณฺณยนฺติ ‘‘อลพฺภีติ ลโภ, ลโภ เอว ลาโภ. กึ อลพฺภิ? จีวรํ. กีทิสํ? นวํ, อิติ ‘นวจีวรลาเภนา’ติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลปํ อกตฺวา ‘นวํจีวรลาเภนา’ติ วุตฺตํ, ปฏิลทฺธนวจีวเรนาติ อตฺโถ. มชฺเฌ ิตปททฺวเย ปนาติ นิปาโต. ภิกฺขุนาติ เยน ลทฺธํ, ตสฺส นิทสฺสน’’นฺติ (ปาจิ. อฏฺ. ๓๖๘). อิธาปิ สทฺทโต, อตฺถโต จ วากฺเย ยุตฺติยาอภาวโต สมาโสเยว สมฺภวติ. ‘‘ติวคฺโค’’ติ ปทฺหิ ‘‘สงฺคโห’’ติ เอตฺถ ยทิ กรณํ, เอวํ สติ กรณวจนนฺตเมว สิยา. ยทิ จ ปททฺวยเมตํ ตุลฺยาธิกรณํ, ตถา จ สติ นปุํสกลิงฺคเมว สิยา ‘‘ติโลก’’นฺติอาทิปทํ วิย. ตถา ‘‘ติวคฺโค’’ติ เอตสฺส ‘‘สงฺคโห’’ติ ปทมนฺตเรน อฺตฺถาสมฺพนฺโธ น สมฺภวติ, ตตฺถ จ ตาทิเสน วากฺเยน สมฺพชฺฌนํ น ยุตฺตํ, ตสฺมา สมาเนปิ ปทนฺตรนฺตริเก สทฺทตฺถาวิโรธภาโวเยว สมาสตาการณนฺติ สมาโส เอว ยุตฺโต. ตโย วคฺคา อสฺส สงฺคหสฺสาติ หิ ติวคฺโคสงฺคโห อการสฺส โอการาเทสํ, โอการาคมํ วา กตฺวา ยถา ‘‘สตฺตาหปรินิพฺพุโต, อจิรปกฺกนฺโต, มาสชาโต’’ติอาทิ, อสฺส สงฺคหสฺสาติ จ สงฺคหิตสฺส อสฺส นิกายสฺสาติ อตฺโถ. อปเร ปน ‘‘ตโย วคฺคา ยสฺสาติ กตฺวา ‘สงฺคโห’ติ ปเทน ตุลฺยาธิกรณเมว สมฺภวติ, สงฺคโหติ จ คณนา. ฏีกาจริเยหิ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) ปน ‘ตโย วคฺคา อสฺส สงฺคหสฺสา’ติ ปททฺวยสฺส ตุลฺยาธิกรณตาเยว ทสฺสิตา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว สงฺขฺยาสงฺขฺเยยฺยานํ มิสฺสกตฺตา, อปากฏตฺตา จ.
อตฺถานุโลมิกตฺตํ วิภาเวตุมาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ. คุโณปจาเรน, ตทฺธิตวเสน วา ทีฆ-สทฺเทน ทีฆปฺปมาณานิ สุตฺตานิเยว คหิตานิ ¶ , นิกายสทฺโท จ รุฬฺหิวเสน สมูหนิวาสตฺเถสุ วตฺตตีติ ทสฺเสติ ‘‘ทีฆปฺปมาณาน’’นฺติอาทินา. สงฺเกตสิทฺธตฺตา วจนียวาจกานํ ปโยคโต ตทตฺเถสุ ตสฺส สงฺเกตสิทฺธตํ าเปนฺโต ‘‘นาห’’นฺติอาทิมาห. เอกนิกายมฺปีติ เอกสมูหมฺปิ. เอวํ จิตฺตนฺติ เอวํ วิจิตฺตํ. ยถยิทนฺติ ยถา อิเม ติรจฺฉานคตา ปาณา. โปณิกา, จิกฺขลฺลิกา จ ขตฺติยา, เตสํ นิวาโส ‘‘โปณิกนิกาโย จิกฺขลฺลิกนิกาโย’’ติ วุจฺจติ. เอตฺถาติ นิกายสทฺทสฺส สมูหนิวาสานํ วาจกภาเว. สาธกานีติ อธิปฺเปตสฺสตฺถสฺส สาธนโต อุทาหรณานิ วุจฺจนฺติ. ‘‘สมานีตานี’’ติ ปาเสเสน เจตสฺส สมฺพนฺโธ, สกฺขีนิ วา ยถาวุตฺตนเยน สาธกานิ. ยฺหิ นิทฺธาเรตฺวา อธิปฺเปตตฺถํ สาเธนฺติ ¶ , ตํ ‘‘สกฺขี’’ติ วทนฺติ. ตถา หิ มโนรถปูรณิยํ วุตฺตํ ‘‘ปฺจครุชาตกํ (ชา. ๑.๑.๑๓๒) ปน สกฺขิภาวตฺถาย อาหริตฺวา กเถตพฺพ’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๕) สาสนโตติ สาสนปโยคโต, สาสเน วา. โลกโตติ โลกิยปโยคโต, โลเก วา. อิทํ ปน ปิฏกตฺตเย น วิชฺชติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. เอตฺถ จ ปมมุทาหรณํ สาสนโต สาธกวจนํ, ทุติยํ โลกโตติ ทฏฺพฺพํ.
มูลปริยาย วคฺคาทิวเสน ปฺจทสวคฺคสงฺคหานิ. อฑฺเฒน ทุติยํ ทิยฑฺฒํ, ตเทว สตํ, เอกสตํ, ปฺาส จ สุตฺตานีติ วุตฺตํ โหติ. ยตฺถาติ ยสฺมึ นิกาเย. ปฺจทสวคฺคปริคฺคโหติ ปฺจทสหิ วคฺเคหิ ปริคฺคหิโต สงฺคหิโต.
สํยุชฺชนฺติ เอตฺถาติ สํยุตฺตํ, เกสํ สํยุตฺตํ? สุตฺตวคฺคานํ. ยถา หิ พฺยฺชนสมุทาเย ปทํ, ปทสมุทาเย จ วากฺยํ, วากฺยสมุทาเย สุตฺตํ, สุตฺตสมุทาเย วคฺโคติ สมฺา, เอวํ วคฺคสมุทาเย สํยุตฺตสมฺา. เทวตาย ปุจฺฉิเตน กถิตสุตฺตวคฺคาทีนํ สํยุตฺตตฺตา เทวตาสํยุตฺตาทิภาโว (สํ. นิ. ๑.๑), เตนาห ‘‘เทวตาสํยุตฺตาทิวเสนา’’ติอาทิ. ‘‘สุตฺตนฺตานํ สหสฺสานิ สตฺต สุตฺตสตานิ จา’’ติ ปาเ สุตฺตนฺตานํ สตฺต สหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จาติ โยเชตพฺพํ. ‘‘สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จา’’ติปิ ปาโ. สํยุตฺตสงฺคโหติ สํยุตฺตนิกายสฺส สงฺคโห คณนา.
เอเกเกหิ ¶ องฺเคหิ อุปรูปริ อุตฺตโร อธิโก เอตฺถาติ องฺคุตฺตโรติ อาห ‘‘เอเกกองฺคาติเรกวเสนา’’ติอาทิ. ตตฺถ หิ เอเกกโต ปฏฺาย ยาว เอกาทส องฺคานิ กถิตานิ. องฺคนฺติ จ ธมฺมโกฏฺาโส.
ปุพฺเพติ สุตฺตนฺตปิฏกนิทฺเทเส. วุตฺตเมว ปการนฺตเรน สงฺขิปิตฺวา อวิเสเสตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘เปตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สกลํ วินยปิฏก’’นฺติอาทินา วุตฺตเมว หิ อิมินา ปการนฺตเรน สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสติ. อปิจ ยถาวุตฺตโต อวสิฏฺํ ยํ กิฺจิ ภควตา ทินฺนนเย ตฺวา เทสิตํ, ภควตา จ อนุโมทิตํ เนตฺติเปฏโกปเทสาทิกํ, ตํ สพฺพมฺปิ เอตฺเถว ปริยาปนฺนนฺติ อนวเสสปริยาทานวเสน ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ. สิทฺเธปิ หิ สติ อารมฺโภ อตฺถนฺตรวิฺาปนาย วา โหติ, นิยมาย วาติ. เอตฺถ จ ยถา ‘‘ทีฆปฺปมาณาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, เอวํ ‘‘ขุทฺทกปฺปมาณาน’’นฺติอาทิมวตฺวา สรูปสฺเสว กถนํ วินยาภิธมฺมาทีนํ ทีฆปฺปมาณานมฺปิ ตทนฺโตคธตายาติ ทฏฺพฺพํ, เตน จ วิฺายติ ‘‘น สพฺพตฺถ ขุทฺทกปริยาปนฺเนสุ ¶ ตสฺส อนฺวตฺถสมฺตา, ทีฆนิกายาทิสภาววิปรีตภาวสามฺเน ปน กตฺถจิ ตพฺโพหารตา’’ติ. ตทฺนฺติ เตหิ จตูหิ นิกาเยหิ อฺํ, อวเสสนฺติ อตฺโถ.
นวปฺปเภทนฺติ เอตฺถ กถํ ปเนตํ นวปฺปเภทํ โหติ. ตถา หิ นวหิ องฺเคหิ ววตฺถิเตหิ อฺมฺสงฺกรรหิเตหิ ภวิตพฺพํ, ตถา จ สติ อสุตฺตสภาวาเนว เคยฺยงฺคาทีนิ สิยุํ, อถ สุตฺตสภาวาเนว เคยฺยงฺคาทีนิ, เอวํ สติ สุตฺตนฺติ วิสุํ สุตฺตงฺคเมว น สิยา, เอวํ สนฺเต อฏฺงฺคํ สาสนนฺติ อาปชฺชติ. อปิจ ‘‘สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ., ปารา. อฏฺ. ปมมหาสงฺคีติกถา) อฏฺกถายํ วุตฺตํ. สุตฺตฺจ นาม สคาถกํ วา สิยา, นิคฺคาถกํ วา, ตสฺมา องฺคทฺวเยเนว ตทุภยํ สงฺคหิตนฺติ ตทุภยวินิมุตฺตํ สุตฺตํ อุทานาทิวิเสสสฺารหิตํ นตฺถิ, ยํ สุตฺตงฺคํ สิยา, อถาปิ กถฺจิ วิสุํ สุตฺตงฺคํ สิยา, มงฺคลสุตฺตาทีนํ (ขุ. ปา. ๑; สุ. นิ. ๒๖๑) สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา คาถาภาวโต ธมฺมปทาทีนํ วิย. เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา สคาถกตฺตา สคาถาวคฺคสฺส วิย. ตถา อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานนฺติ? วุจฺจเต –
สุตฺตนฺติ ¶ สามฺวิธิ, วิเสสวิธโย ปเร;
สนิมิตฺตา นิรุฬฺหตฺตา, สหตาฺเน นาฺโต. (ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา);
ยถาวุตฺตสฺส โทสสฺส, นตฺถิ เอตฺถาวคาหณํ;
ตสฺมา อสงฺกรํเยว, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ. (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา);
สพฺพสฺสาปิ หิ พุทฺธวจนสฺส สุตฺตนฺติ อยํ สามฺวิธิ. ตถา หิ ‘‘เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺนํ, (ปาจิ. อฏฺ. ๖๕๕, ๑๒๔๒) สาวตฺถิยา สุตฺตวิภงฺเค, (จูฬว. ๔๕๖) สกวาเท ปฺจ สุตฺตสตานี’’ติอาทิ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) วจนโต วินยาภิธมฺมปริยตฺติ วิเสเสสุปิ สุตฺตโวหาโร ทิสฺสติ. เตเนว จ อายสฺมา มหากจฺจายโน เนตฺติยํ อาห ‘‘นววิธสุตฺตนฺตปริเยฏฺี’’ติ (เนตฺติ. สงฺคหวารวณฺณนา) ตตฺถ หิ สุตฺตาทิวเสน นวงฺคสฺส สาสนสฺส ปริเยฏฺิ ปริเยสนา อตฺถวิจารณา ‘‘นววิธ สุตฺตนฺตปริเยฏฺี’’ติ วุตฺตา. ตเทกเทเสสุ ปน ปเร เคยฺยาทโย สนิมิตฺตา วิเสสวิธโย เตน เตน นิมิตฺเตน ปติฏฺิตา. ตถา หิ เคยฺยสฺส สคาถกตฺตํ ตพฺภาวนิมิตฺตํ. โลเกปิ หิ สสิโลกํ สคาถกํ จุณฺณิยคนฺถํ ‘‘เคยฺย’’นฺติ ¶ วทนฺติ, คาถาวิรเห ปน สติ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตํ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนฺหิ ‘‘พฺยากรณ’’นฺติ วุจฺจติ, พฺยากรณเมว เวยฺยากรณํ. เอวํ สนฺเต สคาถกาทีนมฺปิ ปุจฺฉํ กตฺวา วิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺตานํ เวยฺยากรณภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ เคยฺยาทิสฺานํ อโนกาสภาวโต. สโอกาสวิธิโต หิ อโนกาสวิธิ พลวา. อปิจ ‘‘คาถาวิรเห สตี’’ติ วิเสสิตตฺตา. ยถาธิปฺเปตสฺส หิ อตฺถสฺส อนธิปฺเปตโต พฺยวจฺเฉทกํ วิเสสนํ. ตถา หิ ธมฺมปทาทีสุ เกวลคาถาพนฺเธสุ, สคาถกตฺเตปิ โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสฺุตฺเตสุ, ‘‘วุตฺตํ เหต’’นฺติอาทิวจน สมฺพนฺเธสุ, อพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺเตสุ จ สุตฺตวิเสเสสุ ยถากฺกมํ คาถาอุทานอิติวุตฺตก อพฺภุตธมฺมสฺา ปติฏฺิตา. เอตฺถ หิ สติปิ สฺานฺตรนิมิตฺตโยเค อโนกาสสฺานํ พลวภาเวเนว คาถาทิสฺา ปติฏฺิตา, ตถา สติปิ คาถาพนฺธภาเว ภควโต อตีตาสุ ชาตีสุ จริยานุภาวปฺปกาสเกสุ ชาตกสฺา ปติฏฺิตา, สติปิ ปฺหาวิสฺสชฺชนภาเว ¶ , สคาถกตฺเต จ เกสุจิ สุตฺตนฺเตสุ เวทสฺส ลภาปนโต เวทลฺลสฺา ปติฏฺิตา, เอวํ เตน เตน สคาถกตฺตาทินา นิมิตฺเตน เตสุ เตสุ สุตฺตวิเสเสสุ เคยฺยาทิสฺา ปติฏฺิตาติ วิเสสวิธโย สุตฺตงฺคโต ปเร เคยฺยาทโย, ยํ ปเนตฺถ เคยฺยงฺคาทินิมิตฺตรหิตํ, ตํ สุตฺตงฺคเมว วิเสสสฺาปริหาเรน สามฺสฺาย ปวตฺตนโต. นนุ จ เอวํ สนฺเตปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ เวยฺยากรณนฺติ ตทุภยวินิมุตฺตสฺส สุตฺตสฺส อภาวโต วิสุํ สุตฺตงฺคเมว น สิยาติ โจทนา ตทวตฺถา เอวาติ? น ตทวตฺถา โสธิตตฺตา. โสธิตฺหิ ปุพฺเพ คาถาวิรเห สติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนภาโว เวยฺยากรณสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตนฺติ.
ยฺจ วุตฺตํ ‘‘คาถาภาวโต มงฺคลสุตฺตาทีนํ (ขุ. ปา. ๑; สุ. นิ. ๒๖๑) สุตฺตงฺคสงฺคโห น สิยา’’ติ, ตมฺปิ น, นิรุฬฺหตฺตา. นิรุฬฺโห หิ มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตภาโว. น หิ ตานิ ธมฺมปทพุทฺธวํสาทโย วิย คาถาภาเวน สฺิตานิ, อถ โข สุตฺตภาเวเนว. เตเนว หิ อกถายํ ‘‘สุตฺตนามก’’นฺติ นามคฺคหณํ กตํ. ยฺจ ปน วุตฺตํ ‘‘สคาถกตฺตา เคยฺยงฺคสงฺคโห วา สิยา’’ติ, ตมฺปิ นตฺถิ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา สหตาฺเน, ตสฺมา. สหภาโว หิ นาม อตฺตโต อฺเน โหติ. สห คาถาหีติ จ สคาถกํ, น จ มงฺคลสุตฺตาทีสุ คาถาวินิมุตฺโต โกจิ สุตฺตปเทโส อตฺถิ, โย ‘‘สห คาถาหี’’ติ วุจฺเจยฺย, นนุ จ คาถาสมุทาโย ตเทกเทสาหิ คาถาหิ อฺโ โหติ, ยสฺส วเสน ‘‘สห คาถาหี’’ติ สกฺกา วตฺตุนฺติ? ตํ น. น หิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถิ, โย ตเทกเทเสหิ สห ภเวยฺย. กตฺถจิ ปน ‘‘ทีฆสุตฺตงฺกิตสฺสา’’ติอาทีสุ สมุทาเยกเทสานํ วิภาควจนํ โวหารมตฺตํ ปติ ปริยายวจนเมว, อยฺจ นิปฺปริยาเยน ปเภทวิภาคทสฺสนกถาติ ¶ . ยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อุภโตวิภงฺคาทีสุ สคาถกปฺปเทสานํ เคยฺยงฺคสงฺคโห สิยา’’ติ, ตมฺปิ น, อฺโต. อฺาเยว หิ ตา คาถา ชาตกาทิปริยาปนฺนตฺตา. ตาทิสาเยว หิ การณานุรูเปน ตตฺถ เทสิตา, อโต น ตาหิ อุภโตวิภงฺคาทีนํ เคยฺยงฺคภาโวติ. เอวํ สุตฺตาทินวงฺคานํ อฺมฺสงฺกราภาโว เวทิตพฺโพติ.
อิทานิ ¶ เอตานิ นวงฺคานิ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. นิทฺเทโส นาม สุตฺตนิปาเต –
‘‘กามํ กามยมานสฺส, ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌติ;
อทฺธา ปีติมโน โหติ, ลทฺธา มจฺโจ ยทิจฺฉตี’’ติอาทินา. (สุ. นิ. ๗๗๒); –
อาคตสฺส อฏฺกวคฺคสฺส;
‘‘เกนสฺสุ นิวุโต โลโก, (อิจฺจายสฺมา อชิโต);
เกนสฺสุ น ปกาสติ;
กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสิ,
กึสุ ตสฺส มหพฺภย’’นฺติอาทินา. (สุ. นิ. ๑๐๓๘); –
อาคตสฺส ปารายนวคฺคสฺส;
‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตสํ;
น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหายํ,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติอาทินา. (สุ. นิ. ๓๕); –
อาคตสฺส ขคฺควิสาณสุตฺตสฺส จ อตฺถวิภาควเสน สตฺถุกปฺเปน อายสฺมตา ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถเรน กโต นิทฺเทโส, โย ‘‘มหานิทฺเทโส, จูฬนิทฺเทโส’’ติ วุจฺจติ. เอวมิธ นิทฺเทสสฺส สุตฺตงฺคสงฺคโห ภทนฺตพุทฺธโธสาจริเยน ทสฺสิโต, ตถา อฺตฺถาปิ วินยฏฺกถาทีสุ ¶ , อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนาปิ เนตฺติปฺปกรณฏฺกถายํ. อปเร ปน นิทฺเทสสฺส คาถาเวยฺยากรณงฺเคสุ ทฺวีสุ สงฺคหํ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ นิทฺเทสฏฺกถายํ อุปเสนตฺเถเรน –
‘‘โส ปเนส วินยปิฏกํ…เป… อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺโน, ทีฆนิกาโย…เป… ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกมหานิกายปริยาปนฺโน, สุตฺตํ…เป… เวทลฺลนฺติ นวสุ สตฺถุสาสนงฺเคสุ ยถาสมฺภวํ คาถงฺคเวยฺยากรณงฺคทฺวยสงฺคหิโต’’ติ (มหานิ. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา).
เอตฺถ ¶ ตาว กตฺถจิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนสพฺภาวโต นิทฺเทเสกเทสสฺส เวยฺยากรณงฺคสงฺคโห ยุชฺชตุ, อคาถาภาวโต คาถงฺคสงฺคโห กถํ ยุชฺเชยฺยาติ วีมํสิตพฺพเมตํ. ธมฺมาปทาทีนํ วิย หิ เกวลํ คาถาพนฺธภาโว คาถงฺคสฺส ตพฺภาวนิมิตฺตํ. ธมฺมปทาทีสุ หิ เกวลํ คาถาพนฺเธสุ คาถาสมฺา ปติฏฺิตา, นิทฺเทเส จ น โกจิ เกวโล คาถาพนฺทปฺปเทโส อุปลพฺภติ. สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภาสิตานํเยว หิ อฏฺกวคฺคาทิสงฺคหิตานํ คาถานํ นิทฺเทสมตฺตํ ธมฺมเสนาปตินา กตํ. อตฺถวิภชนตฺถํ อานีตาปิ หิ ตา อฏฺกวคฺคาทิสงฺคหิตา นิทฺทิสิตพฺพา มูลคาถาโย สุตฺตนิปาตปริยาปนฺนตฺตา อฺาเยวาติ น นิทฺเทสสงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ อุภโตวิภงฺคาทีสุ อาคตาปิ ตํ โวหารมลภมานา ชาตกาทิปริยาปนฺนา คาถาโย วิย, ตสฺมา การณนฺตรเมตฺถ คเวสิตพฺพํ, ยุตฺตตรํ วา คเหตพฺพํ.
นาลกสุตฺตํ นาม ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติต ทิวสโต สตฺตเม ทิวเส นาลกตฺเถรสฺส ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปฺิสฺส’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๗๐๖) ภควตา ภาสิตํ โมเนยฺย ปฏิปทาปริทีปกํ สุตฺตํ. ตุวฏฺฏกสุตฺตํ นาม มหาสมยสุตฺตนฺตเทสนาย สนฺนิปติเตสุ เทเวสุ ‘‘กา นุ โข อรหตฺตปฺปตฺติยา ปฏิปตฺตี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ ตมตฺถํ ปกาเสตุํ นิมฺมิตพุทฺเธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา ‘‘มูลํ ปปฺจสงฺขายา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๙๒๒) ภควตา ภาสิตํ สุตฺตํ. เอวมิธ สุตฺตนิปาเต อาคตานํ มงฺคลสุตฺตาทีนํ สุตฺตงฺคสงฺคโห ทสฺสิโต, ตตฺเถว อาคตานํ อสุตฺตนามิกานํ สุทฺธิกคาถานํ คาถงฺคสงฺคหฺจ ทสฺสยิสฺสติ, เอวํ สติ สุตฺตนิปาตฏฺกถารมฺเภ –
‘‘คาถาสตสมากิณฺโณ, เคยฺยพฺยากรณงฺกิโต;
กสฺมา สุตฺตนิปาโตติ, สงฺขเมส คโตติ เจ’’ติ. (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา); –
สกลสฺสาปิ ¶ สุตฺตนิปาตสฺส เคยฺยเวยฺยากรณงฺคสงฺคโห กสฺมา โจทิโตติ? นายํ วิโรโธ. เกวลฺหิ ตตฺถ โจทเกน สคาถกตฺตํ, กตฺถจิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนตฺตฺจ คเหตฺวา โจทนามตฺตํ กตํ, อฺถา สุตฺตนิปาเต นิคฺคาถกสฺส สุตฺตสฺเสว อภาวโต เวยฺยากรณงฺคสงฺคโห น โจเทตพฺโพ สิยา, ตสฺมา โจทกสฺส วจนเมตํ อปฺปมาณนฺติ อิธ, อฺาสุ จ วินยฏฺกถาทีสุ วุตฺตนเยเนว ตสฺส ¶ สุตฺตงฺคคาถงฺคสงฺคโห ทสฺสิโตติ. สุตฺตนฺติ จุณฺณิยสุตฺตํ. วิเสเสนาติ ราสิภาเวน ิตํ สนฺธายาห. สคาถาวคฺโค เคยฺยนฺติ สมฺพนฺโธ.
‘‘อฏฺหิ องฺเคหิ อสงฺคหิตํ นาม ปฏิสมฺภิทาที’’ติ ตีสุปิ กิร คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. อปเร ปน ปฏิสมฺภิทามคฺคสฺส เคยฺยเวยฺยากรณงฺคทฺวยสงฺคหํ วทนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ตทฏฺกถายํ ‘‘นวสุ สตฺถุสาสนงฺเคสุ ยถาสมฺภวํ เคยฺยเวยฺยากรณงฺคทฺวยสงฺคหิต’’นฺติ (ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา), เอตฺถาปิ เคยฺยงฺคสงฺคหิตภาโว วุตฺตนเยน วีมํสิตพฺโพ. โน สุตฺตนามิกาติ อสุตฺตนามิกา สงฺคีติกาเล สุตฺตสมฺาย อปฺาตา. ‘‘สุทฺธิกคาถา นาม วตฺถุคาถา’’ติ ตีสุปิ กิร คณฺิปเทสุ วุตฺตํ, วตฺถุคาถาติ จ ปารายนวคฺคสฺส นิทานมาโรเปนฺเตน อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน สงฺคีติกาเล วุตฺตา ฉปฺปฺาส คาถาโย, นาลกสุตฺตสฺส นิทานมาโรเปนฺเตน เตเนว ตทา วุตฺตา วีสติมตฺตา คาถาโย จ วุจฺจนฺติ. สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๖๘๕) ปน ‘‘ปรินิพฺพุเต ภควติ สงฺคีตึ กโรนฺเตนายสฺมตา มหากสฺสเปน ตเมว โมเนยฺยปฏิปทํ ปุฏฺโ อายสฺมา อานนฺโท เยน, ยทา จ สมาทปิโต นาลกตฺเถโร ภควนฺตํ ปุจฺฉิ, ตํ สพฺพํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุกาโม ‘อานนฺทชาเต’ติอาทิกา (สุ. นิ. ๖๘๔) วีสติ วตฺถุคาถาโย วตฺวา วิสฺสชฺเชสิ, ตํ สพฺพมฺปิ ‘นาลกสุตฺต’’นฺติ วุจฺจตี’’ติ อาคตตฺตา นาลกสุตฺตสฺส วตฺถุคาถาโย นาลกสุตฺตคฺคหเณเนว คหิตาติ ปารายนวคฺคสฺส วตฺถุคาถาโย อิธ สุทฺธิกคาถาติ คเหตพฺพํ. ตตฺเถว จ ปารายนวคฺเค อชิตมาณวกาทีนํ โสฬสนฺนํ พฺราหฺมณานํ ปุจฺฉาคาถา, ภควโต วิสฺสชฺชนคาถา จ ปาฬิยํ สุตฺตนาเมน อวตฺวา ‘อชิตมาณวกปุจฺฉา, ติสฺสเมตฺเตยฺยมาณวกปุจฺฉา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๐๓๘) อาคตตฺตา, จุณฺณิยคนฺเถ หิ อสมฺมิสฺสตฺตา จ ‘‘โน สุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา นามา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
‘‘โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสํยุตฺตา’’ติ เอเตน อุทานฏฺเน อุทานนฺติ อนฺวตฺถสฺตํ ทสฺเสติ (อุทา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) กิมิทํ อุทานํ นาม? ปีติเวคสมุฏฺาปิโต อุทาหาโร. ยถา หิ ยํ เตลาทิ มินิตพฺพวตฺถุ มานํ คเหตุํ น สกฺโกติ, วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘อวเสสโก’’ติ วุจฺจติ. ยฺจ ¶ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘มโหโฆ’ติ วุจฺจติ, เอวเมว ยํ ปีติเวคสมุฏฺาปิตํ วิตกฺกวิปฺผารํ อนฺโตหทยํ สนฺธาเรตุํ ¶ น สกฺโกติ, โส อธิโก หุตฺวา อนฺโต อสณฺหิตฺวา พหิ วจีทฺวาเรน นิกฺขนฺโต ปฏิคฺคาหกนิรเปกฺโข อุทาหารวิเสโส ‘‘อุทาน’’นฺติ วุจฺจติ (อุทา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา) ‘‘อุท โมเท กีฬายฺจา’’ติ หิ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ, อิทฺจ เยภุยฺเยน วุตฺตํ ธมฺมสํเวควเสน อุทิตสฺสาปิ ‘‘สเจ ภายถ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทิอุทานสฺส (อุทา. ๔๔) อุทานปาฬิยํ อาคตตฺตา, ตถา‘‘คาถาปฏิสํยุตฺตา’’ติ อิทมฺปิ เยภุยฺเยเนว ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี, น อาโป’’ติอาทิกสฺส (อุทา. ๗๑) จุณฺณิยวากฺยวเสน อุทิตสฺสาปิ ตตฺถ อาคตตฺตา. นนุ จ อุทานํ นาม ปีติโสมนสฺสสมุฏฺฏาปิโต, ธมฺมสํเวคสมุฏฺาปิโต วา ธมฺมปฏิคฺคาหกนิรเปกฺโข คาถาพนฺธวเสน, จุณฺณิยวากฺยวเสน จ ปวตฺโต อุทาหาโร, ตถา เจว สพฺพตฺถ อาคตํ, อิธ กสฺมา ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อามนฺตนํ วุตฺตนฺติ? เตสํ ภิกฺขูนํ สฺาปนตฺถํ เอว, น ปฏิคฺคาหกกรณตฺถํ. นิพฺพานปฏิสํยุตฺตฺหิ ภควา ธมฺมํ เทเสตฺวา นิพฺพานคุณานุสฺสรเณน อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺเสน อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘อยํ นิพฺพานธมฺโม กถมปจฺจโย อุปลพฺภตี’’ติ เตสํ ภิกฺขูนํ เจโตปริวิตกฺกมฺาย เตสํ ตมตฺถํ าเปตุกาเมน ‘‘ตทายตน’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน เอกนฺตโต เต ปฏิคฺคาหเก กตฺวาติ เวทิตพฺพนฺติ.
ตยิทํ สพฺพฺุพุทฺธภาสิตํ ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ สาวกภาสิตนฺติ ติพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ –
‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตส’’นฺติ. อาทินา (สุ. นิ. ๓๕) –
ขคฺควิสาณสุตฺเต อาคตํ. สาวกภาสิตมฺปิ –
‘‘สพฺโพ ¶ ราโค ปหีโน เม,
สพฺโพ โทโส สมูหโต;
สพฺโพ เม วิหโต โมโห,
สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติ. อาทินา (เถรคา. ๗๙) –
เถรคาถาสุ ¶ ,
‘‘กาเยน สํวุตา อาสึ, วาจาย อุท เจตสา;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, สีติภูตามฺหิ นิพฺพุตา’’ติ. (เถรีคา. ๑๕); –
เถรีคาถาสุ จ อาคตํ. อฺานิปิ สกฺกาทีหิ เทเวหิ ภาสิตานิ ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติอาทีนิ (อุทา. ๒๗). โสณทณฺฑพฺราหฺมณาทีหิ มนุสฺเสหิ จ ภาสิตานิ ‘‘นโม ตสฺส ภควโต’’ติอาทีนิ (ที. นิ. ๒.๓๗๑; ม. นิ. ๑.๒๙๐; ๒.๒๙๐, ๓๕๗; สํ. นิ. ๑๑๘๗; ๒.๓๘; อ. นิ. ๕.๑๙๔) ติสฺโส สงฺคีติโย อารุฬฺหานิ อุทานานิ สนฺติ เอว, ตานิ สพฺพานิปิ อิธ น อธิปฺเปตานิ. ยํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธน สามํ อาหจฺจภาสิตํ ชินวจนภูตํ, ตเทว ธมฺมสงฺคาหเกหิ ‘‘อุทาน’’นฺติ สงฺคีตํ, ตเทว จ สนฺธาย ภควตา ปริยตฺติธมฺมํ นวธา วิภชิตฺวา อุทฺทิสนฺเตน ‘‘อุทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ยา ปน ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิกา (ธ. ป. ๑๕๓) คาถา ภควตา โพธิมูเล อุทานวเสน ปวตฺติตา, อเนกสตสหสฺสานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อุทานภูตา จ, ตา อปรภาเค ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส ภควตา เทสิตตฺตา ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคหํ อนาโรเปตฺวา ธมฺมปเท สงฺคหิตา, ยฺจ ‘‘อฺาสิ วต โภ โกณฺฑฺโ อฺาสิ วต โภ โกณฺฑฺโ’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๗; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) อุทานวจนํ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ ปเวทนสมตฺถนิคฺโฆสวิปฺผารํ ภควตา ภาสิตํ, ตทปิ ปมโพธิยํ สพฺเพสํ เอว ภิกฺขูนํ สมฺมาปฏิปตฺติปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ‘‘อาราธยึสุ วต มํ ภิกฺขู เอกํ สมย’’นฺติอาทิวจนํ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วิย ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาปริโยสาเน อตฺตนาปิ อธิคตธมฺเมกเทสสฺส ยถาเทสิตสฺส อริยมคฺคสฺส สพฺพปมํ สาวเกสุ เถเรน อธิคตตฺตา อตฺตโน ปริสฺสมสฺส สผลภาวปจฺจเวกฺขณเหตุตํ ปีติโสมนสฺสชนิตํ ¶ อุทาหารมตฺตํ, น ปน ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติอาทิวจนํ วิย (มหาว. ๑; อุทา. ๑) ปวตฺติยา, นิวตฺติยา วา ปกาสนนฺติ ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ น สงฺคีตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุทานปาฬิยํ ปน อฏฺสุ วคฺเคสุ ทส ทส กตฺวา อสีติเยว สุตฺตนฺตา สงฺคีตา. ตถา หิ ตทฏฺกถายํ วุตฺตํ –
‘‘อสีติเยว สุตฺตนฺตา, วคฺคา อฏฺ สมาสโต’’ติ. (อุทา. อฏฺ. คนฺถารมฺภกถา).
อิธ ¶ ปน ‘‘ทฺเวอสีติ สุตฺตนฺตา’’ติ วุตฺตํ, ตํ อุทานปาฬิยา น สเมติ, ตสฺมา ‘‘อสีติ สุตฺตนฺตา’’ติ ปาเน ภวิตพฺพํ. อปิจ น เกวลํ อิเธว, อถ โข อฺาสุปิ (วิ. อฏฺ. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถา) วินยาภิธมฺมฏฺกถาสุ (ธ. สํ. นิทานกถา) ตถาเยว วุตฺตตฺตา ‘‘อปฺปกํ ปน อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหตี’’ติ ปริยาเยน อเนกํเสน วุตฺตํ สิยา. ยถา วา ตถา วา อนุมาเนน คณนเมว หิ ตตฺถ ตตฺถ อูนาธิกสงฺขฺยา, อิตรถา ตาเยว น สิยุนฺติปิ วทนฺติ, ปจฺฉา ปมาทเลขวจนํ วา เอตํ.
วุตฺตฺเหตํ ภควตาติอาทินยปฺปวตฺตาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา, วุตฺตมรหตาติ เม สุตํ. เอกธมฺมํ ภิกฺขเว, ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตาย. กตมํ เอกธมฺมํ? โลภํ ภิกฺขเว, เอกธมฺมํ ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตายา’’ติ (อิติวุ. ๑) เอวมาทินา เอกทุกติกจตุกฺกนิปาตวเสน วุตฺตํ ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตสมูหํ สงฺคณฺหาติ. ตถา หิ อิติวุตฺตกปาฬิยเมว อุทานคาถาหิ ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตานิ คเณตฺวา สงฺคีตานิ, ตทฏฺกถายมฺปิ (อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ตถาเยว วุตฺตํ. ตสฺมา ‘‘ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา’’ อิจฺเจว ปาเน ภวิตพฺพํ, ยถาวุตฺตนเยน วา อเนกํสโต วุตฺตนฺติปิ วตฺตุํ สกฺกา, ตถาปิ อีทิเส าเน ปมาณํ ทสฺเสนฺเตน ยาถาวโตว นิยเมตฺวา ทสฺเสตพฺพนฺติ ‘‘ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา’’ติ อิทํ ปจฺฉา ปมาทเลขเมวาติ คเหตพฺพนฺติ วทนฺติ. อิติ เอวํ ภควตา วุตฺตํ อิติวุตฺตํ. อิติวุตฺตนฺติ สงฺคีตํ อิติวุตฺตกํ. รุฬฺหินามํ วา เอตํ ยถา ‘‘เยวาปนกํ, นตุมฺหากวคฺโค’’ติ, วุตฺตฺเหตํ ภควตา, วุตฺตมรหตาติ เม สุตนฺติ นิทานวจเนน สงฺคีตํ ยถาวุตฺตสุตฺตสมูหํ.
ชาตํ ¶ ภูตํ ปุราวุตฺถํ ภควโต ปุพฺพจริตํ กายติ กเถติ ปกาเสติ เอเตนาติ ชาตกํ, ตํ ปน อิมานีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปณฺณกชาตกาทีนี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ปฺาสาธิกานิ ปฺจชาตกสตานี’’ติ อิทํ อปฺปกํ ปน อูนมธิกํ วา คณนูปคํ น โหตีติ กตฺวา อเนกํเสน, โวหารสุขตามตฺเตน จ วุตฺตํ. เอกํสโต หิ สตฺตจตฺตาลีสาธิกานิเยว ยถาวุตฺตคณนโต ตีหิ อูนตฺตา. ตถา หิ เอกนิปาเต ปฺาสสตํ, ทุกนิปาเต สตํ, ติกนิปาเต ปฺาส, ตถา จตุกฺกนิปาเต, ปฺจกนิปาเต ปฺจวีส, ฉกฺกนิปาเต วีส, สตฺตนิปาเต เอกวีส, อฏฺนิปาเต ทส, นวนิปาเต ทฺวาทส, ทสนิปาเต โสฬส, เอกาทสนิปาเต นว, ทฺวาทสนิปาเต ทส, ตถา เตรสนิปาเต, ปกิณฺณกนิปาเต เตรส, วีสตินิปาเต จุทฺทส, ตึสนิปาเต ทส, จตฺตาลีสนิปาเต ปฺจ, ปณฺณาสนิปาเต ตีณิ, สฏฺินิปาเต ¶ ทฺเว, ตถา สตฺตตินิปาเต, อสีตินิปาเต ปฺจ, มหานิปาเต ทสาติ สตฺตจตฺตาลีสาธิกาเนว ปฺจ ชาตกสตานิ สงฺคีตานีติ.
อพฺภุโต ธมฺโม สภาโว วุตฺโต ยตฺถาติ อพฺภุตธมฺมํ, ตํ ปนิทนฺติ อาห ‘‘จตฺตาโรเม’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน เจตฺถ –
‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท. กตเม จตฺตาโร? สเจ ภิกฺขเว, ภิกฺขุปริสา อานนฺทํ ทสฺสนาย อุปสงฺกมติ, ทสฺสเนนปิ สา อตฺตมนา โหติ. ตตฺร เจ อานนฺโท, ธมฺมํ ภาสติ, ภาสิเตนปิ สา อตฺตมนา โหติ, อติตฺตาว ภิกฺขเว ภิกฺขุปริสา โหติ, อถ อานนฺโท ตุณฺหี ภวติ. สเจ ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีปริสา…เป… อุปาสกปริสา…เป… อุปาสิกา – ปริสา…เป… ตุณฺหี ภวติ. อิเม โข ภิกฺขเว…เป… อานนฺเท’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๒๙) –
เอวมาทินยปฺปวตฺตํ ตตฺถ ตตฺถ ภาสิตํ สพฺพมฺปิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺตํ สุตฺตนฺตํ สงฺคณฺหาติ.
จูฬเวทลฺลาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๖๐) วิสาเขน นาม อุปาสเกน ปุฏฺาย ธมฺมทินฺนาย นาม ภิกฺขุนิยา ภาสิตํ สุตฺตํ จูฬเวทลฺลํ นาม. มหาโกฏฺิกตฺเถเรน ปุจฺฉิเตน อายสฺมตา สาริปุตฺตตฺเถเรน ภาสิตํ มหาเวทลฺลํ (ม. นิ. ๑.๔๔๙) นาม. สมฺมาทิฏฺิสุตฺตมฺปิ ¶ (ม. นิ. ๑.๘๙) ภิกฺขูหิ ปุฏฺเน เตเนว ภาสิตํ, เอตานิ มชฺฌิมนิกายปริยาปนฺนานิ. สกฺกปฺหํ (ที. นิ. ๒.๓๔๔) ปน สกฺเกน ปุฏฺโ ภควา อภาสิ, ตํ ทีฆนิกายปริยาปนฺนํ. มหาปุณฺณมสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๘๕) ปน ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปุณฺณมาย รตฺติยา อฺตเรน ภิกฺขุนา ปุฏฺเน ภควตา ภาสิตํ, ตํ มชฺฌิมนิกายปริยาปนฺนํ. เอวมาทโย สพฺเพปิ ตตฺถ ตตฺถาคตา เวทฺจ ตุฏฺิฺจ ลทฺธา ลทฺธา ปุจฺฉิตสุตฺตนฺตา ‘‘เวทลฺล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. เวทนฺติ าณํ. ตุฏฺินฺติ ยถาภาสิตธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา ‘‘สาธุ อยฺเย สาธาวุโส’’ติอาทินา อพฺภนุโมทนวสปฺปวตฺตํ ปีติโสมนสฺสํ. ลทฺธา ลทฺธาติ ลภิตฺวา ลภิตฺวา, ปุนปฺปุนํ ลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ, เอเตน เวทสทฺโท าเณ, โสมนสฺเส จ เอกเสสนเยน, สามฺนิทฺเทเสน วา ปวตฺตติ, เวทมฺหิ นิสฺสิตํ ตสฺส ลภาปนวเสนาติ เวทลฺลนฺติ จ ทสฺเสติ.
เอวํ ¶ องฺควเสน สกลมฺปิ พุทฺธวจนํ วิภชิตฺวา อิทานิ ธมฺมกฺขนฺธวเสน วิภชิตุกาโม ‘‘กถ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ธมฺมกฺขนฺธวเสนาติ ธมฺมราสิวเสน. ‘‘ทฺวาสีตี’’ติ อยํ คาถา วุตฺตตฺถาว. เอวํ ปริทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสนาติ โคปกโมคฺคลฺลาเนน นาม พฺราหฺมเณน ปุฏฺเน โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๗๙) อตฺตโน คุณปฺปกาสนตฺถํ วา เถรคาถายํ (เถรคา. ๑๐๑๗ อาทโย) อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน สมนฺตโต ทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสน อิมินา เอวํ เตน อปริทีปิตาปิ ธมฺมกฺขนฺธา สนฺตีติ ปกาเสติ, ตสฺมา กถาวตฺถุปฺปกรณ มาธุริยสุตฺตาทีนํ (ม. นิ. ๒.๓๑๗) วิมานวตฺถาทีสุ เกสฺจิ คาถานฺจ วเสน จตุราสีติสหสฺสโตปิ ธมฺมกฺขนฺธานํ อธิกตา เวทิตพฺพา.
เอตฺถ จ สุภสุตฺตํ (ที. นิ. ๑.๔๔๔), โคปกโมคฺคลฺลานสุตฺตฺจ ปรินิพฺพุเต ภควติ อานนฺทตฺเถเรน ภาสิตตฺตา จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ อนฺโตคธํ โหติ, น โหตีติ? ปฏิสมฺภิทาคณฺิปเท ตาว อิทํ วุตฺตํ ‘‘สยํ วุตฺตธมฺมกฺขนฺธานมฺปิ ภิกฺขุโต คหิเตเยว สงฺคเหตฺวา เอวมาหาติ ทฏฺพฺพ’’นฺติ, ภควตา ปน ทินฺนนเย ตฺวา ภาสิตตฺตา ‘‘สยํ วุตฺตมฺปิ เจตํ สุตฺตทฺวยํ ภควโต คหิเตเยว สงฺคเหตฺวา วุตฺต’’นฺติ เอวมฺปิ วตฺตุํ ยุตฺตตรํ วิย ทิสฺสติ. ภควตา หิ ทินฺนนเย ตฺวา สาวกา ธมฺมํ เทเสนฺติ, เตเนว สาวกภาสิตมฺปิ กถาวตฺถาทิกํ พุทฺธภาสิตํ นาม ชาตํ ¶ , ตโตเยว จ อตฺตนา ภาสิตมฺปิ สุภสุตฺตาทิกํ สงฺคีติมาโรเปนฺเตน อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วุตฺตํ.
เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ สติปฏฺานาทิ. สติปฏฺานสุตฺตฺหิ ‘‘เอกายโน อยํ ภิกฺขเว, มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖; สํ. นิ. ๓.๓๖๗-๓๘๔) จตฺตาโร สติปฏฺาเน อารภิตฺวา เตสํเยว วิภาคทสฺสนวเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘เอกานุสนฺธิก’’นฺติ วุจฺจติ. อเนกานุสนฺธิกํ ปรินิพฺพานสุตฺตาทิ (ที. นิ. ๒.๑๓๑ อาทโย) ปรินิพฺพานสุตฺตฺหิ นานาาเนสุ นานาธมฺมเทสนานํ วเสน ปวตฺตตฺตา ‘‘อเนกานุสนฺธิก’’นฺติ วุจฺจติ.
‘‘กติ ฉินฺเท กติ ชเห, กติ จุตฺตริ ภาวเย;
กติ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, ‘โอฆติณฺโณ’ติ วุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๕); –
เอวมาทินา ปฺหาปุจฺฉนํ คาถาพนฺเธสุ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ.
‘‘ปฺจ ¶ ฉินฺเท ปฺจ ชเห, ปฺจ จุตฺตริ ภาวเย;
ปฺจ สงฺคาติโค ภิกฺขุ, ‘โอฆติณฺโณ’ติ วุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๕); –
เอวมาทินา จ วิสฺสชฺชนํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ.
ติกทุกภาชนํ ธมฺมสงฺคณิยํ นิกฺเขปกณฺฑอฏฺกถากณฺฑวเสน คเหตพฺพํ. ตสฺมา ยํ กุสลตฺติกมาติกาปทสฺส (ธ. ส. ๑) วิภชนวเสน นิกฺเขปกณฺเฑ วุตฺตํ –
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ตีณิ กุสลมูลานิ…เป… อิเม ธมฺมา กุสลา. กตเม ธมฺมา อกุสลา? ตีณิ อกุสลมูลานิ…เป… อิเม ธมฺมา อกุสลา. กตเม ธมฺมา อพฺยากตา’’? กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากา…เป… อิเม ธมฺมา อพฺยากตา’’ติ (ธ. ส. ๑๘๗),
อยเมโก ธมฺมกฺขนฺโธ. เอส นโย เสสตฺติกทุกปทวิภชเนสุปิ. ยทปิ อฏฺกถากณฺเฑ วุตฺตํ –
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? จตูสุ ภูมีสุ กุสลํ. อิเม ธมฺมา กุสลา. กตเม ธมฺมา อกุสลา? ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา. อิเม ธมฺมา อกุสลา. กตเม ธมฺมา อพฺยากตา? จตูสุ ¶ ภูมีสุ วิปาโก ตีสุ ภูมีสุ กิริยาพฺยากตํ รูปฺจ นิพฺพานฺจ. อิเม ธมฺมา อพฺยากตา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๘๖),
อยํ กุสลตฺติกมาติกาปทสฺส วิภชนวเสน ปวตฺโต เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ. เอส นโย เสเสสุปิ. จิตฺตวารภาชนํ ปน จิตฺตุปฺปาทกณฺฑ วเสน (ธ. ส. ๑) คเหตพฺพํ. ยฺหิ ตตฺถ วุตฺตํ กุสลจิตฺตวิภชนตฺถํ –
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหตี’’ติ (ธ. ส. ๑),
อยเมโก ¶ ธมฺมกฺขนฺโธ. เอวํ เสสจิตฺตวารวิภชเนสุ. เอโก ธมฺมกฺขนฺโธติ (เอกเมโก ธมฺมกฺขนฺโธ ฉฬ อฏฺ.) จ เอเกโก ธมฺมกฺขนฺโธติ อตฺโถ. ‘‘เอกเมกํ ติกทุกภาชนํ, เอกเมกํ จิตฺตวารภาชน’’นฺติ จ วจนโต หิ ‘‘เอเกโก’’ติ อวุตฺเตปิ อยมตฺโถ สามตฺถิยโต วิฺายมาโนว โหติ.
วตฺถุ นาม สุทินฺนกณฺฑาทิ. มาติกา นาม ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติอาทินา (ปารา. ๔๔) ตสฺมึ ตสฺมึ อชฺฌาจาเร ปฺตฺตํ อุทฺเทส สิกฺขาปทํ. ปทภาชนิยนฺติ ตสฺส ตสฺส สิกฺขาปทสฺส ‘‘โย ปนาติ โย ยาทิโส’’ติอาทิ (ปารา. ๔๕) นยปฺปวตฺตํ ปทวิภชนํ. อนฺตราปตฺตีติ ‘‘ปฏิลาตํ อุกฺขิปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๓๕๕) เอวมาทินา สิกฺขาปทนฺตเรสุ ปฺตฺตา อาปตฺติ. อาปตฺตีติ ตํตํสิกฺขาปทานุรูปํ วุตฺโต ติกจฺเฉทมุตฺโต อาปตฺติวาโร. อนาปตฺตีติ ‘‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส อสาทิยนฺตสฺส ขิตฺตจิตฺตสฺส เวทนาฏฺฏสฺส อาทิกมฺมิกสฺสา’’ติอาทิ (ปารา. ๖๖) นยปฺปวตฺโต อนาปตฺติวาโร. ติกจฺเฉโทติ ‘‘ทสาหาติกฺกนฺเต อติกฺกนฺตสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ, ทสาหาติกฺกนฺเต เวมติโก…เป… ทสาหาติกฺกนฺเต อนติกฺกนฺตสฺี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปารา. ๔๖๘) เอวมาทินยปฺปวตฺโต ติกปาจิตฺติย-ติก-ทุกฺกฏาทิเภโท ติกปริจฺเฉโท. ตตฺถาติ เตสุ วตฺถุมาติกาทีสุ.
เอวํ ¶ อเนกนยสมลงฺกตํ สงฺคีติปฺปการํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย…เป… อิมานิ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ พุทฺธวจนํ ธมฺมวินยาทิเภเทน ววตฺถเปตฺวา สงฺคายนฺเตน มหากสฺสปปฺปมุเขน วสีคเณน อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฏิมณฺฑิตาย สงฺคีติยา อิมสฺส ทีฆาคมสฺส ธมฺมภาโว, มชฺฌิมพุทฺธวจนาทิภาโว จ ววตฺถาปิโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิมาห. สาธารณวจเนน ทสฺสิเตปิ หิ ‘‘ยทตฺถํ สํวณฺเณตุํ อิทมารภติ, โสเยว ปธานวเสน ทสฺสิโต’’ติ อาจริเยหิ อยํ สมฺพนฺโธ วุตฺโต. อปโร นโย – เหฏฺา วุตฺเตสุ เอกวิธาทิเภทภินฺเนสุ ปกาเรสุ ธมฺมวินยาทิภาโว สงฺคีติการเก เหว สงฺคีติกาเล ววตฺถาปิโต, น ปจฺฉา กปฺปนมตฺตสิทฺโธติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมต’’นฺติอาทิมาหาติปิ วตฺตพฺโพ. น เกวลํ ยถาวุตฺตปฺปการเมว ววตฺถาเปตฺวา สงฺคีตํ, อถ โข อฺมฺปีติ ทสฺเสติ ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทินา. อุทานสงฺคโห นาม ปมปาราชิกาทีสุ อาคตานํ วินีตวตฺถุอาทีนํ สงฺเขปโต สงฺคหทสฺสนวเสน ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปิตา –
‘‘มกฺกฏี ¶ วชฺชิปุตฺตา จ, คิหี นคฺโค จ ติตฺถิยา;
ทาริกุปฺปลวณฺณา จ, พฺยฺชเนหิ ปเร ทุเว’’ติ. อาทิกา (ปารา. ๖๖); –
คาถาโย. วุจฺจมานสฺส หิ วุตฺตสฺส วา อตฺถสฺส วิปฺปกิณฺณภาเวน ปวตฺติตุํ อทตฺวา อุทฺธํ ทานํ รกฺขณํ อุทานํ, สงฺคหวจนนฺติ อตฺโถ. สีลกฺขนฺธวคฺคมูลปริยายวคฺคาทิวเสน วคฺคสงฺคโห. วคฺโคติ หิ ธมฺมสงฺคาหเกเหว กตา สุตฺตสมุทายสฺส สมฺา. อุตฺตริมนุสฺสเปยฺยาลนีลเปยฺยาลาทิวเสน เปยฺยาลสงฺคโห. ปาตุํ รกฺขิตุํ, วิตฺถาริตุํ วา อลนฺติ หิ เปยฺยาลํ, สงฺขิปิตฺวา ทสฺสนวจนํ. องฺคุตฺตรนิกายาทีสุ นิปาตสงฺคโห, คาถงฺคาทิวเสน นิปาตนํ. สมุทายกรณฺหิ นิปาโต. เทวตาสํยุตฺตาทิวเสน (สํ. นิ. ๑.๑) สํยุตฺตสงฺคโห. วคฺคสมุทาเย เอว ธมฺมสงฺคาหเกหิ กตา สํยุตฺตสมฺา. มูลปณฺณาสกาทิวเสน ปณฺณาสสงฺคโห, ปฺาส ปฺาส สุตฺตานิ คเณตฺวา สงฺคโหติ วุตฺตํ โหติ. อาทิสทฺเทน ตสฺสํ ตสฺสํ ปาฬิยํ ทิสฺสมานํ สงฺคีติการกวจนํ สงฺคณฺหาติ. อุทานสงฺคห…เป… ปณฺณาสสงฺคหาทีหิ อเนกวิธํ ตถา. สตฺตหิ มาเสหีติ กิริยาปวคฺเค ตติยา ‘‘เอกาเหเนว ¶ พาราณสึ ปายาสิ. นวหิ มาเสหิ วิหารํ นิฏฺาเปสี’’ติอาทีสุ วิย. กิริยาย อาสุํ ปรินิฏฺาปนฺหิ กิริยาปวคฺโค.
ตทา อเนกจฺฉริยปาตุภาวทสฺสเนน สาธูนํ ปสาทชนนตฺถมาห ‘‘สงฺคีติปริโยสาเน จสฺสา’’ติอาทิ. อสฺส พุทฺธวจนสฺส สงฺคีติปริโยสาเน สฺชาตปฺปโมทา วิย, สาธุการํ ททมานา วิย จ สงฺกมฺปิ…เป… ปาตุรเหสุนฺติ สมฺพนฺโธ. วิยาติ หิ อุภยตฺถ โยเชตพฺพํ. ปวตฺตเน, ปวตฺตนาย วา สมตฺถํ ปวตฺตนสมตฺถํ. อุทกปริยนฺตนฺติ ปถวีสนฺธารกอุทกปริโยสานํ กตฺวา, สห เตน อุทเกน, ตํ วา อุทกํ อาหจฺจาติ วุตฺตํ โหติ, เตน เอกเทสกมฺปนํ นิวาเรติ. สงฺกมฺปีติ อุทฺธํ อุทฺธํ คจฺฉนฺตี สุฏฺุ กมฺปิ. สมฺปกมฺปีติ อุทฺธมโธ จ คจฺฉนฺตี สมฺมา ปกาเรน กมฺปิ. สมฺปเวธีติ จตูสุ ทิสาสุ คจฺฉนฺตี สุฏฺุ ภิยฺโย ปเวธิ. เอวํ เอเตน ปทตฺตเยน ฉปฺปการํ ปถวีจลนํ ทสฺเสติ. อถ วา ปุรตฺถิมโต, ปจฺฉิมโต จ อุนฺนมนโอนมนวเสน สงฺกมฺปิ. อุตฺตรโต, ทกฺขิณโต จ อุนฺนมนโอนมนวเสน สมฺปกมฺปิ. มชฺฌิมโต, ปริยนฺตโต จ อุนฺนมนโอนมนวเสน สมฺปเวธิ. เอวมฺปิ ฉปฺปการํ ปถวีจลนํ ทสฺเสติ, ยํ สนฺธาย อฏฺกถาสุ วุตฺตํ –-
‘‘ปุรตฺถิมโต อุนฺนมติ ปจฺฉิมโต โอนมติ, ปจฺฉิมโต อุนฺนมติ ปุรตฺถิมโต โอนมติ, อุตฺตรโต อุนฺนมติ ทกฺขิณโต โอนมติ, ทกฺขิณโต อุนฺนมติ อุตฺตรโต โอนมติ ¶ , มชฺฌิมโต อุนฺนมติ ปริยนฺตโต โอนมติ, ปริยนฺตโต อุนฺนมติ มชฺฌิมโต โอนมตีติ เอวํ ฉปฺปการํ…เป… อกมฺปิตฺถา’’ติ (พุ. วํ. อฏฺ. ๗๑).
อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตานิ อจฺฉริยานิ, ปุปฺผวสฺสเจลุกฺเขปาทีนิ อฺายปิ สา สมฺาย ปากฏาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ยา โลเก’’ติอาทิ. ยา ปมมหาสงฺคีติ ธมฺมสงฺคาหเกหิ มหากสฺสปาทีหิ ปฺจหิ สเตหิ เยน กตา สงฺคีตา, เตน ปฺจ สตานิ เอติสฺสาติ ‘‘ปฺจสตา’’ติ จ เถเรเหว กตตฺตา เถรา มหากสฺสปาทโย เอติสฺสา, เถเรหิ วา กตาติ ‘‘เถริกา’’ติ จ โลเก ปวุจฺจติ, อยํ ปมมหาสงฺคีติ นามาติ สมฺพนฺโธ.
เอวํ ¶ ปมมหาสงฺคีติ ทสฺเสตฺวา ยทตฺถํ สา อิธ ทสฺสิตา, อิทานิ ตํ นิทานํ นิคมนวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมิสฺสา’’ติอาทิมาห. อาทินิกายสฺสาติ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺเนสุ ปฺจสุ นิกาเยสุ อาทิภูตสฺส ทีฆนิกายสฺส. ขุทฺทกปริยาปนฺโน หิ วินโย ปมํ สงฺคีโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สุตฺตนฺต ปิฏเก’’ติ. เตนาติ ตถาวุตฺตตฺตา, อิมินา ยถาวุตฺตปมมหาสงฺคีติยํ ตถาวจนเมว สนฺธาย มยา เหฏฺา เอวํ วุตฺตนฺติ ปุพฺพาปรสมฺพนฺธํ, ยถาวุตฺตวิตฺถารวจนสฺส วา คุณํ ทสฺเสตีติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย อชฺชวมทฺทวโสรจฺจสทฺธาสติธิติพุทฺธิขนฺติ วีริยาทิธมฺมสมงฺคินา สาฏฺกเถ ปิฏกตฺตเย อสงฺคาสํหีรวิสารทาณจารินา อเนกปฺปเภทสกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหินา มหาคณินา มหาเวยฺยากรเณน าณาภิวํสธมฺมเสนาปตินามเถเรน มหาธมฺมราชาธิราชครุนา กตาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา พาหิรนิทานวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
นิทานกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. พฺรหฺมชาลสุตฺตํ
ปริพฺพาชกกถาวณฺณนา
๑. เอตฺตาวตา ¶ ¶ จ ปรมสณฺหสุขุมคมฺภีรทุทฺทสาเนกวิธนยสมลงฺกตํ พฺรหฺมชาลสฺส สาธารณโต พาหิรนิทานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อพฺภนฺตรนิทานํ สํวณฺเณนฺโต อตฺถาธิคมสฺส สุนิกฺขิตฺตปทมูลกตฺตา, สุนิกฺขิตฺตปทภาวสฺส จ ‘‘อิทเมว’’นฺติ สภาววิภาวเนน ปทวิภาเคน สาเธตพฺพตฺตา ปมํ ตาว ปทวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ เอว’’นฺติอาทิมาห. ปทวิภาเคน หิ ‘‘อิทํ นาม เอตํ ปท’’นฺติ วิชานเนน ตํตํปทานุรูปํ ลิงฺควิภตฺติ วจน กาลปโยคาทิกํ สมฺมาปติฏฺาปนโต ยถาวุตฺตสฺส ปทสฺส สุนิกฺขิตฺตตา โหติ, ตาย จ อตฺถสฺส สมธิคมิยตา. ยถาห ‘‘สุนิกฺขิตฺตสฺส ภิกฺขเว – ปทพฺยฺชนสฺส อตฺโถปิ สุนโยโหตี’’ติอาทิ. อปิจ สมฺพนฺธโต, ปทโต, ปทวิภาคโต, ปทตฺถโต อนุโยคโต, ปริหารโต จาติ ฉหากาเรหิ อตฺถวณฺณนา กาตพฺพา. ตตฺถ สมฺพนฺโธ นาม เทสนาสมฺพนฺโธ, ยํ โลกิยา ‘‘อุมฺมุคฺฆาโต’’ติปิ วทนฺติ, โส ปน ปาฬิยา นิทานปาฬิวเสน, นิทานปาฬิยา จ สงฺคีติวเสน เวทิตพฺโพ. ปมมหาสงฺคีตึ ทสฺเสนฺเตน หิ นิทานปาฬิยา สมฺพนฺโธ ทสฺสิโต, ตสฺมา ปทาทิวเสเนว สํวณฺณนํ กโรนฺโต ‘‘เอว’’นฺติอาทิมาห. เอตฺถ จ ‘‘เอวนฺติ นิปาตปทนฺติอาทินา ปทโต, ปทวิภาคโต จ สํวณฺณนํ กโรติ ปทานํ ตพฺพิเสสานฺจ ทสฺสิตตฺตา. ปทวิภาโคติ หิ ปทานํ วิเสโสเยว อธิปฺเปโต, น ปทวิคฺคโห. ปทานิ จ ปทวิภาโค จ ปทวิภาโค. อถ วา ปทวิภาโค จ ปทวิคฺคโห จ ปทวิภาโคติ เอกเสสวเสน ปทปทวิคฺคหาปิ ปทวิภาคสทฺเทน วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ปทวิคฺคหโต ปน ‘‘ภิกฺขูนํ สงฺโฆ’’ติอาทินา อุปริ สํวณฺณนํ กริสฺสติ, ตถา ปทตฺถานุโยคปริหาเรหิปิ. เอวนฺติ เอตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺอิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ อนฺตราสทฺท จ สทฺทาทีนมฺปิ สงฺคหิตตฺตา, นยคฺคหเณน วา เต คหิตา. เตนาห ‘‘เมติอาทีนิ นามปทานี’’ติ. อิตรถา หิ อนฺตราสทฺทํ จ สทฺทาทีนมฺปิ นิปาตภาโว วตฺตพฺโพ สิยา. เมติอาทีนีติ เอตฺถ ปน อาทิ-สทฺเทน ยาว ¶ ปฏิสทฺโท ¶ , ตาว ตทวสิฏฺาเยว สทฺทา สงฺคหิตา. ปฏีติ อุปสคฺคปทํ ปติสทฺทสฺส การิยภาวโต.
อิทานิ อตฺถุทฺธารกฺกเมน ปทตฺถโต สํวณฺณนํ กโรนฺโต ‘‘อตฺถโต ปนา’’ติอาทิมาห. อิมสฺมึ ปน าเน โสตูนํ สํวณฺณนานยโกสลฺลตฺถํ สํวณฺณนาปฺปการา วตฺตพฺพา. กถํ?
เอกนาฬิกา กถา จ, จตุรสฺสา ตถาปิ จ;
นิสินฺนวตฺติกา เจว, ติธา สํวณฺณนํ วเท.
ตตฺถ ปาฬึ วตฺวา เอเกกปทสฺส อตฺถกถนํ เอกาย นาฬิยา มินิตสทิสตฺตา, เอเกกํ วา ปทํ นาฬํ มูลํ, เอกเมกํ ปทํ วา นาฬิกา อตฺถนิคฺคมนมคฺโค เอติสฺสาติ กตฺวา เอกนาฬิกา นาม. ปฏิปกฺขํ ทสฺเสตฺวา, ปฏิปกฺขสฺส จ อุปมํ ทสฺเสตฺวา, สปกฺขํ ทสฺเสตฺวา, สปกฺขสฺส จ อุปมํ ทสฺเสตฺวา, กถนํ จตูหิ ภาเคหิ วุตฺตตฺตา, จตฺตาโร วา รสฺสา สลฺลกฺขณูปายา เอติสฺสาติ กตฺวา จตุรสฺสา นาม, วิสภาคธมฺมวเสเนว ปริโยสานํ คนฺตฺวา ปุน สภาคธมฺมวเสเนว ปริโยสานคมนํ นิสีทาเปตฺวา ปติฏฺาเปตฺวา อาวตฺตนยุตฺตตฺตา, นิยมโต วา นิสินฺนสฺส อารทฺธสฺส วตฺโต สํวตฺโต เอติสฺสาติ กตฺวา นิสินฺนวตฺติกา นาม, ยถารทฺธสฺส อตฺถสฺส วิสุํ วิสุํ ปริโยสานาปิ นิยุตฺตาติ วุตฺตํ โหติ, โสทาหรณา ปน กถา องฺคุตฺตรฏฺกถาย ตฏฺฏีกายํ เอกาทสนิปาเต โคปาลกสุตฺตวณฺณนาโต คเหตพฺพา.
เภทกถา ตตฺวกถา, ปริยายกถาปิ จ;
อิติ อตฺถกฺกเม วิทฺวา, ติธา สํวณฺณนํ วเท.
ตตฺถ ปกติอาทิวิจารณา เภทกถา ยถา ‘‘พุชฺฌตีติ พุทฺโธ’’ติอาทิ. สรูปวิจารณา ตตฺวกถา ยถา ‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก’’ติอาทิ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑). เววจนวิจารณา ปริยายกถา ยถา ‘‘พุทฺโธ ภควา สพฺพฺู โลกนายโก’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๓๘ เววจนาหารวิภงฺคนิสฺสิโต ปาฬิ).
ปโยชนฺจ ปิณฺฑตฺโถ, อนุสนฺธิ จ โจทนา;
ปริหาโร จ สพฺพตฺถ, ปฺจธา วณฺณนํ วเท.
ตตฺถ ¶ ¶ ปโยชนํ นาม เทสนาผลํ, ตํ ปน สุตมยาณาทิ. ปิณฺฑตฺโถ นาม วิปฺปกิณฺณสฺส อตฺถสฺส สุวิชานนตฺถํ สมฺปิณฺเฑตฺวา กถนํ. อนุสนฺธิ นาม ปุจฺฉานุสนฺธาทิ. โจทนา นาม ยถาวุตฺตสฺส วจนสฺส วิโรธิกถนํ. ปริหาโร นาม ตสฺส อวิโรธิกถนํ.
อุมฺมุคฺฆาโต ปทฺเจว, ปทตฺโถ ปทวิคฺคโห;
จาลนา ปจฺจุปฏฺานํ, ฉธา สํวณฺณนํ วเท. (วชิร. ฏี. ปมมหาสงฺคีติวณฺณนา);
ตตฺถ อชฺฌตฺติกาทินิทานํ อุมฺมุคฺฆาโต. ‘‘เอวมิท’’นฺติ นานาวิเธน ปทวิเสสตากถนํ ปทํ, สทฺทตฺถาธิปฺปายตฺถาทิ ปทตฺโถ. อเนกธา นิพฺพจนํ ปทวิคฺคโห. จาลนา นาม โจทนา. ปจฺจุปฏฺานํ ปริหาโร.
สมุฏฺานํ ปทตฺโถ จ, ภาวานุวาทวิธโย;
วิโรโธ ปริหาโร จ, นิคมนนฺติ อฏฺธา.
ตตฺถ สมุฏฺานนฺติ อชฺฌตฺติกาทินิทานํ. ปทตฺโถติ อธิปฺเปตานธิปฺเปตาทิวเสน อเนกธา ปทสฺส อตฺโถ. ภาโวติ อธิปฺปาโย. อนุวาทวิธโยติ ปมวจนํ วิธิ, ตทาวิกรณวเสน ปจฺฉา วจนํ อนุวาโท, วิเสสนวิเสสฺยานํ วา วิธานุวาท สมฺา. วิโรโธติ อตฺถนิจฺฉยนตฺถํ โจทนา. ปริหาโรติ ตสฺสา โสธนา. นิคมนนฺติ อนุสนฺธิยา อนุรูปํ อปฺปนา.
อาทิโต ตสฺส นิทานํ, วตฺตพฺพํ ตปฺปโยชนํ;
ปิณฺฑตฺโถ เจว ปทตฺโถ, สมฺพนฺโธ อธิปฺปายโก;
โจทนา โสธนา เจติ, อฏฺธา วณฺณนํ วเท.
ตตฺถ สมฺพนฺโธ นาม ปุพฺพาปรสมฺพนฺโธ, โย ‘‘อนุสนฺธี’’ติ วุจฺจติ. เสสา วุตฺตตฺถาว, เอวมาทินา ตตฺถ ตตฺถาคเต สํวณฺณนาปฺปกาเร ตฺวา สพฺพตฺถ ยถารหํ วิเจตพฺพาติ.
เอวมเนกตฺถปฺปเภทตา ปโยคโตว าตพฺพาติ ตพฺพเสน ตํ สมตฺเถตุํ ‘‘ตถา เหสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อถ วา อยํ สทฺโท อิมสฺสตฺถสฺส วาจโกติ สงฺเกตววตฺถิตาเยว สทฺทา ตํ ตทตฺถสฺส วาจกา ¶ , สงฺเกโต จ นาม ปโยควเสน สิทฺโธติ ทสฺเสตุมฺปิ อิทํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวมีทิเสสุ. นนุ จ –
‘‘ยถาปิ ¶ ปุปฺผราสิมฺหา, กยิรา มาลาคุเณ พหู;
เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ. (ธ. ป. ๕๓);
เอตฺถ เอวํ-สทฺเทน อุปมาการสฺเสว วุตฺตตฺตา อาการตฺโถเยว เอวํ-สทฺโท สิยาติ? น, วิเสสสพฺภาวโต. ‘‘เอวํ พฺยา โข’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒๓๔, ๓๙๖) หิ อาการมตฺตวาจโกเยว อาการตฺโถติ อธิปฺเปโต, น ปน อาการวิเสสวาจโก. เอตฺถ หิ กิฺจาปิ ปุปฺผราสิสทิสโต มนุสฺสูปปตฺติ สปฺปุริสูปนิสฺสย สทฺธมฺมสวน โยนิโสมนสิการโภคสมฺปตฺติอาทิทานาทิปฺุกิริยาเหตุสมุทายโต โสภาสุคนฺธตาทิคุณโยเคน มาลาคุณสทิสิโย พหุกา ปฺุกิริยา มริตพฺพสภาวตาย มจฺเจน สตฺเตน กตฺตพฺพาติ อตฺถสฺส โชติตตฺตา ปุปฺผราสิมาลาคุณาว อุปมา นาม อุปมียติ เอตายาติ กตฺวา, เตสํ อุปมากาโร จ ยถาสทฺเทน อนิยมโต โชติโต, ตสฺมา ‘‘เอวํ-สทฺโท นิยมโต อุปมาการนิคมนตฺโถ’’ติ วตฺตุํ ยุตฺตํ, ตถาปิ โส อุปมากาโร นิยมิยมาโน อตฺถโต อุปมาว โหติ นิสฺสยภูตํ ตมนฺตเรน นิสฺสิตภูตสฺส อุปมาการสฺส อลพฺภมานตฺตาติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘อุปมายํ อาคโต’’ติ. อถ วา อุปมียนํ สทิสีกรณนฺติ กตฺวา ปุปฺผราสิมาลาคุเณหิ สทิสภาวสงฺขาโต อุปมากาโรเยว อุปมา นาม. ‘‘สทฺธมฺมตฺตํ สิโยปมา’’ติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา อาการมตฺตวาจโกว อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท. อุปมาสงฺขาตอาการวิเสสวาจโก ปน อุปมาตฺโถเยวาติ วุตฺตํ ‘‘อุปมายํ อาคโต’’ติ.
ตถา ‘‘เอวํ อิมินา อากาเรน อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อุปทิสิยมานาย สมณสารุปฺปาย อากปฺปสมฺปตฺติยา อุปทิสนากาโรปิ อตฺถโต อุปเทโสเยวาติ อาห ‘‘เอวํ…เป… อุปเทเส’’ติ. เอวเมตนฺติ เอตฺถ ปน ภควตา ยถาวุตฺตมตฺถํ อวิปรีตโต ชานนฺเตหิ กตํ ตตฺถ สํวิชฺชมานคุณานํ ปกาเรหิ หํสนํ อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ. ตตฺถ สมฺปหํสนากาโรปิ อตฺถโต สมฺปหํสนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘สมฺปหํสเนติ. เอวเมว ปนายนฺติ เอตฺถ จ โทสวิภาวเนน คารยฺหวจนํ ครหณํ, ตทากาโรปิ อตฺถโต ครหณํ นาม, ตสฺมา ‘‘ครหเณ’’ติ ¶ วุตฺตํ. โส เจตฺถ ครหณากาโร ‘‘วสลี’’ติอาทิขุํสนสทฺทสนฺนิธานโต เอวํ-สทฺเทน ปกาสิโตติ วิฺายติ, ยถา เจตฺถ เอวํ อุปมาการาทโยปิ อุปมาทิวเสน วุตฺตานํ ปุปฺผราสิอาทิสทฺทานํ สนฺนิธานโตติ ทฏฺพฺพํ. โชตกมตฺตา หิ นิปาตาติ. เอวเมวาติ จ อธุนา ภาสิตากาเรเนว. อยํ ¶ วสลคุณโยคโต วสลี กาฬกณฺณี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา าเน ภาสตีติ สมฺพนฺโธ. เอวํ ภนฺเตติ สาธุ ภนฺเต, สุฏฺุ ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ ปน ธมฺมสฺส สาธุกํ สวนมนสิกาเร สนฺนิโยชิเตหิ ภิกฺขูหิ ตตฺถ อตฺตโน ิตภาวสฺส ปฏิชานนเมว วจนสมฺปฏิคฺคโห, ตทากาโรปิ อตฺถโต วจนสมฺปฏิคฺคโหเยว นาม, เตนาห ‘‘วจนสมฺปฏิคฺคเห’’ติ.
เอวํ พฺยา โขติ เอวํ วิย โข. เอวํ โขติ หิ อิเมสํ ปทานมนฺตเร วิยสทฺทสฺส พฺยาปเทโสติ เนรุตฺติกา ‘‘ว-การสฺส, พ-การํ, ย-การสํโยคฺจ กตฺวา ทีฆวเสน ปทสิทฺธี’’ติปิ วทนฺติ. อากาเรติ อาการมตฺเต. อปฺปาพาธนฺติ วิสภาคเวทนาภาวํ. อปฺปาตงฺกนฺติ กิจฺฉชีวิตกรโรคาภาวํ. ลหุฏฺานนฺติ นิคฺเคลฺตาย ลหุตายุตฺตํ อุฏฺานํ. พลนฺติ กายพลํ. ผาสุวิหารนฺติ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขวิหารํ. วิตฺถาโร ทสม สุภสุตฺตฏฺกถาย เมว (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๔๕) อาวิ ภวิสฺสติ. เอวฺจ วเทหีติ ยถาหํ วทามิ, เอวมฺปิ สมณํ อานนฺทํ วเทหิ. ‘‘สาธุ กิร ภว’’นฺติอาทิกํ อิทานิ วตฺตพฺพวจนํ, โส จ วทนากาโร อิธ เอวํ-สทฺเทน นิทสฺสียตีติ วุตฺตํ ‘‘นิทสฺสเน’’ติ. กาลามาติ กาลามโคตฺตสมฺพนฺเธ ชเน อาลปติ. ‘‘อิเม…เป… วา’’ติ ยํ มยา วุตฺตํ, ตํ กึ มฺถาติ อตฺโถ. สมตฺตาติ ปริปูริตา. สมาทินฺนาติ สมาทิยิตา. สํวตฺตนฺติ วา โน วา สํวตฺตนฺติ เอตฺถ วจนทฺวเย กถํ โว ตุมฺหากํ มติ โหตีติ โยเชตพฺพํ. เอวํ โนติ เอวเมว อมฺหากํ มติ เอตฺถ โหติ, อมฺหากเมตฺถ มติ โหติ เยวาติปิ อตฺโถ. เอตฺถ จ เตสํ ยถาวุตฺตธมฺมานํ อหิตทุกฺขาวหภาเว สนฺนิฏฺานชนนตฺถํ อนุมติคฺคหณวเสน ‘‘สํวตฺตนฺติ โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตี’’ติ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทาการสนฺนิฏฺานํ เอวํ-สทฺเทน วิภาวิตํ, โส จ เตสํ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนากาโร นิยมิยมาโน อตฺถโต ¶ อวธารณเมวาติ วุตฺตํ ‘‘อวธารเณ’’ติ. อาการตฺถมฺตฺร สพฺพตฺถ วุตฺตนเยน โจทนา, โสธนา จ เวทิตพฺพา.
อาทิสทฺเทน เจตฺถ อิทมตฺถปุจฺฉาปริมาณาทิอตฺถานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ‘‘เอวํคตานิ, เอวํวิโธ, เอวมากาโร’’ติ จ อาทีสุ อิทมตฺเถ, คตวิธาการสทฺทา ปน ปการปริยายา. คตวิธยุตฺตาการสทฺเท หิ โลกิยา ปการตฺเถ วทนฺติ. ‘‘เอวํ สุ เต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุตฺตมณิกุณฺฑลาภรณา โอทาตวตฺถวสนา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาเรนฺติ, เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโกติ? โน หิทํ โภ โคตมา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๖) ปุจฺฉายํ. ‘‘เอวํ ลหุปริวตฺตํ (อ. นิ. ๑.๔๘), เอวมายุปริยนฺโต’’ติ ¶ (ปารา. ๑๒) จ อาทีสุ ปริมาเณ. เอตฺถาปิ ‘‘สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา’’ติอาทิวจนํ ปุจฺฉา, ลหุปริวตฺตํ, อายูนํ ปมาณฺจ ปริมาณํ, ตทากาโรปิ อตฺถโต ปุจฺฉา จ ปริมาณฺจ นาม, ตสฺมา เอเตสุ ปุจฺฉตฺโถ, ปริมาณตฺโถ จ เอวํสทฺโท เวทิตพฺโพติ. อิธ ปน โส กตเมสุ ภวติ, สพฺพตฺถ วา, อนิยมโต ปเทเส วาติ โจทนาย ‘‘สฺวายมิธา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
นนุ เอกสฺมึเยว อตฺเถ สิยา, กสฺมา ตีสุปีติ จ, โหตุ ติพฺพิเธสุ อตฺเถสุ, เกน กิมตฺถํ ทีเปตีติ จ อนุโยคํ ปริหรนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถาติ เตสุ ตีสุ อตฺเถสุ. เอกตฺตนานตฺตอพฺยาปารเอวํธมฺมตาสงฺขาตา, นนฺทิยาวตฺตติปุกฺขลสีหวิกฺกีฬิตองฺกุสทิสาโลจนสงฺขาตา วา อาธาราทิเภทวเสน นานาวิธา นยา นานานยา, ปาฬิคติโย วา นยา, ตา จ ปฺตฺติอนุปฺตฺติ อาทิวเสน, สงฺเขปวิตฺถาราทิวเสน, สํกิเลสภาคิยาทิโลกิยาทิตทุภยโวมิสฺสกาทิวเสน, กุสลาทิวเสน, ขนฺธาทิวเสน, สงฺคหาทิวเสน, สมยวิมุตฺตาทิวเสน, ปนาทิวเสน, กุสลมูลาทิวเสน, ติกปฏฺานาทิวเสน จ ปิฏกตฺตยานุรูปํ นานาปฺปการาติ นานานยา. เตหิ นิปุณํ สณฺหํ สุขุมํ ตถา. อาสโยว อชฺฌาสโย, เต จ สสฺสตาทิเภเทน, ตตฺถ จ อปฺปรชกฺขตาทิวเสน อเนกา, อตฺตชฺฌาสยาทโย เอว วา สมุฏฺานมุปฺปตฺติเหตุ เอตสฺสาติ ตถา, อุปเนตพฺพาภาวโต อตฺถพฺยฺชเน ¶ หิ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณํ ตถา. อปิจ สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ, อกฺขรปทพฺยฺชนอาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมฺปนฺนํ สมนฺนาคตํ ตถา. อถ วา วิฺูนํ หทยงฺคมโต, สวเน อติตฺติชนนโต, พฺยฺชนรสวเสน ปรมคมฺภีรภาวโต, วิจารเณ อติตฺติชนนโต, อตฺถรสวเสน จ สมฺปนฺนํ สาทุรสํ ตถา.
ปาฏิหาริยปทสฺส วจนตฺถํ ‘‘ปฏิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต ปาฏิหาริย’’นฺติ วทนฺติ. ภควโต ปน ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ, เย หริตพฺพา โพธิมูเลเยว สวาสนสกลสํกิเลสานํ ปหีนตฺตา. ปุถุชฺชนานมฺปิ จ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข สติเยว อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ, ตสฺมา ปุถุชฺชเนสุ ปวตฺตโวหาเรนปิ น สกฺกา อิธ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วตฺตุํ, สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตาว กิเลสา ปฏิปกฺขา สํสารปงฺกนิมุคฺคสฺส สตฺตนิกายสฺส สมุทฺธริตุกามโต, ตสฺมา เตสํ เวเนยฺยคตกิเลสสงฺขาตานํ ปฏิปกฺขานํ หรณโต ปาฏิหาริยนฺติ วุตฺตํ อสฺส, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ.
อถ ¶ วา ภควโต สาสนสฺส ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ ติตฺถิยภูตานํ ปฏิปกฺขานํ หรณโต ปาฏิหาริยนฺติปิ ยุชฺชติ. กามฺเจตฺถ ติตฺถิยา หริตพฺพา นาสฺสุ, เตสํ ปน สนฺตานคตทิฏฺิหรณวเสน ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถตาการเณน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีสงฺขาเตหิ ตีหิปิ ปาฏิหาริเยหิ เต หริตา อปนีตา นาม โหนฺติ. ปฏีติ วา อยํ สทฺโท ‘‘ปจฺฉา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘๕; จูฬนิ. ๔) วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตูปกฺเลเส กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ, ตเทว ทีฆวเสน, สกตฺถวุตฺติปจฺจยวเสน วา ปาฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา ตทฺเสํ หรณํ ปาฏิหาริยํ วุตฺตนเยน. อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย หิ วิคตูปกฺเลเสน, กตกิจฺเจน จ สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺเลสหรณานิ จ โหนฺตีติ ตทุภยมฺปิ นิพฺพจนํ ยุชฺชติ.
อปิจ ¶ ยถาวุตฺเตหิ นิพฺพจเนหิ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีสงฺขาโต สมุทาโย ปฏิหาริยํ นาม. เอเกกํ ปน ตสฺมึ ภวํ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วุจฺจติ วิเสสตฺถโชตกปจฺจยนฺตเรน สทฺทรจนาวิเสสสมฺภวโต, ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ, มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ, ตสฺมึ วา นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺติ. ตสฺส ปน อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีเภเทน, วิสยเภเทน จ พหุวิธสฺส ภควโต เทสนาย ลพฺภมานตฺตา ‘‘วิวิธปาฏิหาริยนฺติ วุตฺตํ. ภควา หิ กทาจิ อิทฺธิวเสนาปิ เทสนํ กโรติ นิมฺมิตพุทฺเธน สห ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาทีสุ, กทาจิ อาเทสนาวเสนาปิ อามคนฺธพฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนาทีสุ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๔๑), เยภุยฺเยน ปน อนุสาสนิยา. อนุสาสนีปาฏิหาริยฺหิ พุทฺธานํ สตตํ ธมฺมเทสนา. อิติ ตํตํเทสนากาเรน อเนกวิธปาฏิหาริยตา เทสนาย ลพฺภติ. อยมตฺโถ อุปริ เอกาทสมสฺส เกวฏฺฏสุตฺตสฺส วณฺณนาย (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๘๑) อาวิ ภวิสฺสติ. อถ วา ตสฺส วิวิธสฺสาปิ ปาฏิหาริยสฺส ภควโต เทสนาย สํสูจนโต ‘‘วิวิธปาฏิหาริย’’นฺติ วุตฺตํ, อเนกวิธปาฏิหาริยทสฺสนนฺติ อตฺโถ.
ธมฺมนิรุตฺติยาว ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต สพฺเพสํ สุณนฺตานํ นานาภาสิตานํ ตํตํภาสานุรูปโต เทสนา โสตปถมาคจฺฉตีติ อาห ‘‘สพฺพ…เป… มาคจฺฉนฺต’’นฺติ. โสตเมว โสตปโถ, สวนํ วา โสตํ, ตสฺส ปโถ ตถา, โสตทฺวารนฺติ อตฺโถ. สพฺพากาเรนาติ ยถาเทสิตากาเรน. โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, อสมตฺโถเยว, ตสฺมาติ ปาเสโส. ปนาติ เอกํสตฺเถ ¶ , เตน สทฺธาสติธิติวีริยาทิพลสงฺขาเตน สพฺพถาเมน เอกํเสเนว โสตุกามตาสงฺขาตกุสลจฺฉนฺทสฺส ชนนํ ทสฺเสติ. ชเนตฺวาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท, อปิ-สทฺโท วา สมฺภาวนตฺโถ ‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธภาวํ ภาเวตฺวา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ ๑; ม. นิ. อฏฺ. ๑; สํ. นิ. อฏฺ. ๑; อ. นิ. อฏฺ ๑.ปมคนฺถารมฺภกถา) วิย, เตน ‘‘สพฺพถาเมน เอกํเสเนว โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ นาม เอเกนากาเรน สุตํ, กิมงฺคํ ปน อฺถา’’ติ ตถาสุเต ธมฺเม สมฺภาวนํ กโรติ. เกจิ ปน ‘‘เอทิเสสุ ครหตฺโถ’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ครหตฺถสฺส อวิชฺชมานตฺตา, วิชฺชมานตฺถสฺเสว จ อุปสคฺคนิปาตานํ โชตกตฺตา. ‘‘นานานยนิปุณ’’นฺติอาทินา ¶ หิ สพฺพปฺปกาเรน โสตุมสกฺกุเณยฺยภาเวน ธมฺมสฺส อิธ สมฺภาวนเมว กโรติ, ตสฺมา ‘‘อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ, รตึ โส นาธิคจฺฉตี’’ติอาทีสุเยว (ธ. ป. ๑๘๗) ครหตฺถสมฺภเวสุ ครหตฺโถ เวทิตพฺโพติ. อปิ-สทฺโท จ อีทิเสสุ าเนสุ นิปาโตเยว, น อุปสคฺโค. ตถา หิ ‘‘อปิ-สทฺโท จ นิปาตปกฺขิโก กาตพฺโพ, ยตฺถ กิริยาวาจกโต ปุพฺโพ น โหตี’’ติ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ. มยาปีติ เอตฺถ ปน น เกวลํ มยาว, อถ โข อฺเหิปิ ตถารูเปหีติ สมฺปิณฺฑนตฺโถ คเหตพฺโพ.
สามํ ภวตีติ สยมฺภู, อนาจริยโก. น มยํ อิทํ สจฺฉิกตนฺติ เอตฺถ ปน ‘‘น อตฺตโน าเณเนว อตฺตนา สจฺฉิกต’’นฺติ ปกรณโต อตฺโถ วิฺายติ. สามฺวจนสฺสาปิ หิ สมฺปโยควิปฺปโยคสหจรณวิโรธสทฺทนฺตรสนฺนิธานลิงฺคโอจิตฺยกาลเทสปกรณาทิวเสน วิเสสตฺถคฺคหณํ สมฺภวติ. เอวํ สพฺพตฺถ. ปริโมเจนฺโตติ ‘‘ปุน จปรํ ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕) วุตฺตโทสโต ปริโมจาปนเหตุ. เหตฺวตฺเถ หิ อนฺต-สทฺโท ‘‘อสมฺพุธํ พุทฺธนิเสวิต’’นฺติอาทีสุ (วิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา) วิย. อิมสฺส สุตฺตสฺส สํวณฺณนาปฺปการวิจารเณน อตฺตโน าณสฺส ปจฺจกฺขตํ สนฺธาย ‘‘อิทานิ วตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. เอสา หิ สํวณฺณนาการานํ ปกติ, ยทิทํ สํวณฺเณตพฺพธมฺเม สพฺพตฺถ ‘‘อยมิมสฺส อตฺโถ, เอวมิธ สํวณฺณยิสฺสามี’’ติ ปุเรตรเมว สํวณฺณนาปฺปการวิจารณา.
เอตทคฺคปทสฺสตฺโถ วุตฺโตว. ‘‘พหุสฺสุตาน’’นฺติอาทีสุ ปน อฺเปิ เถรา พหุสฺสุตา, สติมนฺโต, คติมนฺโต, ธิติมนฺโต, อุปฏฺากา จ อตฺถิ, อยํ ปนายสฺมา พุทฺธวจนํ คณฺหนฺโต ทสพลสฺส สาสเน ภณฺฑาคาริกปริยตฺติยํ ตฺวา คณฺหิ, ตสฺมา พหุสฺสุตานํ อคฺโค นาม ชาโต. อิมสฺส จ เถรสฺส พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา ธารณสติ อฺเหิ เถเรหิ พลวตรา อโหสิ, ตสฺมา สติมนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต. อยเมวายสฺมา เอกปเท ตฺวา สฏฺิปทสหสฺสานิ ¶ คณฺหนฺโต สตฺถารา กถิตนิยาเมน สพฺพปทานิ ชานาติ, ตสฺมา คติมนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต ¶ . ตสฺเสว จายสฺมโต พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนวีริยํ, สชฺฌายนวีริยฺจ อฺเหิ อสทิสํ อโหสิ, ตสฺมา ธิติมนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต. ตถาคตํ อุปฏฺหนฺโต เจส น อฺเสํ อุปฏฺากภิกฺขูนํ อุปฏฺหนากาเรน อุปฏฺหติ. อฺเปิ หิ ตถาคตํ อุปฏฺหึสุ, น จ ปน พุทฺธานํ มนํ คเหตฺวา อุปฏฺหิตุํ สกฺโกนฺติ, อยํ ปน เถโร อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธทิวสโต ปฏฺาย อารทฺธวีริโย หุตฺวา ตถาคตสฺส มนํ คเหตฺวา อุปฏฺหิ, ตสฺมา อุปฏฺากานํ อคฺโค นาม ชาโต. อตฺถกุสโลติ ภาสิตตฺเถ, ปโยชนตฺเถ จ เฉโก. ธมฺโมติ ปาฬิธมฺโม, นานาวิโธ วา เหตุ. พฺยฺชนนฺติ อกฺขรํ อตฺถสฺส พฺยฺชนโต. ปเทน หิ พฺยฺชิโตปิ อตฺโถ อกฺขรมูลกตฺตา ปทสฺส ‘‘อกฺขเรน พฺยฺชิโต’’ติ วุจฺจติ. อตฺถสฺส วิยฺชนโต วา วากฺยมฺปิ อิธ พฺยฺชนํ นาม. วากฺเยน หิ อตฺโถ ปริปุณฺณํ พฺยฺชียติ, ยโต ‘‘พฺยฺชเนหิ วิวรตี’’ติ อายสฺมตา มหากจฺจายนตฺเถเรน วุตฺตํ. นิรุตฺตีติ นิพฺพจนํ, ปฺจวิธา วา นิรุตฺตินยา. เตสมฺปิ หิ สทฺทรจนาวิเสเสน อตฺถาธิคมเหตุโต อิธ คหณํ ยุชฺชติ. ปุพฺพาปรํ นาม ปุพฺพาปรานุสนฺธิ, สุตฺตสฺส วา ปุพฺพภาเคน อปรภาคสฺส สํสนฺทนํ. ภควตา จ ปฺจวิธเอตทคฺคฏฺาเนน ธมฺมเสนาปตินา จ ปฺจวิธโกสลฺเลน ปสฏฺภาวานุรูปนฺติ สมฺพนฺโธ. ธารณพลนฺติ ธารณสงฺขาตํ พลํ, ธารเณ วา พลํ, อุภยตฺถาปิ ธาเรตุํ สามตฺถิยนฺติ วุตฺตํ โหติ. ทสฺเสนฺโต หุตฺวา, ทสฺสนเหตูติปิ อตฺโถ. ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกนฺติ อวธารณผลมาห. น อฺถา ทฏฺพฺพนฺติ ปน นิวตฺเตตพฺพตฺถํ. น อฺถาติ จ ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต น อฺถา, น ปน ภควตา เทสิตาการโต. อจินฺเตยฺยานุภาวา หิ ภควโต เทสนา, เอวฺจ กตฺวา ‘‘สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุ’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตวจนํ สมตฺถิตํ โหติ, อิตรถา ภควตา เทสิตากาเรเนว โสตุํ สมตฺถตฺตา ตเทตํ น วตฺตพฺพํ สิยา. ยถาวุตฺเตน ปน อตฺเถน ธารณพลทสฺสนฺจ น วิรุชฺฌติ สุตาการาวิรุชฺฌนวเสน ธารณสฺส อธิปฺเปตตฺตา, อฺถา ภควตา เทสิตากาเรเนว ธาริตุํ สมตฺถนโต เหฏฺา วุตฺตวจเนน วิรุชฺเฌยฺย. น เหตฺถ ทฺวินฺนํ อตฺถานํ อตฺถนฺตรตาปริหาโร ยุตฺโต เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ อตฺถานํ สุตภาวทีปเนน เอกวิสยตฺตา, อิตรถา เถโร ภควโต เทสนาย สพฺพถา ปฏิคฺคหเณ ปจฺฉิมตฺถวเสน สมตฺโถ, ปุริมตฺถวเสน จ อสมตฺโถติ อาปชฺเชยฺยาติ.
‘‘โย ¶ ปโร น โหติ, โส อตฺตา’’ติ วุตฺตาย นิยกชฺฌตฺตสงฺขาตาย สนฺตติยา ปวตฺตนโก ติวิโธปิ เม-สทฺโท, ตสฺมา กิฺจาปิ นิยกชฺฌตฺตสนฺตติวเสน เอกสฺมึ เยวตฺเถ เม-สทฺโท ทิสฺสติ, ตถาปิ กรณสมฺปทานสามินิทฺเทสวเสน วิชฺชมานวิภตฺติเภทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสตี’’ติ, ตีสุ วิภตฺติยตฺเถสุ อตฺตนา สฺุตฺตวิภตฺติโต ทิสฺสตีติ อตฺโถ ¶ . คาถาภิคีตนฺติ คาถาย อภิคีตํ อภิมุขํ คายิตํ. อโภชเนยฺยนฺติ โภชนํ กาตุมนรหรูปํ. อภิคีตปทสฺส กตฺตุเปกฺขตฺตา มยาติ อตฺโถ. เอวํ เสเสสุปิ ยถารหํ. สุตสทฺทสฺส กมฺมภาวสาธนวเสน ทฺวาธิปฺปายิกปทตฺตา ยถาโยคํ ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
กิฺจาปิ อุปสคฺโค กิริยํ วิเสเสติ, โชตกมตฺตภาวโต ปน สติปิ ตสฺมึ สุตสทฺโทเยว ตํ ตํ อตฺถํ วทตีติ อนุปสคฺคสฺส สุตสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร สอุปสคฺคสฺส คหณํ น วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จา’’ติ. อสฺสาติ สุตสทฺทสฺส. อุปสคฺควเสนปิ ธาตุสทฺโท วิเสสตฺถวาจโก ยถา ‘‘อนุภวติ ปราภวตี’’ติ วุตฺตํ ‘‘คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ’’ติ. ตถา อนุปสคฺโคปิ ธาตุสทฺโท สอุปสคฺโค วิย วิเสสตฺถวาจโกติ อาห ‘‘วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ’’ติ. เอวมีทิเสสุ. โสตวิฺเยฺยนฺติ โสตทฺวารนิสฺสิเตน วิฺาเณน วิฺาตพฺพํ, สสมฺภารกถา วา เอสา, โสตทฺวาเรน วิฺาตพฺพนฺติ อตฺโถ. โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ โสตทฺวารานุสาเรน มโนวิฺาเณน วิฺาตธมฺมธโร. น หิ โสตทฺวารนิสฺสิตวิฺาณมตฺเตน ธมฺโม วิฺายติ, อถ โข ตทนุสารมโนวิฺาเณเนว, สุตธโรติ จ ตถา วิฺาตธมฺมธโร วุตฺโต, ตสฺมา ตทตฺโถเยว สมฺภวตีติ เอวํ วุตฺตํ. กมฺมภาวสาธนานิ สุตสทฺเท สมฺภวนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิมาห. ปุพฺพาปรปทสมฺพนฺธวเสน อตฺถสฺส อุปปนฺนตา, อนุปปนฺนตา จ วิฺายติ, ตสฺมา สุตสทฺทสฺเสว วเสน อยมตฺโถ ‘‘อุปปนฺโน, อนุปปนฺโน’’ติ วา น วิฺาตพฺโพติ โจทนาย ปุพฺพาปรปทสมฺพนฺธวเสน เอตทตฺถสฺส อุปปนฺนตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เม-สทฺทสฺส หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. มยาติ อตฺเถ สตีติ กตฺตุตฺเถ กรณนิทฺเทสวเสน มยาติ อตฺเถ วตฺตพฺเพ สติ, ยทา เม-สทฺทสฺส กตฺตุวเสน กรณนิทฺเทโส, ตทาติ วุตฺตํ โหติ. มมาติ อตฺเถ สตีติ สมฺพนฺธียตฺเถ สามินิทฺเทสวเสน ¶ มมาติ อตฺเถ วตฺตพฺเพ สติ, ยทา สมฺพนฺธวเสน สามิ นิทฺเทโส, ตทาติ วุตฺตํ โหติ.
เอวํ สทฺทโต าตพฺพมตฺถํ วิฺาเปตฺวา อิทานิ เตหิ ทสฺเสตพฺพมตฺถํ นิทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมเตสู’’ติอาทิมาห. สุตสทฺทสนฺนิธาเน ปยุตฺเตน เอวํ-สทฺเทน สวนกิริยาโชตเกเนว ภวิตพฺพํ วิชฺชมานตฺถสฺส โชตกมตฺตตฺตา นิปาตานนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสน’’นฺติ. สวนาย เอว หิ อากาโร, นิทสฺสนํ, อวธารณมฺปิ, ตสฺมา ยถาวุตฺโต เอวํ-สทฺทสฺส ติวิโธปิ อตฺโถ สวนกิริยาโชตกภาเวน อิธาธิปฺเปโตติ. อาทิ-สทฺเทน เจตฺถ สมฺปฏิจฺฉนาทีนํ โสตทฺวาริกวิฺาณานํ, ตทภินิปาตานฺจ มโนทฺวาริก ¶ วิฺาณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ, ยโต โสตทฺวารานุสารวิฺาตตฺเถ อิธ สุตสทฺโทติ วุตฺโต. อวธารณผลตฺตา สทฺทปโยคสฺส สพฺพมฺปิ วากฺยํ อนฺโตคธาวธารณํ, ตสฺมา ‘‘สุต’’นฺติ เอตสฺส สุตเมวาติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ. เอเตน หิ วจเนน อวธารเณน นิรากตํ ทสฺเสติ. ยถา ปน ยํ สุตํ สุตเมวาติ นิยเมตพฺพํ, ตถา จ ตํ สุตํ สมฺมา สุตํ โหตีติ อวธารณผลํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘อนูนาธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสน’’นฺติ. อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทติ, ตสฺมา ‘‘สุต’’นฺติ เอตสฺส อสุตํ น โหตีติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ สนฺธาย ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ วุตฺตํ, อิมินา ทิฏฺาทินิวตฺตนํ กโรติ ทิฏฺาทีนํ ‘‘อสุต’’นฺติ สทฺทนฺตรตฺถภาเวน นิวตฺเตตพฺพตฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – น อิทํ มยา อตฺตโน าเณน ทิฏฺํ, น จ สยมฺภุาเณน สจฺฉิกตํ, อถ โข สุตํ, ตฺจ โข สุตํ สมฺมเทวาติ. ตเทว สมฺมา สุตภาวํ สนฺธายาห ‘‘อนูนา…เป… ทสฺสน’’นฺติ. โหติ เจตฺถ –
‘‘เอวาทิสตฺติยา เจว, อฺตฺถาโปหเนน จ;
ทฺวิธา สทฺโท อตฺถนฺตรํ, นิวตฺเตติ ยถารห’’นฺติ.
อปิจ อวธารณตฺเถ เอวํ-สทฺเท อยมตฺถโยชนา กรียตีติ ตทเปกฺขสฺส สุตสทฺทสฺส สาวธารณตฺโถ วุตฺโต ‘‘อสฺสวนภาวปฏิกฺเขปโต’’ติ, ตทวธารณผลํ ทสฺเสติ ‘‘อนู…เป… ทสฺสน’’นฺติ อิมินา. สวน-สทฺโท เจตฺถ ภาวสทฺเทน โยคโต กมฺมสาธโน เวทิตพฺโพ ‘‘สุยฺยตี’’ติ. อนูนาธิกตาย ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต อวิปรีตํ ¶ , อวิปรีตสฺส วา สุตฺตสฺส คหณํ, ตสฺส นิทสฺสนํ ตถา, อิติ สวนเหตุ สุณนฺตปุคฺคลสวนวิเสสวเสน อยํ โยชนา กตา.
เอวํ ปทตฺตยสฺส เอเกน ปกาเรน อตฺถโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปการนฺตเรนาปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺสาติ ยา ภควโต สมฺมุขา ธมฺมสฺสวนากาเรน ปวตฺตา มโนทฺวาริกวิฺาณวีถิ, ตสฺสา. สา หิ นานาปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติตุํ สมตฺถา, น โสตทฺวาริก วิฺาณวีถิ เอการมฺมเณเยว ปวตฺตนโต, ตถา เจว วุตฺตํ ‘‘โสตทฺวารานุสาเรนา’’ติ. เตน หิ โสตทฺวาริกวิฺาณวีถิ นิวตฺตติ. นานปฺปกาเรนาติ วกฺขมาเนน อเนกวิหิเตน พฺยฺชนตฺถคฺคหณาการสงฺขาเตน นานาวิเธน อากาเรน, เอเตน อิมิสฺสา โยชนาย อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท คหิโตติ ทสฺเสติ. ปวตฺติภาวปฺปกาสนนฺติ ปวตฺติยา อตฺถิภาวปฺปกาสนํ. ยสฺมึ ปกาเร วุตฺตปฺปการา วิฺาณวีถิ นานปฺปกาเรน ปวตฺตา, ตเทว อารมฺมณํ สนฺธาย ‘‘ธมฺมปฺปกาสน’’นฺติ ¶ วุตฺตํ, น ปน สุตสทฺทสฺส ธมฺมตฺถํ, เตน วุตฺตํ ‘‘อยํ ธมฺโม สุโต’’ติ. ตสฺสา หิ วิฺาณวีถิยา อารมฺมณเมว ‘‘อยํ ธมฺโม สุโต’’ติ วุจฺจติ. ตฺจ นิยมิยมานํ ยถาวุตฺตาย วิฺาณวีถิยา อารมฺมณภูตํ สุตฺตเมว. อยฺเหตฺถาติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏีกรณํ. ตปฺปากฏีกรณตฺโถ เหตฺถ หิ-สทฺโท. วิฺาณวีถิยา กรณภูตาย มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน อารมฺมณํ กตํ. กึ ปน ตนฺติ เจ? อยํ ธมฺโม สุโตติ. อยํ ปเนตฺถาธิปฺปาโย – อาการตฺเถ เอวํ-สทฺเท ‘‘เอเกนากาเรนา’’ติ โย อากาโร วุตฺโต, โส อตฺถโต โสตทฺวารานุสารวิฺาณวีถิยา นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติภาโวเยว, เตน จ ตทารมฺมณภูตสฺส ธมฺมสฺเสว สวนํ กตํ, น อฺนฺติ. เอวํ สวนกิริยาย กรณกตฺตุกมฺมวิเสโส อิมิสฺสา โยชนาย ทสฺสิโต.
อฺมฺปิ โยชนมาห ‘‘ตถา’’ติอาทินา. นิทสฺสนตฺถํ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา นิทสฺสเนน จ นิทสฺสิตพฺพสฺสาวินาภาวโต ‘‘เอวนฺติ นิทสฺสิตพฺพปฺปกาสน’’นฺติ วุตฺตํ. อิมินา หิ ตทวินาภาวโต เอวํสทฺเทน สกลมฺปิ สุตฺตํ ปจฺจามฏฺนฺติ ทสฺเสติ, สุตสทฺทสฺส กิริยาปรตฺตา, สวนกิริยาย จ สาธารณวิฺาณปฺปพนฺธปฏิพทฺธตฺตา ตสฺมิฺจ วิฺาณปฺปพนฺเธ ¶ ปุคฺคลโวหาโรติ วุตฺตํ ‘‘ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสน’’นฺติ. สาธารณวิฺาณปฺปพนฺโธ หิ ปณฺณตฺติยา อิธ ปุคฺคโล นาม, สวนกิริยา ปน ตสฺส กิจฺจํ นาม. น หิ ปุคฺคลโวหารรหิเต ธมฺมปฺปพนฺเธ สวนกิริยา ลพฺภติ โวหารวิสยตฺตา ตสฺสา กิริยายาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อิท’’นฺติอาทิ ปิณฺฑตฺถทสฺสนํ มยาติ ยถาวุตฺตวิฺาณปฺปพนฺธสงฺขาตปุคฺคลภูเตน มยา. สุตนฺติ สวนกิริยาสงฺขาเตน ปุคฺคลกิจฺเจน โยชิตํ, อิมิสฺสา ปน โยชนาย ปุคฺคลพฺยาปารวิสยสฺส ปุคฺคลสฺส, ปุคฺคลพฺยาปารสฺส จ นิทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ปุริมโยชนาย อฺถาปิ อตฺถโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. จิตฺตสนฺตานสฺสาติ ยถาวุตฺตวิฺาณปฺปพนฺธสฺส. นานาการปฺปวตฺติยาติ นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติยา. นานปฺปการํ อตฺถพฺยฺชนสฺส คหณํ, นานปฺปการสฺส วา อตฺถพฺยฺชนสฺส คหณํ ตถา, ตโตเยว สา ‘‘อาการปฺตฺตี’’ติ วุตฺตาติ ตเทวตฺถํ สมตฺเถติ ‘‘เอวนฺติ หี’’ติอาทินา. อาการปฺตฺตีติ จ อุปาทาปฺตฺติเยว, ธมฺมานํ ปน ปวตฺติอาการมุปาทาย ปฺตฺตตฺตา ตทฺาย อุปาทาปฺตฺติยา วิเสสนตฺถํ ‘‘อาการปฺตฺตี’’ติ วุตฺตา วิสยนิทฺเทโสติ อุปฺปตฺติฏฺานนิทฺเทโส. โสตพฺพภูโต หิ ธมฺโม สวนกิริยากตฺตุภูตสฺส ปุคฺคลสฺส สวนกิริยาวเสน ปวตฺติฏฺานํ กิริยาย กตฺตุกมฺมฏฺตฺตา ตพฺพเสน จ ตทาธารสฺสาปิ ทพฺพสฺส อาธารภาวสฺส อิจฺฉิตตฺตา, อิธ ปน กิริยาย กตฺตุปวตฺติฏฺานภาโว อิจฺฉิโตติ กมฺมเมว ¶ อาธารวเสน วุตฺตํ, เตนาห ‘‘กตฺตุ วิสยคฺคหณสนฺนิฏฺาน’’นฺติ, อารมฺมณเมว วา วิสโย. อารมฺมณฺหิ ตทารมฺมณิกสฺส ปวตฺติฏฺานํ. เอวมฺปิ หิ อตฺโถ สุวิฺเยฺยตโร โหติ. ยถาวุตฺตวจเน ปิณฺฑตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺตาวตา เอตฺตเกน ยถาวุตฺตตฺเถน ปทตฺตเยน, กตํ โหตีติ สมฺพนฺโธ. นานาการปฺปวตฺเตนาติ นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺเตน. จิตฺตสนฺตาเนนาติ ยถาวุตฺตวิฺาณวีถิสงฺขาเตน จิตฺตปฺปพนฺเธน. คหณสทฺเท เจตํ กรณํ. จิตฺตสนฺตานวินิมุตฺตสฺส กสฺสจิ กตฺตุ ปรมตฺถโต อภาเวปิ สทฺทโวหาเรน พุทฺธิปริกปฺปิตเภทวจนิจฺฉาย จิตฺตสนฺตานโต อฺมิว ตํสมงฺคึ กตฺวา อเภเทปิ เภทโวหาเรน ‘‘จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน’’ติ วุตฺตํ. โวหารวิสโย หิ สทฺโท เนกนฺตปรมตฺถิโกติ ¶ (การกรูปสิทฺธิยํ โย กาเรติ สเหตุสุตฺตํ ปสฺสิตพฺพํ) สวนกิริยาวิสโยปิ โสตพฺพธมฺโม สวนกิริยาวเสน ปวตฺตจิตฺตสนฺตานสฺส อิธ ปรมตฺถโต กตฺตุภาวโต ตสฺส วิสโยเยวาติ วุตฺตํ ‘‘กตฺตุ วิสยคฺคหณสนฺนิฏฺาน’’นฺติ.
อปิจ สวนวเสน จิตฺตปฺปวตฺติยา เอว สวนกิริยาภาวโต ตํวเสน ตทฺนามรูปธมฺมสมุทายภูตสฺส ตํกิริยากตฺตุ จ วิสโย โหตีติ กตฺวา ตถา วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปุริมนเย สวนกิริยา, ตกฺกตฺตา จ ปรมตฺถโต ตถาปวตฺตจิตฺตสนฺตานเมว, ตสฺมา กิริยาวิสโยปิ ‘‘กตฺตุ วิสโย’’ติ วุตฺโต. ปจฺฉิมนเย ปน ตถาปวตฺตจิตฺตสนฺตานํ กิริยา, ตทฺธมฺมสมุทาโย ปน กตฺตา, ตสฺมา กามํ เอกนฺตโต กิริยาวิสโยเยเวส ธมฺโม, ตถาปิ กิริยาวเสน ‘‘ตพฺพนฺตกตฺตุ วิสโย’’ติ วุตฺโตติ. ตํสมงฺคิโนติ เตน จิตฺตสนฺตาเนน สมงฺคิโน. กตฺตูติ กตฺตารสฺส. วิสโยติ อารมฺมณวเสน ปวตฺติฏฺานํ, อารมฺมณเมว วา. สุตาการสฺส จ เถรสฺส สมฺมา นิจฺฉิตภาวโต ‘‘คหณสนฺนิฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ.
อปโร นโย – ยสฺส…เป… อาการปฺตฺตีติ อาการตฺเถน เอวํ-สทฺเทน โยชนํ กตฺวา ตเทว อวธารณตฺถมฺปิ คเหตฺวา อิมสฺมึเยว นเย โยเชตุํ ‘‘คหณํ กตํ’’ อิจฺเจว อวตฺวา ‘‘คหณสนฺนิฏฺานํ กต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวธารเณน หิ สนฺนิฏฺานมิธาธิปฺเปตํ, ตสฺมา ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทินา อวธารณตฺถมฺปิ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา อยเมว โยชนา กตาติ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ, อิมิสฺสา ปน โยชนาย คหณาการคาหกตพฺพิสยวิเสสนิทสฺสนํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อฺมฺปิ โยชนมาห ‘‘อถ วา’’ติอาทินา. ปุพฺเพ อตฺตนา สุตานํ นานาวิหิตานํ สุตฺตสงฺขาตานํ อตฺถพฺยฺชนานํ อุปธาริตรูปสฺส อาการสฺส นิทสฺสนสฺส, อวธารณสฺส วา ปกาสนสภาโว เอวํ-สทฺโทติ ตทาการาทิภูตสฺส อุปธารณสฺส ปุคฺคลปฺตฺติยา อุปาทานภูตธมฺมปฺปพนฺธพฺยาปารตาย ¶ ‘‘ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ อตฺตนา สุตานฺหิ อตฺถพฺยฺชนานํ ปุน อุปธารณํ อาการาทิตฺตยํ, ตฺจ เอวํ-สทฺทสฺส อตฺโถ. โส ปน ยํ ธมฺมปฺปพนฺธํ อุปาทาย ปุคฺคลปฺตฺติ ปวตฺตา, ตสฺส พฺยาปารภูตํ กิจฺจเมว ¶ , ตสฺมา เอวํ-สทฺเทน ปุคฺคลกิจฺจํ นิทฺทิสียตีติ. กามํ สวนกิริยา ปุคฺคลพฺยาปาโรปิ อวิเสเสน, ตถาปิ วิเสสโต วิฺาณพฺยาปาโรวาติ วุตฺตํ ‘‘วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. ตถา หิ ปุคฺคลวาทีนมฺปิ สวนกิริยา วิฺาณนิรเปกฺขา นตฺถิ สวนาทีนํ วิเสสโต วิฺาณพฺยาปารภาเวน อิจฺฉิตตฺตา. เมติ สทฺทปฺปวตฺติยา เอกนฺเตเนว สตฺตวิสยตฺตา, วิฺาณกิจฺจสฺส จ สตฺตวิฺาณานมเภทกรณวเสน ตตฺเถว สโมทหิตพฺพโต ‘‘อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อย’’นฺติอาทิ ตปฺปากฏีกรณํ. เอตฺถ หิ สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินาติ เอวํ-สทฺเทน นิทฺทิฏฺํ ปุคฺคลกิจฺจํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตํ ปน ปุคฺคลสฺส สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคีภาเวน ปุคฺคลกิจฺจํ นามาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุคฺคลกิจฺจสมงฺคินา’’ติ อวตฺวา ‘‘สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา’’ติ อาห, ตสฺมา ‘‘ปุคฺคลกิจฺจ’’นฺติ นิทฺทิฏฺสวนกิจฺจวตา วิฺาเณน สมงฺคินาติ อตฺโถ. วิฺาณวเสน, ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรนาติ จ สุตสทฺเทน นิทฺทิฏฺํ วิฺาณกิจฺจํ สนฺธาย วุตฺตํ. สวนเมว กิจฺจํ ยสฺสาติ ตถา. สวนกิจฺจนฺติ โวหาโร สวนกิจฺจโวหาโร, ลทฺโธ โส เยนาติ ตถา. ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน วิฺาณสงฺขาเตน วเสน สามตฺถิเยนาติ อตฺโถ. อยํ ปน สมฺพนฺโธ – สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน มยา ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน วิฺาณวเสน กรณภูเตน สุตนฺติ.
อปิจ ‘‘เอว’’นฺติ สทฺทสฺสตฺโถ อวิชฺชมานปฺตฺติ, ‘‘สุต’’นฺติ สทฺทสฺสตฺโถ วิชฺชมานปฺตฺติ, ตสฺมา เต ตถารูปปฺตฺติ อุปาทานภูตปุคฺคลพฺยาปารภาเวเนว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส’’ติ. น หิ ปรมตฺถโตเยว นิยมิยมาเน สติ ปุคฺคลกิจฺจวิฺาณกิจฺจวเสน อยํ วิภาโค ลพฺภตีติ. อิมิสฺสา ปน โยชนาย กตฺตุพฺยาปารกรณพฺยาปารกตฺตุนิทฺเทโส กโตติ เวทิตพฺโพ.
สพฺพสฺสาปิ สทฺทาธิคมนียสฺส อตฺถสฺส ปฺตฺติมุเขเนว ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา, สพฺพาสฺจ ปฺตฺตีนํ วิชฺชมานาทิวเสน ฉสุ ปฺตฺติเภเทสุ อนฺโตคธตฺตา ตาสุ ‘‘เอว’’นฺติอาทีนํ ปฺตฺตีนํ สรูปํ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวนฺติ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘เอว’’นฺติ จ ‘‘เม’’ติ จ วุจฺจมานสฺส อตฺถสฺส อาการาทิภูตสฺส ธมฺมานํ อสลฺลกฺขณภาวโต อวิชฺชมานปฺตฺติภาโวติ อาห ‘‘สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสนาติ ¶ จ ภูตตฺถอุตฺตมตฺถวเสนาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย มายามรีจิอาทโย ¶ วิย อภูตตฺโถ, อนุสฺสวาทีหิ คเหตพฺโพ วิย อนุตฺตมตฺโถ จ น โหติ, โส รูปสทฺทาทิสภาโว, รุปฺปนานุภวนาทิสภาโว วา อตฺโถ ‘‘สจฺจิกฏฺโ, ปรมตฺโถ’’ติ จ วุจฺจติ, ‘‘เอวํ เม’’ติ ปทานํ ปน อตฺโถ อภูตตฺตา, อนุตฺตมตฺตา จ น ตถา วุจฺจติ, ตสฺมา ภูตตฺถอุตฺตมตฺถสงฺขาเตน สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน วิเสสนภูเตน อวิชฺชมานปฺตฺติเยวาติ. เอเตน จ วิเสสเนน พาลชเนหิ ‘‘อตฺถี’’ติ ปริกปฺปิตํ ปฺตฺติมตฺตํ นิวตฺเตติ. ตเทวตฺถํ ปากฏํ กโรติ, เหตุนา วา สาเธติ ‘‘กิฺเหตฺถ ต’’นฺติอาทินา. ยํ ธมฺมชาตํ, อตฺถชาตํ วา ‘‘เอว’’นฺติ วา ‘‘เม’’ติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ, ตํ เอตฺถ รูปผสฺสาทิธมฺมสมุทาเย, ‘‘เอวํ เม’’ติ ปทานํ วา อตฺเถ. ปรมตฺถโต น อตฺถีติ โยชนา. รูปผสฺสาทิภาเวน นิทฺทิฏฺโ ปรมตฺถโต เอตฺถ อตฺเถว, ‘‘เอวํ เม’’ติ ปน นิทฺทิฏฺโ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. สุตนฺติ ปน สทฺทายตนํ สนฺธายาห ‘‘วิชฺชมานปฺตฺตี’’ติ. ‘‘สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสนา’’ติ เจตฺถ อธิกาโร. ‘‘ยฺหี’’ติอาทิ ตปฺปากฏีกรณํ, เหตุทสฺสนํ วา. ยํ ตํ สทฺทายตนํ โสเตน โสตทฺวาเรน, ตนฺนิสฺสิตวิฺาเณน วา อุปลทฺธํ อธิคมิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตน หิ สทฺทายตนมิธ คหิตํ กมฺมสาธเนนาติ ทสฺเสติ.
เอวํ อฏฺกถานเยน ปฺตฺติสรูปํ นิทฺธาเรตฺวา อิทานิ อฏฺกถามุตฺตเกนาปิ นเยน วุตฺเตสุ ฉสุ ปฺตฺติเภเทสุ ‘‘เอว’’นฺติอาทีนํ ปฺตฺตีนํ สรูปํ นิทฺธาเรนฺโต ‘‘ตถา’’ติอาทิมาห. อุปาทาปฺตฺติ อาทโย หิ โปราณฏฺกถาโต มุตฺตา สงฺคหกาเรเนว อาจริเยน วุตฺตา. วิตฺถาโร อภิธมฺมฏฺกถาย คเหตพฺโพ. ตํ ตนฺติ ตํ ตํ ธมฺมชาตํ, โสตปถมาคเต ธมฺเม อุปาทาย เตสํ อุปธาริตาการนิทสฺสนาวธารณสฺส ปจฺจามสนวเสน เอวนฺติ จ สสนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ อุปาทาย เมติ จ วตฺตพฺพตฺตาติ อตฺโถ. รูปเวทนาทิเภเทหิ ธมฺเม อุปาทาย นิสฺสาย การณํ กตฺวา ปฺตฺติ อุปาทาปฺตฺติ ยถา ‘‘ตานิ ตานิ องฺคานิ อุปาทาย รโถ เคหํ, เต เต รูปรสาทโย อุปาทาย ฆโฏ ปโฏ, จนฺทิมสูริยปริวตฺตาทโย อุปาทาย กาโล ทิสา’’ติอาทิ. ปฺเปตพฺพฏฺเน เจสา ปฺตฺติ นาม, น ปฺาปนฏฺเน. ยา ปน ตสฺส อตฺถสฺส ปฺาปนา, อยํ อวิชฺชมานปฺตฺติเยว. ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย ¶ วตฺตพฺพโตติ ทิฏฺมุตวิฺาเต อุปนิธาย อุปตฺถมฺภํ กตฺวา อเปกฺขิตฺวา วตฺตพฺพตฺตา. ทิฏฺาทิสภาววิรหิเต สทฺทายตเน วตฺตมาโนปิ หิ สุตโวหาโร ‘‘ทุติยํ ตติย’’นฺติอาทิโก วิย ปมาทีนิ ทิฏฺมุตวิฺาเต อเปกฺขิตฺวา ปวตฺโต ‘‘อุปนิธาปฺตี’’ติ วุจฺจเต. สา ปเนสา อเนกวิธา ตทฺเปกฺขูปนิธา หตฺถคตูปนิธา สมฺปยุตฺตูปนิธาสมาโรปิตูปนิธา อวิทูรคตูปนิธา ปฏิภาคูปนิธา ตพฺพหุลูปนิธาตพฺพิสิฏฺูปนิธา’’ติอาทินา. ตาสุ อยํ ‘‘ทุติยํ ตติย’’นฺติอาทิกา วิย ปมาทีนํ ทิฏฺาทีนํ อฺมฺมเปกฺขิตฺวา วุตฺตตฺตา ตทฺเปกฺขูปนิธาปฺตฺติ นาม.
เอวํ ปฺตฺติยาปิ ¶ อตฺถาธิคมนียตาสงฺขาตํ ทสฺเสตพฺพตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สทฺทสามตฺถิเยน ทีเปตพฺพมตฺถํ นิทฺธาเรตฺวา ทีเปนฺโต ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ เอตสฺมึ วจนตฺตเย. จ-สทฺโท อุปนฺยาโส อตฺถนฺตรํ อารภิตุกาเมน โยชิตตฺตา. ‘‘สุต’’นฺติ วุตฺเต อสุตํ น โหตีติ ปกาสิโตยมตฺโถ, ตสฺมา ตถา สุต-สทฺเทน ปกาสิตา อตฺตนา ปฏิวิทฺธสุตฺตสฺส ปการวิเสสา ‘‘เอว’’นฺติ เถเรน ปจฺจามฏฺาติ เตน เอวํ-สทฺเทน อสมฺโมโห ทีปิโต นาม, เตนาห ‘‘เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปตี’’ติ. อสมฺโมหนฺติ จ ยถาสุเต สุตฺเต อสมฺโมหํ. ตเทว ยุตฺติยา, พฺยติเรเกน จ สมตฺเถหิ ‘‘น หี’’ติอาทินา วกฺขมานฺจ สุตฺตํ นานปฺปการํ ทุปฺปฏิวิทฺธฺจ. เอวํ นานปฺปกาเร ทุปฺปฏิวิทฺเธ สุตฺเต กถํ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ ภวิสฺสติ. อิมาย ยุตฺติยา, อิมินา จ พฺยติเรเกน เถรสฺส ตตฺถ อสมฺมูฬฺหภาวสงฺขาโต ทีเปตพฺโพ อตฺโถ วิฺายตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวมีทิเสสุ ยถารหํ. ภควโต สมฺมุขา สุตาการสฺส ยาถาวโต อุปริ เถเรน ทสฺสิยมานตฺตา ‘‘สุตฺตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปตี’’ติ วุตฺตํ. กาลนฺตเรนาติ สุตกาลโต อปเรน กาเลน. ยสฺส…เป… ปฏิชานาติ, เถรสฺส ปน สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย อนสฺสมานํ อสมฺมุฏฺํ ติฏฺติ, ตสฺมา โส เอวํ ปฏิชานาตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ทีปิเตน ปน อตฺเถน กึ ปกาสิตนฺติ อาห ‘‘อิจฺจสฺสา’’ติอาทิ. ตตฺถ อิจฺจสฺสาติ อิติ อสฺส, ตสฺมา อสมฺโมหสฺส, อสมฺโมสสฺส จ ทีปิตตฺตา อสฺส เถรสฺสปฺาสิทฺธีติอาทินา สมฺพนฺโธ. อสมฺโมเหนาติ สมฺโมหาภาเวน. ปฺาวชฺชิตสมาธิอาทิธมฺมชาเตน ตํสมฺปยุตฺตาย ปฺาย ¶ สิทฺธิ สหชาตาทิสตฺติยา สิชฺฌนโต. สมฺโมหปฏิปกฺเขน วา ปฺาสงฺขาเตน ธมฺมชาเตน. สวนกาลสมฺภูตาย หิ ปฺาย ตทุตฺตริกาลปฺาสิทฺธิ อุปนิสฺสยาทิโกฏิยา สิชฺฌนโต. อิตรตฺถาปิ ยถารหํ นโย เนตพฺโพ.
เอวํ ปกาสิเตน ปน อตฺเถน กึ วิภาวิตนฺติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถาติ เตสุ ทุพฺพิเธสุ ธมฺเมสุ. พฺยฺชนานํ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตธารณเมว ตตฺถ กรณียํ, ตสฺมา ตตฺถ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ปน คุณีภูตาติ วุตฺตํ ‘‘ปฺาปุพฺพงฺคมายา’’ติอาทิ. ปฺาย ปุพฺพงฺคมา ปฺาปุพฺพงฺคมาติ หิ นิพฺพจนํ, ปุพฺพงฺคมตา เจตฺถ ปธานภาโว ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑) วิย. อปิจ ยถา จกฺขุวิฺาณาทีสุ อาวชฺชนาทโย ปุพฺพงฺคมา สมานาปิ ตทารมฺมณสฺส อวิชานนโต อปฺปธานภูตา, เอวํ ปุพฺพงฺคมายปิ อปฺปธานตฺเต สติ ปฺาปุพฺพงฺคมา เอติสฺสาติ นิพฺพจนมฺปิ ยุชฺชติ. ปุพฺพงฺคมตา เจตฺถ ปุเรจาริภาโว. อิติ สหชาตปุพฺพงฺคโม ปุเรชาตปุพฺพงฺคโมติ ทุวิโธปิ ปุพฺพงฺคโม อิธ สมฺภวติ, ยถา เจตฺถ, เอวํ สติ ‘‘ปุพฺพงฺคมายา’’ติ เอตฺถาปิ ยถาสมฺภวเมส ¶ นโย เวทิตพฺโพ. เอวํ วิภาวิเตน สมตฺถตาวจเนน กิมนุภาวิตนฺติ อาห ‘‘ตทุภยสมตฺถตาโยเคนา’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺสาติ อตฺถพฺยฺชเนน ปริปุณฺณสฺส, สงฺกาสนาทีหิ วา ฉหิ อตฺถปเทหิ, อกฺขราทีหิ จ ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ สมนฺนาคตสฺส, อตฺถพฺยฺชนสงฺขาเตน วา รเสน สาทุรสสฺส. ปริยตฺติธมฺโมเยว นวโลกุตฺตรรตนสนฺนิธานโต สตฺตวิธสฺส, ทสวิธสฺส วา รตนสฺส สนฺนิธาโน โกโส วิยาติ ธมฺมโกโส, ตถา ธมฺมภณฺฑาคาโร, ตตฺถ นิยุตฺโตติ ธมฺมภณฺฑาคาริโก. อถ วา นานาราชภณฺฑรกฺขโก ภณฺฑาคาริโก วิยาติ ภณฺฑาคาริโก, ธมฺมสฺส อนุรกฺขโก ภณฺฑาคาริโกติ ตเมว สทิสตาการณทสฺสเนน วิเสเสตฺวา ‘‘ธมฺมภณฺฑาคาริโก’’ติ วุตฺโต. ยถาห –
‘‘พหุสฺสุโต ธมฺมธโร, สพฺพปาี จ สาสเน;
อานนฺโท นาม นาเมน, ธมฺมารกฺโข ตวํ มุเน’’ติ. (อป. ๑.๕๔๒);
อฺถาปิ ทีเปตพฺพมตฺถํ ทีเปติ ‘‘อปโร นโย’’ติอาทินา, เอวํ สทฺเทน วุจฺจมานานํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺถานํ อวิปรีตสทฺธมฺมวิสยตฺตา ตพฺพิสเยหิ ¶ เตหิ อตฺเถหิ โยนิโส มนสิการสฺส ทีปนํ ยุตฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘โยนิ…เป… ทีเปตี’’ติ. ‘‘อโยนิโส’’ติอาทินา พฺยติเรเกน าปกเหตุทสฺสนํ. ตตฺถ กตฺถจิ หิ-สทฺโท ทิสฺสติ, โส การเณ, กสฺมาติ อตฺโถ, อิมินา วจเนเนว โยนิโส มนสิกโรโต นานปฺปการปฏิเวธสมฺภวโต อคฺคิ วิย ธูเมน การิเยน การณภูโต โส วิฺายตีติ ตทนฺวยมฺปิ อตฺถาปตฺติยา ทสฺเสติ. เอส นโย สพฺพตฺถ ยถารหํ. ‘‘พฺรหฺมชาลํ อาวุโส กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทิ ปุจฺฉาวเสน อธุนา ปกรณปฺปตฺตสฺส วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส ‘‘สุต’’นฺติ ปเทน วุจฺจมานํ ภควโต สมฺมุขา สวนํ สมาธานมนฺตเรน น สมฺภวตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อวิกฺเขปํ ทีเปตี’’ติ. ‘‘วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺสา’’ติอาทินา พฺยติเรกการเณน าปกเหตุํ ทสฺเสตฺวา ตเทว สมตฺเถติ ‘‘ตถา หี’’ติอาทินา. สพฺพสมฺปตฺติยาติ สพฺเพน อตฺถพฺยฺชนเทสกปโยชนาทินา สมฺปตฺติยา. กึ อิมินา ปกาสิตนฺติ อาห ‘‘โยนิโส มนสิกาเรน เจตฺถา’’ติอาทิ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ธมฺมทฺวเย. ‘‘น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต’’ติอาทินา การณภูเตน อวิกฺเขเปน, สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ ผลภูตสฺส สทฺธมฺมสฺสวนสฺส สิทฺธิยา เอว สมตฺถนํ วุตฺตํ, อวิกฺเขเปน ปน สปฺปุริสูปนิสฺสยสฺส สิทฺธิยา สมตฺถนํ น วุตฺตํ. กสฺมาติ เจ? วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ สปฺปุริเส ปยิรุปาสนาภาวสฺส อตฺถโต สิทฺธตฺตา. อตฺถวเสเนว หิ โส ปากโฏติ น วุตฺโต.
เอตฺถาห – ยถา โยนิโส มนสิกาเรน ผลภูเตน อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปฺุตานํ การณภูตานํ ¶ สิทฺธิ วุตฺตา ตทวินาภาวโต, เอวํ อวิกฺเขเปน ผลภูเตน สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยานํ การณภูตานํ สิทฺธิ วตฺตพฺพา สิยา อสฺสุตวโต, สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส จ ตทภาวโต. เอวํ สนฺเตปิ ‘‘น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต’’ติอาทิสมตฺถนวจเนน อวิกฺเขเปน, สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ การณภูเตน สทฺธมฺมสฺสวนสฺเสว ผลภูตสฺส สิทฺธิ วุตฺตา, กสฺมา ปเนวํ วุตฺตาติ? วุจฺจเต – อธิปฺปายนฺตรสมฺภวโต หิ ตถา สิทฺธิ วุตฺตา. อยํ ปเนตฺถาธิปฺปาโย – สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยา น เอกนฺเตน อวิกฺเขปสฺส การณํ พาหิรการณตฺตา, อวิกฺเขโป ปน สปฺปุริสูปนิสฺสโย วิย สทฺธมฺมสฺสวนสฺส เอกนฺตการณํ อชฺฌตฺติกการณตฺตา, ตสฺมา เอกนฺตการเณ โหนฺเต กิมตฺถิยา อเนกนฺตการณํ ปติ ผลภาวปริกปฺปนาติ ตถาเยเวตสฺส ¶ สิทฺธิ วุตฺตาติ. เอตฺถ จ ปมํ ผเลน การณสฺส สิทฺธิทสฺสนํ นทีปูเรน วิย อุปริ วุฏฺิสพฺภาวสฺส, ทุติยํ การเณน ผลสฺส สิทฺธิทสฺสนํ เอกนฺตวสฺสินา วิย เมฆวุฏฺาเนน วุฏฺิปวตฺติยา.
‘‘อปโร นโย’’ติอาทินา อฺถาปิ ทีเปตพฺพตฺถมาห, ยสฺมา น โหตีติ สมฺพนฺโธ. เอวนฺติ…เป… นานาการนิทฺเทโสติ เหฏฺา วุตฺตํ, โส จ อากาโรติ โสตทฺวารานุสารวิฺาณวีถิสงฺขาตสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานากาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณสงฺขาโต โส ภควโต วจนสฺส อตฺถพฺยฺชนปฺปเภทปริจฺเฉทวเสน สกลสาสนสมฺปตฺติโอคาหนากาโร. เอวํ ภทฺทโกติ นิรวเสสปรหิตปาริปูริภาวการณตฺตา เอวํ ยถาวุตฺเตน นานตฺถพฺยฺชนคฺคหเณน สุนฺทโร เสฏฺโ, สมาสปทํ วา เอตํ เอวํ อีทิโส ภทฺโท ยสฺสาติ กตฺวา. น ปณิหิโต อปฺปณิหิโต, สมฺมา อปฺปณิ หิโต อตฺตา ยสฺสาติ ตถา, ตสฺส. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตินฺติ อตฺตสมฺมาปณิธิปุพฺเพกตปฺุตาสงฺขาตคุณทฺวยสมฺปตฺตึ. คุณสฺเสว หิ อปราปรวุตฺติยา ปวตฺตนฏฺเน จกฺกภาโว. จรนฺติ วา เอเตน สตฺตา สมฺปตฺติภวํ, สมฺปตฺติภเวสูติ วา จกฺกํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จตฺตาริมานิ ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสานํ จตุจกฺกํ วตฺตตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๑) ปจฺฉิมภาโว เจตฺถ เทสนากฺกมวเสเนว. ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตินฺติ ปติรูปเทสวาสสปฺปุริสูปนิสฺสยสงฺขาตคุณทฺวยสมฺปตฺตึ. เสสํ วุตฺตนยเมว. ตสฺมาติ ปุริมการณํ ปุริมสฺเสวาติ อิธ การณมาห ‘‘น หี’’ติอาทินา.
เตน กึ ปกาสิตนฺติ อาห ‘‘อิจฺจสฺสา’’ติอาทิ. อิติ อิมาย จตุจกฺกสมฺปตฺติยา การณภูตาย. อสฺส เถรสฺส. ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยาติ ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสฺส อตฺถิภาเวน สิทฺธิยา ¶ . อาสยสุทฺธีติ วิปสฺสนาาณสงฺขาตาย อนุโลมิกขนฺติยา, กมฺมสฺสกตาาณ-มคฺคาณสงฺขาตสฺส ยถาภูตาณสฺส จาติ ทุวิธสฺสาปิ อาสยสฺส อสุทฺธิเหตุภูตานํ กิเลสานํ ทูรีภาเวน สุทฺธิ. ตเทว หิ ทฺวยํ วิวฏฺฏนิสฺสิตานํ สุทฺธสตฺตานํ อาสโย. สมฺมาปณิหิตตฺโต หิ ปุพฺเพ จ กตปฺุโ สุทฺธาสโย โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ, (ธ. ป. ๔๓) ‘‘กตปฺุโสิ ตฺวํ อานนฺท, ปธานมนุยฺุช ¶ ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗) จ. เกจิ ปน ‘‘กตฺตุกมฺยตาฉนฺโท อาสโย’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ‘‘ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธี’’ติ วจเนน วิโรธโต. เอวมฺปิ มคฺคาณสงฺขาตสฺส อาสยสฺส สุทฺธิ น ยุตฺตา ตาย อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิยา อวตฺตพฺพโตติ? โน น ยุตฺโต ปุริมสฺส มคฺคสฺส, ปจฺฉิมานํ มคฺคานํ, ผลานฺจ การณภาวโต. ปโยคสุทฺธีติ โยนิโสมนสิการปุพฺพงฺคมสฺส ธมฺมสฺสวนปโยคสฺส วิสทภาเวน สุทฺธิ, สพฺพสฺส วา กายวจีปโยคสฺส นิทฺโทสภาเวน สุทฺธิ. ปติรูปเทสวาสี, หิ สปฺปุริสเสวี จ ยถาวุตฺตวิสุทฺธปโยโค โหติ. ตถาวิสุทฺเธน โยนิโสมนสิการปุพฺพงฺคเมน ธมฺมสฺสวนปโยเคน, วิปฺปฏิสาราภาวาวเหน จ กายวจีปโยเคน อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปริยตฺติยํ วิสารโท โหติ, ตถาภูโต จ เถโร, เตน วิฺายติ ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา เถรสฺส ปโยคสุทฺธิ สิทฺธาวาติ. เตน กึ วิภาวิตนฺติ อาห ‘‘ตาย จา’’ติอาทิ. อธิคมพฺยตฺติสิทฺธีติ ปฏิเวธสงฺขาเต อธิคเม เฉกภาวสิทฺธิ. อธิคเมตพฺพโต หิ ปฏิวิชฺฌิตพฺพโต ปฏิเวโธ ‘‘อธิคโม’’ติ อฏฺกถาสุ วุตฺโต, อาคโมติ จ ปริยตฺติ อาคจฺฉนฺติ อตฺตตฺถปรตฺถาทโย เอเตน, อาภุโส วา คมิตพฺโพ าตพฺโพติ กตฺวา.
เตน กิมนุภาวิตนฺติ อาห ‘‘อิตี’’ติอาทิ. อิตีติ เอวํ วุตฺตนเยน, ตสฺมา สิทฺธตฺตาติ วา การณนิทฺเทโส. วจนนฺติ นิทานวจนํ โลกโต, ธมฺมโต จ สิทฺธาย อุปมาย ตมตฺถํ าเปตุํ ‘‘อรุณุคฺคํ วิยา’’ติอาทิมาห. ‘‘อุปมาย มิเธกจฺเจ, อตฺถํ ชานนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ (ชา. ๒.๑๙.๒๔) หิ วุตฺตํ. อรุโณติ สูริยสฺส อุทยโต ปุพฺพภาเค อุฏฺิตรํสิ, ตสฺส อุคฺคํ อุคฺคมนํ อุทยโต อุทยนฺตสฺส อุทยาวาสมุคฺคจฺฉโต สูริยสฺส ปุพฺพงฺคมํ ปุเรจรํ ภวิตุํ อรหติ วิยาติ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อาคมาธิคมพฺยตฺติยา อีทิสสฺส เถรสฺส วุตฺตนิทานวจนํ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุมรหติ, นิทานภาวํ คตํ โหตีติ อิทมตฺถชาตํ อนุภาวิตนฺติ.
อิทานิ อปรมฺปิ ปุพฺเพ วุตฺตสฺส อสมฺโมหาสมฺโมสสงฺขาตสฺส ทีเปตพฺพสฺสตฺถสฺส ทีปเกหิ เอวํ-สทฺท สุต-สทฺเทหิ ปกาเสตพฺพมตฺถํ ปกาเสนฺโต ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิ ‘‘นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน ¶ , โสตพฺพปฺปเภทปฏิเวธทีปเกนา’’ติ จ อิมินา เตหิ สทฺเทหิ ปุพฺเพ ¶ ทีปิตํ อสมฺโมหาสมฺโมสสงฺขาตํ ทีเปตพฺพตฺถมาห อสมฺโมเหน นานปฺปการปฏิเวธสฺส, อสมฺโมเสน จ โสตพฺพปฺปเภทปฏิเวธสฺส สิชฺฌนโต. ‘‘อตฺตโน’’ติอาทีหิ ปน ปกาเสตพฺพตฺถํ. เตน วุตฺตํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ‘‘นานปฺปการปฏิเวธทีปเกนาติอาทินา เอวํ-สทฺท สุต-สทฺทานํ เถรสฺส อตฺถพฺยฺชเนสุ อสมฺโมหาสมฺโมสทีปนโต จตุปฏิสมฺภิทาวเสน อตฺถโยชนํ ทสฺเสตี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑). เหตุคพฺภฺเจตํ ปททฺวยํ, นานปฺปการปฏิเวธสงฺขาตสฺส, โสตพฺพปฺปเภท-ปฏิเวธสงฺขาตสฺส จ ทีเปตพฺพตฺถสฺส ทีปกตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. สนฺตสฺส วิชฺชมานสฺส ภาโว สพฺภาโว, อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาหิ สมฺปตฺติยา สพฺภาโว ตถา. ‘‘สมฺภว’’นฺติปิ ปาโ, สมฺภวนํ สมฺภโว, อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺตีนํ สมฺภโว ตถา. เอวํ อิตรตฺถาปิ. ‘‘โสตพฺพปฺปเภทปฏิเวธทีปเกนา’’ติ เอเตน ปน อยํ สุต-สทฺโท เอวํ-สทฺทสนฺนิธานโต, วกฺขมานาเปกฺขาย วา สามฺเเนว วุตฺเตปิ โสตพฺพธมฺมวิเสสํ อามสตีติ ทสฺเสติ. เอตฺถ จ โสตพฺพธมฺมสงฺขาตาย ปาฬิยา นิทสฺเสตพฺพานํ ภาสิตตฺถปโยชนตฺถานํ, ตีสุ จ าเณสุ ปวตฺตาณสฺส นานปฺปการภาวโต ตพฺภาวปฏิเวธทีปเกน เอวํ-สทฺเทน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวทีปนํ ยุตฺตํ, โสตพฺพธมฺมสฺส ปน อตฺถาธิคมเหตุโต, ตํวเสน จ ตทวเสสเหตุปฺปเภทสฺส คหิตตฺตา, นิรุตฺติภาวโต จ โสตพฺพปฺปเภททีปเกน สุต-สทฺเทน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวทีปนํ ยุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตเทวตฺถฺหิ าเปตุํ ‘‘อสมฺโมหทีปเกน, อสมฺโมสทีปเกนา’’ติ จ อวตฺวา ตถา วุตฺตนฺติ.
เอวํ อสมฺโมหาสมฺโมสสงฺขาตสฺส ทีเปตพฺพสฺสตฺถสฺส ทีปเกหิ เอวํ-สทฺท สุต-สทฺเทหิ ปกาเสตพฺพมตฺถํ ปกาเสตฺวา อิทานิ โยนิโสมนสิการาวิกฺเขปสงฺขาตสฺส ทีเปตพฺพสฺสตฺถสฺส ทีปเกหิปิ เตหิ ปกาเสตพฺพมตฺถํ ปกาเสนฺโต ‘‘เอวนฺติ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิ ‘‘เอวนฺติ…เป… ภาสมาโน, สุตนฺติ อิทํ…เป… ภาสมาโน’’ติ จ อิมินา เตหิ สทฺเทหิ ปุพฺเพ ทีปิตํ โยนิโสมนสิการาวิกฺเขปสงฺขาตํ ทีเปตพฺพตฺถมาห, ‘‘เอเต มยา’’ติอาทีหิ ปน ปกาเสตพฺพตฺถํ สวนโยคทีปกนฺติ จ อวิกฺเขปวเสน สวนโยคสฺส สิชฺฌนโต ตเทว สนฺธายาห ¶ . ตถา หิ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘สวนธารณวจีปริจริยา ปริยตฺติธมฺมานํ วิเสเสน โสตาวธารณปฏิพทฺธาติ เต อวิกฺเขปทีปเกน สุตสทฺเทน โยเชตฺวา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑). มโนทิฏฺีหิ ปริยตฺติธมฺมานํ อนุเปกฺขนสุปฺปฏิเวธา วิเสสโต มนสิการปฏิพทฺธา, ตสฺมา ตทฺทีปกวจเนเนว เอเต มยา ธมฺมา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธาติ อิมมตฺถํ ปกาเสตีติ วุตฺตํ ‘‘เอวนฺติ จ…เป… ทีเปตี’’ติ ตตฺถ ธมฺมาติ ปริยตฺติธมฺมา. มนสานุเปกฺขิตาติ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา, เอตฺตกาว เอตฺถ ¶ อนุสนฺธโย’’ติอาทิเภเทน มนสา อนุเปกฺขิตา. ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธาติ นิชฺฌานกฺขนฺติสงฺขาตาย, าตปริฺาสงฺขาตาย วา ทิฏฺิยา ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม ‘‘อิติ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา สุฏฺุ ววตฺถาเปตฺวา ปฏิวิทฺธา.
สวนธารณวจีปริจริยา จ ปริยตฺติธมฺมานํ วิเสเสน โสตาวธารณปฏิพทฺธา, ตสฺมา ตทฺทีปกวจเนเนว พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตาติ อิมมตฺถํ ปกาเสตีติ วุตฺตํ ‘‘สุตนฺติ อิทํ…เป… ทีเปตี’’ติ. ตตฺถ สุตาติ โสตทฺวารานุสาเรน วิฺาตา. ธาตาติ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย มนสิ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธเนน อุปธาริตา. วจสา ปริจิตาติ ปคุณตาสมฺปาทเนน วาจาย ปริจิตา สชฺฌายิตา. อิทานิ ปกาเสตพฺพตฺถทฺวยทีปเกน ยถาวุตฺตสทฺททฺวเยน วิภาเวตพฺพมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘ตทุภเยนปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตทุภเยนาติ ปุริมนเย, ปจฺฉิมนเย จ ยถาวุตฺตสฺส ปกาเสตพฺพสฺสตฺถสฺส ปกาสเกน เตน ทุพฺพิเธน สทฺเทน. อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโตติ อาทรชนนสฺส การณวจนํ. ตเทว การณํ พฺยติเรเกน วิวรติ, ยุตฺติยา วา ทฬฺหํ กโรติ ‘‘อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณฺหี’’ติอาทินา. อสุณนฺโตติ เจตฺถ ลกฺขเณ, เหตุมฺหิ วา อนฺต-สทฺโท. มหตา หิตาติ มหนฺตโต หิตสฺมา. ปริพาหิโรติ สพฺพโต ภาเคน พาหิโร.
เอเตน ปน วิภาเวตพฺพตฺถทีปเกน สทฺททฺวเยน อนุภาเวตพฺพตฺถมนุภาเวนฺโต ‘‘เอวํ เม สุตนฺติ อิมินา’’ติอาทิมาห. ปุพฺเพ วิสุํ วิสุํ อตฺเถ โยชิตาเยว เอเต สทฺทา อิธ เอกสฺเสวานุภาวตฺถสฺส อนุภาวกภาเวน คหิตาติ าเปตุํ ‘‘สกเลนา’’ติ วุตฺตํ. กามฺจ เม-สทฺโท อิมสฺมึ ¶ าเน ปุพฺเพน โยชิโต, ตทเปกฺขานํ ปน เอวํ-สทฺท สุต-สทฺทานํ สหจรณโต, อวินาภาวโต จ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถาคตปฺปเวทิตนฺติ ตถาคเตน ปการโต วิทิตํ, ภาสิตํ วา. อตฺตโน อทหนฺโตติ อตฺตนิ ‘‘มเมท’’นฺติ อฏฺเปนฺโต. ภุมฺมตฺเถ เจตํ สามิวจนํ. อสปฺปุริสภูมินฺติ อสปฺปุริสวิสยํ, โส จ อตฺถโต อปกตฺุตาสงฺขาตา ‘‘อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕) เอวํ มหาโจรทีปเกน ภควตา วุตฺตา อนริยโวหาราวตฺถา, ตถา จาห ‘‘ตถาคต…เป… อทหนฺโต’’ติ. หุตฺวาติ เจตฺถ เสโส. ตถา สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโตติ สปฺปุริสภูมิโอกฺกมนสรูปกถนํ. นนุ จ อานนฺทตฺเถรสฺส ‘‘มเมตํ วจน’’นฺติ อธิมานสฺส, มหากสฺสปตฺเถราทีนฺจ ตทาสงฺกาย อภาวโต อสปฺปุริสภูมิสมติกฺกมาทิวจนํ นิรตฺถกํ สิยาติ? นยิทเมวํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วทนฺเตน อยมฺปิ อตฺโถ อนุภาวิโตติ อตฺถสฺเสว ทสฺสนโต. เตน หิ อนุภาเวตพฺพมตฺถํเยว ตถา ทสฺเสติ, น ปน อานนฺทตฺเถรสฺส อธิมานสฺส, มหากสฺสปตฺเถราทีนฺจ ¶ ตทาสงฺกาย สมฺภวนฺติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘เทวตานํ ปริวิตกฺกาเปกฺขํ ตถาวจนํ, ตสฺมา เอทิสี โจทนา อนวกาสา’’ติ วทนฺติ. ตสฺมึ กิร สมเย เอกจฺจานํ เทวตานํ เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ภควา จ ปรินิพฺพุโต, อยฺจายสฺมา อานนฺโท เทสนากุสโล, อิทานิ ธมฺมํ เทเสติ, สกฺยกุลปฺปสุโต ตถาคตสฺส ภาตา, จูฬปิตุปุตฺโต จ, กึ นุ โข โส สยํ สจฺฉิกตํ ธมฺมํ เทเสติ, อุทาหุ ภควโตเยว วจนํ ยถาสุต’’นฺติ, เตสเมว เจโตปริวิตกฺกมฺาย ตทภิปริหรณตฺถํ อสปฺปุริสภูมิสมติกฺกมนาทิอตฺโถ อนุภาวิโตติ. สาเยว ยถาวุตฺตา อนริยโวหาราวตฺถา อสทฺธมฺโม, ตทวตฺถาโนกฺกมนสงฺขาตา จ สาวกตฺตปฏิชานนา สทฺธมฺโม. เอวํ สติ ปริยายนฺตเรน ปุริมตฺถเมว ทสฺเสตีติ คเหตพฺพํ. อปิจ กุหนลปนาทิวเสน ปวตฺโต อกุสลราสิ อสทฺธมฺโม, ตพฺพิรหิตภาโว จ สทฺธมฺโม. ‘‘เกวล’’นฺติอาทินาปิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปริยายนฺตเรน ทสฺสนํ, ยถาวุตฺตาย อนริยโวหาราวตฺถาย ปริโมเจติ. สาวกตฺตํ ปฏิชานเนน สตฺถารํ อปทิสตีติ อตฺโถ. อปิจ สตฺถุกปฺปาทิกิริยโต อตฺตานํ ปริโมเจติ ตกฺกิริยาสงฺกาย ¶ สมฺภวโต. ‘‘สตฺถุ ภควโตเยว วจนํ มยาสุต’’นฺติ สตฺถารํ อปทิสตีติ อตฺถนฺตรมนุภาวนํ โหติ. ‘‘ชินวจน’’นฺติอาทิปิ ปริยายนฺตรทสฺสนํ, อตฺถนฺตรมนุภาวนเมว วา. อปฺเปตีติ นิทสฺเสติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถสุ ยถารหํ สตฺเต เนตีติ เนตฺติ, ธมฺโมเยว เนตฺติ ตถา. วุตฺตนเยน เจตฺถ อุภยถา อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.
อปรมฺปิ อนุภาเวตพฺพมตฺถมนุภาเวติ ‘‘อปิจา’’ติอาทินา. ตตฺถ อุปฺปาทิตภาวตนฺติ เทสนาวเสน ปวตฺติตภาวํ. ปุริมวจนํ วิวรนฺโตติ ภควตา เทสิตวเสน ปุริมตรํ สํวิชฺชมานํ ภควตา วจนเมว อุตฺตานึ กโรนฺโต, อิทํ วจนนฺติ สมฺพนฺโธ. จตูหิ เวสารชฺชาเณหิ วิสารทสฺส, วิสารทเหตุภูตจตุเวสารชฺชาณสมฺปนฺนสฺส วา. ทสาณพลธรสฺส. สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสงฺขาเต อุตฺตมฏฺาเน ิตสฺส, อุสภสฺส อิทนฺติ วา อตฺเถน อาสภสงฺขาเต อกมฺปนสภาวภูเต าเน ิตสฺส. ‘‘เอวเมว โข ภิกฺขเว, ยทา ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ…เป… โส ธมฺมํ เทเสตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๔.๓๓) สีโหปมสุตฺตาทีสุ อาคเตน อเนกนเยน สีหนาทนทิโน. สพฺพสตฺเตสุ, สพฺพสตฺตานํ วา อุตฺตมสฺส. น เจตฺถ นิทฺธารณลกฺขณาภาวโต นิทฺธารณวเสน สมาโส. สพฺพตฺถ หิ สกฺกตคนฺเถสุ, สาสนคนฺเถสุ จ เอวเมว วุตฺตํ. ธมฺเมน สตฺตานมิสฺสรสฺส. ธมฺมสฺเสว อิสฺสรสฺส ตทุปฺปาทนวเสนาติปิ วทนฺติ. เสสปททฺวยํ ตสฺเสวตฺถสฺส ปริยายนฺตรทีปนํ. ธมฺเมน โลกสฺส ปทีปมิว ภูตสฺส, ตทุปฺปาทกภาเวน วา ธมฺมสงฺขาตปทีปสมฺปนฺนสฺส. ‘‘ธมฺมกาโยติ ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๑๘) หิ วุตฺตํ. ธมฺเมน โลกปฏิสรณภูตสฺส, ธมฺมสงฺขาเตน ¶ วา ปฏิสรเณน สมฺปนฺนสฺส. ‘‘ยํนูนาหํ…เป… ตเมว ธมฺมํ สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวา มาเนตฺวา ปูเชตฺวา อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๒๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๓) หิ วุตฺตํ. สทฺธินฺทฺริยาทิสทฺธมฺมสงฺขาตสฺส วรจกฺกสฺส ปวตฺติโน, สทฺธมฺมานเมตสฺส วา อาณาจกฺกวรสฺส ปวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตสฺส ภควโต อิทํ วจนํ สมฺมุขาว มยา ปฏิคฺคหิตนฺติ โยเชตพฺพํ. พฺยฺชเนติ ปทสมุทายภูเต วากฺเย. กงฺขา วา วิมติ วาติ เอตฺถ ทฬฺหตรํ นิวิฏฺา วิจิกิจฺฉา กงฺขา. นาติสํสปฺปนํ มติเภทมตฺตํ วิมติ. สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยาติ ตถา อกตฺตพฺพภาวการณวจนํ. อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมวจนํ ¶ วิวรนฺโตติ ปน อสฺสทฺธิยวินาสนสฺส, สทฺธาสมฺปทมุปฺปาทนสฺส จ การณวจนํ. ‘‘เตเนต’’นฺติอาทินา ยถาวุตฺตเมวตฺถํ อุทานวเสน ทสฺเสติ.
‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ เอวํ วทนฺโต โคตมโคตฺตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวโก, โคตมโคตฺตสมฺพนฺโธ วา สาวโก อายสฺมา อานนฺโท ภควตา ภาสิตภาวสฺส, สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตภาวสฺส จ สูจนโต, ตถาสูจเนเนว จ ขลิตทุนฺนิรุตฺตาทิคหณโทสาภาวสฺส สิชฺฌนโต สาสเน อสฺสทฺธํ วินาสยติ, สทฺธํ วฑฺเฒตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ปฺจมาทโย ติสฺโส อตฺถโยชนา อาการาทิอตฺเถสุ อคฺคหิตวิเสสเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา ทสฺสิตา, ตโต ปรา ติสฺโส อาการตฺถเมว เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา วิภาวิตา, ปจฺฉิมา ปน ติสฺโส ยถากฺกมํ อาการตฺถํ, นิทสฺสนตฺถํ, อวธารณตฺถฺจ เอวํ-สทฺทํ คเหตฺวา โยชิตาติ ทฏฺพฺพํ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘ทสฺสนํ ทีปนฺจาปิ, ปกาสนํ วิภาวนํ;
อนุภาวนมิจฺจตฺโถ, กิริยาโยเคน ปฺจธา.
ทสฺสิโต ปรมฺปราย, สิทฺโธ เนกตฺถวุตฺติยา;
เอวํ เม สุตมิจฺเจตฺถ, ปทตฺตเย นยฺุนา’’ติ.
เอก-สทฺโท ปน อฺเสฏฺาสหายสงฺขฺยาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗) อฺตฺเถ ทิสฺสติ, ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ปารา. ๑๑) เสฏฺเ, ‘‘เอโกวูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๐๕; ที. นิ. ๒.๒๑๕; ม. นิ. ๑.๘๐; สํ. นิ. ๓.๖๓; วิภ. ๔.๔๔๕) อสหาเย, ‘‘เอโกว โข ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) สงฺขฺยายํ, อิธาปิ สงฺขฺยายเมวาติ ¶ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส’’ติ (อิติวุ. อฏฺ. ๑; ที. นิ. ฏี. ๑.ปริพฺพาชกกถาวณฺณนา) เอโกเยเวส สมโย, น ทฺเว วา ตโย วาติ อูนาธิกาภาเวน คณนสฺส ปริจฺเฉทนิทฺเทโส เอกนฺติ อยํ สทฺโทติ อตฺโถ, เตน กสฺส ปริจฺฉินฺทนนฺติ อนุโยเค สติ ¶ ‘‘สมย’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส’’ติ. เอวํ ปริจฺเฉทปริจฺฉินฺนวเสน วุตฺเตปิ ‘‘อยํ นาม สมโย’’ติ สรูปโต อนิยมิตตฺตา อนิยมิตวจนเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘เอกํ…เป…. ทีปน’’นฺติ อิมินา.
อิทานิ สมยสทฺทสฺส อเนกตฺถวุตฺติตํ อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺเสตฺวา อิธาธิปฺเปตมตฺถํ นิยเมนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถาติ ตสฺมึ ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ ปททฺวเย, สมภินิวิฏฺโ สมย สทฺโทติ สมฺพนฺโธ. น ปน ทิสฺสตีติ เตสฺเวกสฺมึเยว อตฺเถ อิธ ปวตฺตนโต. สมวาเยติ ปจฺจยสามคฺคิยํ, การณสมวาเยติ อตฺโถ. ขเณติ โอกาเส. เหตุทิฏฺีสูติ เหตุมฺหิ เจว ลทฺธิยฺจ. อสฺสาติ สมยสทฺทสฺส. กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายาติ เอตฺถ กาโล นาม อุปสงฺกมนสฺส ยุตฺตกาโล. สมโย นาม ตสฺเสว ปจฺจยสามคฺคี, อตฺถโต ปน ตทนุรูปสรีรพลฺเจว ตปฺปจฺจยปริสฺสยาภาโว จ. อุปาทานํ นาม าเณน เตสํ คหณํ, ตสฺมา ยถาวุตฺตํ กาลฺจ สมยฺจ ปฺาย คเหตฺวา อุปธาเรตฺวาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ อมฺหากํ สฺเว คมนสฺส ยุตฺตกาโล ภวิสฺสติ, กาเย พลมตฺตา จ ผริสฺสติ, คมนปจฺจยา จ อฺโ อผาสุวิหาโร น ภวิสฺสติ, อเถตํ กาลฺจ คมนการณสมวายสงฺขาตํ สมยฺจ อุปธาเรตฺวา อปฺเปว นาม สฺเวปิ อาคจฺเฉยฺยามาติ. ขโณติ โอกาโส. ตถาคตุปฺปาทาทิโก หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโส ตปฺปจฺจยปฏิลาภเหตุตฺตา. ขโณ เอว จ สมโย. โย ‘‘ขโณ’’ติ จ ‘‘สมโย’’ติ จ วุจฺจติ, โส เอโกวาติ อธิปฺปาโย. ทิยฑฺโฒ มาโส เสโส คิมฺหานํ อุณฺหสมโย. วสฺสานสฺส ปโม มาโส ปริฬาหสมโย. มหาสมโยติ มหาสมูโห. สมาโส วา เอส, พฺยาโส วา. ปวุฏฺํ วนํ ปวนํ, ตสฺมึ, กปิลวตฺถุสามนฺเต มหาวนสงฺขาเต วนสณฺเฑติ อตฺโถ. สมโยปิ โขติ เอตฺถ สมโยติ สิกฺขาปทปูรณสฺส เหตุ. ภทฺทาลีติ ตสฺส ภิกฺขุสฺส นามํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตยา ภทฺทาลิ ปฏิวิชฺฌิตพฺพยุตฺตกํ เอกํ การณํ อตฺถิ, ตมฺปิ เต น ปฏิวิทฺธํ น สลฺลกฺขิตนฺติ. กึ ตํ การณนฺติ อาห ‘‘ภควาปิ โข’’ติอาทิ.
‘‘อุคฺคหมาโน’’ติอาทีสุ มาโนติ ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส ปกตินามํ, กิฺจิ กิฺจิ ปน สิปฺปํ อุคฺคเหตุํ สมตฺถตาย ‘‘อุคฺคหมาโน’’ติ นํ ¶ สฺชานนฺติ, ตสฺมา ‘‘อุคฺคหมาโน’’ติ วุจฺจติ. สมณมุณฺฑิกสฺส ปุตฺโต สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต. โส กิร เทวทตฺตสฺส อุปฏฺาโก. สมยํ ทิฏฺึ ¶ ปกาเรน วทนฺติ เอตฺถาติ สมยปฺปวาทโก, ตสฺมึ, ทิฏฺิปฺปวาทเกติ อตฺโถ. ตสฺมึ กิร าเน จงฺกีตารุกฺขโปกฺขรสาติปฺปภูตโย พฺราหฺมณา, นิคณฺาเจลกปริพฺพาชกาทโย จ ปพฺพชิตา สนฺนิปติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สมยํ ปกาเรน วทนฺติ กเถนฺติ ทีเปนฺติ, ตสฺมา โส อาราโม ‘‘สมยปฺปวาทโก’’ติ วุจฺจติ. สฺเวว ตินฺทุกาจีรสงฺขาตาย ติมฺพรูสกรุกฺขปนฺติยา ปริกฺขิตฺตตฺตา ‘‘ตินฺทุกาจีโร’’ติ วุจฺจติ. เอกา สาลา เอตฺถาติ เอกสาลโก. ยสฺมา ปเนตฺถ ปมํ เอกา สาลา อโหสิ, ปจฺฉา ปน มหาปฺุํ โปฏฺปาทปริพฺพาชกํ นิสฺสาย พหู สาลา กตา, ตสฺมา ตเมว ปมํ กตํ เอกํ สาลํ อุปาทาย ลทฺธปุพฺพนามวเสน ‘‘เอกสาลโก’’ติ วุจฺจติ. มลฺลิกาย นาม ปเสนทิรฺโ เทวิยา อุยฺยานภูโต โส ปุปฺผผลสจฺฉนฺโน อาราโม, เตน วุตฺตํ ‘‘มลฺลิกาย อาราเม’’ติ. ปฏิวสตีติ ตสฺมึ ผาสุตาย วสติ.
ทิฏฺเ ธมฺเมติ ปจฺจกฺเข อตฺตภาเว. อตฺโถติ วุฑฺฒิ. กมฺมกิเลสวเสน สมฺปเรตพฺพโต สมฺมา ปาปุณิตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก, ตตฺถ นิยุตฺโต สมฺปรายิโก, ปรโลกตฺโถ. อตฺถาภิสมยาติ ยถาวุตฺตอุภยตฺถสงฺขาตหิตปฏิลาภา. สมฺปรายิโกปิ หิ อตฺโถ การณสฺส นิปฺผนฺนตฺตา ปฏิลทฺโธ นาม โหตีติ ตํ อตฺถทฺวยเมกโต กตฺวา ‘‘อตฺถาภิสมยา’’ติ วุตฺตํ. ธิยา ปฺาย ตํตทตฺเถ ราติ คณฺหาติ, ธี วา ปฺา เอตสฺสตฺถีติ ธีโร. ปณฺฑา วุจฺจติ ปฺา. สา หิ สุขุเมสุปิ อตฺเถสุ ปฑติ คจฺฉติ, ทุกฺขาทีนํ วา ปีฬนาทิอาการํ ชานาตีติ ปณฺฑา. ตาย อิโต คโตติ ปณฺฑิโต. อถ วา อิตา สฺชาตา ปณฺฑา เอตสฺส, ปฑติ วา าณคติยา คจฺฉตีติ ปณฺฑิโต. สมฺมา มานาภิสมยาติ มานสฺส สมฺมา ปหาเนน. สมฺมาติ เจตฺถ อคฺคมคฺคาเณน สมุจฺเฉทปฺปหานํ วุตฺตํ. อนฺตนฺติ อวสานํ. ปีฬนํ ตํสมงฺคิโน หึสนํ อวิปฺผาริตากรณํ. ตเทว อตฺโถ ตถา ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา. สเมจฺจ ปจฺจเยหิ กตภาโว สงฺขตฏฺโ. ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตาปนํ ปริทหนํ สนฺตาปฏฺโ. ชราย, มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺโพ วิปริณามฏฺโ ¶ . อภิสเมตพฺโพ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อภิสมยฏฺโ, ปีฬนาทีนิเยว. ตานิ หิ อภิสเมตพฺพภาเวน เอกีภาวมุปเนตฺวา ‘‘อภิสมยฏฺโ’’ติ วุตฺตานิ. อภิสมยสฺส วา ปฏิเวธสฺส อตฺโถ โคจโร อภิสมยฏฺโติ ตานิเยว ตพฺพิสย-ภาวูปคมน-สามฺโต เอกตฺเตน วุตฺตานิ. เอตฺถ จ อุปสคฺคานํ โชตกมตฺตตฺตา ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วาจโก สมยสทฺโท เอวาติ สมยสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเรปิ สอุปสคฺโค อภิสมโย วุตฺโต.
เตสุ ปน อตฺเถสุ อยํ วจนตฺโถ – สหการีการณวเสน สนฺนิชฺฌํ สเมติ สมเวตีติ สมโย, สมวาโย. สเมติ สมาคจฺฉติ มคฺคพฺรหฺมจริยเมตฺถ ตทาธารปุคฺคลวเสนาติ สมโย, ขโณ. สเมนฺติ เอตฺถ, เอเตน วา สํคจฺฉนฺติ ธมฺมา, สตฺตา วา สหชาตาทีหิ, อุปฺปาทาทีหิ จาติ ¶ สมโย, กาโล. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย หิ อตฺถโต อภูโตปิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ, กรณํ วิย จ ปริกปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน โวหรียติ. สมํ, สมฺมา วา อวยวานํ อยนํ ปวตฺติ อวฏฺานนฺติ สมโย, สมูโห ยถา ‘‘สมุทาโย’’ติ. อวยวานํ สหาวฏฺานเมว หิ สมูโห, น ปน อวยววินิมุตฺโต สมูโห นาม โกจิ ปรมตฺถโต อตฺถิ. ปจฺจยนฺตรสมาคเม เอติ ผลํ อุปฺปชฺชติ, ปวตฺตติ วา เอตสฺมาติ สมโย, เหตุ ยถา ‘‘สมุทโย’’ติ. โส หิ ปจฺจยนฺตรสมาคมเนเนว อตฺตโน ผลํ อุปฺปาทฏฺิติสมงฺคีภาวํ กโรติ. สเมติ สํโยชนภาวโต สมฺพนฺโธ หุตฺวา เอติ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคณภาวโต วา ตํสฺุตฺตา สตฺตา อยนฺติ เอเตน ยถาภินิเวสํ ปวตฺตนฺตีติ สมโย, ทิฏฺิ. ทิฏฺิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺติ. สมิติ สงฺคติ สโมธานํ สมโย, ปฏิลาโภ. สมสฺส นิโรธสฺส ยานํ ปาปุณนํ, สมฺมา วา ยานํ อปคโม อปฺปวตฺติ สมโย, ปหานํ. อภิมุขํ าเณน สมฺมา เอตพฺโพ อภิคนฺตพฺโพติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีโต สภาโว. อภิมุขภาเวน ตํ ตํ สภาวํ สมฺมา เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาวาวโพโธ.
นนุ จ อตฺถมตฺตํ ยถาธิปฺเปตํ ปติ สทฺทา อภินิวิสนฺตีติ น เอเกน สทฺเทน อเนเก อตฺถา อภิธียนฺติ, อถ กสฺมา อิธ สมยสทฺทสฺส อเนกธา อตฺโถ วุตฺโตติ? สจฺจเมตํ สทฺทวิเสเส อเปกฺขิเต สทฺทวิเสเส ¶ หิ อเปกฺขิเต น เอเกน สทฺเทน อเนกตฺถาภิธานํ สมฺภวติ. น หิ โย กาลาทิอตฺโถ สมย-สทฺโท, โสเยว สมูหาทิอตฺถํ วทติ. เอตฺถ ปน เตสํ เตสมตฺถานํ สมยสทฺทวจนียตาสามฺมุปาทาย อเนกตฺถตา สมย-สทฺทสฺส วุตฺตาติ. เอวํ สพฺพตฺถ อตฺถุทฺธาเร. โหติ เจตฺถ –
‘‘สามฺวจนียตํ, อุปาทาย อเนกธา;
อตฺถํ วเท น หิ สทฺโท, เอโก เนกตฺถโก สิยา’’ติ.
สมวายาทิอตฺถานํ อิธ อสมฺภวโต, กาลสฺเสว จ อปทิสิตพฺพตฺตา ‘‘อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. เทสเทสกาทีนํ วิย หิ กาลสฺส นิทานภาเวน อธิปฺเปตตฺตา โสปิ อิธ อปทิสียติ. ‘อิมินา กีทิสํ กาลํ ทีเปตีติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ. เตนาติ กาลตฺเถน สมย-สทฺเทน. อฑฺฒมาโส ปกฺขวเสน วุตฺโต, ปุพฺพณฺหาทิโก ทิวสภาควเสน, ปมยามาทิโก ปหารวเสน. อาทิ-สทฺเทน ขณลยาทโย สงฺคหิตา, อนิยมิตวเสน เอกํ กาลํ ทีเปตีติ อตฺโถ.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ อนิยมิตวเสน กาโล นิทฺทิฏฺโ, น อุตุสํวจฺฉราทินา นิยมิตวเสนาติ อาห ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิ. กิฺจาปิ ปฺาย วิทิตํ สุววตฺถาปิตํ, ตถาปีติ สมฺพนฺโธ. วจสา ธาเรตุํ วา สยํ อุทฺทิสิตุํ วา ปเรน อุทฺทิสาเปตุํ วา น สกฺกา นานปฺปการภาวโต พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ ยาว กาลปฺปเภโท, ตาว วตฺตพฺพตฺตา. ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเต ปน น โส กาลปฺปเภโท อตฺถิ, โย เอตฺถานนฺโตคโธ สิยาติ ทสฺเสติ ‘‘เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา’’ติ อิมินา. เอวํ โลกิยสมฺมตกาลวเสน สมยตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สาสเน ปากฏกาลวเสน สมยตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย วา อิเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปิจ อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยมํ อกตฺวา สมยสทฺทสฺส วจเน อยมฺปิ คุโณ ลทฺโธเยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย วา อิเม’’ติอาทิมาห. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺติ ตสฺสา วิเสสปริหารวิสยตฺตา. ตตฺถ เย อิเม สมยาติ สมฺพนฺโธ. ภควโต มาตุกุจฺฉิโอกฺกมนกาโล เจตฺถ คพฺโภกฺกนฺติสมโย. จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ปสฺสิตฺวา สํเวชนกาโล สํเวคสมโย. ฉพฺพสฺสานิ สมฺโพธิสมธิคมาย จริยกาโล ¶ ทุกฺกรการิกสมโย. เทวสิกํ ฌานผลสมาปตฺตีหิ วีตินามนกาโล ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย, วิเสสโต ปน สตฺตสตฺตาหานิ ฌานสมาปตฺติวฬฺชนกาโล. ปฺจจตฺตาลีสวสฺสานิ ตํตํธมฺมเทสนากาโล เทสนาสมโย. อาทิ-สทฺเทน ยมกปาฏิหาริยสมยาทโย สงฺคณฺหาติ. ปกาสาติ ทสสหสฺสิโลกธาตุปกมฺปนโอภาสปาตุภาวาทีหิ ปากฏา. ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเต ตทฺเปิ สมยา สนฺตีติ อตฺถาปตฺติโต เตสุ สมเยสุ อิธ เทสนาสมยสงฺขาโต สมยวิเสโส ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺโตติ ทีเปตีติ อธิปฺปาโย.
ยถาวุตฺตปฺปเภเทสุเยว สมเยสุ เอกเทสํ ปการนฺตเรหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘โย จาย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หิ าณกิจฺจสมโย, อตฺตหิตปฏิปตฺติสมโย จ อภิสมฺโพธิสมโยเยว. อริยตุณฺหีภาวสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย. กรุณากิจฺจปรหิตปฏิปตฺติธมฺมิกถาสมโย เทสนาสมโย, ตสฺมา เตสุ วุตฺตปฺปเภเทสุ สมเยสุ เอกเทโสว ปการนฺตเรน ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สนฺนิปติตานํ โว ภิกฺขเว ทฺวยํ กรณียํ ธมฺมี กถา วา อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (อุทา. ๑๒) วุตฺตสมเย สนฺธาย ‘‘สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสู’’ติ วุตฺตํ. เตสุปิ สมเยสูติ กรุณากิจฺจปรหิตปฏิปตฺติธมฺมิกถาเทสนาสมเยสุปิ. อฺตรํ สมยํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺตํ อตฺถโต อเภทตฺตา.
อฺตฺถ วิย ภุมฺมวจเนน จ กรณวจเนน จ นิทฺเทสมกตฺวา อิธ อุปโยควจเนน นิทฺเทสปโยชนํ นิทฺธาเรตุกาโม ปรมฺมุเขน โจทนํ สมุฏฺเปติ ‘‘กสฺมา ปเนตฺถา’’ติอาทินา. เอตฺถาติ ¶ ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อิมสฺมึ ปเท, กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต ยถาติ สมฺพนฺโธ. ภวนฺติ เอตฺถาติ ภุมฺมํ, โอกาโส, ตตฺถ ปวตฺตํ วจนํ วิภตฺติ ภุมฺมวจนํ. กโรติ กิริยมภินิปฺผาเทภิ เอเตนาติ กรณํ, กิริยานิปฺผตฺติการณํ. อุปยุชฺชิตพฺโพ กิริยายาติ อุปโยโค, กมฺมํ, ตตฺถ วจนํ ตถา. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตโจทนํ ปริหรติ. ตตฺถาติ เตสุ อภิธมฺมตทฺสุตฺตปทวินเยสุ. ตถาติ ภุมฺมวจนกรณวจเนหิ อตฺถสมฺภวโต จาติ โยเชตพฺพํ, อธิกรณภาเวนภาวลกฺขณตฺถานํ, เหตุกรณตฺถานฺจ ¶ สมฺภวโตติ อตฺโถ. อิธาติ อิธสฺมึ สุตฺตปเท. อฺถาติ อุปโยควจเนน. อตฺถสมฺภวโตติ อจฺจนฺตสํโยคตฺถสฺส สมฺภวโต.
‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทิ ตพฺพิวรณํ. อิโตติ ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ สุตฺตปทโต. อธิกรณตฺโถติ อาธารตฺโถ. ภวนํ ภาโว, กิริยา, กิริยาย กิริยนฺตรลกฺขณํ ภาเวนภาวลกฺขณํ, ตเทวตฺโถ ตถา. เกน สมยตฺเถน อิทํ อตฺถทฺวยํ สมฺภวตีติ อนุโยเค สติ ตทตฺถทฺวยสมฺภวานุรูเปน สมยตฺเถน, ตํ ทฬฺหํ กโรนฺโต ‘‘อธิกรณฺหี’’ติอาทิมาห. ปทตฺถโตเยว หิ ยถาวุตฺตมตฺถทฺวยํ สิทฺธํ, วิภตฺติ ปน โชตกมตฺตา. ตตฺถ กาลสงฺขาโต, กาลสทฺทสฺส วา อตฺโถ ยสฺสาติ กาลตฺโถ. สมูหสงฺขาโต, ‘สมูหสทฺทสฺส วา อตฺโถ ยสฺสาติ สมูหตฺโถ, โก โส? สมโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กาลตฺโถ, สมูหตฺโถ จ สมโย ตตฺถ อภิธมฺเม วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ อธิกรณํ อาธาโรติ, ยสฺมึ กาเล, ธมฺมปฺุเช วา กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว กาเล, ธมฺมปฺุเช วา ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. นนุ จายํ อุปาทาปฺตฺติมตฺโต กาโล, โวหารมตฺโต จ สมูโห, โส กถํ อธิกรณํ สิยา ตตฺถ วุตฺตธมฺมานนฺติ? นายํ โทโส. ยถา หิ กาโล สยํ ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ สภาวธมฺมปริจฺฉินฺนตฺตา อาธารภาเวน ปฺาโต, สภาวธมฺมปริจฺฉินฺโน จ ตงฺขณปฺปวตฺตานํ ตโต ปุพฺเพ, ปรโต จ อภาวโต ‘‘ปุพฺพณฺเหชาโต, สายนฺเห อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ, สมูโห จ อวยววินิมุตฺโต วิสุํ อวิชฺชมาโนปิ กปฺปนามตฺตสิทฺธตฺตา อวยวานํ อาธารภาเวน ปฺาปียติ ‘‘รุกฺเข สาขา, ยวราสิยํ ปตฺตสมฺภูโต’’ติอาทีสุ, เอวมิธาปิ สภาวธมฺมปริจฺฉินฺนตฺตา, กปฺปนามตฺตสิทฺธตฺตา จ ตทุภยํ ตตฺถ วุตฺตธมฺมานํ อธิกรณภาเวน ปฺาปียตีติ.
‘‘ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิ ภาเวนภาวลกฺขณตฺถสมฺภวทสฺสนํ. ตตฺถ ขโณ นาม อฏฺกฺขณวินิมุตฺโต นวโม พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ, ยานิ วา ปเนตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ ¶ สมนฺนาคตานํ เทวมุสฺสานํ จตุจกฺกํ ปวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๑) เอตฺถ ¶ ปติรูปเทสวาโส สปฺปุริสูปนิสฺสโย อตฺตสมฺมาปณีธิ ปุพฺเพกตปฺุตาติ จตฺตาริ จกฺกานิ วุตฺตานิ, ตานิ เอกชฺฌํ กตฺวา โอกาสฏฺเน ‘‘ขโณ’’ติ เวทิตพฺพานิ. ตานิ หิ กุสลุปฺปตฺติยา โอกาสภูตานิ. สมวาโย นาม ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓, ๔๔; สํ. นิ. ๓.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) นิทฺทิฏฺา จกฺขุวิฺาณาทิสาธารณผลนิปฺผาทกตฺเตน สณฺิตา จกฺขุรูปาทิปจฺจยสามคฺคี. จกฺขุรูปาทีนฺหิ จกฺขุวิฺาณาทิ สาธารณผลํ. เหตุ นาม โยนิโสมนสิการาทิชนกเหตุ. ยถาวุตฺตสฺส ขณสงฺขาตสฺส, สมวายสงฺขาตสฺส, เหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส สตฺตาสงฺขาเตน ภาเวน เตสํ ผสฺสาทีนํ ธมฺมานํ สตฺตาสงฺขาโต ภาโว ลกฺขียติ วิฺายตีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ‘‘คาวีสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, ทุทฺธาสุ อาคโต’’ติ เอตฺถ โทหนกิริยาย คมนกิริยา ลกฺขียติ, เอวมิธาปิ ยถาวุตฺตสฺส สมยสฺส สตฺตากิริยาย จิตฺตสฺส อุปฺปาทกิริยา, ผสฺสาทีนํ ภวนกิริยา จ ลกฺขียตีติ. นนุ เจตฺถ สตฺตากิริยา อวิชฺชมานาว, กถํ ตาย ลกฺขียตีติ? สจฺจํ, ตถาปิ ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ จ วุตฺเต สตีติ อยมตฺโถ วิฺายมาโน เอวโหติ อฺกิริยาสมฺพนฺธาภาเว ปทตฺถสฺส สตฺตาวิรหาภาวโต, ตสฺมา อตฺถโต คมฺยมานาย ตาย สตฺตากิริยาย ลกฺขียตีติ. อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ – ยสฺมึ ยถาวุตฺเต ขเณ, ปจฺจยสมวาเย, เหตุมฺหิ วา สติ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว ขเณ, ปจฺจยสมวาเย, เหตุมฺหิ วา สติ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ. อยํ ปน อตฺโถ อภิธมฺเมเยว (อฏฺสา. กามาวจรกุสลปทภาชนีเย) นิทสฺสนวเสน วุตฺโต, ยถารหเมส นโย อฺเสุปิ สุตฺตปเทสูติ. ตสฺมาติ อธิกรณตฺถสฺส, ภาเวนภาวลกฺขณตฺถสฺส จ สมฺภวโต. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ ตทุภยตฺถสฺส สมยสทฺทตฺถภาเวน วิชฺชมานสฺเสว ภุมฺมวจนวเสน ทีปนตฺถํ. วิภตฺติโย หิ ปทีโป วิย วตฺถุโน วิชฺชมานสฺเสว อตฺถสฺส โชตกาติ, อยมตฺโถ สทฺทสตฺเถสุ ปากโฏเยว.
เหตุอตฺโถ, กรณตฺโถ จ สมฺภวตีติ ‘‘อนฺเนน วสติ, วิชฺชาย วสตี’’ติอาทีสุ วิย เหตุอตฺโถ, ‘‘ผรสุนา ฉินฺทติ, กุทาเลน ขณตี’’ติอาทีสุ ¶ วิย กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. กถํ ปน สมฺภวตีติ อาห ‘‘โย หิ โส’’ติอาทิ. วินเย (ปารา. ๒๐) อาคตสิกฺขาปทปฺตฺติยาจนวตฺถุวเสน เถรํ มริยาทํ กตฺวา ‘‘สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุวิฺเยฺโย’’ติ วุตฺตํ. เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตนาติ เอตฺถ ปน ตํตํวตฺถุวีติกฺกโมว สิกฺขาปทปฺตฺติยา เหตุ เจว กรณฺจ. ตถา หิ ยทา ภควา สิกฺขาปทปฺตฺติยา ปมเมว เตสํ เตสํ ตตฺถ ตตฺถ สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุภูตํ ตํ ตํ วีติกฺกมํ อเปกฺขมาโน วิหรติ ¶ , ตทา ตํ ตํ วีติกฺกมํ อเปกฺขิตฺวา ตทตฺถํ วสตีติ สิทฺโธ วตฺถุวีติกฺกมสฺส สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุภาโว ‘‘อนฺเนนวสตี’’ติอาทีสุ อนฺนมเปกฺขิตฺวา ตทตฺถํ วสตีติอาทินา การเณน อนฺนาทีนํ เหตุภาโว วิย. สิกฺขาปทปฺตฺติกาเล ปน เตเนว ปุพฺพสิทฺเธน วีติกฺกเมน สิกฺขาปทํ ปฺเปติ, ตสฺมา สิกฺขาปทปฺตฺติยา สาธกตมตฺตา กรณภาโวปิ วีติกฺกมสฺเสว สิทฺโธ ‘‘อสินา ฉินฺทตี’’ติอาทีสุ อสินา ฉินฺทนกิริยํ สาเธตีติอาทินา การเณน อสิอาทีนํ กรณภาโว วิย. เอวํ สนฺเตปิ วีติกฺกมํ อเปกฺขมาโน เตเนว สทฺธึ ตนฺนิสฺสิตมฺปิ กาลํ อเปกฺขิตฺวา วิหรตีติ กาลสฺสาปิ อิธ เหตุภาโว วุตฺโต, สิกฺขาปทํ ปฺเปนฺโต จ ตํ ตํ วีติกฺกมกาลํ อนติกฺกมิตฺวา เตเนว กาเลน สิกฺขาปทํ ปฺเปตีติ วีติกฺกมนิสฺสยสฺส กาลสฺสาปิ กรณภาโว วุตฺโต, ตสฺมา อิมินา ปริยาเยน กาลสฺสาปิ เหตุภาโว, กรณภาโว จ ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตนา’’ติ, นิปฺปริยาเยน ปน วีติกฺกโมเยว เหตุภูโต, กรณภูโต จ. โส หิ วีติกฺกมกฺขเณ เหตุ หุตฺวา ปจฺฉา สิกฺขาปทปฺาปนกฺขเณ กรณมฺปิ โหตีติ. สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโตติ วีติกฺกมํ ปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา โอติณฺณวตฺถุํ ตํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา, วิครหิตฺวา จ ตํ ตํ วตฺถุโอติณฺณกาลํ อนติกฺกมิตฺวา เตเนว กาเลน กรณภูเตน สิกฺขาปทานิ ปฺเปนฺโต. สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโนติ ตติยปาราชิกาทีสุ (ปารา. ๑๖๒) วิย สิกฺขาปทปฺตฺติยา เหตุภูตํ ตํ ตํ วตฺถุวีติกฺกมสมยํ อเปกฺขมาโน เตน สมเยน เหตุภูเตน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสีติ อตฺโถ.
‘‘สิกฺขาปทานิ ¶ ปฺาปยนฺโต, สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน’’ติ อิทํ ยถากฺกมํ กรณภาวสฺส, เหตุภาวสฺส จ สมตฺถนวจนํ, ตสฺมา ตทนุรูปํ ‘‘เตนสมเยน กรณภูเตน เหตุภูเตนา’’ติ เอวํ วตฺตพฺเพปิ ปมํ ‘‘เหตุภูเตนา’’ติ อุปฺปฏิปาฏิวจนํ ตตฺถ เหตุภาวสฺส สาติสยมธิปฺเปตตฺตา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ภควา หิ เวรฺชายํ วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปติตฺเถรสฺส สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนเหตุภูตํ ปริวิตกฺกสมยํ อเปกฺขมาโน เตน สมเยน เหตุภูเตน วิหาสี’’ติ ตีสุปิ กิร คณฺิปเทสุ วุตฺตํ. ‘‘กึ ปเนตฺถ ยุตฺติจินฺตาย, อาจริยสฺส อิธ กมวจนิจฺฉา นตฺถีติ เอวเมตํ คเหตพฺพํ – อฺาสุปิ หิ อฏฺกถาสุ อยเมว อนุกฺกโม วุตฺโต, น จ ตาสุ ‘เตน สมเยน เวรฺชายํ วิหรตี’ติ วินยปาฬิปเท เหตุอตฺถสฺเสว สาติสยํ อธิปฺเปตภาวทีปนตฺถํ วุตฺโต อวิสยตฺตา, สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต เหตุภูเตน, กรณภูเตน จ สมเยน วิหาสิ, สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน เหตุภูเตน สมเยน วิหาสีติ เอวเมตฺถ ยถาลาภํ สมฺพนฺธภาวโต เอวํ วุตฺโต’’ติปิ วทนฺติ. ตสฺมาติ ¶ ยถาวุตฺตสฺส ทุวิธสฺสาปิ อตฺถสฺส สมฺภวโต. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ วุตฺตนเยน กรณวจเนน ตทุภยตฺถสฺส โชตนตฺถํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วินเย. เอตฺถ จ สิกฺขาปทปฺตฺติยา เอว วีติกฺกมสมยสฺส สาธกตมตฺตา ตสฺส กรณภาเว ‘‘สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต’’ติ อชฺฌาหริตปเทน สมฺพนฺโธ, เหตุภาเว ปน ตทเปกฺขนมตฺตตฺตา ‘‘วิหรตี’’ติ ปเทเนวาติ ทฏฺพฺพํ. ตถาเยว หิ วุตฺตํ ‘‘เตน สมเยน เหตุภูเตน, กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต, สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสี’’ติ. กรณฺหิ กิริยตฺถํ, น เหตุ วิย กิริยาการณํ. เหตุ ปน กิริยาการณํ, น กรณํ วิย กิริยตฺโถติ.
‘‘อิธ ปนา’’ติอาทินา อุปโยควจนสฺส อจฺจนฺตสํโยคตฺถสมฺภวทสฺสนํ, อจฺจนฺตเมว ทพฺพคุณกิริยาหิ สํโยโค อจฺจนฺตสํโยโค, นิรนฺตรเมว เตหิ สํยุตฺตภาโวติ วุตฺตํ โหติ. โสเยวตฺโถ ตถา. เอวํชาติเกติ เอวํสภาเว. กถํ สมฺภวตีติ อาห ‘‘ยฺหี’’ติอาทิ. อจฺจนฺตเมวาติ อารพฺภโต ปฏฺาย ยาว เทสนานิฏฺานํ, ตาว เอกํสเมว, นิรนฺตรเมวาติ อตฺโถ. กรุณาวิหาเรนาติ ปรหิตปฏิปตฺติสงฺขาเตน กรุณาวิหาเรน. ตถา หิ กรุณานิทานตฺตา ¶ เทสนาย อิธ ปรหิตปฏิปตฺติ ‘‘กรุณาวิหาโร’’ติ วุตฺตา, น ปน กรุณาสมาปตฺติวิหาโร. น หิ เทสนากาเล เทเสตพฺพธมฺมวิสยสฺส เทสนาาณสฺส สตฺตวิสยาย มหากรุณาย สหุปฺปตฺติ สมฺภวติ ภินฺนวิสยตฺตา, ตสฺมา กรุณาย ปวตฺโต วิหาโรติ กตฺวา ปรหิตปฏิปตฺติวิหาโร อิธ ‘‘กรุณาวิหาโร’’ติ เวทิตพฺโพ. ตสฺมาติ อจฺจนฺตสํโยคตฺถสมฺภวโต. ตทตฺถโชตนตฺถนฺติ วุตฺตนเยน อุปโยควิภตฺติยา ตทตฺถสฺส โชตนตฺถํ อุปโยคนิทฺเทโส กโต ยถา ‘‘มาสํ สชฺฌายติ, ทิวสํ ภฺุชตี’’ติ. เตนาติ เยน การเณน อภิธมฺเม, อิโต อฺเสุ จ สุตฺตปเทสุ ภุมฺมวจนสฺส อธิกรณตฺโถ, ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ, วินเย กรณวจนสฺส เหตุอตฺโถ, กรณตฺโถ จ อิธ อุปโยควจนสฺส อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ, เตนาติ อตฺโถ. เอตนฺติ ยถา วุตฺตสฺสตฺถสฺส สงฺคหคาถาปทํ อฺตฺราติ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ, วินเย จ. สมโยติ สมยสทฺโท. สทฺเทเยว หิ วิภตฺติปรา ภวติอตฺเถ อสมฺภวโต. โสติ สฺเวว สมยสทฺโท.
เอวํ อตฺตโน มตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โปราณาจริยมตึ ทสฺเสตุํ ‘‘โปราณา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โปราณาติ จ ปุริมา อฏฺกถาจริยา. ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ วา…เป… ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วา เอส เภโทติ สมฺพนฺโธ. อภิลาปมตฺตเภโทติ วจนมตฺเตน เภโท วิเสโส, น ปน อตฺเถน, เตนาห ‘‘สพฺพตฺถ ภุมฺมเมวตฺโถ’’ติ, สพฺเพสุปิ อตฺถโต อาธาโร เอว อตฺโถติ วุตฺตํ โหติ ¶ . อิมินา จ วจเนน สุตฺตวินเยสุ วิภตฺติวิปริณาโม กโต, ภุมฺมตฺเถ วา อุปโยคกรณวิภตฺติโย สิทฺธาติ ทสฺเสติ. ‘‘ตสฺมา’’ติอาทินา เตสํ มติทสฺสเน คุณมาห.
ภาริยฏฺเน ครุ. ตเทวตฺถํ สงฺเกตโต สมตฺเถติ ‘‘ครุํ หี’’ติอาทินา สงฺเกตวิสโย หิ สทฺโท ตํววตฺถิโตเยว เจส อตฺถโพธโกติ. ครุนฺติ ครุกาตพฺพํ ชนํ. ‘‘โลเก’’ติ อิมินา น เกวลํ สาสเนเยว, โลเกปิ ครุกาตพฺพฏฺเน ภควาติ สงฺเกตสิทฺธีติ ทสฺเสติ. ยทิ ครุกาตพฺพฏฺเน ภควา, อถ อยเมว สาติสยํ ภควา นามาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยฺจา’’ติอาทิมาห. ตถา หิ โลกนาโถ อปริมิตนิรุปมปฺปภาวสีลาทิคุณวิเสสสมงฺคิตาย, สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย ¶ นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตุปการิตาย จ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อุตฺตมํ คารวฏฺานนฺติ. น เกวลํ โลเกเยว, อถ โข สาสเนปีติ ทสฺเสติ ‘‘โปราเณหี’’ติอาทินา, โปราเณหีติ จ อฏฺกถาจริเยหีติ อตฺโถ. เสฏฺวาจกวจนมฺปิ เสฏฺคุณสหจรณโต เสฏฺเมวาติ วุตฺตํ ‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺ’’นฺติ. วุจฺจติ อตฺโถ, เอเตนาติ หิ วจนํ, สทฺโท. อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ, ตสฺมา โย ‘‘ภควา’’ติ วจเนน วจนีโย อตฺโถ, โส เสฏฺโติ อตฺโถ. ภควาติ วจนมุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคตฺตา, สาติสยํ วา ครุกรณารหตาย คารวยุตฺโต, คารวารโหติ อตฺโถ. เยน การณตฺตเยน โส ตถาคโต ครุ ภาริยฏฺเน, เตน ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ. ครุตาการณทสฺสนฺเหตํ ปทตฺตยํ. ‘‘สิปฺปาทิสิกฺขาปกาปิ ครูเยว นาม โหนฺติ, น จ คารวยุตฺตา, อยํ ปน ตาทิโส น โหติ, ตสฺมา ครูติ กตฺวา ‘คารวยุตฺโต’ติ วุตฺต’’นฺติ เกจิ. เอวํ สติ ตเทตํ วิเสสนปทมตฺตํ, ปุริมปททฺวยเมว การณทสฺสนํ สิยา.
อปิจาติ อตฺถนฺตรวิกปฺปตฺเถ นิปาโต, อปโร นโยติ อตฺโถ. ตตฺถ –
‘‘วณฺณคโม วณฺณวิปริยาโย,
ทฺเว จาปเร วณฺณวิการนาสา;
ธาตูนมตฺถาติสเยน โยโค,
ตทุจฺจเต ปฺจวิธา นิรุตฺตี’’ติ. –
วุตฺตํ นิรุตฺติลกฺขณํ คเหตฺวา, ‘‘ปิโสทราทีนิ ยโถปทิฏฺ’’นฺติ วุตฺตสทฺทนเยน วา ปิโสทราทิอากติคณปกฺเขปลกฺขณํ ¶ คเหตฺวา โลกิย โลกุตฺตรสุขาภินิพฺพตฺตกํ สีลาทิปารปฺปตฺตํ ภาคฺยมสฺส อตฺถีติ ‘‘ภาคฺยวา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ภาคฺยวา’’ติ. ตถา อเนกเภทภินฺนกิเลสสตสหสฺสานิ, สงฺเขปโต วา ปฺจมาเร อภฺชีติ ‘‘ภคฺควา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ภคฺควา’’ติ อิมินา. โลเก ¶ จ ภค-สทฺโท อิสฺสริยธมฺมยสสิรีกามปยตฺเตสุ ฉสุ ธมฺเมสุ ปวตฺตติ, เต จ ภคสงฺขาตา ธมฺมา อสฺส สนฺตีติ ภควาติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยุตฺโต ภเคหิ จา’’ติ วุตฺตํ. กุสลาทีหิ อเนกเภเทหิ สพฺพธมฺเม วิภชิ วิภชิตฺวา วิวริตฺวา เทเสสีติ ‘‘วิภตฺตวา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วิภตฺตวา’’ติ. ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเร, กายจิตฺตอุปธิวิเวเก, สฺุตานิมิตฺตาปฺปณิหิตวิโมกฺเข, อฺเ จ โลกิยโลกุตฺตเร อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม ภชิ เสวิ พหุลมกาสีติ ‘‘ภตฺตวา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ภตฺตวา’’ติ อิมินา. ตีสุ ภเวสุ ตณฺหาสงฺขาตํ คมนมเนน วนฺตํ วมิตนฺติ ‘‘ภเวสุ วนฺตคมโน’’ติ วตฺตพฺเพ ภวสทฺทโต ภ-การํ คมนสทฺทโต ค-การํ วนฺตสทฺทโต ว-การํ อาทาย, ตสฺส จ ทีฆํ กตฺวา วณฺณวิปริยาเยน ‘‘ภควา’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘วนฺตคมโน ภเวสู’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ยโต ภาคฺยวา, ตโต ภควา’’ติอาทินา ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. อสฺส ปทสฺสาติ ‘‘ภควา’’ติ ปทสฺส. วิตฺถารตฺโถติ วิตฺถารภูโต อตฺโถ. ‘‘โส จา’’ติอาทินา คนฺถมหตฺตํ ปริหรติ. วุตฺโตเยว, น ปน อิธ ปน วตฺตพฺโพ วิสุทฺธิมคฺคสฺส อิมิสฺสา อฏฺกถาย เอกเทสภาวโตติ อธิปฺปาโย.
อปิจ ภเค วนิ, วมีติ วา ภควา. โส หิ ภเค สีลาทิคุเณ วนิ ภชิ เสวิ, เต วา ภคสงฺขาเต สีลาทิคุเณ วิเนยฺยสนฺตาเนสุ ‘‘กถํ นุ โข อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ วนิ ยาจิ ปตฺถยิ, เอวํ ภเค วนีติ ภควา, ภเค วา สิรึ, อิสฺสริยํ, ยสฺจ วมิ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉฑฺฑยิ. ตถา หิ ภควา หตฺถคตํ จกฺกวตฺติสิรึ, จตุทีปิสฺสริยํ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยฺจ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสํ อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา อาการสฺส รสฺสํ กตฺวา, สิเนรุยุคนฺธราทิคตา ภาชนโลกโสภา. ตา ภคา วมิ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหิ, เอวํ ภเค วมีติ ภควาติ เอวมาทีหิ ตตฺถ ตตฺถาคตนเยหิ จสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ, อมฺเหหิ ปน โส คนฺถภีรุชนานุคฺคหณตฺถํ, คนฺถครุตาปริหรณตฺถฺจ อชฺฌุเปกฺขิโตติ.
เอวเมเตสํ อวยวตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมุทายตฺถํ ทสฺเสนฺโต ปุริมปทตฺตยสฺส สมุทายตฺเถน วุตฺตาวเสเสน เตสมตฺถานํ ปฏิโยคิตาย เตนาปิ สห ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิมาห. เอตฺตาวตาติ ¶ ¶ เอตสฺส ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ วจเนน ‘‘เอกํ สมยํ ภควา’’ ติวจเนนาติ อิเมหิ สมฺพนฺโธ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ นิทานวจเน. ยถาสุตํ ธมฺมํ เทเสนฺโตติ เอตฺถ อนฺต-สทฺโท เหตุอตฺโถ. ตถาเทสิตตฺตา หิ ปจฺจกฺขํ กโรติ นาม. เอส นโย อปรตฺถาปิ. ‘‘โย โข อานนฺท, มยา ธมฺโม จ…เป… สตฺถา’’ติ วจนโต ธมฺมสฺส สตฺถุภาวปริยาโย วิชฺชเตวาติ กตฺวา ‘‘ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรตี’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมกายนฺติ หิ ภควโต สมฺพนฺธีภูตํ ธมฺมสงฺขาตํ กายนฺติ อตฺโถ. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘ธมฺมกาโยติ ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ตํ ปน กิมตฺถิยนฺติ อาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ. เตนาติ จ ตาทิเสน ปจฺจกฺขกรเณนาติ อตฺโถ. อิทํ อธุนา วกฺขมานสุตฺตํ ปาวจนํ ปกฏฺํ อุตฺตมํ พุทฺธสฺส ภควโต วจนํ นาม. ตสฺมา ตุมฺหากํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ อตีตสตฺถุกภาโว น โหตีติ อตฺโถ. ภาวปฺปธาโน หิ อยํ นิทฺเทโส, ภาวโลโป วา, อิตรถา ปาวจนเมว อนติกฺกนฺตสตฺถุกํ, สตฺถุอทสฺสเนน ปน อุกฺกณฺิตสฺส ชนสฺส อติกฺกนฺตสตฺถุกภาโวติ อตฺโถ อาปชฺเชยฺย, เอวฺจ สติ ‘‘อยํ โว สตฺถาติ สตฺถุอทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสตี’’ ติวจเนน สห วิโรโธ ภเวยฺยาติ วทนฺติ. อิทํ ปาวจนํ สตฺถุกิจฺจนิปฺผาทเนน น อตีตสตฺถุกนฺติ ปน อตฺโถ. สตฺถูติ กมฺมตฺเถ ฉฏฺี, สมาสปทํ วา เอตํ สตฺถุอทสฺสเนนาติ. อุกฺกณฺนํ อุกฺกณฺโ, กิจฺฉชีวิตา. ‘‘ก กิจฺฉชีวเน’’ติ หิ วทนฺติ. ตมิโต ปตฺโตติ อุกฺกณฺิโต, อนภิรติยา วา ปีฬิโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต หุตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา อุทฺธํ กณฺํ กตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต อาหิณฺฑติ, วิหรติ จาติ อุกฺกณฺิโต นิรุตฺตินเยน, ตํ อุกฺกณฺิตํ. สทฺทสามตฺถิยาธิคตมตฺโต เจส, โวหารโต ปน อนภิรติยา ปีฬิตนฺติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ. สมสฺสาเสตีติ อสฺสาสํ ชเนติ.
ตสฺมึ สมเยติ อิมสฺส สุตฺตสฺส สงฺคีติสมเย. กามํ วิชฺชมาเนปิ ภควติ เอวํ วตฺตุมรหติ, อิธ ปน อวิชฺชมาเนเยว ตสฺมึ เอวํ วทติ, ตสฺมา สนฺธายภาสิตวเสน ตทตฺถํ ทสฺเสตีติ อาห ‘‘อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต’’ติ. ปรินิพฺพานนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุวเสน ขนฺธปรินิพฺพานํ. เตนาติ ตถาสาธเนน. เอวํวิธสฺสาติ เอวํปการสฺส, เอวํสภาวสฺสาติปิ ¶ อตฺโถ. นาม-สทฺโท ครหายํ นิปาโต ‘‘อตฺถิ นาม อานนฺท เถรํ ภิกฺขุํ วิเหสิยมานํ อชฺฌุเปกฺขิสฺสถา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๑๖๖) วิย, เตน เอทิโส อปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, กา นาม กถา อฺเสนฺติ ครหตฺถํ โชเตติ. อริยธมฺมสฺสาติ อริยานํ ธมฺมสฺส, อริยภูตสฺส วา ธมฺมสฺส. ทสวิธสฺส กายพลสฺส, าณพลสฺส จ วเสน ทสพลธโร. วชิรสฺส นาม มณิวิเสสสฺส สงฺฆาโต สมูโห เอกคฺฆโน, เตน สมาโน กาโย ยสฺสาติ ตถา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วชิรสงฺฆาโต นาม น อฺเน มณินา ¶ วา ปาสาเณน วา เภชฺโช, อปิ ตุ โสเยว อฺํ มณึ วา ปาสาณํ วา ภินฺทติ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘วชิรสฺส นตฺถิ โกจิ อเภชฺโช มณิ วา ปาสาโณ วา’’ติ, เอวํ ภควาปิ เกนจิ อเภชฺชสรีโร. น หิ ภควโต รูปกาเย เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ สกฺกาติ. นามสทฺทสฺส ครหาโชตกตฺตา ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนโชตโก ‘‘น เกวลํ ภควาเยว, อถ โข อฺเปี’’ติ. เอตฺถ จ เอวํคุณสมนฺนาคตตฺตา อปรินิพฺพุตสภาเวน ภวิตุํ ยุตฺโตปิ เอส ปรินิพฺพุโต เอวาติ ปกรณานุรูปมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาสา ปตฺถนา เกน ชเนตพฺพา, น ชเนตพฺพา เอวาติ อตฺโถ. ‘‘อหํ จิรํ ชีวึ, จิรํ ชีวามิ, จิรํ ชีวิสฺสามิ, สุขํ ชีวึ, สุขํ ชีวามิ, สุขํ ชีวิสฺสามี’’ติ มชฺชนวเสน อุปฺปนฺโน มาโน ชีวิตมโท นาม, เตน มตฺโต ปมตฺโต ตถา. สํเวเชตีติ สํเวคํ ชเนติ, ตโตเยว อสฺส ชนสฺส สทฺธมฺเม อุสฺสาหํ ชเนติ. สํเวชนฺหิ อุสฺสาหเหตุ ‘‘สํวิคฺโค โยนิโส ปทหตี’’ติ วจนโต.
เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ วกฺขมานสฺส สกลสุตฺตสฺส ‘‘เอว’’นฺติ นิทสฺสนโต. สาวกสมฺปตฺตินฺติ สุณนฺตปุคฺคลสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเตน ปฺจสุ าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิเตน, ปฺจสุ จ โกสลฺเลสุ อายสฺมตา ธมฺมเสนาปตินา ปสํสิเตน มยา มหาสาวเกน สุตํ, ตฺจ โข สยเมว สุตํ น อนุสฺสุตํ, น จ ปรมฺปราภตนฺติ อตฺถสฺส ทีปนโต. กาลสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ภควาติสทสนฺนิธาเน ปยุตฺตสฺส สมยสทฺทสฺส พุทฺธุปฺปาท-ปฏิมณฺฑิต-สมย-ภาว-ทีปนโต. พุทฺธุปฺปาทปรมา หิ กาลสมฺปทา. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘กปฺปกสายกลิยุเค ¶ , พุทฺธุปฺปาโท อโห มหจฺฉริยํ;
หุตวหมชฺเฌ ชาตํ, สมุทิตมกรนฺทมรวินฺท’’นฺติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๑; สํ. นิ. ฏี. ๑.๑);
ตสฺสายมตฺโถ – กปฺปสงฺขาตกาลสฺจยสฺส เลขนวเสน ปวตฺเต กลิยุคสงฺขาเต สกราชสมฺมเต วสฺสาทิสมูเห ชาโต พุทฺธุปฺปาทขณสงฺขาโต ทินสมูโห อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหนมิว กทาจิ ปวตฺตนฏฺเน, อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตฏฺเน จ มหจฺฉริยํ โหติ. กิมิว ชาตนฺติ เจ? หุตวหสงฺขาตสฺส ปาวกสฺส มชฺเฌ สมฺมา อุทิตมธุมนฺตํ อรวินฺทสงฺขาตํ วาริชมิว ชาตนฺติ. เทสกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมคารวาธิวจนโต.
เอวํ ปทฉกฺกสฺส ปทานุกฺกเมน นานปฺปการโต อตฺถวณฺณนํ กตฺวา อิทานิ ‘‘อนฺตรา จ ราชคห’’นฺติอาทีนํ ¶ ปทานมตฺถวณฺณนํ กโรนฺโต ‘‘อนฺตรา จา’’ติอาทิมาห. อนฺตรา จ ราชคหํ อนฺตรา จ นาฬนฺทนฺติ เอตฺถ สมภินิวิฏฺโ อนฺตรา-สทฺโท ทิสฺสติ สามฺวจนียตฺถมเปกฺขิตฺวา ปกรณาทิสามตฺถิยาทิคตตฺถมนฺตเรนาติ อตฺโถ. เอวํ ปนสฺส นานตฺถภาโว ปโยคโต อวคมียตีติ ทสฺเสติ ‘‘ตทนฺตร’’นฺติอาทินา. ตตฺถ ตทนฺตรนฺติ ตํ การณํ. มฺจ ตฺจ มนฺเตนฺติ, กิมนฺตรํ กึ การณนฺติ อตฺโถ. วิชฺชนฺตริกายาติ วิชฺชุนิจฺฉรณกฺขเณ. โธวนฺตี อิตฺถี อทฺทสาติ สมฺพนฺโธ. อนฺตรโตติ หทเย. โกปาติ จิตฺตกาลุสฺสิยกรณโต จิตฺตปโกปา ราคาทโย. อนฺตรา โวสานนฺติ อารมฺภนิปฺผตฺตีนํ เวมชฺเฌ ปริโยสานํ อาปาทิ. อปิจาติ ตถาปิ, เอวํ ปภวสมฺปนฺเนปีติ อตฺโถ. ทฺวินฺนํ มหานิรยานนฺติ โลหกุมฺภีนิรเย สนฺธายาห. อนฺตริกายาติ อนฺตเรน. ราชคหนครํ กิร อาวิชฺฌิตฺวา มหาเปตโลโก. ตตฺถ ทฺวินฺนํ มหาโลหกุมฺภีนิรยานํ อนฺตเรน อยํ ตโปทา นที อาคจฺฉติ, ตสฺมา สา กุถิตา สนฺทตีติ. สฺวายมิธ วิวเร ปวตฺตติ ตทฺเสมสมฺภวโต. เอตฺถ จ ‘‘ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย, (อ. นิ. ๖.๔๔; ๑๐.๗๕) เอเตสํ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา, (พุ. วํ. ๒๘.๙) อนฺตรนฺตรา กถํ โอปาเตตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๒๖; ปหา. ว. ๖๖; จูฬว. ๓๗๖) วิย การณเวมชฺเฌสุ วตฺตมานา อนฺตราสทฺทาเยว อุทาหริตพฺพา สิยุํ, น ปน จิตฺตขณวิวเรสุ วตฺตมานา อนฺตริกอนฺตรสทฺทา ¶ . อนฺตราสทฺทสฺส หิ อยมตฺถุทฺธาโรติ. อยํ ปเนตฺถาธิปฺปาโย สิยา – เยสุ อตฺเถสุ อนฺตริกสทฺโท, อนฺตรสทฺโท จ ปวตฺตติ, เตสุ อนฺตราสทฺโทปีติ สมานตฺถตฺตา อนฺตราสทฺทตฺเถ วตฺตมาโน อนฺตริกสทฺโท, อนฺตรสทฺโท, จ อุทาหโฏติ. อถ วา อนฺตราสทฺโทเยว ‘‘ยสฺสนฺตรโต’’ติ (อุทา. ๒๐) เอตฺถ คาถาพนฺธสุขตฺถํ รสฺสํ กตฺวา วุตฺโต –
‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา,
อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโต;
ตํ วิคตภยํ สุขึ อโสกํ,
เทวา นานุภวนฺติ ทสฺสนายา’’ติ. (อุทา. ๒๐); –
หิ อยํ อุทาเน ภทฺทิยสุตฺเต คาถา. โสเยว อิก-สทฺเทน สกตฺถปวตฺเตน ปทํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘อนฺตริกายา’’ติ จ วุตฺโต, ตสฺมา อุทาหรโณทาหริตพฺพานเมตฺถ วิโรธาภาโว เวทิตพฺโพติ. กิมตฺถํ อตฺถวิเสสนิยโม กโตติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. นนุ เจตฺถ อุปโยควจนเมว, อถ กสฺมา สมฺพนฺธียตฺโถ วุตฺโต, สมฺพนฺธียตฺเถ วา กสฺมา อุปโยควจนํ กตนฺติ อนุโยคสมฺภวโต ตํ ปริหริตุํ ‘‘อนฺตราสทฺเทน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตน สมฺพนฺธียตฺเถ สามิวจนปฺปสงฺเค ¶ สทฺทนฺตรโยเคน ลทฺธมิทํ อุปโยควจนนฺติ ทสฺเสติ, น เกวลํ สาสเนว, โลเกปิ เอวเมวิทํ ลทฺธนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อีทิเสสุ จา’’ติอาทิมาห. วิเสสโยคตาทสฺสนมุเขน หิ อยมตฺโถปิ ทสฺสิโต. เอเกนปิ อนฺตรา-สทฺเทน ยุตฺตตฺตา ทฺเว อุปโยควจนานิ กาตพฺพานิ. ทฺวีหิ ปน โยเค กา กถาติ อตฺถสฺส สิชฺฌนโต. อกฺขรํ จินฺเตนฺติ ลิงฺควิภตฺติยาทีหีติ อกฺขรจินฺตกา, สทฺทวิทู. อกฺขร-สทฺเทน เจตฺถ ตมฺมูลกานิ ปทาทีนิปิ คเหตพฺพานิ. ยทิปิ สทฺทโต เอกเมว ยุชฺชนฺติ, อตฺถโต ปน โส ทฺวิกฺขตฺตุํ โยเชตพฺโพ เอกสฺสาปิ ปทสฺส อาวุตฺติยาทินเยน อเนกธา สมฺปชฺชนโตติ ทสฺเสติ ‘‘ทุติยปเทนปี’’ติอาทินา. โก ปน โทโส อโยชิเตติ อาห ‘‘อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาตี’’ติ. ทุติยปทํ น ปาปุณาตีติ อตฺโถ สทฺทนฺตรโยควสา สทฺเทเยว สามิวจนปฺปสงฺเค อุปโยควิภตฺติยา อิจฺฉิตตฺตา. สทฺทาธิกาโร หิ วิภตฺติปโยโค.
อทฺธาน-สทฺโท ¶ ทีฆปริยาโยติ อาห ‘‘ทีฆมคฺค’’นฺติ. กิตฺตาวตา ปน โส ทีโฆ นาม ตทตฺถภูโตติ โจทนมปเนติ ‘‘อทฺธานคมนสมยสฺส หี’’ติอาทินา. อทฺธานคมนสมยสฺส วิภงฺเคติ คณโภชนสิกฺขาปทาทีสุ อทฺธานคมนสมยสทฺทสฺส ปทภาชนียภูเต วิภงฺเค (ปาจิ. ๒๑๗). อฑฺฒโยชนมฺปิ อทฺธานมคฺโค, ปเคว ตทุตฺตริ. อฑฺฒเมว โยชนสฺส อฑฺฒโยชนํ, ทฺวิคาวุตมตฺตํ. อิธ ปน จตุคาวุตปฺปมาณํ โยชนเมว, ตสฺมา ‘‘อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน’’ติ วทตีติ อธิปฺปาโย.
มหนฺตสทฺโท อุตฺตมตฺโถ, พหฺวตฺโถ จ อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘มหตา’’ติอาทิ. คุณมหตฺเตนาติ อปฺปิจฺฉตาทิคุณมหนฺตภาเวน. สงฺขฺยามหตฺเตนาติ คณนมหนฺตภาเวน. ตเทวตฺถํ สมตฺเถติ ‘‘โส หี’’ติอาทินา. โส ภิกฺขุสงฺโฆติ อิธ อาคโต ตทา ปริวารภูโต ภิกฺขุสงฺโฆ. มหาติ อุตฺตโม. วากฺเยปิ หิ ตมิจฺฉนฺติ ปโยควสา. อปฺปิจฺฉตาติ นิลฺโลภตา สทฺโท เจตฺถ สาวเสโส, อตฺโถ ปน นิรวเสโส. น หิ ‘‘อปฺปโลภตาติ อภิตฺถวิตุมรหตี’’ติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. มชฺฌิมาคมฏีกากาโร ปน อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร เอวมาห ‘‘อปฺปสทฺทสฺส ปริตฺตปริยายํ มนสิ กตฺวา ‘พฺยฺชนํ สาวเสสํ วิยา’ติ (มหานิ. อฏฺ. ๘๕) อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อปฺปสทฺโท ปเนตฺถ ‘อภาวตฺโถ’ ติปิ สกฺกา วิฺาตุํ ‘อปฺปาพาธตฺจสฺชานามี’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วิยา’’ติ. สงฺขฺยายปิ มหาติ คณนายปิ พหุ อโหสิ, ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ ปทาวตฺถิกนฺตวจนวเสน สํวณฺเณตพฺพปทสฺส เฉทนมิว โหตีติ ตทปรามสิตฺวา ‘‘เตน ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ ปุน วากฺยาวตฺถิกนฺตวจนวเสน สํวณฺเณตพฺพปเทน สทิสีกรณํ. เอสา หิ สํวณฺณนกานํ ปกติ, ยทิทํ วิภตฺติยานเปกฺขาวเสน ยถารหํ สํวณฺเณตพฺพปทตฺถํ ¶ สํวณฺเณตฺวา ปุน ตตฺถ วิชฺชมานวิภตฺติวเสน ปริวตฺเตตฺวา นิกฺขิปนนฺติ. ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตตฺตา สงฺโฆติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘ทิฏฺิสีลสามฺสงฺฆาเตน สมณคเณนา’’ติ. เอตฺถ ปน ‘‘ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฏฺิยา. ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ ¶ วิฺุปฺปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๓; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๑๑; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตานฺจ สีลานํ สามฺเน สงฺฆาโต สงฺฆฏิโต สเมโตติ ทิฏฺิสีลสามฺสงฺฆาโต, สมณคโณ, ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโตติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ทิฏฺิสีลสามฺสงฺฆาฏสงฺขาเตนา’’ ติปิ ปาโ. ตถา สงฺขาเตน กติเตนาติ อตฺโถ. ตถา หิ ทิฏฺิสีลาทีนํ นิยตสภาวตฺตา โสตาปนฺนาปิ อฺมฺํ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตา, ปเคว สกทาคามิอาทโย, ตถา จ วุตฺตํ ‘‘นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’’ติ, (สํ. นิ. ๒.๔๑; ๕.๑๙๘, ๑๐๐๔) ‘‘อฏฺานเมตํ ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สฺจิจฺจปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ จ อาทิ. อริยปุคฺคลสฺส หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตตาเยว, ‘‘ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรติ, (ม. นิ. ๑.๔๙๒) ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๙๒) วจนโต ปน ปุถุชฺชนานมฺปิ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาโว ลพฺภติเยว. สทฺธึ-สทฺโท เอกโตติ อตฺเถ นิปาโต. ปฺจ…เป… มตฺตานีติ ปฺจ-สทฺเทน มตฺตสทฺทํ สงฺขิปิตฺวา พาหิรตฺถสมาโส วุตฺโต. เอเตสนฺติ ภิกฺขุสตานํ. ปุน ปฺจ มตฺตา ปมาณาติ พฺยาโส, นิการโลโป เจตฺถ นปุํสกลิงฺคตฺตา.
สุปฺปิโยติ ตสฺส นามเมว, น คุณาทิ. น เกวลํ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ภควาเยว, อถ โข สุปฺปิโยปิ ปริพฺพาชโก พฺรหฺมทตฺเตน มาณเวน สทฺธินฺติ ปุคฺคลํ สมฺปิณฺเฑติ, ตฺจ โข มคฺคปฏิปนฺนสภาคตาย เอว, น สีลาจาราทิสภาคตายาติ วุตฺตํ ‘‘ปิ-กาโร’’ติอาทิ. สุขุจฺจารณวเสน ปุพฺพาปรปทานํ สมฺพนฺธมตฺตกรภาวํ สนฺธาย ‘‘ปทสนฺธิกโร’’ติ วุตฺตํ, น ปน สรพฺยฺชนาทิสนฺธิภาวํ, เตนาห ‘‘พฺยฺชนสิลิฏฺตาวเสน วุตฺโต’’ติ, เอเตน ปทปูรณมตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อปิจ อวธารณตฺโถปิ โข-สทฺโท ยุตฺโต ‘‘อสฺโสสิ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑) วิย, เตน อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน อโหสิเยว, นาสฺส มคฺคปฏิปตฺติยา โกจิ อนฺตราโย อโหสีติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหติ. สฺชยสฺสาติ ราชคหวาสิโน ¶ สฺชยนามสฺส ปริพฺพาชกสฺส, ยสฺส สนฺติเก ปมํ อุปติสฺสโกลิตาปิ ปพฺพชึสุ ฉนฺนปริพฺพาชโกว ¶ , น อเจลกปริพฺพาชโก. ‘‘ยทา, ตทา’’ติ จ เอเตน สมกาลเมว อทฺธานมคฺคปฏิปนฺนตํ ทสฺเสติ. อตีตกาลตฺโถ ปาฬิยํ โหติสทฺโท โยควิภาเคน, ตํกาลาเปกฺขาย วา เอวํ วุตฺตํ, ตทา โหตีติ อตฺโถ.
อนฺเตติ สมีเป. วสตีติ วตฺตปฏิวตฺตาทิกรณวเสน สพฺพิริยาปถสาธารณวจนํ, อวจรตีติ วุตฺตํ โหติ, เตเนวาห ‘‘สมีปจาโร สนฺติกาวจโร สิสฺโส’’ติ. โจทิตา เทวทูเตหีติ ทหรกุมาโร ชราชิณฺณสตฺโต คิลาโน กมฺมการณา, กมฺมการณิกา วา มตสตฺโตติ อิเมหิ ปฺจหิ เทวทูเตหิ โจทิตา โอวทิตา สํเวคํ อุปฺปาทิตา สมานาปิ. เต หิ เทวา วิย ทูตา, วิสุทฺธิเทวานํ วา ทูตาติ เทวทูตา. หีนกายูปคาติ อปายกายมุปคตา. นรสงฺขาตา เต มาณวาติ สมฺพนฺโธ. สามฺวเสน เจตฺถ สตฺโต ‘‘มาณโว’’ติ วุตฺโต, อิตเร ปน วิเสสวเสน. ปกรณาธิคโต เหส อตฺถุทฺธาโรติ. กตกมฺเมหีติ กตโจรกมฺเมหิ. ตรุโณติ โสฬสวสฺสโต ปฏฺาย ปตฺตวีสติวสฺโส, อุทานฏฺกถายฺหิ ‘‘สตฺตา ชาตทิวสโต ปฏฺาย ยาว ปฺจทสวสฺสกา, ตาว ‘กุมารกา, พาลา’ติ จ วุจฺจนฺติ. ตโต ปรํ วีสติวสฺสานิ ‘ยุวาโน’’’ติ (อุทา. อฏฺ. ๔๔) วุตฺตํ. ตรุโณ, มาณโว, ยุวาติ จ อตฺถโต เอกํ, โลกิยา ปน ‘‘ทฺวาทสวสฺสโต ปฏฺาย ยาว ชรมปฺปตฺโต, ตาว ตรุโณ’’ติปิ วทนฺติ.
เตสุ วา ทฺวีสุ ชเนสูติ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ. โย วา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ ปุพฺเพ อธิคโต กาโล, ตสฺส ปฏินิทฺเทโส ตตฺราติ ยฺหิ สมยํ ภควา อนฺตรา ราชคหฺจ นาฬนฺทฺจ อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน, ตสฺมึเยว สมเย สุปฺปิโยปิ ตํ อทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺโน อวณฺณํ ภาสติ, พฺรหฺมทตฺโต จ วณฺณํ ภาสตีติ. นิปาตมตฺตนฺติ เอตฺถ มตฺตสทฺเทน วิเสสตฺถาภาวโต ปทปูรณตฺตํ ทสฺเสติ. มธุปิณฺฑิกปริยาโยติ มธุปิณฺฑิกเทสนา นาม อิติ นํ สุตฺตนฺตํ ธาเรหิ, ราชฺาติ ปายาสิราชฺนามกํ ราชานมาลปติ. ปริยายติ ปริวตฺตตีติ ปริยาโย, วาโร. ปริยาเยติ เทเสตพฺพมตฺถํ ปฏิปาเทตีติ ปริยาโย, เทสนา. ปริยายติ อตฺตโน ผลํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปวตฺตตีติ ปริยาโย, การณํ. อเนกสทฺเทเนว อเนกวิเธนาติ อตฺโถ วิฺายติ อธิปฺปายมตฺเตนาติ ¶ อาห ‘‘อเนกวิเธนา’’ติ. การณฺเจตฺถ การณปติรูปกเมว, น เอกํสการณํ อวณฺณการณสฺส อภูตตฺตา, ตสฺมา การเณนาติ การณปติรูปเกนาติ อตฺโถ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อการณเมว ‘การณ’นฺติ วตฺวา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑). ชาติวเสนิทํ พหฺวตฺเถ เอกวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘พหูหี’’ติอาทินา.
‘‘อวณฺณวิรหิตสฺส ¶ อสมานวณฺณสมนฺนาคตสฺสปี’’ติ วกฺขมานการณสฺส อการณภาวเหตุทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, โทสวิรหิตสฺสปิ อสทิสคุณสมนฺนาคตสฺสาปีติ อตฺโถ. พุทฺธสฺส ภควโต อวณฺณํ โทสํ นินฺทนฺติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ยํ โลเก’’ติอาทินา อรสรูปนิพฺโภคอกิริยวาทอุจฺเฉทวาทเชคุจฺฉีเวนยิกตปสฺสีอปคพฺภภาวานํ การณปติรูปกํ ทสฺเสติ. ตสฺมาติ หิ เอตํ ‘‘อรสรูโป…เป… อปคพฺโภ’’ติ อิเมหิ ปเทหิ สมฺพนฺธิตพฺพํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โลกสมฺมโต อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลีกมฺมสามีจิกมฺมอาสนาภินิมนฺตนสงฺขาโต สามคฺคีรโส สมณสฺส โคตมสฺส นตฺถิ, ตสฺมา โส สามคฺคีรสสงฺขาเตน รเสน อสมฺปนฺนสภาโว, เตน สามคฺคีรสสงฺขาเตน ปริโภเคน อสมนฺนาคโต. ตสฺส อกตฺตพฺพตาวาโท, อุจฺฉิชฺชิตพฺพตาวาโท จ, ตํ สพฺพํ คูถํ วิย มณฺฑนชาติโย ปุริโส เชคุจฺฉี. ตสฺส วินาสโก โสว ตทกรณโต วิเนตพฺโพ. ตทกรเณน วโยวุฑฺเฒ ตาเปติ ตทาจารวิรหิตตาย วา กปณปุริโส. ตทกรเณน เทวโลกคพฺภโต อปคโต, ตทกรณโต วา โส หีนคพฺโภ จาติ เอวํ ตเทว อภิวาทนาทิอกรณํ อรสรูปตาทีนํ การณปติรูปกํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘นตฺถิ…เป… วิเสโส’’ติ เอตสฺส ปน ‘‘สุนฺทริกาย นาม ปริพฺพาชิกาย มรณานวโพโธ, สํสารสฺส อาทิโกฏิยา อปฺายนปฏิฺา, ปนียปุจฺฉาย อพฺยากตวตฺถุพฺยากรณ’’นฺติ เอวมาทีนิ การณปติรูปกานิ นิทฺธาริตพฺพานิ, ตถา ‘‘ตกฺกปริยาหตํ สมโณ…เป… สยมฺปฏิภาน’’นฺติ เอตสฺส ‘‘อนาจริยเกน สามํ ปฏิเวเธน ตตฺถ ตตฺถ ตถา ตถา ธมฺมเทสนา, กตฺถจิ ปเรสํ ปฏิปุจฺฉากถนํ, มหาโมคฺคลฺลานาทีหิ อาโรจิตนเยเนว พฺยากรณ’’นฺติ เอวมาทีนิ, ‘‘สมโณ…เป… น อคฺคปุคฺคโล’’ติ เอเตสํ ปน ‘‘สพฺพธมฺมานํ กเมเนว ¶ อนวโพโธ, โลกนฺตสฺส อชานนํ, อตฺตนา อิจฺฉิตตปจาราภาโว’’ติ เอวมาทีนิ. ฌานวิโมกฺขาทิ เหฏฺา วุตฺตนเยน อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม. อริยํ วิสุทฺธํ, อุตฺตมํ วา าณสงฺขาตํ ทสฺสนํ, อลํ กิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ อริยาณทสฺสนํ เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา อลมริยาณทสฺสโน. สฺเวว วิเสโส ตถา. อริยาณทสฺสนเมว วา วิเสสํ วุตฺตนเยน อลํ ปริยตฺตํ ยสฺส, ยสฺมินฺติ วา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส, อุตฺตริมนุสฺสธมฺโมว. ตกฺกปริยาหตนฺติ กปฺปนามตฺเตน สมนฺตโต อาหริตํ, วิตกฺเกน วา ปริฆฏิตํ. วีมํสานุจริตนฺติ วีมํสนาย ปุนปฺปุนํ ปริมชฺชิตํ. สยมฺปฏิภานนฺติ สยเมว อตฺตโน วิภูตํ, ตาทิสํ ธมฺมนฺติ สมฺพนฺโธ. อการณนฺติ อยุตฺตํ อนุปปตฺตึ. การณปเท เจตํ วิเสสนํ. น หิ อรสรูปตาทโย โทสา ภควติ สํวิชฺชนฺติ, ธมฺมสงฺเฆสุ จ ทุรกฺขาตทุปฺปฏิปนฺนาทโย อการณนฺติ วา ยุตฺติการณรหิตํ อตฺตนา ปฏิฺามตฺตํ. ปกติกมฺมปทฺเจตํ. อิมสฺมิฺจ อตฺเถ การณํ วตฺวาติ เอตฺถ การณํ อิวาติ อิว-สทฺทตฺโถ รูปกนเยน โยเชตพฺโพ ปติรูปกการณสฺส ¶ อธิปฺเปตตฺตา. ตถา ตถาติ ชาติวุฑฺฒานมนภิวาทนาทินา เตน เตน อากาเรน. วณฺณสทฺทสฺส คุณปสํสาสุ ปวตฺตนโต ยถากฺกมํ ‘‘อวณฺณํ โทสํ นินฺท’’นฺติ วุตฺตํ.
ทุรกฺขาโตติ ทุฏฺุมากฺขาโต, ตถา ทุปฺปฏิเวทิโต. วฏฺฏโต นิยฺยาตีติ นิยฺยานํ, ตเทว นิยฺยานิโก, ตโต วา นิยฺยานํ นิสฺสรณํ, ตตฺถ นิยุตฺโตติ นิยฺยานิโก. วฏฺฏโต วา นิยฺยาตีติ นิยฺยานิโก ย-การสฺส ก-การํ, อี-การสฺส จ รสฺสํ กตฺวา. ‘‘อนีย-สทฺโท หิ พหุลา กตฺตุอภิธายโก’’ติ สทฺทวิทู วทนฺติ, น นิยฺยานิโก ตถา. สํสารทุกฺขสฺส อนุปสมสํวตฺตนิโก วุตฺตนเยน. ปจฺจนีกปฏิปทนฺติ สมฺมาปฏิปตฺติยา วิรุทฺธปฏิปทํ. อนนุโลมปฏิปทนฺติ สปฺปุริสานํ อนนุโลมปฏิปทํ. อธมฺมานุโลมปฏิปทนฺติ โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนนุโลมปฏิปทํ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘อวณฺณํ ภาสติ, วณฺณํ ภาสตี’’ติ จ วตฺตมานกาลนิทฺเทโส กโต, นนุ สงฺคีติกาลโต โส อวณฺณวณฺณานํ ภาสนกาโล อตีโตติ? สจฺจเมตํ, ‘‘อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน โหตี’’ติ เอตฺถ โหติ-สทฺโท วิย อตีตกาลตฺถตฺตา ปน ภาสติ-สทฺทสฺส เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา ยสฺมึ กาเล เตหิ อวณฺโณ วณฺโณ จ ภาสียติ, ตมเปกฺขิตฺวา ¶ เอวํ วุตฺตํ, เอวฺจ กตฺวา ‘‘ตตฺรา’’ติ ปทสฺส กาลปฏินิทฺเทสวิกปฺปนํ อฏฺกถายํ อวุตฺตมฺปิ สุปปนฺนํ โหติ.
‘‘สุปฺปิยสฺส ปน…เป… ภาสตี’’ติ ปาฬิยา สมฺพนฺธทสฺสนํ ‘‘อนฺเตวาสี ปนสฺสา’’ติอาทิวจนํ. อปรามสิตพฺพํ อริยูปวาทกมฺมํ, ตถา อนกฺกมิตพฺพํ. สฺวายนฺติ โส อาจริโย. อสิธารนฺติ อสินา ติขิณภาคํ. กกจทนฺต ปนฺติยนฺติ ขนฺธกกจสฺส ทนฺตสงฺขาตาย วิสมปนฺติยา. หตฺเถน วา ปาเทน วา เยน เกนจิ วา องฺคปจฺจงฺเคน ปหริตฺวา กีฬมาโน วิย. อกฺขิกณฺณโกสสงฺขาตฏฺานวเสน ตีหิ ปกาเรหิ ภินฺโน มโท ยสฺสาติ ปภินฺนมโท, ตํ. อวณฺณํ ภาสมาโนติ อวณฺณํ ภาสนเหตุ. เหตุอตฺโถ หิ อยํ มาน-สทฺโท. น อโย วุฑฺฒิ อนโย. โสเยว พฺยสนํ, อติเรกพฺยสนนฺติ อตฺโถ, ตํ ปาปุณิสฺสติ เอกนฺตมหาสาวชฺชตฺตา รตนตฺตโยปวาทสฺส. เตเนวาห –
‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ,
ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;
วิจินาติ มุเขน โส กลึ,
กลินา เตน สุขํ น วินฺทตี’’ติ. (สุ. นิ. ๖๖๓; สํ นิ. ๑.๑๘๐-๑๘๑; เนตฺติ. ๙๒);
‘‘อมฺหากํ ¶ อาจริโย’’ติอาทินา พฺรหฺมทตฺตสฺส สํเวคุปฺปตฺตึ, อตฺตโน อาจริเย จ การฺุปฺปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา กิฺจาปิ อนฺเตวาสินา อาจริยสฺส อนุกูเลน ภวิตพฺพํ, อยํ ปน ปณฺฑิตชาติกตฺตา น อีทิเสสุ าเนสุ ตมนุวตฺตตีติ อิทานิสฺส กมฺมสฺสกตาาณปฺปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาจริเย โข ปนา’’ติอาทิมาห. หลาหลนฺติ ตงฺขณฺเว มารณกํ วิสํ. หนตีติ หิ หโล น-การสฺส ล-การํ กตฺวา, หลานมฺปิ วิเสโส หโล หลาหโล มชฺเฌทีฆวเสน, เอเตน จ อฺเ อฏฺวิเธ วิเส นิวตฺเตติ. วุตฺตฺจ –
‘‘ปุเม ปณฺเฑ จ กาโกล, กาฬกูฏหลาหลา;
สโรตฺถิโกสุงฺกิเก โย, พฺรหฺมปุตฺโต ปทีปโน;
ทารโท วจฺฉนาโภ จ, วิสเภทา อิเม นวา’’ติ.
ขโรทกนฺติ ¶ จณฺฑโสโตทกํ. ‘‘ขาโรทก’’นฺติปิ ปาโ, อติโลณตาย ติตฺโตทกนฺติ อตฺโถ. นรกปปาตนฺติ โจรปปาตํ. มาณวกาติ อตฺตานเมว โอวทิตุํ อาลปติ ‘‘สมโยปิ โข เต ภทฺทาลิ อปฺปฏิวิทฺโธอโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) วิย. ‘‘กมฺมสฺสกา’’ติ กมฺมเมว อตฺตสนฺตกภาวํ วตฺวา ตเทว วิวรติ ‘‘อตฺตโน กมฺมานุรูปเมว คตึ คจฺฉนฺตี’’ติอาทินา. โยนิโสติ อุปาเยน าเยน. อุมฺมุชฺชิตฺวาติ อาจริโย วิย อโยนิโส อริยูปวาเท อนิมฺมุชฺชนฺโต โยนิโส อริยูปวาทโต อุมฺมุชฺชิตฺวา, อุทฺธํ หุตฺวาติ อตฺโถ. มทฺทมาโนติ มทฺทนฺโต ภินฺทนฺโต. เอกํสการณเมว อิธ การณนฺติ ทสฺเสตุกาเมน ‘‘สมฺมา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ยถา ต’’นฺติอาทินา ตสฺส สมารทฺธภาวํ ทสฺเสติ, นฺติ จ นิปาตมตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อฺโ ปณฺฑิตสภาโว ชาติ อาจารวเสน กุลปุตฺโต อเนกปริยาเยน ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ ภาสิตุมารภติ, ตถา อยมฺปิ อารทฺโธ, ตฺจ โข อปิ นามายมาจริโย เอตฺตเกนาปิ รตนตฺตยาวณฺณภาสโต โอรเมยฺยาติ.
สปฺปราชวณฺณนฺติ อหิราชวณฺณํ. วณฺณโปกฺขรตายาติ วณฺณสุนฺทรตาย, วณฺณสรีเรน วา. วาริชํ กมลํ น ปหรามิ น ภฺชามิ, อารา ทูรโตว อุปสิงฺฆามีติ อตฺโถ. อถาติ เอวํ สนฺเตปิ. คนฺธตฺเถโนติ คนฺธโจโร. สฺูฬฺหาติ คนฺถิตา พนฺธิตา. คหปตีติ อุปาลิคหปตึ นาฏปุตฺตสฺส อาลปนํ. เอตฺถ จ วณฺณิตพฺโพ ‘‘อยมีทิโส’’ติ ปกาเสตพฺโพติ วณฺโณ, สณฺานํ. วณฺณียติ อสงฺกรโต ววตฺถาปียตีติ วณฺโณ, ชาติ. วณฺเณติ วิการมาปชฺชมานํ หทยงฺคตภาวํ ปกาเสตีติ วณฺโณ, รูปายตนํ. วณฺณียติ ผลเมเตน ยถาสภาวโต วิภาวียตีติ วณฺโณ, การณํ. วณฺณียติ อปฺปมหนฺตาทิวเสน ปมียตีติ วณฺโณ, ปมาณํ. วณฺณียติ ปสํสียตีติ วณฺโณ ¶ , คุโณ. วณฺณนํ คุณสํกิตฺตนํ วณฺโณ, ปสํสา. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ วณฺณสทฺทสฺสุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. อาทิสทฺเทน ชาตรูปปุฬินกฺขราทโย สงฺคณฺหาติ. ‘‘อิธ คุโณปิ ปสํสาปี’’ติ วุตฺตเมว สมตฺเถติ ‘‘อยํ กิรา’’ติอาทินา. กิราติ เจตฺถ อนุสฺสวนตฺเถ, ปทปูรณมตฺเต วา. คุณูปสฺหิตนฺติ คุโณปสฺุตํ. ‘‘คุณูปสฺหิตํ ปสํส’’นฺติ ปน วทนฺโต ปสํสาย เอว คุณภาสนํ สิทฺธํ ตสฺสา ตทวินาภาวโต, ตสฺมา อิทมตฺถทฺวยํ ยุชฺชตีติ ทสฺเสติ.
กถํ ¶ ภาสตีติ อาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. เอโก จ โส ปุคฺคโล จาติ เอกปุคฺคโล. เกนฏฺเน เอกปุคฺคโล? อสทิสฏฺเน, คุณวิสิฏฺฏฺเน, อสมสมฏฺเน จ. โส หิ ปมาภินีหารกาเล ทสนฺนํ ปารมีนํ ปฏิปาฏิยา อาวชฺชนํ อาทึ กตฺวา โพธิสมฺภารสมฺภรณคุเณหิ เจว พุทฺธคุเณหิ จ เสสมหาชเนน อสทิโส. เย จสฺส คุณา, เตปิ อฺสตฺตานํ คุเณหิ วิสิฏฺา, ปุริมกา จ สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพสตฺเตหิ อสมา, เตหิ ปน อยเมเวโก รูปกายนามกาเยหิ สโม. โลเกติ สตฺตโลเก. ‘‘อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติ ปน อิทํ อุภยมฺปิ วิปฺปกตวจนเมว อุปฺปาทกิริยาย วตฺตมานกาลิกตฺตา. อุปฺปชฺชมาโน พหุชนหิตาย อุปฺปชฺชติ, น อฺเน การเณนาติ เอวํ ปเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ลกฺขเณ เหส มาน-สทฺโท, เอวรูปฺเจตฺถ ลกฺขณํ น สกฺกา อฺเน สทฺทลกฺขเณน ปฏิพาหิตุํ. อปิจ อุปฺปชฺชมาโน นาม, อุปฺปชฺชติ นาม, อุปฺปนฺโน นามาติ อยเมตฺถ เภโท เวทิตพฺโพ. เอส หิ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ยาว อนาคามิผลํ, ตาว อุปฺปชฺชมาโน นาม, อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นาม. พุทฺธานฺหิ สาวกานํ วิย น ปฏิปาฏิยา อิทฺธิวิธาณาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ, สเหว ปน อรหตฺตมคฺเคน สกโลปิ สพฺพฺุคุณราสิ อาคโตว นาม โหติ, ตสฺมา นิพฺพตฺตสพฺพกิจฺจตฺตา อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นาม, ตทนิพฺพตฺตตฺตา ตทฺกฺขเณ ยถารหํ ‘‘อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ’’ จฺเจว วุจฺจติ. อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต อรหตฺตผลกฺขณํเยว สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. อตีตกาลิกสฺสาปิ วตฺตมานปโยคสฺส กตฺถจิ ทิฏฺตฺตา อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. เอวํ สติ ‘‘อุปฺปชฺชมาโน’’ติ เจตฺถ มาน-สทฺโท สามตฺถิยตฺโถ. ยาวตา สามตฺถิเยน มหาโพธิสตฺตานํ จริมภเว อุปฺปตฺติ อิจฺฉิตพฺพา, ตาวตา สามตฺถิเยน โพธิสมฺภารภูเตน ปริปุณฺเณน สมนฺนาคโต หุตฺวาติ อตฺโถ. ตถาสามตฺถิยโยเคน หิ อุปฺปชฺชมาโน นามาติ. สพฺพสตฺเตหิ อสโม, อสเมหิ ปุริมพุทฺเธเหว สโม มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณ นิกฺขํ วิย นิพฺพิสิฏฺโ, ‘‘เอกปุคฺคโล’’ติ เจตสฺส วิเสสนํ. อาลยสงฺขาตํ ตณฺหํ สมุคฺฆาเตติ สมุจฺฉินฺทตีติ อาลยสมุคฺฆาโต. วฏฺฏํ อุปจฺฉินฺทตีติ วฏฺฏุปจฺเฉโท.
ปโหนฺเตนาติ ¶ สกฺโกนฺเตน. ‘‘ปฺจนิกาเย’’ติ วตฺวาปิ อเนกาวยวตฺตา เตสํ น เอตฺตเกน สพฺพถา ปริยาทานนฺติ ‘‘นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ จตุราสีติ ¶ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ วุตฺตํ. อติตฺเถนาติ อโนตรณฏฺาเนน. น วตฺตพฺโพ อปริมาณวณฺณตฺตา พุทฺธาทีนํ, นิรวเสสานฺจ เตสํ อิธ ปกาสเนน ปาฬิสํวณฺณนาย เอว สมฺปชฺชนโต, จิตฺตสมฺปหํสนกมฺมฏฺานสมฺปชฺชนวเสน จ สผลตฺตา. ถาโม เวทิตพฺโพ สพฺพถาเมน ปกาสิตตฺตา. กึ ปน โส ตถา โอคาเหตฺวา ภาสตีติ อาห. ‘‘พฺรหฺมทตฺโต ปนา’’ติอาทิ. อนุกฺกเมน ปุนปฺปุนํ วา สวนํ อนุสฺสโว, ปรมฺปรสวนํ. อาทิ-สทฺเทน อาการปริวิตกฺกทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติโย สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ‘‘สุนฺทรมิทํ การณ’’นฺติ เอวํ สยเมว การณปริวิตกฺกนํ อาการปริวิตกฺโก. อตฺตโน ทิฏฺิยา นิชฺฌายิตฺวา ขมนํ รุจฺจนํ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตีติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ, เตหิเยว สมฺพนฺธิเตนาติ อตฺโถ. มตฺต-สทฺโท เหตฺถ วิเสสนิวตฺติอตฺโถ, เตน ยถาวุตฺตํ การณํ นิวตฺเตติ. อตฺตโน ถาเมนาติ อตฺตโน าณพเลเนว, น ปน พุทฺธาทีนํ คุณานุรูปนฺติ อธิปฺปาโย. อสงฺขฺเยยฺยาปริเมยฺยปฺปเภทา หิ พุทฺธาทีนํ คุณา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; พุ. วํ. อฏฺ. ๔.๑; อป. อฏฺ. ๒.๙๑; จริยา. อฏฺ. ๙, ๓๒๙);
อิธาปิ วกฺขติ ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนต’’นฺติอาทิ.
อิติ-สทฺโท นิทสฺสนตฺโถ วุตฺตปฺปการํ นิทสฺเสติ. ห-กาโร นิปาตมตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ เต’’ติ. อฺมฺสฺสา’’ติ อิทํ รุฬฺหิปทํ ‘‘เอโก เอกายา’’ติ (ปารา. ๔๔๔, ๔๕๒) ปทํ วิยาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อฺโอฺสฺสา’’ติ รุฬฺหิปเทเนว วิวรติ. ‘‘อุชุเมวา’’ติ สาวธารณสมาสตํ วตฺวา เตน นิวตฺเตตพฺพตฺถํ อาห ‘‘อีสกมฺปิ อปริหริตฺวา’’ติ, โถกตรมฺปิ อวิรชฺฌิตฺวาติ อตฺโถ. กถนฺติ อาห ‘‘อาจริเยน หี’’ติอาทิ. ปุพฺเพ เอกวารมิว อวณฺณวณฺณภาสเน นิทฺทิฏฺเปิ ‘‘อุชุวิปจฺจนีกวาทา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑) วุตฺตตฺตา อเนกวารเมว ¶ เต เอวํ ภาสนฺตีติ เวทิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุน อิตโร อวณฺณํ อิตโร วณฺณ’’นฺติ วุตฺตํ. เตน หิ วิสทฺทสฺส วิวิธตฺถตํ สมตฺเถติ. สารผลเกติ สารทารุผลเก ¶ , อุตฺตมผลเก วา. วิสรุกฺขอาณินฺติ วิสทารุมยปฏาณึ. อิริยาปถานุพนฺธเนน อนุพนฺธา โหนฺติ, น สมฺมาปฏิปตฺติอนุพนฺธเนน.
สีสานุโลกิโนติ สีเสน อนุโลกิโน, สีสํ อุกฺขิปิตฺวา มคฺคานุกฺกเมน โอโลกยมานาติ อตฺโถ. ตสฺมึ กาเลติ ยมฺหิ สํวจฺฉเร, อุตุมฺหิ, มาเส, ปกฺเข วา ภควา ตํ อทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺโน, ตสฺมึ กาเล. เตน หิ อนิยมโต สํวจฺฉรอุตุมาสฑฺฒมาสาว นิทฺทิสิตา ‘‘ตํ ทิวส’’นฺติ ทิวสสฺส วิสุํ นิทฺทิฏฺตฺตา, มุหุตฺตาทีนฺจ ทิวสปริยาปนฺนโต. ‘‘ตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺโน’’ติ เจตฺถ อาธารวจนเมตํ. เตเนว หิ กิริยาวิจฺเฉททสฺสนวเสน ‘‘ราชคเห ปิณฺฑาย จรตี’’ติ สห ปุพฺพกาลกิริยาหิ วตฺตมานนิทฺเทโส กโต, อิตรถา ตสฺมึ กาเล ราชคเห ปิณฺฑาย จรติ, ตํ อทฺธานมคฺคฺจ ปฏิปนฺโนติ อนธิปฺเปตตฺโถ อาปชฺเชยฺย. น หิ อสมานวิสยา กิริยา เอกาธารา สมฺภวนฺติ, ยา เจตฺถ อธิปฺเปตา อทฺธานปฏิปชฺชนกิริยา, สา จ อนิยมิตา น ยุตฺตาติ. ราชคหปริวตฺตเกสูติ ราชคหํ ปริวตฺเตตฺวา ิเตสุ. ‘‘อฺตรสฺมิ’’นฺติ อิมินา เตสุ ภควโต อนิพทฺธวาสํ ทสฺเสติ. โสติ เอวํ ราชคเห วสมาโน โส ภควา. ปิณฺฑาย จรเณนปิ หิ ตตฺถ ปฏิพทฺธภาววจนโต สนฺนิวาสตฺตเมว ทสฺเสติ. ยทิ ปน ‘‘ปิณฺฑาย จรมาโน โส ภควา’’ติ ปจฺจามเสยฺย, ยถาวุตฺโตว อนธิปฺเปตตฺโถ อาปชฺเชยฺยาติ. ตํ ทิวสนฺติ ยํ ทิวสํ อทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺโน, ตํ ทิวส. ตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺโนติ เอตฺถ อจฺจนฺตสํโยควจนเมตํ. ภตฺตภฺุชนโต ปจฺฉา ปจฺฉาภตฺตํ, ตสฺมึ ปจฺฉาภตฺตสมเย. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโตติ ยตฺถ ปิณฺฑปาตตฺถาย จริตฺวา ภฺุชนฺติ, ตโต อปกฺกนฺโต. ตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺโนติ ‘‘นาฬนฺทายํ เวเนยฺยานํ วิวิธหิตสุขนิปฺผตฺตึ อากงฺขมาโน อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา ติวิธสีลาลงฺกตํ นานาวิธกุหนลปนาทิมิจฺฉาชีววิทฺธํสนํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิชาลวินิเวนํ ทสสหสฺสิโลกธาตุปกมฺปนํ พฺรหฺมชาลสุตฺตํ เทเสสฺสามี’’ติ ตํ ยถาวุตฺตํ ทีฆมคฺคํ ปฏิปนฺโน, อิทํ ปน การณํ ปกรณโตว ปากฏนฺติ น วุตฺตํ. เอตฺตาวตา ‘‘กสฺมา ปน ภควา ตํ อทฺธานํ ปฏิปนฺโน’’ติ โจทนา วิโสธิตา โหติ.
อิทานิ อิตรมฺปิ โจทนํ วิโสธิตุํ ‘‘สุปฺปิโยปี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมึ กาเล, ตํ ทิวสํ อนุพนฺโธติ จ วุตฺตนเยน สมฺพนฺโธ. ปาโต ¶ อสิตพฺโพติ ปาตราโส, โส ภุตฺโต เยนาติ ภุตฺตปาตราโส. อิจฺเจวาติ เอวเมว มนสิ สนฺนิธาย, น ปน ‘‘ภควนฺตํ, ภิกฺขุสงฺฆฺจ ปิฏฺิโต ¶ ปิฏฺิโต อนุพนฺธิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภควโต ตํ มคฺคํ ปฏิปนฺนภาวํ อชานนฺโตวา’’ติ, ตถา อชานนฺโต เอว หุตฺวา อนุพนฺโธติ อตฺโถ. น หิ โส ภควนฺตํ ทฏฺุเมว อิจฺฉติ, เตนาห ‘‘สเจ ปน ชาเนยฺย, นานุพนฺเธยฺยา’’ติ. เอตฺตาวตา ‘‘กสฺมา จ สุปฺปิโย อนุพนฺโธ’’ติ โจทนา วิโสธิตา โหติ. ‘‘โส’’ติอาทินา อปรมฺปิ โจทนํ วิโสเธติ. กทาจิ ปน ภควา อฺตรเวเสเนว คจฺฉติ องฺคุลิมาลทมนปกฺกุสาติอภิคฺคมนาทีสุ, กทาจิ พุทฺธสิริยา, อิธาปิ อีทิสาย พุทฺธสิริยาติ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธสิริยา โสภมาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สิรีติ เจตฺถ สรีรโสภคฺคาทิสมฺปตฺติ, ตเทว อุปมาวเสน ทสฺเสติ ‘‘รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺตมิวา’’ติอาทินา. คจฺฉตีติ ชงฺคโม ยถา ‘‘จงฺกโม’’ติ. จฺจลมาโน คจฺฉนฺโต คิริ, ตาทิสสฺส กนกคิริโน สิขรมิวาติ อตฺโถ.
‘‘ตสฺมึ กิรา’’ติอาทิ ตพฺพิวรณํ, ปาฬิยํ อทสฺสิตตฺตา, โปราณฏฺกถายฺจ อนาคตตฺตา อนุสฺสวสิทฺธา อยํ กถาติ ทสฺเสตุํ ‘‘กิรา’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติ, ตถา วา โหตุ อฺถา วา, อตฺตนา อทิฏฺํ, อสุตํ, อมุตฺจ อนุสฺสวเมวาติ ทฏฺพฺพํ. นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺปภสฺสรวเสน ฉพฺพณฺณา. สมนฺตาติ สมนฺตโต ทสหิ ทิสาหิ. อสีติหตฺถปฺปมาเณติ เตสํ รสฺมีนํ ปกติยา ปวตฺติฏฺานวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา สมนฺตโต, อุปริ จ ปจฺเจกํ อสีติหตฺถมตฺเต ปเทเส ปกติยาว ฆนีภูตา รสฺมิโย ติฏฺนฺตีติ ทฏฺพฺพํ, วินยฏีกายํ ปน ‘‘ตาเยว พฺยามปฺปภา นาม. ยโต ฉพฺพณฺณา รสฺมิโย ตฬากโต มาติกา วิย ทสสุ ทิสาสุ ธาวนฺติ, สา ยสฺมา พฺยามมตฺตา วิย ขายติ, ตสฺมา พฺยามปฺปภาติ วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํ, (วิ. วิ. ฏี. ๑.๑๖) สงฺคีติสุตฺตวณฺณนายํ ปน วกฺขติ ‘‘ปุรตฺถิมกายโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมิ อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถํ านํ คณฺหาติ. ปจฺฉิมกายโต. ทกฺขิณหตฺถโต. วามหตฺถโต สุวณฺณวณฺณา รสฺมิ อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถํ านํ คณฺหาติ. อุปริ เกสนฺตโต ปฏฺาย สพฺพเกสาวฏฺเฏหิ โมรคีววณฺณา รสฺมิ อุฏฺหิตฺวา คคนตเล ¶ อสีติหตฺถํ านํ คณฺหาติ. เหฏฺา ปาทตเลหิ ปวาฬวณฺณา รสฺมิ อุฏฺหิตฺวา ฆนปถวิยํ อสีติหตฺถํ านํ คณฺหาติ. เอวํ สมนฺตา อสีติหตฺถมตฺตํ านํ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิชฺโชตมานา วิปฺผนฺทมานา วิธาวนฺตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๒๙๙) เกจิ ปน อฺถาปิ ปริกปฺปนามตฺเตน วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ตถา อฺตฺถ อนาคตตฺตา, อยุตฺตตฺตา จ. ตาสํ ปน พุทฺธรสฺมีนํ ตทา อนิคฺคูหิตภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘ตสฺมึ กิร สมเย’’ติ วุตฺตํ. ปกฺกุสาติอภิคฺคมนาทีสุ วิย หิ ตทา ตาสํ นิคฺคูหเน กิฺจิ การณํ นตฺถิ. อาธาวนฺตีติ อภิมุขํ ทิสํ ธาวนฺติ. วิธาวนฺตีติ วิวิธา หุตฺวา วิทิสํ ธาวนฺติ.
ตสฺมึ ¶ วนนฺตเร ทิสฺสมานากาเรน ตาสํ รสฺมีนํ โสภา วิฺายตีติ อาห ‘‘รตนาเวฬา’’ติอาทิ. รตนาเวฬา นาม รตนมยวฏํสกํ มุทฺธํ อวติ รกฺขตีติ หิ อเวฬา, อาเวฬา วา, มุทฺธมาลา. อุกฺกา นาม ยา สโชติภูตา, ตาสํ สตํ, นิปตนํ นิปาโต, ตสฺส นิปาโต, เตน สมากุลํ ตถา. ปิสิตพฺพตฺตา ปิฏฺํ, จีนเทเส ชาตํ ปิฏฺํ จีนปิฏฺํ, รตฺตจุณฺณํ, ยํ ‘‘สินฺทูโร’’ติปิ วุจฺจติ, จีนปิฏฺเมว จุณฺณํ. วายุโน เวเคน อิโต จิโต จ ขิตฺตํ ตนฺติ ตถา. อินฺทสฺส ธนุ โลกสงฺเกตวเสนาติ อินฺทธนุ, สูริยรสฺมิวเสน คคเน ปฺายมานาการวิเสโส. กุฏิลํ อจิรฏฺายิตฺตา วิรูปํ หุตฺวา ชวติ ธาวตีติ วิชฺชุ, สาเยว ลตา ตํสทิสภาเวนาติ ตถา, วายุเวคโต วลาหกฆฏฺฏเนเนว ชาตรสฺมิ. ตายติ อวิชหนวเสน อากาสํ ปาเลตีติ ตารา, คณสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ตสฺส ปภา ตถา. วิปฺผุริตวิจฺฉริตมิวาติ อาภาย วิวิธํ ผรมานํ, วิชฺโชตยมานํ วิย จ. วนสฺส อนฺตรํ วิวรํ วนนฺตรํ, ภควตา ปตฺตปตฺตวนปฺปเทสนฺติ วุตฺตํ โหติ.
อสีติยา อนุพฺยฺชเนหิ ตมฺพนขตาทีหิ อนุรฺชิตํ ตถา. กมลํ ปทุมปุณฺฑรีกานิ, อวเสสํ นีลรตฺตเสตเภทํ สโรรุหํ อุปฺปลํ, อิติ ปฺจวิธา ปงฺกชชาติ ปริคฺคหิตา โหติ. วิกสิตํ ผุลฺลิตํ ตทุภยํ ยสฺส สรสฺส ตถา. สพฺเพน ปกาเรน ปริโต สมนฺตโต ผุลฺลติ วิกสตีติ สพฺพปาลิผุลฺลํ อ-การสฺส อา-การํ, ร-การสฺส จ ล-การํ กตฺวา ยถา ‘‘ปาลิภทฺโท’’ติ, ตารานํ มรีจิ ปภา, ตาย วิกสิตํ วิชฺโชติตํ ¶ ตถา. พฺยามปฺปภาย ปริกฺเขโป ปริมณฺฑโล, เตน วิลาสินี โสภินี ตถา. มหาปุริสลกฺขณานิ อฺมฺปฏิพทฺธตฺตา มาลากาเรเนว ิตานีติ วุตฺตํ ‘‘ทฺวตฺตึสวรลกฺขณมาลา’’ติ. ทฺวตฺตึสจนฺทาทีนํ มาลา เกนจิ คนฺเถตฺวา ปฏิปาฏิยา จ ปิตาติ น วตฺตพฺพา ‘‘ยทิ สิยา’’ติ ปริกปฺปนามตฺเตน หิ ‘‘คนฺเถตฺวา ปิตทฺวตฺตึสจนฺทมาลายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริกปฺโปปมา เหสา, โลเกปิ จ ทิสฺสติ.
‘‘มเยว มุขโสภาสฺเส, ตฺยลมินฺทุวิกตฺถนา;
ยโตมฺพุเชปิ สาตฺถีติ, ปริกปฺโปปมา อย’’นฺติ.
ทฺวตฺตึสจนฺทมาลาย สิรึ อตฺตโน สิริยา อภิภวนฺตี อิวาติ สมฺพนฺโธ. เอส นโย เสเสสุปิ.
เอวํ ภควโต ตทา โสภํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภิกฺขุสงฺฆสฺสาปิ โสภํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตฺจ ปนา’’ติอาทิมาห ¶ . จตุพฺพิธาย อปฺปิจฺฉตาย อปฺปิจฺฉา. ทฺวาทสหิ สนฺโตเสหิ สนฺตุฏฺา. ติวิเธน วิเวเกน ปวิวิตฺตา. ราชราชมหามตฺตาทีหิ อสํสฏฺา. ทุปฺปฏิปตฺติกานํ โจทกา. ปาเป อกุสเล ครหิโน ปเรสํ หิตปฏิปตฺติยา วตฺตาโร. ปเรสฺจ วจนกฺขมา. วิมุตฺติาณทสฺสนํ นาม ปจฺจเวกฺขณาณํ. ‘‘เตส’’นฺติอาทินา ตทภิสมฺพนฺเธน ภควโต โสภํ ทสฺเสติ. รตฺตปทุมานํ สณฺโฑ สมูโห วนํ, ตสฺส มชฺเฌ คตา ตถา. ‘‘รตฺตํ ปทุมํ, เสตํ ปุณฺฑรีก’’นฺติ ปตฺตนิยมมนฺตเรน ตถา วุตฺตํ, ปตฺตนิยเมน ปน สตปตฺตํ ปทุมํ, อูนกสตปตฺตํ ปุณฺฑรีกํ. ปวาฬํ วิทฺทุโม, เตน กตาย เวทิกาย ปริกฺขิตฺโต วิย. มิคปกฺขีนมฺปีติ ปิ-สทฺโท, อปิ-สทฺโท วา สมฺภาวนายํ, เตนาห ‘‘ปเคว เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. มหาเถราติ มหาสาวเก สนฺธายาห. สุรฺชิตภาเวน อีสกํ กณฺหวณฺณตาย เมฆวณฺณํ. เอกํสํ กริตฺวาติ เอกํสปารุปนวเสน วามํเส กริตฺวา. กตฺตรสฺส ชิณฺณสฺส อาลมฺพโน ทณฺโฑ กตฺตรทณฺโฑ, พาหุลฺลวเสนายํ สมฺา. สุวมฺมํ นาม โสภณุรจฺฉโท, เตน วมฺมิตา สนฺนทฺธาติ สุวมฺมวมฺมิตา, อิทํ เตสํ ปํสุกูลธารณนิทสฺสนํ. เยสํ กุจฺฉิคตํ สพฺพมฺปิ ติณปลาสาทิ คนฺธชาตเมว โหติ, เต คนฺธหตฺถิโน นาม, เย ‘‘เหมวตา’’ติปิ วุจฺจนฺติ, เตสมฺปิ เถรานํ สีลาทิคุณคนฺธตาย ตํสทิสตา. อนฺโตชฏาพหิชฏาสงฺขาตาย ¶ ตณฺหาชฏาย วิชฏิตภาวโต วิชฏิตชฏา. ตณฺหาพนฺธนาย ฉินฺนตฺตา ฉินฺนพนฺธนา. ‘‘โส’’ติอาทิ ยถาวุตฺตวจนสฺส คุณทสฺสนํ. อนุพุทฺเธหีติ พุทฺธานมนุพุทฺเธหิ. เตปิ หิ เอกเทเสน ภควตา ปฏิวิทฺธปฏิภาเคเนว จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌนฺติ. ปตฺตปริวาริตนฺติ ปุปฺผทเลน ปริวาริตํ. กํ วุจฺจติ กมลาทิ, ตสฺมึ สรติ วิราชตีติ เกสรํ, กิฺชกฺโข. กณฺเณ กรียตีติ กณฺณิกา. กณฺณาลงฺกาโร, ตํสทิสณฺานตาย กณฺณิกา, พีชโกโส. ฉนฺนํ หํสกุลานํ เสฏฺโ ธตรฏฺโ หํสราชา วิย, หาริโต นาม มหาพฺรหฺมา วิย.
เอวํ คจฺฉนฺตํ ภควนฺตํ, ภิกฺขู จ ทิสฺวา อตฺตโน ปริสํ โอโลเกสีติ สมฺพนฺโธ. กาชทณฺฑเกติ กาชสงฺขาเต ภาราวหทณฺฑเก, กาชสฺมึ วา ภารลคฺคิตทณฺฑเก. ขุทฺทกํ ปีํ ปีกํ. มูเล, อคฺเค จ ติธา กโต ทณฺโฑ ติทณฺโฑ. โมรหตฺถโก โมรปิฺฉํ. ขุทฺทกํ ปสิพฺพํ ปสิพฺพกํ. กุณฺฑิกา กมณฺฑลุ. สา หิ กํ อุทกํ อุเทติ ปสเวติ, รกฺขตีติ วา กุณฺฑิกา นิรุตฺตินเยน. คหิตํ โอมกโต ลุชฺชิตํ, วิวิธํ ลุชฺชิตฺจ ปีก…เป… กุณฺฑิกาทิอเนกปริกฺขารสงฺขาตํ ภารํ ภรติ วหตีติ คหิต…เป… ภารภริตา. อิตีติ นิทสฺสนตฺโถ. เอวนฺติ อิทมตฺโถ. เอวํ อิทํ วจนมาทิ ยสฺส วจนสฺส ตถา, ตเทว นิรตฺถกํ วจนํ ยสฺสาติ เอวมาทินิรตฺถกวจนา. มุขํ เอตสฺส อตฺถีติ มุขรา, สพฺเพปิ มุขวนฺตา เอว, อยํ ปน ผรุสาภิลาปมุขวตี, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํ. นินฺทายฺหิ อยํ รปจฺจโย. มุเขน ¶ วา อมนาปํ กมฺมํ ราติ คณฺหาตีติ มุขรา. วิวิธา กิณฺณา วาจา ยสฺสาติ วิกิณฺณวาจา. ตสฺสาติ สุปฺปิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส. นฺติ ยถาวุตฺตปฺปการํ ปริสํ.
อิทานีติ ตสฺส ตถารูปาย ปริสาย ทสฺสนกฺขเณ. ปนาติ อรุจิสํสูจนตฺโถ, ตถาปีติ อตฺโถ. ลาภ…เป… หานิยา เจว เหตุภูตาย. กถํ หานีติ อาห ‘‘อฺติตฺถิยานฺหี’’ติอาทิ. นิสฺสิรีกตนฺติ นิโสภตํ, อยมตฺโถ โมรชาตกาทีหิปิ ทีเปตพฺโพ. ‘‘อุปติสฺสโกลิตานฺจา’’ติอาทินา ปกฺขหานิตาย วิตฺถาโร. อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส, มหาโมคฺคลฺลานสฺส จ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ สนฺธาย ‘‘เตสุ ปน ปกฺกนฺเตสู’’ติ วุตฺตํ. เตสํ ปพฺพชิตกาเลเยว อฑฺฒเตยฺยสตํ ปริพฺพาชกปริสา ปพฺพชิ, ตโต ปรมฺปิ ¶ ตทนุปพฺพชิตา ปริพฺพาชกปริสา อปริมาณาติ ทสฺเสติ ‘‘สาปิ เตสํ ปริสา ภินฺนา’’ติ อิมินา. ยาย กายจิ หิ ปริพฺพาชกปริสาย ปพฺพชิตาย ตสฺส ปริสา ภินฺนาเยว นาม สมานคณตฺตาติ ตถา วุตฺตํ. ‘‘อิเมหี’’ติอาทินา ลาภปกฺขหานึ นิคมนวเสน ทสฺเสติ. อุสูยสงฺขาตสฺส วิสสฺส อุคฺคาโร อุคฺคิลนํ อุสูยวิสุคฺคาโร, ตํ. เอตฺถ จ ‘‘ยสฺมา ปเนสา’’ติอาทินาว ‘‘กสฺมา จ โส รตนตฺตยสฺส อวณฺณํ ภาสตี’’ติ โจทนํ วิโสเธติ, ‘‘สเจ’’ติอาทิกํ ปน สพฺพมฺปิ ตปฺปริวารวจนเมวาติ เตหิปิ สา วิโสธิตาเยว นาม. ภควโต วิโรธานุนยาภาววีมํสนตฺถํ เอเต อวณฺณํ วณฺณํ ภาสนฺติ. ‘‘มาเรน อนฺวาวิฏฺา เอวํ ภาสนฺตี’’ติ จ เกจิ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว อฏฺกถาย อุชุวิปจฺจนีกตฺตา. ปากโฏเยวายมตฺโถติ.
๒. ยสฺมา อตฺถงฺคโต สูริโย, ตสฺมา อกาโล ทานิ คนฺตุนฺติ สมฺพนฺโธ.
อมฺพลฏฺิกาติ สามีปิกโวหาโร ยถา ‘‘วรุณนครํ, โคทาคาโม’’ติ อาห ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ. ตรุณปริยาโย ลฏฺิกา-สทฺโท รุกฺขวิสเย ยถา ‘‘มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เพลุวลฏฺิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีที’’ติอาทีสูติ ทสฺเสติ’’ ‘‘ตรุณมฺพรุกฺโข’’ติ อิมินา. เกจิ ปน ‘‘อมฺพลฏฺิกา นาม วุตฺตนเยน เอโก คาโม’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเต อมฺพลฏฺิกายนฺติ สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ฉายูทกสมฺปนฺนนฺติ ฉายาย เจว อุทเกน จ สมฺปนฺนํ. มฺชุสาติ เปฬา. ปฏิภานจิตฺตวิจิตฺตนฺติ อิตฺถิปุริสสฺโคาทินา ปฏิภานจิตฺเตน วิจิตฺตํ, เอเตน รฺโ อคารํ, ตเทว ราชาคารกนฺติ ทสฺเสติ. ราชาคารกํ นาม เวสฺสวณมหาราชสฺส เทวายตนนฺติ เอเก.
พหุปริสฺสโยติ ¶ พหุปทฺทโว. เกหีติ วุตฺตํ ‘‘โจเร’หิปี’’ติอาทิ. หนฺทาติ วจนโวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต, ตทานุภาวโต นิปฺปริสฺสยตฺถาย อิทานิ อุปคนฺตฺวา สฺเว คมิสฺสามีติ อธิปฺปาโย. ‘‘สทฺธึ อนฺเตวาสินา พฺรหฺมทตฺเตน มาณเวนา’’ ติจฺเจว สีหฬฏฺกถายํ วุตฺตํ, ตฺจ โข ปาฬิอารุฬฺหวเสเนว, น ปน ตทา สุปฺปิยสฺส ปริสาย อภาวโตติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธึ อตฺตโน ปริสายา’’ติ อิธ วุตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ พฺรหฺมทตฺโตเยว ปาฬิยมารุฬฺโห, น ปน ตทวเสสา สุปฺปิยสฺส ปริสาติ ¶ ? เทสนานธีนภาเวน ปโยชนาภาวโต. ยถา เจตํ, เอวํ อฺมฺปิ เอทิสํ ปโยชนาภาวโต สงฺคีติการเกหิ น สงฺคีตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘ปาฬิยํ วุตฺต’’นฺติ อาธารํ วตฺวา ‘ตเทตํ น สีหฬฏฺกถานยทสฺสนํ, ปาฬิยํ วุตฺตภาวทสฺสนเมวา’ติ’’ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ. ปาฬิอารุฬฺหวเสเนว ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ อธิปฺเปตตฺถสฺส อาปชฺชนโต. ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพติ. ‘‘วุตฺตนฺติ วา อมฺเหหิปิ อิธ วตฺตพฺพนฺติ อตฺโถ. เอวฺหิ ตทา อฺายปิ ปริสาย วิชฺชมานภาวทสฺสนตฺถํ เอวํ วุตฺตํ, ปาฬิยมารุฬฺหวเสน ปน อฺถาปิ อิธ วตฺตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย ยุตฺโต’’ติ วทนฺติ.
อิทานิ ‘‘ตตฺราปิ สุท’’นฺติอาทิปาฬิยา สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ วาสํ อุปคโต ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปริวาเรตฺวา นิสินฺโน โหตีติ สมฺพนฺโธ. กุจฺฉิตํ กตฺตพฺพนฺติ กุกตํ, ตสฺส ภาโว กุกฺกุจฺจํ, กุจฺฉิตกิริยา, อิโต จิโต จ จฺจลนนฺติ อตฺโถ, หตฺถสฺส กุกฺกุจฺจํ ตถา. ‘‘สา หี’’ติอาทินา ตถาภูตตาย การณํ ทสฺเสติ. นิวาเตติ วาตวิรหิตฏฺาเน. ยถาวุตฺตโทสาภาเวน นิจฺจลา. ตํ วิภูตินฺติ ตาทิสํ โสภํ. วิปฺปลปนฺตีติ สติโวสฺสคฺควเสน วิวิธา ลปนฺติ. นิลฺลาลิตชิวฺหาติ อิโต จิโต จ นิกฺขนฺตชิวฺหา. กากจฺฉมานาติ กากานํ สทฺทสทิสํ สทฺทํ กุรุมานา. ฆรุฆรุปสฺสาสิโนติ ฆรุฆรุอิติ สทฺทํ ชเนตฺวา ปสฺสสนฺตา. อิสฺสาวเสนาติ ยถาวุตฺเตหิ ทฺวีหิ การเณหิ อุสูยนวเสน. ‘‘สพฺพํ วตฺตพฺพ’’นฺติ อิมินา ‘‘อาทิเปยฺยาลนโยย’’นฺติ ทสฺเสติ.
๓. สมฺมา ปโหนฺติ ตํ ตํ กมฺมนฺติ สมฺปหุลา, พหโว, เตนาห ‘‘พหุกาน’’นฺติ. สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน จตุวคฺคสงฺเฆเนว วินยกมฺมสฺส กตฺตพฺพตฺตา ‘‘วินยปริยาเยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตโย ชนาติ เจส อุปลกฺขณนิทฺเทโส ทฺวินฺนมฺปิ สมฺปหุลตฺตา. ตตฺถ ตตฺถ ตถาเยวาคตตฺตา ‘‘สุตฺตนฺตปริยาเยนา’’ติอาทิมาห. ตํ ตํ ปาฬิยา อาคตโวหารวเสน หิ อยํ เภโท. ตโย ชนา ตโย เอว นาม, ตโต ปฏฺาย อุตฺตริ จตุปฺจชนาทิกา สมฺปหุลาติ อตฺโถ. ตโตติ จายํ มริยาทาวธิ. มณฺฑลมาโฬติ อเนกตฺถปวตฺตา สมฺา, อิธ ปน อีทิสาย เอวาติ นิยเมนฺโต ¶ อาห ‘‘กตฺถจี’’ติอาทิ. กณฺณิกา วุจฺจติ กูฏํ. หํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนนาติ หํสมณฺฑลาการฉนฺเนน. ตเทว ฉนฺนํ อฺตฺถ ¶ ‘‘สุปณฺณวงฺกจฺฉทน’’นฺติ วุตฺตํ. กูเฏน ยุตฺโต อคาโร, โสเยว สาลาติ กูฏาคารสาลา. ถมฺภปนฺตึ ปริกฺขิปิตฺวาติ ถมฺภมาลํ ปริวาเรตฺวา, ปริมณฺฑลากาเรน ถมฺภปนฺตึ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อุปฏฺานสาลา นาม ปยิรุปาสนสาลา. ยตฺถ อุปฏฺานมตฺตํ กโรนฺติ, น เอกรตฺตทิรตฺตาทิวเสน นิสีทนํ, อิธ ปน ตถา กตา นิสีทนสาลาเยวาติ ทสฺเสติ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทินา. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘สนฺนิปติตาน’’ นฺตฺเวว อวตฺวา ‘‘สนฺนิสินฺนาน’’นฺติปิ วุตฺตํ. มานิตพฺโพติ มาโฬ, มียติ ปมียตีติ วา มาโฬ. มณฺฑลากาเรน ปฏิจฺฉนฺโน มาโฬติ มณฺฑลมาโฬ, อเนกโกณวนฺโต ปฏิสฺสยวิเสโส. ‘‘สนฺนิสินฺนาน’’นฺติ นิสชฺชนวเสน วุตฺตํ, นิสชฺชนวเสน วา ‘‘สนฺนิสินฺนาน’’นฺติ สํวณฺเณตพฺพปทมชฺฌาหริตฺวา สมฺพนฺโธ. อิมินา นิสีทนอิริยาปถํ, กายสามคฺคีวเสน จ สโมธานํ สนฺธาย ปททฺวยเมตํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. สงฺขิยา วุจฺจติ กถา สมฺมา ขิยนโต กถนโต. กถาธมฺโมติ กถาสภาโว, อุปปริกฺขา วิธีติ เกจิ.
‘‘อจฺฉริย’’นฺติอาทิ ตสฺส รูปทสฺสนนฺติ อาห ‘‘กตโม ปน โส’’ติอาทิ. โสติ กถาธมฺโม. ‘‘นียตีติ นโย, อตฺโถ, สทฺทสตฺถํ อนุคโต นโย สทฺทนโย’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. นียติ อตฺโถ เอเตนาติ วา นโย, อุปาโย, สทฺทสตฺเถ อาคโต นโย อตฺถคหณูปาโย สทฺทนโย. ตตฺถ หิ อนภิณฺหวุตฺติเก อจฺฉริย-สทฺโท อิจฺฉิโต รุฬฺหิวเสน. เตเนวาห ‘‘อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหณํ วิยา’’ติอาทิ. ตสฺส หิ ตทาโรหณํ น นิจฺจํ, กทาจิเยว สิยา, เอวมิทมฺปิ. อจฺฉราโยคฺคํ อจฺฉริยํ นิรุตฺตินเยน โยคฺคสทฺทสฺส โลปโต, ตทฺธิตวเสน วา ณิยปจฺจยสฺส วิจิตฺรวุตฺติโต, โส ปน โปราณฏฺกถายเมว อาคตตฺตา ‘‘อฏฺกถานโย’’ติ วุตฺโต. ปุพฺเพ อภูตนฺติ อภูตปุพฺพํ, เอเตน น ภูตํ อภูตนฺติ นิพฺพจนํ, ภูต-สทฺทสฺส จ อตีตตฺถํ ทสฺเสติ. ยาวฺจิทนฺติ สนฺธิวเสน นิคฺคหิตาคโมติ อาห ‘‘ยาว จ อิท’’นฺติ, เอตสฺส จ ‘‘สุปฺปฏิวิทิตา’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. ยาว จยตฺตกํ อิทํ อยํ นานาธิมุตฺติกตา สุปฺปฏิวิทิตา, ตํ ‘‘เอตฺตกเมวา’’ติ น สกฺกา อมฺเหหิ ปฏิวิชฺฌิตุํ, อกฺขาตฺุจาติ สปาเสสตฺโถ. เตเนวาห ‘‘เตน สุปฺปฏิวิทิตตาย อปฺปเมยฺยตํ ทสฺเสตี’’ติ.
‘‘ภควตา’’ติอาทีหิ ¶ ปเทหิ สมานาธิกรณภาเวน วุตฺตตฺตา เตนาติ เอตฺถ ต-สทฺโท สกตฺถปฏินิทฺเทโส, ตสฺมา เยน อภิสมฺพุทฺธภาเวน ภควา ปกโต สมาโน สุปากโฏ นาม โหติ, ตทภิสมฺพุทฺธภาวํ สทฺธึ อาคมนปฏิปทาย ตสฺส อตฺถภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘โย โส’’ติอาทิมาห ¶ . น เหตฺถ โส ปุพฺเพ วุตฺโต อตฺถิ, โย อตฺโถ เตหิ เถเรหิ ต-สทฺเทน ปรามสิตพฺโพ ภเวยฺย. ตสฺมา ยถาวุตฺตคุณสงฺขาตํ สกตฺถํเยเวส ปธานภาเวน ปรามสตีติ ทฏฺพฺพํ. อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธินฺติ อคฺคมคฺคาณปทฏฺานํ อนาวรณาณํ, อนาวรณาณปทฏฺานฺจ อคฺคมคฺคาณํ. ตทุภยฺหิ สมฺมา อวิปรีตํ สยเมว พุชฺฌติ, สมฺมา วา ปสฏฺา สุนฺทรํ พุชฺฌตีติ สมฺมาสมฺโพธิ. สา ปน พุทฺธานํ สพฺพคุณสมฺปตฺตึ เทติ อภิเสโก วิย รฺโ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํ, ตสฺมา ‘‘อนุตฺตรา สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจติ. อภิสมฺพุทฺโธติ อพฺภฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ, เตน ตาทิเสน ภควตาติ อตฺโถ. สติปิ าณทสฺสนานํ อิธ ปฺาเววจนภาเว เตน เตน วิเสเสน เนสํ วิสยวิเสสปฺปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสํ เตสํ สตฺตาน’’นฺติอาทิมาห. เอตฺถ หิ ปมมตฺถํ อสาธารณาณวเสน ทสฺเสติ. อาสยานุสยาเณน ชานตา สพฺพฺุตานาวรณาเณหิ ปสฺสตาติ อตฺโถ.
ทุติยํ วิชฺชตฺตยวเสน. ปุพฺเพนิวาสาทีหีติ ปุพฺเพนิวาสาสวกฺขยาเณหิ. ตติยํ อภิฺานาวรณาณวเสน. อภิฺาปริยาปนฺเนปิ ‘‘ตีหิ วิชฺชาหี’’ติ ตาสํ ราสิเภททสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อนาวรณาณสงฺขาเตน สมนฺตจกฺขุนา ปสฺสตาติ อตฺโถ. จตุตฺถํ สพฺพฺุตฺาณมํสจกฺขุวเสน. ปฺายาติ สพฺพฺุตฺาเณน. กุฏฺฏสฺส ภิตฺติยา ติโร ปรํ, อนฺโต วา, ตทาทีสุ คตานิ. อติวิสุทฺเธนาติ อติวิย วิสุทฺเธน ปฺจวณฺณสมนฺนาคเตน สุนีลปาสาทิกอกฺขิโลมสมลงฺกเตน รตฺติฺเจว ทิวา จ สมนฺตา โยชนํ ปสฺสนฺเตน มํสจกฺขุนา. ปฺจมํ ปฏิเวธเทสนาาณวเสน. ‘‘อตฺตหิตสาธิกายา’’ติ เอกํสโต วุตฺตํ, ปริยายโต ปเนสา ปรหิตสาธิกาปิ โหติ. ตาย หิ ธมฺมสภาวปฏิจฺฉาทกกิเลสสมุคฺฆาตาย เทสนาาณาทิ สมฺภวติ. ปฏิเวธปฺายาติ อริยมคฺคปฺาย. วิปสฺสนาสหคโต สมาธิ ปทฏฺานํ ¶ อาสนฺนการณเมติสฺสาติ สมาธิปทฏฺานา, ตาย. เทสนาปฺายาติ เทสนากิจฺจนิปฺผาทเกน สพฺพฺุตฺาเณน. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ, ปฺจมารานํ วา, สาสนปจฺจตฺถิกานํ วา อฺติตฺถิยานํ. เตสํ หนนํ ปาฏิหาริเยหิ อภิภวนํ อปฺปฏิภานตากรณํ, อชฺฌุเปกฺขนฺจ มชฺฌิมปณฺณาสเก ปฺจมวคฺเค สงฺคีตํ จงฺกีสุตฺตฺเจตฺถ (ม. นิ. ๒.๔๒๒) นิทสฺสนํ, เอเตน อรโย หตา อเนนาติ นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธิมาห. อโต นาวจนสฺส ตาพฺยปฺปเทโส มหาวิสเยนาติ ทฏฺพฺพํ. อปิจ อรโย หนตีติ อนฺตสทฺเทน ปทสิทฺธิ, อิการสฺส จ อกาโร. ปจฺจยาทีนํ สมฺปทานภูตานํ, เตสํ วา ปฏิคฺคหณํ, ปฏิคฺคหิตุํ วา อรหตีติ อรหนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ปจฺจยาทีนฺจ อรหตฺตา’’ติ อิมินา. สมฺมาติ อวิปรีตํ. สามฺจาติ สยเมว, อปรเนยฺโย หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. กถํ ปเนตฺถ ‘‘สพฺพธมฺมาน’’นฺติ อยํ วิเสโส ลพฺภตีติ? สามฺโชตนาย ¶ วิเสเส อวฏฺานโต, วิเสสตฺถินา จ วิเสสสฺส อนุปโยเชตพฺพโต ยชฺเชวํ ‘‘ธมฺมาน’’นฺติ วิเสโสวานุปโยชิโต สิยา, กสฺมา สพฺพธมฺมานนฺติ อยมตฺโถ อนุปโยชียตีติ? เอกเทสสฺส อคฺคหณโต. ปเทสคฺคหเณ หิ อสติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตา วิฺายติ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ, เอส นโย อีทิเสสุ.
อิทานิ จ จตูหิ ปเทหิ จตุเวสารชฺชวเสน อตฺตนา อธิปฺเปตตรํ ฉฏฺมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนฺตรายิกธมฺเม วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตถา หิ ตเทว นิคมนํ กโรติ ‘‘เอว’’นฺติอาทินา. ตตฺถ อนฺตรายกรธมฺมาเณน ชานตา, นิยฺยานิกธมฺมาเณน ปสฺสตา, อาสวกฺขยาเณน อรหตา, สพฺพฺุตฺาเณน สมฺมาสมฺพุทฺเธนอาติ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพํ. อนตฺถจรเณน กิเลสา เอว อรโยติ กิเลสารโย, เตสํ กิเลสารีนํ. เอตฺถาห – ยสฺส าณสฺส วเสน สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ภควา สมฺมาสมฺพุทฺโธ นาม ชาโต, กึ ปนิทํ าณํ สพฺพธมฺมานํ พุชฺฌนวเสน ปวตฺตมานํ สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อุทาหุ กเมนาติ. กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, เอวํ สติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธาทิเภทภินฺนานํ สงฺขตธมฺมานํ, อสงฺขตสมฺมุติธมฺมานฺจ เอกชฺฌํ อุปฏฺาเน ทูรโต จิตฺตปฏํ เปกฺขนฺตสฺส วิย ปฏิภาเคนาวโพโธ น สิยา, ตถา จ สติ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ ¶ (อ. นิ. ๓.๑๓๗; ธ. ป. ๒๗๙; มหานิ. ๒๗; จูฬนิ. ๘, ๑๐; เนตฺติ. ๕) วิปสฺสนฺตานํ อนตฺตากาเรน วิย สพฺเพ ธมฺมา อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณวิสยา โหนฺตีติ อาปชฺชติ. เยปิ ‘‘สพฺพเยฺยธมฺมานํ ิติลกฺขณวิสยํ วิกปฺปรหิตํ สพฺพกาลํ พุทฺธานํ าณํ ปวตฺตติ, เตน เต ‘สพฺพวิทู’ติ วุจฺจนฺติ. เอวฺจ กตฺวา –
‘คจฺฉํ สมาหิโต นาโค, ิโต นาโค สมาหิโต;
เสยฺยํ สมาหิโต นาโค, นิสินฺโนปิ สมาหิโต’ติ. (อ. นิ. ๖.๔๓); –
อิทมฺปิ สพฺพทา าณปฺปวตฺติทีปกํ องฺคุตฺตราคเม นาโคปมสุตฺตวจนํ สุวุตฺตํ นาม โหตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ วาเท วุตฺตโทสา นาติวตฺติ. ิติลกฺขณารมฺมณตาย จ อตีตานาคตธมฺมานํ ตทภาวโต เอกเทสวิสยเมว ภควโต าณํ สิยา, ตสฺมา สกิฺเว สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ ปวตฺตตีติ น ยุชฺชติ. อถ กเมน สพฺพสฺมิมฺปิ วิสเย าณํ ปวตฺตติ, เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน, ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เยฺเย กเมน ¶ คยฺหมาเน ตสฺส อนวเสสปฏิเวโธ สมฺภวติ อปริยนฺตภาวโต เยฺยสฺส. เย ปน ‘‘อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปเนน สพฺพฺู นาม ภควา ชาโต, ตฺจ าณํ น อนุมานิกํ นาม สํสยาภาวโต. สํสยานุพทฺธฺหิ าณํ โลเก อนุมานิก’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ ตํ น ยุตฺตเมว. สพฺพสฺส หิ อปฺปจฺจกฺขภาเว อตฺถาวิสํวาทเนน เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปนสฺเสว อสมฺภวโต ตถา อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ. ยฺหิ เสสํ, ตทปจฺจกฺขเมว, อถ ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ, ตสฺส เสสภาโว เอว น สิยา, อปริยนฺตภาวโต เยฺยสฺส ตถาววตฺถิตุเมว น สกฺกาติ? สพฺพเมตํ อการณํ. กสฺมา? อวิสยวิจารณภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘พุทฺธานํ ภิกฺขเว, พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ, ยํ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗) อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – ยํ กิฺจิ ภควตา าตุํ อิจฺฉิตํ, สกลเมกเทโส วา, ตตฺถ ตตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ นิจฺจสมาธานฺจ วิกฺเขปาภาวโต, าตุํ อิจฺฉิตสฺส จ สกลสฺส อวิสยภาเว ตสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติตา น สิยา, เอกนฺเตเนว ¶ สา อิจฺฉิตพฺพา, สพฺเพ ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อาวชฺชนปฏิพทฺธา อากงฺขาปฏิพทฺธา มนสิการปฏิพทฺธา จิตฺตุปฺปาทปฏิพทฺธาติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) วจนโต. อตีตานาคตวิสยมฺปิ ภควโต าณํ อนุมานาคมตกฺกคหณวิรหิตตฺตา ปจฺจกฺขเมว.
นนุ จ เอตสฺมิมฺปิ ปกฺเข ยทา สกลํ าตุํ อิจฺฉิตํ, ตทา สกึเยว สกลวิสยตาย อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺเตยฺยาติ วุตฺตโทสา นาติวตฺติเยวาติ? น, ตสฺส วิโสธิตตฺตา. วิโสธิโต หิ โส พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. อฺถา ปจุรชนาณสมานวุตฺติตาย พุทฺธานํ ภควนฺตานํ าณสฺส อจินฺเตยฺยตา น สิยา, ตสฺมา สกลธมฺมารมฺมณมฺปิ ตํ เอกธมฺมารมฺมณํ วิย สุววตฺถาปิเตเยว เต ธมฺเม กตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมตฺถ อจินฺเตยฺยํ, ‘‘ยาวตกํ เนยฺยํ, ตาวตกํ าณํ. ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เนยฺยํ. เนยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เนยฺยํ. เนยฺยํ อติกฺกมิตฺวา าณํ นปฺปวตฺตติ, าณํ อติกฺกมิตฺวา เนยฺยปโถ นตฺถิ. อฺมฺปริยนฺตฏฺายิโน เต ธมฺมา, ยถา ทฺวินฺนํ สมุคฺคปฏลานํ สมฺมา ผุสิตานํ เหฏฺิมํ สมุคฺคปฏลํ อุปริมํ นาติวตฺตติ, อุปริมํ สมุคฺคปฏลํ เหฏฺิมํ นาติวตฺตติ. อฺมฺปริยนฺตฏฺายิโน, เอวเมว พุทฺธสฺส ภควโต เนยฺยฺจ าณฺจ อฺมฺปริยนฺตฏฺายิโน…เป… เต ธมฺมา’’ติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) เอวเมกชฺฌํ, วิสุํ, สกึ, กเมน วา อิจฺฉานุรูปํ ¶ ปวตฺตสฺส ตสฺส าณสฺส วเสน สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ภควา สมฺมาสมฺพุทฺโธ นาม ชาโตติ.
อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – านาานาทีนิ ฉพฺพิสยานิ ฉหิ าเณหิ ชานตา, ยถากมฺมูปเค สตฺเต จุตูปปาตทิพฺพจกฺขุาเณหิ ปสฺสตา, สวาสนานมาสวานํ อาสวกฺขยาเณน ขีณตฺตา อรหตา, ฌานาทิธมฺเม สํกิเลสโวทานวเสน สามํเยว อวิปรีตาวโพธโต สมฺมาสมฺพุทฺเธน, เอวํ ทสพลาณวเสน จตูหากาเรหิ โถมิเตน. อปิจ ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณตาย ชานตา, ติณฺณมฺปิ กมฺมานํ าณานุปริวตฺติโต นิสมฺมการิตาย ปสฺสตา, ทวาทีนํ ฉนฺนมภาวสาธิกาย ปหานสมฺปทาย อรหตา, ฉนฺทาทีนํ ฉนฺนมหานิเหตุภูตาย อปริกฺขยปฏิภานสาธิกาย สพฺพฺุตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธน ¶ , เอวํ อฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺมวเสน (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕) จตูหากาเรหิ โถมิเตนาติ เอวมาทินา เตสํ เตสํ าณทสฺสนปหานโพธนตฺเถหิ สงฺคหิตานํ พุทฺธคุณานํ วเสน โยชนา กาตพฺพาติ.
จตุเวสารชฺชํ สนฺธาย ‘‘จตูหากาเรหี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘โถมิเตนา’’ติ เอเตน อิเมสํ ‘‘ภควตา’’ติ ปทสฺส วิเสสนตํ ทสฺเสติ. ยทิปิ หีนปณีตเภเทน ทุวิธาว อธิมุตฺติ ปาฬิยํ วุตฺตา, ปวตฺติอาการวเสน ปน อเนกเภทภินฺนาวาติ อาห ‘‘นานาธิมุตฺติกตา’’ติ. สา ปน อธิมุตฺติ อชฺฌาสยธาตุเยว, ตทปิ ตถา ตถา ทสฺสนํ, ขมนํ, โรจนฺจาติ อตฺถํ วิฺาเปติ ‘‘นานชฺฌาสยตา’’ติ อิมินา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘นานาธิมุตฺติกตา นานชฺฌาสยตา นานาทิฏฺิกตา นานกฺขนฺติตา นานารุจิตา’’ติ. ‘‘ยาวฺจิท’’นฺติ เอตสฺส ‘‘สุปฺปฏิวิทิตา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ตตฺถ จ อิทนฺติ ปทปูรณมตฺตํ, ‘‘นานาธิมุตฺติกตา’’ติ เอเตน วา ปเทน สมานาธิกรณํ, ตสฺสตฺโถ ปน ปากโฏเยวาติ อาห ‘‘ยาว จ สุฏฺุ ปฏิวิทิตา’’ติ.
‘‘ยา จ อย’’นฺติอาทินา ธาตุสํยุตฺตปาฬึ ทสฺเสนฺโต ตเทว สํยุตฺตํ มนสิ กริตฺวา เตสํ อวณฺณวณฺณภาสเนน สทฺธึ ฆเฏตฺวา เถรานมยํ สงฺขิยธมฺโม อุทปาทีติ ทสฺเสติ. อโต อสฺส ภควโต ธาตุสํยุตฺตเทสนานเยน ตาสํ สุปฺปฏิวิทิตภาวํ สมตฺถนวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ หี’’ติอาทิมาหาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สุปฺปฏิวิทิตภาวสมตฺถนฺหิ ‘‘อยํ หี’’ติอาทิวจนํ. ตตฺถ ยา อยํ นานาธิมุตฺติกตา…เป… รุจิตาติ สมฺพนฺโธ. ธาตุโสติ อชฺฌาสยธาตุยา. สํสนฺทนฺตีติ สมฺพนฺเธนฺติ วิสฺสาเสนฺติ. สเมนฺตีติ สมฺมา, สห วา ภวนฺติ. ‘‘หีนาธิมุตฺติกา’’ติอาทิ ¶ ตถาภาววิภาวนํ. อตีตมฺปิ อทฺธานนฺติ อตีตสฺมึ กาเล, อจฺจนฺตสํโยเค วา เอตํ อุปโยควจนํ. นานาธิมุตฺติกตา-ปทสฺส นานชฺฌาสยตาติ อตฺถวจนํ. นานาทิฏฺิ…เป… รุจิตาติ ตสฺส สรูปทสฺสนํ. สสฺสตาทิลทฺธิวเสน นานาทิฏฺิกตา. ปาปาจารกลฺยาณาจาราทิปกติวเสน นานกฺขนฺติตา. ปาปิจฺฉาอปฺปิจฺฉาทิวเสน นานารุจิตา. นาฬิยาติ ตุมฺเพน, อาฬฺหเกน วา. ตุลายาติ มาเนน. นานาธิมุตฺติกตาาณนฺติ เจตฺถ สพฺพฺุตฺาณเมว อธิปฺเปตํ, น ทสพลาณนฺติ อาห ¶ ‘‘สพฺพฺุตฺาเณนา’’ติ. เอวํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓) วุตฺตํ, อภิธมฺมฏฺกถายํ, ทสพลสุตฺตฏฺกถาสุ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๙; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๑; วิภ. อฏฺ. ๘๓๑) จ เอวมาคตํ.
ปรวาที ปนาห ‘‘ทสพลาณํ นาม ปาฏิเยกฺกํ นตฺถิ, สพฺพฺุตฺาณสฺเสวายํ ปเภโท’’ติ, ตํ ตถา น ทฏฺพฺพํ. อฺเมว หิ ทสพลาณํ, อฺํ สพฺพฺุตฺาณํ. ทสพลาณฺหิ สกกิจฺจเมว ชานาติ, สพฺพฺุตฺาณํ ปน ตมฺปิ ตโต อวเสสมฺปิ ชานาติ. ทสพลาเณสุ หิ ปมํ การณาการณเมว ชานาติ, ทุติยํ กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมว, ตติยํ กมฺมปริจฺเฉทเมว, จตุตฺถํ ธาตุนานตฺตการณเมว, ปฺจมํ สตฺตานมชฺฌาสยาธิมุตฺติเมว, ฉฏฺํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวเมว, สตฺตมํ ฌานาทีหิ สทฺธึ เตสํ สํกิเลสาทิเมว, อฏฺมํ ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติเมว, นวมํ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิเมว, ทสมํ สจฺจปริจฺเฉทเมว, สพฺพฺุตฺาณํ ปน เอเตหิ ชานิตพฺพฺจ ตโต อุตฺตริฺจ ชานาติ, เอเตสํ ปน กิจฺจํ น สพฺพํ กโรติ. ตฺหิ ฌานํ หุตฺวา อปฺเปตุํ น สกฺโกติ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สกฺโกติ, มคฺโค หุตฺวา กิเลเส เขเปตุํ น สกฺโกติ. อปิจ ปรวาที เอวํ ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘ทสพลาณํ นาม เอตํ สวิตกฺกสวิจารํ อวิตกฺกวิจารมตฺตํ อวิตกฺกอวิจารํ, กามาวจรํ รูปาวจรํ อรูปาวจรํ, โลกิยํ โลกุตฺตร’’นฺติ. ชานนฺโต ปฏิปาฏิยา สตฺต าณานิ ‘‘สวิตกฺกสวิจารานี’’ติ วกฺขติ, ตโต ปรานิ ทฺเว ‘‘อวิตกฺกอวิจารานี’’ติ วกฺขติ, อาสวกฺขยาณํ ‘‘สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, สิยา อวิตกฺกอวิจาร’’นฺติ วกฺขติ, ตถา ปฏิปาฏิยา สตฺต กามาวจรานิ, ตโต ปรํ ทฺเว รูปาวจรานิ, อวสาเน เอกํ ‘‘โลกุตฺตร’นฺติ วกฺขติ, สพฺพฺุตฺาณํ ปน สวิตกฺกสวิจารเมว, กามาวจรเมว, โลกิยเมวาติ. อิติ อฺเทว ทสพลาณํ, อฺํ สพฺพฺุตฺาณนฺติ, ตสฺมา ปฺจมพลาณสงฺขาเตน นานาธิมุตฺติกตาาเณน จ สพฺพฺุตฺาเณน จ วิทิตาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. จ-กาโรปิ หิ โปตฺถเกสุ ทิสฺสติ. สาติ ยถาวุตฺตา นานาธิมุตฺติกตา. ‘‘ทฺเวปิ นามา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตสุตฺตสฺสตฺถํ ¶ สงฺเขเปน ทสฺเสตฺวา ‘‘อิเมสุ จาปี’’ติอาทินา ตสฺส สงฺขิยธมฺมสฺส ตทภิสมฺพนฺธตํ อาวิ กโรติ. อิติ ห เมติ เอตฺถ เอวํสทฺทตฺเถ อิติ-สทฺโท, ห-กาโร นิปาตมตฺตํ, อาคโม วา. สนฺธิวเสน ¶ อิการโลโป, อการาเทโส วาติ ทสฺเสติ ‘‘เอวํ อิเม’’ติ อิมินา.
๔. ‘‘วิทิตฺวา’’ติ เอตฺถ ปกติยตฺถภูตา วิชานนกิริยา สามฺเน อเภทวตีปิ สมานา ตํตํกรณโยคฺยตาย อเนกปฺปเภทาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วตฺถูนีติ ฆรวตฺถูนิ. ‘‘สพฺพฺุตฺาเณน ทิสฺวา อฺาสี’’ติ จ โวหารวจนมตฺตเมตํ. น หิ เตน ทสฺสนโต อฺํ ชานนํ นาม นตฺถิ. ตทิทํ าณํ อาวชฺชนปฏิพทฺธํ อากงฺขาปฏิพทฺธํ มนสิการปฏิพทฺธํ จิตฺตุปฺปาทปฏิพทฺธํ หุตฺวา ปวตฺตติ. กึ นาม กโรนฺโต ภควา เตน าเณน อาวชฺชนาทิปฏิพทฺเธน อฺาสีติ โสตูนมตฺถสฺส สุวิฺาปนตฺถํ ปรมฺมุขา วิย โจทนํ สมุฏฺาเปติ ‘‘กึ กโรนฺโต อฺาสี’’ติ อิมินา, ปจฺฉิมยามกิจฺจํ กโรนฺโต ตํ าณํ อาวชฺชนาทิปฏิพทฺธํ หุตฺวา เตน ตถา อฺาสีติ วุตฺตํ โหติ. สามฺสฺมึ สติ วิเสสวจนํ สาตฺถกํ สิยาติ อนุโยเคนาห ‘‘กิจฺจฺจนาเมต’’นฺติอาทิ. อรหตฺตมคฺเคน สมุคฺฆาตํ กตํ ตสฺส สมุฏฺาปกกิเลสสมุคฺฆาฏเนน, ยโต ‘‘นตฺถิ อพฺยาวฏมโน’’ติ อฏฺารสสุ พุทฺธธมฺเมสุ วุจฺจติ. นิรตฺถโก จิตฺตสมุทาจาโร นตฺถีติ เหตฺถ อตฺโถ. เอวมฺปิ วุตฺตานุโยโค ตทวตฺโถเยวาติ โจทนมปเนติ ‘‘ตํ ปฺจวิธ’’นฺติอาทินา. ตตฺถ ปุริมกิจฺจทฺวยํ ทิวสภาควเสน, อิตรตฺตยํ รตฺติภาควเสน คเหตพฺพํ ตถาเยว วกฺขมานตฺตา.
‘‘อุปฏฺากานุคฺคหณตฺถํ, สรีรผาสุกตฺถฺจา’’ติ เอเตน อเนกกปฺปสมุปจิตปฺุสมฺภารชนิตํ ภควโต มุขวรํ ทุคฺคนฺธาทิโทสํ นาม นตฺถิ, ตทุภยตฺถเมว ปน มุขโธวนาทีนิ กโรตีติ ทสฺเสติ. สพฺโพปิ หิ พุทฺธานํ กาโย พาหิรพฺภนฺตเรหิ มเลหิ อนุปกฺกิลิฏฺโ สุโธตมณิ วิย โหติ. วิวิตฺตาสเนติ ผลสมาปตฺตีนมนุรูเป วิเวกานุพฺรูหนาสเน. วีตินาเมตฺวาติ ผลสมาปตฺตีหิ วีตินามนํ วุตฺตํ, ตมฺปิ น วิเวกนินฺนตาย, ปเรสฺจ ทิฏฺานุคติ อาปชฺชนตฺถํ. สุรตฺตทุปฏฺฏํ อนฺตรวาสกํ วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสน นิวาเสตฺวา วิชฺชุลตาสทิสํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา เมฆวณฺณํ สุคตจีวรํ ปารุปิตฺวา เสลมยปตฺตํ อาทายาติ อธิปฺปาโย. ตถาเยว หิ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺโต. ‘‘กทาจิ เอกโก’’ติอาทิ ¶ เตสํ เตสํ วิเนยฺยานํ วินยนานุกูลํ ภควโต อุปสงฺกมนทสฺสนํ. คามํ วา นิคมํ วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ, เตน นครมฺปิ วิกปฺเปติ. ยถารุจิ วตฺตมาเนหิ อเนเกหิ ปาฏิหาริเยหิ ปวิสตีติ สมฺพนฺโธ.
‘‘เสยฺยถิท’’นฺติอาทินา ¶ ปจฺฉิมปกฺขํ วิตฺถาเรติ. เสยฺยถิทนฺติ จ ตํ กตมนฺติ อตฺเถ นิปาโต, อิทํ วา สปฺปาฏิหีรปวิสนํ กตมนฺติปิ วฏฺฏติ. มุทุคตวาตาติ มุทุภูตา, มุทุภาเวน วา คตา วาตา. อุทกผุสิตานีติ อุทกพินฺทูนิ. มฺุจนฺตาติ โอสิฺจนฺตา. เรณุํ วูปสเมตฺวาติ รชํ สนฺนิสีทาเปตฺวา อุปริ วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺติ จณฺฑ-วาตาตป-หิมปาตาทิ-หรเณน วิตานกิจฺจนิปฺผาทกตฺตา, ตโต ตโต หิมวนฺตาทีสุ ปุปฺผูปครุกฺขโต อุปสํหริตฺวาติ อตฺถสฺส วิฺายมานตฺตา ตถา น วุตฺตํ. สมภาคกรณมตฺเตน โอนมนฺติ, อุนฺนมนฺติ จ, ตโตเยว ปาทนิกฺเขปสมเย สมาว ภูมิ โหติ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ สกฺขรกถลกณฺฏกสงฺกุกลลาทิอปคมนสฺสาปิ สมฺภวโต, ตฺจ สุปฺปติฏฺิตปาทตาลกฺขณสฺส นิสฺสนฺทผลํ, น อิทฺธินิมฺมานํ. ปทุมปุปฺผานิ วาติ เอตฺถ วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ, เตน ‘‘ยทิ ยถาวุตฺตนเยน สมา ภูมิ โหติ, เอวํ สติ ตานิ น ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ตถา ปน อสติเยว ปฏิคฺคณฺหนฺตี’’ติ ภควโต ยถารุจิ ปวตฺตนํ ทสฺเสติ. สพฺพทาว ภควโต คมนํ ปมํ ทกฺขิณปาทุทฺธรณสงฺขาตานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตนฺติ อาห ‘‘ปิตมตฺเต ทกฺขิณปาเท’’ติ. พุทฺธานํ สพฺพทกฺขิณตาย ตถา วุตฺตนฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร,(ที. นิ. ฏี. ๑.๔) อาจริยสาริปุตฺตตฺเถโร (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๕๓) จ วทติ, สพฺเพสํ อุตฺตมตาย เอวํ วุตฺตนฺติ อตฺโถ. เอวํ สติ อุตฺตมปุริสานํ ตถาปกติตายาติ อาปชฺชติ. ปิตมตฺเต นิกฺขมิตฺวา ธาวนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อิทฺจ ยาวเทว วิเนยฺยชนวินยนตฺถํ สตฺถุ ปาฏิหาริยนฺติ เตสํ ทสฺสนฏฺานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘ฉพฺพณฺณรสฺมิโย’’ติ วตฺวาปิ ‘‘สุวณฺณรสปิฺชรานิ วิยา’’ติ วจนํ ภควโต สรีเร ปีตาภาย เยภุยฺยตายาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘รส-สทฺโท เจตฺถ อุทกปริยาโย, ปิฺชร-สทฺโท เหมวณฺณปริยาโย, สุวณฺณชลธารา วิย สุวณฺณวณฺณานีติ อตฺโถ’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.พุทฺธาจิณฺณกถา.๒๒) สารตฺถทีปนิยํ วุตฺตํ. ปาสาทกูฏาคาราทีนิ เตสุ เตสุ คามนิคมาทีสุ สํวิชฺชมานานิ อลงฺกโรนฺติโย หุตฺวา.
‘‘ตถา’’ติอาทินา ¶ สยเมว ธมฺมตาวเสน เตสํ สทฺทกรณํ ทสฺเสติ. ตทา กายํ อุปคจฺฉนฺตีติ กายูปคานิ, น ยตฺถ กตฺถจิ ิตานิ. ‘‘อนฺตรวีถิ’’นฺติ อิมินา ภควโต ปิณฺฑาย คมนานุรูปวีถึ ทสฺเสติ. น หิ ภควา โลลุปฺปจารปิณฺฑจาริโก วิย ยตฺถ กตฺถจิ คจฺฉติ. เย ปมํ คตา, เย วา ตทนุจฺฉวิกํ ปิณฺฑปาตํ ทาตุํ สมตฺถา, เต ภควโตปิ ปตฺตํ คณฺหนฺตีติ เวทิตพฺพํ. ปฏิมาเนนฺตีติ ปติสฺสมานสา ปูเชนฺติ, ภควนฺตํ วา ปฏิมานาเปนฺติ ปฏิมานนฺตํ กโรนฺติ. โวหารมตฺตฺเจตํ, ภควโต ปน อปฏิมานนา นาม นตฺถิ. จิตฺตสนฺตานานีติ อตีเต, เอตรหิ จ ปวตฺตจิตฺตสนฺตานานิ. ยถา เกจิ อรหตฺเต ปติฏฺหนฺติ, ตถา ธมฺมํ เทเสตีติ สมฺพนฺโธ. เกจิ ปพฺพชิตฺวาติ จ อรหตฺตสมาปนฺนานํ ปพฺพชฺชาสงฺเขปคตทสฺสนตฺถํ ¶ , น ปน คิหีนํ อรหตฺตสมาปนฺนตาปฏิกฺเขปนตฺถํ. อยฺหิ อรหตฺตปฺปตฺตานํ คิหีนํ สภาโว, ยา ตทเหว ปพฺพชฺชา วา, กาลํ กิริยาวาติ. ตถา หิ วุตฺตํ อายสฺมตา นาคเสนตฺเถเรน ‘‘วิสมํ มหาราช, คิหิลิงฺคํ, วิสเม ลิงฺเค ลิงฺคทุพฺพลตาย อรหตฺตํ ปตฺโต คิหี ตสฺมึเยว ทิวเส ปพฺพชติ วา ปรินิพฺพายติ วา เนโส มหาราช, โทโส อรหตฺตสฺส, คิหิลิงฺคสฺเสเวโส โทโส ยทิทํ ลิงฺคทุพฺพลตา’’ติ (มิ. ป. ๕.๒.๒) สพฺพํ วตฺตพฺพํ. เอตฺถ จ สปฺปาฏิหีรปฺปเวสนสมฺพนฺเธเนว มหาชนานุคฺคหณํ ทสฺสิตํ, อปฺปาฏิหีรปฺปเวสเนน จ ปน ‘‘เต สุนิวตฺถา สุปารุตา’’ติอาทิวจนํ ยถารหํ สมฺพนฺธิตฺวา มหาชนานุคฺคหณํ อตฺถโต วิภาเวตพฺพํ โหติ. ตมฺปิ หิ ปุเรภตฺตกิจฺจเมวาติ. อุปฏฺานสาลา เจตฺถ มณฺฑลมาโฬ. ตตฺถ คนฺตฺวา มณฺฑลมาเฬติ อิธ ปาโ ลิขิโต. ‘‘คนฺธมณฺฑลมาเฬ’’ติปิ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๕๓) มโนรถปูรณิยา ทิสฺสติ, ตฏฺฏีกายฺจ ‘‘จตุชฺชาติยคนฺเธน ปริภณฺเฑ มณฺฑลมาเฬ’’ติ วุตฺตํ. คนฺธกุฏึ ปวิสตีติ จ ปวิสนกิริยาสมฺพนฺธตาย, ตสฺสมีปตาย จ วุตฺตํ, ตสฺมา ปวิสิตุํ คจฺฉตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, น ปน อนฺโต ติฏฺตีติ. เอวฺหิ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิวจนํ (ที. นิ. ๑.๔) สูปปนฺนํ โหติ.
อถ โขติ เอวํ คนฺธกุฏึ ปวิสิตุํ คมนกาเล. อุปฏฺาเนติ สมีปปเทเส. ‘‘ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปาทปีเ ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทตี’’ติ เอตฺถ ปาเท ปกฺขาเลนฺโตว ปาทปีเ ติฏฺนฺโต โอวทตีติ เวทิตพฺพํ. เอตทตฺถํเยว ¶ หิ ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสานํ อาคมยมาโน นิสีทิ. ทุลฺลภา สมฺปตฺตีติ สติปิ มนุสฺสตฺตปฏิลาเภ ปติรูปเทสวาสอินฺทฺริยาเวกลฺลสทฺธาปฏิลาภาทโย สมฺปตฺติสงฺขาตา คุณา ทุลฺลภาติ อตฺโถ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘ทุลฺลภา สทฺธาสมฺปตฺตี’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส อยุตฺโตว. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปาทปีเ ตฺวา โอวทนกาเล, เตสุ วา ภิกฺขูสุ, รตฺติยา วสนํ านํ รตฺติฏฺานํ, ตถา ทิวาานํ. ‘‘เกจี’’ติอาทิ ตพฺพิวรณํ. จาตุมหาราชิกภวนนฺติ จาตุมหาราชิกเทวโลเก สฺุวิมานานิ สนฺธาย วุตฺตํ. เอส นโย ตาวตึสภวนาทีสุปิ. ตโต ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ตโย ภาเค กตฺวา ปมภาเค สเจ อากงฺขติ, ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ, สเจ นากงฺขติ, พุทฺธาจิณฺณํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, อถ ยถากาลปริจฺเฉทํ ตโต วุฏฺหิตฺวา ทุติยภาเค ปจฺฉิมยามสฺส ตติยโกฏฺาเส วิย โลกํ โวโลเกติ เวเนยฺยานํ าณปริปากํ ปสฺสิตุํ, เตนาห ‘‘สเจ อากงฺขตี’’ติอาทิ. สีหเสยฺยนฺติอาทีนมตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตว. ยฺหิ อปุพฺพํ ปทํ อนุตฺตานํ, ตเทว วณฺณยิสฺสาม. สมฺมา อสฺสาสิตพฺโพติ คาหาปนวเสน อุปตฺถมฺภิตพฺโพติ สมสฺสาสิโต. ตาทิโส กาโย ยสฺสาติ ตถา. ธมฺมสฺสวนตฺถํ สนฺนิปตติ. ตสฺสา ปริสาย จิตฺตาจารํ ตฺวา กตภาวํ สนฺธายาห ¶ ‘‘สมฺปตฺตปริสายอนุรูเปน ปาฏิหาริเยนา’’ติ. ยตฺถ ธมฺมํ สห ภาสนฺติ, สา ธมฺมสภา นาม. กาลยุตฺตนฺติ ‘‘อิมิสฺสา เวลาย อิมสฺส เอวํ วตฺตพฺพ’’นฺติ ตํตํกาลานุรูปํ. สมยยุตฺตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ, อฏฺุปฺปตฺติอนุรูปํ วา สมยยุตฺตํ. อถ วา สมยยุตฺตนฺติ เหตุทาหรเณหิ ยุตฺตํ. กาเลน สาปเทสฺหิ ภควา ธมฺมํ เทเสติ. กาลํ วิทิตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชติ, น ยาว สมนฺธการา ธมฺมํ เทเสตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘สมยํ วิทิตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชสี’’ติปิ กตฺถจิ ปริยายวจนปาโ ทิสฺสติ, โส ปจฺฉา ปมาทลิขิโต.
คตฺตานีติ กาโยเยว อเนกาวยวตฺตา วุตฺโต. ‘‘อุตุํ คณฺหาเปตี’’ติ อิมินา อุตุคณฺหาปนตฺถเมว โอสิฺจนํ, น ปน มลวิกฺขาลนตฺถนฺติ ทสฺเสติ. น หิ ภควโต กาเย รโชชลฺลํ อุปลิมฺปตีติ. จตุชฺชาติเกน คนฺเธน ปริภาวิตา กุฏี คนฺธกุฏี. ตสฺสา ปริเวณํ ตถา. ผลสมาปตฺตีหิ มุหุตฺตํ ปฏิสลฺลีโน. ตโต ตโตติ อตฺตโน อตฺตโน ¶ รตฺติฏฺานทิวาานโต, อุปคนฺตฺวา, สมีเป วา านํ อุปฏฺานํ, ภชนํ เสวนนฺติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตสฺมึ นิสีทนฏฺาเน, ปุริมยาเม วา, เตสุ วา ภิกฺขูสุ.
ปฺหากถนาทิวเสน อธิปฺปายํ สมฺปาเทนฺโต ‘‘ทสสหสฺสิโลกธาตู’’ติ เอวํ อวตฺวา ตสฺสา อเนกาวยวสงฺคหณตฺถํ ‘‘สกลทสสหสฺสิโลกธาตู’’ติ วุตฺตํ. ปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปุริมยาเมสุ มนุสฺสปริสาพาหุลฺลโต โอกาสํ อลภิตฺวา อิทานิ มชฺฌิมยาเมเยว โอกาสํ ลภมานา, ภควตา วา กโตกาสตาย โอกาสํ ลภมานาติ อธิปฺปาโย. กีทิสํ ปน ปุจฺฉนฺตีติ อาห ‘‘ยถาภิสงฺขตํ อนฺตมโส จตุรกฺขรมฺปี’’ติ. ยถาภิสงฺขตนฺติ อภิสงฺขตานุรูปํ, ตทนติกฺกมฺม วา, เอเตน ยถา ตถา อตฺตโน ปฏิภานานุรูปํ ปุจฺฉนฺตีติ ทสฺเสติ.
ปจฺฉาภตฺตกาลสฺส ตีสุ ภาเคสุ ปมภาเค สีหเสยฺยากปฺปนํ เอกนฺตํ น โหตีติ อาห ‘‘ปุเรภตฺตโต ปฏฺาย นิสชฺชาย ปีฬิตสฺส สรีรสฺสา’’ติ. เตเนว หิ ปุพฺเพ ‘‘สเจ อากงฺขตี’’ติ ตทา สีหเสยฺยากปฺปนสฺส อนิพทฺธตา วิภาวิตา. กิลาสุภาโว กิลมโถ. สรีรสฺส กิลาสุภาวโมจนตฺถํ จงฺกเมน วีตินาเมติ สีหเสยฺยํ กปฺเปตีติ สมฺพนฺโธ. พุทฺธจกฺขุนาติ อาสยานุสยอินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณสงฺขาเตน ปฺจมฉฏฺพลภูเตน พุทฺธจกฺขุนา. เตน หิ โลกโวโลกนพาหุลฺลตาย ตํ ‘‘พุทฺธจกฺขู’’ติ วุจฺจติ, อิทฺจ ปจฺฉิมยาเม ภควโต พหุลํ อาจิณฺณวเสน วุตฺตํ. อปฺเปกทา อวสิฏฺพลาเณหิ, สพฺพฺุตฺาเณเนว จ ภควา ตมตฺถํ สาเธติ.
‘‘ปจฺฉิมยามกิจฺจํ ¶ กโรนฺโต อฺาสี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตมตฺถํ สมตฺเถนฺโต ‘‘ตสฺมึ ปน ทิวเส’’ติอาทิมาห. พุทฺธานํ ภควนฺตานํ ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺตานํ อิทํ ปฺจวิธํ กิจฺจํ อวิชหิตเมว โหติ สพฺพกาลํ สุปฺปติฏฺิตสติสมฺปชฺตฺตา, ตสฺมา ตทเหปิ ตทวิชหนภาวทสฺสนตฺถํ อิธ ปฺจวิธกิจฺจปโยชนนฺติ ทฏฺพฺพํ. จงฺกมนฺติ ตตฺถ จงฺกมนานุรูปฏฺานํ. จงฺกมมาโน อฺาสีติ โยเชตพฺพํ. ปุพฺเพ วุตฺเต อตฺถทฺวเย ปจฺฉิมตฺถฺเว คเหตฺวา ‘‘สพฺพฺุตฺาณํ อารพฺภา’’ติ วุตฺตํ. ปุริมตฺโถ หิ ปกรณาธิคตตฺตา สุวิฺเยฺโยติ.
‘‘อถ ¶ โข ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ อิมํ สงฺขิยธมฺมํ วิทิตฺวา เยน มณฺฑลมาโฬ, เตนุปสงฺกมี’’ติ อยํ สาวเสสปาโ, ตสฺมา เอตํ วิทิตฺวา, เอวํ จินฺเตตฺวา จ อุปสงฺกมีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺวา จ ปนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อสฺส เอตทโหสีติ อสฺส ภควโต เอตํ ปริวิตกฺกนํ, เอโส วา เจตโส ปริวิตกฺโก อโหสิ, ลิงฺควิปลฺลาโสยํ ‘‘เอตทคฺค’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๑๘๘ อาทโย) วิย. สพฺพฺุตฺาณกิจฺจํ น สพฺพถา ปากฏํ. นิรนฺตรนฺติ อนุปุพฺพาโรจนวเสน นิพฺพิวรํ, ยถาภาสิตสฺส วา อาโรจนวเสน นิพฺพิเสสํ. ภาวนปุํสกฺเจตํ. ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวาติ ตํ ยถาโรจิตํ วจนํ อิมสฺส สุตฺตสฺส อุปฺปตฺติการณํ กตฺวา, อิมสฺส วา สุตฺตสฺส เทสนาย อุปฺปนฺนํ การณํ กตฺวาติปิ อตฺโถ. อตฺถ-สทฺโท เจตฺถ การเณ, เตน อิมสฺส สุตฺตสฺส อฏฺุปฺปตฺติกํ นิกฺเขปํ ทสฺเสติ. ทฺวาสฏฺิยา าเนสูติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตฏฺาเนสุ. อปฺปฏิวตฺติยนฺติ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมึ อนิวตฺติยํ. สีหนาทํ นทนฺโตติ เสฏฺนาทสงฺขาตํ อภีตนาทํ นทนฺโต. ยํ ปน โลกิยา วทนฺติ –
‘‘อุตฺตรสฺมึ ปเท พฺยคฺฆปุงฺคโวสภกฺุชรา;
สีหสทฺทูลนาคาทฺยา, ปุเม เสฏฺตฺถโคจรา’’ติ.
ตํ เยภุยฺยวเสนาติ ทฏฺพฺพํ. สีหนาทสทิสํ วา นาทํ นทนฺโต. อยมตฺโถ สีหนาทสุตฺเตน (อ. นิ. ๖.๖๔; ๑๐.๒๑) ทีเปตพฺโพ. ยถา วา เกสโร มิคราชา สหนโต, หนนโต, จ ‘‘สีโห’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ตถาคโตปิ โลกธมฺมานํ สหนโต, ปรปฺปวาทานํ หนนโต จ ‘‘สีโห’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา สีหสฺส ตถาคตสฺส นาทํ นทนฺโตติปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยถา หิ สีโห สีหพเลน สมนฺนาคโต สพฺพตฺถ วิสารโท วิคตโลมหํโส สีหนาทํ นทติ, เอวํ ตถาคตสีโหปิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต อฏฺสุ ปริสาสุ วิสารโท วิคตโลมหํโส ‘‘อิเม ทิฏฺิฏฺานา’’ติอาทินา นเยน นานาวิธเทสนาวิลาสสมฺปนฺนํ สีหนาทํ นทติ ¶ . ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สีโหติ โข ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ยํ โข ภิกฺขเว, ตถาคโต ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, อิทมสฺส โหติ สีหนาทสฺมิ’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๑). ‘‘อิเม ¶ ทิฏฺิฏฺานา’’ติอาทิกา หิ อิธ วกฺขมานเทสนาเยว สีหนาโท. เตสํ ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติอาทินา วกฺขมานนเยน ปจฺจยาการสฺส สโมธานมฺปิ เวทิตพฺพํ. สิเนรุํ…เป… วิย จาติ อุปมาทฺวเยน พฺรหฺมชาลเทสนาย อนฺสาธารณตฺตา สุทุกฺกรตํ ทสฺเสติ. สุวณฺณกูเฏนาติ สุวณฺณมยปหรโณปกรณวิเสเสน. รตนนิกูเฏน วิย อคารํ อรหตฺตนิกูเฏน พฺรหฺมชาลสุตฺตนฺตํ นิฏฺเปนฺโต, นิกูเฏนาติ จ นิฏฺานคเตน อจฺจุคฺคตกูเฏนาติ อตฺโถ. อิทฺจ อรหตฺตผลปริโยสานตฺตา สพฺพคุณานํ ตเทว สพฺเพสํ อุตฺตริตรนฺติ วุตฺตํ. ปุริโม ปน เม-สทฺโท เทสนาเปกฺโขติ ปรินิพฺพุตสฺสาปิ เม สา เทสนา อปรภาเค ปฺจวสฺสสหสฺสานีติ อตฺโถ ยุตฺโต. สวนอุคฺคหณธารณวาจนาทิวเสน ปริจยํ กโรนฺเต, ตถา จ ปฏิปนฺเน นิพฺพานํ สมฺปาปิกา ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย.
ยทคฺเคน เยนาติ กรณนิทฺเทโส, ตทคฺเคน เตนา ติปิ ทฏฺพฺพํ. เอตนฺติ ‘‘เยน เตนา’’ติ เอตํ ปททฺวยํ. ตตฺถาติ หิ ตสฺมึ มณฺฑลมาเฬติ อตฺโถ. เยนาติ วา ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. เตนาติ ปน อุปโยคตฺเถ. ตสฺมา ตตฺถาติ ตํ มณฺฑลมาฬนฺติปิ วทนฺติ. อุปสงฺกมีติ จ อุปสงฺกมนฺโตติ อตฺโถ ปจฺจุปฺปนฺนกาลสฺส อธิปฺเปตตฺตา, ตทุปสงฺกมนสฺส ปน อตีตภาวสฺส สูจนโต ‘‘อุปสงฺกมี’’ติ ตกฺกาลาเปกฺขนวเสน อตีตปโยโค วุตฺโต. เอวฺหิ ‘‘อุปสงฺกมิตฺวา’’ติ วจนํ สูปปนฺนํ โหติ. อิตรถา ทฺวินฺนมฺปิ วจนานํ อตีตกาลิกตฺตา ตถาวตฺตพฺพเมว น สิยา. อุปสงฺกมนสฺส จ คมนํ, อุปคมนฺจาติ ทฺวิธา อตฺโถ, อิธ ปน คมนเมว. สมฺปตฺตุกามตาย หิ ยํ กิฺจิ านํ คจฺฉนฺโต ตํ ตํ ปเทสาติกฺกมนวเสน ‘‘ตํ านํ อุปสงฺกมิ อุปสงฺกมนฺโต’’ติ วตฺตพฺพตํ ลภติ, เตนาห ‘‘ตตฺถ คโต’’ติ, เตน อุปคมนตฺถํ นิวตฺเตติ. ยฺหิ านํ ปตฺตุมิจฺฉนฺโต คจฺฉติ, ตํ ปตฺตตาเยว ‘‘อุปคมน’’นฺติ วุจฺจติ. ยเมตฺถ น สํวณฺณิตํ ‘‘อุปสงฺกมิตฺวา’’ติ ปทํ, ตํ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา คโตติ อุปคโต. อนุปสคฺโคปิ หิ สทฺโท สอุปสคฺโค วิย อตฺถนฺตรํ วทติ สอุปสคฺโคปิ อนุปสคฺโค วิยาติ. อโต ‘‘อุปสงฺกมิตฺวา’’ติ ปทสฺส เอวํ อุปคโต ตโต อาสนฺนตรํ ภิกฺขูนํ สมีปสงฺขาตํ ปฺหํ วา กเถตุํ, ธมฺมํ วา เทเสตุํ สกฺกุเณยฺยฏฺานํ อุปคนฺตฺวาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปิจ เยนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนํ. เยน การเณน ภควตา โส ¶ มณฺฑลมาโฬ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ อตฺโถ. การณํ ปน ‘‘อิเม ภิกฺขู’’ติอาทินา อฏฺกถายํ วุตฺตเมว.
ปฺตฺเต ¶ อาสเน นิสีทีติ เอตฺถ เกนิทํ ปฺตฺตนฺติ อนุโยเค สติ ภิกฺขูหีติ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธกาเล กิรา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ พุทฺธกาเลติ ธรมานสฺส ภควโต กาเล. วิเสสนฺติ ยถาลทฺธโต อุตฺตริ ฌานมคฺคผลํ. อถาติ สํสยตฺเถ นิปาโต, ยทิ ปสฺสตีติ อตฺโถ. วิตกฺกยมานํ นํ ภิกฺขุนฺติ สมฺพนฺโธ, ตถา ตโต ปสฺสนเหตุ ทสฺเสตฺวา, โอวทิตฺวาติ จ. อนมตคฺเคติ อนาทิมติ. อากาสํ อุปฺปติตฺวาติ อากาเส อุคฺคนฺตฺวา. อีทิเสสุ หิ ภุมฺมตฺโถ เอว ยุชฺชตีติ อุทานฏฺกถายํ วุตฺตํ. ภาโรติ ตงฺขเณเยว ภควโต อนุจฺฉวิกาสนสฺส ทุลฺลภตฺตา ครุกมฺมํ. ผลกนฺติ นิสีทนตฺถาย กตํ ผลํ. กฏฺกนฺติ นิสีทนโยคฺยํ ผลกโต อฺํ ทารุกฺขนฺธํ. สงฺกฑฺฒิตฺวาติ สํหริตฺวา. ตตฺถาติ ปุราณปณฺเณสุ, เกวลํ เตสุ เอว นิสีทิตุมนนุจฺฉวิกตฺตา ตถา วุตฺตํ, ตตฺถาติ วา เตสุ ปีาทีสุ. เอวํ สติ สงฺกฑฺฒิตฺวา ปฺเปนฺตีติ อตฺถวสา วิภตฺตึ วิปริณาเมตฺวา สมฺพนฺโธ. ปปฺโผเฏตฺวาติ ยถาิตํ รโชชลฺลาทิ-สํกิณฺณมนนุรูปนฺติ ตพฺพิโสธนตฺถํ สฺจาเลตฺวา. ‘‘อมฺหากํ อีทิสา กถา อฺตริสฺสา เทสนาย การณํ ภวิตุํ ยุตฺตา, อวสฺสํ ภควา อาคมิสฺสตี’’ติ ตฺวา ยถานิสีทนํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘อิธาคโต สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ตาวกาลิกํ คณฺหิตฺวา ปริภฺุชตู’’ติ รฺา ปิตํ, เตน จ อาคตกาเล ปริภุตฺตํ อาสนํ รฺโ นิสีทนาสนนฺติ เวทิตพฺพํ. น หิ ตถา อฏฺปิตํ ภิกฺขูหิ ปริภฺุชิตุํ, ภควโต จ ปฺเปตุํ วฏฺฏติ. ตสฺมา ตาทิสํ รฺโ นิสีทนาสนํ ปาฬิยํ กถิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ สนฺธายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อธิมุตฺติาณนฺติ จ สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตารมฺมณํ สพฺพฺุตฺาณํ, พลาณฺจ, วุตฺโตวายมตฺโถ.
‘‘นิสชฺชา’’ติ อิทํ นิสีทนปริโยสานทีปนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เอว’’นฺติอาทินา. ‘‘เตสํ ภิกฺขูนํ อิเม สงฺขิยธมฺมํ วิทิตฺวา’’ติ วุตฺตตฺตา ชานนฺโตเยว ปุจฺฉีติ อยมตฺโถ สิทฺโธติ อาห ‘‘ชานนฺโตเยวา’’ติ. อสติ กถาวตฺถุมฺหิ ตทนุรูปา อุปรูปริ วตฺตพฺพา วิเสสกถา น สมูปพฺรูหตีติ กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ปุจฺฉนํ เวทิตพฺพํ. นุ-อิติ ปุจฺฉนตฺเถ. อส-สทฺโท ปวตฺตนตฺเถติ วุตฺตํ ‘‘กตมาย นุ…เป… ภวถา’’ติ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ าเน ¶ สนฺธิวเสน อุการสฺส โอการาเทโสว, น ปมาย ปาฬิยา อตฺถโต วิเสโสติ ทสฺเสติ ‘‘ตสฺสาปิ ปุริโมเยว อตฺโถ’’ติ อิมินา. ปุริโมเยวตฺโถติ จ ‘‘กตมาย นุ ภวถา’’ติ เอวํ วุตฺโต อตฺโถ.
‘‘กา จ ปนา’’ติ เอตฺถ จ-สทฺโท พฺยติเรเก ‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต’’ติอาทีสุ วิย. พฺยติเรโก จ นาม ปุพฺเพ วุตฺตตฺถาเปกฺขโก วิเสสาติเรกตฺโถ, โส จ ตํ ปุพฺเพ ยถาปุจฺฉิตาย กถาย วกฺขมานํ วิปฺปกตภาวสงฺขาตํ พฺยติเรกตฺถํ โชเตติ. ปน-สทฺโท วจนาลงฺกาโร ¶ . ตาทิโส ปน อตฺโถ สทฺทสตฺถโตว สุวิฺเยฺโยติ กตฺวา ตทฺเสเมว อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนฺตรากถาติ กมฺมฏฺาน…เป… กถา’’ติอาทิมาห. กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทโย สมณกรณียภูตาติ อนฺตราสทฺเทน อเปกฺขิเต กรณียวิเสเส สมฺพนฺธาปาทานภาเวน วตฺตพฺเพ เตสเมว วตฺตพฺพรูปตฺตา ‘‘กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทีน’’นฺติ วุตฺตํ. ยาย หิ กถาย เต ภิกฺขู สนฺนิสินฺนา, สา เอว อนฺตรากถา วิปฺปกตา วิเสเสน ปุน ปุจฺฉียติ, น ตทฺเ กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทโยติ. อนฺตราสทฺทสฺส อฺตฺถมาห ‘‘อฺา, เอกา’’ติ จ. ปริยายวจนฺเหตํ ปททฺวยํ. ยสฺมา อฺตฺเถ อยํ อนฺตราสทฺโท ‘‘ภูมนฺตรํ, สมยนฺตร’’นฺติอาทีสุ วิย. ตสฺมา ‘‘กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทีน’’นฺติ นิสฺสกฺกตฺเถ สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ. เวมชฺเฌ วา อนฺตราสทฺโท, สา ปน เตสํ เวมชฺฌภูตตฺตา อฺาเยว, เตหิ จ อสมฺมิสฺสตฺตา วิสุํ เอกาเยวาติ อธิปฺปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฺา, เอกา’’ติ จ วุตฺตํ. ปกาเรน กรณํ ปกโต, ตโต วิคตา, วิคตํ วา ปกตํ ยสฺสาติ วิปฺปกตา, อปรินิฏฺิตา. สิขนฺติ ปริโยสานํ. อยํ ปน ตทภิสมฺพนฺธวเสน อุตฺตริ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา, ตํ สนฺธายาห ‘‘นาห’’นฺติอาทิ. กถาภงฺคตฺถนฺติ กถาย ภฺชนตฺถํ. อตฺถโต อาปนฺนตฺตา สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรติ. อนิยฺยานิกตฺตา สคฺคโมกฺขมคฺคานํ ติรจฺฉานภูตา กถา ติรจฺฉานกถา. ติรจฺฉานภูตาติ จ ติโรกรณภูตา, วิพนฺธนภูตาติ อตฺโถ. อาทิ-สทฺเทน เจตฺถ โจรมหามตฺตเสนาภยกถาทิกํ อเนกวิหิตํ นิรตฺถกกถํ สงฺคณฺหาติ. อยํ กถา เอวาติ อนฺโตคธาวธารณตํ ¶ , อฺตฺถาโปหนํ วา สนฺธาย เจตํ วุตฺตํ. อถาติ ตสฺสา อวิปฺปกตกาเลเยว. ‘‘ตํ โน’’ติอาทินา อตฺถโต อาปนฺนมาห. เอส นโย อีทิเสสุ. นนุ จ เตหิ ภิกฺขูหิ สา กถา ‘‘อิติ ห เม’’ติอาทินา ยถาธิปฺปายํ นิฏฺาปิตาเยวาติ? น นิฏฺาปิตา ภควโต อุปสงฺกมเนน อุปจฺฉินฺนตฺตา. ยทิ หิ ภควา ตสฺมึ ขเณ น อุปสงฺกเมยฺย, ภิยฺโยปิ ตปฺปฏิพทฺธาเยว ตถา ปวตฺเตยฺยุํ, ภควโต อุปสงฺกมเนน ปน น ปวตฺเตสุํ, เตเนวาห ‘‘อยํ โน…เป… อนุปฺปตฺโต’’ติ.
อิทานิ นิทานสฺส, นิทานวณฺณนาย วา ปรินิฏฺิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ตสฺส ภควโต วจนสฺสานุกูลภาวมฺปิ สมตฺเถตุํ ‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทิมาห. เอตฺตาวตาติ หิ เอตฺตเกน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิวจนกฺกเมน ยํ นิทานํ ภาสิตนฺติ วา เอตฺตเกน ‘‘ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปท’’นฺติอาทิวจนกฺกเมน อตฺถวณฺณนา สมตฺตาติ วา ทฺวิธา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘กมล…เป… สลิลายา’’ติอาทินา ปน ตสฺส นิทานสฺส ภควโต วจนสฺสานุกูลภาวํ ทีเปติ. ตตฺถ กมลกุวลยุชฺชลวิมลสาธุรสสลิลายาติ กมลสงฺขาเตหิ ปทุมปุณฺฑรีกเสตุปฺปลรตฺตุปฺปเลหิ ¶ เจว กุวลยสงฺขาเตน นีลุปฺปเลน จ อุชฺชลวิมลสาธุรสสลิลวติยา. นิมฺมลสิลาตลรจนวิลาสโสภิตรตนโสปานนฺติ นิมฺมเลน สิลาตเลน รจนาย วิลาเสน ลีลาย โสภิตรตนโสปานวนฺตํ, นิมฺมลสิลาตเลน วา รจนวิลาเสน, สุสงฺขตกิริยาโสเภน จ โสภิตรตนโสปานํ, วิลาสโสภิตสทฺเทหิ วา อติวิย โสภิตภาโว วุตฺโต. วิปฺปกิณฺณมุตฺตาตลสทิสวาลุกาจุณฺณปณฺฑรภูมิภาคนฺติ วิวิเธน ปกิณฺณาย มุตฺตาย ตลสทิสานํ วาลุกานํ จุณฺเณหิ ปณฺฑรวณฺณภูมิภาควนฺตํ. สุวิภตฺตภิตฺติวิจิตฺรเวทิกาปริกฺขิตฺตสฺสาติ สุฏฺุ วิภตฺตาหิ ภิตฺตีหิ วิจิตฺรสฺส, เวทิกาหิ ปริกฺขิตฺตสฺส จ. อุจฺจตเรน นกฺขตฺตปถํ อากาสํ ผุสิตุกามตาย วิย, วิชมฺภิตสทฺเทน เจตสฺส สมฺพนฺโธ. วิชมฺภิตสมุสฺสยสฺสาติ วิกฺกีฬนสมูหวนฺตสฺส. ทนฺตมยสณฺหมุทุผลกกฺจนลตาวินทฺธมณิคณปฺปภาสมุทยุชฺชลโสภนฺติ ทนฺตมเย อติวิย สินิทฺธผลเก กฺจนมยาหิ ลตาหิ วินทฺธานํ มณีนํ คณปฺปภาสมุทาเยน สมุชฺชลโสภาสมฺปนฺนํ. สุวณฺณวลยนุปุราทิสงฺฆฏฺฏนสทฺทสมฺมิสฺสิตกถิตหสิต- มธุรสฺสรเคหชนวิจริตสฺสาติ สุวณฺณมยนิยุรปาทกฏกาทีนํ ¶ อฺมฺํ สงฺฆฏฺฏเนน ชนิตสทฺเทหิ สมฺมิสฺสิตกถิตสรหสิตสรสงฺขาเตน มธุรสฺสเรน สมฺปนฺนานํ เคหนิวาสีนํ นรนารีนํ วิจริตฏฺานภูตสฺส. อุฬาริสฺสริยวิภวโสภิตสฺสาติ อุฬารตาสมฺปนฺนชนอิสฺสริยสมฺปนฺนชนวิภวสมฺปนฺนชเนหิ, ตนฺนิวาสีนํ วา นรนารีนํ อุตฺตมาธิปจฺจโภเคหิ โสภิตสฺส. สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาปวาฬาทิชุติวิสฺสรวิชฺโชติตสุปฺปติฏฺิตวิสาล ทฺวารพาหนฺติ สุวณฺณรชตนานามณิมุตฺตาปวาฬาทีนํ ชุตีหิ ปภสฺสรวิชฺโชติตสุปฺปติฏฺิตวิตฺถตทฺวารพาหํ.
ติวิธสีลาทิทสฺสนวเสน พุทฺธสฺส คุณานุภาวํ สมฺมา สูเจตีติ พุทฺธคุณานุภาวสํสูจกํ, ตสฺส. กาโล จ เทโส จ เทสโก จ วตฺถุ จ ปริสา จ, ตาสํ อปเทเสน นิทสฺสเนน ปฏิมณฺฑิตํ ตถา.
กิมตฺถํ ปเนตฺถ ธมฺมวินยสงฺคเห กริยมาเน นิทานวจนํ วุตฺตํ, นนุ ภควตา ภาสิตวจนสฺเสว สงฺคโห กาตพฺโพติ? วุจฺจเต – เทสนาย ิติอสมฺโมสสทฺเธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกวตฺถุปริสาปเทเสหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปิตา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ, อสมฺโมสธมฺมา, สทฺเธยฺยา จ เทสกาลวตฺถุเหตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพนฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย, เตเนว จายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘พฺรหฺมชาลํ อาวุโส อานนฺท กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา (จูฬว. ๔๓๙) เทสาทิปุจฺฉาสุ กตาสุ ตาสํ วิสฺสชฺชนํ ¶ กโรนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน นิทานํ ภาสิตนฺติ ตเทวิธาปิ วุตฺตํ ‘‘กาลเทสเทสกวตฺถุปริสาปเทสปฏิมณฺฑิตํ นิทาน’’นฺติ.
อปิจ สตฺถุสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพ-รจนา-นุมานาคม-ตกฺกาภาวโต สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตสิทฺธิ. สมฺมาสมฺพุทฺธภาเวน หิสฺส ปุเรตรํ รจนาย, ‘‘เอวมฺปิ นาม ภเวยฺยา’’ติ อนุมานสฺส, อาคมนฺตรํ นิสฺสาย ปริวิตกฺกสฺส จ อภาโว สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย เอกปฺปมาณตฺตา เยฺยธมฺเมสุ. ตถา อาจริยมุฏฺิธมฺมมจฺฉริยสาสนสาวกานุโรธภาวโต ขีณาสวตฺตสิทฺธิ. ขีณาสวตาย หิ อาจริยมุฏฺิอาทีนมภาโว, วิสุทฺธา จ ปรานุคฺคหปฺปวตฺติ. อิติ เทสกสํกิเลสภูตานํ ทิฏฺิสีลสมฺปตฺติทูสกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อภาวสํสูจเกหิ ¶ , าณปฺปหานสมฺปทาภิพฺยฺชนเกหิ จ สมฺพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ. ตโตเยว จ อนฺตรายิกนิยฺยานิเกสุ สมฺโมหาภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม, อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติ จ นิทานวจเนน ปกาสิตา โหติ สมฺปตฺตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต, ‘‘ชานตา ปสฺสตา’’ติอาทิวจนโต จ, เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺถุสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.
อปิจ สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต นตฺถิ นิรตฺถิกา ปวตฺติ, อตฺตหิตตฺถา วา, ตสฺมา ปเรสํเยว หิตาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนฏฺเน สาสนํ, น กพฺพรจนา. ตยิทํ สตฺถุ จริตํ กาลเทสเทสกวตฺถุปริสาปเทเสหิ สทฺธึ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนหิ ยถาสมฺภวํ ปกาสียติ. อถ วา สตฺถุโน ปมาณภาวปฺปกาสเนน สาสนสฺส ปมาณภาวปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ, ตฺจสฺส ปมาณภาวทสฺสนํ ‘‘ภควา’’ติ อิมินา ตถาคตสฺส คุณวิสิฏฺสพฺพสตฺตุตฺตมภาวทีปเนน เจว ‘‘ชานตา ปสฺสตา’’ติอาทินา อาสยานุสยาณาทิปโยคทีปเนน จ วิภาวิตํ โหติ, อิทเมตฺถ นิทานวจนปโยชนสฺส มุขมตฺตนิทสฺสนํ. โก หิ สมตฺโถ พุทฺธานุพุทฺเธน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ภาสิตสฺส นิทานสฺส ปโยชนานิ นิรวเสสโต วิภาวิตุนฺติ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘เทสนาจิรฏฺิตตฺถํ, อสมฺโมสาย ภาสิตํ;
สทฺธาย จาปิ นิทานํ, เวเทเหน ยสสฺสินา.
สตฺถุสมฺปตฺติยา ¶ เจว, สาสนสมฺปทาย จ;
ตสฺส ปมาณภาวสฺส, ทสฺสนตฺถมฺปิ ภาสิต’’นฺติ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย อชฺชวมทฺทวโสรจฺจสทฺธาสติธิติพุทฺธิขนฺติวีริยาทิธมฺมสมงฺคินา สาฏฺกเถ ปิฏกตฺตเย อสงฺคาสํหีรวิสารทาณจารินา อเนกปฺปเภทสกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหินา มหาคณินา มหาเวยฺยากรเณน าณาภิวํสธมฺมเสนาปตินามเถเรน ¶ มหาธมฺมราชาธิราชครุนา กตาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา อพฺภนฺตรนิทานวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
นิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. เอวํ อพฺภนฺตรนิทานสํวณฺณนํ กตฺวา อิทานิ ยถานิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส สํวณฺณนํ กโรนฺโต อนุปุพฺพาวิโรธินี สํวณฺณนา กมานติกฺกมเนน พฺยากุลโทสปฺปหายินี, วิฺูนฺจ จิตฺตาราธินี, อาคตภาโร จ อวสฺสํ อาวหิตพฺโพติ สํวณฺณกสฺส สมฺปตฺตภาราวหเนน ปณฺฑิตาจารสมติกฺกมาภาววิภาวินี, ตสฺมา ตทาวิกรณสาธกํ สํวณฺณโนกาสวิจารณํ กาตุมาห ‘‘อิทานี’’ติอาทิ. นิกฺขิตฺตสฺสาติ เทสิตสฺส, ‘‘เทสนา นิกฺเขโป’’ติ หิ เอตํ อตฺถโต ภินฺนมฺปิ สรูปโต เอกเมว, เทสนาปิ หิ เทเสตพฺพสฺส สีลาทิอตฺถสฺส เวเนยฺยสนฺตาเนสุ นิกฺขิปนโต ‘‘นิกฺเขโป’’ติ วุจฺจติ. นนุ สุตฺตเมว สํวณฺณียตีติ อาห ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา สํวณฺณนา ‘‘อยํ เทสนา เอวํสมุฏฺานา’’ติ สุตฺตสฺส สมฺมเทว นิทานปริชฺฌาเนน ตพฺพณฺณนาย สุวิฺเยฺยตฺตา ปากฏา โหติ, ตสฺมา ตเทว สาธารณโต ปมํ วิจารยิสฺสามาติ. ยา หิ สา กถา สุตฺตตฺถสํวณฺณนาปากฏการินี, สา สพฺพาปิ สํวณฺณเกน วตฺตพฺพา. ตทตฺถวิชานนุปายตฺตา จ สา ปริยาเยน สํวณฺณนาเยวาติ. อิธ ปน ตสฺมึ วิจาริเต ยสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ นิกฺขิตฺตํ, ตสฺสา วิภาควเสน ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๕), ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนต’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๗), ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๘) จ วุตฺตานํ สุตฺตปเทสานํ สํวณฺณนา วุจฺจมานา ตํตํอนุสนฺธิทสฺสนสุขตาย สุวิฺเยฺยาติ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ ยถา อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตนฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิสาสนปฏฺานนเยน โสฬสวิธภาวํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ อตฺตชฺฌาสยาทิ-สุตฺต-นิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธภาวนฺติ อาห ‘‘จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ. นนุ สํสคฺคเภโทปิ ¶ สมฺภวติ, อถ กสฺมา ‘‘จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ วุตฺตนฺติ? สํสคฺคเภทสฺส สพฺพตฺถ อลพฺภมานตฺตา. อตฺตชฺฌาสยสฺส, หิ อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิเกหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ. ‘‘อตฺตชฺฌาสโย ¶ จ ปรชฺฌาสโย จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปรชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จา’’ติ อชฺฌาสยปุจฺฉานุสนฺธิสพฺภาวโต. อตฺตชฺฌาสยฏฺุปฺปตฺตีนํ ปน อฺมฺํ สํสคฺโค นตฺถิ, ตสฺมา นิรวเสสํ ปตฺถารนเยน สํสคฺคเภทสฺส อลพฺภนโต เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อถ วา อฏฺุปฺปตฺติยา อตฺตชฺฌาสเยนปิ สิยา สํสคฺคเภโท, ตทนฺโตคธตฺตา ปน สํสคฺควเสน วุตฺตานํ เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขเปเยว สนฺธาย ‘‘จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา’’ติ วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป ยถารหํ เอกกทุกติกจตุกวเสน สาสนปฏฺานนเยน สุตฺตนิกฺเขปา วตฺตพฺพาติ นยมตฺตํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – นิกฺขิปนํ กถนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. นิกฺขิปียตีติ วา นิกฺเขโป, สุตฺตเมว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณวเสนาติ อตฺตชฺฌาสโย, อตฺตโน อชฺฌาสโย วา เอตสฺส ยถาวุตฺตนเยนาติ อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโส ปุจฺฉาวโส, โส เอตสฺส อตฺถิ ยถาวุตฺตนเยนาติ ปุจฺฉาวสิโก. อรณียโต อวคนฺตพฺพโต อตฺโถ วุจฺจติ สุตฺตเทสนาย วตฺถุ, ตสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, สา เอว อฏฺุปฺปตฺติ ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา, สา เอตสฺส อตฺถิ วุตฺตนเยนาติ อฏฺุปฺปตฺติโก. อปิจ นิกฺขิปียติ สุตฺตเมเตนาติ นิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตเทสนาการณเมว. เอตสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย. ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ. ตสฺสา ปุจฺฉาย วเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสิกํ. ตเทว นิกฺเขปสทฺทาเปกฺขาย ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํ ‘‘ปุจฺฉาวสิโก’’ติ. วุตฺตนเยน อฏฺุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติโกติ เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถ จ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณํ นิรเปกฺขิตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ นิกฺเขปภาโว ยุตฺโต. เตเนว วกฺขติ ‘‘อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ¶ กเถตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๕). ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนานิมิตฺตภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺตตฺตา กถํ อฏฺุปฺปตฺติเก อนวโรโธ สิยา, ปุจฺฉาวสิกฏฺุปฺปตฺติกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติตเทสนตฺตา กถํ ปรชฺฌาสเย ¶ อนวโรโธ สิยาติ น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติวเสน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ ธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ (ม. นิ. ๑.๒๙) อามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ ‘‘อฏฺุปฺปตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ปเรสํ ปุจฺฉํ วินา อชฺฌาสยเมว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ปากโฏวายมตฺโถ.
อนชฺฌิฏฺโติ ปุจฺฉาทินา อนชฺเฌสิโต อยาจิโต, อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถติ ธมฺมตนฺติปนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. หาโรติ อาวฬิ ยถา ‘‘มุตฺตาหาโร’’ติ, สฺเวว หารโก, สมฺมปฺปธานสุตฺตนฺตานํ หารโก ตถา. อนุปุพฺเพน หิ สํยุตฺตเก นิทฺทิฏฺานํ สมฺมปฺปธานปฏิสํยุตฺตานํ สุตฺตนฺตานํ อาวฬิ ‘‘สมฺมปฺปธานสุตฺตนฺตหารโก’’ติ วุจฺจติ, ตถา อิทฺธิปาทหารกาทิ. อิทฺธิปาทอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคสุตฺตนฺตหารโกติ ปุพฺพปเทสุ ปรปทโลโป, ทฺวนฺทคพฺภสมาโส วา เอโส, เปยฺยาลนิทฺเทโส วา. เตสนฺติ ยถาวุตฺตสุตฺตานํ.
ปริปกฺกาติ ปริณตา. วิมุตฺติปริปาจนียาติ อรหตฺตผลํ ปริปาเจนฺตา สทฺธินฺทฺริยาทโย ธมฺมา. ขเยติ ขยนตฺถํ, ขยการณภูตาย วา ธมฺมเทสนาย. อชฺฌาสยนฺติ อธิมุตฺตึ. ขนฺตินฺติ ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺตึ. มนนฺติ จิตฺตํ. อภินีหารนฺติ ปณิธานํ. พุชฺฌนภาวนฺติ พุชฺฌนสภาวํ, พุชฺฌนาการํ วา. อเวกฺขิตฺวาติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, อเปกฺขิตฺวา วา.
จตฺตาโร วณฺณาติ จตฺตาริ กุลานิ, จตฺตาโร วา รูปาทิปมาณา สตฺตา. มหาราชาโนติ จตฺตาโร มหาราชาโน เทวา. วุจฺจนฺติ กึ, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา กินฺติ อตฺโถ.
กสฺมาติ อาห ‘‘อฏฺุปฺปตฺติยํ หี’’ติอาทิ. วณฺณาวณฺเณติ นิมิตฺเต ภุมฺมํ, วณฺณสทฺเทน เจตฺถ ‘‘อจฺฉริยํ อาวุโส’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๔) ภิกฺขุสงฺเฆน วุตฺโตปิ วณฺโณ สงฺคหิโต. ตมฺปิ หิ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว อฺเ ¶ ธมฺมา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๘) อุปริ เทสนํ อารภิสฺสติ. ตเทว วิวรติ ‘‘อาจริโย’’ติอาทินา. ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติ อิมิสฺสา เทสนาย พฺรหฺมทตฺเตน วุตฺตํ วณฺณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เทสิตตฺตา อาห ‘‘อนฺเตวาสี วณฺณ’’นฺติ. อิทานิ ปาฬิยา สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เทสนากุสโลติ ‘‘อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อยํ เทสนา สมฺภวตี’’ติ เทสนาย กุสโล, เอเตน ปกรณานุคุณํ ภควโต โถมนมกาสิ. เอสา หิ สํวณฺณนกานํ ปกติ, ยทิทํ ตตฺถ ตตฺถ ปกรณาธิคตคุเณน ภควโต โถมนา. วา-สทฺโท เจตฺถ อุปมานสมุจฺจยสํสยวจนโวสฺสคฺคปทปูรณสทิสวิกปฺปาทีสุ ¶ พหูสฺวตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘ปณฺฑิโตวาปิ เตน โส’’ติอาทีสุ อุปมาเน ทิสฺสติ, สทิสภาเวติ อตฺโถ. ‘‘ตํ วาปิ ธีรา มุนึ ปเวทยนฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ.๒๑๓) สมุจฺจเย. ‘‘เก วา อิเม กสฺส วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๙๖) สํสเย. ‘‘อยํ วา (อยฺจ) (ที. นิ. ๑.๑๘๑) อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๘๑) วจนโวสฺสคฺเค. ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) ปทปูรเณ. ‘‘มธุํ วา มฺติ พาโล, ยาว ปาปํ น ปจฺจตี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๙) สทิเส. ‘‘เย หิ เกจิ ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๗๐; สํ. นิ. ๕.๑๐๙๒) วิกปฺเป. อิธาปิ วิกปฺเปเยว. มม วา ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วาติ วิวิธา วิสุํ วิกปฺปนสฺส โชตกตฺตาติ อาห ‘‘วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ’’ติ. ปร-สทฺโท ปน อตฺเถว อฺตฺโถ ‘‘อหฺเจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๔; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; มหาว. ๗, ๘) อตฺถิ อธิกตฺโถ ‘‘อินฺทฺริยปโรปริยตฺต’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๘๑๔; อ. นิ. ๑๐.๒๑; ม. นิ. ๑.๑๔๘; ปฏิ. ม. ๑.๖๘; ๑.๑๑๑) อตฺถิ ปจฺฉาภาคตฺโถ ‘‘ปรโต อาคมิสฺสตี’’ติอาทีสุ. อตฺถิ ปจฺจนีกตฺโถ ‘‘อุปฺปนฺนํ ปรปฺปวาทํ สหธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๖๘; สํ. นิ. ๕.๘๒๒; อ. นิ. ๘.๗๐; อุทา. ๕๑) อิธาปิ ปจฺจนีกตฺโถติ ทสฺเสติ ‘‘ปฏิวิรุทฺธา สตฺตา’’ติ อิมินา. สาสนสฺส ปจฺจนีกภูตา ปจฺจตฺถิกา สตฺตาติ อตฺโถ. ต-สทฺโท ปเรติ วุตฺตมตฺถํ อวณฺณภาสนกิริยาวิสิฏฺํ ปรามสตีติ วุตฺตํ ‘‘เย อวณฺณํ วทนฺติ, เตสู’’ติ.
นนุ ¶ เตสํ อาฆาโต นตฺถิ คุณมหตฺตตฺตา, อถ กสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ โจทนาเลสํ ทสฺเสตฺวา ตทปเนติ ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทินา. กิฺจาปิ นตฺถิ, อถ โข ตถาปีติ อตฺโถ. อีทิเสสุปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท สมฺภาวนตฺโถ, เตน รตนตฺตยนิมิตฺตมฺปิ อกุสลจิตฺตํ น อุปฺปาเทตพฺพํ, ปเคว วฏฺฏามิสโลกามิสนิมิตฺตนฺติ สมฺภาเวติ. ปริยตฺติธมฺโมเยว สทฺธมฺมนยนฏฺเน เนตฺตีติ ธมฺมเนตฺติ. อาหนตีติ อาภุโส ฆฏฺเฏติ, หึสติ วา, วิพาธติ, อุปตาเปติ จาติ อตฺโถ. กตฺถจิ ‘‘เอตฺถา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปจฺฉาลิขิโต โปราณปาานุคตาย ฏีกาย วิโรธตฺตา, อตฺถยุตฺติยา จ อภาวโต. ยทิปิ โทมนสฺสาทโย จ อาหนนฺติ, โกเปเยว ปนายํ นิรุฬฺโหติ ทสฺเสติ ‘‘โกปสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ อิมินา. อวยวตฺถฺหิ ทสฺเสตฺวา ตตฺถ ปริยาเยน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. อธิวจนนฺติ จ อธิกิจฺจ ปวตฺตํ วจนํ, ปสิทฺธํ วา วจนํ, นามนฺติ อตฺโถ. เอวมิตเรสุปิ. เอตฺถ จ สภาวธมฺมโต อฺสฺส กตฺตุอภาวโชตนตฺถํ ‘‘อาหนตี’’ติ ¶ กตฺตุตฺเถ อาฆาตสทฺทํ ทสฺเสติ. อาหนติ เอเตน, อาหนนมตฺตํ วา อาฆาโตติ กรณภาวตฺถาปิ สมฺภวนฺติเยว. ‘‘อปฺปตีตา’’ติ เอตสฺสตฺโถ ‘‘อตุฏฺา อโสมนสฺสิกา’’ติ วุตฺโต, อิทํ ปน ปากฏปริยาเยน อปจฺจยสทฺทสฺส นิพฺพจนทสฺสนํ, ตมฺมุเขน ปน น ปจฺเจติ เตนาติ อปฺปจฺจโยติ กาตพฺพํ. อภิราธยตีติ สาธยติ. เอตฺถาติ เอเตสุ ตีสุ ปเทสุ. ทฺวีหีติ อาฆาตอนภิรทฺธิปเทหิ. เอเกนาติ อปจฺจยปเทน. เอตฺตเกสุ คหิเตสุ ตํสมฺปยุตฺตา อคฺคหิตา สิยุํ, น จ สกฺกา เตปิ อคฺคหิตุํ เอกุปฺปาทาทิสภาวตฺตาติ โจทนํ วิโสเธตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, เตสนฺติ ยถาวุตฺตานํ สงฺขารกฺขนฺธเวทนากฺขนฺเธกเทสานํ. เสสานนฺติ สฺาวิฺาณาวสิฏฺสงฺขารกฺขนฺเธกเทสานํ. กรณนฺติ อุปฺปาทนํ. อาฆาตาทีนฺหิ ปวตฺติยา ปจฺจยสมวายนํ อิธ ‘‘กรณ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ปน อตฺถโต อุปฺปาทนเมว. ตทนุปฺปาทนฺหิ สนฺธาย ปาฬิยํ ‘‘น กรณียา’’ติ วุตฺตํ. ปฏิกฺขิตฺตเมว ยถารหํ เอกุปฺปาทนิโรธารมฺมณวตฺถุภาวโต.
ตตฺถาติ ตสฺมึ มโนปโทเส. ‘‘เตสุ อวณฺณภาสเกสู’’ติ อิมินา อาธารตฺเถ ภุมฺมํ ทสฺเสติ. นิมิตฺตตฺเถ, ภาวลกฺขเณ วา เอตํ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘ตสฺมึ วา อวณฺเณ’’ติ. น หิ อคุโณ, นินฺทา วา โกปโทมนสฺสานํ อาธาโร สมฺภวติ ตพฺภาสกายตฺตตฺตา เตสํ. อสฺสถาติ ¶ สตฺตมิยา รูปํ เจ-สทฺทโยเคน ปริกปฺปนวิสยตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘ภเวยฺยาถา’’ติ อิมินา. ‘‘ภเวยฺยาถ เจ, ยทิ ภเวยฺยาถา’ติ จ วทนฺโต ‘ยถากฺกมํ ปุพฺพาปรโยคิโน เอเต สทฺทา’ติ าเปตี’’ติ วทนฺติ. ‘‘กุปิตา โกเปน อนตฺตมนา โทมนสฺเสนา’’ติ อิมินา ‘‘เอวํ ปเมน นเยนา’’ติอาทินา วุตฺตวจนํ อตฺถนฺตราภาวทสฺสเนน สมตฺเถติ. ‘‘ตุมฺหาก’’นฺติ อิมินา สมานตฺโถ ‘‘ตุมฺห’’นฺติ เอโก สทฺโท ‘‘อมฺหาก’’นฺติ อิมินา สมานตฺโถ ‘‘อมฺห’’นฺติ สทฺโท วิย ยถา ‘‘ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ (ชา. ๑.๙๓) อาห ‘‘ตุมฺหากํเยวา’’ติ. อตฺถวสา ลิงฺควิปริยาโยติ กตฺวา ‘‘ตาย จ อนตฺตมนตายา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อนฺตราโย’’ติ วุตฺเต สมณธมฺมวิเสสานนฺติ อตฺถสฺส ปกรณโต วิฺายมานตฺตา, วิฺายมานตฺถสฺส จ สทฺทสฺส ปโยเค กามจารตฺตา ‘‘ปมชฺฌานาทีนํ อนฺตราโย’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถ จ ‘‘อนฺตราโย’’ติ อิทํ มโนปโทสสฺส อกรณียตาย การณวจนํ. ยสฺมา ตุมฺหากเมว เตน โกปาทินา ปมชฺฌานาทีนมนฺตราโย ภเวยฺย, ตสฺมา เต โกปาทิปริยาเยน วุตฺตา อาฆาตาทโย น กรณียาติ อธิปฺปาโย, เตน ‘‘นาหํ สพฺพฺู’’ติ อิสฺสรภาเวน ตุมฺเห ตโต นิวาเรมิ, อถ โข อิมินาว การเณนาติ ทสฺเสติ. ตํ ปน การณวจนํ ยสฺมา อาทีนววิภาวนํ โหติ, ตสฺมา ‘‘อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต’’ติ เหฏฺา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
โส ¶ ปน มโนปโทโส น เกวลํ กาลนฺตรภาวิโนเยว หิตสุขสฺส อนฺตรายกโร, อถ โข ตงฺขณปวตฺตนารหสฺสปิ หิตสุขสฺส อนฺตรายกโรติ มโนปโทเส อาทีนวํ ทฬฺหตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิ นู’’ติอาทิมาหาติปิ สมฺพนฺโธ วตฺตพฺโพ. ปเรสนฺติ เย อตฺตโต อฺเ, เตสนฺติ อตฺโถ, น ปน ‘‘ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติอาทีสุ วิย ปฏิวิรุทฺธสตฺตานนฺติ อาห ‘‘เยสํ เกสฺจี’’ติ. ตเทวตฺถํ สมตฺเถติ ‘‘กุปิโต หี’’ติอาทินา. ปาฬิยํ สุภาสิตทุพฺภาสิตวจนชานนมฺปิ ตทตฺถชานเนเนว สิทฺธนฺติ อาห ‘‘สุภาสิตทุพฺภาสิตสฺส อตฺถ’’นฺติ.
อนฺธํตมนฺติ อนฺธภาวกรํ ตมํ, อติวิย วา ตมํ. ยํ นรํ สหเต อภิภวติ, ตสฺส อนฺธตมนฺติ สมฺพนฺโธ. ยนฺติ วา ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ยสฺมึ กาเล สหเต, ตทา อนฺธตมํ โหตีติ อตฺโถ ¶ , การณนิทฺเทโส วา, เยน การเณน สหเต, เตน อนฺธตมนฺติ. เอวํ สติ ยํตํ-สทฺทานํ นิจฺจสมฺพนฺธตฺตา ‘‘ยทา’’ติ อชฺฌาหริตพฺพํ. กิริยาปรามสนํ วา เอตํ, ‘‘โกโธ สหเต’’ติ ยเทตํ โกธสฺส อภิภวนํ วุตฺตํ, เอตํ อนฺธตมนฺติ. ตโต จ กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสตีติ โยเชตพฺพํ. อตฺถํ ธมฺมนฺติ ปาฬิอตฺถํ, ปาฬิธมฺมฺจ. จิตฺตปฺปโกปโนติ จิตฺตสฺส ปกติภาววิชหเนน ปทูสโก. อนฺตรโตติ อพฺภนฺตรโต, จิตฺตโต วา โกธวเสน ภยํ ชาตํ. นฺติ ตถาสภาวํ โกธํ, โกธสฺส วา อนตฺถชนนาทิปฺปการํ.
สพฺพตฺถาปีติ สพฺเพสุปิ ปมทุติยตติยนเยสุ. ‘‘อวณฺเณ ปฏิปชฺชิตพฺพาการ’’นฺติ อธิกาโร. อวณฺณภาสกานมวิสยตฺตา ‘‘ตตฺรา’’ติ ปทสฺส ตสฺมึ อวณฺเณติ อตฺโถว ทสฺสิโต. อภูตนฺติ กตฺตุภูตํ วจนํ, ยํ วจนํ อภูตํ โหตีติ อตฺโถ. อภูตโตติ ปน อภูตตากิริยาว ภาวปฺปธานตฺตา, ภาวโลปตฺตา จาติ ทสฺเสติ ‘‘อภูตภาเวเนวา’’ติ อิมินา. ‘‘อิติเปต’’นฺติอาทิ นิพฺเพนาการนิทสฺสนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘กถ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺราติ ตสฺมึ วจเน. โยชนาติ อธิปฺปายปโยชนา. ตุณฺหีติ อภาสนตฺเถ นิปาโต, ภาวนปุํสโก เจส. ‘‘อิติเปตํ อภูต’’นฺติ วตฺวา ‘‘ยํ ตุมฺเหหี’’ติอาทินา ตทตฺถํ วิวรติ. อิมินาปีติ ปิ-สทฺเทน อเนกวิธํ การณํ สมฺปิณฺเฑติ. การณสรูปมาห ‘‘สพฺพฺุเยวา’’ติอาทินา. เอว-สทฺโท ตีสุปิ ปเทสุ โยเชตพฺโพ, สพฺพฺุภาวโต น อสพฺพฺู, สฺวากฺขาตตฺตา น ทุรกฺขาโต, สุปฺปฏิปนฺนตฺตา น ทุปฺปฏิปนฺโนติ อิมินาปิ การเณน นิพฺเพเตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘กสฺมา ปน สพฺพฺู’’ติอาทิปฏิโจทนายปิ ตํการณทสฺสเนน นิพฺเพเตพฺพเมวาติ อาห ‘‘ตตฺร อิทฺจิทฺจ การณ’’นฺติ. ตตฺราติ เตสุ สพฺพฺุตาทีสุ. อิทฺจ อิทฺจ การณนฺติ อเนกวิเธน การณานุการณํ ทสฺเสตฺวา ‘‘น สพฺพฺู’’ติอาทิวจนํ นิพฺเพเตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตตฺริทํ การณํ ¶ – สพฺพฺู เอว อมฺหากํ สตฺถา อวิปรีตธมฺมเทสนตฺตา. สฺวากฺขาโต เอว ธมฺโม เอกนฺตนิยฺยานิกตฺตา. สุปฺปฏิปนฺโน เอว สงฺโฆ สํกิเลสรหิตตฺตาติ. การณานุการณทสฺสนมฺเปตฺถ อสพฺพฺุตาทิวจน-นิพฺเพนเมว ตถาทสฺสนสฺส เตสมฺปิ การณภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. การณการณมฺปิ หิ ‘‘การณ’’นฺตฺเวว วุจฺจติ, ปติฏฺานปติฏฺานมฺปิ ‘‘ปติฏฺาน’’นฺตฺเวว ยถา ‘‘ติเณหิ ภตฺตํ ¶ สินิทฺธํ, ปาสาเท ธมฺมมชฺฌายตี’’ติ. ทุติยํ ปทนฺติ ‘‘อตจฺฉ’’นฺติ ปทํ. ปมสฺส ปทสฺสาติ ‘‘อภูต’’นฺติ ปทสฺส. จตุตฺถนฺติ ‘‘น จ ปเนตํ อมฺเหสุ สํวิชฺชตี’’ติ ปทํ. ตติยสฺสาติ ‘‘นตฺถิ เจตํ อมฺเหสู’’ติ ปทสฺส. วิวิธเมกตฺเถเยว ปวตฺตํ วจนํ วิวจนํ, ตเทว เววจนํ, วจนนฺติ วา อตฺโถ สทฺเทน วจนียตฺตา ‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตม’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑ ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑; อ. นิ. ๑.รูปาทิวคฺควณฺณนา; ปารา. อฏฺ. ๑.๑) วิย. นานาสภาวโต วิคตํ วจนํ ยสฺสาติ เววจนํ วุตฺตนเยน, ปริยายวจนนฺติ อตฺโถ.
เอตฺถาห – กสฺมา ปเนตฺถ ปริยายวจนํ วุตฺตํ, นนุ เอเกกปทวเสเนว อธิปฺเปโต อตฺโถ สิทฺโธ, เอวํ สิทฺเธ สติ กิเมเต เตน ปริยายวจเนน. ตเทตฺหิ คนฺถคารวาทิอเนกโทสกรํ, ยทิ จ ตํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตเทว วุตฺตํ อสฺส, น ตทฺนฺติ? วุจฺจเต – เทสนากาเล, หิ อายติฺจ กสฺสจิ กถฺจิ ตทตฺถปฏิเวธนตฺถํ ปริยายวจนํ วุตฺตํ. เทสนาปฏิคฺคาหเกสุ หิ โย เตสํ ปริยายวจนานํ ยํ ปุพฺเพ สงฺเกตํ กโรติ ‘‘อิทมิมสฺสตฺถสฺส วจน’’นฺติ, ตสฺส เตเนว ตทตฺถปฏิเวโธ โหติ. อปิจ ตสฺมึ ขเณ วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ อฺวิหิตานํ วิปริยายานํ อฺเน ปริยาเยน ตทตฺถาวโพธนตฺถมฺปิ ปริยายวจนํ วุตฺตํ. ยฺหิ เย น สุณนฺติ, ตปฺปริหายนวเสน เตสํ สพฺพถา ปริปุณฺณสฺส ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส อนวโพโธ สิยา, ปริยายวจเน ปน วุตฺเต ตพฺพเสน ปริปุณฺณมตฺถาวโพโธ โหติ. อถ วา มนฺทพุทฺธีนํ ปุนปฺปุนํ ตทตฺถลกฺขเณน อสมฺโมหนตฺถํ ปริยายวจนํ วุตฺตํ. มนฺทพุทฺธีนฺหิ เอเกเนว ปเทน เอกตฺถสฺส สลฺลกฺขเณน สมฺโมโห โหติ, อเนเกน ปริยาเยน ปน เอกตฺถสฺส สลฺลกฺขเณน ตถาสมฺโมโห น โหติ อเนกปฺปวตฺตินิมิตฺเตน เอกตฺเถเยว ปวตฺตสทฺเทน ยถาธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส นิจฺฉิตตฺตา.
อปโร นโย – ‘‘อเนเกปิ อตฺถา สมานพฺยฺชนา โหนฺตี’’ติ ยา อตฺถนฺตรปริกปฺปนา สิยา, ตสฺสา ปริวชฺชนตฺถมฺปิ ปริยายวจนํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อเนเกสมฺปิ หิ อตฺถานํ เอกปทวจนียตาวเสน สมานพฺยฺชนตฺตา ยถาวุตฺตสฺส ปทสฺส ‘‘อยมตฺโถ นุ โข อธิปฺเปโต, อุทาหุ อยมตฺโถวา’’ติ ปวตฺตํ โสตูนมตฺถนฺตรปริกปฺปนํ เววจนํ อฺมฺํ เภทกวเสน ปริวชฺเชติ. วุตฺตฺจ –
‘‘เนกตฺถวุตฺติยา ¶ ¶ สทฺโท, น วิเสสตฺถาปโก;
ปริยาเยน ยุตฺโต ตุ, ปริยาโย จ เภทโก’’ติ.
อปโร นโย – อนฺสฺสาปิ ปริยายวจนสฺส วจเน อเนกาหิ ตาหิ ตาหิ นามปฺตฺตีหิ เตสํ เตสํ อตฺถานํ ปฺาปนตฺถมฺปิ ปริยายวจนํ วตฺตพฺพํ โหติ. ตถา หิ ปริยายวจเน วุตฺเต ‘‘อิมสฺสตฺถสฺส อิทมิทมฺปิ นาม’’นฺติ โสตูนํ อเนกธา นามปฺตฺติวิชานนํ. ตโต จ ตํตํปฺตฺติโกสลฺลํ โหติ เสยฺยถาปิ นิฆณฺฏุสตฺเถ ปริจยตํ. อปิจ ธมฺมกถิกานํ ตนฺติอตฺถุปนิพนฺธนปราวโพธนานํ สุขสิทฺธิยาปิ ปริยายวจนํ. ตพฺพจเนน หิ ธมฺมเทสกานํ ตนฺติอตฺถสฺส อตฺตโน จิตฺเต อุปนิพนฺธเนน ปเนน ปเรสํ โสตูนมวโพธนํ สุขสิทฺธํ โหติ. อถ วา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อตฺตโน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติยา วิภาวนตฺถํ, เวเนยฺยานฺจ ตตฺถ พีชวาปนตฺถํ ปริยายวจนํ ภควา นิทฺทิสติ. ตทสมฺปตฺติกสฺส หิ ตถาวจนํ น สมฺภวติ. เตน จ ปริยายวจเนน ยถาสุเตน ตสฺสํ ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติยํ ตปฺปริจรเณน, ตทฺสุจริตสมุปพฺรูหเนน จ ปฺุสงฺขาตสฺส พีชสฺส วปนํ สมฺภวติ. โก หิ อีทิสาย สมฺปตฺติยา วิฺายมานาย ตเทตํ นาภิปตฺเถยฺยาติ, กึ วา พหุนา. ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ ยถา สพฺพสฺมึ อตฺเถ อปฺปฏิหตาณจาโร, ตถา สพฺพสฺมึ สทฺทโวหาเรติ เอกมฺปิ อตฺถํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ โพเธติ, นตฺถิ ตตฺถ ทนฺธายิตตฺตํ วิตฺถาริตตฺตํ, นาปิ ธมฺมเทสนาย หานิ, อาเวณิโก จายํ พุทฺธธมฺโม. สพฺพฺุตฺาณสฺส หิ สุปฺปฏิวิทิตภาเวน ปฏิสมฺภิทาาเณหิ วิย เตนปิ าเณน อตฺเถ, ธมฺเม, นิรุตฺติยา จ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย พุทฺธลีฬาย เอกมฺปิ อตฺถํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ โพเธติ, น ปน ตสฺมึ สทฺทโวหาเร, ตถาโพธเน วา มนฺทภาโว สมฺมาโพธนสฺส สาธนตฺตา, น จ เตน อตฺถสฺส วิตฺถารภาโว เอกสฺเสวตฺถสฺส เทเสตพฺพสฺส สุพฺพิชานนการณตฺตา, นาปิ ตพฺพจเนน ธมฺมเทสนาหานิ ตสฺส เทสนาสมฺปตฺติภาวโต. ตสฺมา สาตฺถกํ ปริยายวจนํ, น จาปิ ตํ คนฺถคารวาทิอเนกโทสกรนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยํ ปเนตํ วุตฺตํ ‘‘ยทิ จ ตํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตเทว วุตฺตํ อสฺส, น ตทฺ’’นฺติ, ตมฺปิ น ยุตฺตํ ปโยชนนฺตรสมฺภวโต. ตเทว หิ อวตฺวา ตทฺสฺส วจเนน เทสนากฺขเณ สมาหิตจิตฺตานมฺปิ สมฺมเทว ปฏิคฺคณฺหนฺตานํ ตํตํปทนฺโตคธปวตฺตินิมิตฺตมารพฺภ ¶ ตทตฺถาธิคโม โหติ, อิตรถา ตสฺมึเยว ปเท ปุนปฺปุนํ วุตฺเต เตสํ ตทตฺถานธิคตตา สิยาติ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘เยน เกนจิ อตฺถสฺส, โพธาย อฺสทฺทโต;
วิกฺขิตฺตกมนานมฺปิ, ปริยายกถา กตา.
มนฺทานฺจ ¶ อมูฬฺหตฺถํ, อตฺถนฺตรนิเสธยา;
ตํตํนามนิรุฬฺหตฺถํ, ปริยายกถา กตา.
เทสกานํ สุกรตฺถํ, ตนฺติอตฺถาวโพธเน;
ธมฺมนิรุตฺติโพธตฺถํ, ปริยายกถา กตา.
เวเนยฺยานํ ตตฺถ พีชวาปนตฺถฺจ อตฺตโน;
ธมฺมธาตุยา ลีฬาย, ปริยายกถา กตา.
ตเทว ตุ อวตฺวาน, ตทฺเหิ ปโพธนํ;
สมฺมาปฏิคฺคณฺหนฺตานํ, อตฺถาธิคมาย กต’’นฺติ.
อิทํ ปน นิพฺเพนํ อีทิเสเยว, น สพฺพตฺถ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อวณฺเณเยวาติ การณปติรูปํ วตฺวา, อวตฺวา วา โทสปติฏฺาปนวเสน นินฺทาย เอว. น สพฺพตฺถาติ น เกวลํ อกฺโกสนขุํสนวมฺภนาทีสุ สพฺพตฺถ นิพฺเพนํ กาตพฺพนฺติ อตฺโถ. ตเทวตฺถํ ‘‘ยทิ หี’’ติอาทินา ปากฏํ กโรติ. ‘‘สาสงฺกนีโย โหตี’’ติ วุตฺตํ ตถานิพฺเพเตพฺพตาย การณเมว ‘‘ตสฺมา’’ติ ปฏินิทฺทิสติ. ‘‘โอฏฺโสี’’ติอาทิ ‘‘น สพฺพตฺถา’’ติ เอตสฺส วิวรณํ. ชาตินามโคตฺตกมฺมสิปฺปอาพาธ ลิงฺค กิเลส อาปตฺติ อกฺโกสนสงฺขาเตหิ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ. อธิวาสนเมว ขนฺติ, น ทิฏฺินิชฺฌานกฺขมนาทโยติ อธิวาสนขนฺติ.
๖. เอวํ อวณฺณภูมิยา สํวณฺณนํ กตฺวา อิทานิ วณฺณภูมิยาปิ สํวณฺณนํ กาตุมาห ‘‘เอว’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อวณฺณภูมิยนฺติ อวณฺณปฺปกาสนฏฺาเน. ตาทิลกฺขณนฺติ เอตฺถ ‘‘ปฺจหากาเรหิ ตาที อิฏฺานิฏฺเ ตาที, จตฺตาวีติ ตาที, ติณฺณาวีติ ตาที, มุตฺตาวีติ ตาที, ตํนิทฺเทสา ตาที’’ติ (มหานิ. ๓๘) นิทฺเทสนเยน ปฺจสุ อตฺเถสุ อิธ ปเมนตฺเถน ตาที. ตตฺรายํ นิทฺเทโส –
กถํ อรหา อิฏฺานิฏฺเ ตาที, อรหา ลาเภปิ ตาที, อลาเภปิ ตาที, ยเสปิ, อยเสปิ, ปสํสายปิ, นินฺทายปิ, สุเขปิ ¶ , ทุกฺเขปิ ตาที, เอกฺเจ พาหํ คนฺเธน ลิมฺเปยฺยุํ, เอกฺเจ พาหํ วาสิยา ตจฺเฉยฺยุํ, อมุสฺมึ นตฺถิ ราโค, อมุสฺมึ นตฺถิ ปฏิโฆ ¶ , อนุนยปฏิฆวิปฺปหีโน อุคฺฆาฏินิคฺฆาฏิวีติวตฺโต, อนุโรธวิโรธสมติกฺกนฺโต, เอวํ อรหา อิฏฺานิฏฺเ ตาทีติ (มหานิ. ๓๘).
วจนตฺโถ ปน ตมิว ทิสฺสตีติ ตาที, อิฏฺมิว อนิฏฺมฺปิ ปสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺส ลกฺขณํ ตาทิลกฺขณํ, อิฏฺานิฏฺเสุ สมเปกฺขนสภาโว. อถ วา ตมิว ทิสฺสเต ตาที, โส เอว สภาโว, ตเทว ลกฺขณํ ตาทิลกฺขณนฺติ. วณฺณภูมิยํ ตาทิลกฺขณํ ทสฺเสตุนฺติ สมฺพนฺโธ. ปร-สทฺโท อฺตฺเถติ อาห ‘‘เย เกจี’’ติอาทิ. อานนฺทนฺติ ภุสํ ปโมทนฺติ ตํสมงฺคิโน สตฺตา เอเตนาติ อานนฺทสทฺทสฺส กรณตฺถตํ ทสฺเสติ. โสภนมโน สุมโน, จิตฺตํ, โสภนํ วา มโน ยสฺสาติ สุมโน, ตํสมงฺคีปุคฺคโล. นนุ จ จิตฺตวาจกภาเว สติ เจตสิกสุขสฺส ภาวตฺถตา ยุตฺตา, ปุคฺคลวาจกภาเว ปน จิตฺตเมว ภาวตฺโถ สิยา, น เจตสิกสุขํ, สุมนสทฺทสฺส ทพฺพนิมิตฺตํ ปติ ปวตฺตตฺตา ยถา ‘‘ทณฺฑิตฺตํ สิขิตฺต’’นฺติอาทีติ? สจฺจเมตํ ทพฺเพ อเปกฺขิเต, อิธ ปน ตทนเปกฺขิตฺวา เตน ทพฺเพน ยุตฺตํ มูลนิมิตฺตภูตํ เจตสิกสุขเมว อเปกฺขิตฺวา สุมนสทฺโท ปวตฺโต, ตสฺมา เอตฺถาปิ เจตสิกสุขเมว ภาวตฺโถ สมฺภวติ, เตนาห ‘‘เจตสิกสุขสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. เอเตน หิ วจเนน ตทฺเจตสิกานมฺปิ จิตฺตปฏิพทฺธตฺตา, จิตฺตกิริยตฺตา จ ยถาสมฺภวํ โสมนสฺสภาโว อาปชฺชตีติ โจทนํ นาปชฺชเตว รุฬฺหิสทฺทตฺตา ตสฺส ยถา ‘‘ปงฺกช’’นฺติ ปริหรติ. อุพฺพิลยตีติ อุพฺพิลํ, ภินฺทติ ปุริมาวตฺถาย วิเสสํ อาปชฺชตีติ อตฺโถ. ตเทว อุพฺพิลาวิตํ ปจฺจยนฺตราคมาทิวเสน. อุทฺธํ ปลวตีติ วา อุพฺพิลาวิตํ อการานํ อิการํ, อาการฺจ กตฺวา, จิตฺตเมว ‘‘เจตโส’’ติ วุตฺตตฺตา. ตทฺธิเต ปน สิทฺเธ ตํ อพฺยติริตฺตํ ตสฺมึ ปเท วจนียสฺส สามฺภาวโต, ตสฺส วา สทฺทสฺส นามปทตฺตา, ตสฺมา กสฺสาติ สมฺพนฺธีวิเสสานุโยเค ‘‘เจตโส’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอส นโย อีทิเสสุ. ยาย อุปฺปนฺนาย กายจิตฺตํ วาตปูริตภสฺตา วิย อุทฺธุมายนาการปฺปตฺตํ โหติ ตสฺสา เคหสิตาย โอทคฺยปีติยา เอตํ อธิวจนนฺติ สรูปํ ทสฺเสติ ‘‘อุทฺธจฺจาวหายา’’ติอาทินา. อุทฺธจฺจาวหายาติ อุทฺธตภาวาวหาย. อุปฺปิลาเปติ ¶ จิตฺตํ อุปฺปิลาวิตํ กโรตีติ อุพฺพิลาปนา, สา เอว ปีติ, ตสฺสา. ขนฺธวเสน ธมฺมวิเสสตฺตํ อาห ‘‘อิธาปี’’ติอาทินา. อวณฺณภูมิมเปกฺขาย อปิ-สทฺโท ‘‘อยมฺปิ ปาราชิโก’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑.๘๙, ๙๑, ๑๖๗, ๑๗๑, ๑๙๕, ๑๙๗) วิย, อิธ จ กิฺจาปิ เตสํ ภิกฺขูนํ อุพฺพิลาวิตเมว นตฺถิ, อถ โข อายตึ กุลปุตฺตานํ เอทิเสสุปิ าเนสุ อกุสลุปฺปตฺตึ ปฏิเสเธนฺโต ธมฺมเนตฺตึ เปตีติ. ทฺวีหิ ปเทหิ สงฺขารกฺขนฺโธ, เอเกน เวทนากฺขนฺโธ วุตฺโตติ เอตฺถาปิ ‘‘เตสํ วเสน เสสานํ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ กรณํ ปฏิกฺขิตฺตเมวา’’ติ จ อฏฺกถายํ วุตฺตนเยน สกฺกา วิฺาตุนฺติ ¶ น วุตฺตํ. ‘‘ปิ-สทฺโท สมฺภาวนตฺโถ’’ติอาทินา วุตฺตนเยน เจตฺถ อตฺโถ ยถาสมฺภวํ เวทิตพฺโพ.
ตุมฺหํเยวสฺส เตน อนฺตราโยติ เอตฺถาปิ ‘‘อนฺตราโย’’ติ อิทํ ‘‘อุพฺพิลาวิตตฺตสฺส อกรณียตาการณวจน’’ติอาทินา เหฏฺา อวณฺณปกฺเข อมฺเหหิ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอตฺถ จ ‘‘อานนฺทิโน อุพฺพิลาวิตา’’ติ ทีปิตํ ปีติเมว คเหตฺวา ‘‘เตน อุพฺพิลาวิตตฺเตนา’’ติ วจนํ โสมนสฺสรหิตาย ปีติยา อภาวโต ตพฺพจเนเนว ‘‘สุมนา’’ติ ทีปิตํ โสมนสฺสมฺปิ สิทฺธเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ. อถ วา โสมนสฺสสฺส อนฺตรายกรตา ปากฏา, น ตถา ปีติยาติ เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กสฺมา ปเนตนฺติ ยถาวุตฺตํ อตฺถํ อวิภาคโต มนสิ กตฺวา โจเทติ. อาจริโย ‘‘สจฺจ’’นฺติ ตมตฺถํ ปฏิชานิตฺวา ‘‘ตํ ปนา’’ติอาทินา วิภชฺชพฺยากรณวเสน ปริหรติ.
ตตฺถ เอตนฺติ อานนฺทาทีนมกรณียตาวจนํ, นนุ ภควตา วณฺณิตนฺติ สมฺพนฺโธ. พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺสาติ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจนํ คุณานุสฺสรณวเสน กเถนฺตสฺส สาธุชนสฺส. กสิเณนาติ กสิณตาย สกลภาเวน. ชมฺพุทีปสฺสาติ เจตสฺส อวยวภาเวน สมฺพนฺธีวจนํ. อปเร ปน ‘‘ชมฺพุทีปสฺสาติ กรณวจนตฺเถ สามิวจน’’ติ วทนฺติ, เตสํ มเตน กสิณชมฺพุทีปสทฺทานํ สมานาธิกรณภาโว ทฏฺพฺโพ, กรณวจนฺจ นิสฺสกฺกตฺเถ. ปเคว เอกเทสโต ปนาติ อปิ-สทฺโท สมฺภาวเน. อาทิ-สทฺเทน เจตฺถ –
‘‘มา โสจิ อุทายิ, อานนฺโท อวีตราโค กาลํ กเรยฺย, เตน จิตฺตปฺปสาเทน สตฺตกฺขตฺตุํ เทวรชฺชํ กาเรยฺย, สตฺตกฺขตฺตุํ ¶ อิมสฺมึเยว ชมฺพุทีเป มหารชฺชํ กาเรยฺย, อปิจ อุทายิ อานนฺโท ทิฏฺเว ธมฺเม ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติอาทิสุตฺตํ (อ. นิ. ๓.๘๑) –
สงฺคหิตํ. นฺติ สุตฺตนฺตเร วุตฺตํ ปีติโสมนสฺสํ. เนกฺขมฺมสฺสิตนฺติ กามโต นิกฺขมเน กุสลธมฺเม นิสฺสิตํ. อิธาติ อิมสฺมึ สุตฺเต. เคหสฺสิตนฺติ เคหวาสีนํ สมุทาจิณฺณโต เคหสงฺขาเต กามคุเณ นิสฺสิตํ. กสฺมา ตเทวิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘อิทฺหี’’ติอาทิ. ‘‘อายสฺมโต ฉนฺนสฺส อุปฺปนฺนสทิส’’นฺติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏํ กาตุํ, สมตฺเถตุํ วา ‘‘เตเนวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ ภควติ, ธมฺเม จ ปวตฺตเคหสฺสิตเปมตาย. ปรินิพฺพานกาเลติ ปรินิพฺพานาสนฺนกาเล ภควตา ปฺตฺเตน ตชฺชิโตติ วา สมฺพนฺโธ. ปรินิพฺพานกาเลติ ¶ วา ภควโต ปรินิพฺพุตกาเล สงฺเฆน ตชฺชิโต นิพฺพตฺเตตีติ วา สมฺพนฺโธ. พฺรหฺมทณฺเฑนาติ ‘‘ภิกฺขูหิ อิตฺถนฺนาโม เนว วตฺตพฺโพ, น โอวทิตพฺโพ, นานุสาสิตพฺโพ’’ติ (จูฬว. ๔๔๕) กเตน พฺรหฺมทณฺเฑน. ตชฺชิโตติ สํเวชิโต. ตสฺมาติ ยสฺมา เคหสฺสิตปีติโสมนสฺสํ ฌานาทีนํ อนฺตรายกรํ, ตสฺมา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา สกฺกปฺหสุตฺเต ‘‘โสมนสฺสํปาหํ เทวานมินฺท, ทุวิเธน วทามิ เสวิตพฺพมฺปิ อเสวิตพฺพมฺปี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕๙).
‘‘อยฺหี’’ติอาทินา ตเทวตฺถํ การณโต สมตฺเถติ. ราคสหิตตฺตา หิ สา อนฺตรายกราติ. เอตฺถ ปน ‘‘อิทฺหิ ราคสฺหิตํ ปีติโสมนสฺส’’นฺติ วตฺตพฺพํ สิยา, ตถาปิ ปีติคฺคหเณน โสมนสฺสมฺปิ คหิตเมว โหติ โสมนสฺสรหิตาย ปีติยา อภาวโตติ เหฏฺา วุตฺตนเยน ปีติเยว คหิตา. อปิจ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพวิภาคสฺส สุตฺเต วจนโต โสมนสฺสสฺส ปากโฏ อนฺตรายกรภาโว, น ตถา ปีติยาติ สาเยว ราคสหิตตฺเถน วิเสเสตฺวา วุตฺตา. อวณฺณภูมิยา สทฺธึ สมฺพนฺธิตฺวา ปากฏํ กาตุํ ‘‘โลโภ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โกธสทิโสวาติ อวณฺณภูมิยํ วุตฺตโกธสทิโส เอว. ‘‘ลุทฺโธ’’ติอาทิคาถานํ ‘‘กุทฺโธ’’ติอาทิคาถาสุ วุตฺตนเยน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
‘‘มมํ วา ภิกฺขเว ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร เจ ตุมฺเห อสฺสถ อานนฺทิโน สุมนา อุพฺพิลาวิตา ¶ , อปิ นุ ตุมฺเห ปเรสํ สุภาสิตทุพฺภาสิตํ อาชาเนยฺยาถาติ? โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อยํ ตติยวาโร นาม อวณฺณภูมิยํ วุตฺตนยวเสน ตติยวารฏฺาเน นีหริตพฺพตฺตา, โส เทสนากาเล เตน วาเรน โพเธตพฺพปุคฺคลาภาวโต เทสนาย อนาคโตปิ ตทตฺถสมฺภวโต อตฺถโต อาคโตเยว. ยถา ตํ วิตฺถารวเสน กถาวตฺถุปฺปกรณนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตติยวาโร ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ, เอเตน สํวณฺณนากาเล ตถาพุชฺฌนกสตฺตานํ วเสน โส วาโร อาเนตฺวา สํวณฺเณตพฺโพติ ทสฺเสติ. ‘‘ยเถว หี’’ติอาทินา ตเทวตฺถสมฺภวํ วิภาเวติ. กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ ยเถวาติ สมฺพนฺโธ.
ปฏิปชฺชิตพฺพาการทสฺสนวาเรติ ยถาวุตฺตํ ตติยวารํ อุปาทาย วตฺตพฺเพ จตุตฺถวาเร. ‘‘ตุมฺหากํ สตฺถา’’ติ วจนโต ปภุติ ยาว ‘‘อิมินาปิ การเณน ตจฺฉ’’นฺติ วจนํ, ตาว โยชนา. ‘‘โส หิ ภควา’’ติอาทิ ตพฺพิวรณํ. ตตฺถ อิติปีติ อิมินาปิ การเณน. วิตฺถาโร วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑๒๓ อาทโย) ‘‘อนาปตฺติ อุปสมฺปนฺนสฺส ภูตํ อาโรเจตี’’ติ ¶ (ปาจิ. ๗๗) วุตฺเตปิ สภาคานเมว อาโรจนํ ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘สภาคานํ ภิกฺขูนํเยว ปฏิชานิตพฺพ’’นฺติ. เตเยว หิ ตสฺส อตฺถกามา, สทฺเธยฺยวจนตฺตฺจ มฺนฺติ, ตโต จ ‘‘สาสนสฺส อโมฆตา ทีปิตา โหตี’’ติ วุตฺตตฺถสมตฺถนํ สิยา. ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิ การณวจนํ. ปาปิจฺฉตา เจว ปริวชฺชิตา, กตฺตุภูตา วา สา, โหตีติ สมฺพนฺโธ. อโมฆตาติ นิยฺยานิกภาเวน อตุจฺฉตา. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตตฺร ตุมฺเหหีติ ตสฺมึ วณฺเณ ตุมฺเหหี’’ติอาทินา เจว ‘‘ทุติยํ ปทํ ปมสฺส ปทสฺส, จตุตฺถฺจ ตติยสฺส เววจน’’นฺติอาทินา จ วุตฺตนเยน.
จูฬสีลวณฺณนา
๗. โก อนุสนฺธีติ ปุจฺฉา ‘‘นนุ เอตฺตเกเนว ยถาวุตฺเตหิ อวณฺณวณฺเณหิ สมฺพนฺธา เทสนามตฺถกํ ปตฺตา’’ติ อนุโยคสมฺภวโต กตา. วณฺเณน จ อวณฺเณน จาติ ตทุภยปเทน. อตฺถนิทฺเทโส วิย หิ สทฺทนิทฺเทโสปีติ อกฺขรจินฺตกา. อถ วา ตถาภาสนสฺส การณตฺตา, โกฏฺาสตฺตา จ ‘‘ปเทหี’’ติ วุตฺตํ. อวณฺเณน จ วณฺเณน จาติ ปน อคุณคุณวเสน, นินฺทาปสํสาวเสน จ สรูปทสฺสนํ. ‘‘นิวตฺโต อมูลกตาย ¶ วิสฺสชฺเชตพฺพตาภาวโต’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. ตํ วิตฺถาเรตฺวา เทสนาย โพเธตพฺพปุคฺคลาภาวโต เอตฺตกาว สา ยุตฺตรูปาติ ภควโต อชฺฌาสเยเนว อเทสนาภาเวน นิวตฺโต, ยถา ตํ วณฺณภูมิยํ ตติยวาโรติปิ ทฏฺพฺพํ. ตถา โพเธตพฺพปุคฺคลสมฺภเวน วิสฺสชฺเชตพฺพตาย อธิคตภาวโต อนุวตฺตติเยว. อิติเปตํ ภูตนฺติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ ตทุปริปิ อนุวตฺตกตฺตา, เตน วกฺขติ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ. เอตฺตาวตา อยํ วณฺณานุสนฺธีติ ทสฺเสตฺวา ทุวิเธสุ ปน เตสุ วณฺเณสุ พฺรหฺมทตฺตสฺส วณฺณานุสนฺธีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส ปนา’’ติอาทิมาห. อุปริ สฺุตาปกาสเน อนุสนฺธึ ทสฺเสสฺสติ ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๘).
เอวํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนามุเขน สมุทายตฺถตํ วตฺวา อิทานิ อวยวตฺถตํ ทสฺเสติ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา. อปฺปเมว ปริโต สมนฺตโต ขณฺฑิตตฺตา ปริตฺตํ นามาติ อาห ‘‘อปฺปมตฺตกนฺติ ปริตฺตสฺส นาม’’นฺติ. มตฺตา วุจฺจติ ปมาณํ มียเต ปริมียเตติ กตฺวา. สมาสนฺตกกาเรน อปฺปมตฺตกํ ยถา ‘‘พหุปุตฺตโก’’ติ, เอวํ โอรมตฺตเกปิ. เอเตเนว ‘‘อปฺปา มตฺตา อปฺปมตฺตา, สา เอตสฺสาติ อปฺปมตฺตก’’นฺติอาทินา กปจฺจยสฺส สาตฺถกตมฺปิ ทสฺเสติ อตฺถโต อภินฺนตฺตา. มตฺตกสทฺทสฺส อนตฺถกภาวโต สีลเมว สีลมตฺตกํ. อนตฺถกภาโวติ จ สกตฺถตา ¶ ปุริมปทตฺเถเยว ปวตฺตนโต. น หิ สทฺทา เกวลํ อนตฺถกา ภวนฺตีติ อกฺขรจินฺตกา. นนุ จ ภควโต ปารมิตานุภาเวน นิรตฺถกเมกกฺขรมฺปิ มุขวรํ นาโรหติ, สกลฺจ ปริยตฺติสาสนํ ปเท ปเท จตุสจฺจปฺปกาสนนฺติ วุตฺตํ, กถํ ตสฺส อนตฺถกตา สมฺภวตีติ? สจฺจํ, ตมฺปิ ปทนฺตราภิหิตสฺส อตฺถสฺส วิเสสนวเสน ตทภิหิตํ อตฺถํ วทติ เอว, โส ปน อตฺโถ วินาปิ เตน ปทนฺตเรเนว สกฺกา วิฺาตุนฺติ อนตฺถกมิจฺเจว วุตฺตนฺติ. นนุ อโวจุมฺห ‘‘อนตฺถกภาโว…เป… ปวตฺตนโต’’ติ. อปิจ วิเนยฺยชฺฌาสยานุรูปวเสน ภควโต เทสนา ปวตฺตติ, วิเนยฺยา จ อนาทิมติสํสาเร โลกิเยสุเยว สทฺเทสุ ปริภาวิตจิตฺตา, โลเก จ อสติปิ อตฺถนฺตราวโพเธ วาจาสิลิฏฺตาทิวเสน สทฺทปโยโค ทิสฺสติ ‘‘ลพฺภติ ปลพฺภติ, ขฺชติ นิขฺชติ, อาคจฺฉติ ปจฺจาคจฺฉตี’’ติอาทินา. ตถาปริจิตานฺจ ตถาวิเธเนว สทฺทปโยเคน อตฺถาวคโม ¶ สุโข โหตีติ อนตฺถกสทฺทปโยโค วุตฺโตติ. เอวํ สพฺพตฺถ. โหติ เจตฺถ –
‘‘ปทนฺตรวจนีย-สฺสตฺถสฺส วิเสสนาย;
โพธนาย วิเนยฺยานํ, ตถานตฺถปทํ วเท’’ติ.
อถ วา สีลมตฺตกนฺติ เอตฺถ มตฺต-สทฺโท วิเสสนิวตฺติอตฺโถ ‘‘อวิตกฺกวิจารมตฺตา ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา) มโนมตฺตา ธาตุ มโนธาตู’’ติ (ธ. ส. มูลฏี. ๔๙๙) จ อาทีสุ วิย. ‘‘อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตก’’นฺติ ปททฺวเยน สามฺโต วุตฺโตเยว หิ อตฺโถ ‘‘สีลมตฺตก’’นฺติ ปเทน วิเสสโต วุตฺโต, เตน จ สีลํ เอว สีลมตฺตํ, ตเทว สีลมตฺตกนฺติ นิพฺพจนํ กาตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘สีลเมว สีลมตฺตก’’นฺติ วุตฺตํ.
อยํ ปน อฏฺกถามุตฺตโก นโย – โอรมตฺตกนฺติ เอตฺถ โอรนฺติ อปารภาโค ‘‘โอรโต โภคํ (มหาว. ๖๖) โอรํ ปาร’’นฺติอาทีสุ วิย. อถ วา เหฏฺาอตฺโถ โอรสทฺโท โอรํ อาคมนาย เย ปจฺจยา, เต โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานีติอาทีสุ วิย. สีลฺหิ สมาธิปฺาโย อเปกฺขิตฺวา อปารภาเค, เหฏฺาภาเค จ โหติ, อุภยตฺถาปิ ‘‘โอเร ปวตฺตํ มตฺตํ ยสฺสา’’ติอาทินา วิคฺคโห. สีลมตฺตกนฺติ เอตฺถาปิ มตฺตสทฺโท อมหตฺถวาจโก ‘‘เภสชฺชมตฺตา’’ติอาทีสุ วิย. อถ วา สีเลปิ ตเทกเทสสฺเสว สงฺคหณตฺถํ อมหตฺถวาจโก เอตฺถ มตฺตสทฺโท วุตฺโต. ตถา หิ อินฺทฺริยสํวรปจฺจยสนฺนิสฺสิตสีลานิ อิธ เทสนํ อนารุฬฺหานิ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา ตานิ ปาติโมกฺขสํวรอาชีวปาริสุทฺธิสีลานิ วิย น สพฺพปุถุชฺชเนสุ ¶ ปากฏานีติ. มตฺตนฺติ เจตฺถ วิเสสนิวตฺติอตฺเถ นปุํสกลิงฺคํ. ปมาณปฺปกตฺเถสุ ปน ‘‘มตฺต’’นฺติ วา ‘‘มตฺตา’’ติ วา นปุํสกิตฺถิลิงฺคํ.
‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทินา สห โยชนาย ปิณฺฑตฺถํ ทสฺเสติ. เยน สีเลน วเทยฺย, เอตํ สีลมตฺตกํ นามาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘วณฺณํ วทามีติ อุสฺสาหํ กตฺวาปี’’ติ อิทํ ‘‘วณฺณํ วทมาโน’’ติ เอตสฺส วิวรณํ. เอเตน หิ ‘‘เอกปุคฺคโล ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๑๗๐) วิย มานสทฺทสฺส สามตฺถิยตฺถตํ ทสฺเสติ. ‘‘อุสฺสาหํ กุรุมาโน’’ติ ¶ อวตฺวา ‘‘กตฺวา’’ติ จ วจนํ ตฺวาทิปจฺจยนฺตปทานมิว มานนฺตปจฺจยนฺตปทานมฺปิ ปรกิริยาเปกฺขเมวาติ ทสฺสนตฺถํ. ‘‘ตตฺถ สิยา’’ติอาทินา สนฺธายภาสิตมตฺถํ อชานิตฺวา นีตตฺถเมว คเหตฺวา สุตฺตนฺตรวิโรธิตํ มฺมานสฺส กสฺสจิ อีทิสี โจทนา สิยาติ ทสฺเสติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนต’’นฺติอาทิวจเน (ที. นิ. ๑.๗). กมฺมฏฺานภาวเน ยฺุชติ สีเลนาติ โยคี, ตสฺส.
อลงฺกรณํ วิภูสนํ อลงฺกาโร, ปสาธนกิริยา. อลํ กโรติ เอเตเนวาติ วา อลงฺกาโร, กุณฺฑลาทิปสาธนํ. มณฺฑียเต มณฺฑนํ, อูนฏฺานปูรณํ. มณฺฑียติ เอเตนาติ วา มณฺฑนํ, มุขจุณฺณาทิอูนปูรโณปกรณํ. อิธ ปน สทิสโวหาเรน, ตทฺธิตวเสน วา สีลเมว ตถา วุตฺตํ. มณฺฑเนติ มณฺฑนเหตุ, มณฺฑนกิริยานิมิตฺตํ คโตติ อตฺโถ. อถ วา มณฺฑติ สีเลนาติ มณฺฑโน, มณฺฑนชาติโก ปุริโส. พหุมฺหิ เจตํ ชาตฺยาเปกฺขาย เอกวจนํ. อุพฺพาหนตฺเถปิ หิ เอกวจนมิจฺฉนฺติ เกจิ, ตทยุตฺตเมว สทฺทสตฺเถ อนาคตตฺตา, อตฺถยุตฺติยา จ อภาวโต. กถฺหิ เอกวจนนิทฺทิฏฺโต อุพฺพาหนกรณํ ยุตฺตํ สิยา เอกสฺมึ เยวตฺเถ อุพฺพาหิตพฺพสฺส อฺสฺสตฺถสฺส อภาวโต. ตสฺมา วิปลฺลาสวเสน พหฺวตฺเถ อิทํ เอกวจนํ ทฏฺพฺพํ, มณฺฑนสีเลสูติ อตฺโถ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนปิ หิ อยเมวิธ วินิจฺฉโย (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) วุตฺโต. อคฺคตนฺติ อุตฺตมภาวํ.
อสฺสํ ภวิสฺสามีติ อากงฺเขยฺยาติ สมฺพนฺโธ. อสฺสาติ ภเวยฺย. ปริปูรการีติ เจตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน สกลมฺปิ สีลโถมนสุตฺตํ ทสฺเสติ.
กิกีว อณฺฑนฺติ เอตฺถาปิ ตทตฺเถน อิติ-สทฺเทน –
‘‘กิกีว ¶ อณฺฑํ จมรีว วาลธึ,
ปิยํว ปุตฺตํ นยนํว เอกกํ;
ตเถว สีลํ อนุรกฺขมานา,
สุเปสลา โหถ สทา สคารวา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙); –
คาถํ สงฺคณฺหาติ. ‘‘ปุปฺผคนฺโธ’’ติ วตฺวา ตเทกเทเสน ทสฺเสตุํ ‘‘น จนฺทน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. จนฺทนํ ตครํ มลฺลิกาติ หิ ตํสหจรณโต เตสํ ¶ คนฺโธว วุตฺโต. ปุปฺผคนฺโธติ จ ปุปฺผฺจ ตทวเสโส คนฺโธ จาติ อตฺโถ. ตครมลฺลิกาหิ วา อวสิฏฺโ ‘‘ปุปฺผคนฺโธ’’ติ วุตฺโต. สตฺจ คนฺโธติ เอตฺถ สีลเมว สทิสโวหาเรน วา ตทฺธิตวเสน วา คนฺโธ. สีลนิพนฺธโน วา ถุติโฆโส วุตฺตนเยน ‘‘คนฺโธ’’ติ อธิปฺเปโต. สีลฺหิ กิตฺติยา นิมิตฺตํ. ยถาห ‘‘สีลวโต กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๗๘๕; อุทา. ๗๖). สปฺปุริโส ปวายติ ปกาเรหิ คนฺธติ ตสฺส คนฺธูปครุกฺขปฏิภาคตฺตา.
วสฺสิกีติ สุมนปุปฺผํ, ‘‘วสฺสิก’’นฺติปิ ปาโ, ตทตฺโถว. คนฺธา เอว คนฺธชาตา, คนฺธปฺปการา วา. ยฺวายนฺติ ยทิทํ, อุตฺตโม คนฺโธ วาตีติ สมฺพนฺโธ.
สมฺมทฺา วิมุตฺตานนฺติ สมฺมา อฺาย ชานิตฺวา, อคฺคมคฺเคน วา วิมุตฺตานํ. มคฺคํ น วินฺทตีติ การณํ น ลภติ, น ชานาติ วา.
‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ติ คาถาย ปฏิสนฺธิปฺาย สปฺโ อาตาปี วีริยวา ปาริหาริกปฺาย นิปโก นรสงฺขาโต ภิกฺขุ สีเล ปติฏฺาย จิตฺตํ ตปฺปธาเนน วุตฺตํ สมาธึ ภาวยํ ภาวยนฺโต ภาวนาเหตุ ตถา ปฺํ วิปสฺสนฺจ อิมํ อนฺโตชฏาพหิชฏาสงฺขาตํ ชฏํ วิชฏเย วิชเฏยฺย วิชฏิตุํ สมตฺเถยฺยาติ สงฺเขปตฺโถ.
ปถวึ นิสฺสายาติ ปถวึ รสคฺคหณวเสน นิสฺสาย, สีลสฺมึ ปน ปริปูรณวเสน นิสฺสาย ปติฏฺานํ ทฏฺพฺพํ.
อปฺปกมหนฺตตาย ปาราปาราทิ วิย อุปนิธาปฺตฺติภาวโต อฺมฺํ อุปนิธาย อาหาติ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘อุปริ คุเณ อุปนิธายา’’ติ วุตฺตํ. สีลฺหีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท การณตฺโถ, เตนิทํ ¶ การณํ ทสฺเสติ ‘‘ยสฺมา สีลํ กิฺจาปิ ปติฏฺาภาเวน สมาธิสฺส พหูปการํ, ปภาวาทิคุณวิเสเส ปนสฺส อุปนิธาย กลมฺปิ ภาคํ น อุเปติ, ตถา สมาธิ จ ปฺายา’’ติ. เตเนวาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. น ปาปุณาตีติ คุณสมภาเวน น สมฺปาปุณาติ, น สเมตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปริมนฺติ สมาธิปฺํ. อุปนิธายาติ อุปตฺถมฺภํ กตฺวา. ตฺหิ ตาทิสาย ปฺตฺติยา อุปตฺถมฺภนํ โหติ. เหฏฺิมนฺติ สีลสมาธิทฺวยํ.
‘‘กถ’’นฺติอาทิ ¶ วิตฺถารวจนํ. กณฺฑมฺพมูลิกปาฏิหาริยกถนฺเจตฺถ ยถากถฺจิปิ สีลสฺส สมาธิมปาปุณตาสิทฺธิเยวิธาธิปฺเปตาติ ปากฏตรปาฏิหาริยภาเวน, นิทสฺสนนเยน จาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อภิ…เป… ติตฺถิยมทฺทน’’นฺติ อิทํ ปน ตสฺส ยมกปาฏิหาริยสฺส สุปากฏภาวทสฺสนตฺถํ, อฺเหิ โพธิมูเล าติสมาคมาทีสุ จ กตปาฏิหาริเยหิ วิเสสทสฺสนตฺถฺจ วุตฺตํ. สมฺโพธิโต หิ อฏฺเมปิ ทิวเส เทวตานํ ‘‘พุทฺโธ วา โน วา’’ติ อุปฺปนฺนกงฺขาวิธมนตฺถํ อากาเส รตนจงฺกมํ มาเปตฺวา จงฺกมนฺโต ปาฏิหาริยํ อกาสิ, ตโต ทุติยสํวจฺฉเร กุลนครคโต กปิลวตฺถุปุเร นิคฺโรธาราเม าตีนํ สมาคเมปิ เตสํ มานมทปฺปหานตฺถํ ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ. ตตฺถ อภิสมฺโพธิโตติ อภิสมฺพุชฺฌนกาลโต. สาวตฺถินครทฺวาเรติ สาวตฺถินครสฺส ทกฺขิณทฺวาเร. กณฺฑมฺพรุกฺขมูเลติ กณฺเฑน นาม ปเสนทิรฺโ อุยฺยานปาเลน โรปิตตฺตา กณฺฑมฺพนามกสฺส รุกฺขสฺส มูเล. ยมกปาฏิหาริยกรณตฺถาย ภควโต จิตฺเต อุปฺปนฺเน ‘‘ตทนุจฺฉวิกํ านํ อิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ รตนมณฺฑปาทิ สกฺเกน เทวรฺา อาณตฺเตน วิสฺสกมฺมุนา กตนฺติ วทนฺติ เกจิ. ภควตา นิมฺมิตนฺติ อปเร. อฏฺกถาสุ ปน อเนกาสุ ‘‘สกฺเกน เทวานมินฺเทน อาณาปิเตน วิสฺสกมฺมเทวปุตฺเตน มณฺฑโป กโต, จงฺกโม ปน ภควตา นิมฺมิโต’’ติ วุตฺตํ. ทิพฺพเสตจฺฉตฺเต เทวตาหิ ธาริยมาเนติ อตฺโถ วิฺายติ อฺเสมสมฺภวโต. ‘‘ทฺวาทสโยชนาย ปริสายา’’ติ อิทํ จตูสุ ทิสาสุ ปจฺเจกํ ทฺวาทสโยชนํ มนุสฺสปริสํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตทา กิร ทสสหสฺสิโลกธาตุโต จกฺกวาฬคพฺภํ ปริปูเรตฺวา เทวพฺรหฺมาโนปิ สนฺนิปตึสุ. โย โกจิ เอวรูปํ ปาฏิหาริยํ กาตุํ สมตฺโถ เจ, โส อาคจฺฉตูติ โจทนาสทิสตฺตา วุตฺตํ ‘‘อตฺตาทานปริทีปน’’นฺติ. อตฺตาทานฺหิ อนุโยโค ปฏิปกฺขสฺส อตฺตสฺส อาทานํ คหณนฺติ กตฺวา. ติตฺถิยมทฺทนนฺติ ‘‘ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ กุหายนวเสน ปุพฺเพ อุฏฺิตานํ ติตฺถิยานํ มทฺทนํ, ตฺจ ตถา กาตุํ อสมตฺถตาสมฺปาทนเมว. ตเทตํ ปททฺวยํ ‘‘ยมกปาฏิหาริย’’นฺติ เอเตน สมฺพนฺธิตพฺพํ. ราชคหเสฏฺิโน จนฺทนฆฏิกุปฺปตฺติโต ปฏฺาย สพฺพเมว เจตฺถ วตฺตพฺพํ.
อุปริมกายโตติอาทิ ¶ ¶ ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) อาคตนยทสฺสนํ, เตน วุตฺตํ ‘‘อิติอาทินยปฺปวตฺต’’นฺติ, ‘‘สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพ’’นฺติ จ. ตตฺถายํ ปาฬิเสโส –
‘‘เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. ปุรตฺถิมกายโต อคฺคิ, ปจฺฉิมกายโต อุทกํ. ปจฺฉิมกายโต อคฺคิ, ปุรตฺถิมกายโต อุทกํ. ทกฺขิณอกฺขิโต อคฺคิ, วามอกฺขิโต อุทกํ. วามอกฺขิโต อคฺคิ, ทกฺขิณอกฺขิโต อุทกํ. ทกฺขิณกณฺณโสตโต อคฺคิ, วามกณฺณโสตโต อุทกํ. วามกณฺณโสตโต อคฺคิ, ทกฺขิณกณฺณโสตโต อุทกํ. ทกฺขิณนาสิกาโสตโต อคฺคิ, วามนาสิกาโสตโต อุทกํ. วามนาสิกาโสตโต อคฺคิ, ทกฺขิณนาสิกาโสตโต อุทกํ. ทกฺขิณอํสกูฏโต อคฺคิ, วามอํสกูฏโต อุทกํ. วามอํสกูฏโต อคฺคิ, ทกฺขิณอํสกูฏโต อุทกํ. ทกฺขิณหตฺถโต อคฺคิ, วามหตฺถโต อุทกํ. วามหตฺถโต อคฺคิ, ทกฺขิณหตฺถโต อุทกํ. ทกฺขิณปสฺสโต อคฺคิ, วามปสฺสโต อุทกํ. วามปสฺสโต อคฺคิ, ทกฺขิณปสฺสโต อุทกํ. ทกฺขิณปาทโต อคฺคิ, วามปาทโต อุทกํ. วามปาทโต อคฺคิ, ทกฺขิณปาทโต อุทกํ. องฺคุลงฺคุเลหิ อคฺคิ, องฺคุลนฺตริกาหิ อุทกํ. องฺคุลนฺตริกาหิ อคฺคิ, องฺคุลงฺคุเลหิ อุทกํ. เอเกกโลมโต อคฺคิ, เอเกกโลมโต อุทกํ. โลมกูปโต โลมกูปโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, โลมกูปโต โลมกูปโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติ.
อฏฺกถายํ ปน ‘‘เอเกกโลมกูปโต’’ อิจฺเจว (ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๑๖) อาคตํ.
ฉนฺนํ วณฺณานนฺติ เอตฺถาปิ นีลานํ ปีตกานํ โลหิตกานํ โอทาตานํ มฺชิฏฺานํ ปภสฺสรานนฺติ อยํ สพฺโพปิ ปาฬิเสโส เปยฺยาลนเยน, อาทิ-สทฺเทน จ ทสฺสิโต. เอตฺถ จ ฉนฺนํ วณฺณานํ อุพฺพาหนภูตานํ ยมกา ยมกา วณฺณา ปวตฺตนฺตีติ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ, เตน วกฺขติ ‘‘ทุติยา ทุติยา รสฺมิโย’’ติอาทิ. ตตฺถ หิ ตาสํ ยมกํ ¶ ยมกํ ปวตฺตนากาเรน สห อาวชฺชนปริกมฺมาธิฏฺานานํ วิสุํ ปวตฺติ ทสฺสิตา. เกจิ ปน ‘‘ฉนฺนํ วณฺณาน’’นฺติ เอตสฺส ‘‘อคฺคิกฺขนฺโธ อุทกธารา’’ติ ปุริเมหิ ปเทหิ สมฺพนฺธํ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว อคฺคิกฺขนฺธอุทกธารานํ อตฺถาย เตโชกสิณวาโยกสิณานํ สมาปชฺชนสฺส วกฺขมานตฺตา. ฉนฺนํ วณฺณานํ ฉพฺพณฺณา ปวตฺตนฺตีติ กตฺตุวเสน วา สมฺพนฺโธ ยถา ‘‘เอกสฺส เจปิ ภิกฺขุโน น ปฏิภาเสยฺย ตํ ภิกฺขุนึ อปสาเทตุ’’นฺติ (ปาจิ. ๕๕๘). กตฺตุกมฺเมสุ หิ พหุลา สามิวจนํ อาขฺยาตปโยเคปิ อิจฺฉนฺติ เนรุตฺติกา.
เอวํ ¶ ปาฬินเยน ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ อฏฺกถานเยน วิวรนฺโต ปจฺจาสตฺตินเยน ‘‘ฉนฺนํ วณฺณาน’’นฺติ ปทเมว ปมํ วิวริตุํ ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺสาติ ภควโต. ‘‘สุวณฺณวณฺณา รสฺมิโย’’ติ อิทํ ตาสํ ปีตาภานํ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ, ฉพฺพณฺณาหิ รสฺมีหิ อลงฺกรณกาโล วิยาติ อตฺโถ. ตาปิ หิ จกฺกวาฬคพฺภโต อุคฺคนฺตฺวา พฺรหฺมโลกมาหจฺจ ปฏินิวตฺติตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิเมว คณฺหึสุ. เอกจกฺกวาฬคพฺภํ วงฺกโคปานสิกํ วิย โพธิฆรํ อโหสิ เอกาโลกํ. ทุติยา ทุติยา รสฺมิโยติ ปุริมปุริมโต ปจฺฉา ปจฺฉา นิกฺขนฺตา รสฺมิโย. กสฺมา สทิสาการวเสน ‘‘วิยา’’ติ วจนํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทฺวินฺนฺจา’’ติอาทิ. ทฺวินฺนฺจ จิตฺตานํ เอกกฺขเณ ปวตฺติ นาม นตฺถิ, เยหิ ตา เอวํ สิยุํ, ตถาปิ อิมินา การณทฺวเยน เอวเมว ขายนฺตีติ อธิปฺปาโย. ภวงฺคปริวาสสฺสาติ ภวงฺควเสน ปริวสนสฺส, ภวงฺคสงฺขาตสฺส ปริวสนสฺส วา, ภวงฺคปตนสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. อาจิณฺณวสิตายาติ อาวชฺชนสมาปชฺชนาทีหิ ปฺจหากาเรหิ สมาจิณฺณปริจยตาย. นนุ จ เอกสฺสาปิ จิตฺตสฺส ปวตฺติยา ทฺเว กิสฺโส รสฺมิโยปิ สมฺภเวยฺยุนฺติ อนุโยคมปเนติ ‘‘ตสฺสา ตสฺสา ปน รสฺมิยา’’ติอาทินา. จิตฺตวารนานตฺตา อาวชฺชนปริกมฺมจิตฺตานิ, กสิณนานตฺตา อธิฏฺานจิตฺตวารานิปิ วิสุํ วิสุํเยว ปวตฺตนฺติ. อาวชฺชนาวสาเน ติกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวนานิ ปริกมฺมนาเมเนว อิธ วุตฺตานิ.
กถนฺติ อาห ‘‘นีลรสฺมิอตฺถาย หี’’ติอาทิ. ‘‘มฺชิฏฺรสฺมิอตฺถาย โลหิตกสิณํ, ปภสฺสรรสฺมิอตฺถาย ปีตกสิณ’’นฺติ อิทํ โลหิตปีตรสฺมีนํ การเณเยว วุตฺเต สิทฺธนฺติ น วุตฺตํ. ตาสเมว หิ มฺชิฏฺปภสฺสรรสฺมิโย ¶ วิเสสปเภทภูตาติ. ‘‘อคฺคิกฺขนฺธตฺถายา’’ติอาทินา ‘‘อุปริมกายโต’’ติอาทีนํ วิวรณํ. อคฺคิกฺขนฺธอุทกกฺขนฺธาปิ อฺมฺอสมฺมิสฺสา ยาว พฺรหฺมโลกา อุคฺคนฺตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปตึสุ, ตํ ทิวสํ ปน สตฺถา โย โย ยสฺมึ ยสฺมึ ธมฺเม จ ปาฏิหาริเย จ ปสนฺโน, ตสฺส ตสฺส อชฺฌาสยวเสน ตํ ตํ ธมฺมฺจ กเถสิ, ปาฏิหาริยฺจ ทสฺเสสิ, เอวํ ธมฺเม ภาสิยมาเน, ปาฏิหาริเย จ กริยมาเน มหาชโน ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ตสฺมิฺจ สมาคเม อตฺตโน มนํ คเหตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา นิมฺมิตํ พุทฺธํ มาเปสิ, เตน ปุจฺฉิตํ ปฺหํ สตฺถา วิสฺสชฺเชสิ. สตฺถารา ปุจฺฉิตํ ปฺหํ โส วิสฺสชฺเชสิ, สตฺถุ จงฺกมนกาเล นิมฺมิโต านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสิ, ตสฺส จงฺกมนกาเล สตฺถา านาทีสุ อฺตรํ กปฺเปสีติ เอตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺถา จงฺกมตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพ’’นฺติ เอเตน ‘‘สตฺถา ติฏฺติ, นิมฺมิโต จงฺกมติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) จตูสุ อิริยาปเถสุ เอเกกมูลกา สตฺถุปกฺเข จตฺตาโร ¶ , นิมฺมิตปกฺเข จตฺตาโรติ สพฺเพ อฏฺ วารา วิตฺถาเรตฺวา วตฺตพฺพาติ ทสฺเสติ. ยสฺมา สีลํ สมาธิสฺส ปติฏฺามตฺตเมว หุตฺวา นิวตฺตติ, สมาธิเยว ตตฺถ ปติฏฺาย ยถาวุตฺตํ สพฺพํ ปาฏิหาริยกิจฺจํ ปวตฺเตติ, ตสฺมา ตเทตํ สมาธิกิจฺจเมวาติ วุตฺตํ ‘‘เอตฺถ เอกมฺปี’’ติอาทิ.
‘‘ยํ ปนา’’ติอาทินา สมาธิสฺส ปฺมปาปุณตา วิภาวิตา, ยํ ปน ปฏิวิชฺฌิ, อิทํ ปฏิวิชฺฌนํ ปฺากิจฺจนฺติ อตฺโถ. ตํ อนุกฺกมโต ทสฺเสติ ‘‘ภควา’’ติอาทินา. ‘‘กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติ อิทํ ทีปงฺกรปาทมูเล กตปมาภินีหารโต ปฏฺาย วุตฺตํ, ตโต ปุพฺเพปิ ยตฺตเกน ตสฺมึ ภเว อิจฺฉนฺโต สาวกโพธึ ปตฺตุํ สกฺกุเณยฺย, ตตฺตกํ ปฺุสมฺภารํ สมุปจินีติ เวทิตพฺพํ. ตโตเยว หิ ‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสน’’นฺติอาทินา (พุ. วํ. ๕๙) วุตฺเตสุ อฏฺธมฺเมสุ เหตุสมฺปนฺนตา อโหสิ. เกจิ ปน มโนปณิธานวจีปณิธานวเสน อเนกธา อสงฺขฺเยยฺยปริจฺเฉทํ กตฺวา ปุพฺพสมฺภารํ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว สงฺคหารุฬฺหาสุ อฏฺกถาสุ ตถา อวุตฺตตฺตา. ตาสุ หิ ยถาวุตฺตนเยน ปมาภินีหารโต ปุพฺเพ เหตุสมฺปนฺนตาเยว ทสฺสิตา. เอกูนตึสวสฺสกาเล นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. จกฺกรตนารหปฺุวนฺตตาย ¶ โพธิสตฺโต จกฺกวตฺติสิริสมฺปนฺโนติ ตสฺส นิวาสภวนํ ‘‘จกฺกวตฺติสิรินิวาสภูต’’นฺติ วุตฺตํ. ภวนาติ รมฺมสุรมฺมสุภสงฺขาตา นิเกตนา. ปธานโยคนฺติ ทุกฺกรจริยาย อุตฺตมวีริยานุโยคํ.
อุรุเวลายํ กิร เสนานิคเม กุฏุมฺพิกสฺส ธีตา สุชาตา นาม ทาริกา วยปฺปตฺตา เนรฺชราย ตีเร นิคฺโรธมูเล ปตฺถนมกาสิ ‘‘สจาหํ สมชาติกํ กุลฆรํ คนฺตฺวา ปมคพฺเภ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, ขีรปายาเสน พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ, (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๘๔; ชา. อฏฺ. ๑.อวิทูเร นิทานกถา) ตสฺสา สา ปตฺถนา สมิชฺฌิ. สา สตฺต เธนุโย ลฏฺิวเน ขาทาเปตฺวา ตาสมฺปิ ธีตโร คาวิโย ลทฺธา ตเถว ขาทาเปตฺวา ปุน ตาสมฺปิ ธีตโร ตเถวาติ สตฺตปุตฺตินตฺติปนตฺติปรมฺปราคตาหิ เธนูหิ ขีรํ คเหตฺวา ขีรปายาสํ ปจิตุมารภิ. ตสฺมึ ขเณ มหาพฺรหฺมา ติโยชนิกํ เสตจฺฉตฺตํ อุปริ ธาเรสิ, สกฺโก เทวราชา อคฺคึ อุชฺชาเลสิ, สกลโลเก วิชฺชมานรสํ เทวตา ปกฺขิปึสุ, ปายาสํ ทกฺขิณาวฏฺฏํ หุตฺวา ปจติ, ตํ สา สุวณฺณปาติยา สตสหสฺสคฺฆนิกาย สเหว โพธิสตฺตสฺส ทตฺวา ปกฺกามิ. อถ โพธิสตฺโต ตํ คเหตฺวา เนรฺชราย ตีเร สุปฺปติฏฺิเต นาม ติตฺเถ เอกตาลฏฺิปฺปมาเณ เอกูนปฺาสปิณฺเฑ กโรนฺโต ปริภฺุชิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘วิสาขาปุณฺณมายํ อุรุเวลคาเม สุชาตาย ทฺวินฺนํ ปกฺขิตฺตทิพฺโพชํ มธุปายาสํ ปริภฺุชิตฺวา’’ติ. ตตฺถ สุชาตายาติ อายสฺมโต ยสตฺเถรสฺส มาตุภูตาย ปจฺฉา สรณคมนฏฺาเน เอตทคฺคปฺปตฺตาย สุชาตาย นาม เสฏฺิภริยาย. องฺคมงฺคานุสาริโน ¶ รสสฺส สาโร อุปตฺถมฺภพลกโร ภูตนิสฺสิโต เอโก วิเสโส โอชา นาม, สา ทิวิ ภวา ปกฺขิตฺตา เอตฺถาติ ปกฺขิตฺตทิพฺโพโช, ตํ. ปาตพฺโพ จ โส อสิตพฺโพ จาติ ปายาโส, รสํ กตฺวา ปิวิตุํ, อาโลปํ กตฺวา จ ภฺุชิตุํ ยุตฺโต โภชนวิเสโส, มธุนา สิตฺโต ปายาโส มธุปายาโส, ตํ.
ตโต เนรฺชราย ตีเร มหาสาลวเน นานาสมาปตฺตีหิ ทิวาวิหารสฺส กตตฺตา ‘‘สายนฺหสมเย’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิตฺถาโร ตตฺถ ตตฺถ คเหตพฺโพ. ทกฺขิณุตฺตเรนาติ ทิวาวิหารโต โพธิยา ปวิสนมคฺคํ สนฺธายาห, อุชุกํ ทกฺขิณุตฺตรคเตน เทวตาหิ อลงฺกเตน มคฺเคนาติ อตฺโถ ¶ . เอวมฺปิ วทนฺติ ‘‘ทกฺขิณุตฺตเรนาติ ทกฺขิณปจฺฉิมุตฺตเรน อาทิอวสานคหเณน มชฺฌิมสฺสาปิ คหิตตฺตา, ตถา ลุตฺตปโยคสฺส จ ทสฺสนโต. เอวฺหิ สติ ‘ทกฺขิณปจฺฉิมุตฺตรทิสาภาเคน โพธิมณฺฑํ ปวิสิตฺวา ติฏฺตี’ติ (ชา. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา) ชาตกนิทาเน วุตฺตวจเนน สเมตี’’ติ. ทกฺขิณทิสโต คนฺตพฺโพ อุตฺตรทิสาภาโค ทกฺขิณุตฺตโร, เตน ปวิสิตฺวาติ อปเร. เกจิ ปน ‘‘อุตฺตรสทฺโท เจตฺถ มคฺควาจโก. ยทิ หิ ทิสาวาจโก ภเวยฺย, ‘ทกฺขิณุตฺตรายา’ติ วเทยฺยา’’ติ, ตํ น ‘‘อุตฺตเรน นที สีทา, คมฺภีรา ทุรติกฺกมา’’ติอาทินา ทิสาวาจกสฺสาปิ เอนโยคสฺส ทสฺสนโต, อุตฺตรสทฺทสฺส จ มคฺควาจกสฺส อนาคตตฺตา. อปิจ ทิสาภาคํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. ทิสาภาโคปิ หิ ทิสา เอวาติ. อถ อนฺตรามคฺเค โสตฺถิเยน นาม ติณหารกพฺราหฺมเณน ทินฺนา อฏฺ กุสติณมุฏฺิโย คเหตฺวา อสิตฺจนคิริสงฺกาสํ สพฺพโพธิสตฺตานมสฺสาสชนนฏฺาเน สมาวิรุฬฺหํ โพธิยา มณฺฑนภูตํ โพธิมณฺฑมุปคนฺตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณทิสาภาเค อฏฺาสิ, โส ปน ปเทโส ปทุมินิปตฺเต อุทกพินฺทุ วิย ปกมฺปิตฺถ, ตโต ปจฺฉิมทิสาภาคํ, อุตฺตรทิสาภาคฺจ คนฺตฺวา ติฏฺนฺเตปิ มหาปุริเส ตเถว เต อกมฺปึสุ, ตโต ‘‘นายํ สพฺโพปิ ปเทโส มม คุณํ สนฺธาเรตุํ สมตฺโถ’’ติ ปุรตฺถิมทิสาภาคมคมาสิ, ตตฺถ ปลฺลงฺกปฺปมาณํ นิจฺจลมโหสิ, ตสฺเสว จ นิปฺปริยาเยน โพธิมณฺฑสมฺา, มหาปุริโส ‘‘อิทํ กิเลสวิทฺธํสนฏฺาน’’นฺติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ปุพฺพุตฺตรทิสาภาเค ิโต ตตฺถ อกมฺปนปฺปเทเส ตานิ ติณานิ อคฺเค คเหตฺวา สฺจาเลสิ, ตาวเทว จุทฺทสหตฺโถ ปลฺลงฺโก อโหสิ, ตานิปิ ติณานิ วิจิตฺตากาเรน ตูลิกาย เลขา คหิตานิ วิย อเหสุํ. โส ตตฺถ ติสนฺธิปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ เมตฺตากมฺมฏฺานํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา จตุรงฺคิกํ วีริยํ อธิฏฺหิตฺวา นิสีทิ, ตมตฺถํ สงฺขิปิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘โพธิมณฺฑํ ปวิสิตฺวา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ โพธิ วุจฺจติ อรหตฺตมคฺคาณํ, สพฺพฺุตฺาณฺจ, สา มณฺฑติ ถามคตตาย ปสีทติ ¶ เอตฺถาติ โพธิมณฺโฑ, นิปฺปริยาเยน ยถาวุตฺตปฺปเทโส, ปริยาเยน ปน อิธ ทุมราชา. ตถา หิ อาจริยานนฺทตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘โพธิมณฺฑสทฺโทปมาภิสมฺพุทฺธฏฺาเน เอว ทฏฺพฺโพ, น ยตฺถ กตฺถจิ โพธิรุกฺขสฺส ปติฏฺิตฏฺาเน’’ติ, ตํ.
มารวิชยสพฺพฺุตฺาณปฏิลาภาทีหิ ¶ ภควนฺตํ อสฺสาเสตีติ อสฺสตฺโถ. อาปุพฺพฺหิ สาสสทฺทํ อนุสิฏฺิโตสเนสุ อิจฺฉนฺติ, ยํ ตุ โลเก ‘‘จลทโล, กฺุชราสโน’’ ติปิ วทนฺติ. อจฺจุคฺคตภาเวน, อเชยฺยภูมิสีสคตภาเวน, สกลสพฺพฺุคุณปฏิลาภฏฺานวิรุฬฺหภาเวน จ ทุมานํ ราชาติ ทุมราชา, อสฺสตฺโถ จ โส ทุมราชา จาติ อสฺสตฺถทุมราชา ตํ. ทฺวินฺนํ อูรุชาณุสนฺธีนํ, อูรุมูลกฏิสนฺธิสฺส จ วเสน ตโย สนฺธโย, สณฺานวเสน วา ตโย โกณา ยสฺสาติ ติสนฺธิ, สฺเวว ปลฺลงฺโก อูรุพทฺธาสนํ ปริสมนฺตโต องฺกนํ อาสนนฺติ อตฺเถน ร-การสฺส ล-การํ, ทฺวิภาวฺจ กตฺวา, ตีหิ วา สนฺธีหิ ลกฺขิโต ปลฺลงฺโก ติสนฺธิปลฺลงฺโก, ตํ. อาภุชิตฺวาติ อาพนฺธิตฺวา, อุโภ ปาเท สมฺฉิเต กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วิตฺถาโร สามฺผลสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๖) อาคมิสฺสติ. อตฺตา, มิตฺโต, มชฺฌตฺโต, เวรีติ จตูสุปิ สมปฺปวตฺตนวเสน จตุรงฺคสมนฺนาคตํ เมตฺตากมฺมฏฺานํ. ‘‘จตุรงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ อิทํ ปน ‘‘วีริยาธิฏฺาน’’นฺติ เอเตนาปิ โยเชตพฺพํ. ตมฺปิ หิ –
กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ, อุปสุสฺสตุ สรีเร มํสโลหิตํ, ยํ ตํ ปุริสถาเมน ปุริสวีริเยน ปุริสปรกฺกเมน ปตฺตพฺพํ, น ตํ อปาปุณิตฺวา วีริยสฺส สณฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๑.๒๖๖; อ. นิ. ๓.๕๑; อ. นิ. ๘.๑๓; มหานิ. ๑๗, ๑๙๖) –
วุตฺตนเยน จตุรงฺคสมนฺนาคตเมว.
จุทฺทส หตฺถา วิตฺถตปฺปมาณภาเวน ยสฺสาติ จุทฺทสหตฺโถ. ปริสมนฺตโต องฺกียเต ลกฺขียเต ปริจฺเฉทวเสนาติ ปลฺลงฺโก ร-การสฺส ล-การํ, ตสฺส จ ทฺวิตฺตํ กตฺวา. อปิจ ‘‘อิทํ กิเลสวิทฺธํสนฏฺาน’’นฺติ อฏฺกถาสุ วจนโต ปลฺลํ กิเลสวิทฺธํสนํ กโรติ เอตฺถาติ ปลฺลงฺโก นิคฺคหิตาคมวเสน, อลุตฺตสมาสวเสน วา, จุทฺทสหตฺโถ จ โส ปลฺลงฺโก จ, สฺเวว อุตฺตมฏฺเน ปตฺถนียฏฺเน จ วโรติ จุทฺทสหตฺถปลฺลงฺกวโร, ตตฺถ คโต ปวตฺโต นิสินฺโน ตถา. จุทฺทสหตฺถตา เจตฺถ วิตฺถารวเสน คเหตพฺพา. ตานิเยว ¶ หิ ติณานิ อปริมิตปฺุานุภาวโต จุทฺทสหตฺถวิตฺถตปลฺลงฺกภาเวน ปวตฺตานิ, น จ ตานิ อฏฺมุฏฺิปฺปมาณานิ จุทฺทสหตฺถอจฺจุคฺคตานิ สมฺภวนฺติ ¶ . ตโตเยว จ อิธ ‘‘ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา’’ติ วุตฺตํ, ธมฺมปทฏฺกถาทีสุ จ ‘‘ติณานิ สนฺถริตฺวา…เป… ปุรตฺถิมาภิมุโข นิสีทิตฺวา’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑.สาริปุตฺเถรวณฺณนา; ธ. ส. อฏฺ. ๑.นิทานกถา). อฺตฺถ จ ‘‘ติณาสเน จุทฺทสหตฺถสมฺมเต’’ติ. เกจิ ปน ‘‘อจฺจุคฺคตภาเวเนว จุทฺทสหตฺโถ’’ติ ยถา ตถา ปริกปฺปนาวเสน วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ ยถาวุตฺเตน การเณน, สาธเกน จ วิรุทฺธตฺตา. กามฺจ มโนรถปูรณิยา จตุรงฺคุตฺตรวณฺณนาย ‘‘ติกฺขตฺตุํ โพธึ ปทกฺขิณํ กตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห จุทฺทสหตฺถุพฺเพเธ าเน ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย นิสินฺนกาลโต’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๓๓) ปาโ ทิสฺสติ, ตถาปิ ตตฺถ อุพฺเพธสทฺโท วิตฺถารวาจโกติ เวทิตพฺโพ, ยถา ‘‘ติริยํ โสฬสุพฺเพโธ, อุทฺธมาหุ สหสฺสธา’’ติ (ชา. ๑.๓.๔๐) มหาปนาทชาตเก. ตถา หิ ตทฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘ติริยํ โสฬสุพฺเพโธติ วิตฺถารโต โสฬสกณฺฑปาตวิตฺถาโร อโหสี’’ติ (ชาตก อฏฺ. ๒-๓๐๒ ปิฏฺเ). อฺถา หิ อากาเสเยว อุกฺขิปิตฺวา ติณสนฺถรณํ กตํ, น อจลปเทเสติ อตฺโถ อาปชฺเชยฺย สนฺถรณกิริยาธารภาวโต ตสฺส, โส จตฺโถ อนธิปฺเปโต อฺตฺถ อนาคตตฺตาติ.
รชตกฺขนฺธํ ปิฏฺิโต กตฺวา วิยาติ สมฺพนฺโธ. อตฺถนฺติ ปจฺฉิมปพฺพตํ. มารพลนฺติ มารํ, มารพลฺจ, มารสฺส วา สามตฺถิยํ. ปุพฺเพนิวาสนฺติ ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธํ. ทิพฺพจกฺขุนฺติ ทิพฺพจกฺขุาณํ. ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗; สํ. นิ. ๒.๔) ชรามรณมุเขน ปจฺจยากาเร าณํ โอตาเรตฺวา. อานาปานจตุตฺถชฺฌานนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณ’’นฺติ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา โยเชตพฺพํ. ตมฺปิ หิ พุทฺธานมาจิณฺณเมวาติ วทนฺติ. ปาทกํ กตฺวาติ การณํ, ปติฏฺานํ วา กตฺวา. ‘‘วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวาติ ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน อาสวกฺขยาณสงฺขาตมหาวชิราณคพฺภํ คณฺหาปนวเสน วิปสฺสนํ ภาเวตฺวา. สพฺพฺุตฺาณาธิคมาย อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสน อเนกาการโวกาเร สงฺขาเร สมฺมสโต ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน ปวตฺตํ วิปสฺสนาาณมฺปิ หิ ‘‘มหาวชิราณ’’นฺติ ¶ วุจฺจติ, จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยาย เทวสิกํ วฬฺชนกสมาปตฺตีนํ ปุเรจรานุจราณมฺปิ. อิธ ปน มคฺคาณเมว, วิเสสโต จ อคฺคมคฺคาณํ, ตสฺมา ตสฺเสว วิปสฺสนาคพฺภภาโว เวทิตพฺโพติ. สพฺพพุทฺธคุเณติ สพฺพฺุตาทินิรวเสสพุทฺธคุเณ. ตสฺสา ปาทกํ กตฺวา สมาธิ นิวตฺโตติ วุตฺตํ ‘‘อิทมสฺส ปฺากิจฺจ’’นฺติ. อสฺสาติ ภควโต.
‘‘ตตฺถ ยถา หตฺเถ’’ติอาทินา อุปมาย ปากฏีกรณํ. หตฺเถติ หตฺถปสเต, กรปุเฏ วา. ปาติยนฺติ ¶ สราวเก. ฆเฏติ อุทกหรณฆเฏ. ทฺวตฺตึสโทณคณฺหนปฺปมาณํ กุณฺฑํ โกลมฺโพ. ตโต มหตรา จาฏิ. ตโตปิ มหตี มหากุมฺภี. โสณฺฑี กุโสพฺโภ. นทีภาโค กนฺทโร. จกฺกวาฬปาเทสุ สมุทฺโท จกฺกวาฬมหาสมุทฺโท. สิเนรุปาทเก มหาสมุทฺเทติ สีทนฺตรสมุทฺทํ สนฺธายาห. ‘‘ปาติย’’นฺติอาทินาปิ ตเทวตฺถํ ปการนฺตเรน วิภาเวติ. ปริตฺตํ โหติ ยถาติ สมฺพนฺโธ. ยสฺสา ปาฬิยา อตฺถวิภาวนตฺถาย ยา สํวณฺณนา วุตฺตา, ตเทว ตสฺสา คุณภาเวน ทสฺเสตุํ ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สพฺพตฺถ.
‘‘ทุเว ปุถุชฺชนา’’ติอาทิ ปุถุชฺชเนสุ ลพฺภมานวิภาคทสฺสนตฺถเมว วุตฺตํ, น ปน มูลปริยายสํวณฺณนาทีสุ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒) วิย ปุถุชฺชนวิเสสนิทฺธารณตฺถํ นิรวเสสปุถุชฺชนสฺเสว อิธ อธิปฺเปตตฺตา. สพฺโพปิ หิ ปุถุชฺชโน ภควโต อุปริคุเณ วิภาเวตุํ น สกฺโกติ, ติฏฺตุ ตาว ปุถุชฺชโน, อริยสาวกปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ อวิสยา เอว พุทฺธคุณา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘โสตาปนฺโน’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗). โคตฺตสมฺพนฺธตาย อาทิจฺจสฺส สูริยเทวปุตฺตสฺส พนฺธูติ อาทิจฺจพนฺธุ, เตน วุตฺตํ นิทฺเทเส –
‘‘อาทิจฺโจ วุจฺจติ สูริโย. สูริโย โคตโม โคตฺเตน, ภควาปิ โคตโม โคตฺเตน, ภควา สูริยสฺส โคตฺตาตโก โคตฺตพนฺธุ, ตสฺมา พุทฺโธ อาทิจฺจพนฺธู’’ติ (มหานิ. ๑๕๐; จูฬนิ. ๙๙).
สทฺทวิทู ปน ‘‘พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุนา’’ติ ปามิจฺฉนฺติ. อาทิจฺจสฺส พนฺธุนา โคตฺเตน สมาโน โคตฺตสงฺขาโต พนฺธุ ยสฺส, พุทฺโธ จ โส อาทิจฺจพนฺธุ จาติ กตฺวา. ยสฺมา ปน ขนฺธกถาทิโกสลฺเลนาปิ อุปกฺกิเลสานุปกฺกิเลสานํ ชานนเหตุภูตํ พาหุสจฺจํ โหติ, ยถาห –
‘‘กิตฺตาวตา ¶ นุ โข ภนฺเต พหุสฺสุโต โหตีติ? ยโต โข ภิกฺขุ ขนฺธกุสโล โหติ. ธาตุ…เป… อายตน…เป… ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสโล โหติ, เอตฺตาวตา โข ภิกฺขุ พหุสฺสุโต โหตี’’ติ.
ตสฺมา ‘‘ยสฺส ขนฺธธาตุอายตนาทีสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน เจตฺถ ยาว ปฏิจฺจสมุปฺปาทา สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโห. อตฺถสฺส ปริปุจฺฉนํ ปริปุจฺฉา. อฏฺกถาวเสน อตฺถสฺส โสตทฺวารปฏิพทฺธตากรณํ สวนํ. พฺยฺชนตฺถานํ สุนิกฺเขปสุนยเนน ธมฺมสฺส ปริหรณํ ธารณํ. เอวํ สุตธาตปริจิตานํ วิตกฺกนํ มนสานุเปกฺขนํ ปจฺจเวกฺขณํ.
เอวํ ¶ ปเภทํ ทสฺเสตฺวา วจนตฺถมฺปิ ทสฺเสติ ‘‘ทุวิโธ’’ติอาทินา. ปุถูนนฺติ อเนกวิธานํ กิเลสาทีนํ. ปุถุชฺชนนฺโตคธตฺตาติ พหูนํ ชนานํ อพฺภนฺตเร สมวโรธภาวโต ปุถุชฺชโนติ สมฺพนฺโธ. ปุถุจายํ ชโนติ ปุถุ เอว วิสุํเยว อยํ สงฺขฺยํ คโต. อิตีติ ตสฺมา ปุถุชฺชโนติ สมฺพนฺโธ. เอวํ คาถาพนฺเธน สงฺเขปโต ทสฺสิตมตฺถํ ‘‘โส หี’’ติอาทินา วิวรติ. ‘‘นานปฺปการาน’’นฺติ อิมินา ปุถุ-สทฺโท อิธ พหฺวตฺโถติ ทสฺเสติ.
อาทิ-สทฺเทน สงฺคหิตมตฺถํ, ตทตฺถสฺส จ สาธกํ อมฺพเสจนครุสินานนเยน นิทฺเทสปาฬิยา ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถาหา’’ติอาทิมาห. อวิหตา สกฺกายทิฏฺิโย, ปุถุ พหุกา ตา เอเตสนฺติ ปุถุอวิหตสกฺกายทิฏฺิกา, เอเตน อวิหตตฺตา ปุถุ สกฺกายทิฏฺิโย ชเนนฺติ, ปุถูหิ วา สกฺกายทิฏฺีหิ ชนิตาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. อวิหตตฺถเมว วา ชนสทฺโท วทติ, ตสฺมา ปุถุ สกฺกายทิฏฺิโย ชเนนฺติ น วิหนนฺติ, ชนา วา อวิหตา ปุถุ สกฺกายทิฏฺิโย เอเตสนฺติ อตฺถํ ทสฺเสตีติปิ วฏฺฏติ, วิเสสนปรนิปาตนฺเจตฺถ ทฏฺพฺพํ ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ. ‘‘ปุถุ สตฺถารานํ มุขุลฺโลกิกา’’ติ เอเตน ปุถุ พหโว ชนา สตฺถาโร เอเตสนฺติ นิพฺพจนํ ทสฺสิตํ. ปุถุ สพฺพคตีหิ อวุฏฺิตาติ เอตฺถ ปน กมฺมกิเลเสหิ ชเนตพฺพา, ชายนฺติ วา สตฺตา เอตฺถาติ ชนา, คติโย, ปุถุ สพฺพา เอว ชนา คติโย เอเตสนฺติ วจนตฺโถ. ‘‘ปุถุ นานาภิสงฺขาเร ¶ อภิสงฺขโรนฺตี’’ติ เอเตน จ ชายนฺติ เอเตหิ สตฺตาติ ชนา, ปฺุาภิสงฺขาราทโย, ปุถุ นานาวิธา ชนา สงฺขารา เอเตสํ วิชฺชนฺติ, ปุถุ วา นานาภิสงฺขาเร ชเนนฺติ อภิสงฺขโรนฺตีติ อตฺถมาห. ตโต ปรํ ปน ‘‘ปุถุ นานาโอเฆหิ วุยฺหนฺตี’’ติอาทิอตฺถตฺตยํ ชเนนฺติ เอเตหิ สตฺตาติ ชนา, กาโมฆาทโย, ราคสนฺตาปาทโย, ราคปริฬาหาทโย จ, สพฺเพปิ วา กิเลสปริฬาหา. ปุถุ นานปฺปการา เต เอเตสํ วิชฺชนฺติ, เตหิ วา ชเนนฺติ วุยฺหนฺติ, สนฺตาเปนฺติ, ปริฑหนฺติ จาติ นิพฺพจนํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ‘‘รตฺตา คิทฺธา’’ติอาทิ ปริยายวจนํ.
อปิ จ รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามกเรน ฉนฺทราเคน รตฺตา. คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิคิชฺฌเนน คิทฺธา. คถิตาติ คนฺถิตา วิย ทุมฺโมจนียภาเวน ตตฺถ ปฏิพทฺธา. มุจฺฉิตาติ กิเลสาวิสนวเสน วิสฺีภูตา วิย อนฺกิจฺจโมหํ สมาปนฺนา. อชฺโฌสนฺนาติ อนฺาสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา ิตา. ลคฺคาติ คาโว กณฺฏเก วิย อาสตฺตา, มหาปลิเป วา ปตเนน นาสิกคฺคปลิปนฺนปุริโส วิย อุทฺธริตุมสกฺกุเณยฺยภาเวน นิมุคฺคา. ลคฺคิตาติ มกฺกฏาเลเปน วิย มกฺกโฏ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ วเสน อาสงฺคิตา, ปลิพุทฺธาติ สมฺพทฺธา, อุปทฺทุตา วาติ อยมตฺโถ ¶ องฺคุตฺตรฏีกายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๕๑) วุตฺโต. เอเตน ชายตีติ ชโน, ‘‘ราโค เคโธ’’ติ เอวมาทิโก, ปุถุ นานาวิโธ ชโน ราคาทิโก เอเตสํ, ปุถูสุ วา ปฺจสุ กามคุเณสุ ชนา รตฺตา คิทฺธา…เป… ปลิพุทฺธาติ อตฺถํ ทสฺเสติ.
‘‘อาวุตา’’ติอาทิปิ ปริยายวจนเมว. อปิจ ‘‘อาวุตาติ อาวริตา. นิวุตาติ นิวาริตา. โอผุตาติ ปลิคุณฺิตา, ปริโยนทฺธา วา. ปิหิตาติ ปิทหิตา. ปฏิจฺฉนฺนาติ ฉาทิตา. ปฏิกุชฺชิตาติ เหฏฺามุขชาตา’’ติ ตตฺเถว (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๕๑) วุตฺตํ. เอตฺถ จ ชเนนฺติ เอเตหีติ ชนา, นีวรณา, ปุถุ นานาวิธา ชนา นีวรณา เอเตสํ, ปุถูหิ วา นีวรเณหิ ชนา อาวุตา…เป… ปฏิกุชฺชิตาติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ. ปุถูสุ นีจธมฺมสมาจาเรสุ ชายติ, ปุถูนํ วา อพฺภนฺตเร ชโน อนฺโตคโธ, ปุถุ วา พหุโก ชโนติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ปุถูน’’นฺติอาทินา, เอเตน จ ตติยปาทํ วิวรติ, สมตฺเถติ วา. ‘‘ปุถุวา’’ติอาทินา ปน จตุตฺถปาทํ. ปุถุ วิสํสฏฺโ เอว ชโน ปุถุชฺชโนติ อยฺเหตฺถ วจนตฺโถ.
เยหิ ¶ คุณวิเสเสหิ นิมิตฺตภูเตหิ ภควติ ‘‘ตถาคโต’’ติ อยํ สมฺา ปวตฺตา, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอโกปิ หิ สทฺโท อเนกปวตฺตินิมิตฺตมธิกิจฺจ อเนกธา อตฺถปฺปกาสโก, ภควโต จ สพฺเพปิ นามสทฺทา อเนกคุณเนมิตฺติกาเยว. ยถาห –
‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;
คุเณน นามมุทฺเธยฺยํ, อปิ นามสหสฺสโต’’ติ. (ธ. ส. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๗; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๗๖; ที. นิ. ฏี. ๑.๔๑๓);
กานิ ปน ตานีติ อนุโยเค สติ ปมํ ตสฺสรูปํ สงฺเขปโต อุทฺทิสิตฺวา ‘‘กถ’’นฺติอาทินา นิทฺทิสติ. ตถา อาคโตติ เอตฺถ อาการนิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท. สามฺโชตนาย วิเสสาวฏฺานโต, วิเสสตฺถินา จ สามฺสทฺทสฺสาปิ วิเสสตฺเถเยว อนุปยุชฺชิตพฺพโต ปฏิปทาคมนตฺโถ อาคต สทฺโท ทฏฺพฺโพ, น าณคมนตฺโถ ตถลกฺขณํ อาคโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๒; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๗๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐; เถรคา. อฏฺ. ๑.๔๓; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๓๗; พุ. วํ. อฏฺ. ๒; มหานิ. อฏฺ. ๑๔) วิย ¶ , นาปิ กายคมนาทิ อตฺโถ ‘‘อาคโต โข มหาสมโณ, มาคธานํ คิริพฺพช’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๕๓) วิย. ตตฺถ ยสฺส อาการสฺส นิยมนวเสน โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺโถ ตถา-สทฺโท, ตทาการํ กรุณาปธานตฺตา ตสฺส มหากรุณามุเขน ปุริมพุทฺธานํ อาคมนปฏิปทาย อุทาหรณวเสน สามฺโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา สพฺพโลเก’’ติอาทิมาห. ยํตํ-สทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต เจตฺถ ตถา-สทฺทสฺสตฺถทสฺสเน ยถา-สทฺเทน อตฺโถ วิภาวิโต. ตเทว วิตฺถาเรติ ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา’’ติอาทินา, วิปสฺสีอาทีนฺเจตฺถ ฉนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ มหาปทานสุตฺตาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔) สมฺปหุลนิทฺเทเสน (ที. นิ. อฏฺ. ๒.สมฺพหุลปริจฺเฉทวณฺณนา) สุปากฏตฺตา, อาสนฺนตฺตา จ เตสํ วเสน ตํ ปฏิปทํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. อาคโต ยถา, ตถา อาคโตติ สพฺพตฺร สมฺพนฺโธ. ‘‘กึ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทินาปิ ตเทว ปฏินิทฺทิสติ. ตตฺถ เยน อภินีหาเรนาติ มนุสฺสตฺตลิงฺคสมฺปตฺติเหตุสตฺถารทสฺสนปพฺพชฺชาคุณสมฺปตฺติอธิการฉนฺทานํ วเสน อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน มหาปณิธาเนน ¶ . สพฺเพสฺหิ พุทฺธานํ ปมปณิธานํ อิมินาว นีหาเรน สมิชฺฌติ. อภินีหาโรติ เจตฺถ มูลปณิธานสฺเสตํ อธิวจนนฺติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ มหาภินีหารวเสน ‘‘ตถาคโต’’ติ ปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปารมีปูรณวเสนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ‘‘เอตฺถ จ สุตฺตนฺติกานํ มหาโพธิยานปฏิปทาย โกสลฺลชนนตฺถํ ปารมีสุ อยํ วิตฺถารกถา’’ติอาทินา อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) ยา ปารมีสุ วินิจฺฉยกถา วุตฺตา, กิฺจาปิ สา อมฺเหหิ อิธ วุจฺจมานา คนฺถวิตฺถารกรา วิย ภวิสฺสติ, ยสฺมา ปนายํ สํวณฺณนา เอติสฺสํ ปจฺฉา ปมาทเลขวิโสธนวเสน, ตทวเสสตฺถปริยาทานวเสน จ ปวตฺตา, ตสฺมา สาปิ ปารมีกถา อิธ วตฺตพฺพาเยวาติ ตโต เจว จริยาปิฏกฏฺกถาโต จ อาหริตฺวา ยถารหํ คาถาพนฺเธหิ สมลงฺกริตฺวา อตฺถมธิปฺปายฺจ วิโสธยมานา ภวิสฺสติ. กถํ?
กา ปเนตา ปารมิโย, เกนฏฺเน กตีวิธา;
โก จ ตาสํ กโม กานิ, ลกฺขณาทีนิ สพฺพถา.
โก ปจฺจโย, สํกิเลโส, โวทานํ ปฏิปกฺขโก;
ปฏิปตฺติวิภาโค จ, สงฺคโห สมฺปทา ตถา.
กิตฺตเกน ¶ สมฺปาทนํ, อานิสํโส จ กึ ผลํ;
ปฺหเมตํ วิสฺสชฺชิตฺวา, ภวิสฺสติ วินิจฺฉโย.
ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ –
กา ปเนตา ปารมิโยติ –
ตณฺหามานาทิมฺตฺร, อุปายกุสเลน ยา;
าเณน ปริคฺคหิตา, ปารมี สา วิภาวิตา.
ตณฺหามานาทินา หิ อนุปหตา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา ทานาทโย คุณสงฺขาตา เอตา กิริยา ‘‘ปารมี’’ติ วิภาวิตา.
เกนฏฺเน ปารมิโยติ –
ปรโม อุตฺตมฏฺเน, ตสฺสายํ ปารมี ตถา;
กมฺมํ ภาโวติ ทานาทิ, ตทฺธิตโต ติธา มตา.
ปูเรติ ¶ มวติ ปเร, ปรํ มชฺชติ มยติ;
มุนาติ มิโนติ ตถา, มินาตีติ วา ปรโม.
ปาเร มชฺชติ โสเธติ, มวติ มยตีติ วา;
มาเยติ ตํ วา มุนาติ, มิโนติ มินาติ ตถา.
ปารมีติ มหาสตฺโต, วุตฺตานุสารโต ปน;
ตทฺธิตตฺถตฺตเยเนว, ปารมีติ อยํ มตา.
ทานสีลาทิคุณวิเสสโยเคน หิ สตฺตุตฺตมตาย มหาโพธิสตฺโต ปรโม, ตสฺส อยํ, ภาโว, กมฺมนฺติ วา ปารมี, ทานาทิกิริยา. อถ วา ปรติ ปูเรตีติ ปรโม นิรุตฺตินเยน, ทานาทิคุณานํ ปูรโก, ปาลโก จ โพธิสตฺโต, ปรมสฺส อยํ, ภาโว, กมฺมํ วา ปารมี. อปิจ ¶ ปเร สตฺเต มวติ อตฺตนิ พนฺธติ คุณวิเสสโยเคน, ปรํ วา อติเรกํ มชฺชติ สํกิเลสมลโต, ปรํ วา เสฏฺํ นิพฺพานํ วิเสเสน มยติ คจฺฉติ, ปรํ วา โลกํ ปมาณภูเตน าณวิเสเสน อิธโลกมิว มุนาติ ปริจฺฉินฺทติ, ปรํ วา อติวิย สีลาทิคุณคณํ อตฺตโน สนฺตาเน มิโนติ ปกฺขิปติ, ปรํ วา อตฺตภูตโต ธมฺมกายโต อฺํ, ปฏิปกฺขํ วา ตทนตฺถกรํ กิเลสโจรคณํ มินาติ หึสตีติ ปรโม, มหาสตฺโต, ‘‘ปรมสฺส อย’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยน ปารมี. ปาเร วา นิพฺพาเน มชฺชติ สุชฺฌติ, สตฺเต จ โสเธติ, ตตฺถ วา สตฺเต มวติ พนฺธติ โยเชติ, ตํ วา มยติ คจฺฉติ, สตฺเต จ มาเยติ คเมติ, ตํ วา ยาถาวโต มุนาติ ปริจฺฉินฺทติ, ตตฺถ วา สตฺเต มิโนติ ปกฺขิปติ, ตตฺถ วา สตฺตานํ กิเลสารึ มินาติ หึสตีติ ปารมี, มหาสตฺโต, ‘‘ตสฺส อย’’นฺติอาทินา ทานาทิกิริยาว ปารมีติ. อิมินา นเยน ปารมีนํ วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กติวิธาติ สงฺเขปโต ทสวิธา, ตา ปน พุทฺธวํสปาฬิยํ (พุ. วํ. ๑.๗๖) สรูปโต อาคตาเยว. ยถาห ‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติอาทิ (พุ. วํ. ๒.๑๑๖). ยถา จาห –
‘‘กติ นุ โข ภนฺเต พุทฺธการกา ธมฺมาติ? ทส โข สาริปุตฺต พุทฺธการกา ธมฺมา, กตเม ทส? ทานํ โข สาริปุตฺต พุทฺธการโก ธมฺโม, สีลํ เนกฺขมฺมํ ปฺา วีริยํ ขนฺติ สจฺจํ อธิฏฺานํ ¶ เมตฺตา อุเปกฺขา พุทฺธการโก ธมฺโม, อิเม โข สาริปุตฺต ทส พุทฺธการกา ธมฺมาติ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘ทานํ สีลฺจ เนกฺขมฺมํ, ปฺาวีริเยน ปฺจมํ;
ขนฺติสจฺจมธิฏฺานํ, เมตฺตุเปกฺขาติ เต ทสา’ติ’’. (พุ. วํ. ๑.๗๖);
เกจิ ปน ‘‘ฉพฺพิธา’’ติ วทนฺติ, ตํ เอตาสํ สงฺคหวเสน วุตฺตํ. โส ปน สงฺคโห ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
โก จ ตาสํ กโมติ เอตฺถ กโม นาม เทสนากฺกโม, โส จ ปมสมาทานเหตุโก, สมาทานํ ปวิจยเหตุกํ, อิติ ยถา อาทิมฺหิ ปมาภินีหารกาเล ปวิจิตา, สมาทินฺนา จ, ตถา ¶ เทสิตา. ยถาห ‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติอาทิ (พุ. วํ. ๒.๑๑๖) เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ปมํ สมาทานตา-วเสนายํ กโม รุโต;
อถ วา อฺมฺสฺส, พหูปการโตปิ จา’’ติ.
ตตฺถ หิ ทานํ สีลสฺส พหูปการํ, สุกรฺจาติ ตํ อาทิมฺหิ วุตฺตํ. ทานํ ปน สีลปริคฺคหิตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสนฺติ ทานานนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. สีลํ เนกฺขมฺมปริคฺคหิตํ…เป… เนกฺขมฺมํ ปฺาปริคฺคหิตํ…เป… ปฺา วีริยปริคฺคหิตา…เป… วีริยํ ขนฺติปริคฺคหิตํ…เป… ขนฺติ สจฺจปริคฺคหิตา…เป… สจฺจํ อธิฏฺานปริคฺคหิตํ…เป… อธิฏฺานํ เมตฺตาปริคฺคหิตํ…เป… เมตฺตา อุเปกฺขาปริคฺคหิตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาติ เมตฺตานนฺตรํ อุเปกฺขา วุตฺตา. อุเปกฺขา ปน กรุณาปริคฺคหิตา, กรุณา จ อุเปกฺขาปริคฺคหิตาติ เวทิตพฺพา. กถํ ปน มหาการุณิกา โพธิสตฺตา สตฺเตสุ อุเปกฺขกา โหนฺตีติ? อุเปกฺขิตพฺพยุตฺตเกสุ กฺจิ กาลํ อุเปกฺขกา โหนฺติ, น ปน สพฺพตฺถ, สพฺพทา จาติ เกจิ. อปเร ปน น จ สตฺเตสุ อุเปกฺขกา, สตฺตกเตสุ ปน วิปฺปกาเรสุ อุเปกฺขกา โหนฺตีติ, อิทเมเวตฺถ ยุตฺตํ.
อปโร นโย –
สพฺพสาธารณตาทิ-การเณหิปิ อีริตํ;
ทานํ อาทิมฺหิ เสสา ตุ, ปุริเมปิ อเปกฺขกา.
ปจุรชเนสุปิ ¶ หิ ปวตฺติยา สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา, อปฺปผลตฺตา, สุกรตฺตา จ ทานํ อาทิมฺหิ วุตฺตํ. สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานสฺสานนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. เนกฺขมฺเมน สีลสมฺปตฺติสิทฺธิโต, กายวจีสุจริตํ วตฺวา มโนสุจริตวจนโต, วิสุทฺธสีลสฺส สุเขเนว ฌานสมิชฺฌนโต, กมฺมาปราธปฺปหาเนน ปโยคสุทฺธึ วตฺวา กิเลสาปราธปฺปหาเนน อาสยสุทฺธิวจนโต, วีติกฺกมปฺปหาเน ิตสฺส ปริยุฏฺานปฺปหานวจนโต จ สีลสฺสานนฺตรํ เนกฺขมฺมํ วุตฺตํ. ปฺาย เนกฺขมฺมสฺส สิทฺธิปริสุทฺธิโต, ฌานาภาเว ปฺาภาววจนโต. สมาธิปทฏฺานา หิ ปฺา, ปฺาปจฺจุปฏฺาโน ¶ จ สมาธิ. สมถนิมิตฺตํ วตฺวา อุเปกฺขานิมิตฺตวจนโต, ปรหิตชฺฌาเนน ปรหิตกรณูปายโกสลฺลวจนโต จ เนกฺขมฺมสฺสานนฺตรํ ปฺา วุตฺตา. วีริยารมฺเภน ปฺากิจฺจสิทฺธิโต, สตฺตสฺุตาธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺตึ วตฺวา สตฺตหิตาย อารมฺภสฺส อจฺฉริยตาวจนโต, อุเปกฺขานิมิตฺตํ วตฺวา ปคฺคหนิมิตฺตวจนโต, นิสมฺมการิตํ วตฺวา อุฏฺานวจนโต จ. นิสมฺมการิโน หิ อุฏฺานํ ผลวิเสสมาวหตีติ ปฺายานนฺตรํ วีริยํ วุตฺตํ.
วีริเยน ติติกฺขาสิทฺธิโต. วีริยวา หิ อารทฺธวีริยตฺตา สตฺตสงฺขาเรหิ อุปนีตํ ทุกฺขํ อภิภุยฺย วิหรติ. วีริยสฺส ติติกฺขาลงฺการภาวโต. วีริยวโต หิ ติติกฺขา โสภติ. ปคฺคหนิมิตฺตํ วตฺวา สมถนิมิตฺตวจนโต, อจฺจารมฺเภน อุทฺธจฺจโทสปฺปหานวจนโต. ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา หิ อุทฺธจฺจโทโส ปหียติ. วีริยวโต สาตจฺจกรณวจนโต. ขนฺติพหุโล หิ อนุทฺธโต สาตจฺจการี โหติ. อปฺปมาทวโต ปรหิตกิริยารมฺเภ ปจฺจุปการตณฺหาภาววจนโต. ยาถาวโต ธมฺมนิชฺฌาเน หิ สติ ตณฺหา น โหติ. ปรหิตารมฺเภ ปรเมปิ ปรกตทุกฺขสหนตาวจนโต จ วีริยสฺสานนฺตรํ ขนฺติ วุตฺตา. สจฺเจน ขนฺติยา จิราธิฏฺานโต, อปการิโน อปการขนฺตึ วตฺวา ตทุปการกรเณ อวิสํวาทวจนโต, ขนฺติยา อปวาทวาจาวิกมฺปเนน ภูตวาทิตาย อวิชหนวจนโต, สตฺตสฺุตาธมฺม-นิชฺฌานกฺขนฺตึ วตฺวา ตทุปพฺรูหิตาณสจฺจสฺส วจนโต จ ขนฺติยานนฺตรํ สจฺจํ วุตฺตํ. อธิฏฺาเนน สจฺจสิทฺธิโต. อจลาธิฏฺานสฺส หิ วิรติ สิชฺฌติ. อวิสํวาทิตํ วตฺวา ¶ ตตฺถ อจลภาววจนโต. สจฺจสนฺโธ หิ ทานาทีสุ ปฏิฺานุรูปํ นิจฺจโล ปวตฺตติ. าณสจฺจํ วตฺวา สมฺภาเรสุ ปวตฺตินิฏฺาปนวจนโต. ยถาภูตาณวา หิ โพธิสมฺภาเรสุ อธิฏฺาติ, เต จ นิฏฺาเปติ. ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยภาวโต จ สจฺจสฺสานนฺตรํ อธิฏฺานํ วุตฺตํ. เมตฺตาย ปรหิตกรณสมาทานาธิฏฺานสิทฺธิโต, อธิฏฺานํ วตฺวา หิตูปสํหารวจนโต. โพธิสมฺภาเร หิ อธิติฏฺมาโน เมตฺตาวิหารี โหติ. อจลาธิฏฺานสฺส สมาทานาวิโกปเนน สมาทานสมฺภวโต จ อธิฏฺานสฺสานนฺตรํ เมตฺตา วุตฺตา. อุเปกฺขาย เมตฺตาวิสุทฺธิโต, สตฺเตสุ หิตูปสํหารํ วตฺวา ตทปราเธสุ อุทาสีนตาวจนโต, เมตฺตาภาวนํ วตฺวา ตนฺนิสฺสนฺทภาวนาวจนโต, ‘‘หิตกามสตฺเตปิ อุเปกฺขโก’’ติ อจฺฉริยคุณตาวจนโต จ เมตฺตายานนฺตรํ อุเปกฺขา วุตฺตาติ เอวเมตาสํ กโม เวทิตพฺโพ.
กานิ ลกฺขณาทีนิ สพฺพถาติ เอตฺถ ปน อวิเสเสน –
ปเรสมนุคฺคหณํ ¶ , ลกฺขณนฺติ ปวุจฺจติ;
อุปกาโร อกมฺโป จ, รโส หิเตสิตาปิ จ.
พุทฺธตฺตํ ปจฺจุปฏฺานํ, ทยา าณํ ปวุจฺจติ;
ปทฏฺานนฺติ ตาสนฺตุ, ปจฺเจกํ ตานิ เภทโต.
สพฺพาปิ หิ ปารมิโย ปรานุคฺคหลกฺขณา, ปเรสํ อุปการกรณรสา, อวิกมฺปนรสา วา, หิเตสิตาปจฺจุปฏฺานา, พุทฺธตฺตปจฺจุปฏฺานา วา, มหากรุณาปทฏฺานา, กรุณูปายโกสลฺลปทฏฺานา วา.
วิเสเสน ปน ยสฺมา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อตฺตุปกรณปริจฺจาคเจตนา ทานปารมี. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ กายวจีสุจริตํ อตฺถโต อกตฺตพฺพวิรติ, กตฺตพฺพกรณเจตนาทโย จ สีลปารมี. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคโม กามภเวหิ นิกฺขมนจิตฺตุปฺปาโท เนกฺขมฺมปารมี. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต ธมฺมานํ สามฺวิเสสลกฺขณาวโพโธ ปฺาปารมี. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต กายจิตฺเตหิ ปรหิตารมฺโภ วีริยปารมี. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต สตฺตสงฺขาราปราธสหนสงฺขาโต อโทสปฺปธาโน ตทาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท ขนฺติปารมี. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ วิรติเจตนาทิเภทํ อวิสํวาทนํ สจฺจปารมี ¶ . กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต อจลสมาทานาธิฏฺานสงฺขาโต ตทาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท อธิฏฺานปารมี. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต โลกสฺส หิตสุขูปสํหาโร อตฺถโต อพฺยาปาโท เมตฺตาปารมี. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อนุนยปฏิฆวิทฺธํสนสงฺขาตา อิฏฺานิฏฺเสุ สตฺตสงฺขาเรสุ สมปฺปวตฺติ อุเปกฺขาปารมี.
ตสฺมา ปริจฺจาคลกฺขณํ ทานํ, เทยฺยธมฺเม โลภวิทฺธํสนรสํ, อนาสตฺติปจฺจุปฏฺานํ, ภววิภวสมฺปตฺติปจฺจุปฏฺานํ วา, ปริจฺจชิตพฺพวตฺถุปทฏฺานํ. สีลนลกฺขณํ สีลํ, สมาธานลกฺขณํ, ปติฏฺานลกฺขณํ วาติ วุตฺตํ โหติ. ทุสฺสีลฺยวิทฺธํสนรสํ, อนวชฺชรสํ วา, โสเจยฺยปจฺจุปฏฺานํ, หิโรตฺตปฺปปทฏฺานํ. กามโต, ภวโต จ นิกฺขมนลกฺขณํ เนกฺขมฺมํ, ตทาทีนววิภาวนรสํ, ตโตเยว วิมุขภาวปจฺจุปฏฺานํ, สํเวคปทฏฺานํ. ยถาสภาวปฏิเวธลกฺขณา ปฺา, อกฺขลิตปฏิเวธลกฺขณา วา กุสลิสฺสาสขิตฺตอุสุปฏิเวโธ วิย, วิสโยภาสนรสา ปทีโป วิย, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา อรฺคตสุเทสโก วิย, สมาธิปทฏฺานา ¶ , จตุสจฺจปทฏฺานา วา. อุสฺสาหลกฺขณํ วีริยํ, อุปตฺถมฺภนรสํ, อสํสีทนปจฺจุปฏฺานํ, วีริยารมฺภวตฺถุปทฏฺานํ, สํเวคปทฏฺานํ วา.
ขมนลกฺขณา ขนฺติ, อิฏฺานิฏฺสหนรสา, อธิวาสนปจฺจุปฏฺานา, อวิโรธปจฺจุปฏฺานา วา, ยถาภูตทสฺสนปทฏฺานา. อวิสํวาทนลกฺขณํ สจฺจํ, ยาถาววิภาวนรสํ, สาธุตาปจฺจุปฏฺานํ, โสรจฺจปทฏฺานํ. โพธิสมฺภาเรสุ อธิฏฺานลกฺขณํ อธิฏฺานํ, เตสํ ปฏิปกฺขาภิภวนรสํ, ตตฺถ อจลตาปจฺจุปฏฺานํ, โพธิสมฺภารปทฏฺานํ. หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา เมตฺตา, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยนรสา วา, โสมฺมภาวปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺติลกฺขณา อุเปกฺขา, สมภาวทสฺสนรสา, ปฏิฆานุนยวูปสมปจฺจุปฏฺานา, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณปทฏฺานา. เอตฺถ จ กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตตา ทานาทีนํ ปริจฺจาคาทิลกฺขณสฺส วิเสสนภาเวน วตฺตพฺพา, ยโต ตานิ ปารมีสงฺขฺยํ ลภนฺติ. น หิ สมฺมาสมฺโพธิยาทิปตฺถนมฺตฺร อกรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตานิ วฏฺฏคามีนิ ทานาทีนิ ปารมีสงฺขฺยํ ลภนฺตีติ.
โก ¶ ปจฺจโยติ –
อภินีหาโร จ ตาสํ, ทยา าณฺจ ปจฺจโย;
อุสฺสาหุมฺมงฺควตฺถานํ, หิตาจาราทโย ตถา.
อภินีหาโร ตาว ปารมีนํ สพฺพาสมฺปิ ปจฺจโย. โย หิ อยํ ‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺตี’’ติอาทิ (พุ. วํ. ๒.๕๙) อฏฺธมฺมสโมธานสมฺปาทิโต ‘‘ติณฺโณ ตาเรยฺยํ มุตฺโต โมเจยฺยํ, พุทฺโธ โพเธยฺยํ สุทฺโธ โสเธยฺยํ, ทนฺโต ทเมยฺยํ, สนฺโต สเมยฺยํ, อสฺสตฺโถ อสฺสาเสยฺยํ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปยฺย’’นฺติอาทินา ปวตฺโต อภินีหาโร, โส อวิเสเสน สพฺพปารมีนํ ปจฺจโย. ตปฺปวตฺติยา หิ อุทฺธํ ปารมีนํ ปวิจยุปฏฺานสมาทานาธิฏฺานนิปฺผตฺติโย มหาปุริสานํ สมฺภวนฺติ, อภินีหาโร จ นาเมส อตฺถโต เภสมฏฺงฺคานํ สโมธาเนน ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท, ‘‘อโห วตาหํ อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺเฌยฺยํ, สพฺพสตฺตานํ หิตสุขํ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติอาทิปตฺถนาสงฺขาโต อจินฺเตยฺยํ พุทฺธภูมึ, อปริมาณํ โลกหิตฺจ อารพฺภ ปวตฺติยา สพฺพพุทฺธการกธมฺมมูลภูโต ปรมภทฺทโก ปรมกลฺยาโณ อปริเมยฺยปฺปภาโว ปฺุวิเสโสติ ทฏฺพฺโพ.
ตสฺส ¶ จ อุปฺปตฺติยา สเหว มหาปุริโส มหาโพธิยานปฏิปตฺตึ โอติณฺโณ นาม โหติ, นิยตภาวสมธิคมนโต, ตโต จ อนิวตฺตนสภาวโต ‘‘โพธิสตฺโต’’ติ สมฺํ ลภติ, สพฺพภาเคน สมฺมาสมฺโพธิยํ สมฺมาสตฺตมานสตา, โพธิสมฺภาเร สิกฺขาสมตฺถตา จสฺส สนฺติฏฺติ. ยถาวุตฺตาภินีหารสมิชฺฌเนน หิ มหาปุริสา สพฺพฺุตฺาณาธิคมนปุพฺพลิงฺเคน สยมฺภุาเณน สมฺมเทว สพฺพปารมิโย วิจินิตฺวา สมาทาย อนุกฺกเมน ปริปูเรนฺติ, ยถา ตํ กตมหาภินีหาโร สุเมธปณฺฑิโต. ยถาห –
‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต;
อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยา;
วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑๑๕, ๑๑๖); –
วิตฺถาโร. ลกฺขณาทิโต ปเนส สมฺมเทว สมฺมาสมฺโพธิปณิธานลกฺขโณ, ‘‘อโห วตาหํ อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺเฌยฺยํ, สพฺพสตฺตานํ ¶ หิตสุขํ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติอาทิปตฺถนารโส, โพธิสมฺภารเหตุภาวปจฺจุปฏฺาโน, มหากรุณาปทฏฺาโน, อุปนิสฺสยสมฺปตฺติปทฏฺาโน วา.
ตสฺส ปน อภินีหารสฺส จตฺตาโร ปจฺจยา, จตฺตาโร เหตู, จตฺตาริ จ พลานิ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ กตเม จตฺตาโร ปจฺจยา มหาภินีหาราย? อิธ มหาปุริโส ปสฺสติ ตถาคตํ มหตา พุทฺธานุภาเวน อจฺฉริยพฺภุตํ ปาฏิหาริยํ กโรนฺตํ, ตสฺส ตํ นิสฺสาย ตํ อารมฺมณํ กตฺวา มหาโพธิยํ จิตฺตํ สนฺติฏฺติ ‘‘มหานุภาวา วตายํ ธมฺมธาตุ, ยสฺสา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา ภควา เอวํ อจฺฉริยพฺภุตธมฺโม, อจินฺเตยฺยานุภาโว จา’’ติ, โส ตเมว มหานุภาวทสฺสนํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ, อยํ ปโม ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
น เหว โข ปสฺสติ ตถาคตสฺส ยถาวุตฺตํ มหานุภาวตํ, อปิจ โข สุณาติ ‘‘เอทิโส จ เอทิโส จ ภควา’’ติ, โส ตํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ, อยํ ทุติโย ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
น เหว โข ปสฺสติ ตถาคตสฺส ยถาวุตฺตํ มหานุภาวตํ, นาปิ ตํ ปรโต สุณาติ, อปิจ โข ตถาคตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๑) พุทฺธานุภาวปฏิสํยุตฺตํ ¶ ธมฺมํ สุณาติ, โส ตํ นิสฺสาย…เป… อยํ ตติโย ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
น เหว โข ปสฺสติ ตถาคตสฺส ยถาวุตฺตํ มหานุภาวตํ, นาปิ ตํ ปรโต สุณาติ, นาปิ ตถาคตสฺส ธมฺมํ สุณาติ, อปิจ โข อุฬารชฺฌาสโย กลฺยาณาธิมุตฺติโก ‘‘อหเมตํ พุทฺธวํสํ พุทฺธตนฺตึ พุทฺธปเวณึ พุทฺทธมฺมตํ ปริปาเลสฺสามี’’ติ ยาวเทว ธมฺมฺเว สกฺกโรนฺโต ครุํ กโรนฺโต มาเนนฺโต ปูเชนฺโต ธมฺมํ อปจยมาโน ตํ นิสฺสาย…เป… เปติ, อยํ จตุตฺโถ ปจฺจโย มหาภินีหารายาติ.
กตเม ¶ จตฺตาโร เหตู มหาภินีหาราย? อิธ มหาปุริโส ปกติยา อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ ปุริมเกสุ พุทฺเธสุ กตาธิกาโร, อยํ ปโม เหตุ มหาภินีหาราย. ปุน จปรํ มหาปุริโส ปกติยาปิ กรุณาชฺฌาสโย โหติ กรุณาธิมุตฺโต สตฺตานํ ทุกฺขํ อปเนตุกาโม, อปิจ อตฺตโน กายฺจ ชีวิตฺจ ปริจฺจชิ, อยํ ทุติโย เหตุ มหาภินีหาราย. ปุน จปรํ มหาปุริโส สกลโตปิ วฏฺฏทุกฺขโต สตฺตหิตาย ทุกฺกรจริยโต สุจิรมฺปิ กาลํ ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อนิพฺพินฺโน โหติ อนุตฺราสี, ยาว อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติ, อยํ ตติโย เหตุ มหาภินีหาราย. ปุน จปรํ มหาปุริโส กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสิโต โหติ, โย อหิตโต นํ นิวาเรติ, หิเต ปติฏฺาเปติ, อยํ จตุตฺโถ เหตุ มหาภินีหาราย.
ตตฺรายํ มหาปุริสสฺส อุปนิสฺสยสมฺปทา – เอกนฺเตเนวสฺส ยถา อชฺฌาสโย สมฺโพธินินฺโน โหติ สมฺโพธิโปโณ สมฺโพธิปพฺภาโร, ตถา สตฺตานํ หิตจริยาย, ยโต อเนน ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก สมฺโพธิยา ปณิธานํ กตํ โหติ มนสา, วาจาย จ ‘‘อหมฺปิ เอทิโส สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา สมฺมเทว สตฺตานํ หิตสุขํ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติ. เอวํ สมฺปนฺนูปนิสฺสยสฺส ปนสฺส อิมานิ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ลิงฺคานิ สมฺภวนฺติ, เยหิ สมนฺนาคตสฺส สาวกโพธิสตฺเตหิ, ปจฺเจกโพธิสตฺเตหิ จ มหาวิเสโส มหนฺตํ นานากรณํ ปฺายติ อินฺทฺริยโต, ปฏิปตฺติโต, โกสลฺลโต จ. อิธ หิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน มหาปุริโส ยถา วิสทินฺทฺริโย โหติ วิสทาโณ, น ตถา อิตเร. ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, โน อตฺตหิตาย. ตถา หิ โส ยถา พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ ปฏิปชฺชิ, น ตถา อิตเร, ตตฺถ จ โกสลฺลํ อาวหติ านุปฺปตฺติกปฏิภาเนน, านาานกุสลตาย จ.
ตถา ¶ มหาปุริโส ปกติยา ทานชฺฌาสโย โหติ ทานาภิรโต, สติ เทยฺยธมฺเม เทติเยว, น ทานโต สงฺโกจํ อาปชฺชติ, สตตํ สมิตํ สํวิภาคสีโล โหติ, ปมุทิโตว เทติ อาทรชาโต, น อุทาสีนจิตฺโต, มหนฺตมฺปิ ทานํ ทตฺวา เนว ¶ ทาเนน สนฺตุฏฺโ โหติ, ปเคว อปฺปํ. ปเรสฺจ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต ทาเน วณฺณํ ภาสติ, ทานปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กโรติ, อฺเ จ ปเรสํ เทนฺเต ทิสฺวา อตฺตมโน โหติ, ภยฏฺาเนสุ จ ปเรสํ อภยํ เทตีติ เอวมาทีนิ ทานชฺฌาสยสฺส มหาปุริสสฺส ทานปารมิยา ลิงฺคานิ.
ตถา ปาณาติปาตาทีหิ ปาปธมฺเมหิ หิรียติ โอตฺตปฺปติ, สตฺตานํ อวิเหนชาติโก โหติ, โสรโต สุขสีโล อสโ อมายาวี อุชุชาติโก สุพฺพโจ โสวจสฺสกรณีเยหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต มุทุชาติโก อถทฺโธ อนติมานี, ปรสนฺตกํ นาทิยติ อนฺตมโส ติณสลากมุปาทาย, อตฺตโน หตฺเถ นิกฺขิตฺตํ อิณํ วา คเหตฺวา ปรํ น วิสํวาเทติ, ปรสฺมึ วา อตฺตโน สนฺตเก พฺยามูฬฺเห, วิสฺสริเต วา ตํ สฺาเปตฺวา ปฏิปาเทติ ยถา ตํ น ปรหตฺถคตํ โหติ, อโลลุปฺโป โหติ, ปรปริคฺคหิเตสุ ปาปกํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, อิตฺถิพฺยสนาทีนิ ทูรโต ปริวชฺเชติ, สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ ภินฺนานํ สนฺธาตา สหิตานํ อนุปฺปทาตา ปิยวาที มิหิตปุพฺพงฺคโม ปุพฺพภาสี อตฺถวาที ธมฺมวาที อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต อวิปรีตทสฺสโน กมฺมสฺสกตาาเณน, สจฺจานุโลมิกาเณน จ, กตฺู กตเวที วุฑฺฒาปจายี สุวิสุทฺธาชีโว ธมฺมกาโม, ปเรสมฺปิ ธมฺเม สมาทเปตา สพฺเพน สพฺพํ อกิจฺจโต สตฺเต นิวาเรตา กิจฺเจสุ ปติฏฺเปตา อตฺตนา จ ตตฺถ กิจฺเจ โยคํ อาปชฺชิตา, กตฺวา วา ปน สยํ อกตฺตพฺพํ สีฆฺเว ตโต ปฏิวิรโต โหตีติ เอวมาทีนิ สีลชฺฌาสยสฺส มหาปุริสสฺส สีลปารมิยา ลิงฺคานิ.
ตถา มนฺทกิเลโส โหติ มนฺทนีวรโณ ปวิเวกชฺฌาสโย อวิกฺเขปพหุโล, น ตสฺส ปาปกา วิตกฺกา จิตฺตมนฺวาสฺสวนฺติ, วิเวกคตสฺส จสฺส อปฺปกสิเรเนว จิตฺตํ สมาธิยติ, อมิตฺตปกฺเขปิ ตุวฏํ เมตฺตจิตฺตตา สนฺติฏฺติ, ปเคว อิตรสฺมึ, สติมา จ โหติ จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สุสริตา อนุสฺสริตา, เมธาวี จ โหติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต, นิปโก จ โหติ ตาสุ ตาสุ อิติกตฺตพฺพตาสุ, อารทฺธวีริโย จ โหติ สตฺตานํ หิตกิริยาสุ, ขนฺติพลสมนฺนาคโต จ โหติ สพฺพสโห, อจลาธิฏฺาโน จ โหติ ทฬฺหสมาทาโน, อชฺฌุเปกฺขโก จ โหติ อุเปกฺขาานีเยสุ ธมฺเมสูติ เอวมาทีนิ มหาปุริสสฺส เนกฺขมฺมชฺฌาสยาทีนํ วเสน เนกฺขมฺมปารมิยาทีนํ ลิงฺคานิ เวทิตพฺพานิ.
เอวเมเตหิ ¶ ¶ โพธิสมฺภารลิงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส ยํ วุตฺตํ ‘‘มหาภินีหาราย กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสโย เหตู’’ติ, ตตฺริทํ สงฺเขปโต กลฺยาณมิตฺตลกฺขณํ – อิธ กลฺยาณมิตฺโต สทฺธาสมฺปนฺโน โหติ สีลสมฺปนฺโน สุตสมฺปนฺโน จาควีริยสติสมาธิปฺาสมฺปนฺโน. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ กมฺมํ, กมฺมผลฺจ, เตน สมฺมาสมฺโพธิยา เหตุภูตํ สตฺเตสุ หิเตสิตํ น ปริจฺจชติ. สีลสมฺปตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย โจทโก ปาปครหิโก วตฺตา วจนกฺขโม. สุตสมฺปตฺติยา สตฺตานํ หิตสุขาวหํ คมฺภีรํ ธมฺมกถํ กตฺตา โหติ. จาคสมฺปตฺติยา อปฺปิจฺโฉ โหติ สมาหิโต สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ. วีริยสมฺปตฺติยา อารทฺธวีริโย โหติ สตฺตานํ หิตปฏิปตฺติยา. สติสมฺปตฺติยา อุปฏฺิตสฺสตี โหติ อนวชฺเชสุ ธมฺเมสุ. สมาธิสมฺปตฺติยา อวิกฺขิตฺโต โหติ สมาหิตจิตฺโต. ปฺาสมฺปตฺติยา อวิปรีตํ ปชานาติ. โส สติยา กุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสมาโน ปฺาย สตฺตานํ หิตาหิตํ ยถาภูตํ ชานิตฺวา สมาธินา ตตฺถ เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา วีริเยน อหิตา สตฺเต นิเสเธตฺวา หิเต นิโยเชติ. เตนาห –
‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก’’ติ. (อ. นิ. ๗.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓);
เอวํ คุณสมนฺนาคตํว กลฺยาณมิตฺตํ อุปนิสฺสาย มหาปุริโส อตฺตโน อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ สมฺมเทว ปริโยทเปติ. สุวิสุทฺธาสยปโยโคว หุตฺวา จตูหิ พเลหิ สมนฺนาคโต นจิเรเนว อฏฺงฺเค สโมธาเนตฺวา มหาภินีหารํ กโรนฺโต โพธิสตฺตภาเว ปติฏฺหติ อนิวตฺติธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ.
ตสฺสิมานิ จตฺตาริ พลานิ อชฺฌตฺติกพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ อตฺตสนฺนิสฺสยา ธมฺมคารเวน อภิรุจิ เอกนฺตนินฺนชฺฌาสยตา, ยาย มหาปุริโส อตฺตาธิปติลชฺชาสนฺนิสฺสโย, อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. พาหิรพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ ปรสนฺนิสฺสยา อภิรุจิ เอกนฺตนินฺนชฺฌาสยตา, ยาย มหาปุริโส โลกาธิปติโอตฺตปฺปนสนฺนิสฺสโย, อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ¶ ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. อุปนิสฺสยพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา อภิรุจิ เอกนฺตนินฺนชฺฌาสยตา, ยาย มหาปุริโส ติกฺขินฺทฺริโย, วิสทธาตุโก, สติสนฺนิสฺสโย, อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. ปโยคพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยา ¶ ตชฺชา ปโยคสมฺปทา สกฺกจฺจการิตา สาตจฺจการิตา, ยาย มหาปุริโส วิสุทฺธปโยโค, นิรนฺตรการี, อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. เอวมยํ จตูหิ ปจฺจเยหิ, จตูหิ เหตูหิ, จตูหิ จ พเลหิ สมฺปนฺนสมุทาคโม อฏฺงฺคสโมธานสมฺปาทิโต อภินีหาโร ปารมีนํ ปจฺจโย โหติ มูลการณภาวโต.
ยสฺส จ ปวตฺติยา มหาปุริเส จตฺตาโร อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา ปติฏฺหนฺติ, สพฺพํ สตฺตนิกายํ อตฺตโน โอรสปุตฺตํ วิย ปิยจิตฺเตน ปริคฺคณฺหาติ, น จสฺส จิตฺตํ ปุน สํกิเลสวเสน สํกิลิสฺสติ, สตฺตานํ หิตสุขาวโห จสฺส อชฺฌาสโย, ปโยโค จ โหติ, อตฺตโน จ พุทฺธการกธมฺมา อุปรูปริ วฑฺฒนฺติ, ปริปจฺจนฺติ จ, ยโต มหาปุริโส อุฬารตเรน ปฺุาภิสนฺเทน กุสลาภิสนฺเทน ปวฑฺฒิยา [ปวตฺติยา (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา)] ปจฺจเยน สุขสฺสาหาเรน สมนฺนาคโต สตฺตานํ ทกฺขิเณยฺโย อุตฺตมํ คารวฏฺานํ, อสทิสํ ปฺุกฺเขตฺตฺจ โหติ. เอวมเนกคุโณ อเนกานิสํโส มหาภินีหาโร ปารมีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ.
ยถา จ มหาภินีหาโร, เอวํ มหากรุณา, อุปายโกสลฺลฺจ. ตตฺถ อุปายโกสลฺลํ นาม ทานาทีนํ โพธิสมฺภารภาวสฺส นิมิตฺตภูตา ปฺา, ยาหิ มหากรุณูปายโกสลฺลตาหิ มหาปุริสานํ อตฺตสุขนิรเปกฺขตา, นิรนฺตรํ ปรสุขกรณปสุตตา, สุทุกฺกเรหิ มหาโพธิสตฺตจริเตหิ วิสาทาภาโว, ปสาทสํวุทฺธิทสฺสนสวนานุสฺสรณาวตฺถาสุปิ สตฺตานํ หิตสุขปฏิลาภเหตุภาโว จ สมฺปชฺชติ. ตถา หิ ตสฺส ปฺาย พุทฺธภาวสิทฺธิ, กรุณาย พุทฺธกมฺมสิทฺธิ. ปฺาย สยํ ตรติ, กรุณาย ปเร ตาเรติ. ปฺาย ปรทุกฺขํ ปริชานาติ, กรุณาย ปรทุกฺขปฏิการํ อารภติ. ปฺาย ทุกฺขํ นิพฺพินฺทติ, กรุณาย ทุกฺขํ สมฺปฏิจฺฉติ. ปฺาย นิพฺพานาภิมุโข โหติ, กรุณาย ¶ ตํ น ปาปุณาติ. ตถา กรุณาย สํสาราภิมุโข โหติ, ปฺาย ตตฺร นาภิรมติ. ปฺาย สพฺพตฺถ วิรชฺชติ, กรุณานุคตตฺตา น จ น สพฺเพสมนุคฺคหาย ปวตฺโต, กรุณาย สพฺเพปิ อนุกมฺปติ, ปฺานุคตตฺตา น จ น สพฺพตฺถ วิรตฺตจิตฺโต. ปฺาย อหํการมมํการาภาโว, กรุณาย อาลสิยทีนตาภาโว.
ตถา ปฺากรุณาหิ ยถากฺกมํ อตฺตนาถปรนาถตา, ธีรวีรภาโว, อนตฺตนฺตปาปรนฺตปตา, อตฺตหิตปรหิตนิปฺผตฺติ, นิพฺภยาภีสนกภาโว, ธมฺมาธิปติโลกาธิปติตา, กตฺุปุพฺพการิภาโว, โมหตณฺหาวิคโม, วิชฺชาจรณสิทฺธิ, พลเวสารชฺชนิปฺผตฺตีติ สพฺพสฺสาปิ ¶ ปารมิตาผลสฺส วิเสเสน อุปายภาวโต ปฺา กรุณา ปารมีนํ ปจฺจโย. อิทํ ปน ทฺวยํ ปารมีนํ วิย ปณิธานสฺสาปิ ปจฺจโย.
ตถา อุสฺสาหอุมฺมงฺคอวตฺถานหิตจริยา จ ปารมีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ. ยา จ พุทฺธภาวสฺส อุปฺปตฺติฏฺานตาย ‘‘พุทฺธภูมิโย’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ อุสฺสาโห นาม โพธิสมฺภารานํ อพฺภุสฺสาหนวีริยํ. อุมฺมงฺโค นาม โพธิสมฺภาเรสุ อุปายโกสลฺลภูตา ปฺา. อวตฺถานํ นาม อธิฏฺานํ, อจลาธิฏฺานตา. หิตจริยา นาม เมตฺตาภาวนา, กรุณาภาวนา จ. ยถาห –
‘‘กติ ปน ภนฺเต, พุทฺธภูมิโยติ? จตสฺโส โข สาริปุตฺต, พุทฺธภูมิโย. กตมา จตสฺโส? อุสฺสาโห จ โหติ วีริยํ, อุมฺมงฺโค จ โหติ ปฺาภาวนา, อวตฺถานฺจ โหติ อธิฏฺานํ, หิตจริยา จ โหติ เมตฺตาภาวนา. อิมา โข สาริปุตฺต, จตสฺโส พุทฺธภูมิโย’’ติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๓๔).
ตถา เนกฺขมฺมปวิเวกอโลภาโทสาโมหนิสฺสรณปฺปเภทา จ ฉ อชฺฌาสยา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เนกฺขมฺมชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา กาเมสุ, ฆราวาเส จ โทสทสฺสาวิโน, ปวิเวกชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สงฺคณิกาย โทสทสฺสาวิโน. อโลภ…เป… โลเภ…เป… อโทส…เป… โทเส…เป… อโมห…เป… โมเห…เป… นิสฺสรณ…เป… สพฺพภเวสุ โทสทสฺสาวิโน’’ติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๓๔; วิสุทฺธิ. ๑.๔๙).
ตสฺมา ¶ เอเต จ ฉ อชฺฌาสยาปิ ปารมีนํ ปจฺจยาติ เวทิตพฺพา. น หิ โลภาทีสุ อาทีนวทสฺสเนน, อโลภาทีนํ อธิกภาเวน จ วินา ทานาทิปารมิโย สมฺภวนฺติ. อโลภาทีนฺหิ อธิกภาเวน ปริจฺจาคาทินินฺนจิตฺตตา, อโลภชฺฌาสยาทิตา จาติ, ยถา เจเต, เอวํ ทานชฺฌาสยตาทโยปิ. ยถาห –
‘‘กติ ปน ภนฺเต โพธาย จรนฺตานํ โพธิสตฺตานํ อชฺฌาสยาติ? ทส โข สาริปุตฺต, โพธาย จรนฺตานํ โพธิสตฺตานํ อชฺฌาสยา. กตเม ทส? ทานชฺฌาสยา สาริปุตฺต, โพธิสตฺตา มจฺเฉเร โทสทสฺสาวิโน. สีล…เป… อสํวเร…เป… เนกฺขมฺม…เป… กาเมสุ…เป… ยถาภูตาณ…เป… วิจิกิจฺฉาย.…เป… วีริย ¶ …เป… โกสชฺเช…เป… ขนฺติ…เป… อกฺขนฺติยํ…เป… สจฺจ…เป… วิสํวาทเน…เป… อธิฏฺาน…เป… อนธิฏฺาเน…เป… เมตฺตา…เป… พฺยาปาเท…เป… อุเปกฺขา…เป… สุขทุกฺเขสุ อาทีนวทสฺสาวิโน’’ติ.
เอเตสุ หิ มจฺเฉรอสํวรกามวิจิกิจฺฉาโกสชฺชอกฺขนฺติวิสํวาทนอนธิฏฺาน- พฺยาปาทสุขทุกฺขสงฺขาเตสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมา ทานาทินินฺนจิตฺตตาสงฺขาตา ทานชฺฌาสยตาทโย ทานาทิปารมีนํ นิพฺพตฺติยา ปจฺจโย. ตถา อปริจฺจาคปริจฺจาคาทีสุ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณมฺปิ ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโย โหติ.
ตตฺรายํ ปจฺจเวกฺขณาวิธิ – เขตฺตวตฺถุหิรฺสุวณฺณโคมหึ สทาสีทาสปุตฺตทาราทิปริคฺคหพฺยาสตฺตจิตฺตานํ สตฺตานํ เขตฺตาทีนํ วตฺถุกามภาเวน พหุปตฺถนียภาวโต, ราชโจราทิสาธารณภาวโต, วิวาทาธิฏฺานโต, สปตฺตกรณโต, นิสฺสารโต, ปฏิลาภปริปาลเนสุ ปรวิเหนเหตุภาวโต, วินาสนิมิตฺตฺจโสกาทิอเนกวิหิตพฺยสนาวหโต ตทาสตฺตินิทานฺจ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตจิตฺตานํ อปายูปปตฺติเหตุภาวโตติ เอวํ วิวิธวิปุลานตฺถาวหานิ ปริคฺคหิตวตฺถูนิ นาม, เตสํ ปริจฺจาโคเยเวโก โสตฺถิภาโวติ ปริจฺจาเค อปฺปมาโท กรณีโย.
อปิจ ‘‘ยาจโก ยาจมาโน อตฺตโน คุยฺหสฺส อาจิกฺขนโต มยฺหํ วิสฺสาสิโก’’ติ จ ‘‘ปหาย คมนียํ อตฺตโน สนฺตกํ คเหตฺวา ปรโลกํ ยาหีติอุปทิสนโต มยฺหํ อุปเทสโก’’ติ จ ‘‘อาทิตฺเต วิย ¶ อคาเร มรณคฺคินา อาทิตฺเต โลเก ตโต มยฺหํ สนฺตกสฺส อปหรณโต อปวาหกสหาโย’’ติ จ ‘‘อปวาหิตสฺส จสฺส อชฺฌาปนนิกฺเขปฏฺานภูโต’’ติ จ ‘‘ทานสงฺขาเต กลฺยาณกมฺมสฺมึ สหายภาวโต, สพฺพสมฺปตฺตีนํ อคฺคภูตาย ปรมทุลฺลภาย พุทฺธภูมิยา สมฺปตฺติเหตุภาวโต จ ปรโม กลฺยาณมิตฺโต’’ติ จ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ.
ตถา ‘‘อุฬาเร กมฺมนิ อเนนาหํ สมฺภาวิโต, ตสฺมา สา สมฺภาวนา อวิตถา กาตพฺพา’’ติ จ ‘‘เอกนฺตเภทิตาย ชีวิตสฺส อายาจิเตนาปิ มยา ทาตพฺพํ, ปเคว ยาจิเตนา’’ติ จ ‘‘อุฬารชฺฌาสเยหิ คเวสิตฺวาปิ ทาตพฺโพ, [ทาตพฺพโต (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถาวณฺณนา)] สยเมวาคโต มม ปฺุเนา’’ติ จ ‘‘ยาจกสฺส ทานาปเทเสน มยฺหเมวายมนุคฺคโห’’ติ จ ‘‘อหํ วิย อยํ สพฺโพปิ โลโก มยา อนุคฺคเหตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อสติ ยาจเก กถํ มยฺหํ ทานปารมี ปูเรยฺยา’’ติ จ ‘‘ยาจกานเมวตฺถาย มยา สพฺโพปิ ปริคฺคเหตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อยาจิตฺวาปิ มํ มม สนฺตกํ ยาจกา กทา สยเมว คณฺเหยฺยุ’’นฺติ จ ¶ ‘‘กถมหํ ยาจกานํ ปิโย จสฺสํ มนาโป’’ติ จ ‘‘กถํ วา เต มยฺหํ ปิยา จสฺสุ มนาปา’’ติ จ ‘‘กถํ วาหํ ททมาโน ทตฺวาปิ จ อตฺตมโน อสฺสํ ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต’’ติ จ ‘‘กถํ วา เม ยาจกา ภเวยฺยุํ, อุฬาโร จ ทานชฺฌาสโย’’ติ จ ‘‘กถํ วาหมยาจิโต เอว ยาจกานํ หทยมฺาย ทเทยฺย’’นฺติ ‘‘สติ ธเน, ยาจเก จ อปริจฺจาโค มหตี มยฺหํ วฺจนา’’ติ จ ‘‘กถมหํ อตฺตโน องฺคานิ, ชีวิตฺจาปิ ปริจฺจเชยฺย’’นฺติ จ จาคนินฺนตา อุปฏฺเปตพฺพา.
อปิจ ‘‘อตฺโถ นามายํ นิรเปกฺขํ ทายกมนุคจฺฉติ ยถา ตํ นิรเปกฺขํ เขปกํ กิฏโก’’ติ อตฺเถ นิรเปกฺขตาย จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ยาจมาโน ปน ยทิ ปิยปุคฺคโล โหติ ‘‘ปิโย มํ ยาจตี’’ติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. อถ อุทาสีนปุคฺคโล โหติ ‘‘อยํ มํ ยาจมาโน อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน มิตฺโต โหตี’’ติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ททนฺโต หิ ยาจกานํ ปิโย โหตีติ. อถ ปน เวรีปุคฺคโล ยาจติ, ‘‘ปจฺจตฺถิโก มํ ยาจติ, อยํ มํ ยาจมาโน อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน เวรีปิ ปิโย มิตฺโต โหตี’’ติ วิเสสโต โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. เอวํ ¶ ปิยปุคฺคเล วิย มชฺฌตฺตเวรีปุคฺคเลสุปิ เมตฺตาปุพฺพงฺคมํ กรุณํ อุปฏฺเปตฺวาว ทาตพฺพํ.
สเจ ปนสฺส จิรกาลํ ปริภาวิตตฺตา โลภสฺส เทยฺยธมฺมวิสยา โลภธมฺมา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตน โพธิสตฺตปฏิฺเน อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘นนุ ตยา สปฺปุริส สมฺโพธาย อภินีหารํ กโรนฺเตน สพฺพสตฺตานมุปการาย อยํ กาโย นิสฺสฏฺโ, ตปฺปริจฺจาคมยฺจ ปฺุํ, ตตฺถ นาม เต พาหิเรปิ วตฺถุสฺมึ อภิสงฺคปฺปวตฺติ หตฺถิสินานสทิสี โหติ, ตสฺมา ตยา น กตฺถจิ อภิสงฺโค อุปฺปาเทตพฺโพ. เสยฺยถาปิ นาม มหโต เภสชฺชรุกฺขสฺส ติฏฺโต มูลํ มูลตฺถิกา หรนฺติ, ปปฏิกํ, ตจํ, ขนฺธํ, วิฏปํ, สาขํ, ปลาสํ, ปุปฺผํ, ผลํ ผลตฺถิกา หรนฺติ, น ตสฺส รุกฺขสฺส ‘มยฺหํ สนฺตกํ เอเต หรนฺตี’ติ วิตกฺกสมุทาจาโร โหติ, เอวเมว สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปชฺชนฺเตน มยา มหาทุกฺเข อกตฺุเก นิจฺจาสุจิมฺหิ กาเย ปเรสํ อุปการาย วินิยุชฺชมาเน อณุมตฺโตปิ มิจฺฉาวิตกฺโก น อุปฺปาเทตพฺโพ. โก วา เอตฺถ วิเสโส อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ มหาภูเตสุ เอกนฺตเภทนวิกิรณวิทฺธํสนธมฺเมสุ. เกวลํ ปน สมฺโมหวิชมฺภิตเมตํ, ยทิทํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ อภินิเวโส, ตสฺมา พาหิเรสุ มหาภูเตสุ วิย อชฺฌตฺติเกสุปิ กรจรณนยนาทีสุ, มํสาทีสุ จ อนเปกฺเขน หุตฺวา ‘ตํ ตทตฺถิกา หรนฺตู’ติ นิสฺสฏฺจิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เอวํ ปฏิสฺจิกฺขโต จสฺส สมฺโพธาย ปหิตตฺตสฺส กายชีวิเตสุ นิรเปกฺขสฺส อปฺปกสิเรเนว กายวจีมโนกมฺมานิ ¶ สุวิสุทฺธานิ โหนฺติ, โส วิสุทฺธกายวจีมโนกมฺมนฺโต วิสุทฺธาชีโว ายปฏิปตฺติยํ ิโต อายาปายุปายโกสลฺลสมนฺนาคเมน ภิยฺโยโส มตฺตาย เทยฺยธมฺมปริจฺจาเคน, อภยทานสทฺธมฺมทาเนหิ จ สพฺพสตฺเต อนุคฺคณฺหิตุํ สมตฺโถ โหติ, อยํ ตาว ทานปารมิยํ ปจฺจเวกฺขณานโย.
สีลปารมิยํ ปน เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘‘อิทฺหิ สีลํ นาม คงฺโคทกาทีหิ วิโสเธตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส โทสมลสฺส วิกฺขาลนชลํ, หริจนฺทนาทีหิ วิเนตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส ราคาทิปริฬาหสฺส วินยนํ, มุตฺตาหารมกุฏกุณฺฑลาทีหิ ปจุรชนาลงฺกาเรหิ อสาธารโณ สาธูนมลงฺการวิเสโส, สพฺพทิสาวายนโก อติกิตฺติโม [สพฺพทิสาวายนโต อกิตฺติโม (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถาวณฺณนา; ที. นิ. ฏี. ๑.๗)] สพฺพกาลานุรูโป ¶ จ สุรภิคนฺโธ, ขตฺติยมหาสาลาทีหิ, เทวตาหิ จ วนฺทนียาทิภาวาวหนโต ปรโม วสีกรณมนฺโต, จาตุมหาราชิกาทิเทวโลกาโรหณโสปานปนฺติ, ฌานาภิฺานํ อธิคมูปาโย, นิพฺพานมหานครสฺส สมฺปาปกมคฺโค, สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธีนํ ปติฏฺานภูมิ, ยํ ยํ วา ปนิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ, ตสฺส ตสฺส สมิชฺฌนูปายภาวโต จินฺตามณิกปฺปรุกฺขาทิเก จ อติเสติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘อิชฺฌติ ภิกฺขเว, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๓๗; สํ. นิ. ๔.๓๕๒; อ. นิ. ๘.๓๕). อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ อสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จาติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๖๕). ตถา ‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข อานนฺท กุสลานิ สีลานี’’ติ, (อ. นิ. ๑๐.๑; ๑๑.๑) ‘‘ปฺจิเม คหปตโย, อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติอาทิสุตฺตานฺจ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; อ. นิ. ๕.๒๑๓; อุทา. ๗๖; มหาว. ๓๘๕) วเสน สีลคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. ตถา อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตาทีนํ (อ. นิ. ๗.๗๒) วเสน สีลวิรเห อาทีนวา.
อปิจ ปีติโสมนสฺสนิมิตฺตโต, อตฺตานุวาทปรานุวาททณฺฑทุคฺคติภยาภาวโต, วิฺูหิ ปาสํสภาวโต, อวิปฺปฏิสารเหตุโต, ปรมโสตฺถิฏฺานโต, กุลสาปเตยฺยาธิปเตยฺยชีวิตรูปฏฺานพนฺธุมิตฺตสมฺปตฺตีนํ อติสยนโต จ สีลํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. สีลวโต หิ อตฺตโน สีลสมฺปทาเหตุ มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ ‘‘กตํ วต มยา กุสลํ, กตํ กลฺยาณํ, กตํ ภีรุตฺตาณ’’นฺติ.
ตถา ¶ สีลวโต อตฺตา น อุปวทติ, น จ ปเร วิฺู, ทณฺฑทุคฺคติภยานฺจ สมฺภโวเยว นตฺถิ, ‘‘สีลวา ปุริสปุคฺคโล กลฺยาณธมฺโม’’ติ วิฺูนํ ปาสํโส จ โหติ. ตถา สีลวโต ยฺวายํ ‘‘กตํ วต มยา ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิส’’นฺติ ทุสฺสีลสฺส วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชติ, โส น โหติ. สีลฺจ นาเมตํ อปฺปมาทาธิฏฺานโต, โภคพฺยสนาทิปริหารมุเขน มหโต อตฺถสฺส สาธนโต, มงฺคลภาวโต, ปรมํ โสตฺถิฏฺานํ. นิหีนชจฺโจปิ สีลวา ขตฺติยมหาสาลาทีนํ ปูชนีโย โหตีติ กุลสมฺปตฺตึ อติเสติ สีลสมฺปทา, ‘‘ตํ กึ มฺสิ ¶ มหาราช, อิธ เต อสฺส ทาโส กมฺมกโร’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๘๓) วกฺขมานสามฺสุตฺตวจนฺเจตฺถ สาธกํ, โจราทีหิ อสาธารณโต, ปรโลกานุคมนโต, มหปฺผลภาวโต, สมถาทิคุณาธิฏฺานโต จ พาหิรธนํ สาปเตยฺยํ อติเสติ สีลํ. ปรมสฺส จิตฺติสฺสริยสฺส อธิฏฺานภาวโต ขตฺติยาทีนมิสฺสริยํ อติเสติ สีลํ. สีลนิมิตฺตฺหิ ตํตํสตฺตนิกาเยสุ สตฺตานมิสฺสริยํ, วสฺสสตาทิทีฆปฺปมาณโต จ ชีวิตโต เอกาหมฺปิ สีลวโต ชีวิตสฺส วิสิฏฺตาวจนโต, สติปิ ชีวิเต สิกฺขานิกฺขิปนสฺส มรณตาวจนโต จ สีลํ ชีวิตโต วิสิฏฺตรํ. เวรีนมฺปิ มนฺุภาวาวหนโต, ชราโรควิปตฺตีหิ อนภิภวนียโต จ รูปสมฺปตฺตึ อติเสติ สีลํ. ปาสาทหมฺมิยาทิฏฺานปฺปเภเท ราชยุวราชเสนาปติอาทิานวิเสเส จ สุขวิเสสาธิฏฺานภาวโต อติเสติ สีลํ. สภาวสินิทฺเธ สนฺติกาวจเรปิ พนฺธุชเน, มิตฺตชเน จ เอกนฺตหิตสมฺปาทนโต, ปรโลกานุคมนโต จ อติเสติ สีลํ. ‘‘น ตํ มาตา ปิตา กยิรา’’ติอาทิ (ธ. ป. ๔๓) วจนฺเจตฺถ สาธกํ. ตถา หตฺถิอสฺสรถปตฺติพลกาเยหิ, มนฺตาคทโสตฺถานปโยเคหิ จ ทุรารกฺขานมนาถานํ อตฺตาธีนโต, อนปราธีนโต, มหาวิสยโต จ อารกฺขภาเวน สีลเมว วิสิฏฺตรํ. เตเนวาห ‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติอาทิ (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒). เอวมเนกคุณสมนฺนาคตํ สีลนฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อปริปุณฺณา เจว สีลสมฺปทา ปาริปูรึ คจฺฉติ, อปริสุทฺธา จ ปาริสุทฺธึ.
สเจ ปนสฺส ทีฆรตฺตํ ปริจเยน สีลปฏิปกฺขธมฺมา โทสาทโย อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตน โพธิสตฺตปฏิฺเน เอวํ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘นนุ ตยา โพธาย ปณิธานํ กตํ, สีลเวกลฺเลน จ น สกฺกา น จ สุกรา โลกิยาปิ สมฺปตฺติโย ปาปุณิตุํ, ปเคว โลกุตฺตรา’’ติ. สพฺพสมฺปตฺตีนมคฺคภูตาย สมฺมาสมฺโพธิยา อธิฏฺานภูเตน สีเลน ปรมุกฺกํสคเตน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘กิกีว อณฺฑ’’นฺติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗; วิสุทฺธิ. ๑.๑๙) วุตฺตนเยน สมฺมเทว สีลํ รกฺขนฺเตน สุฏฺุ ตยา เปสเลน ภวิตพฺพํ.
อปิจ ¶ ¶ ตยา ธมฺมเทสนาย ยานตฺตเย สตฺตานมวตารณปริปาจนานิ กาตพฺพานิ, สีลเวกลฺลสฺส จ วจนํ น ปจฺเจตพฺพํ โหติ, อสปฺปายาหารวิจารสฺส วิย เวชฺชสฺส ติกิจฺฉนํ, ตสฺมา ‘‘กถาหํ สทฺเธยฺโย หุตฺวา สตฺตานมวตารณปริปาจนานิ กเรยฺย’’นฺติ สภาวปริสุทฺธสีเลน ภวิตพฺพํ. กิฺจ ฌานาทิคุณวิเสสโยเคน เม สตฺตานมุปการกรณสมตฺถตา, ปฺาปารมีอาทิปริปูรณฺจ ฌานาทโย คุณา จ สีลปาริสุทฺธึ วินา น สมฺภวนฺตีติ สมฺมเทว สีลํ โสเธตพฺพํ.
ตถา ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๑๑; ม. นิ. ๑.๒๙๑, ๓๗๑; ๒.๑๐; ๓.๑๓, ๒๑๘; สํ. นิ. ๒.๑๕๔; ๕.๑๐๐๒; อ. นิ. ๑๐.๙๙; เนตฺติ. ๙๔) ฆราวาเส, ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ๒.๔๒; ปาจิ. ๔๑๗; จูฬนิ. ๑๔๗) ‘‘มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๖๘) จ กาเมสุ, ‘‘เสยฺยถาปิ ปุริโส อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชยฺยา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๔๒๖) กามจฺฉนฺทาทีสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมา, วุตฺตวิปริยาเยน ‘‘อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑, ๓๙๘; ม. นิ. ๑.๒๙๑, ๓๗๑; ๒.๑๐; ๓.๑๓, ๒๑๘; สํ. นิ. ๑.๒๙๑; สํ. นิ. ๕.๑๐๐๒; อ. นิ. ๑๐.๙๙; เนตฺติ. ๙๘) ปพฺพชฺชาทีสุ อานิสํสาปฏิสงฺขาวเสน เนกฺขมฺมปารมิยํ ปจฺจเวกฺขณา กาตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ทุกฺขกฺขนฺธอาสิวิโสปมสุตฺตาทิ (ม. นิ. ๑.๑๖๓, ๑๗๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วเสน เวทิตพฺโพ.
ตถา ‘‘ปฺาย วินา ทานาทโย ธมฺมา น วิสุชฺฌนฺติ, ยถาสกํ พฺยาปารสมตฺถา จ น โหนฺตี’’ติ ปฺาย คุณา มนสิ กาตพฺพา. ยเถว หิ ชีวิเตน วินา สรีรยนฺตํ น โสภติ, น จ อตฺตโน กิริยาสุ ปฏิปตฺติสมตฺถํ โหติ. ยถา จ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ วิฺาเณน วินา ยถาสกํ วิสเยสุ กิจฺจํ กาตุํ นปฺปโหนฺติ, เอวํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ปฺาย วินา สกกิจฺจปฏิปตฺติยมสมตฺถานีติ ปริจฺจาคาทิปฏิปตฺติยํ ปฺา ปธานการณํ. อุมฺมีลิตปฺาจกฺขุกา หิ มหาสตฺตา โพธิสตฺตา อตฺตโน องฺคปจฺจงฺคานิปิ ทตฺวา อนตฺตุกฺกํสกา, อปรวมฺภกา จ โหนฺติ, เภสชฺชรุกฺขา วิย วิกปฺปรหิตา กาลตฺตเยปิ โสมนสฺสชาตา. ปฺาวเสน หิ อุปายโกสลฺลโยคโต ปริจฺจาโค ปรหิตปวตฺติยา ทานปารมิภาวํ อุเปติ. อตฺตตฺถฺหิ ทานํ มุทฺธสทิสํ [วุทฺธิสทิสํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๗)] โหติ.
ตถา ¶ ¶ ปฺาย อภาเวน ตณฺหาทิสํกิเลสาวิโยคโต สีลสฺส วิสุทฺธิเยว น สมฺภวติ, กุโต สพฺพฺุคุณาธิฏฺานภาโว. ปฺวา เอว จ ฆราวาเส กามคุเณสุ สํสาเร จ อาทีนวํ, ปพฺพชฺชาย ฌานสมาปตฺติยํ นิพฺพาเน จ อานิสํสํ สุฏฺุ สลฺลกฺเขนฺโต ปพฺพชิตฺวา ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา นิพฺพานนินฺโน, ปเร จ ตตฺถ ปติฏฺเปติ.
วีริยฺจ ปฺารหิตํ ยถิจฺฉิตมตฺถํ น สาเธติ ทุรารมฺภภาวโต. อนารมฺโภเยว หิ ทุรารมฺภโต เสยฺโย, ปฺาสหิเตน ปน วีริเยน น กิฺจิ ทุรธิคมํ อุปายปฏิปตฺติโต. ตถา ปฺวา เอว ปราปการาทีนมธิวาสกชาติโย โหติ, น ทุปฺปฺโ. ปฺาวิรหิตสฺส จ ปเรหิ อุปนีตา อปการา ขนฺติยา ปฏิปกฺขเมว อนุพฺรูเหนฺติ. ปฺวโต ปน เต ขนฺติสมฺปตฺติยา อนุพฺรูหนวเสน อสฺสา ถิรภาวาย สํวตฺตนฺติ. ปฺวา เอว ตีณิปิ สจฺจานิ เตสํ การณานิ ปฏิปกฺเข จ ยถาภูตํ ชานิตฺวา ปเรสํ อวิสํวาทโก โหติ. ตถา ปฺาพเลน อตฺตานมุปตฺถมฺเภตฺวา ธิติสมฺปทาย สพฺพปารมีสุ อจลสมาทานาธิฏฺาโน โหติ. ปฺวา เอว จ ปิยมชฺฌตฺตเวริวิภาคมกตฺวา สพฺพตฺถ หิตูปสํหารกุสโล โหติ. ตถา ปฺาวเสน ลาภาลาภาทิโลกธมฺมสนฺนิปาเต นิพฺพิการตาย มชฺฌตฺโต โหติ. เอวํ สพฺพาสํ ปารมีนํ ปฺาว ปาริสุทฺธิเหตูติ ปฺาคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
อปิจ ปฺาย วินา น ทสฺสนสมฺปตฺติ, อนฺตเรน จ ทิฏฺิสมฺปทํ น สีลสมฺปทา, สีลทิฏฺิสมฺปทารหิตสฺส จ น สมาธิสมฺปทา, อสมาหิเตน จ น สกฺกา อตฺตหิตมตฺตมฺปิ สาเธตุํ, ปเคว อุกฺกํสคตํ ปรหิตนฺติ. ‘‘นนุ ตยา ปรหิตาย ปฏิปนฺเนน สกฺกจฺจํ ปฺาปาริสุทฺธิยา อาโยโค กรณีโย’’ติ โพธิสตฺเตน อตฺตา โอวทิตพฺโพ. ปฺานุภาเวน หิ มหาสตฺโต จตุรธิฏฺานาธิฏฺิโต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต สตฺเต นิยฺยานมคฺเค อวตาเรติ, อินฺทฺริยานิ จ เนสํ ปริปาเจติ. ตถา ปฺาพเลน ขนฺธายตนาทีสุ ปวิจยพหุโล ปวตฺตินิวตฺติโย ยาถาวโต ปริชานนฺโต ทานาทโย คุณวิเสเส นิพฺเพธภาคิยภาวํ นยนฺโต โพธิสตฺตสิกฺขาย ปริปูรการี โหตีติ เอวมาทินา อเนกาการโวกาเร ปฺาคุเณ ววตฺถเปตฺวา ปฺาปารมี อนุพฺรูเหตพฺพา.
ตถา ¶ ทิสฺสมานปารานิปิ โลกิยานิ กมฺมานิ นิหีนวีริเยน ปาปุณิตุมสกฺกุเณยฺยานิ, อคณิตเขเทน ปน อารทฺธวีริเยน ทุรธิคมํ นาม นตฺถิ. นิหีนวีริโย หิ ‘‘สํสารมโหฆโต สพฺพสตฺเต สนฺตาเรสฺสามี’’ติ อารภิตุเมว น สกฺกุโณติ. มชฺฌิโม ปน อารภิตฺวาน ¶ อนฺตราโวสานมาปชฺชติ. อุกฺกฏฺวีริโย ปน อตฺตสุขนิรเปกฺโข อารภิตฺวา ปารมธิคจฺฉตีติ วีริยสมฺปตฺติ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
อปิจ ‘‘ยสฺส อตฺตโน เอว สํสารปงฺกโต สมุทฺธรณตฺถมารมฺโภ, ตสฺสาปิ วีริยสฺส สิถิลภาเวน มโนรถานํ มตฺถกปฺปตฺติ น สกฺกา สมฺภาเวตุํ, ปเคว สเทวกสฺส โลกสฺส สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาเรนา’’ติ จ ‘‘ราคาทีนํ โทสคณานํ มตฺตมหานาคานมิว ทุนฺนิวารณภาวโต, ตนฺนิทานานฺจ กมฺมสมาทานานํ อุกฺขิตฺตาสิกวธกสทิสภาวโต, ตนฺนิมิตฺตานฺจ ทุคฺคตีนํ สพฺพทา วิวฏมุขภาวโต, ตตฺถ นิโยชกานฺจ ปาปมิตฺตานํ สทา สนฺนิหิตภาวโต, ตโทวาทการิตาย จ วสลสฺส ปุถุชฺชนภาวสฺส สติ สมฺภเว ยุตฺตํ สยเมว สํสารทุกฺขโต นิสฺสริตุ’’นฺติ จ ‘‘มิจฺฉาวิตกฺกา วีริยานุภาเวน ทูรี ภวนฺตี’’ติ จ ‘‘ยทิ ปน สมฺโพธึ อตฺตาธีเนน วีริเยน สกฺกา สมธิคนฺตุํ, กิเมตฺถ ทุกฺกร’’นฺติ จ เอวมาทินา นเยน วีริยคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ‘‘ขนฺติ นามายํ นิรวเสสคุณปฏิปกฺขสฺส โกธสฺส วิธมนโต คุณสมฺปาทเน สาธูนํ อปฺปฏิหตมายุธํ, ปราภิภวเน สมตฺถานมลงฺกาโร, สมณพฺราหฺมณานํ พลสมฺปทา, โกธคฺคิวินยนา อุทกธารา, กลฺยาณกิตฺติสทฺทสฺส สฺชาติเทโส, ปาปปุคฺคลานํ วจีวิสวูปสมกโร มนฺตาคโท, สํวเร ิตานํ ปรมา ธีรปกติ, คมฺภีราสยตาย สาคโร, โทสมหาสาครสฺส เวลา, อปายทฺวารสฺส ปิธานกวาฏํ เทวพฺรหฺมโลกานํ อาโรหณโสปานํ, สพฺพคุณานมธิวาสภูมิ, อุตฺตมา กายวจีมโนวิสุทฺธี’’ติ มนสิ กาตพฺพํ. อปิจ ‘‘เอเต สตฺตา ขนฺติสมฺปตฺติยา อภาวโต อิธโลเก ตปนฺติ, ปรโลเก จ ตปนียธมฺมานุโยคโต’’ติ จ ‘‘ยทิปิ ปราปการนิมิตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปน ทุกฺขสฺส เขตฺตภูโต อตฺตภาโว, พีชภูตฺจ กมฺมํ มยาว อภิสงฺขต’’นฺติ จ ‘‘ตสฺส จ ทุกฺขสฺส อาณณฺยกรณเมต’’นฺติ จ ‘‘อปการเก อสติ กถํ มยฺหํ ขนฺติสมฺปทา สมฺภวตี’’ติ จ ‘‘ยทิปายํ เอตรหิ อปการโก ¶ , อยํ นาม ปุพฺเพ อเนน มยฺหํ อุปกาโร กโต’’ติ จ ‘‘อปกาโร เอว วา ขนฺตินิมิตฺตตาย อุปกาโร’’ติ จ ‘‘สพฺเพปิเม สตฺตา มยฺหํ ปุตฺตสทิสา, ปุตฺตกตาปราเธสุ จ โก กุชฺฌิสฺสตี’’ติ จ ‘‘เยน โกธภูตาเวเสน อยํ มยฺหํ อปรชฺฌติ, สฺวายํ โกธภูตาเวโส มยา วิเนตพฺโพ’’ติ จ ‘‘เยน อปกาเรน อิทํ มยฺหํ ทุกฺขํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส อหมฺปิ นิมิตฺต’’นฺติ จ ‘‘เยหิ ธมฺเมหิ อปกาโร กโต, ยตฺถ จ กโต, สพฺเพปิ เต ตสฺมึเยว ขเณ นิรุทฺธา, กสฺสิทานิ เกน โกโป กาตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อนตฺตตาย สพฺพธมฺมานํ โก กสฺส อปรชฺฌตี’’ติ จ ปจฺจเวกฺขนฺเตน ขนฺติสมฺปทา พฺรูเหตพฺพา.
ยทิ ¶ ปนสฺส ทีฆรตฺตํ ปริจเยน ปราปการนิมิตฺตโก โกโธ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย, เตน อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘ขนฺติ นาเมสา ปราปการสฺส ปฏิปกฺขปฏิปตฺตีนํ ปจฺจุปการการณ’’นฺติ จ ‘‘อปกาโร จ มยฺหํ ทุกฺขุปฺปาทเนน ทุกฺขุปนิสาย สทฺธาย, สพฺพโลเก อนภิรติสฺาย จ ปจฺจโย’’ติ จ ‘‘อินฺทฺริยปกติเรสา, ยทิทํ อิฏฺานิฏฺวิสยสมาโยโค, ตตฺถ อนิฏฺวิสยสมาโยโค มยฺหํ น สิยาติ ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’’ติ จ ‘‘โกธวสิโก สตฺโต โกเธน อุมฺมตฺโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต, ตตฺถ กึ ปจฺจปกาเรนา’’ติ จ ‘‘สพฺเพปิเม สตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน โอรสปุตฺตา วิย ปริปาลิตา, ตสฺมา น ตตฺถ มยา จิตฺตโกโป กาตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อปราธเก จ สติ คุเณ คุณวติ มยา โกโป น กาตพฺโพ’’ติ จ ‘‘อสติ คุเณ กสฺสจิปิ คุณสฺสาภาวโต วิเสเสน กรุณายิตพฺโพ’’ติ จ ‘‘โกเปน มยฺหํ คุณยสา นิหียนฺตี’’ติ จ ‘‘กุชฺฌเนน มยฺหํ ทุพฺพณฺณทุกฺขเสยฺยาทโย สปตฺตกนฺตา อาคจฺฉนฺตี’’ติ จ ‘‘โกโธ จ นามายํ สพฺพทุกฺขาหิตการโก สพฺพสุขหิตวินาสโก พลวา ปจฺจตฺถิโก’’ติ จ ‘‘สติ จ ขนฺติยา น โกจิ ปจฺจตฺถิโก’’ติ จ ‘‘อปราธเกน อปราธนิมิตฺตํ ยํ ทุกฺขํ อายตึ ลทฺธพฺพํ, สติ จ ขนฺติยา มยฺหํ ตทภาโว’’ติ จ ‘‘จินฺเตนฺเตน, กุชฺฌนฺเตน จ มยา ปจฺจตฺถิโกเยว อนุวตฺติโต’’ติ จ ‘‘โกเธ จ มยา ขนฺติยา อภิภูเต ตสฺส ทาสภูโต ปจฺจตฺถิโก สมฺมเทว อภิภูโต’’ติ จ ‘‘โกธนิมิตฺตํ ขนฺติคุณปริจฺจาโค มยฺหํ น ยุตฺโต’’ติ จ ‘‘สติ จ โกเธ คุณวิโรธปจฺจนีกธมฺเม กถํ เม สีลาทิธมฺมา ปาริปูรึ คจฺเฉยฺยุํ, อสติ จ เตสุ กถาหํ สตฺตานํ อุปการพหุโล ¶ ปฏิฺานุรูปํ อุตฺตมํ สมฺปตฺตึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ จ ‘‘ขนฺติยา จ สติ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต สมาหิตสฺส สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจโต ทุกฺขโต สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตโต นิพฺพานํ อสงฺขตามตสนฺตปณีตตาทิภาวโต นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ‘พุทฺธธมฺมา จ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยปฺปภวา’ติ’’, ตโต จ ‘‘อนุโลมิกขนฺติยํ ิโต ‘เกวลา อิเม อตฺตตฺตนิยภาวรหิตา ธมฺมมตฺตา ยถาสกํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชนฺติ วินสฺสนฺติ, น กุโตจิ อาคจฺฉนฺติ, น กุหิฺจิ คจฺฉนฺติ, น จ กตฺถจิ ปติฏฺิตา, น เจตฺถ โกจิ กสฺสจิ พฺยาปาโร’ติ อหํการมมํการานธิฏฺานตา นิชฺฌานํ ขมติ, เยน โพธิสตฺโต โพธิยา นิยโต อนาวตฺติธมฺโม โหตี’’ติ เอวมาทินา ขนฺติปารมิยา ปจฺจเวกฺขณา เวทิตพฺพา.
ตถา ‘‘สจฺเจน วินา สีลาทีนมสมฺภวโต, ปฏิฺานุรูปปฏิปตฺติยา อภาวโต, สจฺจธมฺมาติกฺกเม จ สพฺพปาปธมฺมานํ สโมสรณภาวโต, อสจฺจสนฺธสฺส อปฺปจฺจยิกภาวโต, อายติฺจ อนาเทยฺยวจนตาวหนโต, สมฺปนฺนสจฺจสฺส สพฺพคุณาธิฏฺานภาวโต, สจฺจาธิฏฺาเนน สพฺพสมฺโพธิสมฺภารานํ ปาริสุทฺธิปาริปูริสมนฺวายโต, สภาวธมฺมาวิสํวาทเนน สพฺพโพธิสมฺภารกิจฺจกรณโต ¶ , โพธิสตฺตปฏิปตฺติยา จ ปรินิปฺผตฺติโต’’ติอาทินา สจฺจปารมิยา สมฺปตฺติโย ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ‘‘ทานาทีสุ ทฬฺหสมาทานํ, ตปฺปฏิปกฺขสนฺนิปาเต จ เนสํ อจลาธิฏฺานํ, ตตฺถ จ ธีรวีรภาวํ วินา น ทานาทิสมฺภารา สมฺโพธินิมิตฺตา สมฺภวนฺตี’’ติอาทินา อธิฏฺานคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ‘‘อตฺตหิตมตฺเต อวติฏฺนฺเตนาปิ สตฺเตสุ หิตจิตฺตตํ วินา น สกฺกา อิธโลกปรโลกสมฺปตฺติโย ปาปุณิตุํ, ปเคว สพฺพสตฺเต นิพฺพานสมฺปตฺติยํ ปติฏฺาเปตุกาเมนา’’ติ จ ‘‘ปจฺฉา สพฺพสตฺตานํ โลกุตฺตรสมฺปตฺติมากงฺขนฺเตน อิทานิ โลกิยสมฺปตฺติมากงฺขา ยุตฺตรูปา’’ติ จ ‘‘อิทานิ อาสยมตฺเตน ปเรสํ หิตสุขูปสํหารํ กาตุมสกฺโกนฺโต กทา ปโยเคน ตํ สาธยิสฺสามี’’ติ จ ‘‘อิทานิ มยา หิตสุขูปสํหาเรน สํวทฺธิตา ปจฺฉา ธมฺมสํวิภาคสหายา มยฺหํ ภวิสฺสนฺตี’’ติ จ ‘‘เอเตหิ วินา น มยฺหํ โพธิสมฺภารา สมฺภวนฺติ, ตสฺมา สพฺพพุทฺธคุณวิภูตินิปฺผตฺติการณตฺตา มยฺหํ เอเต ปรมํ ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ กุสลายตนํ อุตฺตมํ ¶ คารวฏฺาน’’นฺติ จ ‘‘สวิเสสํ สพฺเพสุปิ สตฺเตสุ หิตชฺฌาสยตา ปจฺจุปฏฺเปตพฺพา, กิฺจ กรุณาธิฏฺานโตปิ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตา อนุพฺรูเหตพฺพา. วิมริยาทีกเตน หิ เจตสา สตฺเตสุ หิตสุขูปสํหารนิรตสฺส เตสํ อหิตทุกฺขาปนยนกามตา พลวตี อุปฺปชฺชติ ทฬฺหมูลา, กรุณา จ สพฺเพสํ พุทฺธการกธมฺมานํ อาทิ จรณํ ปติฏฺา มูลํ มุขํ ปมุข’’นฺติ เอวมาทินา เมตฺตาคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ‘‘อุเปกฺขาย อภาเว สตฺเตหิ กตา วิปฺปการา จิตฺตสฺส วิการํ อุปฺปาเทยฺยุํ, สติ จ จิตฺตวิกาเร ทานาทิสมฺภารานํ สมฺภโว เอว นตฺถี’’ติ จ ‘‘เมตฺตาสิเนเหน สิเนหิเต จิตฺเต อุเปกฺขาย วินา สมฺภารานํ ปาริสุทฺธิ น โหตี’’ติ จ ‘‘อนุเปกฺขโก สงฺขาเรสุ ปฺุสมฺภารํ, ตพฺพิปากฺจ สตฺตหิตตฺถํ ปริณาเมตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ อุเปกฺขาย อภาเว เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกานํ วิภาคมกตฺวา ปริจฺจชิตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ ‘‘อุเปกฺขารหิเตน ชีวิตปริกฺขารานํ, ชีวิตสฺส วา อนฺตรายํ อมนสิกริตฺวา สีลวิโสธนํ กาตุํ น สกฺกา’’ติ จ ตถา ‘‘อุเปกฺขาวเสน อรติรติสหสฺเสว เนกฺขมฺมพลสิทฺธิโต, อุปปตฺติโต อิกฺขนวเสเนว สพฺพสมฺภารกิจฺจนิปฺผตฺติโต, อจฺจารทฺธวีริยสฺส อนุเปกฺขเน ปธานกิจฺจากรณโต, อุเปกฺขโต เอว ติติกฺขานิชฺฌานสมฺภวโต, อุเปกฺขาวเสน สตฺตสงฺขารานํ อวิสํวาทนโต, โลกธมฺมานํ อชฺฌุเปกฺขเนน สมาทินฺนธมฺเมสุ อจลาธิฏฺานสิทฺธิโต, ปราปการาทีสุ ¶ อนาโภควเสเนว เมตฺตาวิหารนิปฺผตฺติโตติ สพฺพสมฺโพธิสมฺภารานํ สมาทานาธิฏฺานปาริปูรินิปฺผตฺติโย อุเปกฺขานุภาเวน สมฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวมาทินา นเยน อุเปกฺขาปารมี ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. เอวํ อปริจฺจาคปริจฺจาคาทีสุ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณา ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโยติ ทฏฺพฺพํ.
ตถา สปริกฺขารา ปฺจทส จรณธมฺมา ปฺจ จ อภิฺาโย. ตตฺถ จรณธมฺมา นาม สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา ชาคริยานุโยโค, สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ ฌานานิ จ. เตสุ สีลาทีนํ จตุนฺนํ เตรสปิ ธุตงฺคธมฺมา, อปฺปิจฺฉตาทโย จ ปริกฺขารา. สทฺธมฺเมสุ สทฺธาย พุทฺธธมฺมสงฺฆสีลจาคเทวตุปสมานุสฺสติ ลูขปุคฺคลปริวชฺชนา, สินิทฺธปุคฺคลเสวนา, สมฺปสาทนียธมฺมปจฺจเวกฺขณา, ตทธิมุตฺตตา จ ปริกฺขารา. หิโรตฺตปฺปานํ อกุสลาทีนวปจฺจเวกฺขณา, อปายาทีนวปจฺจเวกฺขณา ¶ , กุสลธมฺมูปตฺถมฺภภาวปจฺจเวกฺขณา, หิโรตฺตปฺปรหิตปุคฺคลปริวชฺชนา, หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตา จ. พาหุสจฺจสฺส ปุพฺพโยโค, ปริปุจฺฉกภาโว, สทฺธมฺมาภิโยโค, อนวชฺชวิชฺชาฏฺานาทิปริจโย, ปริปกฺกินฺทฺริยตา, กิเลสทูรีภาโว, อปฺปสฺสุตปุคฺคลปริวชฺชนา พหุสฺสุตปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตา จ. วีริยสฺส อปายภยปจฺจเวกฺขณา, คมนวีถิปจฺจเวกฺขณา, ธมฺมมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, ถินมิทฺธวิโนทนา, กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนา, อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนา, สมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณา, ตทธิมุตฺตตา จ. สติยา สติสมฺปชฺํ, มุฏฺสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนา อุปฏฺิตสฺสติปุคฺคลเสวนา, ตทธิมุตฺตตา จ. ปฺาย ปริปุจฺฉกภาโว, วตฺถุวิสทกิริยา, อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา, ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา, ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา, คมฺภีราณจริยสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณา, ธมฺมมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, ตทธิมุตฺตตา จ. จตุนฺนํ ฌานานํ สีลาทิจตุกฺกํ, อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ปุพฺพภาคภาวนา, อาวชฺชนาทิวสีภาวกรณฺจ ปริกฺขารา.
ตตฺถ สีลาทีหิ ปโยคสุทฺธิยา สตฺตานํ อภยทาเน, อาสยสุทฺธิยา อามิสทาเน, อุภยสุทฺธิยา ธมฺมทาเน สมตฺโถโหตีติอาทินา จรณาทีนํ ทานาทิสมฺภารปจฺจยตา ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. อติวิตฺถารภเยน ปน มยํ น วิตฺถารยิมฺห. ตถา สมฺปตฺติจกฺกาทโยปิ ทานาทีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺพา.
โก สํกิเลโสติ เอตฺถ –
ตณฺหาทีหิ ¶ ปรามฏฺ-ภาโว ตาสํ กิลิสฺสนํ;
สามฺโต วิเสเสน, ยถารหํ วิกปฺปตา.
อวิเสเสน หิ ตณฺหาทีหิ ปรามฏฺภาโว ปารมีนํ สํกิเลโส. วิเสเสน ปน เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกวิกปฺปา ทานปารมิยา สํกิเลโส. สตฺตกาลวิกปฺปา สีลปารมิยา. กามภวตทุปสเมสุ อภิรติอนภิรติวิกปฺปา เนกฺขมฺมปารมิยา. ‘‘อหํ มมา’’ติ วิกปฺปา ปฺาปารมิยา. ลีนุทฺธจฺจวิกปฺปา วีริยปารมิยา. อตฺตปรวิกปฺปา ขนฺติปารมิยา. อทิฏฺาทีสุ ทิฏฺาทิวิกปฺปา สจฺจปารมิยา. โพธิสมฺภารตพฺพิปกฺเขสุ โทสคุณวิกปฺปา อธิฏฺานปารมิยา. หิตาหิตวิกปฺปา เมตฺตาปารมิยา. อิฏฺานิฏฺวิกปฺปา อุเปกฺขาปารมิยา สํกิเลโสติ เวทิตพฺโพ.
กึ ¶ โวทานนฺติ –
ตณฺหาทีหิ อฆาตตา, รหิตตา วิกปฺปานํ;
โวทานนฺติ วิชานิยา, สพฺพาสเมว ตาสมฺปิ.
อนุปฆาตา หิ ตณฺหา มาน ทิฏฺิ โกธุ ปนาห มกฺข ปลาส อิสฺสามจฺฉริย มายา สาเยฺย ถมฺภ สารมฺภ มท ปมาทาทีหิ กิเลเสหิ เทยฺยปฏิคฺคาหกวิกปฺปาทิรหิตา จ ทานาทิปารมิโย ปริสุทฺธา ปภสฺสรา ภวนฺตีติ.
โก ปฏิปกฺโขติ –
อกุสลา กิเลสา จ, ปฏิปกฺขา อเภทโต;
เภทโต ปน ปุพฺเพปิ, วุตฺตา มจฺฉริยาทโย.
อวิเสเสน หิ สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา, สพฺเพปิ กิเลสา จ เอตาสํ ปฏิปกฺขา. วิเสเสน ปน ปุพฺเพ วุตฺตา มจฺฉริยาทโยติ เวทิตพฺพา. อปิจ เทยฺยปฏิคฺคาหกทานผเลสุ อโลภาโทสาโมหคุณโยคโต โลภโทสโมหปฏิปกฺขํ ทานํ, กายาทิโทสตฺตยวงฺกาปคมโต โลภาทิปฏิปกฺขํ สีลํ, กามสุขปรูปฆาตอตฺตกิลมถปริวชฺชนโต โทสตฺตยปฏิปกฺขํ เนกฺขมฺมํ, โลภาทีนํ อนฺธีกรณโต, าณสฺส จ อนนฺธีกรณโต โลภาทิปฏิปกฺขา ปฺา, อลีนานุทฺธตายารมฺภวเสน ¶ โลภาทิปฏิปกฺขํ วีริยํ, อิฏฺานิฏฺสฺุตานํ ขมนโต โลภาทิปฏิปกฺขา ขนฺติ, สติปิ ปเรสํ อุปกาเร, อปกาเร จ ยถาภูตปฺปวตฺติยา โลภาทิปฏิปกฺขํ สจฺจํ, โลกธมฺเม อภิภุยฺย ยถาสมาทินฺเนสุ สมฺภาเรสุ อจลนโต โลภาทิปฏิปกฺขํ อธิฏฺานํ, นีวรณวิเวกโต โลภาทิปฏิปกฺขา เมตฺตา, อิฏฺานิฏฺเสุ อนุนยปฏิฆวิทฺธํสนโต, สมปฺปวตฺติโต จ โลภาทิปฏิปกฺขา อุเปกฺขาติ ทฏฺพฺพํ.
กา ปฏิปตฺตีติ –
ทานาการาทโย เอว, อุปฺปาทิตา อเนกธา;
ปฏิปตฺตีติ วิฺเยฺยา, ปารมีปูรณกฺกเม.
ทานปารมิยา หิ ตาว สุขูปกรณสรีรชีวิตปริจฺจาเคน, ภยาปนยเนน, ธมฺโมปเทเสน จ พหุธา สตฺตานํ อนุคฺคหกรณํ ปฏิปตฺติ. ตตฺถ ¶ อามิสทานํ อภยทานํ ธมฺมทานนฺติ ทาตพฺพวตฺถุวเสน ติวิธํ ทานํ. เตสุ โพธิสตฺตสฺส ทาตพฺพวตฺถุ อชฺฌตฺติกํ, พาหิรนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ พาหิรํ อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลา คนฺธํ วิเลปนํ เสยฺยา อาวสถํ ปทีเปยฺยนฺติ ทสวิธํ. อนฺนาทีนํ ขาทนียโภชนียาทิวิภาเคน อเนกวิธฺจ. ตถา รูปารมฺมณํ ยาว ธมฺมารมฺมณนฺติ อารมฺมณโต ฉพฺพิธํ. รูปารมฺมณาทีนฺจ นีลาทิวิภาเคน อเนกวิธํ. ตถา มณิกนกรชตมุตฺตาปวาฬาทิเขตฺตวตฺถุอารามาทิ ทาสีทาสโคมหึสาทินานาวิธวตฺถูปกรณวเสน อเนกวิธํ.
ตตฺถ มหาปุริโส พาหิรํ วตฺถุํ เทนฺโต ‘‘โย เยน อตฺถิโก, ตํ ตสฺเสว เทติ. เทนฺโต จ ตสฺส อตฺถิโก’’ติ สยเมว ชานนฺโต อยาจิโตปิ เทติ, ปเคว ยาจิโต. มุตฺตจาโค เทติ, โน อมุตฺตจาโค. ปริยตฺตํ เทติ, โน อปริยตฺตํ. สติ เทยฺยธมฺเม ปจฺจุปการสนฺนิสฺสิโต น เทติ, อสติ เทยฺยธมฺเม, ปริยตฺเต จ สํวิภาคารหํ วิภชติ. น จ เทติ ปรูปฆาตาวหํ สตฺถวิสมชฺชาทิกํ, นาปิ กีฬนกํ, ยํ อนตฺถุปสํหิตํ, ปมาทาวหฺจ, น จ คิลานสฺส ยาจกสฺส ปานโภชนาทิอสปฺปายํ, ปมาณรหิตํ วา เทติ, ปมาณยุตฺตํ ปน สปฺปายเมว เทติ.
ตถา ยาจิโต คหฏฺานํ คหฏฺานุจฺฉวิกํ เทติ, ปพฺพชิตานํ ปพฺพชิตานุจฺฉวิกํ เทติ. มาตาปิตโร าติสาโลหิตา มิตฺตามจฺจา ปุตฺตทารทาสกมฺมกราติ เอเตสุ กสฺสจิ ปีฬํ อชเนนฺโต เทติ, น จ อุฬารํ เทยฺยธมฺมํ ปฏิชานิตฺวา ลูขํ เทติ, น จ ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิโต ¶ เทติ, น จ ปจฺจุปการสนฺนิสฺสิโต เทติ, น จ ผลปาฏิกงฺขี เทติ อฺตฺร สมฺมาสมฺโพธิยา, น จ ยาจิโต, เทยฺยธมฺมํ วา ชิคุจฺฉนฺโต เทติ, น จ อสฺตานํ ยาจกานํ อกฺโกสกปริภาสกานมฺปิ อปวิทฺธา ทานํ เทติ, อฺทตฺถุ ปสนฺนจิตฺโต อนุกมฺปนฺโต สกฺกจฺจเมว เทติ, น จ โกตูหลมงฺคลิโก หุตฺวา เทติ, กมฺมผลเมว ปน สทฺทหนฺโต เทติ, นาปิ ยาจเก ปยิรุปาสนาทีหิ สํกิลเมตฺวา เทติ, อปริกิลเมนฺโต เอว ปน เทติ, น จ ปเรสํ วฺจนาธิปฺปาโย, เภทาธิปฺปาโย วา ทานํ เทติ, อสํกิลิฏฺจิตฺโตว เทติ, นาปิ ผรุสวาโจ ภากุฏิกมุโข ทานํ เทติ, ปิยวาที จ ปน ปุพฺพภาสี มิหิตสิตวจโน หุตฺวา เทติ, ยสฺมึ เจ เทยฺยธมฺเม อุฬารมนฺุตาย วา จิรปริจเยน ¶ วา เคธสภาวตาย วา โลภธมฺโม อธิมตฺโต โหติ, ชานนฺโต โพธิสตฺโต ตํ ขิปฺปเมว ปฏิวิโนทยิตฺวา ยาจเก ปริเยเสตฺวาปิ เทติ, ยฺจ เทยฺยวตฺถุ ปริตฺตํ, ยาจโกปิ ปจฺจุปฏฺิโต, ตํ อจินฺเตตฺวา อปิ อตฺตานํ ธาวิตฺวา เทนฺโต ยาจกํ สมฺมาเนติ ยถา ตํ อกิตฺติปณฺฑิโต, น จ มหาปุริโส อตฺตโน ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริเส ยาจิโต เต อสฺาปิเต โทมนสฺสปฺปตฺเต ยาจกานํ เทติ, สมฺมเทว ปน สฺาปิเต โสมนสฺสปฺปตฺเต เทติ, เทนฺโต จ ยกฺขรกฺขสปิสาจาทีนํ วา มนุสฺสานํ วา กุรูรกมฺมนฺตานํ ชานนฺโต น เทติ, ตถา รชฺชมฺปิ ตาทิสานํ น เทติ, เย โลกสฺส อหิตาย ทุกฺขาย อนตฺถาย ปฏิปชฺชนฺติ, เย ปน ธมฺมิกา ธมฺเมน โลกํ ปาเลนฺติ, เตสํ รชฺชทานํ เทติ. เอวํ ตาว พาหิรทาเน ปฏิปตฺติ เวทิตพฺพา.
อชฺฌตฺติกทานมฺปิ ทฺวีหากาเรหิ เวทิตพฺพํ. กถํ? ยถา นาม โกจิ ปุริโส ฆาสจฺฉาทนเหตุ อตฺตานํ ปรสฺส นิสฺสชฺชติ, วิเธยฺยภาวํ อุปคจฺฉติ ทาสพฺยํ, เอวเมว มหาปุริโส สมฺโพธิเหตุ นิรามิสจิตฺโต สตฺตานํ อนุตฺตรํ หิตสุขํ อิจฺฉนฺโต อตฺตโน ทานปารมึ ปริปูเรตุกาโม อตฺตานํ ปรสฺส นิสฺสชฺชติ, วิเธยฺยภาวํ อุปคจฺฉติ ยถากามกรณียตํ, กรจรณนยนาทิองฺคปจฺจงฺคํ เตน เตน อตฺถิกานํ อกมฺปิโต อลีโน อนุปฺปเทติ, น ตตฺถ สชฺชติ, น สงฺโกจํ อาปชฺชติ ยถา ตํ พาหิรวตฺถุสฺมึ. ตถา หิ มหาปุริโส ทฺวีหากาเรหิ พาหิรวตฺถุํ ปริจฺจชติ ยถาสุขํ ปริโภคาย วา ยาจกานํ, เตสํ มโนรถํ ปูเรนฺโต อตฺตโน วสีภาวาย วา. ตตฺถ สพฺเพน สพฺพํ มุตฺตจาโค เอวมาห ‘‘นิสฺสงฺคภาเวนาหํ สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ, เอวํ อชฺฌตฺติกวตฺถุสฺมิมฺปิ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ยํ อชฺฌตฺติกวตฺถุ ทิยฺยมานํ ยาจกสฺส เอกนฺเตเนว หิตาย สํวตฺตติ, ตํ เทติ, น อิตรํ. น จ มหาปุริโส มารสฺส, มารกายิกานํ วา เทวตานํ วิหึสาธิปฺปายานํ อตฺตโน อตฺตภาวํ ¶ , องฺคปจฺจงฺคานิ วา ชานมาโน เทติ ‘‘มา เตสํ อนตฺโถ อโหสี’’ติ. ยถา จ มารกายิกานํ, เอวํ เตหิ อนฺวาวิฏฺานมฺปิ น เทติ, นาปิ อุมฺมตฺตกานํ, อิตเรสํ ปน ยาจิยมาโน สมนนฺตรเมว เทติ ตาทิสาย ยาจนาย ทุลฺลภภาวโต, ตาทิสสฺส จ ทานสฺส ทุกฺกรภาวโต.
อภยทานํ ¶ ปน ราชโต โจรโต อคฺคิโต อุทกโต เวรีปุคฺคลโต สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิคโต นาคยกฺขรกฺขสปิสาจาทิโต สตฺตานํ ภเย ปจฺจุปฏฺิเต ตโต ปริตฺตาณภาเวน ทาตพฺพํ.
ธมฺมทานํ ปน อสํกิลิฏฺจิตฺตสฺส อวิปรีตธมฺมเทสนา. โอปายิโก หิ ตสฺส อุปเทโส ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถวเสน, เยน สาสเน อโนติณฺณานํ อวตารณํ โอติณฺณานํ ปริปาจนํ. ตตฺถายํ นโย – สงฺเขปโต ตาว ทานกถา สีลกถา สคฺคกถา กามานํ อาทีนโว สํกิเลโส โอกาโร จ เนกฺขมฺเม อานิสํโส. วิตฺถารโต ปน สาวกโพธิยํ อธิมุตฺตจิตฺตานํ สรณคมนํ, สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, สตฺต สทฺธมฺมา, อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ กมฺมกรณวเสน สมถานุโยโค, รูปมุขาทีสุ วิปสฺสนาภินิเวเสสุ ยถารหํ อภินิเวสนมุเขน วิปสฺสนานุโยโค, ตถา วิสุทฺธิปฏิปทาย สมฺมตฺตคหณํ, ติสฺโส วิชฺชา, ฉ อภิฺา, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, สาวกโพธีติ เอเตสํ คุณสํกิตฺตนวเสน ยถารหํ ตตฺถ ตตฺถ ปติฏฺาปนา, ปริโยทปนา จ. ตถา ปจฺเจกโพธิยํ, สมฺมาสมฺโพธิยฺจ อธิมุตฺตจิตฺตานํ ยถารหํ ทานาทิปารมีนํ สภาวสรสลกฺขณาทิสํกิตฺตนมุเขน ตีสุปิ อวตฺถาเภเทสุ เตสํ พุทฺธานํ มหานุภาวตาวิภาวเนน ยานทฺวเย ปติฏฺาปนา, ปริโยทปนา จ. เอวํ มหาปุริโส สตฺตานํ ธมฺมทานํ เทติ.
ตถา มหาปุริโส อามิสทานํ เทนฺโต ‘‘อิมินาหํ ทาเนน สตฺตานํ อายุวณฺณสุขพลปฏิภานาทิสมฺปตฺติฺจ รมณียํ อคฺคผลสมฺปตฺติฺจ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติ อนฺนํ เทติ, ตถา สตฺตานํ กามกิเลสปิปาสวูปสมาย ปานํ เทติ, ตถา สุวณฺณวณฺณตาย, หิโรตฺตปฺปาลงฺการสฺส จ นิปฺผตฺติยา วตฺถานิ เทติ, ตถา อิทฺธิวิธสฺส เจว นิพฺพานสุขสฺส จ นิปฺผตฺติยา ยานํ เทติ, ตถา สีลคนฺธนิปฺผตฺติยา คนฺธํ เทติ, ตถา พุทฺธคุณโสภานิปฺผตฺติยา มาลาวิเลปนํ เทติ, ตถา โพธิมณฺฑาสนนิปฺผตฺติยา อาสนํ เทติ, ตถาคตเสยฺยนิปฺผตฺติยา เสยฺยํ เทติ, สรณภาวนิปฺผตฺติยา อาวสถํ เทติ, ปฺจจกฺขุปฏิลาภาย ปทีเปยฺยํ เทติ.
พฺยามปฺปภานิปฺผตฺติยา ¶ รูปทานํ เทติ, พฺรหฺมสฺสรนิปฺผตฺติยา สทฺททานํ เทติ, สพฺพโลกสฺส ปิยภาวาย รสทานํ เทติ, พุทฺธสุขุมาลภาวาย โผฏฺพฺพทานํ ¶ เทติ, อชรามรณภาวาย เภสชฺชทานํ เทติ, กิเลสทาสพฺยวิโมจนตฺถํ ทาสานํ ภุชิสฺสตาทานํ เทติ, สทฺธมฺมาภิรติยา อนวชฺชขิฑฺฑารติเหตุทานํ เทติ, สพฺเพปิ สตฺเต อริยาย ชาติยา อตฺตโน ปุตฺตภาวูปนยนาย ปุตฺตทานํ เทติ, สกลสฺสาปิ โลกสฺส ปติภาวูปคมนาย ทารทานํ เทติ, สุภลกฺขณสมฺปตฺติยา สุวณฺณมณิมุตฺตาปวาฬาทิทานํ, อนุพฺยฺชนสมฺปตฺติยา นานาวิธวิภูสนทานํ, สทฺธมฺมโกสาธิคมาย วิตฺตโกสทานํ, ธมฺมราชภาวาย รชฺชทานํ, ทานาทิสมฺปตฺติยา อารามุยฺยานาทิวนทานํ, จกฺกงฺกิเตหิ ปาเทหิ โพธิมณฺฑูปสงฺกมนาย จรณทานํ, จตุโรฆนิตฺถรเณ สตฺตานํ สทฺธมฺมหตฺถทานตฺถํ หตฺถทานํ, สทฺธินฺทฺริยาทิปฏิลาภาย กณฺณนาสาทิทานํ, สมนฺตจกฺขุปฏิลาภาย จกฺขุทานํ, ‘‘ทสฺสนสวนานุสฺสรณปาริจริยาทีสุ สพฺพกาลํ สพฺพสตฺตานํ หิตสุขาวโห สพฺพโลเกน จ อุปชีวิตพฺโพ เม กาโย ภเวยฺยา’’ติ มํสโลหิตาทิทานํ. ‘‘สพฺพโลกุตฺตโม ภเวยฺย’’นฺติ อุตฺตมงฺคทานํ เทติ.
เอวํ ททนฺโต จ น อเนสนาย เทติ, น ปโรปฆาเตน, น ภเยน, น ลชฺชาย, น ทกฺขิเณยฺยโรสเนน, น ปณีเต สติ ลูขํ, น อตฺตุกฺกํสเนน, น ปรวมฺภเนน, น ผลาภิกงฺขาย, น ยาจกชิคุจฺฉาย, น อจิตฺตีกาเรน, อถ โข สกฺกจฺจํ เทติ, สหตฺเถน เทติ, กาเลน เทติ, จิตฺตึ กตฺวา เทติ, อวิภาเคน เทติ, ตีสุ กาเลสุ โสมนสฺสิโก เทติ, ตโต เอว จ ทตฺวา น ปจฺฉานุตาปี โหติ, น ปฏิคฺคาหกวเสน มานาวมานํ กโรติ, ปฏิคฺคาหกานํ ปิยสมุทาจาโร โหติ วทฺู ยาจโยโค สปริวารทายโก. อนฺนทานฺหิ เทนฺโต ‘‘ตํ สปริวารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺถาทีหิ สทฺธึ เทติ, ตถา วตฺถทานํ เทนฺโต ‘‘ตํ สปริวารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ อนฺนาทีหิ สทฺธึ เทติ. ปานทานาทีสุปิ เอเสว นโย, ตถา รูปทานํ เทนฺโต อิตรารมฺมณานิปิ ตสฺส ปริวารํ กตฺวา เทติ, เอวํ เสเสสุปิ.
ตตฺถ รูปทานํ นาม นีลปีตโลหิโตทาตาทิวณฺณาทีสุ ปุปฺผวตฺถธาตูสุ อฺตรํ ลภิตฺวา รูปวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘รูปทานํ ทสฺสามิ, รูปทานํ มยฺห’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตาทิเส ทกฺขิเณยฺเย ทานํ ปติฏฺาเปติ, เอตํ รูปทานํ นาม.
สทฺททานํ ¶ ปน เภรีสทฺทาทิวเสน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สทฺทํ กนฺทมูลานิ วิย อุปฺปาเฏตฺวา, นีลุปฺปลหตฺถกํ วิย จ หตฺเถ เปตฺวา ทาตุํ น สกฺโกติ, สวตฺถุกํ ปน กตฺวา ททนฺโต สทฺททานํ เทติ นาม, ตสฺมา ยทา ‘‘สทฺททานํ ทสฺสามี’’ติ เภรีมุทิงฺคาทีสุ อฺตเรน ตูริเยน ติณฺณํ ¶ รตนานํ อุปหารํ กโรติ, กาเรติ จ, ‘‘สทฺททานํ ทสฺสามิ, สทฺททานํ เม’’ติ เภรีอาทีนิ ปาเปติ, ธมฺมกถิกานํ ปน สทฺทเภสชฺชํ, เตลผาณิตาทีนิ จ เทติ, ธมฺมสฺสวนํ โฆเสติ, สรภฺํ ภณติ, ธมฺมกถํ กเถติ, อุปนิสินฺนกถํ, อนุโมทนกถฺจ กโรติ, กาเรติ จ, ตทา สทฺททานํ นาม โหติ.
ตถา มูลคนฺธาทีสุ อฺตรํ รชนียํ คนฺธวตฺถุํ, ปิสิตเมว วา คนฺธํ ยํ กิฺจิ ลภิตฺวา คนฺธวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘คนฺธทานํ ทสฺสามิ, คนฺธทานํ มยฺห’’นฺติ พุทฺธรตนาทีนํ ปูชํ กโรติ, กาเรติ จ, คนฺธปูชนตฺถาย อครุจนฺทนาทิเก คนฺธวตฺถุเก ปริจฺจชติ, อิทํ คนฺธทานํ.
ตถา มูลรสาทีสุ ยํ กิฺจิ รชนียํ รสวตฺถุํ ลภิตฺวา รสวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘รสทานํ ทสฺสามิ, รสทานํ มยฺห’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยานํ เทติ, รสวตฺถุเมว วา อฺํ ควาทิกํ ปริจฺจชติ, อิทํ รสทานํ.
ตถา โผฏฺพฺพทานํ มฺจปีาทิวเสน, อตฺถรณปาวุรณาทิวเสน จ เวทิตพฺพํ. ยทา หิ มฺจปีภิสิพิพฺโพหนาทิกํ, นิวาสนปารุปนาทิกํ วา สุขสมฺผสฺสํ รชนียํ อนวชฺชํ โผฏฺพฺพวตฺถุํ ลภิตฺวา โผฏฺพฺพวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘โผฏฺพฺพทานํ ทสฺสามิ, โผฏฺพฺพทานํ มยฺห’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยานํ เทติ. ยถาวุตฺตํ โผฏฺพฺพวตฺถุํ ลภิตฺวา ปริจฺจชติ, เอตํ โผฏฺพฺพทานํ.
ธมฺมทานํ ปน ธมฺมารมฺมณสฺส อธิปฺเปตตฺตา โอชาปานชีวิตวเสน เวทิตพฺพํ. โอชาทีสุ หิ อฺตรํ รชนียํ ธมฺมวตฺถุํ ลภิตฺวา ธมฺมารมฺมณวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘ธมฺมทานํ ทสฺสามิ, ธมฺมทานํ มยฺห’’นฺติ สปฺปินวนีตาทิ โอชทานํ เทติ, อมฺพปานาทิอฏฺวิธํ ปานทานํ เทติ, ชีวิตทานนฺติ อาภุชิตฺวา สลากภตฺตปกฺขิกภตฺตาทีนิ เทติ. อผาสุกภาเวน อภิภูตานํ พฺยาธิกานํ เวชฺชํ ปฏฺเปติ, ชาลํ ผาลาเปติ, กุมีนํ วิทฺธํสาเปติ, สกุณปฺชรํ วิทฺธํสาเปติ, พนฺธเนน พทฺธานํ สตฺตานํ พนฺธนโมกฺขํ กาเรติ, มาฆาตเภรึ จราเปติ, อฺานิปิ สตฺตานํ ชีวิตปริตฺตาณตฺถํ เอวรูปานิ กมฺมานิ กโรติ, การาเปติ จ, อิทํ ธมฺมทานํ นาม.
สพฺพมฺเปตํ ¶ ยถาวุตฺตทานสมฺปทํ สกลโลกหิตสุขาย ปริณาเมติ อตฺตโน จ อกุปฺปาย วิมุตฺติยา อปริกฺขยสฺส ฉนฺทสฺส อปริกฺขยสฺส วีริยสฺส อปริกฺขยสฺส สมาธิสฺส อปริกฺขยสฺส ปฏิภานสฺส อปริกฺขยสฺส ฌานสฺส อปริกฺขยาย สมฺมาสมฺโพธิยา ปริณาเมติ ¶ , อิมฺจ ทานปารมึ ปฏิปชฺชนฺเตน มหาสตฺเตน ชีวิเต อนิจฺจสฺา ปจฺจุปฏฺเปตพฺพา. ตถา โภเคสุ, พหุสาธารณตา จ เนสํ มนสิ กาตพฺพา, สตฺเตสุ จ มหากรุณา สตตํ สมิตํ ปจฺจุปฏฺเปตพฺพา. เอวฺหิ โภเคหิ คเหตพฺพสารํ คณฺหนฺโต อาทิตฺตโต วิย อคารโต สพฺพํ สาปเตยฺยํ, อตฺตานฺจ พหิ นีหรนฺโต น กิฺจิ เสเสติ, น กตฺถจิ วิภาคํ กโรติ, อฺทตฺถุ นิรเปกฺโข นิสฺสชฺชติ เอว. อยํ ตาว ทานปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม.
สีลปารมิยา ปน อยํ ปฏิปตฺติกฺกโม – ยสฺมา สพฺพฺุสีลาลงฺกาเรหิ สตฺเต อลงฺกริตุกาเมน มหาปุริเสน อาทิโต อตฺตโน เอว ตาว สีลํ วิโสเธตพฺพํ. ตตฺถ จตูหากาเรหิ สีลํ วิสุชฺฌติ อชฺฌาสยวิสุทฺธิโต, สมาทานโต, อวีติกฺกมนโต, สติ วีติกฺกเม ปุน ปากฏีกรณโต จ. วิสุทฺธาสยตาย หิ เอกจฺโจ อตฺตาธิปติ หุตฺวา ปาปชิคุจฺฉนสภาโว อชฺฌตฺตํ หิริธมฺมํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา สุปริสุทฺธสมาจาโร โหติ, ตถา ปรโต สมาทาเน สติ เอกจฺโจ โลกาธิปติ หุตฺวา ปาปโต อุตฺตสนฺโต โอตฺตปฺปธมฺมํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา สุปริสุทฺธสมาจาโร โหติ, อิติ อุภยถาปิ เอเต อวีติกฺกมนโต สีเล ปติฏฺหนฺติ. อถ จ ปน กทาจิ สติสมฺโมเสน สีลสฺส ขณฺฑาทิภาโว สิยา, ตายเยว ยถาวุตฺตาย หิโรตฺตปฺปสมฺปตฺติยา ขิปฺปเมว นํ วุฏฺานาทินา ปฏิปากติกํ กโรนฺตีติ.
ตยิทํ สีลํ วาริตฺตํ จาริตฺตนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถายํ โพธิสตฺตสฺส วาริตฺตสีเล ปฏิปตฺติกฺกโม – เตน สพฺพสตฺเตสุ ตถา ทยาปนฺนจิตฺเตน ภวิตพฺพํ, ยถา สุปินนฺเตนปิ น อาฆาโต อุปฺปชฺเชยฺย, ปรูปกรณวิรตตาย ปรสนฺตโก อลคทฺโท วิย น ปรามสิตพฺโพ. สเจ ปพฺพชิโต โหติ, อพฺรหฺมจริยโตปิ อาราจารี โหติ สตฺตวิธเมถุนสํโยควิรโต, ปเคว ปรทารคมนโต. คหฏฺโ สมาโน ปเรสํ ทาเรสุ สทา ปาปกํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ. กเถนฺโต สจฺจํ หิตํ ปิยํ ปริมิตเมว จ กาเลน ธมฺมึ กถํ ภาสิตา โหติ. สพฺพตฺถ อนภิชฺฌาลุ ¶ , อพฺยาปนฺนจิตฺโต, อวิปรีตทสฺสโน กมฺมสฺสกตาาเณน จ สมนฺนาคโต. สมคฺคเตสุ สมฺมาปฏิปนฺเนสุ นิวิฏฺสทฺโธ โหติ นิวิฏฺเปโมติ.
อิติ จตุราปายวฏฺฏทุกฺขานํ ปถภูเตหิ อกุสลกมฺมปเถหิ, อกุสลธมฺเมหิ จ โอรมิตฺวา สคฺคโมกฺขานํ ปถภูเตสุ กุสลกมฺมปเถสุ, กุสลธมฺเมสุ จ ปติฏฺิตสฺส มหาปุริสสฺส ปริสุทฺธาสยปโยคโต ยถาภิปตฺถิตา สตฺตานํ หิตสุขูปสฺหิตา มโนรถา สีฆํ สีฆํ อภินิปฺผชฺชนฺติ, ปารมิโย ปริปูเรนฺติ. เอวํภูโต หิ อยํ. ตตฺถ หึสานิวตฺติยา สพฺพสตฺตานํ ¶ อภยทานํ เทติ, อปฺปกสิเรเนว เมตฺตาภาวนํ สมฺปาเทติ, เอกาทส เมตฺตานิสํเส อธิคจฺฉติ, อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, ทีฆายุโก สุขพหุโล, ลกฺขณวิเสเส ปาปุณาติ, โทสวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ. ตถา อทินฺนาทานนิวตฺติยา โจราทีหิ อสาธารเณ โภเค อธิคจฺฉติ, ปเรหิ อนาสงฺกนีโย, ปิโย, มนาโป, วิสฺสาสนีโย, ภวสมฺปตฺตีสุ อลคฺคจิตฺโต ปริจฺจาคสีโล, โลภวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ. อพฺรหฺมจริยนิวตฺติยา อโลโภ โหติ สนฺตกายจิตฺโต, สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป อปริสงฺกนีโย, กลฺยาโณ จสฺส กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อลคฺคจิตฺโต โหติ มาตุคาเมสุ อลุทฺธาสโย, เนกฺขมฺมพหุโล, ลกฺขณวิเสเส อธิคจฺฉติ, โลภวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.
มุสาวาทนิวตฺติยา สตฺตานํ ปมาณภูโต โหติ ปจฺจยิโก เถโต อาเทยฺยวจโน เทวตานํ ปิโย มนาโป สุรภิคนฺธมุโข อสทฺธมฺมารกฺขิตกายวจีสมาจาโร, ลกฺขณวิเสเส อธิคจฺฉติ, กิเลสวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ. เปสฺุนิวตฺติยา ปรูปกฺกเมหิ อเภชฺชกาโย โหติ อเภชฺชปริวาโร, สทฺธมฺเม จ อเภชฺชนกสทฺโธ, ทฬฺหมิตฺโต ภวนฺตรปริจิตานมฺปิ สตฺตานํ เอกนฺตปิโย, อสํกิเลสพหุโล. ผรุสวาจานิวตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป สุขสีโล มธุรวจโน สมฺภาวนีโย, อฏฺงฺคสมนฺนาคโต จสฺส สโร นิพฺพตฺตติ. สมฺผปฺปลาปนิวตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป, ครุภาวนีโย จ, อาเทยฺยวจโน ปริมิตาลาโป, มเหสกฺโข จ โหติ ¶ มหานุภาโว, านุปฺปตฺติเกน ปฏิภาเนน ปฺหาพฺยากรณกุสโล, พุทฺธภูมิยฺจ เอกาย เอว วาจาย อเนกภาสานํ สตฺตานํ อเนเกสํ ปฺหานํ พฺยากรณสมตฺโถ โหติ.
อนภิชฺฌาลุตาย อกิจฺฉลาภี โหติ, อุฬาเรสุ จ โภเคสุ รุจึ ปฏิลภติ, ขตฺติยมหาสาลาทีนํ สมฺมโต โหติ, ปจฺจตฺถิเกหิ อนภิภวนีโย, อินฺทฺริยเวกลฺลํ น ปาปุณาติ, อปฺปฏิปุคฺคโล จ โหติ. อพฺยาปาเทน ปิยทสฺสโน โหติ สตฺตานํ สมฺภาวนีโย, ปรหิตาภินนฺทิตาย จ สตฺเต อปฺปกสิเรเนว ปสาเทติ, อลูขสภาโว จ โหติ เมตฺตาวิหารี, มเหสกฺโข จ โหติ มหานุภาโว. มิจฺฉาทสฺสนาภาเวน กลฺยาเณ สหาเย ปฏิลภติ, สีสจฺเฉทํ ปาปุณนฺโตปิ ปาปกมฺมํ น กโรติ, กมฺมสฺสกตาทสฺสนโต อโกตูหลมงฺคลิโก จ โหติ, สทฺธมฺเม จสฺส สทฺธา ปติฏฺิตา โหติ มูลชาตา, สทฺทหติ จ ตถาคตานํ โพธึ, สมยนฺตเรสุ นาภิรมติ อุกฺการฏฺาเน ราชหํโส วิย, ลกฺขณตฺตยวิชานเน กุสโล โหติ, อนฺเต จ อนาวรณาณลาภี, ยาว จ โพธึ น ปาปุณาติ, ตาว ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตนิกาเย อุกฺกฏฺุกฺกฏฺโ โหติ, อุฬารุฬารสมฺปตฺติโย ปาปุณาติ.
‘‘อิติ ¶ หิทํ สีลํ นาม สพฺพสมฺปตฺตีนํ อธิฏฺานํ, สพฺพพุทฺธคุณานํ ปภวภูมิ, สพฺพพุทฺธการกธมฺมานํ อาทิ จรณํ การณํ มุขํ ปมุข’’นฺติ พหุมานํ อุปฺปาเทตฺวา กายวจีสํยเม, อินฺทฺริยทมเน, อาชีวปาริสุทฺธิยํ, ปจฺจยปริโภเค จ สติสมฺปชฺพเลน อปฺปมตฺโต โหติ, ลาภสกฺการสิโลกํ อุกฺขิตฺตาสิกปจฺจตฺถิกํ วิย สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘กิกีว อณฺฑ’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๗; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) วุตฺตนเยน สกฺกจฺจํ สีลํ สมฺปาเทตพฺพํ. อยํ ตาว วาริตฺตสีเล ปฏิปตฺติกฺกโม.
จาริตฺตสีเล ปน ปฏิปตฺติ เอวํ เวทิตพฺพา – อิธ โพธิสตฺโต กลฺยาณมิตฺตานํ ครุฏฺานิยานํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กาเลน กาลํ กตฺตา โหติ, ตถา เตสํ กาเลน กาลํ อุปฏฺานํ กตฺตา โหติ, คิลานานํ กายเวยฺยาวฏิกํ, วาจาย ปุจฺฉนฺจ กตฺตา โหติ, สุภาสิตปทานิ สุตฺวา สาธุการํ กตฺตา ¶ โหติ, คุณวนฺตานํ คุเณ วณฺเณตา, ปเรสํ อปกาเร ขนฺตา, อุปกาเร อนุสฺสริตา, ปฺุานิ อนุโมทิตา, อตฺตโน ปฺุานิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปริณาเมตา, สพฺพกาลํ อปฺปมาทวิหารี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, สติ อจฺจเย อจฺจยโต ทิสฺวา ตาทิสานํ สหธมฺมิกานํ ยถาภูตํ อาวิ กตฺตา, อุตฺตริฺจ สมฺมาปฏิปตฺตึ สมฺมเทว ปริปูเรตา.
ตถา อตฺตโน อนุรูปาสุ อตฺถูปสํหิตาสุ สตฺตานํ อิติกตฺตพฺพตาปุเรกฺขาโร อนลโส สหายภาวํ อุปคจฺฉติ. อุปฺปนฺเนสุ จ สตฺตานํ พฺยาธิอาทิทุกฺเขสุ ยถารหํ ปติการวิธายโก, าติโภคาทิพฺยสนปติเตสุ โสกปโนทโน, อุลฺลุมฺปนสภาวาวฏฺิโต หุตฺวา นิคฺคหารหานํ ธมฺเมเนว นิคฺคณฺหนโก ยาวเทว อกุสลา วุฏฺาเปตฺวา กุสเล ปติฏฺาปนาย, ปคฺคหารหานํ ธมฺเมเนว ปคฺคณฺหนโก. ยานิ ปุริมกานํ มหาโพธิสตฺตานํ อุฬารตมานิ ปรมทุกฺกรานิ อจินฺเตยฺยานุภาวานิ สตฺตานํ เอกนฺตหิตสุขาวหานิ จริตานิ, เยหิ เนสํ โพธิสมฺภารา สมฺมเทว ปริปากํ อคมึสุ, ตานิ สุตฺวา อนุพฺพิคฺโค อนุตฺราโส ‘‘เตปิ มหาปุริสา มนุสฺสา เอว, อนุกฺกเมน ปน สิกฺขาปาริปูริยา ภาวิตตฺตา ตาทิสาย อุฬารตมาย อานุภาวสมฺปตฺติยา โพธิสมฺภาเรสุ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตา อเหสุํ, ตสฺมา มยาปิ สีลาทิสิกฺขาสุ สมฺมเทว ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ยาย ปฏิปตฺติยา อหมฺปิ อนุกฺกเมน สิกฺขํ ปริปูเรตฺวา เอกนฺตโต ปทํ อนุปาปุณิสฺสามี’’ติ สทฺธาปุเรจาริกํ วีริยํ อวิสฺสชฺชนฺโต สมฺมเทว สีเลสุ ปริปูรการี โหติ.
ตถา ปฏิจฺฉนฺนกลฺยาโณ โหติ วิวฏาปราโธ, อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ ทุกฺขสโห ¶ อวิปรีตทสฺสนชาติโก อนุทฺธโต อนุนฺนโฬ อจปโล อมุขโร อวิกิณฺณวาโจ สํวุตินฺทฺริโย สนฺตมานโส กุหนาทิมิจฺฉาชีววิรหิโต อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ, อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺโข, อปฺปมตฺตกมฺปิ กาเย, ชีวิเต วา อเปกฺขํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ, ปเคว อธิมตฺตํ. สพฺเพปิ ทุสฺสีลฺยเหตุภูเต โกธุปนาหาทิเก กิเลสุปกฺกิเลเส ปชหติ วิโนเทติ, อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน อปริตุฏฺโ โหติ, น สงฺโกจํ อาปชฺชติ, อุปรูปริวิเสสาธิคมาย วายมติ.
เยน ¶ ยถาลทฺธา สมฺปตฺติ หานภาคิยา วา ิติภาคิยา วา น โหติ, ตถา มหาปุริโส อนฺธานํ ปริณายโก โหติ, มคฺคํ อาจิกฺขติ, พธิรานํ หตฺถมุทฺทาย สฺํ เทติ, อตฺถมนุคฺคาเหติ, ตถา มูคานํ. ปีสปฺปิกานํ ปีํ เทติ, วาเหติ วา. อสฺสทฺธานํ สทฺธาปฏิลาภาย วายมติ, กุสีตานํ อุสฺสาหชนนาย, มุฏฺสฺสตีนํ สติสมาโยคาย. วิพฺภนฺตตฺตานํ สมาธิสมฺปทาย, ทุปฺปฺานํ ปฺาธิคมาย วายมติ. กามจฺฉนฺทปริยุฏฺิตานํ กามจฺฉนฺทปฏิวิโนทนาย วายมติ. พฺยาปาทถินมิทฺธอุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิจิกิจฺฉาปริยุฏฺิตานํ วิจิกิจฺฉาวิโนทนาย วายมติ. กามวิตกฺกาทิปกตานํ กามวิตกฺกาทิมิจฺฉาวิตกฺกวิโนทนาย วายมติ. ปุพฺพการีนํ สตฺตานํ กตฺุตํ นิสฺสาย ปุพฺพภาสี ปิยวาที สงฺคาหโก สทิเสน, อธิเกน วา ปจฺจุปกาเร สมฺมาเนตา โหติ.
อาปทาสุ สหายกิจฺจํ อนุติฏฺติ, เตสํ เตสฺจ สตฺตานํ ปกตึ, สภาวฺจ ปริชานิตฺวา เยหิ ยถา สํวสิตพฺพํ โหติ, เตหิ ตถา สํวสติ. เยสุ จ ยถา ปฏิปชฺชิตพฺพํ โหติ, เตสุ ตถา ปฏิปชฺชติ. ตฺจ โข อกุสลโต วุฏฺาเปตฺวา กุสเล ปติฏฺาปนวเสน, น อฺถา. ปรจิตฺตานุรกฺขณา หิ โพธิสตฺตานํ ยาวเทว กุสลาภิวฑฺฒิยา. ตถา หิตชฺฌาสเยนาปิ ปโร น สาหสิตพฺโพ, น ภณฺฑิตพฺโพ, น มงฺกุภาวมาปาเทตพฺโพ, น ปรสฺส กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตพฺพํ, น นิคฺคหฏฺาเน โจเทตพฺโพ, น นีจตรํ ปฏิปนฺนสฺส อตฺตา อุจฺจตเร เปตพฺโพ, น จ ปเรสุ สพฺเพน สพฺพํ อเสวินา ภวิตพฺพํ, น อติเสวินา, น อกาลเสวินา ภวิตพฺพํ.
ยุตฺเต ปน สตฺเต เทสกาลานุรูปํ เสวติ, น จ ปเรสํ ปุรโต ปิเยปิ ครหติ, อปฺปิเย วา ปสํสติ, น อธิฏฺาย วิสฺสาสี โหติ, น ธมฺมิกํ อุปนิมนฺตนํ ปฏิกฺขิปติ, น ปฺตฺตึ อุปคจฺฉติ, นาธิกํ ปฏิคฺคณฺหาติ, สทฺธาสมฺปนฺเน สทฺธานิสํสกถาย สมฺปหํเสติ, สีลสุตจาคปฺาสมฺปนฺเน ¶ ปฺานิสํสกถาย สมฺปหํเสติ. สเจ ปน โพธิสตฺโต อภิฺาพลปฺปตฺโต โหติ, ปมาทาปนฺเน สตฺเต อภิฺาพเลน ยถารหํ นิรยาทิเก ทสฺเสนฺโต สํเวเชตฺวา อสฺสทฺธาทิเก สทฺธาทีสุ ปติฏฺาเปติ, สาสเน โอตาเรติ, สทฺธาทิคุณสมฺปนฺเน ปริปาเจติ. เอวมสฺส มหาปุริสสฺส จาริตฺตภูโต อปริมาโณ ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท อุปรูปริ อภิวฑฺฒตีติ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ¶ ยา สา ‘‘กึ สีลํ, เกนฏฺเน สีล’’นฺติอาทินา ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส, วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา สีล’’นฺติอาทินา นเยน นานปฺปการโต สีลสฺส วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖) วุตฺตา, สา สพฺพาปิ อิธ อาหริตฺวา วตฺตพฺพา. เกวลฺหิ ตตฺถ สาวกโพธิสตฺตวเสน สีลกถา อาคตา, อิธ มหาโพธิสตฺตวเสน กรุณูปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วตฺตพฺพาติ อยเมว วิเสโส. ยโต อิทํ สีลํ มหาปุริโส ยถา น อตฺตโน ทุคฺคติยํ ปริกิเลสวิมุตฺติยา, สุคติยมฺปิ น รชฺชสมฺปตฺติยา, น จกฺกวตฺตี, น เทว, น สกฺก, น มาร, น พฺรหฺมสมฺปตฺติยา ปริณาเมติ, ตถา น อตฺตโน เตวิชฺชตาย, น ฉฬภิฺตาย, น จตุปฏิสมฺภิทาธิคมาย, น สาวกโพธิยา, น ปจฺเจกโพธิยา ปริณาเมติ, อถ โข สพฺพฺุภาเวน สพฺพสตฺตานํ อนุตฺตรสีลาลงฺการสมฺปาทนตฺถเมว ปริณาเมตีติ อยํ สีลปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม.
ตถา ยสฺมา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมา กาเมหิ จ ภเวหิ จ นิกฺขมนวเสน ปวตฺตา กุสลจิตฺตุปฺปตฺติ เนกฺขมฺมปารมี, ตสฺมา สกลสํกิเลสนิวาสนฏฺานตาย, ปุตฺตทาราทีหิ มหาสมฺพาธตาย, กสิวาณิชฺชาทินานาวิกมฺมนฺตาธิฏฺานพฺยากุลตาย จ ฆราวาสสฺส เนกฺขมฺมสุขาทีนํ อโนกาสตํ, กามานฺจ ‘‘สตฺถธาราลคฺคมธุพินฺทุ วิย จ กทลี วิย จ อวเลยฺหมานปริตฺตสฺสาทวิปุลานตฺถานุพนฺธา’’ติ จ วิชฺชุลโตภาเสน คเหตพฺพํ นจฺจํ วิย ปริตฺตกาลูปลพฺภา, อุมฺมตฺตกาลงฺกาโร วิย วิปรีตสฺาย อนุภวิตพฺพา, กรีสาวจฺฉาทนมุขํ วิย ปฏิการภูตา, อุทเก เตมิตงฺคุลิยา นิสารุทกปานํ วิย อติตฺติกรา, ฉาตชฺฌตฺตโภชนํ วิย สาพาธา, พลิสามิสํ วิย พฺยาสนุปนิปาตการณา (พฺยสนสนฺนิปาตการณา – ที. นิ. ฏี. ๑.๗), อคฺคิสนฺตาโป วิย กาลตฺตเยปิ ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุภูตา, มกฺกฏาเลโป วิย พนฺธนนิมิตฺตา, ฆาตกาวจฺฉาทนกิมาลโย วิย อนตฺถจฺฉาทนา, สปตฺตคามวาโส วิย ภยฏฺานภูตา, ปจฺจตฺถิกโปสโก วิย กิเลสมาราทีนํ อามิสภูตา, ฉณสมฺปตฺติโย วิย วิปริณามทุกฺขา, โกฏรคฺคิ ¶ วิย อนฺโตทาหกา, ปุราณกูปาวลมฺพพีรณมธุปิณฺฑํ วิย อเนกาทีนวา, โลณูทกปานํ วิย ปิปาสาเหตุภูตา, สุราเมรยํ วิย นีจชนเสวิตา ¶ , อปฺปสฺสาทตาย อฏฺิกงฺกลูปมา’’ติอาทินา จ นเยน อาทีนวํ สลฺลกฺเขตฺวา ตพฺพิปริยาเยน เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปสฺสนฺเตน เนกฺขมฺมปวิเวกอุปสมสุขาทีสุ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺเตน เนกฺขมฺมปารมิยํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
ยสฺมา ปน เนกฺขมฺมํ ปพฺพชฺชามูลกํ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา ตาว อนุฏฺาตพฺพา. ปพฺพชฺชมนุติฏฺนฺเตน มหาสตฺเตน อสติ พุทฺธุปฺปาเท กมฺมวาทีนํ กิริยวาทีนํ ตาปสปริพฺพาชกานํ ปพฺพชฺชา อนุฏฺาตพฺพา. อุปฺปนฺเนสุ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ เตสํ สาสเน เอว ปพฺพชิตพฺพํ. ปพฺพชิตฺวา จ ยถาวุตฺเต สีเล ปติฏฺิเตน ตสฺสา เอว สีลปารมิยา โวทาปนตฺถํ ธุตคุณา สมาทาตพฺพา. สมาทินฺนธุตธมฺมา หิ มหาปุริสา สมฺมเทว เต ปริหรนฺตา อปฺปิจฺฉาสนฺตุฏฺสลฺเลขปวิเวกอสํสคฺควีริยารมฺภสุภรตาทิคุณสลิลวิกฺขาลิตกิเลสมลตาย อนวชฺชสีลวตคุณปริสุทฺธสมาจารา โปราเณ อริยวํสตฺตเย ปติฏฺิตา จตุตฺถํ ภาวนารามตาสงฺขาตํ อริยวํสํ คนฺตุํ จตฺตารีสาย อารมฺมเณสุ ยถารหํ อุปจารปฺปนาเภทํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. เอวฺหิสฺส สมฺมเทว เนกฺขมฺมปารมี ปาริปูริตา โหติ. อิมสฺมึ ปน าเน เตรสหิ ธุตธมฺเมหิ สทฺธึ ทส กสิณานิ ทสาสุภานิ ทสานุสฺสติโย จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา จตฺตาโร อารุปฺปา เอกา สฺา เอกํ ววตฺถานนฺติ จตฺตารีส สมาธิภาวนากมฺมฏฺานานิ, ภาวนาวิธานฺจ วิตฺถารโต วตฺตพฺพานิ, ตํ ปเนตํ สพฺพํ ยสฺมา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒, ๔๗) สพฺพาการโต วิตฺถาเรตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เกวลฺหิ ตตฺถ สาวกโพธิสตฺตสฺส วเสน วุตฺตํ, อิธ มหาโพธิสตฺตสฺส วเสน กรุณูปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ อยเมว วิเสโส. เอวเมตฺถ เนกฺขมฺมปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม เวทิตพฺโพ.
ตถา ปฺาปารมึ สมฺปาเทตุกาเมน ยสฺมา ปฺา อาโลโก วิย อนฺธกาเรน โมเหน สห น วตฺตติ, ตสฺมา โมหการณานิ ตาว โพธิสตฺเตน ปริวชฺเชตพฺพานิ. ตตฺถิมานิ โมหการณานิ-อรติ ตนฺที วิชมฺภิตา อาลสิยํ คณสงฺคณิการามตา นิทฺทาสีลตา อนิจฺฉยสีลตา าณสฺมึ อกุตูหลตา มิจฺฉาธิมาโน อปริปุจฺฉกตา กายสฺส นสมฺมาปริหาโร อสมาหิตจิตฺตตา ทุปฺปฺานํ ¶ ปุคฺคลานํ เสวนา ปฺวนฺตานํ อปยิรุปาสนา อตฺตปริภโว มิจฺฉาวิกปฺโป วิปรีตาภินิเวโส กายทฬฺหีพหุลตา อสํเวคสีลตา ปฺจ นีวรณานิ, สงฺเขปโต เยวาปนธมฺเม อาเสวโต อนุปฺปนฺนา ปฺา นุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนา ปริหายติ ¶ , อิติ อิมานิ โมหการณานิ, ตานิ ปริวชฺชนฺเตน พาหุสจฺเจ, ฌานาทีสุ จ โยโค กรณีโย.
ตตฺถายํ พาหุสจฺจสฺส วิสยวิภาโค – ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารส ธาตุโย จตฺตาริ สจฺจานิ พาวีสตินฺทฺริยานิ ทฺวาทสปทิโก ปฏิจฺจสมุปฺปาโท, ตถา สติปฏฺานาทโย กุสลาทิธมฺมปฺปเภทา จ, ยานิ จ โลเก อนวชฺชานิ วิชฺชาฏฺานานิ, โย จ สตฺตานํ หิตสุขวิธานนโย พฺยากรณวิเสโส. อิติ เอวํ ปการํ สกลเมว สุตวิสยํ อุปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมาย ปฺาย, สติยา, วีริเยน จ สาธุกํ อุคฺคหณสวนธารณปริจยปริปุจฺฉาหิ โอคาเหตฺวา ตตฺถ จ ปเรสํ ปติฏฺาปเนน สุตมยา ปฺา นิพฺพตฺเตตพฺพา, ตถา สตฺตานํ อิติกตฺตพฺพตาสุ านุปฺปตฺติกา ปฏิภานภูตา, อายาปายอุปายโกสลฺลภูตา จ ปฺา หิเตสิตํ นิสฺสาย ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ ปวตฺเตตพฺพา, ตถา ขนฺธาทีนํ สภาวธมฺมานํ อาการปริตกฺกนมุเขน เจว นิชฺฌานํ ขมาเปนฺเตน จ จินฺตามยา ปฺา นิพฺพตฺเตตพฺพา.
ขนฺธาทีนํเยว ปน สลกฺขณสามฺลกฺขณปริคฺคหณวเสน โลกิยปริฺํ นิพฺพตฺเตนฺเตน ปุพฺพภาคภาวนาปฺา สมฺปาเทตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘นามรูปมตฺตมิทํ, ยถารหํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, น เอตฺถ โกจิ กตฺตา วา กาเรตา วา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ, อุทยพฺพยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขํ, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา’’ติ อชฺฌตฺติกธมฺเม, พาหิรกธมฺเม จ นิพฺพิเสสํ ปริชานนฺโต ตตฺถ อาสงฺคํ ปชหนฺโต, ปเร จ ตตฺถ ตํ ปชหาเปนฺโต เกวลํ กรุณาวเสเนว ยาว น พุทฺธคุณา หตฺถตลํ อาคจฺฉนฺติ, ตาว ยานตฺตเย สตฺเต อวตารณปริปาจเนหิ ปติฏฺาเปนฺโต, ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติโย, อภิฺาโย จ โลกิยวสีภาวํ ปาเปนฺโต ปฺาย มตฺถกํ ปาปุณาติ.
ตตฺถ ยาจิมา อิทฺธิวิธาณํ ทิพฺพโสตธาตุาณํ เจโตปริยาณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ ทิพฺพจกฺขุาณํ ยถากมฺมูปคาณํ อนาคตํสาณนฺติ สปริภณฺฑา ปฺจโลกิยาภิฺาสงฺขาตา ภาวนาปฺา, ยา จ ¶ ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภเทสุ จตุภูมเกสุ ธมฺเมสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน าณปริจยํ กตฺวา สีลวิสุทฺธิ จิตฺตวิสุทฺธีติ มูลภูตาสุ อิมาสุ ทฺวีสุ วิสุทฺธีสุ ปติฏฺาย ทิฏฺิวิสุทฺธิ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ าณทสฺสนวิสุทฺธีติ สรีรภูตา อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺเตน ภาเวตพฺพา โลกิยโลกุตฺตรเภทา ¶ ภาวนาปฺา, ตาสํ สมฺปาทนวิธานํ ยสฺมา ‘‘ตตฺถ ‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’ติอาทิกํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กาตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน โยคินา’’ติอาทินา, (วิสุทฺธิ. ๒.๓๖๕) ‘‘ขนฺธาติ ปฺฉ ขนฺธา รูปกฺขนฺโธ เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธ วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๒.๔๓๑) จ วิสยวิสยิวิภาเคน (วิสยวิภาเคน – จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) สทฺธึ วิสุทฺธิมคฺเค สพฺพาการโต วิตฺถาเรตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เกวลฺหิ ตตฺถ สาวกโพธิสตฺตสฺส วเสน ปฺา อาคตา, อิธ มหาโพธิสตฺตสฺส วเสน กรุณูปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วตฺตพฺพา. าณทสฺสนวิสุทฺธึ อปาเปตฺวา ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิยํเยว วิปสฺสนา เปตพฺพาติ อยเมว วิเสโสติ. เอวเมตฺถ ปฺาปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม เวทิตพฺโพ.
ตถา ยสฺมา สมฺมาสมฺโพธิยา กตาภินีหาเรน มหาสตฺเตน ปารมีปริปูรณตฺถํ สพฺพกาลํ ยุตฺตปฺปยุตฺเตน ภวิตพฺพํ อาพทฺธปริกรเณน, ตสฺมา กาเลน กาลํ ‘‘โก นุ โข อชฺช มยา ปฺุสมฺภาโร, าณสมฺภาโร วา อุปจิโต, กึ วา มยา ปรหิตํ กต’’นฺติ ทิวเส ทิวเส ปจฺจเวกฺขนฺเตน สตฺตหิตตฺถํ อุสฺสาโห กรณีโย, สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อุปการาย อตฺตโน ปริคฺคหภูตํ วตฺถุํ, กายํ, ชีวิตฺจ นิรเปกฺขนจิตฺเตน โอสฺสชฺชิตพฺพํ, ยํ กิฺจิ กมฺมํ กโรติ กาเยน, วาจาย วา, ตํ สพฺพํ สมฺโพธิยํ นินฺนจิตฺเตเนว กาตพฺพํ, โพธิยา ปริณาเมตพฺพํ, อุฬาเรหิ, อิตฺตเรหิ จ กาเมหิ วินิวตฺตจิตฺเตเนว ภวิตพฺพํ, สพฺพาสุ จ อิติกตฺตพฺพตาสุ อุปายโกสลฺลํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
ตสฺมึ ตสฺมิฺจ สตฺตหิเต อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํ อิฏฺานิฏฺาทิสพฺพสเหน อวิสํวาทินา. สพฺเพปิ สตฺตา อโนธิโส เมตฺตาย, กรุณาย จ ผริตพฺพา. ยา กาจิ สตฺตานํ ทุกฺขุปฺปตฺติ, สพฺพา สา อตฺตนิ ปาฏิกงฺขิตพฺพา. สพฺเพสฺจ สตฺตานํ ปฺุํ อพฺภนุโมทิตพฺพํ, พุทฺธานํ มหนฺตตา มหานุภาวตา ¶ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา, ยฺจ กิฺจิ กมฺมํ กโรติ กาเยน, วาจาย วา, ตํ สพฺพํ โพธิจิตฺตปุพฺพงฺคมํ กาตพฺพํ. อิมินา หิ อุปาเยน ทานาทีสุ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส ถามวโต ทฬฺหปรกฺกมสฺส มหาสตฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส อปริเมยฺโย ปฺุสมฺภาโร, าณสมฺภาโร จ ทิวเส ทิวเส อุปจียติ.
อปิจ สตฺตานํ ปริโภคตฺถํ, ปริปาลนตฺถฺจ อตฺตโน สรีรํ, ชีวิตฺจ ปริจฺจชิตฺวา ขุปฺปิปาสสีตุณฺหวาตาตปาทิทุกฺขปติกาโร ปริเยสิตพฺโพ จ อุปฺปาเทตพฺโพ จ, ยฺจ ยถาวุตฺตทุกฺขปติการชํ สุขํ อตฺตนา ปฏิลภติ, ตถา รมณีเยสุ อารามุยฺยานปาสาทตฬากาทีสุ ¶ , อรฺายตเนสุ จ กายจิตฺตสนฺตาปาภาเวน อภินิพฺพุตตฺตา อตฺตนา สุขํ ปฏิลภติ, ยฺจ สุณาติ ‘‘พุทฺธานุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธา, มหาโพธิสตฺตา จ เนกฺขมฺมปฏิปตฺติยํ ิตา’’ติ จ ‘‘ทิฏฺธมฺมิกสุขวิหารภูตํ อีทิสํ นาม ฌานสมาปตฺติสุขมนุภวนฺตี’’ติ จ, ตํ สพฺพํ สตฺเตสุ อโนธิโส อุปสํหรติ. อยํ ตาว นโย อสมาหิตภูมิยํ ปติฏฺิตสฺส.
สมาหิตภูมิยํ ปน ปติฏฺิโต อตฺตนา ยถานุภูตํ วิเสสาธิคมนิพฺพตฺตํ ปีตึ, ปสฺสทฺธึ, สุขํ, สมาธึ, ยถาภูตาณฺจ สตฺเตสุ อธิมุจฺจนฺโต อุปสํหรติ ปริณาเมติ, ตถา มหติ สํสารทุกฺเข, ตสฺส จ นิมิตฺตภูเต กิเลสาภิสงฺขารทุกฺเข นิมุคฺคํ สตฺตนิกายํ ทิสฺวา ตตฺราปิ ขาทนเฉทนเภทนเสทนปิสนหึสนอคฺคิสนฺตาปาทิชนิตา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา นิรนฺตรํ จิรกาลํ เวทยนฺเต นรเก, อฺมฺํ กุชฺฌนสนฺตาสนวิโสธนหึสนปราธีนตาทีหิ มหาทุกฺขํ อนุภวนฺเต ติรจฺฉานคเต, โชติมาลากุลสรีเร ขุปฺปิปาสวาตาตปาทีหิ ฑยฺหมาเน, วิสุสฺสมาเน จ วนฺตเขฬาทิอาหาเร, อุทฺธพาหุ วิรวนฺเต นิชฺฌามตณฺหิกาทิเก มหาทุกฺขํ เวทยมาเน เปเต จ ปริเยฏฺิมูลกํ มหนฺตํ อนยพฺยสนํ ปาปุณนฺเต หตฺถจฺเฉทาทิกรณโยเคน ทุพฺพณฺณทุทฺทสิกทลิทฺทาทิภาเวน ขุปฺปิปาสาทิอาพาธโยเคน พลวนฺเตหิ อภิภวนียโต, ปเรสํ วหนโต, ปราธีนโต จ นรเก, เปเต, ติรจฺฉานคเต จ อติสยนฺเต อปายทุกฺขนิพฺพิเสสํ ทุกฺขมนุภวนฺเต มนุสฺเส จ ตถา วิสยปริโภควิกฺขิตฺตจิตฺตตาย ราคาทิปริฬาเหน ฑยฺหมาเน วาตเวคสมุฏฺิตชาลาสมิทฺธสุกฺขกฏฺสนฺนิปาเต อคฺคิกฺขนฺเธ วิย อนุปสนฺตปริฬาหวุตฺติเก อนุปสนฺตนิหตปราธีเน ¶ (อนิหตปราธีเน ที. นิ. ฏี. ๑.๗) กามาวจรเทเว จ มหตา วายาเมน วิทูรมากาสํ วิคาหิตสกุนฺตา วิย, พลวตา ทูเร ปาณินา ขิตฺตสรา วิย จ ‘‘สติปิ จิรปฺปวตฺติยํ อนจฺจนฺติกตาย ปาตปริโยสานา อนติกฺกนฺตชาติชรามรณา เอวา’’ติ รูปาวจรารูปาวจรเทเว จ ปสฺสนฺเตน มหนฺตํ สํเวคํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา เมตฺตาย, กรุณาย จ อโนธิโส สตฺตา ผริตพฺพา. เอวํ กาเยน, วาจาย, มนสา จ โพธิสมฺภาเร นิรนฺตรํ อุปจินนฺเตน ยถา ปารมิโย ปริปูเรนฺติ, เอวํ สกฺกจฺจการินา สาตจฺจการินา อโนลีนวุตฺตินา อุสฺสาโห ปวตฺเตตพฺโพ, วีริยปารมี ปริปูเรตพฺพา.
อปิจ ‘‘อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยวิปุโลฬารวิมลนิรุปมนิรุปกฺกิเลสคุณคณนิจยนิทานภูตสฺส พุทฺธภาวสฺส อุสฺสกฺกิตฺวา สมฺปหํสนโยคฺคํ วีริยํ นาม อจินฺเตยฺยานุภาวเมว, ยํ น ปจุรชนา โสตุมฺปิ สกฺกุณนฺติ, ปเคว ปฏิปชฺชิตุํ. ตถา หิ ติวิธา อภินีหารจิตฺตุปฺปตฺติ, จตสฺโส พุทฺธภูมิโย, (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๓๔) จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ ¶ , (ที. นิ. ๓.๒๑๐; อ. นิ. ๔.๓๒) กรุเณกรสตา, พุทฺธธมฺเมสุ สจฺฉิกรเณน วิเสสปฺปจฺจโย, นิชฺฌานกฺขนฺติ, สพฺพธมฺเมสุ นิรุปเลโป, สพฺพสตฺเตสุ ปิยปุตฺตสฺา, สํสารทุกฺเขหิ อปริเขโท, สพฺพเทยฺยธมฺมปริจฺจาโค, เตน จ นิรติมานตา, อธิสีลาทิอธิฏฺานํ, ตตฺถ จ อจฺจลตา, กุสลกิริยาสุ ปีติปาโมชฺชตา, วิเวกนินฺนจิตฺตตา, ฌานานุโยโค, อนวชฺชธมฺเมสุ อติตฺติยตา, ยถาสุตสฺส ธมฺมสฺส ปเรสํ หิตชฺฌาสเยน เทสนาย อารมฺภทฬฺหตา, ธีรวีรภาโว, ปราปวาทปราปกาเรสุ วิการาภาโว, สจฺจาธิฏฺานํ, สมาปตฺตีสุ วสีภาโว, อภิฺาสุ พลปฺปตฺติ, ลกฺขณตฺตยาวโพโธ, สติปฏฺานาทีสุ อภิโยเคน โลกุตฺตรมคฺคสมฺภารสมฺภรณํ, นวโลกุตฺตราวกฺกนฺตี’’ติ เอวมาทิกา สพฺพาปิ โพธิสมฺภารปฏิปตฺติ วีริยานุภาเวเนว สมิชฺฌตีติ อภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อโนสฺสชฺชนฺเตน สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ วีริยํ ยถา อุปรูปริ วิเสสาวหํ โหติ, เอวํ สมฺปาเทตพฺพํ. สมฺปชฺชมาเน จ ยถาวุตฺเต วีริเย, ขนฺติสจฺจาธิฏฺานาทโย จ ทานสีลาทโย จ สพฺเพปิ โพธิสมฺภารา ตทธีนวุตฺติตาย สมฺปนฺนา เอว โหนฺตีติขนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน ปฏิปตฺติ เวทิตพฺพา.
อิติ ¶ สตฺตานํ สุขูปกรณปริจฺจาเคน พหุธานุคฺคหกรณํ ทาเนน ปฏิปตฺติ, สีเลน เตสํ ชีวิตสาปเตยฺยทารรกฺขาเภทปิยหิตวจนาวิหึสาทิกรณานิ, เนกฺขมฺเมน เตสํ อามิสปฏิคฺคหณธมฺมทานาทินา อเนกวิธา หิตจริยา, ปฺาย เตสํ หิตกรณูปายโกสลฺลํ, วีริเยน ตตฺถ อุสฺสาหารมฺภอสํหีรกรณานิ, ขนฺติยา ตทปราธสหนํ, สจฺเจน เนสํ อวฺจนตทุปการกิริยาสมาทานาวิสํวาทนาทิ, อธิฏฺาเนน ตทุปกรเณ อนตฺถสมฺปาเตปิ อจลนํ, เมตฺตาย เนสํ หิตสุขานุจินฺตนํ, อุเปกฺขาย เนสํ อุปการาปกาเรสุ วิการานาปตฺตีติ เอวํ อปริมาเณ สตฺเต อารพฺภ อนุกมฺปิตสพฺพสตฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส ปุถุชฺชเนหิ อสาธารโณ อปริมาโณ ปฺุาณสมฺภารุปจโย เอตฺถ ปฏิปตฺตีติ เวทิตพฺพํ. โย เจตาสํ ปจฺจโย วุตฺโต, ตตฺถ จ สกฺกจฺจํ สมฺปาทนํ.
โก วิภาโคติ –
สามฺเภทโต เอตา, ทสวิธา วิภาคโต;
ติธา หุตฺวาน ปจฺเจกํ, สมตึสวิธา สมํ.
ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ หิ สมตึส ปารมิโย. ตตฺถ ‘‘กตาภินีหารสฺส ¶ โพธิสตฺตสฺส ปรหิตกรณาภินินฺนาสยปโยคสฺส กณฺหธมฺมโวกิณฺณา สุกฺกา ธมฺมา ปารมิโย, เตหิ อโวกิณฺณา สุกฺกา ธมฺมา อุปปารมิโย, อกณฺหา อสุกฺกา ธมฺมา ปรมตฺถปารมิโย’’ติ เกจิ. ‘‘สมุทาคมนกาเลสุ ปูริยมานา ปารมิโย, โพธิสตฺตภูมิยํ ปุณฺณา อุปปารมิโย, พุทฺธภูมิยํ สพฺพาการปริปุณฺณา ปรมตฺถปารมิโย. โพธิสตฺตภูมิยํ วา ปรหิตกรณโต ปารมิโย, อตฺตหิตกรณโต อุปปารมิโย, พุทฺธภูมิยํ พลเวสารชฺชสมธิคเมน อุภยหิตปริปูรณโต ปรมตฺถปารมิโยติ เอวํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปณิธานารมฺภปรินิฏฺาเนสุ เตสํ วิภาโค’’ติ อปเร. ‘‘โทสุปสมกรุณาปกติกานํ ภวสุขวิมุตฺติสุขปรมสุขปฺปตฺตานํ ปฺุูปจยเภทโต ตพฺพิภาโค’’ติ อฺเ.
‘‘ลชฺชาสติมานาปสฺสยานํ โลกุตฺตรธมฺมาธิปตีนํ สีลสมาธิปฺาครุกานํ ตาริตตริตตารยิตูนํ อนุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปารมีอุปปารมีปรมตฺถปารมีหิ โพธิตฺตยปฺปตฺติโต ยถาวุตฺตวิภาโค’’ติ เกจิ. ‘‘จิตฺตปณิธิโต ยาว วจีปณิธิ, ตาว ปวตฺตา สมฺภารา ปารมิโย ¶ , วจีปณิธิโต ยาว กายปณิธิ, ตาว ปวตฺตา อุปปารมิโย, กายปณิธิโต ปภุติ ปรมตฺถปารมิโย’’ติ อปเร. อฺเ ปน ‘‘ปรปฺุานุโมทนวเสน ปวตฺตา สมฺภารา ปารมิโย, ปเรสํ การาปนวเสน ปวตฺตา อุปปารมิโย, สยํ กรณวเสน ปวตฺตา ปรมตฺถปารมิโย’’ติ วทนฺติ. ตถา ‘‘ภวสุขาวโห ปฺุาณสมฺภาโร ปารมี, อตฺตโน นิพฺพานสุขาวโห อุปปารมี, ปเรสํ ตทุภยสุขาวโห ปรมตฺถปารมี’’ติ เอเก.
ปุตฺตทารธนาทิอุปกรณปริจฺจาโค ปน ทานปารมี, อตฺตโน องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี, อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมี. ตถา ปุตฺตทาราทิกสฺส ติวิธสฺสาปิ เหตุ อวีติกฺกมนวเสน ติสฺโส สีลปารมิโย, เตสุ เอว ติวิเธสุ วตฺถูสุ อาลยํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา นิกฺขมนวเสน ติสฺโส เนกฺขมฺมปารมิโย, อุปกรณองฺคชีวิตตณฺหํ สมูหนิตฺวา สตฺตานํ หิตาหิตวินิจฺฉยกรณวเสน ติสฺโส ปฺาปารมิโย, ยถาวุตฺตเภทานํ ปริจฺจาคาทีนํ วายมนวเสน ติสฺโส วีริยปารมิโย, อุปกรณองฺคชีวิตนฺตรายกรานํ ขมนวเสน ติสฺโส ขนฺติปารมิโย, อุปกรณองฺคชีวิตเหตุ สจฺจาปริจฺจาควเสน ติสฺโส สจฺจปารมิโย, ทานาทิปารมิโย อกุปฺปาธิฏฺานวเสเนว สมิชฺฌนฺตีติ อุปกรณาทิวินาเสปิ อจลาธิฏฺานวเสน ติสฺโส อธิฏฺานปารมิโย, อุปกรณาทิวิฆาตเกสุปิ สตฺเตสุ เมตฺตาย อวิชหนวเสน ติสฺโส เมตฺตาปารมิโย, ยถาวุตฺตวตฺถุตฺตยสฺส อุปการาปกาเรสุ สตฺตสงฺขาเรสุ มชฺฌตฺตตาปฏิลาภวเสน ติสฺโส อุเปกฺขาปารมิโยติ เอวมาทินา เอตาสํ วิภาโค เวทิตพฺโพ.
โก ¶ สงฺคโหติ เอตฺถ ปน –
ยถา วิภาคโต ตึส-วิธา สงฺคหโต ทส;
ฉปฺปการาว เอตาสุ, ยุคฬาทีหิ สาธเย.
ยถา หิ เอสา วิภาคโต ตึสวิธาปิ ทานปารมิอาทิภาวโต ทสวิธา, เอวํ ทานสีลขนฺติวีริยฌานปฺาสภาเวน ฉพฺพิธา. เอตาสุ หิ เนกฺขมฺมปารมี สีลปารมิยา สงฺคหิตา ตสฺสา ปพฺพชฺชาภาเว. นีวรณวิเวกภาเว ปน ฌานปารมิยา, กุสลธมฺมภาเว ฉหิปิ สงฺคหิตา, สจฺจปารมี สีลปารมิยา เอกเทสา เอว วจีสจฺจวิรติสจฺจปกฺเข. าณสจฺจปกฺเข ¶ ปน ปฺาปารมิยา สงฺคหิตา, เมตฺตาปารมี ฌานปารมิยา เอว, อุเปกฺขาปารมี ฌานปฺาปารมีหิ, อธิฏฺานปารมี สพฺพาหิปิ สงฺคหิตาติ.
เอเตสฺจ ทานาทีนํ ฉนฺนํ คุณานํ อฺมฺสมฺพนฺธานํ ปฺจทส ยุคฬาทีนิ ปฺจทส ยุคฬาทิสาธกานิ โหนฺติ. เสยฺยถิทํ? ทานสีลยุคเฬน ปรหิตาหิตานํ กรณากรณยุคฬสิทฺธิ, ทานขนฺติยุคเฬน อโลภาโทสยุคฬสิทฺธิ, ทานวีริยยุคเฬน จาคสุตยุคฬสิทฺธิ, ทานฌานยุคเฬน กามโทสปฺปหานยุคฬสิทฺธิ, ทานปฺายุคเฬน อริยยานธุรยุคฬสิทฺธิ, สีลขนฺติทฺวเยน ปโยคาสยสุทฺธทฺวยสิทฺธิ, สีลวีริยทฺวเยน ภาวนาทฺวยสิทฺธิ, สีลฌานทฺวเยน ทุสฺสีลฺยปริยุฏฺานปฺปหานทฺวยสิทฺธิ, สีลปฺาทฺวเยน ทานทฺวยสิทฺธิ, ขนฺติวีริยทฺวเยน ขมาเตชทฺวยสิทฺธิ, ขนฺติฌานทุเกน วิโรธานุโรธปฺปหานทุกสิทฺธิ, ขนฺติปฺาทุเกน สฺุตาขนฺติปฏิเวธทุกสิทฺธิ, วีริยฌานทุเกน ปคฺคหาวิกฺเขปทุกสิทฺธิ, วีริยปฺาทุเกน สรณทุกสิทฺธิ, ฌานปฺาทุเกน ยานทุกสิทฺธิ. ทานสีลขนฺติติเกน โลภโทสโมหปฺปหานติกสิทฺธิ, ทานสีลวีริยติเกน โภคชีวิตกายสาราทานติกสิทฺธิ, ทานสีลฌานติเกน ปฺุกิริยวตฺถุติกสิทฺธิ, ทานสีลปฺาติเกน อามิสาภยธมฺมทานติกสิทฺธีติ เอวํ อิตเรหิปิ ติเกหิ, จตุกฺกาทีหิ จ ยถาสมฺภวํ ติกานิ, จตุกฺกาทีนิ จ โยเชตพฺพานิ.
เอวํ ฉพฺพิธานมฺปิ ปน อิมาสํ ปารมีนํ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. สพฺพปารมีนํ สมูหสงฺคหโต หิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ. เสยฺยถิทํ? สจฺจาธิฏฺานํ, จาคาธิฏฺานํ, อุปสมาธิฏฺานํ, ปฺาธิฏฺานนฺติ. ตตฺถ อธิติฏฺติ เอเตน, เอตฺถ วา อธิติฏฺติ, อธิฏฺานมตฺตเมว วา ตนฺติ อธิฏฺานํ, สจฺจฺจ ตํ อธิฏฺานฺจ, สจฺจสฺส วา อธิฏฺานํ, สจฺจํ ¶ วา อธิฏฺานเมตสฺสาติ สจฺจาธิฏฺานํ. เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ อวิเสสโต ตาว กตาภินีหารสฺส อนุกมฺปิตสพฺพสตฺตสฺส มหาสตฺตสฺส ปฏิฺานุรูปํ สพฺพปารมีปริคฺคหโต สจฺจาธิฏฺานํ, เตสํ ปฏิปกฺขปริจฺจาคโต จาคาธิฏฺานํ, สพฺพปารมิตาคุเณหิ อุปสมนโต อุปสมาธิฏฺานํ. เตหิ เอว ปรหิเตสุ อุปายโกสลฺลโต ปฺาธิฏฺานํ.
วิเสสโต ปน ‘‘ยาจกานํ ชนานํ อวิสํวาเทตฺวา ทสฺสามี’’ติ ปฏิชานนโต, ปฏิฺํ อวิสํวาเทตฺวา ทานโต, ทานํ อวิสํวาเทตฺวา อนุโมทนโต ¶ , มจฺฉริยาทิปฏิปกฺขปริจฺจาคโต, เทยฺยปฏิคฺคาหกทานเทยฺยธมฺมกฺขเยสุ โลภโทสโมหภยวูปสมนโต, ยถารหํ ยถากาลํ ยถาวิธานฺจ ทานโต, ปฺุตฺตรโต จ กุสลธมฺมานํ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ ทานํ. ตถา สํวรสมาทานสฺส อวีติกฺกมนโต, ทุสฺสีลฺยปริจฺจาคโต, ทุจฺจริตวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ สีลํ. ยถาปฏิฺํ ขมนโต, กตาปราธวิกปฺปปริจฺจาคโต, โกธปริยุฏฺานวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานาขนฺติ. ปฏิฺานุรูปํ ปรหิตกรณโต, วิสยปริจฺจาคโต, อกุสลวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ วีริยํ. ปฏิฺานุรูปํ โลกหิตานุจินฺตนโต, นีวรณปริจฺจาคโต, จิตฺตวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ ฌานํ. ยถาปฏิฺํ ปรหิตูปายโกสลฺลโต, อนุปายกิริยปริจฺจาคโต, โมหชปริฬาหวูปสมนโต, สพฺพฺุตาปฏิลาภโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานา ปฺา.
ตตฺถ เยฺยปฏิฺานุวิธาเนหิ สจฺจาธิฏฺานํ, วตฺถุกามกิเลสกามปริจฺจาเคหิ จาคาธิฏฺานํ, โทสทุกฺขวูปสเมหิ อุปสมาธิฏฺานํ, อนุโพธปฏิเวเธหิ ปฺาธิฏฺานํ. ติวิธสจฺจปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ สจฺจาธิฏฺานํ, ติวิธจาคปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ จาคาธิฏฺานํ, ติวิธวูปสมปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ อุปสมาธิฏฺานํ, ติวิธาณปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ ปฺาธิฏฺานํ. สจฺจาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ จาคูปสมปฺาธิฏฺานานิ อวิสํวาทนโต, ปฏิฺานุวิธานโต จ. จาคาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจูปสมปฺาธิฏฺานานิ ปฏิปกฺขปริจฺจาคโต, สพฺพปริจฺจาคผลตฺตา จ. อุปสมาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจจาคปฺาธิฏฺานานิ กิเลสปริฬาหูปสมนโต, กมฺมปริฬาหูปสมนโต จ. ปฺาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจจาคูปสมาธิฏฺานานิ าณปุพฺพงฺคมโต, าณานุปริวตฺตนโต จาติ เอวํ สพฺพาปิ ปารมิโย สจฺจปฺปภาวิตา จาคปริพฺยฺชิตา อุปสโมปพฺรูหิตา ปฺาปริสุทฺธา. สจฺจฺหิ เอตาสํ ชนกเหตุ, จาโค ปฏิคฺคาหกเหตุ, อุปสโม ปริพุทฺธิเหตุ ปฺา ปาริสุทฺธิเหตุ. ตถา อาทิมฺหิ สจฺจาธิฏฺานํ สจฺจปฏิฺตฺตา, มชฺเฌ จาคาธิฏฺานํ กตปณิธานสฺส ¶ ปรหิตาย อตฺตปริจฺจาคโต, อนฺเต อุปสมาธิฏฺานํ สพฺพูปสมปริโยสานตฺตา. อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปฺาธิฏฺานํ ตสฺมึ สติ สมฺภวโต, อสติ อสมฺภวโต, ยถาปฏิฺฺจ สมฺภวโต.
ตตฺถ ¶ มหาปุริสา สตตํ อตฺตหิตปรหิตกเรหิ ครุปิยภาวกเรหิ สจฺจจาคาธิฏฺาเนหิ คิหิภูตา อามิสทาเนน ปเร อนุคฺคณฺหนฺติ. ตถา อตฺตหิตปรหิตกเรหิ, ครุปิยภาวกเรหิ, อุปสมปฺาธิฏฺาเนหิ จ ปพฺพชิตภูตา ธมฺมทาเนน ปเร อนุคฺคณฺหนฺติ.
ตตฺถ อนฺติมภเว โพธิสตฺตสฺส จตุรธิฏฺานปริปูรณํ. ปริปุณฺณจตุรธิฏฺานสฺส หิ จริมกภวูปปตฺตีติ เอเก. ตตฺราปิ หิ คพฺภาวกฺกนฺติอภินิกฺขมเนสุ ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน สโต สมฺปชาโน สจฺจาธิฏฺานปาริปูริยา สมฺปติชาโต อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สพฺพา ทิสา โอโลเกตฺวา สจฺจานุปริวตฺตินา วจสา ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ชิณฺณาตุรมตปพฺพชิตทสฺสาวิโน จตุธมฺมปฺปเทสโกวิทสฺส โยพฺพนาโรคฺยชีวิตสมฺปตฺติมทานํ อุปสโม, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน มหโต าติปริวฏฺฏสฺส, หตฺถคตสฺส จ จกฺกวตฺติรชฺชสฺส อนเปกฺขปริจฺจาโคติ.
ทุติเย าเน อภิสมฺโพธิยํ จตุรธิฏฺานปริปูรณนฺติ เกจิ. ตตฺถ หิ ยถาปฏิฺํ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมโย. ตโต หิ สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน สพฺพกิเลสุปกฺกิเลสปริจฺจาโค. ตโต หิ จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ปรมูปสมสมฺปตฺติ. ตโต หิ อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน อนาวรณาณปฏิลาโภ. ตโต หิ ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ, ตํ อสิทฺธํ อภิสมฺโพธิยาปิ ปรมตฺถภาวโต.
ตติเย าเน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ อฺเ. ตตฺถ หิ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส ทฺวาทสหิ อากาเรหิ อริยสจฺจเทสนาย สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ, จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สทฺธมฺมมหายาคกรเณน จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สยํ อุปสนฺตสฺส ปเรสํ อุปสมเนน อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ, ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส ¶ วิเนยฺยานํ อาสยาทิปริชานเนน ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ, ตทปิ อสิทฺธํ อปริโยสิตตฺตา พุทฺธกิจฺจสฺส.
จตุตฺเถ ¶ าเน ปรินิพฺพาเน จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ อปเร. ตตฺร หิ ปรินิพฺพุตตฺตา ปรมตฺถสจฺจสมฺปตฺติยา สจฺจาธิฏฺานปริปูรณํ, สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺเคน จาคาธิฏฺานปริปูรณํ, สพฺพสงฺขารูปสเมน อุปสมาธิฏฺานปริปูรณํ, ปฺาปโยชนปรินิพฺพาเนน ปฺาธิฏฺานปริปูรณนฺติ.
ตตฺร มหาปุริสสฺส วิเสเสน เมตฺตาเขตฺเต อภิชาติยํ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สจฺจาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน กรุณาเขตฺเต อภิสมฺโพธิยํ ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส ปฺาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน มุทิตาเขตฺเต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส จาคาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน อุเปกฺขาเขตฺเต ปรินิพฺพาเน อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส อุปสมาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ตตฺราปิ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สํวาเสน สีลํ เวทิตพฺพํ, จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส อาปทาสุ ถาโม เวทิตพฺโพ, ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สากจฺฉาย ปฺา เวทิตพฺพา. เอวํ สีลาชีวจิตฺตทิฏฺิวิสุทฺธิโย เวทิตพฺพา. ตถา สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน โทสาคตึ น คจฺฉติ อวิสํวาทนโต, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน ฉนฺทาคตึ น คจฺฉติ อนภิสงฺคโต, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ภยาคตึ น คจฺฉติ อนุปโรธโต, ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน โมหาคตึ น คจฺฉติ ยถาภูตาวโพธโต.
ตถา ปเมน อทุฏฺโ อธิวาเสติ, ทุติเยน อลุทฺโธ ปฏิเสวติ, ตติเยน อภีโต ปริวชฺเชติ, จตุตฺเถน อสํมูฬฺโห วิโนเทติ. ปเมน เนกฺขมฺมสุขุปฺปตฺติ, อิตเรหิ ปวิเวกอุปสมสมฺโพธิสุขุปฺปตฺติโย โหนฺติ. ตถา วิเวกชปีติสุขสมาธิชปีติสุขอปีติชกายสุข สติปาริสุทฺธิชอุเปกฺขาสุขุปฺปตฺติโย เอเตหิ จตูหิ ยถากฺกมํ โหนฺตีติ. เอวมเนกคุณานุพนฺเธหิ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สพฺพปารมิสมูหสงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยถา จ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สพฺพปารมิสงฺคโห, เอวํ กรุณาปฺาหิปีติ ทฏฺพฺพํ. สพฺโพปิ หิ โพธิสมฺภาโร กรุณาปฺาหิ สงฺคหิโต. กรุณาปฺาปริคฺคหิตา หิ ทานาทิคุณา มหาโพธิสมฺภารา ภวนฺติ พุทฺธตฺตสิทฺธิปริโยสานาติ. เอวเมตาสํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ.
สพฺพาสํ ปน ตาสมฺปิ, อุปาโยติ สมฺปาทเน;
อเวกลฺลาทโย อตฺต-นิยฺยาตนาทโย มตา.
สกลสฺสาปิ หิ ปฺุาทิสมฺภารสฺส สมฺมาสมฺโพธึ อุทฺทิสฺส อนวเสสสมฺภรณํ อเวกลฺลการิตาโยเคน, ตตฺถ จ สกฺกจฺจการิตา อาทรพหุมานโยเคน, สาตจฺจการิตา นิรนฺตรปโยเคน, จิรกาลาทิโยโค จ อนฺตรา อโวสานาปชฺชเนนาติ. ตํ ปนสฺส กาลปริมาณํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. อิติ จตุรงฺคโยโค เอตาสํ ปารมีนํ สมฺปาทนูปาโย.
ตถา มหาสตฺเตน โพธาย ปฏิปชฺชนฺเตน สมฺมาสมฺโพธาย พุทฺธานํ ปุเรตรเมว อตฺตา นิยฺยาเตตพฺโพ ‘‘อิมาหํ อตฺตภาวํ พุทฺธานํ นิยฺยาเตมี’’ติ. ตํ ตํ ปริคฺคหวตฺถฺุจ ปฏิลาภโต ปุเรตรเมว ทานมุเข นิสฺสชฺชิตพฺพํ ‘‘ยํ กิฺจิ มยฺหํ อุปฺปชฺชนกํ ชีวิตปริกฺขารชาตํ, ตํ สพฺพํ สติ ยาจเก ทสฺสามิ, เตสํ ปน ทินฺนาวเสสํ เอว มยา ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ.
เอวฺหิสฺส สมฺมเทว ปริจฺจาคาย กเต จิตฺตาภิสงฺขาเร ยํ อุปฺปชฺชติ ปริคฺคหวตฺถุ อวิฺาณกํ, สวิฺาณกํ วา, ตตฺถ เย อิเม ปุพฺเพ ทาเน อกตปริจโย, ปริคฺคหวตฺถุสฺส ปริตฺตภาโว, อุฬารมนฺุตา, ปริกฺขยจินฺตาติ จตฺตาโร ทานวินิพนฺธา. เตสุ ยทา มหาโพธิสตฺตสฺส สํวิชฺชมาเนสุ เทยฺยธมฺเมสุ, ปจฺจุปฏฺิเต จ ยาจกชเน ทาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น กมติ, เตน นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘อทฺธาหํ ทาเน ปุพฺเพ อกตปริจโย, เตน เม เอตรหิ ทาตุกมฺยตา จิตฺเต น สณฺาตี’’ติ. โส ‘‘เอวํ เม อิโต ปรํ ทานาภิรตํ จิตฺตํ ภวิสฺสติ, หนฺทาหํ อิโต ปฏฺาย ทานํ ทสฺสามิ, นนุ มยา ปฏิกจฺเจว ปริคฺคหวตฺถุํ ยาจกานํ ปริจฺจตฺต’’นฺติ ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาสตฺตสฺส ปโม ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน.
ตถา มหาสตฺโต เทยฺยธมฺมสฺส ปริตฺตภาเว สติ ปจฺจยเวกลฺเล อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อทานสีลตาย เอตรหิ เอวํ ปจฺจยเวกลฺโล ชาโต, ตสฺมา อิทานิ มยา ปริตฺเตน วา หีเนน วา ยถาลทฺเธน ¶ เทยฺยธมฺเมน อตฺตานํ ปีเฬตฺวาปิ ทานเมว ทาตพฺพํ, เยนาหํ อายติมฺปิ ทานปารมึ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ โส อิตรีตเรน ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ ¶ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาสตฺตสฺส ทุติโย ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน.
ตถา มหาสตฺโต เทยฺยธมฺมสฺส อุฬารมนฺุตาย อทาตุกมฺยตาจิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘นนุ ตยา สปฺปุริส อุฬารตมา สพฺพเสฏฺา สมฺมาสมฺโพธิ อภิปตฺถิตา, ตสฺมา ตทตฺถํ ตยา อุฬารมนฺุเ เอว เทยฺยธมฺเม ทาตุํ ยุตฺตรูป’’นฺติ. โส อุฬารํ, มนฺฺุจ ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาปุริสสฺส ตติโย ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน.
ตถา มหาสตฺโต ทานํ เทนฺโต ยทา เทยฺยธมฺมสฺส ปริกฺขยํ ปสฺสติ, โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘อยํ โข โภคานํ สภาโว, ยทิทํ ขยธมฺมตา วยธมฺมตา, อปิจ เม ปุพฺเพ ตาทิสสฺส ทานสฺส อกตตฺตา เอวํ โภคานํ ปริกฺขโย ทิสฺสติ, หนฺทาหํ ยถาลทฺเธน เทยฺยธมฺเมน ปริตฺเตน วา, วิปุเลน วา ทานเมว ทเทยฺยํ, เยนาหํ อายตึ ทานปารมิยา มตฺถกํ ปาปุณิสฺสามี’ติ. โส ยถาลทฺเธน ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาสตฺตสฺส จตุตฺโถ ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน. เอวํ เย เย ทานปารมิยา วินิพนฺธภูตา อนตฺถา, เตสํ เตสํ ยถารหํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิวิโนทนํ อุปาโย. ยถา จ ทานปารมิยา, เอวํ สีลปารมิอาทีสุปิ ทฏฺพฺพํ.
อปิจ ยํ มหาสตฺตสฺส พุทฺธานํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ตํ สมฺมเทว สพฺพปารมีนํ สมฺปาทนูปาโย, พุทฺธานฺจ อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา ิโต มหาปุริโส ตตฺถ ตตฺถ โพธิสมฺภารปาริปูริยา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สรีรสฺส, สุขูปกรณานฺจ อุปจฺเฉทเกสุ ทุสฺสเหสุปิ กิจฺเจสุ (กิจฺเฉสุ จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) ทุรภิสมฺภเวสุปิ สตฺตสงฺขารสมุปนีเตสุ อนตฺเถสุ ติพฺเพสุ ปาณหเรสุ ‘‘อยํ มยา อตฺตภาโว พุทฺธานํ ปริจฺจตฺโต, ยํ วา ตํ วา เอตฺถ โหตู’’ติ ¶ ตนฺนิมิตฺตํ น กมฺปติ น เวธติ อีสกมฺปิ อฺถตฺตํ น คจฺฉติ, กุสลารมฺเภ อฺทตฺถุ อจลาธิฏฺาโน จ โหติ, เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนมฺปิ เอตาสํ สมฺปาทนูปาโย.
อปิจ สมาสโต กตาภินีหารสฺส อตฺตนิ สิเนหสฺส ปริยาทานํ, (ปริโสสนํ จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) ปเรสุ จ สิเนหสฺส ปริวฑฺฒนํ เอตาสํ สมฺปาทนูปาโย. สมฺมาสมฺโพธิสมธิคมาย หิ กตมหาปณิธานสฺส มหาสตฺตสฺส ยาถาวโต ปริชานเนน สพฺเพสุ ธมฺเมสุ ¶ อนุปลิตฺตสฺส อตฺตนิ สิเนโห ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉติ, มหากรุณาสมาโยควเสน (สมาเสวเนน จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) ปน ปิยปุตฺเต วิย สพฺพสตฺเต สมฺปสฺสมานสฺส เตสุ เมตฺตากรุณาสิเนโห ปริวฑฺฒติ, ตโต จ ตํ ตทาวตฺถานุรูปํ อตฺตปรสนฺตาเนสุ โลภโทสโมหวิคเมน วิทูรีกตมจฺฉริยาทิโพธิสมฺภารปฏิปกฺโข มหาปุริโส ทานปิยวจนอตฺถจริยา สมานตฺตตาสงฺขาเตหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ (ที. นิ. ๓.๓๑๓; อ. นิ. ๔.๓๒) จตุรธิฏฺานานุคเตหิ อจฺจนฺตํ ชนสฺส สงฺคหกรเณน อุปริ ยานตฺตเย อวตารณํ, ปริปาจนฺจ กโรติ.
มหาสตฺตานฺหิ มหากรุณา, มหาปฺา จ ทาเนน อลงฺกตา, ทานํ ปิยวจเนน, ปิยวจนํ อตฺถจริยาย, อตฺถจริยา สมานตฺตตาย อลงฺกตา, สงฺคหิตา จ. เตสฺหิ สพฺเพปิ สตฺเต อตฺตนา นิพฺพิเสเส กตฺวา โพธิสมฺภาเรสุ ปฏิปชฺชนฺตานํ สพฺพตฺถ สมานสุขทุกฺขตาย สมานตฺตตาสิทฺธิ. พุทฺธภูตานมฺปิ จ เตเหว จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ จตุรธิฏฺาเนน ปริปูริตาภิพุทฺเธหิ ชนสฺส อจฺจนฺติกสงฺคหกรเณน อภิวินยนํ สิชฺฌติ. ทานฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ จาคาธิฏฺาเนน ปริปูริตาภิพุทฺธํ. ปิยวจนํ สจฺจาธิฏฺาเนน, อตฺถจริยา ปฺาธิฏฺาเนน, สมานตฺตตา อุปสมาธิฏฺาเนน ปริปูริตาภิพุทฺธา. ตถาคตานฺหิ สพฺพสาวกปจฺเจกพุทฺเธหิ สมานตฺตตา ปรินิพฺพาเน. ตตฺร หิ เนสํ อวิเสสโต เอกีภาโว. เตเนวาห ‘‘นตฺถิ วิมุตฺติยา นานตฺต’’ติ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘สจฺโจ จาคี อุปสนฺโต, ปฺวา อนุกมฺปโก;
สมฺภตสพฺพสมฺภาโร, กํ นามตฺถํ น สาธเย.
มหาการุณิโก ¶ สตฺถา, หิเตสี จ อุเปกฺขโก;
นิรเปกฺโข จ สพฺพตฺถ, อโห อจฺฉริโย ชิโน.
วิรตฺโต สพฺพธมฺเมสุ, สตฺเตสุ จ อุเปกฺขโก;
สทา สตฺตหิเต ยุตฺโต, อโห อจฺฉริโย ชิโน.
สพฺพทา สพฺพสตฺตานํ, หิตาย จ สุขาย จ;
อุยฺยุตฺโต อกิลาสู จ, อโห อจฺฉริโย ชิโน’’ติ. (จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา);
กิตฺตเกน ¶ กาเลน สมฺปาทนนฺติ –
ปฺาธิกาทิเภเทน, อุคฺฆาฏิตฺุอาทินา;
ติณฺณมฺปิ โพธิสตฺตานํ, วสา กาโล ติธา มโต.
เหฏฺิเมน หิ ตาว ปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ, มหากปฺปานํ สตสหสฺสฺจ, มชฺฌิเมน อฏฺ อสงฺขฺเยยฺยานิ, มหากปฺปานํ สตสหสฺสฺจ, อุปริเมน ปน โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ, มหากปฺปานํ สตสหสฺสฺจ. เอเต จ เภทา ยถากฺกมํ ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวเสน เวทิตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ, ปฺา ติกฺขา. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหติ. วีริยาธิกานํ ปฺา มนฺทา. ปฺานุภาเวน จ สมฺมาสมฺโพธิ อภิคนฺตพฺพาติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๓๔ อตฺถโต สมานํ) อฏฺกถายํ วุตฺตํ.
อปเร ปน ‘‘วีริยสฺส ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน โพธิสตฺตานํ อยํ กาลวิภาโค’’ติ วทนฺติ, อวิเสเสน ปน วิมุตฺติปริปาจนียานํ ธมฺมานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน ยถาวุตฺตกาลเภเทน โพธิสมฺภารา เตสํ ปาริปูรึ คจฺฉนฺตีติ ตโยเปเต กาลเภทา ยุตฺตาติปิ วทนฺติ. เอวํ ติวิธา หิ โพธิสตฺตา อภินีหารกฺขเณ ภวนฺติ เอโก อุคฺฆฏิตฺู, เอโก วิปฺจิตฺู, เอโก เนยฺโยติ. เตสุ โย อุคฺฆฏิตฺู, โส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขา จตุปฺปทคาถํ สุณนฺโต คาถาย ตติยปเท อปริโยสิเต เอว ฉหิ อภิฺาหิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ สมตฺถุปนิสฺสโย โหติ, สเจ สาวกโพธิยํ อธิมุตฺโต สิยา.
ทุติโย ภควโต สมฺมุขา จตุปฺปทคาถํ สุณนฺโต อปริโยสิเต เอว คาถาย จตุตฺถปเท ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ สมตฺถุปนิสฺสโย โหติ, ยทิ สาวกโพธิยํ อธิมุตฺโต สิยา.
อิตโร ¶ ปน ภควโต สมฺมุขา จตุปฺปทคาถํ สุตฺวา ปริโยสิตาย คาถาย ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ สมตฺถุปนิสฺสโย โหติ.
ตโยเปเต วินา กาลเภเทน กตาภินีหารา, พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรณา จ อนุกฺกเมน ¶ ปารมิโย ปูเรนฺตา ยถากฺกมํ ยถาวุตฺตเภเทน กาเลน สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณนฺติ. เตสุ เตสุ ปน กาลเภเทสุ อปริปุณฺเณสุ เต เต มหาสตฺตา ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ มหาทานํ เทนฺตาปิ ตทนุรูเป สีลาทิสพฺพปารมิธมฺเม อาจินนฺตาปิ ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺตาปิ าตตฺถจริยํ โลกตฺถจริยํ พุทฺธตฺถจริยํ ปรมโกฏึ ปาเปนฺตาปิ อนฺตราว สมฺมาสมฺพุทฺธา ภวิสฺสนฺตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต, พุทฺธการกธมฺมานฺจ อปรินิฏฺานโต. ปริจฺฉินฺนกาลนิปฺผาทิตํ วิย หิ สสฺสํ ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉเทน ปรินิปฺผาทิตา สมฺมาสมฺโพธิ ตทนฺตรา ปน สพฺพุสฺสาเหน วายมนฺเตนาปิ น สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ ปารมิปาริปูริ ยถาวุตฺตกาลวิเสเสน สมฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.
โก อานิสํโสติ –
เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ –
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฏิสเตหิปิ.
อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;
นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาลกฺจิกา. (กาลกฺจิกา จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา);
น โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคตึ;
ชายมานา มนุสฺเสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เต.
โสตเวกลฺลตา นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;
อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยฺชนปณฺฑกา.
น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจรา.
มิจฺฉาทิฏฺึ ¶ ¶ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;
วสมานาปิ สคฺเคสุ, อสฺํ นุปปชฺชเร.
สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;
เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;
จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติ. (อฏฺสา. นิทานกถา; จริยา. ปกิณฺณกกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; พุ. วํ. อฏฺ. ๒๗.ทูเรนิทานกถา); –
เอวํ สํวณฺณิตา อานิสํสา, เย จ ‘‘สโต สมฺปชาโน อานนฺท โพธิสตฺโต ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๐๔) โสฬส อจฺฉริยพฺภุตธมฺมปฺปการา, เย จ ‘‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ วูปสมตี’’ติอาทินา, (ขุ. นิ. ๔-๓๑๓ ปิฏฺเ) ‘‘ชายมาเน โข สาริปุตฺต, โพธิสตฺเต อยํ ทสสหสฺสิโลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธตี’’ติอาทินา จ ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตปฺปการา, เย วา ปนฺเปิ โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายสมิชฺฌนํ, กมฺมาทีสุ จ วสิภาโวติ เอวมาทโย ตตฺถ ตตฺถ ชาตกพุทฺธวํสาทีสุ ทสฺสิตปฺปการา อานิสํสา, เต สพฺเพปิ เอตาสํ อานิสํสา, ตถา ยถานิทสฺสิตเภทา อโลภาโทสาทิคุณยุคฬาทโย จาติ เวทิตพฺพา.
อปิจ ยสฺมา โพธิสตฺโต อภินีหารโต ปฏฺาย สพฺพสตฺตานํ ปิตุสโม โหติ หิเตสิตาย, ทกฺขิเณยฺยโก ครุ ภาวนีโย ปรมฺจ ปฺุกฺเขตฺตํ โหติ คุณวิเสสโยเคน, เยภุยฺเยน จ มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เทวตาหิ อนุปาลียติ, เมตฺตากรุณาปริภาวิตสนฺตานตาย วาฬมิคาทีหิ จ อนภิภวนีโย โหติ, ยสฺมึ ยสฺมิฺจ สตฺตนิกาเย ปจฺจาชายติ, ตสฺมึ ตสฺมึ อุฬาเรน วณฺเณน อุฬาเรน ยเสน อุฬาเรน สุเขน อุฬาเรน พเลน อุฬาเรน อาธิปเตยฺเยน อฺเ สตฺเต อภิภวติ ปฺุวิเสสโยคโต.
อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, สุวิสุทฺธา จสฺส สทฺธา โหติ สุวิสทา, สุวิสุทฺธํ วีริยํ, สติ สมาธิ ปฺา สุวิสทา, มนฺทกิเลโส โหติ มนฺททรโถ มนฺทปริฬาโห, กิเลสานํ มนฺทภาเวเนว สุพฺพโจ โหติ ปทกฺขิณคฺคาหี, ขโม โหติ โสรโต, สขิโล โหติ ปฏิสนฺธารกุสโล ¶ , อโกธโน โหติ อนุปนาหี, อมกฺขี โหติ อปฬาสี, อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี, อสโ โหติ อมายาวี, อถทฺโธ โหติ อนติมานี, อสารทฺโธ โหติ อปฺปมตฺโต ¶ , ปรโต อุปตาปสโห โหติ ปเรสํ อนุปตาปี, ยสฺมิฺจ คามเขตฺเต ปฏิวสติ, ตตฺถ สตฺตานํ ภยาทโย อุปทฺทวา เยภุยฺเยน อนุปฺปนฺนา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ วูปสมนฺติ, เยสุ จ อปาเยสุ อุปฺปชฺชติ, น ตตฺถ ปจุรชโน วิย ทุกฺเขน อธิมตฺตํ ปีฬียติ, ภิยฺโยโส มตฺตาย สํเวคภยมาปชฺชติ. ตสฺมา มหาปุริสสฺส ยถารหํ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ลพฺภมานา เอเต สตฺตานํ ปิตุสมตาทกฺขิเณยฺยตาทโย คุณวิเสสา อานิสํสาติ เวทิตพฺพา.
ตถา อายุสมฺปทา รูปสมฺปทา กุลสมฺปทา อิสฺสริยสมฺปทา อาเทยฺยวจนตา มหานุภาวตาติ เอเตปิ มหาปุริสสฺส ปารมีนํ อานิสํสาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ อายุสมฺปทา นาม ตสฺสํ ตสฺสํ อุปปตฺติยํ ทีฆายุกตา จิรฏฺิติกตา, ตาย ยถารทฺธานิ กุสลสมาทานานิ ปริโยสาเปติ, พหฺุจ กุสลํ อุปจิโนติ. รูปสมฺปทา นาม อภิรูปตา ทสฺสนียตา ปาสาทิกตา, ตาย รูปปฺปมาณานํ สตฺตานํ ปสาทาวโห โหติ สมฺภาวนีโย. กุลสมฺปทา นาม อุฬาเรสุ กุเลสุ อภินิพฺพตฺติ, ตาย [ชาติมทาทิมทสตฺตานมฺปิ (มทมตฺตานมฺปิ จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา)] อุปสงฺกมนีโย โหติ ปยิรุปาสนีโย, เตน เต นิพฺพิเสวเน กโรนฺติ. อิสฺสริยสมฺปทา นาม มหาวิภวตา, มเหสกฺขตา, มหาปริวารตา จ, ตาหิ สงฺคหิตพฺเพ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ (ที. นิ. ๓.๓๑๓; อ. นิ. ๑.๒๕๖) สงฺคหิตุํ, นิคฺคเหตพฺเพ ธมฺเมน นิคฺคเหตฺุจ สมตฺโถ โหติ. อาเทยฺยวจนตา นาม สทฺเธยฺยตา ปจฺจยิกตา, ตาย สตฺตานํ ปมาณภูโต โหติ, อลงฺฆนียา จสฺส อาณา โหติ. มหานุภาวตา นาม ปภาวมหนฺตตา, ตาย ปเรหิ น อภิภุยฺยติ, สยเมว ปน ปเร อฺทตฺถุ อภิภวติ ธมฺเมน, สเมน, ยถาภูตคุเณหิ จ, เอวเมเตสํ อายุสมฺปทาทโย มหาปุริสสฺส ปารมีนํ อานิสํสา, สยฺจ อปริมาณสฺส ปฺุสมฺภารสฺส ปริวุทฺธิเหตุภูตา ยานตฺตเย สตฺตานํ อวตารณสฺส ปริปาจนสฺส การณภูตาติ เวทิตพฺพา.
กึ ¶ ผลนฺติ –
สมฺมาสมฺพุทฺธตา ตาสํ, ชฺา ผลํ สมาสโต;
วิตฺถารโต อนนฺตาป-เมยฺยา คุณคณา มตา.
สมาสโต หิ ตาว สมฺมาสมฺพุทฺธภาโว เอตาสํ ผลํ. วิตฺถารโต ปน พาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณ (ที. นิ. ๒.๓๓ อาทโย; ๓.๑๙๘; ม. นิ. ๒.๓๘๖) อสีตานุพฺยฺชน, พฺยามปฺปภาทิอเนกคุณคณสมุชฺชลรูปกายสมฺปตฺติอธิฏฺานา ทสพล- (ม. นิ. ๔.๘; อ. นิ. ๑๐.๒๑) จตุเวสารชฺช- ¶ (อ. นิ. ๔.๘) ฉอสาธารณาณอฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺม- (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๓๐๕;) ปภุติอนนฺตาปริมาณคุณสมุทโยปโสภินี ธมฺมกายสิรี, ยาวตา ปน พุทฺธคุณา เย อเนเกหิปิ กปฺเปหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธนาปิ วาจาย ปริโยสาเปตุํ น สกฺกา, อิทเมว ตาสํ ผลํ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; อุทา. อฏฺ. ๕๓; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา, ปกิณฺณกกถา) –
เอวเมตฺถ ปารมีสุ ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพา.
เอวํ ยถาวุตฺตาย ปฏิปทาย ยถาวุตฺตวิภาคานํ ปารมีนํ ปูริตภาวํ สนฺธายาห ‘‘สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา’’ติ. สติปิ มหาปริจฺจาคานํ ทานปารมิภาเว ปริจฺจาควิเสสภาวทสฺสนตฺถํ, วิเสสสมฺภารตาทสฺสนตฺถํ, สุทุกฺกรภาวทสฺสนตฺถฺจ เตสํ วิสุํ คหณํ, ตโตเยว จ องฺคปริจฺจาคโต นยนปริจฺจาคสฺส, ปริคฺคหปริจฺจาคภาวสามฺเปิ ธนรชฺชปริจฺจาคโต ปุตฺตทารปริจฺจาคสฺส วิสุํ คหณํ กตํ, ตถาเยว อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) วุตฺตํ. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรนปิ องฺคุตฺตรฏีกายํ, (อ. นิ. ฏี. ๑.เอกปุคฺคลวคฺคสฺส ปเม) กตฺถจิ ปน ปุตฺตทารปริจฺจาเค วิสุํ กตฺวา นยนปริจฺจาคมฺตฺร ชีวิตปริจฺจาคํ วา ปกฺขิปิตฺวา รชฺชปริจฺจาคมฺตฺร ปฺจ มหาปริจฺจาเค วทนฺติ.
คตปจฺจาคติกวตฺตสงฺขาตาย ¶ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๙; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐.๙; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๓๖๘; วิภ. อฏฺ. ๕๒๓; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๓๕) ปุพฺพภาคปฏิปทาย สทฺธึ อภิฺาสมาปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพโยโค. ทานาทีสุเยว สาติสยปฏิปตฺตินิปฺผาทนํ ปุพฺพจริยา. ยา วา จริยาปิฏกสงฺคหิตา, สา ปุพฺพจริยา. เกจิ ปน ‘‘อภินีหาโร ปุพฺพโยโค. ทานาทิปฏิปตฺติ วา กายวิเวกวเสน เอกจริยา วา ปุพฺพจริยา’’ติ วทนฺติ. ทานาทีนฺเจว อปฺปิจฺฉตาทีนฺจ สํสารนิพฺพาเนสุ อาทีนวานิสํสานฺจ ¶ วิภาวนวเสน, สตฺตานํ โพธิตฺตเย ปติฏฺาปนปริปาจนวเสน จ ปวตฺตา กถา ธมฺมกฺขานํ. าตีนมตฺถสฺส จริยา าตตฺถจริยา, สาปิ กรุณายนวเสเนว. อาทิ-สทฺเทน โลกตฺถจริยาทโย สงฺคณฺหาติ. กมฺมสฺสกตาาณวเสน, อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานปริจยวเสน, ขนฺธายตนาทิปริจยวเสน, ลกฺขณตฺตยตีรณวเสน จ าณจาโร พุทฺธิจริยา, สา ปนตฺถโต ปฺาปารมีเยว, าณสมฺภารทสฺสนตฺถํ ปน วิสุํ คหณํ. โกฏินฺติ ปริยนฺตํ อุกฺกํสํ. ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโตติ เอตฺถาปิ ‘‘ทานปารมึ ปูเรตฺวา’’ติอาทินา สมฺพนฺโธ.
เอวํ ปารมิปูรณวเสน ‘‘ตถา อาคโต’’ติ ปทสฺสตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โพธิปกฺขิยธมฺมวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สติปฏฺานาทิคฺคหเณน อาคมนปฏิปทํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสติ มคฺคผลปกฺขิกานฺเว คเหตพฺพตฺตา, วิปสฺสนาสงฺคหิตา เอว วา สติปฏฺานาทโย ทฏฺพฺพา ปุพฺพภาคปฏิปทาย คหณโต. ภาเวตฺวาติ อุปฺปาเทตฺวา. พฺรูเหตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา. เอตฺถ จ ‘‘เยน อภินีหาเรนา’’ติอาทินา อาคมนปฏิปทายอาทึ ทสฺเสติ, ‘‘ทานปารมึ ปูเรตฺวา’’ติอาทินา มชฺเฌ, ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน’’ติอาทินา ปริโยสานํ. ตสฺมา ‘‘อาคโต’’ติ วุตฺตสฺส อาคมนสฺส การณภูตปฏิปทาวิเสสทสฺสนํเยว ติณฺณํ นยานํ วิเสโสติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ ยถาวุตฺเตน อตฺถโยชนตฺตเยน สิทฺธํ ปมการณเมว คาถาพนฺธวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘ยเถวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิธโลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย มุนโย สพฺพฺุภาวํ ยถาวุตฺเตน การณตฺตเยน อาคตา ยเถว, ตถา ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา อยํ สกฺยมุนิปิ เยน การเณน อาคโต, เตเนส ตถาคโต นาม วุจฺจตีติ โยชนา.
สมฺปติชาโตติ ¶ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา มุหุตฺตชาโต, น ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโต มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺตฺหิ มหาสตฺตํ ปมํ พฺรหฺมาโน สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน อชินปฺปเวณิยา, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน ปฏิคฺคณฺหึสุ, ‘‘มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺิโต’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๑) วกฺขติ. ‘‘กถฺจา’’ติอาทิ วิตฺถารทสฺสนํ. ยถาห ภควา มหาปทานเทสนายํ. เสตมฺหิ ฉตฺเตติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺเต. อนุหีรมาเนติ ธาริยมาเน. ‘‘อนุธาริยมาเน’’ติปิ อิทานิ ปาโ. ‘‘เอตฺถ จ ฉตฺตคฺคหเณเนว ขคฺคทีนิ ปฺจ กกุธภณฺฑานิปิ คหิตาเนวาติ ทฏฺพฺพํ. ขคฺคตาลวณฺฏโมรหตฺถกวาลพีชนีอุณฺหีสปฏฺฏาปิ หิ ฉตฺเตน สห ตทา อุปฏฺิตา อเหสุํ. ฉตฺตาทีนิเยว จ ตทา ปฺายึสุ, น ฉตฺตาทิคาหกา’’ติ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ, อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรนาปิ องฺคุตฺตรฏีกายํ (อ. นิ. ฏี. ๑.เอกปุคฺคลวคฺคสฺส ปเม) เอวํ สติ ตาลวณฺฏาทีนมฺปิ กกุธภณฺฑสมฺา. อปิจ ขคฺคาทีนิ กกุธภณฺฑานิ, ตทฺานิปิ ตาลวณฺฏาทีนิ ตทา อุปฏฺิตานีติ อธิปฺปาเยน ตถา วุตฺตํ.
สพฺพา จ ทิสาติ ทส ทิสา. อนุวิโลเกตีติ ปฺุานุภาเวน โลกวิวรณปาฏิหาริเย ชาเต ปฺายมานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ มํสจกฺขุนาว โอโลเกตีติ อตฺโถ. นยิทํ สพฺพทิสานุวิโลกนํ สตฺตปทวีติหารุตฺตรกาลํ ปมเมวานุวิโลกนโต. มหาสตฺโต หิ มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปุรตฺถิมํ ทิสํ โอโลเกสิ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส อิธ ตุมฺเหหิ สทิโสปิ นตฺถิ, กุโต ตยา อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสา เหฏฺา อุปรีติ สพฺพา ทิสาอนุวิโลเกตฺวา สพฺพตฺถ อตฺตนา สทิสมทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตรา ทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสีติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๗) อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน (อ. นิ. ฏี. ๑.เอกปุคฺคลวคฺคสฺส ปเม) จ วุตฺตํ. มหาปทานสุตฺตฏฺกถายมฺปิ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๑) เอวเมว วณฺณิตํ. ตสฺมา สตฺตปทวีติหารโต ปมํ สพฺพทิสานุวิโลกนํ กตฺวา สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา ตทุปริ อาสภึ วาจํ ภาสตีติ ทฏฺพฺพํ. อิธ, ปน อฺาสุ จ อฏฺกถาสุ สเมหิ ¶ ปาเทหิ ปติฏฺหนโต ปฏฺาย ยาว อาสภีวาจาภาสนํ ตาว ยถากฺกมํ เอว ปุพฺพนิมิตฺตภาวํ วิภาเวนฺโต ‘‘สตฺตมปทูปริ ตฺวา สพฺพทิสานุวิโลกนํ สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺสา’’ติอาทีนิ วทติ, เอวมฺปิ ยถา น วิรุชฺฌติ, ตถา เอว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ‘‘สตฺตมปทูปริ ตฺวา’’ติ จ ปาโ ปจฺฉา ปมาทเลขวเสน เอทิเสน วจนกฺกเมน มหาปทานฏฺกถายมทิสฺสมานตฺตาติ. อาสภินฺติ อุตฺตมํ, อกมฺปนิกํ วา, นิพฺภยนฺติ อตฺโถ. อุสภสฺส อิทนฺติ หิ อาสภํ, สูรภาโว, เตน ยุตฺตตฺตา ปนายํ วาจา ‘‘อาสภี’’ติ วุจฺจติ. อคฺโคติ สพฺพปโม. เชฏฺโ, เสฏฺโติ จ ตสฺเสว เววจนํ. สทฺทตฺถมตฺตโต ปน อคฺโคติ คุเณหิ สพฺพปธาโน. เชฏฺโติ คุณวเสเนว สพฺเพสํ วุทฺธตโม, คุเณหิ มหลฺลกตโมติ วุตฺตํ โหติ. เสฏฺโติ คุณวเสเนว สพฺเพสํ ปสฏฺตโม. โลกสฺสาติ วิภตฺตาวธิภูเต นิสฺสกฺกตฺเถ สามิวจนํ. อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ พฺยากาสิ ตพฺพเสเนว ปุนพฺภวาภาวโต.
อิทานิ ตถาคมนํ สมฺภาเวนฺโต ‘‘ตฺจสฺสา’’ติอาทิมาห. ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน ตถํ อวิตถนฺติ สมฺพนฺโธ. วิเสสาธิคมานนฺติ คุณวิเสสาธิคมานํ. ตเทวตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสติ ‘‘ยฺหี’’ติอาทินา ¶ . ตตฺถ ยนฺติ กิริยาปรามสนํ, เตน ‘‘ปติฏฺหี’’ติ เอตฺถ ปกติยตฺถํปติฏฺานกิริยํ ปรามสติ. อิทมสฺสาติ อิทํ ปติฏฺหนํ อสฺส ภควโต. ปฏิลาภสทฺเท สามินิทฺเทโส เจส, กตฺตุนิทฺเทโส วา. ปุพฺพนิมิตฺตนฺติ ตปฺปฏิลาภสงฺขาตสฺส อายตึ อุปฺปชฺชมานกสฺส หิตสฺส ปมํ ปวตฺตํ สฺชานนการณํ. ภควโต หิ อจฺฉริยพฺภุตคุณวิเสสาธิคมเน ปฺจ มหาสุปินาทโย วิย เอตานิ สฺชานนนิมิตฺตานิ ปาตุภวนฺติ, ยถา ตํ โลเก ปฺุวนฺตานํ ปฺุผลวิเสสาธิคมเนติ.
สพฺพโลกุตฺตรภาวสฺสาติ สพฺพโลกานมุตฺตมภาวสฺส, สพฺพโลกาติกฺกมนภาวสฺส วา. สตฺต ปทานิ สตฺตปทํ, ตสฺส วีติหาโร วิเสเสน อติหรณํ สตฺตปทวีติหาโร, สตฺตปทนิกฺเขโปติ อตฺโถ. โส ปน สมคมเน ทฺวินฺนํ ปทานมนฺตเร มุฏฺิรตนมตฺตนฺติ วุตฺตํ.
‘‘อเนกสาขฺจ ¶ สหสฺสมณฺฑลํ,
ฉตฺตํ มรู ธารยุมนฺตลิกฺเข;
สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา,
น ทิสฺสเร จามรฉตฺตคาหกา’’ติ. (สุ. นิ. ๖๙๓); –
สุตฺตนิปาเต นาฬกสุตฺเต อายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน วุตฺตํ นิทานคาถาปทํ สนฺธาย ‘‘สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามราติ เอตฺถา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถาติ หิ เอตสฺมึ คาถาปเทติ อตฺโถ. มหาปทานสุตฺเต อนาคตตฺตา ปน จามรุกฺเขปสฺส ตถา วจนํ ทฏฺพฺพํ. ตตฺถ อาคตานุสาเรน หิ อิธ ปุพฺพนิมิตฺตภาวํ วทติ, จมโร นาม มิควิเสโส. ยสฺส วาเลน ราชกกุธภูตํ วาลพีชนึ กโรนฺติ, ตสฺส อยนฺติ จามรี. ตสฺสา อุกฺเขโป ตถา, วุตฺโต โสติ วุตฺตจามรุกฺเขโป. อรหตฺตวิมุตฺติวรวิมลเสตจฺฉตฺตปฏิลาภสฺสาติ อรหตฺตผลสมาปตฺติสงฺขาตวรวิมลเสตจฺฉตฺตปฏิลาภสฺส. สตฺตมปทูปรีติ เอตฺถ ปท-สทฺโท ปทวฬฺชนวาจโก, ตสฺมา สตฺตมสฺส ปทวฬฺชนสฺส อุปรีติ อตฺโถ. สพฺพฺุตฺาณเมว สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตจารตาย อนาวรณนฺติ อาห ‘‘สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺสา’’ติ. ตถา อยํ ภควา…เป… ปุพฺพนิมิตฺตภาวนาติ เอตฺถ ‘‘ยฺหี’’ติอาทิ อธิการตฺตา, คมฺยมานตฺตา จ น วุตฺตํ, เอเตน จ อภิชาติยํ ธมฺมตาวเสน อุปฺปชฺชนกวิเสสา สพฺพโพธิสตฺตานํ สาธารณาติ ทสฺเสติ. ปารมิตานิสฺสนฺทา หิ เต.
โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. ควมฺปติ อุสโภ สเมหิ ปาเทหิ วสูนํ รตนานํ ธารณโต วสุนฺทรสงฺขาตํ ¶ ภูมึ ผุสี ยถา, ตถา มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา มุหุตฺตชาโต โส โคตโม สเมหิ ปาเทหิ วสุนฺธรํ ผุสีติ อตฺโถ. วิกฺกมีติ อคมาสิ. สตฺต ปทานีติ สตฺตปทวฬฺชนฏฺานานิ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ, สตฺตปทวาเรหีติ วา กรณตฺโถ อุตฺตรปทโลปวเสน ทฏฺพฺโพ. มรูติ เทวา ยถามริยาทํ มรณสภาวโต. สมาติ วิโลกนสมตาย สมา สทิสิโย. มหาปุริโส หิ ยถา เอกํ ทิสํ วิโลเกสิ, เอวํ เสสทิสาปิ, น กตฺถจิ วิโลกเน วินิพนฺโธ ตสฺส อโหสิ, สมาติ วา วิโลเกตุํ ยุตฺตาติ อตฺโถ. น หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส วิรูปพีภจฺฉวิสมรูปานิ วิโลเกตุมยุตฺตานิ ทิสาสุ อุปฏฺหนฺติ ¶ , วิสฺสฏฺมฺชูวิฺเยฺยาทิวเสน อฏฺงฺคุเปตํ คิรํ อพฺภุทีรยิ ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต สีโห ยถา อภินทีติ อตฺโถ.
เอวํ กายคมนตฺเถน คตสทฺเทน ตถาคตสทฺทํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ าณคมนตฺเถน นิทฺทิสิตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ยถา วิปสฺสี ภควา’’ติอาทีสุปิ ‘‘เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทํ ปหายา’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. เนกฺขมฺเมนาติ อโลภปธาเนน กุสลจิตฺตุปฺปาเทน. กุสลา หิ ธมฺมา อิธ เนกฺขมฺมํ เตสํ สพฺเพสมฺปิ กามจฺฉนฺทปฏิปกฺขตฺตา, น ปพฺพชฺชาทโย เอว. ‘‘ปมชฺฌาเนนา’’ติปิ วทนฺติ เกจิ, ตทยุตฺตเมว ปมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทาย เอว อิธ อิจฺฉิตตฺตา. ปหายาติ ปชหิตฺวา. คโตติ อุตฺตริวิเสสํ าณคมเนน ปฏิปนฺโน. ปหายาติ วา ปหานเหตุ, ปหาเน วา สติ. เหตุลกฺขณตฺเถสุ หิ อยํ ตฺวา-สทฺโท ‘‘สกฺโก หุตฺวา นิพฺพตฺตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๕๕) วิย. กามจฺฉนฺทาทิปฺปหานเหตุกฺจ ‘‘คโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ อวโพธสงฺขาตํ, ปฏิปตฺติสงฺขาตํ วา คมนํ กามจฺฉนฺทาทิปฺปหาเนน จ ตํ ลกฺขียติ, เอส นโย ‘‘ปทาเลตฺวา’’ติอาทีสุปิ. อพฺยาปาเทนาติ เมตฺตาย. อาโลกสฺายาติ วิภูตํ กตฺวา มนสิกาเรน อุปฏฺิตาโลกสฺชานเนน. อวิกฺเขเปนาติ สมาธินา. ธมฺมววตฺถาเนนาติ กุสลาทิธมฺมานํ ยาถาวนิจฺฉเยน, สปฺปจฺจยนามรูปววตฺถาเนนาติปิ วทนฺติ.
เอวํ กามจฺฉนฺทาทินีวรณปฺปหาเนน ‘‘อภิชฺฌํ โลเก ปหายา’’ติอาทินา วุตฺตาย ปมชฺฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทาย ภควโต าณคมนวิสิฏฺํ ตถาคตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สห อุปาเยน อฏฺหิ สมาปตฺตีหิ, อฏฺารสหิ จ มหาวิปสฺสนาหิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘าเณนา’’ติอาทิมาห. นามรูปปริคฺคหกงฺขาวิตรณานฺหิ วินิพนฺธภูตสฺส โมหสฺส ทูรีกรเณน าตปริฺายํ ิตสฺส อนิจฺจสฺาทโย สิชฺฌนฺติ, ตสฺมา อวิชฺชาปทาลนํ วิปสฺสนาย อุปาโย. ตถา ฌานสมาปตฺตีสุ อภิรตินิมิตฺเตน ปาโมชฺเชน, ตตฺถ อนภิรติยา วิโนทิตาย ฌานาทีนํ สมธิคโมติ สมาปตฺติยา อรติวิโนทนํ อุปาโย. สมาปตฺติวิปสฺสนานุกฺกเมน ¶ ปน อุปริ วกฺขมานนเยน นิทฺทิสิตพฺเพปิ นีวรณสภาวาย อวิชฺชาย เหฏฺา กามจฺฉนฺทาทิวเสน ทสฺสิตนีวรเณสุปิ สงฺคหทสฺสนตฺถํ อุปฺปฏิปาฏินิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ.
สมาปตฺติวิหารปเวสนนิพนฺธเนน ¶ นีวรณานิ กวาฏสทิสานีติ อาห ‘‘นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา’’ติ. ‘‘รตฺตึ อนุวิตกฺเกตฺวา อนุวิจาเรตฺวา ทิวา กมฺมนฺเต ปโยเชตี’’ติ มชฺฌิมาคมวเร มูลปณฺณาสเก วมฺมิกสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๔๙) วุตฺตฏฺาเน วิย วิตกฺกวิจารา วูปสมา [ธูมายนา (ที. นิ. ฏี. ๑.๗)] อธิปฺเปตาติ สนฺธาย ‘‘วิตกฺกวิจารธูมํ วูปสเมตฺวา’’ติ วุตฺตํ, วิตกฺกวิจารสงฺขาตํ ธูมํ วูปสเมตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘วิตกฺกวิจาร’’มิจฺเจว อธุนา ปาโ, โส น โปราโณ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน, อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน จ ยถาวุตฺตปาสฺเสว อุทฺธตตฺตา. วิราเชตฺวาติ ชิคุจฺฉิตฺวา, สมติกฺกมิตฺวา วา. ตทุภยตฺโถ เหส ‘‘ปีติยา จ วิราคา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๗; ม. นิ. ๓.๑๕๕; ปารา. ๑๑; วิภ. ๖๒๕) วิย. กามํ ปมชฺฌานูปจาเร เอว ทุกฺขํ, จตุตฺถชฺฌานูปจาเร เอว จ สุขํ ปหียติ, อติสยปฺปหานํ ปน สนฺธายาห ‘‘จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหายา’’ติ.
รูปสฺาติ สฺาสีเสน รูปาวจรชฺฌานานิ เจว ตทารมฺมณานิ จ วุตฺตานิ. รูปาวจรชฺฌานมฺปิ หิ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๒๔๘) ตสฺส อารมฺมณมฺปิ กสิณรูปํ ปุริมปทโลเปน ‘‘พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสติ สุวณฺณทุพฺพณฺณานี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๒๒๓ อาทโย) ตสฺมา อิธ รูเป รูปชฺฌาเน ตํสหคตา สฺา รูปสฺาติ เอวํ สฺาสีเสน รูปาวจรชฺฌานานิ วุตฺตานิ, รูปํ สฺา อสฺสาติ รูปสฺํ, รูปสฺาสมนฺนาคตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ปถวีกสิณาทิเภทสฺส ตทารมฺมณสฺส เจตํ อธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ. ปฏิฆสฺาติ จกฺขาทีนํ วตฺถูนํ, รูปาทีนํ อารมฺมณานฺจ ปฏิฆาเตน ปฏิหนเนน วิสยิวิสยสโมธาเนน สมุปฺปนฺนา ทฺวิปฺจวิฺาณสหคตา สฺา. นานตฺตสฺาติ อฏฺ กามาวจรกุสลสฺา, ทฺวาทส อกุสลสฺา, เอกาทส กามาวจรกุสลวิปากสฺา, ทฺเว อกุสลวิปากสฺา, เอกาทส กามาวจรกิริยสฺาติ เอตาสํ จตุจตฺตาลีสสฺานเมตํ อธิวจนํ. เอตา หิ ยสฺมา รูปสทฺทาทิเภเท นานตฺเต นานาสภาเว โคจเร ปวตฺตนฺติ, ยสฺมา จ นานตฺตา นานาสภาวา อฺมฺํ อสทิสา, ตสฺมา ‘‘นานตฺตสฺา’’ติ วุจฺจนฺติ.
อนิจฺจสฺส ¶ , อนิจฺจนฺติ วา อนุปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา, เตภูมกธมฺมานํ อนิจฺจตํ คเหตฺวา ปวตฺตาย วิปสฺสนาเยตํ นามํ. นิจฺจสฺนฺติ สงฺขตธมฺเม ‘‘นิจฺจา ¶ สสฺสตา’’ติ ปวตฺตมิจฺฉาสฺํ, สฺาสีเสน เจตฺถ ทิฏฺิจิตฺตานมฺปิ คหณํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. นิพฺพิทานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นนฺทินฺติ สปฺปีติกตณฺหํ. วิราคานุปสฺสนายาติ สงฺขาเรสุ วิรชฺชนากาเรน ปวตฺตาย อนุปสฺสนาย. นิโรธานุปสฺสนายาติ สงฺขารานํ นิโรธสฺส อนุปสฺสนาย, ‘‘เต สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติเยว, อายตึ สมุทยวเสน น อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ วา อนุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา. เตเนวาห ‘‘นิโรธานุปสฺสนาย นิโรเธติ, โน สมุเทตี’’ติ. มฺุจิตุกมฺยตา หิ อยํ พลปฺปตฺตาติ. ปฏินิสฺสชฺชนากาเรน ปวตฺตา อนุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา. ปฏิสงฺขาสนฺติฏฺนา หิ อยํ. อาทานนฺติ นิจฺจาทิวเสน คหณํ. สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณานํ วเสน เอกตฺตคฺคหณํ ฆนสฺา. อายูหนํ อภิสงฺขรณํ. อวตฺถาวิเสสาปตฺติ วิปริณาโม. ธุวสฺนฺติ ถิรภาวคฺคหณสฺํ. นิมิตฺตนฺติ สมูหาทิฆนวเสน สกิจฺจปริจฺเฉทตาย สงฺขารานํ สวิคฺคหตํ. ปณิธินฺติ ราคาทิปณิธึ. สา ปนตฺถโต ตณฺหาวเสน สงฺขาเรสุ นินฺนตา.
อภินิเวสนฺติ อตฺตานุทิฏฺึ. อนิจฺจาทิวเสน สพฺพธมฺมตีรณํ อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนา. สาราทานาภินิวิเสนฺติ อสาเร สารคฺคหณวิปลฺลาสํ. อิสฺสรกุตฺตาทิวเสน โลโก สมุปฺปนฺโนติ อภินิเวโส สมฺโมหาภินิเวโส นาม. เกจิ ปน ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’นฺติอาทินา ปวตฺตสํสยาปตฺติ สมฺโมหาภินิเวโส’’ติ วทนฺติ. สงฺขาเรสุ เลณตาณภาวคฺคหณํ อาลยาภินิเวโส. ‘‘อาลยรตา อาลยสมุทิตา’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๔; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; มหาว. ๗, ๘) วจนโต อาลโย วุจฺจติ ตณฺหา, สาเยว จกฺขาทีสุ, รูปาทีสุ จ อภินิเวสวเสน ปวตฺติยา อาลยาภินิเวโสติ เกจิ. ‘‘เอวํวิธา สงฺขารา ปฏินิสฺสชฺชียนฺตี’ติ ปวตฺตาณํ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา. วฏฺฏโต วิคตตฺตา วิวฏฺฏํ, นิพฺพานํ, ตตฺถ อารมฺมณกรณสงฺขาเตน อนุปสฺสเนน ปวตฺติยา วิวฏฺฏานุปสฺสนา, โคตฺรภุ. สํโยคาภินิเวสนฺติ สํยุชฺชนวเสน สงฺขาเรสุ อภินิวิสนํ. ทิฏฺเกฏฺเติ ทิฏฺิยา สหชาเตกฏฺเ, ปหาเนกฏฺเ จ. โอฬาริเกติ อุปริมคฺควชฺเฌ กิเลเส อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ, อฺถา ทสฺสนปหาตพฺพา จ ทุติยมคฺควชฺเฌหิปิ โอฬาริกาติ เตสมฺปิ ตพฺพจนียตา สิยา. อณุสหคเตติ อณุภูเต. ตพฺภาววุตฺติโก หิ เอตฺถ สหคตสทฺโท. อิทํ ปน เหฏฺิมมคฺควชฺเฌ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ ¶ . สพฺพกิเลเสติ อวสิฏฺสพฺพกิเลเส. น หิ ปมาทิมคฺเคหิ ปหีนา กิเลสา ปุน ปหียนฺติ. สพฺพสทฺโท เจตฺถ สปฺปเทสวิสโย ‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺสา’’ติอาทีสุ วิย (ธ. ป. ๑๒๙).
กกฺขฬตฺตํ ¶ กินภาโว. ปคฺฆรณํ ทฺรวภาโว. โลกิยวายุนา ภสฺตสฺส วิย เยน ตํตํกลาปสฺส อุทฺธุมายนํ, ถมฺภภาโว วา, ตํ วิตฺถมฺภนํ. วิชฺชมาเนปิ กลาปนฺตรภูตานํ กลาปนฺตรภูเตหิ ผุฏฺภาเว ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยนฺโต อากาโสติ เยสํ โย ปริจฺเฉโท, เตหิ โส อสมฺผุฏฺโว, อฺถา ภูตานํ ปริจฺเฉทภาโว น สิยา พฺยาปิตภาวาปตฺติโต. ยสฺมึ กลาเป ภูตานํ ปริจฺเฉโท, เตหิ ตตฺถ อสมฺผุฏฺภาโว อสมฺผุฏฺลกฺขณํ, เตนาห ภควา อากาสธาตุนิทฺเทเส ‘‘อสมฺผุฏฺโ จตูหิ มหาภูเตหี’’ติ (ธ. ส. ๖๓๗).
วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิสทิสุปฺปตฺติ รุปฺปนํ. เจตนาปธานตฺตา สงฺขารกฺขนฺธธมฺมานํ เจตนาวเสเนตํ วุตฺตํ ‘‘สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณ’’นฺติ. ตถา หิ สุตฺตนฺตภาชนิเย สงฺขารกฺขนฺธวิภงฺเค ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เจตนา’’ติอาทินา (วิภ. ๑๒) เจตนาว วิภตฺตา. อภิสงฺขารลกฺขณา จ เจตนา. ยถาห ‘‘ตตฺถ กตโม ปฺุาภิสงฺขาโร, กุสลา เจตนา’’ติอาทิ (วิภ. ๒๒๖) สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อารมฺมเณ ปนํ อภินิโรปนํ. อารมฺมณานมนุพนฺธนํ อนุมชฺชนํ. สวิปฺผาริกตา ผรณํ. อธิมุจฺจนํ สทฺทหนํ อธิโมกฺโข. อสฺสทฺธิเยติ อสฺสทฺธิยเหตุ. นิมิตฺตตฺเถ เจตํ ภุมฺมํ. เอส นโย โกสชฺชาทีสุปิ. กายจิตฺตปริฬาหูปสโม วูปสมลกฺขณํ. ลีนุทฺธจฺจรหิเต อธิจิตฺเต วตฺตมาเน ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ อพฺยาวฏตาย อชฺฌุเปกฺขนํ ปฏิสงฺขานํ ปกฺขปาตุปจฺเฉทโต.
มุสาวาทาทีนํ วิสํวาทนาทิกิจฺจตาย ลูขานํ อปริคฺคาหกานํ ปฏิปกฺขภาวโต ปริคฺคาหกสภาวา สมฺมาวาจา สินิทฺธภาวโต สมฺปยุตฺตธมฺเม, สมฺมาวาจาปจฺจยสุภาสิตํ โสตารฺจ ปุคฺคลํ ปริคฺคณฺหาตีติ สา ปริคฺคหลกฺขณา. กายิกกิริยา กิฺจิ กตฺตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, สยฺจ สมุฏฺานํ ฆฏนํ โหตีติ สมฺมากมฺมนฺตสงฺขาตา วิรติ สมุฏฺานลกฺขณาติ ทฏฺพฺพา, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา อุกฺขิปนํ สมุฏฺานํ ¶ กายิกกิริยาย ภารุกฺขิปนํ วิย. ชีวมานสฺส สตฺตสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วา ชีวิตินฺทฺริยวุตฺติยา, อาชีวสฺเสว วา สุทฺธิ โวทานํ.
‘‘สงฺขารา’’ติ อิธ เจตนา อธิปฺเปตา, น ปน ‘‘สงฺขารา สงฺขารกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๕๘๓, ๙๘๕; วิภ. ๑, ๒๐, ๕๒) วิย สมปฺาสเจตสิกาติ วุตฺตํ ‘‘สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณ’’นฺติ. อวิชฺชาปจฺจยา หิ ปฺุาภิสงฺขาราทิกาว เจตนา. อารมฺมณาภิมุขภาโว นมนํ. อายตนํ ปวตฺตนํ. สฬายตนวเสน หิ จิตฺตเจตสิกานํ ปวตฺติ. ตณฺหาย เหตุลกฺขณติ เอตฺถ วฏฺฏสฺส ชนกเหตุภาโว ตณฺหาย เหตุลกฺขณํ, มคฺคสฺส ปน ¶ วกฺขมานสฺส นิพฺพานสมฺปาปกตฺตนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส. อารมฺมณสฺส คหณลกฺขณํ. ปุน อุปฺปตฺติยา อายูหนลกฺขณํ. สตฺตชีวโต สฺุตาลกฺขณํ. ปทหนํ อุสฺสาหนํ. อิชฺฌนํ สมฺปตฺติ. วฏฺฏโต นิสฺสรณํ นิยฺยานํ. อวิปรีตภาโว ตถลกฺขณํ. อฺมฺานติวตฺตนํ เอกรโส, อนูนาธิกภาโวว. ยุคนทฺธา นาม สมถวิปสฺสนา อฺมฺโปการตาย ยุคฬวเสน พนฺธิตพฺพโต. ‘‘สทฺธาปฺา ปคฺคหาวิกฺเขปา’’ติปิ วทนฺติ. จิตฺตวิสุทฺธิ นาม สมาธิ. ทิฏฺิวิสุทฺธิ นาม ปฺา. ขโยติ กิเลสกฺขโย มคฺโค, ตสฺมึ ปวตฺตสฺส สมฺมาทิฏฺิสงฺขาตสฺส าณสฺส สมุจฺเฉทนลกฺขณํ. กิเลสานมนุปฺปาทปริโยสานตาย อนุปฺปาโท, ผลํ. กิเลสวูปสโม ปสฺสทฺธิ. ฉนฺทสฺสาติ กตฺตุกามตาฉนฺทสฺส. ปติฏฺาภาโว มูลลกฺขณํ. อารมฺมณปฏิปาทกตาย สมฺปยุตฺต-ธมฺมานมุปฺปตฺติเหตุตา สมุฏฺาปนลกฺขณํ. วิสยาทิสนฺนิปาเตน คเหตพฺพากาโร สโมธานํ. ยา ‘‘สงฺคตี’’ติ วุจฺจติ ‘‘ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส’’ติอาทีสุ. สมํ, สมฺมา วา โอทหนฺติ สมฺปิณฺฑิตา ภวนฺติ สมฺปยุตฺตธมฺมา อเนนาติปิ สโมธานํ, ผสฺโส, ตพฺภาโว สโมธานลกฺขณํ. สโมสรนฺติ สนฺนิปตนฺติ เอตฺถาติ สโมสรณํ, เวทนา. ตาย หิ วินา อปฺปวตฺตมานา สมฺปยุตฺตธมฺมา เวทนานุภวนนิมิตฺตํ สโมสฏา วิย โหนฺตีติ เอวํ วุตฺตํ, ตพฺภาโว สโมสรณลกฺขณํ. ปาสาทาทีสุ โคปานสีนํ กูฏํ วิย สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปาโมกฺขภาโว ปมุขลกฺขณํ. สติยา สพฺพตฺถกตฺตา สมฺปยุตฺตานํ อธิปติภาโว อาธิปเตยฺยลกฺขณํ. ตโต สมฺปยุตฺตธมฺมโต, เตสํ วา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อุตฺตริ ปธานํ ตตุตฺตริ, ตพฺภาโว ตตุตฺตริยลกฺขณํ. ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา. วิมุตฺตีติ ผลํ กิเลเสหิ วิมุจฺจิตฺถาติ กตฺวา. ตํ ¶ ปน สีลาทิคุณสารสฺส ปรมุกฺกํสภาเวน สารํ. ตโต อุตฺตริ ธมฺมสฺสาภาวโต ปริโยสานํ. อยฺจ ลกฺขณวิภาโค ฉธาตุปฺจฌานงฺคาทิวเสน ตํตํสุตฺตปทานุสาเรน โปราณฏฺกถายมาคตนเยน วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ปุพฺเพ วุตฺโตปิ โกจิ ธมฺโม ปริยายนฺตรปฺปกาสนตฺถํ ปุน ทสฺสิโต. ตโต เอว จ ‘‘ฉนฺทมูลกา ธมฺมา มนสิการสมุฏฺานา ผสฺสสโมธานา เวทนาสโมสรณา’’ติ ‘‘ปฺุตฺตรา กุสลา ธมฺมา’’ติ, ‘‘วิมุตฺติสารมิทํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ, ‘‘นิพฺพาโนคธฺหิ อาวุโส พฺรหฺมจริยํ นิพฺพานปริโยสาน’’นฺติ [สํ. นิ. ๓.๕๑๒ (อตฺถโต สมานํ)] จ สุตฺตปทานํ วเสน ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ตถํ อวิตถํ ลกฺขณํ อาคโตติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘เอว’’นฺติอาทินา. ตํ ปน คมนํ อิธ าณคมนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘าณคติยา’’ติ. สติปิ คตสทฺทสฺส อวโพธนตฺถภาเว าณคมนตฺเถเนเวโส สิทฺโธติ น วุตฺโต. อา-สทฺทสฺส เจตฺถ คตสทฺทานุวตฺติมตฺตเมว. เตนาห ‘‘ปตฺโต อนุปฺปตฺโต’’ติ.
อวิปรีตสภาวตฺตา ‘‘ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานี’’ติ วุตฺตํ. อวิปรีตสภาวโต ¶ ตถานิ. อมุสาสภาวโต อวิตถานิ. อฺาการรหิตโต อนฺถานิ. สจฺจสํยุตฺตาทีสุ อาคตํ ปริปุณฺณสจฺจจตุกฺกกถํ สนฺธาย ‘‘อิติ วิตฺถาโร’’ติ อาห. ‘‘ตสฺมา’’ติ วตฺวา ตทปรามสิตพฺพเมว ทสฺเสติ ‘‘ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา’’ติ อิมินา. เอส นโย อีทิเสสุ.
เอวํ สจฺจวเสน จตุตฺถการณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน อวิปรีตสภาวตฺตา ตถภูตานํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานํ วเสนาปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโติ ชาติปจฺจยา สมฺภูตํ หุตฺวา สหิตสฺส อตฺตโน ปจฺจยานุรูปสฺส อุทฺธํ อุทฺธํ อาคตสภาโว, อนุปวตฺตฏฺโติ อตฺโถ. อถ วา สมฺภูตฏฺโ จ สมุทาคตฏฺโ จ สมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ปุพฺพปเท อุตฺตรปทโลปวเสน. สมาหารทฺวนฺเทปิ หิ ปุลฺลิงฺคมิจฺฉนฺติ เนรุตฺติกา. น เจตฺถ ชาติโต ชรามรณํ น โหติ, น จ ชาตึ วินา อฺโต โหตีติ ชาติปจฺจยสมฺภูตฏฺโ. อิตฺถเมว ชาติโต สมุทาคจฺฉตีติ ชาติ ปจฺจยสมุทาคตฏฺโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา ยา ชาติ ยถา ยถา ปจฺจโย ¶ โหติ, ตทนุรูปํ ปาตุภูตสภาโวติ. ปจฺจยปกฺเข ปน อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโติ เอตฺถ น อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจโย น โหติ, น จ อวิชฺชํ วินา สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ. ยา ยา อวิชฺชา เยสํ เยสํ สงฺขารานํ ยถา ยถา ปจฺจโย โหติ, อยํ อวิชฺชา สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ ปจฺจยสภาโวติ อตฺโถ. ตถานํ ธมฺมานนฺติ ปจฺจยาการธมฺมานํ. ‘‘สุคโต’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑) วิย คมุสทฺทสฺส พุทฺธิยตฺถตํ สนฺธาย ‘‘อภิสมฺพุทฺธตฺตา’’ติ วุตฺตํ, น าณคมนตฺถํ. คติพุทฺธิยตฺถา หิ สทฺทา อฺมฺปริยายา. ตสฺมา ‘‘อภิสมฺพุทฺธตฺโถ เหตฺถ คตสทฺโท’’ติ อธิกาโร, คมฺยมานตฺตา วา น ปยุตฺโต.
ยํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ ภควา ชานาติ ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. สเทวเก…เป… ปชายาติ อาธาโร ‘‘อตฺถี’’ติ ปเทติ ปุน อปริมาณาสุ โลกธาตูสอูติ ตํนิวาสสตฺตาเปกฺขาย, อาปาถคมนาเปกฺขาย วา วุตฺตํ. เตน ภควตา วิภชฺชมานํ ตํ รูปายตนํ ตถเมว โหตีติ โยเชตพฺพํ. ตถาวิตถภาเว การณมาห ‘‘เอวํ ชานตา ปสฺสตา’’ติ. สพฺพาการโต าตตฺตา ปสฺสิตตฺตาติ หิ เหตฺวนฺโตคธเมตํ ปททฺวยํ. อิฏฺานิฏฺาทิวเสนาติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน มชฺฌตฺตํ สงฺคณฺหาติ. ตถา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนปริตฺตอชฺฌตฺตพหิทฺธาตทุภยาทิเภทมฺปิ. ลพฺภมานกปทวเสนาติ ‘‘รูปายตนํ ทิฏฺํ สทฺทายตนํ สุตํ คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฏฺพฺพายตนํ มุตํ สพฺพํ รูปํ มนสา วิฺาต’’นฺติ (ธ. ส. ๙๖๖) วจนโต ทิฏฺปทฺจ วิฺาตปทฺจ รูปารมฺมเณ ลพฺภติ. รูปารมฺมณํ อิฏฺํ อนิฏฺํ มชฺฌตฺตํ ปริตฺตํ อตีตํ อนาคตํ ¶ ปจฺจุปฺปนฺนํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา ทิฏฺํ วิฺาตํ รูปํ รูปายตนํ รูปธาตุ วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตกนฺติ เอวมาทีหิ อเนเกหิ นาเมหิ. ‘‘อิฏฺานิฏฺาทิวเสนา’’ติอาทินา หิ อเนกนามภาวํ สรูปโต นิทสฺเสติ. เตรสหิ วาเรหีติ ธมฺมสงฺคณิยํ รูปกณฺเฑ (ธ. ส. ๖๑๕) อาคเต เตรส นิทฺเทสวาเร สนฺธายาห. เอเกกสฺมึ วาเร เจตฺถ จตุนฺนํ จตุนฺนํ ววตฺถาปนนยานํ วเสน ‘‘ทฺวิปฺาสาย นเยหี’’ติ วุตฺตํ. ตถเมวาติ ยถาวุตฺเตน ชานเนน อปฺปฏิวตฺติยเทสนตาย, ยถาวุตฺเตน จ ปสฺสเนน อวิปรีตทสฺสิตาย สจฺจเมว. ตมตฺถํ จตุรงฺคุตฺตเร กาฬการามสุตฺเตน (อ. นิ. ๔.๒๔) สาเธนฺโต ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิมาห. จ-สทฺโท เจตฺถ ทฬฺหีกรณโชตโก, เตน ¶ ยถาวุตฺตสฺสตฺถสฺส ทฬฺหีกรณํ โชเตติ, สมฺปิณฺฑนตฺโถ วา อฏฺานปยุตฺโต, น เกวลํ มยา เอว, อถ โข ภควตาปีติ. อนุวิจริตนฺติ ปริจริตํ. ชานามิ อพฺภฺาสินฺติ ปจฺจุปฺปนฺนาตีตกาเลสุ าณปฺปวตฺติทสฺสเนน อนาคเตปิ าณปฺปวตฺติ ทสฺสิตาเยว นยโต ทสฺสิตตฺตา. วิทิต-สทฺโท ปน อนามฏฺกาลวิเสโส กาลตฺตยสาธารณตฺตา ‘‘ทิฏฺํ สุตฺตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๘๗; ม. นิ. ๑.๗; สํ. นิ. ๒.๒๐๘; อ. นิ. ๔.๒๓; ปฏิ. ม. ๑.๑๒๑) วิย, ปากฏํ กตฺวา าตนฺติ อตฺโถ, อิมินา เจตํ ทสฺเสติ ‘‘อฺเ ชานนฺติเยว, มยา ปน ปากฏํ กตฺวา วิทิต’’นฺติ. ภควตา หิ อิเมหิ ปเทหิ สพฺพฺุภูมิ นาม กถิตา. น อุปฏฺาสีติ ตํ ฉทฺวาริกมารมฺมณํ ตณฺหาย วา ทิฏฺิยา วา ตถาคโต อตฺตตฺตนิยวเสน น อุปฏฺาสิ น อุปคจฺฉติ, อิมินา ปน ปเทน ขีณาสวภูมิ กถิตา. ยถา รูปารมฺมณาทโย ธมฺมา ยํสภาวา, ยํปการา จ, ตถา เต ธมฺเม ตํสภาเว ตํปกาเร คมติ ปสฺสติ ชานาตีติ ตถาคโตติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘ตถทสฺสีอตฺเถ’’ติ วุตฺตํ. อเนกตฺถา หิ ธาตุสทฺทา. เกจิ ปน นิรุตฺตินเยน, ปิโสทราทิคณปกฺเขเปน (ปารา. อฏฺ. ๑; วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒) วา ทสฺสี-สทฺทโลปํ, อาคต-สทฺทสฺส จาคมํ กตฺวา ‘‘ตถาคโต’’ติ ปทสิทฺธิเมตฺถ วณฺเณนฺติ, ตทยุตฺตเมว วิชฺชมานปทํ ฉฑฺเฑตฺวา อวิชฺชมานปทสฺส คหณโต. วุตฺตฺจ พุทฺธวํสฏฺกถายํ –
‘‘ตถากาเรน โย ธมฺเม, ชานาติ อนุปสฺสติ;
ตถทสฺสีติ สมฺพุทฺโธ, ตสฺมา วุตฺโต ตถาคโต’’ติ. (พุ. วํ. อฏฺ. รตนจงฺกมนกณฺฑวณฺณนา);
เอตฺถ ‘‘อนุปสฺสตี’’ติ อาคตสทฺทตฺถํ วตฺวา ตทิทํ าณปสฺสนเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ชานาตี’’ติ, สทฺทาธิคตมตฺถํ ปน วิภาเวตุํ ‘‘ตถทสฺสี’’ติ จ วุตฺตํ.
ยํ ¶ รตฺตินฺติ ยสฺส รตฺติยํ, อจฺจนฺตสํโยเค วา เอตํ อุปโยควจนํ รตฺเตกเทสภูตสฺส อภิสมฺพุชฺฌนกฺขณสฺส อจฺจนฺตสํโยคตฺตา, สกลาปิ วา เอสา รตฺติ อภิสมฺโพธาย ปทหนกาลตฺตา ปริยาเยน อจฺจนฺตสํโยคภูตาติ ทฏฺพฺพํ. ปถวีปุกฺขลนิรุตฺตรภูมิสีสคตตฺตา น ปราชิโต อฺเหิ เอตฺถาติ อปราชิโต, สฺเวว ปลฺลงฺโกติ อปราชิตปลฺลงฺโก, ตสฺมึ. ติณฺณํมารานนฺติ กิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตมารานํ, อิทฺจ นิปฺปริยายโต วุตฺตํ, ปริยายโต ปน เหฏฺา วุตฺตนเยน ปฺจนฺนมฺปิ มารานํ ¶ มทฺทนํ เวทิตพฺพํ. มตฺถกนฺติ สามตฺถิยสงฺขาตํ สีสํ. เอตฺถนฺตเรติ อุภินฺนํ รตฺตีนมนฺตเร. ‘‘ปมโพธิยาปี’’ติอาทินา ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาณกาลเมว อนฺโตคธเภเทน นิยเมตฺวา วิเสเสติ. ตาสุ ปน วีสติวสฺสปริจฺฉินฺนา ปมโพธีติ วินยคณฺิปเท วุตฺตํ, ตฺจ ตทฏฺกถายเมว ‘‘ภควโต หิ ปมโพธิยํ วีสติวสฺสนฺตเร นิพทฺธุปฏฺาโก นาม นตฺถี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๖) กถิตตฺตา ปมโพธิ นาม วีสติวสฺสานีติ คเหตฺวา วุตฺตํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘ปฺจจตฺตาลีสาย วสฺเสสุ อาทิโต ปนฺนรส วสฺสานิ ปมโพธี’’ติ วุตฺตํ, เอวฺจ สติ มชฺเฌ ปนฺนรส วสฺสานิ มชฺฌิมโพธิ, อนฺเต ปนฺนรส วสฺสานิ ปจฺฉิมโพธีติ ติณฺณํ โพธีนํ สมปฺปมาณตา สิยา, ตมฺปิ ยุตฺตํ. ปนฺนรสติเกน หิ ปฺจจตฺตาลีสวสฺสานิ ปริปูเรนฺติ. อฏฺกถายํ ปน ปนฺนรสวสฺสปฺปมาณาย ปมโพธิยา วีสติวสฺเสสุเยว อนฺโตคธตฺตา ‘‘ปมโพธิยํ วีสติวสฺสนฺตเร’’ติ วุตฺตนฺติ เอวมฺปิ สกฺกา วิฺาตุํ. ‘‘ยํ สุตฺต’’นฺติอาทินา สมฺพนฺโธ.
นิทฺโทสตาย อนุปวชฺชํ อนุปวทนียํ. ปกฺขิปิตพฺพาภาเวน อนูนํ. อปเนตพฺพาภาเวน อนธิกํ. อตฺถพฺยฺชนาทิสมฺปตฺติยา สพฺพาการปริปุณฺณํ. นิมฺมทนเหตุ นิมฺมทนํ. วาลคฺคมตฺตมฺปีติ วาลธิโลมสฺส โกฏิปฺปมาณมฺปิ. อวกฺขลิตนฺติ วิราธิตํ มุสา ภณิตํ. เอกมุทฺทิกายาติ เอกราชลฺฉเนน. เอกนาฬิยาติ เอกาฬฺหเกน, เอกตุมฺเพน วา. เอกตุลายาติ เอกมาเนน. ‘‘ตถเมวา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ โน อฺถาติ พฺยติเรกโต ทสฺเสติ, เตน ยทตฺถํ ภาสิตํ, เอกนฺเตน ตทตฺถนิปฺผาทนโต ยถา ภาสิตํ ภควตา, ตถาเยวาติ อวิปรีตเทสนตํ ทสฺเสติ. ‘‘คทตฺโถ’’ติ เอเตน ตถํ คทติ ภาสตีติ ตถาคโต ท-การสฺส ต-การํ, นิรุตฺตินเยน จ อาการาคมํ กตฺวา, ธาตุสทฺทานุคเตน วา อากาเรนาติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ.
เอวํ ‘‘สุคโต’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑) วิย ธาตุสทฺทนิปฺผตฺติปริกปฺเปน นิรุตฺตึ ทสฺเสตฺวา พาหิรตฺถสมาเสนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาคทนนฺติ สพฺพหิตนิปฺผาทนโต ภุสํ กถนํ วจนํ, ตพฺภาวมตฺโต วา อา-สทฺโท.
ตถา ¶ ¶ คตมสฺสาติ ตถาคโต. ยถา วาจาย คตํ ปวตฺติ, ตถา กายสฺส, ยถา วา กายสฺส คตํ ปวตฺติ, ตถา วาจาย อสฺส, ตสฺมา ตถาคโตติ อตฺโถ. ตเทว นิพฺพจนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิ ‘‘คโต ปวตฺโต, คตา ปวตฺตา’’ติ จ เอเตน กายวจีกิริยานํ อฺมฺานุโลมนวจนิจฺฉาย กายสฺส, วาจาย จ ปวตฺติ อิธ คต-สทฺเทน กถิตาติ ทสฺเสติ, ‘‘เอวํภูตสฺสา’’ติอาทินา พาหิรตฺถสมาสํ, ‘‘ยถา ตถา’’ติ เอเตน ยํตํ-สทฺทานํ อพฺยภิจาริตสมฺพนฺธตาย ‘‘ตถา’’ติ วุตฺเต ‘‘ยถา’’ติ อยมตฺโถ อุปฏฺิโตเยว โหตีติ ตถาสทฺทตฺถํ, ‘‘วาที การี’’ติ เอเตน ปวตฺติสรูปํ, ‘‘ภควโต หี’’ติ เอเตน ยถาวาทีตถาการิตาทิการณนฺติ. ‘‘เอวํภูตสฺสา’’ติ ยถาวาทีตถาการิตาทินา ปกาเรน ปวตฺตสฺส, อิมํ ปการํ วา ปตฺตสฺส. อิตีติ วุตฺตปฺปการํ นิทฺทิสติ. ยสฺมา ปเนตฺถ คต-สทฺโท วาจาย ปวตฺติมฺปิ ทสฺเสติ, ตสฺมา กามํ ตถาวาทิตาย ตถาคโตติ อยมฺปิ อตฺโถ สิทฺโธ โหติ, โส ปน ปุพฺเพ ปการนฺตเรน ทสฺสิโตติ ปาริเสสนเยน ตถาการิตาอตฺถเมว ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตฺจ –
‘‘ยถา วาจา คตา ยสฺส,
ตถา กาโย คโต ยโต;
ยถา กาโย ตถา วาจา,
ตโต สตฺถา ตถาคโต’’ติ.
ภวคฺคํ ปริยนฺตํ กตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ยํ ปเนเก วทนฺติ ‘‘ติริยํ วิย อุปริ, อโธ จ สนฺติ อปริมาณา โลกธาตุโย’’ติ, เตสํ ตํ ปฏิเสเธตุํ เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. วิมุตฺติยาติ ผเลน. วิมุตฺติาณทสฺสเนนาติ ปจฺจเวกฺขณาาณสงฺขาเตน ทสฺสเนน. ตุโลติ สทิโส. ปมาณนฺติ มินนการณํ. ปเร อภิภวติ คุเณน อชฺโฌตฺถรติ อธิโก ภวตีติ อภิภู. ปเรหิ น อภิภูโต อชฺโฌตฺถโฏติ อนภิภูโต. อฺทตฺถูติ เอกํสวจเน นิปาโต. ทสฺสนวเสน ทโส, สพฺพํ ปสฺสตีติ อตฺโถ. ปเร อตฺตโน วสํ วตฺเตตีติ วสวตฺตี.
‘‘อภิภวนฏฺเน ตถาคโต’’ติ อยํ น สทฺทโต ลพฺภติ, สทฺทโต ปน เอวนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺเรว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อคโทติ ทิพฺพาคโท อคํ โรคํ ทาติ อวขณฺฑติ, นตฺถิ วา คโท โรโค เอเตนาติ กตฺวา ¶ , ตสฺสทิสฏฺเน อิธ เทสนาวิลาสสฺส, ปฺุุสฺสยสฺส จ อคทตา ลพฺภตีติ อาห ‘‘อคโท วิยา’’ติ. ยาย ธมฺมธาตุยา เทสนาวิชมฺภนปฺปตฺตา, สา เทสนาวิลาโส. ธมฺมธาตอูติ จ สพฺพฺุตฺาณเมว. เตน หิ ธมฺมานมาการเภทํ ตฺวา ตทนุรูปํ ¶ เทสนํ นิยาเมติ. เทสนาวิลาโสเยว เทสนาวิลาสมโย ยถา ‘‘ทานมยํ สีลมย’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๔) อธุนา ปน โปตฺถเกสุ พหูสุปิ มย-สทฺโท น ทิสฺสติ. ปฺุุสฺสโยติ อุสฺสนํ, อติเรกํ วา าณาทิสมฺภารภูตํ ปฺุํ. ‘‘เตนา’’ติอาทิ โอปมฺมสมฺปาทนํ. เตนาติ จ ตทุภเยน เทสนาวิลาเสน เจว ปฺุุสฺสเยน จ โส ภควา อภิภวตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อิตี’’ติอาทินา พาหิรตฺถสมาสํ ทสฺเสติ. สพฺพโลกาภิภวเนน ตโถ, น อฺถาติ วุตฺตํ โหติ.
ตถาย คโตติ ปุริมสจฺจตฺตยํ สนฺธายาห, ตถํ คโตติ ปน ปจฺฉิมสจฺจํ. จตุสจฺจานุกฺกเมน เจตฺถ คต-สทฺทสฺส อตฺถจตุกฺกํ วุตฺตํ. วาจกสทฺทสนฺนิธาเน อุปสคฺคนิปาตานํ ตทตฺถโชตนภาเวน ปวตฺตนโต คต-สทฺโทเยว อนุปสคฺโค อวคตตฺถํ, อตีตตฺถฺจ วทตีติ ทสฺเสติ ‘‘อวคโต อตีโต’’ติ อิมินา.
‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ ตพฺพิวรณํ. โลกนฺติ ทุกฺขสจฺจภูตํ โลกํ. ตถาย ตีรณปริฺายาติ โยเชตพฺพํ. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทนฺติ อริยมคฺคํ, น ปน อภิสมฺพุชฺฌนมตฺตํ. ตตฺถ กตฺตพฺพกิจฺจมฺปิ กตเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุตฺโต’’ติอาทินา สจฺจจตุกฺเกปิ ทุติยปกฺขํ วุตฺตํ, อภิสมฺพุชฺฌนเหตุํ วา เอเตหิ ทสฺเสติ. ตโตเยว หิ ตานิ อภิสมฺพุทฺโธติ. ‘‘ยํ ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ, ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓) องฺคุตฺตราคเม จตุกฺกนิปาเต อาคตํ ปาฬิมิมํ เปยฺยาลมุเขน ทสฺเสติ, ตฺจ อตฺถสมฺพนฺธตาย เอว, น อิมสฺสตฺถสฺส สาธกตาย. สา หิ เปยฺยาลนิทฺทิฏฺา ปาฬิ ตถทสฺสิตา อตฺถสฺส สาธิกาติ. ‘‘ตสฺสปิ เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ อิมินา สาธฺยสาธกสํสนฺทนํ กโรติ. ‘‘อิทมฺปิ จา’’ติอาทินา ตถาคตปทสฺส มหาวิสยตํ ¶ , อฏฺวิธสฺสาปิ ยถาวุตฺตการณสฺส นิทสฺสนมตฺตฺจ ทสฺเสติ. ตตฺถ อิทนฺติ อติพฺยาสรูเปน วุตฺตํ อฏฺวิธํ การณํ, ปิ-สทฺโท, อปิ-สทฺโท วา สมฺภาวเน ‘‘อิตฺถมฺปิ มุขมตฺตเมว, ปเคว อฺถา’’ติ. ตถาคตภาวทีปเนติ ตถาคตนามทีปเน. คุเณน หิ ภควา ตถาคโต นาม, นาเมน จ ภควติ ตถาคต-สทฺโทติ. ‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน’’ติอาทิ (อุทา. อฏฺ. ๓๐๖; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๒๗๗) หิ วุตฺตํ. อปฺปมาทปทํ วิย สกลกุสลธมฺมปฏิปตฺติยา สพฺพพุทฺธคุณานํ ตถาคตปทํ สงฺคาหกนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพากาเรนา’’ติอาทิมาห ¶ . วณฺเณยฺยาติ ปริกปฺปวจนเมตํ ‘‘วณฺเณยฺย วา, น วา วณฺเณยฺยา’’ติ. วุตฺตฺจ –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; อุทา. อฏฺ. ๕๒; อป. อฏฺ. ๒.๗.๒๐; พุ. วํ. อฏฺ. โกณฺฑฺพุทฺธวํสวณฺณนา; จริยา. ปกิณฺณกกถา); –
สมตฺถเน วา เอตํ ‘‘โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๒๓) วิยาติปิ วทนฺติ เกจิ.
อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – อภินีหารโต ปฏฺาย ยาว สมฺมาสมฺโพธิ, เอตฺถนฺตเร มหาโพธิยานปฏิปตฺติยา หานฏฺานสํกิเลสนิวตฺตีนํ อภาวโต ยถาปณิธานํ ตถาคโต อภินีหารานุรูปํ ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. อถ วา มหิทฺธิกตาย, ปฏิสมฺภิทานํ อุกฺกํสาธิคเมน อนาวรณาณตาย จ กตฺถจิปิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถารุจิ, ตถา กายวจีจิตฺตานํ คตานิ คมนานิ ปวตฺติโย เอตสฺสาติ ตถาคโต. อปิจ ยสฺมา โลเก วิธยุตฺตคตปการสทฺทา สมานตฺถา ทิสฺสนฺติ, ตสฺมา ยถา วิธา วิปสฺสิอาทโย ภควนฺโต นิขิลสพฺพฺุคุณสมงฺคิตาย, อยมฺปิ ภควา ตถา วิโธติ ตถาคโต, ยถา ยุตฺตา จ เต ภควนฺโต วุตฺตนเยน, อยมฺปิ ภควา ตถา ยุตฺโตติ ตถาคโต. อปโร นโย-ยสฺมา สจฺจํ ตจฺฉํ ตถนฺติ าณสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺมา ตเถน าเณน อาคโตติ ตถาคโตติ.
‘‘ปหาย ¶ กามาทิมเล ยถา คตา,
สมาธิาเณหิ วิปสฺสิอาทโย;
มเหสิโน สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,
ตถา คโต เตน ตถาคโต มโต.
ตถฺจ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,
สภาวสามฺวิภาคเภทโต;
สยมฺภุาเณน ¶ ชิโน สมาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.
ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,
ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;
อนฺเนยฺเยน ยโต วิภาวิตา,
ยาถาวโต เตน ชิโน ตถาคโต.
อเนกเภทาสุปิ โลกธาตูสุ,
ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;
วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.
ยโต จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,
กโรติ วาจายนุโลมมตฺตโน;
คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,
ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.
ยถาภินีหารมโต ยถารุจิ,
ปวตฺตวาจาตนุจิตฺตภาวโต;
ยถาวิธา เยน ปุรา มเหสิโน,
ตถาวิโธ เตน ชิโน ตถาคโต.
ยถา จ ยุตฺตา สุคตา ปุราตนา,
ตถาว ยุตฺโต ตถาณโต จ โส;
สมาคโต เตน สมนฺตโลจโน,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว’’ติ. (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘ โถกํ วิสทิสํ); –
สงฺคหคาถา.
‘‘กตมฺจ ¶ ¶ ตํ ภิกฺขเว’’ติ อยํ กสฺส ปุจฺฉาติ อาห ‘‘เยนา’’ติอาทิ. เอวํ สามฺโต ยถาวุตฺตสฺส สีลมตฺตกสฺส ปุจฺฉาภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปุจฺฉาวิเสสภาวาปนตฺถํ มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๑๕๐) อาคตา สพฺพาว ปุจฺฉา อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺเสติ ‘‘ตตฺถ ปุจฺฉา นามา’’ติอาทินา. ตตฺถ ตตฺถาติ ‘‘ตํ กตมนฺติ ปุจฺฉตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ สามฺโต ปุจฺฉาวจนํ วุตฺตํ, ตสฺมึ.
ปกติยาติ อตฺตโน ธมฺมตาย, สยเมวาติ วุตฺตํ โหติ. ลกฺขณนฺติ โย โกจิ าตุมิจฺฉิโต สภาโว. อฺาตนฺติ ทสฺสนาทิวิเสสยุตฺเตน, อิตเรน วา เยน เกนจิปิ าเณน อฺาตํ. อวตฺถาวิเสสานิ หิ าณทสฺสนตุลนตีรณานิ. อทิฏฺนฺติ ทสฺสนภูเตน าเณน ปจฺจกฺขมิว อทิฏฺํ. อตุลิตนฺติ ‘‘เอตฺตกเมต’’นฺติ ตุลนภูเตน อตุลิตํ. อตีริตนฺติ ‘‘เอวเมวิท’’นฺติ ตีรณภูเตน อกตาณกิริยาสมาปนํ. อวิภูตนฺติ าณสฺส อปากฏภูตํ. อวิภาวิตนฺติ าเณน อปากฏกตํ. ตสฺสาติ ยถาวุตฺตลกฺขณสฺส. อทิฏฺํ โชตียติ ปกาสียติ เอตายาติ อทิฏฺโชตนา. สํสนฺทนตฺถายาติ สากจฺฉาวเสน วินิจฺฉยกรณตฺถาย. สํสนฺทนฺหิ สากจฺฉาวเสน วินิจฺฉยกรณํ. ทิฏฺํ สํสนฺทียติ เอตายาติ ทิฏฺสํสนฺทนา. ‘‘สํสยปกฺขนฺโท’’ติอาทีสุ ทฬฺหตรํนิวิฏฺา วิจิกิจฺฉา สํสโย. นาติสํสปฺปนมติเภทมตฺตํ วิมติ. ตโตปิ อปฺปตรํ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา ทฺวิธา วิย ปวตฺตํ ทฺเวฬฺหกํ. ทฺวิธา เอลติ กมฺปติ จิตฺตเมเตนาติ หิ ทฺเวฬฺหกํ หปจฺจยํ, สกตฺถวุตฺติกปจฺจยฺจ กตฺวา, เตน ชาโต, ตํ วา ชาตํ ยสฺสาติ ทฺเวฬฺหกชาโต. วิมติ ฉิชฺชติ เอตายาติ วิมติจฺเฉทนา. อนตฺตลกฺขณสุตฺตาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๙) อาคตํ ขนฺธปฺจกปฏิสํยุตฺตํ ปุจฺฉํ สนฺธายาห ‘‘สพฺพํ วตฺตพฺพ’’นฺติ. อนุมติยา ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา. ‘‘ตํ กึ มฺถ ภิกฺขเว’’ติอาทิปุจฺฉาย หิ ‘‘กา ตุมฺหากํ อนุมตี’’ติ อนุมติ ปุจฺฉิตา โหติ. กเถตุกมฺยตาติ กเถตุกามตาย. ‘‘อฺาณตา อาปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๙๕) วิย หิ เอตฺถ ย-การโลโป, กรณตฺเถ วา ปจฺจตฺตวจนํ, กเถตุกมฺยตาย วา ปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติปิ วฏฺฏติ. อตฺถโต ปน สพฺพาปิ ตถา ปวตฺตวจนํ, ตทุปฺปาทโก วา จิตฺตุปฺปาโทติ เวทิตพฺพํ.
ยทตฺถํ ¶ ปนายํ นิทฺเทสนโย อาหริโต, ตสฺส ปุจฺฉาวิเสสภาวสฺส าปนตฺถํ ‘‘อิมาสู’’ติอาทิมาห. จิตฺตาโภโค สมนฺนาหาโร. ภุสํ, สมนฺตโต จ สํสปฺปนา กงฺขา อาสปฺปนา, ปริสปฺปนา จ. สพฺพา กงฺขา ฉินฺนา สพฺพฺุตฺาณปทฏฺาเนน อคฺคมคฺเคน สมุจฺฉินฺทนโต. ปเรสํ อนุมติยา, กเถตุกมฺยตาย จ ธมฺมเทสนาสมฺภวโต, ตถา เอว ตตฺถ ตตฺถ ¶ ทิฏฺตฺตา จ วุตฺตํ ‘‘อวเสสา ปน ทฺเว ปุจฺฉา พุทฺธานํ อตฺถี’’ติ. ยา ปเนตา ‘‘สตฺตาธิฏฺานา ปุจฺฉา ธมฺมาธิฏฺานา ปุจฺฉา เอกาธิฏฺานา ปุจฺฉา อเนกาธิฏฺานา ปุจฺฉา’’ติอาทินา อปราปิ อเนกธา ปุจฺฉาโย นิทฺเทเส อาคตา, ตา สพฺพาปิ นิทฺธาเรตฺวา อิธ อวิจยนํ ‘‘อลํ เอตฺตาวตาว, อตฺถิเกหิ ปน อิมินา นเยน นิทฺธาเรตฺวา วิเจตพฺพา’’ติ นยทานสฺส สิชฺฌนโตติ ทฏฺพฺพํ.
๘. ปุจฺฉา จ นาเมสา วิสฺสชฺชนาย สติเยว ยุตฺตรูปาติ โจทนาย ‘‘อิทานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อติปาตนํ อติปาโต. อติ-สทฺโท เจตฺถ อติเรกตฺโถ. สีฆภาโว เอว จ อติเรกตา, ตสฺมา สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อติเรกํ ปาตนํ, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ, อภิภวนตฺโถ วา, อติกฺกมฺม สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนนฺติ วุตฺตํ โหติ, โวหารวจนเมตํ ‘‘อติปาโต’’ติ. อตฺถโต ปน ปกรณาทิวเสนาธิคตตฺตา ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหตีติ อธิปฺปาโย. โวหารโตติ ปฺตฺติโต. สตฺโตติ ขนฺธสนฺตาโน. ตตฺถ หิ สตฺตปฺตฺติ. วุตฺตฺจ –
‘‘ยถา หิ องฺคสมฺภารา, โหติ สทฺโท รโถ อิติ;
เอวํ ขนฺเธสุ สนฺเตสุ, โหติ สตฺโตติ สมฺมุตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๑);
ชีวิตินฺทฺริยนฺติ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยํ. รูปชีวิตินฺทฺริเย หิ วิโกปิเต อิตรมฺปิ ตํสมฺพนฺธตาย วินสฺสติ. กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘ปาณสฺส อติปาโต’’ติ, ‘‘ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สตฺโต’’ติ จ เอกวจนนิทฺเทโส กโต, นนุ นิรวเสสานํ ปาณานํ อติปาตโต วิรติ อิธ อธิปฺเปตา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ สพฺเพ ปาณภูเต’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) พหุวจนนิทฺเทสนฺติ? สจฺจเมตํ, ปาณภาวสามฺเน ปเนตฺถ เอกวจนนิทฺเทโส กโต, ตตฺถ ปน สพฺพสทฺทสนฺนิธาเนน ¶ ปุถุตฺตํ สุวิฺายมานเมวาติ สามฺนิทฺเทสมกตฺวา เภทวจนิจฺฉาวเสน พหุวจนนิทฺเทโส กโต. กิฺจ ภิยฺโย – สามฺโต สํวรสมาทานํ, ตพฺพิเสสโต สํวรเภโทติ อิมสฺส วิเสสสฺส าปนตฺถมฺปิ อยํ วจนเภโท กโตติ เวทิตพฺโพ. ‘‘ปาณสฺส อติปาโต’’ติอาทิ หิ สํวรเภททสฺสนํ. ‘‘สพฺเพ ปาณภูเต’’ติอาทิ ปน สํวรสมาทานทสฺสนนฺติ. สทฺทวิทู ปน ‘‘อีทิเสสุ าเนสุ ชาติทพฺพาเปกฺขวเสน วจนเภทมตฺตํ, อตฺถโต สมาน’’นฺติ วทนฺติ.
ตสฺมึ ปน ปาเณติ ยถาวุตฺเต ทุพฺพิเธปิ ปาเณ. ปาณสฺิโนติ ปาณสฺาสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส ¶ . ยาย ปน เจตนาย ปวตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส นิสฺสยภูเตสุ มหาภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุ ตํมหาภูตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, สา ตาทิสปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปาณาติปาโตติ อาห ‘‘ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา’’ติ, ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกสฺส กายวจีปโยคสฺส ตนฺนิสฺสเยสุ มหาภูเตสุ สมุฏฺาปิกาติ อตฺโถ. ลทฺธุปกฺกมานิ หิ ภูตานิ ปุริมภูตานิ วิย น วิสทานิ, ตสฺมา สมานชาติยานํ ภูตานํ การณานิ น โหนฺตีติ เตสุเยว อุปกฺกเม กเต ตโต ปรานํ อสติ อนฺตราเย อุปฺปชฺชมานานํ ภูตานํ, ตนฺนิสฺสิตสฺส จ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉโท โหติ. ‘‘กายวจีทฺวาราน’’นฺติ เอเตน วิตณฺฑวาทิมตํ มโนทฺวาเร ปวตฺตาย วธกเจตนาย ปาณาติปาตภาวํ ปฏิกฺขิปติ.
ปโยควตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺชตา เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานาย เจตนาย พลวภาวโต เวทิตพฺพา. เอกสฺสาปิ หิ ปโยคสฺส สหสา นิปฺผาทนวเสน, กิจฺจสาธิกาย พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวเนหิ ลทฺธาเสวนาย จ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย วเสน ปโยคสฺส มหนฺตภาโว. สติปิ กทาจิ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ปาเณ ปโยคสฺส สมภาเว มหนฺตํ หนนฺตสฺส เจตนา ติพฺพตรา อุปฺปชฺชตีติ วตฺถุสฺส มหนฺตภาโว. อิติ อุภยมฺเปตํ เจตนาย พลวภาเวเนว โหติ. สติปิ จ ปโยควตฺถูนํ อมหนฺตภาเว หนฺตพฺพสฺส คุณมหตฺเตนปิ ตตฺถ ปวตฺตอุปการเจตนา วิย เขตฺตวิเสสนิปฺผตฺติยา อปการเจตนาปิ พลวตี, ติพฺพตรา จ อุปฺปชฺชตีติ ตสฺสา มหาสาวชฺชตา ทฏฺพฺพา ¶ . เตนาห ‘‘คุณวนฺเตสู’’ติอาทิ. ‘‘กิเลสาน’’นฺติอาทินา ปน สติปิ ปโยควตฺถุคุณานํ อมหนฺตภาเว กิเลสุปกฺกมานํ มุทุติพฺพตาย เจตนาย ทุพฺพลพลวภาววเสน อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชภาโว เวทิตพฺโพติ ทสฺเสติ.
สมฺภรียนฺติ สหรียนฺติ เอเตหีติ สมฺภารา, องฺคานิ. เตสุ ปาณสฺิตา, วธกจิตฺตฺจ ปุพฺพภาคิยานิปิ โหนฺติ. อุปกฺกโม ปน วธกเจตนาสมุฏฺาปิโต สหชาโตว. ปฺจสมฺภารวตี ปน ปาณาติปาตเจตนาติ สา ปฺจสมฺภารวินิมุตฺตา ทฏฺพฺพา. เอส นโย อทินฺนาทานาทีสุปิ.
เอตฺถาห – ขเณ ขเณ นิรุชฺฌนสภาเวสุ สงฺขาเรสุ โก หนฺติ, โก วา หฺติ, ยทิ จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน, เอวํ โส อนุปตาปนเฉทนเภทนาทิวเสน น วิโกปนสมตฺโถ, นาปิ วิโกปนีโย, อถ รูปสนฺตาโน, เอวมฺปิ โส อเจตนตาย กฏฺกลิงฺครูปโมติ น ตตฺถ เฉทนาทินา ปาณาติปาโต ลพฺภติ ยถา มตสรีเร. ปโยโคปิ ปาณาติปาตสฺส ปหรณปฺปการาทิอตีเตสุ ¶ วา สงฺขาเรสุ ภเวยฺย, อนาคเตสุ วา ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วา. ตตฺถ น ตาว อตีตานาคเตสุ สมฺภวติ เตสํ อภาวโต. ปจฺจุปฺปนฺเนสุ จ สงฺขารานํ ขณิกตฺตา สรเสเนว นิรุชฺฌนสภาวตาย วินาสาภิมุเขสุ นิปฺปโยชโน เอว ปโยโค สิยา. วินาสสฺส จ การณรหิตตฺตา น ปหรณปฺปการาทิปโยคเหตุกํ มรณํ, นิรีหกตาย จ สงฺขารานํ กสฺส โส ปโยโค, ขณิกตฺตา วธาธิปฺปายสมกาลภิชฺชนกสฺส กิริยาปริโยสานกาลานวฏฺานโต กสฺส วา ปาณาติปาตกมฺมพทฺโธติ?
วุจฺจเต – วธกเจตนาสหิโต สงฺขารานํ ปฺุโช สตฺตสงฺขาโต หนฺติ, เตน ปวตฺติตวธปฺปโยคนิมิตฺตาปคตุสฺมาวิฺาณชีวิตินฺทฺริโย มตโวหารปฺปวตฺตินิพนฺธโน ยถาวุตฺตวธปฺปโยคากรเณ อุปฺปชฺชนารโห รูปารูปธมฺมสมูโห หฺติ, เกวโล วา จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน, วธปฺปโยคาวิสยภาเวปิ ตสฺส ปฺจโวการภเว รูปสนฺตานาธีนวุตฺติตาย รูปสนฺตาเน ปเรน ปโยชิตชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกปโยควเสน ตนฺนิพฺพตฺติวิพนฺธกวิสทิสรูปุปฺปตฺติยา วิหเต วิจฺเฉโท โหตีติ น ปาณาติปาตสฺส อสมฺภโว, นาปิ อเหตุโก ปาณาติปาโต, น จ ปโยโค นิปฺปโยชโน ปจฺจุปฺปนฺเนสุ สงฺขาเรสุ กตปโยควเสน ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชนารหสฺส สงฺขารกลาปสฺส ตถาอนุปฺปตฺติโต, ขณิกานํ ¶ สงฺขารานํ ขณิกมรณสฺส อิธ มรณภาเวน อนธิปฺเปตตฺตา สนฺตติมรณสฺส จ ยถาวุตฺตนเยน สเหตุกภาวโต น อเหตุกํ มรณํ, น จ กตฺตุรหิโต ปาณาติปาตปฺปโยโค นิรีหเกสุปิ สงฺขาเรสุ สนฺนิหิตตามตฺเตน อุปการเกสุ อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปผลุปฺปาทนนิยเตสุ การเณสุ กตฺตุโวหารสิทฺธิโต ยถา ‘‘ปทีโป ปกาเสติ, นิสากโร จนฺทิมา’’ติ, น จ เกวลสฺส วธาธิปฺปายสหภุโน จิตฺตเจตสิกกลาปสฺส ปาณาติปาโต อิจฺฉิโต สนฺตานวเสน อวฏฺิตสฺเสว ปฏิชานนโต, สนฺตานวเสน ปวตฺตมานานฺจ ปทีปาทีนํ อตฺตกิริยาสิทฺธิ ทิสฺสตีติ อตฺเถว ปาณาติปาเตน กมฺมพทฺโธติ. อยฺจ วิจาโร อทินฺนาทานาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ วิภาเวตพฺโพ.
สาหตฺถิโกติ สยํ มาเรนฺตสฺส กาเยน วา กายปฏิพทฺเธน วา ปหรณํ. อาณตฺติโกติ อฺํ อาณาเปนฺตสฺส ‘‘เอวํ วิชฺฌิตฺวา วา ปหริตฺวา วา มาเรหี’’ติ อาณาปนํ. นิสฺสคฺคิโยติ ทูเร ิตํ มาเรตุกามสฺส กาเยน วา กายปฏิพทฺเธน วา อุสุยนฺตปาสาณาทีนํ นิสฺสชฺชนํ. ถาวโรติ อสฺจาริเมน อุปกรเณน มาเรตุกามสฺส โอปาตาปสฺเสนอุปนิกฺขิปนํ, เภสชฺชสํวิธานฺจ. วิชฺชามโยติ มารณตฺถํ มนฺตปริชปฺปนํ อาถพฺพณิกาทีนํ วิย. อาถพฺพณิกา หิ อาถพฺพณํ ปโยเชนฺติ นคเร วา รุทฺเธ สงฺคาเม วา ปจฺจุปฏฺิเต ปฏิเสนาย ปจฺจตฺถิเกสุ ปจฺจามิตฺเตสุ อีตึ อุปฺปาเทนฺติ อุปทฺทวํ อุปฺปาเทนฺติ โรคํ อุปฺปาเทนฺติ ปชฺชรกํ อุปฺปาเทนฺติ ¶ สูจิกํ อุปฺปาเทนฺติ วิสูจิกํ กโรนฺติ ปกฺขนฺทิยํ กโรนฺติ. วิชฺชาธรา จ วิชฺชํ ปริวตฺเตตฺวา นคเร วา รุทฺเธ…เป… ปกฺขนฺทิยํ กโรนฺติ. อิทฺธิมโยติ กมฺมวิปากชิทฺธิมโย ทาาโกฏนาทีนิ วิย. ปิตุรฺโ กิร สีหฬนรินฺทสฺส ทาาโกฏเนน จูฬสุมนกุฏุมฺพิยสฺส มรณํ โหติ. ‘‘อิมสฺมึ ปนตฺเถ’’ติอาทินา คนฺถคารวํ ปริหริตฺวา ตสฺส อนูนภาวมฺปิ กโรติ ‘‘อตฺถิเกหี’’ติอาทินา. อิธ อวุตฺโตปิ หิ เอส อตฺโถ อติทิสเนน วุตฺโต วิย อนูโน ปริปุณฺโณติ.
ทุสฺสีลสฺส ภาโว ทุสฺสีลฺยํ, ยถาวุตฺตา เจตนา. ‘‘ปหายา’’ติ เอตฺถ ตฺวา-สทฺโท ปุพฺพกาเลติ อาห ‘‘ปหีนกาลโต ปฏฺายา’’ติ, เหตุอตฺถตํ วา สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. เอเตน หิ ปหานเหตุกา อิธาธิปฺเปตา สมุจฺเฉทนิกา วิรตีติ ทสฺเสติ. กมฺมกฺขยาเณน หิ ปาณาติปาตทุสฺสีลฺยสฺส ¶ ปหีนตฺตา ภควา อจฺจนฺตเมว ตโต ปฏิวิรโตติ วุจฺจติ สมุจฺเฉทวเสน ปหานวิรตีนมธิปฺเปตตฺตา. กิฺจาปิ ‘‘ปหาย ปฏิวิรโต’’ติ ปเทหิ วุตฺตานํ ปหานวิรมณานํ ปุริมปจฺฉิมกาลตา นตฺถิ, มคฺคธมฺมานํ ปน สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ, ปจฺจยภูตานํ สมฺมาวาจาทีนฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนภูตานํ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเว อเปกฺขิเต สหชาตานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน คหณํ ปุริมปจฺฉิมภาเวน วิย โหติ. ปจฺจโย หิ ปุริมตรํ ปจฺจยสตฺติยา ิโต, ตโต ปรํ ปจฺจยุปฺปนฺนํ ปจฺจยสตฺตึ ปฏิจฺจ ปวตฺตติ, ตสฺมา คหณปฺปวตฺติอาการวเสน สหชาตาทิปจฺจยภูเตสุ สมฺมาทิฏฺิอาทีสุ ปหายกธมฺเมสุ ปหานกิริยาย ปุริมกาลโวหาโร, ตปฺปจฺจยุปฺปนฺนาสุ จ วิรตีสุ วิรมณกิริยาย อปรกาลโวหาโร สมฺภวติ. ตสฺมา ‘‘สมฺมาทิฏฺิอาทีหิ ปาณาติปาตํ ปหาย สมฺมาวาจาทีหิ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติ ปาฬิยํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – ปหานํ สมุจฺเฉทวเสน วิรติปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน โยเชตพฺพา, ตสฺมา มคฺเคน ปาณาติปาตํ ปหาย ผเลน ปาณาติปาตา ปฏิวิรโตติ อตฺโถ. อปิจ ปาโณ อติปาตียติ เอเตนาติ ปาณาติปาโต, ปาณฆาตเหตุภูโต ธมฺมสมูโห. โก ปเนโส? อหิริกาโนตฺตปฺปโทสโมหวิหึสาทโย กิเลสา. เต หิ ภควา อริยมคฺเคน ปหาย สมุคฺฆาเฏตฺวา ปาณาติปาตทุสฺสีลฺยโต อจฺจนฺตเมว ปฏิวิรโต กิเลเสสุ ปหีเนสุ ตนฺนิมิตฺตกมฺมสฺส อนุปฺปชฺชนโต, ตสฺมา มคฺเคน ปาณาติปาตํ ยถาวุตฺตกิเลสํ ปหาย เตเนว ปาณาติปาตา ทุสฺสีลฺยเจตนา ปฏิวิรโตติ อตฺโถ. เอส นโย ‘‘อทินฺนาทานํ ปหายา’’ติอาทีสุปิ.
โอรโต ¶ วิรโตติ ปริยายวจนเมตํ, ปติ-วิสทฺทานํ วา ปจฺเจกํ โยเชตพฺพโต ตถา วุตฺตํ. โอรโตติ หิ อวรโต อภิมุขํ รโต, เตน อุชุกํ วิรมณวเสน สาติสยตํ ทสฺเสติ. ปฏิรตสฺส เจตํ อตฺถวจนํ. วิรโตติ วิเสเสน รโต, เตน สห วาสนาย วิรมณภาวํ, อุภเยน ปน สมุจฺเฉทวิรติภาวํ วิภาเวติ. เอว-สทฺโท ปน ตสฺสา วิรติยา กาลาทิวเสน อปริยนฺตตํ ทสฺเสตุํ วุตฺโต. โส อุภยตฺถ โยเชตพฺโพ. ยถา หิ อฺเ สมาทินฺนวิรติกาปิ อนวฏฺิตจิตฺตตาย ลาภชีวิตาทิเหตุ สมาทานํ ภินฺนนฺติ, น เอวํ ภควา, สพฺพโส ¶ ปหีนปาณาติปาตตฺตา ปเนส อจฺจนฺตวิรโต เอวาติ. ‘‘นตฺถิ ตสฺสา’’ติอาทินา เอว-สทฺเทน ทสฺสิตํ ยถาวุตฺตมตฺถํ นิวตฺเตตพฺพตฺถวเสน สมตฺเถติ. ตตฺถ วีติกฺกมิสฺสามีติ อุปฺปชฺชนกา ธมฺมาติ สห ปาเสเสน สมฺพนฺโธ. เต ปน อนวชฺชธมฺเมหิ โวกิณฺณา อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺชนกา ทุพฺพลา สาวชฺชา ธมฺมา, ยสฺมา จ ‘‘กายวจีปโยคํ อุปลภิตฺวา อิมสฺส กิเลสา อุปฺปนฺนา’’ติ วิฺุนา สกฺกา าตุํ, ตสฺมา เต อิมินาว ปริยาเยน ‘‘จกฺขุโสตวิฺเยฺยา’’ติ วุตฺตา, น ปน จกฺขุโสตวิฺาณารมฺมณตฺตา. อโต สสมฺภารกถาย จกฺขุโสเตหิ, ตนฺนิสฺสิตวิฺาเณหิ วา กายิกวาจสิกปโยคมุปลภิตฺวา มโนวิฺาเณน วิฺเยฺยาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. กายิกาติ กาเยน กตา ปาณาติปาตาทินิปฺผาทกา พลวนฺโต อกุสลา. ‘‘กาฬกา’’ ติปิ ฏีกายํ อุทฺธตปาโ, กณฺหปกฺขิกา พลวนฺโต อกุสลาติ อตฺโถ. ‘‘อิมินาวา’’ติอาทินา นยทานํ กโรติ, ตฺจ โข ‘‘อทินฺนาทานํ ปหาย อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต’’ติอาทิปเทสุ.
ปาเป สเมตีติ สมโณ, โคตมสมฺา, เตน โคตฺเตนสมฺพนฺโธ โคตโมติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘สมโณติ ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โคตฺตวเสน ลทฺธโวหาโรติ สมฺพนฺโธ. พฺรหฺมทตฺเตน ภาสิตวณฺณานุสนฺธิยา อิมิสฺสา เทสนาย ปวตฺตนโต, เตน จ ภิกฺขุสงฺฆวณฺณสฺสาปิ ภาสิตตฺตา ภิกฺขุสงฺฆวณฺโณปิ วุตฺตนเยน เทสิตพฺโพ, โส น เทสิโต. กึ โส ปาณาติปาตา ปฏิวิรตภาโว ภิกฺขุสงฺฆสฺส น วิชฺชตีติ อนุโยคมปเนนฺโต ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทิมาห. เอวํ สติ กสฺมา น เทสิโตติ ปุนานุโยคํ ปริหรติ ‘‘เทสนา ปนา’’ติอาทินา. เอวนฺติ เอวเมว.
เอตฺถายมธิปฺปาโย –‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, อฺเ จ ธมฺมา’’ติอาทินา อนฺสาธารเณ พุทฺธคุเณ อารพฺภ อุปริ เทสนํ วฑฺเฒตุกาโม ภควา อาทิโต ปฏฺาย ‘‘ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยา’’ติอาทินา พุทฺธคุณวเสเนว เทสนํ อารภิ, น ภิกฺขุสงฺฆคุณวเสนาปิ. เอสา หิ ภควโต เทสนาย ปกติ, ยทิทํ เอกรเสเนว เทสนํ ทสฺเสตุํ ลพฺภมานสฺสาปิ กสฺสจิ ¶ อคฺคหณํ. ตถา หิ รูปกณฺเฑ ทุกาทีสุ, ตนฺนิทฺเทเสสุ จ หทยวตฺถุ น คหิตํ. อิตรวตฺถูหิ อสมานคติกตฺตา เทสนาเภโท โหตีติ. ยถา หิ จกฺขุวิฺาณาทีนิ ¶ เอกนฺตโต จกฺขาทินิสฺสยานิ, น เอวํ มโนวิฺาณํ เอกนฺเตน หทยวตฺถุนิสฺสยํ อารุปฺเป ตทภาวโต, นิสฺสยนิสฺสิตวเสน จ วตฺถุทุกาทิเทสนา ปวตฺตา ‘‘อตฺถิ รูปํ จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถุ, อตฺถิ รูปํ น จกฺขุวิฺาณสฺส วตฺถู’’ติอาทินา. ยมฺปิ มโนวิฺาณํ เอกนฺตโต หทยวตฺถุนิสฺสยํ, ตสฺส วเสน ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส วตฺถู’’ติอาทินา ทุกาทีสุ วุจฺจมาเนสุปิ น ตทนุรูปา อารมฺมณทุกาทโย สมฺภวนฺติ. น หิ ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณํ, อตฺถิ รูปํ น มโนวิฺาณสฺส อารมฺมณ’’นฺติ สกฺกา วตฺตุํ ตทนารมฺมณรูปสฺสาภาวโตติ วตฺถารมฺมณทุกา ภินฺนคติกา สิยุํ, ตสฺมา น เอกรสา เทสนา ภเวยฺยาติ น วุตฺตํ, ตถา นิกฺเขปกณฺเฑ จิตฺตุปฺปาทวิภาเคน วิสุํ อวุจฺจมานตฺตา อวิตกฺกอวิจารปทวิสฺสชฺชเน ‘‘วิจาโร จา’’ติ วตฺตุํ น สกฺกาติ อาวิตกฺกวิจารมตฺตปทวิสฺสชเน ลพฺภมาโนปิ วิตกฺโก น อุทฺธโต. อฺถา หิ ‘‘วิตกฺโก จา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, เอวเมวิธาปิ ภิกฺขุสงฺฆคุโณ น เทสิโตติ. กามํ สทฺทโต เอวํ น เทสิโต, อตฺถโต ปน พฺรหฺมทตฺเตน ภาสิตวณฺณสฺส อนุสนฺธิทสฺสนวเสน อิมิสฺสา เทสนาย อารทฺธตฺตา ทีเปตุํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อตฺถํ ปนา’’ติอาทิ.
ตตฺถายํ ทีปนา – ‘‘ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต สมณสฺส โคตมสฺส สาวกสงฺโฆ นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถ’’ติ วิตฺถาเรตพฺพํ. นนุ ธมฺมสฺสาปิ วณฺโณ พฺรหฺมทตฺเตน ภาสิโตติ? สจฺจํ ภาสิโต, โส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธปภวตฺตา, อริยสงฺฆาธารตฺตา จ ธมฺมสฺส ธมฺมานุภาวสิทฺธตฺตา จ เตสํ, ตทุภยวณฺณทีปเนเนว ทีปิโตติ วิสุํ น อุทฺธโต. สทฺธมฺมานุภาเวเนว หิ ภควา, ภิกฺขุสงฺโฆ จ ปาณาติปาตาทิปฺปหานสมตฺโถ โหติ. อตฺถาปตฺติวเสน ปรวิเหนสฺส ปริวชฺชิตภาวทีปนตฺถํ ทณฺฑสตฺถานํ นิกฺเขปวจนฺติ อาห ‘‘ปรูปฆาตตฺถายา’’ติอาทิ. อวตฺตนโตติ อปวตฺตนโต, อสฺจรณโต วา. นิกฺขิตฺโต ทณฺโฑ เยนาติ นิกฺขิตฺตทณฺโฑ. ตถา นิกฺขิตฺตสตฺโถ. มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส จตุหตฺถปฺปมาโณ เจตฺถ ทณฺโฑ. ตทวเสโส มุคฺครขคฺคาทโย สตฺถํ, เตน วุตฺตํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิ. วิเหนภาวโตติ วิหึ สนภาวโต, เอเตน สสติ หึสติ อเนนาติ สตฺถนฺติ อตฺถํ ทสฺเสติ. ‘‘ปรูปฆาตตฺถายา’’ติอาทินา อาปนฺนมตฺถํ ¶ วิวริตุํ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กตโร ชิณฺโณ, ตสฺส, เตนวา อาลมฺพิโต ทณฺโฑ กตฺตรทณฺโฑ. ทนฺตโสธนํ กาตุํ โยคฺคํ กฏฺํ ทนฺตกฏฺํ, น ปน ทนฺตโสธนกฏฺํ. ‘‘ทนฺตกฏฺวาสึ วา’’ติปิ ปาโ, ทนฺตกฏฺจฺเฉทนกวาสินฺติ อตฺโถ. ขุทฺทกํ นขจฺเฉทนาทิกิจฺจนิปฺผาทกํ ¶ สตฺถํ ปิปฺผลิกํ. อิทํ ปน ภิกฺขุสงฺฆาธีนวจนํ. ‘‘ภิกฺขุสงฺฆวเสนปิ ทีเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตตา ตสฺสาปิ เอกเทเสน ทีปนตฺถํ วุตฺตํ.
ลชฺชา-สทฺโท หิริอตฺโถติ อาห ‘‘ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณายา’’ติ. ธมฺมครุตาย หิ พุทฺธานํ, ธมฺมสฺส จ อตฺตาธีนตฺตา อตฺตาธิปติภูตา ลชฺชาว วุตฺตา, น โลกาธิปติภูตํ โอตฺตปฺปํ. อปิจ ‘‘ลชฺชี’’ติ เอตฺถ วุตฺตลชฺชาย โอตฺตปฺปมฺปิ วุตฺตเมว, ตสฺมา ลชฺชาติ หิริโอตฺตปฺปานมธิวจนํ ทฏฺพฺพํ. น หิ ปาปชิคุจฺฉนํ ปาปุตฺตาสนรหิตํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ นาม อตฺถีติ. ‘‘ทยํ เมตฺตจิตฺตตํ อาปนฺโน’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ทยา-สทฺโท ‘‘ทยาปนฺโน’’ติอาทีสุ กรุณายปิ วตฺตตีติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปน ทยาสทฺโท อนุรกฺขณตฺถํ อนฺโตนีตํ กตฺวา ปวตฺตมาโน เมตฺตาย, กรุณาย จ ปวตฺตตีติ อิธ เมตฺตาย ปวตฺตมาโน วุตฺโต กรุณาย, วกฺขมานตฺตา. มิทติ สิเนหตีติ เมตฺตา, สา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, เมตฺตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ เมตฺตจิตฺโต, เมตฺตาย สมฺปยุตฺตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ วา, ตสฺส ภาโว เมตฺตจิตฺตตา เมตฺตา เอว มูลภูเตน ตนฺนิมิตฺเตน ปุคฺคลสฺมึ พุทฺธิยา, สทฺทสฺส จ ปวตฺตนโต.
‘‘ปาณภูเตติ ปาณชาเต’’ติ วุตฺตํ. เอวํ สติ ปาโณ ภูโต เยสนฺติ ปาณภูตาติ นิพฺพจนํ กตฺตพฺพํ. อถ วา ชีวิตินฺทฺริยสมงฺคิตาย ปาณสงฺขาเต ตํตํกมฺมานุรูปํ ปวตฺตนโต ภูตนามเก สตฺเตติ อตฺโถ. อนุกมฺปโกติ กรุณายนโก. ยสฺมา ปน เมตฺตา กรุณาย วิเสสปจฺจโย โหติ, ตสฺมา ปุริมปทตฺถภูตา เมตฺตา เอว ปจฺจยภาเวน ‘‘ตาย เอว ทยาปนฺนตายา’’ติ วุตฺตา. อิมินา หิ ปเทน กรุณาย คหิตาย เยหิ ธมฺเมหิ ปาณาติปาตา ปฏิวิรติ สมฺปชฺชติ, เตหิ ลชฺชาเมตฺตากรุณาหิ สมงฺคิภาโว ยถากฺกมํ ปทตฺตเยน ทสฺสิโต. ปรทุกฺขาปนยนกามตาปิ หิ หิตานุกมฺปนเมวาติ อวสฺสํ อยมตฺโถ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพติ. อิมาย ปาฬิยา, สํวณฺณนาย จ ตสฺสา วิรติยา สตฺตวเสน อปริยนฺตตํ ทสฺเสติ.
วิหรตีติ ¶ เอตฺถ วิ-สทฺโท วิจฺฉินฺทนตฺเถ, หร-สทฺโท นยนตฺเถ, นยนฺจ นาเมตํ อิธ ปวตฺตนํ, ยาปนํ, ปาลนํ วาติ อาห ‘‘อิริยติ ยเปติ ยาเปติ ปาเลตี’’ติ. ยเปติ ยาเปตีติ เจตฺถ ปริยายวจนํ. ตสฺมา ยถาวุตฺตปฺปกาโร หุตฺวา เอกสฺมึ อิริยาปเถ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา หรติ ปวตฺเตติ, อตฺตภาวํ วา ยาเปติ ปาเลตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิติ วา หีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท วจนสิลิฏฺตามตฺเต กสฺสจิปิ เตน โชติตตฺถสฺส อภาวโต. เตนาห ‘‘เอวํ วา ภิกฺขเว’’ติ. วิสุํ กปฺปนเมว อตฺโถ วิกปฺปตฺโถติ โส อเนกภินฺเนสุเยว อตฺเถสุ ¶ ลพฺภติ, อเนกเภทา จ อตฺถา อุปริวกฺขมานา เอวาติ วุตฺตํ ‘‘อุปริ อทินฺนา…เป… อเปกฺขิตฺวา’’ติ. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ คนฺถคารวปริหรณํ, นยทานํ วา.
อิทานิ สมฺปิณฺฑนตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปเนตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ น หนตีติ น หึสติ. น ฆาเตตีติ น วธติ. ตตฺถาติ ปาณาติปาเต. สมนฺุโติ สนฺตุฏฺโ. อโห วต เรติ โภนฺโต เอกํสโต อจฺฉริยาติ อตฺโถ. อาจารสีลมตฺตกนฺติ สาธุชนาจารมตฺตกํ, มตฺต-สทฺโท เจตฺถ วิเสสนิวตฺติอตฺโถ, เตน อินฺทฺริยสํวราทิคุเณหิปิ โลกิยปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วตฺตุํ น สกฺโกตีติ ทสฺเสติ. ตถา หิ อินฺทฺริยสํวรปจฺจยปริโภคสีลานิ อิธ น วิภตฺตานิ. เอว-สทฺโท ปทปูรณมตฺตํ, มตฺต-สทฺเทน วา ยถาวุตฺตตฺถสฺสาวธารณํ กโรติ, เอว-สทฺเทน อาจารสีลเมว วตฺตุํ สกฺโกตีติ สนฺนิฏฺานํ. เอวมีทิเสสุ. ‘‘อิติ วา หิ ภิกฺขเว ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยา’’ติ วจนสามตฺถิเยเนว ตทุตฺตริ คุณํ วตฺตุํ น สกฺขิสฺสติ. ‘‘ตํ โว อุปริ วกฺขามี’’ติ จ อตฺถสฺสาปชฺชนโต ตถาปนฺนมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปริ อสาธารณภาว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทินา ปุคฺคลวิเวจเนน ปน ‘‘ปุถุชฺชโน’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตนฺติ ทสฺสิตํ. ‘‘อิโต ปร’’นฺติอาทินา คนฺถคารวํ ปริหรติ. ปุพฺเพ วุตฺตํ ปทํ ปุพฺพปทํ,น ปุพฺพปทํ ตถา, น ปุพฺพํ วา อปุพฺพํ, ตเมว ปทํ ตถา.
สทฺทนฺตรโยเคน ธาตูนมตฺถวิเสสวาจกตฺตา ‘‘อาทาน’’นฺติ เอตสฺส คหณนฺติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, เตนาห ‘‘หรณ’’นฺติอาทิ. ปรสฺสาติ อตฺตสนฺตกโต ปรภูตสฺส สนฺตกสฺส, โย วา อตฺตโต อฺโ, โส ¶ ปุคฺคโล ปโร นาม, ตสฺส อิทํ ปรนฺติปิ ยุชฺชติ, ‘‘ปรสํหรณ’’นฺติปิ ปาโ, สํ-สทฺโท เจตฺถ ธนตฺโถ,ปรสนฺตกหรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. เถโน วุจฺจติ โจโร, ตสฺส ภาโว เถยฺยํ, โจรกมฺมํ. โจริกาติ โจรสฺส กิริยา. ตทตฺถํ วิวรติ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา. ตตฺถาติ ‘‘อาทินฺนาทาน’’นฺติ ปเท. ปรปริคฺคหิตเมว เอตฺถ อทินฺนํ, น ปน ทนฺตโปณสิกฺขาปเท วิย อปฺปฏิคฺคหิตกํ อตฺตสนฺตกนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยตฺถ ปโร’’ติอาทิ อุภยตฺถ สมฺพนฺโธ อาวุตฺติยาทินเยน. ตสฺมา ‘‘ตํ ปรปริคฺคหิตํ นาม, ตสฺมึ ปรปริคฺคหิเต’’ติ จ โยเชตพฺพํ. ยถากามํ กโรตีติ ยถากามการี, ตสฺส ภาโว ยถากามกริตา, ตํ. ตถารุจิกรณํ อาปชฺชนฺโตติ อตฺโถ. สสนฺตกตฺตา อทณฺฑารโห ธนทณฺฑราชทณฺฑวเสน. อนุปวชฺโช จ โจทนาสารณาทิวเสน. ตํ ปรปริคฺคหิตํ อาทิยติ เอเตนาติ ตทาทายโก, สฺเวว อุปกฺกโม, ตํ สมุฏฺาเปตีติ ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา. เถยฺยา เอว เจตนา เถยฺยเจตนา. ขุทฺทกตาอปฺปคฺฆตาทิวเสน หีเน. มหนฺตตามหคฺฆตาทิวเสน ปณีเต. กสฺมา? วตฺถุหีนตายาติ คมฺยมานตฺตา น วุตฺตํ, หีเน, หีนคุณานํ สนฺตเก จ เจตนา ทุพฺพลา, ปณีเต, ปณีตคุณานํ สนฺตเก ¶ จ พลวตีติ เหฏฺา วุตฺตนเยน เตหิ การเณหิ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา เวทิตพฺพา. อาจริยา ปน หีนปณีตโต ขุทฺทกมหนฺเต วิสุํ คเหตฺวา ‘‘อิธาปิ ขุทฺทเก ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, มหนฺเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย. วตฺถุคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานมุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺชํ, ติพฺพตาย มหาสาวชฺชนฺติ อยมฺปิ นโย โยเชตพฺโพ’’ติ วทนฺติ.
สาหตฺถิกาทโยติ เอตฺถ ปรสนฺตกสฺส สหตฺถา คหณํ สาหตฺถิโก. อฺเ อาณาเปตฺวา คหณํ อาณตฺติโก. อนฺโตสุงฺกฆาเต ิเตน พหิสุงฺกฆาตํ ปาเตตฺวา คหณํ นิสฺสคฺคิโย. ‘‘อสุกํ ภณฺฑํ ยทา สกฺโกสิ, ตทา อวหรา’’ติ อตฺถสาธกาวหารนิปฺผาทเกน, อาณาปเนน วา, ยทา กทาจิ ปรสนฺตกวินาสเกน สปฺปิเตลกุมฺภิอาทีสุ ทุกูลสาฏกจมฺมขณฺฑาทิปกฺขิปนาทินา วา คหณํ ถาวโร. มนฺตปริชปฺปเนน คหณํ วิชฺชามโย. วินา มนฺเตน, กายวจีปโยเคหิ ตาทิสอิทฺธิโยเคน ปรสนฺตกสฺส อากฑฺฒนํ อิทฺธิมโย. กายวจีปโยเคสุ ¶ หิ สนฺเตสุเยว อิทฺธิมโย อวหรณปโยโค โหติ, โน อสนฺเตสุ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อนาปตฺติ ภิกฺขเว, อิทฺธิมสฺส อิทฺธิวิสเย’’ติ (ปารา. ๑๕๙), เต จ โข ปโยคา ยถานุรูปํ ปวตฺตาติ สมฺพนฺโธ. เตสํ ปน ปโยคานํ สพฺเพสํ สพฺพตฺถ อวหาเรสุ อสมฺภวโต ‘‘ยถานุรูป’’นฺติ วุตฺตํ.
สนฺธิจฺเฉทาทีนิ กตฺวา อทิสฺสมาเนน วา, กูฏมานกูฏกหาปณาทีหิ วฺจเนน วา, อวหรณํ เถยฺยาวหาโร. ปสยฺห พลสา อภิภุยฺย สนฺตชฺเชตฺวา, ภยํ ทสฺเสตฺวา วา อวหรณํ ปสยฺหาวหาโร. ปรภณฺฑํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อวหรณํ ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร. ภณฺโฑกาสปริกปฺปวเสน ปริกปฺเปตฺวา อวหรณํ ปริกปฺปาวหาโร. กุสํ สงฺกาเมตฺวา อวหรณํ กุสาวหาโร. อิติ-สทฺเทน เจตฺถ อาทิอตฺเถน, นิทสฺสนนเยน วา อวเสสา จตฺตาโร ปฺจกาปิ คหิตาติ เวทิตพฺพํ. ปฺจนฺนฺหิ ปฺจกานํ สโมธานภูตา ปฺจวีสติ อวหารา สพฺเพปิ อทินฺนาทานเมว, อวิฺตฺติยา วา อริยาย วิฺตฺติยา วา ทินฺนเมวาติ อตฺโถ. ‘‘ทินฺนาทายี’’ติ อิทํ ปโยคโต ปริสุทฺธภาวทสฺสนํ. ‘‘ทินฺนปาฏิกงฺขี’’ติ อิทํ ปน อาสยโตติ อาห ‘‘จิตฺเตนา’’ติอาทิ.
อเถเนนาติ เอตฺถ -สทฺโท น-สทฺทสฺส การิโย, อ-สทฺโท วา เอโก นิปาโต น-สทฺทตฺโถติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เถเนนา’’ติ วุตฺตํ. ปาฬิยํ ทิสฺสมานวากฺยาวตฺถิกวิภตฺติยนฺตปฏิรูปกตากรเณน สทฺธึ สมาสทสฺสนเมตํ. ปกรณาธิคเต ปน อตฺเถ วิเวจิยมาเน อิธ อเถนโตเยว สุจิภูตตา อธิคมียติ อทินฺนาทานาธิการตฺตาติ อาห ‘‘อเถนตฺตาเยว สุจิภูเตนา’’ติ เตน เหตาลงฺการวจนเมตนฺติ ¶ ทสฺเสติ. อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโว. ภควโต ปน โส รุฬฺหิยา ยถา ตํ นิจฺฉนฺทราเคสุ สตฺตโวหาโร. อทติ วา สํสารทุกฺขนฺติ อตฺตา, เตนาห ‘‘อตฺตภาเวนา’’ติ. ปทตฺตเยปิ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนนฺติ าเปตุํ ‘‘อเถนํ…เป… กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อเถเนน อตฺตนา อเถนตฺตา หุตฺวา สุจิภูเตน อตฺตนา สุจิภูตตฺตา หุตฺวา วิหรตีติปิ อตฺโถ.
เสสนฺติ ¶ ‘‘ปหาย ปฏิวิรโต’’ติ เอวมาทิกํ. ตฺหิ ปุพฺเพ วุตฺตนยํ. กิฺจาปิ นยิธ สิกฺขาปทโวหาเรน วิรติ วุตฺตา, อิโต อฺเสุ ปน สุตฺตปเทเสสุ, วินยาภิธมฺเมสุ จ ปวตฺตโวหาเรน วิรติโย, เจตนา จ อธิสีลสิกฺขานมธิฏฺานภาวโต, เตสมฺตรโกฏฺาสภาวโต จ ‘‘สิกฺขาปท’’นฺตฺเวว วตฺตพฺพาติ อาห ‘‘ปมสิกฺขาปเท’’ติ. กามฺเจตฺถ ‘‘ลชฺชี ทยาปนฺโน’’ติ น วุตฺตํ, อธิการวเสน, ปน อตฺถโต จ วุตฺตเมวาติ เวทิตพฺพํ. ยถา หิ ลชฺชาทโย ปาณาติปาตปฺปหานสฺส วิเสสปจฺจโย, เอวํ อทินฺนาทานปฺปหานสฺสาปีติ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ. อถ วา สุจิภูเตนาติ หิโรตฺตปฺปาทิสมนฺนาคมนํ, อหิริกาทีนฺจ ปหานํ วุตฺตเมวาติ ‘‘ลชฺชี ทยาปนฺโน’’ติ น วุตฺตํ.
พฺรหฺม-สทฺโท อิธ เสฏฺวาจโก, อพฺรหฺมานํ นิหีนานํ, อพฺรหฺมํ วา นิหีนํ จริยํ วุตฺติ อพฺรหฺมจริยํ, เมถุนธมฺโม. พฺรหฺมํ เสฏฺํ อาจารนฺติ เมถุนวิรตึ. น อาจรตีติ อนาจารี, [อาราจารี (ที. นิ. ๑.๘)] ตทาจารวิรหิโตติ อตฺโถ, เตนาห ‘‘อพฺรหฺมจริยโต ทูรจารี’’ติ. ทูโร เมถุนสงฺขาโต อาจาโร, โส วิรเหน ยสฺสตฺถีติ ทูรจารี, เมถุนธมฺมโต วา ทูโร หุตฺวา ตพฺพิรตึ อาจรตีติ ทูรจารีติปิ วฏฺฏติ. มิถุนานํ ราคปริยุฏฺาเนน สทิสานํ อุภินฺนํ อยํ เมถุโนติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ราคปริยุฏฺานวเสนา’’ติอาทินา. อสตํ ธมฺโม อาจาโรติ อสทฺธมฺโม, ตสฺมา. อเภทโวหาเรน คามสทฺเทเนว คามวาสิโน คหิตาติ วุตฺตํ ‘‘คามวาสีน’’นฺติ, คาเม วสตํ ธมฺโมติปิ ยุชฺชติ. ‘‘ทูรจารี’’ติ เจตฺถ วจนโต, ปาฬิยํ วา ‘‘เมถุนา’’ ตฺเวว อวตฺวา ‘‘คามธมฺมา’’ติปิ วุตฺตตฺตา
‘‘อิธ พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา สมฺมา พฺรหฺมจารี ปฏิชานมาโน น เหว โข มาตุคาเมน สทฺธึ ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, อปิจ โข มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหนํ สาทิยติ, โส ตํ อสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชติ, อิทมฺปิ โข พฺราหฺมณ พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ ¶ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปิ, อยํ วุจฺจติ พฺราหฺมณ อปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ สํยุตฺโต เมถุเนน สํโยเคน, น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ¶ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ.
ปุน จปรํ…เป… นปิ มาตุคามสฺส อุจฺฉาทนปริมนฺทนนฺหาปนสมฺพาหนํ สาทิยติ, อปิจ โข มาตุคาเมน สทฺธึ สฺชคฺฆติ สํกีฬติ สํเกลายติ…เป… นปิ มาตุคาเมน สทฺธึ สฺชคฺฆติ สํกีฬติ สํเกลายติ, อปิจ โข มาตุคามสฺส จกฺขุนา จกฺขุํ อุปนิชฺฌายติ เปกฺขติ…เป… นปิ มาตุคามสฺส จกฺขุนา จกฺขุํ อุปนิชฺฌายติ เปกฺขติ, อปิจ โข มาตุคามสฺส สทฺทํ สุณาติ ติโรกุฏฺฏํ วา ติโรปาการํ วา หสนฺติยา วา ภณนฺติยา วา คายนฺติยา วา โรทนฺติยา วา…เป… นปิ มาตุคามสฺส สทฺทํ สุณาติ ติโรกุฏฺฏํ วา ติโรปาการํ วา หสนฺติยา วา ภณนฺติยา วา คายนฺติยา วา โรทนฺติยา วา, อปิจ โข ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ มาตุคาเมน สทฺธึ หสิตลปิตกีฬิตานิ, ตานิ อนุสฺสรติ…เป… นปิ ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ มาตุคาเมน สทฺธึ หสิตลปิตกีฬิตานิ, ตานิ อนุสฺสรติ, อปิจ โข ปสฺสติ คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคิภูตํ ปริจารยมานํ…เป… นปิ ปสฺสติ คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคิภูตํ ปริจารยมานํ, อปิจ โข อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’’ติ. โส ตํ อสฺสาเทติ, ตํ นิกาเมติ, เตน จ วิตฺตึ อาปชฺชติ. อิทมฺปิ โข พฺราหฺมณ พฺรหฺมจริยสฺส ขณฺฑมฺปิ ฉิทฺทมฺปิ สพลมฺปิ กมฺมาสมฺปิ. อยํ วุจฺจติ พฺราหฺมณ, อปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรติ สํยุตฺโต เมถุเนน สํโยเคน, น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมาติ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๐) –
องฺคุตฺตราคเม สตฺตกนิปาเต ชาณุโสณิสุตฺเต อาคตา สตฺตวิธเมถุนสํโยคาปิ ปฏิวิรติ ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา. อิธาปิ อสทฺธมฺมเสวนาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา อพฺรหฺมจริยํ ¶ . ปฺจสิกฺขาปทกฺกเม มิจฺฉาจาเร ปน อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนา ยถาวุตฺตา กาเมสุ มิจฺฉาจาโรติ โยเชตพฺพํ.
ตตฺถ ¶ อคมนียฏฺานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตาทโย ทส, ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโย. อิตฺถีสุ ปน ทสนฺนํ ธนกฺกีตาทีนํ, สารกฺขสปริทณฺฑานฺจ วเสน ทฺวาทสนฺนํ อฺเ ปุริสา. เย ปเนเก วทนฺติ ‘‘จตฺตาโร กาเมสุ มิจฺฉาจารา อกาโล, อเทโส, อนงฺโค, อธมฺโม จา’’ติ, เต วิปฺปฏิปตฺติมตฺตํ ปติ ปริกปฺเปตฺวา วทนฺติ. น หิ สาคมนียฏฺาเน ปวตฺตา วิปฺปฏิปตฺติ มิจฺฉาจาโร นาม สมฺภวติ. สา ปเนสา ทุวิธาปิ วิปฺปฏิปตฺติ คุณวิรหิเต อปฺปสาวชฺชา, คุณสมฺปนฺเน มหาสาวชฺชา. คุณรหิเตปิ จ อภิภวิตฺวา วิปฺปฏิปตฺติ มหาสาวชฺชา, อุภินฺนํ สมานจฺฉนฺทภาเว อปฺปสาวชฺชา, สมานจฺฉนฺทภาเวปิ กิเลสานํ, อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺชา, ติพฺพตาย มหาสาวชฺชาติ เวทิตพฺพํ.
ตสฺส ปน อพฺรหฺมจริยสฺส ทฺเว สมฺภารา เสเวตุกามตาจิตฺตํ, มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺตีติ. มิจฺฉาจารสฺส ปน จตฺตาโร สมฺภารา อคมนียวตฺถุ, ตสฺมึ เสวนจิตฺตํ, เสวนาปโยโค, มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติอธิวาสนนฺติ เอวํ อฏฺกถาสุ ‘‘จตฺตาโร สมฺภารา’’ติ (ธ. ส. อกุสลกมฺมปถกถา; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๘๙; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๑๐๙-๑๑๑) วุตฺตตฺตา อภิภวิตฺวา วีติกฺกมเน มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติอธิวาสเน สติปิ ปุริมุปฺปนฺนเสวนาภิสนฺธิปโยคาภาวโต อภิภุยฺยมานสฺส มิจฺฉาจาโร น โหตีติ วทนฺติ เกจิ. เสวนจิตฺเต สติ ปโยคาภาโว น ปมาณํ อิตฺถิยา เสวนปโยคสฺส เยภุยฺเยน อภาวโต, ปุริสสฺเสว เยภุยฺเยน เสวนปโยโค โหตีติ อิตฺถิยา ปุเรตรํ เสวนจิตฺตํ อุปฏฺเปตฺวา นิสินฺนาย [นิปนฺนาย (ธ. ส. อนุฏี. กมฺมกถาวณฺณนา)] มิจฺฉาจาโร น สิยาติ อาปชฺชติ. ตสฺมา ปุริสสฺส วเสน อุกฺกํสโต ‘‘จตฺตาโร สมฺภารา’’ติ วุตฺตํ. อฺถา หิ อิตฺถิยา ปุริสกิจฺจกรณกาเล ปุริสสฺสาปิ เสวนาปโยคาภาวโต มิจฺฉาจาโร น สิยาติ วทนฺติ เอเก.
อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส เสวนาปโยเคเนว เสวนจิตฺตตาสิทฺธิโต อคมนียวตฺถุ, เสวนาปโยโค, มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติอธิวาสนนฺติ ตโย, พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส ปุริมุปฺปนฺนเสวนาภิสนฺธิปโยคาภาวโต อคมนียวตฺถุ, ตสฺมึ เสวนจิตฺตํ ¶ , มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติอธิวาสนนฺติ ตโย, อนวเสสคฺคหเณน ปน วุตฺตนเยน จตฺตาโรติ, ตมฺปิ เกจิเยว วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพนฺติ อภิธมฺมานุฏีกายํ (ธ. ส. อนุฏี. อกุสลกมฺมปถกถาวณฺณนา) วุตฺตํ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกว.
๙. มุสาติ ¶ ตติยนฺโต, ทุติยนฺโต วา นิปาโต มิจฺฉาปริยาโย, กิริยาปธาโนติ อาห ‘‘วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺสา’’ติอาทิ. ปุเร กรณํ ปุเรกฺขาโร, วิสํวาทนสฺส ปุเรกฺขาโร ยสฺสาติ ตถา, ตสฺส กมฺมปถปฺปตฺตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถภฺชนโก’’ติ วุตฺตํ, ปรสฺส หิตวินาสโกติ อตฺโถ. มุสาวาโท ปน สสนฺตกสฺส อทาตุกามตาย, หสาธิปฺปาเยน จ ภวติ. วจสา กตา วายามปฺปธานา กิริยา วจีปโยโค. ตถา กาเยน กตา กายปโยโค. วิสํวาทนาธิปฺปาโย ปุพฺพภาคกฺขเณ, ตงฺขเณ จ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปุพฺเพวสฺส โหติ ‘มุสา ภณิสฺส’นฺติ, ภณนฺตสฺส โหติ ‘มุสา ภณามี’ติ’’ (ปารา. ๒๐๐; ปาจิ. ๔) เอตเทว หิ ทฺวยํ องฺคภูตํ. อิตรํ ‘‘ภณิตสฺส โหติ ‘มุสา มยา ภณิต’นฺติ’’ (ปารา. ๒๐๐; ปาจิ. ๔) วุตฺตํ ปน โหตุ วา, มา วา, อการณเมตํ. อสฺสาติ วิสํวาทกสฺส. ‘‘เจตนา’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. วิสํ วาเทติ เอเตนาติ วิสํวาทนํ, ตเทว กายวจีปโยโค, ตํ สมุฏฺาเปตีติ ตถา, อิมินา มุสาสงฺขาเตน กายวจีปโยเคน, มุสาสงฺขาตํ วา กายวจีปโยคํ วทติ วิฺาเปติ, สมุฏฺาเปติ วา เอเตนาติ มุสาวาโทติ อตฺถมาห. ‘‘วาโท’’ติ วุตฺเต วิสํวาทนจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ ลกฺขณตฺตยํ วิภาวิตเมว โหติ.
‘‘อตถํ วตฺถุ’’นฺติ ลกฺขณํ ปน อวิภาวิตเมว มุสา-สทฺทสฺส ปโยคสงฺขาตกิริยาวาจกตฺตา. ตสฺมา อิธ นเย ลกฺขณสฺส อพฺยาปิตตาย, มุสา-สทฺทสฺส จ วิสํวาทิตพฺพตฺถวาจกตาสมฺภวโต ปริปุณฺณํ กตฺวา มุสาวาทลกฺขณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปโร นโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. ลกฺขณโตติ สภาวโต. ตถาติ เตน ตถากาเรน. กายวจีวิฺตฺติโย สมุฏฺาเปตีติ วิฺตฺติสมุฏฺาปิกา. อิมสฺมึ ปน นเย มุสา วตฺถุ วทียติ วุจฺจติ เอเตนาติ มุสาวาโทติ นิพฺพจนํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘โส ยมตฺถ’’นฺติอาทินา กมฺมปถปฺปตฺตสฺส วตฺถุวเสน อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชภาวมาห. ยสฺส อตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺโช ¶ , มหาคุณตาย มหาสาวชฺโชติ อทินฺนาทาเน วิย คุณวเสนาปิ โยเชตพฺพํ. กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวเสนาปิ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา ลพฺภติเยว.
‘‘อปิจา’’ติอาทินา มุสาวาทสามฺสฺสาปิ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชภาวํ ทสฺเสติ. อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตายาติ, หิ หสาธิปฺปาเยนาติ จ มุสาวาทสามฺโต วุตฺตํ. อุภยตฺถาปิ จ วิสํวาทนปุเรกฺขาเรเนว มุสาวาโท, น ปน วจนมตฺเตน. ตตฺถ ปน เจตนา พลวตี น โหตีติ อปฺปสาวชฺชตา วุตฺตา. นที มฺเติ นที วิย. อปฺปตาย อูนสฺส อตฺถสฺส ปูรณวเสน ปวตฺตา กถา ปูรณกถา, พหุตรภาเวน วุตฺตกถาติ วุตฺตํ โหติ.
เตนากาเรน ¶ ชาโต ตชฺโช, ตสฺส วิสํวาทนสฺส อนุรูโปติ อตฺโถ. วายาโมติ วายามสีเสน ปโยคมาห. วีริยปฺปธานา หิ กายิกวาจสิกกิริยา อิธ อธิปฺเปตา, น วายามมตฺตํ. วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปโยเค กเตปิ อปเรน ตสฺมึ อตฺเถ อวิฺาเต วิสํวาทนสฺส อสิชฺฌนโต ปรสฺส ตทตฺถวิชานนมฺปิ เอกสมฺภารภาเวน วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘อภูตวจนํ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ปรสฺส ตทตฺถวิชานน’’นฺติ ตโย สมฺภาเร วทนฺติ. กายิโกว สาหตฺถิโกติ โกจิ มฺเยฺยาติ ตํ นิวารณตฺถํ ‘‘โส กาเยน วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตาย เจ กิริยาย ปโร ตมตฺถํ ชานาตีติ ตงฺขเณ วา ทนฺธตาย วิจาเรตฺวา ปจฺฉา วา ชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อยนฺติ วิสํวาทโก. กิริยสมุฏฺาปิกเจตนากฺขเณเยวาติ กายิกวาจสิกกิริยสมุฏฺาปิกาย เจตนาย ปวตฺตกฺขเณ เอว. มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌตีติ วิสํวาทนเจตนาสงฺขาเตน มุสาวาทกมฺมุนา สมฺพนฺธียติ, อลฺลียตีติ วา อตฺโถ. สเจปิ ทนฺธตาย วิจาเรตฺวา ปจฺฉา จิเรนาปิ ปโร ตทตฺถํ ชานาติ, สนฺนิฏฺาปกเจตนาย นิพฺพตฺตตฺตา ตงฺขเณเยว พชฺฌตีติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกวา’’ติ อิทํ โปราณฏฺกถาสุ อาคตนเยน วุตฺตนฺติ อิธ สงฺคหฏฺกถาย สงฺคหการสฺส อตฺตโน มติเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ยถา…เป… ตถา’’ติ เอเตน สาหตฺถิโก วิย อาณตฺติกาทโยปิ คเหตพฺพา, อคฺคหเณ การณํ นตฺถิ ปรสฺส วิสํวาทนภาเวน ตสฺสทิสตฺตาติ ทสฺเสติ ¶ , ‘‘อิทมสฺส…เป… อาณาเปนฺโตปี’’ติ อาณตฺติกสฺส คหเณ การณํ, ‘‘ปณฺณํ…เป… นิสฺสชฺชนฺโตปี’’ติ นิสฺสคฺคิยสฺส, ‘‘อยมตฺโถ…เป… เปนฺโตปี’’ติ ถาวรสฺส. ยสฺมา วิสํวาเทตีติ สพฺพตฺถ สมฺพนฺโธ. ปณฺณํ ลิขิตฺวาติ ตาลาทีนํ ปณฺณํ อกฺขเรน ลิขิตฺวา, ปณฺณนฺติ วา ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ติโรกุฏฺฏาทีสู’’ติ [กุฑฺฑาทีสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๘)] ปณฺเณ อกฺขรํ เลขนิยา ลิขิตฺวาติ อตฺโถ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพาติ อตฺตโนมติยา สพฺพทุพฺพลตฺตา อนตฺตุกฺกํสเนน วุตฺตํ. กิฺเหตฺถ วิจาเรตพฺพการณํ อตฺถิ สยเมว วิจาริตตฺตา.
สจฺจนฺติ วจีสจฺจํ, สจฺเจน สจฺจนฺติ ปุริเมน วจีสจฺเจน ปจฺฉิมํ วจีสจฺจํ. ปจฺจยวเสน ธาตุปทนฺตโลปํ สนฺธาย ‘‘สนฺทหตี’’ติ วุตฺตํ. สทฺทวิทู ปน –
‘‘วิปุพฺโพ ธา กโรตฺยตฺเถ, อภิปุพฺโพ ตุ ภาสเน;
นฺยาสํปุพฺโพ ยถาโยคํ, นฺยาสาโรปนสนฺธิสู’’ติ. –
ธา-สทฺทเมว ¶ ฆฏนตฺเถ ปนฺติ. ตสฺมา ปริยายวเสน ‘‘สนฺทหตี’’ติ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ. ตทธิปฺปายํ ทสฺเสติ ‘‘น อนฺตรนฺตรา’’ติอาทินา. ‘‘โย หี’’ติอาทิ ตพฺพิวรณํ. อนฺตริตตฺตาติ อนฺตรา ปริจฺฉินฺนตฺตา. น ตาทิโสติ น เอวํวทนสภาโว. ชีวิตเหตุปิ, ปเคว อฺเหตูติ อปิ-สทฺโท สมฺภาวนตฺโถ.
‘‘สจฺจโต เถตโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙) วิย เถต-สทฺโท ถิรปริยาโย, ถิรภาโว จ สจฺจวาทิตาธิการตฺตา กถาวเสน เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ถิรกโถติ อตฺโถ’’ติ. ถิตสฺส ภาโวติ หิ เถโต, ถิรภาโว, เตน ยุตฺตตฺตา ปุคฺคโล อิธ เถโต นาม. หลิทฺทีติ สุวณฺณวณฺณกนฺทนิปฺผตฺตโก คจฺฉวิเสโส. ถุโส นาม ธฺตฺตโจ, ธฺปลาโส จ. กุมฺภณฺฑนฺติ มหาผโล สูปสมฺปาทโก ลตาวิเสโส. อินฺทขีโล นาม คมฺภีรเนโม เอสิกาถมฺโภ. ยถา หลิทฺทิราคาทโย อนวฏฺิตสภาวตาย น ิตา, เอวํ น ิตา กถา เอตสฺสาติ นิตกโถ [นถิรกโถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๘)] ยถา ปาสาณเลขาทโย อวฏฺิตสภาวตาย ิตา, เอวํ ิตา กถา เอตสฺสาติ ิตกโถติ ¶ [ถิรกโถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๘)] หลิทฺทิราคาทโย ยถา กถาย อุปมาโย โหนฺติ, เอวํ โยเชตพฺพํ. กถาย หิ เอตา อุปมาโยติ.
ปตฺติสงฺขาตา สทฺธา อยติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ ปจฺจยิโกติ อาห ‘‘ปตฺติยายิตพฺพโก’’ติ. ปตฺติยา อยิตพฺพา ปวตฺเตตพฺพาติ ปตฺติยายิตพฺพา ย-การาคเมน, วาจา. สา เอตสฺสาติ ปตฺติยายิตพฺพโก, เตนาห ‘‘สทฺธายิตพฺพโก’’ติ. ตเทวตฺถํ พฺยติเรเกน, อนฺวเยน จ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกจฺโจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ วิสํวาทนโต. อิตรปกฺเข จ อวิสํวาทนโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘โลก’’นฺติ เอเตน ‘‘โลกสฺสา’’ติ เอตฺถ กมฺมตฺเถ ฉฏฺีติ ทสฺเสติ.
สติปิ ปจฺเจกํ ปากฺกเม อฺาสุ อภิธมฺมฏฺกถา ทีสุ (ธ. ส. อฏฺ. อกุสลกมฺมปถกถา; ม. นิ. ๑.๘๙) สํวณฺณนากฺกเมน ติณฺณมฺปิ ปทานํ เอกตฺถสํวณฺณนํ กาตุํ ‘‘ยาย วาจายา’’ติอาทิมาห, ยาย วาจาย กโรตีติ สมฺพนฺโธ. ปรสฺสาติ ยํ ภินฺทิตุํ ตํ วาจํ ภาสติ, ตสฺส. จ-สทฺโท อฏฺานปยุตฺโต, โส ทฺวนฺทคพฺภภาวํ โชเตตุํ กมฺมทฺวเย ปยุชฺชิตพฺโพ. สฺุภาวนฺติ ปิยวิรหิตตาย ริตฺตภาวํ. สาติ ยถาวุตฺตา สทฺทสภาวา วาจา, เอเตน ปิยฺจ สฺฺุจ ปิยสฺุํ, ตํ กโรติ เอตายาติ ปิสุณา นิรุตฺตินเยนาติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ, ปิสตีติ วา ปิสุณา, สมคฺเค สตฺเต อวยวภูเต วคฺคภินฺเน กโรตีติ อตฺโถ.
ผรุสนฺติ ¶ สิเนหาภาเวน ลูขํ. สยมฺปิ ผรุสาติ โทมนสฺสสมุฏฺิตตฺตา สภาเวน สยมฺปิ กกฺกสา. ผรุสสภาวโต เนว กณฺณสุขา. อตฺถวิปนฺนตาย น หทยงฺคมา. เอตฺถ ปน ปมนเย ผรุสํ กโรตีติ วจนตฺเถน วา ผลูปจาเรน วา วาจาย ผรุสสทฺทปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา. ทุติยนเย มมฺมจฺเฉทวเสน ปวตฺติยา เอกนฺตนิฏฺุรตาย รุฬฺหิสทฺทวเสน สภาเวน, การณูปจาเรน วา วาจาย ผรุสสทฺทปฺปวตฺติ ทฏฺพฺพา.
เยนาติ ปลาปสงฺขาเตน นิรตฺถกวจเนน. สมฺผนฺติ ‘‘ส’’นฺติ วุตฺตํ สุขํ, หิตฺจ ผลติ ปหรติ วินาเสตีติ อตฺเถน ‘‘สมฺผ’’นฺติ ลทฺธนามํ อตฺตโน, ปเรสฺจ อนุปการกํ ยํ กิฺจิ อตฺถํ, เตนาห ‘‘นิรตฺถก’’นฺติ, อิมินา สมฺผํ ปลปติ เอเตนาติ สมฺผปฺปลาโปติ วจนตฺถํ ทสฺเสติ.
‘‘เตส’’นฺติอาทินา ¶ เจตนาย ผลโวหาเรน ปิสุณาทิสทฺทปฺปวตฺติ วุตฺตา. ‘‘สา เอวา’’ติอาทินา ปน เจตนาย ปวตฺติปริกปฺปนาย เหตุํ วิภาเวติ. ตตฺถ ‘‘ปหายา’’ติอาทิวจนสนฺนิธานโต ตสฺสาเยว จ ปหาตพฺพตา ยุตฺติโต อธิปฺเปตาติ อตฺโถ.
ตตฺถาติ ตาสุ ปิสุณวาจาทีสุ. สํกิลิฏฺจิตฺตสฺสาติ โลเภน, โทเสน วา วิพาธิตจิตฺตสฺส, อุปตาปิตจิตฺตสฺส วา, ทูสิตจิตฺตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ, ‘‘เจตนา’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ. เยน สห ปเรสํ เภทาย วทติ, ตสฺส อตฺตโน ปิยกมฺยตายาติ อตฺโถ. เจตนา ปิสุณวาจา นาม ปิสุณํ วทนฺติ เอตายาติ กตฺวา. สมาสวิสเย หิ มุขฺยวเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ, พฺยาสวิสเย อุปจารวเสนาติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺส ยโต เภทํ กโรติ, เตสุ อภินฺเนสุ อปฺปสาวชฺชํ, ภินฺเนสุ มหาสาวชฺชํ. ตถา กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวิเสเสสุปิ โยเชตพฺพํ.
ยสฺส เปสฺุํ อุปสํหรติ, โส ภิชฺชตุ วา, มา วา, ตสฺส ตทตฺถวิฺาปนเมว ปมาณนฺติ อาห ‘‘ตสฺส ตทตฺถวิชานน’’นฺติ. เภทปุเรกฺขารตาปิยกมฺยตานเมเกกปกฺขิปเนน จตฺตาโร. กมฺมปถปฺปตฺติ ปน ภินฺเน เอว. อิเมสนฺติ อนิยมตาย ปรมฺมุขาปวตฺตานมฺปิ อตฺตโน พุทฺธิยํ ปริวตฺตมาเน สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เยส’’นฺติอาทิมาห. อิโตติ อิธ ปเทเส, วุตฺตานํ เยสํ สนฺติเก สุตนฺติ โยเชตพฺพํ.
‘‘ทฺวินฺน’’นฺติ นิทสฺสนวจนํ พหูนมฺปิ สนฺธานโต. ‘‘มิตฺตาน’’นฺติอาทิ ‘‘สนฺธาน’’นฺติ เอตฺถ กมฺมํ, เตน ปาฬิยํ ‘‘ภินฺนาน’’นฺติ เอตสฺส กมฺมภาวํ ทสฺเสติ. สนฺธานกรณฺจ นาม เตสมนุรูปกรณเมวาติ ¶ วุตฺตํ ‘‘อนุกตฺตา’’ติ. อนุปฺปทาตาติ อนุพลปฺปทาตา, อนุวตฺตนวเสน วา ปทาตา. กสฺส ปน อนุพลปฺปทานํ, อนุวตฺตนฺจาติ? ‘‘สหิตาน’’นฺติ วุตฺตตฺตา สนฺธานสฺสาติ วิฺายตีติ อาห ‘‘สนฺธานานุปฺปทาตา’’ติ. ยสฺมา ปน อนุพลวเสน, อนุวตฺตนวเสน จ สนฺธานสฺส ปทานํ อาทานํ, รกฺขณํ วา ทฬฺหีกรณํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทฬฺหีกมฺมํ กตฺตา’’ติ. อารมนฺติ เอตฺถาติ อาราโม. รมิตพฺพฏฺานํ สมคฺโคติ หิ ตทธิฏฺานานํ วเสน ตพฺพิเสสนตา วุตฺตา. ‘‘สมคฺเค’’ติปิ ปนฺติ, ตทยุตฺตํ ‘‘ยตฺถา’’ติอาทิวจเนน วิรุทฺธตฺตา. ยสฺมา ปน อากาเรน วินาปิ อยมตฺโถ ลพฺภติ, ตสฺมา ‘‘อยเมเวตฺถ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ สมคฺเคสูติ สมคฺคภูเตสุ ชนกาเยสุ, เตนาห ‘‘เต ปหายา’’ติอาทิ. ตปฺปกติยตฺโถปิ กตฺตุอตฺโถวาติ ทสฺเสติ ¶ ‘‘นนฺทตี’’ติ อิมินา. ตปฺปกติยตฺเถน หิ ‘‘ทิสฺวาปิ สุตฺวาปี’’ติ วจนํ สุปปนฺนํ โหติ. สมคฺเค กโรติ เอตายาติ สมคฺคกรณี. สาเยว วาจา, ตํ ภาสิตาติ อตฺถมาห ‘‘ยา วาจา’’ติอาทินา. ตาย วาจาย สมคฺคกรณํ นาม. ‘‘สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี, สมคฺคานํ ตโป สุโข’’ติอาทินา (ธ. ป. ๑๙๔) สมคฺคานิสํสทสฺสนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘สามคฺคิคุณปริทีปิกเมวา’’ติ. อิตรนฺติ ตพฺพิปรีตํ เภทนิกํ วาจํ.
มมฺมานีติ ทุฏฺารูนิ, ตสฺสทิสตาย ปน อิธ อกฺโกสวตฺถูนิ ‘‘มมฺมานี’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถา หิ ทุฏฺารูสุ เยน เกนจิ วตฺถุนา ฆฏิเตสุ จิตฺตํ อธิมตฺตํ ทุกฺขปฺปตฺตํ โหติ, ตถา เตสุ ทสสุชาติอาทีสุ อกฺโกสวตฺถูสุ ผรุสวาจาย ผุสิตมตฺเตสูติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘มมฺมานิ วิย มมฺมานิ, เยสุ ผรุสวาจาย ฉุปิตมตฺเตสุ ทุฏฺารูสุ วิย ฆฏฺฏิเตสุ จิตฺตํ อธิมตฺตํ ทุกฺขปฺปตฺตํ โหติ, กานิ ปน ตานิ? ชาติอาทีนิ อกฺโกสวตฺถูนี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๙) ‘‘ยสฺส สรีรปฺปเทสสฺส สตฺถาทิปฏิหเนน ภุสํ รุชฺชนํ, โส มมฺมํ นาม. อิธ ปน ยสฺส จิตฺตสฺส ผรุสวาจาวเสน โทมนสฺสสงฺขาตํ ภุสํ รุชฺชนํ, ตํ มมฺมํ วิยาติ มมฺม’’นฺติ อปเร. ตานิ มมฺมานิ ฉิชฺชนฺติ ภิชฺชนฺติ เยนาติ มมฺมจฺเฉทโก, สฺเวว กายวจีปโยโค, ตานิ สมุฏฺาเปตีติ ตถา. เอกนฺตผรุสเจตนา ผรุสา วาจา ผรุสํ วทนฺติ เอตายาติ กตฺวา. ‘‘ผรุสเจตนา’’ อิจฺเจว อวตฺวา ‘‘เอกนฺตผรุสเจตนา’’ติ วจนํ ทุฏฺจิตฺตตาย เอว ผรุสเจตนา อธิปฺเปตา, น ปน สวนผรุสตามตฺเตนาติ าปนตฺถํ. ตสฺสาติ เอกนฺตผรุสเจตนาย เอว. อาวิภาวตฺถนฺติ ผรุสวาจาภาวสฺส ปากฏกรณตฺถํ. ตสฺสาติ วา เอกนฺตผรุสเจตนาย เอว, ผรุสวาจาภาวสฺสาติ อตฺโถ. ตเถวาติ มาตุวุตฺตากาเรเนว, อุฏฺาสิ อนุพนฺธิตุนฺติ อตฺโถ. สจฺจกิริยนฺติ ยํ ‘‘จณฺฑา ตํ มหึสี อนุพนฺธตู’’ติ วจนํ มุเขน กเถสิ, ตํ มาตุจิตฺเต นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ตํ มา โหตุ, ยํ ปน อุปฺปลปตฺตมฺปิ มยฺหํ อุปริ น ปตตู’’ติ ¶ การณํ จิตฺเตน จินฺเตสิ, ตเทว มาตุจิตฺเต อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ตเมว โหตู’’ติ สจฺจกรณํ, กตฺตพฺพสจฺจํ วา. ตตฺเถวาติ อุฏฺานฏฺาเนเยว. พทฺธา วิยาติ โยตฺตาทินา ปริพนฺธิ วิย. เอวํ มมฺมจฺเฉทโกติ เอตฺถ สวนผรุสตามตฺเตน มมฺมจฺเฉทกตา เวทิตพฺพา.
ปโยโคติ ¶ วจีปโยโค. จิตฺตสณฺหตายาติ เอกนฺตผรุสเจตนาย อภาวมาห. ตโตเยว หิ ผรุสวาจา น โหติ กมฺมปถปฺปตฺตา, กมฺมภาวํ ปน น สกฺกา วาเรตุนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘มาตาปิตโร หี’’ติอาทินาปิ ตเทวตฺถํ สมตฺเถติ. เอวํ พฺยติเรกวเสน เจตนาผรุสตาย ผรุสวาจาภาวํ สาเธตฺวา อิทานิ ตเมว อนฺวยวเสน สาเธตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อผรุสา วาจา น โหติ ผรุสา วาจา โหติเยวาติ อตฺโถ สาติ ผรุสวาจา. ยนฺติ ปุคฺคลํ.
เอตฺถาปิ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตา อปฺปสาวชฺชา, อิตรา มหาสาวชฺชา. ตถา กิเลสานํ มุทุติพฺพตาเภเทปิ โยเชตพฺพํ. เกจิ ปน ‘‘ยํ อุทฺทิสฺส ผรุสวาจา ปยุชฺชติ, ตสฺส สมฺมุขาเยว สีสํ เอตี’’ติ วทนฺติ, เอเก ปน ‘‘ปรมฺมุขาปิ ผรุสวาจา โหติเยวา’’ติ. ตตฺถายมธิปฺปาโย ยุตฺโต สิยา, สมฺมุขา ปโยเค อคารวาทีนํ พลวภาวโต สิยา เจตนา พลวตี, ปรสฺส จ ตทตฺถวิชานนํ, น ตถา ปรมฺมุขา. ยถา ปน อกฺโกสิเต มเต อาฬหเน กตา ขมนา อุปวาทนฺตรายํ นิวตฺเตติ, เอวํ ปรมฺมุขา ปยุตฺตาปิ ผรุสวาจา โหติเยวาติ สกฺกา าตุนฺติ, ตสฺมา อุภยตฺถาปิ ผรุสวาจา สมฺภวตีติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ปรสฺส ตทตฺถวิชานนมฺตฺร ตโยว ตสฺสา สมฺภารา อฏฺกถาสุ วุตฺตาติ. กุปิตจิตฺตนฺติ อกฺโกสนาธิปฺปาเยเนว วุตฺตํ, น ปน มรณาธิปฺปาเยน. มรณาธิปฺปาเยน หิ สติ จิตฺตโกเป อตฺถสิทฺธิยา, ตทภาเว จ ยถารหํ ปาณาติปาตพฺยาปาทาว โหนฺติ.
เอลํ วุจฺจติ โทโส อิลติ จิตฺตํ, ปุคฺคโล วา กมฺปติ เอเตนาติ กตฺวา. เอตฺถาติ –
‘‘เนลงฺโค เสตปจฺฉาโท, เอกาโร วตฺตตี รโถ;
อนีฆํ ปสฺส อายนฺตํ, ฉินฺนโสตํ อพนฺธน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๔.๓๔๗; อุทา. ๖๕; เปฏโก. ๒๕); –
อิมิสฺสา อุทานคาถาย. สีลฺเหตฺถ นิทฺโทสตาย ‘‘เนล’’นฺติ วุตฺตํ. เตเนวาห จิตฺโต คหปติ อายสฺมตา กามภูเถเรน ปุฏฺโ สํยุตฺตาคมวเร สฬายตนวคฺเค ‘‘เนลงฺค’’นฺติ โข ภนฺเต สีลานเมตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๗) วาจา นาม สทฺทสภาวา ตํตทตฺถนิพนฺธนาติ ¶ สาทุรสสทิสตฺตา มธุรเมว พฺยฺชนํ, อตฺโถ จ ตพฺภาวโตติ อตฺถเมว สนฺธาย พฺยฺชนมธุรตาย ¶ , อตฺถมธุรตายา’’ติ จ วุตฺตํ. วิเสสนปรนิปาโตปิ หิ โลเก ทิสฺสติ ‘‘อคฺยาหิโต’’ติอาทีสุ. อปิจ อวยวาเปกฺขเน สติ ‘‘มธุรํ พฺยฺชนํ ยสฺสา’’ติอาทินา วตฺตพฺโพ. สุขาติ สุขกรณี, สุขเหตูติ วุตฺตํ โหติ. กณฺณสูลนฺติ กณฺณสงฺกุํ. กณฺณสทฺเทน เจตฺถ โสตวิฺาณปฏิพทฺธตทนุวตฺตกา วิฺาณวีถิโย คหิตา. โวหารกถา เหสา สุตฺตนฺตเทสนา, ตสฺสา วณฺณนา จ, ตถา เจว วุตฺตํ ‘‘สกลสรีเร โกปํ, เปม’’นฺติ จ. น หิ หทยวตฺถุนิสฺสิโต โกโป, เปโม จ สกลสรีเร วตฺตติ. เอส นโย อีทิเสสุ. สุเขน จิตฺตํ ปวิสติ ยถาวุตฺตการณทฺวเยนาติ อตฺโถ, อลุตฺตสมาโส เจส ยถา ‘‘อมตงฺคโต’’ติ. ปุเรติ คุณปาริปุเร, เตนาห ‘‘คุณปริปุณฺณตายา’’ติ. ปุเร สํวฑฺฒา โปรี, ตาทิสา นารี วิยาติ วาจาปิ โปรีติ อตฺถมาห ‘‘ปุเร’’ติอาทินา. สุกุมาราติ สุตรุณา. อุปเมยฺยปกฺเข ปน อผรุสตาย มุทุกภาโว เอว สุกุมารตา. ปุรสฺสาติ เอตฺถ ปุร-สทฺโท ตนฺนิวาสีวาจโก สหจรณวเสน ‘‘คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ วิย, เตเนวาห ‘‘นครวาสีน’’นฺติ. เอสาติ ตํสมฺพนฺธีนิทฺเทสา วาจา. เอวรูปี กถาติ อตฺถตฺตเยน ปกาสิตา กถา. กนฺตาติ กามิตา ตุฏฺา ยถา ‘‘ปกฺกนฺโต’’ติ, มาน-สทฺทสฺส วา อนฺตพฺยปฺปเทโส, กามิยมานาติ อตฺโถ. ยถา ‘‘อนาปตฺติ อสมนุภาสนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๔๑๖, ๔๓๐, ๔๔๑) มนํ อปฺเปติ วฑฺเฒตีติ มนาปา, เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตวุฑฺฒิกรา’’ติ. ตถาการินีติ อตฺโถ. อโต พหุโน ชนสฺสาติ อิธ สมฺพนฺเธ สามิวจนํ, น ตุ ปุริมสฺมึ วิย กตฺตริ.
กามํ เตหิ วตฺตุมิจฺฉิโต อตฺโถ สมฺภวติ, โส ปน อผลตฺตา ภาสิตตฺถปริยาเยน อตฺโถเยว นาม น โหตีติ อาห ‘‘อนตฺถวิฺาปิกา’’ติ. อปิจ ปโยชนตฺถาภาวโต อนตฺถา, วาจา, ตํ วิฺาปิกาติปิ วฏฺฏติ. อกุสลเจตนา สมฺผปฺปลาโป สมฺผํ ปลปนฺติ เอตายาติ กตฺวา. อาเสวนํ ภาวนํ พหุลีกรณํ. ยํ ชนํ คาหาปยิตุํ ปวตฺติโต, เตน อคฺคหิเต อปฺปสาวชฺโช, คหิเต มหาสาวชฺโช. กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวเสนาปิ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา โยเชตพฺพา. ภารตนามกานํ ทฺเวภาตุกราชูนํ ยุทฺธกถา, ทสคิริยกฺเขน สีตาย นาม เทวิยา อาหรณกถา, รามรฺา ปจฺจาหรณกถา ¶ , ยถา ตํ อธุนา พาหิรเกหิ ปริจยิตา สกฺกฏภาสาย คณฺิตา รามปุราณภารตปุราณาทิกถาติ, เอวมาทิกา นิรตฺถกกถา สมฺผปฺปลาโปติ วุตฺตํ ‘‘ภารต…เป… ปุเรกฺขารตา’’ติ.
‘‘กาลวาที’’ติอาทิ สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรตสฺส ปฏิปตฺติสนฺทสฺสนํ ยถา ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๘, ๑๙๔) ปาณาติปาตปฺปหานสฺส ปฏิปตฺติทสฺสนํ. ‘‘ปาณาติปาตํ ¶ ปหาย วิหรตี’’ติ หิ วุตฺเต กถํ ปาณาติปาตปฺปหานํ โหตีติ อเปกฺขาสมฺภวโต ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหตี’’ติ วุตฺตํ. สา ปน วิรติ กถนฺติ อาห ‘‘นิหิตทณฺโฑ นิหิต สตฺโถ’’ติ. ตฺจ ทณฺฑสตฺถนิธานํ กถนฺติ วุตฺตํ ‘‘ลชฺชี’’ติอาทิ. เอวํ อุตฺตรุตฺตรํ ปุริมสฺส ปุริมสฺส อุปายสนฺทสฺสนํ. ตถา อทินฺนาทานาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘กาลวาทีติอาทิ สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรตสฺส ปฏิปตฺติสนฺทสฺสน’’นฺติ. อตฺถสํหิตาปิ หิ วาจา อยุตฺตกาลปโยเคน อตฺถาวหา น สิยาติ อนตฺถวิฺาปนภาวํ อนุโลเมติ, ตสฺมา สมฺผปฺปลาปํ ปชหนฺเตน อกาลวาทิตา ปริวชฺเชตพฺพาติ ทสฺเสตุํ ‘‘กาลวาที’’ติ วุตฺตํ. กาเล วทนฺเตนาปิ อุภยตฺถ อสาธนโต อภูตํ ปริวชฺเชตพฺพนฺติ อาห ‘‘ภูตวาที’’ติ. ภูตฺจ วทนฺเตน ยํ อิธโลกปรโลกหิตสมฺปาทนกํ, ตเทว วตฺตพฺพนฺติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถวาที’’ติ. อตฺถํ วทนฺเตนาปิ น โลกิยธมฺมนิสฺสิตเมว วตฺตพฺพํ, อถ โข โลกุตฺตรธมฺมนิสฺสิตมฺปีติ อาห ‘‘ธมฺมวาที’’ติ. ยถา จ อตฺโถ โลกุตฺตรธมฺมนิสฺสิโต โหติ, ตถา ทสฺสนตฺถํ ‘‘วินยวาที’’ติ วุตฺตํ.
ปาติโมกฺขสํวโร, สติาณขนฺติวีริยสํวโรติ หิ ปฺจนฺนํ สํวรวินยานํ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจนฺนํ ปหานวินยานฺจ วเสน วุจฺจมาโน อตฺโถ นิพฺพานาธิคมเหตุภาวโต โลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิโต โหติ. เอวํ คุณวิเสสยุตฺโต จ อตฺโถ วุจฺจมาโน เทสนาโกสลฺเล สติ โสภติ, กิจฺจกโร จ โหติ, นาฺถาติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา’’ติ วุตฺตํ. อิทานิ ตเมว เทสนาโกสลฺลํ วิภาเวตุํ ‘‘กาเลนา’’ติอาทิมาห. อชฺฌาสยฏฺุปฺปตฺตีนํ, ปุจฺฉาย จ วเสน โอติณฺเณ เทสนาวิสเย เอกํสาทิพฺยากรณวิภาคํ สลฺลกฺเขตฺวา ปนาเหตุทาหรณสํสนฺทนานิ ตํตํกาลานุรูปํ ¶ วิภาเวนฺติยา ปริมิตปริจฺฉินฺนรูปาย คมฺภีรุทานปหูตตฺถวิตฺถารสงฺคาหิกาย เทสนาย ปเร ยถาชฺฌาสยํ ปรมตฺถสิทฺธิยํ ปติฏฺาเปนฺโต ‘‘เทสนากุสโล’’ติ วุจฺจตีติ เอวเมตฺถาปิ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
วตฺตพฺพยุตฺตกาลนฺติ วตฺตพฺพวจนสฺส อนุรูปกาลํ, ตตฺถ วา ปยุชฺชิตพฺพกาลํ. สภาววเสเนว ภูตตาติ อาห ‘‘สภาวเมวา’’ติ. อตฺถํ วทตีติ อตฺถวาที. อตฺถวทนฺจ ตนฺนิสฺสิตวาจากถนเมวาติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺถสนฺนิสฺสิตเมว กตฺวา’’ติ. ธมฺมวาที’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
นิเธติ สนฺนิธานํ กโรติ เอตฺถาติ นิธานํ. ปโนกาโส. ‘‘านวตี’’ติ วุตฺเต ตสฺมึ าเน ¶ เปตุํ ยุตฺตาติปิ อตฺโถ สมฺภวตีติ อาห ‘‘หทเย’’ติอาทิ. นิธานวตีปิ วาจา กาลยุตฺตาว อตฺถาวหา, ตสฺมา ‘‘กาเลนา’’ติ อิทํ ‘‘นิธานวตึ’’ วาจํ ภาสิตา’’ติ เอตสฺสาเปกฺขวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เอวรูปิ’’นฺติอาทินา. อิจฺฉิตตฺถนิพฺพตฺตนตฺถํ อปทิสิตพฺโพ, อปทิสียติ วา อิจฺฉิตตฺโถ อเนนาติ อปเทโส, อุปมา, เหตุทาหรณาทิการณํ วา, เตน สห วตฺตตีติ สาปเทสา, วาจา, เตนาห ‘‘สอุปมํ สการณนฺติ อตฺโถ’’ติ. ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวาติ ยาวตา ปริโยสานํ สมฺภวติ, ตาวตา มริยาทํ ทสฺเสตฺวา, เตน วุตฺตํ ‘‘ยถา…เป… ภาสตี’’ติ. สิขมปฺปตฺตา หิ กถา อตฺถาวหา นาม น โหติ. อตฺถสํหิตนฺติ เอตฺถ อตฺถ-สทฺโท ภาสิตตฺถปริยาโยติ วุตฺตํ ‘‘อเนเกหิปี’’ติอาทิ. ภาสิตตฺโถ จ นาม สทฺทานุสาเรน อธิคโต สพฺโพปิ ปกตฺยตฺถปจฺจยตฺถภาวตฺถาทิโก, ตโตเยว ภควโต วจนํ เอกคาถาปทมฺปิ สงฺเขปวิตฺถาราทิเอกตฺตาทินนฺทิยาวตฺตาทินเยหิ อเนเกหิปิ นิทฺธารณกฺขมตาย ปริยาทาตุมสกฺกุเณยฺยํ อตฺถมาวหตีติ. เอวํ อตฺถสามฺโต สํวณฺเณตฺวา อิจฺฉิตตฺถวิเสสโตปิ สํวณฺเณตุํ ‘‘ยํ วา’’ติอาทิมาห. อตฺถวาทินา วตฺตุมิจฺฉิตตฺโถเยว หิ อิธ คหิโต. นนุ สพฺเพสมฺปิ วจนํ อตฺตนา อิจฺฉิตตฺถสหิตํเยว, กิเมตฺถ วตฺตพฺพํ อตฺถีติ อนฺโตลีนโจทนํ ปริโสเธติ ‘‘น อฺ’’นฺติอาทินา. อฺมตฺถํ ปมํ นิกฺขิปิตฺวา อนนุสนฺธิวเสน ปจฺฉา อฺมตฺถํ น ภาสติ. ยถานิกฺขิตฺตานุสนฺธิวเสเนว ปริโยสาเปตฺวา กเถตีติ อธิปฺปาโย.
๑๐. เอวํ ¶ ปฏิปาฏิยา สตฺตมูลสิกฺขาปทานิ วิภชิตฺวา สติปิ อภิชฺฌาทิปฺปหานสฺส สํวรสีลสงฺคเห อุปริคุณสงฺคหโต, โลกิยปุถุชฺชนาวิสยโต จ อุตฺตริเทสนาย สงฺคหิตุํ ตํ ปริหริตฺวา ปจุรชนปากฏํ อาจารสีลเมว วิภชนฺโต ภควา ‘‘พีชคามภูตคามสมารมฺภา’’ติอาทิมาหาติ ปาฬิยํ สมฺพนฺโธ วตฺตพฺโพ. ตตฺถ วิชายนฺติ วิรุหนฺติ เอเตหีติ พีชานิ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สทิสผลุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต วิรุหนสมตฺถานํ สารผลาทีนเมตํ อธิวจนํ. ภวนฺติ, อหุวุนฺติ จาติ ภูตา, ชายนฺติ วฑฺฒนฺติ ชาตา, วฑฺฒิตา จาติ อตฺโถ. วฑฺฒมานกานํ วฑฺฒิตฺวา, ิตานฺจ รุกฺขคจฺฉาทีนํ ยถากฺกมมธิวจนํ. วิรุฬฺหมูลา หิ นีลภาวํ อาปชฺชนฺตา ตรุณรุกฺขคจฺฉา ชายนฺติ วฑฺฒนฺตีติ วุจฺจนฺติ. วฑฺฒิตฺวา ิตา มหนฺตา รุกฺขคจฺฉา ชาตา วฑฺฒิตาติ. คาโมติ สมูโห, โส จ สุทฺธฏฺกธมฺมราสิ, พีชานํ, ภูตานฺจ ตถาลทฺธสมฺานํ อฏฺธมฺมานํ คาโม, เตเยว วา คาโมติ ตถา. อวยววินิมุตฺตสฺส หิ สมุทายสฺส อภาวโต ทุวิเธนาปิ อตฺเถน เตเยว ติณรุกฺขลตาทโย คยฺหนฺติ.
อปิจ ภูมิยํ ปติฏฺหิตฺวา หริตภาวมาปนฺนา รุกฺขคจฺฉาทโย เทวตา ปริคฺคยฺหนฺติ, ตสฺมา ¶ ภูตานํ นิวาสนฏฺานตาย คาโมติ ภูตคาโมติปิ วทนฺติ, เต สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘มูลพีช’’นฺติอาทิมาห. มูลเมว พีชํ มูลพีชํ. เสเสสุปิ อยํ นโย. ผฬุพีชนฺติ ปพฺพพีชํ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สทิสผลุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต วิรุหนสมตฺเถ สารผเล นิรุฬฺโห พีช-สทฺโท ตทตฺถสิทฺธิยา มูลาทีสุปิ เกสุจิ ปวตฺตตีติ มูลาทิโต นิวตฺตนตฺถํ เอเกน พีช-สทฺเทน วิเสเสตฺวา ‘‘พีชพีช’’นฺติ วุตฺตํ ยถา ‘‘รูปํรูปํ, ทุกฺขทุกฺข’’นฺติ จ. นีลติณรุกฺขาทิกสฺสาติ อลฺลติณสฺส เจว อลฺลรุกฺขาทิกสฺส จ. อาทิ-สทฺเทน โอสธิคจฺฉลตาทโย เวทิตพฺพา. สมารมฺโภ อิธ วิโกปนํ, ตฺจ เฉทนาทิเยวาติ วุตฺตํ ‘‘เฉทนเภทนปจนาทิภาเวนา’’ติ. นนุ จ รุกฺขาทโย จิตฺตรหิตตาย น ชีวา, จิตฺตรหิตตา จ ปริปฺผนฺทนาภาวโต, ฉินฺเน วิรุหนโต, วิสทิสชาติกภาวโต, จตุโยนิอปริยาปนฺนโต จ เวทิตพฺพา. วุฑฺฒิ ปน ปวาฬสิลาลวณาทีนมฺปิ วิชฺชตีติ น เตสํ ชีวตาภาเว การณํ. วิสยคฺคหณฺจ เนสํ ปริกปฺปนามตฺตํ สุปนํ วิย จิฺจาทีนํ, ตถา กฏุกมฺพิลาสาทินา โทหฬาทโย. ตตฺถ กสฺมา พีชคามภูตคามสมารมฺภา ¶ ปฏิวิรติ อิจฺฉิตาติ? สมณสารุปฺปโต, ตนฺนิสฺสิตสตฺตานุกมฺปนโต จ. เตเนวาห อาฬวกานํ รุกฺขจฺเฉทนาทิวตฺถูสุ ‘‘ชีวสฺิโน หิ โมฆปุริสา มนุสฺสา รุกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิ (ปารา. ๘๙).
เอกํ ภตฺตํ เอกภตฺตํ, ตมสฺส อตฺถิ เอกสฺมึ ทิวเส เอกวารเมว ภฺุชนโตติ เอกภตฺติโก. ตยิทํ เอกภตฺตํ กทา ภฺุชิตพฺพนฺติ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปาตราสภตฺต’’นฺติอาทิ, ทฺวีสุ ภตฺเตสุ ปาตราสภตฺตํ สนฺธายาหาติ อธิปฺปาโย. ปาโต อสิตพฺพนฺติ ปาตราสํ. สายํ อสิตพฺพนฺติ สายมาสํ, ตเทว ภตฺตํ ตถา. เอก-สทฺโท เจตฺถ มชฺฌนฺหิกกาลปริจฺเฉทภาเวน ปยุตฺโต, น ตทนฺโตคธวารภาเวนาติ ทสฺเสติ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทินา.
รตฺติยา โภชนํ อุตฺตรปทโลปโต รตฺติสทฺเทน วุตฺตํ, ตทฺธิตวเสน วา ตถาเยวาธิปฺปายสมฺภวโต, เตนาห ‘‘รตฺติยา’’ติอาทิ. อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกา อยํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โภชนสฺส กาโล นาม, ตทฺโ วิกาโล. ตตฺถ ทุติยปเทน รตฺติโภชนสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา อปรนฺโหว อิธ วิกาโลติ ปาริเสสนเยน ตติยปทสฺส อตฺถํ ทีเปตุํ ‘‘อติกฺกนฺเต มชฺฌนฺหิเก’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภาวสาธโน เจตฺถ โภชน-สทฺโท อชฺโฌหรณตฺถวาจโกติ ทีเปติ ‘‘ยาว สูริยตฺถงฺคมนา โภชน’’นฺติ อิมินา. กสฺส ปน ตทชฺโฌหรณนฺติ? ยามกาลิกาทีนมนฺุาตตฺตา, วิกาลโภชนสทฺทสฺส จ ยาวกาลิกชฺโฌหรเณเยว นิรุฬฺหตฺตา ‘‘ยาวกาลิกสฺสา’’ติ วิฺายติ. อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถาวเสโส อาจริยานํ นโย – ภฺุชิตพฺพฏฺเน โภชนํ, ยาคุภตฺตาทิ สพฺพํ ยาวกาลิกวตฺถุ ¶ . ยถา จ ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ เอตฺถ รตฺติโภชนํ รตฺติสทฺเทน วุจฺจติ, เอวเมตฺถ โภชนชฺโฌหรณํ โภชนสทฺเทน. วิกาเล โภชนํ วิกาลโภชนํ, ตโต วิกาลโภชนา. วิกาเล ยาวกาลิกวตฺถุสฺส อชฺโฌหรณาติ อตฺโถติ. อีทิสา คุณวิภูติ น พุทฺธกาเลเยวาติ อาห ‘‘อโนมานทีตีเร’’ติอาทิ. อยํ ปน ปาฬิยํ อนุสนฺธิกฺกโม – เอกสฺมึ ทิวเส เอกวารเมว ภฺุชนโต ‘‘เอกภตฺติโก’’ติ วุตฺเต รตฺติโภชโนปิ สิยาติ ¶ ตนฺนิวารณตฺถํ ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ วุตฺตํ. เอวํ สติ สายนฺหโภชีปิ เอกภตฺติโก สิยาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘วิรโต วิกาลโภชนา’’ติ วุตฺตนฺติ.
สงฺเขปโต ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓; เนตฺติ. ๓๐, ๕๐, ๑๑๖, ๑๒๔) นยปฺปวตฺตํ ภควโต สาสนํ สฉนฺทราคปฺปวตฺติโต นจฺจาทีนํ ทสฺสนํ นานุโลเมตีติ อาห ‘‘สาสนสฺส อนนุโลมตฺตา’’ติ. วิสุจติ สาสนํ วิชฺฌติ อนนุโลมิกภาเวนาติ วิสูกํ, ปฏิวิรุทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺร อุปมํ ทสฺเสติ ‘‘ปฏาณีภูต’’นฺติ อิมินา, ปฏาณีสงฺขาตํ กีลํ วิย ภูตนฺติ อตฺโถ. ‘‘วิสูก’’นฺติ เอตสฺส ปฏาณีภูตนฺติ อตฺถมาหาติปิ วทนฺติ. อตฺตนา ปโยชิยมานํ, ปเรหิ ปโยชาปิยมานฺจ นจฺจํ นจฺจภาวสามฺโต ปาฬิยํ เอเกเนว นจฺจสทฺเทน สามฺนิทฺเทสนเยน คหิตํ, เอกเสสนเยน วา. ตถา คีตวาทิตสทฺเทหิ คายนคายาปนวาทนวาทาปนานีติ อาห ‘‘นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสนา’’ติ. สุทฺธเหตุตาโชตนวเสน หิ ทฺวาธิปฺปายิกา เอเต สทฺทา. นจฺจฺจ คีตฺจ วาทิตฺจ วิสูกทสฺสนฺจ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนํ, สมาหารวเสเนตฺถ เอกตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ยถาปาํ วากฺยาวตฺถิกนฺตวจเนน สห สมุจฺจยสมาสทสฺสนตฺถํ ‘‘นจฺจา จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอวํ สพฺพตฺถ อีทิเสสุ. (ทสฺสนวิสเย มยูรนจฺจาทิปฏิกฺขิปเนน นจฺจาปนวิสเยปิ ปฏิกฺขิปนํ ทฏฺพฺพํ) ‘‘นจฺจาทีนิ หี’’ติอาทินา ยถาวุตฺตตฺถสมตฺถนํ. ทสฺสเนน เจตฺถ สวนมฺปิ สงฺคหิตํ วิรูเปกเสสนเยน, ยถาสกํ วา วิสยสฺส อาโลจนสภาวตาย ปฺจนฺนํ วิฺาณานํ สวนกิริยายปิ ทสฺสนสงฺเขปสมฺภวโต ‘‘ทสฺสนา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ปฺจหิ วิฺาเณหิ น กิฺจิ ธมฺมํ ปฏิชานาติ อฺตฺร อตินิปาตมตฺตา’’ติ.
‘‘วิสูกภูตา ทสฺสนา จา’’ติ เอเตน อวิสูกภูตสฺส ปน คีตสฺส สวนํ กทาจิ วฏฺฏตีติ ทสฺเสติ. ตถา หิ วุตฺตํ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปาฏฺกถาย ‘‘ธมฺมูปสํหิตมฺปิ เจตฺถ คีตํ น วฏฺฏติ, คีตูปสํหิโต ปน ธมฺโม วฏฺฏตี’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. ปจฺฉิมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) กตฺถจิ ปน น-การวิปริยาเยน ปาโ ทิสฺสติ. อุภยตฺถาปิ จ ¶ คีโต เจ ธมฺมานุโลมตฺถปฏิสํยุตฺโตปิ น วฏฺฏติ, ธมฺโม เจ คีตสทฺทปฏิสํยุตฺโตปิ วฏฺฏตีติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. ‘‘น ภิกฺขเว, คีตสฺสเรน ¶ ธมฺโม คายิตพฺโพ, โย คาเยยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๑๔๙) หิ เทสนาย เอว ปฏิกฺเขโป, น สวนาย. อิมสฺส จ สิกฺขาปทสฺส วิสุํ ปฺาปนโต วิฺายติ ‘‘คีตสฺสเรน เทสิโตปิ ธมฺโม น คีโต’’ติ. ยฺจ สกฺกปฺหสุตฺตวณฺณนายํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสทฺทํ นิทฺธรนฺเตน ‘‘ยํ ปน อตฺถนิสฺสิตํ ธมฺมนิสฺสิตํ กุมฺภทาสิคีตมฺปิ สุณนฺตสฺส ปสาโท วา อุปฺปชฺชติ, นิพฺพิทา วา สณฺาติ, เอวรูโป สทฺโท เสวิตพฺโพ’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๖๕) วุตฺตํ, ตํ อสมาทานสิกฺขาปทสฺส เสวิตพฺพตามตฺตปริยาเยน วุตฺตํ. สมาทานสิกฺขาปทสฺส หิ เอวรูปํ สุณนฺตสฺส สิกฺขาปทสํวรํ ภิชฺชติ คีตสทฺทภาวโตติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ วินยฏฺกถาสุ วุตฺตํ ‘‘คีตนฺติ นฏาทีนํ วา คีตํ โหตุ, อริยานํ ปรินิพฺพานกาเล รตนตฺตยคุณูปสํหิตํ สาธุกีฬนคีตํ วา, อสํยตภิกฺขูนํ ธมฺมภาณกคีตํ วา, อนฺตมโส ทนฺตคีตมฺปิ, ยํ ‘‘คายิสฺสามา’’ติ ปุพฺพภาเค โอกูชิตํ กโรนฺติ, สพฺพเมตํ คีตํ นามา’’ติ (ปาจิ. อฏฺ. ๘๓๕; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๓๔.๒๕).
กิฺจาปิ มาลา-สทฺโท โลเก พทฺธปุปฺผวาจโก, สาสเน ปน รุฬฺหิยา อพทฺธปุปฺเผสุปิ วฏฺฏติ, ตสฺมา ยํ กิฺจิ ปุปฺผํ พทฺธมพทฺธํ วา, ตํ สพฺพํ ‘‘มาลา’’ ตฺเวว ทฏฺพฺพนฺติ อาห ‘‘ยํ กิฺจิ ปุปฺผ’’นฺติ. ‘‘ยํ กิฺจิ คนฺธ’’นฺติ เจตฺถ วาสจุณฺณธูปาทิกํ วิเลปนโต อฺํ ยํ กิฺจิ คนฺธชาตํ. วุตฺตตฺถํ วิย หิ วุจฺจมานตฺถมนฺตเรนาปิ สทฺโท อตฺถวิเสสวาจโก. ฉวิราคกรณนฺติ วิเลปเนน ฉวิยา รฺชนตฺถํ ปิสิตฺวา ปฏิยตฺตํ ยํ กิฺจิ คนฺธจุณฺณํ. ปิฬนฺธนํ ธารณํ. อูนฏฺานปูรณํ มณฺฑนํ. คนฺธวเสน, ฉวิราควเสน จ สาทิยนํ วิภูสนํ. ตเทวตฺถํ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน ทีเปติ ‘‘ตตฺถ ปิฬนฺธนฺโต’’ติอาทินา. ตถา เจว มชฺฌิมฏฺกถายมฺปิ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๔๗) วุตฺตํ, ปรมตฺถโชติกายํ ปน ขุทฺทกปาฏฺกถายํ ‘‘มาลาทีสุ ธารณาทีนิ ยถาสงฺขฺยํ โยเชตพฺพานี’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. ปจฺฉิมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ตตฺถาปิ โยเชนฺเตน ยถาวุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพานิ. กึ ปเนตํ การณนฺติ อาห ‘‘ยายา’’ติอาทิ. ยาย ทุสฺสีลฺยเจตนาย กโรติ, สา อิธ การณํ. ‘‘ตโต ปฏิวิรโต’’ติ หิ อุภยตฺถ สมฺพนฺธิตพฺพํ, เอเตเนว ‘‘มาลา…เป… วิภูสนานํ านํ, มาลา…เป… วิภูสนาเนว วา าน’’นฺติ สมาสมฺปิ ทสฺเสติ. ตทาการปฺปวตฺโต ¶ เจตนาทิธมฺโมเยว หิ ธารณาทิกิริยา. ตตฺถ จ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมานํ การณํ สหชาตาโทปการกโต, ปธานโต จ. ‘‘เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย มนสา’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) หิ ¶ วุตฺตํ. ธารณาทิภูตา เอว จ เจตนา านนฺติ. าน-สทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ทฺวนฺทปทโต สุยฺยมานตฺตา.
อุจฺจาติ อุจฺจสทฺเทน อการนฺเตน สมานตฺถํ อาการนฺตํ เอกํ สทฺทนฺตรํ อจฺจุคฺคตวาจกนฺติ อาห ‘‘ปมาณาติกฺกนฺต’’นฺติ. เสติ เอตฺถาติ สยนํ, มฺจาทิ. สมณสารุปฺปรหิตตฺตา, คหฏฺเหิ จ เสฏฺสมฺมตตฺตา อกปฺปิยปจฺจตฺถรณํ ‘‘มหาสยน’’นฺติ อิธาธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อกปฺปิยตฺถรณ’’นฺติ วุตฺตํ. นิสีทนํ ปเนตฺถ สยเนเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยสฺมา ปน อาธาเร ปฏิกฺขิตฺเต ตทาธารกิริยาปิ ปฏิกฺขิตฺตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺจาสยนมหาสยนา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. อตฺถโต ปน ตทุปโภคภูตนิสชฺชานิปชฺชเนหิ วิรติ ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพํ. อถ วา ‘‘อุจฺจาสยนมหาสยนา’’ติ เอส นิทฺเทโส เอกเสสนเยน ยถา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑) เอตสฺมิมฺปิ วิกปฺเป อาสนปุพฺพกตฺตา สยนกิริยาย สยนคฺคหเณเนว อาสนมฺปิ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. กิริยาวาจกอาสนสยนสทฺทโลปโต อุตฺตรปทโลปนิทฺเทโสติปิ วินยฏีกายํ (วิ. วิ. ฏี. ๒.๑๐๖) วุตฺตํ.
ชาตเมว รูปมสฺส น วิปฺปการนฺติ ชาตรูปํ, สตฺถุวณฺณํ. รฺชียติ เสตวณฺณตาย, รฺชนฺติ วา เอตฺถ สตฺตาติ รชตํ ยถา ‘‘เนสํ ปทกฺกนฺต’’นฺติ. ‘‘จตฺตาโร วีหโย คฺุชา, ทฺเว คฺุชา มาสโก ภเว’’ติ วุตฺตลกฺขเณน วีสติมาสโก นีลกหาปโณ วา ทุทฺรทามกาทิโก วา ตํตํเทสโวหารานุรูปํ กโต กหาปโณ. โลหาทีหิ กโต โลหมาสกาทิโก. เย โวหารํ คจฺฉนฺตีติ ปริยาทานวจนํ. โวหารนฺติ จ กยวิกฺกยวเสน สพฺโพหารํ. อฺเหิ คาหาปเน, อุปนิกฺขิตฺตสาทิยเน จ ปฏิคฺคหณตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘น อุคฺคณฺหาเปติ น อุปนิกฺขิตฺตํ สาทิยตี’’ติ. อถ วา ติวิธํ ปฏิคฺคหณํ กาเยน วาจาย มนสา. ตตฺถ กาเยน ปฏิคฺคหณํ อุคฺคหณํ. วาจาย ปฏิคฺคหณํ อุคฺคหาปนํ. มนสา ปฏิคฺคหณํ สาทิยนํ. ติวิธมฺเปตํ ปฏิคฺคหณํ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสสนเยน วา คเหตฺวา ปฏิคฺคหณาติ วุตฺตนฺติ อาห ¶ ‘‘เนว นํ อุคฺคณฺหาตี’’ติอาทิ. เอส นโย อามกธฺปฏิคฺคหณาติอาทีสุปิ.
นีวาราทิอุปธฺสฺส สาลิยาทิมูลธฺนฺโตคธตฺตา ‘‘สตฺตวิธสฺสาปี’’ติ วุตฺตํ. สฏฺิทินปริปาโก สุกธฺวิเสโส สาลิ นาม สลียเต สีลาฆเตติ กตฺวา. ทพฺพคุณปกาเส ปน –
‘‘อถ ¶ ธฺํ ติธา สาลิ-สฏฺิกวีหิเภทโต;
สาลโย เหมนฺตา ตตฺร, สฏฺิกา คิมฺหชา อปิ;
วีหโย ตฺวาสฬฺหาขฺยาตา, วสฺสกาลสมุพฺภ วา’’ติ. –
วุตฺตํ. วหติ, พฺรูเหติ วา สตฺตานํ ชีวิตนฺติ วีหิ, สสฺสํ. ยุวิตพฺโพ มิสฺสิตพฺโพติ ยโว. โส หิ อติลูขตาย อฺเน มิสฺเสตฺวา ปริภฺุชียติ. คุธติ ปริเวธติ ปลิพุทฺธตีติ โคธูโม, ยํ ‘‘มิลกฺขโภชน’’นฺติปิ วทนฺติ. โสภนตฺตา กมนียภาวํ คจฺฉตีติ กงฺคุ, อติสุขุมธฺวิเสโส. วรียติ อติลูขตาย นิวารียติ, ขุทฺทาปฏิวินยนโต วา ภชียตีติ วรโก. โกรํ รุธิรํ ทูสตีติ กุทฺรูสโก, วณฺณสงฺกมเนน โย ‘‘โควฑฺฒโน’’ติปิ วุจฺจติ. ตานิ สตฺตปิ สปฺปเภทา นิธาเน โปสเน สาธุตฺเตน ‘‘ธฺานี’’ติ วุจฺจนฺติ. ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทินา สมฺปฏิจฺฉนํ, ปรามสนฺจ อิธ ปฏิคฺคหณสทฺเทน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. เอวมีทิเสสุ. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) วุตฺตตฺตา อิทํ ปฺจวิธมฺปิ เภสชฺชํ โอทิสฺส อนฺุาตํ นาม. ตสฺส ปน ‘‘กาเล ปฏิคฺคหิต’’นฺติ วุตฺตตฺตา ปฏิคฺคหณํ วฏฺฏตีติ อาห ‘‘อฺตฺร โอทิสฺส อนฺุาตา’’ติ. มํส-สทฺเทน มจฺฉานมฺปิ มํสํ คหิตํ เอวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อามกมํสมจฺฉาน’’นฺติ วุตฺตํ, ติโกฏิปริสุทฺธํ มจฺฉมํสํ อนฺุาตํ อทิฏฺํ, อสุตํ, อปริสงฺกิตนฺติ วา ปโยคสฺส ทสฺสนโต วิรูเปกเสสนโย ทสฺสิโต อเนนาติ เวทิตพฺพํ.
กามํ โลกิยา –
‘‘อฏฺวสฺสา ภเว โครี, ทสวสฺสา ตุ กฺกา;
สมฺปตฺเต ทฺวาทสวสฺเส, กุมารีติภิธียเต’’ติ. –
วทนฺติ ¶ . อิธ ปน ปุริสนฺตรคตาคตวเสน อิตฺถิกุมาริกาเภโทติ อาห ‘‘อิตฺถีติ ปุริสนฺตรคตา’’ติอาทิ. ทาสิทาสวเสเนวาติ ทาสิทาสโวหารวเสเนว. เอวํ วุตฺเตติ ตาทิเสน กปฺปิยวจเนน วุตฺเต. วินยฏฺกถาสุ อาคตวินิจฺฉยํ สนฺธาย ‘‘วินยวเสนา’’ติ วุตฺตํ. โส กุฏิการสิกฺขาปทวณฺณนาทีสุ (ปารา. อฏฺ. ๓๖๔) คเหตพฺโพ.
พีชํ ขิปนฺติ เอตฺถ, ขิตฺตํ วา พีชํ ตายตีติ เขตฺตํ, เกทาโรติ อาห ‘‘ยสฺมึ ปุพฺพณฺณํ รุหตี’’ติ. อปรณฺณสฺส ปุพฺเพ ปวตฺตมนฺนํ ปุพฺพณฺณํ น-การสฺส ณ-การํ กตฺวา, สาลิอาทิ ¶ . วสนฺติ ปติฏฺหนฺติ อปรณฺณานิ เอตฺถาติ วตฺถูติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘วตฺถุ นามา’’ติอาทินา. ปุพฺพณฺณสฺส อปรํ ปวตฺตมนฺนํ อปรณฺณํ วุตฺตนเยน. เอวํ อฏฺกถานยานุรูปํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘เขตฺตํ นาม ยตฺถ ปุพฺพณฺณํ วา อปรณฺณํ วา ชายตี’’ติ (ปารา. ๑๐๔) วุตฺตวินยปาฬินยานุรูปมฺปิ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยตฺถ วา’’ติอาทิมาห. ตทตฺถายาติ เขตฺตตฺถาย. อกตภูมิภาโคติ อปริสงฺขโต ตทุทฺเทสิโก ภูมิภาโค. ‘‘เขตฺตวตฺถุ สีเสนา’’ติอาทินา นิทสฺสนมตฺตเมตนฺติ ทสฺเสติ. อาทิ-สทฺเทน โปกฺขรณีกูปาทโย สงฺคหิตา.
ทูตสฺส อิทํ, ทูเตน วา กาตุมรหตีติ ทูเตยฺยํ. ปณฺณนฺติ เลขสาสนํ. สาสนนฺติ มุขสาสนํ. ฆรา ฆรนฺติ อฺสฺมา ฆรา อฺํ ฆรํ. ขุทฺทกคมนนฺติ ทูเตยฺยคมนโต อปฺปตรคมนํ, อนทฺธานคมนํ รสฺสคมนนฺติ อตฺโถ. ตทุภเยสํ อนุยฺุชนํ อนุโยโคติ อาห ‘‘ตทุภยกรณ’’นฺติ. ตสฺมาติ ตทุภยกรณสฺเสว อนุโยคภาวโต.
กยนํ กโย, ปรมฺปรา คเหตฺวา อตฺตโน ธนสฺส ทานํ. กี-สทฺทฺหิ ทพฺพวินิมเย ปนฺติ วิกฺกยนํ วิกฺกโย, ปมเมว อตฺตโน ธนสฺส ปเรสํ ทานนฺติ วทนฺติ. สารตฺถทีปนิยาทีสุ ปน ‘‘กย’’นฺติ ปรภณฺฑสฺส คหณํ. วิกฺกยนฺติ อตฺตโน ภณฺฑสฺส ทาน’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๕๙๔) วุตฺตํ. ตเทว ‘‘กยิตฺจ โหติ ปรภณฺฑํ อตฺตโน หตฺถคตํ กโรนฺเตน, วิกฺกีตฺจ อตฺตโน ภณฺฑํ ปรหตฺถคตํ กโรนฺเตนา’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๕๑๕) วินยฏฺกถาวจเนน สเมติ. วฺจนํ มายากรณํ, ปฏิภานกรณวเสน อุปายกุสลตาย ปรสนฺตกคฺคหณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตุลา นาม ยาย ตุลียติ ปมียติ, ตาย ¶ กูฏํ ‘‘ตุลากูฏ’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปน กโรนฺโต ตุลาย รูปองฺคคหณาการปฏิจฺฉนฺนสณฺานวเสน กโรตีติ จตุพฺพิธตา วุตฺตา. อตฺตนา คเหตพฺพํ ภณฺฑํ ปจฺฉาภาเค, ปเรสํ ทาตพฺพํ ปุพฺพภาเค กตฺวา มิเนนฺตีติ อาห ‘‘คณฺหนฺโต ปจฺฉาภาเค’’ติอาทิ. อกฺกมติ นิปฺปีฬติ, ปุพฺพภาเค อกฺกมตีติ สมฺพนฺโธ. มูเล รชฺชุนฺติ ตุลาย มูเล โยชิตํ รชฺชุํ. ตถา อคฺเค. ตนฺติ อยจุณฺณํ.
กนติ ทิพฺพตีติ กํโส, สุวณฺณรชตาทิมยา โภชนปานปตฺตา. อิธ ปน โสวณฺณมเย ปานปตฺเตติ อาห ‘‘สุวณฺณปาตี’’ติ. ตาย วฺจนนฺติ นิกติวเสน วฺจนํ. ‘‘ปติรูปกํ ทสฺเสตฺวา ปรสนฺตกคหณฺหิ นิกติ, ปฏิภานกรณวเสน ปน อุปายกุสลตาย วฺจน’’นฺติ นิกติวฺจนํ เภทโต กณฺหชาตกฏฺกถาทีสุ (ชา. อฏฺ. ๔.๑๐.๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๑๔๙; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๑๖๕; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๘ อตฺถโต สมานํ) วุตฺตํ ¶ , อิธ ปน ตทุภยมฺปิ ‘‘วฺจน’’มิจฺเจว. ‘‘กถ’’นฺติอาทินา หิ ปติรูปกํ ทสฺเสตฺวา ปรสนฺตกคหณเมว วิภาเวติ. สมคฺฆตรนฺติ ตาสํ ปาตีนํ อฺมฺํ สมกํ อคฺฆวิเสสํ. ปาสาเณติ ภูตาภูตภาวสฺชานนเก ปาสาเณ. ฆํสเนเนว สุวณฺณภาวสฺาปนํ สิทฺธนฺติ ‘‘ฆํสิตฺวา’’ตฺเวว วุตฺตํ.
หทยนฺติ นาฬิอาทิมินนภาชนานํ อพฺภนฺตรํ, ตสฺมึ เภโท ฉิทฺทกรณํ หทยเภโท. ติลาทีนํ นาฬิอาทีหิ มินนกาเล อุสฺสาปิตา สิขาเยว สิขา, ตสฺสา เภโท หาปนํ สิขาเภโท.
รชฺชุยา เภโท วิสมกรณํ รชฺชุเภโท. ตานีติ สปฺปิเตลาทีนิ. อนฺโตภาชเนติ ปมํ นิกฺขิตฺตภาชเน. อุสฺสาเปตฺวาติ อุคฺคมาเปตฺวา, อุทฺธํ ราสึ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ฉินฺทนฺโตติ อปเนนฺโต.
กตฺตพฺพกมฺมโต อุทฺธํ โกฏนํ ปฏิหนนํ อุกฺโกฏนํ. อภูตการีนํ ลฺชคฺคหณํ, น ปน ปุน กมฺมาย อุกฺโกฏนมตฺตนฺติ อาห ‘‘อสฺสามิเก…เป… คฺคหณ’’นฺติ. อุปาเยหีติ การณปติรูปเกหิ. ตตฺราติ ตสฺมึ วฺจเน. ‘‘วตฺถุ’’นฺติ อวตฺวา ‘‘เอกํ วตฺถุ’’นฺติ วทนฺโต อฺานิปิ อตฺถิ พหูนีติ ทสฺเสติ. อฺานิปิ หิ สสวตฺถุอาทีนิ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตานิ. มิคนฺติ มหนฺตํ มิคํ. เตน หีติ มิคคฺคหเณ อุยฺโยชนํ, เยน วา การเณน ‘‘มิคํ เม เทหี’’ติ อาห, เตน การเณนาติ อตฺโถ. หิ-สทฺโท ¶ นิปาตมตฺตํ. โยควเสนาติ วิชฺชาชปฺปนาทิปโยควเสน. มายาวเสนาติ มนฺตชปฺปนํ วินา อภูตสฺสาปิ ภูตาการสฺาปนาย จกฺขุโมหนมายาย วเสน. ยาย หิ อมณิอาทโยปิ มณิอาทิอากาเรน ทิสฺสนฺติ. ปามงฺโค นาม กุลาจารยุตฺโต อาภรณวิเสโส, ยํ โลเก ‘‘ยฺโปวิตฺต’’นฺติ วทนฺติ. วกฺกลิตฺเถราปทาเนปิ วุตฺตํ –
‘‘ปสฺสเถตํ มาณวกํ, ปีตมฏฺนิวาสนํ;
เหมยฺโปวิตฺตงฺคํ, ชนเนตฺตมโนหร’’นฺติ. (อป. ๒.๕๔.๔๐);
ตทฏฺกถายมฺปิ ‘‘ปีตมฏฺนิวาสนนฺติ สิลิฏฺสุวณฺณวณฺณวตฺเถ นิวตฺถนฺติ อตฺโถ. เหมยฺโปวิตฺตงฺคนฺติ สุวณฺณปามงฺคลคฺคิตคตฺตนฺติ อตฺโถ’’ติ (อป. อฏฺ. ๒.๕๔.๔๐) สวนํ สนํ สาวิ, อนุชุกตา, เตนาห ‘‘กุฏิลโยโค’’ติ, ชิมฺหตาโยโคติ อตฺโถ. ‘‘เอเตสํเยวา’’ติอาทินา ¶ ตุลฺยาธิกรณตํ ทสฺเสติ. ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ ลทฺธคุณทสฺสนํ. เย ปน จตุนฺนมฺปิ ปทานํ ภินฺนาธิกรณตํ วทนฺติ, เตสํ วาทมาห ‘‘เกจี’’ติอาทินา. ตตฺถ ‘‘เกจี’’ติ สารสมาสการกา อาจริยา, อุตฺตรวิหารวาสิโน จ, เตสํ ตํ น ยุตฺตํ วฺจเนน สงฺคหิตสฺเสว ปุน คหิตตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘ตํ ปนา’’ติอาทินา.
มารณนฺติ มุฏฺิปหารกสาตาฬนาทีหิ หึสนํ วิเหนํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ตุ ปาณาติปาตํ. วิเหนตฺเถปิ หิ วธ-สทฺโท ทิสฺสติ ‘‘อตฺตานํ วธิตฺวา วธิตฺวา โรเทยฺยา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๘๐) มารณ-สทฺโทปิ อิธ วิเหเนเยว วตฺตตีติ ทฏฺพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘ปุพฺเพ ปาณาติปาตํ ปหายา’ติอาทีสุ สยํกาโร, อิธ ปรํกาโร’’ติ วทนฺติ, ตํ น สกฺกา ตถา วตฺตุํ ‘‘กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา, ฉ ปโยคา’’ติ จ วุตฺตตฺตา. ยถา หิ อปฺปฏิคฺคาหภาวสามฺเปิ สติ ปพฺพชิเตหิ อปฺปฏิคฺคหิตพฺพวตฺถุวิเสสภาวสนฺทสฺสนตฺถํ อิตฺถิกุมาริทาสิทาสาทโย วิภาเคน วุตฺตา. ยถา จ ปรสนฺตกสฺส หรณภาวโต อทินฺนาทานภาวสามฺเปิ สติ ตุลากูฏาทโย อทินฺนาทานวิเสสภาวสนฺทสฺสนตฺถํ วิภาเคน วุตฺตา, น เอวํ ปาณาติปาตปริยายสฺส วธสฺส ปุน คหเณ ปโยชนํ อตฺถิ ตถาวิภชิตพฺพสฺสาภาวโต, ตสฺมา ยถาวุตฺโตเยวตฺโถ สุนฺทรตโรติ.
วิปราโมโสติ ¶ วิเสเสน สมนฺตโต ภุสํ โมสาปนํ มุยฺหนกรณํ, เถนนํ วา. เถยฺยํ โจริกา โมโสติ หิ ปริยาโย. โส การณวเสน ทุวิโธติ อาห ‘‘หิมวิปราโมโส’’ติอาทิ. มุสนฺตีติ โจเรนฺติ, โมเสนฺติ วา มุยฺหนํ กโรนฺติ, โมเสตฺวา เตสํ สนฺตกํ คณฺหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ยนฺติ จ ตสฺสา กิริยาย ปรามสนํ. มคฺคปฺปฏิปนฺนํ ชนนฺติ ปรปกฺเขปิ อธิกาโร. อาโลปนํ วิลุมฺปนํ อาโลโป. สหสา กรณํ สหสากาโร. สหสา ปวตฺติตา สาหสิกา, สาว กิริยา ตถา.
เอตฺตาวตาติ ‘‘ปาณาติปาตํ ปหายา’’ติอาทินา ‘‘สหสาการา ปฏิวิรโต’’ติ ปริโยสาเนน เอตปฺปริมาเณน ปาเน. อนฺตรเภทํ อคฺคเหตฺวา ปาฬิยํ ยถารุตมาคตวเสเนว ฉพฺพีสติสิกฺขาปทสงฺคหเมตํ สีลํ เยภุยฺเยน สิกฺขาปทานมวิภตฺตตฺตา จูฬสีลํ นามาติ อตฺโถ. เทสนาวเสน หิ อิธ จูฬมชฺฌิมาทิภาโว เวทิตพฺโพ, น ธมฺมวเสน. ตถา หิ อิธสงฺขิตฺเตน อุทฺทิฏฺานํ สิกฺขาปทานํ อวิภตฺตานํ วิภชนวเสน มชฺฌิมสีลเทสนา ปวตฺตา, เตเนวาห ‘‘มชฺฌิมสีลํ วิตฺถาเรนฺโต’’ติ.จูฬสีลวณฺณนา นิฏฺิตา.
มชฺฌิมสีลวณฺณนา
๑๑. ‘‘ยถา ¶ วา ปเนเก โภนฺโต’’ติอาทิเทสนาย สมฺพนฺธมาห ‘‘อิทานี’’ติอาทินา. ตตฺถายมฏฺกถามุตฺตโก นโย – ยถาติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. วาติ วิกปฺปนตฺเถ, เตน อิมมตฺถํ วิกปฺเปติ ‘‘อุสฺสาหํ กตฺวา มม วณฺณํ วทมาโนปิ ปุถุชฺชโน ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทินา ปรานุทฺเทสิกนเยน วา สพฺพถาปิ อาจารสีลมตฺตเมว วเทยฺย, น ตทุตฺตรึ. ‘‘ยถาปเนเก โภนฺโต สมณพฺราหฺมณภาวํ ปฏิชานมานา, ปเรหิ จ ตถา สมฺภาวิยมานา ตทนุรูปปฏิปตฺตึ อชานนโต, อสมตฺถนโต จ น อภิสมฺภุณนฺติ, น เอวมยํ. อยํ ปน สมโณ โคตโม สพฺพถาปิ สมณสารุปฺปปฏิปตฺตึ ปูเรสิเยวา’’ติ เอวํ อฺุทฺเทสิกนเยน วา สพฺพถาปิ อาจารสีลมตฺตเมว วเทยฺย, น ตทุตฺตรินฺติ. ปนาติ ¶ วจนาลงฺกาเร วิกปฺปนตฺเถเนว อุปนฺยาสาทิอตฺถสฺส สิชฺฌนโต. เอเกติ อฺเ. ‘‘เอกจฺเจ’’ติปิ วทนฺติ. โภนฺโตติ สาธูนํ ปิยสมุทาหาโร. สาธโว หิ ปเร ‘‘โภนฺโต’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วา ‘‘อายสฺมนฺโต’’ติ วา สมาลปนฺติ. สมณพฺราหฺมณาติ ยํ กิฺจิ ปพฺพชฺชํ อุปคตตาย สมณา. ชาติมตฺเตน จ พฺราหฺมณาติ.
สทฺธา นาม อิธ จตุพฺพิเธสุ าเนสูติ อาห ‘‘กมฺมฺจา’’ติอาทิ. กมฺมกมฺมผลสมฺพนฺเธเนว อิธโลกปรโลกสทฺทหนํ ทฏฺพฺพํ ‘‘เอตฺถ กมฺมํ วิปจฺจติ, กมฺมผลฺจ อนุภวิตพฺพ’’นฺติ. ตทตฺถํ พฺยติเรกโต าเปติ ‘‘อยํ เม’’ติอาทินา. ปฏิกริสฺสตีติ ปจฺจุปการํ กริสฺสติ. ตเทว สมตฺเถตุํ ‘‘เอวํทินฺนานิ หี’’ติอาทิมาห. เทสนาสีสมตฺตํ ปธานํ กตฺวา นิทสฺสนโต. เตน จตุพฺพิธมฺปิ ปจฺจยํ นิทสฺเสตีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต ปนา’’ติอาทิ.
‘‘เสยฺยถิท’’นฺติ อยํ สทฺโท ‘‘โส กตโม’’ติ อตฺเถ เอโก นิปาโต, นิปาตสมุทาโย วา, เตน จ พีชคามภูตคามสมารมฺภปเท สทฺทกฺกเมน อปฺปธานภูโตปิ พีชคามภูตคาโม วิภชฺชิตพฺพฏฺาเน ปธานภูโต วิย ปฏินิทฺทิสียติ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม อฺโ อตฺถกฺกโมติ อาห ‘‘กตโม โส พีชคามภูตคาโม’’ติ. ตสฺมิฺหิ วิภตฺเต ตพฺพิสยสมารมฺโภปิ วิภตฺโตว โหติ. อิมมตฺถฺหิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส สมารมฺภํ อนุยุตฺตา วิหรนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เตเนว จ ปาฬิยํ ‘‘มูลพีช’’นฺติอาทินา โส นิทฺทิฏฺโติ. มูลเมว พีชํ มูลพีชํ, มูลํ พีชํ เอตสฺสาติปิ มูลพีชนฺติ อิธ ทฺวิธา อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อโต น โจเทตพฺพเมตํ ‘‘กสฺมา ปเนตฺถ พีชคามภูตคามํ ปุจฺฉิตฺวา พีชคาโม เอว วิภตฺโต’’ติ. ตตฺถ หิ ปเมน อตฺเถน พีชคาโม นิทฺทิฏฺโ, ทุติเยน ภูตคาโม, ทุวิโธเปส สามฺนิทฺเทเสน ¶ วา มูลพีชฺจ มูลพีชฺจ มูลพีชนฺติ เอกเสสนเยน วา นิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ, เตเนว วกฺขติ ‘‘สพฺพฺเหต’’นฺติอาทึ. อตีว วิสติ เภสชฺชปโยเคสูติ อติวิสํ, อติวิสา วา, ยา ‘‘มโหสธ’’นฺติปิ วุจฺจติ กจฺฉโกติ กาฬกจฺฉโก, ยํ ‘‘ปิลกฺโข’’ติปิ วทนฺติ. กปิตฺถโนติ อมฺพิลงฺกุรผโล เสตรุกฺโข. โส หิ กมฺปติ จลตีติ กปิถโน ถนปจฺจเยน, กปีติ วา มกฺกโฏ, ตสฺส ¶ ถนสทิสํ ผลํ ยสฺสาติ กปิตฺถโน. ‘‘กปิตฺถโนติ ปิปฺปลิรุกฺโข’’ติ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๐๘) หิ วิสุทฺธิมคฺคฏีกายํ วุตฺตํ. ผฬุพีชํ นาม ปพฺพพีชํ. อชฺชกนฺติ เสตปณฺณาสํ. ผณิชฺชกนฺติ สมีรณํ. หิริเวรนฺติ วารํ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สทิสผลุปฺปตฺติยา วิเสสการณภาวโต วิรุหนสมตฺเถ สารผเล นิรุฬฺโห พีชสทฺโทติ ทสฺเสติ ‘‘วิรุหนสมตฺถเมวา’’ติ อิมินา. อิตรฺหิ อพีชสงฺขฺยํ คตํ, ตฺจ โข รุกฺขโต วิโยชิตเมว. อวิโยชิตํ ปน ตถา วา โหตุ, อฺถา วา ‘‘ภูตคาโม’’ตฺเวว วุจฺจติ ยถาวุตฺเตน ทุติยฏฺเน. วินยา (ปาจิ. ๙๑) นุรูปโต เตสํ วิเสสํ ทสฺเสติ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา. ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว.
๑๒. สนฺนิธานํ สนฺนิธิ, ตาย กรียเตติ สนฺนิธิกาโร, อนฺนปานาทิ. เอวํ การ-สทฺทสฺส กมฺมตฺถตํ สนฺธาย ‘‘สนฺนิธิการปริโภค’’นฺติ วุตฺตํ. อยมปโร นโย – ยถา ‘‘อาจยํ คามิโน’’ติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลเปน ‘‘อาจยคามิโน’’ติ (ธ. ส. ๑๐) นิทฺเทโส กโต, เอวมิธาปิ ‘‘สนฺนิธิการํ ปริโภค’’นฺติ วตฺตพฺเพ อนุนาสิกโลเปน ‘‘สนฺนิธิการปริโภค’’นฺติ วุตฺตํ, สนฺนิธึ กตฺวา ปริโภคนฺติ อตฺโถ. วินยวเสนาติ วินยาคตาจารวเสน. วินยาคตาจาโร หิ อุตฺตรโลเปน ‘‘วินโย’’ติ วุตฺโต, กายวาจานํ วา วินยนํ วินโย. สุตฺตนฺตนยปฏิปตฺติยา วิสุํ คหิตตฺตา วินยาจาโรเยว อิธ ลพฺภติ. สมฺมา กิเลเส ลิขตีติ สลฺเลโขติ จ วินยาจารสฺส วิสุํ คหิตตฺตา สุตฺตนฺตนยปฏิปตฺติ เอว. ปฏิคฺคหิตนฺติ กาเยน วา กายปฏิพทฺเธน วา ปฏิคฺคหิตํ. อปรชฺชูติ อปรสฺมึ ทิวเส. ทตฺวาติ ปริวตฺตนวเสน ทตฺวา. ปาเปตฺวาติ จ อตฺตโน สนฺตกกรเณน ปาเปตฺวา. เตสมฺปิ สนฺตกํ วิสฺสาสคฺคาหาทิวเสน ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏติ. สุตฺตนฺตนยวเสน สลฺเลโข เอว น โหติ.
ยานิ จ เตสํ อนุโลมานีติ เอตฺถ สานุโลมธฺรสํ, มธุกปุปฺผรสํ, ปกฺกฑากรสฺจ เปตฺวา อวเสสา สพฺเพปิ ผลปุปฺผปตฺตรสา อนุโลมปานานีติ ทฏฺพฺพํ, ยถาปริจฺเฉทกาลํ อนธิฏฺิตํ อวิกปฺปิตนฺติ อตฺโถ.
สนฺนิธียเตติ ¶ สนฺนิธิ, วตฺถเมว. ปริยายติ กปฺปียตีติ ปริยาโย, กปฺปิยวาจานุสาเรน ¶ ปฏิปตฺติ, ตสฺส กถาติ ปริยายกถา. ตพฺพิปรีโต นิปฺปริยาโย, กปฺปิยมฺปิ อนุปคฺคมฺม สนฺตุฏฺิวเสน ปฏิปตฺติ, ปริยาย-สทฺโท วา การเณ, ตสฺมา กปฺปิยการณวเสน วุตฺตา กถา ปริยายกถา. ตทปิ อวตฺวา สนฺตุฏฺิวเสน วุตฺตา นิปฺปริยาโย. ‘‘สเจ’’ติอาทิ อฺสฺส ทานาการทสฺสนํ. ปาฬิยา อุทฺทิสนํ อุทฺเทโส. อตฺถสฺส ปุจฺฉา ปริปุจฺฉนํ. ‘‘อทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อิมินา อทาเน สลฺเลขโกปนํ ทสฺเสติ. อปฺปโหนฺเตติ กาตุํ อปฺปโหนเก สติ. ปจฺจาสายาติ จีวรปฏิลาภาสาย. อนฺุาตกาเลติ อนตฺถเต กถิเน เอโก ปจฺฉิมกตฺติกมาโส, อตฺถเต กถิเน ปจฺฉิมกตฺติกมาเสน สห เหมนฺติกา จตฺตาโร มาสา, ปิฏฺิสมเย โย โกจิ เอโก มาโสติ เอวํ ตติยกถินสิกฺขาปทาทีสุ อนฺุาตสมเย. สุตฺตนฺติ จีวรสิพฺพนสุตฺตํ. วินยกมฺมํ กตฺวาติ มูลจีวรํ ปริกฺขารโจฬํ อธิฏฺหิตฺวา ปจฺจาสาจีวรเมว มูลจีวรํ กตฺวา เปตพฺพํ, ตํ ปุน มาสปริหารํ ลภติ, เอเตน อุปาเยน ยาว อิจฺฉติ, ตาว อฺมฺํ มูลจีวรํ กตฺวา เปตุํ ลพฺภตีติ วุตฺตนเยน, วิกปฺปนาวเสน วา วินยกมฺมํ กตฺวา. กสฺมา น วฏฺฏตีติ อาห ‘‘สนฺนิธิ จ โหติ สลฺเลขฺจ โกเปตี’’ติ.
อุปริ มณฺฑปสทิสํ ปทรจฺฉนฺนํ, สพฺพปลิคุณฺิมํ วา ฉาเทตฺวา กตํ วยฺหํ. อุโภสุ ปสฺเสสุ สุวณฺณรชตาทิมยา โคปานสิโย ทตฺวา ครุฬปกฺขกนเยน กตา สนฺทมานิตา. ผลกาทินา กตํ ปีกยานํ สิวิกา. อนฺโตลิกาสงฺขาตา ปฏโปฏลิกา ปาฏงฺกี. ‘‘เอกภิกฺขุสฺส หี’’ติอาทิ ตทตฺถสฺส สมตฺถนํ. อรฺตฺถายาติ อรฺคมนตฺถาย. โธตปาทกตฺถายาติ โธวิตปาทานมนุรกฺขณตฺถาย. สํหนิตพฺพา พนฺธิตพฺพาติ สงฺฆาฏา, อุปาหนาเยว สงฺฆาฏา ตถา, ยุคฬภูตา อุปาหนาติ อตฺโถ. อฺสฺส ทาตพฺพาติ เอตฺถ วุตฺตนเยน ทานํ เวทิตพฺพํ.
มฺโจติ นิทสฺสนมตฺตํ. สพฺเพปิ หิ ปีภิสาทโย นิสีทนสยนโยคฺคา คเหตพฺพา เตสุปิ ตถาปฏิปชฺชิตพฺพโต.
อาพาธปจฺจยา เอว อตฺตนา ปริภฺุชิตพฺพา คนฺธา วฏฺฏนฺตีติ ทสฺเสติ ‘‘กณฺฑุกจฺฉุฉวิโทสาทิอาพาเธ สตี’’ติ อิมินา. ‘‘ลกฺขเณ หิ สติ เหตุตฺโถปิ กตฺถจิ สมฺภวตี’’ติ เหฏฺา วุตฺโตเยว. ตตฺถ กณฺฑูติ ¶ ขชฺชุ. กจฺฉูติ วิตจฺฉิกา. ฉวิโทโสติ กิลาสาทิ. อาหราเปตฺวาติ าติปวาริตโต ภิกฺขาจารวตฺเตน วา น เยน เกนจิ วา อากาเรน หราเปตฺวา. เภสชฺชปจฺจเยหิ คิลานสฺส วิฺตฺติปิ วฏฺฏติ. ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว ¶ , คนฺธํ คเหตฺวา กวาเฏ ปฺจงฺคุลิกํ ทาตุํ, ปุปฺผํ คเหตฺวา วิหาเร เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๖๔) วจนโต ‘‘ทฺวาเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. ฆรธูปนํ วิหารวาสนา, เจติยฆรวาสนา วา. อาทิ-สทฺเทน เจติยปฏิมาปูชาทีนิ สงฺคณฺหาติ.
กิเลเสหิ อามสิตพฺพโต อามิสํ, ยํ กิฺจิ อุปโภคารหํ วตฺถุ, ตสฺมา ยถาวุตฺตานมฺปิ ปสงฺคํ นิวาเรตุํ ‘‘วุตฺตาวเสสํ ทฏฺพฺพ’’นฺติ อาห, ปาริเสสนยโต คหิตตฺตา วุตฺตาวเสสํ ทฏฺพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. กึ ปเนตนฺติ วุตฺตํ ‘‘เสยฺยถิท’’นฺติอาทิ. ตถารูเป กาเลติ คามํ ปวิสิตุํ ทุกฺกราทิกาเล. วลฺลูโรติ สุกฺขมํสํ. ภาชน-สทฺโท สปฺปิเตลคุฬสทฺเทหิ โยเชตพฺโพ ตทวินาภาวิตฺตา. กาลสฺเสวาติ ปเคว. อุทกกทฺทเมติ อุทเก จ กทฺทเม จ. นิมิตฺเต เจตํ ภุมฺมํ, ภาวลกฺขเณ วา. อจฺฉถาติ นิสีทถ. ภฺุชนฺตสฺเสวาติ ภฺุชโต เอว ภิกฺขุโน, สมฺปทานวจนํ, อนาทรตฺเถ วา สามิวจนํ. กิริยนฺตราวจฺเฉทนโยเคน เหตฺถ อนาทรตา. คีวายามกนฺติ ภาวนปุํสกวจนํ, คีวํ อายเมตฺวา อายตํ กตฺวาติ อตฺโถ, ยถา วา ภุตฺเต อติภุตฺตตาย คีวา อายมิตพฺพา โหติ, ตถาติปิ วฏฺฏติ. จตุมาสมฺปีติ วสฺสานสฺส จตฺตาโร มาเสปิ. กุฏุมฺพํ วุจฺจติ ธนํ, ตทสฺสตฺถีติ กุฏุมฺพิโก, มุณฺโฑ จ โส กุฏุมฺพิโก จาติ มุณฺฑกุฏุมฺพิโก, ตสฺส ชีวิกํ ตถา, ตํ กตฺวา ชีวตีติ อตฺโถ. นยทสฺสนมตฺตฺเจตํ อามิสปเทน ทสฺสิตานํ สนฺนิธิวตฺถูนนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ตพฺพิรหิตํ สมณปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภิกฺขุโน ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘คุฬปิณฺโฑ ตาลปกฺกปฺปมาณ’’นฺติ สารตฺถทีปนิยํ วุตฺตํ. จตุภาคมตฺตนฺติ กุฏุมฺพมตฺตนฺติ วุตฺตํ. ‘‘เอกา ตณฺฑุลนาฬี’’ติ วุตฺตตฺตา ปน ตสฺสา จตุภาโค เอกปตฺโถติ วทนฺติ. วุตฺตฺจ –
‘‘กุฑุโว ปสโต เอโก, ปตฺโถ เต จตุโร สิยุํ;
อาฬฺหโก จตุโร ปตฺถา, โทณํ วา จตุราฬฺหก’’นฺติ.
กสฺมาติ ¶ วุตฺตํ ‘‘เต หี’’ติอาทิ. อาหราเปตฺวาปิ เปตุํ วฏฺฏติ, ปเคว ยถาลทฺธํ. ‘‘อผาสุกกาเล’’ติอาทินา สุทฺธจิตฺเตน ปิตสฺส ปริโภโค สลฺเลขํ น โกเปตีติ ทสฺเสติ. สมฺมุติกุฏิกาทโย จตสฺโส, อวาสาคารภูเตน วา อุโปสถาคาราทินา สห ปฺจกุฏิโย สนฺธาย ‘‘กปฺปิยกุฏิย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สนฺนิธิ นาม นตฺถิ ตตฺถ อนฺโตวุตฺถอนฺโตปกฺกสฺส อนฺุาตตฺตา. ‘‘ตถาคตสฺสา’’ติอาทินา อธิการานุรูปํ อตฺถํ ปโยเชติ. ปิโลติกขณฺฑนฺติ ชิณฺณโจฬขณฺฑํ.
๑๓. ‘‘คีวํ ¶ ปสาเรตฺวา’’ติ เอเตน สยเมว อาปาถคมเน โทโส นตฺถีติ ทสฺเสติ. เอตฺตกมฺปีติ วินิจฺฉยวิจารณา วตฺถุกิตฺตนมฺปิ. ปโยชนมตฺตเมวาติ ปทตฺถโยชนมตฺตเมว. ยสฺส ปน ปทสฺส วิตฺถารกถํ วินา น สกฺกา อตฺโถ วิฺาตุํ, ตตฺถ วิตฺถารกถาปิ ปทตฺถสงฺคหเมว คจฺฉติ.
กุตูหลวเสน เปกฺขิตพฺพโต เปกฺขํ, นฏสตฺถวิธินา ปโยโค. นฏสมูเหน ปน ชนสมูเห กตฺตพฺพวเสน ‘‘นฏสมฺมชฺช’’นฺติ วุตฺตํ. ชนานํ สมฺมทฺเท สมูเห กตนฺติ หิ สมฺมชฺชํ. สารสมาเส ปน ‘‘เปกฺขามห’’นฺติปิ วทนฺติ, ‘‘สมฺมชฺชทสฺสนุสฺสว’’นฺติ เตสํ มเต อตฺโถ. ภารตนามกานํ ทฺเวภาตุกราชูนํ, รามรฺโ จ ยุชฺฌนาทิกํ ตปฺปสุเตหิ อาจิกฺขิตพฺพโต อกฺขานํ. คนฺตุมฺปิ น วฏฺฏติ, ปเคว ตํ โสตุํ. ปาณินา ตาฬิตพฺพํ สรํ ปาณิสฺสรนฺติ อาห ‘‘กํสตาฬ’’นฺติ, โลหมโย ตูริยชาติวิเสโส กํโส, โลหมยปตฺโต วา, ตสฺส ตาฬนสทฺทนฺติ อตฺโถ. ปาณีนํ ตาฬนสรนฺติ อตฺถํ สนฺธาย ปาณิตาฬนฺติปิ วทนฺติ. ฆนสงฺขาตานํ ตูริยวิเสสานํ ตาฬนํ ฆนตาฬํ นาม, ทณฺฑมยสมฺมตาฬํ สิลาตลากตาฬํ วา. มนฺเตนาติ ภูตาวิสนมนฺเตน. เอเกติ สารสมาสาจริยา, อุตฺตรวิหารวาสิโน จ, ยถา เจตฺถ, เอวมิโต ปเรสุปิ ‘‘เอเก’’ติ อาคตฏฺาเนสุ. เต กิร ทีฆนิกายสฺสตฺถวิเสสวาทิโน. จตุรสฺสอมฺพณกตาฬํ นาม รุกฺขสารทณฺฑาทีสุ เยน เกนจิ จตุรสฺสอมฺพณํ กตฺวา จตูสุ ปสฺเสสุ ธมฺเมน โอนทฺธิตฺวา วาทิตภณฺฑสฺส ตาฬนํ. ตฺหิ เอกาทสโทณปฺปมาณมานวิเสสสณฺานตฺตา ‘‘อมฺพณก’’นฺติ วุจฺจติ, พิมฺพิสกนฺติปิ ตสฺเสว นามํ. ตถา กุมฺภสณฺานตาย กุมฺโภ, ฆโฏเยว วา, ตสฺส ธุนนนฺติ ขุทฺทกภาณกา. อพฺโภกฺกิรณํ รงฺคพลิกรณํ. เต หิ นจฺจฏฺาเน เทวตานํ พลิกรณํ นาม กตฺวา กีฬนฺติ, ยํ ‘‘นนฺที’’ติปิ วุจฺจติ ¶ . อิตฺถิปุริสสํโยคาทิกิเลสชนกํ ปฏิภานจิตฺตํ โสภนกรณโต โสภนกรํ นาม. ‘‘โสภนฆรก’’นฺติ สารสมาเส วุตฺตํ. จณฺฑาย อลนฺติ จณฺฑาลํ, อโยคุฬกีฬา. จณฺฑาลา นาม หีนชาติกา สุนขมํสโภชิโน, เตสํ อิทนฺติ จณฺฑาลํ. สาเณ อุทเกน เตเมตฺวา อฺมฺํ อาโกฏนกีฬา สาณโธวนกีฬา. วํเสน กตํ กีฬนํ วํสนฺติ อาห ‘‘เวฬุํ อุสฺสาเปตฺวา กีฬน’’นฺติ.
นิขณิตฺวาติ ภูมิยํ นิขาตํ กตฺวา. นกฺขตฺตกาเลติ นกฺขตฺตโยคฉณกาเล. ตมตฺถํ องฺคุตฺตราคเม ทสกนิปาตปาฬิยา (อ. นิ. ๑๐.๑๐๖) สาเธนฺโต ‘‘วุตฺตมฺปิเจต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถาติ ตสฺมึ อฏฺิโธวเน. อินฺทชาเลนาติ อฏฺิโธวนมนฺตํ ปริชปฺเปตฺวา ยถา ปเร อฏฺีนิเยว ปสฺสนฺติ, น มํสาทีนิ, เอวํ มํสาทีนมนฺตรธาปนมายาย. อินฺทสฺส ¶ ชาลมิว หิ ปฏิจฺฉาทิตุํ สมตฺถนโต ‘‘อินฺทชาล’’นฺติ มายา วุจฺจติ อินฺทจาปาทโย วิย. อฏฺิโธวนนฺติ อฏฺิโธวนกีฬา.
หตฺถิอาทีหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตุนฺติ หตฺถิอาทีสุ อภิรุหิตฺวา อฺเหิ สทฺธึ ยุชฺฌนํ, หตฺถิอาทีหิ จ สทฺธึ สยเมว ยุชฺฌนํ สนฺธาย วุตฺตํ, หตฺถิอาทีหิ สทฺธึ อฺเหิ ยุชฺฌิตุํ, สยํ วา ยุชฺฌิตุนฺติ หิ อตฺโถ. เตติ หตฺถิอาทโย. อฺมฺํ มเถนฺติ วิโลเถนฺตีติ มลฺลา, พาหุยุทฺธการกา, เตสํ ยุทฺธํ. สมฺปหาโรติ สงฺคาโม. พลสฺส เสนาย อคฺคํ คณนโกฏฺาสํ กโรนฺติ เอตฺถาติ พลคฺคํ, ‘‘เอตฺตกา หตฺถี, เอตฺตกา อสฺสา’’ติอาทินา พลคณนฏฺานํ. เสนํ วิยูหนฺติ เอตฺถ วิภชิตฺวา เปนฺติ, เสนาย วา เอตฺถ พฺยูหนํ วินฺยาโสติ เสนาพฺยูโห, ‘‘อิโต หตฺถี โหนฺตุ, อิโต อสฺสา โหนฺตู’’ติอาทินา ยุทฺธตฺถํ จตุรงฺคพลาย เสนาย เทสวิเสเสสุ วิจารณฏฺานํ, ตํ ปน เภทโต สกฏพฺยูหาทิวเสน. อาทิ-สทฺเทน จกฺกปทุมพฺยูหานํ ทณฺฑโภคมณฺฑลาสํหตพฺยูหานฺจ คหณํ, ‘‘ตโย หตฺถี ปจฺฉิมํ หตฺถานีกํ, ตโย อสฺสา ปจฺฉิมํ อสฺสานีกํ, ตโย รถา ปจฺฉิมํ รถานีกํ, จตฺตาโร ปุริสา สรหตฺถา ปตฺตี ปจฺฉิมํ ปตฺตานีก’’นฺติ (ปาจิ. ๓๒๔ อุยฺโยธิกสิกฺขาปเท) กณฺฑวิทฺธสิกฺขาปทสฺส ปทภาชนํ สนฺธาย ‘‘ตโย…เป…อาทินา นเยน วุตฺตสฺสา’’ติ อาห. ตฺจ โข ‘‘ทฺวาทสปุริโส หตฺถี, ติปุริโส อสฺโส, จตุปุริโส ¶ รโถ, จตฺตาโร ปุริสา สรหตฺถา ปตฺตี’’ติ (ปาจิ. ๓๑๔ อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปเท) วุตฺตลกฺขณโต หตฺถิอาทิคณเนนาติ ทฏฺพฺพํ, เอเตน จ ‘‘ฉ หตฺถินิโย, เอโก จ หตฺถี อิทเมก’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๒๔๕) จมฺมกฺขนฺธกวณฺณนายํ วุตฺตมนีกํ ปฏิกฺขิปติ.
๑๔. การณํ นาม ผลสฺส านนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปมาโท…เป… าน’’นฺติ. ปทานีติ สารีอาทีนํ ปติฏฺานานิ. อฏฺาปทนฺติ สฺาย ทีฆตา. ‘‘อฏฺปท’’นฺติปิ ปนฺติ. ทสปทํ นาม ทฺวีหิ ปนฺตีติ วีสติยา ปเทหิ กีฬนชูตํ. อฏฺปททสปเทสูติ อฏฺปททสปทผลเกสุ. อากาเสเยว กีฬนนฺติ ‘‘อยํ สารี อสุกปทํ มยา นีตา, อยํ อสุกปท’’นฺติ เกวลํ มุเขเนว วทนฺตานํ อากาเสเยว ชูตสฺส กีฬนํ. นานาปถมณฺฑลนฺติ อเนกวิหิตสารีมคฺคปริวฏฺฏํ. ปริหริตพฺพนฺติ สาริโย ปริหริตุํ ยุตฺตกํ. อิโต จิโต จ สรนฺติ ปริวตฺตนฺตีติ สาริโย, เยน เกนจิ กตานิ อกฺขพีชานิ. ตตฺถาติ ตาสุ สารีสุ, ตสฺมึ วา อปนยนุปนยเน. ชูตขลิเกติ ชูตมณฺฑเล. ‘‘ชูตผลเก’’ติปิ อธุนา ปาโ. ปาสกํ วุจฺจติ ฉสุ ปสฺเสสุ เอเกกํ ยาว ฉกฺกํ ทสฺเสตฺวา กตกีฬนกํ, ตํ วฑฺเฒตฺวา ยถาลทฺธํ ¶ เอกกาทิวเสน สาริโย อปเนนฺโต, อุปเนนฺโต จ กีฬนฺติ, ปสติ อฏฺปทาทีสุ พาธติ, ผุสติ จาติ หิ ปาสโก, จตุพฺพีสติวิโธ อกฺโข. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อฏฺกํ มาลิกํ วุตฺตํ, สาวฏฺฏฺจ ฉกํ มตํ;
จตุกฺกํ พหุลํ เยฺยํ, ทฺวิ พินฺทุสนฺติภทฺรกํ;
จตุวีสติ อายา จ, มุนินฺเทน ปกาสิตา’’ติ.
เตน กีฬนมิธ ปาสกกีฬนํ. ฆฏนํ ปหรณํ, เตน กีฬา ฆฏิกาติ อาห ‘‘ทีฆทณฺฑเกนา’’ติอาทิ. ฆเฏน กุมฺเภน กีฬา ฆฏิกาติ เอเก. มฺชิฏฺิกาย วาติ มฺชิฏฺิสงฺขาตสฺส โยชนวลฺลิรุกฺขสฺส สารํ คเหตฺวา ปกฺกกสาวํ สนฺธาย วทติ. สิตฺโถทเกน วาติ [ปิฏฺโทเกน วา (อฏฺกถายํ)] จ ปกฺกมธุสิตฺโถทกํ. สลากหตฺถนฺติ ตาลหีราทีนํ กลาปสฺเสตํ อธิวจนํ. พหูสุ สลากาสุ วิเสสรหิตํ เอกํ สลากํ คเหตฺวา ตาสุ ปกฺขิปิตฺวา ปุน ตฺเว อุทฺธรนฺตา สลากหตฺเถน กีฬนฺตีติ เกจิ. คุฬกีฬาติ คุฬผลกีฬา, เยน เกนจิ วา กตคุฬกีฬา. ปณฺเณน วํสากาเรน กตา นาฬิกา ปณฺณนาฬิกา, เตเนวาห ‘‘ตํธมนฺตา’’ติ. ขุทฺทเก ก-ปจฺจโยติ ¶ ทสฺเสติ ‘‘ขุทฺทกนงฺคล’’นฺติ อิมินา. หตฺถปาทานํ โมกฺเขน โมจเนน จยติ ปริวตฺตติ เอตายาติ โมกฺขจิกา, เตนาห ‘‘อากาเส วา’’ติอาทิ. ปริพฺภมนตฺตาเยว ตํ จกฺกํ นามาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริพฺภมนจกฺก’’นฺติ วุตฺตํ.
ปณฺเณน กตา นาฬิ ปณฺณนาฬิ, อิมินา ปตฺตาฬฺหกปททฺวยสฺส ยถากฺกมํ ปริยายํ ทสฺเสติ. เตน กตา ปน กีฬา ปตฺตาฬฺหกาติ วุตฺตํ ‘‘ตายา’’ติอาทิ. ขุทฺทโก รโถ รถโก ก-สทฺทสฺส ขุทฺทกตฺถวจนโต. เอส นโย เสสปเทสุปิ. อากาเส วา ยํ าเปติ, ตสฺส ปิฏฺิยํ วา ยถา วา ตถา วา อกฺขรํ ลิขิตฺวา ‘‘เอวมิท’’นฺติ ชานเนน กีฬา อกฺขริกา, ปุจฺฉนฺตสฺส มุขาคตํ อกฺขรํ คเหตฺวา นฏฺมุตฺติลาภาทิชานนกีฬาติปิ วทนฺติ. วชฺช-สทฺโท อปราธตฺโถติ อาห ‘‘ยถาวชฺชํ นามา’’ติอาทิ. วาทิตานุรูปํ นจฺจนํ, คายนํ วา ยถาวชฺชนฺติปิ วทนฺติ. ‘‘เอวํ กเต ชโย ภวิสฺสติ, เอวํ กเต ปราชโย’’ติ ชยปราชยํ ปุรกฺขตฺวา ปโยคกรณวเสน ปริหารปถาทีนมฺปิ ชูตปฺปมาทฏฺานภาโว เวทิตพฺโพ, ปงฺคจีราทีหิ จ วํสาทีหิ กตฺตพฺพา กิจฺจสิทฺธิ, อสิทฺธิ จาติ ชยปราชยาวโห ปโยโค วุตฺโต, ยถาวชฺชนฺติ จ กาณาทีหิ สทิสาการทสฺสเนหิ ชยปราชยวเสน ชูตกีฬิกภาเวน วุตฺตํ. สพฺเพปิ ¶ เหเต โชเตนฺติ ปกาเสนฺติ เอเตหิ ตปฺปโยคิกา ชยปราชยวเสน, ชวนฺติ จ คจฺฉนฺติ ชยปราชยํ เอเตหีติ วา อตฺเถน ชูตสทฺทวจนียตํ นาติวตฺตนฺติ.
๑๕. ปมาณาติกฺกนฺตาสนนฺติ ‘‘อฏฺงฺคุลปาทกํ กาเรตพฺพํ สุคตงฺคุเลนา’’ติ วุตฺตปฺปมาณโต อติกฺกนฺตาสนํ. กมฺมวเสน ปโยชนโต ‘‘อนุยุตฺตา วิหรนฺตีติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. วาฬรูปานีติ อาหริมานิ สีหพฺยคฺฆาทิวาฬรูปานิ. วุตฺตฺหิ ภิกฺขุนิวิภงฺเค ‘‘ปลฺลงฺโก นาม อาหริเมหิ วาเฬหิ กโต’’ติ (ปาจิ. ๙๘๔) ‘‘อกปฺปิยรูปากุโล อกปฺปิยมฺโจ ปลฺลงฺโก’’ติ สารสมาเส วุตฺตํ. ทีฆโลมโก มหาโกชโวติ จตุรงฺคุลาธิกโลโม กาฬวณฺโณ มหาโกชโว. กุวุจฺจติ ปถวี, ตสฺสํ ชวติ โสภนวิตฺถฏวเสนาติ โกชโว. ‘‘จตุรงฺคุลาธิกานิ กิร ตสฺส โลมานี’’ติ วจนโต จตุรงฺคุลโต เหฏฺา ¶ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. อุทฺทโลมี เอกนฺตโลมีติ วิเสสทสฺสนเมตํ, ตสฺมา ยทิ ตาสุ น ปวิสติ, วฏฺฏตีติ คเหตพฺพํ. วานวิจิตฺตนฺติ ภิตฺติจฺฉทาทิอากาเรน วาเนน สิพฺพเนน วิจิตฺรํ. อุณฺณามยตฺถรณนฺติ มิคโลมปกตมตฺถรณํ. เสตตฺถรโณติ ธวลตฺถรโณ. สีตตฺถิเกหิ เสวิตพฺพตฺตา เสตตฺถรโณ, ‘‘พหุมุทุโลมโก’’ติปิ วทนฺติ. ฆนปุปฺผโกติ สพฺพถา ปุปฺผาการสมฺปนฺโน. ‘‘อุณฺณามยตฺถรโณติ อุณฺณามโย โลหิตตฺถรโณ’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒๕๘) สารตฺถทีปนิยํ วุตฺตํ. อามลกปตฺตาการาหิ ปุปฺผปนฺตีหิ เยภุยฺยโต กตตฺตา อามลกปตฺโตติปิ วุจฺจติ.
ติณฺณํ ตูลานนฺติ รุกฺขตูลลตาตูลโปฏกีตูลสงฺขาตานํ ติณฺณํ ตูลานํ. อุทิตํ ทฺวีสุ โลมํ ทสา ยสฺสาติ อุทฺทโลมี อิ-การสฺส อการํ, ต-การสฺส โลปํ, ทฺวิภาวฺจ กตฺวา. เอกสฺมึ อนฺเต โลมํ ทสา ยสฺสาติ เอกนฺตโลมี. อุภยตฺถ เกจีติ สารสมาสาจริยา, อุตฺตรวิหารวาสิโน จ. เตสํ วาเท ปน อุทิตเมกโต อุคฺคตํ โลมมยํ ปุปฺผํ ยสฺสาติ อุทฺทโลมี วุตฺตนเยน. อุภโต อนฺตโต เอกํ สทิสํ โลมมยํ ปุปฺผํ ยสฺสาติ เอกนฺตโลมีติ วจนตฺโถ. วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘อุทฺทโลมีติ เอกโต อุคฺคตโลมํ อุณฺณามยตฺถรณํ. ‘อุทฺธโลมี’ติปิ ปาโ. เอกนฺตโลมีติ อุภโต อุคฺคตโลมํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ (มหาว. อฏฺ. ๒๕๔) วุตฺตํ, นามมตฺตเมส วิเสโส. อตฺถโต ปน อคฺคหิตาวเสโส อฏฺกถาทฺวเยปิ นตฺถีติ ทฏฺพฺโพ.
โกเสยฺยฺจ กฏฺฏิสฺสฺจ กฏฺฏิสฺสานิ วิรูเปกเสสวเสน. เตหิ ปกตมตฺถรณํ กฏฺฏิสฺสํ. เอตเทวตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โกเสยฺยกฏฺฏิสฺสมยปจฺจตฺถรณ’’นฺติ วุตฺตํ, โกเสยฺยสุตฺตานมนฺตรนฺตรํ สุวณฺณมยสุตฺตานิ ปเวเสตฺวา วีตมตฺถรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. สุวณฺณสุตฺตํ กิร ‘‘กฏฺฏิสฺสํ, กสฺสฏ’’นฺติ ¶ จ วทนฺติ. เตเนว ‘‘โกเสยฺยกสฺสฏมย’’นฺติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๕) วุตฺตํ. กฏฺฏิสฺสํ นาม วากวิเสโสติปิ วทนฺติ. รตนปริสิพฺพิตนฺติ รตเนหิ สํสิพฺพิตํ, สุวณฺณลิตฺตนฺติ เกจิ. สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนปริสิพฺพนรหิตํ. วินเยติ วินยฏฺกถํ, วินยปริยายํ วา สนฺธาย วุตฺตํ. อิธ หิ สุตฺตนฺติกปริยาเย ‘‘เปตฺวา ตูลิกํ สพฺพาเนว โคนกาทีนิ รตนปริสิพฺพิตานิ วฏฺฏนฺตี’’ติ วุตฺตํ. วินยปริยายํ ปน ปตฺวา ครุเก ¶ าตพฺพตฺตา สุทฺธโกเสยฺยเมว วฏฺฏติ, เนตรานีติ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ, สุตฺตนฺติกปริยาเย ปน รตนปริสิพฺพนรหิตาปิ ตูลิกา น วฏฺฏติ, อิตรานิ วฏฺฏนฺติ, สเจปิ ตานิ รตนปริสิพฺพิตานิ, ภูมตฺถรณวเสน ยถานุรูปํ มฺจปีาทีสุ จ อุปเนตุํ วฏฺฏนฺตีติ. สุตฺตนฺตเทสนาย คหฏฺานมฺปิ วเสน วุตฺตตฺตา เตสํ สงฺคณฺหนตฺถํ ‘‘เปตฺวา…เป… น วฏฺฏนฺตีติ วุตฺต’’นฺติ อปเร. ทีฆนิกายฏฺกถายนฺติ กตฺถจิ ปาโ, โปราณทีฆนิกายฏฺกถายนฺติ อตฺโถ. นจฺจโยคฺคนฺติ นจฺจิตุํ ปโหนกํ. กโรนฺติ เอตฺถ นจฺจนฺติ กุตฺตกํ, ตํ ปน อุทฺทโลมีเอกนฺตโลมีวิเสสเมว. วุตฺตฺจ –
‘‘ทฺวิทเสกทสานฺยุทฺท-โลมีเอกนฺตโลมิโน;
ตเทว โสฬสิตฺถีนํ, นจฺจโยคฺคฺหิ กุตฺตก’’นฺติ.
หตฺถิโน ปิฏฺิยํ อตฺถรํ หตฺถตฺถรํ. เอวํ เสสปเทสุปิ. อชินจมฺเมหีติ อชินมิคจมฺเมหิ, ตานิ กิร จมฺมานิ สุขุมตรานิ, ตสฺมา ทุปฏฺฏติปฏฺฏานิ กตฺวา สิพฺพนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อชินปฺปเวณี’’ติ, อุปรูปริ เปตฺวา สิพฺพนวเสน หิ สนฺตติภูตา ‘‘ปเวณี’’ติ วุจฺจติ. กทลีมิโคติ มฺชาราการมิโค, ตสฺส ธมฺเมน กตํ ปวรปจฺจตฺถรณํ ตถา. ‘‘ตํ กิรา’’ติอาทิ ตทาการทสฺสนํ, ตสฺมา สุทฺธเมว กทลีมิคจมฺมํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. อุตฺตรํ อุปริภาคํ ฉาเทตีติ อุตฺตรจฺฉโท, วิตานํ. ตมฺปิ โลหิตเมว อิธาธิปฺเปตนฺติ อาห ‘‘รตฺตวิตาเนนา’’ติ. ‘‘ยํ วตฺตติ, ตํ สอุตฺตรจฺเฉท’’นฺติ เอตฺถ เสโส, สํสิพฺพิตภาเวน สทฺธึ วตฺตตีติ อตฺโถ. รตฺตวิตาเนสุ จ กาสาวํ วฏฺฏติ, กุสุมฺภาทิรตฺตเมว น วฏฺฏติ, ตฺจ โข สพฺพรตฺตเมว. ยํ ปน นานาวณฺณํ วานจิตฺตํ วา เลปจิตฺตํ วา, ตํ วฏฺฏติ. ปจฺจตฺถรณสฺเสว ปธานตฺตา ตปฺปฏิพทฺธํ เสตวิตานมฺปิ น วฏฺฏตีติ วุตฺตํ. อุภโตติ อุภยตฺถ มฺจสฺส สีสภาเค, ปาทภาเค จาติ อตฺโถ. เอตฺถาปิ สอุตฺตรจฺฉเท วิย วินิจฺฉโย. ปทุมวณฺณํ วาติ นาติรตฺตํ สนฺธายาห. วิจิตฺรํ วาติ ปน สพฺพถา กปฺปิยตฺตา วุตฺตํ, น ปน อุภโต อุปธาเนสุ อกปฺปิยตฺตา. น หิ โลหิตก-สทฺโท จิตฺเต วฏฺฏติ. ปฏลิกคฺคหเณเนว จิตฺตกสฺสาปิ อตฺถรณสฺส สงฺคเหตพฺพปฺปสงฺคโต. สเจ ปมาณยุตฺตนฺติ วุตฺตเมวตฺถํ พฺยติเรกโต สมตฺเถตุํ ¶ อาห ‘‘มหาอุปธานํ ปน ปฏิกฺขิตฺต’’นฺติ. มหาอุปธานนฺติ จ ปมาณาติกฺกนฺตํ อุปธานํ. สีสปฺปมาณเมว หิ ตสฺส ปมาณํ. วุตฺตฺจ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, สีสปฺปมาณํ ¶ พิพฺโพหนํ กาตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๙๗) สีสปฺปมาณฺจ นาม ยสฺส วิตฺถารโต ตีสุ กณฺเณสุ ทฺวินฺนํ กณฺณานํ อนฺตรํ มินิยมานํ วิทตฺถิ เจว จตุรงฺคุลฺจ โหติ. พิพฺโพหนสฺส มชฺฌฏฺานํ ติริยโต มุฏฺิรตนํ โหติ, ทีฆโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ วา ทฺวิรตนํ วา. ตํ ปน อกปฺปิยตฺตาเยว ปฏิกฺขิตฺตํ, น ตุ อุจฺจาสยนมหาสยนปริยาปนฺนตฺตา. ทฺเวปีติ สีสูปธานํ, ปาทูปธานฺจ. ปจฺจตฺถรณํ ทตฺวาติ ปจฺจตฺถรณํ กตฺวา อตฺถริตฺวาติ อตฺโถ, อิทฺจ คิลานเมว สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห เสนาสนกฺขนฺธกวณฺณนายํ ‘‘อคิลานสฺสาปิ สีสูปธานฺจ ปาทูปธานฺจาติ ทฺวยเมว วฏฺฏติ. คิลานสฺส พิพฺโพหนานิ สนฺถริตฺวา อุปริ ปจฺจตฺถรณํ กตฺวา นิปชฺชิตุมฺปิ วฏฺฏตี’’ติ (จูฬว. อฏฺ. ๒๙๗) วุตฺตนเยเนวาติ วินเย ภควตา วุตฺตนเยเนว. กถํ ปน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิ. ยถา อฏฺงฺคุลปาทกํ โหติ, เอวํ อาสนฺทิยา ปาทจฺฉินฺทนํ เวทิตพฺพํ. ปลฺลงฺกสฺส ปน อาหริมานิ วาฬรูปานิ อาหริตฺวา ปุน อปฺปฏิพทฺธตาการณมฺปิ เภทนเมว. วิชเฏตฺวาติ ชฏํ นิพฺเพเธตฺวา. พิพฺโพหนํ กาตุนฺติ ตานิ วิชฏิตตูลานิ อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา พิพฺโพหนํ กาตุํ.
๑๖. ‘‘มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตทารกาน’’นฺติ เอเตน อณฺฑชชลาพุชานเมว คหณํ, มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตตฺตาติ จ การณํ ทสฺเสติ, เตเนวายมตฺโถ สิชฺฌติ ‘‘อเนกทิวสานิ อนฺโตสยนเหตุ เอส คนฺโธ’’ติ. อุจฺฉาเทนฺติ อุพฺพฏฺเฏนฺติ. สณฺานสมฺปาทนตฺถนฺติ สุสณฺานตาสมฺปาทนตฺถํ. ปริมทฺทนฺตีติ สมนฺตโต มทฺทนฺติ.
เตสํเยว ทารกานนฺติ ปฺุวนฺตานเมว ทารกานํ. เตสเมว หิ ปกรณานุรูปตาย คหณํ. มหามลฺลานนฺติ มหตํ พาหุยุทฺธการกานํ. อาทาโส นาม มณฺฑนกปกติกานํ มนุสฺสานํ อตฺตโน มุขฉายาปสฺสนตฺถํ กํสโลหาทีหิ กโต ภณฺฑวิเสโส. ตาทิสํ สนฺธาย ‘‘ยํ กิฺจิ…เป… น วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. อลงฺการฺชนเมว น เภสชฺชฺชนํ. มณฺฑนานุโยคสฺส หิ อธิปฺเปตตฺตา ตมิธานธิปฺเปตํ. โลเก มาลา-สทฺโท พทฺธมาลายเมว ‘‘มาลา มาลฺยํ ปุปฺผทาเม’’ติ วจนโต. สาสเน ปน สุทฺธปุปฺเผสุปิ นิรุฬฺโหติ อาห ‘‘อพทฺธมาลา วา’’ติ. กาฬปีฬกาทีนนฺติ กาฬวณฺณปีฬกาทีนํ. มตฺติกกกฺกนฺติ โอสเธหิ อภิสงฺขตํ โยคมตฺติกาจุณฺณํ. เทนฺตีติ วิเลเปนฺติ. จลิเตติ วิการาปชฺชนวเสน จลนํ ปตฺเต ¶ , กุปิเตติ อตฺโถ. เตนาติ สาสปกกฺเกน. โทเสติ กาฬปีฬกาทีนํ เหตุภูเต โลหิตโทเส. ขาทิเตติ อปนยนวเสน ขาทิเต. สนฺนิสินฺเนติ ตาทิเส ทุฏฺโลหิเต ปริกฺขีเณ. มุขจุณฺณเกนาติ มุขวิเลปเนน ¶ . จุณฺเณนฺตีติ วิลิมฺเปนฺติ. ตํ สพฺพนฺติ มตฺติกากกฺกสาสปติลหลิทฺทิกกฺกทานสงฺขาตํ มุขจุณฺณํ, มุขวิเลปนฺจ น วฏฺฏติ. อตฺถานุกฺกมสมฺภวโต หิ อยํ ปททฺวยสฺส วณฺณนา. มุขจุณฺณสงฺขาตํ มุขวิเลปนนฺติ วา ปททฺวยสฺส ตุลฺยาธิกรณวเสน อตฺถวิภาวนา.
หตฺถพนฺธนฺติ หตฺเถ พนฺธิตพฺพมาภรณํ, ตํ ปน สงฺขกปาลาทโยติ อาห ‘‘หตฺเถ’’ติอาทิ. สงฺโข เอว กปาลํ ตถา. ‘‘อปเร’’ติอาทินา ยถากฺกมํ ‘‘สิขาพนฺธ’’นฺติอาทิ ปทานมตฺถํ สํวณฺเณติ. ตตฺถ สิขนฺติ จูฬํ. จีรกํ นาม เยน จูฬาย ถิรกรณตฺถํ, โสภนตฺถฺจ วิชฺฌติ. มุตฺตาย, มุตฺตา เอว วา ลตา มุตฺตาลตา, มุตฺตาวฬิ. ทณฺโฑ นาม จตุหตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘จตุหตฺถทณฺฑํ วา’’ติ. อลงฺกตทณฺฑกนฺติ ปน ตโต โอมกํ รถยฏฺิอาทิกํ สนฺธายาห. เภสชฺชนาฬิกนฺติ เภสชฺชตุมฺพํ. ปตฺตาทิโอลมฺพนํ วามํเสเยว อจิณฺณนฺติ วุตฺตํ ‘‘วามปสฺเส โอลคฺคิต’’นฺติ. กณฺณิกา นาม กูฏํ, ตาย จ รตเนน จ ปริกฺขิตฺโต โกโส ยสฺส ตถา. ปฺจวณฺณสุตฺตสิพฺพิตนฺติ นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺวเสน ปฺจวณฺเณหิ สุตฺเตหิ สิพฺพิตํ ติวิธมฺปิ ฉตฺตํ. รตนมตฺตายามํ จตุรงฺคุลวิตฺถตนฺติ เตสํ ปริจยนิยาเมน วา นลาเฏ พนฺธิตุํ ปโหนกปฺปมาเณน วา วุตฺตํ. ‘‘เกสนฺตปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา’’ติ เอเตน ตทนชฺโฌตฺถรณวเสน พนฺธนาการํ ทสฺเสติ. เมฆมุเขติ อพฺภนฺตเร. ‘‘มณิ’’นฺติ อิทํ สิโรมณึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อาห ‘‘จูฬามณิ’’นฺติ, จูฬายํ มณินฺติ อตฺโถ. จมรสฺส อยํ จามโร, สฺเวว วาโล, เตน กตา พีชนี จามรวาลพีชนี. อฺาสํ ปน มกสพีชนีวากมยพีชนีอุสีรมยพีชนีโมรปิฺฉมยพีชนีนํ, วิธูปนตาลวณฺฏานฺจ กปฺปิยตฺตา ตสฺสาเยว คหณํ ทฏฺพฺพํ.
๑๗. ทุคฺคติโต, สํสารโต จ นิยฺยาติ เอเตนาติ นิยฺยานํ, สคฺคมคฺโค, โมกฺขมคฺโค จ. ตํ นิยฺยานมรหติ, ตสฺมึ วา นิยฺยาเน นิยุตฺตา, ตํ วา นิยฺยานํ ผลภูตํ เอติสฺสาติ นิยฺยานิกา, วจีทุจฺจริตกิเลสโต นิยฺยาตีติ วา นิยฺยานิกา อี-การสฺส รสฺสตฺตํ, ย-การสฺส จ ก-การํ ¶ กตฺวา. อนีย-สทฺโท หิ พหุลา กตฺวตฺถาภิธายโก. เจตนาย สทฺธึ สมฺผปฺปลาปวิรติ อิธ อธิปฺเปตา. ตปฺปฏิปกฺขโต อนิยฺยานิกา, สมฺผปฺปลาโป, ตสฺสา ภาโว อนิยฺยานิกตฺตํ, ตสฺมา อนิยฺยานิกตฺตา. ติรจฺฉานภูตาติ ติโรกรณภูตา วิพนฺธนภูตา. โสปิ นามาติ เอตฺถ นาม-สทฺโท ครหายํ. กมฺมฏฺานภาเวติ อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตตฺตา จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาเว. กามสฺสาทวเสนาติ กามสงฺขาตอสฺสาทวเสน. สห อตฺเถนาติ สาตฺถกํ, หิตปฏิสํยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อุปาหนาติ ยานกถาสมฺพนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ. สุฏฺุ นิเวสิตพฺโพติ สุนิวิฏฺโ. ตถา ทุนฺนิวิฏฺโ. คาม-สทฺเทน คามวาสี ชโนปิ คหิโตติ อาห ‘‘อสุกคามวาสิโน’’ติอาทิ.
สูรกถาติ ¶ เอตฺถ สูร-สทฺโท วีรวาจโกติ ทสฺเสติ ‘‘สูโร อโหสี’’ติ อิมินา. วิสิขา นาม มคฺคสนฺนิเวโส, อิธ ปน วิสิขาคหเณน ตนฺนิวาสิโนปิ คหิตา ‘‘สพฺโพ คาโม อาคโต’’ติอาทีสุ วิย, เตเนวาห ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติอาทิ.
กุมฺภสฺส านํ นาม อุทกฏฺานนฺติ วุตฺตํ ‘‘อุทกฏฺานกถา’’ติ. อุทกติตฺถกถาติปิ วุจฺจติ ตตฺเถว สมวโรธโต. อปิจ กุมฺภสฺส กรณฏฺานํ กุมฺภฏฺานํ. ตทปเทเสน ปน กุมฺภทาสิโย วุตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘กุมฺภทาสิกถา วา’’ติ อิมินา. ปุพฺเพ เปตา กาลงฺกตาติ ปุพฺพเปตา. ‘‘เปโต ปเรโต กาลงฺกโต’’ติ หิ ปริยายวจนํ. เหฏฺา วุตฺตนยมติทิสิตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ปุริมปจฺฉิมกถาหิ วิมุตฺตาติ อิธาคตาหิ ปุริมาหิ, ปจฺฉิมาหิ จ กถาหิ วิมุตฺตา. นานาสภาวาติ อตฺต-สทฺทสฺส สภาวปริยายภาวมาห. อสุเกน นามาติ ปชาปตินา พฺรหฺมุนา, อิสฺสเรน วา. อุปฺปตฺติิติสมฺภาราทิวเสน โลกํ อกฺขายติ เอตายาติ โลกกฺขายิกา, สา ปน โลกายตสมฺเ วิตณฺฑสตฺเถ นิสฺสิตา สลฺลาปกถาติ ทสฺเสติ ‘‘โลกายตวิตณฺฑสลฺลาปกถา’’ติ อิมินา. โลกา พาลชนา อายตนฺติ เอตฺถ อุสฺสหนฺติ วาทสฺสาเทนาติ โลกายตํ, โลโก วา หิตํ น ยตติ น อีหติ เตนาติ โลกายตํ. ตฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปฺุกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ ¶ . อฺมฺวิรุทฺธํ, สคฺคโมกฺขวิรุทฺธํ วา กถํ ตโนนฺติ เอตฺถาติ วิตณฺโฑ, วิรุทฺเธน วา วาททณฺเฑน ตาเฬนฺติ เอตฺถ วาทิโนติ วิตณฺโฑ, สพฺพตฺถ นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธิ.
สาครเทเวน ขโตติ เอตฺถ สาครรฺโ ปุตฺเตหิ ขโตติปิ วทนฺติ. วิชฺชติ ปเวทนเหตุภูตา มุทฺธา ยสฺสาติ สมุทฺโท ธ-การสฺส ท-การํ กตฺวา, สห-สทฺโท เจตฺถ วิชฺชมานตฺถวาจโก ‘‘สโลมโกสปกฺขโก’’ติอาทีสุ วิย. ภโวติ วุทฺธิ ภวติ วฑฺฒตีติ กตฺวา. วิภโวติ หานิ ตพฺพิรหโต. ทฺวนฺทโต ปุพฺเพ สุยฺยมาโน อิติสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพติ อาห ‘‘อิติ ภโว อิติ อภโว’’ติ. ยํ วา ตํ วาติ ยํ กิฺจิ, อถ ตํ อนิยมนฺติ อตฺโถ. อภูตฺหิ อนิยมตฺถํ สห วิกปฺเปน ยํตํ-สทฺเทหิ ทีเปนฺติ อาจริยา. อปิจ ภโวติ สสฺสโต. อภโวติ อุจฺเฉโท. ภโวติ วา กามสุขํ. อภโวติ อตฺตกิลมโถ.
อิติ อิมาย ฉพฺพิธาย อิติภวาภวกถาย สทฺธึ พาตฺตึส ติรจฺฉานกถา นาม โหนฺติ. อถ ¶ วา ปาฬิยํ สรูปโต อนาคตาปิ อรฺปพฺพตนทีทีปกถา อิติ-สทฺเทน สงฺคเหตฺวา พตฺตึส ติรจฺฉานกถาติ วุจฺจนฺติ. ปาฬิยฺหิ ‘‘อิติ วา’’ติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘เอวํปการํ, อิโต อฺํ วา ตาทิสํ นิรตฺถกกถํ อนุยุตฺตา วิหรนฺตี’’ติ, อาทิอตฺโถ วา อิติ-สทฺโท อิติ วา อิติ เอวรูปา ‘‘นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๖๔; ม. นิ. ๑.๒๙๓, ๔๑๑; ๒.๑๑, ๔๑๘; ๓.๑๔, ๑๐๒; อ. นิ. ๑๐.๙๙) วิย, อิติ เอวมาทึ อฺมฺปิ ตาทิสํ กถมนุยุตฺตา วิหรนฺตีติ อตฺโถ.
๑๘. วิรุทฺธสฺส คหณํ วิคฺคโห, โส เยสนฺติ วิคฺคาหิกา, เตสํ ตถา, วิรุทฺธํ วา คณฺหาติ เอตายาติ วิคฺคาหิกา, สาเยว กถา ตถา. สารมฺภกถาติ อุปารมฺภกถา. สหิตนฺติ ปุพฺพาปราวิรุทฺธํ. ตโตเยว สิลิฏฺํ. ตํ ปน อตฺถการณยุตฺตตายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตฺถยุตฺตํ การณยุตฺตนฺติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. นฺติ วจนํ. ปริวตฺติตฺวา ิตํ สปตฺตคโต อสมตฺโถ โยโธ วิย น กิฺจิ ชานาสิ, กินฺตุ สยเมว ปราเชสีติ อธิปฺปาโย. วาโท โทโสติ ปริยายวจนํ. ตถา จร ¶ วิจราติ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ อาจริยกุเล. นิพฺเพเธหีติ มยา โรปิตํ วาทํ วิสฺสชฺเชหิ.
๑๙. ทูตสฺส กมฺมํ ทูเตยฺยํ, ตสฺส กถา ตถา, ตสฺสํ. อิธ, อมุตฺราติ อุปโยคตฺเถ ภุมฺมวจนํ, เตนาห ‘‘อสุกํ นาม าน’’นฺติ. วิตฺถารโต วินิจฺฉโย วินยฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๔๓๖-๔๓๗) วุตฺโตติ สงฺเขปโต อิธ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺเขปโต ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. คิหิสาสนนฺติ ยถาวุตฺตวิปรีตํ สาสนํ. อฺเสนฺติ คิหีนฺเว.
๒๐. ติวิเธนาติ สามนฺตชปฺปนอิริยาปถสนฺนิสฺสิตปจฺจยปฏิเสวนเภทโต ติวิเธน. วิมฺหาปยนฺตีติ ‘‘อยมจฺฉริยปุริโส’’ติ อตฺตนิ ปเรสํ วิมฺหยํ สมฺปหํสนํ อจฺฉริยํ อุปฺปาเทนฺติ. วิปุพฺพฺหิ มฺหิ-สทฺทํ สมฺปหํสเน วทนฺติ สทฺทวิทู. สมฺปหํสนากาโร จ อจฺฉริยํ. ลปนฺตีติ อตฺตานํ วา ทายกํ วา อุกฺขิปิตฺวา ยถา โส กิฺจิ ททาติ, เอวํ อุกฺกาเจตฺวา อุกฺขิปนวเสน ทีเปตฺวา กเถนฺติ. นิมิตฺตํ สีลเมเตสนฺติ เนมิตฺติกาติ ตทฺธิตวเสน ตสฺสีลตฺโถ ยถา ‘‘ปํสุกูลิโก’’ติ (มหานิ. ๕๒) อปิจ นิมิตฺเตน วทนฺติ, นิมิตฺตํ วา กโรนฺตีติ เนมิตฺติกา. นิมิตฺตนฺติ จ ปเรสํ ปจฺจยทานสฺุปฺปาทกํ กายวจีกมฺมํ วุจฺจติ. นิปฺเปโส นิปฺปิสนํ จุณฺณํ วิย กรณํ. นิปฺปิสนฺตีติ วา นิปฺเปสา, นิปฺเปสาเยว นิปฺเปสิกา, นิปฺปิสนํ วา นิปฺเปโส, ตํ กโรนฺตีติปิ นิปฺเปสิกา. นิปฺเปโส จ นาม ¶ ภฏปุริโส วิย ลาภสกฺการตฺถํ อกฺโกสนขุํสนุปฺปณฺฑนปรปิฏฺิมํสิกตา. ลาเภน ลาภนฺติ อิโต ลาเภน อมุตฺร ลาภํ. นิชิคีสนฺติ มคฺคนฺติ ปริเยสนฺตีติ ปริยายวจนํ. กุหกาทโย สทฺทา กุหานาทีนิ นิมิตฺตํ กตฺวา ตํสมงฺคิปุคฺคเลสุ ปวตฺตาติ อาห ‘‘กุหนา…เป… อธิวจน’’นฺติ. อฏฺกถฺจาติ ตํตํปาฬิสํวณฺณนาภูตํ โปราณฏฺกถฺจ.
มชฺฌิมสีลวณฺณนา นิฏฺิตา.
มหาสีลวณฺณนา
๒๑. องฺคานิ ¶ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา องฺคสหจริตํ สตฺถํ ‘‘องฺค’’นฺติ วุตฺตํ อุตฺตรปทโลเปน วา. นิมิตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย, เตนาห ‘‘หตฺถปาทาทีสู’’ติอาทิ. เกจิ ปน ‘‘องฺคนฺติ องฺควิการํ ปเรสํ องฺควิการทสฺสเนนาปิ ลาภาลาภาทิวิชานน’’นฺติ วทนฺติ. นิมิตฺตสตฺถนฺติ นิมิตฺเตน สฺชานนปฺปการทีปกํ สตฺถํ, ตํ วตฺถุนา วิภาเวตุํ ‘‘ปณฺฑุราชา’’ติอาทิมาห. ปณฺฑุราชาติ จ ‘‘ทกฺขิณารามาธิปติ’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. สีหฬทีเป ทกฺขิณารามนามกสฺส สงฺฆารามสฺส การโกติ วทนฺติ. ‘‘ทกฺขิณมธุราธิปตี’’ติ จ กตฺถจิ ลิขิตํ, ทกฺขิณมธุรนครสฺส อธิปตีติ อตฺโถ. มุตฺตาโยติ มุตฺติกา. มุฏฺิยาติ หตฺถมุทฺทาย. ฆรโคลิกายาติ สรพุนา. โส ‘‘มุตฺตา’’ติ สฺานิมิตฺเตนาห, สงฺขฺยานิมิตฺเตน ปน ‘‘ติสฺโส’’ติ.
‘‘มหนฺตาน’’นฺติ เอเตน อปฺปกํ นิมิตฺตเมว, มหนฺตํ ปน อุปฺปาโทติ นิมิตฺตุปฺปาทานํ วิเสสํ ทสฺเสติ. อุปฺปติตนฺติ อุปฺปตนํ. สุภาสุภผลํ ปกาเสนฺโต อุปฺปชฺชติ คจฺฉตีติ อุปฺปาโท, อุปฺปาโตปิ, สุภาสุภสูจิกา ภูตวิกติ. โส หิ ธูโม วิย อคฺคิสฺส กมฺมผลสฺส ปกาสนมตฺตเมว กโรติ, น ตุ ตมุปฺปาเทตีติ. อิทนฺติ อิทํ นาม ผลํ. เอวนฺติ อิมินา นาม อากาเรน. อาทิสนฺตีติ นิทฺทิสนฺติ. ปุพฺพณฺหสมเยติ กาลวเสน. อิทํ นามาติ วตฺถุวเสน วทติ. โย วสภํ, กฺุชรํ, ปาสาทํ, ปพฺพตํ วา อารุฬฺหมตฺตานํ สุปิเน ปสฺสติ, ตสฺส ‘‘อิทํ นาม ผล’’นฺติอาทินา หิ วตฺถุกิตฺตนํ โหติ. สุปินกนฺติ สุปินสตฺถํ. องฺคสมฺปตฺติวิปตฺติทสฺสนมตฺเตน ปุพฺเพ ‘‘องฺค’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ปน มหานุภาวตาทินิปฺผาทกลกฺขณวิเสสทสฺสเนน ‘‘ลกฺขณ’’นฺติ อยเมเตสํ วิเสโส, เตนาห ‘‘อิมินา ¶ ลกฺขเณนา’’ติอาทิ. ลกฺขณนฺติ หิ องฺคปจฺจงฺเคสุ ทิสฺสมานาการวิเสสํ สตฺติสิริวจฺฉคทาปาสาทาทิกมธิปฺเปตํ ตํ ตํ ผลํ ลกฺขียติ อเนนาติ กตฺวา, สตฺถํ ปน ตปฺปกาสนโต ลกฺขณํ. อาหเตติ ปุราเณ. อนาหเตติ นเว. อหเตติ ปน ปาเ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ. อิโต ปฏฺายาติ เทวรกฺขสมนุสฺสาทิเภเทน ยถาผลํ ปริกปฺปิเตน วิวิธวตฺถภาเค อิโต วา เอตฺโต วา สฺฉินฺเน อิทํ นาม โภคาทิผลํ โหติ. เอวรูเปน ทารุนาติ ปลาสสิริผลาทิทารุนา, ตถา ทพฺพิยา. ยทิ ทพฺพิโหมาทีนิปิ อคฺคิโหมาเนว ¶ , อถ กสฺมา วิสุํ วุตฺตานีติ อาห ‘‘เอวรูปายา’’ติอาทิ. ทพฺพิโหมาทีนิ โหโมปกรณาทิวิเสเสหิ ผลวิเสสทสฺสนวเสน วุตฺตานิ, อคฺคิโหมํ ปน วุตฺตาวเสสสาธนวเสน วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ทพฺพิโหมาทีนี’’ติอาทิ.
กุณฺฑโกติ ตณฺฑุลขณฺฑํ, ติลสฺส อิทนฺติ เตลํ, สมาสตทฺธิตปทานิ ปสิทฺเธสุ สามฺภูตานีติ วิเสสกรณตฺถํ ‘‘ติลเตลาทิก’’นฺติ วุตฺตํ. ปกฺขิปนนฺติ ปกฺขิปนตฺถํ. ‘‘ปกฺขิปนวิชฺช’’นฺติปิ ปาโ, ปกฺขิปนเหตุภูตํ วิชฺชนฺติ อตฺโถ. ทกฺขิณกฺขกชณฺณุโลหิตาทีหีติ ทกฺขิณกฺขกโลหิตทกฺขิณชณฺณุโลหิตาทีหิ. ‘‘ปุพฺเพ’’ติอาทินา องฺคองฺควิชฺชานํ วิเสสทสฺสเนน ปุนรุตฺตภาวมปเนติ. องฺคุลฏฺึ ทิสฺวาติ องฺคุลิภูตํ, องฺคุลิยา วา ชาตํ อฏฺึ ปสฺสิตฺวา, องฺคุลิจฺฉวิมตฺตํ อปสฺสิตฺวา ตทฏฺิวิปสฺสนวเสเนว พฺยากโรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘องฺคลฏฺินฺติ สรีร’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑) ปน อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ, เอวํ สติ องฺคปจฺจงฺคานํ วิรุหนภาเวน ลฏฺิสทิสตฺตา สรีรเมว องฺคลฏฺีติ วิฺายติ. กุลปุตฺโตติ ชาติกุลปุตฺโต, อาจารกุลปุตฺโต จ. ทิสฺวาปีติ เอตฺถ อปิ-สทฺโท อทิสฺวาปีติ สมฺปิณฺฑนตฺโถ. อพฺภิโน สตฺถํ อพฺเภยฺยํ. มาสุรกฺเขน กโต คนฺโถ มาสุรกฺโข. ราชูหิ ปริภูตฺตํ สตฺถํ ราชสตฺถํ. สพฺพานิเปตานิ ขตฺตวิชฺชาปกรณานิ. สิว-สทฺโท สนฺติอตฺโถติ อาห ‘‘สนฺติกรณวิชฺชา’’ติ, อุปสคฺคูปสมนวิชฺชาติ อตฺโถ. สิวา-สทฺทเมว รสฺสํ กตฺวา เอวมหาติ สนฺธาย ‘‘สิงฺคาลรุตวิชฺชา’’ติ วทนฺติ, สิงฺคาลานํ รุเต สุภาสุภสฺชานนวิชฺชาติ อตฺโถ. ‘‘ภูตเวชฺชมนฺโตติ ภูตวสีกรณมนฺโต. ภูริฆเรติ อนฺโตปถวิยํ กตฆเร, มตฺติกามยฆเร วา. ‘‘ภูริวิชฺชา สสฺสพุทฺธิกรณวิชฺชา’’ติ สารสมาเส. สปฺปาวฺหายนวิชฺชาติ สปฺปาคมนวิชฺชา. วิสวนฺตเมว วาติ วิสวมานเมว วา. ภาวนิทฺเทสสฺส หิ มาน-สทฺทสฺส อนฺตพฺยปฺปเทโส. ยาย กโรนฺติ, สา วิสวิชฺชาติ โยชนา. ‘‘วิสตนฺตฺรเมว วา’’ติปิ ปาโ. เอวํ สติ สรูปทสฺสนํ โหติ, วิสวิจารณคนฺโถเยวาติ อตฺโถ. ตนฺตฺรนฺติ หิ คนฺถสฺส ปรสมฺา. สปกฺขกอปกฺขกทฺวิปทจตุปฺปทานนฺติ ปิงฺคลมกฺขิกาทิสปกฺขกฆรโคลิกาทิอปกฺขกเทวมนุสฺสจงฺโคราทิทฺวิปท- กณฺฏสสชมฺพุกาทิจตุปฺปทานํ ¶ . รุตํ วสฺสิตํ. คตํ คมนํ, เอเตน ‘‘สกุณวิชฺชา’’ติ อิธ มิคสทฺทสฺส ¶ โลปํ, นิทสฺสนมตฺตํ วา ทสฺเสติ. สกุณาณนฺติ สกุณวเสน สุภาสุภผลสฺส ชานนํ. นนุ สกุณวิชฺชาย เอว วายสวิชฺชาปวิฏฺาติ อาห ‘‘ตํ วิสฺุเว สตฺถ’’นฺติ. ตํตํปกาสกสตฺถานุรูปวเสน หิ อิธ ตสฺส ตสฺส วจนนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปริปกฺกคตภาโว อตฺตภาวสฺส, ชีวิตกาลสฺส จ วเสน คเหตพฺโพติ ทสฺเสติ ‘‘อิทานี’’ติอาทินา. อาทิฏฺานนฺติ อาทิสิตพฺพสฺส าณํ. สรรกฺขณนฺติ สรโต อตฺตานํ, อตฺตโต วา สรสฺส รกฺขณํ. ‘‘สพฺพสงฺคาหิก’’นฺติ อิมินา มิค-สทฺทสฺส สพฺพสกุณจตุปฺปเทสุ ปวตฺตึ ทสฺเสติ, เอกเสสนิทฺเทโส วา เอส จตุปฺปเทสฺเวว มิค-สทฺทสฺส นิรุฬฺหตฺตา. สพฺเพสมฺปิ สกุณจตุปฺปทานํ รุตชานนสตฺถสฺส มิคจกฺกสมฺา, ยถา ตํ สุภาสุภชานนปฺปกาเร สพฺพโต ภทฺรํ จกฺกาทิสมฺาติ อาห ‘‘สพฺพ…เป… วุตฺต’’นฺติ.
๒๒. ‘‘สามิโน’’ติอาทิ ปสฏฺาปสฏฺการณวจนํ. ลกฺขณนฺติ เตสํ ลกฺขณปฺปกาสกสตฺถํ. ปาริเสสนเยน อวเสสํ อาวุธํ. ‘‘ยมฺหิ กุเล’’ติอาทินา อิมสฺมึ าเน ตถาชานนเหตุ เอว เสสํ ลกฺขณนฺติ ทสฺเสติ. อยํ วิเสโสติ ‘‘ลกฺขณ’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตา ลกฺขณโต วิเสโส. ตทตฺถาวิกรณตฺถํ ‘‘อิทฺเจตฺถ วตฺถู’’ติ วุตฺตํ อคฺคึ ธมมานนฺติ อคฺคึ มุขวาเตน ชาเลนฺตํ. มกฺเขสีติ วินาเสติ. ปิฬนฺธนกณฺณิกายาติ กณฺณาลงฺการสฺส. เคหกณฺณิกายาติ เคหกูฏสฺส, เอเตน เอกเสสนยํ, สามฺนิทฺเทสํ วา อุเปตํ. กจฺฉปลกฺขณนฺติ กุมฺมลกฺขณํ. สพฺพจตุปฺปทานนฺติ มิค-สทฺทสฺส จตุปฺปทวาจกตฺตมาห.
๒๓. อสุกทิวเสติ ทุติยาตติยาทิติถิวเสน วุตฺตํ. อสุกนกฺขตฺเตนาติ อสฺสยุชภรณีกตฺติกาโรหณีอาทินกฺขตฺตโยควเสน. วิปฺปวุตฺถานนฺติ วิปฺปวสิตานํ สเทสโต นิกฺขนฺตานํ. อุปสงฺกมนํ อุปยานํ. อปยานํ ปฏิกฺกมนํ. ทุติยปเทปีติ ‘‘พาหิรานํ รฺํ…เป… ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต ทุติยวากฺเยปิ. ‘‘อพฺภนฺตรานํ รฺํ ชโย’’ติอาทีหิ ทฺวีหิ วากฺเยหิ วุตฺตา ชยปราชยา ปากฏาเยว.
๒๔. ราหูติ ราหุ นาม อสุริสฺสโร อสุรราชา. ตถา หิ มหาสมยสุตฺเต อสุรนิกาเย วุตฺตํ –
‘‘สตฺจ ¶ ¶ พลิปุตฺตานํ, สพฺเพ เวโรจนามกา;
สนฺนยฺหิตฺวา พลิเสนํ, ราหุภทฺทมุปาคมุ’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๙);
ตสฺส จนฺทิมสูริยานํ คหณํ สํยุตฺตนิกาเย จนฺทิมสุตฺตสูริยสุตฺเตหิ ทีเปตพฺพํ. อิติ-สทฺโท เจตฺถ อาทิอตฺโถ ‘‘จนฺทคฺคาหาทโย’’ติ วุตฺตตฺตา, เตน สูริยคฺคาหนกฺขตฺตคฺคาหา สงฺคยฺหนฺติ. ตสฺมา จนฺทิมสูริยานมิว นกฺขตฺตานมฺปิ ราหุนา คหณํ เวทิตพฺพํ. ตโต เอว หิ ‘‘อปิ จา’’ติอาทินา นกฺขตฺตคาเห ทุติยนโย วุตฺโต. องฺคารกาทิคาหสมาโยโคปีติ อคฺคหิตคฺคหเณน องฺคารกสสิปุตฺตสูรครุสุกฺกรวิสุตเกตุสงฺขาตานํ คาหานํ สมาโยโค อปิ นกฺขตฺตคาโหเยว สห ปโยเคน คหณโต. สหปโยโคปิ หิ เวทสมเยน คหณนฺติ วุจฺจติ. อุกฺกานํ ปตนนฺติ อุกฺโกภาสานํ ปตนํ. วาตสงฺฆาเตสุ หิ เวเคน อฺมฺํ สงฺฆฏฺเฏนฺเตสุ ทีปิโกภาโส วิย โอภาโส อุปฺปชฺชิตฺวา อากาสโต ปตติ, ตตฺรายํ อุกฺกาปาตโวหาโร. โชติสตฺเถปิ วุตฺตํ –
‘‘มหาสิขา จ สุกฺขคฺคา-รตฺตานิลสิโขชฺชลา;
โปริสี จ ปมาเณน, อุกฺกา นานาวิธา มตา’’ติ.
ทิสากาลุสิยนฺติ ทิสาสุ โขภนํ, ตํ สรูปโต ทสฺเสติ ‘‘อคฺคิสิขธูมสิขาทีหิ อากุลภาโว วิยา’’ติ อิมินา, อคฺคิสิขธูมสิขาทีนํ พหุธา ปาตุภาโว เอว ทิสาทาโห นามาติ วุตฺตํ โหติ. ตเทว ‘‘ธูมเกตู’’ติ โลกิยา วทนฺติ. วุตฺตฺจ โชติสตฺเถ –
‘‘เกตุ วิย สิขาวตี, โชติ อุปฺปาตรูปินี’’ติ.
สุกฺขวลาหกคชฺชนนฺติ วุฏฺิมนฺตเรน วายุเวคจลิตสฺส วลาหกสฺส นทนํ. ยํ โลกิยา ‘‘นิฆาโต’’ติ วทนฺติ. วุตฺตฺจ โชติสตฺเถ –
‘‘ยทานฺตลิกฺเข พลวา, มารุโต มารุตาหโต;
ปตตฺยโธ ส นีฆาโต, ชายเต วายุสมฺภโว’’ติ.
อุทยนนฺติ ลคฺคนมายูหนํ.
‘‘ยโทเทติ ตทา ลคนํ, ราสีนมนฺวยํ กมา’’ติ –
หิ ¶ ¶ วุตฺตํ. อตฺถงฺคมนมฺปิ ตโต สตฺตมราสิปฺปมาณวเสน เวทิตพฺพํ. อพฺภา ธูโม รโช ราหูติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ อวิสุทฺธตา. ตพฺพินิมุตฺตตา โวทานํ. วุตฺตฺจ ‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว, จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ. กตเม จตฺตาโร? อพฺภา ภิกฺขเว, จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยน…เป… ธูโม…เป… รโช…เป… ราหุ ภิกฺขเว…เป… อิเม โข…เป… น วิโรจนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๕๐).
๒๕. เทวสฺสาติ เมฆสฺส. ธารานุปฺปเวจฺฉนํ วสฺสนํ. อวคฺคาโหติ ธาราย อวคฺคหณํ ทุคฺคหณํ, เตนาห ‘‘วสฺสวิพนฺโธ’’ติ. หตฺถมุทฺทาติ หตฺเถน อธิปฺเปตวิฺาปนํ, ตํ ปน องฺคุลิสงฺโกจเนน คณนาเยวาติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑) วุตฺตํ. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน ปน ‘‘หตฺถมุทฺทา นาม องฺคุลิปพฺเพสุ สฺํ เปตฺวา คณนา’’ติ ทสฺสิตา. คณนา วุจฺจติ อจฺฉิทฺทกคณนา ปริเสสาเยน, สา ปน ปาทสิกมิลกฺขกาทโย วิย ‘‘เอกํ ทฺเว’’ติอาทินา นวนฺตวิธินา นิรนฺตรคณนาติ เวทิตพฺพา. สมูหนํ สงฺกลนํ วิสุํ อุปฺปาทนํ อปนยนํ ปฏุปฺปาทนํ [สฏุปฺปาทนํ (อฏฺกถายํ)] ‘‘สทุปฺปาทน’’นฺติปิ ปนฺติ, สมฺมา อุปฺปาทนนฺติ อตฺโถ. อาทิ-สทฺเทน โวกลนภาคหาราทิเก สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ โวกลนํ วิสุํ สมูหกรณํ, โวมิสฺสนนฺติ อตฺโถ. ภาคกรณํ ภาโค. ภฺุชนํ วิภชนํ หาโร. สาติ ยถาวุตฺตา ปิณฺฑคณนา ทิสฺวาติ เอตฺถ ทิฏฺมตฺเตน คเณตฺวาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ.
ปฏิภานกวีติ เอตฺถ องฺคุตฺตราคเม (อ. นิ. ๔.๒๓๑) วุตฺตานนฺติ เสโส, กวีนํ กพฺยกรณนฺติ สมฺพนฺโธ, เอเตน กวีหิ กตํ, กวีนํ วา อิทํ กาเวยฺยนฺติ อตฺถํ ทสฺเสติ. ‘‘อตฺตโน จินฺตาวเสนา’’ติอาทิ เตสํ สภาวทสฺสนํ. ตถา หิ วตฺถุํ, อนุสนฺธิฺจ สยเมว จิเรน จินฺเตตฺวา กรณวเสน จินฺตากวิ เวทิตพฺโพ. กิฺจิ สุตฺวา สุเตน อสุตํ อนุสนฺเธตฺวา กรณวเสน สุตกวิ, กิฺจิ อตฺถํ อุปธาเรตฺวา ตสฺส สงฺขิปนวิตฺถารณาทิวเสน อตฺถกวิ, ยํ กิฺจิ ปเรน กตํ กพฺพํ วา นาฏกํ วา ทิสฺวา ตํสทิสเมว อฺํ อตฺตโน านุปฺปตฺติกปฏิภาเนน กรณวเสน ปฏิภานกวีติ. นฺติ ตมตฺถํ. ตปฺปฏิภาคนฺติ ¶ เตน ทิฏฺเน สทิสํ. ‘‘กตฺตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ วิเสสนํ, ‘‘กริสฺสามี’’ติ เอตฺถ วา ภาวนปุํสกํ. านุปฺปตฺติกปฏิภานวเสนาติ การณานุรูปํ ปวตฺตนกาณวเสน. ชีวิกตฺถายาติ ปกรณาธิคตวเสเนว วุตฺตํ. กวีนํ อิทนฺติ กพฺยํ, ยํ ‘‘คีต’’นฺติ วุจฺจติ.
๒๖. ปริคฺคหภาเวน ทาริกาย คณฺหนํ อาวาหนํ. ตถา ทานํ วิวาหนํ. อิธ ปน ตถากรณสฺส ¶ อุตฺตรปทโลเปน นิทฺเทโส, เหตุคพฺภวเสน วา, เตนาห ‘‘อิมสฺส ทารกสฺสา’’ติอาทิ. อิตีติ เอวํโหนฺเตสุ, เอวํภาวโต วา. อุฏฺานนฺติ เขตฺตาทิโต อุปฺปนฺนมายํ. อิณนฺติ ธนวฑฺฒนตฺถํ ปรสฺส ทินฺนํ ปริยุทฺจนํ. ปุพฺเพ ปริจฺฉินฺนกาเล อสมฺปตฺเตปิ อุทฺธริตมิณํ อุฏฺานํ, ยถาปริจฺฉินฺนกาเล ปน สมฺปตฺเต อิณนฺติ เกจิ, ตทยุตฺตเมว อิณคหเณเนว สิชฺฌนโต. ปเรสํ ทินฺนํ อิณํ วา ธนนฺติ สมฺพนฺโธ. ถาวรนฺติ จิรฏฺิติกํ. เทสนฺตเร ทิคุณติคุณาทิคหณวเสน ภณฺฑปฺปโยชนํ ปโยโค. ตตฺถ วา อฺตฺถ วา ยถากาลปริจฺเฉทํ วฑฺฒิคหณวเสน ปโยชนํ อุทฺธาโร. ‘‘ภณฺฑมูลรหิตานํ วาณิชํ กตฺวา เอตฺตเกน อุทเยน สห มูลํ เทถา’ติ ธนทานํ ปโยโค, ตาวกาลิกทานํ อุทฺธาโร’’ติปิ วทนฺติ. อชฺช ปโยชิตํ ทิคุณํ จตุคุณํ โหตีติ ยทิ อชฺช ปโยชิตํ ภณฺฑํ, เอวํ อปรชฺช ทิคุณํ, อชฺช จตุคุณํ โหตีติ อตฺโถ. สุภสฺส, สุเภน วา คมนํ ปวตฺตนํ สุภโค, ตสฺส กรณํ สุภคกรณํ, ตํ ปน ปิยมนาปสฺส, สสฺสิรีกสฺส วา กรณเมวาติ อาห ‘‘ปิยมนาปกรณ’’นฺติอาทิ. สสฺสิรีกกรณนฺติ สรีรโสภคฺคกรณํ. วิลีนสฺสาติ ปติฏฺหิตฺวาปิ ปริปกฺกมปาปุณิตฺวา วิโลปสฺส. ตถา ปริปกฺกภาเวน อฏฺิตสฺส. ปริยายวจนเมตํ ปทจตุกฺกํ. เภสชฺชทานนฺติ คพฺภสณฺาปนเภสชฺชสฺส ทานํ. ตีหิ การเณหีติ เอตฺถ วาเตน, ปาณเกหิ วา คพฺเภ วินสฺสนฺเต น ปุริมกมฺมุนา โอกาโส กโต, ตปฺปจฺจยา เอว กมฺมํ วิปจฺจติ, สยเมว ปน กมฺมุนา โอกาเส กเต น เอกนฺเตน วาตา, ปาณกา วา อเปกฺขิตพฺพาติ กมฺมสฺส วิสุํ การณภาโว วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. วินยฏฺกถายํ (วิ. อฏฺ. ๒.๑๘๕) ปน วาเตน ปาณเกหิ วา คพฺโภ วินสฺสนฺโต กมฺมํ วินา น วินสฺสตีติ อธิปฺปาเยน ตมฺาตฺร ทฺวีหิ การเณหีติ วุตฺตํ. นิพฺพาปนียนฺติ อุปสมกรํ. ปฏิกมฺมนฺติ ยถา เต น ขาทนฺติ, ตถา ปฏิกรณํ.
พนฺธกรณนฺติ ¶ ยถา ชึ จาเลตุํ น สกฺโกติ, เอวํ อนาโลฬิตกรณํ. ปริวตฺตนตฺถนฺติ อาวุธาทินา สห อุกฺขิตฺตหตฺถานํ อฺตฺถ ปริวตฺตนตฺถํ, อตฺตนา โคปิตฏฺาเน อขิเปตฺวา ปรตฺถ ขิปนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. ขิปตีติ จ อฺตฺถ ขิปตีติ อตฺโถ. วินิจฺฉยฏฺาเนติ อฑฺฑวินิจฺฉยฏฺาเน. อิจฺฉิตตฺถสฺส เทวตาย กณฺเณ กถนวเสน ชปฺปนํ กณฺณชปฺปนนฺติ จ วทนฺติ. เทวตํ โอตาเรตฺวาติ เอตฺถ มนฺตชปฺปเนน เทวตาย โอตารณํ. ชีวิกตฺถายาติ ยถา ปาริจริยํ กตฺวา ชีวิตวุตฺติ โหติ, ตถา ชีวิตวุตฺติกรณตฺถาย. อาทิจฺจปาริจริยาติ กรมาลาหิ ปูชํ กตฺวา สกลทิวสํ อาทิจฺจาภิมุขาวฏฺาเนน อาทิจฺจสฺส ปริจรณํ. ‘‘ตเถวา’’ติ อิมินา ‘‘ชีวิกตฺถายา’’ติ ปทมากฑฺฒติ. สิริวฺหายนนฺติ อี-การโต อ-การโลเปน สนฺธินิทฺเทโส, เตนาห ‘‘สิริยา อวฺหายน’’นฺติ. ‘‘สิเรนา’’ติ ปน านวเสน อวฺหายนาการํ ¶ ทสฺเสติ. เย ตุ อ-การโต อ-การสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘สิรวฺหายน’’นฺติ ปนฺติ, เตสํ ปาเ อยมตฺโถ ‘‘มนฺตํ ชปฺเปตฺวา สิรสา อิจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส อวฺหายน’’นฺติ.
๒๗. เทวฏฺานนฺติ เทวายตนํ. อุปหารนฺติ ปูชํ. สมิทฺธิกาเลติ อายาจิตสฺส อตฺถสฺส สิทฺธกาเล. สนฺติปฏิสฺสวกมฺมนฺติ เทวตายาจนาย ยา สนฺติ ปฏิกตฺตพฺพา, ตสฺสา ปฏิสฺสวกรณํ. สนฺตีติ เจตฺถ มนฺตชปฺปเนน ปูชากรณํ, ตาย สนฺติยา อายาจนปฺปโยโคติ อตฺโถ. ตสฺมินฺติ ยํ ‘‘สเจ เม อิทํ นาม สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมึ ปฏิสฺสวผลภูเต ยถาภิปตฺถิตกมฺมสฺมึ. ตสฺสาติ โย ‘‘ปณิธี’’ติ จ วุตฺโต, ตสฺส ปฏิสฺสวสฺส. ยถาปฏิสฺสวฺหิ อุปหาเร กเต ปณิธิอายาจนา กตา นิยฺยาติตา โหตีติ. คหิตมนฺตสฺสาติ อุคฺคหิตมนฺตสฺส. ปโยคกรณนฺติ อุปจารกมฺมกรณํ. อิตีติ การณตฺเถ นิปาโต, เตน วสฺสโวสฺส-สทฺทานํ ปุริสปณฺฑเกสุ ปวตฺตึ การณภาเวน ทสฺเสติ, ปณฺฑกโต วิเสเสน อสติ ภวตีติ วสฺโส. ปุริสลิงฺคโต วิรเหน อวอสติ หีฬิโต หุตฺวา ภวตีติ โวสฺโส. วิเสโส ราคสฺสโว ยสฺสาติ วสฺโส. วิคโต ราคสฺสโว ยสฺสาติ โวสฺโสติ นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธีติปิ วทนฺติ. วสฺสกรณํ ตทนุรูปเภสชฺเชน. โวสฺสกรณํ ปน อุทฺธตพีชตาทินาปิ, เตเนว ชาตกฏฺกถายํ ‘‘โวสฺสวราติ อุทฺธตพีชา โอโรธปาลกา’’ติ วุตฺตํ ¶ . อจฺฉนฺทิกภาวมตฺตนฺติ อิตฺถิยา อกามภาวมตฺตํ. ลิงฺคนฺติ ปุริสนิมิตฺตํ.
วตฺถุพลิกมฺมกรณนฺติ ฆรวตฺถุสฺมึ พลิกมฺมสฺส กรณํ, ตํ ปน อุปทฺทวปฏิพาหนตฺถํ, วฑฺฒนตฺถฺจ กโรนฺติ, มนฺตชปฺปเนน อตฺตโน, อฺเสฺจ มุขสุทฺธิกรณํ. เตสนฺติ อฺเสํ. โยคนฺติ เภสชฺชปโยคํ. วมนนฺติ ปจฺฉินฺทนํ. อุทฺธํวิเรจนนฺติ วมนเภทเมว ‘‘อุทฺธํ โทสานํ นีหรณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. วิเรจนนฺติ ปกติวิเรจนเมว. อโธวิเรจนนฺติ สุทฺธวตฺถิกสาววตฺถิอาทิวตฺถิกิริยา ‘‘อโธ โทสานํ นีหรณ’’นฺติ วุตฺตตฺตา. อโถ วมนํ อุคฺคิรณเมว, อุทฺธํวิเรจนํ โทสนีหรณํ. ตถา วิเรจนํ วิเรโกว, อโธวิเรจนํ โทสนีหรณนฺติ อยเมเตสํ วิเสโส ปากโฏ โหติ. โทสานนฺติ จ ปิตฺตาทิโทสานนฺติ อตฺโถ. เสมฺหนีหรณาทิ สิโรวิเรจนํ. กณฺณพนฺธนตฺถนฺติ ฉินฺนกณฺณานํ สงฺฆฏนตฺถํ. วณหรณตฺถนฺติ อรุปนยนตฺถํ. อกฺขิตปฺปนเตลนฺติ อกฺขีสุ อุสุมสฺส นีหรณเตลํ. เยน อกฺขิมฺหิ อฺชิเต อุณฺหํ อุสุมํ นิกฺขมติ. ยํ นาสิกาย คณฺหียติ, ตํ นตฺถุ. ปฏลานีติ อกฺขิปฏลานิ. นีหรณสมตฺถนฺติ อปนยนสมตฺถํ. ขารฺชนนฺติ ขารกมฺชนํ. สีตเมว สจฺจํ นิรุตฺตินเยน, ตสฺส การณํ อฺชนํ สจฺจฺชนนฺติ อาห ‘‘สีตลเภสชฺชฺชน’’นฺติ. สลากเวชฺชกมฺมนฺติ อกฺขิโรคเวชฺชกมฺมํ. สลากสทิสตฺตา สลากสงฺขาตสฺส อกฺขิโรคสฺส เวชฺชกมฺมนฺติ ¶ หิ สาลากิยํ. อิทํ ปน วุตฺตาวเสสสฺส อกฺขิโรคปฏิกมฺมสฺส สงฺคหณตฺถํ วุตฺตํ ‘‘ตปฺปนาทโยปิ หิ สาลากิยาเนวา’’ติ. ปฏิวิทฺธสฺส สลากสฺส นิกฺขมนตฺถํ เวชฺชกมฺมํ สลากเวชฺชกมฺมนฺติ เกจิ, ตํ ปน สลฺลกตฺติยปเทเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สลฺลสฺส ปฏิวิทฺธสฺส กตฺตนํ อุพฺพาหนํ สลฺลกตฺตํ, ตทตฺถาย เวชฺชกมฺมํ สลฺลกตฺตเวชฺชกมฺมํ. กุมารํ ภรตีติ กุมารภโต, ตสฺส ภาโว โกมารภจฺจํ, กุมาโร เอว วา โกมาโร, ภตนํ ภจฺจํ, ตสฺส ภจฺจํ ตถา, ตทภินิปฺผาทกํ เวชฺชกมฺมนฺติ อตฺโถ. มูลานิ ปธานานิ โรคูปสมเน สมตฺถานิ เภสชฺชานิ มูลเภสชฺชานิ, มูลานํ วา พฺยาธีนํ เภสชฺชานิ ตถา. มูลานุพนฺธวเสน หิ ทุวิโธ พฺยาธิ. ตตฺร มูลพฺยาธิมฺหิ ติกิจฺฉิเต เยภุยฺเยน อิตรํ วูปสมติ, เตนาห ‘‘กายติกิจฺฉตํ ทสฺเสตี’’ติอาทิ ¶ . ตตฺถ กายติกิจฺฉตนฺติ มูลภาวโต สรีรภูเตหิ เภสชฺเชหิ, สรีรภูตานํ วา โรคานํ ติกิจฺฉกภาวํ. ขาราทีนีติ ขาโรทกาทีนิ. ตทนุรูเป วเณติ วูปสมิตสฺส มูลพฺยาธิโน อนุจฺฉวิเก อรุมฺหิ. เตสนฺติ มูลเภสชฺชานํ. อปนยนํ อปหรณํ, เตหิ อติกิจฺฉนนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺจ โกมารภจฺจสลฺลกตฺตสาลากิยาทิวิเสสภูตานํ ตนฺตีนํ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา ปาริเสสวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา ตทวเสสาย ตนฺติยา อิธ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, สพฺพานิ เจตานิ อาชีวเหตุกานิเยว อิธาธิปฺเปตานิ ‘‘มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑) วุตฺตตฺตา. ยํ ปน ตตฺถ ตตฺถ ปาฬิยํ ‘‘อิติ วา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิตี-ติ ปการตฺเถ นิปาโต, วา-ติ วิกปฺปนตฺเถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมินา ปกาเรน, อิโต อฺเน วาติ. เตน ยานิ อิโต พาหิรกปพฺพชิตา สิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานาทีนิ ชีวิโกปายภูตานิ อาชีวิกปกตา อุปชีวนฺติ, เตสํ ปริคฺคโห กโตติ เวทิตพฺพํ.
มหาสีลวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุพฺพนฺตกปฺปิกสสฺสตวาทวณฺณนา
๒๘. อิทานิ สฺุตาปกาสนวารสฺสตฺถํ วณฺเณนฺโต อนุสนฺธึ ปกาเสตุํ ‘‘เอว’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ วุตฺตวณฺณสฺสาติ สหตฺเถ ฉฏฺิวจนํ, สามิอตฺเถ วา อนุสนฺธิ-สทฺทสฺส ภาวกมฺมวเสน กิริยาเทสนาสุ ปวตฺตนโต. ภิกฺขุสงฺเฆน วุตฺตวณฺณสฺสาติ ‘‘ยาวฺจิทํ เตน ภควตา’’ติอาทินา ¶ วุตฺตวณฺณสฺส. ตตฺร ปาฬิยํ อยํ สมฺพนฺโธ – น ภิกฺขเว, เอตฺตกา เอว พุทฺธคุณา เย ตุมฺหากํ ปากฏา, อปากฏา ปน ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, อฺเ ธมฺมา’’ติ วิตฺถาโร. ‘‘อิเม ทิฏฺิฏฺานา เอวํ คหิตา’’ติอาทินา สสฺสตาทิทิฏฺิฏฺานานํ ยถาคหิตาการสฺส สฺุภาวปฺปกาสนโต, ‘‘ตฺจ ปชานนํ น ปรามสตี’’ติ สีลาทีนฺจ อปรามสนียภาวทีปเนน นิจฺจสาราทิวิรหปฺปกาสนโต, ยาสุ เวทนาสุ อวีตราคตาย พาหิรานํ เอตานิ ทิฏฺิวิพนฺธกานิ สมฺภวนฺติ, ตาสํ ปจฺจยภูตานฺจ สมฺโมหาทีนํ เวทกการกสภาวาภาวทสฺสนมุเขน สพฺพธมฺมานํ อตฺตตฺตนิยตาวิรหทีปนโต, อนุปาทาปรินิพฺพานทีปนโต จ อยํ เทสนา ¶ สฺุตาวิภาวนปฺปธานาติ อาห ‘‘สฺุตาปกาสนํ อารภี’’ติ.
ปริยตฺตีติ วินยาทิเภทภินฺนา มนสา ววตฺถาปิตา ตนฺติ. เทสนาติ ตสฺสา ตนฺติยา มนสา ววตฺถาปิตาย วิภาวนา, ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาปภูตา วา ปฺาปนา, อนุโลมาทิวเสน วา กถนนฺติ ปริยตฺติเทสนานํ วิเสโส ปุพฺเพเยว ววตฺถาปิโตติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘เทสนาย, ปริยตฺติย’’นฺติ จ วุตฺตํ. เอวมาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน สจฺจสภาวสมาธิปฺาปกติปฺุาปตฺติเยฺยาทโย สงฺคยฺหนฺติ. ตถา หิ อยํ ธมฺม-สทฺโท ‘‘จตุนฺนํ ภิกฺขเว, ธมฺมานํ อนนุโพธา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑) สจฺเจ ปวตฺตติ, ‘‘กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑) สภาเว, ‘‘เอวํธมฺมา เต ภควนฺโต อเหสุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๓, ๙๔, ๑๔๕; ๓.๑๔๒; ม. นิ. ๓.๑๖๗; สํ. นิ. ๕.๓๗๘) สมาธิมฺหิ, ‘‘สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ส เว เปจฺจ น โสจติ’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๐) ปฺายํ, ‘‘ชาติธมฺมานํ ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓๑; ๓.๓๗๓; ปฏิ. ม. ๑.๓๓) ปกติยํ, ‘‘ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๘๔; เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑๕.๓๘๕) ปฺุเ, ‘‘จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๓) อาปตฺติยํ, ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) เยฺเย ปวตฺตติ. ธมฺมา โหนฺตีติ สตฺตชีวโต สฺุา ธมฺมมตฺตา โหนฺตีติ อตฺโถ. กิมตฺถิยํ คุเณ ปวตฺตนนฺติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
มกสตุณฺฑสูจิยาติ สูจิมุขมกฺขิกาย ตุณฺฑสงฺขาตาย สูจิยา. อลพฺภเนยฺยปติฏฺโ วิยาติ สมฺพนฺโธ. อฺตฺร ตถาคตาติ เปตฺวา ตถาคตํ. ‘‘ทุทฺทสา’’ติ ปเทเนว เตสํ ธมฺมานํ ทุกฺโขคาหตา ¶ ปกาสิตาติ ‘‘อลพฺภเนยฺยปติฏฺา’’ อิจฺเจว วุตฺตํ. ลภิตพฺพาติ ลพฺภนียา, สา เอว ลพฺภเนยฺยา, ลภียเต วา ลพฺภนํ, ตมรหตีติ ลพฺภเนยฺยา, น ลพฺภเนยฺยา อลพฺภเนยฺยา, ปติฏฺหนฺติ เอตฺถาติ ปติฏฺา, ปติฏฺหนํ วา ปติฏฺา, อลพฺภเนยฺยา ปติฏฺา เอตฺถาติ อลพฺภเนยฺยปติฏฺา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ โกจิ อตฺตโน ปมาณํ อชานนฺโต าเณน ¶ เต ธมฺเม โอคาหิตุํ อุสฺสาหํ กเรยฺย, ตสฺส ตํ าณํ อปฺปติฏฺเมว มกสตุณฺฑสูจิ วิย มหาสมุทฺเทติ. โอคาหิตุมสกฺกุเณยฺยตาย ‘‘เอตฺตกา เอเต อีทิสา วา’’ติ เต ปสฺสิตุํ น สกฺกาติ วุตฺตํ ‘‘คมฺภีรตฺตา เอว ทุทฺทสา’’ติ. เย ปน ทฏฺุเมว น สกฺกา, เตสํ โอคาหิตฺวา อนุ อนุ พุชฺฌเน กถา เอว นตฺถีติ อาห ‘‘ทุทฺทสตฺตา เอว ทุรนุโพธาติ. สพฺพกิเลสปริฬาหปฏิปฺปสฺสทฺธิสงฺขาตอคฺคผลมตฺถเก สมุปฺปนฺนตา, ปุเรจรานุจรวเสน นิพฺพุตสพฺพกิเลสปริฬาหสมาปตฺติสโมกิณฺณตฺตา จ นิพฺพุตสพฺพปริฬาหา. ตพฺภาวโต สนฺตาติ อตฺโถ. สนฺตารมฺมณานิ มคฺคผลนิพฺพานานิ อนุปสนฺตสภาวานํ กิเลสานํ, สงฺขารานฺจ อภาวโต.
อถ วา กสิณุคฺฆาฏิมากาสตพฺพิสยวิฺาณานํ อนนฺตภาโว วิย สุสมูหตวิกฺเขปตาย นิจฺจสมาหิตสฺส มนสิการสฺส วเสน ตทารมฺมณธมฺมานํ สนฺตภาโว เวทิตพฺโพ. อวิรชฺฌิตฺวา นิมิตฺตปฏิเวโธ วิย อิสฺสาสานํ อวิรชฺฌิตฺวา ธมฺมานํ ยถาภูตสภาวาวโพโธ สาทุรโส มหารโสว โหตีติ อาห ‘‘อติตฺติกรณฏฺเนา’’ติ, อตปฺปนกรณสภาเวนาติ อตฺโถ. โสหิจฺจํ ติตฺติ ตปฺปนนฺติ หิ ปริยาโย. อติตฺติกรณฏฺเนาติ ปตฺเถตฺวา สาทุรสกรณฏฺเนาติปิ อตฺถํ วทนฺติ. ปฏิเวธปฺปตฺตานํ เตสุ จ พุทฺธานเมว สพฺพากาเรน วิสยภาวูปคมนโต น ตกฺกพุทฺธิยา โคจราติ อาห ‘‘อุตฺตมาณวิสยตฺตา’’ติอาทิ. นิปุณาติ เยฺเยสุ ติกฺขปฺปวตฺติยา เฉกา. ยสฺมา ปน โส เฉกภาโว อารมฺมเณ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย, สุขุมเยฺยคฺคหณสมตฺถตาย จ สุปากโฏ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สณฺหสุขุมสภาวตฺตา’’ติ. ปณฺฑิเตหิเยวาติ อวธารณํ สมตฺเถตุํ ‘‘พาลานํ อวิสยตฺตา’’ติ อาห.
อยํ อฏฺกถานยโต อปโร นโย – วินยปณฺณตฺติอาทิคมฺภีรเนยฺยวิภาวนโต คมฺภีรา. กทาจิเยว อสงฺขฺเยยฺเย มหากปฺเป อติกฺกมิตฺวาปิ ทุลฺลภทสฺสนตาย ทุทฺทสา. ทสฺสนฺเจตฺถ ปฺาจกฺขุวเสเนว เวทิตพฺพํ. ธมฺมนฺวยสงฺขาตสฺส อนุโพธสฺส กสฺสจิเทว สมฺภวโต ทุรนุโพธา. สนฺตสภาวโต, เวเนยฺยานฺจ สพฺพคุณสมฺปทานํ ปริโยสานตฺตา สนฺตา. อตฺตโน ปจฺจเยหิ ปธานภาวํ นีตตาย ปณีตา. สมธิคตสจฺจลกฺขณตาย อตกฺเกหิ ปุคฺคเลหิ, อตกฺเกน ¶ วา าเณน อวจริตพฺพโต อตกฺกาวจรา. นิปุณํ, นิปุเณ วา อตฺเถ สจฺจปจฺจยาการาทิวเสน ¶ วิภาวนโต นิปุณา. โลเก อคฺคปณฺฑิเตน สมฺมาสมฺพุทฺเธน เวทิตพฺพโต ปกาสิตพฺพโต ปณฺฑิตเวทนียา.
อนาวรณาณปฏิลาภโต หิ ภควา ‘‘สพฺพวิทูหมสฺมิ, (ม. นิ. ๑.๑๗๘; ๒.๓๔๒; ธ. ป. ๓๕๓; มหาว. ๑๑) ทสพลสมนฺนาคโต ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๑; ๒.๒๒) อตฺตโน สพฺพฺุตาทิคุเณ ปกาเสสิ, เตเนวาห ‘‘สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตี’’ติ. สยํ-สทฺเทน, นิทฺธาริตาวธารเณน วา นิวตฺเตตพฺพมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนฺเนยฺโย หุตฺวา’’ติ วุตฺตํ, อฺเหิ อโพธิโต หุตฺวาติ อตฺโถ. อภิฺาติ ย-การโลโป ‘‘อฺาณตา อาปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ปริ. ๒๙๖) วิยาติ ทสฺเสติ ‘‘อภิวิสิฏฺเน าเณนา’’ติ อิมินา. อปิจ ‘‘สยํ อภิฺา’’ติ ปทสฺส อนฺเนยฺโย หุตฺวาติ อตฺถวจนํ, ‘‘สจฺฉิกตฺวา’’ติ ปทสฺส ปน สยเมว…เป… กตฺวาติ. สยํ-สทฺทา หิ สจฺฉิกตฺวาติ เอตฺถาปิ สมฺพชฺฌิตพฺโพ. อภิวิสิฏฺเน าเณนาติ จ ตสฺส เหตุวจนํ, กรณวจนํ วา.
ตตฺถ กิฺจาปิ สพฺพฺุตฺาณํ ผลนิพฺพานานิ วิย สจฺฉิกาตพฺพสภาวํ น โหติ, อาสวกฺขยาเณ ปน อธิคเต อธิคตเมว โหติ, ตสฺมา ตสฺส ปจฺจกฺขกรณํ สจฺฉิกิริยาติ อาห ‘‘อภิวิสิฏฺเน าเณน ปจฺจกฺขํ กตฺวา’’ติ. เหตุอตฺเถ เจตํ กรณวจนํ, อคฺคมคฺคาณสงฺขาตสฺส อภิวิสิฏฺาณสฺสาธิคมเหตูติ อตฺโถ. อภิวิสิฏฺาณนฺติ วา ปจฺจเวกฺขณาาเณ อธิปฺเปเต กรณตฺเถ กรณวจนมฺปิ ยุชฺชเตว. ปเวทนฺเจตฺถ อฺาวิสยานํ สจฺจาทีนํ เทสนากิจฺจสาธนโต, ‘‘เอโกมฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา (มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕) ปฏิชานนโต จ เวทิตพฺพํ. คุณธมฺเมหีติ คุณสงฺขาเตหิ ธมฺเมหิ. ยถาภูตเมว ยถาภุจฺจํ สกตฺเถ ณฺยปจฺจยวเสน.
วทมานาติ เอตฺถ สตฺติอตฺโถ มานสทฺโท ยถา ‘‘เอกปุคฺคโล ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติ, (อ. นิ. ๑.๑๗๐; กถา. ๔๐๕) ตสฺมา วตฺตุํ อุสฺสาหํ กโรนฺโตติ อตฺโถ. เอวํภูตา หิ วตฺตุกามา นาม โหนฺติ, เตนาห ‘‘ตถาคตสฺสา’’ติอาทิ ¶ . สาวเสสํ วทนฺตาปิ วิปรีตวทนฺตา วิย สมฺมา วทนฺตีติ น วตฺตพฺพาติ ยถา สมฺมา วทนฺติ, ตถา ทสฺเสตุํ ‘‘อหาเปตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตน หิ อนวเสสวทนเมว สมฺมา วทนนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘วตฺตุํ สกฺกุเณยฺยุ’’นฺติ อิมินา จ ‘‘วเทยฺยุ’’นฺติ เอตสฺส สมตฺถนตฺถภาวมาห ยถา ‘‘โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๑.๑.๙) เย เอวํ ภควตา โถมิตา, เต ธมฺมา กตเมติ โยชนา. ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, อฺเว ธมฺมา’’ติอาทิปาฬิยา ¶ ‘‘สพฺพฺุตฺาณ’’นฺติ วุตฺตวจนสฺส วิโรธิภาวํ โจเทนฺโต ‘‘ยทิ เอว’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยทิ เอวนฺติ เอวํ ‘‘สพฺพฺุตฺาณ’’นฺติ วุตฺตวจนํ ยทิ สิยาติ อตฺโถ. พหุวจนนิทฺเทโสติ ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทีนิ สนฺธาย วุตฺตํ. อตฺถิ-สทฺโทปิ หิ อิธ พหุวจโนเยว ‘‘อตฺถิ ขีรา, อตฺถิ คาโว’’ติอาทีสุ วิย นิปาตภาวสฺเสว อิจฺฉิตตฺตา. ยทิปิ ตทิทํ าณํ เอกเมว สภาวโต, ตถาปิ สมฺปโยคโต, อารมฺมณโต จ ปุถุวจนปฺปโยคมรหตีติ วิสฺสชฺเชติ ‘‘ปุถุจิตฺต…เป… รมฺมณโต’’ติ อิมินา. ปุถุจิตฺตสมาโยคโตติ ปุถูหิ จิตฺเตหิ สมฺปโยคโต. ปุถูนิ อารมฺมณานิ เอตสฺสาติ ปุถุอารมฺมณํ, ตพฺภาวโต สพฺพารมฺมณตฺตาติ วุตฺตํ โหติ.
อปิจ ปุถุ อารมฺมณํ อารมฺมณเมตสฺสาติ ปุถุอารมฺมณารมฺมณนฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ ‘‘โอฏฺมุโข, กามาวจร’’นฺติอาทีสุ วิย เอกสฺส อารมฺมณสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘ปุถุอารมฺมณโต’’ติ วุตฺตํ, เตนสฺส ปุถุาณกิจฺจสาธกตฺตํ ทสฺเสติ. ตถา เหตํ าณํ ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณํ, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ, ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ, ฉสุ อสาธารณาเณสุ เสสาสาธารณาณานิ, สตฺตาริยปุคฺคลวิภาวนกาณํ, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณํ, นวสตฺตาวาสปริชานนาณํ, ทสพลาณนฺติ เอวมาทีนํ อเนกสตสหสฺสเภทานํ าณานํ ยถาสมฺภวํ กิจฺจํ สาเธติ, เตสํ อารมฺมณภูตานํ อเนเกสมฺปิ ธมฺมานํ ตทารมฺมณภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ ยถากฺกมํ ตพฺพิวรณํ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬึ สาธกภาเวน ทสฺเสติ. ตตฺถาติ อตีตธมฺเม. เอกวารวเสน ปุถุอารมฺมณภาวํ นิวตฺเตตฺวา อเนกวารวเสน กมปฺปวตฺติยา ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติวเสนา’’ติ วุตฺตํ. กเมนาปิ หิ สพฺพฺุตฺาณํ วิสเยสุ ปวตฺตติ, น ตถา สกึเยว ¶ . ยถา พาหิรกา วทนฺติ ‘‘สกึเยว สพฺพฺู สพฺพํ ชานาติ, น กเมนา’’ติ.
ยทิ เอวํ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยปฺปเภทสฺส เยฺยสฺส ปริจฺเฉทวตา เอเกน าเณน นิรวเสสโต กถํ ปฏิเวโธติ, โก วา เอวมาห ‘‘ปริจฺเฉทวนฺตํ สพฺพฺุตฺาณ’’นฺติ. อปริจฺเฉทฺหิ ตํ าณํ เยฺยมิว. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ. ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณ’’นฺติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕ อธิปฺปายตฺถเมว คหิตํ วิย ทิสฺสติ) เอวมฺปิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน, ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เยฺเย กเมน คยฺหมาเน อนวเสสปฏิเวโธ น สมฺภวติเยวาติ? นยิทเมวํ. ยฺหิ กิฺจิ ภควตา าตุมิจฺฉิตํ สกลเมกเทโส วา, ตตฺถ อปฺปฏิหตจาริตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ. วิกฺเขปาภาวโต จ ภควา สพฺพกาลํ สมาหิโตติ ¶ าตุมิจฺฉิตสฺส ปจฺจกฺขภาโว น สกฺกา นิวาเรตุํ. วุตฺตฺหิ ‘‘อากงฺขาปฏิพทฺธํ พุทฺธสฺส ภควโต าณ’’นฺติอาทิ, (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕) นนุ เจตฺถ ทูรโต จิตฺตปฏํ ปสฺสนฺตานํ วิย, ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนฺตานํ วิย จ อเนกธมฺมาวโพธกาเล อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺตตีติ คเหตพฺพนฺติ? คเหตพฺพํ อจินฺเตยฺยานุภาวตาย พุทฺธาณสฺส. เตเนวาห ‘‘พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโย’’ติ, (อ. นิ. ๔.๗๗) อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติโน อนาวรณาณสฺส ปฏิลาเภน ภควา สนฺตาเนน สพฺพธมฺมปฏิเวธสมตฺโถ อโหสิ สพฺพเนยฺยาวรณสฺส ปหานโต, ตสฺมา สพฺพฺู, น สกึเยว สพฺพธมฺมาวโพธโต ยถาสนฺตาเนน สพฺพสฺส อินฺธนสฺส ทหนสมตฺถตาย ปาวโก ‘‘สพฺพภู’’ติ วุจฺจตีติ.
กามฺจายมตฺโถ ปุพฺเพ วิตฺถาริโตเยว, ปการนฺตเรน ปน โสตุชนานุคฺคหกามตาย, อิมิสฺสา จ โปราณสํวณฺณนาวิโสธนวเสน ปวตฺตตฺตา ปุน วิภาวิโตติ น เจตฺถ ปุนรุตฺติโทโส ปริเยสิตพฺโพ, เอวมีทิเสสุ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ภควโต ทสพลาทิาณานิปิ อนฺสาธารณานิ, สพฺพเทสวิสยตฺตา ปน เตสํ าณานํ น เตหิ พุทฺธคุณา อหาเปตฺวา คหิตา นาม โหนฺติ. สพฺพฺุตฺาณสฺส ปน นิปฺปเทสวิสยตฺตา ¶ ตสฺมึ คหิเต สพฺเพปิ พุทฺธคุณา คหิตา เอว นาม โหนฺติ, ตสฺมา ปาฬิอตฺถานุสาเรน ตเทว าณํ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘เยหิ ตถาคตสฺส ยถาภุจฺจํ วณฺณํ สมฺมา วทมานา วเทยฺยุ’’นฺติ ตเมว ปกาสิตํ ตมนฺตเรน อฺสฺส นิปฺปเทสวิสยสฺส อภาวโต, นิปฺปเทสวิสเยเนว จ ยถาภุจฺจํ สมฺมา วทนสมฺภวโตติ.
อฺเวาติ เอตฺถ เอว-สทฺโท สนฺนิฏฺาปนตฺโถติ ทสฺเสตุํ ‘‘อฺเวาติ อิทํ ปเนตฺถ ววตฺถาปนวจน’’นฺติ วุตฺตํ, ววตฺถาปนวจนนฺติ จ สนฺนิฏฺาปนวจนนฺติ อตฺโถ, สนฺนิฏฺาปนฺจ อวธารณเมว. กถนฺติ อาห ‘‘อฺเวา’’ติอาทิ. ‘‘น ปาณาติปาตา เวรมณิอาทโย’’ติ อิมินา อวธารเณน นิวตฺติตํ ทสฺเสติ. อยฺจ เอว-สทฺโท อนิยตเทสตาย จ-สทฺโท วิย ยตฺถ วุตฺโต, ตโต อฺตฺถาปิ วจนิจฺฉาวเสน อุปติฏฺตีติ อาห ‘‘คมฺภีราวา’’ติอาทิ. อิติ-สทฺเทน จ อาทิอตฺเถน ทุทฺทสาว น สุทสา, ทุรนุโพธาว น สุรนุโพธา, สนฺตาว น ทรถา, ปณีตาว น หีนา, อตกฺกาวจราว น ตกฺกาวจรา, นิปุณาว น ลูขา, ปณฺฑิตเวทนียาว น พาลเวทนียาติ นิวตฺติตํ ทสฺเสติ. สพฺพปเทหีติ ยาว ‘‘ปณฺฑิตเวทนียา’’ติ อิทํ ปทํ, ตาว สพฺพปเทหิ.
เอวํ ¶ นิวตฺเตตพฺพตํ ยุตฺติยา ทฬฺหีกโรนฺโต ‘‘สาวกปารมิาณ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สาวกปารมิาณนฺติ สาวกานํ ทานาทิปารมิปาริปูริยา นิปฺผนฺนํ วิชฺชตฺตยฉฬภิฺาจตุปฏิสมฺภิทาเภทํ าณํ, ตถา ปจฺเจกพุทฺธานํ ปจฺเจกโพธิาณํ. ตโตติ สาวกปารมิาณโต. ตตฺถาติ สาวกปารมิาเณ. ตโตปีติ อนนฺตรนิทฺทิฏฺโต ปจฺเจกโพธิาณโตปิ. อปิ-สทฺเทน, ปิ-สทฺเทน วา โก ปน วาโท สาวกปารมิาณโตติ สมฺภาเวติ. ตตฺถาปีติ ปจฺเจกโพธิาเณปิ. อิโต ปนาติ สพฺพฺุตฺาณโต ปน, ตสฺมา เอตฺถ สพฺพฺุตฺาเณ ววตฺถานํ ลพฺภตีติ อธิปฺปาโย. คมฺภีเรสุ วิเสสา, คมฺภีรานํ วา วิเสเสน คมฺภีรา. อยฺจ คมฺภีโร อยฺจ คมฺภีโร อิเม อิเมสํ วิเสเสน คมฺภีราติ วา คมฺภีรตรา. ตรสทฺเทเนเวตฺถ พฺยวจฺเฉทนํ สิทฺธํ.
เอตฺถายํ โยชนา – กิฺจาปิ สาวกปารมิาณํ เหฏฺิมํ เหฏฺิมํ เสกฺขาณํ ปุถุชฺชนาณฺจ อุปาทาย คมฺภีรํ, ปจฺเจกโพธิาณํ ปน อุปาทาย น ตถา คมฺภีรนฺติ ‘‘คมฺภีรเมวา’’ติ น สกฺกา พฺยวจฺฉิชฺชิตุํ, ตถา ปจฺเจกโพธิาณมฺปิ ¶ ยถาวุตฺตํ าณมุปาทาย คมฺภีรํ, สพฺพฺุตฺาณํ ปน อุปาทาย น เอวํ คมฺภีรนฺติ ‘‘คมฺภีรเมวา’’ติ น สกฺกา พฺยวจฺฉิชฺชิตุํ, ตสฺมา ตตฺถ ววตฺถานํ น ลพฺภติ. สพฺพฺุตฺาณธมฺมา ปน สาวกปารมิาณาทีนมิว กิฺจิ อุปาทาย คมฺภีราภาวาภาวโต ‘‘คมฺภีรา เอวา’’ติ ววตฺถานํ ลพฺภตีติ. ยถา เจตฺถ ววตฺถานํ ทสฺสิตํ, เอวํ สาวกปารมิาณํ ทุทฺทสํ. ‘‘ปจฺเจกโพธิาณํ ปน ตโต ทุทฺทสตรนฺติ ตตฺถ ววตฺถานํ นตฺถี’’ติอาทินา ววตฺถานสมฺภโว เนตพฺโพ, เตเนวาห ‘‘ตถา ทุทฺทสาว…เป… เวทิตพฺพ’’นฺติ.
ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนนฺติปิ ปาโ, ตสฺสา ปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนนฺติ อตฺโถ. เอตนฺติ ยถาวุตฺตํ วิสฺสชฺชนวจนํ. เอวนฺติ อิมินา ทิฏฺีนํ วิภชนากาเรน. เอตฺถายมธิปฺปาโย – ภวตุ ตาว นิรวเสสพุทฺธคุณวิภาวนุปายภาวโต สพฺพฺุตฺาณเมว เอกมฺปิ ปุถุนิสฺสยารมฺมณาณกิจฺจสิทฺธิยา ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, อฺเว ธมฺมา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๘) พหุวจเนน อุทฺทิฏฺํ, ตสฺส ปน วิสฺสชฺชนํ สจฺจปจฺจยาการาทิวิสยวิเสสวเสน อนฺสาธารเณน วิภชนนเยน อนารภิตฺวา สนิสฺสยานํ ทิฏฺิคตานํ วิภชนนเยน กสฺมา อารทฺธนฺติ? ตตฺถ ยถา สจฺจปจฺจยาการาทีนํ วิภชนํ อนฺสาธารณํ สพฺพฺุตฺาณสฺเสว วิสโย, เอวํ นิรวเสสทิฏฺิคตวิภชนมฺปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘พุทฺธานฺหี’’ติอาทิ อารทฺธํ, ตตฺถ านานีติ การณานิ. คชฺชิตํ มหนฺตํ โหตีติ เทเสตพฺพสฺส อตฺถสฺส อเนกวิธตาย, ทุพฺพิฺเยฺยตาย จ นานานเยหิ ปวตฺตมานํ เทสนาคชฺชิตํ มหนฺตํ วิปุลํ, พหุปฺปเภทฺจ โหติ ¶ . าณํ อนุปวิสตีติ ตโต เอว จ เทสนาาณํ เทเสตพฺพธมฺเม วิภาคโส กุรุมานํ อนุปวิสติ, เต อนุปวิสิตฺวา ิตํ วิย โหตีติ อตฺโถ.
พุทฺธาณสฺส มหนฺตภาโว ปฺายตีติ เอวํวิธสฺส นาม ธมฺมสฺส เทสกํ, ปฏิเวธกฺจาติ พุทฺธานํ เทสนาาณสฺส, ปฏิเวธาณสฺส จ อุฬารภาโว ปากโฏ โหติ. เทสนา คมฺภีรา โหตีติ สภาเวน คมฺภีรานํ เตสํ จตุพฺพิธานมฺปิ เทสนา เทเสตพฺพวเสน คมฺภีราว โหติ, สา ปน พุทฺธานํ เทสนา สพฺพตฺถ, สพฺพทา จ ยานตฺตยมุเขเนวาติ วุตฺตํ ‘‘ติลกฺขณาหตา สฺุตาปฏิสํยุตฺตา’’ติ, ตีหิ ลกฺขเณหิ อาหตา, อตฺตตฺตนิยโต สฺุภาวปฏิสฺุตฺตา จาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ¶ ‘‘สพฺพํ วจีกมฺมํ พุทฺธสฺส ภควโต าณปุพฺพงฺคมํ าณานุปริวตฺตี’’ติ (มหานิ. ๖๙, ๑๕๖; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕; เนตฺติ. ๑๕) วจนโต สพฺพาปิ ภควโต เทสนา าณรหิตา นาม นตฺถิ, สมสมปรกฺกมนวเสน สีหสมานวุตฺติตาย จ สพฺพตฺถ สมานุสฺสาหปฺปวตฺติ, เทเสตพฺพธมฺมวเสน ปน เทสนา วิเสสโต าเณน อนุปวิฏฺา, คมฺภีรตรา จ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
กถํ ปน วินยปณฺณตฺตึ ปตฺวา เทสนา ติลกฺขณาหตา, สฺุตาปฏิสฺุตฺตา จ โหติ, นนุ ตตฺถ วินยปณฺณตฺติมตฺตเมวาติ? น ตตฺถ วินยปณฺณตฺติมตฺตเมว. ตตฺถาปิ หิ สนฺนิสินฺนปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺตมานา เทสนา สงฺขารานํ อนิจฺจตาทิวิภาวินี สพฺพธมฺมานํ อตฺตตฺตนิยตา, สฺุภาวปฺปกาสินี จ โหติ, เตเนวาห ‘‘อเนกปริยาเยน ธมฺมึ กถํ กตฺวา’’ติอาทิ. วินยปฺตฺตินฺติ วินยสฺส ปฺาปนํ. ฺ-การสฺส ปน ณฺณ-กาเร กเต วินยปณฺณตฺตินฺติปิ ปาโ. ภูมนฺตรนฺติ ธมฺมานํ อวตฺถาวิเสสฺจ านวิเสสฺจ. ภวนฺติ ธมฺมา เอตฺถาติ ภูมีติ หิ อวตฺถาวิเสโส, านฺจ วุจฺจติ. ตตฺถ อวตฺถาวิเสโส สติอาทิธมฺมานํ สติปฏฺานินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคาทิเภโท ‘‘วจฺโฉ, ทมฺโม, พลีพทฺโท’’ติ อาทโย วิย. านวิเสโส กามาวจราทิเภโท. ปจฺจยาการ-สทฺทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. สมยนฺตรนฺติ ทิฏฺิวิเสสํ, นานาวิหิตา ทิฏฺิโยติ อตฺโถ, อฺสมยํ วา, พาหิรกสมยนฺติ วุตฺตํ โหติ. วินยปฺตฺตึ ปตฺวา มหนฺตํ คชฺชิตํ โหตีติอาทินา สมฺพนฺโธ. ตสฺมาติ ยสฺมา คชฺชิตํ มหนฺตํ…เป… ปฏิสํยุตฺตา, ตสฺมา. เฉชฺชคามินีติ อเตกิจฺฉคามินี.
เอวํ โอติณฺเณ วตฺถุสฺมินฺติ ยถาวุตฺตนเยน ลหุกครุกาทิวเสน ตทนุรูเป วตฺถุมฺหิ โอตรนฺเต. ยํ สิกฺขาปทปฺาปนํ นาม อตฺถิ, ตตฺถาติ สมฺพนฺโธ. ถาโมติ าณสามตฺถิยํ. พลนฺติ อกมฺปนสงฺขาโต วีรภาโว. ถาโม พลนฺติ วา สามตฺถิยวจนเมว ปจฺจเวกฺขณาเทสนาาณวเสน ¶ โยเชตพฺพํ. ปจฺจเวกฺขณาาณปุพฺพงฺคมฺหิ เทสนาาณํ. เอสาติ สิกฺขาปทปฺาปนเมว วุจฺจมานปทมเปกฺขิตฺวา ปุลฺลิงฺเคน นิทฺทิสติ, เอโส สิกฺขาปทปฺาปนสงฺขาโต วิสโย อฺเสํ อวิสโยติ อตฺโถ. อิตีติ ตถาวิสยาวิสยภาวสฺส เหตุภาเวน ปฏินิทฺเทสวจนํ ¶ , นิทสฺสนตฺโถ วา อิติ-สทฺโท, เตน ‘‘อิทํ ลหุกํ, อิทํ ครุก’’นฺติอาทินยํ นิทฺทิสติ. เอวมปรตฺถาปิ ยถาสมฺภวํ.
ยทิปิ กายานุปสฺสนาทิวเสน สติปฏฺานาทโย สุตฺตนฺตปิฏเก (ที. นิ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๗) วิภตฺตา, ตถาปิ สุตฺตนฺตภาชนียาทิวเสน อภิธมฺเมเยว เต วิเสสโต วิภตฺตาติ อาห ‘‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา…เป… อภิธมฺมปิฏกํ วิภชิตฺวา’’ติ. ตตฺถ สตฺต ผสฺสาติ สตฺตวิฺาณธาตุสมฺปโยควเสน วุตฺตํ. ตถา ‘‘สตฺต เวทนา’’ติอาทิปิ. โลกุตฺตรา ธมฺมา นามาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน วุตฺตาวเสสํ อภิธมฺเม อาคตํ ธมฺมานํ วิภชิตพฺพาการํ สงฺคณฺหาติ. จตุวีสติสมนฺตปฏฺานานิ เอตฺถาติ จตุวีสติสมนฺตปฏฺานนฺติ พาหิรตฺถสมาโส. ‘‘อภิธมฺมปิฏก’’นฺติ เอตสฺส หิ อิทํ วิเสสนํ. เอตฺถ จ ปจฺจยนยํ อคฺคเหตฺวา ธมฺมวเสเนว สมนฺตปฏฺานสฺส จตุวีสติวิธตา วุตฺตา. ยถาห –
‘‘ติกฺจ ปฏฺานวรํ ทุกุตฺตมํ,
ทุกติกฺเจว ติกทุกฺจ;
ติกติกฺเจว ทุกทุกฺจ,
ฉ อนุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีรา…เป…
ฉ ปจฺจนียมฺหิ…เป… อนุโลมปจฺจนียมฺหิ…เป…
ปจฺจนียานุโลมมฺหิ นยา สุคมฺภีรา’’ติ. [ปฏฺา. ๑.๑.๔๑(ก), ๔๔(ข), ๔๘(ค), ๕๒(ฆ)];
เอวํ ธมฺมวเสน จตุวีสติเภเทสุ ติกปฏฺานาทีสุ เอเกกํ ปจฺจยนเยน อนุโลมาทิวเสน จตุพฺพิธํ โหตีติ ฉนฺนวุติสมนฺตปฏฺานานิ. ตตฺถ ปน ธมฺมานุโลเม ติกปฏฺาเน กุสลตฺติเก ปฏิจฺจวาเร ปจฺจยานุโลเม เหตุมูลเก เหตุปจฺจยวเสน เอกูนปฺาส ปุจฺฉานยา สตฺต วิสฺสชฺชนนยาติอาทินา ทสฺสิยมานา อนนฺตเภทา นยาติ อาห ‘‘อนนฺตนย’’นฺติ.
นวหากาเรหีติ อุปฺปาทาทีหิ นวหิ ปจฺจยากาเรหิ. ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อุปฺปาโท หุตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุปฺปชฺชติ เอตสฺมา ผลนฺติ อุปฺปาโท, ผลุปฺปตฺติยา การณภาโว. สติ ¶ จ อวิชฺชาย สงฺขารา อุปฺปชฺชนฺติ, นาสติ. ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขารานํ อุปฺปาโท หุตฺวา ปจฺจโย โหติ, ตถา ปวตฺตติ ธรติ เอตสฺมึ ผลนฺติ ปวตฺตํ. นิมียติ ผลเมตสฺมินฺติ นิมิตฺตํ. ¶ (นิททาติ ผลํ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนํ เอเตนาติ นิทานํ.) (เอตฺถนฺตเร อฏฺกถาย น สเมติ) อายูหติ ผลํ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺนุปฺปตฺติยา ฆเฏติ เอเตนาติ อายูหนํ. สํยุชฺชติ ผลํ อตฺตโน ปจฺจยุปฺปนฺเนน เอตสฺมินฺติ สํโยโค. ยตฺถ สยํ อุปฺปชฺชติ, ตํ ปลิพุทฺธติ ผลเมเตนาติ ปลิโพโธ. ปจฺจยนฺตรสมวาเย สติ ผลมุทยติ เอเตนาติ สมุทโย. หิโนติ การณภาวํ คจฺฉตีติ เหตุ. อวิชฺชาย หิ สติ สงฺขารา ปวตฺตนฺติ, ธรนฺติ จ, เต อวิชฺชาย สติ อตฺตโน ผลํ (นิททนฺติ) (ปฏิ. ม. ๑.๔๕; ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘ ปสฺสิตพฺพํ) ภวาทีสุ ขิปนฺติ, อายูหนฺติ อตฺตโน ผลุปฺปตฺติยา ฆเฏนฺติ, อตฺตโน ผเลน สํยุชฺชนฺติ, ยสฺมึ สนฺตาเน สยํ อุปฺปนฺนา ตํ ปลิพุทฺธนฺติ, ปจฺจยนฺตรสมวาเย อุทยนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ, หิโนติ จ สงฺขารานํ การณภาวํ คจฺฉติ, ตสฺมา อวิชฺชา สงฺขารานํ ปวตฺตํ หุตฺวา…เป… ปจฺจโย หุตฺวา ปจฺจโย โหติ. เอวํ อวิชฺชาย สงฺขารานํ การณภาวูปคมนวิเสสา อุปฺปาทาทโย เวทิตพฺพา. สงฺขาราทีนํ วิฺาณาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตมตฺถํ ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬิยา สาเธนฺเตน ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ติฏฺติ เอเตนาติ ิติ, ปจฺจโย, อุปฺปาโท เอว ิติ อุปฺปาทฏฺิติ. เอวํ เสเสสุปิ. ยสฺมา ปน ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) วุตฺตตฺตา อาสวาว อวิชฺชาย ปจฺจโย, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุโภเปเต ธมฺมา ‘‘ปจฺจยสมุปฺปนฺนา’’ติ, อวิชฺชา จ สงฺขารา จ อุโภเปเต ธมฺมา ปจฺจยโต เอว สมุปฺปนฺนา, น วินา ปจฺจเยนาติ อตฺโถ. ปจฺจยปริคฺคเห ปฺาติ สงฺขารานํ, อวิชฺชาย จ อุปฺปาทาทิเก ปจฺจยากาเร ปริจฺฉินฺทิตฺวา คหณวเสน ปวตฺตา ปฺา. ธมฺมฏฺิติาณนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ปจฺจยภาวโต ธมฺมฏฺิติสงฺขาเต ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ. ‘‘ทฺวาทส ปฏิจฺจสมุปฺปาทา’’ติ วจนโต หิ ทฺวาทส ปจฺจยา เอว ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อยฺจ นโย น ปจฺจุปฺปนฺเน เอว, อถ โข อตีตานาคเตสุปิ, น จ อวิชฺชาย เอว สงฺขาเรสุ, อถ โข สงฺขาราทีนํ วิฺาณาทีสุปิ ลพฺภตีติ ปริปุณฺณํ กตฺวา ปจฺจยาการสฺส วิภตฺตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีตมฺปิ อทฺธาน’’นฺติอาทิ ปาฬิมาหริ. ปฏฺาเน (ปฏฺา. ๑.๑) ปน ทสฺสิตา เหตาทิปจฺจยาเอเวตฺถ อุปฺปาทาทิปจฺจยากาเรหิ คหิตาติ เตปิ ยถาสมฺภวํ นีหริตฺวา โยเชตพฺพา. อติวิตฺถารภเยน ปน น โยชยิมฺห, อตฺถิเกหิ จ วิสุทฺธิมคฺคาทิโต (วิสุทฺธิ. ๒.๕๙๔) คเหตพฺพา.
ตสฺส ¶ ตสฺส ธมฺมสฺสาติ สงฺขาราทิปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสฺส. ตถา ตถา ปจฺจยภาเวนาติ อุปฺปาทาทิเหตาทิปจฺจยสตฺติยา ¶ . กมฺมกิเลสวิปากวเสน ตีณิ วฏฺฏานิ ยสฺสาติ ติวฏฺฏํ. อตีตปจฺจุปฺปนฺนานาคตวเสน ตโย อทฺธา กาลา เอตสฺสาติ ติยทฺธํ. เหตุผลผลเหตุเหตุผลวเสน ตโย สนฺธโย เอตสฺสาติ ติสนฺธิ. สงฺขิปฺปนฺติ เอตฺถ อวิชฺชาทโย, วิฺาณาทโย จาติ สงฺเขปา, เหตุ, วิปาโก จ. อถ วา เหตุ วิปาโกติ สงฺขิปฺปนฺตีติ สงฺเขปา. อวิชฺชาทโย, วิฺาณาทโย จ โกฏฺาสปริยาโย วา สงฺเขปสทฺโท. อตีตเหตุสงฺเขปาทิวเสน จตฺตาโร สงฺเขปา ยสฺสาติ จตุสงฺเขปํ. สรูปโต อวุตฺตาปิ ตสฺมึ ตสฺมึ สงฺเขเป อากิรียนฺติ อวิชฺชาสงฺขาราทิคฺคหเณหิ ปกาสียนฺตีติ อาการา, อตีตเหตุอาทีนํ ปการา. เต สงฺเขเป ปฺจ ปฺจ กตฺวา วีสติ อาการา เอตสฺสาติ วีสตาการํ.
ขตฺติยาทิเภเทน อเนกเภทภินฺนาปิ สสฺสตวาทิโน ชาติสตสหสฺสานุสฺสรณาทิกสฺส อภินิเวสเหตุโน วเสน จตฺตาโรว โหนฺติ, น ตโต อุทฺธํ, อโธ วาติ สสฺสตวาทีนํ ปริมาณปริจฺเฉทสฺส อนฺวิสยตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร ชนา’’ติอาทิมาห. เอส นโย อิตเรสุปิ. ตตฺถ จตฺตาโร ชนาติ จตฺตาโร ชนสมูหาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ เตสุ เอเกกสฺสาปิ อเนกปฺปเภทโต. เตติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตวาทิโน. อิทํ นิสฺสายาติ อิทปฺปจฺจยตาย สมฺมา อคฺคหณํ. ตตฺถาปิ จ เหตุผลภาเวน สมฺพนฺธานํ ธมฺมานํ สนฺตติฆนสฺส อเภทิตตฺตา ปรมตฺถโต วิชฺชมานมฺปิ เภทนิพนฺธนํ นานตฺตนยํ อนุปธาเรตฺวา คหิตํ เอกตฺตคฺคหณํ นิสฺสาย. อิทํ คณฺหนฺตีติ อิทํ สสฺสตคฺคหณํ อภินิวิสฺส โวหรนฺติ, อิมินา นเยน เอกจฺจสสฺสตวาทาทโยปิ ยถาสมฺภวํ โยเชตฺวา วตฺตพฺพา. ภินฺทิตฺวาติ ‘‘อาตปฺปมนฺวายา’’ติอาทินา วิภชิตฺวา, ‘‘ตยิทํ ภิกฺขเว ตถาคโต ปชานาตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๖) วา วิธมิตฺวา. นิชฺชฏนฺติ อโนนทฺธํ. นิคุมฺพนฺติ อนาวุฏํ. อปิจ เวฬุอาทีนํ เหฏฺุปริยสํสิพฺพนฏฺเน ชฏา. กุสาทีนํ โอวรณฏฺเน คุมฺโพ. ตสฺสทิสตาย ทิฏฺิคตานํ พฺยากุลา ปากฏตา ‘‘ชฏา, คุมฺโพ’’ติ จ วุจฺจติ, ทิฏฺิชฏาวิชฏเนน, ทิฏฺิคุมฺพวิวรเณน จ นิชฺชฏํ นิคุมฺพํ กตฺวาติ อตฺโถ.
‘‘ตสฺมา’’ติอาทินา ¶ พุทฺธคุเณ อารพฺภ เทสนาย สมุฏฺิตตฺตา สพฺพฺุตฺาณํ อุทฺทิสิตฺวา เทสนากุสโล ภควา สมยนฺตรํ วิคฺคหณวเสน สพฺพฺุตฺาณเมว วิสฺสชฺเชตีติ ทสฺเสติ.
๒๙. อตฺถิ ปริยาโย สนฺติ-สทฺโท, โส จ สํวิชฺชนฺติปริยาโย, สํวิชฺชมานตา จ าเณน อุปลพฺภมานตาติ อาห ‘‘สนฺตี’’ติอาทิ. สํวิชฺชมานปริทีปเนน ปน ‘‘สนฺตี’’ติ อิมินา ปเทน เตสํ ทิฏฺิคติกานํ วิชฺชมานตาย อวิจฺฉินฺนตํ, ตโต จ เนสํ มิจฺฉาคาหโต สิถิลกรณวิเวจเนหิ ¶ อตฺตโน เทสนาย กิจฺจการิตํ, อวิตถตฺจ ทีเปติ ธมฺมราชา. อตฺถีติ จ สนฺติปเทน สมานตฺโถ ปุถุวจนวิสโย เอโก นิปาโต ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ๓.๑๕๔; สํ. นิ. ๔.๑๒๗) วิย. อาลปนวจนนฺติ พุทฺธาลปนวจนํ. ภควาเยว หิ ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขโว’’ติ จ อาลปติ, น สาวกา. สาวกา ปน ‘‘อาวุโส, อายสฺมา’’ติอาทิสมฺพนฺธเนเนว. ‘‘เอเก’’ติ วุตฺเต เอกจฺเจติ อตฺโถ เอว สงฺขฺยาวาจกสฺส เอก-สทฺทสฺส นิยเตกวจนตฺตา, น สมิตพหิตปาปตาย สมณพฺราหฺมณาติ อาห ‘‘ปพฺพชฺชูปคตภาเวนา’’ติอาทิ. ตถา วา โหนฺตุ, อฺถา วา, สมฺมุติมตฺเตเนว อิธาธิปฺเปตาติ ทสฺเสติ ‘‘โลเกนา’’ติอาทินา. สสฺสตาทิวเสน ปุพฺพนฺตํ กปฺเปนฺตีติ ปุพฺพนฺตกปฺปิกา. ยสฺมา ปน เตสํ ปุพฺพนฺตํ ปุริมสิทฺเธหิ ตณฺหาทิฏฺิกปฺเปหิ กปฺเปตฺวา อาเสวนพลวตาย, วิจิตฺรวุตฺติตาย จ วิกปฺเปตฺวา อปรภาคสิทฺเธหิ อภินิเวสภูเตหิ ตณฺหาทิฏฺิคาเหหิ คณฺหนฺติ อภินิวิสนฺติ ปรามสนฺติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพนฺตํ กปฺเปตฺวา วิกปฺเปตฺวา คณฺหนฺตี’’ติ. ปุริมภาคปจฺฉิมภาคสิทฺธานํ วา ตณฺหาอุปาทานานํ วเสน ยถากฺกมํ กปฺปนคหณานิ เวทิตพฺพานิ. ตณฺหาปจฺจยา หิ อุปาทานํ สมฺภวติ. ปหุตปสํสานินฺทาติสยสํสคฺคนิจฺจโยคาทิวิสเยสุ อิธ นิจฺจโยควเสน วิชฺชมานตฺโถ สมฺภวตีติ วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพนฺต กปฺโป วา’’ติอาทิ วุตฺตฺจ –
‘‘ปหุเต จ ปสํสายํ, นินฺทายฺจาติสยเน;
นิจฺจโยเค จ สํสคฺเค, โหนฺติเม มนฺตุอาทโย’’ติ.
โกฏฺาเสสูติ ¶ เอตฺถ โกฏฺาสาทีสูติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ อาทิ-สทฺทโลเปน, นิทสฺสนนเยน จ วุตฺตตฺตา. ปทปูรณสมีปอุมฺมคฺคาทีสุปิ หิ อนฺต-สทฺโท ทิสฺสติ. ตถา หิ ‘‘อิงฺฆ ตาว สุตฺตนฺเต วา คาถาโย วา อภิธมฺมํ วา ปริยาปุณสฺสุ (ปาจิ. ๔๔๒), สุตฺตนฺเต โอกาสํ การาเปตฺวา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๒๒๑) จ ปทปูรเณ อนฺต-สทฺโท วตฺตติ, ‘‘คามนฺตเสนาสน’’นฺติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๓๑) สมีเป, ‘‘กามสุขลฺลิกานุโยโค เอโก อนฺโต, อตฺถีติ โข กจฺจาน อยเมโก อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๕๘; สํ. นิ. ๒.๑๑๐) จ อุมฺมคฺเคติ.
อนฺตปูโรติ มหาอนฺตอนฺตคุเณหิ ปูโร. ‘‘สา หริตนฺตํ วา ปนฺถนฺตํ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) มชฺฌิมนิกาเย มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตนฺตปาฬิ. ตตฺถ สาติ เตโชธาตุ. หริตนฺตนฺติ หริตติณรุกฺขมริยาทํ ¶ . ปนฺถนฺตนฺติ มคฺคมริยาทํ. อาคมฺม อนาหารา นิพฺพายตีติ เสโส. ‘‘อนฺตมิทํ ภิกฺขเว, ชีวิกานํ ยทิทํ ปิณฺโฑลฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๘๐; อิติวุ. ๙๑) ปิณฺฑิยาโลปสุตฺตนฺตปาฬิ. ตตฺถ ปิณฺฑํ อุลติ คเวสตีติ ปิณฺโฑโล, ปิณฺฑาจาริโก, ตสฺส ภาโว ปิณฺโฑลฺยํ, ปิณฺฑจรเณน ชีวิกตาติ อตฺโถ. เอเสวาติ สพฺพปจฺจยสงฺขยภูโต นิพฺพานธมฺโม เอว, เตนาห ‘‘สพฺพ…เป… วุจฺจตี’’ติ. เอเตน สพฺพปจฺจยสงฺขยนโต อสงฺขตํ นิพฺพานํ สงฺขตภูตสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส ปรภาคํ ปริโยสานภูตํ, ตสฺมา เอตฺถ ปรภาโคว อตฺโถ ยุตฺโตติ ทสฺเสติ. สกฺกาโยติ สกฺกายคาโห.
กปฺโปติ เลโส. กปฺปกเตนาติ ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานํ อฺตรทุพฺพณฺณกเตน. อาทิ-สทฺเทน เจตฺถ กปฺป-สทฺโท มหากปฺปสมนฺตภาวกิเลสกามวิตกฺกกาลปฺตฺติสทิสภาวาทีสุปิ วตฺตตีติ ทสฺเสติ. ตถา เหส ‘‘จตฺตาริมานิ ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๕๖) มหากปฺเป วตฺตติ, ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๔) สมนฺตภาเว, ‘‘สงฺกปฺโป กาโม ราโค กาโม สงฺกปฺปราโค กาโม’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑; จูฬนิ. ๘) กิเลสกาเม, ‘‘ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป’’ติอาทีสุ วิตกฺเก, ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาเล ¶ , ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๑๘) ปฺตฺติยํ, ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต กิร โภ สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา น ชานิมฺหา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) สทิสภาเวติ.
ตณฺหาทิฏฺีสุ ปวตฺตึ มหานิทฺเทสปาฬิยา (มหานิ. ๒๘) สาเธนฺโต ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อุทฺทานโตติ สงฺเขปโต. ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ ยถาวุตฺตาย อตฺถวณฺณนาย คุณวจนํ. ตณฺหาทิฏฺิวเสนาติ อุปนิสฺสยสหชาตภูตาย อภินนฺทนสงฺขาตาย ตณฺหาย เจว สสฺสตาทิอากาเรน อภินิวิสนฺตสฺส มิจฺฉาคาหสฺส จ วเสน. ปุพฺเพ นิวุตฺถธมฺมวิสยาย กปฺปนาย อิธ อธิปฺเปตตฺตา อตีตกาลวาจโกเยว ปุพฺพ-สทฺโท, น ปน ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิย ปธานาทิวาจโก, รูปาทิขนฺธวินิมุตฺตสฺส กปฺปนวตฺถุโน อภาวา อนฺต-สทฺโท จ โกฏฺาสวาจโก, น ปน อพฺภนฺตราทิวาจโกติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีตํ ขนฺธโกฏฺาส’’นฺติ วุตฺตํ. กปฺเปตฺวาติ จ ตสฺมึ ปุพฺพนฺเต ตณฺหายนาภินิเวสนานํ สมตฺถนํ ปรินิฏฺาปนมาห. ิตาติ ตสฺสา ลทฺธิยา อวิชหนํ, ปุพฺพนฺตเมว อนุคตา ทิฏฺิ เตสมตฺถีติ โยชนา. อตฺถิตา, อนุคตตา จ นาม ปุนปฺปุนํ ปวตฺติยาติ ทสฺเสติ ‘‘ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนวเสนา’’ติ อิมินา. ‘‘เต เอว’’นฺติอาทินา ‘‘ปุพฺพนฺตํ อารพฺภา’’ติอาทิปาฬิยา อตฺถํ สํวณฺเณติ. ตตฺถ อารพฺภาติ อาลมฺพิตฺวา. วิสโย หิ ตสฺสา ทิฏฺิยา ปุพฺพนฺโต. วิสยภาวโต เหส ตสฺสา อาคมนฏฺานํ ¶ , อารมฺมณปจฺจโย จาติ วุตฺตํ ‘‘อาคมฺม ปฏิจฺจา’’ติ. ตเทตํ อฺเสํ ปติฏฺาปนทสฺสนนฺติ อาห ‘‘อฺมฺปิ ชนํ ทิฏฺิคติตํ กโรนฺตา’’ติ.
อธิวจนปถานีติ [อธิวจนปอทานิ (อฏฺกถายํ)] รุฬฺหิมตฺเตน ปฺตฺติปถานิ. ทาสาทีสุ หิ สิริวฑฺฒกาทิสทฺทา วิย วจนมตฺตเมว อธิการํ กตฺวา ปวตฺติยา ตถา ปณฺณตฺติเยว อธิวจนํ, สา จ โวหารสฺส ปโถติ. อถ วา อธิ-สทฺโท อุปริภาเค, วุจฺจตีติ วจนํ. อธิ อุปริภาเค วจนํ อธิวจนํ. อุปาทานิยภูตานํ รูปาทีนํ [อุปาทาภูตรูปาทีนํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๙)] อุปริ ปฺาปิยมานา อุปาทาปฺตฺติ, ตสฺมา ปฺตฺติทีปกปถานีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปฺตฺติมตฺตฺเหตํ วุจฺจติ, ยทิทํ ‘‘อตฺตา, โลโก’’ติ จ, น รูปเวทนาทโย วิย ¶ ปรมตฺโถติ. อธิมุตฺติ-สทฺโท เจตฺถ อธิวจน-สทฺเทน สมานตฺโถ ‘‘นิรุตฺติปโถ’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๗ ทุกมาติกา) วิย อุตฺติสทฺทสฺส วจนปริยายตฺตา. ‘‘ภูตํ อตฺถ’’นฺติอาทินา ปน ภูตสภาวโต อติเรกํ. ตมติธาวิตฺวา วา มุจฺจนฺตีติ อธิมุตฺติโย, ตาสํ ปถานิ ตทฺทีปกตฺตาติ อตฺถํ ทสฺเสติ, อธิกํ วา สสฺสตาทิกํ มุจฺจนฺตีติ อธิมุตฺติโย. อธิกฺหิ สสฺสตาทึ, ปกติอาทึ, ทพฺพาทึ, ชีวาทึ, กายาทิฺจ อภูตํ อตฺถํ สภาวธมฺเมสุ อชฺฌาโรเปตฺวา ทิฏฺิโย ปวตฺตนฺติ.
๓๐. อภิวทนฺตีติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา วทนฺติ. ‘‘อยเมว ธมฺโม, นายํ ธมฺโม’’ติอาทินา อภิภวิตฺวาปิ วทนฺติ. อภิวทนกิริยาย อชฺชาปิ อวิจฺเฉทภาวทสฺสนตฺถํ วตฺตมานวจนํ กตนฺติ อยเมตฺถ ปาฬิวณฺณนา. กเถตุกมฺยตาย เหตุภูตาย ปุจฺฉิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. มิจฺฉา ปสฺสตีติ ทิฏฺิ, ทิฏฺิ เอว ทิฏฺิคตํ ‘‘มุตฺตคตํ, (อ. นิ. ๙.๑๑) สงฺขารคต’’นฺติอาทีสุ (มหานิ. ๔๑) วิย คต-สทฺทสฺส ตพฺภาววุตฺติโต, คนฺตพฺพาภาวโต วา ทิฏฺิยา คตมตฺตนฺติ ทิฏฺิคตํ. ทิฏฺิยา คหณมตฺตเมว, นตฺถฺํ อวคนฺตพฺพนฺติ อตฺโถ, ทิฏฺิปกาโร วา ทิฏฺิคตํ. โลกิยา หิ วิธยุตฺตคตปการสทฺเท สมานตฺเถ อิจฺฉนฺติ. เอกสฺมึเยว ขนฺเธ ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘โลโก’’ติ จ คหณวิเสสํ อุปาทาย ปฺาปนํ โหตีติ อาห ‘‘รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คเหตฺวา’’ติ. อมรํ นิจฺจํ ธุวนฺติ สสฺสตเววจนานิ, มรณาภาเวน วา อมรํ. อุปฺปาทาภาเวน สพฺพทาปิ อตฺถิตาย นิจฺจํ. ถิรฏฺเน วิการาภาเวน ธุวํ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา มหานิทฺเทส ปฏิสมฺภิทามคฺคปาฬีหิ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิภาเวติ. ตตฺถ ‘‘รูปํ คเหตฺวา’’ติ ปาเสเสน สมฺพนฺโธ. อยํ ปนตฺโถ – ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ. เวทนํ, สฺํ, สงฺขาเร, วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ อิมิสฺสา ปฺจวิธาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน วุตฺโต, ‘‘รูปวนฺตํ อตฺตาน’’นฺติอาทิกาย ปน ปฺจทสวิธายปิ ¶ ตทวเสสาย สกฺกายทิฏฺิยา วเสน จตฺตาโร ขนฺเธ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺโ ‘‘โลโก’’ติ ปฺเปนฺตีติ อยมฺปิ อตฺโถ ลพฺภเตว. ตถา เอกํ ขนฺธํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา อฺโ อตฺตโน อุปโภคภูโต ‘‘โลโก’’ติ จ. สสนฺตติปติเต ขนฺเธ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตทฺโ ปรสนฺตติปติโต ‘‘โลโก’’ติ จ ปฺเปตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอตฺถาห ¶ – ‘‘สสฺสโต วาโท เอเตส’’นฺติ กสฺมา เหฏฺา วุตฺตํ, นนุ เตสํ อตฺตา จ โลโก จ สสฺสโตติ อธิปฺเปโต, น วาโทติ? สจฺจเมตํ, สสฺสตสหจริตตาย ปน วาโทปิ สสฺสโตติ วุตฺโต ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ, สสฺสโต อิติ วาโท เอเตสนฺติ วา ตตฺถ อิติ-สทฺทโลโป ทฏฺพฺโพ. สสฺสตํ วทนฺติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ อภินิวิสฺส โวหรนฺตีติ สสฺสตวาทา ติปิ ยุชฺชติ.
๓๑. อาตาปนภาเวนาติ วิพาธนสฺส ภาเวน, วิพาธนฏฺเน วา. ปหานฺเจตฺถ วิพาธนํ. ปทหนวเสนาติ สมาทหนวเสน. สมาทหนํ ปน โกสชฺชปกฺเข ปติตุมทตฺวา จิตฺตสฺส อุสฺสาหนํ. ยถา สมาธิ วิเสสภาคิยตํ ปาปุณาติ, เอวํ วีริยสฺส พหุลีกรณํ อนุโยโค. อิติ ปทตฺตเยน วีริยเมว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอวํ ติปฺปเภทํ วีริย’’นฺติ. ยถากฺกมฺหิห ตีหิ ปเทหิ อุปจารปฺปนาจิตฺตปริทมนวีริยานิ ทสฺเสติ. น ปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, สติยา อวิปฺปวาโส. โส ปน สติปฏฺานา จตฺตาโร ขนฺธา เอว. สมฺมา อุปาเยน มนสิ กโรติ กมฺมฏฺานเมเตนาติ สมฺมามนสิกาโร, โส ปน าณเมว, น อารมฺมณวีถิชวนปฏิปาทกา, เตนาห ‘‘อตฺถโต าณ’’นฺติ. ปถมนสิกาโรติ การณมนสิกาโร. ตเทวตฺถํ สมตฺเถติ ‘‘ยสฺมิฺหี’’ติอาทินา. ตตฺถ ยสฺมึ มนสิกาเรติ กมฺมฏฺานมนสิกรณูปายภูเต าณสงฺขาเต มนสิกาเร. ‘‘อิมสฺมึ าเน’’ติ อิมินา สทฺทนฺตรสมฺปโยคาทินา วิย ปกรณวเสนาปิ สทฺโท วิเสสวิสโยติ ทีเปติ. วีริยฺจาติ ยถาวุตฺเตหิ ตีหิ ปเทหิ วุตฺตํ ติปฺปเภทํ วีริยฺจ. เอตฺถาติ ‘‘อาตปฺป…เป… มนสิการมนฺวายา’’ติ อิมสฺมึ ปาเ, สีลวิสุทฺธิยา สทฺธึ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ อธิคมนปฏิปทา อิธ วตฺตพฺพา, สา ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๑) วิตฺถารโต วุตฺตาติ อาห ‘‘สงฺเขปตฺโถ’’ติ. ตถาชาติกนฺติ ตถาสภาวํ, เอเตน จุทฺทสวิเธหิ จิตฺตปริทมเนหิ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสฺส ปคุณตาปาทเนน ทมิตตํ ทสฺเสติ. เจตโส สมาธิ เจโตสมาธิ, โส ปน อฏฺงฺคสมนฺนาคตรูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสฺเสว สมาธิ. ยถา-สทฺโท ‘‘เยนา’’ติ อตฺเถ นิปาโตติ อาห ‘‘เยน สมาธินา’’ติ.
วิชมฺภนภูเตหิ ¶ โลกิยาภิฺาสงฺขาเตหิ ฌานานุภาเวหิ สมฺปนฺโนติ ฌานานุภาวสมฺปนฺโน. โส ¶ ทิฏฺิคติโก เอวํ วทตีติ วตฺตมานวจนํ, ตถาวทนสฺส อวิจฺเฉทภาเวน สพฺพกาลิกตาทสฺสนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. อนิยมิเต หิ กาลวิเสเส วิปฺปกตกาลวจนนฺติ. วนติ ยาจติ ปุตฺตนฺติ วฺฌา ฌ-ปจฺจยํ, น-การสฺส จ นิคฺคหิตํ กตฺวา, วธติ ปุตฺตํ, ผลํ วา หนตีติปิ วฺฌา สปจฺจยฆฺย-การสฺส ฌ-การํ, นิคฺคหิตาคมฺจ กตฺวา. สา วิย กสฺสจิ ผลสฺส อชเนนาติ วฺโฌ, เตนาห ‘‘วฺฌปสู’’ติอาทิ. เอวํ ปทตฺถวตา อิมินา กีทิสํ สามตฺถิยตฺถํ ทสฺเสตีติ อนฺโตลีนโจทนํ ปริหริตุํ ‘‘เอเตนา’’ติอาทิมาห. ฌานลาภิสฺส วิเสเสน ฌานธมฺมา อาปาถมาคจฺฉนฺติ, ตมฺมุเขน ปน เสสธมฺมาปีติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘ฌานาทีน’’นฺติ วุตฺตํ. รูปาทิชนกภาวนฺติ รูปาทีนํ ชนกสามตฺถิยํ. ปฏิกฺขิปตีติ ‘‘นยิเม กิฺจิ ชเนนฺตี’’ติ ปฏิกฺขิปติ. กสฺมาติ เจ? สติ หิ ชนกภาเว รูปาทิธมฺมานํ วิย, สุขาทิธมฺมานํ วิย จ ปจฺจยายตฺตวุตฺติตาย อุปฺปาทวนฺตตา วิฺายติ, อุปฺปาเท จ สติ อวสฺสํภาวี นิโรโธติ อนวกาสาว นิจฺจตา สิยา, ตสฺมา ตํ ปฏิกฺขิปตีติ.
ิโตติ นิจฺจลํ ปติฏฺิโต, กูฏฏฺ-สทฺโทเยว วา โลเก อจฺจนฺตํ นิจฺเจ นิรุฬฺโห ทฏฺพฺโพ. ติฏฺตีติ ายี, เอสิกา จ สา ายี จาติ เอสิกฏฺายี, วิเสสนปรนิปาโต เจส, ตสฺมา คมฺภีรเนโม นิจฺจลฏฺิติโก อินฺทขีโล วิยาติ อตฺโถ, เตนาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ‘‘กูฏฏฺโ’’ติ อิมินา เจตฺถ อนิจฺจตาภาวมาห. ‘‘เอสิกฏฺายี ิโต’’ติ อิมินา ปน ยถา เอสิกา วาตปฺปหาราทีหิ น จลติ, เอวํ น เกนจิ วิการมาปชฺชตีติ วิการาภาวํ, วิกาโรปิ อตฺถโต วินาโสเยวาติ วุตฺตํ ‘‘อุภเยนาปิ โลกสฺส วินาสาภาวํ ทสฺเสตี’’ติ.
เอวมฏฺกถาวาทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เกจิวาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘เกจิ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มฺุชโตติ [มฺุเช (อฏฺกถายํ)] มฺุชติณโต. อีสิกาติ กฬีโร. ยทิทํ อตฺตสงฺขาตํ ธมฺมชาตํ ชายตีติ วุจฺจติ, ตํ สตฺติรูปวเสน ปุพฺเพ วิชฺชมานเมว พฺยตฺติรูปวเสน นิกฺขมติ, อภิพฺยตฺตึ คจฺฉตีติ อตฺโถ. ‘‘วิชฺชมานเมวา’’ติ หิ เอเตน การเณ ผลสฺส อตฺถิภาวทสฺสเนน พฺยตฺติรูปวเสน ¶ อภิพฺยตฺติวาทํ ทสฺเสติ. สาลิคพฺเภ สํวิชฺชมานํ สาลิสีสํ วิย หิ สตฺติรูปํ, ตทภินิกฺขนฺตํ วิย พฺยตฺติรูปนฺติ. กถํ ปน สตฺติรูปวเสน วิชฺชมาโนเยว ปุพฺเพ อนภิพฺยตฺโต พฺยตฺติรูปวเสน อภิพฺยตฺตึ คจฺฉตีติ? ยถา อนฺธกาเรน ปฏิจฺฉนฺโน ฆโฏ อาโลเกน อภิพฺยตฺตึ คจฺฉติ, เอวมยมฺปีติ.
อิทเมตฺถ วิจาเรตพฺพํ – กึ กโรนฺโต อาโลโก ฆฏํ ปกาเสตีติ วุจฺจติ, ยทิ ฆฏวิสยํ ¶ พุทฺธึ กโรนฺโต ปกาเสติ, อนุปฺปนฺนาย เอว พุทฺธิยา อุปฺปตฺติทีปนโต อภิพฺยตฺติวาโท หายติ. อถ ฆฏวิสยาย พุทฺธิยา อาวรณภูตํ อนฺธการํ วิธมนฺโต ปกาเสติ, เอวมฺปิ อภิพฺยตฺติวาโท หายเตว. สติ หิ ฆฏวิสยาย พุทฺธิยา กถํ อนฺธกาโร ตสฺสา อาวรณํ โหตีติ. ยถา จ ฆฏสฺส อภิพฺยตฺติ น ยุชฺชติ, เอวํ ทิฏฺิคติกปริกปฺปิตสฺส อตฺตโนปิ อภิพฺยตฺติ น ยุชฺชติเยว. ตตฺถาปิ หิ ยทิ อินฺทฺริยวิสยาทิสนฺนิปาเตน อนุปฺปนฺนา เอว พุทฺธิ อุปฺปนฺนา, อุปฺปตฺติวจเนเนว อภิพฺยตฺติวาโท หายติ อภิพฺยตฺติมตฺตมติกฺกมฺม อนุปฺปนฺนาย เอว พุทฺธิยา อุปฺปตฺติทีปนโต. ตถา สสฺสตวาโทปิ เตเนว การเณน. อถ พุทฺธิปฺปวตฺติยา อาวรณภูตสฺส อนฺธการฏฺานิยสฺส โมหสฺส วิธมเนน พุทฺธิ อุปฺปนฺนา. เอวมฺปิ สติ อตฺถวิสยาย พุทฺธิยา กถํ โมโห ตสฺสา อาวรณํ โหตีติ, หายเตว อภิพฺยตฺติวาโท, กิฺจ ภิยฺโย – เภทสพฺภาวโตปิ อภิพฺยตฺติวาโท หายติ. น หิ อภิพฺยฺชนกานํ จนฺทิมสูริยมณิปทีปาทีนํ เภเทน อภิพฺยฺชิตพฺพานํ ฆฏาทีนํ เภโท โหติ, โหติ จ วิสยเภเทน พุทฺธิเภโท ยถาวิสยํ พุทฺธิยา สมฺภวโตติ ภิยฺโยปิ อภิพฺยตฺติ น ยุชฺชติเยว, น เจตฺถ วิชฺชมานตาภิพฺยตฺติวเสน วุตฺติกปฺปนา ยุตฺตา วิชฺชมานตาภิพฺยตฺติกิริยาสงฺขาตาย วุตฺติยา วุตฺติมโต จ อนฺถานุชานนโต. อนฺาเยว หิ ตถา วุตฺติสงฺขาตา กิริยา ตพฺพนฺตวตฺถุโต, ยถา ผสฺสาทีหิ ผุสนาทิภาโว, ตสฺมา วุตฺติมโต อนฺาย เอว วิชฺชมานตาภิพฺยตฺติสงฺขาตาย วุตฺติยา ปริกปฺปิโต เกสฺจิ อภิพฺยตฺติวาโท น ยุตฺโต เอวาติ. เย ปน ‘‘อีสิกฏฺายี ิโต’’ติ ปิตฺวา ยถาวุตฺตมตฺถมิจฺฉนฺติ, เต ตทิทํ การณภาเวน คเหตฺวา ‘‘เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺติ สํสรนฺติ จวนฺติ อุปปชฺชนฺตี’’ติ ปเทหิ อตฺถสมฺพนฺธมฺปิ กโรนฺติ, น อฏฺกถายมิว อสมฺพนฺธนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา จา’’ติอาทิมาห. เต จ สตฺตา สนฺธาวนฺตีติ เอตฺถ เย ¶ อิธ มนุสฺสภาเวน อวฏฺิตา, เตเยว เทวภาวาทิอุปคมเนน อิโต อฺตฺถ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อฺถา กตสฺส กมฺมสฺส วินาโส, อกตสฺส จ อพฺภาคโม อาปชฺเชยฺยาติ อธิปฺปาโย.
อปราปรนฺติ อปรสฺมา ภวา อปรํ ภวํ, อปรมปรํ วา, ปุนปฺปุนนฺติ อตฺโถ. ‘‘จวนฺตี’’ติ ปทมุลฺลิงฺเคตฺวา ‘‘เอวํ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺตี’’ติ อตฺถํ วิวรติ, อตฺตโน ตถาคหิตสฺส นิจฺจสภาวตฺตา น จุตูปปตฺติโย. สพฺพพฺยาปิตาย นาปิ สนฺธาวนสํสรณานิ, ธมฺมานํเยว ปน ปวตฺติวิเสเสน เอวํ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ เอวํ โวหรียนฺตีติ อธิปฺปาโย. เอเตน ‘‘อวฏฺิตสภาวสฺส อตฺตโน, ธมฺมิโน จ ธมฺมมตฺตํ อุปฺปชฺชติ เจว วินสฺสติ จา’’ติ อิมํ วิปริณามวาทํ ทสฺเสติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อิมิสฺสํ สสฺสตวาทวิจารณายเมว ‘‘เอวํคติกา’’ติ ¶ ปทตฺถวิภาวเน วกฺขาม. อิทานิ อฏฺกถายํ วุตฺตํ อสมฺพนฺธมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อฏฺกถายํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สนฺธาวนฺตีติอาทินา วจเนน อตฺตโน วาทํ ภินฺทติ วินาเสติ สนฺธาวนาทิวจนสิทฺธาย อนิจฺจตาย ปุพฺเพ อตฺตนา ปฏิฺาตสฺส สสฺสตวาทสฺส วิรุทฺธภาวโตติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺิคติกสฺสา’’ติอาทิ ตทตฺถสมตฺถนํ. น นิพทฺธนฺติ น ถิรํ. ‘‘สนฺธาวนฺตี’’ติอาทิวจนํ, สสฺสตวาทฺจ สนฺธาย ‘‘สุนฺทรมฺปิ อสุนฺทรมฺปิ โหติเยวา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพทา สรนฺติ ปวตฺตนฺตีติ สสฺสติโย ร-การสฺส ส-การํ, ทฺวิภาวฺจ กตฺวา, ปถวีสิเนรุจนฺทิมสูริยา, สสฺสตีหิ สมํ สทิสํ ตถา, ภาวนปุํสกวจนฺเจตํ. ‘‘อตฺตา จ โลโก จา’’ติ หิ กตฺตุอธิกาโร. สสฺสติสมนฺติ วา ลิงฺคพฺยตฺตเยน กตฺตุนิทฺเทโส. สสฺสติสโม อตฺตา จ โลโก จ อตฺถิ เอวาติ อตฺโถ, อิติ-สทฺโท เจตฺถ ปทปูรณมตฺตํ. เอว-สทฺทสฺส หิ เอ-กาเร ปเร อิติ-สทฺเท อิ-การสฺส ว-การมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. สสฺสติสมนฺติ สสฺสตํ ถาวรํ นิจฺจกาลนฺติปิ อตฺโถ, สสฺสติสม-สทฺทสฺส สสฺสตปเทน สมานตฺถตํ สนฺธาย ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๑) วุตฺโต.
เหตุํ ทสฺเสนฺโตติ เยสํ ‘‘สสฺสโต’’ติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปติ, เตสํ เหตุํ ทสฺเสนฺโต อยํ ทิฏฺิคติโก อาหาติ สมฺพนฺโธ. น หิ อตฺตโน ทิฏฺิยา ปจฺจกฺขกตมตฺถํ อตฺตโนเยว สาเธติ, อตฺตโน ปน ปจฺจกฺขกเตน อตฺเถน อตฺตโน อปฺปจฺจกฺขภูตมฺปิ อตฺถํ สาเธติ, อตฺตนา จ ยถานิจฺฉิตํ อตฺถํ ปเรปิ วิฺาเปติ, น อนิจฺฉิตํ ¶ , อิทํ ปน เหตุทสฺสนํ เอเตสุ อเนเกสุ ชาติสตสหสฺเสสุ เอโกวายํ เม อตฺตา จ โลโก จ อนุสฺสรณสมฺภวโต. โย หิ ยมตฺถํ อนุภวติ, โส เอว ตํ อนุสฺสรติ, น อฺโ. น หิ อฺเน อนุภูตมตฺถํ อฺโ อนุสฺสริตุํ สกฺโกติ ยถา ตํ พุทฺธรกฺขิเตน อนุภูตํ ธมฺมรกฺขิโต. ยถา เจตาสุ, เอวํ อิโต ปุริมตราสุปิ ชาตีสุ, ตสฺมา ‘‘สสฺสโต เม อตฺตา จ โลโก จ, ยถา จ เม, เอวํ อฺเสมฺปิ สตฺตานํ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ สสฺสตวเสน ทิฏฺิคหณํ ปกฺขนฺทนฺโต ทิฏฺิคติโก ปเรปิ ตตฺถ ปติฏฺเปติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปถานิ อภิวทนฺติ, โส เอวมาหา’’ติ วจนโต ปรานุคาหาปนวเสน อิธ เหตุทสฺสนํ อธิปฺเปตนฺติ วิฺายติ. เอตนฺติ อตฺตโน จ โลกสฺส จ สสฺสตภาวํ. ‘‘น เกวล’’นฺติอาทิ อตฺถโต อาปนฺนทสฺสนํ. าน-สทฺโท การเณ, ตฺจ โข อิธ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติเยวาติ อาห ‘‘อิท’’นฺติอาทิ. การณฺจ นาเมตํ ติวิธํ สมฺปาปกํ นิพฺพตฺตกํ าปกนฺติ. ตตฺถ อริยมคฺโค นิพฺพานสฺส สมฺปาปกการณํ, พีชํ องฺกุรสฺส นิพฺพตฺตกการณํ, ปจฺจยุปฺปนฺนตาทโย อนิจฺจตาทีนํ าปกการณํ, อิธาปิ าปกการณเมว อธิปฺเปตํ. าปโก หิ อตฺโถ าเปตพฺพตฺถวิสยสฺส าณสฺส เหตุภาวโต การณํ. ตทายตฺตวุตฺติตาย ¶ ตํ าณํ ติฏฺติ เอตฺถาติ านํ, วสติ ตํ าณเมตฺถ ติฏฺตีติ ‘‘วตฺถู’’ติ จ วุจฺจติ. ตถา หิ ภควตา วตฺถุ-สทฺเทน อุทฺทิสิตฺวาปิ าน-สทฺเทน นิทฺทิฏฺนฺติ.
๓๒-๓๓. ทุติยตติยวารานํ ปมวารโต วิเสโส นตฺถิ เปตฺวา กาลเภทนฺติ อาห ‘‘อุปริ วารทฺวเยปิ เอเสว นโย’’ติ. ตเทตํ กาลเภทํ ยถาปาฬึ ทสฺเสตุํ ‘‘เกวลฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิตเรน ทุติยตติยวารา ยาว ทสสํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปา, ยาว จตฺตาลีสสํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปา จ อนุสฺสรณวเสน วุตฺตาติ อธิปฺปาโย. ยเทวํ กสฺมา สสฺสตวาโท จตุธา วิภตฺโต, นนุ ติธา กาลเภทมกตฺวา อธิจฺจสมุปฺปตฺติกวาโท วิย ทุวิเธเนว วิภชิตพฺโพ สิยาติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘มนฺทปฺโ หี’’ติอาทิมาห. มนฺทปฺาทีนํ ติณฺณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณลาภีนํ วเสน ติธา กาลเภทํ กตฺวา ตกฺกเนน สห จตุธา วิภตฺโตติ อธิปฺปาโย. นนุ จ อนุสฺสวาทิวเสน ตกฺกิกานํ วิย มนฺทปฺาทีนมฺปิ วิเสสลาภีนํ หีนาทิวเสน อเนกเภทสมฺภวโต ¶ พหุธา เภโท สิยา, อถ กสฺมา สพฺเพปิ วิเสสลาภิโน ตโย เอว ราสี กตฺวา วุตฺตาติ? อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ทสฺเสตุกามตฺตา. ตีสุ หิ ราสีสุ เย หีนมชฺฌิมปฺา, เต วุตฺตปริจฺเฉทโต อูนกเมว อนุสฺสรนฺติ. เย ปน อุกฺกฏฺปฺา, เต วุตฺตปริจฺเฉทํ อติกฺกมิตฺวา นานุสฺสรนฺตีติ ตตฺถ ตตฺถ อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ทสฺเสตุกามโต อเนกชาติสตสหสฺสทสจตฺตารีสสํวฏฺฏวิวฏฺฏานุสฺสรณวเสน ตโย เอว ราสี กตฺวา วุตฺตาติ. น ตโต อุทฺธนฺติ ยถาวุตฺตกาลตฺตยโต, จตฺตารีสสํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺปโต วา อุทฺธํ นานุสฺสรติ, กสฺมา? ทุพฺพลปฺตฺตา. เตสฺหิ นามรูปปริจฺเฉทวิรหโต ทุพฺพลา ปฺา โหตีติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ.
๓๔. ตปฺปกติยตฺโตปิ กตฺตุตฺโถเยวาติ อาห ‘‘ตกฺกยตี’’ติ. ตปฺปกติยตฺตตฺตา เอว หิ ทุติยนโยปิ อุปปนฺโน โหติ. ตตฺถ ตกฺกยตีติ อูหยติ, สสฺสตาทิอากาเรน ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ จิตฺตํ อภินิโรปยตีติ อตฺโถ. ตกฺโกติ อาโกฏนลกฺขโณ, วินิจฺฉยลกฺขโณ วา ทิฏฺิฏฺานภูโต วิตกฺโก. เตน เตน ปริยาเยน ตกฺกนํ สนฺธาย ‘‘ตกฺเกตฺวา วิตกฺเกตฺวา’’ติ วุตฺตํ วีมํสาย สมนฺนาคโตติ อตฺถวจนมตฺตํ. นิพฺพจนํ ปน ตกฺกิปเท วิย ทฺวิธา วตฺตพฺพํ. วีมํสา นาม วิจารณา, สา จ ทุวิธา ปฺา เจว ปฺาปติรูปิกา จ. อิธ ปน ปฺาปติรูปิกาว, สา จตฺถโต โลภสหคตจิตฺตุปฺปาโท, มิจฺฉาภินิเวสสงฺขาโต วา อโยนิโสมนสิกาโร. ปุพฺพภาเค วา มิจฺฉาทสฺสนภูตํ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตํ, ตเทตมตฺถตฺตยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุลนา รุจฺจนา ขมนา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ตุลยิตฺวา’’ติอาทีสุปิ ยถากฺกมํ ‘‘โลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทนา’’ติอาทินา โยเชตพฺพํ. สมนฺตโต, ปุนปฺปุนํ วา อาหนนํ ปริยาหตํ, ตํ ¶ ปน วิตกฺกสฺส อารมฺมณํ อูหนเมว, ภาวนปุํสกฺเจตํ ปทนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เตน เตน ปริยาเยน ตกฺเกตฺวา’’ติ อิมินา. ปริยาเยนาติ จ การเณนาติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการายาติ ติธา วุตฺตปฺปเภทาย. อนุวิจริตนฺติ อนุปวตฺติตํ, วีมํสานุคเตน วา วิจาเรน อนุมชฺชิตํ. ตทนุคตธมฺมกิจฺจมฺปิ หิ ปธานธมฺเม อาโรเปตฺวา ตถา วุจฺจติ. ปฏิภาติ ทิสฺสตีติ ปฏิภานํ, ยถาสมาหิตาการวิเสสวิภาวโก ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาโท, ตโต ชาตนฺติ ปฏิภานํ, ตถา ปฺายนํ, สยํ อตฺตโน ปฏิภานํ สยํปฏิภานํ ¶ , เตเนวาห ‘‘อตฺตโน ปฏิภานมตฺตสฺชาต’’นฺติ. มตฺต-สทฺเทน เจตฺถ วิเสสาธิคมาทโย นิวตฺเตติ. อนามฏฺกาลวจเน วตฺตมานวเสเนว อตฺถนิทฺเทโส อุปปนฺโนติ อาห ‘‘เอวํ วทตี’’ติ.
ปาฬิยํ ‘‘ตกฺกี โหติ วีมํสี’’ติ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสเสน วา วุตฺตํ ตกฺกีเภทํ วิภชนฺโต ‘‘ตตฺถ จตุพฺพิโธ’’ติอาทิมาห. ปเรหิ ปุน สวนํ อนุสฺสุติ, สา ยสฺสายํ อนุสฺสุติโก. ปุริมํ อนุภูตปุพฺพํ ชาตึ สรตีติ ชาติสฺสโร. ลพฺภเตติ ลาโภ, ยํ กิฺจิ อตฺตนา ปฏิลทฺธํ รูปาทิ, สุขาทิ จ, น ปน ฌานาทิวิเสโส, เตเนวาห ปาฬิยํ ‘‘โส ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุวิจริตํ สยํปฏิภานํ เอวมาหา’’ติ. อฏฺกถายมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน ปฏิภานมตฺตสฺชาต’’นฺติ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถโรปิ วทติ ‘‘มตฺต-สทฺเทน วิเสสาธิคมาทโย นิวตฺเตตี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๔) โส เอตสฺสาติ ลาภี. สุทฺเธน ปุริเมหิ อสมฺมิสฺเสน, สุทฺธํ วา ตกฺกนํ สุทฺธตกฺโก, โส ยสฺสายํ สุทฺธตกฺกิโก. เตน หีติ อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโต, เตน ตถา เวสฺสนฺตรรฺโว ภควติ สมาเนติ ทิฏฺิคฺคาหํ อุยฺโยเชติ. ลาภิตายาติ รูปาทิสุขาทิลาภีภาวโต. ‘‘อนาคเตปิ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ อิทํ ลาภีตกฺกิโน เอวมฺปิ สมฺภวตีติ สมฺภวทสฺสนวเสน อิธาธิปฺเปตํ ตกฺกนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนาคตํสตกฺกเนเนว หิ สสฺสตคฺคาหี ภวติ. ‘‘อตีเตปิ เอวํ อโหสี’’ติ อิทํ ปน อนาคตํสตกฺกนสฺส อุปนิสฺสยนิทสฺสนมตฺตํ. โส หิ ‘‘ยถา เม อิทานิ อตฺตา สุขี โหติ, เอวํ อตีเตปีติ ปมํ อตีตํสานุตกฺกนํ อุปนิสฺสาย อนาคเตปิ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ ตกฺกยนฺโต ทิฏฺึ คณฺหาติ. ‘‘เอวํ สติ อิทํ โหตี’’ติ อิมินา อนิจฺเจสุ ภาเวสุ อฺโ กโรติ, อฺโ ปฏิสํเวเทตีติ โทโส อาปชฺชติ, ตถา จ สติ กตสฺส วินาโส อกตสฺส จ อชฺฌาคโม สิยา. นิจฺเจสุ ปน ภาเวสุ อฺโ กโรติ, อฺโ ปฏิสํเวเทตีติ โทโส นาปชฺชติ. เอวฺจ สติ กตสฺส อวินาโส, อกตสฺส จ อนชฺฌาคโม สิยาติ ตกฺกิกสฺส ยุตฺติคเวสนาการํ ทสฺเสติ.
ตกฺกมตฺเตเนวาติ สุทฺธตกฺกเนเนว. มตฺต-สทฺเทน หิ อาคมาทีนํ, อนุสฺสวาทีนฺจ อภาวํ ¶ ทสฺเสติ. ‘‘นนุ จ วิเสสลาภิโนปิ สสฺสตวาทิโน ¶ วิเสสาธิคมเหตุ อเนเกสุ ชาติสตสหสฺเสสุ, ทสสุ สํวฏฺฏวิวฏฺเฏสุ, จตฺตาลีสาย จ สํวฏฺฏวิวฏฺเฏสุ ยถานุภูตํ อตฺตโน สนฺตานํ, ตปฺปฏิพทฺธฺจ ธมฺมชาตํ ‘‘อตฺตา, โลโก’’ติ จ อนุสฺสริตฺวา ตโต ปุริมตราสุปิ ชาตีสุ ตถาภูตสฺส อตฺถิตานุวิตกฺกนมุเขน อนาคเตปิ เอวํ ภวิสฺสตีติ อตฺตโน ภวิสฺสมานานุตกฺกนํ, สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ ตถาภาวานุตกฺกนฺจ กตฺวา สสฺสตาภินิเวสิโน ชาตา, เอวฺจ สติ สพฺโพปิ สสฺสตวาที อนุสฺสุติกชาติสฺสรลาภีตกฺกิกา วิย อตฺตโน อุปลทฺธวตฺถุนิมิตฺเตน ตกฺกเนน ปวตฺตวาทตฺตา ตกฺกีปกฺเขเยว ติฏฺเยฺย, ตถา จ สติ วิเสสเภทรหิตตฺตา เอโกวายํ สสฺสตวาโท ววตฺถิโต ภเวยฺย, อวสฺสฺจ วุตฺตปฺปการํ ตกฺกนมิจฺฉิตพฺพํ, อฺถา วิเสสลาภี สสฺสตวาที เอกจฺจสสฺสติกปกฺขํ, อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกปกฺขํ วา ภเชยฺยาติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. วิเสสลาภีนฺหิ ขนฺธสนฺตานสฺส ทีฆทีฆตรํ ทีฆตมกาลานุสฺสรณํ สสฺสตคฺคาหสฺส อสาธารณการณํ. ตถา หิ ‘‘อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อิมินามหํ เอตํ ชานามี’’ติ อนุสฺสรณเมว ปธานการณภาเวน ทสฺสิตํ. ยํ ปน ตสฺส ‘‘อิมินามหํ เอตํ ชานามี’’ติ ปวตฺตํ ตกฺกนํ, น ตํ อิธ ปธานํ อนุสฺสรณํ ปฏิจฺจ ตสฺส อปธานภาวโต, ปธานการเณน จ อสาธารเณน นิทฺเทโส สาสเน, โลเกปิ จ นิรุฬฺโห ยถา ‘‘จกฺขุวิฺาณํ ยวงฺกุโร’’ติอาทิ.
เอวํ ปนายํ เทสนา ปธานการณวิภาวินี, ตสฺมา สติปิ อนุสฺสวาทิวเสน, ตกฺกิกานํ หีนาทิวเสน จ มนฺทปฺาทีนํ วิเสสลาภีนํ พหุธา เภเท อฺตรเภทสงฺคหวเสน ภควตา จตฺตาริฏฺานานิ วิภชิตฺวา ววตฺถิตา สสฺสตวาทานํ จตุพฺพิธตา. น หิ, อิธ สาวเสสํ ธมฺมํ เทเสติ ธมฺมราชาติ. ยเทวํ อนุสฺสุติกาทีสุปิ อนุสฺสวาทีนํ ปธานภาโว อาปชฺชตีติ? น เตสํ อฺาย สจฺฉิกิริยาย อภาเวน ตกฺกปธานตฺตา, ‘‘ปธานการเณน จ อสาธารเณน นิทฺเทโส สาสเน, โลเกปิ จ นิรุฬฺโห’’ติ วุตฺโตวายมตฺโถติ. อถ วา วิเสสาธิคมนิมิตฺตรหิตสฺส ตกฺกนสฺส สสฺสตคฺคาเห วิสุํ การณภาวทสฺสนตฺถํ วิเสสาธิคโม วิสุํ สสฺสตคฺคาหการณภาเวน วตฺตพฺโพ, โส จ มนฺทมชฺฌิมติกฺขปฺาวเสน ติวิโธติ ติธา วิภชิตฺวา, สพฺพตกฺกิโน ¶ จ ตกฺกีภาวสามฺโต เอกชฺฌํ คเหตฺวา จตุธา เอว ววตฺถาปิโต สสฺสตวาโท ภควตาติ.
๓๕. ‘‘อฺตเรนา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอเกนา’’ติ วุตฺตํ. อฏฺานปยุตฺตสฺส ปน วา-สทฺทสฺส อนิยมตฺถตํ สนฺธายาห ‘‘ทฺวีหิ วา ตีหิ วา’’ติ, เตน จตูสุ วตฺถูสุ ยถารหเมกจฺจํ เอกจฺจสฺส ปฺาปเน สหการีการณนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘พหิทฺธา’’ติ พาหฺยตฺถวาจโก ¶ กตฺตุนิทฺทิฏฺโ นิปาโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘พหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถาห – กึ ปเนตานิ วตฺถูนิ อตฺตโน อภินิเวสสฺส เหตุ, อุทาหุ ปเรสํ ปติฏฺาปนสฺสาติ. กิฺเจตฺถ, ยทิ ตาว อตฺตโน อภินิเวสสฺส เหตุ, อถ กสฺมา อนุสฺสรณตกฺกนานิเยว คหิตานิ, น สฺาวิปลฺลาสาทโย. ตถา หิ วิปรีตสฺาอโยนิโสมนสิการอสปฺปุริสูปนิสฺสยอสทฺธมฺมสฺสวนาทีนิปิ ทิฏฺิยา ปวตฺตนฏฺเน ทิฏฺิฏฺานานิ. อถ ปน ปเรสํ ปติฏฺาปนสฺส เหตุ, อนุสฺสรณเหตุภูโต อธิคโม วิย, ตกฺกนปริเยฏฺิภูตา ยุตฺติ วิย จ อาคโมปิ วตฺถุภาเวน วตฺตพฺโพ, อุภยถาปิ จ ยถาวุตฺตสฺส อวเสสการณสฺส สมฺภวโต ‘‘นตฺถิ อิโต พหิทฺธา’’ติ วจนํ น ยุชฺชเตวาติ? โน น ยุชฺชติ, กสฺมา? อภินิเวสปกฺเข ตาว อยํ ทิฏฺิคติโก อสปฺปุริสูปนิสฺสยอสทฺธมฺมสฺสวเนหิ อโยนิโส อุมฺมุชฺชิตฺวา วิปลฺลาสสฺโ รูปาทิธมฺมานํ ขเณ ขเณ ภิชฺชนสภาวสฺส อนวโพธโต ธมฺมยุตฺตึ อติธาวนฺโต เอกตฺตนยํ มิจฺฉา คเหตฺวา ยถาวุตฺตานุสฺสรณตกฺกเนหิ ขนฺเธสุ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ (ที. นิ. ๓๑) อภินิเวสํ อุปเนสิ, อิติ อาสนฺนการณตฺตา, ปธานการณตฺตา จ ตคฺคหเณเนว จ อิตเรสมฺปิ คหิตตฺตา อนุสฺสรณตกฺกนานิเยว อิธ คหิตานิ. ปติฏฺาปนปกฺเข ปน อาคโมปิ ยุตฺติยเมว ิโต วิเสเสน นิราคมานํ พาหิรกานํ ตกฺกคฺคาหิภาวโต, ตสฺมา อนุสฺสรณตกฺกนานิเยว สสฺสตคฺคาหสฺส วตฺถุภาเวน คหิตานิ.
กิฺจ ภิยฺโย – ทุวิธํ ปรมตฺถธมฺมานํ ลกฺขณํ สภาวลกฺขณํ, สามฺลกฺขณฺจ. ตตฺถ สภาวลกฺขณาวโพโธ ปจฺจกฺขาณํ, สามฺลกฺขณาวโพโธ อนุมานาณํ. อาคโม จ สุตมยาย ปฺาย สาธนโต ¶ อนุมานาณเมว อาวหติ, สุตานํ ปน ธมฺมานํ อาการปริวิตกฺกเนน นิชฺฌานกฺขนฺติยํ ิโต จินฺตามยปฺํ นิพฺพตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ภาวนาย ปจฺจกฺขาณํ อธิคจฺฉตีติ เอวํ อาคโมปิ ตกฺกนวิสยํ นาติกฺกมติ, ตสฺมา เจส ตกฺกคฺคหเณน คหิโตวาติ เวทิตพฺโพ. โส อฏฺกถายํ อนุสฺสุติตกฺกคฺคหเณน วิภาวิโต, เอวํ อนุสฺสรณตกฺกเนหิ อสงฺคหิตสฺส อวสิฏฺสฺส การณสฺส อสมฺภวโต ยุตฺตเมวิทํ ‘‘นตฺถิ อิโต พหิทฺธา’’ติ วจนนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อเนกวิหิตานิ อธิมุตฺติปทานิ อภิวทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๙), ‘‘สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๐) จ วจนโต ปน ปติฏฺาปนวตฺถูนิเยว อิธ เทสิตานิ ตํเทสนาย เอว อภินิเวสสฺสาปิ สิชฺฌนโต. อเนกเภเทสุ หิ เทสิเตสุ ยสฺมึ เทสิเต ตทฺเปิ เทสิตา สิทฺธา โหนฺติ, ตเมว เทเสตีติ ทฏฺพฺพํ. อภินิเวสปติฏฺาปเนสุ จ อภินิเวเส เทสิเตปิ ปติฏฺาปนํ น สิชฺฌติ อภินิเวสสฺส ปติฏฺาปเน อนิยมโต. อภินิเวสิโนปิ หิ เกจิ ปติฏฺาเปนฺติ ¶ , เกจิ น ปติฏฺาเปนฺติ. ปติฏฺาปเน ปน เทสิเต อภินิเวโสปิ สิชฺฌติ ปติฏฺาปนสฺส อภินิเวเส นิยมโต. โย หิ ยตฺถ ปเร ปติฏฺาเปติ, โสปิ ตมภินิวิสตีติ.
๓๖. ตยิทนฺติ เอตฺถ ต-สทฺเทน ‘‘สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺตี’’ติ เอตสฺส ปรามสนนฺติ อาห ‘‘ตํ อิทํ จตุพฺพิธมฺปิ ทิฏฺิคต’’นฺติ. ตโตติ ตสฺมา ปการโต ชานนตฺตา. ปรมวชฺชตาย อเนกวิหิตานํ อนตฺถานํ การณภาวโต ทิฏฺิโย เอว านา ทิฏฺิฏฺานา. ยถาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ ตเทวตฺถํ สนฺธาย ‘‘ทิฏฺิโยว ทิฏฺิฏฺานา’’ติ วุตฺตํ. ทิฏฺีนํ การณมฺปิ ทิฏฺิฏฺานเมว ทิฏฺีนํ อุปฺปาทาย สมุฏฺานฏฺเน. ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ ปฏิสมฺภิทาปาฬิยา (ปฏิ. ม. ๑.๑๒๔) สาธนํ. ตตฺถ ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานํ อารมฺมณฏฺเน. วุตฺตฺหิ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทิ, (สํ. นิ. ๓.๘๑) อวิชฺชาปิ อุปนิสฺสยาทิภาเวน. ยถาห ‘‘อสฺสุตวา ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒; ปฏิ. ม. ๑.๑๓๑) ผสฺโสปิ ผุสิตฺวา คหณูปายฏฺเน. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา ¶ (ที. นิ. ๑.๑๑๘) ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๔๔) สฺาปิ อาการมตฺตคฺคหณฏฺเน. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา’’ติ (สุ. นิ. ๘๘๐; มหา. นิ. ๑๐๙) ปถวึ ปถวิโต สฺตฺวา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒) จ อาทิ. วิตกฺโกปิ อาการปริวิตกฺกนฏฺเน. เตน วุตฺตํ ‘‘ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวา, สจฺจํ มุสาติ ทฺวยธมฺมมาหู’’ติ, (สุ. นิ. ๘๙๒; มหานิ. ๑๒๑) ‘‘ตกฺกี โหติ วีมํสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๔) จ อาทิ. อโยนิโส มนสิกาโรปิ อกุสลานํ สาธารณการณฏฺเน. เตนาห ‘‘ตสฺส เอวํ อโยนิโส มนสิ กโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ. อตฺถิ เม อตฺตา’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิอุปฺปชฺชตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๙) ปาปมิตฺโตปิ ทิฏฺานุคติ อาปชฺชนฏฺเน. วุตฺตมฺปิ จ ‘‘พาหิรํ ภิกฺขเว, องฺคนฺติ กริตฺวา นาฺํ เอกงฺคมฺปิ สมนุปสฺสฺสามิ, ยํ เอวํ มหโต อนตฺถาย สํวตฺตติ, ยถยิทํ ภิกฺขเว, ปาปมิตฺตตา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑.๑๑๐) ปรโตโฆโสปิ ทุรกฺขาตธมฺมสฺสวนฏฺเน. ตถา เจว วุตฺตํ ‘‘ทฺเวเม ภิกฺขเว, ปจฺจยา มิจฺฉาทิฏฺิยา อุปฺปาทาย. กตเม ทฺเว? ปรโต จ โฆโส, อโยนิโส จ มนสิกาโร’’ติอาทิ (อ. นิ. ๒.๑๒๖) ปเรหิ สุตา, เทสิตา วา เทสนา ปรโตโฆโส.
‘‘ขนฺธา เหตู’’ติอาทิปาฬิ ตทตฺถวิภาวินี. ตตฺถ ชนกฏฺเน เหตุ, อุปตฺถมฺภกฏฺเน ปจฺจโย. อุปาทายาติ อุปาทิยิตฺวา, ปฏิจฺจาติ อตฺโถ. ‘‘อุปฺปาทายา’’ติปิ ปาโ, อุปฺปชฺชนายาติ ¶ อตฺโถ. สมุฏฺาติ เอเตนาติ สมุฏฺานํ, ขนฺธาทโย เอว. อิธ ปน สมุฏฺานภาโวเยว สมุฏฺาน-สทฺเทน วุตฺโต ภาวโลปตฺตา, ภาวปฺปธานตฺตา จ. อาทินฺนา สกสนฺตาเน. ปวตฺติตา สปรสนฺตาเนสุ. ปร-สทฺโท อภิณฺหตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุน’’นฺติ. ปรินิฏฺาปิตาติ ‘‘อิทเมว ทสฺสนํ สจฺจํ, อฺํ ปน โมฆํ ตุจฺฉํ มุสา’’ติ อภินิเวสสฺส ปริโยสานํ มตฺถกํ ปาปิตาติ อตฺโถ. อารมฺมณวเสนาติ อฏฺสุ ทิฏฺิฏฺาเนสุ ขนฺเธ สนฺธายาห. ปวตฺตนวเสนาติ อวิชฺชาผสฺสสฺาวิตกฺกาโยนิโสมนสิกาเร. อาเสวนวเสนาติ ปาปมิตฺตปรโตโฆเส. ยทิปิ สรูปตฺถวเสน เววจนํ, สงฺเกตตฺถวเสน ปน เอวํ วตฺตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํวิธปรโลกา’’ติ วุตฺตํ. เยน เกนจิ หิ วิเสสเนเนว เววจนํ สาตฺถกํ สิยา. ปรโลโก ¶ จ กมฺมวเสน อภิมุโข สมฺปเรติ คจฺฉติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ อภิสมฺปราโยติ วุจฺจติ. ‘‘อิติ โข อานนฺท, กุสลานิ สีลานิ อนุปุพฺเพน อคฺคาย ปเรนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑๐.๒) วิย หิ จุราทิคณวเสน ปร-สทฺทํ คติยมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, อยเมตฺถ อฏฺกถาโต อปโร นโย.
เอวํคติกาติ เอวํคมนา เอวํนิฏฺา, เอวมนุยฺุชเนน ภิชฺชนนสฺสนปริโยสานาติ อตฺโถ. คติ-สทฺโท เจตฺถ ‘‘เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส ทฺเวว คติโย ภวนฺตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๘; ๒.๓๓, ๓๕; ๓.๑๙๙, ๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๔, ๓๙๗) วิย นิฏฺานตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม ทิฏฺิสงฺขาตา ทิฏฺิฏฺานา เอวํ ปรมตฺถโต อสนฺตํ อตฺตานํ, สสฺสตภาวฺจ ตสฺมึ อชฺฌาโรเปตฺวา คหิตา, ปรามฏฺา จ สมานา พาลลปนาเยว หุตฺวา ยาว ปณฺฑิตา น สมนุยฺุชนฺติ, ตาว คจฺฉนฺติ, ปาตุภวนฺติ จ, ปณฺฑิเตหิ สมนุยฺุชิยมานา ปน อนวฏฺิตวตฺถุกา อวิมทฺทกฺขมา สูริยุคฺคมเน อุสฺสาวพินฺทู วิย, ขชฺโชปนกา วิย จ ภิชฺชนฺติ, วินสฺสนฺติ จาติ.
ตตฺถายํ อนุยฺุชเน สงฺเขปกถา – ยทิ หิ ปเรหิ กปฺปิโต อตฺตา โลโก วา สสฺสโต สิยา, ตสฺส นิพฺพิการตาย ปุริมรูปาวิชหนโต กสฺสจิ วิเสสาธานสฺส กาตุมสกฺกุเณยฺยตาย อหิตโต นิวตฺตนตฺถํ, หิเต จ ปฏิปชฺชนตฺถํ อุปเทโส เอว สสฺสตวาทิโน นิปฺปโยชโน สิยา, กถํ วา เตน โส อุปเทโส ปวตฺตียติ วิการาภาวโต. เอวฺจ สติ ปริกปฺปิตสฺส อตฺตโน อชฏากาสสฺส วิย ทานาทิกิริยา, หึสาทิกิริยา จ น สมฺภวติ, ตถา สุขสฺส, ทุกฺขสฺส จ อนุภวนนิพนฺโธ เอว สสฺสตวาทิโน น ยุชฺชติ กมฺมพทฺธาภาวโต. ชาติอาทีนฺจ อสมฺภวโต วิโมกฺโข น ภเวยฺย, อถ ปน ธมฺมมตฺตํ ตสฺส อุปฺปชฺชติ เจว วินสฺสติ จ, ยสฺส วเสนายํ กิริยาทิโวหาโรติ วเทยฺย, เอวมฺปิ ¶ ปุริมรูปาวิชหเนน อวฏฺิตสฺส อตฺตโน ธมฺมมตฺตนฺติ น สกฺกา สมฺภาเวตุํ, เต วา ปนสฺส ธมฺมา อวตฺถาภูตา, ตสฺมา ตสฺส อุปฺปนฺนา อฺเ วา สิยุํ อนฺเ วา, ยทิ อฺเ, น ตาหิ อวตฺถาหิ ตสฺส อุปฺปนฺนาหิปิ โกจิ วิเสโส อตฺถิ, ยาหิ กโรติ ปฏิสํเวเทติ จวติ อุปฺปชฺชติ จาติ อิจฺฉิตํ, เอวฺจ ธมฺมกปฺปนาปิ ¶ นิรตฺถกา สิยา, ตสฺมา ตทวตฺโถ เอว ยถาวุตฺตโทโส, อถานฺเ, อุปฺปาทวินาสวนฺตีหิ อวตฺถาหิ อนฺสฺส อตฺตโน ตาสํ วิย อุปฺปาทวินาสสพฺภาวโต กุโต ภเวยฺย นิจฺจตาวกาโส, ตาสมฺปิ วา อตฺตโน วิย นิจฺจตาปวตฺติ, ตสฺมา พนฺธวิโมกฺขานํ อสมฺภโว เอวาติ น ยุชฺชติเยว สสฺสตวาโท, น เจตฺถ โกจิ วาที ธมฺมานํ สสฺสตภาเว ปริสุทฺทํ ยุตฺตึ วตฺตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย, ยุตฺติรหิตฺจ วจนํ น ปณฺฑิตานํ จิตฺตํ อาราเธติ, เตนาโวจุมฺห ‘‘ยาว ปณฺฑิตา น สมนุยฺุชนฺติ, ตาว คจฺฉนฺติ, ปาตุภวนฺติ จา’’ติ.
สการณํ สคติกนฺติ เอตฺถ สห-สทฺโท วิชฺชมานตฺโถ ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ วิย, น ปน สมวายตฺโถ จ-สทฺเทน ‘‘ตยิทํ ภิกฺขเว, ตถาคโต ปชานาตี’’ติ วุตฺตสฺส ทิฏฺิคตสฺส สมุจฺจินิตตฺตา, ‘‘ตฺจ ตถาคโต ปชานาตี’’ติ อิมินา จ การณคตีนเมว ปชานนภาเวน วุตฺตตฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตยิทํ ภิกฺขเว, การณวนฺตํ คติวนฺตํ ทิฏฺิคตํ ตถาคโต ปชานาติ, น เกวลฺจ ตเทว, อถ โข ตสฺส การณคติสงฺขาตํ ตฺจ สพฺพนฺติ. ‘‘ตโต…เป… ปชานาตี’’ติ วุตฺตวากฺยสฺส อตฺถํ วุตฺตนเยน สํวณฺเณติ ‘‘ตโต จา’’ติอาทินา. สพฺพฺุตฺาณสฺเสวิธ วิภชนนฺติ ปกรณานุรูปมตฺถํ อาห ‘‘สพฺพฺุตฺาณฺจา’’ติ, ตสฺมึ วา วุตฺเต ตทธิฏฺานโต อาสวกฺขยาณํ, ตทวินาภาวโต วา สพฺพมฺปิ ทสพลาทิาณํ คหิตเมวาติปิ ตเทว วุตฺตํ.
เอวํวิธนฺติ ‘‘สีลฺจา’’ติอาทินา เอวํวุตฺตปฺปการํ. ปชานนฺโตปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน, อปิ-สทฺเทน วา ‘‘ตฺจา’’ติ วุตฺต จ-สทฺทสฺส สมฺภาวนตฺถภาวํ ทสฺเสติ, เตน ตโต ทิฏฺฏิคตโต อุตฺตริตรํ สารภูตํ สีลาทิคุณวิเสสมฺปิ ตถาคโต นาภินิวิสติ, โก ปน วาโท วฏฺฏามิเสติ สมฺภาเวติ. ‘‘อห’’นฺติ ทิฏฺฏิมานวเสน ปรามสนาการทสฺสนํ. ปชานามีติ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน ปการตฺเถน, นิทสฺสนตฺเถน วา. ‘‘มม’’นฺติ ตณฺหาวเสน ปรามสนาการํ ทสฺเสติ. ตณฺหาทิฏฺิมานปรามาสวเสนาติ ตณฺหาทิฏฺิมานสงฺขาตปรามาสวเสน. ธมฺมสภาวมติกฺกมิตฺวา ‘‘อหํ มม’’นฺติ ปรโต อภูตโต อามสนํ ปรามาโส, ตณฺหาทโย เอว. น หิ ตํ อตฺถิ, ยํ ขนฺเธสุ ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา คเหตพฺพํ สิยา, อปรามสโต ¶ อปรามสนฺตสฺส อสฺส ตถาคตสฺส นิพฺพุติ วิทิตาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อปรามสโต’’ติ เจทํ นิพฺพุติปเวทนาย (นิพฺพุติเวทนสฺส ที. นิ. ฏี. ๑.๓๖) เหตุคพฺภวิเสสนํ ¶ . ‘‘วิทิตา’’ติ ปทมเปกฺขิตฺวา กตฺตริ สามิวจนํ. อปรามสโต ปรามาสรหิตปฏิปตฺติเหตุ อสฺส ตถาคตสฺส กตฺตุภูตสฺส นิพฺพุติ อสงฺขตธาตุ วิทิตา, อธิคตาติ วา อตฺโถ. ‘‘อปรามสโต’’ติ เหทํ เหตุมฺหิ นิสฺสกฺกวจนํ.
‘‘อปรามาสปจฺจยา’’ติ ปจฺจตฺตฺเว ปเวทนาย การณทสฺสนํ. อสฺสาติ กตฺตารํ วตฺวาปิ ปจฺจตฺตฺเวาติ วิเสสทสฺสนตฺถํ ปุน กตฺตุวจนนฺติ อาห ‘‘สยเมว อตฺตนาเยวา’’ติ. สยํ, อตฺตนาติ วา ภาวนปุํสกํ. นิปาตปทฺเหตํ. ‘‘อปรามสโต’’ติ วจนโต ปรามาสานเมว นิพฺพุติ อิธ เทสิตา, ตํเทสนาย เอว ตทฺเสมฺปิ นิพฺพุติยา สิชฺฌนโตติ ทสฺเสติ ‘‘เตสํ ปรามาสกิเลสาน’’นฺติ อิมินา, ปรามาสสงฺขาตานํ กิเลสานนฺติ อตฺโถ. อปิจ กามํ ‘‘อปรามสโต’’ติ วจนโต ปรามาสานเมว นิพฺพุติ อิธ เทสิตาติ วิฺายติ, ตํเทสนาย ปน ตทวเสสานมฺปิ กิเลสานํ นิพฺพุติ เทสิตา นาม ภวติ ปหาเนกฏฺตาทิภาวโต, ตสฺมา เตสมฺปิ นิพฺพุติ นิทฺธาเรตฺวา ทสฺเสตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘เตสํ ปรามาสกิเลสาน’’นฺติ, ตณฺหาทิฏฺิมานสงฺขาตานํ ปรามาสานํ, ตทฺเสฺจ กิเลสานนฺติ อตฺโถ. โคพลีพทฺทนโย เหส. นิพฺพุตีติ จ นิพฺพายนภูตา อสงฺขตธาตุ, ตฺจ ภควา โพธิมูเลเยว ปตฺโต, ตสฺมา สา ปจฺจตฺตฺเว วิทิตาติ.
ยถาปฏิปนฺเนนาติ เยน ปฏิปนฺเนน. ตปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘ตาสํเยว…เป… อาทิมาหา’’ติ อนุสนฺธิทสฺสนํ. กสฺมา ปน เวทนานฺเว กมฺมฏฺานมาจิกฺขตีติ อาห ‘‘ยาสู’’ติอาทิ, อิมินา เทสนาวิลาสํ ทสฺเสติ. เทสนาวิลาสปฺปตฺโต หิ ภควา เทสนากุสโล ขนฺธายตนาทิวเสน อเนกวิธาสุ จตุสจฺจเทสนาสุ สมฺภวนฺตีสุปิ ทิฏฺิคติกา เวทนาสุ มิจฺฉาปฏิปตฺติยา ทิฏฺิคหนํ ปกฺขนฺทาติ ทสฺสนตฺถํ ตถาปกฺขนฺทนมูลภูตา เวทนาเยว ปริฺาภูมิภาเวน อุทฺธรตีติ. อิธาติ อิมสฺมึ วาเท. เอวํ เอตฺถาติปิ. กมฺมฏฺานนฺติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ. เอตฺถ หิ ¶ เวทนาคหเณน คหิตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจํ. เวทนานํ สมุทยคฺคหเณน คหิโต อวิชฺชาสมุทโย สมุทยสจฺจํ, อตฺถงฺคมนิสฺสรณปริยาเยหิ นิโรธสจฺจํ, ‘‘ยถาภูตํ วิทิตฺวา’’ติ เอเตน มคฺคสจฺจนฺติ เอวํ จตฺตาริ สจฺจานิ เวทิตพฺพานิ. ‘‘ยถาภูตํ วิทิตฺวา’’ติ อิทํ วิภชฺชพฺยากรณตฺถปทนฺติ ตทตฺถํ วิภชฺช ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิเสสโต หิ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติอาทิลกฺขณานํ วเสน สมุทยาทีสุ อตฺโถ ยถารหํ วิภชฺช ทสฺเสตพฺโพ. อวิเสสโต ปน เวทนาย สมุทยาทีนิ วิปสฺสนาปฺาย อารมฺมณปฏิเวธวเสน, มคฺคปฺาย อสมฺโมหปฏิเวธวเสน ชานิตฺวา ¶ ปฏิวิชฺฌิตฺวาติ อตฺโถ. ปจฺจยสมุทยฏฺเนาติ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๔; สํ. นิ. ๒.๒๑; อุทา. ๑) วุตฺตลกฺขเณน อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยานํ อุปฺปาเทน เจว มคฺเคน อสมุคฺฆาเฏน จ. ยาว หิ มคฺเคน น สมุคฺฆาฏียติ, ตาว ปจฺจโยติ วุจฺจติ. นิพฺพตฺติลกฺขณนฺติ อุปฺปาทลกฺขณํ, ชาตินฺติ อตฺโถ. ปฺจนฺนํ ลกฺขณานนฺติ เอตฺถ จ จตุนฺนมฺปิ ปจฺจยานํ อุปฺปาทลกฺขณเมว อคฺคเหตฺวา ปจฺจยลกฺขณมฺปิ คเหตพฺพํ สมุทยํ ปฏิจฺจ เตสํ ยถารหํ อุปการกตฺตา. ตถา เจว สํวณฺณิตํ ‘‘มคฺเคน อสมุคฺฆาเฏน จา’’ติ. ปจฺจยนิโรธฏฺเนาติ ‘‘อิมสฺมึ นิรุทฺเธ อิทํ นิรุทฺธํ โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๖; อุทา. ๓; สํ. นิ. ๒.๔๑) วุตฺตลกฺขเณน อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยานํ นิโรเธน เจว มคฺเคน สมุคฺฆาเฏน จ. วิปริณามลกฺขณนฺติ นิโรธลกฺขณํ, ภงฺคนฺติ อตฺโถ. วยนฺติ นิโรธํ. ยนฺติ ยสฺมา ปจฺจยภาวสงฺขาตเหตุโต. เวทนํ ปฏิจฺจาติ ปุริมุปฺปนฺนํ อารมฺมณาทิปจฺจยภูตํ เวทนํ ลภิตฺวา. สุขํ โสมนสฺสนฺติ สุขฺเจว โสมนสฺสฺจ. อยนฺติ ปุริมเวทนาย ยถารหํ ปจฺฉิมุปฺปนฺนานํ สุขโสมนสฺสานํ ปจฺจยภาโว. อสฺสาโท นาม อสฺสาทิตพฺโพติ กตฺวา.
อปโร นโย – ยนฺติ สุขํ, โสมนสฺสฺจ. อยนฺติ จ นปุํสกลิงฺเคน นิทฺทิฏฺํ สุขโสมนสฺสเมว อสฺสาทปทมเปกฺขิตฺวา ปุลฺลิงฺเคน นิทฺทิสียติ, อิมสฺมึ ปน วิกปฺเป สุขโสมนสฺสานํ อุปฺปาโทเยว เตหิ อุปฺปาทวนฺเตหิ นิทฺทิฏฺโ, สตฺติยา, สตฺติมโต จ อภินฺนตฺตา. น หิ สุขโสมนสฺสมนฺตเรน เตสํ อุปฺปาโท ลพฺภติ. อิติ ปุริมเวทนํ ปฏิจฺจ สุขโสมนสฺสุปฺปาโทปิ ปุริมเวทนาย อสฺสาโท นาม อสฺสาทียเตติ กตฺวา ¶ . อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ปุริมมุปฺปนฺนํ เวทนํ อารพฺภ โสมนสฺสุปฺปตฺติยํ โย ปุริมเวทนาย ปจฺจยภาวสงฺขาโต อสฺสาเทตพฺพากาโร, โสมนสฺสสฺส วา อุปฺปาทสงฺขาโต ตทสฺสาทนากาโร, อยํ ปุริมเวทนาย อสฺสาโทติ. กถํ ปน เวทนํ อารพฺภ สุขํ อุปฺปชฺชติ, นนุ โผฏฺพฺพารมฺมณนฺติ? เจตสิกสุขสฺเสว อารพฺภ ปวตฺติยมธิปฺเปตตฺตา นายํ โทโส. อารพฺภ ปวตฺติยฺหิ วิเสสนเมว โสมนสฺสคฺคหณํ โสมนสฺสํ สุขนฺติ ยถา ‘‘รุกฺโข สีสปา’’ติ อฺปจฺจยวเสน อุปฺปตฺติยํ ปน กายิกสุขมฺปิ อสฺสาโทเยว, ยถาลาภกถา วา เอสาติ ทฏฺพฺพํ.
‘‘ยา เวทนา อนิจฺจา’’ติอาทินา สตฺติมตา สตฺติ นิทสฺสิตา. ตตฺรายมตฺโถ – ยา เวทนา หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อุทยพฺพยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา, ชราย, มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพฏฺเน วิปริณามธมฺมา. ตสฺสา เอวํภูตาย อยํ อนิจฺจทุกฺขวิปริณามภาโว ¶ เวทนาย สพฺพายปิอาทีนโวติ. อาทีนํ ปรมการฺุํ วาติ ปวตฺตติ เอตสฺมาติ หิ อาทีนโว. อปิจอาทีนํ อติวิย กปณํ ปวตฺตนฏฺเน กปณมนุสฺโส อาทีนโว, อยมฺปิ เอวํสภาโวติ ตถา วุจฺจติ. สตฺติมตา หิ สตฺติ อภินฺนา ตทวินาภาวโต.
เอตฺถ จ ‘‘อนิจฺจา’’ติ อิมินา สงฺขารทุกฺขตาวเสน อุเปกฺขาเวทนาย, สพฺพาสุ วา เวทนาสุอาทีนวมาห, ‘‘ทุกฺขา’’ติ อิมินา ทุกฺขทุกฺขตาวเสนทุกฺขเวทนาย, ‘‘วิปริณามธมฺมา’’ติ อิมินา วิปริณามทุกฺขตาวเสน สุขเวทนาย. อวิเสเสน วา ตีณิปิ ปทานิ ติสฺสนฺนมฺปิ เวทนานํ วเสน โยเชตพฺพานิ. ฉนฺทราควินโยติ ฉนฺทสงฺขาตราควินยนํ วินาโส. ‘‘อตฺถวสา ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโม’’ติ วจนโต ยํ ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ โยเชตพฺพํ. ปริยายวจนเมวิทํ ปททฺวยํ. ยถาภูตํ วิทิตฺวาติ มคฺคสฺส วุตฺตตฺตา มคฺคนิพฺพานวเสน วา ยถากฺกมํ โยชนาปิ วฏฺฏติ. เวทนายาติ นิสฺสกฺกวจนํ. นิสฺสรณนฺติ เนกฺขมฺมํ. ยาว หิ เวทนาปฏิพทฺธํ ฉนฺทราคํ นปฺปชหติ, ตาวายํ ปุริโส เวทนาย อลฺลีโนเยว โหติ. ยทา ปน ตํ ฉนฺทราคํ ปชหติ, ตทายํ ปุริโส เวทนาย นิสฺสโฏ วิสํยุตฺโต โหติ, ตสฺมา ฉนฺทราคปฺปหานํ เวทนาย นิสฺสรณํ วุตฺตํ. ตพฺพจเนน ¶ ปน เวทนาสหชาตนิสฺสยารมฺมณภูตา รูปารูปธมฺมา คหิตา เอว โหนฺตีติปิ ปฺจหิ อุปาทานกฺขนฺเธหิ นิสฺสรณวจนํ สิทฺธเมว. เวทนาสีเสน หิ เทสนา อาคตา, ตตฺถ ปน การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ลกฺขณหารวเสนาปิ อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ. วุตฺตฺหิ อายสฺมตา มหากจฺจานตฺเถเรน –
‘‘วุตฺตมฺหิ เอกธมฺเม, เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เกจิ;
วุตฺตา ภวนฺติ สพฺโพ, โส หาโร ลกฺขโณ นามา’’ติ. (เนตฺติ. ๔๘๕);
กามุปาทานมูลกตฺตา เสสุปาทานานํ ปหีเน จ กามุปาทาเน อุปาทานเสสาภาวโต ‘‘วิคตฉนฺทราคตาย อนุปาทาโน’’ติ วุตฺตํ, เอเตน ‘‘อนุปาทาวิมุตฺโต’’ติ เอตสฺสตฺถํ สงฺเขเปน ทสฺเสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – วิคตฉนฺทราคตาย อนุปาทาโน, อนุปาทานตฺตา จ อนุปาทาวิมุตฺโตติ. ตมตฺถํ วิตฺถาเรตุํ, สมตฺเถตุํ วา ‘‘ยสฺมิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยสฺมึ อุปาทาเนติ เสสุปาทานมูลภูเต กามุปาทาเน. ตสฺสาติ กามุปาทานสฺส. อนุปาทิยิตฺวาติ ฉนฺทราควเสน อนาทิยิตฺวา, เอเตน ‘‘อนุปาทาวิมุตฺโต’’ติ ปทสฺส ย-การโลเปน สมาสภาวํ, พฺยาสภาวํ วา ทสฺเสติ.
๓๗. ‘‘อิเม ¶ โข’’ติอาทิ ยถาปุฏฺสฺส ธมฺมสฺส วิสฺสชฺชิตภาเวน นิคมนวจนํ, ‘‘ปชานาตี’’ติ วุตฺตปชานนเมว จ อิม-สทฺเทน นิทฺทิฏฺนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เย เต’’ติอาทิมาห. เย เต สพฺพฺุตฺาณธมฺเม…เป… อปุจฺฉึ, เยหิ สพฺพฺุตฺาณธมฺเมหิ…เป… วเทยฺยุํ, ตฺจ…เป… ปชานาตีติ เอวํ นิทฺทิฏฺา อิเม สพฺพฺุตฺาณธมฺมา คมฺภีรา…เป… ปณฺฑิตเวทนียา จาติ เวทิตพฺพาติ โยชนา. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ ปิณฺฑตฺถทสฺสนํ. ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘อนุปาทาวิมุตฺโต ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติ อิมินา อคฺคมคฺคผลุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ, ‘‘เวทนานํ, สมุทยฺจา’’ติอาทินา จ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ. ตถาปิ ยสฺสา ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา อิมํ ทิฏฺิคตํ สการณํ สคติกํ ปเภทโต วิภชิตุํ สมตฺโถ โหติ, ตสฺสา ปทฏฺาเนน เจว สทฺธึ ปุพฺพภาคปฏิปทาย อุปฺปตฺติภูมิยา จ ตเทว ปากฏตรํ กตฺตุกาโม ธมฺมราชา เอวํ ทสฺเสตีติ วุตฺตํ ‘‘ตเทว นิยฺยาติต’’นฺติ, นิคมิตํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ ¶ . อนฺตราติ ปุจฺฉิตวิสฺสชฺชิตธมฺมทสฺสนวจนานมนฺตรา ทิฏฺิโย วิภตฺตา ตสฺส ปชานนาการทสฺสนวเสนาติ อตฺโถ.
ปมภาณวารวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
เอกจฺจสสฺสตวาทวณฺณนา
๓๘. ‘‘เอกจฺจสสฺสติกา’’ติ ตทฺธิตปทํ สมาสปเทน วิภาเวตุํ ‘‘เอกจฺจสสฺสตวาทา’’ติ วุตฺตํ. สตฺเตสุ, สงฺขาเรสุ จ เอกจฺจํ สสฺสตเมตสฺสาติ เอกจฺจสสฺสโต, วาโท, โส เอเตสนฺติ เอกจฺจสสฺสติกา ตทฺธิตวเสน, สมาสวเสน ปน เอกจฺจสสฺสโต วาโท เอเตสนฺติ เอกจฺจสสฺสตวาทา. เอส นโย เอกจฺจอสสฺสติกปเทปิ. นนุ จ ‘‘เอกจฺจสสฺสติกา’’ติ วุตฺเต ตทฺเสํ เอกจฺจอสสฺสติกภาวสนฺนิฏฺานํ สิทฺธเมวาติ? สจฺจํ อตฺถโต, สทฺทโต ปน อสิทฺธเมว ตสฺมา สทฺทโต ปากฏตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ตถา วุตฺตํ. น หิ อิธ สาวเสสํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสติ ธมฺมสฺสามี. ‘‘อิสฺสโร นิจฺโจ, อฺเ สตฺตา อนิจฺจา’’ติ เอวํปวตฺตวาทา สตฺเตกจฺจสสฺสติกา เสยฺยถาปิ อิสฺสรวาทา. ตถา ‘‘นิจฺโจ พฺรหฺมา, อฺเ อนิจฺจา’’ติ เอวํปวตฺตวาทาปิ. ‘‘ปรมาณโว นิจฺจา, ทฺวิอณุกาทโย อนิจฺจา’’ติ (วิสิสิกทสฺสเน สตฺตมปริจฺเฉเท ปมกณฺเฑ ปสฺสิตพฺพํ) เอวํปวตฺตวาทา สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกา เสยฺยถาปิ กาณาทา. ตถา ‘‘จกฺขาทโย อนิจฺจา, วิฺาณํ นิจฺจ’’นฺติ (นฺยายทสฺสเน, วิเสสิกทสฺสเน จ ปสฺสิตพฺพํ) เอวํปวตฺตวาทาปิ ¶ . อิธาติ ‘‘เอกจฺจสสฺสติกา’’ติ อิมสฺมึ ปเท, อิมิสฺสา วา เทสนาย. คหิตาติ วุตฺตา, เทสิตพฺพภาเวน วา เทสนาาเณน สมาทินฺนา ตถา เจว เทสิตตฺตา. ตถา หิ อิธ ปุริมกา ตโย วาทา สตฺตวเสน, จตุตฺโถ สงฺขารวเสน เทสิโต. ‘‘สงฺขาเรกจฺจสสฺสติกา’’ติ อิทํ ปน เตหิ สสฺสตภาเวน คยฺหมานานํ ธมฺมานํ ยาถาวสภาวทสฺสนวเสน วุตฺตํ, น ปน เอกจฺจสสฺสติกมตทสฺสนวเสน. ตสฺส หิ สสฺสตาภิมตํ อสงฺขตเมวาติ ลทฺธิ. เตเนวาห ปาฬิยํ ‘‘จิตฺตนฺติ วา…เป… สฺสตี’’ติ. น หิ ยสฺส สภาวสฺส ปจฺจเยหิ อภิสงฺขตภาวํ ปฏิชานาติ, ตสฺเสว นิจฺจธุวาทิภาโว อนุมฺมตฺตเกน สกฺกา ปฏิชานิตุํ, เอเตน จ ‘‘อุปฺปาทวยธุวตายุตฺตา สภาวา สิยา นิจฺจา, สิยา อนิจฺจา, สิยา ¶ น วตฺตพฺพา’’ติอาทินา (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๘) ปวตฺตสตฺตภงฺควาทสฺส อยุตฺตตา วิภาวิตา โหติ.
ตตฺรายํ อยุตฺตตาวิภาวนา – ยทิ หิ ‘‘เยน สภาเวน โย ธมฺโม อตฺถีติ วุจฺจติ, เตเนว สภาเวน โส ธมฺโม นตฺถี’’ติ วุจฺเจยฺย, สิยา อเนกนฺตวาโท. อถ อฺเน, น สิยา อเนกนฺตวาโท. น เจตฺถ เทสนฺตราทิสมฺพนฺธภาโว ยุตฺโต วตฺตุํ ตสฺส สพฺพโลกสิทฺธตฺตา, วิวาทาภาวโต จ. เย ปน วทนฺติ ‘‘ยถา สุวณฺณฆเฏน มกุเฏ กเต ฆฏภาโว นสฺสติ, มกุฏภาโว อุปฺปชฺชติ, สุวณฺณภาโว ติฏฺติเยว, เอวํ สพฺพสภาวานํ โกจิ ธมฺโม นสฺสติ, โกจิ ธมฺโม อุปฺปชฺชติ, สภาโว เอว ติฏฺตี’’ติ. เต วตฺตพฺพา ‘‘กึ ตํ สุวณฺณํ, ยํ ฆเฏ, มกุเฏ จ อวฏฺิตํ, ยทิ รูปาทิ, โส สทฺโท วิย อนิจฺโจ. อถ รูปาทิสมูโห สมฺมุติมตฺตํ, น ตสฺส อตฺถิตา วา นตฺถิตา วา นิจฺจตา วา ลพฺภตี’’ติ, ตสฺมา อเนกนฺตวาโท น สิยา. ธมฺมานฺจ ธมฺมิโน อฺถานฺถา จ ปวตฺติยํ โทโส วุตฺโตเยว สสฺสตวาทวิจารณายํ. ตสฺมา โส ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. อปิจ น นิจฺจานิจฺจนวตฺตพฺพรูโป อตฺตา, โลโก จ ปรมตฺถโต วิชฺชมานตาปริชานนโต ยถา นิจฺจาทีนํ อฺตรํ รูปํ, ยถา วา ทีปาทโย. น หิ รูปาทีนํ อุทยพฺพยสภาวานํ นิจฺจานิจฺจนวตฺตพฺพสภาวตา สกฺกา วิฺาตุํ, ชีวสฺส จ นิจฺจาทีสุ อฺตรํ รูปํ สิยาติ, เอวํ สตฺตภงฺโค วิย เสสภงฺคานมฺปิ อสมฺภโวเยวาติ สตฺตภงฺควาทสฺส อยุตฺตตา เวทิตพฺพา (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๘).
นนุ จ ‘‘เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา, เอกจฺเจ อสสฺสตา’’ติ เอตสฺมึ วาเท จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวสนฺนิฏฺานํ ยถาสภาวาวโพโธ เอว, อถ เอวํวาทีนํ กถํ มิจฺฉาทสฺสนํ สิยาติ, โก วา เอวมาห ‘‘จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวสนฺนิฏฺานํ มิจฺฉาทสฺสน’’นฺติ? อสสฺสเตสุเยว ปน ¶ เกสฺจิ ธมฺมานํ สสฺสตภาวสนฺนิฏฺานํ อิธ มิจฺฉาทสฺสนนฺติ คเหตพฺพํ, เตน ปน เอกวาเท ปวตฺตมาเนน จกฺขาทีนํ อสสฺสตภาวาวโพโธ วิทูสิโต สํสฏฺภาวโต วิสสํสฏฺโ วิย สปฺปิปิณฺโฑ, ตโต จ ตสฺส สกิจฺจกรณาสมตฺถตาย สมฺมาทสฺสนปกฺเข เปตพฺพตํ นารหตีติ. อสสฺสตภาเวน นิจฺฉิตาปิ วา จกฺขุอาทโย ¶ สมาโรปิตชีวสภาวา เอว ทิฏฺิคติเกหิ คยฺหนฺตีติ ตทวโพธสฺส มิจฺฉาทสฺสนภาโว น สกฺกา นิวาเรตุํ. เตเนวาห ปาฬิยํ ‘‘จกฺขุํ อิติปิ…เป… กาโย อิติปิ อยํ อตฺตา’’ติอาทิ. เอวฺจ กตฺวา อสงฺขตาย, สงฺขตาย จ ธาตุยา วเสน ยถากฺกมํ ‘‘เอกจฺเจ ธมฺมา สสฺสตา, เอกจฺเจ อสสฺสตา’’ติ เอวํปวตฺโต วิภชฺชวาโทปิ เอกจฺจสสฺสตวาโทเยว ภเวยฺยาติ เอวมฺปการา โจทนา อนวกาสา โหติ อวิปรีตธมฺมสภาวปฏิปตฺติภาวโต. อวิปรีตธมฺมสภาวปฏิปตฺติเยว เหส วุตฺตนเยน อสํสฏฺตฺตา, อนาโรปิตชีวสภาวตฺตา จ.
เอตฺถาห – ปุริมสฺมิมฺปิสสฺสตวาเท อสสฺสตานํ ธมฺมานํ ‘‘สสฺสตา’’ติ คหณํ วิเสสโต มิจฺฉาทสฺสนํ ภวติ. สสฺสตานํ ปน ‘‘สสฺสตา’’ติ คาโห น มิจฺฉาทสฺสนํ ยถาสภาวคฺคาหภาวโต. เอวฺจ สติ อิมสฺส วาทสฺส วาทนฺตรตา น วตฺตพฺพา, อิธ วิย ปุริเมปิ เอกจฺเจสฺเวว ธมฺเมสุ สสฺสตคฺคาหสมฺภวโตติ, วตฺตพฺพาเยว อสสฺสเตสฺเวว ‘‘เกจิเทว ธมฺมา สสฺสตา, เกจิ อสสฺสตา’’ติ ปริกปฺปนาวเสน คเหตพฺพธมฺเมสุ วิภาคปฺปวตฺติยา อิมสฺส วาทสฺส ทสฺสิตตฺตา. นนุ จ เอกเทสสฺส สมุทายนฺโตคธตฺตา อยํ สปฺปเทสสสฺสตคฺคาโห ปุริมสฺมึ นิปฺปเทสสสฺสตคฺคาเห สโมธานํ คจฺเฉยฺยาตี? ตถาปิ น สกฺกา วตฺตุํ วาที ตพฺพิสยวิเสสวเสน วาททฺวยสฺส ปวตฺตตฺตา. อฺเ เอว หิ ทิฏฺิคติกา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สสฺสตา’’ติ อภินิวิฏฺา, อฺเ ‘‘เอกจฺเจว สสฺสตา, เอกจฺเจ อสสฺสตา’’ติ. สงฺขารานํ อนวเสสปริยาทานํ, เอกเทสปริคฺคโห จ วาททฺวยสฺส ปริพฺยตฺโตเยว. กิฺจ ภิยฺโย – อเนกวิธสมุสฺสเย, เอกวิธสมุสฺสเย จ ขนฺธปพนฺเธน อภินิเวสภาวโต ตถา น สกฺกา วตฺตุํ. จตุพฺพิโธปิ หิ สสฺสตวาที ชาติวิเสสวเสน นานาวิธรูปกายสนฺนิสฺสเย เอว อรูปธมฺมปฺุเช สสฺสตาภินิเวสี ชาโต อภิฺาเณน, อนุสฺสวาทีหิ จ รูปกายเภทคหณโต. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิ’’นฺติ, (ที. นิ. ๑.๒๔๔; ม. นิ. ๑.๑๔๘; ปารา. ๑๒) ‘‘จวนฺติ อุปปชฺชนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๕๕; ม. นิ. ๑.๑๔๘; ปารา. ๑๒) จ อาทิ. วิเสสลาภี ปน เอกจฺจสสฺสติโก อนุปธาริตเภทสมุสฺสเย ธมฺมปพนฺเธ สสฺสตาการคหเณน อภินิเวสํ ชเนสิ เอกภวปริยาปนฺนขนฺธสนฺตานวิสยตฺตา ตทภินิเวสสฺส. ตถา หิ ตีสุปิ วาเทสุ ‘‘ตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ ¶ , ตโต ปรํ นานุสฺสรตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ตกฺกีนํ ปน อุภินฺนมฺปิ ¶ สสฺสเตกจฺจสสฺสตวาทีนํ สสฺสตาภินิเวสวิเสโส รูปารูปธมฺมวิสยตาย สุปากโฏเยวาติ.
๓๙. สํวฏฺฏฏฺายีวิวฏฺฏวิวฏฺฏฏฺายีสงฺขาตานํ ติณฺณมฺปิ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปานมติกฺกเมน ปุน สํวฏฺฏนโต, อทฺธา-สทฺทสฺส จ กาลปริยายตฺตา เอวํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทีฆสฺสา’’ติอาทิ. อติกฺกมฺม อยนํ ปวตฺตนํ อจฺจโย. อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ, อุปสคฺควเสน จ อตฺถวิเสสวาจกตฺตา สํ-สทฺเทน ยุตฺโต วฏฺฏ-สทฺโท วินาสวาจีติ วุตฺตํ ‘‘วินสฺสตี’’ติ, วตุ-สทฺโท วา คติยเมว. สงฺขยตฺถโชตเกน ปน สํ-สทฺเทน ยุตฺตตฺตา ตทตฺถสมฺพนฺธเนน วินาสตฺโถ ลพฺภตีติ ทสฺเสติ ‘‘วินสฺสตี’’ติ อิมินา. สงฺขยวเสน วตฺตตีติ หิ สทฺทโต อตฺโถ, ต-การสฺส เจตฺถ ฏ-การาเทโส. วิปตฺติกรมหาเมฆสมุปฺปตฺติตฺโต หิ ปฏฺาย ยาว อณุสหคโตปิ สงฺขาโร น โหติ, ตาว โลโก สํวฏฺฏตีติ วุจฺจติ. ปาฬิยํ โลโกติ ปถวีอาทิภาชนโลโก อธิปฺเปโต ตทวเสสสฺส พาหุลฺลโต, ตเทว สนฺธาย ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เย’’ติอาทินา. อุปริพฺรหฺมโลเกสูติ อาภสฺสรภูมิโต อุปริภูมีสุ. อคฺคินา กปฺปวุฏฺานฺหิ อิธาธิปฺเปตํ, เตเนวาห ปาฬิยํ ‘‘อาภสฺสรสํวตฺตนิกา โหนฺตี’’ติ. กสฺมา ตเทว วุตฺตนฺติ เจ? ตสฺเสว พหุลํ ปวตฺตนโต. อยฺหิ วารนิยโม –
‘‘สตฺตสตฺตคฺคินา วารา, อฏฺเม อฏฺเม ทกา;
จตุสฏฺิ ยทา ปุณฺณา, เอโก วายุวโร สิยา’’ติ. (อภิธมฺมตฺถวิภาวนีฏีกาย ปฺจมปริจฺเฉทวณฺณนายมฺปิ);
อารุปฺเปสุ วาติ เอตฺถ วิกปฺปนตฺเถน วา-สทฺเทน สํวฏฺฏมานโลกธาตูหิ อฺโลกธาตูสุ วาติ วิกปฺเปติ. น หิ สพฺเพ อปายสตฺตา ตทา รูปารูปภเวสุ อุปฺปชฺชนฺตีติ สกฺกา วิฺาตุํ อปาเยสุ ทีฆตรายุกานํ มนุสฺสโลกูปปตฺติยา อสมฺภวโต, มนุสฺสโลกูปปตฺติฺจ วินา ตทา เตสํ ตตฺรูปปตฺติยา อนุปปตฺติโต. นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโกปิ หิ สํวฏฺมาเน กปฺเป นิรยโต น มุจฺจติ, ปิฏฺิจกฺกวาเฬเยว นิพฺพตฺตตีติ อฏฺกถาสุ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๓๑๑) วุตฺตํ. สติปิ สพฺพสตฺตานํ ปฺุาปฺุาภิสงฺขารมนสา นิพฺพตฺตภาเว พาหิรปจฺจเยหิ วินา มนสาว นิพฺพตฺตตฺตา ¶ รูปาวจรสตฺตา เอว ‘‘มโนมยา’’ติ วุจฺจนฺติ, น ปน พาหิรปจฺจยปฏิยตฺตา ตทฺเติ ทสฺเสตุํ ‘‘มเนน นิพฺพตฺตตฺตา มโนมยา’’ติ อาห. ยเทวํ กามาวจรสตฺตานมฺปิ โอปปาติกานํ มโนมยภาโว อาปชฺชตีติ? นาปชฺชติ, อธิจิตฺตภูเตน อติสยมนสา นิพฺพตฺตสตฺเตสุเยว มโนมยโวหารโตติ ทสฺเสนฺเตน ฌาน-สทฺเทน วิเสเสตฺวา ¶ ‘‘ฌานมเนนา’’ติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ อรูปาวจรสตฺตานํ มโนมยภาโว อาปชฺชตีติ? น ตตฺถ พาหิรปจฺจเยหิ นิพฺพตฺเตตพฺพตาสงฺกาย อภาเวน มนสา เอว นิพฺพตฺตาติ อวธารณาสมฺภวโต. นิรุฬฺโหวายํ โลเก มโนมยโวหาโร รูปาวจรสตฺเตสุ. ตถา หิ อนฺนมโย ปานมโย มโนมโย อานนฺทมโย วิฺาณมโยติ ปฺจธา อตฺตานํ เวทวาทิโน ปริกปฺเปนฺติ. อุจฺเฉทวาเทปิ วกฺขติ ‘‘ทิพฺโพ รูปี มโนมโย’’ติ, (ที. นิ. ๑.๘๗) เต ปน ฌานานุภาวโต ปีติภกฺขา สยํปภา อนฺตลิกฺขจราติ อาห ‘‘ปีติ เตส’’นฺติอาทิ, เตสํ อตฺตโนว ปภา อตฺถีติ อตฺโถ. โสภนา วา ายี สภา เอเตสนฺติ สุภฏฺายิโนติปิ ยุชฺชติ. อุกฺกํเสนาติ อาภสฺสเร สนฺธาย วุตฺตํ. ปริตฺตาภาปฺปมาณาภา ปน ทฺเว, จตฺตาโร จ กปฺเป ติฏฺนฺติ. อฏฺ กปฺเปติ จตุนฺนมสงฺขฺเยยฺยกปฺปานํ สมุทายภูเต อฏฺ มหากปฺเป.
๔๐. วินาสวาจีเยว วฏฺฏ-สทฺโท ปฏิเสธโชตเกน อุปสคฺเคน ยุตฺตตฺตา สณฺาหนตฺถาปโกติ อาห ‘‘สณฺาตี’’ติ, อเนกตฺถตฺตา วา ธาตูนํ นิพฺพตฺตติ, วฑฺฒตีติ วา อตฺโถ. สมฺปตฺติมหาเมฆสมุปฺปตฺติโต หิ ปฏฺาย ปถวีสนฺธารกุทกตํสนฺธารกวายุอาทีนํ สมุปฺปตฺติวเสน ยาว จนฺทิมสูริยานํ ปาตุภาโว, ตาว โลโก วิวฏฺฏตีติ วุจฺจติ. ปกติยาติ สภาเวน, ตสฺส ‘‘สฺุ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ตถาสฺุตาย การณมาห ‘‘นิพฺพตฺตสตฺตานํ นตฺถิตายา’’ติ. ปุริมตรํ อฺเสํ สตฺตานมนุปฺปนฺนตฺตาติ ภาโว, เตน ยถา เอกจฺจานิ วิมานานิ ตตฺถ นิพฺพตฺตสตฺตานํ ฉฑฺฑิตตฺตา สฺุานิ, น เอวมิทนฺติ ทสฺเสติ.
อปโร นโย – สกกมฺมสฺส ปมํ กรณํ ปกติ, ตาย นิพฺพตฺตสตฺตานนฺติ สมฺพนฺโธ, เตน ยถา เอตสฺส อตฺตโน กมฺมพเลน ปมํ นิพฺพตฺติ, น เอวํ อฺเสํ ตสฺส ปุริมตรํ, สมานกาเล วา นิพฺพตฺติ อตฺถิ, ตถา ¶ นิพฺพตฺตสตฺตานํ นตฺถิตาย สฺุมิทนฺติ ทสฺเสติ. พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิตมหาพฺรหฺมาโน อิธ พฺรหฺมกายิกา, เตสํ นิวาสตาย ภูมิปิ ‘‘พฺรหฺมกายิกา’’ติ วุตฺตา, พฺรหฺมกายิกภูมีติ ปน ปาเพฺรหฺมกายิกานํ สมฺพนฺธินี ภูมีติ อตฺโถ. กตฺตา สยํ การโก. กาเรตา ปเรสํ อาณาปโก. วิสุทฺธิมคฺเค ปุพฺเพนิวาสาณกถายํ (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๘) วุตฺตนเยน, เอเตน นิพฺพตฺตกฺกมํ กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานภาเว จ การณํ ทสฺเสติ. กมฺมํ อุปนิสฺสยภาเวน ปจฺจโย เอติสฺสาติ กมฺมปจฺจยา. อถ วา ตตฺถ นิพฺพตฺตสตฺตานํ วิปจฺจนกกมฺมสฺส สหการีการกภาวโต กมฺมสฺส ปจฺจยาติ กมฺมปจฺจยา. อุตุ สมุฏฺานเมติสฺสาติ อุตุสมุฏฺานา. ‘‘กมฺมปจฺจยอุตุสมุฏฺานา’’ติปิ สมาสวเสน ปาโ กมฺมสหาโย ปจฺจโย, วุตฺตนเยน วา กมฺมสฺส สหายภูโต ปจฺจโยติ กมฺมปจฺจโย, โส เอว อุตุ ตถา, โสว สมุฏฺานเมติสฺสาติ กมฺมปจฺจยอุตุสมุอานา. รตนภูมีติ อุกฺกํสคตปฺุกมฺมานุภาวโต ¶ รตนภูตา ภูมิ, น เกวลํ ภูมิเยว, อถ โข ตปฺปริวาราปีติ อาห ‘‘ปกตี’’ติอาทิ. ปกตินิพฺพตฺตฏฺาเนติ ปุริมกปฺเปสุ ปุริมกานํ นิพฺพตฺตฏฺาเน. เอตฺถาติ ‘‘พฺรหฺมวิมาน’’นฺติ วุตฺตาย พฺรหฺมกายิกภูมิยา. สามฺวิเสสวเสน เจตํ อาธารทฺวยํ. กถํ ปณีตาย ทุติยชฺฌานภูมิยา ิตานํ หีนาย ปมชฺฌานภูมิยา อุปปตฺติ โหตีติ อาห ‘‘อถ สตฺตาน’’นฺติอาทิ, นิกนฺติวเสน ปมชฺฌานํ ภาเวตฺวาติ วุตฺตํ โหติ, ปกติยา สภาเวน นิกนฺติ ตณฺหา อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. วสิตฏฺาเนติ วุตฺถปุพฺพฏฺาเน. ตโต โอตรนฺตีติ อุปปตฺติวเสน ทุติยชฺฌานภูมิโต ปมชฺฌานภูมึ อปสกฺกนฺติ, คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อปฺปายุเกติ ยํ อุฬารปฺุกมฺมํ กตํ, ตสฺส อุปชฺชนารหวิปากปพนฺธโต อปฺปปริมาณายุเก. ตสฺส เทวโลกสฺสาติ ตสฺมึ เทวโลเก, นิสฺสยวเสน วา สมฺพนฺธนิทฺเทโส. อายุปฺปมาเณเนวาติ ปรมายุปฺปมาเณเนว. ปริตฺตนฺติ อปฺปกํ. อนฺตราว จวนฺตีติ ราชโกฏฺาคาเร ปกฺขิตฺตตณฺฑุลนาฬิ วิย ปฺุกฺขยา หุตฺวา สกกมฺมปฺปมาเณน ตสฺส เทวโลกสฺส ปรมายุอนฺตรา เอว จวนฺติ.
กึ ปเนตํ ปรมายุ นาม, กถํ วา ตํ ปริจฺฉินฺนปฺปมาณนฺติ? วุจฺจเต – โย เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตสฺมึ ตสฺมึ ภววิเสเส วิปากปฺปพนฺธสฺส ิติกาลนิยโม ¶ ปุริมสิทฺธภวปตฺถนูปนิสฺสยวเสน สรีราวยววณฺณสณฺานปฺปมาณาทิวิเสสา วิย ตํตํคตินิกายาทีสุ เยภุยฺเยน นิยตปริจฺเฉโท โหติ, คพฺภเสยฺยกกามาวจรเทวรูปาวจรสตฺตานํ สุกฺกโสณิตาทิอุตุโภชนาทิอุตุอาทิปจฺจยุปฺปนฺนปจฺจยูปตฺถมฺภิโต จ, โส อายุเหตุกตฺตา การณูปจาเรน อายุ, อุกฺกํสปริจฺเฉทวเสน ปรมายูติ จ วุจฺจติ. ยถาสกํ ขณมตฺตาวฏฺายีนมฺปิ หิ อตฺตนา สหชาตานํ รูปารูปธมฺมานํ ปนาการวุตฺติตาย ปวตฺตกานิ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยานิ น เกวลํ เนสํ ขณฏฺิติยา เอว การณภาเวน อนุปาลกานิ, อถ โข ยาว ภงฺคุปจฺเฉทา [ภวงฺคุปจฺเฉทา (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐)] อนุปพนฺธสฺส อวิจฺเฉทเหตุภาเวนาปิ. ตสฺมา เจส อายุเหตุโกเยว, ตํ ปน เทวานํ, เนรยิกานฺจ เยภุยฺเยน นิยตปริจฺเฉทํ, อุตฺตรกุรุกานํ ปน เอกนฺตนิยตปริจฺเฉทเมว. อวสิฏฺมนุสฺสเปตติรจฺฉานคตานํ ปน จิรฏฺิติสํวตฺตนิกกมฺมพหุเล กาเล ตํกมฺมสหิตสนฺตานชนิตสุกฺกโสณิตปจฺจยานํ, ตมฺมูลกานฺจ จนฺทิมสูริยสมวิสมปริวตฺตนาทิชนิตอุตุอาหาราทิสมวิสมปจฺจยานํ วเสน จิราจิรกาลตาย อนิยตปริจฺเฉทํ, ตสฺส จ ยถา ปุริมสิทฺธภวปตฺถนาวเสน ตํตํคตินิกายาทีสุ วณฺณสณฺานาทิวิเสสนิยโม สิทฺโธ, ทสฺสนานุสฺสวาทีหิ ตถาเยว อาทิโต คหณสิทฺธิยา, เอวํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ ¶ เยภุยฺเยน สมปฺปมาณํ ิติกาลํ ทสฺสนานุสฺสเวหิ ลภิตฺวา ตํ ปรมตํ อชฺโฌสาย ปวตฺติตภวปตฺถนาวเสน อาทิโต ปริจฺเฉทนิยโม เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา ปน กมฺมํ ตาสุ ตาสุ อุปปตฺตีสุ ยถา ตํตํอุปปตฺตินิสฺสิตวณฺณาทินิพฺพตฺตเน สมตฺถํ, เอวํ นิยตายุปริจฺเฉทาสุ อุปปตฺตีสุ ปริจฺเฉทาติกฺกเมน วิปากนิพฺพตฺตเน สมตฺถํ น โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อายุปฺปมาเณเนว จวนฺตี’’ติ. ยสฺมา ปน อุปตฺถมฺภกปจฺจยสหาเยหิ อนุปาลกปจฺจเยหิ อุปาทินฺนกกฺขนฺธานํ ปวตฺเตตพฺพากาโร อตฺถโต ปรมายุกสฺส โหติ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทานติกฺกมนโต, ตสฺมา สติปิ กมฺมาวเสเส านํ น สมฺภวติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน ปฺุพเลน าตุํ น สกฺโกนฺตี’’ติ. ‘‘อายุกฺขยา วา ปฺุกฺขยา วา อาภสฺสรกายา จวิตฺวา’’ติ วจนโต ปเนตฺถ กามาวจรเทวานํ วิย ¶ พฺรหฺมกายิกานมฺปิ เยภุยฺเยเนว นิยตายุปริจฺเฉทภาโว เวทิตพฺโพ. ตถา หิ เทวโลกโต เทวปุตฺตา อายุกฺขเยน ปฺุกฺขเยน อาหารกฺขเยน โกเปนาติ จตูหิ การเณหิ จวนฺตีติ อฏฺกถาสุ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.อปฺปมาทวคฺเค) วุตฺตํ. กปฺปํ วา อุปฑฺฒกปฺปํ วาติ เอตฺถ อสงฺขฺเยยฺยกปฺโป อธิปฺเปโต, โส จ ตถารูโป กาโลเยว, วา-สทฺโท ปน กปฺปสฺส ตติยภาคํ วา ตโต อูนมธิกํ วาติ วิกปฺปนตฺโถ.
๔๑. อนภิรตีติ เอกกวิหาเรน อนภิรมณสงฺขาตา อฺเหิ สมาคมิจฺฉาเยว. ตตฺถ ‘‘เอกกสฺส ทีฆรตฺตํ นิวสิตตฺตา’’ติ ปาฬิยํ วจนโตติ วุตฺตํ ‘‘อปรสฺสาปี’’ติอาทิ. เอวมนฺวยมตฺถํ ทสฺเสตฺวา นนุ อุกฺกณฺิตาปิ สิยาติ โจทนาโสธนวเสน พฺยติเรกํ ทสฺเสติ ‘‘ยา ปนา’’ติอาทินา. ปิยวตฺถุวิรเหน, ปิยวตฺถุอลาเภน วา จิตฺตวิคฺฆาโต อุกฺกณฺิตา, สา ปนตฺถโต โทมนสฺสจิตฺตุปฺปาโทว, เตนาห ‘‘ปฏิฆสมฺปยุตฺตา’’ติ. สา พฺรหฺมโลเก นตฺถิ ฌานานุภาวปหีนตฺตา. ตณฺหาทิฏฺิสงฺขาตา จิตฺตสฺส ปุริมาวตฺถาย อุพฺพิชฺชนา ผนฺทนา เอว อิธ ปริตสฺสนา. สา หิ ทีฆรตฺตํ ฌานรติยา ิตสฺส ยถาวุตฺตานภิรตินิมิตฺตํ อุปฺปนฺนา ‘‘อหํ มม’’นฺติ คหณสฺส จ การณภูตา. เตน วกฺขติ ‘‘ตณฺหาตสฺส นาปิ ทิฏฺิตสฺสนาปิ วฏฺฏตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๑) นนุ วุตฺตํ อตฺถุทฺธาเร อิมํเยว ปาฬึ นีหริตฺวา ‘‘อโห วต อฺเปิ สตฺตา อิตฺถตฺตํ อาคจฺเฉยฺยุนฺติ อยํ ตณฺหาตสฺสนา นามา’’ติ? สจฺจํ, ตํ ปน ทิฏฺิตสฺสนาย วิสุํ อุทาหรณํ ทสฺเสนฺเตน ตณฺหาตสฺสนเมว ตโต นิทฺธาเรตฺวา วุตฺตํ, น ปน เอตฺถ ทิฏฺิตสฺสนาย อลพฺภมานตฺตาติ น โทโส. อิทานิ สมานสทฺทวจนียานํ อตฺถานมุทฺธรณํ กตฺวา อิธาธิปฺเปตํ วิภาเวตุํ ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทิมาห. ปฏิฆสงฺขาโต จิตฺตุตฺราโส เอว ตาสตสฺสนา. เอวมฺตฺถาปิ ยถารหํ. ‘‘ชาตึ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ วิภงฺคปาฬิ, (วิภ. ๙๒๑) ตตฺรายมตฺถกถา ¶ – ชาตึ ปฏิจฺจ ภยนฺติ ชาติปจฺจยา อุปฺปนฺนภยํ. ภยานกนฺติ อาการนิทฺเทโส. ฉมฺภิตตฺตนฺติ ภยวเสน คตฺตกมฺโป, วิเสสโต หทยมํสจลนํ. โลมหํโสติ โลมานํ หํสนํ, ภิตฺติยํ นาคทนฺตานมิว อุทฺธคฺคภาโว, อิมินา ปททฺวเยน กิจฺจโต ภยํ ทสฺเสตฺวา ปุน เจตโส อุตฺราโสติ สภาวโต ทสฺสิตนฺติ. ฏีกายํ ปน ‘‘ภยานกนฺติ เภรวารมฺมณนิมิตฺตํ พลวภยํ, เตน สรีรสฺส ถทฺธภาโว ฉมฺภิตตฺต’’นฺติ ¶ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๑) วุตฺตํ, อเนเนว ภยนฺติ เอตฺถ ขุทฺทกภยํ ทสฺสิตํ, อิติ เอตฺถ ปโยเค อยํ ตสฺสนาติ เอวํ สพฺพตฺถ อตฺโถ. ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวาติ เอตฺถ ‘‘ทิฏฺิสงฺขาเตน เจว ตณฺหาสงฺขาเตน จ ปริตสฺสิเตน วิปฺผนฺทิตเมว จลิตเมว กมฺปิตเมวา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๕-๑๑๗) อฏฺกถายมตฺถํ วกฺขติ. เตน วิฺายติ ลพฺภมานมฺปิ ตณฺหาตสฺสนมนฺตเรน ทิฏฺิตสฺสนาเยว นิหฏาติ. ‘‘เตปี’’ติอาทิ สีโหปมสุตฺตนฺตปาฬิ (อ. นิ. ๔.๓๓) ตตฺถ เตปีติ ทีฆายุกา เทวาปิ. ภยนฺติ ภงฺคานุปสฺสนาปริจิณฺณนฺเต สพฺพสงฺขารโต ภายนวเสน อุปฺปนฺนํ ภยาณํ. สํเวคนฺติ สโหตฺตปฺปาณํ, โอตฺตปฺปเมว วา. สนฺตาสนฺติ อาทีนวนิพฺพิทานุปสฺสนาหิ สงฺขาเรหิ สนฺตาสนาณํ. อุปปตฺติวเสนาติ ปฏิสนฺธิวเสเนว.
สหพฺยตนฺติ สหายภาวมิจฺเฉว สทฺทโต อตฺโถ สหพฺย-สทฺทสฺส สหายตฺเถ ปวตฺตนโต. โส หิ สห พฺยายติ ปวตฺตติ, โทสํ วา ปฏิจฺฉาเทตีติ สหพฺโยติ วุจฺจติ, ตสฺส ภาโว สหพฺยตา. สหายภาโว ปน สหภาโวเยว นามาติ อธิปฺปายโต อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สหภาว’’นฺติ วุตฺตํ. สสาธนสมวายตฺโถ วา สห-สทฺโท อธิกิจฺจปเท อธิสทฺโท วิย, ตสฺมา สห เอกโต วตฺตมานสฺส ภาโว สหพฺยํ ยถา ‘‘ทาสพฺย’’นฺติ ตเทว สหพฺยตา, สกตฺถวุตฺติวเสน อิมเมวตฺถํ สนฺธายาห ‘‘สหภาว’’นฺติ. อปิจ สห วาติ ปวตฺตตีติ สหโว, ตสฺส ภาโว สหพฺยํ ยถา ‘‘วีรสฺส ภาโว วีริย’’นฺติ, ตเทว สหพฺยตาติ เอวํ วิมานฏฺกถายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๑๗๒) วุตฺตํ, ตสฺมา ตทตฺถํ ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ.
๔๒. อิเม สตฺเต อภิภวิตฺวาติ เสโส. อภิภวนา เจตฺถ ปาปสภาเวน เชฏฺภาเวน ‘‘เต สตฺเต อภิภวิตฺวา ิโต’’ติ อตฺตโน มฺนาเยวาติ วุตฺตํ ‘‘เชฏฺโกหมสฺมี’’ติ. อฺทตฺถูติ ทสฺสเน อนฺตรายาภาววจเนน, ทโสติ เอตฺถ ทสฺสเนยฺยวิเสสปริคฺคหาภาเวน จ อนาวรณทสฺสาวิตํ ปฏิชานาตีติ อาห ‘‘สพฺพํ ปสฺสามีติ อตฺโถ’’ติ. ทสฺสเนยฺยวิเสสสฺส หิ ปเทสภูตสฺส อคฺคหเณ สติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตา วิฺายติ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ¶ ททาตี’’ติ, เทยฺยธมฺมวิเสสสฺส เจตฺถ ปเทสภูตสฺส อคฺคหณโต ปพฺพชิโต สพฺพมฺปิ น ททาตีติ คเหตพฺพสฺส เทยฺยธมฺมสฺส นิปฺปเทสตา วิฺายติ. เอวมีทิเสสุ. วเส วตฺเตมีติ วสวตฺตี. ¶ อหํ-สทฺทโยคโต หิ สพฺพตฺถ อมฺหโยเคน วจนตฺโถ. สตฺตภาชนภูตสฺส โลกสฺส นิมฺมาตา จาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ปถวี’’ติอาทิ เจตฺถ ภาชนโลกวเสน อธิปฺปายกถนํ. สชิตาติ รจิตา, วิภชิตา วา, เตนาห ‘‘ตฺวํ ขตฺติโย นามา’’ติอาทิ. จิณฺณวสิตายาติ สมาจิณฺณปฺจวิธวสิภาวโต. ตตฺถาติ ภูตภพฺเยสุ. อนฺโตวตฺถิมฺหีติ อนฺโตคพฺภาสเย. ปมจิตฺตกฺขเณติ ปฏิสนฺธิจิตฺตกฺขเณ. ทุติยโตติ ปมภวงฺคจิตฺตกฺขณโต. ปมอิริยาปเถติ เยน ปฏิสนฺธึ คณฺหาติ, ตสฺมึ อิริยาปเถ. อิติ อตีตวเสน, ภูต-สทฺทสฺส วตฺตมานวเสน จ ภพฺย-สทฺทสฺส อตฺโถ ทสฺสิโต. ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๒) ปน ภพฺย-สทฺทตฺโถ อนาคตวเสนาปิ วุตฺโต. อเหสุนฺติ หิ ภูตา. ภวนฺติ, ภวิสฺสนฺติ จาติ ภพฺยา ตพฺพานียา วิย ณฺยปจฺจยสฺส กตฺตริปิ ปวตฺตนโต.
‘‘อิสฺสโร กตฺตา นิมฺมาตา’’ติ วตฺวาปิ ปุน ‘‘มยา อิเม สตฺตา นิมฺมิตา’’ติ วจนํ กิมตฺถิยนฺติ อาห ‘‘อิทานิ การณวเสนา’’ติอาทิ [การณโต (อฏฺกถายํ)] การณวเสน สาเธตุกามตาย ปฏิฺากรณตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. นนุ เจส พฺรหฺมา อนวฏฺิตทสฺสนตฺตา ปุถุชฺชนสฺส ปุริมตรชาติปริจิตมฺปิ กมฺมสฺสกตาาณํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิกุพฺพนิทฺธิวเสน จิตฺตุปฺปาทมตฺตปฏิพทฺเธน สตฺตนิมฺมาเนน วิปลฺลฏฺโ ‘‘มยา อิเม สตฺตา นิมฺมิตา’’ติอาทินา อิสฺสรกุตฺตทสฺสนํ ปกฺขนฺทมาโน อภินิวิสนวเสน ปติฏฺิโต, น ปน ปติฏฺาปนวเสน. อถ กสฺมา การณวเสน สาเธตุกาโม ปฏิฺํ กโรตีติ วุตฺตนฺติ? น เจวํ ทฏฺพฺพํ. เตสมฺปิ หิ ‘‘เอวํ โหตี’’ติอาทินา ปจฺฉา อุปฺปชฺชนฺตานมฺปิ ตถาอภินิเวสสฺส วกฺขมานตฺตา ปเรสํ ปติฏฺาปนกฺกเมเนว ตสฺส โส อภินิเวโส ชาโต, น ตุ อภินิวิสนมตฺเตน, ตสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘ตํ กิสฺส เหตู’’ติอาทิ. ปาฬิยํ มนโส ปณิธีติ มนโส ปตฺถนา, ตถา จิตฺตุปฺปตฺติมตฺตเมวาติ วุตฺตํ โหติ.
อิตฺถภาวนฺติ อิทปฺปการภาวํ. ยสฺมา ปน โส ปกาโร พฺรหฺมตฺตภาโวเยวิธาธิปฺเปโต, ตสฺมา ‘‘พฺรหฺมภาว’’นฺติ วุตฺตํ. อยํ ปกาโร อิตฺถํ, ตสฺส ¶ ภาโว อิตฺถตฺตนฺติ หิ นิพฺพจนํ. เกวลนฺติ กมฺมสฺสกตาาเณน อสมฺมิสฺสํ สุทฺธํ. มฺนามตฺเตเนวาติ ทิฏฺิมฺนามตฺเตเนว, น อธิมานวเสน. วงฺกฉิทฺเทน วงฺกอาณี วิย โอนมิตฺวา วงฺกลทฺธิเกน วงฺกลทฺธิกา โอนมิตฺวา ตสฺเสว พฺรหฺมุโน ปาทมูลํ คจฺฉนฺติ, ตํปกฺขกา ภวนฺตีติ อตฺโถ. นนุ จ เทวานํ อุปปตฺติสมนนฺตรํ ‘‘อิมาย นาม คติยา จวิตฺวา อิมินา นาม กมฺมุนา อิธูปปนฺนา’’ติ ปจฺจเวกฺขณา โหติ, อถ กสฺมา เตสํ เอวํ มฺนา สิยาติ? ปุริมชาตีสุ กมฺมสฺสกตาาเณ สมฺมเทว นิวิฏฺชฺฌาสยานเมว ตถาปจฺจเวกฺขณาย ปวตฺติโต. ตาทิสานเมว หิ ตถาปจฺจเวกฺขณา ¶ สมฺภวติ, สา จ โข เยภุยฺยวเสน, อิเม ปน ปุริมาสุปิ ชาตีสุ อิสฺสรกุตฺตทิฏฺิวเสน นิพทฺธาภินิเวสา เอวเมว มฺมานา อเหสุนฺติ. ตถา หิ ปาฬิยํ วุตฺตํ ‘‘อิมินา มย’’นฺติอาทิ.
๔๓. อีสติ อภิภวตีติ อีโส, มหนฺโต อีโส มเหโส, สุปฺปติฏฺิตมเหสตาย ปเรหิ ‘‘มเหโส’’ อิติ อกฺขายตีติ มเหสกฺโข, มเหสกฺขานํ อติสเยน มเหสกฺโขติ มเหสกฺขตโรติ วจนตฺโถ. โส ปน มเหสกฺขตรภาโว อาธิปเตยฺยปริวารสมฺปตฺติยา การณภูตาย วิฺายตีติ วุตฺตํ ‘‘อิสฺสริยปริวารวเสน มหายสตโร’’ติ.
๔๔. กึ ปเนตํ การณนฺติ อนุโยเคนาห ‘‘โส ตโต’’ติอาทิ, เตน ‘‘อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ อิธาคมนเมว การณนฺติ ทสฺเสติ. อิเธว อาคจฺฉตีติ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก เอว ปฏิสนฺธิวเสน อาคจฺฉติ. เอตนฺติ ‘‘านํ โข ปเนตํ ภิกฺขเว, วิชฺชตี’’ติ วจนํ. ปาฬิยํ ยํ อฺตโร สตฺโตติ เอตฺถ ยนฺติ นิปาตมตฺตํ, การณตฺเถ วา เอส นิปาโต, เหตุมฺหิ วา ปจฺจตฺตนิทฺเทโส, เยน าเนนาติ อตฺโถ, กิริยาปรามสนํ วา เอตํ. ‘‘อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ อิตฺถตฺตสฺส อาคมนสงฺขาตํ านํ, ตเทตํ วิชฺชตีติ อตฺโถ. เอส น โส ปพฺพชติ, เจโตสมาธึ ผุสติ, ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสตีติ เอเตสุปิ ปเทสุ. ‘‘านํ โข ปเนตํ ภิกฺขเว, วิชฺชติ, ยํ อฺตโร สตฺโต’’ติ หิ อิมานิ ปทานิ ‘‘ปพฺพชตี’’ติอาทีหิปิ ปเทหิ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพานิ. น คจฺฉตีติ อคารํ, เคหํ, อคารสฺส หิตํ อาคาริยํ, กสิโครกฺขาทิกมฺมํ, ตเมตฺถ นตฺถีติ อนาคาริยํ, ปพฺพชฺชา, เตนาห ‘‘อคารสฺมา’’ติอาทิ. ป-สทฺเทน วิสิฏฺโ วช-สทฺโท อุปสงฺกมเนติ วุตฺตํ ‘‘อุปคจฺฉตี’’ติ. ปรนฺติ ¶ ปจฺฉา, อติสยํ วา, อฺํ ปุพฺเพนิวาสนฺติปิ อตฺโถ. ‘‘น สรตี’’ติ วุตฺเตเยว อยมตฺโถ อาปชฺชตีติ ทสฺเสติ ‘‘สริตุ’’นฺติอาทินา. อปสฺสนฺโตติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน อปสฺสนเหตุ, ปสฺสิตุํ อสกฺโกนฺโต หุตฺวาติปิ วฏฺฏติ. มาน-สทฺโท วิย หิ อนฺต-สทฺโท อิธ สามตฺถิยตฺโถ. สทาภาวโตติ สพฺพทา วิชฺชมานตฺตา. ชราวเสนาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน มรณวเสนาปีติ สมฺปิณฺเฑติ.
๔๕. ขิฑฺฑาปโทสิโนติ กตฺตุวเสน ปทสิทฺธิ, ขิฑฺฑาปโทสิกาติ ปน สกตฺถวุตฺติวเสน, สทฺทมนเปกฺขิตฺวา ปน อตฺถเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ขิฑฺฑายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ขิฑฺฑาปโทสกา’’ติ วา วตฺตพฺเพ อิ-การาคมวเสน เอวํ วุตฺตํ. ปทุสฺสนํ วา ปโทโส, ขิฑฺฑาย ปโทโส ขิฑฺฑาปโทโส, โส เอเตสนฺติ ขิฑฺฑาปโทสิกา. ‘‘ปทูสิกาติปิ ปาฬึ ลิขนฺตี’’ติ อฺนิกายิกานํ ปมาทเลขตํ ทสฺเสติ ¶ . มหาวิหารวาสีนิกายิกานฺหิ วาจนามคฺควเสน อยํ สํวณฺณนา ปวตฺตา. อปิจ เตน โปตฺถการุฬฺหกาเล ปมาทเลขํ ทสฺเสติ. ตมฺปิ หิ ปทตฺถโสธนาย อฏฺกถาย โสธิตนิยาเมเนว คเหตพฺพํ, เตนาห ‘‘สา อฏฺกถายํ นตฺถี’’ติ. เวลํ อติกฺกนฺตํ อติเวลํ, ตํ. ภาวนปุํสกฺเจตํ, เตนาห ‘‘อติจิร’’นฺติ, อาหารูปโภคกาลํ อติกฺกมิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. รติธมฺม-สทฺโท หสฺสขิฑฺฑา-สทฺเทหิ ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ ‘‘หสฺสขิฑฺฑาสุ รติธมฺโม รมณสภาโว’’ติ. หสนํ หสฺโส, เกฬิหสฺโส. เขฑนํ กีฬนํ ขิฑฺฑา, กายิกวาจสิกกีฬา. อนุโยควเสน ตํสมาปนฺนาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘หสฺสรติธมฺมฺเจวา’’ติอาทิ. กีฬา เยสํ เต เกฬิโน, เตสํ หสฺโส ตถา. กีฬาหสฺสปโยเคน อุปฺปชฺชนกสุขฺเจตฺถ เกฬิหสฺสสุขํ. ตทวสิฏฺกีฬาปโยเคน อุปฺปชฺชนกํ กายิกวาจสิกกีฬาสุขํ.
‘‘เต กิรา’’ติอาทิ วิตฺถารทสฺสนํ. กิร-สทฺโท เหตฺถ วิตฺถารโชตโกเยว, น ตุ อนุสฺสวนารุจิยาทิโชตโก ตถาเยว ปาฬิยํ, อฏฺกถาสุ จ วุตฺตตฺตา. สิริวิภเวนาติ สรีรโสภคฺคาทิสิริยา, ปริวาราทิสมฺปตฺติยา จ. นกฺขตฺตนฺติ ฉณํ. เยภุยฺเยน หิ นกฺขตฺตโยเคน กตตฺตา ตถาโยโค วา โหตุ, มา วา, นกฺขตฺตมิจฺเจว วุจฺจติ. อาหารนฺติ เอตฺถ โก เทวานมาหาโร, กา จ เตสมาหารเวลาติ? สพฺเพสมฺปิ กามาวจรเทวานํ สุธาหาโร. ทฺวาทสปาปธมฺมวิคฺฆาเตน ¶ หิ สุขสฺส ธารณโต เทวานํ โภชนํ ‘‘สุธา’’ติ วุจฺจติ. สา ปน เสตา สงฺขูปมา อตุลฺยทสฺสนา สุจิ สุคนฺธา ปิยรูปา. ยํ สนฺธาย สุธาโภชนชาตเก วุตฺตํ –
‘‘สงฺขูปมํ เสต’มตุลฺยทสฺสนํ,
สุจึ สุคนฺธํ ปิยรูป’มพฺภุตํ;
อทิฏฺปุพฺพํ มม ชาตุ จกฺขุภิ,
กา เทวตา ปาณิสุ กึ สุโธ’ทหี’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๒๒๗);
‘‘ภุตฺตา จ สา ทฺวาทสหนฺติ ปาปเก,
ขุทฺทํ ปิปาสํ อรตึ ทรกฺลมํ;
โกธูปนาหฺจ วิวาทเปสุณํ,
สีตุณฺห ตนฺทิฺจ รสุตฺตมํ อิท’’นฺติ จ. (ชา. ๒.๒๑.๒๒๙);
สา จ เหฏฺิเมหิ เหฏฺิเมหิ อุปริมานํ อุปริมานํ ปณีตตมา โหติ, ตํ ยถาสกํ ปริมิตทิวสวเสน ¶ ทิวเส ทิวเส ภฺุชนฺติ. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘พิฬารปทปฺปมาณํ สุธาหารํ เต ภฺุชนฺติ, โส ชิวฺหาย ปิตมตฺโต ยาว เกสคฺคนขคฺคา กายํ ผรติ, ยถาสกํ คณิตทิวสวเสน สตฺต ทิวเส ยาปนสมตฺโถ โหตี’’ติ. เกจิวาเท ปเนตฺถ พิฬารปท-สทฺโท สุวณฺณสงฺขาตสฺส สงฺขฺยาวิเสสสฺส วาจโก. ปมาณโต ปน อุทุมฺพรผลปฺปมาณํ, ยํ ปาณิตลํ กพฬคฺคหนฺติปิ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ มธุโกเส –
‘‘ปาณิรกฺโข ปิจุ จาปิ, สุวณฺณกมุทุมฺพรํ;
พิฬารปทกํ ปาณิ-ตลํ ตํ กพฬคฺคห’’นฺติ.
‘‘นิรนฺตรํ ขาทนฺตาปิ ปิวนฺตาปี’’ติ อิทํ ปริกปฺปนาวเสน วุตฺตํ, น ปน เอวํ นิยมวเสน ตถา ขาทนปิวนานมนิยมภาวโต. กมฺมชเตชสฺส พลวภาโว อุฬารปฺุนิพฺพตฺตตฺตา, อุฬารครุสินิทฺธสุธาหารชีรณโต จ. กรชกายสฺส มนฺทภาโว ปน สุขุมาลภาวโต. เตเนว หิ ภควา อินฺทสาลคุหายํ ปกติปถวิยํ ปติอาตุํ อสกฺโกนฺตํ สกฺกํ เทวราชานํ ‘‘โอฬาริกํ กายํ อธิฏฺเหี’’ติ อโวจ. มนุสฺสานํ ปน กมฺมชเตชสฺส มนฺทภาโว, กรชกายสฺส พลวภาโว จ วุตฺตวิปรีเตน เวทิตพฺโพ. กรชกาโยติ เอตฺถ โก วุจฺจติ สรีรํ, ตตฺถ ปวตฺโต. รโช ¶ กรโช, กึ ตํ? สุกฺกโสณิตํ. ตฺหิ ‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจตี’’ติ (มหานิ. ๒๐๙; จูฬนิ. ๗๔) เอวํ วุตฺตราครชผลตฺตา สรีรวาจเกน ก-สทฺเทน วิเสเสตฺวา การณโวหาเรน ‘‘กรโช’’ติ วุจฺจติ. เตน สุกฺกโสณิตสงฺขาเตน กรเชน สมฺภูโต กาโย กรชกาโยติ อาจริยา. ตถา หิ กาโย มาตาเปตฺติกสมฺภโวติ วุตฺโต. มหาอสฺสปูรสุตฺตนฺตฏีกายํ ปน ‘‘กรียติ คพฺภาสเย ขิปียตีติ กโร, สมฺภโว, กรโต ชาโตติ กรโช, มาตาเปตฺติกสมฺภโวติ อตฺโถ. มาตุอาทีนํ สณฺาปนวเสน กรโต หตฺถโต ชาโตติ กรโชติ อปเร. อุภยถาปิ กรชกายนฺติ จตุสนฺตติรูปมาหา’’ติ วุตฺตํ. กโรติ ปุตฺเต นิพฺพตฺเตตีติ กโร, สุกฺกโสณิตํ, เตน ชาโต กรโชติปิ วทนฺติ. ตถา อสมฺภูโตปิ จ เทวาทีนํ กาโย ตพฺโพหาเรน ‘‘กรชกาโย’’ติ วุจฺจติ ยถา ‘‘ปูติกาโย, ชรสิงฺคาโล’’ติ. เตสนฺติ มนุสฺสานํ. อจฺฉยาคุ นาม ปสนฺนา อกสฏา ยาคุ. วตฺถุนฺติ กรชกายํ. เอกํ อาหารเวลนฺติ เอกทิวสมตฺตํ, เกสฺจิ มเตน ปน สตฺตาหํ.
เอวํ อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ ทสฺเสตฺวา อุปมาวเสนปิ ตมาวิกโรนฺโต ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺตปาสาเณติ อจฺจุณฺหปาสาเณ. รตฺตเสตปทุมโต อวสิฏฺํ อุปฺปลํ. อกถายนฺติ ¶ มหาอฏฺกถายํ. อวิเสเสนาติ ‘‘เทวาน’’นฺติ อวิเสเสน, เทวานํ กมฺมชเตโช พลวา โหติ, กรชํ มนฺทนฺติ วา กมฺมชเตชกรชกายานํ พลวมนฺทตาสงฺขาต การณสามฺเน. ตเทตฺหิ การณํ สพฺเพสมฺปิ เทวานํ สมานเมว, ตสฺมา สพฺเพปิ เทวา คเหตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ. กพฬีการภูตํ สุธาหารํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตีติ กพฬีการาหารูปชีวิโน. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. ‘‘ขิฑฺฑาปทุสฺสนมตฺเตเนว เหเต ขิฑฺฑาปโทสิกาติ วุตฺตา’’ติ อยํ ปาโ ‘‘เตเยว จวนฺตีติ เวทิตพฺพา’’ติ เอตสฺสานนฺตเร ปิตพฺโพ ตทนุสนฺธิกตฺตา. อยฺเหตฺถานุสนฺธิ – ยทิ สพฺเพปิ เอวํ กโรนฺตา กามาวจรเทวา จเวยฺยุํ, อถ กสฺมา ‘‘ขิฑฺฑาปโทสิกา’’ติ นามวิเสเสน ภควตา วุตฺตาติ? วิจารณาย เอวมาหาติ, เอเตน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สพฺเพปิ เทวา เอวํ จวนฺตาปิ ขิฑฺฑาย ปทุสฺสนสภาวมตฺตํ ปติ นามวิเสเสน ¶ ตถา วุตฺตา’’ติ. ยเทเก วเทยฺยุํ ‘‘เกจิวาทปติฏฺาปโกยํ ปาโ’’ติ, ตทยุตฺตเมว อิติ-สทฺทนฺตริกตฺตา, อนฺเต จ ตสฺส อวิชฺชมานตฺตา. อตฺถิเกหิ ปน ตสฺส เกจิวาทสมวโรธนํ อนฺเต อิติสทฺโท โยเชตพฺโพติ.
๔๗-๔๘. มโนปโทสิโนติ กตฺตุวเสน ปทสิทฺธิ, มโนปโทสิกาติ จ สกตฺถวุตฺติวเสน, อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘มเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘มโนปโทสกา’’ติ วา วตฺตพฺเพ อิ-การาคมวเสน เอวํ วุตฺตํ. มเนนาติ อิสฺสาปกตตฺตา ปทุฏฺเน มนสา. อปโร นโย – อุสูยนวเสน มนสา ปโทโส มโนปโทโส, วินาสภูโต โส เอเตสมตฺถีติ มโนปโทสิกาติ. ‘‘เต อฺมฺมฺหิ ปทุฏฺจิตฺตา กิลนฺตกายา กิลนฺตจิตฺตา เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺตี’’ติ วจนโต ‘‘เอเต จาตุมหาราชิกา’’ติ อาห. มเนน ปทุสฺสนมตฺเตเนว เหเต มโนปโทสิกาติ วุตฺตา. ‘‘เตสุ กิรา’’ติอาทิ วิตฺถาโร. รเถน วีถึ ปฏิปชฺชตีติ อุปลกฺขณมตฺตํ อฺเหิ อฺตฺถาปิ ปฏิปชฺชนสมฺภวโต. เอตนฺติ อตฺตโน สมฺปตฺตึ. อุทฺธุมาโต วิยาติ ปีติยา กรณภูตาย อุนฺนโต วิย. ภิชฺชมาโน วิยาติ ตาย ภิชฺชนฺโต วิย, ปีติยา วา กตฺตุภูตาย ภฺชิโต วิย. กุทฺธา นาม สุวิชานนา โหนฺติ, ตสฺมา กุทฺธภาวมสฺส ตฺวาติ อตฺโถ.
อกุทฺโธ รกฺขตีติ กุทฺธสฺส โส โกโธ อิตรสฺมึ อกุชฺฌนฺเต อนุปาทาโน เจว เอกวารมตฺตํ อุปฺปตฺติยา อนาเสวโน จ หุตฺวา จาเวตุํ น สกฺโกติ, อุทกนฺตํ ปตฺวา อคฺคิ วิย นิพฺพายติ, ตสฺมา อกุทฺโธ อิตรํ จวนโต รกฺขติ. อุโภสุ ปน กุทฺเธสุ ภิยฺโย ภิยฺโย อฺมฺมฺหิ ปริวฑฺฒนวเสน ติขิณสมุทาจาโร นิสฺสยทหนรโส โกโธ อุปฺปชฺชมาโน หทยวตฺถุํ นิทหนฺโต อจฺจนฺตสุขุมาลกรชกายํ วินาเสติ, ตโต สกโลปิ อตฺตภาโว อนฺตรธายติ ¶ , ตมตฺถํ ทสฺเสตุมาห ‘‘อุโภสุ ปนา’’ติอาทิ. ตถา จาห ปาฬิยํ ‘‘เต อฺมฺมฺหิ ปทุฏฺจิตฺตา กิลนฺตกายา กิลนฺตจิตฺตา เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺตี’’ติ. เอกสฺส โกโธ อิตรสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺสปิ โกโธ อิตรสฺส ปจฺจโย โหตีติ เอตฺถ โกธสฺส ภิยฺโย ภิยฺโย ปริวฑฺฒนาย เอว ปจฺจยภาโว เวทิตพฺโพ, น จวนาย นิสฺสยทหนรเสน อตฺตโนเยว โกเธน หทยวตฺถุํ นิทหนฺเตน อจฺจนฺตสุขุมาลสฺส ¶ กรชกายสฺส จวนโต. กนฺทนฺตานํเยว โอโรธานนฺติ อนาทรตฺเถ สามิวจนํ. อยเมตฺถ ธมฺมตาติ อยํ เตสํ กรชกายมนฺทตาย, ตถาอุปฺปชฺชนกสฺส จ โกธสฺส พลวตาย านโส จวนภาโว เอเตสุ เทเวสุ รูปารูปธมฺมานํ ธมฺมนิยาโม สภาโวติ อตฺโถ.
๔๙-๕๒. จกฺขาทีนํ เภทํ ปสฺสตีติ วิโรธิปจฺจยสนฺนิปาเต วิการาปตฺติทสฺสนโต, อนฺเต จ อทสฺสนูปคมนโต วินาสํ ปสฺสติ โอฬาริกตฺตา รูปธมฺมเภทสฺส. ปจฺจยํ ทตฺวาติ อนนฺตรปจฺจยาทิวเสน ปจฺจยสตฺตึ ทตฺวา, ปจฺจโย หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา น ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ, พลวตรมฺปิ สมานํ อิมินา การเณน น ปสฺสตีติ อธิปฺปาโย. พลวตรนฺติ จ จิตฺตสฺส ลหุตรเภทํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตถา หิ เอกสฺมึ รูเป ธรนฺเตเยว โสฬส จิตฺตานิ ภิชฺชนฺติ. จิตฺตสฺส เภทํ น ปสฺสตีติ เอตฺถ ขเณ ขเณ ภิชฺชนฺตมฺปิ จิตฺตํ ปรสฺส อนนฺตรปจฺจยภาเวเนว ภิชฺชติ, ตสฺมา ปุริมจิตฺตสฺส อภาวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิย ปจฺฉิมจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติโต ภาวปกฺโข พลวตโร ปากโฏว โหติ, น อภาวปกฺโขติ อิทํ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘จิตฺตํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อยฺจตฺโถ อลาภจกฺกนิทสฺสเนน ทีเปตพฺโพ. ยสฺมา ปน ตกฺกีวาที นานตฺตนยสฺส ทุรวธานตาย, เอกตฺตนยสฺส จ มิจฺฉาคหิตตฺตา ‘‘ยเทวิทํ วิฺาณํ สพฺพทาปิ เอวรูเปน ปวตฺตติ, อยํ เม อตฺตา นิจฺโจ’’ติอาทินา อภินิเวสํ ชเนสิ, ตสฺมา ตมตฺถํ ‘‘โส ตํ อปสฺสนฺโต’’ติอาทินา สห อุปมาย วิภาเวติ.
อนฺตานนฺตวาทวณฺณนา
๕๓. อนฺตานนฺตสหจริโต วาโท อนฺตานนฺโต ยถา ‘‘กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ, อนฺตานนฺตสนฺนิสฺสโย วา ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ, โส เอเตสนฺติ อนฺตานนฺติกาติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนฺตานนฺตวาทา’’ติ วุตฺตํ. วุตฺตนเยน อนฺตานนฺตสหจริโต, ตนฺนิสฺสโย วา, อนฺตานนฺเตสุ วา ปวตฺโต วาโท เอเตสนฺติ อนฺตานนฺตวาทา. อิทานิ ‘‘อนฺตวา อยํ โลโก’’ติอาทินา วกฺขมานปาานุรูปํ อตฺถํ วิภชนฺโต ‘‘อนฺตํ วา’’ติอาทิมาห. อมติ คจฺฉติ ¶ ภาโว โอสานเมตฺถาติ หิ อนฺโต, มริยาทา ¶ , ตปฺปฏิเสธเนน อนนฺโต. อนฺโต จ อนนฺโต จ อนฺตานนฺโต จ เนวนฺตนานนฺโต จ อนฺตานนฺโต ตฺเวว วุตฺโต สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสเสนวา ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑; อุทา. ๑) วิย. จตุตฺถปทฺเหตฺถ ตติยปเทน สมานตฺถนฺติ อนฺตานนฺตปเทเนว ยถาวุตฺตนยทฺวเยน จตุธา อตฺโถ วิฺายติ. กสฺส ปนายํ อนฺตานนฺโตติ? โลกียติ สํสารนิสฺสรณตฺถิเกหิ ทิฏฺิคติเกหิ อวปสฺสียติ, โลกิยนฺติ วา เอตฺถ เตหิ ปฺุาปฺุานิ, ตพฺพิปาโก จาติ ‘‘โลโก’’ติ สงฺขฺยํ คตสฺส อตฺตโน. เตนาห ปาฬิยํ ‘‘อนฺตานนฺตํ โลกสฺส ปฺเปนฺตี’’ติ. โก ปเนโส อตฺตาติ? ฌานวิสยภูตํ กสิณนิมิตฺตํ. อยฺหิ ทิฏฺิคติโก ปฏิภาคนิมิตฺตํ จกฺกวาฬปริยนฺตํ, อปริยนฺตํ วา วฑฺฒนวเสน, ตทนุสฺสวาทิวเสน จ ตตฺถ โลกสฺี วิหรติ, ตถา จ อฏฺกถายํ วกฺขติ ‘‘ตํ ‘โลโก’ติ คเหตฺวา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๕๔-๖๐) เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘ฌานํ, ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา จ อิธ อตฺตา, โลโกติ จ คหิตา’’ติ, ตํ อฏฺกถาย น สเมติ.
เอตฺถาห – ยุตฺตํ ตาว ปุริมานํ ติณฺณมฺปิ วาทีนํ อนฺตานนฺติกตฺตํ อนฺตฺจ อนนฺตฺจ อนฺตานนฺตฺจ อารพฺภ ปวตฺตวาทตฺตา, ปจฺฉิมสฺส ปน ตกฺกิกสฺส ตทุภยปฏิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา กถํ อนฺตานนฺติกตฺตนฺติ? ตทุภยปฏิเสธนวเสน ปวตฺตวาทตฺตา เอว. อนฺตานนฺตปฏิเสธนวาโทปิ หิ โส อนฺตานนฺตวิสโยเยว ตมารพฺภ ปวตฺตตฺตา. เอตทตฺถเมว หิ สนฺธาย อฏฺกถายํ ‘‘อนฺตํ วา อนฺตนฺตํ วา อนฺตานนฺตํ วา เนวนฺตานานนฺตํ วา อารพฺภ ปวตฺตวาทา’’ติ วุตฺตํ. อถ วา ยถา ตติยวาเท เทสปเภทวเสน เอกสฺเสว โลกสฺส อนฺตวตา, อนนฺตวตา จ สมฺภวติ, เอวเมตฺถ ตกฺกีวาเทปิ กาลปเภทวเสน เอกสฺเสว ตทุภยสมฺภวโต อฺมฺปฏิเสเธน ตทุภยฺเว วุจฺจติ, ทฺวินฺนมฺปิ จ ปฏิเสธานํ ปริยุทาสตา. กถํ? อนฺตวนฺตปฏิเสเธน หิ อนนฺตวา วุจฺจติ, อนนฺตวนฺตปฏิเสเธน จ อนฺตวา. ทฺวิปฏิเสโธ หิ ปกติยตฺถาปโก. อิติ ปฏิเสธนวเสน อนฺตานนฺตสงฺขาตสฺส อุภยสฺส วุตฺตตฺตา ยุตฺโตเยว ตพฺพิสยสฺส ปจฺฉิมสฺสาปิ อนฺตานนฺติกภาโวติ. ยเทวํ โส อนฺตานนฺติกวาทภาวโต ตติยวาทสมวโรเธเยว สิยาติ? น, กาลปเภทสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เทสปเภทวเสน หิ อนฺตานนฺติโก ตติยวาที วิย ปจฺฉิโมปิ ¶ ตกฺกิโก กาลปเภทวเสน อนฺตานนฺติโก โหติ. กถํ? ยสฺมา อยํ โลกสฺิโต อตฺตา อนนฺโต กทา จิ สกฺขิทิฏฺโติ อธิคตวิเสเสหิ มเหสีหิ อนุสุยฺยติ, ตสฺมา เนวนฺตวา. ยสฺมา ปนายํ อนฺตวา กทาจิ, สกฺขิทิฏฺโติ เตหิเยว อนุสุยฺยติ, ตสฺมา นานนฺตวาติ. อยํ ตกฺกิโก อวฑฺฒิตภาวปุพฺพกตฺตา ปฏิภาคนิมิตฺตานํ วฑฺฒิตภาวสฺส อุภยถา ลพฺภมานสฺส ปริกปฺปิตสฺส อตฺตโน อปฺปจฺจกฺขการิตาย ¶ อนุสฺสวาทิมตฺเต ตฺวา วฑฺฒิตกาลวเสน ‘‘เนวนฺตวา’’ติ ปฏิกฺขิปติ, อวฑฺฒิตกาลวเสน ปน ‘‘นานนฺตวา’’ติ, น ปน อนฺตตานนฺตตานํ อจฺจนฺตมภาเวน ยถา ตํ ‘‘เนวสฺานาสฺา’’ติ. ยถา จานุสฺสุติกตกฺกิโน, เอวํ ชาติสฺสรตกฺกิอาทีนมฺปิ วเสน ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํ.
เกจิ ปน ยทิ ปนายํ อตฺตา อนฺตวา, เอวํ สติ ทูรเทเส อุปปชฺชนานุสฺสรณาทิกิจฺจนิพฺพตฺติ น สิยา. อถ อนนฺตวา, เอวฺจ อิธ ิตสฺเสว เทวโลกนิรยาทีสุ สุขทุกฺขานุภวนํ สิยา. สเจ ปน อนฺตวา เจว อนนฺตวา จ, เอวมฺปิ ตทุภยโทสสมาโยโค สิยา. ตสฺมา ‘‘อนฺตวา, อนนฺตวา’’ติ จ อพฺยากรณีโย อตฺตาติ เอวํ ตกฺกนวเสน จตุตฺถวาทปฺปวตฺตึ วณฺเณนฺติ. ยทิ ปเนส วุตฺตนเยน อนฺตานนฺติโก ภเวยฺย, อถ กสฺมา ‘‘เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวมาหํสุ ‘อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฏุโม’ติ, เตสํ มุสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๕๗) ตสฺส ปุริมวาทตฺตยปฏิกฺเขโป วุตฺโตติ? ปุริมวาทตฺตยสฺส เตน ยถาธิปฺเปตปฺปการวิลกฺขณภาวโต. เตเนว หิ การเณน ตถา ปฏิกฺเขโป วุตฺโต, น ปน ตสฺส อนฺตานนฺติกตฺตาภาเวน, น จ ปริยนฺตรหิตทิฏฺิวาจาหิ ปฏิกฺเขเปน, อวสฺสฺเจตํ เอวเมว าตพฺพํ. อฺถา เหส อมราวิกฺเขปปกฺขฺเว ภเชยฺย จตุตฺถวาโท. น หิ อนฺตตาอนนฺตตาตทุภยวินิมุตฺโต อตฺตโน ปกาโร อตฺถิ, ตกฺกีวาที จ ยุตฺติมคฺคโกเยว. กาลเภทวเสน จ เอกสฺมิมฺปิ โลเก ตทุภยํ โน น ยุชฺชตีติ. ภวตุ ตาว ปจฺฉิมวาทีทฺวยสฺส อนฺตานนฺติกภาโว ยุตฺโต อนฺตานนฺตานํ วเสน อุภยวิสยตฺตา เตสํ วาทสฺส. กถํ ปน ปุริมวาทีทฺวยสฺส ปจฺเจกํ อนฺตานนฺติกภาโว ยุตฺโต สิยา ¶ เอเกกวิสยตฺตา เตสํ วาทสฺสาติ? วุจฺจเต – สมุทาเย ปวตฺตมาน-สทฺทสฺส อวยเวปิ อุปจารวุตฺติโต. สมุทิเตสุ หิ อนฺตานนฺตวาทีสุ ปวตฺตมาโน อนฺตานนฺติ ก-สทฺโท ตตฺถ นิรุฬฺหตาย ตทวยเวสุปิ ปจฺเจกํ อนฺตานนฺติกวาทีสุ ปวตฺตติ ยถา ‘‘อรูปชฺฌาเนสุ ปจฺเจกํ อฏฺวิโมกฺขปริยาโย’’, ยถา จ ‘‘โลเก สตฺตาสโย’’ติ. อถ วา อภินิเวสโต ปุริมกาเล ปวตฺตวิตกฺกวเสน อยํ ตตฺถ โวหาโร กโต. เตสฺหิ ทิฏฺิคติกานํ ตถารูปเจโตสมาธิสมธิคมโต ปุพฺพกาเล ‘‘อนฺตวา นุ โข อยํ โลโก, อุทาหุ อนนฺตวา’’ติ อุภยาการาวลมฺพิโน วิตกฺกสฺส วเสน นิรุฬฺโห อนฺตานนฺติกภาโว ปจฺฉา วิเสสลาเภน เตสุ อนฺตานนฺตวาเทสุ เอกสฺเสว วาทสฺส สงฺคเห อุปฺปนฺเนปิ ปุริมสิทฺธรุฬฺหิยา โวหารียติ ยถา ‘‘สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๓) อรหติ สตฺตปริยาโย, ยถา จ ภวนฺตรคเตปิ มณฺฑูกาทิโวหาโรติ.
๕๔-๖๐. ปฏิภาคนิมิตฺตวฑฺฒนาย ¶ เหฏฺา, อุปริ, ติริยฺจ จกฺกวาฬปริยนฺตคตาคตวเสน อนฺตานนฺตภาโวติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิภาคนิมิตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. นฺติ ปฏิภาคนิมิตฺตํ. อุทฺธมโธ อวฑฺเฒตฺวา ติริยํ วฑฺเฒตฺวาติ เอตฺถาปิ ‘‘จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา’’ติ อธิการวเสน โยเชตพฺพํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘ตกฺกยตีติ ตกฺกี’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๔) สทฺทโต, ‘‘จตุพฺพิโธ ตกฺกี’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๔) อตฺถโต จ สสฺสตวาเท วุตฺตนเยน. ทิฏฺปุพฺพานุสาเรนาติ ทสฺสนภูเตน วิฺาเณน อุปลทฺธปุพฺพสฺส อนฺตวนฺตาทิโน อนุสฺสรเณน, เอวฺจ กตฺวา อนุสฺสุติตกฺกีสุทฺธตกฺกีนมฺปิ อิธ สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. อถ วา ทิฏฺคฺคหเณเนว ‘‘นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) วิย สุตาทีนมฺปิ คหิตภาโว เวทิตพฺโพ. ‘‘อนฺตวา’’ติอาทินา อิจฺฉิตสฺส อตฺตโน สพฺพทาภาวปรามสนวเสเนว อิเมสํ วาทานํ ปวตฺตนโต สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘สตฺเตว อุจฺเฉททิฏฺิโย, เสสา สสฺสตทิฏฺิโย’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๙๗, ๙๘).
อมราวิกฺเขปวาทวณฺณนา
๖๑. น ¶ มรตีติ ‘‘เอวเมวา’’ติ สนฺนิฏฺานาภาเวน น อุปจฺฉิชฺชติ, อเนกนฺติกาเยว โหตีติ วุตฺตํ โหติ. ปริยนฺตรหิตาติ โอสานวิคตา, อนิฏฺงฺคตาติ อตฺโถ. วิวิโธติ ‘‘เอวมฺปิ เม โน’’ติอาทินา นานปฺปกาโร. เขโปติ สกวาเทน ปรวาทานํ ขิปนํ. โก ปเนโส อมราวิกฺเขโปติ? ตถาปวตฺโต ทิฏฺิปฺปธาโน ตาทิสาย วาจาย สมุฏฺาปโก จิตฺตุปฺปาโทเยว. อมราย ทิฏฺิยา, วาจาย จ วิกฺขิปนฺติ, วิวิธมปเนนฺตีติ วา อมราวิกฺเขปิโน, เตเยว ‘‘อมราวิกฺเขปิกา’’ติปิ ยุชฺชติ. ‘‘มจฺฉชาติ’’ จฺเจว อวตฺวา ‘‘เอกา’’ติ วทนฺโต มจฺฉชาติวิเสโส เอโสติ ทสฺเสติ. อิโต จิโต จ สนฺธาวติ เอกสฺมึ สภาเว อนวฏฺานโต. ยถา คาหํ น อุปคจฺฉติ, ตถา สนฺธาวนโต, เอเตน อมราย วิกฺเขโป ตถา, โส วิยาติ อมราวิกฺเขโปติ อตฺถมาห ‘‘สา อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนาทิวเสนา’’ติอาทินา วิกฺเขปปทตฺเถน อุปมิตตฺตา. อยเมว หิ อตฺโถ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรนาปิ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ตติยสงฺคีติกถาวณฺณนา) วุตฺโต. อมรา วิย วิกฺเขโป อมราวิกฺเขโปติ เกจิ. อถ วา อมรา วิย วิกฺขิปนฺตีติ อมราวิกฺเขปิโน, เตเยว อมราวิกฺเขปิกา.
๖๒. วิกฺเขปวาทิโน อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม, อพฺยากตธมฺเม จ (อกุสลธมฺเมปิ ที. นิ. ฏี. ๑.๖๒) สภาวเภทวเสน ปฏิวิชฺฌิตุํ าณํ นตฺถีติ กุสลากุสลปทานํ กุสลากุสลกมฺมปถวเสเนว ¶ อตฺโถ วุตฺโต. วิฆาโต วิเหสา กายิกทุกฺขํ ‘‘วิปฺปฏิสารุปฺปตฺติยา’’ติ โทมนสฺสสฺส เหตุภาเวน วจนโต, เตนาห ‘‘ทุกฺขํ ภเวยฺยา’’ติ. มุสาวาเทติ นิมิตฺเต ภุมฺมวจนํ, นิสฺสกฺกตฺเถ วา. มุสาวาทเหตุ, มุสาวาทโต วา โอตฺตปฺเปน เจว หิริยา จาติ อตฺโถ. กีทิสํ อมราวิกฺเขปมาปชฺชตีติ อาห ‘‘อปริยนฺตวิกฺเขป’’นฺติ, เตน อมราสทิสวิกฺเขปสงฺขาตํ ทุติยนยํ นิวตฺเตติ. ยถาวุตฺเต หิ นยทฺวเย ปมนยวเสนายมตฺโถ ทสฺสิโต, ทุติยนยวเสน ปน อมราสทิสวิกฺเขปํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทํ กุสลนฺติ ปุฏฺโ’’ติอาทิวจนํ วกฺขติ.
‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติ ยํ ตยา ปุฏฺํ, ตํ เอวนฺติปิ เม ลทฺธิ โน โหตีติ อตฺโถ. เอวํ สพฺพตฺถ ยถารหํ. อนิยมิตวิกฺเขโปติ สสฺสตาทีสุ เอกสฺมิมฺปิ ¶ ปกาเร อฏฺตฺวา วิกฺเขปกรณํ, ปรวาทินา ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ ปกาเร ปุจฺฉิเต ตสฺส ปฏิกฺเขปวิกฺเขโปติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อปริยนฺตวิกฺเขปทสฺสนํเยว อฏฺกถายํ กตํ ‘‘เอวนฺติปิ เม โนติ อนิยมิตวิกฺเขโป’’ติอาทินา, ‘‘อิทํ กุสลนฺติ วา อกุสลนฺติ วา ปุฏฺโ’’ติอาทินา จ. ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา หิ อนิยเมตฺวา, นิยเมตฺวา จ สสฺสเตกจฺจสสฺสตุจฺเฉทตกฺกีวาทานํ ปฏิเสธเนน ตํ ตํ วาทํ ปฏิกฺขิปเตว อปริยนฺตวิกฺเขปวาทตฺตา. ‘‘อมราวิกฺเขปิโน’’ติ ทสฺเสตฺวา อตฺตนา ปน อนวฏฺิตวาทตฺตา น กิสฺมิฺจิ ปกฺเข อวติฏฺตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สยํ ปน อิทํ…เป… น พฺยากโรตี’’ติ อาห. อิทานิ กุสลาทีนํ อพฺยากรเณน ตเทว อนวฏฺานํ วิภาเวติ ‘‘อิทํ กุสลนฺติ ปุฏฺโ’’ติอาทินา. เตเนวาห ‘‘เอกสฺมิมฺปิ ปกฺเข น ติฏฺตี’’ติ. กึ โน โนติ เต ลทฺธีติ เนว น โหตีติ ตว ลทฺธิ โหติ กินฺติ อตฺโถ. โน โนติปิ เม โนติ เนว น โหตีติปิ เม ลทฺธิ โน โหติ.
๖๓. อตฺตโน ปณฺฑิตภาววิสยานฺเว ราคาทีนํ วเสน โยชนํ กาตุํ ‘‘อชานนฺโตปี’’ติอาทิมาห. สหสาติ อนุปธาเรตฺวา เวเคน. ‘‘ภทฺรมุขาติ ปณฺฑิตานํ สมุทาจิณฺณมาลปนํ, สุนฺทรมุขาติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตสฺมึ พฺยากรเณ, นิมิตฺเต เจตํ ภุมฺมํ. ฉนฺทราคปทานํ สมานตฺถภาเวปิ วิกปฺปนโชตเกน วา-สทฺเทน โยคฺยตฺตา โคพลีพทฺทาทินเยน ภินฺนตฺถตาว ยุตฺตาติ อาห ‘‘ฉนฺโท ทุพฺพลราโค, ราโค พลวราโค’’ติ. โทสปฏิเฆสุปิ เอเสว นโย. เอตฺตกมฺปิ นามาติ เอตฺถ อปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑเน วตฺตติ, นาม-สทฺโท ครหายํ. น เกวลํ อิโต อุตฺตริตรเมว, อถ โข เอตฺตกมฺปิ น ชานามิ นาม, ปเคว ตทุตฺตริชานเนติ อตฺโถ. ปเรหิ กตสกฺการสมานวิสยานํ ปน ราคาทีนํ วเสน อยํ โยชนา – กุสลากุสลํ ยถาภูตํ ¶ อปชานนฺโตปิ เยสมหํ สมวาเยน กุสลเมว ‘‘กุสล’’นฺติ, อกุสลเมว ‘‘อกุสล’’นฺติ จ พฺยากเรยฺยํ, เตสุ ตถา พฺยากรณเหตุ ‘‘อโห วต เร ปณฺฑิโต’’ติ สกฺการสมฺมานํ กโรนฺเตสุ มม ฉนฺโท วา ราโค วา อสฺสาติ. โทสปฏิเฆสุปิ วุตฺตวิปริยาเยน โยเชตพฺพํ. ‘‘ตํ มมสฺส อุปาทานํ, โส มมสฺส วิฆาโต’’ติ อิทํ อภิธมฺมนเยน (ธ. ส. ๑๒๑๙ อาทโย) ยถาลาภวจนํ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพนฺติ อาห ‘‘ฉนฺทราคทฺวย’’นฺติอาทิ. ตณฺหาทิฏฺิโย ¶ เอว หิ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ อภิธมฺเม วุตฺตา (ธ. ส. ๑๒๑๙ อาทโย) อิทานิ สุตฺตนฺตนเยน อวิเสสโยชนํ ทสฺเสติ ‘‘อุภยมฺปิ วา’’ติอาทินา. สุตฺตนฺเต หิ โทโสปิ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺโต ‘‘โกธุปาทานวินิพนฺธา วิฆาตํ อาปชฺชนฺตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ฏี. ๑.๖๓) ‘‘อุภยมฺปี’’ติ จ อตฺถโต วุตฺตํ, น สทฺทโต จตุนฺนมฺปิ สทฺทานมตฺถทฺวยวาจกตฺตา. ทฬฺหคฺคหณนฺติ อมฺุจนคฺคหณํ. ปฏิโฆปิ หิ อารมฺมณํ น มฺุจติ อุปนาหาทิวเสน ปวตฺตนโต, โลภสฺเสว อุปาทานภาเวน ปากฏตฺตา โทสสฺสาปิ อุปาทานภาวํ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ. วิหนนํ วิหึสนํ วิพาธนํ. ราโคปิ หิ ปริฬาหวเสน สารทฺธวุตฺติตาย นิสฺสยํ วิหนติ. ‘‘ราโค หี’’ติอาทินา ราคโทสานํ อุปาทานภาเว วิเสสทสฺสนมุเขน ตทตฺถสมตฺถนํ. วินาเสตุกามตาย อารมฺมณํ คณฺหาตีติ สมฺพนฺโธ. อิตีติ ตสฺมา คหณวิหนนโต.
๖๔. ปฑติ สภาวธมฺเม ชานาติ, ยถาสภาวํ วา คจฺฉตีติ ปณฺฑา, สา เยสํ เต ปณฺฑิตาติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ปณฺฑิจฺเจนา’’ติอาทินา. ปณฺฑิตสฺส ภาโว ปณฺฑิจฺจํ, ปฺา. เยน หิ ธมฺเมน ปวตฺตินิมิตฺตภูเตน ยุตฺโต ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, โสเยว ธมฺโม ปณฺฑิจฺจํ. เตน สุตจินฺตามยปฺา วุตฺตา ตาสเมว วิสยภาวโต. สมาปตฺติลาภิโน หิ ภาวนามยปฺา. ‘‘นิปุณา’’ติ อิมินา ปน กมฺมนิพฺพตฺตํ ปฏิสนฺธิปฺาสงฺขาตํ สาภาวิกาณํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สณฺหสุขุมพุทฺธิโน’’ติ. อตฺถนฺตรนฺติ อตฺถนานตฺตํ, อตฺถเมว วา. ‘‘วิฺาตปรปฺปวาทา’’ติ เอเตน กต-สทฺทสฺส กิริยาสามฺวาจกตฺตา ‘‘กตวิชฺโช’’ติอาทีสุ วิย กต-สทฺโท าณานุยุตฺตตํ วทตีติ ทสฺเสติ. ‘‘กตวาทปริจยา’’ติ เอเตน ปน ‘‘กตสิปฺโป’’ติอาทีสุ วิย สมุทาจิณฺณวาทตํ. อุภินฺนมนฺตรา ปน สมุจฺจยทฺวเยน สามฺนิทฺเทสํ, เอกเสสํ วาติ ทฏฺพฺพํ. วาลเวธีนํ รูปํ สภาโว วิย รูปเมเตสนฺติ วาลเวธิรูปาติ อาห ‘‘วาลเวธิธนุคฺคหสทิสา’’ติ. สตธา ภินฺนสฺส วาลคฺคสฺส อํสุโกฏิเวธกธนุคฺคหสทิสาติ อตฺโถ. ตาทิโสเยว หิ ‘‘วาลเวธี’’ติ อธิปฺเปโต. มฺเ-สทฺโท อุปมาโชตโกติ วุตฺตํ ‘‘ภินฺทนฺตา วิยา’’ติ. ปฺาคเตนาติ ปฺาปเภเทน, ปฺาย เอว วา. สมนุยฺุชนา ลทฺธิยา ปุจฺฉา. สมนุคาหนา ตํการณสฺสาติ ทสฺเสติ ‘‘กึ กุสล’’นฺติอาทินา. สมนุภาสนาปิ ¶ โอวาทวเสน สมนุยฺุชนาเยวาติ อาห ¶ ‘‘สมนุยฺุเชยฺยุ’’นฺติ. ‘‘น สมฺปาเยยฺย’’นฺติ เอตฺถ ท-การสฺส ย-การาเทสตํ, เอยฺย-สทฺทสฺส จ สามตฺถิยตฺถตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น สมฺปาเทยฺย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
๖๕-๖๖. มนฺทา อติกฺขา ปฺา ยสฺสาติ มนฺทปฺโ, เตนาห ‘‘อปฺสฺเสเวตํ นาม’’นฺติ. ‘‘โมหมูโห’’ติ วตฺตพฺเพ ห-การโลเปน ‘‘โมมูโห’’ติ วุตฺตํ, ตฺจ อติสยตฺถทีปกํ ปริยายทฺวยสฺส อติเรกตฺถภาวโตติ ยถา ‘‘ปทฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ ‘‘อติสมฺมูฬฺโห’’ติ. สิทฺเธ หิ สติ ปุนารมฺโภ นิยมาย วา โหติ, อตฺถนฺตรวิฺาปนาย วา. ยถา ปุพฺเพ กมฺมุนา อาคโต, ตถา อิธาปีติ ตถาคโต, สตฺโต. เอตฺถ จ กามํ ปุริมานมฺปิ ติณฺณํ กุสลาทิธมฺมสภาวานวโพธโต อตฺเถว มนฺทภาโว, เตสํ ปน อตฺตโน กุสลาทิธมฺมานวโพธสฺส อวโพธนโต วิเสโส อตฺถีติ. ปจฺฉิโมเยว ตทภาวโต มนฺทโมมูหภาเวน วุตฺโต. นนุ จ ปจฺฉิมสฺสาปิ อตฺตโน ธมฺมานวโพธสฺส อวโพโธ อตฺถิเยว ‘‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ อิติ เจ เม อสฺส, ‘อตฺถิ ปโร โลโก’ติ อิติ เต นํ พฺยากเรยฺยํ, เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทิวจนโตติ? กิฺจาปิ อตฺถิ, น ปน ตสฺส ปุริมานํ วิย อปริฺาตธมฺมพฺยากรณนิมิตฺตมุสาวาทาทิภายนชิคุจฺฉนากาโร อตฺถิ, อถ โข มหามูฬฺโหเยวาติ ตถาเวส วุตฺโต. อถ วา ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณตฺถํ ‘‘อตฺถิ ปโร โลโก’’ติ อิติ เจ มํ ปุจฺฉสีติ ปุจฺฉาปนเมว เตน ทสฺสียติ, น อตฺตโน ธมฺมานวโพธาวโพโธติ อยเมว วิเสเสน ‘‘มนฺโท โมมูโห’’ติ วุตฺโต. เตเนว หิ ตถาวาทีนํ สฺจยํ เพลฏฺปุตฺตํ อารพฺภ ‘‘อยฺจ อิเมสํ สมณพฺราหฺมณานํ สพฺพพาโล สพฺพมูฬฺโห’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๘๑) วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อตฺถิ ปโร โลโก’’ติ สสฺสตทสฺสนวเสน, สมฺมาทิฏฺิวเสน วา ปุจฺฉา. ยทิ หิ ทิฏฺิคติโก สสฺสตทสฺสนวเสน ปุจฺเฉยฺย, ยทิ จ สมฺมาทิฏฺิโก สมฺมาทสฺสนวเสนาติ ทฺวิธาปิ อตฺโถ วฏฺฏติ. ‘‘นตฺถิ ปโร โลโก’’ติ นตฺถิกทสฺสนวเสน, สมฺมาทิฏฺิวเสน วา, ‘‘อตฺถิ จ นตฺถิ จ ปโร โลโก’’ติ อุจฺเฉททสฺสนวเสน, สมฺมาทิฏฺิวเสน วา, ‘‘เนวตฺถิ น นตฺถิ ปโร โลโก’’ติ วุตฺตปการตฺตยปฏิกฺเขเป สติ ปการนฺตรสฺส อสมฺภวโต อตฺถิตานตฺถิตาหิ น วตฺตพฺพากาโร ปโร โลโกติ วิกฺเขปฺเว ปุรกฺขาเรน ¶ , สมฺมาทิฏฺิวเสน วา ปุจฺฉา. เสสจตุกฺกตฺตเยปิ วุตฺตนยานุสาเรน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปฺุสงฺขารตฺติโก วิย หิ กายสงฺขารตฺติเกน ปุริมจตุกฺกสงฺคหิโต เอว อตฺโถ เสสจตุกฺกตฺตเยน สตฺตปรามาสปฺุาทิสผลตาโจทนานเยน (อตฺตปรามาสปฺุาทิผลตาโจทนานเยน ที. นิ. ฏี. ๑.๖๕, ๖๖) สงฺคหิโต. เอตฺถ หิ ตติยจตุกฺเกน ¶ ปฺุาทิกมฺมสผลตาย, เสสจตุกฺกตฺตเยน จ สตฺตปรามาสตาย โจทนานโย วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ.
อมราวิกฺเขปิโก ปน สสฺสตาทีนํ อตฺตโน อรุจฺจนตาย สพฺพตฺถ ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทินา วิกฺเขปฺเว กโรติ. ตตฺถ ‘‘เอวนฺติปิ เม โน’’ติอาทิ ตตฺถ ตตฺถ ปุจฺฉิตาการปฏิเสธนวเสน วิกฺเขปาการทสฺสนํ. กสฺมา ปน วิกฺเขปวาทิโน ปฏิกฺเขโปว สพฺพตฺถ วุตฺโต. นนุ วิกฺเขปปกฺขสฺส ‘‘เอวเมว’’นฺติ อนุชานนมฺปิ วิกฺเขปปกฺเข อวฏฺานโต ยุตฺตรูปํ สิยาติ? น, ตตฺถาปิ ตสฺส สมฺมูฬฺหตฺตา, ปฏิกฺเขปวเสเนว จ วิกฺเขปวาทสฺส ปวตฺตนโต. ตถา หิ สฺจโย เพลฏฺปุตฺโต รฺา อชาตสตฺตุนา สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ ปุฏฺโ ปรโลกตฺถิตาทีนํ ปฏิเสธนมุเขเนว วิกฺเขปํ พฺยากาสิ.
เอตฺถาห – นนุ จายํ สพฺโพปิ อมราวิกฺเขปิโก กุสลาทโย ธมฺเม, ปรโลกตฺถิตาทีนิ จ ยถาภูตํ อนวพุชฺฌมาโน ตตฺถ ตตฺถ ปฺหํ ปุฏฺโ ปุจฺฉาย วิกฺเขปนมตฺตํ อาปชฺชติ, อถ ตสฺส กถํ ทิฏฺิคติกภาโว สิยา. น หิ อวตฺตุกามสฺส วิย ปุจฺฉิตตฺถมชานนฺตสฺส วิกฺเขปกรณมตฺเตน ทิฏฺิคติกตา ยุตฺตาติ? วุจฺจเต – น เหว โข ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณมตฺเตน ตสฺส ทิฏฺิคติกตา, อถ โข มิจฺฉาภินิเวสวเสน. สสฺสตาภินิเวสวเสน หิ มิจฺฉาภินิวิฏฺโเยว ปุคฺคโล มนฺทพุทฺธิตาย กุสลาทิธมฺเม, ปรโลกตฺถิตาทีนิ จ ยาถาวโต อปฺปฏิพุชฺฌมาโน อตฺตนา อวิฺาตสฺส อตฺถสฺส ปรํ วิฺาเปตุมสกฺกุเณยฺยตาย มุสาวาทภเยน จ วิกฺเขปมาปชฺชตีติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ยาสํ สตฺเตว อุจฺเฉททิฏฺิโย, เสสา สสฺสตทิฏฺิโย’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๙๗, ๙๘) อถ วา ปฺุปาปานํ, ตพฺพิปากานฺจ อนวโพเธน, อสทฺทหเนน จ ตพฺพิสยาย ปุจฺฉาย วิกฺเขปกรณเมว สุนฺทรนฺติ ขนฺตึ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อภินิวิสนฺตสฺส อุปฺปนฺนา วิสุํเยเวสา เอกา ทิฏฺิ สตฺตภงฺคทิฏฺิ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา จ วุตฺตํ ¶ ‘‘ปริยนฺตรหิตา ทิฏฺิคติกสฺส ทิฏฺิ เจว วาจา’’ จาติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖๑). ยํ ปเนตํ วุตฺตํ ‘‘อิเมปิ จตฺตาโร ปุพฺเพ ปวตฺตธมฺมานุสาเรเนว ทิฏฺิยา คหิตตฺตา ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ ปวิฏฺา’’ติ, ตเทตสฺส อมราวิกฺเขปวาทสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคหวเสเนว วุตฺตํ. กถํ ปนสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโหติ? อุจฺเฉทวเสน อนภินิเวสนโต. นตฺถิ หิ โกจิ ธมฺมานํ ยถาภูตเวที วิวาทพหุลตฺตา โลกสฺส. ‘‘เอวเมว’’นฺติ ปน สทฺทนฺตเรน ธมฺมนิชฺฌานนา อนาทิกาลิกา โลเก, ตสฺมา สสฺสตเลสสฺส เอตฺถ ลพฺภนโต สสฺสตทิฏฺิยา เอตสฺส สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาทวณฺณนา
๖๗. อธิจฺจ ¶ ยทิจฺฉกํ ยํ กิฺจิ การณํ กสฺสจิ พุทฺธิปุพฺพํ วินา สมุปฺปนฺโนติ อตฺตโลกสฺิตานํ ขนฺธานํ อธิจฺจุปฺปตฺติอาการารมฺมณทสฺสนํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ตทาการสนฺนิสฺสเยเนว ปวตฺติโต, ตทาการสหจริตโต จ ยถา ‘‘มฺจา โฆสนฺติ, กุนฺตา ปจรนฺตี’’ติ, อธิจฺจสมุปฺปนฺนทสฺสนํ วา อนฺตปทโลเปน อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ ยถา ‘‘รูปภโว รูป’’นฺติ, อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘อธิจฺจสมุปฺปนฺโน’’ติอาทิ วุตฺตํ. อการณสมุปฺปนฺนนฺติ การณมนฺตเรน ยทิจฺฉกํ สมุปฺปนฺนํ.
๖๘-๗๓. อสฺสตฺตาติ เอตฺถ เอตํ อสฺาวจนนฺติ อตฺโถ. เทสนาสีสนฺติ เทสนาย เชฏฺกํ ปธานภาเวน คหิตตฺตา, เตน สฺํ ธุรํ กตฺวา ภควตา อยํ เทสนา กตา, น ปน ตตฺถ อฺเสํ อรูปธมฺมานมฺปิ อตฺถิตายาติ ทสฺเสติ, เตเนวาห ‘‘อจิตฺตุปฺปาทา’’ติอาทิ. ภควา หิ ยถา โลกุตฺตรธมฺมํ เทเสนฺโต สมาธึ, ปฺํ วา ธุรํ กตฺวา เทเสติ, เอวํ โลกิยธมฺมํ เทเสนฺโต จิตฺตํ, สฺํ วา. ตตฺถ ‘‘ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ (ธ. ส. ๒๗๗), ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ (ที. นิ. ๓.๓๕๕) ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, (ที. นิ. ๓.๓๕๕; วิภ. ๘๐๔) ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติ, ตถา ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, (ธ. ส. ๑) กึ จิตฺโต ตฺวํ ภิกฺขุ (ปารา. ๑๔๖, ๑๘๐) มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, (ธ. ป. ๑; เนตฺติ. ๙๐; เปฏโก. ๘๓, ๘๔) สนฺติ ภิกฺขเว, สตฺตา ¶ นานตฺตกายา นานตฺตสฺิโน, (ที. นิ. ๓.๓๓๒, ๓๔๑, ๓๕๗; อ. นิ. ๗.๔๔; อ. นิ. ๙.๒๔; จูฬนิ. ๘๓) เนวสฺานาสฺายตน’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๕๘) จ เอวมาทีนิ สุตฺตานิ เอตสฺสตฺถสฺส สาธกานิ. ติตฺถํ วุจฺจติ มิจฺฉาลทฺธิ ตตฺเถว พาหุลฺเลน ปริพฺภมนโต ตรนฺติ พาลา เอตฺถาติ กตฺวา, ตเทว อนปฺปกานมนตฺถานํ ติตฺถิยานฺจ สฺชาติเทสฏฺเน, นิวาสฏฺเน วา อายตนนฺติ ติตฺถายตนํ, ตสฺมึ, อฺติตฺถิยสมเยติ อตฺโถ. ติตฺถิยา หิ อุปปตฺติวิเสเส วิมุตฺติสฺิโน, สฺาวิราคาวิราเคสุ อาทีนวานิสํสทสฺสาวิโน จ หุตฺวา อสฺสมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา อกฺขณภูมิยํ อุปปชฺชนฺติ, น สาสนิกา, เตน วุตฺตํ ‘‘เอกจฺโจ ติตฺถายตเน ปพฺพชิตฺวา’’ติ. วาโยกสิเณ ปริกมฺมํ กตฺวาติ จตุตฺเถ ภูตกสิเณ ปมาทีนิ ตีณิ ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ตติยชฺฌาเน จิณฺณวสี หุตฺวา ตโต วุฏฺาย จตุตฺถชฺฌานาธิคมาย ปริกมฺมํ กตฺวา, เตเนวาห ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา’’ติ.
กสฺมา ¶ ปเนตฺถ วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – ยเถว หิ รูปปฏิภาคภูเตสุ กสิณวิเสเสสุ รูปวิภาวเนน รูปวิราคภาวนาสงฺขาโต อรูปสมาปตฺติวิเสโส สจฺฉิกรียติ, เอวํ อปริพฺยตฺตวิคฺคหตาย อรูปปฏิภาคภูเต กสิณวิเสเส อรูปวิภาวเนน อรูปวิราคภาวนาสงฺขาโต รูปสมาปตฺติวิเสโส อธิคมียติ, ตสฺมา เอตฺถ ‘‘สฺา โรโค สฺา คณฺโฑ’’ติอาทินา, (ม. นิ. ๓.๒๔) ‘‘ธิ จิตฺตํ, ธิพฺพเต ตํ จิตฺต’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ฏี. ๑.๖๘-๗๓) จ นเยน อรูปปวตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน, ตทภาเว จ สนฺตปณีตภาวสนฺนิฏฺาเนน รูปสมาปตฺติยา อภิสงฺขรณํ, รูปวิราคภาวนา ปน สทฺธึ อุปจาเรน อรูปสมาปตฺติโย วิเสเสน ปมารุปฺปชฺฌานํ. ยทิ เอวํ ‘‘ปริจฺฉินฺนากาสกสิเณปี’’ติ วตฺตพฺพํ. ตสฺสาปิ หิ อรูปปฏิภาคตา ลพฺภตีติ? วตฺตพฺพเมเวตํ เกสฺจิ, อวจนํ ปน ปุพฺพาจริเยหิ อคฺคหิตภาเวน. ยถา หิ รูปวิราคภาวนา วิรชฺชนียธมฺมภาวมตฺเต ปรินิพฺพินฺทา (วิรชฺชนียธมฺม ภาวมตฺเตน ปรินิปฺผนฺนา ที. นิ. ฏี. ๑.๖-๗๓) วิรชฺชนียธมฺมปฏิภาคภูเต จ วิสยวิเสเส ปาตุภวติ, เอวํ อรูปวิราคภาวนาปีติ วุจฺจมาเน น โกจิ วิโรโธ. ติตฺถิเยเหว ปน ตสฺสา สมาปตฺติยา ปฏิปชฺชิตพฺพตาย, เตสฺจ วิสยปเทสนิมิตฺตสฺเสว ตสฺส ฌานสฺส ปฏิปตฺติโต ตํ การณํ ปสฺสนฺเตหิ ¶ ปุพฺพาจริเยหิ จตุตฺเถเยว ภูตกสิเณ อรูปวิราคภาวนาปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. กิฺจ ภิยฺโย – วณฺณกสิเณสุ วิย ปุริมภูตกสิณตฺตเยปิ วณฺณปฏิจฺฉายาว ปณฺณตฺติอารมฺมณํ ฌานสฺส โลกโวหารานุโรเธเนว ปวตฺติโต, เอวฺจ กตฺวา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๙๖) ปถวีกสิณสฺส อาทาสจนฺทมณฺฑลูปมาวจนฺจ สมตฺถิตํ โหติ. จตุตฺเถ ปน ภูตกสิเณ ภูตปฏิจฺฉายา เอว ฌานสฺส โคจรภาวํ คจฺฉตีติ ตสฺเสว อรูปปฏิภาคตา ยุตฺตา, ตสฺมา วาโยกสิเณเยว ปริกมฺมํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
กถํ ปสฺสตีติ อาห ‘‘จิตฺเต สตี’’ติอาทิ. สนฺโตติ นิพฺพุโต, ทิฏฺธมฺมนิพฺพานเมตนฺติ วุตฺตํ โหติ. กาลํ กตฺวาติ มรณํ กตฺวา, โย วา มนุสฺสโลเก ชีวนกาโล อุปตฺถมฺภกปจฺจเยหิ กรียติ, ตํ กริตฺวาติปิ อตฺโถ. อสฺสตฺเตสุ นิพฺพตฺตตีติ อสฺสตฺตสงฺขาเต สตฺตนิกาเย รูปปฏิสนฺธิวเสเนว อุปปชฺชติ, อฺเสุ วา จกฺกวาเฬสุ ตสฺสา ภูมิยา อตฺถิตาย อเนกวิธภาวํ สนฺธาย ปุถุวจนนิทฺเทโสติปิ ทฏฺพฺพํ. อิเธวาติ ปฺจโวการภเวเยว. ตตฺถาติ อสฺีภเว. ยทิ รูปกฺขนฺธมตฺตเมว อสฺีภเว ปาตุภวติ, กถํ อรูปสนฺนิสฺสเยน วินา ตตฺถ รูปํ ปวตฺตติ, นนุ สิยา อรูปสนฺนิสฺสิตาเยว รูปกฺขนฺธสฺส อุปฺปตฺติ อิเธว ปฺจโวการภเว ตถา อุปฺปตฺติยา อทสฺสนโตติ ¶ ? นายมนุโยโค อฺตฺถาปิ อปฺปวิฏฺโ, กถํ ปน รูปสนฺนิสฺสเยน วินา อรูปธาตุยา อรูปํ ปวตฺตตีติ. อิทมฺปิ หิ เตน สมานชาติยเมว. กสฺมา? อิเธว อทสฺสนโต, กถฺจ กพฬีการาหาเรน วินา รูปธาตุยา รูปํ ปวตฺตตีติ. อิทมฺปิ จ ตํสภาวเมว, กึ การณา? อิธ อทสฺสนโตเยว. อิติ อฺตฺถาปิ ตถา ปวตฺติทสฺสนโต, กิเมเตน อฺนิทสฺสเนน อิเธว อนุโยเคน. อปิจ ยถา ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นิพฺพตฺติการณํ รูเป อวิคตตณฺหํ, ตสฺส สห รูเปน สมฺภวโต รูปํ นิสฺสาย ปวตฺติ รูปสาเปกฺขตาย การณสฺส. ยสฺส ปน นิพฺพตฺติการณํ รูเป วิคตตณฺหํ, ตสฺส วินา รูเปน ปวตฺติ รูปนิรเปกฺขตาย การณสฺส, เอวํ ยสฺส รูปปฺปพนฺธสฺส นิพฺพตฺติการณํ อรูเป วิคตตณฺหํ, ตสฺส วินา อรูเปน ปวตฺติ อรูปนิรเปกฺขตาย การณสฺส, เอวํ ภาวนาพลาภาวโต ปฺจโวการภเว รูปารูปสมฺภโว วิย, ภาวนาพเลน จตุโวการภเว อรูปสฺเสว ¶ สมฺภโว วิย จ. อสฺีภเวปิ ภาวนาพเลน รูปสฺเสว สมฺภโว ทฏฺพฺโพติ.
กถํ ปน ตตฺถ เกวโล รูปปฺปพนฺโธ ปจฺจุปฺปนฺนปจฺจยรหิโต จิรกาลํ ปวตฺตตีติ ปจฺเจตพฺพํ, กิตฺตกํ วา กาลํ ปวตฺตตีติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิมาห. เตน น เกวลํ อิธ เจว อฺตฺถ จ วุตฺโต อาคโมเยว เอตทตฺถาปเน, อถ โข อยํ ปเนตฺถ ยุตฺตีติ ทสฺเสติ. ชิยาเวคุกฺขิตฺโตติ ธนุชิยาย เวเคน ขิปิโต. ฌานเวโค นาม ฌานานุภาโว ผลทาเน สมตฺถตา. ตตฺตกเมว กาลนฺติ อุกฺกํสโต ปฺจ มหากปฺปสตานิ. ติฏฺนฺตีติ ยถานิพฺพตฺตอิริยาปถเมว จิตฺตกมฺมรูปกสทิสา หุตฺวา ติฏฺนฺติ. ฌานเวเคติ อสฺสมาปตฺติปริกฺขิตฺเต จตุตฺถชฺฌานกมฺมเวเค, ปฺจมชฺฌานกมฺมเวเค วา. อนฺตรธายตีติ ปจฺจยนิโรเธน นิรุชฺฌติ น ปวตฺตติ. อิธาติ กามาวจรภเวติ อตฺโถ อฺตฺถ เตสมนุปฺปตฺติโต. ปฏิสนฺธิสฺาติ ปฏิสนฺธิจิตฺตุปฺปาโทเยว สฺาสีเสน วุตฺโต. กถํ ปน อเนกกปฺปสตมติกฺกเมน จิรนิรุทฺธโต วิฺาณโต อิธ วิฺาณมุปฺปชฺชติ. น หิ นิรุทฺเธ จกฺขุปสาเท จกฺขุวิฺาณมุปฺปชฺชมานํ ทิฏฺนฺติ? นยิทเมกนฺตโต ทฏฺพฺพํ. นิรุทฺธมฺปิ หิ จิตฺตํ สมานชาติกสฺส อนฺตรา อนุปฺปชฺชนโต สมนนฺตรปจฺจยมตฺตํ โหติเยว, น พีชํ. พีชํ ปน กมฺมเมว, ตสฺมา กมฺมโต พีชภูตโต อารมฺมณาทีหิ ปจฺจเยหิ อสฺีภวโต จุตานํ กามธาตุยา อุปปตฺติวิฺาณํ โหติเยว, เตนาห ‘‘อิธ ปฏิสนฺธิสฺา อุปฺปชฺชตี’’ติ. เอตฺถ จ ยถา นาม อุตุนิยาเมน ปุปฺผคฺคหเณ นิยตกาลานํ รุกฺขานํ วิทารณสงฺขาเต เวเข ทินฺเน เวขพเลน อนิยมตา โหติ ปุปฺผคฺคหณสฺส, เอวเมว ปฺจโวการภเว อวิปฺปโยเคน วตฺตมาเนสุ รูปารูปธมฺเมสุ รูปารูปวิราคภาวนาสงฺขาเต เวเข ทินฺเน ตสฺส สมาปตฺติเวขพลสฺส อนุรูปโต ¶ อรูปภเว, อสฺภเว จ ยถากฺกมํ รูปรหิตา, อรูปรหิตา จ ขนฺธานํ ปวตฺติ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
กสฺมา ปเนตฺถ ปุน สฺุปฺปาทา จ ปน ‘‘เต เทวา ตมฺหา กายา จวนฺตี’’ติ สฺุปฺปาโท เตสํ จวนสฺส การณภาเวน วุตฺโต, ‘‘สฺุปฺปาทา’’ติ วจนํ วา กิมตฺถทสฺสนนฺติ โจทนาย ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิมาห. อิธ ปฏิสนฺธิสฺุปฺปาเทน เตสํ จวนสฺส ปฺายนโต าปกเหตุภาเวน วุตฺโต, ‘‘สฺุปฺปาทา’’ติ วจนํ วา เตสํ จวนสฺส ¶ ปฺายนภาวทสฺสนนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘สฺุปฺปาทา’’ติ หิ เอตสฺส สฺุปฺปาเทน เหตุภูเตน จวนฺติ, สฺุปฺปาทา วา อุปฺปาทสฺา เต เทวาติ สมฺพนฺโธ. สนฺตภาวายาติ นิพฺพานาย. นนุ เจตฺถ ชาติสตสหสฺสทสสํวฏฺฏาทีนมตฺถเก, ตทพฺภนฺตเร วา ปวตฺตาย อสฺูปปตฺติยา วเสน ลาภีอธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาโทปิ ลาภีสสฺสตวาโท วิย อเนกเภโท สมฺภวตีติ? สจฺจเมว, อนนฺตรตฺตา ปน อาสนฺนาย อสฺูปปตฺติยา วเสน ลาภีอธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาโท นยทสฺสนวเสน เอโกว ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา สสฺสตทิฏฺิสงฺคหโต อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาทสฺส สสฺสตวาเท อาคโต สพฺโพปิ เทสนานโย ยถาสมฺภวํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาเทปิ คเหตพฺโพติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ภควตา ลาภีอธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาโท อวิภชิตฺวา ทสฺสิโต, อวสฺสฺจสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห อิจฺฉิตพฺโพ สํกิเลสปกฺเข สตฺตานมชฺฌาสยสฺส สสฺสตุจฺเฉทวเสเนว ทุวิธตฺตา, เตสุ จ อุจฺเฉทปฺปสงฺคาภาวโต. ตถา หิ อฏฺกถายํ อาสย-สทฺทสฺส อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ ‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิ จา’’ติ, ตถา จ วกฺขติ ‘‘ยาสํ สตฺเตว อุจฺเฉททิฏฺิโย, เสสา สสฺสตทิฏฺิโย’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๙๗, ๙๘).
นนุ จ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกวาทสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห น ยุตฺโต ‘‘อหฺหิ ปุพฺเพ นาโหสิ’’นฺติอาทิวเสน ปวตฺตนโต อปุพฺพสตฺตปาตุภาวคาหกตฺตา. สสฺสตทิฏฺิ ปน อตฺตโน, โลกสฺส จ สทาภาวคาหินี ‘‘อตฺถิตฺเวว สสฺสติสม’’นฺติ ปวตฺตนโตติ? โน น ยุตฺโต อนาคตโกฏิอทสฺสเนน สสฺสตคฺคาหสมวโรธตฺตา. ยทิปิ หิ อยํ วาโท ‘‘โสมฺหิ เอตรหิ อหุตฺวา สนฺตตาย ปริณโต’’ติ (ที. นิ. ๑.๖๘) อตฺตโน, โลกสฺส จ อตีตโกฏิปรามสนวเสน ปวตฺโต, ตถาปิ วตฺตมานกาลโต ปฏฺาย น เตสํ กตฺถจิ อนาคเต ปริยนฺตํ ปสฺสติ, วิเสเสน จ ปจฺจุปฺปนฺนานาคตกาเลสุ อปริยนฺตทสฺสนปภาวิโต สสฺสตวาโท, ยถาห ‘‘สสฺสติสมํ ตเถว สฺสตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๑ อตฺถโต สมานํ) ยเทวํ สิยา อิมสฺส จ วาทสฺส, สสฺสตวาทาทีนฺจ ปุพฺพนฺตกปฺปิเกสุ สงฺคโห น ยุตฺโตเยว อนาคตกาลปรามสนวเสน ¶ ปวตฺตตฺตาติ? ยุตฺโต เอว สมุทาคมสฺส อตีตโกฏฺาสิกตฺตา. ตถา หิ เนสํ สมุทาคโม ¶ อตีตํสปุพฺเพนิวาสาเณหิ, ตปฺปติรูปกานุสฺสวาทิปภาวิเตหิ จ ตกฺกเนหิ สงฺคหิโตติ, ตถา เจว สํวณฺณิตํ. อถ วา สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจาเรน ธมฺมสฺสามินา นิรวเสสโต อคตึ, คติฺจ ยถาภูตํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิตา เอตา ทิฏฺิโย, ตสฺมา ยาวติกา ทิฏฺิโย ภควตา เทสิตา, ยถา จ เทสิตา, ตาวติกา ตถา เจว สนฺนิฏฺานโต สมฺปฏิจฺฉิตพฺพา, น เจตฺถ ยุตฺติวิจารณา กาตพฺพา พุทฺธวิสยตฺตา. อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธานํ พุทฺธวิสโย, ตถา จ วกฺขติ ‘‘ตตฺถ น เอกนฺเตน การณํ ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗๘-๘๒).
ทุติยภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อปรนฺตกปฺปิกวาทวณฺณนา
๗๔. ‘‘อปรนฺเตาณํ (ธ. ส. ๑๐๖๗), อปรนฺตานุทิฏฺิโน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๗๔) วิย อปรนฺต –สทฺทานํ ยถากฺกมํ อนาคตกาลโกฏฺาสวาจกตํ สนฺธายาห ‘‘อนาคตโกฏฺาสสงฺขาต’’นฺติ. ‘‘ปุพฺพนฺตํ กปฺเปตฺวา’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยน ‘‘อปรนฺตํ กปฺเปตฺวา’’ติอาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วิเสสมตฺตเมว เจตฺถ วกฺขาม.
สฺีวาทวณฺณนา
๗๕. อาฆาตนา อุทฺธนฺติ อุทฺธมาฆาตนํ, มรณโต อุทฺธํ ปวตฺโต อตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘อุทฺธมาฆาตน’’นฺติ ปวตฺโต วาโท อุทฺธมาฆาตโน สหจรณวเสน, ตทฺธิตวเสน จ, อนฺตโลปนิทฺเทโส วา เอส. โส เอเตสนฺติ อุทฺธมาฆาตนิกา. เอวํ สทฺทโต นิปฺผนฺนํ อตฺถโต เอว ทสฺเสตุํ ‘‘อุทฺธมาฆาตนา อตฺตานํ วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อาฆาตนา อุทฺธํ อุปริภูตํ อตฺตภาวนฺติ อตฺโถ. เต หิ ทิฏฺิคติกา ‘‘อุทฺธํ มรณโต อตฺตา นิพฺพิกาโร’’ติ วทนฺติ. ‘‘โส เอเตส’’นฺติอาทินา อสฺสตฺถิยตฺถํ ทสฺเสติ ยถา ‘‘พุทฺธมสฺส อตฺถีติ พุทฺโธ’’ติ. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – สฺีติ ปวตฺโต วาโท สฺี สหจรณาทินเยน, สฺี วาโท เอเตสนฺติ สฺีวาทา สมาสวเสน. สฺีวาโท เอว วาโท เอเตสนฺติ หิ อตฺโถ.
๗๖-๗๗. รูปี ¶ ¶ อตฺตาติ เอตฺถ กสิณรูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ รูปวินิมุตฺเตน อตฺตนา ภวิตพฺพํ ‘‘รูปมสฺส อตฺถี’’ติ วุตฺเต สฺาย วิย รูปสฺสาปิ อตฺตนิยตฺตา. น หิ ‘‘สฺี อตฺตา’’ติ เอตฺถ สฺา เอว อตฺตา, อถ โข ‘‘สฺา อสฺส อตฺถี’’ติ อตฺเถน อตฺตนิยาว, ตถา จ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ ปวตฺตสฺฺจสฺส ‘สฺา’ติ คเหตฺวา’’ติ? น โข ปเนตเมวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘รูปมสฺส อตฺถีติ รูปี’’ติ, อถ โข ‘‘รุปฺปนสีโล รูปี’’ติ. รุปฺปนฺเจตฺถ รูปสริกฺขตาย กสิณรูปสฺส วฑฺฒิตาวฑฺฒิตกาลวเสน วิเสสาปตฺติ. สา หิ ‘‘นตฺถี’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ ปริตฺตวิปุลตาทิวิเสสสพฺภาวโต. ยเทวํ สิยา ‘‘รุปฺปนสีโล รูปี’’ติ, อถ อิมสฺส วาทสฺส สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห น ยุชฺชติ รุปฺปนสีลสฺส เภทสพฺภาวโตติ? ยุชฺชเตว กายเภทโต อุทฺธํ ปริกปฺปิตสฺส อตฺตโน นิพฺพิการตาย เตน อธิปฺเปตตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อโรโค ปรํ มรณา’’ติ. อถ วา ‘‘รูปมสฺส อตฺถีติ รูปี’’ติ วุตฺเตปิ น โกจิ โทโส กปฺปนาสิทฺเธน เภเทน อเภทสฺสาปิ นิทฺเทสทสฺสนโต ยถา ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติ.
อปิจ อวยววเสน อวยวิโน ตถานิทฺเทสนิทสฺสนโต ยถา ‘‘กาเย กายานุปสฺสี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๙๐), รุปฺปนํ วา รูปํ, รูปสภาโว, ตทสฺส อตฺถีติ รูปี, อตฺตา ‘‘รูปิโน ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๑.ทุกมาติกา) วิย, เอวฺจ กตฺวา อตฺตโน รูปสภาวตฺตา ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ วจนํ ายาคตเมวาติ วุตฺตํ ‘‘กสิณรูปํ อตฺตา’’ติ. ‘‘คเหตฺวา’’ติ เอเตน เจตสฺส สมฺพนฺโธ. ตตฺถาติ กสิณรูเป. อสฺสาติ ปริกปฺปิตสฺส อตฺตโน, อาชีวกาทโย ตกฺกมตฺเตน ปฺเปนฺติ วิยาติ อตฺโถ. อาชีวกา หิ ตกฺกิกาเยว, น ลาภิโน. นิยตวาทิตาย หิ กมฺมผลปฏิกฺเขปโต นตฺถิ เตสํ ฌานสมาปตฺติลาโภ. ตถา หิกณฺหาภิชาติอาทีสุ กาฬกาทิรูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ เอกจฺเจ อาชีวกา ปฏิชานนฺติ. ปุริมนเยน เจตฺถ ลาภีนํ ทสฺเสติ, ปจฺฉิมนเยน ปน ตกฺกิกํ. เอวมีทิเสสุ. โรค-สทฺโท ภงฺคปริยาโย ภงฺคสฺสาปิ รุชฺชนภาวโต, เอวฺจ กตฺวา อโรค-สทฺทสฺส นิจฺจปริยายตา อุปปนฺนา โหติ, เตนาห ‘‘นิจฺโจ’’ติ. โรค-สทฺโท วา พฺยาธิปริยาโย. อโรโคติ ปน โรครหิตตาสีเสน นิพฺพิการตาย นิจฺจตํ ทิฏฺิคติโก ปฏิชานาตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘นิจฺโจ’’ติ วุตฺตํ ¶ . กสิณุคฺฆาฏิมากาสปมารุปฺปวิฺาณนตฺถิภาวากิฺจฺายตนานิ ยถารหมรูปสมาปตฺตินิมิตฺตํ นาม. นิมฺพปณฺเณ ตปฺปริมาโณ ติตฺตกรโส วิย สรีรปฺปริมาโณ อรูปี อตฺตา สรีเร ติฏฺตีติ ตกฺกมตฺเตเนว นิคณฺา ‘‘อรูปี อตฺตา สฺี’’ติ ปฺเปนฺตีติ อาห ‘‘นิคณฺาทโย วิยา’’ติ.
ตติยา ¶ ปนาติ ‘‘รูปี จ อรูปี จ อตฺตา’’ติ ลทฺธิ. มิสฺสกคาหวเสนาติ รูปารูปสมาปตฺตีนํ ยถาวุตฺตานิ นิมิตฺตานิ เอกชฺฌํ กตฺวา เอโกว ‘‘อตฺตา’’ติ, ตตฺถ ปวตฺตสฺฺจสฺส ‘‘สฺา’’ติ คหณวเสน. อยฺหิ ทิฏฺิคติโก รูปารูปสมาปตฺติลาภี ตาสํ นิมิตฺตํ รูปภาเวน, อรูปภาเวน จ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ‘‘รูปี จ อรูปี จา’’ติ อภินิเวสํ ชเนสิ อเถตวาทิโน วิย, ตกฺกมตฺเตเนว วา รูปารูปธมฺมานํ มิสฺสกคหณวเสน ‘‘รูปี จ อรูปี จ อตฺตา’’ติ อภินิวิสฺส อฏฺาสิ. จตุตฺถาติ ‘‘เนว อรูปี จ นารูปี จ อตฺตา’’ติ ลทฺธิ. ตกฺกคาเหเนวาติ สงฺขารเสสสุขุมภาวปฺปตฺตธมฺมา วิย อจฺจนฺตสุขุมภาวปฺปตฺติยา สกิจฺจสาธนาสมตฺถตาย ขมฺภกุจฺฉิ [ถมฺภกุฏฺฏ (ที. นิ. ฏี. ๑๗๖-๗๗)] หตฺถปาทาทิสงฺฆาโต วิย เนว รูปี, รูปสภาวานติวตฺตนโต น จ อรูปีติ เอวํ ปวตฺตตกฺกคาเหเนว.
อยํ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – เนวรูปี นารูปีติ เอตฺถ หิ อนฺตานนฺติกจตุตฺถวาเท วิย อฺมฺปฏิกฺเขปวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สติปิ จ ตติยวาเทน อิมสฺส สมานตฺถภาเว ตตฺถ เทสกาลเภทวเสน วิย อิธ กาลวตฺถุเภทวเสน ตติยจตุตฺถวาทานํ วิเสโส ทฏฺพฺโพ. กาลเภทวเสน หิ อิธ ตติยวาทสฺส ปวตฺติ รูปารูปนิมิตฺตานํ สหอนุปฏฺานโต. จตุตฺถวาทสฺส ปน วตฺถุเภทวเสน ปวตฺติ รูปารูปธมฺมสมูหภาวโตติ. ทุติยจตุกฺกํ อนฺตานนฺติกวาเท วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ สพฺพถา สทฺทตฺถโต สมานตฺถตฺตา. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตมฺปิ ‘‘อมติ คจฺฉติ ภาโว โอสานเมตฺถา’’ติอาทินา อมฺเหหิ วุตฺตเมว, เกวลํ ปน ตตฺถ ปุพฺพนฺตกปฺปนาวเสน ปวตฺโต, อิธ อปรนฺตกปฺปนาวเสนาติ อยํ วิเสโส ปากโฏเยว. กามฺจ นานตฺตสฺี อตฺตาติ อยมฺปิ วาโท สมาปนฺนกวเสน ลพฺภติ. อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ทิฏฺิคติกสฺส วเสน สฺาเภทสมฺภวโต. ตถาปิ สมาปตฺติยํ ¶ เอกรูเปเนว สฺาย อุปฏฺานโต ลาภีวเสน เอกตฺตสฺิตา สาติสยํ ยุตฺตาติ อาห ‘‘สมาปนฺนกวเสน เอกตฺตสฺี’’ติ. เอกสมาปตฺติลาภิโน เอว วา วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สติปิ จ สมาปตฺติเภทโต สฺาเภทสมฺภเว พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมเณเยว สฺานานตฺตสฺส โอฬาริกสฺส สมฺภวโต ตกฺกีวเสเนว นานตฺตสฺิตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสมาปนฺนกวเสน นานตฺตสฺี’’ติ วุตฺตํ. ปริตฺตกสิณวเสนาติ อวฑฺฒิตตฺตา อปฺปกกสิณวเสน, กสิณคฺคหณฺเจตฺถ สฺาย วิสยทสฺสนํ. วิสยวเสน หิ สฺาย ปริตฺตตา, อิมินา จ สติปิ สฺาวินิมุตฺตธมฺเม ‘‘สฺาเยว อตฺตา’’ติ วทตีติ ทสฺเสติ. เอส นโย วิปุลกสิณวเสนาติ เอตฺถาปิ. เอวฺจ กตฺวา อนฺตานนฺติกวาเท เจว อิธ จ อนฺตานนฺตจตุกฺเก ปมทุติยวาเทสุ สทฺทตฺถมตฺตโต สมาเนสุปิ สภาวโต เตหิ ทฺวีหิ วาเทหิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วาทานํ วิเสโส สิทฺโธ โหติ, อฺถา ¶ วุตฺตปฺปกาเรสุ วาเทสุ สติปิ ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปนเภทมตฺเตน เกหิจิ วิเสเส เกหิจิ อวิเสโสเยว สิยาติ.
อยํ ปน อฏฺกถามุตฺตโก นโย – ‘‘องฺคุฏฺปฺปมาโณ อตฺตา, อณุมตฺโต อตฺตา’’ติอาทิลทฺธิวเสน ปริตฺโต จ โส สฺี จาติ ปริตฺตสฺี กาปิลกาณาทปภุตโย [กปิลกณาทาทโย (ที. นิ. ฏี. ๑.๗๖-๗๗)] วิย. อตฺตโน สพฺพคตภาวปฏิชานนวเสน อปฺปมาโณ จ โส สฺี จาติ อปฺปมาณสฺีติ.
ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑตฺตา ยถากมฺมูปคาณสฺส ทิพฺพจกฺขุปภาวชนิเตน ยถากมฺมูปคาเณน ทิสฺสมานาปิ สตฺตานํ สุขาทิสมงฺคิตา ทิพฺพจกฺขุนาว ทิฏฺา นามาติ อาห ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติอาทิ. จตุกฺกนยํ, ปฺจกนยฺจ สนฺธาย ติกจตุกฺกชฺฌานภูมิย’’นฺติ วุตฺตํ. ทิฏฺิคติกวิสยาสุ หิ ปฺจโวการฌานภูมีสุ เวหปฺผลภูมึ เปตฺวา อวเสสา ยถารหํ จตุกฺกนเย ติกชฺฌานสฺส, ปฺจกนเย จ จตุกฺกชฺฌานสฺส วิปากฏฺานตฺตา ติกจตุกฺกชฺฌานภูมิโย นาม. สุทฺธาวาสา ปน เตสมวิสยา. นิพฺพตฺตมานนฺติ อุปฺปชฺชมานํ. นนุ จ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา’’ติอาทินา ปวตฺตวาทานํ อปรนฺตทิฏฺิภาวโต ‘‘นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺวา’’ติ ปจฺจุปฺปนฺนวจนํ อนุปปนฺนเมว สิยา. อนาคตวิสยา หิ เอเต วาทาติ? อุปปนฺนเมว อนาคตสฺส เอกนฺตสุขีภาวาทิกสฺส ปกปฺปนาย ¶ ปจฺจุปฺปนฺนนิพฺพตฺติทสฺสเนน อธิปฺเปตตฺตา. เตเนวาห ‘‘นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺวา ‘เอกนฺตสุขี’ติ คณฺหาตี’’ติ. เอตฺถ จ ตสฺสํ ตสฺสํ ภูมิยํ พาหุลฺเลน สุขาทิสหิตธมฺมปฺปวตฺติทสฺสนํ ปฏิจฺจ เตสํ ‘‘เอกนฺตสุขี’’ติอาทิคหณโต ตทนุรูปาเยว ภูมิ วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. สทฺทนฺตราภิสมฺพนฺธวเสน วิย หิ อตฺถปกรณาทิวเสนปิ อตฺถวิเสโส ลพฺภติ. ‘‘เอกนฺตสุขี’’ติอาทีสุ จ เอกนฺตภาโว พหุลํ ปวตฺติมตฺตํ ปติ ปยุตฺโต. ตถาปวตฺติมตฺตทสฺสเนน เตสํ เอวํ คหณโต. อถ วา หตฺถิทสฺสกอนฺธา วิย ทิฏฺิคติกา ยํ ยเทว ปสฺสนฺติ, ตํ ตเทว อภินิวิสฺส โวหรนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา อุทาเน ‘‘อฺติตฺถิยา ภิกฺขเว, ปริพฺพาชกา อนฺธา อจกฺขุกา’’ติอาทิ, (อุทา. ๕๕) ตสฺมา อลเมตฺถ ยุตฺติมคฺคนาติ. ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา ทิสฺวา’’ติ วุตฺตมตฺถํ สมตฺเถตุํ ‘‘วิเสสโต หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อสฺีเนวสฺีนาสฺีวาทวณฺณนา
๗๘-๘๓. อถ ¶ น โกจิ วิเสโส อตฺถีติ โจทนํ โสเธติ ‘‘เกวลฺหี’’ติอาทินา. ‘‘อสฺี’’ติ จ ‘‘เนวสฺีนาสฺี’’ติ จ คณฺหนฺตานํ ตา ทิฏฺิโยติ สมฺพนฺโธ. การณนฺติ วิเสสการณํ, ทิฏฺิสมุทาคมการณํ วา. สติปิ กิฺจิ การณปริเยสนสมฺภเว ทิฏฺิคติกวาทานํ อนาทริยภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘น เอกนฺเตน การณํ ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. กสฺมาติ อาห ‘‘ทิฏฺิคติกสฺสา’’ติอาทิ, เอเตน ปริเยสนกฺขมาภาวโตติ อปริเยสิตพฺพการณํ ทสฺเสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อสฺีวาเท อสฺีภเว นิพฺพตฺตสตฺตวเสน ปวตฺโต ปมวาโท, ‘‘สฺํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน สฺํเยว ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตสฺส กิฺจนภาเวน ิตาย อฺาย สฺาย อภาวโต ‘‘อสฺี’’ติ ปวตฺโต ทุติยวาโท, ตถา สฺาย สห รูปธมฺเม, สพฺเพ เอว วา รูปารูปธมฺเม ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ปวตฺโต ตติยวาโท, ตกฺกคาหวเสเนว จตุตฺถวาโท ปวตฺโต.
ทุติยจตุกฺเกปิ กสิณรูปสฺส อสฺชานนสภาวตาย อสฺีติ กตฺวา อนฺตานนฺติกวาเท วุตฺตนเยน จตฺตาโร วิกปฺปา ปวตฺตา. เนวสฺีนาสฺีวาเท ปน เนวสฺีนาสฺีภเว นิพฺพตฺตสตฺตสฺเสว จุติปฏิสนฺธีสุ ¶ , สพฺพตฺถ วา ปฏุสฺากิจฺจํ กาตุํ อสมตฺถาย สุขุมาย สฺาย อตฺถิภาวปฏิชานนวเสน ปมวาโท, อสฺีวาเท วุตฺตนเยน สุขุมาย สฺาย วเสน, สฺชานนสภาวตาปฏิชานนวเสน จ ทุติยวาทาทโย ปวตฺตาติ. เอวํ เกนจิ ปกาเรน สติปิ การณปริเยสนสมฺภเว ทิฏฺิคติกวาทานํ ปริเยสนกฺขมาภาวโต อาทรํ กตฺวา มหุสฺสาเหน เตสํ การณํ น ปริเยสิตพฺพนฺติ. เอเตสํ ปน สฺีอสฺีเนวสฺีนาสฺีวาทานํ สสฺสตทิฏฺิสงฺคโห ‘‘อโรโค ปรํ มรณา’’ติ วจนโต ปากโฏเยว.
อุจฺเฉทวาทวณฺณนา
๘๔. อวิชฺชมานสฺส วินาสาสมฺภวโต อตฺถิภาวเหตุโก อุจฺเฉโทติ ทสฺเสตุํ วิชฺชมานวาจเกน สนฺต-สทฺเทน ‘‘สโต’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘วิชฺชมานสฺสา’’ติ. วิชฺชมานตาปยุตฺโต เจส ทิฏฺิคติกวาทวิสโย สตฺโตเยว อิธ อธิปฺเปโตติ ทสฺสนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘สตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตํ, เตน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – ยถา เหตุผลภาเวน ปวตฺตมานานํ สภาวธมฺมานํ สติปิ เอกสนฺตานปริยาปนฺนานํ ภินฺนสนฺตติปติเตหิ วิเสเส เหตุผลภูตานํ ปรมตฺถโต ภินฺนสภาวตฺตา ¶ ภินฺนสนฺตานปติตานํ วิย อจฺจนฺตํ เภทสนฺนิฏฺาเนน นานตฺตนยสฺส มิจฺฉาคหณํ อุจฺเฉทาภินิเวสสฺส การณํ, เอวํ เหตุผลภูตานํ วิชฺชมาเนปิ สภาวเภเท เอกสนฺตติปริยาปนฺนตาย เอกตฺตนเยน อจฺจนฺตมเภทคหณมฺปิ การณเมวาติ. สนฺตานวเสน หิ ปวตฺตมาเนสุ ขนฺเธสุ ฆนวินิพฺโภคาภาเวน เตสํ อิธ สตฺตคาโห, สตฺตสฺส จ อตฺถิภาวคาหเหตุโก อุจฺเฉทวาโท, อนุปุพฺพนิโรธวเสน ปน นิรนฺตรวินาโส อิธ ‘‘อุจฺเฉโท’’ติ อธิปฺเปโต ยาวายํ อตฺตา อุจฺฉิชฺชมาโน ภวติ, ตาวายํ วิชฺชติเยวาติ คหณโตติ อาห ‘‘อุปจฺเฉท’’นฺติ. อุ-สทฺโท หิ อุป-สทฺทปริยาโย, โส จ อุปสงฺกมนตฺโถ, อุปสงฺกมนฺเจตฺถ อนุปุพฺพมุปฺปชฺชิตฺวา อปราปรํ นิโรธวเสน นิรนฺตรตา. อปิจ ปุนานุปฺปชฺชมานวเสน นิรุทยวินาโสเยว อุจฺเฉโท นาม ยถาวุตฺตนเยน คหณโตติ อาห ‘‘อุปจฺเฉท’’นฺติ. อุ-สทฺโท, หิ อุป-สทฺโท จ เอตฺถ อุปริภาคตฺโถ. นิรุทฺธโต ปรภาโค จ อิธ อุปริภาโคติ วุจฺจติ.
นิรนฺตรวเสน ¶ , นิรุทยวเสน วา วิเสเสน นาโส วินาโส, โส ปน มํสจกฺขุปฺาจกฺขูนํ ทสฺสนปถาติกฺกมนโต อทสฺสนเมวาติ อาห ‘‘อทสฺสน’’นฺติ. อทสฺสเน หิ นาส-สทฺโท โลเก นิรุฬฺโห ‘‘ทฺเว จาปเร วณฺณวิการนาสา’’ติอาทีสุ (กาสิกา ๖-๓-๑๐๙ สุตฺตํ ปสฺสิตพฺพํ) วิย. ภาววิคมนฺติ สภาวาปคมํ. ยถาธมฺมํ ภวนํ ภาโวติ หิ อตฺเถน อิธ ภาว-สทฺโท สภาววาจโก. โย ปน นิรนฺตรํ นิรุทยวินาสวเสน อุจฺฉิชฺชติ, โส อตฺตโน สภาเวน าตุมสกฺกุเณยฺยตาย ‘‘ภาวาปคโม’’ติ วุจฺจติ. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา อุจฺเฉทวาทสฺส ยถาปาํ สมุทาคมํ นิทสฺสนมตฺเตน ทสฺเสติ, เตน วกฺขติ ‘‘ตถา จ อฺถา จ วิกปฺเปตฺวาวา’’ติ. ตตฺถาติ ‘‘สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปนฺตี’’ติ วจเน. ลาภีติ ทิพฺพจกฺขุาณลาภี. ตทวเสสลาภี เจว สพฺพโส อลาภี จ อิธ อปรนฺตกปฺปิกฏฺาเน ‘‘อลาภี’’ ตฺเวว วุจฺจติ.
จุตินฺติ เสกฺขปุถุชฺชนานมฺปิ จุติเมว. เอส นโย จุติมตฺตเมวาติ เอตฺถาปิ. อุปปตฺตึ อปสฺสนฺโตติ ทฏฺุํ สมตฺเถปิ สติ อโนโลกนวเสน อปสฺสนฺโต. น อุปปาตนฺติ ปุพฺพโยคาภาเวน, ปริกมฺมากรเณน วา อุปปตฺตึ ทฏฺุํ น สกฺโกติ, เอวฺจ กตฺวา นยทฺวเย วิเสโส ปากโฏ โหติ. โก ปรโลกํ ชานาติ, น ชานาติเยวาติ นตฺถิกวาทวเสน อุจฺเฉทํ คณฺหาตีติ สห ปาเสเสน สมฺพนฺโธ, นตฺถิกวาทวเสน มหามูฬฺหภาเวเนว ‘‘อิโต อฺโ ปรโลโก อตฺถี’’ติ อนวโพธนโต อิมํ ทิฏฺึ คณฺหาตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘เอตฺตโกเยว วิสโย, ยฺวายํ อินฺทฺริยโคจโร’’ติ อตฺตโน ธีตุยา หตฺถคฺคณฺหนกราชา วิย กามสุขาภิรตฺตตายปิ คณฺหาตีติ อาห ‘‘กามสุขคิทฺธตาย วา’’ติ. วณฺฏโต ปติตปณฺณานํ วณฺเฏน อปฏิสนฺธิกภาวํ ¶ สนฺธาย ‘‘น ปุน วิรุหนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เอวเมว สตฺตาติ ยถา ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปวุตฺโต ปุน น ปฏิสนฺธียติ, เอวเมว สพฺเพปิ สตฺตา อปฺปฏิสนฺธิกา มรณปริโยสานา อโปโนพฺภวิกา อปฺปฏิสนฺธิกมรณเมว นิคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อุทกปุพฺพุฬกูปมา หิ สตฺตา ปุน อนุปฺปชฺชมานโตติ ตสฺส ลทฺธิ. ตถาติ ‘‘ลาภี อนุสฺสรนฺโต’’ติอาทินา [อรหโต (อฏฺ)] นิทสฺสนวเสน วุตฺตปฺปกาเรน. อฺถาติ ตกฺกนสฺส อเนกปฺปการสมฺภวโต ตโต อฺเนปิ ปกาเรน. ลาภิโนปิ จุติโต ¶ อุทฺธํ อุปปาตสฺส อทสฺสนมตฺตํ ปติ ตกฺกเนเนว อิมา ทิฏฺิโย อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘วิกปฺเปตฺวาวา’’ติ. ตถา จ วิกปฺเปตฺวาว อุปฺปนฺนา อฺถา จ วิกปฺเปตฺวาว อุปฺปนฺนาติ หิ สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ‘‘ทฺเว ชนา’’ติอาทินา อุจฺเฉทคฺคาหกปฺปเภททสฺสเนน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. ยถา อมราวิกฺเขปิกวาทา เอกนฺตอลาภีวเสเนว เทสิตา, ยถา จ อุทฺธมาฆาตนิกสฺีวาเท จตุตฺถจตุกฺเก สฺีวาทา เอกนฺตลาภีวเสเนว เทสิตา, นยิเม. อิเม ปน สสฺสเตกจฺจสสฺสตวาทาทโย วิย ลาภีอลาภีวเสเนว เทสิตาติ. ยเทวํ กสฺมา สสฺสตวาทาทีสุ วิย ลาภีวเสน, ตกฺกีวเสน จ ปจฺเจกํ เทสนมกตฺวา สสฺสตวาทาทิเทสนาหิ อฺถา อิธ เทสนา กตาติ? วุจฺจเต – เทสนาวิลาสปฺปตฺติโต. เทสนาวิลาสปฺปตฺตา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เต เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิวิเธนากาเรน ธมฺมํ เทเสนฺติ, น อฺถา. ยทิ หิ อิธาปิ จ ตถาเทสนาย นิพนฺธนภูโต เวเนยฺยชฺฌาสโย ภเวยฺย, ตถารูปเมว ภควา วเทยฺย, กถํ? ‘‘อิธ ภิกฺขเว, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อาตปฺปมนฺวาย…เป… ยถา สมาหิเต จิตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมติ, โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน อรหโต จุติจิตฺตํ ปสฺสติ, ปุถูนํ วา ปรสตฺตานํ, น เหว โข ตทุทฺธํ อุปปตฺตึ. โส เอวมาห ‘ยโต โข โภ อยํ อตฺตา รูปี จาตุมหาภูติโก มาตาเปตฺติกสมฺภโว กายสฺส ภโท อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ, น โหติ ปรํ มรณา’ติอาทินา’’ วิเสสลาภิโน, ตกฺกิโน จ วิสุํ กตฺวา. ยสฺมา ปน ตถาเทสนาย นิพนฺธนภูโต เวเนยฺยชฺฌาสโย น อิธ ภวติ, ตสฺมา เทสนาวิลาเสน เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ สสฺสตวาทาทิเทสนาหิ อฺถาเยวายํ เทสนา กตาติ ทฏฺพฺพํ.
อถ วา สสฺสเตกจฺจสสฺสตวาทาทีสุ วิย น อิธ ตกฺกีวาทโต วิเสสลาภีวาโท ภินฺนากาโร, อถ โข สมานปฺปการตาย สมานากาโรเยวาติ อิมสฺส วิเสสสฺส ปกาสนตฺถํ อยมุจฺเฉทวาโท ภควตา ปุริมวาเทหิ วิสิฏฺาการภาเวน เทสิโต. สมฺภวติ หิ อิธ ตกฺกิโนปิ อนุสฺสวาทิวเสน อธิคมวโต วิย อภินิเวโส. อปิจ น อิมา ทิฏฺิโย ภควตา อนาคเต เอวํภาวีวเสน ¶ เทสิตา, นาปิ เอวเมเต ภเวยฺยุนฺติ ปริกปฺปนาวเสน, อถ โข ¶ ยถา ยถา ทิฏฺิคติเกหิ ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗, ๒๐๓, ๔๒๗; ๓.๒๗, ๒๘; อุทา. ๕๕) มฺิตา, ตถา ตถาเยว อิเม ทิฏฺิคตา ยถาภุจฺจํ สพฺพฺุตฺาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปกาสิตา, เยหิ คมฺภีราทิปฺปการา อปุถุชฺชนโคจรา พุทฺธธมฺมา ปกาสนฺติ, เยสฺจ ปริกิตฺตเนน ตถาคตา สมฺมเทว โถมิตา โหนฺติ.
อปโร นโย – ยถา อุจฺเฉทวาทีหิ ทิฏฺิคติเกหิ อุตฺตรุตฺตรภวทสฺสีหิ อปรภวทสฺสีนํ เตสํ วาทปฏิเสธวเสน สกสกวาทา ปติฏฺาปิตา, ตถาเยวายํ เทสนา กตาติ ปุริมเทสนาหิ อิมิสฺสา เทสนาย ปวตฺติเภโท น โจเทตพฺโพ, เอวฺจ กตฺวา อรูปภวเภทวเสน อุจฺเฉทวาโท จตุธา วิภชิตฺวา วิย กามรูปภวเภทวเสนาปิ อเนกธา วิภชิตฺวาเยว วตฺตพฺโพ, เอวํ สติ ภควตา วุตฺตสตฺตกโต พหุตรเภโท อุจฺเฉทวาโท อาปชฺชตีติ, อถ วา ปจฺเจกํ กามรูปภวเภทวเสน วิย อรูปภววเสนาปิ น วิภชิตฺวา วตฺตพฺโพ, เอวมฺปิ สติ ภควตา วุตฺตสตฺตกโต อปฺปตรเภโทว อุจฺเฉทวาโท อาปชฺชตีติ จ เอวํปการาปิ โจทนา อนวกาสา เอว โหติ. ทิฏฺิคติกานฺหิ ยถาภิมตํ เทสนา ปวตฺตาติ.
๘๕. มาตาปิตูนํ เอตนฺติ ตํสมฺพนฺธนโต เอตํ มาตาปิตูนํ สนฺตกนฺติ อตฺโถ. สุกฺกโสณิตนฺติ ปิตุ สุกฺกํ, มาตุ โสณิตฺจ, อุภินฺนํ วา สุกฺกสงฺขาตํ โสณิตํ. มาตาเปตฺติเกติ นิมิตฺเต เจตํ ภุมฺมํ. อิตีติ อิเมหิ ตีหิ ปเทหิ. ‘‘รูปกายวเสนา’’ติ อวตฺวา ‘‘รูปกายสีเสนา’’ติ วทนฺโต อรูปมฺปิ เตสํ ‘‘อตฺตา’’ติ คหณํ าเปติ. อิมินา ปกาเรน อิตฺถนฺติ อาห ‘‘เอวเมเก’’ติ. เอวํ-สทฺโท เหตฺถ อิทมตฺโถ, อิมินา ปกาเรนาติ อตฺโถ. เอเกติ เอกจฺเจ, อฺเ วา.
๘๖. มนุสฺสานํ ปุพฺเพ คหิตตฺตา, อฺเสฺจ อสมฺภวโต ‘‘กามาวจโร’’ติ เอตฺถ ฉกามาวจรเทวปริยาปนฺโนติ อตฺโถ. กพฬีกาโร เจตฺถ ยถาวุตฺตสุธาหาโร.
๘๗. ฌานมเนน ¶ นิพฺพตฺโตติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. มหาวยโว องฺโค, ตตฺถ วิสุํ ปวตฺโต ปจฺจงฺโค, สพฺเพหิ องฺคปจฺจงฺเคหิ ยุตฺโต ตถา. เตสนฺติ จกฺขุโสตินฺทฺริยานํ. อิตเรสนฺติ ฆานชิวฺหากายินฺทฺริยานํ. เตสมฺปิ อินฺทฺริยานํ สณฺานํ ปุริสเวสวเสเนว เวทิตพฺพํ. ตถา หิ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ‘‘สมาเนปิ ตตฺถ อุภยลิงฺคาภาเว ปุริสสณฺานาว ตตฺถ พฺรหฺมาโน, น อิตฺถิสณฺานา’’ติ.
๘๘-๙๒. อากาสานฺจายตน-สทฺโท ¶ อิธ ภเวเยวาติ อาห ‘‘อากาสานฺจายตนภว’’นฺติ. เอตฺถาห – ยุตฺตํ ตาว ปุริเมสุ ตีสุ วาเทสุ ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ วตฺตุํ ปฺจโวการภวปริยาปนฺนํ อตฺตภาวมารพฺภ ปวตฺตตฺตา เตสํ วาทานํ, จตุโวการภวปริยาปนฺนํ ปน อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปวตฺเตสุ จตุตฺถาทีสุ จตูสุ วาเทสุ กสฺมา ‘‘กายสฺส เภทา’’ติ วุตฺตํ. น หิ อรูปีนํ กาโย วิชฺชติ. โย เภโทติ วุจฺเจยฺยาติ? สจฺจเมตํ, รูปตฺตภาเว ปน ปวตฺตโวหาเรเนว ทิฏฺิคติโก อรูปตฺตภาเวปิ กายโวหารํ อาโรเปตฺวา เอวมาห. โลกสฺมิฺหิ ทิสฺสติ อฺตฺถภูโตปิ โวหาโร ตทฺตฺถสมาโรปิโต ยถา ตํ ‘‘สสวิสาณํ, ขํ ปุปฺผ’’นฺติ. ยถา จ ทิฏฺิคติกา ทิฏฺิโย ปฺเปนฺติ, ตถาเยว ภควาปิ เทเสตีติ. อปิจ นามกายภาวโต ผสฺสาทิธมฺมสมูหภูเต อรูปตฺตภาเว กายนิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ. สมูหฏฺเนปิ หิ ‘‘กาโย’’ติ วุจฺจติ ‘‘หตฺถิกาโย อสฺสกาโย’’ติอาทีสุ วิย. เอตฺถ จ กามาวจรเทวตฺตภาวาทินิรวเสสวิภวปติฏฺาปกานํ ทุติยาทิวาทานํ อปรนฺตกปฺปิกภาโว ยุตฺโต โหตุ อนาคตทฺธวิสยตฺตา เตสํ วาทานํ, กถํ ปน ทิฏฺิคติกสฺส ปจฺจกฺขภูตมนุสฺสตฺตภาวาปคมปติฏฺาปกสฺส ปมวาทสฺส อปรนฺตกปฺปิกภาโว ยุชฺเชยฺย ปจฺจุปฺปนฺนทฺธวิสยตฺตา ตสฺส วาทสฺส. ทุติยวาทาทีนฺหิ ปุริมปุริมวาทสงฺคหิตสฺเสว อตฺตโน อนาคเต ตทุตฺตริภวูปปนฺนสฺส สมุจฺเฉทโพธนโต ยุชฺชติ อปรนฺตกปฺปิกตา, ตถา เจว วุตฺตํ ‘‘โน จ โข โภ อยํ อตฺตา เอตฺตาวตา สมฺมา สมุจฺฉินฺโน โหตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๘๕) ยํ ปน ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘อตฺถิ โข โภ อฺโ อตฺตา’’ติ, (ที. นิ. ๑.๘๗) ตํ มนุสฺสตฺตภาวาทิเหฏฺิมตฺตภาววิเสสาเปกฺขาย วุตฺตํ, น สพฺพถา อฺภาวโต. ปมวาทสฺส ปน อนาคเต ตทุตฺตริภวูปปนฺนสฺส อตฺตโน สมุจฺเฉทโพธนาภาวโต ¶ , ‘‘อตฺถิ โข โภ อฺโ อตฺตา’’ติ เอตฺถ อฺภาเวน อคฺคหณโต จ น ยุชฺชเตว อปรนฺตกปฺปิกตาติ? โน น ยุชฺชติ อิธโลกปริยาปนฺนตฺเตปิ ปมวาทวิสยสฺส อนาคตกาลิกสฺเสว เตน อธิปฺเปตตฺตา. ปมวาทินาปิ หิ อิธโลกปริยาปนฺนสฺส อตฺตโน ปรํ มรณา อุจฺเฉโท อนาคตกาลวเสเนว อธิปฺเปโต, ตสฺมา จสฺส อปรนฺตกปฺปิกตาย น โกจิ วิโรโธติ.
ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทวณฺณนา
๙๓. าเณน ทฏฺพฺโพติ ทิฏฺโ, ทิฏฺโ จ โส สภาวฏฺเน ธมฺโม จาติ ทิฏฺธมฺโม, ทสฺสนภูเตน าเณน อุปลทฺธสภาโวติ อตฺโถ. โส ปน อกฺขานมินฺทฺริยานํ อภิมุขีภูโต วิสโยเยวาติ วุตฺตํ ‘‘ปจฺจกฺขธมฺโม วุจฺจตี’’ติ. ตตฺถ โย อนินฺทฺริยวิสโย, โสปิ สุปากฏภาเวน อินฺทฺริยวิสโย วิย โหตีติ กตฺวา ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ, เตเนวาห ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ¶ ปฏิลทฺธตฺตภาวสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ, ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ยถากมฺมํ ปฏิลภิตพฺพตฺตภาวสฺส วาจกํ ปทํ, นามนฺติ วา อตฺโถ. นิพฺพานฺเจตฺถ ทุกฺขวูปสมนเมว, น อคฺคผลํ, น จ อสงฺขตธาตุ เตสมวิสยตฺตาติ อาห ‘‘ทุกฺขวูปสมน’’นฺติ. ทิฏฺธมฺมนิพฺพาเน ปวตฺโต วาโท เอเตสนฺติ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติปิ ยุชฺชติ.
๙๔. กามนียตฺตา กามา จ เต อเนกาวยวานํ สมูหภาวโต สตฺตานฺจ พนฺธนโต คุณา จาติ กามคุณาติ อตฺถํ สนฺธายาห ‘‘มนาปิยรูปาทีหี’’ติอาทิ. ยาว โผฏฺพฺพารมฺมณฺเจตฺถ อาทิ-สทฺเทน สงฺคณฺหาติ. สุฏฺุ อปฺปิโตติ สมฺมา ปิโต. ปนา เจตฺถ อลฺลียนาติ อาห ‘‘อลฺลีโน’’ติ. ปริโต ตตฺถ ตตฺถ กามคุเณสุ ยถาสกํ อินฺทฺริยานิ จาเรติ โคจรํ คณฺหาเปตีติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตสู’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตนาห ‘‘อิโต จิโต จ อุปเนตี’’ติ. ปริ-สทฺทวิสิฏฺโ วา อิธ จร-สทฺโท กีฬายนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปลฬตี’’ติอาทิ [ลฬติ (อฏฺกถายํ)]. ปลฬตีติ หิ ปกาเรน ลฬติ, วิลาสํ กโรตีติ อตฺโถ. ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทินา อุตฺตมกามคุณิกานเมว ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ ปฺเปนฺตีติ ทสฺเสติ. มนฺธาตุมหาราชวสวตฺตีเทวราชกามคุณา หิ อุตฺตมตาย นิทสฺสิตา, กสฺมาติ อาห ‘‘เอวรูเป’’ติอาทิ.
๙๕. อฺถาภาวาติ ¶ การเณ นิสฺสกฺกวจนํ. วุตฺตนเยนาติ สุตฺตปเทสุ เทสิตนเยน, เอเตน โสกาทีนมุปฺปชฺชนาการํ ทสฺเสติ. าติโภคโรคสีลทิฏฺิพฺยสเนหิ ผุฏฺสฺส เจตโส อพฺภนฺตรํ นิชฺฌายนํ โสจนํ อนฺโตนิชฺฌายนํ, ตเทว ลกฺขณเมตสฺสาติ อนฺโตนิชฺฌายนลกฺขโณ. ตสฺมึ โสเก สมุฏฺานเหตุภูเต นิสฺสิตํ ตนฺนิสฺสิตํ. ภุสํ วิลปนํ ลาลปฺปนํ, ตนฺนิสฺสิตเมว ลาลปฺปนํ, ตเทว ลกฺขณมสฺสาติ ตนฺนิสฺสิตลาลปฺปนลกฺขโณ. ปสาทสงฺขาเต กาเย นิสฺสิตสฺส ทุกฺขสหคตกายวิฺาณสฺส ปฏิปีฬนํ กายปฏิปีฬนํ, สสมฺภารกถนํ วา เอตํ ยถา ‘‘ธนุนา วิชฺฌตี’’ติ ตทุปนิสฺสยสฺส วา อนิฏฺรูปสฺส ปจฺฉา ปวตฺตนโต ‘‘รูปกายสฺส ปฏิปีฬน’’นฺติปิ วฏฺฏติ. ปฏิฆสมฺปยุตฺตสฺส มนโส วิเหสนํ มโนวิฆาตํ. ตเทว ลกฺขณมสฺสาติ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. าติพฺยสนาทินา ผุฏฺสฺส ปริเทวนายปิ อสกฺกุณนฺตสฺส อนฺโตคตโสกสมุฏฺิโต ภุโส อายาโส อุปายาโส. โส ปน เจตโส อปฺปสนฺนากาโร เอวาติ อาห ‘‘วิสาทลกฺขโณ’’ติ. สาทนํ ปสาทนํ สาโท, ปสนฺนตา. อนุปสคฺโคปิ หิ สทฺโท สอุปสคฺโค วิย ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส โพธโก ยถา ‘‘โคตฺรภู’’ติ. เอวํ สพฺพตฺถ. ตโต วิคมนํ วิสาโท, อปฺปสนฺนภาโว.
๙๖. วิตกฺกนํ ¶ วิตกฺกิตํ, ตํ ปนตฺถโต วิตกฺโกว, ตถา วิจาริตนฺติ เอตฺถาปิ, เตน วุตฺตํ ‘‘อภินิโรปนวเสน ปวตฺโต วิตกฺโก’’ติอาทิ. เอเตนาติ วิตกฺกวิจาเร ปรามสิตฺวา กรณนิทฺเทโส, เหตุนิทฺเทโส วา. เตเนตมตฺถํ ทีเปติ ‘‘โขภกรสภาวตฺตา วิตกฺกวิจารานํ ตํสหิตมฺปิ ฌานํ เตหิ สอุปฺปีฬนํ วิย โหตี’’ติ, เตนาห ‘‘สกณฺฏกํ [ภกณฺฑกํ (อฏฺกถายํ)] วิย ขายตี’’ติ. โอฬาริกภาโว หิ วิตกฺกวิจารสงฺขาเตน กณฺฏเกน สห ปวตฺตกถา. กณฺฏกสหิตภาโว จ สอุปฺปีฬนตา เอว, โลเก หิ สกณฺฏกํ ผรุสกํ โอฬาริกนฺติ วทนฺติ.
๙๗. ปีติคตํ ปีติเยว ‘‘ทิฏฺิคต’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๓๘๑; มหานิ. ๑๒) วิย คต-สทฺทสฺส ตพฺภาววุตฺติโต. อยฺหิ สํวณฺณกานํ ปกติ, ยทิทํ อนตฺถกปทํ, ตุลฺยาธิกรณปทฺจ เปตฺวา อตฺถวณฺณนา. ตถา หิ ตตฺถ ตตฺถ ทิสฺสติ. ‘‘โยปนาติ ¶ โย ยาทิโส, (ปารา. ๔๕) นิพฺพานธาตูติ นิพฺพายนมตฺต’’นฺติ จ อาทิ. ยาย นิมิตฺตภูตาย อุพฺพิลาวนปีติยา อุปฺปนฺนาย จิตฺตํ อุพฺพิลาวิตํ นาม, สาเยว อุพฺพิลาวิตตฺตํ ภาววาจกสฺส นิมิตฺเต ปวตฺตนโต. อิติ ปีติยา อุปฺปนฺนาย เอว จิตฺตสฺส อุพฺพิลาวนโต ตสฺส อุพฺพิลาวิตภาโว ปีติยา กโต นามาติ อาห ‘‘อุพฺพิลภาวกรณ’’นฺติ.
๙๘. อาภุชนํ มนสิกรณํ อาโภโค. สมฺมา อนุกฺกเมน, ปุนปฺปุนํ วา อารมฺมณสฺส อาหาโร สมนฺนาหาโร. อยํ ปน ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๙๘) วุตฺตนโย – จิตฺตสฺส อาภุคฺคภาโว อารมฺมเณ อภินตภาโว อาโภโค. สุเขน หิ จิตฺตํ อารมฺมเณ อภินตํ โหติ, น ทุกฺเขน วิย อปนตํ, นาปิ อทุกฺขมสุเขน วิย อนภินตํ, อนปนตฺจาติ. เอตฺถ จ ‘‘มนฺุโภชนาทีสุ ขุปฺปิปาสาทิอภิภูตสฺส วิย กาเมหิ วิเวจิยมานสฺส อุปาทารมฺมณปตฺถนาวิเสสโต อภิวฑฺฒติ, มนฺุโภชนํ ภุตฺตาวิโน วิย ปน อุฬารกามรสสฺส ยาวทตฺถํ นิจิตสฺส สหิตสฺส ภุตฺตกามตาย กาเมสุ ปาตพฺยตา น โหติ, วิสยานภิคิทฺธนโต วิสเยหิ ทุมฺโมจิเยหิ ชลูกา วิย สยเมว มุจฺจตี’’ติ จ อโยนิโส อุมฺมุชฺชิตฺวา กามคุณสนฺตปฺปิตตาย สํสารทุกฺขวูปสมํ พฺยากาสิ ปมวาที. กามาทีนํ อาทีนวทสฺสิตาย, ปมาทิฌานสุขสฺส สนฺตภาวทสฺสิตาย จ ปมาทิฌานสุขติตฺติยา สํสารทุกฺขุปจฺเฉทํ พฺยากํสุ ทุติยาทิวาทิโน. อิธาปิ อุจฺเฉทวาเทว วุตฺตปฺปกาโร วิจาโร ยถาสมฺภวํ อาเนตฺวา วตฺตพฺโพ. อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – เอกสฺมิมฺปิ อตฺตภาเว ปฺจ วาทา ลพฺภนฺติ. ปมวาเท ยทิ กามคุณสมปฺปิโต อตฺตา, เอวํ โส ทิฏฺธมฺมนิพฺพานปฺปตฺโต. ทุติยาทิวาเทสุ ยทิ ปมวาทสงฺคหิโต โสเยว อตฺตา ปมชฺฌานาทิสมงฺคี ¶ , เอวํ สติ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานปฺปตฺโตติ. เตเนว หิ อุจฺเฉทวาเท วิย อิธ ปาฬิยํ ‘‘อฺโ อตฺตา’’ติ อฺคฺคหณํ น กตํ. กถํ ปน อจฺจนฺตนิพฺพานปฺาปกสฺส อตฺตโน ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทสฺส สสฺสตทิฏฺิยา สงฺคโห, น อุจฺเฉททิฏฺิยาติ? ตํตํสุขวิเสสสมงฺคิตาปฏิลทฺเธน พนฺธวิโมกฺเขน สุทฺธสฺส อตฺตโน สกรูเปเนว อวฏฺานทีปนโต. เตสฺหิ ตถาปฏิลทฺเธน กมฺมพนฺธวิโมกฺเขน สุทฺโธ หุตฺวา ทิฏฺธมฺมนิพฺพานปฺปตฺโต อตฺตา สกรูเปเนว อวฏฺาสีติ ลทฺธิ. ตถา หิ ปาฬิยํ ‘‘เอตฺตาวตา โข โภ ¶ อยํ อตฺตา ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ ปตฺโต โหตี’’ติ สสฺสตภาวาปกจฺฉายาย เอว เตสํ วาททสฺสนํ กตนฺติ.
‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทินา ปาฬิยตฺถสมฺปิณฺฑนํ. ตตฺถ ยาสนฺติ ยถาวุตฺตานํ ทิฏฺีนํ อนิยมนิทฺเทสวจนํ. ตสฺส อิมา ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย กถิตาติ นิยมนํ, นิยตานเปกฺขวจนํ วา เอตํ ‘‘ยํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ อาคตฏฺาเน วิย. เสสาติ ปฺจปฺาส ทิฏฺิโย. ตาสุ อนฺตานนฺติกวาทาทีนํ สสฺสตทิฏฺิสงฺคหภาโว ตตฺถ ตตฺถ ปกาสิโตเยว. กึ ปเนตฺถ การณํ, ปุพฺพนฺตาปรนฺตา เอว ทิฏฺาภินิเวสสฺส วิสยภาเวน ทสฺสิตา, น ปน ตทุภยเมกชฺฌนฺติ? อสมฺภโว เอเวตฺถ การณํ. น หิ ปุพฺพนฺตาปรนฺเตสุ วิย ตทุภยวินิมุตฺเต มชฺฌนฺเต ทิฏฺิกปฺปนา สมฺภวติ ตทุภยนฺตรมตฺเตน อิตฺตรกาลตฺตา. อถ ปน ปจฺจุปฺปนฺนตฺตภาโว ตทุภยเวมชฺฌํ, เอวํ สติ ทิฏฺิกปฺปนากฺขโม ตสฺส อุภยสภาโว ปุพฺพนฺตาปรนฺเตสุเยว อนฺโตคโธติ กถํ ตทุภยเมกชฺฌํ อทสฺสิตํ สิยา. อถ วา ปุพฺพนฺตาปรนฺตวนฺตตาย ‘‘ปุพฺพนฺตาปรนฺโต’’ติ มชฺฌนฺโต วุจฺจติ, โสปิ ‘‘ปุพฺพนฺตกปฺปิกา จ อปรนฺตกปฺปิกา จ ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกา จา’’ติ อุปริ วทนฺเตน ภควตา ปุพฺพนฺตาปรนฺเตหิ วิสุํ กตฺวา วุตฺโตเยวาติ ทฏฺพฺโพ. อฏฺกถายมฺปิ ‘‘สพฺเพปิ เต ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิเก’’ติ เอเตน สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสเสน วา สงฺคหิโตติ เวทิตพฺพํ. อฺถา หิ สงฺกฑฺฒิตฺวา วุตฺตวจนสฺส นิรวเสสสงฺกฑฺฒนาภาวโต อนตฺถกตา อาปชฺเชยฺยาติ. เก ปน เต ปุพฺพนฺตาปรนฺตกปฺปิกาติ? เย อนฺตานนฺติกา หุตฺวา ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ เอวมาทินา อุภยสมฺพนฺธาภินิเวสิโน เวทิตพฺพา.
๑๐๐-๑๐๔. ‘‘อิทานี’’ติอาทินา อปฺปนาวจนทฺวยสฺส วิเสสํ ทสฺเสติ. ตตฺถ เอกชฺฌนฺติ ราสิกรณตฺเถ นิปาโต. เอกธา กโรตีติ เอกชฺฌนฺติปิ เนรุตฺติกา, ภาวนปุํสกฺเจตํ. อิติ-สทฺโท อิทมตฺโถ, อิมินา ปกาเรน ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชสีติ อตฺโถ. อชฺฌาสยนฺติ ¶ สสฺสตุจฺเฉทวเสน ทิฏฺิชฺฌาสยํ. ตทุภยวเสน หิ สตฺตานํ สํกิเลสปกฺเข ทุวิโธ อชฺฌาสโย. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิ จ, ขนฺติ เจวานุโลมิกา;
ยถาภูตฺจ ยํ าณํ, เอตํ อาสยสทฺทิต’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๓๖; ที. นิ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา; สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา, เวรชฺชกณฺฑวณฺณนา; วิ. วิ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนาปิ ปสฺสิตพฺพํ);
ตฺจ ¶ ภควา อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ อปริมาเณ เอว เยฺยวิเสเส อุปฺปชฺชนวเสน อเนกเภทภินฺนมฺปิ ‘‘จตฺตาโร ชนา สสฺสตวาทา’’ติอาทินา ทฺวาสฏฺิยา ปเภเทหิ สงฺคณฺหนวเสน สพฺพฺุตฺาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ทสฺเสนฺโต ปมาณภูตาย ตุลาย ธารยมาโน วิย โหตีติ อาห ‘‘ตุลาย ตุลยนฺโต วิยา’’ติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อนฺโตชาลีกตา’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๖) ‘‘สิเนรุปาทโต วาลุกํ อุทฺธรนฺโต วิยา’’ติ ปน เอเตน สพฺพฺุตฺาณโต อฺสฺส าณสฺส อิมิสฺสา เทสนาย อสกฺกุเณยฺยตํ ทสฺเสติ ปรมคมฺภีรตาวจนโต.
เอตฺถ จ ‘‘สพฺเพ เต อิเมเหว ทฺวาสฏฺิยา วตฺถูหิ, เอเตสํ วา อฺตเรน, นตฺถิ อิโต พหิทฺธา’’ติ วจนโต, ปุพฺพนฺตกปฺปิกาทิตฺตยวินิมุตฺตสฺส จ กสฺสจิ ทิฏฺิคติกสฺส อภาวโต ยานิ ตานิ สามฺผลาทิสุตฺตนฺตเรสุ วุตฺตปฺปการานิ อกิริยาเหตุกนตฺถิกวาทาทีนิ, ยานิ จ อิสฺสรปกติปชาปติปุริสกาลสภาวนิยติยทิจฺฉาวาทาทิปฺปเภทานิ ทิฏฺิคตานิ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๖๐-๑๖๒; วิภ. อนุฏี. ๒.๑๙๔-๑๙๕ วากฺยขนฺเธสุ ปสฺสิตพฺพํ) พหิทฺธาปิ ทิสฺสมานานิ, เตสํ เอตฺเถว สงฺคหโต อนฺโตคธตา เวทิตพฺพา. กถํ? อกิริยวาโท ตาว ‘‘วฺโฌ กูฏฏฺโ’’ติอาทินา กิริยาภาวทีปนโต สสฺสตวาเท อนฺโตคโธ, ตถา ‘‘สตฺติเม กายา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๗๔) นยปฺปวตฺโต ปกุธวาโท, ‘‘นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) นยปฺปวตฺโต อเหตุกวาโท จ อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาเท. ‘‘นตฺถิ ปโร โลโก’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๗๑) นยปฺปวตฺโต นตฺถิกวาโท อุจฺเฉทวาเท. ตถา หิ ตตฺถ ‘‘กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๘๕) วุตฺตํ. ปเมน อาทิ-สทฺเทน นิคณฺวาทาทโย สงฺคหิตา.
ยทิปิ ¶ ปาฬิยํ (ที. นิ. ๑.๑๗๗) นาฏปุตฺตวาทภาเวน จาตุยามสํวโร อาคโต, ตถาปิ สตฺตวตาติกฺกเมน วิกฺเขปวาทิตาย นาฏปุตฺตวาโทปิ สฺจยวาโท วิย อมราวิกฺเขปวาเทสุ อนฺโตคโธ. ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ, อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๓๗๗; ม. นิ. ๒.๑๒๒; สํ. นิ. ๒.๓๕) เอวํปการา วาทา ปน ‘‘รูปี อตฺตา โหติ อโรโค ¶ ปรํ มรณา’’ติอาทิวาเทสุ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ เอวํปการา สสฺสตวาเท. ‘‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ เอวํปการา อุจฺเฉทวาเท. ‘‘โหติ จ น โหติ จ ตถาคโต ปรํ มรณา, อตฺถิ จ นตฺถิ จ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ เอวํปการา เอกจฺจสสฺสตวาเท. ‘‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, เนวตฺถิ น นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ เอวํปการา อมราวิกฺเขปวาเท. อิสฺสรปกติปชาปติปุริสกาลวาทา เอกจฺจสสฺสตวาเท. กณาทวาโท, สภาวนิยติยทิจฺฉาวาทา จ อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาเท สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. อิมินา นเยน สุตฺตนฺตเรสุ, พหิทฺธา จ อฺติตฺถิยสมเย ทิสฺสมานานํ ทิฏฺิคตานํ อิมาสุเยว ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺีสุ อนฺโตคธตา เวทิตพฺพา. เต ปน ตตฺถ ตตฺถาคตนเยน วุจฺจมานา คนฺถวิตฺถารกรา, อติตฺเถ จ ปกฺขนฺทนมิว โหตีติ น วิตฺถารยิมฺห. อิธ ปาฬิยํ อตฺถวิจารณาย อฏฺกถายํ อนุตฺตานตฺถปกาสนเมว หิ อมฺหากํ ภาโรติ.
‘‘เอวมยํ ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา’’ติ วจนปฺปสงฺเคน สุตฺตสฺสานุสนฺธโย วิภชิตุํ ‘‘ตโย หี’’ติอาทิมาห. อตฺถนฺตรนิเสธนตฺถฺหิ วิเสสนิทฺธารณํ. ตตฺถ อนุสนฺธนํ อนุสนฺธิ, สมฺพนฺธมตฺตํ, ยํ เทสนาย การณฏฺเน ‘‘สมุฏฺาน’’นฺติปิ วุจฺจติ. ปุจฺฉาทโย หิ เทสนาย พาหิรการณํ ตทนุรูเปน เทสนาปวตฺตนโต. ตํสมฺพนฺโธปิ ตนฺนิสฺสิตตฺตา การณเมว. อพฺภนฺตรการณํ ปน มหากรุณาเทสนาาณาทโย. อยมตฺโถ อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ. ปุจฺฉาย กโต อนุสนฺธิ ปุจฺฉานุสนฺธิ, ปุจฺฉํ อนุสนฺธึ กตฺวา เทสิตตฺตา สุตฺตสฺส สมฺพนฺโธ ปุจฺฉาย กโต นาม โหติ. ปุจฺฉาสงฺขาโต อนุสนฺธิ ปุจฺฉานุสนฺธีติปิ ยุชฺชติ. ปุจฺฉานิสฺสิเตน หิ อนุสนฺธินา ตนฺนิสฺสยภูตา ปุจฺฉาปิ คหิตาติ. อถ วา อนุสนฺธหตีติ อนุสนฺธิ, ปุจฺฉาสงฺขาโต อนุสนฺธิ เอตสฺสาติ ปุจฺฉานุสนฺธิ, ตํตํสุตฺตปเทโส. ปุจฺฉาย วา อนุสนฺธียตีติ ปุจฺฉานุสนฺธิ, ปุจฺฉํ วจนสมฺพนฺธํ กตฺวา เทสิโต ตํสมุฏฺานิโก ตํตํสุตฺตปเทโสว. อชฺฌาสยานุสนฺธิมฺหิปิ เอเสว นโย. อนุสนฺธียตีติ อนุสนฺธิ, โย โย อนุสนฺธิ, อนุสนฺธิโน อนุรูปํ วา ยถานุสนฺธิ.
ปุจฺฉาย, อชฺฌาสเยน จ อนนุสนฺธิโก อาทิมฺหิ เทสิตธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ตปฺปฏิปกฺขธมฺมวเสน ¶ วา ปวตฺโต อุปริสุตฺตปเทโส. ตถา ¶ หิ โส ‘‘เยน ปน ธมฺเมน…เป… กกจูปมา อาคตา’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๐-๑๐๔) อฏฺกถายํ วุตฺโต, ยถาปาฬิมยํ วิภาโคติ ทสฺเสติ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทินา. ตตฺถ ‘‘เอวํ วุตฺเต นนฺโท โคปาลโก ภควนฺตํ เอตทโวจา’’ติ ปนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ สุตฺเต ตถา อภาวโต. ‘‘เอวํ วุตฺเต นนฺทโคปาลกสุตฺเต ภควนฺตํ เอตทโวจา’’ติ ปน ปิตพฺพํ ตสฺมึ สุตฺเต ‘‘อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจา’’ติ อตฺถสฺส อุปปตฺติโต. อิทฺหิ สํยุตฺตาคมวเร สฬายตนวคฺเค สงฺคีตสุตฺตํ. คงฺคาย วุยฺหมานํ ทารุกฺขนฺธํ อุปมํ กตฺวา สทฺธาปพฺพชิเต กุลปุตฺเต เทสิเต นนฺโท โคปาลโก ‘‘อหมิมํ ปฏิปตฺตึ ปูเรสฺสามี’’ติ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อุปสมฺปทฺจ คเหตฺวา ตถาปฏิปชฺชมาโน นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺโต. ตสฺมา ‘‘นนฺทโคปาลกสุตฺต’’นฺติ ปฺายิตฺถ. ‘‘กึ นุ โข ภนฺเต’’ติอาทีนิ ปน อฺตโรเยว ภิกฺขุ อโวจ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘กึ นุ โข ภนฺเต, โอริมํ ตีร’นฺติอาทิ’’.
ตตฺรายมตฺโถ – เอวํ วุตฺเตติ ‘‘สเจ โข ภิกฺขเว, ทารุกฺขนฺโธ น โอริมํ ตีรํ อุปคจฺฉตี’’ติอาทินา คงฺคาย วุยฺหมานํ ทารุกฺขนฺธํ อุปมํ กตฺวา สทฺธาปพฺพชิเต กุลปุตฺเต เทสิเต. ภควนฺตํ เอตทโวจาติ อนุสนฺธิกุสลตาย ‘‘กึ นุ โข ภนฺเต’’ติอาทิวจนมโวจ. ตถาคโต หิ ‘‘อิมิสฺสํ ปริสติ นิสินฺโน อนุสนฺธิ กุสโล อตฺถิ, โส มํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสตี’’ติ เอตฺตเกเนว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. โอริมํ ตีรนฺติ โอริมภูตํ ตีรํ. ตถา ปาริมํ ตีรนฺติ. มชฺเฌ สํสีโทติ เวมชฺเฌ สํสีทนํ นิมฺมุชฺชนํ. ถเล อุสฺสาโทติ ชลมชฺเฌ อุฏฺิเต ถลสฺมึ อุสฺสาริโต อารุฬฺโห. มนุสฺสคฺคาโหติ มนุสฺสานํ สมฺพนฺธีภูตานํ, มนุสฺเสหิ วา คหณํ. ตถา อมนุสฺสคฺคาโหติ อาวฏฺฏคฺคาโหติ อุทกาวฏฺเฏน คหณํ. อนฺโตปูตีติ วกฺกหทยาทีสุ อปูติกสฺสาปิ คุณานํ ปูติภาเวน อพฺภนฺตรํปูตีติ.
‘‘อถ โข อฺตรสฺส ภิกฺขุโน’’ติอาทิ มชฺฌิมาคมวเร อุปริปณฺณาสเก มหาปุณฺณมสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๘๘-๙๐) ตตฺรายมตฺโถ – อิติ กิราติ เอตฺถ กิร-สทฺโท อรุจิยํ, เตน ภควโต ยถาเทสิตาย อตฺตสฺุตาย อตฺตโน อรุจิยภาวํ ทีเปติ. โภติ ธมฺมาลปนํ, อมฺโภ สภาวธมฺมาติ อตฺโถ. ยทิ รูปํ อนตฺตา…เป… วิฺาณํ อนตฺตา. เอวํ สตีติ ¶ สปาเสสโยชนา. อนตฺตกตานีติ อตฺตนา น กตานิ, อนตฺตภูเตหิ วา ขนฺเธหิ กตานิ. กมตฺตานํ ผุสิสฺสนฺตีติ กีทิสมตฺตภาวํ ผุสิสฺสนฺติ. อสติ อตฺตนิ ขนฺธานฺจ ขณิกตฺตา ตานิ กมฺมานิ กํ นาม อตฺตานํ อตฺตโน ผเลน ผุสิสฺสนฺติ, โก กมฺมผลํ ¶ ปฏิสํเวทิสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส ภิกฺขุโน เจโตปริวิตกฺกํ อตฺตโน เจตสา เจโต – ปริยาณสมฺปยุตฺเตน สพฺพฺุตฺาณสมฺปยุตฺเตน วา อฺาย ชานิตฺวาติ สมฺพนฺโธ.
อวิทฺวาติ สุตาทิวิรเหน อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย อปณฺฑิโต. วิทฺวาติ หิ ปณฺฑิตาธิวจนํ วิทติ ชานาตีติ กตฺวา. อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชาย อุปคโต, อริยธมฺเม อวินีตตาย อปฺปหีนาวิชฺโชติ อตฺโถ. ตณฺหาธิปเตยฺเยน เจตสาติ ‘‘ยทิ อหํ นาม โกจิ นตฺถิ, เอวํ สติ มยา กตสฺส กมฺมสฺส ผลํ โก ปฏิสํเวเทติ, สติ ปน ตสฺมึ สิยา กมฺมผลูปโภโค’’ติ ตณฺหาธิปติโต อาคเตน อตฺตวาทุปาทานสหคเตน เจตสา. อติธาวิตพฺพนฺติ อติกฺกมิตฺวา ธาวิตพฺพํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ขณิกตฺเตปิ สงฺขารานํ ยสฺมึ สนฺตาเน กมฺมํ กตํ, ตตฺเถว ผลูปปตฺติโต ธมฺมปฺุชมตฺตสฺเสว สิทฺเธ กมฺมผลสมฺพนฺเธ เอกตฺตนยํ มิจฺฉา คเหตฺวา เอเกน การกเวทกภูเตน ภวิตพฺพํ, อฺถา กมฺมกมฺมผลานมสมฺพนฺโธ สิยาติ อตฺตตฺตนิยสฺุตาปกาสนํ สตฺถุสาสนํ อติกฺกมิตพฺพํ มฺเยฺยาติ. อิทานิ อนติธาวิตพฺพตํ วิภาเวตุํ ‘‘ตํ กึ มฺถา’’ติอาทิมาห.
อุปริ เทสนาติ เทสนาสมุฏฺานธมฺมทีปิกาย เหฏฺิมเทสนาย อุปริ ปวตฺติตา เทสนา. เทสนาสมุฏฺานธมฺมสฺส อนุรูปปฏิปกฺขธมฺมปฺปกาสนวเสน ทุวิเธสุ ยถานุสนฺธีสุ อนุรูปธมฺมปฺปกาสนวเสน ยถานุสนฺธิทสฺสนเมตํ ‘‘อุปริ ฉ อภิฺา อาคตา’’ติ. ตทวเสสํ ปน สพฺพมฺปิ ปฏิปกฺขธมฺมปฺปกาสนวเสน. มชฺฌิมาคมวเร มูลปณฺณาสเกเยว เจตานิ สุตฺตานิ. กิเลเสนาติ ‘‘โลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติอาทินา กิเลสวเสน. ภณฺฑเนนาติ วิวาเทน. อกฺขนฺติยาติ โกเปน. กกจูปมาติ ขรปนฺติอุปมา. อิมสฺมิมฺปีติ ปิ-สทฺโท อเปกฺขายํ ‘‘อยมฺปิ ปาราชิโก’’ติอาทีสุ (วิ. ๑.๗๒-๗๓, ๑๖๗, ๑๗๑, ๑๙๕, ๑๙๗) วิย, สมฺปิณฺฑเน วา, เตน ยถา วตฺถสุตฺตาทีสุ ปฏิปกฺขธมฺมปฺปกาสนวเสน ยถานุสนฺธิ ¶ , เอวํ อิมสฺมิมฺปิ พฺรหฺมชาเลติ อเปกฺขนํ, สมฺปิณฺฑนํ วา กโรติ. ตถา หิ นิจฺจสาราทิปฺาปกานํ ทิฏฺิคตานํ วเสน อุฏฺิตายํ เทสนา นิจฺจสาราทิสฺุตาปกาสเนน นิฏฺาปิตาติ. ‘‘เตนา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตสํวณฺณนาย คุณํ ทสฺเสติ.
ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตวารวณฺณนา
๑๐๕-๑๑๗. มริยาทวิภาคทสฺสนตฺถนฺติ ทิฏฺิคติกานํ ตณฺหาทิฏฺิปรามาสสฺส ตถาคตานํ ชานนปสฺสเนน, สสฺสตาทิมิจฺฉาทสฺสนสฺส จ สมฺมาทสฺสเนน สงฺกราภาว-วิภาคปฺปกาสนตฺถํ. ตณฺหาทิฏฺิปรามาโสเยว ¶ เตสํ, น ตุ ตถาคตานมิว ยถาภูตํ ชานนปสฺสนํ. ตณฺหาทิฏฺิวิปฺผนฺทนเมเวตํ มิจฺฉาทสฺสนเวทยิตํ, น ตุ โสตาปนฺนสฺส สมฺมาทสฺสนเวทยิตมิว นิจฺจลนฺติ จ หิ อิมาย เทสนาย มริยาทวิภาคํ ทสฺเสติ. เตน วกฺขติ ‘‘เยน ทิฏฺิอสฺสาเทน…เป… ตํ เวทยิต’’นฺติ, ‘‘ทิฏฺิสงฺขาเตน เจว…เป… ทสฺเสตี’’ติ จ. ‘‘ตทปี’’ติ วุตฺตตฺตา เยน โสมนสฺสชาตา ปฺเปนฺตีติ อตฺโถ ลพฺภตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สามตฺถิยโต หิ อวคตตฺถสฺเสเวตฺถ ต-สทฺเทน ปรามสนํ. ทิฏฺิอสฺสาเทนาติ ทิฏฺิยา ปจฺจยภูเตน อสฺสาเทน. ‘‘ทิฏฺิสุเขนา’’ติอาทิ ตสฺเสว เววจนํ. อชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ เตสํ ภวนฺตานํ สมณพฺราหฺมณานํ ตทปิ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ เวทยิตนฺติ สมฺพนฺโธ.
‘‘ยถาภูตธมฺมานํ สภาว’’นฺติ จ อวิเสเสน วุตฺตํ. น หิ สงฺขตธมฺมสภาวํ อชานนมตฺเตน มิจฺฉา อภินิวิสนฺติ. สามฺโชตนา จ วิเสเส อวติฏฺติ. ตสฺมายเมตฺถ วิเสสโยชนา กาตพฺพา – ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ อิทํ ทิฏฺิฏฺานํ เอวํคหิตํ เอวํปรามฏฺํ เอวํคติกํ โหติ เอวํอภิสมฺปรายนฺติ ยถาภูตมชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ อถ วา ยสฺมึ เวทยิเต อวีตตณฺหตาย เอวํทิฏฺิคตํ อุปาทียติ, ตํ เวทยิตํ สมุทยอตฺถงฺคมาทิโต ยถาภูตมชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานนฺติ. เอวํ วิเสสโยชนาย หิ ยถา อนาวรณาณสมนฺตจกฺขูหิ ตถาคตานํ ยถาภูตเมตฺถ ชานนํ, ปสฺสนฺจ โหติ, น เอวํ ทิฏฺิคติกานํ, อถ โข เตสํ ตณฺหาทิฏฺิปรามาโสเยวาติ อิมมตฺถํ อิมาย เทสนาย ทสฺเสตีติ ปากฏํ โหติ. เอวมฺปิ จายํ เทสนา มริยาทวิภาคทสฺสนตฺถํ ชาตา.
เวทยิตนฺติ ¶ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๑) ทิฏฺิปฺาปนวเสน ปวตฺตํ ทิฏฺิสฺสาทสุขปริยาเยน วุตฺตํ, ตทปิ อนุภวนํ. ตณฺหาคตานนฺติ ตณฺหาย อุปคตานํ, ปวตฺตานํ วา ตเทว วุตฺตินเยน วิวรติ ‘‘เกวลํ…เป… เวทยิต’’นฺติ. ตฺจ โข ปเนตนฺติ จ ยถาวุตฺตํ เวทยิตเมว ปจฺจามสติ, เตเนตํ ทีเปติ – ‘‘ตทปิ เวทยิตํ ตณฺหาคตานํ เวทยิตเมวา’’ติ วจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ตทปิ เวทยิตํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวา’’ติ ปุน สมฺพนฺโธ กาตพฺโพติ. ตทปิ ตาว น สมฺปาปุณาตีติ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน มริยาทวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘น โสตาปนฺนสฺส ทสฺสนมิว นิจฺจล’’นฺติ วุตฺตํ. ทสฺสนนฺติ จ สมฺมาทสฺสนสุขํ, มคฺคผลสุขนฺติ วุตฺตํ โหติ. กุโต จายมตฺโถ ลพฺภตีติ เอว-สทฺทสามตฺถิยโต. ‘‘ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิตเมวา’’ติ หิ วุตฺเตน มคฺคผลสุขํ วิย อวิปฺผนฺทิตํ หุตฺวา เอกรูเป อวติฏฺติ, อถ โข ตํ วฏฺฏามิสภูตํ ทิฏฺิตณฺหาสลฺลานุวิทฺธตาย สอุปฺปีฬตฺตา วิปฺผนฺทิตเมวาติ ¶ อตฺโถ อาปนฺโน โหติ, เตเนวาห ‘‘ปริตสฺสิเตนา’’ติอาทิ. อยเมตฺถ อฏฺกถามุตฺตโก สสมฺพนฺธนโย.
เอวํ วิเสสการณโต ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ วิภชิตฺวา อิทานิ อวิเสสการณโต ตานิ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺร ภิกฺขเว’’ติอาทิกา เทสนา อารทฺธา. สพฺเพสฺหิ ทิฏฺิคตานํ เวทนา, อวิชฺชา, ตณฺหา จ อวิสิฏฺการณํ. ตตฺถ ตทปีติ ‘‘สสฺสตํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ ปฺาปนเหตุภูตํ สุขาทิเภทํ ติวิธมฺปิ เวทยิตํ, ตทปิ ยถากฺกมํ ทุกฺขสลฺลานิจฺจโต, อวิเสเสน สมุทยตฺถงฺคมสฺสาทาทีนวนิสฺสรณโต วา ยถาภูตมชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ โหติ, ตโต เอว จ สุขาทิปตฺถนาสมฺภวโต, ตณฺหาย จ อุปคตตฺตา ตณฺหาคตานํ ตณฺหาปริตสฺสิเตน ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตเมว ทิฏฺิจลนเมว. ‘‘อสติ อตฺตนิ โก เวทนํ อนุภวตี’’ติ กายวจีทฺวาเรสุ ทิฏฺิยา โจปนปฺปตฺติมตฺตเมว, น ปน ทิฏฺิยา ปฺเปตพฺโพ โกจิ ธมฺโม สสฺสโต อตฺถีติ อธิปฺปาโยติ. เอกจฺจสสฺสตาทีสุปิ เอส นโย.
ผสฺสปจฺจยวารวณฺณนา
๑๑๘. ปรมฺปรปจฺจยทสฺสนตฺถนฺติ ยํ ทิฏฺิยา มูลการณํ, ตสฺสาปิ การณํ, ปุน ตสฺสปิ การณนฺติ เอวํ ปจฺจยปรมฺปรทสฺสนตฺถํ. เยน หิ ตณฺหาปริตสฺสิเตน ¶ เอตานิ ทิฏฺิคตานิ ปวตฺตนฺติ, ตสฺส เวทยิตํ ปจฺจโย, เวทยิตสฺสาปิ ผสฺโส ปจฺจโยติ เอวํ ปจฺจยปรมฺปรวิภาวินี อยํ เทสนา. กิมตฺถิยํ ปน ปจฺจยปรมฺปรทสฺสนนฺติ เจ? อตฺถนฺตรวิฺาปนตฺถํ. เตน หิ ยถา ทิฏฺิสงฺขาโต ปฺาปนธมฺโม, ตปฺปจฺจยธมฺมา จ ยถาสกํ ปจฺจยวเสเนว อุปฺปชฺชนฺติ, น ปจฺจเยหิ วินา, เอวํ ปฺเปตพฺพธมฺมาปิ รูปเวทนาทโย, น เอตฺถ โกจิ สสฺสโต อตฺตา วา โลโก วาติ เอวมตฺถนฺตรํ วิฺาปิตํ โหติ. ตณฺหาทิฏฺิปริผนฺทิตํ ตทปิ เวทยิตํ ทิฏฺิการณภูตาย ตณฺหาย ปจฺจยภูตํ ผสฺสปจฺจยา โหตีติ อตฺโถ.
๑๓๑. ตสฺส ปจฺจยสฺสาติ ตสฺส ผสฺสสงฺขาตสฺส ปจฺจยสฺส. ทิฏฺิเวทยิเต ทิฏฺิยา ปจฺจยภูเต เวทยิเต, ผสฺสปธาเนหิ อตฺตโน ปจฺจเยหิ นิปฺผาเทตพฺเพ. สาเธตพฺเพ เจตํ ภุมฺมํ. พลวภาวทสฺสนตฺถนฺติ พลวการณภาวทสฺสนตฺถํ. ตถา หิ วินาปิ จกฺขาทิวตฺถูหิ, สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ จ เกหิจิ เวทนา อุปฺปชฺชติ, น ปน กทาจิปิ ผสฺเสน วินา, ตสฺมา ผสฺโส ¶ เวทนาย พลวการณํ. น เกวลํ เวทนาย เอว, อถ โข เสสสมฺปยุตฺตธมฺมานมฺปิ. สนฺนิหิโตปิ หิ วิสโย สเจ จิตฺตุปฺปาโท ผุสนาการวิรหิโต โหติ, น ตสฺส อารมฺมณปจฺจโย ภวตีติ ผสฺโส สพฺเพสมฺปิ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ วิเสสปจฺจโย. ตถา หิ ภควตา ธมฺมสงฺคณีปกรเณ จิตฺตุปฺปาทํ วิภชนฺเตน ‘‘ผสฺโส โหตี’’ติ ผสฺสสฺเสว ปมมุทฺธรณํ กตํ, เวทนาย ปน สาติสยมธิฏฺานปจฺจโย เอว. ‘‘ปฏิสํเวทิสฺสนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘ตทปี’’ติ เอตฺถาธิกาโรติ อาห ‘‘ตํ เวทยิต’’นฺติ. คมฺยมานตฺถสฺส วา-สทฺทสฺส ปโยคํ ปติ กามจารตฺตา, โลปตฺตา, เสสตฺตาปิ จ เอส น ปยุตฺโต. เอวมีทิเสสุ. โหติ เจตฺถ –
‘‘คมฺยมานาธิการโต, โลปโต เสสโต จาติ;
การเณหิ จตูหิปิ, น กตฺถจิ รโว ยุตฺโต’’ติ.
‘‘ยถา หี’’ติอาทินา ผสฺสสฺส พลวการณตาทสฺสเนน ตทตฺถํ สมตฺเถติ. ตตฺถ ปตโตติ ปตนฺตสฺส. ถูณาติ อุปตฺถมฺภกทารุสฺเสตํ อธิวจนํ.
ทิฏฺิคติกาธิฏฺานวฏฺฏกถาวณฺณนา
๑๔๔. กิฺจาปิ ¶ อิมสฺมึ าเน ปาฬิยํ เวทยิตมนาคตํ, เหฏฺา ปน ตีสุปิ วาเรสุ อธิกตตฺตา, อุปริ จ ‘‘ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ วกฺขมานตฺตา เวทยิตเมเวตฺถ ปธานนฺติ อาห ‘‘สพฺพทิฏฺิเวทยิตานิ สมฺปิณฺเฑตี’’ติ. ‘‘เยปิ เต’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อาคตสฺส จ ปิ-สทฺทสฺส อตฺถํ สนฺธาย ‘‘สมฺปิณฺเฑตี’’ติ วุตฺตํ. เย เต สมณพฺราหฺมณา สสฺสตวาทา…เป… สพฺเพปิ เต ฉหิ ผสฺสายตเนหิ ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวเทนฺตีติ หิ เวทยิตกิริยาวเสน ตํตํทิฏฺิคติกานํ สมฺปิณฺฑิตตฺตา เวทยิตสมฺปิณฺฑนเมว ชาตํ. สพฺพมฺปิ หิ วากฺยํ กิริยาปธานนฺติ. อุปริ ผสฺเส ปกฺขิปนตฺถายาติ ‘‘ฉหิ ผสฺสายตเนหี’’ติ วุตฺเต อุปริ ผสฺเส ปกฺขิปนตฺถํ, ปกฺขิปนฺเจตฺถ เวทยิตสฺส ผสฺสปจฺจยตาทสฺสนเมว. ‘‘ฉหิ ผสฺสายตเนหิ ผุสฺส ผุสฺส ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ อิมินา หิ ฉหิ อชฺฌตฺติกายตเนหิ ฉฬารมฺมณปฏิสํเวทนํ เอกนฺตโต ฉผสฺสเหตุกเมวาติ ทสฺสิตํ โหติ, เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺเพ เต’’ติอาทิ.
กมฺโพโชติ เอวํนามกํ รฏฺํ. ตถา ทกฺขิณาปโถ. ‘‘สฺชาติฏฺาเน’’ติ อิมินา สฺชายนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณตฺโถ สฺชาติ-สทฺโทติ ทสฺเสติ. เอวํ สโมสรณ-สทฺโท. อายตน-สทฺโทปิ ตทุภยตฺเถ. อายตเนติ สโมสรณภูเต จตุมหาปเถ. นนฺติ มหานิคฺโรธรุกฺขํ. อิทฺหิ องฺคุตฺตราคเม ¶ ปฺจนิปาเต สทฺธานิสํสสุตฺตปทํ. ตตฺถ จ เสยฺยถาปิ ภิกฺขเว สุภูมิยํ จตุมหาปเถ มหานิคฺโรโธ สมนฺตา ปกฺขีนํ ปฏิสรณํ โหตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๓๘) ตนฺนิทฺเทโส วุตฺโต. สติ สติอายตเนติ สติสงฺขาเต การเณ วิชฺชมาเน, ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิตพฺพตํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ. อายตนฺติ เอตฺถ ผลานิ ตทายตฺตวุตฺติตาย ปวตฺตนฺติ, อายภูตํ วา อตฺตโน ผลํ ตโนติ ปวตฺเตตีติ อายตนํ, การณํ. สมฺมนฺตีติ อุปสมฺมนฺติ อสฺสาสํ ชเนนฺติ. อายตน-สทฺโท อฺเสุ วิย น เอตฺถ อตฺถนฺตราวโพธโกติ อาห ‘‘ปณฺณตฺติมตฺเต’’ติ, ตถา ตถา ปฺตฺติมตฺเตติ อตฺโถ. รุกฺขคจฺฉสมูเห ปณฺณตฺติมตฺเต หิ อรฺโวหาโร, อรฺเมว จ อรฺายตนนฺติ. อตฺถตฺตเยปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน อากรนิวาสาธิฏฺานตฺเถ สมฺปิณฺเฑติ. ‘‘หิรฺายตนํ สุวณฺณายตน’’นฺติอาทีสุ ¶ หิ อากเร, ‘‘อิสฺสรายตนํ วาสุเทวายตน’’นฺติอาทีสุ นิวาเส, ‘‘กมฺมายตนํ สิปฺปายตน’’นฺติอาทีสุ อธิฏฺาเน ปวตฺตติ, นิสฺสเยติ อตฺโถ.
อายตนฺติ เอตฺถ อากโรนฺติ, นิวสนฺติ, อธิฏฺหนฺตีติ ยถากฺกมํ วจนตฺโถ. จกฺขาทีสุ จ ผสฺสาทโย อากิณฺณา, ตานิ จ เนสํ วาโส, อธิฏฺานฺจ นิสฺสยปจฺจยภาวโต. ตสฺมา ตเทตมฺปิ อตฺถตฺตยมิธ ยุชฺชติเยว. กถํ ยุชฺชตีติ อาห ‘‘จกฺขาทีสุ หี’’ติอาทิ. ผสฺโส เวทนา สฺา เจตนา จิตฺตนฺติ อิเม ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา อุปลกฺขณวเสน วุตฺตา อฺเสมฺปิ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมานํ อายตนภาวโต, ปธานวเสน วา. ตถา หิ จิตฺตุปฺปาทํ วิภชนฺเตน ภควตา เตเยว ‘‘ผสฺโส โหติ, เวทนา, สฺา, เจตนา, จิตฺตํ โหตี’’ติ ปมํ วิภตฺตา. สฺชายนฺติ ตนฺนิสฺสยารมฺมณภาเวน ตตฺเถว อุปฺปตฺติโต. สโมสรนฺติ ตตฺถ ตตฺถ วตฺถุทฺวารารมฺมณภาเวน สโมสรณโต. ตานิ จ เนสํ การณํ เตสมภาเว อภาวโต. อยํ ปน ยถาวุตฺโต สฺชาติเทสาทิอตฺโถ รุฬฺหิวเสเนว ตตฺถ ตตฺถ นิรุฬฺหตาย เอว ปวตฺตตฺตาติ อาจริยอานนฺทตฺเถเรน วุตฺตํ. อยํ ปน ปทตฺถวิวรณมุเขน ปวตฺโต อตฺโถ – อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนํ. จกฺขาทีสุ หิ ตํตํทฺวารารมฺมณา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา เสน เสน อนุภวนาทิกิจฺเจน อายตนฺติ อุฏฺหนฺติ ฆเฏนฺติ วายมนฺติ, อายภูเต จ ธมฺเม เอตานิ ตโนนฺติ วิตฺถาเรนฺติ, อายตฺจ สํสารทุกฺขํ นยนฺติ ปวตฺเตนฺตีติ. อิติ อิมินา นเยนาติ เอตฺถ อาทิอตฺเถน อิติ สทฺเทน ‘‘โสตํ ปฏิจฺจา’’ติอาทิปาฬึ สงฺคณฺหาติ.
ตตฺถ ติณฺณนฺติ จกฺขุปสาทรูปารมฺมณจกฺขุวิฺาณาทีนํ ติณฺณํ วิสยินฺทฺริยวิฺาณานํ. เตสํ สมาคมนภาเวน คเหตพฺพโต ‘‘ผสฺโส สงฺคตี’’ติ วุตฺโต. ตถา หิ ¶ โส ‘‘สนฺนิปาตปจฺจุปฏฺาโน’’ติ วุจฺจติ. อิมินา นเยน อาโรเปตฺวาติ สมฺพนฺโธ. เตน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – ยถา ‘‘จกฺขุํปฏิจฺจ…เป… ผสฺโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔; ๓.๔๒๑, ๔๒๕, ๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓, ๔๕; ๒.๔.๖๑; กถา. ๔๖๕) เอตสฺมึ สุตฺเต วิชฺชมาเนสุปิ สฺาทีสุ สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ เวทนาย ปธานการณภาวทสฺสนตฺถํ ผสฺสสีเสน เทสนา กตา, เอวมิธาปิ ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติอาทินา ผสฺสํ อาทึ กตฺวา ¶ อปรนฺตปฏิสนฺธาเนน ปจฺจยปรมฺปรํ ทสฺเสตุํ ‘‘ฉหิ ผสฺสายตเนหี’’ติ จ ‘‘ผุสฺส ผุสฺสา’’ติ จ ผสฺสสีเสน เทสนา กตาติ. ผสฺสายตนาทีนีติ อาทิ-สทฺเทน ‘‘ผุสฺส ผุสฺสา’’ติ วจนํ สงฺคณฺหาติ.
‘‘กิฺจาปี’’ติอาทินา สทฺทมตฺตโต โจทนาเลสํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตถาปี’’ติอาทินา อตฺถโต ตํ ปริหรติ. น อายตนานิ ผุสนฺติ รูปานมนารมฺมณภาวโต. ผสฺโส อรูปธมฺโม วิสมาโน เอกเทเสน อารมฺมณํ อนลฺลิยมาโนปิ ผุสนากาเรน ปวตฺโต ผุสนฺโต วิย โหตีติ อาห ‘‘ผสฺโสว ตํ ตํ อารมฺมณํ ผุสตี’’ติ. เตเนว โส ‘‘ผุสนลกฺขโณ, สงฺฆฏฺฏนรโส’’ติ จ วุจฺจติ. ‘‘ฉหิ ผสฺสายตเนหิ ผุสฺส ผุสฺสา’’ติ อผุสนกิจฺจานิปิ นิสฺสิตโวหาเรน ผุสนกิจฺจานิ กตฺวา ทสฺสนเมว ผสฺเส อุปนิกฺขิปนํ นาม ยถา ‘‘มฺจา โฆสนฺตี’’ติ. อุปนิกฺขิปิตฺวาติ หิ ผุสนกิจฺจาโรปนวเสน ผสฺสสฺมึ ปเวเสตฺวาติ อตฺโถ. ผสฺสคติกานิ กตฺวา ผสฺสุปจารํ อาโรเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อุปจาโร นาม โวหารมตฺตํ, น เตน อตฺถสิทฺธิ อตํสภาวโต. อตฺถสิชฺฌนโก ปน ตํสภาโวเยว อตฺโถ คเหตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิมาห. ยถาหุ –
‘‘อตฺถฺหิ นาโถ สรณํ อโวจ,
น พฺยฺชนํ โลกหิโต มเหสี’’ติ.
อตฺตโน ปจฺจยภูตานํ ฉนฺนํ ผสฺสานํ วเสน จกฺขุสมฺผสฺสชา ยาว มโนสมฺผสฺสชาติ สงฺเขปโต ฉพฺพิธํ สนฺธาย ‘‘ฉผสฺสายตนสมฺภวา เวทนา’’ติ วุตฺตํ. วิตฺถารโต ปน –
‘‘ผสฺสโต ฉพฺพิธาเปตา, อุปวิจารเภทโต;
ติธา นิสฺสิตโต ทฺวีหิ, ติธา กาเลน วฑฺฒิตา’’ติ. –
อฏฺสตปริยาเย วุตฺตนเยน อฏฺสตปฺปเภทา. มหาวิหารวาสิโน เจตฺถ ยถา วิฺาณํ นามรูปํ สฬายตนํ ¶ , เอวํ ผสฺสํ, เวทนฺจ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนมฺปิ สสนฺตติปริยาปนฺนํ ทีเปนฺโต วิปากเมว อิจฺฉนฺติ, อฺเ ปน ยถา ตถา วา ปจฺจยภาโว สติ น สกฺกา วชฺเชตุนฺติ สพฺพเมว อิจฺฉนฺติ. สาติ ยถาวุตฺตปฺปเภทา เวทนา. รูปตณฺหาทิเภทายาติ ‘‘เสฏฺิปุตฺโต ¶ พฺราหฺมณปุตฺโต’’ติ ปิตุนามวเสน วิย อารมฺมณนามวเสน วุตฺตาย รูปตณฺหา ยาว ธมฺมตณฺหาติ สงฺเขปโต ฉพฺพิธาย. วิตฺถารโต ปน –
‘‘รูปตณฺหาทิกา กาม-ตณฺหาทีหิ ติธา ปุน;
สนฺตานโต ทฺวิธา กาล-เภเทน คุณิตา สิยุ’’นฺติ. –
เอวํ วุตฺตอฏฺสตปฺปเภทาย. อุปนิสฺสยโกฏิยาติ อุปนิสฺสยสีเสน. กสฺมา ปเนตฺถ อุปนิสฺสยปจฺจโยว อุทฺธโฏ, นนุ สุขา เวทนา, อทุกฺขมสุขา จ ตณฺหาย อารมฺมณมตฺตอารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยปกตูปนิสฺสยวเสน จตุธา ปจฺจโย, ทุกฺขา จ อารมฺมณมตฺตปกตูปนิสฺสยวเสน ทฺวิธาติ? สจฺจเมตํ, อุปนิสฺสเย เอว ปน ตํ สพฺพมฺปิ อนฺโตคธนฺติ เอวมุทฺธโฏ. ยุตฺตํ ตาว อารมฺมณูปนิสฺสยสฺส อุปนิสฺสยสามฺโต อุปนิสฺสเย อนฺโตคธตา, กถํ ปน อารมฺมณมตฺตอารมฺมณาธิปตีนํ ตตฺถ อนฺโตคธภาโว สิยาติ? เตสมฺปิ อารมฺมณสามฺโต อารมฺมณูปนิสฺสเยน สงฺคหิตตฺตา อารมฺมณูปนิสฺสยวสโมธานภูเตว อุปนิสฺสเย เอว อนฺโตคธตา โหติ. เอตทตฺถเมว หิ สนฺธาย ‘‘อุปนิสฺสเยนา’’ติ อวตฺวา ‘‘อุปนิสฺสยโกฏิยา’’ติ วุตฺตํ. สิทฺเธ หิ สตฺยารมฺโภ นิยมาย วา โหติ อตฺถนฺตรวิฺาปนาย วาติ. เอวมีทิเสสุ.
จตุพฺพิธสฺสาติ กามุปาทานํ ยาว อตฺตวาทุปาทานนฺติ จตุพฺพิธสฺส. นนุ จ ตณฺหาว กามุปาทานํ, กถํ สาเยว ตสฺส ปจฺจโย สิยาติ? สจฺจํ, ปุริมตณฺหาย ปน อุปนิสฺสยปจฺจเยน ปจฺฉิมตณฺหาย ทฬฺหภาวโต ปุริมาเยว ตณฺหา ปจฺฉิมาย ปจฺจโย ภวติ. ตณฺหาทฬฺหตฺตเมว หิ ‘‘กามุปาทานํ อุปายาโส อุปกฏฺา’’ติอาทีสุ วิย อุป-สทฺทสฺส ทฬฺหตฺเถ ปวตฺตนโต. อปิจ ทุพฺพลา ตณฺหา ตณฺหาเยว, พลวตี ตณฺหา กามุปาทานํ. อถ วา อปตฺตวิสยปตฺถนา ตณฺหา ตมสิ โจรานํ หตฺถปสารณํ วิย, สมฺปตฺตวิสยคฺคหณํ กามุปาทานํ โจรานํ หตฺถคตภณฺฑคฺคหณํ วิย. อปฺปิจฺฉตาปฏิปกฺขา ตณฺหา. สนฺตุฏฺิตาปฏิปกฺขํ กามุปาทานํ. ปริเยสนทุกฺขมูลํ ตณฺหา, อารกฺขทุกฺขมูลํ กามุปาทานํ. อยมฺปิ เตสํ วิเสโส เกจิวาทวเสน อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๔๔) ทสฺสิโต ปุริมนยสฺเสว วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๔) สกวาทภาเวน วุตฺตตฺตา.
อสหชาตสฺส ¶ ¶ อุปาทานสฺส อุปนิสฺสยโกฏิยา, สหชาตสฺส ปน สหชาตโกฏิยาติ ยถาลาภมตฺโถ คเหตพฺโพ. ตตฺถ อสหชาตา อนนฺตรนิรุทฺธา อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนปจฺจเยหิ ฉธา ปจฺจโย. อารมฺมณภูตา ปน อารมฺมณมตฺตอารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสเยหิ ติธา, ตํ สพฺพมฺปิ วุตฺตนเยน อุปนิสฺสเยเนว สงฺคเหตฺวา ‘‘อุปนิสฺสยโกฏิยา’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา จ ตณฺหาย รูปาทีนิ อสฺสาเทตฺวา กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชติ, ตสฺมา ตณฺหา กามุปาทานสฺส อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย. ตถา รูปาทิเภเท สมฺมูฬฺโห ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๑.๔๔๕; ๒.๙๔-๙๕, ๒๒๕; ๓.๙๑, ๑๑๖, ๑๓๖; สํ. นิ. ๓.๒๑๐; อ. นิ. ๑๐.๑๗๖, ๒๑๗; ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๐๗, ๙๒๕, ๙๗๑) มิจฺฉาทสฺสนํ, สํสารโต มุจฺจิตุกาโม อสุทฺธิมคฺเค สุทฺธิมคฺคปรามสนํ, ขนฺเธสุ อตฺตตฺตนิยคาหภูตํ สกฺกายทสฺสนฺจ คณฺหาติ. ตสฺมา อิตเรสมฺปิ ติณฺณํ ตณฺหา อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโยติ ทฏฺพฺพํ. สหชาตา ปน สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตเหตุวเสน สตฺตธา สหชาตานํ ปจฺจโย. ตมฺปิ สพฺพํ สหชาตปจฺจเยเนว สงฺคเหตฺวา ‘‘สหชาตโกฏิยา’’ติ วุตฺตํ.
ภวสฺสาติ กมฺมภวสฺส เจว อุปปตฺติภวสฺส จ. ตตฺถ เจตนาทิสงฺขาตํ สพฺพํ ภวคามิกมฺมํ กมฺมภโว. กามภวาทินววิโธ อุปปตฺติภโว. เตสุ อุปปตฺติภวสฺส จตุพฺพิธมฺปิ อุปาทานํ อุปปตฺติภวเหตุภูตสฺส กมฺมภวสฺส การณภาวโต, ตสฺส จ สหายภาวูปคมนโต ปกตูปนิสฺสยวเสน ปจฺจโย. กมฺมารมฺมณกรณกาเล ปน กมฺมสหชาตมุปาทานํ อุปปตฺติภวสฺส อารมฺมณวเสน ปจฺจโย. กมฺมภวสฺส ปน สหชาตสฺส สหชาตมุปาทานํ สหชาตอฺมฺนิสฺสยสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตวเสน เจว เหตุมคฺควเสน จ อเนกธา ปจฺจโย. อสหชาตสฺส ปน อนนฺตรสฺส อสหชาตมุปาทานํ อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนวเสน, อิตรสฺส จ นานนฺตรสฺส ปกตูปนิสฺสยวเสน, สมฺมสนาทิกาเลสุ อารมฺมณาทิวเสน จ ปจฺจโย. ตตฺถ อนนฺตราทิเก อุปนิสฺสยปจฺจเย, สหชาตาทิเก จ สหชาตปจฺจเย ปกฺขิปิตฺวา ตถาติ วุตฺตํ, รูปูปหารตฺโถ วา เหส อนุกฑฺฒนตฺโถ วา. เตน หิ อุปนิสฺสยโกฏิยา เจว สหชาตโกฏิยา จาติ อตฺถํ ทสฺเสติ.
ภโว ¶ ชาติยาติ เอตฺถ ภโวติ กมฺมภโว อธิปฺเปโต. โส หิ ชาติยา ปจฺจโย, น อุปปตฺติภโว. ชาติเยว หิ อุปปตฺติภโวติ, สา จ ปมาภินิพฺพตฺตขนฺธา. เตน วุตฺตํ ‘‘ชาตีติ ปเนตฺถ สวิการา ปฺจกฺขนฺธา ทฏฺพฺพา’’ติ, เตนายํ โจทนา นิวตฺติตา ‘‘นนุ ชาติปิ ¶ ภโวเยว, กถํ โส ชาติยา ปจฺจโย’’ติ, กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพํ ‘‘กมฺมภโว ชาติยา ปจฺจโย’’ติ เจ? พาหิรปจฺจยสมตฺเตปิ กมฺมวเสเนว หีนปณีตาทิวิเสสทสฺสนโต. ยถาห ภควา ‘‘กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปณีตตายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๙) สวิการาติ นิพฺพตฺติวิกาเรน สวิการา, น อฺเหิ, เต จ อตฺถโต อุปปตฺติภโวเยว, โส เอว จ ตสฺส การณํ ภวิตุมยุตฺโต ตณฺหาย กามุปาทานสฺส ปจฺจยภาเว วิย ปุริมปจฺฉิมาทิวิเสสานมสมฺภวโต, ตสฺมา กมฺมภโวเยว อุปปตฺติภวสงฺขาตาย ชาติยา กมฺมปจฺจเยน เจว ปกตูปนิสฺสยปจฺจเยน จ ปจฺจโยติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘กมฺมปจฺจยํ อุปนิสฺสเยเนว สงฺคเหตฺวา อุปนิสฺสยโกฏิยา ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ชาติยา สติ ชรามรณํ, ชรามรณาทินา ผุฏฺสฺส จ พาลสฺส โสกาทโย สมฺภวนฺติ, นาสติ, ตสฺมา ชาติชรามรณาทีนํ อุปนิสฺสยวเสน ปจฺจโยติ อาห ‘‘ชาติ…เป… ปจฺจโย’’ติ วิตฺถารโต อตฺถวินิจฺฉยสฺส อกตตฺตา, สหชาตูปนิสฺสยสีเสเนว ปจฺจยวิจารณาย จ, ทสฺสิตตฺตา, องฺคาทิวิธานสฺส จ อนามฏฺตฺตา ‘‘อยเมตฺถ สงฺเขโป’’ติอาทิ วุตฺตํ. มหาวิสยตฺตา ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิจารณาย นิรวเสสา อยํ กุโต ลทฺธพฺพาติ โจทนมปเนติ ‘‘วิตฺถารโต’’ติอาทินา. ‘‘อิธ ปนสฺสา’’ติอาทินา ปาฬิยมฺปิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา เอกเทเสเนว กถิตาติ ทสฺเสติ. ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมึ พฺรหฺมชาเล. อสฺสาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส. ปโยชนมตฺตเมวาติ ทิฏฺิยา การณภูตเวทนาวเสน เอกเทสมตฺตํ ปโยชนเมว. ‘‘มตฺตเมวา’’ติ หิ อวธารณตฺเถ ปริยายวจนํ ‘‘อปฺปํ วสฺสสตํ อายุ, อิทาเนตรหิ วิชฺชตี’’ติอาทีสุ วิย อฺมฺตฺถาวโพธนวเสน สปโยชนตฺตา, มตฺต-สทฺโท วา ปมาเณ, ปโยชนสงฺขาตํ ปมาณเมว, น ตทุตฺตรีติ อตฺโถ. ‘‘มตฺต-สทฺโท อวธารเณ เอว-สทฺโท สนฺนิฏฺาเน’’ติปิ วทนฺติ. เอวํ สพฺพตฺถ. โหติ เจตฺถ –
‘‘มตฺตเมวาติ ¶ เอกตฺถํ, มตฺตปทํ ปมาณเก;
มตฺตาวธารเณ วา, สนฺนิฏฺานมฺหิ เจตร’’นฺติ.
เอกเทเสเนวิธ ปาฬิยํ กถิตตฺตา ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ตถา กถเน สทฺธึ อุทาหรเณน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควา หี’’ติอาทิมาห. เตน อิมมธิปฺปายํ ทสฺเสติ ‘‘วฏฺฏกถํ กเถนฺโต ภควา อวิชฺชา-ตณฺหา-ทิฏฺีนมฺตรสีเสน กเถสิ, เตสุ อิธ ทิฏฺิสีเสเนว กเถนฺโต เวทนาย ทิฏฺิยา พลวการณตฺตา เวทนามูลกํ เอกเทสเมว ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ กเถสี’’ติ. เอตานิ จ สุตฺตานิ องฺคุตฺตรนิกาเย ทสนิปาเต (อ. นิ. ๑๐.๖๑ วากฺยขนฺเธ) ตตฺถ ปุริมโกฏิ น ปฺายตีติ อสุกสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, จกฺกวตฺติโน วา กาเล อวิชฺชา อุปฺปนฺนา, น ตโต ¶ ปุพฺเพติ เอวํ อวิชฺชาย ปุริโม อาทิมริยาโท อปฺปฏิหตสฺส มม สพฺพฺุตฺาณสฺสาปิ น ปฺายติ ตตา มริยาทสฺส อวิชฺชมานตฺตาติ อตฺโถ. เอวฺเจตนฺติ อิมินา มริยาทาภาเวน อยํ อวิชฺชา กามํ วุจฺจติ. อถ จ ปนาติ เอวํ กาลนิยเมน มริยาทาภาเวน วุจฺจมานาปิ. อิทปฺปจฺจยาติ อิมสฺมา ปฺจนีวรณสงฺขาตปจฺจยา อวิชฺชา สมฺภวตีติ เอวํ ธมฺมนิยาเมน อวิชฺชาย โกฏิ ปฺายตีติ อตฺโถ. ‘‘โก จาหาโร อวิชฺชาย, ‘ปฺจ นีวรณา’ ติสฺส วจนีย’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๖๑) หิ ตตฺเถว วุตฺตํ, ฏีกายํ ปน ‘‘อาสวปจฺจยา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๔๔) อาห, ตํ อุทาหรณสุตฺเตน น สเมติ. อยํ ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย ม-การสฺส ท-การาเทสวเสน. สทฺทวิทู ปน ‘‘อีทิสสฺส ปโยคสฺส ทิสฺสนโต อิท-สทฺโทเยว ปกตี’’ติ วทนฺติ, อยุตฺตเมเวตํ วณฺณวิการาทิวเสน นานาปโยคสฺส ทิสฺสมานตฺตา. ยถา หิ วณฺณวิกาเรน ‘‘อมู’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘อสู’’ติ ทิสฺสติ, ‘‘อิเมสู’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘เอสู’’ติ, เอวมิธาปิ วณฺณวิกาโร จ วากฺเย วิย สมาเสปิ ลพฺภเตว ยถา ‘‘ชานิปติ ตุทมฺปตี’’ติ. กิเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ปภินฺนปฏิสมฺภิเทน อายสฺมตา มหากจฺจายนตฺเถเรน วุตฺตเมว ปมาณนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ภวตณฺหายาติ ภวสฺโชนภูตาย ตณฺหาย. อิทปฺปจฺจยาติ อิมสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา. ‘‘โก จาหาโร ภวตณฺหาย, ‘อวิชฺชา’ ติสฺส วจนีย’’นฺติ หิ วุตฺตํ. ภวทิฏฺิยาติ สสฺสตทิฏฺิยา. อิทปฺปจฺจยาติ อิธ ปน ¶ เวทนาปจฺจยาตฺเวว อตฺโถ. นนุ ทิฏฺิโย เอว กเถตพฺพา, กิมตฺถิยํ ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถนนฺติ อนุโยเคนาห ‘‘เตนา’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อนุโลเมน ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา นาม วฏฺฏกถา, ตํ กถเนเนว ภควา เอเต ทิฏฺิคติกา ยาวิทํ มิจฺฉาทสฺสนํ น ปฏินิสฺสชฺชนฺติ, ตาว อิมินา ปจฺจยปรมฺปเรน วฏฺเฏเยว นิมุชฺชนฺตีติ ทสฺเสสีติ. อิโต ภวาทิโต. เอตฺถ ภวาทีสุ. เอส นโย เสสปททฺวเยปิ. อิมินา อปริยนฺตํ อปราปรุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ. วิปนฺนฏฺาติ วิวิเธน นาสิตา.
วิวฏฺฏกถาทิวณฺณนา
๑๔๕. ทิฏฺิคติกาธิฏฺานนฺติ ทิฏฺิคติกานํ มิจฺฉาคาหทสฺสนวเสน อธิฏฺานภูตํ, ทิฏฺิคติกวเสน ปุคฺคลาธิฏฺานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปุคฺคลาธิฏฺานธมฺมเทสนา เหสา. ยุตฺตโยคภิกฺขุอธิฏฺานนฺติ ยุตฺตโยคานํ ภิกฺขูนมธิฏฺานภูตํ, ภิกฺขุวเสน ปุคฺคลาธิฏฺานนฺติ วุตฺตํ โหติ. วิวฏฺฏนฺติ วฏฺฏโต วิคตํ. ‘‘เยหี’’ติอาทินา ทิฏฺิคติกานํ มิจฺฉาทสฺสนสฺส การณภูตาย เวทนาย ปจฺจยภูตํ เหฏฺา วุตฺตเมว ผสฺสายตนมิธ คหิตํ เทสนากุสเลน ภควตาติ ¶ ทสฺเสติ. เวทนากมฺมฏฺาเนติ ‘‘เวทนานํ สมุทย’’นฺติอาทิกํ อิมํ ปาฬึ สนฺธาย วุตฺตํ. กิฺจิมตฺตเมว วิเสโสติ อาห ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทิ. นฺติ ‘‘ผสฺสสมุทยา, ผสฺสนิโรธา’’ติ วุตฺตํ การณํ. ‘‘อาหารสมุทยา’’ติอาทีสุ กพฬีกาโร อาหาโร เวทิตพฺโพ. โส หิ ‘‘กพฬีกาโร อาหาโร อิมสฺส กายสฺส อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๔๒๙) ปฏฺาเน วจนโต กมฺมสมุฏฺานานมฺปิ จกฺขาทีนํ อุปตฺถมฺภกปจฺจโย โหติเยว. ‘‘นามรูปสมุทยา’’ติอาทีสุ เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยเมว นามํ. นนุ จ ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ วจนโต สพฺเพสุ ฉสุ ผสฺสายตเนสุ ‘‘นามรูปสมุทยา นามรูปนิโรธา’’ อิจฺเจว วตฺตพฺพํ, อถ กสฺมา จกฺขายตนาทีสุ ‘‘อาหารสมุทยา อาหารนิโรธา’’ติ วุตฺตนฺติ? สจฺจเมตํ อวิเสเสน, อิธ ปน เอวมฺปิ จกฺขาทีสุ สมฺภวตีติ วิเสสโต ทสฺเสตุํ ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อุตฺตริตรชานเนเนว ทิฏฺิคตสฺส ชานนมฺปิ สิทฺธนฺติ กตฺวา ปาฬิยมนาคเตปิ ‘‘ทิฏฺิฺจ ชานาตี’’ติ วุตฺตํ. สีลสมาธิปฺาโย โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกา, วิมุตฺติ ปน อิท เหฏฺิมา ผลสมาปตฺติโย ‘‘ยาว อรหตฺตา’’ติ ¶ อคฺคผลสฺส วิสุํ วจนโต. ปจฺจกฺขานุมาเนน เจตฺถ ปชานนา, เตเนวาห ‘‘พหุสฺสุโต คนฺถธโร ภิกฺขุ ชานาตี’’ติอาทิ, ยถาลาภํ วา โยเชตพฺพํ. เทสนา ปนาติ เอตฺถ ปน-สทฺโท อรุจิยตฺโถ, เตนิมํ ทีเปติ – ยทิปิ อนาคามิอาทโย ยถาภูตํ ปชานนฺติ, ตถาปิ อรหโต อุกฺกํสคติวิชานนวเสน เทสนา อรหตฺตนิกูเฏน นิฏฺาปิตาติ. สุวณฺณเคโห วิย รตนมยกณฺณิกาย เทสนา อรหตฺตกณฺณิกาย นิฏฺาปิตาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘ยโต โข…เป… ปชานาตี’’ติ เอเตน ธมฺมสฺส นิยฺยานิกภาเวน สทฺธึ สงฺฆสฺส สุปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ, เตเนว อฏฺกถายํ ‘‘โก เอวํ ชานาตีติ? ขีณาสโว ชานาติ, ยาว อารทฺธวิปสฺสโก ชานาตี’’ติ ปริปุณฺณํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺโฆ ทสฺสิโต, เตน ยเทตํ เหฏฺา วุตฺตํ ‘‘ภิกฺขุสงฺฆวเสนาปิ ทีเปตุ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๘), ตํ ยถารุตวเสเนว ทีปิตํ โหตีติ ทฏฺพฺพํ.
๑๔๖. ‘‘เทสนาชาลวิมุตฺโต ทิฏฺฏิคติโก นาม นตฺถี’’ติ ทสฺสนํ เทสนาย เกวลปริปุณฺณตํ าเปตุนฺติ เวทิตพฺพํ. อนฺโต ชาลสฺสาติ อนฺโตชาลํ, ทพฺพปเวสนวเสน อนฺโตชาเล อกตาปิ ตนฺนิสฺสิตวาทปฺปเวสนวเสน กตาติ อนฺโตชาลีกตา, อนฺโต ชาลสฺส ติฏฺนฺตีติ วา อนฺโตชาลา, ทพฺพวเสน อนนฺโตชาลาปิ ตนฺนิสฺสิตวาทวเสน อนฺโตชาลา กตาติ อนฺโตชาลีกตา. อภูตตพฺภาเว กราสภูโยเค วิการวาจกโต อีปจฺจโย, อนฺตสรสฺส วา อีการาเทโสติ สทฺทวิทู ยถา ‘‘ธวลีกาโร, กพฬีกาโร’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๘๑), อิมมตฺถํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิสฺสิตา อวสิตาว หุตฺวา อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺตีติ อตฺโถ. มาน-สทฺโท เจตฺถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ อปฺปหีเนน อุมฺมุชฺชนภาเวน ปุน อุมฺมุชฺชนภาวสฺส ลกฺขิตตฺตา, ตถา ‘‘โอสีทนฺตา’’ติอาทีสุปิ อนฺต-สทฺโท. อุมฺมุชฺชเนเนว อวุตฺตสฺสาปิ นิมุชฺชนสฺส คหณนฺติ ทสฺเสติ ‘‘โอสีทนฺตา’’ติอาทินา. ตตฺถ อปายูปปตฺติวเสน อโธ โอสีทนํ, สมฺปตฺติภววเสน อุทฺธมุคฺคมนํ. ตถา ปริตฺตภูมิมหคฺคตภูมิวเสน, ทิฏฺิยา โอลีนตาติธาวนวเสน, ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิอปรนฺตานุทิฏฺิวเสน จ ยถากฺกมํ โยเชตพฺพํ. ปริยาปนฺนาติ อนฺโตคธา. ตพฺภาโว จ ตทาพทฺเธนาติ วุตฺตํ ‘‘เอเตน อาพทฺธา’’ติ. ‘‘น เหตฺถา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตปาฬิยา อาปนฺนตฺถํ ทสฺเสติ.
อิทานิ ¶ อุปมาสํสนฺทนมาห ‘‘เกวฏฺโฏ วิยา’’ติอาทินา. เก อุทเก วฏฺฏติ ปริจรตีติ เกวฏฺโฏ, มจฺฉพนฺโธ. กามํ เกวฏฺฏนฺเตวาสีปิ ปาฬิยํ วุตฺโต, โส ปน ตทนุคติโกวาติ ตถา วุตฺตํ. ทสสหสฺสิโลกธาตูติ ชาติกฺเขตฺตํ สนฺธายาห ตตฺเถว ปฏิเวธสมฺภวโต, อฺเสฺจ ตคฺคหเณเนว คหิตตฺตา. อฺตฺถาปิ หิ ทิฏฺิคติกา เอตฺถ ปริยาปนฺนา อนฺโตชาลีกตาว. โอฬาริกาติ ปากฏภาเวน ถูลา. ตสฺสาติ ปริตฺโตทกสฺส.
๑๔๗. ‘‘สพฺพทิฏฺีนํ สงฺคหิตตฺตา’’ติ เอเตน วาทสงฺคหเณน ปุคฺคลสงฺคโหติ ทสฺเสติ. อตฺตโน…เป… ทสฺเสนฺโตติ เทสนากุสลตาย ยถาวุตฺเตสุ ทิฏฺิคติกานํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนฏฺานภูเตสุ กตฺถจิปิ ภวาทีสุ อตฺตโน อนวโรธภาวํ ทสฺเสนฺโต. นยนฺตีติ สตฺเต อิจฺฉิตฏฺานมาวหนฺติ, ตํ ปน ตถาอากฑฺฒนวเสนาติ อาห ‘‘คีวายา’’ติอาทิ. ‘‘เนตฺติสทิสตายา’’ติ อิมินา สทิสโวหารํ, อุปมาตทฺธิตํ วา ทสฺเสติ. ‘‘สา หี’’ติอาทิ สทิสตาวิภาวนา. คีวายาติ เอตฺถ มหาชนานนฺติ สมฺพนฺธีนิทฺเทโส เนตีติ เอตฺถาปิ กมฺมภาเวน สมฺพชฺฌิตพฺโพ นี-สทฺทสฺส ทฺวิกมฺมิกตฺตา, อาขฺยาตปโยเค จ พหุลํ สามิวจนสฺส กตฺตุกมฺมตฺถโชตกตฺตา. อสฺสาติ อเนน ภควตา, สา ภวเนตฺติ อุจฺฉินฺนาติ สมฺพนฺโธ. ปุน อปฺปฏิสนฺธิกภาวาติ สามตฺถิยตฺถมาห. ชีวิตปริยาทาเน วุตฺเตเยว หิ ปุน อปฺปฏิสนฺธิกภาโว วุตฺโต นาม ตสฺเสว อทสฺสนสฺส ปธานการณตฺตา. ‘‘น ทกฺขนฺตี’’ติ เอตฺถ อนาคตวจนวเสน ปทสิทฺธิ ‘‘ยตฺร หิ นาม สาวโก เอวรูปํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สกฺขึ วา กริสฺสตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๒๘; สํ. นิ. ๒.๒๐๒) วิยาติ ทสฺเสติ ‘‘น ทกฺขิสฺสนฺตี’’ติ อิมินา. กึ วุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘อปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺตี’’ติ. อปณฺณตฺติกภาวนฺติ จ ธรมานกปณฺณตฺติยา เอว อปณฺณตฺติกภาวํ, อตีตปณฺณตฺติยา ปน ตถาคตปณฺณตฺติ ¶ ยาว สาสนนฺตรธานา, ตโต อุทฺธมฺปิ อฺพุทฺธุปฺปาเทสุ ปวตฺตติ เอว ยถา อธุนา วิปสฺสิอาทีนํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘โวหารมตฺตเมว ภวิสฺสตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๗) ปฺาย เจตฺถ ปณฺณาเทโสติ เนรุตฺติกา.
กาโยติ อตฺตภาโว, โย รูปารูปธมฺมสมูโห. เอวฺหิสฺส อมฺพรุกฺขสทิสตา, ตทวยวานฺจ รูปกฺขนฺธจกฺขายตนจกฺขุธาตาทีนํ อมฺพปกฺกสทิสตา ¶ ยุชฺชติ. ตนฺติ กายํ. ปฺจปกฺกทฺวาทสปกฺกอฏฺารสปกฺกปริมาณาติ ปฺจปกฺกปริมาณา เอกา, ทฺวาทสปกฺกปริมาณา เอกา, อฏฺารสปกฺกปริมาณา เอกาติ ติวิธา ปกฺกมฺพผลปิณฺฑี วิย. ปิณฺโฑ เอตสฺสาติ ปิณฺฑี, ถวโก. ตทนฺวยานีติ วณฺฏานุคตานิ, เตนาห ‘‘ตํเยว วณฺฏํ อนุคตานี’’ติ.
มณฺฑูกกณฺฏกวิสสมฺผสฺสนฺติ วิสวนฺตสฺส เภกวิเสสสฺส กณฺฏเกน, ตทฺเน จ วิเสน สมฺผสฺสํ, มณฺฑูกกณฺฏเก วิชฺชมานสฺส วิสสฺส สมฺผสฺสํ วา. สกณฺฏโก ชลจารี สตฺโต อิธ มณฺฑูโก นาม, โย ‘‘ปาสาณกจฺฉโป’’ติ โวหรนฺติ, ตสฺส นงฺคุฏฺเ อคฺคโกฏิยํ ิโต กณฺฏโกติปิ วทนฺติ. เอกํ วิสมจฺฉกณฺฏกนฺติปิ เอเก. กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. เอตฺถ จ วณฺฏจฺเฉเท วณฺฏูปนิพนฺธานํ อมฺพปกฺกานํ อมฺพรุกฺขโต วิจฺเฉโท วิย ภวเนตฺติจฺเฉเท ตทุปนิพนฺธานํ ขนฺธาทีนํ สนฺตานโต วิจฺเฉโทติ เอตฺตาวตาว ปาฬิยมาคตํ โอปมฺมํ, ตทวเสสํ ปน อตฺถโต ลทฺธเมวาติ ทฏฺพฺพํ.
๑๔๘. พุทฺธพลนฺติ พุทฺธานํ าณพลํ. กถิตสุตฺตสฺส นามาติ เอตฺถ นาม-สทฺโท สมฺภาวเน นิปาโต, เตน ‘‘เอวมฺปิ นาม กถิตสุตฺตสฺสา’’ติ วุตฺตนเยน สุตฺตสฺส คุณํ สมฺภาเวติ. หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ. เตน หิ อธุนาว คณฺหาเปสฺสามิ. น ปปฺจํ กริสฺสามีติ โวสฺสคฺคํ กโรติ.
ธมฺมปริยาเยติ ธมฺมเทสนาสงฺขาตาย ปาฬิยา. อิธตฺโถติ ทิฏฺธมฺมหิตํ. ปรตฺโถติ สมฺปรายหิตํ, ตทุภยตฺโถ วา. ภาสิตตฺโถปิ ยุชฺชติ ‘‘ธมฺมชาล’’นฺติ เอตฺถ ตนฺติธมฺมสฺส คหิตตฺตา. อิหาติ อิธ สาสเน. นนฺติ นิปาตมตฺตํ ‘‘น นํ สุโต สมโณ โคตโม’’ติอาทีสุ วิย. นฺติ ธมฺมาติ ปาฬิธมฺมา. สพฺเพน สพฺพํ สงฺคณฺหนโต อตฺถสงฺขาตํ ชาลเมตฺถาติ อตฺถชาลํ. ตถา ธมฺมชาลํ พฺรหฺมชาลํ ทิฏฺิชาลนฺติ เอตฺถาปิ. สงฺคามํ วิชินาติ เอเตนาติ สงฺคามวิชโย, สงฺคาโม เจตฺถ ปฺจหิ มาเรหิ สมาคมนํ อภิยุชฺฌนนฺติ อาห ‘‘เทวปุตฺตมารมฺปี’’ติอาทิ. อตฺถสมฺปตฺติยา หิ อตฺถชาลํ. พฺยฺชนสมฺปตฺติยา, สีลาทิอนวชฺชธมฺมนิทฺเทสโต ¶ จ ธมฺมชาลํ. เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูตานํ มคฺคผลนิพฺพานานํ วิภตฺตตฺตา พฺรหฺมชาลํ. ทิฏฺฏิวิเวจนมุเขน สฺุตาปกาสเนน สมฺมาทิฏฺิยา วิภตฺตตฺตา ทิฏฺิชาลํ. ติตฺถิยวาทนิมฺมทฺทนุปายตฺตา อนุตฺตโร สงฺคามวิชโยติ เอวมฺเปตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
นิทานาวสานโตติ ¶ ‘‘อถ ภควา อนุปฺปตฺโต’’ติ วจนสงฺขาตนิทานปริโยสานโต. มริยาทาวธิวจนฺเหตํ. อปิจ นิทานาวสานโตติ นิทานปริโยสาเน วุตฺตตฺตา นิทานาวสานภูตโต ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว, ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๑.๕, ๖) วจนโต. อาภิวิธิอวธิวจนฺเหตํ. อิทฺจ ‘‘อโวจา’’ติ กิริยาสมฺพนฺธเนน วุตฺตํ. ‘‘นิทาเนน อาทิกลฺยาณ’’นฺติ วจนโต ปน นิทานมฺปิ นิคมนํ วิย สุตฺตปริยาปนฺนเมว. อลพฺภ…เป… คมฺภีรนฺติ สพฺพฺุตฺาณสฺส วิเสสนํ.
๑๔๙. ยถา อนตฺตมนา อตฺตโน อนตฺถจรตาย ปรมนา เวริมนา นาม โหนฺติ, ยถาห ธมฺมราชา ธมฺมปเท, อุทาเน จ –
‘‘ทิโส ทิสํ ยํ ตํ กยิรา, เวรี วา ปน เวรินํ;
มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ, ปาปิโย นํ ตโต กเร’’ติ. (ธ. ป. ๔๒; อุทา. ๓๓);
น เอวมิเม อนตฺตมนา, อิเม ปน อตฺตโน อตฺถจรตาย อตฺตมนา นาม โหนฺตีติ อาห ‘‘สกมนา’’ติ. สกมนตา จ ปีติยา คหิตจิตฺตตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘พุทฺธคตายา’’ติอาทินา.
อยํ ปน อฏฺกถาโต อปโร นโย – อตฺตมนาติ สมตฺตมนา, อิมาย เทสนาย ปริปุณฺณมนสงฺกปฺปาติ อตฺโถ. เทสนาวิลาโส เทสนาย วิชมฺภนํ, ตฺจ เทสนากิจฺจนิปฺผาทกํ สพฺพฺุตฺาณเมว. กรวีกสฺส รุตมิว มฺชุมธุรสฺสโร ยสฺสาติ กรวีกรุตมฺชู, เตน. อมตาภิเสกสทิเสนาติ กายจิตฺตทรถวูปสมกํ สพฺพสมฺภาราภิสงฺขตํ อุทกํ ทีฆายุกตาสํวตฺตนโต อมตํ นาม. เตนาภิเสกสทิเสน. พฺรหฺมุโน สโร วิย อฏฺงฺคสมนฺนาคโต สโร ยสฺสาติพฺรหฺมสฺสโร, เตน. อภินนฺทตีติ ตณฺหายติ, เตนาห ‘‘ตณฺหายมฺปิ อาคโต’’ติ. อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํ อภินนฺทนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ เสวนฺตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘อุปคมเนปี’’ติ.
ตถา ¶ อภินนฺทนฺตีติ สมฺปฏิจฺฉนฺตีติ อตฺถมาห ‘‘สมฺปฏิจฺฉเนปี’’ติ. อภินนฺทิตฺวาติ วุตฺโตเยวตฺโถ ‘‘อนุโมทิตฺวา’’ติ อิมินา ปกาสิโตติ สนฺธาย ‘‘อนุโมทเนปี’’ติ วุตฺตํ.
อิมเมวตฺถํ ¶ คาถาพนฺธวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘สุภาสิต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สทฺทโต สุภาสิตํ, อตฺถโต สุลปิตํ. สีลปฺปกาสเนน วา สุภาสิตํ, สฺุตาปกาสเนน สุลปิตํ. ทิฏฺิวิภชเนน วา สุภาสิตํ, ตนฺนิพฺเพธกสพฺพฺุตฺาณวิภชเนน สุลปิตํ. เอวํ อวณฺณวณฺณนิเสธนาทีหิปิ อิธ ทสฺสิตปฺปกาเรหิ โยเชตพฺพํ. ตาทิโนติ อิฏฺานิฏฺเสุ สมเปกฺขนาทีหิ ปฺจหิ การเณหิ ตาทิภูตสฺส. อิมสฺส ปทสฺส วิตฺถาโร ‘‘อิฏฺานิฏฺเ ตาที, จตฺตาวีติ ตาที, วนฺตาวีติ ตาที’’ติอาทินา (มหานิ. ๓๘) มหานิทฺเทเส วุตฺโต, โส อุปริ อฏฺกถายมฺปิ อาวิภวิสฺสติ. กิฺจาปิ ‘‘กตมฺจ ตํ ภิกฺขเว’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๗) ตตฺถ ตตฺถ ปวตฺตาย กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนวเสน วุตฺตตฺตา อิทํ สุตฺตํ เวยฺยากรณํ นาม ภวติ. พฺยากรณเมว หิ เวยฺยากรณํ, ตถาปิ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวเสน ปวตฺตํ สุตฺตํ สคาถกํ เจ, เคยฺยํ นาม ภวติ. นิคฺคาถกํ, เจ องฺคนฺตรเหตุรหิตฺจ, เวยฺยากรณํ นาม. อิติ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวเสน ปวตฺตสฺสาปิ เคยฺยสาธารณโต, องฺคนฺตรเหตุรหิตสฺส จ นิคฺคาถกภาวสฺเสว อนฺสาธารณโต ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนภาวมนเปกฺขิตฺวา นิคฺคาถกภาวเมว เวยฺยากรณเหตุตาย ทสฺเสนฺโต ‘‘นิคฺคาถกตฺตา หิ อิทํ เวยฺยากรณ’’นฺติ อาห.
กสฺมาติ โจทนํ โสเธติ ‘‘ภฺมาเนติ หิ วุตฺต’’นฺติ อิมินา. อุภยสมฺพนฺธปทฺเหตํ เหฏฺา, อุปริ จ สมฺพชฺฌนโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ภฺมาเน’’ติ วตฺตมานกาลวเสน วุตฺตตฺตา น เกวลํ สุตฺตปริโยสาเนเยว, อถ โข ทฺวาสฏฺิยา าเนสุ อกมฺปิตฺถาติ เวทิตพฺพาติ. ยเทวํ สกเลปิ อิมสฺมึ สุตฺเต ภฺมาเน อกมฺปิตฺถาติ อตฺโถเยว สมฺภวติ, น ปน ตสฺส ตสฺส ทิฏฺิคตสฺส ปริโยสาเน ปริโยสาเนติ อตฺโถติ? นายมนุโยโค กตฺถจิปิ น ปวิสติ สมฺภวมตฺเตเนว อนุยฺุชนโต, อยํ ปน อตฺโถ น สมฺภวมตฺเตเนว วุตฺโต, อถ โข เทสนากาเล กมฺปนากาเรเนว อาจริยปรมฺปราภเตน. เตเนว หิ อากาเรนายมตฺโถ สงฺคีติมารุฬฺโห, ตถารุฬฺหนเยเนว จ สงฺคหกาเรน วุตฺโตติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ, อิตรถา อตกฺกาวจรสฺส อิมสฺสตฺถสฺส ตกฺกปริยาหตกถนํ อนุปปนฺนํ สิยาติ. เอวมีทิเสสุ. ‘‘ธาตุกฺโขเภนา’’ติอาทีสุ อตฺโถ มหาปรินิพฺพานสุตฺตวณฺณนาย (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๗๑) คเหตพฺโพ.
อปเรสุปีติ ¶ ¶ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน ปารมิปวิจยนํ สมฺปิณฺเฑติ. วุตฺตฺหิ พุทฺธวํเส –
‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;
ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถา’’ติ. (พุ. วํ. ๑๖๖);
ตถา สาสนปติฏฺานนฺตรธานาทโยปิ. ตตฺถ สาสนปติฏฺาเน ตาว ภควโต เวฬุวนปฏิคฺคหเณ, มหามหินฺทตฺเถรสฺส มหาเมฆวนปฏิคฺคหเณ, มหาอริฏฺตฺเถรสฺส วินยปิฏกสชฺฌายเนติ เอวมาทีสุ สาสนสฺส มูลานิ โอติณฺณานีติ ปีติวสํ คตา นจฺจนฺตา วิย อยํ มหาปถวี กมฺปิตฺถ. สาสนนฺตรธาเน ปน ‘‘อโห อีทิสสฺส สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธาน’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺตา วิย ยถา ตํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธาเน. วุตฺตฺเหตมปทาเน –
‘‘ตทายํ ปถวี สพฺพา, อจลา สา จลาจลา;
สาคโร จ สโสโกว, วินที กรุณํ คิร’’นฺติ. (อป. ๒.๕๔.๑๓๑);
โพธิมณฺฑูปสงฺกมเนติ วิสาขาปุณฺณมทิวเส ปมํ โพธิมณฺฑูปสงฺกมเน. ปํสุกูลคฺคหเณติ ปุณฺณํ นาม ทาสึ ปารุปิตฺวา อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตสฺส สาณมยปํสุกูลสฺส ตุมฺพมตฺเต ปาเณ วิธุนิตฺวา มหาอริยวํเส ตฺวา คหเณ. ปํสุกูลโธวเนติ ตสฺเสว ปํสุกูลสฺส โธวเน. กาฬการามสุตฺตํ (อ. นิ. ๔.๒๔) องฺคุตฺตราคเม จตุกฺกนิปาเต. โคตมกสุตฺตมฺปิ (อ. นิ. ๓.๑๗๖) ตตฺเถว ติกนิปาเต. วีริยพเลนาติ มหาภินิกฺขมเน จกฺกวตฺติสิริปริจฺจาคเหตุภูตวีริยปฺปภาเวน. โพธิมณฺฑูปสงฺกมเน –
‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;
อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิต’’นฺติ. (ม. นิ. ๒.๑๘๔; สํ. นิ. ๒.๒๒, ๒๓๗; อ. นิ. ๒.๕; ๘.๑๓; มหานิ. ๑๙๖; อวิทูเรนิทานกถา);
วุตฺตจตุรงฺคสมนฺนาคตวีริยานุภาเวนาติ ยถารหมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อจฺฉริยเวคาภิหตาติ วิมฺหยาวหกิริยานุภาวฆฏฺฏิตา. ปํสุกูลโธวเน ภควโต ปฺุเตเชนาติ วทนฺติ. ปํสุกูลคฺคหเณ ยถา อจฺฉริยเวคาภิหตาติ ยุตฺตํ วิย ทิสฺสติ, ตํ ปน กทาจิ ปวตฺตตฺตา ¶ ‘‘อกาลกมฺปเนนา’’ติ ¶ วุตฺตํ. เวสฺสนฺตรชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕) ปน ปารมีปูรณปฺุเตเชน อเนกกฺขตฺตุํ กมฺปิตตฺตา อกาลกมฺปนํ นาม ภวติ. สกฺขินิทสฺสเน กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺสานุรูปโต สกฺขิ วิย ภวตีติ วุตฺตํ ‘‘สกฺขิภาเวนา’’ติ ยถา ตํ มารวิชยกาเล (ชา. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา). สาธุการทาเนนาติ ปกรณานุรูปวเสน วุตฺตํ ยถา ตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสงฺคีติกาลาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓; ปฏิ. ม. ๓.๓๐๑).
‘‘น เกวล’’นฺติอาทินา อเนกตฺถปถวีกมฺปนทสฺสนมุเขน อิมสฺส สุตฺตสฺส มหานุภาวตาเยว ทสฺสิตา. ตตฺถ โชติวเนติ นนฺทวเน. ตฺหิ สาสนสฺส าณาโลกสงฺขาตาย โชติยา ปาตุภูตฏฺานตฺตา โชติวนนฺติ วุจฺจตีติ วินยสํวณฺณนายํ วุตฺตํ. ธมฺมนฺติ อนมตคฺคสุตฺตาทิธมฺมํ. ปาจีนอมฺพลฏฺิกฏฺานนฺติ ปาจีนทิสาภาเค ตรุณมฺพรุกฺเขน ลกฺขิตฏฺานํ.
เอวนฺติ ภควตา เทสิตกาลาทีสุ ปถวีกมฺปนมติทิสติ. อเนกโสติ อเนกธา. สยมฺภุนา เทสิตสฺส พฺรหฺมชาลสฺส ยสฺส สุตฺตเสฏฺสฺสาติ โยชนา. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. โยนิโสติ มิจฺฉาทิฏฺิปฺปหานสมฺมาทิฏฺิสมาทานาทินา าเยน อุปาเยน ปฏิปชฺชนฺตูติ อตฺโถ. อยํ ตาเวตฺถ อฏฺกถาย ลีนตฺถวิภาวนา.
ปกรณนยวณฺณนา
‘‘อิโต ปรํ อาจริย-ธมฺมปาเลน ยา กตา;
สมุฏฺานาทิหาราทิ-วิวิธตฺถวิภาวนา.
น สา อมฺเหหุเปกฺเขยฺยา, อยฺหิ ตพฺพิโสธนา;
ตสฺมา ตมฺปิ ปวกฺขาม, โสตูนํ าณวุฑฺฒิยา.
อยฺหิ ปกรณนเยน ปาฬิยา อตฺถวณฺณนา – ปกรณนโยติ จ ตมฺพปณฺณิภาสาย วณฺณนานโย. ‘‘เนตฺติเปฏกปฺปกรเณ ธมฺมกถิกานํ โยชนานโยติปิ วทนฺตี’’ติ อภิธมฺมฏีกายํ วุตฺตํ. ยสฺมา ปนายํ เทสนาย สมุฏฺานปโยชนภาชเนสุ, ปิณฺฑตฺเถสุ จ ปมํ นิทฺธาริเตสุ สุกรา, โหติ สุวิฺเยฺยา จ, ตสฺมา –
สมุฏฺานํ ¶ ¶ ปโยชนํ, ภาชนฺจาปิ ปิณฺฑตฺถํ;
นิทฺธาเรตฺวาน ปณฺฑิโต, ตโต หาราทโย สํเส.
ตตฺถ สมุฏฺานํ นาม เทสนานิทานํ, ตํ สาธารณมสาธารณนฺติ ทุวิธํ, ตถา สาธารณมฺปิ อชฺฌตฺติกพาหิรโต. ตตฺถ สาธารณํ อชฺฌตฺติกสมุฏฺานํ นาม ภควโต มหากรุณา. ตาย หิ สมุสฺสาหิตสฺส โลกนาถสฺส เวเนยฺยานํ ธมฺมเทสนาย จิตฺตํ อุทปาทิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สตฺเตสุ การฺุตํ ปฏิจฺจ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสี’’ติอาทิ. เอตฺถ จ ติวิธาวตฺถายปิ มหากรุณาย สงฺคโห ทฏฺพฺโพ ยาวเทว สทฺธมฺมเทสนาหตฺถทาเนหิ สํสารมโหฆโต สตฺตสนฺตารณตฺถํ ตทุปฺปตฺติโต. ยถา จ มหากรุณา, เอวํ สพฺพฺุตฺาณทสพลาณาทโยปิ เทสนาย สาธารณมชฺฌตฺติกสมุฏฺานํ นาม. สพฺพฺหิ เยฺยธมฺมํ เตสํ เทเสตพฺพาการํ, สตฺตานํ อาสยานุสยาทิกฺจ ยาถาวโต ชานนฺโต ภควา านาฏฺานาทีสุ โกสลฺเลน เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วิจิตฺรนยเทสนํ ปวตฺเตสิ. พาหิรํ ปน สาธารณสมุฏฺานํ ทสสหสฺสิมหาพฺรหฺมปริวารสฺส สหมฺปติพฺรหฺมุโน อชฺเฌสนํ. ตทชฺเฌสนฺหิ ปติ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณาชนิตํ อปฺโปสฺสุกฺกตํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ธมฺมสฺสามี ธมฺมเทสนาย อุสฺสาหชาโต อโหสิ.
อสาธารณมฺปิ อชฺฌตฺติกพาหิรโต ทุวิธเมว. ตตฺถ อชฺฌตฺติกํ ยาย มหากรุณาย, เยน จ เทสนาาเณน อิทํ สุตฺตํ ปวตฺติตํ, ตทุภยเมว. สามฺาวตฺถาย หิ สาธารณมฺปิ สมานํ มหากรุณาทิวิเสสาวตฺถาย อสาธารณํ ภวติ, พาหิรํ ปน อสาธารณสมุฏฺานํ วณฺณาวณฺณภณนนฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ. อปิจ นินฺทาปสํสาสุ สตฺตานํ เวเนยฺยาฆาตานนฺทาทิภาวมนาปตฺติ. ตตฺถ จ อนาทีนวทสฺสนํ พาหิรมสาธารณสมุฏฺานเมว, ตถา นินฺทาปสํสาสุ ปฏิปชฺชนกฺกมสฺส, ปสํสาวิสยสฺส จ ขุทฺทกาทิวเสน อเนกวิธสฺส สีลสฺส, สพฺพฺุตฺาณสฺส จ สสฺสตาทิทิฏฺิฏฺาเน, ตทุตฺตริ จ อปฺปฏิหตจารตาย, ตถาคตสฺส จ กตฺถจิปิ ภวาทีสุ อปริยาปนฺนตาย สตฺตานมนวโพโธปิ พาหิรมสาธารณสมุฏฺานํ.
ปโยชนมฺปิ สาธารณาสาธารณโต ทุวิธํ. ตตฺถ สาธารณํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ วิมุตฺติรสตฺตา สพฺพายปิ ภควโต เทสนาย, เตเนวาห ¶ ‘‘เอตทตฺถา กถา, เอตทตฺถา มนฺตนา’’ติอาทิ (ปริ. ๓๖๖) อสาธารณํ ปน พาหิรสมุฏฺานโต วิปริยาเยน เวทิตพฺพํ. นินฺทาปสํสาสุ หิ สตฺตานนฺเวเนยฺยาฆาตานนฺทาทิภาวปฺปตฺติอาทิกํ อิมิสฺสา เทสนาย ผลภูตํ การณภาเวน ¶ อิมํ เทสนํ ปโยเชติ. ผลฺหิ ตทุปฺปาทกสตฺติยา การณํ ปโยเชติ นาม ผเล สติเยว ตาย สตฺติยา การณภาวปฺปตฺติโต. อถ วา ยถาวุตฺตํ ผลํ อิมาย เทสนาย ภควนฺตํ ปโยเชตีติ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ. ยฺหิ เทสนาย สาเธตพฺพํ ผลํ, ตํ อากงฺขิตพฺพตฺตา เทสนาย เทสกํ ปโยเชติ นาม. อปิจ กุหนลปนาทินานาวิธมิจฺฉาชีววิทฺธํสนํ, ทฺวาสฏฺิทิฏฺิชาลวินิเวนํ, ทิฏฺิสีเสน ปจฺจยาการวิภาวนํ, ฉผสฺสายตนวเสน จตุสจฺจกมฺมฏฺานนิทฺเทโส, สพฺพทิฏฺิคตานํ อนวเสสปริยาทานํ, อตฺตโน อนุปาทาปรินิพฺพานทีปนฺจ ปโยชนเมว.
ภาชนํ ปน เทสนาธิฏฺานํ. เย หิ วณฺณาวณฺณนิมิตฺตอนุโรธวิโรธวนฺตจิตฺตา กุหนาทิวิวิธมิจฺฉาชีวนิรตา สสฺสตาทิทิฏฺิปงฺกนิมุคฺคา สีลกฺขนฺธาทีสุ อปริปูรการิโน อพุทฺธคุณวิเสสาณา เวเนยฺยา, เต อิมิสฺสา เทสนาย ภาชนํ.
ปิณฺฑตฺโถ ปน อิธ ลพฺภมานปเทหิ, สมุทาเยน จ สุตฺตปเทน ยถาสมฺภวํ สงฺคหิโต อตฺโถ. อาฆาตาทีนํ อกรณียตาวจเนน หิ ทสฺสิตํ ปฏิฺานุรูปํ สมณสฺาย นิโยชนํ, ตถา ขนฺติโสรจฺจานุฏฺานํ, พฺรหฺมวิหารภาวนานุโยโค, สทฺธาปฺาสมาโยโค, สติสมฺปชฺาธิฏฺานํ, ปฏิสงฺขานภาวนาพลสิทฺธิ, ปริยุฏฺานานุสยปฺปหานํ, อุภยหิตปฏิปตฺติ, โลกธมฺเมหิ อนุปเลโป จ –
ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติวจเนน ทสฺสิตา สีลวิสุทฺธิ, ตาย จ หิโรตฺตปฺปสมฺปตฺติ, เมตฺตากรุณาสมงฺคิตา, วีติกฺกมปฺปหานํ, ตทงฺคปฺปหานํ, ทุจฺจริตสํกิเลสปฺปหานํ, วิรติตฺตยสิทฺธิ, ปิยมนาปครุภาวนียตานิปฺผตฺติ, ลาภสกฺการสิโลกสมุทาคโม, สมถวิปสฺสนานํ อธิฏฺานภาโว, อกุสลมูลตนุกรณํ, กุสลมูลโรปนํ, อุภยานตฺถทูรีกรณํ, ปริสาสุ วิสารทตา, อปฺปมาทวิหาโร, ปเรหิ ทุปฺปธํสิยตา, อวิปฺปฏิสาราทิสมงฺคิตา จ –
‘‘คมฺภีรา’’ติอาทิวจเนหิ ¶ ทสฺสิตํ คมฺภีรธมฺมวิภาวนํ, อลพฺภเนยฺยปติฏฺตา, กปฺปานมสงฺขฺเยยฺเยนาปิ ทุลฺลภปาตุภาวตา, สุขุเมนปิ าเณน ปจฺจกฺขโต ปฏิวิชฺฌิตุมสกฺกุเณยฺยตา, ธมฺมนฺวยสงฺขาเตน อนุมานาเณนาปิ ทุรธิคมนียตา, ปสฺสทฺธสพฺพทรถตา, สนฺตธมฺมวิภาวนํ, โสภนปริโยสานตา, อติตฺติกรภาโว, ปธานภาวปฺปตฺติ, ยถาภูตาณโคจรตา, สุขุมสภาวตา, มหาปฺาวิภาวนา จ. ทิฏฺิทีปกปเทหิ ทสฺสิตา สมาสโต สสฺสตอุจฺเฉททิฏฺิโย ลีนตาติธาวนวิภาวนํ, อุภยวินิพนฺธนิทฺเทโส ¶ , มิจฺฉาภินิเวสกิตฺตนํ, กุมฺมคฺคปฏิปตฺติปฺปกาสนํ, วิปริเยสคฺคาหาปนํ, ปรามาสปริคฺคโห, ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุทิฏฺิปติฏฺาปนา, ภววิภวทิฏฺิวิภาคา, ตณฺหาวิชฺชาปวตฺติ, อนฺตวานนฺตวาทิฏฺินิทฺเทโส, อนฺตทฺวยาวตารณํ, อาสโวฆโยคกิเลสคนฺถสํโยชนุปาทานวิเสสวิภชนฺจ –
ตถา ‘‘เวทนานํ สมุทย’’นฺติอาทิวจเนหิ ทสฺสิตา จตุนฺนมริยสจฺจานํ อนุโพธปฏิโพธสิทฺธิ, วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานํ ตณฺหาวิชฺชาวิคโม, สทฺธมฺมฏฺิตินิมิตฺตปริคฺคโห, อาคมาธิคมสมฺปตฺติ, อุภยหิตปฏิปตฺติ, ติวิธปฺาปริคฺคโห, สติสมฺปชฺานุฏฺานํ, สทฺธาปฺาสมาโยโค, วีริยสมตานุโยชนํ, สมถวิปสฺสนานิปฺผตฺติ จ –
‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ ปเทหิ ทสฺสิตา อวิชฺชาสิทฺธิ, ตถา ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิต’’นฺติ ปเทหิ ตณฺหาสิทฺธิ, ตทุภเยน จ นีวรณสฺโชนทฺวยสิทฺธิ, อนมตคฺคสํสารวฏฺฏานุปจฺเฉโท, ปุพฺพนฺตาหรณาปรนฺตานุสนฺธานานิ, อตีตปจฺจุปฺปนฺนกาลวเสน เหตุวิภาโค, อวิชฺชาตณฺหานํ อฺมฺานติวตฺตนํ, อฺมฺูปการิตา, ปฺาวิมุตฺติเจโตวิมุตฺตีนํ ปฏิปกฺขนิทฺเทโส จ –
‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ ปเทน ทสฺสิตา สสฺสตาทิปฺาปนสฺส ปจฺจยาธีนวุตฺติตา, เตน จ ธมฺมานํ นิจฺจตาปฏิเสโธ, อนิจฺจตาปติฏฺาปนํ, ปรมตฺถโต การกาทิปฏิกฺเขโป, เอวํธมฺมตานิทฺเทโส, สฺุตาปกาสนํ สมตฺถนิรีห ปจฺจยลกฺขณวิภาวนฺจ –
‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก’’ติอาทินา ¶ ทสฺสิตา ภควโต ปหานสมฺปตฺติ, วิชฺชาวิมุตฺติวสีภาโว, สิกฺขตฺตยนิปฺผตฺติ, นิพฺพานธาตุทฺวยวิภาโค, จตุรธิฏฺานปริปูรณํ, ภวโยนิอาทีสุ อปริยาปนฺนตา จ –
สกเลน ปน สุตฺตปเทน ทสฺสิโต อิฏฺานิฏฺเสุ ภควโต ตาทิภาโว, ตตฺถ จ ปเรสํ ปติฏฺาปนํ, กุสลธมฺมานํ อาทิภูตธมฺมทฺวยนิทฺเทโส สิกฺขตฺตยูปเทโส, อตฺตนฺตปาทิปุคฺคลจตุกฺกสิทฺธิ, กณฺหกณฺหวิปากาทิกมฺมจตุกฺกวิภาโค, จตุรปฺปมฺาวิสยนิทฺเทโส, สมุทยตฺถงฺคมาทิปฺจกสฺส ยถาภูตาวโพโธ, ฉสารณียธมฺมวิภาวนา, ทสนาถกธมฺมปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทโย ยถาสมฺภวํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตพฺพา อตฺถา ปิณฺฑตฺโถ.
โสฬสหารวณฺณนา
เทสนาหารวณฺณนา
อิทานิ ¶ เนตฺติยา, เปฏโกปเทเส จ วุตฺตนยวเสน หาราทีนํ นิทฺธารณํ. ตตฺถ ‘‘อตฺตา, โลโก’’ติ จ ทิฏฺิยา อธิฏฺานภาเวน, เวทนาผสฺสายตนาทิมุเขน จ คหิเตสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ตณฺหาวชฺชิตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจํ. ตณฺหา สมุทยสจฺจํ. ตํ ปน ‘‘ปริตสฺสนาคหเณน ตณฺหาคตาน’’นฺติ, ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ จ ปเทหิ สมุทยคฺคหเณนฺจ ปาฬิยํ สรูเปน คหิตเมว. อยํ ตาว สุตฺตนฺตนโย.
อภิธมฺเม ปน วิภงฺคปฺปกรเณ อาคตนเยน อาฆาตานนฺทาทิวจเนหิ, ‘‘อาตปฺปมนฺวายา’’ติอาทิปเทหิ, จิตฺตปโทสวจเนน, สพฺพทิฏฺิคติกปเทหิ, กุสลากุสลคฺคหเณน, ภวคฺคหเณน, โสกาทิคฺคหเณน, ทิฏฺิคฺคหเณน, ตตฺถ ตตฺถ สมุทยคฺคหเณน จาติ สงฺเขปโต สพฺพโลกิยกุสลากุสลธมฺมวิภาวนปเทหิ คหิตา ธมฺมกิเลสา สมุทยสจฺจํ. ตทุภเยสมปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ. ตสฺส ปน ตตฺถ ตตฺถ เวทนานํ อตฺถงฺคมนิสฺสรณปริยาเยหิ ปจฺจตฺตํ นิพฺพุติวจเนน, อนุปาทาวิมุตฺติวจเนน จ ปาฬิยํ คหณํ เวทิตพฺพํ. นิโรธปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจํ. ตสฺสปิ ตตฺถ ตตฺถ เวทนานํ สมุทยาทีนิ ยถาภูตปฏิเวธนาปเทเสน ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ สมุทยาทีนิ ยถาภูตปชานนปริยาเยน, ภวเนตฺติยา อุจฺเฉทวจเนน จ คหณํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ¶ สมุทเยน อสฺสาโท, ทุกฺเขน อาทีนโว, มคฺคนิโรเธหิ นิสฺสรณนฺติ เอวํ จตุสจฺจวเสน, ยานิ ปาฬิยํ สรูเปเนว อาคตานิ อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณานิ, เตสฺจ วเสน อิธ อสฺสาทาทโย เวทิตพฺพา. เวเนยฺยานํ ตาทิภาวาปตฺติอาทิ ผลํ. ยฺหิ เทสนาย สาเธตพฺพํ เหฏฺา วุตฺตํ ปโยชนํ. ตเทว ผลนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ตทตฺถฺหิ อิทํ สุตฺตํ ภควตา เทสิตํ. อาฆาตาทีนมกรณียตา, อาฆาตาทิผลสฺส จ อนฺสนฺตานภาวิตา นินฺทาปสํสาสุ ยถาสภาวํ ปฏิชานนนิพฺเพนานีติ เอวํ ตํตํปโยชนาธิคมเหตุ อุปาโย. อาฆาตาทีนํ กรณปฏิเสธนาทิอปเทเสน อตฺถกาเมหิ ตโต จิตฺตํ สาธุกํ รกฺขิตพฺพนฺติ อยํ อาณารหสฺส ธมฺมราชสฺส อาณตฺตีติ. อยํ อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณผลูปายาณตฺติวเสน ฉพฺพิธธมฺมสนฺทสฺสนลกฺขโณ เทสนาหาโร นาม. วุตฺตฺจ –
‘‘อสฺสาทาทีนวตา ¶ , นิสฺสรณมฺปิ จ ผลํ อุปาโย จ;
อาณตฺตี จ ภควโต, โยคีนํ เทสนาหาโร’’ติ.
วิจยหารวณฺณนา
กปฺปนาภาเวปิ โวหารวเสน, อนุวาทวเสน จ ‘‘มม’’นฺติ วุตฺตํ. นิยมาภาวโต วิกปฺปนตฺถํ วาคฺคหณํ. ตํคุณสมงฺคิตาย, อภิมุขีกรณาย จ ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อามนฺตนํ. อฺภาวโต, ปฏิวิรุทฺธภาวโต จ ‘‘ปเร’’ติ วุตฺตํ, วณฺณปฏิปกฺขโต, อวณฺณนียโต จ ‘‘อวณฺณ’’นฺติ, พฺยตฺติวเสน, วิตฺถารวเสน จ ‘‘ภาเสยฺยุ’’นฺติ, ธารณสภาวโต, อธมฺมปฏิปกฺขโต จ ‘‘ธมฺมสฺสา’’ติ, ทิฏฺิสีเลหิ สํหตภาวโต, กิเลสานํ สงฺฆาตกรณโต จ ‘‘สงฺฆสฺสา’’ติ, วุตฺตปฏินิทฺเทสโต, วจนุปนฺยาสโต จ ‘‘ตตฺรา’’ติ, สมฺมุขีภาวโต, ปุถุภาวโต จ ‘‘ตุมฺเหหี’’ติ, จิตฺตสฺส หนนโต, อารมฺมณาภิฆาตโต จ ‘‘อาฆาโต’’ติ, อารมฺมเณ สงฺโกจวุตฺติยา อนภิมุขตาย, อตุฏฺาการตาย จ ‘‘อปฺปจฺจโย’’ติ, อารมฺมณจินฺตนโต, นิสฺสยโต จ ‘‘เจตโส’’ติ, อตฺถสฺส อสาธนโต, อนุ อนุ อนตฺถสาธนโต จ ‘‘อนภิรทฺธี’’ติ, การณานรหตฺตา, สตฺถุสาสเน
ิเตหิ ¶ กาตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา จ ‘‘น กรณียา’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อธิปฺเปตตฺเถ ปวตฺตตานิทสฺสเนน, อตฺถโส จ –
มมนฺติ สามินิทฺทิฏฺํ สพฺพนามปทํ. วาติ วิกปฺปนนิทฺทิฏฺํ นิปาตปทํ. ภิกฺขเวติ อาลปนนิทฺทิฏฺํ นามปทํ. ปเรติ กตฺตุนิทฺทิฏฺํ นามปทํ. อวณฺณนฺติ กมฺมนิทฺทิฏฺํ นามปทํ. ภาเสยฺยุนฺติ กิริยานิทฺทิฏฺํ อาขฺยาตปทํ. ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสาติ จ สามินิทฺทิฏฺํ นามปทํ. ตตฺราติ อาธารนิทฺทิฏฺํ สพฺพนามปทํ. ตุมฺเหหีติ กตฺตุนิทฺทิฏฺํ สพฺพนามปทํ. น-อิติ ปฏิเสธนิทฺทิฏฺํ นิปาตปทํ. อาฆาโต, อปฺปจฺจโย, อนภิรทฺธีติ จ กมฺมนิทฺทิฏฺํ นามปทํ. เจตโสติ สามินิทฺทิฏฺํ นามปทํ. กรณียาติ กิริยานิทฺทิฏฺํ นามปทนฺติ. เอวํ ตสฺส ตสฺส ปทสฺส วิเสสตานิทสฺสเนน, พฺยฺชนโส จ วิจยนํ ปทวิจโย. อติวิตฺถารภเยน ปน สกฺกาเยว อฏฺกถํ, ตสฺสา จ ลีนตฺถวิภาวนํ อนุคนฺตฺวา อยมตฺโถ วิฺุนา วิภาเวตุนฺติ น วิตฺถารยิมฺห.
‘‘ตตฺร เจ ตุมฺเห อสฺสถ กุปิตา วา อนตฺตมนา วา, อปิ นุ ตุมฺเห ปเรสํ สุภาสิตํ ทุพฺภาสิตํ ¶ อาชาเนยฺยาถา’’ติ อยํ อนุมติปุจฺฉา. สตฺตาธิฏฺานา, อเนกาธิฏฺานา, ปรมตฺถวิสยา, ปจฺจุปฺปนฺนวิสยาติ เอวํ สพฺพตฺถ ยถาสมฺภวํ ปุจฺฉาวิจยนํ ปุจฺฉาวิจโย. ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อิทํ วิสฺสชฺชนํ เอกํสพฺยากรณํ, นิรวเสสํ, สอุตฺตรํ, โลกิยนฺติ เอวํ สพฺพสฺสาปิ วิสฺสชฺชนสฺส ยถารหํ วิจยนํ วิสฺสชฺชนาวิจโย.
‘‘มมํ วา ภิกฺขเว ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ…เป… น เจตโส อนภิรทฺธิ กรณียา’’ติ อิมาย ปมเทสนาย ‘‘มมํ วา…เป… ตุมฺหํเยวสฺส เตน อนฺตราโย’’ติ อยํ ทุติยเทสนา สํสนฺทติ. กสฺมา? ปมาย มโนปโทสํ นิวาเรตฺวา ทุติยาย ตตฺถาทีนวสฺส ทสฺสิตตฺตา. ตถา อิมาย ทุติยเทสนาย ‘‘มมํ วา…เป… อปิ นุ ตุมฺเห ปเรสํ สุภาสิตํ ทุพฺภาสิตํ อาชาเนยฺยาถา’’ติ อยํ ตติยเทสนา สํสนฺทติ. กสฺมา? ทุติยาย ตตฺถาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ตติยาย วจนตฺถสลฺลกฺขณมตฺเตปิ อสมตฺถภาวสฺส ทสฺสิตตฺตา. ตถา อิมาย ตติยเทสนาย ‘‘มมํ วา…เป… น จ ปเนตํ อมฺเหสุ สํวิชฺชตี’’ติ อยํ จตุตฺถเทสนา สํสนฺทติ. กสฺมา? ตติยาย มโนปโทสํ สพฺพถา นิวาเรตฺวา จตุตฺถาย อวณฺณฏฺาเน ปฏิปชฺชิตพฺพาการสฺส ทสฺสิตตฺตาติ อิมินา นเยน ปุพฺเพน อปรํ สํสนฺทิตฺวา วิจยนํ ปุพฺพาปรวิจโย. อสฺสาทวิจยาทโย วุตฺตนยาว. เตสํ ลกฺขณสนฺทสฺสนมตฺตเมว เหตฺถ วิเสโส.
‘‘อปิ ¶ นุ ตุมฺเห ปเรสํ สุภาสิตํ ทุพฺภาสิตํ อาชาเนยฺยาถา’’ติ อิมาย ปุจฺฉาย ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ อยํ วิสฺสชฺชนา สเมติ. กุปิโต หิ เนว พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกานํ น มาตาปิตูนํ น ปจฺจตฺถิกานํ สุภาสิตทุพฺภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานาติ. ‘‘กตมฺจ ตํ ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกํ…เป… ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยา’’ติ อิมาย ปุจฺฉาย ‘‘ปาณาติปาตํ ปหาย ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทิกา อยํ วิสฺสชฺชนา สเมติ. ภควา หิ อนุตฺตเรน ปาณาติปาตวิรมณาทิคุเณน สมนฺนาคโต, ตฺจ โข สมาธึ, ปฺฺจ อุปนิธาย อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ. ‘‘กตเม จ เต ภิกฺขเว, ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา’’ติอาทิกาย ปุจฺฉาย ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา’’ติอาทิกา วิสฺสชฺชนา สเมติ. สพฺพฺุตฺาณคุณา หิ อฺตฺร ตถาคตา อฺเสํ าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺตฺตา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา สนฺตา ปณีตา อตกฺกาวจรา นิปุณา ปณฺฑิตเวทนียาติ อิมินา นเยน วิสฺสชฺชนาย ปุจฺฉานุรูปตาวิจยนเมว อิธ สงฺคหคาถาย อภาวโต อนุคีติวิจโยติ. อยํ ปทปฺหาทิเอกาทสธมฺมวิจยนลกฺขโณ วิจยหาโร นาม. วุตฺตฺจ ‘‘ยํ ปุจฺฉิตฺจ วิสฺสชฺชิตฺจา’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๒).
ยุตฺติหารสํวณฺณนา
มมนฺติ ¶ สามินิทฺเทโส ยุชฺชติ สภาวนิรุตฺติยา ตถาปโยคทิสฺสนโต, อวณฺณสฺส จ ตทเปกฺขตฺตา. วาติ วิกปฺปนตฺถนิทฺเทโส ยุชฺชติ เนปาติกานมเนกตฺถตฺตา, เอตฺถ จ นิยมาภาวโต. ภิกฺขเวติ อามนฺตนนิทฺเทโส ยุชฺชติ ตทตฺเถเยว เอตสฺส ปโยคสฺส ทิสฺสนโต, เทสกสฺส จ ปฏิคฺคาหกาเปกฺขโตติ เอวมาทินา พฺยฺชนโต จ –
สพฺเพน สพฺพํ อาฆาตาทีนมกรณํ ตาทิภาวาย สํวตฺตตีติ ยุชฺชติ อิฏฺานิฏฺเสุ สมปฺปวตฺติสพฺภาวโต. ยสฺมึ สนฺตาเน อาฆาตาทโย อุปฺปนฺนา, ตนฺนิมิตฺตกา อนฺตรายา ตสฺเสว สมฺปตฺติวิพนฺธาย สํวตฺตนฺตีติ ยุชฺชติ กมฺมานํ สนฺตานนฺตเรสุ อสงฺกมนโต. จิตฺตมภิภวิตฺวา อุปฺปนฺนา อาฆาตาทโย สุภาสิตทุพฺภาสิตสลฺลกฺขเณปิ อสมตฺถตาย ¶ สํวตฺตนฺตีติ ยุชฺชติ โกธโลภานํ อนฺธตมสภาวโต. ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยโต เวรมณี สพฺพสตฺตานํ ปาโมชฺชปาสํสาย สํวตฺตตีติ ยุชฺชติ สีลสมฺปตฺติยา มหโต กิตฺติสทฺทสฺส อพฺภุคฺคตตฺตา. คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺเตน คุเณน ตถาคตสฺส วณฺณนา เอกเทสภูตาปิ สกลสพฺพฺุคุณคฺคหณาย สํวตฺตตีติ ยุชฺชติ อนฺสาธารณตฺตา. ตชฺชาอโยนิโสมนสิการปริกฺขตานิ อธิคมตกฺกนานิ สสฺสตวาทาทิอภินิเวสาย สํวตฺตนฺตีติ ยุชฺชติ กปฺปนชาลสฺส อสมุคฺฆาฏิตตฺตา. เวทนาทีนํ อนวโพเธน เวทนาปจฺจยา ตณฺหา วฑฺฒตีติ ยุชฺชติ อสฺสาทานุปสฺสนาสพฺภาวโต, สติ จ เวทยิตภาเว (เวทยิตราเค (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๔๙) ตตฺถ อตฺตตฺตนิยคาโห, สสฺสตาทิคาโห จ วิปริปฺผนฺทตีติ ยุชฺชติ การณสฺส สนฺนิหิตตฺตา. ตณฺหาปจฺจยา หิ อุปาทานํ สมฺภวติ. สสฺสตาทิวาเท ปฺเปนฺตานํ, ตทนุจฺฉวิกฺจ เวทนํ เวทยนฺตานํ ผสฺโส เหตูติ ยุชฺชติ วิสยินฺทฺริยวิฺาณสงฺคติยา วินา ตทภาวโต. ฉผสฺสายตนนิมิตฺตํ วฏฺฏสฺส อนุปจฺเฉโทติ ยุชฺชติ ตตฺถ อวิชฺชาตณฺหานํ อปฺปหีนตฺตา. ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ สมุทยตฺถงฺคมาทิปชานนา สพฺพทิฏฺิคติกสฺํ อติจฺจ ติฏฺตีติ ยุชฺชติ จตุสจฺจปฏิเวธภาวโต. อิมาหิเยว ทฺวาสฏฺิยา สพฺพทิฏฺิคตานํ อนฺโตชาลีกตภาโวติ ยุชฺชติ อกิริยวาทาทีนํ, อิสฺสรวาทาทีนฺจ ตทนฺโตคธตฺตา, ตถา เจว เหฏฺา สํวณฺณิตํ. อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก ตถาคตสฺส กาโยติ ยุชฺชติ ภควโต อภินีหารสมฺปตฺติยา จตูสุ สติปฏฺาเนสุ ตฺวา สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ ยถาภูตํ ภาวิตตฺตา. กายสฺส เภทา ปรินิพฺพุตํ น ทกฺขนฺตีติ ยุชฺชติ อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยํ รูปาทีสุ กสฺสจิปิ อนวเสสโตติ อิมินา นเยน อตฺถโต จ สุตฺเต พฺยฺชนตฺถานํ ยุตฺติตาวิภาวนลกฺขโณ ¶ ยุตฺติหาโร นาม ยถาห ‘‘สพฺเพสํ หารานํ, ยา ภูมี’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๓).
ปทฏฺานหารวณฺณนา
วณฺณารหาวณฺณทุพฺพณฺณตานาเทยฺยวจนตาทิ วิปตฺตีนํ ปทฏฺานํ. วณฺณารหวณฺณสุพฺพณฺณตาสทฺเธยฺยวจนตาทิ สมฺปตฺตีนํ ปทฏฺานํ. ตถา อาฆาตาทโย นิรยาทิทุกฺขสฺส ปทฏฺานํ. อาฆาตาทีนมกรณํ สคฺคสมฺปตฺติยาทิสพฺพสมฺปตฺตีนํ ปทฏฺานํ. ปาณาติปาตาทิปฏิวิรติ อริยสฺส สีลกฺขนฺธสฺส ¶ ปทฏฺานํ, อริโย สีลกฺขนฺโธ อริยสฺส สมาธิกฺขนฺธสฺส ปทฏฺานํ. อริโย สมาธิกฺขนฺโธ อริยสฺส ปฺากฺขนฺธสฺส ปทฏฺานํ. คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตํ ภควโต ปฏิเวธปฺปการาณํ เทสนาาณสฺส ปทฏฺานํ. เทสนาาณํ เวเนยฺยานํ สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณสฺส ปทฏฺานํ. สพฺพายปิ ทิฏฺิยา ทิฏฺุปาทานภาวโต สา ยถารหํ นววิธสฺสปิ ภวสฺส ปทฏฺานํ. ภโว ชาติยา. ชาติ ชรามรณสฺส, โสกาทีนฺจ ปทฏฺานํ. เวทนานํ ยถาภูตํ สมุทยตฺถงฺคมาทิปฏิเวธนา จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อนุโพธปฏิเวโธ โหติ. ตตฺถ อนุโพโธ ปฏิเวธสฺส ปทฏฺานํ. ปฏิเวโธ จตุพฺพิธสฺส สามฺผลสฺส ปทฏฺานํ. ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ อวิชฺชาคหณํ. ตตฺถ อวิชฺชา สงฺขารานํ ปทฏฺานํ, สงฺขารา วิฺาณสฺส. ยาว เวทนา ตณฺหาย ปทฏฺานนฺติ เนตฺวา เตสํ ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติอาทินา ปาฬิยมาคตนเยน สมฺพชฺฌิตพฺพํ. ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิต’’นฺติ เอตฺถ ตณฺหา อุปาทานสฺส ปทฏฺานํ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ เอตฺถ สสฺสตาทิปฺาปนํ ปเรสํ มิจฺฉาภินิเวสสฺส ปทฏฺานํ. มิจฺฉาภินิเวโส สทฺธมฺมสฺสวนสปฺปุริสูปนิสฺสยโยนิโสมนสิการธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตีหิ วิมุขตาย อสทฺธมฺมสฺสวนาทีนฺจ ปทฏฺานํ. ‘‘อฺตฺร ผสฺสา’’ติอาทีสุ ผสฺโส เวทนาย ปทฏฺานํ. ฉ ผสฺสายตนานิ ผสฺสสฺส, สกลสฺส จ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปทฏฺานํ. ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ ยถาภูตํ สมุทยาทิปชานนํ นิพฺพิทาย ปทฏฺานํ, นิพฺพิทา วิราคสฺสาติอาทินา ยาว อนุปาทาปรินิพฺพานํ เนตพฺพํ. ภควโต ภวเนตฺติสมุจฺเฉโท สพฺพฺุตาย ปทฏฺานํ, ตถา อนุปาทาปรินิพฺพานสฺส จาติ. อยํ สุตฺเต อาคตธมฺมานํ ปทฏฺานธมฺมา, เตสฺจ ปทฏฺานธมฺมาติ ยถาสมฺภวํ ปทฏฺานธมฺมนิทฺธารณลกฺขโณ ปทฏฺานหาโร นาม. วุตฺตฺหิ ‘‘ธมฺมํ เทเสติ ชิโน, ตสฺส จ ธมฺมสฺส ยํ ปทฏฺาน’’นฺติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๔).
ลกฺขณหารวณฺณนา
อาฆาตาทิคฺคหเณน ¶ โกธูปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยสารมฺภปรวมฺภนาทีนํ สงฺคโห ปฏิฆจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตาย เอกลกฺขณตฺตา. อานนฺทาทิคฺคหเณน อภิชฺฌาวิสมโลภมานาติมานมทปฺปมาทานํ สงฺคโห โลภจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนตาย เอกลกฺขณตฺตา. ตถา ¶ อาฆาตคฺคหเณน อวสิฏฺคนฺถนีวรณานํ สงฺคโห กายคนฺถนีวรณลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. อานนฺทคฺคหเณน ผสฺสาทีนํ สงฺคโห สงฺขารกฺขนฺธลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. สีลคฺคหเณน อธิจิตฺตาธิปฺาสิกฺขานํ สงฺคโห สิกฺขาลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ทิฏฺิคฺคหเณน อวสิฏฺอุปาทานานํ สงฺคโห อุปาทานลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘เวทนาน’’นฺติ เอตฺถ เวทนาคฺคหเณน อวสิฏฺอุปาทานกฺขนฺธานํ สงฺคโห อุปาทานกฺขนฺธลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา. ตถา ธมฺมายตนธมฺมธาตุปริยาปนฺนเวทนาคฺคหเณน สมฺมสนุปคานํ สพฺเพสมฺปิ อายตนานํ, ธาตูนฺจ สงฺคโห อายตนลกฺขเณน, ธาตุลกฺขเณน จ เอกลกฺขณตฺตา. ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ เอตฺถ อวิชฺชาคฺคหเณน เหตุอาสโวฆโยคนีวรณาทีนํ สงฺคโห เหตาทิลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา, ตถา ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิต’’นฺติ เอตฺถ ตณฺหาคฺคหเณนปิ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ เอตฺถ ผสฺสคฺคหเณน สฺาสงฺขารวิฺาณานํ สงฺคโห วิปลฺลาสเหตุภาเวน, ขนฺธลกฺขเณน จ เอกลกฺขณตฺตา. ฉผสฺสายตนคฺคหเณน อวสิฏฺขนฺธายตนธาตินฺทฺริยาทีนํ สงฺคโห ผสฺสุปฺปตฺตินิมิตฺตตาย, สมฺมสนียภาเวน จ เอกลกฺขณตฺตา. ภวเนตฺติคฺคหเณน อวิชฺชาทีนํ สํกิเลสธมฺมานํ สงฺคโห วฏฺฏเหตุภาเวน เอกลกฺขณตฺตาติ. อยํ สุตฺเต อนาคเตปิ ธมฺเม เอกลกฺขณตาทินา อาคเต วิย นิทฺธารณลกฺขโณ ลกฺขณหาโร นาม. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘วุตฺตมฺหิ เอกธมฺเม, เย ธมฺมา เอกลกฺขณา’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๕).
จตุพฺยูหหารวณฺณนา
มมนฺติ อเนรุตฺตปทํ, ตถา วาติ จ. ภิกฺขนสีลา ภิกฺขู. ปเรนฺติวิรุทฺธภาวมุปคจฺฉนฺตีติ ปรา, อฺตฺเถ ปเนตํ อเนรุตฺตปทนฺติ เอวมาทินา เนรุตฺตํ, ตํ ปน ‘‘เอว’’นฺติอาทินิทานปทานํ, ‘‘มม’’นฺติอาทิปาฬิปทานฺจ อฏฺกถาวเสน, ตสฺสา ลีนตฺถวิภาวนีวเสน จ สุวิฺเยฺยตฺตา อติวิตฺถารภเยน น วิตฺถารยิมฺห. เย เต นินฺทาปสํสาหิ สมฺมากมฺปิตเจตสา มิจฺฉาชีวโต อโนรตา สสฺสตาทิมิจฺฉาภินิเวสิโน สีลาทิธมฺมกฺขนฺเธสุ อปฺปติฏฺิตา สมฺมาสมฺพุทฺธคุณรสสฺสาทวิมุขา เวเนยฺยา, เต กถํ นุ โข ยถาวุตฺตโทสวินิมุตฺตา ¶ สมฺมาปฏิปตฺติยา อุภยหิตปรา ¶ ภเวยฺยุนฺติ อยเมตฺถ ภควโต อธิปฺปาโย. เอวมธิปฺเปตา ปุคฺคลา, เทสนาภาชนฏฺาเน จ ทสฺสิตา อิมิสฺสา เทสนาย นิทานํ.
ปุพฺพาปรานุสนฺธิ ปน ปทสนฺธิปทตฺถนิทฺเทสนิกฺเขปสุตฺตเทสนาสนฺธิวเสน ฉพฺพิธา. ตตฺถ ‘‘มม’’นฺติ เอตสฺส ‘‘อวณฺณ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธติอาทินา ปทสฺส ปทนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทสนฺธิ. ‘‘มม’’นฺติ วุตฺตสฺส ภควโต ‘‘อวณฺณ’’นฺติ วุตฺเตน ปเรหิ อุปวทิเตน อคุเณนสมฺพนฺโธติอาทินา ปทตฺถสฺส ปทตฺถนฺตเรน สมฺพนฺโธ ปทตฺถสนฺธิ. ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว, ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติอาทิเทสนา สุปฺปิเยน ปริพฺพาชเกน วุตฺตอวณฺณานุสนฺธิวเสน ปวตฺตา. ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติอาทิเทสนา พฺรหฺมทตฺเตน มาณเวน วุตฺตวณฺณานุสนฺธิวเสน ปวตฺตา. ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา ทุทฺทสา ทุรนุโพธา’’ติอาทิเทสนา ภิกฺขูหิ วุตฺตวณฺณานุสนฺธิวเสน ปวตฺตาติ เอวํ นานานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส ตํตทนุสนฺธีหิ, เอกานุสนฺธิกสฺส จ ปุพฺพาปรภาเคหิ สมฺพนฺโธ นิทฺเทสสนฺธิ. นิกฺเขปสนฺธิ ปน จตุพฺพิธสุตฺตนิกฺเขปวเสน. สุตฺตสนฺธิ จ ติวิธสุตฺตานุสนฺธิวเสน อฏฺกถายํ เอว วิจาริตา, อมฺเหหิ จ ปุพฺเพ สํวณฺณิตา. เอกิสฺสา เทสนาย เทสนานฺตเรหิ สทฺธึ สํสนฺทนํ เทสนาสนฺธิ, สา ปเนวํ เวทิตพฺพา – ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว…เป… น เจตโส อนภิรทฺธิ กรณียา’’ติ อยํ เทสนา ‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺรปิ โย มโน ปทูเสฺ, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) อิมาย เทสนาย สทฺธึ สํสนฺทติ. ‘‘ตุมฺหํเยวสฺส เตน อนนฺตราโย’’ติ อยํ ‘‘กมฺมสฺสกา มาณว สตฺตา กมฺมทายาทา กมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฏิสรณา กมฺมํ สตฺเต วิภชติ, ยทิทํ หีนปณีตตายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๙-๒๙๗) อิมาย, ‘‘อปิ นุ ตุมฺเห…เป… อาชาเนยฺยาถา’’ติ อยํ –
‘‘กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธํ ตมํ ตทา โหติ, ยํ โกโธ สหเต นร’’นฺติ. (อ. นิ. ๗.๖๔; มหานิ. ๕, ๑๕๖, ๑๙๕); –
อิมาย, ‘‘มมํ วา ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ…เป… น เจตโส อุพฺพิลาวิตตฺตํ กรณีย’’นฺติ อยํ ‘‘ธมฺมาปิ โว ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ ¶ (ม. นิ. ๑.๒๔๐), ‘‘กุลฺลูปมํ โว ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐) จ อิมาย, ‘‘ตตฺร เจ ตุมฺเห…เป… ตุมฺหํเยวสฺส เตน อนฺตราโย’’ติ อยํ –
‘‘ลุทฺโธ ¶ อตฺถํ น ชานาติ, ลุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธํ ตมํ ตทา โหติ, ยํ โลโภ สหเต นร’’นฺติ. (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕, ๑๕๖; จูฬนิ. ๑๒๘) จ –
‘‘กามนฺธา ชาลสฺฉนฺนา, ตณฺหาฉทนฉาทิตา;
ปมตฺตพนฺธุนาพทฺธา, มจฺฉาว กุมีนามุเข;
ชรามรณมนฺเวนฺติ, วจฺโฉ ขีรปโกว มาตร’’นฺติ. (อุทา. ๖๔; เนตฺติ. ๒๗, ๙๐; เปฏโก. ๑๔) จ –
อิมาย, ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ สีลมตฺตก’’นฺติ อยํ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยมฺปิ โข พฺราหฺมณ ยฺโ ปุริเมหิ ยฺเหิ อปฺปฏฺตโร จ อปฺปสมารมฺภตโร จ มหปฺผลตโร จ มหานิสํสตโร จา’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๕๓) อิมาย ปมชฺฌานสฺส สีลโต มหปฺผลมหานิสํสตรตาวจเนน ฌานโต สีลสฺส อปฺปผลอปฺปานิสํสตรภาวทีปนโต.
‘‘ปาณาติปาตํ ปหายา’’ติอาทิเทสนา ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม สีลวา อริยสีเลน สมนฺนาคโต’’ติอาทิเทสนาย (ที. นิ. ๑.๓๐๔), ‘‘อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา’’ติอาทิเทสนา ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ’’ติอาทิเทสนาย, (ที. นิ. ๒.๖๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗, ๘) คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตธมฺมปฏิเวเธน หิ าณสฺส คมฺภีราทิภาโว วิฺายติ.
‘‘สนฺติ ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา’’ติอาทิเทสนา ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา…เป… อภิวทนฺติ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺติ, อสสฺสโต, สสฺสโต จ อสสฺสโต จ, เนวสสฺสโต จ นาสสฺสโต จ, อนฺตวา, อนนฺตวา, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ, เนวนฺตวา จ นานนฺตวา จ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทิเทสนาย (ม. นิ. ๓.๒๗).
ตถา ¶ ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา อปรนฺตกปฺปิกา’’ติอาทิเทสนา ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว ¶ …เป… อภิวทนฺติ สฺี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา. อิตฺเถเก อภิวทนฺติ อสฺี, สฺี จ อสฺี จ, เนวสฺี จ นาสฺี จ อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา. อิตฺเถเก อภิวทนฺติ สโต วา ปน สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ วา ปเนเก อภิวทนฺตี’’นฺติอาทิเทสนาย (ม. นิ. ๓.๒๑), ‘‘เวทนานํ สมุทยฺจ…เป… ตถาคโต’’ติอาทิเทสนา ‘‘ตทิทํ สงฺขตํ โอฬาริกํ, อตฺถิ โข ปน สงฺขารานํ นิโรโธ, อตฺเถตนฺติ อิติ วิทิตฺวา ตสฺส นิสฺสรณทสฺสาวี ตถาคโต ตทุปาติวตฺโต’’ติอาทิเทสนาย (ม. นิ. ๓.๒๙), ‘‘ตทปิ เตสํ…เป… วิปฺผนฺทิตเมวา’’ติ อยํ ‘‘อิทํ เตสํ วต อฺตฺเรว สทฺธาย อฺตฺร รุจิยา อฺตฺร อนุสฺสวา อฺตฺร อาการปริวิตกฺกา อฺตฺร ทิฏฺินิชฺฌานกฺขนฺติยา ปจฺจตฺตํเยว าณํ ภวิสฺสติ ปริสุทฺธํ ปริโยทาต’นฺติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ปจฺจตฺตํ โข ปน ภิกฺขเว, าเณ อสติ ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต ยทปิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ตตฺถ าณภาวมตฺตเมว ปริโยทาเปนฺติ, ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อุปาทานมกฺขายตี’’ติอาทิเทสนาย (สํ. นิ. ๒.๔๓), ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ อยํ ‘‘จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๔๕), ‘‘ฉนฺทมูลกา อิเม อาวุโส ธมฺมา มนสิการสมุฏฺานา ผสฺสสโมธานา เวทนาสโมสรณา’’ติ (ปริเยสิตพฺพํ) จ อาทิเทสนาย, ‘‘ยโต โข ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ฉนฺนํ ผสฺสายตนาน’’นฺติอาทิเทสนา ‘‘ยโต โข ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เนว เวทนํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, น สฺํ, น สงฺขาเร, น วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, โส เอวํ อสมนุปสฺสนฺโต น กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ, อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตํเยว ปรินิพฺพายตี’’ติอาทิเทสนาย, ‘‘สพฺเพเต อิเมเหว ทฺวาสฏฺิยา วตฺถูหิ อนฺโตชาลีกตา’’ติอาทิเทสนา ‘‘เย หิ เกจิ ภิกฺขเว…เป… อภิวทนฺติ, สพฺเพเต อิมาเนว ปฺจ กายานิ อภิวทนฺติ เอเตสํ วา อฺตร’’นฺติอาทิเทสนาย (ม. นิ. ๓.๒๖), ‘‘กายสฺส เภทา…เป… เทวมนุสฺสา’’ติ อยํ –
‘‘อจฺจี ¶ ยถา วาตเวเคน ขิตฺตา (อุปสิวาติ ภควา),
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ;
เอวํ มุนี นามกายา วิมุตฺโต,
อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๐๘๐) –
อาทิเทสนาย ¶ สทฺธึ สํสนฺทตีติ. อยํ เนรุตฺตมธิปฺปายเทสนานิทานปุพฺพาปรานุสนฺธีนํ จตุนฺนํ วิภาวนลกฺขโณ จตุพฺยูหหาโร นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘เนรุตฺตมธิปฺปาโย’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๖).
อาวตฺตหารวณฺณนา
อาฆาตาทีนมกรณียตาวจเนน ขนฺติโสรจฺจานุฏฺานํ. ตตฺถ ขนฺติยา สทฺธาปฺาปราปการทุกฺขสหคตานํ สงฺคโห, ตถา โสรจฺเจน สีลสฺส. สทฺธาทิคฺคหเณน จ สทฺธินฺทฺริยาทิสกลโพธิปกฺขิยธมฺมา อาวตฺตนฺติ. สีลคฺคหเณน อวิปฺปฏิสาราทโย สพฺเพปิ สีลานิสํสธมฺมา อาวตฺตนฺติ. ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติวจเนน อปฺปมาทวิหาโร, เตน สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยํ อาวตฺตติ. คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตธมฺมคฺคหเณน มหาโพธิปกิตฺตนํ. อนาวรณาณปทฏฺานฺหิ อาสวกฺขยาณํ, อาสวกฺขยาณปทฏฺานฺจ อนาวรณาณํ มหาโพธีติ วุจฺจติ, เตน ทสพลาทโย สพฺเพ พุทฺธคุณา อาวตฺตนฺติ. สสฺสตาทิทิฏฺิคฺคหเณน ตณฺหาวิชฺชานํ สงฺคโห, ตาหิ อนมตคฺคํ สํสารวฏฺฏํ อาวตฺตติ. เวทนานํ ยถาภูตํ สมุทยาทิปฏิเวธเนน ภควโต ปริฺาตฺตยวิสุทฺธิ, ตาย ปฺาปารมิมุเขน สพฺพาปิ ปารมิโย อาวตฺตนฺติ. ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ เอตฺถ อวิชฺชาคฺคหเณน อโยนิโสมนสิการปริคฺคโห, เตน จ นว อโยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ. ‘‘ตณฺหาคตานํ ปริตสฺสิตวิปฺผนฺทิต’’นฺติ เอตฺถ ตณฺหาคฺคหเณน นว ตณฺหามูลกา ธมฺมา อาวตฺตนฺติ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติอาทิ สสฺสตาทิปฺาปนสฺส ปจฺจยาธีนวุตฺติทสฺสนํ, เตน อนิจฺจตาทิลกฺขณตฺตยํ อาวตฺตติ. ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ ยถาภูตํ ปชานเนน วิมุตฺติสมฺปทานิทฺเทโส, เตน สตฺตปิ วิสุทฺธิโย อาวตฺตนฺติ. ‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก ตถาคตสฺส กาโย’’ติ ตณฺหาปหานํ วุตฺตํ, เตน ภควโต สกลสํกิเลสปฺปหานํ อาวตฺตตีติ อยํ เทสนาย คหิตธมฺมานํ สภาควิสภาคธมฺมวเสน ¶ อาวตฺตนลกฺขโณ อาวตฺตหาโร นาม. ยถาห ‘‘เอกมฺหิ ปทฏฺาเน, ปริเยสติ เสสกํ ปทฏฺาน’’นฺติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๗).
วิภตฺติหารวณฺณนา
อาฆาตานนฺทาทโย อกุสลา ธมฺมา, เตสํ อโยนิโสมนสิการาทิ ปทฏฺานํ. เยหิ ปน ธมฺเมหิ อาฆาตานนฺทาทีนํ อกรณํ อปฺปวตฺติ, เต อพฺยาปาทาทโย กุสลา ธมฺมา, เตสํ โยนิโสมนสิการาทิ ปทฏฺานํ. เตสุ อาฆาตาทโยกามาวจราว, อพฺยาปาทาทโย จตุภูมกา, ตถา ¶ ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติ กุสลา วา อพฺยากตา วา, ตสฺสา หิโรตฺตปฺปาทโย ธมฺมา ปทฏฺานํ. ตตฺถ กุสลา สิยา กามาวจรา, สิยา โลกุตฺตรา. อพฺยากตา โลกุตฺตราว. ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา’’ติ วุตฺตธมฺมา สิยา กุสลา, สิยา อพฺยากตา. ตตฺถ กุสลานํ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา ปทฏฺานํ. อพฺยากตานํ มคฺคธมฺมา, วิปสฺสนา, อาวชฺชนา วา ปทฏฺานํ. เตสุ กุสลา โลกุตฺตราว, อพฺยากตา สิยา กามาวจรา, สิยา โลกุตฺตรา, สพฺพาปิ ทิฏฺิโย อกุสลาว กามาวจราว, ตาสํ อวิเสเสน มิจฺฉาภินิเวเส อโยนิโสมนสิกาโร ปทฏฺานํ. วิเสสโต ปน สนฺตติฆนวินิพฺโภคาภาวโต เอกตฺตนยสฺส มิจฺฉาคาโห อตีตชาติอนุสฺสรณตกฺกสหิโต สสฺสตทิฏฺิยา ปทฏฺานํ. เหตุผลภาเวน สมฺพนฺธภาวสฺส อคฺคหณโต นานตฺตนยสฺส มิจฺฉาคาโห ตชฺชาสมนฺนาหารสหิโต อุจฺเฉททิฏฺิยา ปทฏฺานํ. เอวํ เสสทิฏฺีนมฺปิ ยถาสมฺภวํ วตฺตพฺพํ.
‘‘เวทนาน’’นฺติ เอตฺถ เวทนา สิยา กุสลา, สิยา อกุสลา, สิยา อพฺยากตา, สิยา กามาวจรา, สิยา รูปาวจรา, สิยา อรูปาวจรา, ตาสํ ผสฺโส ปทฏฺานํ. เวทนานํ ยถาภูตํ เวทนานํ สมุทยาทิปฏิเวธนํ มคฺคาณํ, อนุปาทาวิมุตฺติ จ ผลาณํ, เตสํ ‘‘อฺเว ธมฺมา คมฺภีรา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน ธมฺมาทิวิภาโค เนตพฺโพ. ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติอาทีสุ อวิชฺชาตณฺหา อกุสลา กามาวจรา, ตาสุ อวิชฺชาย อาสวา, อโยนิโสมนสิกาโร เอว วา ปทฏฺานํ. ตณฺหาย สํโยชนิเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาททสฺสนํ ปทฏฺานํ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ ¶ เอตฺถ ผสฺสสฺส เวทนาย วิย ธมฺมาทิวิภาโค เวทิตพฺโพ. อิมินา นเยน ผสฺสายตนาทีนมฺปิ ยถารหํ ธมฺมาทิวิภาโค เนตพฺโพติ อยํ สํกิเลสธมฺเม, โวทานธมฺเม จ สาธารณาสาธารณโต, ปทฏฺานโต, ภูมิโต จ วิภชนลกฺขโณ วิภตฺติหาโร นาม. ยถาห ‘‘ธมฺมฺจ ปทฏฺานํ, ภูมิฺจ วิภชฺชเต อยํ หาโร’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๘).
ปริวตฺตนหารวณฺณนา
อาฆาตาทีนมกรณํ ขนฺติโสรจฺจานิ อนุพฺรูเหตฺวา ปฏิสงฺขานภาวนาพลสิทฺธิยา อุภยหิตปฏิปตฺติมาวหติ. อาฆาตาทโย ปน ปวตฺติยมานา ทุพฺพณฺณตํ, ทุกฺขเสยฺยํ, โภคหานึ, อกิตฺตึ, ปเรหิ ทุรุปสงฺกมนตฺจ นิปฺผาเทนฺตา นิรยาทีสุ มหาทุกฺขมาวหนฺติ. ปาณาติปาตาทิปฏิวิรติ อวิปฺปฏิสาราทิกลฺยาณํ ปรมฺปรมาวหติ. ปาณาติปาตาทิ ปน วิปฺปฏิสาราทิอกลฺยาณํ ปรมฺปรมาวหติ. คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตํ าณํ เวเนยฺยานํ ยถารหํ วิชฺชาภิฺาทิคุณวิเสสมาวหติ สพฺพฺเยฺยสฺส ยถาสภาวาวโพธโต. ตถา คมฺภีรตาทิวิเสสรหิตํ ¶ ปน าณํ เยฺเยสุ สาธารณภาวโต ยถาวุตฺตคุณวิเสสํ นาวหติ. สพฺพาปิ เจตา ทิฏฺิโย ยถารหํ สสฺสตุจฺเฉทภาวโต อนฺตทฺวยภูตา สกฺกายตีรํ นาติวตฺตนฺติ อนิยฺยานิกสภาวตฺตา. สมฺมาทิฏฺิ ปน สปริกฺขารา มชฺฌิมปฏิปทาภูตา สกฺกายตีรมติกฺกมฺม ปารํ คจฺฉติ นิยฺยานิกสภาวตฺตา. เวทนานํ ยถาภูตํ สมุทยาทิปฏิเวธนา อนุปาทาวิมุตฺติมาวหติ มคฺคภาวโต. เวทนานํ ยถาภูตํ สมุทยาทิอสมฺปฏิเวโธ สํสารจารกาวโรธมาวหติ สงฺขารานํ ปจฺจยภาวโต. เวทยิตสภาวปฏิจฺฉาทโก สมฺโมโห ตทภินนฺทนมาวหติ, ยถาภูตาวโพโธ ปน ตตฺถ นิพฺเพธํ, วิราคฺจ อาวหติ. มิจฺฉาภินิเวเส อโยนิโสมนสิการสหิตา ตณฺหา อเนกวิหิตํ ทิฏฺิชาลํ ปสาเรติ. ยถาวุตฺตตณฺหาสมุจฺเฉโท ปมมคฺโค ตํ ทิฏฺิชาลํ สงฺโกเจติ. สสฺสตวาทาทิปฺาปนสฺส ผสฺโส ปจฺจโย อสติ ผสฺเส ตทภาวโต. ทิฏฺิพนฺธนพทฺธานํ ผสฺสายตนาทีนมนิโรธเนน ผสฺสาทิอนิโรโธ สํสารทุกฺขสฺส อนิวตฺติเยว ยาถาวโต ผสฺสายตนาทิปริฺา สพฺพทิฏฺิทสฺสนานิ อติวตฺตติ, เตสํ ปน ตถา อปริฺา ¶ ทิฏฺิทสฺสนํ นาติวตฺตติ. ภวเนตฺติสมุจฺเฉโท อายตึ อตฺตภาวสฺส อนิพฺพตฺติยา สํวตฺตติ, อสมุจฺฉินฺนาย ภวเนตฺติยา อนาคเต ภวปฺปพนฺโธ ปริวตฺตติเยวาติ อยํ สุตฺเต นิทฺทิฏฺานํ ธมฺมานํ ปฏิปกฺขโต ปริวตฺตนลกฺขโณ ปริวตฺตนหาโร นาม. กิมาห ‘‘กุสลากุสเล ธมฺเม, นิทฺทิฏฺเ ภาวิเต ปหีเน จา’’ติอาทิ.
เววจนหารวณฺณนา
‘‘มมํ มม เม’’ติ ปริยายวจนํ. ‘วา ยทิ จา’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘ภิกฺขเว สมณา ตปสฺสิโน’’ติ ปริยายวจนํ. ‘‘ปเร อฺเ ปฏิวิรุทฺธา’’ติ…เป… นํ. ‘‘อวณฺณํ อกิตฺตึ นินฺท’’นฺติ…เป… นํ. ‘‘ภาเสยฺยุํ ภเณยฺยุํ กเถยฺยุ’’นฺติ…เป… นํ. ‘‘ธมฺมสฺส วินยสฺส สตฺถุสาสนสฺสา’’ติ…เป… นํ. ‘‘สงฺฆสฺส สมูหสฺส คณสฺสา’’ติ…เป… นํ. ‘‘ตตฺร ตตฺถ เตสู’’ติ…เป… นํ. ‘‘ตุมฺเหหิ โว ภวนฺเตหี’’ติ…เป… นํ. ‘‘อาฆาโต โทโส พฺยาปาโท’’ติ…เป… นํ ‘‘อปฺปจฺจโย โทมนสฺสํ เจตสิกทุกฺข’’นฺติ…เป… นํ. ‘‘เจตโส จิตฺตสฺส มนโส’’ติ…เป… นํ. ‘‘อนภิรทฺธิ พฺยาปตฺติ มโนปโทโส’’ติ…เป… นํ. ‘‘น โน อ มา’’ติ…เป… นํ. ‘‘กรณียา อุปฺปาเทตพฺพา ปวตฺเตตพฺพา’’ติ ปริยายวจนํ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ เววจนํ วตฺตพฺพนฺติ อยํ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ตํตํปริยายสทฺทโยชนาลกฺขโณ เววจนหาโร นาม. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เววจนานิ พหูนิ ตุ, สุตฺเต วุตฺตานิ เอกธมฺมสฺสา’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๑๐).
ปฺตฺติหารวณฺณนา
อาฆาโต ¶ วตฺถุวเสน ทสวิเธน, เอกูนวีสติวิเธน วา ปฺตฺโต. อปจฺจโย อุปวิจารวเสน ฉธา ปฺตฺโต. อานนฺโท ปีติอาทิวเสน เววจเนน นวธา ปฺตฺโต. ปีติ สามฺโต ปน ขุทฺทิกาทิวเสน ปฺจธา ปฺตฺโต. โสมนสฺสํ อุปวิจารวเสน ฉธา, สีลํ วาริตฺตจาริตฺตาทิวเสน อเนกธา, คมฺภีรตาทิวิเสสยุตฺตํ าณํ จิตฺตุปฺปาทวเสน จตุธา, ทฺวาทสธา วา, วิสยเภทโต อเนกธา จ, ทิฏฺิสสฺสตาทิวเสน ทฺวาสฏฺิยา เภเทหิ, ตทนฺโตคธวิภาเคน อเนกธา จ, เวทนา ฉธา, อฏฺสตธา, อเนกธา จ, ตสฺสา สมุทโย ปฺจธา, ตถา อตฺถงฺคโมปิ, อสฺสาโท ทุวิเธน, อาทีนโว ติวิเธน, นิสฺสรณํ เอกธา ¶ , จตุธา จ, อนุปาทาวิมุตฺติ ทุวิเธน, ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติ วุตฺตา อวิชฺชา วิสยเภเทน จตุธา, อฏฺธา จ, ‘‘ตณฺหาคตาน’’นฺติอาทินา วุตฺตา ตณฺหา ฉธา, อฏฺสตธา, อเนกธา จ, ผสฺโส นิสฺสยวเสน ฉธา, อุปาทานํ จตุธา, ภโว ทฺวิธา, อเนกธา จ, ชาติ เววจนวเสน ฉธา, ตถา ชรา สตฺตธา, มรณํ อฏฺธา, นวธา จ, โสโก ปฺจธา, ปริเทโว ฉธา, ทุกฺขํ จตุธา, ตถา โทมนสฺสํ, อุปายาโส จตุธา ปฺตฺโตติ อยํ ปเภทปฺตฺติ, สมูหปฺตฺติ จ.
‘‘สมุทโย โหตี’’ติ ปภวปฺตฺติ, ‘‘ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ ทุกฺขสฺส ปริฺาปฺตฺติ, สมุทยสฺส ปหานปฺตฺติ, นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาปฺตฺติ, มคฺคสฺส ภาวนาปฺตฺติ. ‘‘อนฺโตชาลีกตา’’ติอาทิสพฺพทิฏฺีนํ สงฺคหปฺตฺติ. ‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก’’ติอาทิ ทุวิเธน ปรินิพฺพานปฺตฺตีติ เอวํ อาฆาตาทีนํ ปภวปฺตฺติปริฺาปฺตฺติอาทิวเสน. ตถา ‘‘อาฆาโต’’ติ พฺยาปาทสฺส เววจนปฺตฺติ. ‘‘อปฺปจฺจโย’’ติ โทมนสฺสสฺสเววจนปฺตฺตีติอาทิวเสน จ ปฺตฺติเภโท วิภชฺชิตพฺโพติ อยํ เอเกกสฺส ธมฺมสฺส อเนกาหิ ปฺตฺตีหิ ปฺเปตพฺพาการวิภาวนลกฺขโณ ปฺตฺติหาโร นาม, เตน วุตฺตํ ‘‘เอกํ ภควา ธมฺมํ, ปณฺณตฺตีหิ วิวิธาหิ เทเสตี’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๑๑).
โอตรณหารวณฺณนา
อาฆาตคฺคหเณน สงฺขารกฺขนฺธสงฺคโห, ตถา อนภิรทฺธิคฺคหเณน. อปฺปจฺจยคฺคหเณน เวทนากฺขนฺธสงฺคโหติ อิทํ ขนฺธมุเขน โอตรณํ. ตถา อาฆาตาทิคฺคหเณน ธมฺมายตนํ, ธมฺมธาตุ, ทุกฺขสจฺจํ, สมุทยสจฺจํ วา คหิตนฺติ อิทํ อายตนมุเขน, ธาตุมุเขน, สจฺจมุเขน จ โอตรณํ ¶ . ตถา อาฆาตาทีนํ สหชาตา อวิชฺชา เหตุสหชาตอฺมฺนิสฺสสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตปจฺจเยหิ ปจฺจโย, อสหชาตา ปน อนนฺตรนิรุทฺธา อนนฺตรสมนนฺตรอนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตาเสวนปจฺจเยหิ ปจฺจโย. อนนนฺตรา ปน อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจโย. ตณฺหาอุปาทานาทิ ผสฺสาทีนมฺปิ เตสํ สหชาตานํ, อสหชาตานฺจ ยถารหํ ปจฺจยภาโว วตฺตพฺโพ. โกจิ ปเนตฺถ อธิปติวเสน, โกจิ กมฺมวเสน, โกจิ อาหารวเสน, โกจิ อินฺทฺริยวเสน, โกจิ ฌานวเสน โกจิ ¶ มคฺควเสนาปิ ปจฺจโยติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพติ อิทํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน โอตรณํ. อิมินาว นเยน อานนฺทาทีนมฺปิ ขนฺธาทิมุเขน โอตรณํ วิภาเวตพฺพํ.
ตถา สีลํ ปาณาติปาตาทีหิ วิรติเจตนา, อพฺยาปาทาทิเจตสิกธมฺมา จ, ปาณาติปาตาทโย เจตนาว, เตสํ, ตทุปการกธมฺมานฺจ ลชฺชาทยาทีนํ สงฺขารกฺขนฺธธมฺมายตนาทีสุ สงฺคหโต ปุริมนเยเนว ขนฺธาทิมุเขน โอตรณํ วิภาเวตพฺพํ. เอส นโย าณทิฏฺิเวทนาอวิชฺชาตณฺหาทิคฺคหเณสุปิ. นิสฺสรณานุปาทาวิมุตฺติคฺคหเณสุ ปน อสงฺขตธาตุวเสนปิ ธาตุมุเขน โอตรณํ วิภาเวตพฺพํ, ตถา ‘‘เวทนานํ…เป… อนุปาทาวิมุตฺโต’’ติ เอเตน ภควโต สีลาทโย ปฺจธมฺมกฺขนฺธา, สติปฏฺานาทโย จ โพธิปกฺขิยธมฺมา ปกาสิตา โหนฺตีติ ตํมุเขนปิ โอตรณํ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตทปิ ผสฺสปจฺจยา’’ติ สสฺสตาทิปฺาปนสฺส ปจฺจยาธีนวุตฺติตาทีปเนน อนิจฺจตามุเขน โอตรณํ, ตถา เอวํธมฺมตาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน โอตรณํ. อนิจฺจสฺส ทุกฺขานตฺตภาวโต อปฺปณิหิตมุเขน, สฺุตามุเขน โอตรณํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิมุเขหิ สุตฺตตฺถสฺส โอตรณลกฺขโณ โอตรณหาโร นาม. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘โย จ ปฏิจฺจุปฺปาโท, อินฺทฺริยขนฺธา จ ธาตุอายตนา’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๑๒).
โสธนหารวณฺณนา
‘‘มมํ วา ภิกฺขเว, ปเร อวณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติ อารมฺโภ. ‘‘ธมฺมสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุํ สงฺฆสฺส วา อวณฺณํ ภาเสยฺยุ’’นฺติ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ. ‘‘ตตฺร ตุมฺเหหิ น อาฆาโต, น อปฺปจฺจโย, น เจตโส อนภิรทฺธิ กรณียา’’ติ ปทสุทฺธิ เจว อารมฺภสุทฺธิ จ. ทุติยนยาทีสุปิ เอเสว นโย, ตถา ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนต’’นฺติอาทิ อารมฺโภ. ‘‘กตม’’นฺติอาทิ ปุจฺฉา. ‘‘ปาณาติปาตํ ปหายา’’ติอาทิ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ. โน จ ปุจฺฉาสุทฺธิ. ‘‘อิทํ โข’’ติอาทิ ปุจฺฉาสุทฺธิ เจว ปทสุทฺธิ จ, อารมฺภสุทฺธิ.
ตถา ¶ ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทิ อารมฺโภ. ‘‘กตเม จ เต’’ติอาทิ ปุจฺฉา. ‘‘สนฺติ ภิกฺขเว’’ติอาทิ อารมฺโภ. ‘‘กิมาคมฺมา’’ติอาทิ อารมฺภปุจฺฉา ¶ . ‘‘ยถา สมาหิเต’’ติอาทิ ปทสุทฺธิ, โน อารมฺภสุทฺธิ, โน จ ปุจฺฉาสุทฺธิ. ‘‘อิเม โข’’ติอาทิ ปทสุทฺธิ เจว ปุจฺฉาสุทฺธิ จ อารมฺภสุทฺธิ จ. อิมินา นเยน สพฺพตฺถ อารมฺภาทโย เวทิตพฺพา. อยํ ปทารมฺภานํ โสธิตาโสธิตภาววิจารณลกฺขโณ โสธนหาโร นาม, วุตฺตมฺปิ จ ‘‘วิสฺสชฺชิตมฺหิ ปฺเห, คาถายํ ปุจฺฉิตายมารพฺภา’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๑๓).
อธิฏฺานหารวณฺณนา
‘‘อวณฺณ’’นฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ. ตมวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘มมํ วา’’ติ. ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วาติ ปกฺเขปิ เอส นโย. ตถา ‘‘สีล’’นฺติ สามฺโต อธิฏฺานํ. ตมวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทิ. ‘‘อฺเว ธมฺมา’’ติอาทิ สามฺโต อธิฏฺานํ, ตมวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘ตยิทํ ภิกฺขเว, ตถาคโต ปชานาตี’’ติอาทิ, ตถา ‘‘ปุพฺพนฺตกปฺปิกา’’ติอาทิ สามฺโต อธิฏฺานํ. ตมวิกปฺเปตฺวา วิเสสวจนํ ‘‘สสฺสตวาทา’’ติอาทิ. อิมินา นเยน สพฺพตฺถ ยถาเทสิตเมว สามฺวิเสสา นิทฺธาเรตพฺพา. อยํ สุตฺตาคตานํ ธมฺมานํ อวิกปฺปนาวเสน ยถาเทสิตเมว สามฺวิเสสนิทฺธารณลกฺขโณ อธิฏฺานหาโร นาม, ยถาห ‘‘เอกตฺตตาย ธมฺมา, เยปิ จ เวมตฺตตาย นิทฺทิฏฺา’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๑๔).
ปริกฺขารหารวณฺณนา
อาฆาตาทีนํ ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทีนิ (ธ. ส. ๑๒๓๗; วิภ. ๙๐๙) เอกูนวีสติ อาฆาตวตฺถูนิ เหตุ. อานนฺทาทีนํ อารมฺมณาภิสิเนโห เหตุ. สีลสฺส หิริโอตฺตปฺปํ, อปฺปิจฺฉตาทโย จ เหตุ. ‘‘คมฺภีรา’’ติอาทินา วุตฺตธมฺมสฺส สพฺพาปิ ปารมิโย เหตุ. วิเสเสน ปฺาปารมี. ทิฏฺีนํ อสปฺปุริสูปนิสฺสโย, อสทฺธมฺมสฺสวนํ มิจฺฉาภินิเวเสน อโยนิโสมนสิกาโร จ อวิเสเสน เหตุ. วิเสเสน ปน สสฺสตวาทาทีนํ อตีตชาติอนุสฺสรณาทิ เหตุ. เวทนานํ อวิชฺชา, ตณฺหา, กมฺมาทิผสฺโส จ เหตุ. อนุปาทาวิมุตฺติยา อริยมคฺโค เหตุ. อฺาณสฺส อโยนิโสมนสิกาโร เหตุ. ตณฺหาย สํโยชนิเยสุ อสฺสาทานุปสฺสนา เหตุ. ผสฺสสฺส สฬายตนานิ เหตุ. สฬายตนสฺส นามรูปํ เหตุ ¶ . ภวเนตฺติสมุจฺเฉทสฺส วิสุทฺธิภาวนา เหตูติ อยํ ปริกฺขารสงฺขาเต เหตุปจฺจเย นิทฺธาเรตฺวา ¶ สํวณฺณนาลกฺขโณ ปริกฺขารหาโร นาม, เตน วุตฺตํ ‘‘เย ธมฺมา ยํ ธมฺมํ, ชนยนฺติปฺปจฺจยา ปรมฺปรโต’’ติอาทิ.
สมาโรปนหารวณฺณนา
อาฆาตาทีนมกรณียตาวจเนน ขนฺติสมฺปทา ทสฺสิตา โหติ. ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนต’’นฺติอาทินา โสรจฺจสมฺปทา. ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทินา าณสมฺปทา. ‘‘อปรามสโต จสฺส ปจฺจตฺตฺเว นิพฺพุติ วิทิตา’’ติ, ‘‘เวทนานํ…เป… ยถาภูตํ วิทิตฺวา อนุปาทาวิมุตฺโต’’ติ จ เอเตหิ สมาธิสมฺปทาย สทฺธึ วิชฺชาวิมุตฺติวสีภาวสมฺปทา ทสฺสิตา. ตตฺถ ขนฺติสมฺปทา ปฏิสงฺขานพลสิทฺธิโต โสรจฺจสมฺปทาย ปทฏฺานํ, โสรจฺจสมฺปทา ปน อตฺถโต สีลเมว, สีลํ สมาธิสมฺปทาย ปทฏฺานํ. สมาธิ าณสมฺปทาย ปทฏฺานนฺติ อยํ ปทฏฺานสมาโรปนา.
ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติวจนํ สีลสฺส ปริยายวิภาคทสฺสนํ. สสฺสตวาทาทิวิภาคทสฺสนํ ปน ทิฏฺิยา ปริยายวจนนฺติ อยํ เววจนสมาโรปนา.
สีเลน วีติกฺกมปฺปหานํ, ตทงฺคปฺปหานํ, ทุจฺจริตสํกิเลสปฺปหานฺจ สิชฺฌติ. สมาธินา ปริยุฏฺานปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, ตณฺหาสํกิเลสปฺปหานฺจ สิชฺฌติ. ปฺาย ทิฏฺิสํกิเลสปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, อนุสยปฺปหานฺจ สิชฺฌตีติ อยํ ปหานสมาโรปนา.
สีลาทิธมฺมกฺขนฺเธหิ สมถวิปสฺสนาภาวนาปาริปูรึ คจฺฉติ ปหานตฺตยสิทฺธิโตติ อยํ ภาวนาสมาโรปนา. อยํ สุตฺเต อาคตธมฺมานํ ปทฏฺานเววจนปหานภาวนาสมาโรปนวิจารณลกฺขโณ สมาโรปนหาโร นาม. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เย ธมฺมา ยํ มูลา, เย เจกตฺถา ปกาสิตา มุนินา’’ติอาทิ, (เนตฺติ. ๔.๑๖) อยํ โสฬสหารโยชนา.
โสฬสหารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจวิธนยวณฺณนา
นนฺทิยาวฏฺฏนยวณฺณนา
อาฆาตาทีนมกรณวจเนน ¶ ¶ ตณฺหาวิชฺชาสงฺโกโจ ทสฺสิโต. สติ หิ อตฺตตฺตนิยวตฺถูสุ สิเนเห, สมฺโมเห จ ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินา อาฆาโต ชายติ, นาสติ. ตถา ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต’’ติอาทิวจเนหิ ‘‘ปจฺจตฺตฺเว นิพฺพุติ วิทิตา, อนุปาทาวิมุตฺโต, ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ…เป… ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิวจเนหิ จ ตณฺหาวิชฺชานํ อจฺจนฺตปฺปหานํ ทสฺสิตํ โหติ. ตาสํ ปน ปุพฺพนฺตกปฺปิกาทิปเทหิ, ‘‘อชานตํ อปสฺสต’’นฺติอาทิปเทหิ จ สรูปโตปิ ทสฺสิตานํ ตณฺหาวิชฺชานํ รูปธมฺมา, อรูปธมฺมา จ อธิฏฺานํ. ยถากฺกมํ สมโถ จ วิปสฺสนา จ ปฏิปกฺโข, เตสํ ปน เจโตวิมุตฺติ, ปฺาวิมุตฺติ จ ผลํ. ตตฺถ ตณฺหา สมุทยสจฺจํ, ตณฺหาวิชฺชา วา, ตทธิฏฺานภูตา รูปารูปธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ, เตสมปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปชานนา สมถวิปสฺสนา มคฺคสจฺจนฺติ เอวํ, จตุสจฺจโยชนา เวทิตพฺพา.
ตณฺหาคฺคหเณน เจตฺถ มายาสาเยฺยมานาติมานมทปมาทปาปิจฺฉตาปาปมิตฺตตาอหิริกาโนตฺตปฺปาทิวเสน สพฺโพปิ อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. ตถา อวิชฺชาคฺคหเณนปิ วิปรีตมนสิการโกธุปนาหมกฺขปฬาสอิสฺสามจฺฉริยสารมฺภ โทวจสฺสตา ภวทิฏฺิวิภวทิฏฺาทิวเสน. วุตฺตวิปริยาเยน ปน อมายาอสาเยฺยาทิวเสน, อวิปรีตมนสิการาทิวเสน จ สพฺโพปิ กุสลปกฺโข เนตพฺโพ. ตถา สมถปกฺขิยานํ สทฺธินฺทฺริยาทีนํ, วิปสฺสนาปกฺขิยานฺจ อนิจฺจสฺาทีนํ วเสนาติ อยํ ตณฺหาวิชฺชาหิ สํกิเลสปกฺขํ สุตฺตตฺถํ สมถวิปสฺสนาหิ จ โวทานปกฺขํ จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขณสฺส นนฺทิยาวฏฺฏนยสฺส ภูมิ. วุตฺตฺหิ ‘‘ตณฺหฺจ อวิชฺชมฺปิ จ, สมเถน วิปสฺสนาย โย เนตี’’ติอาทิ.
ติปุกฺขลนยวณฺณนา
อาฆาตาทีนมกรณวจเนน อโทสสิทฺธิ, ตถา ปาณาติปาตผรุสวาจาหิ ปฏิวิรติวจเนนาปิ. อานนฺทาทีนมกรณวจเนน ปน อโลภสิทฺธิ ¶ , ตถา อพฺรหฺมจริยโต ปฏิวิรติวจเนนาปิ. อทินฺนาทานาทีหิ ปน ปฏิวิรติวจเนน ตทุภยสิทฺธิ. ‘‘ตยิทํ ภิกฺขเว ¶ , ตถาคโต ปชานาตี’’ติอาทินา อโมหสิทฺธิ. อิติ ตีหิ อกุสลมูเลหิ คหิเตหิ ตปฺปฏิปกฺขโต อาฆาตาทีนมกรณวจเนน จ ตีณิ กุสลมูลานิ สิทฺธานิเยว โหนฺติ. ตตฺถ ตีหิ อกุสลมูเลหิ ติวิธทุจฺจริตสํกิเลสมลวิสมากุสลสฺาวิตกฺกปฺจาทิวเสน สพฺโพปิ อกุสลปกฺโข วิตฺถาเรตพฺโพ. ตถา ตีหิ กุสลมูเลหิ ติวิธสุจริตโวทานสมกุสลสฺาวิตกฺกปฺาสทฺธมฺมสมาธิ- วิโมกฺขมุขวิโมกฺขาทิวเสน สพฺโพปิ กุสลปกฺโข วิภาเวตพฺโพ.
เอตฺถ จายํ สจฺจโยชนา – โลโภ สมุทยสจฺจํ, สพฺพานิ วา กุสลากุสลมูลานิ, เตหิ ปน นิพฺพตฺตา เตสมธิฏฺานโคจรภูตา อุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจํ, เตสมปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปชานนา วิโมกฺขาทิกา มคฺคสจฺจนฺติ. อยํ อกุสลมูเลหิ สํกิเลสปกฺขํ, กุสลมูเลหิ จ โวทานปกฺขํ จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขณสฺส ติปุกฺขลนยสฺส ภูมิ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘โย อกุสเล สมูเลหิ,
เนติ กุสเล จ กุสลมูเลหี’’ติอาทิ. (เนตฺติ. ๔.๑๘);
สีหวิกฺกีฬิตนยวณฺณนา
อาฆาตานนฺทาทีนมกรณ-วจเนน สติสิทฺธิ. มิจฺฉาชีวาปฏิวิรติวจเนน วีริยสิทฺธิ. วีริเยน หิ กามพฺยาปาทวิหึสาวิตกฺเก วิโนเทติ, วีริยสาธนฺจ อาชีวปาริสุทฺธิสีลนฺติ. ปาณาติปาตาทีหิ ปฏิวิรติวจเนน สติสิทฺธิ. สติยา หิ สาวชฺชานวชฺโช ทิฏฺโ โหติ. ตตฺถ จ อาทีนวานิสํเส สลฺลกฺเขตฺวา สาวชฺชํ ปหาย อนวชฺชํ สมาทาย วตฺตติ. ตถา หิ สา ‘‘นิยฺยาตนปจฺจุปฏฺานา’’ติ วุจฺจติ. ‘‘ตยิทํ ภิกฺขเว, ตถาคโต ปชานาตี’’ติอาทินา สมาธิปฺาสิทฺธิ. ปฺวา หิ ยถาภูตาวโพโธ สมาหิโต จ ยถาภูตํ ปชานาตีติ.
ตถา ‘‘นิจฺโจ ธุโว’’ติอาทินา อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วิปลฺลาโส, ‘‘อโรโค ปรํ มรณา, เอกนฺตสุขี อตฺตา, ทิฏฺธมฺมนิพฺพานปฺปตฺโต’’ติ จ เอวมาทีหิ อสุเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปลฺลาโส. ‘‘ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต’’ติอาทินา ¶ อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ วิปลฺลาโส. สพฺเพเหว ทิฏฺิปฺปกาสนปเทหิ อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ วิปลฺลาโสติ เอวเมตฺถ จตฺตาโร วิปลฺลาสา สิทฺธา ¶ โหนฺติ, เตสํ ปฏิปกฺขโต จตฺตาริ สติปฏฺานานิ สิทฺธาเนว. ตตฺถ จตูหิ ยถาวุตฺเตหิ อินฺทฺริเยหิ จตฺตาโร ปุคฺคลา นิทฺทิสิตพฺพา. กถํ ทุวิโธ หิ ตณฺหาจริโต มุทินฺทฺริโย ติกฺขินฺทฺริโยติ, ตถา ทิฏฺิจริโตปิ. เตสุ ปโม อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ วิปลฺลตฺถทิฏฺิโก สติพเลน ยถาภูตํ กายสภาวํ สลฺลกฺเขตฺวา สมฺมตฺตนิยามํ โอกฺกมติ. ทุติโย อสุเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปลฺลตฺถทิฏฺิโก ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๔; ๖.๕๘) วุตฺเตน วีริยสํวรสงฺขาเตน วีริยพเลน ตํ วิปลฺลาสํ วิธมติ. ตติโย อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วิปลฺลตฺถทิฏฺิโก สมาธิพเลน สมาหิตภาวโต สงฺขารานํ ขณิกภาวํ ยถาภูตํ ปฏิวิชฺฌติ. จตุตฺโถ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณฆนวิจิตฺตตฺตา ผสฺสาทิธมฺมปฺุชมตฺเต อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ วิปลฺลตฺถทิฏฺิโก จตุโกฏิกสฺุตามนสิกาเรน ตํ มิจฺฉาภินิเวสํ วิทฺธํเสติ. จตูหิ เจตฺถ วิปลฺลาเสหิ จตุราสโวฆโยคคนฺถอคติตณฺหุปฺปาทุปาทานสตฺตวิฺาณฏฺิติอปริฺาทิวเสน สพฺโพปิ อกุสลปกฺโข เนตพฺโพ. ตถา จตูหิ สติปฏฺาเนหิ จตุพฺพิธฌานวิหาราธิฏฺานสุขภาคิยธมฺมอปฺปมฺาสมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทาทิวเสน สพฺโพปิ โวทานปกฺโข เนตพฺโพ.
เอตฺถ จายํ สจฺจโยชนา – สุภสฺาสุขสฺาหิ, จตูหิปิ วา วิปลฺลาเสหิ สมุทยสจฺจํ, เตสมธิฏฺานารมฺมณภูตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขสจฺจํ, เตสมปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปชานนา สติปฏฺานาทิกา มคฺคสจฺจนฺติ. อยํ วิปลฺลาเสหิ สํกิเลสปกฺขํ, สทฺธินฺทฺริยาทีหิ โวทานปกฺขํ จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขณสฺส สีหวิกฺกีฬิตนยสฺส ภูมิ, ยถาห ‘‘โย เนติ วิปลฺลาเสหิ, กิเลเส อินฺทฺริเยหิ สทฺธมฺเม’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๑๙).
ทิสาโลจนองฺกุสนยทฺวยวณฺณนา
อิติ ติณฺณํ อตฺถนยานํ สิทฺธิยา โวหารนยทฺวยมฺปิ สิทฺธเมว โหติ. ตถา หิ อตฺถนยตฺตยทิสาภูตธมฺมานํ สมาโลจนเมว ทิสาโลจนนโย. เตสํ สมานยนเมว องฺกุสนโย. ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน ¶ อตฺถนยานํ ทิสาภูตธมฺมสมาโลกนนยนวเสน ตมฺปิ นยทฺวยํ โยเชตพฺพนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘เวยฺยากรเณสุ หิ เย, กุสลากุสลา’’ติอาทิ (เนตฺติ. ๔.๒๐). อยํ ปฺจนยโยชนา.
ปฺจวิธนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
สาสนปฏฺานวณฺณนา
อิทํ ¶ ปน สุตฺตํ โสฬสวิเธ สาสนปฏฺาเน สํกิเลสวาสนาเสกฺขภาคิยํ ตณฺหาทิฏฺาทิสํกิเลสานํ สีลาทิปฺุกิริยสฺส, อเสกฺขสีลาทิกฺขนฺธสฺส จ วิภตฺตตฺตา, สํกิเลสวาสนานิพฺเพธาเสกฺขภาคิยเมว วา ยถาวุตฺตตฺถานํ เสกฺขสีลกฺขนฺธาทิกสฺส จ วิภตฺตตฺตา. อฏฺวีสติวิเธ ปน สาสนปฏฺาเน โลกิยโลกุตฺตรํ สตฺตธมฺมาธิฏฺานํ าณเยฺยํ ทสฺสนภาวนํ สกวจนปรวจนํ วิสฺสชฺชนียาวิสฺสชฺชนียํ กมฺมวิปากํ กุสลากุสลํ อนฺุาตปฏิกฺขิตฺตํ ภโว จ โลกิยโลกุตฺตราทีนมตฺถานํ อิธ วิภตฺตตฺตาติ. อยํ สาสนปฏฺานโยชนา.
ปกรณนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย อชฺชวมทฺทวโสรจฺจสทฺธาสติธิติพุทฺธิขนฺติวีริยาทิธมฺมสมงฺคินา สาฏฺกเถ ปิฏกตฺตเย อสงฺคาสํหีรวิสารทาณจารินา อเนกปฺปเภทสกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหินา มหาคณินา มหาเวยฺยากรเณน าณาภิวํสธมฺมเสนาปตินามเถเรน มหาธมฺมราชาธิราชครุนา กตาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถวิภาวนา.
พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปโม ภาโค นิฏฺิโต.