📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ทีฆนิกาเย
สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา
(ทุติโย ภาโค)
๒. สามฺผลสุตฺตวณฺณนา
ราชามจฺจกถาวณฺณนา
๑๕๐. อิทานิ ¶ ¶ สามฺผลสุตฺตสฺส สํวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ…เป… สุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนุปุพฺพปทวณฺณนาติ อนุกฺกเมน ปทวณฺณนา, ปทํ ปทํ ปติ อนุกฺกเมน วณฺณนาติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺเพ วุตฺตฺหิ, อุตฺตานํ วา ปทมฺตฺร วณฺณนาปิ ‘‘อนุปุพฺพปทวณฺณนา’’ ตฺเวว วุจฺจติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อปุพฺพปทวณฺณนา’’ติปิ ปนฺติ, ปุพฺเพ อวณฺณิตปทวณฺณนาติ อตฺโถ. ทุคฺคชนปทฏฺานวิเสสสมฺปทาทิโยคโต ปธานภาเวน ราชูหิ คหิตฏฺเน เอวํนามกํ, น ปน นามมตฺเตนาติ อาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. นนุ ¶ มหาวคฺเค มหาโควินฺทสุตฺเต อาคโต เอส ปุโรหิโต เอว, น ราชา, กสฺมา โส ราชสทฺทวจนียภาเวน คหิโตติ? มหาโควินฺเทน ปุโรหิเตน ปริคฺคหิตมฺปิ เจตํ เรณุนา นาม มคธราเชน ปริคฺคหิตเมวาติ อตฺถสมฺภวโต เอวํ วุตฺตํ, น ปน โส ราชสทฺทวจนียภาเวน คหิโต ตสฺส ราชาภาวโต. มหาโควินฺทปริคฺคหิตภาวกิตฺตนฺหิ ตทา เรณุรฺา ปริคฺคหิตภาวูปลกฺขณํ. โส หิ ตสฺส สพฺพกิจฺจการโก ปุโรหิโต, อิทมฺปิ จ โลเก สมุทาจิณฺณํ ¶ ‘‘ราชกมฺมปสุเตน กตมฺปิ รฺา กต’’นฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มนฺธาตุรฺา เจว มหาโควินฺทํ โพธิสตฺตํ ปุโรหิตมาณาเปตฺวา เรณุรฺา จ อฺเหิ จ ราชูหิ ปริคฺคหิตตฺตา ราชคหนฺติ. เกจิ ปน ‘‘มหาโควินฺโท’’ติ มหานุภาโว เอโก ปุราตโน ราชาติ วทนฺติ. ปริคฺคหิตตฺตาติ ราชธานีภาเวน ปริคฺคหิตตฺตา. คยฺหตีติ หิ คหํ, ราชูนํ, ราชูหิ วา คหนฺติ ราชคหํ. นครสทฺทาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส.
อฺเเปตฺถ ปกาเรติ นครมาปเนน รฺา การิตสพฺพเคหตฺตา ราชคหํ, คิชฺฌกูฏาทีหิ ปฺจหิ ปพฺพเตหิ ปริกฺขิตฺตตฺตา ปพฺพตราเชหิ ปริกฺขิตฺตเคหสทิสนฺติปิ ราชคหํ, สมฺปนฺนภวนตาย ราชมานํ เคหนฺติปิ ราชคหํ, สุสํวิหิตารกฺขตาย อนตฺถาวหิตุกาเมน อุปคตานํ ปฏิราชูนํ คหํ คหณภูตนฺติปิ ราชคหํ, ราชูหิ ทิสฺวา สมฺมา ปติฏฺาปิตตฺตา เตสํ คหํ เคหภูตนฺติปิ ราชคหํ, อารามรามเณยฺยตาทีหิ ราชติ, นิวาสสุขตาทินา จ สตฺเตหิ มมตฺตวเสน คยฺหติ ปริคฺคยฺหตีติปิ ราชคหนฺติ เอทิเส ปกาเร. นามมตฺตเมว ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ อตฺโถ. โส ปน ปเทโส วิเสสฏฺานภาเวน อุฬารสตฺตปริโภโคติ อาห ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ‘‘พุทฺธกาเล, จกฺกวตฺติกาเล จา’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ อฺทาปิ กทาจิ สมฺภวโต, ‘‘นครํ โหตี’’ติ จ อิทํ อุปลกฺขณเมว มนุสฺสาวาสสฺเสว อสมฺภวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เสสกาเล สฺุํ โหตี’’ติอาทิ. เตสนฺติ ยกฺขานํ. วสนวนนฺติ อาปานภูมิภูตํ อุปวนํ.
อวิเสเสนาติ วิหารภาวสามฺเน, สทฺทนฺตรสนฺนิธานสิทฺธํ วิเสสปรามสนมนฺตเรนาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ, (อ. นิ. ๕.๑๐๑; ปาจิ. ๑๔๗; ปริ. ๔๔๑) ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, (ธ. ส. ๑๖๐) เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, (ที. นิ. ๓.๗๑, ๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๔๕๙, ๕๐๙; ๒.๓๐๙, ๓๑๕; ๓.๒๓๐; วิภ. ๖๔๒) สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๕๙) สทฺทนฺตรสนฺนิธานสิทฺเธน วิเสสปรามสเนน ยถากฺกมํ อิริยาปถวิหาราทิวิเสสวิหารสมงฺคีปริทีปนํ ¶ ¶ , น เอวมิทํ, อิทํ ปน ตถา วิเสสปรามสนมนฺตเรน อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปนนฺติ.
สติปิ จ วุตฺตนเยน อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปเน อิธ อิริยาปถสงฺขาตวิเสสวิหารสมงฺคีปริทีปนเมว สมฺภวตีติ ทสฺเสติ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทินา. กสฺมา ปน สทฺทนฺตรสนฺนิธานสิทฺธสฺส วิเสสปรามสนสฺสาภาเวปิ อิธ วิเสสวิหารสมงฺคีปริทีปนํ สมฺภวตีติ? วิเสสวิหารสมงฺคีปริทีปนสฺส สทฺทนฺตรสงฺขาตวิเสสวจนสฺส อภาวโต เอว. วิเสสวจเน หิ อสติ วิเสสมิจฺฉตา วิเสโส ปโยชิตพฺโพติ. อปิจ อิริยาปถสมาโยคปริทีปนสฺส อตฺถโต สิทฺธตฺตา ตถาทีปนเมว สมฺภวตีติ. กสฺมา จายมตฺโถ สิทฺโธติ? ทิพฺพวิหาราทีนมฺปิ สาธารณโต. กทาจิปิ หิ อิริยาปถวิหาเรน วินา น ภวติ ตมนฺตเรน อตฺตภาวปริหรณาภาวโตติ.
อิริยนํ ปวตฺตนํ อิริยา, กายิกกิริยา, ตสฺสา ปวตฺตนุปายภาวโต ปโถติ อิริยาปโถ, านนิสชฺชาทโย. น หิ านนิสชฺชาทิอวตฺถาหิ วินา กฺจิ กายิกํ กิริยํ ปวตฺเตตุํ สกฺกา, ตสฺมา โส ตาย ปวตฺตนุปาโยติ วุจฺจติ. วิหรติ ปวตฺตติ เอเตน, วิหรณมตฺตํ วา ตนฺติ วิหาโร, โส เอว วิหาโร ตถา, อตฺถโต ปเนส านนิสชฺชาทิอาการปฺปวตฺโต จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺโธว. ทิวิ ภโว ทิพฺโพ, ตตฺถ พหุลํ ปวตฺติยา พฺรหฺมปาริสชฺชาทิเทวโลเก ภโวติ อตฺโถ, โย วา ตตฺถ ทิพฺพานุภาโว, ตทตฺถาย สํวตฺตตีติ ทิพฺโพ, อภิฺาภินีหาราทิวเสน วา มหาคติกตฺตา ทิพฺโพ, โสว วิหาโร, ทิพฺพภาวาวโห วา วิหาโร ทิพฺพวิหาโร, มหคฺคตชฺฌานานิ. เนตฺติยํ [เนตฺติ. ๘๖ (อตฺถโต สมานํ)] ปน จตสฺโส อารุปฺปสมาปตฺติโย อาเนฺชวิหาราติ วิสุํ วุตฺตํ, ตํ ปน เมตฺตาชฺฌานาทีนํ พฺรหฺมวิหารตา วิย ตาสํ ภาวนาวิเสสภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฏฺกถาสุ ปน ทิพฺพภาวาวหสามฺโต ตาปิ ‘‘ทิพฺพวิหารา’’ ตฺเวว วุตฺตา. พฺรหฺมานํ, พฺรหฺมภูตา วา หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา เสฏฺภูตา วิหาราติ พฺรหฺมวิหารา, เมตฺตาชฺฌานาทิวเสน ปวตฺตา จตสฺโส อปฺปมฺาโย. อริยา อุตฺตมา, อนฺสาธารณตฺตา วา อริยานํ วิหาราติ อริยวิหารา, จตสฺโสปิ ผลสมาปตฺติโย. อิธ ปน รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ, ตพฺพเสน ปวตฺตา อปฺปมฺาโย ¶ , จตุตฺถชฺฌานิกอคฺคผลสมาปตฺติ จ ภควโต ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหารา.
อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปนนฺติ ตาสเมกโต อปฺปวตฺตตฺตา เอเกน วา ทฺวีหิ วา สมงฺคีภาวปริทีปนํ, ภาวโลเปนายํ ภาวปฺปธาเนน วา นิทฺเทโส. ภควา หิ โลภโทสโมหุสฺสนฺเน โลเก ¶ สกปฏิปตฺติยา เวเนยฺยานํ วินยนตฺถํ ตํ ตํ วิหาเร อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตถา หิ ยทา สตฺตา กาเมสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา กิร ภควา ทิพฺเพน วิหาเรน วิหรติ เตสํ อโลภกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจิมุปฺปาเทตฺวา กาเมสุ วิรชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน อิสฺสริยตฺถํ สตฺเตสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา พฺรหฺมวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโทสกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจิมุปฺปาเทตฺวา อโทเสน โทสํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน ปพฺพชิตา ธมฺมาธิกรณํ วิวทนฺติ, ตทา อริยวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโมหกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจิมุปฺปาเทตฺวา อโมเหน โมหํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. เอวฺจ กตฺวา อิเมหิ ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ สตฺตานํ วิวิธํ หิตสุขํ หรติ, อิริยาปถวิหาเรน จ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรตีติ วุตฺตํ ‘‘อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปน’’นฺติ.
‘‘เตนา’’ติอาทิ ยถาวุตฺตสํวณฺณนาย คุณทสฺสนํ, ตสฺมาติ อตฺโถ, ยถาวุตฺตตฺถสมตฺถนํ วา. เตน อิริยาปถวิหาเรน วิหรตีติ สมฺพนฺโธ. ตถา วทมาโน ปน วิหรตีติ เอตฺถ วิ-สทฺโท วิจฺเฉทนตฺถโชตโก, ‘‘หรตี’’ติ เอตสฺส จ เนติ ปวตฺเตตีติ อตฺโถติ าเปติ ‘‘ิโตปี’’ติอาทินา วิจฺเฉทนยนากาเรน วุตฺตตฺตา. เอวฺหิ สติ ตตฺถ กสฺส เกน วิจฺฉินฺทนํ, กถํ กสฺส นยนนฺติ อนฺโตลีนโจทนํ สนฺธายาห. ‘‘โส หี’’ติอาทีติ อยมฺปิ สมฺพนฺโธ อุปปนฺโน โหติ. ยทิปิ ภควา เอเกเนว อิริยาปเถน จิรตรํ กาลํ ปวตฺเตตุํ สกฺโกติ, ตถาปิ อุปาทินฺนกสฺส นาม สรีรสฺส อยํ สภาโวติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกํ อิริยาปถพาธน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปริปตนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, อปตมานํ กตฺวาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ภควา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโต เวเนยฺยานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต, นานาสมาปตฺตีหิ จ กาลํ ¶ วีตินาเมนฺโต วสติ, สตฺตานํ, อตฺตโน จ วิวิธํ สุขํ หรติ, ตสฺมา วิวิธํ หรตีติ วิหรตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ ‘‘ราชคเห’’ติ วตฺวา พุทฺธานมนุรูปนิวาสฏฺานทสฺสนตฺถํ ปุน ‘‘อมฺพวเน’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทมสฺสา’’ติอาทิมาห. อสฺสาติ ภควโต. ตสฺสาติ ราชคหสงฺขาตสฺส โคจรคามสฺส. ยสฺส สมีปวเสน ‘‘ราชคเห’’ติ ภุมฺมวจนํ ปวตฺตติ, โสปิ ตสฺส สมีปวเสน วตฺตพฺโพติ ทสฺเสติ ‘‘ราชคหสมีเป อมฺพวเน’’ติ อิมินา. สมีปตฺเถติ อมฺพวนสฺส สมีปตฺเถ. เอตนฺติ ‘‘ราชคเห’’ติ วจนํ. ภุมฺมวจนนฺติ อาธารวจนํ. ภวนฺติ เอตฺถาติ หิ ภุมฺมํ, อาธาโร, ตเทว วจนํ ตถา, ภุมฺเม ปวตฺตํ วา วจนํ วิภตฺติ ภุมฺมวจนํ ¶ , เตน ยุตฺตํ ตถา, สตฺตมีวิภตฺติยุตฺตปทนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กามํ ภควา อมฺพวเนเยว วิหรติ. ตสฺสมีปตฺตา ปน โคจรคามทสฺสนตฺถํ ภุมฺมวจนวเสน ‘‘ราชคเห’’ติปิ วุตฺตํ ยถา ตํ ‘‘คงฺคายํ คาโว จรนฺติ, กูเป คคฺคกุล’’นฺติ จาติ. อเนเนว ยทิ ภควา ราชคเห วิหรติ, อถ น วตฺตพฺพํ ‘‘อมฺพวเน’’ติ. ยทิ จ อมฺพวเน, เอวมฺปิ น วตฺตพฺพํ ‘‘ราชคเห’’ติ. น หิ ‘‘ปาฏลิปุตฺเต ปาสาเท วสตี’’ติอาทีสุ วิย อิธ อธิกรณาธิกรณสฺส อภาวโต อธิกรณสฺส ทฺวยนิทฺเทโส ยุตฺโต สิยาติ โจทนา อนวกาสา กตาติ ทฏฺพฺพํ. กุมารภโต เอว โกมารภจฺโจ สกตฺถวุตฺติปจฺจเยน, นิรุตฺตินเยน วา ยถา ‘‘ภิสคฺคเมว เภสชฺช’’นฺติ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา ขนฺธกปาฬิวเสน ตทตฺถํ สาเธติ. กสฺมา จ อมฺพวนํ ชีวกสมฺพนฺธํ กตฺวา วุตฺตนฺติ อนุโยเคน มูลโต ปฏฺาย ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห.
โทสาภิสนฺนนฺติ วาตปิตฺตาทิวเสน อุสฺสนฺนโทสํ. วิเรเจตฺวาติ โทสปฺปโกปโต วิเวเจตฺวา. สิเวยฺยกํ ทุสฺสยุคนฺติ สิวิรฏฺเ ชาตํ มหคฺฆํ ทุสฺสยุคํ. ทิวสสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุนฺติ เอกสฺเสว ทิวสสฺส ทฺวิวาเร วา ติวาเร วา ภาเค, ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ สามิวจนํ, เอกสฺมึเยว ทิวเส ทฺวิวารํ วา ติวารํ วาติ อตฺโถ. ตมฺพปฏฺฏวณฺเณนาติ ตมฺพโลหปฏฺฏวณฺเณน. สจีวรภตฺเตนาติ จีวเรน, ภตฺเตน จ. ‘‘ตํ สนฺธายา’’ติ อิมินา น ภควา อมฺพวนมตฺเตเยว วิหรติ, อถ โข เอวํ กเต วิหาเร. โส ปน ตทธิกรณตาย วิสุํ อธิกรณภาเวน น วุตฺโตติ สนฺธายภาสิตมตฺถํ ¶ ทสฺเสติ. สามฺเ หิ สติ สนฺธายภาสิตนิทฺธารณํ.
อฑฺเฒน เตฬส อฑฺฒเตฬส. ตาทิเสหิ ภิกฺขุสเตหิ. อฑฺโฒ ปเนตฺถ สตสฺเสว. เยน หิ ปยุตฺโต ตพฺภาควาจโก อฑฺฒสทฺโท, โส จ โข ปณฺณาสาว, ตสฺมา ปฺาสาย อูนานิ เตฬส ภิกฺขุสตานีติ อตฺถํ วิฺาเปตุํ ‘‘อฑฺฒสเตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฑฺฒเมว สตํ สตสฺส วา อฑฺฒํ ตถา.
ราชตีติ อตฺตโน อิสฺสริยสมฺปตฺติยา ทิพฺพติ โสภติ จ. รฺเชตีติ ทานาทินา, สสฺสเมธาทินา จ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รเมติ, อตฺตนิ วา ราคํ กโรตีติ อตฺโถ. จ-สทฺโท เจตฺถ วิกปฺปนตฺโถ. ชนปทวาจิโน ปุถุวจนปรตฺตา ‘‘มคธาน’’นฺติ วุตฺตํ, ชนปฺปทาปเทเสน วา ตพฺพาสิกานํ คหิตตฺตา. รฺโติ ปิตุ พิมฺพิสารรฺโ. สสติ หึสตีติ สตฺตุ, เวรี, อชาโตเยว สตฺตุ อชาตสตฺตุ. ‘‘เนมิตฺตเกหิ นิทฺทิฏฺโ’’ติ วจเนน จ อชาตสฺส ตสฺส สตฺตุภาโว น ตาว โหติ, สตฺตุภาวสฺส ปน ตถา นิทฺทิฏฺตฺตา เอวํ โวหรียตีติ ทสฺเสติ. อชาตสฺเสว ¶ ปน ตสฺส ‘‘รฺโ โลหิตํ ปิเวยฺย’’นฺติ เทวิยา โทหฬสฺส ปวตฺตตฺตา อชาโตเยเวส รฺโ สตฺตูติปิ วทนฺติ.
‘‘ตสฺมิ’’นฺติอาทินา ตทตฺถํ วิวรติ, สมตฺเถติ จ. โทหโฬติ อภิลาโส. ภาริเยติ ครุเก, อฺเสํ อสกฺกุเณยฺเย วา. อสกฺโกนฺตีติ อสกฺกุณมานา. อกเถนฺตีติ อกถยมานา สมานา. นิพนฺธิตฺวาติ วจสา พนฺธิตฺวา. สุวณฺณสตฺถเกนาติ สุวณฺณมเยน สตฺถเกน, ฆนสุวณฺณกเตนาติ อตฺโถ. อโยมยฺหิ รฺโ สรีรํ อุปเนตุํ อยุตฺตนฺติ วทนฺติ. สุวณฺณปริกฺขเตน วา อโยมยสตฺเถนาติ อตฺเถปิ อยเมวาธิปฺปาโย. พาหุํ ผาลาเปตฺวาติ โลหิตสิราเวธวเสน พาหุํ ผาลาเปตฺวา. เกวลสฺส โลหิตสฺส คพฺภินิยา ทุชฺชีรภาวโต อุทเกน สมฺภินฺทิตฺวา ปาเยสิ. หฺิสฺสตีติ หฺิสฺสเต, อายตึ หนียเตติ อตฺโถ. เนมิตฺตกานํ วจนํ ตถํ วา สิยา, วิตถํ วาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปุตฺโตติ วา ธีตาติ วา น ปฺายตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อตฺตโน’’ติอาทินา อฺมฺปิ การณํ ทสฺเสตฺวา นิวาเรสิ. รฺโ ภาโว รชฺชํ, รชฺชสฺส สมีเป ปวตฺตตีติ โอปรชฺชํ, านนฺตรํ.
มหาติ ¶ มหตี. สมาเส วิย หิ วากฺเยปิ มหนฺตสทฺทสฺส มหาเทโส. ธุราติ คณสฺส ธุรภูตา, โธรยฺหา เชฏฺกาติ อตฺโถ. ธุรํ นีหรามีติ คณธุรมาวหามิ, คณพนฺธิยํ นิพฺพตฺเตสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘โส น สกฺกา’’ติอาทินา ปุน จินฺตนาการํ ทสฺเสติ. อิทฺธิปาฏิหาริเยนาติ อหิเมขลิกกุมารวณฺณวิกุพฺพนิทฺธินา. เตนาติ อปฺปายุกภาเวน. หีติ นิปาตมตฺตํ. เตน หีติ วา อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโต. เตน วุตฺตํ ‘‘กุมารํ…เป… อุยฺโยเชสี’’ติ. พุทฺโธ ภวิสฺสามีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อิทมตฺโถ, อิมินา ขนฺธเก อาคตนเยนาติ อตฺโถ. ปุพฺเพ โขติอาทีหิปิ ขนฺธกปาฬิเยว (จูฬว. ๓๓๙).
โปตฺถนิยนฺติ ฉุริกํ. ยํ ‘‘นขร’’นฺติปิ วุจฺจติ, ทิวา ทิวเสติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๕๐) ทิวสสฺสปิ ทิวา. สามฺยตฺเถ เหตํ ภุมฺมวจนํ ‘‘ทิวา ทิวสสฺสา’’ติ อฺตฺถ ทสฺสนโต. ทิวสฺส ทิวเสติปิ วฏฺฏติ อการนฺตสฺสปิ ทิวสทฺทสฺส วิชฺชมานตฺตา. เนปาติกมฺปิ ทิวาสทฺทมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, มชฺฌนฺหิกเวลายนฺติ อตฺโถ. สา หิ ทิวสสฺส วิเสโส ทิวโสติ. ‘‘ภีโต’’ติอาทิ ปริยาโย, กายถมฺภเนน วา ภีโต. หทยมํสจลเนน อุพฺพิคฺโค. ‘‘ชาเนยฺยุํ วา, มา วา’’ติ ปริสงฺกาย อุสฺสงฺกี. าเต สติ อตฺตโน อาคจฺฉมานภยวเสน อุตฺรสฺโต. วุตฺตปฺปการนฺติ เทวทตฺเตน วุตฺตาการํ วิปฺปการนฺติ อปการํ อนุปการํ, วิปรีตกิจฺจํ วา. สพฺเพ ภิกฺขูติ เทวทตฺตปริสํ สนฺธายาห.
อจฺฉินฺทิตฺวาติ ¶ อปนยนวเสน วิลุมฺปิตฺวา. รชฺเชนาติ วิชิเตน. เอกสฺส รฺโ อาณาปวตฺติฏฺานํ ‘‘รชฺช’’นฺติ หิ วุตฺตํ, ราชภาเวน วา.
มนโส อตฺโถ อิจฺฉา มโนรโถ ร-การาคมํ, ต-การโลปฺจ กตฺวา, จิตฺตสฺส วา นานารมฺมเณสุ วิพฺภมกรณโต มนโส รโถ อิว มโนรโถ, มโน เอว รโถ วิยาติ วา มโนรโถติปิ เนรุตฺติกา วทนฺติ. สุกิจฺจการิมฺหีติ สุกิจฺจการี อมฺหิ. อวมานนฺติ อวมฺนํ อนาทรํ. มูลฆจฺจนฺติ ชีวิตา โวโรปนํ สนฺธายาห, ภาวนปุํสกเมตํ. ราชกุลานํ กิร สตฺเถน ฆาตนํ ราชูนมนาจิณฺณํ, ตสฺมา โส ‘‘นนุ ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตาปนเคหํ นาม อุณฺหคหาปนเคหํ, ตํ ปน ธูเมเนว อจฺฉินฺนา. เตน วุตฺตํ ‘‘ธูมฆร’’นฺติ. กมฺมกรณตฺถายาติ ตาปน กมฺมกรณตฺถเมว. เกนจิ ฉาทิตตฺตา อุจฺโจ องฺโคติ อุจฺจงฺโค ¶ , ยสฺส กสฺสจิ คหณตฺถํ ปฏิจฺฉนฺโน อุนฺนตงฺโคติ อิธ อธิปฺเปโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อุจฺจงฺคํ กตฺวา ปวิสิตุํ มา เทถา’’ติ. ‘‘อุจฺฉงฺเค กตฺวา’’ติปิ ปาโ, เอวํ สติ มชฺฌิมงฺโคว, อุจฺฉงฺเค กิฺจิ คเหตพฺพํ กตฺวาติ อตฺโถ. โมฬิยนฺติ จูฬายํ ‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๑; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๕๕; อป. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; พุ. วํ. อฏฺ. ๒๗.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา) วิย. เตนาห ‘‘โมฬึ พนฺธิตฺวา’’ติ. จตุมธุเรนาติ สปฺปิสกฺกรมธุนาฬิเกรสฺเนหสงฺขาเตหิ จตูหิ มธุเรหิ อภิสงฺขตปานวิเสเสนาติ วทนฺติ, ตํ มหาธมฺมสมาทานสุตฺตปาฬิยา (ม. นิ. ๑.๔๗๓) น สเมติ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘ทธิ จ มธุ จ สปฺปิ จ ผาณิตฺจ เอกชฺฌํ สํสฏฺ’’นฺติ, (ม. นิ. ๑.๔๘๕) ตทฏฺกถายฺจ วุตฺตํ ‘‘ทธิ จ มธุ จาติ สุปริสุทฺธํ ทธิ จ สุมธุรํ มธุ จ. เอกชฺฌํ สํสฏฺนฺติ เอกโต กตฺวา มิสฺสิตํ อาลุฬิตํ. ตสฺส ตนฺติ ตสฺส ตํ จตุมธุรเภสชฺชํ ปิวโต’’ติ ‘‘อตฺตุปกฺกเมน มรณํ น ยุตฺต’’นฺติ มนสิ กตฺวา ราชา ตสฺสา สรีรํ เลหิตฺวา ยาเปติ. น หิ อริยา อตฺตานํ วินิปาเตนฺติ.
มคฺคผลสุเขนาติ มคฺคผลสุขวตา, โสตาปตฺติมคฺคผลสุขูปสฺหิเตน จงฺกเมน ยาเปตีติ อตฺโถ. หาเรสฺสามีติ อปเนสฺสามิ. วีตจฺจิเตหีติ วิคตอจฺจิเตหิ ชาลวิคเตหิ สุทฺธงฺคาเรหิ. เกนจิ สฺตฺโตติ เกนจิ สมฺมา าปิโต, โอวทิโตติ วุตฺตํ โหติ. มสฺสุกรณตฺถายาติ มสฺสุวิโสธนตฺถาย. มนํ กโรถาติ ยถา รฺโ มนํ โหติ, ตถา กโรถ. ปุพฺเพติ ปุริมภเว. เจติยงฺคเณติ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชนฏฺานภูเต เจติยสฺส ภูมิตเล. นิสชฺชนตฺถายาติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสีทนตฺถาย. ปฺตฺตกฏสารกนฺติ ปฺเปตพฺพอุตฺตมกิลฺชํ. ตถาวิโธ ¶ กิลฺโช หิ ‘‘กฏสารโก’’ติ วุจฺจติ. ตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส กมฺมทฺวยสฺส. ตํ ปน มโนปโทสวเสเนว เตน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยถาห –
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ. (ธ. ป. ๑; เนตฺติ. ๙๐);
ปริจารโกติ สหายโก. อเภเทปิ เภทมิว โวหาโร โลเก ปากโฏติ วุตฺตํ ‘‘ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺตี’’ติ. เอกายปิ หิ อุปฺปาทกิริยาย ¶ อิธ เภทโวหาโร, ปฏิสนฺธิวเสน หุตฺวา, ปวตฺติวเสน นิพฺพตฺตีติ วา ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ, ปฏิสนฺธิวเสน วา ปวตฺตนสงฺขาตํ สาติสยนิพฺพตฺตนํ าเปตุํ เอกาเยว กิริยา ปททฺวเยน วุตฺตา. ตถาวจนฺหิ ปฏิสนฺธิวเสน นิพฺพตฺตเนเยว ทิสฺสติ ‘‘มกฺกฏโก นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๕) กณฺฏโก นาม…เป… นิพฺพตฺติ, (ชา. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา) มณฺฑูโก นาม…เป… นิพฺพตฺตี’’ติอาทีสุ วิย. ทฺวินฺนํ วา ปทานํ ภาวตฺถมเปกฺขิตฺวา ‘‘ยกฺโข’’ติอาทีสุ สามิอตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ กตํ ปุริมาย ปจฺฉิมวิเสสนโต, ปริจารกสฺส…เป… ยกฺขสฺส ภาเวน นิพฺพตฺตีติ อตฺโถ, เหตฺวตฺเถ วา เอตฺถ ตฺวา-สทฺโท ยกฺขสฺส ภาวโต ปวตฺตนเหตูติ. อสฺส ปน รฺโ มหาปฺุสฺสปิ สมานสฺส ตตฺถ พหุลํ นิพฺพตฺตปุพฺพตาย จิรปริจิตนิกนฺติ วเสน ตตฺเถว นิพฺพตฺติ เวทิตพฺพา.
ตํ ทิวสเมวาติ รฺโ มรณทิวเสเยว. โขเภตฺวาติ ปุตฺตสฺเนหสฺส พลวภาวโต, ตํสหชาตปีติ เวคสฺส จ สวิปฺผารตาย ตํ สมุฏฺานรูปธมฺเมหิ ผรณวเสน สกลสรีรํ อาโลเฬตฺวา. เตนาห ‘‘อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ อฏฺาสี’’ติ. ปิตุคุณนฺติ ปิตุโน อตฺตนิ สิเนหคุณํ. เตน วุตฺตํ ‘‘มยิ ชาเตปี’’ติอาทิ. วิสฺสชฺเชถ วิสฺสชฺเชถาติ ตุริตวเสน, โสกวเสน จ วุตฺตํ.
อนุฏฺุภิตฺวาติ อฉฑฺเฑตฺวา.
นาฬาคิริหตฺถึ มฺุจาเปตฺวาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, เตน ‘‘อภิมารกปุริสเปเสนาทิปฺปกาเรนา’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการตฺตยํ ปจฺจามสติ, กตฺถจิ ปน โส น ¶ ทิฏฺโ. ปฺจ วตฺถูนีติ ‘‘สาธุ ภนฺเต ภิกฺขู ยาวชีวํ อารฺิกา อสฺสู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) วินเย วุตฺตานิ ปฺจ วตฺถูนิ. ยาจิตฺวาติ เอตฺถ ยาจนํ วิย กตฺวาติ อตฺโถ. น หิ โส ปฏิปชฺชิตุกาโม ยาจตีติ อยมตฺโถ วินเย (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๑๐) วุตฺโตเยว. สฺาเปสฺสามีติ จินฺเตตฺวา สงฺฆเภทํ กตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อิทฺจ ตสฺส อนิกฺขิตฺตธุรตาทสฺสนวเสน วุตฺตํ, โส ปน อกเตปิ สงฺฆเภเท เตหิ สฺาเปติเยว. อุณฺหโลหิตนฺติ พลวโสกสมุฏฺิตํ อุณฺหภูตํ โลหิตํ. มหานิรเยติ อวีจินิรเย. วิตฺถารกถานโยติ อชาตสตฺตุปสาทนาทิวเสน วิตฺถารโต วตฺตพฺพาย กถาย นยมตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ ¶ สา น วุตฺตา, นนุ สงฺคีติกถา วิย ขนฺธเก (จูฬว. ๓๔๓) อาคตาปิ สา วตฺตพฺพาติ โจทนาย อาห ‘‘อาคตตฺตา ปน สพฺพํ น วุตฺต’’นฺติ, ขนฺธเก อาคตตฺตา, กิฺจิมตฺตสฺส จ วจนกฺกมสฺส วุตฺตตฺตา น เอตฺถ โกจิ วิโรโธติ อธิปฺปาโย. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ ยถานุสนฺธินา นิคมนํ.
โกสลรฺโติ ปเสนทิโกสลสฺส ปิตุ มหาโกสลรฺโ. นนุ วิเทหสฺส รฺโ ธีตา เวเทหีติ อตฺโถ สมฺภวตีติ โจทนมปเนติ ‘‘น วิเทหรฺโ’’ติ อิมินา. อถ เกนฏฺเนาติ อาห ‘‘ปณฺฑิตาธิวจนเมต’’นฺติ, ปณฺฑิตเววจนํ, ปณฺฑิตนามนฺติ วา อตฺโถ. อยํ ปน ปทตฺโถ เกน นิพฺพจเนนาติ วุตฺตํ ‘‘ตตฺราย’’นฺติอาทิ. วิทนฺตีติ ชานนฺติ. เวเทนาติ กรณภูเตน าเณน. ‘‘อีหตี’’ติ เอตสฺส ปวตฺตตีติปิ อตฺโถ ฏีกายํ วุตฺโต. เวเทหีติ อิธ นทาทิคโณติ อาห ‘‘เวเทหิยา’’ติ.
โสเยว อโห ตทโห, สตฺตมีวจเนน ปน ‘‘ตทหู’’ติ ปทสิทฺธิ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ทิวเส. อุปสทฺเทน วิสิฏฺโ วสสทฺโท อุปวสเนเยว, น วสนมตฺเต, อุปวสนฺจ สมาทานเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สีเลนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ สีเลนาติ สาสเน อริยุโปสถํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนสเนนาติ อภฺุชนมตฺตสงฺขาตํ พาหิรุโปสถํ. วา-สทฺโท เจตฺถ อนิยมตฺโถ, เตน เอกจฺจํ มโนทุจฺจริตํ, ทุสฺสีลฺยาทิฺจ สงฺคณฺหาติ. ตถา หิ โคปาลกุโปสโถ อภิชฺฌาสหคตสฺส จิตฺตสฺส วเสน วุตฺโต, นิคณฺุโปสโถ โมสวชฺชาทิวเสน. ยถาห วิสาขุโปสเถ ‘‘โส เตน อภิชฺฌาสหคเตน เจตสา ทิวสํ อตินาเมตี’’ติ, (อ. นิ. ๓.๗๑) ‘‘อิติ ยสฺมึ สมเย สจฺเจ สมาทเปตพฺพา, มุสาวาเท ตสฺมึ สมเย สมาทเปตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑) จ อาทิ.
เอวํ อธิปฺเปตตฺถานุรูปํ นิพฺพจนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺถุทฺธารวเสน นิพฺพจนานุรูปํ อธิปฺเปตตฺถํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ อุโปสถสทฺเท. สมานสทฺทวจนียานํ อเนกปฺปเภทานํ อตฺถานมุทฺธรณํ อตฺถุทฺธาโร สมานสทฺทวจนีเยสุ วา อตฺเถสุ อธิปฺเปตสฺเสว อตฺถสฺส อุทฺธรณํ อตฺถุทฺธาโรติปิ วฏฺฏติ. อเนกตฺถทสฺสนฺหิ อธิปฺเปตตฺถสฺส อุทฺธรณตฺถเมว. นนุ จ ‘‘อตฺถมตฺตํ ปติ สทฺทา อภินิวิสนฺตี’’ติอาทินา อตฺถุทฺธาเร ¶ โจทนา, โสธนา จ เหฏฺา วุตฺตาเยว. อปิจ วิเสสสทฺทสฺส อวาจกภาวโต ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิวิสโยปิ อุโปสถสทฺโท สามฺรูโป เอว, อถ กสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิวิเสสวิสโย วุตฺโตติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปนตฺโถ ตาทิสํ สทฺทสามฺมนาทิยิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สมฺภวตฺถทสฺสนวเสเนว วุตฺโตติ, เอวํ สพฺพตฺถ. สีลทิฏฺิวเสน (สีลสุทฺธิวเสน ที. นิ. ฏี. ๑.๑๕๐) อุเปเตหิ สมคฺเคหิ วสียติ น อุฏฺียตีติ อุโปสโถ, ปาติโมกฺขุทฺเทโส. สมาทานวเสน, อธิฏฺานวเสน วา อุเปจฺจ อริยวาสาทิอตฺถาย วสิตพฺโพ อาวสิตพฺโพติ อุโปสโถ, สีลํ. อนสนาทิวเสน อุเปจฺจ วสิตพฺโพ อนุวสิตพฺโพติ อุโปสโถ, วตสมาทานสงฺขาโต อุปวาโส. นวมหตฺถิกุลปริยาปนฺเน หตฺถินาเค กิฺจิ กิริยมนเปกฺขิตฺวา ตํกุลสมฺภูตตามตฺตํ ปติ รุฬฺหิวเสเนว อุโปสโถติ สมฺา, ตสฺมา ตตฺถ นามปฺตฺติ เวทิตพฺพา. อรโย อุปคนฺตฺวา อุเสติ ทาเหตีติ อุโปสโถ, อุสสทฺโท ทาเหติปิ สทฺทวิทู วทนฺติ. ทิวเส ปน อุโปสถ สทฺทปวตฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตาเยว. ‘‘สุทฺธสฺส เว สทาผคฺคู’’ติอาทีสุ สุทฺธสฺสาติ สพฺพโส กิเลสมลาภาเวน ปริสุทฺธสฺส. เวติ นิปาตมตฺตํ, พฺยตฺตนฺติ วา อตฺโถ. สทาติ นิจฺจกาลมฺปิ. ผคฺคูติ ผคฺคุณีนกฺขตฺตเมว ยุตฺตํ ภวติ, นิรุตฺตินเยน เจตสฺส สิทฺธิ. ยสฺส หิ สุนฺทริกภารทฺวาชสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ผคฺคุณมาเส อุตฺตรผคฺคุณียุตฺตทิวเส ติตฺถนฺหานํ กโรนฺตสฺส สํวจฺฉรมฺปิ กตปาปปวาหนํ โหตีติ ลทฺธิ. ตโต ตํ วิเวเจตุํ อิทํ มชฺฌิมาคมาวเร มูลปณฺณาสเก วตฺถสุตฺเต ภควตา วุตฺตํ. สุทฺธสฺสุโปสโถ สทาติ ยถาวุตฺตกิเลสมลสุทฺธิยา ปริสุทฺธสฺส อุโปสถงฺคานิ, วตสมาทานานิ จ อสมาทิยโตปิ นิจฺจกาลํ อุโปสถวาโส เอว ภวตีติ อตฺโถ. ‘‘น ภิกฺขเว’’ติอาทีสุ ‘‘อภิกฺขุโก อาวาโส น คนฺตพฺโพ’’ติ นีหริตฺวา สมฺพนฺโธ. อุปวสิตพฺพทิวโสติ อุปวสนกรณทิวโส, อธิกรเณ วา ตพฺพสทฺโท ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ อฏฺกถายํ วุตฺตนิพฺพจเนน สเมติ. อนฺโตคธาวธารเณน, อฺตฺถาโปหเนน จ นิวารณํ สนฺธาย ‘‘เสสทฺวยนิวารณตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปนฺนรเส’’ติ ปทมารพฺภ ทิวสวเสน ยถาวุตฺตนิพฺพจนํ กตนฺติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตเนว วุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ปฺจทสนฺนํ ติถีนํ ปูรณวเสน ‘‘ปนฺนรโส’’ติ หิ ทิวโส วุตฺโต.
‘‘ตานิ เอตฺถ สนฺตี’’ติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต นนฺเวตานิ อฺตฺถาปิ สนฺตีติ โจทนา สิยาติ ตํ นิวาเรตุํ ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อเนน พหุโส, อติสยโต วา เอตฺถ ตทฺธิตวิสโย ¶ ปยุตฺโตติ ทสฺเสติ. จาตุมาสี, จาตุมาสินีติ จ ปจฺจยวิเสเสน อิตฺถิลิงฺเคเยว ปริยายวจนํ. ปริโยสานภูตาติ จ ปูรณภาวเมว สนฺธาย วทติ ตาย สเหว จตุมาสปริปุณฺณภาวโต. อิธาติ ปาฬิยํ. ตีหิ อากาเรหิ ปูเรตีติ ปุณฺณาติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘มาสปุณฺณตายา’’ติอาทินา. ตตฺถ ตทา กตฺติกมาสสฺส ปุณฺณตาย มาสปุณฺณตา. ปุริมปุณฺณมิโต หิ ปฏฺาย ยาว อปรา ปุณฺณมี, ตาว เอโก มาโสติ ตตฺถ โวหาโร. วสฺสานสฺส อุตุโน ปุณฺณตาย อุตุปุณฺณตา. กตฺติกมาสลกฺขิตสฺส สํวจฺฉรสฺส ปุณฺณตาย สํวจฺฉรปุณฺณตา. ปุริมกตฺติกมาสโต ปภุติ ยาว อปรกตฺติกมาโส, ตาว เอโก กตฺติกสํวจฺฉโรติ เอวํ สํวจฺฉรปุณฺณตายาติ วุตฺตํ โหติ. โลกิกานํ มเตน ปน มาสวเสน สํวจฺฉรสมฺา ลกฺขิตา. ตถา จ ลกฺขณํ ครุสงฺกนฺติวเสน. วุตฺตฺหิ โชติสตฺเถ –
‘‘นกฺขตฺเตน สโหทย-มตฺถํ ยาติ สูรมนฺติ;
ตสฺส สงฺกํ ตตฺร วตฺตพฺพํ, วสฺสํ มาสกเมเนวา’’ติ.
มินียติ ทิวโส เอเตนาติ มา. ตสฺส หิ คติยา ทิวโส มินิตพฺโพ ‘‘ปาฏิปโท ทุติยา, ตติยา’’ติอาทินา. เอตฺถ ปุณฺโณติ เอติสฺสา รตฺติยา สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณ. จนฺทสฺส หิ โสฬสโม ภาโค ‘‘กลา’’ติ วุจฺจติ, ตทา จ จนฺโท สพฺพาสมฺปิ โสฬสนฺนํ กลานํ วเสน ปริปุณฺโณ หุตฺวา ทิสฺสติ. เอตฺถ จ ‘‘ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส’’ติ ปทานิ ทิวสวเสน วุตฺตานิ, ‘‘โกมุทิยา’’ติอาทีนิ ตเทกเทสรตฺติวเสน.
กสฺมา ปน ราชา อมจฺจปริวุโต นิสินฺโน, น เอกโกวาติ โจทนาย โสธนาเลสํ ทสฺเสตุํ ปาฬิปทตฺถเมว อวตฺวา ‘‘เอวรูปายา’’ติอาทีนิปิ วทติ. เอเตหิ จายํ โสธนาเลโส ทสฺสิโต ‘‘เอวํ รุจิยมานาย รตฺติยา ตทา ปวตฺตตฺตา ตถา ปริวุโต นิสินฺโน’’ติ. โธวิยมานทิสาภาคายาติ ¶ เอตฺถาปิ วิยสทฺโท โยเชตพฺโพ. รชตวิมานนิจฺฉริเตหีติ รชตวิมานโต นิกฺขนฺเตหิ, รชตวิมานปฺปภาย วา วิปฺผุริเตหิ. ‘‘วิสโร’’ติ อิทํ มุตฺตาวฬิอาทีนมฺปิ วิเสสนปทํ. อพฺภํ ธูโม รโช ราหูติ อิเม จตฺตาโร อุปกฺกิเลสา ปาฬินเยน (อ. นิ. ๔.๕๐; ปาจิ. ๔๔๗). ราชามจฺเจหีติ ราชกุลสมุทาคเตหิ อมจฺเจหิ. อถ วา อนุยุตฺตกราชูหิ เจว อมจฺเจหิ จาติ อตฺโถ. กฺจนาสเนติ สีหาสเน. ‘‘รฺํ ตุ เหมมาสนํ, สีหาสนมโถ วาฬพีชนิตฺถี จ จามร’’นฺติ หิ วุตฺตํ. กสฺมา นิสินฺโนติ นิสีทนมตฺเต โจทนา. เอต นฺติ กนฺทนํ, ปโพธนํ วา. อิตีติ อิมินา เหตุนา. นกฺขตฺต นฺติ กตฺติกานกฺขตฺตฉณํ. สมฺมา โฆสิตพฺพํ เอตรหิ นกฺขตฺตนฺติ สงฺฆุฏฺํ. ปฺจวณฺณกุสุเมหิ ¶ ลาเชน, ปุณฺณฆเฏหิ จ ปฏิมณฺฑิตํ ฆเรสุ ทฺวารํ ยสฺส ตเทตํ นครํ ปฺจ…เป… ทฺวารํ. ธโช วโฏ. ปฏาโก ปฏฺโฏติ สีหฬิยา วทนฺติ. ตทา กิร ปทีปุชฺชลนสีเสน กตนกฺขตฺตํ. ตถา หิ อุมฺมาทนฺติชาตกาทีสุปิ (ชา. ๒.๑๘.๕๗) กตฺติกมาเส เอวเมว วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สมุชฺชลิตทีปมาลาลงฺกตสพฺพทิสาภาค’’นฺติ. วีถิ นาม รถิกา มหามคฺโค. รจฺฉา นาม อนิพฺพิทฺธา ขุทฺทกมคฺโค. ตตฺถ ตตฺถ นิสินฺนวเสน สมานภาเคน ปาฏิเยกฺกํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมาเนน สมภิกิณฺณนฺติ วุตฺตํ โหติ. มหาอฏฺกถายํ เอวํ วตฺวาปิ ตตฺเถว อิติ สนฺนิฏฺานํ กตนฺติ อตฺโถ.
อุทานํ อุทาหาโรติ อตฺถโต เอกํ. มานนฺติ มานปตฺตํ กตฺตุภูตํ. ฉฑฺฑนวเสน อวเสโก. โสตวเสน โอโฆ. ปีติวจนนฺติ ปีติสมุฏฺานวจนํ กมฺมภูตํ. หทยนฺติ จิตฺตํ กตฺตุภูตํ. คเหตุนฺติ พหิ อนิจฺฉรณวเสน คณฺหิตุํ, หทยนฺโตเยว เปตุํ น สกฺโกตีติ อธิปฺปาโย. เตน วุตฺตํ ‘‘อธิกํ หุตฺวา’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ วจนํ ปฏิคฺคาหก นิรเปกฺขํ เกวลํ อุฬาราย ปีติยา วเสน สรสโต สหสาว มุขโต นิจฺฉรติ, ตเทวิธ ‘‘อุทาน’’นฺติ อธิปฺเปตนฺติ.
โทเสหิ อิตา คตา อปคตาติ โทสินา ต-การสฺส น-การํ กตฺวา ยถา ‘‘กิเลเส ชิโต วิชิตาวีติ ชิโน’’ติ อาห ‘‘โทสาปคตา’’ติ. ยทิปิ สุตฺเต วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ¶ ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ. กตเม จตฺตาโร? อพฺภา ภิกฺขเว…เป… มหิกา. ธูโม รโช. ราหุ ภิกฺขเว จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลโส’’ติ, (จูฬว. ๔๔๗) ตถาปิ ตติยุปกฺกิเลสสฺส ปเภททสฺสน วเสน อฏฺกถานเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหี’’ติ วุตฺตํ. อยมตฺโถ จ รมณียาทิสทฺทโยคโต ายตีติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. อนีย-สทฺโทปิ พหุลา กตฺวตฺถาภิธายโก ยถา ‘‘นิยฺยานิกา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๙๖) ทสฺเสติ ‘‘รมยตี’’ติ อิมินา. ชุณฺหาวเสน รตฺติยา สุรูปตฺตมาห ‘‘วุตฺตโทสวิมุตฺตายา’’ติอาทินา. อพฺภาทโย เจตฺถ วุตฺตโทสา. อยฺจ เหตุ ‘‘ทสฺสิตุํ ยุตฺตา’’ติ เอตฺถาปิ สมฺพชฺฌิตพฺโพ. เตน การเณน, อุตุสมฺปตฺติยา จ ปาสาทิกตา ทฏฺพฺพา. อีทิสาย รตฺติยา ยุตฺโต ทิวโส มาโส อุตุ สํวจฺฉโรติ เอวํ ทิวสมาสาทีนํ ลกฺขณา สลฺลกฺขณุปายา ภวิตุํ ยุตฺตา, ตสฺมา ลกฺขิตพฺพาติ ลกฺขณิยา, สา เอว ลกฺขฺา ย-วโต ณ-การสฺส -การาเทสวเสน ยถา ‘‘โปกฺขรฺโ สุมาปิตา’’ติ อาห ‘‘ทิวสมาสาทีน’’นฺติอาทิ.
‘‘ยํ ¶ โน ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ วจนโต สมณํ วา พฺราหฺมณํ วาติ เอตฺถ ปรมตฺถสมโณ, ปรมตฺถพฺราหฺมโณ จ อธิปฺเปโต, น ปน ปพฺพชฺชามตฺตสมโณ, น จ ชาติมตฺตพฺราหฺมโณติ วุตฺตํ ‘‘สมิตปาปตายา’’ติอาทิ. พหติ ปาเป พหิ กโรตีติ พฺราหฺมโณ นิรุตฺตินเยน. พหุวจเน วตฺตพฺเพ เอกวจนํ, เอกวจเน วา วตฺตพฺเพ พหุวจนํ วจนพฺยตฺตโย วจนวิปลฺลาโสติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘ปยิรุปาสต’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘ปยิรุปาสโต’’ติ วุตฺตตฺตา พหุวจเน วตฺตพฺเพ เอกวจนวเสน วจนพฺยตฺตโย ทสฺสิโต. อตฺตนิ, ครุฏฺานิเย จ หิ เอกสฺมิมฺปิ พหุวจนปฺปโยโค นิรุฬฺโห. ปยิรุปาสโตติ จ วณฺณวิปริยายนิทฺเทโส เอส ยถา ‘‘ปยิรุทาหาสี’’ติ. อยฺหิ พหุลํ ทิฏฺปโยโค, ยทิทํ ปริสทฺเท ย-การปเร วณฺณวิปริยาโย. ตถา หิ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ ‘‘ปริยาทีนํ รยาทิวณฺณสฺส ยราทีหิ วิปริยาโย’’ติ. ยนฺติ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา. อิมินา สพฺเพนปิ วจเนนาติ ‘‘รมณียา วตา’’ติอาทิวจเนน. โอภาสนิมิตฺตกมฺมนฺติ โอภาสภูตํ นิมิตฺตกมฺมํ ¶ , ปริพฺยตฺตํ นิมิตฺตกรณนฺติ อตฺโถ. มหาปราธตายาติ มหาโทสตาย.
‘‘เตน หี’’ติอาทิ ตทตฺถวิวรณํ. เทวทตฺโต จาติ เอตฺถ จ-สทฺโท สมุจฺจยวเสน อตฺถุปนยเน, เตน ยถา ราชา อชาตสตฺตุ อตฺตโน ปิตุ อริยสาวกสฺส สตฺถุ อุปฏฺากสฺส ฆาตเนน มหาปราโธ, เอวํ ภควโต มหานตฺถกรสฺส เทวทตฺตสฺส อปสฺสยภาเวนาปีติ อิมมตฺถํ อุปเนติ. ตสฺส ปิฏฺิฉายายาติ โวหารมตฺตํ, ตสฺส ชีวกสฺส ปิฏฺิอปสฺสเยน, ตํ ปมุขํ กตฺวา อปสฺสายาติ วุตฺตํ โหติ. วิกฺเขปปจฺเฉทนตฺถนฺติ วกฺขมานาย อตฺตโน กถาย อุปฺปชฺชนกวิกฺเขปสฺส ปจฺฉินฺทนตฺถํ, อนุปฺปชฺชนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺสํ หี’’ติอาทิ. อสิกฺขิตานนฺติ กายวจีสํยมเน วิคตสิกฺขานํ. กุลูปเกติ กุลมุปคเต สตฺถาเร. คหิตาสารตายาติ คเหตพฺพคุณสารวิคตตาย. นิพฺพิกฺเขปนฺติ อฺเสมปนยนวิรหิตํ.
ภทฺทนฺติ อวสฺสยสมฺปนฺนตาย สุนฺทรํ.
๑๕๑. อยฺจตฺโถ อิมาย ปาฬิจฺฉายาย อธิคโต, อิมมตฺถเมว วา อนฺโตคธํ กตฺวา ปาฬิยเมวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เตนาหา’’ติอาทินา. อสตฺถาปิ สมาโน สตฺถา ปฏิฺาโต เยนาติ สตฺถุปฏิฺาโต, ตสฺส อพุทฺธสฺสาปิ สมานสฺส พุทฺธปฏิฺาตสฺส ‘‘อหเมโก โลเก อตฺถธมฺมานุสาสโก’’ติ อาจริยปฏิฺาตภาวํ วา สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. ‘‘โส กิรา’’ติอาทินา อนุสฺสุติมตฺตํ ปติ โปราณฏฺกถานโยว กิรสทฺเทน วุตฺโต. เอส นโย ปรโต มกฺขลิปทนิพฺพจเนปิ ¶ . เอกูนทาสสตํ ปูรยมาโนติ เอเกนูนทาสสตํ อตฺตนา สทฺธึ อนูนทาสสตํ กตฺวา ปูรยมาโน. เอวํ ชายมาโน เจส มงฺคลทาโส ชาโต. ชาตรูเปเนวาติ มาตุกุจฺฉิโต วิชาตเวเสเนว, ยถา วา สตฺตา อนิวตฺถา อปารุตา ชายนฺติ, ตถา ชาตรูเปเนว. อุปสงฺกมนฺตีติ อุปคตา ภชนฺตา โหนฺติ. ตเทว ปพฺพชฺชํ อคฺคเหสีติ ตเทว นคฺครูปํ ‘‘อยเมว ปพฺพชฺชา นาม สิยา’’ติ ปพฺพชฺชํ กตฺวา อคฺคเหสิ. ปพฺพชึสูติ ตํ ปพฺพชิตมนุปพฺพชึสุ.
‘‘ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต’’ติ เอเตน ปพฺพชิตสมูหตามตฺเตน สงฺโฆ, น นิยฺยานิกทิฏฺิวิสุทฺธสีลสามฺวเสน สํหตตฺตาติ ทสฺเสติ. อสฺส อตฺถีติ ¶ อสฺส สตฺถุปฏิฺาตสฺส ปริวารภาเวน อตฺถิ. ‘‘สงฺฆี คณี’’ติ เจทํ ปริยายวจนํ, สงฺเกตมตฺตโต นานนฺติ อาห ‘‘สฺเววา’’ติอาทิ. สฺเววาติ จ ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต เอว. เกจิ ปน ‘‘ปพฺพชิตสมูหวเสน สงฺฆี, คหฏฺสมูหวเสน คณี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ คเณ เอว โลเก สงฺฆ-สทฺทสฺส นิรุฬฺหตฺตา. อเจลกวตจริยาทิ อตฺตนา ปริกปฺปิตมตฺตํ อาจาโร. ปฺาโต ปากโฏ สงฺฆีอาทิภาเวน. อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโติ อตฺถโต เอกํ. ตตฺถ ลพฺภมานาปฺปิจฺฉตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปิจฺฉตาย วตฺถมฺปิ น นิวาเสตี’’ติ วุตฺตํ. น หิ ตสฺมึ สาสนิเก วิย สนฺตคุณนิคฺคูหณลกฺขณา อปฺปิจฺฉตา ลพฺภติ. ยโสติ กิตฺติสทฺโท. ตรนฺติ เอเตน สํสาโรฆนฺติ เอวํ สมฺมตตาย ลทฺธิ ติตฺถํ นาม ‘‘สาธู’’ติ สมฺมโต, น จ สาธูหิ สมฺมโตติ อตฺถมาห ‘‘อย’’นฺติอาทินา. น หิ ตสฺส สาธูหิ สมฺมตตา ลพฺภติ. สุนฺทโร สปฺปุริโสติ ทฺวิธา อตฺโถ. อสฺสุตวโตติ อสฺสุตาริยธมฺมสฺส, กตฺตุตฺเถ เจตํ สามิวจนํ. ‘‘อิมานิ เม วตสมาทานานิ เอตฺตกํ กาลํ สุจิณฺณานี’’ติ พหู รตฺติโย ชานาติ. ตา ปนสฺส รตฺติโย จิรกาลภูตาติ กตฺวา ‘‘จิรํ ปพฺพชิตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ, อนฺตตฺถอฺปทตฺถสมาโส เจส ยถา ‘‘มาสชาโต’’ติ. อถ ตสฺส ปททฺวยสฺส โก วิเสโสติ เจ? จิรปพฺพชิตคฺคหเณนสฺส พุทฺธิสีลตา, รตฺตฺูคหเณน ตตฺถ สมฺปชานตา ทสฺสิตา, อยเมตสฺส วิเสโสติ. กึ ปน อตฺถํ สนฺธาย โส อมจฺโจ อาหาติ วุตฺตํ ‘‘อจิรปพฺพชิตสฺสา’’ติอาทิ. โอกปฺปนียาติ สทฺทหนียา. อทฺธานนฺติ ทีฆกาลํ. กิตฺตโก ปน โสติ อาห ‘‘ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ’’ติ, ทฺวินฺนํ, ติณฺณํ วา ราชูนํ รชฺชานุสาสนปฏิปาฏิโยติ อตฺโถ. ‘‘อทฺธคโต’’ติ วตฺวาปิ ปุน กตํ วยคฺคหณํ โอสานวยาเปกฺขํ ปททฺวยสฺส อตฺถวิเสสสมฺภวโตติ ทสฺเสติ ‘‘ปจฺฉิมวย’’นฺติ อิมินา. อุภยนฺติ ‘‘อทฺธคโต, วโยอนุปฺปตฺโต’’ติ ปททฺวยํ.
กาชโร ¶ นาม เอโก รุกฺขวิเสโส, โย ‘‘ปณฺณกรุกฺโข’’ติปิ วุจฺจติ. ทิสฺวา วิย อนตฺตมโนติ สมฺพนฺโธ. ปุพฺเพ ปิตรา สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา เทสนาย สุตปุพฺพตํ สนฺธายาห ‘‘ฌานา…เป… กาโม’’ติ. ติลกฺขณพฺภาหตนฺติ ตีหิ ลกฺขเณหิ อภิฆฏิตํ. ทสฺสเนนาติ นิทสฺสนมตฺตํ. โส หิ ทิสฺวา เตน สทฺธึ อลฺลาปสลฺลาปํ กตฺวา ¶ , ตโต อกิริยวาทํ สุตฺวา จ อนตฺตมโน อโหสิ. คุณกถายาติ อภูตคุณกถาย. เตนาห ‘‘สุฏฺุตรํ อนตฺตมโน’’ติ. ยทิ อนตฺตมโน, กสฺมา ตุณฺหี อโหสีติ โจทนํ วิโสเธติ ‘‘อนตฺตมโน สมาโนปี’’ติอาทินา.
๑๕๒. โคสาลายาติ เอวํนามเก คาเมติ วุตฺตํ. วสฺสานกาเล คุนฺนํ ปติฏฺิตสาลายาติ ปน อตฺเถ ตพฺพเสน ตสฺส นามํ สาติสยมุปปนฺนํ โหติ พหุลมนฺสาธารณตฺตา, ตถาปิ โส โปราเณหิ อนนุสฺสุโตติ เอกจฺจวาโท นาม กโต. ‘‘มา ขลีติ สามิโก อาหา’’ติ อิมินา ตถาวจนมุปาทาย ตสฺส อาขฺยาตปเทน สมฺาติ ทสฺเสติ. สฺาย หิ วตฺตุมิจฺฉาย อาขฺยาตปทมฺปิ นามิกํ ภวติ ยถา ‘‘อฺาสิโกณฺฑฺโ’’ติ (มหาว. ๑๗). เสสนฺติ ‘‘โส ปณฺเณน วา’’ติอาทิวจนํ.
๑๕๓. ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทินามมิว อชิโตติ ตสฺส นามมตฺตํ. เกเสหิ วายิโต กมฺพโล ยสฺสาติปิ ยุชฺชติ. ปฏิกิฏฺตรนฺติ นิหีนตรํ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา องฺคุตฺตราคเม ติกนิปาเต มกฺขลิสุตฺต (อ. นิ. ๓.๑๓๘) มาหริ. ตนฺตาวุตานีติ ตนฺเต วีตานิ. ‘‘สีเต สีโต’’ติอาทินา ฉหากาเรหิ ตสฺส ปฏิกิฏฺตรํ ทสฺเสติ.
๑๕๔. ปกุชฺฌติ สมฺมาทิฏฺิเกสุ พฺยาปชฺชตีติ ปกุโธ. วจฺจํ กตฺวาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน โภชนํ ภฺุชิตฺวาปิ เกนจิ อสุจินา มกฺขิตฺวาปีติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑติ. วาลิกาถูปํ กตฺวาติ วตสมาทานสีเสน วาลิกาสฺจยํ กตฺวา, ตถารูเป อนุปคมนียฏฺาเน ปุน วตํ สมาทาย คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ.
๑๕๖. ‘‘คณฺนกิเลโส’’ติ เอตสฺส ‘‘ปลิพุนฺธนกิเลโส’’ติ อตฺถวจนํ, สํสาเร ปริพุนฺธนกิจฺโจ เขตฺตวตฺถุปุตฺตทาราทิวิสโย ราคาทิกิเลโสติ อตฺโถ. ‘‘เอวํวาทิตายา’’ติ อิมินา ลทฺธิวเสนสฺส นามํ, น ปนตฺถโตติ ทสฺเสติ. ยาว หิ โส มคฺเคน สมุคฺฆาฏิโต, ตาว อตฺถิเยว. อยํ ปน วจนตฺโถ – ‘‘นตฺถิ มยฺหํ คณฺโ’’ติ คณฺหาตีติ นิคณฺโติ. นาฏสฺสาติ เอวํนามกสฺส.
โกมารภจฺจชีวกกถาวณฺณนา
๑๕๗. สพฺพถา ¶ ¶ ตุณฺหีภูตภาวํ สนฺธาย ‘‘เอส นาค…เป… วิยา’’ติ วุตฺตํ. สุปณฺโณติ ครุโฬ, ครุโฑ วา สกฺกฏมเตน. ‘‘ฑ-ฬาน’มวิเสโส’’ติ หิ ตตฺถ วทนฺติ. ยถาธิปฺปายํ น วตฺตตีติ กตฺวา ‘‘อนตฺโถ วต เม’’ติ วุตฺตํ. อุปสนฺตสฺสาติ สพฺพถา สฺเมน อุปสมํ คตสฺส. ชีวกสฺส ตุณฺหีภาโว มม อธิปฺปายสฺส มทฺทนสทิโส, ตสฺมา ตเทว ตุณฺหีภาวํ ปุจฺฉิตฺวา กถาปเนน มม อธิปฺปาโย สมฺปาเทตพฺโพติ อยเมตฺถ รฺโ อธิปฺปาโยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘หตฺถิมฺหิ โข ปนา’’ติอาทิมาห. กินฺติ การณปุจฺฉายํ นิปาโตติ ทสฺเสติ ‘‘เกน การเณนา’’ติ อิมินา, เยน ตุวํ ตุณฺหี, กึ ตํ การณนฺติ วา อตฺถํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ยถาสมฺภวํ การณํ อุทฺธริตฺวา อธิปฺปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยถา เอเตสนฺติ เอเตสํ กุลูปโก อตฺถิ ยถา, อิเมสํ นุ โข ติณฺณํ การณานํ อฺตเรน การเณน ตุณฺหี ภวสีติ ปุจฺฉตีติ อธิปฺปาโย.
กถาเปตีติ กถาเปตุกาโม โหติ. ปฺจปติฏฺิเตนาติ เอตฺถ ปฺจหิ องฺเคหิ อภิมุขํ ิเตนาติ อตฺโถ, ปาทชาณุ กปฺปร หตฺถ สีสสงฺขาตานิ ปฺจ องฺคานิ สมํ กตฺวา โอนาเมตฺวา อภิมุขํ ิเตน ปมํ วนฺทิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ยมฺปิ วทนฺติ ‘‘นวกตเรนุปาลิ ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน อิเม ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’ติอาทิกํ (ปริ. ๔๖๙) วินยปาฬิมาหริตฺวา เอกํสกรณอฺชลิปคฺคหณปาทสมฺพาหนเปมคารวุปฏฺาปนวเสน ปฺจปติฏฺิตวนฺทนา’’ติ, ตเมตฺถานธิปฺเปตํ ทูรโต วนฺทเน ยถาวุตฺตปฺจงฺคสฺส อปริปุณฺณตฺตา. วนฺทนา เจตฺถ ปณมนา อฺชลิปคฺคหณกรปุฏสมาโยโค. ‘‘ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา’’ติ จ กายปณาโม วุตฺโต, ‘‘มม สตฺถุโน’’ติอาทินา ปน วจีปณาโม, ตทุภยปุเรจรานุจรวเสน มโนปณาโมติ. กามํ สพฺพาปิ ตถาคตสฺส ปฏิปตฺติ อนฺสาธารณา อจฺฉริยพฺภุตรูปาว, ตถาปิ คพฺโภกฺกนฺติ อภิชาติ อภินิกฺขมน อภิสมฺโพธิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตน (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๓.๓๐) ยมกปาฏิหาริยเทโวโรหนานิ สเทวเก โลเก อติวิย สุปากฏานิ, น สกฺกา เกนจิ ปฏิพาหิตุนฺติ ตานิเยเวตฺถ อุทฺธฏานิ.
อิตฺถํ ¶ อิมํ ปการํ ภูโต ปตฺโตติ อิตฺถมฺภูโต, ตสฺส อาขฺยานํ อิตฺถมฺภูตาขฺยานํ, โสเยวตฺโถ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺโถ. อถ วา อิตฺถํ เอวํปกาโร ภูโต ชาโตติ อิตฺถมฺภูโต, ตาทิโสติ อาขฺยานํ อิตฺถมฺภูตาขฺยานํ, ตเทวตฺโถ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺโถ, ตสฺมึ อุปโยควจนนฺติ อตฺโถ. อพฺภุคฺคโตติ เอตฺถ ¶ หิ อภิสทฺโท ปธานวเสน อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถโชตโก กมฺมปฺปวจนีโย อภิภวิตฺวา อุคฺคมนกิริยาปการสฺส ทีปนโต, เตน ปโยคโต ‘‘ตํ โข ปน ภควนฺต’’นฺติ อิทํ อุปโยควจนํ สามิอตฺเถ สมานมฺปิ อปฺปธานวเสน อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถทีปนโต ‘‘อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตสฺส โข ปน ภควโตติ อตฺโถ’’ติ. นนุ จ ‘‘สาธุ เทวทตฺโต มาตรมภี’’ติ เอตฺถ วิย ‘‘ตํ โข ปน ภควนฺต’’นฺติ เอตฺถ อภิสทฺโท อปฺปยุตฺโต, กถเมตฺถ ตํปโยคโต อุปโยควจนํ สิยาติ? อตฺถโต ปยุตฺตตฺตา. อตฺถสทฺทปโยเคสุ หิ อตฺถปโยโคเยว ปธาโนติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ‘‘สาธุ เทวทตฺโต มาตรมภี’’ติ เอตฺถ อภิสทฺทปโยคโต อิตฺถมฺภูตาขฺยาเน อุปโยควจนํ กตํ, เอวมิธาปิ ‘‘ตํ โข ปน ภควนฺตํ อภิ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อุคฺคโต’’ติ อภิสทฺทปโยคโต อิตฺถมฺภูตาขฺยาเน อุปโยควจนํ กตนฺติ. ยถา หิ ‘‘สาธุ เทวทตฺโต มาตรมภี’’ติ เอตฺถ ‘‘เทวทตฺโต มาตรมภิ มาตุวิสเย, มาตุยา วา สาธู’’ติ เอวํ อธิกรณตฺเถ, สามิอตฺเถ วา ภุมฺมวจนสฺส, สามิวจนสฺส วา ปสงฺเค อิตฺถมฺภูตาขฺยานโชตเกน กมฺมปฺปวจนีเยน อภิสทฺเทน ปโยคโต อุปโยควจนํ กตํ, เอวมิธาปิ สามิอตฺเถ สามิวจนปฺปสงฺเค ยถา จ ตตฺถ ‘‘เทวทตฺโต มาตุวิสเย, มาตุ สมฺพนฺธี วา สาธุตฺตปฺปการปฺปตฺโต’’ติ อยมตฺโถ วิฺายติ, เอวมิธาปิ ‘‘ภควโต สมฺพนฺธี กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต อภิภวิตฺวา อุคฺคมนปฺปการปฺปตฺโต’’ติ อยมตฺโถ วิฺายติ. ตตฺถ หิ เทวทตฺตคฺคหณํ วิย อิธ กิตฺติสทฺทคฺคหณํ, ‘‘มาตร’’นฺติ วจนํ วิย ‘‘ภควนฺต’’นฺติ วจนํ, สาธุสทฺโท วิย อุคฺคตสทฺโท เวทิตพฺโพ.
กลฺยาโณติ ภทฺทโก. กลฺยาณภาโว จสฺส กลฺยาณคุณวิสยตายาติ อาห ‘‘กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต’’ติ, กลฺยาเณหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต ตพฺพิสยตาย ยุตฺโตติ อตฺโถ. ตํ วิสยตา เหตฺถ สมนฺนาคโม, กลฺยาณคุณวิสยตาย ตนฺนิสฺสิโตติ ¶ อธิปฺปาโย. เสฏฺโติ ปริยายวจเนปิ เอเสว นโย. เสฏฺคุณวิสยตา เอว หิ กิตฺติสทฺทสฺส เสฏฺตา ‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตม’’นฺติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒; ปารา. อฏฺ. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; อุทา. อฏฺ. ๑; อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา; มหานิ. อฏฺ. ๔๙) วิย. ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา คุณานํ สํกิตฺตนโต, สทฺทนียโต จ วณฺโณเยว กิตฺติสทฺโท นามาติ อาห ‘‘กิตฺติเยวา’’ติ. วณฺโณ เอว หิ กิตฺเตตพฺพโต กิตฺติ, สทฺทนียโต สทฺโทติ จ วุจฺจติ. กิตฺติปริยาโย หิ สทฺทสทฺโท ยถา ‘‘อุฬารสทฺทา อิสโย, คุณวนฺโต ตปสฺสิโน’’ติ. กิตฺติวเสน ปวตฺโต สทฺโท กิตฺติสทฺโทติ ภินฺนาธิกรณตํ ทสฺเสติ ‘‘ถุติโฆโส’’ติ อิมินา. กิตฺติสทฺโท เหตฺถ ถุติปริยาโย กิตฺตนมภิตฺถวนํ กิตฺตีติ. ถุติวเสน ปวตฺโต โฆโส ถุติโฆโส, อภิตฺถวุทาหาโรติ อตฺโถ. อภิสทฺโท อภิภวเน, อภิภวนฺเจตฺถ ¶ อชฺโฌตฺถรณเมวาติ วุตฺตํ ‘‘อชฺโฌตฺถริตฺวา’’ติ, อนฺสาธารเณ คุเณ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา อภิพฺยาเปตฺวาติ อตฺโถ. กินฺติ-สทฺโท อพฺภุคฺคโตติ โจทนาย ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทิมาหาติ อนุสนฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘กินฺตี’’ติ วุตฺตํ.
ปทานํ สมฺพชฺฌนํ ปทสมฺพนฺโธ. โส ภควาติ โย โส สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ เทวานมติเทโว สกฺกานมติสกฺโก พฺรหฺมานมติพฺรหฺมา โลกนาโถ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ สเทวเก โลเก ‘‘ภควา’’ติ ปตฺถฏกิตฺติสทฺโท, โส ภควา. ยํ ตํ-สทฺทา หิ นิจฺจสมฺพนฺธา. ‘‘ภควา’’ติ จ อิทมาทิปทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํ. เตนาห อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กต’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๖; จูฬนิ. ๒). ปรโต ปน ‘‘ภควา’’ติ ปทํ คุณกิตฺตนํ. ยถา กมฺมฏฺานิเกน‘‘อรห’’นฺติอาทีสุ นวสุ าเนสุ ปจฺเจกํ อิติปิสทฺทํ โยเชตฺวา พุทฺธคุณา อนุสฺสรียนฺติ, เอวมิธ พุทฺธคุณสํกิตฺตเกนาปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติปิ อรหํ…เป… อิติปิ ภควา’’ติ อาห. เอวฺหิ สติ‘‘อรห’’นฺติอาทีหิ นวหิ ปเทหิ เย สเทวเก โลเก อติวิย ปากฏา ปฺาตา พุทฺธคุณา, เต นานปฺปการโต วิภาวิตา โหนฺติ ‘‘อิติปี’’ติ ปททฺวเยน เตสํ นานปฺปการตาทีปนโต. ‘‘อิติเปตํ ภูตํ, อิติเปตํ ¶ ตจฺฉ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖) วิย หิ อิติ-สทฺโท อิธ อาสนฺนปจฺจกฺขกรณตฺโถ, ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน จ เนสํ นานปฺปการภาโว ทีปิโต, ตานิ จ คุณสลฺลกฺขณการณานิ สทฺธาสมฺปนฺนานํ วิฺุชาติกานํ ปจฺจกฺขานิ โหนฺติ, ตสฺมา ตานิ สํกิตฺเตนฺเตน วิฺุนา จิตฺตสฺส สมฺมุขีภูตาเนว กตฺวา สํกิตฺเตตพฺพานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห. เอวฺหิ นิรูเปตฺวา กิตฺเตนฺเต ยสฺส สํกิตฺเตติ, ตสฺส ภควติ อติวิย ปสาโท โหติ.
อารกตฺตาติ กิเลเสหิ สุวิทูรตฺตา. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ. อรานนฺติ สํสารจกฺกสฺส อรานํ. หตตฺตาติ วิทฺธํสิตตฺตา. ปจฺจยาทีนนฺติ จีวราทิปจฺจยานฺเจว ปูชา วิเสสานฺจ. รหาภาวาติ จกฺขุรหาทีนมภาวโต. รโหปาปกรณาภาโว หิ ปทมนติกฺกมฺม รหาภาโวติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ หิ ยถาธิปฺเปตมตฺโถ ลพฺภตีติ. ตโตติ วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓). ยถา จ วิสุทฺธิมคฺคโต, เอวํ ตํสํวณฺณนาย ปรมตฺถมฺชูสายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๒๔) เนสํ วิตฺถาโร คเหตพฺโพ.
ยสฺมา ชีวโก พหุโส สตฺถุ สนฺติเก พุทฺธคุเณ สุตฺวา ิโต, ทิฏฺสจฺจตาย จ สตฺถุสาสเน ¶ วิคตกถํกโถ, สตฺถุคุณกถเน จ เวสารชฺชปฺปตฺโต, ตสฺมา โส เอวํ วิตฺถารโต เอว อาหาติ วุตฺตํ ‘‘ชีวโก ปนา’’ติอาทิ. ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทินา สามตฺถิยตฺถมาห. ถาโม เทสนาาณเมว, พลํ ปน ทสพลาณํ. วิสฺสตฺถนฺติ ภาวนปุํสกปทํ, อนาสงฺกนฺติ อตฺโถ.
ปฺจวณฺณายาติ ขุทฺทิกาทิวเสน ปฺจปการาย. นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ กตาธิการภาวโต. กมฺมนฺตรายวเสน หิสฺส รฺโ คุณสรีรํ ขตูปหตํ โหติ. กสฺมา ปเนส ชีวกเมว คมนสชฺชาย อาณาเปตีติ อาห ‘‘อิมายา’’ติอาทิ.
๑๕๘. ‘‘อุตฺตม’’นฺติ วตฺวา น เกวลํ อุตฺตมภาโวเยเวตฺถ การณํ, อถ โข อปฺปสทฺทตาปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อสฺสยานรถยานานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. หตฺถิยาเนสุ จ นิพฺพิเสวนเมว คณฺหนฺโต หตฺถินิโยปิ กปฺปาเปสิ. ปทานุปทนฺติ ปทมนุคตํ ปทํ ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส หตฺถิยานสฺส ปเท เตสํ ปทํ กตฺวา, ปทสทฺโท เจตฺถ ปทวฬฺเช. นิพฺพุตสฺสาติ สพฺพกิเลสทรถวูปสมสฺส ¶ . นิพฺพุเตเหวาติ อปฺปสทฺทตาย สทฺทสงฺโขภนวูปสเมเหว.
กเรณูติ หตฺถินิปริยายวจนํ. กณติ สทฺทํ กโรตีติ หิ กเรณุ, กโรว ยสฺสา, น ทีโฆ ทนฺโตติ วา กเรณุ, ‘‘กเรณุกา’’ติปิ ปาโ, นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธิ. อาโรหนสชฺชนํ กุถาทีนํ พนฺธนเมว. โอปวยฺหนฺติ ราชานมุปวหิตุํ สมตฺถํ. ‘‘โอปคุยฺห’’นฺติปิ ปนฺติ, ราชานมุปคูหิตุํ โคปิตุํ สมตฺถนฺติ อตฺโถ. ‘‘เอวํ กิรสฺสา’’ติอาทิ ปณฺฑิตภาววิภาวนํ. กถา วตฺตตีติ ลทฺโธกาสภาเวน ธมฺมกถา ปวตฺตติ. ‘‘รฺโ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ อาสนฺนจารีภาเวน หตฺถินีสุ อิตฺถิโย นิสชฺชาปิตา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๕๘) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อิตฺถิโย นิสฺสาย ปุริสานํ ภยํ นาม นตฺถิ, สุขํ อิตฺถิปริวุโต คมิสฺสามี’’ติ ตตฺถ การณํ วุตฺตเมว. อิมินาปิ การเณน ภวิตพฺพนฺติ ปน อาจริเยน เอวํ วุตฺตํ สิยา. รฺโ ปเรสํ ทูรุปสงฺกมนภาวทสฺสนตฺถํ ตา ปุริสเวสํ คาหาเปตฺวา อาวุธหตฺถา การิตา. หตฺถินิกาสตานีติ เอตฺถ หตฺถินิโย เอว หตฺถินิกา. ‘‘ปฺจ หตฺถินิยา สตานี’’ติปิ กตฺถจิ ปาโ, โส อยุตฺโตว ‘‘ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑) วิย อีทิเสสุ ปจฺฉิมปทสฺส สมาสสฺเสว ทสฺสนโต. กสฺสจิเทวาติ สนฺนิปติเต มหาชเน ยสฺส กสฺสจิ เอว, ตทฺเสมฺปิ อายตึ มคฺคผลานมุปนิสฺสโยติ อาห ‘‘สา มหาชนสฺส อุปการาย ภวิสฺสตี’’ติ.
ปฏิเวเทสีติ าเปสิ. อุปจารวจนนฺติ โวหารวจนมตฺตํ เตเนว อธิปฺเปตตฺถสฺส อปริโยสานโต ¶ . เตนาห ‘‘ตเทว อตฺตโน รุจิยา กโรหี’’ติ. อิมินาเยว หิ ตทตฺถปริโยสานํ. มฺสีติ ปกติยาว ชานาสิ. ตเทวาติ คมนาคมนเมว. ยทิ คนฺตุกาโม, คจฺฉ, อถ น คนฺตุกาโม, มา คจฺฉ, อตฺตโน รุจิเยเวตฺถ ปมาณนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๑๕๙. ปาฏิเอกฺกาเยว สนฺธิวเสน ปจฺเจกา. ‘‘มหฺจ’’นฺติ ปเท กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘มหตา’’ติ. มหนฺตสฺส ภาโว มหฺจํ. น เกวลํ นิคฺคหีตนฺตวเสเนว ปาโ, อถ โข อาการนฺตวเสนาปีติ อาห ¶ ‘‘มหจฺจาติปิ ปาฬี’’ติ. ยถา ‘‘ขตฺติยา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ขตฺยา’’ติ, เอวํ ‘‘มหติยา’’ติ วตฺตพฺเพ มหตฺยา. ปุน จ-การํ กตฺวา มหจฺจาติ สนฺธิวเสน ปทสิทฺธิ. ปุลฺลิงฺควเสน วตฺตพฺเพ อิตฺถิลิงฺควเสน วิปลฺลาโส ลิงฺควิปริยาโย. วิเสสนฺหิ ภิยฺโย วิเสสฺยลิงฺคาทิคาหกํ. ติโยชนสตานนฺติ ปจฺเจกํ ติโยชนสตปริมณฺฑลานํ. ทฺวินฺนํ มหารฏฺานํ อิสฺสริยสิรีติ องฺคมคธรฏฺานมาธิปจฺจมาห. ตทตฺถํ วิวรติ ‘‘ตสฺสา’’ติอาทินา. ปฏิมุกฺกเวนานีติ อาพนฺธสิโรเวนานิ. อาสตฺตขคฺคานีติ อํเส โอลมฺพนวเสน สนฺนทฺธาสีนิ. มณิทณฺฑโตมเรติ มณิทณฺฑงฺกุเส.
‘‘อปราปี’’ติอาทินา ปทสา ปริวารา วุตฺตา. ขุชฺชวามนกา เวสวเสน, กิราตสวรอนฺธกาทโย ชาติวเสน ตาสํ ปริจารกินิโย ทสฺสิตา. วิสฺสาสิกปุริสาติ วสฺสวเร สนฺธายาห. กุลโภคอิสฺสริยาทิวเสน มหตี มตฺตา ปมาณเมเตสนฺติ มหามตฺตา, มหานุภาวา ราชามจฺจา. วิชฺชาธรตรุณา วิยาติ มนฺตานุภาเวน วิชฺชามยิทฺธิสมฺปนฺนา วิชฺชาธรกุมารกา วิย. รฏฺิยปุตฺตาติ โภชปุตฺตา. รฏฺเ ปริจรนฺตีติ หิ ลุทฺทกา รฏฺิยา, เตสํ นานาวุธปริจยตาย ราชภฏภูตา ปุตฺตาติ อตฺโถ, อนฺตรรฏฺโภชกานํ วา ปุตฺตา รฏฺิยปุตฺตา, ขตฺติยา โภชราชาโน. ‘‘อนุยุตฺตา ภวนฺตุ เต’’ติอาทีสุ วิย หิ ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๕๙) วุตฺโต โภชสทฺโท โภชกวาจโกติ ทฏฺพฺพํ. อุสฺสาเปตฺวาติ อุทฺธํ ปสาเรตฺวา. ชยสทฺทนฺติ ‘‘ชยตุ มหาราชา’’ติอาทิชยปฏิพทฺธํ สทฺทํ. ธนุปนฺติปริกฺเขโปติ ธนุปนฺติปริวาโร. สพฺพตฺถ ตํคาหกวเสน เวทิตพฺโพ. หตฺถิฆฏาติ หตฺถิสมูหา. ปหรมานาติ ผุสมานา. อฺมฺสงฺฆฏฺฏนาติ อวิจฺเฉทคมเนน อฺมฺสมฺพนฺธา. เสณิโยติ คนฺธิกเสณีทุสฺสิกเสณีอาทโย ‘‘อนปโลเกตฺวา ราชานํ วา สงฺฆํ วา คณํ วา ปูคํ วา เสณึ วา อฺตฺร กปฺปา วุฏฺาเปยฺยา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๘๒) วิย. ‘‘อฏฺารส อกฺโขภิณี เสนิโย’’ติ กตฺถจิ ลิขนฺติ, โส อเนเกสุปิ โปตฺถเกสุ น ทิฏฺโ. อเนกสงฺขฺยา จ เสนา เหฏฺา ¶ คณิตาติ อยุตฺโตเยว. ตทา สพฺพาวุธโต สโรว ทูรคามีติ กตฺวา สรปตนาติกฺกมปฺปมาเณน รฺโ ปริสํ สํวิทหติ. กิมตฺถนฺติ อาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ.
สยํ ¶ ภายนฏฺเน จิตฺตุตฺราโส ภยํ ยถา ตถา ภายตีติ กตฺวา. ภายิตพฺเพ เอว วตฺถุสฺมึ ภยโต อุปฏฺิเต ‘‘ภายิตพฺพมิท’’นฺติ ภายิตพฺพากาเรน ตีรณโต าณํ ภยํ ภยโต ตีเรตีติ กตฺวา. เตเนวาห วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๕๑) ‘‘ภยตุปฏฺานาณํ ปน ภายติ, น ภายตีติ? น ภายติ. ตฺหิ ‘อตีตา สงฺขารา นิรุทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติ, อนาคตา นิรุชฺฌิสฺสนฺตี’ติ ตีรณมตฺตเมว โหตี’’ติ. ภายนฏฺานฏฺเน อารมฺมณํ ภยํ ภายติ เอตสฺมาติ กตฺวา. ภายนเหตุฏฺเน โอตฺตปฺปํ ภยํ ปาปโต ภายติ เอเตนาติ กตฺวา. ภยานกนฺติ ภายนากาโร. เตปีติ ทีฆายุกา เทวาปิ. ธมฺมเทสนนฺติ ปฺจสุ ขนฺเธสุ ปนฺนรสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ ธมฺมเทสนํ. เยภุยฺเยนาติ เปตฺวา ขีณาสวเทเว ตทฺเสํ วเสน พาหุลฺลโต. ขีณาสวตฺตา หิ เตสํ จิตฺตุตฺราสภยมฺปิ น อุปฺปชฺชติ. กามํ สีโหปมสุตฺตฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๓๓) จิตฺตุตฺราสภยมฺปิ ตทตฺถภาเวน วุตฺตํ, อิธ ปน ปกรณานุรูปโต าณภยเมว คหิตํ. สํเวคนฺติ สโหตฺตปฺปาณํ. สนฺตาสนฺติ สพฺพโส อุพฺพิชฺชนํ. ภายิตพฺพฏฺเน ภยเมว ภีมภาเวน เภรวนฺติ ภยเภรวํ, ภีตพฺพวตฺถุ. เตนาห ‘‘อาคจฺฉตี’’ติ, เอตํ นรํ ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติ นูนาติ อตฺโถ.
ภีรุํ ปสํสนฺตีติ ปาปโต ภายนโต อุตฺราสนโต ภีรุํ ปสํสนฺติ ปณฺฑิตา. น หิ ตตฺถ สูรนฺติ ตสฺมึ ปาปกรเณ สูรํ ปคพฺภธํสินํ น หิ ปสํสนฺติ. เตนาห ‘‘ภยา หิ สนฺโต น กโรนฺติ ปาป’’นฺติ. ตตฺถ ภยาติ ปาปุตฺราสโต, โอตฺตปฺปเหตูติ อตฺโถ.
ฉมฺภิตสฺสาติ ถมฺภิตสฺส, ถ-การสฺส ฉ-การาเทโส. ตทตฺถมาห ‘‘สกลสรีรจลน’’นฺติ, ภยวเสน สกลกายปกมฺปนนฺติ อตฺโถ. อุยฺโยธนํ สมฺปหาโร.
เอเกติ อุตฺตรวิหารวาสิโน. ‘‘ราชคเห’’ติอาทิ เตสมธิปฺปายวิวรณํ. เอเกกสฺมึ มหาทฺวาเร ทฺเว ทฺเว กตฺวา จตุสฏฺิ ขุทฺทกทฺวารานิ. ‘‘ตทา’’ติอาทินา อการณภาเว เหตุํ ทสฺเสติ.
อิทานิ สกวาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ชีวโก กิรา’’ติอาทิ อาสงฺกนาการทสฺสนํ. อสฺสาติ อชาตสตฺตุรฺโ. อุกฺกณฺิโตติ อนภิรโต. ฉตฺตํ อุสฺสาเปตุกาโม ¶ มฺเติ สมฺพนฺโธ ¶ . ภายิตฺวาติ ภายนเหตุ. ตสฺสาติ ชีวกสฺส. สมฺมสทฺโท สมานตฺโถ, สมานภาโว จ วเยนาติ อาห ‘‘วยสฺสาภิลาโป’’ติ. วเยน สมาโน วยสฺโส ยถา ‘‘เอกราชา หริสฺสวณฺโณ’’ติ (ชา. ๑.๒.๑๗). สมานสทฺทสฺส หิ สาเทสมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, เตน อภิลาโป อาลปนํ ตถา, รุฬฺหีนิทฺเทโส เอส, ‘‘มาริสา’’ติ อาลปนมิว. ยถา หิ มาริสาติ นิทฺทุกฺขตาภิลาโป สทุกฺเขปิ เนรยิเก วุจฺจติ ‘‘ยทา โข เต มาริส สงฺกุนา สงฺกุ หทเย สมาคจฺเฉยฺยา’’ติอาทีสุ, (ม. นิ. ๑.๕๑๒) เอวํ โย โกจิ สหาโย อสมานวโยปิ ‘‘สมฺมา’’ติ วุจฺจตีติ, ตสฺมา สหายาภิลาโป อิจฺเจว อตฺโถ. กจฺจิ น วฺเจสีติ ปาฬิยา สมฺพนฺโธ. ‘‘น ปลมฺเภสี’’ติ วุตฺเตปิ อิธ ปริกปฺปตฺโถว สมฺภวตีติ วุตฺตํ ‘‘น วิปฺปลมฺเภยฺยาสี’’ติ, น ปโลเภยฺยาสีติ อตฺโถ. กถาย สลฺลาโป, โส เอว นิคฺโฆโส ตถา.
วินสฺเสยฺยาติ จิตฺตวิฆาเตน วิหฺเยฺย. ‘‘น ตํ เทวา’’ติอาทิวจนํ สนฺธาย ‘‘ทฬฺหํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ตุริตวเสนิทมาเมฑิตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ตรมาโนวา’’ติ อิมินา. ‘‘อภิกฺกม มหาราชา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอเต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ สสมฺพนฺธมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มหาราช โจรพลํ นามา’’ติอาทิมาห.
สามฺผลปุจฺฉาวณฺณนา
๑๖๐. อยํ พหิทฺวารโกฏฺโกกาโส นาคสฺส ภูมิ นาม. เตนาห ‘‘วิหารสฺสา’’ติอาทิ. ภควโต เตโชติ พุทฺธานุภาโว. รฺโ สรีรํ ผริ ยถา ตํ โสณทณฺฑสฺส พฺราหฺมณสฺส ภควโต สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺส อนฺโตวนสณฺฑคตสฺส. ‘‘อตฺตโน อปราธํ สริตฺวา มหาภยํ อุปฺปชฺชี’’ติ อิทํ เสทมฺุจนสฺส การณทสฺสนํ. น หิ พุทฺธานุภาวโต เสทมฺุจนํ สมฺภวติ กายจิตฺตปสฺสทฺธิเหตุภาวโต.
เอเกติ อุตฺตรวิหารวาสิโนเยว. ตทยุตฺตเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘อิมินา’’ติอาทินา. อภิมาเรติ ธนุคฺคเห. ธนปาลนฺติ นาฬาคิรึ. โส หิ ตทา นาคเรหิ ปูชิตธนราสิโน ลพฺภนโต ‘‘ธนปาโล’’ติ โวหรียติ. น เกวลํ ทิฏฺปุพฺพโตเยว, อถ โข ปกติยาปิ ภควา สฺาโตติ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา หี’’ติอาทิมาห. อากิณฺณวรลกฺขโณติ พตฺตึส มหาปุริสลกฺขเณ สนฺธายาห. อนุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิโตติ อสีตานุพฺยฺชเน (ชินาลงฺการฏีกาย วิชาตมงฺคลวณฺณนายํ วิตฺถาโร). ฉพฺพณฺณาหิ รสฺมีหีติ ตทา วตฺตมานา รสฺมิโย. อิสฺสริยลีฬายาติ ¶ อิสฺสริยวิลาเสน. นนุ จ ภควโต สนฺติเก อิสฺสริยลีลาย ปุจฺฉา อคารโวเยว สิยาติ โจทนาย ‘‘ปกติ เหสา’’ติอาทิมาห, ปกติยา ปุจฺฉนโต น อคารโวติ อธิปฺปาโย. ปริวาเรตฺวา นิสินฺเนน ภิกฺขุสงฺเฆน ปุเร กเตปิ อตฺถโต ตสฺส ปุรโต นิสินฺโน นาม. เตนาห ‘‘ปริวาเรตฺวา’’ติอาทิ.
๑๖๑. เยน, เตนาติ จ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ยตฺถ, ตตฺถา’’ติ อิมินา. เยน มณฺฑลสฺส ทฺวารํ, เตนูปสงฺกมีติ สมฺปตฺตภาวสฺส วุตฺตตฺตา อิธ อุปคมนเมว ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุปคโต’’ติ. อนุจฺฉวิเก เอกสฺมึ ปเทเสติ ยตฺถ วิฺุชาติกา อฏฺํสุ, ตสฺมึ. โก ปเนส อนุจฺฉวิกปเทโส นาม? อติทูรตาทิฉนิสชฺชโทสวิรหิโต ปเทโส, นปจฺฉตาทิอฏฺนิสชฺชโทสวิรหิโต วา. ยถาหุ อฏฺกถาจริยา –
‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;
น กจฺเฉ โน ปฏิวาเต, น จาปิ โอนตุนฺนเต;
อิเม โทเส วิสฺสชฺเชตฺวา, เอกมนฺตํ ิตา อหู’’ติ. (ขุ. ปา. อฏฺ. เอวมิจฺจาทิปาวณฺณนา; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๒๖๑);
ตทา ภิกฺขุสงฺเฆ ตุณฺหีภาวสฺส อนวเสสโต พฺยาปิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูต’’นฺติ วิจฺฉาวจนํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยโต…เป… เมวา’’ติ, ยโต ยโต ภิกฺขุโตติ อตฺโถ. หตฺเถน, หตฺถสฺส วา กุกตภาโว หตฺถกุกฺกุจฺจํ, อสฺโม, อสมฺปชฺกิริยา จ. ตถา ปาทกุกฺกุจฺจนฺติ เอตฺถาปิ. วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปเน, เตน ตทฺโปิ จกฺขุโสตาทิอสฺโม นตฺถีติ วิภาวิโต. ตตฺถ ปน จกฺขุอสํยโม สพฺพปโม ทุนฺนิวาริโต จาติ ตทภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
วิปฺปสนฺนรหทมิวาติ อนาวิโลทกสรมิว. เยเนตรหิ…เป… อิมินา เม…เป… โหตูติ สมฺพนฺโธ. อฺโ หิ อตฺถกฺกโม, อฺโ สทฺทกฺกโมติ ¶ อาห ‘‘เยนา’’ติอาทิ. ตตฺถ กายิก-วาจสิเกน อุปสเมน ลทฺเธน มานสิโกปิ อุปสโม อนุมานโต ลทฺโธ เอวาติ กตฺวา ‘‘มานสิเกน จา’’ติ วุตฺตํ. สีลูปสเมนาติ สีลสฺเมน. วุตฺตมตฺถํ โลกปกติยา สาเธนฺโต ‘‘ทุลฺลภฺหี’’ติอาทิมาห. ลทฺธาติ ลภิตฺวา.
อุปสมนฺติ อาจารสมฺปตฺติสงฺขาตํ สํยมํ. ‘‘เอว’’นฺติอาทินา ตถา อิจฺฉาย การณํ ทสฺเสติ ¶ . โสติ อยฺยโก, อุทยภทฺโท วา. ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ ตทตฺถ-สมตฺถนํ. ฆาเตสฺสติเยวาติ ตํกาลาเปกฺขาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ฆาเตสี’’ติ. อิทฺหิ สมฺปติเปกฺขวจนํ. ปฺจปริวฏฺโฏติ ปฺจราชปริวฏฺโฏ.
กสฺมา เอวมาห, นนุ ภควนฺตมุทฺทิสฺส ราชา น กิฺจิ วทตีติ อธิปฺปาโย. วจีเภเทติ ยถาวุตฺตอุทานวจีเภเท. ตุณฺหี นิรโวติ ปริยายวจนเมตํ. ‘‘อย’’นฺติอาทิ จิตฺตชานนาการทสฺสนํ. อยํ…เป… น สกฺขิสฺสตีติ ตฺวาติ สมฺพนฺโธ. วจนานนฺตรนฺติ อุทานวจนานนฺตรํ. เยนาติ ยตฺถ ปเทเส, เยน วา โสตปเถน. เยน เปมนฺติ เอตฺถาปิ ยถารหเมส นโย.
กตาปราธสฺส อาลปนํ นาม ทุกฺกรนฺติ สนฺธาย ‘‘มุขํ นปฺปโหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อาคมา โข ตฺวํ มหาราช ยถาเปม’’นฺติ วจนนิทฺทิฏฺํ วา ตทา ตทตฺถทีปนากาเรน ปวตฺตํ นานานยวิจิตฺตํ ภควโต มธุรวจนมฺปิ สนฺธาย เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกมฺปิ หิ อตฺถํ ภควา ยถา โสตูนํ าณํ ปวตฺตติ, ตถา เทเสติ. ยํ สนฺธาย อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ‘‘ภควตา อพฺยากตํ ตนฺติปทํ นาม นตฺถิ, สพฺเพสฺเว อตฺโถปิ ภาสิโต’’ติ. ปฺจหากาเรหีติ อิฏฺานิฏฺเสุ สมภาวาทิสงฺขาเตหิ ปฺจหิ การเณหิ. วุตฺตฺเหตํ มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๓๘, ๑๖๒) –
‘‘ปฺจหากาเรหิ ตาที อิฏฺานิฏฺเ ตาที, จตฺตาวีติ ตาที, ติณฺณาวีติ ตาที, มุตฺตาวีติ ตาที, ตํนิทฺเทสา ตาที.
กถํ อรหา อิฏฺานิฏฺเ ตาที? อรหา ลาเภปิ ตาที, อลาเภปิ, ยเสปิ, อยเสปิ, ปสํสายปิ, นินฺทายปิ, สุเขปิ, ทุกฺเขปิ ตาที, เอกํ เจ พาหํ คนฺเธน ลิมฺเปยฺยุํ, เอกํ เจ พาหํ วาสิยา ¶ ตจฺเฉยฺยุํ, อมุสฺมึ นตฺถิ ราโค, อมุสฺมึ นตฺถิ ปฏิฆํ, อนุนยปฏิฆวิปฺปหีโน, อุคฺฆาตินิฆาติวีติวตฺโต, อนุโรธวิโรธสมติกฺกนฺโต, เอวํ อรหา อิฏฺานิฏฺเ ตาที.
กถํ อรหา จตฺตาวีติ ตาที? อรหโต…เป… ถมฺโภ, สารมฺโภ, มาโน, อติมาโน, มโท, ปมาโท, สพฺเพ กิเลสา, สพฺเพ ทุจฺจริตา, สพฺเพ ทรถา, สพฺเพ ปริฬาหา ¶ , สพฺเพ สนฺตาปา, สพฺพา กุสลาภิสงฺขารา จตฺตา วนฺตา มุตฺตา ปหีนา ปฏินิสฺสฏฺา, เอวํ อรหา จตฺตาวีติ ตาที.
กถํ อรหา ติณฺณาวีติ ตาที? อรหา กาโมฆํ ติณฺโณ, ภโวฆํ ติณฺโณ, ทิฏฺโฆํ ติณฺโณ, อวิชฺโชฆํ ติณฺโณ, สพฺพํ สํสารปถํ ติณฺโณ อุตฺติณฺโณ นิตฺติณฺโณ อติกฺกนฺโต สมติกฺกนฺโต วีติวตฺโต, โส วุฏฺวาโส จิณฺณจรโณ ชาติมรณสงฺขโย, ชาติมรณสํสาโร (มหานิ. ๓๘) นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโวติ, เอวํ อรหา ติณฺณาวีติ ตาที.
กถํ อรหา มุตฺตาวีติ ตาที? อรหโต ราคา จิตฺตํ มุตฺตํ วิมุตฺตํ สุวิมุตฺตํ, โทสา, โมหา, โกธา, อุปนาหา, มกฺขา, ปฬาสา, อิสฺสาย, มจฺฉริยา, มายาย, สาเยฺยา, ถมฺภา, สารมฺภา, มานา, อติมานา, มทา, ปมาทา, สพฺพกิเลเสหิ, สพฺพทุจฺจริเตหิ, สพฺพทรเถหิ, สพฺพปริฬาเหหิ, สพฺพสนฺตาเปหิ, สพฺพากุสลาภิสงฺขาเรหิ จิตฺตํ มุตฺตํ วิมุตฺตํ สุวิมุตฺตํ; เอวํ อรหา มุตฺตาวีติ ตาที.
กถํ อรหา ตํนิทฺเทสา ตาที? อรหา ‘สีเล สติ สีลวา’ติ ตํนิทฺเทสา ตาที, ‘สทฺธาย สติ สทฺโธ’ติ, ‘วีริเย สติ วีริยวา’ติ, ‘สติยา สติ สติมา’ติ, ‘สมาธิมฺหิ สติ สมาหิโต’ติ, ‘ปฺาย สติ ปฺวา’ติ, ‘วิชฺชาย สติ เตวิชฺโช’ติ, ‘อภิฺาย สติ ฉฬภิฺโ’ติ ตํนิทฺเทสา ตาที, เอวํ อรหา ตํนิทฺเทสา ตาที’’ติ.
ภควา ปน สพฺเพสมฺปิ ตาทีนมติสโย ตาที. เตนาห ‘‘สุปฺปติฏฺิโต’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา กาฬการามสุตฺตนฺเต ‘‘อิติ โข ภิกฺขเว ¶ ตถาคโต ทิฏฺสุตมุตวิฺาตพฺเพสุ ธมฺเมสุ ตาทีเยว ตาที, ตมฺหา จ ปน ตาทิมฺหา อฺโ ตาที อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถีติ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔). อถ วา ปฺจวิธาริยิทฺธิสิทฺเธหิ ปฺจหากาเรหิ ตาทิลกฺขเณ สุปฺปติฏฺิโตติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ อายสฺมตา ธมฺมเสนาปตินา ปฏิสมฺภิทามคฺเค –
‘‘กตมา อริยา อิทฺธิ? อิธ ภิกฺขุ สเจ อากงฺขติ ‘ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฏิกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ, สเจ อากงฺขติ ‘อปฺปฏิกูเล ¶ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฏิกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ, สเจ อากงฺขติ ‘ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฏิกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ, สเจ อากงฺขติ ‘อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฏิกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ, สเจ อากงฺขติ ‘ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺยํ สโต สมฺปชาโน’ติ, อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโน’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๗).
พหิทฺธาติ สาสนโต พหิสมเย.
๑๖๒. เอสาติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วนฺทนากาโร. ตมตฺถํ โลกสิทฺธาย อุปมาย สาเธตุํ ‘‘ราชาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. โอกาสนฺติ ปุจฺฉิตพฺพฏฺานํ.
น เม ปฺหวิสฺสชฺชเน ภาโร อตฺถีติ สตฺถุ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย อตฺถโต อาปนฺนาย ทสฺสนํ. ‘‘ยทิ อากงฺขสี’’ติ วุตฺเตเยว หิ เอส อตฺโถ อาปนฺโน โหติ. สพฺพํ เต วิสฺสชฺเชสฺสามีติ เอตฺถาปิ อยํ นโย. ‘‘ยํ อากงฺขสิ, ตํ ปุจฺฉา’’ติ วจเนเนว หิ อยมตฺโถ สิชฺฌติ. อสาธารณํ สพฺพฺุปวารณนฺติ สมฺพนฺโธ. ยทิ ‘‘ยทากงฺขสี’’ติ น วทนฺติ, อถ กถํ วทนฺตีติ อาห ‘‘สุตฺวา’’ติอาทิ. ปเทสาเณเยว ิตตฺตา ตถา วทนฺตีติ เวทิตพฺพํ. พุทฺธา ปน สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรนฺตีติ สมฺพนฺโธ.
‘‘ปุจฺฉาวุโส ยทากงฺขสี’’ติอาทีนิ สุตฺตปทานิ เยสํ ปุคฺคลานํ วเสน อาคตานิ, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยกฺขนรินฺทเทวสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ‘‘ปุจฺฉาวุโส ยทากงฺขสี’’ติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ¶ โอกาสกรณํ, ‘‘ปุจฺฉ มหาราชา’’ติ นรินฺทานํ, ‘‘ปุจฺฉ วาสวา’’ติอาทิ เทวานมินฺทสฺส, ‘‘เตน หี’’ติอาทิ สมณานํ, ‘‘พาวริสฺส จา’’ติอาทิ พฺราหฺมณานํ, ‘‘ปุจฺฉ มํ สภิยา’’ติอาทิ ปริพฺพาชกานํ โอกาสกรณนฺติ ทฏฺพฺพํ. วาสวาติ เทวานมินฺทาลปนํ. ตเทตฺหิ สกฺกปฺหสุตฺเต. มนสิจฺฉสีติ มนสา อิจฺฉสิ.
กตาวกาสาติ ยสฺมา ตุมฺเห มยา กโตกาสา, ตสฺมา พาวริสฺส จ ตุยฺหํ อชิตสฺส จ สพฺเพสฺจ เสสานํ ยํ กิฺจิ สพฺพํ สํสยํ ยถา มนสา อิจฺฉถ, ตถา ปุจฺฉวฺโห ปุจฺฉถาติ โยชนา. เอตฺถ จ พาวริสฺส สํสยํ มนสา ปุจฺฉวฺโห, ตุมฺหากํ ปน สพฺเพสํ สํสยํ มนสา จ ¶ อฺถา จ ยถา อิจฺฉถ, ตถา ปุจฺฉวฺโหติ อธิปฺปาโย. พาวรี หิ ‘‘อตฺตโน สํสยํ มนสาว ปุจฺฉถา’’ติ อนฺเตวาสิเก อาณาเปสิ. วุตฺตฺหิ –
‘‘อนาวรณทสฺสาวี, ยทิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ;
มนสา ปุจฺฉิเต ปฺเห, วาจาย วิสฺสเชสฺสตี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๑๑);
ตเทตํ ปารายนวคฺเค. ตถา ‘‘ปุจฺฉ มํ สภิยา’’ติอาทิปิ.
พุทฺธภูมินฺติ พุทฺธฏฺานํ, อาสวกฺขยาณํ, สพฺพฺุตฺาณฺจ. โพธิสตฺตภูมิ นาม โพธิสตฺตฏฺานํ ปารมีสมฺภรณาณํ, ภูมิสทฺโท วา อวตฺถาวาจโก, พุทฺธาวตฺถํ, โพธิสตฺตาวตฺถายนฺติ จ อตฺโถ. เอกตฺตนเยน หิ ปวตฺเตสุ ขนฺเธสุ อวตฺถาเยว ตํ ตทาการนิสฺสิตา.
โย ภควา โพธิสตฺตภูมิยํ ปเทสาเณ ิโต สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ, ตสฺส ตเทว อจฺฉริยนฺติ สมฺพนฺโธ. กถนฺติ อาห ‘‘โกณฺฑฺ ปฺหานี’’ติอาทิ. ตตฺถ โกณฺฑฺาติ โคตฺตวเสน สรภงฺคมาลปนฺติ. วิยากโรหีติ พฺยากโรหิ. สาธุรูปาติ สาธุสภาวา. ธมฺโมติ สนนฺตโน ปเวณีธมฺโม. ยนฺติ อาคมนกิริยาปรามสนํ, เยน วา การเณน อาคจฺฉติ, เตน วิยากโรหีติ สมฺพนฺโธ. วุทฺธนฺติ สีลปฺาทีหิ วุทฺธิปฺปตฺตํ, ครุนฺติ อตฺโถ. เอส ภาโรติ สํสยุปจฺเฉทนสงฺขาโต เอโส ภาโร, อาคโต ภาโร ตยา อวสฺสํ วหิตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
มยา ¶ กตาวกาสา โภนฺโต ปุจฺฉนฺตุ. กสฺมาติ เจ? อหฺหิ ตํ ตํ โว พฺยากริสฺสํ ตฺวา สยํ โลกมิมํ, ปรฺจาติ. สยนฺติ จ สยเมว ปรูปเทเสน วินา. เอวํ สรภงฺคกาเล สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสีติ สมฺพนฺโธ.
ปฺหานนฺติ ธมฺมยาคปฺหานํ. อนฺตกรนฺติ นิฏฺานกรํ. สุจิรเตนาติ เอวํ นามเกน พฺราหฺมเณน. ปุฏฺุนฺติ ปุจฺฉิตุํ. ชาติยาติ ปฏิสนฺธิยา, ‘‘วิชาติยา’’ติปิ วทนฺติ. ปํสุํ กีฬนฺโต สมฺภวกุมาโร นิสินฺโนว หุตฺวา ปวาเรสีติ โยเชตพฺพํ.
ตคฺฆาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต. ยถาปิ กุสโล ตถาติ ยถา สพฺพธมฺมกุสโล สพฺพธมฺมวิทู พุทฺโธ ชานาติ กเถติ, ตถา เต อหมกฺขิสฺสนฺติ อตฺโถ. ชานาติ-สทฺโท หิ อิธ สมฺพนฺธมุปคจฺฉติ ¶ . ยถาห ‘‘เยน ยสฺส หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺมฺปิ จ ตสฺส ต’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา). ชานนา เจตฺถ กถนา. ยถา ‘‘อิมินา อิมํ ชานาตี’’ติ วุตฺโตวายมตฺโถ อาจริเยน. ราชา จ โข ตํ ยทิ กาหติ วา, น วาติ โย ตํ อิธ ปุจฺฉิตุํ เปเสสิ, โส โกรพฺยราชา ตํ ตยา ปุจฺฉิตมตฺถํ, ตยา วา ปุฏฺเน มยา อกฺขาตมตฺถํ ยทิ กโรตุ วา, น วา กโรตุ, อหํ ปน ยถาธมฺมํ เต อกฺขิสฺสํ อาจิกฺขิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. ชาตกฏฺกถายํ ปน –
‘‘ราชา จ โข ตนฺติ อหํ ตํ ปฺหํ ยถา ตุมฺหากํ ราชา ชานาติ ชานิตุํ สกฺโกติ, ตถา อกฺขิสฺสํ. ตโต อุตฺตริ ราชา ยถา ชานาติ, ตถา ยทิ กริสฺสติ วา, น วา กริสฺสติ, กโรนฺตสฺส วา อกโรนฺตสฺส วา ตสฺเสเวตํ ภวิสฺสติ, มยฺหํ ปน โทโส นตฺถีติ ทีเปตี’’ติ (ชา. อฏฺ. ๕.๑๖.๑๗๒) –
ชานาติ-สทฺโท วากฺยทฺวยสาธารณวเสน วุตฺโต.
๑๖๓. สิปฺปเมว สิปฺปายตนํ อายตนสทฺทสฺส ตพฺภาววุตฺติตฺตา. อปิจ สิกฺขิตพฺพตาย สิปฺปฺจ ตํ สตฺตานํ ชีวิตวุตฺติยา การณภาวโต, นิสฺสยภาวโต วา อายตนฺจาติ สิปฺปายตนํ. เสยฺยถิทนฺติ เอโกว นิปาโต, นิปาตสมุทาโย วา. ตสฺส เต กตเมติ ¶ อิธ อตฺโถติ อาห ‘‘กตเม ปน เต’’ติ. อิเม กตเมติปิ ปจฺเจกมตฺโถ ยุชฺชติ. เอวํ สพฺพตฺถ. อิทฺจ วตฺตพฺพาเปกฺขนวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา เต สิปฺปายตนิกา กตเมติ อตฺโถ. ‘‘ปุถุสิปฺปายตนานี’’ติ หิ สาธารณโต สิปฺปานิ อุทฺทิสิตฺวา อุปริ ตํตํสิปฺปูปชีวิโนว นิทฺทิฏฺา ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย. กสฺมาติ เจ? ปปฺจํ ปริหริตุกามตฺตา. อฺถา หิ ยถาธิปฺเปตานิ ตาว สิปฺปายตนานิ ทสฺเสตฺวา ปุน ตํตํสิปฺปูปชีวิโนปิ ทสฺเสตพฺพา สิยุํ เตสเมเวตฺถ ปธานโต อธิปฺเปตตฺตา. เอวฺจ สติ กถาปปฺโจ ภเวยฺย, ตสฺมา ตํ ปปฺจํ ปริหริตุํ สิปฺปูปชีวีหิ ตํตํสิปฺปายตนานิ สงฺคเหตฺวา เอวมาหาติ ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘หตฺถาโรหาติอาทีหิ เย ตํ ตํ สิปฺปํ นิสฺสาย ชีวนฺติ, เต ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ. กสฺมาติ อาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. สิปฺปํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตีติ สิปฺปูปชีวิโน.
หตฺถิมาโรหนฺตีติ หตฺถาโรหา, หตฺถารุฬฺหโยธา. หตฺถึ อาโรหาปยนฺตีติ หตฺถาโรหา, หตฺถาจริย หตฺถิเวชฺช หตฺถิเมณฺฑาทโย. เยน หิ ปโยเคน ปุริโส หตฺถิโน อาโรหนโยคฺโค โหติ, ตํ หตฺถิสฺส ปโยคํ วิธายนฺตานํ สพฺเพสมฺเปเตสํ คหณํ. เตนาห ‘‘สพฺเพปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ¶ หตฺถาจริยา นาม เย หตฺถิโน, หตฺถาโรหกานฺจ สิกฺขาปกา. หตฺถิเวชฺชา นาม หตฺถิภิสกฺกา. หตฺถิเมณฺฑา นาม หตฺถีนํ ปาทรกฺขกา. หตฺถึ มณฺฑยนฺติ รกฺขนฺตีติ หตฺถิมณฺฑา, เตเยว หตฺถิเมณฺฑา, หตฺถึ มิเนนฺติ สมฺมา วิทหเนน หึสนฺตีติ วา หตฺถิเมณฺฑา. อาทิ-สทฺเทน หตฺถีนํ ยวปทายกาทโย สงฺคณฺหาติ. อสฺสาโรหาติ เอตฺถาปิ สุทฺธเหตุกตฺตุวเสน ยถาวุตฺโตว อตฺโถ. รเถ นิยุตฺตา รถิกา. รถรกฺขา นาม รถสฺส อาณิรกฺขกา. ธนุํ คณฺหนฺตีติ ธนุคฺคหา, อิสฺสาสา, ธนุํ คณฺหาเปนฺตีติ ธนุคฺคหา, ธนุสิปฺปสิกฺขาปกา ธนฺวาจริยา.
เจเลน เจลปฏากาย ยุทฺเธ อกนฺติ คจฺฉนฺตีติ เจลกา, ชยทฺธชคาหกาติ อาห ‘‘เย ยุทฺเธ’’ติอาทิ. ชยธชนฺติ ชยนตฺถํ, ชยกาเล วา ปคฺคหิตธชํ. ปุรโตติ เสนาย ปุพฺเพ. ยถา ตถา ิเต เสนิเก พฺยูหวิจารณวเสน ตโต ตโต จลยนฺติ อุจฺจาเลนฺตีติ จลกาติ วุตฺตํ ‘‘อิธ รฺโ’’ติอาทิ. สกุณคฺฆิอาทโย วิย มํสปิณฺฑํ ปรเสนาสมูหสงฺขาตํ ปิณฺฑํ สาหสิกตาย เฉตฺวา เฉตฺวา ¶ ทยนฺติ อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา นิคฺคจฺฉนฺตีติ ปิณฺฑทายกา. เตนาห ‘‘เต กิรา’’ติอาทิ. สาหสํ กโรนฺตีติ สาหสิกา, เตเยว มหาโยธา. ปิณฺฑมิวาติ ตาลผลปิณฺฑมิวาติ วทนฺติ, ‘‘มํสปิณฺฑมิวา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๓) อาจริเยน วุตฺตํ. สพฺพตฺถ ‘‘อาจริเยนา’’ติ วุตฺเต อาจริยธมฺมปาลตฺเถโรว คเหตพฺโพ. ทุติยวิกปฺเป ปิณฺเฑ ชนสมูหสงฺขาเต สมฺมทฺเท ทยนฺติ อุปฺปตนฺตา วิย คจฺฉนฺตีติ ปิณฺฑทายกา, ทย-สทฺโท คติยํ, อย-สทฺทสฺส วา ท-การาคเมน นิปฺผตฺติ.
อุคฺคตุคฺคตาติ สงฺคามํ ปตฺวา ชวปรกฺกมาทิวเสน อติวิย อุคฺคตา. ตเทวาติ ปเรหิ วุตฺตํ ตเมว สีสํ วา อาวุธํ วา. ปกฺขนฺทนฺตีติ วีรสูรภาเวน อสชฺชมานา ปรเสนมนุปวิสนฺติ. ถามชวพลปรกฺกมาทิสมฺปตฺติยา มหานาคสทิสตา. เตนาห ‘‘หตฺถิอาทีสุปี’’ติอาทิ. เอกนฺตสูราติ เอกจรสูรา อนฺตสทฺทสฺส ตพฺภาววุตฺติโต, สูรภาเวน เอกากิโน หุตฺวา ยุชฺฌนกาติ อตฺโถ. สชาลิกาติ สวมฺมิกา. สนฺนาโห กงฺกโฏ วมฺมํ กวโจ อุรจฺฉโท ชาลิกาติ หิ อตฺถโต เอกํ. สจมฺมิกาติ ชาลิกา วิย สรีรปริตฺตาเณน จมฺเมน สจมฺมิกา. จมฺมกฺจุกนฺติ จมฺมมยกฺจุกํ. ปวิสิตฺวาติ ตสฺส อนฺโต หุตฺวา, ปฏิมฺุจิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สรปริตฺตาณํ จมฺมนฺติ จมฺมปฏิสิพฺพิตํ เจลกํ, จมฺมมยํ วา ผลกํ. พลวสิเนหาติ สามินิ อติสยเปมา. ฆรทาสโยธาติ อนฺโตชาตทาสปริยาปนฺนา โยธา, ‘‘ฆรทาสิกปุตฺตา’’ติปิ ปาโ, อนฺโตชาตทาสีนํ ปุตฺตาติ อตฺโถ.
อาฬารํ ¶ วุจฺจติ มหานสํ, ตตฺถ นิยุตฺตา อาฬาริกา. ปูวิกาติ ปูวสมฺปาทกา, เย ปูวเมว นานปฺปการโต สมฺปาเทตฺวา วิกฺกิณนฺตา ชีวนฺติ. เกสนขสณฺปนาทิวเสน มนุสฺสานํ อลงฺการวิธึ กปฺเปนฺติ สํวิทหนฺตีติ กปฺปกา. จุณฺณวิเลปนาทีหิ มลหรณวณฺณสมฺปาทนวิธินา นฺหาเปนฺติ นหานํ กโรนฺตีติ นฺหาปิกา. นวนฺตาทิวิธินา ปวตฺโต คณนคนฺโถ อนฺตรา ฉิทฺทาภาเวน อจฺฉิทฺทโกติ วุจฺจติ, ตเทว ปเนฺตีติ อจฺฉิทฺทกปากา. หตฺเถน อธิปฺปายวิฺาปนํ, คณนํ วา หตฺถมุทฺทา. องฺคุลิสงฺโกจนฺหิ มุทฺทาติ วุจฺจติ, เตน จ วิฺาปนํ, คณนํ วา โหติ. หตฺถสทฺโท เจตฺถ ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘น ภฺุชมาโน สพฺพํ ¶ หตฺถํ มุเข ปกฺขิปิสฺสามี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๑๘) วิย, ตมุปนิสฺสาย ชีวนฺตีติ มุทฺทิกา. เตนาห ‘‘หตฺถมุทฺทายา’’ติอาทิ.
อยกาโร กมฺมารการโก. ทนฺตกาโร ภมกาโร. จิตฺตกาโร เลปจิตฺตกาโร. อาทิ-สทฺเทน โกฏฺฏกเลขกวิลีวการอิฏฺกการทารุการาทีนํ สงฺคโห. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. กรณนิปฺผาทนวเสน ทสฺเสตฺวา. สนฺทิฏฺิกเมวาติ อสมฺปรายิกตาย สามํ ทฏฺพฺพํ, สยมนุภวิตพฺพํ อตฺตปจฺจกฺขนฺติ อตฺโถ. อุปชีวนฺตีติ อุปนิสฺสาย ชีวนฺติ. สุขิตนฺติ สุขปฺปตฺตํ. ถามพลูเปตภาโวว ปีณนนฺติ อาห ‘‘ปีณิตํ ถามพลูเปต’’นฺติ. อุปรีติ เทวโลเก. ตถา อุทฺธนฺติปิ. โส หิ มนุสฺสโลกโต อุปริโม. อคฺคํ วิยาติ อคฺคํ, ผลํ. ‘‘กมฺมสฺส กตตฺตา ผลสฺส นิพฺพตฺตนโต ตํ กมฺมสฺส อคฺคิสิขา วิย โหตี’’ติ อาจริเยน วุตฺตํ. อปิจ สคฺคนฺติ อุตฺตมํ, ผลํ. สคฺคนฺติ สุฏฺุ อคฺคํ, รูปสทฺทาทิทสวิธํ อตฺตโน ผลํ นิปฺผาเทตุํ อรหตีติ อตฺโถ. สุอคฺคิกาว นิรุตฺตินเยน โสวคฺคิกา, ทกฺขิณาสทฺทาเปกฺขาย จ สพฺพตฺถ อิตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส. สุโขติ สุขูปาโย อิฏฺโ กนฺโต. อคฺเคติ อุฬาเร. อตฺตนา ปริภฺุชิตพฺพํ พาหิรํ รูปํ, อตฺตโน วณฺณโปกฺขรตา วณฺโณติ อยเมเตสํ วิเสโส. ทกฺขนฺติ วฑฺฒนฺติ เอตายาติ ทกฺขิณา, ปริจฺจาคมยํ ปฺุนฺติ อาห ‘‘ทกฺขิณํ ทาน’’นฺติ.
มคฺโค สามฺํ สมิตปาปสงฺขาตสฺส สมณสฺส ภาโวติ กตฺวา, ตสฺส วิปากตฺตา อริยผลํ สามฺผลํ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา มหาวคฺคสํยุตฺตปาฬิวเสน ตทตฺถํ สาเธติ. ตํ เอส ราชา น ชานาติ อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย. ยสฺมา ปเนส ‘‘ทาสกสฺสกาทิภูตานํ ปพฺพชิตานํ โลกโต อภิวาทนาทิลาโภ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ นามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อีทิสมตฺถํ ชานนฺโต’’ติ วีมํสนฺโต ปูรณาทิเก ปุจฺฉิตฺวา เตสํ กถาย อนธิคตวิตฺโต ภควนฺตมฺปิ เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทาสกสฺสโกปมํ สนฺธาย ปุจฺฉตี’’ติ.
ราชามจฺจาติ ¶ ¶ ราชกุลสมุทาคตา อมจฺจา, อนุยุตฺตกราชาโน เจว อมจฺจา จาติปิ อตฺโถ. กณฺหปกฺขนฺติ ยถาปุจฺฉิเต อตฺเถ ลพฺภมานทิฏฺิคตูปสํหิตํ สํกิเลสปกฺขํ. สุกฺกปกฺขนฺติ ตพฺพิธุรํ อุปริ สุตฺตาคตํ โวทานปกฺขํ. สมณโกลาหลนฺติ สมณโกตูหลํ ตํ ตํ สมณวาทานํ อฺมฺวิโรธํ. สมณภณฺฑนนฺติ เตเนว วิโรเธน ‘‘เอวํวาทีนํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อยํ โทโส, เอวํวาทีนํ เตสํ อยํ โทโส’’ติ เอวํ ตํ ตํ วาทสฺส ปริภาสนํ. อิสฺสรานุวตฺตโก หิ โลโกติ ธมฺมตาทสฺสเนน ตทตฺถสมตฺถนํ. อตฺตโน เทสนาโกสลฺเลน รฺโ ภารํ กโรนฺโต, น ตทฺเน ปรวมฺภนาทิการเณน.
๑๖๔. นุ-สทฺโท วิย โน-สทฺโทปิ ปุจฺฉายํ นิปาโตติ อาห ‘‘อภิชานาสิ นู’’ติ. อยฺจาติ เอตฺถ จ-สทฺโท น เกวลํ อภิชานาสิปเทเนว, อถ โข ‘‘ปุจฺฉิตา’’ติ ปเทน จาติ สมุจฺจยตฺโถ. กถํ โยเชตพฺโพติ อนุโยคมปเนติ ‘‘อิทฺหี’’ติอาทินา. ปุจฺฉิตา นูติ ปุพฺเพ ปุจฺฉํ กตฺตา นุ. นํ ปุฏฺภาวนฺติ ตาทิสํ ปุจฺฉิตภาวํ อภิชานาสิ นุ. น เต สมฺมุฏฺนฺติ ตว น ปมุฏฺํ วตาติ อตฺโถ. อผาสุกภาโวติ ตถา ภาสเนน อสุขภาโว. ปณฺฑิตปติรูปกานนฺติ (สามํ วิย อตฺตโน สกฺการานํ ปณฺฑิตภาสานํ) อามํ วิย ปกฺกานํ ปณฺฑิตา ภาสานํ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๓) ปาฬิปทอตฺถพฺยฺชเนสูติ ปาฬิสงฺขาเต ปเท, ตทตฺเถ ตปฺปริยาปนฺนกฺขเร จ, วากฺยปริยาโย วา พฺยฺชนสทฺโท ‘‘อกฺขรํ ปทํ พฺยฺชน’’นฺติอาทีสุ (เนตฺติ. ๒๘) วิย. ภควโต รูปํ สภาโว วิย รูปมสฺสาติ ภควนฺตรูโป, ภควา วิย เอกนฺตปณฺฑิโตติ อตฺโถ.
ปูรณกสฺสปวาทวณฺณนา
๑๖๕. เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ, เอกํ สมยมิจฺเจว อตฺโถ. สมฺโมเทติ สมฺโมทนํ กโรตีติ สมฺโมทนียํ. อนียสทฺโท หิ พหุลา กตฺวตฺถาภิธายโก ยถา ‘‘นิยฺยานิกา’’ติ, (ธ. ส. สุตฺตนฺตทุกมาติกา ๙๗) สมฺโมทนํ วา ชเนตีติ สมฺโมทนิยํ ตทฺธิตวเสน. สริตพฺพนฺติ สารณียํ, สรณสฺส อนุจฺฉวิกนฺติ วา สารณิยํ, เอตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺโมทชนกํ สริตพฺพยุตฺตก’’นฺติ วุตฺตํ, สริตพฺพยุตฺตกนฺติ จ สรณานุจฺฉวิกนฺติ อตฺโถ.
๑๖๖. สหตฺถาติ ¶ สหตฺเถเนว, เตน สุทฺธกตฺตารํ ทสฺเสติ, อาณตฺติยาติ ปน เหตุกตฺตารํ, นิสฺสคฺคิยถาวราทโยปิ อิธ สหตฺถ กรเณเนว สงฺคหิตา. หตฺถาทีนีติ หตฺถปาทกณฺณนาสาทีนิ. ปจนํ ทหนํ วิพาธนนฺติ อาห ‘‘ทณฺเฑน อุปฺปีเฬนฺตสฺสา’’ติ. ปปฺจสูทนิยํ นาม มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ ¶ ปน ‘‘ปจโต’’ติ เอตสฺส ‘‘ตชฺเชนฺตสฺส วา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๙๗) ทุติโยปิ อตฺโถ วุตฺโต, อิธ ปน ตชฺชนํ, ปริภาสนฺจ ทณฺเฑน สงฺคเหตฺวา ‘‘ทณฺเฑน อุปฺปีเฬนฺตสฺส อิจฺเจว วุตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๖) อาจริเยน วุตฺตํ, อธุนา ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ตชฺเชนฺตสฺส วา’’ติ ปาโปิ พหุโส ทิสฺสติ. โสกนฺติ โสกการณํ, โสจนนฺติปิ ยุชฺชติ การณสมฺปาทเนน ผลสฺสปิ กตฺตพฺพโต. ปเรหีติ อตฺตโน วจนกเรหิ กมฺมภูเตหิ. ผนฺทโตติ เอตฺถ ปรสฺส ผนฺทนวเสน สุทฺธกตฺตุตฺโถ น ลพฺภติ, อถ โข อตฺตโน ผนฺทนวเสเนวาติ อาห ‘‘ปรํ ผนฺทนฺตํ ผนฺทนกาเล สยมฺปิ ผนฺทโต’’ติ, อตฺตนา กเตน ปรสฺส วิพาธนปโยเคน สยมฺปิ ผนฺทโตติ อตฺโถ. ‘‘อติปาตาปยโต’’ติ ปทํ สุทฺธกตฺตริ, เหตุกตฺตริ จ ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ ‘‘หนนฺตสฺสาปิ หนาเปนฺตสฺสาปี’’ติ อิมินา. สพฺพตฺถาติ ‘‘อาทิยโต’’ติอาทีสุ. กรณการณวเสนาติ สยํการปรํการวเสน.
ฆรภิตฺติยา อนฺโต จ พหิ จ สนฺธิ ฆรสนฺธิ. กิฺจิปิ อเสเสตฺวา นิรวเสโส โลโป วิลุมฺปนํ นิลฺโลโปติ อาห ‘‘มหาวิโลป’’นฺติ. เอกาคาเร นิยุตฺโต วิโลโป เอกาคาริโก. เตนาห ‘‘เอกเมวา’’ติอาทิ. ‘‘ปริปนฺเถ ติฏฺโต’’ติ เอตฺถ อจฺฉินฺทนตฺถเมว ติฏฺตีติ อยมตฺโถ ปกรณโต สิทฺโธติ ทสฺเสติ ‘‘อาคตาคตาน’’นฺติอาทินา. ‘‘ปริโต สพฺพโส ปนฺเถ หนนํ ปริปนฺโถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๖) อยมตฺโถปิ อาจริเยน วุตฺโต. กโรมีติ สฺายาติ สฺเจตนิกภาวมาห, เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘สฺจิจฺจ กโรโตปิ น กรียติ นาม, ปเคว อสฺจิจฺจา’’ติ. ปาปํ น กรียตีติ ปุพฺเพ อสโต อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ปาปํ อกตเมว นาม. เตนาห ‘‘นตฺถิ ปาป’’นฺติ.
ยทิ เอวํ กถํ สตฺตา ปาเป ปวตฺตนฺตีติ อตฺตโน วาเท ปเรหิ อาโรปิตํ โทสมปเนตุกาโม ปูรโณ อิมมตฺถมฺปิ ทสฺเสตีติ อาห ‘‘สตฺตา ปนา’’ติอาทิ. สฺามตฺตเมตํ ‘‘ปาปํ กโรนฺตี’’ติ, ปาปํ ¶ ปน นตฺเถวาติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ กิรสฺส โหติ – อิเมสํ สตฺตานํ หึสาทิกิริยา อตฺตานํ น ปาปุณาติ ตสฺส นิจฺจตาย นิพฺพิการตฺตา, สรีรํ ปน อเจตนํ กฏฺกลิงฺครูปมํ, ตสฺมึ วิโกปิเตปิ น กิฺจิ ปาปนฺติ. ปริยนฺโต วุจฺจติ เนมิ ปริโยสาเน ิตตฺตา. เตน วุตฺตํ อาจริเยน ‘‘นิสิตขุรมยเนมินา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๖). ทุติยวิกปฺเป จกฺกปริโยสานเมว ปริยนฺโต, ขุเรน สทิโส ปริยนฺโต ยสฺสาติ ขุรปริยนฺโต. ขุรคฺคหเณน เจตฺถ ขุรธารา คหิตา ตทวโรธโต. ปาฬิยํ จกฺเกนาติ จกฺกาการกเตน อาวุธวิเสเสน. ตํ มํสขลกรณสงฺขาตํ นิทานํ การณํ ยสฺสาติ ตโตนิทานํ, ‘‘ปจฺจตฺตวจนสฺส โตอาเทโส, สมาเส จสฺส โลปาภาโว’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๒๑) อฏฺกถาสุ ¶ วุตฺโต. ‘‘ปจฺจตฺตตฺเถ นิสฺสกฺกวจนมฺปิ ยุชฺชตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยสาริปุตฺตตฺเถโร. ‘‘การณตฺเถ นิปาตสมุทาโย’’ติปิ อกฺขรจินฺตกา.
คงฺคาย ทกฺขิณทิสา อปฺปติรูปเทโส, อุตฺตรทิสา ปน ปติรูปเทโสติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทกฺขิณฺเจ’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตฺจ เทสทิสาปเทเสน ตนฺนิวาสิโน สนฺธายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทกฺขิณตีเร’’ติอาทิมาห. หนนทานกิริยา หิ ตทายตฺตา. มหายาคนฺติ มหาวิชิตรฺโ ยฺสทิสมฺปิ มหายาคํ. ทมสทฺโท อินฺทฺริยสํวรสฺส, อุโปสถสีลสฺส จ วาจโกติ อาห ‘‘อินฺทฺริยทเมน อุโปสถกมฺเมนา’’ติ. เกจิ ปน อุโปสถกมฺเมนา’ติ อิทํ อินฺทฺริยทมสฺส วิเสสนํ, ตสฺมา ‘อุโปสถกมฺมภูเตน อินฺทฺริยทเมนา’ติ’’ อตฺถํ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ตทุภยตฺถวาจกตฺตา ทมสทฺทสฺส, อตฺถทฺวยสฺส จ วิเสสวุตฺติโต. อธุนา หิ กตฺถจิ โปตฺถเก วา-สทฺโท, จ-สทฺโทปิ ทิสฺสติ. สีลสํยเมนาติ ตทฺเน กายิกวาจสิกสํวเรน. สจฺจวจเนนาติ อโมสวชฺเชน. ตสฺส วิสุํ วจนํ โลเก ครุตรปฺุสมฺมตภาวโต. ยถา หิ ปาปธมฺเมสุ มุสาวาโท ครุตโร, เอวํ ปฺุธมฺเมสุ อโมสวชฺโช. เตนาห ภควา อิติวุตฺตเก –
‘‘เอกธมฺมํ ¶ อตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน;
วิติณฺณปรโลกสฺส, นตฺถิ ปาปํ อการิย’’นฺติ. (อิติวุ. ๒๗);
ปวตฺตีติ โย กโรติ, ตสฺส สนฺตาเน ผลุปฺปาทปจฺจยภาเวน อุปฺปตฺติ. เอวฺหิ ‘‘นตฺถิ กมฺมํ, นตฺถิ กมฺมผล’’นฺติ อกิริยวาทสฺส ปริปุณฺณตา. สติ หิ กมฺมผเล กมฺมานมกิริยภาโว กถํ ภวิสฺสติ. สพฺพถาปีติ ‘‘กโรโต’’ติอาทินา วุตฺเตน สพฺพปฺปกาเรนปิ.
ลพุชนฺติ ลิกุจํ. ปาปปฺุานํ กิริยเมว ปฏิกฺขิปติ, น รฺา ปุฏฺํ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ พฺยากโรตีติ อธิปฺปาโย. อิทฺหิ อวธารณํ วิปากปฏิกฺเขปนิวตฺตนตฺถํ. โย หิ กมฺมํ ปฏิกฺขิปติ, เตน อตฺถโต วิปาโกปิ ปฏิกฺขิตฺโตเยว นาม โหติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กมฺมํ ปฏิพาหนฺเตนาปี’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐-๑๗๒).
ปฏิราชูหิ อนภิภวนียภาเวน วิเสสโต ชิตนฺติ วิชิตํ, เอกสฺส รฺโ อาณาปวตฺติเทโส. ‘‘มา มยฺหํ วิชิเต วสถา’’ติ อปสาทนา ปพฺพชิตสฺส ปพฺพาชนสงฺขาตา วิเหนาเยวาติ ¶ วุตฺตํ ‘‘วิเหเตพฺพ’’นฺติ. เตน วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ‘‘เอวเมต’’นฺติ อุปธารณํ สลฺลกฺขณํ อุคฺคณฺหนํ, ตทมินา ปฏิกฺขิปตีติ อาห ‘‘สารโต อคฺคณฺหนฺโต’’ติ. ตสฺส ปน อตฺถสฺส อทฺธนิยภาวาปาทนวเสน จิตฺเตน สนฺธารณํ นิกฺกุชฺชนํ, ตทมินา ปฏิกฺขิปตีติ ทสฺเสติ ‘‘สารวเสเนว…เป… อฏฺเปนฺโต’’ติ อิมินา. สารวเสเนวาติ อุตฺตมวเสเนว, อวิตถตฺตา วา ปเรหิ อนุจฺจาลิโต ถิรภูโต อตฺโถ อเผคฺคุภาเวน สาโรติ วุจฺจติ, ตํวเสเนวาติ อตฺโถ. นิสฺสรณนฺติ วฏฺฏโต นิยฺยานํ. ปรมตฺโถติ อวิปรีตตฺโถ, อุตฺตมสฺส วา าณสฺสารมฺมณภูโต อตฺโถ. พฺยฺชนํ ปน เตน อุคฺคหิตฺเจว นิกฺกุชฺชิตฺจ ตถาเยว ภควโต สนฺติเก ภาสิตตฺตา.
มกฺขลิโคสาลวาทวณฺณนา
๑๖๘. อุภเยนาติ เหตุปจฺจยปฏิเสธวจเนน. ‘‘วิชฺชมานเมวา’’ติ อิมินา สภาวโต วิชฺชมานสฺเสว ปฏิกฺขิปเน ตสฺส อฺาณเมว การณนฺติ ทสฺเสติ. สํกิเลสปจฺจยนฺติ สํกิลิสฺสนสฺส มลีนสฺส การณํ ¶ . วิสุทฺธิปจฺจยนฺติ สํกิเลสโต วิสุทฺธิยา โวทานสฺส ปจฺจยํ. อตฺตกาเรติ ปจฺจตฺตวจนสฺส เอ-การวเสน ปทสิทฺธิ ยถา ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถา ผุสิตคฺเค’’ติ, (ขุ. ปา. ๑๓; สุ. นิ. ๒๓๖) ปจฺจตฺตตฺเถ วา ภุมฺมวจนํ ยถา ‘‘อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมิ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๙๔), ตเทวตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘อตฺตกาโร’’ติ อิมินา. โส จ เตน เตน สตฺเตน อตฺตนา กาตพฺพกมฺมํ, อตฺตนา นิปฺผาเทตพฺพปโยโค วา. เตนาห ‘‘เยนา’’ติอาทิ. สพฺพฺุตนฺติ สมฺมาสมฺโพธึ. ตนฺติ อตฺตนา กตกมฺมํ. ทุติยปเทนาติ ‘‘นตฺถิ ปรกาเร’’ติ ปเทน. ปรกาโร จ นาม ปรสฺส วาหสา อิชฺฌนกปโยโค. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ปรการ’’นฺติอาทิ. โอวาทานุสาสนินฺติ โอวาทภูตมนุสาสนึ, ปมํ วา โอวาโท, ปจฺฉา อนุสาสนี. ‘‘ปรการ’’นฺติ ปทสฺส อุปลกฺขณวเสน อตฺถทสฺสนฺเจตํ, โลกุตฺตรธมฺเม ปรการาวสฺสโย นตฺถีติ อาห ‘‘เปตฺวา มหาสตฺต’’นฺติ. อตฺเถเวส โลกิยธมฺเม ยถา ตํ อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส อาฬารุทเก นิสฺสาย ปฺจาภิฺาโลกิยสมาปตฺติลาโภ, ตฺจ ปจฺฉิมภวิกมหาสตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปจฺเจกโพธิสตฺตสฺสปิ เอตฺเถว สงฺคโห เตสมฺปิ ตทภาวโต. มนุสฺสโสภคฺยตนฺติ มนุสฺเสสุ สุภคภาวํ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน กมฺมวาทสฺส, กิริยวาทสฺส จ ปฏิกฺขิปเนน. ชินจกฺเกติ ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปาก’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๔.๒๓๒) นยปฺปวตฺเต กมฺมานํ, กมฺมผลานฺจ อตฺถิตาปริทีปเน พุทฺธสาสเน. ปจฺจนีกกถนํ ปหารทานสทิสนฺติ ‘‘ปหารํ เทติ นามา’’ติ.
ยถาวุตฺตอตฺตการปรการาภาวโต ¶ เอว สตฺตานํ ปจฺจตฺตปุริสกาโร นาม โกจิ นตฺถีติ สนฺธาย ‘‘นตฺถิปุริสกาเร’’ติ ตสฺส ปฏิกฺขิปนํ ทสฺเสตุํ ‘‘เยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เทวตฺตมฺปี’’ติอาทินา, ‘‘มนุสฺสโสภคฺยต’’นฺติอาทินา จ วุตฺตปฺปการา. ‘‘พเล ปติฏฺิตา’’ติ วตฺวา วีริยเมวิธ พลนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘วีริยํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. สตฺตานฺหิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิก นิพฺพานสมฺปตฺติอาวหํ วีริยพลํ นตฺถีติ โส ปฏิกฺขิปติ, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ โวทานิยพลสฺส ปฏิกฺขิปนํ สํกิเลสิกสฺสาปิ พลสฺส เตน ปฏิกฺขิปนโต. ยทิ วีริยาทีนิ ปุริสการเววจนานิ, อถ กสฺมา เตสํ วิสุํ คหณนฺติ อาห ‘‘อิทํ โน วีริเยนา’’ติอาทิ. อิทํ โน วีริเยนาติ อิทํ ผลํ อมฺหากํ วีริเยน ปวตฺตํ. ปวตฺตวจนปฏิกฺเขปกรณวเสนาติ อฺเสํ ปวตฺตโวหารวจนสฺส ปฏิกฺเขปกรณวเสน ¶ . วีริยถามปรกฺกมสมฺพนฺธเนน ปวตฺตพลวาทีนํ วาทสฺส ปฏิกฺเขปกรณวเสน ‘‘นตฺถิ พล’’นฺติ ปทมิว สพฺพานิเปตานิ เตน อาทียนฺตีติ อธิปฺปาโย. ตฺจ วจนียตฺถโต วุตฺตํ, วจนตฺถโต ปน ตสฺสา ตสฺสา กิริยาย อุสฺสนฺนฏฺเน พลํ. สูรวีรภาวาวหฏฺเน วีริยํ. ตเทว ทฬฺหภาวโต, โปริสธุรํ วหนฺเตน ปวตฺเตตพฺพโต จ ปุริสถาโม. ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนวเสน ปวตฺติยา ปุริสปรกฺกโมติ เวทิตพฺพํ.
รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺตา. อสฺสสนปสฺสสนวเสน ปวตฺติยา ปาณนโต ปาณาติ อิมินา อตฺเถน สมาเนปิ ปททฺวเย เอกินฺทฺริยาทิวเสน ปาเณ วิภชิตฺวา สตฺตโต วิเสสํ กตฺวา เอส วทตีติ อาห ‘‘เอกินฺทฺริโย’’ติอาทิ. ภวนฺตีติ ภูตาติ สตฺตปาณปริยาเยปิ สติ อณฺฑโกสาทีสุ สมฺภวนฏฺเน ตโต วิเสสาว, เตน วุตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘อณฺฑ…เป… วทตี’’ติ อิมินา. วตฺถิโกโส คพฺภาสโย. ชีวนโต ปาณํ ธาเรนฺโต วิย วฑฺฒนโต ชีวา. เตนาห ‘‘สาลิยวา’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน วิรุฬฺหธมฺมา ติณรุกฺขา คหิตา. นตฺถิ เอเตสํ สํกิเลสวิสุทฺธีสุ วโส สามตฺถิยนฺติ อวสา. ตถา อพลา อวีริยา. เตนาห ‘‘เตส’’นฺติอาทิ. นิยตาติ นิยมนา, อเฉชฺชสุตฺตาวุตสฺส อเภชฺชมณิโน วิย นิยตปฺปวตฺติตาย คติชาติพนฺธาปวคฺควเสน นิยาโมติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ. ฉนฺนํ อภิชาตีนํ สมฺพนฺธีภูตานํ คมนํ สมวาเยน สมาคโม. สมฺพนฺธีนิรเปกฺโขปิ ภาวสทฺโท สมฺพนฺธีสหิโต วิย ปกติยตฺถวาจโกติ อาห ‘‘สภาโวเยวา’’ติ, ยถา กณฺฏกสฺส ติกฺขตา, กปิตฺถผลาทีนํ ปริมณฺฑลตา, มิคปกฺขีนํ วิจิตฺตาการตา จ, เอวํ สพฺพสฺสาปิ โลกสฺส เหตุปจฺจยมนฺตเรน ตถา ตถา ปริณาโม อกุตฺติโม สภาโวเยวาติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘เยนา’’ติอาทิ. ปริณมนํ นานปฺปการตาปตฺติ. เยนาติ สตฺตปาณาทินา. ยถา ภวิตพฺพํ, ตเถวาติ สมฺพนฺโธ.
ฉฬภิชาติโย ¶ ปรโต วิตฺถารียิสฺสนฺติ. ‘‘สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ วทนฺโต มกฺขลิ อทุกฺขมสุขภูมึ สพฺเพน สพฺพํ น ชานาตีติ วุตฺตํ ‘‘อฺา อทุกฺขมสุขภูมิ นตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ. อยํ ‘‘สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ ¶ วจนํ กรณภาเวน คเหตฺวา วุตฺตา อาจริยสฺส มติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘อฺา สุขทุกฺขภูมิ นตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ อยเมว ปาโ ทิฏฺโ, น ‘‘อทุกฺขมสุขภูมี’’ติ. เอวํ สติ ‘‘ฉสฺเววาภิชาตีสู’’ติ วจนํ อธิกรณภาเวน คเหตฺวา ฉสุ เอว อภิชาตีสุ สุขทุกฺขปฏิสํเวทนํ, น เตหิ อฺตฺถ, ตาเยว สุขทุกฺขภูมิ, น ตทฺาติ ทสฺเสตีติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อยเมว จ ยุตฺตตโร ปฏิกฺเขปิตพฺพสฺส อตฺถสฺส ภูมิวเสน วุตฺตตฺตา. ยทิ หิ ‘‘สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ วจเนน ปฏิกฺเขปิตพฺพสฺส ทสฺสนํ สิยา, อถ ‘‘อฺา อทุกฺขมสุขา นตฺถี’’ติ ทสฺเสยฺย, น ‘‘อทุกฺขมสุขภูมี’’ติ ทสฺสนเหตุวจนสฺส ภูมิอตฺถาภาวโต. ทสฺเสติ เจตํ ตาสํ ภูมิยา อภาวเมว, เตน วิฺายติ อยํ ปาโ, อยฺจตฺโถ ยุตฺตตโรติ.
ปมุขโยนีนนฺติ มนุสฺเสสุ ขตฺติยพฺราหฺมณาทิวเสน, ติรจฺฉานาทีสุ สีหพฺยคฺฆาทิวเสน ปธานโยนีนํ, ปธานตา เจตฺถ อุตฺตมตา. เตนาห ‘‘อุตฺตมโยนีน’’นฺติ. สฏฺิ สตานีติ ฉ สหสฺสานิ. ‘‘ปฺจ จ กมฺมุโน สตานี’’ติ ปทสฺส อตฺถทสฺสนํ ‘‘ปฺจ กมฺมสตานิ จา’’ติ. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ‘‘เกวลํ ตกฺกมตฺตเกน นิรตฺถกํ ทิฏฺึ ทีเปตี’’ติ อิมเมวตฺถมติทิสติ. เอตฺถ จ ‘‘ตกฺกมตฺตเกนา’’ติ วทนฺโต ยสฺมา ตกฺกิกา อวสฺสยภูตตถตฺถคฺคหณองฺกุสนยมนฺตเรน นิรงฺกุสตาย ปริกปฺปนสฺส ยํ กิฺจิ อตฺตนา ปริกปฺปิตํ สารโต มฺมานา ตเถว อภินิวิสฺส ตตฺถ จ ทิฏฺิคาหํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา น เตสํ ทิฏฺิวตฺถุสฺมึ วิฺูหิ วิจารณา กาตพฺพาติ อิมมธิปฺปายํ วิภาเวติ. เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิโน. ปฺจินฺทฺริยวเสนาติ จกฺขาทิปฺจินฺทฺริยวเสน. เต หิ ‘‘จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายสงฺขาตานิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ ‘ปฺจ กมฺมานี’ติ ติตฺถิยา ปฺเปนฺตี’’ติ วทนฺติ ‘‘กายวจีมโนกมฺมานิ จ ‘ตีณิ กมฺมานี’ติ’’. กมฺมนฺติ ลทฺธีติ ตทุภยํ โอฬาริกตฺตา ปริปุณฺณกมฺมนฺติ ลทฺธิ. มโนกมฺมํ อโนฬาริกตฺตา อุปฑฺฒกมฺมนฺติ ลทฺธีติ โยชนา. ‘‘ทฺวาสฏฺิ ปฏิปทา’’ติ วตฺตพฺเพ สภาวนิรุตฺตึ อชานนฺโต ‘‘ทฺวฏฺิปฏิปทา’’ติ วทตีติ อาห ‘‘ทฺวาสฏฺิ ปฏิปทา’’ติ. สทฺทรจกา ปน ‘‘ทฺวาสฏฺิยา สโลโป, อตฺตมา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว สภาวนิรุตฺติยา โยคโต อสิทฺธตฺตา ¶ . ยทิ หิ สา โยเคน สิทฺธา อสฺส, เอวํ สภาวนิรุตฺติเยว สิยา, ตถา จ สติ อาจริยานํ มเตน วิรุชฺฌตีติ วทนฺติ. ‘‘จุลฺลาสีติ สหสฺสานี’’ติอาทิกา ปน อฺตฺร ทิฏฺปโยคา สภาวนิรุตฺติเยว. ทิสฺสติ หิ วิสุทฺธิมคฺคาทีสุ –
‘‘จุลฺลาสีติ ¶ สหสฺสานิ, กปฺปา ติฏฺนฺติ เย มรู;
น ตฺเวว เตปิ ติฏฺนฺติ, ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สโมหิตา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๗๑๕; มหานิ. ๑๐, ๓๙);
เอกสฺมึ กปฺเปติ จตุนฺนมสงฺขฺเยยฺยกปฺปานํ อฺตรภูเต เอกสฺมึ อสงฺขฺเยยฺยกปฺเป. ตตฺถาปิ จ วิวฏฺฏฏฺายีสฺิตํ เอกเมว สนฺธาย ‘‘ทฺวฏฺนฺตรกปฺปา’’ติ วุตฺตํ. น หิ โส อสฺสุตสาสนธมฺโม อิตเร ชานาติ พาหิรกานมวิสยตฺตา, อชานนฺโต เอวมาหาติ อตฺโถ.
อุรพฺเภ หนนฺติ, หนฺตฺวา วา ชีวิตํ กปฺเปนฺตีติ โอรพฺภิกา. เอส นโย สากุณิกาทีสุปิ. ลุทฺทาติ วุตฺตาวเสสกา เย เกจิ จาตุปฺปทชีวิกา เนสาทา. มาควิกปทสฺมิฺหิ โรหิตาทิมิคชาติเยว คหิตา. พนฺธนาคาเร นิโยเชนฺตีติ พนฺธนาคาริกา. กุรูรกมฺมนฺตาติ ทารุณกมฺมนฺตา. อยํ สพฺโพปิ กณฺหกมฺมปสุตตาย กณฺหาภิชาตีติ วทติ กณฺหสฺส ธมฺมสฺส อภิชาติ อพฺภุปฺปตฺติ ยสฺสาติ กตฺวา. ภิกฺขูติ พุทฺธสาสเน ภิกฺขู. กณฺฏเกติ ฉนฺทราเค. สฺโควเสน เตสํ ปกฺขิปนํ. กณฺฏกสทิสฉนฺทราเคน สฺุตฺตา ภฺุชนฺตีติ หิ อธิปฺปาเยน ‘‘กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา ‘‘เต ปณีตปณีเต ปจฺจเย ปฏิเสวนฺตี’’ติ ตสฺส มิจฺฉาคาโห, ตสฺมา ายลทฺเธปิ ปจฺจเย ภฺุชมานา อาชีวกสมยสฺส วิโลมคาหิตาย ปจฺจเยสุ กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺติ นามาติ วทติ กณฺฏกวุตฺติกาติ กณฺฏเกน ยถาวุตฺเตน สห ชีวิกา. อยฺหิสฺส ปาฬิเยวาติ อยํ มกฺขลิสฺส วาททีปนา อตฺตนา รจิตา ปาฬิเยวาติ ยถาวุตฺตมตฺถํ สมตฺเถติ. กณฺฏกวุตฺติกา เอว นาม เอเก อปเร ปพฺพชิตา พาหิรกา สนฺติ, เต นีลาภิชาตีติ วทตีติ อตฺโถ. เต หิ สวิเสสํ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺตา. ตถา หิ เต กณฺฏเก วตฺตนฺตา วิย ภวนฺตีติ กณฺฏกวุตฺติกาติ วุตฺตา. นีลสฺส ธมฺมสฺส อภิชาติ ยสฺสาติ นีลาภิชาติ. เอวมิตเรสุปิ.
อมฺหากํ ¶ สฺโชนคณฺโ นตฺถีติ วาทิโน พาหิรกปพฺพชิตา นิคณฺา. เอกเมว สาฏกํ ปริทหนฺตา เอกสาฏกา. กณฺหโต ปริสุทฺโธ นีโล, ตโต ปน โลหิโตติอาทินา ยถากฺกมํ ตสฺส ปริสุทฺธํ วาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเม กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปณฺฑรตราติ ภฺุชนนหานปฏิกฺเขปาทิวตสมาโยเคน ปริสุทฺธตรา กณฺหนีลมุปาทาย โลหิตสฺสาปิ ปริสุทฺธภาเวน วตฺตพฺพโต. โอทาตวสนาติ โอทาตวตฺถปริทหนา. อเจลกสาวกาติ อาชีวกสาวกภูตา. เต กิร อาชีวกลทฺธิยา วิสุทฺธจิตฺตตาย นิคณฺเหิปิ ปณฺฑรตรา หลิทฺทาภานมฺปิ ¶ ปุริเม อุปาทาย ปริสุทฺธภาวปฺปตฺติโต. ‘‘เอว’’นฺติอาทินา ตสฺส ฉนฺทาคมนํ ทสฺเสติ. นนฺทาทีนํ สาวกภูตา ปพฺพชิตา อาชีวกา. ตถา อาชีวกินิโย. นนฺทาทโย กิร ตถารูปํ อาชีวกปฏิปตฺตึ อุกฺกํสํ ปาเปตฺวา ิตา, ตสฺมา นิคณฺเหิ อาชีวกสาวเกหิ ปพฺพชิเตหิ ปณฺฑรตรา วุตฺตา ปรมสุกฺกาภิชาตีติ อยํ ตสฺส ลทฺธิ.
ปุริสภูมิโยติ ปธานนิทฺเทโส. อิตฺถีนมฺปิ เหตา ภูมิโย เอส อิจฺฉเตว. สตฺต ทิวเสติ อจฺจนฺตสฺโควจนํ, เอตฺตกมฺปิ มนฺทา โมมูหาติ. สมฺพาธฏฺานโตติ มาตุกุจฺฉึ สนฺธายาห. โรทนฺติ เจว วิรวนฺติ จ ตมนุสฺสริตฺวา. เขทนํ, กีฬนฺจ ขิฑฺฑาสทฺเทเนว สงฺคเหตฺวา ขิฑฺฑาภูมิ วุตฺตา. ปทสฺส นิกฺขิปนํ ปทนิกฺขิปนํ. ยทา ตถา ปทํ นิกฺขิปิตุํ สมตฺโถ, ตทา ปทวีมํสภูมิ นามาติ ภาโว. วตาวตสฺส ชานนกาเล. ภิกฺขุ จ ปนฺนโกติอาทิปิ เตสํ พาหิรกานํ ปาฬิเยว. ตตฺถ ปนฺนโกติ ภิกฺขาย วิจรณโก, เตสํ วา ปฏิปตฺติยา ปฏิปนฺนโก. ชิโนติ ชิณฺโณ ชราวเสน หีนธาตุโก, อตฺตโน วา ปฏิปตฺติยา ปฏิปกฺขํ ชินิตฺวา ิโต. โส กิร ตถาภูโต ธมฺมมฺปิ กสฺสจิ น กเถสิ. เตนาห ‘‘น กิฺจิ อาหา’’ติ. โอฏฺวทนาทิวิปฺปกาเร กเตปิ ขมนวเสน น กิฺจิ กเถตีติปิ วทนฺติ. อลาภินฺติ ‘‘โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติอาทินา นเยน มหาสีหนาทสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๓๙๔; ม. นิ. ๑.๑๕๕) วุตฺตอลาภเหตุสมาโยเคน อลาภึ. ตโตเยว ชิฆจฺฉาทุพฺพลปเรตตาย สยนปรายนฏฺเน สมณํ ปนฺนภูมีติ วทติ.
อาชีววุตฺติสตานีติ สตฺตานมาชีวภูตานิ ชีวิกาวุตฺติสตานิ. ‘‘ปริพฺพาชกสตานี’’ติ วุจฺจมาเนปิ เจส สภาวลิงฺคมชานนฺโต ‘‘ปริพฺพาชกสเต’’ติ ¶ วทติ. เอวมฺเสุปิ. เตนาห ‘‘ปริพฺพาชกปพฺพชฺชาสตานี’’ติ. นาคภวนํ นาคมณฺฑลํ ยถา ‘‘มหึสกมณฺฑล’’นฺติ. ปรมาณุอาทิ รโช. ปสุคฺคหเณน เอฬกชาติ คหิตา. มิคคฺคหเณน รุรุควยาทิ มิคชาติ. คณฺิมฺหีติ ผฬุมฺหิ, ปพฺเพติ อตฺโถ. จาตุมหาราชิกาทิพฺรหฺมกายิกาทิวเสน, เตสฺจ อนฺตรเภทวเสน พหู เทวา. ตตฺถ จาตุมหาราชิกานํ เอกจฺจอนฺตรเภโท มหาสมยสุตฺเตน (ที. นิ. ๒.๓๓๑) ทีเปตพฺโพ. ‘‘โส ปนา’’ติอาทินา อชานนฺโต ปเนส พหู เทเวปิ สตฺต เอว วทตีติ ตสฺส อปฺปมาณตํ ทสฺเสติ. มนุสฺสาปิ อนนฺตาติ ทีปเทสกุลวํสาชีวาทิวิภาควเสน. ปิสาจา เอว เปสาจา, เต อปรเปตาทิวเสน มหนฺตมหนฺตา, พหุตราติ อตฺโถ. พาหิรกสมเย ปน ‘‘ฉทฺทนฺตทหมนฺทากินิโย กุวาฬิยมุจลินฺทนาเมน โวหริตา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๘) อาจริเยน วุตฺตํ.
คณฺิกาติ ¶ ปพฺพคณฺิกา. ปพฺพคณฺิมฺหิ หิ ปวุฏสทฺโท. มหาปปาตาติ มหาตฏา. ปาริเสสนเยน ขุทฺทกปปาตสตานิ. เอวํ สุปิเนสุปิ. ‘‘มหากปฺปิโน’’ติ อิทํ ‘‘มหากปฺปาน’’นฺติ อตฺถโต เวทิตพฺพํ. สทฺทโต ปเนส อชานนฺโต เอวํ วทตีติ น วิจารณกฺขมํ. ตถา ‘‘จุลฺลาสีติ สตสหสฺสานี’’ติ อิทมฺปิ. โส หิ ‘‘จตุราสีติ สตสหสฺสานี’’ติ วตฺตุมสกฺโกนฺโต เอวํ วทติ. สทฺทรจกา ปน ‘‘จตุราสีติยา ตุโลโป, จสฺส จุ, รสฺส โล, ทฺวิตฺตฺจา’’ติ วทนฺติ. เอตฺตกา มหาสราติ เอตปฺปมาณวตา มหาสรโต, สตฺตมหาสรโตติ วุตฺตํ โหติ. กิราติ ตสฺส วาทานุสฺสวเน นิปาโต. ปณฺฑิโตปิ…เป… น คจฺฉติ, กสฺมา? สตฺตานํ สํสรณกาลสฺส นิยตภาวโต.
‘‘อเจลกวเตน วา อฺเน วา เยน เกนจี’’ติ วุตฺตมติทิสติ ‘‘ตาทิเสเนวา’’ติ อิมินา. ตโปกมฺเมนาติ ตปกรเณน. เอตฺถาปิ ‘‘ตาทิเสเนวา’’ติ อธิกาโร. โย…เป… วิสุชฺฌติ, โส อปริปกฺกํ กมฺมํ ปริปาเจติ นามาติ โยชนา. อนฺตราติ จตุราสีติมหากปฺปสตสหสฺสานมพฺภนฺตเร. ผุสฺส ผุสฺสาติ ปตฺวา ปตฺวา. วุตฺตปริมาณํ กาลนฺติ จตุราสีติมหากปฺปสตสหสฺสปมาณํ กาลํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อปริปกฺกํ สํสรณนิมิตฺตํ กมฺมํ สีลาทินา สีฆํเยว วิสุทฺธปฺปตฺติยา ¶ ปริปาเจติ นาม. ปริปกฺกํ กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส กาเลน ปริปกฺกภาวานาปาทเนน พฺยนฺตึ วิคมนํ กโรติ นามาติ. โทเณนาติ ปริมินนโทณตุมฺเพน. รูปกวเสนตฺโถ ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘มิตํ วิยา’’ติ. น หาปนวฑฺฒนํ ปณฺฑิตพาลวเสนาติ ทสฺเสติ ‘‘น สํสาโร’’ติอาทินา. วฑฺฒนํ อุกฺกํโส. หาปนํ อวกํโส.
กตสุตฺตคุเฬติ กตสุตฺตวฏฺฏิยํ. ปเลตีติ ปเรติ ยถา ‘‘อภิสมฺปราโย’’ติ, (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๔) ร-การสฺส ปน ล-การํ กตฺวา เอวํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปลิพุทฺโธ’’ติ (จูฬนิ. ๑๕; มิ. ป. ๓.๖). โส จ จุราทิคณวเสน คติยนฺติ วุตฺตํ ‘‘คจฺฉตี’’ติ. อิมาย อุปมาย เจส สตฺตานํ สํสาโร อนุกฺกเมน ขียเตว, น วฑฺฒติ ปริจฺฉินฺนรูปตฺตาติ อิมมตฺถํ วิภาเวตีติ อาห ‘‘สุตฺเต ขีเณ’’ติอาทิ. ตตฺเถวาติ ขียนฏฺาเนเยว.
อชิตเกสกมฺพลวาทวณฺณนา
๑๗๑. ทินฺนนฺติ เทยฺยธมฺมสีเสน ทานเจตนาเยว วุตฺตา. ตํมุเขน จ ผลนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ทินฺนสฺส ผลาภาว’’นฺติ อิมินา. ทินฺนฺหิ มุขฺยโต อนฺนาทิวตฺถุ, ตํ กถเมส ปฏิกฺขิปิสฺสติ ¶ . เอส นโย ยิฏฺํ หุตนฺติ เอตฺถาปิ. สพฺพสาธารณํ มหาทานํ มหายาโค. ปาหุนภาเวน กตฺตพฺพสกฺกาโร ปาหุนกสกฺกาโร. ผลนฺติ อานิสํสผลํ, นิสฺสนฺทผลฺจ. วิปาโกติ สทิสผลํ. จตุรงฺคสมนฺนาคเต ทาเน านนฺตราทิปตฺติ วิย หิ อานิสํโส, สงฺขพฺราหฺมณสฺส ทาเน (ชา. ๑.๑๐.๓๙) ตาณลาภมตฺตํ วิย นิสฺสนฺโท, ปฏิสนฺธิสงฺขาตํ สทิสผลํ วิปาโก. อยํ โลโก, ปรโลโกติ จ กมฺมุนา ลทฺธพฺโพ วุตฺโต ผลาภาวเมว สนฺธาย ปฏิกฺขิปนโต. ปจฺจกฺขทิฏฺโ หิ โลโก กถํ เตน ปฏิกฺขิตฺโต สิยา. ‘‘สพฺเพ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺตี’’ติ อิมินา การณมาห, ยตฺถ ยตฺถ ภวโยนิอาทีสุ ิตา อิเม สตฺตา, ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺติ, นิรุทยวินาสวเสน วินสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เตสูติ มาตาปิตูสุ. ผลาภาววเสเนว วทติ, น มาตาปิตูนํ, นาปิ เตสุ อิทานิ กริยมานสกฺการาสกฺการานมภาววเสน เตสํ โลเก ปจฺจกฺขตฺตา. ปุพฺพุฬสฺส วิย อิเมสํ สตฺตานํ อุปฺปาโท นาม เกวโล, น จวิตฺวา อาคมนปุพฺพโก อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ¶ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘จวิตฺวา อุปปชฺชนกา สตฺตา นาม นตฺถี’’ติ. สมเณน นาม ยาถาวโต ชานนฺเตน กสฺสจิ อกเถตฺวา สฺเตน ภวิตพฺพํ, อฺถา อโหปุริสิกา นาม สิยา. กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ, ตถา จ อตฺตโน สมฺปาทนสฺส กสฺสจิ อวสฺสโย เอว น สิยา ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโตติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘เย อิมฺจ…เป… ปเวเทนฺตี’’ติ อาห. อยํ อฏฺกถาวเสสโก อตฺโถ.
จตูสุ มหาภูเตสุ นิยุตฺโต จาตุมหาภูติโก, อตฺถมตฺตโต ปน ทสฺเสตุํ ‘‘จตุมหาภูตมโย’’ติ วุตฺตํ. ยถา หิ มตฺติกาย นิพฺพตฺตํ ภาชนํ มตฺติกามยํ, เอวมยมฺปิ จตูหิ มหาภูเตหิ นิพฺพตฺโต จตุมหาภูตมโยติ วุจฺจติ. อชฺฌตฺติกปถวีธาตูติ สตฺตสนฺตานคตา ปถวีธาตุ. พาหิรปถวีธาตุนฺติ พหิทฺธา มหาปถวึ, เตน ปถวีเยว กาโยติ ทสฺเสติ. อนุคจฺฉตีติ อนุพนฺธติ. อุภเยนาปีติ ปททฺวเยนปิ. อุเปติ อุปคจฺฉตีติ พาหิรปถวิกายโต ตเทกเทสภูตา ปถวี อาคนฺตฺวา อชฺฌตฺติกภาวปฺปตฺติ หุตฺวา สตฺตภาเวน สณฺิตา, สา จ มหาปถวี ฆฏาทิคตปถวี วิย อิทานิ ตเมว พาหิรํ ปถวิกายํ สมุทายภูตํ ปุน อุเปติ อุปคจฺฉติ, สพฺพโส เตน พาหิรปถวิกาเยน นิพฺพิเสสตํ เอกีภาวเมว คจฺฉตีติ อตฺโถ. อาปาทีสุปิ เอเสว นโยติ เอตฺถ ปชฺชุนฺเนน มหาสมุทฺทโต คหิตอาโป วิย วสฺโสทกภาเวน ปุนปิ มหาสมุทฺทํ, สูริยรํสิโต คหิตอินฺทคฺคิสงฺขาตเตโช วิย ปุนปิ สูริยรํสึ, มหาวายุกฺขนฺธโต นิคฺคตมหาวาโต วิย ปุนปิ มหาวายุกฺขนฺธํ อุเปติ อุปคจฺฉตีติ ปริกปฺปนามตฺเตน ทิฏฺิคติกสฺส อธิปฺปาโย.
มนจฺฉฏฺานิ ¶ อินฺทฺริยานีติ มนเมว ฉฏฺํ เยสํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายานํ, ตานิ อินฺทฺริยานิ. อากาสํ ปกฺขนฺทนฺติ เตสํ วิสยภาวาติ วทนฺติ. วิสยีคหเณน หิ วิสยาปิ คหิตา เอว โหนฺติ. กถํ คณิตา มฺจปฺจมาติ อาห ‘‘มฺโจ เจว…เป… อตฺโถ’’ติ. อาฬาหนํ สุสานนฺติ อตฺถโต เอกํ. คุณาคุณปทานีติ คุณโทสโกฏฺาสานิ. สรีรเมว วา ปทานิ ตํตํกิริยาย ปชฺชิตพฺพโต. ปาราวตปกฺขิวณฺณานีติ ปาราวตสฺส นาม ปกฺขิโน วณฺณานิ. ‘‘ปาราวตปกฺขวณฺณานี’’ติ ปาโ, ปาราวตสกุณสฺส ปตฺตวณฺณานีติ อตฺโถ. ภสฺมนฺตาติ ¶ ฉาริกาปริยนฺตา. เตนาห ‘‘ฉาริกาวสานเมวา’’ติ. อาหุติสทฺเทเนตฺถ ‘‘ทินฺนํ ยิฏฺํ หุต’’นฺติ วุตฺตปฺปการํ ทานํ สพฺพมฺปิ คหิตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ปาหุนกสกฺการาทิเภทํ ทินฺนทาน’’นฺติ อิมินา, วิรูเปกเสสนิทฺเทโส วา เอส. อตฺโถติ อธิปฺปายโต อตฺโถ สทฺทโต ตสฺส อนธิคมิตตฺตา. เอวมีทิเสสุ. ทพฺพนฺติ มุยฺหนฺตีติ ทตฺตู, พาลปุคฺคลา, เตหิ ทตฺตูหิ. กึ วุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘พาลา เทนฺตี’’ติอาทิ. ปาฬิยํ ‘‘โลโก อตฺถี’’ติ มติ เยสํ เต อตฺถิกา, ‘‘อตฺถี’’ติ เจทํ เนปาติกปทํ, เตสํ วาโท อตฺถิกวาโท, ตํ อตฺถิกวาทํ.
ตตฺถาติ เตสุ ยถาวุตฺเตสุ ตีสุ มิจฺฉาวาทีสุ. กมฺมํ ปฏิพาหติ อกิริยวาทิภาวโต. วิปากํ ปฏิพาหติ สพฺเพน สพฺพํ อายตึ อุปปตฺติยา ปฏิกฺขิปนโต. วิปากนฺติ จ อานิสํสนิสฺสนฺทสทิสผลวเสน ติวิธมฺปิ วิปากํ. อุภยํ ปฏิพาหติ สพฺพโส เหตุปฏิเสธเนเนว ผลสฺสาปิ ปฏิเสธิตตฺตา. อุภยนฺติ จ กมฺมํ วิปากมฺปิ. โส หิ ‘‘อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, วิสุชฺฌนฺติ จา’’ติ วทนฺโต กมฺมสฺส วิย วิปากสฺสาปิ สํกิเลสวิสุทฺธีนํ ปจฺจยตฺตาภาวโชตนโต ตทุภยํ ปฏิพาหติ นาม. วิปาโก ปฏิพาหิโต โหติ อสติ กมฺมสฺมึ วิปากาภาวโต. กมฺมํ ปฏิพาหิตํ โหติ อสติ วิปาเก กมฺมสฺส นิรตฺถกตาปตฺติโต. อิตีติ วุตฺตตฺถนิทสฺสนํ. อตฺถโตติ สรูปโต, วิสุํ วิสุํ ตํตํทิฏฺิทีปกภาเวน ปาฬิยํ อาคตาปิ ตทุภยปฏิพาหกาวาติ อตฺโถ. ปจฺเจกํ ติวิธทิฏฺิกา เอว เต อุภยปฏิพาหกตฺตา. ‘‘อุภยปฺปฏิพาหกา’’ติ หิ เหตุวจนํ เหตุคพฺภตฺตา ตสฺส วิเสสนสฺส. อเหตุกวาทา เจวาติอาทิ ปฏิฺาวจนํ ตปฺผลภาเวน นิจฺฉิตตฺตา. ตสฺมา วิปากปฏิพาหกตฺตา นตฺถิกวาทา, กมฺมปฏิพาหกตฺตา อกิริยวาทา, ตทุภยปฏิพาหกตฺตา อเหตุกวาทาติ ยถาลาภํ เหตุผลตาสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. โย หิ วิปากปฏิพาหเนน นตฺถิกทิฏฺิโก อุจฺเฉทวาที, โส อตฺถโต กมฺมปฏิพาหเนน อกิริยทิฏฺิโก, อุภยปฏิพาหเนน อเหตุกทิฏฺิโก จ โหติ. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย.
‘‘เย วา ปนา’’ติอาทินา เตสมนุทิฏฺิกานํ นิยาโมกฺกนฺติวินิจฺฉโย วุตฺโต. ตตฺถ เตสนฺติ ¶ ปูรณาทีนํ. สชฺฌายนฺตีติ ตํ ทิฏฺิทีปกํ คนฺถํ ยถา ¶ ตถา เตหิ กตํ อุคฺคเหตฺวา ปนฺติ. วีมํสนฺตีติ ตสฺส อตฺถํ วิจาเรนฺติ. ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วีมํสนาการทสฺสนํ. ‘‘กโรโต…เป… อุจฺฉิชฺชตี’’ติ เอวํ วีมํสนฺตานํ เตสนฺติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมึ อารมฺมเณติ ยถาปริกปฺปิเต กมฺมผลาภาวาทิเก ‘‘กโรโต น กรียติ ปาป’’นฺติอาทิ นยปฺปวตฺตาย มิจฺฉาทสฺสนสงฺขาตาย ลทฺธิยา อารมฺมเณ. มิจฺฉาสติ สนฺติฏฺตีติ มิจฺฉาสติสงฺขาตา ลทฺธิสหคตา ตณฺหา สนฺติฏฺติ. ‘‘กโรโต น กรียติ ปาป’’นฺติอาทิวเสน หิ อนุสฺสวูปลทฺเธ อตฺเถ ตทาการปริวิตกฺกเนหิ สวิคฺคเห วิย สรูปโต จิตฺตสฺส ปจฺจุปฏฺิเต จิรกาลปริจเยน ‘‘เอวเมต’’นฺติ นิชฺฌานกฺขมภาวูปคมเน, นิชฺฌานกฺขนฺติยา จ ตถา ตถา คหิเต ปุนปฺปุนํ ตเถว อาเสวนฺตสฺส พหุลีกโรนฺตสฺส มิจฺฉาวิตกฺเกน สมานียมานา มิจฺฉาวายามุปตฺถมฺภิตา อตํสภาวมฺปิ ‘‘ตํสภาว’’นฺติ คณฺหนฺตี มิจฺฉาลทฺธิสหคตา ตณฺหา มุสา วิตถํ สรณโต ปวตฺตนโต มิจฺฉาสตีติ วุจฺจติ. จตุรงฺคุตฺตรฏีกายมฺปิ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๓๐) เจส อตฺโถ วุตฺโตเยว. มิจฺฉาสงฺกปฺปาทโย วิย หิ มิจฺฉาสติ นาม ปาฏิเยกฺโก โกจิ ธมฺโม นตฺถิ, ตณฺหาสีเสน คหิตานํ จตุนฺนมฺปิ อกุสลกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนนฺติ มชฺฌิมาคมฏฺกถายมฺปิ สลฺเลขสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๓) วุตฺตํ.
จิตฺตํ เอกคฺคํ โหตีติ ยถาสกํ วิตกฺกาทิปจฺจยลาเภน ตสฺมึ อารมฺมเณ อวฏฺิตตาย อเนกคฺคตํ ปหาย เอกคฺคํ อปฺปิตํ วิย โหติ, จิตฺตสีเสน เจตฺถ มิจฺฉาสมาธิ เอว วุตฺโต. โส หิ ปจฺจยวิเสเสหิ ลทฺธภาวนาพโล อีทิเส าเน สมาธานปติรูปกกิจฺจกโรเยว โหติ วาลวิชฺฌนาทีสุ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ชวนานิ ชวนฺตีติ อเนกกฺขตฺตุํ เตนากาเรน ปุพฺพภาคิเยสุ ชวนวาเรสุ ปวตฺเตสุ สนฺนิฏฺานภูเต สพฺพปจฺฉิเม ชวนวาเร สตฺต ชวนานิ ชวนฺติ. ‘‘ปมชวเน สเตกิจฺฉา โหนฺติ, ตถา ทุติยาทีสู’’ติ อิทํ ธมฺมสภาวทสฺสนเมว, น ปน ตสฺมึ ขเณ เตสํ ติกิจฺฉา เกนจิ สกฺกา กาตุนฺติ ทสฺสนํ เตสฺเวว ตฺวา สตฺตมชวนสฺส อวสฺสมุปฺปชฺชมานสฺส นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, เอวํ ลหุปริวตฺเต จ จิตฺตวาเร โอวาทานุสาสน วเสน ติกิจฺฉาย อสมฺภวโต. เตนาห ‘‘พุทฺธานมฺปิ อเตกิจฺฉา อนิวตฺติโน’’ติ ¶ . อริฏฺกณฺฏกสทิสาติ อริฏฺภิกฺขุกณฺฏกสามเณรสทิสา, เต วิย อเตกิจฺฉา อนิวตฺติโน มิจฺฉาทิฏฺิคติกาเยว ชาตาติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถาติ เตสุ ตีสุ มิจฺฉาทสฺสเนสุ. โกจิ เอกํ ทสฺสนํ โอกฺกมตีติ ยสฺส เอกสฺมึเยว อภินิเวโส, อาเสวนา จ ปวตฺตา, โส เอกเมว ทสฺสนํ โอกฺกมติ. โกจิ ทฺเว, โกจิ ตีณิปีติ ยสฺส ทฺวีสุ, ตีสุปิ วา อภินิเวโส, อาเสวนา จ ปวตฺตา, โส ทฺเว ¶ , ตีณิปิ โอกฺกมติ, เอเตน ปน วจเนน ยา ปุพฺเพ ‘‘อิติ สพฺเพเปเต อตฺถโต อุภยปฺปฏิพาหกา’’ติอาทินา อุภยปฺปฏิพาหกตามุเขน ทีปิตา อตฺถโต สิทฺธา สพฺพทิฏฺิกตา, สา ปุพฺพภาคิยา. ยา ปน มิจฺฉตฺตนิยาโมกฺกนฺติภูตา, สา ยถาสกํ ปจฺจยสมุทาคมสิทฺธิโต ภินฺนารมฺมณานํ วิย วิเสสาธิคมานํ เอกชฺฌํ อนุปฺปตฺติยา อฺมฺํ อพฺโพกิณฺณา เอวาติ ทสฺเสติ. ‘‘เอกสฺมึ โอกฺกนฺเตปี’’ติอาทินา ติสฺสนฺนมฺปิ ทิฏฺีนํ สมานสามตฺถิยตํ, สมานผลตฺจ วิภาเวติ. สคฺคาวรณาทินา เหตา สมานสามตฺถิยา เจว สมานผลา จ, ตสฺมา ติสฺโสปิ เจตา เอกสฺส อุปฺปนฺนาปิ อพฺโพกิณฺณา เอว, เอกาย วิปาเก ทินฺเน อิตรา ตสฺสา อนุพลปฺปทายิกาโยติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปตฺโต สคฺคมคฺคาวรณฺเจวา’’ติอาทึ วตฺวา ‘‘อภพฺโพ’’ติอาทินา ตเทวตฺถํ อาวิกโรติ. โมกฺขมคฺคาวรณนฺติ นิพฺพานปถภูตสฺส อริยมคฺคสฺส นิวารณํ. ปเควาติ ปฏิกฺเขปตฺเถ นิปาโต, โมกฺขสงฺขาตํ ปน นิพฺพานํ คนฺตุํ กา นาม กถาติ อตฺโถ. อปิจ ปเควาติ ปา เอว, ปมตรเมว โมกฺขํ คนฺตุมภพฺโพ, โมกฺขคมนโตปิ ทูรตรเมวาติ วุตฺตํ โหติ. เอวมฺตฺถาปิ ยถารหํ.
‘‘วฏฺฏขาณุ นาเมส สตฺโต’’ติ อิทํ วจนํ เนยฺยตฺถเมว, น นีตตฺถํ. ตถา หิ วุตฺตํ ปปฺจสูทนิยํ นาม มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ ‘‘กึ ปเนส เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว นิยโต โหติ, อุทาหุ อฺสฺมิมฺปีติ? เอกสฺมึเยว นิยโต, อาเสวนวเสน ปน ภวนฺตเรปิ ตํ ตํ ทิฏฺึ โรเจติเยวา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐๓). อกุสลฺหิ นาเมตํ อพลํ ทุพฺพลํ, น กุสลํ วิย สพลํ มหาพลํ, ตสฺมา ‘‘เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว นิยโต’’ติ ตตฺถ วุตฺตํ. อฺถา สมฺมตฺตนิยาโม วิย มิจฺฉตฺตนิยาโมปิ อจฺจนฺติโก สิยา, น จ อจฺจนฺติโก. ยเทวํ วฏฺฏขาณุโชตนา กถํ ยุชฺเชยฺยาติ อาห ¶ ‘‘อาเสวนวเสนา’’ติอาทิ, ตสฺมา ยถา สตฺตงฺคุตฺตรปาฬิยํ ‘‘สกึ นิมุคฺโคปิ นิมุคฺโค เอว พาโล’’ติ [อ. นิ. ๗.๑๕ (อตฺถโต สมานํ)] วุตฺตํ, เอวํ วฏฺฏขาณุโชตนาปิ วุตฺตา. ยาทิเส หิ ปจฺจเย ปฏิจฺจ อยํ ตํ ตํ ทสฺสนํ โอกฺกนฺโต, ปุน กทาจิ ตปฺปฏิปกฺเข ปจฺจเย ปฏิจฺจ ตโต สีสุกฺขิปนมสฺส น โหตีติ น วตฺตพฺพํ. ตสฺมา ตตฺถ, (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐๒) อิธ จ อฏฺกถายํ ‘‘เอวรูปสฺส หิ เยภุยฺเยน ภวโต วุฏฺานํ นาม นตฺถี’’ติ เยภุยฺยคฺคหณํ กตํ, อิติ อาเสวนวเสน ภวนฺตเรปิ ตํตํทิฏฺิยา โรจนโต เยภุยฺเยนสฺส ภวโต วุฏฺานํ นตฺถีติ กตฺวา วฏฺฏขาณุโก นาเมส ชาโต, น ปน มิจฺฉตฺตนิยามสฺส อจฺจนฺติกตายาติ นีหริตฺวา าตพฺพตฺถตาย เนยฺยตฺถมิทํ, น นีตตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. ยํ สนฺธาย อภิธมฺเมปิ ‘‘อรหา, เย จ ปุถุชฺชนา มคฺคํ น ปฏิลภิสฺสนฺติ, เต รูปกฺขนฺธฺจ น ปริชานนฺติ, เวทนากฺขนฺธฺจ น ปริชานิสฺสนฺตี’’ติอาทิ ¶ (ยม. ๑.ขนฺธยมก ๒๑๐) วุตฺตํ. ปถวิโคปโกติ ยถาวุตฺตการเณน ปถวิปาลโก. ตทตฺถํ สมตฺเถตุํ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
เอวํ มิจฺฉาทิฏฺิยา ปรมสาวชฺชานุสาเรน โสตูนํ สติมุปฺปาเทนฺโต ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ สํสารขาณุภาวสฺสาปิ ปจฺจโย อปณฺณกชาโต, ตสฺมา ปริวชฺเชยฺยาติ สมฺพนฺโธ. อกลฺยาณชนนฺติ กลฺยาณธมฺมวิรหิตชนํ อสาธุชนํ. อาสีวิสนฺติ อาสุมาคตหลาหลํ. ภูติกาโมติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ วเสน อตฺตโน คุเณหิ วุฑฺฒิกาโม. วิจกฺขโณติ ปฺาจกฺขุนา วิวิธตฺถสฺส ปสฺสโก, ธีโรติ อตฺโถ.
ปกุธกจฺจายนวาทวณฺณนา
๑๗๔. ‘‘อกฏา’’ติ เอตฺถ ต-การสฺส ฏ-การาเทโสติ อาห ‘‘อกตา’’ติ, สเมน, วิสเมน วา เกนจิปิ เหตุนา อกตา, น วิหิตาติ อตฺโถ. ตถา อกฏวิธาติ เอตฺถาปิ. นตฺถิ กตวิโธ กรณวิธิ เอเตสนฺติ อกฏวิธา. ปททฺวเยนาปิ โลเก เกนจิ เหตุปจฺจเยน เนสํ อนิพฺพตฺตภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘เอวํ กโรหี’’ติอาทิ. อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตาติ กสฺสจิ อิทฺธิมโต เจโตวสิปฺปตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส, เทวสฺส, อิสฺสราทิโน จ อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตา. อนิมฺมาปิตาติ กสฺสจิ ¶ อนิมฺมาปิตา. กามํ สทฺทโต ยุตฺตํ, อตฺถโต จ ปุริเมน สมานํ, ตถาปิ ปาฬิยมฏฺกถายฺจ อนาคตเมว อคเหตพฺพภาเว การณนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ตํ เนว ปาฬิย’’นฺติอาทินา.
พฺรหฺมชาลสุตฺตสํวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐) วุตฺตตฺถเมว. อิทเมตฺถ โยชนามตฺตํ – วฺฌาติ หิ วฺฌปสุวฺฌตาลาทโย วิย อผลา กสฺสจิ อชนกา, เตน ปถวิกายาทีนํ รูปาทิชนกภาวํ ปฏิกฺขิปติ. รูปสทฺทาทโย หิ ปถวิกายาทีหิ อปฺปฏิพทฺธวุตฺติกาติ ตสฺส ลทฺธิ. ปพฺพตสฺส กูฏมิว ิตาติ กูฏฏฺา, ยถา ปพฺพตกูฏํ เกนจิ อนิพฺพตฺติตํ กสฺสจิ จ อนิพฺพตฺตกํ, เอวเมเตปิ สตฺตกายาติ อธิปฺปาโย. ยมิทํ ‘‘พีชโต องฺกุราทิ ชายตี’’ติ วุจฺจติ, ตํ วิชฺชมานเมว ตโต นิกฺขมติ, น อวิชฺชมานํ, อิตรถา อฺโตปิ อฺสฺส อุปลทฺธิ สิยา, เอวเมเตปิ สตฺตกายา, ตสฺมา เอสิกฏฺายิฏฺิตาติ. ิตตฺตาติ นิพฺพิการภาเวน สุปฺปติฏฺิตตฺตา. น จลนฺตีติ น วิการมาปชฺชนฺติ. วิการาภาวโต หิ เตสํ สตฺตนฺนํ กายานํ เอสิกฏฺายิฏฺิตตา, อนิฺชนฺจ อตฺตโน ปกติยา อวฏฺานเมว. เตนาห ‘‘น วิปริณมนฺตี’’ติ. ปกตินฺติ สภาวํ ¶ . อวิปริณามธมฺมตฺตา เอว น อฺมฺํ อุปหนนฺติ. สติ หิ วิการมาปาเทตพฺพภาเว อุปฆาตกตา สิยา, ตถา อนุคฺคเหตพฺพภาเว สติ อนุคฺคาหกตาปีติ ตทภาวํ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘นาล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปถวีเยว กาเยกเทสตฺตา ปถวิกาโย ยถา ‘‘สมุทฺโท ทิฏฺโ’’ติ, ปถวิสมูโห วา กายสทฺทสฺส สมูหวาจกตฺตา ยถา ‘‘หตฺถิกาโย’’ติ. ชีวสตฺตมานํ กายานํ นิจฺจตาย นิพฺพิการภาวโต น หนฺตพฺพตา, น ฆาเตตพฺพตา จ, ตสฺมา เนว โกจิ หนฺตา, ฆาเตตา วา อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘สตฺตนฺนํ ตฺเวว กายาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยทิ โกจิ หนฺตา นตฺถิ, กถํ เตสํ สตฺถปฺปหาโรติ ตตฺถ โจทนายาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ตตฺถ สตฺตนฺนํ ตฺเววาติ สตฺตนฺนเมว. อิติสทฺโท เหตฺถ นิปาตมตฺตํ. ปหตนฺติ ปหริตํ. เอกโตธาราทิกํ สตฺถํ. อนฺตเรเนว ปวิสติ, น เตสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เกวลํ ‘‘อหํ อิมํ ชีวิตา โวโรเปมี’’ติ เตสํ ตถา สฺามตฺตเมว, หนนฆาตนาทิ ปน ปรมตฺถโต นตฺเถว กายานํ อวิโกปนียภาวโตติ.
นิคณฺนาฏปุตฺตวาทวณฺณนา
๑๗๗. จตฺตาโร ¶ ยามา ภาคา จตุยามํ, จตุยามํ เอว จาตุยามํ. ภาคตฺโถ หิ อิธ ยาม-สทฺโท ยถา ‘‘รตฺติยา ปโม ยาโม’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๓๖๘). โส ปเนตฺถ ภาโค สํวรลกฺขิโตติ อาห ‘‘จตุโกฏฺาเสน สํวเรน สํวุโต’’ติ, สํยมตฺโถ วา ยามสทฺโท ยมนํ สฺมนํ ยาโมติ กตฺวา. ‘‘ยตตฺโต’’ติอาทีสุ วิย หิ อนุปสคฺโคปิ สอุปสคฺโค วิย สฺมตฺถวาจโก, โส ปน จตูหิ อากาเรหีติ อาห ‘‘จตุโกฏฺาเสน สํวเรนา’’ติ. อากาโร โกฏฺาโสติ หิ อตฺถโต เอกํ. วาริโต สพฺพวาริ ยสฺสายํ สพฺพวาริวาริโต ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ. เตนาห ‘‘วาริตสพฺพอุทโก’’ติ. วาริสทฺเทน เจตฺถ วาริปริโภโค วุตฺโต ยถา ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ. ปฏิกฺขิตฺโต สพฺพสีโตทโก ตปฺปริโภโค ยสฺสาติ ตถา. ตนฺติ สีโตทกํ. สพฺพวาริยุตฺโตติ สํวรลกฺขณมตฺตํ กถิตํ. สพฺพวาริธุโตติ ปาปนิชฺชรลกฺขณํ. สพฺพวาริผุโฏติ กมฺมกฺขยลกฺขณนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺเพนา’’ติอาทิมาห, สพฺเพน ปาปวารเณน ยุตฺโตติ หิ สพฺพปฺปกาเรน สํวรลกฺขเณน ปาปวารเณน สมนฺนาคโต. ธุตปาโปติ สพฺเพน นิชฺชรลกฺขเณน ปาปวารเณน วิธุตปาโป. ผุฏฺโติ อฏฺนฺนมฺปิ กมฺมานํ เขปเนน โมกฺขปฺปตฺติยา กมฺมกฺขยลกฺขเณน สพฺเพน ปาปวารเณน ผุฏฺโ, ตํ ปตฺวา ิโตติ อตฺโถ. ‘‘ทฺเวเยว คติโย ภวนฺติ, อนฺา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๘; ๒.๓๔; ๓.๑๙๙, ๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๔, ๓๙๘) วิย คมุสทฺโท นิฏฺานตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘โกฏิปฺปตฺตจิตฺโต’’ติ, โมกฺขาธิคเมน อุตฺตมมริยาทปฺปตฺตจิตฺโตติ อตฺโถ. กายาทีสุ อินฺทฺริเยสุ สํยเมตพฺพสฺส อภาวโต ¶ สํยตจิตฺโต. อตีเต เหตฺถ ต-สทฺโท. สํยเมตพฺพสฺส อวเสสสฺส อภาวโต สุปฺปติฏฺิตจิตฺโต. กิฺจิ สาสนานุโลมนฺติ ปาปวารณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อสุทฺธลทฺธิตายาติ ‘‘อตฺถิ ชีโว, โส จ สิยา นิจฺโจ, สิยา อนิจฺโจ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๗๗). เอวมาทิมลีนลทฺธิตาย. สพฺพาติ กมฺมปกติวิภาคาทิวิสยาปิ สพฺพา นิชฺฌานกฺขนฺติโย. ทิฏฺิเยวาติ มิจฺฉาทิฏฺิโย เอว ชาตา.
สฺจยเพลฏฺปุตฺตวาทวณฺณนา
๑๗๙-๑๘๑. อมราวิกฺเขเป ¶ วุตฺตนโย เอวาติ พฺรหฺมชาเล อมราวิกฺเขปวาทวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖๑) วุตฺตนโย เอว. กสฺมา? วิกฺเขปพฺยากรณภาวโต, ตเถว จ ตตฺถ วิกฺเขปวาทสฺส อาคตตฺตา.
ปมสนฺทิฏฺิกสามฺผลวณฺณนา
๑๘๒. ปีเฬตฺวาติ เตลยนฺเตน อุปฺปีเฬตฺวา, อิมินา รฺโ อาโภคมาห. วทโต หิ อาโภควเสน สพฺพตฺถ อตฺถนิจฺฉโย. อฏฺกถาจริยา จ ตทาโภคฺู, ปรมฺปราภตตฺถสฺสาวิโรธิโน จ, ตสฺมา สพฺพตฺถ ยถา ตถา วจโนกาสลทฺธภาวมตฺเตน อตฺโถ น วุตฺโต, อถ โข เตสํ วตฺตุมิจฺฉิตวเสนาติ คเหตพฺพํ, เอวฺจ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อตฺถุทฺธาราทิวเสน อตฺถวิเวจนา กตาติ.
๑๘๓. ยถา เต รุจฺเจยฺยาติ อิทานิ มยา ปุจฺฉิยมาโน อตฺโถ ยถา ตว จิตฺเต รุจฺเจยฺย, ตยา จิตฺเต รุจฺเจถาติ อตฺโถ. กมฺมตฺเถ เหตํ กิริยาปทํ. มยา วา ทานิ ปุจฺฉิยมานมตฺถํ ตว สมฺปทานภูตสฺส โรเจยฺยาติปิ วฏฺฏติ. ฆรทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ ชาโต อนฺโตชาโต. ธเนน กีโต ธนกฺกีโต. พนฺธคฺคาหคหิโต กรมรานีโต. สามเมว เยน เกนจิ เหตุนา ทาสภาวมุปคโต สามํทาสพฺโยปคโต. สามนฺติ หิ สยเมว. ทาสพฺยนฺติ ทาสภาวํ. โกจิ ทาโสปิ สมาโน อลโส กมฺมํ อกโรนฺโต ‘‘กมฺมกาโร’’ติ น วุจฺจติ, โส ปน น ตถาภูโตติ วิเสสนเมตนฺติ อาห ‘‘อนลโส’’ติอาทิ. ทูรโตติ ทูรเทสโต อาคตํ. ปมเมวาติ อตฺตโน อาสนฺนตรฏฺานุปสงฺกมนโต ปเคว ปุเรตรเมว. อุฏฺหตีติ คารววเสน อุฏฺหิตฺวา ติฏฺติ, ปจฺจุฏฺาตีติ วา อตฺโถ. ปจฺฉาติ สามิกสฺส นิปชฺชาย ปจฺฉา. สยนโต อวุฏฺิเตติ รตฺติยา วิภายนเวลาย เสยฺยโต อวุฏฺิเต. ปจฺจูสกาลโตติ อตีตรตฺติยา ปจฺจูสกาลโต ¶ . ยาว สามิโน รตฺตึ นิทฺโทกฺกมนนฺติ อปราย ภาวินิยา รตฺติยา ปโทสเวลายํ ยาว นิทฺโทกฺกมนํ. ยา อตีตรตฺติยา ปจฺจูสเวลา, ภาวินิยา จ ปโทสเวลา, เอตฺถนฺตเร สพฺพกิจฺจํ กตฺวา ปจฺฉา นิปตตีติ วุตฺตํ ¶ โหติ. กึ การเมวาติ กึ กรณียเมว กินฺติ ปุจฺฉาย กาตพฺพโต, ปุจฺฉิตฺวา กาตพฺพเวยฺยาวจฺจนฺติ อตฺโถ. ปฏิสฺสเวเนว สมีปจาริตา วุตฺตาติ อาห ‘‘ปฏิสุณนฺโต วิจรตี’’ติ. ปฏิกุทฺธํ มุขํ โอโลเกตุํ น วิสหตีติปิ ทสฺเสติ ‘‘ตุฏฺปหฏฺ’’นฺติ อิมินา.
เทโว วิยาติ อาธิปจฺจปริวาราทิสมนฺนาคโต ปธานเทโว วิย, เตน มฺเ-สทฺโท อิธ อุปมตฺโถติ าเปติ ยถา ‘‘อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสิ รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส อนฺเตปุรํ อุปโสภยมาน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๔๕). โส วตสฺสาหนฺติ เอตฺถ โส วต อสฺสํ อหนฺติ ปทจฺเฉโท, โส ราชา วิย อหมฺปิ ภเวยฺยํ. เกนาติ เจ? ยทิ ปฺุานิ กเรยฺยํ, เตนาติ อตฺโถติ อาห ‘‘โส วต อห’’นฺติอาทิ. วตสทฺโท อุปมายํ. เตนาห ‘‘เอวรูโป’’ติ. ปฺุานีติ อุฬารตรํ ปฺุํ สนฺธาย วุตฺตํ อฺทา กตปฺุโต อุฬาราย ปพฺพชฺชาย อธิปฺเปตตฺตา. ‘‘โส วตสฺสาย’’นฺติปิ ปาเ โส ราชา วิย อยํ อหมฺปิ อสฺสํ. กถํ? ‘‘ยทิ ปฺุานิ กเรยฺย’’นฺติ อตฺถสมฺภวโต ‘‘อยเมวตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. อสฺสนฺติ หิ อุตฺตมปุริสโยเค อหํ-สทฺโท อปฺปยุตฺโตปิ อยํ-สทฺเทน ปรามสนโต ปยุตฺโต วิย โหติ. โส อหํ เอวรูโป อสฺสํ วต, ยทิ ปฺุานิ กเรยฺยนฺติ ปมปาสฺส อตฺถมิจฺฉนฺติ เกจิ. เอวํ สติ ทุติยปาเ ‘‘อยเมวตฺโถ’’ติ อวตฺตพฺโพ สิยา ตตฺถ อยํ-สทฺเทน อหํ-สทฺทสฺส ปรามสนโต, ‘‘โส’’ติ จ ปรามสิตพฺพสฺส อฺสฺส สมฺภวโต. ยนฺติ ทานํ. สตภาคมฺปีติ สตภูตํ ภาคมฺปิ, รฺา ทินฺนทานํ สตธา กตฺวา ตตฺถ เอกภาคมฺปีติ วุตฺตํ โหติ. ยาวชีวํ น สกฺขิสฺสามิ ทาตุนฺติ ยาวชีวํ ทานตฺถาย อุสฺสาหํ กโรนฺโตปิ สตภาคมตฺตมฺปิ ทาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตสฺมา ปพฺพชิสฺสามีติ ปพฺพชฺชายํ อุสฺสาหํ กตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ยํนูนา’’ติ นิปาโต ปริวิตกฺกนตฺเถติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ จินฺตนภาว’’นฺติ.
กาเยน ปิหิโตติ กาเยน สํวริตพฺพสฺส กายทฺวาเรน ปวตฺตนกสฺส ปาปธมฺมสฺส สํวรณวเสน ปิทหิโต. อุสฺสุกฺกวจนวเสน ปนตฺโถ วิหเรยฺย-ปเทน สมฺพชฺฌิตพฺพตฺตาติ อาห ‘‘อกุสลปเวสนทฺวารํ ถเกตฺวา’’ติ. หุตฺวาติ หิ เสโส. อกุสลปเวสนทฺวารนฺติ จ กายกมฺมภูตานมกุสลานํ ปเวสนภูตํ กายวิฺตฺติสงฺขาตํ ทฺวารํ. เสสปททฺวเยปีติ ¶ ‘‘วาจาย สํวุโต, มนสา สํวุโต’’ติ ปททฺวเยปิ. ฆาสจฺฉาทเนน ปรมตายาติ ฆาสจฺฉาทนปริเยสเน สลฺเลขวเสน ปรมตาย, อุกฺกฏฺภาเว วา สณฺิโต ฆาสจฺฉาทนมตฺตเมว ปรมํ ปมาณํ โกฏิ เอตสฺส ¶ , น ตโต ปรํ กิฺจิ อามิสชาตํ ปริเยสติ, ปจฺจาสิสติ จาติ ฆาสจฺฉาทนปรโม, ตสฺส ภาโว ฆาสจฺฉาทนปรมตาติปิ อฏฺกถามุตฺตโก นโย. ฆสิตพฺโพ อสิตพฺโพติ ฆาโส, อาหาโร, อาภุโส ฉาเทติ ปริทหติ เอเตนาติ อจฺฉาทนํ, นิวาสนํ, อปิจ ฆสนํ ฆาโส, อาภุโส ฉาทียเต อจฺฉาทนนฺติปิ ยุชฺชติ. เอตทตฺถมฺปีติ ฆาสจฺฉาทนตฺถายาปิ. อเนสนนฺติ เอกวีสติวิธมฺปิ อนนุรูปเมสนํ.
วิเวกฏฺกายานนฺติ คณสงฺคณิกโต ปวิวิตฺเต ิตกายานํ, สมฺพนฺธีภูตานํ กายวิเวโกติ สมฺพนฺโธ. เนกฺขมฺมาภิรตานนฺติ ฌานาภิรตานํ. ปรมโวทานปฺปตฺตานนฺติ ตาย เอว ฌานาภิรติยา ปรมํ อุตฺตมํ โวทานํ จิตฺตวิสุทฺธึ ปตฺตานํ. นิรุปธีนนฺติ กิเลสูปธิอภิสงฺขารูปธีหิ อจฺจนฺตวิคตานํ. วิสงฺขารํ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตทธิคมเนตา วิสงฺขารคตา, อรหนฺโต, เตสํ. ‘‘เอวํ วุตฺเต’’ติ อิมินา มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๗, ๙) อาคตภาวํ ทสฺเสติ. เอตฺถ จ ปโม วิเวโก อิตเรหิ ทฺวีหิ วิเวเกหิ สหาปิ วตฺตพฺโพ อิตเรสุ สิทฺเธสุ ตสฺสาปิ สิชฺฌนโต, วินา จ ตสฺมึ สิทฺเธปิ อิตเร สมสิชฺฌนโต. ตถา ทุติโยปิ. ตติโย ปน อิตเรหิ สเหว วตฺตพฺโพ. น วินา อิตเรสุ สิทฺเธสุเยว ตสฺส สิชฺฌนโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘คณสงฺคณิกํ ปหายา’’ติอาทิ ตทธิปฺปายวิภาวนํ. ตตฺถ คเณ ชนสมาคเม สนฺนิปตนํ คณสงฺคณิกา, ตํ ปหาย. กาเยน เอโก วิหรติ วิจรติ ปุคฺคลวเสน อสหายตฺตา. จิตฺเต กิเลสานํ สนฺนิปตนํ จิตฺตกิเลสสงฺคณิกา, ตํ ปหาย. เอโก วิหรติ กิเลสวเสน อสหายตฺตา. มคฺคสฺส เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา, โคตฺรภุอาทีนฺจ อารมฺมณกรณมตฺตตฺตา น เตสํ วเสน สาติสยา นิพฺพุติสุขสมฺผุสนา, ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติวเสน ปน สาติสยาติ อาห ‘‘ผลสมาปตฺตึ วา นิโรธสมาปตฺตึ วา’’ติ. ผลปริโยสาโน หิ นิโรโธ. ปวิสิตฺวาติ สมาปชฺชนวเสน อนฺโตกตฺวา. นิพฺพานํ ปตฺวาติ เอตฺถ อุสฺสุกฺกวจนเมตํ อารมฺมณกรเณน, จิตฺตเจตสิกานํ นิโรเธน จ ¶ นิพฺพุติปชฺชนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. โจทนตฺเถติ ชานาเปตุํ อุสฺสาหกรณตฺเถ.
๑๘๔. อภิหริตฺวาติ อภิมุขภาเวน เนตฺวา. นนฺติ ตถา ปพฺพชฺชาย วิหรนฺตํ. อภิหาโรติ นิมนฺตนวเสน อภิหรณํ. ‘‘จีวราทีหิ ปโยชนํ สาเธสฺสามี’’ติ วจนเสเสน โยชนา. ตถา ‘‘เยนตฺโถ, ตํ วเทยฺยาถา’’ติ. จีวราทิเวกลฺลนฺติ จีวราทีนํ ลูขตาย วิกลภาวํ. ตทุภยมฺปีติ ตเทว อภิหารทฺวยมฺปิ. สปฺปายนฺติ สพฺพเคลฺาปหรณวเสน อุปการาวหํ. ภาวิโน อนตฺถสฺส อชนนวเสน ปริปาลนํ รกฺขาคุตฺติ. ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ปน อนตฺถสฺส ¶ นิเสธวเสน ปริปาลนํ อาวรณคุตฺติ. กิมตฺถิยํ ‘‘ธมฺมิก’นฺติ วิเสสนนฺติ อาห ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทิ. วิหารสีมายาติ อุปจารสีมาย, ลาภสีมาย วา.
๑๘๕. เกวโล ยทิ-เอวํ-สทฺโท ปุพฺเพ วุตฺตตฺถาเปกฺขโกติ วุตฺตํ ‘‘ยทิ ตว ทาโส’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ ลพฺภมาเน สติ. ทุติยํ อุปาทาย ปมภาโว, ตสฺมา ‘‘ปม’’นฺติ ภณนฺโต อฺสฺสาปิ อตฺถิตํ ทีเปติ. ตเทว จ การณํ กตฺวา ราชาปิ เอวมาหาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมนฺติ ภณนฺโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาติ ปมสทฺเทน อฺสฺสาปิ อตฺถิตาทีปเนเนว.
ทุติยสนฺทิฏฺิกสามฺผลวณฺณนา
๑๘๖. กสตีติ วิเลขติ กสึ กโรติ. คหปติโกติ เอตฺถ ก-สทฺโท อปฺปตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘เอกเคหมตฺเต เชฏฺโก’’ติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – คหสฺส ปติ คหปติ, ขุทฺทโก คหปติ คหปติโก เอกสฺมิฺเว เคหมตฺเต เชฏฺกตฺตาติ, ขุทฺทกภาโว ปนสฺส เคหวเสเนวาติ กตฺวา ‘‘เอกเคหมตฺเต’’ติ วุตฺตํ. เตน หิ อเนกกุลเชฏฺกภาวํ ปฏิกฺขิปติ, คหํ, เคหนฺติ จ อตฺถโต สมานเมว. กรสทฺโท พลิมฺหีติ วุตฺตํ ‘‘พลิสงฺขาต’’นฺติ. กโรตีติ อภินิปฺผาเทติ สมฺปาเทติ. วฑฺเฒตีติ อุปรูปริ อุปฺปาทเนน มหนฺตํ สนฺนิจยํ กโรติ.
กสฺมา ตทุภยมฺปิ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. อปฺปมฺปิ ปหาย ปพฺพชิตุํ ทุกฺกรนฺติ ทสฺสนฺจ ปเคว มหนฺตนฺติ วิฺาปนตฺถํ. เอสา หิ กถิกานํ ¶ ปกติ, ยทิทํ เยน เกนจิ ปกาเรน อตฺถนฺตรวิฺาปนนฺติ. อปฺปมฺปิ ปหาย ปพฺพชิตุํ ทุกฺกรภาโว ปน มชฺฌิมนิกาเย มชฺฌิมปณฺณาสเก ลฏุกิโกปมสุตฺเตน (ม. นิ. ๒.๑๔๘ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘เสยฺยถาปิ อุทายิ ปุริโส ทลิทฺโท อสฺสโก อนาฬฺหิโย, ตสฺส’สฺส เอกํ อคารกํ โอลุคฺควิลุคฺคํ กากาติทายึ นปรมรูปํ, เอกา ขโฏปิกา โอลุคฺควิลุคฺคา นปรมรูปา’’ติ วิตฺถาโร. ยทิ อปฺปมฺปิ โภคํ ปหาย ปพฺพชิตุํ ทุกฺกรํ, กสฺมา ทาสวาเรปิ โภคคฺคหณํ น กตนฺติ อาห ‘‘ทาสวาเร ปนา’’ติอาทิ. อตฺตโนปิ อนิสฺสโรติ อตฺตานมฺปิ สยมนิสฺสโร. ยถา จ ทาสสฺส โภคาปิ อโภคาเยว ปรายตฺตภาวโต, เอวํ าตโยปีติ ทาสวาเร าติปริวฏฺฏคฺคหณมฺปิ น กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปริวฏฺฏติ ปรมฺปรภาเวน สมนฺตโต อาวฏฺฏตีติ ปริวฏฺโฏ, าติเยว. เตนาห ‘‘าติเยว าติปริวฏฺโฏ’’ติ.
ปณีตตรสามฺผลวณฺณนา
๑๘๙. ตนฺติ ¶ ยถา ทาสวาเร ‘‘เอวเมวา’’ติ วุตฺตํ, น ตถา อิธ กสฺสกวาเร, ตทวจนํ กสฺมาติ อนุยฺุเชยฺย เจติ อตฺโถ. เอวเมวาติ วุจฺจมาเนติ ยถา ปมทุติยานิ สามฺผลานิ ปฺตฺตานิ, ตถาเยว ปฺเปตุํ สกฺกา นุ โขติ วุตฺเต. เอวรูปาหีติ ยถาวุตฺตทาสกสฺสกูปมาสทิสาหิ อุปมาหิ. สามฺผลํ ทีเปตุํ ปโหติ อนนฺตปฏิภานตาย วิจิตฺตนยเทสนภาวโต. ตตฺถาติ เอวํ ทีปเน. ปริยนฺตํ นาม นตฺถิ อนนฺตนยเทสนภาวโต, สวเน วา อสนฺโตสเนน ภิยฺโย ภิยฺโย โสตุกามตาชนนโต โสตุกามตาย ปริยนฺตํ นาม นตฺถีติ อตฺโถ. ตถาปีติ ‘‘เทสนาย อุตฺตรุตฺตราธิกนานานยวิจิตฺตภาเว สติปี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๘๙) อาจริเยน วุตฺตํ, สติปิ เอวํ อปริยนฺตภาเวติปิ ยุชฺชติ. อนุมานาเณน จินฺเตตฺวา. อุปริ วิเสสนฺติ ตํ เปตฺวา ตทุปริ วิเสสเมว สามฺผลํ ปุจฺฉนฺโต. กสฺมาติ อาห ‘‘สวเน’’ติอาทิ. เอเตน อิมมตฺถํ ทีเปติ – อเนกตฺถา สมานาปิ สทฺทา วตฺติจฺฉานุปุพฺพิกาเยว ตํตทตฺถทีปกาติ.
สาธุกํ สาธูติ เอกตฺถเมตํ สาธุสทฺทสฺเสว ก-กาเรน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตตฺตา. เตเนว หิ สาธุกสทฺทสฺสตฺถํ วทนฺเตน สาธุสทฺโท อตฺถุทฺธารวเสน ¶ อุทาหโฏ. เตน จ นนุ สาธุกสทฺทสฺเสว อตฺถุทฺธาโร วตฺตพฺโพ, น สาธุสทฺทสฺสาติ โจทนา นิเสธิตา. อายาจเนติ อภิมุขํ ยาจเน, อภิปตฺถนายนฺติ อตฺโถ. สมฺปฏิจฺฉเนติ ปฏิคฺคหเณ. สมฺปหํสเนติ สํวิชฺชมานคุณวเสน หํสเน โตสเน, อุทคฺคตากรเณติ อตฺโถ.
สาธุ ธมฺมรุจีติ คาถา อุมฺมาทนฺตีชาตเก (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑). ตตฺถายมฏฺกถาวินิจฺฉยปเวณี – สุจริตธมฺเม โรเจตีติ ธมฺมรุจิ, ธมฺมรโตติ อตฺโถ. ตาทิโส หิ ชีวิตํ ชหนฺโตปิ อกตฺตพฺพํ น กโรติ. ปฺาณวาติ ปฺวา าณสมฺปนฺโน. มิตฺตานมทฺทุพฺโภติ มิตฺตานํ อทุสฺสนภาโว. ‘‘อทูสโก อนุปฆาตโก’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๘๙) อาจริเยน วุตฺตํ. ‘‘อทฺรุพฺโภ’’ติปิ ปาโ ท-การสฺส ทฺร-การํ กตฺวา.
ทฬฺหีกมฺเมติ สาตจฺจกิริยายํ. อาณตฺติยนฺติ อาณาปเน. อิธาปีติ สามฺผเลปิ. อสฺสาติ สาธุกสทฺทสฺส. ‘‘สุโณหิ สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ หิ สาธุกสทฺเทน สวนมนสิการานํ สาตจฺจกิริยาปิ ตทาณาปนมฺปิ โชติตํ โหติ. อายาจเนเนว จ อุยฺโยชนสามฺโต อาณตฺติ สงฺคหิตาติ น สา วิสุํ อตฺถุทฺธาเร วุตฺตา. อาณารหสฺส หิ อาณตฺติ ¶ , ตทนรหสฺส อายาจนนฺติ วิเสโส. สุนฺทเรปีติ สุนฺทรตฺเถปิ. อิทานิ ยถาวุตฺเตน สาธุกสทฺทสฺส อตฺถตฺตเยน ปกาสิตํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ, ตสฺส วา อตฺถตฺตยสฺส อิธ โยคฺยตํ วิภาเวตุํ ‘‘ทฬฺหีกมฺมตฺเถน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุคฺคหิตํ คณฺหนฺโตติ สุคฺคหิตํ กตฺวา คณฺหนฺโต. สุนฺทรนฺติ ภาวนปุํสกํ. ภทฺทกนฺติ ปสตฺถํ, ‘‘ธมฺม’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. สุนฺทรํ ภทฺทกนฺติ วา สวนานุคฺคหเณ ปริยายวจนํ.
มนสิ กโรหีติ เอตฺถ น อารมฺมณปฏิปาทนลกฺขโณ มนสิกาโร, อถ โข วีถิปฏิปาทนชวนปฏิปาทนมนสิการปุพฺพเก จิตฺเต ปนลกฺขโณติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาวชฺช, สมนฺนาหรา’’ติ อาห. อวิกฺขิตฺตจิตฺโตติ ยถาวุตฺตมนสิการทฺวยปุพฺพกาย จิตฺตปฏิปาฏิยา เอการมฺมเณ ปนวเสน อนุทฺธตจิตฺโต หุตฺวา. นิสาเมหีติ สุณาหิ, อนคฺฆรตนมิว วา สุวณฺณมฺชุสาย ทุลฺลภธมฺมรตนํ จิตฺเต ปฏิสาเมหีติปิ อตฺโถ ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺเต กโรหี’’ติ. เอวํ ปททฺวยสฺส ปจฺเจกํ โยชนาวเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิโยคีวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โสตินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ สวเน นิโยชนวเสน กิริยนฺตรปฏิเสธนโต, เตน โสตํ โอทหาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. มนินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ มนสิกาเรน ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน อฺจินฺตาปฏิเสธนโต. พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ ‘‘สาธุก’’นฺติ วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา. อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารเณปิ เอส นโย.
ธารณูปปริกฺขาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ตุลนตีรณาทิเก, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิเวเธ จ สงฺคณฺหาติ. ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺเชติ ปกาเสติ, สยเมเตนาติ วา พฺยฺชนํ, สภาวนิรุตฺติ, สห พฺยฺชเนนาติ สพฺยฺชโน, พฺยฺชนสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. สหปฺปวตฺติ หิ ‘‘สมฺปนฺนตา สมวายตา วิชฺชมานตา’’ติอาทินา อเนกวิธา, อิธ ปน สมฺปนฺนตาเยว ตทฺสฺส อสมฺภวโต, ตสฺมา ‘‘สห พฺยฺชเนนา’’ติ นิพฺพจนํ กตฺวาปิ ‘‘พฺยฺชนสมฺปนฺโน’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๘๙) อตฺโถ อาจริเยน วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ, ยถา ตํ ‘‘น กุสลา อกุสลา, กุสลปฏิปกฺขา’’ติ (ธ. ส. ๑) อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต อนุธาตพฺพโต อตฺโถ, จตุปาริสุทฺธิสีลาทิ, สห อตฺเถนาติ สาตฺโถ, วุตฺตนเยน อตฺถสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. สาธุกปทํ เอกเมว สมานํ อาวุตฺตินยาทิวเสน อุภยตฺถ โยเชตพฺพํ. กถนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. ธมฺโม นาม ตนฺติ. เทสนา นาม ตสฺสา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. อตฺโถ นาม ตนฺติยา อตฺโถ. ปฏิเวโธ นาม ตนฺติยา, ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. ยสฺมา เจเต ธมฺมเทสนาตฺถปฏิเวธา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาหา, อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา…เป… มนสิ กโรหี’’ติ. เอตฺถ จ ปฏิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ¶ ธมฺมตฺถานํ ทุกฺโขคาหตา, เทสนาาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย, อุปฺปาเทตุมสกฺกุเณยฺยตาย, ตพฺพิสยาณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ปฏิเวธสฺส ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา. ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ นิทานวณฺณนายํ วุตฺตเมว.
‘‘สุณาหิ สาธุก’’นฺติ ‘‘สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ วทนฺโต น เกวลํ อตฺถกฺกมโต เอว อยํ โยชนา, อถ โข สทฺทกฺกมโตปิ อุภยตฺถ สมฺพนฺธตฺตาติ ทสฺเสติ. ‘‘สกฺกา มหาราชา’’ติ อิธาปิ ‘‘อฺมฺปิ ทิฏฺเว ¶ ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ…เป… ปณีตตรฺจา’’ติ อิทมนุวตฺตตีติ อาห ‘‘เอวํ ปฏิฺาตํ สามฺผลเทสน’’นฺติ. วิตฺถารโต ภาสนนฺติ อตฺถเมว ทฬฺหํ กโรติ ‘‘เทเสสฺสามีติ สํขิตฺตทีปน’’นฺติอาทินา. หิ-สทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เทสนํ นาม อุทฺทิสนํ. ภาสนํ นาม นิทฺทิสนํ ปริพฺยตฺตกถนํ. เตนายมตฺโถ สมฺภวตีติ ยถาวุตฺตมตฺถํ สคาถาวคฺคสํยุตฺเต วงฺคีสสุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๒๑๔) คาถาปเทน สาเธตุํ ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สาฬิกายิว นิคฺโฆโสติ สาฬิกาย นิคฺโฆโส วิย, ยถา สาฬิกาย อาลาโป มธุโร กณฺณสุโข เปมนีโย, เอวนฺติ อตฺโถ. ปฏิภานนฺติ เจตสฺส วิเสสนํ ลิงฺคเภทสฺสปิ วิเสสนสฺส ทิสฺสนโต ยถา ‘‘คุโณ ปมาณ’’นฺติ. ปฏิภานนฺติ จ สทฺโท วุจฺจติ ปฏิภาติ ตํตทากาเรน ทิสฺสตีติ กตฺวา. อุทีรยีติ อุจฺจารยิ, วุจฺจติ วา, กมฺมคพฺภฺเจตํ กิริยาปทํ. อิมินา เจตํ ทีเปติ – อายสฺมนฺตํ ธมฺมเสนาปตึ โถเมตุกาเมน เทสนาภาสนานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺเตน ปภินฺนปฏิสมฺภิเทน อายสฺมตา วงฺคีสตฺเถเรน ‘‘สงฺขิตฺเตน, วิตฺถาเรนา’’ติ จ วิเสสนํ กตํ, เตนายมตฺโถ วิฺายตีติ.
เอวํ วุตฺเตติ ‘‘ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺเต. ‘‘น กิร ภควา สงฺเขเปเนว เทเสสฺสติ, อถ โข วิตฺถาเรนปิ ภาสิสฺสตี’’ติ หิ ตํ ปทํ สุตฺวาว อุสฺสาหชาโต สฺชาตุสฺสาโห, หฏฺตุฏฺโติ อตฺโถ. อยมาจริยสฺส อธิปฺปาโย. อปิจ ‘‘เตน หิ มหาราช สุโณหิ สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺตํ สพฺพมฺปิ อุยฺโยชนปฏิฺากรณปฺปการํ อุสฺสาหชนนการณํ สพฺเพเนว อุสฺสาหสมฺภวโต, ตสฺมา เอวํ วุตฺเตติ ‘‘สุโณหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺเต สพฺเพเหว ตีหิปิ ปเทหิ อุสฺสาหชาโตติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปจฺจสฺโสสีติ ปติ อสฺโสสิ ภควโต วจนสมนนฺตรเมว ปจฺฉา อสฺโสสิ, ‘‘สกฺกา ปน ภนฺเต’’ติอาทินา วา ปุจฺฉิตฺวา ปุน ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ อสฺโสสีติ อตฺโถ. ตํ ปน ปติสฺสวนํ อตฺถโต สมฺปฏิจฺฉนเมวาติ ¶ อาห ‘‘สมฺปฏิจฺฉิ, ปฏิคฺคเหสี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘อิติ อตฺโถ’’ติ อวตฺวา ‘‘อิติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.
๑๙๐. ‘‘อถสฺส ¶ ภควา เอตทโวจา’’ติ วจนสมฺพนฺธมตฺตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอตํ อโวจา’’ติ ปทํ วิภชิตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทานี’’ติอาทิมาห. ‘‘อิธา’’ติ อิมินา วุจฺจมานํ อธิกรณํ ตถาคตสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูตํ โลกเมวาธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เทโสปเทเส นิปาโต’’ติ อิมินา. เทสสฺส อุปทิสนํ เทโสปเทโส, ตสฺมึ. ยทิ สพฺพตฺถ เทโสปเทเส, อถายมตฺโถ น วตฺตพฺโพ อวุตฺเตปิ ลพฺภมานตฺตาติ โจทนายาห ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิ. สามฺภูตํ อิธสทฺทํ คณฺหิตฺวา ‘‘สฺวาย’’นฺติ วุตฺตํ, น ตุ ยถาวิเสสิตพฺพํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กตฺถจิ ปทปูรณมตฺตเมวา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐). โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ โลกสทฺเทน สมานาธิกรณภาวโต. อิธ โลเกติ จ ชาติกฺเขตฺตํ, ตตฺถาปิ อยํ จกฺกวาโฬ อธิปฺเปโต. สาสนมุปาทาย วุจฺจติ ‘‘สมโณ’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธานโต. อยฺหิ จตุกงฺคุตฺตรปาฬิ. ตตฺถ ปโม สมโณติ โสตาปนฺโน. ทุติโย สมโณติ สกทาคามี. วุตฺตฺเหตํ ตตฺเถว –
‘‘กตโม จ ภิกฺขเว ปโม สมโณ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหตี’’ติ, (อ. นิ. ๔.๒๔๑) ‘‘กตโม จ ภิกฺขเว ทุติโย สมโณ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑) จ อาทิ.
โอกาสนฺติ กฺจิ ปเทสมุปาทาย วุจฺจติ ‘‘ติฏฺมานสฺสา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธานโต.
อิเธว ติฏฺมานสฺสาติ อิมิสฺสํเยว อินฺทสาลคุหายํ ปติฏฺมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโตติ เทวภาเวน, เทโว หุตฺวา วา ภูตสฺส สมานสฺส. เมติ อนาทรโยเค สามิวจนํ. ปุน เมติ กตฺตุตฺเถ. อิทฺหิ สกฺกปฺหโต อุทาหฏํ.
ปทปูรณมตฺตเมว โอกาสาปทิสนสฺสาปิ อสมฺภเวน อตฺถนฺตรสฺส อโพธนโต. ปุพฺเพ วุตฺตํ ตถาคตสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูตเมว สนฺธาย ‘‘โลก’’นฺติ วุตฺตํ. ปุริมํ อุยฺโยชนปฏิฺากรณวิสเย อาลปนนฺติ ¶ ปุน ‘‘มหาราชา’’ติ อาลปติ. ‘‘อรห’’นฺติ อาทโย สทฺทา วิตฺถาริตาติ โยชนา. อตฺถโต หิ วิตฺถารณํ สทฺทมุเขเนว โหตีติ อุภยตฺถ สทฺทคฺคหณํ กตํ. ยสฺมา ปน ‘‘อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต’’ติอาทินา (อุทา. อฏฺ. ๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘) ตถาคต-สทฺโท ¶ อุทานฏฺกถาทีสุ, ‘‘อรห’’นฺติ อาทโย จ วิสุทฺธิมคฺคฏีกายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๓๐) อปเรหิปิ ปกาเรหิ วิตฺถาริตา อาจริเยน, ตสฺมา เตสุ วุตฺตนเยนปิ เตสมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถาคตสฺส สตฺตนิกายนฺโตคธตาย ‘‘อิธ ปน สตฺตโลโก อธิปฺเปโต’’ติ วตฺวา ตตฺถายํ ยสฺมึ สตฺตนิกาเย, ยสฺมิฺจ โอกาเส อุปฺปชฺชติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตโลเก อุปฺปชฺชมาโนปิ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น เทวโลเก, น พฺรหฺมโลเกติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติ.
ตสฺสาปเรนาติ ตสฺส นิคมสฺส อปเรน, ตโต พหีติ วุตฺตํ โหติ. ตโตติ มหาสาลโต. โอรโต มชฺเฌติ อพฺภนฺตรํ มชฺฌิมปเทโส. เอวํ ปริจฺฉินฺเนติ ปฺจนิมิตฺตพทฺธา สีมา วิย ปฺจหิ ยถาวุตฺตนิมิตฺเตหิ ปริจฺฉินฺเน. อฑฺฒเตยฺยโยชนสเตติ ปณฺณาสโยชเนหิ อูนติโยชนสเต. อยฺหิ มชฺฌิมชนปโท มุทิงฺคสณฺาโน, น สมปริวฏฺโฏ, น จ สมจตุรสฺโส, อุชุเกน กตฺถจิ อสีติโยชโน โหติ, กตฺถจิ โยชนสติโก, ตถาปิ เจส กุฏิลปริจฺเฉเทน มินิยมาโน ปริยนฺต ปริกฺเขปโต นวโยชนสติโก โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นวโยชนสเต’’ติ. อสีติมหาเถราติ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ สุนาปรนฺตกสฺส ปุณฺณตฺเถรสฺสาปิ มหาสาวเกสุ ปริยาปนฺนตฺตา. สุนาปรนฺตชนปโท หิ ปจฺจนฺตวิสโย. ตถา หิ ‘‘จนฺทนมณฺฑลมาฬปฏิคฺคหเณ ภควา น ตตฺถ อรุณํ อุฏฺเปตี’’ติ มชฺฌิมาคม- (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๓๙๗) สํยุตฺตาคมฏฺกถาสุ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๘๘-๘๙) วุตฺตํ. สารปฺปตฺตาติ กุลโภคิสฺสริยาทิวเสน, สีลสาราทิวเสน จ สารภูตา. พฺราหฺมณคหปติกาติพฺรหฺมายุโปกฺขรสาติอาทิพฺราหฺมณา เจว อนาถปิณฺฑิกาทิคหปติกา จ.
ตตฺถาติ มชฺฌิมปเทเส, ตสฺมึเยว ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจเน วา. สุชาตายาติ เอวํนามิกาย ปมํ สรณคมนิกาย ยสตฺเถรมาตุยา. จตูสุ ปเนเตสุ วิกปฺเปสุ ปโม พุทฺธภาวาย อาสนฺนตรปฏิปตฺติทสฺสนวเสน ¶ วุตฺโต. อาสนฺนตราย หิ ปฏิปตฺติยา ิโตปิ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุจฺจติ อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา, ปเคว ปฏิปตฺติยา มตฺถเก ิโต. ทุติโย พุทฺธภาวาวหปพฺพชฺชโต ปฏฺาย อาสนฺนมตฺตปฏิปตฺติทสฺสนวเสน, ตติโย พุทฺธกรธมฺมปาริปูริโต ปฏฺาย พุทฺธภาวาย ปฏิปตฺติทสฺสนวเสน. น หิ มหาสตฺตานํ อนฺติมภวูปปตฺติโต ปฏฺาย โพธิสมฺภารสมฺภรณํ นาม อตฺถิ พุทฺธตฺถาย กาลมาคมยมาเนเนว ตตฺถ ปติฏฺนโต. จตุตฺโถ พุทฺธภาวกรธมฺมสมารมฺภโต ปฏฺาย โพธิยา นิยตภาวทสฺสเนน. โพธิยา หิ นิยตภาวปฺปตฺติโต ปภุติ ‘‘พุทฺโธ อุปฺปชฺชตี’’ติ วิฺูหิ วตฺตุํ สกฺกา อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา. ยถา ปน ‘‘สนฺทนฺติ นทิโย’’ติ สนฺทนกิริยาย อวิจฺเฉทมุปาทาย วตฺตมานปฺปโยโค ¶ , เอวํ อุปฺปาทตฺถาย ปฏิปชฺชนกิริยาย อวิจฺเฉทมุปาทาย จตูสุปิ วิกปฺเปสุ ‘‘อุปฺปชฺชติ นามา’’ติ วุตฺตํ, ปวตฺตาปรตวตฺตมานวจนฺเจตํ. จตุพฺพิธฺหิ วตฺตมานลกฺขณํ สทฺทสตฺเถ ปกาสิตํ –
‘‘นิจฺจปวตฺติ สมีโป, ปวตฺตุปรโต ตถา;
ปวตฺตาปรโต เจว, วตฺตมาโน จตุพฺพิโธ’’ติ.
ยสฺมา ปน พุทฺธานํ สาวกานํ วิย น ปฏิปาฏิยา อิทฺธิวิธาณาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ, สเหว ปน อรหตฺตมคฺเคน สกโลปิ สพฺพฺุตฺาณาทิคุณราสิ อาคโต นาม โหติ, ตสฺมา เตสํ นิปฺผตฺตสพฺพกิจฺจตฺตา อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นามาติ เอกงฺคุตฺตรวณฺณนายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) วุตฺตํ. อสติ หิ นิปฺผตฺตสพฺพกิจฺจตฺเต น ตาวตา ‘‘อุปฺปนฺโน’’ติ วตฺตุมรหติ. สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวนฺติ จตูสุ วิกปฺเปสุ สพฺพปมํ ‘‘ตถาคโต สุชาตาย…เป… อุปฺปชฺชติ นามา’’ติ วุตฺตํ ตถาคตสฺส อุปฺปนฺนตาสงฺขาตํ อตฺถิภาวํ. ตเทว สนฺธาย อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ พุทฺธภาวาย อาสนฺนตรปฏิปตฺติยํ ิตสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา. อยเมว หิ อตฺโถ มุขฺยโต อุปฺปชฺชตีติ วตฺตพฺโพ. เตนาห ‘‘ตถาคโต…เป… อตฺโถ’’ติ.
เอตฺถ จ ‘‘อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺเต อตีตกาลวเสน โกจิ อตฺถํ คณฺเหยฺยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อุปฺปนฺโน โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๗) วิย หิ อิธ อุปฺปนฺนสทฺโท ปจฺจุปฺปนฺนกาลิโก. นนุ จ อรหตฺตผลสมงฺคีสงฺขาโต อุปฺปนฺโนเยว ตถาคโต ปเวทนเทสนาทีนิ สาเธติ, อถ กสฺมา ¶ ยถาวุตฺโต อรหตฺตมคฺคปริโยสาโน อุปฺปชฺชมาโนเยว ตถาคโต อธิปฺเปโต. น หิ โส ปเวทนเทสนาทีนิ สาเธติ มธุปายาสโภชนโต ยาว อรหตฺตมคฺโค, ตาว เตสํ กิจฺจานมสาธนโตติ? น เหวํ ทฏฺพฺพํ, พุทฺธภาวาย อาสนฺนตรปฏิปตฺติยํ ิตสฺส อุปฺปชฺชมานสฺส คหเณเนว อรหตฺตผลสมงฺคีสงฺขาตสฺส อุปฺปนฺนสฺสาปิ คหิตตฺตา. การณคฺคหเณเนว หิ ผลมฺปิ คหิตํ ตทวินาภาวิตฺตา. อิติ ปเวทนเทสนาทิสาธกสฺส อรหตฺตผลสมงฺคิโนปิ ตถาคตสฺส คเหตพฺพตฺตา เนยฺยตฺถมิทํ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ ทฏฺพฺพนฺติ. ตถา หิ องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) อุปฺปชฺชมาโน, อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโนติ ตีหิ กาเลหิ อตฺถวิภชเน ‘‘ทีปงฺกรปาทมูเล ลทฺธพฺยากรณโต ยาว อนาคามิผลา อุปฺปชฺชมาโน นาม, อรหตฺตมคฺคกฺขเณ ปน อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นามา’’ติ วุตฺตํ. อยเมตฺถ อาจริยธมฺมปาลตฺเถรสฺส มติ. ยสฺมา ปน เอกงฺคุตฺตรฏฺกถายํ ‘‘เอกปุคฺคโล ภิกฺขเว โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐) สุตฺตปทวณฺณนายํ ¶ ‘‘อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต อรหตฺตผลกฺขณํเยว สนฺธาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) อาคตํ, ตสฺมา อิธาปิ อรหตฺตผลกฺขณเมว สนฺธาย อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวํ สนฺธายา’’ติ อิมินา. เตนาห ‘‘อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ’’ติ. สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวนฺติ จ สพฺพเวเนยฺยานํ ปมตรํ อรหตฺตผลวเสน อุปฺปนฺนภาวนฺติ อตฺโถ. ‘‘อุปฺปนฺโน โหตี’’ติ จ อิมินา อรหตฺตผลกฺขณวเสน อตีตกาลํ ทสฺเสตีติ. อยเมว จ นโย องฺคุตฺตรฏีกากาเรน อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน อธิปฺเปโตติ.
โส ภควาติ โย โส ตถาคโต ‘‘อรห’’นฺติอาทินา ปกิตฺติตคุโณ, โส ภควา. อิทานิ วตฺตพฺพํ อิมสทฺเทน นิทสฺเสติ วุจฺจมานตฺถสฺส ปรามสนโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นยิทํ มหาชนสฺส สมฺมุขมตฺตํ สนฺธาย ‘‘อิมํ โลก’’นฺติ วุตฺตํ, อถ โข ‘‘สเทวก’’นฺติอาทินา วกฺขมานํ อนวเสสปริยาทานํ สนฺธายาติ. ‘‘สห เทเวหิ สเทวก’’นฺติอาทินา ยถาวากฺยํ ปทนิพฺพจนํ วุตฺตํ, ยถาปทํ ปน ‘‘สเทวโก’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ, อิเม จ ตคฺคุณสํวิฺาณพาหิรตฺถสมาสา. เอตฺถ หิ อวยเวน วิคฺคโห, สมุทาโย สมาสตฺโถ โหติ โลกาวยเวน ¶ กตวิคฺคเหน โลกสมุทายสฺส ยถารหํ ลพฺภมานตฺตา. สมวายโชตกสหสทฺทโยเค หิ อยเมว สมาโส วิฺายติ. เทเวหีติ จ ปฺจกามาวจรเทเวหิ, อรูปาวจรเทเวหิ วา. พฺรหฺมุนาติ รูปาวจรารูปาวจรพฺรหฺมุนา, รูปาวจรพฺรหฺมุนา เอว วา, พหุกตฺตุกาทีนมิว เนสํ สิทฺธิ. ปชาตตฺตาติ ยถาสกํ กมฺมกิเลเสหิ ปกาเรน นิพฺพตฺตกตฺตา.
เอวํ วจนตฺถโต อตฺถํ ทสฺเสตฺวา วจนียตฺถโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ ปาริเสสาเยน อิตเรสํ ปทนฺตเรหิ วิสุํ คหิตตฺตา. ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ ปจฺจาสตฺติาเยน. ตตฺถ หิ มาโร ชาโต, ตนฺนิวาสี จ. ยสฺมา เจส ทามริกราชปุตฺโต วิย ตตฺถ วสิตตฺตา ปากโฏ, ตสฺมา สนฺเตสุปิ อฺเสุ วสวตฺติมหาราชาทีสุ ปากฏตเรน เตเนว วิเสเสตฺวา วุตฺโตติ, อยฺจ นโย มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๐) ปกาสิโตว. มารคฺคหเณน เจตฺถ ตํสมฺพนฺธิโน เทวาปิ คหิตา โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลกสฺส คหณโต. เอวฺหิ วสวตฺติสตฺตโลกสฺส อนวเสสปริยาทานํ โหติ. พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณมฺปิ ปจฺจาสตฺติาเยน. ปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณนฺติ ปจฺจตฺถิกา เอว ปจฺจามิตฺตา, เตเยว สมณพฺราหฺมณา, เตสํ คหณํ ตถา, เตน พาหิรกสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ วุตฺตํ, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตานมฺปิ เตสํ อิมินา คหณโต. สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณนฺติ ¶ ปน สาสนิกสมณพฺราหฺมณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. กามํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิวิเสสนานํ วเสเนว สตฺตวิสโยปิ โลกสทฺโท วิฺายติ สมวายตฺถวเสน ตุลฺยโยควิสยตฺตา เตสํ, ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ ปน วิชฺชมานตฺถวเสน อตุลฺยโยควิสเยปิ อยํ สมาโส ลพฺภตีติ พฺยภิจารทสฺสนโต อพฺยภิจาเรนตฺถาปกํ ปชาคหณนฺติ อาห ‘‘ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณ’’นฺติ, น ปน โลกสทฺเทน สตฺตโลกสฺส อคฺคหิตตฺตา เอวํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลโก’’ติ. สเทวกาทิวจเนน อุปปตฺติเทวานํ, สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน วิสุทฺธิเทวานฺจ คหิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สเทว…เป… มนุสฺสคฺคหณ’’นฺติ. ตตฺถ สมฺมุติเทวา ราชาโน ¶ . อวเสสมนุสฺสคฺคหณนฺติ สมฺมุติเทเวหิ, สมณพฺราหฺมเณหิ จ อวสิฏฺมนุสฺสานํ คหณํ. เอตฺถาติ เอเตสุ ปเทสุ. ตีหิ ปเทหีติ สเทวกสมารกสพฺรหฺมกปเทหิ. ทฺวีหีติ สสฺสมณพฺราหฺมณีสเทวมนุสฺสปเทหิ. สมาสปทตฺเถสุ สตฺตโลกสฺสปิ วุตฺตนเยน คหิตตฺตา ‘‘โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลโก’’ติ วุตฺตํ.
‘‘อปโร นโย’’ติอาทินา อปรมฺปิ วจนียตฺถมาห. อรูปิโนปิ สตฺตา อตฺตโน อาเนฺชวิหาเรน วิหรนฺโต ‘‘ทิพฺพนฺตีติ เทวา’’ติ อิทํ นิพฺพจนํ ลทฺธุมรหนฺตีติ อาห ‘‘สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรโลโก คหิโต’’ติ. เตเนวาห ภควา พฺรหฺมชาลาทีสุ ‘‘อากาสานฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยต’’นฺติอาทิ, (อ. นิ. ๓.๑๙๗) อรูปาวจรภูโต โอกาสโลโก, สตฺตโลโก จ คหิโตติ อตฺโถ. เอวํ ฉกามาวจรเทวโลโก, รูปี พฺรหฺมโลโกติ เอตฺถาปิ. ฉกามาวจรเทวโลกสฺส สวิเสสํ มารวเส ปวตฺตนโต วุตฺตํ ‘‘สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลโก’’ติ. โส หิ ตสฺส ทามริกสฺส วิย วสปวตฺตโนกาโส. รูปี พฺรหฺมโลโก คหิโต ปาริเสสาเยน อรูปีพฺรหฺมโลกสฺส วิสุํ คหิตตฺตา. จตุปริสวเสนาติ ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติสมณจาตุมหาราชิกตาวตึสมารพฺรหฺมสงฺขาตาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ ขตฺติยาทิจตุปริสวเสเนว ตทฺาสํ สเทวกาทิคฺคหเณน คหิตตฺตา. กถํ ปเนตฺถ จตุปริสวเสน มนุสฺสโลโก คหิโตติ? ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิ’’นฺติ อิมินา สมณปริสา, พฺราหฺมณปริสา จ คหิตา, ‘‘สเทวมนุสฺส’’นฺติ อิมินา ขตฺติยปริสา, คหปติปริสา จาติ. ‘‘ปช’’นฺติ อิมินา ปน อิมาเยว จตสฺโส ปริสา วุตฺตา. จตุปริสสงฺขาตํ ปชนฺติ หิ อิธ อตฺโถ.
อฺถา คเหตพฺพมาห ‘‘สมฺมุติเทเวหิ วา สห มนุสฺสโลโก’’ติ. กถํ ปน คหิโตติ? ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิ’’นฺติ อิมินา สมณพฺราหฺมณา คหิตา, ‘‘สเทวมนุสฺส’’นฺติ อิมินา สมฺมุติเทวสงฺขาตา ขตฺติยา, คหปติสุทฺทสงฺขาตา จ อวเสสมนุสฺสาติ. อิโต ปน อฺเสํ มนุสฺสสตฺตานมภาวโต ¶ ‘‘ปช’’นฺติ อิมินา เอเตเยว จตูหิ ปกาเรหิ ิตา มนุสฺสสตฺตา วุตฺตา. จตุกุลปฺปเภทํ ปชนฺติ หิ อิธ อตฺโถ. เอวํ วิกปฺปทฺวเยปิ ปชาคหเณน จตุปริสาทิวเสน มนุสฺสานฺเว คหิตตฺตา ¶ อิทานิ อวเสสสตฺเตปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถาปิ จตุปริสวเสน คหิเตน มนุสฺสโลเกน สห อวเสสสพฺพสตฺตโลโก คหิโต, สมฺมุติเทเวหิ วา สห อวเสสสพฺพสตฺตโลโกติ โยเชตพฺพํ. นาคครุฬาทิวเสน จ อวเสสสพฺพสตฺตโลโก. อิทํ วุตฺตํ โหติ – จตุปริสสหิโต อวเสสสุทฺทนาคสุปณฺณเนรยิกาทิสตฺตโลโก, จตุกุลปฺปเภทมนุสฺสสหิโต วา อวเสสนาคสุปณฺณเนรยิกาทิสตฺตโลโก คหิโตติ.
เอตฺตาวตา ภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตน เตน วิเสเสน อภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโตติ อุกฺกํสคติปริจฺเฉทโต, ตพฺพิชานเนนาติ วุตฺตํ โหติ. ปมนเยน หิ ปฺจสุ คตีสุ เทวคติปริยาปนฺนาว ปฺจกามคุณสมงฺคิตาย, ทีฆายุกตายาติ เอวมาทีหิ วิเสเสหิ เสฏฺา. ทุติยนเยน ปน อรูปิโน ทูรสมุคฺฆาฏิตกิเลสทุกฺขตาย, สนฺตปณีตอาเนฺชวิหารสมงฺคิตาย, อติวิย ทีฆายุกตายาติ เอวมาทีหิ วิเสเสหิ อติวิย อุกฺกฏฺา. อาจริเยหิ ปน ทุติยนยเมว สนฺธาย วุตฺตํ. เอวํ ปมปเทเนว ปธานนเยน สพฺพโลกสฺส สจฺฉิกตภาเว สิทฺเธปิ อิมินา การณวิเสเสน เสสปทานิ วุตฺตานีติ ทสฺเสติ ‘‘ตโต เยส’’นฺติอาทินา. ตโตติ ปมปทโต ปรํ อาหาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ฉกามาวจริสฺสโร’’ ติเยว วุตฺเต สกฺกาทีนมฺปิ ตสฺส อาธิปจฺจํ สิยาติ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘วสวตฺตี’’ติ วุตฺตํ, เตน สาหสิกกรเณน วสวตฺตาปนเมว ตสฺสาธิปจฺจนฺติ ทสฺเสติ. โส หิ ฉฏฺเทวโลเกปิ อนิสฺสโร ตตฺถ วสวตฺติเทวราชสฺเสว อิสฺสรตฺตา. เตนาห ภควา องฺคุตฺตราคมวเร อฏฺนิปาเต ทานานิสํสสุตฺเต ‘‘ตตฺร ภิกฺขเว วสวตฺตี เทวปุตฺโต ทานมยํ ปฺุกิริยวตฺถุํ อติเรกํ กริตฺวา…เป… ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหาตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๓๖) วิตฺถาโร. มชฺฌิมาคมฏฺกถายมฺปิ วุตฺตํ ‘‘ตตฺร หิ วสวตฺติราชา รชฺชํ กาเรติ, มาโร ปน เอกสฺมึ ปเทเส อตฺตโน ปริสาย อิสฺสริยํ ปวตฺเตนฺโต รชฺชปจฺจนฺเต ทามริกราชปุตฺโต วิย วสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๐) ‘‘พฺรหฺมา มหานุภาโว’’ติอาทิ ¶ ทสสหสฺสิยํ มหาพฺรหฺมุโน วเสน วทติ. ‘‘อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต’’ติ หิ เหฏฺา วุตฺตเมว. ‘‘เอกงฺคุลิยา’’ติอาทิ เอกเทเสน มหานุภาวตาทสฺสนํ. อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ นวโลกุตฺตรํ. ปุถูติ พหุกา, วิสุํ ภูตา วา. อุกฺกฏฺฏฺานานนฺติ อุกฺกํสคติกานํ. ภาวานุกฺกโมติ ภาววเสน ปเรสมชฺฌาสยานุรูปํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิปทานํ อนุกฺกโม, ภาววเสน ¶ อนุสนฺธิกฺกโม วา ภาวานุกฺกโม, อตฺถานฺเจว ปทานฺจ อนุสนฺธานปฏิปาฏีติ อตฺโถ, อยเมว วา ปาโ ตถาเยว สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. เวรฺชกณฺฑวณฺณนา ๑) ทิฏฺตฺตา, อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) จ วณฺณิตตฺตา. ‘‘วิภาวนานุกฺกโม’’ติปิ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปน เตสุ อทิฏฺตฺตา น สุนฺทโร.
อิทานิ โปราณกานํ สํวณฺณนานยํ ทสฺเสตุํ ‘‘โปราณา ปนาหู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อฺปเทน นิรวเสสสตฺตโลกสฺส คหิตตฺตา สพฺพตฺถ อวเสสโลกนฺติ อนวเสสปริยาทานํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ติภวูปเค สตฺเต’’ติ, เตธาตุกสงฺขาเต ตโย ภเว อุปคตสตฺเตติ อตฺโถ. ตีหากาเรหีติ เทวมารพฺรหฺมสหิตตาสงฺขาเตหิ ตีหิ อากาเรหิ. ตีสุ ปเทสูติ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทีสุ ตีสุ ปเทสุ. ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺถวเสน สงฺคเหตฺวา. เตเยว ติภวูปเค สตฺเต ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณึ, สเทวมนุสฺส’’นฺติ ปททฺวเย ปกฺขิปตีติ าเปตุํ ‘‘ปุนา’’ติ วุตฺตํ. เตน เตนากาเรนาติ สเทวกตฺตาทินา, สสฺสมณพฺราหฺมณีภาวาทินา จ เตน เตน ปกาเรน. ‘‘ติภวูปเค สตฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘เตธาตุกเมวา’’ติ วทนฺตา โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลโก คหิโตติ ทสฺเสนฺติ. เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติ โปราณา ปนาหูติ โยชนา.
สามนฺติ อตฺตนา. อฺตฺถาโปหเนน, อนฺโตคธาวธารเณน วา ตปฺปฏิเสธนมาห ‘‘อปรเนยฺโย หุตฺวา’’ติ, อปเรหิ อนภิชานาเปตพฺโพ หุตฺวาติ อตฺโถ. อภิฺาติ ย-การโลปนิทฺเทโส ยถา ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓, ๔๒๒; ๒.๒๔; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๖.๕๘; มหานิ. ๒๐๖) วุตฺตํ ‘‘อภิฺายา’’ติ. อภิสทฺเทน น วิเสสนมตฺตํ โชติตํ, อถ โข วิเสสนมุเขน กรณมฺปีติ ทสฺเสติ ‘‘อธิเกน าเณนา’’ติ อิมินา. อนุมานาทิปฏิกฺเขโปติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ¶ อุปมานอตฺถาปตฺติสทฺทนฺตรสนฺนิธานสมฺปโยควิปฺปโยคสหจรณาทินา การณเลสมตฺเตน ปเวทนํ สงฺคณฺหาติ เอกปฺปมาณตฺตา. สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย หิ สพฺพธมฺมปจฺจกฺขา พุทฺธา ภควนฺโต. โพเธติ วิฺาเปตีติ สทฺทโต อตฺถวจนํ. ปกาเสตีติ อธิปฺปายโต. เอวํ สพฺพตฺถ วิเวจิตพฺโพ.
อนุตฺตรํ วิเวกสุขนฺติ ผลสมาปตฺติสุขํ. หิตฺวาปีติ ปิ-สทฺทคฺคหณํ ผลสมาปตฺติยา อนฺตรา ิติกาปิ กทาจิ ภควโต เทสนา โหตีติ กตฺวา กตํ. ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต ยสฺมึ ขเณ ปริสา สาธุการํ วา เทติ, ยถาสุตํ วา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ขณมฺปิ ปุพฺพาโภเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ยถาปริจฺเฉทฺจ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ปุพฺเพ ¶ ิตฏฺานโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสตีติ อฏฺกถาสุ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๗) วุตฺโตวายมตฺโถ. อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโตติ อุคฺฆฏิตฺุสฺส วเสน อปฺปํ วา วิปฺจิตฺุสฺส, เนยฺยสฺส จ วเสน พหุํ วา เทเสนฺโต. กถํ เทเสตีติ อาห ‘‘อาทิมฺหิปี’’ติอาทิ. ธมฺมสฺส กลฺยาณตา นิยฺยานิกตาย, นิยฺยานิกตา จ สพฺพโส อนวชฺชภาเวเนวาติ วุตฺตํ ‘‘อนวชฺชเมว กตฺวา’’ติ. เทสนายาติ ปริยตฺติธมฺมสฺส เทสกายตฺเตน หิ อาณาทิวิธินา อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนาติ ปริยตฺติธมฺโม วุจฺจติ. กิฺจาปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม ปรมตฺถโต โกจิ นตฺถิ, เยสุ ปน อวยเวสุ สมุทายรูเปน อเวกฺขิเตสุ คาถาทิสมฺา, ตํ ตโต ภินฺนํ วิย กตฺวา สํสามิโวหารมาโรเปตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺถิ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสาน’’นฺติ อาห. สาสนสฺสาติ ปฏิปตฺติธมฺมสฺส. สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน หิ ยถาปราธาทินา สาสิตพฺพภาเวน อนุสาสนํ, ตทงฺควินยาทิวเสน วินยนนฺติ กตฺวา ปฏิปตฺติธมฺโม ‘‘สาสน’’นฺติ วุจฺจติ. อตฺถิ สาสนสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานนฺติ สมฺพนฺโธ. จตุปฺปทิกายปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท สมฺภาวเน, เตน เอวํ อปฺปกตรายปิ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ กลฺยาณตา, ปเคว พหุตรายาติ สมฺภาเวติ. ปทฺเจตฺถ คาถาย จตุตฺถํโส, ยํ ‘‘ปาโท’’ติปิ วุจฺจติ, เอเตเนว ติปาทิกฉปาทิกาสุปิ ยถาสมฺภวํ วิภาคํ ทสฺเสติ. เอวํ สุตฺตาวยเว กลฺยาณตฺตยํ ทสฺเสตฺวา สกเลปิ สุตฺเต ทสฺเสตุํ ‘‘เอกานุสนฺธิกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นาติพหุวิภาคํ ยถานุสนฺธินา เอกานุสนฺธิกํ ¶ สนฺธาย ‘‘เอกานุสนฺธิกสฺสา’’ติ อาห. อิตรสฺมึ ปน เตเนว ธมฺมวิภาเคน อาทิมชฺฌปริโยสานา ลพฺภนฺตีติ ‘‘อเนกานุสนฺธิกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิทานนฺติ อานนฺทตฺเถเรน ปิตํ กาลเทสเทสกปริสาทิอปทิสนลกฺขณํ นิทานคนฺถํ. อิทมโวจาติ นิคมนํ อุปลกฺขณเมว ‘‘อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ นิคมนสฺสปิ คเหตพฺพโต. สงฺคีติการเกหิ ปิตานิปิ หิ นิทานนิคมนานิ สตฺถุ เทสนาย อนุวิธานโต ตทนฺโตคธาเนวาติ เวทิตพฺพํ. อนฺเต อนุสนฺธีติ สพฺพปจฺฉิโม อนุสนฺธิ.
‘‘สีลสมาธิวิปสฺสนา’’ติอาทินา สาสนสฺส อิธ ปฏิปตฺติธมฺมตํ วิภาเวติ. วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘สาสนธมฺโม’’ติ วุตฺตตฺตา –
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓; เนตฺติ. ๓๐, ๕๐, ๑๑๖, ๑๒๔);
เอวํ ¶ วุตฺตสฺส สตฺถุสาสนสฺส ปกาสโก ปริยตฺติธมฺโม เอว สีลาทิอตฺถวเสน กลฺยาณตฺตยวิภาวเน วุตฺโต. อิธ ปน ปฏิปตฺติเยว. เตน วกฺขติ ‘‘อิธ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิปฺเปต’’นฺติ. สีลสมาธิวิปสฺสนา อาทิ นาม สาสนสมฺปตฺติภูตานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ มูลภาวโต. กุสลานํ ธมฺมานนฺติ อนวชฺชธมฺมานํ. ทิฏฺีติ วิปสฺสนา, อวินาภาวโต ปเนตฺถ สมาธิคฺคหณํ. มหาวคฺคสํยุตฺเต พาหิยสุตฺตปทมิทํ (สํ. นิ. ๕.๓๘๑). กามํ สุตฺเต อริยมคฺคสฺส อนฺตทฺวยวิคเมน เตสํ มชฺฌิมปฏิปทาภาโว วุตฺโต, มชฺฌิมภาวสามฺโต ปน สมฺมาปฏิปตฺติยา อารมฺภนิปฺผตฺตีนํ มชฺฌิมภาวสฺสาปิ สาธกภาเว ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาติ เอวํ วุตฺโต อริยมคฺโค มชฺฌํ นามา’’ติ, สีลสมาธิวิปสฺสนาสงฺขาตานํ อารมฺภานํ, ผลนิพฺพานสงฺขาตานฺจ นิปฺผตฺตีนํ เวมชฺฌภาวโต อริยมคฺโค มชฺฌํ นามาติ อธิปฺปาโย. สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุวเสน ผลํ ปริโยสานํ นาม, อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุวเสน ปน นิพฺพานํ. สาสนปริโยสานา หิ นิพฺพานธาตุ. มคฺคสฺส นิปฺผตฺติ ผลวเสน, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย จ โหติ ตโต ปรํ กตฺตพฺพาภาวโตติ วา เอวํ วุตฺตํ. อิทานิ เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ สาสนสฺส ปริโยสานตํ อาคเมน สาเธตุํ ‘‘เอตทตฺถํ อิท’’นฺติอาทิมาห. เอตเทว ¶ ผลํ อตฺโถ ยสฺสาติ เอตทตฺถํ. พฺราหฺมณาติ ปิงฺคลโกจฺฉพฺราหฺมณํ ภควา อาลปติ. อิทฺหิ มชฺฌิมาคเม มูลปณฺณาสเก จูฬสาโรปมสุตฺต (ม. นิ. ๑.๓๑๒ อาทโย) ปทํ. เอตเทว ผลํ สารํ ยสฺสาติ เอตํสารํ นิคฺคหิตาคเมน. ตถา เอตํปริโยสานํ. นิพฺพาโนคธนฺติ นิพฺพานนฺโตคธํ. อาวุโส วิสาขาติ ธมฺมทินฺนาย เถริยา วิสาขคหปติมาลปนํ. อิทฺหิ จูฬเวทลฺลสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๖๐ อาทโย) ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติอาทิสทฺทนฺตรสนฺนิธานโต ‘‘อิธ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิปฺเปต’’นฺติ วุตฺตํ.
เอวํ สทฺทปพนฺธวเสน เทสนาย กลฺยาณตฺตยวิภาคํ ทสฺเสตฺวา ตทตฺถวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควา หี’’ติอาทิมาห. อตฺถโตปิ หิ ตสฺสาธิปฺเปตภาวํ หิ-สทฺเทน สมตฺเถติ. ตถา สมตฺถนมุเขน จ อตฺถวเสน กลฺยาณตฺตยวิภาคํ ทสฺเสตีติ. อตฺถโต ปเนตํ ทสฺเสนฺโต โย ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ กตวิธิ สทฺทปพนฺโธ คาถาสุตฺตวเสน ววตฺถิโต ปริยตฺติธมฺโมเยว อิธ เทสนาติ วุตฺโต, ตสฺส จตฺโถ วิเสสโต สีลาทิ เอวาติ อาห ‘‘อาทิมฺหิ สีล’’นฺติอาทิ. วิเสสกถนฺเหตํ. สามฺโต ปน สีลคฺคหเณน สสมฺภารสีลํ คหิตํ, ตถา มคฺคคฺคหเณน สสมฺภารมคฺโคติ อตฺถตฺตยวเสน อนวเสสโต ปริยตฺติอตฺถํ ปริยาทาย ติฏฺติ. อิตรถา หิ กลฺยาณตฺตยวิภาโค อสพฺพสาธารโณ สิยา. เอตฺถ จ สีลมูลกตฺตา สาสนสฺส สีเลน อาทิกลฺยาณตา วุตฺตา, สาสนสมฺปตฺติยา เวมชฺฌภาวโต มคฺเคน มชฺเฌกลฺยาณตา. นิพฺพานาธิคมโต ¶ อุตฺตริ กรณียาภาวโต นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาณตา. เตนาติ สีลาทิทสฺสเนน. อตฺถวเสน หิ อิธ เทสนาย อาทิกลฺยาณาทิภาโว วุตฺโต. ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ ยถาวุตฺตานุสาเรน โสตูนมนุสาสนีทสฺสนํ.
เอสาติ ยถาวุตฺตากาเรน กถนา. กถิกสณฺิตีติ ธมฺมกถิกสฺส สณฺานํ กถนวเสน สมวฏฺานํ.
วณฺณนา อตฺถวิวรณา, ปสํสนา วา. น โส สาตฺถํ เทเสติ นิยฺยานตฺถวิรหโต ตสฺสา เทสนาย. ตสฺมาติ จตุสติปฏฺานาทินิยฺยานตฺถเทสนโต. เอกพฺยฺชนาทิยุตฺตาติ สิถิลธนิตาทิเภเทสุ ทสสุ ¶ พฺยฺชเนสุ เอกปฺปกาเรเนว, ทฺวิปฺปกาเรเนว วา พฺยฺชเนน ยุตฺตา ทมิฬภาสา วิย. สพฺพนิโรฏฺพฺยฺชนาติ วิวฏกรณตาย โอฏฺเ อผุสาเปตฺวา อุจฺจาเรตพฺพโต สพฺพถา โอฏฺผุสนรหิตวิมุตฺตพฺยฺชนา กิราตภาสา วิย. สพฺพวิสฺสฏฺพฺยฺชนาติ สพฺพสฺเสว วิสฺสชฺชนียยุตฺตตาย สพฺพถา วิสฺสคฺคพฺยฺชนา สวรภาสา วิย. สพฺพนิคฺคหิตพฺยฺชนาติ สพฺพสฺเสว สานุสารตาย สพฺพถา พินฺทุสหิตพฺยฺชนา ปารสิกาทิมิลกฺขุภาสา วิย. เอวํ ‘‘ทมิฬกิราตสวรมิลกฺขูนํ ภาสา วิยา’’ติ อิทํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. มิลกฺขูติ จ ปารสิกาทโย. สพฺพาเปสา พฺยฺชเนกเทสวเสเนว ปวตฺติยา อปริปุณฺณพฺยฺชนาติ วุตฺตํ ‘‘พฺยฺชนปาริปูริยา อภาวโต อพฺยฺชนา นามา’’ติ.
านกรณานิ สิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพมกฺขรํ ปฺจสุ วคฺเคสุ ปมตติยํ สิถิลํ. ตานิ อสิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพมกฺขรํ เตสฺเวว ทุติยจตุตฺถํ ธนิตํ. ทฺวิมตฺตกาลมกฺขรํ ทีฆํ. เอกมตฺตกาลํ รสฺสํ.
ปมาณํ เอกมตฺตสฺส, นิมีสุมีสโต’ พฺรวุํ;
องฺคุลิโผฏกาลสฺส, ปมาเณนาปิ อพฺรวุํ.
สฺโคปรํ, ทีฆฺจ ครุกํ. อสํโยคปรํ รสฺสํ ลหุกํ. านกรณานิ นิคฺคเหตฺวา อวิวเฏน มุเขน อุจฺจาเรตพฺพํ นิคฺคหิตํ. ปรปเทน สมฺพชฺฌิตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ สมฺพนฺธํ. ตถา อสมฺพชฺฌิตพฺพํ ววตฺถิตํ. านกรณานิ วิสฺสฏฺานิ กตฺวา วิวเฏน มุเขน อุจฺจาเรตพฺพํ วิมุตฺตํ. ทสธาติอาทีสุ เอวํ สิถิลาทิวเสน พฺยฺชนพุทฺธิสงฺขาตสฺส อกฺขรุปฺปาทกจิตฺตสฺส ทสหิ ปกาเรหิ พฺยฺชนานํ ปเภโทติ อตฺโถ. สพฺพานิ หิ อกฺขรานิ จิตฺตสมุฏฺานานิ, ยถาธิปฺเปตตฺถสฺส ¶ จ พฺยฺชนโต ปกาสนโต พฺยฺชนานีติ, พฺยฺชนพุทฺธิยา วา กรณภูตาย พฺยฺชนานํ ทสธา ปเภโทติปิ ยุชฺชติ.
อมกฺเขตฺวาติ อมิเลจฺเฉตฺวา อวินาเสตฺวา, อหาเปตฺวาติ อตฺโถ. ตทตฺถมาห ‘‘ปริปุณฺณพฺยฺชนเมว กตฺวา’’ติ, ยมตฺถํ ภควา าเปตุํ เอกคาถํ, เอกวากฺยมฺปิ เทเสติ, ตมตฺถํ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนาย เอว เทสนาย เทเสตีติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมาติ ปริปุณฺณพฺยฺชนธมฺมเทสนโต ¶ . เกวลสทฺโท อิธ อนวเสสวาจโก. น อโวมิสฺสตาทิวาจโกติ อาห ‘‘สกลาธิวจน’’นฺติ. ปริปุณฺณนฺติ สพฺพโส ปุณฺณํ. ตํ ปนตฺถโต อูนาธิกนิเสธนนฺติ วุตฺตํ ‘‘อนูนาธิกวจน’’นฺติ. ตตฺถ ยทตฺถํ เทสิโต, ตสฺส สาธกตฺตา อนูนตา เวทิตพฺพา, ตพฺพิธุรสฺส ปน อสาธกตฺตา อนธิกตา. อุปเนตพฺพสฺส วา โวทานตฺถสฺส อวุตฺตสฺส อภาวโต อนูนตา, อปเนตพฺพสฺส สํกิเลสตฺถสฺส วุตฺตสฺส อภาวโต อนธิกตา. สกลนฺติ สพฺพภาควนฺตํ. ปริปุณฺณนฺติ สพฺพโส ปุณฺณเมว. เตนาห ‘‘เอกเทเสนาปิ อปริปุณฺณา นตฺถี’’ติ. อปริสุทฺธา เทสนา โหติ ตณฺหาย สํกิลิฏฺตฺตา. โลเกหิ ตณฺหาย อามสิตพฺพโต โลกามิสา, จีวราทโย ปจฺจยา, เตสุ อคธิตจิตฺตตาย โลกามิสนิรเปกฺโข. หิตผรเณนาติ หิตโต ผรเณน หิตูปสํหาเรน วิเสสนภูเตน. เมตฺตาภาวนาย กรณภูตาย มุทุหทโย. อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตนาติ สกลสํกิเลสโต, วฏฺฏทุกฺขโต จ อุทฺธรณาการสณฺิเตน, การฺุาธิปฺปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘อิโต ปฏฺาย ทสฺสามิ, เอวฺจ ทสฺสามี’’ติ สมาทาตพฺพฏฺเน ทานํ วตํ. ปณฺฑิตปฺตฺตตาย เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมํ, พฺรหฺมานํ วา เสฏฺานํ จริยนฺติ ทานเมว พฺรหฺมจริยํ. มจฺฉริยโลภาทินิคฺคหเณน สมาจิณฺณตฺตา ทานเมว สุจิณฺณํ. อิทฺธีติ เทวิทฺธิ. ชุตีติ ปภา, อานุภาโว วา. พลวีริยูปปตฺตีติ มหตา พเลน, วีริเยน จ สมนฺนาคโม. นาคาติ วรุณนาคราชานํ วิธุรปณฺฑิตสฺส อาลปนํ.
ทานปตีติ ทานสามิโน. โอปานภูตนฺติ อุทกติตฺถมิว ภูตํ.
ธีราติ โส วิธุรปณฺฑิตมาลปติ.
มธุสฺสโวติ มธุรสสนฺทนํ. ปฺุนฺติ ปฺุผลํ, การณโวหาเรน วุตฺตํ. พฺรหฺมํ, พฺรหฺมานํ วา จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, เวยฺยาวจฺจํ. เอส นโย เสเสสุปิ.
ติตฺติริยนฺติ ¶ ติตฺติรสกุณราเชน ภาสิตํ.
อฺตฺร ตาหีติ ปรทารภูตาหิ วชฺเชตฺวา. อมฺหนฺติ อมฺหากํ.
ตปสฺสี ¶ , ลูโข, เชคุจฺฉี, ปวิวิตฺโตติ จตุพฺพิธสฺส ทุกฺกรสฺส กตตฺตา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. โลมหํสนสุตฺตํ มชฺฌิมาคเม มูลปณฺณาสเก, ‘‘มหาสีหนาทสุตฺต’’นฺติปิ (ม. นิ. ๑.๑๔๖) ตํ วทนฺติ.
อิทฺธนฺติ สมิทฺธํ. ผีตนฺติ ผุลฺลิตํ. วิตฺถาริกนฺติ วิตฺถารภูตํ. พาหุชฺนฺติ พหูหิ ชเนหิ นิยฺยานิกภาเวน าตํ. ปุถุภูตนฺติ พหุภูตํ. ยาว เทวมนุสฺเสหีติ เอตฺถ เทวโลกโต ยาว มนุสฺสโลกา สุปกาสิตนฺติ อธิปฺปายวเสน ปาสาทิกสุตฺตฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๗๐) วุตฺตํ, ยาว เทวา จ มนุสฺสา จาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลสาสนํ อิธ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา. ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ อิมินา สมานาธิกรณานิ สพฺพปทานิ โยเชตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส ธมฺมํ เทเสตี’’ติอาทิมาห. ‘‘เอวํ เทเสนฺโต จา’’ติ หิ อิมินา พฺรหฺมจริยสทฺเทน ธมฺมสทฺทาทีนํ สมานตฺถตํ ทสฺเสติ, ‘‘ธมฺมํ เทเสตี’’ติ วตฺวาปิ ‘‘พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วจนํ สรูปโต อตฺถปฺปกาสนตฺถนฺติ จ วิภาเวติ.
๑๙๑. วุตฺตปฺปการสมฺปทนฺติ ยถาวุตฺตอาทิกลฺยาณตาทิปฺปเภทคุณสมฺปทํ. ทูรสมุสฺสาริตมานสฺเสว สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ สมฺภวติ, น มานชาติกสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘นิหตมานตฺตา’’ติ. อุสฺสนฺนตฺตาติ พหุลภาวโต. โภครูปาทิวตฺถุกา มทา สุปฺปเหยฺยา โหนฺติ นิมิตฺตสฺส อนวฏฺานโต, น ตถา กุลวิชฺชาทิมทา นิมิตฺตสฺส สมวฏฺานโต. ตสฺมา ขตฺติยพฺราหฺมณกุลีนานํ ปพฺพชิตานมฺปิ ชาติวิชฺชํ นิสฺสาย มานชปฺปนํ ทุปฺปชหนฺติ อาห ‘‘เยภุยฺเยน…เป… มานํ กโรนฺตี’’ติ. วิชาติตายาติ วิปรีตชาติตาย, หีนชาติตายาติ อตฺโถ. เยภุยฺเยน อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา สุชาติกา เอว, น ทุชฺชาติกาติ เอวํ วุตฺตํ. ปติฏฺาตุํ น สกฺโกนฺตีติ สีเล ปติฏฺหิตุํ น อุสฺสหนฺติ, สุวิสุทฺธํ กตฺวา สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺโกนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. สีลเมว หิ สาสเน ปติฏฺา, ปติฏฺาตุนฺติ วา สจฺจปฏิเวเธน โลกุตฺตราย ปติฏฺาย ปติฏฺาตุํ. สา หิ นิปฺปริยายโต สาสเน ปติฏฺา นาม.
เอวํ พฺยติเรกโต อตฺถํ วตฺวา อนฺวยโตปิ วทติ ‘‘คหปติทารกา ปนา’’ติอาทินา. กจฺเฉหิ ¶ เสทํ มฺุจนฺเตหีติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. ตถา ปิฏฺิยา โลณํ ปุปฺผมานายาติ, เสทํ มฺุจนฺตกจฺฉา ¶ โลณํ ปุปฺผมานปิฏฺิกา หุตฺวา, เตหิ วา ปกาเรหิ ลกฺขิตาติ อตฺโถ. ภูมึ กสิตฺวาติ ภูมิยา กสฺสนโต, เขตฺตูปชีวนโตติ วุตฺตํ โหติ. ตาทิสสฺสาติ ชาติมนฺตูปนิสฺสยสฺส. ทุพฺพลํ มานํ. พลวํ ทปฺปํ. กมฺมนฺติ ปริกมฺมํ. ‘‘อิตเรหี’’ติอาทินา ‘‘อุสฺสนฺนตฺตา’’ติ เหตุปทํ วิวรติ. ‘‘อิตี’’ติ วตฺวา ตทปรามสิตพฺพํ ทสฺเสติ ‘‘นิหตมานตฺตา’’ติอาทินา, อิติสทฺโท วา นิทสฺสเน, เอวํ ยถาวุตฺตนเยนาติ อตฺโถ. เอส นโย อีทิเสสุ.
ปจฺจาชาโตติ เอตฺถ อากาโร อุปสคฺคมตฺตนฺติ อาห ‘‘ปติชาโต’’ติ. ปริสุทฺธนฺติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตเมว ปหานทีปนโต นิรุปกฺกิเลสตาย สพฺพถา สุทฺธํ. ธมฺมสฺส สามี ตทุปฺปาทกฏฺเน, ธมฺเมน วา สเทวกสฺส โลกสฺส สามีติ ธมฺมสฺสามี. สทฺธนฺติ โปถุชฺชนิกสทฺธาวเสน สทฺทหนํ. วิฺูชาติกานฺหิ ธมฺมสมฺปตฺติคหณปุพฺพิกา สทฺธาสิทฺธิ จตูสุ ปุคฺคเลสุ ธมฺมปฺปมาณธมฺมปฺปสนฺนปุคฺคลภาวโต. ‘‘โย เอวํ สฺวากฺขาตธมฺโม, สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา’’ติ สทฺธํ ปฏิลภติ. โยชนสตนฺตเรปิ วา ปเทเส. ชายมฺปติกาติ ชานิปติกา. กามํ ‘‘ชายมฺปติกา’’ติ วุตฺเตเยว ฆรสามิกฆรสามินีวเสน ทฺวินฺนเมว คหณํ วิฺายติ, ยสฺส ปน ปุริสสฺส อเนกา ปชาปติโย, ตสฺส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เอกายปิ ตาว สํวาโส สมฺพาโธเยวาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทฺเว’’ติ วุตฺตํ. ราคาทินา กิฺจนํ, เขตฺตวตฺถาทินา ปลิโพธนํ, ตทุภเยน สห วตฺตตีติ สกิฺจนปลิโพธโน, โสเยวตฺโถ ตถา. ราโค เอว รโช, ตทาทิกา โทสโมหรชา. วุตฺตฺหิ ‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจตี’’ติอาทิ (มหานิ. ๒๐๙; จูฬนิ. ๗๔) อาคมนปถตาปิ อุฏฺานฏฺานตา เอวาติ ทฺเวปิ สํวณฺณนา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ. อลคฺคนฏฺเนาติ อสชฺชนฏฺเน อปฺปฏิพนฺธสภาเวน. รูปกวเสน, ตทฺธิตวเสน วา อพฺโภกาโสติ ทสฺเสตุํ วิย-สทฺทคฺคหณํ. เอวํ อกุสลกุสลปฺปวตฺตีนํ านาานภาเวน ฆราวาสปพฺพชฺชานํ สมฺพาธพฺโภกาสตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กุสลปฺปวตฺติยา เอว อฏฺานฏฺานภาเวน เตสํ ตพฺภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รชานํ สนฺนิปาตฏฺานํ วิยาติ สมฺพนฺโธ.
วิสุํ วิสุํ ปทุทฺธารมกตฺวา สมาสโต อตฺถวณฺณนา สงฺเขปกถา. เอกมฺปิ ทิวสนฺติ เอกทิวสมตฺตมฺปิ. อขณฺฑํ กตฺวาติ ทุกฺกฏมตฺตสฺสาปิ อนาปชฺชเนน ¶ อฉิทฺทํ กตฺวา. จริมกจิตฺตนฺติ จุติจิตฺตํ. กิเลสมเลนาติ ตณฺหาสํกิเลสาทิมเลน. อมลีนนฺติ อสํกิลิฏฺํ. ปริโยทาตฏฺเน นิมฺมลภาเวน สงฺขํ วิย ลิขิตํ โธตนฺติ สงฺขลิขิตํ. อตฺถมตฺตํ ปน ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ลิขิตสงฺขสทิส’’นฺติ วุตฺตํ. โธตสงฺขสปฺปฏิภาคนฺติ ตทตฺถสฺเสว วิวรณํ. อปิจ ลิขิตํ สงฺขํ สงฺขลิขิตํ ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ, ตสฺสทิสตฺตา ปน อิทํ สงฺขลิขิตนฺติปิ ทสฺเสติ, ภาวนปุํสกฺเจตํ. อชฺฌาวสตาติ เอตฺถ อธิ-สทฺเทน กมฺมปฺปวจนีเยน โยคโต ‘‘อคาร’’นฺติ เอตํ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘อคารมชฺเฌ’’ติ. ยํ นูน ยทิ ปน ปพฺพเชยฺยํ, สาธุ วตาติ สมฺพนฺโธ. กสาเยน รตฺตานิ กาสายานีติ ทสฺเสติ ‘‘กสายรสปีตตายา’’ติ อิมินา. กสฺมา เจตานิ คหิตานีติ อาห ‘‘พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานี’’ติ. อจฺฉาเทตฺวาติ โวหารวจนมตฺตํ, ปริทหิตฺวาติ อตฺโถ, ตฺจ โข นิวาสนปารุปนวเสน. อคารวาโส อคารํ อุตฺตรปทโลเปน, ตสฺส หิตํ วุฑฺฒิอาวหํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ. ตํ อนคาริยนฺติ ตสฺมึ อนคาริเย.
๑๙๒. สหสฺสโตติ กหาปณสหสฺสโต. โภคกฺขนฺโธ โภคราสิ. อาพนฺธนฏฺเนาติ ‘‘ปุตฺโต นตฺตา ปนตฺตา’’ติอาทินา เปมวเสน ปริจฺเฉทํ กตฺวา พนฺธนฏฺเน, เอเตน อาพนฺธนตฺโถ ปริวฏฺฏ-สทฺโทติ ทสฺเสติ. อถ วา ปิตามหปิตุปุตฺตาทิวเสน ปริวตฺตนฏฺเน ปริวฏฺโฏติปิ ยุชฺชติ. ‘‘อมฺหากเมเต’’ติ ายนฺตีติ าตโย.
๑๙๓. ปาติโมกฺขสํวเรน ปิหิตกายวจีทฺวาโร สมาโน เตน สํวเรน อุเปโต นามาติ กตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ. อาจารโคจรานํ วิตฺถาโร วิภงฺคฏฺกถาทีสุ (วิภ. อฏฺ. ๕๐๓) คเหตพฺโพ. ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติอาทิ จ ตสฺเสว ปาติโมกฺขสํวรสํวุตภาวสฺส ปจฺจยทสฺสนํ. อณุสทิสตาย อปฺปมตฺตกํ ‘‘อณู’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อปฺปมตฺตเกสู’’ติ. อสฺจิจฺจ อาปนฺนอนุขุทฺทกาปตฺติวเสน, สหสา อุปฺปนฺนอกุสลจิตฺตุปฺปาทวเสน จ อปฺปมตฺตกตา. ภยทสฺสีติ ภยทสฺสนสีโล. สมฺมาติ อวิปรีตํ, สุนฺทรํ วา, ตพฺภาโว จ สกฺกจฺจํ ยาวชีวํ อวีติกฺกมวเสน. ‘‘สิกฺขาปเทสู’’ติ วุตฺเตเยว ตทวยวภูตํ ¶ ‘‘สิกฺขาปทํ สมาทาย สิกฺขตี’’ติ อตฺถสฺส คมฺยมานตฺตา กมฺมปทํ น วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตํ ตํ สิกฺขาปท’’นฺติ, ตํ ตํ สิกฺขาโกฏฺาสํ, สิกฺขาย วา อธิคมุปายํ, ตสฺสา วา นิสฺสยนฺติ อตฺโถ.
เอตฺถาติ เอตสฺมึ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิวจเน. อาจารโคจรคฺคหเณเนวาติ ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติ วจเนเนว. เตนาห ‘‘กุสเล กายกมฺมวจีกมฺเม คหิเตปี’’ติ. น หิ อาจารโคจรสทฺทมตฺเตน กุสลกายวจีกมฺมคฺคหณํ สมฺภวติ, อิมินา ปุนรุตฺติตาย โจทนาเลสํ ทสฺเสติ. ตสฺสาติ อาชีวปาริสุทฺธิสีลสฺส. อุปฺปตฺติทฺวารทสฺสนตฺถนฺติ อุปฺปตฺติยา กายวจีวิฺตฺติสงฺขาตสฺส ¶ ทฺวารสฺส กมฺมาปเทเสน ทสฺสนตฺถํ, เอเตน ยถาวุตฺตโจทนาย โสธนํ ทสฺเสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สิทฺเธปิ สติ ปุนารมฺโภ นิยมาย วา โหติ, อตฺถนฺตรโพธนาย วา, อิธ ปน อตฺถนฺตรํ โพเธติ, ตสฺมา อุปฺปตฺติทฺวารทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ. กุสเลนาติ จ สพฺพโส อเนสนปหานโต อนวชฺเชน. กถํ เตน อุปฺปตฺติทฺวารทสฺสนนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. กายวจีทฺวาเรสุ อุปฺปนฺเนน อนวชฺเชน กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคตตฺตา ปริสุทฺธาชีโวติ อธิปฺปาโย. ตทุภยเมว หิ อาชีวเหตุกํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ.
อิทานิ สุตฺตนฺตเรน สํสนฺทิตุํ ‘‘มุณฺฑิกปุตฺตสุตฺตนฺตวเสน วา เอวํ วุตฺต’’นฺติ อาห. วา-สทฺโท เจตฺถ สุตฺตนฺตรสํสนฺทนาสงฺขาตอตฺถนฺตรวิกปฺปนตฺโถ. มุณฺฑิกปุตฺตสุตฺตนฺตํ นาม มชฺฌิมาคมวเร มชฺฌิมปณฺณาสเก, ยํ ‘‘สมณมุณฺฑิกปุตฺตสุตฺต’’นฺติปิ วทนฺติ. ตตฺถ ถปตีติ ปฺจกงฺคํ นาม วฑฺฒกึ ภควา อาลปติ. ถปติ-สทฺโท หิ วฑฺฒกิปริยาโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา ‘‘กตเม จ ถปติ กุสลา สีลา? กุสลํ กายกมฺมํ กุสลํ วจีกมฺม’’นฺติ สีลสฺส กุสลกายกมฺมวจีกมฺมภาวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อาชีวปาริสุทฺธมฺปิ โข อหํ ถปติ สีลสฺมึ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๖๕) เอวํ ปวตฺตาย มุณฺฑิกปุตฺตสุตฺตเทสนาย ‘‘กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคโต กุสเลนา’’ติ สีลสฺส กุสลกายกมฺมวจีกมฺมภาวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ปริสุทฺธาชีโว’’ติ เอวํ ปวตฺตา อยํ สามฺผลสุตฺตเทสนา เอกสงฺคหา อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติ ยถา ตํ คงฺโคทเกน ยมุโนทกํ, ตสฺมา อีทิสีปิ ภควโต เทสนาวิภูติ อตฺเถวาติ ¶ . สีลสฺมึ วทามีติ สีลนฺติ วทามิ, สีลสฺมึ วา อาธารภูเต อนฺโตคธํ ปริยาปนฺนํ, นิทฺธารณสมุทายภูเต วา เอกํ สีลนฺติ วทามิ.
ติวิเธนาติ จูฬสีลมชฺฌิมสีลมหาสีลโต ติวิเธน. ‘‘มนจฺฉฏฺเสู’’ติ อิมินา กายปฺจมานเมว คหณํ นิวตฺเตติ. อุปริ นิทฺเทเส วกฺขมาเนสุ สตฺตสุ าเนสุ. ติวิเธนาติ จตูสุ ปจฺเจกํ ยถาลาภยถาพลยถาสารุปฺปตาวเสน ติพฺพิเธน.
จูฬมชฺฌิมมหาสีลวณฺณนา
๑๙๔-๒๑๑. เอวนฺติ ‘‘โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติอาทินา นเยน. ‘‘สีลสฺมิ’’นฺติ อิทํ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ ตโต เอกสฺส นิทฺธารณียตฺตาติ อาห ‘‘เอกํ สีล’’นฺติ. อปิจ อิมินา อาธาเร ภุมฺมํ ทสฺเสติ สมุทายสฺส อวยวาธิฏฺานตฺตา ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. ‘‘อิท’’นฺติ ปเทน กตฺวตฺถวเสน สมานาธิกรณํ ภุมฺมวจนสฺส ¶ กตฺวตฺเถ ปวตฺตนโต ยถา ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถ ผุสิตคฺเค’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๓; สุ. นิ. ๒๓๖) ทสฺเสติ ‘‘ปจฺจตฺตวจนตฺเถ วา เอตํ ภุมฺม’’นฺติ อิมินา. อยเมวตฺโถติ ปจฺจตฺตวจนตฺโถ เอว. พฺรหฺมชาเลติ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ, (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) พฺรหฺมชาลสุตฺตปเท วา. สํวณฺณนาวเสน วุตฺตนเยนาติ อตฺโถ. ‘‘อิทมสฺส โหติ สีลสฺมิ’’นฺติ เอตฺถ มหาสีลปริโยสาเนน นิทฺธาริยมานสฺส อภาวโต ปจฺจตฺตวจนตฺโถเยว สมฺภวตีติ อาห ‘‘อิทํ อสฺส สีลํ โหตีติ อตฺโถ’’ติ, ตโตเยว จ ปาฬิยํ อปิคฺคหณมกตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๒๑๒. อตฺตานุวาทปรานุวาททณฺฑภยาทีนิ อสํวรมูลกานิ ภยานิ. ‘‘สีลสฺสาสํวรโตติ สีลสฺส อสํวรณโต, สีลสํวราภาวโตติ อตฺโถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๐) อาจริเยน วุตฺตํ, ‘‘ยทิทํ สีลสํวรโต’’ติ ปน ปทสฺส ‘‘ยํ อิทํ ภยํ สีลสํวรโต ภเวยฺยา’’ติ อตฺถวจนโต, ‘‘สีลสํวรเหตุ ภยํ น สมนุปสฺสตี’’ติ จ อตฺถสฺส อุปปตฺติโต สีลสํวรโต สีลสํวรเหตูติ อตฺโถเยว สมฺภวติ. ‘‘ยํ อิทํ ภยํ สีลสํวรโต ภเวยฺยา’’ติ หิ ปาโปิ ทิสฺสติ. ‘‘สํวรโต’’ติ เหตุํ วตฺวา ตทธิคมิตอตฺถวเสน ‘‘อสํวรมูลกสฺส ภยสฺส อภาวา’’ติปิ เหตุํ ¶ วทติ. ยถาวิธานวิหิเตนาติ ยถาวิธานํ สมฺปาทิเตน. ขตฺติยาภิเสเกนาติ ขตฺติยภาวาวเหน อภิเสเกน. มุทฺธนิ อวสิตฺโตติ มตฺถเกเยว อภิสิตฺโต. เอตฺถ จ ‘‘ยถาวิธานวิหิเตนา’’ติ อิมินา โปราณกาจิณฺณวิธานสมงฺคิตาสงฺขาตํ เอกํ องฺคํ ทสฺเสติ, ‘‘ขตฺติยาภิเสเกนา’’ติ อิมินา ขตฺติยภาวาวหตาสงฺขาตํ, ‘‘มุทฺธนิ อวสิตฺโต’’ติ อิมินา มุทฺธนิเยว อภิสิฺจิตภาวสงฺขาตํ. อิติ ติวงฺคสมนฺนาคโต ขตฺติยาภิเสโก วุตฺโต โหติ. เยน อภิสิตฺตราชูนํ ราชานุภาโว สมิชฺฌติ. เกน ปนายมตฺโถ วิฺายตีติ? โปราณกสตฺถาคตนเยน. วุตฺตฺหิ อคฺคฺสุตฺตฏฺกถายํ มหาสมฺมตาภิเสกวิภาวนาย ‘‘เต ปนสฺส เขตฺตสามิโน ตีหิ สงฺเขหิ อภิเสกมฺปิ อกํสู’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๓๑) มชฺฌิมาคมฏฺกถายฺจ มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตํ ‘‘มุทฺธาวสิตฺเตนาติ ตีหิ สงฺเขหิ ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อภิสิตฺเตนา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๖๐) สีหฬฏฺกถายมฺปิ จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘ปมํ ตาว อภิเสกํ คณฺหนฺตานํ ราชูนํ สุวณฺณมยาทีนิ ตีณิ สงฺขานิ จ คงฺโคทกฺจ ขตฺติยกฺฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อยํ ปน ตตฺถาคตนเยน อภิเสกวิธานวินิจฺฉโย – อภิเสกมงฺคลตฺถฺหิ อลงฺกตปฏิยตฺตสฺส มณฺฑปสฺส อนฺโตกตสฺส อุทุมฺพรสาขมณฺฑปสฺส มชฺเฌ สุปฺปติฏฺิเต อุทุมฺพรภทฺทปีมฺหิ อภิเสการหํ อภิชจฺจํ ขตฺติยํ นิสีทาเปตฺวา ปมํ ตาว มงฺคลาภรณภูสิตา ¶ ชาติสมฺปนฺนา ขตฺติยกฺา คงฺโคทกปุณฺณํ สุวณฺณมยสามุทฺทิกทกฺขิณาวฏฺฏสงฺขํ อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตฺวา สีโสปริ อุสฺสาเปตฺวา เตน ตสฺส มุทฺธนิ อภิเสโกทกํ อภิสิฺจติ, เอวฺจ วเทติ ‘‘เทว ตํ สพฺเพปิ ขตฺติยคณา อตฺตานมารกฺขตฺถํ อิมินา อภิเสเกน อภิเสกิกํ มหาราชํ กโรนฺติ, ตฺวํ ราชธมฺเมสุ ิโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ, เอเตสุ ขตฺติยคเณสุ ตฺวํ ปุตฺตสิเนหานุกมฺปาย สหิตจิตฺโต, หิตสมเมตฺตจิตฺโต จ ภว, รกฺขาวรณคุตฺติยา เตสํ รกฺขิโต จ ภวาหี’’ติ. ตโต ปุน ปุโรหิโตปิ โปโรหิจฺจานานุรูปาลงฺกาเรหิ อลงฺกตปฏิยตฺโต คงฺโคทกปุณฺณํ รชตมยํ สงฺขํ อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตฺวา ตสฺส สีโสปริ อุสฺสาเปตฺวา เตน ตสฺส มุทฺธนิ อภิเสโกทกํ อภิสิฺจติ, เอวฺจ วเทติ ‘‘เทว ตํ สพฺเพปิ พฺราหฺมณคณา ¶ อตฺตานมารกฺขตฺถํ อิมินา อภิเสเกน อภิเสกิกํ มหาราชํ กโรนฺติ, ตฺวํ ราชธมฺเมสุ ิโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ, เอเตสุ พฺราหฺมณคเณสุ ตฺวํ ปุตฺตสิเนหานุกมฺปาย สหิตจิตฺโต, หิตสมเมตฺตจิตฺโต จ ภว, รกฺขาวรณคุตฺติยา เตสํ รกฺขิโต จ ภวาหี’’ติ. ตโต ปุน เสฏฺิปิ เสฏฺิฏฺานภูสนภูสิโต คงฺโคทกปุณฺณํ รตนมยํ สงฺขํ อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตฺวา ตสฺส สีโสปริ อุสฺสาเปตฺวา เตน ตสฺส มุทฺธนิ อภิเสโกทกํ อภิสิฺจติ, เอวฺจ วเทติ ‘‘เทว ตํ สพฺเพปิ คหปติคณา อตฺตานมารกฺขตฺถํ อิมินา อภิเสเกน อภิเสกิกํ มหาราชํ กโรนฺติ, ตฺวํ ราชธมฺเมสุ ิโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ, เอเตสุ คหปติคเณสุ ตฺวํ ปุตฺตสิเนหานุกมฺปาย สหิตจิตฺโต, หิตสมเมตฺตจิตฺโต จ ภว, รกฺขาวรณคุตฺติยา เตสํ รกฺขิโต จ ภวาหี’’ติ. เต ปน ตสฺส เอวํ วทนฺตา ‘‘สเจ ตฺวํ อมฺหากํ วจนานุรูปํ รชฺชํ กริสฺสสิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ กริสฺสสิ, ตว มุทฺธา สตฺตธา ผลตู’’ติ เอวํ รฺโ อภิสปนฺติ วิยาติ ทฏฺพฺพนฺติ. วฑฺฒกีสูกรชาตกาทีหิ จายมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ, อภิเสโกปกรณานิปิ สมนฺตปาสาทิกาทีสุ (ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา) คเหตพฺพานีติ.
ยสฺมา นิหตปจฺจามิตฺโต, ตสฺมา น สมนุปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. อนวชฺชตา กุสลภาเวนาติ อาห ‘‘กุสลํ สีลปทฏฺาเนหี’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กุสลสีลปทฏฺานา อวิปฺปฏิสารปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิธมฺมา, อวิปฺปฏิสาราทินิมิตฺตฺจ อุปฺปนฺนํ เจตสิกสุขํ ปฏิสํเวเทติ, เจตสิกสุขสมุฏฺาเนหิ จ ปณีตรูเปหิ ผุฏฺสรีรสฺส อุปฺปนฺนํ กายิกสุขนฺติ.
อินฺทฺริยสํวรกถาวณฺณนา
๒๑๓. สามฺสฺส ¶ วิเสสาเปกฺขตาย อิธาธิปฺเปโตปิ วิเสโส เตน อปริจฺจตฺโต เอว โหตีติ อาห ‘‘จกฺขุสทฺโท กตฺถจิ พุทฺธจกฺขุมฺหิ วตฺตตี’’ติอาทิ. วิชฺชมานเมว หิ อภิเธยฺยภาเวน วิเสสตฺถํ วิเสสนฺตรนิวตฺตเนน วิเสสสทฺโท วิภาเวติ, น อวิชฺชมานํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อฺเหิ อสาธารณํ พุทฺธานเมว จกฺขุ ทสฺสนนฺติ ¶ พุทฺธจกฺขุ, อาสยานุสยาณํ, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณฺจ. สมนฺตโต สพฺพโส ทสฺสนฏฺเน จกฺขูติ สมนฺตจกฺขุ, สพฺพฺุตฺาณํ. ตถูปมนฺติ ปพฺพตมุทฺธูปมํ, ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ สมฺพนฺโธ. สุเมธ สมนฺตจกฺขุ ตฺวํ ชนตมเวกฺขสฺสูติ อตฺโถ. อริยมคฺคตฺตยปฺาติ เหฏฺิมาริยมคฺคตฺตยปฺา. ‘‘ธมฺมจกฺขุ นาม เหฏฺิมา ตโย มคฺคา, ตีณิ จ ผลานี’’ติ สฬายตนวคฺคฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๔๑๘) วุตฺตํ, อิธ ปน มคฺเคเหว ผลานิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ. จตุสจฺจสงฺขาเต ธมฺเม จกฺขูติ หิ ธมฺมจกฺขุ. ปฺาเยว ทสฺสนฏฺเน จกฺขูติ ปฺาจกฺขุ, ปุพฺเพนิวาสาสวกฺขยาณํ. ทิพฺพจกฺขุมฺหีติ ทุติยวิชฺชาย. อิธาติ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา’’ติ อิมสฺมึ ปาเ. อยนฺติ จกฺขุสทฺโท. ‘‘ปสาทจกฺขุโวหาเรนา’’ติ อิมินา อิธ จกฺขุสทฺโท จกฺขุปสาเทเยว นิปฺปริยายโต วตฺตติ, ปริยายโต ปน นิสฺสยโวหาเรน นิสฺสิตสฺส วตฺตพฺพโต จกฺขุวิฺาเณปิ ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ ทสฺเสติ. อิธาปิ สสมฺภารกถา อวสิฏฺาติ กตฺวา เสสปเทสุปีติ ปิ-สทฺทคฺคหณํ, ‘‘น นิมิตฺตคฺคาหี’’ติอาทิปเทสุปีติ อตฺโถ. วิวิธํ อสนํ เขทนํ พฺยาเสโก, กิเลโส เอว พฺยาเสโก, เตน วิรหิโต ตถา, วิรหิตตา จ อสมฺมิสฺสตา, อสมฺมิสฺสภาโว จ สมฺปโยคาภาวโต ปริสุทฺธตาติ อาห ‘‘อสมฺมิสฺสํ ปริสุทฺธ’’นฺติ, กิเลสทุกฺเขน อโวมิสฺสํ, ตโต จ สุวิสุทฺธนฺติ อตฺโถ. สติ จ สุวิสุทฺเธ อินฺทฺริยสํวเร นีวรเณสุ ปธานภูตปาปธมฺมวิคเมน อธิจิตฺตานุโยโค หตฺถคโต เอว โหติ, ตสฺมา อธิจิตฺตสุขเมว ‘‘อพฺยาเสกสุข’’นฺติ วุจฺจตีติ ทสฺเสติ ‘‘อธิจิตฺตสุข’’นฺติ อิมินา.
สติสมฺปชฺกถาวณฺณนา
๒๑๔. สมนฺตโต ปกาเรหิ, ปกฏฺํ วา สวิเสสํ ชานาตีติ สมฺปชาโน, ตสฺส ภาโว สมฺปชฺํ, ตถาปวตฺตาณํ, ตสฺส วิภชนํ สมฺปชฺภาชนียํ, ตสฺมึ สมฺปชฺภาชนียมฺหิ. ‘‘คมน’’นฺติ อิมินา อภิกฺกมนํ อภิกฺกนฺตนฺติ ภาวสาธนมาห. ตถา ปฏิกฺกมนํ ปฏิกฺกนฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘นิวตฺตน’’นฺติ. คมนฺเจตฺถ นิวตฺเตตฺวา, อนิวตฺเตตฺวา จ คมนํ, นิวตฺตนํ ปน ¶ นิวตฺติมตฺตเมว, อฺมฺมุปาทานกิริยามตฺตฺเจตํ ทฺวยํ. กถํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘คมเน’’ติอาทิ. อภิหรนฺโตติ คมนวเสน กายํ อุปเนนฺโต. ปฏินิวตฺเตนฺโตติ ¶ ตโต ปุน นิวตฺเตนฺโต. อปนาเมนฺโตติ อปกฺกมนวเสน ปริณาเมนฺโต. อาสนสฺสาติ ปีกาทิอาสนสฺส. ปุริมองฺคาภิมุโขติ อฏนิกาทิปุริมาวยวาภิมุโข. สํสรนฺโตติ สํสปฺปนฺโต. ปจฺฉิมองฺคปเทสนฺติ อฏนิกาทิปจฺฉิมายวปฺปเทสํ. ปจฺจาสํสรนฺโตติ ปฏิอาสปฺปนฺโต. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา นิปนฺนสฺเสว อภิมุขํ สํสปฺปนปฏิอาสปฺปนานิ ทสฺเสติ. านนิสชฺชาสยเนสุ หิ โย คมนวิธุโร กายสฺส ปุรโต อภิหาโร, โส อภิกฺกโม. ปจฺฉโต อปหาโร ปฏิกฺกโมติ ลกฺขณํ.
สมฺปชานนํ สมฺปชานํ, เตน อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กรณสีโล สมฺปชานการีติ อาห ‘‘สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺจการี’’ติ. ‘‘สมฺปชฺเมว วา การี’’ติ อิมินา สมฺปชานสฺส กรณสีโล สมฺปชานการีติ ทสฺเสติ. ‘‘โส หี’’ติอาทิ ทุติยวิกปฺปสฺส สมตฺถนํ. ‘‘สมฺปชฺ’’นฺติ จ อิมินา สมฺปชาน-สทฺทสฺส สมฺปชฺปริยายตา วุตฺตา. ตถา หิ อาจริยานนฺทตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘สมนฺตโต, สมฺมา, สมํ วา ปชานนํ สมฺปชานํ, ตเทว สมฺปชฺ’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๒.๕๒๓) อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – ยถา อติกฺกนฺตาทีสุ อสมฺโมหํ อุปฺปาเทติ, ตถา สมฺปชานสฺส กาโร กรณํ สมฺปชานกาโร, โส เอตสฺส อตฺถีติ สมฺปชานการีติ.
ธมฺมโต วฑฺฒิสงฺขาเตน อตฺเถน สห วตฺตตีติ สาตฺถกํ, อภิกฺกนฺตาทิ, สาตฺถกสฺส สมฺปชานนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. สปฺปายสฺส อตฺตโน ปติรูปสฺส สมฺปชานนํ สปฺปายสมฺปชฺํ. อภิกฺกมาทีสุ ภิกฺขาจารโคจเร, อฺตฺถ จ ปวตฺเตสุ อวิชหิตกมฺมฏฺานสงฺขาเต โคจเร สมฺปชานนํ โคจรสมฺปชฺํ. สามฺนิทฺเทเสน, หิ เอกเสสนเยน วา โคจรสทฺโท ตทตฺถทฺวเยปิ ปวตฺตติ. อติกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนสงฺขาตํ อสมฺโมหเมว สมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. จิตฺตวเสเนวาติ จิตฺตสฺส วเสเนว, จิตฺตวสมนุคเตเนวาติ อตฺโถ. ปริคฺคเหตฺวาติ ตุลยิตฺวา ตีเรตฺวา, ปฏิสงฺขายาติ อตฺโถ. สงฺฆทสฺสเนเนว อุโปสถปวารณาทิอตฺถาย คมนํ สงฺคหิตํ. อาทิสทฺเทน กสิณปริกมฺมาทีนํ สงฺคโห. สงฺเขปโต วุตฺตํ ตทตฺถเมว วิวริตุํ ‘‘เจติยํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อรหตฺตํ ปาปุณาตีติ อุกฺกฏฺนิทฺเทโส เอส. สมถวิปสฺสนุปฺปาทนมฺปิ หิ ภิกฺขุโน วฑฺฒิเยว. ตตฺถาติ อสุภารมฺมเณ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. อามิสโตติ ¶ จีวราทิอามิสปจฺจยโต. กสฺมาติ อาห ‘‘ตํ นิสฺสายา’’ติอาทิ.
ตสฺมินฺติ ¶ สาตฺถกสมฺปชฺวเสน ปริคฺคหิตอตฺเถ. ยสฺมา ปน ธมฺมโต วฑฺฒิเยว อตฺโถ นาม, ตสฺมา ยํ ‘‘สาตฺถก’’นฺติ อธิปฺเปตํ คมนํ, ตํ สพฺพมฺปิ สปฺปายเมวาติ สิยา อวิเสเสน กสฺสจิ อาสงฺกาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘เจติยทสฺสนํ ตาวา’’ติอาทิ อารทฺธํ. มหาปูชายาติ มหติยา ปูชาย, พหูนํ ปูชาทิวเสติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตกมฺมรูปกานี วิยาติ จิตฺตกมฺมกตปฏิมาโย วิย, ยนฺตปโยเคน วา นานปฺปการวิจิตฺตกิริยา ปฏิมาโย วิย. ตตฺราติ ตาสุ ปริสาสุ. อสฺสาติ ภิกฺขุโน. อสมเปกฺขนํ นาม เคหสฺสิตอฺาณุเปกฺขาวเสน อารมฺมณสฺส อโยนิโส คหณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๐๘) มาตุคามสมฺผสฺสวเสน กายสํสคฺคาปตฺติ. หตฺถิอาทิสมฺมทฺเทน ชีวิตนฺตราโย. วิสภาครูปทสฺสนาทินา พฺรหฺมจริยนฺตราโย. ‘‘ทสทฺวาทสโยชนนฺตเร ปริสา สนฺนิปตนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรเนว. มหาปริสปริวารานนฺติ กทาจิ ธมฺมสฺสวนาทิอตฺถาย อิตฺถิปุริสสมฺมิสฺสปริวาเร สนฺธาย วุตฺตํ.
ตทตฺถทีปนตฺถนฺติ อสุภทสฺสนสฺส สาตฺถกภาวสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ. ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ปฏิวจนทานวเสน ภิกฺขูนํ อนุวตฺตนกถา อาจิณฺณา, ตสฺมา ปฏิวจนสฺส อทานวเสน อนนุวตฺตนกถา ตสฺส ทุติยา นาม โหตีติ อาห ‘‘ทฺเว กถา นาม น กถิตปุพฺพา’’ติ. ทฺเว กถาติ หิ วจนกรณากรณกถา. ตตฺถ วจนกรณกถาเยว กถิตปุพฺพา, ทุติยา น กถิตปุพฺพา. ตสฺมา สุพฺพจตฺตา ปฏิวจนมทาสีติ อตฺโถ.
เอวนฺติ อิมินา. ‘‘สเจ ปน เจติยสฺส มหาปูชายา’’ติอาทิกํ สพฺพมฺปิ วุตฺตปฺปการํ ปจฺจามสติ, น ‘‘ปุริสสฺส มาตุคามาสุภ’’นฺติอาทิกเมว. ปริคฺคหิตํ สาตฺถกํ, สปฺปายฺจ เยน โส ปริคฺคหิตสาตฺถกสปฺปาโย, ตสฺส, เตน ยถานุปุพฺพิกํ สมฺปชฺปริคฺคหณํ ทสฺเสติ. วุจฺจมานโยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานตาย ภาวนาย อารมฺมณํ กมฺมฏฺานํ, ตเทว ภาวนาย ¶ วิสยภาวโต โคจรนฺติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานสงฺขาตํ โคจร’’นฺติ. อุคฺคเหตฺวาติ ยถา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุคฺคหโกสลฺลสฺส สมฺปาทนวเสน อุคฺคหณํ กตฺวา. ภิกฺขาจารโคจเรติ ภิกฺขาจารสงฺขาเต โคจเร, อเนน กมฺมฏฺาเน, ภิกฺขาจาเร จ โคจรสทฺโทติ ทสฺเสติ.
อิธาติ สาสเน. หรตีติ กมฺมฏฺานํ ปวตฺตนวเสน เนติ, ยาว ปิณฺฑปาตปฏิกฺกมา อนุยฺุชตีติ อตฺโถ. น ปจฺจาหรตีติ อาหารูปโยคโต ยาว ทิวาานุปสงฺกมนา กมฺมฏฺานํ น ปฏิเนติ. ตตฺถาติ เตสุ จตูสุ ภิกฺขูสุ. อาวรณีเยหีติ นีวรเณหิ. ปเควาติ ปาโตเยว ¶ . สรีรปริกมฺมนฺติ มุขโธวนาทิสรีรปฏิชคฺคนํ. ทฺเว ตโย ปลฺลงฺเกติ ทฺเว ตโย นิสชฺชาวาเร. อูรุพทฺธาสนฺเหตฺถ ปลฺลงฺโก. อุสุมนฺติ ทฺเว ตีณิ อุณฺหาปนานิ สนฺธาย วุตฺตํ. กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตฺวาติ ตทเห มูลภูตํ กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตฺวา. กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ กมฺมฏฺานมุเขเนว, กมฺมฏฺานมวิชหนฺโต เอวาติ วุตฺตํ โหติ, เตน ‘‘ปโตปิ อเจตโน’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๔; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๐๙; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๖๘; วิภ. อฏฺ. ๕๒๓) วกฺขมานํ กมฺมฏฺานํ, ยถาปริหริยมานํ วา อวิชหิตฺวาติ ทสฺเสติ.
คนฺตฺวาติ ปาปุณิตฺวา. พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานํ เจ, ตเทว นิปจฺจการสาธนํ. อฺฺเจ, อนิปจฺจการกรณมิว โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตพฺพิสเยน ตํ เปตฺวา. ‘‘มหนฺตํ เจติยํ เจ’’ติอาทินา กมฺมฏฺานิกสฺส มูลกมฺมฏฺานมนสิการสฺส ปปฺจาภาวทสฺสนํ. อฺเน ปน ตถาปิ อฺถาปิ วนฺทิตพฺพเมว. ตเถวาติ ติกฺขตฺตุเมว. ปริโภคเจติยโต สารีริกเจติยํ ครุตรนฺติ กตฺวา ‘‘เจติยํ วนฺทิตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วุตฺตํ. ยถาห อฏฺกถายํ ‘‘เจติยํ พาธยมานา โพธิสาขา หริตพฺพา’’ติ, (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๑๒๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๗๕; วิภ. อฏฺ. ๘๐๙) อยํ อาจริยสฺส มติ, ‘‘โพธิยงฺคณํ ปตฺเตนาปี’’ติ ปน วจนโต ยทิ เจติยงฺคณโต คเต ภิกฺขาจารมคฺเค โพธิยงฺคณํ ภเวยฺย, สาปิ วนฺทิตพฺพาติ มคฺคานุกฺกเมเนว ‘‘เจติยํ วนฺทิตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาวจนํ, น ตุ ครุกาตพฺพตานุกฺกเมน. เอวฺหิ สติ โพธิยงฺคณํ ปมํ ปตฺเตนาปิ โพธึ วนฺทิตฺวา เจติยํ วนฺทิตพฺพํ, เอกเมว ปตฺเตนาปิ ตเทว วนฺทิตพฺพํ, ตทุภยมฺปิ ¶ อปฺปตฺเตน น วนฺทิตพฺพนฺติ อยมตฺโถ สุวิฺาโต โหติ. ภิกฺขาจารคตมคฺเคน หิ ปตฺตฏฺาเน กตฺตพฺพอนฺตราวตฺตทสฺสนเมตํ, น ปน ธุววตฺตทสฺสนํ. ปุพฺเพ เหส กตวตฺโตเยว. เตนาห ‘‘ปเคว เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ กตฺวา’’ติอาทิ. พุทฺธคุณานุสฺสรณวเสเนว โพธิอาทิปริโภคเจติเยปิ นิปจฺจกรณํ อุปปนฺนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต สมฺมุขา วิย นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา’’ติ อิมินา. ปฏิสามิตฏฺานนฺติ โสปานมูลภาวสามฺเน วุตฺตํ, พุทฺธารมฺมณปีติวิสยภูตเจติยงฺคณโพธิยงฺคณโต พาหิรฏฺานํ ปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
คามสมีเปติ คามูปจาเร. ตาว ปฺหํ วา ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ วา โสตุกามา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ชนสงฺคหตฺถนฺติ ‘‘มยิ อกเถนฺเต เอเตสํ โก กเถสฺสตี’’ติ ธมฺมานุคฺคเหน มหาชนสฺส สงฺคหณตฺถํ. อฏฺกถาจริยานํ วจนํ สมตฺเถตุํ ‘‘ธมฺมกถา หิ กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ¶ ‘‘ธมฺมกถา นาม กาตพฺพาเยวา’’ติ อฏฺกถาจริยา วทนฺติ, ยสฺมา วา ธมฺมกถา กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถิ, ตสฺมา ธมฺมกถํ กเถตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อาจริยานนฺทตฺเถเรน (วิภ. มูลฏี. ๕๒๓) ปน ‘‘ตสฺมา’’ติ เอตสฺส ‘‘กเถตพฺพาเยวาติ วทนฺตี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ วุตฺโต. กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ อตฺตนา ปริหริยมานํ กมฺมฏฺานํ อวิชหนวเสน, ตทนุคุณํเยว ธมฺมกถํ กเถตฺวาติ อตฺโถ, ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. อนุโมทนํ กตฺวาติ เอตฺถาปิ ‘‘กมฺมฏฺานสีเสเนวา’’ติ อธิกาโร. ตตฺถาติ คามโต นิกฺขมนฏฺาเนเยว.
‘‘โปราณกภิกฺขู’’ติอาทินา โปราณกาจิณฺณทสฺสเนน ยถาวุตฺตมตฺถํ ทฬฺหํ กโรติ. สมฺปตฺตปริจฺเฉเทเนวาติ ‘‘ปริจิโต อปริจิโต’’ติอาทิวิภาคํ อกตฺวา สมฺปตฺตโกฏิยา เอว, สมาคมมตฺเตเนวาติ อตฺโถ. อานุภาเวนาติ อนุคฺคหพเลน. ภเยติ ปรจกฺกาทิภเย. ฉาตเกติ ทุพฺภิกฺเข.
‘‘ปจฺฉิมยาเมปิ นิสชฺชาจงฺกเมหิ วีตินาเมตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปการํ. กโรนฺตสฺสาติ กรมานสฺเสว, อนาทเร เจตํ สามิวจนํ. กมฺมชเตโชติ คหณึ สนฺธายาห. ปชฺชลตีติ อุณฺหภาวํ ชเนติ. ตโตเยว อุปาทินฺนกํ คณฺหาติ, เสทา มุจฺจนฺติ. กมฺมฏฺานํ วีถึ นาโรหติ ¶ ขุทาปริสฺสเมน กิลนฺตกายสฺส สมาธานาภาวโต. อนุปาทินฺนํ โอทนาทิวตฺถุ. อุปาทินฺนํ อุทรปฏลํ. อนฺโตกุจฺฉิยฺหิ โอทนาทิวตฺถุสฺมึ อสติ กมฺมชเตโช อุฏฺหิตฺวา อุทรปฏลํ คณฺหาติ, ‘‘ฉาโตสฺมิ, อาหารํ เม เทถา’’ติ วทาเปติ, ภุตฺตกาเล อุทรปฏลํ มฺุจิตฺวา วตฺถุํ คณฺหาติ, อถ สตฺโต เอกคฺโค โหติ, ยโต ‘‘ฉายารกฺขโส วิย กมฺมชเตโช’’ติ อฏฺกถาสุ วุตฺโต. โส ปเควาติ เอตฺถ ‘‘ตสฺมา’’ติ เสโส. โครูปานนฺติ คุนฺนํ, โคสมูหานํ วา, วชโต โคจรตฺถาย นิกฺขมนเวลายเมวาติ อตฺโถ. วุตฺตวิปรีตนเยน อุปาทินฺนกํ มฺุจิตฺวา อนุปาทินฺนกํ คณฺหาติ. อนฺตราภตฺเตติ ภตฺตสฺส อนฺตเร, ยาว ภตฺตํ น ภฺุชติ, ตาวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘กมฺมฏฺานสีเสน อาหารฺจ ปริภฺุชิตฺวา’’ติ. อวเสสฏฺาเนติ ยาคุยา อคฺคหิตฏฺาเน. ตโตติ ภฺุชนโต. โปงฺขานุโปงฺขนฺติ กมฺมฏฺานานุปฏฺานสฺส อนวจฺเฉททสฺสนเมตํ, อุตฺตรุตฺตรินฺติ อตฺโถ, ยถา โปงฺขานุโปงฺขํ ปวตฺตาย สรปฏิปาฏิยา อนวจฺเฉโท, เอวเมตสฺสาปิ กมฺมฏฺานุปฏฺานสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เอทิสา จา’’ติอาทินา ตถา กมฺมฏฺานมนสิการสฺสาปิ สาตฺถกภาวํ ทสฺเสติ. อาสนนฺติ นิสชฺชาสนํ.
นิกฺขิตฺตธุโรติ ภาวนานุโยเค อนุกฺขิตฺตธุโร อนารทฺธวีริโย. วตฺตปฏิปตฺติยา อปริปูรเณน ¶ สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา. ปฺจวิธเจโตขีลวินิพนฺธจิตฺโตติ ปฺจวิเธน เจโตขีเลน, วินิพนฺเธน จ สมฺปยุตฺตจิตฺโต. วุตฺตฺหิ มชฺฌิมาคเม เจโตขีลสุตฺเต –
‘‘กตมสฺส ปฺจ เจโตขีลา อปฺปหีนา โหนฺติ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ, ธมฺเม กงฺขติ, สงฺเฆ กงฺขติ, สิกฺขาย กงฺขติ, สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหตี’’ติ, (ม. นิ. ๑.๑๘๕)
‘‘กตมสฺส ปฺจ เจตโส วินิพนฺธา อสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ กาเม อวีตราโค โหติ, กาเย อวีตราโค โหติ, รูเป อวีตราโค โหติ, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๖). จ –
วิตฺถาโร ¶ . อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๕) ปน ปฺจวิธเจโตวินิพนฺธจิตฺตภาโวเยว ปเทกเทสมุลฺลิงฺเคตฺวา ทสฺสิโต. จิตฺตสฺส กจวรขาณุกภาโว หิ เจโตขีโล, จิตฺตํ พนฺธิตฺวา มุฏฺิยํ วิย กตฺวา คณฺหนภาโว เจตโส วินิพนฺโธ. ปโม เจตฺถ วิจิกิจฺฉาโทสวเสน, ทุติโย โลภวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. จริตฺวาติ วิจริตฺวา. กมฺมฏฺานวิรหวเสน ตุจฺโฉ.
ภาวนาสหิตเมว ภิกฺขาย คตํ, ปจฺจาคตฺจ ยสฺสาติ คตปจฺจาคติกํ, ตเทว วตฺตํ, ตสฺส วเสน. อตฺตกามาติ อตฺตโน หิตสุขมิจฺฉนฺตา, ธมฺมจฺฉนฺทวนฺโตติ อตฺโถ. ธมฺโม หิ หิตํ, สุขฺจ ตนฺนิมิตฺตกนฺติ. อถ วา วิฺูนํ อตฺตโต นิพฺพิเสสตฺตา, อตฺตภาวปริยาปนฺนตฺตา จ ธมฺโม อตฺตา นาม, ตํ กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ อตฺตกามา. อธุนา ปน อตฺถกามาติ หิตวาจเกน อตฺถสทฺเทน ปาโ ทิสฺสติ, ธมฺมสฺุตฺตํ หิตมิจฺฉนฺตา, หิตภูตํ วา ธมฺมมิจฺฉนฺตาติ ตสฺสตฺโถ. อิณฏฺฏาติ อิเณน ปีฬิตา. ตถา เสสปททฺวเยปิ. เอตฺถาติ สาสเน.
อุสภํ นาม วีสติ ยฏฺิโย, คาวุตํ นาม อสีติ อุสภา. ตาย สฺายาติ ตาทิสาย ปาสาณสฺาย, กมฺมฏฺานมนสิกาเรน ‘‘เอตฺตกํ านมาคตา’’ติ ชานนฺตา คจฺฉนฺตีติ อธิปฺปาโย. นนฺติ กิเลสํ. กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปาทุทฺธารณมกตฺถุกามโต ติฏฺติ, ปจฺฉาคโต ปน ิติมนติกฺกมิตุกามโต. โสติ อุปฺปนฺนกิเลโส ภิกฺขุ. อยนฺติ ปจฺฉาคโต ¶ . เอตนฺติ ปรสฺส ชานนํ. ตตฺเถวาติ ปติฏฺิตฏฺาเนเยว. โสเยว นโยติ ‘‘อยํ ภิกฺขู’’ติอาทิกา โย ปติฏฺาเน วุตฺโต, โส เอว นิสชฺชายปิ นโย. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตานํ ฉินฺนภตฺตภาวภเยนาปิ โยนิโสมนสิการํ ปริพฺรูเหตีติ อิทมฺปิ ปรสฺส ชานเนเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปุริมปาเทเยวาติ ปมํ กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน อุทฺธริตปาทวฬฺเชเยว. เอตีติ คจฺฉติ. ‘‘อาลินฺทกวาสี มหาผุสฺสเทวตฺเถโร วิยา’’ติอาทินา อฏฺาเนเยเวตํ กถิตํ. ‘‘กฺวายํ เอวํ ปฏิปนฺนปุพฺโพ’’ติ อาสงฺกํ นิวตฺเตติ.
มทฺทนฺตาติ ธฺกรณฏฺาเน สาลิสีสาทีนิ มทฺทนฺตา. อสฺสาติ เถรสฺส, อุภยาเปกฺขวจนเมตํ. อสฺส อรหตฺตปฺปตฺตทิวเส จงฺกมนโกฏิยนฺติ จ ¶ . อธิคมปฺปิจฺฉตาย วิกฺเขปํ กตฺวา, นิพนฺธิตฺวา จ ปฏิชานิตฺวาเยว อาโรเจสิ.
ปมํ ตาวาติ ปทโสภนตฺถํ ปริยายวจนํ. มหาปธานนฺติ ภควโต ทุกฺกรจริยํ, อมฺหากํ อตฺถาย โลกนาเถน ฉพฺพสฺสานิ กตํ ทุกฺกรจริยํ ‘‘เอวาหํ ยถาพลํ ปูเชสฺสามี’’ติ อตฺโถ. ปฏิปตฺติปูชาเยว หิ ปสตฺถตรา สตฺถุปูชา, น ตถา อามิสปูชา. านจงฺกมเมวาติ อธิฏฺาตพฺพอิริยาปถวเสน วุตฺตํ, น โภชนกาลาทีสุ อวสฺสํ กตฺตพฺพนิสชฺชาย ปฏิกฺเขปวเสน. เอวสทฺเทน หิ อิตราย นิสชฺชาย, สยนสฺส จ นิวตฺตนํ กโรติ. วิปฺปยุตฺเตน อุทฺธเฏ ปฏินิวตฺเตนฺโตติ สมฺปยุตฺเตน อุทฺธริตปาเทเยว ปุน ปนํ สนฺธายาห. ‘‘คามสมีปํ คนฺตฺวา’’ติ วตฺวา ตทตฺถํ วิวรติ ‘‘คาวี นู’’ติอาทินา. กจฺฉกนฺตรโตติ อุปกจฺฉนฺตรโต, อุปกจฺเฉ ลคฺคิตกมณฺฑลุโตติ วุตฺตํ โหติ. อุทกคณฺฑูสนฺติ อุทกาวคณฺฑการกํ. กตินํ ติถีนํ ปูรณี กติมี, ‘‘ปฺจมี นุ โข ปกฺขสฺส, อฏฺมี’’ติอาทินา ทิวสํ วา ปุจฺฉิโตติ อตฺโถ. อนาโรจนสฺส อกตฺตพฺพตฺตา อาโรเจติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว สพฺเพเหว ปกฺขคณนํ อุคฺคเหตุ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๑๕๖).
‘‘อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจตี’’ติ วุตฺตนเยน. ตตฺถาติ คามทฺวาเร. นิฏฺุภนนฺติ อุทกนิฏฺุภนฏฺานํ. เตสูติ มนุสฺเสสุ. าณจกฺขุสมฺปนฺนตฺตา จกฺขุมา. อีทิโสติ สุสมฺมฏฺเจติยงฺคณาทิโก. วิสุทฺธิปวารณนฺติ ขีณาสวภาเวน ปวารณํ.
วีถึ โอตริตฺวา อิโต จิโต จ อโนโลเกตฺวา ปมเมว วีถิโย สลฺลกฺเขตพฺพาติ อาห ‘‘วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตนา’’ติอาทิ ¶ (ปารา. ๔๓๒). ตํ คมนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ‘‘น หิ ชเวน ปิณฺฑปาติยธุตงฺคํ นาม กิฺจิ อตฺถี’’ติ อิมินา ชเวน คมเน โลลุปฺปจาริตา วิย อสารุปฺปตํ ทสฺเสติ. อุทกสกฏนฺติ อุทกสารสกฏํ. ตฺหิ วิสมภูมิภาคปฺปตฺตํ นิจฺจลเมว กาตุํ วฏฺฏติ. ตทนุรูปนฺติ ภิกฺขาทานานุรูปํ. ‘‘อาหาเร ปฏิกูลสฺํ อุปฏฺเปตฺวา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติ. รถสฺส อกฺขานํ เตเลน อพฺภฺชนํ, วณสฺส เลปนํ, ปุตฺตมํสสฺส ขาทนฺจ ติธา อุปมา ยสฺส อาหรณสฺสาติ ตถา. อฏฺงฺคสมนฺนาคตนฺติ ‘‘ยาวเทว ¶ อิมสฺส กายสฺส ิติยา, ยาปนายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; ๒.๒๔, ๓๘๗; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๖.๕๘; ๕.๙; วิภ. ๕๑๘; มหานิ. ๒๐๖) วุตฺเตหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ กตฺวา. ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทิ ปน ปฏิกฺเขปมตฺตทสฺสนํ. ภตฺตกิลมถนฺติ ภตฺตวเสน อุปฺปนฺนกิลมถํ. ปุเรภตฺตาทิ ทิวาวเสน วุตฺตํ. ปุริมยามาทิ รตฺติวเสน.
คตปจฺจาคเตสุ กมฺมฏฺานสฺส หรณํ วตฺตนฺติ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘หรณปจฺจาหรณสงฺขาต’’นฺติ อาห. ‘‘ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหตี’’ติ อิทํ ‘‘เทวปุตฺโต หุตฺวา’’ติอาทีสุปิ สพฺพตฺถ สมฺพชฺฌิตพฺพํ. ตตฺถ ปจฺเจกโพธิยา อุปนิสฺสยสมฺปทา กปฺปานํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ, สตสหสฺสฺจ ตชฺชา ปฺุาณสมฺภารสมฺภรณํ, สาวกโพธิยา อคฺคสาวกานํ เอกมสงฺขฺเยยฺยํ, กปฺปสตสหสฺสฺจ, มหาสาวกานํ (เถรคา. อฏฺ. ๒.วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนา วิตฺถาโร) กปฺปสตสหสฺสเมว, อิตเรสํ ปน อตีตาสุ ชาตีสุ วิวฏฺฏุปนิสฺสยวเสน กาลนิยมมนฺตเรน นิพฺพตฺติตํ นิพฺเพธภาคิยกุสลํ. ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทินา ตสฺมึ ตสฺมึ านนฺตเร เอตทคฺคฏฺปิตานํ เถรานํ สกฺขิทสฺสนํ. ตตฺถ เถโร พาหิโย ทารุจีริโยติ พาหิยวิสเย สฺชาตสํวฑฺฒตาย พาหิโย, ทารุจีรปริหรณโต ทารุจีริโยติ จ สมฺิโต เถโร. โส หายสฺมา –
‘‘ตสฺมา ติห เต พาหิย เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต, มุเต, วิฺาเต วิฺาตมตฺตํ ภวิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต พาหิย สิกฺขิตพฺพํ. ยโต โข เต พาหิย ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต, มุเต, วิฺาเต วิฺาตมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตโต ตฺวํ พาหิย น เตน. ยโต ตฺวํ พาหิย น เตน, ตโต พาหิย น ตตฺถ. ยโต ตฺวํ พาหิย น ตตฺถ, ตโต ตฺวํ พาหิย เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรน, เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’ติ’’ (อุทา. ๑๐).
เอตฺตกาย ¶ เทสนาย อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เอวํ สาริปุตฺตตฺเถราทีนมฺปิ มหาปฺตาทิทีปนานิ สุตฺตปทานิ วิตฺถารโต วตฺตพฺพานิ. วิเสสโต ปน องฺคุตฺตราคเม เอตทคฺคสุตฺตปทานิ (อ. นิ. ๑.๑๘๘) สิขาปตฺตนฺติ โกฏิปฺปตฺตํ นิฏฺานปฺปตฺตํ สพฺพถา ปริปุณฺณโต.
ตนฺติ ¶ อสมฺมุยฺหนํ. เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน เวทิตพฺพํ. ‘‘อตฺตา อภิกฺกมตี’’ติ อิมินา ทิฏฺิคาหวเสน, ‘‘อหํ อภิกฺกมามี’’ติ อิมินา มานคาหวเสน, ตทุภยสฺส ปน วินา ตณฺหาย อปฺปวตฺตนโต ตณฺหาคาหวเสนาติ ตีหิปิ มฺนาหิ อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺส อภิกฺกเม สมฺมุยฺหนํ ทสฺเสติ. ‘‘ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต’’ติ วตฺวา ตเทว อสมฺมุยฺหนํ เยน ฆนวินิพฺโภเคน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิกฺกมามี’’ติอาทิมาห. จิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตูติ เตเนว อภิกฺกมนจิตฺเตน สมุฏฺานา, ตํจิตฺตสมุฏฺานิกา วา วาโยธาตุ. วิฺตฺตินฺติ กายวิฺตฺตึ. ชนยมานา อุปฺปชฺชติ ตสฺสา วิการภาวโต. อิตีติ ตสฺมา อุปฺปชฺชนโต. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสนาติ กิริยมยจิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุยา วิจลนาการสงฺขาตกายวิฺตฺติวเสน. ตสฺสาติ อฏฺิสงฺฆาฏสฺส. อภิกฺกมโตติ อภิกฺกมนฺตสฺส. โอมตฺตาติ อวมตฺตา ลามกปฺปมาณา. วาโยธาตุเตโชธาตุวเสน อิตรา ทฺเว ธาตุโย.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา เจตฺถ วาโยธาตุยา อนุคตา เตโชธาตุ อุทฺธรณสฺส ปจฺจโย. อุทฺธรณคติกา หิ เตโชธาตุ, เตน ตสฺสา อุทฺธรเณ วาโยธาตุยา อนุคตภาโว โหติ, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, ตถา อภาวโต ปน อิตราสํ โอมตฺตตาติ. ยสฺมา ปน เตโชธาตุยา อนุคตา วาโยธาตุ อติหรณวีติหรณานํ ปจฺจโย. กิริยคติกาย หิ วาโยธาตุยา อติหรณวีติหรเณสุ สาติสโย พฺยาปาโร, เตน ตสฺสา ตตฺถ เตโชธาตุยา อนุคตภาโว โหติ, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ ตทภาวโต โอมตฺตตาติ ทสฺเสติ ‘‘ตถา อติหรณวีติหรเณสู’’ติ อิมินา. สติปิ เจตฺถ อนุคมกานุคนฺตพฺพตาวิเสเส เตโชธาตุวาโยธาตุภาวมตฺตํ สนฺธาย ตถาสทฺทคฺคหณํ กตํ. ปเม หิ นเย เตโชธาตุยา อนุคมกตา, วาโยธาตุยา อนุคนฺตพฺพตา, ทุติเย ปน วาโยธาตุยา อนุคมกตา, เตโชธาตุยา อนุคนฺตพฺพตาติ. ตตฺถ อกฺกนฺตฏฺานโต ปาทสฺส อุกฺขิปนํ อุทฺธรณํ, ิตฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ปุรโต หรณํ อติหรณํ. ขาณุอาทิปริหรณตฺถํ, ปติฏฺิตปาทฆฏฺฏนาปริหรณตฺถํ วา ปสฺเสน หรณํ ¶ วีติหรณํ, ยาว ปติฏฺิตปาโท, ตาว หรณํ อติหรณํ, ตโต ปรํ หรณํ วีติหรณนฺติ วา อยเมเตสํ วิเสโส.
ยสฺมา ¶ ปถวีธาตุยา อนุคตา อาโปธาตุ โวสฺสชฺชเน ปจฺจโย. ครุตรสภาวา หิ อาโปธาตุ, เตน ตสฺสา โวสฺสชฺชเน ปถวีธาตุยา อนุคตภาโว โหติ, ตสฺมา ตาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ ตทภาวโต โอมตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โวสฺสชฺชเน…เป… พลวติโย’’ติ. ยสฺมา ปน อาโปธาตุยา อนุคตา ปถวีธาตุ สนฺนิกฺเขปนสฺส ปจฺจโย. ปติฏฺาภาเว วิย ปติฏฺาปเนปิ ตสฺสา สาติสยกิจฺจตฺตา อาโปธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว โหติ, ตถา ฆฏฺฏนกิริยาย ปถวีธาตุยา วเสน สนฺนิรุชฺฌนสฺส สิชฺฌนโต ตสฺสา สนฺนิรุชฺฌเนปิ อาโปธาตุยา อนุคตภาโว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุชฺฌเนสู’’ติ.
อนุคมกานุคนฺตพฺพตาวิเสเสปิ สติ ปถวีธาตุอาโปธาตุภาวมตฺตํ สนฺธาย ตถาสทฺทคฺคหณํ กตํ. ปเม หิ นเย ปถวีธาตุยา อนุคมกตา, อาโปธาตุยา อนุคนฺตพฺพตา, ทุติเย ปน อาโปธาตุยา อนุคมกตา, ปถวีธาตุยา อนุคนฺตพฺพตาติ. โวสฺสชฺชนฺเจตฺถ ปาทสฺส โอนามนวเสน โวสฺสคฺโค, ตโต ปรํ ภูมิอาทีสุ ปติฏฺาปนํ สนฺนิกฺเขปนํ, ปติฏฺาเปตฺวา นิมฺมทฺทนวเสน คมนสฺส สนฺนิโรโธ สนฺนิรุชฺฌนํ.
ตตฺถาติ ตสฺมึ อติกฺกมเน, เตสุ วา ยถาวุตฺเตสุ อุทฺธรณาติหรณวีติหรณโวสฺสชฺชนสนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุชฺฌนสงฺขาเตสุ ฉสุ โกฏฺาเสสุ. อุทฺธรเณติ อุทฺธรณกฺขเณ. รูปารูปธมฺมาติ อุทฺธรณากาเรน ปวตฺตา รูปธมฺมา, ตํสมุฏฺาปกา จ อรูปธมฺมา. อติหรณํ น ปาปุณนฺติ ขณมตฺตาวฏฺานโต. สพฺพตฺถ เอส นโย. ตตฺถ ตตฺเถวาติ ยตฺถ ยตฺถ อุทฺธรณาทิเก อุปฺปนฺนา, ตตฺถ ตตฺเถว. น หิ ธมฺมานํ เทสนฺตรสงฺกมนํ อตฺถิ ลหุปริวตฺตนโต. ปพฺพํ ปพฺพนฺติ ปริจฺเฉทํ ปริจฺเฉทํ. สนฺธิ สนฺธีติ คณฺิ คณฺิ. โอธิ โอธีติ ภาคํ ภาคํ. สพฺพฺเจตํ อุทฺธรณาทิโกฏฺาเส สนฺธาย สภาคสนฺตติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิตโร เอว หิ รูปธมฺมานมฺปิ ปวตฺติกฺขโณ คมนโยคคมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฏฺุปริเยน ปฏิมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ, ปาเท จ พนฺธขุรธาราสมาคมโตปิ สีฆตโร, ยถา ติลานํ ภิชฺชยมานานํ ปฏปฏายเนน ¶ เภโท ลกฺขียติ, เอวํ สงฺขตธมฺมานํ อุปฺปาเทนาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏปฏายนฺตา’’ติ วุตฺตํ, อุปฺปาทวเสน ปฏปฏ-สทฺทํ อกโรนฺตาปิ กโรนฺตา วิยาติ อตฺโถ. ติลเภทลกฺขณํ ปฏปฏายนํ วิย หิ สงฺขตเภทลกฺขณํ อุปฺปาโท อุปฺปนฺนานเมกนฺตโต ภินฺนตฺตา. ตตฺถาติ อภิกฺกมเน. โก เอโก อภิกฺกมติ นาภิกฺกมติเยว. กสฺส วา เอกสฺส อภิกฺกมนํ สิยา, น สิยา เอว. กสฺมา? ปรมตฺถโต หิ…เป… ธาตูนํ สยนํ, ตสฺมาติ อตฺโถ. อนฺธพาลปุถุชฺชนสมฺมูฬฺหสฺส อตฺตโน อภิกฺกมนนิวตฺตนฺเหตํ วจนํ. อถ วา ¶ ‘‘โก เอโก…เป… อภิกฺกมน’’นฺติ โจทนาย ‘‘ปรมตฺถโต หี’’ติอาทินา โสธนา วุตฺตา.
ตสฺมึ ตสฺมึ โกฏฺาเสติ ยถาวุตฺเต ฉพฺพิเธปิ โกฏฺาเส คมนาทิกสฺส อปจฺจามฏฺตฺตา. ‘‘สทฺธึ รูเปน อุปฺปชฺชเต, นิรุชฺฌตี’’ติ จ สิโลกปเทน สห สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ปมปทสมฺพนฺเธ รูเปนาติ เยน เกนจิ สหุปฺปชฺชนเกน รูเปน. ทุติยปทสมฺพนฺเธ ปน ‘‘รูเปนา’’ติ อิทํ ยํ ตโต นิรุชฺฌมานจิตฺตโต อุปริ สตฺตรสมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ, ตเทว ตสฺส นิรุชฺฌมานจิตฺตสฺส นิโรเธน สทฺธึ นิรุชฺฌนกํ สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกํ รูปํ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺถา รูปารูปธมฺมา สมานายุกา สิยุํ. ยทิ จ สิยุํ, อถ ‘‘รูปํ ครุปริณามํ ทนฺธนิโรธ’’นฺติอาทิ (วิภ. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) อฏฺกถาวจเนหิ, ‘‘นาหํ ภิกฺขเว อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ, ยถยิทํ จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๓๘) เอวมาทิปาฬิวจเนหิ จ วิโรโธ สิยา. จิตฺตเจตสิกา หิ สารมฺมณสภาวา ยถาพลํ อตฺตโน อารมฺมณปจฺจยภูตมตฺถํ วิภาเวนฺโต เอว อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา เตสํ ตํสภาวนิปฺผตฺติอนนฺตรํ นิโรโธ, รูปธมฺมา ปน อนารมฺมณา ปกาเสตพฺพา, เอวํ เตสํ ปกาเสตพฺพภาวนิปฺผตฺติ โสฬสหิ จิตฺเตหิ โหติ, ตสฺมา เอกจิตฺตกฺขณาตีเตน สห สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกตา รูปธมฺมานมิจฺฉิตาติ. ลหุปริวตฺตนวิฺาณวิเสสสฺส สงฺคติมตฺตปจฺจยตาย ติณฺณํ ขนฺธานํ, วิสยสงฺคติมตฺตตาย จ วิฺาณสฺส ลหุปริวตฺติตา, ทนฺธมหาภูตปจฺจยตาย รูปสฺส ครุปริวตฺติตา. ยถาภูตํ นานาธาตุาณํ โข ปน ตถาคตสฺเสว, เตน จ ปุเรชาตปจฺจโย รูปธมฺโมว วุตฺโต, ปจฺฉาชาตปจฺจโย จ ตเถวาติ รูปารูปธมฺมานํ สมานกฺขณตา น ยุชฺชเตว, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๔) วุตฺตํ ¶ , ตเทตํ จิตฺตานุปริวตฺติยา วิฺตฺติยา เอกนิโรธภาวสฺส สุวิฺเยฺยตฺตา เอวํ วุตฺตํ. ตโต สวิฺตฺติเกน ปุเรตรํ สตฺตรสมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺเนน รูเปน สทฺธึ อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌติ, อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตนฺติ โยเชตพฺพํ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโมติ. ยฺหิ ปุริมุปฺปนฺนํ จิตฺตํ, ตํ นิรุชฺฌนฺตํ อฺสฺส ปจฺฉา อุปฺปชฺชมานสฺส อนนฺตราทิปจฺจยภาเวเนว นิรุชฺฌติ, ตถา ลทฺธปจฺจยเมว อฺมฺปิ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อวตฺถาวิเสสโต เจตฺถ อฺถา. ยทิ เอวํ เตสมุภินฺนํ อนฺตโร ลพฺเภยฺยาติ โจทนํ ‘‘โน’’ติ อปเนตุมาห ‘‘อวีจิ มนุสมฺพนฺโธ’’ติ, ยถา วีจิ อนฺตโร น ลพฺภติ, ตเทเวทนฺติ อวิเสสํ วิทู มฺนฺติ, เอวํ อนุ อนุ สมฺพนฺโธ จิตฺตสนฺตาโน, รูปสนฺตาโน จ นทีโสโตว นทิยํ ¶ อุทกปฺปวาโห วิย วตฺตตีติ อตฺโถ. อวีจีติ หิ นิรนฺตรตาวเสน ภาวนปุํสกวจนํ.
อภิมุขํ โลกิตํ อาโลกิตนฺติ อาห ‘‘ปุรโตเปกฺขน’’นฺติ. ยํทิสาภิมุโข คจฺฉติ, ติฏฺติ, นิสีทติ, สยติ วา, ตทภิมุขํ เปกฺขนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา จ ตาทิสมาโลกิตํ นาม โหติ, ตสฺมา ตทนุคตทิสาโลกนํ วิโลกิตนฺติ อาห ‘‘อนุทิสาเปกฺขน’’นฺติ, อภิมุขทิสานุรูปคเตสุ วามทกฺขิณปสฺเสสุ วิวิธา เปกฺขนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เหฏฺาอุปริปจฺฉาเปกฺขนฺหิ ‘‘โอโลกิตอุลฺโลกิตาปโลกิตานี’’ติ คหิตานิ. สารุปฺปวเสนาติ สมณปติรูปวเสน, อิมินาว อสารุปฺปวเสน อิตเรสมคฺคหณนฺติ สิชฺฌติ. สมฺมชฺชนปริภณฺฑาทิกรเณ โอโลกิตสฺส, อุลฺโลกหรณาทีสุ อุลฺโลกิตสฺส, ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตปริสฺสยปริวชฺชนาทีสุ อปโลกิตสฺส จ สิยา สมฺภโวติ อาห ‘‘อิมินา วา’’ติอาทิ, เอเตน อุปลกฺขณมตฺตฺเจตนฺติ ทสฺเสติ.
กายสกฺขินฺติ กาเยน สจฺฉิกตํ ปจฺจกฺขการินํ, สาธกนฺติ อตฺโถ. โส หิ อายสฺมา วิปสฺสนากาเล ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตํ นิสฺสาย สาสเน อนภิรติอาทิวิปฺปการํ ปตฺโต, ตเมว สุฏฺุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป, ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต, เตเนว นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ ภิกฺขเว มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ, ยทิทํ นนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๓๐) เอตทคฺเค เปสิ. นนฺทสฺสาติ กตฺตุตฺเถ สามิวจนํ. อิตีติ อิมินา อาโลกเนน.
สาตฺถกตา ¶ จ สปฺปายตา จ เวทิตพฺพา อาโลกิตวิโลกิตสฺสาติ อชฺฌาหริตฺวา สมฺพนฺโธ. ตสฺมาติ กมฺมฏฺานาวิชหนสฺเสว อาโลกิตวิโลกิเต. โคจรสมฺปชฺภาวโต เอตฺถาติ อาโลกิตวิโลกิเต. อตฺตโน กมฺมฏฺานวเสเนวาติ ขนฺธาทิกมฺมฏฺานวเสเนว อาโลกนวิโลกนํ กาตพฺพํ, น อฺโ อุปาโย คเวสิตพฺโพติ อธิปฺปาโย. กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ วกฺขมานกมฺมฏฺานมุเขเนว. ยสฺมา ปน อาโลกิตาทิ นาม ธมฺมมตฺตสฺเสว ปวตฺติวิเสโส, ตสฺมา ตสฺส ยาถาวโต ชานนํ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาโลเกตาติ อาโลเกนฺโต. ตถา วิโลเกตา. วิฺตฺตินฺติ กายวิฺตฺตึ. อิตีติ ตสฺมา อุปฺปชฺชนโต. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสนาติ กิริยมยจิตฺตสมุฏฺานาย วาโยธาตุยา วิจลนาการสงฺขาตกายวิฺตฺติวเสน. อกฺขิทลนฺติ อกฺขิปฏลํ. อโธ สีทตีติ โอสีทนฺตํ วิย เหฏฺา คจฺฉติ. อุทฺธํ ลงฺเฆตีติ ลงฺเฆนฺตํ วิย อุปริ ¶ คจฺฉติ. ยนฺตเกนาติ อกฺขิทเลสุ โยชิตรชฺชุโย คเหตฺวา ปริพฺภมนกจกฺเกน. ตโตติ ตถา อกฺขิทลานโมสีทนุลฺลงฺฆนโต. มโนทฺวาริกชวนสฺส มูลการณปริชานนํ มูลปริฺา. อาคนฺตุกสฺส อพฺภาคตสฺส, ตาวกาลิกสฺส จ ตงฺขณมตฺตปวตฺตกสฺส ภาโว อาคนฺตุกตาวกาลิกภาโว, เตสํ วเสน.
ตตฺถาติ เตสุ คาถาย ทสฺสิเตสุ สตฺตสุ จิตฺเตสุ. องฺคกิจฺจํ สาธยมานนฺติ ปธานภูตองฺคกิจฺจํ นิปฺผาเทนฺตํ, สรีรํ หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ภวงฺคฺหิ ปฏิสนฺธิสทิสตฺตา ปธานมงฺคํ, ปธานฺจ ‘‘สรีร’’นฺติ วุจฺจติ, อวิจฺเฉทปฺปวตฺติเหตุภาเวน วา การณกิจฺจํ สาธยมานนฺติ อตฺโถ. ตํ อาวฏฺเฏตฺวาติ ภวงฺคสามฺวเสน วุตฺตํ, ปวตฺตาการวิเสสวเสน ปน อตีตาทินา ติพฺพิธํ, ตตฺถ จ ภวงฺคุปจฺเฉทสฺเสว อาวฏฺฏนํ. ตนฺนิโรธาติ ตสฺส นิรุชฺฌนโต, อนนฺตรปจฺจยวเสน เหตุวจนํ. ‘‘ปมชวเนปิ…เป… สตฺตมชวเนปี’’ติ อิทํ ปฺจทฺวาริกวีถิยํ ‘‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’’ติ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนานมภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ อาวชฺชนโวฏฺพฺพนานํ ปุเรตรํ ปวตฺตาโยนิโสมนสิการวเสน อโยนิโส อาวชฺชนโวฏฺพฺพนากาเรน ปวตฺตนโต อิฏฺเ อิตฺถิรูปาทิมฺหิ โลภสหคตมตฺตํ ชวนํ อุปฺปชฺชติ, อนิฏฺเ จ โทสสหคตมตฺตํ, น ปเนกนฺตรชฺชนทุสฺสนาทิ, มโนทฺวาเร ¶ เอว เอกนฺตรชฺชนทุสฺสนาทิ โหติ, ตสฺส ปน มโนทฺวาริกสฺส รชฺชนทุสฺสนาทิโน ปฺจทฺวาริกชวนํ มูลํ, ยถาวุตฺตํ วา สพฺพมฺปิ ภวงฺคาทิ, เอวํ มโนทฺวาริกชวนสฺส มูลการณวเสน มูลปริฺา วุตฺตา, อาคนฺตุกตาวกาลิกตา ปน ปฺจทฺวาริก ชวนสฺเสว อปุพฺพภาววเสน, อิตฺตรตาวเสน จ. ยุทฺธมณฺฑเลติ สงฺคามปฺปเทเส. เหฏฺุปริยวเสนาติ เหฏฺา จ อุปริ จ ปริวตฺตมานวเสน, อปราปรํ ภวงฺคุปฺปตฺติวเสนาติ อตฺโถ. ตถา ภวงฺคุปฺปาทวเสน หิ เตสํ ภิชฺชิตฺวา ปตนํ, อิมินา ปน เหฏฺิมสฺส, อุปริมสฺส จ ภวงฺคสฺส อปราปรุปฺปตฺติวเสน ปฺจทฺวาริกชวนโต วิสทิสสฺส มโนทฺวาริกชวนสฺส อุปฺปาทํ ทสฺเสติ ตสฺส วเสเนว รชฺชนาทิปวตฺตนโต. เตเนวาห ‘‘รชฺชนาทิวเสน อาโลกิตวิโลกิตํ โหตี’’ติ.
อาปาถนฺติ โคจรภาวํ. สกกิจฺจนิปฺผาทนวเสนาติ อาวชฺชนาทิกิจฺจนิปฺผาทนวเสน. ตนฺติ ชวนํ. จกฺขุทฺวาเร รูปสฺส อาปาถคมเนน อาวชฺชนาทีนํ ปวตฺตนโต ปวตฺติการณวเสเนว ‘‘เคหภูเต’’ติ วุตฺตํ, น นิสฺสยวเสน. อาคนฺตุกปุริโส วิยาติ อพฺภาคตปุริโส วิย. ทุวิธา หิ อาคนฺตุกา อติถิอพฺภาคตวเสน. ตตฺถ กตปริจโย ‘‘อติถี’’ติ วุจฺจติ, อกตปริจโย ‘‘อพฺภาคโต’’ติ, อยเมวิธาธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘ยถา ปรเคเห’’ติอาทิ ¶ . ตสฺสาติ ชวนสฺส รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนํ อยุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อาสิเนสูติ นิสินฺเนสุ. อาณากรณนฺติ อตฺตโน วสกรณํ.
สทฺธึ สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ ผสฺสาทีหิ. ตตฺถ ตตฺเถว สกกิจฺจนิปฺผาทนฏฺาเน ภิชฺชนฺติ. อิตีติ ตสฺมา อาวชฺชนาทิโวฏฺพฺพนปริโยสานานํ ภิชฺชนโต. อิตฺตรานีติ อจิรฏฺิติกานิ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วจเน อยํ อุปมาติ อตฺโถ. อุทยพฺพยปริจฺฉินฺโน ตาว ตตฺตโก กาโล เอเตสนฺติ ตาวกาลิกานิ, ตสฺส ภาโว, ตํวเสน.
เอตนฺติ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ยถาวุตฺตธมฺมสมุทาเย. ทสฺสนํ จกฺขุวิฺาณํ, ตสฺส วเสเนว อาโลกนวิโลกนปฺายนโต อาวชฺชนาทีนมคฺคหณํ.
สมวาเยติ สามคฺคิยํ. ตตฺถาติ ปฺจกฺขนฺธวเสน อาโลกนวิโลกน ปฺายมาเน. นิมิตฺตตฺเถ เจตํ ภุมฺมํ, ตพฺพินิมุตฺตโก โก เอโก ¶ อาโลเกติ น ตฺเวว อาโลเกติ. โก จ เอโก วิโลเกติ นตฺเวว วิโลเกตีติ อตฺโถ.
‘‘ตถา’’ติอาทิ อายตนวเสน, ธาตุวเสน จ ทสฺสนํ. จกฺขุรูปานิ ยถารหํ ทสฺสนสฺส นิสฺสยารมฺมณปจฺจโย, ตถา อาวชฺชนา อนนฺตราทิปจฺจโย, อาโลโก อุปนิสฺสยปจฺจโยติ ทสฺสนสฺส สุตฺตนฺตนเยน ปริยายโต ปจฺจยตา วุตฺตา. สหชาตปจฺจโยปิ ทสฺสนสฺเสว, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อฺมฺสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทิปจฺจยานมฺปิ ลพฺภนโต, ‘‘สหชาตาทิปจฺจยา’’ติปิ อธุนา ปาโ ทิสฺสติ. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ นิคมนํ.
อิทานิ ยถาปาํ สมิฺชนปสารเณสุ สมฺปชานํ วิภาเวนฺโต ‘‘สมิฺชิเต ปสาริเต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปพฺพานนฺติ ปพฺพภูตานํ. ตํสมิฺชนปสารเณเนว หิ สพฺเพสํ หตฺถปาทานํ สมิฺชนปสารณํ โหติ, ปพฺพเมเตสนฺติ วา ปพฺพา ยถา ‘‘สทฺโธ’’ติ, ปพฺพวนฺตานนฺติ อตฺโถ. จิตฺตวเสเนวาติ จิตฺตรุจิยา เอว, จิตฺตสามตฺถิยา วา. ยํ ยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ สาตฺเถปิ อนตฺเถปิ สมิฺชิตุํ, ปสาริตุํ วา, ตํตํจิตฺตานุคเตเนว สมิฺชนปสารณมกตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถาติ สมิฺชนปสารเณสุ อตฺถานตฺถปริคฺคณฺหนํ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ขเณ ขเณติ ตถา ิตกฺขณสฺส พฺยาปนิจฺฉาวจนํ. เวทนาติ สนฺถมฺภนาทีหิ รุชฺชนา. ‘‘เวทนา อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา ปรมฺปรปโยชนํ ทสฺเสติ. ตถา ‘‘ตา เวทนา ¶ นุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินาปิ. ปุริมํ ปุริมฺหิ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส การณวจนํ. กาเลติ สมิฺชิตุํ, ปสาริตุํ วา ยุตฺตกาเล. ผาตินฺติ วุทฺธึ. ฌานาทิ ปน วิเสโส.
ตตฺรายํ นโยติ สปฺปายาสปฺปายอปริคฺคณฺหเน วตฺถุสนฺทสฺสนสํงฺขาโต นโย. ตทปริคฺคหเณ อาทีนวทสฺสเนเนว ปริคฺคหเณปิ อานิสํโส วิภาวิโตติ เตสมิธ อุทาหรณํ เวทิตพฺพํ. มหาเจติยงฺคเณติ ทุฏฺคามณิรฺา กตสฺส เหมมาลีนามกสฺส มหาเจติยสฺส องฺคเณ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ทีปปฺปสาทโก เถโร, ราชิโน อยฺยกสฺส เม;
เอวํ กิราห นตฺตา เต, ทุฏฺคามณิ ภูปติ.
มหาปฺุโ ¶ มหาถูปํ, โสณฺณมาลึ มโนรมํ;
วีสํ หตฺถสตํ อุจฺจํ, กาเรสฺสติ อนาคเต’’ติ.
ภูมิปฺปเทโส เจตฺถ องฺคณํ ‘‘อุทงฺคเณ ตตฺถ ปปํ อวินฺทุ’’นฺติอาทิสุ (ชา. ๑.๑.๒) วิย, ตสฺมา อุปจารภูเต สุสงฺขเต ภูมิปฺปเทเสติ อตฺโถ. เตเนว การเณน คิหี ชาโตติ กายสํสคฺคสมาปชฺชนเหตุนา อุกฺกณฺิโต หุตฺวา หีนายาวตฺโต. ฌายีติ ฌายนํ ฑยฺหนมาปชฺชิ. มหาเจติยงฺคเณปิ จีวรกุฏึ กตฺวา ตตฺถ สชฺฌายํ คณฺหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘จีวรกุฏิทณฺฑเก’’ติ, จีวรกุฏิยา จีวรฉทนตฺถาย กตทณฺฑเกติ อตฺโถ. ‘‘มณิสปฺโป นาม สีหฬทีเป วิชฺชมานา เอกา สปฺปชาตีติ วทนฺตี’’ติ อาจริยานนฺทตฺเถเรน, (วิภ. มูลฏี. ๒๔๒) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๔) จ วุตฺตํ. ‘‘เกจิ, อปเร, อฺเ’’ติ วา อวตฺวา ‘‘วทนฺติ’’จฺเจว วจนฺจ สารโต คเหตพฺพตาวิฺาปนตฺถํ อฺถา คเหตพฺพสฺส อวจนโต, ตสฺมา น นีลสปฺปาทิ อิธ ‘‘มณิสปฺโป’’ติ เวทิตพฺโพ.
มหาเถรวตฺถุนาติ เอวํนามกสฺส เถรสฺส วตฺถุนา. อนฺเตวาสิเกหีติ ตตฺถ นิสินฺเนสุ พหูสุ อนฺเตวาสิเกสุ เอเกน อนฺเตวาสิเกน. เตนาห ‘‘ตํ อนฺเตวาสิกา ปุจฺฉึสู’’ติ. กมฺมฏฺานนฺติ ‘‘อพฺภนฺตเร อตฺตา นามา’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๔) วกฺขมานปฺปการํ ธาตุกมฺมฏฺานํ. ปกรณโตปิ หิ อตฺโถ วิฺายตีติ. ตตฺถ ิตานํ ปุจฺฉนฺตานํ สงฺคหณวเสน ‘‘ตุมฺเหหี’’ติ ปุน ปุถุวจนกรณํ. เอวํ รูปํ สภาโว ยสฺสาติ เอวรูโป นิคฺคหิตโลปวเสน เตน ¶ , กมฺมฏฺานมนสิการสภาเวนาติ อตฺโถ. เอวเมตฺถาปีติ อปิ-สทฺเทน เหฏฺา วุตฺตํ อาโลกิตวิโลกิตปกฺขมเปกฺขนํ กโรติ. อยํ นโย อุปริปิ.
สุตฺตากฑฺฒนวเสนาติ ยนฺเต โยชิตสุตฺตานํ อาวิฺฉนวเสน. ทารุยนฺตสฺสาติ ทารุนา กตยนฺตรูปสฺส. ตํ ตํ กิริยํ ยาติ ปาปุณาติ, หตฺถปาทาทีหิ วา ตํ ตํ อาการํ กุรุมานํ ยาติ คจฺฉตีติ ยนฺตํ, นฏกาทิปฺจาลิการูปํ, ทารุนา กตํ ยนฺตํ ตถา, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ. ตถา หิ นํ โปตฺเถน วตฺเถน อลงฺกริยตฺตา โปตฺถลิกา, ปฺจ องฺคานิ ยสฺสา สชีวสฺเสวาติ ปฺจาลิกาติ จ โวหรนฺติ. หตฺถปาทลฬนนฺติ หตฺถปาทานํ กมฺปนํ, หตฺถปาเทหิ วา ลีฬากรณํ.
สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณติ ¶ เอตฺถ สงฺฆาฏิจีวรานํ สมานธารณตาย เอกโตทสฺสนํ คนฺถครุตาปนยนตฺถํ, อนฺตรวาสกสฺส นิวาสนวเสน, เสสานํ ปารุปนวเสนาติ ยถารหมตฺโถ. ตตฺถาติ สงฺฆาฏิจีวรธารณปตฺตธารเณสุ. วุตฺตปฺปกาโรติ ปจฺจเวกฺขณวิธินา สุตฺเต วุตฺตปฺปเภโท.
อุณฺหปกติกสฺสาติ อุณฺหาลุกสฺส ปริฬาหพหุลกายสฺส. สีตาลุกสฺสาติ สีตพหุลกายสฺส. ฆนนฺติ อปฺปิตํ. ทุปฏฺฏนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ. ‘‘อุตุทฺธฏานํ ทุสฺสานํ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ, ทิคุณํ อุตฺตราสงฺคํ, ทิคุณํ อนฺตรวาสกํ, ปํสุกูเล ยาวทตฺถ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) หิ วุตฺตํ. วิปรีตนฺติ ตทุภยโต วิปรีตํ, เตสํ ติณฺณมฺปิ อสปฺปายํ. กสฺมาติ อาห ‘‘อคฺคฬาทิทาเนนา’’ติอาทิ. อุทฺธริตฺวา อลฺลียาปนขณฺฑํ อคฺคฬํ. อาทิสทฺเทน ตุนฺนกมฺมาทีนิ สงฺคณฺหาติ. ตถา-สทฺโท อนุกฑฺฒนตฺโถ, อสปฺปายเมวาติ. ปฏฺฏุณฺณเทเส ปาณเกหิ สฺชาตวตฺถํ ปฏฺฏุณฺณํ. วากวิเสสมยํ เสตวณฺณํ ทุกูลํ. อาทิสทฺเทน โกเสยฺยกมฺพลาทิกํ สานุโลมํ กปฺปิยจีวรํ สงฺคณฺหาติ. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘ตาทิสฺหี’’ติอาทิ. อรฺเ เอกกสฺส นิวาสนฺตรายกรนฺติ พฺรหฺมจริยนฺตราเยกเทสมาห. โจราทิสาธารณโต จ ตถา วุตฺตํ. นิปฺปริยาเยน ตํ อสปฺปายนฺติ สมฺพนฺโธ. อเนเนว ยถาวุตฺตมสปฺปายํ อเนกนฺตํ ตถารูปปจฺจเยน กสฺสจิ กทาจิ สปฺปายสมฺภวโต. อิทํ ปน ทฺวยํ เอกนฺตเมว อสปฺปายํ กสฺสจิ กทาจิปิ สปฺปายาภาวโตติ ทสฺเสติ. มิจฺฉา อาชีวนฺติ เอเตนาติ มิจฺฉาชีโว, อเนสนวเสน ปจฺจยปริเยสนปโยโค. นิมิตฺตกมฺมาทีหิ ปวตฺโต มิจฺฉาชีโว ตถา, เอเตน เอกวีสติวิธํ อเนสนปโยคมาห. วุตฺตฺหิ สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ ขุทฺทกปาฏฺกถายฺจ เมตฺตสุตฺตวณฺณนายํ –
‘‘โย อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ น สมฺมา ปโยเชติ, ขณฺฑสีโล โหติ ¶ , เอกวีสติวิธํ อเนสนํ นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปติ. เสยฺยถิทํ? เวฬุทานํ, ปตฺตทานํ, ปุปฺผ, ผล, ทนฺตกฏฺ, มุโขทก, สินาน, จุณฺณ, มตฺติกาทานํ, จาฏุกมฺยตํ, มุคฺคสูปฺยตํ, ปาริภฏุตํ, ชงฺฆเปสนิกํ, เวชฺชกมฺมํ, ทูตกมฺมํ, ปหิณคมนํ, ปิณฺฑปฏิปิณฺฑํ, ทานานุปฺปทานํ, วตฺถุวิชฺชํ, นกฺขตฺตวิชฺชํ, องฺควิชฺช’’นฺติ.
อภิธมฺมฏีกากาเรน ปน ¶ อาจริยานนฺทตฺเถเรน เอวํ วุตฺตํ –
‘‘เอกวีสติ อเนสนา นาม เวชฺชกมฺมํ กโรติ, ทูตกมฺมํ กโรติ, ปหิณกมฺมํ กโรติ, คณฺฑํ ผาเลติ, อรุมกฺขนํ เทติ, อุทฺธํวิเรจนํ เทติ, อโธวิเรจนํ เทติ, นตฺถุเตลํ ปจติ, วณเตลํ ปจติ, เวฬุทานํ เทติ, ปตฺต, ปุปฺผ, ผล, สินาน, ทนฺตกฏฺ, มุโขทก, จุณฺณ, มตฺติกาทานํ เทติ, จาฏุกมฺมํ กโรติ, มุคฺคสูปิยํ, ปาริภฏุํ, ชงฺฆเปสนิกํ ทฺวาวีสติมํ ทูตกมฺเมน สทิสํ, ตสฺมา เอกวีสตี’’ติ (ธ. ส. มูลฏี. ๑๕๐-๕๑).
อฏฺกถาวจนฺเจตฺถ พฺรหฺมชาลาทิสุตฺตนฺตนเยน วุตฺตํ, ฏีกาวจนํ ปน ขุทฺทกวตฺถุวิภงฺคาทิอภิธมฺมนเยน, อโต เจตฺถ เกสฺจิ วิสมตาติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อปิจ ‘‘นิมิตฺตกมฺมาที’’ติ อิมินา นิมิตฺโตภาสปริกถาโย วุตฺตา. ‘‘มิจฺฉาชีโว’’ติ ปน ยถาวุตฺตปโยโค, ตสฺมา นิมิตฺตกมฺมฺจ มิจฺฉาชีโว จ, ตพฺพเสน อุปฺปนฺนํ อสปฺปายํ สีลวินาสเนน อนตฺถาวหตฺตาติ อตฺโถ. สมาหารทฺวนฺเทปิ หิ กตฺถจิ ปุลฺลิงฺคปโยโค ทิสฺสติ ยถา ‘‘จิตฺตุปฺปาโท’’ติ. อติรุจิเย ราคาทโย, อติอรุจิเย จ โทสาทโยติ อาห ‘‘อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ. ตนฺติ ตทุภยํ. กมฺมฏฺานาวิชหนวเสนาติ วกฺขมานกมฺมฏฺานสฺส อวิชหนวเสน.
‘‘อพฺภนฺตเร อตฺตา นามา’’ติอาทินา สงฺเขปโต อสมฺโมหสมฺปชฺํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตตฺถ จีวรมฺปิ อเจตน’’นฺติอาทินา จีวรสฺส วิย ‘‘กาโยปิ อเจตโน’’ติ กายสฺส อตฺตสฺุตาวิภาวเนน ตมตฺถํ ปริทีเปนฺโต ‘‘ตสฺมา เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส อิตรีตรสนฺโตสสฺส การณํ วิภาเวตีติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ สมฺพนฺโธ วตฺตพฺโพ – อสมฺโมหสมฺปชฺํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทิมาห. อตฺตสฺุตาวิภาวเนน ปน ตทตฺถํ ปริทีปิตุํ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ จีวร’’นฺติอาทิ. อิทานิ อตฺตสฺุตาวิภาวนสฺส ปโยชนภูตํ อิตรีตรสนฺโตสสงฺขาตํ ลทฺธคุณํ ปกาเสนฺโต อาห ‘‘ตสฺมา เนว สุนฺทร’’นฺติอาทีติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อพฺภนฺตเรติ อตฺตโน สนฺตาเน. ตตฺถาติ ตสฺมึ จีวรปารุปเน. เตสุ วา ปารุปกตฺตปารุปิตพฺพจีวเรสุ. กาโยปีติ อตฺตปฺตฺติมตฺโต กาโยปิ. ‘‘ตสฺมา’’ติ อชฺฌาหริตพฺพํ, อเจตนตฺตาติ อตฺโถ. อหนฺติ กมฺมภูโต กาโย. ธาตุโยติ จีวรสงฺขาโต พาหิรา ธาตุโย. ธาตุสมูหนฺติ กายสงฺขาตํ อชฺฌตฺติกํ ธาตุสมูหํ. โปตฺถกรูปปฏิจฺฉาทเน ธาตุโย ธาตุสมูหํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ วิยาติ สมฺพนฺโธ. ปุสนํ สฺเนหเสจนํ, ปูรณํ วา โปตฺถํ, เลปนขนนกิริยา, เตน กตนฺติ โปตฺถกํ, ตเมว รูปํ ตถา, ขนนกมฺมนิพฺพตฺตํ ทารุมตฺติกาทิรูปมิธาธิปฺเปตํ. ตสฺมาติ อเจตนตฺตา, อตฺตสฺุภาวโต วา.
นาคานํ นิวาโส วมฺมิโก นาควมฺมิโก. จิตฺตีกรณฏฺานภูโต รุกฺโข เจติยรุกฺโข. เกหิจิ สกฺกตสฺสาปิ เกหิจิ อสกฺกตสฺส กายสฺส อุปมานภาเวน โยคฺยตฺตา เตสมิธ กถนํ. เตหีติ มาลาคนฺธคูถมุตฺตาทีหิ. อตฺตสฺุตาย นาควมฺมิกเจติยรุกฺขาทีหิ วิย กายสงฺขาเตน อตฺตนา โสมนสฺสํ วา โทมนสฺสํ วา น กาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘ลภิสฺสามิ วา, โน วา’’ติ ปจฺจเวกฺขณปุพฺพเกน ‘‘ลภิสฺสามี’’ติ อตฺถสมฺปสฺสเนเนว คเหตพฺพํ. เอวฺหิ สาตฺถกสมฺปชฺํ ภวตีติ อาห ‘‘สหสาว อคฺคเหตฺวา’’ติอาทิ.
ครุปตฺโตติ อติภารภูโต ปตฺโต. จตฺตาโร วา ปฺจ วา คณฺิกา จตุปฺจคณฺิกา ยถา ‘‘ทฺวตฺติปตฺตา (ปาจิ. ๒๓๒), ฉปฺปฺจวาจา’’ติ (ปาจิ. ๖๑) อฺปทภูตสฺส หิ วา-สทฺทสฺเสว อตฺโถ อิธ ปธาโน จตุคณฺิกาหโต วา ปฺจคณฺิกาหโต วา ปตฺโต ทุพฺพิโสธนีโยติ วิกปฺปนวเสน อตฺถสฺส คยฺหมานตฺตา. อาหตา จตุปฺจคณฺิกา ยสฺสาติ จตุปฺจคณฺิกาหโต ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ, จตุปฺจคณฺิกาหิ วา อาหโต ตถา, ทุพฺพิโสธนียภาวสฺส เหตุคพฺภวจนฺเจตํ. กามฺจอูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๑๒) ปฺจคณฺิกาหโตปิ ปตฺโต ปริภฺุชิตพฺพภาเวน วุตฺโต, ทุพฺพิโสธนียตามตฺเตน ปน ปลิโพธกรณโต อิธ อสปฺปาโยติ ทฏฺพฺพํ. ทุทฺโธตปตฺโตติ อคณฺิกาหตมฺปิ ปกติยาว ทุพฺพิโสธนียปตฺตํ สนฺธายาห. ‘‘ตํ โธวนฺตสฺเสวา’’ติอาทิ ตทุภยสฺสาปิ ¶ อสปฺปายภาเว การณํ. ‘‘มณิวณฺณปตฺโต ปน โลภนีโย’’ติ อิมินา กิฺจาปิ โส วินยปริยาเยน กปฺปิโย, สุตฺตนฺตปริยาเยน ปน อนฺตรายกรณโต อสปฺปาโยติ ทสฺเสติ. ‘‘ปตฺตํ ภมํ อาโรเปตฺวา มชฺชิตฺวา ปจนฺติ ‘มณิวณฺณํ กริสฺสามา’ติ, น วฏฺฏตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย) หิ วินยฏฺกถาสุ ปจนกิริยามตฺตเมว ปฏิกฺขิตฺตํ. ตถา หิ วทนฺติ ¶ ‘‘มณิวณฺณํ ปน ปตฺตํ อฺเน กตํ ลภิตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕) ‘‘ตาทิสฺหิ อรฺเ เอกกสฺส นิวาสนฺตรายกร’’นฺติอาทินา จีวเร วุตฺตนเยน ‘‘นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ลทฺโธ ปน เอกนฺตอกปฺปิโย สีลวินาสเนน อนตฺถาวหตฺตา’’ติอาทินา อมฺเหหิ วุตฺตนโยปิ ยถารหํ เนตพฺโพ. เสวมานสฺสาติ เหตฺวนฺโต คธวจนํ อภิวฑฺฒนปริหายนสฺส.
‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทิ สงฺเขโป. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อตฺตสฺุตาวิภาวเนน วิตฺถาโร. สณฺฑาเสนาติ กมฺมารานํ อโยคหณวิเสเสน. อคฺคิวณฺณปตฺตคฺคหเณติ อคฺคินา ฌาปิตตฺตา อคฺคิวณฺณภูตปตฺตสฺส คหเณ. ราคาทิปริฬาหชนกปตฺตสฺส อีทิสเมว อุปมานํ ยุตฺตนฺติ เอวํ วุตฺตํ.
‘‘อปิจา’’ติอาทินา สงฺฆาฏิจีวรปตฺตธารเณสุ เอกโต อสมฺโมหสมฺปชฺํ ทสฺเสติ. ฉินฺนหตฺถปาเท อนาถมนุสฺเสติ สมฺพนฺโธ. นีลมกฺขิกา นาม อาสาฏิกการิกา. ควาทีนฺหิ วเณสุ นีลมกฺขิกาหิ กตา อนยพฺยสนเหตุภูตา อณฺฑกา อาสาฏิกา นาม วุจฺจติ. อนาถสาลายนฺติ อนาถานํ นิวาสสาลายํ. ทยาลุกาติ กรุณาพหุลา. วณมตฺตโจฬกานีติ วณปฺปมาเณน ปฏิจฺฉาทนตฺถาย ฉินฺนโจฬขณฺฑกานิ. เกสฺจีติ พหูสุ เกสฺจิ อนาถมนุสฺสานํ. ถูลานีติ ถทฺธานิ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปาปุณเน, ภาวลกฺขเณ, นิมิตฺเต วา เอตํ ภุมฺมํ. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘วณปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนวา’’ติอาทิ. โจฬเกน, กปาเลนาติ จ อตฺถโยเค กมฺมตฺเถ ตติยา, กรณตฺเถ วา. วณปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนว เภสชฺชกรณมตฺเตเนวาติ ปน วิเสสนํ, น ปน มณฺฑนานุภวนาทิปฺปกาเรน อตฺโถติ. สงฺขารทุกฺขตาทีหิ นิจฺจาตุรสฺส กายสฺส ปริโภคภูตานํ ปตฺตจีวรานํ เอทิสเมว อุปมานมุปปนฺนนฺติ ตถา วจนํ ทฏฺพฺพํ. สุขุมตฺตสลฺลกฺขเณน อุตฺตมสฺส สมฺปชานสฺส กรณสีลตฺตา, ปุริเมหิ จ สมฺปชานการีหิ อุตฺตมตฺตา อุตฺตมสมฺปชานการี.
อสนาทิกิริยาย ¶ กมฺมวิเสสโยคโต อสิตาทิปเทเหว กมฺมวิเสสสหิโต กิริยาวิเสโส วิฺายตีติ วุตฺตํ ‘‘อสิเตติ ปิณฺฑปาตโภชเน’’ติอาทิ. อฏฺวิโธปิ อตฺโถติ อฏฺปฺปกาโรปิ ปโยชนวิเสโส.
ตตฺถ ปิณฺฑปาตโภชนาทีสุ อตฺโถ นาม อิมินา มหาสิวตฺเถรวาทวเสน ‘‘อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๖.๕๘; ๘.๙; ธ. ส. ๑๓๕๕; มหานิ. ๒๐๖) สุตฺเต ¶ วุตฺตํ อฏฺวิธมฺปิ ปโยชนํ ทสฺเสติ. มหาสิวตฺเถโร (ธ. ส. ๑.๑๓๕๕) หิ ‘‘เหฏฺา จตฺตาริ องฺคานิ ปฏิกฺเขโป นาม, อุปริ ปน อฏฺงฺคานิ ปโยชนวเสน สโมธาเนตพฺพานี’’ติ วทติ. ตตฺถ ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติ เอกมงฺคํ, ‘‘ยาปนายา’’ติ เอกํ, ‘‘วิหึสูปรติยา’’ติ เอกํ, ‘‘พฺรหฺมจริยานุคฺคหายา’’ติ เอกํ, ‘‘อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามี’’ติ เอกํ, ‘‘นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ เอกํ, ‘‘ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตี’’ติ เอกํ, ‘‘อนวชฺชตา จา’’ติ เอกํ, ผาสุวิหาโร ปน โภชนานิสํสมตฺตนฺติ เอวํ อฏฺ องฺคานิ ปโยชนวเสน สโมธาเนตพฺพานิ. อฺถา ปน ‘‘เนว ทวายา’’ติ เอกมงฺคํ, ‘‘น มทายา’’ติ เอกํ, ‘‘น มณฺฑนายา’’ติ เอกํ, ‘‘น วิภูสนายา’’ติ เอกํ, ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนายา’’ติ เอกํ, ‘‘วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหายา’’ติ เอกํ, ‘‘อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ เอกํ, ‘‘ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตี’’ติ เอกํ, ‘‘อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’’ติ ปน โภชนานิสํสมตฺตนฺติ วุตฺตานิ อฏฺงฺคานิ อิธานธิปฺเปตานิ. กสฺมาติ เจ? ปโยชนานเมว อภาวโต, เตสเมว จ อิธ อตฺถสทฺเทน วุตฺตตฺตา. นนุ จ ‘‘เนวทวายาติอาทินา นเยน วุตฺโต’’ติ มริยาทวจเนน ทุติยนยสฺเสว อิธาธิปฺเปตภาโว วิฺายตีติ? น, ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทินา ปฏิกฺเขปงฺคทสฺสนมุเขน ปจฺจเวกฺขณปาฬิยา เทสิตตฺตา, ยถาเทสิตตนฺติกฺกมสฺเสว มริยาทภาเวน ทสฺสนโต. ปากฺกเมเนว หิ ‘‘เนว ทวายาติอาทินา นเยนา’’ติ วุตฺตํ, น อตฺถกฺกเมน, เตน ปน ‘‘อิมสฺส กายสฺส ิติยาติอาทินา นเยนา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ.
ติธา ¶ เทนฺเต ทฺวิธา คาหํ สนฺธาย ‘‘ปฏิคฺคหณํ นามา’’ติ วุตฺตํ, โภชนาทิคหณตฺถาย หตฺถโอตารณํ ภฺุชนาทิอตฺถาย อาโลปกรณนฺติอาทินา อนุกฺกเมน ภฺุชนาทิปโยโค วาโยธาตุวเสเนว วิภาวิโต. วาโยธาตุวิปฺผาเรเนวาติ เอตฺถ เอว-สทฺเทน นิวตฺเตตพฺพํ ทสฺเสติ ‘‘น โกจี’’ติอาทินา. กฺุจิกา นาม อวาปุรณํ, ยํ ‘‘ตาโฬ’’ติปิ วทนฺติ. ยนฺตเกนาติ จกฺกยนฺตเกน. ยตติ อุคฺฆาฏนนิคฺฆาฏนอุกฺขิปนนิกฺขิปนาทีสุ วายมติ เอเตนาติ หิ ยนฺตกํ. สฺจุณฺณกรณํ มุสลกิจฺจํ. อนฺโตกตฺวา ปติฏฺาปนํ อุทุกฺขลกิจฺจํ. อาโลฬิตวิโลฬิตวเสน ปริวตฺตนํ หตฺถกิจฺจํ. อิตีติ เอวํ. ตตฺถาติ หตฺถกิจฺจสาธเน, ภาวลกฺขเณ, นิมิตฺเต วา ภุมฺมํ. ตนุกเขโฬติ ปสนฺนเขโฬ. พหลเขโฬติ อาวิลเขโฬ. ชิวฺหาสงฺขาเตน หตฺเถน อาโลฬิตวิโลฬิตวเสน อิโต จิโต จ ปริวตฺตกํ ชิวฺหาหตฺถปริวตฺตกํ. กฏจฺฉุ, ทพฺพีติ กตฺถจิ ปริยายวจนํ. ‘‘ปุเม กฏจฺฉุ ทพฺพิตฺถี’’ติ หิ วุตฺตํ. อิธ ปน เยน โภชนาทีนิ อนฺโตกตฺวา คณฺหาติ, โส กฏจฺฉุ, ยาย ปน เตสมุทฺธรณาทีนิ กโรติ, สา ¶ ทพฺพีติ เวทิตพฺพํ. ปลาลสนฺถารนฺติ ปติฏฺานภูตํ ปลาลาทิสนฺถารํ. นิทสฺสนมตฺตฺเหตํ. ธาเรนฺโตติ ปติฏฺานภาเวน สมฺปฏิจฺฉนฺโต. ปถวีสนฺธารกชลสฺส ตํสนฺธารกวายุนา วิย ปริภุตฺตาหารสฺส วาโยธาตุนาว อามาสเย อวฏฺานนฺติ ทสฺเสติ ‘‘วาโยธาตุวเสเนว ติฏฺตี’’ติ อิมินา. ตถา ปริภุตฺตฺหิ อาหารํ วาโยธาตุ เหฏฺา จ ติริยฺจ ฆนํ ปริวฏุมํ กตฺวา ยาว ปกฺกา สนฺนิรุชฺฌนวเสน อามาสเย ปติฏฺิตํ กโรตีติ. อุทฺธนํ นาม ยตฺถ อุกฺขลิยาทีนิ ปติฏฺาเปตฺวา ปจนฺติ, ยา ‘‘จุลฺลี’’ติปิ วุจฺจติ. รสฺสทณฺโฑ ทณฺฑโก. ปโตโท ยฏฺิ. อิตีติ วุตฺตปฺปการมติทิสติ. วุตฺตปฺปการสฺเสว หิ ธาตุวเสน วิภาวนา. ตตฺถ อติหรตีติ ยาว มุขา อภิหรติ. วีติหรตีติ ตโต กุจฺฉิยํ วิมิสฺสํ กโรนฺโต หรตี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๔) อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร, อาจริยานนฺทตฺเถโร ปน ‘‘ตโต ยาว กุจฺฉิ, ตาว หรตี’’ติ (วิภ. มูลฏี. ๕๒๓) อาห. ตทุภยมฺปิ อตฺถโต เอกเมว อุภยตฺถาปิ กุจฺฉิสมฺพนฺธมตฺตํ หรณสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา.
อปิจ อติหรตีติ มุขทฺวารํ อติกฺกาเมนฺโต หรติ. วีติหรตีติ กุจฺฉิคตํ ปสฺสโต หรติ. ธาเรตีติ อามาสเย ปติฏฺิตํ กโรติ ¶ . ปริวตฺเตตีติ อปราปรํ ปริวตฺตนํ กโรติ. สฺจุณฺเณตีติ มุสเลน วิย สฺจุณฺณนํ กโรติ. วิโสเสตีติ วิโสสนํ นาติสุกฺขํ กโรติ. นีหรตีติ กุจฺฉิโต พหิ นิทฺธาเรติ. ปถวีธาตุกิจฺเจสุปิ ยถาวุตฺโตเยว อตฺโถ. ตานิ ปน อาหารสฺส ธารณปริวตฺตนสฺจุณฺณนวิโสสนานิ ปถวีสหิตา เอว วาโยธาตุ กาตุํ สกฺโกติ, น เกวลา, ตสฺมา ตานิ ปถวีธาตุยาปิ กิจฺจภาเวน วุตฺตานิ. สิเนเหตีติ เตเมติ. อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลตีติ ยถา วาโยธาตุอาทีหิ อติวิย โสสนํ น โหติ, ตถา อลฺลภาวฺจ นาติอลฺลตากรณวเสน อนุปาเลติ. อฺชโสติ อาหารสฺส ปวิสนปริวตฺตนนิกฺขมนาทีนํ มคฺโค. วิฺาณธาตูติ มโนวิฺาณธาตุ ปริเยสนชฺโฌหรณาทิวิชานนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ปริเยสนชฺโฌหรณาทิกิจฺเจ. ตํตํวิชานนสฺส ปจฺจยภูโต ตํนิปฺผาทโกเยว ปโยโค สมฺมาปโยโค นาม. เยน หิ ปโยเคน ปริเยสนาทิ นิปฺผชฺชติ,. โส ตพฺพิสยวิชานนมฺปิ นิปฺผาเทติ นาม ตทวินาภาวโต. ตมนฺวาย อาคมฺมาติ อตฺโถ. อาภุชตีติ ปริเยสนวเสน, อชฺฌาหรณชิณฺณาชิณฺณตาทิปฏิสํเวทนวเสน จ ตานิ ปริเยสนชฺโฌหรณชิณฺณาชิณฺณตาทีนิ อาวชฺเชติ วิชานาติ. อาวชฺชนปุพฺพกตฺตา วิชานนสฺส วิชานนมฺเปตฺถ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา สมฺมาปโยโค นาม สมฺมาปฏิปตฺติ. ตมนฺวาย อาคมฺม. ‘‘อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ภฺุชนโก นตฺถี’’ติอาทินา อาภุชติ สมนฺนาหรติ, วิชานาตีติ อตฺโถ. อาโภคปุพฺพโก หิ สพฺโพ วิฺาณพฺยาปาโรติ ‘‘อาภุชติ’’จฺเจว วุตฺตํ.
คมนโตติ ¶ ภิกฺขาจารวเสน โคจรคามํ อุทฺทิสฺส คมนโต. ปจฺจาคมนมฺปิ คมนสภาวตฺตา อิมินาว สงฺคหิตํ. ปริเยสนโตติ โคจรคาเม ภิกฺขาย อาหิณฺฑนโต. ปริเยสนสภาวตฺตา อิมินาว ปฏิกฺกมนสาลาทิอุปสงฺกมนมฺปิ สงฺคหิตํ. ปริโภคโตติ ทนฺตมุสเลหิ สฺจุณฺเณตฺวา ชิวฺหาย สมฺปริวตฺตนกฺขเณเยว อนฺตรหิตวณฺณคนฺธสงฺขารวิเสสํ สุวานโทณิยํ สุวานวมถุ วิย ปรมเชคุจฺฉํ อาหารํ ปริภฺุชนโต. อาสยโตติ เอวํ ปริภุตฺตสฺส อาหารสฺส ปิตฺตเสมฺหปุพฺพโลหิตาสยภาวูปคมเนน ปรมชิคุจฺฉนเหตุภูตโต อามาสยสฺส อุปริ ปติฏฺานกปิตฺตาทิจตุพฺพิธาสยโต. อาสยติ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาโนปิ ¶ กมฺมพลววตฺถิโต หุตฺวา มริยาทวเสน อฺมฺํ อสงฺกรโต ติฏฺติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ หิ อาสโย, อามาสยสฺส อุปริ ปติฏฺานโก ปิตฺตาทิ จตุพฺพิธาสโย. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร. นิธานโตติ อามาสยโต. นิเธติ ยถาภุตฺโต อาหาโร นิจิโต หุตฺวา ติฏฺติ เอตฺถาติ หิ อามาสโย ‘‘นิธาน’’นฺติ วุจฺจติ. อปริปกฺกโตติ ภุตฺตาหารปริปาจเนน คหณีสงฺขาเตน กมฺมชเตชสา อปริปากโต. ปริปกฺกโตติ ยถาวุตฺตกมฺมชเตชสาว ปริปากโต. ผลโตติ นิปฺผตฺติโต, สมฺมาปริปจฺจมานสฺส, อสมฺมาปริปจฺจมานสฺส จ ภุตฺตาหารสฺส ยถากฺกมํ เกสาทิกุณปททฺทุอาทิโรคาภินิปฺผตฺติสงฺขาตปโยชนโตติ วา อตฺโถ. ‘‘อิทมสฺส ผล’’นฺติ หิ วุตฺตํ. นิสฺสนฺทนโตติ อกฺขิกณฺณาทีสุ อเนกทฺวาเรสุ อิโต จิโต จ วิสฺสนฺทนโต. วุตฺตฺหิ –
‘‘อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, โภชนฺจ มหารหํ;
เอกทฺวาเรน ปวิสิตฺวา, นวทฺวาเรหิ สนฺทตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๓);
สมฺมกฺขนโตติ หตฺถโอฏฺาทิองฺเคสุ นวสุ ทฺวาเรสุ ปริโภคกาเล, ปริภุตฺตกาเล จ ยถารหํ สพฺพโส มกฺขนโต. สพฺพตฺถ อาหาเร ปฏิกฺกูลตา ปจฺจเวกฺขิตพฺพาติ สห ปาเสเสน โยชนา. ตํตํกิริยานิปฺผตฺติปฏิปาฏิวเสน จายํ ‘‘คมนโต’’ติอาทิกา อนุปุพฺพี ปิตา. สมฺมกฺขนํ ปน ปริโภคาทีสุ ลพฺภมานมฺปิ นิสฺสนฺทวเสน วิเสสโต ปฏิกฺกูลนฺติ สพฺพปจฺฉา ปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปตฺตกาเลติ ยุตฺตกาเล, ยถาวุตฺเตน วา เตเชน ปริปจฺจนโต อุจฺจารปสฺสาวภาวํ ปตฺตกาเล. เวคสนฺธารเณน อุปฺปนฺนปริฬาหตฺตา สกลสรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ. ตโตเยว อกฺขีนิ ปริพฺภมนฺติ, จิตฺตฺจ เอกคฺคํ น โหติ. อฺเ จ สูลภคนฺทราทโย โรคา อุปฺปชฺชนฺติ. สพฺพํ ตนฺติ เสทมุจฺจนาทิกํ.
อฏฺาเนติ ¶ มนุสฺสามนุสฺสปริคฺคหิเต เขตฺตเทวายตนาทิเก อยุตฺตฏฺาเน. ตาทิเส หิ กโรนฺตํ กุทฺธา มนุสฺสา, อมนุสฺสา วา ชีวิตกฺขยมฺปิ ปาเปนฺติ. อาปตฺตีติ ปน ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ ยถารหํ ทุกฺกฏปาจิตฺติยา. ปติรูเป าเนติ วุตฺตวิปรีเต าเน. สพฺพํ ตนฺติ อาปตฺติอาทิกํ.
นิกฺขมาเปตา ¶ อตฺตา นาม อตฺถิ, ตสฺส กามตาย นิกฺขมนนฺติ พาลมฺนํ นิวตฺเตตุํ ‘‘อกามตายา’’ติ วุตฺตํ, อตฺตโน อนิจฺฉาย อปโยเคน วาโยธาตุวิปฺผาเรเนว นิกฺขมตีติ วุตฺตํ โหติ. สนฺนิจิตาติ สมุจฺจเยน ิตา. วายุเวคสมุปฺปีฬิตาติ วาโยธาตุยา เวเคน สมนฺตโต อวปีฬิตา, นิกฺขมนสฺส เจตํ เหตุวจนํ. ‘‘สนฺนิจิตา อุจฺจารปสฺสาวา’’ติ วตฺวา ‘‘โส ปนายํ อุจฺจารปสฺสาโว’’ติ ปุน วจนํ สมาหารทฺวนฺเทปิ ปุลฺลิงฺคปโยคสฺส สมฺภวตาทสฺสนตฺถํ. เอกตฺตเมว หิ ตสฺส นิยตลกฺขณนฺติ. อตฺตนา นิรเปกฺขํ นิสฺสฏฺตฺตา เนว อตฺตโน อตฺถาย สนฺตกํ วา โหติ, กสฺสจิปิ ทียนวเสน อนิสฺสชฺชิตตฺตา, ชิคุจฺฉนียตฺตา จ น ปรสฺสปีติ อตฺโถ. สรีรนิสฺสนฺโทวาติ สรีรโต วิสฺสนฺทนเมว นิกฺขมนมตฺตํ. สรีเร สติ โส โหติ, นาสตีติ สรีรสฺส อานิสํสมตฺตนฺติปิ วทนฺติ. ตทยุตฺตเมว นิทสฺสเนน วิสมภาวโต. ตตฺถ หิ ‘‘ปฏิชคฺคนมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ, ปฏิโสธนมตฺตํ เอวาติ จสฺส อตฺโถ. เวฬุนาฬิอาทิอุทกภาชนํ อุทกตุมฺโพ. ตนฺติ ฉฑฺฑิตอุทกํ.
‘‘คเตติ คมเน’’ติ ปุพฺเพ อภิกฺกมปฏิกฺกมคหเณน คมเนปิ ปุรโต, ปจฺฉโต จ กายสฺส อติหรณํ วุตฺตนฺติ อิธ คมนเมว คหิต’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๕๒๕) อาจริยานนฺทตฺเถเรน วุตฺตํ, ตํ เกจิวาโท นาม อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน กตํ. กสฺมาติ เจ? คมเน ปวตฺตสฺส ปุรโต, ปจฺฉโต จ กายาติหรณสฺส ตทวินาภาวโต ปทวีติหารนิยมิตาย คมนกิริยาย เอว สงฺคหิตตฺตา, วิภงฺคฏฺกถาทีหิ (อภิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓) จ วิโรธนโต. วุตฺตฺหิ ตตฺถ คมนสฺส อุภยตฺถ สมวโรธตฺตํ, เภทตฺตฺจ –
‘‘เอตฺถ จ เอโก อิริยาปโถ ทฺวีสุ าเนสุ อาคโต. โส เหฏฺา ‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต’ติ เอตฺถ ภิกฺขาจารคามํ คจฺฉโต จ อาคจฺฉโต จ อทฺธานคมนวเสน กถิโต. ‘คเต ิเต นิสินฺเน’ติ เอตฺถ วิหาเร จุณฺณิกปาทุทฺธารอิริยาปถวเสน กถิโตติ เวทิตพฺโพ’’ติ.
‘‘คเต’’ติอาทีสุ อวตฺถาเภเทน กิริยาเภโทเยว, น ปน อตฺถเภโทติ ทสฺเสตุํ ‘‘คจฺฉนฺโต วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ ¶ . ตตฺถ สุตฺเตติ ทีฆนิกาเย, มชฺฌิมนิกาเย จ สงฺคีเต ¶ สติปฏฺานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๗๒; ม. นิ. ๑.๑๐๕) อทฺธานอิริยาปถาติ จิรปวตฺตกา ทีฆกาลิกา อิริยาปถา อทฺธานสทฺทสฺส จิรกาลวจนโต ‘‘อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติก’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๘๔; ๓.๑๗๗; ปารา. ๒๑) วิย, อทฺธานคมนปวตฺตกา วา ทีฆมคฺคิกา อิริยาปถา. อทฺธานสทฺโท หิ ทีฆมคฺคปริยาโย ‘‘อทฺธานคมนสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๒๑๓, ๒๑๗) วิย. มชฺฌิมาติ ภิกฺขาจาราทิวเสน ปวตฺตา นาติจิรกาลิกา, นาติทีฆมคฺคิกา วา อิริยาปถา. จุณฺณิยอิริยาปถาติ วิหาเร, อฺตฺถ วา อิโต จิโต จ ปริวตฺตนาทิวเสน ปวตฺตา อปฺปมตฺตกภาเวน จุณฺณวิจุณฺณิยภูตา อิริยาปถา. อปฺปมตฺตกมฺปิ หิ ‘‘จุณฺณวิจุณฺณ’’นฺติ โลเก วทนฺติ. ‘‘ขุทฺทกจุณฺณิกอิริยาปถา’’ติปิ ปาโ, ขุทฺทกา หุตฺวา วุตฺตนเยน จุณฺณิกา อิริยาปถาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ เอวํ อวตฺถาเภเทน อิริยาปถเภทมตฺตสฺส กถนโต. เตสุปีติ ‘‘คเต ิเต’’ติอาทีสุปิ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘อภิกฺกนฺเต’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยน.
อปรภาเคติ คมนอิริยาปถโต อปรภาเค. ิโตติ ิตอิริยาปถสมฺปนฺโน. เอตฺเถวาติ จงฺกมเนเยว. เอวํ สพฺพตฺถ ยถารหํ.
คมนานนิสชฺชานํ วิย นิสีทนสยนสฺส กมวจนมยุตฺตํ เยภุยฺเยน ตถา กมาภาวโตติ ‘‘อุฏฺาย’’ มิจฺเจว วุตฺตํ.
ชาคริตสทฺทสนฺนิธานโต เจตฺถ ภวงฺโคตรณวเสน นิทฺโทกฺกมนเมว สยนํ, น ปน ปิฏฺิปสารณมตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘กิริยามยปวตฺตาน’’นฺติอาทินา. ทิวาเสยฺยสิกฺขาปเท (ปารา. ๗๗) วิย ปิฏฺิปสารณสฺสาปิ สยนอิริยาปถภาเวน เอกลกฺขณตฺตา เอตฺถาวโรธนํ ทฏฺพฺพํ. กรณํ กิริยา, กายาทิกิจฺจํ, ตํ นิพฺพตฺเตนฺตีติ กิริยามยานิ ตทฺธิตสทฺทานมเนกตฺถวุตฺติโต. อถ วา อาวชฺชนทฺวยกิจฺจํ กิริยา, ตาย ปกตานิ, นิพฺพตฺตานิ วา กิริยามยานิ. อาวชฺชนวเสน หิ ภวงฺคุปจฺเฉเท สติ วีถิจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ. อปราปรุปฺปตฺติยา นานปฺปการโต วตฺตนฺติ ปริวตฺตนฺตีติ ปวตฺตานิ. กตฺถจิ ปน ‘‘จิตฺตาน’’นฺติ ปาโ, โส อภิธมฺมฏฺกถาทีหิ, (วิภ. อฏฺ. ๕๒๓) ตฏฺฏีกาหิ จ วิรุทฺธตฺตา น โปราณปาโติ เวทิตพฺโพ. กิริยามยานิ เอว ปวตฺตานิ ตถา, ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวาริกวีถิจิตฺตํ. เตนาห อภิธมฺมฏีกายํ (วิภ. มูลฏี. ๕๒๕) ‘‘กายาทิกิริยามยตฺตา ¶ , อาวชฺชนกิริยาสมุฏฺิตตฺตา จ ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวารปฺปวตฺตํ กิริยามยปวตฺตํ นามา’’ติ. อปฺปวตฺตนฺติ นิทฺโทกฺกมนกาเล อนุปฺปชฺชนํ สุตฺตํ นามาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เนยฺยตฺถวจนฺหิ ¶ อิทํ, อิตรถา ฉทฺวาริกจิตฺตานํ ปุเรจรานุจรวเสน อุปฺปชฺชนฺตานํ สพฺเพสมฺปิ ทฺวารวิมุตฺตจิตฺตานํ ปวตฺตํ สุตฺตํ นาม สิยา, เอวฺจ กตฺวา นิทฺโทกฺกมนกาลโต อฺสฺมึ กาเล อุปฺปชฺชนฺตานํ ทฺวารวิมุตฺตจิตฺตานมฺปิ ปวตฺตํ ชาคริเต สงฺคยฺหตีติ เวทิตพฺพํ.
จิตฺตสฺส ปโยคการณภูเต โอฏฺาทิเก ปฏิจฺจ ยถาสกํ าเน สทฺโท ชายตีติ อาห ‘‘โอฏฺเ จ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ. กิฺจาปิ สทฺโท ยถาานํ ชายติ, โอฏฺาลนาทินา ปน ปโยเคเนว ชายติ, น วินา เตน ปโยเคนาติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘โอฏฺเ จาติอาทิ สทฺทุปฺปตฺติฏฺานนิทสฺสน’’นฺติ, ตทยุตฺตเมว ตถา อวจนโต. น หิ ‘‘โอฏฺเ จ ปฏิจฺจา’’ติอาทินา สสมุจฺจเยน กมฺมวจเนน านวจนํ สมฺภวตีติ. ตทนุรูปนฺติ ตสฺส สทฺทสฺส อนุรูปํ. ภาสนสฺส ปฏิสฺจิกฺขนวิโรธโต ตุณฺหีภาวปกฺเข ‘‘อปรภาเค ภาสิโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขตี’’ติ น วุตฺตํ, เตน จ วิฺายติ ‘‘ตุณฺหีภูโตว ปฏิสฺจิกฺขตีติ อตฺโถ’’ติ.
ภาสนตุณฺหีภาวานํ สภาวโต เภเท สติ อยํ วิภาโค ยุตฺโต สิยา, นาสตีติ อนุโยเคนาห ‘‘อุปาทารูปปวตฺติยฺหี’’ติอาทิ. อุปาทารูปสฺส สทฺทายตนสฺส ปวตฺติ ตถา, สทฺทายตนสฺส ปวตฺตนํ ภาสนํ, อปฺปวตฺตนํ ตุณฺหีติ วุตฺตํ โหติ.
ยสฺมา ปน มหาสิวตฺเถรวาเท อนนฺตเร อนนฺตเร อิริยาปเถ ปวตฺตรูปารูปธมฺมานํ ตตฺถ ตตฺเถว นิโรธทสฺสนวเสน สมฺปชานการิตา คหิตา, ตสฺมา ตํ มหาสติปฏฺานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๗๖; ม. นิ. ๑.๑๐๙) อาคตอสมฺโมหสมฺปชฺวิปสฺสนาวารวเสน เวทิตพฺพํ, น จตุพฺพิธสมฺปชฺวิภาควเสน, อโต ตตฺเถว ตมธิปฺเปตํ, น อิธาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตยิท’’นฺติอาทิมาห. อสมฺโมหสงฺขาตํ ธุรํ เชฏฺกํ ยสฺส วจนสฺสาติ อสมฺโมหธุรํ, มหาสติปฏฺานสุตฺเตเยว ตสฺส วจนสฺส อธิปฺเปตภาวสฺส เหตุคพฺภมิทํ วจนํ. ยสฺมา ปเนตฺถ สพฺพมฺปิ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ ลพฺภติ ยาวเทว สามฺผลวิเสสทสฺสนปธานตฺตา ¶ อิมิสฺสา เทสนาย, ตสฺมา ตํ อิธ อธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺมึ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุตฺตนเยเนวาติ อภิกฺกนฺตาทีสุ วุตฺตนเยเนว. นนุ ‘‘สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต’’ติ เอตสฺส อุทฺเทสสฺสายํ นิทฺเทโส, อถ กสฺมา สมฺปชฺวเสเนว วิตฺถาโร กโตติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘สมฺปชานการีติ จา’’ติอาทิมาห, สติสมฺปยุตฺตสฺเสว สมฺปชานสฺส วเสน อตฺถสฺส วิทิตพฺพตฺตา เอวํ วิตฺถาโร กโตติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สติสมฺปยุตฺตสฺเสวา’’ติ จ อิมินา ยถา สมฺปชฺสฺส กิจฺจโต ปธานตา ¶ คหิตา, เอวํ สติยาปีติ อตฺถํ ทสฺเสติ, น ปเนตํ สติยา สมฺปชฺเน สห ภาวมตฺตทสฺสนํ. น หิ กทาจิ สติรหิตา าณปฺปวตฺติ อตฺถีติ.
นนุ จ สมฺปชฺวเสเนวายํ วิตฺถาโร, อถ กสฺมา สติสมฺปยุตฺตสฺส สมฺปชฺสฺส วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพติ โจทนมฺปิ โสเธติ ‘‘สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโตติ เอตสฺส หิ ปทสฺส อยํ วิตฺถาโร’’ติ อิมินา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต’’ติ เอวํ เอกโต อุทฺทิฏฺสฺส อตฺถสฺส วิตฺถารตฺตา อุทฺเทเส วิย นิทฺเทเสปิ ตทุภยํ สมธุรภาเวเนว คหิตนฺติ. อิมินาปิ หิ สติยา สมฺปชฺเน สมธุรตํเยว วิภาเวติ เอกโต อุทฺทิฏฺสฺส อตฺถสฺส วิตฺถารภาวทสฺสเนน ตทตฺถสฺส สิทฺธตฺตา. อิทานิ วิภงฺคนเยนาปิ ตทตฺถํ สมตฺเถตุํ ‘‘วิภงฺคปฺปกรเณ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมินาปิ หิ สมฺปชฺสฺส วิย สติยาเปตฺถ ปธานตํเยว วิภาเวติ. ตตฺถ เอตานิ ปทานีติ ‘‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหตี’’ติอาทีนิ อุทฺเทสปทานิ. วิภตฺตาเนวาติ สติยา สมฺปชฺเน สมฺปโยคมกตฺวา สพฺพฏฺาเนสุ วิสุํ วิสุํ วิภตฺตานิเยว.
มชฺฌิมภาณกา, ปน อาภิธมฺมิกา (วิภ. อฏฺ. ๕๒๓) จ เอวํ วทนฺติ – เอโก ภิกฺขุ คจฺฉนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต คจฺฉติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว คจฺฉติ. ตถา เอโก ติฏฺนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต ติฏฺติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว ติฏฺติ. เอโก นิสีทนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต นิสีทติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว นิสีทติ. เอโก สยนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต สยติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว สยติ. เอตฺตเกน ปน โคจรสมฺปชฺํ น ปากฏํ โหตีติ จงฺกมเนน ทีเปนฺติ. โย หิ ภิกฺขุ จงฺกมํ โอตริตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ิโต ปริคฺคณฺหาติ ‘‘ปาจีนจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา ¶ ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตาปิ ปาจีนจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, จงฺกมนเวมชฺเฌ ปวตฺตา อุโภ โกฏิโย อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, จงฺกมเน ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา านํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, าเน ปวตฺตา นิสชฺชํ, นิสชฺชาย ปวตฺตา สยนํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโต ปริคฺคณฺหนฺโตเยว ภวงฺคํ โอตาเรติ, อุฏฺหนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว อุฏฺหติ. อยํ ภิกฺขุ คตาทีสุ สมฺปชานการี นาม โหติ.
เอวํ ปน สุตฺเต กมฺมฏฺานํ อวิภูตํ โหติ, กมฺมฏฺานํ อวิภูตํ น กาตพฺพํ, ตสฺมา โย ¶ ภิกฺขุ ยาว สกฺโกติ, ตาว จงฺกมิตฺวา ตฺวา นิสีทิตฺวา สยมาโน เอวํ ปริคฺคเหตฺวา สยติ ‘‘กาโย อเจตโน, มฺโจ อเจตโน, กาโย น ชานาติ ‘อหํ มฺเจ สยิโต’ติ, มฺโจปิ น ชานาติ ‘มยิ กาโย สยิโต’ติ. อเจตโน กาโย อเจตเน มฺเจ สยิโต’’ติ. เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโต ปริคฺคณฺหนฺโตเยว จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตาเรติ, ปพุชฺฌนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว ปพุชฺฌติ, อยํ สุตฺเต สมฺปชานการี นาม โหติ.
‘‘กายาทิกิริยานิปฺผตฺตเนน ตมฺมยตฺตา, อาวชฺชนกิริยาสมุฏฺิตตฺตา จ ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวารปฺปวตฺตํ กิริยามยปวตฺตํ นาม, ตสฺมึ สติ ชาคริตํ นาม โหตี’’ติ ปริคฺคณฺหนฺโต ภิกฺขุ ชาคริเต สมฺปชานการี นาม. อปิจ รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา ปฺจ โกฏฺาเส ชคฺคนฺโตปิ ชาคริเต สมฺปชานการี นาม โหติ.
วิมุตฺตายตนสีเสน ธมฺมํ เทเสนฺโตปิ, พาตฺตึส ติรจฺฉานกถา ปหาย ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตํ สปฺปายกถํ กเถนฺโตปิ ภาสิเต สมฺปชานการี นาม.
อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิยํ มนสิการํ ปวตฺเตนฺโตปิ ทุติยชฺฌานํ สมาปนฺโนปิ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี นาม. ทุติยฺหิ ฌานํ วจีสงฺขารวิรหโต วิเสสโต ตุณฺหีภาโว นามาติ. อยมฺปิ นโย ปุริมนยโต วิเสสนยตฺตา อิธาปิ อาหริตฺวา วตฺตพฺโพ. ตถา เหส อภิธมฺมฏฺกถาทีสุ (วิภ. อฏฺ. ๕๒๓) ‘‘อยํ ปเนตฺถ อปโรปิ นโย’’ติ อารภิตฺวา ¶ ยถาวุตฺตนโย วิภาวิโตติ. ‘‘เอวํ โข มหาราชา’’ติอาทิ ยถานิทฺทิฏฺสฺส อตฺถสฺส นิคมนํ, ตสฺมา ตตฺถ นิทฺเทสานุรูปํ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอว’’นฺติอาทิมาห. สติสมฺปยุตฺตสฺส สมฺปชฺสฺสาติ หิ นิทฺเทสานุรูปํ อตฺถวจนํ. ตตฺถ วินิจฺฉโย วุตฺโตเยว. เอวนฺติ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน อภิกฺกนฺตปฏิกฺกนฺตาทีสุ สตฺตสุ าเนสุ ปจฺเจกํ จตุพฺพิเธน ปกาเรนาติ อตฺโถ.
สนฺโตสกถาวณฺณนา
๒๑๕. อตฺถทสฺสเนน ปทสฺสปิ วิฺายมานตฺตา ปทมนเปกฺขิตฺวา สนฺโตสสฺส อตฺตนิ อตฺถิตาย ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโติ ปวุจฺจตีติ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ. สนฺตุสฺสติ น ลุทฺโธ ภวตีติ หิ ปทนิพฺพจนํ. อปิจ ปทนิพฺพจนวเสน อตฺเถ วุตฺเต ยสฺส สนฺโตสสฺส อตฺตนิ อตฺถิภาวโต สนฺตุฏฺโ นาม, โส อปากโฏติ ตํ ปากฏกรณตฺถํ ‘‘อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคโต’’ติ อตฺถมตฺตมาห, จีวราทิเก ¶ ยตฺถ กตฺถจิ กปฺปิยปจฺจเย สนฺโตเสน สมงฺคีภูโตติ อตฺโถ. อิตร-สทฺโท หิ อนิยมวจโน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโน ยํ กิฺจิ-สทฺเทน สมานตฺโถ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ กปฺปิยปจฺจเย’’ติ. อถ วา อิตรํ วุจฺจติ หีนํ ปณีตโต อฺตฺตา, ตถา ปณีตมฺปิ หีนโต อฺตฺตา. อฺมฺาเปกฺขาสิทฺธา หิ อิตรตา, ตสฺมา หีเนน วา ปณีเตน วา จีวราทิกปฺปิยปจฺจเยน สนฺโตเสน สมงฺคีภูโตติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สนฺตุสฺสติ เตน, สนฺตุสฺสนมตฺตนฺติ วา สนฺโตโส, ตถา ปวตฺโต อโลโภ, อโลภปธานา วา จตฺตาโร ขนฺธา. ลภนํ ลาโภ, อตฺตโน ลาภสฺส อนุรูปํ สนฺโตโส ยถาลาภสนฺโตโส. พลนฺติ กายพลํ, อตฺตโน พลสฺส อนุรูปํ สนฺโตโส ยถาพลสนฺโตโส. สารุปฺปนฺติ สปฺปายํ ปติรูปํ ภิกฺขุโน อนุจฺฉวิกตา, อตฺตโน สารุปฺปสฺส อนุรูปํ สนฺโตโส ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อปโร นโย – ลพฺภเตติ ลาโภ, โย โย ลาโภ ยถาลาภํ, อิตรีตรปจฺจโย, ยถาลาเภน สนฺโตโส ยถาลาภสนฺโตโส. พลสฺส อนุรูปํ ปวตฺตตีติ ยถาพลํ, อตฺตโน พลานุจฺฉวิกปจฺจโย, ยถา-สทฺโท เจตฺถ สสาธนํ อนุรูปกิริยํ ¶ วทติ, ยถา ตํ ‘‘อธิจิตฺต’’นฺติ เอตฺถ อธิ-สทฺโท สสาธนํ อธิกรณกิริยนฺติ. ยถาพเลน สนฺโตโส ยถาพลสนฺโตโส. สารุปฺปติ ปติรูปํ ภวติ, โสภนํ วา อาโรเปตีติ สารุปฺปํ, ยํ ยํ สารุปฺปํ ยถาสารุปฺปํ, ภิกฺขุโน สปฺปายปจฺจโย, ยถาสารุปฺเปน สนฺโตโส ยถาสารุปฺปสนฺโตโส. ยถาวุตฺตํ ปเภทมนุคตา วณฺณนา ปเภทวณฺณนา.
อิธาติ สาสเน. อฺํ น ปตฺเถตีติ อปฺปตฺตปตฺถนภาวมาห, ลภนฺโตปิ น คณฺหาตีติ ปตฺตปตฺถนาภาวํ. ปเมน อปฺปตฺตปตฺถนาภาเวเยว วุตฺเต ยถาลทฺธโต อฺสฺส อปตฺถนา นาม อปฺปิจฺฉตายปิ สิยา ปวตฺติอากาโรติ อปฺปิจฺฉตาปสงฺคภาวโต ตโตปิ นิวตฺตเมว สนฺโตสสฺส สรูปํ ทสฺเสตุํ ทุติเยน ปตฺตปตฺถนาภาโว วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. เอวมุปริปิ. ปกติทุพฺพโลติ อาพาธาทิวิรเหปิ สภาวทุพฺพโล. สมาโน สีลาทิภาโค ยสฺสาติ สภาโค, สห วา สีลาทีหิ คุณภาเคหิ วตฺตตีติ สภาโค, ลชฺชีเปสโล ภิกฺขุ, เตน. ตํ ปริวตฺเตตฺวาติ ปกติทุพฺพลาทีนํ ครุจีวรํ น ผาสุภาวาวหํ, สรีรเขทาวหฺจ โหตีติ ปโยชนวเสน ปริวตฺตนํ วุตฺตํ, น อตฺริจฺฉตาทิวเสน. อตฺริจฺฉตาทิปฺปกาเรน หิ ปริวตฺเตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโค สนฺโตสวิโรธี โหติ, ตสฺส ปน ตทภาวโต ยถาวุตฺตปฺปโยชนวเสน ปริวตฺเตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโคปิ น สนฺโตสวิโรธีติ อาห ‘‘ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. ปโยชนวเสน ปริวตฺเตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโคปิ น ตาว สนฺโตสวิโรธี, ปเคว ตถา อปริวตฺเตตฺวา ปริโภเคติ สมฺภาวิตสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถฺเหตฺถ อปิ-สทฺทคฺคหณํ. จีวรนิทฺเทเสปิ ¶ ‘‘ปตฺตจีวราทีนํ อฺตร’’นฺติ วจนํ ยถารุตํ คหิตาวเสสปจฺจยสนฺโตสสฺส จีวรสนฺโตเส สมวโรธิตาทสฺสนตฺถํ. ‘‘เถรโก อยมายสฺมา มลฺลโก’’ติอาทีสุ เถรโวหารสฺส ปฺตฺติมตฺเตปิ ปวตฺติโต ทสวสฺสโต ปภุติ จิรวสฺสปพฺพชิเตสฺเวว อิธ ปวตฺติาปนตฺถํ ‘‘เถรานํ จิรปพฺพชิตาน’’นฺติ วุตฺตํ, เถรานนฺติ วา สงฺฆตฺเถรํ วทติ. จิรปพฺพชิตานนฺติ ปน ตทวเสเส วุฑฺฒภิกฺขู. สงฺการกูฏาทิโตติ กจวรราสิอาทิโต. อนนฺตกานีติ นนฺตกานิ ปิโลติกานิ. ‘‘อ-กาโร ¶ เจตฺถ นิปาตมตฺต’’นฺติ (วิ. ว. อฏฺ. ๑๑๖๕) วิมานฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตถา จาหุ ‘‘นนฺตกํ กปฺปโฏ ชิณฺณวสนํ ตุ ปฏจฺจร’’นฺติ นตฺถิ ทสาสงฺขาโต อนฺโต โกฏิ เยสนฺติ หิ นนฺตกานิ, น-สทฺทสฺส ตุ อนาเทเส อนนฺตกานีติปิ ยุชฺชติ. สงฺเกตโกวิทานํ ปน อาจริยานํ ตถา อวุตฺตตฺตา วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘สนนฺตกานี’’ติปิ ปาโ, นนฺตเกน สห สํสิพฺพิตานิ ปํสุกูลานิ จีวรานีติ อตฺโถ. สงฺฆาฏินฺติ ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรํ จีวรํ. ตีณิปิ หิ จีวรานิ สงฺฆฏิตตฺตา ‘‘สงฺฆาฏี’’ติ วุจฺจนฺติ. มหคฺฆํ จีวรํ, พหูนิ วา จีวรานิ ลภิตฺวา ตานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ตทฺสฺส คหณมฺปิ มหิจฺฉตาทินเย อฏฺตฺวา ยถาสารุปฺปนเย เอว ิตตฺตา น สนฺโตสวิโรธีติ อาห ‘‘เตสํ…เป… ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. ยถาสารุปฺปนเยน ยถาลทฺธํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตทฺคหณมฺปิ น ตาว สนฺโตสวิโรธี, ปเคว อนฺคหเณน ยถาลทฺธสฺเสว ยถาสารุปฺปํ ปริโภเคติ สมฺภาวิตสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถฺเหตฺถ อปิ-สทฺทคฺคหณํ, เอวํ เสสปจฺจเยสุปิ ยถาพลยถาสารุปฺปนิทฺเทเสสุ อปิ-สทฺทคฺคหเณ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.
ปกติวิรุทฺธนฺติ สภาเวเนว อสปฺปายํ. สมณธมฺมกรณสีเสน สปฺปายปจฺจยปริเยสนํ, ปริภฺุชนฺจ วิเสสโต ยุตฺตตรนฺติ อตฺถนฺตรํ วิฺาเปตุํ ‘‘ยาเปนฺโตปี’’ติ อวตฺวา ‘‘สมณธมฺมํ กโรนฺโตปี’’ติ วุตฺตํ. มิสฺสกาหารนฺติ ตณฺฑุลมุคฺคาทีหิ นานาวิธปุพฺพณฺณาปรณฺเณหิ มิสฺเสตฺวา กตํ อาหารํ.
อฺมฺปิ เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตสํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โย หี’’ติอาทิ. ปเม หิ นเย ยถาลทฺธสฺส วิสฺสชฺชเนน, ทุติเย ปน ยถาปตฺตสฺส อสมฺปฏิจฺฉเนน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส วุตฺโตติ อยเมเตสํ วิเสโส. หิ-สทฺโท เจตฺถ ปกฺขนฺตรโชตโก. มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ ปน ปิ-สทฺโท ทิสฺสติ. ‘‘อุตฺตมเสนาสนํ นาม ปมาทฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ตพฺภาวเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ นิสินฺนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิทฺทาภิภูตสฺสาติ ถินมิทฺโทกฺกมเนน จิตฺตเจตสิกเคลฺภาวโต ภวงฺคสนฺตติสงฺขาตาย นิทฺทาย อภิภูตสฺส, นิทฺทายนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปฏิพุชฺฌโตติ ตถารูเปน อารมฺมณนฺตเรน ¶ ปฏิพุชฺฌนฺตสฺส ปฏิพุชฺฌนเหตุ ¶ กามวิตกฺกา ปาตุภวนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ปฏิพุชฺฌนโต’’ติปิ หิ กตฺถจิ ปาโ ทิสฺสติ. อยมฺปีติ ปมนยํ อุปาทาย วุตฺตํ.
เตสํ อาภเตนาติ เตหิ เถราทีหิ อาภเตน, เตสํ วา เยน เกนจิ สนฺตเกนาติ อชฺฌาหริตฺวา สมฺพนฺโธ. มุตฺตหรีตกนฺติ โคมุตฺตปริภาวิตํ, ปูติภาเวน วา โมจิตํ ฉฑฺฑิตํ หรีตกํ, อิทานิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘โคมุตฺตหรีตก’’นฺติ ปาโ, โส น โปราณปาโ ตพฺพณฺณนาย (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๕) วิรุทฺธตฺตา. จตุมธุรนฺติ มชฺฌิมาคมวเร มหาธมฺมสมาทานสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๘๔ อาทโย) วุตฺตํ ทธิมธุสปฺปิผาณิตสงฺขาตํ จตุมธุรํ, เอกสฺมิฺจ ภาชเน จตุมธุรํ เปตฺวา เตสุ ยทิจฺฉสิ, ตํ คณฺหาหิ ภนฺเตติ อตฺโถ. ‘‘สจสฺสา’’ติอาทินา ตทุภยสฺส โรควูปสมนภาวํ ทสฺเสติ. พุทฺธาทีหิ วณฺณิตนฺติ ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติอาทินา (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) สมฺมาสมฺพุทฺธาทีหิ ปสตฺถํ. อปฺปิจฺฉตาวิสิฏฺาย สนฺตุฏฺิยา นิโยชนโต ปรเมน อุกฺกํสคเตน สนฺโตเสน สนฺตุสฺสตีติ ปรมสนฺตุฏฺโ.
กามฺจ สนฺโตสปฺปเภทา ยถาวุตฺตโตปิ อธิกตรา จีวเร วีสติ สนฺโตสา, ปิณฺฑปาเต ปนฺนรส, เสนาสเน จ ปนฺนรส, คิลานปจฺจเย วีสตีติ, อิธ ปน สงฺเขเปน ทฺวาทสวิโธเยว สนฺโตโส วุตฺโต. ตทธิกตรปฺปเภโท ปน จตุรงฺคุตฺตเร มหาอริยวํสสุตฺตฏฺกถาย (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๘) คเหตพฺโพ. เตนาห ‘‘อิมินา ปนา’’ติอาทิ. เอวํ ‘‘อิธ มหาราช ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหตี’’ติ เอตฺถ ปุคฺคลาธิฏฺานนิทฺทิฏฺเน สนฺตุฏฺปเทเนว สนฺโตสปฺปเภทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตนา’’ติอาทิ เทสนานุรูปํ เตน สนฺโตเสน สนฺตุฏฺสฺส อนุจฺฉวิกํ ปจฺจยปฺปเภทํ, ตสฺส จ กายกุจฺฉิปริหาริยภาวํ วิภาเวนฺโต เอวมาหาติ อยเมตฺถ สมฺพนฺโธ. กามฺจสฺส จีวรปิณฺฑปาเตเหว ยถากฺกมํ กายกุจฺฉิปริหาริเยหิ สนฺตุฏฺตา ปาฬิยํ วุตฺตา, ตถาปิ เสสปริกฺขารจตุกฺเกน จ วินา วิจรณมยุตฺตํ, สพฺพตฺถ จ กายกุจฺฉิปริหาริยตา ลทฺธพฺพาติ อฏฺกถายํ อยํ วินิจฺฉโย วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ทนฺตกฏฺจฺเฉทนวาสีติ ลกฺขณมตฺตํ ตทฺกิจฺจสฺสาปิ ตาย สาเธตพฺพตฺตา, เตน วกฺขติ ‘‘มฺจปีานํ องฺคปาทจีวรกุฏิทณฺฑกสชฺชนกาเล จา’’ติอาทิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ โปราณฏฺกถาสุ ‘‘น เหตํ กตฺถจิปิ ปาฬิยมาคต’’นฺติ.
พนฺธนนฺติ ¶ กายพนฺธนํ. ปริสฺสาวเนน ปริสฺสาวนฺจ, เตน สหาติ วา อตฺโถ. ยุตฺโต กมฺมฏฺานภาวนาสงฺขาโต โยโค ยสฺส, ตสฺมึ วา โยโค ยุตฺโตติ ยุตฺตโยโค, ตสฺส.
กายํ ¶ ปริหรนฺติ โปเสนฺติ, กายสฺส วา ปริหาโร โปสนมตฺตํ ปโยชนเมเตหีติ กายปริหาริยา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา. โปสนฺเจตฺถ วฑฺฒนํ, ภรณํ วา, ตถา กุจฺฉิปริหาริยาปิ เวทิตพฺพา. พหิทฺธาว กายสฺส อุปการกภาเวน กายปริหาริยตา, อชฺโฌหรณวเสน สรีรฏฺิติยา อุปการกภาเวน กุจฺฉิปริหาริยตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. เตนาห ‘‘ติจีวรํ ตาวา’’ติอาทิ. ‘‘ปริหรตี’’ติ เอตสฺส โปเสตีติ อตฺถวจนํ. อิตีติ นิทสฺสเน นิปาโต, เอวํ วุตฺตนเยน กายปริหาริยํ โหตีติ การณโชตเน วา, ตสฺมา โปสนโต กายปริหาริยํ โหตีติ. เอวมุปริปิ. จีวรกณฺเณนาติ จีวรปริยนฺเตน.
กุฏิปริภณฺฑกรณกาเลติ กุฏิยา สมนฺตโต วิลิมฺปเนน สมฺมฏฺกรณกาเล.
องฺคํ นาม มฺจปีานํ ปาทูปริ ปิโต ปธานสมฺภารวิเสโส. ยตฺถ ปทรสฺจินนปิฏฺิอปสฺสยนาทีนิ กโรนฺติ, โย ‘‘อฏนี’’ติปิ วุจฺจติ.
มธุทฺทุมปุปฺผํ มธุกํ นาม, มกฺขิกามธูหิ กตปูวํ วา. ปริกฺขารมตฺตา ปริกฺขารปมาณํ. เสยฺยํ ปวิสนฺตสฺสาติ ปจฺจตฺถรณกฺุจิกานํ ตาทิเส กาเล ปริภุตฺตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตตฺรฏฺกํ ปจฺจตฺถรณ’’นฺติ. อตฺตโน สนฺตกภาเวน ปจฺจตฺถรณาธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ตตฺเถว เสนาสเน ติฏฺนกฺหิ ‘‘ตตฺรฏฺก’’นฺติ วุจฺจติ. วิกปฺปนวจนโต ปน เตสมฺตรสฺส นวมตา, ยถาวุตฺตปฏิปาฏิยา เจตฺถ นวมภาโว, น ตุ เตสํ ตถาปตินิยตภาเวน. กสฺมาติ เจ? ตถาเยว เตสมธารณโต. เอส นโย ทสมาทีสุปิ. เตลํ ปฏิสาเมตฺวา หริตา เวฬุนาฬิอาทิกา เตลนาฬิ. นนุ สนฺตุฏฺปุคฺคลทสฺสเน สนฺตุฏฺโว อฏฺปริกฺขาริโก ทสฺเสตพฺโพติ อนุโยเค ยถารหํ เตสมฺปิ สนฺตุฏฺภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอเตสุ จา’’ติอาทิมาห. มหนฺโต ปริกฺขารสงฺขาโต ภาโร เอเตสนฺติ มหาภารา, อยํ อธุนา ปาโ, อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘มหาคชา’’ติ ปาสฺส ทิฏฺตฺตา ‘‘ทุปฺโปสภาเวน ¶ มหาคชา วิยาติ มหาคชา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๕) วุตฺตํ, น เต เอตฺตเกหิ ปริกฺขาเรหิ ‘‘มหิจฺฉา, อสนฺตุฏฺา, ทุพฺภรา, พาหุลฺลวุตฺติโน’’ติ จ วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาโย. ยทิ อิตเรปิ สนฺตุฏฺา อปฺปิจฺฉตาทิสภาวา, กิเมเตสมฺปิ วเสน อยํ เทสนา อิจฺฉิตาติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺปริกฺขาริกสฺส วเสน อิมิสฺสา เทสนาย อิจฺฉิตภาโว กถํ วิฺายตีติ อนุโยคมฺปิ อปเนติ ‘‘โส หี’’ติอาทินา, ตสฺเสว ตถา ปกฺกนฺตภาเวน ‘‘กายปริหาริเกน จีวเรนา’’ติอาทิ ปาฬิยา โยคฺยโต ตสฺส วเสน อิจฺฉิตภาโว วิฺายตีติ วุตฺตํ โหติ. วจนียสฺส เหตุภาวทสฺสเนน หิ วาจกสฺสาปิ เหตุภาโว ทสฺสิโตติ ¶ . เอวฺจ กตฺวา ‘‘อิติ อิมสฺสา’’ติอาทิ ลทฺธคุณวจนมฺปิ อุปปนฺนํ โหติ. สลฺลหุกา วุตฺติ ชีวิกา ยสฺสาติ สลฺลหุกวุตฺติ, ตสฺส ภาโว สลฺลหุกวุตฺติตา, ตํ. กายปาริหาริเยนาติ ภาวปฺปธานนิทฺเทโส, ภาวโลปนิทฺเทโส วาติ ทสฺเสติ ‘‘กายํ ปริหรณมตฺตเกนา’’ติ อิมินา, กายโปสนปฺปมาเณนาติ อตฺโถ. ตถา กุจฺฉิปริหาริเยนาติ เอตฺถาปิ. วุตฺตนเยน เจตฺถ ทฺวิธา วจนตฺโถ, ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๕) ปน ปมสฺส วจนตฺถสฺส เหฏฺา วุตฺตตฺตา ทุติโยว อิธ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. มมายนตณฺหาย อาสงฺโค. ปริคฺคหตณฺหาย พนฺโธ. ชิยามุตฺโตติ ธนุชิยาย มุตฺโต. ยูถาติ หตฺถิคณโต. ติธา ปภินฺนมโท มทหตฺถี. วนปพฺภารนฺติ วเน ปพฺภารํ.
จตูสุ ทิสาสุ สุขวิหาริตาย สุขวิหารฏฺานภูตา, ‘‘เอกํ ทิสํ ผริตฺวา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๔๕๙, ๕๐๙; ๒.๓๐๙) วา นเยน พฺรหฺมวิหารภาวนาผรณฏฺานภูตา จตสฺโส ทิสา เอตสฺสาติ จตุทฺทิโส, โส เอว จาตุทฺทิโส, จตสฺโส วา ทิสา จตุทฺทิสํ, วุตฺตนเยน ตมสฺสาติ จาตุทฺทิโส ยถา ‘‘สทฺโธ’’ติ. ตาสฺเวว ทิสาสุ กตฺถจิปิ สตฺเต วา สงฺขาเร วา ภเยน น ปฏิหนติ, สยํ วา เตหิ น ปฏิหฺเตติ อปฺปฏิโฆ. สนฺตุสฺสมาโนติ สเกน, สนฺเตน วา, สมเมว วา ตุสฺสนโก. อิตรีตเรนาติ เยน เกนจิ ปจฺจเยน, อุจฺจาวเจน วา. ปริจฺจ สยนฺติ ปวตฺตนฺติ กายจิตฺตานิ, ตานิ วา ปริสยนฺติ อภิภวนฺตีติ ปริสฺสยา, สีหพฺยคฺฆาทโย พาหิรา, กามจฺฉนฺทาทโย จ อชฺฌตฺติกา กายจิตฺตุปทฺทวา, อุปโยคตฺเถ ¶ เจตํ สามิวจนํ. สหิตาติ อธิวาสนขนฺติยา, วีริยาทิธมฺเมหิ จ ยถารหํ ขนฺตา, คหนฺตา จาติ อตฺโถ. ถทฺธภาวกรภยาภาเวน อฉมฺภี. เอโก จเรติ อสหาโย เอกากี หุตฺวา จริตุํ วิหริตุํ สกฺกุเณยฺย. สมตฺถเน หิ เอยฺย-สทฺโท ยถา ‘‘โก อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓) ขคฺควิสาณกปฺปตาย เอกวิหารีติ ทสฺเสติ ‘‘ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ อิมินา. สณฺาเนน ขคฺคสทิสํ เอกเมว มตฺถเก อุฏฺิตํ วิสาณํ ยสฺสาติ ขคฺโค; ขคฺคสทฺเทน ตํสทิสวิสาณสฺส คหิตตฺตา, มหึสปฺปมาโณ มิควิเสโส, โย โลเก ‘‘ปลาสาโท, คณฺโก’’ติ จ วุจฺจติ, ตสฺส วิสาเณน เอกีภาเวน สทิโสติ อตฺโถ. อปิจ เอกวิหาริตาย ขคฺควิสาณกปฺโปติ ทสฺเสตุมฺปิ เอวํ วุตฺตํ. วิตฺถาโร ปนสฺสา อตฺโถ ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนายํ, (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๔๒) จูฬนิทฺเทเส (จูฬนิ. ๑๒๘) จ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
เอวํ วณฺณิตนฺติ ขคฺควิสาณสุตฺเต ภควตา ตถา เทสนาย วิวริตํ, โถมิตํ วา. ขคฺคสฺส ¶ นาม มิคสฺส วิสาเณน กปฺโป สทิโส ตถา. กปฺป-สทฺโท เหตฺถ ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต โภ กิร สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) วิย ปฏิภาเค วตฺตติ, ตสฺส ภาโว ขคฺควิสาณกปฺปตา, ตํ โส อาปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ.
วาตาภิฆาตาทีหิ สิยา สกุโณ ฉินฺนปกฺโข, อสฺชาตปกฺโข วา, อิธ ปน เฑตุํ สมตฺโถ สปกฺขิโกว อธิปฺเปโตติ วิเสสทสฺสนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘ปกฺขี สกุโณ’’ติ วุตฺตํ, น ตุ ‘‘อากาเส อนฺตลิกฺเข จงฺกมตี’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑) วิย ปริยายมตฺตทสฺสนตฺถนฺติ อาห ‘‘ปกฺขยุตฺโต สกุโณ’’ติ. อุปฺปตตีติ อุทฺธํ ปตติ คจฺฉติ, ปกฺขนฺทตีติ อตฺโถ. วิธุนนฺตาติ วิภินฺทนฺตา, วิจาเลนฺตา วา. อชฺชตนายาติ อชฺชภาวตฺถาย. ตถา สฺวาตนายาติ เอตฺถาปิ. อตฺตโน ปตฺตํ เอว ภาโร ยสฺสาติ สปตฺตภาโร. มมายนตณฺหาภาเวน นิสฺสงฺโค. ปริคฺคหตณฺหาภาเวน นิรเปกฺโข. เยน กามนฺติ ยตฺถ อตฺตโน รุจิ, ตตฺถ. ภาวนปุํสกํ วา เอตํ. เยน ยถา ปวตฺโต กาโมติ หิ เยนกาโม, ตํ, ยถากามนฺติ อตฺโถ.
นีวรณปฺปหานกถาวณฺณนา
๒๑๖. ปุพฺเพ ¶ วุตฺตสฺเสว อตฺถจตุกฺกสฺส ปุน สมฺปิณฺเฑตฺวา กถนํ กิมตฺถนฺติ อธิปฺปาเยน อนุโยคํ อุทฺธริตฺวา โสเธติ ‘‘โส…เป… กึ ทสฺเสตี’’ติอาทินา. ปจฺจยสมฺปตฺตินฺติ สมฺภารปาริปูรึ. อิเม จตฺตาโรติ สีลสํวโร อินฺทฺริยสํวโร สมฺปชฺํ สนฺโตโสติ ปุพฺเพ วุตฺตา จตฺตาโร อารฺิกสฺส สมฺภารา. น อิชฺฌตีติ น สมฺปชฺชติ น สผโล ภวติ. น เกวลํ อนิชฺฌนมตฺตํ, อถ โข อยมฺปิ โทโสติ ทสฺเสติ ‘‘ติรจฺฉานคเตหิ วา’’ติอาทินา. วตฺตพฺพตํ อาปชฺชตีติ ‘‘อสุกสฺส ภิกฺขุโน อรฺเ ติรจฺฉานคตานํ วิย, วนจรกานํ วิย จ นิวาสนมตฺตเมว, น ปน อรฺวาสานุจฺฉวิกา กาจิ สมฺมาปฏิปตฺติ อตฺถี’’ติ อปวาทวเสน วจนียภาวมาปชฺชติ, อิมสฺสตฺถสฺส ปน ทสฺสเนน วิรุชฺฌนโต สทฺธึ-สทฺโท น โปราโณติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อารฺเกหิ ติรจฺฉานคเตหิ, วนจรวิสภาคชเนหิ วา สทฺธึ วิปฺปฏิปตฺติวเสน วสนียภาวํ อาปชฺชติ. ‘‘น ภิกฺขเว ปณิธาย อรฺเ วตฺถพฺพํ, โย วเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๒๓) วิย หิ วตฺถพฺพ-สทฺโท วสิตพฺพปริยาโย. ตถา หิ วิภงฺคฏฺกถายมฺปิ วุตฺตํ ‘‘เอวรูปสฺส หิ อรฺวาโส กาฬมกฺกฏอจฺฉตรจฺฉทีปิมิคานํ อฏวิวาสสทิโส โหตี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๕๒๖) อธิวตฺถาติ อธิวสนฺตา. ปมํ เภรวสทฺทํ สาเวนฺติ. ตาวตา อปลายนฺตสฺส หตฺเถหิปิ สีสํ ปหริตฺวา ¶ ปลาปนาการํ กโรนฺตีติ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน กถิตํ. เอวํ พฺยติเรกโต ปจฺจยสมฺปตฺติยา ทสฺสิตภาวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ อนฺวยโตปิ ปกาเสตุํ ‘‘ยสฺส ปเนเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. กถํ อิชฺฌตีติ อาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ. กาฬโก ติลโกติ วณฺณวิการาปนโรควเสน อฺตฺถ ปริยายวจนํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ทุนฺนามกฺจ อริสํ, ฉทฺทิโก วมถูริโต;
ทวถุ ปริตาโปถ, ติลโก ติลกาฬโก’’ติ.
ติลสณฺานํ วิย ชายตีติ หิ ติลโก, กาโฬ หุตฺวา ชายตีติ กาฬโก. อิธ ปน ปณฺณตฺติวีติกฺกมสงฺขาตํ ถุลฺลวชฺชํ กาฬกสทิสตฺตา กาฬกํ, มิจฺฉาวีติกฺกมสงฺขาตํ อณุมตฺตวชฺชํ ติลกสทิสตฺตา ติลกนฺติ ¶ อยํ วิเสโส. ตนฺติ ตถา อุปฺปาทิตํ ปีตึ. วิคตภาเวน อุปฏฺานโต ขยวยวเสน สมฺมสนํ. ขียนฏฺเน หิ ขโยว วิคโต, วิปรีโต วา หุตฺวา อยนฏฺเน วโยติปิ วุจฺจติ. อริยภูมิ นาม โลกุตฺตรภูมิ. อิตีติ อริยภูมิโอกฺกมนโต, เทวตานํ วณฺณภณนโต วา, ตตฺถ ตตฺถ เทวตานํ วจนํ สุตฺวา ตสฺส ยโส ปตฺถโฏติ วุตฺตํ โหติ, เอวฺจ กตฺวา เหฏฺา วุตฺตํ อยสปตฺถรณมฺปิ เทวตานมาโรจนวเสนาติ คเหตพฺพํ.
วิวิตฺต-สทฺโท ชนวิเวเกติ อาห ‘‘สฺุ’’นฺติ. ตํ ปน ชนสทฺทนิคฺโฆสาภาเวน เวทิตพฺพํ สทฺทกณฺฏกตฺตา ฌานสฺสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสนฺติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. ชนกคฺคหเณเนว หิ อิธ ชฺํ คหิตํ. ตถา หิ วุตฺตํ วิภงฺเค ‘‘ยเทว ตํ อปฺปนิคฺโฆสํ, ตเทว ตํ วิชนวาต’’นฺติ (วิภ. ๕๓๓). อปฺปสทฺทนฺติ จ ปกติสทฺทาภาวมาห. อปฺปนิคฺโฆสนฺติ นครนิคฺโฆสาทิสทฺทาภาวํ. อีทิเสสุ หิ พฺยฺชนํ สาวเสสํ วิย, อตฺโถ ปน นิรวเสโสติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. มชฺฌิมาคมฏฺกถาวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๓๖๔) ปน อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร เอวมาห ‘‘อปฺปสทฺทสฺส ปริตฺตปริยายํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ ‘พฺยฺชนํ สาวเสสํ สิยา’ติ. เตนาห ‘น หิ ตสฺสา’ติอาทิ. อปฺปสทฺโท ปเนตฺถ อภาวตฺโถติปิ สกฺกา วิฺาตุํ ‘อปฺปาพาธตฺจ สฺชานามี’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วิยา’’ติ. ตมตฺถํ วิภงฺคปาฬิยา (วิภ. ๕๒๘) สํสนฺทนฺโต ‘‘เอตเทวา’’ติอาทิมาห. เอตเทวาติ จ มยา สํวณฺณิยมานํ นิสฺสทฺทตํ เอวาติ อตฺโถ. สนฺติเกปีติ คามาทีนํ สมีเปปิ เอทิสํ วิวิตฺตํ นาม, ปเคว ทูเรติ อตฺโถ. อนากิณฺณนฺติ อสงฺกิณฺณํ อสมฺพาธํ. ยสฺส เสนาสนสฺส สมนฺตา คาวุตมฺปิ อฑฺฒโยชนมฺปิ ปพฺพตคหนํ วนคหนํ นทีคหนํ โหติ, น โกจิ อเวลาย อุปสงฺกมิตุํ ¶ สกฺโกติ, อิทํ สนฺติเกปิ อนากิณฺณํ นาม. เสตีติ สยติ. อาสตีติ นิสีทติ. ‘‘เอตฺถา’’ติ อิมินา เสน-สทฺทสฺส, อาสน-สทฺทสฺส จ อธิกรณตฺถภาวํ ทสฺเสติ, จ-สทฺเทน จ ตทุภยปทสฺส จตฺถสมาสภาวํ. ‘‘เตนาหา’’ติอาทินา วิภงฺคปาฬิเมว อาหรติ.
อิทานิ ตสฺสาเยวตฺถํ เสนาสนปฺปเภททสฺสนวเสน วิภาเวตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิภงฺคปาฬิยํ นิทสฺสนนเยน สรูปโต ทสฺสิตเสนาสนสฺเสว หิ อยํ วิภาโค. ตตฺถ วิหาโร ปาการปริจฺฉินฺโน สกโล ¶ อาวาโส. อฑฺฒโยโค ทีฆปาสาโท, ‘‘ครุฬสณฺานปาสาโท’’ติปิ วทนฺติ. ปาสาโท จตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท. อฏฺโฏ ปฏิราชูนํ ปฏิพาหนโยคฺโค จตุปฺจภูมโก ปติสฺสยวิเสโส. มาโฬ เอกกูฏสงฺคหิโต อเนกโกณวนฺโต ปติสฺสยวิเสโส. อปโร นโย – วิหาโร ทีฆมุขปาสาโท. อฑฺฒโยโค เอกปสฺสฉทนกเคหํ. ตสฺส กิร เอกปสฺเส ภิตฺติ อุจฺจตรา โหติ, อิตรปสฺเส นีจา, เตน ตํ เอกฉทนกํ โหติ. ปาสาโท อายตจตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนกํ จนฺทิกงฺคณยุตฺตํ. คุหา เกวลา ปพฺพตคุหา. เลณํ ทฺวารพนฺธํ ปพฺภารํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. ‘‘มณฺฑโปติ สาขามณฺฑโป’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๖) เอวํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน, องฺคุตฺตรฏีกากาเรน จ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ.
วิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๕๒๗) ปน วิหาโรติ สมนฺตา ปริหารปถํ, อนฺโตเยว จ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ ทสฺเสตฺวา กตเสนาสนํ. อฑฺฒโยโคติ สุปณฺณวงฺกเคหํ. ปาสาโทติ ทฺเว กณฺณิกานิ คเหตฺวา กโต ทีฆปาสาโท. อฏฺโฏติ ปฏิราชาทิปฏิพาหนตฺถํ อิฏฺกาหิ กโต พหลภิตฺติโก จตุปฺจภูมโก ปติสฺสยวิเสโส. มาโฬติ โภชนสาลาสทิโส มณฺฑลมาโฬ. วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘เอกกูฏสงฺคหิโต จตุรสฺสปาสาโท’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๘๒-๔๘๗) วุตฺตํ. เลณนฺติ ปพฺพตํ ขณิตฺวา วา ปพฺภารสฺส อปฺปโหนกฏฺาเน กุฏฺฏํ อุฏฺาเปตฺวา วา กตเสนาสนํ. คุหาติ ภูมิทริ วา ยตฺถ รตฺตินฺทิวํ ทีปํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ปพฺพตคุหา วา ภูมิคุหา วาติ วุตฺตํ.
ตํ อาวสถภูตํ ปติสฺสยเสนาสนํ วิหริตพฺพฏฺเน, วิหารฏฺานฏฺเน จ วิหารเสนาสนํ นาม. มสารกาทิจตุพฺพิโธ มฺโจ. ตถา ปีํ. อุณฺณภิสิอาทิปฺจวิธา ภิสิ. สีสปฺปมาณํ พิมฺโพหนํ. วิตฺถารโต วิทตฺถิจตุรงฺคุลตา, ทีฆโต มฺจวิตฺถารปฺปมาณตา เจตฺถ สีสปฺปมาณํ. มสารกาทีนิ มฺจปีภาวโต, ภิสิอุปธานฺจ มฺจปีสมฺพนฺธโต มฺจปีเสนาสนํ. มฺจปีภูตฺหิ เสนาสนํ, มฺจปีสมฺพนฺธฺจ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสเสน วา ‘‘มฺจปีเสนาสน’’นฺติ ¶ วุจฺจติ. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถโรปิ เอวเมว วทติ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘มฺจปีเสนาสนนฺติ มฺจปีฺเจว มฺจปีสมฺพนฺธเสนาสนฺจา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๖) วุตฺตํ. จิมิลิกา ¶ นาม สุธาปริกมฺมกตาย ภูมิยา วณฺณานุรกฺขณตฺถํ ปฏขณฺฑาทีหิ สิพฺเพตฺวา กตา. จมฺมขณฺโฑ นาม สีหพฺยคฺฆทีปิตรจฺฉจมฺมาทีสุปิ ยํ กิฺจิ จมฺมํ. อฏฺกถาสุ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๒; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๘๒) หิ เสนาสนปริโภเค ปฏิกฺขิตฺตจมฺมํ น ทิสฺสติ. ติณสนฺถาโรติ เยสํ เกสฺจิ ติณานํ สนฺถาโร. เอเสว นโย ปณฺณสนฺถาเรปิ. จิมิลิกาทิ ภูมิยํ สนฺถริตพฺพตาย สนฺถตเสนาสนํ. ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฏิกฺกมนฺตีติ เปตฺวา วา เอตานิ มฺจาทีนิ ยตฺถ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ, สพฺพเมตํ เสนาสนํ นามาติ เอวํ วุตฺตํ อวเสสํ รุกฺขมูลาทิปฏิกฺกมิตพฺพฏฺานํ อภิสงฺขรณาภาวโต เกวลํ สยนสฺส, นิสฺสชฺชาย จ โอกาสภูตตฺตา โอกาสเสนาสนํ. เสนาสนคฺคหเณนาติ ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสน’’นฺติ อิมินา เสนาสนสทฺเทน วิวิตฺตเสนาสนสฺส วา อาทาเนน, วจเนน วา คหิตเมว สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต, วิเสสตฺถินา จ วิเสสสฺส ปยุชฺชิตพฺพโต.
ยเทวํ กสฺมา ‘‘อรฺ’’นฺติอาทิ ปุน วุตฺตนฺติ อนุโยเคน ‘‘อิธ ปนสฺสา’’ติอาทิมาห. เอวํ คหิเตสุปิ เสนาสเนสุ ยถาวุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อนุจฺฉวิกเมว เสนาสนํ ทสฺเสตุกามตฺตา ปุน เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ภิกฺขุนีนํ วเสน อาคต’’นฺติ อิทํ วินเย อาคตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น อภิธมฺเม. วินเย หิ คณมฺหาโอหียนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๖๙๑) ภิกฺขุนีนํ อารฺกธุตงฺคสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา อิทมฺปิ จ ตาสํ อรฺํ นาม, น ปน ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิมํ อรฺเมว เสนาสนํ, อิทมฺปิ จ ตาสํ คณมฺหาโอหียนาปตฺติกรํ, น ตุ ปฺจธนุสติกาทิเมว อรฺํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
‘‘เอกา วา คณมฺหา โอหีเยยฺยาติ อคามเก อรฺเ ทุติยิกาย ภิกฺขุนิยา ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วา วิชหนฺติยา อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส, วิชหิเต อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ.
วินยฏฺกถาสุปิ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) หิ ตถาว อตฺโถ วุตฺโตติ. อภิธมฺเม ปน ‘‘อรฺนฺติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) อาคตํ. วินยสุตฺตนฺตา หิ อุโภปิ ปริยายเทสนา นาม, อภิธมฺโม ปน นิปฺปริยายเทสนา, ตสฺมา ยํ น คามปเทสนฺโตคธํ, ตํ อรฺนฺติ นิปฺปริยาเยน ทสฺเสตุํ ตถา วุตฺตํ. อินฺทขีลา พหิ นิกฺขมิตฺวา ¶ ยํ านํ ปวตฺตํ ¶ , สพฺพเมตํ อรฺํ นามาติ เจตฺถ อตฺโถ. อารฺกํ นาม…เป… ปจฺฉิมนฺติ อิทํ ปน สุตฺตนฺตนเยน อารฺกสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๕๒) อารฺิกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ อิมสฺส ภิกฺขุโน อนุรูปํ, ตสฺมา วิสุทฺธิมคฺเค ธุตงฺคนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙) ยํ ตสฺส ลกฺขณํ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตเมว, อโต ตตฺถ วุตฺตนเยน คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
สนฺทจฺฉายนฺติ สีตจฺฉายํ. เตนาห ‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทิ. รุกฺขมูลนฺติ รุกฺขสมีปํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล สมนฺตา ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ นิปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติ. ปพฺพตนฺติ สุทฺธปาสาณสุทฺธปํสุอุภยมิสฺสกวเสน ติวิโธปิ ปพฺพโต อธิปฺเปโต, น สิลามโย เอว. เสล-สทฺโท ปน อวิเสสโต ปพฺพตปริยาโยติ กตฺวา เอวํ วุตฺตํ. ‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทินา ตทุภยสฺส อนุรูปตํ ทสฺเสติ. ทิสาสุ ขายมานาสูติ ทสสุ ทิสาสุ อภิมุขีภาเวน ทิสฺสมานาสุ. ตถารูเปนปิ การเณน สิยา จิตฺตสฺส เอกคฺคตาติ เอตํ วุตฺตํ, สพฺพทิสาหิ อาคเตน วาเตน พีชิยมานภาวเหตุทสฺสนตฺถนฺติ เกจิ. กํ วุจฺจติ อุทกํ ปิปาสวิโนทนสฺส การกตฺตา. ‘‘ยํ นทีตุมฺพนฺติปิ นทีกฺุชนฺติปิ วทนฺติ, ตํ กนฺทรนฺติ อปพฺพตปเทเสปิ วิทุคฺคนทีนิวตฺตนปเทสํ กนฺทรนฺติ ทสฺเสตี’’ติ (วิภ. มูลฏี. ๕๓๐) อาจริยานนฺทตฺเถโร, เตเนว วิฺายติ ‘‘นทีตุมฺพนทีกฺุชสทฺทา นทีนิวตฺตนปเทสวาจกา’’ติ. นทีนิวตฺตนปเทโส จ นาม นทิยา นิกฺขมนอุทเกน ปุน นิวตฺติตฺวา คโต วิทุคฺคปเทโส. ‘‘อปพฺพตปเทเสปี’’ติ วทนฺโต ปน อฏฺกถายํ นิทสฺสนมตฺเตน ปมํ ปพฺพตปเทสนฺติ วุตฺตํ, ยถาวุตฺโต ปน นทีปเทโสปิ กนฺทโร เอวาติ ทสฺเสติ.
‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทินาปิ นิทสฺสนมตฺเตเนว ตสฺสานุรูปภาวมาห. อุสฺสาเปตฺวาติ ปฺุชํ กตฺวา. ‘‘ทฺวินฺนํ ปพฺพตานมฺปิ อาสนฺนตเร ิตานํ โอวรกาทิสทิสํ วิวรํ โหติ, เอกสฺมึเยว ปน ปพฺพเต อุมงฺคสทิส’’นฺติ วทนฺติ อาจริยา. เอกสฺมึเยว หิ อุมงฺคสทิสํ อนฺโตเลณํ โหติ อุปริ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา, น ทฺวีสุ ตถา อปฺปฏิจฺฉนฺนตฺตา, ตสฺมา ‘‘อุมงฺคสทิส’’นฺติ อิทํ ‘‘เอกสฺมึ เยวา’’ติ อิมินา สมฺพนฺธนียํ. ‘‘มหาวิวร’’นฺติ อิทํ ปน อุภเยหิปิ. อุมงฺคสทิสนฺติ จ ‘‘สุทุงฺคาสทิส’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๖) อาจริเยน วุตฺตํ. สุทุงฺคาติ หิ ภูมิฆรสฺเสตํ ¶ อธิวจนํ, ‘‘ตํ คเหตฺวา สุทุงฺคาย รวนฺตํ ยกฺขินี ขิปี’’ติอาทีสุ วิย. มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานนฺติ ปกติสฺจารวเสน มนุสฺเสหิ น สฺจริตพฺพฏฺานํ. กสฺสนวปฺปนาทิวเสน หิ ปกติสฺจารปฏิกฺเขโป อิธาธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘ยตฺถ ¶ น กสนฺติ น วปนฺตี’’ติ. อาทิสทฺเทน ปน ‘‘วนปตฺถนฺติ วนสณฺานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํ, วนปตฺถนฺติ ภีสนกานเมตํ, วนปตฺถนฺติ สโลมหํสานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ปริยนฺตานเมตํ, วนปตฺถนฺติ น มนุสฺสูปจารานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ (วิภ. ๕๓๑) อิมํ วิภงฺคปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ. ปตฺโถติ หิ ปพฺพตสฺส สมานภูมิ, โย ‘‘สานู’’ติปิ วุจฺจติ, ตสฺสทิสตฺตา ปน มนุสฺสานมสฺจรณภูตํ วนํ, ตสฺมา ปตฺถสทิสํ วนํ วนปตฺโถติ วิเสสนปรนิปาโต ทฏฺพฺโพ. สพฺเพสํ สพฺพาสุ ทิสาสุ อภิมุโข โอกาโส อพฺโภกาโสติ อาห ‘‘อจฺฉนฺน’’นฺติ, เกนจิ ฉทเนน อนฺตมโส รุกฺขสาขายปิ น ฉาทิตนฺติ อตฺโถ. ทณฺฑกานํ อุปริ จีวรํ ฉาเทตฺวา กตา จีวรกุฏิ. นิกฺกฑฺฒิตฺวาติ นีหริตฺวา. อนฺโตปพฺภารเลณสทิโส ปลาลราสิเยว อธิปฺเปโต, อิตรถา ติณปณฺณสนฺถารสงฺโคปิ สิยาติ วุตฺตํ ‘‘ปพฺภารเลณสทิเส อาลเย’’ติ, ปพฺภารสทิเส, เลณสทิเส วาติ อตฺโถ. คจฺฉคุมฺพาทีนมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ปุริมนยํ สมฺปิณฺเฑติ.
ปิณฺฑปาตสฺส ปริเยสนํ ปิณฺฑปาโต อุตฺตรปทโลเปน, ตโต ปฏิกฺกนฺโต ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโตติ อาห ‘‘ปิณฺฑปาตปริเยสนโต ปฏิกฺกนฺโต’’ติ. ปลฺลงฺกนฺติ เอตฺถ ปริ-สทฺโท ‘‘สมนฺตโต’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ, ตสฺมา ปริสมนฺตโต องฺกนํ อาสนํ ปลฺลงฺโก ร-การสฺส ล-การํ, ทฺวิภาวฺจ กตฺวา ยถา ‘‘ปลิพุทฺโธ’’ติ, (มิ. ป. ๖.๓.๖) สมนฺตภาโว จ วาโมรุํ, ทกฺขิโณรฺุจ สมํ เปตฺวา อุภินฺนํ ปาทานํ อฺมฺสมฺพนฺธนกรณํ. เตนาห ‘‘สมนฺตโต อูรุพทฺธาสน’’นฺติ. อูรูนํ พนฺธนวเสน นิสชฺชาว อิธ ปลฺลงฺโก, น อาหริเมหิ วาเฬหิ กโตติ วุตฺตํ โหติ. อาภุชิตฺวาติ จ ยถา ปลฺลงฺกวเสน นิสชฺชา โหติ, ตถา อุโภ ปาเท อาภุคฺเค สมิฺชิเต กตฺวา, ตํ ปน อุภินฺนํ ปาทานํ ตถาพนฺธตากรณเมวาติ อาห ‘‘พนฺธิตฺวา’’ติ. อุชุํ กายนฺติ เอตฺถ กาย-สทฺโท อุปริมกายวิสโย เหฏฺิมกายสฺส อนุชุกํ ปนสฺส นิสชฺชาวจเนเนว วิฺาปิตตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘อุปริมํ สรีรํ อุชุํ เปตฺวา’’ติ. ตํ ปน อุปริมกายสฺส ¶ อุชุกํ ปนํ สรูปโต ทสฺเสติ ‘‘อฏฺารสา’’ติอาทินา, อฏฺารสนฺนํ ปิฏฺิกณฺฏกฏฺิกานํ โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาทนเมว ตถา ปนนฺติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ตถา ปนสฺส ปโยชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอวนฺติ ตถา ปเน สติ, อิมินา วา ตถาปนเหตุนา. น ปณมนฺตีติ น โอนมนฺติ. ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ ปน ปรมฺปรปโยชนทสฺสนํ. อถาติ เอวํ อโนนมเน. เวทนาติ ปิฏฺิคิลานาทิเวทนา. น ปริปตตีติ น วิคจฺฉติ วีถึ น วิลงฺเฆติ. ตโต เอว ปุพฺเพนาปรํ วิเสสปฺปตฺติยา กมฺมฏฺานํ วุทฺธึ ผาตึ เวปุลฺลํ อุปคจฺฉติ. ปริสทฺโท เจตฺถ อภิสทฺทปริยาโย อภิมุขตฺโถติ วุตฺตํ ¶ ‘‘กมฺมฏฺานาภิมุข’’นฺติ, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺานํเยว ปุรกฺขตฺวาติ อตฺโถ. ปริสทฺทสฺส สมีปตฺถตํ ทสฺเสติ ‘‘มุขสมีเป วา กตฺวา’’ติ อิมินา, มุขสฺส สมีเป วิย จิตฺเต นิพทฺธํ อุปฏฺาปนวเสน กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปริสทฺทสฺส สมีปตฺถตํ วิภงฺคปาฬิยา (วิภ. ๕๓๗) สาเธตุํ ‘‘เตเนวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นาสิกคฺเคติ นาสปุฏคฺเค. มุขนิมิตฺตํ นาม อุตฺตโรฏฺสฺส เวมชฺฌปฺปเทโส, ยตฺถ นาสิกวาโต ปฏิหฺติ.
เอตฺถ จ ยถา ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชตี’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) ภาวนานุรูปํ เสนาสนํ ทสฺสิตํ, เอวํ ‘‘นิสีทตี’’ติ อิมินา อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิโก สนฺโต อิริยาปโถ ทสฺสิโต, ‘‘ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา’’ติ อิมินา นิสชฺชาย ทฬฺหภาโว, ‘‘ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ อิมินา อารมฺมณปริคฺคหณูปาโยติ. ปริ-สทฺโท ปริคฺคหฏฺโ ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖) วิย. มุข-สทฺโท นิยฺยานฏฺโ ‘‘สฺุตวิโมกฺขมุข’’นฺติอาทีสุ วิย. ปฏิปกฺขโต นิกฺขมนเมว หิ นิยฺยานํ. อสมฺโมสนภาโว อุปฏฺานฏฺโ. ตตฺราติ ปฏิสมฺภิทานเย. ปริคฺคหิตนิยฺยานนฺติ สพฺพถา คหิตาสมฺโมสตาย ปริคฺคหิตํ, ปริจฺจตฺตสมฺโมสปฏิปกฺขตาย จ นิยฺยานํ สตึ กตฺวา, ปรมํ สติเนปกฺกํ อุปฏฺเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อยํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถรสฺส, อาจริยสาริปุตฺตตฺเถรสฺส จ มติ. อถ วา ‘‘กายาทีสุ สุฏฺุปวตฺติยา ปริคฺคหิตํ, ตโต เอว จ นิยฺยานภาวยุตฺตํ, กายาทิปริคฺคหณาณสมฺปยุตฺตตาย วา ปริคฺคหิตํ, ตโตเยว จ นิยฺยานภูตํ ¶ อุปฏฺานํ กตฺวาติ อตฺโถ’’ติ อยํ อาจริยานนฺทตฺเถรสฺส (วิภ. มูลฏี. ๕๓๗) มติ.
๒๑๗. อภิชฺฌายติ คิชฺฌติ อภิกงฺขติ เอตายาติ อภิชฺฌา, กามจฺฉนฺทนีวรณํ. ลุจฺจนฏฺเนาติ ภิชฺชนฏฺเน, ขเณ ขเณ ภิชฺชนฏฺเนาติ อตฺโถติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน, (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๗) องฺคุตฺตรฏีกากาเรน จ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ. สุตฺเตสุ จ ทิสฺสติ ‘‘ลุจฺจตีติ โข ภิกฺขุ โลโกติ วุจฺจติ. กิฺจ ลุจฺจติ? จกฺขุ โข ภิกฺขุ ลุจฺจติ, รูปา ลุจฺจนฺติ, จกฺขุวิฺาณํ ลุจฺจตี’’ติอาทิ. (สํ. นิ. ๔.๘๒) อภิธมฺมฏฺกถายํ, (ธ. ส. อฏฺ. ๗-๑๓) ปน อิธ จ อธุนา โปตฺถเก ‘‘ลุจฺจนปลุจฺจนฏฺเนา’’ติ ลิขิตํ. ตตฺถ ลุจฺจนเมว ปลุจฺจนปริยาเยน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. ลุจสทฺโท หิ อเปกฺขนาทิอตฺโถปิ ภวติ ‘‘โอโลเกตี’’ติอาทีสุ, ภิชฺชนปภิชฺชนฏฺเนาติ อตฺโถ. วํสตฺถปกาสินิยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ขณภงฺควเสน ลุจฺจนสภาวโต, จุติภงฺควเสน จ ปลุจฺจนสภาวโต โลโก นามา’’ติ (วํสตฺถปกาสินิยํ นาม มหาวํสฏีกายํ ปมปริจฺเฉเท ปฺจมคาถา วณฺณนายํ) เกจิ ปน ‘‘ภิชฺชนอุปฺปชฺชนฏฺเนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. อาหจฺจภาสิตวจนตฺเถน วิรุชฺฌนโต, ลุจสทฺทสฺส จ ¶ อนุปฺปาทวาจกตฺตา อยุตฺตเมเวตํ. อปิจ อาจริเยหิปิ ‘‘ลุจฺจนปลุจฺจนฏฺเนา’’ติ ปาเมว อุลฺลิงฺเคตฺวา ตถา อตฺโถ วุตฺโต สิยา, ปจฺฉา ปน ปรมฺปราภตวเสน ปมาทเลขตฺตา ตตฺถ ตตฺถ น ทิฏฺโติ ทฏฺพฺพํ, น ลุจฺจติ น ปลุจฺจตีติ โย คหิโตปิ ตถา น โหติ, สฺเวว โลโก, อนิจฺจานุปสฺสนาย วา ลุจฺจติ ภิชฺชติ วินสฺสตีติ คเหตพฺโพว โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตา, ทุกฺขสจฺจํ วา โลโกติ วุตฺตํ ‘‘ปฺจุปาทานกฺขนฺธา โลโก’’ติ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ วจนโตปิ ยถาวุตฺโต เกสฺจิ อตฺโถ น ยุตฺโตติ.
ตสฺมาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธานเมว โลกภาวโต. วิกฺขมฺภนวเสนาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนํ ตทงฺคปฺปหานวเสเนว อนุปฺปาทนํ อปฺปวตฺตนํ, น ปน วิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน ปฏิปกฺขานํ สุฏฺุปหีนํ. ‘‘ปหีนตฺตา’’ติ หิ ตถาปหีนสทิสตํ เอว สนฺธาย วุตฺตํ. กสฺมาติ เจ? ฌานสฺส อนธิคตตฺตา. เอวํ ปน ปุพฺพภาคภาวนาย ตถา ปหานโตเยเวตํ จิตฺตํ วิคตาภิชฺฌํ นาม, น ¶ ตุ จกฺขุวิฺาณมิว สภาวโต อภิชฺฌาวิรหิตตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น จกฺขุวิฺาณสทิเสนา’’ติ วุตฺตํ. ยถา ตนฺติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, ตํ จิตฺตํ วา. อธุนา มฺุจนสฺส, อนาคเต จ ปุน อนาทานสฺส กรณํ ปริโสธนํ นามาติ วุตฺตํ โหติ. ยถา จ อิมสฺส จิตฺตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาย ปริโสธิตตฺตา วิคตาภิชฺฌตา, เอวํ อพฺยาปนฺนตา, วิคตถินมิทฺธตา, อนุทฺธตตา, นิพฺพิจิกิจฺฉตา จ เวทิตพฺพาติ นิทสฺเสนฺโต ‘‘พฺยาปาทปโทสํ ปหายาติอาทีสุปิ เอเสว นโย’’ติ อาห. ปูติกุมฺมาสาทโยติ อาภิโทสิกยวกุมฺมาสาทโย. ปุริมปกตินฺติ ปริสุทฺธปณฺฑรสภาวํ, อิมินา วิการมาปชฺชตีติ อตฺถํ ทสฺเสติ. วิการาปตฺติยาติ ปุริมปกติวิชหนสงฺขาเตน วิการมาปชฺชเนน. ‘‘อุภย’’นฺติอาทินา ตุลฺยตฺถสมาสภาวมาห. ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย จิตฺตสฺส อกลฺลตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒; วิภ. ๕๔๖) ถินสฺส, ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย กายสฺส อกลฺลตา’’ติอาทินา จ มิทฺธสฺส อภิธมฺเม นิทฺทิฏฺตฺตา ‘‘ถินํ จิตฺตเคลฺํ, มิทฺธํ เจตสิกเคลฺ’’นฺติ วุตฺตํ. สติปิ หิ ถินมิทฺธสฺส อฺมฺํ อวิปฺปโยเค จิตฺตกายลหุตาทีนํ วิย จิตฺตเจตสิกานํ ยถากฺกมํ ตํตํวิเสสสฺส ยา เตสํ อกลฺลตาทีนํ วิเสสปจฺจยตา, อยเมเตสํ สภาโวติ ทฏฺพฺพํ. ทิฏฺาโลโก นาม ปสฺสิโต รตฺตึ จนฺทาโลกทีปาโลกอุกฺกาโลกาทิ, ทิวา จ สูริยาโลกาทิ. รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ตสฺส สฺชานนสมตฺถา สฺา อาโลกสฺา, ตสฺสา จ วิคตนีวรณาย ปริสุทฺธาย อตฺถิตา อิธ อธิปฺเปตา. อติสยตฺถวิสิฏฺสฺส หิ อตฺถิอตฺถสฺส อวโพธโก อยมีกาโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘รตฺติมฺปี’’ติอาทิมาห, วิคตถินมิทฺธภาวสฺส การณตฺตา เจตํ วุตฺตํ. สุตฺเตสุ ปากโฏวายมตฺโถ.
สรตีติ ¶ สโต, สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโนติ เอวํ ปุคฺคลนิทฺเทโสติ ทสฺเสติ ‘‘สติยา จ าเณน จ สมนฺนาคโต’’ติ อิมินา. สนฺเตสุปิ อฺเสุ วีริยสมาธิอาทีสุ กสฺมา อิทเมว อุภยํ วุตฺตํ, วิคตาภิชฺฌาทีสุ วา อิทํ อุภยํ อวตฺวา กสฺมา อิเธว วุตฺตนฺติ อนุโยคมปเนตุํ ‘‘อิทํ อุภย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ปุคฺคลาธิฏฺาเนน นิทฺทิฏฺสติสมฺปชฺสงฺขาตํ อิทํ อุภยนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมิตฺวา ิโตติ ต-สทฺทสฺส อตีตตฺถตํ อาห, ปุพฺพภาคภาวนาย ปชหนเมว จ อติกฺกมนํ. ‘‘กถํ อิทํ ¶ กถํ อิท’’นฺติ ปวตฺตตีติ กถํกถา, วิจิกิจฺฉา, สา เอตสฺส อตฺถีติ กถํกถี, น กถํกถี อกถํกถี, นิพฺพิจิกิจฺโฉติ วจนตฺโถ, อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘กถํ อิทํ กถํ อิท’นฺติ เอวํ นปฺปวตฺตตีติ อกถํกถี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ อิทํ ‘‘อกถํกถี’’ติ อิมินา สมฺพชฺฌิตพฺพนฺติ อาห ‘‘น วิจิกิจฺฉติ, น กงฺขตีติ อตฺโถ’’ติ. วจนตฺถลกฺขณาทิเภทโตติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ปจฺจยปหานปหายกาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เตปิ หิ ปเภทโต วตฺตพฺพาติ.
๒๑๘. วฑฺฒิยา คหิตํ ธนํ อิณํ นามาติ วุตฺตํ ‘‘วฑฺฒิยา ธนํ คเหตฺวา’’ติ. วิคโต อนฺโต พฺยนฺโต, โส ยสฺสาติ พฺยนฺตี. เตนาห ‘‘วิคตนฺต’’นฺติ, วิรหิตทาตพฺพอิณปริยนฺตํ กเรยฺยาติ เจตสฺส อตฺโถ. เตสนฺติ วฑฺฒิยา คหิตานํ อิณธนานํ. ปริยนฺโต นาม ตทุตฺตริ ทาตพฺพอิณเสโส. นตฺถิ อิณมสฺสาติ อณโณ. ตสฺส ภาโว อาณณฺยํ. ตเมว นิทานํ อาณณฺยนิทานํ, อาณณฺยเหตุ อาณณฺยการณาติ อตฺโถ. อาณณฺยเมว หิ นิทานํ การณมสฺสาติ วา อาณณฺยนิทานํ, ‘‘ปาโมชฺชํ โสมนสฺส’’นฺติ อิเมหิ สมฺพนฺโธ. ‘‘อิณปลิโพธโต มุตฺโตมฺหี’’ติ พลวปาโมชฺชํ ลภติ. ‘‘ชีวิกานิมิตฺตมฺปิ เม อวสิฏฺํ อตฺถี’’ติ โสมนสฺสํ อธิคจฺฉติ.
๒๑๙. วิสภาคเวทนา นาม ทุกฺขเวทนา. สา หิ กุสลวิปากสนฺตานสฺส วิโรธิภาวโต สุขเวทนาย วิสภาคา, ตสฺสา อุปฺปตฺติยา กรณภูตาย. กกเจเนวาติ กกเจน อิว. จตุอิริยาปถนฺติ จตุพฺพิธมฺปิ อิริยาปถํ. พฺยาธิโต หิ ยถา านคมเนสุ อสมตฺโถ, เอวํ นิสชฺชาทีสุปิ. อาพาเธตีติ ปีเฬติ. วาตาทีนํ วิการภูตา วิสมาวตฺถาเยว ‘‘อาพาโธ’’ติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ตํสมุฏฺาเนน ทุกฺเขน ทุกฺขิโต’’ติ, อาพาธสมุฏฺาเนน ทุกฺขเวทนาสงฺขาเตน ทุกฺเขน ทุกฺขิโต ทุกฺขสมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ทุกฺขเวทนาย ปน อาพาธภาเวน อาทิมฺหิ พาธตีติ อาพาโธติ กตฺวา อาพาธสงฺขาเตน มูลพฺยาธินา อาพาธิโก, อปราปรํ สฺชาตทุกฺขสงฺขาเตน อนุพนฺธพฺยาธินา ทุกฺขิโตติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอวฺหิ สติ ทุกฺขเวทนาวเสน วุตฺตสฺส ทุกฺขิตปทสฺส อาพาธิกปเทน วิเสสิตพฺพตา ปากฏา โหตีติ อยเมตฺถ ¶ ¶ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๙) วุตฺตนโย. อธิกํ มตฺตํ ปมาณํ อธิมตฺตํ, พาฬฺหํ, อธิมตฺตํ คิลาโน ธาตุสงฺขเยน ปริกฺขีณสรีโรติ อธิมตฺตคิลาโน. อธิมตฺตพฺยาธิปเรตตายาติ อธิมตฺตพฺยาธิปีฬิตตาย. น รุจฺเจยฺยาติ น รุจฺเจถ, กมฺมตฺถปทฺเจตํ ‘‘ภตฺตฺจสฺสา’’ติ เอตฺถ ‘‘อสฺสา’’ติ กตฺตุทสฺสนโต. มตฺตาสทฺโท อนตฺถโกติ วุตฺตํ ‘‘พลมตฺตาติ พลเมวา’’ติ, อปฺปมตฺตกํ วา พลํ พลมตฺตา. ตทุภยนฺติ ปาโมชฺชํ, โสมนสฺสฺจ. ลเภถ ปาโมชฺชํ ‘‘โรคโต มุตฺโตมฺหี’’ติ. อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ ‘‘อตฺถิ เม กายพล’’นฺติ ปาฬิยา อตฺโถ.
๒๒๐. กากณิกมตฺตํ นาม ‘‘เอกคฺุชมตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘ทิยฑฺฒวีหิมตฺต’’นฺติ วินยฏีกายํ วุตฺตํ. อปิจ กณ-สทฺโท กุณฺฑเก –
‘‘อกณํ อถุสํ สุทฺธํ, สุคนฺธํ ตณฺฑุลปฺผลํ;
ตุณฺฑิกีเร ปจิตฺวาน, ตโต ภฺุชนฺติ โภชน’’นฺติ. (ที. นิ. ๓.๒๘๑) อาทีสุ วิย;
‘‘กโณ ตุ กุณฺฑโก ภเว’’ติ (อภิธาเน ภกณฺเฑ จตุพฺพณฺณวคฺเค ๔๕๔ คาถา) หิ วุตฺตํ. อปฺปโก ปน กโณ กากโณติ วุจฺจติ ยถา ‘‘กาลวณ’’นฺติ, ตสฺมา กากโณว ปมาณมสฺสาติ กากณิกํ, กากณิกเมว กากณิกมตฺตํ, ขุทฺทกกุณฺฑกปฺปมาณเมวาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ สติ ‘‘ราชทาโย นาม กากณิกมตฺตํ น วฏฺฏติ, อฑฺฒมาสคฺฆนิกํ มํสํ เทตี’’ติ (ชา. อฏฺ. ๖.อุมงฺคชาตกวณฺณนาย) วุตฺเตน อุมงฺคชาตกวจเนน จ อวิรุทฺธํ โหติ. วโยติ ขโย ภงฺโค, ตสฺส ‘‘พนฺธนา มุตฺโตมฺหี’’ติ อาวชฺชยโต ตทุภยํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺส’’นฺติ. วจนาวเสสํ สนฺธาย ‘‘เสสํ วุตฺตนเยเนวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุตฺตนเยเนวาติ จ ปมทุติยปเทสุ วุตฺตนเยเนว. สพฺพปเทสูติ ตติยาทีสุ ตีสุ โกฏฺาเสสุ. เอเกโก หิ อุปมาปกฺโข ‘‘ปท’’นฺติ วุตฺโต.
๒๒๑-๒๒๒. อธีโนติ อายตฺโต, น เสริภาวยุตฺโต. เตนาห ‘‘อตฺตโน รุจิยา กิฺจิ กาตุํ น ลภตี’’ติ. เอวมิตรสฺมิมฺปิ. เยน คนฺตุกาโม, เตน กามํ คโม น โหตีติ สปาเสสโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘เยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามนฺติ เจตํ ภาวนปุํสกวจนํ, กาเมน วา อิจฺฉาย คโม กามํคโม นิคฺคหีตาคเมน. ทาสพฺยาติ ¶ เอตฺถ พฺย-สทฺทสฺส ภาวตฺถตํ ทสฺเสติ ‘‘ทาสภาวา’’ติ อิมินา. อปราธีนตาย อตฺตโน ภุโช วิย สกิจฺเจ เอสิตพฺโพ เปสิตพฺโพติ ¶ ภุชิสฺโส, สยํวสีติ นิพฺพจนํ. ‘‘ภุโช นาม อตฺตโน ยถาสุขํ วินิโยโค, โส อิสฺโส อิจฺฉิตพฺโพ เอตฺถาติ ภุชิสฺโส, อสฺสามิโก’’ติ มูลปณฺณาสกฏีกายํ วุตฺตํ. อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺตโน สนฺตโก’’ติ อาห, อตฺตาว อตฺตโน สนฺตโก, น ปรสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. อนุทกตาย กํ ปานียํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตาโร, อทฺธานสทฺโท จ ทีฆปริยาโยติ วุตฺตํ ‘‘นิรุทกํ ทีฆมคฺค’’นฺติ.
๒๒๓. เสสานีติ พฺยาปาทาทีนิ. ตตฺราติ ทสฺสเน. อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมานา สทิสตา, เยน อิณาทีนํ อุปมาภาโว, กามจฺฉนฺทาทีนฺจ อุปเมยฺยภาโว โหติ, โส เนสํ อุปโมปเมยฺยสมฺพนฺโธ สทิสตาติ ทฏฺพฺพํ. เตหีติ ปเรหิ อิณสามิเกหิ. กิฺจิ ปฏิพาหิตุนฺติ ผรุสวจนาทิกํ กิฺจิปิ ปฏิเสเธตุํ น สกฺโกติ อิณํ ทาตุมสกฺกุณตฺตา. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘ติติกฺขาการณ’’นฺติอาทิ, อิณสฺส ติติกฺขาการณตฺตาติ อตฺโถ. โย ยมฺหิ กามจฺฉนฺเทน รชฺชตีติ โย ปุคฺคโล ยมฺหิ กามจฺฉนฺทสฺส วตฺถุภูเต ปุคฺคเล กามจฺฉนฺเทน รชฺชติ. ตณฺหาสหคเตน ตํ วตฺถุํ คณฺหาตีติ ตณฺหาภูเตน กามจฺฉนฺเทน ตํ กามจฺฉนฺทสฺส วตฺถุภูตํ ปุคฺคลํ ‘‘มเมต’’นฺติ คณฺหาติ. สหคตสทฺโท เหตฺถ ตพฺภาวมตฺโต ‘‘ยายํ ตณฺหา โปโนภวิกา นนฺทีราคสหคตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓, ๔๘๐; ๓.๓๗๓; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) วิย. เตนาติ กามจฺฉนฺทสฺส วตฺถุภูเตน ปุคฺคเลน. กสฺมาติ อาห ‘‘ติติกฺขาการณ’’นฺติอาทิ, กามจฺฉนฺทสฺส ติติกฺขาการณตฺตาติ อตฺโถ. ติติกฺขาสทิโส เจตฺถ ราคปธาโน อกุสลจิตฺตุปฺปาโท ‘‘ติติกฺขา’’ติ วุตฺโต, น ตุ ‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๙๑; ธ. ป. ๑๘๔) วิย ตปภูโต อโทสปธาโน จิตฺตุปฺปาโท. ฆรสามิเกหีติ ฆรสฺส สามิกภูเตหิ สสฺสุสสุรสามิเกหิ. อิตฺถีนํ กามจฺฉนฺโท ติติกฺขาการณํ โหติ วิยาติ สมฺพนฺโธ.
‘‘ยถา ปนา’’ติอาทินา เสสานํ โรคาทิสทิสตา วุตฺตา. ตตฺถ ปิตฺตโทสโกปนวเสน ปิตฺตโรคาตุโร. ตสฺส ปิตฺตโกปนโต สพฺพมฺปิ ¶ มธุสกฺกราทิกํ อมธุรภาเวน สมฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘ติตฺตกํ ติตฺตกนฺติ อุคฺคิรติเยวา’’ติ. ตุมฺเห อุปทฺทเวถาติ ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๒๓) อุทฺธฏปาโ, ‘‘อุปทฺทวํ กโรถา’’ติ นามธาตุวเสน อตฺโถ, อิทานิ ปน ‘‘ตุมฺเหหิ อุปทฺทุตา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. วิพฺภมตีติ อิโต จิโต จ อาหิณฺฑติ, หีนาย วา อาวตฺตติ. มธุสกฺกราทีนํ รสํ น วินฺทติ นานุภวติ น ชานาติ น ลภติ จ วิยาติ สมฺพนฺโธ. สาสนรสนฺติ สาสนสฺส รสํ, สาสนเมว วา รสํ.
นกฺขตฺตฉณํ ¶ นกฺขตฺตํ. เตนาห ‘‘อโห นจฺจํ, อโห คีต’’นฺติ. มุตฺโตติ พนฺธนโต ปมุตฺโต. ธมฺมสฺสวนสฺสาติ โสตพฺพธมฺมสฺส.
สีฆํ ปวตฺเตตพฺพกิจฺจํ อจฺจายิกํ. สีฆตฺโถ หิ อติสทฺโท ‘‘ปาณาติปาโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๙๓; วิภ. ๙๖๘) วิย. วินเย อปกตฺุนาติ วินยกฺกเม อกุสเลน. ปกตํ นิฏฺานํ วินิจฺฉยํ ชานาตีติ ปกตฺู, น ปกตฺู ตถา. โส หิ กปฺปิยากปฺปิยํ ยาถาวโต น ชานาติ. เตนาห ‘‘กิสฺมิฺจิเทวา’’ติอาทิ. กปฺปิยมํเสปีติ สูกรมํสาทิเกปิ. อกปฺปิยมํสสฺายาติ อจฺฉมํสาทิสฺาย.
ทณฺฑกสทฺเทนาปีติ สาขาทณฺฑกสทฺเทนปิ. อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิโตติ อวสงฺกิโต เจว สมนฺตโต สงฺกิโต จ, อติวิย สงฺกิโตติ วุตฺตํ โหติ. ตทาการทสฺสนํ ‘‘คจฺฉติปี’’ติอาทิ. โส หิ โถกํ คจฺฉติปิ. คจฺฉนฺโต ปน ตาย อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตตาย ตตฺถ ตตฺถ ติฏฺติปิ. อีทิเส กนฺตาเร คเต ‘‘โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ นิวตฺตติปิ, ตสฺมา จ คตฏฺานโต อคตฏฺานเมว พหุตรํ โหติ, ตโต เอว จ โส กิจฺเฉน กสิเรน เขมนฺตภูมึ ปาปุณาติ วา, น วา ปาปุณาติ. กิจฺเฉน กสิเรนาติ ปริยายวจนํ, กายิกทุกฺเขน เขทนํ วา กิจฺฉํ, เจตสิกทุกฺเขน ปีฬนํ กสิรํ. เขมนฺตภูมินฺติ เขมภูตํ ภูมึ อนฺตสทฺทสฺส ตพฺภาวตฺตา, ภยสฺส ขียนํ วา เขโม, โสว อนฺโต ปริจฺเฉโท ยสฺสา ตถา, สา เอว ภูมีติ เขมนฺตภูมิ, ตํ นิพฺภยปฺปเทสนฺติ อตฺโถ. อฏฺสุ าเนสูติ ‘‘ตตฺถ กตมา วิจิกิจฺฉา? สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ. ธมฺเม. สงฺเฆ. สิกฺขาย. ปุพฺพนฺเต. อปรนฺเต. ปุพฺพนฺตาปรนฺเต. อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉตี’’ติ (วิภ. ๙๑๕) วิภงฺเค ¶ วุตฺเตสุ อฏฺสุ าเนสุ. อธิมุจฺจิตฺวาติ วินิจฺฉินิตฺวา, สทฺทหิตฺวา วา. สทฺธาย คณฺหิตุนฺติ สทฺเธยฺยวตฺถุํ ‘‘อิทเมว’’นฺติ สทฺทหนวเสน คณฺหิตุํ, สทฺทหิตุํ น สกฺโกตีติ อตฺโถ. อิตีติ ตสฺมา วุตฺตนเยน อสกฺกุณนโต อนฺตรายํ กโรตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อตฺถิ นุ โข, นตฺถิ นุ โข’’ติ อรฺํ ปวิฏฺสฺส อาทิมฺหิ เอว สปฺปนํ สํสโย อาสปฺปนํ. ตโต ปรํ สมนฺตโต, อุปรูปริ วา สปฺปนํ ปริสปฺปนํ. อุภเยนปิ ตตฺเถว สํสยวเสน ปริพฺภมนํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อปริโยคาหน’’นฺติ, ‘‘เอวมิท’’นฺติ สมนฺตโต อโนคาหนนฺติ อตฺโถ. ฉมฺภิตตฺตนฺติ อรฺสฺาย อุปฺปนฺนํ ฉมฺภิตภาวํ หทยมํสจลนํ, อุตฺราสนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุปเมยฺยปกฺเขปิ ยถารหเมสมตฺโถ.
๒๒๔. ตตฺรายํ สทิสตาติ เอตฺถ ปน อปฺปหีนปกฺเข วุตฺตนยานุสาเรน สทิสตา เวทิตพฺพา ¶ . ยทคฺเคน หิ กามจฺฉนฺทาทโย อิณาทิสทิสา, ตทคฺเคน จ เตสํ ปหานํ อาณณฺยาทิสทิสตาติ. อิทํ ปน อนุตฺตานปทตฺถมตฺตํ – สมิทฺธตนฺติ อฑฺฒตํ. ปุพฺเพ ปณฺณมาโรปิตาย วฑฺฒิยา สห วตฺตตีติ สวฑฺฒิกํ. ปณฺณนฺติ อิณทานคฺคหเณ สลฺลกฺขณวเสน ลิขิตปณฺณํ. ปุน ปณฺณนฺติ อิณยาจนวเสน สาสนลิขิตปณฺณํ. นิลฺเลปตายาติ ธนสมฺพนฺธาภาเวน อวิลิมฺปนตาย. ตถา อลคฺคตาย. ปริยายวจนฺเหตํ ทฺวยํ. อถ วา นิลฺเลปตายาติ วุตฺตนเยน อวิลิมฺปนภาเวน วิเสสนภูเตน อลคฺคตายาติ อตฺโถ. ฉ ธมฺเมติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. ภาเวตฺวาติ พฺรูเหตฺวา, อตฺตนิ วา อุปฺปาเทตฺวา. อนุปฺปนฺนอนุปฺปาทนอุปฺปนฺนปฺปหานาทิวิภาวนวเสน มหาสติปฏฺานสุตฺเต สวิเสสํ ปาฬิยา อาคตตฺตา ‘‘มหาสติปฏฺาเน วณฺณยิสฺสามา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มหาสติปฏฺาเน’’ติ จ อิมสฺมึ ทีฆาคเม (ที. นิ. ๒.๓๗๒ อาทโย) สงฺคีตมาห, น มชฺฌิมาคเม นิกายนฺตรตฺตา. นิกายนฺตราคโตปิ หิ อตฺโถ อาจริเยหิ อฺตฺถ เยภุยฺเยน วุตฺโตติ วทนฺติ. เอส นโย พฺยาปาทาทิปฺปหานภาเคปิ. ปรวตฺถุมฺหีติ อารมฺมณภูเต ปรสฺมึ วตฺถุสฺมึ. มมายนาภาเวน เนว สงฺโค. ปริคฺคหาภาเวน น พทฺโธ. ทิพฺพานิปิ รูปานิ ปสฺสโต กิเลโส น สมุทาจรติ, ปเคว มานุสิยานีติ สมฺภาวเน อปิ-สทฺโท.
อนตฺถกโรติ ¶ อตฺตโน, ปรสฺส จ อหิตกโร. ฉ ธมฺเมติ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, เมตฺตาภาวนานุโยโค, กมฺมสฺสกตา, ปฏิสงฺขานพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. ตตฺเถวาติ มหาสติปฏฺาเนเยว. จาริตฺตสีลเมว อุทฺทิสฺส ปฺตฺตสิกฺขาปทํ ‘‘อาจารปณฺณตฺตี’’ติ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน วาริตฺตปณฺณตฺติสิกฺขาปทํ สงฺคณฺหาติ.
ปเวสิโตติ ปเวสาปิโต. พนฺธนาคารํ ปเวสาปิตตฺตา อลทฺธนกฺขตฺตานุภวโน ปุริโส หิ ‘‘นกฺขตฺตทิวเส พนฺธนาคารํ ปเวสิโต ปุริโส’’ติ วุตฺโต, นกฺขตฺตทิวเส เอว วา ตทนนุภวนตฺถํ ตถา กโต ปุริโส เอวํ วุตฺโตติปิ วฏฺฏติ. อปรสฺมินฺติ ตโต ปจฺฉิเม, อฺสฺมึ วา นกฺขตฺตทิวเส. โอกาสนฺติ กมฺมการณาการณํ, กมฺมการณกฺขณํ วา. มหานตฺถกรนฺติ ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถหาปนมุเขน มหโต อนตฺถสฺส การกํ. ฉ ธมฺเมติ อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห, อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสฺามนสิกาโร, อพฺโภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม, ธมฺมนกฺขตฺตสฺสาติ ยถาวุตฺตโสตพฺพธมฺมสงฺขาตสฺส มหสฺส. สาธูนํ รติชนนโต หิ ธมฺโมปิ ฉณสทิสฏฺเน ‘‘นกฺขตฺต’’นฺติ วุตฺโต.
อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺเจ ¶ มหานตฺถกรนฺติ ปรายตฺตตาปาทเนน วุตฺตนเยน มหโต อนตฺถสฺส การกํ. ฉ ธมฺเมติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, วุฑฺฒเสวิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. พลสฺส, พเลน วา อตฺตนา อิจฺฉิตสฺส กรณํ พลกฺกาโร, เตน. เนกฺขมฺมปฏิปทนฺติ นีวรณโต นิกฺขมนปฏิปทํ อุปจารภาวนเมว, น ปมํ ฌานํ. อยฺหิ อุปจารภาวนาธิกาโร.
พลวาติ ปจฺจตฺถิกวิธมนสมตฺเถน พเลน พลวา วนฺตุ-สทฺทสฺส อภิสยตฺถวิสิฏฺสฺส อตฺถิยตฺถสฺส โพธนโต. หตฺถสารนฺติ หตฺถคตธนสารํ. สชฺชาวุโธติ สชฺชิตธนฺวาทิอาวุโธ, สนฺนทฺธปฺจาวุโธติ อตฺโถ. สูรวีรเสวกชนวเสน สปริวาโร. ตนฺติ ยถาวุตฺตํ ปุริสํ. พลวนฺตตาย, สชฺชาวุธตาย, สปริวารตาย จ โจรา ทูรโตว ทิสฺวา ปลาเยยฺยุํ. อนตฺถการิกาติ สมฺมาปฏิปตฺติยา วิพนฺธกรณโต วุตฺตนเยน อหิตการิกา. ฉ ธมฺเมติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา ¶ , วินเย ปกตฺุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. ยถา พาหุสจฺจาทีนิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ วิจิกิจฺฉายปีติ อิธาปิ พหุสฺสุตตาทโย ตโยปิ ธมฺมา คหิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, ปน สปฺปายกถา จ ปฺจนฺนมฺปิ ปหานาย สํวตฺตนฺติ, ตสฺมา ตาสุ ตสฺส ตสฺส นีวรณสฺส อนุจฺฉวิกเสวนตา ทฏฺพฺพา. ติณํ วิยาติ ติณํ ภยวเสน น คเณติ วิย. ทุจฺจริตกนฺตารํ นิตฺถริตฺวาติ ทุจฺจริตจรณูปายภูตาย วิจิกิจฺฉาย นิตฺถรณวเสน ทุจฺจริตสงฺขาตํ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา. วิจิกิจฺฉา หิ สมฺมาปฏิปตฺติยา อปฺปฏิปชฺชนนิมิตฺตตามุเขน มิจฺฉาปฏิปตฺติเมว ปริพฺรูเหตีติ ตสฺสา อปฺปหานํ ทุจฺจริตจรณูปาโย, ปหานฺจ ทุจฺจริตวิธูนนูปาโยติ.
๒๒๕. ‘‘ตุฏฺากาโร’’ติ อิมินา ปาโมชฺชํ นาม ตรุณปีตึ ทสฺเสติ. สา หิ ตรุณตาย กถฺจิปิ ตุฏฺาวตฺถา ตุฏฺาการมตฺตํ. ‘‘ตุฏฺสฺสา’’ติ อิทํ ‘‘ปมุทิตสฺสา’’ติ เอตสฺส อตฺถวจนํ, ตสฺสตฺโถ ‘‘โอกฺกนฺติกภาวปฺปตฺตาย ปีติยา วเสน ตุฏฺสฺสา’’ติ ฏีกายํ วุตฺโต, เอวํ สติ ปาโมชฺชปเทน โอกฺกนฺติกา ปีติเยว คหิตา สิยา. ‘‘สกลสรีรํ โขภยมานา ปีติ ชายตี’’ติ เอตสฺสา จตฺโถ ‘‘อตฺตโน สวิปฺผาริกตาย, อตฺตสมุฏฺานปณีตรูปุปฺปตฺติยา จ สกลสรีรํ โขภยมานา ผรณลกฺขณา ปีติ ชายตี’’ติ วุตฺโต, เอวฺจ สติ ปีติปเทน ผรณา ปีติเยว คหิตา สิยา, การณํ ปเนตฺถ คเวสิตพฺพํ. อิธ, ปน อฺตฺถ จ ตรุณพลวตามตฺตสามฺเน ปททฺวยสฺส อตฺถทีปนโต ยา กาจิ ตรุณา ปีติ ปาโมชฺชํ, พลวตี ปีติ, ปฺจวิธาย วา ปีติยา ยถากฺกมํ ตรุณพลวตาสมฺภวโต ปุริมา ปุริมา ปาโมชฺชํ ¶ , ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา ปีตีติปิ วทนฺติ, อยเมตฺถ ตทนุจฺฉวิโก อตฺโถ. ตุฏฺสฺสาติ ปาโมชฺชสงฺขาตาย ตรุณปีติยา วเสน ตุฏฺสฺส. ต-สทฺโท หิ อตีตตฺโถ, อิตรถา เหตุผลสมฺพนฺธาภาวาปตฺติโต, เหตุผลสมฺพนฺธภาวสฺส จ วุตฺตตฺตา. ‘‘สกลสรีรํ โขภยมานา’’ติ อิมินา ปีติ นาม เอตฺถ พลวปีตีติ ทสฺเสติ. สา หิ อตฺตโน สวิปฺผาริกตาย, อตฺตสมุฏฺานปณีตรูปุปฺปตฺติยา จ สกลสรีรํ สงฺโขภยมานา ชายติ. สกลสรีเร ปีติเวคสฺส ปีติวิปฺผารสฺส อุปฺปาทนฺเจตฺถ สงฺโขภนํ.
ปีติสหิตํ ¶ ปีติ อุตฺตรปทโลเปน. กึ ปน ตํ? มโน, ปีติ มโน เอตสฺสาติ สมาโส. ปีติยา สมฺปยุตฺตํ มโน ยสฺสาติปิ วฏฺฏติ, ตสฺส. อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘ปีติสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส ปุคฺคลสฺสา’’ติ วุตฺตํ. กาโยติ อิธ สพฺโพปิ อรูปกลาโป อธิปฺเปโต, น ปน กายลหุตาทีสุ วิย เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยเมว, น จ กายายตนาทีสุ วิย รูปกายมฺปีติ ทสฺเสติ ‘‘นามกาโย’’ติ อิมินา. ปสฺสทฺธิทฺวยวเสเนว เหตฺถ ปสฺสมฺภนมธิปฺเปตํ, ปสฺสมฺภนํ ปน วิคตกิเลสทรถตาติ อาห ‘‘วิคตทรโถ โหตี’’ติ, ปหีนอุทฺธจฺจาทิกิเลสทรโถติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย ปุพฺพภาคภาวนาย วเสน เจตสิกสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโตเยว ตํสมุฏฺานปณีตรูปผุฏสรีรตาย กายิกมฺปิ สุขํ ปฏิสํเวเทตีติ วุตฺตํ ‘‘กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ สุขํ เวทยตี’’ติ. อิมินา เนกฺขมฺมสุเขนาติ ‘‘สุขํ เวเทตี’’ติ เอวํ วุตฺเตน สํกิเลสนีวรณปกฺขโต นิกฺขนฺตตฺตา, ปมชฺฌานปกฺขิกตฺตา จ ยถารหํ เนกฺขมฺมสงฺขาเตน อุปจารสุเขน อปฺปนาสุเขน จ. สมาธานมฺเปตฺถ ตทุภเยเนวาติ วุตฺตํ ‘‘อุปจารวเสนาปิ อปฺปนาวเสนาปี’’ติ.
เอตฺถ ปนายมธิปฺปาโย – กามจฺฉนฺทปฺปหานโต ปฏฺาย ยาว ปสฺสทฺธกายสฺส สุขปฏิสํเวทนา, ตาว ยถา ปุพฺเพ, ตถา อิธาปิ ปุพฺพภาคภาวนาเยว วุตฺตา, น อปฺปนา. ตถา หิ กามจฺฉนฺทปฺปหาเน อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘วิกฺขมฺภนวเสนาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนํ อนุปฺปาทนํ อปฺปวตฺตนํ, น ปฏิปกฺขานํ สุปฺปหีนตา, ปหีนตฺตาติ จ ปหีนสทิสตํ สนฺธาย วุตฺตํ ฌานสฺส อนธิคตตฺตา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๑). ปสฺสทฺธกายสฺส สุขปฏิสํเวทนาย จ วุตฺตปฺปการาย ปุพฺพภาคภาวนาย วเสน เจตสิกสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโตเยว ตํสมุฏฺานปณีตรูปผุฏสรีรตาย กายิกมฺปิ สุขํ ปฏิสํเวเทตีติ. อปิจ กา นาม กถา อฺเหิ วตฺตพฺพา อฏฺกถายเมว ‘‘ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปุพฺพภาคภาวนาย วุตฺตตฺตา. สุขิโน จิตฺตสมาธาเน ปน สุขสฺส อุปจารภาวนาย วิย อปฺปนายปิ การณตฺตา, ‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา จ วกฺขมานาย อปฺปนาย เหตุผลวเสน สมฺพชฺฌนโต ปุพฺพภาคสมาธิ ¶ , อปฺปนาสมาธิ จ วุตฺโต, ปุพฺพภาคสุขมิว วา อปฺปนาสุขมฺปิ อปฺปนาสมาธิสฺส การณเมวาติ ตมฺปิ อปฺปนาสุขํ อปฺปนาสมาธิโน ¶ การณภาเวน อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน คหิตนฺติ อิมมตฺถมสลฺลกฺเขนฺตา เนกฺขมฺมปทตฺถํ ยถาตถํ อคฺคเหตฺวา ปาฬิยํ, อฏฺกถายมฺปิ สํกิณฺณากุลํ เกจิ กโรนฺตีติ.
ปมชฺฌานกถาวณฺณนา
๒๒๖. ยเทวํ ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ เอเตเนว อุปจารวเสนปิ อปฺปนาวเสนปิ จิตฺตสฺส สมาธานํ กถิตํ สิยา, เอวํ สนฺเต ‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทิกา เทสนา กิมตฺถิยาติ โจทนาย ‘‘โส วิวิจฺเจว…เป… วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘สมาหิเต’’ติ ปททฺวยํ ‘‘ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ อิเมหิ สมฺพนฺธิตฺวา สมาหิตตฺตา ตถา ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อุปริวิเสสทสฺสนตฺถนฺติ อุปจารสมาธิโต, ปมชฺฌานาทิสมาธิโต จ อุปริ ปตฺตพฺพสฺส ปมทุติยชฺฌานาทิวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ. อุปจารสมาธิสมธิคเมเนว หิ ปมชฺฌานาทิวิเสโส สมธิคนฺตุํ สกฺกา, น ปน เตน วินา, ทุติยชฺฌานาทิสมธิคเมปิ ปาโมชฺชุปฺปาทาทิการณปรมฺปรา อิจฺฉิตพฺพา, ทุติยมคฺคาทิสมธิคเม ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อปฺปนาสมาธินาติ ปมชฺฌานาทิอปฺปนาสมาธินา. ตสฺส สมาธิโนติ โย อปฺปนาลกฺขโณ สมาธิ ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ สพฺพสาธารณวเสน วุตฺโต, ตสฺส สมาธิโน. ปเภททสฺสนตฺถนฺติ ทุติยชฺฌานาทิวิภาคสฺส เจว ปมาภิฺาทิวิภาคสฺส จ ปเภททสฺสนตฺถํ. กรชกายนฺติ จตุสนฺตติรูปสมุทายภูตํ จาตุมหาภูติกกายํ. โส หิ คพฺภาสเย กรียตีติ กตฺวา กรสงฺขาตโต ปุปฺผสมฺภวโต ชาตตฺตา กรโชติ วุจฺจติ. กโรติ หิ มาตุ โสณิตสงฺขาตปุปฺผสฺส, ปิตุ สุกฺกสงฺขาตสมฺภวสฺส จ นามํ, ตโต ชาโต ปน อณฺฑชชลาพุชวเสน คพฺภเสยฺยกกาโยว. กามํ โอปปาติกาทีนมฺปิ เหตุสมฺปนฺนานํ ยถาวุตฺตสมาธิสมธิคโม สมฺภวติ, ตถาปิ เยภุยฺยตฺตา, ปากฏตฺตา จ สฺเวว กาโย วุตฺโตติ. กโรติ ปุตฺเต นิพฺพตฺเตตีติ กโร, สุกฺกโสณิตํ, กเรน ชาโต กรโชติปิ วทนฺติ.
นนุ จ นามกาโยปิ วิเวกเชน ปีติสุเขน ตถา ลทฺธูปกาโรว สิยา, อถ กสฺมา ยถาวุตฺโต รูปกาโยว อิธ คหิโตติ? สทฺทนฺตราภิสมฺพนฺเธน อธิคตตฺตา. ‘‘อภิสนฺเทตี’’ติอาทิสทฺทนฺตราภิสมฺพนฺธโต หิ รูปกาโย ¶ เอว อิธ ภควตา วุตฺโตติ อธิคมียติ ตสฺเสว อภิสนฺทนาทิกิริยาโยคฺยตฺตาติ. อภิสนฺเทตีติ อภิสนฺทนํ กโรติ, โส ¶ อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขนาติ หิ เภทวเสน, สมุทายาวยววเสน จ ปริกปฺปนามตฺตสิทฺธา เหตุกิริยา เอตฺถ ลพฺภติ, อภิสนฺทนํ ปเนตํ ฌานมเยน ปีติสุเขน กรชกายสฺส ตินฺตภาวาปาทนํ, สพฺพตฺถกเมว จ ลูขภาวสฺสาปนยนนฺติ อาห ‘‘เตเมติ สฺเนเหตี’’ติ, อวสฺสุตภาวํ, อลฺลภาวฺจ กโรตีติ อตฺโถ. อตฺถโต ปน อภิสนฺทนํ นาม ยถาวุตฺตปีติสุขสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ กายสฺส ปริปฺผรณํ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘สพฺพตฺถ ปวตฺตปีติ สุขํ กโรตี’’ติ. ตํสมุฏฺานรูปผรณวเสเนว หิ สพฺพตฺถ ปวตฺตปีติสุขตา. ปริสนฺเทตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ภสฺตํ นาม จมฺมปสิพฺพกํ. ปริปฺผรตีติ สุทฺธกิริยาปทํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมนฺตโต ผุสตี’’ติ, โส อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน สมนฺตโต ผุฏฺโ ภวตีติ อตฺโถ. ผุสนกิริยาเยเวตฺถ อุปปนฺนา, น พฺยาปนกิริยา ภิกฺขุสฺเสว สุทฺธกตฺตุภาวโต. สพฺพํ เอตสฺส อตฺถีติ สพฺพวา ยถา ‘‘คุณวา’’ติ, ตสฺส สพฺพวโต, ‘‘อวยวาวยวีสมฺพนฺเธ อวยวินิ สามิวจน’’นฺติ สทฺทลกฺขเณน ปเนตสฺส ‘‘กิฺจี’’ติ อวยเวน สมฺพชฺฌนโต อวยวีวิสโยเยเวส สพฺพสทฺโทติ มนฺตฺวา ฉวิมํสาทิโกฏฺาสสงฺขาเตน อวยเวน อวยวีภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สพฺพโกฏฺาสวโต กายสฺสา’’ติ. ‘‘กิฺจี’’ติ เอตสฺส ‘‘อุปา…เป… าน’’นฺติ อตฺถวจนํ. อุปาทินฺนกสนฺตติปวตฺติฏฺาเนติ กมฺมชรูปสนฺตติยา ปวตฺติฏฺาเน อผุฏํ นาม น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ฉวิมํสโลหิตานุคตนฺติ ฉวิมํสโลหิตาทิกมฺมชรูปมนุคตํ. ยตฺถ ยตฺถ กมฺมชรูปํ, ตตฺถ ตตฺถ จิตฺตชรูปสฺสาปิ พฺยาปนโต เตน ตสฺส กายสฺส ผุฏภาวํ สนฺธาย ‘‘อผุฏํ นาม น โหตี’’ติ วุตฺตํ.
๒๒๗. เฉโกติ กุสโล, ตํ ปน โกสลฺลํ ‘‘กํสถาเล นฺหานิยจุณฺณานิ อากิริตฺวา’’ติอาทิสทฺทนฺตรสนฺนิธานโต, ปกรณโต จ นฺหานิยจุณฺณานํ กรเณ, ปโยชเน, ปิณฺฑเน จ สมตฺถตาวเสน เวทิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ปฏิพโล’’ติอาทินา. กํสสทฺโท ปน ‘‘มหติยา กํสปาติยา’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๖๑) สุวณฺเณ อาคโต, ‘‘กํโส อุปหโต ยถา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๓๔) กิตฺติมโลเห, ‘‘อุปกํโส นาม ราชา มหากํสสฺส อตฺรโช’’ติอาทีสุ [ชา. อฏฺ. ๔.๑๐.๑๖๔ (อตฺถโต สมานํ)] ปณฺณตฺติมตฺเต. อิธ ปน ยตฺถ กตฺถจิ โลเหติ อาห ‘‘เยน เกนจิ โลเหน กตภาชเน’’ติ. นนุ อุปมากรณมตฺตเมวิทํ, อถ กสฺมา กํสถาลกสฺส สวิเสสสฺส คหณํ กตนฺติ อนุโยคํ ปริหรติ ‘‘มตฺติกาภาชน’’นฺติอาทินา. ‘‘สนฺเทนฺตสฺสา’’ติ ปริมทฺเทตฺวา ปิณฺฑํ กโรนฺตสฺเสว ภิชฺชติ, น ปน สนฺทนกฺขมํ โหติ, อนาทรลกฺขเณ เจตํ สามิวจนํ. กิริยนฺตรสฺส ปวตฺตนกฺขเณเยว กิริยนฺตรสฺส ปวตฺตนฺหิ อนาทรลกฺขณํ. ‘‘ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสก’’นฺติ อิทํ ภาวนปุํสกนฺติ ¶ ทสฺเสติ ‘‘สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา’’ติ อิมินา. ผุสสทฺโท เจตฺถ ปริสิฺจเน ยถา ตํ วาตวุฏฺิสมเย ‘‘เทโว จ โถกํ โถกํ ผุสายตี’’ติ, (ปาจิ. ๓๖๒) ตสฺมา ตโต ตโต นฺหานิยจุณฺณโต อุปริ อุทเกน พฺยาปนกรณวเสน ปริสิฺจิตฺวา ปริสิฺจิตฺวาติ อตฺโถ. อนุปสคฺโคปิ หิ สทฺโท สอุปสคฺโค วิย ปกรณาธิคตสฺส อตฺถสฺส ทีปโก, ‘‘สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา’’ติ ปน วจนํ ‘‘ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสก’’นฺติ เอตสฺส ‘‘สนฺเทยฺยา’’ติ เอตฺถ วิเสสนภาววิฺาปนตฺถํ. เอวมีทิเสสุ. ‘‘สนฺเทยฺยา’’ติ เอตฺถ สนฺท-สทฺโท ปิณฺฑกรเณติ วุตฺตํ ‘‘ปิณฺฑํ กเรยฺยา’’ติ. อนุคตาติ อนุปวิสนวเสน คตา อุปคตา. ปริคฺคหิตาติ ปริโต คหิตา สมนฺตโต ผุฏฺา.
อนฺตโร จ พาหิโร จ ปเทโส, เตหิ สห ปวตฺตตีติ สนฺตรพาหิรา, นฺหานิยปิณฺฑิ, ‘‘สมนฺตรพาหิรา’’ติปิ ปาโ, ม-กาโร ปทสนฺธิวเสน อาคโม. ยถาวุตฺเตน ปริคฺคหิตตาการเณเนว สนฺตรพาหิโร นฺหานิยปิณฺฑิ ผุฏา อุทกสฺเนเหนาติ อาห ‘‘สพฺพตฺถกเมว อุทกสิเนเหน ผุฏา’’ติ. สพฺพตฺถ ปวตฺตนํ สพฺพตฺถกํ, ภาวนปุํสกฺเจตํ, สพฺพปเทเส หุตฺวา เอว ผุฏาติ อตฺโถ. ‘‘สนฺตรพาหิรา ผุฏา’’ติ จ อิมินา นฺหานิยปิณฺฑิยา สพฺพโส อุทเกน เตมิตภาวมาห, ‘‘น จ ปคฺฆรณี’’ติ ปน อิมินา ตินฺตายปิ ตาย ฆนถทฺธภาวํ. เตนาห ‘‘น จ พินฺทุํ พินฺทุ’’นฺติอาทิ. อุทกสฺส ผุสิตํ ผุสิตํ, ¶ น จ ปคฺฆรณี สูทนีติ อตฺโถ, ‘‘พินฺทุํ อุทกํ’’ ติปิ กตฺถจิ ปาโ, อุทกสงฺขาตํ พินฺทุนฺติ ตสฺสตฺโถ. พินฺทุสทฺโท หิ ‘‘พฺยาลมฺพมฺพุธรพินฺทู’’ติอาทีสุ วิย ธาราวยเว. เอวํ ปน อปคฺฆรณโต หตฺเถนปิ ทฺวีหิปิ ตีหิปิ องฺคุเลหิ คเหตุํ, โอวฏฺฏิกาย วา กาตุํ สกฺกา. ยทิ หิ สา ปคฺฆรณี อสฺส, เอวํ สติ สฺเนหวิคมเนน สุกฺขตฺตา ถทฺธา หุตฺวา ตถา คเหตุํ, กาตุํ วา น สกฺกาติ วุตฺตํ โหติ. โอวฏฺฏิกายาติ ปริวฏฺฏุลวเสน, คุฬิกาวเสน สา ปิณฺฑิ กาตุํ สกฺกาติ อตฺโถ.
ทุติยชฺฌานกถาวณฺณนา
๒๒๙. ตาหิ ตาหิ อุทกสิราหิ อุพฺภิชฺชติ อุทฺธํ นิกฺขมตีติ อุพฺภิทํ, ตาทิสํ อุทกํ ยสฺสาติ อุพฺภิโททโก, ท-การสฺส ปน ต-กาเร กเต อุพฺภิโตทโก, อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุพฺภินฺนอุทโก’’ติ วุตฺตํ, นทีตีเร ขตกูปโก วิย อุพฺภิชฺชนกอุทโกติ อตฺโถ. อุพฺภิชฺชนกมฺปิ อุทกํ กตฺถจิ เหฏฺา อุพฺภิชฺชิตฺวา ธาราวเสน อุฏฺหิตฺวา พหิ คจฺฉติ, น ตํ โกจิ อนฺโตเยว ปติฏฺิตํ กาตุํ สกฺโกติ ธาราวเสน อุฏฺหนโต, อิธ ปน วาลิกาตเฏ วิย อุทกรหทสฺส อนฺโตเยว อุพฺภิชฺชิตฺวา ตตฺเถว ติฏฺติ, น ธาราวเสน อุฏฺหิตฺวา พหิ คจฺฉตีติ ¶ วิฺายติ อโขภกสฺส สนฺนิสินฺนสฺเสว อุทกสฺส อธิปฺเปตตฺตาติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘น เหฏฺา’’ติอาทิ. เหฏฺาติ อุทกรหทสฺส เหฏฺา มหาอุทกสิรา, โลหิตานุคตา โลหิตสิรา วิย อุทกานุคโต ปถวิปเทโส ‘‘อุทกสิรา’’ติ วุจฺจติ. อุคฺคจฺฉนกอุทโกติ ธาราวเสน อุฏฺหนกอุทโก. อนฺโตเยวาติ อุทกรหทสฺส อนฺโต สมตลปเทเส เอว. อุพฺภิชฺชนกอุทโกติ อุพฺภิชฺชิตฺวา ตตฺเถว ติฏฺนกอุทโก. อาคมนมคฺโคติ พาหิรโต อุทกรหทาภิมุขํ อาคมนมคฺโค. กาเลน กาลนฺติ รุฬฺหีปทํ ‘‘เอโก เอกายา’’ติอาทิ (ปารา. ๔๔๓, ๔๔๔, ๔๕๒) วิยาติ วุตฺตํ ‘‘กาเล กาเล’’ติ. อนฺวทฺธมาสนฺติ เอตฺถ อนุสทฺโท พฺยาปเน. วสฺสานสฺส อทฺธมาสํ อทฺธมาสนฺติ อตฺโถ. เอวํ อนุทสาหนฺติ เอตฺถาปิ. วุฏฺินฺติ วสฺสนํ. อนุปฺปวจฺเฉยฺยาติ น อุปวจฺเฉยฺย. วสฺสสทฺทโต จสฺส สิทฺธีติ ทสฺเสติ ‘‘น วสฺเสยฺยา’’ติ อิมินา.
‘‘สีตา ¶ วาริธารา’’ติ อิตฺถิลิงฺคปทสฺส ‘‘สีตํ ธาร’’นฺติ นปุํสกลิงฺเคน อตฺถวจนํ ธารสทฺทสฺส ทฺวิลิงฺคิกภาววิฺาปนตฺถํ. สีตนฺติ โขภนาภาเวน สีตลํ, ปุราณปณฺณติณกฏฺาทิสํกิณฺณาภาเวน วา เสตํ ปริสุทฺธํ. เสตํ สีตนฺติ หิ ปริยาโย. กสฺมา ปเนตฺถ อุพฺภิโททโกเยว รหโท คหิโต, น อิตเรติ อนุโยคมปเนติ ‘‘เหฏฺา อุคฺคจฺฉนอุทกฺหี’’ติอาทินา. อุคฺคนฺตฺวา อุคฺคนฺตฺวา ภิชฺชนฺตนฺติ อุฏฺหิตฺวา อุฏฺหิตฺวา ธารากิรณวเสน อุพฺภิชฺชนฺตํ, วินสฺสนฺตํ วา. โขเภตีติ อาโลเฬติ. วุฏฺีติ วสฺสนํ. ธารานิปาตปุพฺพุฬเกหีติ อุทกธารานิปาเตหิ จ ตโตเยว อุฏฺิตอุทกปุพฺพุฬกสงฺขาเตหิ เผณปฏเลหิ จ. เอวํ ยถากฺกมํ ติณฺณมฺปิ รหทานมคเหตพฺพตํ วตฺวา อุพฺภิโททกสฺเสว คเหตพฺพตํ วทติ ‘‘สนฺนิสินฺนเมวา’’ติอาทินา. ตตฺถ สนฺนิสินฺนเมวาติ สมฺมา, สมํ วา นิสินฺนเมว, อปริกฺโขภตาย นิจฺจลเมว, สุปฺปสนฺนเมวาติ อธิปฺปาโย. อิทฺธินิมฺมิตมิวาติ อิทฺธิมตา อิทฺธิยา ตถา นิมฺมิตํ อิว. ตตฺถาติ ตสฺมึ อุปโมปเมยฺยวจเน. เสสนฺติ ‘‘อภิสนฺเทตี’’ติอาทิกํ.
ตติยชฺฌานกถาวณฺณนา
๒๓๑. ‘‘อุปฺปลินี’’ติอาทิ คจฺฉสฺสปิ วนสฺสปิ อธิวจนํ. อิธ ปน ‘‘ยาว อคฺคา, ยาว จ มูลา’’ติ วจนโยเคน ‘‘อปฺเปกจฺจานี’’ติอาทินา อุปฺปลคจฺฉาทีนเมว คเหตพฺพตาย วนเมวาธิปฺเปตํ, ตสฺมา ‘‘อุปฺปลานีติ อุปฺปลคจฺฉานิ. เอตฺถาติ อุปฺปลวเน’’ติอาทินา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อวยเวน หิ สมุทายสฺส นิพฺพจนํ กตํ. เอกฺหิ อุปฺปลคจฺฉาทิ ¶ อุปฺปลาทิเยว, จตุปฺจมตฺตมฺปิ ปน อุปฺปลาทิวนนฺติ โวหรียติ, สารตฺถทีปนิยํ ปน ชลาสโยปิ อุปฺปลินิอาทิภาเวน วุตฺโต. เอตฺถ จาติ เอตสฺมึ ปทตฺตเย, เอเตสุ วา ตีสุ อุปฺปลปทุมปุณฺฑรีกสงฺขาเตสุ อตฺเถสุ. ‘‘เสตรตฺตนีเลสู’’ติ อุปฺปลเมว วุตฺตํ, เสตุปฺปลรตฺตุปฺปลนีลุปฺปเลสูติ อตฺโถ. ยํ กิฺจิ อุปฺปลํ อุปฺปลเมว อุปฺปลสทฺทสฺส สามฺนามวเสน เตสุ สพฺเพสุปิ ปวตฺตนโต. สตปตฺตนฺติ เอตฺถ สตสทฺโท พหุปริยาโย ‘‘สตคฺฆี สตรํสิ สูริโย’’ติอาทีสุ วิย อเนกสงฺขฺยาภาวโต. เอวฺจ กตฺวา อเนกปตฺตสฺสาปิ ปทุมภาเว สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. ปตฺตนฺติ จ ปุปฺผทลมธิปฺเปตํ. วณฺณนิยเมน เสตํ ปทุมํ, รตฺตํ ¶ ปุณฺฑรีกนฺติ สาสนโวหาโร, โลเก ปน ‘‘รตฺตํ ปทุมํ, เสตํ ปุณฺฑรีก’’นฺติ วทนฺติ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปุณฺฑรีกํ สิตํ รตฺตํ, โกกนทํ โกกาสโก’’ติ. รตฺตวณฺณตาย หิ โกกนามกานํ สุนขานํ นาทยโต สทฺทาปยโต, เตหิ จ อสิตพฺพโต ‘‘โกกนทํ, โกกาสโก’’ติ จ ปทุมํ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘ปทฺมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธ’’นฺติ. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ อุทกํ ปาติ, อุทเก วา ปฺลวตีติ อุปฺปลํ. ปงฺเก ทวติ คจฺฉติ, ปกาเรน วา ทวติ วิรุหตีติ ปทุมํ. ปณฺฑรํ วณฺณมสฺส, มหนฺตตาย วา มุฑิตพฺพํขณฺเฑตพฺพนฺติ ปุณฺฑรีกํ ม-การสฺส ป-การาทิวเสน. มุฑิสทฺทฺหิ มุฑริสทฺทํ วา ขณฺฑนตฺถมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, สทฺทสตฺถโต เจตฺถ ปทสิทฺธิ. ยาว อคฺคา, ยาว จ มูลา อุทเกน อภิสนฺทนาทิภาวทสฺสนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘อุทกานุคฺคตานี’’ติ วจนํ, ตสฺมา อุทกโต น อุคฺคตานิจฺเจว อตฺโถ, น ตุ อุทเก อนุรูปคตานีติ อาห ‘‘อุทกา…เป… คตานี’’ติ. อิธ ปน อุปฺปลาทีนิ วิย กรชกาโย, อุทกํ วิย ตติยชฺฌานสุขํ ทฏฺพฺพํ.
จตุตฺถชฺฌานกถาวณฺณนา
๒๓๓. ยสฺมา ปน จตุตฺถชฺฌานจิตฺตเมว ‘‘เจตสา’’ติ วุตฺตํ, ตฺจ ราคาทิอุปกฺกิเลสมลาปคมโต นิรุปกฺกิเลสํ นิมฺมลํ, ตสฺมา อุปกฺกิเลสวิคมนเมว ปริสุทฺธภาโวติ อาห ‘‘นิรุปกฺกิเลสฏฺเน ปริสุทฺธ’’นฺติ. ยสฺมา จ ปริสุทฺธสฺเสว ปจฺจยวิเสเสน ปวตฺติวิเสโส ปริโยทาตตา สุทฺธนฺตสุวณฺณสฺส นิฆํสเนน ปภสฺสรตา วิย, ตสฺมา ปภสฺสรตาเยว ปริโยทาตตาติ อาห ‘‘ปภสฺสรฏฺเน ปริโยทาต’’นฺติ. วิชฺชุ วิย ปภาย อิโต จิโต จ นิจฺฉรณํ ปภสฺสรํ ยถา ‘‘อาภสฺสรา’’ติ. โอทาเตน วตฺเถนาติ เอตฺถ ‘‘โอทาเตนา’’ติ คุณวจนํ สนฺธาย ‘‘โอทาเตน…เป… อิท’’นฺติ วุตฺตํ. อุตุผรณตฺถนฺติ อุณฺหสฺส อุตุโน ผรณทสฺสนตฺถํ. กสฺมาติ อาห ‘‘กิลิฏฺวตฺเถนา’’ติอาทิ. อุตุผรณํ น โหตีติ โอทาตวตฺเถน วิย สวิเสสํ อุตุผรณํ น โหติ, อปฺปกมตฺตเมว โหตีติ อธิปฺปาโย ¶ . เตนาห ‘‘ตงฺขณ…เป… พลวํ โหตี’’ติ. ‘‘ตงฺขณโธตปริสุทฺเธนา’’ติ จ เอเตน โอทาตสทฺโท เอตฺถ ปริสุทฺธวจโน เอว ‘‘คิหี โอทาตวตฺถวสโน’’ติอาทีสุ วิย ¶ , น เสตวจโน เยน เกนจิ ตงฺขณโธตปริสุทฺเธเนว อุตุผรณสมฺภวโตติ ทสฺเสติ.
นนุ จ ปาฬิยํ ‘‘นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส โอทาเตน วตฺเถน อผุฏํ อสฺสา’’ติ กายสฺส โอทาตวตฺถผรณํ วุตฺตํ, น ปน วตฺถสฺส อุตุผรณํ, อถ กสฺมา อุตุผรณํ อิธ วุตฺตนฺติ อนุโยเคนาห ‘‘อิมิสฺสาย หี’’ติอาทิ. ยสฺมา วตฺถํ วิย กรชกาโย, อุตุผรณํ วิย จตุตฺถชฺฌานสุขํ, ตสฺมา เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ, เอเตน จ โอทาเตน วตฺเถน สพฺพาวโต กายสฺส ผรณาสมฺภวโต, อุปเมยฺเยน จ อยุตฺตตฺตา กายคฺคหเณน ตนฺนิสฺสิตวตฺถํ คเหตพฺพํ, วตฺถคฺคหเณน จ ตปฺปจฺจยํ อุตุผรณนฺติ ทสฺเสติ. เนยฺยตฺถโต หิ อยํ อุปมา วุตฺตา. วิจิตฺรเทสนา หิ พุทฺธา ภควนฺโตติ. โยคิโน หิ กรชกาโย วตฺถํ วิย ทฏฺพฺโพ อุตุผรณสทิเสน จตุตฺถชฺฌานสุเขน ผริตพฺพตฺตา, อุตุผรณํ วิย จตุตฺถชฺฌานสุขํ วตฺถสฺส วิย เตน กรชกายสฺส ผรณโต, ปุริสสฺส สรีรํ วิย จตุตฺถชฺฌานํ อุตุผรณฏฺานิยสฺส สุขสฺส นิสฺสยภาวโต. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. อิทฺหิ ยถาวุตฺตวจนสฺส คุณทสฺสนํ. เอตฺถ จ ปาฬิยํ ‘‘ปริสุทฺเธน เจตสา’’ติ เจโตคหเณน จตุตฺถชฺฌานสุขํ ภควตา วุตฺตนฺติ าเปตุํ ‘‘จตุตฺถชฺฌานสุขํ, จตุตฺถชฺฌานสุเขนา’’ติ จ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ จตุตฺถชฺฌานสุขํ นาม สาตลกฺขณํ นตฺถีติ? สจฺจํ, สนฺตสภาวตฺตา ปเนตฺถ อุเปกฺขาเยว ‘‘สุข’’นฺติ อธิปฺเปตา. เตน วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒; วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๔; มหานิ. อฏฺ. ๒๗; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑๐๕).
เอตฺตาวตาติ ปมชฺฌานาธิคมปริทีปนโต ปฏฺาย ยาว จตุตฺถชฺฌานาธิคมปริทีปนา, ตาวตา วจนกฺกเมน. ลภนํ ลาโภ, โส เอตสฺสาติ ลาภี, รูปชฺฌานานํ ลาภี รูปชฺฌานลาภี ยถา ‘‘ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ, (สํ. นิ. ๒.๗๐; อุทา. ๓๘) ลภนสีโล วา ลาภี. กึ ลภนสีโล? รูปชฺฌานานีติปิ ยุชฺชติ. เอวมิตรสฺมิมฺปิ. น อรูปชฺฌานลาภีติ น เวทิตพฺโพติ โยเชตพฺพํ. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘น หี’’ติอาทิ, อฏฺนฺนมฺปิ สมาปตฺตีนํ อุปริ อภิฺาธิคเม อวินาภาวโตติ ¶ วุตฺตํ โหติ. จุทฺทสหากาเรหีติ ‘‘กสิณานุโลมโต, กสิณปฏิโลมโต กสิณานุโลมปฏิโลมโต, ฌานานุโลมโต, ฌานปฏิโลมโต, ฌานานุโลมปฏิโลมโต, ฌานุกฺกนฺติกโต, กสิณุกฺกนฺติกโต, ฌานกสิณุกฺกนฺติกโต, องฺคสงฺกนฺติโต, อารมฺมณสงฺกนฺติโต ¶ , องฺคารมฺมณสงฺกนฺติโต องฺคววตฺถานโต, อารมฺมณววตฺถานโต’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๖๕) วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺเตหิ อิเมหิ จุทฺทสหากาเรหิ. สติปิ ฌาเนสุ อาวชฺชนาทิปฺจวิธวสีภาเว อยเมว จุทฺทสวิโธ วสีภาโว อภิฺา นิพฺพตฺตเน เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺโพติ ทสฺเสนฺเตน ‘‘จุทฺทสหากาเรหิ จิณฺณวสีภาว’’นฺติ วุตฺตํ, อิมินา จ อรูปสมาปตฺตีสุ จิณฺณวสีภาวํ วินา รูปสมาปตฺตีสุ เอว จิณฺณวสีภาเวน สมาปตฺติ น อิชฺฌตีติ ตาสํ อภิฺาธิคเม อวินาภาวํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.
นนุ ยถาปาเมว วินิจฺฉโย วตฺตพฺโพติ โจทนํ โสเธติ ‘‘ปาฬิยํ ปนา’’ติอาทินา, สาวเสสปาภาวโต นีหริตฺวา เอส วินิจฺฉโย วตฺตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. ยชฺเชวํ อรูปชฺฌานานิปิ ปาฬิยํ คเหตพฺพานิ, อถ กสฺมา ตานิ อคฺคเหตฺวา สาวเสสปาโ ภควตา กโตติ? สพฺพาภิฺานํ วิเสสโต รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานปาทกตฺตา. สติปิ หิ ตาสํ ตถา อวินาภาเว วิเสสโต ปเนตา รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานปาทกา, ตสฺมา ตาสํ ตปฺปาทกภาววิฺาปนตฺถํ ตตฺเถว ตฺวา เทสนา กตา, น ปน อรูปาวจรชฺฌานานํ อิธ อนนุปโยคโต. เตนาห ‘‘อรูปชฺฌานานิ อาหริตฺวา กเถตพฺพานี’’ติ.
วิปสฺสนาาณกถาวณฺณนา
๒๓๔. ‘‘ปุน จปรํ มหาราช (ปาฬิยํ นตฺถิ) ภิกฺขู’’ติ วตฺวาปิ กิมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส’’ติ ปทํ ปุน วุตฺตนฺติ โจทนายาห ‘‘โส…เป… ทสฺเสตี’’ติ, ยถารุตวเสน, เนยฺยตฺถวเสน จ วุตฺตาสุ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสิตาวิสิฏฺํ ภิกฺขุํ ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. เสสนฺติ ‘‘โส’’ติ ปทตฺถโต เสสํ ‘‘เอวํ สมาหิเต’’ติอาทีสุ วตฺตพฺพํ สาธิปฺปายมตฺถชาตํ. เยฺยํ ชานาตีติ าณํ, ตเทว ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปสฺสตีติ ทสฺสนํ, าณเมว ทสฺสนํ น จกฺขาทิกนฺติ าณทสฺสนํ, ปฺจวิธมฺปิ าณํ, ตยิทํ ปน าณทสฺสนปทํ ¶ สาสเน เยสุ าณวิเสเสสุ นิรุฬฺหํ, ตํ สพฺพํ อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘าณทสฺสนนฺติ มคฺคาณมฺปิ วุจฺจตี’’ติอาทิมาห. าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถนฺติ าณทสฺสนสฺส วิสุทฺธิปโยชนาย. ผาสุวิหาโรติ อริยวิหารภูโต สุขวิหาโร. ภควโตปีติ น เกวลํ เทวตาโรจนเมว, อถ โข ตทา ภควโตปิ าณทสฺสนํ อุทปาทีติ อตฺโถ. สตฺตาหํ กาลงฺกตสฺส อสฺสาติ สตฺตาหกาลงฺกโต. ‘‘กาลาโม’’ติ โคตฺตวเสน วุตฺตํ. เจโตวิมุตฺติ [วิมุตฺติ (อฏฺกถายํ)] นาม อรหตฺตผลสมาปตฺติ. ยสฺมา วิปสฺสนาาณํ เยฺยสงฺขาเต เตภูมกสงฺขาเร อนิจฺจาทิโต ¶ ชานาติ, ภงฺคานุปสฺสนโต จ ปฏฺาย ปจฺจกฺขโต เต ปสฺสติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตฏฺเน าณทสฺสนํ นาม ชาตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทินา.
อภินีหรตีติ วิปสฺสนาภิมุขํ จิตฺตํ ตทฺกรณียโต นีหริตฺวา หรตีติ อยํ สทฺทโต อตฺโถ, อธิปฺปายโต ปน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปสฺสนาาณสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตทภิมุขภาโวเยว หิสฺส ตนฺนินฺนตาทิกรณํ, ตํ ปน วุตฺตนเยน อฏฺงฺคสมนฺนาคเต ตสฺมึ จิตฺเต วิปสฺสนากฺกเมน ชาเต วิปสฺสนาภิมุขํ จิตฺตเปสนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ตนฺนินฺนนฺติ ตสฺสํ วิปสฺสนายํ นินฺนํ. อิตรทฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. ตสฺสํ โปณํ วงฺกํ ปพฺภารํ นีจนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมชาเล วุตฺโตเยว. โอทนกุมฺมาเสหิ อุปจียติ วฑฺฒาปียติ, อุปจยติ วา วฑฺฒตีติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘โอทเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโมติ เอตฺถ ‘‘อนิจฺจธมฺโม’’ติอาทินา ธมฺมสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ตตฺถ อนิจฺจธมฺโมติ ปภงฺคุตาย อทฺธุวสภาโว. ทุคฺคนฺธวิฆาตตฺถายาติ สรีเร ทุคฺคนฺธสฺส วิคมาย. อุจฺฉาทนธมฺโมติ อุจฺฉาเทตพฺพตาสภาโว, อิมสฺส ปูติกายสฺส ทุคฺคนฺธภาวโต คนฺโธทกาทีหิ อุพฺพฏฺฏนวิลิมฺปนชาติโกติ อตฺโถ. อุจฺฉาทเนน หิ ปูติกาเย เสทวาตปิตฺตเสมฺหาทีหิ ครุภาวทุคฺคนฺธานมปคโม โหติ. มหาสมฺพาหนํ มลฺลาทีนํ พาหุวฑฺฒนาทิอตฺถํว โหติ, องฺคปจฺจงฺคาพาธวิโนทนตฺถํ ปน ขุทฺทกสมฺพาหนเมว ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘ขุทฺทกสมฺพาหเนนา’’ติ, มนฺทสมฺพาหเนนาติ อตฺโถ. ปริมทฺทนธมฺโมติ ปริมทฺทิตพฺพตาสภาโว.
เอวํ ¶ อนิยมิตกาลวเสน อตฺถํ วตฺวา อิทานิ นิยมิตกาลวเสน อตฺถํ วทติ ‘‘ทหรกาเล’’ติอาทินา. วา-สทฺโท เจตฺถ อตฺถทสฺสนวเสเนว อตฺถนฺตรวิกปฺปนสฺส วิฺายมานตฺตา น ปยุตฺโต, ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ วา. ทหรกาเลติ อจิรวิชาตกาเล. สยาเปตฺวา อฺฉนปีฬนาทิวเสน ปริมทฺทนธมฺโมติ สมฺพนฺโธ. มิตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เตน ยถาปมาณํ, มนฺทํ วา อฺฉนปีฬนาทีนิ ทสฺเสติ. อฺฉนฺเจตฺถ อากฑฺฒนํ. ปีฬนํ สมฺพาหนํ. อาทิสทฺเทน สมิฺชนอุคฺคมนาทีนิ สงฺคณฺหาติ. เอวํ ปริหริโตปีติ อุจฺฉาทนาทินา สุเขธิโตปิ. ภิชฺชติ เจวาติ อนิจฺจตาทิวเสน นสฺสติ จ. วิกิรติ จาติ เอวํ ภินฺทนฺโต จ กิฺจิ ปโยชนํ อสาเธนฺโต วิปฺปกิณฺโณว โหติ. เอวํ นวหิ ปเทหิ ยถารหํ กาเย สมุทยวยธมฺมานุปสฺสิตา ทสฺสิตาติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ฉหิ ปเทหีติ ‘‘รูปี, จาตุมหาภูติโก, มาตาเปตฺติกสมฺภโว, โอทนกุมฺมาสูปจโย, อุจฺฉาทนธมฺโม, ปริมทฺทนธมฺโม’’ติ อิเมหิ ฉหิ ปเทหิ. ยุตฺตํ ตาว โหตุ มชฺเฌ ตีหิปิ ปเทหิ กายสฺส สมุทยกถนํ เตสํ ตทตฺถทีปนโต, ‘‘รูปี, อุจฺฉาทนธมฺโม, ปริมทฺทนธมฺโม’’ติ ปน ตีหิ ¶ ตฺปเทหิ กถํ ตสฺส ตถากถนํ ยุตฺตํ สิยา เตสํ ตทตฺถสฺส อทีปนโตติ? ยุตฺตเมว เตสมฺปิ ตทตฺถสฺส ทีปิตตฺตา. ‘‘รูปี’’ติ หิ อิทํ อตฺตโน ปจฺจยภูเตน อุตุอาหารลกฺขเณน รูเปน รูปวาติ อตฺถสฺส ทีปกํ. ปจฺจยสงฺคมวิสิฏฺเ หิ ตทสฺสตฺถิอตฺเถ อยมีกาโร. ‘‘อุจฺฉาทนธมฺโม, ปริมทฺทนธมฺโม’’ติ จ อิทํ ปททฺวยํ ตถาวิธรูปุปฺปาทเนน สณฺานสมฺปาทนตฺถสฺส ทีปกนฺติ. ทฺวีหีติ ‘‘เภทนธมฺโม, วิทฺธํสนธมฺโม’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิ. นิสฺสิตฺจ กายปริยาปนฺเน หทยวตฺถุมฺหิ นิสฺสิตตฺตา วิปสฺสนาจิตฺตสฺส. ตทา ปวตฺตฺหิ วิปสฺสนาจิตฺตเมว ‘‘อิทฺจ เม วิฺาณ’’นฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวเสน วุตฺตํ. ปฏิพทฺธฺจ กาเยน วินา อปฺปวตฺตนโต, กายสฺิตานฺจ รูปธมฺมานํ อารมฺมณกรณโต.
๒๓๕. สุฏฺุ โอภาสตีติ สุโภ, ปภาสมฺปนฺโน มณิ, ตาย เอว ปภาสมฺปตฺติยา มณิโน ภทฺรตาติ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุโภติ สุนฺทโร’’ติ วุตฺตํ. ปริสุทฺธากรสมุฏฺานเมว มณิโน สุวิสุทฺธชาติตาติ อาห ‘‘ชาติมาติ ปริสุทฺธากรสมุฏฺิโต’’ติ. สุวิสุทฺธรตนากรโต สมุฏฺิโตติ อตฺโถ. อากรปริวิสุทฺธิมูลโก เอว หิ ¶ มณิโน กุรุวินฺทชาติอาทิชาติวิเสโสติ. อิธาธิปฺเปตสฺส ปน เวฬุริยมณิโน วิฬูร (วิ. ว. อฏฺ. ๓๔ อาทโย วากฺยกฺขฺขฺนฺเธสุ ปสฺสิตพฺพํ) ปพฺพตสฺส, วิฬูร คามสฺส จ อวิทูเร ปริสุทฺธากโร. เยภุยฺเยน หิ โส ตโต สมุฏฺิโต. ตถา เหส วิฬูรนามกสฺส ปพฺพตสฺส, คามสฺส จ อวิทูเร สมุฏฺิตตฺตา เวฬุริโยติ ปฺายิตฺถ, เทวโลเก ปวตฺตสฺสปิ จ ตํสทิสวณฺณนิภตาย ตเทว นามํ ชาตํ ยถา ตํ มนุสฺสโลเก ลทฺธนามวเสน เทวโลเก เทวตานํ, โส ปน มยูรคีวาวณฺโณ วา โหติ วายสปตฺตวณฺโณ วา สินิทฺธเวณุปตฺตวณฺโณ วาติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปรมตฺถทีปนิยํ (วิ. ว. อฏฺ. ๓๔) วุตฺตํ. วินยสํวณฺณนาสุ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ปน ‘‘อลฺลเวฬุวณฺโณ’’ติ วทนฺติ. ตถา หิสฺส ‘‘วํสวณฺโณ’’ติปิ นามํ ชาตํ. ‘‘มฺชารกฺขิมณฺฑลวณฺโณ’’ติ จ วุตฺโต, ตโตเยว โส อิธ ปเทเส มฺชารมณีติ ปากโฏ โหติ. จกฺกวตฺติปริโภคารหปณีตตรมณิภาวโต ปน ตสฺเสว ปาฬิยํ วจนํ ทฏฺพฺพํ. ยถาห ‘‘ปุน จปรํ อานนฺท รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส มณิรตนํ ปาตุรโหสิ, โส อโหสิ มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๘). ปาสาณสกฺขราทิโทสนีหรณวเสเนว ปริกมฺมนิปฺผตฺตีติ ทสฺเสติ ‘‘อปนีตปาสาณสกฺขโร’’ติ อิมินา.
ฉวิยา เอว สณฺหภาเวน อจฺฉตา, น สงฺฆาตสฺสาติ อาห ‘‘อจฺโฉติ ตนุจฺฉวี’’ติ. ตโต เจว วิเสเสน ปสนฺโนติ ทสฺเสตุํ ‘‘สุฏฺุ ปสนฺโน’’ติ วุตฺตํ. ปริโภคมณิรตนาการสมฺปตฺติ สพฺพาการสมฺปนฺนตา ¶ . เตนาห ‘‘โธวนเวธนาทีหี’’ติอาทิ. ปาสาณาทีสุ โธตตา โธวนํ, กาฬกาทิอปหรณตฺถาย เจว สุตฺเตน อาวุนตฺถาย จ วิชฺฌิตพฺพตา เวธนํ. อาทิสทฺเทน ตาปสณฺหกรณาทีนํ สงฺคโห. วณฺณสมฺปตฺตินฺติ อาวุนิตสุตฺตสฺส วณฺณสมฺปตฺตึ. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘ตาทิส’’นฺติอาทิ, ตาทิสสฺเสว อาวุตสฺส ปากฏภาวโตติ วุตฺตํ โหติ.
มณิ วิย กรชกาโย ปจฺจเวกฺขิตพฺพโต. อาวุตสุตฺตํ วิย วิฺาณํ อนุปวิสิตฺวา ิตตฺตา. จกฺขุมา ปุริโส วิย วิปสฺสนาลาภี ภิกฺขุ ¶ สมฺมเทว ตสฺส ทสฺสนโต, ตสฺส ปุริสสฺส มณิโน อาวิภูตกาโล วิย ตสฺส ภิกฺขุโน กายสฺส อาวิภูตกาโล ตนฺนิสฺสยสฺส ปากฏภาวโต. สุตฺตสฺสาวิภูตกาโล วิย เตสํ ธมฺมานมาวิภูตกาโล ตนฺนิสฺสิตสฺส ปากฏภาวโตติ อยเมตฺถ อุปมาสมฺปาทเน การณวิภาวนา, ‘‘อาวุตสุตฺตํ วิย วิปสฺสนาาณ’’นฺติ กตฺถจิ ปาโ, ‘‘อิทฺจ วิฺาณ’’นฺติ วจนโต ปน ‘‘วิฺาณ’’นฺติ ปาโว สุนฺทรตโร, ‘‘วิปสฺสนาวิฺาณ’’นฺติ วา ภวิตพฺพํ. วิปสฺสนาาณํ อภินีหริตฺวาติ วิปสฺสนาาณาภิมุขํ จิตฺตํ นีหริตฺวา.
ตตฺราติ เวฬุริยมณิมฺหิ. ตทารมฺมณานนฺติ กายสฺิตรูปธมฺมารมฺมณานํ. ‘‘ผสฺสปฺจมกาน’’นฺติอาทิปทตฺตยสฺเสตํ วิเสสนํ อตฺถวสา ลิงฺควิภตฺติวจนวิปริณาโมติ กตฺวา ปจฺฉิมปทสฺสาปิ วิเสสนภาวโต. ผสฺสปฺจมกคฺคหเณน, สพฺพจิตฺตเจตสิกคฺคหเณน จ คหิตธมฺมา วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ เตสํ วิปสฺสนาวิฺาณคติกตฺตา อาวุตสุตฺตํ วิย ‘‘วิปสฺสนาวิฺาณ’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตวจนํ อวิโรธิตํ โหติ. กสฺมา ปน วิปสฺสนาวิฺาณสฺเสว คหณนฺติ? ‘‘อิทฺจ เม วิฺาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธ’’นฺติ อิมินา ตสฺเสว วจนโต. ‘‘อยํ โข เม กาโย’’ติอาทินา หิ วิปสฺสนาาเณน วิปสฺสิตฺวา ‘‘ตเทว วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตํ วิฺาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธ’’นฺติ นิสฺสยวิสยาทิวเสน มนสิ กโรติ, ตสฺมา ตสฺเสว อิธ คหณํ สมฺภวติ, นาฺสฺสาติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาวิฺาณสฺเสว วา อาวิภูตกาโล’’ติ. ธมฺมสงฺคหาทีสุ (ธ. ส. ๒ อาทโย) เทสิตนเยน ปากฏภาวโต เจตฺถ ผสฺสปฺจมกานํ คหณํ, นิรวเสสปริคฺคหณโต สพฺพจิตฺตเจตสิกานํ, ยถารุตํ เทสิตวเสน ปธานภาวโต วิปสฺสนาวิฺาณสฺสาติ เวทิตพฺพํ. กึ ปเนเต ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อาวิภวนฺติ, อุทาหุ ปุคฺคลสฺสาติ? ปจฺจเวกฺขณาณสฺเสว, ตสฺส ปน อาวิภูตตฺตา ปุคฺคลสฺสาปิ อาวิภูตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุโน อาวิภูตกาโล’’ติ วุตฺตนฺติ.
ยสฺมา ¶ ปนิทํ วิปสฺสนาาณํ มคฺคาณานนฺตรํ โหติ, ตสฺมา โลกิยาภิฺานํ ปรโต, ฉฏฺภิฺาย จ ปุรโต วตฺตพฺพํ, อถ กสฺมา สพฺพาภิฺานํ ปุรโตว วุตฺตนฺติ โจทนาเลสํ ทสฺเสตฺวา ปริหรนฺโต ¶ ‘‘อิทฺจ วิปสฺสนาาณ’’นฺติอาทิมาห. ‘‘อิทฺจ มคฺคาณานนฺตร’’นฺติ หิ อิมินา ยถาวุตฺตํ โจทนาเลสํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘มคฺคาณานนฺตร’’นฺติ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาภูตํ โคตฺรภุาณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตเทว หิ อรหตฺตมคฺคสฺส, สพฺเพสํ วา มคฺคผลานมนนฺตรํ โหติ, ปธานโต ปน ตพฺพจเนเนว สพฺพสฺสปิ วิปสฺสนาาณสฺส คหณํ ทฏฺพฺพํ อวิเสสโต ตสฺส อิธ วุตฺตตฺตา. มคฺคสทฺเทน จ อรหตฺตมคฺคสฺเสว คหณํ ตสฺเสวาภิฺาปริยาปนฺนตฺตา, อภิฺาสมฺพนฺเธน จ โจทนาสมฺภวโต. โลกิยาภิฺานํ ปุรโต วุตฺตํ วิปสฺสนาาณํ ตาสํ นานนฺตรตาย อนุปการํ, อาสวกฺขยาณสงฺขาตาย ปน โลกุตฺตราภิฺาย ปุรโต วุตฺตํ ตสฺสา อนนฺตรตาย อุปการํ, ตสฺมา อิทํ โลกิยาภิฺานํ ปรโต, ฉฏฺาภิฺาย จ ปุรโต วตฺตพฺพํ. กสฺมา ปน อุปการฏฺาเน ตถา อวตฺวา อนุปการฏฺาเนว ภควตา วุตฺตนฺติ หิ โจทนา สมฺภวติ. ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ ปริหารทสฺสนํ. ตตฺถ เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ าณานุปุพฺพิยา มคฺคาณสฺส อนนฺตรตาย อุปการํ โหติ, เอวํ สติปีติ อตฺโถ.
อภิฺาวาเรติ ฉฬภิฺาวเสน วุตฺเต เทสนาวาเร. เอตสฺส อนฺตรา วาโร นตฺถีติ ปฺจสุ โลกิยาภิฺาสุ กถิตาสุ อากงฺเขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๕) วิย ฉฏฺาภิฺาปิ อวสฺสํ กเถตพฺพา อภิฺาลกฺขณภาเวน ตปฺปริยาปนฺนโต, น จ วิปสฺสนาาณํ โลกิยาภิฺานํ, ฉฏฺาภิฺาย จ อนฺตรา ปเวเสตฺวา กเถตพฺพํ อนภิฺาลกฺขณภาเวน ตทปริยาปนฺนโต. อิติ เอตสฺส วิปสฺสนาาณสฺส ตาสมภิฺานํ อนฺตรา วาโร นตฺถิ, ตสฺมา ตตฺถ อวสราภาวโต อิเธว รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานานนฺตรํ วิปสฺสนาาณํ กถิตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยสฺมา จา’’ติอาทินา อตฺถนฺตรมาห. ตตฺถ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน น เกวลํ วิปสฺสนาาณสฺส อิธ ทสฺสเน ตเทว การณํ, อถ โข อิทมฺปีติ อิมมตฺถํ สมุจฺจินาตีติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๓๕) วุตฺตํ. สทฺทวิทู ปน อีทิเส าเน จ-สทฺโท วา-สทฺทตฺโถ, โส จ วิกปฺปตฺโถติ วทนฺติ, ตมฺปิ ยุตฺตเมว อตฺถนฺตรทสฺสเน ปยุตฺตตฺตา. อตฺตนา ปยุชฺชิตพฺพสฺส หิ วิชฺชมานตฺถสฺเสว โชตกา อุปสคฺคนิปาตา ยถา มคฺคนิทสฺสเน สาขาภงฺคา, ยถา จ อทิสฺสมานา โชตเน ปทีปาติ เอวมีทิเสสุ. โหติ เจตฺถ –
‘‘อตฺถนฺตรทสฺสนมฺหิ ¶ , จ สทฺโท ยทิ ทิสฺสติ;
สมุจฺจเย วิกปฺเป โส, คเหตพฺโพ วิภาวินา’’ติ.
อกตสมฺมสนสฺสาติ ¶ เหตุคพฺภปทํ. ตถา กตสมฺมสนสฺสาติ จ. ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา เภรวมฺปิ รูปํ ปสฺสโตติ เอตฺถ อิทฺธิวิธาเณน เภรวํ รูปํ นิมฺมินิตฺวา มํสจกฺขุนา ปสฺสโตติปิ วตฺตพฺพํ. เอวมฺปิ หิ อภิฺาลาภิโน อปริฺาตวตฺถุกสฺส ภยํ สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ อุจฺจวาลิกวาสิมหานาคตฺเถรสฺส วิยา’’ติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๓๕) วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ทิพฺพาย โสตธาตุยา เภรวํ สทฺทํ สุณโตติ เอตฺถาปิ อิทฺธิวิธาเณน เภรวํ สทฺทํ นิมฺมินิตฺวา มํสโสเตน สุณโตปีติ วตฺตพฺพเมว. เอวมฺปิ หิ อภิฺาลาภิโน อปริฺาตวตฺถุกสฺส ภยํ สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ อุจฺจวาลิกวาสิมหานาคตฺเถรสฺส วิย. เถโร หิ โกฺจนาทสหิตํ สพฺพเสตํ หตฺถินาคํ มาเปตฺวา ทิสฺวา, สุตฺวา จ สฺชาตภยสนฺตาโสติ อฏฺกถาสุ (วิภ. อฏฺ. ๒.๘๘๒; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๑; วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๓) วุตฺโต. อนิจฺจาทิวเสน กตสมฺมสนสฺส ทิพฺพาย…เป… ภยํ สนฺตาโส น อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. ภยวิโนทนเหตุ นาม วิปสฺสนาาเณน กตสมฺมสนตา, ตสฺส, เตน วา สมฺปาทนตฺถนฺติ อตฺโถ. อิเธวาติ จตุตฺถชฺฌานานนฺตรเมว. ‘‘อปิจา’’ติอาทินา ยถาปาํ ยุตฺตตรนยํ ทสฺเสติ. วิปสฺสนาย ปวตฺตํ ปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิปรมฺปราคตสุขํ วิปสฺสนาสุขํ. ปาฏิเยกฺกนฺติ ฌานาภิฺาทีหิ อสมฺมิสฺสํ วิสุํ ภูตํ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ. เตนาห ภควา ธมฺมปเท –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติอาทิ. (ธ. ป. ๓๗๔);
อิธาปิ วุตฺตํ ‘‘อิทมฺปิ โข มหาราช สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ…เป… ปณีตตรฺจา’’ติ, ตสฺมา ปาฬิยา สํสนฺทนโต อิมเมว นยํ ยุตฺตตรนฺติ วทนฺติ. อาทิโตวาติ อภิฺานมาทิมฺหิเยว.
มโนมยิทฺธิาณกถาวณฺณนา
๒๓๖-๗. มโนมยนฺติ เอตฺถ ปน มยสทฺโท อปรปฺตฺติวิการปทปูรณนิพฺพตฺติอาทีสุ อเนเกสฺวตฺเถสุ อาคโต. อิธ ปน นิพฺพตฺติอตฺเถติ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘มเนน นิพฺพตฺติต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อภิฺามเนน นิพฺพตฺติต’’นฺติ อตฺโถติ อาจริเยนาติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๓๖, ๒๓๗) วุตฺตํ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๙๗) ปน ‘‘อธิฏฺานมเนน นิมฺมิตตฺตา มโนมย’’นฺติ อาคตํ, อภิฺามเนน, อธิฏฺานมเนน จาติ อุภยถาปิ นิพฺพตฺตตฺตา อุภยมฺเปตํ ยุตฺตเมว ¶ . องฺคํ นาม หตฺถปาทาทิตํตํสมุทายํ, ปจฺจงฺคํ นาม กปฺปรชณฺณุอาทิ ตสฺมึ ตสฺมึ สมุทาเย อวยวํ. ‘‘อหีนินฺทฺริย’’นฺติ เอตฺถ ปริปุณฺณตาเยว อหีนตา, น ตุ อปฺปณีตตา, ปริปุณฺณภาโว จ จกฺขุโสตาทีนํ สณฺานวเสเนว. นิมฺมิตรูเป หิ ปสาโท นาม นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สณฺานวเสน อวิกลินฺทฺริย’’นฺติ วุตฺตํ, อิมินาว ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยาทีนมฺปิ อภาโว วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. สณฺานวเสนาติ จ กมลทลาทิสทิสสณฺานมตฺตวเสน, น รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาทาทิอินฺทฺริยวเสน. ‘‘สพฺพงฺคปจฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริย’’นฺติ วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถนฺโต ‘‘อิทฺธิมตา’’ติอาทิมาห. อวิทฺธกณฺโณติ กุลจาริตฺตวเสน กณฺณาลงฺการปิฬนฺธนตฺถํ อวิชฺฌิตกณฺโณ, นิทสฺสนมตฺตเมตํ. เตนาห ‘‘สพฺพากาเรหี’’ติ, วณฺณสณฺานาวยววิเสสาทิสพฺพากาเรหีติ อตฺโถ. เตนาติ อิทฺธิมตา.
อยเมวตฺโถ ปาฬิยมฺปิ วิภาวิโตติ อาห ‘‘มฺุชมฺหา อีสิกนฺติอาทิอุปมาตฺตยมฺปิ หิ…เป… วุตฺต’’นฺติ. กตฺถจิ ปน ‘‘มฺุชมฺหา อีสิกนฺติอาทิ อุปมามตฺตํ. ยมฺปิ หิ สทิสภาวทสฺสนตฺถเมว วุตฺต’’นฺติ ปาโ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘อุปมามตฺต’’นฺติ อิมินา อตฺถนฺตรทสฺสนํ นิวตฺเตติ, ‘‘ยมฺปิ หี’’ติอาทินา ปน ตสฺส อุปมาภาวํ สมตฺเถติ. นิยตานเปกฺเขน จ ยํ-สทฺเทน ‘‘มฺุชมฺหา อีสิก’’นฺติอาทิวจนเมว ปจฺจามสติ. สทิสภาวทสฺสนตฺถเมวาติ สณฺานโตปิ วณฺณโตปิ อวยววิเสสโตปิ สทิสภาวทสฺสนตฺถํเยว. กถํ สทิสภาโวติ วุตฺตํ ‘‘มฺุชสทิสา เอว หี’’ติอาทิ. มฺุชํ นาม ติณวิเสโส, เยน โกจฺฉาทีนิ กโรนฺติ. ‘‘ปวาเหยฺยา’’ติ วจนโต อนฺโต ิตา เอว อีสิกา อธิปฺเปตาติ ทสฺเสติ ‘‘อนฺโต อีสิกา โหตี’’ติ อิมินา. อีสิกาติ จ กฬีโร. วิสุทฺธิมคฺคฏีกายํ ปน ‘‘กณฺฑ’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๓๙๙) วุตฺตํ. วฏฺฏาย โกสิยาติ ปริวฏฺฏุลาย อสิโกสิยา. ปตฺถฏายาติ ปฏฺฏิกาย. กรฑิตพฺโพ ภาเชตพฺโพติ กรณฺโฑ, เปฬา. กรฑิตพฺโพ ชิคุจฺฉิตพฺโพติ กรณฺโฑ, นิมฺโมกํ. อิธาปิ ¶ นิมฺโมกเมวาติ อาห ‘‘กรณฺฑาติ อิทมฺปี’’ติอาทิ. วิลีวกรณฺโฑ นาม เปฬา. กสฺมา อหิกฺจุกสฺเสว นามํ, น วิลีวกรณฺฑกสฺสาติ โจทนํ โสเธติ ‘‘อหิกฺจุโก หี’’ติอาทินา, สฺเวว อหินา สทิโส, ตสฺมา ตสฺเสว นามนฺติ วุตฺตํ โหติ. วิสุทฺธิมคฺคฏีกายํ ปน ‘‘กรณฺฑายาติ เปฬาย, นิมฺโมกโตติ จ วทนฺตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๓๙๙) วุตฺตํ. ตตฺถ เปฬาคหณํ อหินา อสทิสตาย วิจาเรตพฺพํ.
ยชฺเชวํ ‘‘เสยฺยถาปิ ปน มหาราช ปุริโส อหึ กรณฺฑา อุทฺธเรยฺยา’’ติ ปุริสสฺส กรณฺฑโต อหิอุทฺธรณูปมาย อยมตฺโถ วิรุชฺเฌยฺย. น หิ โส หตฺเถน ตโต อุทฺธริตุํ สกฺกาติ ¶ อนุโยเคนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ‘‘อุทฺธเรยฺยา’’ติ หิ อนิยมวจเนปิ หตฺเถน อุทฺธรณสฺเสว ปากฏตฺตา ตํทสฺสนมิว ชาตํ. เตนาห ‘‘หตฺเถน อุทฺธรมาโน วิย ทสฺสิโต’’ติ. ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ จิตฺเตน อุทฺธรณสฺส เหตุทสฺสนํ. อหิโน นาม ปฺจสุ าเนสุ สชาตึ นาติวตฺตนฺติ อุปปตฺติยํ, จุติยํ, วิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมเน, สมานชาติยา เมถุนปฏิเสวเน, ชิณฺณตจาปนยเนติ วุตฺตํ ‘‘สชาติยํ ิโต’’ติ. อุรคชาติยเมว ิโต ปชหติ, น นาคิทฺธิยา อฺชาติรูโปติ อตฺโถ. อิทฺหิ มหิทฺธิเก นาเค สนฺธาย วุตฺตํ. สรีรํ ขาทยมานํ วิยาติ อตฺตโนเยว ตจํ อตฺตโน สรีรํ ขาทยมานํ วิย. ปุราณตจํ ชิคุจฺฉนฺโตติ ชิณฺณตาย กตฺถจิ มุตฺตํ กตฺถจิ โอลมฺพิตํ ชิณฺณตจํ ชิคุจฺฉนฺโต. จตูหีติ ‘‘สชาติยํ ิโต, นิสฺสาย, ถาเมน, ชิคุจฺฉนฺโต’’ติ ยถาวุตฺเตหิ จตูหิ การเณหิ. ตโตติ กฺจุกโต. อฺเนาติ อตฺตโต อฺเน. จิตฺเตนาติ ปุริสสฺส จิตฺเตเนว, น หตฺเถน. เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส อหึ ปสฺสิตฺวา ‘‘อโห วตาหํ อิมํ อหึ กฺจุกโต อุทฺธเรยฺย’’นฺติ อหึ กรณฺฑา จิตฺเตน อุทฺธเรยฺย, ตสฺส เอวมสฺส ‘‘อยํ อหิ, อยํ กรณฺโฑ, อฺโ อหิ, อฺโ กรณฺโฑ, กรณฺฑา ตฺเวว อหิ อุพฺภโต’’ติ, เอวเมว…เป… โส อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ…เป… อหีนินฺทฺริยนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
อิทฺธิวิธาณาทิกถาวณฺณนา
๒๓๙. ภาชนาทิวิกติกิริยานิสฺสยภูตา ¶ สุปริกมฺมกตมตฺติกาทโย วิย วิกุพฺพนกิริยานิสฺสยภาวโต อิทฺธิวิธาณํ ทฏฺพฺพํ.
๒๔๑. ปุพฺเพ นีวรณปฺปหานวาเร วิย กนฺตารคฺคหณํ อกตฺวา เกวลํ อทฺธานมคฺคคฺคหณํ เขมมคฺคทสฺสนตฺถํ. กสฺมา ปน เขมมคฺคสฺเสว ทสฺสนํ, น กนฺตารมคฺคสฺส, นนุ อุปมาทสฺสนมตฺตเมตนฺติ โจทนํ ปริหรนฺโต ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาห. ‘‘อปฺปฏิภยฺหี’’ติอาทิ ปน เขมมคฺคสฺเสว คหณการณทสฺสนํ. วาตาตปาทินิวารณตฺถํ สีเส สาฏกํ กตฺวา. ตถา ตถา ปน ปริปุณฺณวจนํ อุปมาสมฺปตฺติยา อุปเมยฺยสมฺปาทนตฺถํ, อธิปฺเปตสฺส จ อุปเมยฺยตฺถสฺส สุวิฺาปนตฺถํ, เหตุทาหรณเภทฺยเภทกาทิสมฺปนฺนวจเนน จ วิฺูชาติกานํ จิตฺตาราธนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ สพฺพตฺถ. สุขํ ววตฺถเปตีติ อกิจฺฉํ อกสิเรน สลฺลกฺเขติ, ปริจฺฉินฺทติ จ.
๒๔๓. มนฺโท อุตฺตานเสยฺยกทารโกปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ ¶ วุตฺตนฺติ มนฺตฺวา ยุวสทฺเทน วิเสสิตพฺพเมว ทหรสทฺทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตรุโณ’’ติ วุตฺตํ. ตถา ยุวาปิ โกจิ อนิจฺฉนโก, อนิจฺฉนโต จ อมณฺฑนชาติโกติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘มณฺฑนชาติโก’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ มนฺตฺวา มณฺฑนชาติกาทิสทฺเทน วิเสสิตพฺพเมว ยุวสทฺทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โยพฺพนฺเนน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ. ปาฬิยฺหิ ยถากฺกมํ ปทตฺตยสฺส วิเสสิตพฺพวิเสสกภาเวน วจนโต ตถา สํวณฺณนา กตา, อิตรถา เอกเกนาปิ ปเทน อธิปฺเปตตฺถาธิคมิกา สปริวารา สํวณฺณนาว กาตพฺพา สิยาติ. ‘‘มณฺฑนปกติโก’’ติ วุตฺตเมว วิวริตุํ ‘‘ทิวสสฺสา’’ติอาทิมาห. กณิกสทฺโท โทสปริยาโย, โทโส จ นาม กาฬติลกาทีติ ทสฺเสติ ‘‘กาฬติลกา’’ติอาทินา. กาฬติลปฺปมาณา พินฺทโว กาฬติลกานิ, กาฬา วา กมฺมาสา, เย ‘‘สาสปพีชิกา’’ติปิ วุจฺจนฺติ. ติลปฺปมาณา พินฺทโว ติลกานิ. วงฺคํ นาม วิยงฺคํ วิปริณามิตมงฺคํ. โยพฺพนฺนปีฬกาทโย มุขทูสิปีฬกา, เย ‘‘ขรปีฬกา’’ ติปิ วุจฺจนฺติ. มุขนิมิตฺตนฺติ มุขจฺฉายํ. มุเข คโต โทโส มุขโทโส ¶ . ลกฺขณวจนมตฺตเมตํ มุเข อโทสสฺสปิ ปากฏภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา, ยถา วา มุเข โทโส, เอวํ มุเข อโทโสปิ มุขโทโสติ สรโลเปน วุตฺโต สามฺนิทฺเทสโตปิ อเนกตฺถสฺส วิฺาตพฺพตฺตา, ปิสทฺทโลเปน วา อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อวุตฺโตปิ หิ อตฺโถ สมฺปิณฺฑนวเสน วุตฺโต วิย วิฺายติ, มุขโทโส จ มุขอโทโส จ มุขโทโสติ เอกเทสสรูเปกเสสนเยนเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ อตฺถสฺส ปริปุณฺณตาย ‘‘ปเรสํ โสฬสวิธํ จิตฺตํ ปากฏํ โหตี’’ติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘วตฺตพฺพสฺสาวสิฏฺสฺส, คาโห นิทสฺสนาทินา;
อปิสทฺทาทิโลเปน, เอกเสสนเยน วา.
อสมาเน สทฺเท ติธา, จตุธา จ สมานเก;
สามฺนิทฺเทสโตปิ, เวทิตพฺโพ วิภาวินา’’ติ.
‘‘สราคํ วา จิตฺต’’นฺติอาทินา ปาฬิยํ วุตฺตํ โสฬสวิธํ จิตฺตํ.
๒๔๕. ปุพฺเพนิวาสาณูปมายนฺติ ปุพฺเพนิวาสาณสฺส, ปุพฺเพนิวาสาเณ วา ทสฺสิตาย อุปมาย. กสฺมา ปน ปาฬิยํ คามตฺตยเมว อุปมาเน คหิตนฺติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘ตํ ทิวส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตํ ทิวสํ กตกิริยา นาม ปากติกสตฺตสฺสาปิ เยภุยฺเยน ปากฏา โหติ. ตสฺมา ตํ ทิวสํ คนฺตุํ สกฺกุเณยฺยํ คามตฺตยเมว ภควตา คหิตํ, น ตทุตฺตรีติ อธิปฺปาโย ¶ . กิฺจาปิ ปาฬิยํ ตํทิวสคฺคหณํ นตฺถิ, คามตฺตยคฺคหเณน ปน ตทเหว กตกิริยา อธิปฺเปตาติ มนฺตฺวา อฏฺกถายํ ตํทิวสคฺคหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตํทิวสคตคามตฺตยคฺคหเณเนว จ มหาภินีหาเรหิ อฺเสมฺปิ ปุพฺเพนิวาสาณลาภีนํ ตีสุปิ ภเวสุ กตกิริยา เยภุยฺเยน ปากฏา โหตีติ ทีปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตทตฺถมฺปิ หิ คามตฺตยคฺคหณนฺติ. ตีสุ ภเวสุ กตกิริยายาติ อภิสมฺปราเยสุ ปุพฺเพ ทิฏฺธมฺเม ปน อิทานิ, ปุพฺเพ จ กตกิจฺจสฺส.
๒๔๗. ปาฬิยํ รถิกาย วีถึ สฺจรนฺเตติ อฺาย รถิกาย อฺํ รถึ สฺจรนฺเตติ อตฺโถ, เตน อปราปรํ สฺจรณํ ทสฺสิตนฺติ อาห ‘‘อปราปรํ สฺจรนฺเต’’ติ, ตํตํกิจฺจวเสน อิโต จิโต จ สฺจรนฺเตติ วุตฺตํ โหติ, อยเมวตฺโถ รถิวีถิสทฺทานเมกตฺถตฺตา. สิงฺฆาฏกมฺหีติ วีถิจตุกฺเก. ปาสาโท วิย ภิกฺขุสฺส กรชกาโย ทฏฺพฺโพ ¶ ตตฺถ ปติฏฺิตสฺส ทฏฺพฺพทสฺสนสิทฺธิโต. มํสจกฺขุมโต หิ ทิพฺพจกฺขุสมธิคโม. ยถาห ‘‘มํสจกฺขุสฺส อุปฺปาโท, มคฺโค ทิพฺพสฺส จกฺขุโน’’ติ (อิติวุ. ๖๑). จกฺขุมา ปุริโส วิย อยเมว ทิพฺพจกฺขุํ ปตฺวา ิโต ภิกฺขุ ทฏฺพฺพสฺส ทสฺสนโต. เคหํ ปวิสนฺโต, ตโต นิกฺขมนฺโต วิย จ มาตุกุจฺฉึ ปฏิสนฺธิวเสน ปวิสนฺโต, ตโต จ วิชาติวเสน นิกฺขมนฺโต มาตุกุจฺฉิยา เคหสทิสตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘มาตรํ กุฏิกํ พฺรูสิ, ภริยํ พฺรูสิ กุลาวก’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๙). อยํ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – เคหํ ปวิสนฺโต วิย อตฺตภาวํ อุปปชฺชนวเสน โอกฺกมนฺโต, เคหา นิกฺขมนฺโต วิย จ อตฺตภาวโต จวนวเสน อปกฺกมนฺโต อตฺตภาวสฺส เคหสทิสตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสี’’ติ (ธ. ป. ๑๕๔).
อปราปรํ สฺจรณกสตฺตาติ ปุนปฺปุนํ สํสาเร ปริพฺภมนกสตฺตา. อพฺโภกาสฏฺาเนติ อชฺโฌกาสเทสภูเต. มชฺเฌติ นครสฺส มชฺฌภูเต สิงฺฆาฏเก. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเวกเทเส. นิพฺพตฺตสตฺตาติ อุปฺปชฺชมานกสตฺตา. อิมินา หิ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ชาตสํวทฺเธ สตฺเต วทติ, ‘‘อปราปรํ สฺจรณกสตฺตา’’ติ ปน เอเตน ตถา อนิยมิตกาลิเก สาธารณสตฺเต. เอวฺหิ เตสํ ยถากฺกมํ สฺจรณกสนฺนิสินฺนกชโนปมตา อุปปนฺนา โหตีติ. ตีสุ ภเวสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ อาวิภูตกาโลติ เอตฺถ ปน วุตฺตปฺปการานํ สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อนิยมโต คหณํ เวทิตพฺพํ.
นนุ จายํ ทิพฺพจกฺขุกถา, อถ กสฺมา ‘‘ตีสุ ภเวสู’’ติ จตุโวการภวสฺสาปิ สงฺคโห กโต. น หิ โส อรูปธมฺมารมฺมโณติ อนุโยคํ ปริหรนฺโต ‘‘อิทฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ ‘‘อิทนฺติ ตีสุ ภเวสุ นิพฺพตฺตสตฺตานนฺติ อิทํ วจน’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๗) อยเมตฺถ อาจริยสฺส มติ, เอวํ สติ อฏฺกถาจริเยหิ อฏฺกถายเมว ยถาวุตฺโต อนุโยโค ปริหริโตติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – นนุ จายํ ทิพฺพจกฺขุกถา, อถ กสฺมา ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน’’ติอาทินา อวิเสสโต จตุโวการภวูปคสฺสาปิ สงฺคโห กโต. น หิ ¶ โส อรูปธมฺมารมฺมโณติ อนุโยคํ ปริหรนฺโต ‘‘อิทฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิทนฺติ ‘‘สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน’’ติอาทิวจนํ. เอวฺหิ สติ อฏฺกถาจริเยหิ ปาฬิยเมว ยถาวุตฺโต อนุโยโค ปริหริโตติ. ยทคฺเคน โส ปาฬิยํ ปริหริโต, ตทคฺเคน อฏฺกถายมฺปิ ตสฺสา อตฺถวณฺณนาภาวโต. เทสนาสุขตฺถเมวาติ เกวลํ เทสนาสุขตฺถํ เอว อวิเสเสน วุตฺตํ, น ปน จตุโวการภวูปคานํ ทิพฺพจกฺขุสฺส อาวิภาวสพฺภาวโต. ‘‘เปตฺวา อรูปภว’’นฺติ วา ‘‘ทฺวีสุ ภเวสู’’ติ วา สตฺเต ปสฺสติ กามาวจรภวโต, รูปาวจรภวโต จ จวมาเนติ วา กามาวจรภเว, รูปาวจรภเว จ อุปปชฺชมาเนติ วา วุจฺจมานา หิ เทสนา ยถารหํ เภทฺยเภทกาทิวิภาวเนน สุขาสุขาวโพธา จ น โหติ, อวิเสเสน ปน เอวเมว วุจฺจมานา สุขาสุขาวโพธา จ. เทเสตุํ, อวโพเธตฺุจ สุกรตาปโยชนฺหิ ‘‘เทสนาสุขตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ. กสฺมาติ อาห ‘‘อารุปฺเป…เป… นตฺถี’’ติ, ทิพฺพจกฺขุโคจรภูตานํ รูปธมฺมานมภาวโตติ วุตฺตํ โหติ.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา
๒๔๘. อิธ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพํ, น โลกิยาภิฺาสุ วิย อภิฺาปาทกํ. วิปสฺสนาปาทกนฺติ จ วิปสฺสนาย ปทฏฺานภูตํ, วิปสฺสนา จ นาเมสา ติวิธา วิปสฺสกปุคฺคลเภเทน มหาโพธิสตฺตานํ วิปสฺสนา, ปจฺเจกโพธิสตฺตานํ วิปสฺสนา, สาวกานํ วิปสฺสนา จาติ. ตตฺถ มหาโพธิสตฺตานํ, ปจฺเจกโพธิสตฺตานฺจ วิปสฺสนา จินฺตามยาณสมฺพนฺธิกา สยมฺภุาณภูตา, สาวกานํ ปน สุตมยาณสมฺพนฺธิกา ปโรปเทสสมฺภูตา. สา ‘‘เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ อวเสสรูปารูปชฺฌานานํ อฺตรโต วุฏฺายา’’ติอาทินา อเนกธา, อรูปมุขวเสน จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานฺจ อฺตรมุขวเสน อเนกธา จ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๖๖๔) นานานยโต วิภาวิตา, มหาโพธิสตฺตานํ ปน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน ปเภทคมนโต นานานยํ สพฺพฺุตฺาณสนฺนิสฺสยสฺส อริยมคฺคาณสฺส อธิฏฺานภูตํ ปุพฺพภาคาณคพฺภํ คณฺหาเปนฺตํ ¶ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ปรมคมฺภีรํ สณฺหสุขุมตรํ อนฺสาธารณํ วิปสฺสนาาณํ โหติ ¶ , ยํ อฏฺกถาสุ ‘‘มหาวชิราณ’’นฺติ วุจฺจติ, ยสฺส จ ปวตฺติวิภาเคน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสปฺปเภทสฺส ปาทกภาเวน สมาปชฺชิยมานา จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา เทวสิกํ สตฺถุ วฬฺชนสมาปตฺติโย วุจฺจนฺติ. สฺวายํ พุทฺธานํ วิปสฺสนาจาโร ปรมตฺถมฺชุสายํ วิสุทฺธิมคฺควณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๔๔) อุทฺเทสโต อาจริเยน ทสฺสิโต, ตโต โส อตฺถิเกหิ คเหตพฺโพ. อิธ ปน สาวกานํ วิปสฺสนาว อธิปฺเปตา.
‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อิทํ กิริยาปโยชนภูเต ตทตฺเถ สมฺปทานวจนํ, ตสฺมา อสติปิ ปโยชนวาจเก ปโยชนวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ขยาณนิพฺพตฺตนตฺถายา’’ติ. เอวมีทิเสสุ. นิพฺพานํ, อรหตฺตมคฺโค จ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน อิธ ขโย นาม, ตตฺถ าณํ ขยาณํ, ตสฺส นิพฺพตฺตนสงฺขาโต อตฺโถ ปโยชนํ, ตทตฺถายาติ อตฺโถ. เขเปติ ปาปธมฺเม สมุจฺฉินฺทตีติ ขโย, มคฺโค. โส ปน ปาปกฺขโย อาสวกฺขเยน วินา นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ขเย าณ’’นฺติ (ธ. ส. สุตฺตนฺตทุกมาติกา ๑๔๘) เอตฺถ ขยคฺคหเณน อาสวกฺขโยว วุตฺโตติ ทสฺเสติ ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ อิมินา. อนุปฺปาเท าณนฺติ อาสวานมนุปฺปาทภูเต อริยผเล าณํ. ขียึสุ อาสวา เอตฺถาติ ขโย, ผลํ. สมิตปาปตาย สมโณ, สมิตปาปตา จ นิปฺปริยายโต อรหตฺตผเลเนวาติ อาห ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตีติ เอตฺถ ผล’’นฺติ. ขยาติ จ ขีณตฺตาติ อตฺโถ. ขียนฺติ อาสวา เอตฺถาติ ขโย, นิพฺพานํ. ‘‘อาสวกฺขยา’’ติ ปน สมาสวเสน ทฺวิภาวํ กตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ ปทสฺส อตฺถุทฺธาเร อาสวกฺขยปทคฺคหณํ.
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺสา’’ติอาทิคาถา ธมฺมปเท (ธ. ป. ๒๕๓). ตตฺถ อุชฺฌานสฺิโนติ ครหสฺิโน. อราติ ทูรา. ‘‘อรา สิงฺฆามิ วาริช’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔; ชา. ๑.๖.๑๑๖) วิย หิ ทูรตฺโถยํ นิปาโต. ‘‘อารา’’ติปิ ปาโ. อราสทฺโท วิย อาราสทฺโทปิ ทูรตฺเถ เอโก นิปาโตติ เวทิตพฺโพ. ตเทว หิ ปทํ สทฺทสตฺเถ อุทาหฏํ. กามฺจ ธมฺมปทฏฺกถายํ ‘‘อรหตฺตมคฺคสงฺขาตา อารา ทูรํ คโตว โหตี’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๒๕๓) วุตฺตํ, ตถาปิ อาสววฑฺฒิยา สงฺขาเร วฑฺเฒนฺโต ¶ วิสงฺขารโต สุวิทูรทูโร, ตสฺมา ‘‘อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ เอตฺถ อาสวกฺขยปทํ วิสงฺขาราธิวจนมฺปิ สมฺภวตีติ อาห ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ. ขยนํ ขโย, อาสวานํ ขณนิโรโธ. เสสํ ตสฺส ปริยายวจนํ. ภงฺโค อาสวานํ ขโยติ วุตฺโตติ โยชนา. อิธ ปน นิพฺพานมฺปิ มคฺโคปิ อวินาภาวโต. น หิ นิพฺพานมนารพฺภ มคฺเคเนว อาสวานํ ขโย โหตีติ.
ตนฺนินฺนนฺติ ¶ ตสฺมึ อาสวานํ ขยาเณ นินฺนํ. เสสํ ตสฺเสว เววจนํ. ปาฬิยํ อิทํ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ปริจฺฉินฺทิตฺวา, อนวเสเสตฺวา จ ตทา ตสฺส ภิกฺขุโน ปจฺจกฺขโต คหิตภาวทสฺสนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺตก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หิ เอตฺตกํ ทุกฺขนฺติ ตสฺส ปริจฺฉิชฺช คหิตภาวทสฺสนํ. น อิโต ภิยฺโยติ อนวเสเสตฺวา คหิตภาวทสฺสนํ. เตนาห ‘‘สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ. สรสลกฺขณปฏิเวธวเสน ปชานนเมว ยถาภูตํ ปชานนํ นามาติ ทสฺเสติ ‘‘สรสลกฺขณปฏิเวเธนา’’ติ อิมินา. รโสติ สภาโว รสิตพฺโพ ชานิตพฺโพติ กตฺวา, อตฺตโน รโส สรโส, โส เอว ลกฺขณํ, ตสฺส อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌเนนาติ อตฺโถ. อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌนฺจ นาม ยถา ตสฺมึ าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา ทุกฺขสจฺจสฺส สรูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ตสฺส ปวตฺติเยว. เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ. ‘‘นิพฺพตฺติก’’นฺติ อิมินา ‘‘ทุกฺขํ สมุเทติ เอตสฺมาติ ทุกฺขสมุทโย’’ติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ. ตทุภยนฺติ ทุกฺขํ, ทุกฺขสมุทโย จ. ยํ านํ ปตฺวาติ ยํ นิพฺพานํ มคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยฏฺเน การณภูตํ อาคมฺม. านนฺติ หิ การณํ วุจฺจติ ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตตายาติ กตฺวา. ตทุภยํ ปตฺวาติ จ ตทุภยวโต ปุคฺคลสฺส ตทุภยสฺส ปตฺติ วิย วุตฺตา. ปุคฺคลสฺเสว หิ อารมฺมณกรณวเสน นิพฺพานปฺปตฺติ, น ตทุภยสฺส. อปิจ ปตฺวาติ ปาปุณนเหตุ, ปุคฺคลสฺส อารมฺมณกรณวเสน สมาปชฺชนโตติ อตฺโถ. อสมานกตฺตุเก วิย หิ สมานกตฺตุเกปิ ตฺวาปจฺจยสฺส เหตฺวตฺเถ ปวตฺติ สทฺทสตฺเถสุ ปากฏา. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ ‘‘น ปวตฺตติ ตทุภยเมเตนา’’ติ กตฺวา, อปฺปวตฺติฏฺานํ วา ‘‘น ปวตฺตติ ตทุภยเมตฺถา’’ติ กตฺวา, อเนน จ ‘‘ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา ทุกฺขนิโรโธ’’ติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ, ทุกฺขสมุทยสฺส ปน คหณํ ตํนิพฺพตฺตกสฺส นิรุชฺฌนโต ตสฺสาปิ นิรุชฺฌนทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิพฺพานปเทเยว ¶ ต-สทฺโท นิวตฺตตีติ อยํ-สทฺโท ปุน วุตฺโต. สพฺพนามิกฺหิ ปทํ วุตฺตสฺส วา ลิงฺคสฺส คาหกํ, วุจฺจมานสฺส วา. ตสฺสาติ ทุกฺขนิโรธสฺส. สมฺปาปกนฺติ สจฺฉิกรณวเสน สมฺมเทว ปาปกํ, เอเตน จ ‘‘ทุกฺขนิโรธํ คมยติ, คจฺฉติ วา เอตายาติ ทุกฺขนิโรธคามินี, สาเยว ปฏิปทา ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา’’ติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ.
กิเลสวเสนาติ อาสวสงฺขาตกิเลสวเสน. ตเทว อาสวปริยาเยน ทสฺเสนฺโต ปุน อาห, ตสฺมา น เอตฺถ ปุนรุตฺติโทโสติ อธิปฺปาโย. ปริยายเทสนาภาโว นาม หิ อาเวณิโก พุทฺธธมฺโมติ เหฏฺา วุตฺโตวายมตฺโถ. นนุ จ อาสวานํ ทุกฺขสจฺจปริยาโยว อตฺถิ, น เสสสจฺจปริยาโย, อถ กสฺมา สรูปโต ทสฺสิตสจฺจานิเยว กิเลสวเสน ปริยายโต ปุน ทสฺเสนฺโต เอวมาหาติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ, ตํสมฺพนฺธตฺตา ปน เสสสจฺจานํ ตํสมุทยาทิปริยาโยปิ ลพฺภตีติ ¶ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทุกฺขสจฺจปริยายภูตอาสวสมฺพนฺธานิ หิ อาสวสมุทยาทีนีติ, สจฺจานิ ทสฺเสนฺโตติปิ โยเชตพฺพํ. ‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อารทฺธตฺตา เจตฺถ อาสวานเมว คหณํ, น เสสกิเลสานํ ตถา อนารทฺธตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ‘‘กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๔๘; ม. นิ. ๑.๔๓๓; ๓.๑๙) อาสววิมุตฺตสีเสเนว สพฺพกิเลสวิมุตฺติ วุตฺตา. ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทินา มิสฺสกมคฺโคว อิธ กถิโต โลกิยวิปสฺสนาย โลกุตฺตรมคฺคสฺส มิสฺสกตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถสี’’ติ. ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ อิมินา ตโยปิ ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยา วุตฺตา จตุสจฺจปชานนาย เอว จตุกิจฺจสิทฺธิโต, ปหานาภิสมโย ปน ปาริเสสโต ‘‘วิมุจฺจตี’’ติ อิมินา วุตฺโตติ อาห ‘‘มคฺคกฺขณํ ทสฺเสตี’’ติ. จตฺตาริ หิ กิจฺจานิ จตุสจฺจปชานนาย เอว สิทฺธานิ. ยถาห ‘‘ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺาตนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาที’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕; ปฏิ. ม. ๒.๒๙). อยํ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – ชานโต ปสฺสโตติ จ เหตุนิทฺเทโส, ‘‘ชานนเหตุ ปสฺสนเหตุ กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติอาทินา โยชนา. กามฺเจตฺถ ชานนปสฺสนกิริยานํ, วิมุจฺจนกิริยาย จ สมานกาลตา, ตถาปิ ¶ ธมฺมานํ สมานกาลิกานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตา สหชาตาทิโกฏิยา ลพฺภตีติ, เหตุคพฺภวิเสสนตาทสฺสนเมตนฺติปิ วทนฺติ.
ภวาสวคฺคหเณน เจตฺถ ภวราคสฺส วิย ภวทิฏฺิยาปิ สมวโรโธติ ทิฏฺาสวสฺสาปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, อธุนา ปน ‘‘ทิฏฺาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ กตฺถจิ ปาโ ทิสฺสติ, โส น โปราโณ, ปจฺฉา ปมาทลิขิโตติ เวทิตพฺโพ. ภยเภรวสุตฺตสํวณฺณนาทีสุ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๔) อเนกาสุปิ ตเถว สํวณฺณิตตฺตา. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ปาฬิยํ สจฺจปฏิเวโธ อนิยมิตปุคฺคลสฺส อนิยมิตกาลวเสน วุตฺโต, ตถาปิ อภิสมยกาเล ตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนตํ อุปาทาย ‘‘เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต’’ติ วตฺตมานกาลนิทฺเทโส กโต, โส จ กามํ กสฺสจิ มคฺคกฺขณโต ปรํ ยาวชฺชตนา อตีตกาลิโก เอว, สพฺพปมํ ปนสฺส อตีตกาลิกตฺตํ ผลกฺขเณน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘วิมุตฺตสฺมินฺติ อิมินา ผลกฺขณ’’นฺติ. ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ ผลปจฺจเวกฺขณาณํ ตถา เจว วุตฺตตฺตา. ตคฺคหเณน ปน ตทวินาภาวโต เสสานิ นิรวเสสานิ คเหตพฺพานิ, เอกเทสานิ วา อปริปุณฺณายปิ ปจฺจเวกฺขณาย สมฺภวโต. ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีหิ ปเทหิ ‘‘นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ ปทปริโยสาเนหิ. ตสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส. ภูมินฺติ ปวตฺติฏฺานํ. นนุ จ ‘‘วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ ผลเมว ตสฺส อารมฺมณสงฺขาตา ภูมิ, อถ กถํ ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีหิ ตสฺส ภูมิทสฺสนนฺติ โจทนํ ¶ โสเธตุํ ‘‘เตน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขเณน วิชฺชมานสฺสาปิ กมฺมสฺส อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกภาวโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติ ปชานาติ, ยสฺมา จ มคฺคปจฺจเวกฺขณาทีหิ ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติอาทีนิ ปชานาติ, ตสฺมา ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีหิ ตสฺส ภูมิทสฺสนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เตน าเณนา’’ติ หิ ยถารุตโต, อวินาภาวโต จ คหิเตน ปฺจวิเธน ปจฺจเวกฺขณาเณนาติ อตฺโถ.
‘‘ขีณา ชาตี’’ติ เอตฺถ โสตุชนานํ สุวิฺาปนตฺถํ ปรมฺมุขา วิย โจทนํ สมุฏฺาเปติ ‘‘กตมา ปนา’’ติอาทินา. เยน ปนาธิปฺปาเยน โจทนา กตา, ตทธิปฺปายํ ปกาเสตฺวา ปริหารํ วตฺตุกาโม ‘‘น ตาวสฺสา’’ติอาทิมาห. ‘‘น ตาว…เป… วิชฺชมานตฺตา’’ติ วกฺขมานเมว หิ อตฺถํ มนสิ กตฺวา อยํ โจทนา สมุฏฺาปิตา, ตตฺถ น ตาวสฺส อตีตา ¶ ชาติ ขีณาติ อสฺส ภิกฺขุโน อตีตา ชาติ, น ตาว มคฺคภาวนาย ขีณา. ตตฺถ การณมาห ‘‘ปุพฺเพว ขีณตฺตา’’ติ, มคฺคภาวนาย ปุริมตรเมว นิรุชฺฌนวเสน ขีณตฺตาติ อธิปฺปาโย. น อนาคตา อสฺส ชาติ ขีณา มคฺคภาวนายาติ โยชนา. ตตฺถ การณมาห ‘‘อนาคเต วายามาภาวโต’’ติ, อิทฺจ อนาคตภาวสามฺเมว คเหตฺวา เลเสน โจทนาธิปฺปายวิภาวนตฺถํ วทติ, น อนาคตวิเสสํ อนาคเต มคฺคภาวนาย เขปนปโยคาภาวโตติ อตฺโถ. วิชฺชมาเนเยว หิ ปโยโค สมฺภวติ, น อวิชฺชมาเนติ วุตฺตํ โหติ. อนาคตวิเสโส ปเนตฺถ อธิปฺเปโต, ตสฺส จ เขปเน วายาโมปิ ลพฺภเตว. เตนาห ‘‘ยา ปน มคฺคสฺสา’’ติอาทิ. อนาคตวิเสโสติ จ อภาวิเต มคฺเค อุปฺปชฺชนารโห อนนฺตรชาติเภโท วุจฺจติ. น ปจฺจุปฺปนฺนา อสฺส ชาติ ขีณา มคฺคภาวนายาติ โยชนา. ตตฺถ การณมาห ‘‘วิชฺชมานตฺตา’’ติ, เอกภวปริยาปนฺนตาย วิชฺชมานตฺตาติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปมาภินิพฺพตฺติลกฺขณา หิ ชาติ. ‘‘ยา ปนา’’ติอาทินา ปน มคฺคภาวนาย กิเลสเหตุวินาสนมุเขน อนาคตชาติยา เอว ขีณภาโว ปกาสิโตติ ทฏฺพฺพํ. เอกจตุปฺจโวการภเวสูติ ภวตฺตยคฺคหณํ วุตฺตนเยน อนวเสสโต ชาติยา ขีณภาวทสฺสนตฺถํ, ปุพฺพปททฺวเยเปตฺถ อุตฺตรปทโลโป. เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ตํ โส’’ติอาทิ ‘‘กถฺจ นํ ปชานาตี’’ติ โจทนาย โสธนาวจนํ. ตตฺถ ตนฺติ ยถาวุตฺตํ ชาตึ. โสติ ขีณาสโว ภิกฺขุ. ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ ปชานนาย ปุพฺพภาเค ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณทสฺสนํ. เอวฺจ กตฺวา ปจฺจเวกฺขณปรมฺปราย ตถา ปชานนา สิทฺธาติ ทฏฺพฺพํ. ปจฺจเวกฺขณนฺตรวิภาวนตฺถเมว หิ ‘‘ชานนฺโต ปชานาตี’’ติ วตฺตมานวจนทฺวยํ วุตฺตํ, ชานนฺโต หุตฺวา, ชานนเหตุ วา ปชานาติ นามาติ อตฺโถ.
พฺรหฺมจริยวาโส ¶ นาม อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส นิพฺพตฺตนเมวาติ อาห ‘‘ปริวุตฺถ’’นฺติ, สมนฺตโต นิรวเสเสน วสิตํ ปริจิณฺณนฺติ อตฺโถ. กสฺมา ปนิทํ โส อตีตกาลวเสน ปชานาตีติ อนุโยเคนาห ‘‘ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธิ’’นฺติอาทิ. ปุถุชฺชนกลฺยาณโกปิ หิ เหฏฺา วุตฺตลกฺขโณ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน ¶ นาม ทกฺขิณวิภงฺคสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) ตถา เอว วุตฺตตฺตา. วสนฺติ นามาติ วสนฺตา เอว นาม โหนฺติ, น วุตฺถวาสา. ตสฺมาติ วุตฺถวาสตฺตา. นนุ จ ‘‘โส ‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทินา ปาฬิยํ สมฺมาทิฏฺิเยว วุตฺตา, น สมฺมาสงฺกปฺปาทโย, อถ กสฺมา ‘‘จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน โสฬสวิธํ กิจฺจํ นิฏฺาปิต’’นฺติ อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส สาธารณโต วุตฺตนฺติ? สมฺมาสงฺกปฺปาทีนมฺปิ จตุกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺติโต. สมฺมาทิฏฺิยา หิ จตูสุ สจฺเจสุ ปริฺาทิกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตมานาย สมฺมาสงฺกปฺปาทีนมฺปิ เสสานํ ทุกฺขสจฺเจ ปริฺาภิสมยานุคุณาว ปวตฺติ, อิตรสจฺเจสุ จ เนสํ ปหานาภิสมยาทิวเสน ปวตฺติ ปากฏา เอวาติ. ทุกฺขนิโรธมคฺเคสุ ยถากฺกมํ ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาปิ ยาวเทว สมุทยปหานตฺถาติ กตฺวา ตทตฺเถเยว ตาสํ ปกฺขิปเนน ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ ปทสฺส อธิปฺปายํ วิภาเวตุํ ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ทุกฺขมูลํ สมุจฺฉินฺน’’นฺติ อิมินาปิ ตเทว ปการนฺตเรน วิภาเวติ.
กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ อตีตนิทฺเทโส กโตติ อาห ‘‘ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย’’ติอาทิ. อิเม ปการา อิตฺถํ, ตพฺภาโว อิตฺถตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อิตฺถภาวายา’’ติ อิมินา, อาย-สทฺโท จ สมฺปทานตฺเถ, ตทตฺถายาติ อตฺโถ. เต ปน ปการา อริยมคฺคพฺยาปารภูตา ปริฺาทโย อิธาธิปฺเปตาติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ โสฬสกิจฺจภาวายา’’ติ. เต หิ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺคานุภาเวน ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ มคฺเค ปจฺจเวกฺขิเต ตํกิจฺจปจฺจเวกฺขณายปิ สุเขน สิทฺธิโต. เอวํ สาธารณโต จตูสุ มคฺเคสุ ปจฺเจกํ จตุกิจฺจวเสน โสฬสกิจฺจภาวํ ปกาเสตฺวา เตสุปิ กิจฺเจสุ ปหานเมว ปธานํ ตทตฺถตฺตา อิตเรสํ ปริฺาทีนนฺติ ตเทว วิเสสโต ปกาเสตุํ ‘‘กิเลสกฺขยภาวาย วา’’ติ อาห.
อปิจ ปุริมนเยน ปจฺจเวกฺขณปรมฺปราย ปจฺจเวกฺขณวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปธานตฺตา ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณวิธิเมว ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ. ทุติยวิกปฺเป อยํ ปกาโร อิตฺถํ, ตพฺภาโว อิตฺถตฺตํ, อายสทฺโท เจตฺถ สมฺปทานวจนสฺส การิยภูโต นิสฺสกฺกตฺเถติ ทสฺเสติ ‘‘อิตฺถภาวโต’’ติ อิมินา. ‘‘อิมสฺมา เอวํ ปการา’’ติ ปน วทนฺโต ปกาโร นาม ¶ ปการวนฺตโต อตฺถโต เภโท นตฺถิ. ยทิ หิ โส เภโท อสฺส, ตสฺเสว โส ปกาโร น สิยา, ตสฺมา ¶ อิตฺถํ-สทฺโท ปการวนฺตวาจโก, อตฺถโต ปน อเภเทปิ สติ อวยวาวยวิตาทินา เภทปริกปฺปนาวเสน สิยา กิฺจิ เภทมตฺถํ, ตสฺมา อิตฺถตฺตสทฺโท ปการวาจโกติ ทสฺเสติ. อยมิธ ฏีกายํ, (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๘) มชฺฌิมาคมฏีกาวินยฏีกาทีสุ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๔) จ อาคตนโย.
สทฺทวิทู ปน ปวตฺตินิมิตฺตานุสาเรน เอวมิจฺฉนฺติ – อยํ ปกาโร อสฺสาติ อิตฺถํ, ปการวนฺโต. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺติ. ตสฺส ภาโว อิตฺถตฺตํ, ปกาโร, อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํ ปการา’’ติ อาหาติ. ปมวิกปฺเปปิ ยถารหํ เอส นโย. อิทานิ วตฺตมานขนฺธสนฺตานาติ สรูปกถนํ. อปรนฺติ อนาคตํ. ‘‘อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺตี’’ติ อิทานิ ปาโ, ‘‘อิเม ปน จริมกตฺตภาวสงฺขาตา ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺตี’’ติ ปน มชฺฌิมาคมวินยฏีกาทีสุ, (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๔) อิธ จ ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๘) อุลฺลิงฺคิตปาโ. ตตฺถ จริมกตฺตภาวสงฺขาตาติ เอกสนฺตติปริยาปนฺนภาเวน ปจฺฉิมกตฺตภาวกถิตา. ปริฺาตาติ มคฺเคน ปริจฺฉิชฺช าตา. ติฏฺนฺตีติ อปฺปติฏฺา อโนกาสา ติฏฺนฺติ. เอเตน หิ เตสํ ขนฺธานํ อปริฺามูลาภาเวน อปติฏฺาภาวํ ทสฺเสติ. อปริฺามูลิกา หิ ปติฏฺา, ตทภาวโต ปน อปฺปติฏฺาภาโว. ยถาห ‘‘กพฬีกาเร เจ ภิกฺขเว อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗). ตทุปมํ วิภาเวติ ‘‘ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิยา’’ติ อิมินา, ยถา ฉินฺนมูลกา รุกฺขา มูลาภาวโต อปฺปติฏฺา อโนกาสา ติฏฺนฺติ, เอวเมเตปิ อปริฺามูลาภาวโตติ. อยเมตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนา. จริมกจิตฺตนิโรเธนาติ ปรินิพฺพานจิตฺตนิโรเธน. อนุปาทาโนติ อนินฺธโน. อปณฺณตฺติกภาวนฺติ เยสุ ขนฺเธสุ วิชฺชมาเนสุ ตถา ตถา ปริกปฺปนาสิทฺธา ปฺตฺติ, ตทภาวโต ตสฺสาปิ ธรมานกปฺตฺติยา อภาเวน อปฺตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺติ. ปณฺณตฺติ ปฺตฺตีติ หิ อตฺถโต เอกํ ยถา ‘‘ปฺาส ปณฺณาสา’’ติ. ปฺาส ปณฺณาเทโสติ หิ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ.
๒๔๙. เยภุยฺเยน ¶ สํขิปติ สงฺกุจิโต ภวตีติ สงฺเขโป, ปพฺพตมตฺถกํ. ตฺหิ ปพฺพตปาทโต อนุกฺกเมน พหุลํ สํขิตฺตํ สงฺกุจิตํ โหติ. เตนาห ‘‘ปพฺพตมตฺถเก’’ติ, ปพฺพตสิขเรติ อตฺโถ. อยํ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – สงฺขิปียติ ปพฺพตภาเวน คณียตีติ สงฺเขโป, ปพฺพตปริยาปนฺโน ปเทโส, ตสฺมึ ปพฺพตปริยาปนฺเน ปเทเสติ อตฺโถติ. อนาวิโลติ อกาลุสิโย, สา จสฺส อนาวิลตา กทฺทมาภาเวน โหตีติ อาห ‘‘นิกฺกทฺทโม’’ติ. สปติ อปทาปิ ¶ สมานา คจฺฉตีติ สิปฺปิ, ขุทฺทกา สิปฺปิ สิปฺปิโย กา-การสฺส ย-การํ กตฺวา, โย ‘‘มุตฺติโก’’ติปิ วุจฺจติ. สวติ ปสวตีติ สมฺพุโก, ยํ ‘‘ชลสุตฺติ, สงฺขลิกา’’ติ จ โวหรนฺติ. สมาหาเร เยภุยฺยโต นปุํสกปโยโคติ วุตฺตํ ‘‘สิปฺปิยสมฺพุก’’นฺติ. เอวมีทิเสสุ. สกฺขราติ มุฏฺิปฺปมาณา ปาสาณา. กถลานีติ กปาลขณฺฑานิ. สมูหวาจกสฺส ฆฏาสทฺทสฺส อิตฺถิ ลิงฺคสฺสาปิ ทิสฺสนโต ‘‘คุมฺพ’’นฺติ ปทสฺสตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ฆฏา’’ติ อิมินา.
กามฺจ ‘‘สิปฺปิยสมฺพุกมฺปิ สกฺขรกถลมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตมฺปี’’ติ เอตฺถ สกฺขรกถลํ ติฏฺติเยว, สิปฺปิยสมฺพุกมจฺฉคุมฺพานิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปิ, ตถาปิ สหจรณนเยน สพฺพาเนว จรนฺติ วิย เอวํ วุตฺตนฺติ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตมฺปีติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิ ‘‘สกฺขรกถลํ ติฏฺติเยวา’’ติอาทินา ยถาสมฺภวมตฺถํ ทสฺเสติ, ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทินา ปน สหจรณนยํ. ปน-สทฺโท อรุจิสํสูจเน, ตถาปีติ อตฺโถ. อนฺตรนฺตราติ พหูนํ คาวีนมนฺตรนฺตรา ิตาสุ คาวีสุ วิชฺชมานาสุปิ. คาโวติ คาวิโย. อิตราปีติ ิตาปิ นิสินฺนาปิ. จรนฺตีติ วุจฺจนฺติ สหจรณนเยน. ติฏฺนฺตเมวาติอาทีสุ อยมธิปฺปาโย – สิปฺปิยสมฺพุกมจฺฉคุมฺพานํ จรณกิริยายปิ โยคโต านกิริยาย อเนกนฺตตฺตา เอกนฺตโต ติฏฺนฺตเมว น กทาจิปิ จรนฺตํ สกฺขรกถลํ อุปาทาย สิปฺปิยสมฺพุกมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ ติฏฺนฺตนฺติ วุตฺตํ, น ตุ เตสํ านกิริยมุปาทาย. เตสํ ปน จรณกิริยมุปาทาย ‘‘จรนฺตมฺปี’’ติ ปิ-สทฺทโลโป เหตฺถ ทฏฺพฺโพ. อิตรมฺปิ ทฺวยนฺติ สิปฺปิยสมฺพุกมจฺฉคุมฺพํ ปทวเสน เอวํ วุตฺตํ. อิตรฺจ ทฺวยนฺติ สิปฺปิยสมฺพุกมจฺฉคุมฺพเมว. จรนฺตนฺติ วุตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เตสํ านกิริยมุปาทาย ‘‘ติฏฺนฺตมฺปี’’ติ ปิ-สทฺทโลโป, เอวเมตฺถ อฏฺกถาจริเยหิ สหจรณนโย ทสฺสิโต, อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ยถาลาภนโยปิ. ตถา ¶ หิ วุตฺตํ ‘‘กึ วา อิมาย สหจริยาย, ยถาลาภคฺคหณํ ปเนตฺถ ทฏฺพฺพํ. สกฺขรกถลสฺส หิ วเสน ติฏฺนฺตนฺติ, สิปฺปิสมฺพุกสฺส มจฺฉคุมฺพสฺส จ วเสน ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตมฺปีติ เอวํ โยชนา กาตพฺพา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๙). อลพฺภมานสฺสาปิ อตฺถสฺส สหโยคีวเสน เทสนามตฺตํ ปติ สหจรณนโย, สาธารณโต เทสิตสฺสาปิ อตฺถสฺส สมฺภววเสน วิเวจนํ ปติ ยถาลาภนโยติ อุภยถาปิ ยุชฺชติ.
เอวมฺเปตฺถ วทนฺติ – อฏฺกถายํ ‘‘สกฺขรกถลํ ติฏฺติเยว, อิตรานิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปี’’ติ อิมินา ยถาลาภนโย ทสฺสิโต ยถาสมฺภวํ อตฺถสฺส วิเวจิตตฺตา, ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทินา ปน สหจรณนโย อลพฺภมานสฺสาปิ อตฺถสฺส สหโยคีวเสน เทสนามตฺตสฺส วิภาวิตตฺตาติ ¶ , ตเทตมฺปิ อนุปวชฺชเมว อตฺถสฺส ยุตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ ตถา ทสฺสนสฺสาปิ สมฺภวโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. ตีเรติ อุทกรหทสฺส ตีเร. อุทกรหโท จ นาม กตฺถจิ สมุทฺโทปิ วุจฺจติ ‘‘รหโทปิ ตตฺถ คมฺภีโร, สมุทฺโท สริโตทโก’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๗๘). กตฺถจิ ชลาสโยปิ ‘‘รหโทปิ ตตฺถ ธรณี นาม, ยโต เมฆา ปวสฺสนฺติ, วสฺสา ยโต ปตายนฺตี’’ติอาทีสุ, (ที. นิ. ๓.๒๘๑) อิธาปิ ชลาสโยเยว. โส หิ อุทกวเสน รโห จกฺขุรหาทิกํ ททาตีติ อุทกรหโท โอ-การสฺส อ-การํ กตฺวา. สทฺทวิทู ปน ‘‘อุทกํ หรตีติ อุทกรหโท นิรุตฺตินเยนา’’ติ วทนฺติ.
‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทินา จตุตฺถชฺฌานานฺตรํ ทสฺสิตวิปสฺสนาาณโต ปฏฺาย ยถาวุตฺตตฺถสฺส สมฺปิณฺฑนํ. ตตฺถ เอตฺตาวตาติ ‘‘ปุน จปรํ มหาราช ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต…เป… าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรตี’’ติอาทินา เอตฺตเกน, เอตปริมาณวนฺเตน วา วจนกฺกเมน. วิปสฺสนาาณนฺติ าณทสฺสนนาเมน ทสฺสิตํ วิปสฺสนาาณํ, ตสฺส จ วิสุํ คณนทสฺสเนน เหฏฺา จตุตฺถชฺฌานานนฺตรํ วตฺตพฺพตาการเณสุ ตีสุ นเยสุ ตติยนยสฺเสว ยุตฺตตรภาโวปิ ทีปิโตติ ทฏฺพฺพํ. มโนมยาณสฺส อิทฺธิวิธสมวโรธิตภาเว วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๗๙ อาทโย) วุตฺเตปิ อิธ ปาฬิยํ วิสุํ เทสิตตฺตา วิสุํ เอว คหณํ, ตถา เทสนา จ ปาฏิเยกฺกสนฺทิฏฺิกสามฺผลตฺถาติ ทฏฺพฺพํ. อนาคตํสาณยถากมฺมูปคาณทฺวยสฺส ¶ ปาฬิยํ อนาคตตฺตา ‘‘ทิพฺพจกฺขุวเสน นิปฺผนฺน’’นฺติ วุตฺตํ, ตพฺพเสน นิปฺผนฺนตฺตา ตคฺคหเณเนว คหิตํ ตํ าณทฺวยนฺติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพจกฺขุสฺส หิ อนาคตํสาณํ, ยถากมฺมูปคาณฺจาติ ทฺเวปิ าณานิ ปริภณฺฑานิ โหนฺตีติ. ทิพฺพจกฺขุาณนฺติ จุตูปปาตาณนาเมน ทสฺสิตํ ทิพฺพจกฺขุาณํ.
สพฺเพสํ ปน ทสนฺนํ าณานํ อารมฺมณวิภาคสฺส วิสุทฺธิมคฺเค อนาคตตฺตา ตตฺถานาคตาณานํ อารมฺมณวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เตสนฺติ ทสนฺนํ าณานํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อารมฺมณวิภาเค, เตสุ วา ทสสุ าเณสุ. ภูมิเภทโต ปริตฺตมหคฺคตํ, กาลเภทโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ, สนฺตานเภทโต อชฺฌตฺตพหิทฺธา จาติ วิปสฺสนาาณํ สตฺตวิธารมฺมณํ. ปริตฺตารมฺมณาทิติกตฺตเยเนว หิ ตสฺส อารมฺมณวิภาโค, น มคฺคารมฺมณติเกน. นิมฺมิตรูปายตนมตฺตเมวาติ อตฺตนา นิมฺมิตํ รูปารมฺมณเมว, อตฺตนา วา นิมฺมิเต มโนมเย กาเย วิชฺชมานํ รูปายตนเมวาติปิ ยุชฺชติ. อิทฺหิ ตสฺส าณสฺส อภินิมฺมิยมาเน มโนมเย กาเย รูปายตนเมวารพฺภ ปวตฺตนโต วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ คนฺธายตนาทีนมภาวโต ¶ . น หิ รูปกลาโป คนฺธายตนาทิวิรหิโต อตฺถีติ สพฺพถา ปรินิปฺผนฺนเมว นิมฺมิตรูปํ. เตนาห ‘‘ปริตฺตปจฺจุปฺปนฺนพหิทฺธารมฺมณ’’นฺติ, ยถากฺกมํ ภูมิกาลสนฺตานเภทโต ติพฺพิธารมฺมณนฺติ อตฺโถ. นิพฺพานวเสน เอกธมฺมารมฺมณมฺปิ สมานํ อาสวกฺขยาณํ ปริตฺตารมฺมณาทิติกวเสน ติวิธารมฺมณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปมาณพหิทฺธานวตฺตพฺพารมฺมณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺหิ ปริตฺตติกวเสน อปฺปมาณารมฺมณํ, อชฺฌตฺติกวเสน พหิทฺธารมฺมณํ, อตีตติกวเสน นวตฺตพฺพารมฺมณฺจ โหติ.
อุตฺตริตรสทฺโท, ปณีตตรสทฺโท จ ปริยาโยติ ทสฺเสติ ‘‘เสฏฺตร’’นฺติ อิมินา. รตนกูฏํ วิย กูฏาคารสฺส อรหตฺตํ กูฏํ อุตฺตมงฺคภูตํ ภควโต เทสนาย อรหตฺตปริโยสานตฺตาติ อาห ‘‘อรหตฺตนิกูเฏนา’’ติ. เทสนํ นิฏฺาเปสีติ ติตฺถกรมตหรวิภาวินึ นานาวิธกุหนลปนาทิมิจฺฉาชีววิทฺธํสินึ ติวิธสีลาลงฺกตปรมสลฺเลขปฏิปตฺติปริทีปินึ ฌานาภิฺาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺมวิภูสินึ จุทฺทสวิธมหาสามฺฺผลปฏิมณฺฑิตํ อนฺสาธารณํ สามฺผลเทสนํ รตนาคารํ ¶ วิย รตนกูเฏน อรหตฺตกูเฏน นิฏฺาเปสิ ‘‘วิมุตฺตสฺมิ’’นฺติ อิมินา, อรหตฺตผลสฺส เทสิตตฺตาติ อตฺโถ.
อชาตสตฺตุอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา
๒๕๐. เอตฺตาวตา ภควตา เทสิตสฺส สามฺผลสุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนํ กตฺวา อิทานิ ธมฺมสงฺคาหเกหิ สงฺคีตสฺส ‘‘เอวํ วุตฺเต’’ติอาทิปาสฺสปิ อตฺถวณฺณนํ กโรนฺโต ปมํ สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘ราชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สามฺผเล, สุตฺตปเทเส วา. กรณํ กาโร, สาธุ อิติ กาโร ตถา, ‘‘สาธุ ภควา, สาธุ สุคตา’’ติอาทินา ตํ ปวตฺเตนฺโต. อาทิมชฺฌปริโยสานนฺติ เทสนาย อาทิฺจ มชฺฌฺจ ปริโยสานฺจ. สกฺกจฺจํ สาทรํ คารวํ สุตฺวา, ‘‘จินฺเตตฺวา’’ติ เอตฺถ อิทํ ปุพฺพกาลกิริยาวจนํ. อิเม ปฺเห ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉนฺโต อหํ จิรํ วต อมฺหิ, เอวํ ปุจฺฉนฺโตปิ อหํ ถุเส โกฏฺเฏนฺโต วิย กฺจิ สารํ นาลตฺถนฺติ โยชนา. ตถา โย…เป… วิสฺสชฺเชสิ, ตสฺส ภควโต คุณสมฺปทา อโห วต. ทสพลสฺส คุณานุภาวํ อชานนฺโต อหํ วฺจิโต สุจิรํ วต อมฺหีติ. วฺจิโตติ จ อฺาเณน วฺจิโต อาวฏฺฏิโต, โมเหน ปฏิจฺฉาทิโต อมฺหีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ทสพลสฺส คุณานุภาวํ อชานนฺโต’’ติ. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺติ. จินฺเตตฺวา อาวิกโรนฺโตติ สมฺพนฺโธ. อุลฺลงฺฆนสมตฺถายปิ อุพฺเพคปีติยา อนุลฺลงฺฆนมฺปิ สิยาติ อาห ‘‘ปฺจวิธาย ปีติยา ผุฏสรีโร’’ติ. ผุฏสรีโรติ จ ผุสิตสรีโรติ อตฺโถ, น พฺยาปิตสรีโรติ ¶ สพฺพาย ปีติยา อพฺยาปิตตฺตา. ตนฺติ อตฺตโน ปสาทสฺส อาวิกรณํ, อุปาสกตฺตปเวทนฺจ. อารทฺธํ ธมฺมสงฺคาหเกหิ.
อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา วิคตา, วิคตภาโว จ ขโย เอวาติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม’’ติ. อภิกฺกนฺตตโรติ อติวิย กนฺตตโร มโนรโม, ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นามาติ วุตฺตํ ‘‘สุนฺทเร’’ติ.
‘‘โก เม’’ติอาทิ คาถา วิมานวตฺถุมฺหิ (วิ. ว. ๘๕๗). ตตฺถ โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ กตโม. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท, ลิงฺควิปริยาโยยํ. อิทฺธิยาติ อีทิสาย เทวิทฺธิยา. ยสสาติ อีทิเสน ปริวาเรน, ปริชเนน ¶ จ. ชลนฺติ ชลนฺโต วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน, อภิรูเปนาติ วุตฺตํ โหติ. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ สพฺพา ทสปิ ทิสา โอภาสยนฺโต. จนฺโท วิย, สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโต โก วนฺทตีติ สมฺพนฺโธ.
อภิรูเปติ อติเรกรูเป อุฬารวณฺเณน สมฺปนฺนรูเป. อพฺภานุโมทเนติ อภิอนุโมทเน อภิปฺปโมทิตภาเว. กิมตฺถิยํ ‘‘อพฺภานุโมทเน’’ติ วจนนฺติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ยุตฺตํ ตาว โหตุ อพฺภานุโมทเน, กสฺมา ปนายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ โจทนาย โสธนามุเขน อาเมฑิตวิสยํ นิทฺธาเรติ ‘‘ภเย โกเธ’’ติอาทินา, อิมินา สทฺทลกฺขเณน เหตุภูเตน เอวํ วุตฺโต, อิมินา จ อิมินา จ วิสเยนาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สาธุ สาธุ ภนฺเต’’ติ อาเมฑิตวเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส วิสยํ นิทฺธาเรนฺโต เอวมาหาติปิ สมฺพนฺธํ วทนฺติ. ตตฺถ ‘‘โจโร โจโร, สปฺโป สปฺโป’’ติอาทีสุ ภเย อาเมฑิตํ, ‘‘วิชฺฌ วิชฺฌ, ปหร ปหรา’’ติอาทีสุ โกเธ, ‘‘สาธุ สาธู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๒๗; ๓.๓๕; ๕.๑๐๘๕) ปสํสายํ, ‘‘คจฺฉ คจฺฉ, ลุนาหิ ลุนาหี’’ติอาทีสุ ตุริเต, ‘‘อาคจฺฉ อาคจฺฉา’’ติอาทีสุ โกตูหเล, ‘‘พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๒.๔๔) อจฺฉเร, ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต อภิกฺกมถายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๐; อ. นิ. ๙.๑๑) หาเส, ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๖๓) โสเก, ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๒๐; ที. นิ. ๓.๓๐๕) ปสาเท. จสทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ, เตน ครหา อสมฺมานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ปาโป ปาโป’’ติอาทีสุ หิ ครหายํ, ‘‘อภิรูปก อภิรูปกา’’ติอาทีสุ อสมฺมาเน. เอวเมเตสุ นวสุ, อฺเสุ จ วิสเยสุ อาเมฑิตวจนํ ¶ พุโธ กเรยฺย, โยเชยฺยาติ อตฺโถ. อาเมฑนํ ปุนปฺปุนมุจฺจารณํ, อาเมฑียติ วา ปุนปฺปุนมุจฺจารียตีติ อาเมฑิตํ, เอกสฺเสวตฺถสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วจนํ. เมฑิสทฺโท หิ อุมฺมาทเน, อาปุพฺโพ ตุ ทฺวตฺติกฺขตฺตุมุจฺจารเณ วตฺตติ ยถา ‘‘เอตเทว ยทา วากฺย-มาเมฑยติ วาสโว’’ติ.
เอวํ ¶ อาเมฑิตวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นยิทํ อาเมฑิตวเสเนว ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ, อถ โข ปจฺเจกมตฺถทฺวยวเสนปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. อาเมฑิตวเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา วิจฺฉาวเสนาปิ ทสฺเสนฺโต เอวมาหาติปิ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว พฺยาเปตพฺพสฺส ทฺวิกฺขตฺตุมวุตฺตตฺตา. พฺยาเปตพฺพสฺส หิ พฺยาปเกน คุณกิริยาทพฺเพน พฺยาปนิจฺฉาย ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วจนํ วิจฺฉา ยถา ‘‘คาโม คาโม รมณีโย’’ติ. ตตฺถ อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกฺกมนียํ, ตพฺภาโว จ อติอิฏฺตายาติ วุตฺตํ ‘‘อติอิฏฺ’’นฺติอาทิ, ปทตฺตยฺเจตํ ปริยายวจนํ. เอตฺถาติ ทฺวีสุ อภิกฺกนฺตสทฺเทสุ. ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติ วจนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกลิงฺเคน วุตฺตํ, ตํ ปน ภควโต วจนํ ธมฺมเทสนาเยวาติ กตฺวา ‘‘ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนา’’ติ อาห, ยายํ ภควโต ธมฺมเทสนา มยา สุตา, ตทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนาสงฺขาตํ วจนํ อภิกฺกนฺตนฺติ อตฺโถ. เอวํ ปฏินิทฺเทโสปิ หิ อตฺถโต อเภทตฺตา ยุตฺโต เอว ‘‘ยตฺถ จ ทินฺนํ มหปฺผลมาหู’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๘๘๘) วิย. ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติ วุตฺตสฺส วา อตฺถมตฺตทสฺสนํ เอตํ, ตสฺมา อตฺถวเสน ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโม เวทิตพฺโพ, การิยวิปริณามวเสน เจตฺถ วิภตฺติวิปริณามตา. วจนนฺติ เหตฺถ เสโส, อภิกฺกนฺตํ ภควโต วจนํ, ยายํ ภควโต ธมฺมเทสนา มยา สุตา, สา อภิกฺกนฺตํ อภิกฺกนฺตาติ อตฺโถ. ทุติยปเทปิ ‘‘อภิกฺกนฺตนฺติ ปสาทนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกลิงฺเคน วุตฺต’’นฺติอาทินา ยถารหเมส นโย เนตพฺโพ.
‘‘ภควโต วจน’’นฺติอาทินา อตฺถทฺวยสรูปํ ทสฺเสติ. ตตฺถ โทสนาสนโตติ ราคาทิกิเลสโทสวิทฺธํสนโต. คุณาธิคมนโตติ สีลาทิคุณานํ สมฺปาทนวเสน อธิคมาปนโต. เย คุเณ เทสนา อธิคเมติ, เตสุ ‘‘คุณาธิคมนโต’’ติ วุตฺเตสุเยว คุเณสุ ปธานภูตา คุณา ทสฺเสตพฺพาติ เต ปธานภูเต คุเณ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธาชนนโต ปฺาชนนโต’’ติ วุตฺตํ. สทฺธาปธานา หิ โลกิยา คุณา, ปฺาปธานา โลกุตฺตราติ, ปธานนิทฺเทโส เจส เทสนาย อธิคเมตพฺเพหิ สีลสมาธิทุกาทีหิปิ โยชนาสมฺภวโต. อฺมฺปิ อตฺถทฺวยํ ทสฺเสติ ‘‘สาตฺถโต’’ติอาทินา. สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา ¶ สาตฺถโต. สภาวนิรุตฺติสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนโต. สุวิฺเยฺยสทฺทปโยคตาย อุตฺตานปทโต. สณฺหสุขุมภาเวน ทุพฺพิฺเยฺยตฺถตาย ¶ คมฺภีรตฺถโต. สินิทฺธมุทุมธุรสทฺทปโยคตาย กณฺณสุขโต. วิปุลวิสุทฺธเปมนียตฺถตาย หทยงฺคมโต. มานาติมานวิธมเนน อนตฺตุกฺกํสนโต. ถมฺภสารมฺภนิมฺมทฺทเนน อปรวมฺภนโต. หิตาธิปฺปายปฺปวตฺติยา ปเรสํ ราคปริฬาหาทิวูปสมเนน กรุณาสีตลโต. กิเลสนฺธการวิธมเนน ปฺาวทาตโต. อวทาตํ, โอทาตนฺติ จ อตฺถโต เอกํ. กรวีกรุตมฺชุตาย อาปาถรมณียโต. ปุพฺพาปราวิรุทฺธสุวิสุทฺธตาย วิมทฺทกฺขมโต. อาปาถรมณียตาย เอว สุยฺยมานสุขโต. วิมทฺทกฺขมตาย, หิตชฺฌาสยปฺปวตฺติตาย จ วีมํสิยมานหิตโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อาทิสทฺเทน ปน สํสารจกฺกนิวตฺตนโต, สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต, มิจฺฉาวาทวิทฺธํสนโต, สมฺมาวาทปติฏฺาปนโต, อกุสลมูลสมุทฺธรณโต, กุสลมูลสํโรปนโต, อปายทฺวารวิธานโต, สคฺคมคฺคทฺวารวิวรณโต, ปริยุฏฺานวูปสมนโต, อนุสยสมุคฺฆาฏนโตติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
น เกวลํ ปททฺวเยเนว, ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหีติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. ‘‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’’ติ อิทํ ‘‘เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺยา’’ติ จตุตฺถอุปมาย อาการมตฺตทสฺสนํ, น ปน อุปมนฺตรทสฺสนนฺติ อาห ‘‘จตูหิ อุปมาหี’’ติ. อโธมุขฏฺปิตนฺติ เกนจิ อโธมุขํ ปิตํ. เหฏฺามุขชาตนฺติ สภาเวเนว เหฏฺามุขํ ชาตํ. อุคฺฆาเฏยฺยาติ วิวฏํ กเรยฺย. ‘‘หตฺเถ คเหตฺวา’’ติ สมาจิกฺขณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, ‘‘ปุรตฺถาภิมุโข, อุตฺตราภิมุโข วา คจฺฉา’’ติอาทินา วจนมตฺตํ อวตฺวา ‘‘เอส มคฺโค, เอวํ คจฺฉา’’ติ หตฺเถ คเหตฺวา นิสฺสนฺเทหํ ทสฺเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กาฬปกฺเข จาตุทฺทสี กาฬปกฺขจาตุทฺทสี. นิรนฺตรรุกฺขคหเนน เอกคฺฆโน วนสณฺโฑ ฆนวนสณฺโฑ. เมฆสฺส ปฏลํ เมฆปฏลํ, เมฆจฺฉนฺนตาติ วุตฺตํ โหติ. นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺยาติ กสฺสจิปิ อาเธยฺยสฺส อนาธารภูตํ กิฺจิ ภาชนํ อาธารภาวาปาทนวเสน อุกฺกุชฺเชยฺย อุปริ มุขํ เปยฺย. เหฏฺามุขชาตตาย วิมุขํ, อโธมุขฏฺปิตตาย อสทฺธมฺเม ปติตนฺติ เอวํ ปททฺวยํ นิกฺกุชฺชิตปทสฺส ยถาทสฺสิเตน ¶ อตฺถทฺวเยน ยถารหํ โยเชตพฺพํ, น ยถาสงฺขฺยํ. อตฺตโน สภาเวเนว หิ เอส ราชา สทฺธมฺมวิมุโข, ปาปมิตฺเตน ปน เทวทตฺเตน ปิตุฆาตาทีสุ อุยฺโยชิตตฺตา อสทฺธมฺเม ปติโตติ. วุฏฺาเปนฺเตน ภควตาติ สมฺพนฺโธ.
‘‘กสฺสปสฺส ภควโต’’ติอาทินา ตทา รฺา อวุตฺตสฺสาปิ อตฺถาปตฺติมตฺตทสฺสนํ. กามฺจ กามจฺฉนฺทาทโยปิ ปฏิจฺฉาทกา นีวรณภาวโต, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน สวิเสสํ ปฏิจฺฉาทิกา สตฺเต มิจฺฉาภินิเวสวเสนาติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ. เตนาห ภควา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ ภิกฺขเว วชฺชํ วทามี’’ติ, [อ. นิ. ๑.๓๑๐ (อตฺถโต สมานํ)] มิจฺฉาทิฏฺิสงฺขาตคุมฺพปฏิจฺฉนฺนนฺติ ¶ อตฺโถ. ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตนา’’ติ วทนฺโต สพฺพพุทฺธานํ เอกาว อนุสนฺธิ, เอกํว สาสนนฺติ กตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต สาสนมฺปิ อิมินา สทฺธึ เอกสาสนํ กโรตีติ ทฏฺพฺพํ. องฺคุตฺตรฏฺกถาทีสุปิ หิ ตถา เจว วุตฺตํ, เอวฺจ กตฺวา มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนสฺส สาสนสฺส วิวรณวจนํ อุปปนฺนํ โหตีติ.
สพฺโพ อกุสลธมฺมสงฺขาโต อปายคามิมคฺโค กุมฺมคฺโค กุจฺฉิโต มคฺโคติ กตฺวา. สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อุชุปฏิปกฺขตาย มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย อฏฺ มิจฺฉตฺตธมฺมา มิจฺฉามคฺโค โมกฺขมคฺคโต มิจฺฉา วิตโถ มคฺโคติ กตฺวา. เตเนว หิ ตทุภยสฺส ปฏิปกฺขตํ สนฺธาย ‘‘สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. สพฺโพ หิ กุสลธมฺโม สคฺคมคฺโค. สมฺมาทิฏฺิอาทโย อฏฺ สมฺมตฺตธมฺมา โมกฺขมคฺโค. สปฺปิอาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป น ตถา อุชฺชโล, ยถา เตลสนฺนิสฺสโยติ เตลปชฺโชตคฺคหณํ. ธาเรยฺยาติ ธเรยฺย, สมาหเรยฺย สมาทเหยฺยาติ อตฺโถ. พุทฺธาทิรตนรูปานีติ พุทฺธาทีนํ ติณฺณํ รตนานํ วณฺณายตนานิ. เตสํ พุทฺธาทิรตนรูปานํ ปฏิจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิทฺธํสกํ ตถา. เทสนาสงฺขาตํ ปชฺโชตํ ตถา. ตทุภยํ ตุลฺยาธิกรณวเสน วิยูหิตฺวา ตสฺส ธารโก สมาทหโกติ อตฺเถน ‘‘ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตธารเกนา’’ติ วุตฺตํ. เอเตหิ ปริยาเยหีติ ยถาวุตฺเตหิ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชนปฏิจฺฉนฺนวิวรณมคฺคาจิกฺขณเตลปชฺโชตธารณ สงฺขาต จตุพฺพิโธปโมปมิตพฺพปฺปกาเรหิ, ยถาวุตฺเตหิ ¶ วา นานาวิธกุหนลปนาทิมิจฺฉาชีววิธมนาทิวิภาวนปริยาเยหิ. เตนาห ‘‘อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต’’ติ.
‘‘เอว’’นฺติอาทินา ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิปาสฺส สมฺพนฺธํ ทสฺเสติ. ปสนฺนจิตฺตตายปสนฺนาการํ กโรติ. ปสนฺนจิตฺตตา จ อิมํ เทสนํ สุตฺวา เอวาติ อตฺถํ าเปตุํ ‘‘อิมาย เทสนายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมาย เทสนาย เหตุภูตาย. ปสนฺนาการนฺติ ปสนฺเนหิ สาธุชเนหิ กตฺตพฺพสกฺการํ. สรณนฺติ ปฏิสรณํ. เตนาห ‘‘ปรายณ’’นฺติ. ปรายณตา ปน อนตฺถนิเสธเนน, อตฺถสมฺปาทเนน จาติ วุตฺตํ ‘‘อฆสฺส ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตา’’ติ. อฆสฺสาติ นิสฺสกฺเก สามิวจนํ, ปาปโตติ อตฺโถ. ทุกฺขโตติปิ วทนฺติ เกจิ. ตายติ อวสฺสยํ กโรตีติ ตาตา. หิตสฺสาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. วิทหติ สํวิธานํ กโรตีติ วิธาตา. ‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติ วทนฺโต ‘‘อิติสทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, โส จ อาการตฺโถ’’ติ ทสฺเสติ. สรณนฺติ คมนํ. หิตาธิปฺปาเยน ภชนํ, ชานนํ วา, เอวฺจ กตฺวา วินยฏฺกถาทีสุ ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ สเหว อิติสทฺเทน อตฺโถ วุตฺโตติ. เอตฺถ หิ นายํ คมิ-สทฺโท ¶ นี-สทฺทาทโย วิย ทฺวิกมฺมิโก, ตสฺมา ยถา ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ ปน วตฺตพฺพํ, ตสฺมา เอตฺถ อิติสทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺพํ, เอวฺจ กตฺวา ‘‘โย พุทฺธํ สรณํ คจฺฉติ, โส พุทฺธํ วา คจฺเฉยฺย สรณํ วา’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๑.คมตียทีปนา) ขุทฺทกนิกายฏฺกถาย อุทฺธฏา โจทนา อนวกาสา. น หิ คมิ-สทฺทํ ทุหาทินฺยาทิคณิกํ กโรนฺติ อกฺขรจินฺตกาติ. โหตุ ตาว คมิ-สทฺทสฺส เอกกมฺมภาโว, ตถาปิ ‘‘คจฺฉเตว ปุพฺพํ ทิสํ, คจฺฉติ ปจฺฉิมํ ทิส’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙; ๓.๘๗) วิย ‘‘ภควนฺตํ, สรณ’’นฺติ ปททฺวยสฺส สมานาธิกรณตา ยุตฺตาติ? น, ตสฺส ปททฺวยสฺส สมานาธิกรณภาวานุปปตฺติโต. ตสฺส หิ สมานาธิกรณภาเว อธิปฺเปเต ปฏิหตจิตฺโตปิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโต พุทฺธํ สรณํ คโต นาม สิยา. ยฺหิ ตํ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วิเสสิตํ สรณํ, ตเมเวส คโตติ, น เจตฺถ อนุปปตฺติเกน อตฺเถน อตฺโถ, ตสฺมา ‘‘ภควนฺต’’นฺติ คมนียตฺถสฺส ทีปนํ, ‘‘สรณ’’นฺติ ปน คมนาการสฺสาติ วุตฺตนเยน ¶ อิติโลปวเสเนว อตฺโถ คเหตพฺโพติ. ธมฺมฺจ สงฺฆฺจาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘คมิสฺส เอกกมฺมตฺตา, อิติโลปํ วิชานิยา;
ปฏิฆาตปฺปสงฺคตฺตา, น จ ตุลฺยตฺถตา สิยา.
ตสฺมา คมนียตฺถสฺส, ปุพฺพปทํว โชตกํ;
คมนาการสฺส ปรํ, อิตฺยุตฺตํ สรณตฺตเย’’ติ.
‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภควนฺตํ คจฺฉามี’’ติ ปน วทนฺโต อเนเนว อธิปฺปาเยน ภชนํ, ชานนํ วา สรณคมนํ นามาติ นิยเมติ. ตตฺถ ‘‘คจฺฉามี’’ติอาทีสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํ, ‘‘คจฺฉามี’’ติ เอตสฺส วา อนฺสาธารณตาทสฺสนวเสน ปาฏิเยกฺกเมว อตฺถวจนํ ‘‘ภชามี’’ติอาทิปทตฺตยํ. ภชนฺหิ สรณาธิปฺปาเยน อุปสงฺกมนํ, เสวนํ สนฺติกาวจรภาโว, ปยิรุปาสนํ วตฺตปฏิวตฺตกรเณน อุปฏฺานนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ อนฺสาธารณตํเยว ทสฺเสติ. เอวํ ‘‘คจฺฉามี’’ติ ปทสฺส คติอตฺถํ ทสฺเสตฺวา พุทฺธิอตฺถมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ วา’’ติอาทิมาห, ตตฺถ เอวนฺติ ‘‘ภควา เม สรณ’’นฺติอาทินา อธิปฺปาเยน. กสฺมา ปน ‘‘คจฺฉามี’’ติ ปทสฺส ‘‘พุชฺฌามี’’ติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ โจทนํ โสเธติ ‘‘เยสฺหี’’ติอาทินา, อเนน จ นิรุตฺตินยมนฺตเรน สภาวโตว คมุธาตุสฺส พุทฺธิอตฺโถติ ทีเปติ. ธาตูนนฺติ มูลสทฺทสงฺขาตานํ อิ, ยา, กมุ, คมุอิจฺจาทีนํ.
‘‘อธิคตมคฺเค ¶ , สจฺฉิกตนิโรเธ’’ติ ปททฺวเยนาปิ ผลฏฺา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฏฺาติ เต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จา’’ติ อาห. นนุ จ กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชตี’’ติ วุจฺจตีติ? กิฺจาปิ วุจฺจติ, นิปฺปริยาเยน ปน มคฺคฏฺา เอว ตถา วตฺตพฺพา, น อิตโร นิยาโมกฺกมนาภาวโต. ตถา หิ เต เอว ‘‘อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตี’’ติ วุตฺตา. สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเนน หิ อปายวินิมุตฺติสมฺภโวติ. เอวํ อเนเกหิปิ วินย- (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) สุตฺตนฺตฏีกากาเรหี (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๐) วุตฺตํ, ตเทตํ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนวเสน นิปฺปริยายโต อปายวินิมุตฺตเก สนฺธาย วุตฺตํ, ตทนุปปตฺติวเสน ปน ปริยายโต อปายวินิมุตฺตกํ กลฺยาณปุถุชฺชนมฺปิ ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน’’ติ ปเทน ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. ตถา ¶ เหส ทกฺขิณวิภงฺคสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺนภาเวน วุตฺโตติ, ฉตฺตวิมาเน (วิ. ว. ๘๘๖ อาทโย) ฉตฺตมาณวโก เจตฺถ นิทสฺสนํ. อธิคตมคฺเค, สจฺฉิกตนิโรเธ จ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ ปุคฺคเล อปาเยสุ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ สปาเสสโยชนา. อตีตกาลิเกน หิ ปุริมปททฺวเยน ผลฏฺานเมว คหณํ, วตฺตมานกาลิเกน จ ปจฺฉิเมน ปเทน สห กลฺยาณปุถุชฺชเนน มคฺคฏฺานเมว. ‘‘อปตมาเน’’ติ ปน ปเทน ธารณาการทสฺสนํ อปตนกรณวเสเนว ธาเรตีติ, ธารณสรูปทสฺสนํ วา. ธารณํ นาม อปตนกรณเมวาติ, อปตนกรณฺจ อปายาทินิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนวเสน วฏฺฏโต นิยฺยานเมว. ‘‘อปาเยสู’’ติ หิ ทุกฺขพหุลฏฺานตาย ปธานวเสน วุตฺตํ, วฏฺฏทุกฺเขสุ ปน สพฺเพสุปิ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ อภิธมฺมฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘โสตาปตฺติมคฺโค เจตฺถ อปายภวโต วุฏฺาติ, สกทาคามิมคฺโค สุคติกามภเวกเทสโต, อนาคามิมคฺโค กามภวโต, อรหตฺตมคฺโค รูปารูปภวโต, สพฺพภเวหิปิ วุฏฺาติ เอวาติ วทนฺตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๓๕๐) เอวฺจ กตฺวา อริยมคฺโค นิยฺยานิกตาย, นิพฺพานฺจ ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายาติ อุภยเมว นิปฺปริยาเยน ธมฺโม นามาติ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจา’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณํ ลภิตฺวา อริยมคฺคสฺส ตทตฺถสิทฺธิ, สฺวายมตฺโถ จ ปาฬิยา เอว สิทฺโธติ อาห ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิ. ยาวตาติ ยตฺตกา. เตสนฺติ ตตฺตกานํ ธมฺมานํ. ‘‘อคฺโค อกฺขายตี’’ติ วตฺตพฺเพ โอ-การสฺส อ-การํ, ม-การาคมฺจ กตฺวา ‘‘อคฺคมกฺขายตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อกฺขายตี’’ติ เจตฺถ อิติสทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน ‘‘ยาวตา ภิกฺขเว ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) สุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วิตฺถาโร’’ติ อิมินา วา ตทวเสสสงฺคโห.
ยสฺมา ¶ ปน อริยผลานํ ‘‘ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิ วจนโต มคฺเคน สมุจฺฉินฺนานํ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจตาย นิยฺยานานุคุณตา, นิยฺยานปริโยสานตา จ, ปริยตฺติยา ปน นิยฺยานธมฺมสมธิคมเหตุตาย ¶ นิยฺยานานุคุณตาติ อิมินา ปริยาเยน วุตฺตนเยน ธมฺมภาโว ลพฺภติ, ตสฺมา ตทุภยมฺปิ สงฺคณฺหนฺโต ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทิมาห. สฺวายมตฺโถ จ ปาารุฬฺโห เอวาติ ทสฺเสติ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา. ตตฺถ ฉตฺตมาณวกวิมาเนติ ฉตฺโต กิร นาม เสตพฺยายํ พฺราหฺมณมาณวโก, โส อุกฺกฏฺายํ โปกฺขรสาติพฺราหฺมณสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคเหตฺวา ‘‘ครุทกฺขิณํ ทสฺสามี’’ติ อุกฺกฏฺาภิมุโข คจฺฉติ, อถสฺส ภควา อนฺตรามคฺเค โจรนฺตรายํ, ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตมานฺจ ทิสฺวา คาถาพนฺธวเสน สรณคมนวิธึ เทเสสิ, ตสฺส ตาวตึสภวนุปคสฺส ตึสโยชนิกํ วิมานํ ฉตฺตมาณวกวิมานํ. เทวโลเกปิ หิ ตสฺส มนุสฺสกาเล สมฺา ยถา ‘‘มณฺฑูโก เทวปุตฺโต, (วิ. ว. ๘๕๘ อาทโย) กุเวโร เทวราชา’’ติ, อิธ ปน ฉตฺตมาณวกวิมานํ วตฺถุ การณํ เอตสฺสาติ กตฺวา อุตฺตรปทโลเปน ‘‘น ตถา ตปติ นเภ สูริโย, จนฺโท จ น ภาสติ น ผุสฺโส, ยถา’’ติอาทิกา (วิ. ว. ๘๘๙) เทสนา ‘‘ฉตฺตมาณวกวิมาน’’นฺติ วุจฺจติ, ตตฺรายํ คาถา ปริยาปนฺนา, ตสฺมา ฉตฺตมาณวกวิมานวตฺถุเทสนายนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กามราโค ภวราโคติ เอวมาทิเภโท อนาทิกาลวิภาวิโต สพฺโพปิ ราโค วิรชฺชติ ปหียติ เอเตนาติ ราควิราโค, มคฺโค. เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย, อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณสฺส จ โสกสฺส ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา นตฺถิ เอชา, โสโก จ เอตสฺมินฺติ อเนชํ, อโสกฺจ, ผลํ. ตทฏฺกถายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๘๘๗) ปน ‘‘ตณฺหาวสิฏฺานํ โสกนิมิตฺตานํ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนโต อโสก’’นฺติ วุตฺตํ. ธมฺมมสงฺขตนฺติ สมฺปชฺช สมฺภูย ปจฺจเยหิ อปฺปฏิสงฺขตตฺตา อสงฺขตํ อตฺตโน สภาวธารณโต ปรมตฺถธมฺมภูตํ นิพฺพานํ. ตทฏฺกถายํ ปน ‘‘ธมฺมนฺติ สภาวธมฺมํ. สภาวโต คเหตพฺพธมฺโม เหส, ยทิทํ มคฺคผลนิพฺพานานิ, น ปริยตฺติธมฺโม วิย ปฺตฺติธมฺมวเสนา’’ติ (วิ. ว. อฏฺ. ๘๘๗) วุตฺตํ, เอวํ สติ ธมฺมสทฺโท ตีสุปิ าเนสุ โยเชตพฺโพ. อปฺปฏิกูลสทฺเทน จ ตตฺถ นิพฺพานเมว คหิตํ ‘‘นตฺถิ เอตฺถ กิฺจิปิ ปฏิกูล’’นฺติ กตฺวา, อปฺปฏิกูลนฺติ จ อวิโรธทีปนโต กิฺจิ อวิรุทฺธํ, อิฏฺํ ปณีตนฺติ วา อตฺโถ. ปคุณรูเปน ¶ ปวตฺติตตฺตา, ปกฏฺคุณวิภาวนโต วา ปคุณํ. ยถาห ‘‘วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ, ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๙; มหาว. ๙).
ธมฺมกฺขนฺธา กถิตาติ โยชนา. เอวํ อิธ จตูหิปิ ปเทหิ ปริยตฺติธมฺโมเยว คหิโต, ตทฏฺกถายํ ¶ ปน ‘‘สวนเวลายํ, อุปปริกฺขณเวลายํ, ปฏิปชฺชนเวลายนฺติ สพฺพทาปิ อิฏฺเมวาติ มธุรํ, สพฺพฺุตฺาณสนฺนิสฺสยาย ปฏิภานสมฺปทาย ปวตฺติตตฺตา สุปฺปวตฺติภาวโต, นิปุณภาวโต จ ปคุณํ, วิภชิตพฺพสฺส อตฺถสฺส ขนฺธาทิวเสน, กุสลาทิวเสน, อุทฺเทสาทิวเสน จ สุฏฺุ วิภชนโต สุวิภตฺตนฺติ ตีหิปิ ปเทหิ ปริยตฺติธมฺมเมว วทตี’’ติ (วิ. ว. อฏฺ. ๘๘๗) วุตฺตํ. อาปาถกาเล วิย มชฺชนกาเลปิ, กเถนฺตสฺส วิย สุณนฺตสฺสาปิ สมฺมุขีภาวโต อุภโตปจฺจกฺขตาทสฺสนตฺถํ อิเธว ‘‘อิม’’นฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนมาห. ปุน ‘‘ธมฺม’’นฺติ อิทํ ยถาวุตฺตสฺส จตุพฺพิธสฺสาปิ ธมฺมสฺส สาธารณวจนํ. ปริยตฺติธมฺโมปิ หิ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺานมตฺตายปิ ยาถาวปฏิปตฺติยา อปายปตนโต ธาเรติ, อิมสฺส จ อตฺถสฺส อิทเมว ฉตฺตมาณวกวิมานํ สาธกนฺติ ทฏฺพฺพํ. สาธารณภาเวน ยถาวุตฺตํ ธมฺมํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ปุน ‘‘อิม’’นฺติ อาห. ยสฺมา เจสา ภ-การตฺตเยน จ ปฏิมณฺฑิตา โทธกคาถา, ตสฺมา ตติยปาเท มธุรสทฺเท ม-กาโร อธิโกปิ อริยจริยาทิปเทหิ วิย อเนกกฺขรปเทน ยุตฺตตฺตา อนุปวชฺโชติ ทฏฺพฺพํ.
ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตนาติ ‘‘ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; อ. นิ. ๖.๑๑; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฏฺิยา เจว ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๙๒; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตานํ สีลานฺจ สํหตภาเวน, ทิฏฺิสีลสามฺเนาติ อตฺโถ. สํหโตติ สงฺฆฏิโต, สเมโตติ วุตฺตํ โหติ. อริยปุคฺคลา ¶ หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตา เอว. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา อาหจฺจปาเน สมตฺเถติ.
ยตฺถาติ ยสฺมึ สงฺเฆ. ทินฺนนฺติ ปริจฺจตฺตํ อนฺนาทิเทยฺยธมฺมํ, คาถาพนฺธตฺตา เจตฺถ อนุนาสิกโลโป. โทธกคาถา เหสา. มหปฺผลมาหูติ ‘‘มหปฺผล’’นฺติ พุทฺธาทโย อาหุ. จตูสูติ เจตฺถ จ-กาโร อธิโกปิ วุตฺตนเยน อนุปวชฺโช. อจฺจนฺตเมว กิเลสาสุจิโต วิสุทฺธตฺตา สุจีสุ. ‘‘โสตาปนฺโน โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๔๘๘) วุตฺเตสุ จตูสุ ปุริสยุเคสุ. จตุสจฺจธมฺมสฺส, นิพฺพานธมฺมสฺส จ ปจฺจกฺขโต ทสฺสเนน, อริยธมฺมสฺส ปจฺจกฺขทสฺสาวิตาย วา ธมฺมทสา. เต ปุคฺคลา มคฺคฏฺผลฏฺเ ¶ ยุคเล อกตฺวา วิสุํ วิสุํ ปุคฺคลคณเนน อฏฺ จ โหนฺติ. อิมํ สงฺฆํ สรณตฺถํ สรณาย ปรายณาย อปายทุกฺขวฏฺฏทุกฺขปริตาณาย อุเปหิ อุปคจฺฉ ภช เสว, เอวํ วา ชานาหิ พุชฺฌสฺสูติ สห โยชนาย อตฺโถ. ยตฺถ เยสุ สุจีสุ จตูสุ ปุริสยุเคสุ ทินฺนํ มหปฺผลมาหุ, ธมฺมทสา เต ปุคฺคลา อฏฺ จ, อิมํ สงฺฆํ สรณตฺถมุเปหีติ วา สมฺพนฺโธ. เอวมฺปิ หิ ปฏินิทฺเทโส ยุตฺโต เอว อตฺถโต อภินฺนตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. คาถาสุขตฺถฺเจตฺถ ปุริสปเท อีการํ, ปุคฺคลาปเท จ รสฺสํ กตฺวา นิทฺเทโส.
เอตฺตาวตาติ ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิวจนกฺกเมน. ตีณิ วตฺถูนิ ‘‘สรณ’’นฺติ คมนานิ, ติกฺขตฺตุํ วา ‘‘สรณ’’นฺติ คมนานีติ สรณคมนานิ. ปฏิเวเทสีติ อตฺตโน หทยคตํ วาจาย ปเวเทสิ.
สรณคมนกถาวณฺณนา
สรณคมนสฺส วิสยปฺปเภทผลสํกิเลสเภทานํ วิย, กตฺตุ จ วิภาวนา ตตฺถ โกสลฺลาย โหติ เยวาติ สห กตฺตุนา ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานิ เตสุ สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ…เป… เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘โย จ สรณํ คจฺฉตี’’ติ อิมินา หิ กตฺตารํ วิภาเวติ เตน วินา สรณคมนสฺเสว อสมฺภวโต, ‘‘สรณคมน’’นฺติ อิมินา จ สรณคมนเมว, ‘‘สรณ’’นฺติอาทีหิ ปน ยถากฺกมํ วิสยาทโย. กสฺมา ปเนตฺถ โวทานํ น คหิตํ, นนุ โวทานวิภาวนาปิ ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สํกิเลสคฺคหเณเนว อตฺถโต ¶ วิภาวิตํ โหตีติ น คหิตํ. ยานิ หิ เนสํ สํกิเลสการณานิ อฺาณาทีนิ, เตสํ สพฺเพน สพฺพํ อนุปฺปนฺนานํ อนุปฺปาทเนน, อุปฺปนฺนานฺจ ปหาเนน โวทานํ โหตีติ. อตฺถโตติ สรณสทฺทตฺถโต, ‘‘สรณตฺถโต’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. หึสตฺถสฺส สรสทฺทสฺส วเสเนตํ สิทฺธนฺติ ทสฺเสนฺโต ธาตฺวตฺถวเสน ‘‘หึสตีติ สรณ’’นฺติ วตฺวา ตํ ปน หึสนํ เกสํ, กถํ, กสฺส วาติ โจทนํ โสเธติ ‘‘สรณคตาน’’นฺติอาทินา. เกสนฺติ หิ สรณคตานํ. กถนฺติ เตเนว สรณคมเนน. กสฺสาติ ภยาทีนนฺติ ยถากฺกมํ โสธนา. ตตฺถ สรณคตานนฺติ ‘‘สรณ’’นฺติ คตานํ. สรณคมเนนาติ ‘‘สรณ’’นฺติ คมเนน กุสลธมฺเมน. ภยนฺติ วฏฺฏภยํ. สนฺตาสนฺติ จิตฺตุตฺราสํ เตเนว เจตสิกทุกฺขสฺส สงฺคหิตตฺตา. ทุกฺขนฺติ กายิกทุกฺขคฺคหณํ. ทุคฺคติปริกิเลสนฺติ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ ‘‘ทุคฺคติยํ ปริกิลิสฺสนํ สํวิพาธนํ, สมุปตาปนํ วา’’ติ กตฺวา, ตยิทํ สพฺพํ ปรโต ผลกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ. หึสนฺเจตฺถ วินาสนเมว, น ปน สตฺตหึสนมิวาติ ทสฺเสติ ‘‘หนติ วินาเสตี’’ติ ¶ อิมินา. เอตนฺติ สรณปทํ. อธิวจนนฺติ นามํ, ปสิทฺธวจนํ วา, ยถาภุจฺจํ วา คุณํ อธิกิจฺจ ปวตฺตวจนํ. เตนาห ‘‘รตนตฺตยสฺเสวา’’ติ.
เอวํ หึสนตฺถวเสน อวิเสสโต สรณสทฺทตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตทตฺถวเสเนว วิเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รตนตฺตยสฺส ปจฺเจกํ หึสนการณทสฺสนเมว หิ ปุริมนยโต อิมสฺส วิเสโสติ. ตตฺถ หิเต ปวตฺตเนนาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา ภิกฺขเว วิหรถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๔, ๖๙) อตฺเถ สตฺตานํ นิโยชเนน. อหิตา จ นิวตฺตเนนาติ ‘‘ปาณาติปาตสฺส โข ปาปโก วิปาโก, ปาปกํ อภิสมฺปราย’’นฺติอาทินา อาทีนวทสฺสนาทิมุเขน อนตฺถโต จ สตฺตานํ นิวตฺตเนน. ภยํ หึสตีติ หิตาหิเตสุ อปฺปวตฺติปวตฺติเหตุกํ พฺยสนํ อปฺปวตฺติกรเณน วินาเสติ. ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน มคฺคสงฺขาโต ธมฺโม, ผลนิพฺพานสงฺขาโต ปน อสฺสาสทาเนน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ โยชนา. การานนฺติ ทานวเสน, ปูชาวเสน จ อุปนีตานํ สกฺการานํ. อนุปสคฺโคปิ หิ สทฺโท สอุปสคฺโค วิย อตฺถวิเสสวาจโก ‘‘อปฺปกมฺปิ กตํ การํ, ปฺุํ โหติ มหปฺผล’’นฺติอาทีสุ วิย. อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโต ¶ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สตฺตานํ ภยํ หึ สตีติ โยเชตพฺพํ. อิมินาปิ ปริยาเยนาติ รตนตฺตยสฺส ปจฺเจกํ หึสกภาวการณทสฺสนวเสน วิภชิตฺวา วุตฺเตน อิมินาปิ การเณน. ยสฺมา ปนิทํ สรณปทํ นาถปทํ วิย สุทฺธนามปทตฺตา ธาตฺวตฺถํ อนฺโตนีตํ กตฺวา สงฺเกตตฺถมฺปิ วทติ, ตสฺมา เหฏฺา สรณํ ปรายณนฺติ อตฺโถ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ สรณตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สรณคมนตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตปฺปสาทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอวมาทินา ตสฺมึ รตนตฺตเย ปสาโท ตปฺปสาโท, ตเทว รตนตฺตยํ ครุ เอตสฺสาติ ตคฺครุ, ตสฺส ภาโว ตคฺครุตา, ตปฺปสาโท จ ตคฺครุตา จ ตปฺปสาทตคฺครุตา, ตาหิ. วิหตกิเลโส วิธุตวิจิกิจฺฉาสมฺโมหาสทฺธิยาทิปาปธมฺมตฺตา, ตเทว รตนตฺตยํ ปรายณํ ปราคติ ตาณํ เลณํ เอตสฺสาติ ตปฺปรายโณ, ตสฺส ภาโว ตปฺปรายณตา, สาเยว อากาโร ตปฺปรายณตากาโร, เตน ปวตฺโต ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต. เอตฺถ จ ปสาทคฺคหเณน โลกิยํ สรณคมนมาห. ตฺหิ สทฺธาปธานํ, น าณปธานํ, ครุตาคหเณน ปน โลกุตฺตรํ. อริยา หิ รตนตฺตยํ คุณาภิฺตาย ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตปฺปสาเทน ตทงฺคปฺปหานวเสน วิหตกิเลโส, ตคฺครุตาย จ อคารวกรณเหตูนํ สมุจฺเฉทวเสนาติ โยเชตพฺพํ. ตปฺปรายณตา ปเนตฺถ ตคฺคติกตาติ ตาย จตุพฺพิธมฺปิ วกฺขมานํ สรณคมนํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวิเสเสน วา ¶ ปสาทครุตา โชติตาติ ปสาทคฺคหเณน อนเวจฺจปฺปสาทสฺส โลกิยสฺส, อเวจฺจปฺปสาทสฺส จ โลกุตฺตรสฺส คหณํ, ตถา ครุตาคหเณน โลกิยสฺส ครุกรณสฺส, โลกุตฺตรสฺส จาติ อุภเยนปิ ปเทน อุภยมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรสรณคมนํ โยเชตพฺพํ. อุปฺปชฺชติ จิตฺตเมเตนาติ อุปฺปาโท, สมฺปยุตฺตธมฺมสมูโห, จิตฺตฺจ ตํ อุปฺปาโท จาติ จิตฺตุปฺปาโท. สมาหารทฺวนฺเทปิ หิ กตฺถจิ ปุลฺลิงฺคมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, ตทาการปฺปวตฺตํ สทฺธาปฺาทิสมฺปยุตฺตธมฺมสหิตํ จิตฺตํ สรณคมนํ นาม ‘‘สรณนฺติ คจฺฉติ เอเตนาติ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ตํสมงฺคี’’ติอาทิ กตฺตุวิภาวนา. เตน ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาเทน สมงฺคีติ ตํสมงฺคี. เตนาห ‘‘วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทนา’’ติ ¶ . อุเปตีติ ภชติ เสวติ ปยิรุปาสติ, ชานาติ วา, พุชฺฌตีติ อตฺโถ.
โลกุตฺตรํ สรณคมนํ เกสนฺติ อาห ‘‘ทิฏฺสจฺจาน’’นฺติ, อฏฺนฺนํ อริยปุคฺคลานนฺติ อตฺโถ. กทา ตํ อิชฺฌตีติ อาห ‘‘มคฺคกฺขเณ’’ติ, ‘‘อิชฺฌตี’’ติ ปเทน เจตสฺส สมฺพนฺโธ. มคฺคกฺขเณ อิชฺฌมาเนเนว หิ จตุสจฺจาธิคเมน ผลฏฺานมฺปิ สรณคมกตา สิชฺฌติ โลกุตฺตรสรณคมนสฺส เภทาภาวโต, เตสฺจ เอกสนฺตานตฺตา. กถํ ตํ อิชฺฌตีติ อาห ‘‘สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทนา’’ติอาทิ, อุปปกฺกิเลสสมุจฺเฉทโต, อารมฺมณโต, กิจฺจโต จ สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตีติ วุตฺตํ โหติ. สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทนาติ เจตฺถ ปหานาภิสมยํ สนฺธาย วุตฺตํ, อารมฺมณโตติ สจฺฉิกิริยาภิสมยํ. นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา อารมฺมณโต อิชฺฌตีติ หิ โยเชตพฺพํ, ตฺวา-สทฺโท จ เหตุตฺถวาจโก ยถา ‘‘สกฺโก หุตฺวา นิพฺพตฺตี’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒.๒๙). อปิจ ‘‘อารมฺมณโต’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ สรูปโต นิยเมติ ‘‘นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา’’ติ อิมินา. ‘‘กิจฺจโต’’ติ ตทวเสสํ ภาวนาภิสมยํ ปริฺาภิสมยฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา’’ติ เอเตน วา มคฺคกฺขณานุรูปํ เอการมฺมณตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กิจฺจโต’’ติ อิมินา ปหานโต อวเสสํ กิจฺจตฺตยํ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘มคฺคกฺขเณ, นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา’’ติ จ วุตฺตตฺตา อตฺถโต มคฺคาณสงฺขาโต จตุสจฺจาธิคโม เอว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ วิฺายติ. ตตฺถ หิ จตุสจฺจาธิคมเน สรณคมนุปกฺกิเลสสฺส ปหานาภิสมยวเสน สมุจฺฉินฺทนํ ภวติ, นิพฺพานธมฺโม ปน สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน, มคฺคธมฺโม จ ภาวนาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิยมาโนเยว สรณคมนตฺถํ สาเธติ, พุทฺธคุณา ปน สาวกโคจรภูตา ปริฺาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิยมานา สรณคมนตฺถํ สาเธนฺติ, ตถา อริยสงฺฆคุณา. เตนาห ‘‘สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตี’’ติ.
ผลปริยตฺตีนมฺเปตฺถ วุตฺตนเยน มคฺคานุคุณปฺปวตฺติยา คหณํ, อปริฺเยฺยภูตานฺจ พุทฺธสงฺฆคุณานํ ¶ ตคฺคุณสามฺตายาติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ สกลภาววิสิฏฺวจนํ อุปปนฺนํ โหตีติ. อิชฺฌนฺตฺจ สเหว อิชฺฌติ, น โลกิยํ วิย ปฏิปาฏิยา อสมฺโมหปฏิเวเธน ปฏิวิทฺธตฺตาติ คเหตพฺพํ. ปทีปสฺส ¶ วิย หิ เอกกฺขเณเยว มคฺคสฺส จตุกิจฺจสาธนนฺติ. เย ปน วทนฺติ ‘‘สรณคมนํ นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา น ปวตฺตติ, มคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปน อธิคตเมว ตํ โหติ เอกจฺจานํ เตวิชฺชาทีนํ โลกิยวิชฺชาทโย วิยา’’ติ, เตสํ ปน วจเน โลกิยเมว สรณคมนํ สิยา, น โลกุตฺตรํ, ตฺจ อยุตฺตเมว ทุวิธสฺสาปิ ตสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. ตทงฺคปฺปหาเนน สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภนํ. อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน อตฺโถ, สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภนโต, อารมฺมณโต จ สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตีติ วุตฺตํ โหติ.
ตนฺติ โลกิยสรณคมนํ. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา สทฺธาปฏิลาโภ. สทฺธามูลิกาติ ยถาวุตฺตสทฺธาปุพฺพงฺคมา. สหชาตวเสน ปุพฺพงฺคมตาเยว หิ ตมฺมูลิกตา สทฺธาวิรหิตสฺส พุทฺธาทีสุ สมฺมาทสฺสนสฺส อสมฺภวโต. สมฺมาทิฏฺิ นาม พุทฺธสุพุทฺธตํ, ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฏิปนฺนตฺจ โลกิยาวโพธวเสน สมฺมา าเยน ทสฺสนโต. ‘‘สทฺธาปฏิลาโภ’’ติ อิมินา สมฺมาทิฏฺิวิรหิตาปิ สทฺธา โลกิยสรณคมนนฺติ ทสฺเสติ, ‘‘สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺี’’ติ ปน เอเตน สทฺธูปนิสฺสยา ยถาวุตฺตา ปฺาติ. โลกิยมฺปิ หิ สรณคมนํ ทุวิธํ าณสมฺปยุตฺตํ, าณวิปฺปยุตฺตฺจ. ตตฺถ ปเมน ปเทน มาตาทีหิ อุสฺสาหิตทารกาทีนํ วิย าณวิปฺปยุตฺตํ สรณคมนํ คหิตํ, ทุติเยน ปน าณสมฺปยุตฺตํ. ตทุภยเมว ปฺุกิริยวตฺถุ วิเสสภาเวน ทสฺเสตุํ ‘‘ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจตี’’ติ อาห. ทิฏฺิ เอว อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุชุํ กรียตีติ หิ อตฺเถน สมฺมาทิฏฺิยา ทิฏฺิชุกมฺมภาโว, ทิฏฺิ อุชุํ กรียติ เอเตนาติ อตฺเถน ปน สทฺธายปิ. สทฺธาสมฺมาทิฏฺิคฺคหเณน เจตฺถ ตปฺปธานสฺสาปิ จิตฺตุปฺปาทสฺส คหณํ, ทิฏฺิชุกมฺมปเทน จ ยถาวุตฺเตน กรณสาธเนน, เอวฺจ กตฺวา ‘‘ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ เหฏฺา วุตฺตวจนํ สมตฺถิตํ โหติ, สทฺธาสมฺมาทิฏฺีนํ ปน วิสุํ คหณํ ตํสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทสฺส ตปฺปธานตายาติ ทฏฺพฺพํ.
ตยิทนฺติ โลกิยํ สรณคมนเมว ปจฺจามสติ โลกุตฺตรสฺส ตถา เภทาภาวโต. ตสฺส หิ มคฺคกฺขเณเยว วุตฺตนเยน อิชฺฌนโต ตถาวิธสฺส สมาทานสฺส อวิชฺชมานตฺตา เอส เภโท น ¶ สมฺภวตีติ. อตฺตา สนฺนิยฺยาตียติ อปฺปียติ ปริจฺจชียติ เอเตนาติ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ยถาวุตฺตํ สรณคมนสงฺขาตํ ทิฏฺิชุกมฺมํ. ตํ รตนตฺตยํ ปรายณํ ปฏิสรณเมตสฺสาติ ตปฺปรายโณ ¶ , ปุคฺคโล, จิตฺตุปฺปาโท วา, ตสฺส ภาโว ตปฺปรายณตา, ตเทว ทิฏฺิชุกมฺมํ. ‘‘สรณ’’นฺติ อธิปฺปาเยน สิสฺสภาวํ อนฺเตวาสิกภาวสงฺขาตํ วตฺตปฏิวตฺตาทิกรณํ อุปคจฺฉติ เอเตนาติ สิสฺสภาวูปคมนํ. สรณคมนาธิปฺปาเยเนว ปณิปตติ เอเตนาติ ปณิปาโต, ปณิปตนฺเจตฺถ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมเมว, สพฺพตฺถ จ อตฺถโต ยถาวุตฺตทิฏฺิชุกมฺมเมว เวทิตพฺพํ.
สํสารทุกฺขนิตฺถรณตฺถํ อตฺตโน อตฺตภาวสฺส ปริจฺจชนํ อตฺตปริจฺจชนํ. ตปฺปรายณตาทีสุปิ เอเสว นโย. หิโตปเทสกถาปริยาเยน ธมฺมสฺสาปิ อาจริยภาโว สมุทาจรียติ ‘‘ผโล อมฺโพ อผโล จ, เต สตฺถาโร อุโภ มมา’’ติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘ธมฺมสฺส อนฺเตวาสิโก’’ติ. ‘‘อภิวาทนา’’ติอาทิ ปณิปาตสฺส อตฺถทสฺสนํ. พุทฺธาทีนํเยวาติ อวธารณสฺส อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีสุปิ สีหคติกวเสน อธิกาโร เวทิตพฺโพ. เอวฺหิ ตทฺนิวตฺตนํ กตํ โหตีติ. ‘‘อิเมสฺหี’’ติอาทิ จตุธา ปวตฺตนสฺส สมตฺถนํ, การณทสฺสนํ วา.
เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีนิ เอเกน ปกาเรน ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรหิปิ ปกาเรหิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ, เอเตน อตฺตสนฺนิยฺยาตนตปฺปรายณตาทีนํ จตุนฺนํ ปริยายนฺตเรหิปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนตปฺปรายณตาทิ กตเมว โหติ อตฺถสฺส อภินฺนตฺตา ยถา ตํ ‘‘สิกฺขาปจฺจกฺขานอภูตาโรจนานี’’ติ ทสฺเสติ. ชีวิตปริยนฺติกนฺติ ภาวนปุํสกวจนํ, ยาวชีวํ คจฺฉามีติ อตฺโถ. มหากสฺสโป กิร สยเมว ปพฺพชิตเวสํ คเหตฺวา มหาติตฺถพฺราหฺมณคามโต นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺโต ติคาวุตมคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อนฺตรา จ ราชคหํ, อนฺตรา จ นาฬนฺทํ พหุปุตฺตกนิคฺโรธรุกฺขมูเล เอกกเมว นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ‘‘อยํ ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อชานนฺโตเยว ‘‘สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ¶ ปสฺเสยฺย’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) สรณคมนมกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มหากสฺสปสฺส สรณคมนํ วิยา’’ติ. วิตฺถาโร กสฺสปสํยุตฺตฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๕๔) คเหตพฺโพ. ตตฺถ สตฺถารฺจวตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยนฺติ สเจ อหํ สตฺถารํ ปสฺเสยฺยํ, อิมํ ภควนฺตํเยว ปสฺเสยฺยํ. น หิ เม อิโต อฺเน สตฺถารา ภวิตุํ สกฺกา. สุคตฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยนฺติ สเจ อหํ สมฺมาปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ นาม ปสฺเสยฺยํ, อิมํ ภควนฺตํเยว ปสฺเสยฺยํ. น หิ เม อิโต อฺเน สุคเตน ภวิตุํ สกฺกา. สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยนฺติ สเจ อหํ สมฺมา สามฺจ สจฺจานิ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธํ นาม ปสฺเสยฺยํ, อิมํ ภควนฺตํเยว ปสฺเสยฺยํ, น หิ เม ¶ อิโต อฺเน สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภวิตุํ สกฺกาติ อยเมตฺถ อฏฺกถา. สพฺพตฺถ จ-สทฺโท, วต-สทฺโท จ ปทปูรณมตฺตํ, เจ-สทฺเทน วา ภวิตพฺพํ ‘‘สเจ’’ติ อฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๕๔) วุตฺตตฺตา. วต-สทฺโท จ ปสฺสิตุกามตาย เอกํสตฺถํ ทีเปตีติปิ ยุชฺชติ.
‘‘โส อห’’นฺติอาทิ สุตฺตนิปาเต อาฬวกสุตฺเต. ตตฺถ กิฺจาปิ มคฺเคเนว ตสฺส สรณคมนมาคตํ, โสตาปนฺนภาวทสฺสนตฺถํ, ปน ปสาทานุรูปทสฺสนตฺถฺจ เอวํ วาจํ ภินฺทตีติ ตทฏฺกถายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘๑) วุตฺตํ. คามา คามนฺติ อฺสฺมา เทวคามา อฺํ เทวคามํ, เทวตานํ วา ขุทฺทกํ, มหนฺตฺจ คามนฺติปิ อตฺโถ. ปุรา ปุรนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตนฺติ พุทฺธสฺส สุพุทฺธตํ, ธมฺมสฺส สุธมฺมตํ, สงฺฆสฺส สุปฺปฏิปนฺนตฺจ อภิตฺถวิตฺวาติ สห สมุจฺจเยน, ปาเสเสน จ อตฺโถ, สมฺพุทฺธํ นมสฺสมาโน ธมฺมโฆสโก หุตฺวา วิจริสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ.
อาฬวกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สาตาคิรเหมวตาทีนมฺปิ สงฺคโห. นนุ จ เอเต อาฬวกาทโย อธิคตมคฺคตฺตา มคฺเคเนว อาคตสรณคมนา, กสฺมา เตสํ ตปฺปรายณตาสรณคมนํ วุตฺตนฺติ? มคฺเคนาคตสรณคมเนหิปิ เตหิ ตปฺปรายณตาการสฺส ปเวทิตตฺตา. ‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ…เป… สุธมฺมตํ, (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔) เต มยํ วิจริสฺสาม, คามา คามํ นคา นคํ…เป… สุธมฺมต’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๘๒) จ หิ เอเตหิ ตปฺปรายณตากาโร ปเวทิโต. ตสฺมา สรณคมนวิเสสมนเปกฺขิตฺวา ปเวทนาการมตฺตํ อุปทิสนฺเตน เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถาติ ‘‘กถํ โข พฺราหฺมโณ โหตี’’ติอาทินา ปุฏฺสฺส อฏฺวิธปฺหสฺส ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวที’’ติอาทินา พฺยากรณปริโยสานกาเล. อิทฺหิ มชฺฌิมปณฺณาสเก พฺรหฺมายุสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๙๔) ปริจุมฺพตีติ ปริผุสติ ¶ . ปริสมฺพาหตีติ ปริมชฺชติ. เอวมฺปิ ปณิปาโต ทฏฺพฺโพติ เอวมฺปิ ปรมนิปจฺจกาเรน ปณิปาโต ทฏฺพฺโพ.
โส ปเนสาติ ปณิปาโต. าติ…เป… วเสนาติ เอตฺถ าติวเสน, ภยวเสน, อาจริยวเสน, ทกฺขิเณยฺยวเสนาติ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ ทฺวนฺทปรโต สุยฺยมานตฺตา. ตตฺถ าติวเสนาติ าติภาววเสน. ภาวปฺปธานนิทฺเทโส หิ อยํ, ภาวโลปนิทฺเทโส วา ตพฺภาวสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา. เอวํ เสเสสุปิ ปณิปาตปเทน เจเตสํ สมฺพนฺโธ ตพฺพเสน ปณิปาตสฺส จตุพฺพิธตฺตา. เตนาห ‘‘ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตนา’’ติ, ทกฺขิเณยฺยตาเหตุเกน ปณิปาเตเนวาติ อตฺโถ. อิตเรหีติ าติภาวาทิเหตุเกหิ ปณิปาเตหิ. ‘‘เสฏฺวเสเนวา’’ติอาทิ ตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนํ ¶ . อิทานิ ‘‘น อิตเรหี’’ติอาทินา วุตฺตเมว อตฺถตฺตยํ ยถากฺกมํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สากิโย วา’’ติ ปิตุปกฺขโต าติกุลทสฺสนํ, ‘‘โกลิโย วา’’ติ ปน มาตุปกฺขโต. วนฺทตีติ ปณิปาตสฺส อุปลกฺขณวจนํ. ราชปูชิโตติ ราชูหิ, ราชูนํ วา ปูชิโต ยถา ‘‘คามปูชิโต’’ติ. ปูชาวจนปโยเค หิ กตฺตริ สามิวจนมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ภควโตติ โพธิสตฺตภูตสฺส, พุทฺธภูตสฺส วา ภควโต. อุคฺคหิตนฺติ สิกฺขิตสิปฺปํ.
‘‘จตุธา’’ติอาทิ สิงฺคาโลวาทสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๒๖๕) ฆรมาวสนฺติ ฆเร วสนฺโต, กมฺมปฺปวจนียโยคโต เจตฺถ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ. กมฺมํ ปโยชเยติ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ ปโยเชยฺย. กุลานฺหิ น สพฺพกาลํ เอกสทิสํ วตฺตติ, กทาจิ ราชาทิวเสน อาปทาปิ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘อาปทาสุ อุปฺปนฺนาสุ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ มนสิ กตฺวา นิธาเปยฺยาติ อาห ‘‘อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. อิเมสุ ปน จตูสุ โกฏฺาเสสุ ‘‘เอเกน โภเค ภฺุเชยฺยา’’ติ วุตฺตโกฏฺาสโตเยว คเหตฺวา ภิกฺขูนมฺปิ กปณทฺธิกาทีนมฺปิ ทานํ ทาตพฺพํ, เปสการนฺหาปิตกาทีนมฺปิ เวตนํ ทาตพฺพนฺติ อยํ โภคปริคฺคหณานุสาสนี, เอวรูปํ อนุสาสนึ อุคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. อิทฺหิ ทิฏฺธมฺมิกํเยว สนฺธาย วทติ, สมฺปรายิกํ, ปน นิยฺยานิกํ วา อนุสาสนึ ปจฺจาสิสนฺโตปิ ทกฺขิเณยฺยปณิปาตเมว กโรติ นามาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ ‘‘เสฏฺวเสเนว…เป… คณฺหาตี’’ติ วุตฺตสฺสตฺถสฺส วิตฺถารวจนํ.
‘‘เอว’’นฺติอาทิ ¶ ปน ‘‘เสฏฺวเสน จ ภิชฺชตี’’ติ วุตฺตสฺส พฺยติเรกทสฺสนํ. อตฺถวสา ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโมติ กตฺวา คหิตสรณาย อุปาสิกาย วาติปิ โยเชตพฺพํ. เอวมีทิเสสุ. ปพฺพชิตมฺปีติ ปิ-สทฺโท สมฺภาวนตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘ปเคว อปพฺพชิต’’นฺติ. สรณคมนํ น ภิชฺชติ เสฏฺวเสน อวนฺทิตตฺตา. ตถาติ อนุกฑฺฒนตฺเถ นิปาโต ‘‘สรณคมนํ น ภิชฺชตี’’ติ. รฏฺปูชิตตฺตาติ รฏฺเ, รฏฺวาสีนํ วา ปูชิตตฺตา. ตยิทํ ภยวเสน วนฺทิตพฺพภาวสฺเสว สมตฺถนํ, น ตุ อเภทสฺส การณทสฺสนํ, ตสฺส ปน การณํ เสฏฺวเสน อวนฺทิตตฺตาติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ‘‘เสฏฺวเสน จ ภิชฺชตี’’ติ. เสฏฺวเสนาติ โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย เสฏฺภาววเสนาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อยํ โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโยติ วนฺทตี’’ติ. ติตฺถิยมฺปิ วนฺทโต น ภิชฺชติ, ปเคว อิตรํ. สรณคมนปฺปเภโทติ สรณคมนวิภาโค, ตพฺพิภาคสมฺพนฺธโต เจตฺถ สกฺกา อเภโทปิ สุเขน ทสฺเสตุนฺติ อเภททสฺสนํ กตํ.
อริยมคฺโค ¶ เอว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลภาเวน วุตฺตานิ. สพฺพทุกฺขกฺขโยติ สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ นิพฺพานํ. เอตฺถ จ กมฺมสทิสํ วิปากผลํ, ตพฺพิปรีตํ อานิสํสผลนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ สาลิพีชาทีนํ ผลานิ ตํสทิสานิ วิปกฺกานิ นาม โหนฺติ, วิปากนิรุตฺติฺจ ลภนฺติ, น มูลงฺกุรปตฺตกฺขนฺธนาฬานิ, เอวํ กุสลากุสลานํ ผลานิ อรูปธมฺมภาเวน, สารมฺมณภาเวน จ สทิสานิ วิปกฺกานิ นาม โหนฺติ, วิปากนิรุตฺติฺจ ลภนฺติ, น ตทฺานิ กมฺมนิพฺพตฺตานิปิ กมฺมอสทิสานิ, ตานิ ปน อานิสํสานิ นาม โหนฺติ, อานิสํสนิรุตฺติมตฺตฺจ ลภนฺตีติ. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา ธมฺมปเท อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุปาฬิมาหริตฺวา ทสฺเสติ.
โย จาติ เอตฺถ จ-สทฺโท พฺยติเรเก, โย ปนาติ อตฺโถ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – พฺยติเรกตฺถทีปเน ยทิ ‘‘พหุํ เว สรณํ ยนฺติ, ปพฺพตานิ วนานิ จา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๑๘๘) วุตฺตํ เขมํ สรณํ น โหติ, น อุตฺตมํ สรณํ, เอตฺจ สรณมาคมฺม สพฺพทุกฺขา น ปมุจฺจติ, เอวํ สติ กึ นาม วตฺถุ เขมํ สรณํ โหติ, อุตฺตมํ สรณํ, กึ นาม วตฺถุํ สรณมาคมฺม สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ เจ?
โย ¶ จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต…เป…
เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ. (ธ. ป. ๑๙๐-๙๒);
เอวมีทิเสสุ. โลกิยสฺส สรณคมนสฺส อฺติตฺถิยาวนฺทนาทินา กุปฺปนโต, จลนโต จ อกุปฺปํ อจลํ โลกุตฺตรเมว สรณคมนํ ปกาเสตุํ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. วาจาสิลิฏฺตฺถฺเจตฺถ สมฺมาสทฺทสฺส รสฺสตฺตํ. ‘‘ทุกฺข’’นฺติอาทิ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานี’’ติ วุตฺตสฺส สรูปทสฺสนํ. ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมนฺติ ทุกฺขนิโรธํ. ทุกฺขูปสมคามินนฺติ ทุกฺขนิโรธคามึ. ‘‘เอต’’นฺติ ‘‘จตฺตาริ…เป… ปสฺสตี’’ติ (ธ. ป. ๑๙๐) เอวํ วุตฺตํ โลกุตฺตรสรณคมนสงฺขาตํ อริยสจฺจทสฺสนํ. โข-สทฺโท อวธารณตฺโถ ปทตฺตเยปิ โยเชตพฺโพ.
นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสนาติ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ อคฺคหณาทิวเสน, อิตินา นิทฺทิสิตพฺเพหิ โต-สทฺทมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา าณวิภงฺคาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อ. นิ. ๑.๒๖๘) อาคตํ ¶ ปาฬึ สาธกภาเวน อาหรติ. อฏฺานนฺติ ชนกเหตุปฏิกฺเขโป. อนวกาโสติ ปจฺจยเหตุปฏิกฺเขโป. อุภเยนาปิ การณเมว ปฏิกฺขิปติ. ยนฺติ เยน การเณน. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมฺปนฺโน โสตาปนฺโน. กฺจิ สงฺขารนฺติ จตุภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ เอกมฺปิ สงฺขารํ. นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘นิจฺโจ’’ติ คณฺเหยฺย. สุขโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๗๖) เอวํ อตฺตทิฏฺิวเสน ‘‘สุโข’’ติ คณฺเหยฺย, ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปน อริยสาวโก ปริฬาหวูปสมตฺถํ มตฺตหตฺถิปริตฺตาสิโต โจกฺขพฺราหฺมโณ วิย อุกฺการภูมึ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคจฺฉติ. อตฺตวาเร กสิณาทิปณฺณตฺติสงฺคหณตฺถํ ‘‘สงฺขาร’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. ยถาห ปริวาเร –
‘‘อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา, ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา;
นิพฺพานฺเจว ปฺตฺติ, อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา’’ติ. (ปริ. ๒๕๗);
อิเมสุ ปน ตีสุปิ วาเรสุ อริยสาวกสฺส จตุภูมกวเสเนว ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ, เตภูมกวเสเนว วา. ยํ ยฺหิ ปุถุชฺชโน ‘‘นิจฺจํ ¶ สุขํ อตฺตา’’ติ คาหํ คณฺหาติ, ตํ ตํ อริยสาวโก ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ คณฺหนฺโต คาหํ วินิเวเติ.
‘‘มาตร’’นฺติอาทีสุ ชนิกา มาตา, ชนโก ปิตา, มนุสฺสภูโต ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต. กึ ปน อริยสาวโก เตหิ อฺมฺปิ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ? เอตมฺปิ อฏฺานเมว. จกฺกวตฺติรชฺชสกชีวิตเหตุปิ หิ โส ตํ ชีวิตา น โวโรเปยฺย, ตถาปิ ปุถุชฺชนภาวสฺส มหาสาวชฺชตาทสฺสนตฺถํ อริยภาวสฺส จ พลวตาปกาสนตฺถํ เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปทุฏฺจิตฺโตติ วธกจิตฺเตน ปทูสนจิตฺโต, ปทูสิตจิตฺโต วา. โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยาติ ชีวมานกสรีเร ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย. สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ สมานสํวาสกํ สมานสีมายํ ิตํ สงฺฆํ ปฺจหิ การเณหิ ภินฺเทยฺย, วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปฺจหุปาลิ อากาเรหิ สงฺโฆ ภิชฺชติ กมฺเมน, อุทฺเทเสน, โวหรนฺโต, อนุสฺสาวเนน, สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘) อฺํ สตฺถารนฺติ อิโต อฺํ ติตฺถกรํ ‘‘อยํ เม สตฺถา’’ติ เอวํ คณฺเหยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ. ภวสมฺปทาติ สุคติภเวน สมฺปทา, อิทํ วิปากผลํ. โภคสมฺปทาติ มนุสฺสโภคเทวโภเคหิ สมฺปทา, อิทํ ปน อานิสํสผลํ. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา เทวตาสํยุตฺตาทิปาฬึ (สํ. นิ. ๑.๓๗) สาธกภาเวน ทสฺเสติ.
คตา ¶ เสติ เอตฺถ เส-อิติ นิปาตมตฺตํ. น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมินฺติ เต พุทฺธํ สรณํ คตา ตนฺนิมิตฺตํ อปายํ น คมิสฺสนฺติ. มานุสนฺติ จ คาถาพนฺธวเสน วิสฺโคนิทฺเทโส, มนุสฺเสสุ ชาตนฺติ อตฺโถ. เทวกายนฺติ เทวสงฺฆํ, เทวปุรํ วา ‘‘เทวานํ กาโย สมูโห เอตฺถา’’ติ กตฺวา.
‘‘อปรมฺปี’’ติอาทินา สฬายตนวคฺเค โมคฺคลฺลานสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) อาคตํ อฺมฺปิ ผลมาห, อปรมฺปิ ผลํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน วุตฺตนฺติ อตฺโถ. อฺเ เทเวติ อสรณงฺคเต เทเว. ทสหิ าเนหีติ ทสหิ การเณหิ. ‘‘ทิพฺเพนา’’ติอาทิ ตสฺสรูปทสฺสนํ. อธิคณฺหนฺตีติ อภิภวนฺติ อติกฺกมิตฺวา ติฏฺนฺติ. ‘‘เอส นโย’’ติ อิมินา ‘‘สาธุ โข เทวานมินฺท ธมฺมสรณคมนํ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) สุตฺตปทํ อติทิสติ. เวลามสุตฺตํ ¶ นาม องฺคุตฺตรนิกาเย นวนิปาเต ชาติโคตฺตรูปโภคสทฺธาปฺาทีหิ มริยาทเวลาติกฺกนฺเตหิ อุฬาเรหิ คุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา เวลามนามกสฺส โพธิสตฺตภูตสฺส จตุราสีติสหสฺสราชูนํ อาจริยพฺราหฺมณสฺส ทานกถาปฏิสฺุตฺตํ สุตฺตํ (อ. นิ. ๙.๒๐) ตตฺถ หิ กรีสสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาณานํ จตุราสีติสหสฺสสงฺขฺยานํ สุวณฺณปาติรูปิยปาติกํสปาตีนํ ยถากฺกมํ รูปิยสุวณฺณ หิรฺปูรานํ, สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตานํ, จตุราสีติยา หตฺถิสหสฺสานํ จตุราสีติยา อสฺสสหสฺสานํ, จตุราสีติยา รถสหสฺสานํ, จตุราสีติยา เธนุสหสฺสานํ, จตุราสีติยา กฺาสหสฺสานํ, จตุราสีติยา ปลฺลงฺกสหสฺสานํ, จตุราสีติยา วตฺถโกฏิสหสฺสานํ, อปริมาณสฺส จ ขชฺชโภชฺชาทิเภทสฺส อาหารสฺส ปริจฺจชนวเสน สตฺตมาสาธิกานิ สตฺตสํวจฺฉรานิ นิรนฺตรํ ปวตฺตเวลามมหาทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต สตํโสตาปนฺนานํ ทินฺนทานโต เอกสฺส สกทาคามิโน, ตโต เอกสฺส อนาคามิโน, ตโต เอกสฺส อรหโต, ตโต เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส, ตโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตโต พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหารกรณํ, ตโต สรณคมนํ มหปฺผลตรนฺติ อยมตฺโถ ปกาสิโต. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยํ คหปติ เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ, โย เจกํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตรํ, โย จ สตํ ทิฏฺิสมฺปนฺนานํ โภเชยฺย, โย เจกํ สกทาคามึ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๙.๒๐).
อิมินา จ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต โลกุตฺตรสฺเสว สรณคมนสฺส ผลํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ¶ เวลามสุตฺตฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘สรณํ คจฺเฉยฺยาติ เอตฺถ มคฺเคนาคตํ อนิวตฺตนสรณํ อธิปฺเปตํ, อปเร ปนาหุ ‘อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา ทินฺนตฺตา สรณคมนํ ตโต มหปฺผลตร’นฺติ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๓.๙.๒๐) กูฏทนฺตสุตฺตฏฺกถายํ ปน วกฺขติ ‘‘ยสฺมา จ สรณคมนํ นาม ติณฺณํ รตนานํ ชีวิตปริจฺจาคมยํ ปฺุกมฺมํ สคฺคสมฺปตฺตึ เทติ, ตสฺมา มหปฺผลตรฺจ มหานิสํสตรฺจาติ เวทิตพฺพ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๕๐, ๓๕๑) อิมินา ปน ¶ นเยน โลกิยสฺสาปิ สรณคมนสฺส ผลํ อิธ ทสฺสิตเมวาติ คเหตพฺพํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนปิ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๐) หิ อยเมวตฺโถ อิจฺฉิโตติ วิฺายติ อิธ เจว อฺาสุ จ มชฺฌิมาคมฏีกาทีสุ อวิเสสโตเยว วุตฺตตฺตา, อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรนาปิ อยมตฺโถ อภิมโต สิยา สารตฺถทีปนิยํ, (สารตฺถ. ฏี. เวรฺชกอณฺฑวณฺณนา.๑๕) องฺคุตฺตรฏีกายฺจ ตทุภยสาธารณวจนโต. อปเร ปน วทนฺติ ‘‘กูฏทนฺตสุตฺตฏฺกถายมฺปิ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๙) โลกุตฺตรสฺเสว สรณคมนสฺส ผลํ วุตฺต’’นฺติ, ตทยุตฺตเมว ตถา อวุตฺตตฺตา. ‘‘ยสฺมา…เป… เทตี’’ติ หิ ตทุภยสาธารณการณวเสน ตทุภยสฺสาปิ ผลํ ตตฺถ วุตฺตนฺติ. เวลามสุตฺตาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) อคฺคปฺปสาทสุตฺตฉตฺตมาณวกวิมานาทีนํ (วิ. ว. ๘๘๖ อาทโย) สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อฺาณํ นาม วตฺถุตฺตยสฺส คุณานมชานนํ ตตฺถ สมฺโมโห. สํสโย นาม ‘‘พุทฺโธ นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๑๖) วิจิกิจฺฉา. มิจฺฉาาณํ นาม วตฺถุตฺตยสฺส คุณานํ อคุณภาวปริกปฺปเนน วิปรีตคฺคาโห. อาทิสทฺเทน อนาทราคารวาทีนํ สงฺคโห. สํกิลิสฺสตีติ สํกิลิฏฺํ มลีนํ ภวติ. น มหาชุติกนฺติอาทิปิ สํกิเลสปริยาโย เอว. ตตฺถ น มหาชุติกนฺติ น มหุชฺชลํ, อปริสุทฺธํ อปริโยทาตนฺติ อตฺโถ. น มหาวิปฺผารนฺติ น มหานุภาวํ, อปณีตํ อนุฬารนฺติ อตฺโถ. สาวชฺโชติ ตณฺหาทิฏฺาทิวเสน สโทโส. ตเทว ผลวเสน วิภาเวตุํ ‘‘อนิฏฺผโล’’ติ วุตฺตํ, สาวชฺชตฺตา อกนฺติผโล โหตีติ อตฺโถ. โลกิยสรณคมนํ สิกฺขาสมาทานํ วิย อคหิตกาลปริจฺเฉทํ ชีวิตปริยนฺตเมว โหติ, ตสฺมา ตสฺส ขนฺธเภเทน เภโท, โส จ ตณฺหาทิฏฺาทิวิรหิตตฺตา อโทโสติ อาห ‘‘อนวชฺโช กาลกิริยาย โหตี’’ติ. โสติ อนวชฺโช สรณคมนเภโท. สติปิ อนวชฺชตฺเต อิฏฺผโลปิ น โหติ, ปเคว อนิฏฺผโล อวิปากตฺตา. น หิ ตํ อกุสลํ โหติ, อถ โข เภทนมตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ภวนฺตเรปีติ อฺสฺมิมฺปิ ภเว.
ธรสทฺทสฺส ทฺวิกมฺมิกตฺตา ‘‘อุปาสก’’นฺติ อิทมฺปิ กมฺมเมว, ตฺจ โข อาการฏฺาเนติ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปาสโก อยนฺติ เอวํ ธาเรตู’’ติ ¶ วุตฺตํ. ธาเรตูติ จ อุปธาเรตูติ อตฺโถ. อุปธารณฺเจตฺถ ¶ ชานนเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘ชานาตู’’ติ อิมินา. อุปาสกวิธิโกสลฺลตฺถนฺติ อุปาสกภาววิธานโกสลฺลตฺถํ. โก อุปาสโกติ สรูปปุจฺฉา, กึ ลกฺขโณ อุปาสโก นามาติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมาติ เหตุปุจฺฉา, เกน ปวตฺตินิมิตฺเตน อุปาสกสทฺโท ตสฺมึ ปุคฺคเล นิรุฬฺโหติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจตี’’ติ. สทฺทสฺส หิ อภิเธยฺเย ปวตฺตินิมิตฺตเมว ตทตฺถสฺส ตพฺภาวการณํ. กิมสฺส สีลนฺติ วตสมาทานปุจฺฉา, กีทิสํ อสฺส อุปาสกสฺส สีลํ, กิตฺตเกน วตสมาทาเนนายํ สีลสมฺปนฺโน นาม โหตีติ อตฺโถ. โก อาชีโวติ กมฺมสมาทานปุจฺฉา, โก อสฺส สมฺมาอาชีโว, เกน กมฺมสมาทาเนน อสฺส อาชีโว สมฺภวตีติ ปุจฺฉติ, โส ปน มิจฺฉาชีวสฺส ปริวชฺชเนน โหตีติ มิจฺฉาชีโวปิ วิภชียติ. กา วิปตฺตีติ ตทุภเยสํ วิปฺปฏิปตฺติปุจฺฉา, กา อสฺส อุปาสกสฺส สีลสฺส, อาชีวสฺส จ วิปตฺตีติ อตฺโถ. สามฺนิทฺทิฏฺเ หิ สติ อนนฺตรสฺเสว วิธิ วา ปฏิเสโธ วาติ อนนฺตรสฺส คหณํ. กา สมฺปตฺตีติ ตทุภเยสเมว สมฺมาปฏิปตฺติปุจฺฉา, กา อสฺส อุปาสกสฺส สีลสฺส, อาชีวสฺส จ สมฺปตฺตีติ วุตฺตนเยน อตฺโถ. สรูปวจนตฺถาทิสงฺขาเตน ปกาเรน กิรตีติ ปกิณฺณํ, ตเทว ปกิณฺณกํ, อเนกากาเรน ปวตฺตํ อตฺถวินิจฺฉยนฺติ อตฺโถ.
โย โกจีติ ขตฺติยพฺราหฺมณาทีสุ โย โกจิ, อิมินา ปเทน อการณเมตฺถ ชาติอาทิวิเสโสติ ทสฺเสติ, ‘‘สรณคโต’’ติ อิมินา ปน สรณคมนเมเวตฺถ ปมาณนฺติ. ‘‘คหฏฺโ’’ติ จ อิมินา อาคาริเกสฺเวว อุปาสกสทฺโท นิรุฬฺโห, น ปพฺพชฺชูปคเตสูติ. ตมตฺถํ มหาวคฺคสํยุตฺเต มหานามสุตฺเตน (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓) สาเธนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยโตติ พุทฺธาทิสรณคมนโต. มหานามาติ อตฺตโน จูฬปิตุโน สุกฺโกทนสฺส ปุตฺตํ มหานามํ นาม สกฺยราชานํ ภควา อาลปติ. เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน พุทฺธาทิสรณคมเนน อุปาสโก นาม โหติ, น ชาติอาทีหิ การเณหีติ อธิปฺปาโย. กามฺจ ตปุสฺสภลฺลิกานํ วิย ทฺเววาจิกอุปาสกภาโวปิ อตฺถิ, โส ปน ตทา วตฺถุตฺตยาภาวโต กทาจิเยว โหตีติ สพฺพทา ปวตฺตํ เตวาจิกอุปาสกภาวํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘สรณคโต’’ติ วุตฺตํ. เตปิ หิ ปจฺฉา ติสรณคตา เอว, น เจตฺถ สมฺภวติ อฺํ ปฏิกฺขิปิตฺวา เอกํ วา ทฺเว วา สรณคโต อุปาสโก นามาติ อิมมตฺถมฺปิ าเปตุํ เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อุปาสนโตติ เตเนว สรณคมเนน, ตตฺถ จ สกฺกจฺจการิตาย คารวพหุมานาทิโยเคน ปยิรุปาสนโต, อิมินา กตฺวตฺถํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ.
เวรมณิโยติ ¶ เอตฺถ เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยํ, ตสฺส มณนโต หนนโต วินาสนโต เวรมณิโย นาม, ปฺจ วิรติโย วิรติปธานตฺตา ตสฺส สีลสฺส. ตถา หิ อุทาหเฏ มหานามสุตฺเต วุตฺตํ ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓) ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา สาธกํ, สรูปฺจ ทสฺเสติ ยถา ตํ อุยฺยานปาลสฺส เอเกเนว อุทกปติฏฺานปโยเคน อมฺพเสจนํ, ครุสินานฺจ. ยถาห อมฺพวิมาเน (วิ. ว. ๑๑๕๑ อาทโย) –
‘‘อมฺโพ จ สิตฺโต สมโณ จ นฺหาปิโต,
มยา จ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปกํ;
อิติ โส ปีติยา กายํ, สพฺพํ ผรติ อตฺตโน’’ติ.
[‘‘อมฺโพ จ สิฺจโต อาสิ, สมโณ จ นหาปิโต;
พหฺุจ ปฺุํ ปสุตํ, อโห สผลํ ชีวิต’’นฺติ. (อิธ ฏีกายํ มูลปาโ)]
เอวมีทิเสสุ. เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน ปฺจเวรวิรติมตฺเตน.
มิจฺฉาวณิชฺชาติ อยุตฺตวณิชฺชา, น สมฺมาวณิชฺชา, อสารุปฺปวณิชฺชกมฺมานีติ อตฺโถ. ปหายาติ อกรเณเนว ปชหิตฺวา. ธมฺเมนาติ ธมฺมโต อนเปเตน, เตน มิจฺฉาวณิชฺชกมฺเมน อาชีวนโต อฺมฺปิ อธมฺมิกํ อาชีวนํ ปฏิกฺขิปติ. สเมนาติ อวิสเมน, เตน กายวิสมาทิทุจฺจริตํ วชฺเชตฺวา กายสมาทินา สุจริเตน อาชีวนํ ทสฺเสติ. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา ปฺจงฺคุตฺตรปาฬิมาหริตฺวา สาธกํ, สรูปฺจ ทสฺเสติ. วาณิชานํ อยนฺติ วณิชฺชา, ยสฺส กสฺสจิ วิกฺกโย, อิตฺถิลิงฺคปทเมตํ. สตฺถวณิชฺชาติ อาวุธภณฺฑํ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา ¶ ยถากตํ ปฏิลภิตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโย. สตฺตวณิชฺชาติ มนุสฺสวิกฺกโย. มํสวณิชฺชาติ สูนการาทโย วิย มิคสูกราทิเก โปเสตฺวา มํสํ สมฺปาเทตฺวา วิกฺกโย. มชฺชวณิชฺชาติ ยํ กิฺจิ มชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. วิสวณิชฺชาติ วิสํ โยเชตฺวา, สงฺคเหตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโย. ตตฺถ สตฺถวณิชฺชา ปโรปโรธนิมิตฺตตาย อกรณียาติ วุตฺตา, สตฺตวณิชฺชา อภุชิสฺสภาวกรณโต, มํสวณิชฺชา วธเหตุโต, มชฺชวณิชฺชา ปมาทฏฺานโต, วิสวณิชฺชา ปรูปฆาตการณโต.
ตสฺเสวาติ ยถาวุตฺตสฺส ปฺจเวรมณิลกฺขณสฺส สีลสฺส เจว ปฺจมิจฺฉาวณิชฺชาทิปฺปหานลกฺขณสฺส อาชีวสฺส จ ปฏินิทฺเทโส. วิปตฺตีติ เภโท, ปโกโป จ ¶ . เอวํ สีลอาชีววิปตฺติวเสน อุปาสกสฺส วิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อสฺสทฺธิยาทิวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ยายาติ อสฺสทฺธิยาทิวิปฺปฏิปตฺติยา. จณฺฑาโลติ นีจธมฺมชาติกฏฺเน อุปาสกจณฺฑาโล. มลนฺติ มลีนฏฺเน อุปาสกมลํ. ปติกิฏฺโติ ลามกฏฺเน อุปาสกนิหีโน. สาปิสฺสาติ สาปิ อสฺสทฺธิยาทิวิปฺปฏิปตฺติ อสฺส อุปาสกสฺส วิปตฺตีติ เวทิตพฺพา. กา ปนายนฺติ วุตฺตํ ‘‘เต จา’’ติอาทิ. อุปาสกจณฺฑาลสุตฺตํ, (อ. นิ. ๕.๑๗๕) อุปาสกรตนสุตฺตฺจ ปฺจงฺคุตฺตเร. ตตฺถ พุทฺธาทีสุ, กมฺมกมฺมผเลสุ จ สทฺธาวิปริยาโย มิจฺฉาวิโมกฺโข อสฺสทฺธิยํ, เตน สมนฺนาคโต อสฺสทฺโธ. ยถาวุตฺตสีลวิปตฺติอาชีววิปตฺติวเสน ทุสฺสีโล. ‘‘อิมินา ทิฏฺาทินา อิทํ นาม มงฺคลํ โหตี’’ติ เอวํ พาลชนปริกปฺปิเตน โกตูหลสงฺขาเตน ทิฏฺสุตมุตมงฺคเลน สมนฺนาคโต โกตูหลมงฺคลิโก. มงฺคลํ ปจฺเจตีติ ทิฏฺมงฺคลาทิเภทํ มงฺคลเมว ปตฺติยายติ โน กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตํ โน ปตฺติยายติ. อิโต จ พหิทฺธาติ อิโต สพฺพฺุพุทฺธสาสนโต พหิทฺธา พาหิรกสมเย. จ-สทฺโท อฏฺานปยุตฺโต, สพฺพตฺถ ‘‘อสฺสทฺโธ’’ติอาทีสุ โยเชตพฺโพ. ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสตีติ ทุปฺปฏิปนฺนํ ทกฺขิณารหสฺี คเวสติ. ตตฺถาติ พหิทฺธา พาหิรกสมเย. ปุพฺพการํ กโรตีติ ปมตรํ ทานมานนาทิกํ กุสลกิริยํ กโรติ, พาหิรกสมเย ปมตรํ กุสลกิริยํ กตฺวา ปจฺฉา สาสเน กโรตีติ วุตฺตํ โหตีติ ¶ . ตตฺถาติ วา เตสํ พาหิรกานํ ติตฺถิยานนฺติปิ วทนฺติ. เอตฺถ จ ทกฺขิเณยฺยปริเยสนปุพฺพกาเร เอกํ กตฺวา ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา.
อสฺสาติ อุปาสกสฺส. สีลสมฺปทาติ ยถาวุตฺเตน ปฺจเวรมณิลกฺขเณน สีเลน สมฺปทา. อาชีวสมฺปทาติ ปฺจมิจฺฉาวณิชฺชาทิปฺปหานลกฺขเณน อาชีเวน สมฺปทา. เอวํ สีลสมฺปทาอาชีวสมฺปทาวเสน อุปาสกสฺส สมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา สทฺธาทิวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย จสฺสา’’ติอาทิมาห. เย จ ปฺจ ธมฺมา, เตปิ อสฺส สมฺปตฺตีติ โยชนา. ธมฺเมหีติ คุเณหิ. จตุนฺนํ ปริสานํ รติชนนฏฺเน อุปาสโกว รตนํ อุปาสกรตนํ. คุณโสภากิตฺติสทฺทสุคนฺธตาทีหิ อุปาสโกว ปทุมํ อุปาสกปทุมํ. ตถา อุปาสกปุณฺฑรีกํ. เสสํ วิปตฺติยํ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ.
นิคณฺีนนฺติ นิคณฺสมณีนํ. อาทิมฺหีติ ปมตฺเถ. อุจฺฉคฺคนฺติ อุจฺฉุอคฺคํ อุจฺฉุโกฏิ. ตถา เวฬคฺคนฺติ เอตฺถาปิ. โกฏิยนฺติ ปริยนฺตโกฏิยํ, ปริยนฺตตฺเถติ อตฺโถ. อมฺพิลคฺคนฺติ อมฺพิลโกฏฺาสํ. ตถา ติตฺตกคฺคนฺติ เอตฺถาปิ. วิหารคฺเคนาติ โอวรกโกฏฺาเสน ‘‘อิมสฺมึ คพฺเภ วสนฺตานํ อิทํ นาม ผลํ ปาปุณาตี’’ติอาทินา ตํตํวสนฏฺานโกฏฺาเสนาติ อตฺโถ ¶ . ปริเวณคฺเคนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อคฺเคติ เอตฺถ อุปโยควจนสฺส เอการาเทโส, วจนวิปลฺลาโส วา, กตฺวา-สทฺโท จ เสโสติ วุตฺตํ ‘‘อาทึ กตฺวา’’ติ. ภาวตฺเถ ตา-สทฺโทติ ทสฺเสติ ‘‘อชฺชภาว’’นฺติ อิมินา, อชฺชภาโว จ นาม ตสฺมึ ธมฺมสฺสวนสมเย ธรมานกตาปาปุณกภาโว. ตทา หิ ตํ นิสฺสยวเสน ธรมานตํ นิมิตฺตํ กตฺวา ตํทิวสนิสฺสิตอรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว ปุน อรุณุคฺคมนา เอตฺถนฺตเร อชฺชสทฺโท ปวตฺตติ, ตสฺมา ตสฺมึ สมเย ธรมานกตาสงฺขาตํ อชฺชภาวํ อาทึ กตฺวาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อชฺชตนฺติ วา อชฺชอิจฺเจว อตฺโถ ตา-สทฺทสฺส สกตฺถวุตฺติโต ยถา ‘‘เทวตา’’ติ, อยํ อาจริยานํ มติ. เอวํ ปมกฺขเรน ทิสฺสมานปาานุรูปํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตติยกฺขเรน ทิสฺสมานปาานุรูปํ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาคมมตฺตตฺตา ทกาโร ปทสนฺธิกโร. อชฺชาติ หิ เนปาติกมิทํ ปทํ. เตนาห ‘‘อชฺช อคฺคนฺติ อตฺโถ’’ติ.
‘‘ปาโณ’’ติ อิทํ ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริเย เอว, ‘‘ปาณุเปต’’นฺติ จ กรณตฺเถเนว สมาโสติ าเปตุํ ‘‘ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว ¶ อุเปต’’นฺติ อาห. อุเปติ อุปคจฺฉตีติ หิ อุเปโต, ปาเณหิ กรณภูเตหิ อุเปโต ปาณุเปโตติ อตฺโถ อาจริเยหิ อภิมโต. อิมินา จ ‘‘ปาณุเปตนฺติ อิทํ ปทํ ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฏิกตาทสฺสน’’นฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวติ. ‘‘ปาณุเปต’’นฺติ หิ อิมินา ยาว เม ปาณา ธรนฺติ, ตาว สรณํ อุเปโต, อุเปนฺโต จ น วาจามตฺเตน, น จ เอกวารํ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน, อถ โข ปาณานํ ปริจฺจชนวเสน ยาวชีวํ อุเปโตติ อาปาณโกฏิกตา ทสฺสิตา. ‘‘ตีหิ…เป… คต’’นฺติ อิทํ ‘‘สรณํ คต’’นฺติ เอตสฺส อตฺถวจนํ. ‘‘อนฺสตฺถุก’’นฺติ อิทํ ปน อนฺโตคธาวธารเณน, อฺตฺถาโปหเนน จ นิวตฺเตตพฺพตฺถทสฺสนํ. เอกจฺโจ กปฺปิยการกสทฺทสฺส อตฺโถ อุปาสกสทฺทสฺส วจนีโยปิ ภวตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปาสกํ กปฺปิยการก’’นฺติ, อตฺตสนฺนิยฺยาตนสรณคมนํ วา สนฺธาย เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ‘‘ปาณุเปต’’นฺติ อิมินา นีตตฺถโต ทสฺสิตํ ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฏิกตํ ทสฺเสตฺวา เอวํ วทนฺโต ปเนส ราชา ‘‘ชีวิเตน สห วตฺถุตฺตยํ ปฏิปูเชนฺโต สรณคมนํ รกฺขามี’’ติ อธิปฺปายํ วิภาเวตีติ เนยฺยตฺถโต วิภาวิตํ ตสฺส รฺโ อธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘อหฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิ-สทฺโท สมตฺถเน, การณตฺเถ วา, เตน อิมาย ยุตฺติยา, อิมินา วา การเณน อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตูติ อยมตฺโถ ปกาสิโต.
อจฺจยนํ สาธุมริยาทํ อติกฺกมฺม มทฺทิตฺวา ปวตฺตนํ อจฺจโย, กายิกาทิอชฺฌาจารสงฺขาโต โทโสติ อาห ‘‘อปราโธ’’ติ, อจฺเจติ อภิภวิตฺวา ปวตฺตติ เอเตนาติ ¶ วา อจฺจโย, กายิกาทิวีติกฺกมสฺส ปวตฺตนโก อกุสลธมฺมสงฺขาโต โทโส เอว, โส จ อปรชฺฌติ เอเตนาติ อปราโธติ วุจฺจติ. โส หิ อปรชฺฌนฺตํ ปุริสํ อภิภวิตฺวา ปวตฺตติ. เตนาห ‘‘อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปวตฺโต’’ติ. ธมฺมนฺติ ทสราชธมฺมํ. วิตฺถาโร ปเนตสฺส มหาหํสชาตกาทีหิ วิภาเวตพฺโพ. จรตีติ อาจรติ กโรติ. ธมฺเมเนวาติ ธมฺมโต อนเปเตเนว, อนเปตกุสลธมฺเมเนวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น ปิตุฆาตนาทินา อธมฺเมนา’’ติ. ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตู’’ติ เอตสฺส อธิวาสนํ สมฺปฏิจฺฉตูติ สทฺทโต อตฺโถ, อธิปฺปายโต ปน ¶ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ขมตู’’ติ วุตฺตํ. ปุน อกรณเมตฺถ สํวโรติ ทสฺเสติ ‘‘ปุน เอวรูปสฺสา’’ติอาทินา. ‘‘อปราธสฺสา’’ติอาทิ อฺมฺํ เววจนํ.
๒๕๑. ‘‘ยถาธมฺโม ิโต, ตเถวา’’ติ อิมินาปิ ยถา-สทฺทสฺส อนุรูปตฺถมาห, สาธุสมาจิณฺณกุสลธมฺมานุรูปนฺติ อตฺโถ. ปฏิสทฺทสฺส อนตฺถกตํ ทสฺเสติ ‘‘กโรสี’’ติ อิมินา. ปฏิกมฺมํ กโรสีติปิ วทนฺติ. ยถาธมฺมํ ปฏิกรณํ นาม กตาปราธสฺส ขมาปนเมวาติ อาห ‘‘ขมาเปสีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ‘‘ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ เอตสฺส อธิวาสนํ สมฺปฏิจฺฉามาติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ขมามา’’ติ อิมินา. วุทฺธิ เหสาติ เอตฺถ ห-กาโร ปทสิลิฏฺตาย อาคโม, หิ-สทฺโท วา นิปาตมตฺตํ. เอสาติ ยถาธมฺมํ ปฏิกิริยา, อายตึ สํวราปชฺชนา จ. เตนาห ‘‘โย อจฺจยํ…เป… อาปชฺชตี’’ติ. สเทวเกน โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต ตถาคโต อริโย นามาติ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต’’ติ. วิเนติ สตฺเต เอเตนาติ วินโย, สาสนํ. วทฺธติ สคฺคโมกฺขสมฺปตฺติ เอตายาติ วุทฺธิ. กตมา ปน สา, ยา ‘‘เอสา’’ติ นิทฺทิฏฺา วุทฺธีติ โจทนมปเนตุํ ‘‘โย อจฺจย’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺธํ ทสฺเสติ ‘‘กตมา’’ติอาทินา, ยา อยํ สํวราปชฺชนา, สา ‘‘เอสา’’ติ นิทฺทิฏฺา วุทฺธิ นามาติ อตฺโถ. ‘‘ยถาธมฺมํ ปฏิกโรตี’’ติ อิทํ อายตึ สํวราปชฺชนาย ปุพฺพกิริยาทสฺสนนฺติ วิฺาปนตฺถํ ‘‘ยถาธมฺมํ ปฏิกริตฺวา อายตึ สํวราปชฺชนา’’ติ วุตฺตํ. เอสา หิ อาจริยานํ ปกติ, ยทิทํ เยน เกนจิ ปกาเรน อธิปฺปายนฺตรวิฺาปนํ, เอตปเทน ปน ตสฺสาปิ ปฏินิทฺเทโส สมฺภวติ ‘‘ยถาธมฺมํ ปฏิกโรตี’’ ติปิ ปฏินิทฺทิสิตพฺพสฺส ทสฺสนโต. เกจิ ปน ‘‘ยถาธมฺมํ ปฏิกโรตี’ติ อิทํ ปุพฺพกิริยามตฺตสฺเสว ทสฺสนํ, น ปฏินิทฺทิสิตพฺพสฺส. ‘อายติฺจ สํวรํ อาปชฺชตี’ติ อิทํ ปน ปฏินิทฺทิสิตพฺพสฺเสวาติ วิฺาปนตฺถํ เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ขมาปนสฺสาปิ วุทฺธิเหตุภาเวน อริยูปวาเท วุตฺตตฺตา. อิตรถา หิ ขมาปนาภาเวปิ อายตึ สํวราปชฺชนาย เอว อริยูปวาทาปคมนํ วุตฺตํ สิยา, น จ ปน วุตฺตํ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพติ.
กสฺมา ปน ¶ ‘‘ยาย’’นฺติอาทินา ธมฺมนิทฺเทโส ทสฺสิโต, นนุ ปาฬิยํ ‘‘โย อจฺจย’’นฺติอาทินา ปุคฺคลนิทฺเทโส กโตติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘เทสนํ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโตติ ปุคฺคลาธิฏฺานธมฺมเทสนํ ¶ กโรนฺโต. ปุคฺคลาธิฏฺานาปิ หิ ปุคฺคลาธิฏฺานธมฺมเทสนา, ปุคฺคลาธิฏฺานปุคฺคลเทสนาติ ทุวิธา โหติ. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – กิฺจาปิ ‘‘วุทฺธิ เหสา’’ติอาทินา ธมฺมาธิฏฺานเทสนา อารทฺธา, ตถาปิ ปุน ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺเตน ‘‘โย อจฺจย’’นฺติอาทินา ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนา อารทฺธา เทสนาวิลาสวเสน, เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน จาติ. ตทุภยวเสเนว หิ ธมฺมาธิฏฺานาทิเภเทน จตุพฺพิธา เทสนา.
๒๕๒. วจสายตฺเตติ วจสา อายตฺเต. วาจาปฏิพนฺธตฺเตติ วทนฺติ, ตํ ‘‘โส หี’’ติอาทินา วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ. วจสายตฺเถติ ปน วาจาปริโยสานตฺเถติ อตฺโถ ยุตฺโต โอสานกรณตฺถสฺส สาสทฺทสฺส วเสน สายสทฺทนิปฺผตฺติโต ยถา ‘‘ทาโย’’ติ. เอวฺหิ สมตฺถนวจนมฺปิ อุปปนฺนํ โหติ. คมนาย กตํ วาจาปริโยสานํ กตฺวา วุตฺตตฺตา ตสฺมึเยว อตฺเถ วตฺตตีติ. หนฺทสทฺทฺหิ โจทนตฺเถ, วจสคฺคตฺเถ จ อิจฺฉนฺติ. ‘‘หนฺท ทานิ ภิกฺขเว อามนฺตยามี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๑๘; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) หิ โจทนตฺเถ, ‘‘หนฺท ทานิ อปายามี’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๘๔๓) วจสคฺคตฺเถ, วจสคฺโค จ นาม วาจาวิสฺสชฺชนํ, ตฺจ วาจาปริโยสานเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ทุกฺกรกิจฺจวเสน พหุกิจฺจตาติ อาห ‘‘พลวกิจฺจา’’ติ. ‘‘อวสฺสํ กตฺตพฺพํ กิจฺจํ, อิตรํ กรณียํ. ปมํ วา กตฺตพฺพํ กิจฺจํ, ปจฺฉา กตฺตพฺพํ กรณียํ. ขุทฺทกํ วา กิจฺจํ, มหนฺตํ กรณีย’’นฺติปิ อุทานฏฺกถาทีสุ (อุทา. อฏฺ. ๑๕) วุตฺตํ. ยํ-ตํ-สทฺทานํ นิจฺจสมฺพนฺธตฺตา, คมนกาลชานนโต, อฺกิริยาย จ อนุปยุตฺตตฺตา ‘‘ตสฺส กาลํ ตฺวเมว ชานาสี’’ติ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘ตยา าตํ คมนกาลํ ตฺวเมว ตฺวา คจฺฉาหี’’ติ. อถ วา ยถา กตฺตพฺพกิจฺจนิโยชเน ‘‘อิมํ ชาน, อิมํ เทหิ, อิมํ อาหรา’’ติ (ปาจิ. ๘๘, ๙๓) วุตฺตํ, ตถา อิธาปิ ตยา าตํ กาลํ ตฺวเมว ชานาสิ, คมนวเสน กโรหีติ คมเน นิโยเชตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺวเมว ชานาสี’’ติ ปาเสโส วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา’’ติอาทิ ยถาสมาจิณฺณํ ปกรณาธิคตมตฺตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ ปทกฺขิณนฺติ ปการโต กตํ ทกฺขิณํ. เตนาห ‘‘ติกฺขตฺตุ’’นฺติ. ทสนขสโมธานสมุชฺชลนฺติ ทฺวีสุ หตฺเถสุ ชาตานํ ทสนฺนํ นขานํ สโมธาเนน เอกีภาเวน สมุชฺชลนฺตํ, เตน ทฺวินฺนํ กรตลานํ สมฏฺปนํ ¶ ทสฺเสติ. อฺชลินฺติ หตฺถปุฏํ. อฺชติ พฺยตฺตึ ปกาเสติ เอตายาติ อฺชลิ. อฺชุ-สทฺทฺหิ พฺยตฺติยํ, อลิปจฺจยฺจ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อภิมุโขวาติ สมฺมุโข เอว, น ภควโต ปิฏฺึ ทสฺเสตฺวาติ อตฺโถ. ปฺจปฺปติฏฺิตวนฺทนานโย วุตฺโต เอว.
๒๕๓. อิมสฺมึเยว ¶ อตฺตภาเว วิปจฺจนกานํ อตฺตโน ปุพฺเพ กตกุสลมูลานํ ขณเนน ขโต, เตสเมว อุปหนเนน อุปหโต, ปททฺวเยนปิ ตสฺส กมฺมาปราธเมว ทสฺเสติ ปริยายวจนตฺตา ปททฺวยสฺส. กุสลมูลสงฺขาตปติฏฺาเภทเนน ขตูปหตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภินฺนปติฏฺโ ชาโต’’ติ วุตฺตํ. ปติฏฺา, มูลนฺติ จ อตฺถโต เอกํ. ปติฏฺหติ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนํ เอตายาติ หิ ปติฏฺา, ตสฺส กุสลูปนิสฺสยสมฺปทา, สา กิริยาปราเธน ภินฺนา วินาสิตา เอเตนาติ ภินฺนปติฏฺโ. ตเทว วิตฺถาเรนฺโต ‘‘ตถา’’ติอาทิมาห. ยถา กุสลมูลสงฺขาตา อตฺตโน ปติฏฺานชาตา, ตถา อเนน รฺา อตฺตนาว อตฺตา ขโต ขนิโตติ โยชนา. ขโตติ หิ อิทํ อิธ กมฺมวเสน สิทฺธํ, ปาฬิยํ ปน กตฺตุวเสนาติ ทฏฺพฺพํ. ปททฺวยสฺส ปริยายตฺตา ‘‘อุปหโต’’ติ อิธ น วุตฺตํ.
‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจตี’’ติอาทิ (มหานิ. ๒๐๙; จูฬนิ. ๗๔) วจนโต ราคโทสโมหาว อิธ รโช นามาติ วุตฺตํ ‘‘ราครชาทิวิรหิต’’นฺติ. วีตสทฺทสฺส วิคตปริยายตํ ทสฺเสติ ‘‘วิคตตฺตา’’ติ อิมินา. ธมฺเมสุ จกฺขุนฺติ จตุสจฺจธมฺเมสุ ปวตฺตํ เตสํ ทสฺสนฏฺเน จกฺขุํ. ธมฺเมสูติ วา เหฏฺิเมสุ ตีสุ มคฺคธมฺเมสุ. จกฺขุนฺติ โสตาปตฺติมคฺคสงฺขาตํ เอกํ จกฺขุํ, สมุทาเยกเทสวเสน อาธารตฺถสมาโสยํ, น ตุ นิทฺธารณตฺถสมาโส. โส หิ สาสนคนฺเถสุ, สกฺกตคนฺเถสุ จ สพฺพตฺถ ปฏิสิทฺโธติ. ธมฺมมยนฺติ สมถวิปสฺสนาธมฺเมน นิพฺพตฺตํ, อิมินา ‘‘ธมฺเมน นิพฺพตฺตํ จกฺขุ ธมฺมจกฺขู’’ติ อตฺถมาห. อปิจ ธมฺมมยนฺติ สีลาทิติวิธธมฺมกฺขนฺโธเยว มย-สทฺทสฺส สกตฺเถ ปวตฺตนโต, อเนน ‘‘ธมฺโมเยว จกฺขุ ธมฺมจกฺขู’’ติ อตฺถมาห. อฺเสุ าเนสูติ อฺเสุ สุตฺตปเทเสสุ, เอเตน ยถาปาํ ติวิธตฺถตํ ทสฺเสติ. อิธ ปน โสตาปตฺติมคฺคสฺเสเวตํ อธิวจนํ, ตสฺมิมฺปิ อนธิคเต อฺเสํ วตฺตพฺพตาเยว อภาวโตติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ¶ ‘‘ขตายํ ภิกฺขเว ราชา’’ติอาทิปาสฺส สุวิฺเยฺยมธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นาภวิสฺสาติ สเจ น อภวิสฺสถ, เอวํ สตีติ อตฺโถ. อตีเต หิ อิทํ กาลาติปตฺติวจนํ, น อนาคเตติ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย โสตาปตฺติมคฺคํ ปตฺโต อภวิสฺสาติ เอตฺถาปิ. นนุ จ มคฺคปาปุณนวจนํ ภวิสฺสมานตฺตา อนาคตกาลิกนฺติ? สจฺจํ อนิยมิเต, อิธ ปน ‘‘อิเธวาสเน นิสินฺโน’’ติ นิยมิตตฺตา อตีตกาลิกเมวาติ เวทิตพฺพํ. อิทฺหิ ภควา รฺโ อาสนา วุฏฺาย อจิรปกฺกนฺตสฺเสว อโวจาติ. ปาปมิตฺตสํสคฺเคนาติ เทวทตฺเตน, เทวทตฺตปริสาสงฺขาเตน จ ปาปมิตฺเตน สํสคฺคโต. อสฺสาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส. ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทินา ปาานารุฬฺหํ วจนาวเสสํ ทสฺเสติ. ตสฺมาติ สรณํ ¶ คตตฺตา มุจฺจิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘มม จ สาสนมหนฺตตายา’’ติ ปาโ ยุตฺโต, กตฺถจิ ปน จ-สทฺโท น ทิสฺสติ, ตตฺถ โส ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ทฏฺพฺพํ. น เกวลํ สรณํ คตตฺตาเยว มุจฺจิสฺสติ, อถ โข ยตฺถ เอส ปสนฺโน, ปสนฺนาการฺจ กโรติ, ตสฺส จ ติวิธสฺสปิ สาสนสฺส อุตฺตมตายาติ หิ สห สมุจฺจเยน อตฺโถ อธิปฺเปโตติ.
‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ ทุกฺกรกมฺมวิปากโต สุกเรน มุจฺจเนน อุปมาทสฺสนํ. โกจีติ โกจิ ปุริโส. กสฺสจีติ กสฺสจิ ปุริสสฺส, ‘‘วธ’’นฺติ เอตฺถ ภาวโยเค กมฺมตฺเถ สามิวจนํ. ปุปฺผมุฏฺิมตฺเตน ทณฺเฑนาติ ปุปฺผมุฏฺิมตฺตสงฺขาเตน ธนทณฺเฑน. มุจฺเจยฺยาติ วธกมฺมทณฺฑโต มุจฺเจยฺย, ทณฺเฑนาติ วา นิสฺสกฺกตฺเถ กรณวจนํ ‘‘สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณนา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๓๒; จูฬว. ๔๓๗) วิย, ปุปฺผมุฏฺิมตฺเตน ธนทณฺฑโต, วธทณฺฑโต จ มุจฺเจยฺยาติ อตฺโถ. โลหกุมฺภิยนฺติ โลหกุมฺภินรเก. ตตฺถ หิ ตทนุภวนกานํ สตฺตานํ กมฺมพเลน โลหมยา มหตี กุมฺภี นิพฺพตฺตา, ตสฺมา ตํ ‘‘โลหกุมฺภี’’ติ วุจฺจติ. อุปริมตลโต อโธ ปตนฺโต, เหฏฺิมตลโต อุทฺธํ คจฺฉนฺโต, อุภยถา ปน สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ โหนฺติ. วุตฺตฺจ –
‘‘สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;
นิรเย ปจฺจมานานํ, กทา อนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ. (เป. ว. ๘๐๒; ชา. ๑.๔.๕๔);
‘‘เหฏฺิมตลํ ¶ ปตฺวา, อุปริมตลํ ปาปุณิตฺวา มุจฺจิสฺสตี’’ติ วทนฺโต อิมมตฺถํ ทีเปติ – ยถา อฺเ เสฏฺิปุตฺตาทโย อปราปรํ อโธ ปตนฺตา, อุทฺธํ คจฺฉนฺตา จ อเนกานิ วสฺสสตสหสฺสานิ ตตฺถ ปจฺจนฺติ, น ตถา อยํ, อยํ ปน ราชา ยถาวุตฺตการเณน เอกวารเมว อโธ ปตนฺโต, อุทฺธฺจ คจฺฉนฺโต สฏฺิวสฺสสหสฺสานิเยว ปจฺจิตฺวา มุจฺจิสฺสตีติ. อยํ ปน อตฺโถ กุโต ลทฺโธติ อนุโยคํ ปริหรนฺโต ‘‘อิทมฺปิ กิร ภควตา วุตฺตเมวา’’ติ อาห. กิรสทฺโท เจตฺถ อนุสฺสวนตฺโถ, เตน ภควตา วุตฺตภาวสฺส อาจริยปรมฺปรโต สุยฺยมานตํ, อิมสฺส จ อตฺถสฺส อาจริยปรมฺปราภตภาวํ ทีเปติ. อถ ปาฬิยํ สงฺคีตํ สิยาติ โจทนมปเนติ ‘‘ปาฬิยํ ปน น อารุฬฺห’’นฺติ อิมินา, ปกิณฺณกเทสนาภาเวน ปาฬิยมนารุฬฺหตฺตา ปาภาเวน น สงฺคีตนฺติ อธิปฺปาโย. ปกิณฺณกเทสนา หิ ปาฬิยมนารุฬฺหาติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ.
ยทิ ¶ อนนฺตเร อตฺตภาเว นรเก ปจฺจติ, เอวํ สติ อิมํ เทสนํ สุตฺวา โก รฺโ อานิสํโส ลทฺโธติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ โจทนํ อุทฺธริตฺวา ปริหริตุํ ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อยฺหี’’ติอาทินา นิทฺทาลาภาทิกํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อเนกวิธํ มหานิสํสํ สรูปโต นิยเมตฺวา ทสฺเสติ. เอตฺถ หิ ‘‘อยํ…เป… นิทฺทํ ลภตี’’ติ อิมินา นิทฺทาลาภํ ทสฺเสติ, ตทา กายิกเจตสิกทุ