📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ทีฆนิกาเย
สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา
(ทุติโย ภาโค)
๒. สามฺผลสุตฺตวณฺณนา
ราชามจฺจกถาวณฺณนา
๑๕๐. อิทานิ ¶ ¶ สามฺผลสุตฺตสฺส สํวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ…เป… สุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนุปุพฺพปทวณฺณนาติ อนุกฺกเมน ปทวณฺณนา, ปทํ ปทํ ปติ อนุกฺกเมน วณฺณนาติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺเพ วุตฺตฺหิ, อุตฺตานํ วา ปทมฺตฺร วณฺณนาปิ ‘‘อนุปุพฺพปทวณฺณนา’’ ตฺเวว วุจฺจติ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘อปุพฺพปทวณฺณนา’’ติปิ ปนฺติ, ปุพฺเพ อวณฺณิตปทวณฺณนาติ อตฺโถ. ทุคฺคชนปทฏฺานวิเสสสมฺปทาทิโยคโต ปธานภาเวน ราชูหิ คหิตฏฺเน เอวํนามกํ, น ปน นามมตฺเตนาติ อาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. นนุ ¶ มหาวคฺเค มหาโควินฺทสุตฺเต อาคโต เอส ปุโรหิโต เอว, น ราชา, กสฺมา โส ราชสทฺทวจนียภาเวน คหิโตติ? มหาโควินฺเทน ปุโรหิเตน ปริคฺคหิตมฺปิ เจตํ เรณุนา นาม มคธราเชน ปริคฺคหิตเมวาติ อตฺถสมฺภวโต เอวํ วุตฺตํ, น ปน โส ราชสทฺทวจนียภาเวน คหิโต ตสฺส ราชาภาวโต. มหาโควินฺทปริคฺคหิตภาวกิตฺตนฺหิ ตทา เรณุรฺา ปริคฺคหิตภาวูปลกฺขณํ. โส หิ ตสฺส สพฺพกิจฺจการโก ปุโรหิโต, อิทมฺปิ จ โลเก สมุทาจิณฺณํ ¶ ‘‘ราชกมฺมปสุเตน กตมฺปิ รฺา กต’’นฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มนฺธาตุรฺา เจว มหาโควินฺทํ โพธิสตฺตํ ปุโรหิตมาณาเปตฺวา เรณุรฺา จ อฺเหิ จ ราชูหิ ปริคฺคหิตตฺตา ราชคหนฺติ. เกจิ ปน ‘‘มหาโควินฺโท’’ติ มหานุภาโว เอโก ปุราตโน ราชาติ วทนฺติ. ปริคฺคหิตตฺตาติ ราชธานีภาเวน ปริคฺคหิตตฺตา. คยฺหตีติ หิ คหํ, ราชูนํ, ราชูหิ วา คหนฺติ ราชคหํ. นครสทฺทาเปกฺขาย นปุํสกนิทฺเทโส.
อฺเเปตฺถ ปกาเรติ นครมาปเนน รฺา การิตสพฺพเคหตฺตา ราชคหํ, คิชฺฌกูฏาทีหิ ปฺจหิ ปพฺพเตหิ ปริกฺขิตฺตตฺตา ปพฺพตราเชหิ ปริกฺขิตฺตเคหสทิสนฺติปิ ราชคหํ, สมฺปนฺนภวนตาย ราชมานํ เคหนฺติปิ ราชคหํ, สุสํวิหิตารกฺขตาย อนตฺถาวหิตุกาเมน อุปคตานํ ปฏิราชูนํ คหํ คหณภูตนฺติปิ ราชคหํ, ราชูหิ ทิสฺวา สมฺมา ปติฏฺาปิตตฺตา เตสํ คหํ เคหภูตนฺติปิ ราชคหํ, อารามรามเณยฺยตาทีหิ ราชติ, นิวาสสุขตาทินา จ สตฺเตหิ มมตฺตวเสน คยฺหติ ปริคฺคยฺหตีติปิ ราชคหนฺติ เอทิเส ปกาเร. นามมตฺตเมว ปุพฺเพ วุตฺตนเยนาติ อตฺโถ. โส ปน ปเทโส วิเสสฏฺานภาเวน อุฬารสตฺตปริโภโคติ อาห ‘‘ตํ ปเนต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ‘‘พุทฺธกาเล, จกฺกวตฺติกาเล จา’’ติ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ อฺทาปิ กทาจิ สมฺภวโต, ‘‘นครํ โหตี’’ติ จ อิทํ อุปลกฺขณเมว มนุสฺสาวาสสฺเสว อสมฺภวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เสสกาเล สฺุํ โหตี’’ติอาทิ. เตสนฺติ ยกฺขานํ. วสนวนนฺติ อาปานภูมิภูตํ อุปวนํ.
อวิเสเสนาติ วิหารภาวสามฺเน, สทฺทนฺตรสนฺนิธานสิทฺธํ วิเสสปรามสนมนฺตเรนาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ, (อ. นิ. ๕.๑๐๑; ปาจิ. ๑๔๗; ปริ. ๔๔๑) ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, (ธ. ส. ๑๖๐) เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, (ที. นิ. ๓.๗๑, ๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๔๕๙, ๕๐๙; ๒.๓๐๙, ๓๑๕; ๓.๒๓๐; วิภ. ๖๔๒) สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๕๙) สทฺทนฺตรสนฺนิธานสิทฺเธน วิเสสปรามสเนน ยถากฺกมํ อิริยาปถวิหาราทิวิเสสวิหารสมงฺคีปริทีปนํ ¶ ¶ , น เอวมิทํ, อิทํ ปน ตถา วิเสสปรามสนมนฺตเรน อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปนนฺติ.
สติปิ จ วุตฺตนเยน อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปเน อิธ อิริยาปถสงฺขาตวิเสสวิหารสมงฺคีปริทีปนเมว สมฺภวตีติ ทสฺเสติ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทินา. กสฺมา ปน สทฺทนฺตรสนฺนิธานสิทฺธสฺส วิเสสปรามสนสฺสาภาเวปิ อิธ วิเสสวิหารสมงฺคีปริทีปนํ สมฺภวตีติ? วิเสสวิหารสมงฺคีปริทีปนสฺส สทฺทนฺตรสงฺขาตวิเสสวจนสฺส อภาวโต เอว. วิเสสวจเน หิ อสติ วิเสสมิจฺฉตา วิเสโส ปโยชิตพฺโพติ. อปิจ อิริยาปถสมาโยคปริทีปนสฺส อตฺถโต สิทฺธตฺตา ตถาทีปนเมว สมฺภวตีติ. กสฺมา จายมตฺโถ สิทฺโธติ? ทิพฺพวิหาราทีนมฺปิ สาธารณโต. กทาจิปิ หิ อิริยาปถวิหาเรน วินา น ภวติ ตมนฺตเรน อตฺตภาวปริหรณาภาวโตติ.
อิริยนํ ปวตฺตนํ อิริยา, กายิกกิริยา, ตสฺสา ปวตฺตนุปายภาวโต ปโถติ อิริยาปโถ, านนิสชฺชาทโย. น หิ านนิสชฺชาทิอวตฺถาหิ วินา กฺจิ กายิกํ กิริยํ ปวตฺเตตุํ สกฺกา, ตสฺมา โส ตาย ปวตฺตนุปาโยติ วุจฺจติ. วิหรติ ปวตฺตติ เอเตน, วิหรณมตฺตํ วา ตนฺติ วิหาโร, โส เอว วิหาโร ตถา, อตฺถโต ปเนส านนิสชฺชาทิอาการปฺปวตฺโต จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺโธว. ทิวิ ภโว ทิพฺโพ, ตตฺถ พหุลํ ปวตฺติยา พฺรหฺมปาริสชฺชาทิเทวโลเก ภโวติ อตฺโถ, โย วา ตตฺถ ทิพฺพานุภาโว, ตทตฺถาย สํวตฺตตีติ ทิพฺโพ, อภิฺาภินีหาราทิวเสน วา มหาคติกตฺตา ทิพฺโพ, โสว วิหาโร, ทิพฺพภาวาวโห วา วิหาโร ทิพฺพวิหาโร, มหคฺคตชฺฌานานิ. เนตฺติยํ [เนตฺติ. ๘๖ (อตฺถโต สมานํ)] ปน จตสฺโส อารุปฺปสมาปตฺติโย อาเนฺชวิหาราติ วิสุํ วุตฺตํ, ตํ ปน เมตฺตาชฺฌานาทีนํ พฺรหฺมวิหารตา วิย ตาสํ ภาวนาวิเสสภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฏฺกถาสุ ปน ทิพฺพภาวาวหสามฺโต ตาปิ ‘‘ทิพฺพวิหารา’’ ตฺเวว วุตฺตา. พฺรหฺมานํ, พฺรหฺมภูตา วา หิตูปสํหาราทิวเสน ปวตฺติยา เสฏฺภูตา วิหาราติ พฺรหฺมวิหารา, เมตฺตาชฺฌานาทิวเสน ปวตฺตา จตสฺโส อปฺปมฺาโย. อริยา อุตฺตมา, อนฺสาธารณตฺตา วา อริยานํ วิหาราติ อริยวิหารา, จตสฺโสปิ ผลสมาปตฺติโย. อิธ ปน รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ, ตพฺพเสน ปวตฺตา อปฺปมฺาโย ¶ , จตุตฺถชฺฌานิกอคฺคผลสมาปตฺติ จ ภควโต ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหารา.
อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปนนฺติ ตาสเมกโต อปฺปวตฺตตฺตา เอเกน วา ทฺวีหิ วา สมงฺคีภาวปริทีปนํ, ภาวโลเปนายํ ภาวปฺปธาเนน วา นิทฺเทโส. ภควา หิ โลภโทสโมหุสฺสนฺเน โลเก ¶ สกปฏิปตฺติยา เวเนยฺยานํ วินยนตฺถํ ตํ ตํ วิหาเร อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ตถา หิ ยทา สตฺตา กาเมสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา กิร ภควา ทิพฺเพน วิหาเรน วิหรติ เตสํ อโลภกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจิมุปฺปาเทตฺวา กาเมสุ วิรชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน อิสฺสริยตฺถํ สตฺเตสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา พฺรหฺมวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโทสกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจิมุปฺปาเทตฺวา อโทเสน โทสํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน ปพฺพชิตา ธมฺมาธิกรณํ วิวทนฺติ, ตทา อริยวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโมหกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจิมุปฺปาเทตฺวา อโมเหน โมหํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. เอวฺจ กตฺวา อิเมหิ ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ สตฺตานํ วิวิธํ หิตสุขํ หรติ, อิริยาปถวิหาเรน จ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรตีติ วุตฺตํ ‘‘อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปน’’นฺติ.
‘‘เตนา’’ติอาทิ ยถาวุตฺตสํวณฺณนาย คุณทสฺสนํ, ตสฺมาติ อตฺโถ, ยถาวุตฺตตฺถสมตฺถนํ วา. เตน อิริยาปถวิหาเรน วิหรตีติ สมฺพนฺโธ. ตถา วทมาโน ปน วิหรตีติ เอตฺถ วิ-สทฺโท วิจฺเฉทนตฺถโชตโก, ‘‘หรตี’’ติ เอตสฺส จ เนติ ปวตฺเตตีติ อตฺโถติ าเปติ ‘‘ิโตปี’’ติอาทินา วิจฺเฉทนยนากาเรน วุตฺตตฺตา. เอวฺหิ สติ ตตฺถ กสฺส เกน วิจฺฉินฺทนํ, กถํ กสฺส นยนนฺติ อนฺโตลีนโจทนํ สนฺธายาห. ‘‘โส หี’’ติอาทีติ อยมฺปิ สมฺพนฺโธ อุปปนฺโน โหติ. ยทิปิ ภควา เอเกเนว อิริยาปเถน จิรตรํ กาลํ ปวตฺเตตุํ สกฺโกติ, ตถาปิ อุปาทินฺนกสฺส นาม สรีรสฺส อยํ สภาโวติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกํ อิริยาปถพาธน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อปริปตนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, อปตมานํ กตฺวาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ภควา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโต เวเนยฺยานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต, นานาสมาปตฺตีหิ จ กาลํ ¶ วีตินาเมนฺโต วสติ, สตฺตานํ, อตฺตโน จ วิวิธํ สุขํ หรติ, ตสฺมา วิวิธํ หรตีติ วิหรตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ ‘‘ราชคเห’’ติ วตฺวา พุทฺธานมนุรูปนิวาสฏฺานทสฺสนตฺถํ ปุน ‘‘อมฺพวเน’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทมสฺสา’’ติอาทิมาห. อสฺสาติ ภควโต. ตสฺสาติ ราชคหสงฺขาตสฺส โคจรคามสฺส. ยสฺส สมีปวเสน ‘‘ราชคเห’’ติ ภุมฺมวจนํ ปวตฺตติ, โสปิ ตสฺส สมีปวเสน วตฺตพฺโพติ ทสฺเสติ ‘‘ราชคหสมีเป อมฺพวเน’’ติ อิมินา. สมีปตฺเถติ อมฺพวนสฺส สมีปตฺเถ. เอตนฺติ ‘‘ราชคเห’’ติ วจนํ. ภุมฺมวจนนฺติ อาธารวจนํ. ภวนฺติ เอตฺถาติ หิ ภุมฺมํ, อาธาโร, ตเทว วจนํ ตถา, ภุมฺเม ปวตฺตํ วา วจนํ วิภตฺติ ภุมฺมวจนํ ¶ , เตน ยุตฺตํ ตถา, สตฺตมีวิภตฺติยุตฺตปทนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กามํ ภควา อมฺพวเนเยว วิหรติ. ตสฺสมีปตฺตา ปน โคจรคามทสฺสนตฺถํ ภุมฺมวจนวเสน ‘‘ราชคเห’’ติปิ วุตฺตํ ยถา ตํ ‘‘คงฺคายํ คาโว จรนฺติ, กูเป คคฺคกุล’’นฺติ จาติ. อเนเนว ยทิ ภควา ราชคเห วิหรติ, อถ น วตฺตพฺพํ ‘‘อมฺพวเน’’ติ. ยทิ จ อมฺพวเน, เอวมฺปิ น วตฺตพฺพํ ‘‘ราชคเห’’ติ. น หิ ‘‘ปาฏลิปุตฺเต ปาสาเท วสตี’’ติอาทีสุ วิย อิธ อธิกรณาธิกรณสฺส อภาวโต อธิกรณสฺส ทฺวยนิทฺเทโส ยุตฺโต สิยาติ โจทนา อนวกาสา กตาติ ทฏฺพฺพํ. กุมารภโต เอว โกมารภจฺโจ สกตฺถวุตฺติปจฺจเยน, นิรุตฺตินเยน วา ยถา ‘‘ภิสคฺคเมว เภสชฺช’’นฺติ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา ขนฺธกปาฬิวเสน ตทตฺถํ สาเธติ. กสฺมา จ อมฺพวนํ ชีวกสมฺพนฺธํ กตฺวา วุตฺตนฺติ อนุโยเคน มูลโต ปฏฺาย ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห.
โทสาภิสนฺนนฺติ วาตปิตฺตาทิวเสน อุสฺสนฺนโทสํ. วิเรเจตฺวาติ โทสปฺปโกปโต วิเวเจตฺวา. สิเวยฺยกํ ทุสฺสยุคนฺติ สิวิรฏฺเ ชาตํ มหคฺฆํ ทุสฺสยุคํ. ทิวสสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุนฺติ เอกสฺเสว ทิวสสฺส ทฺวิวาเร วา ติวาเร วา ภาเค, ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ สามิวจนํ, เอกสฺมึเยว ทิวเส ทฺวิวารํ วา ติวารํ วาติ อตฺโถ. ตมฺพปฏฺฏวณฺเณนาติ ตมฺพโลหปฏฺฏวณฺเณน. สจีวรภตฺเตนาติ จีวเรน, ภตฺเตน จ. ‘‘ตํ สนฺธายา’’ติ อิมินา น ภควา อมฺพวนมตฺเตเยว วิหรติ, อถ โข เอวํ กเต วิหาเร. โส ปน ตทธิกรณตาย วิสุํ อธิกรณภาเวน น วุตฺโตติ สนฺธายภาสิตมตฺถํ ¶ ทสฺเสติ. สามฺเ หิ สติ สนฺธายภาสิตนิทฺธารณํ.
อฑฺเฒน เตฬส อฑฺฒเตฬส. ตาทิเสหิ ภิกฺขุสเตหิ. อฑฺโฒ ปเนตฺถ สตสฺเสว. เยน หิ ปยุตฺโต ตพฺภาควาจโก อฑฺฒสทฺโท, โส จ โข ปณฺณาสาว, ตสฺมา ปฺาสาย อูนานิ เตฬส ภิกฺขุสตานีติ อตฺถํ วิฺาเปตุํ ‘‘อฑฺฒสเตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฑฺฒเมว สตํ สตสฺส วา อฑฺฒํ ตถา.
ราชตีติ อตฺตโน อิสฺสริยสมฺปตฺติยา ทิพฺพติ โสภติ จ. รฺเชตีติ ทานาทินา, สสฺสเมธาทินา จ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รเมติ, อตฺตนิ วา ราคํ กโรตีติ อตฺโถ. จ-สทฺโท เจตฺถ วิกปฺปนตฺโถ. ชนปทวาจิโน ปุถุวจนปรตฺตา ‘‘มคธาน’’นฺติ วุตฺตํ, ชนปฺปทาปเทเสน วา ตพฺพาสิกานํ คหิตตฺตา. รฺโติ ปิตุ พิมฺพิสารรฺโ. สสติ หึสตีติ สตฺตุ, เวรี, อชาโตเยว สตฺตุ อชาตสตฺตุ. ‘‘เนมิตฺตเกหิ นิทฺทิฏฺโ’’ติ วจเนน จ อชาตสฺส ตสฺส สตฺตุภาโว น ตาว โหติ, สตฺตุภาวสฺส ปน ตถา นิทฺทิฏฺตฺตา เอวํ โวหรียตีติ ทสฺเสติ. อชาตสฺเสว ¶ ปน ตสฺส ‘‘รฺโ โลหิตํ ปิเวยฺย’’นฺติ เทวิยา โทหฬสฺส ปวตฺตตฺตา อชาโตเยเวส รฺโ สตฺตูติปิ วทนฺติ.
‘‘ตสฺมิ’’นฺติอาทินา ตทตฺถํ วิวรติ, สมตฺเถติ จ. โทหโฬติ อภิลาโส. ภาริเยติ ครุเก, อฺเสํ อสกฺกุเณยฺเย วา. อสกฺโกนฺตีติ อสกฺกุณมานา. อกเถนฺตีติ อกถยมานา สมานา. นิพนฺธิตฺวาติ วจสา พนฺธิตฺวา. สุวณฺณสตฺถเกนาติ สุวณฺณมเยน สตฺถเกน, ฆนสุวณฺณกเตนาติ อตฺโถ. อโยมยฺหิ รฺโ สรีรํ อุปเนตุํ อยุตฺตนฺติ วทนฺติ. สุวณฺณปริกฺขเตน วา อโยมยสตฺเถนาติ อตฺเถปิ อยเมวาธิปฺปาโย. พาหุํ ผาลาเปตฺวาติ โลหิตสิราเวธวเสน พาหุํ ผาลาเปตฺวา. เกวลสฺส โลหิตสฺส คพฺภินิยา ทุชฺชีรภาวโต อุทเกน สมฺภินฺทิตฺวา ปาเยสิ. หฺิสฺสตีติ หฺิสฺสเต, อายตึ หนียเตติ อตฺโถ. เนมิตฺตกานํ วจนํ ตถํ วา สิยา, วิตถํ วาติ อธิปฺปาเยน ‘‘ปุตฺโตติ วา ธีตาติ วา น ปฺายตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อตฺตโน’’ติอาทินา อฺมฺปิ การณํ ทสฺเสตฺวา นิวาเรสิ. รฺโ ภาโว รชฺชํ, รชฺชสฺส สมีเป ปวตฺตตีติ โอปรชฺชํ, านนฺตรํ.
มหาติ ¶ มหตี. สมาเส วิย หิ วากฺเยปิ มหนฺตสทฺทสฺส มหาเทโส. ธุราติ คณสฺส ธุรภูตา, โธรยฺหา เชฏฺกาติ อตฺโถ. ธุรํ นีหรามีติ คณธุรมาวหามิ, คณพนฺธิยํ นิพฺพตฺเตสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘โส น สกฺกา’’ติอาทินา ปุน จินฺตนาการํ ทสฺเสติ. อิทฺธิปาฏิหาริเยนาติ อหิเมขลิกกุมารวณฺณวิกุพฺพนิทฺธินา. เตนาติ อปฺปายุกภาเวน. หีติ นิปาตมตฺตํ. เตน หีติ วา อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโต. เตน วุตฺตํ ‘‘กุมารํ…เป… อุยฺโยเชสี’’ติ. พุทฺโธ ภวิสฺสามีติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท อิทมตฺโถ, อิมินา ขนฺธเก อาคตนเยนาติ อตฺโถ. ปุพฺเพ โขติอาทีหิปิ ขนฺธกปาฬิเยว (จูฬว. ๓๓๙).
โปตฺถนิยนฺติ ฉุริกํ. ยํ ‘‘นขร’’นฺติปิ วุจฺจติ, ทิวา ทิวเสติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๕๐) ทิวสสฺสปิ ทิวา. สามฺยตฺเถ เหตํ ภุมฺมวจนํ ‘‘ทิวา ทิวสสฺสา’’ติ อฺตฺถ ทสฺสนโต. ทิวสฺส ทิวเสติปิ วฏฺฏติ อการนฺตสฺสปิ ทิวสทฺทสฺส วิชฺชมานตฺตา. เนปาติกมฺปิ ทิวาสทฺทมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, มชฺฌนฺหิกเวลายนฺติ อตฺโถ. สา หิ ทิวสสฺส วิเสโส ทิวโสติ. ‘‘ภีโต’’ติอาทิ ปริยาโย, กายถมฺภเนน วา ภีโต. หทยมํสจลเนน อุพฺพิคฺโค. ‘‘ชาเนยฺยุํ วา, มา วา’’ติ ปริสงฺกาย อุสฺสงฺกี. าเต สติ อตฺตโน อาคจฺฉมานภยวเสน อุตฺรสฺโต. วุตฺตปฺปการนฺติ เทวทตฺเตน วุตฺตาการํ วิปฺปการนฺติ อปการํ อนุปการํ, วิปรีตกิจฺจํ วา. สพฺเพ ภิกฺขูติ เทวทตฺตปริสํ สนฺธายาห.
อจฺฉินฺทิตฺวาติ ¶ อปนยนวเสน วิลุมฺปิตฺวา. รชฺเชนาติ วิชิเตน. เอกสฺส รฺโ อาณาปวตฺติฏฺานํ ‘‘รชฺช’’นฺติ หิ วุตฺตํ, ราชภาเวน วา.
มนโส อตฺโถ อิจฺฉา มโนรโถ ร-การาคมํ, ต-การโลปฺจ กตฺวา, จิตฺตสฺส วา นานารมฺมเณสุ วิพฺภมกรณโต มนโส รโถ อิว มโนรโถ, มโน เอว รโถ วิยาติ วา มโนรโถติปิ เนรุตฺติกา วทนฺติ. สุกิจฺจการิมฺหีติ สุกิจฺจการี อมฺหิ. อวมานนฺติ อวมฺนํ อนาทรํ. มูลฆจฺจนฺติ ชีวิตา โวโรปนํ สนฺธายาห, ภาวนปุํสกเมตํ. ราชกุลานํ กิร สตฺเถน ฆาตนํ ราชูนมนาจิณฺณํ, ตสฺมา โส ‘‘นนุ ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตาปนเคหํ นาม อุณฺหคหาปนเคหํ, ตํ ปน ธูเมเนว อจฺฉินฺนา. เตน วุตฺตํ ‘‘ธูมฆร’’นฺติ. กมฺมกรณตฺถายาติ ตาปน กมฺมกรณตฺถเมว. เกนจิ ฉาทิตตฺตา อุจฺโจ องฺโคติ อุจฺจงฺโค ¶ , ยสฺส กสฺสจิ คหณตฺถํ ปฏิจฺฉนฺโน อุนฺนตงฺโคติ อิธ อธิปฺเปโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อุจฺจงฺคํ กตฺวา ปวิสิตุํ มา เทถา’’ติ. ‘‘อุจฺฉงฺเค กตฺวา’’ติปิ ปาโ, เอวํ สติ มชฺฌิมงฺโคว, อุจฺฉงฺเค กิฺจิ คเหตพฺพํ กตฺวาติ อตฺโถ. โมฬิยนฺติ จูฬายํ ‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๑; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๕๕; อป. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา; พุ. วํ. อฏฺ. ๒๗.อวิทูเรนิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา) วิย. เตนาห ‘‘โมฬึ พนฺธิตฺวา’’ติ. จตุมธุเรนาติ สปฺปิสกฺกรมธุนาฬิเกรสฺเนหสงฺขาเตหิ จตูหิ มธุเรหิ อภิสงฺขตปานวิเสเสนาติ วทนฺติ, ตํ มหาธมฺมสมาทานสุตฺตปาฬิยา (ม. นิ. ๑.๔๗๓) น สเมติ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘ทธิ จ มธุ จ สปฺปิ จ ผาณิตฺจ เอกชฺฌํ สํสฏฺ’’นฺติ, (ม. นิ. ๑.๔๘๕) ตทฏฺกถายฺจ วุตฺตํ ‘‘ทธิ จ มธุ จาติ สุปริสุทฺธํ ทธิ จ สุมธุรํ มธุ จ. เอกชฺฌํ สํสฏฺนฺติ เอกโต กตฺวา มิสฺสิตํ อาลุฬิตํ. ตสฺส ตนฺติ ตสฺส ตํ จตุมธุรเภสชฺชํ ปิวโต’’ติ ‘‘อตฺตุปกฺกเมน มรณํ น ยุตฺต’’นฺติ มนสิ กตฺวา ราชา ตสฺสา สรีรํ เลหิตฺวา ยาเปติ. น หิ อริยา อตฺตานํ วินิปาเตนฺติ.
มคฺคผลสุเขนาติ มคฺคผลสุขวตา, โสตาปตฺติมคฺคผลสุขูปสฺหิเตน จงฺกเมน ยาเปตีติ อตฺโถ. หาเรสฺสามีติ อปเนสฺสามิ. วีตจฺจิเตหีติ วิคตอจฺจิเตหิ ชาลวิคเตหิ สุทฺธงฺคาเรหิ. เกนจิ สฺตฺโตติ เกนจิ สมฺมา าปิโต, โอวทิโตติ วุตฺตํ โหติ. มสฺสุกรณตฺถายาติ มสฺสุวิโสธนตฺถาย. มนํ กโรถาติ ยถา รฺโ มนํ โหติ, ตถา กโรถ. ปุพฺเพติ ปุริมภเว. เจติยงฺคเณติ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชนฏฺานภูเต เจติยสฺส ภูมิตเล. นิสชฺชนตฺถายาติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสีทนตฺถาย. ปฺตฺตกฏสารกนฺติ ปฺเปตพฺพอุตฺตมกิลฺชํ. ตถาวิโธ ¶ กิลฺโช หิ ‘‘กฏสารโก’’ติ วุจฺจติ. ตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส กมฺมทฺวยสฺส. ตํ ปน มโนปโทสวเสเนว เตน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยถาห –
‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา;
มนสา เจ ปทุฏฺเน, ภาสติ วา กโรติ วา;
ตโต นํ ทุกฺขมนฺเวติ, จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ. (ธ. ป. ๑; เนตฺติ. ๙๐);
ปริจารโกติ สหายโก. อเภเทปิ เภทมิว โวหาโร โลเก ปากโฏติ วุตฺตํ ‘‘ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺตี’’ติ. เอกายปิ หิ อุปฺปาทกิริยาย ¶ อิธ เภทโวหาโร, ปฏิสนฺธิวเสน หุตฺวา, ปวตฺติวเสน นิพฺพตฺตีติ วา ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ, ปฏิสนฺธิวเสน วา ปวตฺตนสงฺขาตํ สาติสยนิพฺพตฺตนํ าเปตุํ เอกาเยว กิริยา ปททฺวเยน วุตฺตา. ตถาวจนฺหิ ปฏิสนฺธิวเสน นิพฺพตฺตเนเยว ทิสฺสติ ‘‘มกฺกฏโก นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๕) กณฺฏโก นาม…เป… นิพฺพตฺติ, (ชา. อฏฺ. ๑.อวิทูเรนิทานกถา) มณฺฑูโก นาม…เป… นิพฺพตฺตี’’ติอาทีสุ วิย. ทฺวินฺนํ วา ปทานํ ภาวตฺถมเปกฺขิตฺวา ‘‘ยกฺโข’’ติอาทีสุ สามิอตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ กตํ ปุริมาย ปจฺฉิมวิเสสนโต, ปริจารกสฺส…เป… ยกฺขสฺส ภาเวน นิพฺพตฺตีติ อตฺโถ, เหตฺวตฺเถ วา เอตฺถ ตฺวา-สทฺโท ยกฺขสฺส ภาวโต ปวตฺตนเหตูติ. อสฺส ปน รฺโ มหาปฺุสฺสปิ สมานสฺส ตตฺถ พหุลํ นิพฺพตฺตปุพฺพตาย จิรปริจิตนิกนฺติ วเสน ตตฺเถว นิพฺพตฺติ เวทิตพฺพา.
ตํ ทิวสเมวาติ รฺโ มรณทิวเสเยว. โขเภตฺวาติ ปุตฺตสฺเนหสฺส พลวภาวโต, ตํสหชาตปีติ เวคสฺส จ สวิปฺผารตาย ตํ สมุฏฺานรูปธมฺเมหิ ผรณวเสน สกลสรีรํ อาโลเฬตฺวา. เตนาห ‘‘อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ อฏฺาสี’’ติ. ปิตุคุณนฺติ ปิตุโน อตฺตนิ สิเนหคุณํ. เตน วุตฺตํ ‘‘มยิ ชาเตปี’’ติอาทิ. วิสฺสชฺเชถ วิสฺสชฺเชถาติ ตุริตวเสน, โสกวเสน จ วุตฺตํ.
อนุฏฺุภิตฺวาติ อฉฑฺเฑตฺวา.
นาฬาคิริหตฺถึ มฺุจาเปตฺวาติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ปการตฺโถ, เตน ‘‘อภิมารกปุริสเปเสนาทิปฺปกาเรนา’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการตฺตยํ ปจฺจามสติ, กตฺถจิ ปน โส น ¶ ทิฏฺโ. ปฺจ วตฺถูนีติ ‘‘สาธุ ภนฺเต ภิกฺขู ยาวชีวํ อารฺิกา อสฺสู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) วินเย วุตฺตานิ ปฺจ วตฺถูนิ. ยาจิตฺวาติ เอตฺถ ยาจนํ วิย กตฺวาติ อตฺโถ. น หิ โส ปฏิปชฺชิตุกาโม ยาจตีติ อยมตฺโถ วินเย (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๑๐) วุตฺโตเยว. สฺาเปสฺสามีติ จินฺเตตฺวา สงฺฆเภทํ กตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อิทฺจ ตสฺส อนิกฺขิตฺตธุรตาทสฺสนวเสน วุตฺตํ, โส ปน อกเตปิ สงฺฆเภเท เตหิ สฺาเปติเยว. อุณฺหโลหิตนฺติ พลวโสกสมุฏฺิตํ อุณฺหภูตํ โลหิตํ. มหานิรเยติ อวีจินิรเย. วิตฺถารกถานโยติ อชาตสตฺตุปสาทนาทิวเสน วิตฺถารโต วตฺตพฺพาย กถาย นยมตฺตํ. กสฺมา ปเนตฺถ ¶ สา น วุตฺตา, นนุ สงฺคีติกถา วิย ขนฺธเก (จูฬว. ๓๔๓) อาคตาปิ สา วตฺตพฺพาติ โจทนาย อาห ‘‘อาคตตฺตา ปน สพฺพํ น วุตฺต’’นฺติ, ขนฺธเก อาคตตฺตา, กิฺจิมตฺตสฺส จ วจนกฺกมสฺส วุตฺตตฺตา น เอตฺถ โกจิ วิโรโธติ อธิปฺปาโย. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ ยถานุสนฺธินา นิคมนํ.
โกสลรฺโติ ปเสนทิโกสลสฺส ปิตุ มหาโกสลรฺโ. นนุ วิเทหสฺส รฺโ ธีตา เวเทหีติ อตฺโถ สมฺภวตีติ โจทนมปเนติ ‘‘น วิเทหรฺโ’’ติ อิมินา. อถ เกนฏฺเนาติ อาห ‘‘ปณฺฑิตาธิวจนเมต’’นฺติ, ปณฺฑิตเววจนํ, ปณฺฑิตนามนฺติ วา อตฺโถ. อยํ ปน ปทตฺโถ เกน นิพฺพจเนนาติ วุตฺตํ ‘‘ตตฺราย’’นฺติอาทิ. วิทนฺตีติ ชานนฺติ. เวเทนาติ กรณภูเตน าเณน. ‘‘อีหตี’’ติ เอตสฺส ปวตฺตตีติปิ อตฺโถ ฏีกายํ วุตฺโต. เวเทหีติ อิธ นทาทิคโณติ อาห ‘‘เวเทหิยา’’ติ.
โสเยว อโห ตทโห, สตฺตมีวจเนน ปน ‘‘ตทหู’’ติ ปทสิทฺธิ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ทิวเส. อุปสทฺเทน วิสิฏฺโ วสสทฺโท อุปวสเนเยว, น วสนมตฺเต, อุปวสนฺจ สมาทานเมวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สีเลนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตฺถ จ สีเลนาติ สาสเน อริยุโปสถํ สนฺธาย วุตฺตํ. อนสเนนาติ อภฺุชนมตฺตสงฺขาตํ พาหิรุโปสถํ. วา-สทฺโท เจตฺถ อนิยมตฺโถ, เตน เอกจฺจํ มโนทุจฺจริตํ, ทุสฺสีลฺยาทิฺจ สงฺคณฺหาติ. ตถา หิ โคปาลกุโปสโถ อภิชฺฌาสหคตสฺส จิตฺตสฺส วเสน วุตฺโต, นิคณฺุโปสโถ โมสวชฺชาทิวเสน. ยถาห วิสาขุโปสเถ ‘‘โส เตน อภิชฺฌาสหคเตน เจตสา ทิวสํ อตินาเมตี’’ติ, (อ. นิ. ๓.๗๑) ‘‘อิติ ยสฺมึ สมเย สจฺเจ สมาทเปตพฺพา, มุสาวาเท ตสฺมึ สมเย สมาทเปตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๑) จ อาทิ.
เอวํ อธิปฺเปตตฺถานุรูปํ นิพฺพจนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺถุทฺธารวเสน นิพฺพจนานุรูปํ อธิปฺเปตตฺถํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาติ อุโปสถสทฺเท. สมานสทฺทวจนียานํ อเนกปฺปเภทานํ อตฺถานมุทฺธรณํ อตฺถุทฺธาโร สมานสทฺทวจนีเยสุ วา อตฺเถสุ อธิปฺเปตสฺเสว อตฺถสฺส อุทฺธรณํ อตฺถุทฺธาโรติปิ วฏฺฏติ. อเนกตฺถทสฺสนฺหิ อธิปฺเปตตฺถสฺส อุทฺธรณตฺถเมว. นนุ จ ‘‘อตฺถมตฺตํ ปติ สทฺทา อภินิวิสนฺตี’’ติอาทินา อตฺถุทฺธาเร ¶ โจทนา, โสธนา จ เหฏฺา วุตฺตาเยว. อปิจ วิเสสสทฺทสฺส อวาจกภาวโต ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิวิสโยปิ อุโปสถสทฺโท สามฺรูโป เอว, อถ กสฺมา ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิวิเสสวิสโย วุตฺโตติ? สจฺจเมตํ, อยํ ปนตฺโถ ตาทิสํ สทฺทสามฺมนาทิยิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สมฺภวตฺถทสฺสนวเสเนว วุตฺโตติ, เอวํ สพฺพตฺถ. สีลทิฏฺิวเสน (สีลสุทฺธิวเสน ที. นิ. ฏี. ๑.๑๕๐) อุเปเตหิ สมคฺเคหิ วสียติ น อุฏฺียตีติ อุโปสโถ, ปาติโมกฺขุทฺเทโส. สมาทานวเสน, อธิฏฺานวเสน วา อุเปจฺจ อริยวาสาทิอตฺถาย วสิตพฺโพ อาวสิตพฺโพติ อุโปสโถ, สีลํ. อนสนาทิวเสน อุเปจฺจ วสิตพฺโพ อนุวสิตพฺโพติ อุโปสโถ, วตสมาทานสงฺขาโต อุปวาโส. นวมหตฺถิกุลปริยาปนฺเน หตฺถินาเค กิฺจิ กิริยมนเปกฺขิตฺวา ตํกุลสมฺภูตตามตฺตํ ปติ รุฬฺหิวเสเนว อุโปสโถติ สมฺา, ตสฺมา ตตฺถ นามปฺตฺติ เวทิตพฺพา. อรโย อุปคนฺตฺวา อุเสติ ทาเหตีติ อุโปสโถ, อุสสทฺโท ทาเหติปิ สทฺทวิทู วทนฺติ. ทิวเส ปน อุโปสถ สทฺทปวตฺติ อฏฺกถายํ วุตฺตาเยว. ‘‘สุทฺธสฺส เว สทาผคฺคู’’ติอาทีสุ สุทฺธสฺสาติ สพฺพโส กิเลสมลาภาเวน ปริสุทฺธสฺส. เวติ นิปาตมตฺตํ, พฺยตฺตนฺติ วา อตฺโถ. สทาติ นิจฺจกาลมฺปิ. ผคฺคูติ ผคฺคุณีนกฺขตฺตเมว ยุตฺตํ ภวติ, นิรุตฺตินเยน เจตสฺส สิทฺธิ. ยสฺส หิ สุนฺทริกภารทฺวาชสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ผคฺคุณมาเส อุตฺตรผคฺคุณียุตฺตทิวเส ติตฺถนฺหานํ กโรนฺตสฺส สํวจฺฉรมฺปิ กตปาปปวาหนํ โหตีติ ลทฺธิ. ตโต ตํ วิเวเจตุํ อิทํ มชฺฌิมาคมาวเร มูลปณฺณาสเก วตฺถสุตฺเต ภควตา วุตฺตํ. สุทฺธสฺสุโปสโถ สทาติ ยถาวุตฺตกิเลสมลสุทฺธิยา ปริสุทฺธสฺส อุโปสถงฺคานิ, วตสมาทานานิ จ อสมาทิยโตปิ นิจฺจกาลํ อุโปสถวาโส เอว ภวตีติ อตฺโถ. ‘‘น ภิกฺขเว’’ติอาทีสุ ‘‘อภิกฺขุโก อาวาโส น คนฺตพฺโพ’’ติ นีหริตฺวา สมฺพนฺโธ. อุปวสิตพฺพทิวโสติ อุปวสนกรณทิวโส, อธิกรเณ วา ตพฺพสทฺโท ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ อฏฺกถายํ วุตฺตนิพฺพจเนน สเมติ. อนฺโตคธาวธารเณน, อฺตฺถาโปหเนน จ นิวารณํ สนฺธาย ‘‘เสสทฺวยนิวารณตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ปนฺนรเส’’ติ ปทมารพฺภ ทิวสวเสน ยถาวุตฺตนิพฺพจนํ กตนฺติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตเนว วุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ปฺจทสนฺนํ ติถีนํ ปูรณวเสน ‘‘ปนฺนรโส’’ติ หิ ทิวโส วุตฺโต.
‘‘ตานิ เอตฺถ สนฺตี’’ติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต นนฺเวตานิ อฺตฺถาปิ สนฺตีติ โจทนา สิยาติ ตํ นิวาเรตุํ ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อเนน พหุโส, อติสยโต วา เอตฺถ ตทฺธิตวิสโย ¶ ปยุตฺโตติ ทสฺเสติ. จาตุมาสี, จาตุมาสินีติ จ ปจฺจยวิเสเสน อิตฺถิลิงฺเคเยว ปริยายวจนํ. ปริโยสานภูตาติ จ ปูรณภาวเมว สนฺธาย วทติ ตาย สเหว จตุมาสปริปุณฺณภาวโต. อิธาติ ปาฬิยํ. ตีหิ อากาเรหิ ปูเรตีติ ปุณฺณาติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘มาสปุณฺณตายา’’ติอาทินา. ตตฺถ ตทา กตฺติกมาสสฺส ปุณฺณตาย มาสปุณฺณตา. ปุริมปุณฺณมิโต หิ ปฏฺาย ยาว อปรา ปุณฺณมี, ตาว เอโก มาโสติ ตตฺถ โวหาโร. วสฺสานสฺส อุตุโน ปุณฺณตาย อุตุปุณฺณตา. กตฺติกมาสลกฺขิตสฺส สํวจฺฉรสฺส ปุณฺณตาย สํวจฺฉรปุณฺณตา. ปุริมกตฺติกมาสโต ปภุติ ยาว อปรกตฺติกมาโส, ตาว เอโก กตฺติกสํวจฺฉโรติ เอวํ สํวจฺฉรปุณฺณตายาติ วุตฺตํ โหติ. โลกิกานํ มเตน ปน มาสวเสน สํวจฺฉรสมฺา ลกฺขิตา. ตถา จ ลกฺขณํ ครุสงฺกนฺติวเสน. วุตฺตฺหิ โชติสตฺเถ –
‘‘นกฺขตฺเตน สโหทย-มตฺถํ ยาติ สูรมนฺติ;
ตสฺส สงฺกํ ตตฺร วตฺตพฺพํ, วสฺสํ มาสกเมเนวา’’ติ.
มินียติ ทิวโส เอเตนาติ มา. ตสฺส หิ คติยา ทิวโส มินิตพฺโพ ‘‘ปาฏิปโท ทุติยา, ตติยา’’ติอาทินา. เอตฺถ ปุณฺโณติ เอติสฺสา รตฺติยา สพฺพกลาปาริปูริยา ปุณฺโณ. จนฺทสฺส หิ โสฬสโม ภาโค ‘‘กลา’’ติ วุจฺจติ, ตทา จ จนฺโท สพฺพาสมฺปิ โสฬสนฺนํ กลานํ วเสน ปริปุณฺโณ หุตฺวา ทิสฺสติ. เอตฺถ จ ‘‘ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส’’ติ ปทานิ ทิวสวเสน วุตฺตานิ, ‘‘โกมุทิยา’’ติอาทีนิ ตเทกเทสรตฺติวเสน.
กสฺมา ปน ราชา อมจฺจปริวุโต นิสินฺโน, น เอกโกวาติ โจทนาย โสธนาเลสํ ทสฺเสตุํ ปาฬิปทตฺถเมว อวตฺวา ‘‘เอวรูปายา’’ติอาทีนิปิ วทติ. เอเตหิ จายํ โสธนาเลโส ทสฺสิโต ‘‘เอวํ รุจิยมานาย รตฺติยา ตทา ปวตฺตตฺตา ตถา ปริวุโต นิสินฺโน’’ติ. โธวิยมานทิสาภาคายาติ ¶ เอตฺถาปิ วิยสทฺโท โยเชตพฺโพ. รชตวิมานนิจฺฉริเตหีติ รชตวิมานโต นิกฺขนฺเตหิ, รชตวิมานปฺปภาย วา วิปฺผุริเตหิ. ‘‘วิสโร’’ติ อิทํ มุตฺตาวฬิอาทีนมฺปิ วิเสสนปทํ. อพฺภํ ธูโม รโช ราหูติ อิเม จตฺตาโร อุปกฺกิเลสา ปาฬินเยน (อ. นิ. ๔.๕๐; ปาจิ. ๔๔๗). ราชามจฺเจหีติ ราชกุลสมุทาคเตหิ อมจฺเจหิ. อถ วา อนุยุตฺตกราชูหิ เจว อมจฺเจหิ จาติ อตฺโถ. กฺจนาสเนติ สีหาสเน. ‘‘รฺํ ตุ เหมมาสนํ, สีหาสนมโถ วาฬพีชนิตฺถี จ จามร’’นฺติ หิ วุตฺตํ. กสฺมา นิสินฺโนติ นิสีทนมตฺเต โจทนา. เอต นฺติ กนฺทนํ, ปโพธนํ วา. อิตีติ อิมินา เหตุนา. นกฺขตฺต นฺติ กตฺติกานกฺขตฺตฉณํ. สมฺมา โฆสิตพฺพํ เอตรหิ นกฺขตฺตนฺติ สงฺฆุฏฺํ. ปฺจวณฺณกุสุเมหิ ¶ ลาเชน, ปุณฺณฆเฏหิ จ ปฏิมณฺฑิตํ ฆเรสุ ทฺวารํ ยสฺส ตเทตํ นครํ ปฺจ…เป… ทฺวารํ. ธโช วโฏ. ปฏาโก ปฏฺโฏติ สีหฬิยา วทนฺติ. ตทา กิร ปทีปุชฺชลนสีเสน กตนกฺขตฺตํ. ตถา หิ อุมฺมาทนฺติชาตกาทีสุปิ (ชา. ๒.๑๘.๕๗) กตฺติกมาเส เอวเมว วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สมุชฺชลิตทีปมาลาลงฺกตสพฺพทิสาภาค’’นฺติ. วีถิ นาม รถิกา มหามคฺโค. รจฺฉา นาม อนิพฺพิทฺธา ขุทฺทกมคฺโค. ตตฺถ ตตฺถ นิสินฺนวเสน สมานภาเคน ปาฏิเยกฺกํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมาเนน สมภิกิณฺณนฺติ วุตฺตํ โหติ. มหาอฏฺกถายํ เอวํ วตฺวาปิ ตตฺเถว อิติ สนฺนิฏฺานํ กตนฺติ อตฺโถ.
อุทานํ อุทาหาโรติ อตฺถโต เอกํ. มานนฺติ มานปตฺตํ กตฺตุภูตํ. ฉฑฺฑนวเสน อวเสโก. โสตวเสน โอโฆ. ปีติวจนนฺติ ปีติสมุฏฺานวจนํ กมฺมภูตํ. หทยนฺติ จิตฺตํ กตฺตุภูตํ. คเหตุนฺติ พหิ อนิจฺฉรณวเสน คณฺหิตุํ, หทยนฺโตเยว เปตุํ น สกฺโกตีติ อธิปฺปาโย. เตน วุตฺตํ ‘‘อธิกํ หุตฺวา’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ วจนํ ปฏิคฺคาหก นิรเปกฺขํ เกวลํ อุฬาราย ปีติยา วเสน สรสโต สหสาว มุขโต นิจฺฉรติ, ตเทวิธ ‘‘อุทาน’’นฺติ อธิปฺเปตนฺติ.
โทเสหิ อิตา คตา อปคตาติ โทสินา ต-การสฺส น-การํ กตฺวา ยถา ‘‘กิเลเส ชิโต วิชิตาวีติ ชิโน’’ติ อาห ‘‘โทสาปคตา’’ติ. ยทิปิ สุตฺเต วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโรเม ภิกฺขเว จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลสา, เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺา จนฺทิมสูริยา น ¶ ตปนฺติ น ภาสนฺติ น วิโรจนฺติ. กตเม จตฺตาโร? อพฺภา ภิกฺขเว…เป… มหิกา. ธูโม รโช. ราหุ ภิกฺขเว จนฺทิมสูริยานํ อุปกฺกิเลโส’’ติ, (จูฬว. ๔๔๗) ตถาปิ ตติยุปกฺกิเลสสฺส ปเภททสฺสน วเสน อฏฺกถานเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหี’’ติ วุตฺตํ. อยมตฺโถ จ รมณียาทิสทฺทโยคโต ายตีติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. อนีย-สทฺโทปิ พหุลา กตฺวตฺถาภิธายโก ยถา ‘‘นิยฺยานิกา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๙๖) ทสฺเสติ ‘‘รมยตี’’ติ อิมินา. ชุณฺหาวเสน รตฺติยา สุรูปตฺตมาห ‘‘วุตฺตโทสวิมุตฺตายา’’ติอาทินา. อพฺภาทโย เจตฺถ วุตฺตโทสา. อยฺจ เหตุ ‘‘ทสฺสิตุํ ยุตฺตา’’ติ เอตฺถาปิ สมฺพชฺฌิตพฺโพ. เตน การเณน, อุตุสมฺปตฺติยา จ ปาสาทิกตา ทฏฺพฺพา. อีทิสาย รตฺติยา ยุตฺโต ทิวโส มาโส อุตุ สํวจฺฉโรติ เอวํ ทิวสมาสาทีนํ ลกฺขณา สลฺลกฺขณุปายา ภวิตุํ ยุตฺตา, ตสฺมา ลกฺขิตพฺพาติ ลกฺขณิยา, สา เอว ลกฺขฺา ย-วโต ณ-การสฺส -การาเทสวเสน ยถา ‘‘โปกฺขรฺโ สุมาปิตา’’ติ อาห ‘‘ทิวสมาสาทีน’’นฺติอาทิ.
‘‘ยํ ¶ โน ปยิรุปาสโต จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ วจนโต สมณํ วา พฺราหฺมณํ วาติ เอตฺถ ปรมตฺถสมโณ, ปรมตฺถพฺราหฺมโณ จ อธิปฺเปโต, น ปน ปพฺพชฺชามตฺตสมโณ, น จ ชาติมตฺตพฺราหฺมโณติ วุตฺตํ ‘‘สมิตปาปตายา’’ติอาทิ. พหติ ปาเป พหิ กโรตีติ พฺราหฺมโณ นิรุตฺตินเยน. พหุวจเน วตฺตพฺเพ เอกวจนํ, เอกวจเน วา วตฺตพฺเพ พหุวจนํ วจนพฺยตฺตโย วจนวิปลฺลาโสติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘ปยิรุปาสต’’นฺติ วตฺตพฺเพ ‘‘ปยิรุปาสโต’’ติ วุตฺตตฺตา พหุวจเน วตฺตพฺเพ เอกวจนวเสน วจนพฺยตฺตโย ทสฺสิโต. อตฺตนิ, ครุฏฺานิเย จ หิ เอกสฺมิมฺปิ พหุวจนปฺปโยโค นิรุฬฺโห. ปยิรุปาสโตติ จ วณฺณวิปริยายนิทฺเทโส เอส ยถา ‘‘ปยิรุทาหาสี’’ติ. อยฺหิ พหุลํ ทิฏฺปโยโค, ยทิทํ ปริสทฺเท ย-การปเร วณฺณวิปริยาโย. ตถา หิ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ ‘‘ปริยาทีนํ รยาทิวณฺณสฺส ยราทีหิ วิปริยาโย’’ติ. ยนฺติ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา. อิมินา สพฺเพนปิ วจเนนาติ ‘‘รมณียา วตา’’ติอาทิวจเนน. โอภาสนิมิตฺตกมฺมนฺติ โอภาสภูตํ นิมิตฺตกมฺมํ ¶ , ปริพฺยตฺตํ นิมิตฺตกรณนฺติ อตฺโถ. มหาปราธตายาติ มหาโทสตาย.
‘‘เตน หี’’ติอาทิ ตทตฺถวิวรณํ. เทวทตฺโต จาติ เอตฺถ จ-สทฺโท สมุจฺจยวเสน อตฺถุปนยเน, เตน ยถา ราชา อชาตสตฺตุ อตฺตโน ปิตุ อริยสาวกสฺส สตฺถุ อุปฏฺากสฺส ฆาตเนน มหาปราโธ, เอวํ ภควโต มหานตฺถกรสฺส เทวทตฺตสฺส อปสฺสยภาเวนาปีติ อิมมตฺถํ อุปเนติ. ตสฺส ปิฏฺิฉายายาติ โวหารมตฺตํ, ตสฺส ชีวกสฺส ปิฏฺิอปสฺสเยน, ตํ ปมุขํ กตฺวา อปสฺสายาติ วุตฺตํ โหติ. วิกฺเขปปจฺเฉทนตฺถนฺติ วกฺขมานาย อตฺตโน กถาย อุปฺปชฺชนกวิกฺเขปสฺส ปจฺฉินฺทนตฺถํ, อนุปฺปชฺชนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตสฺสํ หี’’ติอาทิ. อสิกฺขิตานนฺติ กายวจีสํยมเน วิคตสิกฺขานํ. กุลูปเกติ กุลมุปคเต สตฺถาเร. คหิตาสารตายาติ คเหตพฺพคุณสารวิคตตาย. นิพฺพิกฺเขปนฺติ อฺเสมปนยนวิรหิตํ.
ภทฺทนฺติ อวสฺสยสมฺปนฺนตาย สุนฺทรํ.
๑๕๑. อยฺจตฺโถ อิมาย ปาฬิจฺฉายาย อธิคโต, อิมมตฺถเมว วา อนฺโตคธํ กตฺวา ปาฬิยเมวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เตนาหา’’ติอาทินา. อสตฺถาปิ สมาโน สตฺถา ปฏิฺาโต เยนาติ สตฺถุปฏิฺาโต, ตสฺส อพุทฺธสฺสาปิ สมานสฺส พุทฺธปฏิฺาตสฺส ‘‘อหเมโก โลเก อตฺถธมฺมานุสาสโก’’ติ อาจริยปฏิฺาตภาวํ วา สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ. ‘‘โส กิรา’’ติอาทินา อนุสฺสุติมตฺตํ ปติ โปราณฏฺกถานโยว กิรสทฺเทน วุตฺโต. เอส นโย ปรโต มกฺขลิปทนิพฺพจเนปิ ¶ . เอกูนทาสสตํ ปูรยมาโนติ เอเกนูนทาสสตํ อตฺตนา สทฺธึ อนูนทาสสตํ กตฺวา ปูรยมาโน. เอวํ ชายมาโน เจส มงฺคลทาโส ชาโต. ชาตรูเปเนวาติ มาตุกุจฺฉิโต วิชาตเวเสเนว, ยถา วา สตฺตา อนิวตฺถา อปารุตา ชายนฺติ, ตถา ชาตรูเปเนว. อุปสงฺกมนฺตีติ อุปคตา ภชนฺตา โหนฺติ. ตเทว ปพฺพชฺชํ อคฺคเหสีติ ตเทว นคฺครูปํ ‘‘อยเมว ปพฺพชฺชา นาม สิยา’’ติ ปพฺพชฺชํ กตฺวา อคฺคเหสิ. ปพฺพชึสูติ ตํ ปพฺพชิตมนุปพฺพชึสุ.
‘‘ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต’’ติ เอเตน ปพฺพชิตสมูหตามตฺเตน สงฺโฆ, น นิยฺยานิกทิฏฺิวิสุทฺธสีลสามฺวเสน สํหตตฺตาติ ทสฺเสติ. อสฺส อตฺถีติ ¶ อสฺส สตฺถุปฏิฺาตสฺส ปริวารภาเวน อตฺถิ. ‘‘สงฺฆี คณี’’ติ เจทํ ปริยายวจนํ, สงฺเกตมตฺตโต นานนฺติ อาห ‘‘สฺเววา’’ติอาทิ. สฺเววาติ จ ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต เอว. เกจิ ปน ‘‘ปพฺพชิตสมูหวเสน สงฺฆี, คหฏฺสมูหวเสน คณี’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ คเณ เอว โลเก สงฺฆ-สทฺทสฺส นิรุฬฺหตฺตา. อเจลกวตจริยาทิ อตฺตนา ปริกปฺปิตมตฺตํ อาจาโร. ปฺาโต ปากโฏ สงฺฆีอาทิภาเวน. อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโติ อตฺถโต เอกํ. ตตฺถ ลพฺภมานาปฺปิจฺฉตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปิจฺฉตาย วตฺถมฺปิ น นิวาเสตี’’ติ วุตฺตํ. น หิ ตสฺมึ สาสนิเก วิย สนฺตคุณนิคฺคูหณลกฺขณา อปฺปิจฺฉตา ลพฺภติ. ยโสติ กิตฺติสทฺโท. ตรนฺติ เอเตน สํสาโรฆนฺติ เอวํ สมฺมตตาย ลทฺธิ ติตฺถํ นาม ‘‘สาธู’’ติ สมฺมโต, น จ สาธูหิ สมฺมโตติ อตฺถมาห ‘‘อย’’นฺติอาทินา. น หิ ตสฺส สาธูหิ สมฺมตตา ลพฺภติ. สุนฺทโร สปฺปุริโสติ ทฺวิธา อตฺโถ. อสฺสุตวโตติ อสฺสุตาริยธมฺมสฺส, กตฺตุตฺเถ เจตํ สามิวจนํ. ‘‘อิมานิ เม วตสมาทานานิ เอตฺตกํ กาลํ สุจิณฺณานี’’ติ พหู รตฺติโย ชานาติ. ตา ปนสฺส รตฺติโย จิรกาลภูตาติ กตฺวา ‘‘จิรํ ปพฺพชิตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ, อนฺตตฺถอฺปทตฺถสมาโส เจส ยถา ‘‘มาสชาโต’’ติ. อถ ตสฺส ปททฺวยสฺส โก วิเสโสติ เจ? จิรปพฺพชิตคฺคหเณนสฺส พุทฺธิสีลตา, รตฺตฺูคหเณน ตตฺถ สมฺปชานตา ทสฺสิตา, อยเมตสฺส วิเสโสติ. กึ ปน อตฺถํ สนฺธาย โส อมจฺโจ อาหาติ วุตฺตํ ‘‘อจิรปพฺพชิตสฺสา’’ติอาทิ. โอกปฺปนียาติ สทฺทหนียา. อทฺธานนฺติ ทีฆกาลํ. กิตฺตโก ปน โสติ อาห ‘‘ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ’’ติ, ทฺวินฺนํ, ติณฺณํ วา ราชูนํ รชฺชานุสาสนปฏิปาฏิโยติ อตฺโถ. ‘‘อทฺธคโต’’ติ วตฺวาปิ ปุน กตํ วยคฺคหณํ โอสานวยาเปกฺขํ ปททฺวยสฺส อตฺถวิเสสสมฺภวโตติ ทสฺเสติ ‘‘ปจฺฉิมวย’’นฺติ อิมินา. อุภยนฺติ ‘‘อทฺธคโต, วโยอนุปฺปตฺโต’’ติ ปททฺวยํ.
กาชโร ¶ นาม เอโก รุกฺขวิเสโส, โย ‘‘ปณฺณกรุกฺโข’’ติปิ วุจฺจติ. ทิสฺวา วิย อนตฺตมโนติ สมฺพนฺโธ. ปุพฺเพ ปิตรา สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา เทสนาย สุตปุพฺพตํ สนฺธายาห ‘‘ฌานา…เป… กาโม’’ติ. ติลกฺขณพฺภาหตนฺติ ตีหิ ลกฺขเณหิ อภิฆฏิตํ. ทสฺสเนนาติ นิทสฺสนมตฺตํ. โส หิ ทิสฺวา เตน สทฺธึ อลฺลาปสลฺลาปํ กตฺวา ¶ , ตโต อกิริยวาทํ สุตฺวา จ อนตฺตมโน อโหสิ. คุณกถายาติ อภูตคุณกถาย. เตนาห ‘‘สุฏฺุตรํ อนตฺตมโน’’ติ. ยทิ อนตฺตมโน, กสฺมา ตุณฺหี อโหสีติ โจทนํ วิโสเธติ ‘‘อนตฺตมโน สมาโนปี’’ติอาทินา.
๑๕๒. โคสาลายาติ เอวํนามเก คาเมติ วุตฺตํ. วสฺสานกาเล คุนฺนํ ปติฏฺิตสาลายาติ ปน อตฺเถ ตพฺพเสน ตสฺส นามํ สาติสยมุปปนฺนํ โหติ พหุลมนฺสาธารณตฺตา, ตถาปิ โส โปราเณหิ อนนุสฺสุโตติ เอกจฺจวาโท นาม กโต. ‘‘มา ขลีติ สามิโก อาหา’’ติ อิมินา ตถาวจนมุปาทาย ตสฺส อาขฺยาตปเทน สมฺาติ ทสฺเสติ. สฺาย หิ วตฺตุมิจฺฉาย อาขฺยาตปทมฺปิ นามิกํ ภวติ ยถา ‘‘อฺาสิโกณฺฑฺโ’’ติ (มหาว. ๑๗). เสสนฺติ ‘‘โส ปณฺเณน วา’’ติอาทิวจนํ.
๑๕๓. ทาสาทีสุ สิริวฑฺฒกาทินามมิว อชิโตติ ตสฺส นามมตฺตํ. เกเสหิ วายิโต กมฺพโล ยสฺสาติปิ ยุชฺชติ. ปฏิกิฏฺตรนฺติ นิหีนตรํ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา องฺคุตฺตราคเม ติกนิปาเต มกฺขลิสุตฺต (อ. นิ. ๓.๑๓๘) มาหริ. ตนฺตาวุตานีติ ตนฺเต วีตานิ. ‘‘สีเต สีโต’’ติอาทินา ฉหากาเรหิ ตสฺส ปฏิกิฏฺตรํ ทสฺเสติ.
๑๕๔. ปกุชฺฌติ สมฺมาทิฏฺิเกสุ พฺยาปชฺชตีติ ปกุโธ. วจฺจํ กตฺวาปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน โภชนํ ภฺุชิตฺวาปิ เกนจิ อสุจินา มกฺขิตฺวาปีติ อิมมตฺถํ สมฺปิณฺเฑติ. วาลิกาถูปํ กตฺวาติ วตสมาทานสีเสน วาลิกาสฺจยํ กตฺวา, ตถารูเป อนุปคมนียฏฺาเน ปุน วตํ สมาทาย คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ.
๑๕๖. ‘‘คณฺนกิเลโส’’ติ เอตสฺส ‘‘ปลิพุนฺธนกิเลโส’’ติ อตฺถวจนํ, สํสาเร ปริพุนฺธนกิจฺโจ เขตฺตวตฺถุปุตฺตทาราทิวิสโย ราคาทิกิเลโสติ อตฺโถ. ‘‘เอวํวาทิตายา’’ติ อิมินา ลทฺธิวเสนสฺส นามํ, น ปนตฺถโตติ ทสฺเสติ. ยาว หิ โส มคฺเคน สมุคฺฆาฏิโต, ตาว อตฺถิเยว. อยํ ปน วจนตฺโถ – ‘‘นตฺถิ มยฺหํ คณฺโ’’ติ คณฺหาตีติ นิคณฺโติ. นาฏสฺสาติ เอวํนามกสฺส.
โกมารภจฺจชีวกกถาวณฺณนา
๑๕๗. สพฺพถา ¶ ¶ ตุณฺหีภูตภาวํ สนฺธาย ‘‘เอส นาค…เป… วิยา’’ติ วุตฺตํ. สุปณฺโณติ ครุโฬ, ครุโฑ วา สกฺกฏมเตน. ‘‘ฑ-ฬาน’มวิเสโส’’ติ หิ ตตฺถ วทนฺติ. ยถาธิปฺปายํ น วตฺตตีติ กตฺวา ‘‘อนตฺโถ วต เม’’ติ วุตฺตํ. อุปสนฺตสฺสาติ สพฺพถา สฺเมน อุปสมํ คตสฺส. ชีวกสฺส ตุณฺหีภาโว มม อธิปฺปายสฺส มทฺทนสทิโส, ตสฺมา ตเทว ตุณฺหีภาวํ ปุจฺฉิตฺวา กถาปเนน มม อธิปฺปาโย สมฺปาเทตพฺโพติ อยเมตฺถ รฺโ อธิปฺปาโยติ ทสฺเสนฺโต ‘‘หตฺถิมฺหิ โข ปนา’’ติอาทิมาห. กินฺติ การณปุจฺฉายํ นิปาโตติ ทสฺเสติ ‘‘เกน การเณนา’’ติ อิมินา, เยน ตุวํ ตุณฺหี, กึ ตํ การณนฺติ วา อตฺถํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ยถาสมฺภวํ การณํ อุทฺธริตฺวา อธิปฺปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเมส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยถา เอเตสนฺติ เอเตสํ กุลูปโก อตฺถิ ยถา, อิเมสํ นุ โข ติณฺณํ การณานํ อฺตเรน การเณน ตุณฺหี ภวสีติ ปุจฺฉตีติ อธิปฺปาโย.
กถาเปตีติ กถาเปตุกาโม โหติ. ปฺจปติฏฺิเตนาติ เอตฺถ ปฺจหิ องฺเคหิ อภิมุขํ ิเตนาติ อตฺโถ, ปาทชาณุ กปฺปร หตฺถ สีสสงฺขาตานิ ปฺจ องฺคานิ สมํ กตฺวา โอนาเมตฺวา อภิมุขํ ิเตน ปมํ วนฺทิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ยมฺปิ วทนฺติ ‘‘นวกตเรนุปาลิ ภิกฺขุนา วุฑฺฒตรสฺส ภิกฺขุโน ปาเท วนฺทนฺเตน อิเม ปฺจ ธมฺเม อชฺฌตฺตํ อุปฏฺาเปตฺวา ปาทา วนฺทิตพฺพา’ติอาทิกํ (ปริ. ๔๖๙) วินยปาฬิมาหริตฺวา เอกํสกรณอฺชลิปคฺคหณปาทสมฺพาหนเปมคารวุปฏฺาปนวเสน ปฺจปติฏฺิตวนฺทนา’’ติ, ตเมตฺถานธิปฺเปตํ ทูรโต วนฺทเน ยถาวุตฺตปฺจงฺคสฺส อปริปุณฺณตฺตา. วนฺทนา เจตฺถ ปณมนา อฺชลิปคฺคหณกรปุฏสมาโยโค. ‘‘ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา’’ติ จ กายปณาโม วุตฺโต, ‘‘มม สตฺถุโน’’ติอาทินา ปน วจีปณาโม, ตทุภยปุเรจรานุจรวเสน มโนปณาโมติ. กามํ สพฺพาปิ ตถาคตสฺส ปฏิปตฺติ อนฺสาธารณา อจฺฉริยพฺภุตรูปาว, ตถาปิ คพฺโภกฺกนฺติ อภิชาติ อภินิกฺขมน อภิสมฺโพธิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตน (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๓.๓๐) ยมกปาฏิหาริยเทโวโรหนานิ สเทวเก โลเก อติวิย สุปากฏานิ, น สกฺกา เกนจิ ปฏิพาหิตุนฺติ ตานิเยเวตฺถ อุทฺธฏานิ.
อิตฺถํ ¶ อิมํ ปการํ ภูโต ปตฺโตติ อิตฺถมฺภูโต, ตสฺส อาขฺยานํ อิตฺถมฺภูตาขฺยานํ, โสเยวตฺโถ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺโถ. อถ วา อิตฺถํ เอวํปกาโร ภูโต ชาโตติ อิตฺถมฺภูโต, ตาทิโสติ อาขฺยานํ อิตฺถมฺภูตาขฺยานํ, ตเทวตฺโถ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺโถ, ตสฺมึ อุปโยควจนนฺติ อตฺโถ. อพฺภุคฺคโตติ เอตฺถ ¶ หิ อภิสทฺโท ปธานวเสน อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถโชตโก กมฺมปฺปวจนีโย อภิภวิตฺวา อุคฺคมนกิริยาปการสฺส ทีปนโต, เตน ปโยคโต ‘‘ตํ โข ปน ภควนฺต’’นฺติ อิทํ อุปโยควจนํ สามิอตฺเถ สมานมฺปิ อปฺปธานวเสน อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถทีปนโต ‘‘อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ’’ติ วุตฺตํ. เตเนวาห ‘‘ตสฺส โข ปน ภควโตติ อตฺโถ’’ติ. นนุ จ ‘‘สาธุ เทวทตฺโต มาตรมภี’’ติ เอตฺถ วิย ‘‘ตํ โข ปน ภควนฺต’’นฺติ เอตฺถ อภิสทฺโท อปฺปยุตฺโต, กถเมตฺถ ตํปโยคโต อุปโยควจนํ สิยาติ? อตฺถโต ปยุตฺตตฺตา. อตฺถสทฺทปโยเคสุ หิ อตฺถปโยโคเยว ปธาโนติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ‘‘สาธุ เทวทตฺโต มาตรมภี’’ติ เอตฺถ อภิสทฺทปโยคโต อิตฺถมฺภูตาขฺยาเน อุปโยควจนํ กตํ, เอวมิธาปิ ‘‘ตํ โข ปน ภควนฺตํ อภิ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อุคฺคโต’’ติ อภิสทฺทปโยคโต อิตฺถมฺภูตาขฺยาเน อุปโยควจนํ กตนฺติ. ยถา หิ ‘‘สาธุ เทวทตฺโต มาตรมภี’’ติ เอตฺถ ‘‘เทวทตฺโต มาตรมภิ มาตุวิสเย, มาตุยา วา สาธู’’ติ เอวํ อธิกรณตฺเถ, สามิอตฺเถ วา ภุมฺมวจนสฺส, สามิวจนสฺส วา ปสงฺเค อิตฺถมฺภูตาขฺยานโชตเกน กมฺมปฺปวจนีเยน อภิสทฺเทน ปโยคโต อุปโยควจนํ กตํ, เอวมิธาปิ สามิอตฺเถ สามิวจนปฺปสงฺเค ยถา จ ตตฺถ ‘‘เทวทตฺโต มาตุวิสเย, มาตุ สมฺพนฺธี วา สาธุตฺตปฺปการปฺปตฺโต’’ติ อยมตฺโถ วิฺายติ, เอวมิธาปิ ‘‘ภควโต สมฺพนฺธี กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต อภิภวิตฺวา อุคฺคมนปฺปการปฺปตฺโต’’ติ อยมตฺโถ วิฺายติ. ตตฺถ หิ เทวทตฺตคฺคหณํ วิย อิธ กิตฺติสทฺทคฺคหณํ, ‘‘มาตร’’นฺติ วจนํ วิย ‘‘ภควนฺต’’นฺติ วจนํ, สาธุสทฺโท วิย อุคฺคตสทฺโท เวทิตพฺโพ.
กลฺยาโณติ ภทฺทโก. กลฺยาณภาโว จสฺส กลฺยาณคุณวิสยตายาติ อาห ‘‘กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต’’ติ, กลฺยาเณหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต ตพฺพิสยตาย ยุตฺโตติ อตฺโถ. ตํ วิสยตา เหตฺถ สมนฺนาคโม, กลฺยาณคุณวิสยตาย ตนฺนิสฺสิโตติ ¶ อธิปฺปาโย. เสฏฺโติ ปริยายวจเนปิ เอเสว นโย. เสฏฺคุณวิสยตา เอว หิ กิตฺติสทฺทสฺส เสฏฺตา ‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตม’’นฺติอาทีสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒; ปารา. อฏฺ. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; อุทา. อฏฺ. ๑; อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา; มหานิ. อฏฺ. ๔๙) วิย. ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา คุณานํ สํกิตฺตนโต, สทฺทนียโต จ วณฺโณเยว กิตฺติสทฺโท นามาติ อาห ‘‘กิตฺติเยวา’’ติ. วณฺโณ เอว หิ กิตฺเตตพฺพโต กิตฺติ, สทฺทนียโต สทฺโทติ จ วุจฺจติ. กิตฺติปริยาโย หิ สทฺทสทฺโท ยถา ‘‘อุฬารสทฺทา อิสโย, คุณวนฺโต ตปสฺสิโน’’ติ. กิตฺติวเสน ปวตฺโต สทฺโท กิตฺติสทฺโทติ ภินฺนาธิกรณตํ ทสฺเสติ ‘‘ถุติโฆโส’’ติ อิมินา. กิตฺติสทฺโท เหตฺถ ถุติปริยาโย กิตฺตนมภิตฺถวนํ กิตฺตีติ. ถุติวเสน ปวตฺโต โฆโส ถุติโฆโส, อภิตฺถวุทาหาโรติ อตฺโถ. อภิสทฺโท อภิภวเน, อภิภวนฺเจตฺถ ¶ อชฺโฌตฺถรณเมวาติ วุตฺตํ ‘‘อชฺโฌตฺถริตฺวา’’ติ, อนฺสาธารเณ คุเณ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา อภิพฺยาเปตฺวาติ อตฺโถ. กินฺติ-สทฺโท อพฺภุคฺคโตติ โจทนาย ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทิมาหาติ อนุสนฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘กินฺตี’’ติ วุตฺตํ.
ปทานํ สมฺพชฺฌนํ ปทสมฺพนฺโธ. โส ภควาติ โย โส สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ เทวานมติเทโว สกฺกานมติสกฺโก พฺรหฺมานมติพฺรหฺมา โลกนาโถ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ สเทวเก โลเก ‘‘ภควา’’ติ ปตฺถฏกิตฺติสทฺโท, โส ภควา. ยํ ตํ-สทฺทา หิ นิจฺจสมฺพนฺธา. ‘‘ภควา’’ติ จ อิทมาทิปทํ สตฺถุ นามกิตฺตนํ. เตนาห อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กต’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๖; จูฬนิ. ๒). ปรโต ปน ‘‘ภควา’’ติ ปทํ คุณกิตฺตนํ. ยถา กมฺมฏฺานิเกน‘‘อรห’’นฺติอาทีสุ นวสุ าเนสุ ปจฺเจกํ อิติปิสทฺทํ โยเชตฺวา พุทฺธคุณา อนุสฺสรียนฺติ, เอวมิธ พุทฺธคุณสํกิตฺตเกนาปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติปิ อรหํ…เป… อิติปิ ภควา’’ติ อาห. เอวฺหิ สติ‘‘อรห’’นฺติอาทีหิ นวหิ ปเทหิ เย สเทวเก โลเก อติวิย ปากฏา ปฺาตา พุทฺธคุณา, เต นานปฺปการโต วิภาวิตา โหนฺติ ‘‘อิติปี’’ติ ปททฺวเยน เตสํ นานปฺปการตาทีปนโต. ‘‘อิติเปตํ ภูตํ, อิติเปตํ ¶ ตจฺฉ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖) วิย หิ อิติ-สทฺโท อิธ อาสนฺนปจฺจกฺขกรณตฺโถ, ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน จ เนสํ นานปฺปการภาโว ทีปิโต, ตานิ จ คุณสลฺลกฺขณการณานิ สทฺธาสมฺปนฺนานํ วิฺุชาติกานํ ปจฺจกฺขานิ โหนฺติ, ตสฺมา ตานิ สํกิตฺเตนฺเตน วิฺุนา จิตฺตสฺส สมฺมุขีภูตาเนว กตฺวา สํกิตฺเตตพฺพานีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อาห. เอวฺหิ นิรูเปตฺวา กิตฺเตนฺเต ยสฺส สํกิตฺเตติ, ตสฺส ภควติ อติวิย ปสาโท โหติ.
อารกตฺตาติ กิเลเสหิ สุวิทูรตฺตา. อรีนนฺติ กิเลสารีนํ. อรานนฺติ สํสารจกฺกสฺส อรานํ. หตตฺตาติ วิทฺธํสิตตฺตา. ปจฺจยาทีนนฺติ จีวราทิปจฺจยานฺเจว ปูชา วิเสสานฺจ. รหาภาวาติ จกฺขุรหาทีนมภาวโต. รโหปาปกรณาภาโว หิ ปทมนติกฺกมฺม รหาภาโวติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ หิ ยถาธิปฺเปตมตฺโถ ลพฺภตีติ. ตโตติ วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓). ยถา จ วิสุทฺธิมคฺคโต, เอวํ ตํสํวณฺณนาย ปรมตฺถมฺชูสายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๒๔) เนสํ วิตฺถาโร คเหตพฺโพ.
ยสฺมา ชีวโก พหุโส สตฺถุ สนฺติเก พุทฺธคุเณ สุตฺวา ิโต, ทิฏฺสจฺจตาย จ สตฺถุสาสเน ¶ วิคตกถํกโถ, สตฺถุคุณกถเน จ เวสารชฺชปฺปตฺโต, ตสฺมา โส เอวํ วิตฺถารโต เอว อาหาติ วุตฺตํ ‘‘ชีวโก ปนา’’ติอาทิ. ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทินา สามตฺถิยตฺถมาห. ถาโม เทสนาาณเมว, พลํ ปน ทสพลาณํ. วิสฺสตฺถนฺติ ภาวนปุํสกปทํ, อนาสงฺกนฺติ อตฺโถ.
ปฺจวณฺณายาติ ขุทฺทิกาทิวเสน ปฺจปการาย. นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ กตาธิการภาวโต. กมฺมนฺตรายวเสน หิสฺส รฺโ คุณสรีรํ ขตูปหตํ โหติ. กสฺมา ปเนส ชีวกเมว คมนสชฺชาย อาณาเปตีติ อาห ‘‘อิมายา’’ติอาทิ.
๑๕๘. ‘‘อุตฺตม’’นฺติ วตฺวา น เกวลํ อุตฺตมภาโวเยเวตฺถ การณํ, อถ โข อปฺปสทฺทตาปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘อสฺสยานรถยานานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. หตฺถิยาเนสุ จ นิพฺพิเสวนเมว คณฺหนฺโต หตฺถินิโยปิ กปฺปาเปสิ. ปทานุปทนฺติ ปทมนุคตํ ปทํ ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส หตฺถิยานสฺส ปเท เตสํ ปทํ กตฺวา, ปทสทฺโท เจตฺถ ปทวฬฺเช. นิพฺพุตสฺสาติ สพฺพกิเลสทรถวูปสมสฺส ¶ . นิพฺพุเตเหวาติ อปฺปสทฺทตาย สทฺทสงฺโขภนวูปสเมเหว.
กเรณูติ หตฺถินิปริยายวจนํ. กณติ สทฺทํ กโรตีติ หิ กเรณุ, กโรว ยสฺสา, น ทีโฆ ทนฺโตติ วา กเรณุ, ‘‘กเรณุกา’’ติปิ ปาโ, นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธิ. อาโรหนสชฺชนํ กุถาทีนํ พนฺธนเมว. โอปวยฺหนฺติ ราชานมุปวหิตุํ สมตฺถํ. ‘‘โอปคุยฺห’’นฺติปิ ปนฺติ, ราชานมุปคูหิตุํ โคปิตุํ สมตฺถนฺติ อตฺโถ. ‘‘เอวํ กิรสฺสา’’ติอาทิ ปณฺฑิตภาววิภาวนํ. กถา วตฺตตีติ ลทฺโธกาสภาเวน ธมฺมกถา ปวตฺตติ. ‘‘รฺโ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ อาสนฺนจารีภาเวน หตฺถินีสุ อิตฺถิโย นิสชฺชาปิตา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๕๘) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘อิตฺถิโย นิสฺสาย ปุริสานํ ภยํ นาม นตฺถิ, สุขํ อิตฺถิปริวุโต คมิสฺสามี’’ติ ตตฺถ การณํ วุตฺตเมว. อิมินาปิ การเณน ภวิตพฺพนฺติ ปน อาจริเยน เอวํ วุตฺตํ สิยา. รฺโ ปเรสํ ทูรุปสงฺกมนภาวทสฺสนตฺถํ ตา ปุริสเวสํ คาหาเปตฺวา อาวุธหตฺถา การิตา. หตฺถินิกาสตานีติ เอตฺถ หตฺถินิโย เอว หตฺถินิกา. ‘‘ปฺจ หตฺถินิยา สตานี’’ติปิ กตฺถจิ ปาโ, โส อยุตฺโตว ‘‘ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑) วิย อีทิเสสุ ปจฺฉิมปทสฺส สมาสสฺเสว ทสฺสนโต. กสฺสจิเทวาติ สนฺนิปติเต มหาชเน ยสฺส กสฺสจิ เอว, ตทฺเสมฺปิ อายตึ มคฺคผลานมุปนิสฺสโยติ อาห ‘‘สา มหาชนสฺส อุปการาย ภวิสฺสตี’’ติ.
ปฏิเวเทสีติ าเปสิ. อุปจารวจนนฺติ โวหารวจนมตฺตํ เตเนว อธิปฺเปตตฺถสฺส อปริโยสานโต ¶ . เตนาห ‘‘ตเทว อตฺตโน รุจิยา กโรหี’’ติ. อิมินาเยว หิ ตทตฺถปริโยสานํ. มฺสีติ ปกติยาว ชานาสิ. ตเทวาติ คมนาคมนเมว. ยทิ คนฺตุกาโม, คจฺฉ, อถ น คนฺตุกาโม, มา คจฺฉ, อตฺตโน รุจิเยเวตฺถ ปมาณนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๑๕๙. ปาฏิเอกฺกาเยว สนฺธิวเสน ปจฺเจกา. ‘‘มหฺจ’’นฺติ ปเท กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘มหตา’’ติ. มหนฺตสฺส ภาโว มหฺจํ. น เกวลํ นิคฺคหีตนฺตวเสเนว ปาโ, อถ โข อาการนฺตวเสนาปีติ อาห ¶ ‘‘มหจฺจาติปิ ปาฬี’’ติ. ยถา ‘‘ขตฺติยา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ขตฺยา’’ติ, เอวํ ‘‘มหติยา’’ติ วตฺตพฺเพ มหตฺยา. ปุน จ-การํ กตฺวา มหจฺจาติ สนฺธิวเสน ปทสิทฺธิ. ปุลฺลิงฺควเสน วตฺตพฺเพ อิตฺถิลิงฺควเสน วิปลฺลาโส ลิงฺควิปริยาโย. วิเสสนฺหิ ภิยฺโย วิเสสฺยลิงฺคาทิคาหกํ. ติโยชนสตานนฺติ ปจฺเจกํ ติโยชนสตปริมณฺฑลานํ. ทฺวินฺนํ มหารฏฺานํ อิสฺสริยสิรีติ องฺคมคธรฏฺานมาธิปจฺจมาห. ตทตฺถํ วิวรติ ‘‘ตสฺสา’’ติอาทินา. ปฏิมุกฺกเวนานีติ อาพนฺธสิโรเวนานิ. อาสตฺตขคฺคานีติ อํเส โอลมฺพนวเสน สนฺนทฺธาสีนิ. มณิทณฺฑโตมเรติ มณิทณฺฑงฺกุเส.
‘‘อปราปี’’ติอาทินา ปทสา ปริวารา วุตฺตา. ขุชฺชวามนกา เวสวเสน, กิราตสวรอนฺธกาทโย ชาติวเสน ตาสํ ปริจารกินิโย ทสฺสิตา. วิสฺสาสิกปุริสาติ วสฺสวเร สนฺธายาห. กุลโภคอิสฺสริยาทิวเสน มหตี มตฺตา ปมาณเมเตสนฺติ มหามตฺตา, มหานุภาวา ราชามจฺจา. วิชฺชาธรตรุณา วิยาติ มนฺตานุภาเวน วิชฺชามยิทฺธิสมฺปนฺนา วิชฺชาธรกุมารกา วิย. รฏฺิยปุตฺตาติ โภชปุตฺตา. รฏฺเ ปริจรนฺตีติ หิ ลุทฺทกา รฏฺิยา, เตสํ นานาวุธปริจยตาย ราชภฏภูตา ปุตฺตาติ อตฺโถ, อนฺตรรฏฺโภชกานํ วา ปุตฺตา รฏฺิยปุตฺตา, ขตฺติยา โภชราชาโน. ‘‘อนุยุตฺตา ภวนฺตุ เต’’ติอาทีสุ วิย หิ ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๕๙) วุตฺโต โภชสทฺโท โภชกวาจโกติ ทฏฺพฺพํ. อุสฺสาเปตฺวาติ อุทฺธํ ปสาเรตฺวา. ชยสทฺทนฺติ ‘‘ชยตุ มหาราชา’’ติอาทิชยปฏิพทฺธํ สทฺทํ. ธนุปนฺติปริกฺเขโปติ ธนุปนฺติปริวาโร. สพฺพตฺถ ตํคาหกวเสน เวทิตพฺโพ. หตฺถิฆฏาติ หตฺถิสมูหา. ปหรมานาติ ผุสมานา. อฺมฺสงฺฆฏฺฏนาติ อวิจฺเฉทคมเนน อฺมฺสมฺพนฺธา. เสณิโยติ คนฺธิกเสณีทุสฺสิกเสณีอาทโย ‘‘อนปโลเกตฺวา ราชานํ วา สงฺฆํ วา คณํ วา ปูคํ วา เสณึ วา อฺตฺร กปฺปา วุฏฺาเปยฺยา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๘๒) วิย. ‘‘อฏฺารส อกฺโขภิณี เสนิโย’’ติ กตฺถจิ ลิขนฺติ, โส อเนเกสุปิ โปตฺถเกสุ น ทิฏฺโ. อเนกสงฺขฺยา จ เสนา เหฏฺา ¶ คณิตาติ อยุตฺโตเยว. ตทา สพฺพาวุธโต สโรว ทูรคามีติ กตฺวา สรปตนาติกฺกมปฺปมาเณน รฺโ ปริสํ สํวิทหติ. กิมตฺถนฺติ อาห ‘‘สเจ’’ติอาทิ.
สยํ ¶ ภายนฏฺเน จิตฺตุตฺราโส ภยํ ยถา ตถา ภายตีติ กตฺวา. ภายิตพฺเพ เอว วตฺถุสฺมึ ภยโต อุปฏฺิเต ‘‘ภายิตพฺพมิท’’นฺติ ภายิตพฺพากาเรน ตีรณโต าณํ ภยํ ภยโต ตีเรตีติ กตฺวา. เตเนวาห วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๕๑) ‘‘ภยตุปฏฺานาณํ ปน ภายติ, น ภายตีติ? น ภายติ. ตฺหิ ‘อตีตา สงฺขารา นิรุทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺนา นิรุชฺฌนฺติ, อนาคตา นิรุชฺฌิสฺสนฺตี’ติ ตีรณมตฺตเมว โหตี’’ติ. ภายนฏฺานฏฺเน อารมฺมณํ ภยํ ภายติ เอตสฺมาติ กตฺวา. ภายนเหตุฏฺเน โอตฺตปฺปํ ภยํ ปาปโต ภายติ เอเตนาติ กตฺวา. ภยานกนฺติ ภายนากาโร. เตปีติ ทีฆายุกา เทวาปิ. ธมฺมเทสนนฺติ ปฺจสุ ขนฺเธสุ ปนฺนรสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ ธมฺมเทสนํ. เยภุยฺเยนาติ เปตฺวา ขีณาสวเทเว ตทฺเสํ วเสน พาหุลฺลโต. ขีณาสวตฺตา หิ เตสํ จิตฺตุตฺราสภยมฺปิ น อุปฺปชฺชติ. กามํ สีโหปมสุตฺตฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๓๓) จิตฺตุตฺราสภยมฺปิ ตทตฺถภาเวน วุตฺตํ, อิธ ปน ปกรณานุรูปโต าณภยเมว คหิตํ. สํเวคนฺติ สโหตฺตปฺปาณํ. สนฺตาสนฺติ สพฺพโส อุพฺพิชฺชนํ. ภายิตพฺพฏฺเน ภยเมว ภีมภาเวน เภรวนฺติ ภยเภรวํ, ภีตพฺพวตฺถุ. เตนาห ‘‘อาคจฺฉตี’’ติ, เอตํ นรํ ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติ นูนาติ อตฺโถ.
ภีรุํ ปสํสนฺตีติ ปาปโต ภายนโต อุตฺราสนโต ภีรุํ ปสํสนฺติ ปณฺฑิตา. น หิ ตตฺถ สูรนฺติ ตสฺมึ ปาปกรเณ สูรํ ปคพฺภธํสินํ น หิ ปสํสนฺติ. เตนาห ‘‘ภยา หิ สนฺโต น กโรนฺติ ปาป’’นฺติ. ตตฺถ ภยาติ ปาปุตฺราสโต, โอตฺตปฺปเหตูติ อตฺโถ.
ฉมฺภิตสฺสาติ ถมฺภิตสฺส, ถ-การสฺส ฉ-การาเทโส. ตทตฺถมาห ‘‘สกลสรีรจลน’’นฺติ, ภยวเสน สกลกายปกมฺปนนฺติ อตฺโถ. อุยฺโยธนํ สมฺปหาโร.
เอเกติ อุตฺตรวิหารวาสิโน. ‘‘ราชคเห’’ติอาทิ เตสมธิปฺปายวิวรณํ. เอเกกสฺมึ มหาทฺวาเร ทฺเว ทฺเว กตฺวา จตุสฏฺิ ขุทฺทกทฺวารานิ. ‘‘ตทา’’ติอาทินา อการณภาเว เหตุํ ทสฺเสติ.
อิทานิ สกวาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ชีวโก กิรา’’ติอาทิ อาสงฺกนาการทสฺสนํ. อสฺสาติ อชาตสตฺตุรฺโ. อุกฺกณฺิโตติ อนภิรโต. ฉตฺตํ อุสฺสาเปตุกาโม ¶ มฺเติ สมฺพนฺโธ ¶ . ภายิตฺวาติ ภายนเหตุ. ตสฺสาติ ชีวกสฺส. สมฺมสทฺโท สมานตฺโถ, สมานภาโว จ วเยนาติ อาห ‘‘วยสฺสาภิลาโป’’ติ. วเยน สมาโน วยสฺโส ยถา ‘‘เอกราชา หริสฺสวณฺโณ’’ติ (ชา. ๑.๒.๑๗). สมานสทฺทสฺส หิ สาเทสมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, เตน อภิลาโป อาลปนํ ตถา, รุฬฺหีนิทฺเทโส เอส, ‘‘มาริสา’’ติ อาลปนมิว. ยถา หิ มาริสาติ นิทฺทุกฺขตาภิลาโป สทุกฺเขปิ เนรยิเก วุจฺจติ ‘‘ยทา โข เต มาริส สงฺกุนา สงฺกุ หทเย สมาคจฺเฉยฺยา’’ติอาทีสุ, (ม. นิ. ๑.๕๑๒) เอวํ โย โกจิ สหาโย อสมานวโยปิ ‘‘สมฺมา’’ติ วุจฺจตีติ, ตสฺมา สหายาภิลาโป อิจฺเจว อตฺโถ. กจฺจิ น วฺเจสีติ ปาฬิยา สมฺพนฺโธ. ‘‘น ปลมฺเภสี’’ติ วุตฺเตปิ อิธ ปริกปฺปตฺโถว สมฺภวตีติ วุตฺตํ ‘‘น วิปฺปลมฺเภยฺยาสี’’ติ, น ปโลเภยฺยาสีติ อตฺโถ. กถาย สลฺลาโป, โส เอว นิคฺโฆโส ตถา.
วินสฺเสยฺยาติ จิตฺตวิฆาเตน วิหฺเยฺย. ‘‘น ตํ เทวา’’ติอาทิวจนํ สนฺธาย ‘‘ทฬฺหํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ตุริตวเสนิทมาเมฑิตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ตรมาโนวา’’ติ อิมินา. ‘‘อภิกฺกม มหาราชา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอเต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ สสมฺพนฺธมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มหาราช โจรพลํ นามา’’ติอาทิมาห.
สามฺผลปุจฺฉาวณฺณนา
๑๖๐. อยํ พหิทฺวารโกฏฺโกกาโส นาคสฺส ภูมิ นาม. เตนาห ‘‘วิหารสฺสา’’ติอาทิ. ภควโต เตโชติ พุทฺธานุภาโว. รฺโ สรีรํ ผริ ยถา ตํ โสณทณฺฑสฺส พฺราหฺมณสฺส ภควโต สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตสฺส อนฺโตวนสณฺฑคตสฺส. ‘‘อตฺตโน อปราธํ สริตฺวา มหาภยํ อุปฺปชฺชี’’ติ อิทํ เสทมฺุจนสฺส การณทสฺสนํ. น หิ พุทฺธานุภาวโต เสทมฺุจนํ สมฺภวติ กายจิตฺตปสฺสทฺธิเหตุภาวโต.
เอเกติ อุตฺตรวิหารวาสิโนเยว. ตทยุตฺตเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘อิมินา’’ติอาทินา. อภิมาเรติ ธนุคฺคเห. ธนปาลนฺติ นาฬาคิรึ. โส หิ ตทา นาคเรหิ ปูชิตธนราสิโน ลพฺภนโต ‘‘ธนปาโล’’ติ โวหรียติ. น เกวลํ ทิฏฺปุพฺพโตเยว, อถ โข ปกติยาปิ ภควา สฺาโตติ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา หี’’ติอาทิมาห. อากิณฺณวรลกฺขโณติ พตฺตึส มหาปุริสลกฺขเณ สนฺธายาห. อนุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิโตติ อสีตานุพฺยฺชเน (ชินาลงฺการฏีกาย วิชาตมงฺคลวณฺณนายํ วิตฺถาโร). ฉพฺพณฺณาหิ รสฺมีหีติ ตทา วตฺตมานา รสฺมิโย. อิสฺสริยลีฬายาติ ¶ อิสฺสริยวิลาเสน. นนุ จ ภควโต สนฺติเก อิสฺสริยลีลาย ปุจฺฉา อคารโวเยว สิยาติ โจทนาย ‘‘ปกติ เหสา’’ติอาทิมาห, ปกติยา ปุจฺฉนโต น อคารโวติ อธิปฺปาโย. ปริวาเรตฺวา นิสินฺเนน ภิกฺขุสงฺเฆน ปุเร กเตปิ อตฺถโต ตสฺส ปุรโต นิสินฺโน นาม. เตนาห ‘‘ปริวาเรตฺวา’’ติอาทิ.
๑๖๑. เยน, เตนาติ จ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ยตฺถ, ตตฺถา’’ติ อิมินา. เยน มณฺฑลสฺส ทฺวารํ, เตนูปสงฺกมีติ สมฺปตฺตภาวสฺส วุตฺตตฺตา อิธ อุปคมนเมว ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘อุปคโต’’ติ. อนุจฺฉวิเก เอกสฺมึ ปเทเสติ ยตฺถ วิฺุชาติกา อฏฺํสุ, ตสฺมึ. โก ปเนส อนุจฺฉวิกปเทโส นาม? อติทูรตาทิฉนิสชฺชโทสวิรหิโต ปเทโส, นปจฺฉตาทิอฏฺนิสชฺชโทสวิรหิโต วา. ยถาหุ อฏฺกถาจริยา –
‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;
น กจฺเฉ โน ปฏิวาเต, น จาปิ โอนตุนฺนเต;
อิเม โทเส วิสฺสชฺเชตฺวา, เอกมนฺตํ ิตา อหู’’ติ. (ขุ. ปา. อฏฺ. เอวมิจฺจาทิปาวณฺณนา; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๒๖๑);
ตทา ภิกฺขุสงฺเฆ ตุณฺหีภาวสฺส อนวเสสโต พฺยาปิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูต’’นฺติ วิจฺฉาวจนํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยโต…เป… เมวา’’ติ, ยโต ยโต ภิกฺขุโตติ อตฺโถ. หตฺเถน, หตฺถสฺส วา กุกตภาโว หตฺถกุกฺกุจฺจํ, อสฺโม, อสมฺปชฺกิริยา จ. ตถา ปาทกุกฺกุจฺจนฺติ เอตฺถาปิ. วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปเน, เตน ตทฺโปิ จกฺขุโสตาทิอสฺโม นตฺถีติ วิภาวิโต. ตตฺถ ปน จกฺขุอสํยโม สพฺพปโม ทุนฺนิวาริโต จาติ ตทภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ.
วิปฺปสนฺนรหทมิวาติ อนาวิโลทกสรมิว. เยเนตรหิ…เป… อิมินา เม…เป… โหตูติ สมฺพนฺโธ. อฺโ หิ อตฺถกฺกโม, อฺโ สทฺทกฺกโมติ ¶ อาห ‘‘เยนา’’ติอาทิ. ตตฺถ กายิก-วาจสิเกน อุปสเมน ลทฺเธน มานสิโกปิ อุปสโม อนุมานโต ลทฺโธ เอวาติ กตฺวา ‘‘มานสิเกน จา’’ติ วุตฺตํ. สีลูปสเมนาติ สีลสฺเมน. วุตฺตมตฺถํ โลกปกติยา สาเธนฺโต ‘‘ทุลฺลภฺหี’’ติอาทิมาห. ลทฺธาติ ลภิตฺวา.
อุปสมนฺติ อาจารสมฺปตฺติสงฺขาตํ สํยมํ. ‘‘เอว’’นฺติอาทินา ตถา อิจฺฉาย การณํ ทสฺเสติ ¶ . โสติ อยฺยโก, อุทยภทฺโท วา. ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ ตทตฺถ-สมตฺถนํ. ฆาเตสฺสติเยวาติ ตํกาลาเปกฺขาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ฆาเตสี’’ติ. อิทฺหิ สมฺปติเปกฺขวจนํ. ปฺจปริวฏฺโฏติ ปฺจราชปริวฏฺโฏ.
กสฺมา เอวมาห, นนุ ภควนฺตมุทฺทิสฺส ราชา น กิฺจิ วทตีติ อธิปฺปาโย. วจีเภเทติ ยถาวุตฺตอุทานวจีเภเท. ตุณฺหี นิรโวติ ปริยายวจนเมตํ. ‘‘อย’’นฺติอาทิ จิตฺตชานนาการทสฺสนํ. อยํ…เป… น สกฺขิสฺสตีติ ตฺวาติ สมฺพนฺโธ. วจนานนฺตรนฺติ อุทานวจนานนฺตรํ. เยนาติ ยตฺถ ปเทเส, เยน วา โสตปเถน. เยน เปมนฺติ เอตฺถาปิ ยถารหเมส นโย.
กตาปราธสฺส อาลปนํ นาม ทุกฺกรนฺติ สนฺธาย ‘‘มุขํ นปฺปโหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อาคมา โข ตฺวํ มหาราช ยถาเปม’’นฺติ วจนนิทฺทิฏฺํ วา ตทา ตทตฺถทีปนากาเรน ปวตฺตํ นานานยวิจิตฺตํ ภควโต มธุรวจนมฺปิ สนฺธาย เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอกมฺปิ หิ อตฺถํ ภควา ยถา โสตูนํ าณํ ปวตฺตติ, ตถา เทเสติ. ยํ สนฺธาย อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ‘‘ภควตา อพฺยากตํ ตนฺติปทํ นาม นตฺถิ, สพฺเพสฺเว อตฺโถปิ ภาสิโต’’ติ. ปฺจหากาเรหีติ อิฏฺานิฏฺเสุ สมภาวาทิสงฺขาเตหิ ปฺจหิ การเณหิ. วุตฺตฺเหตํ มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๓๘, ๑๖๒) –
‘‘ปฺจหากาเรหิ ตาที อิฏฺานิฏฺเ ตาที, จตฺตาวีติ ตาที, ติณฺณาวีติ ตาที, มุตฺตาวีติ ตาที, ตํนิทฺเทสา ตาที.
กถํ อรหา อิฏฺานิฏฺเ ตาที? อรหา ลาเภปิ ตาที, อลาเภปิ, ยเสปิ, อยเสปิ, ปสํสายปิ, นินฺทายปิ, สุเขปิ, ทุกฺเขปิ ตาที, เอกํ เจ พาหํ คนฺเธน ลิมฺเปยฺยุํ, เอกํ เจ พาหํ วาสิยา ¶ ตจฺเฉยฺยุํ, อมุสฺมึ นตฺถิ ราโค, อมุสฺมึ นตฺถิ ปฏิฆํ, อนุนยปฏิฆวิปฺปหีโน, อุคฺฆาตินิฆาติวีติวตฺโต, อนุโรธวิโรธสมติกฺกนฺโต, เอวํ อรหา อิฏฺานิฏฺเ ตาที.
กถํ อรหา จตฺตาวีติ ตาที? อรหโต…เป… ถมฺโภ, สารมฺโภ, มาโน, อติมาโน, มโท, ปมาโท, สพฺเพ กิเลสา, สพฺเพ ทุจฺจริตา, สพฺเพ ทรถา, สพฺเพ ปริฬาหา ¶ , สพฺเพ สนฺตาปา, สพฺพา กุสลาภิสงฺขารา จตฺตา วนฺตา มุตฺตา ปหีนา ปฏินิสฺสฏฺา, เอวํ อรหา จตฺตาวีติ ตาที.
กถํ อรหา ติณฺณาวีติ ตาที? อรหา กาโมฆํ ติณฺโณ, ภโวฆํ ติณฺโณ, ทิฏฺโฆํ ติณฺโณ, อวิชฺโชฆํ ติณฺโณ, สพฺพํ สํสารปถํ ติณฺโณ อุตฺติณฺโณ นิตฺติณฺโณ อติกฺกนฺโต สมติกฺกนฺโต วีติวตฺโต, โส วุฏฺวาโส จิณฺณจรโณ ชาติมรณสงฺขโย, ชาติมรณสํสาโร (มหานิ. ๓๘) นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโวติ, เอวํ อรหา ติณฺณาวีติ ตาที.
กถํ อรหา มุตฺตาวีติ ตาที? อรหโต ราคา จิตฺตํ มุตฺตํ วิมุตฺตํ สุวิมุตฺตํ, โทสา, โมหา, โกธา, อุปนาหา, มกฺขา, ปฬาสา, อิสฺสาย, มจฺฉริยา, มายาย, สาเยฺยา, ถมฺภา, สารมฺภา, มานา, อติมานา, มทา, ปมาทา, สพฺพกิเลเสหิ, สพฺพทุจฺจริเตหิ, สพฺพทรเถหิ, สพฺพปริฬาเหหิ, สพฺพสนฺตาเปหิ, สพฺพากุสลาภิสงฺขาเรหิ จิตฺตํ มุตฺตํ วิมุตฺตํ สุวิมุตฺตํ; เอวํ อรหา มุตฺตาวีติ ตาที.
กถํ อรหา ตํนิทฺเทสา ตาที? อรหา ‘สีเล สติ สีลวา’ติ ตํนิทฺเทสา ตาที, ‘สทฺธาย สติ สทฺโธ’ติ, ‘วีริเย สติ วีริยวา’ติ, ‘สติยา สติ สติมา’ติ, ‘สมาธิมฺหิ สติ สมาหิโต’ติ, ‘ปฺาย สติ ปฺวา’ติ, ‘วิชฺชาย สติ เตวิชฺโช’ติ, ‘อภิฺาย สติ ฉฬภิฺโ’ติ ตํนิทฺเทสา ตาที, เอวํ อรหา ตํนิทฺเทสา ตาที’’ติ.
ภควา ปน สพฺเพสมฺปิ ตาทีนมติสโย ตาที. เตนาห ‘‘สุปฺปติฏฺิโต’’ติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา กาฬการามสุตฺตนฺเต ‘‘อิติ โข ภิกฺขเว ¶ ตถาคโต ทิฏฺสุตมุตวิฺาตพฺเพสุ ธมฺเมสุ ตาทีเยว ตาที, ตมฺหา จ ปน ตาทิมฺหา อฺโ ตาที อุตฺตริตโร วา ปณีตตโร วา นตฺถีติ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔). อถ วา ปฺจวิธาริยิทฺธิสิทฺเธหิ ปฺจหากาเรหิ ตาทิลกฺขเณ สุปฺปติฏฺิโตติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ อายสฺมตา ธมฺมเสนาปตินา ปฏิสมฺภิทามคฺเค –
‘‘กตมา อริยา อิทฺธิ? อิธ ภิกฺขุ สเจ อากงฺขติ ‘ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฏิกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ, สเจ อากงฺขติ ‘อปฺปฏิกูเล ¶ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฏิกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ, สเจ อากงฺขติ ‘ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, อปฺปฏิกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ, สเจ อากงฺขติ ‘อปฺปฏิกูเล จ ปฏิกูเล จ ปฏิกูลสฺี วิหเรยฺย’นฺติ, ปฏิกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ, สเจ อากงฺขติ ‘ปฏิกูเล จ อปฺปฏิกูเล จ ตทุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อุเปกฺขโก วิหเรยฺยํ สโต สมฺปชาโน’ติ, อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโน’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๗).
พหิทฺธาติ สาสนโต พหิสมเย.
๑๖๒. เอสาติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วนฺทนากาโร. ตมตฺถํ โลกสิทฺธาย อุปมาย สาเธตุํ ‘‘ราชาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. โอกาสนฺติ ปุจฺฉิตพฺพฏฺานํ.
น เม ปฺหวิสฺสชฺชเน ภาโร อตฺถีติ สตฺถุ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย อตฺถโต อาปนฺนาย ทสฺสนํ. ‘‘ยทิ อากงฺขสี’’ติ วุตฺเตเยว หิ เอส อตฺโถ อาปนฺโน โหติ. สพฺพํ เต วิสฺสชฺเชสฺสามีติ เอตฺถาปิ อยํ นโย. ‘‘ยํ อากงฺขสิ, ตํ ปุจฺฉา’’ติ วจเนเนว หิ อยมตฺโถ สิชฺฌติ. อสาธารณํ สพฺพฺุปวารณนฺติ สมฺพนฺโธ. ยทิ ‘‘ยทากงฺขสี’’ติ น วทนฺติ, อถ กถํ วทนฺตีติ อาห ‘‘สุตฺวา’’ติอาทิ. ปเทสาเณเยว ิตตฺตา ตถา วทนฺตีติ เวทิตพฺพํ. พุทฺธา ปน สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรนฺตีติ สมฺพนฺโธ.
‘‘ปุจฺฉาวุโส ยทากงฺขสี’’ติอาทีนิ สุตฺตปทานิ เยสํ ปุคฺคลานํ วเสน อาคตานิ, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ยกฺขนรินฺทเทวสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ หิ ‘‘ปุจฺฉาวุโส ยทากงฺขสี’’ติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ¶ โอกาสกรณํ, ‘‘ปุจฺฉ มหาราชา’’ติ นรินฺทานํ, ‘‘ปุจฺฉ วาสวา’’ติอาทิ เทวานมินฺทสฺส, ‘‘เตน หี’’ติอาทิ สมณานํ, ‘‘พาวริสฺส จา’’ติอาทิ พฺราหฺมณานํ, ‘‘ปุจฺฉ มํ สภิยา’’ติอาทิ ปริพฺพาชกานํ โอกาสกรณนฺติ ทฏฺพฺพํ. วาสวาติ เทวานมินฺทาลปนํ. ตเทตฺหิ สกฺกปฺหสุตฺเต. มนสิจฺฉสีติ มนสา อิจฺฉสิ.
กตาวกาสาติ ยสฺมา ตุมฺเห มยา กโตกาสา, ตสฺมา พาวริสฺส จ ตุยฺหํ อชิตสฺส จ สพฺเพสฺจ เสสานํ ยํ กิฺจิ สพฺพํ สํสยํ ยถา มนสา อิจฺฉถ, ตถา ปุจฺฉวฺโห ปุจฺฉถาติ โยชนา. เอตฺถ จ พาวริสฺส สํสยํ มนสา ปุจฺฉวฺโห, ตุมฺหากํ ปน สพฺเพสํ สํสยํ มนสา จ ¶ อฺถา จ ยถา อิจฺฉถ, ตถา ปุจฺฉวฺโหติ อธิปฺปาโย. พาวรี หิ ‘‘อตฺตโน สํสยํ มนสาว ปุจฺฉถา’’ติ อนฺเตวาสิเก อาณาเปสิ. วุตฺตฺหิ –
‘‘อนาวรณทสฺสาวี, ยทิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ;
มนสา ปุจฺฉิเต ปฺเห, วาจาย วิสฺสเชสฺสตี’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๑๑);
ตเทตํ ปารายนวคฺเค. ตถา ‘‘ปุจฺฉ มํ สภิยา’’ติอาทิปิ.
พุทฺธภูมินฺติ พุทฺธฏฺานํ, อาสวกฺขยาณํ, สพฺพฺุตฺาณฺจ. โพธิสตฺตภูมิ นาม โพธิสตฺตฏฺานํ ปารมีสมฺภรณาณํ, ภูมิสทฺโท วา อวตฺถาวาจโก, พุทฺธาวตฺถํ, โพธิสตฺตาวตฺถายนฺติ จ อตฺโถ. เอกตฺตนเยน หิ ปวตฺเตสุ ขนฺเธสุ อวตฺถาเยว ตํ ตทาการนิสฺสิตา.
โย ภควา โพธิสตฺตภูมิยํ ปเทสาเณ ิโต สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ, ตสฺส ตเทว อจฺฉริยนฺติ สมฺพนฺโธ. กถนฺติ อาห ‘‘โกณฺฑฺ ปฺหานี’’ติอาทิ. ตตฺถ โกณฺฑฺาติ โคตฺตวเสน สรภงฺคมาลปนฺติ. วิยากโรหีติ พฺยากโรหิ. สาธุรูปาติ สาธุสภาวา. ธมฺโมติ สนนฺตโน ปเวณีธมฺโม. ยนฺติ อาคมนกิริยาปรามสนํ, เยน วา การเณน อาคจฺฉติ, เตน วิยากโรหีติ สมฺพนฺโธ. วุทฺธนฺติ สีลปฺาทีหิ วุทฺธิปฺปตฺตํ, ครุนฺติ อตฺโถ. เอส ภาโรติ สํสยุปจฺเฉทนสงฺขาโต เอโส ภาโร, อาคโต ภาโร ตยา อวสฺสํ วหิตพฺโพติ อธิปฺปาโย.
มยา ¶ กตาวกาสา โภนฺโต ปุจฺฉนฺตุ. กสฺมาติ เจ? อหฺหิ ตํ ตํ โว พฺยากริสฺสํ ตฺวา สยํ โลกมิมํ, ปรฺจาติ. สยนฺติ จ สยเมว ปรูปเทเสน วินา. เอวํ สรภงฺคกาเล สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสีติ สมฺพนฺโธ.
ปฺหานนฺติ ธมฺมยาคปฺหานํ. อนฺตกรนฺติ นิฏฺานกรํ. สุจิรเตนาติ เอวํ นามเกน พฺราหฺมเณน. ปุฏฺุนฺติ ปุจฺฉิตุํ. ชาติยาติ ปฏิสนฺธิยา, ‘‘วิชาติยา’’ติปิ วทนฺติ. ปํสุํ กีฬนฺโต สมฺภวกุมาโร นิสินฺโนว หุตฺวา ปวาเรสีติ โยเชตพฺพํ.
ตคฺฆาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต. ยถาปิ กุสโล ตถาติ ยถา สพฺพธมฺมกุสโล สพฺพธมฺมวิทู พุทฺโธ ชานาติ กเถติ, ตถา เต อหมกฺขิสฺสนฺติ อตฺโถ. ชานาติ-สทฺโท หิ อิธ สมฺพนฺธมุปคจฺฉติ ¶ . ยถาห ‘‘เยน ยสฺส หิ สมฺพนฺโธ, ทูรฏฺมฺปิ จ ตสฺส ต’’นฺติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา). ชานนา เจตฺถ กถนา. ยถา ‘‘อิมินา อิมํ ชานาตี’’ติ วุตฺโตวายมตฺโถ อาจริเยน. ราชา จ โข ตํ ยทิ กาหติ วา, น วาติ โย ตํ อิธ ปุจฺฉิตุํ เปเสสิ, โส โกรพฺยราชา ตํ ตยา ปุจฺฉิตมตฺถํ, ตยา วา ปุฏฺเน มยา อกฺขาตมตฺถํ ยทิ กโรตุ วา, น วา กโรตุ, อหํ ปน ยถาธมฺมํ เต อกฺขิสฺสํ อาจิกฺขิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. ชาตกฏฺกถายํ ปน –
‘‘ราชา จ โข ตนฺติ อหํ ตํ ปฺหํ ยถา ตุมฺหากํ ราชา ชานาติ ชานิตุํ สกฺโกติ, ตถา อกฺขิสฺสํ. ตโต อุตฺตริ ราชา ยถา ชานาติ, ตถา ยทิ กริสฺสติ วา, น วา กริสฺสติ, กโรนฺตสฺส วา อกโรนฺตสฺส วา ตสฺเสเวตํ ภวิสฺสติ, มยฺหํ ปน โทโส นตฺถีติ ทีเปตี’’ติ (ชา. อฏฺ. ๕.๑๖.๑๗๒) –
ชานาติ-สทฺโท วากฺยทฺวยสาธารณวเสน วุตฺโต.
๑๖๓. สิปฺปเมว สิปฺปายตนํ อายตนสทฺทสฺส ตพฺภาววุตฺติตฺตา. อปิจ สิกฺขิตพฺพตาย สิปฺปฺจ ตํ สตฺตานํ ชีวิตวุตฺติยา การณภาวโต, นิสฺสยภาวโต วา อายตนฺจาติ สิปฺปายตนํ. เสยฺยถิทนฺติ เอโกว นิปาโต, นิปาตสมุทาโย วา. ตสฺส เต กตเมติ ¶ อิธ อตฺโถติ อาห ‘‘กตเม ปน เต’’ติ. อิเม กตเมติปิ ปจฺเจกมตฺโถ ยุชฺชติ. เอวํ สพฺพตฺถ. อิทฺจ วตฺตพฺพาเปกฺขนวเสน วุตฺตํ, ตสฺมา เต สิปฺปายตนิกา กตเมติ อตฺโถ. ‘‘ปุถุสิปฺปายตนานี’’ติ หิ สาธารณโต สิปฺปานิ อุทฺทิสิตฺวา อุปริ ตํตํสิปฺปูปชีวิโนว นิทฺทิฏฺา ปุคฺคลาธิฏฺานาย กถาย. กสฺมาติ เจ? ปปฺจํ ปริหริตุกามตฺตา. อฺถา หิ ยถาธิปฺเปตานิ ตาว สิปฺปายตนานิ ทสฺเสตฺวา ปุน ตํตํสิปฺปูปชีวิโนปิ ทสฺเสตพฺพา สิยุํ เตสเมเวตฺถ ปธานโต อธิปฺเปตตฺตา. เอวฺจ สติ กถาปปฺโจ ภเวยฺย, ตสฺมา ตํ ปปฺจํ ปริหริตุํ สิปฺปูปชีวีหิ ตํตํสิปฺปายตนานิ สงฺคเหตฺวา เอวมาหาติ ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘หตฺถาโรหาติอาทีหิ เย ตํ ตํ สิปฺปํ นิสฺสาย ชีวนฺติ, เต ทสฺเสตี’’ติ วุตฺตํ. กสฺมาติ อาห ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ. สิปฺปํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตีติ สิปฺปูปชีวิโน.
หตฺถิมาโรหนฺตีติ หตฺถาโรหา, หตฺถารุฬฺหโยธา. หตฺถึ อาโรหาปยนฺตีติ หตฺถาโรหา, หตฺถาจริย หตฺถิเวชฺช หตฺถิเมณฺฑาทโย. เยน หิ ปโยเคน ปุริโส หตฺถิโน อาโรหนโยคฺโค โหติ, ตํ หตฺถิสฺส ปโยคํ วิธายนฺตานํ สพฺเพสมฺเปเตสํ คหณํ. เตนาห ‘‘สพฺเพปี’’ติอาทิ. ตตฺถ ¶ หตฺถาจริยา นาม เย หตฺถิโน, หตฺถาโรหกานฺจ สิกฺขาปกา. หตฺถิเวชฺชา นาม หตฺถิภิสกฺกา. หตฺถิเมณฺฑา นาม หตฺถีนํ ปาทรกฺขกา. หตฺถึ มณฺฑยนฺติ รกฺขนฺตีติ หตฺถิมณฺฑา, เตเยว หตฺถิเมณฺฑา, หตฺถึ มิเนนฺติ สมฺมา วิทหเนน หึสนฺตีติ วา หตฺถิเมณฺฑา. อาทิ-สทฺเทน หตฺถีนํ ยวปทายกาทโย สงฺคณฺหาติ. อสฺสาโรหาติ เอตฺถาปิ สุทฺธเหตุกตฺตุวเสน ยถาวุตฺโตว อตฺโถ. รเถ นิยุตฺตา รถิกา. รถรกฺขา นาม รถสฺส อาณิรกฺขกา. ธนุํ คณฺหนฺตีติ ธนุคฺคหา, อิสฺสาสา, ธนุํ คณฺหาเปนฺตีติ ธนุคฺคหา, ธนุสิปฺปสิกฺขาปกา ธนฺวาจริยา.
เจเลน เจลปฏากาย ยุทฺเธ อกนฺติ คจฺฉนฺตีติ เจลกา, ชยทฺธชคาหกาติ อาห ‘‘เย ยุทฺเธ’’ติอาทิ. ชยธชนฺติ ชยนตฺถํ, ชยกาเล วา ปคฺคหิตธชํ. ปุรโตติ เสนาย ปุพฺเพ. ยถา ตถา ิเต เสนิเก พฺยูหวิจารณวเสน ตโต ตโต จลยนฺติ อุจฺจาเลนฺตีติ จลกาติ วุตฺตํ ‘‘อิธ รฺโ’’ติอาทิ. สกุณคฺฆิอาทโย วิย มํสปิณฺฑํ ปรเสนาสมูหสงฺขาตํ ปิณฺฑํ สาหสิกตาย เฉตฺวา เฉตฺวา ¶ ทยนฺติ อุปฺปติตฺวา อุปฺปติตฺวา นิคฺคจฺฉนฺตีติ ปิณฺฑทายกา. เตนาห ‘‘เต กิรา’’ติอาทิ. สาหสํ กโรนฺตีติ สาหสิกา, เตเยว มหาโยธา. ปิณฺฑมิวาติ ตาลผลปิณฺฑมิวาติ วทนฺติ, ‘‘มํสปิณฺฑมิวา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๓) อาจริเยน วุตฺตํ. สพฺพตฺถ ‘‘อาจริเยนา’’ติ วุตฺเต อาจริยธมฺมปาลตฺเถโรว คเหตพฺโพ. ทุติยวิกปฺเป ปิณฺเฑ ชนสมูหสงฺขาเต สมฺมทฺเท ทยนฺติ อุปฺปตนฺตา วิย คจฺฉนฺตีติ ปิณฺฑทายกา, ทย-สทฺโท คติยํ, อย-สทฺทสฺส วา ท-การาคเมน นิปฺผตฺติ.
อุคฺคตุคฺคตาติ สงฺคามํ ปตฺวา ชวปรกฺกมาทิวเสน อติวิย อุคฺคตา. ตเทวาติ ปเรหิ วุตฺตํ ตเมว สีสํ วา อาวุธํ วา. ปกฺขนฺทนฺตีติ วีรสูรภาเวน อสชฺชมานา ปรเสนมนุปวิสนฺติ. ถามชวพลปรกฺกมาทิสมฺปตฺติยา มหานาคสทิสตา. เตนาห ‘‘หตฺถิอาทีสุปี’’ติอาทิ. เอกนฺตสูราติ เอกจรสูรา อนฺตสทฺทสฺส ตพฺภาววุตฺติโต, สูรภาเวน เอกากิโน หุตฺวา ยุชฺฌนกาติ อตฺโถ. สชาลิกาติ สวมฺมิกา. สนฺนาโห กงฺกโฏ วมฺมํ กวโจ อุรจฺฉโท ชาลิกาติ หิ อตฺถโต เอกํ. สจมฺมิกาติ ชาลิกา วิย สรีรปริตฺตาเณน จมฺเมน สจมฺมิกา. จมฺมกฺจุกนฺติ จมฺมมยกฺจุกํ. ปวิสิตฺวาติ ตสฺส อนฺโต หุตฺวา, ปฏิมฺุจิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สรปริตฺตาณํ จมฺมนฺติ จมฺมปฏิสิพฺพิตํ เจลกํ, จมฺมมยํ วา ผลกํ. พลวสิเนหาติ สามินิ อติสยเปมา. ฆรทาสโยธาติ อนฺโตชาตทาสปริยาปนฺนา โยธา, ‘‘ฆรทาสิกปุตฺตา’’ติปิ ปาโ, อนฺโตชาตทาสีนํ ปุตฺตาติ อตฺโถ.
อาฬารํ ¶ วุจฺจติ มหานสํ, ตตฺถ นิยุตฺตา อาฬาริกา. ปูวิกาติ ปูวสมฺปาทกา, เย ปูวเมว นานปฺปการโต สมฺปาเทตฺวา วิกฺกิณนฺตา ชีวนฺติ. เกสนขสณฺปนาทิวเสน มนุสฺสานํ อลงฺการวิธึ กปฺเปนฺติ สํวิทหนฺตีติ กปฺปกา. จุณฺณวิเลปนาทีหิ มลหรณวณฺณสมฺปาทนวิธินา นฺหาเปนฺติ นหานํ กโรนฺตีติ นฺหาปิกา. นวนฺตาทิวิธินา ปวตฺโต คณนคนฺโถ อนฺตรา ฉิทฺทาภาเวน อจฺฉิทฺทโกติ วุจฺจติ, ตเทว ปเนฺตีติ อจฺฉิทฺทกปากา. หตฺเถน อธิปฺปายวิฺาปนํ, คณนํ วา หตฺถมุทฺทา. องฺคุลิสงฺโกจนฺหิ มุทฺทาติ วุจฺจติ, เตน จ วิฺาปนํ, คณนํ วา โหติ. หตฺถสทฺโท เจตฺถ ตเทกเทเสสุ องฺคุลีสุ ทฏฺพฺโพ ‘‘น ภฺุชมาโน สพฺพํ ¶ หตฺถํ มุเข ปกฺขิปิสฺสามี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๑๘) วิย, ตมุปนิสฺสาย ชีวนฺตีติ มุทฺทิกา. เตนาห ‘‘หตฺถมุทฺทายา’’ติอาทิ.
อยกาโร กมฺมารการโก. ทนฺตกาโร ภมกาโร. จิตฺตกาโร เลปจิตฺตกาโร. อาทิ-สทฺเทน โกฏฺฏกเลขกวิลีวการอิฏฺกการทารุการาทีนํ สงฺคโห. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. กรณนิปฺผาทนวเสน ทสฺเสตฺวา. สนฺทิฏฺิกเมวาติ อสมฺปรายิกตาย สามํ ทฏฺพฺพํ, สยมนุภวิตพฺพํ อตฺตปจฺจกฺขนฺติ อตฺโถ. อุปชีวนฺตีติ อุปนิสฺสาย ชีวนฺติ. สุขิตนฺติ สุขปฺปตฺตํ. ถามพลูเปตภาโวว ปีณนนฺติ อาห ‘‘ปีณิตํ ถามพลูเปต’’นฺติ. อุปรีติ เทวโลเก. ตถา อุทฺธนฺติปิ. โส หิ มนุสฺสโลกโต อุปริโม. อคฺคํ วิยาติ อคฺคํ, ผลํ. ‘‘กมฺมสฺส กตตฺตา ผลสฺส นิพฺพตฺตนโต ตํ กมฺมสฺส อคฺคิสิขา วิย โหตี’’ติ อาจริเยน วุตฺตํ. อปิจ สคฺคนฺติ อุตฺตมํ, ผลํ. สคฺคนฺติ สุฏฺุ อคฺคํ, รูปสทฺทาทิทสวิธํ อตฺตโน ผลํ นิปฺผาเทตุํ อรหตีติ อตฺโถ. สุอคฺคิกาว นิรุตฺตินเยน โสวคฺคิกา, ทกฺขิณาสทฺทาเปกฺขาย จ สพฺพตฺถ อิตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส. สุโขติ สุขูปาโย อิฏฺโ กนฺโต. อคฺเคติ อุฬาเร. อตฺตนา ปริภฺุชิตพฺพํ พาหิรํ รูปํ, อตฺตโน วณฺณโปกฺขรตา วณฺโณติ อยเมเตสํ วิเสโส. ทกฺขนฺติ วฑฺฒนฺติ เอตายาติ ทกฺขิณา, ปริจฺจาคมยํ ปฺุนฺติ อาห ‘‘ทกฺขิณํ ทาน’’นฺติ.
มคฺโค สามฺํ สมิตปาปสงฺขาตสฺส สมณสฺส ภาโวติ กตฺวา, ตสฺส วิปากตฺตา อริยผลํ สามฺผลํ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา มหาวคฺคสํยุตฺตปาฬิวเสน ตทตฺถํ สาเธติ. ตํ เอส ราชา น ชานาติ อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย. ยสฺมา ปเนส ‘‘ทาสกสฺสกาทิภูตานํ ปพฺพชิตานํ โลกโต อภิวาทนาทิลาโภ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ นามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อีทิสมตฺถํ ชานนฺโต’’ติ วีมํสนฺโต ปูรณาทิเก ปุจฺฉิตฺวา เตสํ กถาย อนธิคตวิตฺโต ภควนฺตมฺปิ เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ทาสกสฺสโกปมํ สนฺธาย ปุจฺฉตี’’ติ.
ราชามจฺจาติ ¶ ¶ ราชกุลสมุทาคตา อมจฺจา, อนุยุตฺตกราชาโน เจว อมจฺจา จาติปิ อตฺโถ. กณฺหปกฺขนฺติ ยถาปุจฺฉิเต อตฺเถ ลพฺภมานทิฏฺิคตูปสํหิตํ สํกิเลสปกฺขํ. สุกฺกปกฺขนฺติ ตพฺพิธุรํ อุปริ สุตฺตาคตํ โวทานปกฺขํ. สมณโกลาหลนฺติ สมณโกตูหลํ ตํ ตํ สมณวาทานํ อฺมฺวิโรธํ. สมณภณฺฑนนฺติ เตเนว วิโรเธน ‘‘เอวํวาทีนํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ อยํ โทโส, เอวํวาทีนํ เตสํ อยํ โทโส’’ติ เอวํ ตํ ตํ วาทสฺส ปริภาสนํ. อิสฺสรานุวตฺตโก หิ โลโกติ ธมฺมตาทสฺสเนน ตทตฺถสมตฺถนํ. อตฺตโน เทสนาโกสลฺเลน รฺโ ภารํ กโรนฺโต, น ตทฺเน ปรวมฺภนาทิการเณน.
๑๖๔. นุ-สทฺโท วิย โน-สทฺโทปิ ปุจฺฉายํ นิปาโตติ อาห ‘‘อภิชานาสิ นู’’ติ. อยฺจาติ เอตฺถ จ-สทฺโท น เกวลํ อภิชานาสิปเทเนว, อถ โข ‘‘ปุจฺฉิตา’’ติ ปเทน จาติ สมุจฺจยตฺโถ. กถํ โยเชตพฺโพติ อนุโยคมปเนติ ‘‘อิทฺหี’’ติอาทินา. ปุจฺฉิตา นูติ ปุพฺเพ ปุจฺฉํ กตฺตา นุ. นํ ปุฏฺภาวนฺติ ตาทิสํ ปุจฺฉิตภาวํ อภิชานาสิ นุ. น เต สมฺมุฏฺนฺติ ตว น ปมุฏฺํ วตาติ อตฺโถ. อผาสุกภาโวติ ตถา ภาสเนน อสุขภาโว. ปณฺฑิตปติรูปกานนฺติ (สามํ วิย อตฺตโน สกฺการานํ ปณฺฑิตภาสานํ) อามํ วิย ปกฺกานํ ปณฺฑิตา ภาสานํ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๓) ปาฬิปทอตฺถพฺยฺชเนสูติ ปาฬิสงฺขาเต ปเท, ตทตฺเถ ตปฺปริยาปนฺนกฺขเร จ, วากฺยปริยาโย วา พฺยฺชนสทฺโท ‘‘อกฺขรํ ปทํ พฺยฺชน’’นฺติอาทีสุ (เนตฺติ. ๒๘) วิย. ภควโต รูปํ สภาโว วิย รูปมสฺสาติ ภควนฺตรูโป, ภควา วิย เอกนฺตปณฺฑิโตติ อตฺโถ.
ปูรณกสฺสปวาทวณฺณนา
๑๖๕. เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทนฺติ นิปาตมตฺตํ, เอกํ สมยมิจฺเจว อตฺโถ. สมฺโมเทติ สมฺโมทนํ กโรตีติ สมฺโมทนียํ. อนียสทฺโท หิ พหุลา กตฺวตฺถาภิธายโก ยถา ‘‘นิยฺยานิกา’’ติ, (ธ. ส. สุตฺตนฺตทุกมาติกา ๙๗) สมฺโมทนํ วา ชเนตีติ สมฺโมทนิยํ ตทฺธิตวเสน. สริตพฺพนฺติ สารณียํ, สรณสฺส อนุจฺฉวิกนฺติ วา สารณิยํ, เอตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมฺโมทชนกํ สริตพฺพยุตฺตก’’นฺติ วุตฺตํ, สริตพฺพยุตฺตกนฺติ จ สรณานุจฺฉวิกนฺติ อตฺโถ.
๑๖๖. สหตฺถาติ ¶ สหตฺเถเนว, เตน สุทฺธกตฺตารํ ทสฺเสติ, อาณตฺติยาติ ปน เหตุกตฺตารํ, นิสฺสคฺคิยถาวราทโยปิ อิธ สหตฺถ กรเณเนว สงฺคหิตา. หตฺถาทีนีติ หตฺถปาทกณฺณนาสาทีนิ. ปจนํ ทหนํ วิพาธนนฺติ อาห ‘‘ทณฺเฑน อุปฺปีเฬนฺตสฺสา’’ติ. ปปฺจสูทนิยํ นาม มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ ¶ ปน ‘‘ปจโต’’ติ เอตสฺส ‘‘ตชฺเชนฺตสฺส วา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๙๗) ทุติโยปิ อตฺโถ วุตฺโต, อิธ ปน ตชฺชนํ, ปริภาสนฺจ ทณฺเฑน สงฺคเหตฺวา ‘‘ทณฺเฑน อุปฺปีเฬนฺตสฺส อิจฺเจว วุตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๖) อาจริเยน วุตฺตํ, อธุนา ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ตชฺเชนฺตสฺส วา’’ติ ปาโปิ พหุโส ทิสฺสติ. โสกนฺติ โสกการณํ, โสจนนฺติปิ ยุชฺชติ การณสมฺปาทเนน ผลสฺสปิ กตฺตพฺพโต. ปเรหีติ อตฺตโน วจนกเรหิ กมฺมภูเตหิ. ผนฺทโตติ เอตฺถ ปรสฺส ผนฺทนวเสน สุทฺธกตฺตุตฺโถ น ลพฺภติ, อถ โข อตฺตโน ผนฺทนวเสเนวาติ อาห ‘‘ปรํ ผนฺทนฺตํ ผนฺทนกาเล สยมฺปิ ผนฺทโต’’ติ, อตฺตนา กเตน ปรสฺส วิพาธนปโยเคน สยมฺปิ ผนฺทโตติ อตฺโถ. ‘‘อติปาตาปยโต’’ติ ปทํ สุทฺธกตฺตริ, เหตุกตฺตริ จ ปวตฺตตีติ ทสฺเสติ ‘‘หนนฺตสฺสาปิ หนาเปนฺตสฺสาปี’’ติ อิมินา. สพฺพตฺถาติ ‘‘อาทิยโต’’ติอาทีสุ. กรณการณวเสนาติ สยํการปรํการวเสน.
ฆรภิตฺติยา อนฺโต จ พหิ จ สนฺธิ ฆรสนฺธิ. กิฺจิปิ อเสเสตฺวา นิรวเสโส โลโป วิลุมฺปนํ นิลฺโลโปติ อาห ‘‘มหาวิโลป’’นฺติ. เอกาคาเร นิยุตฺโต วิโลโป เอกาคาริโก. เตนาห ‘‘เอกเมวา’’ติอาทิ. ‘‘ปริปนฺเถ ติฏฺโต’’ติ เอตฺถ อจฺฉินฺทนตฺถเมว ติฏฺตีติ อยมตฺโถ ปกรณโต สิทฺโธติ ทสฺเสติ ‘‘อาคตาคตาน’’นฺติอาทินา. ‘‘ปริโต สพฺพโส ปนฺเถ หนนํ ปริปนฺโถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๖) อยมตฺโถปิ อาจริเยน วุตฺโต. กโรมีติ สฺายาติ สฺเจตนิกภาวมาห, เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘สฺจิจฺจ กโรโตปิ น กรียติ นาม, ปเคว อสฺจิจฺจา’’ติ. ปาปํ น กรียตีติ ปุพฺเพ อสโต อุปฺปาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ปาปํ อกตเมว นาม. เตนาห ‘‘นตฺถิ ปาป’’นฺติ.
ยทิ เอวํ กถํ สตฺตา ปาเป ปวตฺตนฺตีติ อตฺตโน วาเท ปเรหิ อาโรปิตํ โทสมปเนตุกาโม ปูรโณ อิมมตฺถมฺปิ ทสฺเสตีติ อาห ‘‘สตฺตา ปนา’’ติอาทิ. สฺามตฺตเมตํ ‘‘ปาปํ กโรนฺตี’’ติ, ปาปํ ¶ ปน นตฺเถวาติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ กิรสฺส โหติ – อิเมสํ สตฺตานํ หึสาทิกิริยา อตฺตานํ น ปาปุณาติ ตสฺส นิจฺจตาย นิพฺพิการตฺตา, สรีรํ ปน อเจตนํ กฏฺกลิงฺครูปมํ, ตสฺมึ วิโกปิเตปิ น กิฺจิ ปาปนฺติ. ปริยนฺโต วุจฺจติ เนมิ ปริโยสาเน ิตตฺตา. เตน วุตฺตํ อาจริเยน ‘‘นิสิตขุรมยเนมินา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๖). ทุติยวิกปฺเป จกฺกปริโยสานเมว ปริยนฺโต, ขุเรน สทิโส ปริยนฺโต ยสฺสาติ ขุรปริยนฺโต. ขุรคฺคหเณน เจตฺถ ขุรธารา คหิตา ตทวโรธโต. ปาฬิยํ จกฺเกนาติ จกฺกาการกเตน อาวุธวิเสเสน. ตํ มํสขลกรณสงฺขาตํ นิทานํ การณํ ยสฺสาติ ตโตนิทานํ, ‘‘ปจฺจตฺตวจนสฺส โตอาเทโส, สมาเส จสฺส โลปาภาโว’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.๒๑) อฏฺกถาสุ ¶ วุตฺโต. ‘‘ปจฺจตฺตตฺเถ นิสฺสกฺกวจนมฺปิ ยุชฺชตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ปมมหาสงฺคีติกถาวณฺณนา) อาจริยสาริปุตฺตตฺเถโร. ‘‘การณตฺเถ นิปาตสมุทาโย’’ติปิ อกฺขรจินฺตกา.
คงฺคาย ทกฺขิณทิสา อปฺปติรูปเทโส, อุตฺตรทิสา ปน ปติรูปเทโสติ อธิปฺปาเยน ‘‘ทกฺขิณฺเจ’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตฺจ เทสทิสาปเทเสน ตนฺนิวาสิโน สนฺธายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ทกฺขิณตีเร’’ติอาทิมาห. หนนทานกิริยา หิ ตทายตฺตา. มหายาคนฺติ มหาวิชิตรฺโ ยฺสทิสมฺปิ มหายาคํ. ทมสทฺโท อินฺทฺริยสํวรสฺส, อุโปสถสีลสฺส จ วาจโกติ อาห ‘‘อินฺทฺริยทเมน อุโปสถกมฺเมนา’’ติ. เกจิ ปน อุโปสถกมฺเมนา’ติ อิทํ อินฺทฺริยทมสฺส วิเสสนํ, ตสฺมา ‘อุโปสถกมฺมภูเตน อินฺทฺริยทเมนา’ติ’’ อตฺถํ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ตทุภยตฺถวาจกตฺตา ทมสทฺทสฺส, อตฺถทฺวยสฺส จ วิเสสวุตฺติโต. อธุนา หิ กตฺถจิ โปตฺถเก วา-สทฺโท, จ-สทฺโทปิ ทิสฺสติ. สีลสํยเมนาติ ตทฺเน กายิกวาจสิกสํวเรน. สจฺจวจเนนาติ อโมสวชฺเชน. ตสฺส วิสุํ วจนํ โลเก ครุตรปฺุสมฺมตภาวโต. ยถา หิ ปาปธมฺเมสุ มุสาวาโท ครุตโร, เอวํ ปฺุธมฺเมสุ อโมสวชฺโช. เตนาห ภควา อิติวุตฺตเก –
‘‘เอกธมฺมํ ¶ อตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน;
วิติณฺณปรโลกสฺส, นตฺถิ ปาปํ อการิย’’นฺติ. (อิติวุ. ๒๗);
ปวตฺตีติ โย กโรติ, ตสฺส สนฺตาเน ผลุปฺปาทปจฺจยภาเวน อุปฺปตฺติ. เอวฺหิ ‘‘นตฺถิ กมฺมํ, นตฺถิ กมฺมผล’’นฺติ อกิริยวาทสฺส ปริปุณฺณตา. สติ หิ กมฺมผเล กมฺมานมกิริยภาโว กถํ ภวิสฺสติ. สพฺพถาปีติ ‘‘กโรโต’’ติอาทินา วุตฺเตน สพฺพปฺปกาเรนปิ.
ลพุชนฺติ ลิกุจํ. ปาปปฺุานํ กิริยเมว ปฏิกฺขิปติ, น รฺา ปุฏฺํ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ พฺยากโรตีติ อธิปฺปาโย. อิทฺหิ อวธารณํ วิปากปฏิกฺเขปนิวตฺตนตฺถํ. โย หิ กมฺมํ ปฏิกฺขิปติ, เตน อตฺถโต วิปาโกปิ ปฏิกฺขิตฺโตเยว นาม โหติ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กมฺมํ ปฏิพาหนฺเตนาปี’’ติอาทิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐-๑๗๒).
ปฏิราชูหิ อนภิภวนียภาเวน วิเสสโต ชิตนฺติ วิชิตํ, เอกสฺส รฺโ อาณาปวตฺติเทโส. ‘‘มา มยฺหํ วิชิเต วสถา’’ติ อปสาทนา ปพฺพชิตสฺส ปพฺพาชนสงฺขาตา วิเหนาเยวาติ ¶ วุตฺตํ ‘‘วิเหเตพฺพ’’นฺติ. เตน วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ‘‘เอวเมต’’นฺติ อุปธารณํ สลฺลกฺขณํ อุคฺคณฺหนํ, ตทมินา ปฏิกฺขิปตีติ อาห ‘‘สารโต อคฺคณฺหนฺโต’’ติ. ตสฺส ปน อตฺถสฺส อทฺธนิยภาวาปาทนวเสน จิตฺเตน สนฺธารณํ นิกฺกุชฺชนํ, ตทมินา ปฏิกฺขิปตีติ ทสฺเสติ ‘‘สารวเสเนว…เป… อฏฺเปนฺโต’’ติ อิมินา. สารวเสเนวาติ อุตฺตมวเสเนว, อวิตถตฺตา วา ปเรหิ อนุจฺจาลิโต ถิรภูโต อตฺโถ อเผคฺคุภาเวน สาโรติ วุจฺจติ, ตํวเสเนวาติ อตฺโถ. นิสฺสรณนฺติ วฏฺฏโต นิยฺยานํ. ปรมตฺโถติ อวิปรีตตฺโถ, อุตฺตมสฺส วา าณสฺสารมฺมณภูโต อตฺโถ. พฺยฺชนํ ปน เตน อุคฺคหิตฺเจว นิกฺกุชฺชิตฺจ ตถาเยว ภควโต สนฺติเก ภาสิตตฺตา.
มกฺขลิโคสาลวาทวณฺณนา
๑๖๘. อุภเยนาติ เหตุปจฺจยปฏิเสธวจเนน. ‘‘วิชฺชมานเมวา’’ติ อิมินา สภาวโต วิชฺชมานสฺเสว ปฏิกฺขิปเน ตสฺส อฺาณเมว การณนฺติ ทสฺเสติ. สํกิเลสปจฺจยนฺติ สํกิลิสฺสนสฺส มลีนสฺส การณํ ¶ . วิสุทฺธิปจฺจยนฺติ สํกิเลสโต วิสุทฺธิยา โวทานสฺส ปจฺจยํ. อตฺตกาเรติ ปจฺจตฺตวจนสฺส เอ-การวเสน ปทสิทฺธิ ยถา ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถา ผุสิตคฺเค’’ติ, (ขุ. ปา. ๑๓; สุ. นิ. ๒๓๖) ปจฺจตฺตตฺเถ วา ภุมฺมวจนํ ยถา ‘‘อิทมฺปิสฺส โหติ สีลสฺมิ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๙๔), ตเทวตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘อตฺตกาโร’’ติ อิมินา. โส จ เตน เตน สตฺเตน อตฺตนา กาตพฺพกมฺมํ, อตฺตนา นิปฺผาเทตพฺพปโยโค วา. เตนาห ‘‘เยนา’’ติอาทิ. สพฺพฺุตนฺติ สมฺมาสมฺโพธึ. ตนฺติ อตฺตนา กตกมฺมํ. ทุติยปเทนาติ ‘‘นตฺถิ ปรกาเร’’ติ ปเทน. ปรกาโร จ นาม ปรสฺส วาหสา อิชฺฌนกปโยโค. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ ปรการ’’นฺติอาทิ. โอวาทานุสาสนินฺติ โอวาทภูตมนุสาสนึ, ปมํ วา โอวาโท, ปจฺฉา อนุสาสนี. ‘‘ปรการ’’นฺติ ปทสฺส อุปลกฺขณวเสน อตฺถทสฺสนฺเจตํ, โลกุตฺตรธมฺเม ปรการาวสฺสโย นตฺถีติ อาห ‘‘เปตฺวา มหาสตฺต’’นฺติ. อตฺเถเวส โลกิยธมฺเม ยถา ตํ อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส อาฬารุทเก นิสฺสาย ปฺจาภิฺาโลกิยสมาปตฺติลาโภ, ตฺจ ปจฺฉิมภวิกมหาสตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปจฺเจกโพธิสตฺตสฺสปิ เอตฺเถว สงฺคโห เตสมฺปิ ตทภาวโต. มนุสฺสโสภคฺยตนฺติ มนุสฺเสสุ สุภคภาวํ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน กมฺมวาทสฺส, กิริยวาทสฺส จ ปฏิกฺขิปเนน. ชินจกฺเกติ ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว กมฺมํ กณฺหํ กณฺหวิปาก’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๔.๒๓๒) นยปฺปวตฺเต กมฺมานํ, กมฺมผลานฺจ อตฺถิตาปริทีปเน พุทฺธสาสเน. ปจฺจนีกกถนํ ปหารทานสทิสนฺติ ‘‘ปหารํ เทติ นามา’’ติ.
ยถาวุตฺตอตฺตการปรการาภาวโต ¶ เอว สตฺตานํ ปจฺจตฺตปุริสกาโร นาม โกจิ นตฺถีติ สนฺธาย ‘‘นตฺถิปุริสกาเร’’ติ ตสฺส ปฏิกฺขิปนํ ทสฺเสตุํ ‘‘เยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เทวตฺตมฺปี’’ติอาทินา, ‘‘มนุสฺสโสภคฺยต’’นฺติอาทินา จ วุตฺตปฺปการา. ‘‘พเล ปติฏฺิตา’’ติ วตฺวา วีริยเมวิธ พลนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘วีริยํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. สตฺตานฺหิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิก นิพฺพานสมฺปตฺติอาวหํ วีริยพลํ นตฺถีติ โส ปฏิกฺขิปติ, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ โวทานิยพลสฺส ปฏิกฺขิปนํ สํกิเลสิกสฺสาปิ พลสฺส เตน ปฏิกฺขิปนโต. ยทิ วีริยาทีนิ ปุริสการเววจนานิ, อถ กสฺมา เตสํ วิสุํ คหณนฺติ อาห ‘‘อิทํ โน วีริเยนา’’ติอาทิ. อิทํ โน วีริเยนาติ อิทํ ผลํ อมฺหากํ วีริเยน ปวตฺตํ. ปวตฺตวจนปฏิกฺเขปกรณวเสนาติ อฺเสํ ปวตฺตโวหารวจนสฺส ปฏิกฺเขปกรณวเสน ¶ . วีริยถามปรกฺกมสมฺพนฺธเนน ปวตฺตพลวาทีนํ วาทสฺส ปฏิกฺเขปกรณวเสน ‘‘นตฺถิ พล’’นฺติ ปทมิว สพฺพานิเปตานิ เตน อาทียนฺตีติ อธิปฺปาโย. ตฺจ วจนียตฺถโต วุตฺตํ, วจนตฺถโต ปน ตสฺสา ตสฺสา กิริยาย อุสฺสนฺนฏฺเน พลํ. สูรวีรภาวาวหฏฺเน วีริยํ. ตเทว ทฬฺหภาวโต, โปริสธุรํ วหนฺเตน ปวตฺเตตพฺพโต จ ปุริสถาโม. ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนวเสน ปวตฺติยา ปุริสปรกฺกโมติ เวทิตพฺพํ.
รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺตา. อสฺสสนปสฺสสนวเสน ปวตฺติยา ปาณนโต ปาณาติ อิมินา อตฺเถน สมาเนปิ ปททฺวเย เอกินฺทฺริยาทิวเสน ปาเณ วิภชิตฺวา สตฺตโต วิเสสํ กตฺวา เอส วทตีติ อาห ‘‘เอกินฺทฺริโย’’ติอาทิ. ภวนฺตีติ ภูตาติ สตฺตปาณปริยาเยปิ สติ อณฺฑโกสาทีสุ สมฺภวนฏฺเน ตโต วิเสสาว, เตน วุตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘อณฺฑ…เป… วทตี’’ติ อิมินา. วตฺถิโกโส คพฺภาสโย. ชีวนโต ปาณํ ธาเรนฺโต วิย วฑฺฒนโต ชีวา. เตนาห ‘‘สาลิยวา’’ติอาทิ. อาทิสทฺเทน วิรุฬฺหธมฺมา ติณรุกฺขา คหิตา. นตฺถิ เอเตสํ สํกิเลสวิสุทฺธีสุ วโส สามตฺถิยนฺติ อวสา. ตถา อพลา อวีริยา. เตนาห ‘‘เตส’’นฺติอาทิ. นิยตาติ นิยมนา, อเฉชฺชสุตฺตาวุตสฺส อเภชฺชมณิโน วิย นิยตปฺปวตฺติตาย คติชาติพนฺธาปวคฺควเสน นิยาโมติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ. ฉนฺนํ อภิชาตีนํ สมฺพนฺธีภูตานํ คมนํ สมวาเยน สมาคโม. สมฺพนฺธีนิรเปกฺโขปิ ภาวสทฺโท สมฺพนฺธีสหิโต วิย ปกติยตฺถวาจโกติ อาห ‘‘สภาโวเยวา’’ติ, ยถา กณฺฏกสฺส ติกฺขตา, กปิตฺถผลาทีนํ ปริมณฺฑลตา, มิคปกฺขีนํ วิจิตฺตาการตา จ, เอวํ สพฺพสฺสาปิ โลกสฺส เหตุปจฺจยมนฺตเรน ตถา ตถา ปริณาโม อกุตฺติโม สภาโวเยวาติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘เยนา’’ติอาทิ. ปริณมนํ นานปฺปการตาปตฺติ. เยนาติ สตฺตปาณาทินา. ยถา ภวิตพฺพํ, ตเถวาติ สมฺพนฺโธ.
ฉฬภิชาติโย ¶ ปรโต วิตฺถารียิสฺสนฺติ. ‘‘สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ วทนฺโต มกฺขลิ อทุกฺขมสุขภูมึ สพฺเพน สพฺพํ น ชานาตีติ วุตฺตํ ‘‘อฺา อทุกฺขมสุขภูมิ นตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ. อยํ ‘‘สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ ¶ วจนํ กรณภาเวน คเหตฺวา วุตฺตา อาจริยสฺส มติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘อฺา สุขทุกฺขภูมิ นตฺถีติ ทสฺเสตี’’ติ อยเมว ปาโ ทิฏฺโ, น ‘‘อทุกฺขมสุขภูมี’’ติ. เอวํ สติ ‘‘ฉสฺเววาภิชาตีสู’’ติ วจนํ อธิกรณภาเวน คเหตฺวา ฉสุ เอว อภิชาตีสุ สุขทุกฺขปฏิสํเวทนํ, น เตหิ อฺตฺถ, ตาเยว สุขทุกฺขภูมิ, น ตทฺาติ ทสฺเสตีติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อยเมว จ ยุตฺตตโร ปฏิกฺเขปิตพฺพสฺส อตฺถสฺส ภูมิวเสน วุตฺตตฺตา. ยทิ หิ ‘‘สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ วจเนน ปฏิกฺเขปิตพฺพสฺส ทสฺสนํ สิยา, อถ ‘‘อฺา อทุกฺขมสุขา นตฺถี’’ติ ทสฺเสยฺย, น ‘‘อทุกฺขมสุขภูมี’’ติ ทสฺสนเหตุวจนสฺส ภูมิอตฺถาภาวโต. ทสฺเสติ เจตํ ตาสํ ภูมิยา อภาวเมว, เตน วิฺายติ อยํ ปาโ, อยฺจตฺโถ ยุตฺตตโรติ.
ปมุขโยนีนนฺติ มนุสฺเสสุ ขตฺติยพฺราหฺมณาทิวเสน, ติรจฺฉานาทีสุ สีหพฺยคฺฆาทิวเสน ปธานโยนีนํ, ปธานตา เจตฺถ อุตฺตมตา. เตนาห ‘‘อุตฺตมโยนีน’’นฺติ. สฏฺิ สตานีติ ฉ สหสฺสานิ. ‘‘ปฺจ จ กมฺมุโน สตานี’’ติ ปทสฺส อตฺถทสฺสนํ ‘‘ปฺจ กมฺมสตานิ จา’’ติ. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา ‘‘เกวลํ ตกฺกมตฺตเกน นิรตฺถกํ ทิฏฺึ ทีเปตี’’ติ อิมเมวตฺถมติทิสติ. เอตฺถ จ ‘‘ตกฺกมตฺตเกนา’’ติ วทนฺโต ยสฺมา ตกฺกิกา อวสฺสยภูตตถตฺถคฺคหณองฺกุสนยมนฺตเรน นิรงฺกุสตาย ปริกปฺปนสฺส ยํ กิฺจิ อตฺตนา ปริกปฺปิตํ สารโต มฺมานา ตเถว อภินิวิสฺส ตตฺถ จ ทิฏฺิคาหํ คณฺหนฺติ, ตสฺมา น เตสํ ทิฏฺิวตฺถุสฺมึ วิฺูหิ วิจารณา กาตพฺพาติ อิมมธิปฺปายํ วิภาเวติ. เกจีติ อุตฺตรวิหารวาสิโน. ปฺจินฺทฺริยวเสนาติ จกฺขาทิปฺจินฺทฺริยวเสน. เต หิ ‘‘จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายสงฺขาตานิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ ‘ปฺจ กมฺมานี’ติ ติตฺถิยา ปฺเปนฺตี’’ติ วทนฺติ ‘‘กายวจีมโนกมฺมานิ จ ‘ตีณิ กมฺมานี’ติ’’. กมฺมนฺติ ลทฺธีติ ตทุภยํ โอฬาริกตฺตา ปริปุณฺณกมฺมนฺติ ลทฺธิ. มโนกมฺมํ อโนฬาริกตฺตา อุปฑฺฒกมฺมนฺติ ลทฺธีติ โยชนา. ‘‘ทฺวาสฏฺิ ปฏิปทา’’ติ วตฺตพฺเพ สภาวนิรุตฺตึ อชานนฺโต ‘‘ทฺวฏฺิปฏิปทา’’ติ วทตีติ อาห ‘‘ทฺวาสฏฺิ ปฏิปทา’’ติ. สทฺทรจกา ปน ‘‘ทฺวาสฏฺิยา สโลโป, อตฺตมา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว สภาวนิรุตฺติยา โยคโต อสิทฺธตฺตา ¶ . ยทิ หิ สา โยเคน สิทฺธา อสฺส, เอวํ สภาวนิรุตฺติเยว สิยา, ตถา จ สติ อาจริยานํ มเตน วิรุชฺฌตีติ วทนฺติ. ‘‘จุลฺลาสีติ สหสฺสานี’’ติอาทิกา ปน อฺตฺร ทิฏฺปโยคา สภาวนิรุตฺติเยว. ทิสฺสติ หิ วิสุทฺธิมคฺคาทีสุ –
‘‘จุลฺลาสีติ ¶ สหสฺสานิ, กปฺปา ติฏฺนฺติ เย มรู;
น ตฺเวว เตปิ ติฏฺนฺติ, ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สโมหิตา’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๗๑๕; มหานิ. ๑๐, ๓๙);
เอกสฺมึ กปฺเปติ จตุนฺนมสงฺขฺเยยฺยกปฺปานํ อฺตรภูเต เอกสฺมึ อสงฺขฺเยยฺยกปฺเป. ตตฺถาปิ จ วิวฏฺฏฏฺายีสฺิตํ เอกเมว สนฺธาย ‘‘ทฺวฏฺนฺตรกปฺปา’’ติ วุตฺตํ. น หิ โส อสฺสุตสาสนธมฺโม อิตเร ชานาติ พาหิรกานมวิสยตฺตา, อชานนฺโต เอวมาหาติ อตฺโถ.
อุรพฺเภ หนนฺติ, หนฺตฺวา วา ชีวิตํ กปฺเปนฺตีติ โอรพฺภิกา. เอส นโย สากุณิกาทีสุปิ. ลุทฺทาติ วุตฺตาวเสสกา เย เกจิ จาตุปฺปทชีวิกา เนสาทา. มาควิกปทสฺมิฺหิ โรหิตาทิมิคชาติเยว คหิตา. พนฺธนาคาเร นิโยเชนฺตีติ พนฺธนาคาริกา. กุรูรกมฺมนฺตาติ ทารุณกมฺมนฺตา. อยํ สพฺโพปิ กณฺหกมฺมปสุตตาย กณฺหาภิชาตีติ วทติ กณฺหสฺส ธมฺมสฺส อภิชาติ อพฺภุปฺปตฺติ ยสฺสาติ กตฺวา. ภิกฺขูติ พุทฺธสาสเน ภิกฺขู. กณฺฏเกติ ฉนฺทราเค. สฺโควเสน เตสํ ปกฺขิปนํ. กณฺฏกสทิสฉนฺทราเคน สฺุตฺตา ภฺุชนฺตีติ หิ อธิปฺปาเยน ‘‘กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา ‘‘เต ปณีตปณีเต ปจฺจเย ปฏิเสวนฺตี’’ติ ตสฺส มิจฺฉาคาโห, ตสฺมา ายลทฺเธปิ ปจฺจเย ภฺุชมานา อาชีวกสมยสฺส วิโลมคาหิตาย ปจฺจเยสุ กณฺฏเก ปกฺขิปิตฺวา ขาทนฺติ นามาติ วทติ กณฺฏกวุตฺติกาติ กณฺฏเกน ยถาวุตฺเตน สห ชีวิกา. อยฺหิสฺส ปาฬิเยวาติ อยํ มกฺขลิสฺส วาททีปนา อตฺตนา รจิตา ปาฬิเยวาติ ยถาวุตฺตมตฺถํ สมตฺเถติ. กณฺฏกวุตฺติกา เอว นาม เอเก อปเร ปพฺพชิตา พาหิรกา สนฺติ, เต นีลาภิชาตีติ วทตีติ อตฺโถ. เต หิ สวิเสสํ อตฺตกิลมถานุโยคมนุยุตฺตา. ตถา หิ เต กณฺฏเก วตฺตนฺตา วิย ภวนฺตีติ กณฺฏกวุตฺติกาติ วุตฺตา. นีลสฺส ธมฺมสฺส อภิชาติ ยสฺสาติ นีลาภิชาติ. เอวมิตเรสุปิ.
อมฺหากํ ¶ สฺโชนคณฺโ นตฺถีติ วาทิโน พาหิรกปพฺพชิตา นิคณฺา. เอกเมว สาฏกํ ปริทหนฺตา เอกสาฏกา. กณฺหโต ปริสุทฺโธ นีโล, ตโต ปน โลหิโตติอาทินา ยถากฺกมํ ตสฺส ปริสุทฺธํ วาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิเม กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปณฺฑรตราติ ภฺุชนนหานปฏิกฺเขปาทิวตสมาโยเคน ปริสุทฺธตรา กณฺหนีลมุปาทาย โลหิตสฺสาปิ ปริสุทฺธภาเวน วตฺตพฺพโต. โอทาตวสนาติ โอทาตวตฺถปริทหนา. อเจลกสาวกาติ อาชีวกสาวกภูตา. เต กิร อาชีวกลทฺธิยา วิสุทฺธจิตฺตตาย นิคณฺเหิปิ ปณฺฑรตรา หลิทฺทาภานมฺปิ ¶ ปุริเม อุปาทาย ปริสุทฺธภาวปฺปตฺติโต. ‘‘เอว’’นฺติอาทินา ตสฺส ฉนฺทาคมนํ ทสฺเสติ. นนฺทาทีนํ สาวกภูตา ปพฺพชิตา อาชีวกา. ตถา อาชีวกินิโย. นนฺทาทโย กิร ตถารูปํ อาชีวกปฏิปตฺตึ อุกฺกํสํ ปาเปตฺวา ิตา, ตสฺมา นิคณฺเหิ อาชีวกสาวเกหิ ปพฺพชิเตหิ ปณฺฑรตรา วุตฺตา ปรมสุกฺกาภิชาตีติ อยํ ตสฺส ลทฺธิ.
ปุริสภูมิโยติ ปธานนิทฺเทโส. อิตฺถีนมฺปิ เหตา ภูมิโย เอส อิจฺฉเตว. สตฺต ทิวเสติ อจฺจนฺตสฺโควจนํ, เอตฺตกมฺปิ มนฺทา โมมูหาติ. สมฺพาธฏฺานโตติ มาตุกุจฺฉึ สนฺธายาห. โรทนฺติ เจว วิรวนฺติ จ ตมนุสฺสริตฺวา. เขทนํ, กีฬนฺจ ขิฑฺฑาสทฺเทเนว สงฺคเหตฺวา ขิฑฺฑาภูมิ วุตฺตา. ปทสฺส นิกฺขิปนํ ปทนิกฺขิปนํ. ยทา ตถา ปทํ นิกฺขิปิตุํ สมตฺโถ, ตทา ปทวีมํสภูมิ นามาติ ภาโว. วตาวตสฺส ชานนกาเล. ภิกฺขุ จ ปนฺนโกติอาทิปิ เตสํ พาหิรกานํ ปาฬิเยว. ตตฺถ ปนฺนโกติ ภิกฺขาย วิจรณโก, เตสํ วา ปฏิปตฺติยา ปฏิปนฺนโก. ชิโนติ ชิณฺโณ ชราวเสน หีนธาตุโก, อตฺตโน วา ปฏิปตฺติยา ปฏิปกฺขํ ชินิตฺวา ิโต. โส กิร ตถาภูโต ธมฺมมฺปิ กสฺสจิ น กเถสิ. เตนาห ‘‘น กิฺจิ อาหา’’ติ. โอฏฺวทนาทิวิปฺปกาเร กเตปิ ขมนวเสน น กิฺจิ กเถตีติปิ วทนฺติ. อลาภินฺติ ‘‘โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหาตี’’ติอาทินา นเยน มหาสีหนาทสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๓๙๔; ม. นิ. ๑.๑๕๕) วุตฺตอลาภเหตุสมาโยเคน อลาภึ. ตโตเยว ชิฆจฺฉาทุพฺพลปเรตตาย สยนปรายนฏฺเน สมณํ ปนฺนภูมีติ วทติ.
อาชีววุตฺติสตานีติ สตฺตานมาชีวภูตานิ ชีวิกาวุตฺติสตานิ. ‘‘ปริพฺพาชกสตานี’’ติ วุจฺจมาเนปิ เจส สภาวลิงฺคมชานนฺโต ‘‘ปริพฺพาชกสเต’’ติ ¶ วทติ. เอวมฺเสุปิ. เตนาห ‘‘ปริพฺพาชกปพฺพชฺชาสตานี’’ติ. นาคภวนํ นาคมณฺฑลํ ยถา ‘‘มหึสกมณฺฑล’’นฺติ. ปรมาณุอาทิ รโช. ปสุคฺคหเณน เอฬกชาติ คหิตา. มิคคฺคหเณน รุรุควยาทิ มิคชาติ. คณฺิมฺหีติ ผฬุมฺหิ, ปพฺเพติ อตฺโถ. จาตุมหาราชิกาทิพฺรหฺมกายิกาทิวเสน, เตสฺจ อนฺตรเภทวเสน พหู เทวา. ตตฺถ จาตุมหาราชิกานํ เอกจฺจอนฺตรเภโท มหาสมยสุตฺเตน (ที. นิ. ๒.๓๓๑) ทีเปตพฺโพ. ‘‘โส ปนา’’ติอาทินา อชานนฺโต ปเนส พหู เทเวปิ สตฺต เอว วทตีติ ตสฺส อปฺปมาณตํ ทสฺเสติ. มนุสฺสาปิ อนนฺตาติ ทีปเทสกุลวํสาชีวาทิวิภาควเสน. ปิสาจา เอว เปสาจา, เต อปรเปตาทิวเสน มหนฺตมหนฺตา, พหุตราติ อตฺโถ. พาหิรกสมเย ปน ‘‘ฉทฺทนฺตทหมนฺทากินิโย กุวาฬิยมุจลินฺทนาเมน โวหริตา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๖๘) อาจริเยน วุตฺตํ.
คณฺิกาติ ¶ ปพฺพคณฺิกา. ปพฺพคณฺิมฺหิ หิ ปวุฏสทฺโท. มหาปปาตาติ มหาตฏา. ปาริเสสนเยน ขุทฺทกปปาตสตานิ. เอวํ สุปิเนสุปิ. ‘‘มหากปฺปิโน’’ติ อิทํ ‘‘มหากปฺปาน’’นฺติ อตฺถโต เวทิตพฺพํ. สทฺทโต ปเนส อชานนฺโต เอวํ วทตีติ น วิจารณกฺขมํ. ตถา ‘‘จุลฺลาสีติ สตสหสฺสานี’’ติ อิทมฺปิ. โส หิ ‘‘จตุราสีติ สตสหสฺสานี’’ติ วตฺตุมสกฺโกนฺโต เอวํ วทติ. สทฺทรจกา ปน ‘‘จตุราสีติยา ตุโลโป, จสฺส จุ, รสฺส โล, ทฺวิตฺตฺจา’’ติ วทนฺติ. เอตฺตกา มหาสราติ เอตปฺปมาณวตา มหาสรโต, สตฺตมหาสรโตติ วุตฺตํ โหติ. กิราติ ตสฺส วาทานุสฺสวเน นิปาโต. ปณฺฑิโตปิ…เป… น คจฺฉติ, กสฺมา? สตฺตานํ สํสรณกาลสฺส นิยตภาวโต.
‘‘อเจลกวเตน วา อฺเน วา เยน เกนจี’’ติ วุตฺตมติทิสติ ‘‘ตาทิเสเนวา’’ติ อิมินา. ตโปกมฺเมนาติ ตปกรเณน. เอตฺถาปิ ‘‘ตาทิเสเนวา’’ติ อธิกาโร. โย…เป… วิสุชฺฌติ, โส อปริปกฺกํ กมฺมํ ปริปาเจติ นามาติ โยชนา. อนฺตราติ จตุราสีติมหากปฺปสตสหสฺสานมพฺภนฺตเร. ผุสฺส ผุสฺสาติ ปตฺวา ปตฺวา. วุตฺตปริมาณํ กาลนฺติ จตุราสีติมหากปฺปสตสหสฺสปมาณํ กาลํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อปริปกฺกํ สํสรณนิมิตฺตํ กมฺมํ สีลาทินา สีฆํเยว วิสุทฺธปฺปตฺติยา ¶ ปริปาเจติ นาม. ปริปกฺกํ กมฺมํ ผุสฺส ผุสฺส กาเลน ปริปกฺกภาวานาปาทเนน พฺยนฺตึ วิคมนํ กโรติ นามาติ. โทเณนาติ ปริมินนโทณตุมฺเพน. รูปกวเสนตฺโถ ลพฺภตีติ วุตฺตํ ‘‘มิตํ วิยา’’ติ. น หาปนวฑฺฒนํ ปณฺฑิตพาลวเสนาติ ทสฺเสติ ‘‘น สํสาโร’’ติอาทินา. วฑฺฒนํ อุกฺกํโส. หาปนํ อวกํโส.
กตสุตฺตคุเฬติ กตสุตฺตวฏฺฏิยํ. ปเลตีติ ปเรติ ยถา ‘‘อภิสมฺปราโย’’ติ, (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๔) ร-การสฺส ปน ล-การํ กตฺวา เอวํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปลิพุทฺโธ’’ติ (จูฬนิ. ๑๕; มิ. ป. ๓.๖). โส จ จุราทิคณวเสน คติยนฺติ วุตฺตํ ‘‘คจฺฉตี’’ติ. อิมาย อุปมาย เจส สตฺตานํ สํสาโร อนุกฺกเมน ขียเตว, น วฑฺฒติ ปริจฺฉินฺนรูปตฺตาติ อิมมตฺถํ วิภาเวตีติ อาห ‘‘สุตฺเต ขีเณ’’ติอาทิ. ตตฺเถวาติ ขียนฏฺาเนเยว.
อชิตเกสกมฺพลวาทวณฺณนา
๑๗๑. ทินฺนนฺติ เทยฺยธมฺมสีเสน ทานเจตนาเยว วุตฺตา. ตํมุเขน จ ผลนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ทินฺนสฺส ผลาภาว’’นฺติ อิมินา. ทินฺนฺหิ มุขฺยโต อนฺนาทิวตฺถุ, ตํ กถเมส ปฏิกฺขิปิสฺสติ ¶ . เอส นโย ยิฏฺํ หุตนฺติ เอตฺถาปิ. สพฺพสาธารณํ มหาทานํ มหายาโค. ปาหุนภาเวน กตฺตพฺพสกฺกาโร ปาหุนกสกฺกาโร. ผลนฺติ อานิสํสผลํ, นิสฺสนฺทผลฺจ. วิปาโกติ สทิสผลํ. จตุรงฺคสมนฺนาคเต ทาเน านนฺตราทิปตฺติ วิย หิ อานิสํโส, สงฺขพฺราหฺมณสฺส ทาเน (ชา. ๑.๑๐.๓๙) ตาณลาภมตฺตํ วิย นิสฺสนฺโท, ปฏิสนฺธิสงฺขาตํ สทิสผลํ วิปาโก. อยํ โลโก, ปรโลโกติ จ กมฺมุนา ลทฺธพฺโพ วุตฺโต ผลาภาวเมว สนฺธาย ปฏิกฺขิปนโต. ปจฺจกฺขทิฏฺโ หิ โลโก กถํ เตน ปฏิกฺขิตฺโต สิยา. ‘‘สพฺเพ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺตี’’ติ อิมินา การณมาห, ยตฺถ ยตฺถ ภวโยนิอาทีสุ ิตา อิเม สตฺตา, ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺติ, นิรุทยวินาสวเสน วินสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เตสูติ มาตาปิตูสุ. ผลาภาววเสเนว วทติ, น มาตาปิตูนํ, นาปิ เตสุ อิทานิ กริยมานสกฺการาสกฺการานมภาววเสน เตสํ โลเก ปจฺจกฺขตฺตา. ปุพฺพุฬสฺส วิย อิเมสํ สตฺตานํ อุปฺปาโท นาม เกวโล, น จวิตฺวา อาคมนปุพฺพโก อตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ ¶ ‘‘นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘จวิตฺวา อุปปชฺชนกา สตฺตา นาม นตฺถี’’ติ. สมเณน นาม ยาถาวโต ชานนฺเตน กสฺสจิ อกเถตฺวา สฺเตน ภวิตพฺพํ, อฺถา อโหปุริสิกา นาม สิยา. กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสติ, ตถา จ อตฺตโน สมฺปาทนสฺส กสฺสจิ อวสฺสโย เอว น สิยา ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนโตติ อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘เย อิมฺจ…เป… ปเวเทนฺตี’’ติ อาห. อยํ อฏฺกถาวเสสโก อตฺโถ.
จตูสุ มหาภูเตสุ นิยุตฺโต จาตุมหาภูติโก, อตฺถมตฺตโต ปน ทสฺเสตุํ ‘‘จตุมหาภูตมโย’’ติ วุตฺตํ. ยถา หิ มตฺติกาย นิพฺพตฺตํ ภาชนํ มตฺติกามยํ, เอวมยมฺปิ จตูหิ มหาภูเตหิ นิพฺพตฺโต จตุมหาภูตมโยติ วุจฺจติ. อชฺฌตฺติกปถวีธาตูติ สตฺตสนฺตานคตา ปถวีธาตุ. พาหิรปถวีธาตุนฺติ พหิทฺธา มหาปถวึ, เตน ปถวีเยว กาโยติ ทสฺเสติ. อนุคจฺฉตีติ อนุพนฺธติ. อุภเยนาปีติ ปททฺวเยนปิ. อุเปติ อุปคจฺฉตีติ พาหิรปถวิกายโต ตเทกเทสภูตา ปถวี อาคนฺตฺวา อชฺฌตฺติกภาวปฺปตฺติ หุตฺวา สตฺตภาเวน สณฺิตา, สา จ มหาปถวี ฆฏาทิคตปถวี วิย อิทานิ ตเมว พาหิรํ ปถวิกายํ สมุทายภูตํ ปุน อุเปติ อุปคจฺฉติ, สพฺพโส เตน พาหิรปถวิกาเยน นิพฺพิเสสตํ เอกีภาวเมว คจฺฉตีติ อตฺโถ. อาปาทีสุปิ เอเสว นโยติ เอตฺถ ปชฺชุนฺเนน มหาสมุทฺทโต คหิตอาโป วิย วสฺโสทกภาเวน ปุนปิ มหาสมุทฺทํ, สูริยรํสิโต คหิตอินฺทคฺคิสงฺขาตเตโช วิย ปุนปิ สูริยรํสึ, มหาวายุกฺขนฺธโต นิคฺคตมหาวาโต วิย ปุนปิ มหาวายุกฺขนฺธํ อุเปติ อุปคจฺฉตีติ ปริกปฺปนามตฺเตน ทิฏฺิคติกสฺส อธิปฺปาโย.
มนจฺฉฏฺานิ ¶ อินฺทฺริยานีติ มนเมว ฉฏฺํ เยสํ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายานํ, ตานิ อินฺทฺริยานิ. อากาสํ ปกฺขนฺทนฺติ เตสํ วิสยภาวาติ วทนฺติ. วิสยีคหเณน หิ วิสยาปิ คหิตา เอว โหนฺติ. กถํ คณิตา มฺจปฺจมาติ อาห ‘‘มฺโจ เจว…เป… อตฺโถ’’ติ. อาฬาหนํ สุสานนฺติ อตฺถโต เอกํ. คุณาคุณปทานีติ คุณโทสโกฏฺาสานิ. สรีรเมว วา ปทานิ ตํตํกิริยาย ปชฺชิตพฺพโต. ปาราวตปกฺขิวณฺณานีติ ปาราวตสฺส นาม ปกฺขิโน วณฺณานิ. ‘‘ปาราวตปกฺขวณฺณานี’’ติ ปาโ, ปาราวตสกุณสฺส ปตฺตวณฺณานีติ อตฺโถ. ภสฺมนฺตาติ ¶ ฉาริกาปริยนฺตา. เตนาห ‘‘ฉาริกาวสานเมวา’’ติ. อาหุติสทฺเทเนตฺถ ‘‘ทินฺนํ ยิฏฺํ หุต’’นฺติ วุตฺตปฺปการํ ทานํ สพฺพมฺปิ คหิตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ปาหุนกสกฺการาทิเภทํ ทินฺนทาน’’นฺติ อิมินา, วิรูเปกเสสนิทฺเทโส วา เอส. อตฺโถติ อธิปฺปายโต อตฺโถ สทฺทโต ตสฺส อนธิคมิตตฺตา. เอวมีทิเสสุ. ทพฺพนฺติ มุยฺหนฺตีติ ทตฺตู, พาลปุคฺคลา, เตหิ ทตฺตูหิ. กึ วุตฺตํ โหตีติ อาห ‘‘พาลา เทนฺตี’’ติอาทิ. ปาฬิยํ ‘‘โลโก อตฺถี’’ติ มติ เยสํ เต อตฺถิกา, ‘‘อตฺถี’’ติ เจทํ เนปาติกปทํ, เตสํ วาโท อตฺถิกวาโท, ตํ อตฺถิกวาทํ.
ตตฺถาติ เตสุ ยถาวุตฺเตสุ ตีสุ มิจฺฉาวาทีสุ. กมฺมํ ปฏิพาหติ อกิริยวาทิภาวโต. วิปากํ ปฏิพาหติ สพฺเพน สพฺพํ อายตึ อุปปตฺติยา ปฏิกฺขิปนโต. วิปากนฺติ จ อานิสํสนิสฺสนฺทสทิสผลวเสน ติวิธมฺปิ วิปากํ. อุภยํ ปฏิพาหติ สพฺพโส เหตุปฏิเสธเนเนว ผลสฺสาปิ ปฏิเสธิตตฺตา. อุภยนฺติ จ กมฺมํ วิปากมฺปิ. โส หิ ‘‘อเหตู อปฺปจฺจยา สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, วิสุชฺฌนฺติ จา’’ติ วทนฺโต กมฺมสฺส วิย วิปากสฺสาปิ สํกิเลสวิสุทฺธีนํ ปจฺจยตฺตาภาวโชตนโต ตทุภยํ ปฏิพาหติ นาม. วิปาโก ปฏิพาหิโต โหติ อสติ กมฺมสฺมึ วิปากาภาวโต. กมฺมํ ปฏิพาหิตํ โหติ อสติ วิปาเก กมฺมสฺส นิรตฺถกตาปตฺติโต. อิตีติ วุตฺตตฺถนิทสฺสนํ. อตฺถโตติ สรูปโต, วิสุํ วิสุํ ตํตํทิฏฺิทีปกภาเวน ปาฬิยํ อาคตาปิ ตทุภยปฏิพาหกาวาติ อตฺโถ. ปจฺเจกํ ติวิธทิฏฺิกา เอว เต อุภยปฏิพาหกตฺตา. ‘‘อุภยปฺปฏิพาหกา’’ติ หิ เหตุวจนํ เหตุคพฺภตฺตา ตสฺส วิเสสนสฺส. อเหตุกวาทา เจวาติอาทิ ปฏิฺาวจนํ ตปฺผลภาเวน นิจฺฉิตตฺตา. ตสฺมา วิปากปฏิพาหกตฺตา นตฺถิกวาทา, กมฺมปฏิพาหกตฺตา อกิริยวาทา, ตทุภยปฏิพาหกตฺตา อเหตุกวาทาติ ยถาลาภํ เหตุผลตาสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. โย หิ วิปากปฏิพาหเนน นตฺถิกทิฏฺิโก อุจฺเฉทวาที, โส อตฺถโต กมฺมปฏิพาหเนน อกิริยทิฏฺิโก, อุภยปฏิพาหเนน อเหตุกทิฏฺิโก จ โหติ. เสสทฺวเยปิ เอเสว นโย.
‘‘เย วา ปนา’’ติอาทินา เตสมนุทิฏฺิกานํ นิยาโมกฺกนฺติวินิจฺฉโย วุตฺโต. ตตฺถ เตสนฺติ ¶ ปูรณาทีนํ. สชฺฌายนฺตีติ ตํ ทิฏฺิทีปกํ คนฺถํ ยถา ¶ ตถา เตหิ กตํ อุคฺคเหตฺวา ปนฺติ. วีมํสนฺตีติ ตสฺส อตฺถํ วิจาเรนฺติ. ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วีมํสนาการทสฺสนํ. ‘‘กโรโต…เป… อุจฺฉิชฺชตี’’ติ เอวํ วีมํสนฺตานํ เตสนฺติ สมฺพนฺโธ. ตสฺมึ อารมฺมเณติ ยถาปริกปฺปิเต กมฺมผลาภาวาทิเก ‘‘กโรโต น กรียติ ปาป’’นฺติอาทิ นยปฺปวตฺตาย มิจฺฉาทสฺสนสงฺขาตาย ลทฺธิยา อารมฺมเณ. มิจฺฉาสติ สนฺติฏฺตีติ มิจฺฉาสติสงฺขาตา ลทฺธิสหคตา ตณฺหา สนฺติฏฺติ. ‘‘กโรโต น กรียติ ปาป’’นฺติอาทิวเสน หิ อนุสฺสวูปลทฺเธ อตฺเถ ตทาการปริวิตกฺกเนหิ สวิคฺคเห วิย สรูปโต จิตฺตสฺส ปจฺจุปฏฺิเต จิรกาลปริจเยน ‘‘เอวเมต’’นฺติ นิชฺฌานกฺขมภาวูปคมเน, นิชฺฌานกฺขนฺติยา จ ตถา ตถา คหิเต ปุนปฺปุนํ ตเถว อาเสวนฺตสฺส พหุลีกโรนฺตสฺส มิจฺฉาวิตกฺเกน สมานียมานา มิจฺฉาวายามุปตฺถมฺภิตา อตํสภาวมฺปิ ‘‘ตํสภาว’’นฺติ คณฺหนฺตี มิจฺฉาลทฺธิสหคตา ตณฺหา มุสา วิตถํ สรณโต ปวตฺตนโต มิจฺฉาสตีติ วุจฺจติ. จตุรงฺคุตฺตรฏีกายมฺปิ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๓๐) เจส อตฺโถ วุตฺโตเยว. มิจฺฉาสงฺกปฺปาทโย วิย หิ มิจฺฉาสติ นาม ปาฏิเยกฺโก โกจิ ธมฺโม นตฺถิ, ตณฺหาสีเสน คหิตานํ จตุนฺนมฺปิ อกุสลกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนนฺติ มชฺฌิมาคมฏฺกถายมฺปิ สลฺเลขสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๓) วุตฺตํ.
จิตฺตํ เอกคฺคํ โหตีติ ยถาสกํ วิตกฺกาทิปจฺจยลาเภน ตสฺมึ อารมฺมเณ อวฏฺิตตาย อเนกคฺคตํ ปหาย เอกคฺคํ อปฺปิตํ วิย โหติ, จิตฺตสีเสน เจตฺถ มิจฺฉาสมาธิ เอว วุตฺโต. โส หิ ปจฺจยวิเสเสหิ ลทฺธภาวนาพโล อีทิเส าเน สมาธานปติรูปกกิจฺจกโรเยว โหติ วาลวิชฺฌนาทีสุ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. ชวนานิ ชวนฺตีติ อเนกกฺขตฺตุํ เตนากาเรน ปุพฺพภาคิเยสุ ชวนวาเรสุ ปวตฺเตสุ สนฺนิฏฺานภูเต สพฺพปจฺฉิเม ชวนวาเร สตฺต ชวนานิ ชวนฺติ. ‘‘ปมชวเน สเตกิจฺฉา โหนฺติ, ตถา ทุติยาทีสู’’ติ อิทํ ธมฺมสภาวทสฺสนเมว, น ปน ตสฺมึ ขเณ เตสํ ติกิจฺฉา เกนจิ สกฺกา กาตุนฺติ ทสฺสนํ เตสฺเวว ตฺวา สตฺตมชวนสฺส อวสฺสมุปฺปชฺชมานสฺส นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา, เอวํ ลหุปริวตฺเต จ จิตฺตวาเร โอวาทานุสาสน วเสน ติกิจฺฉาย อสมฺภวโต. เตนาห ‘‘พุทฺธานมฺปิ อเตกิจฺฉา อนิวตฺติโน’’ติ ¶ . อริฏฺกณฺฏกสทิสาติ อริฏฺภิกฺขุกณฺฏกสามเณรสทิสา, เต วิย อเตกิจฺฉา อนิวตฺติโน มิจฺฉาทิฏฺิคติกาเยว ชาตาติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถาติ เตสุ ตีสุ มิจฺฉาทสฺสเนสุ. โกจิ เอกํ ทสฺสนํ โอกฺกมตีติ ยสฺส เอกสฺมึเยว อภินิเวโส, อาเสวนา จ ปวตฺตา, โส เอกเมว ทสฺสนํ โอกฺกมติ. โกจิ ทฺเว, โกจิ ตีณิปีติ ยสฺส ทฺวีสุ, ตีสุปิ วา อภินิเวโส, อาเสวนา จ ปวตฺตา, โส ทฺเว ¶ , ตีณิปิ โอกฺกมติ, เอเตน ปน วจเนน ยา ปุพฺเพ ‘‘อิติ สพฺเพเปเต อตฺถโต อุภยปฺปฏิพาหกา’’ติอาทินา อุภยปฺปฏิพาหกตามุเขน ทีปิตา อตฺถโต สิทฺธา สพฺพทิฏฺิกตา, สา ปุพฺพภาคิยา. ยา ปน มิจฺฉตฺตนิยาโมกฺกนฺติภูตา, สา ยถาสกํ ปจฺจยสมุทาคมสิทฺธิโต ภินฺนารมฺมณานํ วิย วิเสสาธิคมานํ เอกชฺฌํ อนุปฺปตฺติยา อฺมฺํ อพฺโพกิณฺณา เอวาติ ทสฺเสติ. ‘‘เอกสฺมึ โอกฺกนฺเตปี’’ติอาทินา ติสฺสนฺนมฺปิ ทิฏฺีนํ สมานสามตฺถิยตํ, สมานผลตฺจ วิภาเวติ. สคฺคาวรณาทินา เหตา สมานสามตฺถิยา เจว สมานผลา จ, ตสฺมา ติสฺโสปิ เจตา เอกสฺส อุปฺปนฺนาปิ อพฺโพกิณฺณา เอว, เอกาย วิปาเก ทินฺเน อิตรา ตสฺสา อนุพลปฺปทายิกาโยติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ปตฺโต สคฺคมคฺคาวรณฺเจวา’’ติอาทึ วตฺวา ‘‘อภพฺโพ’’ติอาทินา ตเทวตฺถํ อาวิกโรติ. โมกฺขมคฺคาวรณนฺติ นิพฺพานปถภูตสฺส อริยมคฺคสฺส นิวารณํ. ปเควาติ ปฏิกฺเขปตฺเถ นิปาโต, โมกฺขสงฺขาตํ ปน นิพฺพานํ คนฺตุํ กา นาม กถาติ อตฺโถ. อปิจ ปเควาติ ปา เอว, ปมตรเมว โมกฺขํ คนฺตุมภพฺโพ, โมกฺขคมนโตปิ ทูรตรเมวาติ วุตฺตํ โหติ. เอวมฺตฺถาปิ ยถารหํ.
‘‘วฏฺฏขาณุ นาเมส สตฺโต’’ติ อิทํ วจนํ เนยฺยตฺถเมว, น นีตตฺถํ. ตถา หิ วุตฺตํ ปปฺจสูทนิยํ นาม มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ ‘‘กึ ปเนส เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว นิยโต โหติ, อุทาหุ อฺสฺมิมฺปีติ? เอกสฺมึเยว นิยโต, อาเสวนวเสน ปน ภวนฺตเรปิ ตํ ตํ ทิฏฺึ โรเจติเยวา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐๓). อกุสลฺหิ นาเมตํ อพลํ ทุพฺพลํ, น กุสลํ วิย สพลํ มหาพลํ, ตสฺมา ‘‘เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว นิยโต’’ติ ตตฺถ วุตฺตํ. อฺถา สมฺมตฺตนิยาโม วิย มิจฺฉตฺตนิยาโมปิ อจฺจนฺติโก สิยา, น จ อจฺจนฺติโก. ยเทวํ วฏฺฏขาณุโชตนา กถํ ยุชฺเชยฺยาติ อาห ¶ ‘‘อาเสวนวเสนา’’ติอาทิ, ตสฺมา ยถา สตฺตงฺคุตฺตรปาฬิยํ ‘‘สกึ นิมุคฺโคปิ นิมุคฺโค เอว พาโล’’ติ [อ. นิ. ๗.๑๕ (อตฺถโต สมานํ)] วุตฺตํ, เอวํ วฏฺฏขาณุโชตนาปิ วุตฺตา. ยาทิเส หิ ปจฺจเย ปฏิจฺจ อยํ ตํ ตํ ทสฺสนํ โอกฺกนฺโต, ปุน กทาจิ ตปฺปฏิปกฺเข ปจฺจเย ปฏิจฺจ ตโต สีสุกฺขิปนมสฺส น โหตีติ น วตฺตพฺพํ. ตสฺมา ตตฺถ, (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐๒) อิธ จ อฏฺกถายํ ‘‘เอวรูปสฺส หิ เยภุยฺเยน ภวโต วุฏฺานํ นาม นตฺถี’’ติ เยภุยฺยคฺคหณํ กตํ, อิติ อาเสวนวเสน ภวนฺตเรปิ ตํตํทิฏฺิยา โรจนโต เยภุยฺเยนสฺส ภวโต วุฏฺานํ นตฺถีติ กตฺวา วฏฺฏขาณุโก นาเมส ชาโต, น ปน มิจฺฉตฺตนิยามสฺส อจฺจนฺติกตายาติ นีหริตฺวา าตพฺพตฺถตาย เนยฺยตฺถมิทํ, น นีตตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. ยํ สนฺธาย อภิธมฺเมปิ ‘‘อรหา, เย จ ปุถุชฺชนา มคฺคํ น ปฏิลภิสฺสนฺติ, เต รูปกฺขนฺธฺจ น ปริชานนฺติ, เวทนากฺขนฺธฺจ น ปริชานิสฺสนฺตี’’ติอาทิ ¶ (ยม. ๑.ขนฺธยมก ๒๑๐) วุตฺตํ. ปถวิโคปโกติ ยถาวุตฺตการเณน ปถวิปาลโก. ตทตฺถํ สมตฺเถตุํ ‘‘เยภุยฺเยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
เอวํ มิจฺฉาทิฏฺิยา ปรมสาวชฺชานุสาเรน โสตูนํ สติมุปฺปาเทนฺโต ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ สํสารขาณุภาวสฺสาปิ ปจฺจโย อปณฺณกชาโต, ตสฺมา ปริวชฺเชยฺยาติ สมฺพนฺโธ. อกลฺยาณชนนฺติ กลฺยาณธมฺมวิรหิตชนํ อสาธุชนํ. อาสีวิสนฺติ อาสุมาคตหลาหลํ. ภูติกาโมติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ วเสน อตฺตโน คุเณหิ วุฑฺฒิกาโม. วิจกฺขโณติ ปฺาจกฺขุนา วิวิธตฺถสฺส ปสฺสโก, ธีโรติ อตฺโถ.
ปกุธกจฺจายนวาทวณฺณนา
๑๗๔. ‘‘อกฏา’’ติ เอตฺถ ต-การสฺส ฏ-การาเทโสติ อาห ‘‘อกตา’’ติ, สเมน, วิสเมน วา เกนจิปิ เหตุนา อกตา, น วิหิตาติ อตฺโถ. ตถา อกฏวิธาติ เอตฺถาปิ. นตฺถิ กตวิโธ กรณวิธิ เอเตสนฺติ อกฏวิธา. ปททฺวเยนาปิ โลเก เกนจิ เหตุปจฺจเยน เนสํ อนิพฺพตฺตภาวํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘เอวํ กโรหี’’ติอาทิ. อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตาติ กสฺสจิ อิทฺธิมโต เจโตวสิปฺปตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส, เทวสฺส, อิสฺสราทิโน จ อิทฺธิยาปิ น นิมฺมิตา. อนิมฺมาปิตาติ กสฺสจิ ¶ อนิมฺมาปิตา. กามํ สทฺทโต ยุตฺตํ, อตฺถโต จ ปุริเมน สมานํ, ตถาปิ ปาฬิยมฏฺกถายฺจ อนาคตเมว อคเหตพฺพภาเว การณนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ตํ เนว ปาฬิย’’นฺติอาทินา.
พฺรหฺมชาลสุตฺตสํวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐) วุตฺตตฺถเมว. อิทเมตฺถ โยชนามตฺตํ – วฺฌาติ หิ วฺฌปสุวฺฌตาลาทโย วิย อผลา กสฺสจิ อชนกา, เตน ปถวิกายาทีนํ รูปาทิชนกภาวํ ปฏิกฺขิปติ. รูปสทฺทาทโย หิ ปถวิกายาทีหิ อปฺปฏิพทฺธวุตฺติกาติ ตสฺส ลทฺธิ. ปพฺพตสฺส กูฏมิว ิตาติ กูฏฏฺา, ยถา ปพฺพตกูฏํ เกนจิ อนิพฺพตฺติตํ กสฺสจิ จ อนิพฺพตฺตกํ, เอวเมเตปิ สตฺตกายาติ อธิปฺปาโย. ยมิทํ ‘‘พีชโต องฺกุราทิ ชายตี’’ติ วุจฺจติ, ตํ วิชฺชมานเมว ตโต นิกฺขมติ, น อวิชฺชมานํ, อิตรถา อฺโตปิ อฺสฺส อุปลทฺธิ สิยา, เอวเมเตปิ สตฺตกายา, ตสฺมา เอสิกฏฺายิฏฺิตาติ. ิตตฺตาติ นิพฺพิการภาเวน สุปฺปติฏฺิตตฺตา. น จลนฺตีติ น วิการมาปชฺชนฺติ. วิการาภาวโต หิ เตสํ สตฺตนฺนํ กายานํ เอสิกฏฺายิฏฺิตตา, อนิฺชนฺจ อตฺตโน ปกติยา อวฏฺานเมว. เตนาห ‘‘น วิปริณมนฺตี’’ติ. ปกตินฺติ สภาวํ ¶ . อวิปริณามธมฺมตฺตา เอว น อฺมฺํ อุปหนนฺติ. สติ หิ วิการมาปาเทตพฺพภาเว อุปฆาตกตา สิยา, ตถา อนุคฺคเหตพฺพภาเว สติ อนุคฺคาหกตาปีติ ตทภาวํ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘นาล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ปถวีเยว กาเยกเทสตฺตา ปถวิกาโย ยถา ‘‘สมุทฺโท ทิฏฺโ’’ติ, ปถวิสมูโห วา กายสทฺทสฺส สมูหวาจกตฺตา ยถา ‘‘หตฺถิกาโย’’ติ. ชีวสตฺตมานํ กายานํ นิจฺจตาย นิพฺพิการภาวโต น หนฺตพฺพตา, น ฆาเตตพฺพตา จ, ตสฺมา เนว โกจิ หนฺตา, ฆาเตตา วา อตฺถีติ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘สตฺตนฺนํ ตฺเวว กายาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยทิ โกจิ หนฺตา นตฺถิ, กถํ เตสํ สตฺถปฺปหาโรติ ตตฺถ โจทนายาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ตตฺถ สตฺตนฺนํ ตฺเววาติ สตฺตนฺนเมว. อิติสทฺโท เหตฺถ นิปาตมตฺตํ. ปหตนฺติ ปหริตํ. เอกโตธาราทิกํ สตฺถํ. อนฺตเรเนว ปวิสติ, น เตสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เกวลํ ‘‘อหํ อิมํ ชีวิตา โวโรเปมี’’ติ เตสํ ตถา สฺามตฺตเมว, หนนฆาตนาทิ ปน ปรมตฺถโต นตฺเถว กายานํ อวิโกปนียภาวโตติ.
นิคณฺนาฏปุตฺตวาทวณฺณนา
๑๗๗. จตฺตาโร ¶ ยามา ภาคา จตุยามํ, จตุยามํ เอว จาตุยามํ. ภาคตฺโถ หิ อิธ ยาม-สทฺโท ยถา ‘‘รตฺติยา ปโม ยาโม’’ติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๓๖๘). โส ปเนตฺถ ภาโค สํวรลกฺขิโตติ อาห ‘‘จตุโกฏฺาเสน สํวเรน สํวุโต’’ติ, สํยมตฺโถ วา ยามสทฺโท ยมนํ สฺมนํ ยาโมติ กตฺวา. ‘‘ยตตฺโต’’ติอาทีสุ วิย หิ อนุปสคฺโคปิ สอุปสคฺโค วิย สฺมตฺถวาจโก, โส ปน จตูหิ อากาเรหีติ อาห ‘‘จตุโกฏฺาเสน สํวเรนา’’ติ. อากาโร โกฏฺาโสติ หิ อตฺถโต เอกํ. วาริโต สพฺพวาริ ยสฺสายํ สพฺพวาริวาริโต ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ. เตนาห ‘‘วาริตสพฺพอุทโก’’ติ. วาริสทฺเทน เจตฺถ วาริปริโภโค วุตฺโต ยถา ‘‘รตฺตูปรโต’’ติ. ปฏิกฺขิตฺโต สพฺพสีโตทโก ตปฺปริโภโค ยสฺสาติ ตถา. ตนฺติ สีโตทกํ. สพฺพวาริยุตฺโตติ สํวรลกฺขณมตฺตํ กถิตํ. สพฺพวาริธุโตติ ปาปนิชฺชรลกฺขณํ. สพฺพวาริผุโฏติ กมฺมกฺขยลกฺขณนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺเพนา’’ติอาทิมาห, สพฺเพน ปาปวารเณน ยุตฺโตติ หิ สพฺพปฺปกาเรน สํวรลกฺขเณน ปาปวารเณน สมนฺนาคโต. ธุตปาโปติ สพฺเพน นิชฺชรลกฺขเณน ปาปวารเณน วิธุตปาโป. ผุฏฺโติ อฏฺนฺนมฺปิ กมฺมานํ เขปเนน โมกฺขปฺปตฺติยา กมฺมกฺขยลกฺขเณน สพฺเพน ปาปวารเณน ผุฏฺโ, ตํ ปตฺวา ิโตติ อตฺโถ. ‘‘ทฺเวเยว คติโย ภวนฺติ, อนฺา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๘; ๒.๓๔; ๓.๑๙๙, ๒๐๐; ม. นิ. ๒.๓๘๔, ๓๙๘) วิย คมุสทฺโท นิฏฺานตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘โกฏิปฺปตฺตจิตฺโต’’ติ, โมกฺขาธิคเมน อุตฺตมมริยาทปฺปตฺตจิตฺโตติ อตฺโถ. กายาทีสุ อินฺทฺริเยสุ สํยเมตพฺพสฺส อภาวโต ¶ สํยตจิตฺโต. อตีเต เหตฺถ ต-สทฺโท. สํยเมตพฺพสฺส อวเสสสฺส อภาวโต สุปฺปติฏฺิตจิตฺโต. กิฺจิ สาสนานุโลมนฺติ ปาปวารณํ สนฺธาย วุตฺตํ. อสุทฺธลทฺธิตายาติ ‘‘อตฺถิ ชีโว, โส จ สิยา นิจฺโจ, สิยา อนิจฺโจ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๗๗). เอวมาทิมลีนลทฺธิตาย. สพฺพาติ กมฺมปกติวิภาคาทิวิสยาปิ สพฺพา นิชฺฌานกฺขนฺติโย. ทิฏฺิเยวาติ มิจฺฉาทิฏฺิโย เอว ชาตา.
สฺจยเพลฏฺปุตฺตวาทวณฺณนา
๑๗๙-๑๘๑. อมราวิกฺเขเป ¶ วุตฺตนโย เอวาติ พฺรหฺมชาเล อมราวิกฺเขปวาทวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๖๑) วุตฺตนโย เอว. กสฺมา? วิกฺเขปพฺยากรณภาวโต, ตเถว จ ตตฺถ วิกฺเขปวาทสฺส อาคตตฺตา.
ปมสนฺทิฏฺิกสามฺผลวณฺณนา
๑๘๒. ปีเฬตฺวาติ เตลยนฺเตน อุปฺปีเฬตฺวา, อิมินา รฺโ อาโภคมาห. วทโต หิ อาโภควเสน สพฺพตฺถ อตฺถนิจฺฉโย. อฏฺกถาจริยา จ ตทาโภคฺู, ปรมฺปราภตตฺถสฺสาวิโรธิโน จ, ตสฺมา สพฺพตฺถ ยถา ตถา วจโนกาสลทฺธภาวมตฺเตน อตฺโถ น วุตฺโต, อถ โข เตสํ วตฺตุมิจฺฉิตวเสนาติ คเหตพฺพํ, เอวฺจ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อตฺถุทฺธาราทิวเสน อตฺถวิเวจนา กตาติ.
๑๘๓. ยถา เต รุจฺเจยฺยาติ อิทานิ มยา ปุจฺฉิยมาโน อตฺโถ ยถา ตว จิตฺเต รุจฺเจยฺย, ตยา จิตฺเต รุจฺเจถาติ อตฺโถ. กมฺมตฺเถ เหตํ กิริยาปทํ. มยา วา ทานิ ปุจฺฉิยมานมตฺถํ ตว สมฺปทานภูตสฺส โรเจยฺยาติปิ วฏฺฏติ. ฆรทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ ชาโต อนฺโตชาโต. ธเนน กีโต ธนกฺกีโต. พนฺธคฺคาหคหิโต กรมรานีโต. สามเมว เยน เกนจิ เหตุนา ทาสภาวมุปคโต สามํทาสพฺโยปคโต. สามนฺติ หิ สยเมว. ทาสพฺยนฺติ ทาสภาวํ. โกจิ ทาโสปิ สมาโน อลโส กมฺมํ อกโรนฺโต ‘‘กมฺมกาโร’’ติ น วุจฺจติ, โส ปน น ตถาภูโตติ วิเสสนเมตนฺติ อาห ‘‘อนลโส’’ติอาทิ. ทูรโตติ ทูรเทสโต อาคตํ. ปมเมวาติ อตฺตโน อาสนฺนตรฏฺานุปสงฺกมนโต ปเคว ปุเรตรเมว. อุฏฺหตีติ คารววเสน อุฏฺหิตฺวา ติฏฺติ, ปจฺจุฏฺาตีติ วา อตฺโถ. ปจฺฉาติ สามิกสฺส นิปชฺชาย ปจฺฉา. สยนโต อวุฏฺิเตติ รตฺติยา วิภายนเวลาย เสยฺยโต อวุฏฺิเต. ปจฺจูสกาลโตติ อตีตรตฺติยา ปจฺจูสกาลโต ¶ . ยาว สามิโน รตฺตึ นิทฺโทกฺกมนนฺติ อปราย ภาวินิยา รตฺติยา ปโทสเวลายํ ยาว นิทฺโทกฺกมนํ. ยา อตีตรตฺติยา ปจฺจูสเวลา, ภาวินิยา จ ปโทสเวลา, เอตฺถนฺตเร สพฺพกิจฺจํ กตฺวา ปจฺฉา นิปตตีติ วุตฺตํ ¶ โหติ. กึ การเมวาติ กึ กรณียเมว กินฺติ ปุจฺฉาย กาตพฺพโต, ปุจฺฉิตฺวา กาตพฺพเวยฺยาวจฺจนฺติ อตฺโถ. ปฏิสฺสเวเนว สมีปจาริตา วุตฺตาติ อาห ‘‘ปฏิสุณนฺโต วิจรตี’’ติ. ปฏิกุทฺธํ มุขํ โอโลเกตุํ น วิสหตีติปิ ทสฺเสติ ‘‘ตุฏฺปหฏฺ’’นฺติ อิมินา.
เทโว วิยาติ อาธิปจฺจปริวาราทิสมนฺนาคโต ปธานเทโว วิย, เตน มฺเ-สทฺโท อิธ อุปมตฺโถติ าเปติ ยถา ‘‘อกฺขาหตํ มฺเ อฏฺาสิ รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส อนฺเตปุรํ อุปโสภยมาน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๔๕). โส วตสฺสาหนฺติ เอตฺถ โส วต อสฺสํ อหนฺติ ปทจฺเฉโท, โส ราชา วิย อหมฺปิ ภเวยฺยํ. เกนาติ เจ? ยทิ ปฺุานิ กเรยฺยํ, เตนาติ อตฺโถติ อาห ‘‘โส วต อห’’นฺติอาทิ. วตสทฺโท อุปมายํ. เตนาห ‘‘เอวรูโป’’ติ. ปฺุานีติ อุฬารตรํ ปฺุํ สนฺธาย วุตฺตํ อฺทา กตปฺุโต อุฬาราย ปพฺพชฺชาย อธิปฺเปตตฺตา. ‘‘โส วตสฺสาย’’นฺติปิ ปาเ โส ราชา วิย อยํ อหมฺปิ อสฺสํ. กถํ? ‘‘ยทิ ปฺุานิ กเรยฺย’’นฺติ อตฺถสมฺภวโต ‘‘อยเมวตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. อสฺสนฺติ หิ อุตฺตมปุริสโยเค อหํ-สทฺโท อปฺปยุตฺโตปิ อยํ-สทฺเทน ปรามสนโต ปยุตฺโต วิย โหติ. โส อหํ เอวรูโป อสฺสํ วต, ยทิ ปฺุานิ กเรยฺยนฺติ ปมปาสฺส อตฺถมิจฺฉนฺติ เกจิ. เอวํ สติ ทุติยปาเ ‘‘อยเมวตฺโถ’’ติ อวตฺตพฺโพ สิยา ตตฺถ อยํ-สทฺเทน อหํ-สทฺทสฺส ปรามสนโต, ‘‘โส’’ติ จ ปรามสิตพฺพสฺส อฺสฺส สมฺภวโต. ยนฺติ ทานํ. สตภาคมฺปีติ สตภูตํ ภาคมฺปิ, รฺา ทินฺนทานํ สตธา กตฺวา ตตฺถ เอกภาคมฺปีติ วุตฺตํ โหติ. ยาวชีวํ น สกฺขิสฺสามิ ทาตุนฺติ ยาวชีวํ ทานตฺถาย อุสฺสาหํ กโรนฺโตปิ สตภาคมตฺตมฺปิ ทาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตสฺมา ปพฺพชิสฺสามีติ ปพฺพชฺชายํ อุสฺสาหํ กตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ยํนูนา’’ติ นิปาโต ปริวิตกฺกนตฺเถติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ จินฺตนภาว’’นฺติ.
กาเยน ปิหิโตติ กาเยน สํวริตพฺพสฺส กายทฺวาเรน ปวตฺตนกสฺส ปาปธมฺมสฺส สํวรณวเสน ปิทหิโต. อุสฺสุกฺกวจนวเสน ปนตฺโถ วิหเรยฺย-ปเทน สมฺพชฺฌิตพฺพตฺตาติ อาห ‘‘อกุสลปเวสนทฺวารํ ถเกตฺวา’’ติ. หุตฺวาติ หิ เสโส. อกุสลปเวสนทฺวารนฺติ จ กายกมฺมภูตานมกุสลานํ ปเวสนภูตํ กายวิฺตฺติสงฺขาตํ ทฺวารํ. เสสปททฺวเยปีติ ¶ ‘‘วาจาย สํวุโต, มนสา สํวุโต’’ติ ปททฺวเยปิ. ฆาสจฺฉาทเนน ปรมตายาติ ฆาสจฺฉาทนปริเยสเน สลฺเลขวเสน ปรมตาย, อุกฺกฏฺภาเว วา สณฺิโต ฆาสจฺฉาทนมตฺตเมว ปรมํ ปมาณํ โกฏิ เอตสฺส ¶ , น ตโต ปรํ กิฺจิ อามิสชาตํ ปริเยสติ, ปจฺจาสิสติ จาติ ฆาสจฺฉาทนปรโม, ตสฺส ภาโว ฆาสจฺฉาทนปรมตาติปิ อฏฺกถามุตฺตโก นโย. ฆสิตพฺโพ อสิตพฺโพติ ฆาโส, อาหาโร, อาภุโส ฉาเทติ ปริทหติ เอเตนาติ อจฺฉาทนํ, นิวาสนํ, อปิจ ฆสนํ ฆาโส, อาภุโส ฉาทียเต อจฺฉาทนนฺติปิ ยุชฺชติ. เอตทตฺถมฺปีติ ฆาสจฺฉาทนตฺถายาปิ. อเนสนนฺติ เอกวีสติวิธมฺปิ อนนุรูปเมสนํ.
วิเวกฏฺกายานนฺติ คณสงฺคณิกโต ปวิวิตฺเต ิตกายานํ, สมฺพนฺธีภูตานํ กายวิเวโกติ สมฺพนฺโธ. เนกฺขมฺมาภิรตานนฺติ ฌานาภิรตานํ. ปรมโวทานปฺปตฺตานนฺติ ตาย เอว ฌานาภิรติยา ปรมํ อุตฺตมํ โวทานํ จิตฺตวิสุทฺธึ ปตฺตานํ. นิรุปธีนนฺติ กิเลสูปธิอภิสงฺขารูปธีหิ อจฺจนฺตวิคตานํ. วิสงฺขารํ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตทธิคมเนตา วิสงฺขารคตา, อรหนฺโต, เตสํ. ‘‘เอวํ วุตฺเต’’ติ อิมินา มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๗, ๙) อาคตภาวํ ทสฺเสติ. เอตฺถ จ ปโม วิเวโก อิตเรหิ ทฺวีหิ วิเวเกหิ สหาปิ วตฺตพฺโพ อิตเรสุ สิทฺเธสุ ตสฺสาปิ สิชฺฌนโต, วินา จ ตสฺมึ สิทฺเธปิ อิตเร สมสิชฺฌนโต. ตถา ทุติโยปิ. ตติโย ปน อิตเรหิ สเหว วตฺตพฺโพ. น วินา อิตเรสุ สิทฺเธสุเยว ตสฺส สิชฺฌนโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘คณสงฺคณิกํ ปหายา’’ติอาทิ ตทธิปฺปายวิภาวนํ. ตตฺถ คเณ ชนสมาคเม สนฺนิปตนํ คณสงฺคณิกา, ตํ ปหาย. กาเยน เอโก วิหรติ วิจรติ ปุคฺคลวเสน อสหายตฺตา. จิตฺเต กิเลสานํ สนฺนิปตนํ จิตฺตกิเลสสงฺคณิกา, ตํ ปหาย. เอโก วิหรติ กิเลสวเสน อสหายตฺตา. มคฺคสฺส เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา, โคตฺรภุอาทีนฺจ อารมฺมณกรณมตฺตตฺตา น เตสํ วเสน สาติสยา นิพฺพุติสุขสมฺผุสนา, ผลสมาปตฺตินิโรธสมาปตฺติวเสน ปน สาติสยาติ อาห ‘‘ผลสมาปตฺตึ วา นิโรธสมาปตฺตึ วา’’ติ. ผลปริโยสาโน หิ นิโรโธ. ปวิสิตฺวาติ สมาปชฺชนวเสน อนฺโตกตฺวา. นิพฺพานํ ปตฺวาติ เอตฺถ อุสฺสุกฺกวจนเมตํ อารมฺมณกรเณน, จิตฺตเจตสิกานํ นิโรเธน จ ¶ นิพฺพุติปชฺชนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. โจทนตฺเถติ ชานาเปตุํ อุสฺสาหกรณตฺเถ.
๑๘๔. อภิหริตฺวาติ อภิมุขภาเวน เนตฺวา. นนฺติ ตถา ปพฺพชฺชาย วิหรนฺตํ. อภิหาโรติ นิมนฺตนวเสน อภิหรณํ. ‘‘จีวราทีหิ ปโยชนํ สาเธสฺสามี’’ติ วจนเสเสน โยชนา. ตถา ‘‘เยนตฺโถ, ตํ วเทยฺยาถา’’ติ. จีวราทิเวกลฺลนฺติ จีวราทีนํ ลูขตาย วิกลภาวํ. ตทุภยมฺปีติ ตเทว อภิหารทฺวยมฺปิ. สปฺปายนฺติ สพฺพเคลฺาปหรณวเสน อุปการาวหํ. ภาวิโน อนตฺถสฺส อชนนวเสน ปริปาลนํ รกฺขาคุตฺติ. ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ปน อนตฺถสฺส ¶ นิเสธวเสน ปริปาลนํ อาวรณคุตฺติ. กิมตฺถิยํ ‘‘ธมฺมิก’นฺติ วิเสสนนฺติ อาห ‘‘สา ปเนสา’’ติอาทิ. วิหารสีมายาติ อุปจารสีมาย, ลาภสีมาย วา.
๑๘๕. เกวโล ยทิ-เอวํ-สทฺโท ปุพฺเพ วุตฺตตฺถาเปกฺขโกติ วุตฺตํ ‘‘ยทิ ตว ทาโส’’ติอาทิ. เอวํ สนฺเตติ เอวํ ลพฺภมาเน สติ. ทุติยํ อุปาทาย ปมภาโว, ตสฺมา ‘‘ปม’’นฺติ ภณนฺโต อฺสฺสาปิ อตฺถิตํ ทีเปติ. ตเทว จ การณํ กตฺวา ราชาปิ เอวมาหาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปมนฺติ ภณนฺโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตเนวาติ ปมสทฺเทน อฺสฺสาปิ อตฺถิตาทีปเนเนว.
ทุติยสนฺทิฏฺิกสามฺผลวณฺณนา
๑๘๖. กสตีติ วิเลขติ กสึ กโรติ. คหปติโกติ เอตฺถ ก-สทฺโท อปฺปตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘เอกเคหมตฺเต เชฏฺโก’’ติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – คหสฺส ปติ คหปติ, ขุทฺทโก คหปติ คหปติโก เอกสฺมิฺเว เคหมตฺเต เชฏฺกตฺตาติ, ขุทฺทกภาโว ปนสฺส เคหวเสเนวาติ กตฺวา ‘‘เอกเคหมตฺเต’’ติ วุตฺตํ. เตน หิ อเนกกุลเชฏฺกภาวํ ปฏิกฺขิปติ, คหํ, เคหนฺติ จ อตฺถโต สมานเมว. กรสทฺโท พลิมฺหีติ วุตฺตํ ‘‘พลิสงฺขาต’’นฺติ. กโรตีติ อภินิปฺผาเทติ สมฺปาเทติ. วฑฺเฒตีติ อุปรูปริ อุปฺปาทเนน มหนฺตํ สนฺนิจยํ กโรติ.
กสฺมา ตทุภยมฺปิ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยถา หี’’ติอาทิ. อปฺปมฺปิ ปหาย ปพฺพชิตุํ ทุกฺกรนฺติ ทสฺสนฺจ ปเคว มหนฺตนฺติ วิฺาปนตฺถํ. เอสา หิ กถิกานํ ¶ ปกติ, ยทิทํ เยน เกนจิ ปกาเรน อตฺถนฺตรวิฺาปนนฺติ. อปฺปมฺปิ ปหาย ปพฺพชิตุํ ทุกฺกรภาโว ปน มชฺฌิมนิกาเย มชฺฌิมปณฺณาสเก ลฏุกิโกปมสุตฺเตน (ม. นิ. ๒.๑๔๘ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘เสยฺยถาปิ อุทายิ ปุริโส ทลิทฺโท อสฺสโก อนาฬฺหิโย, ตสฺส’สฺส เอกํ อคารกํ โอลุคฺควิลุคฺคํ กากาติทายึ นปรมรูปํ, เอกา ขโฏปิกา โอลุคฺควิลุคฺคา นปรมรูปา’’ติ วิตฺถาโร. ยทิ อปฺปมฺปิ โภคํ ปหาย ปพฺพชิตุํ ทุกฺกรํ, กสฺมา ทาสวาเรปิ โภคคฺคหณํ น กตนฺติ อาห ‘‘ทาสวาเร ปนา’’ติอาทิ. อตฺตโนปิ อนิสฺสโรติ อตฺตานมฺปิ สยมนิสฺสโร. ยถา จ ทาสสฺส โภคาปิ อโภคาเยว ปรายตฺตภาวโต, เอวํ าตโยปีติ ทาสวาเร าติปริวฏฺฏคฺคหณมฺปิ น กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปริวฏฺฏติ ปรมฺปรภาเวน สมนฺตโต อาวฏฺฏตีติ ปริวฏฺโฏ, าติเยว. เตนาห ‘‘าติเยว าติปริวฏฺโฏ’’ติ.
ปณีตตรสามฺผลวณฺณนา
๑๘๙. ตนฺติ ¶ ยถา ทาสวาเร ‘‘เอวเมวา’’ติ วุตฺตํ, น ตถา อิธ กสฺสกวาเร, ตทวจนํ กสฺมาติ อนุยฺุเชยฺย เจติ อตฺโถ. เอวเมวาติ วุจฺจมาเนติ ยถา ปมทุติยานิ สามฺผลานิ ปฺตฺตานิ, ตถาเยว ปฺเปตุํ สกฺกา นุ โขติ วุตฺเต. เอวรูปาหีติ ยถาวุตฺตทาสกสฺสกูปมาสทิสาหิ อุปมาหิ. สามฺผลํ ทีเปตุํ ปโหติ อนนฺตปฏิภานตาย วิจิตฺตนยเทสนภาวโต. ตตฺถาติ เอวํ ทีปเน. ปริยนฺตํ นาม นตฺถิ อนนฺตนยเทสนภาวโต, สวเน วา อสนฺโตสเนน ภิยฺโย ภิยฺโย โสตุกามตาชนนโต โสตุกามตาย ปริยนฺตํ นาม นตฺถีติ อตฺโถ. ตถาปีติ ‘‘เทสนาย อุตฺตรุตฺตราธิกนานานยวิจิตฺตภาเว สติปี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๘๙) อาจริเยน วุตฺตํ, สติปิ เอวํ อปริยนฺตภาเวติปิ ยุชฺชติ. อนุมานาเณน จินฺเตตฺวา. อุปริ วิเสสนฺติ ตํ เปตฺวา ตทุปริ วิเสสเมว สามฺผลํ ปุจฺฉนฺโต. กสฺมาติ อาห ‘‘สวเน’’ติอาทิ. เอเตน อิมมตฺถํ ทีเปติ – อเนกตฺถา สมานาปิ สทฺทา วตฺติจฺฉานุปุพฺพิกาเยว ตํตทตฺถทีปกาติ.
สาธุกํ สาธูติ เอกตฺถเมตํ สาธุสทฺทสฺเสว ก-กาเรน วฑฺเฒตฺวา วุตฺตตฺตา. เตเนว หิ สาธุกสทฺทสฺสตฺถํ วทนฺเตน สาธุสทฺโท อตฺถุทฺธารวเสน ¶ อุทาหโฏ. เตน จ นนุ สาธุกสทฺทสฺเสว อตฺถุทฺธาโร วตฺตพฺโพ, น สาธุสทฺทสฺสาติ โจทนา นิเสธิตา. อายาจเนติ อภิมุขํ ยาจเน, อภิปตฺถนายนฺติ อตฺโถ. สมฺปฏิจฺฉเนติ ปฏิคฺคหเณ. สมฺปหํสเนติ สํวิชฺชมานคุณวเสน หํสเน โตสเน, อุทคฺคตากรเณติ อตฺโถ.
สาธุ ธมฺมรุจีติ คาถา อุมฺมาทนฺตีชาตเก (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑). ตตฺถายมฏฺกถาวินิจฺฉยปเวณี – สุจริตธมฺเม โรเจตีติ ธมฺมรุจิ, ธมฺมรโตติ อตฺโถ. ตาทิโส หิ ชีวิตํ ชหนฺโตปิ อกตฺตพฺพํ น กโรติ. ปฺาณวาติ ปฺวา าณสมฺปนฺโน. มิตฺตานมทฺทุพฺโภติ มิตฺตานํ อทุสฺสนภาโว. ‘‘อทูสโก อนุปฆาตโก’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๘๙) อาจริเยน วุตฺตํ. ‘‘อทฺรุพฺโภ’’ติปิ ปาโ ท-การสฺส ทฺร-การํ กตฺวา.
ทฬฺหีกมฺเมติ สาตจฺจกิริยายํ. อาณตฺติยนฺติ อาณาปเน. อิธาปีติ สามฺผเลปิ. อสฺสาติ สาธุกสทฺทสฺส. ‘‘สุโณหิ สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ หิ สาธุกสทฺเทน สวนมนสิการานํ สาตจฺจกิริยาปิ ตทาณาปนมฺปิ โชติตํ โหติ. อายาจเนเนว จ อุยฺโยชนสามฺโต อาณตฺติ สงฺคหิตาติ น สา วิสุํ อตฺถุทฺธาเร วุตฺตา. อาณารหสฺส หิ อาณตฺติ ¶ , ตทนรหสฺส อายาจนนฺติ วิเสโส. สุนฺทเรปีติ สุนฺทรตฺเถปิ. อิทานิ ยถาวุตฺเตน สาธุกสทฺทสฺส อตฺถตฺตเยน ปกาสิตํ วิเสสํ ทสฺเสตุํ, ตสฺส วา อตฺถตฺตยสฺส อิธ โยคฺยตํ วิภาเวตุํ ‘‘ทฬฺหีกมฺมตฺเถน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุคฺคหิตํ คณฺหนฺโตติ สุคฺคหิตํ กตฺวา คณฺหนฺโต. สุนฺทรนฺติ ภาวนปุํสกํ. ภทฺทกนฺติ ปสตฺถํ, ‘‘ธมฺม’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ. สุนฺทรํ ภทฺทกนฺติ วา สวนานุคฺคหเณ ปริยายวจนํ.
มนสิ กโรหีติ เอตฺถ น อารมฺมณปฏิปาทนลกฺขโณ มนสิกาโร, อถ โข วีถิปฏิปาทนชวนปฏิปาทนมนสิการปุพฺพเก จิตฺเต ปนลกฺขโณติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาวชฺช, สมนฺนาหรา’’ติ อาห. อวิกฺขิตฺตจิตฺโตติ ยถาวุตฺตมนสิการทฺวยปุพฺพกาย จิตฺตปฏิปาฏิยา เอการมฺมเณ ปนวเสน อนุทฺธตจิตฺโต หุตฺวา. นิสาเมหีติ สุณาหิ, อนคฺฆรตนมิว วา สุวณฺณมฺชุสาย ทุลฺลภธมฺมรตนํ จิตฺเต ปฏิสาเมหีติปิ อตฺโถ ¶ . เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺเต กโรหี’’ติ. เอวํ ปททฺวยสฺส ปจฺเจกํ โยชนาวเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิโยคีวเสน ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โสตินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ สวเน นิโยชนวเสน กิริยนฺตรปฏิเสธนโต, เตน โสตํ โอทหาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. มนินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ มนสิกาเรน ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน อฺจินฺตาปฏิเสธนโต. พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ ‘‘สาธุก’’นฺติ วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา. อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารเณปิ เอส นโย.
ธารณูปปริกฺขาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สทฺเทน ตุลนตีรณาทิเก, ทิฏฺิยา สุปฺปฏิเวเธ จ สงฺคณฺหาติ. ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺเชติ ปกาเสติ, สยเมเตนาติ วา พฺยฺชนํ, สภาวนิรุตฺติ, สห พฺยฺชเนนาติ สพฺยฺชโน, พฺยฺชนสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. สหปฺปวตฺติ หิ ‘‘สมฺปนฺนตา สมวายตา วิชฺชมานตา’’ติอาทินา อเนกวิธา, อิธ ปน สมฺปนฺนตาเยว ตทฺสฺส อสมฺภวโต, ตสฺมา ‘‘สห พฺยฺชเนนา’’ติ นิพฺพจนํ กตฺวาปิ ‘‘พฺยฺชนสมฺปนฺโน’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๑๘๙) อตฺโถ อาจริเยน วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ, ยถา ตํ ‘‘น กุสลา อกุสลา, กุสลปฏิปกฺขา’’ติ (ธ. ส. ๑) อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต อนุธาตพฺพโต อตฺโถ, จตุปาริสุทฺธิสีลาทิ, สห อตฺเถนาติ สาตฺโถ, วุตฺตนเยน อตฺถสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. สาธุกปทํ เอกเมว สมานํ อาวุตฺตินยาทิวเสน อุภยตฺถ โยเชตพฺพํ. กถนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ. ธมฺโม นาม ตนฺติ. เทสนา นาม ตสฺสา มนสา ววตฺถาปิตาย ตนฺติยา เทสนา. อตฺโถ นาม ตนฺติยา อตฺโถ. ปฏิเวโธ นาม ตนฺติยา, ตนฺติอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. ยสฺมา เจเต ธมฺมเทสนาตฺถปฏิเวธา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาหา, อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา…เป… มนสิ กโรหี’’ติ. เอตฺถ จ ปฏิเวธสฺส ทุกฺกรภาวโต ¶ ธมฺมตฺถานํ ทุกฺโขคาหตา, เทสนาาณสฺส ทุกฺกรภาวโต เทสนาย, อุปฺปาเทตุมสกฺกุเณยฺยตาย, ตพฺพิสยาณุปฺปตฺติยา จ ทุกฺกรภาวโต ปฏิเวธสฺส ทุกฺโขคาหตา เวทิตพฺพา. ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ นิทานวณฺณนายํ วุตฺตเมว.
‘‘สุณาหิ สาธุก’’นฺติ ‘‘สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ วทนฺโต น เกวลํ อตฺถกฺกมโต เอว อยํ โยชนา, อถ โข สทฺทกฺกมโตปิ อุภยตฺถ สมฺพนฺธตฺตาติ ทสฺเสติ. ‘‘สกฺกา มหาราชา’’ติ อิธาปิ ‘‘อฺมฺปิ ทิฏฺเว ¶ ธมฺเม สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ…เป… ปณีตตรฺจา’’ติ อิทมนุวตฺตตีติ อาห ‘‘เอวํ ปฏิฺาตํ สามฺผลเทสน’’นฺติ. วิตฺถารโต ภาสนนฺติ อตฺถเมว ทฬฺหํ กโรติ ‘‘เทเสสฺสามีติ สํขิตฺตทีปน’’นฺติอาทินา. หิ-สทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เทสนํ นาม อุทฺทิสนํ. ภาสนํ นาม นิทฺทิสนํ ปริพฺยตฺตกถนํ. เตนายมตฺโถ สมฺภวตีติ ยถาวุตฺตมตฺถํ สคาถาวคฺคสํยุตฺเต วงฺคีสสุตฺเต (สํ. นิ. ๑.๒๑๔) คาถาปเทน สาเธตุํ ‘‘เตนาหา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
สาฬิกายิว นิคฺโฆโสติ สาฬิกาย นิคฺโฆโส วิย, ยถา สาฬิกาย อาลาโป มธุโร กณฺณสุโข เปมนีโย, เอวนฺติ อตฺโถ. ปฏิภานนฺติ เจตสฺส วิเสสนํ ลิงฺคเภทสฺสปิ วิเสสนสฺส ทิสฺสนโต ยถา ‘‘คุโณ ปมาณ’’นฺติ. ปฏิภานนฺติ จ สทฺโท วุจฺจติ ปฏิภาติ ตํตทากาเรน ทิสฺสตีติ กตฺวา. อุทีรยีติ อุจฺจารยิ, วุจฺจติ วา, กมฺมคพฺภฺเจตํ กิริยาปทํ. อิมินา เจตํ ทีเปติ – อายสฺมนฺตํ ธมฺมเสนาปตึ โถเมตุกาเมน เทสนาภาสนานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺเตน ปภินฺนปฏิสมฺภิเทน อายสฺมตา วงฺคีสตฺเถเรน ‘‘สงฺขิตฺเตน, วิตฺถาเรนา’’ติ จ วิเสสนํ กตํ, เตนายมตฺโถ วิฺายตีติ.
เอวํ วุตฺเตติ ‘‘ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺเต. ‘‘น กิร ภควา สงฺเขเปเนว เทเสสฺสติ, อถ โข วิตฺถาเรนปิ ภาสิสฺสตี’’ติ หิ ตํ ปทํ สุตฺวาว อุสฺสาหชาโต สฺชาตุสฺสาโห, หฏฺตุฏฺโติ อตฺโถ. อยมาจริยสฺส อธิปฺปาโย. อปิจ ‘‘เตน หิ มหาราช สุโณหิ สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺตํ สพฺพมฺปิ อุยฺโยชนปฏิฺากรณปฺปการํ อุสฺสาหชนนการณํ สพฺเพเนว อุสฺสาหสมฺภวโต, ตสฺมา เอวํ วุตฺเตติ ‘‘สุโณหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ภาสิสฺสามี’’ติ วุตฺเต สพฺเพเหว ตีหิปิ ปเทหิ อุสฺสาหชาโตติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปจฺจสฺโสสีติ ปติ อสฺโสสิ ภควโต วจนสมนนฺตรเมว ปจฺฉา อสฺโสสิ, ‘‘สกฺกา ปน ภนฺเต’’ติอาทินา วา ปุจฺฉิตฺวา ปุน ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ อสฺโสสีติ อตฺโถ. ตํ ปน ปติสฺสวนํ อตฺถโต สมฺปฏิจฺฉนเมวาติ ¶ อาห ‘‘สมฺปฏิจฺฉิ, ปฏิคฺคเหสี’’ติ. เตเนว หิ ‘‘อิติ อตฺโถ’’ติ อวตฺวา ‘‘อิติ วุตฺตํ โหตี’’ติ วุตฺตํ.
๑๙๐. ‘‘อถสฺส ¶ ภควา เอตทโวจา’’ติ วจนสมฺพนฺธมตฺตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอตํ อโวจา’’ติ ปทํ วิภชิตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทานี’’ติอาทิมาห. ‘‘อิธา’’ติ อิมินา วุจฺจมานํ อธิกรณํ ตถาคตสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูตํ โลกเมวาธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เทโสปเทเส นิปาโต’’ติ อิมินา. เทสสฺส อุปทิสนํ เทโสปเทโส, ตสฺมึ. ยทิ สพฺพตฺถ เทโสปเทเส, อถายมตฺโถ น วตฺตพฺโพ อวุตฺเตปิ ลพฺภมานตฺตาติ โจทนายาห ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิ. สามฺภูตํ อิธสทฺทํ คณฺหิตฺวา ‘‘สฺวาย’’นฺติ วุตฺตํ, น ตุ ยถาวิเสสิตพฺพํ. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กตฺถจิ ปทปูรณมตฺตเมวา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐). โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ โลกสทฺเทน สมานาธิกรณภาวโต. อิธ โลเกติ จ ชาติกฺเขตฺตํ, ตตฺถาปิ อยํ จกฺกวาโฬ อธิปฺเปโต. สาสนมุปาทาย วุจฺจติ ‘‘สมโณ’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธานโต. อยฺหิ จตุกงฺคุตฺตรปาฬิ. ตตฺถ ปโม สมโณติ โสตาปนฺโน. ทุติโย สมโณติ สกทาคามี. วุตฺตฺเหตํ ตตฺเถว –
‘‘กตโม จ ภิกฺขเว ปโม สมโณ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหตี’’ติ, (อ. นิ. ๔.๒๔๑) ‘‘กตโม จ ภิกฺขเว ทุติโย สมโณ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑) จ อาทิ.
โอกาสนฺติ กฺจิ ปเทสมุปาทาย วุจฺจติ ‘‘ติฏฺมานสฺสา’’ติ สทฺทนฺตรสนฺนิธานโต.
อิเธว ติฏฺมานสฺสาติ อิมิสฺสํเยว อินฺทสาลคุหายํ ปติฏฺมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโตติ เทวภาเวน, เทโว หุตฺวา วา ภูตสฺส สมานสฺส. เมติ อนาทรโยเค สามิวจนํ. ปุน เมติ กตฺตุตฺเถ. อิทฺหิ สกฺกปฺหโต อุทาหฏํ.
ปทปูรณมตฺตเมว โอกาสาปทิสนสฺสาปิ อสมฺภเวน อตฺถนฺตรสฺส อโพธนโต. ปุพฺเพ วุตฺตํ ตถาคตสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูตเมว สนฺธาย ‘‘โลก’’นฺติ วุตฺตํ. ปุริมํ อุยฺโยชนปฏิฺากรณวิสเย อาลปนนฺติ ¶ ปุน ‘‘มหาราชา’’ติ อาลปติ. ‘‘อรห’’นฺติ อาทโย สทฺทา วิตฺถาริตาติ โยชนา. อตฺถโต หิ วิตฺถารณํ สทฺทมุเขเนว โหตีติ อุภยตฺถ สทฺทคฺคหณํ กตํ. ยสฺมา ปน ‘‘อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต’’ติอาทินา (อุทา. อฏฺ. ๑๘; อิติวุ. อฏฺ. ๓๘) ตถาคต-สทฺโท ¶ อุทานฏฺกถาทีสุ, ‘‘อรห’’นฺติ อาทโย จ วิสุทฺธิมคฺคฏีกายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๓๐) อปเรหิปิ ปกาเรหิ วิตฺถาริตา อาจริเยน, ตสฺมา เตสุ วุตฺตนเยนปิ เตสมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถาคตสฺส สตฺตนิกายนฺโตคธตาย ‘‘อิธ ปน สตฺตโลโก อธิปฺเปโต’’ติ วตฺวา ตตฺถายํ ยสฺมึ สตฺตนิกาเย, ยสฺมิฺจ โอกาเส อุปฺปชฺชติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตโลเก อุปฺปชฺชมาโนปิ จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. น เทวโลเก, น พฺรหฺมโลเกติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติ.
ตสฺสาปเรนาติ ตสฺส นิคมสฺส อปเรน, ตโต พหีติ วุตฺตํ โหติ. ตโตติ มหาสาลโต. โอรโต มชฺเฌติ อพฺภนฺตรํ มชฺฌิมปเทโส. เอวํ ปริจฺฉินฺเนติ ปฺจนิมิตฺตพทฺธา สีมา วิย ปฺจหิ ยถาวุตฺตนิมิตฺเตหิ ปริจฺฉินฺเน. อฑฺฒเตยฺยโยชนสเตติ ปณฺณาสโยชเนหิ อูนติโยชนสเต. อยฺหิ มชฺฌิมชนปโท มุทิงฺคสณฺาโน, น สมปริวฏฺโฏ, น จ สมจตุรสฺโส, อุชุเกน กตฺถจิ อสีติโยชโน โหติ, กตฺถจิ โยชนสติโก, ตถาปิ เจส กุฏิลปริจฺเฉเทน มินิยมาโน ปริยนฺต ปริกฺเขปโต นวโยชนสติโก โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘นวโยชนสเต’’ติ. อสีติมหาเถราติ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ สุนาปรนฺตกสฺส ปุณฺณตฺเถรสฺสาปิ มหาสาวเกสุ ปริยาปนฺนตฺตา. สุนาปรนฺตชนปโท หิ ปจฺจนฺตวิสโย. ตถา หิ ‘‘จนฺทนมณฺฑลมาฬปฏิคฺคหเณ ภควา น ตตฺถ อรุณํ อุฏฺเปตี’’ติ มชฺฌิมาคม- (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๓๙๗) สํยุตฺตาคมฏฺกถาสุ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๘๘-๘๙) วุตฺตํ. สารปฺปตฺตาติ กุลโภคิสฺสริยาทิวเสน, สีลสาราทิวเสน จ สารภูตา. พฺราหฺมณคหปติกาติพฺรหฺมายุโปกฺขรสาติอาทิพฺราหฺมณา เจว อนาถปิณฺฑิกาทิคหปติกา จ.
ตตฺถาติ มชฺฌิมปเทเส, ตสฺมึเยว ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจเน วา. สุชาตายาติ เอวํนามิกาย ปมํ สรณคมนิกาย ยสตฺเถรมาตุยา. จตูสุ ปเนเตสุ วิกปฺเปสุ ปโม พุทฺธภาวาย อาสนฺนตรปฏิปตฺติทสฺสนวเสน ¶ วุตฺโต. อาสนฺนตราย หิ ปฏิปตฺติยา ิโตปิ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุจฺจติ อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา, ปเคว ปฏิปตฺติยา มตฺถเก ิโต. ทุติโย พุทฺธภาวาวหปพฺพชฺชโต ปฏฺาย อาสนฺนมตฺตปฏิปตฺติทสฺสนวเสน, ตติโย พุทฺธกรธมฺมปาริปูริโต ปฏฺาย พุทฺธภาวาย ปฏิปตฺติทสฺสนวเสน. น หิ มหาสตฺตานํ อนฺติมภวูปปตฺติโต ปฏฺาย โพธิสมฺภารสมฺภรณํ นาม อตฺถิ พุทฺธตฺถาย กาลมาคมยมาเนเนว ตตฺถ ปติฏฺนโต. จตุตฺโถ พุทฺธภาวกรธมฺมสมารมฺภโต ปฏฺาย โพธิยา นิยตภาวทสฺสเนน. โพธิยา หิ นิยตภาวปฺปตฺติโต ปภุติ ‘‘พุทฺโธ อุปฺปชฺชตี’’ติ วิฺูหิ วตฺตุํ สกฺกา อุปฺปาทสฺส เอกนฺติกตฺตา. ยถา ปน ‘‘สนฺทนฺติ นทิโย’’ติ สนฺทนกิริยาย อวิจฺเฉทมุปาทาย วตฺตมานปฺปโยโค ¶ , เอวํ อุปฺปาทตฺถาย ปฏิปชฺชนกิริยาย อวิจฺเฉทมุปาทาย จตูสุปิ วิกปฺเปสุ ‘‘อุปฺปชฺชติ นามา’’ติ วุตฺตํ, ปวตฺตาปรตวตฺตมานวจนฺเจตํ. จตุพฺพิธฺหิ วตฺตมานลกฺขณํ สทฺทสตฺเถ ปกาสิตํ –
‘‘นิจฺจปวตฺติ สมีโป, ปวตฺตุปรโต ตถา;
ปวตฺตาปรโต เจว, วตฺตมาโน จตุพฺพิโธ’’ติ.
ยสฺมา ปน พุทฺธานํ สาวกานํ วิย น ปฏิปาฏิยา อิทฺธิวิธาณาทีนิ อุปฺปชฺชนฺติ, สเหว ปน อรหตฺตมคฺเคน สกโลปิ สพฺพฺุตฺาณาทิคุณราสิ อาคโต นาม โหติ, ตสฺมา เตสํ นิปฺผตฺตสพฺพกิจฺจตฺตา อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นามาติ เอกงฺคุตฺตรวณฺณนายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) วุตฺตํ. อสติ หิ นิปฺผตฺตสพฺพกิจฺจตฺเต น ตาวตา ‘‘อุปฺปนฺโน’’ติ วตฺตุมรหติ. สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวนฺติ จตูสุ วิกปฺเปสุ สพฺพปมํ ‘‘ตถาคโต สุชาตาย…เป… อุปฺปชฺชติ นามา’’ติ วุตฺตํ ตถาคตสฺส อุปฺปนฺนตาสงฺขาตํ อตฺถิภาวํ. ตเทว สนฺธาย อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ พุทฺธภาวาย อาสนฺนตรปฏิปตฺติยํ ิตสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา. อยเมว หิ อตฺโถ มุขฺยโต อุปฺปชฺชตีติ วตฺตพฺโพ. เตนาห ‘‘ตถาคโต…เป… อตฺโถ’’ติ.
เอตฺถ จ ‘‘อุปฺปนฺโน’’ติ วุตฺเต อตีตกาลวเสน โกจิ อตฺถํ คณฺเหยฺยาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อุปฺปนฺโน โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อุปฺปนฺนา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๗) วิย หิ อิธ อุปฺปนฺนสทฺโท ปจฺจุปฺปนฺนกาลิโก. นนุ จ อรหตฺตผลสมงฺคีสงฺขาโต อุปฺปนฺโนเยว ตถาคโต ปเวทนเทสนาทีนิ สาเธติ, อถ กสฺมา ¶ ยถาวุตฺโต อรหตฺตมคฺคปริโยสาโน อุปฺปชฺชมาโนเยว ตถาคโต อธิปฺเปโต. น หิ โส ปเวทนเทสนาทีนิ สาเธติ มธุปายาสโภชนโต ยาว อรหตฺตมคฺโค, ตาว เตสํ กิจฺจานมสาธนโตติ? น เหวํ ทฏฺพฺพํ, พุทฺธภาวาย อาสนฺนตรปฏิปตฺติยํ ิตสฺส อุปฺปชฺชมานสฺส คหเณเนว อรหตฺตผลสมงฺคีสงฺขาตสฺส อุปฺปนฺนสฺสาปิ คหิตตฺตา. การณคฺคหเณเนว หิ ผลมฺปิ คหิตํ ตทวินาภาวิตฺตา. อิติ ปเวทนเทสนาทิสาธกสฺส อรหตฺตผลสมงฺคิโนปิ ตถาคตสฺส คเหตพฺพตฺตา เนยฺยตฺถมิทํ ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วจนํ ทฏฺพฺพนฺติ. ตถา หิ องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) อุปฺปชฺชมาโน, อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโนติ ตีหิ กาเลหิ อตฺถวิภชเน ‘‘ทีปงฺกรปาทมูเล ลทฺธพฺยากรณโต ยาว อนาคามิผลา อุปฺปชฺชมาโน นาม, อรหตฺตมคฺคกฺขเณ ปน อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺโน นามา’’ติ วุตฺตํ. อยเมตฺถ อาจริยธมฺมปาลตฺเถรสฺส มติ. ยสฺมา ปน เอกงฺคุตฺตรฏฺกถายํ ‘‘เอกปุคฺคโล ภิกฺขเว โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐) สุตฺตปทวณฺณนายํ ¶ ‘‘อิมสฺมิมฺปิ สุตฺเต อรหตฺตผลกฺขณํเยว สนฺธาย อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๐) อาคตํ, ตสฺมา อิธาปิ อรหตฺตผลกฺขณเมว สนฺธาย อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวํ สนฺธายา’’ติ อิมินา. เตนาห ‘‘อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ’’ติ. สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวนฺติ จ สพฺพเวเนยฺยานํ ปมตรํ อรหตฺตผลวเสน อุปฺปนฺนภาวนฺติ อตฺโถ. ‘‘อุปฺปนฺโน โหตี’’ติ จ อิมินา อรหตฺตผลกฺขณวเสน อตีตกาลํ ทสฺเสตีติ. อยเมว จ นโย องฺคุตฺตรฏีกากาเรน อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน อธิปฺเปโตติ.
โส ภควาติ โย โส ตถาคโต ‘‘อรห’’นฺติอาทินา ปกิตฺติตคุโณ, โส ภควา. อิทานิ วตฺตพฺพํ อิมสทฺเทน นิทสฺเสติ วุจฺจมานตฺถสฺส ปรามสนโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นยิทํ มหาชนสฺส สมฺมุขมตฺตํ สนฺธาย ‘‘อิมํ โลก’’นฺติ วุตฺตํ, อถ โข ‘‘สเทวก’’นฺติอาทินา วกฺขมานํ อนวเสสปริยาทานํ สนฺธายาติ. ‘‘สห เทเวหิ สเทวก’’นฺติอาทินา ยถาวากฺยํ ปทนิพฺพจนํ วุตฺตํ, ยถาปทํ ปน ‘‘สเทวโก’’ติอาทินา วตฺตพฺพํ, อิเม จ ตคฺคุณสํวิฺาณพาหิรตฺถสมาสา. เอตฺถ หิ อวยเวน วิคฺคโห, สมุทาโย สมาสตฺโถ โหติ โลกาวยเวน ¶ กตวิคฺคเหน โลกสมุทายสฺส ยถารหํ ลพฺภมานตฺตา. สมวายโชตกสหสทฺทโยเค หิ อยเมว สมาโส วิฺายติ. เทเวหีติ จ ปฺจกามาวจรเทเวหิ, อรูปาวจรเทเวหิ วา. พฺรหฺมุนาติ รูปาวจรารูปาวจรพฺรหฺมุนา, รูปาวจรพฺรหฺมุนา เอว วา, พหุกตฺตุกาทีนมิว เนสํ สิทฺธิ. ปชาตตฺตาติ ยถาสกํ กมฺมกิเลเสหิ ปกาเรน นิพฺพตฺตกตฺตา.
เอวํ วจนตฺถโต อตฺถํ ทสฺเสตฺวา วจนียตฺถโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ ปาริเสสาเยน อิตเรสํ ปทนฺตเรหิ วิสุํ คหิตตฺตา. ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ ปจฺจาสตฺติาเยน. ตตฺถ หิ มาโร ชาโต, ตนฺนิวาสี จ. ยสฺมา เจส ทามริกราชปุตฺโต วิย ตตฺถ วสิตตฺตา ปากโฏ, ตสฺมา สนฺเตสุปิ อฺเสุ วสวตฺติมหาราชาทีสุ ปากฏตเรน เตเนว วิเสเสตฺวา วุตฺโตติ, อยฺจ นโย มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๐) ปกาสิโตว. มารคฺคหเณน เจตฺถ ตํสมฺพนฺธิโน เทวาปิ คหิตา โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลกสฺส คหณโต. เอวฺหิ วสวตฺติสตฺตโลกสฺส อนวเสสปริยาทานํ โหติ. พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณมฺปิ ปจฺจาสตฺติาเยน. ปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณนฺติ ปจฺจตฺถิกา เอว ปจฺจามิตฺตา, เตเยว สมณพฺราหฺมณา, เตสํ คหณํ ตถา, เตน พาหิรกสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ วุตฺตํ, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตานมฺปิ เตสํ อิมินา คหณโต. สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณนฺติ ¶ ปน สาสนิกสมณพฺราหฺมณานํ คหณํ เวทิตพฺพํ. กามํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิวิเสสนานํ วเสเนว สตฺตวิสโยปิ โลกสทฺโท วิฺายติ สมวายตฺถวเสน ตุลฺยโยควิสยตฺตา เตสํ, ‘‘สโลมโก สปกฺขโก’’ติอาทีสุ ปน วิชฺชมานตฺถวเสน อตุลฺยโยควิสเยปิ อยํ สมาโส ลพฺภตีติ พฺยภิจารทสฺสนโต อพฺยภิจาเรนตฺถาปกํ ปชาคหณนฺติ อาห ‘‘ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณ’’นฺติ, น ปน โลกสทฺเทน สตฺตโลกสฺส อคฺคหิตตฺตา เอวํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลโก’’ติ. สเทวกาทิวจเนน อุปปตฺติเทวานํ, สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน วิสุทฺธิเทวานฺจ คหิตตฺตา วุตฺตํ ‘‘สเทว…เป… มนุสฺสคฺคหณ’’นฺติ. ตตฺถ สมฺมุติเทวา ราชาโน ¶ . อวเสสมนุสฺสคฺคหณนฺติ สมฺมุติเทเวหิ, สมณพฺราหฺมเณหิ จ อวสิฏฺมนุสฺสานํ คหณํ. เอตฺถาติ เอเตสุ ปเทสุ. ตีหิ ปเทหีติ สเทวกสมารกสพฺรหฺมกปเทหิ. ทฺวีหีติ สสฺสมณพฺราหฺมณีสเทวมนุสฺสปเทหิ. สมาสปทตฺเถสุ สตฺตโลกสฺสปิ วุตฺตนเยน คหิตตฺตา ‘‘โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลโก’’ติ วุตฺตํ.
‘‘อปโร นโย’’ติอาทินา อปรมฺปิ วจนียตฺถมาห. อรูปิโนปิ สตฺตา อตฺตโน อาเนฺชวิหาเรน วิหรนฺโต ‘‘ทิพฺพนฺตีติ เทวา’’ติ อิทํ นิพฺพจนํ ลทฺธุมรหนฺตีติ อาห ‘‘สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรโลโก คหิโต’’ติ. เตเนวาห ภควา พฺรหฺมชาลาทีสุ ‘‘อากาสานฺจายตนูปคานํ เทวานํ สหพฺยต’’นฺติอาทิ, (อ. นิ. ๓.๑๙๗) อรูปาวจรภูโต โอกาสโลโก, สตฺตโลโก จ คหิโตติ อตฺโถ. เอวํ ฉกามาวจรเทวโลโก, รูปี พฺรหฺมโลโกติ เอตฺถาปิ. ฉกามาวจรเทวโลกสฺส สวิเสสํ มารวเส ปวตฺตนโต วุตฺตํ ‘‘สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลโก’’ติ. โส หิ ตสฺส ทามริกสฺส วิย วสปวตฺตโนกาโส. รูปี พฺรหฺมโลโก คหิโต ปาริเสสาเยน อรูปีพฺรหฺมโลกสฺส วิสุํ คหิตตฺตา. จตุปริสวเสนาติ ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติสมณจาตุมหาราชิกตาวตึสมารพฺรหฺมสงฺขาตาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ ขตฺติยาทิจตุปริสวเสเนว ตทฺาสํ สเทวกาทิคฺคหเณน คหิตตฺตา. กถํ ปเนตฺถ จตุปริสวเสน มนุสฺสโลโก คหิโตติ? ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิ’’นฺติ อิมินา สมณปริสา, พฺราหฺมณปริสา จ คหิตา, ‘‘สเทวมนุสฺส’’นฺติ อิมินา ขตฺติยปริสา, คหปติปริสา จาติ. ‘‘ปช’’นฺติ อิมินา ปน อิมาเยว จตสฺโส ปริสา วุตฺตา. จตุปริสสงฺขาตํ ปชนฺติ หิ อิธ อตฺโถ.
อฺถา คเหตพฺพมาห ‘‘สมฺมุติเทเวหิ วา สห มนุสฺสโลโก’’ติ. กถํ ปน คหิโตติ? ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิ’’นฺติ อิมินา สมณพฺราหฺมณา คหิตา, ‘‘สเทวมนุสฺส’’นฺติ อิมินา สมฺมุติเทวสงฺขาตา ขตฺติยา, คหปติสุทฺทสงฺขาตา จ อวเสสมนุสฺสาติ. อิโต ปน อฺเสํ มนุสฺสสตฺตานมภาวโต ¶ ‘‘ปช’’นฺติ อิมินา เอเตเยว จตูหิ ปกาเรหิ ิตา มนุสฺสสตฺตา วุตฺตา. จตุกุลปฺปเภทํ ปชนฺติ หิ อิธ อตฺโถ. เอวํ วิกปฺปทฺวเยปิ ปชาคหเณน จตุปริสาทิวเสน มนุสฺสานฺเว คหิตตฺตา ¶ อิทานิ อวเสสสตฺเตปิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วา’’ติ วุตฺตํ. เอตฺถาปิ จตุปริสวเสน คหิเตน มนุสฺสโลเกน สห อวเสสสพฺพสตฺตโลโก คหิโต, สมฺมุติเทเวหิ วา สห อวเสสสพฺพสตฺตโลโกติ โยเชตพฺพํ. นาคครุฬาทิวเสน จ อวเสสสพฺพสตฺตโลโก. อิทํ วุตฺตํ โหติ – จตุปริสสหิโต อวเสสสุทฺทนาคสุปณฺณเนรยิกาทิสตฺตโลโก, จตุกุลปฺปเภทมนุสฺสสหิโต วา อวเสสนาคสุปณฺณเนรยิกาทิสตฺตโลโก คหิโตติ.
เอตฺตาวตา ภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตน เตน วิเสเสน อภาคโส โลกํ คเหตฺวา โยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิเจตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโตติ อุกฺกํสคติปริจฺเฉทโต, ตพฺพิชานเนนาติ วุตฺตํ โหติ. ปมนเยน หิ ปฺจสุ คตีสุ เทวคติปริยาปนฺนาว ปฺจกามคุณสมงฺคิตาย, ทีฆายุกตายาติ เอวมาทีหิ วิเสเสหิ เสฏฺา. ทุติยนเยน ปน อรูปิโน ทูรสมุคฺฆาฏิตกิเลสทุกฺขตาย, สนฺตปณีตอาเนฺชวิหารสมงฺคิตาย, อติวิย ทีฆายุกตายาติ เอวมาทีหิ วิเสเสหิ อติวิย อุกฺกฏฺา. อาจริเยหิ ปน ทุติยนยเมว สนฺธาย วุตฺตํ. เอวํ ปมปเทเนว ปธานนเยน สพฺพโลกสฺส สจฺฉิกตภาเว สิทฺเธปิ อิมินา การณวิเสเสน เสสปทานิ วุตฺตานีติ ทสฺเสติ ‘‘ตโต เยส’’นฺติอาทินา. ตโตติ ปมปทโต ปรํ อาหาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ฉกามาวจริสฺสโร’’ ติเยว วุตฺเต สกฺกาทีนมฺปิ ตสฺส อาธิปจฺจํ สิยาติ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘วสวตฺตี’’ติ วุตฺตํ, เตน สาหสิกกรเณน วสวตฺตาปนเมว ตสฺสาธิปจฺจนฺติ ทสฺเสติ. โส หิ ฉฏฺเทวโลเกปิ อนิสฺสโร ตตฺถ วสวตฺติเทวราชสฺเสว อิสฺสรตฺตา. เตนาห ภควา องฺคุตฺตราคมวเร อฏฺนิปาเต ทานานิสํสสุตฺเต ‘‘ตตฺร ภิกฺขเว วสวตฺตี เทวปุตฺโต ทานมยํ ปฺุกิริยวตฺถุํ อติเรกํ กริตฺวา…เป… ปรนิมฺมิตวสวตฺตี เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหาตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๓๖) วิตฺถาโร. มชฺฌิมาคมฏฺกถายมฺปิ วุตฺตํ ‘‘ตตฺร หิ วสวตฺติราชา รชฺชํ กาเรติ, มาโร ปน เอกสฺมึ ปเทเส อตฺตโน ปริสาย อิสฺสริยํ ปวตฺเตนฺโต รชฺชปจฺจนฺเต ทามริกราชปุตฺโต วิย วสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๐) ‘‘พฺรหฺมา มหานุภาโว’’ติอาทิ ¶ ทสสหสฺสิยํ มหาพฺรหฺมุโน วเสน วทติ. ‘‘อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต’’ติ หิ เหฏฺา วุตฺตเมว. ‘‘เอกงฺคุลิยา’’ติอาทิ เอกเทเสน มหานุภาวตาทสฺสนํ. อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ นวโลกุตฺตรํ. ปุถูติ พหุกา, วิสุํ ภูตา วา. อุกฺกฏฺฏฺานานนฺติ อุกฺกํสคติกานํ. ภาวานุกฺกโมติ ภาววเสน ปเรสมชฺฌาสยานุรูปํ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทิปทานํ อนุกฺกโม, ภาววเสน ¶ อนุสนฺธิกฺกโม วา ภาวานุกฺกโม, อตฺถานฺเจว ปทานฺจ อนุสนฺธานปฏิปาฏีติ อตฺโถ, อยเมว วา ปาโ ตถาเยว สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. เวรฺชกณฺฑวณฺณนา ๑) ทิฏฺตฺตา, อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) จ วณฺณิตตฺตา. ‘‘วิภาวนานุกฺกโม’’ติปิ ปาโ ทิสฺสติ, โส ปน เตสุ อทิฏฺตฺตา น สุนฺทโร.
อิทานิ โปราณกานํ สํวณฺณนานยํ ทสฺเสตุํ ‘‘โปราณา ปนาหู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อฺปเทน นิรวเสสสตฺตโลกสฺส คหิตตฺตา สพฺพตฺถ อวเสสโลกนฺติ อนวเสสปริยาทานํ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ติภวูปเค สตฺเต’’ติ, เตธาตุกสงฺขาเต ตโย ภเว อุปคตสตฺเตติ อตฺโถ. ตีหากาเรหีติ เทวมารพฺรหฺมสหิตตาสงฺขาเตหิ ตีหิ อากาเรหิ. ตีสุ ปเทสูติ ‘‘สเทวก’’นฺติอาทีสุ ตีสุ ปเทสุ. ปกฺขิปิตฺวาติ อตฺถวเสน สงฺคเหตฺวา. เตเยว ติภวูปเค สตฺเต ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณึ, สเทวมนุสฺส’’นฺติ ปททฺวเย ปกฺขิปตีติ าเปตุํ ‘‘ปุนา’’ติ วุตฺตํ. เตน เตนากาเรนาติ สเทวกตฺตาทินา, สสฺสมณพฺราหฺมณีภาวาทินา จ เตน เตน ปกาเรน. ‘‘ติภวูปเค สตฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘เตธาตุกเมวา’’ติ วทนฺตา โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลโก คหิโตติ ทสฺเสนฺติ. เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติ โปราณา ปนาหูติ โยชนา.
สามนฺติ อตฺตนา. อฺตฺถาโปหเนน, อนฺโตคธาวธารเณน วา ตปฺปฏิเสธนมาห ‘‘อปรเนยฺโย หุตฺวา’’ติ, อปเรหิ อนภิชานาเปตพฺโพ หุตฺวาติ อตฺโถ. อภิฺาติ ย-การโลปนิทฺเทโส ยถา ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓, ๔๒๒; ๒.๒๔; ๓.๗๕; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๖.๕๘; มหานิ. ๒๐๖) วุตฺตํ ‘‘อภิฺายา’’ติ. อภิสทฺเทน น วิเสสนมตฺตํ โชติตํ, อถ โข วิเสสนมุเขน กรณมฺปีติ ทสฺเสติ ‘‘อธิเกน าเณนา’’ติ อิมินา. อนุมานาทิปฏิกฺเขโปติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ¶ อุปมานอตฺถาปตฺติสทฺทนฺตรสนฺนิธานสมฺปโยควิปฺปโยคสหจรณาทินา การณเลสมตฺเตน ปเวทนํ สงฺคณฺหาติ เอกปฺปมาณตฺตา. สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย หิ สพฺพธมฺมปจฺจกฺขา พุทฺธา ภควนฺโต. โพเธติ วิฺาเปตีติ สทฺทโต อตฺถวจนํ. ปกาเสตีติ อธิปฺปายโต. เอวํ สพฺพตฺถ วิเวจิตพฺโพ.
อนุตฺตรํ วิเวกสุขนฺติ ผลสมาปตฺติสุขํ. หิตฺวาปีติ ปิ-สทฺทคฺคหณํ ผลสมาปตฺติยา อนฺตรา ิติกาปิ กทาจิ ภควโต เทสนา โหตีติ กตฺวา กตํ. ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต ยสฺมึ ขเณ ปริสา สาธุการํ วา เทติ, ยถาสุตํ วา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขติ, ตํ ขณมฺปิ ปุพฺพาโภเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ยถาปริจฺเฉทฺจ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ปุพฺเพ ¶ ิตฏฺานโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสตีติ อฏฺกถาสุ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๗) วุตฺโตวายมตฺโถ. อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโตติ อุคฺฆฏิตฺุสฺส วเสน อปฺปํ วา วิปฺจิตฺุสฺส, เนยฺยสฺส จ วเสน พหุํ วา เทเสนฺโต. กถํ เทเสตีติ อาห ‘‘อาทิมฺหิปี’’ติอาทิ. ธมฺมสฺส กลฺยาณตา นิยฺยานิกตาย, นิยฺยานิกตา จ สพฺพโส อนวชฺชภาเวเนวาติ วุตฺตํ ‘‘อนวชฺชเมว กตฺวา’’ติ. เทสนายาติ ปริยตฺติธมฺมสฺส เทสกายตฺเตน หิ อาณาทิวิธินา อติสชฺชนํ ปโพธนํ เทสนาติ ปริยตฺติธมฺโม วุจฺจติ. กิฺจาปิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม ปรมตฺถโต โกจิ นตฺถิ, เยสุ ปน อวยเวสุ สมุทายรูเปน อเวกฺขิเตสุ คาถาทิสมฺา, ตํ ตโต ภินฺนํ วิย กตฺวา สํสามิโวหารมาโรเปตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺถิ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสาน’’นฺติ อาห. สาสนสฺสาติ ปฏิปตฺติธมฺมสฺส. สาสิตพฺพปุคฺคลคเตน หิ ยถาปราธาทินา สาสิตพฺพภาเวน อนุสาสนํ, ตทงฺควินยาทิวเสน วินยนนฺติ กตฺวา ปฏิปตฺติธมฺโม ‘‘สาสน’’นฺติ วุจฺจติ. อตฺถิ สาสนสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานนฺติ สมฺพนฺโธ. จตุปฺปทิกายปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺโท สมฺภาวเน, เตน เอวํ อปฺปกตรายปิ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ กลฺยาณตา, ปเคว พหุตรายาติ สมฺภาเวติ. ปทฺเจตฺถ คาถาย จตุตฺถํโส, ยํ ‘‘ปาโท’’ติปิ วุจฺจติ, เอเตเนว ติปาทิกฉปาทิกาสุปิ ยถาสมฺภวํ วิภาคํ ทสฺเสติ. เอวํ สุตฺตาวยเว กลฺยาณตฺตยํ ทสฺเสตฺวา สกเลปิ สุตฺเต ทสฺเสตุํ ‘‘เอกานุสนฺธิกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นาติพหุวิภาคํ ยถานุสนฺธินา เอกานุสนฺธิกํ ¶ สนฺธาย ‘‘เอกานุสนฺธิกสฺสา’’ติ อาห. อิตรสฺมึ ปน เตเนว ธมฺมวิภาเคน อาทิมชฺฌปริโยสานา ลพฺภนฺตีติ ‘‘อเนกานุสนฺธิกสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิทานนฺติ อานนฺทตฺเถเรน ปิตํ กาลเทสเทสกปริสาทิอปทิสนลกฺขณํ นิทานคนฺถํ. อิทมโวจาติ นิคมนํ อุปลกฺขณเมว ‘‘อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ นิคมนสฺสปิ คเหตพฺพโต. สงฺคีติการเกหิ ปิตานิปิ หิ นิทานนิคมนานิ สตฺถุ เทสนาย อนุวิธานโต ตทนฺโตคธาเนวาติ เวทิตพฺพํ. อนฺเต อนุสนฺธีติ สพฺพปจฺฉิโม อนุสนฺธิ.
‘‘สีลสมาธิวิปสฺสนา’’ติอาทินา สาสนสฺส อิธ ปฏิปตฺติธมฺมตํ วิภาเวติ. วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘สาสนธมฺโม’’ติ วุตฺตตฺตา –
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓; เนตฺติ. ๓๐, ๕๐, ๑๑๖, ๑๒๔);
เอวํ ¶ วุตฺตสฺส สตฺถุสาสนสฺส ปกาสโก ปริยตฺติธมฺโม เอว สีลาทิอตฺถวเสน กลฺยาณตฺตยวิภาวเน วุตฺโต. อิธ ปน ปฏิปตฺติเยว. เตน วกฺขติ ‘‘อิธ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิปฺเปต’’นฺติ. สีลสมาธิวิปสฺสนา อาทิ นาม สาสนสมฺปตฺติภูตานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ มูลภาวโต. กุสลานํ ธมฺมานนฺติ อนวชฺชธมฺมานํ. ทิฏฺีติ วิปสฺสนา, อวินาภาวโต ปเนตฺถ สมาธิคฺคหณํ. มหาวคฺคสํยุตฺเต พาหิยสุตฺตปทมิทํ (สํ. นิ. ๕.๓๘๑). กามํ สุตฺเต อริยมคฺคสฺส อนฺตทฺวยวิคเมน เตสํ มชฺฌิมปฏิปทาภาโว วุตฺโต, มชฺฌิมภาวสามฺโต ปน สมฺมาปฏิปตฺติยา อารมฺภนิปฺผตฺตีนํ มชฺฌิมภาวสฺสาปิ สาธกภาเว ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธาติ เอวํ วุตฺโต อริยมคฺโค มชฺฌํ นามา’’ติ, สีลสมาธิวิปสฺสนาสงฺขาตานํ อารมฺภานํ, ผลนิพฺพานสงฺขาตานฺจ นิปฺผตฺตีนํ เวมชฺฌภาวโต อริยมคฺโค มชฺฌํ นามาติ อธิปฺปาโย. สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุวเสน ผลํ ปริโยสานํ นาม, อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุวเสน ปน นิพฺพานํ. สาสนปริโยสานา หิ นิพฺพานธาตุ. มคฺคสฺส นิปฺผตฺติ ผลวเสน, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย จ โหติ ตโต ปรํ กตฺตพฺพาภาวโตติ วา เอวํ วุตฺตํ. อิทานิ เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ สาสนสฺส ปริโยสานตํ อาคเมน สาเธตุํ ‘‘เอตทตฺถํ อิท’’นฺติอาทิมาห. เอตเทว ¶ ผลํ อตฺโถ ยสฺสาติ เอตทตฺถํ. พฺราหฺมณาติ ปิงฺคลโกจฺฉพฺราหฺมณํ ภควา อาลปติ. อิทฺหิ มชฺฌิมาคเม มูลปณฺณาสเก จูฬสาโรปมสุตฺต (ม. นิ. ๑.๓๑๒ อาทโย) ปทํ. เอตเทว ผลํ สารํ ยสฺสาติ เอตํสารํ นิคฺคหิตาคเมน. ตถา เอตํปริโยสานํ. นิพฺพาโนคธนฺติ นิพฺพานนฺโตคธํ. อาวุโส วิสาขาติ ธมฺมทินฺนาย เถริยา วิสาขคหปติมาลปนํ. อิทฺหิ จูฬเวทลฺลสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๖๐ อาทโย) ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติอาทิสทฺทนฺตรสนฺนิธานโต ‘‘อิธ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิปฺเปต’’นฺติ วุตฺตํ.
เอวํ สทฺทปพนฺธวเสน เทสนาย กลฺยาณตฺตยวิภาคํ ทสฺเสตฺวา ตทตฺถวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควา หี’’ติอาทิมาห. อตฺถโตปิ หิ ตสฺสาธิปฺเปตภาวํ หิ-สทฺเทน สมตฺเถติ. ตถา สมตฺถนมุเขน จ อตฺถวเสน กลฺยาณตฺตยวิภาคํ ทสฺเสตีติ. อตฺถโต ปเนตํ ทสฺเสนฺโต โย ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ กตวิธิ สทฺทปพนฺโธ คาถาสุตฺตวเสน ววตฺถิโต ปริยตฺติธมฺโมเยว อิธ เทสนาติ วุตฺโต, ตสฺส จตฺโถ วิเสสโต สีลาทิ เอวาติ อาห ‘‘อาทิมฺหิ สีล’’นฺติอาทิ. วิเสสกถนฺเหตํ. สามฺโต ปน สีลคฺคหเณน สสมฺภารสีลํ คหิตํ, ตถา มคฺคคฺคหเณน สสมฺภารมคฺโคติ อตฺถตฺตยวเสน อนวเสสโต ปริยตฺติอตฺถํ ปริยาทาย ติฏฺติ. อิตรถา หิ กลฺยาณตฺตยวิภาโค อสพฺพสาธารโณ สิยา. เอตฺถ จ สีลมูลกตฺตา สาสนสฺส สีเลน อาทิกลฺยาณตา วุตฺตา, สาสนสมฺปตฺติยา เวมชฺฌภาวโต มคฺเคน มชฺเฌกลฺยาณตา. นิพฺพานาธิคมโต ¶ อุตฺตริ กรณียาภาวโต นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาณตา. เตนาติ สีลาทิทสฺสเนน. อตฺถวเสน หิ อิธ เทสนาย อาทิกลฺยาณาทิภาโว วุตฺโต. ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ ยถาวุตฺตานุสาเรน โสตูนมนุสาสนีทสฺสนํ.
เอสาติ ยถาวุตฺตากาเรน กถนา. กถิกสณฺิตีติ ธมฺมกถิกสฺส สณฺานํ กถนวเสน สมวฏฺานํ.
วณฺณนา อตฺถวิวรณา, ปสํสนา วา. น โส สาตฺถํ เทเสติ นิยฺยานตฺถวิรหโต ตสฺสา เทสนาย. ตสฺมาติ จตุสติปฏฺานาทินิยฺยานตฺถเทสนโต. เอกพฺยฺชนาทิยุตฺตาติ สิถิลธนิตาทิเภเทสุ ทสสุ ¶ พฺยฺชเนสุ เอกปฺปกาเรเนว, ทฺวิปฺปกาเรเนว วา พฺยฺชเนน ยุตฺตา ทมิฬภาสา วิย. สพฺพนิโรฏฺพฺยฺชนาติ วิวฏกรณตาย โอฏฺเ อผุสาเปตฺวา อุจฺจาเรตพฺพโต สพฺพถา โอฏฺผุสนรหิตวิมุตฺตพฺยฺชนา กิราตภาสา วิย. สพฺพวิสฺสฏฺพฺยฺชนาติ สพฺพสฺเสว วิสฺสชฺชนียยุตฺตตาย สพฺพถา วิสฺสคฺคพฺยฺชนา สวรภาสา วิย. สพฺพนิคฺคหิตพฺยฺชนาติ สพฺพสฺเสว สานุสารตาย สพฺพถา พินฺทุสหิตพฺยฺชนา ปารสิกาทิมิลกฺขุภาสา วิย. เอวํ ‘‘ทมิฬกิราตสวรมิลกฺขูนํ ภาสา วิยา’’ติ อิทํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ. มิลกฺขูติ จ ปารสิกาทโย. สพฺพาเปสา พฺยฺชเนกเทสวเสเนว ปวตฺติยา อปริปุณฺณพฺยฺชนาติ วุตฺตํ ‘‘พฺยฺชนปาริปูริยา อภาวโต อพฺยฺชนา นามา’’ติ.
านกรณานิ สิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพมกฺขรํ ปฺจสุ วคฺเคสุ ปมตติยํ สิถิลํ. ตานิ อสิถิลานิ กตฺวา อุจฺจาเรตพฺพมกฺขรํ เตสฺเวว ทุติยจตุตฺถํ ธนิตํ. ทฺวิมตฺตกาลมกฺขรํ ทีฆํ. เอกมตฺตกาลํ รสฺสํ.
ปมาณํ เอกมตฺตสฺส, นิมีสุมีสโต’ พฺรวุํ;
องฺคุลิโผฏกาลสฺส, ปมาเณนาปิ อพฺรวุํ.
สฺโคปรํ, ทีฆฺจ ครุกํ. อสํโยคปรํ รสฺสํ ลหุกํ. านกรณานิ นิคฺคเหตฺวา อวิวเฏน มุเขน อุจฺจาเรตพฺพํ นิคฺคหิตํ. ปรปเทน สมฺพชฺฌิตฺวา อุจฺจาเรตพฺพํ สมฺพนฺธํ. ตถา อสมฺพชฺฌิตพฺพํ ววตฺถิตํ. านกรณานิ วิสฺสฏฺานิ กตฺวา วิวเฏน มุเขน อุจฺจาเรตพฺพํ วิมุตฺตํ. ทสธาติอาทีสุ เอวํ สิถิลาทิวเสน พฺยฺชนพุทฺธิสงฺขาตสฺส อกฺขรุปฺปาทกจิตฺตสฺส ทสหิ ปกาเรหิ พฺยฺชนานํ ปเภโทติ อตฺโถ. สพฺพานิ หิ อกฺขรานิ จิตฺตสมุฏฺานานิ, ยถาธิปฺเปตตฺถสฺส ¶ จ พฺยฺชนโต ปกาสนโต พฺยฺชนานีติ, พฺยฺชนพุทฺธิยา วา กรณภูตาย พฺยฺชนานํ ทสธา ปเภโทติปิ ยุชฺชติ.
อมกฺเขตฺวาติ อมิเลจฺเฉตฺวา อวินาเสตฺวา, อหาเปตฺวาติ อตฺโถ. ตทตฺถมาห ‘‘ปริปุณฺณพฺยฺชนเมว กตฺวา’’ติ, ยมตฺถํ ภควา าเปตุํ เอกคาถํ, เอกวากฺยมฺปิ เทเสติ, ตมตฺถํ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนาย เอว เทสนาย เทเสตีติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมาติ ปริปุณฺณพฺยฺชนธมฺมเทสนโต ¶ . เกวลสทฺโท อิธ อนวเสสวาจโก. น อโวมิสฺสตาทิวาจโกติ อาห ‘‘สกลาธิวจน’’นฺติ. ปริปุณฺณนฺติ สพฺพโส ปุณฺณํ. ตํ ปนตฺถโต อูนาธิกนิเสธนนฺติ วุตฺตํ ‘‘อนูนาธิกวจน’’นฺติ. ตตฺถ ยทตฺถํ เทสิโต, ตสฺส สาธกตฺตา อนูนตา เวทิตพฺพา, ตพฺพิธุรสฺส ปน อสาธกตฺตา อนธิกตา. อุปเนตพฺพสฺส วา โวทานตฺถสฺส อวุตฺตสฺส อภาวโต อนูนตา, อปเนตพฺพสฺส สํกิเลสตฺถสฺส วุตฺตสฺส อภาวโต อนธิกตา. สกลนฺติ สพฺพภาควนฺตํ. ปริปุณฺณนฺติ สพฺพโส ปุณฺณเมว. เตนาห ‘‘เอกเทเสนาปิ อปริปุณฺณา นตฺถี’’ติ. อปริสุทฺธา เทสนา โหติ ตณฺหาย สํกิลิฏฺตฺตา. โลเกหิ ตณฺหาย อามสิตพฺพโต โลกามิสา, จีวราทโย ปจฺจยา, เตสุ อคธิตจิตฺตตาย โลกามิสนิรเปกฺโข. หิตผรเณนาติ หิตโต ผรเณน หิตูปสํหาเรน วิเสสนภูเตน. เมตฺตาภาวนาย กรณภูตาย มุทุหทโย. อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตนาติ สกลสํกิเลสโต, วฏฺฏทุกฺขโต จ อุทฺธรณาการสณฺิเตน, การฺุาธิปฺปาเยนาติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘อิโต ปฏฺาย ทสฺสามิ, เอวฺจ ทสฺสามี’’ติ สมาทาตพฺพฏฺเน ทานํ วตํ. ปณฺฑิตปฺตฺตตาย เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมํ, พฺรหฺมานํ วา เสฏฺานํ จริยนฺติ ทานเมว พฺรหฺมจริยํ. มจฺฉริยโลภาทินิคฺคหเณน สมาจิณฺณตฺตา ทานเมว สุจิณฺณํ. อิทฺธีติ เทวิทฺธิ. ชุตีติ ปภา, อานุภาโว วา. พลวีริยูปปตฺตีติ มหตา พเลน, วีริเยน จ สมนฺนาคโม. นาคาติ วรุณนาคราชานํ วิธุรปณฺฑิตสฺส อาลปนํ.
ทานปตีติ ทานสามิโน. โอปานภูตนฺติ อุทกติตฺถมิว ภูตํ.
ธีราติ โส วิธุรปณฺฑิตมาลปติ.
มธุสฺสโวติ มธุรสสนฺทนํ. ปฺุนฺติ ปฺุผลํ, การณโวหาเรน วุตฺตํ. พฺรหฺมํ, พฺรหฺมานํ วา จริยนฺติ พฺรหฺมจริยํ, เวยฺยาวจฺจํ. เอส นโย เสเสสุปิ.
ติตฺติริยนฺติ ¶ ติตฺติรสกุณราเชน ภาสิตํ.
อฺตฺร ตาหีติ ปรทารภูตาหิ วชฺเชตฺวา. อมฺหนฺติ อมฺหากํ.
ตปสฺสี ¶ , ลูโข, เชคุจฺฉี, ปวิวิตฺโตติ จตุพฺพิธสฺส ทุกฺกรสฺส กตตฺตา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. โลมหํสนสุตฺตํ มชฺฌิมาคเม มูลปณฺณาสเก, ‘‘มหาสีหนาทสุตฺต’’นฺติปิ (ม. นิ. ๑.๑๔๖) ตํ วทนฺติ.
อิทฺธนฺติ สมิทฺธํ. ผีตนฺติ ผุลฺลิตํ. วิตฺถาริกนฺติ วิตฺถารภูตํ. พาหุชฺนฺติ พหูหิ ชเนหิ นิยฺยานิกภาเวน าตํ. ปุถุภูตนฺติ พหุภูตํ. ยาว เทวมนุสฺเสหีติ เอตฺถ เทวโลกโต ยาว มนุสฺสโลกา สุปกาสิตนฺติ อธิปฺปายวเสน ปาสาทิกสุตฺตฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๗๐) วุตฺตํ, ยาว เทวา จ มนุสฺสา จาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลสาสนํ อิธ ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา. ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ อิมินา สมานาธิกรณานิ สพฺพปทานิ โยเชตฺวา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส ธมฺมํ เทเสตี’’ติอาทิมาห. ‘‘เอวํ เทเสนฺโต จา’’ติ หิ อิมินา พฺรหฺมจริยสทฺเทน ธมฺมสทฺทาทีนํ สมานตฺถตํ ทสฺเสติ, ‘‘ธมฺมํ เทเสตี’’ติ วตฺวาปิ ‘‘พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วจนํ สรูปโต อตฺถปฺปกาสนตฺถนฺติ จ วิภาเวติ.
๑๙๑. วุตฺตปฺปการสมฺปทนฺติ ยถาวุตฺตอาทิกลฺยาณตาทิปฺปเภทคุณสมฺปทํ. ทูรสมุสฺสาริตมานสฺเสว สาสเน สมฺมาปฏิปตฺติ สมฺภวติ, น มานชาติกสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘นิหตมานตฺตา’’ติ. อุสฺสนฺนตฺตาติ พหุลภาวโต. โภครูปาทิวตฺถุกา มทา สุปฺปเหยฺยา โหนฺติ นิมิตฺตสฺส อนวฏฺานโต, น ตถา กุลวิชฺชาทิมทา นิมิตฺตสฺส สมวฏฺานโต. ตสฺมา ขตฺติยพฺราหฺมณกุลีนานํ ปพฺพชิตานมฺปิ ชาติวิชฺชํ นิสฺสาย มานชปฺปนํ ทุปฺปชหนฺติ อาห ‘‘เยภุยฺเยน…เป… มานํ กโรนฺตี’’ติ. วิชาติตายาติ วิปรีตชาติตาย, หีนชาติตายาติ อตฺโถ. เยภุยฺเยน อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา สุชาติกา เอว, น ทุชฺชาติกาติ เอวํ วุตฺตํ. ปติฏฺาตุํ น สกฺโกนฺตีติ สีเล ปติฏฺหิตุํ น อุสฺสหนฺติ, สุวิสุทฺธํ กตฺวา สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺโกนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. สีลเมว หิ สาสเน ปติฏฺา, ปติฏฺาตุนฺติ วา สจฺจปฏิเวเธน โลกุตฺตราย ปติฏฺาย ปติฏฺาตุํ. สา หิ นิปฺปริยายโต สาสเน ปติฏฺา นาม.
เอวํ พฺยติเรกโต อตฺถํ วตฺวา อนฺวยโตปิ วทติ ‘‘คหปติทารกา ปนา’’ติอาทินา. กจฺเฉหิ ¶ เสทํ มฺุจนฺเตหีติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. ตถา ปิฏฺิยา โลณํ ปุปฺผมานายาติ, เสทํ มฺุจนฺตกจฺฉา ¶ โลณํ ปุปฺผมานปิฏฺิกา หุตฺวา, เตหิ วา ปกาเรหิ ลกฺขิตาติ อตฺโถ. ภูมึ กสิตฺวาติ ภูมิยา กสฺสนโต, เขตฺตูปชีวนโตติ วุตฺตํ โหติ. ตาทิสสฺสาติ ชาติมนฺตูปนิสฺสยสฺส. ทุพฺพลํ มานํ. พลวํ ทปฺปํ. กมฺมนฺติ ปริกมฺมํ. ‘‘อิตเรหี’’ติอาทินา ‘‘อุสฺสนฺนตฺตา’’ติ เหตุปทํ วิวรติ. ‘‘อิตี’’ติ วตฺวา ตทปรามสิตพฺพํ ทสฺเสติ ‘‘นิหตมานตฺตา’’ติอาทินา, อิติสทฺโท วา นิทสฺสเน, เอวํ ยถาวุตฺตนเยนาติ อตฺโถ. เอส นโย อีทิเสสุ.
ปจฺจาชาโตติ เอตฺถ อากาโร อุปสคฺคมตฺตนฺติ อาห ‘‘ปติชาโต’’ติ. ปริสุทฺธนฺติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตเมว ปหานทีปนโต นิรุปกฺกิเลสตาย สพฺพถา สุทฺธํ. ธมฺมสฺส สามี ตทุปฺปาทกฏฺเน, ธมฺเมน วา สเทวกสฺส โลกสฺส สามีติ ธมฺมสฺสามี. สทฺธนฺติ โปถุชฺชนิกสทฺธาวเสน สทฺทหนํ. วิฺูชาติกานฺหิ ธมฺมสมฺปตฺติคหณปุพฺพิกา สทฺธาสิทฺธิ จตูสุ ปุคฺคเลสุ ธมฺมปฺปมาณธมฺมปฺปสนฺนปุคฺคลภาวโต. ‘‘โย เอวํ สฺวากฺขาตธมฺโม, สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา’’ติ สทฺธํ ปฏิลภติ. โยชนสตนฺตเรปิ วา ปเทเส. ชายมฺปติกาติ ชานิปติกา. กามํ ‘‘ชายมฺปติกา’’ติ วุตฺเตเยว ฆรสามิกฆรสามินีวเสน ทฺวินฺนเมว คหณํ วิฺายติ, ยสฺส ปน ปุริสสฺส อเนกา ปชาปติโย, ตสฺส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เอกายปิ ตาว สํวาโส สมฺพาโธเยวาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ทฺเว’’ติ วุตฺตํ. ราคาทินา กิฺจนํ, เขตฺตวตฺถาทินา ปลิโพธนํ, ตทุภเยน สห วตฺตตีติ สกิฺจนปลิโพธโน, โสเยวตฺโถ ตถา. ราโค เอว รโช, ตทาทิกา โทสโมหรชา. วุตฺตฺหิ ‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจตี’’ติอาทิ (มหานิ. ๒๐๙; จูฬนิ. ๗๔) อาคมนปถตาปิ อุฏฺานฏฺานตา เอวาติ ทฺเวปิ สํวณฺณนา เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นานํ. อลคฺคนฏฺเนาติ อสชฺชนฏฺเน อปฺปฏิพนฺธสภาเวน. รูปกวเสน, ตทฺธิตวเสน วา อพฺโภกาโสติ ทสฺเสตุํ วิย-สทฺทคฺคหณํ. เอวํ อกุสลกุสลปฺปวตฺตีนํ านาานภาเวน ฆราวาสปพฺพชฺชานํ สมฺพาธพฺโภกาสตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กุสลปฺปวตฺติยา เอว อฏฺานฏฺานภาเวน เตสํ ตพฺภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รชานํ สนฺนิปาตฏฺานํ วิยาติ สมฺพนฺโธ.
วิสุํ วิสุํ ปทุทฺธารมกตฺวา สมาสโต อตฺถวณฺณนา สงฺเขปกถา. เอกมฺปิ ทิวสนฺติ เอกทิวสมตฺตมฺปิ. อขณฺฑํ กตฺวาติ ทุกฺกฏมตฺตสฺสาปิ อนาปชฺชเนน ¶ อฉิทฺทํ กตฺวา. จริมกจิตฺตนฺติ จุติจิตฺตํ. กิเลสมเลนาติ ตณฺหาสํกิเลสาทิมเลน. อมลีนนฺติ อสํกิลิฏฺํ. ปริโยทาตฏฺเน นิมฺมลภาเวน สงฺขํ วิย ลิขิตํ โธตนฺติ สงฺขลิขิตํ. อตฺถมตฺตํ ปน ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ลิขิตสงฺขสทิส’’นฺติ วุตฺตํ. โธตสงฺขสปฺปฏิภาคนฺติ ตทตฺถสฺเสว วิวรณํ. อปิจ ลิขิตํ สงฺขํ สงฺขลิขิตํ ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ, ตสฺสทิสตฺตา ปน อิทํ สงฺขลิขิตนฺติปิ ทสฺเสติ, ภาวนปุํสกฺเจตํ. อชฺฌาวสตาติ เอตฺถ อธิ-สทฺเทน กมฺมปฺปวจนีเยน โยคโต ‘‘อคาร’’นฺติ เอตํ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘อคารมชฺเฌ’’ติ. ยํ นูน ยทิ ปน ปพฺพเชยฺยํ, สาธุ วตาติ สมฺพนฺโธ. กสาเยน รตฺตานิ กาสายานีติ ทสฺเสติ ‘‘กสายรสปีตตายา’’ติ อิมินา. กสฺมา เจตานิ คหิตานีติ อาห ‘‘พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานี’’ติ. อจฺฉาเทตฺวาติ โวหารวจนมตฺตํ, ปริทหิตฺวาติ อตฺโถ, ตฺจ โข นิวาสนปารุปนวเสน. อคารวาโส อคารํ อุตฺตรปทโลเปน, ตสฺส หิตํ วุฑฺฒิอาวหํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ. ตํ อนคาริยนฺติ ตสฺมึ อนคาริเย.
๑๙๒. สหสฺสโตติ กหาปณสหสฺสโต. โภคกฺขนฺโธ โภคราสิ. อาพนฺธนฏฺเนาติ ‘‘ปุตฺโต นตฺตา ปนตฺตา’’ติอาทินา เปมวเสน ปริจฺเฉทํ กตฺวา พนฺธนฏฺเน, เอเตน อาพนฺธนตฺโถ ปริวฏฺฏ-สทฺโทติ ทสฺเสติ. อถ วา ปิตามหปิตุปุตฺตาทิวเสน ปริวตฺตนฏฺเน ปริวฏฺโฏติปิ ยุชฺชติ. ‘‘อมฺหากเมเต’’ติ ายนฺตีติ าตโย.
๑๙๓. ปาติโมกฺขสํวเรน ปิหิตกายวจีทฺวาโร สมาโน เตน สํวเรน อุเปโต นามาติ กตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ. อาจารโคจรานํ วิตฺถาโร วิภงฺคฏฺกถาทีสุ (วิภ. อฏฺ. ๕๐๓) คเหตพฺโพ. ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติอาทิ จ ตสฺเสว ปาติโมกฺขสํวรสํวุตภาวสฺส ปจฺจยทสฺสนํ. อณุสทิสตาย อปฺปมตฺตกํ ‘‘อณู’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อปฺปมตฺตเกสู’’ติ. อสฺจิจฺจ อาปนฺนอนุขุทฺทกาปตฺติวเสน, สหสา อุปฺปนฺนอกุสลจิตฺตุปฺปาทวเสน จ อปฺปมตฺตกตา. ภยทสฺสีติ ภยทสฺสนสีโล. สมฺมาติ อวิปรีตํ, สุนฺทรํ วา, ตพฺภาโว จ สกฺกจฺจํ ยาวชีวํ อวีติกฺกมวเสน. ‘‘สิกฺขาปเทสู’’ติ วุตฺเตเยว ตทวยวภูตํ ¶ ‘‘สิกฺขาปทํ สมาทาย สิกฺขตี’’ติ อตฺถสฺส คมฺยมานตฺตา กมฺมปทํ น วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ตํ ตํ สิกฺขาปท’’นฺติ, ตํ ตํ สิกฺขาโกฏฺาสํ, สิกฺขาย วา อธิคมุปายํ, ตสฺสา วา นิสฺสยนฺติ อตฺโถ.
เอตฺถาติ เอตสฺมึ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิวจเน. อาจารโคจรคฺคหเณเนวาติ ‘‘อาจารโคจรสมฺปนฺโน’’ติ วจเนเนว. เตนาห ‘‘กุสเล กายกมฺมวจีกมฺเม คหิเตปี’’ติ. น หิ อาจารโคจรสทฺทมตฺเตน กุสลกายวจีกมฺมคฺคหณํ สมฺภวติ, อิมินา ปุนรุตฺติตาย โจทนาเลสํ ทสฺเสติ. ตสฺสาติ อาชีวปาริสุทฺธิสีลสฺส. อุปฺปตฺติทฺวารทสฺสนตฺถนฺติ อุปฺปตฺติยา กายวจีวิฺตฺติสงฺขาตสฺส ¶ ทฺวารสฺส กมฺมาปเทเสน ทสฺสนตฺถํ, เอเตน ยถาวุตฺตโจทนาย โสธนํ ทสฺเสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สิทฺเธปิ สติ ปุนารมฺโภ นิยมาย วา โหติ, อตฺถนฺตรโพธนาย วา, อิธ ปน อตฺถนฺตรํ โพเธติ, ตสฺมา อุปฺปตฺติทฺวารทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ. กุสเลนาติ จ สพฺพโส อเนสนปหานโต อนวชฺเชน. กถํ เตน อุปฺปตฺติทฺวารทสฺสนนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. กายวจีทฺวาเรสุ อุปฺปนฺเนน อนวชฺเชน กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคตตฺตา ปริสุทฺธาชีโวติ อธิปฺปาโย. ตทุภยเมว หิ อาชีวเหตุกํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ.
อิทานิ สุตฺตนฺตเรน สํสนฺทิตุํ ‘‘มุณฺฑิกปุตฺตสุตฺตนฺตวเสน วา เอวํ วุตฺต’’นฺติ อาห. วา-สทฺโท เจตฺถ สุตฺตนฺตรสํสนฺทนาสงฺขาตอตฺถนฺตรวิกปฺปนตฺโถ. มุณฺฑิกปุตฺตสุตฺตนฺตํ นาม มชฺฌิมาคมวเร มชฺฌิมปณฺณาสเก, ยํ ‘‘สมณมุณฺฑิกปุตฺตสุตฺต’’นฺติปิ วทนฺติ. ตตฺถ ถปตีติ ปฺจกงฺคํ นาม วฑฺฒกึ ภควา อาลปติ. ถปติ-สทฺโท หิ วฑฺฒกิปริยาโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา ‘‘กตเม จ ถปติ กุสลา สีลา? กุสลํ กายกมฺมํ กุสลํ วจีกมฺม’’นฺติ สีลสฺส กุสลกายกมฺมวจีกมฺมภาวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อาชีวปาริสุทฺธมฺปิ โข อหํ ถปติ สีลสฺมึ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๖๕) เอวํ ปวตฺตาย มุณฺฑิกปุตฺตสุตฺตเทสนาย ‘‘กายกมฺมวจีกมฺเมน สมนฺนาคโต กุสเลนา’’ติ สีลสฺส กุสลกายกมฺมวจีกมฺมภาวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ปริสุทฺธาชีโว’’ติ เอวํ ปวตฺตา อยํ สามฺผลสุตฺตเทสนา เอกสงฺคหา อฺทตฺถุ สํสนฺทติ สเมติ ยถา ตํ คงฺโคทเกน ยมุโนทกํ, ตสฺมา อีทิสีปิ ภควโต เทสนาวิภูติ อตฺเถวาติ ¶ . สีลสฺมึ วทามีติ สีลนฺติ วทามิ, สีลสฺมึ วา อาธารภูเต อนฺโตคธํ ปริยาปนฺนํ, นิทฺธารณสมุทายภูเต วา เอกํ สีลนฺติ วทามิ.
ติวิเธนาติ จูฬสีลมชฺฌิมสีลมหาสีลโต ติวิเธน. ‘‘มนจฺฉฏฺเสู’’ติ อิมินา กายปฺจมานเมว คหณํ นิวตฺเตติ. อุปริ นิทฺเทเส วกฺขมาเนสุ สตฺตสุ าเนสุ. ติวิเธนาติ จตูสุ ปจฺเจกํ ยถาลาภยถาพลยถาสารุปฺปตาวเสน ติพฺพิเธน.
จูฬมชฺฌิมมหาสีลวณฺณนา
๑๙๔-๒๑๑. เอวนฺติ ‘‘โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรตี’’ติอาทินา นเยน. ‘‘สีลสฺมิ’’นฺติ อิทํ นิทฺธารเณ ภุมฺมํ ตโต เอกสฺส นิทฺธารณียตฺตาติ อาห ‘‘เอกํ สีล’’นฺติ. อปิจ อิมินา อาธาเร ภุมฺมํ ทสฺเสติ สมุทายสฺส อวยวาธิฏฺานตฺตา ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. ‘‘อิท’’นฺติ ปเทน กตฺวตฺถวเสน สมานาธิกรณํ ภุมฺมวจนสฺส ¶ กตฺวตฺเถ ปวตฺตนโต ยถา ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถ ผุสิตคฺเค’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๓; สุ. นิ. ๒๓๖) ทสฺเสติ ‘‘ปจฺจตฺตวจนตฺเถ วา เอตํ ภุมฺม’’นฺติ อิมินา. อยเมวตฺโถติ ปจฺจตฺตวจนตฺโถ เอว. พฺรหฺมชาเลติ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ, (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) พฺรหฺมชาลสุตฺตปเท วา. สํวณฺณนาวเสน วุตฺตนเยนาติ อตฺโถ. ‘‘อิทมสฺส โหติ สีลสฺมิ’’นฺติ เอตฺถ มหาสีลปริโยสาเนน นิทฺธาริยมานสฺส อภาวโต ปจฺจตฺตวจนตฺโถเยว สมฺภวตีติ อาห ‘‘อิทํ อสฺส สีลํ โหตีติ อตฺโถ’’ติ, ตโตเยว จ ปาฬิยํ อปิคฺคหณมกตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๒๑๒. อตฺตานุวาทปรานุวาททณฺฑภยาทีนิ อสํวรมูลกานิ ภยานิ. ‘‘สีลสฺสาสํวรโตติ สีลสฺส อสํวรณโต, สีลสํวราภาวโตติ อตฺโถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๐) อาจริเยน วุตฺตํ, ‘‘ยทิทํ สีลสํวรโต’’ติ ปน ปทสฺส ‘‘ยํ อิทํ ภยํ สีลสํวรโต ภเวยฺยา’’ติ อตฺถวจนโต, ‘‘สีลสํวรเหตุ ภยํ น สมนุปสฺสตี’’ติ จ อตฺถสฺส อุปปตฺติโต สีลสํวรโต สีลสํวรเหตูติ อตฺโถเยว สมฺภวติ. ‘‘ยํ อิทํ ภยํ สีลสํวรโต ภเวยฺยา’’ติ หิ ปาโปิ ทิสฺสติ. ‘‘สํวรโต’’ติ เหตุํ วตฺวา ตทธิคมิตอตฺถวเสน ‘‘อสํวรมูลกสฺส ภยสฺส อภาวา’’ติปิ เหตุํ ¶ วทติ. ยถาวิธานวิหิเตนาติ ยถาวิธานํ สมฺปาทิเตน. ขตฺติยาภิเสเกนาติ ขตฺติยภาวาวเหน อภิเสเกน. มุทฺธนิ อวสิตฺโตติ มตฺถเกเยว อภิสิตฺโต. เอตฺถ จ ‘‘ยถาวิธานวิหิเตนา’’ติ อิมินา โปราณกาจิณฺณวิธานสมงฺคิตาสงฺขาตํ เอกํ องฺคํ ทสฺเสติ, ‘‘ขตฺติยาภิเสเกนา’’ติ อิมินา ขตฺติยภาวาวหตาสงฺขาตํ, ‘‘มุทฺธนิ อวสิตฺโต’’ติ อิมินา มุทฺธนิเยว อภิสิฺจิตภาวสงฺขาตํ. อิติ ติวงฺคสมนฺนาคโต ขตฺติยาภิเสโก วุตฺโต โหติ. เยน อภิสิตฺตราชูนํ ราชานุภาโว สมิชฺฌติ. เกน ปนายมตฺโถ วิฺายตีติ? โปราณกสตฺถาคตนเยน. วุตฺตฺหิ อคฺคฺสุตฺตฏฺกถายํ มหาสมฺมตาภิเสกวิภาวนาย ‘‘เต ปนสฺส เขตฺตสามิโน ตีหิ สงฺเขหิ อภิเสกมฺปิ อกํสู’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๓๑) มชฺฌิมาคมฏฺกถายฺจ มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตํ ‘‘มุทฺธาวสิตฺเตนาติ ตีหิ สงฺเขหิ ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อภิสิตฺเตนา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๖๐) สีหฬฏฺกถายมฺปิ จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘ปมํ ตาว อภิเสกํ คณฺหนฺตานํ ราชูนํ สุวณฺณมยาทีนิ ตีณิ สงฺขานิ จ คงฺโคทกฺจ ขตฺติยกฺฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อยํ ปน ตตฺถาคตนเยน อภิเสกวิธานวินิจฺฉโย – อภิเสกมงฺคลตฺถฺหิ อลงฺกตปฏิยตฺตสฺส มณฺฑปสฺส อนฺโตกตสฺส อุทุมฺพรสาขมณฺฑปสฺส มชฺเฌ สุปฺปติฏฺิเต อุทุมฺพรภทฺทปีมฺหิ อภิเสการหํ อภิชจฺจํ ขตฺติยํ นิสีทาเปตฺวา ปมํ ตาว มงฺคลาภรณภูสิตา ¶ ชาติสมฺปนฺนา ขตฺติยกฺา คงฺโคทกปุณฺณํ สุวณฺณมยสามุทฺทิกทกฺขิณาวฏฺฏสงฺขํ อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตฺวา สีโสปริ อุสฺสาเปตฺวา เตน ตสฺส มุทฺธนิ อภิเสโกทกํ อภิสิฺจติ, เอวฺจ วเทติ ‘‘เทว ตํ สพฺเพปิ ขตฺติยคณา อตฺตานมารกฺขตฺถํ อิมินา อภิเสเกน อภิเสกิกํ มหาราชํ กโรนฺติ, ตฺวํ ราชธมฺเมสุ ิโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ, เอเตสุ ขตฺติยคเณสุ ตฺวํ ปุตฺตสิเนหานุกมฺปาย สหิตจิตฺโต, หิตสมเมตฺตจิตฺโต จ ภว, รกฺขาวรณคุตฺติยา เตสํ รกฺขิโต จ ภวาหี’’ติ. ตโต ปุน ปุโรหิโตปิ โปโรหิจฺจานานุรูปาลงฺกาเรหิ อลงฺกตปฏิยตฺโต คงฺโคทกปุณฺณํ รชตมยํ สงฺขํ อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตฺวา ตสฺส สีโสปริ อุสฺสาเปตฺวา เตน ตสฺส มุทฺธนิ อภิเสโกทกํ อภิสิฺจติ, เอวฺจ วเทติ ‘‘เทว ตํ สพฺเพปิ พฺราหฺมณคณา ¶ อตฺตานมารกฺขตฺถํ อิมินา อภิเสเกน อภิเสกิกํ มหาราชํ กโรนฺติ, ตฺวํ ราชธมฺเมสุ ิโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ, เอเตสุ พฺราหฺมณคเณสุ ตฺวํ ปุตฺตสิเนหานุกมฺปาย สหิตจิตฺโต, หิตสมเมตฺตจิตฺโต จ ภว, รกฺขาวรณคุตฺติยา เตสํ รกฺขิโต จ ภวาหี’’ติ. ตโต ปุน เสฏฺิปิ เสฏฺิฏฺานภูสนภูสิโต คงฺโคทกปุณฺณํ รตนมยํ สงฺขํ อุโภหิ หตฺเถหิ สกฺกจฺจํ คเหตฺวา ตสฺส สีโสปริ อุสฺสาเปตฺวา เตน ตสฺส มุทฺธนิ อภิเสโกทกํ อภิสิฺจติ, เอวฺจ วเทติ ‘‘เทว ตํ สพฺเพปิ คหปติคณา อตฺตานมารกฺขตฺถํ อิมินา อภิเสเกน อภิเสกิกํ มหาราชํ กโรนฺติ, ตฺวํ ราชธมฺเมสุ ิโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ, เอเตสุ คหปติคเณสุ ตฺวํ ปุตฺตสิเนหานุกมฺปาย สหิตจิตฺโต, หิตสมเมตฺตจิตฺโต จ ภว, รกฺขาวรณคุตฺติยา เตสํ รกฺขิโต จ ภวาหี’’ติ. เต ปน ตสฺส เอวํ วทนฺตา ‘‘สเจ ตฺวํ อมฺหากํ วจนานุรูปํ รชฺชํ กริสฺสสิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ กริสฺสสิ, ตว มุทฺธา สตฺตธา ผลตู’’ติ เอวํ รฺโ อภิสปนฺติ วิยาติ ทฏฺพฺพนฺติ. วฑฺฒกีสูกรชาตกาทีหิ จายมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ, อภิเสโกปกรณานิปิ สมนฺตปาสาทิกาทีสุ (ปารา. อฏฺ. ๑.ตติยสงฺคีติกถา) คเหตพฺพานีติ.
ยสฺมา นิหตปจฺจามิตฺโต, ตสฺมา น สมนุปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. อนวชฺชตา กุสลภาเวนาติ อาห ‘‘กุสลํ สีลปทฏฺาเนหี’’ติอาทิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กุสลสีลปทฏฺานา อวิปฺปฏิสารปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิธมฺมา, อวิปฺปฏิสาราทินิมิตฺตฺจ อุปฺปนฺนํ เจตสิกสุขํ ปฏิสํเวเทติ, เจตสิกสุขสมุฏฺาเนหิ จ ปณีตรูเปหิ ผุฏฺสรีรสฺส อุปฺปนฺนํ กายิกสุขนฺติ.
อินฺทฺริยสํวรกถาวณฺณนา
๒๑๓. สามฺสฺส ¶ วิเสสาเปกฺขตาย อิธาธิปฺเปโตปิ วิเสโส เตน อปริจฺจตฺโต เอว โหตีติ อาห ‘‘จกฺขุสทฺโท กตฺถจิ พุทฺธจกฺขุมฺหิ วตฺตตี’’ติอาทิ. วิชฺชมานเมว หิ อภิเธยฺยภาเวน วิเสสตฺถํ วิเสสนฺตรนิวตฺตเนน วิเสสสทฺโท วิภาเวติ, น อวิชฺชมานํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อฺเหิ อสาธารณํ พุทฺธานเมว จกฺขุ ทสฺสนนฺติ ¶ พุทฺธจกฺขุ, อาสยานุสยาณํ, อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณฺจ. สมนฺตโต สพฺพโส ทสฺสนฏฺเน จกฺขูติ สมนฺตจกฺขุ, สพฺพฺุตฺาณํ. ตถูปมนฺติ ปพฺพตมุทฺธูปมํ, ธมฺมมยํ ปาสาทนฺติ สมฺพนฺโธ. สุเมธ สมนฺตจกฺขุ ตฺวํ ชนตมเวกฺขสฺสูติ อตฺโถ. อริยมคฺคตฺตยปฺาติ เหฏฺิมาริยมคฺคตฺตยปฺา. ‘‘ธมฺมจกฺขุ นาม เหฏฺิมา ตโย มคฺคา, ตีณิ จ ผลานี’’ติ สฬายตนวคฺคฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๔.๔๑๘) วุตฺตํ, อิธ ปน มคฺเคเหว ผลานิ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ. จตุสจฺจสงฺขาเต ธมฺเม จกฺขูติ หิ ธมฺมจกฺขุ. ปฺาเยว ทสฺสนฏฺเน จกฺขูติ ปฺาจกฺขุ, ปุพฺเพนิวาสาสวกฺขยาณํ. ทิพฺพจกฺขุมฺหีติ ทุติยวิชฺชาย. อิธาติ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา’’ติ อิมสฺมึ ปาเ. อยนฺติ จกฺขุสทฺโท. ‘‘ปสาทจกฺขุโวหาเรนา’’ติ อิมินา อิธ จกฺขุสทฺโท จกฺขุปสาเทเยว นิปฺปริยายโต วตฺตติ, ปริยายโต ปน นิสฺสยโวหาเรน นิสฺสิตสฺส วตฺตพฺพโต จกฺขุวิฺาเณปิ ยถา ‘‘มฺจา อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตี’’ติ ทสฺเสติ. อิธาปิ สสมฺภารกถา อวสิฏฺาติ กตฺวา เสสปเทสุปีติ ปิ-สทฺทคฺคหณํ, ‘‘น นิมิตฺตคฺคาหี’’ติอาทิปเทสุปีติ อตฺโถ. วิวิธํ อสนํ เขทนํ พฺยาเสโก, กิเลโส เอว พฺยาเสโก, เตน วิรหิโต ตถา, วิรหิตตา จ อสมฺมิสฺสตา, อสมฺมิสฺสภาโว จ สมฺปโยคาภาวโต ปริสุทฺธตาติ อาห ‘‘อสมฺมิสฺสํ ปริสุทฺธ’’นฺติ, กิเลสทุกฺเขน อโวมิสฺสํ, ตโต จ สุวิสุทฺธนฺติ อตฺโถ. สติ จ สุวิสุทฺเธ อินฺทฺริยสํวเร นีวรเณสุ ปธานภูตปาปธมฺมวิคเมน อธิจิตฺตานุโยโค หตฺถคโต เอว โหติ, ตสฺมา อธิจิตฺตสุขเมว ‘‘อพฺยาเสกสุข’’นฺติ วุจฺจตีติ ทสฺเสติ ‘‘อธิจิตฺตสุข’’นฺติ อิมินา.
สติสมฺปชฺกถาวณฺณนา
๒๑๔. สมนฺตโต ปกาเรหิ, ปกฏฺํ วา สวิเสสํ ชานาตีติ สมฺปชาโน, ตสฺส ภาโว สมฺปชฺํ, ตถาปวตฺตาณํ, ตสฺส วิภชนํ สมฺปชฺภาชนียํ, ตสฺมึ สมฺปชฺภาชนียมฺหิ. ‘‘คมน’’นฺติ อิมินา อภิกฺกมนํ อภิกฺกนฺตนฺติ ภาวสาธนมาห. ตถา ปฏิกฺกมนํ ปฏิกฺกนฺตนฺติ วุตฺตํ ‘‘นิวตฺตน’’นฺติ. คมนฺเจตฺถ นิวตฺเตตฺวา, อนิวตฺเตตฺวา จ คมนํ, นิวตฺตนํ ปน ¶ นิวตฺติมตฺตเมว, อฺมฺมุปาทานกิริยามตฺตฺเจตํ ทฺวยํ. กถํ ลพฺภตีติ อาห ‘‘คมเน’’ติอาทิ. อภิหรนฺโตติ คมนวเสน กายํ อุปเนนฺโต. ปฏินิวตฺเตนฺโตติ ¶ ตโต ปุน นิวตฺเตนฺโต. อปนาเมนฺโตติ อปกฺกมนวเสน ปริณาเมนฺโต. อาสนสฺสาติ ปีกาทิอาสนสฺส. ปุริมองฺคาภิมุโขติ อฏนิกาทิปุริมาวยวาภิมุโข. สํสรนฺโตติ สํสปฺปนฺโต. ปจฺฉิมองฺคปเทสนฺติ อฏนิกาทิปจฺฉิมายวปฺปเทสํ. ปจฺจาสํสรนฺโตติ ปฏิอาสปฺปนฺโต. ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา นิปนฺนสฺเสว อภิมุขํ สํสปฺปนปฏิอาสปฺปนานิ ทสฺเสติ. านนิสชฺชาสยเนสุ หิ โย คมนวิธุโร กายสฺส ปุรโต อภิหาโร, โส อภิกฺกโม. ปจฺฉโต อปหาโร ปฏิกฺกโมติ ลกฺขณํ.
สมฺปชานนํ สมฺปชานํ, เตน อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กรณสีโล สมฺปชานการีติ อาห ‘‘สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺจการี’’ติ. ‘‘สมฺปชฺเมว วา การี’’ติ อิมินา สมฺปชานสฺส กรณสีโล สมฺปชานการีติ ทสฺเสติ. ‘‘โส หี’’ติอาทิ ทุติยวิกปฺปสฺส สมตฺถนํ. ‘‘สมฺปชฺ’’นฺติ จ อิมินา สมฺปชาน-สทฺทสฺส สมฺปชฺปริยายตา วุตฺตา. ตถา หิ อาจริยานนฺทตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘สมนฺตโต, สมฺมา, สมํ วา ปชานนํ สมฺปชานํ, ตเทว สมฺปชฺ’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๒.๕๒๓) อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – ยถา อติกฺกนฺตาทีสุ อสมฺโมหํ อุปฺปาเทติ, ตถา สมฺปชานสฺส กาโร กรณํ สมฺปชานกาโร, โส เอตสฺส อตฺถีติ สมฺปชานการีติ.
ธมฺมโต วฑฺฒิสงฺขาเตน อตฺเถน สห วตฺตตีติ สาตฺถกํ, อภิกฺกนฺตาทิ, สาตฺถกสฺส สมฺปชานนํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. สปฺปายสฺส อตฺตโน ปติรูปสฺส สมฺปชานนํ สปฺปายสมฺปชฺํ. อภิกฺกมาทีสุ ภิกฺขาจารโคจเร, อฺตฺถ จ ปวตฺเตสุ อวิชหิตกมฺมฏฺานสงฺขาเต โคจเร สมฺปชานนํ โคจรสมฺปชฺํ. สามฺนิทฺเทเสน, หิ เอกเสสนเยน วา โคจรสทฺโท ตทตฺถทฺวเยปิ ปวตฺตติ. อติกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนสงฺขาตํ อสมฺโมหเมว สมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. จิตฺตวเสเนวาติ จิตฺตสฺส วเสเนว, จิตฺตวสมนุคเตเนวาติ อตฺโถ. ปริคฺคเหตฺวาติ ตุลยิตฺวา ตีเรตฺวา, ปฏิสงฺขายาติ อตฺโถ. สงฺฆทสฺสเนเนว อุโปสถปวารณาทิอตฺถาย คมนํ สงฺคหิตํ. อาทิสทฺเทน กสิณปริกมฺมาทีนํ สงฺคโห. สงฺเขปโต วุตฺตํ ตทตฺถเมว วิวริตุํ ‘‘เจติยํ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อรหตฺตํ ปาปุณาตีติ อุกฺกฏฺนิทฺเทโส เอส. สมถวิปสฺสนุปฺปาทนมฺปิ หิ ภิกฺขุโน วฑฺฒิเยว. ตตฺถาติ อสุภารมฺมเณ. เกจีติ อภยคิริวาสิโน. อามิสโตติ ¶ จีวราทิอามิสปจฺจยโต. กสฺมาติ อาห ‘‘ตํ นิสฺสายา’’ติอาทิ.
ตสฺมินฺติ ¶ สาตฺถกสมฺปชฺวเสน ปริคฺคหิตอตฺเถ. ยสฺมา ปน ธมฺมโต วฑฺฒิเยว อตฺโถ นาม, ตสฺมา ยํ ‘‘สาตฺถก’’นฺติ อธิปฺเปตํ คมนํ, ตํ สพฺพมฺปิ สปฺปายเมวาติ สิยา อวิเสเสน กสฺสจิ อาสงฺกาติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘เจติยทสฺสนํ ตาวา’’ติอาทิ อารทฺธํ. มหาปูชายาติ มหติยา ปูชาย, พหูนํ ปูชาทิวเสติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตกมฺมรูปกานี วิยาติ จิตฺตกมฺมกตปฏิมาโย วิย, ยนฺตปโยเคน วา นานปฺปการวิจิตฺตกิริยา ปฏิมาโย วิย. ตตฺราติ ตาสุ ปริสาสุ. อสฺสาติ ภิกฺขุโน. อสมเปกฺขนํ นาม เคหสฺสิตอฺาณุเปกฺขาวเสน อารมฺมณสฺส อโยนิโส คหณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา อุปฺปชฺชติ อุเปกฺขา พาลสฺส มูฬฺหสฺส ปุถุชฺชนสฺสา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๐๘) มาตุคามสมฺผสฺสวเสน กายสํสคฺคาปตฺติ. หตฺถิอาทิสมฺมทฺเทน ชีวิตนฺตราโย. วิสภาครูปทสฺสนาทินา พฺรหฺมจริยนฺตราโย. ‘‘ทสทฺวาทสโยชนนฺตเร ปริสา สนฺนิปตนฺตี’’ติอาทินา วุตฺตปฺปกาเรเนว. มหาปริสปริวารานนฺติ กทาจิ ธมฺมสฺสวนาทิอตฺถาย อิตฺถิปุริสสมฺมิสฺสปริวาเร สนฺธาย วุตฺตํ.
ตทตฺถทีปนตฺถนฺติ อสุภทสฺสนสฺส สาตฺถกภาวสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส ทีปนตฺถํ. ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ปฏิวจนทานวเสน ภิกฺขูนํ อนุวตฺตนกถา อาจิณฺณา, ตสฺมา ปฏิวจนสฺส อทานวเสน อนนุวตฺตนกถา ตสฺส ทุติยา นาม โหตีติ อาห ‘‘ทฺเว กถา นาม น กถิตปุพฺพา’’ติ. ทฺเว กถาติ หิ วจนกรณากรณกถา. ตตฺถ วจนกรณกถาเยว กถิตปุพฺพา, ทุติยา น กถิตปุพฺพา. ตสฺมา สุพฺพจตฺตา ปฏิวจนมทาสีติ อตฺโถ.
เอวนฺติ อิมินา. ‘‘สเจ ปน เจติยสฺส มหาปูชายา’’ติอาทิกํ สพฺพมฺปิ วุตฺตปฺปการํ ปจฺจามสติ, น ‘‘ปุริสสฺส มาตุคามาสุภ’’นฺติอาทิกเมว. ปริคฺคหิตํ สาตฺถกํ, สปฺปายฺจ เยน โส ปริคฺคหิตสาตฺถกสปฺปาโย, ตสฺส, เตน ยถานุปุพฺพิกํ สมฺปชฺปริคฺคหณํ ทสฺเสติ. วุจฺจมานโยคกมฺมสฺส ปวตฺติฏฺานตาย ภาวนาย อารมฺมณํ กมฺมฏฺานํ, ตเทว ภาวนาย ¶ วิสยภาวโต โคจรนฺติ อาห ‘‘กมฺมฏฺานสงฺขาตํ โคจร’’นฺติ. อุคฺคเหตฺวาติ ยถา อุคฺคหนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ อุคฺคหโกสลฺลสฺส สมฺปาทนวเสน อุคฺคหณํ กตฺวา. ภิกฺขาจารโคจเรติ ภิกฺขาจารสงฺขาเต โคจเร, อเนน กมฺมฏฺาเน, ภิกฺขาจาเร จ โคจรสทฺโทติ ทสฺเสติ.
อิธาติ สาสเน. หรตีติ กมฺมฏฺานํ ปวตฺตนวเสน เนติ, ยาว ปิณฺฑปาตปฏิกฺกมา อนุยฺุชตีติ อตฺโถ. น ปจฺจาหรตีติ อาหารูปโยคโต ยาว ทิวาานุปสงฺกมนา กมฺมฏฺานํ น ปฏิเนติ. ตตฺถาติ เตสุ จตูสุ ภิกฺขูสุ. อาวรณีเยหีติ นีวรเณหิ. ปเควาติ ปาโตเยว ¶ . สรีรปริกมฺมนฺติ มุขโธวนาทิสรีรปฏิชคฺคนํ. ทฺเว ตโย ปลฺลงฺเกติ ทฺเว ตโย นิสชฺชาวาเร. อูรุพทฺธาสนฺเหตฺถ ปลฺลงฺโก. อุสุมนฺติ ทฺเว ตีณิ อุณฺหาปนานิ สนฺธาย วุตฺตํ. กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตฺวาติ ตทเห มูลภูตํ กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตฺวา. กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ กมฺมฏฺานมุเขเนว, กมฺมฏฺานมวิชหนฺโต เอวาติ วุตฺตํ โหติ, เตน ‘‘ปโตปิ อเจตโน’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๔; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๐๙; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๖๘; วิภ. อฏฺ. ๕๒๓) วกฺขมานํ กมฺมฏฺานํ, ยถาปริหริยมานํ วา อวิชหิตฺวาติ ทสฺเสติ.
คนฺตฺวาติ ปาปุณิตฺวา. พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานํ เจ, ตเทว นิปจฺจการสาธนํ. อฺฺเจ, อนิปจฺจการกรณมิว โหตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สเจ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตพฺพิสเยน ตํ เปตฺวา. ‘‘มหนฺตํ เจติยํ เจ’’ติอาทินา กมฺมฏฺานิกสฺส มูลกมฺมฏฺานมนสิการสฺส ปปฺจาภาวทสฺสนํ. อฺเน ปน ตถาปิ อฺถาปิ วนฺทิตพฺพเมว. ตเถวาติ ติกฺขตฺตุเมว. ปริโภคเจติยโต สารีริกเจติยํ ครุตรนฺติ กตฺวา ‘‘เจติยํ วนฺทิตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาวเสน วุตฺตํ. ยถาห อฏฺกถายํ ‘‘เจติยํ พาธยมานา โพธิสาขา หริตพฺพา’’ติ, (ม. นิ. อฏฺ. ๔.๑๒๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๗๕; วิภ. อฏฺ. ๘๐๙) อยํ อาจริยสฺส มติ, ‘‘โพธิยงฺคณํ ปตฺเตนาปี’’ติ ปน วจนโต ยทิ เจติยงฺคณโต คเต ภิกฺขาจารมคฺเค โพธิยงฺคณํ ภเวยฺย, สาปิ วนฺทิตพฺพาติ มคฺคานุกฺกเมเนว ‘‘เจติยํ วนฺทิตฺวา’’ติ ปุพฺพกาลกิริยาวจนํ, น ตุ ครุกาตพฺพตานุกฺกเมน. เอวฺหิ สติ โพธิยงฺคณํ ปมํ ปตฺเตนาปิ โพธึ วนฺทิตฺวา เจติยํ วนฺทิตพฺพํ, เอกเมว ปตฺเตนาปิ ตเทว วนฺทิตพฺพํ, ตทุภยมฺปิ ¶ อปฺปตฺเตน น วนฺทิตพฺพนฺติ อยมตฺโถ สุวิฺาโต โหติ. ภิกฺขาจารคตมคฺเคน หิ ปตฺตฏฺาเน กตฺตพฺพอนฺตราวตฺตทสฺสนเมตํ, น ปน ธุววตฺตทสฺสนํ. ปุพฺเพ เหส กตวตฺโตเยว. เตนาห ‘‘ปเคว เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ กตฺวา’’ติอาทิ. พุทฺธคุณานุสฺสรณวเสเนว โพธิอาทิปริโภคเจติเยปิ นิปจฺจกรณํ อุปปนฺนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต สมฺมุขา วิย นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา’’ติ อิมินา. ปฏิสามิตฏฺานนฺติ โสปานมูลภาวสามฺเน วุตฺตํ, พุทฺธารมฺมณปีติวิสยภูตเจติยงฺคณโพธิยงฺคณโต พาหิรฏฺานํ ปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
คามสมีเปติ คามูปจาเร. ตาว ปฺหํ วา ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ วา โสตุกามา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ชนสงฺคหตฺถนฺติ ‘‘มยิ อกเถนฺเต เอเตสํ โก กเถสฺสตี’’ติ ธมฺมานุคฺคเหน มหาชนสฺส สงฺคหณตฺถํ. อฏฺกถาจริยานํ วจนํ สมตฺเถตุํ ‘‘ธมฺมกถา หิ กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา ¶ ‘‘ธมฺมกถา นาม กาตพฺพาเยวา’’ติ อฏฺกถาจริยา วทนฺติ, ยสฺมา วา ธมฺมกถา กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถิ, ตสฺมา ธมฺมกถํ กเถตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อาจริยานนฺทตฺเถเรน (วิภ. มูลฏี. ๕๒๓) ปน ‘‘ตสฺมา’’ติ เอตสฺส ‘‘กเถตพฺพาเยวาติ วทนฺตี’’ติ เอเตน สมฺพนฺโธ วุตฺโต. กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ อตฺตนา ปริหริยมานํ กมฺมฏฺานํ อวิชหนวเสน, ตทนุคุณํเยว ธมฺมกถํ กเถตฺวาติ อตฺโถ, ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. อนุโมทนํ กตฺวาติ เอตฺถาปิ ‘‘กมฺมฏฺานสีเสเนวา’’ติ อธิกาโร. ตตฺถาติ คามโต นิกฺขมนฏฺาเนเยว.
‘‘โปราณกภิกฺขู’’ติอาทินา โปราณกาจิณฺณทสฺสเนน ยถาวุตฺตมตฺถํ ทฬฺหํ กโรติ. สมฺปตฺตปริจฺเฉเทเนวาติ ‘‘ปริจิโต อปริจิโต’’ติอาทิวิภาคํ อกตฺวา สมฺปตฺตโกฏิยา เอว, สมาคมมตฺเตเนวาติ อตฺโถ. อานุภาเวนาติ อนุคฺคหพเลน. ภเยติ ปรจกฺกาทิภเย. ฉาตเกติ ทุพฺภิกฺเข.
‘‘ปจฺฉิมยาเมปิ นิสชฺชาจงฺกเมหิ วีตินาเมตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปการํ. กโรนฺตสฺสาติ กรมานสฺเสว, อนาทเร เจตํ สามิวจนํ. กมฺมชเตโชติ คหณึ สนฺธายาห. ปชฺชลตีติ อุณฺหภาวํ ชเนติ. ตโตเยว อุปาทินฺนกํ คณฺหาติ, เสทา มุจฺจนฺติ. กมฺมฏฺานํ วีถึ นาโรหติ ¶ ขุทาปริสฺสเมน กิลนฺตกายสฺส สมาธานาภาวโต. อนุปาทินฺนํ โอทนาทิวตฺถุ. อุปาทินฺนํ อุทรปฏลํ. อนฺโตกุจฺฉิยฺหิ โอทนาทิวตฺถุสฺมึ อสติ กมฺมชเตโช อุฏฺหิตฺวา อุทรปฏลํ คณฺหาติ, ‘‘ฉาโตสฺมิ, อาหารํ เม เทถา’’ติ วทาเปติ, ภุตฺตกาเล อุทรปฏลํ มฺุจิตฺวา วตฺถุํ คณฺหาติ, อถ สตฺโต เอกคฺโค โหติ, ยโต ‘‘ฉายารกฺขโส วิย กมฺมชเตโช’’ติ อฏฺกถาสุ วุตฺโต. โส ปเควาติ เอตฺถ ‘‘ตสฺมา’’ติ เสโส. โครูปานนฺติ คุนฺนํ, โคสมูหานํ วา, วชโต โคจรตฺถาย นิกฺขมนเวลายเมวาติ อตฺโถ. วุตฺตวิปรีตนเยน อุปาทินฺนกํ มฺุจิตฺวา อนุปาทินฺนกํ คณฺหาติ. อนฺตราภตฺเตติ ภตฺตสฺส อนฺตเร, ยาว ภตฺตํ น ภฺุชติ, ตาวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘กมฺมฏฺานสีเสน อาหารฺจ ปริภฺุชิตฺวา’’ติ. อวเสสฏฺาเนติ ยาคุยา อคฺคหิตฏฺาเน. ตโตติ ภฺุชนโต. โปงฺขานุโปงฺขนฺติ กมฺมฏฺานานุปฏฺานสฺส อนวจฺเฉททสฺสนเมตํ, อุตฺตรุตฺตรินฺติ อตฺโถ, ยถา โปงฺขานุโปงฺขํ ปวตฺตาย สรปฏิปาฏิยา อนวจฺเฉโท, เอวเมตสฺสาปิ กมฺมฏฺานุปฏฺานสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เอทิสา จา’’ติอาทินา ตถา กมฺมฏฺานมนสิการสฺสาปิ สาตฺถกภาวํ ทสฺเสติ. อาสนนฺติ นิสชฺชาสนํ.
นิกฺขิตฺตธุโรติ ภาวนานุโยเค อนุกฺขิตฺตธุโร อนารทฺธวีริโย. วตฺตปฏิปตฺติยา อปริปูรเณน ¶ สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา. ปฺจวิธเจโตขีลวินิพนฺธจิตฺโตติ ปฺจวิเธน เจโตขีเลน, วินิพนฺเธน จ สมฺปยุตฺตจิตฺโต. วุตฺตฺหิ มชฺฌิมาคเม เจโตขีลสุตฺเต –
‘‘กตมสฺส ปฺจ เจโตขีลา อปฺปหีนา โหนฺติ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ, ธมฺเม กงฺขติ, สงฺเฆ กงฺขติ, สิกฺขาย กงฺขติ, สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหตี’’ติ, (ม. นิ. ๑.๑๘๕)
‘‘กตมสฺส ปฺจ เจตโส วินิพนฺธา อสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ? อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ กาเม อวีตราโค โหติ, กาเย อวีตราโค โหติ, รูเป อวีตราโค โหติ, ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๖). จ –
วิตฺถาโร ¶ . อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๕) ปน ปฺจวิธเจโตวินิพนฺธจิตฺตภาโวเยว ปเทกเทสมุลฺลิงฺเคตฺวา ทสฺสิโต. จิตฺตสฺส กจวรขาณุกภาโว หิ เจโตขีโล, จิตฺตํ พนฺธิตฺวา มุฏฺิยํ วิย กตฺวา คณฺหนภาโว เจตโส วินิพนฺโธ. ปโม เจตฺถ วิจิกิจฺฉาโทสวเสน, ทุติโย โลภวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. จริตฺวาติ วิจริตฺวา. กมฺมฏฺานวิรหวเสน ตุจฺโฉ.
ภาวนาสหิตเมว ภิกฺขาย คตํ, ปจฺจาคตฺจ ยสฺสาติ คตปจฺจาคติกํ, ตเทว วตฺตํ, ตสฺส วเสน. อตฺตกามาติ อตฺตโน หิตสุขมิจฺฉนฺตา, ธมฺมจฺฉนฺทวนฺโตติ อตฺโถ. ธมฺโม หิ หิตํ, สุขฺจ ตนฺนิมิตฺตกนฺติ. อถ วา วิฺูนํ อตฺตโต นิพฺพิเสสตฺตา, อตฺตภาวปริยาปนฺนตฺตา จ ธมฺโม อตฺตา นาม, ตํ กาเมนฺติ อิจฺฉนฺตีติ อตฺตกามา. อธุนา ปน อตฺถกามาติ หิตวาจเกน อตฺถสทฺเทน ปาโ ทิสฺสติ, ธมฺมสฺุตฺตํ หิตมิจฺฉนฺตา, หิตภูตํ วา ธมฺมมิจฺฉนฺตาติ ตสฺสตฺโถ. อิณฏฺฏาติ อิเณน ปีฬิตา. ตถา เสสปททฺวเยปิ. เอตฺถาติ สาสเน.
อุสภํ นาม วีสติ ยฏฺิโย, คาวุตํ นาม อสีติ อุสภา. ตาย สฺายาติ ตาทิสาย ปาสาณสฺาย, กมฺมฏฺานมนสิกาเรน ‘‘เอตฺตกํ านมาคตา’’ติ ชานนฺตา คจฺฉนฺตีติ อธิปฺปาโย. นนฺติ กิเลสํ. กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปาทุทฺธารณมกตฺถุกามโต ติฏฺติ, ปจฺฉาคโต ปน ิติมนติกฺกมิตุกามโต. โสติ อุปฺปนฺนกิเลโส ภิกฺขุ. อยนฺติ ปจฺฉาคโต ¶ . เอตนฺติ ปรสฺส ชานนํ. ตตฺเถวาติ ปติฏฺิตฏฺาเนเยว. โสเยว นโยติ ‘‘อยํ ภิกฺขู’’ติอาทิกา โย ปติฏฺาเน วุตฺโต, โส เอว นิสชฺชายปิ นโย. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตานํ ฉินฺนภตฺตภาวภเยนาปิ โยนิโสมนสิการํ ปริพฺรูเหตีติ อิทมฺปิ ปรสฺส ชานเนเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปุริมปาเทเยวาติ ปมํ กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน อุทฺธริตปาทวฬฺเชเยว. เอตีติ คจฺฉติ. ‘‘อาลินฺทกวาสี มหาผุสฺสเทวตฺเถโร วิยา’’ติอาทินา อฏฺาเนเยเวตํ กถิตํ. ‘‘กฺวายํ เอวํ ปฏิปนฺนปุพฺโพ’’ติ อาสงฺกํ นิวตฺเตติ.
มทฺทนฺตาติ ธฺกรณฏฺาเน สาลิสีสาทีนิ มทฺทนฺตา. อสฺสาติ เถรสฺส, อุภยาเปกฺขวจนเมตํ. อสฺส อรหตฺตปฺปตฺตทิวเส จงฺกมนโกฏิยนฺติ จ ¶ . อธิคมปฺปิจฺฉตาย วิกฺเขปํ กตฺวา, นิพนฺธิตฺวา จ ปฏิชานิตฺวาเยว อาโรเจสิ.
ปมํ ตาวาติ ปทโสภนตฺถํ ปริยายวจนํ. มหาปธานนฺติ ภควโต ทุกฺกรจริยํ, อมฺหากํ อตฺถาย โลกนาเถน ฉพฺพสฺสานิ กตํ ทุกฺกรจริยํ ‘‘เอวาหํ ยถาพลํ ปูเชสฺสามี’’ติ อตฺโถ. ปฏิปตฺติปูชาเยว หิ ปสตฺถตรา สตฺถุปูชา, น ตถา อามิสปูชา. านจงฺกมเมวาติ อธิฏฺาตพฺพอิริยาปถวเสน วุตฺตํ, น โภชนกาลาทีสุ อวสฺสํ กตฺตพฺพนิสชฺชาย ปฏิกฺเขปวเสน. เอวสทฺเทน หิ อิตราย นิสชฺชาย, สยนสฺส จ นิวตฺตนํ กโรติ. วิปฺปยุตฺเตน อุทฺธเฏ ปฏินิวตฺเตนฺโตติ สมฺปยุตฺเตน อุทฺธริตปาเทเยว ปุน ปนํ สนฺธายาห. ‘‘คามสมีปํ คนฺตฺวา’’ติ วตฺวา ตทตฺถํ วิวรติ ‘‘คาวี นู’’ติอาทินา. กจฺฉกนฺตรโตติ อุปกจฺฉนฺตรโต, อุปกจฺเฉ ลคฺคิตกมณฺฑลุโตติ วุตฺตํ โหติ. อุทกคณฺฑูสนฺติ อุทกาวคณฺฑการกํ. กตินํ ติถีนํ ปูรณี กติมี, ‘‘ปฺจมี นุ โข ปกฺขสฺส, อฏฺมี’’ติอาทินา ทิวสํ วา ปุจฺฉิโตติ อตฺโถ. อนาโรจนสฺส อกตฺตพฺพตฺตา อาโรเจติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว สพฺเพเหว ปกฺขคณนํ อุคฺคเหตุ’’นฺติอาทิ (มหาว. ๑๕๖).
‘‘อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจตี’’ติ วุตฺตนเยน. ตตฺถาติ คามทฺวาเร. นิฏฺุภนนฺติ อุทกนิฏฺุภนฏฺานํ. เตสูติ มนุสฺเสสุ. าณจกฺขุสมฺปนฺนตฺตา จกฺขุมา. อีทิโสติ สุสมฺมฏฺเจติยงฺคณาทิโก. วิสุทฺธิปวารณนฺติ ขีณาสวภาเวน ปวารณํ.
วีถึ โอตริตฺวา อิโต จิโต จ อโนโลเกตฺวา ปมเมว วีถิโย สลฺลกฺเขตพฺพาติ อาห ‘‘วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา’’ติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตนา’’ติอาทิ ¶ (ปารา. ๔๓๒). ตํ คมนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ จา’’ติอาทิมาห. ‘‘น หิ ชเวน ปิณฺฑปาติยธุตงฺคํ นาม กิฺจิ อตฺถี’’ติ อิมินา ชเวน คมเน โลลุปฺปจาริตา วิย อสารุปฺปตํ ทสฺเสติ. อุทกสกฏนฺติ อุทกสารสกฏํ. ตฺหิ วิสมภูมิภาคปฺปตฺตํ นิจฺจลเมว กาตุํ วฏฺฏติ. ตทนุรูปนฺติ ภิกฺขาทานานุรูปํ. ‘‘อาหาเร ปฏิกูลสฺํ อุปฏฺเปตฺวา’’ติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสติ. รถสฺส อกฺขานํ เตเลน อพฺภฺชนํ, วณสฺส เลปนํ, ปุตฺตมํสสฺส ขาทนฺจ ติธา อุปมา ยสฺส อาหรณสฺสาติ ตถา. อฏฺงฺคสมนฺนาคตนฺติ ‘‘ยาวเทว ¶ อิมสฺส กายสฺส ิติยา, ยาปนายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; ๒.๒๔, ๓๘๗; สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๖.๕๘; ๕.๙; วิภ. ๕๑๘; มหานิ. ๒๐๖) วุตฺเตหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ กตฺวา. ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทิ ปน ปฏิกฺเขปมตฺตทสฺสนํ. ภตฺตกิลมถนฺติ ภตฺตวเสน อุปฺปนฺนกิลมถํ. ปุเรภตฺตาทิ ทิวาวเสน วุตฺตํ. ปุริมยามาทิ รตฺติวเสน.
คตปจฺจาคเตสุ กมฺมฏฺานสฺส หรณํ วตฺตนฺติ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘หรณปจฺจาหรณสงฺขาต’’นฺติ อาห. ‘‘ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหตี’’ติ อิทํ ‘‘เทวปุตฺโต หุตฺวา’’ติอาทีสุปิ สพฺพตฺถ สมฺพชฺฌิตพฺพํ. ตตฺถ ปจฺเจกโพธิยา อุปนิสฺสยสมฺปทา กปฺปานํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ, สตสหสฺสฺจ ตชฺชา ปฺุาณสมฺภารสมฺภรณํ, สาวกโพธิยา อคฺคสาวกานํ เอกมสงฺขฺเยยฺยํ, กปฺปสตสหสฺสฺจ, มหาสาวกานํ (เถรคา. อฏฺ. ๒.วงฺคีสตฺเถรคาถาวณฺณนา วิตฺถาโร) กปฺปสตสหสฺสเมว, อิตเรสํ ปน อตีตาสุ ชาตีสุ วิวฏฺฏุปนิสฺสยวเสน กาลนิยมมนฺตเรน นิพฺพตฺติตํ นิพฺเพธภาคิยกุสลํ. ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทินา ตสฺมึ ตสฺมึ านนฺตเร เอตทคฺคฏฺปิตานํ เถรานํ สกฺขิทสฺสนํ. ตตฺถ เถโร พาหิโย ทารุจีริโยติ พาหิยวิสเย สฺชาตสํวฑฺฒตาย พาหิโย, ทารุจีรปริหรณโต ทารุจีริโยติ จ สมฺิโต เถโร. โส หายสฺมา –
‘‘ตสฺมา ติห เต พาหิย เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต, มุเต, วิฺาเต วิฺาตมตฺตํ ภวิสฺสตี’ติ, เอวฺหิ เต พาหิย สิกฺขิตพฺพํ. ยโต โข เต พาหิย ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต, มุเต, วิฺาเต วิฺาตมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตโต ตฺวํ พาหิย น เตน. ยโต ตฺวํ พาหิย น เตน, ตโต พาหิย น ตตฺถ. ยโต ตฺวํ พาหิย น ตตฺถ, ตโต ตฺวํ พาหิย เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรน, เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’ติ’’ (อุทา. ๑๐).
เอตฺตกาย ¶ เทสนาย อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เอวํ สาริปุตฺตตฺเถราทีนมฺปิ มหาปฺตาทิทีปนานิ สุตฺตปทานิ วิตฺถารโต วตฺตพฺพานิ. วิเสสโต ปน องฺคุตฺตราคเม เอตทคฺคสุตฺตปทานิ (อ. นิ. ๑.๑๘๘) สิขาปตฺตนฺติ โกฏิปฺปตฺตํ นิฏฺานปฺปตฺตํ สพฺพถา ปริปุณฺณโต.
ตนฺติ ¶ อสมฺมุยฺหนํ. เอวนฺติ อิทานิ วุจฺจมานากาเรน เวทิตพฺพํ. ‘‘อตฺตา อภิกฺกมตี’’ติ อิมินา ทิฏฺิคาหวเสน, ‘‘อหํ อภิกฺกมามี’’ติ อิมินา มานคาหวเสน, ตทุภยสฺส ปน วินา ตณฺหาย อปฺปวตฺตนโต ตณฺหาคาหวเสนาติ ตีหิปิ มฺนาหิ อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺส อภิกฺกเม สมฺมุยฺหนํ ทสฺเสติ. ‘‘ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต’’ติ วตฺวา ตเทว อสมฺมุยฺหนํ เยน ฆนวินิพฺโภเคน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อภิกฺกมามี’’ติอาทิมาห. จิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตูติ เตเนว อภิกฺกมนจิตฺเตน สมุฏฺานา, ตํจิตฺตสมุฏฺานิกา วา วาโยธาตุ. วิฺตฺตินฺติ กายวิฺตฺตึ. ชนยมานา อุปฺปชฺชติ ตสฺสา วิการภาวโต. อิตีติ ตสฺมา อุปฺปชฺชนโต. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสนาติ กิริยมยจิตฺตสมุฏฺานวาโยธาตุยา วิจลนาการสงฺขาตกายวิฺตฺติวเสน. ตสฺสาติ อฏฺิสงฺฆาฏสฺส. อภิกฺกมโตติ อภิกฺกมนฺตสฺส. โอมตฺตาติ อวมตฺตา ลามกปฺปมาณา. วาโยธาตุเตโชธาตุวเสน อิตรา ทฺเว ธาตุโย.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา เจตฺถ วาโยธาตุยา อนุคตา เตโชธาตุ อุทฺธรณสฺส ปจฺจโย. อุทฺธรณคติกา หิ เตโชธาตุ, เตน ตสฺสา อุทฺธรเณ วาโยธาตุยา อนุคตภาโว โหติ, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, ตถา อภาวโต ปน อิตราสํ โอมตฺตตาติ. ยสฺมา ปน เตโชธาตุยา อนุคตา วาโยธาตุ อติหรณวีติหรณานํ ปจฺจโย. กิริยคติกาย หิ วาโยธาตุยา อติหรณวีติหรเณสุ สาติสโย พฺยาปาโร, เตน ตสฺสา ตตฺถ เตโชธาตุยา อนุคตภาโว โหติ, ตสฺมา อิมาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ ตทภาวโต โอมตฺตตาติ ทสฺเสติ ‘‘ตถา อติหรณวีติหรเณสู’’ติ อิมินา. สติปิ เจตฺถ อนุคมกานุคนฺตพฺพตาวิเสเส เตโชธาตุวาโยธาตุภาวมตฺตํ สนฺธาย ตถาสทฺทคฺคหณํ กตํ. ปเม หิ นเย เตโชธาตุยา อนุคมกตา, วาโยธาตุยา อนุคนฺตพฺพตา, ทุติเย ปน วาโยธาตุยา อนุคมกตา, เตโชธาตุยา อนุคนฺตพฺพตาติ. ตตฺถ อกฺกนฺตฏฺานโต ปาทสฺส อุกฺขิปนํ อุทฺธรณํ, ิตฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ปุรโต หรณํ อติหรณํ. ขาณุอาทิปริหรณตฺถํ, ปติฏฺิตปาทฆฏฺฏนาปริหรณตฺถํ วา ปสฺเสน หรณํ ¶ วีติหรณํ, ยาว ปติฏฺิตปาโท, ตาว หรณํ อติหรณํ, ตโต ปรํ หรณํ วีติหรณนฺติ วา อยเมเตสํ วิเสโส.
ยสฺมา ¶ ปถวีธาตุยา อนุคตา อาโปธาตุ โวสฺสชฺชเน ปจฺจโย. ครุตรสภาวา หิ อาโปธาตุ, เตน ตสฺสา โวสฺสชฺชเน ปถวีธาตุยา อนุคตภาโว โหติ, ตสฺมา ตาสํ ทฺวินฺนเมตฺถ สามตฺถิยโต อธิมตฺตตา, อิตราสฺจ ตทภาวโต โอมตฺตตาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โวสฺสชฺชเน…เป… พลวติโย’’ติ. ยสฺมา ปน อาโปธาตุยา อนุคตา ปถวีธาตุ สนฺนิกฺเขปนสฺส ปจฺจโย. ปติฏฺาภาเว วิย ปติฏฺาปเนปิ ตสฺสา สาติสยกิจฺจตฺตา อาโปธาตุยา ตสฺสา อนุคตภาโว โหติ, ตถา ฆฏฺฏนกิริยาย ปถวีธาตุยา วเสน สนฺนิรุชฺฌนสฺส สิชฺฌนโต ตสฺสา สนฺนิรุชฺฌเนปิ อาโปธาตุยา อนุคตภาโว โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุชฺฌเนสู’’ติ.
อนุคมกานุคนฺตพฺพตาวิเสเสปิ สติ ปถวีธาตุอาโปธาตุภาวมตฺตํ สนฺธาย ตถาสทฺทคฺคหณํ กตํ. ปเม หิ นเย ปถวีธาตุยา อนุคมกตา, อาโปธาตุยา อนุคนฺตพฺพตา, ทุติเย ปน อาโปธาตุยา อนุคมกตา, ปถวีธาตุยา อนุคนฺตพฺพตาติ. โวสฺสชฺชนฺเจตฺถ ปาทสฺส โอนามนวเสน โวสฺสคฺโค, ตโต ปรํ ภูมิอาทีสุ ปติฏฺาปนํ สนฺนิกฺเขปนํ, ปติฏฺาเปตฺวา นิมฺมทฺทนวเสน คมนสฺส สนฺนิโรโธ สนฺนิรุชฺฌนํ.
ตตฺถาติ ตสฺมึ อติกฺกมเน, เตสุ วา ยถาวุตฺเตสุ อุทฺธรณาติหรณวีติหรณโวสฺสชฺชนสนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุชฺฌนสงฺขาเตสุ ฉสุ โกฏฺาเสสุ. อุทฺธรเณติ อุทฺธรณกฺขเณ. รูปารูปธมฺมาติ อุทฺธรณากาเรน ปวตฺตา รูปธมฺมา, ตํสมุฏฺาปกา จ อรูปธมฺมา. อติหรณํ น ปาปุณนฺติ ขณมตฺตาวฏฺานโต. สพฺพตฺถ เอส นโย. ตตฺถ ตตฺเถวาติ ยตฺถ ยตฺถ อุทฺธรณาทิเก อุปฺปนฺนา, ตตฺถ ตตฺเถว. น หิ ธมฺมานํ เทสนฺตรสงฺกมนํ อตฺถิ ลหุปริวตฺตนโต. ปพฺพํ ปพฺพนฺติ ปริจฺเฉทํ ปริจฺเฉทํ. สนฺธิ สนฺธีติ คณฺิ คณฺิ. โอธิ โอธีติ ภาคํ ภาคํ. สพฺพฺเจตํ อุทฺธรณาทิโกฏฺาเส สนฺธาย สภาคสนฺตติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิตโร เอว หิ รูปธมฺมานมฺปิ ปวตฺติกฺขโณ คมนโยคคมนสฺสาทานํ เทวปุตฺตานํ เหฏฺุปริเยน ปฏิมุขํ ธาวนฺตานํ สิรสิ, ปาเท จ พนฺธขุรธาราสมาคมโตปิ สีฆตโร, ยถา ติลานํ ภิชฺชยมานานํ ปฏปฏายเนน ¶ เภโท ลกฺขียติ, เอวํ สงฺขตธมฺมานํ อุปฺปาเทนาติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปฏปฏายนฺตา’’ติ วุตฺตํ, อุปฺปาทวเสน ปฏปฏ-สทฺทํ อกโรนฺตาปิ กโรนฺตา วิยาติ อตฺโถ. ติลเภทลกฺขณํ ปฏปฏายนํ วิย หิ สงฺขตเภทลกฺขณํ อุปฺปาโท อุปฺปนฺนานเมกนฺตโต ภินฺนตฺตา. ตตฺถาติ อภิกฺกมเน. โก เอโก อภิกฺกมติ นาภิกฺกมติเยว. กสฺส วา เอกสฺส อภิกฺกมนํ สิยา, น สิยา เอว. กสฺมา? ปรมตฺถโต หิ…เป… ธาตูนํ สยนํ, ตสฺมาติ อตฺโถ. อนฺธพาลปุถุชฺชนสมฺมูฬฺหสฺส อตฺตโน อภิกฺกมนนิวตฺตนฺเหตํ วจนํ. อถ วา ¶ ‘‘โก เอโก…เป… อภิกฺกมน’’นฺติ โจทนาย ‘‘ปรมตฺถโต หี’’ติอาทินา โสธนา วุตฺตา.
ตสฺมึ ตสฺมึ โกฏฺาเสติ ยถาวุตฺเต ฉพฺพิเธปิ โกฏฺาเส คมนาทิกสฺส อปจฺจามฏฺตฺตา. ‘‘สทฺธึ รูเปน อุปฺปชฺชเต, นิรุชฺฌตี’’ติ จ สิโลกปเทน สห สมฺพนฺโธ. ตตฺถ ปมปทสมฺพนฺเธ รูเปนาติ เยน เกนจิ สหุปฺปชฺชนเกน รูเปน. ทุติยปทสมฺพนฺเธ ปน ‘‘รูเปนา’’ติ อิทํ ยํ ตโต นิรุชฺฌมานจิตฺตโต อุปริ สตฺตรสมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺนํ, ตเทว ตสฺส นิรุชฺฌมานจิตฺตสฺส นิโรเธน สทฺธึ นิรุชฺฌนกํ สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกํ รูปํ สนฺธาย วุตฺตํ, อฺถา รูปารูปธมฺมา สมานายุกา สิยุํ. ยทิ จ สิยุํ, อถ ‘‘รูปํ ครุปริณามํ ทนฺธนิโรธ’’นฺติอาทิ (วิภ. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา) อฏฺกถาวจเนหิ, ‘‘นาหํ ภิกฺขเว อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ, ยถยิทํ จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๓๘) เอวมาทิปาฬิวจเนหิ จ วิโรโธ สิยา. จิตฺตเจตสิกา หิ สารมฺมณสภาวา ยถาพลํ อตฺตโน อารมฺมณปจฺจยภูตมตฺถํ วิภาเวนฺโต เอว อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา เตสํ ตํสภาวนิปฺผตฺติอนนฺตรํ นิโรโธ, รูปธมฺมา ปน อนารมฺมณา ปกาเสตพฺพา, เอวํ เตสํ ปกาเสตพฺพภาวนิปฺผตฺติ โสฬสหิ จิตฺเตหิ โหติ, ตสฺมา เอกจิตฺตกฺขณาตีเตน สห สตฺตรสจิตฺตกฺขณายุกตา รูปธมฺมานมิจฺฉิตาติ. ลหุปริวตฺตนวิฺาณวิเสสสฺส สงฺคติมตฺตปจฺจยตาย ติณฺณํ ขนฺธานํ, วิสยสงฺคติมตฺตตาย จ วิฺาณสฺส ลหุปริวตฺติตา, ทนฺธมหาภูตปจฺจยตาย รูปสฺส ครุปริวตฺติตา. ยถาภูตํ นานาธาตุาณํ โข ปน ตถาคตสฺเสว, เตน จ ปุเรชาตปจฺจโย รูปธมฺโมว วุตฺโต, ปจฺฉาชาตปจฺจโย จ ตเถวาติ รูปารูปธมฺมานํ สมานกฺขณตา น ยุชฺชเตว, ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๔) วุตฺตํ ¶ , ตเทตํ จิตฺตานุปริวตฺติยา วิฺตฺติยา เอกนิโรธภาวสฺส สุวิฺเยฺยตฺตา เอวํ วุตฺตํ. ตโต สวิฺตฺติเกน ปุเรตรํ สตฺตรสมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ อุปฺปนฺเนน รูเปน สทฺธึ อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌติ, อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตนฺติ โยเชตพฺพํ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโมติ. ยฺหิ ปุริมุปฺปนฺนํ จิตฺตํ, ตํ นิรุชฺฌนฺตํ อฺสฺส ปจฺฉา อุปฺปชฺชมานสฺส อนนฺตราทิปจฺจยภาเวเนว นิรุชฺฌติ, ตถา ลทฺธปจฺจยเมว อฺมฺปิ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อวตฺถาวิเสสโต เจตฺถ อฺถา. ยทิ เอวํ เตสมุภินฺนํ อนฺตโร ลพฺเภยฺยาติ โจทนํ ‘‘โน’’ติ อปเนตุมาห ‘‘อวีจิ มนุสมฺพนฺโธ’’ติ, ยถา วีจิ อนฺตโร น ลพฺภติ, ตเทเวทนฺติ อวิเสสํ วิทู มฺนฺติ, เอวํ อนุ อนุ สมฺพนฺโธ จิตฺตสนฺตาโน, รูปสนฺตาโน จ นทีโสโตว นทิยํ ¶ อุทกปฺปวาโห วิย วตฺตตีติ อตฺโถ. อวีจีติ หิ นิรนฺตรตาวเสน ภาวนปุํสกวจนํ.
อภิมุขํ โลกิตํ อาโลกิตนฺติ อาห ‘‘ปุรโตเปกฺขน’’นฺติ. ยํทิสาภิมุโข คจฺฉติ, ติฏฺติ, นิสีทติ, สยติ วา, ตทภิมุขํ เปกฺขนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา จ ตาทิสมาโลกิตํ นาม โหติ, ตสฺมา ตทนุคตทิสาโลกนํ วิโลกิตนฺติ อาห ‘‘อนุทิสาเปกฺขน’’นฺติ, อภิมุขทิสานุรูปคเตสุ วามทกฺขิณปสฺเสสุ วิวิธา เปกฺขนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เหฏฺาอุปริปจฺฉาเปกฺขนฺหิ ‘‘โอโลกิตอุลฺโลกิตาปโลกิตานี’’ติ คหิตานิ. สารุปฺปวเสนาติ สมณปติรูปวเสน, อิมินาว อสารุปฺปวเสน อิตเรสมคฺคหณนฺติ สิชฺฌติ. สมฺมชฺชนปริภณฺฑาทิกรเณ โอโลกิตสฺส, อุลฺโลกหรณาทีสุ อุลฺโลกิตสฺส, ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตปริสฺสยปริวชฺชนาทีสุ อปโลกิตสฺส จ สิยา สมฺภโวติ อาห ‘‘อิมินา วา’’ติอาทิ, เอเตน อุปลกฺขณมตฺตฺเจตนฺติ ทสฺเสติ.
กายสกฺขินฺติ กาเยน สจฺฉิกตํ ปจฺจกฺขการินํ, สาธกนฺติ อตฺโถ. โส หิ อายสฺมา วิปสฺสนากาเล ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตํ นิสฺสาย สาสเน อนภิรติอาทิวิปฺปการํ ปตฺโต, ตเมว สุฏฺุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป, ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต, เตเนว นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ ภิกฺขเว มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ, ยทิทํ นนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๓๐) เอตทคฺเค เปสิ. นนฺทสฺสาติ กตฺตุตฺเถ สามิวจนํ. อิตีติ อิมินา อาโลกเนน.
สาตฺถกตา ¶ จ สปฺปายตา จ เวทิตพฺพา อาโลกิตวิโลกิตสฺสาติ อชฺฌาหริตฺวา สมฺพนฺโธ. ตสฺมาติ กมฺมฏฺานาวิชหนสฺเสว อาโลกิตวิโลกิเต. โคจรสมฺปชฺภาวโต เอตฺถาติ อาโลกิตวิโลกิเต. อตฺตโน กมฺมฏฺานวเสเนวาติ ขนฺธาทิกมฺมฏฺานวเสเนว อาโลกนวิโลกนํ กาตพฺพํ, น อฺโ อุปาโย คเวสิตพฺโพติ อธิปฺปาโย. กมฺมฏฺานสีเสเนวาติ วกฺขมานกมฺมฏฺานมุเขเนว. ยสฺมา ปน อาโลกิตาทิ นาม ธมฺมมตฺตสฺเสว ปวตฺติวิเสโส, ตสฺมา ตสฺส ยาถาวโต ชานนํ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาโลเกตาติ อาโลเกนฺโต. ตถา วิโลเกตา. วิฺตฺตินฺติ กายวิฺตฺตึ. อิตีติ ตสฺมา อุปฺปชฺชนโต. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสนาติ กิริยมยจิตฺตสมุฏฺานาย วาโยธาตุยา วิจลนาการสงฺขาตกายวิฺตฺติวเสน. อกฺขิทลนฺติ อกฺขิปฏลํ. อโธ สีทตีติ โอสีทนฺตํ วิย เหฏฺา คจฺฉติ. อุทฺธํ ลงฺเฆตีติ ลงฺเฆนฺตํ วิย อุปริ ¶ คจฺฉติ. ยนฺตเกนาติ อกฺขิทเลสุ โยชิตรชฺชุโย คเหตฺวา ปริพฺภมนกจกฺเกน. ตโตติ ตถา อกฺขิทลานโมสีทนุลฺลงฺฆนโต. มโนทฺวาริกชวนสฺส มูลการณปริชานนํ มูลปริฺา. อาคนฺตุกสฺส อพฺภาคตสฺส, ตาวกาลิกสฺส จ ตงฺขณมตฺตปวตฺตกสฺส ภาโว อาคนฺตุกตาวกาลิกภาโว, เตสํ วเสน.
ตตฺถาติ เตสุ คาถาย ทสฺสิเตสุ สตฺตสุ จิตฺเตสุ. องฺคกิจฺจํ สาธยมานนฺติ ปธานภูตองฺคกิจฺจํ นิปฺผาเทนฺตํ, สรีรํ หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ภวงฺคฺหิ ปฏิสนฺธิสทิสตฺตา ปธานมงฺคํ, ปธานฺจ ‘‘สรีร’’นฺติ วุจฺจติ, อวิจฺเฉทปฺปวตฺติเหตุภาเวน วา การณกิจฺจํ สาธยมานนฺติ อตฺโถ. ตํ อาวฏฺเฏตฺวาติ ภวงฺคสามฺวเสน วุตฺตํ, ปวตฺตาการวิเสสวเสน ปน อตีตาทินา ติพฺพิธํ, ตตฺถ จ ภวงฺคุปจฺเฉทสฺเสว อาวฏฺฏนํ. ตนฺนิโรธาติ ตสฺส นิรุชฺฌนโต, อนนฺตรปจฺจยวเสน เหตุวจนํ. ‘‘ปมชวเนปิ…เป… สตฺตมชวเนปี’’ติ อิทํ ปฺจทฺวาริกวีถิยํ ‘‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’’ติ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนานมภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ หิ อาวชฺชนโวฏฺพฺพนานํ ปุเรตรํ ปวตฺตาโยนิโสมนสิการวเสน อโยนิโส อาวชฺชนโวฏฺพฺพนากาเรน ปวตฺตนโต อิฏฺเ อิตฺถิรูปาทิมฺหิ โลภสหคตมตฺตํ ชวนํ อุปฺปชฺชติ, อนิฏฺเ จ โทสสหคตมตฺตํ, น ปเนกนฺตรชฺชนทุสฺสนาทิ, มโนทฺวาเร ¶ เอว เอกนฺตรชฺชนทุสฺสนาทิ โหติ, ตสฺส ปน มโนทฺวาริกสฺส รชฺชนทุสฺสนาทิโน ปฺจทฺวาริกชวนํ มูลํ, ยถาวุตฺตํ วา สพฺพมฺปิ ภวงฺคาทิ, เอวํ มโนทฺวาริกชวนสฺส มูลการณวเสน มูลปริฺา วุตฺตา, อาคนฺตุกตาวกาลิกตา ปน ปฺจทฺวาริก ชวนสฺเสว อปุพฺพภาววเสน, อิตฺตรตาวเสน จ. ยุทฺธมณฺฑเลติ สงฺคามปฺปเทเส. เหฏฺุปริยวเสนาติ เหฏฺา จ อุปริ จ ปริวตฺตมานวเสน, อปราปรํ ภวงฺคุปฺปตฺติวเสนาติ อตฺโถ. ตถา ภวงฺคุปฺปาทวเสน หิ เตสํ ภิชฺชิตฺวา ปตนํ, อิมินา ปน เหฏฺิมสฺส, อุปริมสฺส จ ภวงฺคสฺส อปราปรุปฺปตฺติวเสน ปฺจทฺวาริกชวนโต วิสทิสสฺส มโนทฺวาริกชวนสฺส อุปฺปาทํ ทสฺเสติ ตสฺส วเสเนว รชฺชนาทิปวตฺตนโต. เตเนวาห ‘‘รชฺชนาทิวเสน อาโลกิตวิโลกิตํ โหตี’’ติ.
อาปาถนฺติ โคจรภาวํ. สกกิจฺจนิปฺผาทนวเสนาติ อาวชฺชนาทิกิจฺจนิปฺผาทนวเสน. ตนฺติ ชวนํ. จกฺขุทฺวาเร รูปสฺส อาปาถคมเนน อาวชฺชนาทีนํ ปวตฺตนโต ปวตฺติการณวเสเนว ‘‘เคหภูเต’’ติ วุตฺตํ, น นิสฺสยวเสน. อาคนฺตุกปุริโส วิยาติ อพฺภาคตปุริโส วิย. ทุวิธา หิ อาคนฺตุกา อติถิอพฺภาคตวเสน. ตตฺถ กตปริจโย ‘‘อติถี’’ติ วุจฺจติ, อกตปริจโย ‘‘อพฺภาคโต’’ติ, อยเมวิธาธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘ยถา ปรเคเห’’ติอาทิ ¶ . ตสฺสาติ ชวนสฺส รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนํ อยุตฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. อาสิเนสูติ นิสินฺเนสุ. อาณากรณนฺติ อตฺตโน วสกรณํ.
สทฺธึ สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ ผสฺสาทีหิ. ตตฺถ ตตฺเถว สกกิจฺจนิปฺผาทนฏฺาเน ภิชฺชนฺติ. อิตีติ ตสฺมา อาวชฺชนาทิโวฏฺพฺพนปริโยสานานํ ภิชฺชนโต. อิตฺตรานีติ อจิรฏฺิติกานิ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วจเน อยํ อุปมาติ อตฺโถ. อุทยพฺพยปริจฺฉินฺโน ตาว ตตฺตโก กาโล เอเตสนฺติ ตาวกาลิกานิ, ตสฺส ภาโว, ตํวเสน.
เอตนฺติ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. เอตฺถาติ เอตสฺมึ ยถาวุตฺตธมฺมสมุทาเย. ทสฺสนํ จกฺขุวิฺาณํ, ตสฺส วเสเนว อาโลกนวิโลกนปฺายนโต อาวชฺชนาทีนมคฺคหณํ.
สมวาเยติ สามคฺคิยํ. ตตฺถาติ ปฺจกฺขนฺธวเสน อาโลกนวิโลกน ปฺายมาเน. นิมิตฺตตฺเถ เจตํ ภุมฺมํ, ตพฺพินิมุตฺตโก โก เอโก ¶ อาโลเกติ น ตฺเวว อาโลเกติ. โก จ เอโก วิโลเกติ นตฺเวว วิโลเกตีติ อตฺโถ.
‘‘ตถา’’ติอาทิ อายตนวเสน, ธาตุวเสน จ ทสฺสนํ. จกฺขุรูปานิ ยถารหํ ทสฺสนสฺส นิสฺสยารมฺมณปจฺจโย, ตถา อาวชฺชนา อนนฺตราทิปจฺจโย, อาโลโก อุปนิสฺสยปจฺจโยติ ทสฺสนสฺส สุตฺตนฺตนเยน ปริยายโต ปจฺจยตา วุตฺตา. สหชาตปจฺจโยปิ ทสฺสนสฺเสว, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อฺมฺสมฺปยุตฺตอตฺถิอวิคตาทิปจฺจยานมฺปิ ลพฺภนโต, ‘‘สหชาตาทิปจฺจยา’’ติปิ อธุนา ปาโ ทิสฺสติ. ‘‘เอว’’นฺติอาทิ นิคมนํ.
อิทานิ ยถาปาํ สมิฺชนปสารเณสุ สมฺปชานํ วิภาเวนฺโต ‘‘สมิฺชิเต ปสาริเต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปพฺพานนฺติ ปพฺพภูตานํ. ตํสมิฺชนปสารเณเนว หิ สพฺเพสํ หตฺถปาทานํ สมิฺชนปสารณํ โหติ, ปพฺพเมเตสนฺติ วา ปพฺพา ยถา ‘‘สทฺโธ’’ติ, ปพฺพวนฺตานนฺติ อตฺโถ. จิตฺตวเสเนวาติ จิตฺตรุจิยา เอว, จิตฺตสามตฺถิยา วา. ยํ ยํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ สาตฺเถปิ อนตฺเถปิ สมิฺชิตุํ, ปสาริตุํ วา, ตํตํจิตฺตานุคเตเนว สมิฺชนปสารณมกตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถาติ สมิฺชนปสารเณสุ อตฺถานตฺถปริคฺคณฺหนํ เวทิตพฺพนฺติ สมฺพนฺโธ. ขเณ ขเณติ ตถา ิตกฺขณสฺส พฺยาปนิจฺฉาวจนํ. เวทนาติ สนฺถมฺภนาทีหิ รุชฺชนา. ‘‘เวทนา อุปฺปชฺชตี’’ติอาทินา ปรมฺปรปโยชนํ ทสฺเสติ. ตถา ‘‘ตา เวทนา ¶ นุปฺปชฺชนฺตี’’ติอาทินาปิ. ปุริมํ ปุริมฺหิ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส การณวจนํ. กาเลติ สมิฺชิตุํ, ปสาริตุํ วา ยุตฺตกาเล. ผาตินฺติ วุทฺธึ. ฌานาทิ ปน วิเสโส.
ตตฺรายํ นโยติ สปฺปายาสปฺปายอปริคฺคณฺหเน วตฺถุสนฺทสฺสนสํงฺขาโต นโย. ตทปริคฺคหเณ อาทีนวทสฺสเนเนว ปริคฺคหเณปิ อานิสํโส วิภาวิโตติ เตสมิธ อุทาหรณํ เวทิตพฺพํ. มหาเจติยงฺคเณติ ทุฏฺคามณิรฺา กตสฺส เหมมาลีนามกสฺส มหาเจติยสฺส องฺคเณ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ทีปปฺปสาทโก เถโร, ราชิโน อยฺยกสฺส เม;
เอวํ กิราห นตฺตา เต, ทุฏฺคามณิ ภูปติ.
มหาปฺุโ ¶ มหาถูปํ, โสณฺณมาลึ มโนรมํ;
วีสํ หตฺถสตํ อุจฺจํ, กาเรสฺสติ อนาคเต’’ติ.
ภูมิปฺปเทโส เจตฺถ องฺคณํ ‘‘อุทงฺคเณ ตตฺถ ปปํ อวินฺทุ’’นฺติอาทิสุ (ชา. ๑.๑.๒) วิย, ตสฺมา อุปจารภูเต สุสงฺขเต ภูมิปฺปเทเสติ อตฺโถ. เตเนว การเณน คิหี ชาโตติ กายสํสคฺคสมาปชฺชนเหตุนา อุกฺกณฺิโต หุตฺวา หีนายาวตฺโต. ฌายีติ ฌายนํ ฑยฺหนมาปชฺชิ. มหาเจติยงฺคเณปิ จีวรกุฏึ กตฺวา ตตฺถ สชฺฌายํ คณฺหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘จีวรกุฏิทณฺฑเก’’ติ, จีวรกุฏิยา จีวรฉทนตฺถาย กตทณฺฑเกติ อตฺโถ. ‘‘มณิสปฺโป นาม สีหฬทีเป วิชฺชมานา เอกา สปฺปชาตีติ วทนฺตี’’ติ อาจริยานนฺทตฺเถเรน, (วิภ. มูลฏี. ๒๔๒) อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๔) จ วุตฺตํ. ‘‘เกจิ, อปเร, อฺเ’’ติ วา อวตฺวา ‘‘วทนฺติ’’จฺเจว วจนฺจ สารโต คเหตพฺพตาวิฺาปนตฺถํ อฺถา คเหตพฺพสฺส อวจนโต, ตสฺมา น นีลสปฺปาทิ อิธ ‘‘มณิสปฺโป’’ติ เวทิตพฺโพ.
มหาเถรวตฺถุนาติ เอวํนามกสฺส เถรสฺส วตฺถุนา. อนฺเตวาสิเกหีติ ตตฺถ นิสินฺเนสุ พหูสุ อนฺเตวาสิเกสุ เอเกน อนฺเตวาสิเกน. เตนาห ‘‘ตํ อนฺเตวาสิกา ปุจฺฉึสู’’ติ. กมฺมฏฺานนฺติ ‘‘อพฺภนฺตเร อตฺตา นามา’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๔) วกฺขมานปฺปการํ ธาตุกมฺมฏฺานํ. ปกรณโตปิ หิ อตฺโถ วิฺายตีติ. ตตฺถ ิตานํ ปุจฺฉนฺตานํ สงฺคหณวเสน ‘‘ตุมฺเหหี’’ติ ปุน ปุถุวจนกรณํ. เอวํ รูปํ สภาโว ยสฺสาติ เอวรูโป นิคฺคหิตโลปวเสน เตน ¶ , กมฺมฏฺานมนสิการสภาเวนาติ อตฺโถ. เอวเมตฺถาปีติ อปิ-สทฺเทน เหฏฺา วุตฺตํ อาโลกิตวิโลกิตปกฺขมเปกฺขนํ กโรติ. อยํ นโย อุปริปิ.
สุตฺตากฑฺฒนวเสนาติ ยนฺเต โยชิตสุตฺตานํ อาวิฺฉนวเสน. ทารุยนฺตสฺสาติ ทารุนา กตยนฺตรูปสฺส. ตํ ตํ กิริยํ ยาติ ปาปุณาติ, หตฺถปาทาทีหิ วา ตํ ตํ อาการํ กุรุมานํ ยาติ คจฺฉตีติ ยนฺตํ, นฏกาทิปฺจาลิการูปํ, ทารุนา กตํ ยนฺตํ ตถา, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ. ตถา หิ นํ โปตฺเถน วตฺเถน อลงฺกริยตฺตา โปตฺถลิกา, ปฺจ องฺคานิ ยสฺสา สชีวสฺเสวาติ ปฺจาลิกาติ จ โวหรนฺติ. หตฺถปาทลฬนนฺติ หตฺถปาทานํ กมฺปนํ, หตฺถปาเทหิ วา ลีฬากรณํ.
สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณติ ¶ เอตฺถ สงฺฆาฏิจีวรานํ สมานธารณตาย เอกโตทสฺสนํ คนฺถครุตาปนยนตฺถํ, อนฺตรวาสกสฺส นิวาสนวเสน, เสสานํ ปารุปนวเสนาติ ยถารหมตฺโถ. ตตฺถาติ สงฺฆาฏิจีวรธารณปตฺตธารเณสุ. วุตฺตปฺปกาโรติ ปจฺจเวกฺขณวิธินา สุตฺเต วุตฺตปฺปเภโท.
อุณฺหปกติกสฺสาติ อุณฺหาลุกสฺส ปริฬาหพหุลกายสฺส. สีตาลุกสฺสาติ สีตพหุลกายสฺส. ฆนนฺติ อปฺปิตํ. ทุปฏฺฏนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ. ‘‘อุตุทฺธฏานํ ทุสฺสานํ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ, ทิคุณํ อุตฺตราสงฺคํ, ทิคุณํ อนฺตรวาสกํ, ปํสุกูเล ยาวทตฺถ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) หิ วุตฺตํ. วิปรีตนฺติ ตทุภยโต วิปรีตํ, เตสํ ติณฺณมฺปิ อสปฺปายํ. กสฺมาติ อาห ‘‘อคฺคฬาทิทาเนนา’’ติอาทิ. อุทฺธริตฺวา อลฺลียาปนขณฺฑํ อคฺคฬํ. อาทิสทฺเทน ตุนฺนกมฺมาทีนิ สงฺคณฺหาติ. ตถา-สทฺโท อนุกฑฺฒนตฺโถ, อสปฺปายเมวาติ. ปฏฺฏุณฺณเทเส ปาณเกหิ สฺชาตวตฺถํ ปฏฺฏุณฺณํ. วากวิเสสมยํ เสตวณฺณํ ทุกูลํ. อาทิสทฺเทน โกเสยฺยกมฺพลาทิกํ สานุโลมํ กปฺปิยจีวรํ สงฺคณฺหาติ. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘ตาทิสฺหี’’ติอาทิ. อรฺเ เอกกสฺส นิวาสนฺตรายกรนฺติ พฺรหฺมจริยนฺตราเยกเทสมาห. โจราทิสาธารณโต จ ตถา วุตฺตํ. นิปฺปริยาเยน ตํ อสปฺปายนฺติ สมฺพนฺโธ. อเนเนว ยถาวุตฺตมสปฺปายํ อเนกนฺตํ ตถารูปปจฺจเยน กสฺสจิ กทาจิ สปฺปายสมฺภวโต. อิทํ ปน ทฺวยํ เอกนฺตเมว อสปฺปายํ กสฺสจิ กทาจิปิ สปฺปายาภาวโตติ ทสฺเสติ. มิจฺฉา อาชีวนฺติ เอเตนาติ มิจฺฉาชีโว, อเนสนวเสน ปจฺจยปริเยสนปโยโค. นิมิตฺตกมฺมาทีหิ ปวตฺโต มิจฺฉาชีโว ตถา, เอเตน เอกวีสติวิธํ อเนสนปโยคมาห. วุตฺตฺหิ สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ ขุทฺทกปาฏฺกถายฺจ เมตฺตสุตฺตวณฺณนายํ –
‘‘โย อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ น สมฺมา ปโยเชติ, ขณฺฑสีโล โหติ ¶ , เอกวีสติวิธํ อเนสนํ นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปติ. เสยฺยถิทํ? เวฬุทานํ, ปตฺตทานํ, ปุปฺผ, ผล, ทนฺตกฏฺ, มุโขทก, สินาน, จุณฺณ, มตฺติกาทานํ, จาฏุกมฺยตํ, มุคฺคสูปฺยตํ, ปาริภฏุตํ, ชงฺฆเปสนิกํ, เวชฺชกมฺมํ, ทูตกมฺมํ, ปหิณคมนํ, ปิณฺฑปฏิปิณฺฑํ, ทานานุปฺปทานํ, วตฺถุวิชฺชํ, นกฺขตฺตวิชฺชํ, องฺควิชฺช’’นฺติ.
อภิธมฺมฏีกากาเรน ปน ¶ อาจริยานนฺทตฺเถเรน เอวํ วุตฺตํ –
‘‘เอกวีสติ อเนสนา นาม เวชฺชกมฺมํ กโรติ, ทูตกมฺมํ กโรติ, ปหิณกมฺมํ กโรติ, คณฺฑํ ผาเลติ, อรุมกฺขนํ เทติ, อุทฺธํวิเรจนํ เทติ, อโธวิเรจนํ เทติ, นตฺถุเตลํ ปจติ, วณเตลํ ปจติ, เวฬุทานํ เทติ, ปตฺต, ปุปฺผ, ผล, สินาน, ทนฺตกฏฺ, มุโขทก, จุณฺณ, มตฺติกาทานํ เทติ, จาฏุกมฺมํ กโรติ, มุคฺคสูปิยํ, ปาริภฏุํ, ชงฺฆเปสนิกํ ทฺวาวีสติมํ ทูตกมฺเมน สทิสํ, ตสฺมา เอกวีสตี’’ติ (ธ. ส. มูลฏี. ๑๕๐-๕๑).
อฏฺกถาวจนฺเจตฺถ พฺรหฺมชาลาทิสุตฺตนฺตนเยน วุตฺตํ, ฏีกาวจนํ ปน ขุทฺทกวตฺถุวิภงฺคาทิอภิธมฺมนเยน, อโต เจตฺถ เกสฺจิ วิสมตาติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. อปิจ ‘‘นิมิตฺตกมฺมาที’’ติ อิมินา นิมิตฺโตภาสปริกถาโย วุตฺตา. ‘‘มิจฺฉาชีโว’’ติ ปน ยถาวุตฺตปโยโค, ตสฺมา นิมิตฺตกมฺมฺจ มิจฺฉาชีโว จ, ตพฺพเสน อุปฺปนฺนํ อสปฺปายํ สีลวินาสเนน อนตฺถาวหตฺตาติ อตฺโถ. สมาหารทฺวนฺเทปิ หิ กตฺถจิ ปุลฺลิงฺคปโยโค ทิสฺสติ ยถา ‘‘จิตฺตุปฺปาโท’’ติ. อติรุจิเย ราคาทโย, อติอรุจิเย จ โทสาทโยติ อาห ‘‘อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺตี’’ติ. ตนฺติ ตทุภยํ. กมฺมฏฺานาวิชหนวเสนาติ วกฺขมานกมฺมฏฺานสฺส อวิชหนวเสน.
‘‘อพฺภนฺตเร อตฺตา นามา’’ติอาทินา สงฺเขปโต อสมฺโมหสมฺปชฺํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตตฺถ จีวรมฺปิ อเจตน’’นฺติอาทินา จีวรสฺส วิย ‘‘กาโยปิ อเจตโน’’ติ กายสฺส อตฺตสฺุตาวิภาวเนน ตมตฺถํ ปริทีเปนฺโต ‘‘ตสฺมา เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตสฺส อิตรีตรสนฺโตสสฺส การณํ วิภาเวตีติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ สมฺพนฺโธ วตฺตพฺโพ – อสมฺโมหสมฺปชฺํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทิมาห. อตฺตสฺุตาวิภาวเนน ปน ตทตฺถํ ปริทีปิตุํ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ จีวร’’นฺติอาทิ. อิทานิ อตฺตสฺุตาวิภาวนสฺส ปโยชนภูตํ อิตรีตรสนฺโตสสงฺขาตํ ลทฺธคุณํ ปกาเสนฺโต อาห ‘‘ตสฺมา เนว สุนฺทร’’นฺติอาทีติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อพฺภนฺตเรติ อตฺตโน สนฺตาเน. ตตฺถาติ ตสฺมึ จีวรปารุปเน. เตสุ วา ปารุปกตฺตปารุปิตพฺพจีวเรสุ. กาโยปีติ อตฺตปฺตฺติมตฺโต กาโยปิ. ‘‘ตสฺมา’’ติ อชฺฌาหริตพฺพํ, อเจตนตฺตาติ อตฺโถ. อหนฺติ กมฺมภูโต กาโย. ธาตุโยติ จีวรสงฺขาโต พาหิรา ธาตุโย. ธาตุสมูหนฺติ กายสงฺขาตํ อชฺฌตฺติกํ ธาตุสมูหํ. โปตฺถกรูปปฏิจฺฉาทเน ธาตุโย ธาตุสมูหํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ วิยาติ สมฺพนฺโธ. ปุสนํ สฺเนหเสจนํ, ปูรณํ วา โปตฺถํ, เลปนขนนกิริยา, เตน กตนฺติ โปตฺถกํ, ตเมว รูปํ ตถา, ขนนกมฺมนิพฺพตฺตํ ทารุมตฺติกาทิรูปมิธาธิปฺเปตํ. ตสฺมาติ อเจตนตฺตา, อตฺตสฺุภาวโต วา.
นาคานํ นิวาโส วมฺมิโก นาควมฺมิโก. จิตฺตีกรณฏฺานภูโต รุกฺโข เจติยรุกฺโข. เกหิจิ สกฺกตสฺสาปิ เกหิจิ อสกฺกตสฺส กายสฺส อุปมานภาเวน โยคฺยตฺตา เตสมิธ กถนํ. เตหีติ มาลาคนฺธคูถมุตฺตาทีหิ. อตฺตสฺุตาย นาควมฺมิกเจติยรุกฺขาทีหิ วิย กายสงฺขาเตน อตฺตนา โสมนสฺสํ วา โทมนสฺสํ วา น กาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ.
‘‘ลภิสฺสามิ วา, โน วา’’ติ ปจฺจเวกฺขณปุพฺพเกน ‘‘ลภิสฺสามี’’ติ อตฺถสมฺปสฺสเนเนว คเหตพฺพํ. เอวฺหิ สาตฺถกสมฺปชฺํ ภวตีติ อาห ‘‘สหสาว อคฺคเหตฺวา’’ติอาทิ.
ครุปตฺโตติ อติภารภูโต ปตฺโต. จตฺตาโร วา ปฺจ วา คณฺิกา จตุปฺจคณฺิกา ยถา ‘‘ทฺวตฺติปตฺตา (ปาจิ. ๒๓๒), ฉปฺปฺจวาจา’’ติ (ปาจิ. ๖๑) อฺปทภูตสฺส หิ วา-สทฺทสฺเสว อตฺโถ อิธ ปธาโน จตุคณฺิกาหโต วา ปฺจคณฺิกาหโต วา ปตฺโต ทุพฺพิโสธนีโยติ วิกปฺปนวเสน อตฺถสฺส คยฺหมานตฺตา. อาหตา จตุปฺจคณฺิกา ยสฺสาติ จตุปฺจคณฺิกาหโต ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ, จตุปฺจคณฺิกาหิ วา อาหโต ตถา, ทุพฺพิโสธนียภาวสฺส เหตุคพฺภวจนฺเจตํ. กามฺจอูนปฺจพนฺธนสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๑๒) ปฺจคณฺิกาหโตปิ ปตฺโต ปริภฺุชิตพฺพภาเวน วุตฺโต, ทุพฺพิโสธนียตามตฺเตน ปน ปลิโพธกรณโต อิธ อสปฺปาโยติ ทฏฺพฺพํ. ทุทฺโธตปตฺโตติ อคณฺิกาหตมฺปิ ปกติยาว ทุพฺพิโสธนียปตฺตํ สนฺธายาห. ‘‘ตํ โธวนฺตสฺเสวา’’ติอาทิ ตทุภยสฺสาปิ ¶ อสปฺปายภาเว การณํ. ‘‘มณิวณฺณปตฺโต ปน โลภนีโย’’ติ อิมินา กิฺจาปิ โส วินยปริยาเยน กปฺปิโย, สุตฺตนฺตปริยาเยน ปน อนฺตรายกรณโต อสปฺปาโยติ ทสฺเสติ. ‘‘ปตฺตํ ภมํ อาโรเปตฺวา มชฺชิตฺวา ปจนฺติ ‘มณิวณฺณํ กริสฺสามา’ติ, น วฏฺฏตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๑.ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย) หิ วินยฏฺกถาสุ ปจนกิริยามตฺตเมว ปฏิกฺขิตฺตํ. ตถา หิ วทนฺติ ¶ ‘‘มณิวณฺณํ ปน ปตฺตํ อฺเน กตํ ลภิตฺวา ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๒.๘๕) ‘‘ตาทิสฺหิ อรฺเ เอกกสฺส นิวาสนฺตรายกร’’นฺติอาทินา จีวเร วุตฺตนเยน ‘‘นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ลทฺโธ ปน เอกนฺตอกปฺปิโย สีลวินาสเนน อนตฺถาวหตฺตา’’ติอาทินา อมฺเหหิ วุตฺตนโยปิ ยถารหํ เนตพฺโพ. เสวมานสฺสาติ เหตฺวนฺโต คธวจนํ อภิวฑฺฒนปริหายนสฺส.
‘‘อพฺภนฺตเร’’ติอาทิ สงฺเขโป. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อตฺตสฺุตาวิภาวเนน วิตฺถาโร. สณฺฑาเสนาติ กมฺมารานํ อโยคหณวิเสเสน. อคฺคิวณฺณปตฺตคฺคหเณติ อคฺคินา ฌาปิตตฺตา อคฺคิวณฺณภูตปตฺตสฺส คหเณ. ราคาทิปริฬาหชนกปตฺตสฺส อีทิสเมว อุปมานํ ยุตฺตนฺติ เอวํ วุตฺตํ.
‘‘อปิจา’’ติอาทินา สงฺฆาฏิจีวรปตฺตธารเณสุ เอกโต อสมฺโมหสมฺปชฺํ ทสฺเสติ. ฉินฺนหตฺถปาเท อนาถมนุสฺเสติ สมฺพนฺโธ. นีลมกฺขิกา นาม อาสาฏิกการิกา. ควาทีนฺหิ วเณสุ นีลมกฺขิกาหิ กตา อนยพฺยสนเหตุภูตา อณฺฑกา อาสาฏิกา นาม วุจฺจติ. อนาถสาลายนฺติ อนาถานํ นิวาสสาลายํ. ทยาลุกาติ กรุณาพหุลา. วณมตฺตโจฬกานีติ วณปฺปมาเณน ปฏิจฺฉาทนตฺถาย ฉินฺนโจฬขณฺฑกานิ. เกสฺจีติ พหูสุ เกสฺจิ อนาถมนุสฺสานํ. ถูลานีติ ถทฺธานิ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปาปุณเน, ภาวลกฺขเณ, นิมิตฺเต วา เอตํ ภุมฺมํ. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘วณปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนวา’’ติอาทิ. โจฬเกน, กปาเลนาติ จ อตฺถโยเค กมฺมตฺเถ ตติยา, กรณตฺเถ วา. วณปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนว เภสชฺชกรณมตฺเตเนวาติ ปน วิเสสนํ, น ปน มณฺฑนานุภวนาทิปฺปกาเรน อตฺโถติ. สงฺขารทุกฺขตาทีหิ นิจฺจาตุรสฺส กายสฺส ปริโภคภูตานํ ปตฺตจีวรานํ เอทิสเมว อุปมานมุปปนฺนนฺติ ตถา วจนํ ทฏฺพฺพํ. สุขุมตฺตสลฺลกฺขเณน อุตฺตมสฺส สมฺปชานสฺส กรณสีลตฺตา, ปุริเมหิ จ สมฺปชานการีหิ อุตฺตมตฺตา อุตฺตมสมฺปชานการี.
อสนาทิกิริยาย ¶ กมฺมวิเสสโยคโต อสิตาทิปเทเหว กมฺมวิเสสสหิโต กิริยาวิเสโส วิฺายตีติ วุตฺตํ ‘‘อสิเตติ ปิณฺฑปาตโภชเน’’ติอาทิ. อฏฺวิโธปิ อตฺโถติ อฏฺปฺปกาโรปิ ปโยชนวิเสโส.
ตตฺถ ปิณฺฑปาตโภชนาทีสุ อตฺโถ นาม อิมินา มหาสิวตฺเถรวาทวเสน ‘‘อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๑๒๐; อ. นิ. ๖.๕๘; ๘.๙; ธ. ส. ๑๓๕๕; มหานิ. ๒๐๖) สุตฺเต ¶ วุตฺตํ อฏฺวิธมฺปิ ปโยชนํ ทสฺเสติ. มหาสิวตฺเถโร (ธ. ส. ๑.๑๓๕๕) หิ ‘‘เหฏฺา จตฺตาริ องฺคานิ ปฏิกฺเขโป นาม, อุปริ ปน อฏฺงฺคานิ ปโยชนวเสน สโมธาเนตพฺพานี’’ติ วทติ. ตตฺถ ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติ เอกมงฺคํ, ‘‘ยาปนายา’’ติ เอกํ, ‘‘วิหึสูปรติยา’’ติ เอกํ, ‘‘พฺรหฺมจริยานุคฺคหายา’’ติ เอกํ, ‘‘อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามี’’ติ เอกํ, ‘‘นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ เอกํ, ‘‘ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตี’’ติ เอกํ, ‘‘อนวชฺชตา จา’’ติ เอกํ, ผาสุวิหาโร ปน โภชนานิสํสมตฺตนฺติ เอวํ อฏฺ องฺคานิ ปโยชนวเสน สโมธาเนตพฺพานิ. อฺถา ปน ‘‘เนว ทวายา’’ติ เอกมงฺคํ, ‘‘น มทายา’’ติ เอกํ, ‘‘น มณฺฑนายา’’ติ เอกํ, ‘‘น วิภูสนายา’’ติ เอกํ, ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนายา’’ติ เอกํ, ‘‘วิหึสูปรติยา พฺรหฺมจริยานุคฺคหายา’’ติ เอกํ, ‘‘อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ, นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ เอกํ, ‘‘ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสตี’’ติ เอกํ, ‘‘อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จา’’ติ ปน โภชนานิสํสมตฺตนฺติ วุตฺตานิ อฏฺงฺคานิ อิธานธิปฺเปตานิ. กสฺมาติ เจ? ปโยชนานเมว อภาวโต, เตสเมว จ อิธ อตฺถสทฺเทน วุตฺตตฺตา. นนุ จ ‘‘เนวทวายาติอาทินา นเยน วุตฺโต’’ติ มริยาทวจเนน ทุติยนยสฺเสว อิธาธิปฺเปตภาโว วิฺายตีติ? น, ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทินา ปฏิกฺเขปงฺคทสฺสนมุเขน ปจฺจเวกฺขณปาฬิยา เทสิตตฺตา, ยถาเทสิตตนฺติกฺกมสฺเสว มริยาทภาเวน ทสฺสนโต. ปากฺกเมเนว หิ ‘‘เนว ทวายาติอาทินา นเยนา’’ติ วุตฺตํ, น อตฺถกฺกเมน, เตน ปน ‘‘อิมสฺส กายสฺส ิติยาติอาทินา นเยนา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ.
ติธา ¶ เทนฺเต ทฺวิธา คาหํ สนฺธาย ‘‘ปฏิคฺคหณํ นามา’’ติ วุตฺตํ, โภชนาทิคหณตฺถาย หตฺถโอตารณํ ภฺุชนาทิอตฺถาย อาโลปกรณนฺติอาทินา อนุกฺกเมน ภฺุชนาทิปโยโค วาโยธาตุวเสเนว วิภาวิโต. วาโยธาตุวิปฺผาเรเนวาติ เอตฺถ เอว-สทฺเทน นิวตฺเตตพฺพํ ทสฺเสติ ‘‘น โกจี’’ติอาทินา. กฺุจิกา นาม อวาปุรณํ, ยํ ‘‘ตาโฬ’’ติปิ วทนฺติ. ยนฺตเกนาติ จกฺกยนฺตเกน. ยตติ อุคฺฆาฏนนิคฺฆาฏนอุกฺขิปนนิกฺขิปนาทีสุ วายมติ เอเตนาติ หิ ยนฺตกํ. สฺจุณฺณกรณํ มุสลกิจฺจํ. อนฺโตกตฺวา ปติฏฺาปนํ อุทุกฺขลกิจฺจํ. อาโลฬิตวิโลฬิตวเสน ปริวตฺตนํ หตฺถกิจฺจํ. อิตีติ เอวํ. ตตฺถาติ หตฺถกิจฺจสาธเน, ภาวลกฺขเณ, นิมิตฺเต วา ภุมฺมํ. ตนุกเขโฬติ ปสนฺนเขโฬ. พหลเขโฬติ อาวิลเขโฬ. ชิวฺหาสงฺขาเตน หตฺเถน อาโลฬิตวิโลฬิตวเสน อิโต จิโต จ ปริวตฺตกํ ชิวฺหาหตฺถปริวตฺตกํ. กฏจฺฉุ, ทพฺพีติ กตฺถจิ ปริยายวจนํ. ‘‘ปุเม กฏจฺฉุ ทพฺพิตฺถี’’ติ หิ วุตฺตํ. อิธ ปน เยน โภชนาทีนิ อนฺโตกตฺวา คณฺหาติ, โส กฏจฺฉุ, ยาย ปน เตสมุทฺธรณาทีนิ กโรติ, สา ¶ ทพฺพีติ เวทิตพฺพํ. ปลาลสนฺถารนฺติ ปติฏฺานภูตํ ปลาลาทิสนฺถารํ. นิทสฺสนมตฺตฺเหตํ. ธาเรนฺโตติ ปติฏฺานภาเวน สมฺปฏิจฺฉนฺโต. ปถวีสนฺธารกชลสฺส ตํสนฺธารกวายุนา วิย ปริภุตฺตาหารสฺส วาโยธาตุนาว อามาสเย อวฏฺานนฺติ ทสฺเสติ ‘‘วาโยธาตุวเสเนว ติฏฺตี’’ติ อิมินา. ตถา ปริภุตฺตฺหิ อาหารํ วาโยธาตุ เหฏฺา จ ติริยฺจ ฆนํ ปริวฏุมํ กตฺวา ยาว ปกฺกา สนฺนิรุชฺฌนวเสน อามาสเย ปติฏฺิตํ กโรตีติ. อุทฺธนํ นาม ยตฺถ อุกฺขลิยาทีนิ ปติฏฺาเปตฺวา ปจนฺติ, ยา ‘‘จุลฺลี’’ติปิ วุจฺจติ. รสฺสทณฺโฑ ทณฺฑโก. ปโตโท ยฏฺิ. อิตีติ วุตฺตปฺปการมติทิสติ. วุตฺตปฺปการสฺเสว หิ ธาตุวเสน วิภาวนา. ตตฺถ อติหรตีติ ยาว มุขา อภิหรติ. วีติหรตีติ ตโต กุจฺฉิยํ วิมิสฺสํ กโรนฺโต หรตี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๔) อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร, อาจริยานนฺทตฺเถโร ปน ‘‘ตโต ยาว กุจฺฉิ, ตาว หรตี’’ติ (วิภ. มูลฏี. ๕๒๓) อาห. ตทุภยมฺปิ อตฺถโต เอกเมว อุภยตฺถาปิ กุจฺฉิสมฺพนฺธมตฺตํ หรณสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา.
อปิจ อติหรตีติ มุขทฺวารํ อติกฺกาเมนฺโต หรติ. วีติหรตีติ กุจฺฉิคตํ ปสฺสโต หรติ. ธาเรตีติ อามาสเย ปติฏฺิตํ กโรติ ¶ . ปริวตฺเตตีติ อปราปรํ ปริวตฺตนํ กโรติ. สฺจุณฺเณตีติ มุสเลน วิย สฺจุณฺณนํ กโรติ. วิโสเสตีติ วิโสสนํ นาติสุกฺขํ กโรติ. นีหรตีติ กุจฺฉิโต พหิ นิทฺธาเรติ. ปถวีธาตุกิจฺเจสุปิ ยถาวุตฺโตเยว อตฺโถ. ตานิ ปน อาหารสฺส ธารณปริวตฺตนสฺจุณฺณนวิโสสนานิ ปถวีสหิตา เอว วาโยธาตุ กาตุํ สกฺโกติ, น เกวลา, ตสฺมา ตานิ ปถวีธาตุยาปิ กิจฺจภาเวน วุตฺตานิ. สิเนเหตีติ เตเมติ. อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลตีติ ยถา วาโยธาตุอาทีหิ อติวิย โสสนํ น โหติ, ตถา อลฺลภาวฺจ นาติอลฺลตากรณวเสน อนุปาเลติ. อฺชโสติ อาหารสฺส ปวิสนปริวตฺตนนิกฺขมนาทีนํ มคฺโค. วิฺาณธาตูติ มโนวิฺาณธาตุ ปริเยสนชฺโฌหรณาทิวิชานนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ปริเยสนชฺโฌหรณาทิกิจฺเจ. ตํตํวิชานนสฺส ปจฺจยภูโต ตํนิปฺผาทโกเยว ปโยโค สมฺมาปโยโค นาม. เยน หิ ปโยเคน ปริเยสนาทิ นิปฺผชฺชติ,. โส ตพฺพิสยวิชานนมฺปิ นิปฺผาเทติ นาม ตทวินาภาวโต. ตมนฺวาย อาคมฺมาติ อตฺโถ. อาภุชตีติ ปริเยสนวเสน, อชฺฌาหรณชิณฺณาชิณฺณตาทิปฏิสํเวทนวเสน จ ตานิ ปริเยสนชฺโฌหรณชิณฺณาชิณฺณตาทีนิ อาวชฺเชติ วิชานาติ. อาวชฺชนปุพฺพกตฺตา วิชานนสฺส วิชานนมฺเปตฺถ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา สมฺมาปโยโค นาม สมฺมาปฏิปตฺติ. ตมนฺวาย อาคมฺม. ‘‘อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ภฺุชนโก นตฺถี’’ติอาทินา อาภุชติ สมนฺนาหรติ, วิชานาตีติ อตฺโถ. อาโภคปุพฺพโก หิ สพฺโพ วิฺาณพฺยาปาโรติ ‘‘อาภุชติ’’จฺเจว วุตฺตํ.
คมนโตติ ¶ ภิกฺขาจารวเสน โคจรคามํ อุทฺทิสฺส คมนโต. ปจฺจาคมนมฺปิ คมนสภาวตฺตา อิมินาว สงฺคหิตํ. ปริเยสนโตติ โคจรคาเม ภิกฺขาย อาหิณฺฑนโต. ปริเยสนสภาวตฺตา อิมินาว ปฏิกฺกมนสาลาทิอุปสงฺกมนมฺปิ สงฺคหิตํ. ปริโภคโตติ ทนฺตมุสเลหิ สฺจุณฺเณตฺวา ชิวฺหาย สมฺปริวตฺตนกฺขเณเยว อนฺตรหิตวณฺณคนฺธสงฺขารวิเสสํ สุวานโทณิยํ สุวานวมถุ วิย ปรมเชคุจฺฉํ อาหารํ ปริภฺุชนโต. อาสยโตติ เอวํ ปริภุตฺตสฺส อาหารสฺส ปิตฺตเสมฺหปุพฺพโลหิตาสยภาวูปคมเนน ปรมชิคุจฺฉนเหตุภูตโต อามาสยสฺส อุปริ ปติฏฺานกปิตฺตาทิจตุพฺพิธาสยโต. อาสยติ เอกชฺฌํ ปวตฺตมาโนปิ ¶ กมฺมพลววตฺถิโต หุตฺวา มริยาทวเสน อฺมฺํ อสงฺกรโต ติฏฺติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ หิ อาสโย, อามาสยสฺส อุปริ ปติฏฺานโก ปิตฺตาทิ จตุพฺพิธาสโย. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร. นิธานโตติ อามาสยโต. นิเธติ ยถาภุตฺโต อาหาโร นิจิโต หุตฺวา ติฏฺติ เอตฺถาติ หิ อามาสโย ‘‘นิธาน’’นฺติ วุจฺจติ. อปริปกฺกโตติ ภุตฺตาหารปริปาจเนน คหณีสงฺขาเตน กมฺมชเตชสา อปริปากโต. ปริปกฺกโตติ ยถาวุตฺตกมฺมชเตชสาว ปริปากโต. ผลโตติ นิปฺผตฺติโต, สมฺมาปริปจฺจมานสฺส, อสมฺมาปริปจฺจมานสฺส จ ภุตฺตาหารสฺส ยถากฺกมํ เกสาทิกุณปททฺทุอาทิโรคาภินิปฺผตฺติสงฺขาตปโยชนโตติ วา อตฺโถ. ‘‘อิทมสฺส ผล’’นฺติ หิ วุตฺตํ. นิสฺสนฺทนโตติ อกฺขิกณฺณาทีสุ อเนกทฺวาเรสุ อิโต จิโต จ วิสฺสนฺทนโต. วุตฺตฺหิ –
‘‘อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, โภชนฺจ มหารหํ;
เอกทฺวาเรน ปวิสิตฺวา, นวทฺวาเรหิ สนฺทตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๓);
สมฺมกฺขนโตติ หตฺถโอฏฺาทิองฺเคสุ นวสุ ทฺวาเรสุ ปริโภคกาเล, ปริภุตฺตกาเล จ ยถารหํ สพฺพโส มกฺขนโต. สพฺพตฺถ อาหาเร ปฏิกฺกูลตา ปจฺจเวกฺขิตพฺพาติ สห ปาเสเสน โยชนา. ตํตํกิริยานิปฺผตฺติปฏิปาฏิวเสน จายํ ‘‘คมนโต’’ติอาทิกา อนุปุพฺพี ปิตา. สมฺมกฺขนํ ปน ปริโภคาทีสุ ลพฺภมานมฺปิ นิสฺสนฺทวเสน วิเสสโต ปฏิกฺกูลนฺติ สพฺพปจฺฉา ปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ปตฺตกาเลติ ยุตฺตกาเล, ยถาวุตฺเตน วา เตเชน ปริปจฺจนโต อุจฺจารปสฺสาวภาวํ ปตฺตกาเล. เวคสนฺธารเณน อุปฺปนฺนปริฬาหตฺตา สกลสรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ. ตโตเยว อกฺขีนิ ปริพฺภมนฺติ, จิตฺตฺจ เอกคฺคํ น โหติ. อฺเ จ สูลภคนฺทราทโย โรคา อุปฺปชฺชนฺติ. สพฺพํ ตนฺติ เสทมุจฺจนาทิกํ.
อฏฺาเนติ ¶ มนุสฺสามนุสฺสปริคฺคหิเต เขตฺตเทวายตนาทิเก อยุตฺตฏฺาเน. ตาทิเส หิ กโรนฺตํ กุทฺธา มนุสฺสา, อมนุสฺสา วา ชีวิตกฺขยมฺปิ ปาเปนฺติ. อาปตฺตีติ ปน ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ ยถารหํ ทุกฺกฏปาจิตฺติยา. ปติรูเป าเนติ วุตฺตวิปรีเต าเน. สพฺพํ ตนฺติ อาปตฺติอาทิกํ.
นิกฺขมาเปตา ¶ อตฺตา นาม อตฺถิ, ตสฺส กามตาย นิกฺขมนนฺติ พาลมฺนํ นิวตฺเตตุํ ‘‘อกามตายา’’ติ วุตฺตํ, อตฺตโน อนิจฺฉาย อปโยเคน วาโยธาตุวิปฺผาเรเนว นิกฺขมตีติ วุตฺตํ โหติ. สนฺนิจิตาติ สมุจฺจเยน ิตา. วายุเวคสมุปฺปีฬิตาติ วาโยธาตุยา เวเคน สมนฺตโต อวปีฬิตา, นิกฺขมนสฺส เจตํ เหตุวจนํ. ‘‘สนฺนิจิตา อุจฺจารปสฺสาวา’’ติ วตฺวา ‘‘โส ปนายํ อุจฺจารปสฺสาโว’’ติ ปุน วจนํ สมาหารทฺวนฺเทปิ ปุลฺลิงฺคปโยคสฺส สมฺภวตาทสฺสนตฺถํ. เอกตฺตเมว หิ ตสฺส นิยตลกฺขณนฺติ. อตฺตนา นิรเปกฺขํ นิสฺสฏฺตฺตา เนว อตฺตโน อตฺถาย สนฺตกํ วา โหติ, กสฺสจิปิ ทียนวเสน อนิสฺสชฺชิตตฺตา, ชิคุจฺฉนียตฺตา จ น ปรสฺสปีติ อตฺโถ. สรีรนิสฺสนฺโทวาติ สรีรโต วิสฺสนฺทนเมว นิกฺขมนมตฺตํ. สรีเร สติ โส โหติ, นาสตีติ สรีรสฺส อานิสํสมตฺตนฺติปิ วทนฺติ. ตทยุตฺตเมว นิทสฺสเนน วิสมภาวโต. ตตฺถ หิ ‘‘ปฏิชคฺคนมตฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ, ปฏิโสธนมตฺตํ เอวาติ จสฺส อตฺโถ. เวฬุนาฬิอาทิอุทกภาชนํ อุทกตุมฺโพ. ตนฺติ ฉฑฺฑิตอุทกํ.
‘‘คเตติ คมเน’’ติ ปุพฺเพ อภิกฺกมปฏิกฺกมคหเณน คมเนปิ ปุรโต, ปจฺฉโต จ กายสฺส อติหรณํ วุตฺตนฺติ อิธ คมนเมว คหิต’’นฺติ (วิภ. มูลฏี. ๕๒๕) อาจริยานนฺทตฺเถเรน วุตฺตํ, ตํ เกจิวาโท นาม อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน กตํ. กสฺมาติ เจ? คมเน ปวตฺตสฺส ปุรโต, ปจฺฉโต จ กายาติหรณสฺส ตทวินาภาวโต ปทวีติหารนิยมิตาย คมนกิริยาย เอว สงฺคหิตตฺตา, วิภงฺคฏฺกถาทีหิ (อภิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓) จ วิโรธนโต. วุตฺตฺหิ ตตฺถ คมนสฺส อุภยตฺถ สมวโรธตฺตํ, เภทตฺตฺจ –
‘‘เอตฺถ จ เอโก อิริยาปโถ ทฺวีสุ าเนสุ อาคโต. โส เหฏฺา ‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต’ติ เอตฺถ ภิกฺขาจารคามํ คจฺฉโต จ อาคจฺฉโต จ อทฺธานคมนวเสน กถิโต. ‘คเต ิเต นิสินฺเน’ติ เอตฺถ วิหาเร จุณฺณิกปาทุทฺธารอิริยาปถวเสน กถิโตติ เวทิตพฺโพ’’ติ.
‘‘คเต’’ติอาทีสุ อวตฺถาเภเทน กิริยาเภโทเยว, น ปน อตฺถเภโทติ ทสฺเสตุํ ‘‘คจฺฉนฺโต วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ ¶ . ตตฺถ สุตฺเตติ ทีฆนิกาเย, มชฺฌิมนิกาเย จ สงฺคีเต ¶ สติปฏฺานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๗๒; ม. นิ. ๑.๑๐๕) อทฺธานอิริยาปถาติ จิรปวตฺตกา ทีฆกาลิกา อิริยาปถา อทฺธานสทฺทสฺส จิรกาลวจนโต ‘‘อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติก’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๘๔; ๓.๑๗๗; ปารา. ๒๑) วิย, อทฺธานคมนปวตฺตกา วา ทีฆมคฺคิกา อิริยาปถา. อทฺธานสทฺโท หิ ทีฆมคฺคปริยาโย ‘‘อทฺธานคมนสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๒๑๓, ๒๑๗) วิย. มชฺฌิมาติ ภิกฺขาจาราทิวเสน ปวตฺตา นาติจิรกาลิกา, นาติทีฆมคฺคิกา วา อิริยาปถา. จุณฺณิยอิริยาปถาติ วิหาเร, อฺตฺถ วา อิโต จิโต จ ปริวตฺตนาทิวเสน ปวตฺตา อปฺปมตฺตกภาเวน จุณฺณวิจุณฺณิยภูตา อิริยาปถา. อปฺปมตฺตกมฺปิ หิ ‘‘จุณฺณวิจุณฺณ’’นฺติ โลเก วทนฺติ. ‘‘ขุทฺทกจุณฺณิกอิริยาปถา’’ติปิ ปาโ, ขุทฺทกา หุตฺวา วุตฺตนเยน จุณฺณิกา อิริยาปถาติ อตฺโถ. ตสฺมาติ เอวํ อวตฺถาเภเทน อิริยาปถเภทมตฺตสฺส กถนโต. เตสุปีติ ‘‘คเต ิเต’’ติอาทีสุปิ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘อภิกฺกนฺเต’’ติอาทีสุ วุตฺตนเยน.
อปรภาเคติ คมนอิริยาปถโต อปรภาเค. ิโตติ ิตอิริยาปถสมฺปนฺโน. เอตฺเถวาติ จงฺกมเนเยว. เอวํ สพฺพตฺถ ยถารหํ.
คมนานนิสชฺชานํ วิย นิสีทนสยนสฺส กมวจนมยุตฺตํ เยภุยฺเยน ตถา กมาภาวโตติ ‘‘อุฏฺาย’’ มิจฺเจว วุตฺตํ.
ชาคริตสทฺทสนฺนิธานโต เจตฺถ ภวงฺโคตรณวเสน นิทฺโทกฺกมนเมว สยนํ, น ปน ปิฏฺิปสารณมตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘กิริยามยปวตฺตาน’’นฺติอาทินา. ทิวาเสยฺยสิกฺขาปเท (ปารา. ๗๗) วิย ปิฏฺิปสารณสฺสาปิ สยนอิริยาปถภาเวน เอกลกฺขณตฺตา เอตฺถาวโรธนํ ทฏฺพฺพํ. กรณํ กิริยา, กายาทิกิจฺจํ, ตํ นิพฺพตฺเตนฺตีติ กิริยามยานิ ตทฺธิตสทฺทานมเนกตฺถวุตฺติโต. อถ วา อาวชฺชนทฺวยกิจฺจํ กิริยา, ตาย ปกตานิ, นิพฺพตฺตานิ วา กิริยามยานิ. อาวชฺชนวเสน หิ ภวงฺคุปจฺเฉเท สติ วีถิจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ. อปราปรุปฺปตฺติยา นานปฺปการโต วตฺตนฺติ ปริวตฺตนฺตีติ ปวตฺตานิ. กตฺถจิ ปน ‘‘จิตฺตาน’’นฺติ ปาโ, โส อภิธมฺมฏฺกถาทีหิ, (วิภ. อฏฺ. ๕๒๓) ตฏฺฏีกาหิ จ วิรุทฺธตฺตา น โปราณปาโติ เวทิตพฺโพ. กิริยามยานิ เอว ปวตฺตานิ ตถา, ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวาริกวีถิจิตฺตํ. เตนาห อภิธมฺมฏีกายํ (วิภ. มูลฏี. ๕๒๕) ‘‘กายาทิกิริยามยตฺตา ¶ , อาวชฺชนกิริยาสมุฏฺิตตฺตา จ ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวารปฺปวตฺตํ กิริยามยปวตฺตํ นามา’’ติ. อปฺปวตฺตนฺติ นิทฺโทกฺกมนกาเล อนุปฺปชฺชนํ สุตฺตํ นามาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เนยฺยตฺถวจนฺหิ ¶ อิทํ, อิตรถา ฉทฺวาริกจิตฺตานํ ปุเรจรานุจรวเสน อุปฺปชฺชนฺตานํ สพฺเพสมฺปิ ทฺวารวิมุตฺตจิตฺตานํ ปวตฺตํ สุตฺตํ นาม สิยา, เอวฺจ กตฺวา นิทฺโทกฺกมนกาลโต อฺสฺมึ กาเล อุปฺปชฺชนฺตานํ ทฺวารวิมุตฺตจิตฺตานมฺปิ ปวตฺตํ ชาคริเต สงฺคยฺหตีติ เวทิตพฺพํ.
จิตฺตสฺส ปโยคการณภูเต โอฏฺาทิเก ปฏิจฺจ ยถาสกํ าเน สทฺโท ชายตีติ อาห ‘‘โอฏฺเ จ ปฏิจฺจา’’ติอาทิ. กิฺจาปิ สทฺโท ยถาานํ ชายติ, โอฏฺาลนาทินา ปน ปโยเคเนว ชายติ, น วินา เตน ปโยเคนาติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘โอฏฺเ จาติอาทิ สทฺทุปฺปตฺติฏฺานนิทสฺสน’’นฺติ, ตทยุตฺตเมว ตถา อวจนโต. น หิ ‘‘โอฏฺเ จ ปฏิจฺจา’’ติอาทินา สสมุจฺจเยน กมฺมวจเนน านวจนํ สมฺภวตีติ. ตทนุรูปนฺติ ตสฺส สทฺทสฺส อนุรูปํ. ภาสนสฺส ปฏิสฺจิกฺขนวิโรธโต ตุณฺหีภาวปกฺเข ‘‘อปรภาเค ภาสิโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขตี’’ติ น วุตฺตํ, เตน จ วิฺายติ ‘‘ตุณฺหีภูโตว ปฏิสฺจิกฺขตีติ อตฺโถ’’ติ.
ภาสนตุณฺหีภาวานํ สภาวโต เภเท สติ อยํ วิภาโค ยุตฺโต สิยา, นาสตีติ อนุโยเคนาห ‘‘อุปาทารูปปวตฺติยฺหี’’ติอาทิ. อุปาทารูปสฺส สทฺทายตนสฺส ปวตฺติ ตถา, สทฺทายตนสฺส ปวตฺตนํ ภาสนํ, อปฺปวตฺตนํ ตุณฺหีติ วุตฺตํ โหติ.
ยสฺมา ปน มหาสิวตฺเถรวาเท อนนฺตเร อนนฺตเร อิริยาปเถ ปวตฺตรูปารูปธมฺมานํ ตตฺถ ตตฺเถว นิโรธทสฺสนวเสน สมฺปชานการิตา คหิตา, ตสฺมา ตํ มหาสติปฏฺานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๓๗๖; ม. นิ. ๑.๑๐๙) อาคตอสมฺโมหสมฺปชฺวิปสฺสนาวารวเสน เวทิตพฺพํ, น จตุพฺพิธสมฺปชฺวิภาควเสน, อโต ตตฺเถว ตมธิปฺเปตํ, น อิธาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตยิท’’นฺติอาทิมาห. อสมฺโมหสงฺขาตํ ธุรํ เชฏฺกํ ยสฺส วจนสฺสาติ อสมฺโมหธุรํ, มหาสติปฏฺานสุตฺเตเยว ตสฺส วจนสฺส อธิปฺเปตภาวสฺส เหตุคพฺภมิทํ วจนํ. ยสฺมา ปเนตฺถ สพฺพมฺปิ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ ลพฺภติ ยาวเทว สามฺผลวิเสสทสฺสนปธานตฺตา ¶ อิมิสฺสา เทสนาย, ตสฺมา ตํ อิธ อธิปฺเปตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อิมสฺมึ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุตฺตนเยเนวาติ อภิกฺกนฺตาทีสุ วุตฺตนเยเนว. นนุ ‘‘สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต’’ติ เอตสฺส อุทฺเทสสฺสายํ นิทฺเทโส, อถ กสฺมา สมฺปชฺวเสเนว วิตฺถาโร กโตติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘สมฺปชานการีติ จา’’ติอาทิมาห, สติสมฺปยุตฺตสฺเสว สมฺปชานสฺส วเสน อตฺถสฺส วิทิตพฺพตฺตา เอวํ วิตฺถาโร กโตติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สติสมฺปยุตฺตสฺเสวา’’ติ จ อิมินา ยถา สมฺปชฺสฺส กิจฺจโต ปธานตา ¶ คหิตา, เอวํ สติยาปีติ อตฺถํ ทสฺเสติ, น ปเนตํ สติยา สมฺปชฺเน สห ภาวมตฺตทสฺสนํ. น หิ กทาจิ สติรหิตา าณปฺปวตฺติ อตฺถีติ.
นนุ จ สมฺปชฺวเสเนวายํ วิตฺถาโร, อถ กสฺมา สติสมฺปยุตฺตสฺส สมฺปชฺสฺส วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพติ โจทนมฺปิ โสเธติ ‘‘สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโตติ เอตสฺส หิ ปทสฺส อยํ วิตฺถาโร’’ติ อิมินา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต’’ติ เอวํ เอกโต อุทฺทิฏฺสฺส อตฺถสฺส วิตฺถารตฺตา อุทฺเทเส วิย นิทฺเทเสปิ ตทุภยํ สมธุรภาเวเนว คหิตนฺติ. อิมินาปิ หิ สติยา สมฺปชฺเน สมธุรตํเยว วิภาเวติ เอกโต อุทฺทิฏฺสฺส อตฺถสฺส วิตฺถารภาวทสฺสเนน ตทตฺถสฺส สิทฺธตฺตา. อิทานิ วิภงฺคนเยนาปิ ตทตฺถํ สมตฺเถตุํ ‘‘วิภงฺคปฺปกรเณ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมินาปิ หิ สมฺปชฺสฺส วิย สติยาเปตฺถ ปธานตํเยว วิภาเวติ. ตตฺถ เอตานิ ปทานีติ ‘‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหตี’’ติอาทีนิ อุทฺเทสปทานิ. วิภตฺตาเนวาติ สติยา สมฺปชฺเน สมฺปโยคมกตฺวา สพฺพฏฺาเนสุ วิสุํ วิสุํ วิภตฺตานิเยว.
มชฺฌิมภาณกา, ปน อาภิธมฺมิกา (วิภ. อฏฺ. ๕๒๓) จ เอวํ วทนฺติ – เอโก ภิกฺขุ คจฺฉนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต คจฺฉติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว คจฺฉติ. ตถา เอโก ติฏฺนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต ติฏฺติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว ติฏฺติ. เอโก นิสีทนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต นิสีทติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว นิสีทติ. เอโก สยนฺโต อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ วิตกฺเกนฺโต สยติ, เอโก กมฺมฏฺานํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว สยติ. เอตฺตเกน ปน โคจรสมฺปชฺํ น ปากฏํ โหตีติ จงฺกมเนน ทีเปนฺติ. โย หิ ภิกฺขุ จงฺกมํ โอตริตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ิโต ปริคฺคณฺหาติ ‘‘ปาจีนจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา ¶ ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, ปจฺฉิมจงฺกมนโกฏิยํ ปวตฺตาปิ ปาจีนจงฺกมนโกฏึ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, จงฺกมนเวมชฺเฌ ปวตฺตา อุโภ โกฏิโย อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, จงฺกมเน ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา านํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา, าเน ปวตฺตา นิสชฺชํ, นิสชฺชาย ปวตฺตา สยนํ อปฺปตฺวา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโต ปริคฺคณฺหนฺโตเยว ภวงฺคํ โอตาเรติ, อุฏฺหนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว อุฏฺหติ. อยํ ภิกฺขุ คตาทีสุ สมฺปชานการี นาม โหติ.
เอวํ ปน สุตฺเต กมฺมฏฺานํ อวิภูตํ โหติ, กมฺมฏฺานํ อวิภูตํ น กาตพฺพํ, ตสฺมา โย ¶ ภิกฺขุ ยาว สกฺโกติ, ตาว จงฺกมิตฺวา ตฺวา นิสีทิตฺวา สยมาโน เอวํ ปริคฺคเหตฺวา สยติ ‘‘กาโย อเจตโน, มฺโจ อเจตโน, กาโย น ชานาติ ‘อหํ มฺเจ สยิโต’ติ, มฺโจปิ น ชานาติ ‘มยิ กาโย สยิโต’ติ. อเจตโน กาโย อเจตเน มฺเจ สยิโต’’ติ. เอวํ ปริคฺคณฺหนฺโต ปริคฺคณฺหนฺโตเยว จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตาเรติ, ปพุชฺฌนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว ปพุชฺฌติ, อยํ สุตฺเต สมฺปชานการี นาม โหติ.
‘‘กายาทิกิริยานิปฺผตฺตเนน ตมฺมยตฺตา, อาวชฺชนกิริยาสมุฏฺิตตฺตา จ ชวนํ, สพฺพมฺปิ วา ฉทฺวารปฺปวตฺตํ กิริยามยปวตฺตํ นาม, ตสฺมึ สติ ชาคริตํ นาม โหตี’’ติ ปริคฺคณฺหนฺโต ภิกฺขุ ชาคริเต สมฺปชานการี นาม. อปิจ รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา ปฺจ โกฏฺาเส ชคฺคนฺโตปิ ชาคริเต สมฺปชานการี นาม โหติ.
วิมุตฺตายตนสีเสน ธมฺมํ เทเสนฺโตปิ, พาตฺตึส ติรจฺฉานกถา ปหาย ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตํ สปฺปายกถํ กเถนฺโตปิ ภาสิเต สมฺปชานการี นาม.
อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิยํ มนสิการํ ปวตฺเตนฺโตปิ ทุติยชฺฌานํ สมาปนฺโนปิ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี นาม. ทุติยฺหิ ฌานํ วจีสงฺขารวิรหโต วิเสสโต ตุณฺหีภาโว นามาติ. อยมฺปิ นโย ปุริมนยโต วิเสสนยตฺตา อิธาปิ อาหริตฺวา วตฺตพฺโพ. ตถา เหส อภิธมฺมฏฺกถาทีสุ (วิภ. อฏฺ. ๕๒๓) ‘‘อยํ ปเนตฺถ อปโรปิ นโย’’ติ อารภิตฺวา ¶ ยถาวุตฺตนโย วิภาวิโตติ. ‘‘เอวํ โข มหาราชา’’ติอาทิ ยถานิทฺทิฏฺสฺส อตฺถสฺส นิคมนํ, ตสฺมา ตตฺถ นิทฺเทสานุรูปํ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอว’’นฺติอาทิมาห. สติสมฺปยุตฺตสฺส สมฺปชฺสฺสาติ หิ นิทฺเทสานุรูปํ อตฺถวจนํ. ตตฺถ วินิจฺฉโย วุตฺโตเยว. เอวนฺติ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน อภิกฺกนฺตปฏิกฺกนฺตาทีสุ สตฺตสุ าเนสุ ปจฺเจกํ จตุพฺพิเธน ปกาเรนาติ อตฺโถ.
สนฺโตสกถาวณฺณนา
๒๑๕. อตฺถทสฺสเนน ปทสฺสปิ วิฺายมานตฺตา ปทมนเปกฺขิตฺวา สนฺโตสสฺส อตฺตนิ อตฺถิตาย ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโติ ปวุจฺจตีติ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ. สนฺตุสฺสติ น ลุทฺโธ ภวตีติ หิ ปทนิพฺพจนํ. อปิจ ปทนิพฺพจนวเสน อตฺเถ วุตฺเต ยสฺส สนฺโตสสฺส อตฺตนิ อตฺถิภาวโต สนฺตุฏฺโ นาม, โส อปากโฏติ ตํ ปากฏกรณตฺถํ ‘‘อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคโต’’ติ อตฺถมตฺตมาห, จีวราทิเก ¶ ยตฺถ กตฺถจิ กปฺปิยปจฺจเย สนฺโตเสน สมงฺคีภูโตติ อตฺโถ. อิตร-สทฺโท หิ อนิยมวจโน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุจฺจมาโน ยํ กิฺจิ-สทฺเทน สมานตฺโถ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ กปฺปิยปจฺจเย’’ติ. อถ วา อิตรํ วุจฺจติ หีนํ ปณีตโต อฺตฺตา, ตถา ปณีตมฺปิ หีนโต อฺตฺตา. อฺมฺาเปกฺขาสิทฺธา หิ อิตรตา, ตสฺมา หีเนน วา ปณีเตน วา จีวราทิกปฺปิยปจฺจเยน สนฺโตเสน สมงฺคีภูโตติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สนฺตุสฺสติ เตน, สนฺตุสฺสนมตฺตนฺติ วา สนฺโตโส, ตถา ปวตฺโต อโลโภ, อโลภปธานา วา จตฺตาโร ขนฺธา. ลภนํ ลาโภ, อตฺตโน ลาภสฺส อนุรูปํ สนฺโตโส ยถาลาภสนฺโตโส. พลนฺติ กายพลํ, อตฺตโน พลสฺส อนุรูปํ สนฺโตโส ยถาพลสนฺโตโส. สารุปฺปนฺติ สปฺปายํ ปติรูปํ ภิกฺขุโน อนุจฺฉวิกตา, อตฺตโน สารุปฺปสฺส อนุรูปํ สนฺโตโส ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อปโร นโย – ลพฺภเตติ ลาโภ, โย โย ลาโภ ยถาลาภํ, อิตรีตรปจฺจโย, ยถาลาเภน สนฺโตโส ยถาลาภสนฺโตโส. พลสฺส อนุรูปํ ปวตฺตตีติ ยถาพลํ, อตฺตโน พลานุจฺฉวิกปจฺจโย, ยถา-สทฺโท เจตฺถ สสาธนํ อนุรูปกิริยํ ¶ วทติ, ยถา ตํ ‘‘อธิจิตฺต’’นฺติ เอตฺถ อธิ-สทฺโท สสาธนํ อธิกรณกิริยนฺติ. ยถาพเลน สนฺโตโส ยถาพลสนฺโตโส. สารุปฺปติ ปติรูปํ ภวติ, โสภนํ วา อาโรเปตีติ สารุปฺปํ, ยํ ยํ สารุปฺปํ ยถาสารุปฺปํ, ภิกฺขุโน สปฺปายปจฺจโย, ยถาสารุปฺเปน สนฺโตโส ยถาสารุปฺปสนฺโตโส. ยถาวุตฺตํ ปเภทมนุคตา วณฺณนา ปเภทวณฺณนา.
อิธาติ สาสเน. อฺํ น ปตฺเถตีติ อปฺปตฺตปตฺถนภาวมาห, ลภนฺโตปิ น คณฺหาตีติ ปตฺตปตฺถนาภาวํ. ปเมน อปฺปตฺตปตฺถนาภาเวเยว วุตฺเต ยถาลทฺธโต อฺสฺส อปตฺถนา นาม อปฺปิจฺฉตายปิ สิยา ปวตฺติอากาโรติ อปฺปิจฺฉตาปสงฺคภาวโต ตโตปิ นิวตฺตเมว สนฺโตสสฺส สรูปํ ทสฺเสตุํ ทุติเยน ปตฺตปตฺถนาภาโว วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. เอวมุปริปิ. ปกติทุพฺพโลติ อาพาธาทิวิรเหปิ สภาวทุพฺพโล. สมาโน สีลาทิภาโค ยสฺสาติ สภาโค, สห วา สีลาทีหิ คุณภาเคหิ วตฺตตีติ สภาโค, ลชฺชีเปสโล ภิกฺขุ, เตน. ตํ ปริวตฺเตตฺวาติ ปกติทุพฺพลาทีนํ ครุจีวรํ น ผาสุภาวาวหํ, สรีรเขทาวหฺจ โหตีติ ปโยชนวเสน ปริวตฺตนํ วุตฺตํ, น อตฺริจฺฉตาทิวเสน. อตฺริจฺฉตาทิปฺปกาเรน หิ ปริวตฺเตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโค สนฺโตสวิโรธี โหติ, ตสฺส ปน ตทภาวโต ยถาวุตฺตปฺปโยชนวเสน ปริวตฺเตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโคปิ น สนฺโตสวิโรธีติ อาห ‘‘ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. ปโยชนวเสน ปริวตฺเตตฺวา ลหุกจีวรปริโภโคปิ น ตาว สนฺโตสวิโรธี, ปเคว ตถา อปริวตฺเตตฺวา ปริโภเคติ สมฺภาวิตสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถฺเหตฺถ อปิ-สทฺทคฺคหณํ. จีวรนิทฺเทเสปิ ¶ ‘‘ปตฺตจีวราทีนํ อฺตร’’นฺติ วจนํ ยถารุตํ คหิตาวเสสปจฺจยสนฺโตสสฺส จีวรสนฺโตเส สมวโรธิตาทสฺสนตฺถํ. ‘‘เถรโก อยมายสฺมา มลฺลโก’’ติอาทีสุ เถรโวหารสฺส ปฺตฺติมตฺเตปิ ปวตฺติโต ทสวสฺสโต ปภุติ จิรวสฺสปพฺพชิเตสฺเวว อิธ ปวตฺติาปนตฺถํ ‘‘เถรานํ จิรปพฺพชิตาน’’นฺติ วุตฺตํ, เถรานนฺติ วา สงฺฆตฺเถรํ วทติ. จิรปพฺพชิตานนฺติ ปน ตทวเสเส วุฑฺฒภิกฺขู. สงฺการกูฏาทิโตติ กจวรราสิอาทิโต. อนนฺตกานีติ นนฺตกานิ ปิโลติกานิ. ‘‘อ-กาโร ¶ เจตฺถ นิปาตมตฺต’’นฺติ (วิ. ว. อฏฺ. ๑๑๖๕) วิมานฏฺกถายํ วุตฺตํ. ตถา จาหุ ‘‘นนฺตกํ กปฺปโฏ ชิณฺณวสนํ ตุ ปฏจฺจร’’นฺติ นตฺถิ ทสาสงฺขาโต อนฺโต โกฏิ เยสนฺติ หิ นนฺตกานิ, น-สทฺทสฺส ตุ อนาเทเส อนนฺตกานีติปิ ยุชฺชติ. สงฺเกตโกวิทานํ ปน อาจริยานํ ตถา อวุตฺตตฺตา วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘สนนฺตกานี’’ติปิ ปาโ, นนฺตเกน สห สํสิพฺพิตานิ ปํสุกูลานิ จีวรานีติ อตฺโถ. สงฺฆาฏินฺติ ติณฺณํ จีวรานํ อฺตรํ จีวรํ. ตีณิปิ หิ จีวรานิ สงฺฆฏิตตฺตา ‘‘สงฺฆาฏี’’ติ วุจฺจนฺติ. มหคฺฆํ จีวรํ, พหูนิ วา จีวรานิ ลภิตฺวา ตานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ตทฺสฺส คหณมฺปิ มหิจฺฉตาทินเย อฏฺตฺวา ยถาสารุปฺปนเย เอว ิตตฺตา น สนฺโตสวิโรธีติ อาห ‘‘เตสํ…เป… ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหตี’’ติ. ยถาสารุปฺปนเยน ยถาลทฺธํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตทฺคหณมฺปิ น ตาว สนฺโตสวิโรธี, ปเคว อนฺคหเณน ยถาลทฺธสฺเสว ยถาสารุปฺปํ ปริโภเคติ สมฺภาวิตสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถฺเหตฺถ อปิ-สทฺทคฺคหณํ, เอวํ เสสปจฺจเยสุปิ ยถาพลยถาสารุปฺปนิทฺเทเสสุ อปิ-สทฺทคฺคหเณ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ.
ปกติวิรุทฺธนฺติ สภาเวเนว อสปฺปายํ. สมณธมฺมกรณสีเสน สปฺปายปจฺจยปริเยสนํ, ปริภฺุชนฺจ วิเสสโต ยุตฺตตรนฺติ อตฺถนฺตรํ วิฺาเปตุํ ‘‘ยาเปนฺโตปี’’ติ อวตฺวา ‘‘สมณธมฺมํ กโรนฺโตปี’’ติ วุตฺตํ. มิสฺสกาหารนฺติ ตณฺฑุลมุคฺคาทีหิ นานาวิธปุพฺพณฺณาปรณฺเณหิ มิสฺเสตฺวา กตํ อาหารํ.
อฺมฺปิ เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตสํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โย หี’’ติอาทิ. ปเม หิ นเย ยถาลทฺธสฺส วิสฺสชฺชเนน, ทุติเย ปน ยถาปตฺตสฺส อสมฺปฏิจฺฉเนน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส วุตฺโตติ อยเมเตสํ วิเสโส. หิ-สทฺโท เจตฺถ ปกฺขนฺตรโชตโก. มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ ปน ปิ-สทฺโท ทิสฺสติ. ‘‘อุตฺตมเสนาสนํ นาม ปมาทฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ตพฺภาวเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ นิสินฺนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นิทฺทาภิภูตสฺสาติ ถินมิทฺโทกฺกมเนน จิตฺตเจตสิกเคลฺภาวโต ภวงฺคสนฺตติสงฺขาตาย นิทฺทาย อภิภูตสฺส, นิทฺทายนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ปฏิพุชฺฌโตติ ตถารูเปน อารมฺมณนฺตเรน ¶ ปฏิพุชฺฌนฺตสฺส ปฏิพุชฺฌนเหตุ ¶ กามวิตกฺกา ปาตุภวนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ปฏิพุชฺฌนโต’’ติปิ หิ กตฺถจิ ปาโ ทิสฺสติ. อยมฺปีติ ปมนยํ อุปาทาย วุตฺตํ.
เตสํ อาภเตนาติ เตหิ เถราทีหิ อาภเตน, เตสํ วา เยน เกนจิ สนฺตเกนาติ อชฺฌาหริตฺวา สมฺพนฺโธ. มุตฺตหรีตกนฺติ โคมุตฺตปริภาวิตํ, ปูติภาเวน วา โมจิตํ ฉฑฺฑิตํ หรีตกํ, อิทานิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘โคมุตฺตหรีตก’’นฺติ ปาโ, โส น โปราณปาโ ตพฺพณฺณนาย (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๕) วิรุทฺธตฺตา. จตุมธุรนฺติ มชฺฌิมาคมวเร มหาธมฺมสมาทานสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๔๘๔ อาทโย) วุตฺตํ ทธิมธุสปฺปิผาณิตสงฺขาตํ จตุมธุรํ, เอกสฺมิฺจ ภาชเน จตุมธุรํ เปตฺวา เตสุ ยทิจฺฉสิ, ตํ คณฺหาหิ ภนฺเตติ อตฺโถ. ‘‘สจสฺสา’’ติอาทินา ตทุภยสฺส โรควูปสมนภาวํ ทสฺเสติ. พุทฺธาทีหิ วณฺณิตนฺติ ‘‘ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติอาทินา (มหาว. ๗๓, ๑๒๘) สมฺมาสมฺพุทฺธาทีหิ ปสตฺถํ. อปฺปิจฺฉตาวิสิฏฺาย สนฺตุฏฺิยา นิโยชนโต ปรเมน อุกฺกํสคเตน สนฺโตเสน สนฺตุสฺสตีติ ปรมสนฺตุฏฺโ.
กามฺจ สนฺโตสปฺปเภทา ยถาวุตฺตโตปิ อธิกตรา จีวเร วีสติ สนฺโตสา, ปิณฺฑปาเต ปนฺนรส, เสนาสเน จ ปนฺนรส, คิลานปจฺจเย วีสตีติ, อิธ ปน สงฺเขเปน ทฺวาทสวิโธเยว สนฺโตโส วุตฺโต. ตทธิกตรปฺปเภโท ปน จตุรงฺคุตฺตเร มหาอริยวํสสุตฺตฏฺกถาย (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๘) คเหตพฺโพ. เตนาห ‘‘อิมินา ปนา’’ติอาทิ. เอวํ ‘‘อิธ มหาราช ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ โหตี’’ติ เอตฺถ ปุคฺคลาธิฏฺานนิทฺทิฏฺเน สนฺตุฏฺปเทเนว สนฺโตสปฺปเภทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตนา’’ติอาทิ เทสนานุรูปํ เตน สนฺโตเสน สนฺตุฏฺสฺส อนุจฺฉวิกํ ปจฺจยปฺปเภทํ, ตสฺส จ กายกุจฺฉิปริหาริยภาวํ วิภาเวนฺโต เอวมาหาติ อยเมตฺถ สมฺพนฺโธ. กามฺจสฺส จีวรปิณฺฑปาเตเหว ยถากฺกมํ กายกุจฺฉิปริหาริเยหิ สนฺตุฏฺตา ปาฬิยํ วุตฺตา, ตถาปิ เสสปริกฺขารจตุกฺเกน จ วินา วิจรณมยุตฺตํ, สพฺพตฺถ จ กายกุจฺฉิปริหาริยตา ลทฺธพฺพาติ อฏฺกถายํ อยํ วินิจฺฉโย วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ทนฺตกฏฺจฺเฉทนวาสีติ ลกฺขณมตฺตํ ตทฺกิจฺจสฺสาปิ ตาย สาเธตพฺพตฺตา, เตน วกฺขติ ‘‘มฺจปีานํ องฺคปาทจีวรกุฏิทณฺฑกสชฺชนกาเล จา’’ติอาทิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ โปราณฏฺกถาสุ ‘‘น เหตํ กตฺถจิปิ ปาฬิยมาคต’’นฺติ.
พนฺธนนฺติ ¶ กายพนฺธนํ. ปริสฺสาวเนน ปริสฺสาวนฺจ, เตน สหาติ วา อตฺโถ. ยุตฺโต กมฺมฏฺานภาวนาสงฺขาโต โยโค ยสฺส, ตสฺมึ วา โยโค ยุตฺโตติ ยุตฺตโยโค, ตสฺส.
กายํ ¶ ปริหรนฺติ โปเสนฺติ, กายสฺส วา ปริหาโร โปสนมตฺตํ ปโยชนเมเตหีติ กายปริหาริยา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา. โปสนฺเจตฺถ วฑฺฒนํ, ภรณํ วา, ตถา กุจฺฉิปริหาริยาปิ เวทิตพฺพา. พหิทฺธาว กายสฺส อุปการกภาเวน กายปริหาริยตา, อชฺโฌหรณวเสน สรีรฏฺิติยา อุปการกภาเวน กุจฺฉิปริหาริยตาติ อยเมเตสํ วิเสโส. เตนาห ‘‘ติจีวรํ ตาวา’’ติอาทิ. ‘‘ปริหรตี’’ติ เอตสฺส โปเสตีติ อตฺถวจนํ. อิตีติ นิทสฺสเน นิปาโต, เอวํ วุตฺตนเยน กายปริหาริยํ โหตีติ การณโชตเน วา, ตสฺมา โปสนโต กายปริหาริยํ โหตีติ. เอวมุปริปิ. จีวรกณฺเณนาติ จีวรปริยนฺเตน.
กุฏิปริภณฺฑกรณกาเลติ กุฏิยา สมนฺตโต วิลิมฺปเนน สมฺมฏฺกรณกาเล.
องฺคํ นาม มฺจปีานํ ปาทูปริ ปิโต ปธานสมฺภารวิเสโส. ยตฺถ ปทรสฺจินนปิฏฺิอปสฺสยนาทีนิ กโรนฺติ, โย ‘‘อฏนี’’ติปิ วุจฺจติ.
มธุทฺทุมปุปฺผํ มธุกํ นาม, มกฺขิกามธูหิ กตปูวํ วา. ปริกฺขารมตฺตา ปริกฺขารปมาณํ. เสยฺยํ ปวิสนฺตสฺสาติ ปจฺจตฺถรณกฺุจิกานํ ตาทิเส กาเล ปริภุตฺตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห ‘‘ตตฺรฏฺกํ ปจฺจตฺถรณ’’นฺติ. อตฺตโน สนฺตกภาเวน ปจฺจตฺถรณาธิฏฺาเนน อธิฏฺหิตฺวา ตตฺเถว เสนาสเน ติฏฺนกฺหิ ‘‘ตตฺรฏฺก’’นฺติ วุจฺจติ. วิกปฺปนวจนโต ปน เตสมฺตรสฺส นวมตา, ยถาวุตฺตปฏิปาฏิยา เจตฺถ นวมภาโว, น ตุ เตสํ ตถาปตินิยตภาเวน. กสฺมาติ เจ? ตถาเยว เตสมธารณโต. เอส นโย ทสมาทีสุปิ. เตลํ ปฏิสาเมตฺวา หริตา เวฬุนาฬิอาทิกา เตลนาฬิ. นนุ สนฺตุฏฺปุคฺคลทสฺสเน สนฺตุฏฺโว อฏฺปริกฺขาริโก ทสฺเสตพฺโพติ อนุโยเค ยถารหํ เตสมฺปิ สนฺตุฏฺภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอเตสุ จา’’ติอาทิมาห. มหนฺโต ปริกฺขารสงฺขาโต ภาโร เอเตสนฺติ มหาภารา, อยํ อธุนา ปาโ, อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘มหาคชา’’ติ ปาสฺส ทิฏฺตฺตา ‘‘ทุปฺโปสภาเวน ¶ มหาคชา วิยาติ มหาคชา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๕) วุตฺตํ, น เต เอตฺตเกหิ ปริกฺขาเรหิ ‘‘มหิจฺฉา, อสนฺตุฏฺา, ทุพฺภรา, พาหุลฺลวุตฺติโน’’ติ จ วตฺตพฺพาติ อธิปฺปาโย. ยทิ อิตเรปิ สนฺตุฏฺา อปฺปิจฺฉตาทิสภาวา, กิเมเตสมฺปิ วเสน อยํ เทสนา อิจฺฉิตาติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺปริกฺขาริกสฺส วเสน อิมิสฺสา เทสนาย อิจฺฉิตภาโว กถํ วิฺายตีติ อนุโยคมฺปิ อปเนติ ‘‘โส หี’’ติอาทินา, ตสฺเสว ตถา ปกฺกนฺตภาเวน ‘‘กายปริหาริเกน จีวเรนา’’ติอาทิ ปาฬิยา โยคฺยโต ตสฺส วเสน อิจฺฉิตภาโว วิฺายตีติ วุตฺตํ โหติ. วจนียสฺส เหตุภาวทสฺสเนน หิ วาจกสฺสาปิ เหตุภาโว ทสฺสิโตติ ¶ . เอวฺจ กตฺวา ‘‘อิติ อิมสฺสา’’ติอาทิ ลทฺธคุณวจนมฺปิ อุปปนฺนํ โหติ. สลฺลหุกา วุตฺติ ชีวิกา ยสฺสาติ สลฺลหุกวุตฺติ, ตสฺส ภาโว สลฺลหุกวุตฺติตา, ตํ. กายปาริหาริเยนาติ ภาวปฺปธานนิทฺเทโส, ภาวโลปนิทฺเทโส วาติ ทสฺเสติ ‘‘กายํ ปริหรณมตฺตเกนา’’ติ อิมินา, กายโปสนปฺปมาเณนาติ อตฺโถ. ตถา กุจฺฉิปริหาริเยนาติ เอตฺถาปิ. วุตฺตนเยน เจตฺถ ทฺวิธา วจนตฺโถ, ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๕) ปน ปมสฺส วจนตฺถสฺส เหฏฺา วุตฺตตฺตา ทุติโยว อิธ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. มมายนตณฺหาย อาสงฺโค. ปริคฺคหตณฺหาย พนฺโธ. ชิยามุตฺโตติ ธนุชิยาย มุตฺโต. ยูถาติ หตฺถิคณโต. ติธา ปภินฺนมโท มทหตฺถี. วนปพฺภารนฺติ วเน ปพฺภารํ.
จตูสุ ทิสาสุ สุขวิหาริตาย สุขวิหารฏฺานภูตา, ‘‘เอกํ ทิสํ ผริตฺวา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๑.๗๗, ๔๕๙, ๕๐๙; ๒.๓๐๙) วา นเยน พฺรหฺมวิหารภาวนาผรณฏฺานภูตา จตสฺโส ทิสา เอตสฺสาติ จตุทฺทิโส, โส เอว จาตุทฺทิโส, จตสฺโส วา ทิสา จตุทฺทิสํ, วุตฺตนเยน ตมสฺสาติ จาตุทฺทิโส ยถา ‘‘สทฺโธ’’ติ. ตาสฺเวว ทิสาสุ กตฺถจิปิ สตฺเต วา สงฺขาเร วา ภเยน น ปฏิหนติ, สยํ วา เตหิ น ปฏิหฺเตติ อปฺปฏิโฆ. สนฺตุสฺสมาโนติ สเกน, สนฺเตน วา, สมเมว วา ตุสฺสนโก. อิตรีตเรนาติ เยน เกนจิ ปจฺจเยน, อุจฺจาวเจน วา. ปริจฺจ สยนฺติ ปวตฺตนฺติ กายจิตฺตานิ, ตานิ วา ปริสยนฺติ อภิภวนฺตีติ ปริสฺสยา, สีหพฺยคฺฆาทโย พาหิรา, กามจฺฉนฺทาทโย จ อชฺฌตฺติกา กายจิตฺตุปทฺทวา, อุปโยคตฺเถ ¶ เจตํ สามิวจนํ. สหิตาติ อธิวาสนขนฺติยา, วีริยาทิธมฺเมหิ จ ยถารหํ ขนฺตา, คหนฺตา จาติ อตฺโถ. ถทฺธภาวกรภยาภาเวน อฉมฺภี. เอโก จเรติ อสหาโย เอกากี หุตฺวา จริตุํ วิหริตุํ สกฺกุเณยฺย. สมตฺถเน หิ เอยฺย-สทฺโท ยถา ‘‘โก อิมํ วิชฏเย ชฏ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓) ขคฺควิสาณกปฺปตาย เอกวิหารีติ ทสฺเสติ ‘‘ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ อิมินา. สณฺาเนน ขคฺคสทิสํ เอกเมว มตฺถเก อุฏฺิตํ วิสาณํ ยสฺสาติ ขคฺโค; ขคฺคสทฺเทน ตํสทิสวิสาณสฺส คหิตตฺตา, มหึสปฺปมาโณ มิควิเสโส, โย โลเก ‘‘ปลาสาโท, คณฺโก’’ติ จ วุจฺจติ, ตสฺส วิสาเณน เอกีภาเวน สทิโสติ อตฺโถ. อปิจ เอกวิหาริตาย ขคฺควิสาณกปฺโปติ ทสฺเสตุมฺปิ เอวํ วุตฺตํ. วิตฺถาโร ปนสฺสา อตฺโถ ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนายํ, (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๔๒) จูฬนิทฺเทเส (จูฬนิ. ๑๒๘) จ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.
เอวํ วณฺณิตนฺติ ขคฺควิสาณสุตฺเต ภควตา ตถา เทสนาย วิวริตํ, โถมิตํ วา. ขคฺคสฺส ¶ นาม มิคสฺส วิสาเณน กปฺโป สทิโส ตถา. กปฺป-สทฺโท เหตฺถ ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต โภ กิร สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) วิย ปฏิภาเค วตฺตติ, ตสฺส ภาโว ขคฺควิสาณกปฺปตา, ตํ โส อาปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ.
วาตาภิฆาตาทีหิ สิยา สกุโณ ฉินฺนปกฺโข, อสฺชาตปกฺโข วา, อิธ ปน เฑตุํ สมตฺโถ สปกฺขิโกว อธิปฺเปโตติ วิเสสทสฺสนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘ปกฺขี สกุโณ’’ติ วุตฺตํ, น ตุ ‘‘อากาเส อนฺตลิกฺเข จงฺกมตี’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๓.๑๑) วิย ปริยายมตฺตทสฺสนตฺถนฺติ อาห ‘‘ปกฺขยุตฺโต สกุโณ’’ติ. อุปฺปตตีติ อุทฺธํ ปตติ คจฺฉติ, ปกฺขนฺทตีติ อตฺโถ. วิธุนนฺตาติ วิภินฺทนฺตา, วิจาเลนฺตา วา. อชฺชตนายาติ อชฺชภาวตฺถาย. ตถา สฺวาตนายาติ เอตฺถาปิ. อตฺตโน ปตฺตํ เอว ภาโร ยสฺสาติ สปตฺตภาโร. มมายนตณฺหาภาเวน นิสฺสงฺโค. ปริคฺคหตณฺหาภาเวน นิรเปกฺโข. เยน กามนฺติ ยตฺถ อตฺตโน รุจิ, ตตฺถ. ภาวนปุํสกํ วา เอตํ. เยน ยถา ปวตฺโต กาโมติ หิ เยนกาโม, ตํ, ยถากามนฺติ อตฺโถ.
นีวรณปฺปหานกถาวณฺณนา
๒๑๖. ปุพฺเพ ¶ วุตฺตสฺเสว อตฺถจตุกฺกสฺส ปุน สมฺปิณฺเฑตฺวา กถนํ กิมตฺถนฺติ อธิปฺปาเยน อนุโยคํ อุทฺธริตฺวา โสเธติ ‘‘โส…เป… กึ ทสฺเสตี’’ติอาทินา. ปจฺจยสมฺปตฺตินฺติ สมฺภารปาริปูรึ. อิเม จตฺตาโรติ สีลสํวโร อินฺทฺริยสํวโร สมฺปชฺํ สนฺโตโสติ ปุพฺเพ วุตฺตา จตฺตาโร อารฺิกสฺส สมฺภารา. น อิชฺฌตีติ น สมฺปชฺชติ น สผโล ภวติ. น เกวลํ อนิชฺฌนมตฺตํ, อถ โข อยมฺปิ โทโสติ ทสฺเสติ ‘‘ติรจฺฉานคเตหิ วา’’ติอาทินา. วตฺตพฺพตํ อาปชฺชตีติ ‘‘อสุกสฺส ภิกฺขุโน อรฺเ ติรจฺฉานคตานํ วิย, วนจรกานํ วิย จ นิวาสนมตฺตเมว, น ปน อรฺวาสานุจฺฉวิกา กาจิ สมฺมาปฏิปตฺติ อตฺถี’’ติ อปวาทวเสน วจนียภาวมาปชฺชติ, อิมสฺสตฺถสฺส ปน ทสฺสเนน วิรุชฺฌนโต สทฺธึ-สทฺโท น โปราโณติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา อารฺเกหิ ติรจฺฉานคเตหิ, วนจรวิสภาคชเนหิ วา สทฺธึ วิปฺปฏิปตฺติวเสน วสนียภาวํ อาปชฺชติ. ‘‘น ภิกฺขเว ปณิธาย อรฺเ วตฺถพฺพํ, โย วเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๒๓) วิย หิ วตฺถพฺพ-สทฺโท วสิตพฺพปริยาโย. ตถา หิ วิภงฺคฏฺกถายมฺปิ วุตฺตํ ‘‘เอวรูปสฺส หิ อรฺวาโส กาฬมกฺกฏอจฺฉตรจฺฉทีปิมิคานํ อฏวิวาสสทิโส โหตี’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๕๒๖) อธิวตฺถาติ อธิวสนฺตา. ปมํ เภรวสทฺทํ สาเวนฺติ. ตาวตา อปลายนฺตสฺส หตฺเถหิปิ สีสํ ปหริตฺวา ¶ ปลาปนาการํ กโรนฺตีติ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน กถิตํ. เอวํ พฺยติเรกโต ปจฺจยสมฺปตฺติยา ทสฺสิตภาวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ อนฺวยโตปิ ปกาเสตุํ ‘‘ยสฺส ปเนเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. กถํ อิชฺฌตีติ อาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ. กาฬโก ติลโกติ วณฺณวิการาปนโรควเสน อฺตฺถ ปริยายวจนํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘ทุนฺนามกฺจ อริสํ, ฉทฺทิโก วมถูริโต;
ทวถุ ปริตาโปถ, ติลโก ติลกาฬโก’’ติ.
ติลสณฺานํ วิย ชายตีติ หิ ติลโก, กาโฬ หุตฺวา ชายตีติ กาฬโก. อิธ ปน ปณฺณตฺติวีติกฺกมสงฺขาตํ ถุลฺลวชฺชํ กาฬกสทิสตฺตา กาฬกํ, มิจฺฉาวีติกฺกมสงฺขาตํ อณุมตฺตวชฺชํ ติลกสทิสตฺตา ติลกนฺติ ¶ อยํ วิเสโส. ตนฺติ ตถา อุปฺปาทิตํ ปีตึ. วิคตภาเวน อุปฏฺานโต ขยวยวเสน สมฺมสนํ. ขียนฏฺเน หิ ขโยว วิคโต, วิปรีโต วา หุตฺวา อยนฏฺเน วโยติปิ วุจฺจติ. อริยภูมิ นาม โลกุตฺตรภูมิ. อิตีติ อริยภูมิโอกฺกมนโต, เทวตานํ วณฺณภณนโต วา, ตตฺถ ตตฺถ เทวตานํ วจนํ สุตฺวา ตสฺส ยโส ปตฺถโฏติ วุตฺตํ โหติ, เอวฺจ กตฺวา เหฏฺา วุตฺตํ อยสปตฺถรณมฺปิ เทวตานมาโรจนวเสนาติ คเหตพฺพํ.
วิวิตฺต-สทฺโท ชนวิเวเกติ อาห ‘‘สฺุ’’นฺติ. ตํ ปน ชนสทฺทนิคฺโฆสาภาเวน เวทิตพฺพํ สทฺทกณฺฏกตฺตา ฌานสฺสาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปสทฺทํ อปฺปนิคฺโฆสนฺติ อตฺโถ’’ติ วุตฺตํ. ชนกคฺคหเณเนว หิ อิธ ชฺํ คหิตํ. ตถา หิ วุตฺตํ วิภงฺเค ‘‘ยเทว ตํ อปฺปนิคฺโฆสํ, ตเทว ตํ วิชนวาต’’นฺติ (วิภ. ๕๓๓). อปฺปสทฺทนฺติ จ ปกติสทฺทาภาวมาห. อปฺปนิคฺโฆสนฺติ นครนิคฺโฆสาทิสทฺทาภาวํ. อีทิเสสุ หิ พฺยฺชนํ สาวเสสํ วิย, อตฺโถ ปน นิรวเสโสติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. มชฺฌิมาคมฏฺกถาวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๓๖๔) ปน อาจริยธมฺมปาลตฺเถโร เอวมาห ‘‘อปฺปสทฺทสฺส ปริตฺตปริยายํ มนสิ กตฺวา วุตฺตํ ‘พฺยฺชนํ สาวเสสํ สิยา’ติ. เตนาห ‘น หิ ตสฺสา’ติอาทิ. อปฺปสทฺโท ปเนตฺถ อภาวตฺโถติปิ สกฺกา วิฺาตุํ ‘อปฺปาพาธตฺจ สฺชานามี’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วิยา’’ติ. ตมตฺถํ วิภงฺคปาฬิยา (วิภ. ๕๒๘) สํสนฺทนฺโต ‘‘เอตเทวา’’ติอาทิมาห. เอตเทวาติ จ มยา สํวณฺณิยมานํ นิสฺสทฺทตํ เอวาติ อตฺโถ. สนฺติเกปีติ คามาทีนํ สมีเปปิ เอทิสํ วิวิตฺตํ นาม, ปเคว ทูเรติ อตฺโถ. อนากิณฺณนฺติ อสงฺกิณฺณํ อสมฺพาธํ. ยสฺส เสนาสนสฺส สมนฺตา คาวุตมฺปิ อฑฺฒโยชนมฺปิ ปพฺพตคหนํ วนคหนํ นทีคหนํ โหติ, น โกจิ อเวลาย อุปสงฺกมิตุํ ¶ สกฺโกติ, อิทํ สนฺติเกปิ อนากิณฺณํ นาม. เสตีติ สยติ. อาสตีติ นิสีทติ. ‘‘เอตฺถา’’ติ อิมินา เสน-สทฺทสฺส, อาสน-สทฺทสฺส จ อธิกรณตฺถภาวํ ทสฺเสติ, จ-สทฺเทน จ ตทุภยปทสฺส จตฺถสมาสภาวํ. ‘‘เตนาหา’’ติอาทินา วิภงฺคปาฬิเมว อาหรติ.
อิทานิ ตสฺสาเยวตฺถํ เสนาสนปฺปเภททสฺสนวเสน วิภาเวตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิภงฺคปาฬิยํ นิทสฺสนนเยน สรูปโต ทสฺสิตเสนาสนสฺเสว หิ อยํ วิภาโค. ตตฺถ วิหาโร ปาการปริจฺฉินฺโน สกโล ¶ อาวาโส. อฑฺฒโยโค ทีฆปาสาโท, ‘‘ครุฬสณฺานปาสาโท’’ติปิ วทนฺติ. ปาสาโท จตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโท. อฏฺโฏ ปฏิราชูนํ ปฏิพาหนโยคฺโค จตุปฺจภูมโก ปติสฺสยวิเสโส. มาโฬ เอกกูฏสงฺคหิโต อเนกโกณวนฺโต ปติสฺสยวิเสโส. อปโร นโย – วิหาโร ทีฆมุขปาสาโท. อฑฺฒโยโค เอกปสฺสฉทนกเคหํ. ตสฺส กิร เอกปสฺเส ภิตฺติ อุจฺจตรา โหติ, อิตรปสฺเส นีจา, เตน ตํ เอกฉทนกํ โหติ. ปาสาโท อายตจตุรสฺสปาสาโท. หมฺมิยํ มุณฺฑจฺฉทนกํ จนฺทิกงฺคณยุตฺตํ. คุหา เกวลา ปพฺพตคุหา. เลณํ ทฺวารพนฺธํ ปพฺภารํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. ‘‘มณฺฑโปติ สาขามณฺฑโป’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๖) เอวํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน, องฺคุตฺตรฏีกากาเรน จ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ.
วิภงฺคฏฺกถายํ (วิภ. อฏฺ. ๕๒๗) ปน วิหาโรติ สมนฺตา ปริหารปถํ, อนฺโตเยว จ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ ทสฺเสตฺวา กตเสนาสนํ. อฑฺฒโยโคติ สุปณฺณวงฺกเคหํ. ปาสาโทติ ทฺเว กณฺณิกานิ คเหตฺวา กโต ทีฆปาสาโท. อฏฺโฏติ ปฏิราชาทิปฏิพาหนตฺถํ อิฏฺกาหิ กโต พหลภิตฺติโก จตุปฺจภูมโก ปติสฺสยวิเสโส. มาโฬติ โภชนสาลาสทิโส มณฺฑลมาโฬ. วินยฏฺกถายํ ปน ‘‘เอกกูฏสงฺคหิโต จตุรสฺสปาสาโท’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๔๘๒-๔๘๗) วุตฺตํ. เลณนฺติ ปพฺพตํ ขณิตฺวา วา ปพฺภารสฺส อปฺปโหนกฏฺาเน กุฏฺฏํ อุฏฺาเปตฺวา วา กตเสนาสนํ. คุหาติ ภูมิทริ วา ยตฺถ รตฺตินฺทิวํ ทีปํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ปพฺพตคุหา วา ภูมิคุหา วาติ วุตฺตํ.
ตํ อาวสถภูตํ ปติสฺสยเสนาสนํ วิหริตพฺพฏฺเน, วิหารฏฺานฏฺเน จ วิหารเสนาสนํ นาม. มสารกาทิจตุพฺพิโธ มฺโจ. ตถา ปีํ. อุณฺณภิสิอาทิปฺจวิธา ภิสิ. สีสปฺปมาณํ พิมฺโพหนํ. วิตฺถารโต วิทตฺถิจตุรงฺคุลตา, ทีฆโต มฺจวิตฺถารปฺปมาณตา เจตฺถ สีสปฺปมาณํ. มสารกาทีนิ มฺจปีภาวโต, ภิสิอุปธานฺจ มฺจปีสมฺพนฺธโต มฺจปีเสนาสนํ. มฺจปีภูตฺหิ เสนาสนํ, มฺจปีสมฺพนฺธฺจ สามฺนิทฺเทเสน, เอกเสเสน วา ‘‘มฺจปีเสนาสน’’นฺติ ¶ วุจฺจติ. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถโรปิ เอวเมว วทติ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ‘‘มฺจปีเสนาสนนฺติ มฺจปีฺเจว มฺจปีสมฺพนฺธเสนาสนฺจา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๖) วุตฺตํ. จิมิลิกา ¶ นาม สุธาปริกมฺมกตาย ภูมิยา วณฺณานุรกฺขณตฺถํ ปฏขณฺฑาทีหิ สิพฺเพตฺวา กตา. จมฺมขณฺโฑ นาม สีหพฺยคฺฆทีปิตรจฺฉจมฺมาทีสุปิ ยํ กิฺจิ จมฺมํ. อฏฺกถาสุ (ปาจิ. อฏฺ. ๑๑๒; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๘๒) หิ เสนาสนปริโภเค ปฏิกฺขิตฺตจมฺมํ น ทิสฺสติ. ติณสนฺถาโรติ เยสํ เกสฺจิ ติณานํ สนฺถาโร. เอเสว นโย ปณฺณสนฺถาเรปิ. จิมิลิกาทิ ภูมิยํ สนฺถริตพฺพตาย สนฺถตเสนาสนํ. ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฏิกฺกมนฺตีติ เปตฺวา วา เอตานิ มฺจาทีนิ ยตฺถ ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ, สพฺพเมตํ เสนาสนํ นามาติ เอวํ วุตฺตํ อวเสสํ รุกฺขมูลาทิปฏิกฺกมิตพฺพฏฺานํ อภิสงฺขรณาภาวโต เกวลํ สยนสฺส, นิสฺสชฺชาย จ โอกาสภูตตฺตา โอกาสเสนาสนํ. เสนาสนคฺคหเณนาติ ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสน’’นฺติ อิมินา เสนาสนสทฺเทน วิวิตฺตเสนาสนสฺส วา อาทาเนน, วจเนน วา คหิตเมว สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต, วิเสสตฺถินา จ วิเสสสฺส ปยุชฺชิตพฺพโต.
ยเทวํ กสฺมา ‘‘อรฺ’’นฺติอาทิ ปุน วุตฺตนฺติ อนุโยเคน ‘‘อิธ ปนสฺสา’’ติอาทิมาห. เอวํ คหิเตสุปิ เสนาสเนสุ ยถาวุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อนุจฺฉวิกเมว เสนาสนํ ทสฺเสตุกามตฺตา ปุน เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ภิกฺขุนีนํ วเสน อาคต’’นฺติ อิทํ วินเย อาคตเมว สนฺธาย วุตฺตํ, น อภิธมฺเม. วินเย หิ คณมฺหาโอหียนสิกฺขาปเท (ปาจิ. ๖๙๑) ภิกฺขุนีนํ อารฺกธุตงฺคสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา อิทมฺปิ จ ตาสํ อรฺํ นาม, น ปน ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิมํ อรฺเมว เสนาสนํ, อิทมฺปิ จ ตาสํ คณมฺหาโอหียนาปตฺติกรํ, น ตุ ปฺจธนุสติกาทิเมว อรฺํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
‘‘เอกา วา คณมฺหา โอหีเยยฺยาติ อคามเก อรฺเ ทุติยิกาย ภิกฺขุนิยา ทสฺสนูปจารํ วา สวนูปจารํ วา วิชหนฺติยา อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺส, วิชหิเต อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติ.
วินยฏฺกถาสุปิ (ปาจิ. อฏฺ. ๖๙๒) หิ ตถาว อตฺโถ วุตฺโตติ. อภิธมฺเม ปน ‘‘อรฺนฺติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) อาคตํ. วินยสุตฺตนฺตา หิ อุโภปิ ปริยายเทสนา นาม, อภิธมฺโม ปน นิปฺปริยายเทสนา, ตสฺมา ยํ น คามปเทสนฺโตคธํ, ตํ อรฺนฺติ นิปฺปริยาเยน ทสฺเสตุํ ตถา วุตฺตํ. อินฺทขีลา พหิ นิกฺขมิตฺวา ¶ ยํ านํ ปวตฺตํ ¶ , สพฺพเมตํ อรฺํ นามาติ เจตฺถ อตฺโถ. อารฺกํ นาม…เป… ปจฺฉิมนฺติ อิทํ ปน สุตฺตนฺตนเยน อารฺกสิกฺขาปเท (ปารา. ๖๕๒) อารฺิกํ ภิกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ อิมสฺส ภิกฺขุโน อนุรูปํ, ตสฺมา วิสุทฺธิมคฺเค ธุตงฺคนิทฺเทเส (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙) ยํ ตสฺส ลกฺขณํ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตเมว, อโต ตตฺถ วุตฺตนเยน คเหตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย.
สนฺทจฺฉายนฺติ สีตจฺฉายํ. เตนาห ‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทิ. รุกฺขมูลนฺติ รุกฺขสมีปํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล สมนฺตา ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ นิปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติ. ปพฺพตนฺติ สุทฺธปาสาณสุทฺธปํสุอุภยมิสฺสกวเสน ติวิโธปิ ปพฺพโต อธิปฺเปโต, น สิลามโย เอว. เสล-สทฺโท ปน อวิเสสโต ปพฺพตปริยาโยติ กตฺวา เอวํ วุตฺตํ. ‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทินา ตทุภยสฺส อนุรูปตํ ทสฺเสติ. ทิสาสุ ขายมานาสูติ ทสสุ ทิสาสุ อภิมุขีภาเวน ทิสฺสมานาสุ. ตถารูเปนปิ การเณน สิยา จิตฺตสฺส เอกคฺคตาติ เอตํ วุตฺตํ, สพฺพทิสาหิ อาคเตน วาเตน พีชิยมานภาวเหตุทสฺสนตฺถนฺติ เกจิ. กํ วุจฺจติ อุทกํ ปิปาสวิโนทนสฺส การกตฺตา. ‘‘ยํ นทีตุมฺพนฺติปิ นทีกฺุชนฺติปิ วทนฺติ, ตํ กนฺทรนฺติ อปพฺพตปเทเสปิ วิทุคฺคนทีนิวตฺตนปเทสํ กนฺทรนฺติ ทสฺเสตี’’ติ (วิภ. มูลฏี. ๕๓๐) อาจริยานนฺทตฺเถโร, เตเนว วิฺายติ ‘‘นทีตุมฺพนทีกฺุชสทฺทา นทีนิวตฺตนปเทสวาจกา’’ติ. นทีนิวตฺตนปเทโส จ นาม นทิยา นิกฺขมนอุทเกน ปุน นิวตฺติตฺวา คโต วิทุคฺคปเทโส. ‘‘อปพฺพตปเทเสปี’’ติ วทนฺโต ปน อฏฺกถายํ นิทสฺสนมตฺเตน ปมํ ปพฺพตปเทสนฺติ วุตฺตํ, ยถาวุตฺโต ปน นทีปเทโสปิ กนฺทโร เอวาติ ทสฺเสติ.
‘‘ตตฺถ หี’’ติอาทินาปิ นิทสฺสนมตฺเตเนว ตสฺสานุรูปภาวมาห. อุสฺสาเปตฺวาติ ปฺุชํ กตฺวา. ‘‘ทฺวินฺนํ ปพฺพตานมฺปิ อาสนฺนตเร ิตานํ โอวรกาทิสทิสํ วิวรํ โหติ, เอกสฺมึเยว ปน ปพฺพเต อุมงฺคสทิส’’นฺติ วทนฺติ อาจริยา. เอกสฺมึเยว หิ อุมงฺคสทิสํ อนฺโตเลณํ โหติ อุปริ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา, น ทฺวีสุ ตถา อปฺปฏิจฺฉนฺนตฺตา, ตสฺมา ‘‘อุมงฺคสทิส’’นฺติ อิทํ ‘‘เอกสฺมึ เยวา’’ติ อิมินา สมฺพนฺธนียํ. ‘‘มหาวิวร’’นฺติ อิทํ ปน อุภเยหิปิ. อุมงฺคสทิสนฺติ จ ‘‘สุทุงฺคาสทิส’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๖) อาจริเยน วุตฺตํ. สุทุงฺคาติ หิ ภูมิฆรสฺเสตํ ¶ อธิวจนํ, ‘‘ตํ คเหตฺวา สุทุงฺคาย รวนฺตํ ยกฺขินี ขิปี’’ติอาทีสุ วิย. มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานนฺติ ปกติสฺจารวเสน มนุสฺเสหิ น สฺจริตพฺพฏฺานํ. กสฺสนวปฺปนาทิวเสน หิ ปกติสฺจารปฏิกฺเขโป อิธาธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘ยตฺถ ¶ น กสนฺติ น วปนฺตี’’ติ. อาทิสทฺเทน ปน ‘‘วนปตฺถนฺติ วนสณฺานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํ, วนปตฺถนฺติ ภีสนกานเมตํ, วนปตฺถนฺติ สโลมหํสานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ปริยนฺตานเมตํ, วนปตฺถนฺติ น มนุสฺสูปจารานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ (วิภ. ๕๓๑) อิมํ วิภงฺคปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติ. ปตฺโถติ หิ ปพฺพตสฺส สมานภูมิ, โย ‘‘สานู’’ติปิ วุจฺจติ, ตสฺสทิสตฺตา ปน มนุสฺสานมสฺจรณภูตํ วนํ, ตสฺมา ปตฺถสทิสํ วนํ วนปตฺโถติ วิเสสนปรนิปาโต ทฏฺพฺโพ. สพฺเพสํ สพฺพาสุ ทิสาสุ อภิมุโข โอกาโส อพฺโภกาโสติ อาห ‘‘อจฺฉนฺน’’นฺติ, เกนจิ ฉทเนน อนฺตมโส รุกฺขสาขายปิ น ฉาทิตนฺติ อตฺโถ. ทณฺฑกานํ อุปริ จีวรํ ฉาเทตฺวา กตา จีวรกุฏิ. นิกฺกฑฺฒิตฺวาติ นีหริตฺวา. อนฺโตปพฺภารเลณสทิโส ปลาลราสิเยว อธิปฺเปโต, อิตรถา ติณปณฺณสนฺถารสงฺโคปิ สิยาติ วุตฺตํ ‘‘ปพฺภารเลณสทิเส อาลเย’’ติ, ปพฺภารสทิเส, เลณสทิเส วาติ อตฺโถ. คจฺฉคุมฺพาทีนมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ปุริมนยํ สมฺปิณฺเฑติ.
ปิณฺฑปาตสฺส ปริเยสนํ ปิณฺฑปาโต อุตฺตรปทโลเปน, ตโต ปฏิกฺกนฺโต ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโตติ อาห ‘‘ปิณฺฑปาตปริเยสนโต ปฏิกฺกนฺโต’’ติ. ปลฺลงฺกนฺติ เอตฺถ ปริ-สทฺโท ‘‘สมนฺตโต’’ติ เอตสฺมึ อตฺเถ, ตสฺมา ปริสมนฺตโต องฺกนํ อาสนํ ปลฺลงฺโก ร-การสฺส ล-การํ, ทฺวิภาวฺจ กตฺวา ยถา ‘‘ปลิพุทฺโธ’’ติ, (มิ. ป. ๖.๓.๖) สมนฺตภาโว จ วาโมรุํ, ทกฺขิโณรฺุจ สมํ เปตฺวา อุภินฺนํ ปาทานํ อฺมฺสมฺพนฺธนกรณํ. เตนาห ‘‘สมนฺตโต อูรุพทฺธาสน’’นฺติ. อูรูนํ พนฺธนวเสน นิสชฺชาว อิธ ปลฺลงฺโก, น อาหริเมหิ วาเฬหิ กโตติ วุตฺตํ โหติ. อาภุชิตฺวาติ จ ยถา ปลฺลงฺกวเสน นิสชฺชา โหติ, ตถา อุโภ ปาเท อาภุคฺเค สมิฺชิเต กตฺวา, ตํ ปน อุภินฺนํ ปาทานํ ตถาพนฺธตากรณเมวาติ อาห ‘‘พนฺธิตฺวา’’ติ. อุชุํ กายนฺติ เอตฺถ กาย-สทฺโท อุปริมกายวิสโย เหฏฺิมกายสฺส อนุชุกํ ปนสฺส นิสชฺชาวจเนเนว วิฺาปิตตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘อุปริมํ สรีรํ อุชุํ เปตฺวา’’ติ. ตํ ปน อุปริมกายสฺส ¶ อุชุกํ ปนํ สรูปโต ทสฺเสติ ‘‘อฏฺารสา’’ติอาทินา, อฏฺารสนฺนํ ปิฏฺิกณฺฏกฏฺิกานํ โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาทนเมว ตถา ปนนฺติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ตถา ปนสฺส ปโยชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอวนฺติ ตถา ปเน สติ, อิมินา วา ตถาปนเหตุนา. น ปณมนฺตีติ น โอนมนฺติ. ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิ ปน ปรมฺปรปโยชนทสฺสนํ. อถาติ เอวํ อโนนมเน. เวทนาติ ปิฏฺิคิลานาทิเวทนา. น ปริปตตีติ น วิคจฺฉติ วีถึ น วิลงฺเฆติ. ตโต เอว ปุพฺเพนาปรํ วิเสสปฺปตฺติยา กมฺมฏฺานํ วุทฺธึ ผาตึ เวปุลฺลํ อุปคจฺฉติ. ปริสทฺโท เจตฺถ อภิสทฺทปริยาโย อภิมุขตฺโถติ วุตฺตํ ¶ ‘‘กมฺมฏฺานาภิมุข’’นฺติ, พหิทฺธา ปุถุตฺตารมฺมณโต นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺานํเยว ปุรกฺขตฺวาติ อตฺโถ. ปริสทฺทสฺส สมีปตฺถตํ ทสฺเสติ ‘‘มุขสมีเป วา กตฺวา’’ติ อิมินา, มุขสฺส สมีเป วิย จิตฺเต นิพทฺธํ อุปฏฺาปนวเสน กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปริสทฺทสฺส สมีปตฺถตํ วิภงฺคปาฬิยา (วิภ. ๕๓๗) สาเธตุํ ‘‘เตเนวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นาสิกคฺเคติ นาสปุฏคฺเค. มุขนิมิตฺตํ นาม อุตฺตโรฏฺสฺส เวมชฺฌปฺปเทโส, ยตฺถ นาสิกวาโต ปฏิหฺติ.
เอตฺถ จ ยถา ‘‘วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชตี’’ติอาทินา (วิภ. ๕๐๘) ภาวนานุรูปํ เสนาสนํ ทสฺสิตํ, เอวํ ‘‘นิสีทตี’’ติ อิมินา อลีนานุทฺธจฺจปกฺขิโก สนฺโต อิริยาปโถ ทสฺสิโต, ‘‘ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา’’ติ อิมินา นิสชฺชาย ทฬฺหภาโว, ‘‘ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ อิมินา อารมฺมณปริคฺคหณูปาโยติ. ปริ-สทฺโท ปริคฺคหฏฺโ ‘‘ปริณายิกา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๖) วิย. มุข-สทฺโท นิยฺยานฏฺโ ‘‘สฺุตวิโมกฺขมุข’’นฺติอาทีสุ วิย. ปฏิปกฺขโต นิกฺขมนเมว หิ นิยฺยานํ. อสมฺโมสนภาโว อุปฏฺานฏฺโ. ตตฺราติ ปฏิสมฺภิทานเย. ปริคฺคหิตนิยฺยานนฺติ สพฺพถา คหิตาสมฺโมสตาย ปริคฺคหิตํ, ปริจฺจตฺตสมฺโมสปฏิปกฺขตาย จ นิยฺยานํ สตึ กตฺวา, ปรมํ สติเนปกฺกํ อุปฏฺเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อยํ อาจริยธมฺมปาลตฺเถรสฺส, อาจริยสาริปุตฺตตฺเถรสฺส จ มติ. อถ วา ‘‘กายาทีสุ สุฏฺุปวตฺติยา ปริคฺคหิตํ, ตโต เอว จ นิยฺยานภาวยุตฺตํ, กายาทิปริคฺคหณาณสมฺปยุตฺตตาย วา ปริคฺคหิตํ, ตโตเยว จ นิยฺยานภูตํ ¶ อุปฏฺานํ กตฺวาติ อตฺโถ’’ติ อยํ อาจริยานนฺทตฺเถรสฺส (วิภ. มูลฏี. ๕๓๗) มติ.
๒๑๗. อภิชฺฌายติ คิชฺฌติ อภิกงฺขติ เอตายาติ อภิชฺฌา, กามจฺฉนฺทนีวรณํ. ลุจฺจนฏฺเนาติ ภิชฺชนฏฺเน, ขเณ ขเณ ภิชฺชนฏฺเนาติ อตฺโถติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน, (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๗) องฺคุตฺตรฏีกากาเรน จ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ. สุตฺเตสุ จ ทิสฺสติ ‘‘ลุจฺจตีติ โข ภิกฺขุ โลโกติ วุจฺจติ. กิฺจ ลุจฺจติ? จกฺขุ โข ภิกฺขุ ลุจฺจติ, รูปา ลุจฺจนฺติ, จกฺขุวิฺาณํ ลุจฺจตี’’ติอาทิ. (สํ. นิ. ๔.๘๒) อภิธมฺมฏฺกถายํ, (ธ. ส. อฏฺ. ๗-๑๓) ปน อิธ จ อธุนา โปตฺถเก ‘‘ลุจฺจนปลุจฺจนฏฺเนา’’ติ ลิขิตํ. ตตฺถ ลุจฺจนเมว ปลุจฺจนปริยาเยน วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. ลุจสทฺโท หิ อเปกฺขนาทิอตฺโถปิ ภวติ ‘‘โอโลเกตี’’ติอาทีสุ, ภิชฺชนปภิชฺชนฏฺเนาติ อตฺโถ. วํสตฺถปกาสินิยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ขณภงฺควเสน ลุจฺจนสภาวโต, จุติภงฺควเสน จ ปลุจฺจนสภาวโต โลโก นามา’’ติ (วํสตฺถปกาสินิยํ นาม มหาวํสฏีกายํ ปมปริจฺเฉเท ปฺจมคาถา วณฺณนายํ) เกจิ ปน ‘‘ภิชฺชนอุปฺปชฺชนฏฺเนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. อาหจฺจภาสิตวจนตฺเถน วิรุชฺฌนโต, ลุจสทฺทสฺส จ ¶ อนุปฺปาทวาจกตฺตา อยุตฺตเมเวตํ. อปิจ อาจริเยหิปิ ‘‘ลุจฺจนปลุจฺจนฏฺเนา’’ติ ปาเมว อุลฺลิงฺเคตฺวา ตถา อตฺโถ วุตฺโต สิยา, ปจฺฉา ปน ปรมฺปราภตวเสน ปมาทเลขตฺตา ตตฺถ ตตฺถ น ทิฏฺโติ ทฏฺพฺพํ, น ลุจฺจติ น ปลุจฺจตีติ โย คหิโตปิ ตถา น โหติ, สฺเวว โลโก, อนิจฺจานุปสฺสนาย วา ลุจฺจติ ภิชฺชติ วินสฺสตีติ คเหตพฺโพว โลโกติ ตํคหณรหิตานํ โลกุตฺตรานํ นตฺถิ โลกตา, ทุกฺขสจฺจํ วา โลโกติ วุตฺตํ ‘‘ปฺจุปาทานกฺขนฺธา โลโก’’ติ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ วจนโตปิ ยถาวุตฺโต เกสฺจิ อตฺโถ น ยุตฺโตติ.
ตสฺมาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธานเมว โลกภาวโต. วิกฺขมฺภนวเสนาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนํ ตทงฺคปฺปหานวเสเนว อนุปฺปาทนํ อปฺปวตฺตนํ, น ปน วิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน ปฏิปกฺขานํ สุฏฺุปหีนํ. ‘‘ปหีนตฺตา’’ติ หิ ตถาปหีนสทิสตํ เอว สนฺธาย วุตฺตํ. กสฺมาติ เจ? ฌานสฺส อนธิคตตฺตา. เอวํ ปน ปุพฺพภาคภาวนาย ตถา ปหานโตเยเวตํ จิตฺตํ วิคตาภิชฺฌํ นาม, น ¶ ตุ จกฺขุวิฺาณมิว สภาวโต อภิชฺฌาวิรหิตตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น จกฺขุวิฺาณสทิเสนา’’ติ วุตฺตํ. ยถา ตนฺติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, ตํ จิตฺตํ วา. อธุนา มฺุจนสฺส, อนาคเต จ ปุน อนาทานสฺส กรณํ ปริโสธนํ นามาติ วุตฺตํ โหติ. ยถา จ อิมสฺส จิตฺตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาย ปริโสธิตตฺตา วิคตาภิชฺฌตา, เอวํ อพฺยาปนฺนตา, วิคตถินมิทฺธตา, อนุทฺธตตา, นิพฺพิจิกิจฺฉตา จ เวทิตพฺพาติ นิทสฺเสนฺโต ‘‘พฺยาปาทปโทสํ ปหายาติอาทีสุปิ เอเสว นโย’’ติ อาห. ปูติกุมฺมาสาทโยติ อาภิโทสิกยวกุมฺมาสาทโย. ปุริมปกตินฺติ ปริสุทฺธปณฺฑรสภาวํ, อิมินา วิการมาปชฺชตีติ อตฺถํ ทสฺเสติ. วิการาปตฺติยาติ ปุริมปกติวิชหนสงฺขาเตน วิการมาปชฺชเนน. ‘‘อุภย’’นฺติอาทินา ตุลฺยตฺถสมาสภาวมาห. ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย จิตฺตสฺส อกลฺลตา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒; วิภ. ๕๔๖) ถินสฺส, ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย กายสฺส อกลฺลตา’’ติอาทินา จ มิทฺธสฺส อภิธมฺเม นิทฺทิฏฺตฺตา ‘‘ถินํ จิตฺตเคลฺํ, มิทฺธํ เจตสิกเคลฺ’’นฺติ วุตฺตํ. สติปิ หิ ถินมิทฺธสฺส อฺมฺํ อวิปฺปโยเค จิตฺตกายลหุตาทีนํ วิย จิตฺตเจตสิกานํ ยถากฺกมํ ตํตํวิเสสสฺส ยา เตสํ อกลฺลตาทีนํ วิเสสปจฺจยตา, อยเมเตสํ สภาโวติ ทฏฺพฺพํ. ทิฏฺาโลโก นาม ปสฺสิโต รตฺตึ จนฺทาโลกทีปาโลกอุกฺกาโลกาทิ, ทิวา จ สูริยาโลกาทิ. รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ตสฺส สฺชานนสมตฺถา สฺา อาโลกสฺา, ตสฺสา จ วิคตนีวรณาย ปริสุทฺธาย อตฺถิตา อิธ อธิปฺเปตา. อติสยตฺถวิสิฏฺสฺส หิ อตฺถิอตฺถสฺส อวโพธโก อยมีกาโรติ ทสฺเสนฺโต ‘‘รตฺติมฺปี’’ติอาทิมาห, วิคตถินมิทฺธภาวสฺส การณตฺตา เจตํ วุตฺตํ. สุตฺเตสุ ปากโฏวายมตฺโถ.
สรตีติ ¶ สโต, สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโนติ เอวํ ปุคฺคลนิทฺเทโสติ ทสฺเสติ ‘‘สติยา จ าเณน จ สมนฺนาคโต’’ติ อิมินา. สนฺเตสุปิ อฺเสุ วีริยสมาธิอาทีสุ กสฺมา อิทเมว อุภยํ วุตฺตํ, วิคตาภิชฺฌาทีสุ วา อิทํ อุภยํ อวตฺวา กสฺมา อิเธว วุตฺตนฺติ อนุโยคมปเนตุํ ‘‘อิทํ อุภย’’นฺติอาทิ วุตฺตํ, ปุคฺคลาธิฏฺาเนน นิทฺทิฏฺสติสมฺปชฺสงฺขาตํ อิทํ อุภยนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมิตฺวา ิโตติ ต-สทฺทสฺส อตีตตฺถตํ อาห, ปุพฺพภาคภาวนาย ปชหนเมว จ อติกฺกมนํ. ‘‘กถํ อิทํ ¶ กถํ อิท’’นฺติ ปวตฺตตีติ กถํกถา, วิจิกิจฺฉา, สา เอตสฺส อตฺถีติ กถํกถี, น กถํกถี อกถํกถี, นิพฺพิจิกิจฺโฉติ วจนตฺโถ, อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘กถํ อิทํ กถํ อิท’นฺติ เอวํ นปฺปวตฺตตีติ อกถํกถี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ อิทํ ‘‘อกถํกถี’’ติ อิมินา สมฺพชฺฌิตพฺพนฺติ อาห ‘‘น วิจิกิจฺฉติ, น กงฺขตีติ อตฺโถ’’ติ. วจนตฺถลกฺขณาทิเภทโตติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ปจฺจยปหานปหายกาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เตปิ หิ ปเภทโต วตฺตพฺพาติ.
๒๑๘. วฑฺฒิยา คหิตํ ธนํ อิณํ นามาติ วุตฺตํ ‘‘วฑฺฒิยา ธนํ คเหตฺวา’’ติ. วิคโต อนฺโต พฺยนฺโต, โส ยสฺสาติ พฺยนฺตี. เตนาห ‘‘วิคตนฺต’’นฺติ, วิรหิตทาตพฺพอิณปริยนฺตํ กเรยฺยาติ เจตสฺส อตฺโถ. เตสนฺติ วฑฺฒิยา คหิตานํ อิณธนานํ. ปริยนฺโต นาม ตทุตฺตริ ทาตพฺพอิณเสโส. นตฺถิ อิณมสฺสาติ อณโณ. ตสฺส ภาโว อาณณฺยํ. ตเมว นิทานํ อาณณฺยนิทานํ, อาณณฺยเหตุ อาณณฺยการณาติ อตฺโถ. อาณณฺยเมว หิ นิทานํ การณมสฺสาติ วา อาณณฺยนิทานํ, ‘‘ปาโมชฺชํ โสมนสฺส’’นฺติ อิเมหิ สมฺพนฺโธ. ‘‘อิณปลิโพธโต มุตฺโตมฺหี’’ติ พลวปาโมชฺชํ ลภติ. ‘‘ชีวิกานิมิตฺตมฺปิ เม อวสิฏฺํ อตฺถี’’ติ โสมนสฺสํ อธิคจฺฉติ.
๒๑๙. วิสภาคเวทนา นาม ทุกฺขเวทนา. สา หิ กุสลวิปากสนฺตานสฺส วิโรธิภาวโต สุขเวทนาย วิสภาคา, ตสฺสา อุปฺปตฺติยา กรณภูตาย. กกเจเนวาติ กกเจน อิว. จตุอิริยาปถนฺติ จตุพฺพิธมฺปิ อิริยาปถํ. พฺยาธิโต หิ ยถา านคมเนสุ อสมตฺโถ, เอวํ นิสชฺชาทีสุปิ. อาพาเธตีติ ปีเฬติ. วาตาทีนํ วิการภูตา วิสมาวตฺถาเยว ‘‘อาพาโธ’’ติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ตํสมุฏฺาเนน ทุกฺเขน ทุกฺขิโต’’ติ, อาพาธสมุฏฺาเนน ทุกฺขเวทนาสงฺขาเตน ทุกฺเขน ทุกฺขิโต ทุกฺขสมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ทุกฺขเวทนาย ปน อาพาธภาเวน อาทิมฺหิ พาธตีติ อาพาโธติ กตฺวา อาพาธสงฺขาเตน มูลพฺยาธินา อาพาธิโก, อปราปรํ สฺชาตทุกฺขสงฺขาเตน อนุพนฺธพฺยาธินา ทุกฺขิโตติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอวฺหิ สติ ทุกฺขเวทนาวเสน วุตฺตสฺส ทุกฺขิตปทสฺส อาพาธิกปเทน วิเสสิตพฺพตา ปากฏา โหตีติ อยเมตฺถ ¶ ¶ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๑๙) วุตฺตนโย. อธิกํ มตฺตํ ปมาณํ อธิมตฺตํ, พาฬฺหํ, อธิมตฺตํ คิลาโน ธาตุสงฺขเยน ปริกฺขีณสรีโรติ อธิมตฺตคิลาโน. อธิมตฺตพฺยาธิปเรตตายาติ อธิมตฺตพฺยาธิปีฬิตตาย. น รุจฺเจยฺยาติ น รุจฺเจถ, กมฺมตฺถปทฺเจตํ ‘‘ภตฺตฺจสฺสา’’ติ เอตฺถ ‘‘อสฺสา’’ติ กตฺตุทสฺสนโต. มตฺตาสทฺโท อนตฺถโกติ วุตฺตํ ‘‘พลมตฺตาติ พลเมวา’’ติ, อปฺปมตฺตกํ วา พลํ พลมตฺตา. ตทุภยนฺติ ปาโมชฺชํ, โสมนสฺสฺจ. ลเภถ ปาโมชฺชํ ‘‘โรคโต มุตฺโตมฺหี’’ติ. อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺสํ ‘‘อตฺถิ เม กายพล’’นฺติ ปาฬิยา อตฺโถ.
๒๒๐. กากณิกมตฺตํ นาม ‘‘เอกคฺุชมตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ‘‘ทิยฑฺฒวีหิมตฺต’’นฺติ วินยฏีกายํ วุตฺตํ. อปิจ กณ-สทฺโท กุณฺฑเก –
‘‘อกณํ อถุสํ สุทฺธํ, สุคนฺธํ ตณฺฑุลปฺผลํ;
ตุณฺฑิกีเร ปจิตฺวาน, ตโต ภฺุชนฺติ โภชน’’นฺติ. (ที. นิ. ๓.๒๘๑) อาทีสุ วิย;
‘‘กโณ ตุ กุณฺฑโก ภเว’’ติ (อภิธาเน ภกณฺเฑ จตุพฺพณฺณวคฺเค ๔๕๔ คาถา) หิ วุตฺตํ. อปฺปโก ปน กโณ กากโณติ วุจฺจติ ยถา ‘‘กาลวณ’’นฺติ, ตสฺมา กากโณว ปมาณมสฺสาติ กากณิกํ, กากณิกเมว กากณิกมตฺตํ, ขุทฺทกกุณฺฑกปฺปมาณเมวาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ สติ ‘‘ราชทาโย นาม กากณิกมตฺตํ น วฏฺฏติ, อฑฺฒมาสคฺฆนิกํ มํสํ เทตี’’ติ (ชา. อฏฺ. ๖.อุมงฺคชาตกวณฺณนาย) วุตฺเตน อุมงฺคชาตกวจเนน จ อวิรุทฺธํ โหติ. วโยติ ขโย ภงฺโค, ตสฺส ‘‘พนฺธนา มุตฺโตมฺหี’’ติ อาวชฺชยโต ตทุภยํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺส’’นฺติ. วจนาวเสสํ สนฺธาย ‘‘เสสํ วุตฺตนเยเนวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุตฺตนเยเนวาติ จ ปมทุติยปเทสุ วุตฺตนเยเนว. สพฺพปเทสูติ ตติยาทีสุ ตีสุ โกฏฺาเสสุ. เอเกโก หิ อุปมาปกฺโข ‘‘ปท’’นฺติ วุตฺโต.
๒๒๑-๒๒๒. อธีโนติ อายตฺโต, น เสริภาวยุตฺโต. เตนาห ‘‘อตฺตโน รุจิยา กิฺจิ กาตุํ น ลภตี’’ติ. เอวมิตรสฺมิมฺปิ. เยน คนฺตุกาโม, เตน กามํ คโม น โหตีติ สปาเสสโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘เยนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กามนฺติ เจตํ ภาวนปุํสกวจนํ, กาเมน วา อิจฺฉาย คโม กามํคโม นิคฺคหีตาคเมน. ทาสพฺยาติ ¶ เอตฺถ พฺย-สทฺทสฺส ภาวตฺถตํ ทสฺเสติ ‘‘ทาสภาวา’’ติ อิมินา. อปราธีนตาย อตฺตโน ภุโช วิย สกิจฺเจ เอสิตพฺโพ เปสิตพฺโพติ ¶ ภุชิสฺโส, สยํวสีติ นิพฺพจนํ. ‘‘ภุโช นาม อตฺตโน ยถาสุขํ วินิโยโค, โส อิสฺโส อิจฺฉิตพฺโพ เอตฺถาติ ภุชิสฺโส, อสฺสามิโก’’ติ มูลปณฺณาสกฏีกายํ วุตฺตํ. อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺตโน สนฺตโก’’ติ อาห, อตฺตาว อตฺตโน สนฺตโก, น ปรสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. อนุทกตาย กํ ปานียํ ตาเรนฺติ เอตฺถาติ กนฺตาโร, อทฺธานสทฺโท จ ทีฆปริยาโยติ วุตฺตํ ‘‘นิรุทกํ ทีฆมคฺค’’นฺติ.
๒๒๓. เสสานีติ พฺยาปาทาทีนิ. ตตฺราติ ทสฺสเน. อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมานา สทิสตา, เยน อิณาทีนํ อุปมาภาโว, กามจฺฉนฺทาทีนฺจ อุปเมยฺยภาโว โหติ, โส เนสํ อุปโมปเมยฺยสมฺพนฺโธ สทิสตาติ ทฏฺพฺพํ. เตหีติ ปเรหิ อิณสามิเกหิ. กิฺจิ ปฏิพาหิตุนฺติ ผรุสวจนาทิกํ กิฺจิปิ ปฏิเสเธตุํ น สกฺโกติ อิณํ ทาตุมสกฺกุณตฺตา. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘ติติกฺขาการณ’’นฺติอาทิ, อิณสฺส ติติกฺขาการณตฺตาติ อตฺโถ. โย ยมฺหิ กามจฺฉนฺเทน รชฺชตีติ โย ปุคฺคโล ยมฺหิ กามจฺฉนฺทสฺส วตฺถุภูเต ปุคฺคเล กามจฺฉนฺเทน รชฺชติ. ตณฺหาสหคเตน ตํ วตฺถุํ คณฺหาตีติ ตณฺหาภูเตน กามจฺฉนฺเทน ตํ กามจฺฉนฺทสฺส วตฺถุภูตํ ปุคฺคลํ ‘‘มเมต’’นฺติ คณฺหาติ. สหคตสทฺโท เหตฺถ ตพฺภาวมตฺโต ‘‘ยายํ ตณฺหา โปโนภวิกา นนฺทีราคสหคตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๐๐; ม. นิ. ๑.๑๓๓, ๔๘๐; ๓.๓๗๓; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) วิย. เตนาติ กามจฺฉนฺทสฺส วตฺถุภูเตน ปุคฺคเลน. กสฺมาติ อาห ‘‘ติติกฺขาการณ’’นฺติอาทิ, กามจฺฉนฺทสฺส ติติกฺขาการณตฺตาติ อตฺโถ. ติติกฺขาสทิโส เจตฺถ ราคปธาโน อกุสลจิตฺตุปฺปาโท ‘‘ติติกฺขา’’ติ วุตฺโต, น ตุ ‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๙๑; ธ. ป. ๑๘๔) วิย ตปภูโต อโทสปธาโน จิตฺตุปฺปาโท. ฆรสามิเกหีติ ฆรสฺส สามิกภูเตหิ สสฺสุสสุรสามิเกหิ. อิตฺถีนํ กามจฺฉนฺโท ติติกฺขาการณํ โหติ วิยาติ สมฺพนฺโธ.
‘‘ยถา ปนา’’ติอาทินา เสสานํ โรคาทิสทิสตา วุตฺตา. ตตฺถ ปิตฺตโทสโกปนวเสน ปิตฺตโรคาตุโร. ตสฺส ปิตฺตโกปนโต สพฺพมฺปิ ¶ มธุสกฺกราทิกํ อมธุรภาเวน สมฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘ติตฺตกํ ติตฺตกนฺติ อุคฺคิรติเยวา’’ติ. ตุมฺเห อุปทฺทเวถาติ ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๒๓) อุทฺธฏปาโ, ‘‘อุปทฺทวํ กโรถา’’ติ นามธาตุวเสน อตฺโถ, อิทานิ ปน ‘‘ตุมฺเหหิ อุปทฺทุตา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. วิพฺภมตีติ อิโต จิโต จ อาหิณฺฑติ, หีนาย วา อาวตฺตติ. มธุสกฺกราทีนํ รสํ น วินฺทติ นานุภวติ น ชานาติ น ลภติ จ วิยาติ สมฺพนฺโธ. สาสนรสนฺติ สาสนสฺส รสํ, สาสนเมว วา รสํ.
นกฺขตฺตฉณํ ¶ นกฺขตฺตํ. เตนาห ‘‘อโห นจฺจํ, อโห คีต’’นฺติ. มุตฺโตติ พนฺธนโต ปมุตฺโต. ธมฺมสฺสวนสฺสาติ โสตพฺพธมฺมสฺส.
สีฆํ ปวตฺเตตพฺพกิจฺจํ อจฺจายิกํ. สีฆตฺโถ หิ อติสทฺโท ‘‘ปาณาติปาโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๙๓; วิภ. ๙๖๘) วิย. วินเย อปกตฺุนาติ วินยกฺกเม อกุสเลน. ปกตํ นิฏฺานํ วินิจฺฉยํ ชานาตีติ ปกตฺู, น ปกตฺู ตถา. โส หิ กปฺปิยากปฺปิยํ ยาถาวโต น ชานาติ. เตนาห ‘‘กิสฺมิฺจิเทวา’’ติอาทิ. กปฺปิยมํเสปีติ สูกรมํสาทิเกปิ. อกปฺปิยมํสสฺายาติ อจฺฉมํสาทิสฺาย.
ทณฺฑกสทฺเทนาปีติ สาขาทณฺฑกสทฺเทนปิ. อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิโตติ อวสงฺกิโต เจว สมนฺตโต สงฺกิโต จ, อติวิย สงฺกิโตติ วุตฺตํ โหติ. ตทาการทสฺสนํ ‘‘คจฺฉติปี’’ติอาทิ. โส หิ โถกํ คจฺฉติปิ. คจฺฉนฺโต ปน ตาย อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตตาย ตตฺถ ตตฺถ ติฏฺติปิ. อีทิเส กนฺตาเร คเต ‘‘โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ นิวตฺตติปิ, ตสฺมา จ คตฏฺานโต อคตฏฺานเมว พหุตรํ โหติ, ตโต เอว จ โส กิจฺเฉน กสิเรน เขมนฺตภูมึ ปาปุณาติ วา, น วา ปาปุณาติ. กิจฺเฉน กสิเรนาติ ปริยายวจนํ, กายิกทุกฺเขน เขทนํ วา กิจฺฉํ, เจตสิกทุกฺเขน ปีฬนํ กสิรํ. เขมนฺตภูมินฺติ เขมภูตํ ภูมึ อนฺตสทฺทสฺส ตพฺภาวตฺตา, ภยสฺส ขียนํ วา เขโม, โสว อนฺโต ปริจฺเฉโท ยสฺสา ตถา, สา เอว ภูมีติ เขมนฺตภูมิ, ตํ นิพฺภยปฺปเทสนฺติ อตฺโถ. อฏฺสุ าเนสูติ ‘‘ตตฺถ กตมา วิจิกิจฺฉา? สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ. ธมฺเม. สงฺเฆ. สิกฺขาย. ปุพฺพนฺเต. อปรนฺเต. ปุพฺพนฺตาปรนฺเต. อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กงฺขติ วิจิกิจฺฉตี’’ติ (วิภ. ๙๑๕) วิภงฺเค ¶ วุตฺเตสุ อฏฺสุ าเนสุ. อธิมุจฺจิตฺวาติ วินิจฺฉินิตฺวา, สทฺทหิตฺวา วา. สทฺธาย คณฺหิตุนฺติ สทฺเธยฺยวตฺถุํ ‘‘อิทเมว’’นฺติ สทฺทหนวเสน คณฺหิตุํ, สทฺทหิตุํ น สกฺโกตีติ อตฺโถ. อิตีติ ตสฺมา วุตฺตนเยน อสกฺกุณนโต อนฺตรายํ กโรตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อตฺถิ นุ โข, นตฺถิ นุ โข’’ติ อรฺํ ปวิฏฺสฺส อาทิมฺหิ เอว สปฺปนํ สํสโย อาสปฺปนํ. ตโต ปรํ สมนฺตโต, อุปรูปริ วา สปฺปนํ ปริสปฺปนํ. อุภเยนปิ ตตฺเถว สํสยวเสน ปริพฺภมนํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อปริโยคาหน’’นฺติ, ‘‘เอวมิท’’นฺติ สมนฺตโต อโนคาหนนฺติ อตฺโถ. ฉมฺภิตตฺตนฺติ อรฺสฺาย อุปฺปนฺนํ ฉมฺภิตภาวํ หทยมํสจลนํ, อุตฺราสนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุปเมยฺยปกฺเขปิ ยถารหเมสมตฺโถ.
๒๒๔. ตตฺรายํ สทิสตาติ เอตฺถ ปน อปฺปหีนปกฺเข วุตฺตนยานุสาเรน สทิสตา เวทิตพฺพา ¶ . ยทคฺเคน หิ กามจฺฉนฺทาทโย อิณาทิสทิสา, ตทคฺเคน จ เตสํ ปหานํ อาณณฺยาทิสทิสตาติ. อิทํ ปน อนุตฺตานปทตฺถมตฺตํ – สมิทฺธตนฺติ อฑฺฒตํ. ปุพฺเพ ปณฺณมาโรปิตาย วฑฺฒิยา สห วตฺตตีติ สวฑฺฒิกํ. ปณฺณนฺติ อิณทานคฺคหเณ สลฺลกฺขณวเสน ลิขิตปณฺณํ. ปุน ปณฺณนฺติ อิณยาจนวเสน สาสนลิขิตปณฺณํ. นิลฺเลปตายาติ ธนสมฺพนฺธาภาเวน อวิลิมฺปนตาย. ตถา อลคฺคตาย. ปริยายวจนฺเหตํ ทฺวยํ. อถ วา นิลฺเลปตายาติ วุตฺตนเยน อวิลิมฺปนภาเวน วิเสสนภูเตน อลคฺคตายาติ อตฺโถ. ฉ ธมฺเมติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. ภาเวตฺวาติ พฺรูเหตฺวา, อตฺตนิ วา อุปฺปาเทตฺวา. อนุปฺปนฺนอนุปฺปาทนอุปฺปนฺนปฺปหานาทิวิภาวนวเสน มหาสติปฏฺานสุตฺเต สวิเสสํ ปาฬิยา อาคตตฺตา ‘‘มหาสติปฏฺาเน วณฺณยิสฺสามา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘มหาสติปฏฺาเน’’ติ จ อิมสฺมึ ทีฆาคเม (ที. นิ. ๒.๓๗๒ อาทโย) สงฺคีตมาห, น มชฺฌิมาคเม นิกายนฺตรตฺตา. นิกายนฺตราคโตปิ หิ อตฺโถ อาจริเยหิ อฺตฺถ เยภุยฺเยน วุตฺโตติ วทนฺติ. เอส นโย พฺยาปาทาทิปฺปหานภาเคปิ. ปรวตฺถุมฺหีติ อารมฺมณภูเต ปรสฺมึ วตฺถุสฺมึ. มมายนาภาเวน เนว สงฺโค. ปริคฺคหาภาเวน น พทฺโธ. ทิพฺพานิปิ รูปานิ ปสฺสโต กิเลโส น สมุทาจรติ, ปเคว มานุสิยานีติ สมฺภาวเน อปิ-สทฺโท.
อนตฺถกโรติ ¶ อตฺตโน, ปรสฺส จ อหิตกโร. ฉ ธมฺเมติ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, เมตฺตาภาวนานุโยโค, กมฺมสฺสกตา, ปฏิสงฺขานพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. ตตฺเถวาติ มหาสติปฏฺาเนเยว. จาริตฺตสีลเมว อุทฺทิสฺส ปฺตฺตสิกฺขาปทํ ‘‘อาจารปณฺณตฺตี’’ติ วุตฺตํ. อาทิ-สทฺเทน วาริตฺตปณฺณตฺติสิกฺขาปทํ สงฺคณฺหาติ.
ปเวสิโตติ ปเวสาปิโต. พนฺธนาคารํ ปเวสาปิตตฺตา อลทฺธนกฺขตฺตานุภวโน ปุริโส หิ ‘‘นกฺขตฺตทิวเส พนฺธนาคารํ ปเวสิโต ปุริโส’’ติ วุตฺโต, นกฺขตฺตทิวเส เอว วา ตทนนุภวนตฺถํ ตถา กโต ปุริโส เอวํ วุตฺโตติปิ วฏฺฏติ. อปรสฺมินฺติ ตโต ปจฺฉิเม, อฺสฺมึ วา นกฺขตฺตทิวเส. โอกาสนฺติ กมฺมการณาการณํ, กมฺมการณกฺขณํ วา. มหานตฺถกรนฺติ ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถหาปนมุเขน มหโต อนตฺถสฺส การกํ. ฉ ธมฺเมติ อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห, อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสฺามนสิกาโร, อพฺโภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม, ธมฺมนกฺขตฺตสฺสาติ ยถาวุตฺตโสตพฺพธมฺมสงฺขาตสฺส มหสฺส. สาธูนํ รติชนนโต หิ ธมฺโมปิ ฉณสทิสฏฺเน ‘‘นกฺขตฺต’’นฺติ วุตฺโต.
อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺเจ ¶ มหานตฺถกรนฺติ ปรายตฺตตาปาทเนน วุตฺตนเยน มหโต อนตฺถสฺส การกํ. ฉ ธมฺเมติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, วุฑฺฒเสวิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. พลสฺส, พเลน วา อตฺตนา อิจฺฉิตสฺส กรณํ พลกฺกาโร, เตน. เนกฺขมฺมปฏิปทนฺติ นีวรณโต นิกฺขมนปฏิปทํ อุปจารภาวนเมว, น ปมํ ฌานํ. อยฺหิ อุปจารภาวนาธิกาโร.
พลวาติ ปจฺจตฺถิกวิธมนสมตฺเถน พเลน พลวา วนฺตุ-สทฺทสฺส อภิสยตฺถวิสิฏฺสฺส อตฺถิยตฺถสฺส โพธนโต. หตฺถสารนฺติ หตฺถคตธนสารํ. สชฺชาวุโธติ สชฺชิตธนฺวาทิอาวุโธ, สนฺนทฺธปฺจาวุโธติ อตฺโถ. สูรวีรเสวกชนวเสน สปริวาโร. ตนฺติ ยถาวุตฺตํ ปุริสํ. พลวนฺตตาย, สชฺชาวุธตาย, สปริวารตาย จ โจรา ทูรโตว ทิสฺวา ปลาเยยฺยุํ. อนตฺถการิกาติ สมฺมาปฏิปตฺติยา วิพนฺธกรณโต วุตฺตนเยน อหิตการิกา. ฉ ธมฺเมติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา ¶ , วินเย ปกตฺุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ อิเม ฉ ธมฺเม. ยถา พาหุสจฺจาทีนิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ วิจิกิจฺฉายปีติ อิธาปิ พหุสฺสุตตาทโย ตโยปิ ธมฺมา คหิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, ปน สปฺปายกถา จ ปฺจนฺนมฺปิ ปหานาย สํวตฺตนฺติ, ตสฺมา ตาสุ ตสฺส ตสฺส นีวรณสฺส อนุจฺฉวิกเสวนตา ทฏฺพฺพา. ติณํ วิยาติ ติณํ ภยวเสน น คเณติ วิย. ทุจฺจริตกนฺตารํ นิตฺถริตฺวาติ ทุจฺจริตจรณูปายภูตาย วิจิกิจฺฉาย นิตฺถรณวเสน ทุจฺจริตสงฺขาตํ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา. วิจิกิจฺฉา หิ สมฺมาปฏิปตฺติยา อปฺปฏิปชฺชนนิมิตฺตตามุเขน มิจฺฉาปฏิปตฺติเมว ปริพฺรูเหตีติ ตสฺสา อปฺปหานํ ทุจฺจริตจรณูปาโย, ปหานฺจ ทุจฺจริตวิธูนนูปาโยติ.
๒๒๕. ‘‘ตุฏฺากาโร’’ติ อิมินา ปาโมชฺชํ นาม ตรุณปีตึ ทสฺเสติ. สา หิ ตรุณตาย กถฺจิปิ ตุฏฺาวตฺถา ตุฏฺาการมตฺตํ. ‘‘ตุฏฺสฺสา’’ติ อิทํ ‘‘ปมุทิตสฺสา’’ติ เอตสฺส อตฺถวจนํ, ตสฺสตฺโถ ‘‘โอกฺกนฺติกภาวปฺปตฺตาย ปีติยา วเสน ตุฏฺสฺสา’’ติ ฏีกายํ วุตฺโต, เอวํ สติ ปาโมชฺชปเทน โอกฺกนฺติกา ปีติเยว คหิตา สิยา. ‘‘สกลสรีรํ โขภยมานา ปีติ ชายตี’’ติ เอตสฺสา จตฺโถ ‘‘อตฺตโน สวิปฺผาริกตาย, อตฺตสมุฏฺานปณีตรูปุปฺปตฺติยา จ สกลสรีรํ โขภยมานา ผรณลกฺขณา ปีติ ชายตี’’ติ วุตฺโต, เอวฺจ สติ ปีติปเทน ผรณา ปีติเยว คหิตา สิยา, การณํ ปเนตฺถ คเวสิตพฺพํ. อิธ, ปน อฺตฺถ จ ตรุณพลวตามตฺตสามฺเน ปททฺวยสฺส อตฺถทีปนโต ยา กาจิ ตรุณา ปีติ ปาโมชฺชํ, พลวตี ปีติ, ปฺจวิธาย วา ปีติยา ยถากฺกมํ ตรุณพลวตาสมฺภวโต ปุริมา ปุริมา ปาโมชฺชํ ¶ , ปจฺฉิมา ปจฺฉิมา ปีตีติปิ วทนฺติ, อยเมตฺถ ตทนุจฺฉวิโก อตฺโถ. ตุฏฺสฺสาติ ปาโมชฺชสงฺขาตาย ตรุณปีติยา วเสน ตุฏฺสฺส. ต-สทฺโท หิ อตีตตฺโถ, อิตรถา เหตุผลสมฺพนฺธาภาวาปตฺติโต, เหตุผลสมฺพนฺธภาวสฺส จ วุตฺตตฺตา. ‘‘สกลสรีรํ โขภยมานา’’ติ อิมินา ปีติ นาม เอตฺถ พลวปีตีติ ทสฺเสติ. สา หิ อตฺตโน สวิปฺผาริกตาย, อตฺตสมุฏฺานปณีตรูปุปฺปตฺติยา จ สกลสรีรํ สงฺโขภยมานา ชายติ. สกลสรีเร ปีติเวคสฺส ปีติวิปฺผารสฺส อุปฺปาทนฺเจตฺถ สงฺโขภนํ.
ปีติสหิตํ ¶ ปีติ อุตฺตรปทโลเปน. กึ ปน ตํ? มโน, ปีติ มโน เอตสฺสาติ สมาโส. ปีติยา สมฺปยุตฺตํ มโน ยสฺสาติปิ วฏฺฏติ, ตสฺส. อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘ปีติสมฺปยุตฺตจิตฺตสฺส ปุคฺคลสฺสา’’ติ วุตฺตํ. กาโยติ อิธ สพฺโพปิ อรูปกลาโป อธิปฺเปโต, น ปน กายลหุตาทีสุ วิย เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยเมว, น จ กายายตนาทีสุ วิย รูปกายมฺปีติ ทสฺเสติ ‘‘นามกาโย’’ติ อิมินา. ปสฺสทฺธิทฺวยวเสเนว เหตฺถ ปสฺสมฺภนมธิปฺเปตํ, ปสฺสมฺภนํ ปน วิคตกิเลสทรถตาติ อาห ‘‘วิคตทรโถ โหตี’’ติ, ปหีนอุทฺธจฺจาทิกิเลสทรโถติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย ปุพฺพภาคภาวนาย วเสน เจตสิกสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโตเยว ตํสมุฏฺานปณีตรูปผุฏสรีรตาย กายิกมฺปิ สุขํ ปฏิสํเวเทตีติ วุตฺตํ ‘‘กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ สุขํ เวทยตี’’ติ. อิมินา เนกฺขมฺมสุเขนาติ ‘‘สุขํ เวเทตี’’ติ เอวํ วุตฺเตน สํกิเลสนีวรณปกฺขโต นิกฺขนฺตตฺตา, ปมชฺฌานปกฺขิกตฺตา จ ยถารหํ เนกฺขมฺมสงฺขาเตน อุปจารสุเขน อปฺปนาสุเขน จ. สมาธานมฺเปตฺถ ตทุภเยเนวาติ วุตฺตํ ‘‘อุปจารวเสนาปิ อปฺปนาวเสนาปี’’ติ.
เอตฺถ ปนายมธิปฺปาโย – กามจฺฉนฺทปฺปหานโต ปฏฺาย ยาว ปสฺสทฺธกายสฺส สุขปฏิสํเวทนา, ตาว ยถา ปุพฺเพ, ตถา อิธาปิ ปุพฺพภาคภาวนาเยว วุตฺตา, น อปฺปนา. ตถา หิ กามจฺฉนฺทปฺปหาเน อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘วิกฺขมฺภนวเสนาติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนํ อนุปฺปาทนํ อปฺปวตฺตนํ, น ปฏิปกฺขานํ สุปฺปหีนตา, ปหีนตฺตาติ จ ปหีนสทิสตํ สนฺธาย วุตฺตํ ฌานสฺส อนธิคตตฺตา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๑). ปสฺสทฺธกายสฺส สุขปฏิสํเวทนาย จ วุตฺตปฺปการาย ปุพฺพภาคภาวนาย วเสน เจตสิกสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโตเยว ตํสมุฏฺานปณีตรูปผุฏสรีรตาย กายิกมฺปิ สุขํ ปฏิสํเวเทตีติ. อปิจ กา นาม กถา อฺเหิ วตฺตพฺพา อฏฺกถายเมว ‘‘ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปุพฺพภาคภาวนาย วุตฺตตฺตา. สุขิโน จิตฺตสมาธาเน ปน สุขสฺส อุปจารภาวนาย วิย อปฺปนายปิ การณตฺตา, ‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทินา จ วกฺขมานาย อปฺปนาย เหตุผลวเสน สมฺพชฺฌนโต ปุพฺพภาคสมาธิ ¶ , อปฺปนาสมาธิ จ วุตฺโต, ปุพฺพภาคสุขมิว วา อปฺปนาสุขมฺปิ อปฺปนาสมาธิสฺส การณเมวาติ ตมฺปิ อปฺปนาสุขํ อปฺปนาสมาธิโน ¶ การณภาเวน อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน คหิตนฺติ อิมมตฺถมสลฺลกฺเขนฺตา เนกฺขมฺมปทตฺถํ ยถาตถํ อคฺคเหตฺวา ปาฬิยํ, อฏฺกถายมฺปิ สํกิณฺณากุลํ เกจิ กโรนฺตีติ.
ปมชฺฌานกถาวณฺณนา
๒๒๖. ยเทวํ ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ เอเตเนว อุปจารวเสนปิ อปฺปนาวเสนปิ จิตฺตสฺส สมาธานํ กถิตํ สิยา, เอวํ สนฺเต ‘‘โส วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติอาทิกา เทสนา กิมตฺถิยาติ โจทนาย ‘‘โส วิวิจฺเจว…เป… วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘สมาหิเต’’ติ ปททฺวยํ ‘‘ทสฺสนตฺถํ วุตฺต’’นฺติ อิเมหิ สมฺพนฺธิตฺวา สมาหิตตฺตา ตถา ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อุปริวิเสสทสฺสนตฺถนฺติ อุปจารสมาธิโต, ปมชฺฌานาทิสมาธิโต จ อุปริ ปตฺตพฺพสฺส ปมทุติยชฺฌานาทิวิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ. อุปจารสมาธิสมธิคเมเนว หิ ปมชฺฌานาทิวิเสโส สมธิคนฺตุํ สกฺกา, น ปน เตน วินา, ทุติยชฺฌานาทิสมธิคเมปิ ปาโมชฺชุปฺปาทาทิการณปรมฺปรา อิจฺฉิตพฺพา, ทุติยมคฺคาทิสมธิคเม ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ วิยาติ ทฏฺพฺพํ. อปฺปนาสมาธินาติ ปมชฺฌานาทิอปฺปนาสมาธินา. ตสฺส สมาธิโนติ โย อปฺปนาลกฺขโณ สมาธิ ‘‘สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยตี’’ติ สพฺพสาธารณวเสน วุตฺโต, ตสฺส สมาธิโน. ปเภททสฺสนตฺถนฺติ ทุติยชฺฌานาทิวิภาคสฺส เจว ปมาภิฺาทิวิภาคสฺส จ ปเภททสฺสนตฺถํ. กรชกายนฺติ จตุสนฺตติรูปสมุทายภูตํ จาตุมหาภูติกกายํ. โส หิ คพฺภาสเย กรียตีติ กตฺวา กรสงฺขาตโต ปุปฺผสมฺภวโต ชาตตฺตา กรโชติ วุจฺจติ. กโรติ หิ มาตุ โสณิตสงฺขาตปุปฺผสฺส, ปิตุ สุกฺกสงฺขาตสมฺภวสฺส จ นามํ, ตโต ชาโต ปน อณฺฑชชลาพุชวเสน คพฺภเสยฺยกกาโยว. กามํ โอปปาติกาทีนมฺปิ เหตุสมฺปนฺนานํ ยถาวุตฺตสมาธิสมธิคโม สมฺภวติ, ตถาปิ เยภุยฺยตฺตา, ปากฏตฺตา จ สฺเวว กาโย วุตฺโตติ. กโรติ ปุตฺเต นิพฺพตฺเตตีติ กโร, สุกฺกโสณิตํ, กเรน ชาโต กรโชติปิ วทนฺติ.
นนุ จ นามกาโยปิ วิเวกเชน ปีติสุเขน ตถา ลทฺธูปกาโรว สิยา, อถ กสฺมา ยถาวุตฺโต รูปกาโยว อิธ คหิโตติ? สทฺทนฺตราภิสมฺพนฺเธน อธิคตตฺตา. ‘‘อภิสนฺเทตี’’ติอาทิสทฺทนฺตราภิสมฺพนฺธโต หิ รูปกาโย ¶ เอว อิธ ภควตา วุตฺโตติ อธิคมียติ ตสฺเสว อภิสนฺทนาทิกิริยาโยคฺยตฺตาติ. อภิสนฺเทตีติ อภิสนฺทนํ กโรติ, โส ¶ อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขนาติ หิ เภทวเสน, สมุทายาวยววเสน จ ปริกปฺปนามตฺตสิทฺธา เหตุกิริยา เอตฺถ ลพฺภติ, อภิสนฺทนํ ปเนตํ ฌานมเยน ปีติสุเขน กรชกายสฺส ตินฺตภาวาปาทนํ, สพฺพตฺถกเมว จ ลูขภาวสฺสาปนยนนฺติ อาห ‘‘เตเมติ สฺเนเหตี’’ติ, อวสฺสุตภาวํ, อลฺลภาวฺจ กโรตีติ อตฺโถ. อตฺถโต ปน อภิสนฺทนํ นาม ยถาวุตฺตปีติสุขสมุฏฺาเนหิ ปณีตรูเปหิ กายสฺส ปริปฺผรณํ ทฏฺพฺพํ. เตเนวาห ‘‘สพฺพตฺถ ปวตฺตปีติ สุขํ กโรตี’’ติ. ตํสมุฏฺานรูปผรณวเสเนว หิ สพฺพตฺถ ปวตฺตปีติสุขตา. ปริสนฺเทตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ภสฺตํ นาม จมฺมปสิพฺพกํ. ปริปฺผรตีติ สุทฺธกิริยาปทํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมนฺตโต ผุสตี’’ติ, โส อิมเมว กายํ วิเวกเชน ปีติสุเขน สมนฺตโต ผุฏฺโ ภวตีติ อตฺโถ. ผุสนกิริยาเยเวตฺถ อุปปนฺนา, น พฺยาปนกิริยา ภิกฺขุสฺเสว สุทฺธกตฺตุภาวโต. สพฺพํ เอตสฺส อตฺถีติ สพฺพวา ยถา ‘‘คุณวา’’ติ, ตสฺส สพฺพวโต, ‘‘อวยวาวยวีสมฺพนฺเธ อวยวินิ สามิวจน’’นฺติ สทฺทลกฺขเณน ปเนตสฺส ‘‘กิฺจี’’ติ อวยเวน สมฺพชฺฌนโต อวยวีวิสโยเยเวส สพฺพสทฺโทติ มนฺตฺวา ฉวิมํสาทิโกฏฺาสสงฺขาเตน อวยเวน อวยวีภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สพฺพโกฏฺาสวโต กายสฺสา’’ติ. ‘‘กิฺจี’’ติ เอตสฺส ‘‘อุปา…เป… าน’’นฺติ อตฺถวจนํ. อุปาทินฺนกสนฺตติปวตฺติฏฺาเนติ กมฺมชรูปสนฺตติยา ปวตฺติฏฺาเน อผุฏํ นาม น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ฉวิมํสโลหิตานุคตนฺติ ฉวิมํสโลหิตาทิกมฺมชรูปมนุคตํ. ยตฺถ ยตฺถ กมฺมชรูปํ, ตตฺถ ตตฺถ จิตฺตชรูปสฺสาปิ พฺยาปนโต เตน ตสฺส กายสฺส ผุฏภาวํ สนฺธาย ‘‘อผุฏํ นาม น โหตี’’ติ วุตฺตํ.
๒๒๗. เฉโกติ กุสโล, ตํ ปน โกสลฺลํ ‘‘กํสถาเล นฺหานิยจุณฺณานิ อากิริตฺวา’’ติอาทิสทฺทนฺตรสนฺนิธานโต, ปกรณโต จ นฺหานิยจุณฺณานํ กรเณ, ปโยชเน, ปิณฺฑเน จ สมตฺถตาวเสน เวทิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ปฏิพโล’’ติอาทินา. กํสสทฺโท ปน ‘‘มหติยา กํสปาติยา’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๖๑) สุวณฺเณ อาคโต, ‘‘กํโส อุปหโต ยถา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๓๔) กิตฺติมโลเห, ‘‘อุปกํโส นาม ราชา มหากํสสฺส อตฺรโช’’ติอาทีสุ [ชา. อฏฺ. ๔.๑๐.๑๖๔ (อตฺถโต สมานํ)] ปณฺณตฺติมตฺเต. อิธ ปน ยตฺถ กตฺถจิ โลเหติ อาห ‘‘เยน เกนจิ โลเหน กตภาชเน’’ติ. นนุ อุปมากรณมตฺตเมวิทํ, อถ กสฺมา กํสถาลกสฺส สวิเสสสฺส คหณํ กตนฺติ อนุโยคํ ปริหรติ ‘‘มตฺติกาภาชน’’นฺติอาทินา. ‘‘สนฺเทนฺตสฺสา’’ติ ปริมทฺเทตฺวา ปิณฺฑํ กโรนฺตสฺเสว ภิชฺชติ, น ปน สนฺทนกฺขมํ โหติ, อนาทรลกฺขเณ เจตํ สามิวจนํ. กิริยนฺตรสฺส ปวตฺตนกฺขเณเยว กิริยนฺตรสฺส ปวตฺตนฺหิ อนาทรลกฺขณํ. ‘‘ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสก’’นฺติ อิทํ ภาวนปุํสกนฺติ ¶ ทสฺเสติ ‘‘สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา’’ติ อิมินา. ผุสสทฺโท เจตฺถ ปริสิฺจเน ยถา ตํ วาตวุฏฺิสมเย ‘‘เทโว จ โถกํ โถกํ ผุสายตี’’ติ, (ปาจิ. ๓๖๒) ตสฺมา ตโต ตโต นฺหานิยจุณฺณโต อุปริ อุทเกน พฺยาปนกรณวเสน ปริสิฺจิตฺวา ปริสิฺจิตฺวาติ อตฺโถ. อนุปสคฺโคปิ หิ สทฺโท สอุปสคฺโค วิย ปกรณาธิคตสฺส อตฺถสฺส ทีปโก, ‘‘สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา’’ติ ปน วจนํ ‘‘ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสก’’นฺติ เอตสฺส ‘‘สนฺเทยฺยา’’ติ เอตฺถ วิเสสนภาววิฺาปนตฺถํ. เอวมีทิเสสุ. ‘‘สนฺเทยฺยา’’ติ เอตฺถ สนฺท-สทฺโท ปิณฺฑกรเณติ วุตฺตํ ‘‘ปิณฺฑํ กเรยฺยา’’ติ. อนุคตาติ อนุปวิสนวเสน คตา อุปคตา. ปริคฺคหิตาติ ปริโต คหิตา สมนฺตโต ผุฏฺา.
อนฺตโร จ พาหิโร จ ปเทโส, เตหิ สห ปวตฺตตีติ สนฺตรพาหิรา, นฺหานิยปิณฺฑิ, ‘‘สมนฺตรพาหิรา’’ติปิ ปาโ, ม-กาโร ปทสนฺธิวเสน อาคโม. ยถาวุตฺเตน ปริคฺคหิตตาการเณเนว สนฺตรพาหิโร นฺหานิยปิณฺฑิ ผุฏา อุทกสฺเนเหนาติ อาห ‘‘สพฺพตฺถกเมว อุทกสิเนเหน ผุฏา’’ติ. สพฺพตฺถ ปวตฺตนํ สพฺพตฺถกํ, ภาวนปุํสกฺเจตํ, สพฺพปเทเส หุตฺวา เอว ผุฏาติ อตฺโถ. ‘‘สนฺตรพาหิรา ผุฏา’’ติ จ อิมินา นฺหานิยปิณฺฑิยา สพฺพโส อุทเกน เตมิตภาวมาห, ‘‘น จ ปคฺฆรณี’’ติ ปน อิมินา ตินฺตายปิ ตาย ฆนถทฺธภาวํ. เตนาห ‘‘น จ พินฺทุํ พินฺทุ’’นฺติอาทิ. อุทกสฺส ผุสิตํ ผุสิตํ, ¶ น จ ปคฺฆรณี สูทนีติ อตฺโถ, ‘‘พินฺทุํ อุทกํ’’ ติปิ กตฺถจิ ปาโ, อุทกสงฺขาตํ พินฺทุนฺติ ตสฺสตฺโถ. พินฺทุสทฺโท หิ ‘‘พฺยาลมฺพมฺพุธรพินฺทู’’ติอาทีสุ วิย ธาราวยเว. เอวํ ปน อปคฺฆรณโต หตฺเถนปิ ทฺวีหิปิ ตีหิปิ องฺคุเลหิ คเหตุํ, โอวฏฺฏิกาย วา กาตุํ สกฺกา. ยทิ หิ สา ปคฺฆรณี อสฺส, เอวํ สติ สฺเนหวิคมเนน สุกฺขตฺตา ถทฺธา หุตฺวา ตถา คเหตุํ, กาตุํ วา น สกฺกาติ วุตฺตํ โหติ. โอวฏฺฏิกายาติ ปริวฏฺฏุลวเสน, คุฬิกาวเสน สา ปิณฺฑิ กาตุํ สกฺกาติ อตฺโถ.
ทุติยชฺฌานกถาวณฺณนา
๒๒๙. ตาหิ ตาหิ อุทกสิราหิ อุพฺภิชฺชติ อุทฺธํ นิกฺขมตีติ อุพฺภิทํ, ตาทิสํ อุทกํ ยสฺสาติ อุพฺภิโททโก, ท-การสฺส ปน ต-กาเร กเต อุพฺภิโตทโก, อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุพฺภินฺนอุทโก’’ติ วุตฺตํ, นทีตีเร ขตกูปโก วิย อุพฺภิชฺชนกอุทโกติ อตฺโถ. อุพฺภิชฺชนกมฺปิ อุทกํ กตฺถจิ เหฏฺา อุพฺภิชฺชิตฺวา ธาราวเสน อุฏฺหิตฺวา พหิ คจฺฉติ, น ตํ โกจิ อนฺโตเยว ปติฏฺิตํ กาตุํ สกฺโกติ ธาราวเสน อุฏฺหนโต, อิธ ปน วาลิกาตเฏ วิย อุทกรหทสฺส อนฺโตเยว อุพฺภิชฺชิตฺวา ตตฺเถว ติฏฺติ, น ธาราวเสน อุฏฺหิตฺวา พหิ คจฺฉตีติ ¶ วิฺายติ อโขภกสฺส สนฺนิสินฺนสฺเสว อุทกสฺส อธิปฺเปตตฺตาติ อิมมตฺถํ สนฺธายาห ‘‘น เหฏฺา’’ติอาทิ. เหฏฺาติ อุทกรหทสฺส เหฏฺา มหาอุทกสิรา, โลหิตานุคตา โลหิตสิรา วิย อุทกานุคโต ปถวิปเทโส ‘‘อุทกสิรา’’ติ วุจฺจติ. อุคฺคจฺฉนกอุทโกติ ธาราวเสน อุฏฺหนกอุทโก. อนฺโตเยวาติ อุทกรหทสฺส อนฺโต สมตลปเทเส เอว. อุพฺภิชฺชนกอุทโกติ อุพฺภิชฺชิตฺวา ตตฺเถว ติฏฺนกอุทโก. อาคมนมคฺโคติ พาหิรโต อุทกรหทาภิมุขํ อาคมนมคฺโค. กาเลน กาลนฺติ รุฬฺหีปทํ ‘‘เอโก เอกายา’’ติอาทิ (ปารา. ๔๔๓, ๔๔๔, ๔๕๒) วิยาติ วุตฺตํ ‘‘กาเล กาเล’’ติ. อนฺวทฺธมาสนฺติ เอตฺถ อนุสทฺโท พฺยาปเน. วสฺสานสฺส อทฺธมาสํ อทฺธมาสนฺติ อตฺโถ. เอวํ อนุทสาหนฺติ เอตฺถาปิ. วุฏฺินฺติ วสฺสนํ. อนุปฺปวจฺเฉยฺยาติ น อุปวจฺเฉยฺย. วสฺสสทฺทโต จสฺส สิทฺธีติ ทสฺเสติ ‘‘น วสฺเสยฺยา’’ติ อิมินา.
‘‘สีตา ¶ วาริธารา’’ติ อิตฺถิลิงฺคปทสฺส ‘‘สีตํ ธาร’’นฺติ นปุํสกลิงฺเคน อตฺถวจนํ ธารสทฺทสฺส ทฺวิลิงฺคิกภาววิฺาปนตฺถํ. สีตนฺติ โขภนาภาเวน สีตลํ, ปุราณปณฺณติณกฏฺาทิสํกิณฺณาภาเวน วา เสตํ ปริสุทฺธํ. เสตํ สีตนฺติ หิ ปริยาโย. กสฺมา ปเนตฺถ อุพฺภิโททโกเยว รหโท คหิโต, น อิตเรติ อนุโยคมปเนติ ‘‘เหฏฺา อุคฺคจฺฉนอุทกฺหี’’ติอาทินา. อุคฺคนฺตฺวา อุคฺคนฺตฺวา ภิชฺชนฺตนฺติ อุฏฺหิตฺวา อุฏฺหิตฺวา ธารากิรณวเสน อุพฺภิชฺชนฺตํ, วินสฺสนฺตํ วา. โขเภตีติ อาโลเฬติ. วุฏฺีติ วสฺสนํ. ธารานิปาตปุพฺพุฬเกหีติ อุทกธารานิปาเตหิ จ ตโตเยว อุฏฺิตอุทกปุพฺพุฬกสงฺขาเตหิ เผณปฏเลหิ จ. เอวํ ยถากฺกมํ ติณฺณมฺปิ รหทานมคเหตพฺพตํ วตฺวา อุพฺภิโททกสฺเสว คเหตพฺพตํ วทติ ‘‘สนฺนิสินฺนเมวา’’ติอาทินา. ตตฺถ สนฺนิสินฺนเมวาติ สมฺมา, สมํ วา นิสินฺนเมว, อปริกฺโขภตาย นิจฺจลเมว, สุปฺปสนฺนเมวาติ อธิปฺปาโย. อิทฺธินิมฺมิตมิวาติ อิทฺธิมตา อิทฺธิยา ตถา นิมฺมิตํ อิว. ตตฺถาติ ตสฺมึ อุปโมปเมยฺยวจเน. เสสนฺติ ‘‘อภิสนฺเทตี’’ติอาทิกํ.
ตติยชฺฌานกถาวณฺณนา
๒๓๑. ‘‘อุปฺปลินี’’ติอาทิ คจฺฉสฺสปิ วนสฺสปิ อธิวจนํ. อิธ ปน ‘‘ยาว อคฺคา, ยาว จ มูลา’’ติ วจนโยเคน ‘‘อปฺเปกจฺจานี’’ติอาทินา อุปฺปลคจฺฉาทีนเมว คเหตพฺพตาย วนเมวาธิปฺเปตํ, ตสฺมา ‘‘อุปฺปลานีติ อุปฺปลคจฺฉานิ. เอตฺถาติ อุปฺปลวเน’’ติอาทินา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อวยเวน หิ สมุทายสฺส นิพฺพจนํ กตํ. เอกฺหิ อุปฺปลคจฺฉาทิ ¶ อุปฺปลาทิเยว, จตุปฺจมตฺตมฺปิ ปน อุปฺปลาทิวนนฺติ โวหรียติ, สารตฺถทีปนิยํ ปน ชลาสโยปิ อุปฺปลินิอาทิภาเวน วุตฺโต. เอตฺถ จาติ เอตสฺมึ ปทตฺตเย, เอเตสุ วา ตีสุ อุปฺปลปทุมปุณฺฑรีกสงฺขาเตสุ อตฺเถสุ. ‘‘เสตรตฺตนีเลสู’’ติ อุปฺปลเมว วุตฺตํ, เสตุปฺปลรตฺตุปฺปลนีลุปฺปเลสูติ อตฺโถ. ยํ กิฺจิ อุปฺปลํ อุปฺปลเมว อุปฺปลสทฺทสฺส สามฺนามวเสน เตสุ สพฺเพสุปิ ปวตฺตนโต. สตปตฺตนฺติ เอตฺถ สตสทฺโท พหุปริยาโย ‘‘สตคฺฆี สตรํสิ สูริโย’’ติอาทีสุ วิย อเนกสงฺขฺยาภาวโต. เอวฺจ กตฺวา อเนกปตฺตสฺสาปิ ปทุมภาเว สงฺคโห สิทฺโธ โหติ. ปตฺตนฺติ จ ปุปฺผทลมธิปฺเปตํ. วณฺณนิยเมน เสตํ ปทุมํ, รตฺตํ ¶ ปุณฺฑรีกนฺติ สาสนโวหาโร, โลเก ปน ‘‘รตฺตํ ปทุมํ, เสตํ ปุณฺฑรีก’’นฺติ วทนฺติ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปุณฺฑรีกํ สิตํ รตฺตํ, โกกนทํ โกกาสโก’’ติ. รตฺตวณฺณตาย หิ โกกนามกานํ สุนขานํ นาทยโต สทฺทาปยโต, เตหิ จ อสิตพฺพโต ‘‘โกกนทํ, โกกาสโก’’ติ จ ปทุมํ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘ปทฺมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธ’’นฺติ. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ อุทกํ ปาติ, อุทเก วา ปฺลวตีติ อุปฺปลํ. ปงฺเก ทวติ คจฺฉติ, ปกาเรน วา ทวติ วิรุหตีติ ปทุมํ. ปณฺฑรํ วณฺณมสฺส, มหนฺตตาย วา มุฑิตพฺพํขณฺเฑตพฺพนฺติ ปุณฺฑรีกํ ม-การสฺส ป-การาทิวเสน. มุฑิสทฺทฺหิ มุฑริสทฺทํ วา ขณฺฑนตฺถมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, สทฺทสตฺถโต เจตฺถ ปทสิทฺธิ. ยาว อคฺคา, ยาว จ มูลา อุทเกน อภิสนฺทนาทิภาวทสฺสนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘อุทกานุคฺคตานี’’ติ วจนํ, ตสฺมา อุทกโต น อุคฺคตานิจฺเจว อตฺโถ, น ตุ อุทเก อนุรูปคตานีติ อาห ‘‘อุทกา…เป… คตานี’’ติ. อิธ ปน อุปฺปลาทีนิ วิย กรชกาโย, อุทกํ วิย ตติยชฺฌานสุขํ ทฏฺพฺพํ.
จตุตฺถชฺฌานกถาวณฺณนา
๒๓๓. ยสฺมา ปน จตุตฺถชฺฌานจิตฺตเมว ‘‘เจตสา’’ติ วุตฺตํ, ตฺจ ราคาทิอุปกฺกิเลสมลาปคมโต นิรุปกฺกิเลสํ นิมฺมลํ, ตสฺมา อุปกฺกิเลสวิคมนเมว ปริสุทฺธภาโวติ อาห ‘‘นิรุปกฺกิเลสฏฺเน ปริสุทฺธ’’นฺติ. ยสฺมา จ ปริสุทฺธสฺเสว ปจฺจยวิเสเสน ปวตฺติวิเสโส ปริโยทาตตา สุทฺธนฺตสุวณฺณสฺส นิฆํสเนน ปภสฺสรตา วิย, ตสฺมา ปภสฺสรตาเยว ปริโยทาตตาติ อาห ‘‘ปภสฺสรฏฺเน ปริโยทาต’’นฺติ. วิชฺชุ วิย ปภาย อิโต จิโต จ นิจฺฉรณํ ปภสฺสรํ ยถา ‘‘อาภสฺสรา’’ติ. โอทาเตน วตฺเถนาติ เอตฺถ ‘‘โอทาเตนา’’ติ คุณวจนํ สนฺธาย ‘‘โอทาเตน…เป… อิท’’นฺติ วุตฺตํ. อุตุผรณตฺถนฺติ อุณฺหสฺส อุตุโน ผรณทสฺสนตฺถํ. กสฺมาติ อาห ‘‘กิลิฏฺวตฺเถนา’’ติอาทิ. อุตุผรณํ น โหตีติ โอทาตวตฺเถน วิย สวิเสสํ อุตุผรณํ น โหติ, อปฺปกมตฺตเมว โหตีติ อธิปฺปาโย ¶ . เตนาห ‘‘ตงฺขณ…เป… พลวํ โหตี’’ติ. ‘‘ตงฺขณโธตปริสุทฺเธนา’’ติ จ เอเตน โอทาตสทฺโท เอตฺถ ปริสุทฺธวจโน เอว ‘‘คิหี โอทาตวตฺถวสโน’’ติอาทีสุ วิย ¶ , น เสตวจโน เยน เกนจิ ตงฺขณโธตปริสุทฺเธเนว อุตุผรณสมฺภวโตติ ทสฺเสติ.
นนุ จ ปาฬิยํ ‘‘นาสฺส กิฺจิ สพฺพาวโต กายสฺส โอทาเตน วตฺเถน อผุฏํ อสฺสา’’ติ กายสฺส โอทาตวตฺถผรณํ วุตฺตํ, น ปน วตฺถสฺส อุตุผรณํ, อถ กสฺมา อุตุผรณํ อิธ วุตฺตนฺติ อนุโยเคนาห ‘‘อิมิสฺสาย หี’’ติอาทิ. ยสฺมา วตฺถํ วิย กรชกาโย, อุตุผรณํ วิย จตุตฺถชฺฌานสุขํ, ตสฺมา เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ, เอเตน จ โอทาเตน วตฺเถน สพฺพาวโต กายสฺส ผรณาสมฺภวโต, อุปเมยฺเยน จ อยุตฺตตฺตา กายคฺคหเณน ตนฺนิสฺสิตวตฺถํ คเหตพฺพํ, วตฺถคฺคหเณน จ ตปฺปจฺจยํ อุตุผรณนฺติ ทสฺเสติ. เนยฺยตฺถโต หิ อยํ อุปมา วุตฺตา. วิจิตฺรเทสนา หิ พุทฺธา ภควนฺโตติ. โยคิโน หิ กรชกาโย วตฺถํ วิย ทฏฺพฺโพ อุตุผรณสทิเสน จตุตฺถชฺฌานสุเขน ผริตพฺพตฺตา, อุตุผรณํ วิย จตุตฺถชฺฌานสุขํ วตฺถสฺส วิย เตน กรชกายสฺส ผรณโต, ปุริสสฺส สรีรํ วิย จตุตฺถชฺฌานํ อุตุผรณฏฺานิยสฺส สุขสฺส นิสฺสยภาวโต. เตนาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. อิทฺหิ ยถาวุตฺตวจนสฺส คุณทสฺสนํ. เอตฺถ จ ปาฬิยํ ‘‘ปริสุทฺเธน เจตสา’’ติ เจโตคหเณน จตุตฺถชฺฌานสุขํ ภควตา วุตฺตนฺติ าเปตุํ ‘‘จตุตฺถชฺฌานสุขํ, จตุตฺถชฺฌานสุเขนา’’ติ จ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ จตุตฺถชฺฌานสุขํ นาม สาตลกฺขณํ นตฺถีติ? สจฺจํ, สนฺตสภาวตฺตา ปเนตฺถ อุเปกฺขาเยว ‘‘สุข’’นฺติ อธิปฺเปตา. เตน วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒; วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๔; มหานิ. อฏฺ. ๒๗; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑๐๕).
เอตฺตาวตาติ ปมชฺฌานาธิคมปริทีปนโต ปฏฺาย ยาว จตุตฺถชฺฌานาธิคมปริทีปนา, ตาวตา วจนกฺกเมน. ลภนํ ลาโภ, โส เอตสฺสาติ ลาภี, รูปชฺฌานานํ ลาภี รูปชฺฌานลาภี ยถา ‘‘ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ, (สํ. นิ. ๒.๗๐; อุทา. ๓๘) ลภนสีโล วา ลาภี. กึ ลภนสีโล? รูปชฺฌานานีติปิ ยุชฺชติ. เอวมิตรสฺมิมฺปิ. น อรูปชฺฌานลาภีติ น เวทิตพฺโพติ โยเชตพฺพํ. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘น หี’’ติอาทิ, อฏฺนฺนมฺปิ สมาปตฺตีนํ อุปริ อภิฺาธิคเม อวินาภาวโตติ ¶ วุตฺตํ โหติ. จุทฺทสหากาเรหีติ ‘‘กสิณานุโลมโต, กสิณปฏิโลมโต กสิณานุโลมปฏิโลมโต, ฌานานุโลมโต, ฌานปฏิโลมโต, ฌานานุโลมปฏิโลมโต, ฌานุกฺกนฺติกโต, กสิณุกฺกนฺติกโต, ฌานกสิณุกฺกนฺติกโต, องฺคสงฺกนฺติโต, อารมฺมณสงฺกนฺติโต ¶ , องฺคารมฺมณสงฺกนฺติโต องฺคววตฺถานโต, อารมฺมณววตฺถานโต’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๖๕) วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺเตหิ อิเมหิ จุทฺทสหากาเรหิ. สติปิ ฌาเนสุ อาวชฺชนาทิปฺจวิธวสีภาเว อยเมว จุทฺทสวิโธ วสีภาโว อภิฺา นิพฺพตฺตเน เอกนฺเตน อิจฺฉิตพฺโพติ ทสฺเสนฺเตน ‘‘จุทฺทสหากาเรหิ จิณฺณวสีภาว’’นฺติ วุตฺตํ, อิมินา จ อรูปสมาปตฺตีสุ จิณฺณวสีภาวํ วินา รูปสมาปตฺตีสุ เอว จิณฺณวสีภาเวน สมาปตฺติ น อิชฺฌตีติ ตาสํ อภิฺาธิคเม อวินาภาวํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.
นนุ ยถาปาเมว วินิจฺฉโย วตฺตพฺโพติ โจทนํ โสเธติ ‘‘ปาฬิยํ ปนา’’ติอาทินา, สาวเสสปาภาวโต นีหริตฺวา เอส วินิจฺฉโย วตฺตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. ยชฺเชวํ อรูปชฺฌานานิปิ ปาฬิยํ คเหตพฺพานิ, อถ กสฺมา ตานิ อคฺคเหตฺวา สาวเสสปาโ ภควตา กโตติ? สพฺพาภิฺานํ วิเสสโต รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานปาทกตฺตา. สติปิ หิ ตาสํ ตถา อวินาภาเว วิเสสโต ปเนตา รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานปาทกา, ตสฺมา ตาสํ ตปฺปาทกภาววิฺาปนตฺถํ ตตฺเถว ตฺวา เทสนา กตา, น ปน อรูปาวจรชฺฌานานํ อิธ อนนุปโยคโต. เตนาห ‘‘อรูปชฺฌานานิ อาหริตฺวา กเถตพฺพานี’’ติ.
วิปสฺสนาาณกถาวณฺณนา
๒๓๔. ‘‘ปุน จปรํ มหาราช (ปาฬิยํ นตฺถิ) ภิกฺขู’’ติ วตฺวาปิ กิมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โส’’ติ ปทํ ปุน วุตฺตนฺติ โจทนายาห ‘‘โส…เป… ทสฺเสตี’’ติ, ยถารุตวเสน, เนยฺยตฺถวเสน จ วุตฺตาสุ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสิตาวิสิฏฺํ ภิกฺขุํ ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. เสสนฺติ ‘‘โส’’ติ ปทตฺถโต เสสํ ‘‘เอวํ สมาหิเต’’ติอาทีสุ วตฺตพฺพํ สาธิปฺปายมตฺถชาตํ. เยฺยํ ชานาตีติ าณํ, ตเทว ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปสฺสตีติ ทสฺสนํ, าณเมว ทสฺสนํ น จกฺขาทิกนฺติ าณทสฺสนํ, ปฺจวิธมฺปิ าณํ, ตยิทํ ปน าณทสฺสนปทํ ¶ สาสเน เยสุ าณวิเสเสสุ นิรุฬฺหํ, ตํ สพฺพํ อตฺถุทฺธารวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘าณทสฺสนนฺติ มคฺคาณมฺปิ วุจฺจตี’’ติอาทิมาห. าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถนฺติ าณทสฺสนสฺส วิสุทฺธิปโยชนาย. ผาสุวิหาโรติ อริยวิหารภูโต สุขวิหาโร. ภควโตปีติ น เกวลํ เทวตาโรจนเมว, อถ โข ตทา ภควโตปิ าณทสฺสนํ อุทปาทีติ อตฺโถ. สตฺตาหํ กาลงฺกตสฺส อสฺสาติ สตฺตาหกาลงฺกโต. ‘‘กาลาโม’’ติ โคตฺตวเสน วุตฺตํ. เจโตวิมุตฺติ [วิมุตฺติ (อฏฺกถายํ)] นาม อรหตฺตผลสมาปตฺติ. ยสฺมา วิปสฺสนาาณํ เยฺยสงฺขาเต เตภูมกสงฺขาเร อนิจฺจาทิโต ¶ ชานาติ, ภงฺคานุปสฺสนโต จ ปฏฺาย ปจฺจกฺขโต เต ปสฺสติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตฏฺเน าณทสฺสนํ นาม ชาตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทินา.
อภินีหรตีติ วิปสฺสนาภิมุขํ จิตฺตํ ตทฺกรณียโต นีหริตฺวา หรตีติ อยํ สทฺทโต อตฺโถ, อธิปฺปายโต ปน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิปสฺสนาาณสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตทภิมุขภาโวเยว หิสฺส ตนฺนินฺนตาทิกรณํ, ตํ ปน วุตฺตนเยน อฏฺงฺคสมนฺนาคเต ตสฺมึ จิตฺเต วิปสฺสนากฺกเมน ชาเต วิปสฺสนาภิมุขํ จิตฺตเปสนเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ตนฺนินฺนนฺติ ตสฺสํ วิปสฺสนายํ นินฺนํ. อิตรทฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. ตสฺสํ โปณํ วงฺกํ ปพฺภารํ นีจนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมชาเล วุตฺโตเยว. โอทนกุมฺมาเสหิ อุปจียติ วฑฺฒาปียติ, อุปจยติ วา วฑฺฒตีติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘โอทเนนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโมติ เอตฺถ ‘‘อนิจฺจธมฺโม’’ติอาทินา ธมฺมสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. ตตฺถ อนิจฺจธมฺโมติ ปภงฺคุตาย อทฺธุวสภาโว. ทุคฺคนฺธวิฆาตตฺถายาติ สรีเร ทุคฺคนฺธสฺส วิคมาย. อุจฺฉาทนธมฺโมติ อุจฺฉาเทตพฺพตาสภาโว, อิมสฺส ปูติกายสฺส ทุคฺคนฺธภาวโต คนฺโธทกาทีหิ อุพฺพฏฺฏนวิลิมฺปนชาติโกติ อตฺโถ. อุจฺฉาทเนน หิ ปูติกาเย เสทวาตปิตฺตเสมฺหาทีหิ ครุภาวทุคฺคนฺธานมปคโม โหติ. มหาสมฺพาหนํ มลฺลาทีนํ พาหุวฑฺฒนาทิอตฺถํว โหติ, องฺคปจฺจงฺคาพาธวิโนทนตฺถํ ปน ขุทฺทกสมฺพาหนเมว ยุตฺตนฺติ อาห ‘‘ขุทฺทกสมฺพาหเนนา’’ติ, มนฺทสมฺพาหเนนาติ อตฺโถ. ปริมทฺทนธมฺโมติ ปริมทฺทิตพฺพตาสภาโว.
เอวํ ¶ อนิยมิตกาลวเสน อตฺถํ วตฺวา อิทานิ นิยมิตกาลวเสน อตฺถํ วทติ ‘‘ทหรกาเล’’ติอาทินา. วา-สทฺโท เจตฺถ อตฺถทสฺสนวเสเนว อตฺถนฺตรวิกปฺปนสฺส วิฺายมานตฺตา น ปยุตฺโต, ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ วา. ทหรกาเลติ อจิรวิชาตกาเล. สยาเปตฺวา อฺฉนปีฬนาทิวเสน ปริมทฺทนธมฺโมติ สมฺพนฺโธ. มิตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เตน ยถาปมาณํ, มนฺทํ วา อฺฉนปีฬนาทีนิ ทสฺเสติ. อฺฉนฺเจตฺถ อากฑฺฒนํ. ปีฬนํ สมฺพาหนํ. อาทิสทฺเทน สมิฺชนอุคฺคมนาทีนิ สงฺคณฺหาติ. เอวํ ปริหริโตปีติ อุจฺฉาทนาทินา สุเขธิโตปิ. ภิชฺชติ เจวาติ อนิจฺจตาทิวเสน นสฺสติ จ. วิกิรติ จาติ เอวํ ภินฺทนฺโต จ กิฺจิ ปโยชนํ อสาเธนฺโต วิปฺปกิณฺโณว โหติ. เอวํ นวหิ ปเทหิ ยถารหํ กาเย สมุทยวยธมฺมานุปสฺสิตา ทสฺสิตาติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ฉหิ ปเทหีติ ‘‘รูปี, จาตุมหาภูติโก, มาตาเปตฺติกสมฺภโว, โอทนกุมฺมาสูปจโย, อุจฺฉาทนธมฺโม, ปริมทฺทนธมฺโม’’ติ อิเมหิ ฉหิ ปเทหิ. ยุตฺตํ ตาว โหตุ มชฺเฌ ตีหิปิ ปเทหิ กายสฺส สมุทยกถนํ เตสํ ตทตฺถทีปนโต, ‘‘รูปี, อุจฺฉาทนธมฺโม, ปริมทฺทนธมฺโม’’ติ ปน ตีหิ ¶ ตฺปเทหิ กถํ ตสฺส ตถากถนํ ยุตฺตํ สิยา เตสํ ตทตฺถสฺส อทีปนโตติ? ยุตฺตเมว เตสมฺปิ ตทตฺถสฺส ทีปิตตฺตา. ‘‘รูปี’’ติ หิ อิทํ อตฺตโน ปจฺจยภูเตน อุตุอาหารลกฺขเณน รูเปน รูปวาติ อตฺถสฺส ทีปกํ. ปจฺจยสงฺคมวิสิฏฺเ หิ ตทสฺสตฺถิอตฺเถ อยมีกาโร. ‘‘อุจฺฉาทนธมฺโม, ปริมทฺทนธมฺโม’’ติ จ อิทํ ปททฺวยํ ตถาวิธรูปุปฺปาทเนน สณฺานสมฺปาทนตฺถสฺส ทีปกนฺติ. ทฺวีหีติ ‘‘เภทนธมฺโม, วิทฺธํสนธมฺโม’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิ. นิสฺสิตฺจ กายปริยาปนฺเน หทยวตฺถุมฺหิ นิสฺสิตตฺตา วิปสฺสนาจิตฺตสฺส. ตทา ปวตฺตฺหิ วิปสฺสนาจิตฺตเมว ‘‘อิทฺจ เม วิฺาณ’’นฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวเสน วุตฺตํ. ปฏิพทฺธฺจ กาเยน วินา อปฺปวตฺตนโต, กายสฺิตานฺจ รูปธมฺมานํ อารมฺมณกรณโต.
๒๓๕. สุฏฺุ โอภาสตีติ สุโภ, ปภาสมฺปนฺโน มณิ, ตาย เอว ปภาสมฺปตฺติยา มณิโน ภทฺรตาติ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุโภติ สุนฺทโร’’ติ วุตฺตํ. ปริสุทฺธากรสมุฏฺานเมว มณิโน สุวิสุทฺธชาติตาติ อาห ‘‘ชาติมาติ ปริสุทฺธากรสมุฏฺิโต’’ติ. สุวิสุทฺธรตนากรโต สมุฏฺิโตติ อตฺโถ. อากรปริวิสุทฺธิมูลโก เอว หิ ¶ มณิโน กุรุวินฺทชาติอาทิชาติวิเสโสติ. อิธาธิปฺเปตสฺส ปน เวฬุริยมณิโน วิฬูร (วิ. ว. อฏฺ. ๓๔ อาทโย วากฺยกฺขฺขฺนฺเธสุ ปสฺสิตพฺพํ) ปพฺพตสฺส, วิฬูร คามสฺส จ อวิทูเร ปริสุทฺธากโร. เยภุยฺเยน หิ โส ตโต สมุฏฺิโต. ตถา เหส วิฬูรนามกสฺส ปพฺพตสฺส, คามสฺส จ อวิทูเร สมุฏฺิตตฺตา เวฬุริโยติ ปฺายิตฺถ, เทวโลเก ปวตฺตสฺสปิ จ ตํสทิสวณฺณนิภตาย ตเทว นามํ ชาตํ ยถา ตํ มนุสฺสโลเก ลทฺธนามวเสน เทวโลเก เทวตานํ, โส ปน มยูรคีวาวณฺโณ วา โหติ วายสปตฺตวณฺโณ วา สินิทฺธเวณุปตฺตวณฺโณ วาติ อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปรมตฺถทีปนิยํ (วิ. ว. อฏฺ. ๓๔) วุตฺตํ. วินยสํวณฺณนาสุ (วิ. วิ. ฏี. ๑.๒๘๑) ปน ‘‘อลฺลเวฬุวณฺโณ’’ติ วทนฺติ. ตถา หิสฺส ‘‘วํสวณฺโณ’’ติปิ นามํ ชาตํ. ‘‘มฺชารกฺขิมณฺฑลวณฺโณ’’ติ จ วุตฺโต, ตโตเยว โส อิธ ปเทเส มฺชารมณีติ ปากโฏ โหติ. จกฺกวตฺติปริโภคารหปณีตตรมณิภาวโต ปน ตสฺเสว ปาฬิยํ วจนํ ทฏฺพฺพํ. ยถาห ‘‘ปุน จปรํ อานนฺท รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส มณิรตนํ ปาตุรโหสิ, โส อโหสิ มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๘). ปาสาณสกฺขราทิโทสนีหรณวเสเนว ปริกมฺมนิปฺผตฺตีติ ทสฺเสติ ‘‘อปนีตปาสาณสกฺขโร’’ติ อิมินา.
ฉวิยา เอว สณฺหภาเวน อจฺฉตา, น สงฺฆาตสฺสาติ อาห ‘‘อจฺโฉติ ตนุจฺฉวี’’ติ. ตโต เจว วิเสเสน ปสนฺโนติ ทสฺเสตุํ ‘‘สุฏฺุ ปสนฺโน’’ติ วุตฺตํ. ปริโภคมณิรตนาการสมฺปตฺติ สพฺพาการสมฺปนฺนตา ¶ . เตนาห ‘‘โธวนเวธนาทีหี’’ติอาทิ. ปาสาณาทีสุ โธตตา โธวนํ, กาฬกาทิอปหรณตฺถาย เจว สุตฺเตน อาวุนตฺถาย จ วิชฺฌิตพฺพตา เวธนํ. อาทิสทฺเทน ตาปสณฺหกรณาทีนํ สงฺคโห. วณฺณสมฺปตฺตินฺติ อาวุนิตสุตฺตสฺส วณฺณสมฺปตฺตึ. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘ตาทิส’’นฺติอาทิ, ตาทิสสฺเสว อาวุตสฺส ปากฏภาวโตติ วุตฺตํ โหติ.
มณิ วิย กรชกาโย ปจฺจเวกฺขิตพฺพโต. อาวุตสุตฺตํ วิย วิฺาณํ อนุปวิสิตฺวา ิตตฺตา. จกฺขุมา ปุริโส วิย วิปสฺสนาลาภี ภิกฺขุ ¶ สมฺมเทว ตสฺส ทสฺสนโต, ตสฺส ปุริสสฺส มณิโน อาวิภูตกาโล วิย ตสฺส ภิกฺขุโน กายสฺส อาวิภูตกาโล ตนฺนิสฺสยสฺส ปากฏภาวโต. สุตฺตสฺสาวิภูตกาโล วิย เตสํ ธมฺมานมาวิภูตกาโล ตนฺนิสฺสิตสฺส ปากฏภาวโตติ อยเมตฺถ อุปมาสมฺปาทเน การณวิภาวนา, ‘‘อาวุตสุตฺตํ วิย วิปสฺสนาาณ’’นฺติ กตฺถจิ ปาโ, ‘‘อิทฺจ วิฺาณ’’นฺติ วจนโต ปน ‘‘วิฺาณ’’นฺติ ปาโว สุนฺทรตโร, ‘‘วิปสฺสนาวิฺาณ’’นฺติ วา ภวิตพฺพํ. วิปสฺสนาาณํ อภินีหริตฺวาติ วิปสฺสนาาณาภิมุขํ จิตฺตํ นีหริตฺวา.
ตตฺราติ เวฬุริยมณิมฺหิ. ตทารมฺมณานนฺติ กายสฺิตรูปธมฺมารมฺมณานํ. ‘‘ผสฺสปฺจมกาน’’นฺติอาทิปทตฺตยสฺเสตํ วิเสสนํ อตฺถวสา ลิงฺควิภตฺติวจนวิปริณาโมติ กตฺวา ปจฺฉิมปทสฺสาปิ วิเสสนภาวโต. ผสฺสปฺจมกคฺคหเณน, สพฺพจิตฺตเจตสิกคฺคหเณน จ คหิตธมฺมา วิปสฺสนาจิตฺตุปฺปาทปริยาปนฺนา เอวาติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ เตสํ วิปสฺสนาวิฺาณคติกตฺตา อาวุตสุตฺตํ วิย ‘‘วิปสฺสนาวิฺาณ’’นฺติ เหฏฺา วุตฺตวจนํ อวิโรธิตํ โหติ. กสฺมา ปน วิปสฺสนาวิฺาณสฺเสว คหณนฺติ? ‘‘อิทฺจ เม วิฺาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธ’’นฺติ อิมินา ตสฺเสว วจนโต. ‘‘อยํ โข เม กาโย’’ติอาทินา หิ วิปสฺสนาาเณน วิปสฺสิตฺวา ‘‘ตเทว วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตํ วิฺาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธ’’นฺติ นิสฺสยวิสยาทิวเสน มนสิ กโรติ, ตสฺมา ตสฺเสว อิธ คหณํ สมฺภวติ, นาฺสฺสาติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาวิฺาณสฺเสว วา อาวิภูตกาโล’’ติ. ธมฺมสงฺคหาทีสุ (ธ. ส. ๒ อาทโย) เทสิตนเยน ปากฏภาวโต เจตฺถ ผสฺสปฺจมกานํ คหณํ, นิรวเสสปริคฺคหณโต สพฺพจิตฺตเจตสิกานํ, ยถารุตํ เทสิตวเสน ปธานภาวโต วิปสฺสนาวิฺาณสฺสาติ เวทิตพฺพํ. กึ ปเนเต ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อาวิภวนฺติ, อุทาหุ ปุคฺคลสฺสาติ? ปจฺจเวกฺขณาณสฺเสว, ตสฺส ปน อาวิภูตตฺตา ปุคฺคลสฺสาปิ อาวิภูตา นาม โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘ภิกฺขุโน อาวิภูตกาโล’’ติ วุตฺตนฺติ.
ยสฺมา ¶ ปนิทํ วิปสฺสนาาณํ มคฺคาณานนฺตรํ โหติ, ตสฺมา โลกิยาภิฺานํ ปรโต, ฉฏฺภิฺาย จ ปุรโต วตฺตพฺพํ, อถ กสฺมา สพฺพาภิฺานํ ปุรโตว วุตฺตนฺติ โจทนาเลสํ ทสฺเสตฺวา ปริหรนฺโต ¶ ‘‘อิทฺจ วิปสฺสนาาณ’’นฺติอาทิมาห. ‘‘อิทฺจ มคฺคาณานนฺตร’’นฺติ หิ อิมินา ยถาวุตฺตํ โจทนาเลสํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ‘‘มคฺคาณานนฺตร’’นฺติ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาภูตํ โคตฺรภุาณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตเทว หิ อรหตฺตมคฺคสฺส, สพฺเพสํ วา มคฺคผลานมนนฺตรํ โหติ, ปธานโต ปน ตพฺพจเนเนว สพฺพสฺสปิ วิปสฺสนาาณสฺส คหณํ ทฏฺพฺพํ อวิเสสโต ตสฺส อิธ วุตฺตตฺตา. มคฺคสทฺเทน จ อรหตฺตมคฺคสฺเสว คหณํ ตสฺเสวาภิฺาปริยาปนฺนตฺตา, อภิฺาสมฺพนฺเธน จ โจทนาสมฺภวโต. โลกิยาภิฺานํ ปุรโต วุตฺตํ วิปสฺสนาาณํ ตาสํ นานนฺตรตาย อนุปการํ, อาสวกฺขยาณสงฺขาตาย ปน โลกุตฺตราภิฺาย ปุรโต วุตฺตํ ตสฺสา อนนฺตรตาย อุปการํ, ตสฺมา อิทํ โลกิยาภิฺานํ ปรโต, ฉฏฺาภิฺาย จ ปุรโต วตฺตพฺพํ. กสฺมา ปน อุปการฏฺาเน ตถา อวตฺวา อนุปการฏฺาเนว ภควตา วุตฺตนฺติ หิ โจทนา สมฺภวติ. ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทิ ปริหารทสฺสนํ. ตตฺถ เอวํ สนฺเตปีติ ยทิปิ าณานุปุพฺพิยา มคฺคาณสฺส อนนฺตรตาย อุปการํ โหติ, เอวํ สติปีติ อตฺโถ.
อภิฺาวาเรติ ฉฬภิฺาวเสน วุตฺเต เทสนาวาเร. เอตสฺส อนฺตรา วาโร นตฺถีติ ปฺจสุ โลกิยาภิฺาสุ กถิตาสุ อากงฺเขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๕) วิย ฉฏฺาภิฺาปิ อวสฺสํ กเถตพฺพา อภิฺาลกฺขณภาเวน ตปฺปริยาปนฺนโต, น จ วิปสฺสนาาณํ โลกิยาภิฺานํ, ฉฏฺาภิฺาย จ อนฺตรา ปเวเสตฺวา กเถตพฺพํ อนภิฺาลกฺขณภาเวน ตทปริยาปนฺนโต. อิติ เอตสฺส วิปสฺสนาาณสฺส ตาสมภิฺานํ อนฺตรา วาโร นตฺถิ, ตสฺมา ตตฺถ อวสราภาวโต อิเธว รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานานนฺตรํ วิปสฺสนาาณํ กถิตนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยสฺมา จา’’ติอาทินา อตฺถนฺตรมาห. ตตฺถ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน น เกวลํ วิปสฺสนาาณสฺส อิธ ทสฺสเน ตเทว การณํ, อถ โข อิทมฺปีติ อิมมตฺถํ สมุจฺจินาตีติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๓๕) วุตฺตํ. สทฺทวิทู ปน อีทิเส าเน จ-สทฺโท วา-สทฺทตฺโถ, โส จ วิกปฺปตฺโถติ วทนฺติ, ตมฺปิ ยุตฺตเมว อตฺถนฺตรทสฺสเน ปยุตฺตตฺตา. อตฺตนา ปยุชฺชิตพฺพสฺส หิ วิชฺชมานตฺถสฺเสว โชตกา อุปสคฺคนิปาตา ยถา มคฺคนิทสฺสเน สาขาภงฺคา, ยถา จ อทิสฺสมานา โชตเน ปทีปาติ เอวมีทิเสสุ. โหติ เจตฺถ –
‘‘อตฺถนฺตรทสฺสนมฺหิ ¶ , จ สทฺโท ยทิ ทิสฺสติ;
สมุจฺจเย วิกปฺเป โส, คเหตพฺโพ วิภาวินา’’ติ.
อกตสมฺมสนสฺสาติ ¶ เหตุคพฺภปทํ. ตถา กตสมฺมสนสฺสาติ จ. ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา เภรวมฺปิ รูปํ ปสฺสโตติ เอตฺถ อิทฺธิวิธาเณน เภรวํ รูปํ นิมฺมินิตฺวา มํสจกฺขุนา ปสฺสโตติปิ วตฺตพฺพํ. เอวมฺปิ หิ อภิฺาลาภิโน อปริฺาตวตฺถุกสฺส ภยํ สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ อุจฺจวาลิกวาสิมหานาคตฺเถรสฺส วิยา’’ติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๓๕) วุตฺตํ. ยถา เจตฺถ, เอวํ ทิพฺพาย โสตธาตุยา เภรวํ สทฺทํ สุณโตติ เอตฺถาปิ อิทฺธิวิธาเณน เภรวํ สทฺทํ นิมฺมินิตฺวา มํสโสเตน สุณโตปีติ วตฺตพฺพเมว. เอวมฺปิ หิ อภิฺาลาภิโน อปริฺาตวตฺถุกสฺส ภยํ สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ อุจฺจวาลิกวาสิมหานาคตฺเถรสฺส วิย. เถโร หิ โกฺจนาทสหิตํ สพฺพเสตํ หตฺถินาคํ มาเปตฺวา ทิสฺวา, สุตฺวา จ สฺชาตภยสนฺตาโสติ อฏฺกถาสุ (วิภ. อฏฺ. ๒.๘๘๒; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๑; วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๓) วุตฺโต. อนิจฺจาทิวเสน กตสมฺมสนสฺส ทิพฺพาย…เป… ภยํ สนฺตาโส น อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. ภยวิโนทนเหตุ นาม วิปสฺสนาาเณน กตสมฺมสนตา, ตสฺส, เตน วา สมฺปาทนตฺถนฺติ อตฺโถ. อิเธวาติ จตุตฺถชฺฌานานนฺตรเมว. ‘‘อปิจา’’ติอาทินา ยถาปาํ ยุตฺตตรนยํ ทสฺเสติ. วิปสฺสนาย ปวตฺตํ ปาโมชฺชปีติปสฺสทฺธิปรมฺปราคตสุขํ วิปสฺสนาสุขํ. ปาฏิเยกฺกนฺติ ฌานาภิฺาทีหิ อสมฺมิสฺสํ วิสุํ ภูตํ สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ. เตนาห ภควา ธมฺมปเท –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติอาทิ. (ธ. ป. ๓๗๔);
อิธาปิ วุตฺตํ ‘‘อิทมฺปิ โข มหาราช สนฺทิฏฺิกํ สามฺผลํ…เป… ปณีตตรฺจา’’ติ, ตสฺมา ปาฬิยา สํสนฺทนโต อิมเมว นยํ ยุตฺตตรนฺติ วทนฺติ. อาทิโตวาติ อภิฺานมาทิมฺหิเยว.
มโนมยิทฺธิาณกถาวณฺณนา
๒๓๖-๗. มโนมยนฺติ เอตฺถ ปน มยสทฺโท อปรปฺตฺติวิการปทปูรณนิพฺพตฺติอาทีสุ อเนเกสฺวตฺเถสุ อาคโต. อิธ ปน นิพฺพตฺติอตฺเถติ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘มเนน นิพฺพตฺติต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อภิฺามเนน นิพฺพตฺติต’’นฺติ อตฺโถติ อาจริเยนาติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๓๖, ๒๓๗) วุตฺตํ. วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๙๗) ปน ‘‘อธิฏฺานมเนน นิมฺมิตตฺตา มโนมย’’นฺติ อาคตํ, อภิฺามเนน, อธิฏฺานมเนน จาติ อุภยถาปิ นิพฺพตฺตตฺตา อุภยมฺเปตํ ยุตฺตเมว ¶ . องฺคํ นาม หตฺถปาทาทิตํตํสมุทายํ, ปจฺจงฺคํ นาม กปฺปรชณฺณุอาทิ ตสฺมึ ตสฺมึ สมุทาเย อวยวํ. ‘‘อหีนินฺทฺริย’’นฺติ เอตฺถ ปริปุณฺณตาเยว อหีนตา, น ตุ อปฺปณีตตา, ปริปุณฺณภาโว จ จกฺขุโสตาทีนํ สณฺานวเสเนว. นิมฺมิตรูเป หิ ปสาโท นาม นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สณฺานวเสน อวิกลินฺทฺริย’’นฺติ วุตฺตํ, อิมินาว ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยาทีนมฺปิ อภาโว วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. สณฺานวเสนาติ จ กมลทลาทิสทิสสณฺานมตฺตวเสน, น รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาทาทิอินฺทฺริยวเสน. ‘‘สพฺพงฺคปจฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริย’’นฺติ วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถนฺโต ‘‘อิทฺธิมตา’’ติอาทิมาห. อวิทฺธกณฺโณติ กุลจาริตฺตวเสน กณฺณาลงฺการปิฬนฺธนตฺถํ อวิชฺฌิตกณฺโณ, นิทสฺสนมตฺตเมตํ. เตนาห ‘‘สพฺพากาเรหี’’ติ, วณฺณสณฺานาวยววิเสสาทิสพฺพากาเรหีติ อตฺโถ. เตนาติ อิทฺธิมตา.
อยเมวตฺโถ ปาฬิยมฺปิ วิภาวิโตติ อาห ‘‘มฺุชมฺหา อีสิกนฺติอาทิอุปมาตฺตยมฺปิ หิ…เป… วุตฺต’’นฺติ. กตฺถจิ ปน ‘‘มฺุชมฺหา อีสิกนฺติอาทิ อุปมามตฺตํ. ยมฺปิ หิ สทิสภาวทสฺสนตฺถเมว วุตฺต’’นฺติ ปาโ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘อุปมามตฺต’’นฺติ อิมินา อตฺถนฺตรทสฺสนํ นิวตฺเตติ, ‘‘ยมฺปิ หี’’ติอาทินา ปน ตสฺส อุปมาภาวํ สมตฺเถติ. นิยตานเปกฺเขน จ ยํ-สทฺเทน ‘‘มฺุชมฺหา อีสิก’’นฺติอาทิวจนเมว ปจฺจามสติ. สทิสภาวทสฺสนตฺถเมวาติ สณฺานโตปิ วณฺณโตปิ อวยววิเสสโตปิ สทิสภาวทสฺสนตฺถํเยว. กถํ สทิสภาโวติ วุตฺตํ ‘‘มฺุชสทิสา เอว หี’’ติอาทิ. มฺุชํ นาม ติณวิเสโส, เยน โกจฺฉาทีนิ กโรนฺติ. ‘‘ปวาเหยฺยา’’ติ วจนโต อนฺโต ิตา เอว อีสิกา อธิปฺเปตาติ ทสฺเสติ ‘‘อนฺโต อีสิกา โหตี’’ติ อิมินา. อีสิกาติ จ กฬีโร. วิสุทฺธิมคฺคฏีกายํ ปน ‘‘กณฺฑ’’นฺติ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๓๙๙) วุตฺตํ. วฏฺฏาย โกสิยาติ ปริวฏฺฏุลาย อสิโกสิยา. ปตฺถฏายาติ ปฏฺฏิกาย. กรฑิตพฺโพ ภาเชตพฺโพติ กรณฺโฑ, เปฬา. กรฑิตพฺโพ ชิคุจฺฉิตพฺโพติ กรณฺโฑ, นิมฺโมกํ. อิธาปิ ¶ นิมฺโมกเมวาติ อาห ‘‘กรณฺฑาติ อิทมฺปี’’ติอาทิ. วิลีวกรณฺโฑ นาม เปฬา. กสฺมา อหิกฺจุกสฺเสว นามํ, น วิลีวกรณฺฑกสฺสาติ โจทนํ โสเธติ ‘‘อหิกฺจุโก หี’’ติอาทินา, สฺเวว อหินา สทิโส, ตสฺมา ตสฺเสว นามนฺติ วุตฺตํ โหติ. วิสุทฺธิมคฺคฏีกายํ ปน ‘‘กรณฺฑายาติ เปฬาย, นิมฺโมกโตติ จ วทนฺตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๒.๓๙๙) วุตฺตํ. ตตฺถ เปฬาคหณํ อหินา อสทิสตาย วิจาเรตพฺพํ.
ยชฺเชวํ ‘‘เสยฺยถาปิ ปน มหาราช ปุริโส อหึ กรณฺฑา อุทฺธเรยฺยา’’ติ ปุริสสฺส กรณฺฑโต อหิอุทฺธรณูปมาย อยมตฺโถ วิรุชฺเฌยฺย. น หิ โส หตฺเถน ตโต อุทฺธริตุํ สกฺกาติ ¶ อนุโยเคนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ‘‘อุทฺธเรยฺยา’’ติ หิ อนิยมวจเนปิ หตฺเถน อุทฺธรณสฺเสว ปากฏตฺตา ตํทสฺสนมิว ชาตํ. เตนาห ‘‘หตฺเถน อุทฺธรมาโน วิย ทสฺสิโต’’ติ. ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ จิตฺเตน อุทฺธรณสฺส เหตุทสฺสนํ. อหิโน นาม ปฺจสุ าเนสุ สชาตึ นาติวตฺตนฺติ อุปปตฺติยํ, จุติยํ, วิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมเน, สมานชาติยา เมถุนปฏิเสวเน, ชิณฺณตจาปนยเนติ วุตฺตํ ‘‘สชาติยํ ิโต’’ติ. อุรคชาติยเมว ิโต ปชหติ, น นาคิทฺธิยา อฺชาติรูโปติ อตฺโถ. อิทฺหิ มหิทฺธิเก นาเค สนฺธาย วุตฺตํ. สรีรํ ขาทยมานํ วิยาติ อตฺตโนเยว ตจํ อตฺตโน สรีรํ ขาทยมานํ วิย. ปุราณตจํ ชิคุจฺฉนฺโตติ ชิณฺณตาย กตฺถจิ มุตฺตํ กตฺถจิ โอลมฺพิตํ ชิณฺณตจํ ชิคุจฺฉนฺโต. จตูหีติ ‘‘สชาติยํ ิโต, นิสฺสาย, ถาเมน, ชิคุจฺฉนฺโต’’ติ ยถาวุตฺเตหิ จตูหิ การเณหิ. ตโตติ กฺจุกโต. อฺเนาติ อตฺตโต อฺเน. จิตฺเตนาติ ปุริสสฺส จิตฺเตเนว, น หตฺเถน. เสยฺยถาปิ นาม ปุริโส อหึ ปสฺสิตฺวา ‘‘อโห วตาหํ อิมํ อหึ กฺจุกโต อุทฺธเรยฺย’’นฺติ อหึ กรณฺฑา จิตฺเตน อุทฺธเรยฺย, ตสฺส เอวมสฺส ‘‘อยํ อหิ, อยํ กรณฺโฑ, อฺโ อหิ, อฺโ กรณฺโฑ, กรณฺฑา ตฺเวว อหิ อุพฺภโต’’ติ, เอวเมว…เป… โส อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ…เป… อหีนินฺทฺริยนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
อิทฺธิวิธาณาทิกถาวณฺณนา
๒๓๙. ภาชนาทิวิกติกิริยานิสฺสยภูตา ¶ สุปริกมฺมกตมตฺติกาทโย วิย วิกุพฺพนกิริยานิสฺสยภาวโต อิทฺธิวิธาณํ ทฏฺพฺพํ.
๒๔๑. ปุพฺเพ นีวรณปฺปหานวาเร วิย กนฺตารคฺคหณํ อกตฺวา เกวลํ อทฺธานมคฺคคฺคหณํ เขมมคฺคทสฺสนตฺถํ. กสฺมา ปน เขมมคฺคสฺเสว ทสฺสนํ, น กนฺตารมคฺคสฺส, นนุ อุปมาทสฺสนมตฺตเมตนฺติ โจทนํ ปริหรนฺโต ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาห. ‘‘อปฺปฏิภยฺหี’’ติอาทิ ปน เขมมคฺคสฺเสว คหณการณทสฺสนํ. วาตาตปาทินิวารณตฺถํ สีเส สาฏกํ กตฺวา. ตถา ตถา ปน ปริปุณฺณวจนํ อุปมาสมฺปตฺติยา อุปเมยฺยสมฺปาทนตฺถํ, อธิปฺเปตสฺส จ อุปเมยฺยตฺถสฺส สุวิฺาปนตฺถํ, เหตุทาหรณเภทฺยเภทกาทิสมฺปนฺนวจเนน จ วิฺูชาติกานํ จิตฺตาราธนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ สพฺพตฺถ. สุขํ ววตฺถเปตีติ อกิจฺฉํ อกสิเรน สลฺลกฺเขติ, ปริจฺฉินฺทติ จ.
๒๔๓. มนฺโท อุตฺตานเสยฺยกทารโกปิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ยุวา’’ติ ¶ วุตฺตนฺติ มนฺตฺวา ยุวสทฺเทน วิเสสิตพฺพเมว ทหรสทฺทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตรุโณ’’ติ วุตฺตํ. ตถา ยุวาปิ โกจิ อนิจฺฉนโก, อนิจฺฉนโต จ อมณฺฑนชาติโกติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘มณฺฑนชาติโก’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ มนฺตฺวา มณฺฑนชาติกาทิสทฺเทน วิเสสิตพฺพเมว ยุวสทฺทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘โยพฺพนฺเนน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํ. ปาฬิยฺหิ ยถากฺกมํ ปทตฺตยสฺส วิเสสิตพฺพวิเสสกภาเวน วจนโต ตถา สํวณฺณนา กตา, อิตรถา เอกเกนาปิ ปเทน อธิปฺเปตตฺถาธิคมิกา สปริวารา สํวณฺณนาว กาตพฺพา สิยาติ. ‘‘มณฺฑนปกติโก’’ติ วุตฺตเมว วิวริตุํ ‘‘ทิวสสฺสา’’ติอาทิมาห. กณิกสทฺโท โทสปริยาโย, โทโส จ นาม กาฬติลกาทีติ ทสฺเสติ ‘‘กาฬติลกา’’ติอาทินา. กาฬติลปฺปมาณา พินฺทโว กาฬติลกานิ, กาฬา วา กมฺมาสา, เย ‘‘สาสปพีชิกา’’ติปิ วุจฺจนฺติ. ติลปฺปมาณา พินฺทโว ติลกานิ. วงฺคํ นาม วิยงฺคํ วิปริณามิตมงฺคํ. โยพฺพนฺนปีฬกาทโย มุขทูสิปีฬกา, เย ‘‘ขรปีฬกา’’ ติปิ วุจฺจนฺติ. มุขนิมิตฺตนฺติ มุขจฺฉายํ. มุเข คโต โทโส มุขโทโส ¶ . ลกฺขณวจนมตฺตเมตํ มุเข อโทสสฺสปิ ปากฏภาวสฺส อธิปฺเปตตฺตา, ยถา วา มุเข โทโส, เอวํ มุเข อโทโสปิ มุขโทโสติ สรโลเปน วุตฺโต สามฺนิทฺเทสโตปิ อเนกตฺถสฺส วิฺาตพฺพตฺตา, ปิสทฺทโลเปน วา อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อวุตฺโตปิ หิ อตฺโถ สมฺปิณฺฑนวเสน วุตฺโต วิย วิฺายติ, มุขโทโส จ มุขอโทโส จ มุขโทโสติ เอกเทสสรูเปกเสสนเยนเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวฺหิ อตฺถสฺส ปริปุณฺณตาย ‘‘ปเรสํ โสฬสวิธํ จิตฺตํ ปากฏํ โหตี’’ติ วจนํ สมตฺถิตํ โหติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘วตฺตพฺพสฺสาวสิฏฺสฺส, คาโห นิทสฺสนาทินา;
อปิสทฺทาทิโลเปน, เอกเสสนเยน วา.
อสมาเน สทฺเท ติธา, จตุธา จ สมานเก;
สามฺนิทฺเทสโตปิ, เวทิตพฺโพ วิภาวินา’’ติ.
‘‘สราคํ วา จิตฺต’’นฺติอาทินา ปาฬิยํ วุตฺตํ โสฬสวิธํ จิตฺตํ.
๒๔๕. ปุพฺเพนิวาสาณูปมายนฺติ ปุพฺเพนิวาสาณสฺส, ปุพฺเพนิวาสาเณ วา ทสฺสิตาย อุปมาย. กสฺมา ปน ปาฬิยํ คามตฺตยเมว อุปมาเน คหิตนฺติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘ตํ ทิวส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตํ ทิวสํ กตกิริยา นาม ปากติกสตฺตสฺสาปิ เยภุยฺเยน ปากฏา โหติ. ตสฺมา ตํ ทิวสํ คนฺตุํ สกฺกุเณยฺยํ คามตฺตยเมว ภควตา คหิตํ, น ตทุตฺตรีติ อธิปฺปาโย ¶ . กิฺจาปิ ปาฬิยํ ตํทิวสคฺคหณํ นตฺถิ, คามตฺตยคฺคหเณน ปน ตทเหว กตกิริยา อธิปฺเปตาติ มนฺตฺวา อฏฺกถายํ ตํทิวสคฺคหณํ กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตํทิวสคตคามตฺตยคฺคหเณเนว จ มหาภินีหาเรหิ อฺเสมฺปิ ปุพฺเพนิวาสาณลาภีนํ ตีสุปิ ภเวสุ กตกิริยา เยภุยฺเยน ปากฏา โหตีติ ทีปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอตทตฺถมฺปิ หิ คามตฺตยคฺคหณนฺติ. ตีสุ ภเวสุ กตกิริยายาติ อภิสมฺปราเยสุ ปุพฺเพ ทิฏฺธมฺเม ปน อิทานิ, ปุพฺเพ จ กตกิจฺจสฺส.
๒๔๗. ปาฬิยํ รถิกาย วีถึ สฺจรนฺเตติ อฺาย รถิกาย อฺํ รถึ สฺจรนฺเตติ อตฺโถ, เตน อปราปรํ สฺจรณํ ทสฺสิตนฺติ อาห ‘‘อปราปรํ สฺจรนฺเต’’ติ, ตํตํกิจฺจวเสน อิโต จิโต จ สฺจรนฺเตติ วุตฺตํ โหติ, อยเมวตฺโถ รถิวีถิสทฺทานเมกตฺถตฺตา. สิงฺฆาฏกมฺหีติ วีถิจตุกฺเก. ปาสาโท วิย ภิกฺขุสฺส กรชกาโย ทฏฺพฺโพ ¶ ตตฺถ ปติฏฺิตสฺส ทฏฺพฺพทสฺสนสิทฺธิโต. มํสจกฺขุมโต หิ ทิพฺพจกฺขุสมธิคโม. ยถาห ‘‘มํสจกฺขุสฺส อุปฺปาโท, มคฺโค ทิพฺพสฺส จกฺขุโน’’ติ (อิติวุ. ๖๑). จกฺขุมา ปุริโส วิย อยเมว ทิพฺพจกฺขุํ ปตฺวา ิโต ภิกฺขุ ทฏฺพฺพสฺส ทสฺสนโต. เคหํ ปวิสนฺโต, ตโต นิกฺขมนฺโต วิย จ มาตุกุจฺฉึ ปฏิสนฺธิวเสน ปวิสนฺโต, ตโต จ วิชาติวเสน นิกฺขมนฺโต มาตุกุจฺฉิยา เคหสทิสตฺตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘มาตรํ กุฏิกํ พฺรูสิ, ภริยํ พฺรูสิ กุลาวก’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๙). อยํ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – เคหํ ปวิสนฺโต วิย อตฺตภาวํ อุปปชฺชนวเสน โอกฺกมนฺโต, เคหา นิกฺขมนฺโต วิย จ อตฺตภาวโต จวนวเสน อปกฺกมนฺโต อตฺตภาวสฺส เคหสทิสตฺตา. วุตฺตฺหิ ‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสี’’ติ (ธ. ป. ๑๕๔).
อปราปรํ สฺจรณกสตฺตาติ ปุนปฺปุนํ สํสาเร ปริพฺภมนกสตฺตา. อพฺโภกาสฏฺาเนติ อชฺโฌกาสเทสภูเต. มชฺเฌติ นครสฺส มชฺฌภูเต สิงฺฆาฏเก. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเวกเทเส. นิพฺพตฺตสตฺตาติ อุปฺปชฺชมานกสตฺตา. อิมินา หิ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ชาตสํวทฺเธ สตฺเต วทติ, ‘‘อปราปรํ สฺจรณกสตฺตา’’ติ ปน เอเตน ตถา อนิยมิตกาลิเก สาธารณสตฺเต. เอวฺหิ เตสํ ยถากฺกมํ สฺจรณกสนฺนิสินฺนกชโนปมตา อุปปนฺนา โหตีติ. ตีสุ ภเวสุ นิพฺพตฺตสตฺตานํ อาวิภูตกาโลติ เอตฺถ ปน วุตฺตปฺปการานํ สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อนิยมโต คหณํ เวทิตพฺพํ.
นนุ จายํ ทิพฺพจกฺขุกถา, อถ กสฺมา ‘‘ตีสุ ภเวสู’’ติ จตุโวการภวสฺสาปิ สงฺคโห กโต. น หิ โส อรูปธมฺมารมฺมโณติ อนุโยคํ ปริหรนฺโต ‘‘อิทฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ ‘‘อิทนฺติ ตีสุ ภเวสุ นิพฺพตฺตสตฺตานนฺติ อิทํ วจน’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๗) อยเมตฺถ อาจริยสฺส มติ, เอวํ สติ อฏฺกถาจริเยหิ อฏฺกถายเมว ยถาวุตฺโต อนุโยโค ปริหริโตติ. อยํ ปเนตฺถ อมฺหากํ ขนฺติ – นนุ จายํ ทิพฺพจกฺขุกถา, อถ กสฺมา ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน’’ติอาทินา อวิเสสโต จตุโวการภวูปคสฺสาปิ สงฺคโห กโต. น หิ ¶ โส อรูปธมฺมารมฺมโณติ อนุโยคํ ปริหรนฺโต ‘‘อิทฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อิทนฺติ ‘‘สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน’’ติอาทิวจนํ. เอวฺหิ สติ อฏฺกถาจริเยหิ ปาฬิยเมว ยถาวุตฺโต อนุโยโค ปริหริโตติ. ยทคฺเคน โส ปาฬิยํ ปริหริโต, ตทคฺเคน อฏฺกถายมฺปิ ตสฺสา อตฺถวณฺณนาภาวโต. เทสนาสุขตฺถเมวาติ เกวลํ เทสนาสุขตฺถํ เอว อวิเสเสน วุตฺตํ, น ปน จตุโวการภวูปคานํ ทิพฺพจกฺขุสฺส อาวิภาวสพฺภาวโต. ‘‘เปตฺวา อรูปภว’’นฺติ วา ‘‘ทฺวีสุ ภเวสู’’ติ วา สตฺเต ปสฺสติ กามาวจรภวโต, รูปาวจรภวโต จ จวมาเนติ วา กามาวจรภเว, รูปาวจรภเว จ อุปปชฺชมาเนติ วา วุจฺจมานา หิ เทสนา ยถารหํ เภทฺยเภทกาทิวิภาวเนน สุขาสุขาวโพธา จ น โหติ, อวิเสเสน ปน เอวเมว วุจฺจมานา สุขาสุขาวโพธา จ. เทเสตุํ, อวโพเธตฺุจ สุกรตาปโยชนฺหิ ‘‘เทสนาสุขตฺถ’’นฺติ วุตฺตํ. กสฺมาติ อาห ‘‘อารุปฺเป…เป… นตฺถี’’ติ, ทิพฺพจกฺขุโคจรภูตานํ รูปธมฺมานมภาวโตติ วุตฺตํ โหติ.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา
๒๔๘. อิธ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพํ, น โลกิยาภิฺาสุ วิย อภิฺาปาทกํ. วิปสฺสนาปาทกนฺติ จ วิปสฺสนาย ปทฏฺานภูตํ, วิปสฺสนา จ นาเมสา ติวิธา วิปสฺสกปุคฺคลเภเทน มหาโพธิสตฺตานํ วิปสฺสนา, ปจฺเจกโพธิสตฺตานํ วิปสฺสนา, สาวกานํ วิปสฺสนา จาติ. ตตฺถ มหาโพธิสตฺตานํ, ปจฺเจกโพธิสตฺตานฺจ วิปสฺสนา จินฺตามยาณสมฺพนฺธิกา สยมฺภุาณภูตา, สาวกานํ ปน สุตมยาณสมฺพนฺธิกา ปโรปเทสสมฺภูตา. สา ‘‘เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ อวเสสรูปารูปชฺฌานานํ อฺตรโต วุฏฺายา’’ติอาทินา อเนกธา, อรูปมุขวเสน จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานฺจ อฺตรมุขวเสน อเนกธา จ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๖๖๔) นานานยโต วิภาวิตา, มหาโพธิสตฺตานํ ปน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสมุเขน ปเภทคมนโต นานานยํ สพฺพฺุตฺาณสนฺนิสฺสยสฺส อริยมคฺคาณสฺส อธิฏฺานภูตํ ปุพฺพภาคาณคพฺภํ คณฺหาเปนฺตํ ¶ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ปรมคมฺภีรํ สณฺหสุขุมตรํ อนฺสาธารณํ วิปสฺสนาาณํ โหติ ¶ , ยํ อฏฺกถาสุ ‘‘มหาวชิราณ’’นฺติ วุจฺจติ, ยสฺส จ ปวตฺติวิภาเคน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสปฺปเภทสฺส ปาทกภาเวน สมาปชฺชิยมานา จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขฺยา เทวสิกํ สตฺถุ วฬฺชนสมาปตฺติโย วุจฺจนฺติ. สฺวายํ พุทฺธานํ วิปสฺสนาจาโร ปรมตฺถมฺชุสายํ วิสุทฺธิมคฺควณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๑๔๔) อุทฺเทสโต อาจริเยน ทสฺสิโต, ตโต โส อตฺถิเกหิ คเหตพฺโพ. อิธ ปน สาวกานํ วิปสฺสนาว อธิปฺเปตา.
‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อิทํ กิริยาปโยชนภูเต ตทตฺเถ สมฺปทานวจนํ, ตสฺมา อสติปิ ปโยชนวาจเก ปโยชนวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘ขยาณนิพฺพตฺตนตฺถายา’’ติ. เอวมีทิเสสุ. นิพฺพานํ, อรหตฺตมคฺโค จ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน อิธ ขโย นาม, ตตฺถ าณํ ขยาณํ, ตสฺส นิพฺพตฺตนสงฺขาโต อตฺโถ ปโยชนํ, ตทตฺถายาติ อตฺโถ. เขเปติ ปาปธมฺเม สมุจฺฉินฺทตีติ ขโย, มคฺโค. โส ปน ปาปกฺขโย อาสวกฺขเยน วินา นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ขเย าณ’’นฺติ (ธ. ส. สุตฺตนฺตทุกมาติกา ๑๔๘) เอตฺถ ขยคฺคหเณน อาสวกฺขโยว วุตฺโตติ ทสฺเสติ ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ อิมินา. อนุปฺปาเท าณนฺติ อาสวานมนุปฺปาทภูเต อริยผเล าณํ. ขียึสุ อาสวา เอตฺถาติ ขโย, ผลํ. สมิตปาปตาย สมโณ, สมิตปาปตา จ นิปฺปริยายโต อรหตฺตผเลเนวาติ อาห ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตีติ เอตฺถ ผล’’นฺติ. ขยาติ จ ขีณตฺตาติ อตฺโถ. ขียนฺติ อาสวา เอตฺถาติ ขโย, นิพฺพานํ. ‘‘อาสวกฺขยา’’ติ ปน สมาสวเสน ทฺวิภาวํ กตฺวา วุตฺตตฺตา ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ ปทสฺส อตฺถุทฺธาเร อาสวกฺขยปทคฺคหณํ.
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺสา’’ติอาทิคาถา ธมฺมปเท (ธ. ป. ๒๕๓). ตตฺถ อุชฺฌานสฺิโนติ ครหสฺิโน. อราติ ทูรา. ‘‘อรา สิงฺฆามิ วาริช’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔; ชา. ๑.๖.๑๑๖) วิย หิ ทูรตฺโถยํ นิปาโต. ‘‘อารา’’ติปิ ปาโ. อราสทฺโท วิย อาราสทฺโทปิ ทูรตฺเถ เอโก นิปาโตติ เวทิตพฺโพ. ตเทว หิ ปทํ สทฺทสตฺเถ อุทาหฏํ. กามฺจ ธมฺมปทฏฺกถายํ ‘‘อรหตฺตมคฺคสงฺขาตา อารา ทูรํ คโตว โหตี’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๒๕๓) วุตฺตํ, ตถาปิ อาสววฑฺฒิยา สงฺขาเร วฑฺเฒนฺโต ¶ วิสงฺขารโต สุวิทูรทูโร, ตสฺมา ‘‘อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ เอตฺถ อาสวกฺขยปทํ วิสงฺขาราธิวจนมฺปิ สมฺภวตีติ อาห ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ. ขยนํ ขโย, อาสวานํ ขณนิโรโธ. เสสํ ตสฺส ปริยายวจนํ. ภงฺโค อาสวานํ ขโยติ วุตฺโตติ โยชนา. อิธ ปน นิพฺพานมฺปิ มคฺโคปิ อวินาภาวโต. น หิ นิพฺพานมนารพฺภ มคฺเคเนว อาสวานํ ขโย โหตีติ.
ตนฺนินฺนนฺติ ¶ ตสฺมึ อาสวานํ ขยาเณ นินฺนํ. เสสํ ตสฺเสว เววจนํ. ปาฬิยํ อิทํ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ปริจฺฉินฺทิตฺวา, อนวเสเสตฺวา จ ตทา ตสฺส ภิกฺขุโน ปจฺจกฺขโต คหิตภาวทสฺสนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺตก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ หิ เอตฺตกํ ทุกฺขนฺติ ตสฺส ปริจฺฉิชฺช คหิตภาวทสฺสนํ. น อิโต ภิยฺโยติ อนวเสเสตฺวา คหิตภาวทสฺสนํ. เตนาห ‘‘สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิ. สรสลกฺขณปฏิเวธวเสน ปชานนเมว ยถาภูตํ ปชานนํ นามาติ ทสฺเสติ ‘‘สรสลกฺขณปฏิเวเธนา’’ติ อิมินา. รโสติ สภาโว รสิตพฺโพ ชานิตพฺโพติ กตฺวา, อตฺตโน รโส สรโส, โส เอว ลกฺขณํ, ตสฺส อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌเนนาติ อตฺโถ. อสมฺโมหโต ปฏิวิชฺฌนฺจ นาม ยถา ตสฺมึ าเณ ปวตฺเต ปจฺฉา ทุกฺขสจฺจสฺส สรูปาทิปริจฺเฉเท สมฺโมโห น โหติ, ตถา ตสฺส ปวตฺติเยว. เตน วุตฺตํ ‘‘ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ. ‘‘นิพฺพตฺติก’’นฺติ อิมินา ‘‘ทุกฺขํ สมุเทติ เอตสฺมาติ ทุกฺขสมุทโย’’ติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ. ตทุภยนฺติ ทุกฺขํ, ทุกฺขสมุทโย จ. ยํ านํ ปตฺวาติ ยํ นิพฺพานํ มคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยฏฺเน การณภูตํ อาคมฺม. านนฺติ หิ การณํ วุจฺจติ ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตตายาติ กตฺวา. ตทุภยํ ปตฺวาติ จ ตทุภยวโต ปุคฺคลสฺส ตทุภยสฺส ปตฺติ วิย วุตฺตา. ปุคฺคลสฺเสว หิ อารมฺมณกรณวเสน นิพฺพานปฺปตฺติ, น ตทุภยสฺส. อปิจ ปตฺวาติ ปาปุณนเหตุ, ปุคฺคลสฺส อารมฺมณกรณวเสน สมาปชฺชนโตติ อตฺโถ. อสมานกตฺตุเก วิย หิ สมานกตฺตุเกปิ ตฺวาปจฺจยสฺส เหตฺวตฺเถ ปวตฺติ สทฺทสตฺเถสุ ปากฏา. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ ‘‘น ปวตฺตติ ตทุภยเมเตนา’’ติ กตฺวา, อปฺปวตฺติฏฺานํ วา ‘‘น ปวตฺตติ ตทุภยเมตฺถา’’ติ กตฺวา, อเนน จ ‘‘ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ เอตฺถ, เอเตนาติ วา ทุกฺขนิโรโธ’’ติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ, ทุกฺขสมุทยสฺส ปน คหณํ ตํนิพฺพตฺตกสฺส นิรุชฺฌนโต ตสฺสาปิ นิรุชฺฌนทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิพฺพานปเทเยว ¶ ต-สทฺโท นิวตฺตตีติ อยํ-สทฺโท ปุน วุตฺโต. สพฺพนามิกฺหิ ปทํ วุตฺตสฺส วา ลิงฺคสฺส คาหกํ, วุจฺจมานสฺส วา. ตสฺสาติ ทุกฺขนิโรธสฺส. สมฺปาปกนฺติ สจฺฉิกรณวเสน สมฺมเทว ปาปกํ, เอเตน จ ‘‘ทุกฺขนิโรธํ คมยติ, คจฺฉติ วา เอตายาติ ทุกฺขนิโรธคามินี, สาเยว ปฏิปทา ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา’’ติ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ.
กิเลสวเสนาติ อาสวสงฺขาตกิเลสวเสน. ตเทว อาสวปริยาเยน ทสฺเสนฺโต ปุน อาห, ตสฺมา น เอตฺถ ปุนรุตฺติโทโสติ อธิปฺปาโย. ปริยายเทสนาภาโว นาม หิ อาเวณิโก พุทฺธธมฺโมติ เหฏฺา วุตฺโตวายมตฺโถ. นนุ จ อาสวานํ ทุกฺขสจฺจปริยาโยว อตฺถิ, น เสสสจฺจปริยาโย, อถ กสฺมา สรูปโต ทสฺสิตสจฺจานิเยว กิเลสวเสน ปริยายโต ปุน ทสฺเสนฺโต เอวมาหาติ วุตฺตนฺติ? สจฺจํ, ตํสมฺพนฺธตฺตา ปน เสสสจฺจานํ ตํสมุทยาทิปริยาโยปิ ลพฺภตีติ ¶ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทุกฺขสจฺจปริยายภูตอาสวสมฺพนฺธานิ หิ อาสวสมุทยาทีนีติ, สจฺจานิ ทสฺเสนฺโตติปิ โยเชตพฺพํ. ‘‘อาสวานํ ขยาณายา’’ติ อารทฺธตฺตา เจตฺถ อาสวานเมว คหณํ, น เสสกิเลสานํ ตถา อนารทฺธตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ‘‘กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๔๘; ม. นิ. ๑.๔๓๓; ๓.๑๙) อาสววิมุตฺตสีเสเนว สพฺพกิเลสวิมุตฺติ วุตฺตา. ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทินา มิสฺสกมคฺโคว อิธ กถิโต โลกิยวิปสฺสนาย โลกุตฺตรมคฺคสฺส มิสฺสกตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถสี’’ติ. ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ อิมินา ตโยปิ ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยา วุตฺตา จตุสจฺจปชานนาย เอว จตุกิจฺจสิทฺธิโต, ปหานาภิสมโย ปน ปาริเสสโต ‘‘วิมุจฺจตี’’ติ อิมินา วุตฺโตติ อาห ‘‘มคฺคกฺขณํ ทสฺเสตี’’ติ. จตฺตาริ หิ กิจฺจานิ จตุสจฺจปชานนาย เอว สิทฺธานิ. ยถาห ‘‘ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺาตนฺติ เม ภิกฺขเว ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ จกฺขุํ อุทปาที’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕; ปฏิ. ม. ๒.๒๙). อยํ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – ชานโต ปสฺสโตติ จ เหตุนิทฺเทโส, ‘‘ชานนเหตุ ปสฺสนเหตุ กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติอาทินา โยชนา. กามฺเจตฺถ ชานนปสฺสนกิริยานํ, วิมุจฺจนกิริยาย จ สมานกาลตา, ตถาปิ ¶ ธมฺมานํ สมานกาลิกานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตา สหชาตาทิโกฏิยา ลพฺภตีติ, เหตุคพฺภวิเสสนตาทสฺสนเมตนฺติปิ วทนฺติ.
ภวาสวคฺคหเณน เจตฺถ ภวราคสฺส วิย ภวทิฏฺิยาปิ สมวโรโธติ ทิฏฺาสวสฺสาปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, อธุนา ปน ‘‘ทิฏฺาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ กตฺถจิ ปาโ ทิสฺสติ, โส น โปราโณ, ปจฺฉา ปมาทลิขิโตติ เวทิตพฺโพ. ภยเภรวสุตฺตสํวณฺณนาทีสุ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๔) อเนกาสุปิ ตเถว สํวณฺณิตตฺตา. เอตฺถ จ กิฺจาปิ ปาฬิยํ สจฺจปฏิเวโธ อนิยมิตปุคฺคลสฺส อนิยมิตกาลวเสน วุตฺโต, ตถาปิ อภิสมยกาเล ตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนตํ อุปาทาย ‘‘เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต’’ติ วตฺตมานกาลนิทฺเทโส กโต, โส จ กามํ กสฺสจิ มคฺคกฺขณโต ปรํ ยาวชฺชตนา อตีตกาลิโก เอว, สพฺพปมํ ปนสฺส อตีตกาลิกตฺตํ ผลกฺขเณน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘วิมุตฺตสฺมินฺติ อิมินา ผลกฺขณ’’นฺติ. ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ ผลปจฺจเวกฺขณาณํ ตถา เจว วุตฺตตฺตา. ตคฺคหเณน ปน ตทวินาภาวโต เสสานิ นิรวเสสานิ คเหตพฺพานิ, เอกเทสานิ วา อปริปุณฺณายปิ ปจฺจเวกฺขณาย สมฺภวโต. ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีหิ ปเทหิ ‘‘นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ ปทปริโยสาเนหิ. ตสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส. ภูมินฺติ ปวตฺติฏฺานํ. นนุ จ ‘‘วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ ผลเมว ตสฺส อารมฺมณสงฺขาตา ภูมิ, อถ กถํ ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีหิ ตสฺส ภูมิทสฺสนนฺติ โจทนํ ¶ โสเธตุํ ‘‘เตน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขเณน วิชฺชมานสฺสาปิ กมฺมสฺส อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกภาวโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติ ปชานาติ, ยสฺมา จ มคฺคปจฺจเวกฺขณาทีหิ ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติอาทีนิ ปชานาติ, ตสฺมา ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีหิ ตสฺส ภูมิทสฺสนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เตน าเณนา’’ติ หิ ยถารุตโต, อวินาภาวโต จ คหิเตน ปฺจวิเธน ปจฺจเวกฺขณาเณนาติ อตฺโถ.
‘‘ขีณา ชาตี’’ติ เอตฺถ โสตุชนานํ สุวิฺาปนตฺถํ ปรมฺมุขา วิย โจทนํ สมุฏฺาเปติ ‘‘กตมา ปนา’’ติอาทินา. เยน ปนาธิปฺปาเยน โจทนา กตา, ตทธิปฺปายํ ปกาเสตฺวา ปริหารํ วตฺตุกาโม ‘‘น ตาวสฺสา’’ติอาทิมาห. ‘‘น ตาว…เป… วิชฺชมานตฺตา’’ติ วกฺขมานเมว หิ อตฺถํ มนสิ กตฺวา อยํ โจทนา สมุฏฺาปิตา, ตตฺถ น ตาวสฺส อตีตา ¶ ชาติ ขีณาติ อสฺส ภิกฺขุโน อตีตา ชาติ, น ตาว มคฺคภาวนาย ขีณา. ตตฺถ การณมาห ‘‘ปุพฺเพว ขีณตฺตา’’ติ, มคฺคภาวนาย ปุริมตรเมว นิรุชฺฌนวเสน ขีณตฺตาติ อธิปฺปาโย. น อนาคตา อสฺส ชาติ ขีณา มคฺคภาวนายาติ โยชนา. ตตฺถ การณมาห ‘‘อนาคเต วายามาภาวโต’’ติ, อิทฺจ อนาคตภาวสามฺเมว คเหตฺวา เลเสน โจทนาธิปฺปายวิภาวนตฺถํ วทติ, น อนาคตวิเสสํ อนาคเต มคฺคภาวนาย เขปนปโยคาภาวโตติ อตฺโถ. วิชฺชมาเนเยว หิ ปโยโค สมฺภวติ, น อวิชฺชมาเนติ วุตฺตํ โหติ. อนาคตวิเสโส ปเนตฺถ อธิปฺเปโต, ตสฺส จ เขปเน วายาโมปิ ลพฺภเตว. เตนาห ‘‘ยา ปน มคฺคสฺสา’’ติอาทิ. อนาคตวิเสโสติ จ อภาวิเต มคฺเค อุปฺปชฺชนารโห อนนฺตรชาติเภโท วุจฺจติ. น ปจฺจุปฺปนฺนา อสฺส ชาติ ขีณา มคฺคภาวนายาติ โยชนา. ตตฺถ การณมาห ‘‘วิชฺชมานตฺตา’’ติ, เอกภวปริยาปนฺนตาย วิชฺชมานตฺตาติ อตฺโถ. ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปมาภินิพฺพตฺติลกฺขณา หิ ชาติ. ‘‘ยา ปนา’’ติอาทินา ปน มคฺคภาวนาย กิเลสเหตุวินาสนมุเขน อนาคตชาติยา เอว ขีณภาโว ปกาสิโตติ ทฏฺพฺพํ. เอกจตุปฺจโวการภเวสูติ ภวตฺตยคฺคหณํ วุตฺตนเยน อนวเสสโต ชาติยา ขีณภาวทสฺสนตฺถํ, ปุพฺพปททฺวเยเปตฺถ อุตฺตรปทโลโป. เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘ตํ โส’’ติอาทิ ‘‘กถฺจ นํ ปชานาตี’’ติ โจทนาย โสธนาวจนํ. ตตฺถ ตนฺติ ยถาวุตฺตํ ชาตึ. โสติ ขีณาสโว ภิกฺขุ. ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ ปชานนาย ปุพฺพภาเค ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณทสฺสนํ. เอวฺจ กตฺวา ปจฺจเวกฺขณปรมฺปราย ตถา ปชานนา สิทฺธาติ ทฏฺพฺพํ. ปจฺจเวกฺขณนฺตรวิภาวนตฺถเมว หิ ‘‘ชานนฺโต ปชานาตี’’ติ วตฺตมานวจนทฺวยํ วุตฺตํ, ชานนฺโต หุตฺวา, ชานนเหตุ วา ปชานาติ นามาติ อตฺโถ.
พฺรหฺมจริยวาโส ¶ นาม อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส นิพฺพตฺตนเมวาติ อาห ‘‘ปริวุตฺถ’’นฺติ, สมนฺตโต นิรวเสเสน วสิตํ ปริจิณฺณนฺติ อตฺโถ. กสฺมา ปนิทํ โส อตีตกาลวเสน ปชานาตีติ อนุโยเคนาห ‘‘ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธิ’’นฺติอาทิ. ปุถุชฺชนกลฺยาณโกปิ หิ เหฏฺา วุตฺตลกฺขโณ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน ¶ นาม ทกฺขิณวิภงฺคสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) ตถา เอว วุตฺตตฺตา. วสนฺติ นามาติ วสนฺตา เอว นาม โหนฺติ, น วุตฺถวาสา. ตสฺมาติ วุตฺถวาสตฺตา. นนุ จ ‘‘โส ‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทินา ปาฬิยํ สมฺมาทิฏฺิเยว วุตฺตา, น สมฺมาสงฺกปฺปาทโย, อถ กสฺมา ‘‘จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน โสฬสวิธํ กิจฺจํ นิฏฺาปิต’’นฺติ อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส สาธารณโต วุตฺตนฺติ? สมฺมาสงฺกปฺปาทีนมฺปิ จตุกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺติโต. สมฺมาทิฏฺิยา หิ จตูสุ สจฺเจสุ ปริฺาทิกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตมานาย สมฺมาสงฺกปฺปาทีนมฺปิ เสสานํ ทุกฺขสจฺเจ ปริฺาภิสมยานุคุณาว ปวตฺติ, อิตรสจฺเจสุ จ เนสํ ปหานาภิสมยาทิวเสน ปวตฺติ ปากฏา เอวาติ. ทุกฺขนิโรธมคฺเคสุ ยถากฺกมํ ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาปิ ยาวเทว สมุทยปหานตฺถาติ กตฺวา ตทตฺเถเยว ตาสํ ปกฺขิปเนน ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ ปทสฺส อธิปฺปายํ วิภาเวตุํ ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ทุกฺขมูลํ สมุจฺฉินฺน’’นฺติ อิมินาปิ ตเทว ปการนฺตเรน วิภาเวติ.
กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ อตีตนิทฺเทโส กโตติ อาห ‘‘ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย’’ติอาทิ. อิเม ปการา อิตฺถํ, ตพฺภาโว อิตฺถตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อิตฺถภาวายา’’ติ อิมินา, อาย-สทฺโท จ สมฺปทานตฺเถ, ตทตฺถายาติ อตฺโถ. เต ปน ปการา อริยมคฺคพฺยาปารภูตา ปริฺาทโย อิธาธิปฺเปตาติ วุตฺตํ ‘‘เอวํ โสฬสกิจฺจภาวายา’’ติ. เต หิ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺคานุภาเวน ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ มคฺเค ปจฺจเวกฺขิเต ตํกิจฺจปจฺจเวกฺขณายปิ สุเขน สิทฺธิโต. เอวํ สาธารณโต จตูสุ มคฺเคสุ ปจฺเจกํ จตุกิจฺจวเสน โสฬสกิจฺจภาวํ ปกาเสตฺวา เตสุปิ กิจฺเจสุ ปหานเมว ปธานํ ตทตฺถตฺตา อิตเรสํ ปริฺาทีนนฺติ ตเทว วิเสสโต ปกาเสตุํ ‘‘กิเลสกฺขยภาวาย วา’’ติ อาห.
อปิจ ปุริมนเยน ปจฺจเวกฺขณปรมฺปราย ปจฺจเวกฺขณวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปธานตฺตา ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณวิธิเมว ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ. ทุติยวิกปฺเป อยํ ปกาโร อิตฺถํ, ตพฺภาโว อิตฺถตฺตํ, อายสทฺโท เจตฺถ สมฺปทานวจนสฺส การิยภูโต นิสฺสกฺกตฺเถติ ทสฺเสติ ‘‘อิตฺถภาวโต’’ติ อิมินา. ‘‘อิมสฺมา เอวํ ปการา’’ติ ปน วทนฺโต ปกาโร นาม ¶ ปการวนฺตโต อตฺถโต เภโท นตฺถิ. ยทิ หิ โส เภโท อสฺส, ตสฺเสว โส ปกาโร น สิยา, ตสฺมา ¶ อิตฺถํ-สทฺโท ปการวนฺตวาจโก, อตฺถโต ปน อเภเทปิ สติ อวยวาวยวิตาทินา เภทปริกปฺปนาวเสน สิยา กิฺจิ เภทมตฺถํ, ตสฺมา อิตฺถตฺตสทฺโท ปการวาจโกติ ทสฺเสติ. อยมิธ ฏีกายํ, (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๘) มชฺฌิมาคมฏีกาวินยฏีกาทีสุ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๔) จ อาคตนโย.
สทฺทวิทู ปน ปวตฺตินิมิตฺตานุสาเรน เอวมิจฺฉนฺติ – อยํ ปกาโร อสฺสาติ อิตฺถํ, ปการวนฺโต. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺติ. ตสฺส ภาโว อิตฺถตฺตํ, ปกาโร, อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํ ปการา’’ติ อาหาติ. ปมวิกปฺเปปิ ยถารหํ เอส นโย. อิทานิ วตฺตมานขนฺธสนฺตานาติ สรูปกถนํ. อปรนฺติ อนาคตํ. ‘‘อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺตี’’ติ อิทานิ ปาโ, ‘‘อิเม ปน จริมกตฺตภาวสงฺขาตา ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺตี’’ติ ปน มชฺฌิมาคมวินยฏีกาทีสุ, (สารตฺถ. ฏี. ๑.๑๔) อิธ จ ฏีกายํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๘) อุลฺลิงฺคิตปาโ. ตตฺถ จริมกตฺตภาวสงฺขาตาติ เอกสนฺตติปริยาปนฺนภาเวน ปจฺฉิมกตฺตภาวกถิตา. ปริฺาตาติ มคฺเคน ปริจฺฉิชฺช าตา. ติฏฺนฺตีติ อปฺปติฏฺา อโนกาสา ติฏฺนฺติ. เอเตน หิ เตสํ ขนฺธานํ อปริฺามูลาภาเวน อปติฏฺาภาวํ ทสฺเสติ. อปริฺามูลิกา หิ ปติฏฺา, ตทภาวโต ปน อปฺปติฏฺาภาโว. ยถาห ‘‘กพฬีกาเร เจ ภิกฺขเว อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฏฺิตํ ตตฺถ วิฺาณํ วิรุฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗). ตทุปมํ วิภาเวติ ‘‘ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิยา’’ติ อิมินา, ยถา ฉินฺนมูลกา รุกฺขา มูลาภาวโต อปฺปติฏฺา อโนกาสา ติฏฺนฺติ, เอวเมเตปิ อปริฺามูลาภาวโตติ. อยเมตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนา. จริมกจิตฺตนิโรเธนาติ ปรินิพฺพานจิตฺตนิโรเธน. อนุปาทาโนติ อนินฺธโน. อปณฺณตฺติกภาวนฺติ เยสุ ขนฺเธสุ วิชฺชมาเนสุ ตถา ตถา ปริกปฺปนาสิทฺธา ปฺตฺติ, ตทภาวโต ตสฺสาปิ ธรมานกปฺตฺติยา อภาเวน อปฺตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺติ. ปณฺณตฺติ ปฺตฺตีติ หิ อตฺถโต เอกํ ยถา ‘‘ปฺาส ปณฺณาสา’’ติ. ปฺาส ปณฺณาเทโสติ หิ อกฺขรจินฺตกา วทนฺติ.
๒๔๙. เยภุยฺเยน ¶ สํขิปติ สงฺกุจิโต ภวตีติ สงฺเขโป, ปพฺพตมตฺถกํ. ตฺหิ ปพฺพตปาทโต อนุกฺกเมน พหุลํ สํขิตฺตํ สงฺกุจิตํ โหติ. เตนาห ‘‘ปพฺพตมตฺถเก’’ติ, ปพฺพตสิขเรติ อตฺโถ. อยํ อฏฺกถามุตฺตโก นโย – สงฺขิปียติ ปพฺพตภาเวน คณียตีติ สงฺเขโป, ปพฺพตปริยาปนฺโน ปเทโส, ตสฺมึ ปพฺพตปริยาปนฺเน ปเทเสติ อตฺโถติ. อนาวิโลติ อกาลุสิโย, สา จสฺส อนาวิลตา กทฺทมาภาเวน โหตีติ อาห ‘‘นิกฺกทฺทโม’’ติ. สปติ อปทาปิ ¶ สมานา คจฺฉตีติ สิปฺปิ, ขุทฺทกา สิปฺปิ สิปฺปิโย กา-การสฺส ย-การํ กตฺวา, โย ‘‘มุตฺติโก’’ติปิ วุจฺจติ. สวติ ปสวตีติ สมฺพุโก, ยํ ‘‘ชลสุตฺติ, สงฺขลิกา’’ติ จ โวหรนฺติ. สมาหาเร เยภุยฺยโต นปุํสกปโยโคติ วุตฺตํ ‘‘สิปฺปิยสมฺพุก’’นฺติ. เอวมีทิเสสุ. สกฺขราติ มุฏฺิปฺปมาณา ปาสาณา. กถลานีติ กปาลขณฺฑานิ. สมูหวาจกสฺส ฆฏาสทฺทสฺส อิตฺถิ ลิงฺคสฺสาปิ ทิสฺสนโต ‘‘คุมฺพ’’นฺติ ปทสฺสตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ฆฏา’’ติ อิมินา.
กามฺจ ‘‘สิปฺปิยสมฺพุกมฺปิ สกฺขรกถลมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตมฺปี’’ติ เอตฺถ สกฺขรกถลํ ติฏฺติเยว, สิปฺปิยสมฺพุกมจฺฉคุมฺพานิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปิ, ตถาปิ สหจรณนเยน สพฺพาเนว จรนฺติ วิย เอวํ วุตฺตนฺติ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตมฺปีติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิ ‘‘สกฺขรกถลํ ติฏฺติเยวา’’ติอาทินา ยถาสมฺภวมตฺถํ ทสฺเสติ, ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทินา ปน สหจรณนยํ. ปน-สทฺโท อรุจิสํสูจเน, ตถาปีติ อตฺโถ. อนฺตรนฺตราติ พหูนํ คาวีนมนฺตรนฺตรา ิตาสุ คาวีสุ วิชฺชมานาสุปิ. คาโวติ คาวิโย. อิตราปีติ ิตาปิ นิสินฺนาปิ. จรนฺตีติ วุจฺจนฺติ สหจรณนเยน. ติฏฺนฺตเมวาติอาทีสุ อยมธิปฺปาโย – สิปฺปิยสมฺพุกมจฺฉคุมฺพานํ จรณกิริยายปิ โยคโต านกิริยาย อเนกนฺตตฺตา เอกนฺตโต ติฏฺนฺตเมว น กทาจิปิ จรนฺตํ สกฺขรกถลํ อุปาทาย สิปฺปิยสมฺพุกมฺปิ มจฺฉคุมฺพมฺปิ ติฏฺนฺตนฺติ วุตฺตํ, น ตุ เตสํ านกิริยมุปาทาย. เตสํ ปน จรณกิริยมุปาทาย ‘‘จรนฺตมฺปี’’ติ ปิ-สทฺทโลโป เหตฺถ ทฏฺพฺโพ. อิตรมฺปิ ทฺวยนฺติ สิปฺปิยสมฺพุกมจฺฉคุมฺพํ ปทวเสน เอวํ วุตฺตํ. อิตรฺจ ทฺวยนฺติ สิปฺปิยสมฺพุกมจฺฉคุมฺพเมว. จรนฺตนฺติ วุตฺตนฺติ เอตฺถาปิ เตสํ านกิริยมุปาทาย ‘‘ติฏฺนฺตมฺปี’’ติ ปิ-สทฺทโลโป, เอวเมตฺถ อฏฺกถาจริเยหิ สหจรณนโย ทสฺสิโต, อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน ปน ยถาลาภนโยปิ. ตถา ¶ หิ วุตฺตํ ‘‘กึ วา อิมาย สหจริยาย, ยถาลาภคฺคหณํ ปเนตฺถ ทฏฺพฺพํ. สกฺขรกถลสฺส หิ วเสน ติฏฺนฺตนฺติ, สิปฺปิสมฺพุกสฺส มจฺฉคุมฺพสฺส จ วเสน ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตมฺปีติ เอวํ โยชนา กาตพฺพา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๙). อลพฺภมานสฺสาปิ อตฺถสฺส สหโยคีวเสน เทสนามตฺตํ ปติ สหจรณนโย, สาธารณโต เทสิตสฺสาปิ อตฺถสฺส สมฺภววเสน วิเวจนํ ปติ ยถาลาภนโยติ อุภยถาปิ ยุชฺชติ.
เอวมฺเปตฺถ วทนฺติ – อฏฺกถายํ ‘‘สกฺขรกถลํ ติฏฺติเยว, อิตรานิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปี’’ติ อิมินา ยถาลาภนโย ทสฺสิโต ยถาสมฺภวํ อตฺถสฺส วิเวจิตตฺตา, ‘‘ยถา ปนา’’ติอาทินา ปน สหจรณนโย อลพฺภมานสฺสาปิ อตฺถสฺส สหโยคีวเสน เทสนามตฺตสฺส วิภาวิตตฺตาติ ¶ , ตเทตมฺปิ อนุปวชฺชเมว อตฺถสฺส ยุตฺตตฺตา, อฏฺกถายฺจ ตถา ทสฺสนสฺสาปิ สมฺภวโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อุปมาสํสนฺทนํ. ตีเรติ อุทกรหทสฺส ตีเร. อุทกรหโท จ นาม กตฺถจิ สมุทฺโทปิ วุจฺจติ ‘‘รหโทปิ ตตฺถ คมฺภีโร, สมุทฺโท สริโตทโก’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๗๘). กตฺถจิ ชลาสโยปิ ‘‘รหโทปิ ตตฺถ ธรณี นาม, ยโต เมฆา ปวสฺสนฺติ, วสฺสา ยโต ปตายนฺตี’’ติอาทีสุ, (ที. นิ. ๓.๒๘๑) อิธาปิ ชลาสโยเยว. โส หิ อุทกวเสน รโห จกฺขุรหาทิกํ ททาตีติ อุทกรหโท โอ-การสฺส อ-การํ กตฺวา. สทฺทวิทู ปน ‘‘อุทกํ หรตีติ อุทกรหโท นิรุตฺตินเยนา’’ติ วทนฺติ.
‘‘เอตฺตาวตา’’ติอาทินา จตุตฺถชฺฌานานฺตรํ ทสฺสิตวิปสฺสนาาณโต ปฏฺาย ยถาวุตฺตตฺถสฺส สมฺปิณฺฑนํ. ตตฺถ เอตฺตาวตาติ ‘‘ปุน จปรํ มหาราช ภิกฺขุ เอวํ สมาหิเต จิตฺเต…เป… าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรตี’’ติอาทินา เอตฺตเกน, เอตปริมาณวนฺเตน วา วจนกฺกเมน. วิปสฺสนาาณนฺติ าณทสฺสนนาเมน ทสฺสิตํ วิปสฺสนาาณํ, ตสฺส จ วิสุํ คณนทสฺสเนน เหฏฺา จตุตฺถชฺฌานานนฺตรํ วตฺตพฺพตาการเณสุ ตีสุ นเยสุ ตติยนยสฺเสว ยุตฺตตรภาโวปิ ทีปิโตติ ทฏฺพฺพํ. มโนมยาณสฺส อิทฺธิวิธสมวโรธิตภาเว วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๓๗๙ อาทโย) วุตฺเตปิ อิธ ปาฬิยํ วิสุํ เทสิตตฺตา วิสุํ เอว คหณํ, ตถา เทสนา จ ปาฏิเยกฺกสนฺทิฏฺิกสามฺผลตฺถาติ ทฏฺพฺพํ. อนาคตํสาณยถากมฺมูปคาณทฺวยสฺส ¶ ปาฬิยํ อนาคตตฺตา ‘‘ทิพฺพจกฺขุวเสน นิปฺผนฺน’’นฺติ วุตฺตํ, ตพฺพเสน นิปฺผนฺนตฺตา ตคฺคหเณเนว คหิตํ ตํ าณทฺวยนฺติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพจกฺขุสฺส หิ อนาคตํสาณํ, ยถากมฺมูปคาณฺจาติ ทฺเวปิ าณานิ ปริภณฺฑานิ โหนฺตีติ. ทิพฺพจกฺขุาณนฺติ จุตูปปาตาณนาเมน ทสฺสิตํ ทิพฺพจกฺขุาณํ.
สพฺเพสํ ปน ทสนฺนํ าณานํ อารมฺมณวิภาคสฺส วิสุทฺธิมคฺเค อนาคตตฺตา ตตฺถานาคตาณานํ อารมฺมณวิภาคํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตส’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เตสนฺติ ทสนฺนํ าณานํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อารมฺมณวิภาเค, เตสุ วา ทสสุ าเณสุ. ภูมิเภทโต ปริตฺตมหคฺคตํ, กาลเภทโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ, สนฺตานเภทโต อชฺฌตฺตพหิทฺธา จาติ วิปสฺสนาาณํ สตฺตวิธารมฺมณํ. ปริตฺตารมฺมณาทิติกตฺตเยเนว หิ ตสฺส อารมฺมณวิภาโค, น มคฺคารมฺมณติเกน. นิมฺมิตรูปายตนมตฺตเมวาติ อตฺตนา นิมฺมิตํ รูปารมฺมณเมว, อตฺตนา วา นิมฺมิเต มโนมเย กาเย วิชฺชมานํ รูปายตนเมวาติปิ ยุชฺชติ. อิทฺหิ ตสฺส าณสฺส อภินิมฺมิยมาเน มโนมเย กาเย รูปายตนเมวารพฺภ ปวตฺตนโต วุตฺตํ, น ปน ตตฺถ คนฺธายตนาทีนมภาวโต ¶ . น หิ รูปกลาโป คนฺธายตนาทิวิรหิโต อตฺถีติ สพฺพถา ปรินิปฺผนฺนเมว นิมฺมิตรูปํ. เตนาห ‘‘ปริตฺตปจฺจุปฺปนฺนพหิทฺธารมฺมณ’’นฺติ, ยถากฺกมํ ภูมิกาลสนฺตานเภทโต ติพฺพิธารมฺมณนฺติ อตฺโถ. นิพฺพานวเสน เอกธมฺมารมฺมณมฺปิ สมานํ อาสวกฺขยาณํ ปริตฺตารมฺมณาทิติกวเสน ติวิธารมฺมณํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปมาณพหิทฺธานวตฺตพฺพารมฺมณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺหิ ปริตฺตติกวเสน อปฺปมาณารมฺมณํ, อชฺฌตฺติกวเสน พหิทฺธารมฺมณํ, อตีตติกวเสน นวตฺตพฺพารมฺมณฺจ โหติ.
อุตฺตริตรสทฺโท, ปณีตตรสทฺโท จ ปริยาโยติ ทสฺเสติ ‘‘เสฏฺตร’’นฺติ อิมินา. รตนกูฏํ วิย กูฏาคารสฺส อรหตฺตํ กูฏํ อุตฺตมงฺคภูตํ ภควโต เทสนาย อรหตฺตปริโยสานตฺตาติ อาห ‘‘อรหตฺตนิกูเฏนา’’ติ. เทสนํ นิฏฺาเปสีติ ติตฺถกรมตหรวิภาวินึ นานาวิธกุหนลปนาทิมิจฺฉาชีววิทฺธํสินึ ติวิธสีลาลงฺกตปรมสลฺเลขปฏิปตฺติปริทีปินึ ฌานาภิฺาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺมวิภูสินึ จุทฺทสวิธมหาสามฺฺผลปฏิมณฺฑิตํ อนฺสาธารณํ สามฺผลเทสนํ รตนาคารํ ¶ วิย รตนกูเฏน อรหตฺตกูเฏน นิฏฺาเปสิ ‘‘วิมุตฺตสฺมิ’’นฺติ อิมินา, อรหตฺตผลสฺส เทสิตตฺตาติ อตฺโถ.
อชาตสตฺตุอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา
๒๕๐. เอตฺตาวตา ภควตา เทสิตสฺส สามฺผลสุตฺตสฺส อตฺถวณฺณนํ กตฺวา อิทานิ ธมฺมสงฺคาหเกหิ สงฺคีตสฺส ‘‘เอวํ วุตฺเต’’ติอาทิปาสฺสปิ อตฺถวณฺณนํ กโรนฺโต ปมํ สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘ราชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ สามฺผเล, สุตฺตปเทเส วา. กรณํ กาโร, สาธุ อิติ กาโร ตถา, ‘‘สาธุ ภควา, สาธุ สุคตา’’ติอาทินา ตํ ปวตฺเตนฺโต. อาทิมชฺฌปริโยสานนฺติ เทสนาย อาทิฺจ มชฺฌฺจ ปริโยสานฺจ. สกฺกจฺจํ สาทรํ คารวํ สุตฺวา, ‘‘จินฺเตตฺวา’’ติ เอตฺถ อิทํ ปุพฺพกาลกิริยาวจนํ. อิเม ปฺเห ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉนฺโต อหํ จิรํ วต อมฺหิ, เอวํ ปุจฺฉนฺโตปิ อหํ ถุเส โกฏฺเฏนฺโต วิย กฺจิ สารํ นาลตฺถนฺติ โยชนา. ตถา โย…เป… วิสฺสชฺเชสิ, ตสฺส ภควโต คุณสมฺปทา อโห วต. ทสพลสฺส คุณานุภาวํ อชานนฺโต อหํ วฺจิโต สุจิรํ วต อมฺหีติ. วฺจิโตติ จ อฺาเณน วฺจิโต อาวฏฺฏิโต, โมเหน ปฏิจฺฉาทิโต อมฺหีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ทสพลสฺส คุณานุภาวํ อชานนฺโต’’ติ. สามฺโชตนา หิ วิเสเส อวติฏฺติ. จินฺเตตฺวา อาวิกโรนฺโตติ สมฺพนฺโธ. อุลฺลงฺฆนสมตฺถายปิ อุพฺเพคปีติยา อนุลฺลงฺฆนมฺปิ สิยาติ อาห ‘‘ปฺจวิธาย ปีติยา ผุฏสรีโร’’ติ. ผุฏสรีโรติ จ ผุสิตสรีโรติ อตฺโถ, น พฺยาปิตสรีโรติ ¶ สพฺพาย ปีติยา อพฺยาปิตตฺตา. ตนฺติ อตฺตโน ปสาทสฺส อาวิกรณํ, อุปาสกตฺตปเวทนฺจ. อารทฺธํ ธมฺมสงฺคาหเกหิ.
อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา วิคตา, วิคตภาโว จ ขโย เอวาติ อาห ‘‘ขเย ทิสฺสตี’’ติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม’’ติ. อภิกฺกนฺตตโรติ อติวิย กนฺตตโร มโนรโม, ตาทิโส จ สุนฺทโร ภทฺทโก นามาติ วุตฺตํ ‘‘สุนฺทเร’’ติ.
‘‘โก เม’’ติอาทิ คาถา วิมานวตฺถุมฺหิ (วิ. ว. ๘๕๗). ตตฺถ โกติ เทวนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีสุ กตโม. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท, ลิงฺควิปริยาโยยํ. อิทฺธิยาติ อีทิสาย เทวิทฺธิยา. ยสสาติ อีทิเสน ปริวาเรน, ปริชเนน ¶ จ. ชลนฺติ ชลนฺโต วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน, อภิรูเปนาติ วุตฺตํ โหติ. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน สรีรวณฺณนิภาย. สพฺพา โอภาสยํ ทิสาติ สพฺพา ทสปิ ทิสา โอภาสยนฺโต. จนฺโท วิย, สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกาโลกํ กโรนฺโต โก วนฺทตีติ สมฺพนฺโธ.
อภิรูเปติ อติเรกรูเป อุฬารวณฺเณน สมฺปนฺนรูเป. อพฺภานุโมทเนติ อภิอนุโมทเน อภิปฺปโมทิตภาเว. กิมตฺถิยํ ‘‘อพฺภานุโมทเน’’ติ วจนนฺติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ยุตฺตํ ตาว โหตุ อพฺภานุโมทเน, กสฺมา ปนายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ โจทนาย โสธนามุเขน อาเมฑิตวิสยํ นิทฺธาเรติ ‘‘ภเย โกเธ’’ติอาทินา, อิมินา สทฺทลกฺขเณน เหตุภูเตน เอวํ วุตฺโต, อิมินา จ อิมินา จ วิสเยนาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สาธุ สาธุ ภนฺเต’’ติ อาเมฑิตวเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส วิสยํ นิทฺธาเรนฺโต เอวมาหาติปิ สมฺพนฺธํ วทนฺติ. ตตฺถ ‘‘โจโร โจโร, สปฺโป สปฺโป’’ติอาทีสุ ภเย อาเมฑิตํ, ‘‘วิชฺฌ วิชฺฌ, ปหร ปหรา’’ติอาทีสุ โกเธ, ‘‘สาธุ สาธู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๒๗; ๓.๓๕; ๕.๑๐๘๕) ปสํสายํ, ‘‘คจฺฉ คจฺฉ, ลุนาหิ ลุนาหี’’ติอาทีสุ ตุริเต, ‘‘อาคจฺฉ อาคจฺฉา’’ติอาทีสุ โกตูหเล, ‘‘พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๒.๔๔) อจฺฉเร, ‘‘อภิกฺกมถายสฺมนฺโต อภิกฺกมถายสฺมนฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๐; อ. นิ. ๙.๑๑) หาเส, ‘‘กหํ เอกปุตฺตก, กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๖๓) โสเก, ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๒๐; ที. นิ. ๓.๓๐๕) ปสาเท. จสทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ, เตน ครหา อสมฺมานาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ‘‘ปาโป ปาโป’’ติอาทีสุ หิ ครหายํ, ‘‘อภิรูปก อภิรูปกา’’ติอาทีสุ อสมฺมาเน. เอวเมเตสุ นวสุ, อฺเสุ จ วิสเยสุ อาเมฑิตวจนํ ¶ พุโธ กเรยฺย, โยเชยฺยาติ อตฺโถ. อาเมฑนํ ปุนปฺปุนมุจฺจารณํ, อาเมฑียติ วา ปุนปฺปุนมุจฺจารียตีติ อาเมฑิตํ, เอกสฺเสวตฺถสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วจนํ. เมฑิสทฺโท หิ อุมฺมาทเน, อาปุพฺโพ ตุ ทฺวตฺติกฺขตฺตุมุจฺจารเณ วตฺตติ ยถา ‘‘เอตเทว ยทา วากฺย-มาเมฑยติ วาสโว’’ติ.
เอวํ ¶ อาเมฑิตวเสน ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นยิทํ อาเมฑิตวเสเนว ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ, อถ โข ปจฺเจกมตฺถทฺวยวเสนปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. อาเมฑิตวเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา วิจฺฉาวเสนาปิ ทสฺเสนฺโต เอวมาหาติปิ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว พฺยาเปตพฺพสฺส ทฺวิกฺขตฺตุมวุตฺตตฺตา. พฺยาเปตพฺพสฺส หิ พฺยาปเกน คุณกิริยาทพฺเพน พฺยาปนิจฺฉาย ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วจนํ วิจฺฉา ยถา ‘‘คาโม คาโม รมณีโย’’ติ. ตตฺถ อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกฺกมนียํ, ตพฺภาโว จ อติอิฏฺตายาติ วุตฺตํ ‘‘อติอิฏฺ’’นฺติอาทิ, ปทตฺตยฺเจตํ ปริยายวจนํ. เอตฺถาติ ทฺวีสุ อภิกฺกนฺตสทฺเทสุ. ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติ วจนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกลิงฺเคน วุตฺตํ, ตํ ปน ภควโต วจนํ ธมฺมเทสนาเยวาติ กตฺวา ‘‘ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนา’’ติ อาห, ยายํ ภควโต ธมฺมเทสนา มยา สุตา, ตทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนาสงฺขาตํ วจนํ อภิกฺกนฺตนฺติ อตฺโถ. เอวํ ปฏินิทฺเทโสปิ หิ อตฺถโต อเภทตฺตา ยุตฺโต เอว ‘‘ยตฺถ จ ทินฺนํ มหปฺผลมาหู’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๘๘๘) วิย. ‘‘อภิกฺกนฺต’’นฺติ วุตฺตสฺส วา อตฺถมตฺตทสฺสนํ เอตํ, ตสฺมา อตฺถวเสน ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโม เวทิตพฺโพ, การิยวิปริณามวเสน เจตฺถ วิภตฺติวิปริณามตา. วจนนฺติ เหตฺถ เสโส, อภิกฺกนฺตํ ภควโต วจนํ, ยายํ ภควโต ธมฺมเทสนา มยา สุตา, สา อภิกฺกนฺตํ อภิกฺกนฺตาติ อตฺโถ. ทุติยปเทปิ ‘‘อภิกฺกนฺตนฺติ ปสาทนํ อเปกฺขิตฺวา นปุํสกลิงฺเคน วุตฺต’’นฺติอาทินา ยถารหเมส นโย เนตพฺโพ.
‘‘ภควโต วจน’’นฺติอาทินา อตฺถทฺวยสรูปํ ทสฺเสติ. ตตฺถ โทสนาสนโตติ ราคาทิกิเลสโทสวิทฺธํสนโต. คุณาธิคมนโตติ สีลาทิคุณานํ สมฺปาทนวเสน อธิคมาปนโต. เย คุเณ เทสนา อธิคเมติ, เตสุ ‘‘คุณาธิคมนโต’’ติ วุตฺเตสุเยว คุเณสุ ปธานภูตา คุณา ทสฺเสตพฺพาติ เต ปธานภูเต คุเณ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘สทฺธาชนนโต ปฺาชนนโต’’ติ วุตฺตํ. สทฺธาปธานา หิ โลกิยา คุณา, ปฺาปธานา โลกุตฺตราติ, ปธานนิทฺเทโส เจส เทสนาย อธิคเมตพฺเพหิ สีลสมาธิทุกาทีหิปิ โยชนาสมฺภวโต. อฺมฺปิ อตฺถทฺวยํ ทสฺเสติ ‘‘สาตฺถโต’’ติอาทินา. สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา ¶ สาตฺถโต. สภาวนิรุตฺติสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนโต. สุวิฺเยฺยสทฺทปโยคตาย อุตฺตานปทโต. สณฺหสุขุมภาเวน ทุพฺพิฺเยฺยตฺถตาย ¶ คมฺภีรตฺถโต. สินิทฺธมุทุมธุรสทฺทปโยคตาย กณฺณสุขโต. วิปุลวิสุทฺธเปมนียตฺถตาย หทยงฺคมโต. มานาติมานวิธมเนน อนตฺตุกฺกํสนโต. ถมฺภสารมฺภนิมฺมทฺทเนน อปรวมฺภนโต. หิตาธิปฺปายปฺปวตฺติยา ปเรสํ ราคปริฬาหาทิวูปสมเนน กรุณาสีตลโต. กิเลสนฺธการวิธมเนน ปฺาวทาตโต. อวทาตํ, โอทาตนฺติ จ อตฺถโต เอกํ. กรวีกรุตมฺชุตาย อาปาถรมณียโต. ปุพฺพาปราวิรุทฺธสุวิสุทฺธตาย วิมทฺทกฺขมโต. อาปาถรมณียตาย เอว สุยฺยมานสุขโต. วิมทฺทกฺขมตาย, หิตชฺฌาสยปฺปวตฺติตาย จ วีมํสิยมานหิตโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อาทิสทฺเทน ปน สํสารจกฺกนิวตฺตนโต, สทฺธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต, มิจฺฉาวาทวิทฺธํสนโต, สมฺมาวาทปติฏฺาปนโต, อกุสลมูลสมุทฺธรณโต, กุสลมูลสํโรปนโต, อปายทฺวารวิธานโต, สคฺคมคฺคทฺวารวิวรณโต, ปริยุฏฺานวูปสมนโต, อนุสยสมุคฺฆาฏนโตติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
น เกวลํ ปททฺวเยเนว, ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหีติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. ‘‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’’ติ อิทํ ‘‘เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺยา’’ติ จตุตฺถอุปมาย อาการมตฺตทสฺสนํ, น ปน อุปมนฺตรทสฺสนนฺติ อาห ‘‘จตูหิ อุปมาหี’’ติ. อโธมุขฏฺปิตนฺติ เกนจิ อโธมุขํ ปิตํ. เหฏฺามุขชาตนฺติ สภาเวเนว เหฏฺามุขํ ชาตํ. อุคฺฆาเฏยฺยาติ วิวฏํ กเรยฺย. ‘‘หตฺเถ คเหตฺวา’’ติ สมาจิกฺขณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, ‘‘ปุรตฺถาภิมุโข, อุตฺตราภิมุโข วา คจฺฉา’’ติอาทินา วจนมตฺตํ อวตฺวา ‘‘เอส มคฺโค, เอวํ คจฺฉา’’ติ หตฺเถ คเหตฺวา นิสฺสนฺเทหํ ทสฺเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กาฬปกฺเข จาตุทฺทสี กาฬปกฺขจาตุทฺทสี. นิรนฺตรรุกฺขคหเนน เอกคฺฆโน วนสณฺโฑ ฆนวนสณฺโฑ. เมฆสฺส ปฏลํ เมฆปฏลํ, เมฆจฺฉนฺนตาติ วุตฺตํ โหติ. นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺยาติ กสฺสจิปิ อาเธยฺยสฺส อนาธารภูตํ กิฺจิ ภาชนํ อาธารภาวาปาทนวเสน อุกฺกุชฺเชยฺย อุปริ มุขํ เปยฺย. เหฏฺามุขชาตตาย วิมุขํ, อโธมุขฏฺปิตตาย อสทฺธมฺเม ปติตนฺติ เอวํ ปททฺวยํ นิกฺกุชฺชิตปทสฺส ยถาทสฺสิเตน ¶ อตฺถทฺวเยน ยถารหํ โยเชตพฺพํ, น ยถาสงฺขฺยํ. อตฺตโน สภาเวเนว หิ เอส ราชา สทฺธมฺมวิมุโข, ปาปมิตฺเตน ปน เทวทตฺเตน ปิตุฆาตาทีสุ อุยฺโยชิตตฺตา อสทฺธมฺเม ปติโตติ. วุฏฺาเปนฺเตน ภควตาติ สมฺพนฺโธ.
‘‘กสฺสปสฺส ภควโต’’ติอาทินา ตทา รฺา อวุตฺตสฺสาปิ อตฺถาปตฺติมตฺตทสฺสนํ. กามฺจ กามจฺฉนฺทาทโยปิ ปฏิจฺฉาทกา นีวรณภาวโต, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน สวิเสสํ ปฏิจฺฉาทิกา สตฺเต มิจฺฉาภินิเวสวเสนาติ อาห ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺน’’นฺติ. เตนาห ภควา ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ ภิกฺขเว วชฺชํ วทามี’’ติ, [อ. นิ. ๑.๓๑๐ (อตฺถโต สมานํ)] มิจฺฉาทิฏฺิสงฺขาตคุมฺพปฏิจฺฉนฺนนฺติ ¶ อตฺโถ. ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตนา’’ติ วทนฺโต สพฺพพุทฺธานํ เอกาว อนุสนฺธิ, เอกํว สาสนนฺติ กตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต สาสนมฺปิ อิมินา สทฺธึ เอกสาสนํ กโรตีติ ทฏฺพฺพํ. องฺคุตฺตรฏฺกถาทีสุปิ หิ ตถา เจว วุตฺตํ, เอวฺจ กตฺวา มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนสฺส สาสนสฺส วิวรณวจนํ อุปปนฺนํ โหตีติ.
สพฺโพ อกุสลธมฺมสงฺขาโต อปายคามิมคฺโค กุมฺมคฺโค กุจฺฉิโต มคฺโคติ กตฺวา. สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อุชุปฏิปกฺขตาย มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย อฏฺ มิจฺฉตฺตธมฺมา มิจฺฉามคฺโค โมกฺขมคฺคโต มิจฺฉา วิตโถ มคฺโคติ กตฺวา. เตเนว หิ ตทุภยสฺส ปฏิปกฺขตํ สนฺธาย ‘‘สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตนา’’ติ วุตฺตํ. สพฺโพ หิ กุสลธมฺโม สคฺคมคฺโค. สมฺมาทิฏฺิอาทโย อฏฺ สมฺมตฺตธมฺมา โมกฺขมคฺโค. สปฺปิอาทิสนฺนิสฺสโย ปทีโป น ตถา อุชฺชโล, ยถา เตลสนฺนิสฺสโยติ เตลปชฺโชตคฺคหณํ. ธาเรยฺยาติ ธเรยฺย, สมาหเรยฺย สมาทเหยฺยาติ อตฺโถ. พุทฺธาทิรตนรูปานีติ พุทฺธาทีนํ ติณฺณํ รตนานํ วณฺณายตนานิ. เตสํ พุทฺธาทิรตนรูปานํ ปฏิจฺฉาทกสฺส โมหนฺธการสฺส วิทฺธํสกํ ตถา. เทสนาสงฺขาตํ ปชฺโชตํ ตถา. ตทุภยํ ตุลฺยาธิกรณวเสน วิยูหิตฺวา ตสฺส ธารโก สมาทหโกติ อตฺเถน ‘‘ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตธารเกนา’’ติ วุตฺตํ. เอเตหิ ปริยาเยหีติ ยถาวุตฺเตหิ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชนปฏิจฺฉนฺนวิวรณมคฺคาจิกฺขณเตลปชฺโชตธารณ สงฺขาต จตุพฺพิโธปโมปมิตพฺพปฺปกาเรหิ, ยถาวุตฺเตหิ ¶ วา นานาวิธกุหนลปนาทิมิจฺฉาชีววิธมนาทิวิภาวนปริยาเยหิ. เตนาห ‘‘อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต’’ติ.
‘‘เอว’’นฺติอาทินา ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิปาสฺส สมฺพนฺธํ ทสฺเสติ. ปสนฺนจิตฺตตายปสนฺนาการํ กโรติ. ปสนฺนจิตฺตตา จ อิมํ เทสนํ สุตฺวา เอวาติ อตฺถํ าเปตุํ ‘‘อิมาย เทสนายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิมาย เทสนาย เหตุภูตาย. ปสนฺนาการนฺติ ปสนฺเนหิ สาธุชเนหิ กตฺตพฺพสกฺการํ. สรณนฺติ ปฏิสรณํ. เตนาห ‘‘ปรายณ’’นฺติ. ปรายณตา ปน อนตฺถนิเสธเนน, อตฺถสมฺปาทเนน จาติ วุตฺตํ ‘‘อฆสฺส ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตา’’ติ. อฆสฺสาติ นิสฺสกฺเก สามิวจนํ, ปาปโตติ อตฺโถ. ทุกฺขโตติปิ วทนฺติ เกจิ. ตายติ อวสฺสยํ กโรตีติ ตาตา. หิตสฺสาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. วิทหติ สํวิธานํ กโรตีติ วิธาตา. ‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยนา’’ติ วทนฺโต ‘‘อิติสทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, โส จ อาการตฺโถ’’ติ ทสฺเสติ. สรณนฺติ คมนํ. หิตาธิปฺปาเยน ภชนํ, ชานนํ วา, เอวฺจ กตฺวา วินยฏฺกถาทีสุ ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ สเหว อิติสทฺเทน อตฺโถ วุตฺโตติ. เอตฺถ หิ นายํ คมิ-สทฺโท ¶ นี-สทฺทาทโย วิย ทฺวิกมฺมิโก, ตสฺมา ยถา ‘‘อชํ คามํ เนตี’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ‘‘ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, ‘‘สรณนฺติ คจฺฉามี’’ติ ปน วตฺตพฺพํ, ตสฺมา เอตฺถ อิติสทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺพํ, เอวฺจ กตฺวา ‘‘โย พุทฺธํ สรณํ คจฺฉติ, โส พุทฺธํ วา คจฺเฉยฺย สรณํ วา’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. ๑.คมตียทีปนา) ขุทฺทกนิกายฏฺกถาย อุทฺธฏา โจทนา อนวกาสา. น หิ คมิ-สทฺทํ ทุหาทินฺยาทิคณิกํ กโรนฺติ อกฺขรจินฺตกาติ. โหตุ ตาว คมิ-สทฺทสฺส เอกกมฺมภาโว, ตถาปิ ‘‘คจฺฉเตว ปุพฺพํ ทิสํ, คจฺฉติ ปจฺฉิมํ ทิส’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙; ๓.๘๗) วิย ‘‘ภควนฺตํ, สรณ’’นฺติ ปททฺวยสฺส สมานาธิกรณตา ยุตฺตาติ? น, ตสฺส ปททฺวยสฺส สมานาธิกรณภาวานุปปตฺติโต. ตสฺส หิ สมานาธิกรณภาเว อธิปฺเปเต ปฏิหตจิตฺโตปิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโต พุทฺธํ สรณํ คโต นาม สิยา. ยฺหิ ตํ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วิเสสิตํ สรณํ, ตเมเวส คโตติ, น เจตฺถ อนุปปตฺติเกน อตฺเถน อตฺโถ, ตสฺมา ‘‘ภควนฺต’’นฺติ คมนียตฺถสฺส ทีปนํ, ‘‘สรณ’’นฺติ ปน คมนาการสฺสาติ วุตฺตนเยน ¶ อิติโลปวเสเนว อตฺโถ คเหตพฺโพติ. ธมฺมฺจ สงฺฆฺจาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘คมิสฺส เอกกมฺมตฺตา, อิติโลปํ วิชานิยา;
ปฏิฆาตปฺปสงฺคตฺตา, น จ ตุลฺยตฺถตา สิยา.
ตสฺมา คมนียตฺถสฺส, ปุพฺพปทํว โชตกํ;
คมนาการสฺส ปรํ, อิตฺยุตฺตํ สรณตฺตเย’’ติ.
‘‘อิติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภควนฺตํ คจฺฉามี’’ติ ปน วทนฺโต อเนเนว อธิปฺปาเยน ภชนํ, ชานนํ วา สรณคมนํ นามาติ นิยเมติ. ตตฺถ ‘‘คจฺฉามี’’ติอาทีสุ ปุริมสฺส ปุริมสฺส ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ อตฺถวจนํ, ‘‘คจฺฉามี’’ติ เอตสฺส วา อนฺสาธารณตาทสฺสนวเสน ปาฏิเยกฺกเมว อตฺถวจนํ ‘‘ภชามี’’ติอาทิปทตฺตยํ. ภชนฺหิ สรณาธิปฺปาเยน อุปสงฺกมนํ, เสวนํ สนฺติกาวจรภาโว, ปยิรุปาสนํ วตฺตปฏิวตฺตกรเณน อุปฏฺานนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ อนฺสาธารณตํเยว ทสฺเสติ. เอวํ ‘‘คจฺฉามี’’ติ ปทสฺส คติอตฺถํ ทสฺเสตฺวา พุทฺธิอตฺถมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ วา’’ติอาทิมาห, ตตฺถ เอวนฺติ ‘‘ภควา เม สรณ’’นฺติอาทินา อธิปฺปาเยน. กสฺมา ปน ‘‘คจฺฉามี’’ติ ปทสฺส ‘‘พุชฺฌามี’’ติ อยมตฺโถ ลพฺภตีติ โจทนํ โสเธติ ‘‘เยสฺหี’’ติอาทินา, อเนน จ นิรุตฺตินยมนฺตเรน สภาวโตว คมุธาตุสฺส พุทฺธิอตฺโถติ ทีเปติ. ธาตูนนฺติ มูลสทฺทสงฺขาตานํ อิ, ยา, กมุ, คมุอิจฺจาทีนํ.
‘‘อธิคตมคฺเค ¶ , สจฺฉิกตนิโรเธ’’ติ ปททฺวเยนาปิ ผลฏฺา เอว ทสฺสิตา, น มคฺคฏฺาติ เต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จา’’ติ อาห. นนุ จ กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชตี’’ติ วุจฺจตีติ? กิฺจาปิ วุจฺจติ, นิปฺปริยาเยน ปน มคฺคฏฺา เอว ตถา วตฺตพฺพา, น อิตโร นิยาโมกฺกมนาภาวโต. ตถา หิ เต เอว ‘‘อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตี’’ติ วุตฺตา. สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมเนน หิ อปายวินิมุตฺติสมฺภโวติ. เอวํ อเนเกหิปิ วินย- (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) สุตฺตนฺตฏีกากาเรหี (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๐) วุตฺตํ, ตเทตํ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนวเสน นิปฺปริยายโต อปายวินิมุตฺตเก สนฺธาย วุตฺตํ, ตทนุปปตฺติวเสน ปน ปริยายโต อปายวินิมุตฺตกํ กลฺยาณปุถุชฺชนมฺปิ ‘‘ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน’’ติ ปเทน ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. ตถา ¶ เหส ทกฺขิณวิภงฺคสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺนภาเวน วุตฺโตติ, ฉตฺตวิมาเน (วิ. ว. ๘๘๖ อาทโย) ฉตฺตมาณวโก เจตฺถ นิทสฺสนํ. อธิคตมคฺเค, สจฺฉิกตนิโรเธ จ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ ปุคฺคเล อปาเยสุ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ สปาเสสโยชนา. อตีตกาลิเกน หิ ปุริมปททฺวเยน ผลฏฺานเมว คหณํ, วตฺตมานกาลิเกน จ ปจฺฉิเมน ปเทน สห กลฺยาณปุถุชฺชเนน มคฺคฏฺานเมว. ‘‘อปตมาเน’’ติ ปน ปเทน ธารณาการทสฺสนํ อปตนกรณวเสเนว ธาเรตีติ, ธารณสรูปทสฺสนํ วา. ธารณํ นาม อปตนกรณเมวาติ, อปตนกรณฺจ อปายาทินิพฺพตฺตกกิเลสวิทฺธํสนวเสน วฏฺฏโต นิยฺยานเมว. ‘‘อปาเยสู’’ติ หิ ทุกฺขพหุลฏฺานตาย ปธานวเสน วุตฺตํ, วฏฺฏทุกฺเขสุ ปน สพฺเพสุปิ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ อภิธมฺมฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘โสตาปตฺติมคฺโค เจตฺถ อปายภวโต วุฏฺาติ, สกทาคามิมคฺโค สุคติกามภเวกเทสโต, อนาคามิมคฺโค กามภวโต, อรหตฺตมคฺโค รูปารูปภวโต, สพฺพภเวหิปิ วุฏฺาติ เอวาติ วทนฺตี’’ติ (ธ. ส. อฏฺ. ๓๕๐) เอวฺจ กตฺวา อริยมคฺโค นิยฺยานิกตาย, นิพฺพานฺจ ตสฺส ตทตฺถสิทฺธิเหตุตายาติ อุภยเมว นิปฺปริยาเยน ธมฺโม นามาติ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจา’’ติ วุตฺตํ. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณํ ลภิตฺวา อริยมคฺคสฺส ตทตฺถสิทฺธิ, สฺวายมตฺโถ จ ปาฬิยา เอว สิทฺโธติ อาห ‘‘วุตฺตฺเจต’’นฺติอาทิ. ยาวตาติ ยตฺตกา. เตสนฺติ ตตฺตกานํ ธมฺมานํ. ‘‘อคฺโค อกฺขายตี’’ติ วตฺตพฺเพ โอ-การสฺส อ-การํ, ม-การาคมฺจ กตฺวา ‘‘อคฺคมกฺขายตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อกฺขายตี’’ติ เจตฺถ อิติสทฺโท อาทิอตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน ‘‘ยาวตา ภิกฺขเว ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) สุตฺตปทํ สงฺคณฺหาติ, ‘‘วิตฺถาโร’’ติ อิมินา วา ตทวเสสสงฺคโห.
ยสฺมา ¶ ปน อริยผลานํ ‘‘ตาย สทฺธาย อวูปสนฺตายา’’ติอาทิ วจนโต มคฺเคน สมุจฺฉินฺนานํ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกิจฺจตาย นิยฺยานานุคุณตา, นิยฺยานปริโยสานตา จ, ปริยตฺติยา ปน นิยฺยานธมฺมสมธิคมเหตุตาย ¶ นิยฺยานานุคุณตาติ อิมินา ปริยาเยน วุตฺตนเยน ธมฺมภาโว ลพฺภติ, ตสฺมา ตทุภยมฺปิ สงฺคณฺหนฺโต ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทิมาห. สฺวายมตฺโถ จ ปาารุฬฺโห เอวาติ ทสฺเสติ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา. ตตฺถ ฉตฺตมาณวกวิมาเนติ ฉตฺโต กิร นาม เสตพฺยายํ พฺราหฺมณมาณวโก, โส อุกฺกฏฺายํ โปกฺขรสาติพฺราหฺมณสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคเหตฺวา ‘‘ครุทกฺขิณํ ทสฺสามี’’ติ อุกฺกฏฺาภิมุโข คจฺฉติ, อถสฺส ภควา อนฺตรามคฺเค โจรนฺตรายํ, ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตมานฺจ ทิสฺวา คาถาพนฺธวเสน สรณคมนวิธึ เทเสสิ, ตสฺส ตาวตึสภวนุปคสฺส ตึสโยชนิกํ วิมานํ ฉตฺตมาณวกวิมานํ. เทวโลเกปิ หิ ตสฺส มนุสฺสกาเล สมฺา ยถา ‘‘มณฺฑูโก เทวปุตฺโต, (วิ. ว. ๘๕๘ อาทโย) กุเวโร เทวราชา’’ติ, อิธ ปน ฉตฺตมาณวกวิมานํ วตฺถุ การณํ เอตสฺสาติ กตฺวา อุตฺตรปทโลเปน ‘‘น ตถา ตปติ นเภ สูริโย, จนฺโท จ น ภาสติ น ผุสฺโส, ยถา’’ติอาทิกา (วิ. ว. ๘๘๙) เทสนา ‘‘ฉตฺตมาณวกวิมาน’’นฺติ วุจฺจติ, ตตฺรายํ คาถา ปริยาปนฺนา, ตสฺมา ฉตฺตมาณวกวิมานวตฺถุเทสนายนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กามราโค ภวราโคติ เอวมาทิเภโท อนาทิกาลวิภาวิโต สพฺโพปิ ราโค วิรชฺชติ ปหียติ เอเตนาติ ราควิราโค, มคฺโค. เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย, อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณสฺส จ โสกสฺส ตทุปฺปตฺติยํ สพฺพโส ปริกฺขีณตฺตา นตฺถิ เอชา, โสโก จ เอตสฺมินฺติ อเนชํ, อโสกฺจ, ผลํ. ตทฏฺกถายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๘๘๗) ปน ‘‘ตณฺหาวสิฏฺานํ โสกนิมิตฺตานํ กิเลสานํ ปฏิปฺปสฺสมฺภนโต อโสก’’นฺติ วุตฺตํ. ธมฺมมสงฺขตนฺติ สมฺปชฺช สมฺภูย ปจฺจเยหิ อปฺปฏิสงฺขตตฺตา อสงฺขตํ อตฺตโน สภาวธารณโต ปรมตฺถธมฺมภูตํ นิพฺพานํ. ตทฏฺกถายํ ปน ‘‘ธมฺมนฺติ สภาวธมฺมํ. สภาวโต คเหตพฺพธมฺโม เหส, ยทิทํ มคฺคผลนิพฺพานานิ, น ปริยตฺติธมฺโม วิย ปฺตฺติธมฺมวเสนา’’ติ (วิ. ว. อฏฺ. ๘๘๗) วุตฺตํ, เอวํ สติ ธมฺมสทฺโท ตีสุปิ าเนสุ โยเชตพฺโพ. อปฺปฏิกูลสทฺเทน จ ตตฺถ นิพฺพานเมว คหิตํ ‘‘นตฺถิ เอตฺถ กิฺจิปิ ปฏิกูล’’นฺติ กตฺวา, อปฺปฏิกูลนฺติ จ อวิโรธทีปนโต กิฺจิ อวิรุทฺธํ, อิฏฺํ ปณีตนฺติ วา อตฺโถ. ปคุณรูเปน ¶ ปวตฺติตตฺตา, ปกฏฺคุณวิภาวนโต วา ปคุณํ. ยถาห ‘‘วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ, ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๙; มหาว. ๙).
ธมฺมกฺขนฺธา กถิตาติ โยชนา. เอวํ อิธ จตูหิปิ ปเทหิ ปริยตฺติธมฺโมเยว คหิโต, ตทฏฺกถายํ ¶ ปน ‘‘สวนเวลายํ, อุปปริกฺขณเวลายํ, ปฏิปชฺชนเวลายนฺติ สพฺพทาปิ อิฏฺเมวาติ มธุรํ, สพฺพฺุตฺาณสนฺนิสฺสยาย ปฏิภานสมฺปทาย ปวตฺติตตฺตา สุปฺปวตฺติภาวโต, นิปุณภาวโต จ ปคุณํ, วิภชิตพฺพสฺส อตฺถสฺส ขนฺธาทิวเสน, กุสลาทิวเสน, อุทฺเทสาทิวเสน จ สุฏฺุ วิภชนโต สุวิภตฺตนฺติ ตีหิปิ ปเทหิ ปริยตฺติธมฺมเมว วทตี’’ติ (วิ. ว. อฏฺ. ๘๘๗) วุตฺตํ. อาปาถกาเล วิย มชฺชนกาเลปิ, กเถนฺตสฺส วิย สุณนฺตสฺสาปิ สมฺมุขีภาวโต อุภโตปจฺจกฺขตาทสฺสนตฺถํ อิเธว ‘‘อิม’’นฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนมาห. ปุน ‘‘ธมฺม’’นฺติ อิทํ ยถาวุตฺตสฺส จตุพฺพิธสฺสาปิ ธมฺมสฺส สาธารณวจนํ. ปริยตฺติธมฺโมปิ หิ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺานมตฺตายปิ ยาถาวปฏิปตฺติยา อปายปตนโต ธาเรติ, อิมสฺส จ อตฺถสฺส อิทเมว ฉตฺตมาณวกวิมานํ สาธกนฺติ ทฏฺพฺพํ. สาธารณภาเวน ยถาวุตฺตํ ธมฺมํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ปุน ‘‘อิม’’นฺติ อาห. ยสฺมา เจสา ภ-การตฺตเยน จ ปฏิมณฺฑิตา โทธกคาถา, ตสฺมา ตติยปาเท มธุรสทฺเท ม-กาโร อธิโกปิ อริยจริยาทิปเทหิ วิย อเนกกฺขรปเทน ยุตฺตตฺตา อนุปวชฺโชติ ทฏฺพฺพํ.
ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตนาติ ‘‘ยายํ ทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตถารูปาย ทิฏฺิยา ทิฏฺิสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; อ. นิ. ๖.๑๑; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตาย ทิฏฺิยา เจว ‘‘ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิฺุปสตฺถานิ อปรามฏฺานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ, ตถารูเปหิ สีเลหิ สีลสามฺคโต วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๒๔, ๓๕๖; ม. นิ. ๑.๔๙๒; ๓.๕๔; อ. นิ. ๖.๙๒; ปริ. ๒๗๔) เอวํ วุตฺตานํ สีลานฺจ สํหตภาเวน, ทิฏฺิสีลสามฺเนาติ อตฺโถ. สํหโตติ สงฺฆฏิโต, สเมโตติ วุตฺตํ โหติ. อริยปุคฺคลา ¶ หิ ยตฺถ กตฺถจิ ทูเร ิตาปิ อตฺตโน คุณสามคฺคิยา สํหตา เอว. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา อาหจฺจปาเน สมตฺเถติ.
ยตฺถาติ ยสฺมึ สงฺเฆ. ทินฺนนฺติ ปริจฺจตฺตํ อนฺนาทิเทยฺยธมฺมํ, คาถาพนฺธตฺตา เจตฺถ อนุนาสิกโลโป. โทธกคาถา เหสา. มหปฺผลมาหูติ ‘‘มหปฺผล’’นฺติ พุทฺธาทโย อาหุ. จตูสูติ เจตฺถ จ-กาโร อธิโกปิ วุตฺตนเยน อนุปวชฺโช. อจฺจนฺตเมว กิเลสาสุจิโต วิสุทฺธตฺตา สุจีสุ. ‘‘โสตาปนฺโน โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๔๘๘) วุตฺเตสุ จตูสุ ปุริสยุเคสุ. จตุสจฺจธมฺมสฺส, นิพฺพานธมฺมสฺส จ ปจฺจกฺขโต ทสฺสเนน, อริยธมฺมสฺส ปจฺจกฺขทสฺสาวิตาย วา ธมฺมทสา. เต ปุคฺคลา มคฺคฏฺผลฏฺเ ¶ ยุคเล อกตฺวา วิสุํ วิสุํ ปุคฺคลคณเนน อฏฺ จ โหนฺติ. อิมํ สงฺฆํ สรณตฺถํ สรณาย ปรายณาย อปายทุกฺขวฏฺฏทุกฺขปริตาณาย อุเปหิ อุปคจฺฉ ภช เสว, เอวํ วา ชานาหิ พุชฺฌสฺสูติ สห โยชนาย อตฺโถ. ยตฺถ เยสุ สุจีสุ จตูสุ ปุริสยุเคสุ ทินฺนํ มหปฺผลมาหุ, ธมฺมทสา เต ปุคฺคลา อฏฺ จ, อิมํ สงฺฆํ สรณตฺถมุเปหีติ วา สมฺพนฺโธ. เอวมฺปิ หิ ปฏินิทฺเทโส ยุตฺโต เอว อตฺถโต อภินฺนตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. คาถาสุขตฺถฺเจตฺถ ปุริสปเท อีการํ, ปุคฺคลาปเท จ รสฺสํ กตฺวา นิทฺเทโส.
เอตฺตาวตาติ ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิวจนกฺกเมน. ตีณิ วตฺถูนิ ‘‘สรณ’’นฺติ คมนานิ, ติกฺขตฺตุํ วา ‘‘สรณ’’นฺติ คมนานีติ สรณคมนานิ. ปฏิเวเทสีติ อตฺตโน หทยคตํ วาจาย ปเวเทสิ.
สรณคมนกถาวณฺณนา
สรณคมนสฺส วิสยปฺปเภทผลสํกิเลสเภทานํ วิย, กตฺตุ จ วิภาวนา ตตฺถ โกสลฺลาย โหติ เยวาติ สห กตฺตุนา ตํ วิธึ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานิ เตสุ สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ…เป… เวทิตพฺโพ’’ติ วุตฺตํ. ‘‘โย จ สรณํ คจฺฉตี’’ติ อิมินา หิ กตฺตารํ วิภาเวติ เตน วินา สรณคมนสฺเสว อสมฺภวโต, ‘‘สรณคมน’’นฺติ อิมินา จ สรณคมนเมว, ‘‘สรณ’’นฺติอาทีหิ ปน ยถากฺกมํ วิสยาทโย. กสฺมา ปเนตฺถ โวทานํ น คหิตํ, นนุ โวทานวิภาวนาปิ ตตฺถ โกสลฺลาย โหตีติ? สจฺจเมตํ, ตํ ปน สํกิเลสคฺคหเณเนว อตฺถโต ¶ วิภาวิตํ โหตีติ น คหิตํ. ยานิ หิ เนสํ สํกิเลสการณานิ อฺาณาทีนิ, เตสํ สพฺเพน สพฺพํ อนุปฺปนฺนานํ อนุปฺปาทเนน, อุปฺปนฺนานฺจ ปหาเนน โวทานํ โหตีติ. อตฺถโตติ สรณสทฺทตฺถโต, ‘‘สรณตฺถโต’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. หึสตฺถสฺส สรสทฺทสฺส วเสเนตํ สิทฺธนฺติ ทสฺเสนฺโต ธาตฺวตฺถวเสน ‘‘หึสตีติ สรณ’’นฺติ วตฺวา ตํ ปน หึสนํ เกสํ, กถํ, กสฺส วาติ โจทนํ โสเธติ ‘‘สรณคตาน’’นฺติอาทินา. เกสนฺติ หิ สรณคตานํ. กถนฺติ เตเนว สรณคมเนน. กสฺสาติ ภยาทีนนฺติ ยถากฺกมํ โสธนา. ตตฺถ สรณคตานนฺติ ‘‘สรณ’’นฺติ คตานํ. สรณคมเนนาติ ‘‘สรณ’’นฺติ คมเนน กุสลธมฺเมน. ภยนฺติ วฏฺฏภยํ. สนฺตาสนฺติ จิตฺตุตฺราสํ เตเนว เจตสิกทุกฺขสฺส สงฺคหิตตฺตา. ทุกฺขนฺติ กายิกทุกฺขคฺคหณํ. ทุคฺคติปริกิเลสนฺติ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ สพฺพมฺปิ ทุกฺขํ ‘‘ทุคฺคติยํ ปริกิลิสฺสนํ สํวิพาธนํ, สมุปตาปนํ วา’’ติ กตฺวา, ตยิทํ สพฺพํ ปรโต ผลกถายํ อาวิ ภวิสฺสติ. หึสนฺเจตฺถ วินาสนเมว, น ปน สตฺตหึสนมิวาติ ทสฺเสติ ‘‘หนติ วินาเสตี’’ติ ¶ อิมินา. เอตนฺติ สรณปทํ. อธิวจนนฺติ นามํ, ปสิทฺธวจนํ วา, ยถาภุจฺจํ วา คุณํ อธิกิจฺจ ปวตฺตวจนํ. เตนาห ‘‘รตนตฺตยสฺเสวา’’ติ.
เอวํ หึสนตฺถวเสน อวิเสสโต สรณสทฺทตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตทตฺถวเสเนว วิเสสโต ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รตนตฺตยสฺส ปจฺเจกํ หึสนการณทสฺสนเมว หิ ปุริมนยโต อิมสฺส วิเสโสติ. ตตฺถ หิเต ปวตฺตเนนาติ ‘‘สมฺปนฺนสีลา ภิกฺขเว วิหรถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๖๔, ๖๙) อตฺเถ สตฺตานํ นิโยชเนน. อหิตา จ นิวตฺตเนนาติ ‘‘ปาณาติปาตสฺส โข ปาปโก วิปาโก, ปาปกํ อภิสมฺปราย’’นฺติอาทินา อาทีนวทสฺสนาทิมุเขน อนตฺถโต จ สตฺตานํ นิวตฺตเนน. ภยํ หึสตีติ หิตาหิเตสุ อปฺปวตฺติปวตฺติเหตุกํ พฺยสนํ อปฺปวตฺติกรเณน วินาเสติ. ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน มคฺคสงฺขาโต ธมฺโม, ผลนิพฺพานสงฺขาโต ปน อสฺสาสทาเนน สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ โยชนา. การานนฺติ ทานวเสน, ปูชาวเสน จ อุปนีตานํ สกฺการานํ. อนุปสคฺโคปิ หิ สทฺโท สอุปสคฺโค วิย อตฺถวิเสสวาจโก ‘‘อปฺปกมฺปิ กตํ การํ, ปฺุํ โหติ มหปฺผล’’นฺติอาทีสุ วิย. อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโต ¶ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สตฺตานํ ภยํ หึ สตีติ โยเชตพฺพํ. อิมินาปิ ปริยาเยนาติ รตนตฺตยสฺส ปจฺเจกํ หึสกภาวการณทสฺสนวเสน วิภชิตฺวา วุตฺเตน อิมินาปิ การเณน. ยสฺมา ปนิทํ สรณปทํ นาถปทํ วิย สุทฺธนามปทตฺตา ธาตฺวตฺถํ อนฺโตนีตํ กตฺวา สงฺเกตตฺถมฺปิ วทติ, ตสฺมา เหฏฺา สรณํ ปรายณนฺติ อตฺโถ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ สรณตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สรณคมนตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตปฺปสาทา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอวมาทินา ตสฺมึ รตนตฺตเย ปสาโท ตปฺปสาโท, ตเทว รตนตฺตยํ ครุ เอตสฺสาติ ตคฺครุ, ตสฺส ภาโว ตคฺครุตา, ตปฺปสาโท จ ตคฺครุตา จ ตปฺปสาทตคฺครุตา, ตาหิ. วิหตกิเลโส วิธุตวิจิกิจฺฉาสมฺโมหาสทฺธิยาทิปาปธมฺมตฺตา, ตเทว รตนตฺตยํ ปรายณํ ปราคติ ตาณํ เลณํ เอตสฺสาติ ตปฺปรายโณ, ตสฺส ภาโว ตปฺปรายณตา, สาเยว อากาโร ตปฺปรายณตากาโร, เตน ปวตฺโต ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต. เอตฺถ จ ปสาทคฺคหเณน โลกิยํ สรณคมนมาห. ตฺหิ สทฺธาปธานํ, น าณปธานํ, ครุตาคหเณน ปน โลกุตฺตรํ. อริยา หิ รตนตฺตยํ คุณาภิฺตาย ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กตฺวา ปสฺสนฺติ, ตสฺมา ตปฺปสาเทน ตทงฺคปฺปหานวเสน วิหตกิเลโส, ตคฺครุตาย จ อคารวกรณเหตูนํ สมุจฺเฉทวเสนาติ โยเชตพฺพํ. ตปฺปรายณตา ปเนตฺถ ตคฺคติกตาติ ตาย จตุพฺพิธมฺปิ วกฺขมานํ สรณคมนํ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อวิเสเสน วา ¶ ปสาทครุตา โชติตาติ ปสาทคฺคหเณน อนเวจฺจปฺปสาทสฺส โลกิยสฺส, อเวจฺจปฺปสาทสฺส จ โลกุตฺตรสฺส คหณํ, ตถา ครุตาคหเณน โลกิยสฺส ครุกรณสฺส, โลกุตฺตรสฺส จาติ อุภเยนปิ ปเทน อุภยมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรสรณคมนํ โยเชตพฺพํ. อุปฺปชฺชติ จิตฺตเมเตนาติ อุปฺปาโท, สมฺปยุตฺตธมฺมสมูโห, จิตฺตฺจ ตํ อุปฺปาโท จาติ จิตฺตุปฺปาโท. สมาหารทฺวนฺเทปิ หิ กตฺถจิ ปุลฺลิงฺคมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู, ตทาการปฺปวตฺตํ สทฺธาปฺาทิสมฺปยุตฺตธมฺมสหิตํ จิตฺตํ สรณคมนํ นาม ‘‘สรณนฺติ คจฺฉติ เอเตนาติ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ตํสมงฺคี’’ติอาทิ กตฺตุวิภาวนา. เตน ยถาวุตฺตจิตฺตุปฺปาเทน สมงฺคีติ ตํสมงฺคี. เตนาห ‘‘วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทนา’’ติ ¶ . อุเปตีติ ภชติ เสวติ ปยิรุปาสติ, ชานาติ วา, พุชฺฌตีติ อตฺโถ.
โลกุตฺตรํ สรณคมนํ เกสนฺติ อาห ‘‘ทิฏฺสจฺจาน’’นฺติ, อฏฺนฺนํ อริยปุคฺคลานนฺติ อตฺโถ. กทา ตํ อิชฺฌตีติ อาห ‘‘มคฺคกฺขเณ’’ติ, ‘‘อิชฺฌตี’’ติ ปเทน เจตสฺส สมฺพนฺโธ. มคฺคกฺขเณ อิชฺฌมาเนเนว หิ จตุสจฺจาธิคเมน ผลฏฺานมฺปิ สรณคมกตา สิชฺฌติ โลกุตฺตรสรณคมนสฺส เภทาภาวโต, เตสฺจ เอกสนฺตานตฺตา. กถํ ตํ อิชฺฌตีติ อาห ‘‘สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทนา’’ติอาทิ, อุปปกฺกิเลสสมุจฺเฉทโต, อารมฺมณโต, กิจฺจโต จ สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตีติ วุตฺตํ โหติ. สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทนาติ เจตฺถ ปหานาภิสมยํ สนฺธาย วุตฺตํ, อารมฺมณโตติ สจฺฉิกิริยาภิสมยํ. นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา อารมฺมณโต อิชฺฌตีติ หิ โยเชตพฺพํ, ตฺวา-สทฺโท จ เหตุตฺถวาจโก ยถา ‘‘สกฺโก หุตฺวา นิพฺพตฺตี’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒.๒๙). อปิจ ‘‘อารมฺมณโต’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ สรูปโต นิยเมติ ‘‘นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา’’ติ อิมินา. ‘‘กิจฺจโต’’ติ ตทวเสสํ ภาวนาภิสมยํ ปริฺาภิสมยฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา’’ติ เอเตน วา มคฺคกฺขณานุรูปํ เอการมฺมณตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กิจฺจโต’’ติ อิมินา ปหานโต อวเสสํ กิจฺจตฺตยํ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘มคฺคกฺขเณ, นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา’’ติ จ วุตฺตตฺตา อตฺถโต มคฺคาณสงฺขาโต จตุสจฺจาธิคโม เอว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ วิฺายติ. ตตฺถ หิ จตุสจฺจาธิคมเน สรณคมนุปกฺกิเลสสฺส ปหานาภิสมยวเสน สมุจฺฉินฺทนํ ภวติ, นิพฺพานธมฺโม ปน สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน, มคฺคธมฺโม จ ภาวนาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิยมาโนเยว สรณคมนตฺถํ สาเธติ, พุทฺธคุณา ปน สาวกโคจรภูตา ปริฺาภิสมยวเสน ปฏิวิชฺฌิยมานา สรณคมนตฺถํ สาเธนฺติ, ตถา อริยสงฺฆคุณา. เตนาห ‘‘สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตี’’ติ.
ผลปริยตฺตีนมฺเปตฺถ วุตฺตนเยน มคฺคานุคุณปฺปวตฺติยา คหณํ, อปริฺเยฺยภูตานฺจ พุทฺธสงฺฆคุณานํ ¶ ตคฺคุณสามฺตายาติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ สกลภาววิสิฏฺวจนํ อุปปนฺนํ โหตีติ. อิชฺฌนฺตฺจ สเหว อิชฺฌติ, น โลกิยํ วิย ปฏิปาฏิยา อสมฺโมหปฏิเวเธน ปฏิวิทฺธตฺตาติ คเหตพฺพํ. ปทีปสฺส ¶ วิย หิ เอกกฺขเณเยว มคฺคสฺส จตุกิจฺจสาธนนฺติ. เย ปน วทนฺติ ‘‘สรณคมนํ นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา น ปวตฺตติ, มคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปน อธิคตเมว ตํ โหติ เอกจฺจานํ เตวิชฺชาทีนํ โลกิยวิชฺชาทโย วิยา’’ติ, เตสํ ปน วจเน โลกิยเมว สรณคมนํ สิยา, น โลกุตฺตรํ, ตฺจ อยุตฺตเมว ทุวิธสฺสาปิ ตสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา. ตทงฺคปฺปหาเนน สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภนํ. อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยน อตฺโถ, สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภนโต, อารมฺมณโต จ สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌตีติ วุตฺตํ โหติ.
ตนฺติ โลกิยสรณคมนํ. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติอาทินา สทฺธาปฏิลาโภ. สทฺธามูลิกาติ ยถาวุตฺตสทฺธาปุพฺพงฺคมา. สหชาตวเสน ปุพฺพงฺคมตาเยว หิ ตมฺมูลิกตา สทฺธาวิรหิตสฺส พุทฺธาทีสุ สมฺมาทสฺสนสฺส อสมฺภวโต. สมฺมาทิฏฺิ นาม พุทฺธสุพุทฺธตํ, ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฏิปนฺนตฺจ โลกิยาวโพธวเสน สมฺมา าเยน ทสฺสนโต. ‘‘สทฺธาปฏิลาโภ’’ติ อิมินา สมฺมาทิฏฺิวิรหิตาปิ สทฺธา โลกิยสรณคมนนฺติ ทสฺเสติ, ‘‘สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺี’’ติ ปน เอเตน สทฺธูปนิสฺสยา ยถาวุตฺตา ปฺาติ. โลกิยมฺปิ หิ สรณคมนํ ทุวิธํ าณสมฺปยุตฺตํ, าณวิปฺปยุตฺตฺจ. ตตฺถ ปเมน ปเทน มาตาทีหิ อุสฺสาหิตทารกาทีนํ วิย าณวิปฺปยุตฺตํ สรณคมนํ คหิตํ, ทุติเยน ปน าณสมฺปยุตฺตํ. ตทุภยเมว ปฺุกิริยวตฺถุ วิเสสภาเวน ทสฺเสตุํ ‘‘ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจตี’’ติ อาห. ทิฏฺิ เอว อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุชุํ กรียตีติ หิ อตฺเถน สมฺมาทิฏฺิยา ทิฏฺิชุกมฺมภาโว, ทิฏฺิ อุชุํ กรียติ เอเตนาติ อตฺเถน ปน สทฺธายปิ. สทฺธาสมฺมาทิฏฺิคฺคหเณน เจตฺถ ตปฺปธานสฺสาปิ จิตฺตุปฺปาทสฺส คหณํ, ทิฏฺิชุกมฺมปเทน จ ยถาวุตฺเตน กรณสาธเนน, เอวฺจ กตฺวา ‘‘ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท’’ติ เหฏฺา วุตฺตวจนํ สมตฺถิตํ โหติ, สทฺธาสมฺมาทิฏฺีนํ ปน วิสุํ คหณํ ตํสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทสฺส ตปฺปธานตายาติ ทฏฺพฺพํ.
ตยิทนฺติ โลกิยํ สรณคมนเมว ปจฺจามสติ โลกุตฺตรสฺส ตถา เภทาภาวโต. ตสฺส หิ มคฺคกฺขเณเยว วุตฺตนเยน อิชฺฌนโต ตถาวิธสฺส สมาทานสฺส อวิชฺชมานตฺตา เอส เภโท น ¶ สมฺภวตีติ. อตฺตา สนฺนิยฺยาตียติ อปฺปียติ ปริจฺจชียติ เอเตนาติ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ยถาวุตฺตํ สรณคมนสงฺขาตํ ทิฏฺิชุกมฺมํ. ตํ รตนตฺตยํ ปรายณํ ปฏิสรณเมตสฺสาติ ตปฺปรายโณ ¶ , ปุคฺคโล, จิตฺตุปฺปาโท วา, ตสฺส ภาโว ตปฺปรายณตา, ตเทว ทิฏฺิชุกมฺมํ. ‘‘สรณ’’นฺติ อธิปฺปาเยน สิสฺสภาวํ อนฺเตวาสิกภาวสงฺขาตํ วตฺตปฏิวตฺตาทิกรณํ อุปคจฺฉติ เอเตนาติ สิสฺสภาวูปคมนํ. สรณคมนาธิปฺปาเยเนว ปณิปตติ เอเตนาติ ปณิปาโต, ปณิปตนฺเจตฺถ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมเมว, สพฺพตฺถ จ อตฺถโต ยถาวุตฺตทิฏฺิชุกมฺมเมว เวทิตพฺพํ.
สํสารทุกฺขนิตฺถรณตฺถํ อตฺตโน อตฺตภาวสฺส ปริจฺจชนํ อตฺตปริจฺจชนํ. ตปฺปรายณตาทีสุปิ เอเสว นโย. หิโตปเทสกถาปริยาเยน ธมฺมสฺสาปิ อาจริยภาโว สมุทาจรียติ ‘‘ผโล อมฺโพ อผโล จ, เต สตฺถาโร อุโภ มมา’’ติอาทีสุ วิยาติ อาห ‘‘ธมฺมสฺส อนฺเตวาสิโก’’ติ. ‘‘อภิวาทนา’’ติอาทิ ปณิปาตสฺส อตฺถทสฺสนํ. พุทฺธาทีนํเยวาติ อวธารณสฺส อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีสุปิ สีหคติกวเสน อธิกาโร เวทิตพฺโพ. เอวฺหิ ตทฺนิวตฺตนํ กตํ โหตีติ. ‘‘อิเมสฺหี’’ติอาทิ จตุธา ปวตฺตนสฺส สมตฺถนํ, การณทสฺสนํ วา.
เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีนิ เอเกน ปกาเรน ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรหิปิ ปกาเรหิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ, เอเตน อตฺตสนฺนิยฺยาตนตปฺปรายณตาทีนํ จตุนฺนํ ปริยายนฺตเรหิปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนตปฺปรายณตาทิ กตเมว โหติ อตฺถสฺส อภินฺนตฺตา ยถา ตํ ‘‘สิกฺขาปจฺจกฺขานอภูตาโรจนานี’’ติ ทสฺเสติ. ชีวิตปริยนฺติกนฺติ ภาวนปุํสกวจนํ, ยาวชีวํ คจฺฉามีติ อตฺโถ. มหากสฺสโป กิร สยเมว ปพฺพชิตเวสํ คเหตฺวา มหาติตฺถพฺราหฺมณคามโต นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺโต ติคาวุตมคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อนฺตรา จ ราชคหํ, อนฺตรา จ นาฬนฺทํ พหุปุตฺตกนิคฺโรธรุกฺขมูเล เอกกเมว นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ‘‘อยํ ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อชานนฺโตเยว ‘‘สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ¶ ปสฺเสยฺย’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) สรณคมนมกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มหากสฺสปสฺส สรณคมนํ วิยา’’ติ. วิตฺถาโร กสฺสปสํยุตฺตฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๕๔) คเหตพฺโพ. ตตฺถ สตฺถารฺจวตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยนฺติ สเจ อหํ สตฺถารํ ปสฺเสยฺยํ, อิมํ ภควนฺตํเยว ปสฺเสยฺยํ. น หิ เม อิโต อฺเน สตฺถารา ภวิตุํ สกฺกา. สุคตฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยนฺติ สเจ อหํ สมฺมาปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ นาม ปสฺเสยฺยํ, อิมํ ภควนฺตํเยว ปสฺเสยฺยํ. น หิ เม อิโต อฺเน สุคเตน ภวิตุํ สกฺกา. สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยนฺติ สเจ อหํ สมฺมา สามฺจ สจฺจานิ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธํ นาม ปสฺเสยฺยํ, อิมํ ภควนฺตํเยว ปสฺเสยฺยํ, น หิ เม ¶ อิโต อฺเน สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภวิตุํ สกฺกาติ อยเมตฺถ อฏฺกถา. สพฺพตฺถ จ-สทฺโท, วต-สทฺโท จ ปทปูรณมตฺตํ, เจ-สทฺเทน วา ภวิตพฺพํ ‘‘สเจ’’ติ อฏฺกถายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๕๔) วุตฺตตฺตา. วต-สทฺโท จ ปสฺสิตุกามตาย เอกํสตฺถํ ทีเปตีติปิ ยุชฺชติ.
‘‘โส อห’’นฺติอาทิ สุตฺตนิปาเต อาฬวกสุตฺเต. ตตฺถ กิฺจาปิ มคฺเคเนว ตสฺส สรณคมนมาคตํ, โสตาปนฺนภาวทสฺสนตฺถํ, ปน ปสาทานุรูปทสฺสนตฺถฺจ เอวํ วาจํ ภินฺทตีติ ตทฏฺกถายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘๑) วุตฺตํ. คามา คามนฺติ อฺสฺมา เทวคามา อฺํ เทวคามํ, เทวตานํ วา ขุทฺทกํ, มหนฺตฺจ คามนฺติปิ อตฺโถ. ปุรา ปุรนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตนฺติ พุทฺธสฺส สุพุทฺธตํ, ธมฺมสฺส สุธมฺมตํ, สงฺฆสฺส สุปฺปฏิปนฺนตฺจ อภิตฺถวิตฺวาติ สห สมุจฺจเยน, ปาเสเสน จ อตฺโถ, สมฺพุทฺธํ นมสฺสมาโน ธมฺมโฆสโก หุตฺวา วิจริสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ.
อาฬวกาทีนนฺติ อาทิ-สทฺเทน สาตาคิรเหมวตาทีนมฺปิ สงฺคโห. นนุ จ เอเต อาฬวกาทโย อธิคตมคฺคตฺตา มคฺเคเนว อาคตสรณคมนา, กสฺมา เตสํ ตปฺปรายณตาสรณคมนํ วุตฺตนฺติ? มคฺเคนาคตสรณคมเนหิปิ เตหิ ตปฺปรายณตาการสฺส ปเวทิตตฺตา. ‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ…เป… สุธมฺมตํ, (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔) เต มยํ วิจริสฺสาม, คามา คามํ นคา นคํ…เป… สุธมฺมต’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๘๒) จ หิ เอเตหิ ตปฺปรายณตากาโร ปเวทิโต. ตสฺมา สรณคมนวิเสสมนเปกฺขิตฺวา ปเวทนาการมตฺตํ อุปทิสนฺเตน เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถาติ ‘‘กถํ โข พฺราหฺมโณ โหตี’’ติอาทินา ปุฏฺสฺส อฏฺวิธปฺหสฺส ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ โย เวที’’ติอาทินา พฺยากรณปริโยสานกาเล. อิทฺหิ มชฺฌิมปณฺณาสเก พฺรหฺมายุสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๙๔) ปริจุมฺพตีติ ปริผุสติ ¶ . ปริสมฺพาหตีติ ปริมชฺชติ. เอวมฺปิ ปณิปาโต ทฏฺพฺโพติ เอวมฺปิ ปรมนิปจฺจกาเรน ปณิปาโต ทฏฺพฺโพ.
โส ปเนสาติ ปณิปาโต. าติ…เป… วเสนาติ เอตฺถ าติวเสน, ภยวเสน, อาจริยวเสน, ทกฺขิเณยฺยวเสนาติ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ ทฺวนฺทปรโต สุยฺยมานตฺตา. ตตฺถ าติวเสนาติ าติภาววเสน. ภาวปฺปธานนิทฺเทโส หิ อยํ, ภาวโลปนิทฺเทโส วา ตพฺภาวสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา. เอวํ เสเสสุปิ ปณิปาตปเทน เจเตสํ สมฺพนฺโธ ตพฺพเสน ปณิปาตสฺส จตุพฺพิธตฺตา. เตนาห ‘‘ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตนา’’ติ, ทกฺขิเณยฺยตาเหตุเกน ปณิปาเตเนวาติ อตฺโถ. อิตเรหีติ าติภาวาทิเหตุเกหิ ปณิปาเตหิ. ‘‘เสฏฺวเสเนวา’’ติอาทิ ตสฺเสวตฺถสฺส สมตฺถนํ ¶ . อิทานิ ‘‘น อิตเรหี’’ติอาทินา วุตฺตเมว อตฺถตฺตยํ ยถากฺกมํ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘สากิโย วา’’ติ ปิตุปกฺขโต าติกุลทสฺสนํ, ‘‘โกลิโย วา’’ติ ปน มาตุปกฺขโต. วนฺทตีติ ปณิปาตสฺส อุปลกฺขณวจนํ. ราชปูชิโตติ ราชูหิ, ราชูนํ วา ปูชิโต ยถา ‘‘คามปูชิโต’’ติ. ปูชาวจนปโยเค หิ กตฺตริ สามิวจนมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ภควโตติ โพธิสตฺตภูตสฺส, พุทฺธภูตสฺส วา ภควโต. อุคฺคหิตนฺติ สิกฺขิตสิปฺปํ.
‘‘จตุธา’’ติอาทิ สิงฺคาโลวาทสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๒๖๕) ฆรมาวสนฺติ ฆเร วสนฺโต, กมฺมปฺปวจนียโยคโต เจตฺถ ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ. กมฺมํ ปโยชเยติ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ ปโยเชยฺย. กุลานฺหิ น สพฺพกาลํ เอกสทิสํ วตฺตติ, กทาจิ ราชาทิวเสน อาปทาปิ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘อาปทาสุ อุปฺปนฺนาสุ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ มนสิ กตฺวา นิธาเปยฺยาติ อาห ‘‘อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. อิเมสุ ปน จตูสุ โกฏฺาเสสุ ‘‘เอเกน โภเค ภฺุเชยฺยา’’ติ วุตฺตโกฏฺาสโตเยว คเหตฺวา ภิกฺขูนมฺปิ กปณทฺธิกาทีนมฺปิ ทานํ ทาตพฺพํ, เปสการนฺหาปิตกาทีนมฺปิ เวตนํ ทาตพฺพนฺติ อยํ โภคปริคฺคหณานุสาสนี, เอวรูปํ อนุสาสนึ อุคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. อิทฺหิ ทิฏฺธมฺมิกํเยว สนฺธาย วทติ, สมฺปรายิกํ, ปน นิยฺยานิกํ วา อนุสาสนึ ปจฺจาสิสนฺโตปิ ทกฺขิเณยฺยปณิปาตเมว กโรติ นามาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘โย ปนา’’ติอาทิ ‘‘เสฏฺวเสเนว…เป… คณฺหาตี’’ติ วุตฺตสฺสตฺถสฺส วิตฺถารวจนํ.
‘‘เอว’’นฺติอาทิ ¶ ปน ‘‘เสฏฺวเสน จ ภิชฺชตี’’ติ วุตฺตสฺส พฺยติเรกทสฺสนํ. อตฺถวสา ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโมติ กตฺวา คหิตสรณาย อุปาสิกาย วาติปิ โยเชตพฺพํ. เอวมีทิเสสุ. ปพฺพชิตมฺปีติ ปิ-สทฺโท สมฺภาวนตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘ปเคว อปพฺพชิต’’นฺติ. สรณคมนํ น ภิชฺชติ เสฏฺวเสน อวนฺทิตตฺตา. ตถาติ อนุกฑฺฒนตฺเถ นิปาโต ‘‘สรณคมนํ น ภิชฺชตี’’ติ. รฏฺปูชิตตฺตาติ รฏฺเ, รฏฺวาสีนํ วา ปูชิตตฺตา. ตยิทํ ภยวเสน วนฺทิตพฺพภาวสฺเสว สมตฺถนํ, น ตุ อเภทสฺส การณทสฺสนํ, ตสฺส ปน การณํ เสฏฺวเสน อวนฺทิตตฺตาติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ‘‘เสฏฺวเสน จ ภิชฺชตี’’ติ. เสฏฺวเสนาติ โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย เสฏฺภาววเสนาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อยํ โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโยติ วนฺทตี’’ติ. ติตฺถิยมฺปิ วนฺทโต น ภิชฺชติ, ปเคว อิตรํ. สรณคมนปฺปเภโทติ สรณคมนวิภาโค, ตพฺพิภาคสมฺพนฺธโต เจตฺถ สกฺกา อเภโทปิ สุเขน ทสฺเสตุนฺติ อเภททสฺสนํ กตํ.
อริยมคฺโค ¶ เอว โลกุตฺตรสรณคมนนฺติ จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลภาเวน วุตฺตานิ. สพฺพทุกฺขกฺขโยติ สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนุปฺปาทนิโรโธ นิพฺพานํ. เอตฺถ จ กมฺมสทิสํ วิปากผลํ, ตพฺพิปรีตํ อานิสํสผลนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยถา หิ สาลิพีชาทีนํ ผลานิ ตํสทิสานิ วิปกฺกานิ นาม โหนฺติ, วิปากนิรุตฺติฺจ ลภนฺติ, น มูลงฺกุรปตฺตกฺขนฺธนาฬานิ, เอวํ กุสลากุสลานํ ผลานิ อรูปธมฺมภาเวน, สารมฺมณภาเวน จ สทิสานิ วิปกฺกานิ นาม โหนฺติ, วิปากนิรุตฺติฺจ ลภนฺติ, น ตทฺานิ กมฺมนิพฺพตฺตานิปิ กมฺมอสทิสานิ, ตานิ ปน อานิสํสานิ นาม โหนฺติ, อานิสํสนิรุตฺติมตฺตฺจ ลภนฺตีติ. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา ธมฺมปเท อคฺคิทตฺตพฺราหฺมณวตฺถุปาฬิมาหริตฺวา ทสฺเสติ.
โย จาติ เอตฺถ จ-สทฺโท พฺยติเรเก, โย ปนาติ อตฺโถ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – พฺยติเรกตฺถทีปเน ยทิ ‘‘พหุํ เว สรณํ ยนฺติ, ปพฺพตานิ วนานิ จา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๑๘๘) วุตฺตํ เขมํ สรณํ น โหติ, น อุตฺตมํ สรณํ, เอตฺจ สรณมาคมฺม สพฺพทุกฺขา น ปมุจฺจติ, เอวํ สติ กึ นาม วตฺถุ เขมํ สรณํ โหติ, อุตฺตมํ สรณํ, กึ นาม วตฺถุํ สรณมาคมฺม สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ เจ?
โย ¶ จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต…เป…
เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ. (ธ. ป. ๑๙๐-๙๒);
เอวมีทิเสสุ. โลกิยสฺส สรณคมนสฺส อฺติตฺถิยาวนฺทนาทินา กุปฺปนโต, จลนโต จ อกุปฺปํ อจลํ โลกุตฺตรเมว สรณคมนํ ปกาเสตุํ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํ. วาจาสิลิฏฺตฺถฺเจตฺถ สมฺมาสทฺทสฺส รสฺสตฺตํ. ‘‘ทุกฺข’’นฺติอาทิ ‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานี’’ติ วุตฺตสฺส สรูปทสฺสนํ. ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมนฺติ ทุกฺขนิโรธํ. ทุกฺขูปสมคามินนฺติ ทุกฺขนิโรธคามึ. ‘‘เอต’’นฺติ ‘‘จตฺตาริ…เป… ปสฺสตี’’ติ (ธ. ป. ๑๙๐) เอวํ วุตฺตํ โลกุตฺตรสรณคมนสงฺขาตํ อริยสจฺจทสฺสนํ. โข-สทฺโท อวธารณตฺโถ ปทตฺตเยปิ โยเชตพฺโพ.
นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสนาติ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ อคฺคหณาทิวเสน, อิตินา นิทฺทิสิตพฺเพหิ โต-สทฺทมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา าณวิภงฺคาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; อ. นิ. ๑.๒๖๘) อาคตํ ¶ ปาฬึ สาธกภาเวน อาหรติ. อฏฺานนฺติ ชนกเหตุปฏิกฺเขโป. อนวกาโสติ ปจฺจยเหตุปฏิกฺเขโป. อุภเยนาปิ การณเมว ปฏิกฺขิปติ. ยนฺติ เยน การเณน. ทิฏฺิสมฺปนฺโนติ มคฺคทิฏฺิยา สมฺปนฺโน โสตาปนฺโน. กฺจิ สงฺขารนฺติ จตุภูมเกสุ สงฺขตสงฺขาเรสุ เอกมฺปิ สงฺขารํ. นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘นิจฺโจ’’ติ คณฺเหยฺย. สุขโต อุปคจฺเฉยฺยาติ ‘‘เอกนฺตสุขี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา’’ติ (ที. นิ. ๑.๗๖) เอวํ อตฺตทิฏฺิวเสน ‘‘สุโข’’ติ คณฺเหยฺย, ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน ปน อริยสาวโก ปริฬาหวูปสมตฺถํ มตฺตหตฺถิปริตฺตาสิโต โจกฺขพฺราหฺมโณ วิย อุกฺการภูมึ กฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคจฺฉติ. อตฺตวาเร กสิณาทิปณฺณตฺติสงฺคหณตฺถํ ‘‘สงฺขาร’’นฺติ อวตฺวา ‘‘ธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. ยถาห ปริวาเร –
‘‘อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา, ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา;
นิพฺพานฺเจว ปฺตฺติ, อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา’’ติ. (ปริ. ๒๕๗);
อิเมสุ ปน ตีสุปิ วาเรสุ อริยสาวกสฺส จตุภูมกวเสเนว ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ, เตภูมกวเสเนว วา. ยํ ยฺหิ ปุถุชฺชโน ‘‘นิจฺจํ ¶ สุขํ อตฺตา’’ติ คาหํ คณฺหาติ, ตํ ตํ อริยสาวโก ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ คณฺหนฺโต คาหํ วินิเวเติ.
‘‘มาตร’’นฺติอาทีสุ ชนิกา มาตา, ชนโก ปิตา, มนุสฺสภูโต ขีณาสโว อรหาติ อธิปฺเปโต. กึ ปน อริยสาวโก เตหิ อฺมฺปิ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ? เอตมฺปิ อฏฺานเมว. จกฺกวตฺติรชฺชสกชีวิตเหตุปิ หิ โส ตํ ชีวิตา น โวโรเปยฺย, ตถาปิ ปุถุชฺชนภาวสฺส มหาสาวชฺชตาทสฺสนตฺถํ อริยภาวสฺส จ พลวตาปกาสนตฺถํ เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปทุฏฺจิตฺโตติ วธกจิตฺเตน ปทูสนจิตฺโต, ปทูสิตจิตฺโต วา. โลหิตํ อุปฺปาเทยฺยาติ ชีวมานกสรีเร ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย. สงฺฆํ ภินฺเทยฺยาติ สมานสํวาสกํ สมานสีมายํ ิตํ สงฺฆํ ปฺจหิ การเณหิ ภินฺเทยฺย, วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปฺจหุปาลิ อากาเรหิ สงฺโฆ ภิชฺชติ กมฺเมน, อุทฺเทเสน, โวหรนฺโต, อนุสฺสาวเนน, สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘) อฺํ สตฺถารนฺติ อิโต อฺํ ติตฺถกรํ ‘‘อยํ เม สตฺถา’’ติ เอวํ คณฺเหยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตีติ อตฺโถ. ภวสมฺปทาติ สุคติภเวน สมฺปทา, อิทํ วิปากผลํ. โภคสมฺปทาติ มนุสฺสโภคเทวโภเคหิ สมฺปทา, อิทํ ปน อานิสํสผลํ. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา เทวตาสํยุตฺตาทิปาฬึ (สํ. นิ. ๑.๓๗) สาธกภาเวน ทสฺเสติ.
คตา ¶ เสติ เอตฺถ เส-อิติ นิปาตมตฺตํ. น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมินฺติ เต พุทฺธํ สรณํ คตา ตนฺนิมิตฺตํ อปายํ น คมิสฺสนฺติ. มานุสนฺติ จ คาถาพนฺธวเสน วิสฺโคนิทฺเทโส, มนุสฺเสสุ ชาตนฺติ อตฺโถ. เทวกายนฺติ เทวสงฺฆํ, เทวปุรํ วา ‘‘เทวานํ กาโย สมูโห เอตฺถา’’ติ กตฺวา.
‘‘อปรมฺปี’’ติอาทินา สฬายตนวคฺเค โมคฺคลฺลานสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) อาคตํ อฺมฺปิ ผลมาห, อปรมฺปิ ผลํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน วุตฺตนฺติ อตฺโถ. อฺเ เทเวติ อสรณงฺคเต เทเว. ทสหิ าเนหีติ ทสหิ การเณหิ. ‘‘ทิพฺเพนา’’ติอาทิ ตสฺสรูปทสฺสนํ. อธิคณฺหนฺตีติ อภิภวนฺติ อติกฺกมิตฺวา ติฏฺนฺติ. ‘‘เอส นโย’’ติ อิมินา ‘‘สาธุ โข เทวานมินฺท ธมฺมสรณคมนํ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) สุตฺตปทํ อติทิสติ. เวลามสุตฺตํ ¶ นาม องฺคุตฺตรนิกาเย นวนิปาเต ชาติโคตฺตรูปโภคสทฺธาปฺาทีหิ มริยาทเวลาติกฺกนฺเตหิ อุฬาเรหิ คุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา เวลามนามกสฺส โพธิสตฺตภูตสฺส จตุราสีติสหสฺสราชูนํ อาจริยพฺราหฺมณสฺส ทานกถาปฏิสฺุตฺตํ สุตฺตํ (อ. นิ. ๙.๒๐) ตตฺถ หิ กรีสสฺส จตุตฺถภาคปฺปมาณานํ จตุราสีติสหสฺสสงฺขฺยานํ สุวณฺณปาติรูปิยปาติกํสปาตีนํ ยถากฺกมํ รูปิยสุวณฺณ หิรฺปูรานํ, สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตานํ, จตุราสีติยา หตฺถิสหสฺสานํ จตุราสีติยา อสฺสสหสฺสานํ, จตุราสีติยา รถสหสฺสานํ, จตุราสีติยา เธนุสหสฺสานํ, จตุราสีติยา กฺาสหสฺสานํ, จตุราสีติยา ปลฺลงฺกสหสฺสานํ, จตุราสีติยา วตฺถโกฏิสหสฺสานํ, อปริมาณสฺส จ ขชฺชโภชฺชาทิเภทสฺส อาหารสฺส ปริจฺจชนวเสน สตฺตมาสาธิกานิ สตฺตสํวจฺฉรานิ นิรนฺตรํ ปวตฺตเวลามมหาทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต สตํโสตาปนฺนานํ ทินฺนทานโต เอกสฺส สกทาคามิโน, ตโต เอกสฺส อนาคามิโน, ตโต เอกสฺส อรหโต, ตโต เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส, ตโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตโต พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ, ตโต จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส วิหารกรณํ, ตโต สรณคมนํ มหปฺผลตรนฺติ อยมตฺโถ ปกาสิโต. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยํ คหปติ เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ, โย เจกํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตรํ, โย จ สตํ ทิฏฺิสมฺปนฺนานํ โภเชยฺย, โย เจกํ สกทาคามึ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติอาทิ (อ. นิ. ๙.๒๐).
อิมินา จ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต โลกุตฺตรสฺเสว สรณคมนสฺส ผลํ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ¶ เวลามสุตฺตฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘สรณํ คจฺเฉยฺยาติ เอตฺถ มคฺเคนาคตํ อนิวตฺตนสรณํ อธิปฺเปตํ, อปเร ปนาหุ ‘อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา ทินฺนตฺตา สรณคมนํ ตโต มหปฺผลตร’นฺติ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๓.๙.๒๐) กูฏทนฺตสุตฺตฏฺกถายํ ปน วกฺขติ ‘‘ยสฺมา จ สรณคมนํ นาม ติณฺณํ รตนานํ ชีวิตปริจฺจาคมยํ ปฺุกมฺมํ สคฺคสมฺปตฺตึ เทติ, ตสฺมา มหปฺผลตรฺจ มหานิสํสตรฺจาติ เวทิตพฺพ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๕๐, ๓๕๑) อิมินา ปน ¶ นเยน โลกิยสฺสาปิ สรณคมนสฺส ผลํ อิธ ทสฺสิตเมวาติ คเหตพฺพํ. อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรนปิ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๐) หิ อยเมวตฺโถ อิจฺฉิโตติ วิฺายติ อิธ เจว อฺาสุ จ มชฺฌิมาคมฏีกาทีสุ อวิเสสโตเยว วุตฺตตฺตา, อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรนาปิ อยมตฺโถ อภิมโต สิยา สารตฺถทีปนิยํ, (สารตฺถ. ฏี. เวรฺชกอณฺฑวณฺณนา.๑๕) องฺคุตฺตรฏีกายฺจ ตทุภยสาธารณวจนโต. อปเร ปน วทนฺติ ‘‘กูฏทนฺตสุตฺตฏฺกถายมฺปิ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๔๙) โลกุตฺตรสฺเสว สรณคมนสฺส ผลํ วุตฺต’’นฺติ, ตทยุตฺตเมว ตถา อวุตฺตตฺตา. ‘‘ยสฺมา…เป… เทตี’’ติ หิ ตทุภยสาธารณการณวเสน ตทุภยสฺสาปิ ผลํ ตตฺถ วุตฺตนฺติ. เวลามสุตฺตาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) อคฺคปฺปสาทสุตฺตฉตฺตมาณวกวิมานาทีนํ (วิ. ว. ๘๘๖ อาทโย) สงฺคโห ทฏฺพฺโพ.
อฺาณํ นาม วตฺถุตฺตยสฺส คุณานมชานนํ ตตฺถ สมฺโมโห. สํสโย นาม ‘‘พุทฺโธ นุ โข, น นุ โข’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๑๖) วิจิกิจฺฉา. มิจฺฉาาณํ นาม วตฺถุตฺตยสฺส คุณานํ อคุณภาวปริกปฺปเนน วิปรีตคฺคาโห. อาทิสทฺเทน อนาทราคารวาทีนํ สงฺคโห. สํกิลิสฺสตีติ สํกิลิฏฺํ มลีนํ ภวติ. น มหาชุติกนฺติอาทิปิ สํกิเลสปริยาโย เอว. ตตฺถ น มหาชุติกนฺติ น มหุชฺชลํ, อปริสุทฺธํ อปริโยทาตนฺติ อตฺโถ. น มหาวิปฺผารนฺติ น มหานุภาวํ, อปณีตํ อนุฬารนฺติ อตฺโถ. สาวชฺโชติ ตณฺหาทิฏฺาทิวเสน สโทโส. ตเทว ผลวเสน วิภาเวตุํ ‘‘อนิฏฺผโล’’ติ วุตฺตํ, สาวชฺชตฺตา อกนฺติผโล โหตีติ อตฺโถ. โลกิยสรณคมนํ สิกฺขาสมาทานํ วิย อคหิตกาลปริจฺเฉทํ ชีวิตปริยนฺตเมว โหติ, ตสฺมา ตสฺส ขนฺธเภเทน เภโท, โส จ ตณฺหาทิฏฺาทิวิรหิตตฺตา อโทโสติ อาห ‘‘อนวชฺโช กาลกิริยาย โหตี’’ติ. โสติ อนวชฺโช สรณคมนเภโท. สติปิ อนวชฺชตฺเต อิฏฺผโลปิ น โหติ, ปเคว อนิฏฺผโล อวิปากตฺตา. น หิ ตํ อกุสลํ โหติ, อถ โข เภทนมตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. ภวนฺตเรปีติ อฺสฺมิมฺปิ ภเว.
ธรสทฺทสฺส ทฺวิกมฺมิกตฺตา ‘‘อุปาสก’’นฺติ อิทมฺปิ กมฺมเมว, ตฺจ โข อาการฏฺาเนติ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุปาสโก อยนฺติ เอวํ ธาเรตู’’ติ ¶ วุตฺตํ. ธาเรตูติ จ อุปธาเรตูติ อตฺโถ. อุปธารณฺเจตฺถ ¶ ชานนเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘ชานาตู’’ติ อิมินา. อุปาสกวิธิโกสลฺลตฺถนฺติ อุปาสกภาววิธานโกสลฺลตฺถํ. โก อุปาสโกติ สรูปปุจฺฉา, กึ ลกฺขโณ อุปาสโก นามาติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมาติ เหตุปุจฺฉา, เกน ปวตฺตินิมิตฺเตน อุปาสกสทฺโท ตสฺมึ ปุคฺคเล นิรุฬฺโหติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจตี’’ติ. สทฺทสฺส หิ อภิเธยฺเย ปวตฺตินิมิตฺตเมว ตทตฺถสฺส ตพฺภาวการณํ. กิมสฺส สีลนฺติ วตสมาทานปุจฺฉา, กีทิสํ อสฺส อุปาสกสฺส สีลํ, กิตฺตเกน วตสมาทาเนนายํ สีลสมฺปนฺโน นาม โหตีติ อตฺโถ. โก อาชีโวติ กมฺมสมาทานปุจฺฉา, โก อสฺส สมฺมาอาชีโว, เกน กมฺมสมาทาเนน อสฺส อาชีโว สมฺภวตีติ ปุจฺฉติ, โส ปน มิจฺฉาชีวสฺส ปริวชฺชเนน โหตีติ มิจฺฉาชีโวปิ วิภชียติ. กา วิปตฺตีติ ตทุภเยสํ วิปฺปฏิปตฺติปุจฺฉา, กา อสฺส อุปาสกสฺส สีลสฺส, อาชีวสฺส จ วิปตฺตีติ อตฺโถ. สามฺนิทฺทิฏฺเ หิ สติ อนนฺตรสฺเสว วิธิ วา ปฏิเสโธ วาติ อนนฺตรสฺส คหณํ. กา สมฺปตฺตีติ ตทุภเยสเมว สมฺมาปฏิปตฺติปุจฺฉา, กา อสฺส อุปาสกสฺส สีลสฺส, อาชีวสฺส จ สมฺปตฺตีติ วุตฺตนเยน อตฺโถ. สรูปวจนตฺถาทิสงฺขาเตน ปกาเรน กิรตีติ ปกิณฺณํ, ตเทว ปกิณฺณกํ, อเนกากาเรน ปวตฺตํ อตฺถวินิจฺฉยนฺติ อตฺโถ.
โย โกจีติ ขตฺติยพฺราหฺมณาทีสุ โย โกจิ, อิมินา ปเทน อการณเมตฺถ ชาติอาทิวิเสโสติ ทสฺเสติ, ‘‘สรณคโต’’ติ อิมินา ปน สรณคมนเมเวตฺถ ปมาณนฺติ. ‘‘คหฏฺโ’’ติ จ อิมินา อาคาริเกสฺเวว อุปาสกสทฺโท นิรุฬฺโห, น ปพฺพชฺชูปคเตสูติ. ตมตฺถํ มหาวคฺคสํยุตฺเต มหานามสุตฺเตน (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓) สาเธนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยโตติ พุทฺธาทิสรณคมนโต. มหานามาติ อตฺตโน จูฬปิตุโน สุกฺโกทนสฺส ปุตฺตํ มหานามํ นาม สกฺยราชานํ ภควา อาลปติ. เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน พุทฺธาทิสรณคมเนน อุปาสโก นาม โหติ, น ชาติอาทีหิ การเณหีติ อธิปฺปาโย. กามฺจ ตปุสฺสภลฺลิกานํ วิย ทฺเววาจิกอุปาสกภาโวปิ อตฺถิ, โส ปน ตทา วตฺถุตฺตยาภาวโต กทาจิเยว โหตีติ สพฺพทา ปวตฺตํ เตวาจิกอุปาสกภาวํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘สรณคโต’’ติ วุตฺตํ. เตปิ หิ ปจฺฉา ติสรณคตา เอว, น เจตฺถ สมฺภวติ อฺํ ปฏิกฺขิปิตฺวา เอกํ วา ทฺเว วา สรณคโต อุปาสโก นามาติ อิมมตฺถมฺปิ าเปตุํ เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อุปาสนโตติ เตเนว สรณคมเนน, ตตฺถ จ สกฺกจฺจการิตาย คารวพหุมานาทิโยเคน ปยิรุปาสนโต, อิมินา กตฺวตฺถํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘โส หี’’ติอาทิ.
เวรมณิโยติ ¶ เอตฺถ เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยํ, ตสฺส มณนโต หนนโต วินาสนโต เวรมณิโย นาม, ปฺจ วิรติโย วิรติปธานตฺตา ตสฺส สีลสฺส. ตถา หิ อุทาหเฏ มหานามสุตฺเต วุตฺตํ ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓) ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา สาธกํ, สรูปฺจ ทสฺเสติ ยถา ตํ อุยฺยานปาลสฺส เอเกเนว อุทกปติฏฺานปโยเคน อมฺพเสจนํ, ครุสินานฺจ. ยถาห อมฺพวิมาเน (วิ. ว. ๑๑๕๑ อาทโย) –
‘‘อมฺโพ จ สิตฺโต สมโณ จ นฺหาปิโต,
มยา จ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปกํ;
อิติ โส ปีติยา กายํ, สพฺพํ ผรติ อตฺตโน’’ติ.
[‘‘อมฺโพ จ สิฺจโต อาสิ, สมโณ จ นหาปิโต;
พหฺุจ ปฺุํ ปสุตํ, อโห สผลํ ชีวิต’’นฺติ. (อิธ ฏีกายํ มูลปาโ)]
เอวมีทิเสสุ. เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน ปฺจเวรวิรติมตฺเตน.
มิจฺฉาวณิชฺชาติ อยุตฺตวณิชฺชา, น สมฺมาวณิชฺชา, อสารุปฺปวณิชฺชกมฺมานีติ อตฺโถ. ปหายาติ อกรเณเนว ปชหิตฺวา. ธมฺเมนาติ ธมฺมโต อนเปเตน, เตน มิจฺฉาวณิชฺชกมฺเมน อาชีวนโต อฺมฺปิ อธมฺมิกํ อาชีวนํ ปฏิกฺขิปติ. สเมนาติ อวิสเมน, เตน กายวิสมาทิทุจฺจริตํ วชฺเชตฺวา กายสมาทินา สุจริเตน อาชีวนํ ทสฺเสติ. ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทินา ปฺจงฺคุตฺตรปาฬิมาหริตฺวา สาธกํ, สรูปฺจ ทสฺเสติ. วาณิชานํ อยนฺติ วณิชฺชา, ยสฺส กสฺสจิ วิกฺกโย, อิตฺถิลิงฺคปทเมตํ. สตฺถวณิชฺชาติ อาวุธภณฺฑํ กตฺวา วา กาเรตฺวา วา ¶ ยถากตํ ปฏิลภิตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโย. สตฺตวณิชฺชาติ มนุสฺสวิกฺกโย. มํสวณิชฺชาติ สูนการาทโย วิย มิคสูกราทิเก โปเสตฺวา มํสํ สมฺปาเทตฺวา วิกฺกโย. มชฺชวณิชฺชาติ ยํ กิฺจิ มชฺชํ โยเชตฺวา ตสฺส วิกฺกโย. วิสวณิชฺชาติ วิสํ โยเชตฺวา, สงฺคเหตฺวา วา ตสฺส วิกฺกโย. ตตฺถ สตฺถวณิชฺชา ปโรปโรธนิมิตฺตตาย อกรณียาติ วุตฺตา, สตฺตวณิชฺชา อภุชิสฺสภาวกรณโต, มํสวณิชฺชา วธเหตุโต, มชฺชวณิชฺชา ปมาทฏฺานโต, วิสวณิชฺชา ปรูปฆาตการณโต.
ตสฺเสวาติ ยถาวุตฺตสฺส ปฺจเวรมณิลกฺขณสฺส สีลสฺส เจว ปฺจมิจฺฉาวณิชฺชาทิปฺปหานลกฺขณสฺส อาชีวสฺส จ ปฏินิทฺเทโส. วิปตฺตีติ เภโท, ปโกโป จ ¶ . เอวํ สีลอาชีววิปตฺติวเสน อุปาสกสฺส วิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อสฺสทฺธิยาทิวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. ยายาติ อสฺสทฺธิยาทิวิปฺปฏิปตฺติยา. จณฺฑาโลติ นีจธมฺมชาติกฏฺเน อุปาสกจณฺฑาโล. มลนฺติ มลีนฏฺเน อุปาสกมลํ. ปติกิฏฺโติ ลามกฏฺเน อุปาสกนิหีโน. สาปิสฺสาติ สาปิ อสฺสทฺธิยาทิวิปฺปฏิปตฺติ อสฺส อุปาสกสฺส วิปตฺตีติ เวทิตพฺพา. กา ปนายนฺติ วุตฺตํ ‘‘เต จา’’ติอาทิ. อุปาสกจณฺฑาลสุตฺตํ, (อ. นิ. ๕.๑๗๕) อุปาสกรตนสุตฺตฺจ ปฺจงฺคุตฺตเร. ตตฺถ พุทฺธาทีสุ, กมฺมกมฺมผเลสุ จ สทฺธาวิปริยาโย มิจฺฉาวิโมกฺโข อสฺสทฺธิยํ, เตน สมนฺนาคโต อสฺสทฺโธ. ยถาวุตฺตสีลวิปตฺติอาชีววิปตฺติวเสน ทุสฺสีโล. ‘‘อิมินา ทิฏฺาทินา อิทํ นาม มงฺคลํ โหตี’’ติ เอวํ พาลชนปริกปฺปิเตน โกตูหลสงฺขาเตน ทิฏฺสุตมุตมงฺคเลน สมนฺนาคโต โกตูหลมงฺคลิโก. มงฺคลํ ปจฺเจตีติ ทิฏฺมงฺคลาทิเภทํ มงฺคลเมว ปตฺติยายติ โน กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตํ โน ปตฺติยายติ. อิโต จ พหิทฺธาติ อิโต สพฺพฺุพุทฺธสาสนโต พหิทฺธา พาหิรกสมเย. จ-สทฺโท อฏฺานปยุตฺโต, สพฺพตฺถ ‘‘อสฺสทฺโธ’’ติอาทีสุ โยเชตพฺโพ. ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสตีติ ทุปฺปฏิปนฺนํ ทกฺขิณารหสฺี คเวสติ. ตตฺถาติ พหิทฺธา พาหิรกสมเย. ปุพฺพการํ กโรตีติ ปมตรํ ทานมานนาทิกํ กุสลกิริยํ กโรติ, พาหิรกสมเย ปมตรํ กุสลกิริยํ กตฺวา ปจฺฉา สาสเน กโรตีติ วุตฺตํ โหตีติ ¶ . ตตฺถาติ วา เตสํ พาหิรกานํ ติตฺถิยานนฺติปิ วทนฺติ. เอตฺถ จ ทกฺขิเณยฺยปริเยสนปุพฺพกาเร เอกํ กตฺวา ปฺจ ธมฺมา เวทิตพฺพา.
อสฺสาติ อุปาสกสฺส. สีลสมฺปทาติ ยถาวุตฺเตน ปฺจเวรมณิลกฺขเณน สีเลน สมฺปทา. อาชีวสมฺปทาติ ปฺจมิจฺฉาวณิชฺชาทิปฺปหานลกฺขเณน อาชีเวน สมฺปทา. เอวํ สีลสมฺปทาอาชีวสมฺปทาวเสน อุปาสกสฺส สมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา สทฺธาทิวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย จสฺสา’’ติอาทิมาห. เย จ ปฺจ ธมฺมา, เตปิ อสฺส สมฺปตฺตีติ โยชนา. ธมฺเมหีติ คุเณหิ. จตุนฺนํ ปริสานํ รติชนนฏฺเน อุปาสโกว รตนํ อุปาสกรตนํ. คุณโสภากิตฺติสทฺทสุคนฺธตาทีหิ อุปาสโกว ปทุมํ อุปาสกปทุมํ. ตถา อุปาสกปุณฺฑรีกํ. เสสํ วิปตฺติยํ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ.
นิคณฺีนนฺติ นิคณฺสมณีนํ. อาทิมฺหีติ ปมตฺเถ. อุจฺฉคฺคนฺติ อุจฺฉุอคฺคํ อุจฺฉุโกฏิ. ตถา เวฬคฺคนฺติ เอตฺถาปิ. โกฏิยนฺติ ปริยนฺตโกฏิยํ, ปริยนฺตตฺเถติ อตฺโถ. อมฺพิลคฺคนฺติ อมฺพิลโกฏฺาสํ. ตถา ติตฺตกคฺคนฺติ เอตฺถาปิ. วิหารคฺเคนาติ โอวรกโกฏฺาเสน ‘‘อิมสฺมึ คพฺเภ วสนฺตานํ อิทํ นาม ผลํ ปาปุณาตี’’ติอาทินา ตํตํวสนฏฺานโกฏฺาเสนาติ อตฺโถ ¶ . ปริเวณคฺเคนาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อคฺเคติ เอตฺถ อุปโยควจนสฺส เอการาเทโส, วจนวิปลฺลาโส วา, กตฺวา-สทฺโท จ เสโสติ วุตฺตํ ‘‘อาทึ กตฺวา’’ติ. ภาวตฺเถ ตา-สทฺโทติ ทสฺเสติ ‘‘อชฺชภาว’’นฺติ อิมินา, อชฺชภาโว จ นาม ตสฺมึ ธมฺมสฺสวนสมเย ธรมานกตาปาปุณกภาโว. ตทา หิ ตํ นิสฺสยวเสน ธรมานตํ นิมิตฺตํ กตฺวา ตํทิวสนิสฺสิตอรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว ปุน อรุณุคฺคมนา เอตฺถนฺตเร อชฺชสทฺโท ปวตฺตติ, ตสฺมา ตสฺมึ สมเย ธรมานกตาสงฺขาตํ อชฺชภาวํ อาทึ กตฺวาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อชฺชตนฺติ วา อชฺชอิจฺเจว อตฺโถ ตา-สทฺทสฺส สกตฺถวุตฺติโต ยถา ‘‘เทวตา’’ติ, อยํ อาจริยานํ มติ. เอวํ ปมกฺขเรน ทิสฺสมานปาานุรูปํ อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตติยกฺขเรน ทิสฺสมานปาานุรูปํ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ’’ติอาทิ วุตฺตํ. อาคมมตฺตตฺตา ทกาโร ปทสนฺธิกโร. อชฺชาติ หิ เนปาติกมิทํ ปทํ. เตนาห ‘‘อชฺช อคฺคนฺติ อตฺโถ’’ติ.
‘‘ปาโณ’’ติ อิทํ ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริเย เอว, ‘‘ปาณุเปต’’นฺติ จ กรณตฺเถเนว สมาโสติ าเปตุํ ‘‘ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว ¶ อุเปต’’นฺติ อาห. อุเปติ อุปคจฺฉตีติ หิ อุเปโต, ปาเณหิ กรณภูเตหิ อุเปโต ปาณุเปโตติ อตฺโถ อาจริเยหิ อภิมโต. อิมินา จ ‘‘ปาณุเปตนฺติ อิทํ ปทํ ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฏิกตาทสฺสน’’นฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวติ. ‘‘ปาณุเปต’’นฺติ หิ อิมินา ยาว เม ปาณา ธรนฺติ, ตาว สรณํ อุเปโต, อุเปนฺโต จ น วาจามตฺเตน, น จ เอกวารํ จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน, อถ โข ปาณานํ ปริจฺจชนวเสน ยาวชีวํ อุเปโตติ อาปาณโกฏิกตา ทสฺสิตา. ‘‘ตีหิ…เป… คต’’นฺติ อิทํ ‘‘สรณํ คต’’นฺติ เอตสฺส อตฺถวจนํ. ‘‘อนฺสตฺถุก’’นฺติ อิทํ ปน อนฺโตคธาวธารเณน, อฺตฺถาโปหเนน จ นิวตฺเตตพฺพตฺถทสฺสนํ. เอกจฺโจ กปฺปิยการกสทฺทสฺส อตฺโถ อุปาสกสทฺทสฺส วจนีโยปิ ภวตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปาสกํ กปฺปิยการก’’นฺติ, อตฺตสนฺนิยฺยาตนสรณคมนํ วา สนฺธาย เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวํ ‘‘ปาณุเปต’’นฺติ อิมินา นีตตฺถโต ทสฺสิตํ ตสฺส สรณคมนสฺส อาปาณโกฏิกตํ ทสฺเสตฺวา เอวํ วทนฺโต ปเนส ราชา ‘‘ชีวิเตน สห วตฺถุตฺตยํ ปฏิปูเชนฺโต สรณคมนํ รกฺขามี’’ติ อธิปฺปายํ วิภาเวตีติ เนยฺยตฺถโต วิภาวิตํ ตสฺส รฺโ อธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘อหฺหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิ-สทฺโท สมตฺถเน, การณตฺเถ วา, เตน อิมาย ยุตฺติยา, อิมินา วา การเณน อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตูติ อยมตฺโถ ปกาสิโต.
อจฺจยนํ สาธุมริยาทํ อติกฺกมฺม มทฺทิตฺวา ปวตฺตนํ อจฺจโย, กายิกาทิอชฺฌาจารสงฺขาโต โทโสติ อาห ‘‘อปราโธ’’ติ, อจฺเจติ อภิภวิตฺวา ปวตฺตติ เอเตนาติ ¶ วา อจฺจโย, กายิกาทิวีติกฺกมสฺส ปวตฺตนโก อกุสลธมฺมสงฺขาโต โทโส เอว, โส จ อปรชฺฌติ เอเตนาติ อปราโธติ วุจฺจติ. โส หิ อปรชฺฌนฺตํ ปุริสํ อภิภวิตฺวา ปวตฺตติ. เตนาห ‘‘อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา ปวตฺโต’’ติ. ธมฺมนฺติ ทสราชธมฺมํ. วิตฺถาโร ปเนตสฺส มหาหํสชาตกาทีหิ วิภาเวตพฺโพ. จรตีติ อาจรติ กโรติ. ธมฺเมเนวาติ ธมฺมโต อนเปเตเนว, อนเปตกุสลธมฺเมเนวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘น ปิตุฆาตนาทินา อธมฺเมนา’’ติ. ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตู’’ติ เอตสฺส อธิวาสนํ สมฺปฏิจฺฉตูติ สทฺทโต อตฺโถ, อธิปฺปายโต ปน ¶ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ขมตู’’ติ วุตฺตํ. ปุน อกรณเมตฺถ สํวโรติ ทสฺเสติ ‘‘ปุน เอวรูปสฺสา’’ติอาทินา. ‘‘อปราธสฺสา’’ติอาทิ อฺมฺํ เววจนํ.
๒๕๑. ‘‘ยถาธมฺโม ิโต, ตเถวา’’ติ อิมินาปิ ยถา-สทฺทสฺส อนุรูปตฺถมาห, สาธุสมาจิณฺณกุสลธมฺมานุรูปนฺติ อตฺโถ. ปฏิสทฺทสฺส อนตฺถกตํ ทสฺเสติ ‘‘กโรสี’’ติ อิมินา. ปฏิกมฺมํ กโรสีติปิ วทนฺติ. ยถาธมฺมํ ปฏิกรณํ นาม กตาปราธสฺส ขมาปนเมวาติ อาห ‘‘ขมาเปสีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. ‘‘ปฏิคฺคณฺหามา’’ติ เอตสฺส อธิวาสนํ สมฺปฏิจฺฉามาติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ขมามา’’ติ อิมินา. วุทฺธิ เหสาติ เอตฺถ ห-กาโร ปทสิลิฏฺตาย อาคโม, หิ-สทฺโท วา นิปาตมตฺตํ. เอสาติ ยถาธมฺมํ ปฏิกิริยา, อายตึ สํวราปชฺชนา จ. เตนาห ‘‘โย อจฺจยํ…เป… อาปชฺชตี’’ติ. สเทวเกน โลเกน ‘‘สรณ’’นฺติ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต ตถาคโต อริโย นามาติ วุตฺตํ ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต’’ติ. วิเนติ สตฺเต เอเตนาติ วินโย, สาสนํ. วทฺธติ สคฺคโมกฺขสมฺปตฺติ เอตายาติ วุทฺธิ. กตมา ปน สา, ยา ‘‘เอสา’’ติ นิทฺทิฏฺา วุทฺธีติ โจทนมปเนตุํ ‘‘โย อจฺจย’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ สมฺพนฺธํ ทสฺเสติ ‘‘กตมา’’ติอาทินา, ยา อยํ สํวราปชฺชนา, สา ‘‘เอสา’’ติ นิทฺทิฏฺา วุทฺธิ นามาติ อตฺโถ. ‘‘ยถาธมฺมํ ปฏิกโรตี’’ติ อิทํ อายตึ สํวราปชฺชนาย ปุพฺพกิริยาทสฺสนนฺติ วิฺาปนตฺถํ ‘‘ยถาธมฺมํ ปฏิกริตฺวา อายตึ สํวราปชฺชนา’’ติ วุตฺตํ. เอสา หิ อาจริยานํ ปกติ, ยทิทํ เยน เกนจิ ปกาเรน อธิปฺปายนฺตรวิฺาปนํ, เอตปเทน ปน ตสฺสาปิ ปฏินิทฺเทโส สมฺภวติ ‘‘ยถาธมฺมํ ปฏิกโรตี’’ ติปิ ปฏินิทฺทิสิตพฺพสฺส ทสฺสนโต. เกจิ ปน ‘‘ยถาธมฺมํ ปฏิกโรตี’ติ อิทํ ปุพฺพกิริยามตฺตสฺเสว ทสฺสนํ, น ปฏินิทฺทิสิตพฺพสฺส. ‘อายติฺจ สํวรํ อาปชฺชตี’ติ อิทํ ปน ปฏินิทฺทิสิตพฺพสฺเสวาติ วิฺาปนตฺถํ เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ขมาปนสฺสาปิ วุทฺธิเหตุภาเวน อริยูปวาเท วุตฺตตฺตา. อิตรถา หิ ขมาปนาภาเวปิ อายตึ สํวราปชฺชนาย เอว อริยูปวาทาปคมนํ วุตฺตํ สิยา, น จ ปน วุตฺตํ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพติ.
กสฺมา ปน ¶ ‘‘ยาย’’นฺติอาทินา ธมฺมนิทฺเทโส ทสฺสิโต, นนุ ปาฬิยํ ‘‘โย อจฺจย’’นฺติอาทินา ปุคฺคลนิทฺเทโส กโตติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘เทสนํ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺโตติ ปุคฺคลาธิฏฺานธมฺมเทสนํ ¶ กโรนฺโต. ปุคฺคลาธิฏฺานาปิ หิ ปุคฺคลาธิฏฺานธมฺมเทสนา, ปุคฺคลาธิฏฺานปุคฺคลเทสนาติ ทุวิธา โหติ. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – กิฺจาปิ ‘‘วุทฺธิ เหสา’’ติอาทินา ธมฺมาธิฏฺานเทสนา อารทฺธา, ตถาปิ ปุน ปุคฺคลาธิฏฺานํ กโรนฺเตน ‘‘โย อจฺจย’’นฺติอาทินา ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนา อารทฺธา เทสนาวิลาสวเสน, เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน จาติ. ตทุภยวเสเนว หิ ธมฺมาธิฏฺานาทิเภเทน จตุพฺพิธา เทสนา.
๒๕๒. วจสายตฺเตติ วจสา อายตฺเต. วาจาปฏิพนฺธตฺเตติ วทนฺติ, ตํ ‘‘โส หี’’ติอาทินา วิรุทฺธํ วิย ทิสฺสติ. วจสายตฺเถติ ปน วาจาปริโยสานตฺเถติ อตฺโถ ยุตฺโต โอสานกรณตฺถสฺส สาสทฺทสฺส วเสน สายสทฺทนิปฺผตฺติโต ยถา ‘‘ทาโย’’ติ. เอวฺหิ สมตฺถนวจนมฺปิ อุปปนฺนํ โหติ. คมนาย กตํ วาจาปริโยสานํ กตฺวา วุตฺตตฺตา ตสฺมึเยว อตฺเถ วตฺตตีติ. หนฺทสทฺทฺหิ โจทนตฺเถ, วจสคฺคตฺเถ จ อิจฺฉนฺติ. ‘‘หนฺท ทานิ ภิกฺขเว อามนฺตยามี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๑๘; สํ. นิ. ๑.๑๘๖) หิ โจทนตฺเถ, ‘‘หนฺท ทานิ อปายามี’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๘๔๓) วจสคฺคตฺเถ, วจสคฺโค จ นาม วาจาวิสฺสชฺชนํ, ตฺจ วาจาปริโยสานเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ทุกฺกรกิจฺจวเสน พหุกิจฺจตาติ อาห ‘‘พลวกิจฺจา’’ติ. ‘‘อวสฺสํ กตฺตพฺพํ กิจฺจํ, อิตรํ กรณียํ. ปมํ วา กตฺตพฺพํ กิจฺจํ, ปจฺฉา กตฺตพฺพํ กรณียํ. ขุทฺทกํ วา กิจฺจํ, มหนฺตํ กรณีย’’นฺติปิ อุทานฏฺกถาทีสุ (อุทา. อฏฺ. ๑๕) วุตฺตํ. ยํ-ตํ-สทฺทานํ นิจฺจสมฺพนฺธตฺตา, คมนกาลชานนโต, อฺกิริยาย จ อนุปยุตฺตตฺตา ‘‘ตสฺส กาลํ ตฺวเมว ชานาสี’’ติ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘ตยา าตํ คมนกาลํ ตฺวเมว ตฺวา คจฺฉาหี’’ติ. อถ วา ยถา กตฺตพฺพกิจฺจนิโยชเน ‘‘อิมํ ชาน, อิมํ เทหิ, อิมํ อาหรา’’ติ (ปาจิ. ๘๘, ๙๓) วุตฺตํ, ตถา อิธาปิ ตยา าตํ กาลํ ตฺวเมว ชานาสิ, คมนวเสน กโรหีติ คมเน นิโยเชตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺวเมว ชานาสี’’ติ ปาเสโส วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา’’ติอาทิ ยถาสมาจิณฺณํ ปกรณาธิคตมตฺตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ ปทกฺขิณนฺติ ปการโต กตํ ทกฺขิณํ. เตนาห ‘‘ติกฺขตฺตุ’’นฺติ. ทสนขสโมธานสมุชฺชลนฺติ ทฺวีสุ หตฺเถสุ ชาตานํ ทสนฺนํ นขานํ สโมธาเนน เอกีภาเวน สมุชฺชลนฺตํ, เตน ทฺวินฺนํ กรตลานํ สมฏฺปนํ ¶ ทสฺเสติ. อฺชลินฺติ หตฺถปุฏํ. อฺชติ พฺยตฺตึ ปกาเสติ เอตายาติ อฺชลิ. อฺชุ-สทฺทฺหิ พฺยตฺติยํ, อลิปจฺจยฺจ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อภิมุโขวาติ สมฺมุโข เอว, น ภควโต ปิฏฺึ ทสฺเสตฺวาติ อตฺโถ. ปฺจปฺปติฏฺิตวนฺทนานโย วุตฺโต เอว.
๒๕๓. อิมสฺมึเยว ¶ อตฺตภาเว วิปจฺจนกานํ อตฺตโน ปุพฺเพ กตกุสลมูลานํ ขณเนน ขโต, เตสเมว อุปหนเนน อุปหโต, ปททฺวเยนปิ ตสฺส กมฺมาปราธเมว ทสฺเสติ ปริยายวจนตฺตา ปททฺวยสฺส. กุสลมูลสงฺขาตปติฏฺาเภทเนน ขตูปหตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภินฺนปติฏฺโ ชาโต’’ติ วุตฺตํ. ปติฏฺา, มูลนฺติ จ อตฺถโต เอกํ. ปติฏฺหติ สมฺมตฺตนิยาโมกฺกมนํ เอตายาติ หิ ปติฏฺา, ตสฺส กุสลูปนิสฺสยสมฺปทา, สา กิริยาปราเธน ภินฺนา วินาสิตา เอเตนาติ ภินฺนปติฏฺโ. ตเทว วิตฺถาเรนฺโต ‘‘ตถา’’ติอาทิมาห. ยถา กุสลมูลสงฺขาตา อตฺตโน ปติฏฺานชาตา, ตถา อเนน รฺา อตฺตนาว อตฺตา ขโต ขนิโตติ โยชนา. ขโตติ หิ อิทํ อิธ กมฺมวเสน สิทฺธํ, ปาฬิยํ ปน กตฺตุวเสนาติ ทฏฺพฺพํ. ปททฺวยสฺส ปริยายตฺตา ‘‘อุปหโต’’ติ อิธ น วุตฺตํ.
‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจตี’’ติอาทิ (มหานิ. ๒๐๙; จูฬนิ. ๗๔) วจนโต ราคโทสโมหาว อิธ รโช นามาติ วุตฺตํ ‘‘ราครชาทิวิรหิต’’นฺติ. วีตสทฺทสฺส วิคตปริยายตํ ทสฺเสติ ‘‘วิคตตฺตา’’ติ อิมินา. ธมฺเมสุ จกฺขุนฺติ จตุสจฺจธมฺเมสุ ปวตฺตํ เตสํ ทสฺสนฏฺเน จกฺขุํ. ธมฺเมสูติ วา เหฏฺิเมสุ ตีสุ มคฺคธมฺเมสุ. จกฺขุนฺติ โสตาปตฺติมคฺคสงฺขาตํ เอกํ จกฺขุํ, สมุทาเยกเทสวเสน อาธารตฺถสมาโสยํ, น ตุ นิทฺธารณตฺถสมาโส. โส หิ สาสนคนฺเถสุ, สกฺกตคนฺเถสุ จ สพฺพตฺถ ปฏิสิทฺโธติ. ธมฺมมยนฺติ สมถวิปสฺสนาธมฺเมน นิพฺพตฺตํ, อิมินา ‘‘ธมฺเมน นิพฺพตฺตํ จกฺขุ ธมฺมจกฺขู’’ติ อตฺถมาห. อปิจ ธมฺมมยนฺติ สีลาทิติวิธธมฺมกฺขนฺโธเยว มย-สทฺทสฺส สกตฺเถ ปวตฺตนโต, อเนน ‘‘ธมฺโมเยว จกฺขุ ธมฺมจกฺขู’’ติ อตฺถมาห. อฺเสุ าเนสูติ อฺเสุ สุตฺตปเทเสสุ, เอเตน ยถาปาํ ติวิธตฺถตํ ทสฺเสติ. อิธ ปน โสตาปตฺติมคฺคสฺเสเวตํ อธิวจนํ, ตสฺมิมฺปิ อนธิคเต อฺเสํ วตฺตพฺพตาเยว อภาวโตติ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ¶ ‘‘ขตายํ ภิกฺขเว ราชา’’ติอาทิปาสฺส สุวิฺเยฺยมธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นาภวิสฺสาติ สเจ น อภวิสฺสถ, เอวํ สตีติ อตฺโถ. อตีเต หิ อิทํ กาลาติปตฺติวจนํ, น อนาคเตติ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย โสตาปตฺติมคฺคํ ปตฺโต อภวิสฺสาติ เอตฺถาปิ. นนุ จ มคฺคปาปุณนวจนํ ภวิสฺสมานตฺตา อนาคตกาลิกนฺติ? สจฺจํ อนิยมิเต, อิธ ปน ‘‘อิเธวาสเน นิสินฺโน’’ติ นิยมิตตฺตา อตีตกาลิกเมวาติ เวทิตพฺพํ. อิทฺหิ ภควา รฺโ อาสนา วุฏฺาย อจิรปกฺกนฺตสฺเสว อโวจาติ. ปาปมิตฺตสํสคฺเคนาติ เทวทตฺเตน, เทวทตฺตปริสาสงฺขาเตน จ ปาปมิตฺเตน สํสคฺคโต. อสฺสาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส. ‘‘เอวํ สนฺเตปี’’ติอาทินา ปาานารุฬฺหํ วจนาวเสสํ ทสฺเสติ. ตสฺมาติ สรณํ ¶ คตตฺตา มุจฺจิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘มม จ สาสนมหนฺตตายา’’ติ ปาโ ยุตฺโต, กตฺถจิ ปน จ-สทฺโท น ทิสฺสติ, ตตฺถ โส ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ ทฏฺพฺพํ. น เกวลํ สรณํ คตตฺตาเยว มุจฺจิสฺสติ, อถ โข ยตฺถ เอส ปสนฺโน, ปสนฺนาการฺจ กโรติ, ตสฺส จ ติวิธสฺสปิ สาสนสฺส อุตฺตมตายาติ หิ สห สมุจฺจเยน อตฺโถ อธิปฺเปโตติ.
‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ ทุกฺกรกมฺมวิปากโต สุกเรน มุจฺจเนน อุปมาทสฺสนํ. โกจีติ โกจิ ปุริโส. กสฺสจีติ กสฺสจิ ปุริสสฺส, ‘‘วธ’’นฺติ เอตฺถ ภาวโยเค กมฺมตฺเถ สามิวจนํ. ปุปฺผมุฏฺิมตฺเตน ทณฺเฑนาติ ปุปฺผมุฏฺิมตฺตสงฺขาเตน ธนทณฺเฑน. มุจฺเจยฺยาติ วธกมฺมทณฺฑโต มุจฺเจยฺย, ทณฺเฑนาติ วา นิสฺสกฺกตฺเถ กรณวจนํ ‘‘สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณนา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๓๒; จูฬว. ๔๓๗) วิย, ปุปฺผมุฏฺิมตฺเตน ธนทณฺฑโต, วธทณฺฑโต จ มุจฺเจยฺยาติ อตฺโถ. โลหกุมฺภิยนฺติ โลหกุมฺภินรเก. ตตฺถ หิ ตทนุภวนกานํ สตฺตานํ กมฺมพเลน โลหมยา มหตี กุมฺภี นิพฺพตฺตา, ตสฺมา ตํ ‘‘โลหกุมฺภี’’ติ วุจฺจติ. อุปริมตลโต อโธ ปตนฺโต, เหฏฺิมตลโต อุทฺธํ คจฺฉนฺโต, อุภยถา ปน สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ โหนฺติ. วุตฺตฺจ –
‘‘สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;
นิรเย ปจฺจมานานํ, กทา อนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ. (เป. ว. ๘๐๒; ชา. ๑.๔.๕๔);
‘‘เหฏฺิมตลํ ¶ ปตฺวา, อุปริมตลํ ปาปุณิตฺวา มุจฺจิสฺสตี’’ติ วทนฺโต อิมมตฺถํ ทีเปติ – ยถา อฺเ เสฏฺิปุตฺตาทโย อปราปรํ อโธ ปตนฺตา, อุทฺธํ คจฺฉนฺตา จ อเนกานิ วสฺสสตสหสฺสานิ ตตฺถ ปจฺจนฺติ, น ตถา อยํ, อยํ ปน ราชา ยถาวุตฺตการเณน เอกวารเมว อโธ ปตนฺโต, อุทฺธฺจ คจฺฉนฺโต สฏฺิวสฺสสหสฺสานิเยว ปจฺจิตฺวา มุจฺจิสฺสตีติ. อยํ ปน อตฺโถ กุโต ลทฺโธติ อนุโยคํ ปริหรนฺโต ‘‘อิทมฺปิ กิร ภควตา วุตฺตเมวา’’ติ อาห. กิรสทฺโท เจตฺถ อนุสฺสวนตฺโถ, เตน ภควตา วุตฺตภาวสฺส อาจริยปรมฺปรโต สุยฺยมานตํ, อิมสฺส จ อตฺถสฺส อาจริยปรมฺปราภตภาวํ ทีเปติ. อถ ปาฬิยํ สงฺคีตํ สิยาติ โจทนมปเนติ ‘‘ปาฬิยํ ปน น อารุฬฺห’’นฺติ อิมินา, ปกิณฺณกเทสนาภาเวน ปาฬิยมนารุฬฺหตฺตา ปาภาเวน น สงฺคีตนฺติ อธิปฺปาโย. ปกิณฺณกเทสนา หิ ปาฬิยมนารุฬฺหาติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ.
ยทิ ¶ อนนฺตเร อตฺตภาเว นรเก ปจฺจติ, เอวํ สติ อิมํ เทสนํ สุตฺวา โก รฺโ อานิสํโส ลทฺโธติ กสฺสจิ อาสงฺกา สิยาติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ โจทนํ อุทฺธริตฺวา ปริหริตุํ ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อยฺหี’’ติอาทินา นิทฺทาลาภาทิกํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อเนกวิธํ มหานิสํสํ สรูปโต นิยเมตฺวา ทสฺเสติ. เอตฺถ หิ ‘‘อยํ…เป… นิทฺทํ ลภตี’’ติ อิมินา นิทฺทาลาภํ ทสฺเสติ, ตทา กายิกเจตสิกทุกฺขาปคตภาวฺจ นิทฺทาลาภสีเสน, ‘‘ติณฺณํ…เป… อกาสี’’ติ อิมินา ติณฺณํ รตนานํ มหาสกฺการกิริยํ, ‘‘โปถุชฺชนิกาย…เป… นาโหสี’’ติ อิมินา สาติสยํ โปถุชฺชนิกสทฺธาปฏิลาภํ ทสฺเสตีติ เอวมาทิ ทิฏฺธมฺมิโก, ‘‘อนาคเต…เป… ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ อิมินา ปน อุกฺกํสโต สมฺปรายิโก ทสฺสิโต, อนวเสสโต ปน อปราปเรสุ ภเวสุ อปริมาโณเยว สมฺปรายิโก เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ มธุรายาติ มธุรรสภูตาย. โอชวนฺติยาติ มธุรรสสฺสาปิ สารภูตาย โอชาย โอชวติยา. ปุถุชฺชเน ภวา โปถุชฺชนิกา. ปฺจ มาเร วิเสสโต ชิตวาติ วิชิตาวี, ปรูปเทสวิรหตา เจตฺถ วิเสสภาโว. ปจฺเจกํ อภิสมฺพุทฺโธติ ปจฺเจกพุทฺโธ, อนาจริยโก หุตฺวา สามฺเว สมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ อตฺโถ. ตถา หิ ‘‘ปจฺเจกพุทฺธา สยเมว พุชฺฌนฺติ, น ปเร โพเธนฺติ, อตฺถรสเมว ¶ ปฏิวิชฺฌนฺติ, น ธมฺมรสํ. น หิ เต โลกุตฺตรธมฺมํ ปฺตฺตึ อาโรเปตฺวา เทเสตุํ สกฺโกนฺติ, มูเคน ทิฏฺสุปิโน วิย, วนจรเกน นคเร สายิตพฺยฺชนรโส วิย จ เนสํ ธมฺมาภิสมโย โหติ, สพฺพํ อิทฺธิสมาปตฺติปฏิสมฺภิทาปเภทํ ปาปุณนฺตี’’ติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา; อป. อฏฺ. ๑.๙๐, ๙๑) อฏฺกถาสุ วุตฺตํ.
เอตฺถาห – ยทิ รฺโ กมฺมนฺตรายาภาเว ตสฺมึเยว อาสเน ธมฺมจกฺขุ อุปฺปชฺชิสฺสถ, อถ กถํ อนาคเต ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ. ยทิ จ อนาคเต ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, อถ กถํ ตสฺมึเยว อาสเน ธมฺมจกฺขุ อุปฺปชฺชิสฺสถ, นนุ อิเม สาวกโพธิปจฺเจกโพธิอุปนิสฺสยา ภินฺนนิสฺสยา ทฺวินฺนํ โพธีนํ อสาธารณภาวโต. อสาธารณา หิ เอตา ทฺเว ยถากฺกมํ ปฺจงฺคทฺวยงฺคสมฺปตฺติยา, อภินีหารสมิทฺธิวเสน, ปารมีสมฺภรณกาลวเสน, อภิสมฺพุชฺฌนวเสน จาติ? นายํ วิโรโธ อิโต ปรโตเยวสฺส ปจฺเจกโพธิสมฺภารานํ สมฺภรณียตฺตา. สาวกโพธิยา พุชฺฌนกสตฺตาปิ หิ อสติ ตสฺสา สมวาเย กาลนฺตเร ปจฺเจกโพธิยา พุชฺฌิสฺสนฺติ ตถาภินีหารสฺส สมฺภวโตติ. อปเร ปน ภณนฺติ – ‘‘ปจฺเจกโพธิยาเยวายํ ราชา กตาภินีหาโร. กตาภินีหาราปิ หิ ตตฺถ นิยติมปฺปตฺตา ¶ ตสฺส าณสฺส ปริปากํ อนุปคตตฺตา สตฺถุ สมฺมุขีภาเว สาวกโพธึ ปาปุณิสฺสนฺตีติ ภควา ‘สจายํ ภิกฺขเว ราชา’ติอาทิมโวจ, มหาโพธิสตฺตานเมว จ อานนฺตริยปริมุตฺติ โหติ, น อิตเรสํ โพธิสตฺตานํ. ตถา หิ ปจฺเจกโพธิยํ นิยโต สมาโน เทวทตฺโต จิรกาลสมฺภูเตน โลกนาเถ อาฆาเตน ครุตรานิ อานนฺตริยกมฺมานิ ปสวิ, ตสฺมา กมฺมนฺตราเยน อยํ อิทานิ อสมเวตทสฺสนาภิสมโย ราชา ปจฺเจกโพธินิยาเมน อนาคเต วิชิตาวี นาม ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ ทฏฺพฺพํ, ยุตฺตตรเมตฺถ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
ยถาวุตฺตํ ปาฬิเมว สํวณฺณนาย นิคมวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทมโวจา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ หิ เหฏฺา วุตฺโตติ. อปิจ ปาฬิยมนารุฬฺหมฺปิ อตฺถํ สงฺคเหตุํ ‘‘อิทมโวจา’’ติอาทินา นิคมนํ กโรตีติ ทฏฺพฺพํ.
อิติ ¶ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย อชฺชวมทฺทวโสรจฺจสทฺธาสติธิติพุทฺธิขนฺติวีริยาทิธมฺมสมงฺคินา สาฏฺกเถ ปิฏกตฺตเย อสงฺคาสํหิรวิสารทาณจารินา อเนกปฺปเภทสกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหินา มหาคณินา มหาเวยฺยากรเณน าณาภิวํสธมฺมเสนาปตินามเถเรน มหาธมฺมราชาธิราชครุนา กตาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปฺปกาสนิยา สามฺผลสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา.
สามฺผลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนา
อทฺธานคมนวณฺณนา
๒๕๔. เอวํ ¶ ¶ สามฺผลสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ อมฺพฏฺสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺโณกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, สามฺผลสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส อมฺพฏฺสุตฺตภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… โกสเลสูติ อมฺพฏฺสุตฺต’’นฺติ อาห. เอวมีทิเสสุ. อิติสทฺโท เจตฺถ อาทิอตฺโถ, ปทตฺถวิปลฺลาสโชตโก ปน อิติสทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, อาทิสทฺทโลโป วา เอส, อุปลกฺขณนิทฺเทโส วา. อปุพฺพปทวณฺณนา นาม เหฏฺา อคฺคหิตตาย อปุพฺพสฺส ปทสฺส อตฺถวิภชนา. ‘‘หิตฺวา ปุนปฺปุนาคต-มตฺถํ อตฺถํ ปกาสยิสฺสามี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.คนฺถารมฺภกถา) หิ วุตฺตํ, ‘‘อนุปุพฺพปทวณฺณนา’’ติ กตฺถจิ ปาโ, โส อยุตฺโตว ฏีกาย อนุทฺธฏตฺตา, ตถา อสํวณฺณิตตฺตา จ.
‘‘ราชกุมารา โคตฺตวเสน โกสลา นามา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๔) อาจริเยน วุตฺตํ. อกฺขรจินฺตกา ปน วทนฺติ ‘‘โกสํ ลนฺติ คณฺหนฺติ, กุสลํ วา ปุจฺฉนฺตีติ โกสลา’’ติ. ชนปทิโนติ ชนปทวนฺโต, ชนปทสฺส วา อิสฺสรา. ‘‘โกสลา นาม ราชกุมารา’’ติ วุตฺเตเยว สิทฺเธปิ ‘‘ชนปทิโน’’ติ วจนํ สนฺเตสุปิ อฺเสุ ตํตํนามปฺาเตสุ ตตฺถ นิวสนฺเตสุ ชนปทิภาวโต เตสเมว นิวสนมุปาทาย ชนปทสฺสายํ สมฺาติ ทสฺสนตฺถํ. ‘‘เตสํ นิวาโส’’ติ อิมินา ‘‘โกสลานํ นิวาสา โกสลา’’ติ ตทฺธิตํ ทสฺเสติ. ‘‘เอโกปิ ชนปโท’’ติ อิมินา ปน สทฺทโตเยเวตํ ปุถุวจนํ, อตฺถโต ปเนส เอโก เอวาติ วิภาเวติ. อปิ-สทฺโท เจตฺถ อนุคฺคเห, เตน กามํ เอโกเยเวส ชนปโท, ตถาปิ อิมินา การเณน ปุถุวจนมุปปนฺนนฺติ อนุคฺคณฺหาติ. ยทิ เอโกว ชนปโท, กถํ ตตฺถ พหุวจนนฺติ อาห ‘‘รุฬฺหิสทฺเทนา’’ติอาทิ, รุฬฺหิสทฺทตฺตา พหุวจนมุปปนฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ. นิสฺสิเตสุ ปยุตฺตสฺส ปุถุวจนสฺส, ปุถุภาวสฺส วา นิสฺสเย อภินิโรปนา อิธ รุฬฺหิ, เตน วุตฺตํ ¶ อาจริเยน อิธ เจว อฺตฺถ จ มชฺฌิมาคมฏีกาทีสุ ‘‘อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ ยุตฺเต วิย อีทิสลิงฺควจนานิ อิจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ รุฬฺหิ ยถา ‘อฺตฺถาปิ กุรูสุ วิหรติ, องฺเคสุ วิหรตี’ติ ¶ จา’’ติ. เกจิ ปน โกสลนามาภินิโรปนมิจฺฉนฺติ, อยุตฺตเมตํ ปุถุวจนสฺส อปฺปยุชฺชิตพฺพตฺตา. นามาภินิโรปนาย หิ เอกวจนมฺปิ ภวติ ยถา ‘‘สีโห คายตี’’ติ. ตพฺพิเสสิเตปิ ชนปทสทฺเท ชาติสทฺทตฺตา เอกวจนเมว. เตนาห ‘‘ตสฺมึ โกสเลสุ ชนปเท’’ติ, โกสลนามเก ตสฺมึ ชนปเทติ อตฺโถ. อภูตโต หิ โวหารมตฺตํ รุฬฺหิ, ภูตโตเยว อตฺโถ วินิจฺฉินิตพฺโพ. ยถา หิ –
‘‘สนฺติ ปุตฺตา วิเทหานํ, ทีฆาวุ รฏฺวฑฺฒโน;
เต รชฺชํ การยิสฺสนฺติ, มิถิลายํ ปชาปตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๗๖) อาทีสุ –
ตํปุตฺตสงฺขาตสฺส เอกตฺถสฺส รุฬฺหิวเสน ‘‘ปุตฺตา’’ติ พหุวจนปโยโค, ตถา อิธาปิ ตนฺนิวาสสงฺขาตสฺส เอกตฺถสฺส รุฬฺหิวเสน ‘‘โกสเลสู’’ติ พหุวจนปโยโค โหติ. ยถา จ ‘‘ปาณํ น หฺเ, น จ’ทินฺนมาทิเย’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๒, ๔๓, ๔๕) ชาติวเสน พหฺวตฺถานเมกวจนปโยโค, ตถา อิธาปิ ชาติวเสน อวยวปฺปเภเทน พหฺวตฺถสฺส ‘‘ชนปเท’’ติ เอกวจนปโยโค โหติ. วุตฺตฺจ อาจริเยน มชฺฌิมาคมฏีกายํ ‘‘ตพฺพิเสสเนปิ ชนปทสทฺเท ชาติสทฺเท เอกวจนเมว. เตนาห ‘ตสฺมึ องฺเคสุ ชนปเท’ติ’’.
เอวํ รุฬฺหิวเสน พหุมฺหิ วิย วตฺตพฺเพ พหุวจนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ พหฺวตฺถวเสน พหุมฺปิ เอว วตฺตพฺเพ พหุวจนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โปราณา ปนาหู’’ติอาทิมาห. ปน-สทฺโท เจตฺถ วิเสสตฺถโชตโน, เตน ปุถุอตฺถวิสยตาย เอเวตํ ปุถุวจนํ, น รุฬฺหิวเสนาติ วกฺขมานํ วิเสสํ โชเตติ. โส หิ ปเทโส ติโยชนสตปริมาณตาย พหุปฺปเภโทติ, อิมสฺมึ ปน นเย เตสุ โกสเลสุ ชนปเทสูติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มหาปนาทนฺติ มหาปนาทชาตก (ชา. ๑.๓.๔๐, ๔๑, ๔๒) สุรุจิชาตเกสุ (ชา. ๑.๑๔.๑๐๒ อาทโย) อาคตํ สุรุจิโน นาม วิเทหรฺโ ปุตฺตํ มหาปนาทนามกํ ราชกุมารํ. นานานาฏกานีติ ภณฺฑุกณฺฑปณฺฑุกณฺฑปมุขานิ ฉสตสหสฺสานิ นานาวิธนาฏกานิ, กตฺถจิ ปน อาทิสทฺโทปิ ทิฏฺโ, โส ชาตกฏฺกถายํ น ทิสฺสติ, ยทิ จ ทิสฺสติ, เตน นฏลงฺฆกาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สิตมตฺตมฺปีติ มิหิตมตฺตมฺปิ. ตสฺส ¶ กิร ทิพฺพนาฏกานํ อนนฺตรภเวเยว ทิฏฺตฺตา มนุสฺสนาฏกานํ นจฺจํ อมนฺุํ อโหสิ. นงฺคลานิปิ ฉฑฺเฑตฺวาติ กสิกมฺมปฺปหานวเสน นงฺคลานิ ¶ ปหาย, นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ. น หิ เกวลํ กสฺสกา เอว, อถ โข อฺเปิ อุภยรฏฺวาสิโน มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจํ ปหาย ตสฺมึ มงฺคลฏฺาเน สนฺนิปตึสุ. ตทา กิร มหาปนาทกุมารสฺส ปาสาทมงฺคลํ, ฉตฺตมงฺคลํ, อาวาหมงฺคลนฺติ ตีณิ มงฺคลานิ เอกโต อกํสุ, กาสิวิเทหรฏฺวาสิโนปิ ตตฺถ สนฺนิปติตฺวา อติเรกสตฺตวสฺสานิ ฉณมนุภวึสูติ, อธุนา ปน ‘‘นงฺคลาทีนี’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส น โปราณปาโ ฏีกายมนุทฺธฏตฺตา.
มหาชนกาเย สนฺนิปติเตติ เกจิ ‘‘ปหํสนวิธึ ทสฺเสตฺวา ราชกุมารํ หาสาเปสฺสามา’’ติ, เกจิ ‘‘ตํ กีฬนํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ เอวํ มหาชนสมูเห สนฺนิปติเต. อตุลมฺพาภิรุหนทารุจิตกปเวสนาทิ นานากีฬาโย ทสฺเสตฺวา. สกฺกเปสิโต กิร ทิพฺพนาฏโก ราชงฺคเณ อากาเส ตฺวา อุปฑฺฒภาคํ นาม ทสฺเสติ, เอโกว หตฺโถ, เอโก ปาโท, เอกํ อกฺขิ, เอกา ทาา นจฺจติ จลติ, อุปฑฺฒํ ผนฺทติ, เสสํ นิจฺจลมโหสิ, ตํ ทิสฺวา มหาปนาโท โถกํ หสิตมกาสิ, อิมมตฺถํ สนฺธาย ‘‘โส ทิพฺพนาฏกํ ทสฺเสตฺวา หสาเปสี’’ติ วุตฺตํ. สุหชฺชา นาม วิสฺสาสิกา ‘‘สุฏฺุ หทยเมเตส’’นฺติ กตฺวา. อาทิสทฺเทน าตกปริชนาทีนํ สงฺคโห. ตสฺมาติ ตถา วจนโต. ตํ กุสลนฺติ วจนํ อุปาทายาติ เอตฺถ ‘‘กจฺจิ กุสลํ? อาม กุสล’’นฺติ วจนปฏิวจนวเสน ปวตฺตกุสลวาทิตาย เต มนุสฺสา อาทิโต ‘‘กุสลา’’ติ สมฺํ ลภึสุ, เตสํ กุสลานํ อิสฺสราติ ราชกุมารา โกสลา นาม ชาตา, เตสํ นิวาสฏฺานตาย ปน ปเทโส โกสลาติ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมว. เตนาห ‘‘โส ปเทโส โกสลาติ วุจฺจตี’’ติ. เอวํ มชฺฌิมาคมฏีกายํ อาจริเยเนว วุตฺตํ. ตตฺรายมธิปฺปาโย สิยา – ‘‘โส ปเทโส โกสลาติ วุจฺจตี’’ติ สฺีสฺา ยถากฺกมํ เอกวจนพหุวจนวเสน วุตฺตตฺตา ปุริมนเย วิย อิธาปิ รุฬฺหิวเสเนว พหุวจนํ โหติ. ราชกุมารานํ นามลาภเหตุมตฺตฺเหตฺถ วิเสโสติ. อิธ ปน อาจริเยน เอวํ วุตฺตํ โส ปเทโสติ ปเทสสามฺโต วุตฺตํ, วจนวิปลฺลาเสน วา, เต ปเทสาติ อตฺโถ. โกสลาติ วุจฺจติ กุสลา ¶ เอว โกสลาติ กตฺวา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๔) ตตฺรายมธิปฺปาโย สิยา – โส ปเทโสติ ชาติสทฺทวเสน, วจนวิปลฺลาเสน วา วุตฺตตฺตา ปุถุอตฺถวิสยตาย เอว พหุวจนํ โหติ. ปเทสสฺส นามลาภเหตุ เหตฺถ วิเสโสติ. ‘‘กุสล’’นฺติ หิ วจนมุปาทาย รุฬฺหินามวเสน วุตฺตนเยน โกสลา ยถา ‘‘เยวาปนกํ, นตุมฺหากวคฺโค’’ติ. อปิจ วจนปฏิวจนวเสน ‘‘กุสล’’นฺติ วทนฺติ เอตฺถาติ โกสลา. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺตีติ. กุสลนฺติ จ อาโรคฺยํ ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๕; ชา. ๒.๒๐.๑๒๙) วิย, กจฺจิ ตุมฺหากํ อาโรคฺยํ โหตีติ อตฺโถ, เฉกํ วา ‘‘กุสลา นจฺจคีตสฺส ¶ , สิกฺขิตา จาตุริตฺถิโย’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๙๔) วิย, กจฺจิ เตสํ นาฏกานํ เฉกตา โหตีติ อตฺโถ.
จรณํ จาริกา, จรณํ วา จาโร, โส เอว จาริกา, ตยิทํ มคฺคคมนเมว อิธาธิปฺเปตํ, น จุณฺณิกคมนมตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อทฺธานคมน’’นฺติ วุตฺตํ, ภาวนปุํสกฺเจตํ, อทฺธานคมนสงฺขาตาย จาริกาย จรมาโนติ วุตฺตํ โหติ, อเภเทปิ วา เภทโวหาเรน วุตฺตํ ยถา ‘‘ทิวาวิหารํ นิสีที’’ติ, (ม. นิ. ๑.๒๕๖) อทฺธานคมนสงฺขาตํ จาริกํ จรมาโน, จรณํ กโรนฺโตติ อตฺโถ. สพฺพตฺถโก หิ กรภูธาตูนมตฺโถติ. ‘‘อทฺธานมคฺค’’นฺติปิ กตฺถจิ ปาโ, โส น สุนฺทโร. น หิ จาริกาสทฺโท มคฺควาจโกติ. อิทานิ ตํ วิภาเคน ทสฺเสตฺวา อิธาธิปฺเปตํ นิยเมนฺโต ‘‘จาริกา จ นาเมสา’’ติอาทิมาห. สาวกานมฺปิ รุฬฺหิวเสน จาริกาย สมฺภวโต ตโต วิเสเสติ ‘‘ภควโต’’ติ อิมินา. ตถา หิ มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘จาริกํ จรมาโนติ เอตฺถ กิฺจาปิ อยํ จาริกา นาม มหาชนสงฺคหตฺถํ พุทฺธานํเยว ลพฺภติ, พุทฺเธ อุปาทาย ปน รุฬฺหิสทฺเทน สาวกานมฺปิ วุจฺจติ กิลฺชาทีหิ กตพีชนีปิ ตาลวณฺฏํ วิยา’’ติ. ทูเรปีติ เอตฺถ ปิ-สทฺเทน, อปิ-สทฺเทน วา นาติทูเรปีติ สมฺปิณฺฑนํ ตตฺถาปิ จาริกาสมฺภวโต. โพธเนยฺยปุคฺคลนฺติ จตุสจฺจปฏิเวธวเสน โพธนารหปุคฺคลํ. สหสา คมนนฺติ สีฆคมนํ. ‘‘มหากสฺสปสฺส ปจฺจุคฺคมนาทีสู’’ติ วุตฺตเมว สรูปโต ทสฺเสติ ‘‘ภควา หี’’ติอาทินา. ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโตติ ปฏิมุขํ คจฺฉนฺโต, ปจฺจุฏฺหนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘ตึสโยชน’’นฺติ ปทมนุกฑฺฒติ. ปกฺกุสาติ นาม คนฺธารราชา. มหากปฺปิโน ¶ นาม กุกฺกุฏวตีราชา. ธนิโย นาม โกรณฺฑเสฏฺิปุตฺโต โคโป.
เอวํ ธมฺมครุตากิตฺตนมุเขน มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีนิ (สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๑๕๔) เอกเทเสน ทสฺเสตฺวา อิทานิ วนวาสิติสฺสสามเณรสฺส วตฺถุํ วิตฺถาเรตฺวา จาริกํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกทิวส’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. โก ปเนส ติสฺสสามเณโร นาม? สาวตฺถิยํ ธมฺมเสนาปติโน อุปฏฺากกุเล ชาโต มหาปฺุโ ‘‘ปิณฺฑปาตทายกติสฺโส, กมฺพลทายกติสฺโส’’ติ จ ปุพฺเพ ลทฺธนาโม ปจฺฉา ‘‘วนวาสิติสฺโส’’ติ ปากโฏ ขีณาสวสามเณโร. วิตฺถาโร ธมฺมปเท (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๗๔ วนวาสีติสฺสสามเณรวตฺถุ). อากาสคามีหิ สทฺธึ อากาเสเนว คนฺตุกาโม ภควา ‘‘ฉฬภิฺานํ อาโรเจหี’’ติ อโวจ. ตสฺสาติ ติสฺสสามเณรสฺส. ตนฺติ ภควนฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน จีวรํ ปารุปนฺตํ. โน เถโร โน โอรมตฺตโก วตาติ สมฺพนฺโธ, คุเณน ลามกปฺปมาณิโก โน โหตีติ อตฺโถ.
อตฺตโน ¶ ปตฺตาสเนติ ภิกฺขูนํ อาสนปริยนฺเต. เตสํ คามิกานํ ทานปฏิสํยุตฺตํ มงฺคลํ วตฺวา. กสฺมา ปน สเทวกสฺส โลกสฺส มคฺคเทสโกปิ สมาโน ภควา เอวมาหาติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘ภควา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. มคฺคเทสโกติ นิพฺพานมคฺคสฺส, สุคติมคฺคสฺส วา เทสโก.
ตายาติ อรฺสฺาย. สงฺฆกมฺมวเสน สิชฺฌมานาปิ อุปสมฺปทา สตฺถุ อาณาวเสน สิชฺฌนโต ‘‘พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ วุตฺตนฺติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘อปริปุณฺณวีสติวสฺสสฺเสว ตสฺส อุปสมฺปทํ อนุชานนฺโต สตฺถา ‘พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’ติ อโวจา’’ติ วทนฺติ. ธมฺมเสนาปตินา อุปชฺฌาเยน อุปสมฺปาเทตฺวา, ตโตเยเวส ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริโกติ อฏฺกถาสุ วุตฺโต. ธมฺมปทฏฺกถายํ ปน ธมฺมเสนาปติอาทิเถรานํ จตฺตาลีสภิกฺขุสหสฺสปริวารานํ อตฺตโน อตฺตโน ปริวาเรหิ สทฺธึ ปจฺเจกํ คมนํ, ภควโต จ เอกกสฺเสว คมนํ ขุทฺทกภาณกานํ มเตน วุตฺตํ, อิธ, ปน มชฺฌิมาคมฏฺกถายฺจ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๖๕) อฺถา คมนํ ทีฆภาณกมชฺฌิมภาณกานํ มเตนาติ ทฏฺพฺพํ. อยนฺติ มหากสฺสปาทีนมตฺถาย จาริกา. ยํ ปน อนุคฺคณฺหนฺตสฺส ภควโต คมนํ, อยํ อตุริตจาริกา นามาติ สมฺพนฺโธ.
อิมํ ¶ ปน จาริกนฺติ อตุริตจาริกํ. มหามณฺฑลนฺติ มชฺฌิมเทสปริยาปนฺเนเนว พาหิริเมน ปมาเณน ปริจฺฉินฺนตฺตา มหนฺตตรํ มณฺฑลํ. มชฺฌิมมณฺฑลนฺติ อิตเรสํ อุภินฺนํ เวมชฺเฌ ปวตฺตํ มณฺฑลํ. อนฺโตมณฺฑลนฺติ อิตเรหิ ขุทฺทกํ มณฺฑลํ, อิตเรสํ วา อนฺโตคธตฺตา อนฺติมํ มณฺฑลํ, อพฺภนฺตริมํ มณฺฑลนฺติ วุตฺตํ โหติ. กึ ปนิเมสํ ปมาณนฺติ อาห ‘‘กตฺถา’’ติอาทิ. ตตฺถ นวโยชนสติกตา มชฺฌิมเทสปริยาปนฺนวเสเนว คเหตพฺพา ตโต ปรํ อตุริตจาริกาย อคมนโต. ตทุตฺตริ หิ ตุริตจาริกาย เอว ตถาคโต คจฺฉติ, น อตุริตจาริกาย. ปวาเรตฺวาว จาริกาจรณํ พุทฺธาจิณฺณนฺติ วุตฺตํ ‘‘มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา’’ติอาทิ. ปาฏิปททิวเสติ ปมกตฺติกปุณฺณมิยา อนนฺตเร ปาฏิปทวเส. สมนฺตาติ คตคตฏฺานสฺส จตูสุ ปสฺเสสุ สมนฺตโต. มหาชนกายสฺส สนฺนิปตนโต ปุริมํ ปุริมํ อาคตา นิมนฺเตตุํ ลภนฺติ. ตถา สนฺนิปตนเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อิตเรสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหนฺตีติ เอตฺถ สมถสฺส ตรุณภาโว อุปจารสมาธิวเสน, วิปสฺสนาย ปน สงฺขารปริจฺเฉทาณํ, กงฺขาวิตรณาณํ, สมฺมสนาณํ, มคฺคามคฺคาณนฺติ จตุนฺนํ าณานํ วเสน เวทิตพฺโพ. ตรุณวิปสฺสนาติ หิ เตสํ จตุนฺนํ าณานมธิวจนํ. ปวารณาสงฺคหํ ทตฺวาติ อนุมติทานวเสน ทตฺวา. กตฺติกปุณฺณมายนฺติ ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมิยํ. ‘‘มิคสิรสฺส ปมปาฏิปททิวเส’’ติ ¶ อิทํ มชฺฌิมเทสโวหารวเสน มิคสิรมาสสฺส ปมํ ปาฏิปททิวสํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอตรหิ ปวตฺตโวหารวเสน ปน ปจฺฉิมกตฺติกมาสสฺส กาฬปกฺขปาฏิปททิวโส เวทิตพฺโพ.
อฺเนปิ การเณนาติ ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนาตรุณภาวโต อฺเนปิ มชฺฌิมมณฺฑเล เวเนยฺยานํ าณปริปากาทิการเณน. จตุมาสนฺติ อาสฬฺหีปุณฺณมิยา ปาฏิปทโต ยาว ปจฺฉิมกตฺติกปุณฺณมี, ตาว จตุมาสํ. ‘‘สมนฺตา โยชนสต’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยเนว. วสนํ วสฺสํ, วสนกิริยา, วุตฺถํ วสิตํ วสฺสมสฺสาติ วุตฺถวสฺโส, ตสฺส. ตถาคเตน วิเนตพฺพตฺตา ‘‘ภควโต เวเนยฺยสตฺตา’’ติ สามินิทฺเทโส วุตฺโต, กตฺตุนิทฺเทโส วา เอส. เวเนยฺยสตฺตาติ จ จริตานุรูปํ วิเนตพฺพสตฺตา. อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมาโนติ สทฺธาทิอินฺทฺริยานํ วิมุตฺติปริปาจนภาเวน ปริปกฺกํ ปฏิมาเนนฺโต. ผุสฺสมาฆผคฺคุณจิตฺตมาสานํ ¶ อฺตรมาสสฺส ปมทิวเส นิกฺขมนโต มาสนิยโม เอตฺถ น กโตติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘เอกมาสํ วา ทฺวิติจตุมาสํ วา ตตฺเถว วสิตฺวา’’ติ. ตตฺเถวาติ วสฺสูปคมนฏฺาเน เอว. ‘‘สตฺตหิ วา’’ติอาทิ ‘‘เอกมาสํ วา’’ติอาทินา ยถากฺกมํ โยเชตพฺพํ – ยทิ อปรมฺปิ เอกมาสํ ตตฺเถว วสติ, สตฺตหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปติ. ยทิ ทฺวิมาสํ ฉหิ, ยทิ ติมาสํ ปฺจหิ, ยทิ จตุมาสํ ตตฺเถว วสติ, จตูหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปตีติ. กสฺมา ปน จาริกาคมนนฺติ อาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ ‘‘อิตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อติเรกํ ชราทุพฺพโล พาฬฺหชิณฺโณ. เต กทา ปสฺสิสฺสนฺติ, น ปสฺสิสฺสนฺติ เอว. โลกานุกมฺปกายาติ โลกานุกมฺปกาย เอว. เตน วุตฺตํ ‘‘น จีวราทิเหตู’’ติ.
ชงฺฆวิหารวเสนาติ ชงฺฆาหิ วิจรณวเสน, ชงฺฆาหิ วิจริตฺวา ตตฺถ ตตฺถ กติปาหํ นิวสนวเสน วา. สพฺพิริยาปถสาธารณฺหิ วิหารวจนํ. สรีรผาสุกตฺถายาติ เอกสฺมึเยว าเน นิพทฺธวาสวเสน อุสฺสนฺนธาตุกสฺส สรีรสฺส วิจรเณน ผาสุภาวตฺถาย. อฏฺุปฺปตฺติกาลาภิกงฺขนตฺถายาติ อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺต (อ. นิ. ๗.๗๒) มฆเทวชาตกาทิ (ชา. ๑.๑.๙) เทสนานํ วิย ธมฺมเทสนาย อภิกงฺขิตพฺพอฏฺุปฺปตฺติกาลตฺถาย, อฏฺุปฺปตฺติกาลสฺส วา อภิกงฺขนตฺถาย, อฏฺุปฺปตฺติกาเล ธมฺมเทสนตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ. สิกฺขาปทปฺาปนตฺถายาติ สุราปานสิกฺขาปทาทิ (ปาจิ. ๓๒๗, ๓๒๘, ๓๒๙) ปฺาปเน วิย สิกฺขาปทานํ ปฺาปนตฺถาย. โพธนตฺถายาติ องฺคุลิมาลาทโย (ม. นิ. ๒.๓๔๗) วิย โพธเนยฺยสตฺเต จตุสจฺจโพธนตฺถาย. มหตาติ มหติยา. กฺจิ, กติปเย วา ปุคฺคเล อุทฺทิสฺส ¶ จาริกา นิพทฺธจาริกา. ตทฺา สมฺพหุเล อุทฺทิสฺส คามนิคมนครปฏิปาฏิยา จาริกา อนิพทฺธจาริกา. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. ยํ จรตีติ กิริยาปรามสนํ.
‘‘เอสา อิธ อธิปฺเปตา’’ติ วุตฺตเมว วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทสสหสฺสิโลกธาตุยาติ ชาติกฺเขตฺตภูตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬํ สนฺธาย วุตฺตํ. กสฺมาติ เจ? ตตฺเถว ภพฺพสตฺตานํ สมฺภวโต. ตตฺถ หิ สตฺเต ภพฺเพ ปริปกฺกินฺทฺริเย ปสฺสิตุํ พุทฺธาณํ อภินีหริตฺวา ิโต ภควา าณชาลํ ปตฺถรตีติ วุจฺจติ, อิทฺจ เทวพฺรหฺมานํ ¶ วเสน วุตฺตํ. มนุสฺสา ปน อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ, อิมสฺมึเยว จ สปริวาเร ชมฺพุทีเป โพธเนยฺยา โหนฺติ. โพธเนยฺยพนฺธเวติ โพธเนยฺยสตฺตสงฺขาเต ภควโต พนฺธเว. โคตฺตาทิสมฺพนฺธา วิย หิ สจฺจปฏิเวธสมฺพนฺธา เวเนยฺยา ภควโต พนฺธวา นามาติ. โคจรภาวูปคมนํ สนฺธาย ‘‘สพฺพฺุตฺาณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺโ’’ติ วุตฺตํ. ภควา กิร มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ‘‘เย สตฺตา ภพฺพา ปริปกฺกาณา, เต มยฺหํ าณสฺส อุปฏฺหนฺตู’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย สมนฺนาหรติ, ตสฺส สหสมนฺนาหารา เอโก วา ทฺเว วา สมฺพหุลา วา ตทา วินยูปคา เวเนยฺยา าณสฺส อาปาถมาคจฺฉนฺติ, อยเมตฺถ พุทฺธานุภาโว. เอวมาปาถคตานํ ปน เนสํ อุปนิสฺสยํ ปุพฺพจริยํ, ปุพฺพเหตุํ, สมฺปติ วตฺตมานฺจ ปฏิปตฺตึ โอโลเกติ. เวเนยฺยสตฺตปริคฺคณฺหนตฺถฺหิ สมนฺนาหาเร กเต ปมํ เนสํ เวเนยฺยภาเวน อุปฏฺานํ โหติ, อถ ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ สรณคมนาทิวเสน กฺจิ นิปฺผตฺตึ วีมํสมาโน ปุพฺพูปนิสฺสยาทีนิ โอโลเกติ. เตนาห ‘‘อถ ภควา’’ติอาทิ. โสติ อมฺพฏฺโ. วาทปฏิวาทํ กตฺวาติ ‘‘เอวํ นุ เต อมฺพฏฺา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๖๒) มยา วุตฺตวจนสฺส ‘‘เย จ โข เต โภ โคตม มุณฺฑกา สมณกา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๖๓) ปฏิวจนํ ทตฺวา, อสพฺภิวากฺยนฺติ อสปฺปุริสวาจํ, ติกฺขตฺตุํ อิพฺภวาทนิปาตนวเสน นานปฺปการํ สาธุสภาวาย วาจาย วตฺตุมยุตฺตํ วากฺยํ วกฺขตีติ วุตฺตํ โหติ. นิพฺพิเสวนนฺติ วิคตตุทนํ, มานทปฺปวเสน อปคตปรินิปฺผนฺทนนฺติ อตฺโถ.
อวสริตพฺพนฺติ อุปคนฺตพฺพํ. ตสฺส คามสฺส อิทํ นามมตฺตํ, กิเมตฺถ อตฺถปริเยสนายาติ วุตฺตํ ‘‘อิชฺฌานงฺคลนฺติปิ ปาโ’’ติ. ‘‘เยน ทิสาภาเคนา’’ติ กรณนิทฺเทสานุรูปํ กรณตฺเถ อุปโยควจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เตน อวสรี’’ติ อิมินา. ‘‘ยสฺมึ ปเทเส’’ติ ปน ภุมฺมนิทฺเทสานุรูปํ ‘‘ตํ วา อวสรี’’ติ วุตฺตํ. ตทุภยเมวตฺถํ วิวรติ ‘‘เตน ทิสาภาเคนา’’ติอาทินา. คโตติ อุปคโต, อคมาสีติ อตฺโถ. ปุน คโตติ สมฺปตฺโต, สมฺปาปุณีติ อตฺโถ. ‘‘อิจฺฉานงฺคเล’’ติ อิทํ ตทา ภควโต โคจรคามนิทสฺสนํ, สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมํ ¶ . ‘‘อิจฺฉานงฺคลวนสณฺเฑ’’ติ อิทํ ปน นิวาสฏฺานทสฺสนํ, นิปฺปริยายโต อธิกรเณ เจตํ ภุมฺมนฺติ ตทุภยมฺปิ ปทํ วิเสสตฺถทสฺสเนน วิวรนฺโต ‘‘อิจฺฉานงฺคลํ อุปนิสฺสายา’’ติอาทิมาห ¶ . ‘‘สีลขนฺธาวาร’’นฺติอาทิ วุตฺตนเยน เวเนยฺยหิตสมเปกฺขนวเสเนว ภควโต วิหารทสฺสนํ. ตตฺถ ธมฺมราชสฺส ภควโต สพฺพโส อธมฺมนิคฺคณฺหนปรา เอว ปฏิปตฺติ, สา จ สีลสมาธิปฺาวเสนาติ สีลาทิตฺตยสฺเสว คหณํ. สีลขนฺธาวารนฺติ จกฺกวตฺติรฺโ ทารุอิฏฺกาทิกตํ ขนฺธาวารสทิสํ สีลสงฺขาตํ ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา วิหรตีติ สมฺพนฺโธ. ทารุกฺขนฺธาทีหิ อาสมนฺตโต วรนฺติ ปริกฺขิปนฺติ เอตฺถาติ หิ ขนฺธาวาโร อ-การสฺส ทีฆํ กตฺวา, ราชูนํ อจิรนิวาสฏฺานํ. ตตฺถ ปน ภควโต อจิรนิวสนกิริยาสมฺพนฺธมตฺเตน ภยนิวารณฏฺเน ตํสทิสตาย สีลมฺปิ ตถา วุจฺจติ. สมาธิโกนฺตนฺติ สมฺมาสมาธิสงฺขาตํ มงฺคลสตฺตึ. สพฺพฺุตฺาณปทนฺติ สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตํ ชยมนฺตปทํ. ปริวตฺตยมาโนติ ปริชปฺปมาโน. ‘‘สพฺพฺุตฺาณสร’’นฺติปิ ปาโ, สพฺพฺุตฺาณวชิรคฺคสรํ อปราปรํ สมฺปริวตฺตมาโนติ อตฺโถ. ยถาภิรุจิเตน วิหาเรนาติ สพฺพวิหารสาธารณทสฺสนํ, ทิพฺพวิหาราทีสุ เยน เยน อตฺตนา อภิรุจิเตน วิหาเรน วิหรตีติ อตฺโถ.
โปกฺขรสาติวตฺถุวณฺณนา
๒๕๕. มนฺเตติ อิรุเวทาทิมนฺตสตฺเถ. อิรุเวทาทโย หิ คุตฺตภาสิตพฺพฏฺเน ‘‘มนฺตา’’ติ วุจฺจนฺติ. อณ-สทฺโท สทฺเทติ อาห ‘‘สชฺฌายตี’’ติ. โลกิยา ปน วทนฺติ ‘‘พฺรหฺมุโน อปจฺจํ พฺราหฺมโณ, นาคโม, ณตฺตํ, ทีฆาที’’ติ. กสฺมา อยเมว วจนตฺโถ วุตฺโตติ อาห ‘‘อิทเมวา’’ติอาทิ. อถ เกสํ อิตโร วจนตฺโถติ โจทนมปเนติ ‘‘อริยา ปนา’’ติอาทินา. อถ วา ยํ โลกิยา วทนฺติ ‘‘พฺรหฺมุนา ชาโต พฺราหฺมโณ’’ติอาทินิรุตฺตึ, ตํ ปฏิกฺขิปิตุํ เอวํ วุตฺตํ. ‘‘อิทเมวา’’ติ หิ อวธารเณน ตํ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘ชาติพฺราหฺมณาน’’นฺติ ปน อิมินา สทฺทนฺตเรน ทสฺสิเตสุ ชาติพฺราหฺมณวิสุทฺธิพฺราหฺมณวเสน ทุวิเธสุ พฺราหฺมเณสุ วิสุทฺธิพฺราหฺมณานํ นิรุตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อริยา ปนา’’ติอาทิมาห. พหนฺติ ปาเป พหิ กโรนฺตีติ หิ อริยา พฺราหฺมณา นิรุตฺตินเยน. ‘‘ตสฺส กิร กาโย เสตโปกฺขรสทิโส’’ติ อิทเมวสฺส นามลาภเหตุทสฺสนํ, เสสํ ปน ตปฺปสงฺเคน ยถาวิชฺชมานวิเสสทสฺสนเมว. เตนาห ‘‘อิติ นํ โปกฺขรสทิสตฺตา โปกฺขรสาตีติ สฺชานนฺตี’’ติ. โปกฺขเรน สทิโส กาโย ยสฺสาติ หิ โปกฺขรสาตี นิรุตฺตินเยน ¶ . สาตสทฺโท วา สทิสตฺโถ, โปกฺขเรน สาโต สทิโส กาโย ตถา, โส ยสฺสาติ โปกฺขรสาตี. เสตโปกฺขรสทิโสติ เสตปทุมวณฺโณ. เทวนคเรติ อาลกมนฺทาทิเทวปุเร. อุสฺสาปิตรชตโตรณนฺติ คมฺภีรเนมนิขาตํ อจฺจุคฺคตํ รชตมยํ อินฺทขีลํ ¶ . กาฬเมฆราชีติ กทาจิ ทิสฺสมานา กาฬอพฺภเลขา. รชตปนาฬิกาติ รชตมยตุมฺพํ. สุวฏฺฏิตาติ วฏฺฏภาวสฺส ยุตฺตฏฺาเน สุฏฺุ วฏฺฏุลา. กาฬวงฺคติลกาทีนมภาเวน สุปริสุทฺธา. ‘‘อราชเก’’ติอาทินาปิ โสภคฺคปฺปตฺตภาวเมว นิทสฺเสติ.
อิทานิ อปรมฺปิ ตสฺส นามลาภเหตุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จ ‘‘หิมวนฺตปเทเส มหาสเร ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺตี’’ติ อิทเมวสฺส นามลาภเหตุทสฺสนํ. เสสํ ปน ตปฺปสงฺเคน ตถาปวตฺตาการทสฺสนเมว. เตนาห ‘‘อิติ นํ โปกฺขเร สยิตตฺตา โปกฺขรสาตีติ สฺชานนฺตี’’ติ. โปกฺขเร กมเล สยตีติ หิ โปกฺขรสาตี, สาตํ วา วุจฺจติ สมสณฺานํ, โปกฺขเร ชาตํ สมสณฺานํ ตถา, ตมสฺสตฺถีติปิ โปกฺขรสาตี. ยํ ปน อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส กีทิโส ปุพฺพโยโค, เยน นํ ภควา อนุคฺคณฺหิตุํ ตํ านํ อุปคโตติ อาหา’’ติ, (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๕) ตเทตํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิวจนํ เอกเทสเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ‘‘โส ตโต มนุสฺสโลก’’นฺติอาทิวจนโต เทวโลเก นิพฺพตฺตีติ เอตฺถ อปราปรํ นิพฺพตฺติ เอว วุตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ตถารูเปน กมฺเมน นิพฺพตฺติเมว สนฺธาย ‘‘มาตุกุจฺฉิวาสํ ชิคุจฺฉิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺตี’’ติ อิมินา สํเสทโชเยว หุตฺวา นิพฺพตฺตีติ ทสฺเสติ. น ปุปฺผตีติ น วิกสติ. เตนาติ ตาปเสน. นาฬโตติ ปุปฺผทณฺฑโต. สุวณฺณจุณฺเณหิ ปิฺชรํ เหมวณฺโณ ยสฺสาติ สุวณฺณจุณฺณปิฺชโร, ตํ, สุวณฺณจุณฺเณหิ วิกิณฺณภาเวน เหมวณฺณนฺติ อตฺโถ. ปิฺชรสทฺโท หิ เหมวณฺณปริยาโยติ สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๒๒) วุตฺตํ. เอส นโย ปทุมเรณุปิฺชรนฺติ เอตฺถาปิ. รชตพิมฺพกนฺติ รูปิยมยรูปกํ. ปฏิชคฺคามีติ โปเสมิ. ปารนฺติ ปริโยสานํ, นิปฺผตฺติ วา วุจฺจติ นทีสมุทฺทาทีนํ ปริโยสานภูตํ ปารํ วิยาติ กตฺวา. ปฏิสนฺธิปฺาสงฺขาเตน สภาวาเณน ปณฺฑิโต. อิติ กตฺตพฺเพสุ, เวเทสุ วา วิสารทปฺาสงฺขาเตน เวยฺยตฺติเยน ¶ พฺยตฺโต. อคฺคพฺราหฺมโณติ ทิสาปาโมกฺขพฺราหฺมโณ. สิปฺปนฺติ เวทสิปฺปํ ตสฺเสว ปกรณาธิคตตฺตา. พฺรหฺมเทยฺยํ อทาสีติ วกฺขมานนเยน พฺรหฺมเทยฺยํ กตฺวา อทาสิ.
‘‘อชฺฌาวสตี’’ติ เอตฺถ อธิ-สทฺโท, อา-สทฺโท จ อุปสคฺคมตฺตํ, ตโต ‘‘อุกฺกฏฺ’’นฺติ อิทํ อชฺฌาปุพฺพวสโยเค ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ. อธิ-สทฺโท วา อิสฺสริยตฺโถ, อา-สทฺโท มริยาทตฺโถ ตโต ‘‘อุกฺกฏฺ’’นฺติ อิทํ กมฺมปฺปวจนียโยเค ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อุกฺกฏฺนามเก’’ติอาทินา. ตเทวตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ตสฺส นครสฺส สามิโก หุตฺวา’’ติ หิ ‘‘อภิภวิตฺวา’’ติ เอตสฺสตฺถวิวรณํ, เตเนตํ ทีเปติ ‘‘สามิภาโว อภิภวน’’นฺติ. ‘‘ยาย มริยาทายา’’ติอาทิ ปน อา-สทฺทสฺสตฺถวิวรณํ, เตเนตํ ทีเปติ ‘‘อาสทฺโท ¶ มริยาทตฺโถ, มริยาทา จ นาม ยาย ตตฺถ วสิตพฺพํ, สาเยว อปราธีนตา’’ติ. ยาย มริยาทายาติ หิ ยาย อปราธีนตาสงฺขาตาย อนฺสาธารณาย อวตฺถายาติ อตฺโถ. ‘‘อุปสคฺควเสนา’’ติอาทิ ปน ‘‘อุกฺกฏฺนามเก’’ติ เอตสฺสตฺถวิวรณํ, เตเนตํ ทีเปติ ‘‘สติปิ ภุมฺมวจนปฺปสงฺเค ธาตฺวตฺถานุวตฺตกวิเสสกภูเตหิ ทุวิเธหิปิ อุปสคฺเคหิ ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนเมเวตฺถ วิหิต’’นฺติ. ‘‘ตสฺส กิรา’’ติอาทิ ปน อตฺถานุคตสมฺาปริทีปนํ. วตฺถุ นาม นครมาปนารหภูมิปฺปเทโส ‘‘อารามวตฺถุ, วิหารวตฺถู’’ติอาทีสุ วิย.
อุกฺกาติ ทณฺฑทีปิกา. อคฺคเหสุนฺติ ‘‘อชฺช มงฺคลทิวโส, ตสฺมา สุนกฺขตฺตํ, ตตฺถาปิ อยํ สุขโณ มา อติกฺกมี’’ติ รตฺติวิภายนํ อนุรกฺขนฺตา, รตฺติยํ อาโลกกรณตฺถาย อุกฺกา เปตฺวา อุกฺกาสุ ชลมานาสุ นครสฺส วตฺถุํ อคฺคเหสุํ, เตเนตํ ทีเปติ – อุกฺกาสุ ิตาติ อุกฺกฏฺา. มูลวิภุชาทิ อากติคณปกฺเขเปน, นิรุตฺตินเยน วา อุกฺกาสุ วิชฺโชตยนฺตีสุ ิตาติ อุกฺกฏฺา, ตถา อุกฺกาสุ ิตาสุ ิตา อาสีติปิ อุกฺกฏฺาติ. มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘ตฺจ นครํ ‘มงฺคลทิวโส สุขโณ, สุนกฺขตฺตํ มา อติกฺกมี’ติ รตฺติมฺปิ อุกฺกาสุ ิตาสุ มาปิตตฺตา อุกฺกฏฺาติปิ วุจฺจติ, ทณฺฑทีปิกาสุ ชาเลตฺวา ธาริยมานาสุ มาปิตตฺตาติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, (ม. นิ. อฏฺ. ๑.มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา) ตทปิมินา สํสนฺทติ เจว สเมติ ¶ จ นครวตฺถุปริคฺคหสฺสปิ นครมาปนปริยาปนฺนตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘ภูมิภาคสมฺปตฺติยา, อุปกรณสมฺปตฺติยา, มนุสฺสสมฺปตฺติยา จ ตํ นครํ อุกฺกฏฺคุณโยคโต อุกฺกฏฺาติ นามํ ลภตี’’ติ. โลกิยา ปน วทนฺติ ‘‘อุกฺกา ธารียติ เอตสฺส มาปิตกาเลติ อุกฺกฏฺา, วณฺณวิกาโรย’’นฺติ, อิตฺถิลิงฺควเสน จายํ สมฺา, เตเนวิธ ปโยโค ทิสฺสติ ‘‘ยถา จ ภวํ โคตโม อุกฺกฏฺาย อฺานิ อุปาสกกุลานิ อุปสงฺกมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๙๙) มูลปริยายสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) จ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา อุกฺกฏฺายํ วิหรติ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติอาทิ. เอวเมตฺถ โหตุ อุปสคฺควเสน อุปโยควจนํ, กถํ ปเนตํ เสสปเทสุ สิยาติ อนุโยเคนาห ‘‘ตสฺส อนุปโยคตฺตา เสสปเทสู’’ติ. ตตฺถ ตสฺสาติ อุปสคฺควเสน อุปโยคสฺุตฺตสฺส ‘‘อุกฺกฏฺ’’นฺติ ปทสฺส. อนุปโยคตฺตาติ วิเสสนภาเวน อนุปยุตฺตตฺตา. เสสปเทสูติ ‘‘สตฺตุสฺสท’’นฺติอาทีสุ สตฺตสุ ปเทสุ.
กึ นุ ขฺวายํ สทฺทปโยโค สทฺทลกฺขณานุคโตติ โจทนมปเนติ ‘‘ตตฺถ…เป… ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ อิมินา. ตตฺถาติ อุปสคฺควเสน, อนุปโยควเสน จ อุปโยควจนนฺติ วุตฺเต ทุพฺพิเธปิ วิธาเน. ลกฺขณนฺติ คหณูปายายภูตํ สทฺทลกฺขณํ, สุตฺตํ วา. ปริเยสิตพฺพนฺติ สทฺทสตฺเถสุ ¶ วิชฺชมานตฺตา าเณน คเวสิตพฺพํ, คเหตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน หิ สทฺทลกฺขณานุคโตวายํ สทฺทปโยโคติ ทสฺเสติ, สทฺทวิทู จ อิจฺฉนฺติ ‘‘อุปอนุอธิอาอิจฺจาทิปุพฺพวสโยเค สตฺตมิยตฺเถ อุปโยควจนํ ปาปุณาติ, วิเสสิตพฺพปเท จ ยถาวิธิมนุปโยโค วิเสสนปทานํ สมานาธิกรณภูตาน’’นฺติ. ตตฺร ยทา อธิ-สทฺโท, อา-สทฺโท จ อุปสคฺคมตฺตํ, ตทา ‘‘ตติยาสตฺตมีนฺจา’’ติ ลกฺขเณน อชฺฌาปุพฺพวสโยเค อุปโยควจนํ. ตถา หิ วทนฺติ ‘‘สตฺตมิยตฺเถ กาลทิสาสุ อุปานฺวชฺฌาวสโยเค, อธิปุพฺพสิาวสานํ ปโยเค, ตปฺปานจาเรสุ จ ทุติยา. กาเล ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา, เอกํ สมยํ ภควา, กฺจิ กาลํ ปุเรชาตปจฺจเยน ปจฺจโย, อิมํ รตฺตึ จตฺตาโร มหาราชาโน. ทิสายํ ปุริมํ ทิสํ ธตรฏฺโ. อุปาทิปุพฺพวสโยเค คามํ อุปวสติ, คามํ อนุวสติ, คามํ อาวสติ, อคารํ อชฺฌาวสติ, อธิปุพฺพสิาวสานํ ปโยเค ¶ ปถวึ อธิเสสฺสติ, คามํ อธิติฏฺติ, คามํ อชฺฌาวสติ. ตปฺปานจาเรสุ นทึ ปิวติ, คามํ จรติ อิจฺจาทีติ.
ยทา ปน อธิ-สทฺโท อิสฺสริยตฺโถ, อา-สทฺโท จ มริยาทตฺโถ, ตทา ‘‘กมฺมปฺปวจนียยุตฺเต’’ติ ลกฺขเณน กมฺมปฺปวจนียโยเค อุปโยควจนํ. ตถา หิ วทนฺติ ‘‘อนุอาทโย อุปสคฺคา, ธีอาทโย นิปาตา จ กมฺมปฺปวจนียสฺา โหนฺติ กิริยาสงฺขาตํ กมฺมํ ปวจนียํ เยสํ เต กมฺมปฺปวจนียา’’ติ. เสสปทานํ ปน ยถาวิธิมนุปโยเค กตเรน ลกฺขเณน อุปโยควจนนฺติ? ยถาวุตฺตลกฺขเณเนว. ยชฺเชวํ เตสมฺปิ อาธารภาวโต นานาธารตา สิยาติ? น, พหูนมฺปิ ปทานํ นครวเสน เอกตฺถภาวโต. สกตฺถมตฺตฺหิ เตสํ นานากรณนฺติ. อฺเ ปน สทฺทวิทู เอวมิจฺฉนฺติ ‘‘สมานาธิกรณปทานํ ปจฺเจกํ กิริยาสมฺพนฺธเนน วิเสสิตพฺพปเทน สมานวจนตา ยถา ‘กฏํ กโรติ, วิปุลํ, ทสฺสนีย’นฺติ เอตฺถ ‘กฏํ กโรติ, วิปุลํ กโรติ, ทสฺสนียํ กโรตี’ติ ปจฺเจกํ กิริยาสมฺพนฺธเนน กมฺมตฺเถเยว ทุติยา’’ติ, ตเทตํ วิจาเรตพฺพํ วิเสสนปทานํ สมานาธิกรณานํ กิริยาสมฺพชฺฌนาภาวโต. ยทา หิ กิริยาสมฺพชฺฌนํ, ตทา วิเสสนเมว น โหตีติ.
อุสฺสทตา นาเมตฺถ พหุลตาติ วุตฺตํ ‘‘พหุชน’’นฺติ. ตํ ปน พหุลตํ ทสฺเสติ ‘‘อากิณฺณมนุสฺส’’นฺติอาทินา. อรฺาทีสุ คเหตฺวา โปเสตพฺพา โปสาวนิยา, เอเตน เตสํ ธมฺมภาวํ ทสฺเสติ. อาวิชฺฌิตฺวาติ ปริกฺขิปิตฺวา. ขณิตฺวา กตา โปกฺขรณี, อาพนฺธิตฺวา กตํ ตฬากํ. อจฺฉินฺนูทกฏฺาเนเยว ชลชกุสุมานิ ชาตานีติ วุตฺตํ ‘‘อุทกสฺส นิจฺจภริตาเนวา’’ติ. อุทกสฺสาติ จ ปูรณกิริยาโยเค กรณตฺเถ สามิวจนํ ‘‘มหนฺเต มหนฺเต สาณิปสิพฺพเก การาเปตฺวา หิรฺสุวณฺณสฺส ปูราเปตฺวา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๔) วิย. สห ธฺเนาติ ¶ สธฺนฺติ นครสทฺทาเปกฺขาย นปุํสกลิงฺเคน วุตฺตํ, ยถาวากฺยํ วา อุปโยควจเนน. เอวํ สพฺพตฺถ. ปุพฺพณฺณาปรณฺณาทิเภทํ พหุธฺสนฺนิจยนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ตทุภยวินิมุตฺตํ อลาพุกุมฺภณฺฑาทิสูเปยฺยํ สงฺคณฺหาติ. เตนายมตฺโถ วิฺายติ – นยิธ ธฺสทฺโท สาลิอาทิธฺวิเสสวาจโก, โปสเน สาธุตฺตมตฺเตน ปน นิรวเสสปุพฺพณฺณาปรณฺณสูเปยฺยวาจโก, วิรูเปกเสสวเสน ¶ วา ปยุตฺโตติ. เอตฺตาวตาติ ยถาวุตฺตปทตฺตเยน. ราชลีลายาติ ราชูนํ วิลาเสน. สมิทฺธิยา อุปโภคปริโภคสมฺปุณฺณภาเวน สมฺปตฺติ สมิทฺธิสมฺปตฺติ.
‘‘ราชโภคฺค’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เกน ทินฺน’’นฺติ อวสฺสํ ปุจฺฉิตพฺพโต เอวํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เกนา’’ติอาทินา. รฺา วิย ภฺุชิตพฺพนฺติ วา ราชโภคฺคนฺติ อฏฺกถาโต อปโร นโย. ยาว ปุตฺตนตฺตปนตฺตปรมฺปรา กุลสนฺตกภาเวน ราชโต ลทฺธตฺตา ‘‘รฺโ ทายภูต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม ภิกฺขเว ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) วิย จ ทายสทฺโท ทายชฺชปริยาโยติ อาห ‘‘ทายชฺชนฺติ อตฺโถ’’ติ. กถํ ทินฺนตฺตา พฺรหฺมเทยฺยํ นามาติ โจทนํ ปริหรติ ‘‘ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา’’ติอาทินา. ราชนีหาเรน ปริภฺุชิตพฺพโต หิ อุทฺธํ ปริโภคลาภสฺส พฺรหฺมเทยฺยตา นาม นตฺถิ, อิทฺจ ตถา ทินฺนเมว, ตสฺมา พฺรหฺมเทยฺยํ นามาติ วุตฺตํ โหติ. เฉชฺชเภชฺชนฺติ สรีรทณฺฑธนทณฺฑาทิเภทํ ทณฺฑมาห. นทีติตฺถปพฺพตาทีสูติ นทีติตฺถปพฺพตปาทคามทฺวารอฏวิมุขาทีสุ. เสตจฺฉตฺตคฺคหเณน เสสราชกกุธภณฺฑมฺปิ คหิตํ ตปฺปมุขตฺตาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘รฺา ภฺุชิตพฺพ’’นฺตฺเวว วุตฺเต อิธาธิปฺเปตตฺโถ น ปากโฏติ หุตฺวา-สทฺทคฺคหณํ กตํ. ตฺหิ โส ราชกุลโต อสมุทาคโตปิ ราชา หุตฺวา ภฺุชิตุํ ลภตีติ อยมิธาธิปฺเปโต อตฺโถ. ทาตพฺพนฺติ ทายํ, ‘‘ราชทาย’’นฺติ อิมินาว รฺา ทินฺนภาเว สิทฺเธ ‘‘รฺา ปเสนทินา โกสเลน ทินฺน’’นฺติ ปุน จ วจนํ กิมตฺถิยนฺติ อาห ‘‘ทายกราชทีปนตฺถ’’นฺติอาทิ. อสุเกน รฺา ทินฺนนฺติ ทายกราชสฺส อทีปิตตฺตา เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. เอตฺถ จ ปมนเย ‘‘ราชโภคฺค’’นฺติ ปเท ปุจฺฉาสมฺภวโต อิทํ วุตฺตํ, ทุติยนเย ปน ‘‘ราชทาย’’นฺติ ปเทติ อยมฺปิ วิเสโส ทฏฺพฺโพ. ตตฺถ อติพหุลตาย ปุรโต ปโนกาสาภาวโต ปสฺเสนปิ โอทนสูปพฺยฺชนาทิ ทียติ เอตสฺสาติ ปเสนทิ, อลุตฺตสมาสวเสน. โส หิ ราชา ตณฺฑุลโทณสฺส โอทนมฺปิ ตทุปิเยน สูปพฺยฺชเนน ภฺุชติ. ตถา หิ นํ ภุตฺตปาตราสกาเล สตฺถุ สนฺติกมาคนฺตฺวา อิโต จิโต จ สมฺปริวตฺตนฺตํ นิทฺทาย อภิภุยฺยมานํ อุชุกํ นิสีทิตุมสกฺโกนฺตํ ภควา –
‘‘มิทฺธี ¶ ยทา โหติ มหคฺฆโส จ,
นิทฺทายิตา สมฺปริวตฺตสายี;
มหาวราโหว ¶ นิวาปวุฏฺโ,
ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ. (ธ. ป. ๓๒๕; เนตฺติ. ๒๖, ๙๐);
อิมาย คาถาย โอวทิ. ภาคิเนยฺยฺจ โส สุทสฺสนํ นาม มาณวํ –
‘‘มนุชสฺส สทา สตีมโต,
มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนุกสฺส ภวนฺติ เวทนา,
สณิกํ ชีรติ อายุปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔) –
อิมํ คาถํ ภควโต สนฺติเก อุคฺคหาเปตฺวา อตฺตโน ภฺุชนฺตสฺส โอสานปิณฺฑกาเล เทวสิกํ ภณาเปติ, โส อปเรน สมเยน ตสฺสา คาถาย อตฺถํ สลฺลกฺเขตฺวา ปุนปฺปุนํ โอสานปิณฺฑปริหรเณน นาฬิโกทนมตฺตาย สณฺหิตฺวา ตนุสรีโร พลวา สุขปฺปตฺโต อโหสีติ. อุทานฏฺกถายํ (อุทา. อฏฺ. ๑๒) ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘ปจฺจามิตฺตํ ปรเสนํ ชินาตีติ ปเสนที’’ติ. สทฺทวิทูปิ หิ ช-การสฺส ท-กาเร อิทมุทาหรนฺติ. โส หิ อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ อชาตสตฺตุราชานํ, ปฺจโจรสตาทีนิ จ อวรุทฺธกานิ ชินาตีติ. โกสลรฏฺสฺสาธิปติภาวโต โกสโล, ตสฺมา โกสลาธิปตินา ปเสนทิ นามเกน รฺา ทินฺนนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. นิสฺสฏฺปริจฺจตฺตตาสงฺขาเตน ปุน อคฺคเหตพฺพภาเวเนว ทินฺนตฺตา อิธ พฺรหฺมเทยฺยํ นาม, น ตุ ปุริมนเย วิย ราชสงฺเขเปน ปริภฺุชิตพฺพภาเวน ทินฺนตฺตาติ อาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. นิสฺสฏฺํ หุตฺวา, นิสฺสฏฺภาเวน วา ปริจฺจตฺตํ นิสฺสฏฺปริจฺจตฺตํ, มุตฺตจาควเสน จชิตนฺติ อตฺโถ.
สวนํ อุปลพฺโภติ ทสฺเสติ ‘‘อุปลภี’’ติ อิมินา, โส จายมุปลพฺโภ สวนวเสเนว ชานนนฺติ วุตฺตํ ‘‘โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน อฺาสี’’ติ. โสตทฺวารานุสารวิฺาณวีถิวเสน ชานนเมว หิ อิธ สวนํ เตเนว ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม’’ติอาทินา วุตฺตสฺสตฺถสฺส อธิคตตฺตา, น ปน โสตทฺวารวีถิวเสน สุตมตฺตํ ¶ เตน ตทตฺถสฺส อนธิคตตฺตา. อวธารณผลตฺตา สทฺทปโยคสฺส สพฺพมฺปิ วากฺยํ อนฺโตคธาวธารณํ. ตสฺมา ตทตฺถโชตกสทฺเทน วินาปิ อฺตฺถาโปหนวเสน อสฺโสสิ เอว, นาสฺส โกจิ สวนนฺตราโย อโหสีติ อยมตฺโถ วิฺายตีติ อาห ‘‘ปทปูรณมตฺเต นิปาโต’’ติ, อนฺโตคธาวธารเณปิ ¶ จ สพฺพสฺมึ วากฺเย นีตตฺถโต อวธารณตฺถํ โข-สทฺทคฺคหณํ ‘‘เอวา’’ติ สามตฺถิยา สาติสยํ เอตทตฺถสฺส วิฺายมานตฺตาติ ปมวิกปฺโป วุตฺโต, นีตตฺถโต อวธารเณน โก อตฺโถ เอกนฺติโก กโต, อวธาริโต จาติ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. อถ ปทปูรณมตฺเตน โข-สทฺเทน กึ ปโยชนนฺติ โจทนมปเนติ ‘‘ปทปูรเณนา’’ติอาทินา, อกฺขรสมูหปทสฺส, ปทสมูหวากฺยสฺส จ สิลิฏฺตาปโยชนมตฺตเมวาติ อตฺโถ. ‘‘อสฺโสสี’’ติ หิทํ ปทํ โข-สทฺเท คหิเต เตน ผุลฺลิตํ มณฺฑิตํ วิภูสิตํ วิย โหนฺตํ ปูริตํ นาม โหติ, เตน จ ปุริมปจฺฉิมปทานิ สุขุจฺจารณวเสน สิลิฏฺานิ โหนฺติ, น ตสฺมึ อคฺคหิเต, ตสฺมา ปทปูรณมตฺตมฺปิ ปทพฺยฺชนสิลิฏฺตาปโยชนนฺติ วุตฺตํ โหติ. มตฺตสทฺโท เจตฺถ วิเสสนิวตฺติอตฺโถ, เตนสฺส อนตฺถนฺตรทีปนตา ทสฺสิตา, เอว-สทฺเทน ปน ปทพฺยฺชนสิลิฏฺตาย เอกนฺติกตา.
‘‘สมโณ ขลู’’ติอาทิ ยถาสุตตฺถนิทสฺสนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อิทานี’’ติอาทินา. สมิตปาปตฺตาติ เอตฺถ อจฺจนฺตํ อนวเสสโต สวาสนํ สมิตปาปตฺตาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอวฺหิ พาหิรกวีตราคเสกฺขาเสกฺขปาปสมนโต ภควโต ปาปสมนํ ยถารหํ วิเสสิตํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภควา จ อนุตฺตเรน อริยมคฺเคน สมิตปาโป’’ติ. ตเทวตฺถํ นิทฺเทสปาเน สาเธตุํ ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. อสฺสาติ อเนน ภิกฺขุนา, ภควตา วา. สมิตาติ สมาปิตา, สมภาวํ วา อาปาทยิตา, อสฺส วา สมฺปทานภูตสฺส สนฺตา โหนฺตีติ อตฺโถ. อตฺถานุคตา จายํ ภควติ สมฺาติ วุตฺตํ ‘‘ภควา จา’’ติอาทิ. เตนาติ ตถา สมิตปาปตฺตา. ยถาภูตํ ปวตฺโต ยถาภุจฺจํ, ตเทว คุโณ, เตน อธิคตํ ตถา. ‘‘ขลู’’ติ อิทํ เนปาติกํ ขลุปจฺฉาภตฺติกปเท (มิ. ป. ๔.๑.๘) วิย, น นามํ, อเนกตฺถตฺตา จ นิปาตานํ อนุสฺสวนตฺโถว อิธาธิปฺเปโตติ อาห ‘‘อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต’’ติ, ปรมฺปรสวนฺเจตฺถ ¶ อนุสฺสวนํ. พฺราหฺมณชาติสมุทาคตนฺติ พฺราหฺมณชาติยา อาคตํ, ชาติสิทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติ. อาลปนมตฺตนฺติ ปิยาลปนวจนมตฺตํ, น ตทุตฺตริ อตฺถปริทีปนํ. ปิยสมุทาหารา เหเต ‘‘โภ’’ติ วา ‘‘อาวุโส’’ติ วา ‘‘เทวานํ ปิยา’’ติ วา. ธมฺมปเท พฺราหฺมณวตฺถุปาเน, (ธ. ป. ๓๑๕ อาทโย) สุตฺตนิปาเต จ วาเสฏฺสุตฺตปเทน พฺราหฺมณชาติสมุทาคตาลปนภาวํ สมตฺเถตุํ ‘‘วุตฺตมฺปิ เจต’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺรายมตฺโถ – สเจ ราคาทิกิฺจเนหิ สกิฺจโน อสฺส, โส อามนฺตนาทีสุ ‘‘โภ โภ’’ติ วทนฺโต หุตฺวา วิจรณโต โภวาทีเยว นาม โหติ, น พฺราหฺมโณ. ‘‘อกิฺจนํ อนาทานํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ (ธ. ป. ๓๙๖, สุ. นิ. ๖๒๕) เสสคาถาปทํ. ตตฺถ ¶ ราคาทโย สตฺเต กิฺจนฺติ มทฺทนฺติ ปลิพุทฺธนฺตีติ กิฺจนานิ. มนุสฺสา กิร โคเณหิ ขลํ มทฺทาเปนฺตา ‘‘กิฺเจหิ กปิล, กิฺเจหิ กาฬกา’’ติ วทนฺติ, ตสฺมา กิฺจนสทฺโท มทฺทนตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถาห นิทฺเทเส ‘‘อกิฺจนนฺติ ราคกิฺจนํ, โทส, โมห, มาน, ทิฏฺิ, กิเลสกิฺจนํ, ทุจฺจริตกิฺจนํ, ยสฺเสเต กิฺจนา ปหีนา สมุจฺฉินฺนา วูปสนฺตา ปฏิปฺปสฺสทฺธา อภพฺพุปฺปตฺติกา าณคฺคินา ทฑฺฒา, โส วุจฺจติ อกิฺจโน’’ติ (จูฬนิ. ๒๘, ๓๒, ๖๐, ๖๓). โคตโมติ โคตฺตวเสน ปริกิตฺตนํ, ยํ ‘‘อาทิจฺจโคตฺต’’นฺติปิ โลเก วทนฺติ, สกฺยปุตฺโตติ ปน ชาติวเสน สากิโยติ จ ตสฺเสว เววจนํ. วุตฺตฺเหตํ ปพฺพชฺชาสุตฺเต –
‘‘อาทิจฺจา นาม โคตฺเตน, สากิยา นาม ชาติยา;
ตมฺหา กุลา ปพฺพชิโตมฺหิ, น กาเม อภิปตฺถย’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๒๕);
ตถา จาห ‘‘โคตโมติ ภควนฺตํ โคตฺตวเสน ปริกิตฺเตตี’’ติอาทิ. ตตฺถ คํ ตายตีติ โคตฺตํ, ‘‘โคตโม’’ติ ปวตฺตมานํ อภิธานํ, พุทฺธิฺจ เอกํสิกวิสยตาย รกฺขตีติ อตฺโถ. ยถา หิ พุทฺธิ อารมฺมณภูเตน อตฺเถน วินา น วตฺตติ, เอวํ อภิธานํ อภิเธยฺยภูเตน, ตสฺมา โส โคตฺตสงฺขาโต อตฺโถ ตานิ รกฺขตีติ วุจฺจติ, โค-สทฺโท เจตฺถ อภิธาเน, พุทฺธิยฺจ วตฺตติ. ตถา หิ วทนฺติ –
‘‘โค ¶ โคเณ เจนฺทฺริเย ภุมฺยํ, วจเน เจว พุทฺธิยํ;
อาทิจฺเจ รสฺมิยฺเจว, ปานีเยปิ จ วตฺตเต;
เตสุ อตฺเถสุ โคเณ ถี, ปุมา จ อิตเร ปุมา’’ติ.
ตตฺถ ‘‘โคสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, โคปฺจโม’’ติอาทีสุ โคสทฺโท โคเณ วตฺตติ. ‘‘โคจโร’’ติอาทีสุ อินฺทฺริเย. ‘‘โครกฺข’’นฺติอาทีสุ ภูมิยํ. ตถา หิ สุตฺตนิปาตฏฺกถาย วาเสฏฺสุตฺตสํวณฺณนายํ วุตฺตํ ‘‘โครกฺขนฺติ เขตฺตรกฺขํ, กสิกมฺมนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปถวี หิ ‘โค’ติ วุจฺจติ, ตปฺปเภโท จ ‘‘เขตฺต’’นฺติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๖๑๙-๖๒๖). ‘‘โคตฺตํ นาม ทฺเว โคตฺตานิ หีนฺจ โคตฺตํ, อุกฺกฏฺฺจ โคตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๕) วจเน, พุทฺธิยฺจ วตฺตติ. ‘‘โคโคตฺตํ โคตมํ นเม’’ติ โปราณกวิรจนาย อาทิจฺเจ, อาทิจฺจพนฺธุํ โคตมํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ นมามีติ หิ อตฺโถ, ‘‘อุณฺหคู’’ติอาทีสุ รสฺมิยํ, อุณฺหา คาโว รสฺมิโย เอตสฺสาติ หิ อุณฺหคุ, สูริโย. ‘‘โคสีตจนฺทน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ฏี. ๑.๔๙) ปานีเย ¶ , โคสงฺขาตํ ปานียํ วิย สีตํ, ตเทว จนฺทนํ ตถา. ตสฺมิฺหิ อุทฺธนโต อุทฺธริตปกฺกุถิตเตลสฺมึ ปกฺขิตฺเต ตงฺขณฺเว ตํ เตลํ สีตลํ โหตีติ. เอเตสุ ปน อตฺเถสุ โคเณ วตฺตมาโน โค-สทฺโท ยถารหํ อิตฺถิลิงฺโค เจว ปุลฺลิงฺโค จ, เสเสสุ ปน ปุลฺลิงฺโคเยว.
กึ ปเนตํ โคตฺตํ นามาติ? อฺกุลปรมฺปราย อสาธารณํ ตสฺส กุลสฺส อาทิปุริสสมุทาคตํ ตํกุลปริยาปนฺนสาธารณํ สามฺรูปนฺติ ทฏฺพฺพํ. สาธารณเมว หิ อิทํ ตํกุลปริยาปนฺนานํ สาธารณโต จ สามฺรูปํ. ตถา หิ ตํกุเล ชาตา สุทฺโธทนมหาราชาทโยปิ ‘‘โคตโม’’ ตฺเวว วุจฺจนฺติ, เตเนว ภควา อตฺตโน ปิตรํ สุทฺโธทนมหาราชานํ ‘‘อติกฺกนฺตวรา โข โคตม ตถาคตา’’ติ (มหาว. ๑๐๕) อโวจ, เวสฺสวโณปิ มหาราชา ภควนฺตํ ‘‘วิชฺชาจรณสมฺปนฺนํ, พุทฺธํ วนฺทาม โคตม’’นฺติ, (ที. นิ. ๓.๒๘๘) อายสฺมาปิ วงฺคีโส อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ‘‘สาธุ นิพฺพาปนํ พฺรูหิ, อนุกมฺปาย โคตมา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๑๒). อิธ ปน ภควนฺตเมว. เตนาห ‘‘ภควนฺตํ โคตฺตวเสน ปริกิตฺเตตี’’ติ. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตมตฺถตฺตยํ ปจฺจามสติ. เอตฺถ จ ‘‘สมโณ’’ติ อิมินา ¶ สริกฺขกชเนหิ ภควโต พหุมตภาโว ทสฺสิโต ตพฺพิสยสมิตปาปตาปริกิตฺตนโต, ‘‘โคตโม’’ติ อิมินา โลกิยชเนหิ ตพฺพิสยอุฬารโคตฺตสมฺภูตตาปริกิตฺตนโต.
สกฺยสฺส สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต สกฺยปุตฺโต, อิมินา ปน อุจฺจากุลปริทีปนํ อุทิโตทิตวิปุลขตฺติยกุลสมฺภูตตาปริกิตฺตนโต. สพฺพขตฺติยานฺหิ อาทิภูตมหาสมฺมตมหาราชโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนํ อุฬารตมํ สกฺยราชกุลํ. ยถาห –
‘‘มหาสมฺมตราชสฺส, วํสโช หิ มหามุนิ;
กปฺปาทิสฺมิฺหิ ราชาสิ, มหาสมฺมตนามโก’’ติ. (มหาวํเส ทุติยปริจฺเฉเท ปมคาถา);
กถํ สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนนฺติ อาห ‘‘เกนจี’’ติอาทิ. ปริชิยนํ ปริหายนํ ปาริชฺุํ, ปริชิรตีติ วา ปริชิณฺโณ, ตสฺส ภาโว ปาริชฺุํ, เตน. าติปาริชฺุโภคปาริชฺุาทินา เกนจิ ปาริชฺุเน ปริหานิยา อนภิภูโต อนชฺโฌตฺถโฏ หุตฺวา ปพฺพชิโตติ อตฺโถ. ตเทว ปริยายนฺตเรน วิภาเวตุํ ‘‘อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหายา’’ติ วุตฺตํ. อปริกฺขีณนฺติ หิ าติปาริชฺุโภคปาริชฺุาทินา เกนจิ ปาริชฺุเน อปริกฺขยํ. สทฺธาย ปพฺพชิโตติ สทฺธาย เอว ปพฺพชิโต. เอวฺหิ ‘‘เกนจี’’ติอาทินา ¶ นิวตฺติตวจนํ สูปปนฺนํ โหติ. นนุ จ ‘‘สกฺยกุลา ปพฺพชิโต’’ติ อิทํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิตภาวปริทีปนเมว สิยา ตทตฺถสฺเสว วิฺายมานตฺตา, น สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนํ ตทตฺถสฺส อวิฺายมานตฺตาติ? น โข ปเนวํ ทฏฺพฺพํ มหนฺตํ าติปริวฏฺฏํ, มหนฺตฺจ โภคกฺขนฺธํ ปหาย สทฺธาปพฺพชิตภาวสฺส อตฺถโต สิทฺธตฺตา. ตถา หิ โลกนาถสฺส อภิชาติยํ ตสฺส กุลสฺส น กิฺจิ ปาริชฺุํ, อถ โข วุฑฺฒิเยว, ตโต ตสฺส สมิทฺธตมภาโว โลเก ปากโฏ ปฺาโต โหติ, ตสฺมา ‘‘สกฺยกุลา ปพฺพชิโต’’ติ เอตฺตเกเยว วุตฺเต ตถา สมิทฺธตมํ กุลํ ปหาย สทฺธาปพฺพชิตภาโว สิทฺโธเยวาติ, อิมํ ปริหารํ ‘‘เกนจิ ปาริชฺุเนา’’ติอาทินา วิภาเวตีติ ทฏฺพฺพํ. ตโต ปรนฺติ ‘‘โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน’’ติอาทิวจนํ.
‘‘สาธุ ธมฺมรุจิ ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติ. อาทีสุ –
วิย ¶ สาธุสทฺโท อิธ สุนฺทรตฺโถติ อาห ‘‘สุนฺทรํ โข ปนา’’ติ. โขติ อวธารณตฺเถ นิปาโต, ปนาติ ปกฺขนฺตรตฺเถ. เอวํ สาตฺถกตาวิฺาปนตฺถฺหิ สํวณฺณนายเมเตสํ คหณํ. สุนฺทรนฺติ จ ภทฺทกํ, ภทฺทกตา จ ปสฺสนฺตานํ หิตสุขาวหภาเวนาติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถาวหํ สุขาวห’’นฺติ. อตฺโถ เจตฺถ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถวเสน ติวิธํ หิตํ สุขมฺปิ ตเถว ติวิธํ สุขํ.
ตถารูปานนฺติ ตาทิสานํ, อยํ สทฺทโต อตฺโถ. อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘เอวรูปาน’’นฺติ วุตฺตํ. ยาทิเสหิ จ คุเณหิ ภควา สมนฺนาคโต จตุปฺปมาณิกสฺส โลกสฺส สพฺพกาลมฺปิ-อจฺจนฺตาย-สทฺธาย-ปสาทนีโย เตสํ ยถาภูตสภาวตฺตา, ตาทิเสหิ คุเณหิ สมนฺนาคตภาวํ สนฺธาย ‘‘ตถารูปานํ อรหต’’นฺติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถารูโป’’ติอาทิมาห. ลทฺธสทฺธานนฺติ ลทฺธสทฺทหานํ, ปรชนสฺส สทฺธํ ปฏิลภนฺตานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ลทฺธสทฺทานนฺติ วา ปฏิลทฺธกิตฺติสทฺทานํ, เอเตน ‘‘อรหต’’นฺติ ปทสฺส อรหนฺตานนฺติ อตฺโถ, อรหนฺตสมฺาย จ ปากฏภาโว ทสฺสิโต, อปิจ ‘‘ยถารูโป โส ภวํ โคตโม’’ติ อิมินา ‘‘ตถารูปาน’’นฺติ ปทสฺส อนิยมวเสน อตฺถํ ทสฺเสตฺวา สรูปนิยมวเสนปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาภุจฺจคุณาธิคเมน โลเก อรหนฺโตติ ลทฺธสทฺธาน’’นฺติ วุตฺตํ, อิทมฺปิ หิ ‘‘ตถารูปาน’’นฺติ ปทสฺเสว อตฺถทสฺสนํ, อยเมว จ นโย อาจริเยหิ อธิปฺเปโต อิธ ฏีกายํ, (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๕) สารตฺถทีปนิยฺจ ตเถว วุตฺตตฺตา. ‘‘ยถารูปา เต ภวนฺโต อรหนฺโต’’ติ อวตฺวา ‘‘ยถารูโป โส ภวํ โคตโม’’ติ วจนํ ภควติเยว ครุคารววเสน ‘‘ตถารูปานํ อรหต’’นฺติ ปุถุวจนนิทฺทิฏฺภาววิฺาปนตฺถํ ¶ . อตฺตนิ, ครูสุ จ หิ พหุวจนํ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ‘‘ยถาภุจฺจ…เป… อรหต’’นฺติ อิมินา จ ธมฺมปฺปมาณานํ, ลูขปฺปมาณานฺจ สตฺตานํ ภควโต ปสาทาวหตํ ยถารุตโต ทสฺเสติ อรหนฺตภาวสฺส เตสฺเว ยถารหํ วิสยตฺตา, ตํทสฺสเนน ปน อิตเรสมฺปิ รูปปฺปมาณโฆสปฺปมาณานํ ปสาทาวหตา ทสฺสิตาเยว ตทวินาภาวโตติ ทฏฺพฺพํ.
ปสาทโสมฺมานีติ ปสนฺนานิ, สีตลานิ จ, ปสาทวเสน วา สีตลานิ, อเนน ปสนฺนมนตํ ทสฺเสติ. ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุตฺเตปิ ตทุตฺตริ กตฺตพฺพตาสมฺภวโต ¶ อยํ สมฺภาวนตฺโถ ลพฺภตีติ อาห ‘‘ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตี’’ติ. อิตรถา หิ ‘‘ทสฺสนฺเว สาธุ, น ตทุตฺตริ กรณ’’นฺติ อนธิปฺเปตตฺโถ อาปชฺชติ, สมฺภาวนตฺโถ เจตฺถ ปิ-สทฺโท, อปิ-สทฺโท วา ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. ‘‘พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ เอตฺถ อิติ-สทฺโท ‘‘อพฺภุคฺคโต’’ติ อิมินา สมฺพนฺธมุปคโต, ตสฺมา อยํ ‘‘สาธุ โหตี’’ติ อิธ อิติ-สทฺโท ‘‘พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาตี อมฺพฏฺํ มาณวํ อามนฺเตสี’’ติ อิมินา สมฺพชฺฌิตพฺโพ, ‘‘อชฺฌาสยํ กตฺวา’’ติ จ ปาเสโส ตทตฺถสฺส วิฺายมานตฺตา. ยสฺส หิ อตฺโถ วิฺายติ, สทฺโท น ปยุชฺชติ, โส ‘‘ปาเสโส’’ติ วุจฺจติ, อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตีติ เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวา’’ติ. มูลปณฺณาสเก จูฬสีหนาทสุตฺตฏฺกถาย (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๔) อาคตํ โกสิยสกุณวตฺถุ เจตฺถ กเถตพฺพํ.
อมฺพฏฺมาณวกถาวณฺณนา
๒๕๖. ‘‘อชฺฌายโก’’ติ อิทํ ปมปกติยา ครหาวจนเมว, ทุติยปกติยา ปสํสาวจนํ กตฺวา โวหรนฺติ ยถา ตํ ‘‘ปุริโส นโร’’ติ ทสฺเสตุํ อคฺคฺสุตฺตปท (ที. นิ. ๓.๑๓๒) มุทาหฏํ. ตตฺถ อิเมติ ฌายกนาเมน สมฺิตา ชนา. น ฌายนฺตีติ ปณฺณกุฏีสุ ฌานํ น อปฺเปนฺติ น นิปฺผาเทนฺติ, คามนิคมสามนฺตํ โอสริตฺวา เวทคนฺเถ กโรนฺตาว อจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ตํ ปเนเตสํ พฺราหฺมณฌายกสงฺขาตํ ปมทุติยนามํ อุปาทาย ตติยเมว ชาตนฺติ อาห ‘‘อชฺฌายกาตฺเวว ตติยํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺต’’นฺติ, อกฺขรนฺติ จ นิรุตฺติ สมฺา. สา หิ ตสฺมึเยว นิรุฬฺหภาเวน อฺตฺถ อสฺจรณโต ‘‘อกฺขร’’นฺติ วุจฺจติ. มนฺเต ปริวตฺเตตีติ เวเท สชฺฌายติ, ปริยาปุณาตีติ อตฺโถ. อิธ หิ อธิอาปุพฺพอิ-สทฺทวเสน ปทสนฺธิ, อิตรตฺถ ปน เฌ-สทฺทวเสน. มนฺเต ธาเรตีติ ยถาอธีเต มนฺเต อสมฺมูฬฺเห กตฺวา หทเย เปติ.
อาถพฺพณเวโท ¶ ปรูปฆาตกรตฺตา สาธูนมปริโภโคติ กตฺวา ‘‘อิรุเวทยชุเวทสามเวทาน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิจฺจนฺเต โถมียนฺเต เทวา เอตายาติ อิรุ อิจ-ธาตุวเสน จ-การสฺส ร-การํ กตฺวา, อิตฺถิลิงฺโคยํ ¶ . ยชฺชนฺเต ปุชฺชนฺเต เทวา อเนนาติ ยชุ ปุนฺนปุํสกลิงฺควเสน. โสยนฺติ อนฺตํ กโรนฺติ, สายนฺติ วา ตนุํ กโรนฺติ ปาปมเนนาติ สามํ โส-ธาตุปกฺเข โอ-การสฺส อา-การํ กตฺวา. วิทนฺติ ธมฺมํ, กมฺมํ วา เอเตหีติ เวทา, เต เอว มนฺตา ‘‘สุคติโยปิ มุนนฺติ, สุยฺยนฺติ จ เอเตหี’’ติ กตฺวา. ปหรณํ สงฺฆฏฺฏนํ ปหตํ, โอฏฺานํ ปหตํ ตถา, ตสฺส กรณวเสน, โอฏฺานิ จาเลตฺวา ปคุณภาวกรณวเสน ปารํ คโต, น อตฺถวิภาวนวเสนาติ วุตฺตํ โหติ. ปารคูติ จ นิจฺจสาเปกฺขตาย กิตนฺตสมาโส.
‘‘สห นิฆณฺฏุนา’’ติอาทินา ยถาวากฺยํ วิภตฺยนฺตวเสน นิพฺพจนทสฺสนํ. นิฆณฺฏุรุกฺขาทีนนฺติ นิฆณฺฏุ นาม รุกฺขวิเสโส, ตทาทิกานมตฺถานนฺติ อตฺโถ, เอเตน นิฆณฺฏุรุกฺขปริยายํ อาทึ กตฺวา ตปฺปมุเขน เสสปริยายานํ ตตฺถ ทสฺสิตตฺตา โส คนฺโถ นิฆณฺฏุ นาม ยถา ตํ ‘‘ปาราชิกกณฺโฑ, กุสลตฺติโก’’ติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต อิมินา ยถารุตเมว ตทตฺถสฺส อธิคตตฺตา. อาจริยา ปน เอวํ วทนฺติ ‘‘วจนียวาจกภาเวน อตฺถํ, สทฺทฺจ นิขฑติ ภินฺทติ วิภชฺช ทสฺเสตีติ นิขณฺฑุ, โส เอว ข-การสฺส ฆ-การํ กตฺวา ‘นิฆณฺฑู’ติ วุตฺโต’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๖), ตเทตํ อฏฺกถานยโต อฺนยทสฺสนนฺติ คเหตพฺพํ. อิตรถา หิ โส อฏฺกถาย วิโรโธ สิยา, วิจาเรตพฺพเมตํ. อกฺขรจินฺตกา ปน เอวมิจฺฉนฺติ ‘‘ตตฺถ ตตฺถาคตานิ นามานิ นิสฺเสสโต ฆเฏนฺติ ราสึ กโรนฺติ เอตฺถาติ นิฆณฺฏุ นิคฺคหิตาคเมนา’’ติ. เววจนปฺปกาสกนฺติ ปริยายสทฺททีปกํ, เอเกกสฺส อตฺถสฺส อเนกปริยายวจนวิภาวกนฺติ อตฺโถ. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อเนเกสมฺปิ อตฺถานํ เอกสทฺทวจนียตาวิภาวนวเสนปิ ตสฺส คนฺถสฺส ปวตฺตตฺตา. โก ปเนโสติ? เอตรหิ นามลิงฺคานุสาสนรตนมาลาภิธานปฺปทีปิกาทิ. วจีเภทาทิลกฺขณา กิริยา กปฺปียติ เอเตนาติ กิริยากปฺโป, ตเถว วิวิธํ กปฺปียติ เอเตนาติ วิกปฺโป, กิริยากปฺโป จ โส วิกปฺโป จาติ กิริยากปฺปวิกปฺโป. โส หิ วณฺณปทสมฺพนฺธปทตฺถาทิวิภาคโต พหุวิกปฺโปติ กตฺวา ‘‘กิริยากปฺปวิกปฺโป’’ติ วุจฺจติ, โส จ คนฺถวิเสโสเยวาติ วุตฺตํ ‘‘กวีนํ อุปการาวหํ สตฺถ’’นฺติ, จตุนฺนมฺปิ กวีนํ กวิภาวสมฺปทาโภคสมฺปทาทิปโยชนวเสน อุปการาวโห คนฺโถติ อตฺโถ ¶ . โก ปเนโสติ? กพฺยพนฺธนวิธิวิธายโก กพฺยาลงฺการคีตาสุโพธาลงฺการาทิ. อิทํ ปน มูลกิริยากปฺปคนฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส หิ มหาวิสโย สตสหสฺสคาถาปริมาโณ, ยํ ‘‘นยจริยาทิปกรณ’’นฺติปิ วทนฺติ. วจนตฺถโต ปน กิฏยติ คเมติ าเปติ กิริยาทิวิภาคนฺติ เกฏุภํ กิฏ-ธาตุโต อภปจฺจยวเสน, อ-การสฺส ¶ จ อุกาโร. อถ วา กิริยาทิวิภาคํ อนวเสสปริยาทานโต กิเฏนฺโต คมนฺโต โอเภติ ปูเรตีติ เกฏุภํ กิฏ-สทฺทูปปทอุภธาตุวเสน. อปิจ กิฏนฺติ คจฺฉนฺติ กวโย พนฺเธสุ โกสลฺลเมเตนาติ เกฏุภํ, ปุริมนเยเนเวตฺถ ปทสิทฺธิ. านกรณาทิวิภาคโต, นิพฺพจนวิภาคโต จ อกฺขรา ปเภทียนฺติ เอเตนาติ อกฺขรปฺปเภโท, ตํ ปน ฉสุ เวทงฺเคสุ ปริยาปนฺนํ ปกรณทฺวยเมวาติ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขา จ นิรุตฺติ จา’’ติ. ตตฺถ สิกฺขนฺติ อกฺขรสมยเมตายาติ สิกฺขา, อการาทิวณฺณานํ านกรณปยตนปฏิปาทกสตฺถํ. นิจฺฉเยน, นิสฺเสสโต วา อุตฺติ นิรุตฺติ, วณฺณาคมวณฺณวิปริยายาทิลกฺขณํ. วุตฺตฺจ –
‘‘วณฺณาคโม วณฺณวิปริยาโย,
ทฺเว จาปเร วณฺณวิการนาสา;
ธาตุสฺส อตฺถาติสเยน โยโค,
ตทุจฺจเต ปฺจวิธา นิรุตฺตี’’ติ. (ปารา. อฏฺ. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๔; มหานิ. อฏฺ. ๑.๕๐);
อิธ ปน ตพฺพเสน อเนกธา นิพฺพจนปริทีปกํ สตฺถํ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘นิรุตฺตี’’ติ อธิปฺเปตํ นิพฺพจนวิภาคโตปิ อกฺขรปเภทภาวสฺส อาจริเยหิ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๖) วุตฺตตฺตา, ตมนฺตเรน นิพฺพจนวิภาคสฺส จ พฺยากรณงฺเคน สงฺคหิตตฺตา. พฺยากรณํ, นิรุตฺติ จ หิ ปจฺเจกเมว เวทงฺคํ ยถาหุ –
‘‘กปฺโป พฺยากรณํ โชติ-สตฺถํ สิกฺขา นิรุตฺติ จ;
ฉนฺโทวิจิติ เจตานิ, เวทงฺคานิ วทนฺติ ฉา’’ติ.
ตสฺมา พฺยากรณงฺเคน อสงฺกรภูตเมว นิรุตฺตินเยน นิพฺพจนมิธาธิปฺเปตํ, น ฉสุ พฺยฺชนปเทสุ วิย ตทุภยสาธารณนิพฺพจนํ เวทงฺควิสยตฺตาติ เวทิตพฺพํ. อยํ ปเนตฺถ มหานิทฺเทสฏฺกถาย (มหานิ. อฏฺ. ๕๐) อาคตนิรุตฺตินยวินิจฺฉโย ¶ . ตตฺถ หิ ‘‘นกฺขตฺตราชาริว ตารกาน’’นฺติ (ชา. ๑.๑.๑๑, ๒๕) เอตฺถ ร-การาคโม วิย อวิชฺชมานสฺส อกฺขรสฺส อาคโม วณฺณาคโม นาม. หึสนตฺตา ‘‘หึโส’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สีโห’’ติ ปริวตฺตนํ วิย วิชฺชมานานมกฺขรานํ เหฏฺุปริยวเสน ปริวตฺตนํ วณฺณวิปริยาโย นาม. ‘‘นวฉนฺนเกทานิ ทิยฺยตี’’ติ (ชา. ๑.๖.๘๘) เอตฺถ อ-การสฺส เอ-การาปชฺชนํ วิย อฺกฺขรสฺส อฺกฺขราปชฺชนํ วณฺณวิกาโร นาม. ‘‘ชีวนสฺส มูโต ชีวนมูโต’’ติ วตฺตพฺเพ ¶ ‘‘ชีมูโต’’ติ ว-การ น-การานํ วินาโส วิย วิชฺชมานกฺขรานํ วินาโส วณฺณวินาโส นาม. ‘‘ผรุสาหิ วาจาหิ ปกุพฺพมาโน, อาสชฺช มํ ตฺวํ วทเส กุมารา’’ติ (ชา. ๑.๑๐.๘๕) เอตฺถ ‘‘ปกุพฺพมาโน’’ติ ปทสฺส อภิภวมาโนติ อตฺถปฏิปาทนํ วิย ตตฺถ ตตฺถ ยถาโยคํ วิเสสตฺถปฏิปาทนํ ธาตูนมตฺถาติสเยน โยโค นามาติ.
ยถาวุตฺตปฺปเภทานํ ติณฺณํ เวทานํ อยํ จตุตฺโถเยว สิยา, อถ เกน สทฺธึ ปฺจโมติ อาห ‘‘อาถพฺพณเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา’’ติ. อาถพฺพณเวโท นาม อาถพฺพณเวทิเกหิ วิหิโต ปรูปฆาตกโร มนฺโต, โส ปน อิติหาสปฺจมภาวปฺปกาสนตฺถํ คณิตตามตฺเตน คหิโต, น สรูปวเสน, เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอเตส’’นฺติ ปทสฺส เตสํ ติณฺณํ เวทานนฺตฺเวว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ตฺหิ ‘‘ติณฺณํ เวทาน’’นฺติ เอตสฺส วิเสสนนฺติ. อิติห อสาติ เอวํ อิธ โลเก อโหสิ ‘‘อาสา’’ติปิ กตฺถจิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. อิห าเน อิติ เอวํ, อิทํ วา กมฺมํ, วตฺถุํ วา อาส อิจฺฉาหีติปิ อตฺโถ. ตสฺส คนฺถสฺส มหาวิสยตาทีปนตฺถฺเจตฺถ วิจฺฉาวจนํ, อิมินา ‘‘อิติหาสา’’ติ วจเนน ปฏิสํยุตฺโต อิติหาโส ตทฺธิตวเสนาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. อิติห อาส, อิติห อาสา’’ติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺโต อิติหาโส นิรุตฺตินเยนาติ อตฺถทสฺสนนฺติปิ วทนฺติ. อกฺขรจินฺตกา ปน เอวมิจฺฉนฺติ ‘‘อิติห-สทฺโท ปารมฺปริโยปเทเส เอโกว นิปาโต, อสติ วิชฺชตีติ อโส, อิติห อโส เอตสฺมินฺติ อิติหาโส สมาสวเสนา’’ติ, เตสํ มเต ‘‘อิติห อสา’’ติ เอตฺถ เอวํ ปารมฺปริโยปเทโส อส วิชฺชมาโน อโหสีติ อตฺโถ. ‘‘ปุราณกถาสงฺขาโต’’ติ อิมินา ตสฺส คนฺถวิเสสภาวมาห, ภารตนามกานํ ทฺเวภาติกราชูนํ ยุทฺธกถา, รามรฺโ สีตาหรณกถา, นรสีหราชุปฺปตฺติกถาติ เอวมาทิปุราณกถาสงฺขาโต ¶ ภารตปุราณรามปุราณนรสีหปุราณาทิคนฺโถ อิติหาโส นามาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘เตสํ อิติหาสปฺจมานํ เวทาน’’นฺติ อิมินา ยถาวากฺยํ ‘‘ติณฺณํ เวทาน’’นฺติ เอตฺถ วิเสสนภาวํ ทสฺเสติ.
ปชฺชติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, นามาขฺยาโตปสคฺคนิปาตาทิวเสน อเนกวิภาคํ วิภตฺติยนฺตปทํ. ตทปิ พฺยากรเณ อาคตเมวาติ วุตฺตํ ‘‘ตทวเสส’’นฺติ, ปทโต อวเสสํ ปกติปจฺจยาทิสทฺทลกฺขณภูตนฺติ อตฺโถ. ตํ ตํ สทฺทํ, ตทตฺถฺจ พฺยากโรติ พฺยาจิกฺขติ เอเตนาติ พฺยากรณํ, วิเสเสน วา อากรียนฺเต ปกติปจฺจยาทโย อภินิปฺผาทียนฺเต เอตฺถ, อเนนาติ วา พฺยากรณํ, สาธุสทฺทานมนฺวาขฺยายกํ มุทฺธโพธพฺยากรณ สารสฺสตพฺยากรณ ปาณินีพฺยากรณจนฺทฺรพฺยากรณาทิ อธุนาปิ วิชฺชมานสตฺถํ. อธียตีติ อชฺฌายติ. เวเทตีติ ปเรสํ วาเจติ. จ-สทฺโท อตฺถทฺวยสมุจฺจินนตฺโถ, วิกปฺปนตฺโถ วา อตฺถนฺตรสฺส วิกปฺปิตตฺตา. วิจิตฺรา ¶ หิ ตทฺธิตวุตฺติ. ปทโกติ พฺยากรเณสุ อาคตปทโกสลฺลํ สนฺธาย วุตฺตํ, เวยฺยากรโณติ ตทวสิฏฺปกติปจฺจยาทิสทฺทวิธิโกสลฺลนฺติ อิมสฺสตฺถสฺส วิฺาปนตฺถํ ปททฺวยสฺส เอกโต อตฺถวจนํ. เอสา หิ อาจริยานํ ปกติ, ยทิทํ เยน เกนจิ ปกาเรน อตฺถนฺตรวิฺาปนํ. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – เต เอว เวเท ปทโส กายตีติ ปทโกติ. ตตฺถ ปทโสติ คชฺชพนฺธปชฺชพนฺธปเทน. กายตีติ กเถติ ยถา ‘‘ชาตก’’นฺติ, อิมินา เวทการกสมตฺถตํ ทสฺเสติ. เอวฺหิ ‘‘อชฺฌายโก’’ติอาทีหิ อิมสฺส วิเสโส ปากโฏ โหตีติ.
อายตึ หิตํ พาลชนสงฺขาโต โลโก น ยตติ น อีหติ อเนนาติ โลกายตํ. ตฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปฺุกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติ, โลกา วา พาลชนา อายตนฺติ อุสฺสหนฺติ วาทสฺสาเทน เอตฺถาติ โลกายตํ. อฺมฺวิรุทฺธํ, สคฺคโมกฺขวิรุทฺธํ วา ตโนนฺติ เอตฺถาติ วิตณฺโฑ ฑ-ปจฺจยวเสน, น-การสฺส จ ณ-การํ กตฺวา, วิรุทฺเธน วาททณฺเฑน ตาเฬนฺติ วาทิโน เอตฺถาติ วิตณฺโฑ ตฑิ-ธาตุวเสน, นิคฺคหีตาคมฺจ กตฺวา. อเทสมฺปิ ยํ นิสฺสาย วาทีนํ วาโท ปวตฺโต, ตํ เตสํ เทสโตปิ อุปจารวเสน วุจฺจติ ยถา ‘‘จกฺขุํ ¶ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตี’’ติ, (ที. นิ. ๒.๔๐๑; ม. นิ. ๑.๑๓๓; วิภ. ๒๐๔) วิเสเสน วา ปณฺฑิตานํ มนํ ตเฑนฺติ จาเลนฺติ เอเตนาติ วิตณฺโฑ, ตํ วทนฺติ, โส วาโท วา เอเตสนฺติ วิตณฺฑวาทา, เตสํ สตฺถํ ตถา. ลกฺขณทีปกสตฺถํ อุตฺตรปทโลเปน, ตทฺธิตวเสน วา ลกฺขณนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ลกฺขณทีปก’’นฺติอาทินา. ลกฺขียติ พุทฺธภาวาทิ อเนนาติ ลกฺขณํ, นิคฺโรธพิมฺพตาทิ. เตนาห ‘‘เยสํ วเสนา’’ติอาทิ. ทฺวาทสสหสฺสคนฺถปมาณนฺติ เอตฺถ ภาณวารปฺปมาณาทีสุ วิย พาตฺตึสกฺขรคนฺโถว อธิปฺเปโต. วุตฺตฺหิ –
‘‘อฏฺกฺขรา เอกปทํ, เอกา คาถา จตุปฺปทํ;
คาถา เจกา มโต คนฺโถ, คนฺโถ พาตฺตึสตกฺขโร’’ติ.
ทฺวาทสหิ คุณิตสหสฺสพาตฺตึสกฺขรคนฺถปฺปมาณนฺติ อตฺโถ. ยตฺถาติ ยสฺมึ ลกฺขณสตฺเถ, อาธาเร เจตํ ภุมฺมํ ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา’’ติ. โสฬส จ สหสฺสฺจ โสฬสสหสฺสํ, โสฬสาธิกสหสฺสคาถาปริมาณาติ อตฺโถ. เอวฺหิ อาธาราเธยฺยวจนํ สูปปนฺนํ โหตีติ. ปธานวเสน พุทฺธานํ ลกฺขณทีปนโต พุทฺธมนฺตา นาม. ปจฺเจกพุทฺธาทีนมฺปิ หิ ลกฺขณํ ตตฺถ ทีปิตเมว. เตน วุตฺตํ ‘‘เยสํ วเสนา’’ติอาทิ.
‘‘อนูโน ¶ ปริปูรการี’’ติ อตฺถมตฺตทสฺสนํ, สทฺทโต ปน อธิคตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อวโย น โหตี’’ติ วุตฺตํ. โก ปเนส อวโยติ อนุโยคมปเนติ ‘‘อวโย นามา’’ติอาทินา. อยเมตฺตาธิปฺปาโย – โย ตานิ สนฺธาเรตุํ สกฺโกติ, โส ‘‘วโย’’ติ วุจฺจติ. โย ปน น สกฺโกติ, โส อวโย นาม. โย จ อวโย น โหติ, โส ‘‘ทฺเว ปฏิเสธา ปกติยตฺถคมกา’’ติ าเยน วโย เอวาติ. วยตีติ หิ วโย, อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ กตฺถจิปิ อปริกิลมนฺโต อวิตฺถายนฺโต เต คนฺเถ สนฺตาเน ปเณติ พฺยวหรตีติ อตฺโถ. อยํ ปน วินยฏฺกถานโย (ปารา. ๘๔) – อนวโยติ อนุ อวโย, สนฺธิวเสน อุ-การโลโป, อนุ อนุ อวโย อนูโน, ปริปุณฺณสิปฺโปติ อตฺโถ. วโยติ หิ หานิ ‘‘อายวโย’’ติอาทีสุ วิย, นตฺถิ เอตสฺส ยถาวุตฺตคนฺเถสุ วโย อูนตาติ อวโย, อนุ อนุ อวโย อนวโยติ.
‘‘อนฺุาโต’’ติ ¶ ปทสฺส กมฺมสาธนวเสน, ‘‘ปฏิฺาโต’’ติ ปทสฺส จ กตฺตุสาธนวเสน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาจริเยนา’’ติอาทิมาห. อสฺสาติ อมฺพฏฺสฺส. ปาฬิยํ ‘‘ยมหํ ชานามิ, ตํ ตฺวํ ชานาสี’’ติ อิทํ อนุชานนาการทสฺสนํ, ‘‘ยํ ตฺวํ ชานาสิ, ตมหํ ชานามี’’ติ อิทํ ปน ปฏิชานนาการทสฺสนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ยํ อห’’นฺติอาทินา. ‘‘อาม อาจริยา’’ติ หิ ยถาคตํ ปฏิชานนวจนเมว อตฺถวเสน วุตฺตํ. ยนฺติ เตวิชฺชกํ ปาวจนํ. ตสฺสาติ อาจริยสฺส. ปฏิวจนทานเมว ปฏิฺา ตถา, ตาย สยเมว ปฏิฺาโตติ อตฺโถ. ‘‘สเก’’ติอาทิ อนุชานนปฏิชานนาธิการทสฺสนํ. อเทสสฺสปิ เทสมิว กปฺปนามตฺเตนาติ วุตฺตํ ‘‘กตรสฺมิ’’นฺติอาทิ. สสฺส อตฺตโน สนฺตกํ สกํ. อาจริยานํ ปรมฺปรโต, ปรมฺปรภูเตหิ วา อาจริเยหิ อาคตํ อาจริยกํ. ติสฺโส วิชฺชา, ตาสํ สมูโห เตวิชฺชกํ, เวทตฺตยํ. ปธานํ วจนํ, ปกฏฺานํ วา อฏฺกาทีนํ วจนํ ปาวจนํ.
๒๕๗. อิทานิ เยนาธิปฺปาเยน พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาตี อมฺพฏฺํ มาณวํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อยํ ตาตา’’ติอาทิวจนมพฺรฺวิ, ตทธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘เอส กิรา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุคฺคตสฺสาติ ปุพฺเพ ปากฏสฺส กิตฺติมโต โปราณชนสฺส. พหู ชนาติ ปูรณกสฺสปาทโย สนฺธาย วุตฺตํ. เอกจฺจนฺติ ขตฺติยาทิชาติมนฺตํ, โลกสมฺมตํ วา ชนํ. ครูติ ภาริยํ, อตฺตานํ ตโต โมเจตฺวา อปคมนมตฺตมฺปิ ทุกฺกรํ โหติ, ปเคว ตทุตฺตริ กรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนตฺโถ นาม ตถาปคมนาทินา นินฺทาพฺยาโรสอุปารมฺภาทิ.
‘‘อพฺภุคฺคโต’’ติ เอตฺถ อภิสทฺทโยเคน อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถวเสเนว ‘‘โคตม’’นฺติ อุปโยควจนํ ¶ . ‘‘ตํ ภวนฺตํ, ตถา สนฺตํเยวา’’ติ ปเทสุปิ ตสฺส อนุปโยคตฺตา ตทตฺถวเสเนวาติ ทสฺเสติ ‘‘ตสฺส โภโต’’ติอาทินา. เตนาห ‘‘อิธาปี’’ติอาทิ. ตถา สโตเยวาติ เยนากาเรน อรหตาทินา สทฺโท อพฺภุคฺคโต, เตนากาเรน สนฺตสฺส ภูตสฺส เอว ตสฺส ภวโต โคตมสฺส สทฺโท ยทิ วา อพฺภุคฺคโตติ อตฺโถ. อปิจ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ ตถา สนฺตํเยวาติ เอกสฺสปิ อตฺถสฺส ทฺวิกฺขตฺตุํ สมฺพนฺธภาเวน วจนํ สามฺวิสิฏฺตาปริกปฺปเนน อตฺถวิเสสวิฺาปนตฺถํ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส โภโต โคตมสฺสา’’ติ สามฺสมฺพนฺธภาเวน วิจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘ตถา สโตเยวา’’ติ ¶ วิเสสสมฺพนฺธภาเวน โยเชตพฺพํ. ยทิ-สทฺโท เจตฺถ สํสยตฺโถ ทฺวินฺนมฺปิ อตฺถานํ สํสยิตพฺพตฺตา. วา-สทฺโท จ วิกปฺปนตฺโถ เตสุ เอกสฺส วิกปฺเปตพฺพตฺตา. สทฺทวิทู ปน เอวํ วทนฺติ – ‘‘อิมสฺส วจนํ สจฺจํ วา ยทิ วา มุสา’’ติอาทีสุ วิย ยทิ-สทฺโท วา-สทฺโท จ อุโภปิ วิกปฺปตฺถาเยว. ยทิ-สทฺโทปิ หิ ‘‘ยํ ยเทว ปริสํ อุปสงฺกมติ ยทิ ขตฺติยปริสํ ยทิ พฺราหฺมณปริส’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๓๔) วา-สทฺทตฺโถ ทิสฺสติ. ‘‘อปฺปํ วสฺสสตํ อายุ, อิทาเนตรหิ วิชฺชตี’’ติอาทีสุ วิย จ อิธ สมานตฺถสทฺทปโยโคติ. ปาฬิยํ ‘‘ยทิ วา โน ตถา’’ติ อิทมฺปิ ‘‘สนฺตํเยว สทฺโท อพฺภุคฺคโต’’ติ อิมินา สมฺพชฺฌิตฺวา ยถาวุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํ. นนุ ‘‘โคตม’’นฺติ ปเทเยว อุปโยควจนํ สิยา, น เอตฺถาติ โจทนาย ‘‘อิธาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺส อนุปโยคตฺตา, วิจฺฉินฺทิตฺวา สมฺพนฺธวิเสสภาเวน โยเชตพฺพตฺตา วา อิธาปิ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺถวเสเนว อุปโยควจนํ นามาติ วุตฺตํ โหติ. อิตฺถมฺภูตาขฺยานํ อตฺโถ ยสฺส ตถา, อภิสทฺโท, อิตฺถมฺภูตาขฺยานเมว วา อตฺโถ ตถา, โสเยวตฺโถ. ยทคฺเคน หิ สทฺทโยโค โหติ, ตทคฺเคน อตฺถโยโคปีติ.
๒๕๘. โภติ อตฺตโน อาจริยํ อาลปติ. ยถา-สทฺทํ สาตฺถกํ กตฺวา สห ปาเสเสน โยเชตุํ ‘‘ยถา สกฺกา’’ติอาทิ วุตฺตํ. โสติ ภควา. ปุริมนเย อาการตฺถโชตนยถา-สทฺทโยคฺยโต กถนฺติ ปุจฺฉามตฺตํ, อิธ ปน ตทโยคฺยโต ‘‘อาการปุจฺฉา’’ติ วุตฺตํ. พาหิรกสมเย อาจริยมฺหิ อุปชฺฌายสมุทาจาโรติ อาห ‘‘อถ นํ อุปชฺฌาโย’’ติ, อุปชฺฌายสฺิโต อาจริยพฺราหฺมโณติ อตฺโถ.
กามฺจ มนฺโต, พฺรหฺมํ, กปฺโปติ ติพฺพิโธ เวโท, ตถาปิ อฏฺกาทิ วุตฺตํ ปธานภูตํ มูลํ มนฺโต, ตทตฺถวิวรณมตฺถํ พฺรหฺมํ, ตตฺถ วุตฺตนเยน ยฺกิริยาวิธานํ กปฺโปติ มนฺตสฺเสว ปธานภาวโต, อิตเรสฺจ ตนฺนิสฺสเยเนว ชาตตฺตา มนฺตคฺคหเณน พฺรหฺมกปฺปานมฺปิ คหณํ สิทฺธเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘ตีสุ เวเทสู’’ติ อิมินา. มนฺโตติ หิ อฏฺกาทีหิ อิสีหิ วุตฺตมูลเวทสฺเสว นามํ, เวโทติ สพฺพสฺส, ตสฺมา ‘‘เวเทสู’’ติ วุตฺเต ¶ สพฺเพสมฺปิ คหณํ สิชฺฌตีติ ¶ เวทิตพฺพํ. ลกฺขณานีติ ลกฺขณทีปกานิ มนฺตปทานิ. ปชฺชคชฺชพนฺธปเวสนวเสน ปกฺขิปิตฺวา. พฺราหฺมณเวเสเนวาติ เวทวาจกพฺราหฺมณลิงฺเคเนว. เวเทติ มหาปุริสลกฺขณมนฺเต. มเหสกฺขา สตฺตาติ มหาปฺุวนฺโต ปณฺฑิตสตฺตา. ชานิสฺสนฺติ อิติ มนสิ กตฺวา วาเจนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เตนาติ ตถา วาจนโต. ปุพฺเพติ ‘‘ตถาคโต อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วตฺตพฺพกาลโต ปภุติ ตถาคตสฺส ธรมานกาเล. อชฺฌายิตพฺพวาเจตพฺพภาเวน อาคจฺฉนฺติ ปากฏา ภวนฺติ. เอกคาถาทฺวิคาถาทิวเสน อนุกฺกเมน อนฺตรธายนฺติ. น เกวลํ ลกฺขณมนฺตาเยว, อถ โข อฺเปิ เวทา พฺราหฺมณานํ อฺาณภาเวน อนุกฺกเมน อนฺตรธายนฺติ เอวาติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) วุตฺตํ.
พุทฺธภาวปตฺถนา ปณิธิ, ปารมีสมฺภรณํ สมาทานํ, กมฺมสฺสกตาทิปฺา าณํ. ‘‘ปณิธิมหโต สมาทานมหโตติอาทินา ปจฺเจกํ มหนฺตสทฺโท โยเชตพฺโพ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) อาจริเยน วุตฺตํ. เอวฺจ สติ กรุณา อาทิ เยสํ สทฺธาสีลาทีนํ เต กรุณาทโย, เต เอว คุณา กรุณาทิคุณา, ปณิธิ จ สมาทานฺจ าณฺจ กรุณาทิคุณา จ, เตหิ มหนฺโต ปณิธิสมาทานาณกรุณาทิคุณมหนฺโตติ นิพฺพจนํ กาตพฺพํ. เอวฺหิ ทฺวนฺทโตปรตฺตา มหนฺตสทฺโท ปจฺเจกํ โยชียตีติ. อปิจ ปณิธิ จ สมาทานฺจ าณฺจ กรุณา จ, ตมาทิ เยสํ เต ตถา, เตเยว คุณา, เตหิ มหนฺโตติ นิพฺพจเนนปิ อตฺโถ สูปปนฺโน โหติ, ปณิธิมหนฺตตาทิ จสฺส พุทฺธวํส (พุ. วํ. ๙ อาทโย) จริยาปิฏกาทิ (จริยา. ๑ อาทโย) วเสน เวทิตพฺโพ. มหาปทานสุตฺตฏฺกถายํ ปน ‘‘มหาปุริสสฺสาติ ชาติโคตฺตกุลปเทสาทิวเสน มหนฺตสฺส ปุริสสฺสา’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓) วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ’’ติ เอวมาทิ ชาติ. ‘‘โกณฺฑฺโ, โคตโม’’ติ เอวมาทิ โคตฺตํ. ‘‘โปณิกา, จิกฺขลฺลิกา, สากิยา, โกลิยา’’ติ เอวมาทิ กุลปเทโส, ตเทตํ สพฺพมฺปิ อิธ อาทิสทฺเทน สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ สติ ‘‘ทฺเวเยว คติโย ภวนฺตี’’ติ อุภินฺนํ สาธารณวจนํ สมตฺถิตํ โหตีติ.
นิฏฺาติ นิปฺผตฺติโย สิทฺธิโย. นนฺวายํ คติ-สทฺโท อเนกตฺโถ, กสฺมา นิฏฺายเมว วุตฺโตติ อาห‘‘กามฺจาย’’นฺติอาทิ. ภวเภเทติ ¶ นิรยาทิภววิเสเส. โส หิ สุจริตทุจฺจริตกมฺเมน สตฺเตหิ อุปปชฺชนวเสน คนฺตพฺพาติ คติ. คจฺฉติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ คติ, นิวาสฏฺานํ. คมติ ยถาสภาวํ ชานาตีติ คติ. ปฺา, คมนํ พฺยาปนํ คติ, วิสฺสฏภาโว, โส ปน อิโต จ เอตฺโต จ พฺยาเปตฺวา ิตตาว. คมนํ นิปฺผตฺตนํ คติ, นิฏฺา ¶ , อชฺฌาสยปฏิสรณตฺถาปิ นิทสฺสนนเยน คหิตา. ตถา เหส ‘‘อิเมสํ โข อหํ ภิกฺขูนํ สีลวนฺตานํ กลฺยาณธมฺมานํ เนว ชานามิ อาคตึ วา คตึ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๐๘) เอตฺถ อชฺฌาสเย วตฺตติ, ‘‘นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ (ปริ. ๓๓๙) เอตฺถ ปฏิสรเณ, ปรายเณ อปสฺสเยติ อตฺโถ. คจฺฉติ ยถารุจิ ปวตฺตตีติ คติ, อชฺฌาสโย. คจฺฉติ อวจรติ, อวจรณวเสน วา ปวตฺตติ เอตฺถาติ คติ, ปฏิสรณํ. สพฺพสงฺขตวิสฺุตฺตสฺส หิ อรหโต นิพฺพานเมว ปฏิสรณํ, อิธ ปน นิฏฺายํ วตฺตตีติ เวทิตพฺโพ ตทฺเสมวิสยตฺตา.
นนุ ทฺวินฺนํ นิปฺผตฺตีนํ นิมิตฺตภูตานิ ลกฺขณานิ วิสทิสาเนว, อถ กสฺมา ‘‘เยหิ สมนฺนาคตสฺสา’’ติอาทินา เตสํ สทิสภาโว วุตฺโตติ โจทนาเลสํ ทสฺเสตฺวา โสเธนฺโต ‘‘ตตฺถ กิฺจาปี’’ติอาทิมาห. สมาเนปิ นิคฺโรธพิมฺพตาทิลกฺขณภาเว อตฺเถว โกจิ เนสํ วิเสโสติ ทสฺเสตุํ ‘‘น เตเหว พุทฺโธ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ยถา หิ พุทฺธานํ ลกฺขณานิ สุวิสทานิ, สุปริพฺยตฺตานิ, ปริปุณฺณานิ จ โหนฺติ, น เอวํ จกฺกวตฺตีน’’นฺติ อยํ ปน วิเสโส อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) ปกาสิโต. ชายนฺติ ภินฺเนสุปิ อตฺเถสุ อภินฺนธีสทฺทา เอตายาติ ชาติ, ลกฺขณภาวมตฺตํ. วุตฺตฺหิ –
‘‘สพลาทีสุ ภินฺเนสุ, ยาย วตฺตนฺตุภินฺนธี;
สทฺทา สา ชาติเรสา จ, มาลาสุตฺตมิวนฺวิตา’’ติ.
ตสฺมา ลกฺขณตามตฺเตน สมานภาวโต วิสทิสานิปิ ตานิเยว จกฺกวตฺตินิปฺผตฺตินิมิตฺตภูตานิ ลกฺขณานิ สทิสานิ วิย กตฺวา ตานิ พุทฺธนิปฺผตฺตินิมิตฺตภูตานิ ลกฺขณานิ นามาติ อิทํ วจนํ วุจฺจตีติ อตฺโถ. อธิอาปุพฺพวสโยเค ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘อคาเร วสตี’’ติ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหีติ อภิรูปตา, ทีฆายุกตา, อปฺปาพาธตา, พฺราหฺมณคหปติกานํ ปิยมนาปตาติ อิเมหิ จตูหิ อจฺฉริยสภาวภูตาหิ อิทฺธีหิ. ยถาห –
‘‘ราชา ¶ อานนฺท, มหาสุทสฺสโน จตูหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต อโหสิ. กตมาหิ จตูหิ อิทฺธีหิ? อิธานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน อภิรูโป อโหสิ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๕๒).
เจติยชาตเก ¶ (ชา. อฏฺ. ๓.๘.๔๔) อาคตนยํ คเหตฺวาปิ เอวํ วทนฺติ ‘‘สรีรโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, อยํ เอกา อิทฺธิ. มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ, อยํ ทุติยา. จตฺตาโร เทวปุตฺตา จตูสุ ทิสาสุ สพฺพกาลํ ขคฺคหตฺถา อารกฺขํ คณฺหนฺติ, อยํ ตติยา. อากาเสน วิจรติ, อยํ จตุตฺถี’’ติ. อนาคตวํสสํวณฺณนายํ ปน ‘‘อภิรูปภาโว เอกา อิทฺธิ, สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคตภาโว ทุติยา, ยาวตายุกมฺปิ สกลโลกสฺส ทสฺสนาติตฺติกภาโว ตติยา, อากาสจาริภาโว จตุตฺถี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคตภาโวติ สมวิปาจนิยา กมฺมชเตโชธาตุยา สมฺปนฺนตา. ยสฺส หิ ภุตฺตมตฺโตว อาหาโร ชีรติ, ยสฺส วา ปน ปุฏภตฺตํ วิย ตเถว ติฏฺติ, อุโภเปเต น สมเวปากินิยา สมนฺนาคตา. ยสฺส ปน ปุน ภตฺตกาเล ภตฺตจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชเตว, อยํ สมเวปากินิยา สมนฺนาคโต นาม, ตถารูปตาติ อตฺโถ. สงฺคหวตฺถูหีติ ทานํ, ปิยวจนํ, อตฺถจริยา, สมานตฺตตาติ อิเมหิ สงฺคโหปาเยหิ. ยถาห –
‘‘ทานฺจ เปยฺยวชฺชฺจ, อตฺถจริยา จ ยา อิธ;
สมานตฺตตา จ ธมฺเมสุ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
เอเต โข สงฺคหา โลเก, รถสฺสาณีว ยายโต.
เอเต จ สงฺคหา นาสฺสุ, น มาตา ปุตฺตการณา;
ลเภถ มานํ ปูชํ วา, ปิตา วา ปุตฺตการณา.
ยสฺมา จ สงฺคหา เอเต, สมเปกฺขนฺติ ปณฺฑิตา;
ตสฺมา มหตฺตํ ปปฺโปนฺติ, ปาสํสา จ ภวนฺติ เต’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๗๓);
รฺชนโตติ ปีติโสมนสฺสวเสน รฺชนโต, น ราควเสน, ปีติโสมนสฺสานํ ชนนโตติ วุตฺตํ โหติ. จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รฺชนฏฺเน ราชาติ ปน สพฺเพสํ ราชูนํ สมฺา ตถา อกโรนฺตานมฺปิ วิลีวพีชนาทีสุ ¶ ตาลวณฺฏโวหาโร วิย รุฬฺหิวเสน ปวตฺติโต, ตสฺมา ‘‘อจฺฉริยธมฺเมหี’’ติ อสาธารณนิพฺพจนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
สทฺทสามตฺถิยโต อเนกธา จกฺกวตฺตีสทฺทสฺส วจนตฺถํ ทสฺเสนฺโต ปธานภูตํ วจนตฺถํ ปมํ ทสฺเสตุํ ‘‘จกฺกรตน’’นฺติอาทิมาห. อิทเมว หิ ปธานํ จกฺกรตนสฺส ปวตฺตนมนฺตเรน จกฺกวตฺติภาวานาปตฺติโต. ตถา หิ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ ‘‘กิตฺตาวตา จกฺกวตฺตี โหตีติ? เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ ¶ จกฺกรตเน อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺเต’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๔๓; ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๕๖). ยสฺมา ปน ราชา จกฺกวตฺตี เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา วามหตฺเถน หตฺถิโสณฺฑสทิสปนาฬึ สุวณฺณภิงฺการํ อุกฺขิปิตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน จกฺกรตนํ อุทเกน อพฺภุกฺกิริตฺวา ‘‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๔๔) วจเนน จกฺกรตนํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวตฺเตสิ, ตสฺมา ตาทิสํ ปวตฺตาปนํ สนฺธาย ‘‘จกฺกรตนํ วตฺเตตี’’ติ วุตฺตํ. ยถาห ‘‘อถ โข อานนฺท ราชา มหาสุทสฺสโน อุฏฺายาสนา…เป… จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริ ‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตน’นฺติ’’อาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๔). น เกวลฺจ จกฺกสทฺโท จกฺกรตเนเยว วตฺตติ อถ โข สมฺปตฺติจกฺกาทีสุปิ, ตสฺมา ตํตทตฺถวาจกสทฺทสามตฺถิยโตปิ วจนตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สมฺปตฺติจกฺเกหี’’ติอาทินา. ตตฺถ สมฺปตฺติจกฺเกหีติ –
‘‘ปติรูเป วเส เทเส, อริยมิตฺตกโร สิยา;
สมฺมาปณิธิสมฺปนฺโน, ปุพฺเพ ปฺุกโต นโร;
ธฺํ ธนํ ยโส กิตฺติ, สุขฺเจตํธิวตฺตตี’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๑) –
วุตฺเตหิ ปติรูปเทสวาสาทิสมฺปตฺติจกฺเกหิ. วตฺตตีติ ปวตฺตติ สมฺปชฺชติ, อุปรูปริ กุสลธมฺมํ วา ปฏิปชฺชติ. เตหีติ สมฺปตฺติจกฺเกหิ. ปรนฺติ สตฺตนิกายํ, ยถา สยํสทฺโท สุทฺธกตฺตุตฺถสฺส โชตโก, ตถา ปรํสทฺโทปิ เหตุกตฺตุตฺถสฺสาติ เวทิตพฺพํ. วตฺเตตีติ ปวตฺเตติ สมฺปาเทติ, อุปรูปริ กุสลธมฺมํ วา ปฏิปชฺชาเปติ. ยถาห –
‘‘ราชา มหาสุทสฺสโน เอวมาห ‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ, กาเมสุ มิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภณิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตฺจ ภฺุชถา’ติ. เย โข ปนานนฺท ¶ ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน, เต รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส อนุยนฺตา อเหสุ’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๔).
อิริยาปถจกฺกานนฺติ อิริยาปถภูตานํ จกฺกานํ. อิริยาปโถปิ หิ ‘‘จกฺก’’นฺติ วุจฺจติ ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๙, ๑๐๙). ยถาห –
‘‘รถงฺเค ¶ ลกฺขเณ ธมฺโม-รจกฺเกสฺวิริยาปเถ;
จกฺกํ สมฺปตฺติยํ จกฺก-รตเน มณฺฑเล พเล;
กุลาลภณฺเฑ อาณาย-มายุเธ ทานราสิสู’’ติ.
วตฺโตติ ปวตฺตนํ อุปฺปชฺชนํ, อิมินาว อิริยาปถจกฺกํ วตฺเตติ ปรหิตาย อุปฺปาเทตีติ นิพฺพจนมฺปิ ทสฺเสติ อตฺถโต สมานตฺตา. ตถา จาห –
‘‘อถ โข ตํ อานนฺท จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ ทิสํ ปวตฺติ, อนฺวเทว ราชา มหาสุทสฺสโน สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. ยสฺมึ โข ปนานนฺท, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฏฺาสิ, ตตฺถ ราชา มหาสุทสฺสโน วาสํ อุปคจฺฉิ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนายา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๔).
อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – อปฺปฏิหตํ อาณาสงฺขาตํ จกฺกํ วตฺเตตีติ จกฺกวตฺตี. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ปฺจหิ ภิกฺขเว ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺตี ธมฺเมเนว จกฺกํ วตฺเตติ, ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ มนุสฺสภูเตน ปจฺจตฺถิเกน ปาณินา. กตเมหิ ปฺจหิ? อิธ ภิกฺขเว ราชา จกฺกวตฺตี อตฺถฺู จ โหติ, ธมฺมฺู จ มตฺตฺู, จ กาลฺู จ ปริสฺู จ. อิเมหิ โข…เป… ปาณินา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๕.๑๓๑).
ขตฺติยมณฺฑลาทิสฺิตํ จกฺกํ สมูหํ อตฺตโน วเส วตฺเตติ อนุวตฺเตตีติปิ จกฺกวตฺตี. วุตฺตฺหิ ‘‘เย โข ปนานนฺท ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน, เต รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส อนุยนฺตา อเหสุ’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๔๔). จกฺกลกฺขณํ วตฺตติ เอตสฺสาติปิ จกฺกวตฺตี. เตนาห ‘‘อิมสฺส เทว กุมารสฺส เหฏฺา ¶ ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานิ สหสฺสารานิ สเนมิกานิ สนาภิกานิ สพฺพาการปริปูรานี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๓๕). จกฺกํ มหนฺตํ กายพลํ วตฺตติ เอตสฺสาติปิ จกฺกวตฺตี. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อยฺหิ เทว กุมาโร สตฺตุสฺสโท…เป… อยฺหิ เทว กุมาโร สีหปุพฺพทฺธกาโย’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๓๕). เตน หิสฺส ลกฺขเณน มหพฺพลภาโว วิฺายติ. จกฺกํ ทสวิธํ, ทฺวาทสวิธํ วา วตฺตธมฺมํ วตฺตติ ปฏิปชฺชตีติ จกฺกวตฺตี. เตน วุตฺตํ ‘‘น หิ เต ตาต ทิพฺพํ จกฺกรตนํ เปตฺติกํ ทายชฺชํ ¶ , อิงฺฆ ตฺวํ ตาต อริเย จกฺกวตฺติวตฺเต วตฺตาหี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๘๓). จกฺกํ มหนฺตํ ทานํ วตฺเตติ ปวตฺเตตีติปิ จกฺกวตฺตี. วุตฺตฺจ –
‘‘ปฏฺเปสิ โข อานนฺท ราชา มหาสุทสฺสโน ตาสํ โปกฺขรณีนํ ตีเร เอวรูปํ ทานํ อนฺนํ อนฺนตฺถิกสฺส, ปานํ ปานตฺถิกสฺส, วตฺถํ วตฺถตฺถิกสฺส, ยานํ ยานตฺถิกสฺส, สยนํ สยนตฺถิกสฺส, อิตฺถึ อิตฺถิตฺถิกสฺส, หิรฺํ หิรฺตฺถิกสฺส, สุวณฺณํ สุวณฺณตฺถิกสฺสา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๒.๒๕๔).
ราชาติ สามฺํ ตทฺสาธารณโต. จกฺกวตฺตีติ วิเสสํ อนฺสาธารณโต. ธมฺมสทฺโท าเย, สโม เอว จ าโย นามาติ อาห ‘‘าเยน สเมนา’’ติ. วตฺตติ อุปฺปชฺชติ, ปฏิปชฺชตีติ วา อตฺโถ. ‘‘อิทํ นาม จรตี’’ติ อวุตฺเตปิ สามฺโชตนาย วิเสเส อวฏฺานโต, วิเสสตฺถินา จ วิเสสสฺส ปยุชฺชิตพฺพตฺตา ‘‘สทตฺถปรตฺเถ’’ติ โยชียติ. ปเทสคฺคหเณ หิ อสติ คเหตพฺพสฺส นิปฺปเทสตา วิฺายติ ยถา ‘‘ทิกฺขิโต น ททาตี’’ติ. ยสฺมา จกฺกวตฺติราชา ธมฺเมเนว รชฺชมธิคจฺฉติ, น อธมฺเมน ปรูปฆาตาทินา. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ธมฺเมน รชฺชํ ลภิตฺวา’’ติอาทิ, ธมฺเมนาติ จ าเยน, กุสลธมฺเมน วา. รฺโ ภาโว รชฺชํ, อิสฺสริยํ.
ปเรสํ หิโตปายภูตํ ธมฺมํ กโรติ, จรตีติ วา ธมฺมิโก. อตฺตโน หิโตปายภูตสฺส ธมฺมสฺส การโก, จรโก วา ราชาติ ธมฺมราชาติ อิมํ สวิเสสํ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ปรหิตธมฺมกรเณน วา’’ติอาทินา. อยํ ปน มหาปทานฏฺกถานโย – ทสวิเธ กุสลธมฺเม, อคติรหิเต วา ราชธมฺเม นิยุตฺโตติ ธมฺมิโก; เตเนว ธมฺเมน โลกํ ¶ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ปริยายวจนเมว หิ อิทํ ปททฺวยนฺติ. อาจริเยน ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘จกฺกวตฺติวตฺตสงฺขาตํ ธมฺมํ จรติ, จกฺกวตฺติวตฺตสงฺขาโต วา ธมฺโม เอตสฺส, เอตสฺมึ วา อตฺถีติ ธมฺมิโก, ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺโม จ โส รฺชนฏฺเน ราชา จาติ ธมฺมราชา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘). ‘‘ราชา โหติ จกฺกวตฺตี’’ติ วจนโต ‘‘จาตุรนฺโต’’ติ อิทํ จตุทีปิสฺสรตํ วิภาเวตีติ อาห ‘‘จาตุรนฺตายา’’ติอาทิ. จตฺตาโร สมุทฺทา อนฺตา ปริโยสานา เอติสฺสาติ จาตุรนฺตา, ปถวี. สา หิ จตูสุ ทิสาสุ ปุรตฺถิมสมุทฺทาทิจตุสมุทฺทปริโยสานตฺตา เอวํ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จตุสมุทฺท อนฺตายา’’ติ, สา ปน อวยวภูเตหิ จตุพฺพิเธหิ ทีเปหิ วิภูสิตา เอกโลกธาตุปริยาปนฺนา ปถวีเยวาติ ทสฺเสติ ‘‘จตุพฺพิธทีปวิภูสิตาย ปถวิยา’’ติ อิมินา. ยถาห –
‘‘ยาวตา ¶ จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย จ ปาณา ปถวิสฺสิตา’’ติ.
เอตฺถ จ ‘‘จตุทีปวิภูสิตายา’’ติ อวตฺวา จตุพฺพิธทีปวิภูสิตายาติ วิธสทฺทคฺคหณํ ปจฺเจกํ ปฺจสตปริตฺตทีปานมฺปิ มหาทีเปเยว สงฺคหณตฺถํ สทฺทาติริตฺเตน อตฺถาติริตฺตสฺส วิฺายมานตฺตา, โกฏฺาสวาจเกน วา วิธสทฺเทน สมานภาคานํ คหิตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. โกปาทิปจฺจตฺถิเกติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน กามโมหมานมทาทิเก สงฺคณฺหาติ. วิเชตีติ ตํกาลาเปกฺขาย วตฺตมานวจนํ, วิชิตวาติ อตฺโถ. สทฺทวิทู หิ อตีเต ตาวีสทฺทมิจฺฉนฺติ. ‘‘สพฺพราชาโน วิเชตี’’ติ วทนฺโต กามํ จกฺกวตฺติโน เกนจิ ยุทฺธํ นาม นตฺถิ, ยุทฺเธน ปน สาเธตพฺพสฺส วิชยสฺส สิทฺธิยา ‘‘วิชิตสงฺคาโม’’ ตฺเวว วุตฺโตติ ทสฺเสติ.
ถาวรสฺส ธุวสฺส ภาโว ถาวริยํ, ยถา ชนปเท ถาวริยํ ปตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น สกฺกา เกนจี’’ติอาทิ วุตฺตํ, อิมินา เกนจิ อกมฺปิยฏฺเน ชนปเท ถาวริยปฺปตฺโตติ ตปฺปุริสสมาสํ ทสฺเสติ, อิตเรน จ ทฬฺหภตฺติภาวโต ชนปโท ถาวริยปฺปตฺโต เอตสฺมินฺติ อฺปทตฺถสมาสํ. ตมฺหีติ อสฺมึ ราชินิ. ยถา ชนปโท ตสฺมึ ถาวริยํ ปตฺโต, ตทาวิกโรนฺโต ‘‘อนุยุตฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนุยุตฺโตติ นิจฺจปยุตฺโต. สกมฺมนิรโตติ จกฺกวตฺติโน รชฺชกมฺเม สทา ปวตฺโต ¶ . อจโล อสมฺปเวธีติ ปริยายวจนเมตํ, โจรานํ วา วิโลปนมตฺเตน อจโล, ทามริกตฺเตน อสมฺปเวธี. โจเรหิ วา อจโล, ปฏิราชูหิ อสมฺปเวธี. อนติมุทุภาเวน วา อจโล, อนติจณฺฑภาเวน อสมฺปเวธี. ตถา หิ อติจณฺฑสฺส รฺโ พลิขณฺฑาทีหิ โลกํ ปีฬยโต มนุสฺสา มชฺฌิมชนปทํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพตสมุทฺทตีราทีนิ นิสฺสาย ปจฺจนฺเต วาสํ กปฺเปนฺติ, อติมุทุกสฺส จ รฺโ โจรสาหสิกชนวิโลปปีฬิตา มนุสฺสา ปจฺจนฺตํ ปหาย ชนปทมชฺเฌ วาสํ กปฺเปนฺติ, อิติ เอวรูเป ราชินิ ชนปโท ถาวรภาวํ น ปาปุณาติ. เอตสฺมึ ปน ตทุภยวิรหิเต สุวณฺณตุลา วิย สมภาวปฺปตฺเต ราชินิ รชฺชํ การยมาเน ชนปโท ปาสาณปิฏฺิยํ เปตฺวา อโยปฏฺเฏน ปริกฺขิตฺโต วิย อจโล อสมฺปเวธี ถาวริยปฺปตฺโตติ.
เสยฺยถิทนฺติ เอโกว นิปาโต, ‘‘โส กตโม, ตํ กตมํ, สา กตมา’’ติอาทินา ยถารหํ ลิงฺควิภตฺติวจนวเสน ปโยชิยมาโนว โหติ, อิธ ตานิ กตมานีติ ปยุตฺโตติ อาห ‘‘ตสฺส เจตานี’’ติอาทิ. จจติ จกฺกวตฺติโน ยถารุจิ อากาสาทิคมนาย ปริพฺภมตีติ จกฺกํ. จกฺกรตนฺหิ อนฺโตสมุฏฺิตวาโยธาตุวเสน รฺโ จกฺกวตฺติสฺส วจนสมนนฺตรเมว ¶ ปวตฺตติ, น จนฺทสูริยวิมานาทิ วิย พหิสมุฏฺิตวาโยธาตุวเสนาติ วิมานฏฺกถายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๑.ปมปีวิมานวณฺณนา) วุตฺตํ. รติชนนฏฺเนาติ ปีติโสมนสฺสุปฺปาทนฏฺเน. ตฺหิ ปสฺสนฺตสฺส, สุณนฺตสฺส จ อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยธมฺมตฺตา. วจนตฺถโต ปน รเมติ รตึ กโรตีติ รตนํ, รมนํ วา รตํ, ตํ เนตีติ รตนํ, รตํ วา ชเนตีติ รตนํ ช-การโลปวเสนาติปิ เนรุตฺติกา. สพฺพตฺถาติ หตฺถิรตนาทีสุ.
จิตฺตีกตภาวาทินาปิ จกฺกสฺส รตนฏฺโ เวทิตพฺโพ, โส ปน รติชนนฏฺเเนว เอกสงฺคหตาย วิสุํ น คหิโต. กสฺมา เอกสงฺคโหติ เจ? จิตฺตีกตาทิภาวสฺสปิ รตินิมิตฺตตฺตา. อถ วา คนฺถพฺยาสํ ปริหริตุกาเมน จิตฺตีกตาทิภาโว น คหิโตติ เวทิตพฺพํ. อฺาสุ ปน อฏฺกถาสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๒๒๓; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓.ยานีธาติคาถาวณฺณนา; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๖; มหานิ. อฏฺ. ๑๕๖) เอวํ วุตฺตํ –
‘‘รติชนนฏฺเน ¶ รตนํ. อปิจ –
จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจติ.
‘‘จกฺกรตนสฺส จ นิพฺพตฺตกาลโต ปฏฺาย อฺํ เทวฏฺานํ นาม น โหติ, สพฺเพปิ คนฺธปุปฺผาทีหิ ตสฺเสว ปูชฺจ อภิวาทนาทีนิ จ กโรนฺตีติ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ. จกฺกรตนสฺส จ เอตฺตกํ นาม ธนํ อคฺฆตีติ อคฺโฆ นตฺถิ, อิติ มหคฺฆฏฺเนปิ รตนํ. จกฺกรตนฺจ อฺเหิ โลเก วิชฺชมานรตเนหิ อสทิสนฺติ อตุลฏฺเน รตนํ. ยสฺมา ปน ยสฺมึ กปฺเป พุทฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมึเยว จกฺกวตฺติโน อุปฺปชฺชนฺติ, พุทฺธา จ กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ทุลฺลภทสฺสนฏฺเนปิ รตนํ. ตเทตํ ชาติรูปกุลอิสฺสริยาทีหิ อโนมสฺส อุฬารสตฺตสฺเสว อุปฺปชฺชติ, น อฺสฺสาติ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเนปิ รตนํ. ยถา จ จกฺกรตนํ, เอวํ เสสานิปี’’ติ.
ตตฺรายํ ตฏฺฏีกาย, อฺตฺถ จ วุตฺตนเยน อตฺถวิภาวนา – อิทฺหิ ‘‘จิตฺตีกต’’นฺติอาทิวจนํ นิพฺพจนตฺถวเสน วุตฺตํ น โหติ, อถ กินฺติ เจ? โลเก ‘‘รตน’’นฺติ ¶ สมฺมตสฺส วตฺถุโน ครุกาตพฺพภาเวน วุตฺตํ. สรูปโต ปเนตํ โลกิยมหาชเนน สมฺมตํ หิรฺสุวณฺณาทิกํ, จกฺกวตฺติรฺโ อุปฺปนฺนํ จกฺกรตนาทิกํ, กตฺุกตเวทิปุคฺคลาทิกํ, สพฺพุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน พุทฺธาทิสรณตฺตยฺจ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อโห มโนหร’’นฺติ จิตฺเต กตฺตพฺพตาย จิตฺตีกตํ, สฺวายํ จิตฺตีกาโร ตสฺส ปูชนียตายาติ กตฺวา ปูชนียนฺติ อตฺถํ วทนฺติ. เกจิ ปน ‘‘วิจิตฺรกตฏฺเน จิตฺตีกต’’นฺติ ภณนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ อิธ จิตฺตสทฺทสฺส หทยวาจกตฺตา ‘‘จิตฺตีกตฺวา สุณาถ เม’’ติ (พุ. วํ. ๑.๘๐) อาหจฺจภาสิตปาฬิยํ วิย. ตถา จาหุ ‘‘ยถารหมิวณฺณาคโม ภูกเรสู’’ติ. ‘‘ปสฺส จิตฺตีกตํ รูปํ, มณินา กุณฺฑเลน จา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๐๒) ปน ปุพฺเพ อวิจิตฺรํ อิทานิ วิจิตฺรํ กตนฺติ จิตฺตีกตนฺติ อตฺโถ คเหตพฺโพ ตตฺถ จิตฺตสทฺทสฺส วิจิตฺรวาจกตฺตา. มหนฺตํ วิปุลํ อปริมิตํ อคฺฆตีติ มหคฺฆํ. นตฺถิ เอตสฺส ตุลา อุปมา, ตุลํ วา สทิสนฺติ อตุลํ. กทาจิเทว อุปฺปชฺชนโต ทุกฺเขน ¶ ลทฺธพฺพทสฺสนตฺตา ทุลฺลภทสฺสนํ. อโนเมหิ อุฬารคุเณเหว สตฺเตหิ ปริภฺุชิตพฺพโต อโนมสตฺตปริโภคํ.
อิทานิ เนสํ จิตฺตีกตาทิอตฺถานํ สวิเสสํ จกฺกรตเน ลพฺภมานตํ ทสฺเสตฺวา อิตเรสุปิ เต อติทิสิตุํ ‘‘ยถา จ จกฺกรตน’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อฺํ เทวฏฺานํ นาม น โหติ รฺโ อนฺสาธารณิสฺสริยาทิสมฺปตฺติปฏิลาภเหตุโต, อฺเสํ สตฺตานํ ยถิจฺฉิตตฺถปฏิลาภเหตุโต จ. อคฺโฆ นตฺถิ อติวิย อุฬารสมุชฺชลรตนตฺตา, อจฺฉริยพฺภุตธมฺมตาย จ. ยทคฺเคน จ มหคฺฆํ, ตทคฺเคน อตุลํ. สตฺตานํ ปาปชิคุจฺฉเนน วิคตกาฬโก ปฺุปสุตตาย มณฺฑภูโต ยาทิโส กาโล พุทฺธุปฺปาทารโห, ตาทิเส เอว จกฺกวตฺตีนมฺปิ สมฺภโวติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. กทาจิ กรหจีติ ปริยายวจนํ, ‘‘กทาจี’’ติ วา ยถาวุตฺตกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ, ‘‘กรหจี’’ติ ชมฺพุสิริทีปสงฺขาตํ เทสํ. เตนาห –
‘‘กาลํ ทีปฺจ เทสฺจ, กุลํ มาตรเมว จ;
อิเม ปฺจ วิโลเกตฺวา, อุปฺปชฺชติ มหายโส’’ติ. (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๑.๑๐);
อุปมาวเสน เจตํ วุตฺตํ. อุปโมปเมยฺยานฺจ น อจฺจนฺตเมว สทิสตา, ตสฺมา ยถา พุทฺธา กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ, น ตถา จกฺกวตฺติโน, จกฺกวตฺติโน ปน อเนกทาปิ พุทฺธุปฺปาทกปฺเป อุปฺปชฺชนฺตีติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอวํ สนฺเตปิ จกฺกวตฺติวตฺตปูรณสฺส ทุกฺกรภาวโต ¶ ทุลฺลภุปฺปาโทเยวาติ อิมินา ทุลฺลภุปฺปาทตาสามฺเน เตสํ ทุลฺลภทสฺสนตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ. กามํ จกฺกรตนานุภาเวน สมิชฺฌมาโน คุโณ จกฺกวตฺติปริวารชนสาธารโณ, ตถาปิ จกฺกวตฺตี เอว นํ สามิภาเวน วิสวิตาย ปริภฺุชตีติ วตฺตพฺพตํ อรหติ ตทตฺถเมว อุปฺปชฺชนโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเทต’’นฺติอาทิมาห. ยถาวุตฺตานํ ปฺจนฺนํ, ฉนฺนมฺปิ วา อตฺถานํ เสสรตเนสุปิ ลพฺภนโต ‘‘เอวํ เสสานิปี’’ติ วุตฺตํ.
อิเมหิ ปน รตเนหิ ราชา จกฺกวตฺตี กิมตฺถํ ปจฺจนุโภติ, นนุ วินาปิ เตสุ เกนจิ รฺา จกฺกวตฺตินา ภวิตพฺพนฺติ โจทนาย ตสฺส เตหิ หถารหมตฺถปจฺจนุภวนทสฺสเนน เกนจิปิ อวินาภาวิตํ วิภาเวตุํ ‘‘อิเมสุ ปนา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อชิตํ ปุรตฺถิมาทิทิสาย ขตฺติยมณฺฑลํ ¶ ชินาติ มเหสกฺขตาสํวตฺตนิยกมฺมนิสฺสนฺทภาวโต. ยถาสุขํ อนุวิจรติ หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนฺจ อภิรุหิตฺวา เตสํ อานุภาเวน อนฺโตปาตราสํเยว สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวึ อนุปริยายิตฺวา ราชธานิยา เอว ปจฺจาคมนโต. ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ ตตฺถ ตตฺถ กตฺตพฺพกิจฺจสํวิทหนโต. อวเสเสหิ มณิรตนอิตฺถิรตนคหปติรตเนหิ อุปภฺุชเนน ปวตฺตํ อุปโภคสุขํ อนุภวติ ยถารหํ เตหิ ตถานุภวนสิทฺธิโต. โส หิ มณิรตเนน โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อนฺธการํ วิธเมตฺวา อาโลกทสฺสนาทินา สุขมนุภวติ, อิตฺถิรตเนน อติกฺกนฺตมานุสกรูปทสฺสนาทิวเสน, คหปติรตเนน อิจฺฉิติจฺฉิตมณิกนกรชตาทิธนปฏิลาภวเสน สุขมนุภวติ.
อิทานิ สตฺติยา, สตฺติผเลน จ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘ปเมนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ติวิธา หิ สตฺติโย ‘‘สกฺโกนฺติ สมตฺเถนฺติ ราชาโน เอตายา’’ติ กตฺวา. ยถาหุ –
‘‘ปภาวุสฺสาหมนฺตานํ, วสา ติสฺโส หิ สตฺติโย;
ปภาโว ทณฺฑโช เตโช, ปตาโป ตุ จ โกสโช.
มนฺโต จ มนฺตนํ โส ตุ, จตุกฺกณฺโณ ทฺวิโคจโร;
ติโคจโร ตุ ฉกฺกณฺโณ, รหสฺสํ คุยฺหมุจฺจเต’’ติ.
ตตฺถ วีริยพลํ อุสฺสาหสตฺติ. ปเมน จสฺส จกฺกรตเนน ตทนุโยโค ปริปุณฺโณ โหติ. กสฺมาติ เจ? เตน อุสฺสาหสตฺติยา ปวตฺเตตพฺพสฺส อปฺปฏิหตาณาจกฺกภาวสฺส สิทฺธิโต. ปฺาพลํ มนฺตสตฺติ. ปจฺฉิเมน จสฺส ปริณายกรตเนน ตทนุโยโค. กสฺมาติ เจ ¶ ? ตสฺส สพฺพราชกิจฺเจสุ กุสลภาเวน มนฺตสตฺติยา วิย อวิรชฺฌนปโยคตฺตา. ทมเนน, ธเนน จ ปภุตฺตํ ปภูสตฺติ. หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ จสฺส ตทนุโยโค ปริปุณฺโณ โหติ. กสฺมาติ เจ? หตฺถิอสฺสรตนานํ มหานุภาวตาย, คหปติรตนโต ปฏิลทฺธโกสสมฺปตฺติยา จ ปภาวสตฺติยา วิย ปภาวสมิทฺธิสิทฺธิโต. อิตฺถิมณิรตเนหิ ติวิธสตฺติโยคผลํ ปริปุณฺณํ โหตีติ สมฺพนฺโธ, ยถาวุตฺตาหิ ติวิธาหิ สตฺตีหิ ปยุชฺชนโต ยํ ผลํ ลทฺธพฺพํ. ตํ สพฺพํ เตหิ ¶ ปริปุณฺณํ โหตีติ อตฺโถ. กสฺมาติ เจ? เตเหว อุปโภคสุขสฺส สิชฺฌนโต.
ทุวิธสุขวเสนปิ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘โส อิตฺถิมณิรตเนหี’’ติอาทิ กถิตํ. โภคสุขนฺติ สมีเป กตฺวา ปริโภควเสน ปวตฺตสุขํ. เสเสหีติ ตทวเสเสหิ จกฺกาทิปฺจรตเนหิ. อปจฺจตฺถิกตาวเสน ปวตฺตสุขํ อิสฺสริยสุขํ. อิทานิ เตสํ สมฺปนฺนเหตุวเสนปิ เกนจิ อวินาภาวิตเมว วิภาเวตุํ ‘‘วิเสสโต’’ติอาทิมาห. อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ อโทสสงฺขาเตน กุสลมูเลน สหชาตาทิปจฺจยวเสน อุปฺปาทิตกมฺมสฺส อานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ โสมฺมตรรตนชาติกตฺตา. กมฺมผลฺหิ เยภุยฺเยน กมฺมสริกฺขกํ. มชฺฌิมานิ มณิอิตฺถิคหปติรตนานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ อุฬารธนสฺส, อุฬารธนปฏิลาภการณสฺส จ ปริจฺจาคสมฺปทาเหตุกตฺตา. ปจฺฉิมํ ปริณายกรตนํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชติ มหาปฺเเนว จกฺกวตฺติราชกิจฺจสฺส ปริเนตพฺพตฺตา, มหาปฺภาวสฺส จ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมนิสฺสนฺทภาวโต. โพชฺฌงฺคสํยุตฺเตติ มหาวคฺเค ทุติเย โพชฺฌงฺคสํยุตฺเต (สํ. นิ. ๕.๒๒๓). รตนสุตฺตสฺสาติ ตตฺถ ปฺจมวคฺเค สงฺคีตสฺส ทุติยสฺส รตนสุตฺตสฺส (สํ. นิ. ๕.๒๒๓). อุปเทโส นาม สวิเสสํ สตฺตนฺนํ รตนานํ วิจารณวเสน ปวตฺโต นโย.
สรณโต ปฏิปกฺขวิธมนโต สูรา สตฺติวนฺโต, นิพฺภยาวหาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อภีรุกชาติกา’’ติ. อสุเร วิชินิตฺวา ิตตฺตา สกฺโก เทวานมินฺโท ธีโร นาม, ตสฺส เสนงฺคภาวโต เทวปุตฺโต ‘‘องฺค’’นฺติ วุจฺจติ, ธีรสฺส องฺคํ, ตสฺส รูปมิว รูปํ เยสํ เต ธีรงฺครูปา, เตน วุตฺตํ ‘‘เทวปุตฺตสทิสกายา’’ติ. เอเกติ สารสมาสนามกา อาจริยา, ตทกฺขมนฺโต อาห ‘‘อยํ ปเนตฺถา’’ติอาทิ. สภาโวติ สภาวภูโต อตฺโถ. อุตฺตมสูราติ อุตฺตมโยธา. สูรสทฺโท หิ อิธ โยธตฺโถ. เอวฺหิ ปุริมนยโต อิมสฺส วิเสสตา โหติ, ‘‘อุตฺตมตฺโถ สูรสทฺโท’’ติปิ วทนฺติ, ‘‘อุตฺตมา สูรา วุจฺจนฺตี’’ติปิ หิ ปาโ ทิสฺสติ. วีรานนฺติ วีริยวนฺตานํ. องฺคนฺติ การณํ ‘‘องฺคียติ ายติ ผลเมเตนา’’ติ กตฺวา. เยน วีริเยน ‘‘ธีรา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตเทว ธีรงฺคํ นามาติ ¶ อาห ‘‘วีริยนฺติ วุตฺตํ โหตี’’ติ. รูปนฺติ ¶ สรีรํ. เตน วุตฺตํ ‘‘วีริยมยสรีรา วิยา’’ติ. วีริยเมว วีริยมยํ ยถา ‘‘ทานมย’’นฺติ, (ที. นิ. ๓.๓๐๕; อิติวุ. ๖๐; เนตฺติ. ๓๔) ตสฺมา วีริยสงฺขาตสรีรา วิยาติ อตฺโถ. วีริยํ ปน น เอกนฺตรูปนฺติ วิย-สทฺทคฺคหณํ กตํ. อปิจ ธีรงฺเคน นิพฺพตฺตํ ธีรงฺคนฺติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘วีริยมยสรีรา วิยา’’ติ วุตฺตํ, เอวมฺปิ วีริยโต รูปํ น เอกนฺตํ นิพฺพตฺตนฺติ วิย-สทฺเทน ทสฺเสติ. อถ วา รูปํ สรีรภูตํ ธีรงฺคํ วีริยเมเตสนฺติ โยเชตพฺพํ, ตถาปิ วีริยํ นาม กิฺจิ สวิคฺคหํ น โหตีติ ทีเปติ ‘‘วีริยมยสรีรา วิยา’’ติ อิมินา, อิธาปิ มยสทฺโท สกตฺเถเยว ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา สวิคฺคหวีริยสทิสาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สวิคฺคหํ เจ วีริยํ นาม สิยา, เต จสฺส ปุตฺตา ตํสทิสาเยว ภเวยฺยุนฺติ อยเมว จตฺโถ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) อนุมโต. มหาปทานฏฺกถายํ ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘ธีรงฺคํ รูปเมเตสนฺติ ธีรงฺครูปา, วีริยชาติกา วีริยสภาวา วีริยมยา อกิลาสุโน อเหสุํ, ทิวสมฺปิ ยุชฺฌนฺตา น กิลมนฺตีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ, (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔) ตเทตํ รูปสทฺทสฺส สภาวตฺถตํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิธ เจว อฺตฺถ กตฺถจิ ‘‘ธิตงฺครูปา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. วีริยตฺโถปิ หิ ธิติสทฺโท โหติ ‘‘สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๕๗) ธิติสทฺโท วิย. กตฺถจิ ปน ‘‘วีรงฺค’’นฺติ ปาโว ทิฏฺโ. ยถา รุจฺจติ, ตถา คเหตพฺพํ.
นนุ จ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปฏิเสนา นาม นตฺถิ, ย’มสฺส ปุตฺตา ปมทฺเทยฺยุํ, อถ กสฺมา ‘‘ปรเสนปฺปมทฺทนา’’ติ วุตฺตนฺติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘สเจ’’ติอาทิมาห, ปรเสนา โหตุ วา, มา วา, ‘‘สเจ ปน ภเวยฺยา’’ติ ปริกปฺปนามตฺเตน เตสํ เอวมานุภาวตํ ทสฺเสตุํ ตถา วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย, ‘‘ปรเสนปฺปมทฺทนา’’ติ วุตฺเตปิ ปรเสนํ ปมทฺทิตุํ สมตฺถาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ ปกรณโตปิ อตฺถนฺตรสฺส วิฺายมานตฺตา, ยถา ‘‘สิกฺขมาเนน ภิกฺขเว ภิกฺขุนา อฺาตพฺพํ ปริปุจฺฉิตพฺพํ ปริปฺหิตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๔๓๔) เอตสฺส ปทภาชนีเย (ปาจิ. ๔๓๖) ‘‘สิกฺขิตุกาเมนา’’ติ อตฺถคฺคหณนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ ปริมทฺทิตุํ สมตฺถา’’ติ วุตฺตํ. น หิ เต ปรเสนํ ปมทฺทนฺตา ติฏฺนฺติ, อถ โข ปมทฺทนสมตฺถา เอว โหนฺติ ¶ . เอวมฺตฺรปิ ยถารหํ. ปรเสนํ ปมทฺทนาย สมตฺเถนฺตีติ ปรเสนปฺปมทฺทนาติ อตฺถํ ทสฺเสตีติปิ วทนฺติ.
ปุพฺเพ กตูปจิตสฺส เอตรหิ วิปจฺจมานกสฺส ปฺุธมฺมสฺส จิรตรํ วิปจฺจิตุํ ปจฺจยภูตํ จกฺกวตฺติวตฺตสมุทาคตํ ปโยคสมฺปตฺติสงฺขาตํ ธมฺมํ ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺเมนา’’ติ ปทสฺส ‘‘ปาโณ ¶ น หนฺตพฺโพติอาทินา ปฺจสีลธมฺเมนา’’ติ อตฺถมาห. อยฺหิ อตฺโถ ‘‘เย โข ปนานนฺท ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน, เต ราชานํ มหาสุทสฺสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ ‘เอหิ โข มหาราช, สฺวาคตํ เต มหาราช, สกํ เต มหาราช, อนุสาส มหาราชา’ติ. ราชา มหาสุทสฺสโน เอวมาห ‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ, กาเมสุ มิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภณิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตฺจ ภฺุชถา’ติ. เย โข ปนานนฺท ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฏิราชาโน, เต รฺโ มหาสุทสฺสนสฺส อนุยนฺตา อเหสุ’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๒.๒๔๔) อาคตํ รฺโ โอวาทธมฺมํ สนฺธาย วุตฺโต. เอวฺหิ ‘‘อทณฺเฑน อสตฺเถนา’’ติ อิทมฺปิ วิเสสนวจนํ สุสมตฺถิตํ โหติ. อฺาสุปิ สุตฺตนิปาตฏฺกถาทีสุ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒๒๖; ขุ. ปา. อฏฺ. ๖.๓; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๒๒๓) อยเมวตฺโถ วุตฺโต.
มหาปทานฏฺกถายํ ปน ‘‘อทณฺเฑนาติ เย กตาปราเธ สตฺเต สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ คณฺหนฺติ, เต ธนทณฺเฑน รชฺชํ กาเรนฺติ นาม, เย เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสนฺติ, เต สตฺถทณฺเฑน. อยํ ปน ทุวิธมฺปิ ทณฺฑํ ปหาย อทณฺเฑน อชฺฌาวสติ. อสตฺเถนาติ เย เอกโตธาราทินา สตฺเถน ปรํ วิเหสนฺติ, เต สตฺเถน รชฺชํ กาเรนฺติ นาม. อยํ ปน สตฺเถน ขุทฺทกมกฺขิกายปิ ปิวนมตฺตํ โลหิตํ กสฺสจิ อนุปฺปาเทตฺวา ธมฺเมเนว, ‘เอหิ โข มหาราชา’ติ เอวํ ปฏิราชูหิ สมฺปฏิจฺฉิตาคมโน วุตฺตปฺปการํ ปถวึ อภิวิชินิตฺวา อชฺฌาวสติ อภิภวิตฺวา สามี หุตฺวา วสตีติ อตฺโถ’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๔) วุตฺตํ, ตเทตํ ‘‘ธมฺเมนา’’ติ ปทสฺส ‘‘ปุพฺเพ กตูปจิเตน เอตรหิ วิปจฺจมานเกน เยน เกนจิ ปฺุธมฺเมนา’’ติ อตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตเนว หิ ‘‘ธมฺเมน ปฏิราชูหิ สมฺปฏิจฺฉิตาคมโน วุตฺตปฺปการํ ปถวึ ¶ อภิวิชินิตฺวา อชฺฌาวสตี’’ติ. อาจริเยนปิ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) วุตฺตํ ธมฺเมนาติ กตูปจิเตน อตฺตโน ปฺุธมฺเมน. เตน หิ สฺโจทิตา ปถวิยํ สพฺพราชาโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ‘‘สฺวาคตํ เต มหาราชา’’ติอาทีนิ วตฺวา อตฺตโน รชฺชํ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส นิยฺยาเตนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส อิมํ ปถวึ สาครปริยนฺตํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน อภิวิชิย อชฺฌาวสตี’’ติ, เตนปิ ยถาวุตฺตเมวตฺถํ ทสฺเสติ, ตสฺมา อุภยถาปิ เอตฺถ อตฺโถ ยุตฺโต เอวาติ ทฏฺพฺพํ. จกฺกวตฺติวตฺตปูรณาทิปโยคสมฺปตฺติมนฺตเรน หิ ปุพฺเพ กตูปจิตกมฺเมเนว เอวมชฺฌาวสนํ น สมฺภวติ, ตถา ปุพฺเพ กตูปจิตกมฺมมนฺตเรน จกฺกวตฺติวตฺตปูรณาทิปโยคสมฺปตฺติยา เอวาติ.
เอวํ เอกํ นิปฺผตฺตึ กเถตฺวา ทุติยํ นิปฺผตฺตึ กเถตุํ ยเทตํ ‘‘สเจ โข ปนา’’ติอาทิวจนํ วุตฺตํ, ตตฺถ อนุตฺตานมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อรหํ…เป… วิวฏฺฏจฺฉโทติ เอตฺถา’’ติอาทิมาห ¶ . ยสฺมา ราคาทโย สตฺต ปาปธมฺมา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปชฺชมานา จ เต สตฺตสนฺตานํ ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา กุสลปฺปวตฺตึ นิวาเรนฺติ, ตสฺมา เต อิธ ฉทสทฺเทน วุตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘ราคโทสา’’ติอาทินา. ทุจฺจริตนฺติ มิจฺฉาทิฏฺิโต อฺเน มโนทุจฺจริเตน สห ตีณิ ทุจฺจริตานิ, มิจฺฉาทิฏฺิ ปน วิเสเสน สตฺตานํ ฉทนโต, ปรมสาวชฺชตฺตา จ วิสุํ คหิตา. วุตฺตฺจ ‘‘สพฺเพ เต อิเมเหว ทฺวาสฏฺิยา วตฺถูหิ อนฺโตชาลีกตา, เอตฺถ สิตาว อุมฺมุชฺชมานา อุมฺมุชฺชนฺตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๔๖). ตถา มุยฺหนฏฺเน โมโห, อวิทิตกรณฏฺเน อวิชฺชาติ ปวตฺติอาการเภเทน อฺาณเมว ทฺวิธา วุตฺตํ. ตถา หิสฺส ทฺวิธาปิ ฉทนตฺโถ กถิโต ‘‘อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โมโห สหเต นร’’นฺติ, (มหานิ. ๕, ๑๕๖, ๑๙๕) ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต โลโก, เววิจฺฉา ปมาทา นปฺปกาสตี’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๓๙; จูฬนิ. ปารายนวคฺค.๒) จ. เอวํ ราคโทสาทีนมฺปิ ฉทนตฺโถ วตฺตพฺโพ. มหาปทานฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓) ปน ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสตณฺหาวเสน สตฺต ปาปธมฺมา คหิตา. ตตฺร รฺชนฏฺเน ราโค, ตณฺหายนฏฺเน ตณฺหาติ ปวตฺติอาการเภเทน โลโภ เอว ทฺวิธา วุตฺโต. ตถา หิสฺส ทฺวิธาปิ ฉทนตฺโถ เอกนฺติโกว. ยถาห ‘‘อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติ, ‘‘กามนฺธา ชาลสฺฉนฺนา, ตณฺหาฉทนฉาทิตา’’ติ ¶ (อุทา. ๙๔) จ, กิเลสคฺคหเณน จ วุตฺตาวสิฏฺา วิจิกิจฺฉาทโย วุตฺตา.
สตฺตหิ ปฏิจฺฉนฺเนติ เหตุคพฺภวจนํ, สตฺตหิ ปาปธมฺเมหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา กิเลสวเสน อนฺธกาเร โลเกติ อตฺโถ. ตํ ฉทนนฺติ สตฺตปาปธมฺมสงฺขาตํ ฉทนํ. วิวฏฺเฏตฺวาติ วิวฏฺฏํ กตฺวา วิคเมตฺวา. ตเทว ปริยายนฺตเรน วุตฺตํ ‘‘สมนฺตโต สฺชาตาโลโก หุตฺวา’’ติ. กิเลสฉทนวิคโม เอว หิ อาโลโก, เอเตน วิวฏฺฏยิตพฺโพ วิคเมตพฺโพติ วิวฏฺโฏ, ฉาเทติ ปฏิจฺฉาเทตีติ ฉโท, วิวฏฺโฏ ฉโท อเนนาติ วิวฏฺฏจฺฉทา, วิวฏฺฏจฺฉโท วาติ อตฺถํ ทสฺเสติ. อยฺหิ วิวฏฺฏจฺฉทสทฺโท ทฬฺหธมฺมปจฺจกฺขธมฺมสทฺทาทโย วิย ปุลฺลิงฺควเสน อาการนฺโต, โอการนฺโต จ โหติ. ตถา หิ มหาปทานฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสตณฺหาสงฺขาตํ ฉทนํ อาวรณํ วิวฏํ วิทฺธํสิตํ วิวฏกํ เอเตนาติ วิวฏจฺฉโท, ‘วิวฏฺฏจฺฉทา’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ’’ติ, (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๓) ตสฺสา ลีนตฺถปฺปกาสนิยมฺปิ วุตฺตํ ‘‘วิวฏฺฏจฺฉทาติ โอการสฺส อาการํ กตฺวา นิทฺเทโส’’ติ. สทฺทวิทู ปน ‘‘อาธนฺวาทิโตติ ลกฺขเณน สมาสนฺตคเตหิ ธนุสทฺทาทีหิ กฺวจิ อาปจฺจโย’’ติ วตฺวา ‘‘กณฺฑิวธนฺวา, ปจฺจกฺขธมฺมา, วิวฏฺฏจฺฉทา’’ติ ปโยคมุทาหรนฺติ.
กสฺมา ปทตฺตยเมตํ วุตฺตนฺติ อนุโยคํ เหตาลงฺการนเยน ปริหรนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห, ตตฺถาติ จ ¶ ตีสุ ปเทสูติ อตฺโถ. ปูชาวิเสสํ ปฏิคฺคณฺหิตุํ อรหตีติ อรหนฺติ อตฺเถน ปูชารหตา วุตฺตา. ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ปูชารหตาติ ตสฺสา ปูชารหตาย เหตุ วุตฺโต. สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานปุพฺพกตฺตา พุทฺธภาวสฺส พุทฺธตฺตเหตุภูตา วิวฏฺฏจฺฉทตา วุตฺตา. กมฺมาทิวเสน ติวิธํ วฏฺฏฺจ ราคาทิวเสน สตฺตวิโธ ฉโท จ วฏฺฏจฺฉทา, วฏฺฏจฺฉเทหิ วิคโต, วิคตา วา วฏฺฏจฺฉทา ยสฺสาติ วิวฏฺฏจฺฉโท, วิวฏฺฏจฺฉทา วา, ทฺวนฺทปุพฺพโค ปน วิ-สทฺโท อุภยตฺถ โยเชตพฺโพติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘วิวฏฺโฏ จ วิจฺฉโท จา’’ติ วุตฺตํ. เอวมฺปิ วทนฺติ ‘‘วิวฏฺโฏ จ โส วิจฺฉโท จาติ วิวฏฺฏจฺฉโท, อุตฺตรปเท ¶ ปุพฺพปทโลโปติ อตฺถํ ทสฺเสตี’’ติ. ‘‘อรหํ วฏฺฏาภาเวนา’’ติ อิทํ กิเลเสหิ อารกตฺตา, กิเลสารีนํ สํสารจกฺกสฺสารานฺจ หตตฺตา, ปาปกรเณ จ รหาภาวาติ อตฺถํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิทฺหิ ผเลน เหตานุมานทสฺสนํ – ยถา ตํ ธูเมน อคฺคิสฺส, อุทโกเฆน อุปริ วุฏฺิยา, เอเตน จ อตฺเถน อรหภาโว เหตุ, วฏฺฏาภาโว ผลนฺติ อยํ อาจริยมติ. ‘‘ปจฺจยาทีนํ, ปูชาวิเสสสฺส จ อรหตฺตา’’ติ ปน เหตุนา ผลานุมานทสฺสนมฺปิ สิยา ยถา ตํ อคฺคินา ธูมสฺส, อุปริ วุฏฺิยา อุทโกฆสฺส. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฉทนาภาเวนา’’ติ อิทํ ปน เหตุนา ผลานุมานทสฺสนํ สวาสนสพฺพกิเลสจฺฉทนาภาวปุพฺพกตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสฺส. อรหตฺตมคฺเคน หิ วิจฺฉทตา, สพฺพฺุตฺาเณน สมฺมาสมฺพุทฺธภาโว. ‘‘วิวฏฺโฏ จ วิจฺฉโท จา’’ติ อิทํ เหตุทฺวยํ. กามฺจ อาจริยมติยา ผเลน เหตุอนุมานทสฺสเน วิวฏฺฏตา ผลเมว โหติ, เหตุอนุมานทสฺสนสฺส, ปน ตถาาณสฺส จ เหตุภาวโต เหตุเยว นามาติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ ปทตฺตยวจเน เหตาลงฺการนเยน ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จตุเวสารชฺชวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทุติเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ทุติเยน เวสารชฺเชนาติ ‘‘จตฺตาริมานิ ภิกฺขเว ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ, เยหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๔.๘; ม. นิ. ๑.๑๕๐) ภควตา วุตฺตกฺกเมน ทุติยภูเตน ‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต ‘อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ, ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สห ธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ ภิกฺขเว น สมนุปสฺสามิ, เอตมหํ ภิกฺขเว นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามี’’ติ ปริทีปิเตน เวสารชฺเชน. ปุริมสิทฺธีติ ปุริมสฺส ‘‘อรห’’นฺติ ปทสฺส อตฺถสิทฺธิ อรหตฺตสิทฺธิ, ทุติยเวสารชฺชสฺส ตทตฺถภาวโต เตน เวสารชฺเชน ตทตฺถสิทฺธีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต ‘อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ ติ’’อาทินา วุตฺตเมว หิ ทุติยเวสารชฺชํ ‘‘กิเลเสหิ อารกตฺตา’’ติอาทินา วุตฺโต ‘‘อรห’’นฺติ ปทสฺส อตฺโถติ ¶ . ตโต จ วิฺายติ ‘‘ยถา ทุติเยน ¶ เวสารชฺเชน ปุริมสิทฺธิ, เอวํ ปุริเมนปิ อตฺเถน ทุติยเวสารชฺชสิทฺธี’’ติ. เอวฺจ กตฺวา อิมินา นเยน จตุเวสารชฺชวเสน ปทตฺตยวจเน ปโยชนทสฺสนํ อุปปนฺนํ โหติ. อิตรถา หิ กิฺจิปโยชนาภาวโต อิทํเยว วจนํ อิธ อวตฺตพฺพํ สิยาติ. เอส นโย เสเสสุปิ.
ปเมนาติ วุตฺตนเยน ปมภูเตน ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต ‘อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ, ตตฺร…เป… วิหรามี’’ติ ปริทีปิเตน เวสารชฺเชน. ทุติยสิทฺธีติ ทุติยสฺส ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ ปทสฺส อตฺถสิทฺธิ พุทฺธตฺตสิทฺธิ ตสฺส ตทตฺถภาวโต. ตติยจตุตฺเถหีติ วุตฺตนเยเนว ตติยจตุตฺถภูเตหิ ‘‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายาติ, ตตฺร…เป… วิหรามี’’ติ จ ‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ, ตตฺร…เป… วิหรามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๘; ม. นิ. ๑.๑๕๐) จ ปริทีปิเตหิ เวสารชฺเชหิ. ตติยสิทฺธีติ ตติยสฺส ‘‘วิวฏฺฏจฺฉทา’’ติ ปทสฺส อตฺถสิทฺธิ วิวฏฺฏจฺฉทตฺถสิทฺธิ เตหิ ตสฺส ปากฏภาวโตติ อตฺโถ. ‘‘ยาถาวโต อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺมาปเทเสน หิ สตฺถุ วิวฏฺฏจฺฉทภาโว โลเก ปากโฏ อโหสี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๘) อาจริเยน วุตฺตํ, วิวฏฺฏจฺฉทภาเวเนว อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺมเทสนาสิทฺธิโต ‘‘ตติเยน ตติยจตุตฺถสิทฺธี’’ติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ.
เอวํ ปทตฺตยวจเน จตุเวสารชฺชวเสน ปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จกฺขุตฺตยวเสนปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุริมฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จ-สทฺโท อุปนฺยาสตฺโถ. ปุริมํ ‘‘อรห’’นฺติ ปทํ ภควโต เหฏฺิมมคฺคผลตฺตยาณสงฺขาตํ ธมฺมจกฺขุํ สาเธติ กิเลสารีนํ, สํสารจกฺกสฺส อรานฺจ หตภาวทีปนโต. ทุติยํ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ ปทํ อาสยานุสยอินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณสงฺขาตํ พุทฺธจกฺขุํ สาเธติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺเสว ตํสมฺภวโต. ตเทตฺหิ าณทฺวยํ สาวกปจฺเจกพุทฺธานํ น สมฺภวติ. ตติยํ ‘‘วิวฏฺฏจฺฉทา’’ติ ปทํ สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธติ สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานทีปนโต. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ หิ วตฺวา ‘‘วิวฏฺฏจฺฉทา’’ติ วจนํ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวาย สวาสนสพฺพกิเลสปฺปหานํ วิภาเวตีติ. ‘‘อหํ โข ปน ตาต อมฺพฏฺ มนฺตานํ ทาตา’’ติ อิทํ อปฺปธานํ, ‘‘ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตา’’ติ อิทเมว ปธานํ สมุตฺเตชนาวจนนฺติ สนฺธาย ¶ ‘‘ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตาติ อิมินา’สฺส มนฺเตสุ สูรภาวํ ชเนตี’’ติ วุตฺตํ, ลกฺขณวิภาวเน วิสทาณตาสงฺขาตํ สูรภาวํ ชเนตีติ อตฺโถ.
๒๕๙. เอวํ ¶ โภติ เอตฺถ เอวํ-สทฺโท วจนสมฺปฏิจฺฉเน นิปาโต, วจนสมฺปฏิจฺฉนฺเจตฺถ ตถา มยํ ตํ ภวนฺตํ โคตมํ เวทิสฺสาม, ตฺวํ มนฺตานํ ปฏิคฺคเหตาติ จ เอวํ ปวตฺตสฺส โปกฺขรสาติโน วจนสฺส สมฺปฏิคฺคโห. ‘‘ตสฺสตฺโถ’’ติอาทินาปิ หิ ตเทวตฺถํ ทสฺเสติ. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา’’ติ, ตํ ปเนส อาจริยสฺส สมุตฺเตชนาย ลกฺขเณสุ วิคตสมฺโมหภาเวน พุทฺธมนฺเต สมฺปสฺสมานตฺตา วทตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสปี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘ตายาติ ตาย ยถาวุตฺตาย สมุตฺเตชนายา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๕๙) อาจริเยน วุตฺตํ, อธุนา ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ตาย อาจริยกถายา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. อตฺถโต เจส อวิรุทฺโธเยว. มนฺเตสุ สติสมุปฺปาทิกา หิ กถา สมุตฺเตชนาติ.
อยานภูมินฺติ ยานสฺส อภูมึ, ยาเนน ยาตุมสกฺกุเณยฺยฏฺานภูตํ, ทฺวารโกฏฺกสมีปํ คนฺตฺวาติ อตฺโถ.
อวิเสเสน วุตฺตสฺสปิ วจนสฺส อตฺโถ อฏฺกถาปมาณโต วิเสเสน คเหตพฺโพติ อาห ‘‘ิตมชฺฌนฺหิกสมเย’’ติ. สพฺเพสมาจิณฺณวเสน ปมนยํ วตฺวา ปธานิกานเมว อาเวณิกาจิณฺณวเสน ทุติยนโย วุตฺโต. ทิวาปธานิกาติ ทิวาปธานานุยฺุชนกา, ทิวสภาเค สมณธมฺมกรณตฺถํ เต เอวํ จงฺกมนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตาทิสานฺหี’’ติอาทิ. ‘‘ปริเวณโต ปริเวณมาคจฺฉนฺโต ปปฺโจ โหติ, ปุจฺฉิตฺวาว ปวิสิสฺสามี’’ติ อมฺพฏฺสฺส ตทุปสงฺกมนาธิปฺปายํ วิภาเวนฺโต ‘‘โส กิรา’’ติอาทิมาห.
๒๖๐. อภิฺาตกุเล ชาโต อภิฺาตโกลฺโ. กามฺจ วกฺขมานนเยน ปุพฺเพ อมฺพฏฺกุลมปฺาตํ, ตทา ปน ปฺาตนฺติ อาห ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ. รูปชาติมนฺตกุลาปเทเสหีติ ‘‘อยมีทิโส’’ติ อปทิสนเหตุภูเตหิ จตูหิ รูปชาติมนฺตกุเลหิ. เยน เต ¶ ภิกฺขู จินฺตยึสุ, ตทธิปฺปายํ อาวิ กาตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อวิเสสโต วุตฺตมฺปิ วิเสสโต วิฺายมานตฺถํ สนฺธาย ภาสิตวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘คนฺธกุฏึ สนฺธายา’’ติ อิมินา. เอวมีทิเสสุ.
อตุริโตติ อเวคายนฺโต, ‘‘อตุรนฺโต’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. กถํ ปวิสนฺโต อตรมาโน ปวิสติ นามาติ อาห ‘‘สณิก’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ปทปฺปมาณฏฺาเนติ ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตเร มุฏฺิรตนปมาณฏฺาเน. สินฺทุวาโร นาม เอโก ปุปฺผูปครุกฺโข, ยสฺส เสตํ ปุปฺผํ โหติ, โย ¶ ‘‘นิคฺคุณฺฑี’’ ติปิ วุจฺจติ. ปมุขนฺติ คนฺธกุฏิคพฺภปมุขํ. ‘‘กฺุจิกจฺฉิทฺทสมีเป’’ติ วุตฺตวจนํ สมตฺเถตุํ ‘‘ทฺวารํ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
๒๖๑. ‘‘ทานํ ททมาเนหี’’ติ อิมินา ปารมิตานุภาเวน สยเมว ทฺวารวิวรณํ ทสฺเสติ.
ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสูติ เอตฺถ สมตฺเถน สํ-สทฺเทน วิฺายมานํ ภควโต เตหิ สทฺธึ ปมํ ปวตฺตโมทตาสงฺขาตํ เนยฺยตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา’’ติอาทิมาห. ภควาปิ หิ ‘‘กจฺจิ โภ มาณวา ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทีนิ ปุจฺฉนฺโต เตหิ มาณเวหิ สทฺธึ ปุพฺพภาสิตาย ปมฺเว ปวตฺตโมโท อโหสิ. สมปฺปวตฺตโมทาติ ภควโต ตทนุกรเณน สมํ ปวตฺตสํสนฺทนา. ตทตฺถํ สห อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘สีโตทกํ วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปรมนิพฺพุตกิเลสทรถตาย ภควโต สีโตทกสทิสตา, อนิพฺพุตกิเลสทรถตาย จ มาณวานํ อุณฺโหทกสทิสตา ทฏฺพฺพา. สมฺโมทิตนฺติ สํสนฺทิตํ. มุทสทฺโท เหตฺถ สํสนฺทเนเยว, น ปาโมชฺเช, เอวฺหิ ยถาวุตฺตอุปมาวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เอกีภาว’’นฺติ, สมฺโมทนกิริยาย สมานตํ เอกรูปตนฺติ อตฺโถ.
ขมนียนฺติ ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ ทุกฺขพหุลตาย สภาวโต ทุสฺสหํ กจฺจิ ขมิตุํ สกฺกุเณยฺย’’นฺติ ปุจฺฉนฺติ, ยาปนียนฺติ อาหาราทิปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺติกํ จิรปฺปพนฺธสงฺขาตาย ยาปนาย กจฺจิ ยาเปตุํ สกฺกุเณยฺยํ, สีสโรคาทิอาพาธาภาเวน กจฺจิ อปฺปาพาธํ, ทุกฺขชีวิกาภาเวน กจฺจิ อปฺปาตงฺกํ, ตํตํกิจฺจกรเณ อุฏฺานสุขตาย กจฺจิ ลหุฏฺานํ, ตทนุรูปพลโยคโต กจฺจิ พลํ, สุขวิหารผลสพฺภาเวน กจฺจิผาสุวิหาโร อตฺถีติ สพฺพตฺถ กจฺจิ-สทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. พลปฺปตฺตา ¶ ปีติ ปีติเยว. ตรุณา ปีติ ปาโมชฺชํ. สมฺโมทนํ ชเนติ กโรตีติ สมฺโมทนิกํ, ตเทว สมฺโมทนิยํ ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา. สมฺโมเทตพฺพโต สมฺโมทนียนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต’’ติ อิมินา. เอวํ อาจริเยหิ วุตฺตํ. สมฺโมทิตุํ อรหตีติ สมฺโมทนิกํ, ตเทว สมฺโมทนิยํ ยถาวุตฺตนเยนาติ อิมมตฺถมฺปิ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘สาเรตุ’’นฺติ เอตสฺส ‘‘นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุ’’นฺติ อตฺถวจนํ. สริตพฺพภาวโตติ อนุสฺสริตพฺพภาวโต. ‘‘สาเรตุํ อรหตี’’ติ อตฺเถ ยถาปทํ ทีเฆน ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘สริตพฺพ’’นฺติ อตฺเถ ปน ‘‘สรณีย’’นฺติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สารณีย’’นฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ สทฺทโต อตฺถํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺถมตฺตโต ทสฺเสตุํ ‘‘สุยฺยมานสุขโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุยฺยมานสุขโตติ อาปาถมธุรตฺตมาห, อนุสฺสริยมานสุขโตติ วิมทฺทรมณียตฺตํ. พฺยฺชนปริสุทฺธตายาติ สภาวนิรุตฺติภาเวน ตสฺสา กถาย ¶ วจนจาตุริยํ, อตฺถปริสุทฺธตายาติ อตฺถสฺส นิรุปกฺกิเลสตฺตํ. อเนเกหิ ปริยาเยหีติ อเนเกหิ การเณหิ.
อปสาเทสฺสามีติ มงฺกุํ กริสฺสามิ. อุโภสุ ขนฺเธสุ สาฏกํ อาสชฺเชตฺวา กณฺเ โอลมฺพนํ สนฺธาย ‘‘กณฺเ โอลมฺพิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ทุสฺสกณฺณํ คเหตฺวาติ นิวตฺถสาฏกสฺส โกฏึ เอเกน หตฺเถน คเหตฺวา. จงฺกมิตุมารุหนํ สนฺธาย ‘‘จงฺกมํ อภิรุหิตฺวา’’ติ อาห. ธาตุสมตาติ รสาทิธาตูนํ สมาวตฺถตา, อโรคตาติ อตฺโถ. ปาสาทิกตฺถนฺติ ปสาทชนนตฺถํ ‘‘คตคตฏฺาเน’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ‘‘ปาสาทิกตฺตา’’ติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – องฺคปจฺจงฺคานํ ปสาทาวหตฺตาติ, ‘‘อุปฺปนฺนพหุมานา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อุปฺปณฺฑนกถนฺติ อวหสิตพฺพตายุตฺตกถํ. ‘‘อนาจารภาวสารณีย’’นฺติ ตสฺส วิเสสนํ, อนาจารภาเวน สารณียํ ‘‘อนาจาโร วตาย’’นฺติ สริตพฺพกนฺติ อตฺโถ.
๒๖๒. กาตุํ ทุกฺกรมสกฺกุเณยฺยํ กิจฺจมยํ อารภีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ภวคฺคํ คเหตุกาโม วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสกฺกุเณยฺยฺเหตํ สเทวเกนปิ โลเกน, ยทิทํ ภควโต อปสาทนํ. เตนาห ‘‘อฏฺาเน วายมตี’’ติ. หนฺท เตน สทฺธึ มนฺเตมีติ เอวํ อฏฺาเน วายมนฺโตปิ อยํ พาโล ‘‘มยิ กิฺจิ อกเถนฺเต มยา สทฺธึ อุตฺตริ กเถตุมฺปิ ¶ น วิสหตี’’ติ มานเมว ปคฺคณฺหิสฺสติ, กเถนฺเต ปน กถาปสงฺเคนสฺส ชาติโคตฺเต วิภาวิเต มานนิคฺคโห ภวิสฺสติ, ‘‘หนฺท เตน สทฺธึ มนฺเตมี’’ติ ภควา อมฺพฏฺํ มาณวํ เอตทโวจาติ อตฺโถ. อาจารสมาจารสิกฺขาปเนน อาจริยา, เตสํ ปน อาจริยานํ ปกฏฺา อาจริยาติ ปาจริยา ยถา ‘‘ปปิตามโห’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อาจริเยหิ จ เตสํ อาจริเยหิ จา’’ติ วุตฺตํ.
ปมอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๓. กิฺจาปิ ‘‘สยาโน วา’’ติอาทิวจนํ น วตฺตพฺพํ, มานวเสน ปน ยุคคฺคาหํ กโรนฺโต วทตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กามํ ตีสู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตีสุ อิริยาปเถสูติ านคมนนิสชฺชาสุ. เตสฺเวว หิ อาจริเยน สทฺธึ สลฺลปิตุมรหติ, น ตุ สยเน ครุกรณียานํ สยานานมฺปิ สมฺมุขา ครุกาเรหิ สยนสฺส อกตฺตพฺพภาวโต. กถาสลฺลาปนฺติ กถาวเสน ยุคคฺคาหกรณตฺถํ สลฺลปนํ. สยาเนน หิ อาจริเยน สทฺธึ สยานสฺส กถา นาม อาจาโร น โหติ, ตถาเปตํ อิตเรหิ สทิสํ กตฺวา กถนํ อิธ กถาสลฺลาโป.
ยํ ¶ ปเนตํ ‘‘สยาโน วา หิ โภ โคตม พฺราหฺมโณ สยาเนน พฺราหฺมเณน สทฺธึ สลฺลปิตุมรหตี’’ติ วุตฺตสฺส สลฺลาปสฺส อนาจารภาววิภาวนํ สตฺถารา อมฺพฏฺเน สทฺธึ กเถนฺเตน กตํ, ตํ ปาฬิวเสน สงฺคีติมนารุฬฺหมฺปิ อครหิตาย อาจริยปรมฺปราย ยาวชฺชตนา สมาภตนฺติ ‘‘เย จ โข เต โภ โคตมา’’ติอาทิกาย อุปริปาฬิยา สมฺพนฺธภาเวน ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต กิรา’’ติอาทิมาห. โครูปนฺติ โค นูน รูปกวเสน วุตฺตตฺตา, รูปสทฺทสฺส จ ตพฺภาววุตฺติโต. ยทิ อหีเฬนฺโต ภเวยฺย, ‘‘มุณฺฑา สมณา’’ติ วเทยฺย, หีเฬนฺโต ปน ครหตฺเถน ก-สทฺเทน ปทํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘มุณฺฑกา สมณกา’’ติ วทตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘มุณฺเฑ มุณฺฑา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิพฺภาติ คหปติกาติ อตฺถมตฺตวจนํ, สทฺทโต ปน อิภสฺส ปโยโค อิโภ อุตฺตรปทโลเปน, ตํ อิภํ อรหนฺตีติ อิพฺภา ทฺวิตฺตํ กตฺวา. กึ วุตฺตํ โหติ – ยถา โสภนํ คมนโต อิภสงฺขาโต หตฺถิวาหนภูโต ปรสฺส วเสน ปวตฺตติ, น อตฺตโน, เอวเมเตปิ พฺราหฺมณานํ สุสฺสูสกา สุทฺทา ปรสฺส วเสน ¶ ปวตฺตนฺติ, น อตฺตโน, ตสฺมา อิภสทิสปโยคตาย อิพฺภาติ. เต ปน กุฏุมฺพิกตาย ฆรวาสิโน ฆรสามิกา โหนฺตีติ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสติ ‘‘คหปติกา’’ติ อิมินา.
กณฺหาติ กณฺหชาติกา. ทฺวิชา เอว หิ สุทฺธชาติกา, น อิตเรติ ตสฺสาธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘กาฬกา’’ติ. ปิตามหภาเวน าติพนฺธวตฺตา พนฺธุ. เตนาห ‘‘ปิตามโหติ โวหรนฺตี’’ติ. อปจฺจาติ ปุตฺตา. มุขโต นิกฺขนฺตาติ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพปุริสา พฺรหฺมุโน มุขโต นิกฺขนฺตา, อยํ เตสํ ปมุปฺปตฺตีติ อธิปฺปาโย. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – ‘‘อิพฺภา กณฺหา’’ติ วตฺวา ‘‘พนฺธุปาทาปจฺจา’’ติ วทนฺโต กุลวเสน สมณา เวสฺสกุลปริยาปนฺนา, ปมุปฺปตฺติวเสน ปน พฺรหฺมุโน ปิฏฺิปาทโต นิกฺขนฺตา, น ปกติเวสฺสา วิย นาภิโตติ ทสฺเสตีติ, อิทํ ปนสฺส ‘‘มุขโต นิกฺขนฺตา’’ติอาทิวจนโตปิ อติวิย อสมเวกฺขิตปุพฺพวจนํ จตุวณฺณปริยาปนฺนสฺเสว สมณภาวสมฺภวโต. อนิยเมตฺวาติ อวิเสเสตฺวา, อนุทฺเทสิกภาเวนาติ อตฺโถ.
มานเมว นิสฺสาย กเถสีติ มานเมวาปสฺสยํ กตฺวา อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺโต, ปเร จ วมฺเภนฺโต ‘‘มุณฺฑกา สมณกา’’ติอาทิวจนํ กเถสิ. ชานาเปสฺสามีติ อตฺตโน โคตฺตปมาณํ ยาถาวโต วิภาวเนน วิฺาเปสฺสามิ. อตฺโถติ หิตํ, อิจฺฉิตวตฺถุ วา, ตํ ปน กตฺตพฺพกิจฺจเมวาติ วุตฺตํ ‘‘อาคนฺตฺวา กตฺตพฺพกิจฺจสงฺขาโต อตฺโถ’’ติ, โส เอตสฺส อตฺถีติ อตฺถิกํ ยถา ‘‘ทณฺฑิโก’’ติ. ทุติยสฺสปิ ปุคฺคลวาจกสฺส ตทสฺสตฺถิปจฺจยสฺส วิชฺชมานตฺตา ปเมน ¶ ตทารมฺมณิกจิตฺตเมว วิฺายตีติ อาห ‘‘ตสฺส มาณวสฺส จิตฺต’’นฺติ. อตฺถิกมสฺส อตฺถีติ อตฺถิกวา ยถา ‘‘คุณวา’’ติ.
‘‘ยาเยว โข ปนตฺถายา’’ติ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เยเนว โข ปนตฺเถนา’’ติ อิมินา. เตเนวาห ‘‘ตเมว อตฺถนฺติ อิทํ ปุริสลิงฺควเสเนว วุตฺต’’นฺติ. ตตฺถ หิ สาภาวิกลิงฺคตาทสฺสเนน อิธ อสาภาวิกลิงฺคตาสิทฺธีติ. อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถาโต อปโร นโย – ยาย อตฺถายาติ ปุลฺลิงฺควเสเนว ตทตฺเถ สมฺปทานวจนํ, ยสฺส กตฺตพฺพกิจฺจสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส อตฺถายาติ อตฺโถติ. อสฺสาติ อมฺพฏฺสฺส ¶ ทสฺเสตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อฺเสํ สนฺติกํ อาคตานนฺติ ครุฏฺานิยานํ สนฺติกมุปคตานํ สาธุรูปานํ. วตฺตนฺติ เตสํ สมาจิณฺณํ. ปกรณโตเยว ‘‘อาจริยกุเล’’ติ อตฺโถ วิฺายติ, ‘‘อวุสิตวา’’ติ จ อสิกฺขิตภาโวเยว โวหารวเสน วุตฺโต ยถา ตํ จีวรทานํ ติจีวเรน อจฺฉาเทสีติ. เตนาห ‘‘อาจริยกุเล อวุสิตวา อสิกฺขิโต’’ติ. อสิกฺขิตตฺตา เอว อปฺปสฺสุโต, ‘‘วุสิตมานี’’ติ จ ปทาเปกฺขาย อปริโยสิตวจนตฺตา สมาโนติ ปาเสโสติ ทสฺเสติ ‘‘อปฺปสฺสุโตว สมาโน’’ติ อิมินา. พาหุสจฺจฺหิ นาม ยาวเทว อุปสมตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตทภาวโต ปนายํ อมฺพฏฺโ อวุสิตวา อสิกฺขิโต อปฺปสฺสุโตติ วิฺายตีติ เอวมฺปิ อตฺถาปตฺติโต การณํ วิภาเวนฺโต อาห ‘‘กิมฺตฺร อวุสิตตฺตา’’ติ. อิมมฺปิ สมฺพนฺธํ ทีเปติ ‘‘เอตสฺส หี’’ติอาทินา. ยถารุตโต ปน ผรุสวจนสมุทาจาเรน อนุปสมการณทสฺสนเมตํ. ตตฺรายํ โยชนา – ‘‘กิมฺตฺร อวุสิตตฺตา’’ติ อิทํ การณํ เอตสฺส อมฺพฏฺสฺส ผรุสวจนสมุทาจาเร การณนฺติ. ‘‘ผรุสวจนสมุทาจาเรนา’’ติปิ ปาโ, ตถา สมุทาจารวเสน วุตฺตํ การณนฺติ อตฺโถ. เอวมฺปิ โยเชนฺติ – อวุสิตตฺตา อวุสิตภาวํ อฺตฺร เปตฺวา เอตสฺส เอวํ ผรุสวจนสมุทาจาเร การณํ กิมฺํ อตฺถีติ. ปุริมโยชนาเวตฺถ ยุตฺตตรา ยถาปาํ โยเชตพฺพโต. ‘‘อฺตฺรา’’ติ นิปาตโยคโต อวุสิตตฺตาติ อุปโยคตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ. ตเทว การณํ สมตฺเถติ ‘‘อาจริยกุเล’’ติอาทินา.
๒๖๔. โกธสงฺขาตสฺส ปรสฺส วสานุคตจิตฺตตาย อสกมโน. มานนิมฺมทนตฺถนฺติ มานสฺส นิมฺมทนตฺถํ อภิมทฺทนตฺถํ, อมทนตฺถํ วา, มานมทวิรหตฺถนฺติ อตฺโถ. โทสํ อุคฺคิเลตฺวาติ สิเนหปาเนน กิลินฺนํ วาตปิตฺตเสมฺหโทสํ อุพฺพมนํ กตฺวา. โคตฺเตน โคตฺตนฺติ อมฺพฏฺเเนว ภควตา ปุฏฺเน วุตฺเตน สาวชฺเชน ปุราตนโคตฺเตน อธุนา อนวชฺชสฺิตํ โคตฺตํ. กุลาปเทเสน กุลาปเทสนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อุฏฺาเปตฺวาติ สาวชฺชโต อุฏฺหนํ กตฺวา, อุทฺธริตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. โคตฺตฺเจตฺถ อาทิปุริสวเสน, กุลาปเทโส ปน ตทนฺวเย อุปฺปนฺนาภิฺาตปุริสวเสน ¶ คเหตพฺโพ ยถา ‘‘อาทิจฺโจ มาฆโว’’ติ. สากิยานฺหิ อาทิจฺจโคตฺตํ อทิติยา นาม เทวธีตาย ปุตฺตภูตํ อาทิปุริสํ ¶ ปติ โหติ, ตํ ‘‘โคตมโคตฺต’’นฺติปิ วทนฺติ. ยถาห ปพฺพชฺชาสุตฺเต –
‘‘อาทิจฺจา นาม โคตฺเตน, สากิยา นาม ชาติยา;
ตมฺหา กุลา ปพฺพชิโตมฺหิ, น กาเม อภิปตฺถย’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๒๕);
มาฆวกุลํ ปน ตทนฺวเย อภิฺาตํ มจลคามิกปุริสํ ปติ โหตีติ. โคตฺตมูลสฺส คารยฺหตาย อมานวตฺถุภาวปเวทนโต ‘‘มานทฺธชํ มูเล เฉตฺวา นิปาเตสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. ฆฏฺเฏนฺโตติ ชาติโคตฺตวเสน โอมสนฺโต. หีเฬนฺโตติ หีฬนํ ครหํ กโรนฺโต. ‘‘จณฺฑา โภ โคตม สกฺยชาตี’’ติอาทินา สากิเยสุ จณฺฑภาวาทิโทสํ ปาปิเตสุ สมโณปิ โคตโม ปาปิโต ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย.
ยสฺมึ มานุสฺสยโกธุสฺสยา อฺมฺูปตฺถทฺธา, โส ‘‘จณฺโฑ’’ติ วุจฺจตีติ ทสฺเสติ ‘‘มานนิสฺสิตโกธยุตฺตา’’ติ อิมินา, ปกตูปนิสฺสยารมฺมณวเสน เจตฺถ นิสฺสิตภาโว, น สหชาตาทิวเสน. ขราติ จิตฺเตน, วาจาย จ กกฺขฬา. ลหุกาติ ตรุณา อวุทฺธกมฺมา. เตนาห ‘‘อปฺปเกเนวา’’ติอาทิ. อลาพุกฏาหนฺติ ลาพุผลสฺส อเภชฺชกปาลํ. อฏฺกถามุตฺตกนยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภสฺสาติ สาหสิกาติ เกจิ วทนฺติ, สารมฺภกาติ อปเร’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๔) อาจริเยน วุตฺตํ. สมานาติ โหนฺตา ภวมานาติ อสสทฺทวเสนตฺโถติ อาห ‘‘สนฺตาติ ปุริมปทสฺเสว เววจน’’นฺติ. น สกฺกโรนฺตีติ สกฺการํ น กโรนฺตีติ อตฺถเมว วิฺาเปติ ‘‘น พฺราหฺมณาน’’นฺติอาทินา. อปจิติกมฺมนฺติ ปณิปาตกมฺมํ. ‘‘ยทิเม สกฺยา’’ติ ปจฺฉิมวากฺเย ย-สทฺทสฺส กิริยาปรามสนสฺส อนิยมสฺส ‘‘ตยิทํ โภ โคตมา’’ติ ปุริมวากฺเย ต-สทฺเทน นิยมนํ เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘ยํ อิเม สกฺยา’’ติอาทิ. นานุโลมนฺติ อตฺตโน ชาติยา น อนุจฺฉวิกํ.
ทุติยอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๕. สนฺธาคารปทนิพฺพจนํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตทา อภิสิตฺตสกฺยราชูนมฺปิ พหุตํ สนฺธายาห ‘‘อภิสิตฺตสกฺยราชาโน’’ติ. กามฺหิ สกฺยราชกุเล โย สพฺเพสํ วุทฺธตโร, สมตฺโถ จ, โส เอว อภิเสกํ ลภติ ¶ . เอกจฺโจ ปน อภิสิตฺโต สมาโน ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม พหุกิจฺจํ ¶ พหุพฺยาปาร’’นฺติ ตโต นิพฺพิชฺช รชฺชํ วยสา อนนฺตรสฺส นิยฺยาเตติ, กทาจิ โสปิ อฺสฺสาติ เอวํ ปรมฺปรานิยฺยาตนวเสน ตทา พหู อภิสิตฺตปุพฺพา สกฺยราชาโน โหนฺตีติ อิทํ อาจริยสฺสาภิมตํ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๕). อปิจ ยถารหํ านนฺตเรสุ อภิสิตฺตสกฺยราชูนมฺปิ พหุตํ สนฺธาย เอวมาหาติปิ ยุชฺชติ. เต หิ ‘‘ราชาโน’’ติ วุจฺจนฺติ. ยถาห –
‘‘ราชาโน นาม ปถพฺยาราชา, ปเทสราชา, มณฺฑลิกา, อนฺตรโภคิกา, อกฺขทสฺสา, มหามตฺตา, เย วา ปน เฉชฺชเภชฺชํ กโรนฺตา อนุสาสนฺติ, เอเต ราชาโน นามา’’ติ (ปารา. ๙๒).
สํหาริเมหิ วาฬรูเปหิ กโต ปลฺลงฺโก, ภทฺทปีํ เวตฺตาสนํ. มิหิตมตฺตํ หสิตมตฺตํ. อนุหสนฺตีติ มมุทฺเทสิกํ มหาหสิตํ กโรนฺติ, อิทฺหิ ‘‘อนุชคฺฆนฺตา’’ติ เอตสฺส สํวณฺณนาปทํ. ชคฺฆสทฺโท จ มหาหสเน ปวตฺตติ ‘‘น อุชฺชคฺฆิกาย อนฺตรฆเร คมิสฺสามี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๕๘๖) วิย.
กณฺหายนโต ปฏฺาย ปรมฺปราคตํ กุลวํสํ อนุสฺสววเสน ชานนฺติ. กุลาภิมานิโน หิ เยภุยฺเยน ปเรสํ อุจฺจาวจํ กุลํ ตถา ตถา อุทาหรนฺติ, อตฺตโน จ กุลวํสํ ชานนฺติ, เอวํ อมฺพฏฺโปิ, ตถา เหส ปรโต ภควตา ปุจฺฉิโต วชิรปาณิ ภเยน อตฺตโน กุลวํสํ ยาถาวโต กเถสีติ. โอลมฺเพตฺวาติ หตฺถิโสณฺฑสณฺานาทินา สาฏกํ อวลมฺเพตฺวา. ตโตติ ตถาชานนโต, คมนโต จ. มมฺเว มฺเติ มมเมว อนุชคฺฆนฺตา มฺเ.
ตติยอิพฺภวาทวณฺณนา
๒๖๖. เขตฺตเลฑฺฑูนนฺติ เขตฺเต กสนวเสน อุฏฺาปิตมตฺติกาขณฺฑานํ. เลฑฺฑุกานมนฺตเร นิวาสิตตฺตา ‘‘เลฑฺฑุกิกา’’ อิจฺเจว (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๖) สฺาตา ขุทฺทกสกุณิกา. มชฺฌิมปณฺณาสเก เลฑฺฑุกิโกปมสุตฺตวณฺณนายํ ‘‘จาตกสกุณิกา’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๑๕๐) วุตฺตา, นิฆณฺฏุสตฺเถสุ ปน ตํ ‘‘ลาปสกุณิกา’’ติ วทนฺติ. โกธวเสน ลคฺคิตุนฺติ อุปนยฺหิตุํ, อาฆาตํ พนฺธิตุนฺติ อตฺโถ.
‘‘อมฺเห ¶ หํสโกฺจโมรสเม กโรตี’’ติ วทนฺโต เหฏฺา คหิตํ ‘‘น ตํ โกจิ หํโส วา โกฺโจ ¶ วา โมโร วา อาคนฺตฺวา กึ ตฺวํ ลปสีติ นิเสเธตี’’ติ อิทมฺปิ วจนํ สงฺคีติมนารุฬฺหํ ตทา ภควตา วุตฺตเมวาติ ทสฺเสติ. ตทา วทนฺโตเยว หิ เอวํ กโรตีติ วตฺตุมรหติ. ‘‘เอวํ นุ เต’’ติอาทิวจนํ, ‘‘อวุสิตวาเยวา’’ติอาทิวจนฺจ มานวเสน สมเณน โคตเมน วุตฺตนฺติ อมฺพฏฺโ มฺตีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘นิมฺมาโน ทานิ ชาโตติ มฺมาโน’’ติ.
ทาสิปุตฺตวาทวณฺณนา
๒๖๗. นิมฺมาเทตีติ อ-การสฺส อา-การํ กตฺวา นิทฺเทโส อุมฺมาเท มทสทฺเทน นิปฺผนฺนตฺตาติ ทสฺเสติ ‘‘นิมฺมเทตี’’ติ อิมินา. นิมฺมาเนติ วิคตมาเน. ยทิ ปนาหํ โคตฺตํ ปุจฺเฉยฺยํ สาธุ วตาติ อตฺโถ. ปากฏํ กาตุกมฺยตาย ติกฺขตฺตุํ มหาสทฺเทน อโวจ. กสฺมา อโวจาติ ปน อสุทฺธภาวํ ชานนฺตสฺสาปิ ตถาวจเน การณปุจฺฉา. โคตฺตภูตํ นามเมว อธิปฺเปตํ, น วิสุํ โคตฺตนฺติ อาห ‘‘มาตาเปตฺติกนฺติ มาตาปิตูนํ สนฺตก’’นฺติ. โคตฺตฺหิ ปิติโต ลทฺธพฺพํ เปตฺติกเมว, น มาตาเปตฺติกํ. น หิ พฺราหฺมณานํ สโคตฺตาย เอว อาวาหวิวาโห อิจฺฉิโต, โคตฺตนามํ ปน ชาติสิทฺธํ, น กิตฺติมํ, น คุณนามํ วา, ชาติ จ อุภยสมฺพนฺธินีติ มาตาเปตฺติกเมว, น เปตฺติกมตฺตํ. นามโคตฺตนฺติ โคตฺตภูตํ นามํ, น กิตฺติมํ, น คุณนามํ วา วิเสสนปรนิปาตวเสน วุตฺตตฺตา ยถา ‘‘อคฺยาหิโต’’ติ. นามฺจ ตเทว ปเวณีวเสน ปวตฺตตฺตา โคตฺตฺจาติ หิ นามโคตฺตํ. ตตฺถ ยา ‘‘กณฺหายโน’’ติ นามปณฺณตฺติ นิรุฬฺหา, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปณฺณตฺติวเสน นาม’’นฺติ. ตํ ปเนตํ นามํ กณฺหอิสิโต ปฏฺาย ตสฺมึ กุลปรมฺปราวเสน อาคตํ, น เอตสฺมึเยว นิรุฬฺหนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปเวณีวเสน โคตฺต’’นฺติ. โคตฺตปทสฺส วจนตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
‘‘อนุสฺสรโต’’ติ เอตฺถ น เกวลํ อนุสฺสรณมตฺตํ อธิปฺเปตํ, อถ โข กุลสุทฺธิวีมํสนวเสเนวาติ อาห ‘‘กุลโกฏึ โสเธนฺตสฺสา’’ติ, กุลคฺคํ วิโสเธนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อยฺยปุตฺตา’’ติ เอตฺถ อยฺยสทฺโท อยฺยิรเกติ วุตฺตํ ‘‘สามิโน ปุตฺตา’’ติ. จตูสุ ทาสีสุ ¶ ทิสา โอกฺกากรฺโ อนฺโตชาตทาสี. เตนาห ‘‘ฆรทาสิยา ปุตฺโต’’ติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อมฺพฏฺโ ชาตึ นิสฺสาย มานถทฺโธ, น จ ตสฺส ยาถาวโต ชาติยา อวิภาวิตาย มานนิคฺคโห กรียติ, อกเต จ มานนิคฺคเห มานวเสน รตนตฺตยํ อปรชฺฌิสฺสติ, กเต ปน มานนิคฺคเห อปรภาเค รตนตฺตเย ปสีทิสฺสติ, น เจทิสี วาจา ผรุสวาจา นาม โหติ จิตฺตสฺส สณฺหภาวโต. มชฺฌิมปณฺณาสเก อภยสุตฺตฺจ (ม. นิ. ๒.๘๓) เอตฺถ นิทสฺสนํ ¶ . เกจิ จ ชนา กกฺขฬาย วาจาย วุตฺตา อคฺคินา วิย โลหาทโย มุทุภาวํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ภควา อมฺพฏฺํ นิพฺพิเสวนํ กตฺตุกาโม ‘‘อยฺยปุตฺตา สกฺยา ภวนฺติ, ทาสิปุตฺโต ตฺวมสิ สกฺยาน’’นฺติ อโวจ.
‘‘อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๙๕) วิย ทหสทฺโท ธารณตฺโถ, ธารณฺเจตฺถ ปุพฺพปุริสวเสน สฺาปนนฺติ อาห ‘‘โอกฺกาโก โน ปุพฺพปุริโส’’ติอาทิ. ทหสทฺทฺหิ ภสฺมีกรเณ, ธารเณ จ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ปภา นิจฺฉรตีติ ปภสฺสรํ หุตฺวา นิกฺขมติ ตถารูเปน ปฺุกมฺเมน ทนฺตานํ ปภสฺสรภาวโต.
เตติ เชฏฺกุมาเร. ปมกปฺปิกานนฺติ ปมกปฺปสฺส อาทิกาเล นิพฺพตฺตานํ. กิรสทฺเทน เจตฺถ อนุสฺสวตฺเถน, โย วุจฺจมานาย ราชปรมฺปราย เกสฺจิ มติเภโท, ตํ อุลฺลิงฺเคติ. อนุสฺสววจเนเนว หิ อนนุสฺสุโต อุตฺตรวิหารวาสิอาทีนํ มติเภโท นิรากรียตีติ. มหาสมฺมตสฺสาติ อคฺคฺสุตฺเต วกฺขมานนเยน ‘‘อยํ โน ราชา’’ติ มหาชเนน สมฺมนฺนิตฺวา ปิตตฺตา ‘‘มหาสมฺมโต’’ติ เอวํ สมฺมตสฺส. ยํ สนฺธาย วทนฺติ –
‘‘อาทิจฺจกุลสมฺภูโต, สุวิสุทฺธคุณากโร;
มหานุภาโว ราชาสิ, มหาสมฺมตนามโก.
โย จกฺขุภูโต โลกสฺส, คุณรํสิสมุชฺชโล;
ตโมนุโท วิโรจิตฺถ, ทุติโย วิย ภาณุมา.
ปิตา ¶ เยน มริยาทา, โลเก โลกหิเตสินา;
ววตฺถิตา สกฺกุณนฺติ, น วิลงฺฆยิตุ ชนา.
ยสสฺสินํ เตชสฺสินํ, โลกสีมานุรกฺขกํ;
อาทิภูตํ มหาวีรํ, กถยนฺติ ‘มนู’ติ ย’’นฺติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๗);
ตสฺส จ ปุตฺตปปุตฺตปรมฺปรํ สนฺธาย เอวํ วทนฺติ –
‘‘ตสฺส ¶ ปุตฺโต มหาเตโช, โรโช นาม มหีปติ;
ตสฺส ปุตฺโต วรโรโช, ปวโร ราชมณฺฑเล.
ตสฺสาสิ กลฺยาณคุโณ, กลฺยาโณ นาม อตฺรโช;
ราชา ตสฺสาสิ ตนโย, วรกลฺยาณนามโก.
ตสฺส ปุตฺโต มหาวีโร, มนฺธาตา กามโภคินํ;
อคฺคภูโต มหินฺเทน, อฑฺฒรชฺเชน ปูชิโต.
ตสฺส สูนุ มหาเตโช, วรมนฺธาตุนามโก;
‘อุโปสโถ’ติ นาเมน, ตสฺส ปุตฺโต มหายโส.
วโร นาม มหาเตโช, ตสฺส ปุตฺโต มหาวโร;
ตสฺสาสิ อุปวโรติ, ปุตฺโต ราชา มหาพโล.
ตสฺส ปุตฺโต มฆเทโว, เทวตุลฺโย มหีปติ;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, ตสฺส ปุตฺตปรมฺปรา.
เตสํ ปจฺฉิมโก ราชา, ‘โอกฺกาโก’อิติ วิสฺสุโต;
มหายโส มหาเตโช, อขุทฺโท ราชมณฺฑเล’’ติ. (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๖๗);
อิทํ อฏฺกถานุปโรธวจนํ. ยํ ปน ทีปวํเส วุตฺตํ –
‘‘ปมาภิสิตฺโต ราชา, ภูมิปาโล ชุตินฺธโร;
มหาสมฺมโต นาเมน, รชฺชํ กาเรสิ ขตฺติโย.
ตสฺส ปุตฺโต โรโช นาม, วรโรโช จ ขตฺติโย;
กลฺยาโณ วรกลฺยาโณ, อุโปสโถ มหิสฺสโร.
มนฺธาตา ¶ สตฺตโม เตสํ, จตุทีปมฺหิ อิสฺสโร;
วโร ¶ อุปวโร ราชา, เจติโย จ มหิสฺสโร’’ติอาทิ.
ยฺจ มหาวํสาทีสุ วุตฺตํ –
‘‘มหาสมฺมตราชสฺส, วํสโช หิ มหามุนิ;
กปฺปาทิสฺมึ ราชาสิ, มหาสมฺมตนามโก.
โรโช จ วรโรโช จ, ตถา กลฺยาณกา ทุเว;
อุโปสโถ จ มนฺธาตา, วรโก ปวรา ทุเว’’ติอาทิ.
สพฺพเมตํ เยภุยฺยโต อฏฺกถาวิโรธวจนํ. อฏฺกถายฺหิ มนฺธาตุราชา ฉฏฺโ วุตฺโต, มฆเทวราชา เอกาทสโม, ตสฺส จ ปุตฺตปรมฺปราย จตุราสีติสหสฺสราชูนํ ปจฺฉิมโก โอกฺกากราชา, เตสุ ปน มนฺธาตุราชา สตฺตโม วุตฺโต, มฆเทวราชา อเนเกสํ ราชสหสฺสานํ ปจฺฉิมโก, ตสฺส จ ปุตฺตปรมฺปราย อเนกราชสหสฺสานํ ปจฺฉิมโก โอกฺกากราชาติ เอวมาทินา อเนกธา วิโรธวจนํ อฏฺกถายํ นิรากโรติ. นนุ อโวจุมฺห ‘‘กิรสทฺเทน เจตฺถ อนุสฺสวตฺเถน, โย วุจฺจมานาย ราชปรมฺปราย เกสฺจิ มติเภโท, ตํ อุลฺลิงฺเคตี’’ติ. เตสํ ปจฺฉโตติ มฆเทวปรมฺปราภูตานํ กฬารชนกปริโยสานานํ จตุราสีติขตฺติยสหสฺสานํ อปรภาเคติ ยถานุสฺสุตํ อาจริเยน วุตฺตํ. ทีปวํสาทีสุ ปน ‘‘กฬารชนกรฺโ ปุตฺตปรมฺปราย อเนกขตฺติยสหสฺสานํ ปจฺฉิมโก ราชา สุชาโต นาม, ตสฺส ปุตฺโต โอกฺกาโก ราชา’’ติ วุตฺตํ. มฆเทวปรมฺปราย อเนกสหสฺสราชูนํ อปรภาเค ปโม โอกฺกาโก นาม ราชา อโหสิ, ตสฺส ปรมฺปราภูตานํ ปน อเนกสหสฺสราชูนํ อปรภาเค ทุติโย โอกฺกาโก นาม ราชา อโหสิ, ตสฺสปิ ปรมฺปราย อเนกสหสฺสราชูนํ อปรภาเค ตติโย โอกฺกาโก นาม ราชา อโหสิ. ตํ สนฺธายาห ‘‘ตโย โอกฺกากวํสา อเหสุ’’นฺติอาทิ.
ชาติยา ปฺจมทิวเส นามกมฺมาทิมงฺคลํ โลกาจิณฺณนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปฺจมทิวเส อลงฺกริตฺวา’’ติ. สหสา วรํ อทาสินฺติ ปุตฺตทสฺสเนน พลวโสมนสฺสปฺปตฺโต ¶ ตุริตํ อวีมํสิตฺวา ตุฏฺิทายวเสน วรํ อทาสึ ‘‘ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คณฺหาหี’’ติ. สาติ ชนฺตุกุมารมาตา. รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉตีติ มม วรทานํ อนฺตรํ กตฺวา อิมํ รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉติ.
รชฺชํ ¶ กาเรสฺสนฺตีติ ราชภาวํ มหาชเนน มหาชนํ วา การาเปสฺสนฺติ. นปฺปสเหยฺยาติ นิวาสตฺถาย ปริยตฺโต น ภเวยฺย.
กฬารวณฺณตาย กปิลพฺราหฺมโณ นาม อโหสิ. นิกฺขมฺมาติ ฆราวาสโต กาเมหิ จ นิกฺขมิตฺวา. สาโก นาม สพฺพสารมโย รุกฺขวิเสโส, เยน ปาสาทาทิ กรียเต, ตํสมุทายภูเต วนสณฺเฑติ อตฺโถ. ภูมิยา ปวตฺตํ ภุมฺมํ, ตํ คุณโทสํ ชาเลติ โชเตติ, ตํ วา ชลติ โชตติ ปากฏํ ภวติ เอตายาติ ภุมฺมชาลา. เหฏฺา จาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน ‘‘อสีติหตฺเถ’’ติ อิทมนุกฑฺฒติ. เอตสฺมึ ปเทเสติ สากวนสณฺฑมาห. ขนฺธปนฺติวเสน ทกฺขิณาวฏฺฏา. สาขาปนฺติวเสน ปาจีนาภิมุขา. เตหีติ มิคสูกเรหิ, มณฺฑูกมูสิเกหิ จ. เตติ สีหพฺยคฺฆาทโย สปฺปพิฬารา จ.
เอตฺถาติ เอวํ มาปิยมาเน นคเร. ตุมฺหากํ ปุริเสสุ ปริยาปนฺนํ เอเกกมฺปิ ปุริสํ ปจฺจตฺถิกภูตํ อฺํ ปุริสสตมฺปิ ปุริสสหสฺสมฺปิ อภิภวิตุํ น สกฺขิสฺสตีติ โยชนา. จกฺกวตฺติพเลนาติ จกฺกวตฺติพลภาเวน. อติเสยฺโยติ อติวิย อุตฺตโม ภเวยฺย. กปิลสฺส อิสิโน วสนฏฺานตฺตา กปิลวตฺถุ.
เนสํ สนฺติเก ภเวยฺยาติ สมฺพนฺโธ. อสทิสสํโยเคติ ชาติยา อสทิสานํ ฆราวาสปโยเค เหตุภูเต. อวเสสาหิ อตฺตโน อตฺตโน กณิฏฺาหิ.
วฑฺฒมานานนฺติ อนาทเร สามิวจนํ, อนนฺตรายิกาย ปุตฺตธีตุวฑฺฒนาย วฑฺฒมาเนสุ เอว อุทปาทีติ อตฺโถ. โลหิตกตาย โกวิฬารปุปฺผสทิสานิ. กุฏฺโรโค นาม สาสมสูรีโรคา วิย เยภุยฺเยน สงฺกมนสภาโวติ วุตฺตํ ‘‘อยํ โรโค สงฺกมตี’’ติ. อุปริ ปทเรน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปํสุํ ราสิกรเณน ทตฺวา. นาฏกิตฺถิโย ¶ นาม นจฺจนฺติโย. ราชภริยาโย โอโรธา นาม. ตสฺสาติ สุสิรสฺส. มิคสกุณาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน วนจรกเปตาทิเก สงฺคณฺหาติ.
ตสฺมึ รามรฺเ นิสินฺเนติ สมฺพนฺโธ. ปทเรติ ทารุผลเก. ขตฺติยมายาโรจเนน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ ชานาเปตฺวา.
มาติกนฺติ มาติโต อาคตํ. ปาภตนฺติ มูลภณฺฑํ, ปณฺณากาโร วา. รฺโติ รามราชสฺส เชฏฺปุตฺตภูตสฺส พาราณสิรฺโ. ตตฺถาติ พาราณสิยํ. อิเธวาติ หิมวนฺตปสฺเสเยว. นครนฺติ ราชธานีภูตํ มหานครํ. โกลรุกฺโข ¶ นาม กุฏฺเภสชฺชุปโค เอโก รุกฺขวิเสโส. พฺยคฺฆปเถติ พฺยคฺฆมคฺเค.
มาตุลาติ มาตุ ภาตโร. เกสคฺคหณนฺติ เกสเวณิพนฺธนํ. ทุสฺสคฺคหณนฺติ วตฺถสฺส นิวสนากาโร. นฺหานติตฺถนฺติ ยถาวุตฺตาย โปกฺขรณิยา อุทกนฺหานติตฺถํ. อิทานิปิ เตสํ ชาติสมฺเภทาภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ เตส’’นฺติอาทิมาห. อาวาโห ทาริกาหรณํ. วิวาโห ทาริกาทานํ. ตตฺถาติ เตสุ สกฺยโกลิเยสุ. ธาตุสทฺทานมเนกตฺถตฺตา สมุสทฺโท นิวาสตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘วสนฺตี’’ติ. อคฺเคติ อุปโยคตฺเถ ภุมฺมวจนํ, อาทฺยตฺเถ จ อคฺคสทฺโท, กิริยาวิเสโสติ จ ทสฺเสติ ‘‘ตํ อคฺค’’นฺติอาทินา. ยเทตฺถ ภควตา วุตฺตํ ‘‘อถ โข อมฺพฏฺ ราชา โอกฺกาโก อุทานํ อุทาเนสิ ‘สกฺยา วต โภ กุมารา, ปรมสกฺยา วต โภ กุมารา’ติ, ตทคฺเค โข ปน อมฺพฏฺ สกฺยา ปฺายนฺตี’’ติ, ตเทตํ สทฺทโต, อตฺถโต จ สาภาวิกนิพฺพจนนิทสฺสนํ ‘‘สกาหิ ภคินีหิปิ สทฺธึ สํวาสวเสน ชาติสมฺเภทมกตฺวา กุลวํสํ อนุรกฺขิตุํ สกฺกุณนฺติ สมตฺเถนฺตีติ สกฺยา’’ติ เตเยว สทฺทรจนาวิเสเสน สากิยา. ยํ ปเนตํ สกฺกตนิฆณฺฏุสตฺเถสุ วุตฺตํ –
‘‘สากรุกฺขปฏิจฺฉนฺนํ, วาสํ ยสฺมา ปุรากํสุ;
ตสฺมา ทิฏฺา วํสชาเต, ภุวิ ‘สกฺยา’ติ วิสฺสุตา’’ติ.
ตเทตํ สทฺทมตฺตํ ปติ อสาภาวิกนิพฺพจนนิทสฺสนํ ‘‘กปิลมุนิโน วสนฏฺาเน สากวเน วสนฺตีติ สกฺยา, สากิยา’’ติ จ.
กาฬวณฺณตาย ¶ กณฺโห นามาติ วุตฺตํ ‘‘กาฬวณฺณ’’นฺติอาทิ. หนุยํ ชาตา มสฺสู, อุตฺตโรฏฺสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ ทาากาเรน ชาตา ทาิกา. อิทฺจ อตฺถมตฺเตน วุตฺตํ, ตทฺธิตวเสน ปน ยถา เอตรหิ ยกฺเข ‘‘ปิสาโจ’’ติ สมฺา, เอวํ ตทา ‘‘กณฺโห’’ติ, ตสฺมา ชาตมตฺเตเยว สพฺยาหรเณน ปิสาจสทิสตาย กณฺโหติ. ตถาหิ วุตฺตํ ‘‘ยถา โข ปน อมฺพฏฺ เอตรหิ มนุสฺสา ปิสาเจ ทิสฺวา ‘ปิสาจา’ติ สฺชานนฺติ, เอวเมว โข อมฺพฏฺ เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ปิสาเจ ‘กณฺหา’ติ สฺชานนฺตี’’ติอาทิ. ตตฺถ ปิสาโจ ชาโตติ อิทานิ ปากฏนาเมน สุวิฺาปนตฺถํ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ วุตฺตํ. ‘‘น สกพเฬน มุเขน พฺยาหริสฺสามี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๑๙) วิย อุปสคฺควเสน สทฺทกรณตฺโถ หรสทฺโท, ปุน ทุติโยปสคฺเคน ยุตฺโต อุจฺจาสทฺทกรเณ วตฺตตีติ วุตฺตํ ‘‘อุจฺจาสทฺทมกาสี’’ติ.
๒๖๘. อตฺตโน ¶ อุปารมฺภโมจนตฺถายาติ อาจริเยน, อมฺพฏฺเน จ อตฺตโน อตฺตโน อุปริ ปาเปตพฺโพปวาทสฺส อปนยนตฺถํ. ‘‘อตฺตโน’’ติ เหตํ วิจฺฉาโลปวจนํ. ปริภินฺทิสฺสตีติ อนตฺถกามตาปเวทเนน ปริเภทํ กริสฺสติ, เปสฺุํ อุปสํหริสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถวิฺาปเน สาธนตาย วาจา เอว กรณํ วากฺกรณํ นิรุตฺตินเยน, ตํ กลฺยาณมสฺสาติ กลฺยาณวากฺกรโณ. อสฺมึ วจเนติ เอตฺถ ตสทฺเทน กามํ ‘‘จตฺตาโรเม โภ โคตม วณฺณา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๖๖) อมฺพฏฺเน เหฏฺา วุตฺโต ชาติวาโท ปรามสิตพฺโพ โหติ, ตถาเปส ชาติวาโท เวเท วุตฺตวิธินาเยว เตน ปฏิมนฺเตตพฺโพ, ตสฺมา ปฏิมนฺตนเหตุภาเวน ปสิทฺธํ เวทตฺตยวจนเมว ปรามสิตพฺพนฺติ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘อตฺตนา อุคฺคหิเต เวทตฺตยวจเน’’ติ. อิทานิ ‘‘โปราณํ โข ปน เต อมฺพฏฺ มาตาเปตฺติก’’นฺติอาทินา ภควตา วุตฺตวจนสฺสปิ ปรามสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตสฺมึ วา ทาสิปุตฺตวจเน’’ติ อาห. อปิจ ปฏิมนฺเตตุนฺติ เอตฺถ ปฏิมนฺตนา นาม ปฺหาวิสฺสชฺชนา, อุตฺตริกถนา วา, ตสฺมา อตฺถทฺวยานุรูปํ ตพฺพิสยสฺส ต-สทฺเทน ปรามสนํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.
๒๖๙. ตาวาติ มนฺตนาย ปมเมว, อกตาย เอว มนฺตนายาติ วุตฺตํ โหติ. ทุชฺชานาติ ทุพฺพิฺเยฺยา, ปมเมว สีสมุกฺขิปิตุํ อสมตฺถนโต ¶ , ชาติยา จ ทุพฺพิฺเยฺยตฺตา, อฏฺฏสฺส จ ทุกฺกรณโต อมฺพฏฺโ สยเมว โมเจตูติ อธิปฺปาโย. อตฺตนาว สกฺเยสุ อิพฺภวาทนิปาตเนน อตฺตโน อุปริ ปาปุณนํ สนฺธาย ‘‘อตฺตนา พทฺธํ ปุฏก’’นฺติ วุตฺตํ, อตฺตนาว พทฺธํ ปุโฏฬินฺติ อตฺโถ.
๒๗๐. ธมฺโม นาม การณํ ‘‘ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๑๘ อาทโย) วิย, ธมฺเมน สห วตฺตตีติ สหธมฺโม, โส เอว สหธมฺมิโกติ อาห ‘‘สเหตุโก’’ติอาทิ, ปริยายวจนเมตํ. ชนโก วา เหตุ, อุปตฺถมฺภโก การณํ. อฺเน อฏฺานคเตน อฺํ อฏฺานคตํ วจนํ. เตนาห ‘‘โย หี’’ติอาทิ.
ตโตติ ทฺวิกฺขตฺตุํ โจทนาโต ปรํ, ตติยโจทนาย อนาคตาย เอว ปกฺกมิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ.
๒๗๑. ปูชิตพฺพโต สกฺโก เทวราชา ยกฺโข นาม. โย อคฺคิสฺส ปกติวณฺโณ, เตน สมนฺนาคตนฺติ วุตฺตํ ‘‘อาทิตฺตนฺติ อคฺคิวณฺณ’’นฺติ. กนฺทโล นาม ปุปฺผูปครุกฺขวิเสโส, ยสฺส เสตํ ¶ ปุปฺผํ ปุปฺผติ, มกุฬมฺปิสฺส เสตวณฺณํ ทาาการํ โหติ. วิรูปรูปนฺติ วิปรีตรูปสณฺานํ.
อฏฺมสตฺตาเห อชปาลนิคฺโรธมูเล นิสินฺนสฺส สพฺพพุทฺธสฺส อาจิณฺณสมาจิณฺณํ อปฺโปสฺสุกฺกตํ สนฺธาย ‘‘อหฺเจวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อวตฺตมาเนติ อปฺปฏิปชฺชมาเน, อนนุวตฺตมาเน วา. ตสฺมาติ ตทา ตถาปฏิฺาตตฺตา. ตาเสตฺวา ปฺหํ วิสฺสชฺชาเปสฺสามีติ อาคโต ยถา ตํ มูลปณฺณาสเก อาคตสฺส สจฺจกปริพฺพาชกสฺส สมาคเม (ม. นิ. ๑.๓๕๗).
‘‘ภควา เจว ปสฺสติ อมฺพฏฺโ จา’’ติ เอตฺถ อิตเรสมทสฺสเน ทุวิธมฺปิ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทิ หี’’ติอาทิมาห. หิ-สทฺโท การณตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา อครุ, ยสฺมา จ วเทยฺยุํ, ตสฺมาติ สมฺพนฺโธ. อฺเสมฺปิ สาธารณโต อครุ อภาริยํ. อาวาเหตฺวาติ มนฺตพเลน อวฺหานํ กตฺวา. ตสฺสาติ อมฺพฏฺสฺส. อนฺโตกุจฺฉิ อนฺตอนฺตคุณาทิโก. วาทสงฺฆฏฺเฏติ วาจาสงฺฆฏฺฏเน. มฺมาโนติ มฺนโต. สมฺพนฺธทสฺสนฺเหตํ.
๒๗๒. ตาณํ คเวสมาโนติ ‘‘อยเมว สมโณ โคตโม อิโต ภยโต มม ตายโก’’ติ ภควนฺตํเยว ‘‘ตาณ’’นฺติ ปริเยสนฺโต ¶ , อุปคจฺฉนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ตายตีติ ยถูปฏฺิตภยโต ปาเลติ. เตนาห ‘‘รกฺขตี’’ติ, กตฺตุสาธนเมตํ. นิลียตีติ ยถูปฏฺิเตเนว ภเยน อุปทฺทุโต นิลีโน โหติ, อธิกรณสาธนเมตํ. สรสทฺโท หึสเน, ตฺจ วิทฺธํสนเมว อธิปฺเปตนฺติ วุตฺตํ ‘‘ภยํ หึสติ วิทฺธํเสตี’’ติ, กตฺตุสาธนเมตํ.
อมฺพฏฺวํสกถาวณฺณนา
๒๗๔. คงฺคาย ทกฺขิณโตติ คงฺคาย นาม นทิยา ทกฺขิณทิสาภาเค. พฺราหฺมณตาปสาติ พฺรหฺมกุลิโน ตาปสา. สรํ วา สตฺติอาทโย วา ปรสฺส อุปริ ขิปิตุกามสฺส มนฺตานุภาเวน หตฺถํ น ปริวตฺตติ, หตฺเถ ปน อปริวตฺตนฺเต กุโต อาวุธํ ปริวตฺติสฺสตีติ ตถา อปริวตฺตนํ สนฺธาย ‘‘อาวุธํ น ปริวตฺตตี’’ติ วุตฺตํ. ภทฺรํ โภติ สมฺปฏิจฺฉนํ, สาธูติ อตฺโถ. ธนุนา ขิตฺตสเรน อคมนียํ สสมฺภารกถานเยน ‘‘ธนุ อคมนีย’’นฺติ วุตฺตํ ยถา ‘‘ธนุนา วิชฺฌติ, จกฺขุนา ปสฺสตี’’ติ. อมฺพฏฺํ นาม วิชฺชนฺติ สตฺตานํ สรีเร อพฺภงฺคํ เปตีติ อมฺพฏฺา นิรุตฺตินเยน, เอวํลทฺธนามํ มนฺตวิชฺชนฺติ อตฺโถ. ยโต อมฺพฏฺา วิชฺชา เอตสฺมึ อตฺถีติ กตฺวา ¶ กณฺโห อิสิ ‘‘อมฺพฏฺโ’’ติ ปฺายิตฺถ, ตพฺพํสชาตตาย ปนายํ มาณโว ‘‘อมฺพฏฺโ’’ติ โวหรียติ. โส กิร ‘‘กถํ นามาหํ ทิสาย ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต’’ติ ตํ หีนํ ชาตึ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘หนฺทาหํ ยถา ตถา อิมํ ชาตึ โสเธสฺสามี’’ติ นิคฺคโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อิทานิ เม มโนรถํ ปูเรสฺสามี’’ติ. อยฺหิสฺส มโนรโถ – วิชฺชาพเลน ราชานํ ตาเสตฺวา ตสฺส ธีตรํ ลทฺธกาลโต ปฏฺาย มฺยายํ ทาสชาติ โสธิตา ภวิสฺสตีติ.
เสฏฺมนฺเตติ เสฏฺภูเต เวทมนฺเต. โก นุ กึ การณา ทาสิปุตฺโต สมาโน มทฺทรูปึ ธีตรํ ยาจตีติ อตฺโถ. ขุรติ ฉินฺทติ, ขุรํ วา ปาติ ปิวตีติ ขุรปฺโป, ขุรมสฺส อคฺเค อปฺปียติ ปียตีติ วา ขุรปฺโป, สโร. มนฺตานุภาเวน รฺโ พาหุกฺขมฺภมตฺตํ ชาตํ, เตน ปน พาหุกฺขมฺเภน ‘‘โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ ราชา ภีโต อุสฺสงฺกี อุตฺรสฺโต อโหสิ. ตถา จ วุตฺตํ ‘‘ภเยน เวธมาโน อฏฺาสี’’ติ.
สรภงฺคชาตเก ¶ (ชา. ๒.๑๗.๕๒) อาคตานํ ทณฺฑกีราชาทีนํ ปจฺฉา โอกฺกากราชา อโหสิ, เตสํ ปวตฺติ จ สพฺพตฺถ จิรกาลํ ปากฏาติ อาห ‘‘ทณฺฑกีรฺโ’’ติอาทิ. อปรทฺธสฺส ทณฺฑกีรฺโ, อปรทฺโธ นาฬิเกโร, อชฺชุโน จาติ สมฺพนฺโธ. สติปิ วาลุกาทิวสฺเส อาวุธวสฺเสเนว วินาโสติ วุตฺตํ ‘‘อาวุธวุฏฺิยา’’ติ. ‘‘อยมฺปิ อีทิโส มหานุภาโว’’ติ มฺมานา เอวํ จินฺตยนฺตา ภเยน อโวจุนฺติ ทฏฺพฺพํ.
อุนฺทฺริยิสฺสตีติ ภินฺทิยิสฺสติ. กมฺมรูปฺเหตํ ‘‘ปถวี’’ติ กมฺมกตฺตุวเสน วุตฺตตฺตา ยถา ‘‘กุสุโล ภิชฺชตี’’ติ. เตนาห ‘‘ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. ถุสมุฏฺีติ ปลาสมุฏฺิ, ภุสมุฏฺิ วา. กสฺมาติ อาห ‘‘สรสนฺถมฺภนมตฺเต’’ติอาทิ.
ภีตตสิตา ภยวเสน ฉมฺภิตสรีรา อุทฺธคฺคโลมา โหนฺติ หฏฺโลมา, อภีตตสิตา ปน ภยุปทฺทวาภาวโต อจฺฉมฺภิตสรีรา ปติตโลมา โหนฺติ อหฏฺโลมา, เขเมน โสตฺถินา ติฏฺนฺติ, ตาย ปน ปติตโลมตาย ตสฺส โสตฺถิภาโว ปากโฏ โหตีติ ผเลน การณํ วิภาเวตุํ ปาฬิยํ ‘‘ปลฺโลโม’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ปนฺนโลโม’’ติอาทินา. นิรุตฺตินเยน ปทสิทฺธิ ยถา ตํ ภยเภรวสุตฺเต ‘‘ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหารายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๖ อาทโย). อิทนฺติ โอสานวจนํ. ‘‘สเจ เม ราชา ตํ ทาริกํ ทสฺเสติ, กุมาโร โสตฺถิ ปลฺโลโม ภวิสฺสตี’’ติ ปฏิฺากรณํ ปกรณโตเยว ปากฏํ. เตนาติ กณฺเหน. มนฺเตติ พาหุกฺขมฺภกมนฺตสฺส ปฏิปฺปสฺสมฺภกวิชฺชาสงฺขาเต มนฺเต. เอวรูปานฺหิ ภยุปทฺทวกรานํ มนฺตานํ เอกํเสเนว ¶ ปฏิปฺปสฺสมฺภกมนฺตาโหนฺติ ยถา ตํ กุสุมารกวิชฺชาทีนํ. ปริวตฺติเตติ ปชปฺปิเต. อตฺตโน ธีตุยา อปวาทโมจนตฺถํ ตํ อทาสํ ภุชิสฺสํ กโรติ. ตสฺสา อนุรูเป อิสฺสริเย ปนตฺถํ อุฬาเร จ นํ าเน เปสิ. เอเกน ปกฺเขนาติ มาตุปกฺเขน. กรุณายนฺโต สมสฺสาสนตฺถํ อาห, น ปน อุจฺจากุลีนภาวทสฺสนตฺถํ. เตนาห ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ.
ขตฺติยเสฏฺภาววณฺณนา
๒๗๕. พฺราหฺมเณสูติ โวหารมตฺตํ, พฺราหฺมณานํ สมีเป พฺราหฺมเณหิ ลทฺธพฺพานิ อาสนาทีนิ ลเภถาติ วุตฺตํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณานํ ¶ อนฺตเร’’ติ. เกวลํ เวทสตฺถานุรูปํ ปรโลกคเต สทฺธาย เอว กาตพฺพํ, น ตทฺํ กิฺจิ อภิปตฺเถนฺเตนาติ สทฺธนฺติ นิพฺพจนํ ทสฺเสตุํ ‘‘มตเก อุทฺทิสฺส กตภตฺเต’’ติ วุตฺตํ. มงฺคลาทิภตฺเตติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน อุสฺสวเทวตาราธนาทิภตฺเต สงฺคณฺหาติ. ยฺภตฺเตติ ปาปสฺมาทิวเสน กตภตฺเต. ‘‘ปาปสฺมาทิภตฺโต ภวิสฺสตี’’ติอาทินา หิ อคฺคิโหโม อิธ ยฺํ. ปาหุนกานนฺติ อติถีนํ. อนาคนฺตุกานมฺปิ ปาเหณกภตฺตํ ‘‘ปาหุน’’นฺตฺเวว วุจฺจตีติ อาห ‘‘ปณฺณาการภตฺเต วา’’ติ. อาวฏํ นิวารณํ. อนาวฏํ อนิวารณํ. ขตฺติยภาวํ อปฺปตฺโต อุภโตสุชาตาภาวโต. เตนาห ‘‘อปริสุทฺโธ’’ติ.
๒๗๖. อิตฺถิยา วา อิตฺถึ กริตฺวาติ เอตฺถ กรณํ นาม กิริยาสามฺวิสยํ กรภูธาตูนํ อตฺถวเสน สพฺพธาตฺวนฺโตคธตฺตาติ อาห ‘‘ปริเยสิตฺวา’’ติ. ขตฺติยกุมารสฺส ภริยาภูตํ พฺราหฺมณกฺํ อิตฺถึ ปริเยสิตฺวา คเหตฺวา พฺราหฺมณานํ อิตฺถิยา วา ขตฺติยาว เสฏฺา, ‘‘หีนา พฺราหฺมณา’’ติ ปาฬิมุทาหริตฺวา โยเชตพฺพํ. ‘‘ปุริเสน วา ปุริสํ กริตฺวาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๗๖) อาจริเยน วุตฺตํ. ตตฺถาปิ หิ ขตฺติยกฺาย ปติภูตํ พฺราหฺมณกุมารํ ปุริสํ ปริเยสิตฺวา คเหตฺวา พฺราหฺมณานํ ปุริเสน วา ขตฺติยาว เสฏฺา, หีนา พฺราหฺมณาติ โยชนา. กิสฺมิฺจิเทว ปกรเณติ เอตฺถ ปกรณํ นาม การณํ ‘‘เอตสฺมึ นิทาเน เอตสฺมึ ปกรเณ’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๔๒, ๙๐) วิย, ตสฺมา ราคาทิวเสน ปกฺขลิเต าเน เหตุภูเตติ อตฺโถ, ตํ ปน อตฺถโต อปราโธว, โส จ อกตฺตพฺพกรณนฺติ อาห ‘‘กิสฺมิฺจิเทว โทเส’’ติอาทิ. ภสฺสสทฺโท ภสฺมปริยาโย. ภสียติ นิรตฺถกภาเวน ขิปียตีติ หิ ภสฺสํ, ฉาริกา. ‘‘วธิตฺวา’’ติ เอตสฺส อตฺถวจนํ ‘‘โอกิริตฺวา’’ติ.
๒๗๗. กมฺมกิเลเสหิ ชเนตพฺโพ, เตหิ วา ชายตีติ ชนิโต, สฺเวว ชเนโต, มนุสฺโสว ¶ . ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เย โคตฺตปฏิสาริโน’’ติ. ตเทตํ ปชาวจนํ วิย ชาติสทฺทวเสน พหุมฺหิ เอกวจนนฺติ อาห ‘‘ปชายาติ อตฺโถ’’ติ. เอตสฺมึ ชเนติปิ ยุชฺชติ. ปฏิสรนฺตีติ โคตฺตํ ปฏิจฺจ ‘‘อหํ โคตโม, อหํ กสฺสโป’’ติอาทินา สรณํ กโรนฺติ วิจินนฺติ.
ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
วิชฺชาจรณกถาวณฺณนา
๒๗๘. อิมสฺมึ ¶ ปน สิโลเก อาหริยมาเน พฺรหฺมครุกา สทฺเธยฺยตํ อาปชฺชิสฺสนฺติ, อมฺพฏฺโ จ ‘‘วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน’’ติ ปทํ สุตฺวา วิชฺชาจรณํ ปุจฺฉิสฺสติ, เอวมยํ วิชฺชาจรณปริทีปนี เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ภวิสฺสตีติ ปสฺสิตฺวา โลกนาโถ อิมํ สิโลกํ สนงฺกุมารภาสิตํ อาหรีติ อิมมตฺถมฺปิ วิภาเวนฺโต ‘‘อิมาย ปน คาถายา’’ติอาทิมาห. อิตรถา หิ ภควาปิ อสพฺพฺู ปราวสฺสโย ภเวยฺย, น จ ยุชฺชติ ภควโต ปราวสฺสยตา สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต. เตนาห ‘‘อหมฺปิ หิ, อมฺพฏฺ, เอวํ วทามี’’ติอาทิ. พฺราหฺมณสมเย สิทฺธนฺติ พฺราหฺมณลทฺธิยา ปากฏํ. วกฺขมานนเยน ชาติวาทาทิปฏิสํยุตฺตํ. ‘‘สํสนฺทิตฺวาติ ฆเฏตฺวา, อวิรุทฺธํ กตฺวาติ อตฺโถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๗๗) อาจริเยนวุตฺตํ. อิทานิ ปน โปตฺถเกสุ ‘‘ปฏิกฺขิปิตฺวา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ, โส อยุตฺโตว. กสฺมาติ เจ? น หิ ปาฬิยํ พฺราหฺมณสมยสิทฺธํ วิชฺชาจรณํ ปฏิกฺขิปติ, ตเทว อมฺพฏฺเน จินฺติตํ วิชฺชาจรณํ ฆเฏตฺวา อวิรุทฺธํ กตฺวา อนุตฺตรํ วิชฺชาจรณํ เทเสตีติ.
วาโทติ ลทฺธิ, วจีเภโท วา. เตนาห ‘‘พฺราหฺมณ…เป…อาทิวจน’’นฺติ. ลทฺธิปิ หิ วตฺตพฺพตฺตา วจนเมว. อิทนฺติ อชฺเฌนชฺฌาปนยชนยาชนาทิกมฺมํ, น เวสฺสสฺส, น ขตฺติยสฺส, น ตทฺเสนฺติ อตฺถํ อาทิสทฺเทน สงฺคณฺหาติ. สพฺพตฺถาติ โคตฺตวาทมานวาเทสุ. ตตฺถาปิ หิ โคตฺตวาโทติ โคตฺตํ อารพฺภ วาโท, กสฺสปสฺเสวิทํ วฏฺฏติ, น โกสิยสฺสาติอาทิวจนนฺติ อตฺโถ. มานวาโทติ มานํ อารพฺภ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน วาโท, พฺราหฺมณสฺเสวิทํ วฏฺฏติ, น สุทฺทสฺสาติอาทิวจนนฺติ อตฺโถ. ชาติวาเท วินิพทฺธาติ ชาติสนฺนิสฺสิตวาเท ปฏิพทฺธา. สพฺพตฺถาติ ¶ โคตฺตวาทวินิพทฺธาทีสุ. โคตฺตวาทวินิพทฺธาติ หิ โคตฺตวาเท วินิพทฺธา. มานวาทวินิพทฺธาติ มานวาเท วินิพทฺธา, เย หิ พฺราหฺมณสฺเสว อชฺเฌนชฺฌาปนยชนยาชนาทโยติ เอวํ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน ปวตฺตา, เต มานวาทวินิพทฺธา จ โหนฺติ. อาวาหวิวาหวินิพทฺธาติ อาวาหวิวาเหสุ วินิพทฺธา. เย หิ วินิพทฺธตฺตยวเสน ‘‘อรหสิ วา มํ ตฺวํ, น วา มํ ตฺวํ อรหสี’’ติ เอวํ ปวตฺตนกา, เต อาวาหวิวาหวินิพทฺธา จ โหนฺตีติ อิมมตฺถเสสํ สนฺธาย ‘‘เอส นโย’’ติ ¶ วุตฺตํ. อาวาหวิวาหวินิพทฺธภาววิภาวนตฺถฺหิ ‘‘อรหสิ วา มํ ตฺวํ, น วา มํ ตฺวํ อรหสี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ, ตเทตํ ชาติวาทาทีหิ ตีหิ ปเทหิ โยเชตพฺพํ. อาวุตฺติอาทินเยน หิ ชาติวาทาทโย ทฺวิกฺขตฺตุมตฺถทีปกา. ตถา หิ อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘เย ปน อาวาหวิวาหวินิพทฺธา, เต เอว สมฺพนฺธตฺตยวเสน ‘อรหสิ วา มํ ตฺวํ, น วา มํ ตฺวํ อรหสี’ติ เอวํ ปวตฺตนกา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๗๘).
นนุ ปุพฺเพ วิชฺชาจรณํ ปุฏฺํ, กสฺมา ตํ ปุน ปุจฺฉตีติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘ตโต อมฺพฏฺโ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยตฺถาติ ยสฺสํ วิชฺชาจรณสมฺปตฺติยํ. พฺราหฺมณสมยสิทฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ. ลคฺคิสฺสามาติ โอลคฺคา อนฺโตคธา ภวิสฺสาม. ตโตติ ตาย วิชฺชาจรณสมฺปทาย. อวกฺขิปีติ อวจาสิ. ปรมตฺถโต อวิชฺชาจรณานิเยว ‘‘วิชฺชาจรณานี’’ติ คเหตฺวา ิโต หิ ปรมตฺถโต วิชฺชาจรเณสุ วิภชิยมาเนสุ โส ตโต ทูรโต อปนีโต นาม โหติ. ยตฺถาติ ยสฺสํ ปน วิชฺชาจรณสมฺปตฺติยํ. อนุตฺตรวิชฺชาจรณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ชานนกิริยาโยเค กมฺมมฺปิ ยุชฺชนกิริยาโยเค กตฺตาเยว อุปปนฺโน. ปธานกิริยาเปกฺขา หิ การกาติ วุตฺตํ ‘‘อยํ โน วิชฺชาจรณสมฺปทา าตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอวมีทิเสสุ. สมุทาคมโตติ อาทิสมุฏฺานโต.
๒๗๙. กามํ จรณปริยาปนฺนตฺตา จรณวเสน นิยฺยาเตตุํ วฏฺฏติ, อมฺพฏฺสฺส ปน อสมปถคมนํ นิวาเรนฺโต สีลวเสเนว นิยฺยาเตตีติ อิมมตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘จรณปริยาปนฺนมฺปี’’ติ วุตฺตํ. พฺรหฺมชาเล (ที. นิ. ๑.๗, ๑๑, ๒๑) วุตฺตนเยน ขุทฺทกาทิเภทํ ติวิธํ สีลํ. สีลวเสเนวาติ สีลปริยายวเสเนว. กิฺจิ กิฺจิ สีลนฺติ พฺราหฺมณานํ ชาติสิทฺธํ อหึสนาทิยมนิยมลกฺขณํ อปฺปมตฺตกํ สีลํ. ตสฺมาติ ตถา วิชฺชมานตฺตา, อตฺตนิ วิชฺชมานํ สีลมตฺตมฺปิ นิสฺสาย ลคฺเคยฺยาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺเคยฺยาติ ตสฺมึ ตสฺมึเยว พฺราหฺมณสมยสิทฺเธ สีลมตฺเต ‘จรณ’นฺติ ลคฺเคยฺยา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๗๙) อาจริเยน วุตฺตํ, ตเทตํ อฏฺกถายเมว สาการวจนสฺส วุตฺตตฺตา วิจาเรตพฺพํ, อธิปฺปายมตฺตทสฺสนํ วา เอตํ. อยํ ปเนตฺถ ¶ อตฺโถ – ตตฺถ ตตฺเถว ลคฺเคยฺยาติ ตสฺมึ ตสฺมึเยว อตฺตนิ วิชฺชมานสีลมตฺตปฏิสํยุตฺตฏฺาเน ‘‘มยมฺปิ จรณสมฺปนฺนา’’ติ ลคฺเคยฺย, ตสฺมา สีลวเสเนว นิยฺยาเตตีติ สมฺพนฺโธ. ตถาปสงฺคาภาวโต ปน อุปริ จรณวเสเนว นิยฺยาเตตีติ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิมาห. รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานนิทฺเทเสเนว อรูปาวจรชฺฌานานมฺปิ นิทฺทิฏฺภาวาปตฺติโต ‘‘อฏฺปิ สมาปตฺติโย ‘จรณ’นฺติ นิยฺยาติตา’’ติ วุตฺตํ. ตานิปิ หิ องฺคสมตาย จตุตฺถชฺฌานาเนวาติ. นิยฺยาติตาติ จ อเสสโต นีหริตฺวา คหิตา, นิทสฺสิตาติ อตฺโถ. วิปสฺสนาาณโต ปนาติ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนีเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรติ อภินินฺนาเมตี’’ติอาทินา นเยน วิปสฺสนาาณโต ปฏฺาย.
จตุอปายมุขกถาวณฺณนา
๒๘๐. อสมฺปาปุณนฺโตติ อารภิตฺวาปิ สมฺปชฺชิตุมสกฺโกนฺโต. อวิสหมาโนติ อารภิตุเมว อสกฺโกนฺโต. ‘‘ขารี’’ติ ตาปสปริกฺขารสฺเสตํ อธิวจนํ, โส จ อเนกเภโทติ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อรณี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อรณีติ เหฏฺิมุปริมวเสน อคฺคิธมนกํ อรณีทฺวยํ. กมณฺฑลูติ กุณฺฑิกา. สุชาติ โหมทพฺพิ. สุชาสทฺโท หิ โหมกมฺมนิ หพฺยนฺนาทีนมุทฺธรณตฺถํ กตทพฺพิยํ วตฺตติ ยถา ตํ กูฏทนฺตสุตฺเต ‘‘ปโม วา ทุติโย วา สุชํ ปคฺคณฺหนฺตาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๓๔๑). ตถา หิ อิมสฺมึเยว าเน อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘สุชาติ ทพฺพี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๐). หพฺยนฺนาทีนํ สุขคฺคหณตฺถํ ชายตีติ หิ สุชา. เกจิ ปน อิมมตฺถมวิจาเรตฺวา ตุนฺนตฺถเมว คเหตฺวา ‘‘สูจี’’ติ ปนฺติ, ตทยุตฺตเมว อาจริเยน ตถา อวณฺณิตตฺตา. จมติ อทตีติ จมโร, มิควิเสโส, ตสฺส วาเลน กตา พีชนี จามรา. อาทิสทฺเทน ติทณฺฑติฆฏิกาทีนิ สงฺคณฺหาติ. กุจฺฉิเตน วงฺกากาเรน ชายตีติ กาโช ยถา ‘‘กาลวณ’’นฺติ; กจติ ภารํ พนฺธติ เอตฺถาติ วา กาโจ. ทุวิธมฺปิ หิ ปทมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. ขาริภริตนฺติ ขารีหิ ปริปุณฺณํ. เอเกน วิ-กาเรน ปทํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘ขาริวิวิธ’’นฺติ ปนฺตานํ วาเท สมุจฺจยสมาเสน อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย ปนา’’ติอาทิมาห.
นนุ อุปสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขุโน สาสนิโกปิ โย โกจิ อนุปสมฺปนฺโน อตฺถโต ปริจารโกว โหติ อปิ ขีณาสวสามเณโร, กิมงฺคํ ปน พาหิรกปพฺพชิเตติ อนุโยคํ ปติ ตตฺถ วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘กามฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วุตฺตนเยนาติ ‘‘กปฺปิย…เป… วตฺตกรณวเสนา’’ติ ¶ ¶ เอวํ วุตฺตนเยน. อเนกสตสหสฺสสํวรวินยสมาทานวเสน อุปสมฺปนฺนภาวสฺส วิสิฏฺภาวโต ขีณาสวสามเณโรปิ ปุถุชฺชนภิกฺขุโน ปริจารโกติ วุตฺโต.
‘‘นวโกฏิสหสฺสานิ, อสีติสตโกฏิโย;
ปฺาสสตสหสฺสานิ, ฉตฺตึส จ ปุนาปเร;
เอเต สํวรวินยา, สมฺพุทฺเธน ปกาสิตา;
เปยฺยาลมุเขน นิทฺทิฏฺา, สิกฺขา วินยสํวเร’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐; อป. อฏฺ. ๒.๕๕; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๒.๓๗);
เอวํ วุตฺตปฺปเภทานํ อเนกสตสหสฺสานํ สํวรวินยานํ สมาทาย สิกฺขเนน อุปริภูตา อคฺคภูตา สมฺปทาติ หิ อุปสมฺปทา, ตาย เจส อุปสมฺปทาย ปุถุชฺชนภิกฺขุ อุปสมฺปนฺโนติ.
อยํ ปนาติ ยถาวุตฺตลกฺขโณ ตาปโส. ตาปสา หิ กมฺมวาทิกิริยวาทิโน, น สาสนสฺส ปฏาณีภูตา, ยโต เนสํ ปพฺพชิตุมาคตานํ วินาว ติตฺถิยปริวาเสน ขนฺธเก ปพฺพชฺชา อนฺุาตา. ตโป เอเตสมตฺถีติ ตาปสา ต-การสฺส ทีฆํ กตฺวา. ‘‘โลมสา’’ติอาทีสุ วิย หิ ส-ปจฺจยมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กามํ ขีณาสโวปิ สามเณโร ปุถุชฺชนสฺส ภิกฺขุโน อตฺถโต ปริจารโกว โหติ, โส ปน วตฺตกรณมตฺเตเนว ปริจารโก, น ลามกภาเวน. ตาปโส ตุ คุณวเสน เจว เวยฺยาวจฺจกรณวเสน จ ลามกภาเวเนว ปริจารโก, น วตฺตกรณมตฺเตน, เอวมิเมสํ นานากรณํ สนฺธาย ตาปสสฺเสว ปริจารกตา วุตฺตาติ.
‘‘กสฺมา’’ติอาทินา โจทโก การณํ โจเทติ. ‘‘ยสฺมา’’ติอาทินา อาจริโย การณํ ทสฺเสตฺวา ปริหรติ. เอวํ สงฺเขปโต ปริหริตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘อิมสฺมิฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสกฺโกนฺตนฺติ อสมตฺถเนน วิปฺปฏิปชฺชนฺตํ อลชฺชึ. ขุรธารูปมนฺติ ขุรธารานํ มตฺถเกเนว อกฺกมิตฺวา คมนูปมํ. พหุชนสมฺมตาติ มหาชเนน เสฏฺสมฺมตา. อฺเติ อปเร ภิกฺขู. อิธาติ ตาปสปพฺพชฺชาย. ฉนฺเทน สห จรนฺตีติ สฉนฺทจาริโน, ยถากามํ ปฏิปนฺนกาติ วุตฺตํ โหติ. อนุสิกฺขนฺโตติ ทิฏฺานุคติยา สิกฺขนฺโต. ตาปสาว พหุกา โหนฺติ, น ภิกฺขู.
กุทาลปิฏกานํ ¶ นิพฺพจนํ เหฏฺา วุตฺตเมว. พหุชนกุหาปนตฺถนฺติ พหุโน ชนสฺส วิมฺหาปนตฺถํ ¶ . อคฺคิสาลนฺติ อคฺคิหุตฺตสาลํ. นานาทารูหีติ ปลาสรุกฺขทณฺฑาทีหิ นานาวิธสมิธาทารูหิ. โหมกรณวเสนาติ ยฺกรณวเสน.
อุทกวเสเนตฺถ ปานาคารํ. เตนาห ‘‘ปานียํ อุปฏฺเปตฺวา’’ติอาทิ. ยํ ภตฺตปุฏํ วา ยานิ ตณฺฑุลาทีนิ วาติ สมฺพนฺโธ. อมฺพิลยาคุ นาม ตกฺกาทิอมฺพิลสํยุตฺตา ยาคุ. ตณฺหาทีหิ อามสิตพฺพโต จีวราทิ อามิสํ นาม. วฑฺฒิยาติ ทิคุณติคุณาทิวฑฺฒิยา. กุฏุมฺพํ สณฺเปตีติ ธนํ ปติฏฺาเปติ. ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฬิยํ นิทสฺสนมตฺเตน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิทํ ปนสฺส ปฏิปตฺติมุข’’นฺติ, อิทํ ปน ปาฬิวจนํ อสฺส จตุตฺถสฺส ปุคฺคลสฺส โกหฺปฏิปตฺติยา มุขมตฺตนฺติ อตฺโถ. กสฺมาติ เจ? โส หิ นานาวิเธน โกหฺเน โลกํ วิมฺหาปยนฺโต ตตฺถ อจฺฉติ. เตนาห ‘‘อิมินา หี’’ติอาทิ. เอวนฺติ ‘‘ตตฺถ ปานียํ อุปฏฺเปตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตนเยน.
‘‘สพฺพาปิ ตาปสปพฺพชฺชา นิทฺทิฏฺา’’ติ ธมฺมาธิฏฺานนเยน ทสฺสิตเมว ปุคฺคลาธิฏฺานนเยน วิวริตุํ ‘‘อฏฺวิธา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ขลาทีสุ มนุสฺสานํ สนฺติเก อุปติฏฺิตฺวา วีหิมุคฺคมาสติลาทีนิ ภิกฺขาจริยนิยาเมน สงฺกฑฺฒิตฺวา อฺุฉนํ อฺุฉา, สา เอว จริยา วุตฺติ เอเตสนฺติ อฺุฉาจริยา. อคฺคิปกฺกิกาย ภตฺตภิกฺขาย ชีวนฺตีติ อคฺคิปกฺกิกา, น อคฺคิปกฺกิกา อนคฺคิปกฺกิกา, ตณฺฑุลภิกฺขาย เอว ชีวิกาติ วุตฺตํ โหติ. อฺุฉาจริยา หิ ขลาทีนิ คนฺตฺวา อุปติฏฺิตฺวา มนุสฺเสหิ ทิยฺยมานํ ขลคฺคํ นาม ธฺํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, อนคฺคิปกฺกิกา ปน ตาทิสมปฏิคฺคณฺหิตฺวา ตณฺฑุลเมว ปฏิคฺคณฺหนฺตีติ อยเมเตสํ วิเสโส. น สยํ ปจนฺตีติ อสามปากา, ปกฺกภิกฺขาย เอว ชีวิกา. อโย วิย กฏฺิโน มุฏฺิปฺปมาโณ ปาสาโณ อยมุฏฺิ นาม, เตน วตฺตนฺตีติ อยมุฏฺิกา. ทนฺเตน อุปฺปาฏิตํ วกฺกลํ รุกฺขตฺตโจ ทนฺตวกฺกลํ, เตน วตฺตนฺตีติ ทนฺตวกฺกลิกา. ปวตฺตํ รุกฺขาทิโต ปาตาปิตํ ผลํ ภฺุชนฺติ สีเลนาติ ปวตฺตผลโภชิโน. ปณฺฑุปลาสสทฺทสฺส เอกเสสนเยน ทฺวิธา อตฺโถ, ชิณฺณตาย ปณฺฑุภูตํ ปลาสฺเจว ชิณฺณปกฺกภาเวน ตํสทิสํ ปุปฺผผลาทิ ¶ จาติ. เตน วกฺขติ ‘‘สยํ ปติตาเนว ปุปฺผผลปณฺฑุปลาสาทีนิ ขาทนฺตา ยาเปนฺตี’’ติ, (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๐) เตน วตฺตนฺตีติ ปณฺฑุปลาสิกา, สยํปติตปณฺณปุปฺผผลโภชิโน. อิทานิ เต อฏฺวิเธปิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เกณิยชฏิลวตฺถุ ขนฺธกวณฺณนาย (มหาว. อฏฺ. ๓๐๐) คเหตพฺพํ.
สงฺกฑฺฒิตฺวาติ ภิกฺขาจริยาวเสน เอกชฺฌํ กตฺวา.
ตณฺฑุลภิกฺขนฺติ ¶ ตณฺฑุลเมว ภิกฺขํ. ภิกฺขิตพฺพา ยาจิตพฺพา, ภิกฺขูนํ อยนฺติ วา ภิกฺขาติ หิ ภิกฺขาสทฺโท ตณฺฑุลาทีสุปิ นิรุฬฺโห. เตน วุตฺตํ ‘‘ปจิตฺวา ปริภฺุชนฺตี’’ติ.
ภิกฺขาปริเยฏฺิ นาม ทุกฺขาติ ปเรสํ เคหโต เคหํ คนฺตฺวา ภิกฺขาย ปริเยสนา นาม ทีนวุตฺติภาเวน ทุกฺขา.
เย ปน ‘‘ปาสาณสฺส ปริคฺคโห นาม ทุกฺโข ปพฺพชิตสฺสา’’ติ ทนฺเตเหว อุปฺปาเฏตฺวา ขาทนฺติ, เต ทนฺตวกฺกลิกา นามาติ อยํ อฏฺกถามุตฺตกนโย.
ปณฺฑุปลาสสทฺโท ปุปฺผผลวิสโยปิ สทิสตากปฺปเนนาติ ทสฺเสติ ‘‘ปุปฺผผลปณฺฑุปลาสาทีนี’’ติ อิมินา.
เตติ ปณฺฑุปลาสิกา. นิทสฺสนมตฺตเมตํ อฺเสมฺปิ ตถา เภทสมฺภวโต. ปาปุณนฏฺาเนติ คเหตุํ สมฺปาปุณนฏฺาเน. เอกรุกฺขโตติ ปมํ อุปคตรุกฺขโต.
กถเมตฺตาวตา สพฺพาปิ ตาปสปพฺพชฺชา นิทฺทิฏฺาติ โจทนา น ตาว วิโสธิตาติ อาห ‘‘อิมา ปนา’’ติอาทิ. จตูหิเยวาติ ‘‘ขาริวิธมาทายา’’ติอาทินา วุตฺตาหิ ปวตฺตผลโภชนิกา, กนฺทมูลผลโภชนิกา, อคฺยาคาริกา, อาคาริกา เจติ จตูหิ เอว ตาปสปพฺพชฺชาหิ. อคารํ ภชนฺตีติ อคารํ นิวาสภาเวน อุปคจฺฉนฺติ. อิมินา หิ ‘‘จตุทฺวารํ อคารํ กริตฺวา อจฺฉตี’’ติอาทินา อิธ วุตฺตาย จตุตฺถาย ตาปสปพฺพชฺชาย เตสมวโรธตํ ทสฺเสติ. เอวมิตเรสุปิ ปฏิโลมโต โยชนา เวทิตพฺพา. อคฺคิปริจรณวเสน อคฺยาคารํ ภชนฺติ ¶ . เอวํ ปน เตสมวโรธตํ วทนฺโต ตทนุรูปํ อิเมสมฺปิ ปจฺเจกํ ทุวิธตํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.
๒๘๑. อาจริเยน โปกฺขรสาตินา สห ปวตฺตตีติ สาจริยโก, ตสฺส. อปายมุขมฺปีติ วินาสการณมฺปิ. ปเคว วิชฺชาจรณสมฺปทาย สนฺทิสฺสเนติ ปิ-สทฺโท ครหายํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปิ นุ ตฺวํ อิมาย อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สนฺทิสฺสสิ สาจริยโก’’ติอาทิ. ตตฺรายมฏฺกถามุตฺตกนโย – ‘‘โน หิทํ โภ โคตมา’’ติ สนฺทิสฺสนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อสนฺทิสฺสนาการเมว วิภาเวตุํ ‘‘โก จาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สาจริยโก อหํ โก จ กีทิโส หุตฺวา อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สนฺทิสฺสามิ, อนุตฺตรา วิชฺชาจรณสมฺปทา ¶ กา จ กีทิสา หุตฺวา สาจริยเก มยิ สนฺทิสฺสติ, อารกา อหํ…เป… สาจริยโกติ สห ปาเสเสน โยชนา.
๒๘๒. อปาเย วินาสนุปาเย นิยุตฺโต อาปายิโก. ตพฺภาวํ น ปริปูเรติ ปริปูเรตุํ น สกฺโกตีติ อปริปูรมาโน, ตพฺภาเวน อปริปุณฺโณติ อตฺโถ. อตฺตนา อาปายิเกน โหนฺเตนาปิ ตพฺภาวํ อปริปูรมาเนน โปกฺขรสาตินา เอสา วาจา ภาสิตาติ อตฺถโต สมฺพนฺธตฺตา กตฺวตฺเถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติ อาห ‘‘อาปายิเกนาปิ อปริปูรมาเนนา’’ติ. อปิจ อตฺตนา อปริปูรมาเนน อาปายิเกนาปิ สยํ อปริปูรมานาปายิเกน หุตฺวาปิ โปกฺขรสาตินา เอสา วาจา ภาสิตาติ อตฺถยุตฺติโต อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ ปจฺจตฺตวจนนฺติปิ เอวํ วุตฺตํ. อฺโ หิ สทฺทกฺกโม, อฺโ อตฺถกฺกโมติ. เกจิ ปน ‘‘กรณตฺถเมว ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ปททฺวยสฺส กตฺตุปเทน สมานตฺถตฺตา, สมานตฺถานฺจ ปทานํ อฺมฺํ กรณภาวานุปปตฺติโต, อลมติปปฺเจน.
ปุพฺพกอิสิภาวานุโยควณฺณนา
๒๘๓. ทียเตติ ทตฺติ, สา เอว ทตฺติกนฺติ อาห ‘‘ทินฺนก’’นฺติ. อทาตุกามมฺปิ ทาตุกามํ กตฺวา สมฺมุขา ปรมาวฏฺเฏติ สมฺมูฬฺหํ กโรติ เอตายาติ สมฺมุขาวฏฺฏนี. เตนาห ‘‘น เทมีติ วตฺตุํ น สกฺโกตี’’ติ. ปุน ตสฺสาติ พฺราหฺมณสฺส. การณานุรูปํ ราชูนํ ปุณฺณปตฺตนฺติ อาห ‘‘กสฺมา เม ¶ ทินฺโน’’ติ. สงฺขปลิตกุฏฺนฺติ โธตสงฺขมิว เสตกุฏฺํ. เสตโปกฺขรรชตโต คุณสมานกายตฺตา เอวมาห. อนุคจฺฉตีติ ปรมนุพนฺธติ.
ยทิ ทุวิเธนปิ การเณน ราชา พฺราหฺมณสฺส สมฺมุขาภาวํ น เทติ, อถ กสฺมา ตทุปสงฺกมนํ น ปฏิกฺขิตฺตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ. ‘‘เขตฺตวิชฺชายาติ นีติสตฺเถ’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๓) อาจริเยน วุตฺตํ. เหฏฺาปิ พฺรหฺมชาลวณฺณนายํ เอวํ วุตฺตํ ‘‘เขตฺตวิชฺชาติ อพฺเภยฺยมาสุรกฺขราชสตฺถาทินีติสตฺถ’’นฺติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑) ทุสฺสเมตฺถ ติโรกรณิยํ. เตนาห ‘‘สาณิปาการสฺส อนฺโต ตฺวา’’ติ. อนฺตสทฺเทน ปน ตพฺภาเวน ปเท วฑฺฒิยมาเน ทุสฺสนฺตํ ยถา ‘‘วนนฺโต’’ติ. ‘‘ปยาตนฺติ สทฺธํ, สสฺสติกํ วา. เตนาห อภิหริตฺวา ทินฺน’’นฺติ อาจริเยน วุตฺตํ, ตสฺมา มตกภตฺตสงฺเขเปน วา นิจฺจภตฺตสงฺเขเปน วา อภิหริตฺวา ทินฺนํ ภิกฺขนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ อตฺถาปตฺติวจนํ. นิฏฺนฺติ นิจฺฉยํ. กสฺมา ปน ภควา พฺราหฺมณสฺส เอวรูปํ อมนาปํ มมฺมวจนํ อโวจาติ โจทนํ ¶ การณํ ทสฺเสตฺวา โสเธตุํ ‘‘อิทํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. รหสฺสมฺปิ ปฏิจฺฉนฺนมฺปิ มมฺมวจนํ ปกาเสสีติ สมฺพนฺโธ.
๒๘๔. ราชาสนํ นาม หตฺถิกฺขนฺธปเทสํ สนฺธาย ‘‘หตฺถิคีวาย วา นิสินฺโน’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. รถูปตฺถเรติ รถสฺส อุปริ อตฺถริตปเทเส. เตนาห ‘‘รถมฺหี’’ติอาทิ. อุคฺคตุคฺคเตหีติ อุคฺคตานมติสเยน อุคฺคเตหิ. น หิ วิจฺฉาสมาโส โลกิเกหิ อภิมโตติ. รฺโ อปจฺจํ ราชฺโ, พหุกตฺตํ ปติ, เอกเสสนเยน วา ‘‘ราชฺเหี’’ติ วุตฺตํ. ปากฏมนฺตนนฺติ ปกาสภูตํ มนฺตนํ. ตเทวิธาธิปฺเปตํ, น รหสฺสมนฺตนํ สุทฺทาทีหิปิ สุยฺยมานสฺส อิจฺฉิตตฺตา. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ อาคจฺเฉยฺย สุทฺโท วา สุทฺททาโส วา’’ติอาทิ. ตาทิเสหิเยวาติ รฺโ อาการสทิเสเหว. ตสฺสตฺถสฺส สาธนสมตฺถํ วจนํ รฺา ภณิตํ ยถา, ตถา โสปิ ตสฺสตฺถสฺส สาธนสมตฺถเมว ภณิตํ วจนํ อปินุ ภณตีติ โยเชตพฺพํ.
๒๘๕. ‘‘ปวตฺตาโร’’ติ เอตสฺส ปาวจนภาเวน วตฺตาโรติ สทฺทโต อตฺโถ. ยสฺมา ปน เต ตถาภูตา มนฺตานํ ปวตฺตกา นาม, ตสฺมา ¶ อธิปฺปายโต อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปวตฺตยิตาโร’’ติ วุตฺตํ. วทสทฺเทน, หิ ตุปจฺจเยน จ ‘‘วตฺตาโร’’ติ ปทสิทฺธิ, ตถา วตุสทฺเทน ‘‘ปวตฺตยิตาโร’’ติ. อิทํ อาจริยสฺส (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๕) จ อาจริยสาริปุตฺตตฺเถรสฺส จ มตํ. วตุสทฺเทเนว ‘‘ปวตฺตาโร’’ติ ปทสิทฺธึ ทสฺเสตีติปิ เกจิ วทนฺติ. ปททฺวยสฺส ตุลฺยาธิกรณตฺตา ‘‘มนฺตเมวา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สุทฺเท พหิ กตฺวา รโห ภาสิตพฺพฏฺเน มนฺตา เอว ตํ ตํ อตฺถปฏิปตฺติเหตุตาย ปท’’นฺติ หิ ตุลฺยาธิกรณํ โหติ, อนุปนีตาสาธารณตาย รหสฺสภาเวน วตฺตพฺพาย มนฺตนกิริยาย ปทมธิคมุปายนฺติปิ มนฺตปทนฺติ อฏฺกถามุตฺตโก นโย. คีตนฺติ คายนวเสน สชฺฌายิตํ, คายนมฺปิธ อุทตฺตานุทตฺตาทิสรสมฺปาทนวเสเนว อธิปฺเปตนฺติ วุตฺตํ ‘‘สรสมฺปตฺติวเสนา’’ติ. ปาวจนภาเวน อฺเสํ วุตฺตํ. ตมฺเสํ วาทาปนวเสน วาจิตํ. สงฺคเหตฺวา อุปรูปริ สฺูฬฺหาวเสน สมุปพฺยูฬฺหํ. อิรุเวทยชุเวทสามเวทาทิวเสน, ตตฺถาปิ ปจฺเจกํ มนฺตพฺรหฺมาทิวเสน, อชฺฌายานุวากาทิวเสน จ ราสิกตํ. ยถาวุตฺตนเยเนว ปิณฺฑํ กตฺวา ปิตํ. อฺเสํ วาจิตํ อนุวาเจนฺตีติ อฺเสํ กมฺมภูตานํ เตหิ วาจาปิตํ มนฺตปทํ เอตรหิ พฺราหฺมณา อฺเสํ อนุวาจาเปนฺติ.
เตสนฺติ มนฺตกตฺตูนํ. ทิพฺพจกฺขุปริภณฺฑํ ยถากมฺมูปคาณํ, ปจฺจกฺขโต ทสฺสนฏฺเน ทิพฺพจกฺขุสทิสฺจ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ สนฺธาย ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติ วุตฺตํ. อโต ทิพฺพจกฺขุปริภณฺเฑน ¶ ยถากมฺมูปคาเณน สตฺตานํ กมฺมสฺสกตาทีนิ เจว ทิพฺพจกฺขุสทิเสน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน อตีตกปฺเป พฺราหฺมณานํ มนฺตชฺเฌนวิธิฺจ โอโลเกตฺวาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. รูปเมว หิ ปจฺจุปฺปนฺนํ ทิพฺพจกฺขุสฺส อารมฺมณนฺติ ตมิธ อฏฺานคตํ โหติ. ปาวจเนน สห สํสนฺทิตฺวาติ ยํ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตํ วฏฺฏสนฺนิสฺสิตํ วจนํ, เตน สห สํสนฺทิตฺวา อวิรุทฺธํ กตฺวา. น หิ เตสํ วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิโต อตฺโถ ปจฺจกฺขโต โหติ. คนฺถึสูติ ปชฺชคชฺชพนฺธวเสน สกฺกตภาสาย พนฺธึสุ. อปรา ปเรติ อฏฺกาทีหิ อปรา อฺเปิ ปเร ปจฺฉิมา โอกฺกากราชกาลาทีสุ อุปฺปนฺนา. ปาณาติปาตาทีนิ ปกฺขิปิตฺวาติ อฏฺกาทีหิ คนฺถิตมนฺตปเทสฺเวว ปาณาติปาตาทิกิเลสสนฺนิสฺสิตปทานํ ตตฺถ ตตฺถ ปกฺขิปนํ กตฺวา. วิรุทฺเธ อกํสูติ สุตฺตนิปาเต พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตาทีสุ (สุ. นิ. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺต) อาคตนเยน สํกิเลสิกตฺถทีปนโต ¶ ปจฺจนีกภูเต อกํสุ. อิสีติ นิทสฺสนมตฺตํ. ‘‘อิสิ วา อิสิตฺถาย ปฏิปนฺโน วา’’ติ หิ วตฺตพฺพํ. กสฺมา ปเนตฺถ ปฏิฺาคหณวเสน เทสนาโสตปติตํ น กโรตีติ อาห ‘‘อิธ ภควา’’ติอาทิ. อิธาติ ‘‘ตฺยาหํ มนฺเต อธียามิ, ‘สาจริยโก’ติ ตฺวํ มฺสี’’ติ วุตฺตฏฺาเน. ปฏิฺํ อคฺคเหตฺวาติ ยถา เหฏฺา ปฏิฺา คหิตา, ตถา ‘‘ตํ กึ มฺสิ อมฺพฏฺ, ตาวตา ตฺวํ ภวิสฺสสิ อิสิ วา อิสิตฺถาย วา ปฏิปนฺโน สาจริยโกติ, โน หิทํ โภ โคตมา’’ติ เอวํ อิธ ปฏิฺํ อคฺคเหตฺวา.
๒๘๖. นิรามคนฺธาติ กิเลสาสุจิวเสน วิสฺสคนฺธรหิตา. อนิตฺถิคนฺธาติ อิตฺถีนํ คนฺธมตฺตสฺสปิ อวิสหเนน อิตฺถิคนฺธรหิตา. รโชชลฺลธราติ ปกติรชเสทาทิชลฺลธรา. ปาการปุริสคุตฺตีติ ปาการาวรณํ, ปุริสาวรณฺจ. เอตฺถ ปน ‘‘นิรามคนฺธา’’ติ เอเตน เตสํ ทสนฺนํ พฺราหฺมณานํ วิกฺขมฺภิตกิเลสตํ ทสฺเสติ, ‘‘อนิตฺถิคนฺธา, พฺรหฺมจาริโน’’ติ จ เอเตน เอกวิหาริตํ, ‘‘รโชชลฺลธรา’’ติ เอเตน มณฺฑนวิภูสนาภาวํ, ‘‘อรฺายตเน ปพฺพตปาเทสุ วสึสู’’ติ เอเตน มนุสฺสูปจารํ ปหาย วิวิตฺตวาสํ, ‘‘วนมูลผลาหารา วสึสู’’ติ เอเตน สาลิมํโสทนาทิปณีตาหาร ปฏิกฺเขปํ, ‘‘ยทา’’ติอาทินา ยานวาหนปฏิกฺเขปํ, ‘‘สพฺพทิสาสู’’ติอาทินา รกฺขาวรณปฏิกฺเขปํ. เอวฺจ ทสฺเสนฺโต มิจฺฉาปฏิปทาปกฺขิกํ สาจริยกสฺส อมฺพฏฺสฺส วุตฺตึ อุปาทาย สมฺมาปฏิปทาปกฺขิกาปิ เตสํ พฺราหฺมณานํ วุตฺติ อริยวินเย สมฺมาปฏิปตฺตึ อุปาทาย มิจฺฉาปฏิปทาเยว. กถฺหิ นาม เต ภวิสฺสติ สลฺเลขปฏิปตฺติยุตฺตตาติ. ‘‘เอวํ สุ เต’’ติอาทินา ภควา อมฺพฏฺํ สนฺตชฺเชนฺโต นิคฺคณฺหาตีติปิ วิภาเวติ. อิทฺหิ วกฺขมานาย ปาฬิยา ปิณฺฑตฺถทสฺสนนฺติ.
ทุสฺสปฏฺฏิกา ทุสฺสปฏฺฏํ. ทุสฺสกลาโป ทุสฺสเวณี. เวเกหีติ เวกปฏฺฏเกหิ, ทุสฺเสหิ สํเวเตฺวา ¶ กตนมิตผาสุกาหีติ วุตฺตํ โหติ. กปฺเปตุนฺติ กตฺตริกาย ฉินฺทิตุํ. กปฺปิตวาเลหีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ‘‘น ภิกฺขเว มสฺสุ กปฺปาเปตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๗๕) วิย หิ กปุสทฺโท เฉทเน วตฺตติ. ยุตฺตฏฺาเนสูติ คีวาสีสวาลธีสุ. วาลาติ เตสุ าเนสุ ชายมานา โลมา. สหจรณวเสน, านีนาเมน วา ‘‘กุตฺตวาลา’’ติ ¶ วุตฺตา. เกจิ ปน ‘‘วาฬยุตฺตตฺตา’’ติ ปาํ กปฺเปตฺวา วาฬรูปยุตฺตตฺตาติ อตฺถํ วทนฺติ, ปาฬิยานเปกฺขนเมว เตสํ โทโส. ‘‘กุตฺตวาเลหิ วฬวารเถหี’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. สมนฺตานครนฺติ นครสฺส สมนฺตโต. ปาการสฺส อโธภาเค กตสุธากมฺมํ านํ นครสฺส สมีเป กตฺตพฺพโต, อุปการกรณโต จ ‘‘อุปการิกา’’ติ วุจฺจติ. นครสฺส อุปการิกา เอตาสนฺติ นครูปการิกาโย, ราชธานีอเปกฺขาย อิตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส. เตนาห ‘‘อิธ ปนา’’ติอาทิ. มตีติ วิจิกิจฺฉาวเสน อเนกํสิกชานนา. อุปริ เทสนาย อวฑฺฒการณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ภควา’’ติอาทิมาห. ปาฬิยํ โส มํ ปฺเหนาติ โส ชโน มํ ปุจฺฉาวเสน โสเธยฺย. อหํ เวยฺยากรเณน โสเธสฺสามีติ อหมฺปิมํ วิสฺสชฺชนาวเสน โสเธสฺสามีติ ยถารหมธิการวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ทฺเวลกฺขณทสฺสนวณฺณนา
๒๘๗. ‘‘นิสินฺนาน’’นฺติอาทิ อนาทเร สามิวจนํ, วิเสสนํ วา. สงฺกุจิเต อิริยาปเถ อนวเสสโต ลกฺขณานํ ทุพฺพิภาวนโต ‘‘น สกฺโกตี’’ติ วุตฺตํ, ตถา สุวิภาวนโต ปน ‘‘สกฺโกตี’’ติ. ปริเยสนสุขตฺถเมว ตทาจิณฺณตา ทฏฺพฺพา. เตนาติ ทุวิเธนปิ การเณน.
คเวสีติ าเณน ปริเยสนมกาสิ. คณยนฺโตติ าเณเนว สงฺกลยนฺโต. สมานยีติ สมฺมา อานยิ สมาหริ. ‘‘กงฺขตี’’ติ ปทสฺส อากงฺขตีติ อตฺโถติ อาห ‘‘อโห วตา’’ติอาทิ. อนุปสคฺคมฺปิ หิ ปทํ กตฺถจิ สอุปสคฺคมิว อตฺถวิเสสวาจกํ ยถา ‘‘โคตฺรภู’’ติ. ตโต ตโต สรีรปฺปเทสโต. กิจฺฉตีติ กิลมติ. เตนาห ‘‘น สกฺโกติ ทฏฺุ’’นฺติ. ตายาติ ‘‘วิจินนฺโต กิจฺฉตี’’ติ วุตฺตาย วิจิกิจฺฉาย. ตโตติ สนฺนิฏฺานํ อคมนโต. เอวํ ‘‘กงฺขตี’’ติ ปทสฺส อาสิสนตฺถตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สํสยตฺถตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กงฺขาย วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กงฺขายาติ ‘‘กงฺขตี’’ติ ปเทน วุตฺตาย กงฺขาย. อสตฺวปธานฺหิ อาขฺยาติกํ. เอส นโย เสเสสุปิ. อวตฺถาปเภทคตา วิมติ เอว ‘‘ตีหิ ธมฺเมหี’’ติ วุตฺตา, ติปฺปกาเรหิ สํสยธมฺเมหีติ อตฺโถ. กาลุสิยภาโวติ อปฺปสนฺนตาย เหตุภูโต อาวิลภาโว.
วตฺถิโกเสนาติ ¶ ¶ นาภิยา อโธภาคสงฺขาเต วตฺถิมฺหิ ชาเตน ลิงฺคปสิพฺพเกน. ‘‘อณฺฑโกโส’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๒, ๑๘๙; ๒.๒๗; อ. นิ. ๗.๗๑; ปารา. ๑๑) วิย หิ โกสสทฺโท ปริเวกปสิพฺพเก วตฺตติ. วตฺเถน คุหิตพฺพตฺตา วตฺถคุยฺหํ. ยสฺมา ภควโต โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ สพฺพพุทฺธาเวณิกํ อฺเหิ อสาธารณํ สุวิสุทฺธกฺจนมณฺฑลสนฺนิภํ, อตฺตโน สณฺานสนฺนิเวสสุนฺทรตาย อาชาเนยฺยคนฺธหตฺถิโน วรงฺคปรมจารุภาวํ, วิกสมานตปนิยารวินฺทสมุชฺชลเกสราวตฺตวิลาสํ, สฺฌาปภานุรฺชิตชลวนนฺตราภิลกฺขิตสมฺปุณฺณจนฺทมณฺฑลโสภฺจ อตฺตโน สิริยา อภิภุยฺย วิราชติ, ยํ พาหิรพฺภนฺตรมเลหิ อนุปกฺกิลิฏฺตาย, จิรกาลปริจิตพฺรหฺมจริยาธิการตาย, สณฺิตสณฺานสมฺปตฺติยา จ โกปีนมฺปิ สมานํ อโกปีนเมว ชาตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภควโต หี’’ติอาทิ. วรวารณสฺเสวาติ วรคนฺธหตฺถิโน อิว. ปหูตภาวนฺติ ปุถุลภาวํ. เอตฺเถว หิ ตสฺส สํสโย. ตนุมุทุสุกุมาราทีสุ ปนสฺส คุเณสุ วิจารณา เอว นาโหสิ.
๒๘๘. ‘‘ตถารูป’’นฺติ อิทํ สมาสปทนฺติ อาห ‘‘ตํรูป’’นฺติ. เอตฺถาติ ยถา อมฺพฏฺโ โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหมทฺทสฺส, ตถา อิทฺธาภิสงฺขารมภิสงฺขรเณ. อิมินา หิ ‘‘ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขรี’’ติอาทิปาฬิปรามสนํ, อโต เจตฺถ สห อิทฺธาภิสงฺขารนเยน วตฺถคุยฺหทสฺสนการณํ มิลินฺทปฺหาปาเน (มิ. ป. ๓.๓) วิภาวิตํ โหติ. เกจิ ปน ‘‘วตฺถคุยฺหทสฺสเน’’ติ ปรามสนฺติ, ตทยุตฺตเมว. น หิ ตํ ปาฬิยํ, อฏฺกถายฺจ อตฺถิ, ยํ เอวํ ปรามสิตพฺพํ สิยา, อิทฺธาภิสงฺขารนโย จ อวิภาวิโต โหติ. กิเมตฺถ อฺเน วตฺตพฺพํ จตุปฏิสมฺภิทาปตฺเตน ฉฬภิฺเน วาทีวเรน ภทนฺตนาคเสนตฺเถเรน วุตฺตนเยเนว สมฺปฏิจฺฉิตพฺพตฺตา. หิรี กรียเต เอตฺถาติ หิริกรณํ, ตเทว โอกาโส ตถา, หิริยิตพฺพฏฺานํ. อุตฺตรสฺสาติ สุตฺตนิปาเต อาคตสฺส อุตฺตรมาณวสฺส (ม. นิ. ๒.๓๘๔). สพฺเพสมฺปิ เจเตสํ วตฺถุ สุตฺตนิปาตโต คเหตพฺพํ.
ฉายนฺติ ปฏิพิมฺพํ. กถํ ทสฺเสสิ, กีทิสํ วาติ อาห ‘‘อิทฺธิยา’’ติอาทิ. ฉายารูปกมตฺตนฺติ ภควโต ปฏิพิมฺพรูปกเมว, น ปกติวตฺถคุยฺหํ, ตฺจ พุทฺธสนฺตานโต วินิมุตฺตตฺตา รูปกมตฺตํ ภควตา สทิสวณฺณสณฺานาวยวํ อิทฺธิมยํ พิมฺพกเมว โหติ, เอวฺจ กตฺวา อปฺปกตฺเถน ก-กาเรน วิเสสิตวจนํ อุปปนฺนํ โหติ. ฉายารูปกมตฺตํ อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา ทสฺเสสีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ตํ ปน ทสฺเสนฺโต ภควา ยถา อตฺตโน พุทฺธรูปํ น ¶ ทิสฺสติ, ตถา กตฺวา ทสฺเสตี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๘) อาจริยา วทนฺติ. ตเทตํ ภทนฺตนาคเสนตฺเถเรน วุตฺเตน อิทฺธาภิสงฺขตฉายารูปกมตฺตทสฺสนวจเนน สํสนฺทติ เจว สเมติ จ ยถา ¶ ตํ ‘‘ขีเรน ขีรํ, คงฺโคทเกน ยมุโนทก’’นฺติ ทฏฺพฺพํ. ตถาวจเนเนว หิ เสสพุทฺธรูปสฺส ตงฺขเณ อทสฺสิตภาโว อตฺถโต อาปนฺโน โหติ. นิวาสนนิวตฺถตาทิวจเนน ปเนตฺถ พุทฺธสนฺตานโต วินิมุตฺตสฺสปิ ฉายารูปกสฺส นิวาสนาทิอพหิคตภาโว ทสฺสิโต, น จ โจเทตพฺพํ ‘‘กถํ นิวาสนาทิอนฺตรคตํ ฉายารูปกํ ภควา ทสฺเสติ, กถฺจ อมฺพฏฺโ ปสฺสตี’’ติ. อจินฺเตยฺโย หิ อิทฺธิวิสโยติ. ฉายํ ทิฏฺเติ ฉายาย ทิฏฺาย. เอตนฺติ ฉายารูปกํ. พุชฺฌนเก สติ ชีวิตนิมิตฺตมฺปิ หทยมํสํ ทสฺเสยฺยาติ อธิปฺปาโย. นินฺเนตฺวาติ นีหริตฺวา. อยเมว วา ปาโ. กลฺโลสีติ วิสฺสชฺชเน ตฺวํ กุสโล เฉโก อสิ, ยถาวุตฺโต วา วิสฺสชฺชนามคฺโค อุปปนฺโน ยุตฺโต อสีติ อตฺโถ. ‘‘กุสโล’’ติ เกจิ ปนฺติ, อยุตฺตเมตํ. มิลินฺทปฺเห หิ สพฺพตฺถ วิสฺสชฺชนาวสาเน ‘‘กลฺโล’’ อิจฺเจว ทิฏฺโติ.
นินฺนาเมตฺวาติ มุขโต นีหรณวเสน กณฺณโสตาทิอภิมุขํ ปณาเมตฺวา, อธิปฺปายเมว ทสฺเสตุํ ‘‘นีหริตฺวา’’ติ วุตฺตํ. กถินสูจึ วิยาติ ฆนสุขุมภาวาปาทเนน กกฺขฬสูจิมิว กตฺวา. ตถากรเณนาติ กถินสูจึ วิย กรเณน. เอตฺถาติ ปหูตชิวฺหาย. มุทุภาโว, ทีฆภาโว, ตนุภาโว จ ทสฺสิโต อมุทุโน ฆนสุขุมภาวาปาทนตฺถมสกฺกุเณยฺยตฺตาติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๒๘๘) วุตฺตํ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยสฺมา มุทุเมว ฆนสุขุมภาวาปาทนตฺถํ สกฺโกติ, ตสฺมา ตถากรเณน มุทุภาโว ทสฺสิโต อคฺคิ วิย ธูเมน. ยสฺมา จ มุทุเยว ฆนสุขุมภาวาปชฺชเนน ทีฆคามิ, ตสฺมา กณฺณโสตานุมสเนน ทีฆภาโว ทสฺสิโต. ยสฺมา ปน มุทุ เอว ฆนสุขุมภาวาปชฺชเนน ตนุ โหติ, ตสฺมา นาสิกาโสตานุมสเนน ตนุภาโว ทสฺสิโตติ. อปุถุลสฺส ตถาปฏิจฺฉาทนตฺถมสกฺกุเณยฺยตฺตา นลาฏจฺฉาทเนน ปุถุลภาโว ทสฺสิโต.
๒๘๙. ปตฺเถนฺโต หุตฺวา อุทิกฺขนฺโตติ โยเชตพฺพํ.
๒๙๐. มูลวจนํ ¶ กถา. ปฏิวจนํ สลฺลาโป.
๒๙๑. ‘‘อุทฺธุมาตก’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๒๔๒; วิสุทฺธิ. ๑.๑๐๒) วิย ก-สทฺโท ชิคุจฺฉนตฺโถติ วุตฺตํ ‘‘ตเมว ชิคุจฺฉนฺโต’’ติ. ตเมวาติ ปณฺฑิตภาวเมว, อมฺพฏฺเมวาติปิ อตฺโถ. อมฺพฏฺฺหิ สนฺธาย เอวมาห. ตถา หิ ปาฬิยํ วุตฺตํ ‘‘เอวํ…เป… อมฺพฏฺํ มาณวํ เอตทโวจา’’ติ. กามฺจ อมฺพฏฺํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ, นามโคตฺตวเสน ปน อนิยมํ กตฺวา ครหนฺโต ปุถุวจเนน วทตีติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ยเทว โข ตฺว’’นฺติ เอตสฺส อนิยมวจนสฺส ‘‘เอวรูเปนา’’ติ อิทํ นิยมวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ยาทิโส’’ติอาทินา. ภาเวนภาวลกฺขเณ ¶ ภุมฺมวจนตฺเถ กรณวจนนฺติ วุตฺตํ ‘‘เอทิเส อตฺถจรเก’’ติ. น อฺตฺราติ น อฺตฺถ สุคติยํ. เอตฺถ ปน ‘‘อตฺถจรเกนา’’ติ อิมินา พฺยติเรกมุเขน อนตฺถจรกตํเยว วิภาเวตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อุปเนยฺย อุปเนยฺยา’’ติ อิทํ ตฺวาทฺยนฺตํ วิจฺฉาวจนนฺติ อาห ‘‘พฺราหฺมโณ โข ปนา’’ติอาทิ. เอวํ อุปเนตฺวา อุปเนตฺวาติ ตํ ตํ โทสํ อุปนีย อุปนีย. เตนาห ‘‘สุฏฺุ ทาสาทิภาวํ อาโรเปตฺวา’’ติ. ปาเตสีติ ปวฏฺฏนวเสน ปาเตสิ. ยฺจ อคมาสิ, ตมฺปิ อสฺส ตถาคมนสงฺขาตํ านํ อจฺฉินฺทิตฺวาติ โยชนา.
โปกฺขรสาติพุทฺธูปสงฺกมนวณฺณนา
๒๙๒-๓-๖. กิตฺตโก ปน โสติ วุตฺตํ ‘‘สมฺโมทนียกถายปิ กาโล นตฺถี’’ติ. อาคมา นูติ อาคโต นุ. โขติ นิปาตมตฺตํ. อิธาติ เอตฺถ, ตุมฺหากํ สนฺติกนฺติ อตฺโถ. อธิวาเสตูติ สาทิยตุ, ตํ ปน สาทิยนํ อิธ มนสาว สมฺปฏิคฺคโห, น กายวาจาหีติ อาห ‘‘สมฺปฏิจฺฉตู’’ติ. อชฺช ปวตฺตมานํ อชฺชตนํ, ปฺุํ, ปีติปาโมชฺชฺจ, อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ เม’’ติอาทิ วุตฺตํ. การนฺติ อุปการํ, สกฺการํ วา. อโจเปตฺวาติ อจาเลตฺวา.
๒๙๗. ‘‘สหตฺถา’’ติ อิทํ กรณตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ. เตนาห ‘‘สหตฺเถนา’’ติ. สุหิตนฺติ ธาตํ, ชิฆจฺฉาทุกฺขาภาเวน วา สุขิตํ. ยาวทตฺถนฺติ ยาว อตฺโถ, ตาว โภชเนน ตทา กตํ. ปฏิกฺเขปปวารณาเวตฺถ อธิปฺเปตา, น นิมนฺตนปวารณาติ อาห ‘‘อล’’นฺติอาทิ. ‘‘หตฺถสฺายา’’ติ นิทสฺสนมตฺตํ อฺตฺถ มุขวิกาเรน, วจีเภเทน จ ปฏิกฺเขปสฺส วุตฺตตฺตา ¶ , เอกกฺขเณปิ จ ตถาปฏิกฺเขปสฺส ลพฺภนโต. โอนีตา ปตฺตโต ปาณิ เอตสฺสาติ โอนีตปตฺตปาณีติ ภินฺนาธิกรณวิสโย ติปโท พาหิรตฺถสมาโส. มุทฺธชณ-กาเรน, ปน สฺโคต-กาเรน จ โอณิตฺตสทฺโท วินาภูเตติ ทสฺเสติ ‘‘โอณิตฺตปตฺตปาณินฺติปิ ปาโ’’ติอาทินา. สุจิกรณตฺเถ วา โอณิตฺตสทฺโท. โอณิตฺตํ อามิสาปนยเนน สุจิกตํ ปตฺตํ ปาณิ จ อสฺสาติ หิ โอณิตฺตปตฺตปาณิ. เตนาห ‘‘หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา’’ติ. ‘‘โอณิตฺตํ นานาภูตํ วินาภูตํ, อามิสาปนยเนน วา สุจิกตํ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอณิตฺตปตฺตปาณี’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.๒๓) สารตฺถทีปนิยํ วุตฺตํ. ตตฺถ ปจฺฉิมวจนํ ‘‘หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา’’ติ อิมินา อสํสนฺทนโต วิจาเรตพฺพํ. เอวํภูตนฺติ ‘‘ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณิ’’นฺติ วุตฺตปฺปกาเรน ภูตํ.
๒๙๘. อนุปุพฺพึ กถนฺติ อนุปุพฺพํ กเถตพฺพํ กถํ. เตนาห ‘‘อนุปฏิปาฏิกถ’’นฺติ. กา ¶ ปน สาติ อาห ‘‘ทานานนฺตรํ สีล’’นฺติอาทิ, เตนายมตฺโถ โพธิโต โหติ – ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา, สุกรตฺตา, สีเล ปติฏฺานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโต กเถตพฺพา. ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ วินิสฺสฏภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฏฺิโต โหติ, สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กเถตพฺพา. ตฺเจ ทานสีลํ วฏฺฏนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผลนฺติ ทสฺสนตฺถํ สีลกถานนฺตรํ สคฺคกถา. ตาย หิ เอวํ ทสฺสิตํ โหติ ‘‘อิเมหิ ทานสีลมเยหิ, ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺเนหิ จ ปฺุกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา ทิพฺพสมฺปตฺติโย ลทฺธพฺพา’’ติ. สฺวายํ สคฺโค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิฏฺโ, สพฺพถา ปน เตหิ อนุปกฺกิลิฏฺโ อริยมคฺโคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคกถานนฺตรํ มคฺคกถา. มคฺคฺจ กเถนฺเตน ตทธิคมุปายทสฺสนตฺถํ กามานํ อาทีนโว, โอกาโร, สํกิเลโส, เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพ. สคฺคปริยาปนฺนาปิ หิ สพฺเพ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมา, ปเคว อิตเรติ ¶ อาทีนโว, สพฺเพปิ กามา หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสํหิตาติ ลามกภาโว โอกาโร, สพฺเพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ สํกิเลโส, สพฺพสํกิเลสวิปฺปยุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขมฺเม อานิสํโส จ กเถตพฺโพติ. อยมฺปิ อตฺโถ โพธิโตติ เวทิตพฺโพ. มคฺโคติ หิ เอตฺถ อิติ-สทฺเทน อาทฺยตฺเถน กามาทีนวาทีนมฺปิ สงฺคโหติ อยมตฺถวณฺณนา กตา. เตนาห ‘‘เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสตี’’ติ. วิตฺถาโร สารตฺถทีปนิยํ (สารตฺถ. ฏี. ๓.๒๖) คเหตพฺโพ.
กสิ-สทฺโท าเณน คหเณติ อาห ‘‘คหิตา’’ติอาทิ. สามํสทฺเทน นิวตฺเตตพฺพมตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘อสาธารณา อฺเส’’นฺติ อิมินา, โลกุตฺตรธมฺมาธิคเม ปรูปเทสวิคตตฺตา, เอเกเนว โลเก ปมํ อนุตฺตราย สมฺมาสมฺโพธิยา อภิสมฺพุทฺธตฺตา จ อฺเสมสาธารณาติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมจกฺขุนฺติ เอตฺถ โสตาปตฺติมคฺโคว อธิปฺเปโต, น พฺรหฺมายุสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๘๓ อาทโย) วิย เหฏฺิมา ตโย มคฺคา, น จ จูฬราหุโลวาทสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๔๑๖) วิย อาสวกฺขโย. ‘‘ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถ’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ มคฺคาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณเมว, น สงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘ตฺหี’’ติอาทิมาห. กิจฺจวเสนาติ อสมฺโมหปฏิเวธกิจฺจวเสน.
โปกฺขรสาติอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา
๒๙๙. ปาฬิยํ ¶ ‘‘ทิฏฺธมฺโม’’ติอาทีสุ ทสฺสนํ นาม าณโต อฺมฺปิ จกฺขาทิทสฺสนํ อตฺถีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณปตฺติโต อฺาปิ กายคมนาทิปตฺติ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสทสฺสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา เอกเทสโตปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตธมฺมตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ, เตนสฺส สจฺจาภิสมฺโพธเมว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิจตุกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ. เตนาห ‘‘ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม’’ติ. ‘‘กถํ ปน เอกเมว าณํ เอกสฺมึ ขเณ จตฺตาริ กิจฺจานิ สาเธนฺตํ ปวตฺตติ. น หิ ตาทิสํ โลเก ทิฏฺํ, น อาคโม วา ตาทิโส อตฺถี’’ติ ¶ น วตฺตพฺพํ. ยถา หิ ปทีโป เอกสฺมึเยว ขเณ วฏฺฏึ ทหติ, สฺเนหํ ปริยาทิยติ, อนฺธการํ วิธมติ, อาโลกฺจาปิ ทสฺเสติ, เอวเมตํ าณนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘มคฺคสมงฺคิสฺส าณํ ทุกฺเขเปตํ าณํ, ทุกฺขสมุทเยเปตํ าณํ, ทุกฺขนิโรเธเปตํ าณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทายเปตํ าณ’’นฺติ (วิภ. ๗๙๔) สุตฺตปทมฺเปตฺถ อุทาหริตพฺพนฺติ.
ติณฺณา วิจิกิจฺฉาติ สปฺปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา, อฏฺวตฺถุกา จ วิจิกิจฺฉา อเนน วิติณฺณา. วิคตา กถํกถาติ ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา กถํกถา อสฺส วิคตา สมุจฺฉินฺนา. วิสารทภาวํ ปตฺโตติ สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา, ตปฺปฏิปกฺเขสุ จ สีลาทิคุเณสุ สุปฺปติฏฺิตตฺตา วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโต อธิคโต. สายํ เวสารชฺชปฺปตฺติ สุปฺปติฏฺิตตา กตฺถาติ โจทนาย ‘‘สตฺถุสาสเน’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กตฺถ? สตฺถุสาสเน’’ติ อาห. อตฺตนาว ปจฺจกฺขโต ทิฏฺตฺตา, อธิคตตฺตา จ น อสฺส ปจฺจโย ปจฺเจตพฺโพ ปโร อตฺถีติ อตฺโถ. ตตฺถาธิปฺปายมาห ‘‘น ปรสฺสา’’ติอาทินา. น วตฺตตีติ น ปวตฺตติ, น ปฏิปชฺชติ วา, น ปรํ ปจฺเจติ ปตฺติยายตีติ อปรปฺปจฺจโยติปิ ยุชฺชติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพมฺปิ อวุตฺตํ, ตเทตํ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา, ปรโต วุจฺจมานตฺตา จ อวุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย อชฺชวมทฺทวโสรจฺจสทฺธาสติธิติพุทฺธิขนฺติวีริยาทิธมฺมสมงฺคินา สาฏฺกเถ ปิฏกตฺตเย อสงฺคาสํหีรวิสารทาณจารินา อเนกปฺปเภทสกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหินา ¶ มหาคณินา มหาเวยฺยากรเณน าณาภิวํสธมฺมเสนาปตินามตฺเถเรน มหาธมฺมราชาธิราชครุนา กตาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
อมฺพฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๓๐๐. เอวํ ¶ ¶ อมฺพฏฺสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ โสณทณฺฑสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, อมฺพฏฺสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส โสณทณฺฑสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… องฺเคสูติ โสณทณฺฑสุตฺต’’นฺติ อาห. สุนฺทรภาเวน สาติสยานิ องฺคานิ เอเตสมตฺถีติ องฺคา. ตทฺธิตปจฺจยสฺส อติสยวิสิฏฺเ อตฺถิตาอตฺเถ ปวตฺติโต, ปธานโต ราชกุมารา, รุฬฺหิวเสน ปน ชนปโทติ วุตฺตํ ‘‘องฺคา นามา’’ติอาทิ. อิธาปิ อธิปฺเปตา, น อมฺพฏฺสุตฺเต เอว. ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิ ตสฺสา จาริกาย การณวจนํ. อาคมเน อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ปฏิกฺขิปนวเสน อาคนฺตุํ น ทสฺสนฺติ, นานุชานิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย.
นีลาโสกกณิการโกวิฬารกุนฺทราชรุกฺขาทิสมฺมิสฺสตาย ตํ จมฺปกวนํ นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมปฏิมณฺฑิตํ, น จมฺปกรุกฺขานฺเว นีลาทิปฺจวณฺณกุสุมตายาติ วทนฺติ, ตถารูปาย ปน ธาตุยา จมฺปกรุกฺขาว นีลาทิปฺจวณฺณมฺปิ กุสุมํ ปุปฺผนฺติ. อิทานิปิ หิ กตฺถจิ เทเส ทิสฺสนฺติ, เอวฺจ ยถารุตมฺปิ อฏฺกถาวจนํ อุปปนฺนํ โหติ. กุสุมคนฺธสุคนฺเธติ วุตฺตนเยน สมฺมิสฺสกานํ, สุทฺธจมฺปกานํ วา กุสุมานํ คนฺเธหิ สุคนฺเธ. เอวํ ปน วทนฺโต น มาปนกาเลเยว ตสฺมึ นคเร จมฺปกรุกฺขา อุสฺสนฺนา, อถ โข อปรภาเคปีติ ทสฺเสติ. มาปนกาเล หิ จมฺปกรุกฺขานมุสฺสนฺนตาย ตํ นครํ ‘‘จมฺปา’’ติ นามํ ลภิ. อิสฺสรตฺตาติ อธิปติภาวโต. เสนา เอตสฺส อตฺถีติ เสนิโก, สฺเวว เสนิโย. พหุภาววิสิฏฺา เจตฺถ อตฺถิตา ตทฺธิตปจฺจเยน โชติตาติ วุตฺตํ ‘‘มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา’’ติ. สารสุวณฺณสทิสตายาติ อุตฺตมชาติสุวณฺณสทิสตาย. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตฏฺกถายํ ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘เสนิโย’’ติ ตสฺส นามํ, พิมฺพีติ อตฺตภาวสฺส นามํ วุจฺจติ, โส ตสฺส สารภูโต ทสฺสนีโย ปาสาทิโก อตฺตภาวสมิทฺธิยา พิมฺพิสาโรติ วุจฺจตี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘๐).
๓๐๑-๒. สํหตาติ ¶ สนฺนิปตนวเสน สงฺฆฏิตา, สนฺนิปติตาติ วุตฺตํ โหติ. เอเกกิสฺสาย ทิสายาติ เอเกกาย ปเทสภูตาย ทิสาย. ปาฬิยํ พฺราหฺมณคหปติกานมธิปฺเปตตฺตา ‘‘สงฺฆิโน’’ติ วตฺตพฺเพ ¶ ‘‘สงฺฆี’’ติ ปุถุตฺเต เอกวจนํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เอเตส’’นฺติ อิมินา. เอวํ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๐๑, ๓๐๒) วุตฺตํ, สงฺฆีติ ปน ทีฆวเสน พหุวจนมฺปิ ทิสฺสติ. อคณาติ อสมูหภูตา อคณพนฺธา, ‘‘อคณนา’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ, สงฺขฺยาตฺถสฺส อยุตฺตตฺตา. น หิ เตสํ สงฺขฺยา อตฺถีติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปุพฺเพ อนฺโตนคเร อคณาปิ ปจฺฉา พหินคเร คณํ ภูตา ปตฺตาติ คณีภูตาติ. อภูตตพฺภาเว หิ กราสภูโยเค อ-การสฺส อี-การาเทโส, อีปจฺจโย วา. ราชราชฺาทีนํ ทณฺฑธโร ปุริโสว ตโต ตโต ขตฺติยานํ ตายนโต รกฺขณโต ขตฺตา นิรุตฺตินเยน. โส หิ ยตฺถ เตหิ เปสิโต, ตตฺถ เตสํ โทสํ ปริหรนฺโต ยุตฺตปตฺตวเสน ปุจฺฉิตมตฺถํ กเถติ. เตนาห ‘‘ปุจฺฉิตปฺเห พฺยากรณสมตฺโถ’’ติ. กุลาปเทสาทินา มหตี มตฺตา ปมาณเมตสฺสาติ มหามตฺโต.
โสณทณฺฑคุณกถาวณฺณนา
๓๐๓. เอกสฺส รฺโ อาณาปวตฺติฏฺานานิ รชฺชานิ นาม, วิสิฏฺานิ รชฺชานิ วิรชฺชานิ, ตาเนว เวรชฺชานิ, นานาวิธานิ เวรชฺชานิ ตถา, เตสุ ชาตาติอาทินา ติธา ตทฺธิตนิพฺพจนํ. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺตีติ. ยฺานุภวนตฺถนฺติ ยสฺส กสฺสจิ ยฺสฺส อนุภวนตฺถํ. เตติ นานาเวรชฺชกา พฺราหฺมณา. ตสฺสาติ โสณทณฺฑพฺราหฺมณสฺส. อุตฺตมพฺราหฺมโณติ อภิชนสมฺปตฺติยา, วิตฺตสมฺปตฺติยา, วิชฺชาสมฺปตฺติยา จ อุคฺคตตโร, อุฬาโร วา พฺราหฺมโณ. อาวฏฺฏนีมายา วุตฺตาว. ลาภมจฺเฉเรน นิปฺปีฬิตตาย อสนฺนิปาโต ภวิสฺสติ.
องฺเคติ คเมติ อตฺตโน ผลํ าเปติ, สยํ วา องฺคียติ คมียติ ายตีติ องฺคํ, เหตุ. เตนาห ‘‘การเณนา’’ติ. โลกธมฺมตานุสฺสรเณน อปรานิปิ การณานิ อาหํสูติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอว’’นฺติอาทิมาห.
ทฺวีหิ ปกฺเขหีติ มาตุปกฺเขน, ปิตุปกฺเขน จาติ ทฺวีหิ าติปกฺเขหิ. ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติ หิ เอตฺถเกเยว วุตฺเต เยหิ เกหิจิ ทฺวีหิ ภาเคหิ สุชาตตฺตํ วิชาเนยฺย, สุชาตสทฺโท จ ‘‘สุชาโต จารุทสฺสโน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙) อาโรหสมฺปตฺติปริยาโยปิ โหตีติ ชาติวเสเนว ¶ สุชาตตฺตํ วิภาเวตุํ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘โภโต มาตา พฺราหฺมณี’’ติอาทิ. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน, มาตุปกฺขโต จ ¶ ปิตุปกฺขโต จ ปจฺเจกํ ติวิเธน าติปริวฏฺเฏนาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ อิมินาปิ ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ สมตฺเถตีติ อาห ‘‘สํสุทฺธา เต มาตุคหณี’’ติ, สํสุทฺธาว อนฺปุริสสาธารณาติ อตฺโถ. อโนรสปุตฺตวเสนาปิ หิ โลเก มาตาปิตุสมฺา ทิสฺสติ, อิธ ปนสฺส โอรสปุตฺตวเสเนว อิจฺฉิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ วุตฺตํ. คพฺภํ คณฺหาติ ธาเรตีติ คหณี, ตติยาวฏฺฏสงฺขาโต คพฺภาสยสฺิโต มาตุกุจฺฉิปเทโส สมเวปากินิยาติ สมวิปาจนิยา. เอตฺถาติ มหาสุทสฺสนสุตฺเต. ยถาภุตฺตมาหารํ วิปาจนวเสน คณฺหาติ น ฉฑฺเฑตีติ คหณี, กมฺมชเตโชธาตุ, ยา ‘‘อุทรคฺคี’’ติ โลเก ปฺายติ.
ปิตุปิตาติ ปิตุโน ปิตา. ปิตามโหติ อามห-ปจฺจเยน ตทฺธิตสิทฺธิ. ‘‘จตุยุค’’นฺติอาทีสุ วิย ตํ ตทตฺเถ ยุชฺชิตพฺพโต กาลวิเสโส ยุคํ นาม. เอตํ ยุคสทฺเทน อายุปฺปมาณวจนํ อภิลาปมตฺตํ โลกโวหารวจนมตฺตเมว, อธิปฺเปตตฺถโต ปน ปิตามโหเยว ปิตามหยุคสทฺเทน วุตฺโต ตสฺเสว ปธานภาเวน อธิปฺเปตตฺตาติ อธิปฺปาโย. ตโต อุทฺธนฺติ ปิตามหโต อุปริ. เตนาห ‘‘ปุพฺพปุริสา’’ติ, ตทวเสสา ปุพฺพกา ฉ ปุริสาติ อตฺโถ. ปุริสคฺคหณฺเจตฺถ อุกฺกฏฺนิทฺเทเสน กตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอวฺหิ ‘‘มาติโต’’ติ ปาฬิวจนํ สมตฺถิตํ โหติ.
ตตฺรายมฏฺกถามุตฺตกนโย – มาตา จ ปิตา จ ปิตโร, ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา, เตสํ ยุโค ทฺวนฺโท ปิตามหยุโค, ตสฺมา, ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา ปิตามหทฺวนฺทาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ, เอวฺจ ปิตามหคฺคหเณเนว มาตามโหปิ คหิโต. ยุคสทฺโท เจตฺถ เอกเสโส ‘‘ยุโค จ ยุโค จ ยุโค’’ติ, อโต ตตฺถ ตตฺถ าติปริวฏฺเฏ ปิตามหทฺวนฺทํ คหิตํ โหตีติ.
‘‘ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา’’ติ อิทํ กากาเปกฺขนมิว อุภยตฺถ สมฺพนฺธคตนฺติ อาห ‘‘เอว’’นฺติอาทิ. ยาว สตฺตโม ปุริโส, ตาว อกฺขิตฺโต ¶ อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทนาติ สมฺพนฺโธ. อกฺขิตฺโตติ อปฺปตฺตเขโป. อนวกฺขิตฺโตติ สทฺธถาลิปากาทีสุ น ฉฑฺฑิโต. น อุปกุฏฺโติ น อุปกฺโกสิโต. ‘‘ชาติวาเทนา’’ติ อิทํ เหตุมฺหิ กรณวจนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เกน การเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อิติปีติ อิมินาปิ การเณน. เอตฺถ จ ‘‘อุภโต…เป… ยุคา’’ติ เอเตน พฺราหฺมณสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคหณิกภาวกิตฺตนโต, ‘‘อกฺขิตฺโต’’ติ เอเตน กิริยาปราธาภาโว. กิริยาปราเธน หิ สตฺตา เขปํ ปาปุณนฺติ. ‘‘อนุปกุฏฺโ’’ติ เอเตน อยุตฺตสํสคฺคาภาโว. อยุตฺตสํสคฺคฺหิ ปฏิจฺจ สตฺตา อกฺโกสํ ลภนฺตีติ.
อิสฺสโรติ ¶ อาธิปเตยฺยสํวตฺตนิยกมฺมพเลน อีสนสีโล, สา ปนสฺส อิสฺสรตา วิภวสมฺปตฺติปจฺจยา ปากฏา ชาตา, ตสฺมา อฑฺฒภาวปริยาเยน ทสฺเสนฺโต ‘‘อฑฺโฒติ อิสฺสโร’’ติ อาห. มหนฺตํ ธนมสฺส ภูมิคตํ, เวหาสคตฺจาติ มหทฺธโน. ตสฺสาติ ตสฺส ตสฺส คุณสฺส, อยเมว จ ปาโ อธุนา ทิสฺสติ. อคุณํเยว ทสฺเสมาติ อนฺวยโต ตสฺส คุณํ วตฺวา พฺยติเรกโต ภควโต อนุปสงฺกมนการณํ อคุณเมว ทสฺเสม.
อธิกรูโปติ วิสิฏฺรูโป อุตฺตมสรีโร. ทสฺสนํ อรหตีติ ทสฺสนีโยติ อาห ‘‘ทสฺสนโยคฺโค’’ติ. ปสาทํ อาวหตีติ ปาสาทิโก. เตนาห ‘‘ปสาทชนนโต’’ติ. โปกฺขรสทฺโท อิธ สุนฺทรตฺเถ, สรีรตฺเถ จ นิรุฬฺโห. วณฺณสฺสาติ วณฺณธาตุยา. ปกาสนิเยน ปริสุทฺธนิมิตฺเตน วณฺณสทฺทสฺส วณฺณธาตุยํ ปวตฺตนโต ตนฺนิมิตฺตเมว วณฺณตา, สา จ วณฺณนิสฺสิตาติ อเภทวเสน วุตฺตํ ‘‘อุตฺตเมน ปริสุทฺเธน วณฺเณนา’’ติ. สรีรํ ปน สนฺนิเวสวิสิฏฺํ กรจรณคีวาสีสาทิสมุทายํ, ตฺจ อวยวภูเตน สณฺานนิมิตฺเตน คยฺหติ, ตสฺมา ตนฺนิมิตฺตเมว โปกฺขรตาติ วุตฺตํ ‘‘สรีรสณฺานสมฺปตฺติยา’’ติ, อุตฺตมาย สรีรสณฺานสมฺปตฺติยาติปิ โยเชตพฺพํ. อตฺถวสา หิ ลิงฺควิภตฺติวิปริณาโม. สพฺเพสุ วณฺเณสุ สุวณฺณวณฺโณว อุตฺตโมติ อาห ‘‘ปริสุทฺธวณฺเณสุปิ เสฏฺเน สุวณฺณวณฺเณน สมนฺนาคโต’’ติ. ตถา หิ พุทฺธา, จกฺกวตฺติโน จ สุวณฺณวณฺณาว โหนฺติ. ยสฺมา ปน วจฺฉสสทฺโท สรีราเภ ปวตฺตติ, ตสฺมา พฺรหฺมวจฺฉสีติ อุตฺตมสรีราโภ, สุวณฺณาโภ อิจฺเจว อตฺโถ. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘มหาพฺรหฺมุโน สรีรสทิเสเนว สรีเรน สมนฺนาคโต’’ติ ¶ วุตฺตํ, น พฺรหฺมุชุคตฺตตํ. โอกาโสติ สพฺพงฺคปจฺจงฺคฏฺานํ. อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา, อวยวปาริปูริยา จ ทสฺสนสฺส โอกาโส น ขุทฺทโกติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘สพฺพาเนวา’’ติอาทิ.
สีลนฺติ ยมนิยมลกฺขณํ สีลํ, ตํ ปนสฺส รตฺตฺุตาย วุทฺธํ วทฺธิตนฺติ วิเสสโต ‘‘วุทฺธสีลี’’ติ วุตฺตํ. วุทฺธสีเลนาติ สพฺพทา สมฺมาโยคโต วุทฺเธน ธุวสีเลน. เอวฺจ กตฺวา ปทตฺตยมฺเปตํ อธิปฺเปตตฺถโต วิสิฏฺํ โหติ, สทฺทตฺถมตฺตํ ปน สนฺธาย ‘‘อิทํ วุทฺธสีลีปทสฺเสว เววจน’’นฺติ วุตฺตํ. ปฺจสีลโต ปรํ ตตฺถ สีลสฺส อภาวโต, เตสมชานนโต จ ‘‘ปฺจสีลมตฺตเมวา’’ติ อาห.
วาจาย ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนตา เอว สุนฺทรภาโวติ วุตฺตํ ‘‘สุนฺทรา ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา’’ติ. านกรณสมฺปตฺติยา, สิกฺขาสมฺปตฺติยา จ กสฺสจิปิ อนูนตาย ปริมณฺฑลปทานิ พฺยฺชนานิ อกฺขรานิ เอติสฺสาติ ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา. อกฺขรเมว หิ ตํตทตฺถวาจกภาเวน ¶ ปริจฺฉินฺนํ ปทํ. อถ วา ปทเมว อตฺถสฺส พฺยฺชกตฺตา พฺยฺชนํ, สิถิลธนิตาทิอกฺขรปาริปูริยา จ ปทพฺยฺชนสฺส ปริมณฺฑลตา, ปริมณฺฑลํ ปทพฺยฺชนเมติสฺสาติ ตถา. อปิจ ปชฺชติ อตฺโถ เอเตนาติ ปทํ, นามาทิ, ยถาธิปฺเปตมตฺถํ พฺยฺเชตีติ พฺยฺชนํ, วากฺยํ, เตสํ ปริปุณฺณตาย ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนา. อตฺถวิฺาปเน สาธนตาย วาจาว กรณํ วากฺกรณนฺติ ตุลฺยาธิกรณตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทาหรณโฆโส’’ติ วุตฺตํ, วจีเภทสทฺโทติ อตฺโถ. ตสฺส พฺราหฺมณสฺส, เตน วา ภาสิตพฺพสฺส อตฺถสฺส คุณปริปุณฺณภาเวน ปูเร คุเณหิ ปริปุณฺณภาเว ภวาติ โปรี. ปุน ปุเรติ ราชธานีมหานคเร. ภวตฺตาติ สํวฑฺฒตฺตา. สุขุมาลตฺตเนนาติ สุขุมาลภาเวน, อิมินา ตสฺสา วาจาย มุทุสณฺหตฺตมาห. อปลิพุทฺธายาติ ปิตฺตเสมฺหาทีหิ อปริโยนทฺธาย, เหตุคพฺภปทเมตํ. ตโต เอว หิ ยถาวุตฺตโทสาภาโวติ. ฑํเสตฺวา วิย เอกเทสกถนํ สนฺทิฏฺํ, สณิกํ จิรายิตฺวา กถนํ วิลมฺพิตํ, ‘‘สนฺนิทฺธวิลมฺพิตาที’’ติปิ ปาโ. สทฺเทน อชนกํ วจินํ, มมฺมกสงฺขาตํ วา เอกกฺขรเมว ทฺวตฺติกฺขตฺตุมุจฺจารณํ สนฺนิทฺธํ. อาทิสทฺเทน ทุกฺขลิตานุกฑฺฒิตาทีนิ สงฺคณฺหาติ. เอฬาคเฬนาติ เอฬาปคฺฆรเณน. ‘‘เอฬา คฬนฺตี’’ติ วุตฺตสฺเสว ทฺวิธา อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ลาลา วา ปคฺฆรนฺตี’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. ‘‘ปสฺเส’ฬมูคํ อุรคํ ทุชิวฺห’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๗.๔๙) วิย หิ เอฬาสทฺโท ลาลาย, เขเฬ จ ปวตฺตติ. เขฬผุสิตานีติ เขฬพินฺทูนิ.
ตตฺรายมฏฺกถามุตฺตกนโย – เอลนฺติ โทโส วุจฺจติ ‘‘ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๘, ๑๙๔) วิย. ทุปฺปฺา จ สโทสเมว กถํ กเถนฺตา เอลํ ปคฺฆราเปนฺติ, ตสฺมา เตสํ วาจา เอลคฬา นาม โหติ, ตพฺพิปรีตายาติ อตฺโถ. ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานํ ปากฏํ กตฺวา’’ติ อิมินา ตสฺสา วาจาย อตฺถปาริปูรึ วทติ. วิฺาปนสทฺเทน เอตสฺส สมฺพนฺโธ.
ชราชิณฺณตาย ชิณฺโณติ ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทิภาวมาปาทิโต. วุทฺธิมริยาทปฺปตฺโตติ วุทฺธิยา ปริจฺเฉทํ ปริยนฺตํ ปตฺโต. ชาติมหลฺลกตายาติ อุปปตฺติยา มหลฺลกภาเวน. เตนาห ‘‘จิรกาลปฺปสุโต’’ติ. อทฺธสทฺโท อทฺธานปริยาโย ทีฆกาลวาจโก. กิตฺตโก ปน โสติ อาห ‘‘ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ’’ติ, ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ราชูนํ รชฺชปสาสนปฏิปาฏิโยติ อตฺโถ. ‘‘อทฺธคโต’’ติ วตฺวาปิ กตํ วโยคหณํ โอสานวยาเปกฺขนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺโต’’ติ. ปจฺฉิโม ตติยภาโคติ วสฺสสตสฺส ติธา กเตสุ ภาเคสุ ตติโย โอสานภาโค. ปจฺเจกํ เตตฺตึสวสฺสโต จ อธิกมาสปกฺขาทิปิ วิภชียติ, ตสฺมา สตฺตสฏฺิเม วสฺเส ยถารหํ ลพฺภมานมาสปกฺขทิวสโต ปฏฺาย ปจฺฉิมวโย เวทิตพฺโพ. อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรนปิ ¶ หิ อิมเมวตฺถํ สนฺธาย ‘‘สตฺตสฏฺิวสฺสโต ปฏฺาย ปจฺฉิมวโย โกฏฺาโส’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๑.เวรฺชกณฺฑวณฺณนา) วุตฺตํ. อิตรถา หิ ‘‘ปจฺฉิมวโย นาม วสฺสสตสฺส ปจฺฉิโม ตติยภาโค’’ติ อฏฺกถาวจเนน วิโรโธ ภเวยฺยาติ.
เอวํ เกวลชาติวเสน ปมวิกปฺปํ วตฺวา คุณมิสฺสกวเสนปิ ทุติยวิกปฺปํ วทนฺเตน ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ นายํ ชิณฺณตา วโยมตฺเตน, อถ โข กุลปริวฏฺเฏน ปุราณตาติ อาห ‘‘ชิณฺโณติ โปราโณ’’ติอาทิ. จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวโยติ จิรกาลํ ปวตฺตกุลปริวฏฺโฏ, เตนาสฺส กุลวเสน อุทิโตทิตภาวมาห. ‘‘วโยอนุปฺปตฺโต’’ติ อิมินา ชาติวุทฺธิยา วกฺขมานตฺตา, คุณวุทฺธิยา ¶ จ ตโต สาติสยตฺตา ‘‘วุทฺโธติ สีลาจาราทิคุณวุทฺธิยา ยุตฺโต’’ติ วุตฺตํ. วกฺขมานํ ปติ ปาริเสสคฺคหณฺเหตํ. ตถา ชาติมหลฺลกตายปิ เตเนว ปเทน วกฺขมานตฺตา, วิภวมหตฺตตาย จ อนวเสสิตตฺตา ‘‘มหลฺลโกติ วิภวมหนฺตตาย สมนฺนาคโต’’ติ อาห. มคฺคปฏิปนฺโนติ พฺราหฺมณานํ ยุตฺตปฏิปตฺติวีถึ อโวกฺกมฺม จรณวเสน อุปคโตติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘พฺราหฺมณาน’’นฺติอาทินา. ชาติวุทฺธภาวมนุปฺปตฺโต, ตมฺปิ อนฺติมวยํ ปจฺฉิมวยเมว อนุปฺปตฺโตติ สาธิปฺปายโยชนา. อิมินา หิ ปจฺฉิมวยวเสน ชาติวุทฺธภาวํ ทสฺเสตีติ.
พุทฺธคุณกถาวณฺณนา
๓๐๔. ตาทิเสหิ มหานุภาเวหิ สทฺธึ ยุคคฺคาหวเสน ปนมฺปิ น มาทิสานํ ปณฺฑิตชาตีนมนุจฺฉวิกํ, กุโต ปน อุกฺกํสวเสน ปนนฺติ อิทํ พฺราหฺมณสฺส น ยุตฺตรูปนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น โข ปน เมต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เยปิ คุณา อตฺตโน คุเณหิ สทิสา, เตปิ คุเณ อุตฺตริตเรเยว มฺมาโน ปกาเสตีติ สมฺพนฺโธ. สทิสาติ จ เอกเทเสน สทิสา. น หิ พุทฺธานํ คุเณหิ สพฺพถา สทิสา เกจิปิ คุณา อฺเสุ ลพฺภนฺติ. ‘‘โก จาห’’นฺติอาทิ อุตฺตริตราการทสฺสนํ. อหฺจ กีทิโส นาม หุตฺวา สทิโส ภวิสฺสามิ, สมณสฺส…เป… คุณา จ กีทิสา นาม หุตฺวา สทิสา ภวิสฺสนฺตีติ สาธิปฺปายโยชนา. เกจิ นวํ ปาํ กโรนฺติ, อยเมว มูลปาโ ยถา ตํ อมฺพฏฺสุตฺเต ‘‘โก จาหํ โภ โคตม สาจริยโก, กา จ อนุตฺตรา วิชฺชาจรณสมฺปทา’’ติ. อิตเรติ อตฺตโน คุเณหิ อสทิเส คุเณ, ‘‘ปกาเสตี’’ติ อิมินาว สมฺพนฺโธ. เอกนฺเตเนวาติ สทิสคุณานํ วิย ปสงฺคาภาเวน.
เอวํ นิยาเมนฺโต โสณทณฺโฑ อิทํ อตฺถชาตํ ทีเปติ. ยถา หีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท การเณ. เตนาห ¶ ‘‘ตสฺมา มยเมว อรหามา’’ติ. โคปทกนฺติ คาวิยา ขุรฏฺาเน ิตอุทกํ. คุเณติ สทิสคุเณปิ, ปเคว อสทิสคุเณ.
สฏฺิกุลสตสหสฺสนฺติ สฏฺิสหสฺสาธิกํ กุลสตสหสฺสํ. ธมฺมปทฏฺกถาทีสุ (ธ. ป. อฏฺ. ๑๖) ปน กตฺถจิ ภควโต อสีติกุลสหสฺสตาวจนํ เอเกกปกฺขเมว สนฺธายาติ เวทิตพฺพํ.
สุธามฏฺโปกฺขรณิโยติ ¶ สุธาย ปริกมฺมกตา โปกฺขรณิโย. สตฺตรตนานนฺติ สตฺตหิ รตเนหิ. ปูรโยเค หิ กรณตฺเถ พหุลํ ฉฏฺีวจนํ. ปาสาทนิยูหาทโยติ อุปริปาสาเท ิตตุลาสีสาทโย. ‘‘สตฺตรตนาน’’นฺติ อธิกาโร, อเภเทปิ เภทโวหาโร เอส. กุลปริยาเยนาติ สุทฺโธทนมหาราชสฺส อสมฺภินฺนขตฺติยกุลานุกฺกเมน. เตสุปีติ จตูสุ นิธีสุปิ. คหิตํ คหิตํ านํ ปูรติเยว ธเนน ปากติกเมว โหติ, น อูนํ.
ภทฺทเกนาติ สุนฺทเรน. ปจฺฉิมวเย วุตฺตนเยน ปมวโย เวทิตพฺโพ. มาตาปิตูนํ อนิจฺฉาย ปพฺพชฺชาว อนาทโร เตน ยุตฺเต อตฺเถ สามิวจนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอเตสนฺติ มาตาปิตูนํ. กนฺทิตฺวาติ ‘‘กหํ ปิยปุตฺตกา’’ติอาทินา ปริเทวิตฺวา.
อปริมาโณเยวาติ ‘‘เอตฺตโก เอโส’’ติ เกนจิ ปริจฺฉินฺทิตุมสกฺกุเณยฺยตาย อปริจฺฉินฺโนเยว. ทฺเว เวฬู อโธกฏิมตฺตกเมว โหนฺตีติ อาห ‘‘ทฺวินฺนํ เวฬูนํ อุปริ กฏิมตฺตเมวา’’ติ. ปารมิตานุภาเวน พฺราหฺมณสฺส เอว ปฺายติ, ภควา ปน ตทา ปกติปฺปมาโณวาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺายมาโน’’ติ วุตฺตมิว ทิสฺสติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ. ‘‘น หี’’ติอาทินา ปารมิตาพเลเนว เอวํ อปริมาณตา, น อิทฺธิพเลนาติ ทสฺเสตี’’ติ วทนฺติ. อตุโลติ อสทิโส. ‘‘ธมฺมปเท คาถมาหา’’ติ กตฺถจิ ปาโ อยุตฺโตว. น หิ ธมฺมปเท อยํ คาถา ทิสฺสติ. สุธาปิณฺฑิยตฺเถราปทานาทีสุ (อป. ๑.๑๐.สุธาปิณฺฑิยตฺเถราปทาน) ปนายํ คาถา อาคตา, สา จ โข อฺวตฺถุสฺมึ เอว, น อิมสฺมึ วตฺถุมฺหิ, ตสฺมา ปาฬิวเสน สงฺคีติมนารุฬฺหา ปกิณฺณกเทสนาเยวายํ คาถาติ ทฏฺพฺพํ.
ตตฺถ เต ตาทิเสติ ปริยายวจนเมตํ ‘‘อปฺปํ วสฺสสตํ อายุ, อิทาเนตรหิ วิชฺชตี’’ติอาทีสุ (พุ. วํ. ๒๗.๒๑) วิย, ‘‘เอตาทิเส’’ติปิ ปนฺติ, ตทสุนฺทรํ อปทานาทีสุ ¶ ตถา อทิสฺสนโต. กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุเต กุโตจิปิ อภเย เต ตาทิเส ปูชยโต เอตฺถ อิทํ ปฺุํ เกนจิ มหานุภาเวน อปิ สงฺขาตุํ น สกฺกาติ อตฺโถ.
พาหนฺตรนฺติ ¶ ทฺวินฺนํ พาหูนมนฺตรํ. ทฺวาทส โยชนสตานีติ ทฺวาทสาธิกานิ โยชนสตานิ. พหลนฺตเรนาติ สมนฺตา สรีรปริณาหปฺปมาเณน. ปุถุลโตติ วิตฺถารโต. องฺคุลิปพฺพานีติ เอเกกานิ องฺคุลิปพฺพานิ. ภมุกนฺตรนฺติ ทฺวินฺนํ ภมุกานมนฺตรํ. มุขํ วิตฺถารโต ทฺวิโยชนสตํ ปริมณฺฑลโต วิสุํ วุตฺตตฺตา. ‘‘เอทิโส ภควา’’ติ ยา ปเรหิ วุตฺตา กถา, ตสฺสา อนุรูปนฺติ ยถากถํ, อิมินา อฺเหิ วุตฺตํ ภควโต วณฺณกถํ สุตฺวา โอโลเกตุกามตาย อาคโตติ ทสฺเสติ, ยถากถนฺติ วา กีทิสํ. ‘‘ยถากถํ ปน ตุมฺเห ภิกฺขเว สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ผาสุกํ วสฺสํ วสิตฺถา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๙๔) วิย หิ ปุจฺฉายํ เอส นิปาตสมุทาโย, เอโก วา นิปาโต.
คนฺธกุฏิปริเวเณติ คนฺธกุฏิยา ปริเวเณ, คนฺธกุฏิโต พหิ ปริเวณพฺภนฺตเรติ อตฺโถ. ตตฺถาติ มฺจเก. ‘‘สีหเสยฺยํ กปฺเปสี’’ติ ยถา ราหุ อสุรินฺโท อายามโต, วิตฺถารโต, อุพฺเพธโต จ ภควโต รูปกายสฺส ปริจฺเฉทํ คเหตุํ น สกฺโกติ, ตถา รูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขโรนฺโต สีหเสยฺยํ กปฺเปสี’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๐๔) เอวํ อาจริเยน วุตฺตํ, ‘‘ตเทตํ ‘น มยา อสุรินฺท อโธมุเขน ปารมิโย ปูริตา, อุทฺธคฺคเมว กตฺวา ทานํ ทินฺน’’นฺติ อฏฺกถาวจเนน อจฺจนฺตเมว วิรุทฺธํ โหติ. เอตฺหิ คนฺธกุฏิทฺวารวิวรณาทีสุ วิย ปารมิตานุภาวสิทฺธิทสฺสนํ, อฺถา ตเทว วจนํ วตฺตพฺพํ ภเวยฺยา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ. อโธมุเขนาติ โอสกฺกิตวีริยตํ สนฺธาย วุตฺตํ, อุทฺธคฺคเมวาติ อโนสกฺกิตวีริยตํ, อุพฺภโกฏิกํ กตฺวาติ อตฺโถ. ตทา ราหุ อุปาสกภาวํ ปฏิเวเทสีติ อาห ‘‘ตํ ทิวส’’นฺติอาทิ.
กิเลเสหิ อารกตฺตา อริยํ นิรุตฺตินเยน, อโตเยว อุตฺตมตา ปริสุทฺธตาติ วุตฺตํ ‘‘อุตฺตมํ ปริสุทฺธ’’นฺติ. อนวชฺชฏฺเน กุสลํ, น สุขวิปากฏฺเน ตสฺส อรหตมสมฺภวโต. กุสลสีเลนาติ อนวชฺเชเนว วิทฺธสฺตสวาสนกิเลเสน สีเลน. เอวฺจ กตฺวา ปทจตุกฺกมฺเปตํ อธิปฺเปตตฺถโต วิสิฏฺํ โหติ, สทฺทตฺถมตฺตํ ปน สนฺธาย ‘‘อิทมสฺส เววจน’’นฺติ วุตฺตํ.
กตฺถจิ ¶ จตุราสีติปาณสหสฺสานิ, กตฺถจิ อปริมาณาปิ เทวมนุสฺสาติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘ภควโต ¶ เอเกกาย ธมฺมเทสนายา’’ติอาทิมาห. มหาสมยสุตฺต (ที. นิ. ๒.๓๓๑ อาทโย) มงฺคลสุตฺต- (ขุ. ปา. ๕.๑ อาทโย; สุ. นิ. ๒๖๑ อาทโย) เทสนาทีสุ หิ จตุวีสติยา าเนสุ อสงฺขฺเยยฺยา อปริเมยฺยา เทวมนุสฺสา มคฺคผลามตํ ปิวึสุ. โกฏิสตสหสฺสาทิปริมาเณนปิ พหู เอว, นิทสฺสนวเสน ปเนวํ วุตฺตํ. ตสฺมา อนุตฺตรสิกฺขาปกภาเวน ภควา พหูนํ อาจริโย, เตสํ อาจริยภูตานํ สาวกานมาจริยภาเวน สาวกเวเนยฺยานํ ปาจริโย. ภควตา หิ ทินฺนนเย ตฺวา สาวกา เวเนยฺยํ วิเนนฺติ, ตสฺมา ภควาว เตสํ ปธาโน อาจริโยติ.
วทนฺตสฺสาธิปฺเปโตว อตฺโถ ปมาณํ, น ลกฺขณหาราทิวิสโยติ อาห ‘‘พฺราหฺมโณ ปนา’’ติอาทิ. ‘‘อิมสฺส วา ปูติกายสฺสา’’ติ ปาาวสาเน เปยฺยาลํ กตฺวา ‘‘เกลนา ปฏิเกลนา’’ติ วุตฺตํ. อยฺหิ ขุทฺทกวตฺถุวิภงฺคปาฬิ (วิภ. ๘๕๔) ‘‘พาหิรานํ วา ปริกฺขารานํ มณฺฑนา’’ติอาทิ เปยฺยาลวเสน คยฺหติ. ตตฺถ อิมสฺส วา ปูติกายสฺสาติ อิมสฺส วา มนุสฺสสรีรสฺส. ยถา หิ ตทหุชาโตปิ สิงฺคาโล ‘‘ชรสิงฺคาโล’’ ตฺเวว, อูรุปฺปมาณาปิ จ คโลจิลตา ‘‘ปูติลตา’’ ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉติ, เอวํ สุวณฺณวณฺโณปิ มนุสฺสสรีโร ‘‘ปูติกาโย’’ ตฺเวว, ตสฺส มณฺฑนาติ อตฺโถ. เกลนาติ กีฬนา. ‘‘เกลายนา’’ติปิ ปนฺติ. ปฏิเกลนาติ ปฏิกีฬนา. จปลสฺส ภาโว จาปลฺยํ, จาปลฺลํ วา, เยน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล วสฺสสติโกปิ สมาโน ตทหุชาตทารโก วิย โหติ, ตสฺเสทมธิวจนนฺติ เวทิตพฺพํ.
อปาเป ปุเร กโรติ, น วา ปาปํ ปุเร กโรตีติ อปาปปุเรกฺขาโรติ ยุตฺตายุตฺตสมาเสน ทุวิธมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปาเป นวโลกุตฺตรธมฺเม’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปาเปติ จ ปาปปฏิปกฺเข, ปาปวิรหิเต วา. พฺรหฺมนิ เสฏฺเ ภควติ ภวา ตสฺส ธมฺมเทสนาวเสน อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา, พฺรหฺมุโน วา ภควโต อปจฺจํ ครุกรณาทินา, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา จ, พฺรหฺมํ วา เสฏฺํ อริยมคฺคํ ชานาตีติ พฺรหฺมฺา, อริยสาวกสงฺขาตา ปชา. เตนาห ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติอาทิ. พฺราหฺมณปชายาติ พหิตปาปปชาย. ‘‘อปาปปุเรกฺขาโร’’ติ เอตฺถ ‘‘ปุเรกฺขาโร’’ติ ปทมธิกาโรติ ทสฺเสติ ‘‘เอติสฺสาย ¶ จ ปชาย ปุเรกฺขาโร’’ติ อิมินา. จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ ‘‘น เกวลํ อปาปปุเรกฺขาโร เอว, อถ โข พฺรหฺมฺาย จ ปชาย สมฺพนฺธภูตาย ปุเรกฺขาโร’’ติ. ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ อธิปฺปายมตฺตทสฺสนํ. ‘‘อปาปปุเรกฺขาโร’’ติ อิทํ ‘‘พฺรหฺมฺาย ปชายา’’ติ อิมินาว สมฺพนฺธิตพฺพํ, น จ ปจฺเจกมตฺถทีปกํ, ปกติพฺราหฺมณชาติวเสนปิ เจตสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปิจา’’ติอาทิมาห. อยุตฺตสมาโส จายํ. ปาปนฺติ ปาปกมฺมํ, อหิตํ ทุกฺขนฺติ อตฺโถ. ตสฺส ¶ สมฺพนฺธิเปกฺขตฺตา กสฺสา อปาปปุเรกฺขาโรติ ปุจฺฉาย เอวมาหาติ ทสฺเสตุํ ‘‘กสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘อตฺตนา’’ติอาทิ ตทตฺถวิวรณํ. พฺราหฺมณปชายาติ พฺราหฺมณชาติปชาย.
รฺชนฺติ อฏฺฏํ ภชนฺติ ราชาโน เอเตนาติ รฏฺํ, เอกสฺส รฺโ รชฺชภูตกาสิโกสลาทิมหาชนปทา. ชนา ปชฺชนฺติ สุขชีวิกํ ปาปุณนฺติ เอตฺถาติ ชนปโท, เอกสฺส รฺโ รชฺเช เอเกกโกฏฺาสภูตา อุตฺตรปถทกฺขิณปถาทิขุทฺทกชนปทา. ตตฺถาติ ตถา อาคเตสุ. ปุจฺฉายาติ อตฺตนา อภิสงฺขตาย ปุจฺฉาย. วิสฺสชฺชนาสมฺปฏิจฺฉเนติ วิสฺสชฺชนาย อตฺตโน าเณน สมฺปฏิคฺคหเณ. เกสฺจิ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ, าณปริปากํ, จิตฺตาจารฺจ ตฺวา ภควาว ปุจฺฉาย อุสฺสาหํ ชเนตฺวา วิสฺสชฺเชตีติ อธิปฺปาโย.
‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺย’’นฺติอาทิ นิกฺเขปกณฺฑปาฬิ (ธ. ส. ๑๓๕๐). อทฺธานทรถนฺติ ทีฆมคฺคาคมนปริสฺสมํ. อสฺสาติ ภควโต, มุขปทุมนฺติ สมฺพนฺโธ. พาลาตปสมฺผสฺสเนเนวาติ อภินวุคฺคตสูริยรํสิสมฺผสฺสเนน อิว. ตถา หิ สูริโย ‘‘ปทฺมพนฺธู’’ติ โลเก ปากโฏ, จนฺโท ปน ‘‘กุมุทพนฺธู’’ติ. ปุณฺณจนฺทสฺส สิริยา สมานา สิรี เอตสฺสาติ ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ. กถํ นิกฺกุชฺชิตสทิสตาติ อาห ‘‘สมฺปตฺตายา’’ติอาทิ. เอตฺถ ปน ‘‘เอหิ สฺวาคตวาที’’ติ อิมินา สุขสมฺภาสปุพฺพกํ ปิยวาทิตํ ทสฺเสติ, ‘‘สขิโล’’ติ อิมินา สณฺหวาจตํ, ‘‘สมฺโมทโก’’ติ อิมินา ปฏิสนฺธารกุสลตํ, ‘‘อพฺภากุฏิโก’’ติ อิมินา สพฺพตฺเถว วิปฺปสนฺนมุขตํ, ‘‘อุตฺตานมุโข’’ติ อิมินา สุขสลฺลาปตํ, ‘‘ปุพฺพภาสี’’ติ อิมินา ธมฺมานุคฺคหสฺส โอกาสกรเณน หิตชฺฌาสยตํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.
ยตฺถ ¶ กิราติ เอตฺถ กิร-สทฺโท อรุจิสูจเน –
‘‘ขณวตฺถุปริตฺตตฺตา, อาปาถํ น วชนฺติ เย;
เต ธมฺมารมฺมณา นาม, เย’สํ รูปาทโย กิรา’’ติ. –
อาทีสุ (อภิธมฺมาวตาร-อฏฺกถายํ อารมฺมณวิภาเค ฉฏฺอนุจฺเฉเท – ๗๗) วิย, เตน ภควตา อธิวุตฺถปเทเส น เทวตานุภาเวน มนุสฺสานํ อนุปทฺทวตา, อถ โข พุทฺธานุภาเวนาติ ทสฺเสติ. พุทฺธานุภาเวเนว หิ ตา อารกฺขํ คณฺหนฺติ. ปํสุปิสาจกาทโยติ ปํสุนิสฺสิตปิสาจกาทโย ¶ . อาทิสทฺเทน ภูตรกฺขสาทีนํ คหณํ. อิทานิ พุทฺธานุภาวเมว ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อนุสาสิตพฺโพ สงฺโฆ นาม สพฺโพปิ เวเนยฺยชนสมูโห. สยํ อุปฺปาทิโต สงฺโฆ นาม นิพฺพตฺติตอริยปุคฺคลสมูโห. ‘‘ตาทิโส’’ติ อิมินา ‘‘สยํ วา อุปฺปาทิโต’’ติ วุตฺตวิกปฺโป เอว ปจฺจามฏฺโ อนนฺตรสฺส วิธิ ปฏิเสโธวาติ กตฺวา, ตสฺมา ‘‘ปุริมปทสฺเสว วา’’ติ วิกปฺปนฺตรคหณนฺติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๐๔) วุตฺตํ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – กามํ ‘‘คณี’’ติ อิทํ ‘‘สงฺฆี’’ติ ปทสฺเสว เววจนํ, อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ยถาวุตฺตวิกปฺปทฺวเย ทุติยวิกปฺปเมว ปจฺจามสิตฺวา ‘‘ตาทิโสวสฺส คโณ อตฺถี’’ติ วุตฺตตฺตา อวสิฏฺสฺสปิ ปมวิกปฺปสฺส สงฺคหณตฺถํ ‘‘ปุริมปทสฺเสว วา เววจนเมต’’นฺติ วุตฺตนฺติ. เอวมฺปิ วทนฺติ – ธมฺมเสนาปติตฺเถราทีนํ ปจฺเจกคณีนํ คณํ, สุตฺตนฺติกาทิคณํ วา สนฺธาย ‘‘ตาทิโส’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถาปิ หิ สพฺโพว ภิกฺขุคโณ อนุสาสิตพฺโพ นาม, นิพฺพตฺติตอริยคโณ ปน สยํ อุปฺปาทิโต นาม, ตสฺมา ‘‘ตาทิโส’’ติ อิมินา วิกปฺปทฺวยสฺสาปิ ปจฺจามสนํ อุปปนฺนํ โหติ. เอวํ ปททฺวยสฺส วิเสสตฺถตํ ทสฺเสตฺวา สพฺพถา สมานตฺถตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุริมปทสฺเสวา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ. ปูรณมกฺขลิอาทีนํ พหูนํ ติตฺถกรานํ, นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. อเจลกาทิมตฺตเกนปิ การเณนาติ นิจฺโจฬตาทิมตฺตเกนปิ อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺตาทิสมาโรปนลกฺขเณน การเณน.
นวกาติ อภินวา. ปาหุนกาติ ปเหณกํ ปฏิคฺคณฺหิตุมนุจฺฉวิกา, เอเตน ทุวิเธสุ อาคนฺตุเกสุ ปุเรตรมาคตวเสน อิธ อติถิโน, น โภชนเวลายมาคตวเสน ¶ อพฺภาคตาติ ทสฺเสติ. ปริยาปุณามีติ ปริจฺฉินฺทิตุํ ชานามิ, ธาตฺวตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘ชานามี’’ติ วุตฺตํ.
กปฺปมฺปีติ อายุกปฺปมฺปิ, ภเณยฺย เจติ สมฺพนฺโธ. จิรํ จิรกาเล กปฺโป ขีเยถ, ทีฆมนฺตเร ทีฆกาลนฺตเรปิ ตถาคตสฺส วณฺโณ น ขีเยถาติ โยชนา. ‘‘จิร’’นฺติ เจตฺถ วตฺตพฺเพปิ ฉนฺทหานิภยา รสฺสตฺถํ นิคฺคหิตโลโป, อติทีฆกาลํ วา สนฺธาย ‘‘จิรทีฆมนฺตเร’’ติ วุตฺตํ, อุภยตฺถ สมฺพนฺธิตพฺพเมตํ, กิริยารหาทิโยเค วิย จ อนฺตรโยเค อธิกกฺขรปาโท อนุปวชฺโช, อยฺจ คาถา อภูตปริกปฺปนาวเสน อฏฺกถาสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; พุ. วํ. อฏฺ. ๔.๔; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา, ปกิณฺณกกถา; อป. อฏฺ. ๒.๗.๒๐) วุตฺตา ¶ ตถา ภาสมานสฺส อภาวโต.
๓๐๕. นนฺติ อาจริยํ. อลํ-สทฺโท อิธ อรหตฺโถ ‘‘อลเมว นิพฺพินฺทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๗๒; สํ. นิ. ๒.๑๓๔, ๑๔๓) วิยาติ อาห ‘‘ยุตฺตเมวา’’ติ. ปุเฏน เนตฺวา อสิตพฺพโต ปริภฺุชิตพฺพโต ปุโฏสํ วุจฺจติ ปาเถยฺยํ. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ ทสฺเสติ ‘‘ตํ คเหตฺวา’’ติ อิมินา. ปาฬิยํ ปุฏํเสนปิ กุลปุตฺเตนาติ สมฺพนฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน ปุฏํเสนา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อํเสนา’’ติอาทิ อธิปฺปายมตฺตทสฺสนํ, วหนฺเตน กุลปุตฺเตน อุปสงฺกมิตุํ อลเมวาติ อตฺโถ.
โสณทณฺฑปริวิตกฺกวณฺณนา
๓๐๖-๗. น อิธ ติโร-สทฺโท ‘‘ติโรกุฑฺเฑ วา ติโรปากาเร วา ฉฑฺเฑยฺย วา ฉฑฺฑาเปยฺย วา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๒๕) วิย พหิอตฺโถติ อาห ‘‘อนฺโตวนสณฺเฑ คตสฺสา’’ติ. ตตฺถ วิหาโรปิ วนสณฺฑปริยาปนฺโนติ ทสฺเสติ ‘‘วิหารพฺภนฺตรํ ปวิฏฺสฺสา’’ติ อิมินา. เอเต อฺชลึ ปณาเมตฺวา นิสินฺนา มิจฺฉาทิฏฺิวเสน อุภโตปกฺขิกา, ‘‘อิตเร ปน สมฺมาทิฏฺิวเสน เอกโตปกฺขิกา’’ติ อตฺถโต อาปนฺโน โหติ. ทลิทฺทตฺตา, าติปาริชฺุาทินา ชิณฺณตฺตา จ นามโคตฺตวเสน อปากฏา หุตฺวา ปากฏา ภวิตุกามา เอวมกํสูติ อธิปฺปาโย. เกราฏิกาติ สา. ตตฺถาติ ทฺวีสุ ชเนสุ. ตโตติ วิสฺสาสโต, ทานโต วา.
พฺราหฺมณปฺตฺติวณฺณนา
๓๐๙. อโนนตกายวเสน ¶ ถทฺธคตฺโต, น มานวเสน. เตน ปาฬิยํ วกฺขติ ‘‘อพฺภุนฺนาเมตฺวา’’ติ. เจโตวิตกฺกํ สนฺธาย จิตฺตสีเสน ‘‘จิตฺตํ อฺาสี’’ติ วุตฺตํ. วิฆาตนฺติ จิตฺตทุกฺขํ.
๓๑๑. สกสมเยติ พฺราหฺมณลทฺธิยํ. มียมาโนติ มริยมาโน. ทิฏฺิสฺชานเนเนวาติ อตฺตโน ลทฺธิสฺชานเนเนว. สุชนฺติ โหมทพฺพึ, นิพฺพจนํ วุตฺตเมว. คณฺหนฺเตสูติ ชุหนตฺถํ คณฺหนเกสุ, อิรุวิชฺเชสูติ อตฺโถ. อิรุเวทวเสน โหมกรณโต หิ ยฺยชกา ‘‘อิรุวิชฺชา’’ติ วุจฺจนฺติ. ปโม วาติ ตตฺถ สนฺนิปติเตสุ สุชากิริยายํ สพฺพปธาโน วา. ทุติโย ¶ วาติ ตทนนฺตริโก วา. ‘‘สุช’’นฺติ อิทํ กรณตฺเถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘สุชายา’’ติ. อคฺคิหุตฺตมุขตาย ยฺสฺส ยฺเ ทิยฺยมานํ สุชามุเขน ทิยฺยติ. วุตฺตฺจ ‘‘อคฺคิหุตฺตมุขา ยฺา, สาวิตฺตี ฉนฺทโส มุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๔๐๐). ตสฺมา ‘‘ทิยฺยมาน’’นฺติ อยํ ปาเสโส วิฺายตีติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๑๑) วุตฺตํ. อปิจ สุชาย ทิยฺยมานํ สุชนฺติ ตทฺธิตวเสน อตฺถํ ทสฺเสตุํ เอวมาห. โปราณาติ อฏฺกถาจริยา. ปุริมวาเท เจตฺถ ทานวเสน ปโม วา ทุติโย วา, ปจฺฉิมวาเท อาทานวเสนาติ อยเมเตสํ วิเสโส. วิเสสโตติ วิชฺชาจรณวิเสสโต, น พฺราหฺมเณหิ อิจฺฉิตวิชฺชาจรณมตฺตโต. อุตฺตมพฺราหฺมณสฺสาติ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยตาย อุกฺกฏฺพฺราหฺมณสฺส. ยถาธิปฺเปตสฺส หิ วิชฺชาจรณวิเสสทีปกสฺส ‘‘กตมํ ปน ตํ พฺราหฺมณสีลํ, กตมา สา ปฺา’’ติอาทิวจนสฺส โอกาสกรณตฺถเมว ‘‘อิเมสํ ปน พฺราหฺมณ ปฺจนฺนํ องฺคาน’’นฺติอาทิวจนํ ภควา อโวจ, ตสฺมา ปธานวจนานุรูปมนุสนฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๓๑๓. อปวทตีติ วณฺณาทีนิ อปเนตฺวา วทติ, อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิกฺขิปตี’’ติ วุตฺตํ. อิทนฺติ ‘‘มา ภวํ โสณทณฺโฑ เอวํ อวจา’’ติอาทิวจนํ. พฺราหฺมณสมยนฺติ พฺราหฺมณสิทฺธนฺตํ. มา ภินฺทีติ มา วินาเสสิ.
๓๑๖. สโมเยว หุตฺวา สโมติ สมสโม, สพฺพถา สโมติ อตฺโถ. ปริยายทฺวยฺหิ อติสยตฺถทีปกํ ยถา ‘‘ทุกฺขทุกฺขํ, รูปรูป’’นฺติ. เอกเทสมตฺตโต ปน องฺคเกน มาณเวน เตสํ สมภาวโต ¶ ตํ นิวตฺเตนฺโต ‘‘เปตฺวา เอกเทสมตฺต’’นฺติอาทิมาห. กุลโกฏิปริทีปนนฺติ กุลสฺส อาทิปริทีปนํ. ยสฺมา อตฺตโน ภคินิยา…เป… น ชานิสฺสติ, ตสฺมา น ตสฺส มาตาปิตุมตฺตํ สนฺธาย วทติ, กุลโกฏิปริทีปนํ ปน สนฺธาย วทตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘อตฺถภฺชนก’’นฺติ อิมินา กมฺมปถปตฺตํ วทติ. คุเณติ ยถาวุตฺเต ปฺจสีเล. อถาปิ สิยาติ ยทิปิ ตุมฺหากํ เอวํ ปริวิตกฺโก สิยา, ภินฺนสีลสฺสาปิ ปุน ปกติสีเล ิตสฺส พฺราหฺมณภาวํ วณฺณาทโย สาเธนฺตีติ เอวํ สิยาติ อตฺโถ. ‘‘สาเธตี’’ติ ปาเ ‘‘วณฺโณ’’ติ กตฺตา อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๑๖) อชฺฌาหโฏ, นิทสฺสนฺเจตํ. มนฺตชาตีสุปิ หิ เอเสว นโย. สีลเมวาติ ปุน ปกติภูตํ สีลเมว พฺราหฺมณภาวํ สาเธสฺสติ, กสฺมาติ เจ ‘‘ตสฺมึ หิ…เป… วณฺณาทโย’’ติ. ตตฺถ สมฺโมหมตฺตํ วณฺณาทโยติ วณฺณมนฺตชาติโย พฺราหฺมณภาวสฺส องฺคนฺติ สมฺโมหมตฺตเมตํ, อสมเวกฺขิตฺวา กถิตมิทํ.
สีลปฺากถาวณฺณนา
๓๑๗. กถิโต ¶ พฺราหฺมเณน ปฺโหติ ‘‘สีลวา จ โหตี’’ติอาทินา ทฺวินฺนเมว องฺคานํ วเสน ยถาปุจฺฉิโต ปฺโห ยาถาวโต วิสฺสชฺชิโต. เอตฺถาติ ยถาวิสฺสชฺชิเต อตฺเถ, องฺคทฺวเย วา. ตสฺสาติ โสณทณฺฑสฺส. ยทิ เอกมงฺคํ เปยฺย, อถ ปติฏฺาตุํ น สกฺกุเณยฺย. ยทิ ปน น เปยฺย, อถ สกฺกุเณยฺย, กึ ปเนส ตถา สกฺขิสฺสติ นุ โข, โนติ วีมํสนตฺถเมว เอวมาห, น ตุ เอกสฺส องฺคสฺส ปนียตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ตถา จาห ‘‘เอวเมตํ พฺราหฺมณา’’ติอาทิ. โธวิตตฺตาว ปริสุชฺฌนนฺติ อาห ‘‘สีลปริสุทฺธา’’ติ, สีลสมฺปตฺติยา สพฺพโส สุทฺธา อนุปกฺกิลิฏฺาติ อตฺโถ. กุโต ทุสฺสีเล ปฺา อสมาหิตตฺตา ตสฺส. กุโต วา ปฺารหิเต ชเฬ เอฬมูเค สีลํ สีลวิภาคสฺส, สีลปริโสธนูปายสฺส จ อชานนโต. เอฬา มุเข คฬติ ยสฺสาติ เอฬมูโค ข-การสฺส ค-การํ กตฺวา, เอลมุโข, เอลมูโก วา. อิติ พหุธา ปาโติ ภยเภรวสุตฺตฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๔๘) วุตฺโต. ปกฏฺํ อุกฺกฏฺํ าณํ ปฺาณนฺติ กตฺวา ปากติกํ าณํ นิวตฺเตตุํ ‘‘ปฺาณ’’นฺติ วุตฺตํ. วิปสฺสนาทิาณฺหิ อิธาธิปฺเปตํ, ตเทตํ ปกาเรหิ ชานนโต ปฺาวาติ อาห ‘‘ปฺาเยวา’’ติ.
จตุปาริสุทฺธิสีเลน ¶ โธตาติ สมาธิปทฏฺาเนน จตุปาริสุทฺธิสีเลน สกลสํกิเลสมลวิสุทฺธิยา โธวิตา วิสุทฺธา. เตนาห ‘‘กถํ ปนา’’ติอาทิ. ตตฺถ โธวตีติ สุชฺฌติ. สฏฺิอสีติวสฺสานีติ สฏฺิวสฺสานิ วา อสีติวสฺสานิ วา. มรณกาเลปิ, ปเคว อฺสฺมึ กาเล. มหาสฏฺิวสฺสตฺเถโร วิยาติ สฏฺิวสฺสมหาเถโร วิย. เวทนาปริคฺคหมตฺตมฺปีติ เอตฺถ เวทนาปริคฺคโห นาม ยถาอุปฺปนฺนํ เวทนํ สภาวสรสโต อุปธาเรตฺวา ปุน ปทฏฺานโต ‘‘อยํ เวทนา ผสฺสํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ, โส จ ผสฺโส อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’’ติ ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา ปวตฺติตวิปสฺสนา. เอวํ ปสฺสนฺเตน หิ สุเขน สกฺกา สา เวทนา อธิวาเสตุํ ‘‘เวทนา เอว เวทยตี’’ติ. เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวาติ ยถาอุปฺปนฺนํ ทุกฺขเวทนํ อนุวตฺติตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา วีถิปฏิปนฺนาย วิปสฺสนาย ตํ วิโนเทตฺวา. สํสุมารปติเตนาติ กุมฺภีเลน วิย ภูมิยํ อุเรน นิปชฺชมาเนน. ‘‘นาห’’นฺติอาทึ ตถา สีลรกฺขณเมว ทุกฺกรนฺติ กตฺวา วทติ. สีเล ปติฏฺิตสฺส หิ อรหตฺตํ หตฺถคตํเยว. ยถาห ‘‘สีเล ปติฏฺาย…เป… วิชฏเย ชฏ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๙) จตูสุ ปุคฺคเลสุ อุคฺฆาฏิตฺุโน เอวายํ วิสโยติ อาห ‘‘อุคฺฆาฏิตฺุตายา’’ติ. ปฺาย สีลํ โธวิตฺวาติ สีลํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน ¶ ปฺาย สุวิโสธิตํ กตฺวา. สนฺตติมหามตฺตวตฺถุ ธมฺมปเท (ธ. ป. อฏฺ. ๒.สนฺติมหามตฺตวตฺถุ).
๓๑๘. ‘‘กสฺมา อาหา’’ติ อุปริเทสนาย การณํ ปุจฺฉติ. ลชฺชา นาม ‘‘สีลสฺส จ ชาติยา จ คุณโทสปฺปกาสเนน สมเณน โคตเมน ปุจฺฉิตปฺหํ วิสฺสชฺเชสี’’ติ ปริสาย ปฺาตตา, สา ตถา วิสฺสชฺชิตุมสมตฺถตาย ภิชฺชิสฺสตีติ อตฺโถ, ปมํ อลชฺชมาโนปิ อิทานิ ลชฺชิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. ปรมนฺติ ปมาณํ. ‘‘เอตฺตกปรมา มย’’นฺติ ปทานํ ตุลฺยาธิกรณตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต มย’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สีลปฺาณ’’นฺติ วจนเมว อมฺหากํ ปรมํ, ตทตฺถภูตานิ ปฺจสีลานิ, เวทตฺตยวิภาวนํ ปฺฺจ ลกฺขณาทิโต นิทฺธาเรตฺวา ชานนํ นตฺถิ, เกวลํ ตตฺถ วจีปรมาว มยนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อฏฺกถามุตฺตกนโย – เอตฺตกปรมาติ เอตฺตกอุกฺกํสโกฏิกา, ปมํ ปฺหาวิสฺสชฺชนาว อมฺหากํ ¶ อุกฺกํสโกฏีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘มยา สกสมยวเสน ปฺโห วิสฺสชฺชิโต’’ติ. ปรนฺติ อติเรกํ. ภาสิตสฺสาติ วจนสฺส สทฺทสฺส.
อยํ ปน วิเสโสติ สีลนิทฺเทเส นิยฺยาตนมตฺตํ อเปกฺขิตฺวา วุตฺตํ. เตนาห ‘‘สีลมิจฺเจว นิยฺยาติต’’นฺติ. สามฺผลสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๑๕๐) หิ สีลํ นิยฺยาเตตฺวาปิ ปุน สามฺผลมิจฺเจว นิยฺยาติตํ. สพฺเพสมฺปิ มหคฺคตจิตฺตานํ าณสมฺปยุตฺตตฺตา, ฌานานฺจ ตํ สมฺปโยคโต ‘‘อตฺถโต ปฺาสมฺปทา’’ติ วุตฺตํ. ปฺานิทฺเทเส หิ ฌานปฺํ อธิฏฺานํ กตฺวา ปมํ วิปสฺสนาปฺา นิยฺยาติตา. เตนาห ‘‘วิปสฺสนาปฺายา’’ติอาทิ.
โสณทณฺฑอุปาสกตฺตปฏิเวทนากถาวณฺณนา
๓๒๑. ทหโร ยุวาติ เอตฺถ ทหรวจเนน ปมโยพฺพนภาวํ ทสฺเสติ. ปมโยพฺพนกาลคโต หิ ‘‘ทหโร’’ติ วุจฺจติ. ปุตฺตสฺส ปุตฺโต นตฺตา นาม. นปฺปโหตีติ น สมฺปชฺชติ, ปุตฺตนตฺตปฺปมาโณปิ น โหตีติ อตฺโถ. ‘‘อาสนา เม ตํ วุฏฺาน’’นฺติ เอตสฺส อตฺถาปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘มม อคารเวนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. เอตนฺติ อฺชลิปคฺคหณํ. อยฺหิ ยถา ตถา อตฺตโน มหาชนสฺส สมฺภาวนํ อุปฺปาเทตฺวา โกหฺเน ปเร วิมฺหาเปตฺวา ลาภุปฺปาทนํ นิชิคีสนฺโต วิจรติ, ตสฺมาสฺส อติวิย กุหกภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิมินา กิรา’’ติอาทึ วทติ ¶ . อคารวํ นาม นตฺถีติ อคารววจนํ นาม นตฺถิ, นายํ ภควติ อคารเวน ‘‘อหฺเจว โข ปนา’’ติอาทิมาห, อถ โข อตฺตโน ลาภปริหานิภเยเนวาติ วุตฺตํ โหติ.
๓๒๒. ตงฺขณานุรูปายาติ ยาทิสี ตทา ตสฺส อชฺฌาสยปฺปวตฺติ, ตทนุรูปายาติ มชฺเฌปทโลเปน อตฺโถ. ตทา ตสฺส วิวฏฺฏสนฺนิสฺสิตสฺส ตาทิสสฺส าณปริปากสฺส อภาวโต เกวลํ อพฺภุทยสนฺนิสฺสิโต เอว อตฺโถ ทสฺสิโตติ อาห ‘‘ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา’’ติ, ปจฺจกฺขโต วิภาเวตฺวาติ อตฺโถ. กุสเล ธมฺเมติ เตภูมเก กุสลธมฺเม, อยเมตฺถ นิปฺปริยายโต อตฺโถ. ปริยายโต ปน ‘‘จตุภูมเก’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ โลกุตฺตรกุสลสฺสปิ อายตึ ลพฺภมานตฺตา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘อายตึ นิพฺพานตฺถาย, วาสนาภาคิยาย ¶ วา’’ติ. ตตฺถาติ กุสเล ธมฺเม ยถาสมาทปิเต. นนฺติ โสณทณฺฑพฺราหฺมณํ. สมุตฺเตเชตฺวาติ สมฺมเทว อุปรูปริ นิสาเนตฺวา ปฺุกิริยาย ติกฺขวิสทภาวมาปาเทตฺวา. ตํ ปน อตฺถโต ตตฺถ อุสฺสาหชนนเมว โหตีติ อาห ‘‘สอุสฺสาหํ กตฺวา’’ติ. ตาย จ สอุสฺสาหตายาติ เอวํ ปฺุกิริยาย สอุสฺสาหตา นิยมโต ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถสมฺปาทนีติ ยถาวุตฺตาย สอุสฺสาหตาย จ สมฺปหํเสตฺวาติ สมฺพนฺโธ. อฺเหิ จ วิชฺชมานคุเณหีติ เอวรูปา เต คุณสมงฺคิตา จ เอกนฺเตน ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถนิปฺผาทนีติ ตสฺมึ วิชฺชมาเนหิ, อฺเหิ จ คุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา สมฺมเทว หฏฺตุฏฺภาวมาปาเทตฺวาติ อตฺโถ.
ยทิ ภควา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสิ, อถ กสฺมา โส วิเสสํ นาธิคจฺฉีติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘พฺราหฺมโณ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. กุหกตายาติ วุตฺตนเยน โกหฺกตฺตา, อิมินา ปโยคสมฺปตฺติอภาวํ ทสฺเสติ. ยชฺเชวํ กสฺมา ภควา ตสฺส ตถา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺสีติ ปฏิโจทนมฺปิ โสเธนฺโต ‘‘เกวลมสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เกวลนฺติ นิพฺเพธาเสกฺขภาคิเยน อสมฺมิสฺสํ. นิพฺพานตฺถายาติ นิพฺพานาธิคมตฺถาย, ปรินิพฺพานตฺถาย วา. อายตึ วิเสสาธิคมนูปายภูตา ปฺุกิริยาสุ ปริจยสงฺขาตา วาสนา เอว ภาโค, ตสฺมึ อุปายภาเวน ปวตฺตาติ วาสนาภาคิยา. น หิ ภควโต นิรตฺถกา จตุปฺปทิกคาถามตฺตาปิ ธมฺมเทสนา อตฺถิ. เตนาห ‘‘สพฺพา ปุริมปจฺฉิมกถา’’ติ. อาทิโต เจตฺถ ปภุติ ยาว พฺราหฺมณสฺส วิสฺสชฺชนาปริโยสานํ, ตาว ปุริมกถา, ภควโต ปน สีลปฺาวิสฺสชฺชนา ปจฺฉิมกถา. พฺราหฺมเณน วุตฺตาปิ หิ พุทฺธคุณาทิปฏิสฺุตฺตา กถา อายตึ นิพฺพานตฺถาย วาสนาภาคิยา เอวาติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย ¶ สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กูฏทนฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๒๓. เอวํ ¶ ¶ โสณทณฺฑสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ กูฏทนฺตสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, โสณทณฺฑ สุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส กูฏทนฺตสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… มคเธสูติ กูฏทนฺตสุตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘มคธา นาม ชนปทิโน ราชกุมารา’’ติอาทีสุ อมฺพฏฺสุตฺเต โกสลชนปทวณฺณนายํ อมฺเหหิ วุตฺตนโย ยถารหํ เนตพฺโพ. อยํ ปเนตฺถ วิเสโส – มเคน สทฺธึ ธาวนฺตีติ มคธา, ราชกุมารา, มํเสสุ วา คิชฺฌนฺตีติ มคธา นิรุตฺตินเยน. รุฬฺหิโต, ปจฺจยโลปโต จ เตสํ นิวาสภูเตปิ ชนปเท วุทฺธิ น โหตีติ เนรุตฺติกา. ชนปทนาเมเยว พหุวจนํ, น ชนปทสทฺเท ชาติสทฺทตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘ตสฺมึ มคเธสุ ชนปเท’’ติ. อิโต ปรนฺติ ‘‘มคเธสู’’ติ ปทโต ปรํ ‘‘จาริกํ จรมาโน’’ติอาทิวจนํ. ปุริมสุตฺตทฺวเยติ อมฺพฏฺโสณทณฺฑสุตฺตทฺวเย. วุตฺตนยเมวาติ ยํ ตตฺถ อาคตสทิสํ อิธาคตํ, ตํ อตฺถวณฺณนาโต วุตฺตนยเมว, ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ตรุโณ อมฺพรุกฺโข อมฺพลฏฺิกา’’ติ พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒) วุตฺตตฺตา ‘‘อมฺพลฏฺิกา พฺรหฺมชาเล วุตฺตสทิสาวา’’ติ อาห.
ยฺาวาฏํ สมฺปาเทตฺวา มหายฺํ อุทฺทิสฺส สวิฺาณกานิ, อวิฺาณกานิ จ ยฺูปกรณานิ อุปฏฺปิตานีติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘มหายฺโ อุปกฺขโฏ’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ, ตํ ปเนตํ อุปกรณํ เตสํ ตถา สชฺชนเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘สชฺชิโต’’ติ อิมินา. วจฺฉตรสตานีติ ยุวภาวปฺปตฺตานิ พลววจฺฉสตานิ. วจฺฉานํ วิเสสาติ หิ วจฺฉตรา, เต ปน วจฺฉา เอว โหนฺติ, น ทมฺมา, น จ พลีพทฺทาติ อาห ‘‘วจฺฉสตานี’’ติ. อยํ อาจริยมติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๒๓). ตร-สทฺโท วา อนตฺถโกติ วุตฺตํ ‘‘วจฺฉสตานี’’ติ. เอวฺหิ สพฺโพปิ วจฺฉปฺปเภโท สงฺคหิโต โหติ. เอเตติ อุสภาทโย อุรพฺภปริโยสานา. อเนเกสนฺติ อเนกชาติกานํ. มิคปกฺขีนนฺติ มหึสรุรุปสทกุรุงฺคโคกณฺณมิคานฺเจว โมรกปิฺชรวฏฺฏกติตฺติร ¶ ลาปาทิปกฺขีนฺจ. สงฺขฺยาวเสน อเนกตํ สตฺตสตคฺคหเณน ปริจฺฉินฺทิตุํ ‘‘สตฺตสตฺตสตานี’’ติ วุตฺตํ, สตฺตสตานิ, สตฺตสตานิ ¶ จาติ อตฺโถ. ถูณนฺติ ยฺโปกรณานํ มิคปกฺขีนํ พนฺธนตฺถมฺภํ. ยูโปติปิ ตสฺส นามํ. เตนาห ‘‘ยูปสงฺขาต’’นฺติ.
๓๒๘. วิธาติ วิปฺปฏิสารวิโนทนา. โย หิ ยฺสงฺขาตสฺส ปฺุสฺส อุปกฺกิเลโส, ตสฺส วิธมนโต นิวารณโต นิโรธนโต วิธา วุจฺจนฺติ วิปฺปฏิสารวิโนทนา, ตา เอว ปฺุาภิสนฺทํ อวิจฺฉินฺทิตฺวา เปนฺตีติ ‘‘ปนา’’ติ จ วุตฺตา. อวิปฺปฏิสารโต เอว หิ อุปรูปริ ปฺุาภิสนฺทปฺปวตฺตีติ. ปนา เจตา ยฺสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน ตีสุ กาเลสุ ปวตฺติยา ติปฺปการาติ อาห ‘‘ติฏฺปน’’นฺติ. ปริกฺขารสทฺโท เจตฺถ ปริวารปริยาโย ‘‘ปริกโรนฺติ ยฺํ อภิสงฺขโรนฺตี’’ติ กตฺวา. เตนาห ‘‘โสฬสปริวาร’’นฺติ.
มหาวิชิตราชยฺกถาวณฺณนา
๓๓๖. ปุพฺเพ ภูตํ ภูตปุพฺพํ ยถา ‘‘ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ อาห ‘‘ปุพฺพจริต’’นฺติ, อตฺตโน ปุริมชาติสมฺภูตํ โพธิสมฺภารภูตํ ปฺุจริยนฺติ อตฺโถ. ตถา หิ ตสฺส อนุคามินิธิสฺส ถาวรนิธินา นิทสฺสนํ อุปปนฺนํ โหติ. สทฺทวิทู ปน วทนฺติ ‘‘ภูตปุพฺพนฺติ อิทํ กาลสตฺตมิยา เนปาติกปท’’นฺติ. อตีตกาเลติ หิ เตสํ มเตน อตฺโถ. อสฺสาติ อเนน. มหนฺตํ ปถวีมณฺฑลํ วิชิตนฺติ สมฺพนฺโธ. มหนฺตํ วา วิชิตํ ปถวีมณฺฑลมสฺส อตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘อนฺโตรฏฺเติ ยสฺส วิชิเต วิหรติ, ตสฺส รฏฺเ’’ติอาทีสุ วิย หิ วิชิตสทฺโท รชฺเช ปวตฺตติ, อิมินา ตสฺส เอกราชภาวํ ทีเปติ, น จกฺกวตฺติราชภาวํ สตฺตรตนสมฺปนฺนตาอวจนโต. ปาฬิยํ น เยน เกนจิ สนฺตกมตฺเตน อฑฺฒตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อฑฺโฒ’’ติ วตฺวา ‘‘มหทฺธโน’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘โย โกจี’’ติอาทิ. อฑฺฒตา หิ นาม วิภวสมฺปนฺนตฺตา สา จ ตํ ตทุปาทาย วุจฺจติ. ตถา มหทฺธนตาปีติ ตํ ถามปฺปตฺตํ อุกฺกํสคตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปริมาณสงฺขฺเยนา’’ติ อาห. ภฺุชิตพฺพฏฺเน วิเสสโต กามา อิธ โภคา นามาติ ทสฺเสติ. ‘‘ปฺจกามคุณวเสนา’’ติ อิมินา. ปิณฺฑปิณฺฑวเสนาติ ภาชนาลงฺการาทิวิภาคํ อหุตฺวา เกวลํ ขณฺฑขณฺฑวเสน.
รูปํ อปฺเปตฺวา, อนปฺเปตฺวา วา มาสปฺปมาเณน กโต มาสโก. อาทิสทฺเทน ถาลกาทีนิ สงฺคณฺหาติ. อเนกโกฏิสงฺขฺเยนาติ กหาปณานํ ¶ โกฏิสตาทิปฺปมาณํ สนฺธาย วุตฺตํ เหฏฺิมนฺเตน โกฏิสตปฺปมาเณเนว ขตฺติยมหาสาลภาวปฺปตฺติโต.
ตุฏฺีติ ¶ สุมนตา. อุปกรณสทฺโท เจตฺถ การณปริยาโย. กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘นานาวิธาลงฺการสุวณฺณรชตภาชนาทิเภท’’นฺติ. อาทิสทฺเทน วตฺถเสยฺยาวสถาทีนิ สงฺคยฺหนฺติ, สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาเวฬุริยวชิรปวาฬานิ สตฺต รตนานีติ วทนฺติ. ยถาหุ –
‘‘สุวณฺณํ รชตํ มุตฺตา, มณิเวฬุริยานิ จ;
วชิรฺจ ปวาฬนฺติ, สตฺตาหุ รตนานิเม’’ติ.
สาลิวีหิอาทิ สตฺตธฺํ สานุโลมํ ปุพฺพนฺนํ นาม ปุเรกฺขตํ สสฺสผลนฺติ กตฺวา. ตพฺพิปริยายโต มุคฺคมาสาทิ ตทวเสสํ อปรนฺนํ นาม. อปรนฺนโต ปุพฺเพ ปวตฺตมนฺนํ ปุพฺพนฺนํ, ตโต อปรสฺมึ ปวตฺตมนฺนํ อปรนฺนํ. นฺน-การสฺส ปน ณฺณ-กาเร กเต ปุพฺพณฺณํ, อปรณฺณฺจาติ เนรุตฺติกา. ปุพฺพาปรภาโว ปเนเตสํ อาทิกปฺเป สมฺภวาสมฺภววเสน เวทิตพฺโพ. ปุริมํ ‘‘อฑฺโฒ มหทฺธโน ปหูตชาตรูปรชโต’’ติ วจนํ เทวสิกํ ปริพฺพยทานคหณาทิวเสน, ปริวตฺตนธนธฺวเสน จ วุตฺตํ, อิทํ ปน ‘‘ปหูตธนธฺโ’’ติ วจนํ นิธานคตธนวเสน, สงฺคหิตธฺวเสน จาติ อิมํ วิเสสํ สนฺธาย อยํ นโย ทสฺสิโต. วีสกหาปณมฺพณาทิเทวสิกวฬฺชนมฺปิ หิ มหาสาลลกฺขณํ.
อิทานิ ตพฺพิปรีตวเสน วิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทินา ทุติยนโย อารทฺโธ. อิมินา เอว หิ ปุริมวจนํ นิธานคตธนวเสน, สงฺคหิตธฺวเสน จ วุตฺตนฺติ อตฺถโต สิทฺธํ โหติ. ตตฺถ อิทนฺติ ‘‘ปหูตธนธฺโ’’ติ วจนํ. อสฺสาติ มหาวิชิตรฺโ. ทิวเส ทิวเส ปริภฺุชิตพฺพํ เทวสิกํ, ภาวนปุํสกเมตํ. ทาสกมฺมกรโปริสาทีนํ เวตฺตนานุปฺปทานํ ปริพฺพยทานํ. อิณโสธนาทิวเสน ธนธฺานมาทานํ คหณํ. อาทิสทฺเทน อิณทานาทีนํ สงฺคโห. ปริวตฺตนธนธฺวเสนาติ กยวิกฺกยกรเณน ปริวตฺติตพฺพานํ ธนธฺานํ วเสน. กตฺถจิ ปน สมุจฺจยวิรหิตปาโ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘ปริพฺพยทานคฺคหณาทิวเสนา’’ติ อิทํ ปริวตฺตนปเทน สมฺพนฺธํ กตฺวา ตาทิเสน วิธินา อิโต จิโต จ ปริวตฺเตตพฺพานํ ธนธฺานํ วเสนาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
โกฏฺํ ¶ วุจฺจติ ธฺฏฺปนฏฺานํ, ตเทว อคารํ ตถา. เตนาห ‘‘ธฺเน ปริปุณฺณโกฏฺาคาโร’’ติ. เอวํ สารคพฺภํ โกโส, ธฺฏฺปนฏฺานํ โกฏฺาคารนฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตโต อฺถาปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อสิโน ติกฺขภาวปริหารโต ปริจฺฉโท ‘‘โกโส’’ติ วุจฺจติ, เอวํ รฺโ ติกฺขภาวปริหารกตฺตา จตุรงฺคินี ¶ เสนา ‘‘โกโส’’ติ อาห ‘‘จตุพฺพิโธ โกโส’’ติอาทิ. ‘‘ทฺวาทสปุริโส หตฺถี’’ติอาทินา (ปาจิ. ๓๑๔) วุตฺตลกฺขเณน เจตฺถ หตฺถิอาทโย คเหตพฺพา. วตฺถโกฏฺาคารคฺคหเณเนว สพฺพสฺสปิ กุปฺปภณฺฑฏฺปนฏฺานสฺส คหิตตฺตา ‘‘โกฏฺาคารํ ติวิธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ชาตรูปรชตโต หิ อฺํ โลหอยทารุวิสาณวตฺถาทิกมสารทพฺพํ โคเปตพฺพโต ค-การสฺส ก-การํ กตฺวา กุปฺปํ วุจฺจติ. ชาตรูปรชตนิธานํ ธนโกฏฺาคารํ. ตตฺถ ตตฺถ รตนํ วิโลเกตฺวา จรณํ รตนวิโลกนจาริกา. กามํ ตมตฺถํ ราชา ชานาติ, ภณฺฑาคาริเกน ปน กถาเปตฺวา ปริสาย นิสฺสทฺทภาวาปาทนตฺถเมว เอวํ ปุจฺฉติ. ตถา กถาปเน หิ อสติ ปริสา สทฺทํ กริสฺสติ ‘‘กสฺมา ราชา ปรมฺปราคตํ กุลธนํ วินาเสตี’’ติ, ตโต จ ปกติกฺโขโภ ภวิสฺสติ, สติ ปน ตถา กถาปเน ‘‘เอตํการณา ตํ ฉฑฺเฑตี’’ติ นิสฺสทฺทภาวมาปชฺชิสฺสติ. ตโต จ ปกติกฺโขโภ น ภวิสฺสติ, ตสฺมา ตถา ปุจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. มรณวสนฺติ มรณสฺส, มรณสงฺขาตํ วา วิสยํ.
๓๓๗. ปาฬิยํ ‘‘อามนฺเตตฺวา’’ติ เอตสฺส มนฺติตุกาโม หุตฺวาติ อตฺถํ วิฺาเปตุํ ‘‘เอเกน ปณฺฑิเตน สทฺธึ มนฺเตตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ธาตฺวตฺถานุวตฺตโก เหตฺถ อุปสคฺโค, ปกรณาธิคโต จ กตฺถจิ อตฺถวิเสโส ยถา ‘‘สิกฺขมาเนน ภิกฺขเว ภิกฺขุนา อฺาตพฺพํ ปริปุจฺฉิตพฺพํ ปริปฺหิตพฺพ’’นฺติ (ปาจิ. ๔๓๔). ตถา หิสฺส ปทภาชเน วุตฺตํ ‘‘สิกฺขมาเนนาติ สิกฺขิตุกาเมน. อฺาตพฺพนฺติ ชานิตพฺพ’’นฺติอาทิ (ปาจิ. ๔๓๖). อามนฺเตสีติ มนฺติตุกาโมสิ. ชนปทสฺส อนุปทฺทวตฺถํ, ยฺสฺส จ จิรานปฺปวตฺตนตฺถํ พฺราหฺมโณ จินฺเตสีติ อาห ‘‘อยํ ราชา’’ติอาทิ. อาหรนฺตานํ มนุสฺสานํ เคหานีติ สมฺพนฺโธ, อนาทเร วา เอตํ สามิวจนํ.
๓๓๘. สตฺตานํ ¶ หิตสุขสฺส วิทูสนโต, อหิตทุกฺขสฺส จ อาวหนโต กณฺฏกสทิสตาย โจรา เอว อิธ ‘‘กณฺฏกา’’ติ วุตฺตํ ‘‘โจรกณฺฏเกหิ สกณฺฏโก’’ติ. ยถา คามวาสีนํ ฆาตกา คามฆาตกา อเภทวเสน, อุปจาเรน จ นิสฺสยนามสฺส นิสฺสิเตปิ ปวตฺตนโต, เอวํ ปนฺถิกานํ ทุหนา พาธนา ปนฺถทุหา. ธมฺมโต อเปตสฺส อยุตฺตสฺส กรณสีโล อธมฺมการี, โย วา อตฺตโน วิชิเต ชนปทาทีนํ ตโต ตโต อนตฺถโต ตายเนน ขตฺติเยน กตฺตพฺพธมฺโม, ตสฺส อกรณสีโลติ อตฺโถ. ทสฺสูติ โจรานเมตํ อธิวจนํ. ทํเสนฺติ วิทฺธํเสนฺตีติ หิ ทสฺสโว นิคฺคหีตโลเปน, เต เอว ขีลสทิสตฺตา ขีลนฺติ ทสฺสุขีลํ. ยถา หิ เขตฺเต ขีลํ กสนาทีนํ สุขปฺปวตฺตึ, มูลสนฺตาเนน สสฺสปริพุทฺธิฺจ วิพนฺธติ, เอวํ ทสฺสโวปิ รชฺเช ราชาณาย สุขปฺปวตฺตึ, มูลวิรุฬฺหิยา ชนปทปริพุทฺธิฺจ วิพนฺธนฺตี. ปาณจาคํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘มารเณนา’’ติ วุตฺตํ, หึสนํ ทสฺเสตุํ ‘‘โกฏฺฏเนนา’’ติ. วธสทฺโท หิ หึสนตฺโถปิ โหติ ‘‘วธติ น โรทติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๘๐) วิย, กปฺปราทีหิ โปถเนนาติ อตฺโถ. อทฺทุ นาม ทารุกฺขนฺเธน กโต พนฺธโนปกรณวิเสโส, เตน พนฺธนํ ตถา. อาทิสทฺเทน รชฺชุพนฺธนสงฺขลิกพนฺธนฆรพนฺธนาทีนิ สงฺคณฺหาติ. หา-ธาตุยา ชานิปทนิปฺผตฺตึ ทสฺเสติ ‘‘หานิยา’’ติ อิมินา, สา จ ธนหายนเมวาติ วุตฺตํ ‘‘สตํ คณฺหถา’’ติอาทิ.
ปฺจสิขมตฺตํ เปตฺวา มุณฺฑาปนํ ปฺจสิขมุณฺฑกรณํ. ตํ ‘‘กากปกฺขกรณ’’นฺติปิ โวหรนฺติ. สีเส ฉกโณทกาวเสจนํ โคมยสิฺจนํ. กุทณฺฑโก นาม จตุหตฺถโต อูโน รสฺสทณฺฑโก, โย ‘‘คทฺทุโล’’ติปิ วุจฺจติ, เตน พนฺธนํ กุทณฺฑกพนฺธนํ. อาทิสทฺเทน ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ภสฺมปุฏวธนาทีนํ สงฺคโห. สมฺมาสทฺโท ายตฺโถติ อาห ‘‘เหตุนา’’ติอาทิ, ปริยายวจนเมตํ. อูหนิสฺสามีติ อุทฺธริสฺสามิ, อปเนสฺสามีติ อตฺโถ. ปุพฺเพ ตตฺถ กตปริจยตาย อุสฺสาหํ กโรนฺติ. ‘‘อนุปฺปเทตู’’ติ เอตสฺส อนุ อนุ ปเทตูติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘ทินฺเน อปฺปโหนฺเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. กสิอุปกรณภณฺฑํ ผาลปาชนยุคนงฺคลาทิ, อิมินา ปาฬิยํ พีชภตฺตเมว นิทสฺสนวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. สกฺขิกรณปณฺณาโรปนนิพนฺธนํ ¶ วฑฺฒิยา สห วา วินา วา ปุน คเหตุกามสฺส ทาเน โหติ, อิธ ปน ตทุภยมฺปิ นตฺถิ ปุน อคฺคเหตุกามตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘สกฺขึ อกตฺวา’’ติอาทิ. เตนาห ‘‘มูลจฺเฉชฺชวเสนา’’ติ. สกฺขินฺติ ตทา ปจฺจกฺขกชนํ. ปณฺเณ อนาโรเปตฺวาติ ตาลาทิปณฺเณ ยถาจิณฺณํ ลิขนวเสน อนาโรเปตฺวา. อฺตฺถ ปณฺณากาเรปิ ปาภตสทฺโท, อิธ ปน ภณฺฑมูเลเยวาติ อาห ‘‘ภณฺฑมูลสฺสา’’ติอาทิ. ภณฺฑมูลฺหิ ปการโต อุทยภณฺฑานิ อาภรติ สํหรติ เอเตนาติ ปาภตํ. อุทยธนโต ปเคว อาภตํ ปาภตนฺติ สทฺทวิทู, ปณฺณากาโร ปน ตํ ตทตฺถํ ปตฺเถนฺเตหิ อาภรียเตติ ปาภตํ. ปตฺถนตฺถโชตโก หิ อยํ ป-สทฺโท.
‘‘ยถาหา’’ติอาทินา ปาภตสทฺทสฺส มูลภณฺฑตฺถตํ จูฬเสฏฺิชาตกปาเน (ชา. ๑.๑.๔) สาเธติ. ตตฺรายมฏฺกถา (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๔) ‘‘อปฺปเกนปีติ โถเกนปิ ปริตฺตเกนปิ. เมธาวีติ ปฺวา. ปาภเตนาติ ภณฺฑมูเลน. วิจกฺขโณติ โวหารกุสโล. สมุฏฺาเปติ อตฺตานนฺติ มหนฺตํ ธนฺจ ยสฺจ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ อตฺตานํ สณฺาเปติ ปติฏฺาเปติ. ยถา กึ? อณุํ อคฺคึว สนฺธมํ, ยถา ปณฺฑิตปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อนุกฺกเมน โคมยจุณฺณาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา มุขวาเตน ธมนฺโต สมุฏฺาเปติ วฑฺเฒติ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ กโรติ, เอวเมว ปณฺฑิโต โถกมฺปิ ปาภตํ ลภิตฺวา นานาอุปาเยหิ ปโยเชตฺวา ธนฺจ ยสฺจ วฑฺเฒติ, วฑฺเฒตฺวา จ ¶ ปน ตตฺถ อตฺตานํ ปติฏฺาเปติ, ตาย เอว วา ปน ธนยสมหนฺตตาย อตฺตานํ สมุฏฺาเปติ, อภิฺาตํ ปากฏํ กโรตีติ อตฺโถ’’ติ.
ทิวเส ทิวเส ทาตพฺพํ เทวสิกํ. มาเส มาเส ทาตพฺพํ มาสิกํ. อาทิสทฺเทน อนุโปสถิกาทีนิ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส ตสฺส ปุริสสฺส. กุสลานุรูเปน, กมฺมานุรูเปน สูรภาวานุรูเปนาติ ทฺวนฺทโต ปรํ สุยฺยมาโน อนุรูปสทฺโท ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. เฉกภาวานุรูปตา เจตฺถ กุสลานุรูปํ. กตฺถจิ กุลสทฺโท ทิสฺสติ, โส จ ชาณุโสณิอาทิกุลานมิว กุลานุรูปมฺปิ ทาตพฺพโต ยุชฺชเตว. เสนาปจฺจาทิ านนฺตรํ, อิมินา ภตฺตเวตนํ นิทฺทิฏฺมตฺตนฺติ ทสฺเสติ. สกกมฺมปสุตตฺตา, อนุปทฺทวตฺตา จ ธนธฺานํ ราสิโก ราสิการภูโต. เขเมน ิตาติ ¶ อนุปทฺทเวน ปวตฺตา. เตนาห ‘‘อภยา’’ติ, กุโตจิปิ ภยรหิตาติ อตฺโถ. โมทา โมทมานาติ โมทาย โมทมานา, โสมนสฺเสเนว โมทมานา, น สํสนฺทนมตฺเตนาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ภควตา สทฺธึ สมฺโมที’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๘๑) หิ มุทสทฺโท สํสนฺทเนปิ ปวตฺตติ, อฺเ โมทา หุตฺวา อปเรปิ โมทมานา วิหรนฺตีติ วา อตฺโถ. เตนาห ‘‘อฺมฺํ ปมุทิตจิตฺตาติ, อสฺโเคปิ วตฺติจฺฉาเยว วุทฺธีติ ทฺวิธา ปาโ วุตฺโต. อิทฺธผีตภาวนฺติ สมิทฺธเวปุลฺลภาวํ.
จตุปริกฺขารวณฺณนา
๓๓๙. ตสฺมึ ตสฺมึ กิจฺเจ อนุยนฺติ อนุวตฺตนฺตีติ อนุยนฺตา. เตเยว อานุยนฺตา ยถา ‘‘อนุภาโว เอว อานุภาโว’’ติ, ‘‘อานุยุตฺตา’’ติปิ ปาโ, ตสฺมึ ตสฺมึ กิจฺเจ อนุยุชฺชนฺตีติ หิ อานุยุตฺตา วุตฺตนเยน. อสฺสาติ รฺโ. เตติ อานุยนฺตขตฺติยาทโย. ‘‘อมฺเห เอตฺถ พหิ กโรตี’’ติ อตฺตมนา น ภวิสฺสนฺติ. ‘‘นิพนฺธวิปุลายาคโม คาโม นิคโม. วิวฑฺฒิตมหาอาโย มหาคาโม’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๓๘) อาจริเยน วุตฺตํ. ‘‘อปาการปริกฺเขโป สาปโณ นิคโม, สปาการาปณํ นครํ, ตํ ตพฺพิปรีโต คาโม’’ติ (กงฺขาวิตรณี อภินวฏีกายํ สงฺฆาทิเสสกณฺเฑ กุลทูสกสิกฺขาปเท ปสฺสิตพฺพํ) วินยฏีกาสุ. คสนฺติ มทนฺติ เอตฺถาติ คาโม, สฺเวว ปากโฏ เจ, นิคโม นาม อติเรโก คาโมติ กตฺวา. ภุสตฺโถ เหตฺถ นี-สทฺโท, สฺาสทฺทตฺตา จ รสฺโสติ สทฺทวิทู. ชนปทตฺโถ วุตฺโตว. ‘‘สามฺยามจฺโจ สขา โกโส, ทุคฺคฺจ วิชิตํ พล’’นฺติ วุตฺตาสุ สตฺตสุ ราชปกตีสุ รฺโ ตทวเสสานํ ฉนฺนํ วเสน หิตสุขาติวุทฺธิ, ตเทกเทสา จ อานุยนฺตาทโยติ อาห ‘‘ยํ ตุมฺหาก’’นฺติอาทิ.
ตํตํกิจฺเจสุ ¶ รฺา อมา สห ภวนฺตีติ อมจฺจา. ‘‘อมาวาสี’’ติอาทีสุ วิย หิ สมกิริยาย อมาติ อพฺยยปทํ, จ-ปจฺจเยน ตทฺธิตสิทฺธีติ เนรุตฺติกา. รชฺชกิจฺจโวสาสนกาเล ปน เต รฺา ปิยา, สหปวตฺตนกา จ ภวนฺตีติ ทสฺเสติ ‘‘ปิยสหายกา’’ติ อิมินา. รฺโ ปริสติ ภวา ‘‘ปาริสชฺชา. เก ปน เตติ วุตฺตํ ‘‘เสสา อาณตฺติการกา’’ติ ¶ , ยถาวุตฺตานุยุตฺตขตฺติยาทีหิ อวเสสา รฺโ อาณากราติ อตฺโถ. สติปิ เทยฺยธมฺเม อานุภาวสมฺปตฺติยา, ปริวารสมฺปตฺติยา จ อภาเว ตาทิสํ ทาตุํ น สกฺกา. วุทฺธกาเล จ ตาทิสานมฺปิ ราชูนํ ตทุภยํ หายเตว, เทยฺยธมฺเม ปน อสติ ปเควาติ ทสฺเสตุํ ‘‘เทยฺยธมฺมสฺมิฺหี’’ติอาทิมาห. เทยฺยธมฺมสฺมึ อสติ จ มหลฺลกกาเล จ ทาตุํ น สกฺกาติ โยชนา. เอเตนาติ ยถาวุตฺตการณทฺวเยน. อนุมติยาติ อนุชานเนน. ปกฺขาติ สปกฺขา ยฺสฺส องฺคภูตา. ยฺํ ปริกโรนฺตีติ ปริกฺขารา, สมฺภารา, เต จ ตสฺส ยฺสฺส องฺคภูตตฺตา ปริวารา วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘ปริวารา ภวนฺตี’’ติ. ‘‘รโถ’’ติอาทินา อิธานธิปฺเปตมตฺถํ นิเสเธติ.
‘‘รโถ เสตปริกฺขาโร, ฌานกฺโข จกฺกวีริโย;
อุเปกฺขา ธุรสมาธิ, อนิจฺฉา ปริวารณ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๕.๔);
หิ สํยุตฺตมหาวคฺคปาฬิ. ตตฺถ รโถติ พฺรหฺมยานสฺิโต อฏฺงฺคิกมคฺครโถ. เสตปริกฺขาโรติ จตุปาริสุทฺธิสีลาลงฺกาโร. ‘‘สีลปริกฺขาโร’’ติปิ ปาโ. ฌานกฺโขติ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตานํ ปฺจนฺนํ ฌานงฺคานํ วเสน ฌานมยอกฺโข. จกฺกวีริโยติ วีริยจกฺโก. อุเปกฺขา ธุรสมาธีติ อุเปกฺขา ทฺวินฺนํ ธุรานํ สมตา. อนิจฺฉา ปริวารณนฺติ อโลโภ สีหธมฺมาทีนิ วิย ปริวารณํ.
อฏฺปริกฺขารวณฺณนา
๓๔๐. อุภโต สุชาตาทีหิ วุจฺจมาเนหิ. ยสสาติ ปฺจวิเธน อานุภาเวน. เตนาห ‘‘อาณาปนสมตฺถตายา’’ติ. ‘‘สทฺโธ’’ติ เอตสฺส ‘‘ทาตาทานสฺส ผลํ ปจฺจนุโภติ ปตฺติยายตี’’ติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทานสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทาเน สูโรติ ทานสูโร, เทยฺยธมฺเม อีสกมฺปิ สงฺคํ อกตฺวา มุตฺตจาโค, ตพฺภาโว ปน กมฺมสฺสกตาาณสฺส ติกฺขวิสทภาเวน เวทิตพฺโพ. ตสฺส หิ ติกฺขวิสทภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘สทฺโท’’ติ วตฺวา ‘‘ทานสูโร’’ติ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตนาห ‘‘น สทฺธามตฺตเกนา’’ติอาทิ. ยสฺส หิ กมฺมสฺสกตา ปจฺจกฺขมิว อุปฏฺาติ, โส ¶ เอวํ วุตฺโต. ยํ ทานํ เทตีติ ยํ เทยฺยธมฺมํ ปรสฺส เทติ. ตสฺส ปติ หุตฺวาติ ตพฺพิสยํ โลภํ สุฏฺุมภิภวนฺโต ตสฺส อธิปติ หุตฺวา ¶ เทติ. การโณปจารวจนฺเหตํ. ปรโตปิ เอเสว นโย. ตพฺพิสเยน โลเภน อนากฑฺฒนียตฺตา น ทาโส, น สหาโย.
ตเทวตฺถํ พฺยติเรกโต, อนฺวยโต จ วิวริตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘โย หี’’ติอาทิมาห. อิธานธิปฺเปตสฺส หิ ทาสาทิทฺวยสฺส พฺยติเรกโต ทสฺสนํ. ขาทนียโภชนียาทีสุ มธุรสฺเสว ปณีตตฺตา ‘‘มธุรํ ภฺุชตี’’ติ วุตฺตํ, นิทสฺสนมตฺตํ วา เอตํ, ปณีตํ ปริภฺุชตีติ วุตฺตํ โหติ. ทาโส หุตฺวา เทติ ตณฺหาย ทาสพฺยตํ อุปคตตฺตา. สหาโย หุตฺวา เทติ ตสฺส ปิยภาวานิสฺสชฺชนโต. สามี หุตฺวา เทติ ตตฺถ ตณฺหาทาสพฺยโต อตฺตานํ โมเจตฺวา อภิภุยฺย ปวตฺตนโต. ยํ ปเนตํ อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘สามิปริโภคสทิสา’’ติ, (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๔๐) ตํ ตณฺหาทาสพฺยมติกฺกนฺตตาสามฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. น หิ ขีณาสวสฺส ปริโภโค สามิปริโภโค วิย ขีณาสวสฺเสว ทานํ ทานสามีติ อตฺโถ อุปปนฺโน โหติ, ปจฺฉา วา ปมาทลิขิตเมตํ. ตาทิโสติ ทานสามิสภาโว.
สมิตปาปสมณพาหิตปาปพฺราหฺมณา อุกฺกฏฺนิทฺเทเสเนตฺถ วุตฺตา, ปพฺพชฺชามตฺตสมณชาติมตฺตพฺราหฺมณา วา กปณาทิคฺคหเณน คหิตาติ เวทิตพฺพํ. ทุคฺคตาติ ทุกฺกรํ ชีวิกมุปคตา กสิรวุตฺติกา. เตนาห ‘‘ทลิทฺทมนุสฺสา’’ติ. ปถาวิโนติ มคฺคคามิโน. วณิพฺพกาติ ทายกานํ คุณกิตฺตนวเสน, กมฺมผลกิตฺตนมุเขน จ ยาจนกา เสยฺยถาปิ นคฺคจริยาทโยติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย อิฏฺํ ทินฺน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตทุภเยเนว หิ ทานสฺส วณฺณโถมนา สมฺภวติ. เย วิจรนฺติ, เต วณิพฺพกา นามาติ โยเชตพฺพํ. ปสตมตฺตนฺติ วีหิตณฺฑุลาทิวเสน วุตฺตํ, สราวมตฺตนฺติ ยาคุภตฺตาทิวเสน. โอปานํ วุจฺจติ โอคาเหตฺวา ปาตพฺพโต นทีตฬากาทีนํ สพฺพสาธารณํ ติตฺถํ, โอปานมิวภูโตติ โอปานภูโต. เตนาห ‘‘อุทปานภูโต’’ติอาทิ. หุตฺวาติ ภาวโต. สุตเมว สุตชาตนฺติ ชาตสทฺทสฺส อนตฺถนฺตรวาจกตฺตมาห ยถา ‘‘โกสชาต’’นฺติ.
อตีตาทิอตฺถจินฺตนสมตฺถตา นาม ตสฺส รฺโ อนุมานวเสน, อิติกตฺตพฺพตาวเสน จ เวทิตพฺพา, น พุทฺธานํ วิย ตตฺถ ปจฺจกฺขทสฺสิตายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อตีเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปฺุาปฺุานิสํสจินฺตนฺเจตฺถ ปกรณาธิคตวเสน ¶ เวทิตพฺพํ. ปฺุสฺสาติ ยฺปฺุสฺส. ทายกจิตฺตมฺปีติ ทายกานํ, ทายกํ วา จิตฺตมฺปิ, ทาตุกมฺยตาจิตฺตมฺปีติ วุตฺตํ โหติ. อิเมสุ ปน อฏฺสุ องฺเคสุ อฑฺฒตาทโย ปฺจ ยฺสฺส ตาว ปริกฺขารา โหนฺตุ เตหิ วินา ตสฺส อสิชฺฌนโต ¶ , สุชาตตา, ปน สูรูปตา จ กถํ ยฺสฺส ปริกฺขาโร สิยา ตทุภเยน วินาปิ ตสฺส สิชฺฌนโตติ โจทนาย สพฺเพสมฺปิ อฏฺนฺนมงฺคานํ ปริกฺขารภาวํ อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอเต หิ กิรา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ เกจิ เอวํ วทนฺติ ‘‘ยถา อฑฺฒตาทโย ปฺจ ยฺสฺส เอกํสโตว องฺคานิ, น เอวํ สุชาตตา, สุรูปตา จ, ตทุภยํ ปน อเนกํสโตว องฺคนฺติ ทีเปตุํ อรุจิสูจกสฺส กิรสทฺทสฺส คหณํ กต’’นฺติ. เต หิ ‘‘อยํ ทุชฺชาโตติอาทิวจนสฺส อเนกํสิกตํ มฺมานา ตถา วทนฺติ, ตยิทํ อสารํ. สพฺพสาธารณวเสน เหตํ พฺยติเรกโต ยฺสฺส องฺคภาวทสฺสนํ ตตฺถ สิยา เกสฺจิ ตถา ปริวิตกฺโก’’ติ ตสฺสาปิ อวกาสาภาวทสฺสนตฺถเมว เอวํ วุตฺตตฺตา, ตทุภยสาธารณวเสเนว อเนกํสโต องฺคภาวสฺส อทสฺสนโต จ. กิรสทฺโท ปเนตฺถ ตทา พฺราหฺมณสฺส จินฺติตาการสูจนตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวมเนน จินฺเตตฺวา ‘‘อิมานิปิ อฏฺงฺคานิ ตสฺเสว ยฺสฺส ปริกฺขารา ภวนฺตีติ วุตฺตานี’’ติ กิรสทฺเทน ตสฺส จินฺติตากาโร สูจิโต โหติ. เอวมาทีนีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘อยํ วิรูโป กิตฺตกํ…เป… อุปจฺฉินฺทิสฺสติ, อยํ ทลิทฺโท, อปฺเปสกฺโข, อสฺสทฺโธ, อปฺปสฺสุโต, น อตฺถฺู, น เมธาวี กิตฺตกํ…เป… อุปจฺฉินฺทิสฺสตี’’ติ เอเตสํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ.
จตุปริกฺขาราทิวณฺณนา
๓๔๑. ‘‘สุชํ ปคฺคณฺหนฺตาน’’นฺติ เอตฺถ โสณทณฺฑสุตฺตวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๑๑-๓๑๓) วุตฺเตสุ ทฺวีสุ วิกปฺเปสุ ทุติยวิกปฺปํ นิเสเธนฺโต ‘‘มหายาค’’นฺติอาทิมาห, เตน จ ปุโรหิตสฺส สยเมว กฏจฺฉุคฺคหณโชตเนน เอวํ สหตฺถา สกฺกจฺจํ ทาเน ยุตฺตปยุตฺตตา อิจฺฉิตพฺพาติ ทสฺเสติ. เอวํ ทุชฺชาตสฺสาติ เอตฺถาปิ ‘‘สุชาตตาย อเนกํสโต องฺคภาวทสฺสนเมวิท’’นฺติ อคฺคเหตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยน สพฺพสาธารณวเสเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ. อาทิสทฺเทน หิ ‘‘เอวํ อนชฺฌายกสฺส…เป… ทุสฺสีลสฺส…เป… ทุปฺปฺสฺส ¶ สํวิธาเนน ปวตฺตทานํ กิตฺตกํ กาลํ ปวตฺติสฺสตี’’ติ เอเตสํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตสฺมาติ ตทุภยการณโต.
ติสฺโสวิธาวณฺณนา
๓๔๒. ติณฺณํ านานนฺติ ทานสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานสงฺขาตานํ ติสฺสนฺนํ ภูมีนํ, อวตฺถานานนฺติ อตฺโถ. จลนฺตีติ กมฺปนฺติ ปุริมากาเรน น ติฏฺนฺติ. กรณตฺเถติ ตติยาวิภตฺติอตฺเถ. กรณียสทฺทาเปกฺขาย หิ กตฺตริ เอว เอตํ สามิวจนํ, น กรเณ. เยภุยฺเยน ¶ หิ กรณโชตกวจนสฺส อตฺถภาวโต อนุตฺตกตฺตาว กรณตฺโถติ อิธาธิปฺเปโต. ปจฺฉานุตาปสฺส อกรณูปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺพ…เป… ปติฏฺเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อจลาติ ทฬฺหา เกนจิ อสํหีรา. ปติฏฺเปตพฺพาติ สุปฺปติฏฺิตา กาตพฺพา. ตถา ปติฏฺาปนูปายมฺปิ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวฺหี’’ติอาทิมาห. ตถา ปติฏฺาปเนน หิ ยถา ตํ ทานํ สมฺปติ ยถาธิปฺปายํ นิปฺปชฺชติ, เอวํ อายติมฺปิ วิปุลผลตาย มหปฺผลํ โหติ วิปฺปฏิสาเรน อนุปกฺกิลิฏฺภาวโต. ทฺวีสุ าเนสูติ ยชมานยิฏฺฏฺาเนสุ. วิปฺปฏิสาโร…เป… น กตฺตพฺโพติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ. มฺุจเจตนาติ ปริจฺจาคเจตนา, ตสฺสา นิจฺจลภาโว นาม มุตฺตจาคตา ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน อุฬารภาโว. ปจฺฉาสมนุสฺสรณเจตนาติ ปรเจตนา, ตสฺสา ปน นิจฺจลภาโว ‘‘อโห มยา ทานํ ทินฺนํ สาธุ สุฏฺู’’ติ ทานสฺส สกฺกจฺจํ ปจฺจเวกฺขณวเสน เวทิตพฺโพ. ตทุภยเจตนานํ นิจฺจลกรณูปายํ พฺยติเรกโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตถา…เป… โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตถา อกโรนฺตสฺสาติ มฺุจเจตนํ, ปจฺฉาสมนุสฺสรณเจตนฺจ นิจฺจลมกโรนฺตสฺส, วิปฺปฏิสารํ, อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘นาปิ อุฬาเรสุ โภเคสุ จิตฺตํ นมตี’’ติ อิทํ ปน ปจฺฉาสมนุสฺสรณเจตนาย เอว พฺยติเรกโต นิจฺจลกรณูปายทสฺสนํ. เอวฺหิ ยถานิทฺทิฏฺนิทสฺสนํ อุปปนฺนํ โหติ. ตตฺถ อุฬาเรสุ โภเคสูติ เขตฺตวิเสเส ปริจฺจาคสฺส กตตฺตา ลทฺเธสุปิ อุฬาเรสุ โภเคสุ. นาปิ จิตฺตํ นมติ ปจฺฉา วิปฺปฏิสาเรน อุปกฺกิลิฏฺภาวโต. ยถา กถนฺติ อาห ‘‘มหาโรรุว’’นฺติอาทิ. ตสฺส หิ เสฏฺิสฺส คหปติโน วตฺถุ โกสลสํยุตฺเต, (สํ. นิ. ๑.๑๓๑) มยฺหกชาตเก (ชา. อฏฺ. ๓.๖.มยฺหกชาตกวณฺณนา) จ อาคตํ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ภูตปุพฺพํ ¶ โส มหาราช เสฏฺิ คหปติ ตครสิขึ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิปาเทสิ, ‘เทถ สมณสฺส ปิณฺฑปาต’นฺติ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ, ทตฺวา จ ปน ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ ‘‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุ’’’นฺติอาทิ.
โส กิร อฺเสุปิ ทิวเสสุ ตํ ปจฺเจกพุทฺธํ ปสฺสติ, ทาตุํ ปนสฺส จิตฺตํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ ปน ทิวเส อยํ ปทุมวติยา เทวิยา ตติยปุตฺโต ตครสิขี ปจฺเจกพุทฺโธ คนฺธมาทนปพฺพเต ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย วุฏฺาย อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา มโนสิลาตเล นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา นครทฺวาเร โอรุยฺห จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตมาทาย นครวาสีนํ ฆรทฺวาเรสุ สหสฺสภณฺฑิกํ เปนฺโต วิย ปาสาทิเกหิ อภิกฺกมนาทีหิ ¶ อนุปุพฺเพน เสฏฺิโน ฆรทฺวารํ สมฺปตฺโต, ตํ ทิวสฺจ เสฏฺิ ปาโตว อุฏฺาย ปณีตํ โภชนํ ภฺุชิตฺวา ฆรทฺวารโกฏฺเก อาสนํ ปฺเปตฺวา ทนฺตนฺตรานิ โสเธนฺโต นิสินฺโน โหติ. โส ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ตํ ทิวสํ ปาโตว ภุตฺวา นิสินฺนตฺตา ทานจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ภริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิมสฺส สมณสฺส ปิณฺฑปาตํ เทหี’’ติ วตฺวา ราชุปฏฺานตฺถํ ปกฺกามิ. เสฏฺิภริยา สมฺปชฺชาติกา จินฺเตสิ ‘‘มยา เอตฺตเกน กาเลน อิมสฺส ‘เทถา’ติ วจนํ น สุตปุพฺพํ, ทาเปนฺโตปิ จ อชฺช น ยสฺส วา ตสฺส วา ทาเปติ, วีตราคโทสโมหสฺส วนฺตกิเลสสฺส โอหิตภารสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทาเปติ, ยํ วา ตํ วา อทตฺวา ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามี’’ติ ฆรา นิกฺขมฺม ปจฺเจกพุทฺธํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย อนฺโตนิเวสเน ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา สุปริสุทฺเธหิ สาลิตณฺฑุเลหิ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา ตทนุรูปํ ขาทนียํ, พฺยฺชนํ, สูเปยฺยฺจ อภิสงฺขริตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา พหิ คนฺเธหิ อลงฺกริตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถสุ ปติฏฺเปตฺวา วนฺทิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘อฺเสมฺปิ ปจฺเจกพุทฺธานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ อปริภฺุชิตฺวาว อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ โข เสฏฺิ ราชุปฏฺานํ กตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา อาห ‘‘มยํ ตุมฺหากํ ปิณฺฑปาตํ เทถา’’ติ วตฺวา ปกฺกนฺตา, อปิ โว ลทฺโธ ปิณฺฑปาโต’’ติ? อาม, เสฏฺิ ลทฺโธติ. ‘‘ปสฺสามา’’ติ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอโลเกสิ ¶ , อถสฺส ปิณฺฑปาตคนฺโธ อุฏฺหิตฺวา นาสปุฏํ ปหริ. โส จิตฺตํ สํยเมตุํ อสกฺโกนฺโต ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ, ตสฺส ปน วิปฺปฏิสารสฺส อุปฺปนฺนากาโร ‘‘วรเมต’’นฺติอาทินา ปาฬิยํ วุตฺโตเยว. ปิณฺฑปาตทาเนน ปเนส สตฺตกฺขตฺตุํ สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺโน, สตฺตกฺขตฺตุเมว จ สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺโต, อยฺจสฺส สตฺตโม ภโว, ปจฺฉา วิปฺปฏิสาเรน ปน นาปิ อุฬาเรสุ โภเคสุ จิตฺตํ นมติ. วุตฺตฺเหตํ สํยุตฺตวรลฺฉเก –
‘‘ยํ โข โส มหาราช เสฏฺิ คหปติ ทตฺวา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อโหสิ ‘วรเมตํ ปิณฺฑปาตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภฺุเชยฺยุ’นฺติ, ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน นาสฺสุฬาราย ภตฺตโภคาย จิตฺตํ นมติ, นาสฺสุฬาราย วตฺถโภคาย, ยานโภคาย, นาสฺสุฬารานํ ปฺจนฺนํ กามคุณานํ โภคาย จิตฺตํ นมตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๓๑).
มยฺหกชาตเกปิ วุตฺตํ –
‘‘อิติ มหาราช อาคนฺตุกเสฏฺิ ตครสิขิปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนปจฺจเยน พหุํ ธนํ ลภิ ¶ , ทตฺวา อปรเจตนํ ปณีตํ กาตุํ อสมตฺถตาย ปณีเต โภเค ภฺุชิตุํ นาสกฺขี’’ติ (ชา. อฏฺ. ๓.๖.มยฺหกชาตกวณฺณนา).
ภาตุ ปเนส เอกํ ปุตฺตํ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๓๕๔) สาปเตยฺยสฺส การณา ชีวิตํ โวโรเปสิ, เตน กมฺเมน พหูนิ วสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺถ, สตฺตกฺขตฺตฺุจ อปุตฺตโก ชาโต, อิทานิปิ เตเนว กมฺเมน มหาโรรุวํ อุปปนฺโน. เตน วุตฺตํ ‘‘มหาโรรุวํ อุปปนฺนสฺส เสฏฺิคหปติโน วิยา’’ติ, ปุริมปจฺฉิมเจตนาวเสน เจตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอกา หิ เจตนา ทฺเว ปฏิสนฺธิโย น เทตีติ.
ทสอาการวณฺณนา
๓๔๓. อากโรติ อตฺตโน อนุรูปตาย สมริยาทปริจฺเฉทํ ผลํ นิพฺพตฺเตตีติ อากาโร, การณนฺติ อาห ‘‘ทสหิ การเณหี’’ติ. มริยาทตฺโถ เหตฺถ อา-สทฺโท. น ทุสฺสีเลสฺเวว, อถ โข สีลวนฺเตสุปิ วิปฺปฏิสารํ อุปฺปาเทสฺสติ. ตทุภเยปิ น อุปฺปาเทตพฺโพติ หิ ทสฺเสตุํ ¶ อปิ-สทฺเทน, ปิ-สทฺเทน วา สมฺปิณฺฑนํ กโรติ. ปฏิคฺคาหกโตว อุปฺปชฺชตีติ พลวตรํ วิปฺปฏิสารํ สนฺธาย วุตฺตํ, ทุพฺพโล ปน เทยฺยธมฺมโต, ปริวารชนโตปิ อุปฺปชฺชเตว. อุปฺปชฺชิตุํ ยุตฺตนฺติ อุปฺปชฺชนารหํ. วิปฺปฏิสารมฺปิ วิโนเทสีติ สมฺพนฺโธ. เตสํเยวาติ ปาณาติปาตีนเมว. ยชนํ นาเมตฺถ ทานเมวาธิปฺเปตํ, น อคฺคิชุหนนฺติ อาห ‘‘เทตุ ภว’’นฺติ. วิสฺสชฺชตูติ มุตฺตจาควเสน จชตุ. อพฺภนฺตรนฺติ อชฺฌตฺตํ สกสนฺตาเน.
โสฬสาการวณฺณนา
๓๔๔. อนุมติปกฺขาทโย เอว เหฏฺา ยฺสฺส วตฺถุํ กตฺวา ‘‘โสฬสปริกฺขารา’’ติ วุตฺตา, อิธ ปน สนฺทสฺสนาทิวเสน อนุโมทนาย อารทฺธตฺตา วุตฺตํ ‘‘โสฬสหิ อากาเรหี’’ติ. ทสฺเสตฺวาติ อตฺตโน เทสนานุภาเวน ปจฺจกฺขมิว ผลํ ทสฺเสตฺวา, อเนกวารํ ปน ทสฺสนโต ‘‘ทสฺเสตฺวา ทสฺเสตฺวา’’ติ พฺยาปนวจนํ, ตเทว อาภุโส เมฑนฏฺเน อาเมฑิตวจนนฺติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๔๔) วุตฺตํ. ‘‘สมาทเปตฺวา สมาทเปตฺวา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ตมตฺถนฺติ ทานผลวเสน กมฺมผลสมฺพนฺธมตฺถํ. สมาทเปตฺวาติ สุตมตฺตํ อกตฺวา ยถา ราชา ตมตฺถํ สมฺมเทว อาทิยติ จิตฺเต กโรนฺโต สุคฺคหิตํ กตฺวา คณฺหาติ, ตถา สกฺกจฺจํ อาทาเปตฺวา.
‘‘วิปฺปฏิสารวิโนทเนนา’’ติ ¶ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ. โลภโทสโมหอิสฺสามจฺฉริยมานาทโยปิ หิ ทานจิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา, เตสํ วิโนทเนนปิ ตํ โวทาปิตํ สมุตฺเตชิตํ นาม โหติ ติกฺขวิสทภาวาปตฺติโต, อาสนฺนตรภาวโต ปน วิปฺปฏิสารวิโนทนเมว คหิตํ. ปวตฺติเต หิ ทาเน ตสฺส สมฺภโวติ. ยาถาวโต วิชฺชมาเนหิ คุเณหิ หฏฺปหฏฺภาวาปาทนํ สมฺปหํสนนฺติ อาห ‘‘สุนฺทร’’นฺติอาทิ. ธมฺมโตติ สจฺจโต. ตทตฺถเมว ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺเมน สเมน การเณนา’’ติ วุตฺตํ. สจฺจฺหิ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ, อุปสมจริยภาวโต สมํ, ยุตฺตภาเวน การณนฺติ จ วุจฺจติ.
๓๔๕. ตสฺมึ ยฺเ รุกฺขติณจฺเฉโทปิ นาม นาโหสิ, กุโต ปาณวโธติ ปาณวธาภาวสฺเสว ทฬฺหีกรณตฺถํ, สพฺพโส วิปรีตคฺคาเหหิ อวิทูสิตตาทสฺสนตฺถฺจ ปาฬิยํ ‘‘เนว คาโว หฺึสู’’ติอาทีนิ วตฺวาปิ ¶ ‘‘น รุกฺขา ฉิชฺชึสู’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย ยูปนามเก’’ติอาทิมาห. พริหิสตฺถายาติ ปริจฺเฉทตฺถาย. วนมาลาสงฺเขเปนาติ วนปุปฺเผหิ คนฺธิตมาลานิยาเมน. เอวํ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๔๕) วุตฺตํ, วนปนฺติอากาเรนาติ อตฺโถ. ภูมิยํ วา ปตฺถรนฺตีติ เวทิภูมึ ปริกฺขิปนฺตา ตตฺถ ตตฺถ ปตฺถรนฺติ. มนฺตาทินา หิ ปริสงฺขตา ภูมิ วินฺทติ อสฺส ลาภสกฺกาเรติ กตฺวา ‘‘เวที’’ติ วุจฺจติ. เตปิ รุกฺขา เตปิ ทพฺพาติ สมฺพนฺโธ, กมฺมกตฺตา เจตํ ทฺวยํ, อภิหิตกมฺมํ วา. วตฺติจฺฉาย หิ ยถาสตฺตึ การกา ภวนฺติ. วุตฺตนเยน ปาณวธาภาวสฺส ทฬฺหีกรณตฺถํ, วิปรีตคฺคาเหน อวิทูสิตภาวทสฺสนตฺถฺเจตนฺติ ทสฺเสติ กึ ปนา’’ติอาทินา. อนฺโตเคหทาโส อนฺโตชาโต. อาทิสทฺเทน ธนกฺกีตกรมรานีตสามํทาสพฺยูปคตานํ สงฺคโห. ปุพฺพเมวาติ ภติกรณโต ปเคว. ธนํ คเหตฺวาติ ทิวเส ทิวเส ยถากมฺมํ คเหตฺวา. ภตฺตเวตนนฺติ เทวสิกํ ภตฺตฺเจว มาสิกาทิปริพฺพยฺจ. วุตฺโตวายมตฺโถ. ตชฺชิตาติ สนฺตชฺชิตา. ปริกมฺมานีติ สพฺพภาคิยานิ กมฺมานิ, อุจฺจาวจานิ กมฺมานีติ อตฺโถ. ปิยสมุทาจาเรเนวาติ อิฏฺวจเนเนว. ยถานามวเสเนวาติ ปากฏนามานุรูเปเนว. สปฺปิเตลนวนีตทธิมธุผาณิเตน เจวาติ เอตฺถ จ-สทฺโท อวุตฺตสมุจฺจยตฺโถ, เตน ปณีตปณีตานํ นานปฺปการานํ ขาทนียโภชนียาทีนฺเจว วตฺถยานมาลาคนฺธวิเลปนเสยฺยาวสถาทีนฺจ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ, เตนาห ‘‘ปณีเตหิ สปฺปิเตลาทิสมฺมิสฺเสเหวา’’ติอาทิ. ตสฺส ตสฺส กาลสฺส อนุรูเปหิ ยาคุ…เป… ปานกาทีหีติ สมฺพนฺโธ. สปฺปิอาทีนนฺติ สปฺปิอาทีหิ.
๓๔๖. ปฏิสาเมตพฺพโต, อตฺตโน อตฺตโน สนฺตกภาวโต จ สํ นาม ธนํ วุจฺจติ, ตสฺส ปตีติ สปติ นิคฺคหิตโลเปน, ธนวา, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกหิตาวหตฺตา ตสฺส หิตนฺติ สาปเตยฺยํ ¶ , ตเทว ธนํ. เตนาห ‘‘ปหูตํ ธน’’นฺติ. อกฺขยธมฺมเมวาติ อขยสภาวเมว. คามภาเคนาติ สํกิตฺตนวเสน คาเม วา คเหตพฺพภาเคน, เอวํ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๔๖) วุตฺตํ, ปจฺเจกํ สภาคคามโกฏฺาเสนาติปิ อตฺโถ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.
๓๔๗. ยฺาวาโฏติ ¶ ขณิตาวาฏสฺส อสฺสเมธาทิยฺยชนฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ, ตพฺโพหาเรน ปน อิธ ทานสาลาย เอว, ตาย จ ปุรตฺถิมนครทฺวาเร กตาย ปุรตฺถิมภาเค เอวาติ อตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ปุรตฺถิมโต นครทฺวาเร’’ติอาทินา. ตํ ปน านํ รฺโ ทานสาลาย นาติทูเร เอวาติ อาห ‘‘ยถา’’ติอาทิ. ยโต ตตฺถ ปาตราสํ ภฺุชิตฺวา อกิลนฺตรูปาเยว สายนฺเห รฺโ ทานสาลํ สมฺปาปุณนฺติ. ‘‘ทกฺขิเณน ยฺาวาฏสฺสา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ยาคุํ ปิวิตฺวาติ หิ ยาคุสีเสน ปาตราสโภชนมาห.
๓๔๘. มธุรนฺติ สาทุรสํ. อุปริ วตฺตพฺพมตฺถนฺติ ‘‘อปิจ เม โภ เอวํ โหตี’’ติอาทินา วุจฺจมานมตฺถํ. ปริหาเรนาติ ภควนฺตํ ครุํ กตฺวา อคารวปริหาเรน, อุชุกภาวาปนยเนน วา, อุชุกวุตฺตึ ปริหริตฺวา วงฺกวุตฺติยาว ยถาจินฺติตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต เอวมาหาติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘อุชุกเมว ปุจฺฉยมาโน อคารโว วิย โหตี’’ติ.
นิจฺจทานอนุกุลยฺวณฺณนา
๓๔๙. อุฏฺายาติ ทาเน อุฏฺานวีริยมาห, สมุฏฺายาติ ตสฺส สาตจฺจกิริยํ. กสิวาณิชฺชาทิกมฺมานิ อกโรนฺโต ทลิทฺทิยาทิอนตฺถาปตฺติยา นสฺสิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. อปฺปสมฺภารตโร เจว มหปฺผลตโร จาติ สงฺเขปโต อฏฺกถายํ วุตฺโต ปาฬิยํ ปน ‘‘อปฺปตฺถตโร จ อปฺปสมารมฺภตโร จ มหปฺผลตโร จ มหานิสํสตโร จา’’ติ ปาโ. ตตฺถ อปฺปสมฺภารตโรติ อติวิย ปริตฺตสมฺภาโร, อสมารพฺภิยสมฺภาโร. อปฺปตฺถตโรติ ปน อติวิย อปฺปกิจฺโจ, อตฺโถ เจตฺถ กิจฺจํ, ตฺถ-การสฺส ฏฺ-การํ กตฺวา ‘‘อปฺปฏฺตโร’’ติปิ ปาโ. สมฺมา อารภียติ ยฺโ เอเตนาติ สมารมฺโภ, สมฺภารสมฺภรณวเสน ปวตฺตสตฺตปีฬา, อปฺโป สมารมฺโภ เอตสฺสาติ ตถา, อยํ ปนาติสเยนาติ อปฺปสมารมฺภตโร. วิปากสฺิตํ มหนฺตํ สทิสํ ผลเมตสฺสาติ มหปฺผโล, อยํ ปนาติสเยนาติ มหปฺผลตโร. อุทยสฺิตํ มหนฺตํ นิสฺสนฺทาทิผลเมตสฺสาติ มหานิสํโส, อยํ ปนาติสเยนาติ มหานิสํสตโร. ธุวทานานีติ ธุวานิ ถิรานิ อวิจฺฉินฺนานิ กตฺวา ทาตพฺพทานานิ. นิจฺจภตฺตานีติ เอตฺถ ภตฺตสีเสน จตุปจฺจยคฺคหณํ. อนุกุลยฺานีติ อนุกุลํ กุลานุกฺกมํ อุปาทาย ทาตพฺพทานานิ ¶ . เตนาห ¶ ‘‘อมฺหาก’’นฺติอาทิ. ยานิ ปวตฺเตตพฺพานิ, ตานิ อนุกุลยฺานิ นามาติ โยเชตพฺพํ. นิพทฺธทานานีติ นิพนฺเธตฺวา นิยเมตฺวา ปเวณีวเสน ปวตฺติตทานานิ.
หตฺถิทนฺเตน กตา ทนฺตมยสลากา, ยตฺถ ทายกานํ นามํ องฺกนฺติ, อิมินา ตํ นิจฺจภตฺตํ สลากทานวเสนาติ ทสฺเสติ. ตํ กุลนฺติ อนาถปิณฺฑิกกุลํ. ทาลิทฺทิเยนาติ ทลิทฺทภาเวน. ‘‘เอกสลากโต อุทฺธํ ทาตุํ นาสกฺขี’’ติ อิมินา เอเกนปิ สลากทาเนน นิพทฺธทานํ อุปจฺฉินฺทิตุมทตฺวา อนุรกฺขณมาห. รฺโติ เสตวาหนรฺโ.
อาทีนิ วตฺวาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ‘‘กสฺมา เสโน วิย มํสเปสึ ปกฺขนฺทิตฺวา คณฺหาสี’’ติ เอวมาทีนํ สมสมทาเน อุสฺสุกฺกนวจนานํ สงฺคโห. คลคฺคาหาติ คลคฺคหณา. ‘‘กมฺมจฺเฉทวเสนา’’ติ อิมินา อตฺตโน อตฺตโน กมฺโมกาสาทานมฺปิ ปีฬาเยวาติ ทสฺเสติ. สมารมฺภสทฺโท เจตฺถ ปีฬนตฺโถติ อาห ‘‘ปีฬาสงฺขาโต สมารมฺโภ’’ติ. ปุพฺพเจตนามฺุจเจตนาอปรเจตนาสมฺปตฺติยา ทายกวเสน ตีณิ องฺคานิ, วีตราคตาวีตโทสตาวีตโมหตาปฏิปตฺติยา ทกฺขิเณยฺยวเสน จ ตีณีติ เอวํ ฉฬงฺคสมนฺนาคตา โหติ ทกฺขิณา, ฉฬงฺคุตฺตเร นนฺทมาตาสุตฺตฺจ (อ. นิ. ๖.๓๗) ตสฺสตฺถสฺส สาธกํ. อปราปรํ อุปฺปชฺชนกเจตนาวเสน มหานที วิย, มโหโฆ วิย จ อิโต จิโต จ อภิสนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺติโต ปฺุเมว ปฺุาภิสนฺโท. ตถาวิธนฺติ ปมาณสฺส กาตุํ อสุกรตฺตมาห. การณมหตฺเตน ผลมหตฺตมฺปิ เวทิตพฺพํ อุปริ นชฺชา วุฏฺิยา มโหโฆ วิยาติ วุตฺตํ ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ.
๓๕๐. นวนโวติ สพฺพทา อภินโว, ทิวเส ทิวเส ทายกสฺส พฺยาปาราปชฺชนโต กิจฺจปริโยสานํ นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘เอเกนา’’ติอาทิ. ยถารทฺธสฺส อาวาสสฺส กติปเยนาปิ กาเลน ปริสมาเปตพฺพโต กิจฺจปริโยสานํ อตฺถีติ อาห ‘‘ปณฺณสาล’’นฺติอาทิ. มหาวิหาเรปิ กิจฺจปริโยสานสฺส อตฺถิตาอุปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกวารํ ธนปริจฺจาคํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํ. สุตฺตนฺตปริยาเยนาติ สพฺพาสวสุตฺตนฺตาทิปาฬินเยน. นวานิสํสาติ สีตปฏิฆาตาทโย ปฏิสลฺลานารามปริโยสานา ยถาปจฺจเวกฺขณํ คณิตา นว อุทยา, อปฺปมตฺตตาย เจเต วุตฺตา.
ยสฺมา ¶ ปน อาวาสํ เทนฺเตน นาม สพฺพมฺปิ ปจฺจยชาตํ ทินฺนเมว โหติ. ยถาห สํยุตฺตาคมวรลฺฉเก ‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ โย ททาติ อุปสฺสย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๔๒), สทา ปฺุปวฑฺฒนูปายฺจ เอตํ. วุตฺตฺหิ ตตฺเถว ‘‘เย ททนฺติ อุปสฺสยํ, เตสํ ทิวา ¶ จ รตฺโต จ, สทา ปฺุํ ปวฑฺฒตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๔๗) ตถา หิ ทฺเว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสาปิ ฉายูทกสมฺปนฺนํ อารามํ ปวิสิตฺวา นหายิตฺวา ปติสฺสเย มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา อุฏฺาย นิสินฺนสฺส กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณธาตุ วาตาตเปหิ กิลมติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิปนฺนสฺส วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ ปติฏฺาติ, วณฺณธาตุ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตา วิย โหติ. พหิ วิจรนฺตสฺส จ ปาเท กณฺฏโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสยา เจว โจรภยฺจ อุปฺปชฺชติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส สพฺเพ เต ปริสฺสยา น โหนฺติ, สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺตสฺส อุปสมสุขฺจ อุปฺปชฺชติ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต. พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย เสทา มุจฺจนฺติ อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ มฺจปีาทีนิ น ปฺายนฺติ, มุหุตฺตํ นิปนฺนสฺส ปน อกฺขิปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิตฺโต วิย โหติ, ทฺวารวาตปานมฺจปีาทีนิ ปฺายนฺติ. เอตสฺมิฺจ อาวาเส วสนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาวาสํ เทนฺเตน…เป… โหตี’’ติ ‘‘สทา ปฺุปวฑฺฒนูปายฺจ เอต’’นฺติ จ, ตสฺมา เอเต ยถาวุตฺตา สพฺเพปิ อานิสํสา เวทิตพฺพา.
ขนฺธกปริยาเยนาติ เสนาสนกฺขนฺธเก (จูฬว. ๒๙๔) อาคตวินยปาฬินเยน. ตตฺถ หิ อาคตา –
‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;
สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.
ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;
เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุํ.
วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;
ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.
วิหาเร ¶ การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;
เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.
ทเทยฺย ¶ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. –
ราชคหเสฏฺาทีนํ วิหารทาเนน อนุโมทนาคาถาโย เปยฺยาลวเสน ทสฺสิตา. ตตฺถ สีตํ อุณฺหนฺติ อุตุวิสภาควเสน วุตฺตํ. สิสิเร จาปิ วุฏฺิโยติ เอตฺถ สิสิโรติ สมฺผุสิตกวาโต วุจฺจติ. วุฏฺิโยติ อุชุกเมฆวุฏฺิโย เอว. เอตานิ สพฺพานิ ‘‘ปฏิหนฺตี’’ติ อิมินาว ปเทน โยเชตพฺพานิ.
ปฏิหฺตีติ วิหาเรน ปฏิหฺติ. เลณตฺถนฺติ นิลียนตฺถํ. สุขตฺถนฺติ สีตาทิปริสฺสยาภาเวน สุขวิหารตฺถํ. ‘‘ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุ’’นฺติ อิทมฺปิ ปททฺวยํ ‘‘สุขตฺถฺจา’’ติ อิมินาว ปเทน โยเชตพฺพํ. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – สุขตฺถฺจ วิหารทานํ, กตมสุขตฺถํ? ฌายิตุํ, วิปสฺสิตฺุจ ยํ สุขํ ตทตฺถํ. อถ วา ปรปเทนปิ โยเชตพฺพํ – ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตฺุจ วิหารทานํ, ‘‘อิธ ฌายิสฺสติ วิปสฺสิสฺสตี’’ติ ททโต วิหารทานํ สงฺฆสฺส อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘โส จ สพฺพทโท โหติ, โย ททาติ อุปสฺสย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๔๒).
ยสฺมา จ อคฺคํ วณฺณิตํ, ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโสติ คาถา. วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ เอตฺถ วิหาเร ปริยตฺติพหุสฺสุเต จ ปฏิเวธพหุสฺสุเต จ วาเสยฺย. เตสํ อนฺนฺจาติ ยํ เตสํ อนุจฺฉวิกํ อนฺนฺจ ปานฺจ วตฺถานิ จ มฺจปีาทิเสนาสนานิ จ, ตํ สพฺพํ เตสุ อุชุภูเตสุ อกุฏิลจิตฺเตสุ. ทเทยฺยาติ นิทเหยฺย. ตฺจ โข วิปฺปสนฺเนน เจตสา, น จิตฺตปฺปสาทํ วิราเธตฺวา. เอวํ วิปฺปสนฺนจิตฺตสฺส หิ เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ…เป… ปรินิพฺพาติ อนาสโวติ อยเมตฺถ อฏฺกถานโย.
อยํ ปน อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๕๐) เจว อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน (สารตฺถ. ฏี. ๓.๒๙๕) จ สํวณฺณิโต ฏีกานโย – สีตนฺติ อชฺฌตฺตํ ธาตุกฺโขภวเสน วา พหิทฺธา ¶ อุตุวิปริณามวเสน วา อุปฺปชฺชนกสีตํ. อุณฺหนฺติ อคฺคิสนฺตาปํ, ตสฺส วนฑาหาทีสุ สมฺภโว ทฏฺพฺโพ. ปฏิหนฺตีติ ปฏิพาธติ ยถา ตทุภยวเสน กายจิตฺตานํ พาธนํ น โหติ, เอวํ กโรติ. สีตุณฺหพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิตฺโต ภิกฺขุ โยนิโส ปทหิตุํ น สกฺโกติ, วาฬมิคานีติ สีหพฺยคฺฆาทิจณฺฑมิเค ¶ . คุตฺตเสนาสนฺหิ อารฺกมฺปิ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส เต ปริสฺสยา น โหนฺติ. สรีสเปติ เย เกจิ สรนฺเต คจฺฉนฺเต ทีฆชาติเก สปฺปาทิเก. มกเสติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, ฏํสาทีนมฺปิ เอเตเนว สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สิสิเรติ สิสิรกาลวเสน, สตฺตาหวทฺทลิกาทิวเสน จ อุปฺปนฺเน สิสิรสมฺผสฺเส. วุฏฺิโยติ ยทา ตทา อุปฺปนฺนา วสฺสวุฏฺิโย ปฏิหนฺตีติ โยชนา.
วาตาตโป โฆโรติ รุกฺขคจฺฉาทีนํ อุมฺมูลภฺชนาทิวเสน ปวตฺติยา โฆโร สรชอรชาทิเภโท วาโต เจว คิมฺหปริฬาหสมเยสุ อุปฺปตฺติยา โฆโร สูริยาตโป จ ปฏิหฺติ ปฏิพาหียติ. เลณตฺถนฺติ นานารมฺมณโต จิตฺตํ นิวตฺเตตฺวา ปฏิสลฺลานารามตฺถํ. สุขตฺถนฺติ วุตฺตปริสฺสยาภาเวน ผาสุวิหารตฺถํ. ฌายิตุนฺติ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อุปนิพนฺธิตฺวา อุปนิชฺฌายิตุํ. วิปสฺสิตุนฺติ อนิจฺจาทิโต สงฺขาเร สมฺมสิตุํ.
วิหาเรติ ปติสฺสเย. การเยติ การาเปยฺย. รมฺเมติ มโนรเม นิวาสสุเข. วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ กาเรตฺวา ปน เอตฺถ วิหาเร พหุสฺสุเต สีลวนฺเต กลฺยาณธมฺเม นิวาเสยฺย, เต นิวาเสนฺโต ปน เตสํ พหุสฺสุตานํ ยถา ปจฺจเยหิ กิลมโถ น โหติ, เอวํ อนฺนฺจ ปานฺจ วตฺถเสนาสนานิ จ ทเทยฺย อุชุภูเตสุ อชฺฌาสยสมฺปนฺเนสุ กมฺมกมฺมผลานํ, รตนตฺตยคุณานฺจ สทฺทหเนน วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
อิทานิ คหฏฺปพฺพชิตานํ อฺมฺูปการิตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต ตสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ เตติ พหุสฺสุตา. ตสฺสาติ อุปาสกสฺส. ธมฺมํ เทเสนฺตีติ สกลวฏฺฏทุกฺขปนูทนํ สทฺธมฺมํ เทเสนฺติ. ยํ โส ธมฺมํ อิธฺายาติ โส อุปาสโก ยํ สทฺธมฺมํ อิมสฺมึ สาสเน สมฺมาปฏิปชฺชเนน ชานิตฺวา อคฺคมคฺคาธิคมเนน อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพาติ เอกาทสคฺคิวูปสเมน สีติ ภวตีติ.
สีตปฏิฆาตาทิกา ¶ วิปสฺสนาวสานา เตรส, อนฺนาทิลาโภ, ธมฺมสฺสวนํ, ธมฺมาวโพโธ, ปรินิพฺพานนฺติ เอวเมตฺถ สตฺตรส อานิสํสา วุตฺตา.
ปฏิคฺคหณกานํ วิหารวเสน อุปฺปนฺนผลานุรูปมฺปิ ทายกานํ วิหารทานผลํ เวทิตพฺพํ. เยภุยฺเยน หิ กมฺมสริกฺขกผลํ ลภนฺตีติ อาห ‘‘ตสฺมา’’ติอาทิ. ‘‘สงฺฆสฺส ปน ปริจฺจตฺตตฺตา’’ติ อิมินา สงฺฆิกวิหารเมว ปธานวเสน วทติ, สงฺฆิกวิหาโร นาเมส จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ ¶ อุทฺทิสฺส กตวิหาโร, ยํ สนฺธาย ปทภาชนิยํ วุตฺตํ ‘‘สงฺฆิโก นาม วิหาโร สงฺฆสฺส ทินฺโน โหติ ปริจฺจตฺโต’’ติ. ยตฺถ หิ เจติยํ ปติฏฺิตํ โหติ, ธมฺมสฺสวนํ กรียติ, จตูหิ ทิสาหิ ภิกฺขู อาคนฺตฺวา อปฺปฏิปุจฺฉิตฺวาเยว ปาเท โธวิตฺวา กฺุจิกาย ทฺวารํ วิวริตฺวา เสนาสนํ ปฏิชคฺคิตฺวา ยถาผาสุกํ คจฺฉนฺติ, โส อนฺตมโส จตุรตนิกาปิ ปณฺณสาลา โหตุ, จาตุทฺทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตวิหาโรตฺเวว วุจฺจติ.
๓๕๑. โลภํ นิคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ทุปฺปริจฺจชา. ‘‘เอกภิกฺขุสฺส วา’ติอาทิ อุปาสกานํ ตถา สมาทาเน อาจิณฺณํ, ทฬฺหตรํ สมาทานฺจ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ, สรณํ ปน เตสํ สามํ สมาทินฺนมฺปิ สมาทินฺนเมว โหตี’’ติ วทนฺติ. สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา สนฺติเกติ โยชนา. ตตฺถาติ ยถาคหิเต สรเณ, ‘‘ตสฺสา’’ติปิ ปาโ, ยถาคหิตสรณสฺสาติ อตฺโถ. นตฺถิ ปุนปฺปุนํ กตฺตพฺพตาติ วิฺูชาติเก สนฺธาย วุตฺตํ. วิฺูชาติกานเมว หิ สรณาทิอตฺถโกสลฺลานํ สุวณฺณฆเฏ สีหวสา วิย อกุปฺปํ สรณคมนํ ติฏฺติ. ‘‘ชีวิตปริจฺจาคมยํ ปฺุ’’นฺติ จ อิทํ ‘‘สเจ ตฺวํ ยถาคหิตํ สรณํ น ภินฺทิสฺสติ, เอวาหํ ตํ มาเรมี’’ติ กามํ โกจิ ติณฺเหน สตฺเถน ชีวิตา โวโรเปยฺย, ตถาปิ ‘‘เนวาหํ พุทฺธํ ‘น พุทฺโธ’ติ, ธมฺมํ ‘น ธมฺโม’ติ, สงฺฆํ ‘น สงฺโฆ’ติ วทามี’’ติ ทฬฺหตรํ กตฺวา คหิตสรณสฺส วเสน วุตฺตํ. ‘‘สคฺคสมฺปตฺตึ เทตี’’ติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. ผลานิสํสานิ ปนสฺส สรณคมนวณฺณนายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๕๐ สรณคมนกถา) วุตฺตาเนว.
๓๕๒. วกฺขมานนเยน เวรเหตุตาย เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิปาปธมฺโม, ตํ มณติ ‘‘มยิ อิธ ิตาย กถมาคจฺฉสี’’ติ ตชฺเชนฺตี วิย นิวาเรตีติ ¶ เวรมณี, ตโต วา ปาปธมฺมโต วิรมติ เอตายาติ ‘‘วิรมณี’’ติ วตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน อิ-การสฺส เอ-การํ กตฺวา ‘‘เวรมณี’’ติ วุตฺตํ. ขุทฺทกปาฏฺกถายํ ปนาห ‘‘เวรมณิสิกฺขาปทํ, วิรมณิสิกฺขาปทนฺติ ทฺวิธาสชฺฌายํ กโรนฺตี’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. สาธารณวิภาวนา) กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตาเวตฺถ วิรติ อธิปฺเปตา, น ผลสมฺปยุตฺตา ยฺาธิกรณโต. อสมาทินฺนสีลสฺส สมฺปตฺตโต ยถูปฏฺิตวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต วิรติ สมฺปตฺตวิรติ. สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติ. เสตุ วุจฺจติ อริยมคฺโค, ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา ปาปธมฺมานํ สมุจฺเฉทวเสน ฆาตนปฺปวตฺตา วิรติ เสตุฆาตวิรติ. อฺตฺร ‘‘สมุจฺเฉทวิรตี’’ติปิ วุตฺตา. อิทานิ ตา สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ชาติ…เป… ทีนีติ อปทิสิตพฺพชาติโคตฺตกุลาทีนิ. อาทิสทฺเทน วยพาหุสจฺจาทีนํ สงฺคโห ¶ . ปริหรตีติ อวีติกฺกมวเสน ปริวชฺเชติ, สีหฬทีเป จกฺกนอุปาสกสฺส วิย สมฺปตฺตวิรติ เวทิตพฺพา.
‘‘ปาณํ น หนามี’’ติอาทีสุ อาทยตฺเถน อิติ-สทฺเทน, วิกปฺปตฺเถน วา-สทฺเทน วา ‘‘อทินฺนํ นาทิยามิ, อทินฺนาทานา วิรมามิ, เวรมณึ สมาทิยามี’’ติ เอวมาทีนํ ปจฺเจกมตฺถานํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สิกฺขาปท’’ มิจฺเจว อวตฺวา ‘‘สิกฺขาปทานี’’ติ วุตฺตํ. ปาณาติปาตา เวรมณินฺติ สมฺพนฺโธ. สมาทิยามีติ สมฺมา อาทิยามิ, อวีติกฺกมาธิปฺปาเยน, อขณฺฑา’ ฉิทฺทา’ กมฺมาสา’ สพลการิตาย จ คณฺหามีติ วุตฺตํ โหติ. อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตวาสิอุปาสกสฺส (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๘๙ กุสลกมฺมปถวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๑๐๙-๑๑๑; ธ. ส. อฏฺ. กุสลกมฺมปถวณฺณนา) วิย สมาทานวิรติ เวทิตพฺพา.
มคฺคสมฺปยุตฺตาติ สมฺมาทิฏฺิยาทิมคฺคสมฺปยุตฺตา. อิทานิ ตตฺถา ตตฺถาคเตสุ ธมฺมโต, โกฏฺาสโต, อารมฺมณโต, เวทนาโต, มูลโต, อาทานโต, เภทโตติอาทินา อเนกธา วินิจฺฉเยสุ สงฺเขเปเนว อารมฺมณโต วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ปุริมา ทฺเวติ สมฺปตฺตสมาทานวิรติโย. ‘‘ชีวิตินฺทฺริยาทิวตฺถู’’ติ ปรมตฺถโต ปาโณ วุตฺโต, ปฺตฺติโต ปน ‘‘สตฺตาทิวตฺถู’’ติ วตฺตพฺพํ, เอวฺหิ ‘‘สตฺเตเยว อารภิตฺวา ปาณาติปาตา, อพฺรหฺมจริยา จ วิรมตี’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. เอกตานานตาทิวินิจฺฉย) ขุทฺทกาคมฏฺกถาวจเนน สํสนฺทติ สเมตีติ. อาทิสทฺเทน เจตฺถ สตฺตสงฺขารวเสน ¶ อทินฺนวตฺถุ, ตถา โผฏฺพฺพวตฺถุ, วิตถวตฺถุ, สงฺขารวเสเนว สุราเมรยวตฺถูติ เอเตสํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนฺตีติ ยถาวุตฺตํ วีติกฺกมวตฺถุํ อาลมฺพิตฺวา วีติกฺกมนเจตนาสงฺขาตวิรมิตพฺพวตฺถุโต วิรมณวเสน ปวตฺตนฺติ. ปจฺฉิมาติ เสตุฆาตวิรติ. นิพฺพานารมฺมณาว ตถาปิ กิจฺจสาธนโต. อิมินา ปน ตตฺเถว อาคเตสุ ตีสุ อาจริยวาเทสุ ทฺเว ปฏิพาหิตฺวา เอกสฺเสวานุชานนํ เวทิตพฺพํ.
‘‘สมฺปตฺตวิรติ, หิ สมาทานวิรติ จ ยเทว ปชหติ, ตํ อตฺตโน ปาณาติปาตาทิอกุสลเมวารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ‘‘สมาทานวิรติ ยโต วิรมติ, ตํ อตฺตโน วา ปเรสํ วา ปาณาติปาตาทิอกุสลเมวาลมฺพณํ กตฺวา ปวตฺตติ. สมฺปตฺตวิรติ ปน ยโต วิรมติ, เตสํ ปาณาติปาตาทีนํ อาลมฺพณาเนว อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตตี’’ติ อปเร. ‘‘ทฺวยมฺปิ เจตํ ยโต ปาณาติปาตาทิอกุสลโต วิรมติ, เตสมารมฺมณภูตํ วีติกฺกมิตพฺพวตฺถุเมวาลมฺพณํ กตฺวา ปวตฺตติ. ปุริมปุริมปทตฺถฺหิ วีติกฺกมวตฺถุมาลมฺพณํ ¶ กตฺวา ปจฺฉิมปจฺฉิมปทตฺถโต วิรมิตพฺพวตฺถุโต วิรมตี’’ติ อฺเ. ปมวาโท เจตฺถ อยุตฺโตเยว. กสฺมา? ตสฺส อตฺตโน ปาณาติปาตาทิอกุสลสฺส ปจฺจุปฺปนฺนาภาวโต, อพหิทฺธาภาวโต จ. สิกฺขาปทวิภงฺเค หิ ปฺจนฺนํ สิกฺขาปทานํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา, พหิทฺธารมฺมณตา จ วุตฺตา. ตถา ทุติยวาโทปิ อยุตฺโตเยว. กสฺมา? ปุริมวาเทน สมฺมิสฺสตฺตา, ปเรสํ ปาณาติปาตาทิอกุสลารมฺมณภาเว จ อเนกนฺติ กตฺตา, ทฺวินฺนํ อาลมฺพณปฺปเภทวจนโต จ. ตติยวาโท ปน ยุตฺโต สพฺพภาณกานมภิมโต, ตสฺมา ตเทว อนุชานาตีติ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตีสุ อาจริยวาเทสุ ทฺเว ปฏิพาหิตฺวา เอกสฺเสวานุชานนํ เวทิตพฺพ’’นฺติ.
เอตฺถาห – ยชฺเชตํ วิรติทฺวยํ ชีวิตินฺทฺริยาทิวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุเมวาลมฺพณํ กตฺวา ปวตฺเตยฺย, เอวํ สติ อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ กเรยฺย, ยฺจ ปชหติ, ตํ น ชาเนยฺยาติ อย’มนธิปฺเปโต อตฺโถ อาปชฺชตีติ? วุจฺจเต – น หิ กิจฺจสาธนวเสน ปวตฺเตนฺโต ‘‘อฺํ จินฺเตนฺโต อฺํ กโรตี’’ติ วา ‘‘ยฺจ ปชหติ, ตํ น ชานาตี’’ติ วา วุจฺจติ. ยถา ปน อริยมคฺโค นิพฺพานารมฺมโณว กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิวตฺถารมฺมณมฺเปตํ วิรติทฺวยํ ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘อารภิตฺวาน ¶ อมตํ, ชหนฺโต สพฺพปาปเก;
นิทสฺสนฺเจตฺถ ภเว, มคฺคฏฺโริยปุคฺคโล’’ติ. (ขุ. ปา. อฏฺ. เอกตานานตาวินิจฺฉย);
อิทานิ สงฺเขเปเนว อาทานโต, เภทโต วา วินิจฺฉยํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปฺจงฺคสมนฺนาคตํ สีลํ สมาทิยามี’’ติอาทินา เอกโต เอกชฺฌํ คณฺหาติ. เอวมฺปิ หิ กิจฺจวเสน เอตาสํ ปฺจวิธตา วิฺายติ. สพฺพานิปิ ภินฺนานิ โหนฺติ เอกชฺฌํ สมาทินฺนตฺตา. น หิ ตทา ปฺจงฺคิกตฺตํ สีลสฺส สมฺปชฺชติ. ยํ ตุ วีติกฺกนฺตํ, เตเนว กมฺมพทฺโธ. ‘‘ปาณาติปาตา เวรมณิสิกฺขาปทํ สมาทิยามี’’ติอาทินา เอเกกํ วิสุํ วิสุํ คณฺหาติ. ‘‘เวรมณิสิกฺขาปท’’นฺติ จ อิทํ สมาสภาเวน ขุทฺทกปาฏฺกถายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. สาธารณวิภาวนา) วุตฺตํ, ปาฬิโปตฺถเกสุ ปน ‘‘เวรมณิ’’นฺติ นิคฺคหิตนฺตเมว พฺยาสภาเวน ทิสฺสติ. คหฏฺวเสน เจตํ วุตฺตํ. สามเณรานํ ปน ยถา ตถา วา สมาทาเน เอกสฺมึ ภินฺเน สพฺพานิปิ ภินฺนานิ โหนฺติ ปาราชิกาปตฺติโต. อิติ เอกชฺฌํ, ปจฺเจกฺจ สมาทาเน วิเสโส อิธ วุตฺโต, ขุทฺทกาคมฏฺกถายํ ปน ‘‘เอกชฺฌํ สมาทิยโต เอกาเยว วิรติ เอกาว ¶ เจตนา โหติ, กิจฺจวเสน ปเนตาสํ ปฺจวิธตฺตํ วิฺายติ. ปจฺเจกํ สมาทิยโต ปน ปฺเจว วิรติโย, ปฺจ จ เจตนา โหนฺตี’’ติ (ขุ. ปา. อฏฺ. เอกตานานตาทิวินิจฺฉย) อยํ วิเสโส วุตฺโต. เภเทปิ ‘‘ยถา ตถา วา สมาทิยนฺตุ, สามเณรานํ เอกสฺมึ ภินฺเน สพฺพานิปิ ภินฺนานิ โหนฺติ. ปาราชิกฏฺานิยานิ หิ ตานิ เตสํ. ยํ ตุ วีติกฺกนฺตํ โหติ, เตเนว กมฺมพทฺโธ. คหฏฺานํ ปน เอกสฺมึ ภินฺเน เอกเมว ภินฺนํ โหติ, ยโต เตสํ ตํสมาทาเนเนว ปุน ปฺจงฺคิกตฺตํ สีลสฺส สมฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ. ยถาวุตฺโตปิ ทีฆภาณกานํ วาโท อปเรวาโท นาม ตตฺถ กโต.
เสตุฆาตวิรติยา ปน เภโท นาม นตฺถิ ปฏิปกฺขสมุจฺฉินฺทเนน อกุปฺปสภาวตฺตา. ตเทวตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘ภวนฺตเรปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ภวนฺตเรปี’’ติ อิมินา อตฺตโน อริยภาวํ อชานนฺโตปีติ อตฺถํ วิฺาเปติ. ชีวิตเหตุปิ, ปเคว อฺเหตุ. ‘‘เนว ปาณํ หนติ, น สุรํ ปิวตี’’ติ อิทํ มชฺเฌเปยฺยาลนิทฺทิฏฺํ, มิคปทวฬฺชนนเยน วา วุตฺตํ ¶ . สุรนฺติ จ นิทสฺสนมตฺตํ. สพฺพมฺปิ หิ สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานานุโยคํ น กโรติ. ‘‘มชฺชนฺติ ตเทว อุภยํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ สุราสววินิมุตฺตํ มทนีย’’นฺติ (สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๑๓๔) สํยุตฺตมหาวคฺคฏฺกถายํ วุตฺตํ. ขุทฺทกปาฏฺกถายฺจ ‘‘ตทุภยเมว มทนียฏฺเน มชฺชํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ อตฺถิ มทนียํ, เยน ปีเตน มตฺโต โหติ ปมตฺโต, อิทํ วุจฺจติ มชฺช’’นฺติ (ขุ. ปา. อฏฺ. ปุริมปฺจสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘สเจ ปิสฺสา’’ติอาทินา ตตฺเถว วิเสสทสฺสนํ, อชานนฺตสฺสปิ ขีรเมว มุขํ ปวิสติ, น สุรา, ปเคว ชานนฺตสฺส. โกฺจสกุณานนฺติ กุนฺตสกุณานํ. สเจปิ มุเข ขีรมิสฺสเก อุทเก ปกฺขิปนฺตีติ โยเชตพฺพํ. ‘‘น เจตฺถ อุปโมปเมยฺยานํ สมฺพทฺธตา สิยา โกฺจสกุณานํ โยนิสิทฺธตฺตา’’ติ โกจิ วเทยฺยาติ อาห ‘‘อิท’’นฺติอาทิ. โยนิสิทฺธนฺติ มนุสฺสติรจฺฉานานํ อุทฺธํ ติริยเมว ทีฆตา วิย, พกานํ เมฆสทฺเทน, กุกฺกุฏีนํ วาเตน คพฺภคฺคหณํ วิย จ ชาติสิทฺธํ, อิติ โกจิ วเทยฺย เจติ อตฺโถ. ‘‘เจวา’’ติปิ ปาํ วตฺวา สมุจฺจยตฺถมิจฺฉนฺติ เกจิ. ธมฺมตาสิทฺธนฺติ โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุ สีลํ วิย, วิชาเต ตสฺสา ทิวงฺคมนํ วิย จ สภาเวน สิทฺธํ, มคฺคธมฺมตาย วา อริยมคฺคานุภาเวน สิทฺธนฺติ เวทิตพฺพนฺติ วิสฺสชฺเชยฺยาติ อตฺโถ.
ทิฏฺิชุกรณํ นาม ภาริยํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา สรณคมนํ สิกฺขาปทสมาทานโต มหฏฺตรเมว, น อปฺปฏฺตรนฺติ อธิปฺปาโย. เอตนฺติ สิกฺขาปทํ. ยถา วา ตถา วา คณฺหนฺตสฺสาปีติ อาทรํ คารวมกตฺวา สมาทิยนฺตสฺสาปิ. สาธุกํ คณฺหนฺตสฺสาปีติ สกฺกจฺจํ สีลานิ ¶ สมาทิยนฺตสฺสาปิ อปฺปฏฺตรเมว, อปฺปสมารมฺภตรฺจ, น ทิคุณํ อุสฺสาโห กรณีโยติ วุตฺตํ โหติ. สีลํ อิธ อภยทานตาย ทานํ, อนวเสสํ วา สตฺตนิกายํ ทยติ รกฺขตีติ ทานํ. อยเมตฺถ อฏฺกถามุตฺตกนโย – สรณํ อุปคเตน กายวาจาจิตฺเตหิ สกฺกจฺจํ วตฺถุตฺตยปูชา กาตพฺพา, ตตฺถ จ สํกิเลโส สาธุกํ ปริหริตพฺโพ, สิกฺขาปทานิ ปน สมาทานมตฺตํ, สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรมณมตฺตฺจาติ สรณคมนโต สีลสฺส อปฺปฏฺตรตา, อปฺปสมารมฺภตรตา จ เวทิตพฺพา. สพฺเพสํ สตฺตานํ ชีวิตทานาทินา ทณฺฑนิธานโต, สกลโลกิยโลกุตฺตร คุณาธิฏฺานโต จสฺส มหปฺผลตรตา, มหานิสํสตรตา จ ทฏฺพฺพาติ.
ตมตฺถํ ¶ ปาฬิยา สาเธนฺโต ‘‘วุตฺตฺเหต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อคฺคานี’’ติ าตตฺตา อคฺคฺานิ. จิรรตฺตตาย าตตฺตา รตฺตฺานิ. ‘‘อริยานํ สาธูนํ วํสานี’’ติ าตตฺตา วํสฺานิ. ปุริมกานํ อาทิปุริสานํ เอตานีติ โปราณานิ. สพฺพโส เกนจิปิ ปกาเรน สาธูหิ น กิณฺณานิ น ฉฑฺฑิตานีติ อสํกิณฺณานิ. อยฺจ นโย เนสํ ยถา อตีเต, เอวํ เอตรหิ, อนาคเต จาติ อาห ‘‘อสํกิณฺณปุพฺพานี’’ติอาทิ. อตีเต หิ กาเล อสํกิณฺณภาวสฺส ‘‘อสํกิณฺณปุพฺพานี’’ติ นิทสฺสนํ, ปจฺจุปฺปนฺเน ‘‘น สงฺกิยนฺตี’’ติ, อนาคเต ‘‘น สงฺกิยิสฺสนฺตี’’ติ. อโตเยว อปฺปฏิกุฏฺานิ น ปฏิกฺขิตฺตานิ. น หิ กทาจิปิ วิฺู สมณพฺราหฺมณา หึสาทิปาปธมฺมํ อนุชานนฺติ. อปริมาณานํ สตฺตานํ อภยํ เทตีติ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิหิตทณฺฑตฺตา สกลสฺสปิ สตฺตนิกายสฺส ภยาภาวํ เทติ. น หิ อริยสาวกโต กสฺสจิ ภยํ โหติ. อเวรนฺติ เวราภาวํ. อพฺยาปชฺฌนฺติ นิทฺทุกฺขตํ. ‘‘อปริมาณานํ สตฺตานํ อภยํ ทตฺวา’’ติอาทิ อานิสํสทสฺสนํ, เหตุมฺปิ เจตฺถ ตฺวา-สทฺโท ยถา ‘‘มาตรํ สริตฺวา โรทตี’’ติ.
ยํ กิฺจิ จชนลกฺขณํ, สพฺพํ ตํ ยฺโติ อาห ‘‘อิทฺจ ปนา’’ติอาทิ. น นุ จ ปฺจสีลํ สพฺพกาลิกํ. อพุทฺธุปฺปาทกาเลปิ หิ วิฺู ตํ สมาทิยนฺติ, น จ เอกนฺตโต วิมุตฺตายตนํ พาหิรกานมฺปิ สมาทินฺนตฺตา. สรณคมนํ ปน พุทฺธุปฺปาทเหตุกํ, เอกนฺตโต จ วิมุตฺตายตนํ, กถํ ตตฺถ สรณคมนโต ปฺจสีลสฺส มหปฺผลตาติ อาห ‘‘กิฺจาปี’’ติอาทิ. เชฏฺกนฺติ มหปฺผลภาเวน อุตฺตมํ. ‘‘สรณคมเนเยว ปติฏฺายา’’ติ อิมินา ตสฺส สีลสฺส สรณคมเนน อภิสงฺขตตฺตา ตโต มหปฺผลตํ, ตถา อนภิสงฺขตสฺส จ สีลสฺส อปฺปผลตํ ทสฺเสติ.
๓๕๓. อีทิสเมวาติ เอวํ สํกิเลสปฏิปกฺขเมว หุตฺวา. นนุ จ ปมชฺฌานาทิยฺาเยว ¶ เทเสตพฺพา, กสฺมา พุทฺธุปฺปาทโต ปฏฺาย เทสนมารภตีติ อนุโยคํ ปริหริตุํ ‘‘ติวิธ…เป… ทสฺเสตุกาโม’’ติ วุตฺตํ. ติวิธสีลปาริปูริยํ ิตสฺส หิ เนสํ ยฺานํ อปฺปฏฺตรตา, มหปฺผลตรตา จ โหติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุกามตฺตา พุทฺธุปฺปาทโต ปฏฺาย เทสนํ อารภตีติ วุตฺตํ โหติ. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. เหฏฺา ¶ วุตฺเตหิ คุเณหีติ เอตฺถ ‘‘โส ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑) เหฏฺา วุตฺตา สรณคมนํ, สีลสมฺปทา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตาติ เอวมาทโย คุณา เวทิตพฺพา. ปมํ ฌานํ นิพฺพตฺเตนฺโต น กิลมตีติ โยชนา. ตานีติ ปมชฺฌานาทีนิ. ‘‘ปมํ ฌาน’’นฺติอาทินา ปาฬิยํ ปณีตานเมว ฌานานํ อุกฺกฏฺนิทฺเทโส กโตติ มนฺตวา ‘‘เอกํ กปฺปํ, อฏฺ กปฺเป’’ติอาทิ วุตฺตํ, มหากปฺปวเสน เจตฺถ อตฺโถ. หีนํ ปน ปมํ ฌานํ อสงฺขฺเยยฺยกปฺปสฺส ตติยภาคํ อายุํ เทติ. มชฺฌิมํ อุปฑฺฒกปฺปํ. หีนํ ทุติยํ ฌานํ ทฺเว กปฺปานิ, มชฺฌิมํ จตฺตารีติอาทินา อตฺโถ เนตพฺโพ. อปิจ ยสฺมา ปณีตานิเยเวตฺถ ฌานานิ อธิปฺเปตานิ มหปฺผลตรภาวทสฺสนปรตฺตา เทสนาย, ตสฺมา ‘‘ปมํ ฌานํ เอกํ กปฺป’’นฺติอาทินา ปณีตาเนว ฌานานิ นิทฺทิฏฺานีติ ทฏฺพฺพํ.
ตเทวาติ จตุตฺถชฺฌานเมว. จตุกฺกนเยน หิ เทสนา อาคตา. ยทิ เอวํ กถํ อารุปฺปตาติ อาห ‘‘อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติวเสน ภาวิต’’นฺติ, ตถา ภาวิตตฺตา จตุตฺถชฺฌานเมว อารุปฺปํ หุตฺวา วีสติกปฺปสหสฺสาทีนิ อายุํ เทตีติ อธิปฺปาโย. อยํ อาจริยสฺส มติ. อถ วา ตเทวาติ อารุปฺปสงฺขาตํ จตุตฺถชฺฌานเมว, ตํ ปน กสฺมา วีสติกปฺปสหสฺสาทีนิ อายุํ เทตีติ วุตฺตํ ‘‘อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติวเสน ภาวิต’’นฺติ, ตถา ภาวิตตฺตา เอวํ เทตีติ อธิปฺปาโย. อปโร นโย ‘‘ตเทวา’’ติ วุตฺเต รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานเมวาติ อตฺโถ อาปชฺเชยฺยาติ ตํ นิวตฺเตตุํ ‘‘อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติวเสน ภาวิต’’นฺติ อาห, ตถา ภาวิตํ องฺคสมตาย จตุตฺถชฺฌานสงฺขาตํ อารุปฺปชฺฌานเมวาธิปฺเปตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
สมฺมเทว นิจฺจสฺาทิปฏิปกฺขวิธมนวเสน ปวตฺตมานา ปุพฺพภาคิเย เอว โพธิปกฺขิยธมฺเม สมาเนนฺตี วิปสฺสนา วิปสฺสกปุคฺคลสฺส อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ สมาวหตีติ วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสนาสุขสทิสสฺส ปน สุขสฺส อภาวา มหปฺผล’’นฺติ. ยถาห ธมฺมราชา ธมฺมปเท –
‘‘ยโต ¶ ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);
ยสฺมา ¶ ปนายํ เทสนา อิมินา อนุกฺกเมน อิมานิ าณานิ นิพฺพตฺเตนฺตสฺส วเสน ปวตฺติตา, ตสฺมา ‘‘วิปสฺสนาาเณ ปติฏฺายา’’ติอาทินา เหฏฺิมํ เหฏฺิมํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปติฏฺาภูตํ กตฺวา วุตฺตํ. สมานรูปนิมฺมานํ นาม มโนมยิทฺธิยา อฺเหิ อสาธารณกิจฺจนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน…เป… มหปฺผลา’’ติ. หตฺถิอสฺสาทิวิวิธรูปกรณํ วิกุพฺพนํ, ตสฺส ทสฺสนสมตฺถตาย. อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ นาม ปุริมชาตีสุ อิจฺฉิติจฺฉิโต ขนฺธปเทโส. อรหตฺตมคฺเคเนว มคฺคสุขํ นิฏฺิตนฺติ วุตฺตํ ‘‘อติ…เป… มหปฺผล’’นฺติ. สมาเปนฺโตติ ปริโยสาเปนฺโต.
กูฏทนฺตอุปาสกตฺตปฏิเวทนาทิกถาวณฺณนา
๓๕๔-๘. ‘‘อภิกฺกนฺตํ โภ โคตมา’’ติอาทิ เทสนาย ปสาทวจนํ, ‘‘เอสาหํ ภวนฺต’’นฺติอาทิ ปน สรณคมนวจนนฺติ ตทุภยสมฺพนฺธํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เทสนายา’’ติอาทิมาห. ตนูติ มนฺโท กายิกเจตสิกสุขสมุปพฺยูหโต. สพฺเพ เต ปาณโยติ ‘‘สตฺต จ อุสภสตานี’’ติอาทินา วุตฺเต สพฺเพ เต ปาณิโน. ตํ ปวตฺตินฺติ เตสํ ปาณีนํ โมจนาการํ. อากุลภาโวติ ภควโต สนฺติเก ธมฺมสฺส สุตตฺตา ปาณีสุ อนุทฺทยํ อุปฏฺเปตฺวา ิตสฺส ‘‘กถฺหิ นาม มยา ตาว พหู ปาณิโน มารณตฺถาย พนฺธาปิตา’’ติ จิตฺเต ปริพฺยากุลภาโว, ยสฺมา อตฺถิ, ตสฺมา น เทเสตีติ โยชนา, ‘‘อุทปาที’’ติปิ ปาโ. สุตฺวาติ ‘‘มุตฺตา โภ เต ปาณโย’’ติ อาโรจิตวจนํ สุตฺวา. จิตฺตจาโรติ จิตฺตปฺปวตฺติ. ‘‘กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺต’’นฺติ อิทํ ปทปฺจกํ สนฺธาย‘‘กลฺลจิตฺตนฺติอาที’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘ทานกถํ สีลกถ’’นฺติอาทินา วุตฺตาย อนุปุพฺพิกถาย อานุภาเวน. กามจฺฉนฺทวิคเมน กลฺลจิตฺตตา อโรคจิตฺตตา, พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน มุทุจิตฺตตา อกถินจิตฺตตา, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิกฺเขปาภาวโต วินีวรณจิตฺตตา เตหิ อมลีนจิตฺตตา, ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหณวเสน อุทคฺคจิตฺตตา อมลีนจิตฺตตา, วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยา อวิมุตฺตตาย ปสนฺนจิตฺตตา อนาวิลจิตฺตตา จ โหตีติ อาห ‘‘อนุปุพฺพิกถานุภาเวน วิกฺขมฺภิตนีวรณตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ ¶ ¶ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา กูฏทนฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
กูฏทนฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. มหาลิสุตฺตวณฺณนา
พฺราหฺมณทูตวตฺถุวณฺณนา
๓๕๙. เอวํ ¶ ¶ กูฏทนฺตสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ มหาลิสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, กูฏทนฺตสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส มหาลิสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… เวสาลิยนฺติ มหาลิสุตฺต’’นฺติ อาห. ปุนปฺปุนํ วิสาลภาวูปคมนโตติ เอตฺถายํ สงฺเขโป – พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสิยา มํสเปสิคพฺเภน ทฺเว ทารกา นิพฺพตฺตา ธีตา จ ปุตฺโต จ, เตสํ อฺมฺํ วิวาเหน โสฬสกฺขตฺตุํ ปุตฺตธีตุวเสน ทฺเว ทฺเว ทารกา วิชาตา. ตโต เตสํ ทารกานํ ยถากฺกมํ วฑฺเฒนฺตานํ ปจฺเจกํ สปริวารานํ อารามุยฺยานนิวาสฏฺานปริวารสมฺปตฺตึ คเหตุํ อปฺปโหนกตาย นครํ ติกฺขตฺตุํ คาวุตนฺตเรน คาวุตนฺตเรน ปริกฺขิปึสุ, เอวํ ตสฺส ปุนปฺปุนํ ติปาการปริกฺเขเปน วิสาลภาวมุปคตตฺตา ‘‘เวสาลี’’ตฺเวว นามํ ชาตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ วิสาลภาวูปคมนโต เวสาลีติ ลทฺธนามเก นคเร’’ติ. วิตฺถารกถา เจตฺถ มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนาย, (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๖) รตนสุตฺตวณฺณนาย (ขุ. ปา. อฏฺ. เวสาลิวตฺถุ; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.รตนสุตฺตวณฺณนา) จ คเหตพฺพา. พหินคเรติ นครโต พหิ, น อมฺพปาลิวนํ วิย อนฺโตนครสฺมึ. สยํชาตนฺติ สยเมว ชาตํ อโรปิมํ. มหนฺตภาเวนาติ รุกฺขคจฺฉานํ, ิโตกาสสฺส จ มหนฺตภาเวน. เตเนวาห ‘‘หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺธํ หุตฺวา’’ติ. ยํ ปน เวนยิกานํ มเตน วินยฏฺกถายํ วุตฺตํ –
‘‘ตตฺถ มหาวนํ นาม สยํชาตํ อโรปิมํ สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนํ. กปิลวตฺถุสามนฺตา ปน มหาวนํ หิมวนฺเตน สห เอกาพทฺธํ อปริจฺเฉทํ หุตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ิตํ, อิทํ ตาทิสํ น โหตี’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๖๒).
ตํ ¶ มชฺฌิมภาณกสํยุตฺตภาณกานมฺปิ สมานกถา. มชฺฌิมฏฺกถายฺหิ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๕๒) สํยุตฺตฏฺกถายฺจ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๓๗) ตเถว วุตฺตํ. อิธ ปน ทีฆภาณกานํ มเตน เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ยทิ จ ‘‘อหุตฺวา’’ติ กตฺถจิ ปาโ ทิสฺสติ, เอวํ สติ สพฺเพสมฺปิ ¶ สมานวาโท สิยาติ. กูฏาคารสาลาสงฺเขเปนาติ หํสมณฺฑลาการสงฺขาตหํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนน กูฏาคารสาลานิยาเมน, ตถา กตตฺตา ปาสาโทเยว ‘‘กูฏาคารสาลา’’ติ วุตฺโต, ตพฺโพหาเรน ปน สกโลปิ สงฺฆาราโมติ วุตฺตํ โหติ. วินยฏฺกถายํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๖๒) ตุ เอวํ วุตฺตํ –
‘‘กูฏาคารสาลา ปน มหาวนํ นิสฺสาย กเต อาราเม กูฏาคารํ อนฺโตกตฺวา หํสวฏฺฏกจฺฉทเนน กตา สพฺพาการสมฺปนฺนา พุทฺธสฺส ภควโต คนฺธกุฏิ เวทิตพฺพา’’ติ.
โกสเลสุ ชาตา, ภวา, เต วา นิวาโส เอเตสนฺติ โกสลกา. เอวํ มาคธกา. ชนปทวาจิโน หิ ปายโต ปุลฺลิงฺคปุถุวจนา. ยสฺส อกรเณ ปุคฺคโล มหาชานิโย โหติ, ตํ กรณํ อรหตีติ กรณียนฺติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘อวสฺสํ กตฺตพฺพกมฺเมนา’’ติ. อกาตุมฺปิ วฏฺฏติ อสติ สมวาเย, ตสฺมา สมวาเย สติ กตฺตพฺพโต ตํ กิจฺจนฺติ วุจฺจตีติ อธิปฺปาโย.
๓๖๐. ยา พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนารหา นานตฺตสฺา, ตาสํ วเสน ‘‘นานารมฺมณจารโต’’ติ วุตฺตํ, นานารมฺมณปฺปวตฺติโตติ อตฺโถ. สมฺภวนฺตสฺเสว หิ ปฏิเสโธ, น อสมฺภวนฺตสฺส. ปฏิกฺกมฺมาติ นิวตฺเตตฺวา ตถา จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา. สลฺลีโนติ ฌานสมาปตฺติยา เอกตฺตารมฺมณํ อลฺลีโน. นิลีโนติ ตสฺเสว เววจนํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกีภาว’’นฺติอาทิ. สปริวารตฺตา อเนโกปิ ตทา เอโก วิย ภวตีติ เอกีภาโว, ตํ เอกีภาวํ. เยนายสฺมา นาคิโต, ตํ สนฺธาย ‘‘ตสฺมา านา’’ติ วุตฺตํ.
โอฏฺทฺธลิจฺฉวิวตฺถุวณฺณนา
๓๖๑. อทฺโธฏฺตายาติ อุปฑฺโฒฏฺตาย. ตสฺส กิร อุตฺตโรฏฺสฺส อปฺปกตาย ติริยํ ผาเลตฺวา อทฺธมปนีตํ วิย ขายติ จตฺตาโร ทนฺเต, ทฺเว จ ทาา น ฉาเทติ, เตน นํ ‘‘โอฏฺทฺโธ’’ติ โวหรติ. เกจิ ปน ‘‘อโธ-สทฺเทน ปาํ ปริกปฺเปตฺวา เหฏฺา โอฏฺสฺส โอลมฺพกตาย ‘‘โอฏฺาโธ’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตทยุตฺตเมว ตถา ปาสฺส อทิสฺสนโต, อาจริเยน ¶ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๖๑) จ อวณฺณิตตฺตา. อยํ กิร อุโปสถิโก ทายโก ทานปติ ¶ สทฺโธ ปสนฺโน พุทฺธมามโก ธมฺมสงฺฆมามโก. เตนาห ‘‘ปุเรภตฺต’’นฺติอาทิ. ขนฺธเก, (มหาว. ๒๘๙) มหาปรินิพฺพานสุตฺเต (ที. นิ. ๒.๑๖๑) จ อาคตนเยน ‘‘นีลปีตาทิ…เป… ตาวตึสปริสสปฺปฏิภาคายา’’ติ วุตฺตํ. อยํ ปน เวสาลี ภควโต กาเล อิทฺธา เจว เวปุลฺลปฺปตฺตา จ อโหสิ. ตตฺถ หิ ราชูนเมว สตฺต สหสฺสานิ, สตฺต สตานิ, สตฺต จ ราชาโน อเหสุํ, ตถา ยุวราชเสนาปติภณฺฑาคาริกปภุตีนมฺปิ, ปาสาทกูฏาคารอารามโปกฺขรณิอาทโยปิ ตปฺปริมาณาเยว, พหุชนา, อากิณฺณมนุสฺสา, สุภิกฺขา จ. เตน วุตฺตํ ‘‘มหติยา ลิจฺฉวิปริสายา’’ติ. ตสฺส ปน กุลสฺส อาทิภูตานํ ยถาวุตฺตานํ มํสเปสิยา นิพฺพตฺตทารกานํ ตาปเสน ปายิตํ ยํ ขีรํ อุทรํ ปวิสติ, สพฺพํ ตํ มณิภาชนคตํ วิย ทิสฺสติ, จริมกภเว โพธิสตฺเต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุ วิย อุทรจฺฉวิยา อติวิปฺปสนฺนตาย เต นิจฺฉวี อเหสุํ. อปเร ปนาหุ ‘‘สิพฺเพตฺวา ปิตา วิย เนสํ อฺมฺํ ลีนา ฉวิ อโหสี’’ติ. เอวํ เต นิจฺฉวิตาย วา ลีนจฺฉวิตาย วา ลิจฺฉวีติ ปฺายึสุ, นิรุตฺตินเยน เจตฺถ ปทสิทฺธิ, ตพฺพํเส อุปฺปนฺนา สพฺเพปิ ลิจฺฉวโย นาม ชาตา. เตนาห ‘‘ลิจฺฉวิปริสายา’’ติ, ลิจฺฉวิราชูนํ, ลิจฺฉวิวํสภูตาย วา ปริสายาติ อตฺโถ. มหนฺตํ ยสํ ลาติ คณฺหาตีติ มหาลิ ยถา ‘‘ภทฺทาลี’’ติ. มูลนามนฺติ มาตาปิตูหิ กตนามํ.
๓๖๒. สาสเน ยุตฺตปยุตฺโตติ ภาวนมนุยุตฺโต. สพฺพตฺถ สีหสมานวุตฺติโนปิ ภควโต ปริสาย มหตฺเต สติ ตทชฺฌาสยานุรูปํ ปวตฺติยมานาย ธมฺมเทสนาย วิเสโส โหตีติ อาห ‘‘มหนฺเตน อุสฺสาเหน ธมฺมํ เทเสสฺสตี’’ติ.
‘‘วิสฺสาสิโก’’ติ วตฺวา ตมสฺส วิสฺสาสิกภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ถูลสรีโรติ วรสรีโร. เถรสฺส ขีณาสวภาวโต ‘‘อาลสิยภาโว อปฺปหีโน’’ติ น วตฺตพฺโพ, วาสนาเลสํ ปน อุปาทาย ‘‘อีสกํ อปฺปหีโน วิย โหตี’’ติ วุตฺตํ. น หิ สาวกานํ พุทฺธานมิว สวาสนา กิเลสา ปหียนฺติ. ยถาวุตฺตํ ปาสาทเมว สนฺธาย ‘‘กูฏาคารมหาเคหา’’ติ วุตฺตํ. ปาจีนมุขาติ ปาจีนปมุขา.
๓๖๓. วิเนยฺยชนานุปโรเธน ¶ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ ปฏิหาริยวิชมฺภนํ โหตีติ อาห ‘‘อถ โข’’ติอาทิ. คนฺธกุฏิโต นิกฺขมนเวลายฺหิ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย อาเวฬาเวฬา ยมลา ¶ ยมลา หุตฺวา สวิเสสํ ปภสฺสรา วินิจฺฉรึสุ. ตาหิ ‘‘ภควา นิกฺขมตี’’ติ สมาโรจิตมิว นิกฺขมนํ สฺชานึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘สํสูจิตนิกฺขมโน’’ติ.
๓๖๔. ‘‘อชฺชา’’ติ วุตฺตทิวสโต อตีตมนนฺตรํ หิยฺโยทิวสํ ปุริมํ นาม, ตถา ‘‘หิยฺโย’’ติ วุตฺตทิวสโต ปรํ ปุริมตรํ อติสเยน ปุริมตฺตา. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ ทิวเสสุ ววตฺถิโต ยถากฺกมํ ปุริมปุริมตรภาโว. เอวํ สนฺเตปิ ยเทตฺถ ‘‘ปุริมตร’’นฺติ วุตฺตํ, ตโต ปภุติ ยํ ยํ โอรํ, ตํ ตํ ปุริมํ. ยํ ยํ ปรํ, ตํ ตํ ปุริมตรนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต ปฏฺายา’’ติอาทิมาห. โอรปารภาวสฺส วิย, หิ ทิสาวิทิสาภาวสฺส วิย จ ปุริมปุริมตรภาวสฺส อเปกฺขาสิทฺธิ. มูลทิวสโตติอาทิทิวสโต. อคฺเคติ อุปโยคตฺเถ ภุมฺมวจนํ, อุปโยควจนสฺส วา เอ-การาเทโสติ ทสฺเสติ ‘‘อคฺค’’นฺติ อิมินา, ปมนฺติ อตฺโถ. ตํ ปเนตฺถ ปรา อตีตา โกฏิเยวาติ อาห ‘‘ปรโกฏึ กตฺวา’’ติ. ยํ-สทฺโท ปริจฺเฉเท นิปาโต, ตปฺปโยเคน จายํ ‘‘วิหรามี’’ติ วตฺตมานปโยโค, อตฺโถ ปน อตีตวเสน เวทิตพฺโพติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาว วิหาสิ’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺสาติ ทิวสสฺส. ปมวิกปฺเป ‘‘วิหรามี’’ติ อิมสฺส ‘‘ยทคฺเค’’ติ อิมินา อุชุกํ ตาว สมฺพนฺธิตฺวา ปจฺฉา ‘‘นจิรํ ตีณิ วสฺสานี’’ติ ปมาณวจนํ โยเชตพฺพํ. ทุติยวิกปฺเป ปน ‘‘นจิรํ ตีณิ วสฺสานี’’ติ อิเมหิปิ กุฏิลํ สมฺพนฺโธ กตฺตพฺโพ. นจิรนฺติ เจตํ ภาวนปุํสกํ, อจฺจนฺตสฺโคํ วา. ตฺหิ ปมาณโต วิเสเสตุํ ‘‘ตีณิ วสฺสานี’’ติ วทติ. เตนาห ‘‘นจิรํ วิหาสึ ตีณิเยว วสฺสานี’’ติ.
อยนฺติ สุนกฺขตฺโต. ปิยชาติกานีติ อิฏฺสภาวานิ. สาตชาติกานีติ มธุรสภาวานิ. มธุรสทิสตาย หิ ‘‘มธุร’’นฺติ มโนรมํ วุจฺจติ. อารมฺมณํ กโรนฺเตน กาเมน อุปสํหิตานีติ กามูปสํหิตานิ, กามนียานิ. เตนาห ‘‘กามสฺสาทยุตฺตานี’’ติ, อารมฺมณิเกน กามสงฺขาเตน อสฺสาเทน สฺุตฺตานิ, กามสงฺขาตสฺส วา อสฺสาทสฺส โยคฺยานีติ อตฺโถ. สรีรสณฺาเนติ สรีรพิมฺเพ, อาธาเร เจตํ ภุมฺมํ. ตสฺมา สทฺเทนาติ ตํ นิสฺสาย ตโต อุปฺปนฺเนน สทฺเทนาติ ¶ อตฺโถ. อปิจ วินา ปาเสสํ ภวิตพฺพปเทเนว สมฺพนฺธิตพฺพํ. มธุเรนาติ อิฏฺเน สาเตน. กณฺณสกฺขลิยนฺติ กณฺณปฏฺฏิกายํ.
เอตฺตาวตาติ ทิพฺพโสตาณปริกมฺมสฺส อกถนมตฺเตน. ‘‘อตฺตนา าตมฺปิ น กเถติ, กึ อิมสฺส สาสเน อธิฏฺาเนนา’’ติ กุชฺฌนฺโต ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา, สห กุชฺฌเนเนว เจส ฌานาภิฺา ปริหายิ. จินฺเตสีติ ‘‘กสฺมา นุ โข โส มยฺหํ ตํ ปริกมฺมํ น กเถสี’’ติ ¶ ปริวิจาเรนฺโต อโยนิโส อุมฺมุชฺชนวเสน จินฺเตสิ. อนุกฺกเมนาติ ปาถิกสุตฺเต, (ที. นิ. ๓.๓ อาทโย) มหาสีหนาทสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๓๘๑) จ อาคตนเยน ตํ ตํ อยุตฺตเมว จินฺเตนฺโต, ภาสนฺโต, กโรนฺโต จ อนุกฺกเมน ภควติ พทฺธาฆาตตาย สาสเน ปติฏฺํ อลภนฺโต คิหิภาวํ ปตฺวา ตมตฺถํ กเถติ.
เอกํสภาวิตสมาธิวณฺณนา
๓๖๖-๓๗๑. เอกํสายาติ ตทตฺเถ จตุตฺถีวจนํ, เอกํสตฺถนฺติ อตฺโถ. อํสสทฺโท เจตฺถ โกฏฺาสปริยาโย, โส จ อธิการโต ทิพฺพรูปทสฺสนทิพฺพสทฺทสวนวเสน เวทิตพฺโพติ อาห ‘‘เอกโกฏฺาสายา’’ติอาทิ. วา-สทฺโท เจตฺถ วิกปฺปเน เอกํสสฺเสวาธิปฺเปตตฺตา. อนุทิสายาติ ปุรตฺถิมทกฺขิณาทิเภทาย จตุพฺพิธาย อนุทิสาย. อุภยโกฏฺาสายาติ ทิพฺพรูปทสฺสนตฺถํ, ทิพฺพสทฺทสวนตฺถฺจ. ภาวิโตติ ยถา ทิพฺพจกฺขุาณํ, ทิพฺพโสตาณฺจ สมธิคตํ โหติ, เอวํ ภาวิโต. ตยิทํ วิสุํ วิสุํ ปริกมฺมกรเณน อิชฺฌนฺตีสุ วตฺตพฺพํ นตฺถิ, เอกชฺฌํ อิชฺฌนฺตีสุปิ กเมเนว กิจฺจสิทฺธิ ภวติ เอกชฺฌํ กิจฺจสิทฺธิยา อสมฺภวโต. ปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘ทิพฺพานฺจ รูปานํ ทสฺสนาย, ทิพฺพานฺจ สทฺทานํ สวนายา’’ติ อิทํ เอกสฺส อุภยสมตฺถตาสนฺทสฺสนเมว, น เอกชฺฌํ กิจฺจสิทฺธิสมฺภวสนฺทสฺสนํ. ‘‘เอกํสภาวิโต สมาธิ เหตู’’ติ อิมินา สุนกฺขตฺโต ทิพฺพจกฺขุาณาย เอว ปริกมฺมสฺส กตตฺตา วิชฺชมานมฺปิ ทิพฺพสทฺทํ นาสฺโสสีติ ทสฺเสติ.
๓๗๒. ทิพฺพจกฺขุาณโต ทิพฺพโสตาณเมว เสฏฺนฺติ มฺมาโน มหาลิ เอตมตฺถํ ปุจฺฉตีติ อาห ‘‘อิทํ ทิพฺพโสเตน…เป… มฺเ’’ติ. อปณฺณกนฺติ อวิรชฺฌนกํ, อนวชฺชํ วา. สมาธิเยว ภาเวตพฺพฏฺเน สมาธิภาวนา ¶ . ‘‘ทิพฺพโสตาณํ เสฏฺ’’นฺติ มฺมาเนน จ เตน ทิพฺพจกฺขุาณมฺปิ ทิพฺพโสเตเนว สห คเหตฺวา ‘‘เอตาสํ นูน ภนฺเต’’ติอาทินา ปุถุวจเนน ปุจฺฉิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุภยํสภาวิตานํ สมาธีน’’นฺติ วุตฺตํ. พาหิรา เอตา สมาธิภาวนา อนิยฺยานิกตฺตา. ตา หิ อิโต พาหิรกานมฺปิ อิชฺฌนฺติ. น อชฺฌตฺติกา ภควตา สามุกฺกํสิกภาเวน อปฺปเวทิตตฺตา. น หิ เต สจฺจานิ วิย สามุกฺกํสิกา. ยทตฺถนฺติ เยสํ อตฺถาย, อเภเทปิ เภทวจนเมตํ, ยสฺส วา วิเสสนภูตสฺส อตฺถาย. เตติ อริยผลธมฺเม. ‘‘ต’’นฺติปิ อธุนา ปาโ. เต หิ สจฺฉิกาตพฺพา, ‘‘อตฺถิ โข มหาลิ อฺเว ธมฺมา…เป… เยสํ สจฺฉิกิริยาเหตุ ภิกฺขู มยิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตี’’ติ สจฺฉิกาตพฺพธมฺมา จ อิธ วุตฺตา.
จตุอริยผลวณฺณนา
๓๗๓. สํโยเชนฺตีติ ¶ พนฺเธนฺติ. ตสฺมาติ ยสฺมา วฏฺฏทุกฺขภเย สํโยชนโต ตตฺถ สตฺเต สํโยเชนฺติ นาม, ตสฺมา. กตฺถจิ ‘‘วฏฺฏทุกฺขมเย รเถ’’ติ ปาโ, น โปราโณ ตถา อาจริเยน อวณฺณิตตฺตา. มคฺคโสตํ อาปนฺโน, น ปสาทาทิโสตํ. ‘‘โสโตติ ภิกฺขเว อริยมคฺคสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ หิ วุตฺตํ. อาปนฺโนติ จ อาทิโต ปตฺโตติ อตฺโถ อา-อุปสคฺคสฺส อาทิกมฺมนิ ปวตฺตนโต, อิทํ ปน ผลฏฺวเสน วทติ. อตีตกาลวจนฺเหตํ, มคฺคกฺขเณ ปน มคฺคโสตํ อาปชฺชติ นาม. เตเนวาห ทกฺขิณวิภงฺเค ‘‘โสตาปนฺเน ทานํ เทติ, โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺเน ทานํ เทตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) อปตนธมฺโมติ อนุปปชฺชนสภาโว. ธมฺมนิยาเมนาติ อุปริมคฺคธมฺมนิยาเมน. เหฏฺิมนฺเตน สตฺตมภวโต อุปริ อนุปปชฺชนธมฺมตาย วา นิยโตติ อฏฺกถามุตฺตกนโย. ปรํ อยนํ ปราคติ อสฺส อตฺถีติ อตฺโถ. อเนนาติ ปุน ตติยสมาสวจนํ, วา-สทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ.
ตนุตฺตํ นาม ปวตฺติยา มนฺทตา, วิรฬตา จาติ วุตฺตํ ‘‘ตนุตฺตา’’ติอาทิ. กรหจีติ นิปาตมตฺตํ, ปริยายวจนํ วา. ‘‘โอเรน เจ มาโส เสโส คิมฺหานนฺติ วสฺสิกสาฏิกจีวรํ ปริเยเสยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๖๒๗) วิย โอร-สทฺโท น อติเรกตฺโถติ อาห ‘‘เหฏฺาภาคิยาน’’นฺติ, เหฏฺาภาคสฺส กามภวสฺส ปจฺจยภาเวน หิตานนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุทฺธาวาสภูมิย’’นฺติ ¶ เตสํ อุปปตฺติฏฺานทสฺสนํ. โอปปาติโกติ อุปปาติโก อุปปาตเน สาธุการี. เตนาห ‘‘เสสโยนิปฏิกฺเขปวจนเมต’’นฺติ ปรินิพฺพานธมฺโมติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานสภาโว. วิมุจฺจตีติ วิมุตฺติ, จิตฺตเมว วิมุตฺติ เจโตวิมุตฺตีติ วุตฺตํ ‘‘จิตฺตวิสุทฺธิ’’นฺติอาทิ. จิตฺตสีเสน เจตฺถ สมาธิ คหิโต ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวย’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๑.๑.๙) วิย. ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตนาห ‘‘อรหตฺตผลปฺาว ปฺาวิมุตฺตี’’ติ. สามนฺติ อตฺตนาว, อปรปฺปจฺจเยนาติ อตฺโถ. ‘‘อภิชานิตฺวา’’ติ อิมินา ตฺวาทิปจฺจยการิยสฺส ย-การสฺส โลโป ทสฺสิโต. ‘‘อภิฺายา’’ติ อิมินา ปน นา-วจนการิยสฺสาติ ทฏฺพฺพํ. สจฺฉีติ ปจฺจกฺขตฺเถ เนปาติกํ. ปจฺจกฺขกรณํ นาม อนุสฺสวาการปริวิตกฺกาทิเก มฺุจิตฺวา สรูปโต อารมฺมณกรณํ.
อริยอฏฺงฺคิกมคฺควณฺณนา
๓๗๔-๕. อุปฺปติตฺวาติ ¶ อากาสมคฺเคน เฑตฺวา. ปฏิปชฺชติ อริยาสาวโก นิพฺพานํ, อริยผลฺจ เอตายาติ ปฏิปทา, สา จ ตสฺส ปุพฺพภาโค เอวาติ อริยมคฺโค ปุพฺพภาคปฏิปทานาเมน อิธ วุตฺโต. อาตตวิตตาทิวเสน ปฺจงฺคิกํ. ทิสาวิทิสานิวิฏฺปเทเสน อฏฺงฺคิโก. อฏฺงฺคโต มุตฺโต อฺโ โกจิ อฏฺงฺคิโก นาม มคฺโค นตฺถีติ อาห ‘‘อฏฺงฺคมตฺโตเยวา’’ติอาทินา. น หิ อวยววินิมุตฺโต สมุทาโย นาม โกจิ อตฺถีติ. ตสฺมา ‘‘อฏฺ องฺคานิ อสฺสาติ อฺปทตฺถสมาสํ อกตฺวา ‘อฏฺ องฺคานิ อฏฺงฺคานิ, ตานิ อสฺส สนฺตีติ อฏฺงฺคิโก’ติ สมาสคพฺภตทฺธิตวเสน ปทสิทฺธิ กาตพฺพา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๗๔, ๓๗๕) อาจริเยน วุตฺตํ, อธิปฺปาโย เจตฺถ จินฺเตตพฺโพ. อฺปทตฺถสมาเส หิ กเต น สกฺกา อฏฺงฺคอฏฺงฺคิกานํ เภโท อฺมฺํ วิปริยายํ กตฺวาปิ นิยเมตุํ พฺยาเส อุภยปทตฺถปรภาเวน สเหว สงฺขฺยาปริจฺเฉเทน อตฺถาปตฺติโต. สมาสคพฺเภ ปน ตทฺธิเต กเต สกฺกา เอว เตสํ เภโท อฺมฺํ วิปริยายํ กตฺวา นิยเมตุํ สมาเส อุตฺตรปทตฺถปรภาเวน วินาว สงฺขฺยาปริจฺเฉเทน อตฺถาปตฺติโต. เอกตฺถิภาวลกฺขโณ หิ สมาโสติ. ธมฺมทายาทสุตฺตนฺตฏีกายํ ปน อาจริเยเนว เอวํ วุตฺตํ ‘‘ยสฺมา มคฺคงฺคสมุทาเย ¶ มคฺคโวหาโร โหติ, สมุทาโย จ สมุทายีหิ สมนฺนาคโต, ตสฺมา อตฺตโน อวยวภูตานิ อฏฺ องฺคานิ เอตสฺส สนฺตีติ อฏฺงฺคิโก’’ติ. ปมนเย เจตฺถ องฺคินา องฺคสฺส อฏฺงฺคิกภาโว วุตฺโต, ทุติยนเย ปน องฺเคน องฺคิโนติ อยเมเตสํ วิเสโส.
อิทานิ อฏฺงฺคิกมคฺเค ลกฺขณโต, กิจฺจขณารมฺมณเภทกมโต จ วินิจฺฉยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. สมฺมาทสฺสนลกฺขณาติ อวิปรีตํ ยาถาวโต จตุนฺนมริยสจฺจานํ ปจฺจกฺขเมว ทสฺสนสภาวา. สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณติ นิพฺพานารมฺมเณ จิตฺตสฺส อวิปรีตมภินิโรปนสภาโว. สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณาติ จตุรงฺคสมนฺนาคตา วาจา ชเน สงฺคณฺหาตีติ ตพฺพิปกฺขโต วิรติสภาวา สมฺมาวาจา เภทกรมิจฺฉาวาจปฺปหาเนน ชเน, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปริคฺคณฺหนกิจฺจวตี โหติ, เอวํ อวิปรีตํ ปริคฺคหณสภาวา. สมฺมา สมุฏฺาปนลกฺขโณติ ยถา จีวรกมฺมาทิโก กมฺมนฺโต เอกํ กาตพฺพํ สมุฏฺาเปติ, ตํตํกิริยานิปฺผาทโก วา เจตนาสงฺขาโต กมฺมนฺโต หตฺถปาทจลนาทิกํ กิริยํ สมุฏฺาเปติ, เอวํ สาวชฺชกตฺตพฺพกิริยาสมุฏฺาปกมิจฺฉากมฺมนฺตปฺปหาเนน สมฺมากมฺมนฺโต นิรวชฺชสมุฏฺาปนกิจฺจวา โหติ, สมฺปยุตฺเต จ สมุฏฺาเปนฺโต เอว ปวตฺตตีติ อวิปรีตํ สมุฏฺาปนสภาโว. สมฺมา โวทาปนลกฺขโณติ กายวาจานํ, ขนฺธสนฺตานสฺส จ สํกิเลสภูตมิจฺฉาชีวปฺปหาเนน อวิปรีตํ โวทาปนสภาโว. สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณติ สสมฺปยุตฺตธมฺมสฺส จิตฺตสฺส สํกิเลสปกฺเข ปติตุมทตฺวา ¶ อวิปรีตํ ปคฺคหณสภาโว. สมฺมา อุปฏฺานลกฺขณาติ ตาทิภาวลกฺขเณน อวิปรีตํ ตตฺถ อุปฏฺานสภาโว. สมฺมา สมาธานลกฺขโณติ วิกฺเขปวิทฺธํสเนน อวิปรีตํ จิตฺตสฺส สมาทหนสภาโว.
สหเชกฏฺตาย ทิฏฺเกฏฺา อวิชฺชาทโย มิจฺฉาทิฏฺิโต อฺเ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลสา นาม. ปสฺสตีติ ปกาเสติ กิจฺจปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ. เตนาห ‘‘ตปฺปฏิ…เป… อสมฺโมหโต’’ติ. อิทฺหิ ตสฺสา ปสฺสนาการทสฺสนํ. เตเนว หิ สมฺมาทิฏฺิสงฺขาเตน องฺเคน ตตฺถ ปจฺจเวกฺขณา ปวตฺตติ. ปุริมานิ ทฺเว กิจฺจานิ สพฺเพสเมว สาธารณานีติ อาห ‘‘สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปี’’ติอาทิ. ‘‘ตเถวา’’ติ อิมินา ‘‘อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธิ’’นฺติ อิทมนุกฑฺฒติ.
ปุพฺพภาเคติ ¶ อุปจารกฺขเณ. อุปจารภาวนาวเสน อเนกวารํ ปวตฺตจิตฺตกฺขณิกตฺตา นานกฺขณา. อนิจฺจาทิลกฺขณวิสยตฺตา นานารมฺมณา. มคฺคสฺส เอกจิตฺตกฺขณิกตฺตา เอกกฺขณา. นิพฺพานารมฺมณตฺตา เอการมฺมณา. กิจฺจโตติ ปุพฺพภาเค ทุกฺขาทิาเณหิ กตฺตพฺเพน อิธ สาติสยํ นิพฺพตฺเตน กิจฺเจน, อิมสฺเสว วา าณสฺส ทุกฺขาทิปฺปกาสนกิจฺเจน. จตฺตาริ นามานิ ลภติ จตูสุ สจฺเจสุ กาตพฺพกิจฺจ นิพฺพตฺติโต.ตีณิ นามานิ ลภติ กามสงฺกปฺปาทิปฺปหานนิพฺพตฺติโต. สิกฺขาปทวิภงฺเค ‘‘วิรติเจตนา, สพฺเพ สมฺปยุตฺตธมฺมา จ สิกฺขาปทานี’’ติ (วิภ. ๗๐๔) วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ปน ปธานานํ วิรติเจตนานํ วเสน ‘‘วิรติโยปิ โหนฺติ เจตนาโยปี’’ติ วุตฺตํ, มุสาวาทาทีหิ วิรมณกาเล วา วิรติโย, สุภาสิตาทิวาจาภาสนาทิกาเล เจตนาโย โหนฺตีติ โยเชตพฺพา. เจตนานํ อมคฺคงฺคตฺตา ‘‘มคฺคกฺขเณ ปน วิรติโยวา’’ติ อาห. เอกสฺเสว าณสฺส ทุกฺขาทิาณตา วิย, เอกาเยว วิรติยา มุสาวาทาทิวิรติภาโว วิย จ เอกาย เอว เจตนาย สมฺมาวาจาทิกิจฺจตฺตยสาธนาสมฺภเวน สมฺมาวาจาทิภาวาสิทฺธิโต, ตํสิทฺธิยฺจ องฺคตฺตยตฺตาสิทฺธิโต จ เอวํ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ. อิมินา เจตาสํ ทุวิธตํ, อเภทตฺจ ทสฺเสติ. สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสนาติ จตุสมฺมปฺปธานจตุสติปฏฺานภาววเสน.
ยทิปิ สมาธิอุปการกานํ อภินิโรปนา นุมชฺชนสมฺปิยายนุ ปพฺรูหนสนฺตานํ วิตกฺกวิจารปีติสุโขเปกฺขานํ วเสน จตูหิ ฌาเนหิ สมฺมาสมาธิ วิภตฺโต, ตถาปิ วายาโม วิย อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาทนาทิจตุวายามกิจฺจํ, สติ วิย จ อสุภาสุขานิจฺจานตฺตภูเตสุ กายาทีสุ ¶ สุภาทิสฺาปหานจตุสติกิจฺจํ เอโกว สมาธิ จตุกฺกชฺฌานสมาธิกิจฺจํ น สาเธติ. ตสฺมา ปุพฺพภาเคปิ ปมชฺฌานสมาธิ ปมชฺฌานสมาธิ เอว. ตถา มคฺคกฺขเณปิ ปุพฺพภาเคปิ ทุติยชฺฌานสมาธิ ทุติยชฺฌานสมาธิ เอว. ตถา มคฺคกฺขเณปิ ปุพฺพภาเคปิ ตติยชฺฌานสมาธิ ตติยชฺฌานสมาธิ เอว. ตถา มคฺคกฺขเณปิ ปุพฺพภาเคปิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ จตุตฺถชฺฌานสมาธิ เอว. ตถา มคฺคกฺขเณปีติ อาห ‘‘ปุพฺพภาเคปิ มคฺคกฺขเณปิ สมฺมาสมาธิเยวา’’ติ.
ตสฺมาติ ปฺาปชฺโชตตฺตา อวิชฺชานฺธการํ วิธมิตฺวา ปฺาสตฺถตฺตา กิเลสโจเร ฆาเตนฺโตติ ยถารหํ โยเชตพฺพํ. ยสฺมา ปน อนาทิมติ สํสาเร อิมินา โยคินา กทาจิปิ อสมุคฺฆาฏิตปุพฺโพ กิเลสคโณ ¶ , ตสฺส สมุคฺฆาฏโก จ อริยมคฺโค. อยฺเจตฺถ สมฺมาทิฏฺิ ปริฺาภิสมยาทิวเสน ปวตฺติยา ปุพฺพงฺคมา โหติ พหูปการา, ตสฺมา. ตเทว พหูปการตํ การณภาเวน ทสฺเสตุํ ‘‘โยคิโน พหูปการตฺตา’’ติ วุตฺตํ.
ตสฺสาติ สมฺมาทิฏฺิยา. ‘‘พหูปกาโร’’ติ วตฺวา ตํ พหูปการตํ อุปมาย วิภาเวนฺโต ‘‘ยถา หี’’ติอาทิมาห. อยํ ตมฺพกํสาทิมยตฺตา กูโฏ. ตํปริหรณโต มหาสารตาย เฉโก. เอวนฺติ ยถา เหรฺิกสฺส จกฺขุนา ทิสฺวา กหาปณวิภาคชานเน กิริยาสาธกตมภาเวน กรณนฺตรํ พหุการํ ยทิทํ หตฺโถ, เอวํ โยคิโน ปฺาย โอโลเกตฺวา ธมฺมวิภาคชานเน ปุพฺพจารีภาเวน ธมฺมนฺตรํ พหุการํ ยทิทํ วิตกฺโก วิตกฺเกตฺวาว ปฺาย ตทวโพธโต. ตสฺมา สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาทิฏฺิยา พหุกาโรติ อธิปฺปาโย. ทุติยอุปมายํ เอวนฺติ ยถา ตจฺฉโก ปเรน ปริวตฺเตตฺวา ปริวตฺเตตฺวา ทินฺนํ ทพฺพสมฺภารํ วาสิยา ตจฺเฉตฺวา เคหาทิกรณกมฺเม อุปเนติ, เอวํ โยคี วิตกฺเกน ลกฺขณาทิโต วิตกฺเกตฺวา ทินฺนธมฺเม ยาถาวโต ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปริฺาภิสมยาทิกมฺเม อุปเนตีติ โยชนา. วจีเภทสฺส อุปการโก วิตกฺโก สาวชฺชานวชฺชวจีเภเท นิวตฺตนปวตฺตนกราย สมฺมาวาจายปิ อุปการโกวาติ อาห ‘‘สฺวาย’’นฺติอาทิ. ‘‘ยถาหา’’ติอาทินา ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา วิสาขสฺส นาม คหปติโน วุตฺตํ จูฬเวทลฺลสุตฺตปทํ (ม. นิ. ๑.๔๖๔) สาธกภาเวน ทสฺเสติ. ภินฺทตีติ นิจฺฉาเรติ.
วจีเภทนิยามิกา วาจา กายิกกิริยานิยามกสฺส กมฺมนฺตสฺส อุปการิกาติ ตทตฺถํ โลกโต ปากฏํ กาตุํ ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อุภยํ สุจริตนฺติ กายสุจริตํ, วจีสุจริตฺจ. อาชีวฏฺมกสีลํ นาม จตุพฺพิธวจีสุจริตติวิธกายสุจริเตหิ สทฺธึ สมฺมาอาชีวํ ¶ อฏฺมํ กตฺวา วุตฺตํ อาทิพฺรหฺมจริยกสีลํ. ยฺหิ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุทฺโธ โหตี’’ติ. ตทุภยานนฺตรนฺติ ทุจฺจริตทฺวยปฺปหายกสฺส สุจริตทฺวยปาริปูริเหตุภูตสฺส สมฺมาวาจาสมฺมากมฺมนฺตทฺวยสฺส อนนฺตรํ. สุตฺตปมตฺเตนาติ อปฺโปสฺสุกฺกํ สุตฺเตน, ปมตฺเตน จ. อิทํ วีริยนฺติ จตุพฺพิธํ สมฺมปฺปธานวีริยํ. กายาทีสูติ กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ. อินฺทฺริยสมตาทโย สมาธิสฺส อุปการกา. ตพฺพิธุรา ¶ ธมฺมา อนุปการกา. คติโยติ นิปฺผตฺติโย, กิจฺจาทิสภาเว วา. สมนฺเวสิตฺวาติ อุปธาเรตฺวา, เหตุมฺหิ จายํ ตฺวาปจฺจโย.
ทฺเวปพฺพชิตวตฺถุวณฺณนา
๓๗๖-๗. กสฺมา อารทฺธนฺติ อนุสนฺธิการณํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘อยํ กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ เตน อชฺฌาสยานุสนฺธิวเสนายํ อุปริ เทสนา ปวตฺตาติ ทสฺเสติ. เตนาติ ตถาลทฺธิกตฺตา. อสฺสาติ ลิจฺฉวิรฺโ. เทสนายนฺติ สณฺหสุขุมาย สฺุตปฏิสฺุตฺตาย ยถาเทสิตเทสนาย. นาธิมุจฺจตีติ น สทฺทหติ น ปสีทติ. ตนฺติธมฺมํ นาม กเถนฺโตติ เยสํ อตฺถาย ธมฺโม กถียติ, ตตฺถ เตสํ อสติปิ มคฺคปฏิเวเธ เกวลํ สาสเน ปเวณีภูตํ, ปริยตฺติภูตํ วา ตนฺติธมฺมํ กตฺวา กเถนฺโต, เตน ตทา เตสํ มคฺคปฏิเวธาภาวํ ทสฺเสติ. เอวรูปสฺสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธตฺตา อวิปรีตเทสนตาย เอวํปากฏธมฺมกายสฺส สตฺถุโน. อสฺสาติ ปมชฺฌานาทิสมธิคเมน สมาหิตจิตฺตสฺส กุลปุตฺตสฺส เอตํ ‘‘ตํ ชีว’’นฺติอาทินา อุจฺเฉทาทิคหณํ อปิ นุ ยุตฺตนฺติ ปุจฺฉติ, ลทฺธิยา ปน ฌานาธิคมมตฺเตน น ตาว วิเวจิตตฺตา ‘‘ยุตฺตมสฺเสต’’นฺติ เตหิ วุตฺเต ฌานลาภิโนเปตํ คหณํ อยุตฺตเมวาติ ตํ อุจฺเฉทวาทํ, สสฺสตวาทํ วา ‘‘อหํ โข…เป… น วทามี’’ติอาทินา ปฏิกฺขิปิตฺวาติ สาธิปฺปายตฺโถ. เอตนฺติ ปมชฺฌานาทิกํ. เอวนฺติ ยถาวุตฺตนเยน. อถ จ ปนาติ เอวํ ชานนโต, ปสฺสนโต จ. กามํ วิปสฺสกาทิทสฺสนมฺปิ ปาฬิยํ กตํ, อรหตฺตกูเฏน ปน เทสนา นิฏฺาปิตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อุตฺตริ ขีณาสวํ ทสฺเสตฺวา’’ติ วุตฺตํ. เต หิ ทฺเว ปพฺพชิตา วิปสฺสกโต ปฏฺาย ‘‘น กลฺลํ ตสฺเสตํ วจนายา’’ติ อโวจุํ. อิมสฺสาติ ขีณาสวสฺส. กิฺจาปิ ‘‘อตฺตมนา อเหสุ’’นฺติ ปาฬิยํ น วุตฺตํ, ‘‘น กลฺล’’นฺติอาทินา ปน วิสฺสชฺชนาวจเนเนว เตสํ อตฺตมนตา เวทิตพฺพาติ อาห ‘‘เต มมา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยสฺมา ขีณาสโว วิคตสมฺโมโห ติณฺณวิจิกิจฺโฉ, ตสฺมา ตสฺส ตถา วตฺตุมยุตฺตนฺติ อุปฺปนฺนนิจฺฉยตาย ตํ มม วจนํ สุตฺวา อตฺตมนา อเหสุนฺติ ¶ อตฺโถ. โสปิ โข ลิจฺฉวิ ราชา ¶ เต วิย ตถาสฺชาตนิจฺฉยตฺตา อตฺตมโน อโหสิ. เตนาห ‘‘เอวํ วุตฺเต โสปิ อตฺตมโน อโหสี’’ติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา มหาลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
มหาลิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ชาลิยสุตฺตวณฺณนา
ทฺเวปพฺพชิตวตฺถุวณฺณนา
๓๗๘. เอวํ ¶ ¶ มหาลิสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ ชาลิยสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, มหาลิสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส ชาลิยสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… โกสมฺพิยนฺติ ชาลิยสุตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘โฆสิเตนา’’ติอาทินา มชฺเฌโลปสมาสํ ทสฺเสติ, โฆสิตสฺส อาราโมติปิ วตฺตพฺพํ. เอวมฺปิ หิ ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๔) วิย ทายกกิตฺตนํ โหติ, เอวํ ปน กิตฺเตนฺโต อายสฺมา อานนฺโท อฺเปิ ตสฺส ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยเชตีติ อฺตฺถ วุตฺตํ. ตตฺถ โกยํ โฆสิตเสฏฺิ นาม, กถฺจาเนน อาราโม การิโต, กถํ ปน ตตฺถ ภควา วิหาสีติ ปุจฺฉาย สพฺพํ ตํ วิสฺสชฺชนํ สมุทาคมโต ปฏฺาย สงฺเขปโตว ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุพฺเพ กิรา’’ติอาทิมาห. อลฺลกปฺปรฏฺนฺติ พหูสุ โปตฺถเกสุ ทิสฺสติ, กตฺถจิ ปน ‘‘อทฺทิลรฏฺ’’นฺติ จ ‘‘ทมิฬรฏฺ’’นฺติ จ ลิขิตํ. ตโตติ อลฺลกปฺปรฏฺโต. ‘‘ปุตฺตํ…เป… อคมาสี’’ติ อิทมฺปิ ‘‘ตสฺเสตํ กมฺม’’นฺติ าเปตุํ วุตฺตํ. ตทาติ เตสํ คามํ ปวิฏฺทิวเส. พลวปายาสนฺติ ครุตรํ พหุปายาสํ. ชีราเปตุนฺติ สมเวปากินิยา คหณิยา ปกฺกาเปตุํ. อสนฺนิหิเตติ เคหโต พหิ อฺํ คเต. ภุสฺสตีติ นทติ, ‘‘ภุภุ’’อิติ สุนขสทฺทํ กโรตีติ อตฺโถ. อิทมฺปิสฺส เอกํ กมฺมํ. ปจฺเจกพุทฺเธ ปน จีวรกมฺมตฺถาย อฺํ านํ คเต สุนขสฺส หทยํ ผาลิตํ. ติรจฺฉานา นาเมเต อุชุชาติกา โหนฺติ อกุฏิลา, มนุสฺสา ปน อฺํ หทเยน จินฺเตติ, อฺํ มุเขน กเถนฺติ. เตเนวาห ‘‘คหนฺเหตํ ภนฺเต ยทิทํ มนุสฺสา, อุตฺตานกฺเหตํ ภนฺเต ยทิทํ ปสโว’’ติ (ม. นิ. ๒.๓).
อิติ โส ตาย ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนหวเสน อุชุทิฏฺิตาย อกุฏิลตาย กาลงฺกตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโต. ตํ สนฺธายาห ‘‘โส…เป… นิพฺพตฺตี’’ติ. ตสฺส ปน กณฺณมูเล กเถนฺตสฺส ¶ สทฺโท โสฬสโยชนฏฺานํ ¶ ผรติ, ปกติกถาสทฺโท ปน สกลํ ทสโยชนสหสฺสํ เทวนครํ, เอวํ สรโฆสสมฺปตฺติยา ‘‘โฆสกเทวปุตฺโต’’ ตฺเวว นามํ อโหสิ. อยมสฺส ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนเหน ภุกฺกรณสฺส นิสฺสนฺโท. จวิตฺวาติ อาหารกฺขเยน จวิตฺวา. เทวโลกโต หิ เทวปุตฺตา อายุกฺขเยน, ปฺุกฺขเยน, อาหารกฺขเยน, โกเปนาติ จตูหิ การเณหิ จวนฺติ. อิมสฺส ปน กามคุเณ ปริภฺุชโต มุฏฺสฺสติสฺส อาหารกฺขเยน จวนํ โหติ. โส โกสมฺพิยํ นครโสภินิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. นครโสภินิโย กิร ธีตรํ ปฏิชคฺคนฺติ, น ปุตฺตํ. ธีตโร หิ ตาสํ ปเวณึ ฆฏยนฺติ, ตสฺมา สาปิ ตํ สงฺการกูเฏ ฉฑฺฑาเปติ. อยมสฺส ปุพฺเพ ปุตฺตฉฑฺฑนกมฺมสฺส นิสฺสนฺโท. ปาปกมฺมฺหิ นาเมตํ ‘‘อปฺปก’’นฺติ นาวมฺิตพฺพํ. ตเมโก มนุสฺโส กากสุนขปริวาริตํ ทิสฺวา ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ เคหํ เนสิ, ตสฺส ปน หตฺถโต โกสมฺพกเสฏฺิ กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา อคฺคเหสิ, ตมตฺถํ สนฺธาย ‘‘โกสมฺพิยํ เอกสฺส กุลสฺส ฆเร นิพฺพตฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. สตฺตกฺขตฺตุํ ฆาตาปนตฺถํ อุปกฺกมกรณมฺปิ ปุตฺตฉฑฺฑนกมฺมสฺเสว นิสฺสนฺโท. เสฏฺิธีตายาติ ชนปทเสฏฺิโน ธีตาย. เวยฺยตฺติเยนาติ ปฺาเวยฺยตฺติเยน. สา หิ ตสฺส ปิตรา เปสิตํ มาราปนปณฺณํ ผาเลตฺวา วิวาหปณฺณํ พนฺธิตฺวา ชีวิตลาภํ กโรติ. ตาเยว สรสมฺปตฺติยา โฆสิตเสฏฺิ นาม ชาโต.
สรีรสนฺตปฺปนตฺถนฺติ หิมวนฺเตว มูลผลาหารตาย กิลนฺตสรีรสฺส โลณมฺพิลเสวเนน ปีนนตฺถํ. ตสิตาติ ปิปาสิตา. กิลนฺตาติ ปริสฺสนฺตกายา. วฏรุกฺขนฺติ มหานิคฺโรธรุกฺขํ. เต กิร ตํ ปตฺวา ตสฺส มูเล นิสีทึสุ. อถ เชฏฺกตาปโส นิคฺโรธรุกฺขสฺส โสภาสมฺปตฺตึ ปสฺสิตฺวา ‘‘มหานุภาโว มฺเ เอตฺถ อธิวุตฺถา เทวตา. สาธุ วตายํ เทวตา อิสิคณสฺส ปานียาทิทาเนน อทฺธานปริสฺสมํ วิโนเทยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. เทวตาปิ ตถา จินฺติตํ อุตฺวา อิสิคณสฺส ปานียนฺหานกโภชนานิ อทาสิ. เตนาห ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ. เชฏฺกตาปสสฺส ปน ตถา จินฺตนํ อวิเสสโต สพฺพตฺถ อาโรเปตฺวา ‘‘สงฺคหํ ปจฺจาสิสนฺตา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘หตฺถํ ปสาเรตฺวา’’ติ อิมินา หตฺถปฺปสารณมตฺเตน ตสฺสา ยถิจฺฉิตนิปฺผตฺตึ ทสฺเสติ. เทวตา อาหาติ สา อตฺตโน ปฺุสฺส ปริตฺตกตฺตา ลชฺชาย กเถตุํ อวิสหนฺตีปิ ปุนปฺปุนํ นิปฺปีฬิยมานา ¶ เอวมาห. โสติ อนาถปิณฺฑิโก คหปติ. ภตกานนฺติ ภติยา เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺตานํ ทาสเปสกมฺมกรานํ. ปกติภตฺตเวตนเมวาติ ปกติยา ทาตพฺพภตฺตเวตนเมว. ตทา อุโปสถิกตฺตา กมฺมํ อกโรนฺตานมฺปิ กมฺมกรณทิวเส ทาตพฺพภตฺตเวตนเมว, น ตโต อูนนฺติ อตฺโถ. ธมฺมปทฏฺกถายํ ขุทฺทกภาณกานํ มเตน ‘‘สายมาสตฺถาย อาคโต’’ติ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒.สามาวตีวตฺถุ) วุตฺตํ, อิธ ปน ทีฆภาณกานํ มเตน ‘‘มชฺฌนฺหิเก ปาตราสตฺถาย อาคโต’’ติ. กฺจีติ กฺจิปิ ภตกํ, กิฺจิปิ ภตกกมฺมนฺติ วา สมฺพนฺโธ. มชฺฌนฺหิกกาลตฺตา ¶ ‘‘อุปฑฺฒทิวโส คโต’’ติ อาห, เตน อุปฑฺฒทิวสเมว สมาทินฺนตฺตา ‘‘อุปฑฺฒูโปสโถ’’ติ ตํ โวหรนฺตีติ ทสฺเสติ. ธมฺมปทฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒ สามาวตีวตฺถุ) รตฺติภาเคน อุปฑฺฒูโปสโถ วุตฺโต, อิธ ปน มชฺฌนฺหิกโต ปฏฺาย ทิวสภาเคเนว, ตทวเสสทิวสรตฺติภาเคน วา. อสเมปิ หิ ภาเค อุปฑฺฒสทฺโท ปวตฺตติ. ตทเหวาติ อรุณุคฺคมนกาลํ สนฺธาย วุตฺตํ.
‘‘โฆโสปิ โข ทุลฺลโภ โลกสฺมึ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ สฺชาตปีติปาโมชฺโช. ตทเหวาติ โกสมฺพึ ปตฺตทิวสโต ทุติยทิวเสเยว. ตุริตาตฺถาติ ตุริตา อตฺถ, สีฆยายิโน ภวถาติ อตฺโถ. เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชํ สนฺธาย ‘‘ปพฺพชิตฺวา’’ติ วุตฺตํ. อรหตฺตนฺติ จตุปฏิสมฺภิทาสมลงฺกตํ อรหนฺตภาวํ. เตปิ เสฏฺิโน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อฑฺฒมาสมตฺตํ ทานานิ ทตฺวา ปจฺจาคมฺม ตโย วิหาเร กาเรสุํ. ภควา ปน เทวสิกํ เอเกกสฺมึ วิหาเร วสติ. ยสฺส จ วิหาเร วุตฺโถ, ตสฺเสว ฆเร ปิณฺฑาย จรติ, ตทา ปน โฆสิตสฺส วิหาเร วิหรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเม’’ติ.
พาหิรสมยมตฺเตน อุปชฺฌาโย, น สาสเน วิย อุปชฺฌายลกฺขเณน. อุเปจฺจ ปรสฺส วาจาย อารมฺภนํ พาธนํ อุปารมฺโภ, โทสทสฺสนวเสน ฆฏฺฏนนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วาทํ อาโรเปตุกามา หุตฺวา’’ติ. วทนฺติ นินฺทาวเสน กเถนฺติ เอเตนาติ หิ วาโท, โทโส, ตมาโรเปตุกามา อุปริ ปติฏฺเปตุกามา หุตฺวาติ อตฺโถ. กถมาโรเปตุกามาติ อาห ‘‘อิติ กิรา’’ติอาทิ. ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ ยํ วตฺถุ ชีวสฺิตํ, ตเทว สรีรสฺิตํ. อิทฺหิ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติ ¶ วุตฺตวาทํ คเหตฺวา วทนฺติ. รูปฺจ อตฺตานฺจ อทฺวยํ เอกีภาวํ กตฺวา สมนุปสฺสนวเสน, ‘‘สตฺโต’’ติ วา พาหิรกปริกปฺปิตํ อตฺตานํ สนฺธาย วทนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อิเธว สตฺโต ภิชฺชตี’’ติ. อสฺสาติ สมณสฺส โคตมสฺส. ภิชฺชตีติ นิรุทยวินาสวเสน วินสฺสติ. เตน ชีวิตสรีรานํ อนฺตฺตานุชานนโต, สรีรสฺส จ เภททสฺสนโต. น เหตฺถ ยถา ทิฏฺเภทวตา สรีรโต อนฺตฺตา อทิฏฺโปิ ชีวสฺส เภโท วุตฺโต, เอวํ อทิฏฺเภทวตา ชีวโต อนฺตฺตา สรีรสฺสาปิ อเภโทติ สกฺกา วตฺตุํ ตสฺส เภทสฺส ปจฺจกฺขสิทฺธตฺตา, ภูตุปาทายรูปวินิมุตฺตสฺส จ สรีรสฺส อภาวโตติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘อุจฺเฉทวาโท โหตี’’ติ.
อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ อฺเทว วตฺถุ ชีวสฺิตํ, อฺํ สรีรสฺิตํ. อิทฺหิ ‘‘รูปวนฺตํ อตฺตานํ สมนุปสฺสตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตวาทํ คเหตฺวา วทนฺติ. รูปเภทสฺเสว ทิฏฺตฺตา ¶ , อตฺตนิ จ ตทภาวโต ‘‘อตฺตา นิจฺโจ’’ติ อยมตฺโถ อาปนฺโน วาติ อิมินา อธิปฺปาเยนาห ‘‘สตฺโต สสฺสโต อาปชฺชตี’’ติ.
๓๗๙-๓๘๐. ตยิทํ เนสํ วฺฌาปุตฺตสฺส ทีฆรสฺสตาทิปริกปฺปนสทิสํ, ตสฺมายํ ปฺโห ปนีโย. น เหส อตฺถนิสฺสิโต, น ธมฺมนิสฺสิโต, นาทิพฺรหฺมจริยโก, น นิพฺพิทาทิอตฺถาย สํวตฺตติ. โปฏฺปาทสุตฺตฺเจตฺถ นิทสฺสนํ. ตํ ตตฺถ ราชนิมีลนํ กตฺวา ‘‘เตน หาวุโสสุณาถา’’ติอาทินา สตฺถา เนสํ อุปริ ธมฺมเทสนมารภีติ อาห ‘‘อถ ภควา’’ติอาทิ. สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย ทฺเว อนฺตา. อริยมคฺโค มชฺฌิมา ปฏิปทา. ตสฺสาเยว ปฏิปทายาติ มิจฺฉาปฏิปทาย เอว.
สทฺธาปพฺพชิตสฺสาติ สทฺธาย ปพฺพชิตสฺส ‘‘เอวมหํ อิโต วฏฺฏทุกฺขโต นิสฺสริสฺสามี’’ติ ปพฺพชฺชมุปคตสฺส, ตทนุรูปฺจ สีลํ ปูเรตฺวา ปมชฺฌาเนน สมาหิตจิตฺตสฺส. เอตนฺติ กิเลสวฏฺฏปริวุทฺธิทีปนํ ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติอาทิกํ ทิฏฺิสํกิเลสนิสฺสิตวจนํ. นิพฺพิจิกิจฺโฉ น โหตีติ ธมฺเมสุ ติณฺณวิจิกิจฺโฉ น โหติ, ตตฺถ ตตฺถ อาสปฺปนปริสปฺปนวเสน ปวตฺตตีติ อตฺโถ.
เอตเมวํ ¶ ชานามีติ เยน โส ภิกฺขุ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตํ สสมฺปยุตฺตํ ธมฺมํ ‘‘มหคฺคตจิตฺต’’นฺติ เอวํ ชานามิ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘มหคฺคตจิตฺตเมตนฺติ สฺํ เปสิ’’นฺติ. โน จ เอวํ วทามีติ ยถา ทิฏฺิคติกา ตํ ธมฺมชาตํ สนิสฺสยํ อเภทโต คณฺหนฺตา ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ, ตทุภยํ วา เภทโต คณฺหนฺตา ‘‘อฺํ ชีวํ อฺ สรีร’’นฺติ อตฺตโน มิจฺฉาคาหํ ปเวเทนฺติ, เอวมหํ น วทามิ ตสฺส ธมฺมสฺส สุปริฺาตตฺตา. เตนาห ‘‘อถ โข’’ติอาทิ. พาหิรกา เยภุยฺเยน กสิณชฺฌานานิ เอว นิพฺพตฺเตนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘กสิณปริกมฺมํ ภาเวนฺตสฺสา’’ติ. ยสฺมา ภาวนานุภาเวน ฌานาธิคโม, ภาวนา จ ปถวีกสิณาทิสฺชานนมุเขน โหตีติ กตฺวา สฺาสีเสน นิทฺทิสียติ, ตสฺมา ‘‘สฺาพเลน อุปฺปนฺน’’นฺติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘ปถวีกสิณเมโก สฺชานาตี’’ติอาทิ. ยสฺมา ปน ภควตา ตตฺถ ตตฺถ วาเร ‘‘อถ จ ปนาหํ น วทามี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ภควโต วจนมุปเทสํ กตฺวา น วตฺตพฺพํ กิเรตํ เกวลินา อุตฺตมปุริเสนาติ อธิปฺปาเยน ‘‘น กลฺลํ ตสฺเสต’’นฺติ อาหํสุ, น สยํ ปฏิภาเนนาติ ทสฺเสตุํ ‘‘มฺมานา วทนฺตี’’ติ วุตฺตํ. เสสํ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตนยตฺตา, ปากฏตฺตา จ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ ¶ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา ชาลิยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
ชาลิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา
อเจลกสฺสปวตฺถุวณฺณนา
๓๘๑. เอวํ ¶ ¶ ชาลิยสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ มหาสีหนาทสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, ชาลิยสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส มหาสีหนาทสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… อุรฺุายํ วิหรตีติ มหาสีหนาทสุตฺต’’นฺติ อาห. เอตเทว นามนฺติ ยสฺมึ รฏฺเ ตํ นครํ, ตสฺส รฏฺสฺสปิ ยสฺมึ นคเร ภควา วิหาสิ, ตสฺส นครสฺสปิ ‘‘อุรฺุา’’ตฺเวว นามํ, ตสฺมา อุรฺุายนฺติ อุรฺุานามชนปเท อุรฺุานามนคเรติ อาวุตฺติอาทินเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิมินา อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – น สพฺพตฺถ นิยตปุลฺลิงฺคปุถุวจนาว ชนปทวาจี สทฺทา, กตฺถจิ อนิยตปุลฺลิงฺคปุถุวจนาปิ ยถา ‘‘อาฬวิยํ วิหรตี’’ติ (ปาจิ. ๘๔, ๘๙) เกจิ ชนปทเมวตฺถํ วทนฺติ, ตํ อปเนตุํ ‘‘ภควา หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. รมณีโยติ มโนหรภูมิภาคตาย, ฉายูทกสมฺปตฺติยา, ชนวิวิตฺตตาย จ มโนรโม. มิคานํ อภยํ เทติ เอตฺถาติ มิคทาโย. เตนาห ‘‘โส’’ติอาทิ. เจลํ วตฺถํ, ตํ นตฺถิ อสฺสาติ อเจโลติ วุตฺตํ ‘‘นคฺคปริพฺพาชโก’’ติ. นามนฺติ โคตฺตนามํ. ตปนํ สนฺตปนํ กายสฺส เขทนํ ตโป, โส เอตสฺส อตฺถีติ ตปสฺสี. ยสฺมา ตถาภูโต ตปํ นิสฺสิโต, ตโป จ ตํ นิสฺสิโต โหติ, ตสฺมา ‘‘ตปนิสฺสิตก’’นฺติ อาห. มุตฺตาจาราทีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ปรโต ปาฬิย (ที. นิ. ๑.๓๙๗) มาคตา หตฺถาปเลขนาทโย สงฺคหิตา. ลูขํ ผรุสํ สาธุสมฺมตาจารวิรหโต อปสาทนียํ อาชีวติ วตฺตตีติ ลูขาชีวีติ อฏฺกถามุตฺตกนโย. อุปฺปณฺเฑตีติ อุหสนวเสน ปริภาสติ. อุปวทตีติ อวฺาปุพฺพกํ อปวทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘หีเฬติ วมฺเภตี’’ติ. ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติอาทีสุ วิย ธมฺมสทฺโท เหตุปริยาโยติ อาห ‘‘การณสฺส อนุการณ’’นฺติ. ตถาวุตฺตสทฺทตฺโถเยเวตฺถ การณสทฺทสฺส เหตุภาวโต. อตฺถวสา ปยุตฺโต หิ สทฺทปโยโค. โสเยว จ สทฺทตฺโถ ปเรหิ วุจฺจมาโน อนุการณํ ตทนุรูปํ ตสฺสทิสํ วา ¶ ตโต ปจฺฉา วา วุตฺตการณภาวโต. ปเรหีติ เยสํ ตุมฺเหหิ อิทํ วุตฺตํ, เตหิ ปเรหิ. วุตฺตการเณนาติ ยถา ¶ เตหิ วุตฺตํ, ตถา เจ ตุมฺเหหิ น วุตฺตํ, เอวํ สติ เตหิ วุตฺตการเณน สการโณ หุตฺวา ตุมฺหากํ วาโท วา ตโต ปรํ ตสฺส อนุวาโท วา โกจิ อปฺปมตฺตโกปิ วิฺูหิ ครหิตพฺพํ การณํ านํ นาคจฺเฉยฺย, กิเมวํ นาคจฺฉตีติ โยชนา. ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทินา ตเทวตฺถํ สงฺเขปโต ทสฺเสติ.
๓๘๒. อิทานิ ยํ วิภชฺชวาทํ สนฺธาย ภควตา ‘‘น เมเต วุตฺตวาทิโน’’ติ สงฺเขเปน วตฺวา ตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘อิธาหํ กสฺสปา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ วิภาเคน ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเธกจฺโจ’’ติอาทิมาห. ภควา หิ นิรตฺถกํ อนุปสมสํวตฺตนิกํ กายกิลมถํ ‘‘อตฺตกิลมถานุโยโค ทุกฺโข อนริโย อนตฺถสํหิโต’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓). ครหติ, สาตฺถกํ ปน อุปสมสํวตฺตนิกํ กายกิลมถํ ‘‘อารฺิโก โหติ, ปํสุกูลิโก โหตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๕.๑๘๑, ๑๘๒; ปริ. ๓๒๕) วณฺเณติ. อปฺปปฺุตายาติ อปฺุตาย. อปฺปสทฺโท เจตฺถ ‘‘ทฺวตฺติฉทนสฺส ปริยายํ อปฺปหริเต ิเตน อธิฏฺาตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๓๕) วิย อภาวตฺโถ. มิจฺฉาทิฏฺิภาวโต กมฺมผลํ ปฏิกฺขิปนฺเตน ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๑.๔๔๕; ๒.๙๔, ๒๒๕; ๓.๙๑, ๑๑๖, ๑๓๖; สํ. นิ. ๓.๒๑๐; อ. นิ. ๓.๑๑๘; ๑๐.๑๗๖; ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๐๗) มิจฺฉาทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา ชีวิตวุตฺติเหตุ ตถา ตถา ทุจฺจริตปูรณํ สนฺธาย ‘‘ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา’’ติ วุตฺตํ.
ภิยฺโยโสมตฺตายาติ มตฺตโต อติเรกํ. ‘‘ภิยฺโยโส’’ติ หิ อิทํ ภิยฺโยสทฺเทน สมานตฺถํ เนปาติกํ. อเนสนวเสนาติ โกหฺเ ตฺวา อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย ยถา ตถา ตปํ กตฺวา อเนสิตพฺพเมสนาวเสน มิจฺฉาชีเวนาติ อตฺโถ. ยถาวุตฺตนเยน ชีวิตวุตฺติเหตุ ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา. อิเม ทฺเวติ ‘‘อปฺปปฺุโ, ปฺุวา’’ติ จ วุตฺเต ทุจฺจริตการิโน ทฺเว ปุคฺคเล.
ทุติยนเย อิเม ทฺเวติ ‘‘อปฺปปฺุโ, ปฺุวา’’ติ จ วุตฺเต สุจริตการิโน ทฺเว ปุคฺคเล.
ปมทุติยนเยสุ วุตฺตนเยเนว ตติยจตุตฺถนเยสุปิ ยถากฺกมํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปมตติยนเยสุ เจตฺถ อเหตุกอกิริยวาทิโน. ทุติยจตุตฺถนเยสุ ปน กมฺมกิริยวาทิโนติ ทฏฺพฺพํ. อปฺปทุกฺขวิหารีติ ¶ อปฺปกํ ทุกฺเขน วิหารี. พาหิรกาจารยุตฺโตติ สาสนาจารโต พาหิรเกน ¶ ติตฺถิยาจาเรน ยุตฺโต. อตฺตานํ สุเขตฺวาติ อธมฺมิเกน อเนสนาย ลทฺธปจฺจยนิมิตฺเตน สุเขน อตฺตานํ สุเขตฺวา สุขํ กตฺวา, ‘‘สุเข เปตฺวา’’ติ อธุนา ปาโ.
‘‘น ทานิ มยา สทิโส อตฺถี’’ติอาทินา ตณฺหามานทิฏฺิสงฺขาตานํ ติสฺสนฺนํ มฺนานํ วเสน ทุจฺจริตปูรณมาห. ลาภสกฺการํ วา อุปฺปาเทนฺโต ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปุเรตฺวาติ สมฺพนฺโธ. มิจฺฉาทิฏฺิวเสนาติ ‘‘นตฺถิ กาเมสุ โทโส’’ติ เอวํ ปวตฺตมิจฺฉาทิฏฺิวเสน. ปริพฺพาชิกายาติ พาหิรปพฺพชฺชมุปคตาย ตาปสทาริกาย, ฉนฺนปริพฺพาชิกาย จ. ‘‘อปโร’’ติ เอตฺถาปิ หิ ‘‘ตาปโส วา ฉนฺนปริพฺพาชโก วา’’ติ อธิกาโร. ทหรายาติ ตรุณาย. มุทุกายาติ สุขุมาลาย. โลมสายาติ ตนุตมฺพโลมตาย อปฺปโลมวติยา. โลมํ เอติสฺสา อตฺถีติ โลมสา. ลิงฺคตฺตเยปิ หิ ส-ปจฺจเยน ปทสิทฺธิมิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. กาเมสูติ วตฺถุกาเมสุ. ปาตพฺพตนฺติ ปริภฺุชิตพฺพํ. ปริโภคตฺโถ เหตฺถ ปา-สทฺโท, ตพฺพสทฺโท จ ภาวสาธโน. ตา-สทฺโท ปน สกตฺเถ ยถา ‘‘เทวตา’’ติ, ปาตพฺพตนฺติ วา ปริภฺุชนกตํ, กตฺตุสาธโน เจตฺถ ตพฺพสทฺโท ยถา อุปริปณฺณาสเก ปฺจตฺตยสุตฺเต ‘‘เย หิ เกจิ ภิกฺขเว สมณา วา พฺราหฺมณา วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาตพฺพสงฺขารมตฺเตน เอตสฺส อายตนสฺส อุปสมฺปทํ ปฺเปนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔) ตถา หิ ตทฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘วิชานาตีติ วิฺาตพฺพํ, ทิฏฺสุตมุตวิฺาตมตฺเตน ปฺจทฺวาริกสฺาปวตฺติมตฺเตนาติ อยฺหิ เอตฺถ อตฺโถ’’ติ, (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๔) ตฏฺฏีกายฺจ ‘‘ยถา นิยฺยนฺตีติ นิยฺยานิกาติ พหุลํ วจนโต กตฺตุสาธโน นิยฺยานิกสทฺโท, เอวํ อิธ วิฺาตพฺพสทฺโทติ อาห ‘วิชานาตีติ วิฺาตพฺพ’นฺติ,’’ ตา-สทฺโท ปน ภาเว. อสฺสาทิยมานปกฺเข ิโต กิเลสกาโมปิ วตฺถุกามปริยาปนฺโนเยว, ตสฺมา เตสุ ยถารุจิ ปริภฺุชนฺโตติ อตฺโถ.
อิทนฺติ นยจตุกฺกวเสน วุตฺตํ อตฺถปฺปเภทวิภชนํ. ‘‘ติตฺถิยวเสน อาคตํ อฏฺกถายํ ตถา วิภตฺตตฺตา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๘๒) อาจริเยน วุตฺตํ, ตถาเยว ปน ปาฬิยมฺปิ วิภตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สาสเนปีติ อิมสฺมึ สาสเนปิ.
กถํ ¶ ลพฺภตีติ อาห ‘‘เอกจฺโจ หี’’ติอาทิ. ยสฺมา น ลภติ, ตสฺมา อเนสนํ กตฺวาติอาทินา โยเชตพฺพํ. อรหตฺตํ วา อตฺตนิ อสนฺตํ ‘‘อตฺถิ เม’’ติ ยถารุตํ ปฏิชานิตฺวา. สามนฺตชปฺปนปจฺจยปฏิเสวนอิริยาปถสนฺนิสฺสิตสงฺขาตานิ ตีณิ วา กุหนวตฺถูนิ ปฏิเสวิตฺวา.
ตาทิโสวาติ ¶ ธุตงฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒; เถรคา. อฏฺ. ๒.๘๔๔ อาทโย) สมาทานวเสน ลูขาชีวี เอว. อเนสนวเสนาติ นิทสฺสนมตฺตํ. ‘‘อรหตฺตปฏิชานเนนา’’ติอาทิปิ หิ วตฺตพฺพํ.
ทุลฺลภสุโข ภวิสฺสามิ ทุคฺคตีสุ อุปปตฺติยาติ อธิปฺปาโย. อสกฺโกนฺโตติ เอตฺถ อนฺตสทฺโท ภาวลกฺขเณ, อสกฺกุณมาเน สตีติ อตฺโถ.
๓๘๓. อสุกฏฺานโตติ อสุกภวโต. อาคตาติ อุปปตฺติวเสน อิธาคตา. อิทานิ คนฺตพฺพฏฺานฺจาติ อุปปตฺติวเสเนว อายตึ คมิตพฺพภวฺจ. ตโตติ อตีตภวโต. ปุน อุปปตฺตินฺติ อายตึ อนนฺตรภเว ปุน อุปปตฺตึ, ตโต อนนฺตรภเวปิ ปุน อุปปตฺตินฺติ ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตึ. เกน การเณน ครหิสฺสามีติ เอตฺถ ยถาภูตมชานนฺโต อิจฺฉาโทสวเสน ยํ กิฺจิ ครเหยฺย, น ตถา จาหํ, อหํ ปน ยถาภูตํ ชานนฺโต สพฺพมฺเปตํ เกน การเณน ครหิสฺสามิ, สพฺพสฺสเปตสฺส ตปสฺส ครหาย การณํ นตฺถีติ อิมมธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ครหิตพฺพเมวา’’ติอาทิมาห. ภณฺฑิกนฺติ ปุฏภณฺฑิกํ. อุปมาปกฺเข ปริสุทฺธตาย โธตํ, ตถา อโธตฺจ, อุปเมยฺยปกฺเข ปน ปสํสิตพฺพคุณตาย โธตํ ปริสุทฺธํ, ตถา อโธตฺจาติ อตฺโถ. ตมตฺถนฺติ ครหิตพฺพสฺส เจว ครหณํ, ปสํสิตพฺพสฺส จ ปสํสนํ.
๓๘๔. ทิฏฺธมฺมิกสฺส, สมฺปรายิกสฺส จ อตฺถสฺส สาธนวเสน ปวตฺติยา ครุกตฺตา น โกจิ น สาธูติ วทติ. ปฺจวิธํ เวรนฺติ ปาณาติปาตาทิปฺจวิธเวรํ. ตฺหิ ปฺจวิธสฺส สีลสฺส ปฏิปกฺขภาวโต, สตฺตานํ เวรเหตุตาย จ ‘‘เวร’’นฺติ วุจฺจติ, ตโต เอว จ ตํ น โกจิ ‘‘สาธู’’ติ วทติ ตถา ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถานมสาธนโต, สตฺตานํ สาธุภาวสฺส ทูสนโต จ. น นิรุนฺธิตพฺพนฺติ รูปคฺคหเณ น นิวาเรตพฺพํ. ทสฺสนียทสฺสนตฺโถ หิ จกฺขุปฏิลาโภติ เตสมธิปฺปาโย. อยเมว นโย ¶ โสตาทีสุปิ. ยทคฺเคน เตสํ ปฺจทฺวาเร อสํวโร สาธุ, ตทคฺเคน ตตฺถ สํวโร น สาธูติ อธิปฺปาโย โหตีติ อาห ‘‘ปุน…เป… อสํวร’’นฺติ.
อยเมตฺถ อฏฺกถาโต อปโร นโย – ยํ เต เอกจฺจํ วทนฺติ ‘‘สาธู’’ติ เต ‘‘เอเก สมณพฺราหฺมณา’’ติ วุตฺตา ติตฺถิยา ยํ อตฺตกิลมถานุโยคาทึ ‘‘สาธู’’ติ วทนฺติ, ตํ มยํ น ‘‘สาธู’’ติ วทาม. ยํ เต…เป… ‘‘น สาธู’’ติ ยํ ปน เต อนวชฺชปจฺจยปริโภคํ, สุนิวตฺถสุปารุตาทิสมฺมาปฏิปตฺติฺจ ‘‘น สาธู’’ติ วทนฺติ, ตํ มยํ ‘‘สาธู’’ติ วทามาติ.
อิติ ¶ ยํ ปรวาทมูลกํ จตุกฺกํ ทสฺสิตํ, ตเทว ปุน สกวาทมูลกํ จตุกฺกํ กตฺวา ทสฺสิตนฺติ วิฺาเปตุํ ‘‘เอว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยฺหิ กิฺจิ เกนจิ สมานํ, เตนปิ ตํ สมานเมว. ยฺจ กิฺจิ เกนจิ อสมานํ, เตนปิ ตํ อสมานเมวาติ อาห ‘‘สมานาสมานต’’นฺติ. เอตฺถ จ สมานตนฺติ สมานตามตฺตํ. อนวเสสโต หิ ปหาตพฺพธมฺมานํ ปหานํ, อุปสมฺปาเทตพฺพธมฺมานํ อุปสมฺปาทนฺจ สกวาเทว ทิสฺสติ, น ปรวาเท. เตน วุตฺตํ ‘‘ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามี’’ติอาทิ. สกวาทปรวาทานุรูปํ วุตฺตนเยน ปฺจสีลาทิวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สมนุยฺุชาปนกถาวณฺณนา
๓๘๕. อนฺตมิติ อาณตฺติยํ ปฺจมีอตฺตโนปทํ. ลทฺธึ ปุจฺฉนฺโตติ ‘‘กึ สมโณ โคตโม สํกิเลสธมฺเม อนวเสสํ ปหาย วตฺตติ, อุทาหุ ปเร คณาจริยา, เอตฺถ ตาว อตฺตโน ลทฺธึ วเทหี’’ติ เอวํ ปฏิฺาตํ สิทฺธนฺตํ ปุจฺฉนฺโต. การณํ ปุจฺฉนฺโตติ ‘‘สมโณว โคตโม สํกิเลสธมฺเม อนวเสสํ ปหาย วตฺตตี’’ติ วุตฺเต ‘‘การเณนปิ เอตมตฺถํ คาหยา’’ติ เอวํ เหตุํ ปุจฺฉนฺโต. อุภยํ ปุจฺฉนฺโตติ ‘‘อิทํ นาเมตฺถ การณ’’นฺติ การณํ วตฺวา ปฏิฺาเต อตฺเถ สาธิยมาเน อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ การณํ สมตฺเถตุํ สทิสาสทิสปฺปเภทํ อุปโมทาหรณทฺวยํ ปุจฺฉนฺโต. อปิจ เหตุปโมทาหรณวเสน ติลกฺขณสมฺปตฺติยา ยถาปฏิฺาเต อตฺเถ สาธิเต สมฺมเทว อนุ ปจฺฉา ภาสนฺโต นิคเมนฺโตปิ สมนุภาสติ นามาติ เวทิตพฺพํ. ‘‘อุปสํหริตฺวา’’ติ ปาเสโส. ‘‘กึ เต’’ติอาทิ อุปสํหรณาการทสฺสนํ ¶ . ทุติยปเทปีติ ‘‘สงฺเฆน วา สงฺฆ’’นฺติ ปเทปิ. วจนเสสํ, อุปสํหรณาการฺจ สนฺธาย ‘‘เอเสว นโย’’ติ วุตฺตํ.
ตมตฺถนฺติ ตํ ปหาตพฺพธมฺมานํ อนวเสสํ ปหาย วตฺตนสงฺขาตํ, สมาทาตพฺพธมฺมานํ อนวเสสํ สมาทาย วตฺตนสงฺขาตฺจ อตฺถํ. โยเชตฺวาติ อกุสลาทิปเทหิ โยเชตฺวา. อโกสลฺลสมฺภูตาทิอตฺเถน อกุสลา เจว ตโตเยว อกุสลาติ จ สงฺขาตา, สงฺขาตสทฺโท เจตฺถ าตตฺโถ, โกฏฺาสตฺโถ จ ยุชฺชตีติ อาห ‘‘าตา, โกฏฺาสํ วา กตฺวา ปิตา’’ติ, ปุริเมน เจตฺถ ปเทน เอกนฺตากุสเล วทติ, ปจฺฉิเมน ตํ สหคเต, ตปฺปฏิปกฺขิเย จ. เอวฺหิ โกฏฺาสกรเณน ปนํ อุปปนฺนํ โหติ. อกุสลปกฺขิกภาเวน หิ ววตฺถาปนํ โกฏฺาสกรณํ. อวชฺชสทฺโท โทสตฺโถ คารยฺหปริยายตฺตา, อ-สทฺทสฺส จ ตพฺภาววุตฺติโตติ อาห ‘‘สโทสา’’ติ. อริยา ¶ นาม นิทฺโทสา. อิเม ปน อกุสลา กถฺจิปิ นิทฺโทสา น โหนฺตีติ นิทฺโทสฏฺเน อริยา ภวิตุํ นาลํ อสมตฺถา.
๓๘๖-๓๙๒. ‘‘ย’’นฺติ เอตํ การเณ ปจฺจตฺตวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘เยนา’’ติ อิมินา. ยํ วา ปนาติ อสมฺภาวนาวจนเมตํ, ยํ วา ปน กิฺจีติ อตฺโถ. ปหาย วตฺตนฺตีติ จ อตฺถวสา ปุถุวจนวิปริณาโมติ วุตฺตํ ‘‘ยํ วา ตํ วา อปฺปมตฺตกํ ปหาย วตฺตนฺตี’’ติ. คณาจริยา เจตฺถ ปูรณมกฺขลิอาทโย. สตฺถุปภวตฺตา สงฺฆสฺส สงฺฆสมฺปตฺติยาปิ สตฺถุสมฺปตฺติ วิภาวียตีติ อาห ‘‘สงฺฆ…เป… สิทฺธิโต’’ติ, สา ปน ปสํสา ปสาทเหตุกาติ ปสาทมุเขน ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปสีทมานาปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สมฺปิณฺฑนตฺเถน ปิ-สทฺเทน อปฺปสีทมานาปิ เอวเมว น ปสีทนฺตีติ สมฺปิณฺเฑติ. ยถา หิ อนฺวยโต สตฺถุสมฺปตฺติยา สาวเกสุ, สาวกสมฺปตฺติยา จ สตฺถริ ปสาโท สมุจฺจียติ, เอวํ พฺยติเรกโต สตฺถุวิปตฺติยา สาวเกสุ, สาวกวิปตฺติยา จ สตฺถริอปฺปสาโทติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ ตพฺพิวรณํ. สรีรสมฺปตฺตินฺติ รูปสมฺปตฺตึ, รูปกายปาริปูรินฺติ อตฺโถ. รูปปฺปมาเณ สตฺเต สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ, ‘‘ธมฺมเทสนํ วา สุตฺวา’’ติ อิทนฺตุ โฆสปฺปมาเณ, ธมฺมปฺปมาเณ จ, ‘‘ภิกฺขูนํ ปนาจารโคจร’’นฺติอาทึ ปน ธมฺมปฺปมาเณ, ลูขปฺปมาเณ จ. อาจารโคจราทีหิ ธมฺโม, สมฺมาปฏิปตฺติยา ลูโข จ โหติ ¶ . ตสฺมา ‘‘ภวนฺติ วตฺตาโร’’ติ ปมปเท รูปปฺปมาณา, โฆสปฺปมาณา, ธมฺมปฺปมาณา จ, ทุติยปเท ธมฺมปฺปมาณาว โยเชตพฺพา. กีวรูโปติ กิตฺตกชาติโก. ยา สงฺฆสฺส ปสํสาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ, อยเมว วา ปาโ.
ตตฺถ ยา พุทฺธานํ, พุทฺธสาวกานเมว จ ปาสํสตา, อฺเสฺจ ตทภาโว โชติโต, ตํ วิรติปฺปหานสํวรุทฺเทสวเสน นีหริตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อยมธิปฺปาโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เสตุฆาตวิรติยา อริยมคฺคสมฺปยุตฺตตฺตา ‘‘สพฺเพน สพฺพํ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ. อฏฺสมาปตฺติวเสน วิกฺขมฺภนปฺปหานมตฺตํ, วิปสฺสนามตฺตวเสน ตทงฺคปฺปหานมตฺตนฺติ ยถาลาภํ โยเชตพฺพํ. วิปสฺสนามตฺตวเสนาติ จ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ วา ‘‘ทุกฺข’’นฺติ วา วิวิธํ ทสฺสนมตฺตวเสน, น ปน นามรูปววตฺถานปจฺจยปริคฺคณฺหนปุพฺพกํ ลกฺขณตฺตยํ อาโรเปตฺวา สงฺขารานํ สมฺมสนวเสน. นามรูปปริจฺเฉโท, หิ อนตฺตานุปสฺสนา จ พาหิรกานํ นตฺถิ. อิตรานิ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณปฺปหานานิ ตีณิ สพฺเพน สพฺพํ นตฺถิ มคฺคผลนิพฺพานตฺตา. โลกิยปฺจสีลโต อฺโ สพฺโพปิ สีลสํวโร, ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔; ๓.๑๕๙; อ. นิ. ๔.๑๑๔) วุตฺโต สุปริสุทฺโธ ขนฺติสํวโร, ‘‘ปฺาเยเต ปิธิยฺยเร’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๐๔๑; จูฬนิ. ๖๐) วุตฺโต กิเลสานํ สมุจฺเฉทโก ¶ มคฺคาณสงฺขาโต าณสํวโร, มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ปิทหนวเสน ปวตฺโต สุปริสุทฺโธ อินฺทฺริยสํวโร, ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทายา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๔๐๓; ม. นิ. ๑.๑๓๕; สํ. นิ. ๕.๘; วิภ. ๒๐๕) วุตฺโต สมฺมปฺปธานสงฺขาโต วีริยสํวโรติ อิมํ สํวรปฺจกํ สนฺธาย ‘‘เสสํ สพฺเพน สพฺพํ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ.
‘‘ปฺจ โข ปนิเม ปาติโมกฺขุทฺเทสา’’ติอาทินา ยถาวุตฺตสีลสฺเสว ปุน คหณํ สาสเน สีลสฺส พหุภาวํ ทสฺเสตฺวา ตเทกเทเส เอว ปเรสํ อวฏฺานทสฺสนตฺถํ. ‘‘อุโปสถุทฺเทสา’’ติ อธุนา ปาโ. ปฺายตีติ ปติฏฺิตภาเวน ปากโฏ โหติ, ตสฺมา มยา หิ…เป… นตฺถีติ โยเชตพฺพํ. สีหนาทนฺติ เสฏฺนาทํ, อภีตนาทํ เกนจิ อปฺปฏิวตฺติยวาทํ. ยํ ปน วทนฺติ –
‘‘อุตฺตรสฺมึ ¶ ปเท พฺยคฺฆ-ปุงฺคโวสภกฺุชร;
สีหสทฺทูลนาคาทฺยา, ปุเม เสฏฺตฺถโคจรา’’ติ.
ตํ เยภุยฺยวเสนาติ ทฏฺพฺพํ.
อริยอฏฺงฺคิกมคฺควณฺณนา
๓๙๓. ‘‘อยํ ปน ยถาวุตฺโต มม วาโท อวิปรีโตว, ตสฺเสวํ อวิปรีตภาโว อิมํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา อปรปฺปจฺจยโต ชานิตพฺโพ’’ติ เอวํ อวิปรีตภาวาวโพธนตฺถํ. ปาฬิยํ ‘‘อตฺถิ กสฺสปา’’ติอาทีสุ อยํ โยชนา – ยํ มคฺคํ ปฏิปนฺโน สามํเยว อตฺตปจฺจกฺขโต เอวํ สฺสติ ทกฺขติ ‘‘สมโณ โคตโม วทนฺโต ยุตฺตปตฺตกาเล ตถภาวโต ภูตํ, เอกํเสน หิตาวหภาวโต อตฺถํ, ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ, วินยโยคโต, ปเรสฺจ วินยนโต วินยํ วทตี’’ติ, โส มยา สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวทิโต สกลวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณภูโต อตฺถิ กสฺสป มคฺโค, ตสฺส จ อธิคมูปายภูตา ปุพฺพภาคปฏิปทาติ, เตน ‘‘สมโณ โคตโม อิเม ธมฺเม อนวเสสํ ปหาย วตฺตตี’’ติอาทิ นยปฺปวตฺโต วาโท เกนจิ อสมฺปกมฺปิโต ยถาภูต สีหนาโทติ ทสฺเสติ. ทกฺขตีติ เจตฺถ สฺสติ-สทฺเทน ปทสิทฺธิ ‘‘ยตฺร หิ นาม สาวโก เอวรูปํ สฺสติ วา ทกฺขติ วา สกฺขึ กริสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย.
‘‘เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตี’’ติอาทิ สุตฺตปเทสุ (อ. นิ. ๓.๑๓๔) วิย ¶ จ มคฺคฺจ ปฏิปทฺจ เอกโต กตฺวา ทสฺเสนฺโต. ‘‘อยเมวา’’ติ สาวธารณวจนํ มคฺคสฺส ปุถุภาวปฏิกฺเขปตฺถํ, สพฺพอริยสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ, สาสเน ปากฏภาวทสฺสนตฺถฺจ. เตนาห ‘‘เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. ๑.๑๐๖; สํ. นิ. ๕.๓๖๗, ๓๘๔).
‘‘เอเสว มคฺโค นตฺถฺโ, ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยา’’ติ, (ธ. ป. ๒๗๔) –
‘‘เอกายนํ ¶ ชาติขยนฺตทสฺสี,
มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี;
เอเตน มคฺเคน อตรึ สุ ปุพฺเพ,
ตริสฺสนฺติ เย จ ตรนฺติ โอฆ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๕.๓๘๔, ๔๐๙; จูฬนิ. ๑๐๗, ๒๑๑; เนตฺติ. ๑๗๐) จ –
สพฺเพสุ เจว สุตฺตปเทเสสุ, อภิธมฺมปเทเสสุ (วิภ. ๓๕๕) จ เอโกวายํ มคฺโค ปากโฏติ.
ตโปปกฺกมกถาวณฺณนา
๓๙๔. ตโปเยว อุปกฺกมิตพฺพโต, อารภิตพฺพโต ตโปปกฺกมาติ อาห ‘‘ตปารมฺภา’’ติ, อารมฺภนฺเจตฺถ ตปกรณเมวาติ ทสฺเสติ ‘‘ตโปกมฺมานี’’ติ อิมินา. สมณกมฺมสงฺขาตาติ สมเณหิ กตฺตพฺพกมฺมสฺิตา. พฺราหฺมณกมฺมสงฺขาตาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. นิจฺโจโลติ นิสฺสฏฺโจโล สพฺเพน สพฺพํ ปฏิกฺขิตฺตโจโล. เจลํ, โจโลติ จ ปริยายวจนํ. โกจิ ฉินฺนภินฺนปฏปิโลติกธโรปิ ทสนฺตยุตฺตสฺส วตฺถสฺส อภาวโต ‘‘นิจฺโจโล’’ติ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺยาติ ตํ นิวตฺเตตุํ ‘‘นคฺโค’’ติ วุตฺตํ, นคฺคิยวตสมาทาเนน สพฺพถา นคฺโคติ อตฺโถ. โลกิยกุลปุตฺตาจารวิรหิตตาว วิสฺสฏฺาจารตาติ ทสฺเสติ ‘‘อุจฺจารกมฺมาทีสู’’ติอาทินา. กถํ วิรหิโตติ อาห ‘‘ิตโกวา’’ติอาทิ, อิทฺจ นิทสฺสนมตฺตํ วมิตฺวา มุขวิกฺขาลนาทิอาจารสฺสปิ เตน วิสฺสฏฺตฺตา. อปลิขตีติ อุทเกน อโธวนโต อปลิหติ. โส กิร ทณฺฑกํ ‘‘สตฺโต’’ติ ปฺเปติ, ตสฺมา ตํ ปฏิปทํ ปูเรนฺโต เอวํ กโรตีติ วุตฺตํ ‘‘อุจฺจารํ วา’’ติอาทิ. ตตฺถ อปลิขตีติ อปกสติ.
‘‘เอหิ ภทนฺโต’’ติ วุตฺเต อุปคมนสงฺขาโต วิธิ เอหิภทฺทนฺโต, ตํ จรตีติ เอหิภทฺทนฺติโก ¶ , รุฬฺหิสทฺเทน เจตฺถ ตทฺธิตสิทฺธิ ยถา ‘‘เอหิปสฺสิโก’’ติ, (ม. นิ. ๑.๗๔) ตปฺปฏิกฺเขเปน นเอหิภทฺทนฺติโก, ตเทวตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ภิกฺขาคหณตฺถ’’นฺติอาทินา. น เอตีติ น อาคจฺฉติ. เอวํ นติฏฺภทฺทนฺติโกติ เอตฺถาปิ. สมเณน นาม สยํวจนกเรเนว ภวิตพฺพํ, น ปรวจนกเรนาติ อธิปฺปาเยน ตทุภยมฺปิ…เป… น กโรติ. ปุเรตรนฺติ ตํ านํ อตฺตนา อุปคมนโต ปมตรํ, ตํ กิร โส ‘‘ภิกฺขุนา นาม ยาทิจฺฉกี ¶ เอว ภิกฺขา คเหตพฺพา’’ติ อธิปฺปาเยน น คณฺหาติ. อุทฺทิสฺสกตํ ปน ‘‘มม นิมิตฺตภาเวน พหู ขุทฺทกา ปาณา สงฺฆาฏมาปาทิตา’’ติ อธิปฺปาเยน นาธิวาเสติ. นิมนฺตนมฺปิ ‘‘เอวํ เตสํ วจนํ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ อธิปฺปาเยน น สาทิยติ. กุมฺภีติ ปกฺกภิกฺขาปกฺขิตฺตกุมฺโภ. อุกฺขลีติ ภิกฺขาปจนกุมฺโภ. ปจฺฉีติ ภิกฺขาปกฺขิตฺตปิฏกํ. ตโตปีติ กุมฺภีกโฬปิโตปิ. กุมฺภีอาทีสุปิ โส สตฺตสฺีติ อาห ‘‘กุมฺภีกโฬปิโย’’ติอาทิ. ‘‘อยํ ม’’นฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อนฺตรนฺติ อุภินฺนมนฺตราฬํ.
กพฬนฺตราโยติ อาโลปสฺส อนฺตราโย. เอตฺถาปิ โส สตฺตสฺี. ปุริสนฺตรคตายาติ ปุริสสมีปคตาย. รติอนฺตราโยติ กามรติยา อนฺตราโย. คามสภาคาทิวเสน สงฺคมฺม กิตฺเตนฺติ เอติสฺสาติ สํกิตฺติ. ตถา สํหฏตณฺฑุลาทิสฺจโย เตน กตภตฺตมิธาธิปฺเปตนฺติ วุตฺตํ ‘‘สํกิตฺเตตฺวา กตภตฺเตสู’’ติ. มชฺฌิมนิกาเย มหาสีหนาทสุตฺตนฺตฏีกายํ ปน อาจริเยเนว เอวํ วุตฺตํ ‘‘สํกิตฺตยนฺติ เอตายาติ สํกิตฺติ, คามวาสีหิ สมุทายวเสน กิริยมานกิริยา, เอตฺถ ปน ภตฺตสํกิตฺติ อธิปฺเปตาติ อาห ‘สํกิตฺเตตฺวา กตภตฺเตสู’ติ’’. อิทํ ปน ตสฺส อุกฺกฏฺปฏิปทาติ ทสฺเสติ ‘‘อุกฺกฏฺโ’’ติอาทินา. ยถา เจตฺถ, เอวํ ‘‘นเอหิภทฺทนฺติโก’’ติอาทีสุปิ อุกฺกฏฺปฏิปทาทสฺสนํ เวทิตพฺพํ. สาสทฺโท สุนขปริยาโย. ตสฺสาติ สุนขสฺส. ตตฺถาติ ตสฺมึ าเน. สมูหสมูหจารินีติ สงฺฆสงฺฆจารินี. มนุสฺสาติ เวยฺยาวจฺจกรมนุสฺสา.
โสวีรกนฺติ กฺชิกํ. ‘‘โลณโสวีรก’’นฺติ เกจิ, ตทยุตฺตเมว, ‘‘สพฺพสสฺสสมฺภาเรหิ กต’’นฺติ วุตฺตตฺตา. โลณโสวีรกฺหิ สพฺพมจฺฉมํสปุปฺผผลาทิสมฺภารกตํ. สุราปานเมวาติ มชฺชลกฺขณปฺปตฺตาย สุราย ปานเมว. เมรยมฺเปตฺถ สงฺคหิตํ ลกฺขณหาเรน, เอกเสสนเยน วา. สพฺเพสุปีติ สาวชฺชานวชฺเชสุปิ กฺชิกสุราทีสุ. เอกาคารเมว ภิกฺขาจริยาย อุปคจฺฉตีติ เอกาคาริโก. นิวตฺตตีติ ปจฺจาคจฺฉติ, สติ ภิกฺขาลาเภ ตทุตฺตริ น คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. เอกาโลเปเนว วตฺตตีติ เอกาโลปิโก. ทียติ เอตายาติ ทตฺติ, ทฺวตฺติอาโลปมตฺตคฺคาหิ ขุทฺทกํ ภิกฺขาทานภาชนํ. เตนาห ‘‘ขุทฺทกปาตี’’ติ. อคฺคภิกฺขนฺติ อนามฏฺภิกฺขํ ¶ , สมาภิสงฺขตตาย วา อุตฺตมภิกฺขํ. อภฺุชนวเสน เอโก ¶ โห เอตสฺสาติ เอกาหิโก, อาหาโร, ตํ อาหารํ อาหาเรตีติ อตฺโถ. โส ปน อตฺถโต เอกทิวสลงฺฆโกติ วุตฺตํ ‘‘เอกทิวสนฺตริก’’นฺติ. เอส นโย ‘‘ทฺวาหิก’’นฺติอาทีสุปิ. อปิจ เอกาหํ อภฺุชิตฺวา เอกาหํ ภฺุชนํ, เอกาหวาโร วา เอกาหิกํ. ทฺวีหํ อภฺุชิตฺวา ทฺวีหํ ภฺุชนํ, ทฺวีหวาโร วา ทฺวาหิกํ. เสสทฺวเยปิ อยํ นโย. อุกฺกฏฺโ หิ ปริยายภตฺตโภชนิโก ทฺวีหํ อภฺุชิตฺวา เอกาหเมว ภฺุชติ. เอวํ เสสทฺวเยปิ. มชฺฌิมาคมฏีกายํ ปน ‘‘เอกาหํ อนฺตรภูตํ เอตสฺส อตฺถีติ เอกาหิกํ. เสสปเทสุปิ เอส นโย’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เถรา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย โอวทนฺติ ปริยาเยนา’’ติอาทีสุ วิย วารตฺโถ ปริยาย สทฺโท. เอกาหวาเรนาติ เอกาหิกวาเรน. ‘‘เอกาหิก’’นฺติอาทินา วุตฺตวิธิเมว ปฏิปาฏิยา ปวตฺตภาเวน ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘อิติ เอวรูป’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
๓๙๕. สามาโก นาม โคธุโม. สยํชาตา วีหิชาตีติ อโรปิมวีหิชาติ. ยเทว ‘‘วีหี’’ติ วทนฺติ. ลิขิตฺวาติ กสิตฺวา. สิเลโสปีติ กณิการาทิรุกฺขนิยฺยาโสปิ. กุณฺฑกนฺติ ตนุตรํ ตณฺฑุลสกลํ, ตณฺฑุลขณฺฑกนฺติ อตฺโถ. โอทเนน กตํ กฺชิยํ โอทนกฺชิยํ. ‘‘วาสิตเกน ปิฺาเกน นหาเยยฺยา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๒๐๓) วิย ปิฺาก สทฺโท ติลปิฏฺปริยาโย. ยถาห ‘‘ปิฺากํ นาม ติลปิฏฺํ วุจฺจตี’’ติ. ‘‘ตรุณกทลิกฺขนฺธเมว ปิฺาก’’นฺติ เกจิ, น คเหตพฺพเมตํ กตฺถจิปิ ตถา อวจนโต.
๓๙๖. สเณหิ สณวาเกหิ นิพฺพตฺติตานิ สาณานิ, อฺเหิ มิสฺสกานิ สาณานิ เอว มสาณานิ นิรุตฺตินเยน, น ฉจีวรปริยาปนฺนานิ ภงฺคานิ. เกจิ ปน ‘‘มสาณานิ นาม โจฬวิเสสานีติ ปริกปฺเปตฺวา มสฺสกโจฬานี’’ติ ปนฺติ, ตทยุตฺตเมว โปราเณหิ ตถา อวุตฺตตฺตา. เอรกติณาทีนีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน อกฺกมกจิกทลิวากาทีนํ สงฺคโห, เอรกาทีหิ กตานิ หิ ฉวานิ ลามกานิ ทุสฺสานีติ วตฺตพฺพตํ ลภนฺติ. ฉวสทฺโท เหตฺถ หีนวาจโก, ปุริมวิกปฺเป ปน มตสรีรวาจโก. ฉฑฺฑิตนนฺตกานีติ ฉฑฺฑิตปิโลติกานิ. อชินสฺเสทนฺติ อชินํ, ปกติอชินมิคจมฺมํ, ตเทว มชฺเฌ ผาลิตกฺเจ, อชินสฺส ขิปํ ผาลิตมุปฑฺฒนฺติ อชินกฺขิปํ ¶ . ‘‘สขุรกนฺติปิ วทนฺตี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๕) ปปฺจสูทนิยํ วุตฺตํ, ทฺวินฺนํ ติณฺณํ วา สมุทิตฺเจ, อชินกฺขิปนฺติ เตสมธิปฺปาโย. วินยสํวณฺณนาสุ ปน ‘‘อชินเมว อเภทโต อชินกฺขิป’’นฺติ วุตฺตํ. กนฺทิตฺวาติ อุชฺชวุชฺชเวน กนฺทิตฺวา. ‘‘คนฺเถตฺวา’’ติปิ ปาโ, วฏฺเฏตฺวา พนฺธิตฺวาติ อตฺโถ. เอวฺหิ ผลกจีเร ¶ นิทสฺสนํ อุปปนฺนํ โหติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ อชิตวาทสฺส ปฏิกิฏฺตรภาเว อุปมาทสฺสนตฺถํ ยเทว เกสกมฺพลํ สนฺธาย องฺคุตฺตราคเม (อ. นิ. ๓.๑๓๘) วุตฺตํ.
ตนฺตาวุตานีติ ตนฺตํ ปสาเรตฺวา วีตานิ. ปฏิกิฏฺโติ หีโน. กสฺมาติ วุตฺตํ ‘‘เกสกมฺพโล’’ติอาทิ. ปาฬิยํ อุพฺภฏฺโก’’ติ เอตสฺส ‘‘อุทฺธํ ิตโก’’ติ อตฺโถ มชฺฌิมาคมฏฺกถายํ มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๕) วุตฺโต. อุพฺภสทฺโท หิ อุปริอตฺเถ เนปาติโก ยถา ‘‘อุพฺภชาณุมณฺฑล’’นฺติ. อเนกปริมาณา, หิ นิปาตา, อเนกตฺถา จ.
มิจฺฉาวายามวเสเนว อุกฺกุฏิกวตานุโยโคติ อาห ‘‘อุกฺกุฏิกวีริยํ อนุยุตฺโต’’ติ. น เกวลํ นิสินฺโนเยว อุกฺกุฏิโก, อถ โข คจฺฉนฺโตปิ…เป… คจฺฉติ. อยกณฺฏเกติ อโยมยกณฺฏเก. ปกติกณฺฏเกติ สลากกณฺฏเก. อุจฺจภูมิยํ ถณฺฑิลสทฺโทติ วุตฺตํ ‘‘อุจฺเจ ภูมิฏฺาเน’’ติ. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – ถณฺฑิลนฺติ สมาปกติภูมิ วุจฺจติ ‘‘ปตฺถณฺฑิเล ปาตุรโหสี’’ติอาทีสุ วิย. อมรโกเสปิ หิ นิฆณฺฏุสตฺเถ วุตฺตํ ‘‘เวที ปริกฺขตา ภูมิ, สเม ถณฺฑิลํ จาตุเร’’ติ (สตฺตรสมวคฺเค ๑๘ คาถายํ) ตสฺมา ถณฺฑิเล อนนฺตรหิตาย ปกติภูมิยํ เสยฺยมฺปิ กปฺเปตีติ อตฺโถ. ยํ สนฺธาย ตตฺเถว นิฆณฺฏุสตฺเถ วุตฺตํ ‘‘โย ถณฺฑิเล วต วสา, เสเต ถณฺฑิลสายิ โส’’ติ (สตฺตรสมวคฺเค ๔๔ คาถายํ) รโช เอว ชลฺลํ มลีนํ รโชชลฺลํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สรีร’’นฺติอาทิ. ลทฺธํ อาสนนฺติ นิสีทิตุํ ยถาลทฺธมาสนํ. อโกเปตฺวาติ อฺตฺถ อนุปคนฺตฺวา. ตถา จาห ‘‘ตตฺเถว นิสีทนสีโล’’ติ. เอวํ นิสีทนฺโต หิ ตํ อโกเปนฺโต นาม โหติ. จตูสุ มหาวิกเฏสุ คูถเมวิธาธิปฺเปตนฺติ วุตฺตํ ‘‘คูถํ วุจฺจตี’’ติ. ตฺหิ อาสยวเสน วิรูปํ กฏตฺตา ‘‘วิกฏ’’นฺติ วุจฺจติ. สายํ ตติยนฺติ สายนฺหสมยสงฺขาตํ ตติยสมยํ. อสฺสาติ อุทโกโรหนานุโยคสฺส. ปาโตปทมิว สายํปทํ เนปาติกํ ¶ . อนุสารโลเปน ปน ‘‘สายตติยก’’นฺติปิ ปาโ ทิสฺสติ.
เอตฺถ จ ‘‘อเจลโก โหตี’’ติอาทีนิ ยาว ‘‘ถุโสทกํ ปิวตี’’ติ เอตานิ วตปทานิ เอกวารานิ, ‘‘เอกาคาริโก วา โหตี’’ติอาทีนิ ปน นานาวารานิ, นานากาลิกานิ วา. ตถา ‘‘สากภกฺโข วา โหตี’’ติอาทีนิ, ‘‘สาณานิปิ ธาเรติ, มสาณานิปิ ธาเรตี’’ติอาทีนิ จ. ตถา เหตฺถ วา-สทฺทคฺคหณํ, ปิ-สทฺทคฺคหณฺจ กตํ. ปิ-สทฺโทปิ อิธ วิกปฺปตฺโถ เอว ทฏฺพฺโพ. ปุริเมสุ ปน วตปเทสุ ตทุภยมฺปิ น กตํ, เอวฺจ กตฺวา ‘‘อเจลโก โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘สาณานิปิ ธาเรตี’’ติอาทิวจนสฺส, ‘‘รโชชลฺลธโรปิ โหตี’’ติ ¶ วตฺวา ‘‘อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรตี’’ติ วจนสฺส จ อวิโรโธ สิทฺโธ โหติ. อถ วา กิเมตฺถ อวิโรธจินฺตาย. อุมฺมตฺตกปจฺฉิสทิโส หิ ติตฺถิยวาโท. อปิจ ‘‘อเจลโก โหตี’’ติ อารภิตฺวา ตปฺปสงฺเคน สพฺพมฺปิ อฺมฺวิโรธเมว อตฺตกิลมถานุโยคํ ทสฺเสนฺเตน เตน อเจลกสฺสเปน ‘‘สาณานิปิ ธาเรตี’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ตโปปกฺกมนิรตฺถกตาวณฺณนา
๓๙๗. สีลสมฺปทาทีหีติ สีลสมฺปทา, สมาธิสมฺปทา, ปฺาสมฺปทาติ อิมาหิ โลกุตฺตราหิ สมฺปทาหิ. วินาติ วิรหิตตฺตา, วินา วา ตาหิ น กทาจิปิ สามฺํ วา พฺรหฺมฺํ วา สมฺภวติ, ตสฺมา เตสํ ตโปปกฺกมานํ นิรตฺถกตํ ทสฺเสนฺโตติ สปาเสสโยชนา. โทสเวรวิรหิตนฺติ โทสสงฺขาตเวรโต วิรหิตํ. อิทฺหิ โทสสฺส เมตฺตาย อุชุปฏิปกฺขโต วุตฺตํ. ยํ ปน อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘โทสคฺคหเณน วา สพฺเพปิ ฌานปฏิปกฺขา สํกิเลสธมฺมา คหิตา. เวรคฺคหเณน ปจฺจตฺถิกภูตา สตฺตา. ยทคฺเคน หิ โทสรหิตํ, ตทคฺเคน เวรรหิต’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๓๙๗), ตเทตํ ปาฬิยํ เวรสทฺทสฺเสว วิชฺชมานตฺตา, อฏฺกถายฺจ ตทตฺถเมว ทสฺเสตุํ โทสสทฺทสฺส วุตฺตตฺตา วิจาเรตพฺพํ.
๓๙๘. เอตฺตกมตฺตนฺติ นคฺคจริยาทิมตฺตํ. ปากฏภาเวน กายติ อตฺถํ คเมตีติ ปกติ, โลกสิทฺธวาโท. เตนาห ‘‘ปกติกถา เอสา’’ติ. ‘‘มตฺตา สุขปริจฺจาคา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๙๐) วิย มตฺตาสทฺโท อปฺปตฺตํ อนฺโตนีตํ กตฺวา ¶ ปมาณวาจโกติ อาห ‘‘อิมินา’’ติอาทิ. เตน ปน ปมาเณน ปหาตพฺโพ เอว ปฏิปตฺติกฺกโม ปกรณปฺปตฺโต. อิมินา ‘‘ตโปปกฺกเมนา’’ติ สทฺทนฺตเรน วา อธิคโตติ ทสฺเสติ ‘‘ปฏิปตฺติกฺกเมนา’’ติ อิมินา. ตโตติ ตสฺมา สามฺพฺรหฺมฺสฺส อปฺปมตฺตเกเนว ปฏิปตฺติกฺกเมน สุทุกฺกรภาวโต. อิมํ เหตุสมฺพนฺธํ สนฺธาย ‘‘ปทสมฺพนฺเธน สทฺธิ’’นฺติ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุ.
๓๙๙. อฺถาติ ยทิ อเจลกภาวาทินา สามฺํ วา พฺรหฺมฺํ วา อภวิสฺส, เอวํ สติ สุวิชาโนว สมโณ, สุวิชาโน พฺราหฺมโณ. ยสฺมา ปน ตุมฺเห อิโต อฺถาว สามฺํ, อฺถา พฺรหฺมฺํ วทถ, ตสฺมา ทุชฺชาโนว สมโณ ทุชฺชาโน พฺราหฺมโณติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิทํ สนฺธายาหา’’ติ. ตํ ปกติวาทํ ปฏิกฺขิปิตฺวาติ ยํ ปุพฺเพ ปากติกํ สามฺํ, พฺรหฺมฺฺจ หทเย เปตฺวา เตน อเจลกสฺสเปน ‘‘ทุกฺกรํ สุทุกฺกร’’นฺติ วุตฺตํ, ภควตา จ ตเมว ¶ สนฺธาย ‘‘ปกติ โข เอสา’’ติอาทิ ภาสิตํ, ตเมว อิธ ปากติกสามฺพฺรหฺมฺวิสยํ กถํ ปฏิสํหริตฺวา. สภาวโตว ปรมตฺถโต เอว สมณสฺส, พฺราหฺมณสฺส จ ทุชฺชานภาวํ อาวิกโรนฺโต ปุนปิ ‘‘ปกติ โข’’ติอาทิมาห. ตตฺราปีติ สมณพฺราหฺมณวาเทปิ. ปทสมฺพนฺธนฺติ เหตุปเทน สทฺธึ ปุพฺพาปรวากฺยสมฺพนฺธํ.
สีลสมาธิปฺาสมฺปทาวณฺณนา
๔๐๐-๑. ปณฺฑิโตติ เหตุสมฺปตฺติสิทฺเธน ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต. กถํ อุคฺคเหสีติ ปริปกฺกาณตฺตา ฆเฏ ปทีเปน วิย อพฺภนฺตเร สมุชฺชลนฺเตน ปฺาเวยฺยตฺติเยน ตตฺถ ตตฺถ ภควตา เทสิตมตฺถํ ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ เทสนํ อุปธาเรสิ. ยสฺมา อุคฺคเหสิ, ตสฺมา…เป… วิทิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ตสฺส จาติ โย อเจลโก โหติ, ยาว อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ, ตสฺส จ. ตสฺส เจติ วา ปทจฺเฉโท, อภาวิตา อสจฺฉิกตา โหติ เจติ โยชนา. ตา สมฺปตฺติโย ปุจฺฉามิ, ยาหิ สมโณ จ พฺราหฺมโณ จ โหตีติ อธิปฺปาโย. สีลสมฺปทาทิวิชานนตฺถนฺติ สีลสมฺปทาทิวิชานนเหตุ. ‘‘กสฺมา ปุจฺฉตี’’ติ หิ วุตฺตํ. อถ-สทฺโท เจตฺถ การเณ. เอวมีทิเสสุ. สีลสมฺปทายาติ เอตฺถ อิติสทฺโท อาทิอตฺโถ, อุปลกฺขณนิทฺเทโส ¶ วายํ, เตน ‘‘จิตฺตสมฺปทาย, ปฺาสมฺปทายา’’ติ ปททฺวยํ สงฺคณฺหาติ. เตนาห ‘‘สีลจิตฺตปฺาสมฺปทาหิ อฺา’’ติ. อิเมหิ จ อเสกฺขสีลาทิกฺขนฺธตฺตยํ สงฺคหิตนฺติ วุตฺตํ ‘‘อรหตฺตผลเมวา’’ติ. ตตฺถ การณํ ทสฺเสติ ‘‘อรหตฺตผลปริโยสาน’’นฺติอาทินา. อิทฺหิ กาโกโลกนมิว อุภยาเปกฺขวจนํ.
สีหนาทกถาวณฺณนา
๔๐๒. อนุตฺตรนฺติ อนฺสาธารณตาย, อนฺสาธารณตฺถวิสยตาย จ อนุตฺตรํ. มหาสีหนาทนฺติ มหนฺตํ พุทฺธสีหนาทํ. อติวิย อจฺจนฺตวิสุทฺธตาย ปรมวิสุทฺธํ. ‘‘ปรมนฺติ อุกฺกฏฺํ. เตนาห ‘อุตฺตม’นฺติ’’ อาจริเยน วุตฺตํ, อุกฺกฏฺปริยาโย จ ปรมสทฺโท อตฺถีติ ตสฺสาธิปฺปาโย. สีลเมวาติ โลกิยสีลมตฺตตฺตา สีลสามฺเมว. ยถา อนฺสาธารณํ ภควโต โลกุตฺตรสีลํ สวาสนปฏิปกฺขธมฺมวิทฺธํสนโต, เอวํ โลกิยสีลมฺปิ อนฺสาธารณเมว ตทนุจฺฉวิกภาเวน ปวตฺตตฺตา. เอวฺหิ ‘‘นาหํ ตตฺถา’’ติ ปาฬิวจนํ อุปปนฺนํ โหติ. ‘‘ยาวตา กสฺสป อริยํ ปรมํ สีล’’นฺติ อิทํ ‘‘สีลสฺส วณฺณํ ภาสนฺตี’’ติ เอตฺถ อาการทสฺสนํ. ‘‘ยทิทํ อธิสีล’’นฺติ อิทํ ปน ‘‘ตตฺถา’’ติ ปททฺวเย อนิยมวจนํ ¶ . ‘‘ยทิทํ อธิสีล’’นฺติ จ โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธมฺปิ พุทฺธสีลํ เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา ต-สทฺเทนปิ อุภยสฺเสว ปรามสนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ สีเลปิ ปรมสีเลปี’’ติอาทิมาห. สมสมนฺติ สเมน วิเสสนภูเตน สีเลน สมนฺติ อตฺถํ วิฺาเปตุํ ‘‘มม สีลสเมน สีเลน มยา สม’’นฺติ วุตฺตํ. ตสฺมึ สีเลติ ทุวิเธปิ สีเล. อิติ อิมนฺติ เอวํ อิมํ สีลวิสยํ. ปมนฺติ อุปฺปตฺติกฺกมโต ปมํ ปวตฺตตฺตา ปมภูตํ.
ตปตีติ กิเลเส สนฺตปฺปติ, วิธมตีติ อตฺโถ. ‘‘ตเทวา’’ติ อิมินา ตุลฺยาธิกรณสมาสมาห. ชิคุจฺฉตีติ หีเฬติ ลามกโต เปติ. อารกา กิเลเสหีติ กตฺวา นิทฺโทสตฺตา อริยา. อารมฺภวตฺถุวเสนาติ อฏฺารมฺภวตฺถุวเสน. วิปสฺสนาวีริยสงฺขาตาติ วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตวีริยสงฺขาตา. โลกิยมตฺตตฺตา ตโปชิคุจฺฉาว. มคฺคผลสมฺปยุตฺตา วีริยสงฺขาตา ตโปชิคุจฺฉาติ อธิการวเสน สมฺพนฺโธ. สพฺพุกฺกฏฺภาวโต ¶ ปรมา นาม. ยถา ยุวิโน ภาโว โยพฺพนํ, เอวํ ชิคุจฺฉิโน ภาโว เชคุจฺฉํ. ยทิทํ อธิเชคุจฺฉนฺติ สีเล วิย โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธมฺปิ พุทฺธเชคุจฺฉํ. ตตฺถาติ เชคุจฺเฉปิ อธิเชคุจฺเฉปิ. กมฺมสฺสกตาปฺาติ ‘‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๔๑; วิภ. ๗๙๓) นยปฺปวตฺตํ าณํ. ยถาห วิภงฺเค –
‘‘ตตฺถ กตรํ กมฺมสฺสกตาาณํ, อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺํ, อตฺถิ หุตํ, อตฺถิ สุกฏทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก…เป… เปตฺวา สจฺจานุโลมิกํ าณํ สพฺพาปิ สาสวา กุสลา ปฺา กมฺมสฺสกตาาณ’’นฺติ (วิภ. ๗๙๓).
สพฺพมฺปิ หิ อกุสลํ อตฺตโน วา โหตุ, ปรสฺส วา, น สกํ นาม. กสฺมา? อตฺถภฺชนโต, อนตฺถชนนโต จ. ตถา สพฺพมฺปิ กุสลํ สกํ นาม. กสฺมา? อนตฺถภฺชนโต, อตฺถชนนโต จ. เอวํ กมฺมสฺสกภาเว ปวตฺตา ปฺา กมฺมสฺสกตาปฺา นาม. วิปสฺสนาปฺาติ มคฺคสจฺจสฺส, ปรมตฺถสจฺจสฺส จ อนุโลมนโต สจฺจานุโลมิกสฺิตา วิปสฺสนาปฺา, โลกิยมตฺตโต ปฺาว. อิตฺถิลิงฺคสฺส นปุํสกลิงฺควิปริยาโย อิธ ลิงฺควิปลฺลาโส. ยายํ อธิปฺาติ สีเล วิย โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธาปิ พุทฺธปฺา. ตตฺถาติ ปฺายปิ อธิปฺายปิ. ยถารหํ ปริตฺตมหคฺคตภาวโต วิมุตฺติเยว นาม. มคฺคผลวเสน กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทนปฏิปฺปสฺสมฺภนานิ สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติโย. อถ วา สมฺมาวาจาทิวิรตีนํ อธิสีลคฺคหเณน, สมฺมาวายามสฺส อธิเชคุจฺฉคฺคหเณน, สมฺมาทิฏฺิยา อธิปฺาคฺคหเณน คหิตตฺตา อคฺคหิตคฺคหเณน ¶ สมฺมาสงฺกปฺปสติสมาธโย มคฺคผลปริยาปนฺนา สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติโย ทฏฺพฺพา. นิสฺสรณวิมุตฺติ ปน นิพฺพานเมว. ยา อยํ อธิวิมุตฺตีติ สีเล วุตฺตนเยน ทุวิธาปิ อธิวิมุตฺติ. ตตฺถาติ วิมุตฺติยาปิ อธิวิมุตฺติยาปิ.
๔๐๓. ยํ กิฺจิ ชนวิวิตฺตฏฺานํ สฺุาคารมิธาธิปฺเปตํ. ตตฺถ นทนฺเตน วินา อฺโ ชโน นตฺถีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกโกวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺสุ ปริสาสูติ ขตฺติยปริสา, พฺราหฺมณคหปติสมณจาตุมหาราชิกตาวตึสมารพฺรหฺมปริสาติ อิมาสุ อฏฺสุ ปริสาสุ.
ตทตฺถํ ¶ มชฺฌิมาคมวเร มหาสีหนาทสุตฺตปเทน (ม. นิ. ๑.๑๕๐) สาเธนฺโต ‘‘จตฺตาริมานี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เวสารชฺชานีติ วิสารทภาวา, าณปฺปหานอนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺมเทสนานิมิตฺตํ กุโตจิปิ อสนฺตสฺสนภาวา นิพฺภยภาวาติ อตฺโถ. ‘‘เวสารชฺช’’นฺติ หิ จตูสุ าเนสุ สารชฺชาภาวํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนโสมนสฺสมยาณสฺเสตํ นามํ. อฺเหิ ปน อสาธารณตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถาคตสฺส ตถาคตเวสารชฺชานี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ยถา วา ปุพฺพพุทฺธานํ เวสารชฺชานิ ปฺุุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานิ, ตถา อาคตเวสารชฺชานี’’ติ วา ทุติยสฺส ตถาคตสทฺทสฺส ตุลฺยาธิกรณตฺตา เอวํ วุตฺตํ. อยํ อฏฺกถานโย. เนรุตฺติกา ปน วทนฺติ ‘‘สมาเส สิทฺเธ สามฺตฺตา, สฺาสทฺทตฺตา จ ตถา วุตฺต’’นฺติ. อาสภํ านนฺติ เสฏฺฏฺานํ อุตฺตมฏฺานํ. สพฺพฺุตํ ปฏิชานนวเสน อภิมุขํ คจฺฉนฺติ, อฏฺปริสํ อุปสงฺกมนฺตีติ วา อาสภา, พุทฺธา, เตสํ านนฺติปิ อตฺโถ.
อปิจ ตโย ปุงฺควา – ควสตเชฏฺโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฏฺโก วสโภ. วชสตเชฏฺโก วา อุสโภ, วชสหสฺสเชฏฺโก วสโภ. เอกคามเขตฺเต วา เชฏฺโ อุสโภ, ทฺวีสุ คามเขตฺเตสุ เชฏฺโ วสโภ, สพฺพควเสฏฺโ สพฺพตฺถ เชฏฺโ สพฺพปริสฺสยสโห เสโต ปาสาทิโก มหาภารวโห อสนิสตสทฺเทหิปิ อกมฺปนีโย นิสโภติ. นิสโภว อิธ ‘‘อุสโภ’’ติ อธิปฺเปโต. อิทมฺปิ หิ ตสฺส ปริยายวจนํ. อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ, อิทํ ปน อาสภํ วิยาติ อาสภํ. ยเถว หิ นิสภสงฺขาโต อุสโภ อุสภพเลน สมนฺนาคโต จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฏฺาเนน ติฏฺติ, เอวํ ตถาคโตปิ ทสตถาคตพเลน สมนฺนาคโต จตูหิ เวสารชฺชปาเทหิ อฏฺปริสาปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา สเทวเก โลเก เกนจิ ปจฺจตฺถิเกน ปจฺจามิตฺเตน อกมฺปิโย อจลฏฺาเนน ติฏฺติ. เอวํ ติฏฺมาโนว ตํ อาสภํ านํ ปฏิวิชานาติ อุปคจฺฉติ น ปจฺจกฺขาติ อตฺตนิ อาโรเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาสภํ านํ ปฏิชานาตี’’ติ.
สีหนาทํ ¶ นทตีติ ‘‘เสฏฺนาทํ อภีตนาทํ นทตี’’ติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อถ วา สีหนาทสทิสํ นาทํ นทติ. อยมตฺโถ ขนฺธวคฺคสํยุตฺเต อาคเตน สีหนาทสุตฺเตน (สํ. นิ. ๓.๗๘) ทีเปตพฺโพ. ยถา วา สีโห มิคราชา ปริสฺสยานํ ¶ สหนโต, โคณมหึ สมตฺตวารณาทีนํ หนนโต จ ‘‘สีโห’’ติ วุจฺจติ, เอวํ ตถาคโต มุนิราชา โลกธมฺมานํ สหนโต, ปรปฺปวาทานํ หนนโต จ ‘‘สีโห’’ติ วุจฺจติ. เอวํ วุตฺตสฺส สีหสฺส นาทํ นทติ. ตตฺถ ยถา มิคสีโห สีหพเลน สมนฺนาคโต สพฺพตฺถ วิสารโท วิคตโลมหํโส สีหนาทํ นทติ, เอวํ ตถาคตสีโห ทสตถาคตพเลน สมนฺนาคโต อฏฺสุ ปริสาสุ วิสารโท วิคตโลมหํโส ‘‘อิติ รูป’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๗๘; อ. นิ. ๘.๒) นเยน นานาวิธเทสนาวิลาสสมฺปนฺนํ สีหนาทํ นทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติ.
ปฺหํ อภิสงฺขริตฺวาติ าตุมิจฺฉิตํ อตฺถํ อตฺตโน าณพลานุรูปํ อภิสงฺขริตฺวา. ตงฺขณฺเวาติ ปุจฺฉิตกฺขเณเยว านุปฺปตฺติกปฏิภาเนน วิสฺสชฺเชติ. อชฺฌาสยานุรูปํ, อตฺถธมฺมานุรูปฺจ วิสฺสชฺชนโต จิตฺตํ ปริโตเสติเยว. อสฺสาติ สมณสฺส โคตมสฺส. โสตพฺพํ มฺนฺตีติ อฏฺกฺขณวชฺชิเตน นวเมน ขเณน ลพฺภมานตฺตา ‘‘ยํ โน สตฺถา สาสติ, ตํ มยํ โสสฺสามา’’ติ อาทรภาวชาตา มหนฺเตเนว อุสฺสาเหน โสตพฺพํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ มฺติ. กลฺลจิตฺตา มุทุจิตฺตาติ ปสาทาภิวุทฺธิยา วิคตุปกฺกิเลสตาย กลฺลจิตฺตา มุทุจิตฺตา โหนฺติ. มุทฺธปฺปสนฺนาติ ตุจฺฉปฺปสนฺนา นิรตฺถกปฺปสนฺนา. ปสนฺนากาโร นาม ปสนฺเนหิ กาตพฺพสกฺกาโร, โส ทุวิโธ ธมฺมามิสปูชาวเสน, ตตฺถ อามิสปูชํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปณีตานี’’ติอาทิมาห. ธมฺมปูชา ปน ปาฬิยเมว ‘‘ตถตฺตาย ปฏิปชฺชนฺตี’’ติ อิมินา ทสฺสิตา. ตถาภาวายาติ ยถาภาวาย ยสฺส วฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, ตถาภาวาย. ตเทวตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติปูรณตฺถายา’’ติ วุตฺตํ. ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติ หิ วฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณปริโยสานา, สา จ ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติ ยาย อนุปุพฺพิยา ปฏิปชฺชิตพฺพา, ปฏิปชฺชนฺตานฺจ สติ อชฺฌตฺติกงฺคสมวาเย เอกํสิกา ตสฺสา ปาริปูรีติ ตํ อนุปุพฺพึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เกจิ สรเณสู’’ติอาทิมาห. ยถา ปูเรนฺตา ปูเรตุํ สกฺโกติ นาม, ตถา ปูรณํ ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพากาเรน ปน ปูเรนฺตี’’ติ วุตฺตํ.
อิมสฺมึ ปโนกาเสติ ‘‘ปฏิปนฺนา จ อาราเธนฺตี’’ติ สีหนาทกิจฺจปาริปูริฏฺปเน ปาฬิปเทเส. สโมธาเนตพฺพาติ สงฺกลยิตพฺพา. เอกจฺจํ…เป… ปสฺสามีติ ภควโต เอโก สีหนาโท อสาธารโณ อฺเหิ ¶ อปฺปฏิวตฺติโย เสฏฺนาโท อภีตนาโทติ กตฺวา. เอส นโย เสเสสุปิ. อปรํ ตปสฺสินฺติ อธิกาโร. ปุริมานํ ทสนฺนนฺติ ‘‘เอกจฺจํ ตปสฺสึ นิรเย นิพฺพตฺตํ ปสฺสามี’’ติ ¶ วุตฺตสีหนาทโต ปฏฺาย ยาว ‘‘วิมุตฺติยา มยฺหํ สทิโส นตฺถี’’ติ วุตฺตสีหนาทา ปุริมกานํ ทสนฺนํ สีหนาทานํ, นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ. เตนาห ‘‘เอเกกสฺสา’’ติ. ‘‘ปริสาสุ จ นทตี’’ติ อาทโย ‘‘ปฏิปนฺนา จ มํ อาราเธนฺตี’’ติ ปริโยสานา ทส ทส สีหนาทา ปริวารา. ‘‘เอกจฺจํ ตปสฺสึ นิรเย นิพฺพตฺตํ ปสฺสามี’’ติ หิ สีหนาทํ นทนฺโต ภควา ปริสาสุ นทติ วิสารโท หุตฺวา นทติ, ตตฺถ จ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, วิสฺสชฺชเนน ปรสฺส จิตฺตํ อาราเธติ, สุตฺวา โสตพฺพํ มฺนฺติ, สุตฺวา จ ภควโต ปสีทนฺติ, ปสนฺนา จ ปสนฺนาการํ กโรนฺติ, ยํ ปฏิปตฺตึ เทเสติ, ตถตฺตาย ปฏิปชฺชนฺติ, ปฏิปนฺนา จ มํ อาราเธนฺตีติ เอวํ ปริวาเรตฺวา อตฺถโยชนา สมฺภวติ. อยเมว นโย เสเสสุปิ นวสุ.
‘‘เอว’’นฺติอาทินา ยถาวุตฺตานํ สีหนาทานํ สงฺกลยิตฺวา ทสฺสนํ. เต ทสาติ ‘‘ปริสาสุ จ นทตี’’ติ อาทโย ทส สีหนาทา. ปุริมานํ ทสนฺนนฺติ ยถาวุตฺตานํ มูลภูตานํ ปุริมกานํ ทสสีหนาทานํ. ปริวารวเสนาติ มูลึ กตฺวา ปจฺเจกํ ปริวารวเสน โยชิยมานา สตํ สีหนาทา. ปุริมา จ ทสาติ มูลมูลิโย กตฺวา ปริวารวเสน อโยชิยมานา ปุริมกา จ ทสาติ เอวํ ทสาธิกํ สีหนาทสตํ โหติ. อฺสฺมึ ปน สุตฺเตติ มชฺฌิมาคมจูฬสีหนาทสุตฺตาทิมฺหิ (ม. นิ. ๑.๑๙๓) เตนาติ สงฺขฺยามหตฺเตน. มหาสีหนาทตฺตา อิทํ สุตฺตํ ‘‘มหาสีหนาท’’นฺติ วุจฺจติ, น ปน มชฺฌิมนิกาเย มหาสีหนาทสุตฺตมิว จูฬสีหนาทสุตฺตมุปาทายาติ อธิปฺปาโย.
ติตฺถิยปริวาสกถาวณฺณนา
๔๐๔. ปฏิเสเธตฺวาติ ตถา ภาวาภาวทสฺสเนน ปฏิกฺขิปิตฺวา. ยํ ภควา ปาถิกวคฺเค อุทุมฺพริกสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๕๗) ‘‘อิธ นิคฺโรธ ตปสฺสี’’ติอาทินา อุปกฺกิเลสวิภาคํ, ปาริสุทฺธิวิภาคฺจ ทสฺเสนฺโต สปริสสฺส นิคฺโรธปริพฺพาชกสฺส ปุรโต สีหนาทํ นทติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิทานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. นทิตปุพฺพนฺติ อุทุมฺพริกสุตฺเต อาคตนเยน ปุพฺเพ นิคฺโรธปริพฺพาชกสฺส นทิตํ ¶ . ตปพฺรหฺมจารีติ อุตฺตมตปจารี, ตเปน วา วีริเยน พฺรหฺมจารี. อิทนฺติ ‘‘ราชคเห…เป… ปฺหํ อปุจฺฉี’’ติ ปาฬิยํ อาคตวจนํ. อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐๓) ปน ยถาวุตฺตํ อฏฺกถาวจนเมว ปจฺจามฏฺํ. เอตฺถ จ กามํ ยทา นิคฺโรโธ ปฺหมปุจฺฉิ, ภควา จสฺส วิสฺสชฺเชสิ, น ตทา ภควา คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต วิหรติ, ราชคหสมีเปเยว อุทุมฺพริกาย เทวิยา อุยฺยาเน วิหรติ ตตฺเถว ตถา ปุจฺฉิตตฺตา, วิสฺสชฺชิตตฺตา ¶ จ, ตถาปิ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต ภควโต วิหาโร น ตาว วิจฺฉินฺโน, ตสฺมา ปาฬิยํ ‘‘ตตฺร ม’’นฺติอาทิวจนํ, อฏฺกถายฺจ ‘‘ตตฺร ราชคเห คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต วิหรนฺตํ ม’’นฺติอาทิวจนํ วุตฺตนฺติ อิมมตฺถมฺปิ ‘‘ยํ ตํ ภควา’’ติอาทินา วิฺาเปตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต’’ติ อิทํ ตตฺถ กตวิหารํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘คิชฺฌกูเฏ มหาวิหาเร’’ติ อิมินา. อุทุมฺพริกายาติ ตนฺนามิกาย. อุยฺยาเนติ ตตฺถ กตปริพฺพาชการามํ สนฺธาย วทติ. นิคฺโรโธ นาม ฉนฺนปริพฺพาชโก. สนฺธาโน นาม ปฺจอุปาสกสตปริวาโร อนาคามิอุปาสโก. กถาสลฺลาปนฺติ ‘‘ยคฺเฆ คหปติ ชาเนยฺยาสิ, เกน สมโณ โคตโม สทฺธึ สลฺลปตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๕๓) สลฺลาปกถํ. ปรนฺติ อติสยตฺเถ นิปาโต. วิยาติ ปทปูรณมตฺเต ยถา ตํ ‘‘อติวิยา’’ติ. อนฺธพาลนฺติ ปฺาจกฺขุนา อนฺธํ พาลชนํ. โยเคติ นเย, ทุกฺขนิสฺสรณูปาเยติ อตฺโถ.
๔๐๕. อเนนาติ ภควตา. ขนฺธเกติ มหาวคฺเค ปพฺพชฺชขนฺธเก (มหาว. ๙๖) ยํ ปริวาสํ ปริวสตีติ โยชนา. ‘‘ปุพฺเพ อฺติตฺถิโย ภูโตติ อฺติตฺถิยปุพฺโพ’’ติ (สารตฺถ. ฏี. ๗๖) อาจริยสาริปุตฺตตฺเถเรน วุตฺตํ. ปมํ ปพฺพชฺชํ คเหตฺวาว ปริวสตีติ อาห ‘‘สามเณรภูมิยํ ิโต’’ติ. ตนฺติ ทฺวีหิ อากาเรหิ วุตฺตํ ปริวาสํ. ปพฺพชฺชนฺติ ‘‘อากงฺขติ ปพฺพชฺชํ, อากงฺขติ อุปสมฺปท’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตํ ปพฺพชฺชคฺคหณํ. ‘‘อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ กปฺเปยฺยา’’ติ (ปาจิ. ๕๑) เอตฺถ ทิรตฺตคฺคหณํ วิย วจนสิลิฏฺตาวเสเนว วุตฺตํ. ยสฺมา ปน สามเณรภูมิยํ ิเตเนว ปริวสิตพฺพํ, น คิหิภูเตน, ตสฺมา อปริวสิตฺวาเยว ปพฺพชฺชํ ลภติ. น คามปฺปเวสนาทีนีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน นเวสิยาวิธวาถุลฺลกุมาริกปณฺฑกภิกฺขุนิโคจรตา, สพฺรหฺมจารีนํ กึ กรณีเยสุ ทกฺขานลสาทิตา, อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีสุ ติพฺพจฺฉนฺทตา, ยสฺส ติตฺถายตนโต ¶ อิธาคโต, ตสฺส อวณฺณภณเน อตฺตมนตา, พุทฺธาทีนํ อวณฺณภณเน อนตฺตมนตา, ยสฺส ติตฺถายตนโต อิธาคโต, ตสฺส วณฺณภณเน อนตฺตมนตา, พุทฺธาทีนํ วณฺณภณเน อตฺตมนตาติ อิเมสํ สตฺตวตฺตานํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปูเรนฺเตน ปริวสิตพฺพนฺติ ยทา ปริวสติ, ตทา ปูรมาเนน ปริวสิตพฺพํ. อฏฺวตฺตปูรเณนาติ ยถาวุตฺตานํ อฏฺนฺนํ วตฺตานํ ปูรเณน. เอตฺถาติ ปริวาเส, อุปสมฺปทาย วา. ฆํสิตฺวา โกฏฺเฏตฺวาติ อชฺฌาสยวีมํสนวเสน สุวณฺณํ วิย ฆํสิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา. ปพฺพชฺชายาติ นิทสฺสนมตฺตํ. อุปสมฺปทาปิ หิ เตน สงฺคยฺหติ.
‘‘คณมชฺเฌ นิสีทิตฺวาติ อุปสมฺปทากมฺมสฺส คณปฺปโหนกานํ ภิกฺขูนํ มชฺเฌ สงฺฆตฺเถโร วิย ตสฺส อนุคฺคหตฺถํ นิสีทิตฺวา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐๕) อาจริเยน วุตฺตํ, อิทานิ ¶ ปน พหูสุปิ โปตฺถเกสุ ‘‘ตํ นิสีทาเปตฺวา’’ติ การิตวเสน ปาโ ทิสฺสติ. อจิรมุปสมฺปนฺนสฺส อสฺสาติ อจิรูปสมฺปนฺโน, อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ ‘‘อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา นจิรเมวา’’ติ อาห. กายจิตฺตวิเวกาว อิธาธิปฺเปตา อุปธิวิเวกตฺถํ ปฏิปชฺชนาธิการตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘กาเยน เจว จิตฺเตน จา’’ติ. วูปกฏฺโติ วิวิตฺโต. ตาทิสสฺส สีลวิโสธเน อปฺปมาโท อวุตฺตสิทฺโธติ กมฺมฏฺาเน อปฺปมาทเมว ทสฺเสติ. เปสิตจิตฺโตติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตจิตฺโต, ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณ ตปฺปพฺภาโรติ วุตฺตํ โหติ, เอวํภูโต จ ตถา อนเปกฺขตาย วิสฺสชฺชิตกาโย นามาติ อธิปฺปายมาวิกาตุํ ‘‘วิสฺสฏฺอตฺตภาโว’’ติ วุตฺตํ. อตฺตาติ เจตฺถ จิตฺตํ วุจฺจติ รูปกายสฺส อวิสยตฺตา. ยสฺสาติ อรหตฺตผลสฺส. ชาติกุลปุตฺตาปิ อาจารสมฺปนฺนา เอว อรหตฺตาธิคมาย ปพฺพชฺชาเปกฺขา โหนฺตีติ เตปิ ชาติกุลปุตฺเต เตเหว อาจารกุลปุตฺเตหิ เอกสงฺคเห กโรนฺโต ‘‘อาจารกุลปุตฺตา’’ติ อาห. อิมินา หิ อาจารสมฺปนฺนา ชาติกุลปุตฺตาปิ สงฺคหิตา โหนฺติ. อาจารสมฺปนฺนานเมวาธิปฺเปตภาโว จ ‘‘สมฺมเทวา’’ติ สทฺทนฺตเรน วิฺายติ. ‘‘โอติณฺโณมฺหิ ชาติยา’’ติอาทินา นเยน หิ สํเวคปุพฺพิกํ ยถานุสิฏฺํ ปพฺพชฺชํ สนฺธาย ‘‘สมฺมเทวา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘เหตุนาว การเณเนวา’’ติ. ตตฺถ เหตุนาติ นเยน อุปาเยน. การเณเนวาติ ตพฺพิวรณวจนํ ¶ . ตนฺติ อรหตฺตผลํ. ตเทว หิ ‘‘อนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสาน’’นฺติ วตฺตุมรหติ อฺเสํ ตถา อภาวโต. ‘‘ยํตํสทฺทา นิจฺจสมฺพนฺธา’’ติ สทฺทนเยนปิ ตทตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทินา. ‘‘ยสฺสตฺถาย…เป… ปพฺพชฺชนฺตี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตสฺส ตสฺส อรหตฺตผลสฺส อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติ, ตสฺมา อรหตฺตผลมิธาธิปฺเปตนฺติ วิฺายตีติ อธิปฺปาโย. นตฺถิ ปโร ชโน ตถา สจฺฉิกรเณ ปจฺจโย ยสฺสาติ อปรปฺปจฺจโย, ตํ. อุป-สทฺโท วิย สํ-สทฺโทปิ ธาตุสทฺทานุวตฺตโกติ วุตฺตํ ‘‘ปาปุณิตฺวา’’ติ, ปตฺวา อธิคนฺตฺวาติ อตฺโถ. อุป-สทฺโท วา ธาตุสทฺทานุวตฺตโก, สํ-สทฺโท ปน ธาตุวิเสสโกติ อาห ‘‘สมฺปาเทตฺวา’’ติ, อเสกฺขา สีลสมาธิปฺาโย นิปฺผาเทตฺวา, ปริปูเรตฺวาวาติ อตฺโถ.
นิฏฺาเปตุนฺติ นิคมนวเสน ปริโยสาเปตุํ. ‘‘พฺรหฺมจริยปริโยสานํ…เป… วิหาสี’’ติ อิมินา เอว หิ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนา ปริโยสาปิตา, ตํ ปน นิคเมตุํ ‘‘อฺตโร…เป… อโหสี’’ติ ธมฺมสงฺคาหเกหิ วุตฺตํ. เอกโตว อิธ อฺตโร, น ปน นามโคตฺตาทีหิ อปากฏโต. อรหนฺตานนฺติ อุพฺพาหเน เจตํ สามิวจนํ. ตถา อุพฺพาหิตตฺตา จ เตสมพฺภนฺตโรติ อตฺโถ อาปนฺโนติ อธิปฺปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภควโต’’ติอาทิมาห. เกจิ ปน เอวํ วทนฺติ – อรหนฺตานนฺติ เจตํ สมฺพนฺเธเยว สามิวจนํ, อโต เจตฺถ สห ปาเสเสน อธิปฺปายมตฺถํ ¶ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควโต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปฺปกาสนิยา มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนา
โปฏฺปาทปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
๔๐๖. เอวํ ¶ ¶ มหาสีหนาทสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ โปฏฺปาทสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, มหาสีหนาทสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส โปฏฺปาทสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… สาวตฺถิยนฺติ โปฏฺปาทสุตฺต’’นฺติ อาห. ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ อิทํ สมีปตฺเถ ภุมฺมนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘สาวตฺถึ อุปนิสฺสายา’’ติ วุตฺตํ, จีวราทิปจฺจยปฏิพทฺธตาย อุปนิสฺสยํ กตฺวาติ อตฺโถ. เชโต นาม ราชกุมาโร, เตน โรปิตตฺตา สํวฑฺฒิตตฺตา ปริปาลิตตฺตา เชตสฺส วนํ อุปวนนฺติ อตฺถมาห ‘‘เชตสฺส กุมารสฺส วเน’’ติ. สุทตฺโต นาม คหปติ อนาถานํ ปิณฺฑสฺส ทายกตฺตา อนาถปิณฺฑิโก. เตน เชตสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิรฺโกฏิสนฺถรเณน ตํ กิณิตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีเหว เสนาสนํ การาเปตฺวา อฏฺารสหิรฺโกฏีเหว วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา เอวํ จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน โส อาราโม พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาติโต. เตนาห ‘‘อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา อาราโม การิโต’’ติ. ปุปฺผผลปลฺลวาทิคุณสมฺปตฺติยา, ปาณิโน นิวาสผาสุตาทินา วา วิเสเสน ปพฺพชิตา ตโต ตโต อาคมฺม รมนฺติ อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา นิวสนฺติ เอตฺถาติ อาราโม. อถ วา ยถาวุตฺตคุณสมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตเร อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม.
โผโฏ ยสฺส ปาเทสุ ชาโตติ โปฏฺปาโท. โผโฏ โปฏฺโติ หิ ปริยาโย. ปริพฺพาชโก ทุวิโธ ฉนฺนปริพฺพาชโก, อจฺฉนฺนปริพฺพาชโก จ. ตตฺถ อจฺฉนฺนปริพฺพาชโกปิ อเจลโก อาชีวโกติ ทุวิโธ. เตสุ อเจลโก สพฺเพน สพฺพํ นคฺโค, อาชีวโก ปน อุปริ เอกเมว วตฺถํ อุปกจฺฉกนฺตเร ปเวเสตฺวา ปริหรติ, เหฏฺา นคฺโค. อยํ ปน ทุวิโธเปส น โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ฉนฺนปริพฺพาชโก’’ติ, วตฺถจฺฉายาฉาทนปพฺพชฺชูปคตตฺตา ฉนฺนปริพฺพาชกสงฺขฺยํ คโตติ อตฺโถ ¶ . พฺราหฺมณมหาสาโลติ มหาวิภวตาย มหาสารตํ ปตฺโต พฺราหฺมโณ. คณาจริโยติ ¶ สาเปกฺขตาย สมาโส. สมยนฺติ สามฺนิทฺเทโส, เอกเสสนิทฺเทโส วา, ตํ ตํ สมยนฺติ อตฺโถ. ปวทนฺตีติ ปการโต วทนฺติ, อตฺตนา อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ยถา ตถา สมยํ วทนฺตีติ อตฺโถ. ตารุกฺโขติ ตสฺส นามํ. ปภุติ สทฺเทน โตเทยฺยชาณุโสณีโสณทณฺฑกูฏทนฺตาทิเก สงฺคณฺหาติ, อาทิสทฺเทน ปน ฉนฺนปริพฺพาชกาทิเก. ตินฺทุโก นาม กาฬกฺขนฺธรุกฺโข. จีรนฺติ ปนฺติ. ตินฺทุกา จีรํ เอตฺถ สนฺตีติ ตินฺทุกจีโร. ตถา เอกา สาลา เอตฺถาติ เอกสาลโก. ภูตปุพฺพคติยา ตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิมาห. อิติ กตฺวาติ อิมินา การเณน. ‘‘ตสฺมิ’’นฺติอาทินา ยถาปาํ วิภตฺยนฺตทสฺสนํ.
อเนกาการานวเสสเยฺยตฺถวิภาคโต, อปราปรุปฺปตฺติโต จ ภควโต าณํ โลเก ปตฺถฏมิว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สพฺพฺุตฺาณํ ปตฺถริตฺวา’’ติ, ยโต ตสฺส าณชาลตา วุจฺจติ. เวเนยฺยานํ ตทนฺโตคธภาโว เหฏฺา วุตฺโตว. เวเนยฺยสตฺตปริคฺคณฺหนตฺถํ สมนฺนาหาเร กเต ปมํ เนสํ เวเนยฺยภาเวเนว อุปฏฺานํ โหติ, อถ สรณคมนาทิวเสน กิจฺจนิปฺผตฺติ วีมํสียตีติ อาห ‘‘กินฺนุ โข ภวิสฺสตีติ อุปปริกฺขนฺโต’’ติ. นิโรธนฺติ สฺานิโรธํ. นิโรธา วุฏฺานนฺติ ตโต นิโรธโต วุฏฺานํ สฺุปฺปตฺตึ. สพฺพพุทฺธานํ าเณน สํสนฺทิตฺวาติ ยถา เต นิโรธํ, นิโรธโต วุฏฺานฺจ พฺยากรึสุ, พฺยากริสฺสนฺติ จ, ตถา พฺยากรณวเสน สํสนฺทิตฺวา. กติปาหจฺจเยนาติ ทฺวีหตีหจฺจเยน. ปาฬิยเมว หิ อิมมตฺถํ วกฺขติ. สรณํ คมิสฺสตีติ ‘‘สรณ’’มิติ คมิสฺสติ. ‘‘หตฺถิสาริปุตฺโตติ หตฺถิสาริโน ปุตฺโต’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๐๖) อาจริเยน วุตฺตํ. อธุนา ปน ‘‘จิตฺโต หตฺถิสาริปุตฺโต’’ ตฺเวว ปาโ ทิสฺสติ, จิตฺโต นาม หตฺถาจริยสฺส ปุตฺโตติ อตฺโถ.
สุรตฺตทุปฏฺฏนฺติ รชเนน สมฺมา รตฺตํ ทิคุณํ อนฺตรวาสกํ ปริวตฺตนวเสน นิวาเสตฺวา. ‘‘ยุคนฺธรปพฺพตํ ปริกฺขิปิตฺวา’’ติ อิทํ ปริกปฺปวจนํ ‘‘ตาทิโส อตฺถิ เจ, ตํ วิยา’’ติ. เมฆวณฺณนฺติ รตฺตเมฆวณฺณํ, สฺฌาปภานุรฺชิตเมฆสงฺกาสนฺติ อตฺโถ. ปเมน เจตฺถ สณฺานสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ, ทุติเยน วณฺณสมฺปตฺตึ. เอกํสวรคตนฺติ วามํสวรปฺปวตฺตํ. ตถา หิ สุตฺตนิปาตฏฺกถายํ วงฺคีสสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตํ ‘‘เอกํสนฺติ ¶ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺสตฺโถ เวทิตพฺโพ’’ติ [สุ. นิ. อฏฺ. นิคฺโรธกปฺปสุตฺต (วงฺคีสสุตฺต) วณฺณนา] ตตฺถ เอตนฺติ ‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวา’’ติ วจนํ. ยโตติ ยถาวุตฺตวจนสฺส ปารุปิตฺวา ิตสฺเสว อธิวจนตฺตา ¶ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพติ สมฺพนฺโธ. ปจฺจคฺฆนฺติ เอกํ กตฺวา อนธิฏฺิตกาเล ปาเฏกฺกํ มหคฺฆํ, ปจฺจคฺฆํ วา อภินวํ, อพฺภุณฺเห ตงฺขเณ นิพฺพตฺตนฺติ อตฺโถ. ปุริมฺเจตฺถ อตฺถวิกปฺปํ เกจิ น อิจฺฉติ. ตถา หิ อาจริเยเนว อุทานฏฺกถายํ วุตฺตํ ‘‘ปจฺจคฺเฆติ อภินเว, ปจฺเจกํ มหคฺฆตาย ปจฺจคฺเฆติ เกจิ, ตํ น สุนฺทรํ. น หิ พุทฺธา ภควนฺโต มหคฺฆํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ปริภฺุชนฺติ จา’’ติ, อิธาปิ เตน ปจฺฉิโมเยว อตฺถวิกปฺโป คหิโต. อภินวตาย ‘‘ปจฺจคฺฆ’’นฺติ จ อิทํ อาทิโต ตถา ลทฺธโวหาเรน, อนฺปริโภคตาย จ วุตฺตํ, ตถา วา สตฺถุ อธิฏฺาเนน ตํ ปตฺตํ สพฺพกาลํ ‘‘ปจฺจคฺฆ’’นฺตฺเวว วุจฺจติ. เสลมยปตฺตนฺติ มุคฺควณฺณสิลามยํ จตุมหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ. อยเมว หิ ภควตา นิจฺจปริภุตฺโต ปตฺโต สมจิตฺตสุตฺตวณฺณนาทีสุปิ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๓๗) ตถา วุตฺตตฺตา.
๔๐๗. อตฺตโน รุจิวเสน อชฺฌาสยวเสน, น ปเรหิ อุสฺสาหิโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘อติปฺปคภาวเมว ทิสฺวา’’ติ จ อิทํ ภูตกถนํ น ตาว ภิกฺขาจรณเวลา สมฺปตฺตาติ ทสฺสนตฺถํ. ภควา หิ ตทา กาลสฺเสว วิหารโต นิกฺขนฺโต ‘‘วาสนาภาคิยาย ธมฺมเทสนาย โปฏฺปาทํ อนุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. ปาฬิยํ อติปฺปโค โขติ เอตฺถ ‘‘ปโค’’ติ อิทํ กจฺจายนมเตน ป-อิจฺจุปสคฺคโต โอ-การค-การาคมเน สิทฺธํ. ป-สทฺโทเยว ปาโตอตฺถํ วทติ. อฺเสํ ปน สทฺทวิทูนํ มเตน ปาโตปทมิว เนปาติกํ. เตเนว ตตฺถ ตตฺถ อฏฺกถาสุ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑) วุตฺตํ ‘‘อติปฺปโค โขติ อติวิย ปาโต’’ติ. อปิจ ปมํ คจฺฉติ ทิวสภาเวน ปวตฺตตีติ ปโคติ นิพฺพจนํ อิมินา ทสฺสิตํ. ทุวิโธ ขลุสทฺโท วิย หิ ปโคติ สทฺโท นามนิปาโตปสคฺควเสน ติวิโธ. เอวฺหิ อิธ ‘‘อติปฺปคภาวเมว ทิสฺวา’’ติ วจนํ อุปปนฺนํ โหติ.
ยํนูนาติ ¶ เอส นิปาโต อฺตฺถ สํสยปริทีปโน, อิธ ปน สํสยปติรูปกปริทีปโนว. กสฺมา ‘‘สํสยปริทีปเน’’ติ วุตฺตํ, นนุ พุทฺธานํ สํสโย นตฺถีติ อาห ‘‘พุทฺธานฺจา’’ติอาทิ. สํสโย นาม นตฺถิ โพธิมูเล เอว ตสฺส สมุคฺฆาฏิตตฺตา. ปริวิตกฺกปุพฺพภาโคติ อธิปฺเปตกิจฺจสฺส ปุพฺพภาเค ปวตฺตปริวิตกฺโก. เอสาติ ‘‘กริสฺสาม, น กริสฺสามา’’ติอาทิโก เอส จิตฺตาจาโร สพฺพพุทฺธานํ ลพฺภติ สมฺภวติ วิจารณวเสเนว ปวตฺตนโต, น ปน สํสยวเสน. เตนาหาติ เยเนส สพฺพพุทฺธานํ ลพฺภติ, เตน ภควา เอวมาหาติ อิมเมว ปาฬึ อิมสฺส อตฺถสฺส สาธกํ กโรติ. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – ยํนูนาติ ปริกปฺปเน นิปาโต. ‘‘อุปสงฺกเมยฺย’’นฺติ กิริยาปเทน วุจฺจมาโนเยว หิ อตฺโถ อเนน ¶ โชตียติ. ตสฺมา อหํ ยํนูน ยทิ ปน อุปสงฺกเมยฺยํ สาธุ วตาติ โยชนา. ‘‘ยทิ ปนา’’ติ อิทมฺปิ เตน สมานตฺถนฺติ วุตฺตํ ‘‘ยทิ ปนาหนฺติ อตฺโถ’’ติ.
๔๐๘. อสฺสาติ ปริพฺพาชกปริสาย. อุทฺธํคมนวเสนาติ อุนฺนตพหุลตาย อุคฺคนฺตฺวา อุคฺคนฺตฺวา ปวตฺตนวเสน. ทิสาสุ ปตฺถฏวเสนาติ วิปุลภาเวน ภูตปรมฺปราย สพฺพทิสาสุ ปตฺถรณวเสน. เอตฺถ จ ปาฬิยํ ยถา อุนฺนตปาโย สทฺโท อุนฺนาโท, เอวํ วิปุลภาเวน อุปรูปริ ปวตฺโตปิ อุนฺนาโทเยวาติ ตทุภยํ เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘อุนฺนาทินิยา’’ติ วุตฺตํ, ปุน ตทุภยเมว วิภาคํ กตฺวา ‘‘อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทายา’’ติ. อโต ปาฬินยานุรูปเมว อตฺถํ วิวรตีติ ทฏฺพฺพํ. อิทานิ ปริพฺพาชกปริสาย อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทตาการณํ, ตสฺส จ ปวตฺติอาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เตสฺหี’’ติอาทิมาห. พาลาตเปติ อภินวุคฺคตสูริยาตเป. กามสฺสาโท นาม กามคุณสฺสาโท. ภวสฺสาโท นาม กามราคาทิสหคโต ภเวสุ อสฺสาโท.
สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนมิว นิปฺปภตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ขชฺโชปนกูปมา ชาตา’’ติ. ลาภสกฺกาโรปิ โน ปริหีโนติ อตฺโถ พาเวรุชาตเกน (ชา. ๑.๔.๑๕๔) ทีเปตพฺโพ. ปริสโทโสติ ปริสาย ปวตฺตโทโส.
๔๐๙. สณฺเปสีติ สฺมนวเสน สมฺมเทว เปสิ. สณฺปนฺเจตฺถ ติรจฺฉานกถาย อฺมฺสฺมึ อคารวสฺส จชาปนวเสน อาจารสิกฺขาปนํ ¶ , ยถาวุตฺตโทสสฺส นิคูหนฺจ โหตีติ อาห ‘‘สิกฺขาเปสี’’ติอาทิ. นนฺติ ปริสํ. อปฺปสทฺทนฺติ นิสฺสทฺทํ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาภาวํ. ‘‘เอโก นิสีทตี’’ติอาทิ อตฺถาปตฺติทสฺสนํ. วุทฺธินฺติ ลาภคุณวุทฺธึ. ปตฺถยมาโนติ ปตฺถยนเหตุ. มานนฺเต หิ ลกฺขเณ, เหตุมฺหิ จ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. อิทานิ ตมตฺถํ วิตฺถาเรตุํ ‘‘ปริพฺพาชกา กิรา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อปรทฺธนฺติ อปรชฺฌิตํ. นปฺปมชฺชนฺตีติ ปมาทํ น อาปชฺชนฺติ, น อคารวํ กโรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
๔๑๐. โน อาคเต อานนฺโทติ อมฺหากํ ภควติ อาคเต อานนฺโท ปีติ โหติ. ‘‘จิรสฺสํ โข ภนฺเต ภควา อิมํ ปริยายมกาสี’’ติ วจนํ ปุพฺเพปิ ตตฺถ อาคตปุพฺพตฺตา วุตฺตวจนมิว โหตีติ โจทนํ สมุฏฺาเปตฺวา ปริหรนฺโต ‘‘กสฺมา อาหา’’ติอาทิมาห. ปิยสมุทาจาราติ ปิยาลาปา. ตสฺมาติ ตถา ปิยสมุทาจารสฺส ปวตฺตนโต. น เกวลํ อยเมว, อถ โข อฺเปิ ปพฺพชิตา เยภุยฺเยน ภควโต อปจิตึ กโรนฺเตวาติ ตทฺเสมฺปิ พาหุลฺลกมฺเมน ตทตฺถํ สาเธตุํ ‘‘ภควนฺตฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อุจฺจากุลีนตายา’’ติ ¶ , มหาสมฺมตราชโต ปฏฺาย อสมฺภินฺนขตฺติยกุลตายาติ อตฺโถ. ตถา หิ โสณทณฺเฑน วุตฺตํ ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม อุจฺจากุลา ปพฺพชิโต อสมฺภินฺนขตฺติยกุลา’’ติ, (ที. นิ. ๑.๓๐๔) เตน สาสเน อปฺปสนฺนานมฺปิ กุลคารเวน ภควติ อปจิตึ ทสฺเสติ. เอตสฺมึ อนฺตเร กา นาม กถาติ ยถาวุตฺตปริจฺเฉทพฺภนฺตเร กีทิสา นาม กถา. วิปฺปกตาติ อารทฺธา หุตฺวา อปริโยสิตา. ‘‘กา กถา วิปฺปกตา’’ติ ปน วทนฺโต อตฺถโต ตสฺสา ปริโยสาปนํ ปฏิชานาติ นาม. กา กถาติ จ อวิเสสโจทนา, ตสฺมา ยสฺสา ตสฺสา สพฺพสฺสาปิ กถาย ปริโยสาปนํ ปฏิฺาตํ โหติ, ตฺจ ปฏิชานนํ ปเทสฺุโน อวิสํยนฺติ อาห ‘‘ยาว…เป… สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสี’’ติ. เอสาติ ปริพฺพาชกปริสาย กถิตา ราชกถาทิกา. นิสฺสาราติ นิรตฺถกภาเวน สารรหิตา.
อภิสฺานิโรธกถาวณฺณนา
๔๑๑. ‘‘ติฏฺเตสา’’ติ เอตสฺส อาปนฺนมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สเจ’’ติอาทิมาห. สุการณนฺติ สุนฺทรํ อตฺถาวหํ หิตาวหํ การณํ. ยตฺถาติ อฺตริสฺสํ ¶ สาลายํ. นานาติตฺถสงฺขาตาสุ ลทฺธีสุ นิยุตฺตาติ นานาติตฺถิยาณิยสทฺเทน. ณิกสทฺเทน วา ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา ยถา ‘‘อนฺติโย’’ติ. ‘‘อยํ กึ วทติ อยํ กึ วทตี’’ติ กุตูหลํ โกลาหลเมตฺถ อตฺถีติ โกตูหลา, สา เอว สาลา โกตูหลสาลาติ อาห ‘‘โกตูหลุปฺปตฺติฏฺานโต’’ติ. อุปสคฺคมตฺตํ ธาตฺวตฺถานุวตฺตนโต. สฺาสีเสนายํ เทสนา, ตสฺมา สฺาสหคตา สพฺเพปิ ธมฺมา คยฺหนฺติ, ตตฺถ ปน จิตฺตํ ปธานนฺติ วุตฺตํ ‘‘จิตฺตนิโรเธ’’ติ. ปหานวเสน ปน อจฺจนฺตนิโรธสฺส เตหิ อนธิปฺเปตตฺตา, อวิสยตฺตา จ ‘‘ขณิกนิโรเธ’’ติ อาห. กามํ โสปิ เตสํ อวิสโยว, อตฺถโต ปน นิโรธกถา วุจฺจมานา ตตฺเถว ติฏฺติ, ตสฺมา อตฺถาปตฺติมตฺตํ ปติ ตถา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺสาติ อภิสฺานิโรธกถาย. ‘‘กิตฺติโฆโส’’ติ ‘อโห พุทฺธานุภาโว, ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนมฺปิ การณํ เอวํ หตฺถามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ, สาวเก จ เอทิเส สํวรสมาทาเน ปติฏฺาเปตี’ติ ถุติโฆโส ยาว ภวคฺคา ปตฺถรตีติ. อาจริเยน วุตฺตํ. อิทานิ ปน ‘‘สกลชมฺพุทีเป ภควโต กถากิตฺติโฆโส ปตฺถรตี’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. ปฏิภาคกิริยนฺติ ปฬาสวเสน ปฏิภาคภูตํ ปโยคํ. ภวนฺตรสมยนฺติ ตตฺร ตตฺร วุฏฺานสมยํ อภูตปริกปฺปิตํ กิฺจิ อุสฺสาริยวตฺถุํ อตฺตโน สมยํ กตฺวา กเถนฺติ. กิฺจิเทว สิกฺขาปทนฺติ ‘‘เอกมูลเกน ภวิตพฺพํ, เอตฺตกํ เวลํ เอกสฺมึเยว าเน นิสีทิตพฺพ’’นฺติ เอวมาทิกํ ¶ กิฺจิเทว การณํ สิกฺขาโกฏฺาสํ กตฺวา ปฺเปนฺติ. นิโรธกถนฺติ นิโรธสมาปตฺติกถํ.
เตสูติ โกตูหลสาลายํ สนฺนิปติเตสุ นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมเณสุ. เอกจฺเจติ เอเก. ปุริโมติ ‘‘อเหตู อปฺปจฺจยา ปุริสสฺส สฺา อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปี’’ติอาทินา วุตฺตวาที. เอตฺถาติ จตูสุ วาทีสุ. ยฺวายํ อิธ อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. สมาปตฺตินฺติ อสฺีภวาวหํ วาโยกสิณปริกมฺมํ, อากาสกสิณปริกมฺมํ วา รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานสมาปตฺตึ, ปฺจมชฺฌานสมาปตฺตึ วา. นิโรเธติ เหฏฺา วุตฺตนเยน สฺานิโรเธ. เหตุํ อปสฺสนฺโตติ เยน เหตุนา อสฺีภเว สฺาย นิโรโธ สพฺพโส อนุปฺปาโท, เยน จ ตโต จุตสฺส อิธ ปฺจโวการภเว ¶ สฺาย อุปฺปาโท, ตทุภยมฺปิ เหตุํ อวิสยตาย อปสฺสนฺโต.
ทุติโยติ ‘‘สฺา หิ โภ ปุริสสฺส อตฺตา’’ติอาทินา วุตฺตวาที. นนฺติ ปมวาทึ. นิเสเธตฺวาติ ‘‘น โข ปน เมตํ โภ เอวํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปฏิกฺขิปิตฺวา. มิคสิงฺคตาปสสฺสาติ เอวํนามกตาปสสฺส. ตสฺส กิร มตฺถเก มิคสิงฺคากาเรน ทฺเว จูฬา อุฏฺหึสุ, ‘‘อิสิสิงฺโค’’ติปิ ตสฺส นามํ. อสฺกภาวนฺติ มฺุฉาปตฺติยา กิริยามยสฺาวเสน วิคตสฺิภาวํ. วกฺขติ หิ ‘‘วิสฺี หุตฺวา’’ติ. จตฺตาลีสนิปาเต อาคตนเยน มิคสิงฺคตาปสวตฺถุํ สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘มิคสิงฺคตาปโส กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํ. วิกฺขมฺภนวเสน กิเลสานํ สนฺตาปนโต อตฺตนฺตโป. ทุกฺกรตปตาย โฆรตโป ติพฺพตโป. นิพฺพิเสวนภาวาปาทเนน สพฺพโส มิลาปิตจกฺขาทิติกฺขินฺทฺริยตาย ปรมธิตินฺทฺริโย. สกฺกวิมานนฺติ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ สนฺธายาห. ตฺหิ ตถารูปปจฺจยา กทาจิ อุณฺหํ, กทาจิ ถทฺธํ, กทาจิ จลิตํ โหติ. ‘‘สกฺก…เป… ปตฺเถตี’’ติ อโยนิโส จินฺเตตฺวา เปเสสิ. ภคฺโคติ ภฺชิตกุสลชฺฌาสโย, อธุนา ปน ‘‘ลคฺโค’’ติ ปาํ ลิขนฺติ. เตน ทิพฺพผสฺเสนาติ หตฺถคฺคหณมตฺตทิพฺพผสฺเสน. ตนฺติ ตถา สฺาปฏิลาภํ. เอวมาหาติ เอวํ ‘‘สฺา หิ โภ ปุริสสฺส อตฺตา’’ติอาทินา อากาเรน สฺานิโรธมาห. อิมินาว นเยน อิโต ปเรสุปิ ทฺวีสุ าเนสุ ปาฬิมาหริตฺวา โยชนา เวทิตพฺพา.
ตติโยติ ‘‘สนฺติ หิ โภ สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทินา วุตฺตวาที. อาถพฺพณปโยคนฺติ อาถพฺพณเวทวิหิตํ อาถพฺพณิกานํ วิสฺิภาวาปาทนปฺปโยคํ. อุปกฑฺฒนํ อาหรณํ. อปกฑฺฒนํ อปหรณํ ¶ . อาถพฺพณํ ปโยเชตฺวาติ อาถพฺพณเวเท อาคตํ อคฺคิชุหนปุพฺพกํ มนฺตปทํ ปโยเชตฺวา สีสจฺฉินฺนตาทิทสฺสเนน สฺานิโรธมาห. ตสฺสาติ ยสฺส สีสจฺฉินฺนตาทิ ทสฺสิตํ, ตสฺส.
จตุตฺโถติ ‘‘สนฺติ หิ โภ เทวตา มหิทฺธิกา’’ติอาทินา วุตฺตวาที. ยกฺขทาสีนนฺติ เทวทาสีนํ, ยา ‘‘โยควติโย’’ติปิ วุจฺจนฺติ, โยคินิโยติปิ ¶ ปากฏา. มทนิทฺทนฺติ สุรามทนิมิตฺตกํ สุปนํ. เทวตูปหารนฺติ นจฺจนคายนาทินา เทวตานํ ปูชํ. สุราปาตินฺติ ปาติปุณฺณํ สุรํ. ทิวาติ อติทิวา, อุสฺสูเรติ อตฺโถ. ตนฺติ ตถา สุปิตฺวา วุฏฺหนํ. สุตฺตกาเล เทวตานํ สฺาปกฑฺฒนวเสน นิโรธํ สมาปนฺนา, ปพุทฺธกาเล สฺุปกฑฺฒนวเสน นิโรธา วุฏฺิตาติ มฺมาโนติ อธิปฺปาโย.
เอฬมูคกถา วิยาติ อิเมสํ ปณฺฑิตมานีนํ กถา อนฺธพาลกถาสทิสี. จตฺตาโร นิโรเธติ อฺมฺวิธุเร จตฺตาโรปิ นิโรเธ. เอเกน ภวิตพฺพนฺติ เอกสภาเวเนว ภวิตพฺพํ. น พหุนาติ น จ อฺมฺวิรุทฺเธน พหุวิเธน นานาสภาเวน ภวิตพฺพํ. เตนาปิ เอเกนาติ เอกสภาวภูเตน เตนาปิ นิโรเธน. อฺเเนวาติ เตหิ วุตฺตาการโต อฺากาเรเนว ภวิตพฺพํ. โสติ เอกสภาวภูโต นิโรโธ. อฺตฺร สพฺพฺุนาติ สพฺพฺุพุทฺธํ เปตฺวา. อิธาติ โกตูหลสาลายํ. อยํ นิโรโธ อยํ นิโรโธติ ทฺวิกฺขตฺตุํ พฺยาปนิจฺฉาวจนํ สตฺถา อตฺตโน เทสนาวิลาเสน อเนกาการโวการํ นิโรธํ วิภาเวสฺสตีติ ทสฺสนตฺถํ กตํ. อโห นูนาติ เอตฺถ อโหติ อจฺฉริเย นิปาโต, นูนาติ อนุสฺสรเณ. ตสฺมา อโห นูน ภควาติ อนฺสาธารณเทสนตฺตา ภควา นิโรธมฺปิ อโห อจฺฉริยํ กตฺวา อาราเธยฺย มฺเติ อธิปฺปาโย. อโห นูน สุคโตติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อจฺฉริยวิภาวนโต เอว เจตฺถ ทฺวิกฺขตฺตุํ อาเมฑิตวจนํ. อจฺฉริยตฺโถปิ เหส อโหสทฺโท อนุสฺสรณมุเขเนว โปฏฺปาเทน คหิโต. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อนุสฺสรณตฺเถ นิปาตทฺวย’’นฺติ. เตนาติ อนุสฺสรณตฺถมุเขน ปวตฺตนโต. ‘‘อโห…เป… สุคโต’’ติ วจเนน เอตทโหสีติ โยชนา. ‘‘ยํตํสทฺทา นิจฺจสมฺพนฺธา’’ติ สาธิปฺปายํ โยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘โย เอเตส’’นฺติอาทิมาห. กาลเทสปุคฺคลาทิวิภาเคน พหุเภทตฺตา อิเมสํ นิโรธธมฺมานนฺติ พหุตฺเต สามิวจนํ, กุสลสทฺทโยเค เจตํ ภุมฺมตฺเถ ทฏฺพฺพํ. กุสโล นิปุโณ เฉโกติ ปริยายวจนเมตํ. อโห นูน กเถยฺยาติ อจฺฉริยํ กตฺวา กเถยฺย มฺเ. โส สุคโตติ สมฺพนฺโธ. จิณฺณวสิตายาติ นิโรธสมาปตฺติยํ จิณฺณวสีภาวตฺตา. สภาวํ ชานาตีติ นิโรธสภาวํ ยาถาวโต ชานาติ.
อเหตุกสฺุปฺปาทนิโรธกถาวณฺณนา
๔๑๒. ฆรมชฺเฌเยว ¶ ¶ ปกฺขลิตาติ ยถา ฆรโต พหิ คนฺตุกามา ปุริสา มคฺคํ อโนตริตฺวา ฆรวิวเร สมตเล วิวฏงฺคเณ เอว ปกฺขลนํ ปตฺตา, เอวํสมฺปทมิทนฺติ อตฺโถ. อสาธารโณ เหตุ, สาธารโณ ปจฺจโยติ เอวมาทิวิภาโค อฺตฺร วุตฺโต, อิธ ปน เตน วิภาเคน ปโยชนํ นตฺถิ สฺาย อการณภาวปฏิกฺเขปปรตฺตา โจทนายาติ วุตฺตํ ‘‘การณสฺเสว นาม’’นฺติ. ยํ ปน ปาฬิยํ วุตฺตํ ‘‘สเหตู หิ โปฏฺปาท สปฺปจฺจยา ปุริสสฺส สฺา อุปฺปชฺชนฺติปิ นิรุชฺฌนฺติปี’’ติ, ตตฺถ สเหตู สปฺปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา ปน นิรุชฺฌนฺติเยว, น ติฏฺนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘นิรุชฺฌนฺติปี’’ติ วจนํ, น ตุ นิโรธสฺส สเหตุสปจฺจยตาทสฺสนตฺถํ. อุปฺปาโทเยว หิ สเหตุโก, น นิโรโธ. ยทิ หิ นิโรโธปิ สเหตุโก สิยา, ตสฺสปิ ปุน นิโรเธน ภวิตพฺพํ องฺกุราทีนํ ปุน องฺกุราทินา วิย, น จ ตสฺส ปุน นิโรโธ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนว ปาฬิยา อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยฺจ นโย ขณนิโรธวเสน วุตฺโต. โย ปน ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสน สพฺพโส อนุปฺปาทนิโรโธ, โส ‘‘สเหตุโก’’ติ เวทิตพฺโพ ตถารูปาย ปฏิปตฺติยา วินา อภาวโต. เตนาห ภควา ‘‘สิกฺขา เอกา สฺา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สฺา นิรุชฺฌตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๑๒) ตโต เอว จ อฏฺกถายมฺปิ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๑๓) วุตฺตํ ‘‘สฺาย สเหตุกํ อุปฺปาทนิโรธํ ทีเปตุ’’นฺติ. เอตฺหิ ปาฬิวจนํ, อฏฺกถาวจนฺจ อนุปฺปาทนิโรธํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. สิกฺขาติ เหตฺวตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ย-การโลโป วา ‘‘สงฺขฺยาปิ ตมฺหา วนปตฺตา ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๒) วิย. เหตุภาโว จสฺสา อุปริ อาวิ ภวิสฺสติ. เอกสทฺโท จ อฺปริยาโย, น สงฺขฺยาวาจี ‘‘อิตฺเถเก สโต สตฺตสฺสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๘๕-๙๑, ๙๔-๙๘; ม. นิ. ๓.๒๑) วิยาติ อาห ‘‘สิกฺขาย เอกจฺจา สฺา ชายนฺตี’’ติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
๔๑๓. วิตฺถาเรตุกมฺยตาติ วิตฺถาเรตุกามตาย. ปุจฺฉาวเสนาติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาวเสน, วิตฺถาเรตุกมฺยตาปุจฺฉาวเสนาติ วา สมาโส. ‘‘โปฏฺปาทสฺเสวายํ ปุจฺฉา’’ติ อาสงฺกาย ‘‘ภควา อโวจา’’ติ ปาฬิยํ วุตฺตํ. สฺาย…เป… ทีเปตุํ ตา ทสฺเสนฺโตติ โยเชตพฺพํ ¶ . ตตฺถาติ ตสฺสํ อุปริ วกฺขมานาย เทสนาย. ตติยาติ อธิปฺาสิกฺขา อาคตาติ สมฺพนฺโธ. ‘‘อยํ…เป… เทสิโตติ เอตฺถ สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺปวเสน อาคตา. กสฺมาติ เจ? ปริยาปนฺนตฺตา, สภาวโต, อุปการโต จ ยถารหํ ปฺากฺขนฺเธ อวโรธตฺตา สงฺคหิตตฺตาติ อธิปฺปาโย. ตถา หิ จูฬเวทลฺลสุตฺเต วุตฺตํ ‘‘ยา จาวุโส วิสาข สมฺมาทิฏฺิ, โย จ สมฺมาสงฺกปฺโป ¶ , อิเม ธมฺมา ปฺากฺขนฺเธ สงฺคหิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) กามฺเจตฺถ วุตฺตนเยน ติสฺโสปิ สิกฺขา อาคตา, ตถาปิ อธิจิตฺตสิกฺขาย เอว อภิสฺานิโรโธ ทสฺสิโต. อิตรา ปน ตสฺสา สมฺภารภาเวน อานีตาติ อยมตฺโถ ปาฬิวเสน เวทิตพฺโพ.
ปฺจกามคุณิกราโคติ ปฺจ กามโกฏฺาเส อารพฺภ อุปฺปชฺชนกราโค. อสมุปฺปนฺนกามจาโรติ วตฺตมานุปฺปนฺนตาวเสน นสมุปฺปนฺโน โย โกจิ กามจาโร, ยา กาจิ โลภุปฺปตฺติ. อธุนา ปน ‘‘อสมุปฺปนฺนกามราโค’’ติ ปาโ, โส อยุตฺโตว อตฺถโต วิรุทฺธตฺตา. กามราโค เจตฺถ วิสยวเสน นิยมิตตฺตา กามคุณารมฺมโณว โลโภ ทฏฺพฺโพ, กามจาโร ปน ฌานนิกนฺติภวราคาทิปฺปเภโท สพฺโพปิ โลภจาโร. กามนฏฺเน, กาเมสุ ปวตฺตนฏฺเน จ กามจาโร. สพฺเพปิ หิ เตภูมกธมฺมา กามนียฏฺเน กามา. ยสฺมา อุภเยสมฺปิ สหจรณาเยน กามสฺาภาโว โหติ, ตสฺมา ‘‘กามสฺา’’ติ ปทุทฺธารํ กตฺวา ตทุภยเมว นิทฺทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ อสมุปฺปนฺนกามจารโต ปฺจกามคุณิกราคสฺส วิเสสทสฺสนํ, อสมุปฺปนฺนกามจารสฺเสว วา อิธาธิปฺเปตภาวทสฺสนํ. กามํ ปฺจกามคุณิกราโคปิ อสมุปฺปนฺโน เอว อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาฏียติ, ตสฺมึ ปน สมุคฺฆาฏิเตปิ น สพฺโพ ราโค สมุคฺฆาฏํ คจฺฉติ ตสฺส อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาฏิตตฺตา. ตสฺมา ปฺจกามคุณิกราคคฺคหเณน อิตรสฺส สพฺพสฺส คหณํ น โหตีติ อุภยตฺถสาธารเณน ปริยาเยน อุภยเมว สงฺคเหตฺวา ปาฬิยํ กามสฺาคฺคหณํ กตํ, อโต ตทุภยํ สรูปโต, วิเสสโต จ ทสฺเสตฺวา สพฺพสงฺคาหิกภาวโต ‘‘อสมุปฺปนฺนกามจาโร ปน อิมสฺมึ าเน วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมาติ อสมุปฺปนฺนกามจารสฺเสว อิธ วฏฺฏนโต อยมตฺโถ เวทิตพฺโพติ ¶ โยชนา. ตสฺสาติ ปมชฺฌานสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส. สทิสตฺตาติ กามสฺาทิภาเวน สมานตฺตา, เอเตน ปาฬิยํ ‘‘ปุริมา’’ติ อิทํ สทิสกปฺปนาวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ. อนาคตา หิ อิธ ‘‘นิรุชฺฌตี’’ติ วุตฺตา อนุปฺปาทสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ตสฺมา อนาคตเมว ทสฺเสตุํ ‘‘อนุปฺปนฺนาว นุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.
วิเวกชปีติสุขสงฺขาตาติ วิเวกชปีติสุเขหิ สห อกฺขาตา, น วิเวกชปีติสุขานีติ อกฺขาตา. ตํสมฺปยุตฺตา หิ สฺาเยว อิธาธิปฺเปตา, น วิเวกชปีติสุขานิ. อถ วา วิเวกชปีติสุขโกฏฺาสิกาติ อตฺโถ. สงฺขาตสทฺโท เหตฺถ โกฏฺาสตฺโถ ‘‘อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๘๙, ๙๑) วิย. กามจฺฉนฺทาทิโอฬาริกงฺคปฺปหานวเสน นานตฺถสฺาปฏิฆสฺาหิ นิปุณตาย สุขุมา. ภูตตาย สจฺจา. ตเทวตฺถํ ทสฺเสติ ‘‘ภูตา’’ติ อิมินา. สุขุมภาเวน, ปรมตฺถภาเวน จ อวิปรีตสภาวาติ อตฺโถ. เอวํ พฺยาสวเสน ยถาปามตฺถํ ทสฺเสตฺวา สมาสวเสนปิ ยถาปาเมว ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา’’ติอาทิมาห. สมาสพฺยาสวเสน หิ ทฺวิธา ปาโ ทิสฺสติ. ‘‘กามจฺฉนฺทาทิโอฬาริกงฺคปฺปหานวเสนา’’ติ อิมินา สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ภาวนานุภาวสิทฺธา, สฺาย สณฺหสุขุมตา นีวรณวิกฺขมฺภนวเสน วิฺายตีติ ทสฺเสติ. ภูตตายาติ สุขุมภาเวน, ปรมตฺถภาเวน จ อวิปรีตตาย, วิชฺชมานตาย วา. วิเวกเชหีติ นีวรณวิเวกโต ชาเตหิ. อิทานิ ฌานสมงฺคีวเสน วุตฺตสฺส ทุติยปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สา อสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุ.
สมาปชฺชนาธิฏฺานํ วิย วุฏฺานมฺปิฌาเน ปริยาปนฺนํ โหติ ยถา ตํ ธมฺมานํ ภงฺคกฺขโณ ธมฺเมสุ, อาวชฺชนปจฺจเวกฺขณานิ ปน น ฌานปริยาปนฺนานิ, ตสฺมา ฌานปริยาปนฺนเมว วสีกรณํ คเหตฺวา ‘‘สมาปชฺชนฺโต, อธิฏฺหนฺโต, วุฏฺหนฺโต จ สิกฺขตี’’ติ วุตฺตํ. ตนฺติ ปมชฺฌานํ. เตน…เป… ฌาเนนาติ อิทมฺปิ ‘‘สิกฺขา’’ติ เอตสฺส สํวณฺณนาปทํ. เตนาติ จ เหตุมฺหิ กรณวจนํ, ปมชฺฌาเนน เหตุนาติ อตฺโถ. เหตุภาโว เจตฺถ ฌานสฺส วิเวกชปีติสุขสุขุมสจฺจสฺาย อุปฺปตฺติยา สหชาตาทิปจฺจยภาโว. กามสฺาย ปน นิโรธสฺส อุปนิสฺสยปจฺจยภาโวว. โส จ โข สุตฺตนฺตปริยาเยน. ตถา เจว เหฏฺา สํวณฺณิตํ ¶ ‘‘ตถารูปาย ปฏิปตฺติยา วินา อภาวโต’’ติ เอเตนุปาเยนาติ ยฺวายํ ปมชฺฌานตปฺปฏิปกฺขสฺาวเสน ‘‘สิกฺขา เอกา สฺา อุปฺปชฺชติ, สิกฺขา เอกา สฺา นิรุชฺฌตี’’ติ เอตฺถ นโย วุตฺโต, เอเตน นเยน. สพฺพตฺถาติ สพฺพวาเรสุ.
๔๑๔. อิทานิ อากิฺจฺายตนปรมาย เอว สฺาย ทสฺสเน การณํ วิภาเวนฺโต ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิมาห. ยสฺมา อิทฺจ…เป… อุทฺธฏนฺติ สมฺพนฺโธ. เกสํ ปนิทํ องฺคโต สมฺมสนนฺติ วุตฺตํ ‘‘อฏฺสมาปตฺติยา’’ติอาทิ. องฺคโตติ ฌานงฺคโต. อิทฺหิ อนุปทธมฺมวิปสฺสนาย ลกฺขณวจนํ. อนุปทธมฺมวิปสฺสนฺหิ กโรนฺโต สมาปตฺตึ ปตฺวา องฺคโตว สมฺมสนํ กโรติ, น จ สฺา สมาปตฺติยา กิฺจิ องฺคํ โหติ. อถ จ ปเนตํ วุตฺตํ ‘‘อิทฺจ สฺา สฺาติ เอวํ องฺคโต สมฺมสนํ อุทฺธฏ’’นฺติ, ตสฺมา ลกฺขณวจนเมตํ. องฺคโตติ วา อวยวโตติ อตฺโถ, อนุปทธมฺมโตติ วุตฺตํ โหติ. กลาปโตติ สมูหโต. ยสฺมา ปเนตฺถ สมาปตฺติวเสน ตํตํสฺานํ อุปฺปาทนิโรเธ วุจฺจมาเน องฺควเสน โส วุตฺโต โหติ, ตสฺมา ‘‘อิทฺจา’’ติอาทินา องฺคโตว สมฺมสนํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมาติ สฺาวเสเนว องฺคโต สมฺมสนสฺส อุทฺธฏตฺตา. ตเทวาติ อากิฺจฺายตนเมว, น เนวสฺานาสฺายตนํ ตตฺถ ปฏุสฺาภาวโต.
‘‘โย’’ติ ¶ วตฺตพฺเพ ‘‘ยโต’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โย นามา’’ติ ยถา ‘‘อาทิมฺหี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อาทิโต’’ติ วุจฺจติ อตฺเถ ปริคฺคยฺหมาเน ยถายุตฺตวิภตฺติยาว โต-สทฺทสฺส ลพฺภนโต. นาม-สทฺโท เจตฺถ โข-สทฺโท วิย วาจาสิลิฏฺตามตฺตํ. สสฺเสทนฺติ สกํ, อตฺตนา อธิคตฌานํ, ตสฺมึ สฺา สกสฺา, สา เอตสฺสตฺถีติ สกสฺีติ วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน ปมชฺฌานสฺาย สฺวา’’ติ. อีกาโร เจตฺถ อุปริ วุจฺจมานนิโรธปาทกตาย สาติสยาย ฌานสฺาย อตฺถิภาวโชตโก ทฏฺพฺโพ. เตเนวาห ‘‘อนุปุพฺเพน สฺคฺคํ ผุสตี’’ติอาทิ. ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ สกสฺิตาคฺคหเณน ตสฺมึ ตสฺมึ ฌาเน สพฺพโส สุจิณฺณวสีภาโว ทีปิโตติ เวทิตพฺพํ.
โลกิยานนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ, สามิอตฺเถ เอว วา. ยทคฺเคน หิ ตํ เตสุ เสฏฺํ, ตทคฺเคน เตสมฺปิ เสฏฺนฺติ. วิภตฺตาวธิอตฺเถ วา สามิวจนํ ¶ . เอตฺถ ปน ‘‘โลกิยาน’’นฺติ วิเสสนํ โลกุตฺตรสมาปตฺตีหิ ตสฺส อเสฏฺภาวโต กตํ. เสสํ ‘‘กิจฺจการกสมาปตฺตีน’’นฺติ ปน วิเสสนํ อกิจฺจการกสมาปตฺติโต ตสฺส อเสฏฺภาวโตติ ทฏฺพฺพํ. อกิจฺจการกตา จสฺสา ‘‘ยเถว หิ ตตฺถ สฺา, เอวํ ผสฺสาทโยปี’’ติ, ‘‘ยทคฺเคน หิ ตตฺถ ธมฺมา สงฺขาราวเสสภาวปฺปตฺติยา ปกติวิปสฺสกานํ สมฺมสิตุํ อสกฺกุเณยฺยรูเปน ิตา, ตทคฺเคน เหฏฺิมสมาปตฺติธมฺมา วิย ปฏุกิจฺจกรณสมตฺถาปิ น โหนฺตี’’ติ จ อฏฺกถาสุ (วิสุทฺธิ. ๑.๒๘๗) ปฏุสฺากิจฺจาภาววจนโต วิฺายติ. สฺวายมตฺโถ ปรมตฺถมฺชูสาย นาม วิสุทฺธิมคฺคฏีกาย อารุปฺปกถายํ (วิสุทฺธิ. ฏี. ๑.๒๘๖) อาจริเยน สวิเสสํ วุตฺโต, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘ยถา เหฏฺิมา เหฏฺิมา สมาปตฺติโย อุปริมานํ อุปริมานํ สมาปตฺตีนํ อธิฏฺานกิจฺจํ สาเธนฺติ, น เอวํ เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ กสฺสจิปิ อธิฏฺานํ สาเธติ, ตสฺมา สา อกิจฺจการิกา อิตรา กิจฺจการิกา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ ตสฺสาปิ วิปสฺสนาจิตฺตปริทมนาทีนํ อธิฏฺานกิจฺจสาธนโต, ตสฺมา ปุริโมเยว อตฺโถ ยุตฺโต. กสฺมา เจตํ เตสมคฺคนฺติ อาห ‘‘อากิฺจฺายตนสมาปตฺติย’’นฺติอาทิ. ‘‘อิตี’’ติ วตฺวา ‘‘โลกิยานํ…เป… อคฺคตฺตา’’ติ ตสฺสตฺโถ วุตฺโต, ‘‘อคฺคตฺตา’’ติ เอตฺถ วา นิทสฺสนเมตํ.
ปกปฺเปตีติ สํวิทหติ. ฌานํ สมาปชฺชนฺโต หิ ฌานสุขํ อตฺตนิ สํวิทหติ นาม. อภิสงฺขโรตีติ อายูหติ สมฺปิณฺเฑติ. สมฺปิณฺฑนตฺโถ หิ สมุทายตฺโถ. ยสฺมา ปน นิกนฺติวเสน เจตนากิจฺจสฺส มตฺถกปฺปตฺติ, ตสฺมา ผลูปจาเรน การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิกนฺตึ…เป… นามา’’ติ วุตฺตํ. อิมา อากิฺจฺายตนสฺาติ อิทานิ ลพฺภมานา อากิฺจฺายตนสฺา ¶ . ตํสมติกฺกเมเนว อุปริฌานตฺถาย เจตนาภิสงฺขรณสมฺภวโต นิรุชฺเฌยฺยุํ. อฺาติ อากิฺจฺายตนสฺาหิ อฺา. โอฬาริกาติ ตโต ถูลตรา. กา ปน ตาติ อาห ‘‘ภวงฺคสฺา’’ติ. อากิฺจฺายตนโต วุฏฺาย เอว หิ อุปริฌานตฺถาย เจตนาภิสงฺขรณานิ ภเวยฺยุํ, เอวฺจ อากิฺจฺายตนสฺา นิรุชฺเฌยฺยุํ, วุฏฺานฺจ ภวงฺควเสน โหติ, ตโต ปรมฺปิ ยาว อุปริฌานสมาปชฺชนํ, ตาว อนฺตรนฺตรา ภวงฺคสฺา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตา จ อากิฺจฺายตนสฺาหิ โอฬาริกาติ อธิปฺปาโย.
เจเตนฺโตวาติ ¶ เนวสฺานาสฺายตนชฺฌานํ เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเรปิ สมาปชฺชนวเสน ปกปฺเปนฺโต เอว. น เจเตตีติ ตถา เหฏฺิมฌาเนสุ วิย วา ปุพฺพาโภคาภาวโต น ปกปฺเปติ นาม. ปุพฺพาโภควเสน หิ ฌานํ ปกปฺเปนฺโต อิธ ‘‘เจเตตี’’ติ วุตฺโต. อภิสงฺขโรนฺโตวาติ ตตฺถ อปฺปหีนนิกนฺติกตาวเสน อายูหนฺโต เอว. นาภิสงฺขโรตีติ ตถา เหฏฺิมฌาเนสุ วิย วา ปุพฺพาโภคาภาวโต นายูหติ นาม. ‘‘อหเมตํ ฌานํ นิพฺพตฺเตมิ อุปสมฺปาเทมิ สมาปชฺชามี’’ติ หิ เอวํ อภิสงฺขรณํ ตตฺถ สาลยสฺเสว โหติ, น อนาลยสฺส, ตสฺมา เอกทฺวิจิตฺตกฺขณิกมฺปิ ฌานํ ปวตฺเตนฺโต ตตฺถ อปฺปหีนนิกนฺติกตาย ‘‘อภิสงฺขโรนฺโต เอวา’’ติ วุตฺโต. ยสฺมา ปนสฺส ตถา เหฏฺิมฌาเนสุ วิย วา ตตฺถ ปุพฺพาโภโค นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘น อภิสงฺขโรตี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุโน’’ติอาทิ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส วิวรณํ. ตตฺถ ยสฺมา อิมสฺส…เป… อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘น เจเตติ, นาภิสงฺขโรตี’’ติ จ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย. อาโภคสมนฺนาหาโรติ อาโภคสงฺขาโต, อาโภควเสน วา จิตฺตสฺส อารมฺมณาภิมุขํ, อารมฺมณสฺส วา จิตฺตาภิมุขํ อนฺวาหาโร. ‘‘สฺวายมตฺโถ’’ติอาทินา ตเทวตฺถํ อุปมาย ปฏิปาเทติ. ปุตฺตฆราจิกฺขเณนาติ ปุตฺตฆรสฺส อาโรจนนเยน.
คนฺตฺวา อาทาย อาคตนฺติ สมฺพนฺโธ. ปจฺฉาภาเคติ อาสนสาลาย ปจฺฉิมทิสายํ ิตสฺส ปิตุฆรสฺส ปจฺฉาภาเค. ตโตติ ปุตฺตฆรโต. ลทฺธฆรเมวาติ ยโตเนน ภิกฺขา ลทฺธา, ตเมว ฆรํ ปุตฺตเคหเมว. อาสนสาลา วิย อากิฺจฺายตนสมาปตฺติ ตโต ปิตุฆรปุตฺตฆรฏฺานิยานํ เนวสฺานาสฺายตนนิโรธสมาปตฺตีนํ อุปคนฺตพฺพโต. ปิตุเคหํ วิย เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติ อมนสิกาตพฺพโต, มชฺเฌ ิตตฺตา จ. ปุตฺตเคหํ วิย นิโรธสมาปตฺติ มนสิกาตพฺพโต, ปริยนฺเต ิตตฺตา จ. ปิตุฆรํ อมนสิกริตฺวาติ ปวิสิตฺวา สมติกฺกนฺตมฺปิ ปิตุฆรํ อมนสิกริตฺวา. ปุตฺตฆรสฺเสว อาจิกฺขณํ วิย เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร สมาปชฺชิตพฺพมฺปิ เนวสฺานาสฺายตนํ อมนสิกริตฺวา ปรโต นิโรธสมาปตฺตตฺถาย เอว มนสิกาโร ทฏฺพฺโพ. เอวํ อมนสิการสามฺเน, มนสิการสามฺเน จ อุปโมปเมยฺยตา วุตฺตา ¶ อาจิกฺขเณนปิ มนสิการสฺเสว โชตนโต. น หิ มนสิกาเรน วินา อาจิกฺขณํ สมฺภวติ.
ตา ¶ ฌานสฺาติ เอกํ ทฺเว จิตฺตวาเร ปวตฺตา เนวสฺานาสฺายตนฌานสฺา. นิโรธสมาปตฺติยฺหิ ยถารหํ จตุตฺถารุปฺปกุสลกิริยชวนํ ทฺวิกฺขตฺตุเมว ชวติ, น ตทุตฺตริ. นิรุชฺฌนฺตีติ สรสวเสเนว นิรุชฺฌนฺติ, ปุพฺพาภิสงฺขารพเลน ปน อุปริ อนุปฺปาโท. ยถา จ ฌานสฺานํ, เอวํ อิตรสฺานมฺปีติ อาห ‘‘อฺา จา’’ติอาทิ. นุปฺปชฺชนฺติ ยถาปริจฺฉินฺนกาลนฺติ อธิปฺปาโย. โส เอวํ ปฏิปนฺโน ภิกฺขูติ ยถาวุตฺเต สฺคฺเค ิตภาเวน ปฏิปนฺโน ภิกฺขุ, โส จ โข อนาคามี วา อรหา วา ทฺวีหิ ผเลหิ สมนฺนาคโม, ติณฺณํ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิ, โสฬสวิธา าณจริยา, นววิธา สมาธิจริยาติ อิเมสํ วเสน นิโรธปฏิปาทนปฏิปตฺตึ ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ. อนุปุพฺพนิโรธวเสน จิตฺตเจตสิกานํ อปฺปวตฺติเยว สฺาเวทนาสีเสน ‘‘สฺาเวทยิตนิโรธ’’นฺติ วุตฺตา. ผุสตีติ เอตฺถ ผุสนํ นาม วินฺทนํ ปฏิลทฺธีติ ทสฺเสติ ‘‘วินฺทติ ปฏิลภตี’’ติ อิมินา. อตฺถโต ปน วุตฺตนเยน ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ จิตฺตเจตสิกานํ สพฺพโส อปฺปวตฺติเยว.
นิรตฺถกตาย อุปสคฺคมตฺตํ, ตสฺมา สฺา อิจฺเจว อตฺโถ. นิโรธปเทน อนนฺตริกํ กตฺวา สมาปตฺติปเท วตฺตพฺเพ เตสํ ทฺวินฺนมนฺตเร สมฺปชานปทํ ปิตนฺติ อาห ‘‘นิโรธปเทน อนฺตริกํ กตฺวา วุตฺต’’นฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุ…เป… อตฺโถ’’ติ, เตน อยุตฺตสมาโสยํ ยถารุตปาโติ ทสฺเสติ. ตตฺราปีติ ตสฺมึ ยถาปทมนุปุพฺพิปเนปิ อยํ วิเสสตฺโถติ โยชนา. สมฺปชานนฺตสฺสาติ ตํ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตตฺถ ตตฺถ สงฺขารานํ สมฺมสนวเสน ปชานนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส. อนฺเตติ ยถาวุตฺตาย นิโรธปฏิปาทนปฏิปตฺติยา ปริโยสาเน. ทุติยวิกปฺเป สมฺปชานนฺตสฺสาติ สมฺปชานการิโน, อิมินา นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนกสฺส ภิกฺขุโน อาทิโต ปฏฺาย สพฺพปาฏิหาริกปฺาย สทฺธึ อตฺถสาธิกา ปฺา กิจฺจโต ทสฺสิตา โหติ. เตนาห ‘‘ปณฺฑิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. วจนเสสาเปกฺขา’ นเปกฺขตา ทฺวินฺนํ วิกปฺปานํ วิเสโส.
สํวณฺณโนกาสานุปฺปตฺติโต นิโรธสมาปตฺติกถา กเถตพฺพา. สพฺพากาเรนาติ นิโรธสมาปตฺติยา สรูปวิเสโส, สมาปชฺชนโก, สมาปชฺชนฏฺานํ, สมาปชฺชนการณํ, สมาปชฺชนากาโรติ เอวมาทินา สพฺพปฺปกาเรน ¶ . ตตฺถาติ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๗) กถิตโตวาติ ¶ กถิตฏฺานโต เอว, เตวีสติมปริจฺเฉทโตติ อตฺโถ, น อิธ ตํ วทาม ปุนรุตฺติภาวโต, คนฺถครุกภาวโต จาติ อธิปฺปาโย.
ปาฬิยํ เอวํ โข อหนฺติ เอตฺถ อาการตฺโถ เอวํ-สทฺโท อุคฺคหิตาการทสฺสนนฺติ กตฺวา. เอวํ โปฏฺปาทาติ เอตฺถ ปน สมฺปฏิจฺฉนตฺโถ ตเถว อนุชานนนฺติ กตฺวา. เตนาห ‘‘สุอุคฺคติตํ ตยา’ติ อนุชานนฺโต’’ติ.
๔๑๕. สฺา อคฺคา เอตฺถาติ สฺคฺคํ, อากิฺจฺายตนํ. อวเสสสมาปตฺตีสุปิ สฺคฺคํ อตฺถีติ เอตฺถ ปน สฺคฺคภาโว ‘‘สฺคฺค’’นฺติ วุตฺโต, สฺาเยว อคฺคนฺติ ตุลฺยาธิกรณสมาโส วา. ‘‘ปุถู’’ติ อยํ ลิงฺควิปลฺลาโส, นิการโลโป วาติ วุตฺตํ ‘‘พหูนี’’ติ. ‘‘ยถา’’ติ อิมินา กรณปฺปการสงฺขาโต ปการวิเสโส คหิโต, น ปการสามฺนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ปถวีกสิณาทีสู’’ติอาทินา. ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ ตพฺพิวรณํ. ฌานานํ ตาว ยุตฺโต กรณภาโว สฺานิโรธผุสนสฺส สาธกตมภาวโต, กสิณานํ ปน กถนฺติ? เตสมฺปิ โส ยุตฺโต เอว. ยทคฺเคน หิ ฌานานํ นิโรธผุสนสฺส สาธกตมภาโว, ตทคฺเคน กสิณานมฺปิ ตทวินาภาวโต. อเนกกรณาปิ จ กิริยา โหติเยว ยถา ‘‘อฺเน มคฺเคน ยาเนน ทีปิกาย คจฺฉตี’’ติ.
เอกวารนฺติ สกึ. ปุริมสฺานิโรธนฺติ กามสฺานิโรธํ, น ปน นิโรธสมาปตฺติสฺิตํ สฺานิโรธํ. เอกํ สฺคฺคนฺติ เอกํ สฺาภูตํ อคฺคํ, เอโก สฺคฺคภาโว วา เหฏฺิมาย สฺาย อุกฺกฏฺภาวโต. สฺา จ สา อคฺคฺจาติ หิ สฺคฺคํ, น สฺาสุ อคฺคนฺติ. ยถา ปน สฺา อคฺโค เอตฺถาติ สฺคฺคํ, อากิฺจฺายตนํ, เอวํ เสสฌานมฺปิ. เยน จ นิมิตฺเตน ฌานํ ‘‘สฺคฺค’’นฺติ วุตฺตํ, ตเทว สฺาสงฺขาตํ นิมิตฺตํ ภาวโลเปน, ภาวปฺปธาเนน วา อิธาธิปฺเปตํ. ทฺเว วาเรติ ทฺวิกฺขตฺตุํ. สตสหสฺสํ สฺคฺคานีติ มิคปทวฬฺชนนิทฺเทโส. เสสกสิเณสูติ กสิณานเมว คหณํ นิโรธกถาย อธิกตตฺตา, ตโต เอว เจตฺถ ฌานคฺคหเณนปิ กสิณชฺฌานานิ เอว คหิตานีติ เวทิตพฺพํ. ยถา ‘‘ปถวีกสิเณน กรณภูเตนา’’ติ ตทารมฺมณิกํ ฌานํ อนามสิตฺวา วุตฺตํ, เอวํ ¶ ‘‘ปมชฺฌาเนน กรณภูเตนา’’ติ ตทารมฺมณํ อนามสิตฺวา วทติ. ‘‘อิตี’’ติอาทินา ตเทวตฺถํ สงฺคเหตฺวา นิคมนํ กโรติ. สพฺพมฺปีติ เอกวารํ สมาปนฺนชฺฌานสฺมฺปิ. สงฺคเหตฺวาติ สฺชานนลกฺขเณน ตํสภาวานติวตฺตนโต สงฺคหํ กตฺวา, สมาปชฺชนวเสน, สฺชานนลกฺขเณน จ เอกตาติ วุตฺตํ โหติ. อปราปรนฺติ ปุนปฺปุนํ. พหูนิ สฺคฺคานิ โหนฺติ.
๔๑๖. ปมนเย ¶ ฌานปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน สฺาาณานิ ทสฺสิตานิ. ทุติยนเย ปน ยสฺมา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺเคน ฆเฏนฺตสฺส มคฺคาณํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา วิปสฺสนามคฺควเสน สฺาาณานิ ทสฺสิตานิ. ตติยนเย จ ยสฺมา ปมนโย โอฬาริโก, ทุติยนโยปิ มิสฺสโกติ ตทุภยํ อสมฺภาเวตฺวา อจฺจนฺตสุขุมคมฺภีรํ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรเมว ทสฺเสตุํ มคฺคผลวเสน สฺาาณานิ ทสฺสิตานิ. ตโยเปเต นยา มคฺคโสธนวเสน ทสฺสิตา.
‘‘อยํ ปเนตฺถ สาโร’’ติ วิภาเวตุํ ติปิฏกมหาสิวตฺเถรวาโท อาภโต. ตถา หิ ‘‘อรหตฺตผลสฺาย อุปฺปาทา’’ติอาทินา (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๑๖) เถรวาทานุกูลเมว อุปริ อตฺโถ สํวณฺณิโตติ. อิเม ภิกฺขูติ ปุริมวาทิโน ภิกฺขู. ตทา ทีฆนิกายตนฺตึ ปริวตฺตนฺเต อิมํ านํ ปตฺวา ยถาวุตฺตปฏิปาฏิยา ตโย นเย กเถนฺเต ภิกฺขู สนฺธาย เอวํ เถโร วทติ. นิโรธํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ กถิเต ตทนนฺตรํ สฺาาณุปฺปตฺตึ ปุจฺฉนฺโต อตฺถโต นิโรธา วุฏฺานํ ปุจฺฉติ นาม. นิโรธโต จ วุฏฺานํ อรหตฺตผลุปฺปตฺติยา วา สิยา, อนาคามิผลุปฺปตฺติยา วา, ตตฺถ สฺา ปธานา, ตทนนฺตรฺจ ปจฺจเวกฺขณาณนฺติ ตทุภยํ นิทฺธาเรนฺโต เถโร ‘‘โปฏฺปาโท เหฏฺา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภควาติ อาลปนวจนํ.
ยถา มคฺควีถิยํ มคฺคผลาเณสุ อุปฺปนฺเนสุ นิยมโต มคฺคผลปจฺจเวกฺขณาณานิ โหนฺติ, เอวํ ผลสมาปตฺติวีถิยํ ผลปจฺจเวกฺขณาณนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปจฺฉา ปจฺจเวกฺขณาณ’’นฺติ. ‘‘อิทํ อรหตฺตผล’’นฺติ ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนํ. อยเมว ปจฺจโย อิทปฺปจฺจโย ม-การสฺส ท-การํ กตฺวา. ท-กาเรนปิ ปกติปทมิจฺฉนฺติ เกจิ สทฺทวิทู. โส ปน เถรวาเท ¶ น ผลสมาธิสฺา เอวาติ อาห ‘‘ผลสมาธิสฺาปจฺจยา’’ติ, อรหตฺตผลสมาธิสหคตสฺาปจฺจยาติ อตฺโถ. กิราติ อนุสฺสรณตฺเถ นิปาโต. ยถาธิคตธมฺมานุสฺสรณปกฺขิยา หิ ปจฺจเวกฺขณา. สมาธิสีเสน เจตฺถ สพฺพํ อรหตฺตผลํ คหิตํ สหจรณาเยน, ตสฺมึ อสติ ปจฺจเวกฺขณาย อสมฺภโวติ ปาฬิยํ ‘‘อิทปฺปจฺจยา’’ติ วุตฺตํ. เอวมิธ ทีฆภาณกานํ มเตน ผลปจฺจเวกฺขณาย เอกนฺติกตา ทสฺสิตา. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตฏฺกถายํ ปน เอวํ วุตฺตํ ‘‘สา ปน น สพฺเพสํ ปริปุณฺณา โหติ. เอโก หิ ปหีนกิเลสเมว ปจฺจเวกฺขติ, เอโก อวสิฏฺกิเลสเมว, เอโก มคฺคเมว, เอโก ผลเมว, เอโก นิพฺพานเมว. อิมาสุ ปน ปฺจสุ ปจฺจเวกฺขณาสุ เอกํ วา ทฺเว วา โน ลทฺธุํ น วฏฺฏนฺตี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๕), ตเทตํ มชฺฌิมภาณกานํ มเตน วุตฺตํ. อาภิธมฺมิกา ปน วทนฺติ –
‘‘มคฺคํ ¶ ผลฺจ นิพฺพานํ, ปจฺจเวกฺขติ ปณฺฑิโต;
หีเน กิเลเส เสเส จ, ปจฺจเวกฺขติ วา น วา’’ติ. (อภิธมฺมตฺถสงฺคหฏฺกถายํ กมฺมฏฺานสงฺคหวิภาเค วิสุทฺธิเภเท);
สฺาอตฺตกถาวณฺณนา
๔๑๗. ‘‘คามสูกโร’’ติ อิมินา วนสูกรมปเนติ. เอวฺหิ อุปมาวจนํ สูปปนฺนํ โหตีติ. เทสนาย สณฺหภาเวน สารมฺภมกฺขอิสฺสาทิมลวิโสธนโต สุตมยาณํ นฺหาปิตํ วิย, สุขุมภาเวน อนุวิลิตฺตํ วิย, ติลกฺขณพฺภาหตตาย กุณฺฑลาทฺยาลงฺการวิภูสิตํ วิย จ โหติ. ตทนุปวิสโต าณสฺส, ตถาภาวา ตํสมงฺคิโน จ ปุคฺคลสฺส ตถาภาวาปตฺติ, นิโรธกถาย นิเวทนฺจสฺส สิริสยเน ปเวสนสทิสนฺติ อาห ‘‘สณฺหสุขุม…เป… อาราปิโตปี’’ติ. ตตฺถาติ ติสฺสํ นิโรธกถายํ. มนฺทพุทฺธิตาย สุขํ น วินฺทนฺโต อลภนฺโต, อชานนฺโต วา. มลวิทูสิตตาย คูถฏฺานสทิสํ. อตฺตโน ลทฺธินฺติ อตฺตทิฏฺึ. อนุมตึ คเหตฺวาติ อนฺุํ คเหตฺวา ‘‘เอทิโส เม อตฺตา’’ติ อนุชานาเปตฺวา, อตฺตโน ลทฺธิยํ ปติฏฺาเปตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.
ปาฬิยํ ¶ กํ ปนาติ โอฬาริโก, มโนมโย, อรูปีติ ติณฺณํ อตฺตวาทานํ วเสน ติวิเธสุ อตฺตาเนสุ กตรํ อตฺตานํ ปจฺเจสีติ อตฺโถ. ‘‘เทสนาย สุกุสโล’’ติ อิมินา ‘‘อวสฺสํ เม ภควา ลทฺธึ วิทฺธํเสสฺสตี’’ติ ตสฺส มนสิการํ ทสฺเสติ. ปริหรนฺโตติ วิทฺธํสนโต อปเนนฺโต, อรูปี อตฺตาติ อตฺตโน ลทฺธึ นิคูหนฺโตติ อธิปฺปาโย. ปาฬิยํ ‘‘โอฬาริกํ โข’’ติอาทิมฺหิ ปริพฺพาชกวจเน อยมธิปฺปาโย – ยสฺมา จตุสนฺตติรูปปฺปพนฺธํ เอกตฺตวเสน คเหตฺวา รูปีภาวโต ‘‘โอฬาริโก อตฺตา’’ติ ปจฺเจติ อตฺตวาที, อนฺนปาโนปฏฺานตฺจสฺส ปริกปฺเปตฺวา ‘‘สสฺสโต’’ติ มฺติ, รูปีภาวโต เอว จ สฺาย อฺตฺตํ ายาคตเมว, ยํ เวทวาทิโน ‘‘อนฺนมโย, ปานมโย’’ติ จ ทฺวิธา โวหรนฺติ, ตสฺมา ปริพฺพาชโก ตํ อตฺตวาทิมตํ อตฺตานํ สนฺธาย ‘‘โอฬาริกํ โข’’ติอาทิมาหาติ.
‘‘โอฬาริโก จ หิ เต โปฏฺปาท อตฺตา อภวิสฺสา’’ติอาทิมฺหิ ภควโต วจเน จายมธิปฺปาโย – ยทิ อตฺตา รูปี ภเวยฺย, เอวํ สติ รูปํ อตฺตา สิยา, น จ สฺี สฺาย อรูปภาวโต, รูปธมฺมานฺจ อสฺชานนสภาวตฺตา. รูปี จ สมาโน ยทิ ตว มเตน นิจฺโจ, สฺา จ อปราปรํ ปวตฺตนโต ตตฺถ ตตฺถ ภิชฺชตีติ เภทสพฺภาวโต อนิจฺจา ¶ , เอวมฺปิ ‘‘อฺา สฺา, อฺโ อตฺตา’’ติ สฺาย อภาวโต อเจตโนว อตฺตา โหติ, ตสฺมา เอส อตฺตา น กมฺมสฺส การโก, น จ ผลสฺส อุปภฺุชนโกติ อาปนฺนเมวาติ อิมํ โทสํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘โอฬาริโก จา’’ติอาทิมาหาติ. ตตฺถาติ ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ วาเท. ปจฺจาคจฺฉโตติ เสสกิริยาเปกฺขาย กมฺมตฺเถเยว อุปโยควจนํ, ปจฺจาคจฺฉโตติ จ ปจฺจาคจฺฉนฺตสฺส, ชานนฺตสฺส, ปฏิจฺจ วาเทน ปวตฺตสฺสาติ วา อตฺโถ. ‘‘อฺา จ สฺา อุปฺปชฺชติ, อฺา จ สฺา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อุปฺปาทปุพฺพโก นิโรโธ, น จ อุปฺปนฺนํ อนิรุชฺฌนกํ นาม อตฺถีติ โจทนํ โสเธตุํ ‘‘จตุนฺนํ ขนฺธาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. สติปิ เนสํ เอกาลมฺพณวตฺถุกภาเว อุปฺปาทนิโรธาธิการตฺตา เอกุปฺปาทนิโรธภาโวว วุตฺโต. อปราปรนฺติ โปงฺขานุโปงฺข.
๔๑๘-๔๒๐. ปาฬิยํ มโนมยนฺติ ฌานมนโส วเสน มโนมยํ. โย หิ พาหิรปจฺจยนิรเปกฺโข, โส มนสาว นิพฺพตฺโตติ มโนมโย. รูปโลเก นิพฺพตฺตสรีรํ สนฺธาย วทติ. ยํ เวทวาทิโน ‘‘อานนฺทมโย ¶ , วิฺาณมโย’’ติ จ ทฺวิธา โวหรนฺติ. ตตฺราปีติ ‘‘มโนมโย อตฺตา’’ติ วาเทปิ. โทเส ทินฺเนติ ‘‘อฺาว สฺา ภวิสฺสตี’’ติอาทินา โทเส ทินฺเน อตฺตโน ลทฺธึเยว วทนฺโต ‘‘อรูปึ โข’’ติอาทิมาหาติ สมฺพนฺโธ. อิธาปิ ปุริมวาเท วุตฺตนเยน ‘‘ยทิ อตฺตา มโนมโย สพฺพงฺคปจฺจงฺคี อหีนินฺทฺริโย ภเวยฺย, เอวํ สติ รูปํ อตฺตา สิยา, น จ สฺี สฺาย อรูปภาวโต’’ติอาทิ สพฺพํ โทสทสฺสนํ เวทิตพฺพํ. ตมตฺถฺหิ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘มโนมโย จ หิ เต โปฏฺปาทา’’ติอาทิมโวจ. กสฺมา ปนายํ ปริพฺพาชโก ปมํ โอฬาริกํ อตฺตานํ ปฏิชานิตฺวา ตํ ลทฺธึ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุน มโนมยํ อตฺตานํ ปฏิชานาติ? ตมฺปิ วิสฺสชฺชิตฺวา ปุน อรูปึ อตฺตานํ ปฏิชานาตีติ? กามฺเจตฺถ การณํ ‘‘ตโต โส อรูปี อตฺตาติ เอวํลทฺธิโก สมาโนปิ…เป… อาทิมาหา’’ติ เหฏฺา วุตฺตเมว, ตถาปิ อิเม ติตฺถิยา นาม อนวฏฺิตจิตฺตา ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุโก วิย จฺจลาติ การณนฺตรมฺปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สฺา นปฺปติฏฺาตีติ อารมฺมเณ สฺชานนวเสน สฺา น ปติฏฺาติ, อารมฺมเณ สฺํ น กโรตีติ วุตฺตํ โหติ. สฺาปติฏฺานกาเลติ เอตฺถาปิ อยํ นโย.
ตตฺราปีติ ‘‘อรูปี อตฺตา’’ติ วาเทปิ. สฺายาติ ปกติสฺาย, เอวํ ภทนฺตธมฺมปาลตฺเถเรน (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๑๘-๔๒๐) วุตฺตํ. อฺสฺมึ ติตฺถายตเน อุปฺปาทนิโรธนฺติ หิ สมฺพนฺโธ. เตน เวทิกานํ มเตน นานกฺขเณ อุปฺปนฺนาย นานารมฺมณาย สฺาย อุปฺปาทนิโรธมิจฺฉตีติ ทสฺเสติ. เกจิ ปน ‘‘อาจริยสฺายา’’ติ ปนฺติ, ตทยุตฺตํ ¶ อตฺถสฺส วิรุทฺธตฺตา, เถเรน จ อนุทฺธฏตฺตา. อปราปรํ ปวตฺตาย สฺาย อุปฺปาทวยทสฺสนโต อุปฺปาทนิโรธํ อิจฺฉติ. ตถาปิ ‘‘สฺา สฺา’’ติ ปวตฺตสมฺํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ตสฺส อวิจฺเฉทํ ปริกปฺเปนฺโต สสฺสตํ มฺติ. เตนาห ‘‘อตฺตานํ ปน สสฺสตํ มฺตี’’ติ. ตสฺมาติ อปราปรํ ปวตฺตสฺาย นามมตฺเตน สสฺสตํ มฺนโต. สฺาย อุปฺปาทนิโรธมตฺเต อฏฺตฺวา ตทุตฺตริ สสฺสตคฺคาหสฺส คหณโต โทสํ ทสฺเสตีติ อธิปฺปาโย. ตเถวาติ ยถา ‘‘รูปี อตฺตา, มโนมโย อตฺตา’’ติ จ วาททฺวเย อตฺตโน อสฺตา, เอวฺจสฺส ‘‘อเจตนตา’’ติอาทิโทสปฺปสงฺโค ทุนฺนิวาโร ¶ , ตเถว อิมสฺมึ วาเทปีติ อตฺโถ. มิจฺฉาทสฺสเนนาติ อตฺตทิฏฺิสงฺขาเตน มิจฺฉาภินิเวเสน. อภิภูตตฺตาติ อนาทิกาลภาวิตภาเวน อชฺโฌตฺถฏตฺตา, นิวาริตาณจารตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. เยน สนฺตติฆเนน, สมูหฆเนน จ วฺจิโต พาโล ปพนฺธวเสน ปวตฺตมานํ ธมฺมสมูหํ มิจฺฉาคาหวเสน ‘‘อตฺตา’’ติ จ ‘‘นิจฺโจ’’ติ จ อภินิวิสฺส โวหรติ, ตํ เอกตฺตสฺิตํ สนฺตติฆนํ, สมูหฆนฺจ วินิภุชฺช ยาถาวโต ชานนํ ฆนวินิพฺโภโค, โส จ สพฺเพน สพฺพํ ติตฺถิยานํ นตฺถิ. ตสฺมา อยมฺปิ ปริพฺพาชโก ตาทิสสฺส าณปริปากสฺส อภาวโต วุจฺจมานมฺปิ นานตฺตํ นาฺาสีติ อาห ‘‘ตํ นานตฺตํ อชานนฺโต’’ติ. สฺา นามายํ นานารมฺมณา นานากฺขเณ อุปฺปชฺชติ, เวติ จาติ เวทิกานํ มตํ. สฺาย อุปฺปาทนิโรธํ ปสฺสนฺโตปิ สฺามยํ สฺาภูตํ อตฺตานํ ปริกปฺเปตฺวา ยถาวุตฺตฆนวินิพฺโภคาภาวโต นิจฺจเมว กตฺวา ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. ตถาภูตสฺส จ ตสฺส สณฺหสุขุมปรมคมฺภีรธมฺมตา น ายเตวาติ อิทํ การณํ ปสฺสนฺเตน ภควตา ‘‘ทุชฺชานํ โข’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถสฺส ภควา’’ติอาทิมาห.
ทิฏฺิอาทีสุ ‘‘เอวเมต’’นฺติ ทสฺสนํ อภินิวิสนํ ทิฏฺิ. ตสฺสา เอว ปุพฺพภาคภูตํ ‘‘เอวเมต’’นฺติ นิชฺฌานวเสน ขมนํ ขนฺติ. ตถา โรจนํ รุจิ. ‘‘อฺถาเยวา’’ติอาทิ เตสํ ทิฏฺิอาทีนํ วิภชฺช ทสฺสนํ. ตตฺถ อฺถาเยวาติ ยถา อริยวินเย อนฺตทฺวยํ อนุปคมฺม มชฺฌิมปฏิปทาวเสน ทสฺสนํ โหติ, ตโต อฺถาเยว. อฺเทวาติ ยํ ปรมตฺถโต วิชฺชติ ขนฺธายตนาทิ, ตสฺส จาปิ อนิจฺจตาทิ, ตโต อฺเทว ปรมตฺถโต อวิชฺชมานํ อตฺตสสฺสตาทิกํ ตยา ขมเต เจว รุจฺจเต จาติ อตฺโถ. อาภุโส ยฺุชนํ อาโยโค. เตน วุตฺตํ ‘‘ยุตฺตปยุตฺตตา’’ติ. ปฏิปตฺติยาติ ปรมตฺตจินฺตนาทิปริพฺพาชกปฏิปตฺติยา. อาจริยสฺส ภาโว อาจริยกํ, ยถา ตถา โอวาทานุสาสนํ, ตทสฺสตฺถีติ อาจริยโก ยถา ‘‘สทฺโธ’’ติ อาห ‘‘อฺตฺถา’’ติอาทิ. อฺสฺมึ ติตฺถายตเน ตว อาจริยภาโว อตฺถีติ โยชนา. ‘‘เตนา’’ติอาทิ สห โยชนาย ยถาวากฺยํ ทสฺสนํ. ‘‘อยํ ปรมตฺโถ, อยํ สมฺมุตี’’ติ อิมสฺส ¶ วิภาคสฺส ทุพฺพิภาคตฺตา ทุชฺชานํ เอตํ นานตฺตํ. ‘‘ยชฺเชตํ ทุชฺชานํ ตาว ติฏฺตุ, อฺํ ปนตฺถํ ภควนฺตํ ปุจฺฉามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถา ปฏิปนฺนตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อถ ปริพฺพาชโก’’ติอาทิ ¶ วุตฺตํ. อฺโ วา สฺาโตติ สฺาสภาวโต อฺสภาโว วา อตฺตา โหตูติ อตฺโถ. อธุนา ปน ‘‘อฺา วา สฺา’’ติ ปาโ ทิสฺสติ. อสฺสาติ อตฺตโน.
โลกียติ ทิสฺสติ, ปติฏฺหติ วา เอตฺถ ปฺุปาปํ, ตพฺพิปาโก จาติ โลโก, อตฺตา. โส หิสฺส การโก, เวทโก จาติ อิจฺฉิโต. ทิฏฺิคตนฺติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๓๑; อุทา. ๕๕) นยปวตฺตํ ทิฏฺิคตํ. น เหส ทิฏฺาภินิเวโส ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถนิสฺสิโต ตทสํวตฺตนโต. โย หิ ตํ สํวตฺตนโก, โส ‘‘ตํ นิสฺสิโต’’ติ วตฺตพฺพตํ ลเภยฺย ยถา ตํ ปฺุาณสมฺภาโร. เอเตเนว นเยน น ธมฺมนิสฺสิตตาปิ สํวณฺเณตพฺพา. พฺรหฺมจริยสฺส อาทิ อาทิพฺรหฺมจริยํ, ตเทว อาทิพฺรหฺมจริยกํ ยถา ‘‘วินโย เอว เวนยิโก’’ติ (ปารา. อฏฺ. ๘). เตนาห ‘‘สิกฺขตฺตยสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิ. สพฺพมฺปิ วากฺยํ อนฺโตคธาวธารณํ ตสฺส อวธารณผลตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘อาทิมตฺต’’นฺติ. ตทิธ อธิสีลสิกฺขาว. สา หิ สิกฺขตฺตยสงฺคหิเต สาสนพฺรหฺมจริเย อาทิภูตา, น อฺตฺถ วิย อาชีวฏฺมกาทิ อาทิพฺรหฺมจริยกนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อธิสีลสิกฺขามตฺต’’นฺติ อิมินา. นิพฺพินฺทนตฺถายาติ อุกฺกณฺิตภาวาย. ‘‘อภิชานนายาติ าตปริฺาวเสน อภิชานนตฺถาย. สมฺพุชฺฌนตฺถายาติ ตีรณปหานปริฺาวเสน สมฺโพธนตฺถายา’’ติ วทนฺติ. อปิจ อภิชานนายาติ อภิฺาปฺาวเสน ชานนาย. ตํ ปน วฏฺฏสฺส ปจฺจกฺขกรณเมว โหตีติ อาห ‘‘ปจฺจกฺขกิริยายา’’ติ. สมฺพุชฺฌนตฺถายาติ ปริฺาภิสมยวเสน ปฏิเวธตฺถาย. ทิฏฺาภินิเวสสฺส สํสารวฏฺเฏ นิพฺพิทาวิราคนิโรธุปสมาสํวตฺตนํ วฏฺฏนฺโตคธตฺตา, ตสฺส วฏฺฏสมฺพนฺธนโต จ. ตถา อภิฺาสมฺโพธนิพฺพานาสํวตฺตนฺจ ทฏฺพฺพํ.
กามํ ตณฺหาปิ ทุกฺขสภาวา เอว, ตสฺสา ปน สมุทยภาเวน วิสุํ คหิตตฺตา ‘‘ตณฺหํ เปตฺวา’’ติ วุตฺตํ. ปภาวนโตติ อุปฺปาทนโต. ทุกฺขํ ปภาเวนฺตีปิ ตณฺหา อวิชฺชาทิปจฺจยนฺตรสหิตา เอว ปภาเวติ, น เกวลาติ อาห ‘‘สปฺปจฺจยา’’ติ. อปฺปวตฺตีติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ. น ปวตฺตนฺติ เอตฺถ ทุกฺขสมุทยา, เอตสฺมึ วา อธิคเตติ หิ อปฺปวตฺติ. ทุกฺขนิโรธํ นิพฺพานํ คจฺฉติ, ตทตฺถฺจ สา ปฏิปชฺชิตพฺพาติ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา. มคฺคปาตุภาโวติ ¶ มคฺคสมุปฺปาโท. ผลสจฺฉิกิริยาติ ผลสฺสาธิคมวเสน ปจฺจกฺขกรณํ. ตํ อาการนฺติ ตํ ตุณฺหีภาวสงฺขาตํ คมนลิงฺค อาโรเจนฺโต วิย, น ปน อภิมุขํ อาโรเจติ.
๔๒๑. สมนฺตโต ¶ นิคฺคณฺหนวเสน โตทนํ วิชฺฌนํ สนฺนิโตทกํ. มโนคณาทีนํ วิเสสนสฺส นปุํสกลิงฺเคน นิทฺทิฏฺตฺตา ‘‘วาจาย สนฺนิโตทเกนา’’ติ วุตฺตํ. เตนาห ‘‘วจนปโตทเกนา’’ติ. อถ วา ‘‘วาจายา’’ติ อิทํ ‘‘สนฺนิโตทเกนา’’ติ เอตฺถ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘วจนปโตทเกนา’’ติ หิ วจเนน ปโตทเกนาติ อตฺโถ, ‘‘วาจายา’’ติ วา สมฺพนฺเธ สามิวจนํ. วาจาย สนฺนิโตทนกิริยาย สชฺฌพฺภริตมกํสูติ โยเชตพฺพํ. ‘‘สชฺฌพฺภริต’’นฺติ เอตสฺส ‘‘สํ อธิ อภิ อริภ’’นฺติ ปทจฺเฉโท, สมนฺตโต ภุสํ อริตนฺติ อตฺโถ, สตมตฺเตหิ ตุตฺตเกหิ วิย วิวิเธหิ ปริพฺพาชกวาจาโตทเนหิ ตุทึ สูติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อุปริ วิชฺฌึสู’’ติ. สภาวโต วิชฺชมานนฺติ ปรมตฺถสภาวโต อุปลพฺภมานํ, น ปกติอาทิ วิย อนุปลพฺภมานํ. ตจฺฉนฺติ สจฺจํ. ตถนฺติ อวิปรีตํ. อตฺถโต เววจนเมว ตํ ปทตฺตยํ. นวโลกุตฺตรธมฺเมสูติ วิสเย ภุมฺมํ, เต ธมฺเม วิสยํ กตฺวา. ิตสภาวนฺติ อวฏฺิตสภาวํ, ตทุปฺปาทกนฺติ อตฺโถ. โลกุตฺตรธมฺมนิยามนิยตนฺติ โลกุตฺตรธมฺมสมฺปาปนนิยาเมน นิยตํ. อิทานิ ปน ‘‘โลกุตฺตรธมฺมนิยามต’’นฺติ ปาโ, โส น โปราโณ อาจริเยน อนุทฺธฏตฺตา. กสฺมา ปเนสา ปฏิปทา ธมฺมฏฺิตตา ธมฺมนิยามตาติ อาห ‘‘พุทฺธานฺหี’’ติอาทิ. สาติ ปฏิปทา. เอทิสาติ ‘‘ธมฺมฏฺิตต’’นฺติอาทินา วุตฺตปฺปการา.
จิตฺตหตฺถิสาริปุตฺตโปฏฺปาทวตฺถุวณฺณนา
๔๒๒. หตฺถึ สาเรติ ทเมตีติ หตฺถิสารี, หตฺถาจริโย. สุขุเมสุ อตฺถนฺตเรสูติ ขนฺธายตนาทีสุ สุขุมาณโคจเรสุ ธมฺเมสุ. อภิธมฺมิโก กิเรส. กุสโลติ ปุพฺเพปิ พุทฺธสาสเน กตปริจยตาย เฉโก. ตาทิเส จิตฺเตติ คิหิภาวจิตฺเต. อิตโร ปน ตํ สุตฺวาว น วิพฺภมิ, ปพฺพชฺชายเมว อภิรมีติ อธิปฺปาโย. คิหิภาเว อานิสํสกถาย กถิตตฺตาติ เอตฺถ สีลวนฺตสฺส ภิกฺขุโน ตถา กถเนน วิพฺภมเน นิโยชิตตฺตา อิทานิ สยมฺปิ สีลวา เอว หุตฺวา ฉ วาเร ¶ วิพฺภมีติ อธิปฺปาโย คเหตพฺโพ. กมฺมสริกฺขเกน หิ กมฺมผเลน ภวิตพฺพํ. กเถนฺตานนฺติ อนาทเร สามิวจนํ. มหาสาวกสฺส กถิเตติ มหาสาวกภูเตน มหาโกฏฺิกตฺเถเรน อปสาทนวเสน กถิเต, กถนนิมิตฺตํ ปติฏฺํ ลทฺธุํ อสกฺโกนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘วิพฺภมิตฺวา คิหี ชาโต’’ติ อิทํ สตฺตมวารมิว วุตฺตํ. ธมฺมปทฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๓ จิตฺตหตฺถตฺเถรวตฺถุ) ปน กุทาลปณฺฑิตชาตเก (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๗ กุทฺทาลชาตกวณฺณนา) จ ฉกฺขตฺตุเมว วิพฺภมนวาโร วุตฺโต. คิหิสหายโกติ คิหิกาเล สหายโก. อปสกฺกนฺโตปิ นามาติ อปิ นาม อปสกฺกนฺโต, คารยฺหวจนเมตํ. ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตีติ ปพฺพชฺชา วฏฺฏติ.
๔๒๓. ปฺาจกฺขุโน ¶ นตฺถิตายาติ สุวุตฺตทุรุตฺตสมวิสมทสฺสนสมตฺถสฺส ปฺาจกฺขุโน อภาเวน. ยาทิเสน จกฺขุนา โส ‘‘จกฺขุมา’’ติ วุตฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุภาสิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – เอกํสิกาติ เอกนฺติกา, นิพฺพานวหภาเวน นิจฺฉิตาติ วุตฺตํ โหติ. ปฺตฺตาติ ววตฺถปิตา. น เอกํสิกาติ น เอกนฺติกา นิพฺพานาวหภาเวน นิจฺฉิตา วฏฺฏนฺโตคธภาวโตติ อธิปฺปาโย. อยมตฺโถ หิ ‘‘กสฺมา เจเต โปฏฺปาท มยา เอกํสิกา ธมฺมา เทสิตา ปฺตฺตา, เอเต โปฏฺปาท อตฺถสํหิตา…เป… นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’’ติอาทิสุตฺตปเทหิ สํสนฺทติ สเมตีติ.
เอกํสิกธมฺมวณฺณนา
๔๒๕. ‘‘กสฺมา อารภี’’ติ การณํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถ’’นฺติ ปโยชนํ วิสฺสชฺชิตํ. ผเล หิ สิทฺเธ เหตุปิ สิทฺโธ โหตีติ, อยํ อาจริยมติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๒๕) อปเร ปน ‘‘เอทิเสสุ อตฺถสทฺโท การเณ วตฺตติ, เหตฺวตฺเถ จ ปจฺจตฺตวจนํ, ตสฺมา อนิยฺยานิกภาวทสฺสนนฺติ เอตฺถ อนิยฺยานิกภาวทสฺสนการณา’’ติ อตฺถมิจฺฉนฺติ. ปฺาปิตนิฏฺายาติ ปเวทิตวิมุตฺติมคฺคสฺส. วฏฺฏทุกฺขปริโยสานํ คจฺฉติ เอตายาติ นิฏฺาติ หิ วิมุตฺติ วุตฺตา ‘‘โคฏฺา ปฏฺิตคาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๖) มหาสีหนาทสุตฺตปเท วิย า-สทฺทสฺส คติอตฺเถ ปวตฺตนโต. นิฏฺามคฺโค จ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘นิฏฺา’’ติ อธิปฺเปโต. ตสฺเสว หิ นิยฺยานิกตา, อนิยฺยานิกตา ¶ จ วุจฺจติ, น นิฏฺาย. นิยฺยาตีติ นิยฺยานิกา ย-การสฺส ก-การํ กตฺวา. อนียสทฺโท หิ พหุลํ กตฺตุตฺถาภิธายโก, น นิยฺยานิกา อนิยฺยานิกา, ตสฺสา ภาโว ตถา. นิยฺยานํ วา นิคฺคมนํ นิสฺสรณํ, วฏฺฏทุกฺขสฺส วูปสโมติ อตฺโถ, นิยฺยานเมว นิยฺยานิกํ, น นิยฺยานิกํ อนิยฺยานิกํ, โส เอว ภาโว สภาโว อนิยฺยานิกภาโว, ตสฺส ทสฺสนตฺถนฺติ โยเชตพฺพํ.
‘‘สพฺเพ หี’’ติอาทิ ตทตฺถวิวรณํ. อมตํ นิพฺพานํ นิฏฺมิติ ปฺเปติ ยถาติ สมฺพนฺโธ. โลกถูปิกาทิวเสน นิฏฺํ ปฺเปนฺตีติ ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพาน’’นฺติ วจนสามฺมตฺตํ คเหตฺวา ตถา ปฺเปนฺติ. โลกถูปิกา นาม พฺรหฺมภูมิ วุจฺจติ โลกสฺส ถูปิกสทิสตาปริกปฺปเนน. เกจิ ปน ‘‘เนวสฺานาสฺายตนภูมึ โลกถูปิกา’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ อฏฺกถาสุ ตถา อวจนโต. อาทิสทฺเทน เจตฺถ ‘‘อฺโ ปุริโส, อฺา ปกตี’’ติ ปกติปุริสนฺตราวโพโธ โมกฺโข, พุทฺธิอาทิคุณวินิมุตฺตสฺส อตฺตโน อสกตฺตนิ อวฏฺานํ โมกฺโข, กายวิปตฺติกติ ชาติพนฺธานํ อปวชฺชนวเสน อปฺปวตฺโต โมกฺโข, ปเรน ปุริเสน ¶ ปโลกตา โมกฺโข, ตํสมีปตา โมกฺโข, ตํสมาโยโค โมกฺโขติ เอวมาทีนํ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตสฺมึ ตสฺมิฺหิ สมเย นิฏฺํ อปฺเปนฺโต นาม นตฺถิ. พฺราหฺมณานํ ปมชฺฌานพฺรหฺมโลโก นิฏฺา. ตตฺถ หิ เนสํ นิจฺจาภินิเวโส ยถา ตํ พกสฺส พฺรหฺมุโน, (ม. นิ. ๑.๕๐๑) เวขนสาทิตาปสานํ อาภสฺสรา, สฺจยาทิปริพฺพาชกานํ สุภกิณฺหา, อาชีวกานํ ‘‘อนนฺตมานโส’’ติ ปริกปฺปิโต อสฺีภโว. อิมสฺมึ ปน สาสเน อรหตฺตํ นิฏฺา, สพฺเพปิ เจเต ทิฏฺิวเสน พฺรหฺมโลกาทีนิ อรหตฺตมฺนาย ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพาน’’นฺติ วจนสามฺมตฺตํ คเหตฺวา ตถา ปฺเปนฺติ, น ปน ปรมตฺถโต เนสํสมเย นิพฺพานปฺาปนสฺส ลพฺภนโตติ อาห ‘‘สา จ น นิยฺยานิกา’’ติอาทิ. ยถาปฺตฺตาติ เยน เยน ปกาเรน ปฺตฺตา, ปฺตฺตปฺปการา หุตฺวาติ อตฺโถ. น นิยฺยาตีติ ‘‘เยนากาเรน นิฏฺา ปาปุณียตี’’ติ เตหิ ปเวทิตา, เตนากาเรน ตสฺสา อปตฺตพฺพตาย น นิยฺยาติ. ปณฺฑิเตหิ ปฏิกฺขิตฺตาติ ‘‘นายํ นิฏฺา ปฏิปทา วฏฺฏสฺส อนติกฺกมนโต’’ติ พุทฺธาทีหิ ปณฺฑิเตหิ ปฏิกฺขิตฺตา. นิวตฺตตีติ ปฏิกฺเขปการณวจนํ, ยสฺมา เตหิ ปฺตฺตา นิฏฺา ปฏิปทา ¶ น นิยฺยาติ น คจฺฉติ, อฺทตฺถุ ตํสมงฺคินํ ปุคฺคลํ สํสาเร เอว ปริพฺภมาเปนฺตี นิวตฺตติ, ตสฺมา ปณฺฑิเตหิ ปฏิกฺขิตฺตาติ อตฺโถ. ตนฺติ อนิยฺยานิกภาวํ.
ชานํ, ปสฺสนฺติ จ ปุถุวจนวิปริยาโยติ อาห ‘‘ชานนฺตา ปสฺสนฺตา’’ติ. คจฺฉนฺตาทิสทฺทานฺหิ ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ชานํ สภิกฺขุกํ อารามํ อนาปุจฺฉา ปวิเสยฺยา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๑๐๒๔) ลิงฺควเสน วิปริยาโย, ชานนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ยาจํ อททมปฺปิโย’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๔๖; ชา. ๑.๗.๕๕) วิภตฺติวเสน, ยาจนฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิธ ปน ปุถุวจนวเสนาติ เวทิตพฺพํ. ปธานํ ชานนํ นาม ปจฺจกฺขโต ชานนํ ตสฺส เชฏฺภาวโต, ทสฺสนมปฺปธานํ ตสฺส สํสยานุพนฺธตฺตาติ อยํ กโม วุตฺโต ‘‘ชานํ ปสฺส’’นฺติ. เตเนตฺถ ชานเนน ทสฺสนํ วิเสเสติ. เอวฺหิ ทิฏฺปุพฺพานิ โข ตสฺมึ โลเก มนุสฺสานํ สรีรสณฺานาทีนีติ เอกโต อธิปฺปายทสฺสนํ สูปปนฺนํ โหติ. อยฺเหตฺถาธิปฺปาโย ‘‘กึ ตุมฺหากํ เอกนฺตสุเข โลเก ปจฺจกฺขโต าณทสฺสนํ อตฺถี’’ติ. ชานนฺติ วา ตสฺส โลกสฺส อนุมานวิสยตํ วุจฺจติ, ปสฺสนฺติ ปจฺจกฺขโต วิสยตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘อปิ ตุมฺหากํ โลโก ปจฺจกฺขโต าโต, อุทาหุ อนุมานโต’’ติ.
ยสฺมา ปน โลเก ปจฺจกฺขภูโต อตฺโถ อินฺทฺริยโคจรภาเวน ปากโฏ, ตสฺมา ปากเฏน อตฺเถน อธิปฺปายํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทิฏฺปุพฺพานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ทิฏฺปเทน วา ทสฺสนํ, ตทนุคตฺจ ชานนํ คเหตฺวา ตทุภเยเนว อตฺเถน อธิปฺปายํ วิภาเวตุํ เอวํ วุตฺตนฺติปิ ทฏฺพฺพํ. ทิฏฺปุพฺพานีติ หิ ¶ ทสฺสเนน, ตทนุคเตน จ าเณน คหิตปุพฺพานีติ อตฺโถ. เอวฺจ กตฺวา ‘‘สรีรสณฺานาทีนี’’ติ สมริยาทวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. ‘‘อปฺปาฏิหีรกต’’นฺติ อยํ อนุนาสิกโลปนิทฺเทโสติ อาห ‘‘อปฺปาฏิหีรกํ ต’’นฺติ. ตํ วจนํ อปฺปาฏิหีรกํ สมฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. อปฺปาฏิหีรปเท อนุนาสิกโลโป, ‘‘กต’’นฺติ จ เอกํ ปทนฺติ เกจิ, ตทยุตฺตํ สมาสสมฺภวโต, อนุนาสิกโลปสฺส จ อวตฺตพฺพตฺตา. เอวเมตฺถ วณฺณยนฺติ – ปฏิปกฺขหรณโต ปฏิหาริยํ, ตเทว ปาฏิหาริยํ. อตฺตนา อุตฺตรวิรหิตวจนํ. ปาฏิหาริยเมเวตฺถ ‘‘ปาฏิหีรก’’นฺติ วุตฺตํ ปเรหิ วุจฺจมานอุตฺตเรหิ สอุตฺตรตฺตา, น ปาฏิหีรกนฺติ อปฺปาฏิหีรกํ. วิรหตฺโถ ¶ เจตฺถ อ-สทฺโท. เตนาห ‘‘ปฏิหรณวิรหิต’’นฺติ. สอุตฺตรฺหิ วจนํ เตน อุตฺตรวจเนน ปฏิหรียติ วิปริวตฺตียติ, ตสฺมา อุตฺตรวจนํ ปฏิหรณํ นาม, ตโต วิรหิตนฺติ อตฺโถ. ตสฺมา เอว นิยฺยานสฺส ปฏิหรณมคฺคสฺส อภาวโต ‘‘อนิยฺยานิก’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนิยฺยานิก’’นฺติ.
๔๒๖. วิลาโส อิตฺถิลีฬา, โย ‘‘สิงฺคารภาวชา กิริยา’’ติปิ วุจฺจติ. อากปฺโป เกสพนฺธวตฺถคฺคหณาทิอาการวิเสโส, เวสสํวิธานํ วา. อาทิสทฺเทน หาวาทีนํ สงฺคโห. หาวาติ หิ จาตุริยํ วุจฺจติ.
ตโยอตฺตปฏิลาภวณฺณนา
๔๒๘. อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อตฺตภาโวติ อาห ‘‘อตฺตภาวปฏิลาโภ’’ติ. กถํ ทสฺเสตีติ วุตฺตํ ‘‘โอฬาริกตฺตภาวปฏิลาเภนา’’ติอาทิ. กามภวํ ทสฺเสติ อิตรภวทฺวยตฺตภาวโต โอฬาริกตฺตา. รูปภวํ ทสฺเสติ ฌานมเนน นิพฺพตฺตํ หุตฺวา รูปีภาเวน อุปลพฺภนโต. อรูปภวํ ทสฺเสติ อรูปีภาเวน อุปลพฺภนโต. สํกิเลสิกา ธมฺมา นาม ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทา ตทภาเว กสฺสจิ สํกิเลสสฺส อสมฺภวโต. โวทานิยา ธมฺมา นาม สมถวิปสฺสนา ตาสํ วเสน สพฺพโส จิตฺตโวทานสฺส สิชฺฌนโต.
๔๒๙. ปฏิปกฺขธมฺมานํ อสมุจฺเฉเท สติ น กทาจิปิ อนวชฺชธมฺมานํ วา ปาริปูรี, เวปุลฺลํ วา สมฺภวติ, สมุจฺเฉเท ปน สติ สมฺภวตีติ มคฺคผลปฺานเมว คหณํ ทฏฺพฺพํ, ตา หิ สกึ ปริปุณฺณาปิ อปริหีนธมฺมตฺตา ปริปุณฺณา เอว ภวนฺติ. ตรุณปีตีติ อุปฺปนฺนมตฺตา อลทฺธาเสวนา ทุพฺพลปีติ. พลวตุฏฺีติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา ลทฺธาเสวนา อุปริวิเสสาธิคมสฺส ปจฺจยภูตา ถิรตรา ปีติ. อิทานิ สงฺเขปโต ปิณฺฑตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กึ วุตฺต’’นฺติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ ยํ วิหารํ สยํ…เป… วิหริสฺสตีติ อโวจุมฺหาติ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ วิหารํ ‘‘สํกิเลสิกโวทานิยธมฺมานํ ปหานาภิวุทฺธินิฏฺํ ปฺาย ปาริปูริเวปุลฺลภูตํ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อปรปฺปจฺจเยน าเณน ปจฺจกฺขโต สมฺปาเทตฺวา ¶ วิหริสฺสตี’’ติ กถยิมฺหาติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วิหาเร. ตสฺสาติ โอวาทกรสฺส ภิกฺขุโน. เอวํ วิหรโตติ วุตฺตปฺปกาเรน วิหรณเหตุ, วิหรนฺตสฺส วา. ตนฺนิมิตฺตํ ปาโมชฺชํ, ปโมทปฺปภวา ปีติ, ตปฺปจฺจยภูตํ ปสฺสทฺธิทฺวยํ, ตถา สูปฏฺิตา สติ, อุกฺกํสคตตาย อุตฺตมาณํ. สุโข จ วิหาโร ภวิสฺสตีติ โยชนา. กายจิตฺตปสฺสทฺธี หิ ‘‘ปสฺสทฺธี’’ติ วุตฺตา, อยเมว วา ปาโ. ‘‘นามกายปสฺสทฺธี’’ติปิ ปนฺติ, ตทยุตฺตเมว ปสฺสทฺธิทฺวยสฺส อวินาภาวโต. กสฺมา ปเนส สุโข วิหาโรติ อาห ‘‘สพฺพวิหาเรสู’’ติอาทิ, สพฺเพสุปิ อิริยาปถวิหาราทีสุ สนฺตปณีตตาย อิมสฺเสว สุขตฺตา ‘‘สุโข วิหาโร’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหตีติ วุตฺตํ โหติ. กถํ สุโขติ วุตฺตํ ‘‘อุปสนฺโต ปรมมธุโร’’ติ.
ปมชฺฌาเน ปฏิลทฺธมตฺเต หีนภาวโต ปีติ ทุพฺพลา ปาโมชฺชปกฺขิกา, สุภาวิเต ปน ตสฺมึ ปคุเณ สา ปณีตา พลวภาวโต ปริปุณฺณกิจฺจา ปีตีติ วุตฺตํ ‘‘ปมชฺฌาเน ปาโมชฺชาทโย ฉปิ ธมฺมา ลพฺภนฺตี’’ติ. ปาโมชฺชํ นิวตฺตตีติ ทุพฺพลปีติสงฺขาตํ ปาโมชฺชํ ฉสุ ธมฺเมสุ นิวตฺตติ หายติ. วิตกฺกวิจารกฺโขภวิรหิเตน หิ จตุกฺกนยวิภตฺเต ทุติยชฺฌาเน สพฺพทา ปีติ พลวตี เอว โหติ, น ปมชฺฌาเน วิย กทาจิ ทุพฺพลาติ เอวํ วุตฺตํ. ปีติ นิวตฺตติ ตปฺปหาเนเนว ตติยชฺฌานสฺส ลพฺภนโต. ‘‘สุโข วิหาโร’’ติ อิมินา สมาธิ คหิโตติ อาห ‘‘ตถา จตุตฺเถ’’ติ. เย ปน ‘‘สุโข วิหาโร’ติ เอเตน สุขํ คหิต’’นฺติ วทนฺติ, เตสํ มเตน สนฺตวุตฺติตาย อุเปกฺขาปิ จตุตฺถชฺฌาเน ‘‘สุข’’มิจฺเจว ภาสิตาติ (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒; วิสุทฺธิ. ๒.๖๔๔; มหานิ. อฏฺ. ๒๗; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑๐๕) กตฺวา ตถา วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อิมสฺมึเยว ทีฆนิกาเย (ที. นิ. ๑.๔๓๒; ๓.๑๖๖, ๓๕๘) อาคตํ อเนกธา เทสนานยมุทฺธริตฺวา อิธ เทสิตนยํ นิยเมตุํ ‘‘อิเมสู’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุทฺธ…เป… กถิตนฺติ อุปริมคฺคํ อกเถตฺวา เกวลํ วิปสฺสนาปาทกเมว ฌานํ กถิตํ. จตูหิ…เป… กถิตาติ วิปสฺสนาปาทกภาเวน ฌานานิ กเถตฺวา ตโต ปรํ วิปสฺสนาปุพฺพกา จตฺตาโรปิ มคฺคา กถิตา. จตุตฺถชฺฌานิกผลสมาปตฺติ กถิตาติ ปมชฺฌานิกาทิกา ผลสมาปตฺติโย อกเถตฺวา จตุตฺถชฺฌานิกา เอว ผลสมาปตฺติ กถิตา. ปีติเววจนเมว กตฺวาติ ทฺวินฺนํ ปีตีนํ ¶ เอกสฺมึ จิตฺตุปฺปาเท อนุปฺปชฺชนโต ปาโมชฺชํ ปีติเววจนเมว กตฺวา, ตทุภยํ อเภทโต กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปีติสุขานํ อปริจฺจตฺตตฺตา, ‘‘สุโข วิหาโร’’ติ จ สาติสยสฺส สุขวิหารสฺส คหิตตฺตา ‘‘ทุติยชฺฌานิกผลสมาปตฺติ นาม ¶ กถิตา’’ติ วุตฺตํ. กามํ ปมชฺฌาเนปิ ปีติสุขานิ ลพฺภนฺติ, ตานิ ปน วิตกฺกวิจารปริกฺโขเภน น ตตฺถ สนฺตปณีตานิ, อิธ จ สนฺตปณีตาเนว อธิปฺเปตานิ, ตสฺมา ทุติยชฺฌานิกา เอว ผลสมาปตฺติ คหิตา, น ปมชฺฌานิกาติ ทฏฺพฺพํ.
๔๓๒-๔๓๗. วิภาวนตฺโถติ ปกาสนตฺโถ สรูปโต นิรูปนตฺโถ ‘‘น สมโณ โคตโม พฺราหฺมเณ ชิณฺเณ …เป… อภิวาเทติ วา ปจฺจุฏฺเติ วา อาสเนน วา นิมนฺเตตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๒) วิย. เตนาห ‘‘อยํ โส’’ติอาทิ. ‘‘อยํ อตฺตปฏิลาโภ โส เอวา’’ติ เอวํ สรูปโต วิภาเวตฺวา ปกาเสตฺวา. อยนฺติ หิ ภควตา ปุพฺเพ วุตฺตํ อตฺตปฏิลาภํ อาสนฺนปจฺจกฺขภาเวน ปจฺจามสติ, โสติ ปน ปเรหิ ปุจฺฉิยมานํ ปรมฺมุขภาเวน. น นํ เอวํ วทามาติ เอตฺถ นนฺติ โอฬาริกมตฺตปฏิลาภํ. สปฺปาฏิหีรกตนฺติ เอตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปเรหิ โจทิตวจนปฏิหารกํ สอุตฺตรวจนํ สปฺปาฏิหีรกนฺติ หิ อยเมว วิเสโส. ตุจฺโฉติ มุสา อภูโต. โสติ มโนมโย, อรูโป วา อตฺตปฏิลาโภ. สฺเววาติ โส เอว โอฬาริโก อตฺตปฏิลาโภ. ตสฺมึ สมเย สจฺโจ โหตีติ ตสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนสมเย วิชฺชมาโน โหติ. อตฺตปฏิลาโภตฺเวว นิยฺยาเตสีติ อตฺตปฏิลาภสทฺเทน ตถา เอว ปริโยสาเปสิ, น ปน นํ ‘‘อตฺตปฏิลาโภ’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉตีติ ปฺตฺตึ สรูปโต นีหริตฺวา ทสฺเสสีติ อธิปฺปาโย. รูปาทโย เจตฺถ ธมฺมาติ รูปเวทนาทโย เอว เอตฺถ โลเก สภาวธมฺมา. นามมตฺตเมตนฺติ รูปาทิเก ปฺจกฺขนฺเธ อุปาทาย นามปฺตฺติมตฺตเมตํ ‘‘อตฺตปฏิลาโภ’’ติ. เอวรูปา โวหาราติ ‘‘โอฬาริโก อตฺตปฏิลาโภ’’ติอาทิโวหารา. นามปฺตฺติวเสนาติ นามภูตปฺตฺติมตฺตวเสน. ‘‘อตฺตปฏิลาโภ’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติ นิยฺยาตนตฺถํ.
๔๓๘. เอวฺจ ปน วตฺวาติ รูปาทิเก อุปาทาย ปฺตฺติมตฺตเมตํ อตฺตปฏิลาโภติ อิมมตฺถํ ‘‘ยสฺมึ จิตฺต สมเย’’ติอาทินา วตฺวา. ปฏิปุจฺฉิตฺวาติ ¶ ยถา ปเร ปุจฺเฉยฺยุํ, ตถา กาลวิภาคโต ปฏิปทานิ ปุจฺฉิตฺวา. วินยนตฺถนฺติ ยถาปุจฺฉิตสฺส อตฺถสฺส าปนวเสน วินยนตฺถาย. เย เต อตีตา ธมฺมาติ อตีตสมเย อตีตตฺตปฏิลาภสฺส อุปาทานภูตา รูปาทโย ธมฺมา. เต เอตรหิ นตฺถิ นิรุทฺธตฺตา. ตโต เอว ‘‘อเหสุ’’นฺติ สงฺขฺยํ คตา. ตสฺมาติ อุปาทานสฺส อตีตสฺมึเยว สมเย ลพฺภนโต. โสปีติ ตทุปาทาโน เม อตฺตปฏิลาโภปิ. ตสฺมึเยว สมเยติ อตีเต เอว สมเย. สจฺโจ อโหสีติ ภูโต วิชฺชมาโน วิย อโหสิ. อนาคตปจฺจุปฺปนฺนานนฺติ อนาคตานฺเจวปจฺจุปฺปนฺนานฺจ รูปาทิธมฺมานํ อุปาทานภูตานํ. ตทา อภาวาติ ตสฺมึ อตีตสมเย อภาวา อวิชฺชมานตฺตา. ตทุปาทานภูโต ¶ อนาคโต, ปจฺจุปฺปนฺโน จ อตฺตปฏิลาโภ ตสฺมึ อตีต สมเย โมโฆ ตุจฺโฉ มุสา นตฺถีติ อตฺโถ. อตฺถโตติ ปฺตฺติอตฺถโต. นามมตฺตเมวาติ สมฺามตฺตเมว. ปรมตฺถโต อนุปลพฺภมานตฺตา อตฺตปฏิลาภํ ปฏิชานาติ.
‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา เย เต อนาคตา ธมฺมา, เต เอตรหิ นตฺถิ, ‘‘ภวิสฺสนฺตี’’ติ ปน สงฺขฺยํ คตา, ตสฺมา โสปิ เม อตฺตปฏิลาโภ ตสฺมึเยว สมเย สจฺโจ ภวิสฺสติ. อตีตปจฺจุปฺปนฺนานํ ปน ธมฺมานํ ตทา อภาวา ตสฺมึ สมเย ‘‘โมโฆ อตีโต, โมโฆ ปจฺจุปฺปนฺโน’’ติ เอวํ อตฺถโต นามมตฺตเมว อตฺตปฏิลาภํ ปฏิชานาติ. เย อิเม ปจฺจุปฺปนฺนา ธมฺมา, เต เอตรหิ ‘‘อตฺถี’’ติ สงฺขฺยํ คตา, ตสฺมา ยฺวายํ เม อตฺตปฏิลาโภ, โส อิทานิ สจฺโจ โหติ. อตีตานาคตานํ ปน ธมฺมานํ อธุนา อภาวา เอตรหิ ‘‘โมโฆ อตีโต, โมโฆ อนาคโต’’ติ เอวํ อตฺถโต นามมตฺตเมว อตฺตปฏิลาภํ ปฏิชานาตีติ อิมมตฺถํ อติทิสติ.
๔๓๙-๔๔๓. สํสนฺทิตุนฺติ สมาเนตุํ. ควาติ คาวิโต. ตตฺถาติ ขีราทีสุ ปฺจโครเสสุ. ยสฺมึ สมเย ขีรํ โหตีติ ยสฺมึ กาเล ภูตุปาทายสฺิตํ อุปาทานวิเสสํ อุปาทาย ขีรปฺตฺติ โหติ. น ตสฺมึ…เป… คจฺฉติ ขีรปฺตฺติอุปาทานสฺส ภูตุปาทายรูปสฺส ทธิอาทิปฺตฺติยา อนุปาทานโต. ปฏินิยตวตฺถุกา หิ เอตา โลกสมฺา. เตนาห ‘‘เย ธมฺเม อุปาทายา’’ติอาทิ. สงฺขายติ กถียติ เอตายาติ สงฺขา. อตฺตํ นีหริตฺวา อุจฺจนฺติ วทนฺติ เอตายาติ นิรุตฺติ. ตํ ตทตฺถํ นมนฺติ สตฺตา เอเตนาติ นามํ, ตถา โวหรนฺติ เอเตนาติ ¶ โวหาโร, ปฺตฺติเยว. ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติอาทินา ขีเร วุตฺตนยํ ทธิอาทีสุปิ ‘‘เอส นโย สพฺพตฺถา’’ติ อติทิสติ.
สมนุชานนมตฺตกานีติ ‘‘อิทํ ขีรํ, อิทํ ทธี’’ติอาทินา ตาทิเสสุ ภูตุปาทายรูปวิเสเสสุ โลเก ปรมฺปราคตํ ปฺตฺตึ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา สมนุชานนํ วิย ปจฺจยวิเสสวิสิฏฺํ รูปาทิขนฺธสมูหํ อุปาทาย ‘‘โอฬาริโก อตฺตปฏิลาโภ’’ติ จ ‘‘มโนมโย อตฺตปฏิลาโภ’’ติ จ ‘‘อรูโป อตฺตปฏิลาโภ’’ติ จ ตถา ตถา สมนุชานนมตฺตกานิ, น จ ตพฺพินิมุตฺโต อุปาทานโต อฺโ โกจิ ปรมตฺถโต อตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. นิรุตฺติมตฺตกานีติ สทฺทนิรุตฺติยา คหณูปายมตฺตกานิ. ‘‘สตฺโต ผสฺโส’’ติอาทินา หิ สทฺทคฺคหณุตฺตรกาลํ ตทนุวิทฺธปณฺณตฺติคฺคหณมุเขเนว ตทตฺถาวโพโธ. ตถา จาหุ –
‘‘ปมํ ¶ สทฺทํ โสเตน, ตีตํ ทุติยเจตสา;
นามํ ตติยจิตฺเตน, อตฺถํ จตุตฺถเจตสา’’ติ. (มณิสารมฺชุสาฏีกายํ ปจฺจยสงฺคหวิภาเคปิ);
วจนปถมตฺตกานีติ ตสฺเสว เววจนํ. นิรุตฺติเยว หิ อฺเสมฺปิ ทิฏฺานุคติมาปชฺชนฺตานํ การณฏฺเน วจนปโถ. โวหารมตฺตกานีติ ตถา ตถา โวหารมตฺตกานิ. นามปณฺณตฺติมตฺตกานีติ ตสฺเสว ปริยาโย, ตํตํนามปฺาปนมตฺตกานีติ อตฺโถ. สพฺพเมตนฺติ ‘‘อตฺตปฏิลาโภ’’ติ วา ‘‘สตฺโต’’ติ วา ‘‘โปโส’’ติ วา สพฺพเมตํ โวหารมตฺตกํ. กสฺมาติ เจ, ปรมตฺถโต อนุปลพฺภนโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สฺุโติ ปรมตฺถโต วิวิตฺโต.
ยชฺเชวํ กสฺมา เจสา พุทฺเธหิปิ วุจฺจตีติ โจทนํ โสเธนฺโต ‘‘พุทฺธานํ ปนา’’ติอาทิมาห. สมฺมุติยา โวหารสฺส กถนํ สมฺมุติกถา. ปรมตฺถสฺส สภาวธมฺมสฺส กถนํ ปรมตฺถกถา. ปรมตฺถสนฺนิสฺสิตกถาภาวโต อนิจฺจาทิกถาปิ ‘‘ปรมตฺถกถา’’ติ วุตฺตา. ปรมตฺถธมฺโมเยว หิ ‘‘อนิจฺโจ, ทุกฺโข’’ติ จ วุจฺจติ, น สมฺมุติธมฺโม.
‘‘อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา, ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา;
นิพฺพานฺเจว ปฺตฺติ, อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา’’ ติ. (ปริ. ๒๕๗) –
วจนโต ปเนส ‘‘อนตฺตา’’ติ วุจฺจติ, ขนฺธาทิปฺตฺติ ปน ตชฺชาปฺตฺติ วิย ปรมตฺถสนฺนิสฺสยา, อาสนฺนตรา จ, ปุคฺคลปฺตฺติอาทโย วิย น ทูเร ¶ , ตสฺมา ขนฺธาทิกถาปิ ‘‘ปรมตฺถกถา’’ติ วุตฺตา, ขนฺธาทิสีเสน วา ตทุปาทานสภาวธมฺมา เอว คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. นนุ จ สภาวธมฺมาปิ สมฺมุติมุเขเนว เทสนมาโรหนฺติ, น ปรมตฺถมุเขน, ตสฺมา สพฺพาปิ เทสนา สมฺมุติกถาว สิยาติ? นยิทเมวํ กเถตพฺพธมฺมวิภาเคน กถาวิภาคสฺส อธิปฺเปตตฺตา, น จ สทฺโท เกนจิ ปวตฺตินิมิตฺเตน วินา อตฺถํ ปกาเสตีติ.
กสฺมา เจวํ ทุพฺพิธา พุทฺธานํ กถา ปวตฺตตีติ อนุโยคํ การณวิภาวเนน ปริหริตุํ ‘‘ตตฺถ โย’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺถํ วิชานิตุํ จตุสจฺจํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วฏฺฏโต นิยฺยาตุํ อรหตฺตสงฺขาตํ ชยคฺคาหํ คเหตุํ สกฺโกติ. ยสฺมา ปรมตฺถกถาย เอว สจฺจสมฺปฏิเวโธ, อริยสจฺจกถา จ สิขาปฺปตฺตา เทสนา, ตสฺมา วิเนยฺยปุคฺคลวเสน อาทิโต สมฺมุติกถํ กเถนฺโตปิ ¶ ภควา ปรโต ปรมตฺถกถํเยว กเถตีติ อาห ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ. ‘‘อาทิโตว สมฺมุติกถํ กเถตี’’ติ หิ วทนฺโต ปรโต ปรมตฺถกถมฺปิ กเถตีติ ทีเปติ, อิตรตฺถ ปน ‘‘อาทิโตว กเถตี’’ติ อวทนฺโต สพฺพตฺถปีติ. ‘‘ตถา’’ติอาทินา กถาทฺวยกถเน ปริยายนฺตรํ วิภาเวติ. โพเธตฺวาติ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ตถา ตถา เทเสตพฺพมตฺถํ ชานาเปตฺวา, อิมินา ปน อิมมตฺถํ ทสฺเสติ – กตฺถจิ สมฺมุติกถาปุพฺพิกา ปรมตฺถกถา โหติ ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน, กตฺถจิ ปรมตฺถกถาปุพฺพิกา สมฺมุติกถา, อิติ วิเนยฺยทมฺมกุสลสฺส สตฺถุ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน ตถา ตถา เทสนา ปวตฺตตีติ. สพฺพตฺถ ปน ภควา ธมฺมตํ อวิชหนฺโต เอว สมฺมุติมนุวตฺตติ, สมฺมุตึ อปริจฺจชนฺโตเยว ธมฺมตํ วิภาเวติ, นํ ตตฺถ อภินิเวสาติธาวนานิ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘ชนปทนิรุตฺตึ นาภินิวิเสยฺย, สมฺํ นาติธาเวยฺยา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๓๙-๔๔๓).
ปมํ สมฺมุติกถากถนํ ปน เวเนยฺยวเสน เยภุยฺเยน พุทฺธานมาจิณฺณนฺติ ตํ การเณน สทฺธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปกติยา ปนา’’ติอาทิมาห. ลูขาการาติ เวเนยฺยานมนภิสมฺพุชฺฌนวเสน ลูขสทิสา. นนุ จ สมฺมุติ นาม ปรมตฺถโต อวิชฺชมานตฺตา อภูตา, ตํ กถํ พุทฺธา กเถนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สมฺมุติกถํ กเถนฺตาปี’’ติอาทิ. สจฺจเมวาติ ตถเมว ¶ . สภาวเมวาติ สมฺมุติภาเวน ตํสภาวเมว. เตนาห ‘‘อมุสาวา’’ติ. ปรมตฺถสฺส ปน สจฺจาทิภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
โก ปนิเมสํ สมฺมุติปรมตฺถธมฺมานํ วิเสโสติ? ยสฺมึ ภินฺเน, พุทฺธิยา วา อวยววินิพฺโภเค กเต น ตํสฺา, โส ฆฏปฏาทิปฺปเภโท สมฺมุติ, ตพฺพิปริยายโต ปรมตฺโถ. น หิ กกฺขฬผุสนาทิสภาเว อยํ นโย ลพฺภติ. เอวํ สนฺเตปิ วุตฺตนเยน สมฺมุติ จ สจฺจสภาวา เอวาติ อาห ‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสี’’ติอาทิ. ตตฺถ ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสีติ นานาเทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานมตฺถสํวณฺณนโก อาจริโย วิย นานาวิธสมฺมุติปรมตฺถกุสโล ภควา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ทุเวเยว สจฺจานิ อกฺขาสีติ อตฺโถ. ตํ สรูปโต, ปริมาณโต จ ทสฺเสติ ‘‘สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภตี’’ติ อิมินา. วทตํ วโรติ สพฺเพสํ วทนฺตานํ วโร. โลกสงฺเกตมตฺตสิทฺธา สมฺมุติ. ปรโม อุตฺตโม อวิปรีโต ยถาภูตสภาโว ปรมตฺโถ.
อิทานิ เนสํ สจฺจสภาวํ สห การเณน ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺเกตวจน’’นฺติ คาถา วุตฺตา. ยสฺมา โลกสมฺมุติการณํ, ตสฺมา สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, ยสฺมา จ ธมฺมานํ ภูตลกฺขณํ, ตสฺมา ปรมตฺถวจนํ ¶ สจฺจนฺติ โยชนา. โลกสมฺมุติการณนฺติ หิ สงฺเกตวจนสฺส สจฺจภาเว การณทสฺสนํ, โลกสิทฺธา สมฺมุติ สงฺเกตวจนสฺส อวิสํวาทนตาย การณนฺติ อตฺโถ, วิสํวาทนาภาวโต สงฺเกตวจนํ สจฺจนฺติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมานํ ภูตลกฺขณนฺติ จ ปรมตฺถวจนสฺส สจฺจภาเว การณทสฺสนํ. สภาวธมฺมานํ โย ภูโต อวิปรีโต สภาโว, ตสฺส ลกฺขณํ องฺคนํ าปนนฺติ อตฺโถ, ยาถาวโต อวิสํวาทนวเสน ปวตฺตนโต ปรมตฺถวจนํ สจฺจนฺติ อธิปฺปาโย. อนงฺคณสุตฺตฏีกายํ ปน อาจริเยเนว นิสฺสกฺกวจเนน ปทมุลฺลิงฺเคตฺวา ‘‘โลกสมฺมุติการณาติ โลกสมฺํ นิสฺสาย ปวตฺตนโต. ธมฺมานนฺติ สภาวธมฺมานํ. ภูตการณาติ ยถาภูตสภาวํ นิสฺสาย ปวตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ.
อฺตฺถ ปน –
‘‘ตสฺมา โวหรกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐; อิติวุ. อฏฺ. ๒๔) –
อยมฺปิ ¶ คุณปริทีปนี คาถา ทิสฺสติ. ตตฺถ ตสฺมาติ สจฺจสฺส ทุวิธตฺตา, สงฺเกตวจนสฺส วา สจฺจภาวโต. สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺสาติ ‘‘ปุคฺคโล สตฺโต’’ติอาทินา โลกสมฺํ กเถนฺตสฺส มุสาวาโท นาม น ชายตีติ อตฺโถ. อปิจ ‘‘อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคล กถํ กเถติ หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ, อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถฺจา’’ติอาทินา (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๗๐; อิติวุ. อฏฺ. ๒๔; กถา. อนุฏี. ๑) ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตการณมฺปิ อาหริตฺวา อิธ วตฺตพฺพํ.
ยทิ ตถาคโต ปรมตฺถสจฺจํ สมฺมเทว อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ิโตปิ โลกสมฺาภูตํ สมฺมุติสจฺจํ คเหตฺวาว วทติ, เอวฺเจตฺถ โก โลกิยมหาชเนหิ วิเสโสติ วุตฺตํ ‘‘ยาหี’’ติอาทิ, อยํ ปาฬิยํ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โลกิยมหาชโน อปฺปหีนปรามาสตฺตา ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ปรามสนฺโต โวหรติ. ตถาคโต ปน สพฺพโส ปหีนปรามาสตฺตา อปรามสนฺโตว ยสฺมา โลกสมฺาหิ วินา โลกิโย อตฺโถ โลเกน ทุพฺพิฺเยฺโย, ตสฺมา ตาหิ ตํ โวหรติ. ตถา โวหรนฺโต จ อตฺตโน เทสนาวิลาเสน เวเนยฺยสตฺเต ¶ ปรมตฺถสจฺเจ ปติฏฺาเปตีติ. เทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวาติ เหฏฺา วุตฺตาย ทิฏฺาภินิเวสปฏิสฺุตฺตาย วฏฺฏกถาย วินิวตฺเตตฺวา วิเวเจตฺวา. อรหตฺตนิกูเฏน นิฏฺาเปสีติ ‘‘อปรามส’’นฺติ อิมินา ปเทน ตณฺหามานปรามาสปฺปหานกิตฺตเนน ตปฺปหายกอรหตฺตสงฺขาตนิกูเฏน เทสนํ ปริโยสาเปสิ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
โปฏฺปาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สุภสุตฺตวณฺณนา
สุภมาณวกวตฺถุวณฺณนา
๔๔๔. เอวํ ¶ ¶ โปฏฺปาทสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ สุภสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, โปฏฺปาทสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส สุภสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… สาวตฺถิยนฺติ สุภสุตฺต’’นฺติ อาห. อนุนาสิกโลเปน ‘‘อจิร ปรินิพฺพุเต’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อจิรํ ปรินิพฺพุเต’’ติ อิมินา ยถา โปฏฺปาทสุตฺเต ‘‘อปฺปาฏิหีรก ตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี’’ติ, อจิรํ ปรินิพฺพุตสฺส อสฺสาติ วา อจิรปรินิพฺพุโต ยถา ‘‘อจิรปกฺกนฺโต, มาสชาโต’’ติ. อตฺถมตฺตํ ปน ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตํ. อจิรปรินิพฺพุเตติ จ สตฺถุ ปรินิพฺพุตภาวสฺส จิรกาลตาปฏิกฺเขเปน อาสนฺนตามตฺตํ ทสฺสิตํ, กาลปริจฺเฉโท ปน น ทสฺสิโตติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปรินิพฺพานโต’’ติอาทิมาห. วิสาขปุณฺณมิโต อุทฺธํ ยาว เชฏฺปุณฺณมี, ตาว กาลํ สนฺธาย ‘‘มาสมตฺเต’’ติ วุตฺตํ. มตฺตสทฺเทน ปน ตสฺส กาลสฺส กิฺจิ อสมฺปุณฺณตํ โชเตติ. ตุทิสฺิโต คาโม นิวาโส เอตสฺสาติ โตเทยฺโย. ตํ ปเนส ยสฺมา โสณทณฺโฑ (ที. นิ. ๑.๓๐๐) วิย จมฺปํ, กูฏทนฺโต (ที. นิ. ๑.๓๒๓) วิย จ ขาณุมตํ อชฺฌาวสติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตสฺส อธิปติตฺตา’’ติ, อิสฺสรภาวโตติ อตฺโถ. อยมฺปิ หิ รฺโ ปเสนทิโกสลสฺส ปุโรหิตพฺราหฺมโณ. ปุตฺตมฺปิ อาหาติ สุภํ มาณวมฺปิ โอวทนฺโต อาห.
อฺชนานนฺติ อกฺขิอฺชนตฺถาย ฆํสิตอฺชนานํ. วมฺมิกานนฺติ กิมิสมาหฏวมฺมิกานํ สฺจยํ ทิสฺวาติ สมฺพนฺโธ. มธูนนฺติ มกฺขิกมธูนํ. สมาหารนฺติ มกรนฺทสนฺนิจยํ. ปณฺฑิโต ฆรมาวเสติ ยสฺมา อปฺปตรปฺปตเรปิ คยฺหมาเน โภคา ขียนฺติ, อปฺปตรปฺปตเรปิ จ สฺจิยมาเน วฑฺฒนฺติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตมุปมตฺตยํ ปฺาย ทิสฺวา วิฺุชาติโก ¶ กิฺจิปิ วยมกตฺวา อายเมว อุปฺปาเทนฺโต ฆเรวเส ฆราวาสมนุติฏฺเยฺยาติ โลภาเทสิตปฏิปตฺตึ อุปทิสติ.
อทานเมว สิกฺขาเปตฺวา สิกฺขาปนเหตุ โลภาภิภูตตาย ตสฺมึเยว ฆเร สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โลภวสิกสฺส หิ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา ¶ , ‘‘ชนวสโภ นาม ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺตี’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๕๐) เอตฺถ วุตฺตนเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปุพฺพปริจเยน อติวิย ปิยายติ. วุตฺตฺหิ ‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสนา’’ติอาทิ (ชา. ๑.๒.๑๗๔). นิกฺขนฺเตติ เกนจิเทว กรณีเยน พหิ นิคฺคเต. สุภํ มาณวํ อนุคฺคณฺหิตุกาโม เอกโกว ภควา ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ภุกฺการนฺติ ‘‘ภุ ภู’’ติ สุนขสทฺทกรณํ. ‘‘โภ โภ’’ติ พฺราหฺมณสมุทาจาเรน ปริภวิตฺวา ปริภวนเหตุ. ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ธ. ป. ๓๙๖; สุ. นิ. ๖๒๕) หิ วุตฺตํ. นนุ จ เหฏฺา ‘‘อทานเมว สิกฺขาเปตฺวา สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ อาห, กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘ปุพฺเพปิ มํ ‘โภ โภ’ติ ปริภวิตฺวา สุนโข ชาโต’’ติ วทตีติ? ตถา นิพฺพตฺติยา ตทุภยสาธารณผลตฺตา. อานิสํสผลฺหิ สาธารณกมฺเมนปิ ชาตํ, น วิปากผลํ วิย เอกกมฺเมเนวาติ ทฏฺพฺพํ. อวีจึ คมิสฺสสิ กโตกาสสฺส กมฺมสฺส ปฏิพาหิตุมสกฺกุเณยฺยภาวโต. ‘‘ชานาติ มํ สมโณ โคตโม’’ติ วิปฺปฏิสารี หุตฺวา. อุทฺธนนฺตเรติ จุลฺลิกนฺตเร. นนฺติ สุนขํ.
ตํ ปวตฺตินฺติ ภควตา ยถาวุตฺตการณํ. พฺราหฺมณจาริตฺตสฺส อปริหาปิตตํ สนฺธาย, ตถา ปิตรํ อุกฺกํเสนฺโต ‘‘พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต’’ติ อาห. มุขารุฬฺหนฺติ สยํปฏิภานวเสน มุขมารุฬฺหํ. ตํ ปวตฺตึ ปุจฺฉีติ ‘‘สุตเมตํ โภ โคตม มยฺหํ ปิตา สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, ‘‘กิมิทํ สจฺจํ วา อสจฺจํ วา’’ติ ปุจฺฉิ. ตเถว วตฺวาติ ยถา ปุพฺเพ สุนขสฺส วุตฺตํ, ตเถว วตฺวา. อวิสํวาทนตฺถนฺติ สจฺจาปนตฺถํ, ‘‘โตเทยฺยพฺราหฺมโณ สุนโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ วจนสฺส อวิสํวาทเนน อตฺตโน อวิสํวาทิภาวทสฺสนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. อปฺโปทกนฺติ อปฺปเกน อุทเกน สมฺปาทิตํ. มธุปายาสนฺติ สาทุรสํ, มธุโยชิตํ วา ปายาสํ. ตถา อกาสิ, ยถา ภควตา วุตฺตํ. ‘‘สพฺพํ ทสฺเสสีติ พุทฺธานุภาเวน โส สุนโข ตํ สพฺพํ เนตฺวา ทสฺเสสิ, น ชาติสฺสรตาย. ภควนฺตํ ทิสฺวา ภุกฺกรณํ ปน ปุริมชาติสิทฺธวาสนาวเสนา’’ติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๔๔) เอวํ อาจริเยน วุตฺตํ. อุปริปณฺณาสเก ปน จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺตฏฺกถายํ ‘‘สุนโข ‘าโตมฺหิ อิมินา’ติ โรทิตฺวา ‘หุํ ¶ หุ’นฺติ กโรนฺโต ธนนิธานฏฺานํ คนฺตฺวา ปาเทน ปถวึ ขณิตฺวา สฺํ อทาสี’’ติ (ม. นิ. อฏฺ. ๓.๒๘๙) ชาติสฺสราการมาห, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
‘‘ภวปฏิจฺฉนฺนํ ¶ นาม เอวรูปํ สุนขปฏิสนฺธิอนฺตรํ ปากฏํ สมณสฺส โคตมสฺส, อทฺธา เอส สพฺพฺู’’ติ ภควติ ปสนฺนจิตฺโต. องฺควิชฺชาปาโก กิเรส. เตนสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิมํ ธมฺมปณฺณาการํ กตฺวา สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ, ตโต โส จุทฺทส ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ ‘‘จุทฺทส ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา’’ติ. ตตฺถ จุทฺทส ปฺเหติ ‘‘ทิสฺสนฺติ หิ โภ โคตม มนุสฺสา อปฺปายุกา, ทิสฺสนฺติ ทีฆายุกา. ทิสฺสนฺติ พวฺหาพาธา, อปฺปาพาธา. ทุพฺพณฺณา, วณฺณวนฺโต. อปฺเปสกฺขา, มเหสกฺขา. อปฺปโภคา, มหาโภคา. นีจกุลีนา, อุจฺจากุลีนา. ทิสฺสนฺติ ทุปฺปฺา, ทิสฺสนฺติ ปฺวนฺโต. โก นุ โข โภ โคตม เหตุ โก ปจฺจโย, เยน มนุสฺสานํเยว สตํ มนุสฺสภูตานํ ทิสฺสนฺติ หีนปณีตตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๙) อิเม จูฬกมฺมวิภงฺคสุตฺเต อาคเต จุทฺทส ปฺเห. ‘‘กมฺมสฺสกา มาณว สตฺตา กมฺมทายาทา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๘๙) สงฺเขปโต, วิตฺถารโต จ วิสฺสชฺชนปริโยสาเน ภควนฺตํ สรณํ คโต. องฺคสุภตาย ‘‘สุโภ’’ ติสฺส นามํ. มาณโวติ ปน มหลฺลกกาเลปิ ตรุณโวหาเรน นํ โวหรติ. อตฺตโน โภคคามโตติ ตุทิคามโต อาคนฺตฺวา ตงฺขณิกํ วสติ. เตเนว ปาฬิยํ ‘‘เกนจิเทว กรณีเยนา’’ติ วุตฺตํ.
๔๔๕. ‘‘เอกา จ เม กงฺขา อตฺถี’’ติ อิมินา อุปริ ปุจฺฉิยมานสฺส ปฺหสฺส ปเคว เตน อภิสงฺขตภาวํ ทสฺเสติ. มาณวกนฺติ ขุทฺทกมาณวํ ‘‘เอกปุตฺตโก, (ม. นิ. ๒.๒๙๖, ๓๕๓; ปารา. ๒๖) ปิยปุตฺตโก’’ติอาทีสุ วิย ก-สทฺทสฺส ขุทฺทกตฺเถ ปวตฺตนโต. วิสภาคเวทนาติ ทุกฺขเวทนา. สา หิ กุสลกมฺมนิพฺพตฺเต อตฺตภาเว อุปฺปชฺชนกสุขเวทนาปฏิปกฺขภาวโต ‘‘วิสภาคเวทนา’’ติ จ กายํ คาฬฺหา หุตฺวา พาธนโต ปีฬนโต ‘‘อาพาโธ’’ติ จ วุจฺจติ. กีทิสา ปน สาติ อาห ‘‘ยา เอกเทเส’’ติอาทิ. เอกเทเส อุปฺปชฺชิตฺวาติ สรีเรกเทเส อุฏฺหิตฺวาปิ อปริวตฺติภาวกรณโต อยปฏฺเฏน อาพนฺธิตฺวา วิย คณฺหาติ, อิมินา พลวโรโค อาพาโธ นามาติ ทสฺเสติ. กิจฺฉชีวิตกโรติ อสุขชีวิตาวโห, อิมินา ทุพฺพโล อปฺปมตฺตโก โรโค อาตงฺโก นามาติ ทสฺเสติ. อุฏฺานนฺติ สยนนิสชฺชาทิโต ¶ อุฏฺหนํ, เตน ยถา ตถา อปราปรํ สรีรสฺส ปริวตฺตนํ วทติ. ครุกนฺติ ภาริยํ อกิจฺจสิทฺธิกํ. คิลานสฺเสว กาเย พลํ น โหตีติ สมฺพนฺโธ. ลหุฏฺาเนน เจตฺถ เคลฺาภาโว ปุจฺฉิโต. เหฏฺา จตูหิ ปเทหิ อผาสุวิหาราภาวํ ปุจฺฉิตฺวาปิ อิทานิ ปุน ผาสุวิหารภาวํ ปุจฺฉติ, เตน สวิเสโส เอตฺถ ผาสุวิหาโร ปุจฺฉิโตติ วิฺายติ. อสติปิ หิ อติสยตฺถโชตเน สทฺเท อตฺถาปตฺติโต อติสยตฺโถ ลพฺภเตว ยถา ‘‘อภิรูปสฺส กฺา ทาตพฺพา’’ติ. เตนาห ‘‘คมนฏฺานา’’ติอาทิ. ปุริมํ อาณาปนวจนํ, อิทํ ปน ปุจฺฉิตพฺพาการทสฺสนนฺติ อยมิเมสํ วิเสโสติ ทสฺเสติ ‘‘อถสฺสา’’ติอาทินา.
๔๔๗. กาโล ¶ นาม อุปสงฺกมนสฺส ยุตฺตปตฺตกาโล, สมโย นาม ตสฺเสว ปจฺจยสามคฺคี, อตฺถโต ปเนส ตชฺชํ สรีรพลฺเจว ตปฺปจฺจยปริสฺสยาภาโว จ. อุปาทานํ นาม าเณน เตสํ คหณํ สลฺลกฺขณนฺติ อาห ‘‘ปฺายา’’ติอาทิ. ‘‘สฺเว คมนกาโล ภวิสฺสตี’’ติ อิมินา กาลํ, ‘‘กาเย’’ติอาทินา สมยฺจ สรูปโต ทสฺเสติ. ผริสฺสตีติ ผรณวเสน สฺสติ.
๔๔๘. เจติยรฏฺเติ เจติรฏฺเ. ย-กาเรน หิ ปทํ วฑฺเฒตฺวา เอวํ วุตฺตํ. ‘‘เจติรฏฺโต อฺํ วิสุํเยเวกํ รฏฺ’’นฺติปิ วทนฺติ. ‘‘ยสฺมา มรณํ นาม ตาทิสานํ ทสพลานํ โรควเสเนว โหติ, ตสฺมา เยน โรเคน ตํ ชาตํ, ตสฺส สรูปปุจฺฉา, การณปุจฺฉา, มรณเหตุกจิตฺตสนฺตาปปุจฺฉา, ตสฺส จ สนฺตาปสฺส สพฺพโลกสาธารณตา, ตถา มรณสฺส จ อปฺปฏิกรณตา’’ติ เอวมาทินา มรณปฏิสฺุตฺตํ สมฺโมทนียํ กถํ กเถสีติ ทสฺเสตุํ ‘‘โภ อานนฺทา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘โก นามา’’ติอาทินา หิ โรคํ ปุจฺฉติ, ‘‘กึ ภควา ปริภฺุชี’’ติ อิมินา การณํ, ‘‘อปิจา’’ติอาทินา จิตฺตสนฺตาปํ, ‘‘สตฺถา นามา’’ติอาทินา ตสฺส สพฺพโลกสาธารณตํ, ‘‘เอกา ทานี’’ติอาทินา มรณสฺส อปฺปฏิกรณตํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ. มหาชานีติ มหาหานิ. ยตฺราติ เยน การเณน ปรินิพฺพุโต, เตน โก ทานิ อฺโ มรณา มุจฺจิสฺสตีติอาทินา โยเชตพฺพํ. อิทานีติ จ อตฺตโน มนสิการํ ปติ โวหารมตฺเตน วุตฺตํ. ลชฺชิสฺสตีติ ลชฺชา วิย ภวิสฺสติ, วิชฺชิสฺสตีติ อตฺโถ ¶ . ปีตเภสชฺชานุรูปํ อาหารโภชนํ โปราณาจิณฺณนฺติ อาห ‘‘ปีต…เป… ทตฺวา’’ติ.
หุตฺวาติ ปาเสโส สนฺติกาวจรภาวสฺส วิเสสนโต. มาโร ปาปิมา วิย น รนฺธคเวสี, อุตฺตรมาณโว วิย จ น วีมํสนาธิปฺปาโย, อปิ ตุ ขลุ อุปฏฺาโก หุตฺวา สนฺติกาวจโรติ หิ วิเสเสติ. น รนฺธคเวสีติ น ฉิทฺทคเวสี. เยสุ ธมฺเมสูติ วิโมกฺขุปาเยสุ นิยฺยานิกธมฺเมสุ. ธรนฺตีติ อธุนา ติฏฺนฺติ, ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ.
๔๔๙. อตฺถโต ปยุตฺตตาย สทฺทปโยคสฺส สทฺทปพนฺธลกฺขณานิ ตีณิ ปิฏกานิ ตทตฺถภูเตหิ สีลาทีหิ ตีหิ ธมฺมกฺขนฺเธหิ สงฺคยฺหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘ตีณิ ปิฏกานิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคเหตฺวา’’ติ. สงฺขิตฺเตน กถิตนฺติ ‘‘ติณฺณํ โข มาณว ขนฺธาน’’นฺติ เอวํ คณนโต, สามฺโต จ สงฺเขเปเนว กถิตํ. ‘‘กตเมสํ ติณฺณ’’นฺติ อยํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉาเยว, น กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. มาณวสฺเสว หิ อยํ ปุจฺฉา, น เถรสฺสาติ อาห ‘‘มาณโว’’ติอาทิ. อฺตฺถ ปน อีทิเสสุ าเนสุ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาเยว ทิสฺสติ, น อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา. อิธ ปน ¶ อฏฺกถายํ เอวํ วุตฺตํ, ตเทตํ อฏฺกถาปมาณโต ปจฺเจตพฺพํ. ตทา ปวตฺตมานฺหิ ปจฺจกฺขํ กตฺวา อฏฺกถมฺปิ สงฺคหมาโรปึสุ. กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาภาเว ปนสฺส เถรสฺเสว วจนตา สิยา.
สีลกฺขนฺธวณฺณนา
๔๕๐-๔๕๓. สีลกฺขนฺธสฺสาติ เอตฺถ ปทตฺถวิปลฺลาสการี อิติสทฺโท ลุตฺโต, อตฺถนิทฺเทโส วิย สทฺทนิทฺเทโส วา, ยถารุโต จ อิติสทฺโท อาทฺยตฺโถ, ปการตฺโถ วา, เตน ‘‘อริยสฺส สมาธิกฺขนฺธสฺส…เป… ปติฏฺเปสี’’ติ อยํ ปาโ คหิโตติ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตสุ ทสฺสิเตสู’’ติ, เตสุ ตีสุ ขนฺเธสุ อุทฺเทสวเสน ทสฺสิเตสูติ อตฺโถ. ภควตา วุตฺตนเยเนวาติ สามฺผลาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๙๔) เทสิตนเยเนว, เตน อิมสฺส สุตฺตสฺส พุทฺธภาสิตภาวํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ. สาสเน น สีลเมว สาโรติ อริยมคฺคสาเร ภควโต สาสเน ยถาทสฺสิตํ สีลํ สาโร เอว น โหติ สารวโต มหโต รุกฺขสฺส ปปฏิกฏฺานิกตฺตา ¶ . อฏฺานปยุตฺโต หิ เอวสทฺโท ยถาาเน น โยเชตพฺโพ. ยชฺเชวํ กสฺมา ตมิธ คหิตนฺติ อาห ‘‘เกวล’’นฺติอาทิ. ฌานาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อธิคนฺตุกามสฺส อธิฏฺานมตฺตํ ตตฺถ อปฺปติฏฺิตสฺส เตสมสมฺภวโต. วุตฺตฺหิ ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒) อถ วา สาสเน น สีลเมว สาโรติ กามฺเจตฺถ สาสเน มคฺคผลสีลสงฺขาตํ โลกุตฺตรสีลมฺปิ สารเมว, ตถาปิ น สีลกฺขนฺโธ เอว สาโร โหติ, อถ โข สมาธิกฺขนฺโธปิ ปฺากฺขนฺโธปิ สาโร เอวาติ เอวมฺเปตฺถ ยถาปยุตฺเตน เอวสทฺเทน อตฺโถ เวทิตพฺโพ, ปุริโมเยว ปนตฺโถ ยุตฺตตโร. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อิโต อุตฺตรี’’ติอาทิ. อฺมฺปิ กตฺตพฺพนฺติ เสสขนฺธทฺวยํ.
สมาธิกฺขนฺธวณฺณนา
๔๕๔. กสฺมา ปเนตฺถ เถโร สมาธิกฺขนฺธํ ปุฏฺโปิ อินฺทฺริยสํวราทิเก วิสฺสชฺเชสิ, นนุ เอวํ สนฺเต อฺํ ปุฏฺโ อฺํ พฺยากโรนฺโต อมฺพํ ปุฏฺโ ลพุชํ พฺยากโรนฺโต วิย โหตีติ อีทิสี โจทนา อิธ อโนกาสาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กถฺจ…เป… อารภี’’ติ อาห, เตเนตฺถ อินฺทฺริยสํวราทโยปิ สมาธิอุปการกตํ อุปาทาย สมาธิกฺขนฺธปกฺขิกภาเวน อุทฺทิฏฺาติ ทสฺเสติ. เย เต อินฺทฺริยสํวราทโยติ สมฺพนฺโธ. รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานเทสนานนฺตรํ อภิฺาเทสนาย อวสโรติ กตฺวา รูปชฺฌานาเนว อาคตานิ, น อรูปชฺฌานานิ. รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานปาทิกา หิ สปริภณฺฑา ฉปิ อภิฺาโย. ยสฺมา ปน โลกิยาภิฺาโย ¶ อิชฺฌมานา อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จุทฺทสวิเธน จิตฺตปริทมเนน วินา น อิชฺฌนฺติ, ตสฺมา อภิฺาสุ เทสิยมานาสุ อรูปชฺฌานานิปิ เทสิตาเนว โหนฺติ นานนฺตริกภาวโต. เตนาห ‘‘อาเนตฺวา ปน ทีเปตพฺพานี’’ติ, วุตฺตนเยน เทสิตาเนว กตฺวา สํวณฺณเกหิ ปกาเสตพฺพานีติ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ อิมินาว อรูปชฺฌานมฺปิ สงฺคหิตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘จตุตฺถชฺฌาเนน หี’’ติอาทิ วุตฺตํ. จตุตฺถชฺฌานเมว หิ รูปวิราคภาวนาวเสน ปวตฺตํ ‘‘อรูปชฺฌาน’’นฺติ วุจฺจติ.
๔๗๑-๔๘๐. น จิตฺเตกคฺคตามตฺตเกเนวาติ เอตฺถ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน านาานปยุตฺตสฺส เอวสทฺทสฺสานุรูปมตฺโถ เวทิตพฺโพ. โลกิยสมาธิกฺขนฺธสฺส ¶ ปน อธิปฺเปตตฺตา ‘‘น จิตฺเตกคฺคตา…เป… อตฺถี’’ติ วุตฺตํ. อริโย สมาธิกฺขนฺโธติ เอตฺถ หิ อริยสทฺโท สุทฺธมตฺตปริยาโยว, น โลกุตฺตรปริยาโย. ยถา เจตฺถ, ตถา อริโย สีลกฺขนฺโธติ เอตฺถาปิ. อิโตติ ปฺากฺขนฺธโต, โส จ อุกฺกฏฺโต อรหตฺตผลปริยาปนฺโน เอวาติ อาห ‘‘อรหตฺตปริโยสาน’’นฺติอาทิ. โลกิยาภิฺาปฏิสมฺภิทาหิ วินาปิ หิ อรหตฺเต อธิคเต ‘‘นตฺเถว อุตฺตริกรณีย’’นฺติ สกฺกา วตฺตุํ ยทตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ, ตสฺส สิทฺธตฺตา. อิธ ปน โลกิยาภิฺาโยปิ อาคตาเยว. เสสเมตฺถ สุวิฺเยฺยํ.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา สุภสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
สุภสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. เกวฏฺฏสุตฺตวณฺณนา
เกวฏฺฏคหปติปุตฺตวตฺถุวณฺณนา
๔๘๑. เอวํ ¶ ¶ สุภสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ เกวฏฺฏสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, สุภสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส เกวฏฺฏสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… นาฬนฺทายนฺติ เกวฏฺฏสุตฺต’’นฺติ อาห. ปาวาริกสฺสาติ เอวํนามกสฺส เสฏฺิโน. อมฺพวเนติ อมฺพรุกฺขพหุเล อุปวเน. ตํ กิร โส เสฏฺิ ภควโต อนุจฺฉวิกํ คนฺธกุฏึ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานกุฏิมณฺฑปาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ปาการปริกฺขิตฺตํ ทฺวารโกฏฺกสมฺปนฺนํ กตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส นิยฺยาเตสิ, ปุริมโวหาเรน ปเนส วิหาโร ‘‘ปาวาริกมฺพวน’’นฺตฺเวว วุจฺจติ. ‘‘เกวฏฺโฏ’’ ติทํ นามมตฺตํ. ‘‘เกวฏฺเฏหิ สํรกฺขิตตฺตา, เตสํ วา สนฺติเก สมฺพุทฺธตฺตา’’ติ เกจิ. คหปติปุตฺตสฺสาติ เอตฺถ กามฺเจส ตทา คหปติฏฺาเน ิโต, ปิตุ ปนสฺส อจิรกาลกตตาย ปุริมสมฺาย ‘‘คหปติปุตฺโต’’ตฺเวว โวหรียติ. เตนาห ‘‘คหปติมหาสาโล’’ติ, มหาวิภวตาย มหาสาโร คหปตีติ อตฺโถ, ร-การสฺส ปน ล-การํ กตฺวา ‘‘มหาสาโล’’ติ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปลิพุทฺโธ’’ติ (จูฬนิ. ๑๕; มิ. ป. ๖.๓.๗; ชา. อฏฺ. ๒.๓.๑๐๒) สทฺโธ ปสนฺโนติ โปถุชฺชนิกสทฺธาวเสน รตนตฺตยสทฺธาย สมนฺนาคโต, ตโตเยว รตนตฺตยปฺปสนฺโน. กมฺมกมฺมผลสทฺธาย วา สทฺโธ, รตนตฺตยปฺปสาทพหุลตาย ปสนฺโน. สทฺธาธิกตฺตาเยวาติ ตถาจินฺตาย เหตุวจนํ, สทฺธาธิโก หิ อุมฺมาทปฺปตฺโต วิย โหติ.
สมิทฺธาติ สมฺมเทว อิทฺธา, วิภวสมฺปตฺติยา เวปุลฺลปฺปตฺตา สมฺปุณฺณา, อากิณฺณา พหู มนุสฺสา เอตฺถาติ อตฺถํ สนฺธาย ‘‘อํสกูเฏนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุ อนฺวทฺธมาสํ, อนุมาสํ, อนุสํวจฺฉรํ วา มนุสฺสานํ ปสาทาย อิทฺธิปาฏิหาริยํ กโรหี’’ติ เอกสฺส ภิกฺขุโน อาณาปนเมว สมาทิสนํ, ตํ ปน ตสฺมึ าเน ปนํ นามาติ อาห ‘‘านนฺตเร เปตู’’ติ ¶ . อุตฺตริมนุสฺสานนฺติ ปกติมนุสฺเสหิ อุตฺตริตรานํ อุตฺตมปุริสานํ พุทฺธาทีนํ ฌายีนํ, อริยานฺจ. ธมฺมโตติ อธิคมธมฺมโต, ฌานาภิฺามคฺคผลธมฺมโตติ ¶ อตฺโถ, นิทฺธารเณ เจตํ นิสฺสกฺกวจนํ. ตโต หิ อิทฺธิปาฏิหาริยํ นิทฺธาเรติ. เอวํ อุตฺตริสทฺทํ มนุสฺสสทฺเทน เอกปทํ กตฺวา อิทานิ ปาฏิหาริยสทฺเทน สมฺพชฺฌิตพฺพํ วิสุเมว ปทํ กโรนฺโต ‘‘ทสกุสลสงฺขาตโต วา’’ติอาทิมาห. มนุสฺสธมฺมโตติ ปกติมนุสฺสธมฺมโต. ปชฺชลิตปทีโปติ ปชฺชลนฺตปทีโป. เตลสฺเนหนฺติ เตลเสจนํ. ราชคหเสฏฺิวตฺถุสฺมินฺติ ราชคหเสฏฺิโน จนฺทนปตฺตทานวตฺถุมฺหิ (จูฬว. ๒๕๒). สิกฺขาปทํ ปฺาเปสีติ ‘‘น ภิกฺขเว คิหีนํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตพฺพํ. โย ทสฺเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๕๒) วิกุพฺพนิทฺธิปฏิกฺเขปกํ อิทํ สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ.
๔๘๒. คุณสมฺปตฺติโต อจาวนํ สนฺธาย เอตํ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘น คุณวินาสเนนา’’ติ อิมินา. เตนาห ‘‘สีลเภท’’นฺติอาทิ. วิสหนฺโต นาม นตฺถีติ นิวาริตฏฺาเน อุสฺสหนฺโต นาม นตฺถิ. เอวมฺปิ อิมินา การณนฺตเรนายํ อุสฺสหนฺโตติ ทสฺเสตุํ ‘‘อยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺมา วิสฺสาสิโก, ตสฺมา วิสฺสาสํ วฑฺเฒตฺวาติ โยชนา. วฑฺเฒตฺวาติ จ พฺรูเหตฺวา, วิภูตํ ปากฏํ กตฺวาติ อตฺโถ.
อิทฺธิปาฏิหาริยวณฺณนา
๔๘๓-๔. อาทีนวนฺติ โทสํ. กถํ เตน กตา, กตฺถ วา อุปฺปนฺนาติ อาห ‘‘ตตฺถ กิรา’’ติอาทิ. เอเกนาติ คนฺธาเรน นาม อิสินาว. เอวฺหิ ปุพฺเพนาปรํ สํสนฺทตีติ. คนฺธารี นาเมสา วิชฺชา จูฬคนฺธารี, มหาคนฺธารีติ ทุวิธา โหติ. ตตฺถ จูฬคนฺธารี นาม ติวสฺสโต โอรํ มตสตฺตานํ อุปปนฺนฏฺานชานนา วิชฺชา. วงฺคีสวตฺถุ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๒๐; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๒) เจตฺถ สาธกํ. มหาคนฺธารี นาม ตสฺส เจว ชานนา, ตทุตฺตริ จ อิทฺธิวิธาณกมฺมสฺส สาธิกา วิชฺชา. เยภุยฺเยน เหสา อิทฺธิวิธาณกิจฺจํ สาเธติ. ตสฺสา กิร วิชฺชาย สาธโก ปุคฺคโล ตาทิเส เทเส, กาเล จ มนฺตํ ปริชปฺเปตฺวา พหุธาปิ อตฺตานํ ทสฺเสติ, หตฺถิอาทีนิปิ ทสฺเสติ, อทสฺสนีโยปิ โหติ, อคฺคิถมฺภมฺปิ กโรติ, ชลถมฺภมฺปิ กโรติ, อากาเสปิ อตฺตานํ ทสฺเสติ, สพฺพํ อินฺทชาลสทิสํ ทฏฺพฺพํ. อฏฺโฏติ ทุกฺขิโต พาธิโต. เตนาห ‘‘ปีฬิโต’’ติ.
อาเทสนาปาฏิหาริยวณฺณนา
๔๘๕. กามํ ¶ ¶ ‘‘เจตสิก’’นฺติ อิทํ เย เจตสิ นิยุตฺตา จิตฺเตน สมฺปยุตฺตา, เตสํ สาธารณวจนํ, สาธารเณ ปน คหิเต จิตฺตวิเสโส ทสฺสิโต นาม โหติ. สามฺโชตนา จ วิเสเส อวติฏฺติ, ตสฺมา เจตสิกปทสฺส ยถาธิปฺเปตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสมนสฺสโทมนสฺสํ อธิปฺเปต’’นฺติ อาห. โสมนสฺสคฺคหเณน เจตฺถ ตเทกฏฺา ราคาทโย, สทฺธาทโย จ ธมฺมา ทสฺสิตา โหนฺติ, โทมนสฺสคฺคหเณน โทสาทโย. วิตกฺกวิจารา ปน สรูเปเนว ทสฺสิตา. ปิ-สทฺทสฺส วตฺตพฺพสมฺปิณฺฑนตฺโถ สุวิฺเยฺโยติ อาห ‘‘เอวํ ตว มโน’’ติ, อิมินา ปกาเรน ตว มโน ปวตฺโตติ อตฺโถ. เกน ปกาเรนาติ วุตฺตํ ‘‘โสมนสฺสิโต วา’’ติอาทิ. ‘‘เอวมฺปิ เต มโน’’ติ อิทํ โสมนสฺสิตตาทิมตฺตทสฺสนํ, น ปน เยน โสมนสฺสิโต วา โทมนสฺสิโต วา, ตํ ทสฺสนนฺติ ตํ จิตฺตํ ทสฺเสตุํ ปาฬิยํ ‘‘อิติปิ เต จิตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อิติสทฺโท เจตฺถ นิทสฺสนตฺโถ ‘‘อตฺถีติ โข กจฺจาน อยเมโก อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิย. เตนาห ‘‘อิทฺจิทฺจ อตฺถ’’นฺติ. ปิ-สทฺโท อิธาปิ วุตฺตสมฺปิณฺฑนตฺโถ. ปรสฺส จินฺตํ มนติ ชานาติ เอตายาติ จินฺตามณิ น-การสฺส ณ-การํ กตฺวา, สา เอว ปุพฺพปทมนฺตเรน มณิกา. จินฺตา นาม น จิตฺเตน วินา ภวตีติ อาห ‘‘ปเรสํ จิตฺตํ ชานาตี’’ติ. ‘‘ตสฺสา กิร วิชฺชาย สาธโก ปุคฺคโล ตาทิเส เทเส, กาเล จ มนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา ยสฺส จิตฺตํ ชานิตุกาโม, ตสฺส ทิฏฺสุตาทิวิเสสสฺชานนมุเขน จิตฺตาจารํ อนุมินนฺโต กเถตี’’ติ เกจิ. ‘‘วาจํ นิจฺฉราเปตฺวา ตตฺถ อกฺขรสลฺลกฺขณวเสน กเถตี’’ติ อปเร. สา ปน วิชฺชา ปทกุสลชาตเกน (ชา. ๑.๙.๔๙ อาทโย) ทีเปตพฺพา.
อนุสาสนีปาฏิหาริยวณฺณนา
๔๘๖. ปวตฺเตนฺตาติ ปวตฺตนกา หุตฺวา, ปวตฺตนวเสน วิตกฺเกถาติ วุตฺตํ โหติ. เอวนฺติ หิ ยถานุสิฏฺาย อนุสาสนิยา วิธิวเสน, ปฏิเสธวเสน จ ปวตฺติอาการปรามสนํ, สา จ อนุสาสนี สมฺมาวิตกฺกานํ, มิจฺฉาวิตกฺกานฺจ ปวตฺติอาการทสฺสนวเสน ตตฺถ อานิสํสสฺส, อาทีนวสฺส จ วิภาวนตฺถํ ปวตฺตติ. อนิจฺจสฺเมว, น นิจฺจสฺํ. ปฏิโยคีนิวตฺตนตฺถฺหิ ¶ เอว-การคฺคหณํ. อิธาปิ เอวํ-สทฺทสฺส อตฺโถ, ปโยชนฺจ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิทํ-คหเณปิ เอเสว นโย. ปฺจกามคุณิกราคนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ตทฺราคสฺส เจว โทสาทีนฺจ ปหานสฺส อิจฺฉิตตฺตา, ตปฺปหานสฺส จ ตทฺราคาทิเขปนสฺส อุปายภาวโต ทุฏฺโลหิตวิโมจนสฺส ¶ ปุพฺพทุฏฺมํสเขปนูปายตา วิย. โลกุตฺตรธมฺมเมวาติ อวธารณํ ปฏิปกฺขภาวโต สาวชฺชธมฺมนิวตฺตนปรํ ทฏฺพฺพํ ตสฺสาธิคมูปายานิสํสภูตานํ ตทฺเสํ อนวชฺชธมฺมานํ นานนฺตริกภาวโต. อิทฺธิวิธํ อิทฺธิปาฏิหาริยนฺติ ทสฺเสติ อิทฺธิเยว ปาฏิหาริยนฺติ กตฺวา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.
ปาฏิหาริยปทสฺส ปน วจนตฺถํ (อุทา. อฏฺ. ปมโพธิสุตฺตวณฺณนา; อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา) ‘‘ปฏิปกฺขหรณโต, ราคาทิกิเลสาปนยนโต ปาฏิหาริย’’นฺติ วทนฺติ, ภควโต ปน ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ เย หริตพฺพา. ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตุปกฺกิเลเส อฏฺงฺคคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วตฺตุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต เจว สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน, ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺตีติ. ‘‘ปฏี’’ติ วา อยํ สทฺโท ‘‘ปจฺฉา’’ติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติ (สุ. นิ. ๙๘๕; จูฬนิ. ๔) ปารายนสุตฺตปเท วิย, ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตุปกฺกิเลเส จ กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ, อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฏิหาริยํ, อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตุปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน จ สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ นาม ภวนฺติ, ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ. ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ‘‘ปาฏิหาริย’’นฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ, มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ, ตสฺมึ วา นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ ¶ , อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ วา ปรสนฺตาเน ปสาทาทีนํ ปฏิปกฺขสฺส กิเลสสฺส หรณโต วุตฺตนเยน ปาฏิหาริยํ. สตตํ ธมฺมเทสนาติ สพฺพกาลํ เทเสตพฺพธมฺมเทสนา.
อิทฺธิปาฏิหาริเยนาติ สหาทิโยเค กรณวจนํ, เตน สทฺธึ อาจิณฺณนฺติ อตฺโถ. อิตรตฺถาปิ เอส นโย. ธมฺมเสนาปติสฺส อาจิณฺณนฺติ โยเชตพฺพํ. ตมตฺถํ ขนฺธกวตฺถุนา สาเธนฺโต ‘‘เทวทตฺเต’’ติอาทิมาห. คยาสีเสติ คยาคามสฺส อวิทูเร คยาสีสนามโก หตฺถิกุมฺภสทิโส ปิฏฺิปาสาโณ อตฺถิ, ยตฺถ ภิกฺขุสหสฺสสฺสปิ โอกาโส โหติ, ตสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ. ‘‘จิตฺตาจารํ ตฺวา’’ติ ¶ อิมินา อาเทสนาปาฏิหาริยํ ทสฺเสติ, ‘‘ธมฺมํ เทเสสี’’ติ อิมินา อนุสาสนีปาฏิหาริยํ, ‘‘วิกุพฺพนํ ทสฺเสตฺวา’’ติ อิมินา อิทฺธิปาฏิหาริยํ. มหานาคาติ มหาขีณาสวา อรหนฺโต. ‘‘นาโค’’ติ หิ อรหโต อธิวจนํ นตฺถิ อาคุ ปาปเมตสฺสาติ กตฺวา. ยถาห สภิยสุตฺเต –
‘‘อาคุํ น กโรติ กิฺจิ โลเก,
สพฺพสํโยเค วิสชฺช พนฺธนานิ;
สพฺพตฺถ น สชฺชตี วิมุตฺโต,
นาโค ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๒๗; มหานิ. ๘๐; จูฬนิ. ๒๗, ๑๓๙);
อฏฺกถายํ ปเนตฺถ ‘‘ธมฺมเสนาปติสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฺจสตา ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. มหาโมคฺคลฺลานสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อรหตฺตผเล’’ติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๔๘๖) วุตฺตํ. สงฺฆเภทกกฺขนฺธกปาฬิยํ ปน ‘‘อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ อายสฺมตา สาริปุตฺเตน อาเทสนาปาฏิหาริยานุสาสนิยา, อายสฺมตา จ มหาโมคฺคลฺลาเนน อิทฺธิปาฏิหาริยานุสาสนิยา โอวทิยมานานํ อนุสาสิยมานานํ วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ ‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’นฺติ’’ (จูฬว. ๓๔๕) อุภินฺนมฺปิ เถรานํ ธมฺมเทสนาย เตสํ ธมฺมจกฺขุปฏิลาโภว ทสฺสิโต, ตยิทํ วิสทิสวจนํ ทีฆภาณกานํ, ขนฺธกภาณกานฺจ มติเภเทนาติ ทฏฺพฺพํ. สงฺคาหกภาสิตา หิ อยํ ปาฬิ, อฏฺกถา จ เตเหว สงฺคหมาโรปิตา, อปิจ ปาฬิยํ อุปริมคฺคผลมฺปิ สงฺคเหตฺวา ‘‘ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ ¶ วุตฺตํ ยถา ตํ พฺรหฺมายุสุตฺเต, (ม. นิ. ๒.๓๔๓) จูฬราหุโลวาทสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๔๑๖) จาติ เวทิตพฺพํ.
‘‘อนุสาสนีปาฏิหาริยํ ปน พุทฺธานํ สตตํ ธมฺมเทสนา’’ติ สาติสยตาย วุตฺตํ. สอุปารมฺภานิ ยถาวุตฺเตน ปติรูปเกน อุปารมฺภิตพฺพโต. สโทสานิ ปราโรปิตโทสสมุจฺฉินฺทนสฺส อนุปายภาวโต. สโทสตฺตา เอว อทฺธานํ น ติฏฺนฺติ จิรกาลฏฺายีนิ น โหนฺติ. อทฺธานํ อติฏฺนโต น นิยฺยนฺตีติ ผเลน เหตุโน อนุมานํ. อนิยฺยานิกตาย หิ ตานิ อนทฺธนิยานิ. อนุสาสนีปาฏิหาริยํ อนุปารมฺภํ วิสุทฺธิปฺปภวโต, วิสุทฺธินิสฺสยโต จ. ตโตเยว นิทฺโทสํ. น หิ ตตฺถ ปุพฺพาปรวิโรธาทิโทสสมฺภโว อตฺถิ. นิทฺโทสตฺตา เอว อทฺธานํ ติฏฺติ ปรปฺปวาทวาเตหิ, กิเลสวาเตหิ ¶ จ อนุปหนฺตพฺพโต. อทฺธานํ ติฏฺนโต นิยฺยาตีติ อิธาปิ ผเลน เหตุโน อนุมานํ. นิยฺยานิกตาย หิ ตํ อทฺธนิยํ. ตสฺมาติ ยถาวุตฺตการณโต, เตน จ อุปารมฺภาทึ, อนุปารมฺภาทิฺจาติ อุภยํ ยถากฺกมํ อุภยตฺถ คารยฺหปาสํสภาวานํ เหตุภาเวน ปจฺจามสติ.
ภูตนิโรเธสกวตฺถุวณฺณนา
๔๘๗. อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถนฺติ ยสฺมา มหาภูตปริเยสโก ภิกฺขุ ปุริเมสุ ทฺวีสุ ปาฏิหาริเยสุ วสิปฺปตฺโต สุกุสโลปิ สมาโน มหาภูตานํ อปริเสสนิโรธสงฺขาตํ นิพฺพานํ นาวพุชฺฌิ, ตสฺมา ตทุภยานิ นิยฺยานาวหตฺตาภาวโต อนิยฺยานิกานีติ เตสํ อนิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ. นิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถนฺติ อนุสาสนีปาฏิหาริยํ ตกฺกรสฺส เอกนฺตโต นิยฺยานาวหนฺติ ตสฺเสว นิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ.
เอวํ เอติสฺสา เทสนาย มุขฺยปโยชนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนุสงฺคิกปโยชนํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ อารทฺธํ. นิยฺยานเมว หิ เอติสฺสา เทสนาย มุขฺยปโยชนํ ตสฺส ตทตฺถภาวโต. พุทฺธานํ ปน มหนฺตภาโว อนุสงฺคิกปโยชนํ อตฺถาปตฺติยาว คนฺตพฺพโต. กีทิโส นาเมส ภิกฺขูติ อาห ‘‘โย มหาภูเต’’ติอาทิ. ปริเยสนฺโตติ อปริเยสํ ¶ นิรุชฺฌนวเสน มหาภูเต คเวสนฺโต, เตสํ อนวเสสนิโรธํ วีมํสนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. วิจริตฺวาติ ธมฺมตาย โจทิยมาโน ปริจริตฺวา. ธมฺมตาสิทฺธํ กิเรตํ, ยทิทํ ตสฺส ภิกฺขุโน ตถา วิจรณํ ยถา อภิชาติยํ มหาปถวิกมฺปาทิ. วิสฺสชฺโชกาสนฺติ วิสฺสชฺชฏฺานํ, ‘‘วิสฺสชฺชกร’’นฺติปิ ปาโ, วิสฺสชฺชกนฺติ อตฺโถ. ตสฺมาติ พุทฺธเมว ปุจฺฉิตฺวา นิกฺกงฺขตฺตา, ตสฺเสว วิสฺสชฺชิตุํ สมตฺถตายาติ วุตฺตํ โหติ. มหนฺตภาวปฺปกาสนตฺถนฺติ สเทวเก โลเก อนฺสาธารณสฺส พุทฺธานํ มหนฺตภาวสฺส มหานุภาวตาย ทีปนตฺถํ. อิทฺจ การณนฺติ ‘‘สพฺเพสมฺปิ พุทฺธานํ สาสเน เอทิโส เอโก ภิกฺขุ ตทานุภาวปฺปกาสโก โหตี’’ติ อิมมฺปิ การณํ.
กตฺถาติ นิมิตฺเต ภุมฺมํ, กสฺมึ าเน การณภูเตติ อตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘กึ อาคมฺมา’’ติ วุตฺตํ, กึ อารมฺมณํ ปจฺจยภูตํ อธิคนฺตฺวา อธิคมนเหตูติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘กึ ปตฺตสฺสา’’ติ. กิมารมฺมณํ ปตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส นิรุชฺฌนฺตีติ สมฺพนฺโธ, เหตุคพฺภวิเสสนเมตํ. เตติ มหาภูตา. อปฺปวตฺติวเสนาติ ปุน อนุปฺปชฺชนวเสน. สพฺพากาเรนาติ วจนตฺถลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺาน-สมุฏฺานกลาปจุณฺณนานตฺเตกตฺตวินิพฺโภคา- วินิพฺโภคสภาค-วิสภาคอชฺฌตฺติกพาหิรสงฺคหปจฺจยสมนฺนาหารปจฺจยวิภาคาการโต ¶ , สสมฺภารสงฺเขปสสมฺภารวิภตฺติสลกฺขณสงฺเขปสลกฺขณวิภตฺติอาการโต จาติ สพฺเพน อากาเรน.
๔๘๘. ทิพฺพนฺติ เอตฺถ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมงฺคีภูตา หุตฺวา วิจรนฺติ, กีฬนฺติ, โชเตนฺติ จาติ เทวา, เทวโลกา. เต ยนฺติ อุปคจฺฉนฺติ เอเตนาติ เทวยานิโย ยถา ‘‘นิยฺยานิกา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๙๗) เอตฺถ อนียสทฺโท กตฺวตฺเถ, ตถา อิธ กรณตฺเถติ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘เตน เหสา’’ติอาทิ. วสํ วตฺเตนฺโตติ เอตฺถ วสวตฺตนํ นาม ยถิจฺฉิตฏฺานคมนํ. ตนฺติ อิทฺธิวิธาณํ. จตฺตาโร มหาราชาโน เอเตสํ อิสฺสราติ จาตุมหาราชิกา. กสฺมา ปเนส สมีเป ิตํ สเทวกโลกปชฺโชตํ ภควนฺตํ อปุจฺฉิตฺวา ทูเร เทเว อุปสงฺกมีติ โจทนมปเนติ ‘‘สมีเป ิต’’นฺติอาทินา. ‘‘เย เทวา มคฺคผลลาภิโน, เตปิ ตมตฺถํ เอกเทเสน ชาเนยฺยุํ, พุทฺธวิสโย ปนายํ ปฺโห ปุจฺฉิโต’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ ‘‘น ชานามา’’ติ อาหํสุ. เตนาห ‘‘พุทฺธวิสเย’’ติอาทิ. น ลพฺภาติ น สกฺกา, อชฺโฌตฺถรณํ นาเมตฺถ ปุจฺฉาย นิพฺพาธนนฺติ วุตฺตํ ‘‘ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉตี’’ติ. ‘‘หตฺถโต โมเจสฺสามา’’ติ โวหารวเสน วุตฺตํ, หนฺท นํ ทูรมปเนสฺสามาติ วุตฺตํ โหติ. อภิกฺกนฺตตราติ เอตฺถ อภิสทฺโท อติสทฺทตฺโถติ อาห ‘‘อติกฺกนฺตตรา’’ติ, รูปสมฺปตฺติยา เจว ปฺาปฏิภานาทิคุเณหิ จ อมฺเห อภิภุยฺย ปเรสํ กามนียตราติ อตฺโถ. ปณีตตราติ อุฬารตรา. เตน วุตฺตํ ‘‘อุตฺตมตรา’’ติ.
๔๙๑-๔๙๓. สหสฺสกฺโข ปน สกฺโก อภิสเมตาวี อาคตผโล วิฺาตสาสโน, โส กสฺมา ตํ ภิกฺขุํ อุปาเยน นิยฺโยเชสีติ อนุโยคมปเนติ ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติอาทินา.
ขชฺโชปนกนฺติ รตฺตึ ชลนฺตํ ขุทฺทกกิมึ. ธมนฺโต วิยาติ มุขวาตํ เทนฺโต วิย. อตฺถิ เจวาติ เอทิโส มหาภูตปริเยสโก ปุคฺคโล นาม วิชฺชมาโน เอว ภเวยฺย, มยา อเปสิโตเยว ปจฺฉา ชานิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. ตโตติ ตถา จินฺตนโต ปรํ. อิทฺธิวิธาณสฺเสว อธิปฺเปตตฺตา เทวยานิยสทิโสว. ‘‘เทวยานิยมคฺโคติ วา…เป… อภิฺาาณนฺติ วา สพฺพเมตํ อิทฺธิวิธาณสฺเสว นาม’’นฺติ อิทํ ปาฬิยํ, อฏฺกถาสุ จ ตตฺถ ตตฺถ อาคตรุฬฺหินามวเสน วุตฺตํ. สพฺพาสุปิ หิ อภิฺาสุ เทวยานิยมคฺคาทิเอกจิตฺตกฺขณิกอปฺปนาทินามํ ยถารหํ สมฺภวติ.
๔๙๔. อาคมนปุพฺพภาเค ¶ นิมิตฺตนฺติ พฺรหฺมุโน อาคมนสฺส ปุพฺพภาเค อุปฺปชฺชนกนิมิตฺตํ. อุทยโต ปุพฺพภาเคติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. อิเมติ พฺรหฺมกายิกา. เวยฺยากรเณนาติ พฺยากรเณน. อนารทฺธจิตฺโตติ อนาราธิตจิตฺโต อตุฏฺจิตฺโต. วาทนฺติ โทสํ. วิกฺเขปนฺติ วาจาย วิวิธา เขปนํ.
๔๙๕. กุหกตฺตาติ วุตฺตนเยน อภูตโต อฺเสํ วิมฺหาเปตุกามตฺตา. ‘‘คุหกตฺตา’’ติ ปิตฺวา คุยฺหิตุกามตฺตาติ อตฺถมฺปิ วทนฺติ เกจิ.
ตีรทสฺสีสกุณูปมาวณฺณนา
๔๙๗. ปเทเสนาติ ¶ เอกเทเสน, อุปาทินฺนเกน สตฺตสนฺตานปริยาปนฺเนนาติ อตฺโถ. อนุปาทินฺนเกปีติ อนินฺทฺริยพทฺเธปิ. นิปฺปเทสโตติ อนวเสสโต. ตสฺมาติ ตถา ปุจฺฉิตตฺตา, ปุจฺฉาย อยุตฺตภาวโตติ อธิปฺปาโย. ปุจฺฉามูฬฺหสฺสาติ ปุจฺฉิตุมชานนโต ปุจฺฉาย สมฺมูฬฺหสฺส. วิตถปฺโห หิ ‘‘ปุจฺฉามูฬฺโห’’ติ วุจฺจติ ยถา ‘‘มคฺคมูฬฺโห’’ติ. ปุจฺฉาย โทสํ ทสฺเสตฺวาติ เตน กตปุจฺฉาย ปุจฺฉิตากาเร โทสํ วิภาเวตฺวา. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนนฺติ ตถา สิกฺขาปิตาย อวิตถปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนํ. ยสฺมา วิสฺสชฺชนํ นาม ปุจฺฉานุรูปํ, ปุจฺฉาสภาเคน วิสฺสชฺเชตพฺพโต, น จ ตถาคตา วิรชฺฌิตฺวา กตปุจฺฉานุรูปํ วิรชฺฌิตฺวาว วิสฺสชฺเชนฺติ, อตฺถสภาคตาย จ วิสฺสชฺชนสฺส ปุจฺฉกา ตทตฺถํ อนวพุชฺฌนฺตา สมฺมุยฺหนฺติ, ตสฺมา ปุจฺฉํ สิกฺขาเปตฺวา อวิตถปุจฺฉาย วิสฺสชฺชนํ พุทฺธานมาจิณฺณนฺติ เวทิตพฺพํ. เตนาห ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ. ทุวิฺาปโยติ ยถาวุตฺตการเณน ทุวิฺาเปตพฺโพ.
๔๙๘. น ปติฏฺาตีติ ปจฺจยํ กตฺวา น ปติฏฺหติ. ‘‘กตฺถา’’ติ อิทํ นิมิตฺเต ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘กึ อาคมฺมา’’ติ. อปฺปติฏฺาติ อปฺปจฺจยา, สพฺเพน สพฺพํ สมุจฺฉินฺนการณาติ อตฺโถ. อุปาทินฺนํเยวาติ อินฺทฺริยพทฺธเมว. ยสฺมา เอกทิสาภิมุขํ สนฺตานวเสน พหุธา สณฺิเต รูปปฺปพนฺเธ ทีฆสฺา, ตมุปาทาย ตโต อปฺปกํ สณฺิเต รสฺสสฺา, ตทุภยฺจ วิเสสโต รูปคฺคหณมุเขน คยฺหติ, ตสฺมา ‘‘สณฺานวเสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อปฺปปริมาเณ รูปสงฺฆาเต อณุสฺา, ตทุปาทาย ตโต มหติ ถูลสฺา, อิทมฺปิ ทฺวยํ วิเสสโต รูปคฺคหณมุเขน คยฺหตีติ อาห ‘‘อิมินาปี’’ติอาทิ. ‘‘ปิ-สทฺเทน เจตฺถ ‘สณฺานวเสน อุปาทารูปํ วุตฺต’’นฺติ เอตฺถาปิ วณฺณมตฺตเมว กถิตนฺติ อิมมตฺถํ สมุจฺจินาตี’’ติ วทนฺติ. วณฺณสทฺโท เหตฺถ รูปายตนปริยาโยว. สุภนฺติ สุนฺทรํ, อิฏฺนฺติ อตฺโถ ¶ . อสุภนฺติ อสุนฺทรํ, อนิฏฺนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิฏฺานิฏฺารมฺมณํ ปเนวํ กถิต’’นฺติ. ทีฆํ รสฺสํ อณุํ ถูลํ สุภาสุภนฺติ ตีสุปิ าเนสุ รูปายตนมุเขน อุปาทารูปสฺเสว คหณํ ภูตรูปานํ วิสุํ คหิตตฺตาติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘กตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธตี’’ติ หิ ภูตรูปานิ วิสุํ คยฺหนฺติ. นามนฺติ เวทนาทิกฺขนฺธจตุกฺกํ. ตฺหิ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต, นามกรณโต จ ‘‘นาม’’นฺติ วุจฺจติ. เหฏฺา ‘‘ทีฆํ ¶ รสฺส’’นฺติอาทินา วุตฺตเมว อิธ รุปฺปนฏฺเน รูปสฺาย คหิตนฺติ ทสฺเสติ ‘‘ทีฆาทิเภท’’นฺติ อิมินา. อาทิสทฺเทน อาปาทีนฺจ สงฺคโห. ยสฺมา วา ทีฆาทิสมฺา น รูปายตนวตฺถุกาว, อถ โข ภูตรูปวตฺถุกาปิ. ตถา หิ สณฺานํ ผุสนมุเขนปิ คยฺหติ, ตสฺมา ทีฆรสฺสาทิคฺคหเณน ภูตรูปมฺปิ คยฺหเตวาติ อิมมตฺถํ วิฺาเปตุํ ‘‘ทีฆาทิเภทํ รูป’’ มิจฺเจว วุตฺตํ. กึ อาคมฺมาติ กึ อธิคนฺตฺวา กิสฺส อธิคมนเหตุ. ‘‘อุปรุชฺฌตี’’ติ อิทํ อนุปฺปาทนิโรธํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ขณนิโรธนฺติ อาห ‘‘อเสสเมตํ นปฺปวตฺตตี’’ติ.
๔๙๙. ตตฺร เวยฺยากรณํ ภวตีติ อนุสนฺธิวจนมตฺตํ จุณฺณิยปาํ วตฺวา เวยฺยากรณวจนภูตํ วิฺาณนฺติอาทึ สิโลกมาหาติ อธิปฺปาโย. วิฺาตพฺพนฺติ วิสิฏฺเน าเณน าตพฺพํ, สพฺพาณุตฺตเมน อริยมคฺคาเณน ปจฺจกฺขโต ชานิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นิพฺพานสฺเสตํ นาม’’นฺติ. นิทสฺสียเตติ นิทสฺสนํ, จกฺขุวิฺเยฺยํ, น นิทสฺสนํ อนิทสฺสนํ, อจกฺขุวิฺเยฺยนฺติ อตฺถํ วทนฺติ. นิทสฺสนํ วา อุปมา, ตเทตสฺส นตฺถีติ อนิทสฺสนํ. น หิ นิพฺพานสฺส นิจฺจสฺส เอกภูตสฺส อจฺจนฺตปณีตสภาวสฺส สทิสํ นิทสฺสนํ กุโตจิ ลพฺภตีติ. ยํ อหุตฺวา สมฺโภติ, หุตฺวา ปฏิเวติ, ตํ สงฺขตํ อุทยวยนฺเตหิ สอนฺตํ, อสงฺขตสฺส ปน นิพฺพานสฺส นิจฺจสฺส เต อุโภปิ อนฺตา น สนฺติ, ตโต เอว นวภาวาปคมสงฺขาตา ชรตาปิ ตสฺส นตฺถีติ วุตฺตํ ‘‘อุปฺปาทนฺโต วา’’ติอาทิ. ตตฺถ อุปฺปาทนฺโตติ อุปฺปาทาวตฺถา. วยนฺโตติ ภงฺคาวตฺถา. ิตสฺส อฺถตฺตนฺโตติ ชรตา วุตฺตา. อวเสสคฺคหเณน ิตาวตฺถา อนฺุาตา โหติ. ติตฺถสฺสาติ ปานติตฺถสฺส. ตตฺถ นิพฺพจนํ ทสฺเสติ ‘‘ตฺหี’’ติอาทินา. ปปนฺตีติ ปกาเรน ปิวนฺติ. ตถา หิ อาจริเยน วุตฺตํ ‘‘ปปนฺติ เอตฺถาติ ปปนฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ หิ ปปนฺติ ปานติตฺถ’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๔๙๙) นิรุตฺตินเยน, ยถารุตลกฺขเณน วา ป-การสฺส ภ-กาโร กโต. สพฺพโตติ สพฺพกมฺมฏฺานมุขโต. เตนาห ‘‘อฏฺตึสาย กมฺมฏฺาเนสุ เยน เยน มุเขนา’’ติ. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – ปกาเรน ภาสนํ โชตนํ ปภา, สพฺพโต ปภา อสฺสาติ สพฺพโตปภํ, เกนจิ อนุปกฺกิลิฏฺตาย สมนฺตโต ปภสฺสรํ วิสุทฺธนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ นิพฺพาเนติ นิมิตฺเต ภุมฺมํ ทสฺเสติ ‘‘อิทํ นิพฺพานํ อาคมฺมา’’ติ อิมินา. เยน ¶ นิพฺพานมธิคตํ, ตํ ¶ สนฺตติปริยาปนฺนานํเยว อิธ อนุปฺปาทนิโรโธ อธิปฺเปโตติ วุตฺตํ ‘‘อุปาทินฺนกธมฺมชาตํ นิรุชฺฌติ, อปฺปวตฺตํ โหตี’’ติ.
ตตฺถาติ ยเทตํ ‘‘วิฺาณสฺส นิโรเธนา’’ติ ปทํ วุตฺตํ, ตสฺมึ. วิฺาณํ อุทฺธรติ ตสฺส วิภชฺชิตพฺพตฺตา. จริมกวิฺาณนฺติ อรหโต จุติจิตฺตสงฺขาตํ ปรินิพฺพานจิตฺตํ. อภิสงฺขารวิฺาณนฺติ ปฺุาทิอภิสงฺขารจิตฺตํ. เอตฺเถตํ อุปรุชฺฌตีติ เอตสฺมึ นิพฺพาเน เอตํ นามรูปํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา นิรุชฺฌติ. เตนาห ‘‘วิชฺฌาต…เป… ภาวํ ยาตี’’ติ. วิชฺฌาตทีปสิขา วิยาติ นิพฺพุตทีปสิขา วิย. ‘‘อภิสงฺขารวิฺาณสฺสาปี’’ติอาทินา สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุมุเขน อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุเมว วทติ นามรูปสฺส อนวเสสโต อุปรุชฺฌนสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุปฺปาทวเสน อุปรุชฺฌตี’’ติ. โสตาปตฺติมคฺคาเณนาติ กตฺตริ, กรเณ วา กรณวจนํ, นิโรเธนาติ ปน เหตุมฺหิ. เอตฺถาติ นิพฺพาเน. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา เกวฏฺฏสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
เกวฏฺฏสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. โลหิจฺจสุตฺตวณฺณนา
โลหิจฺจพฺราหฺมณวตฺถุวณฺณนา
๕๐๑. เอวํ ¶ ¶ เกวฏฺฏสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ โลหิจฺจสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, เกวฏฺฏสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส โลหิจฺจสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… โกสเลสูติ โลหิจฺจสุตฺต’’นฺติ อาห. สาลวติกาติ การณมนฺตเรน อิตฺถิลิงฺควเสน ตสฺส คามสฺส นามํ. คามณิกาภาเวนาติ เกจิ. วติยาติ กณฺฏกสาขาทิวติยา. โลหิโต นาม ตสฺส กุเล ปุพฺพปุริโส, ตพฺพํสวเสน โลหิตสฺส อปจฺจํ โลหิจฺโจติ พฺราหฺมณสฺส โคตฺตโต อาคตนามํ.
๕๐๒. ‘‘กิฺหิ ปโร ปรสฺส กริสฺสตี’’ติ ปรานุกมฺปา วิรหิตตฺตา ลามกํ. น ตุ อุจฺเฉทสสฺสตานํ อฺตรสฺสาติ อาห ‘‘น ปนา’’ติอาทิ. ทิฏฺิคตนฺติ หิ ลทฺธิมตฺตํ อธิปฺเปตํ, อฺถา อุจฺเฉทสสฺสตคฺคาหวินิมุตฺโต โกจิ ทิฏฺิคฺคาโห นาม นตฺถีติ เตสมฺตรํ สิยา. ‘‘อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ อิทํ มนสิ, วจสิ จ อุปฺปนฺนตาสาธารณวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘น เกวลฺจา’’ติอาทินา. โส กิร…เป… ภาสติเยวาติ จ ตสฺสา ลทฺธิยา โลเก ปากฏภาวํ วทติ. ยสฺมา ปน อตฺตโต อฺโ ปโร โหติ, ตสฺมา ยถา อนุสาสกโต อนุสาสิตพฺโพ ปโร, เอวํ อนุสาสิตพฺพโตปิ อนุสาสโกติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปโร’’ติอาทิ วุตฺตํ. กึ-สทฺทาเปกฺขาย เจตฺถ ‘‘กริสฺสตี’’ติ อนาคตกาลวจนํ, อนาคเตปิ วา เตน ตสฺส กาตพฺพํ นตฺถีติ ทสฺสนตฺถํ. กุสลํ ธมฺมนฺติ อนวชฺชธมฺมํ นิกฺกิเลสธมฺมํ, วิโมกฺขธมฺมนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปเรสํ ธมฺมํ กเถสฺสามี’’ติ เตหิ อตฺตานํ ปริวาราเปตฺวา วิจรณํ กิมตฺถิยํ, อาสยวุทฺธสฺสปิ อนุโรเธน วินา ตํ น โหติ, ตสฺมา อตฺตนา…เป… วิหาตพฺพนฺติ วทติ. เตนาห ‘‘เอวํสมฺปทมิทํ ปาปกํ โลภธมฺมํ วทามี’’ติ.
๕๐๔. ‘‘อิตฺถิลิงฺควเสนา’’ติ ¶ อิมินา ปุลฺลิงฺคิกสฺสปิ อตฺถสฺส อิตฺถิลิงฺคสมฺาติ ทสฺเสติ. โสติ โลหิจฺจพฺราหฺมโณ. ภาโรติ ภควโต ปริสพาหุลฺลตฺตา, อตฺตโน จ พหุกิจฺจกรณียตฺตา ครุ ทุกฺกรํ.
๕๐๘. กถาผาสุกตฺถนฺติ ¶ กถาสุขตฺถํ, สุเขน กถํ กเถตฺุเจว โสตฺุจาติ อตฺโถ. อยํ อุปาสโกติ โรสิกนฺหาปิตํ อาห. อปฺเปว นาม สิยาติ เอตฺถ ปีติวเสน อาเมฑิตํ ทฏฺพฺพํ. ตถา หิ ตํ ‘‘พุทฺธคชฺชิต’’นฺติ วุจฺจติ. ภควา หิ อีทิเสสุ าเนสุ วิเสสโต ปีติโสมนสฺสชาโต โหติ, ตสฺมา ปีติวเสน ปมํ คชฺชติ, ทุติยมฺปิ อนุคชฺชติ. กึ วิเสสํ คชฺชนมนุคชฺชนนฺติ วุตฺตํ ‘‘อย’’นฺติอาทิ. อาโท ภาสนํ อลฺลาโป, สฺโเค ปเร รสฺโส. ตทุตฺตริ สห ภาสนํ สลฺลาโป.
โลหิจฺจพฺราหฺมณานุโยควณฺณนา
๕๐๙. สมุทยสฺชาตีติ อายุปฺปาโทติ อาห ‘‘โภคุปฺปาโท’’ติ. ตโตติ สาลวติกาย. ลาภนฺตรายกโรติ ธนธฺลาภสฺส อนฺตรายกโร. อนุปุพฺโพ กปิ-สทฺโท อากงฺขนตฺโถติ ทสฺเสติ ‘‘อิจฺฉตี’’ติ อิมินา. อยํ อฏฺกถาโต อปโร นโย – สาติสเยน หิเตน อนุกมฺปโก อนุคฺคณฺหนโก หิตานุกมฺปีติ. สมฺปชฺชตีติ อาเสวนลาเภน นิปฺปชฺชติ, พลวตี โหติ อวคฺคหาติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิยตา โหตี’’ติ.
๕๑๐-๕๑๑. ทุติยํ อุปปตฺตินฺติ ‘‘นนุ ราชา ปเสนทิโกสโล’’ติอาทินา วุตฺตํ ทุติยํ อุปปตฺตึ านํ ยุตฺตึ. การณฺหิ ภควา อุปมามุเขน ทสฺเสติ, อิมาย จ อุปปตฺติยา ตุมฺเห เจว อฺเ จาติ โลหิจฺจมฺปิ อนฺโตกตฺวา สํเวชนํ กตํ โหติ. เย จ อิเม กุลปุตฺตา ทิพฺพา คพฺภา ปริปาเจนฺตีติ โยชนา. อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา, าณปริปากสฺส วา อภาเวน อสกฺโกนฺตา. กมฺมปเทน อตุลฺยาธิกรณตฺตา ปริปาเจนฺติ กิริยาย วิภตฺติวิปลฺลาเสน อุปโยคตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. เย ปน ‘‘ปริปจฺจนฺตี’’ติ กมฺมรูเปน ปนฺติ, เตสํ มเต วิภตฺติวิปลฺลาเสน ปโยชนํ นตฺถิ กมฺมกตฺตุภาวโต, อตฺโถ ปนสฺส ทุติยวิกปฺเป วุตฺตนเยน ทานาทิปฺุวิเสโส เวทิตพฺโพ. อหิตานุกมฺปาทิตา จ ตสฺส ตํสมงฺคีสตฺตวเสน โหติ. ทิวิ ภวาติ ทิพฺพา. คพฺเภนฺติ ปริปจฺจนวเสน อตฺตนิ ปพนฺเธนฺตีติ คพฺภา, เทวโลกา. ‘‘ฉนฺนํ เทวโลกาน’’นฺติ นิทสฺสนวจนเมตํ. พฺรหฺมโลกสฺสาปิ หิ ทิพฺพคพฺภภาโว ลพฺภเตว ทิพฺพวิหารเหตุกตฺตา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘ภาวนํ ภาวยมานา’’ติ อิทมฺปิ วจนํ ¶ สมตฺถิตํ โหติ ¶ . ‘‘เทวโลกคามินึ ปฏิปทํ ปูรยมานา’’ติ วตฺวา ตํ ปฏิปทํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘ทานํ ททมานา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ภวนฺติ เอตฺถ ยถารุจิ สุขสมปฺปิตาติ ภวา, วิมานานิ. เทวภาวาวหตฺตา ทิพฺพา. วุตฺตนเยเนว คพฺภา. ทานาทโย เทวโลกสํวตฺตนิก ปฺุวิเสสา. ทิพฺพา ภวาติ อิธ เทวโลกปริยาปนฺนา อุปปตฺติภวา อธิปฺเปตา. ตทาวโห หิ กมฺมภโว ปุพฺเพ คหิโตติ อาห ‘‘เทวโลเก วิปากกฺขนฺธา’’ติ.
ตโยโจทนารหวณฺณนา
๕๑๓. อนิยามิเตเนวาติ อนิยมิเตเนว, ‘‘ตฺวํ เอวํ ทิฏฺิโก, เอวํ สตฺตานํ อนตฺถสฺส การโก’’ติ เอวํ อนุทฺเทสิเกเนว. สพฺพโลกปตฺถฏาย ลทฺธิยา สมุปฺปชฺชนโต ยาว ภวคฺคา อุคฺคตํ. มานนฺติ ‘‘อหเมตํ ชานามิ, อหเมตํ ปสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตํ ปณฺฑิตมานํ. ภินฺทิตฺวาติ วิธเมตฺวา, ชหาเปตฺวาติ อตฺโถ. ตโย สตฺถาเรติ อสมฺปาทิตอตฺตหิโต อโนวาทกรสาวโก จ อสมฺปาทิตอตฺตหิโต โอวาทกรสาวโก จ สมฺปาทิตอตฺตหิโต อโนวาทกรสาวโก เจติ อิเม ตโย สตฺถาเร. จตุตฺโถ ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ น โจทนารโห, ตสฺมา ‘‘ตํ เตน ปุจฺฉิโต เอว กเถสฺสามี’’ติ โจทนารเหว ตโย สตฺถาเร ปมํ ทสฺเสติ, ปจฺฉา จตุตฺถํ สตฺถารํ. กามฺเจตฺถ จตุตฺโถ สตฺถา เอโก อทุติโย อนฺสาธารโณ, ตถาปิ โส เยสํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ วเสน ‘‘ธมฺมมโย กาโย’’ติ วุจฺจติ, เตสํ สมุทายภูโตปิ เต คุณาวยเว สตฺถุฏฺานิเย กตฺวา ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘อยมฺปิ โข โลหิจฺจ สตฺถา’’ติ อภาสิ.
อฺาติ ย-การโลปนิทฺเทโส ‘‘สยํ อภิฺา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘, ๓๗; ม. นิ. ๑.๑๕๔, ๔๔๔) วิย, ตทตฺเถ เจตํ สมฺปทานวจนนฺติ ทสฺเสติ ‘‘อฺายา’’ติอาทินา. สาวกตฺตํ ปฏิชานิตฺวา ิตตฺตา เอกเทเสนสฺส สาสนํ กโรนฺตีติ อาห ‘‘นิรนฺตรํ ตสฺส สาสนํ อกตฺวา’’ติ. อุกฺกมิตฺวา อุกฺกมิตฺวาติ กทาจิ ตถา กรณํ, กทาจิ ตถา อกรณฺจ สนฺธาย วิจฺฉาวจนํ, ยทิจฺฉิตํ กโรนฺตีติ อธิปฺปาโย ¶ . ปฏิกฺกมนฺติยาติ อนภิรติยา อคารเวน อปคจฺฉนฺติยา. เตน วุตฺตํ ‘‘อนิจฺฉนฺติยา’’ติอาทิ. เอกายาติ อทุติยาย อิตฺถิยา, สมฺปโยคนฺติ เมถุนธมฺมสมาโยคํ. เอโก อิจฺเฉยฺยาติ อทุติโย ปุริโส สมฺปโยคํ อิจฺเฉยฺยาติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. โอสกฺกนาทิมุเขน อิตฺถิปุริสสมฺพนฺธนิทสฺสนํ เคหสฺสิตาเคหสฺสิตอเปกฺขวเสน ตสฺส สตฺถุโน สาวเกสุ ปฏิปตฺติทสฺสนตฺถํ. อติวิรตฺตภาวโต ทฏฺุมฺปิ อนิจฺฉมานํ ปรมฺมุขึ ิตํ อิตฺถึ. โลเภนาติ ปริวารํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกลาภสกฺการโลเภน. อีทิโสติ เอวํสภาโว สตฺถา. เยนาติ ¶ โลภธมฺเมน. ตตฺถ สมฺปาเทหีติ ตสฺมึ ปฏิปตฺติธมฺเม ปติฏฺิตํ กตฺวา สมฺปาเทหิ. กายวงฺกาทิวิคเมน อุชุํ กโรหิ.
๕๑๔. สสฺสรูปกานิ ติณานีติ สสฺสสทิสานิ นีวาราทิติณานิ.
๕๑๕. เอวํ โจทนํ อรหตีติ วุตฺตนเยน สาวเกสุ อปฺโปสฺสุกฺกภาวาปาทเน นิโยชนวเสน โจทนํ อรหติ, น ปโม วิย ‘‘เอวรูโป ตว โลภธมฺโม’’ติอาทินา, น จ ทุติโย วิย ‘‘อตฺตานเมว ตาว ตตฺถ สมฺปาเทหี’’ติอาทินา. กสฺมา? สมฺปาทิตอตฺตหิตตาย ตติยสฺส.
นโจทนารหสตฺถุวณฺณนา
๕๑๖. น โจทนารโหติ เอตฺถ ยสฺมา โจทนารหตา นาม สตฺถุวิปฺปฏิปตฺติยา วา สาวกวิปฺปฏิปตฺติยา วา อุภยวิปฺปฏิปตฺติยา วา โหติ, ตยิทํ สพฺพมฺปิ อิมสฺมึ สตฺถริ นตฺถิ, ตสฺมา น โจทนารโหติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสฺสวาติ ปฏิสฺสวา.
๕๑๗. มยา คหิตาย ทิฏฺิยาติ สพฺพโส อนวชฺเช อนุปวชฺเช สมฺมาปฏิปนฺเน, ปเรสฺจ สมฺมเทว สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺเต สตฺถริ อภูตโทสาโรปนวเสน มิจฺฉาคหิตาย นิรยคามินิยา ปาปทิฏฺิยา. นรกปปาตนฺติ นรกสงฺขาตํ มหาปปาตํ. ปปตนฺติ เอตฺถาติ หิ ปปาโต. ธมฺมเทสนาหตฺเถนาติ ธมฺมเทสนาสงฺขาเตน หตฺเถน. สคฺคมคฺคถเลติ สคฺคคามิมคฺคภูเต ¶ ปฺุธมฺมถเล, จาตุมหาราชิกาทิสคฺคโสตาปตฺติอาทิมคฺคสงฺขาเต วา ถเล. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา โลหิจฺจสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
โลหิจฺจสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. เตวิชฺชสุตฺตวณฺณนา
๕๑๘. เอวํ ¶ ¶ โลหิจฺจสุตฺตํ สํวณฺเณตฺวา อิทานิ เตวิชฺชสุตฺตํ สํวณฺเณนฺโต ยถานุปุพฺพํ สํวณฺณโนกาสสฺส ปตฺตภาวํ วิภาเวตุํ, โลหิจฺจสุตฺตสฺสานนฺตรํ สงฺคีตสฺส สุตฺตสฺส เตวิชฺชสุตฺตภาวํ วา ปกาเสตุํ ‘‘เอวํ เม สุตํ…เป… โกสเลสูติ เตวิชฺชสุตฺต’’นฺติ อาห. นามนฺติ นามมตฺตํ. ทิสาวาจีสทฺทโต ปยุชฺชมาโน เอนสทฺโท อทุรตฺเถ อิจฺฉิโต, ตปฺปโยเคน จ ปฺจมิยตฺเถ สามิวจนํ, ตสฺมา ‘‘อุตฺตเรนา’’ติ ปเทน อทูรตฺถโชตนํ, ปฺจมิยตฺเถ จ สามิวจนํ ทสฺเสตุํ ‘‘มนสากฏโต อวิทูเร อุตฺตรปสฺเส’’ติ วุตฺตํ. ‘‘ทิสาวาจีสทฺทโต ปฺจมีวจนสฺส อทูรตฺถโชตนโต อทูรตฺถํ ทสฺเสตุํ เอนสทฺเทน เอวํ วุตฺต’’นฺติ เกจิ, สตฺตมิยตฺเถ เจตํ ตติยาวจนํ ‘‘ปุพฺเพน คามํ รมณีย’’นฺติอาทีสุ วิย. ‘‘อกฺขรจินฺตกา ปน เอน-สทฺทโยเค อวธิวาจินิ ปเท อุปโยควจนํ อิจฺฉนฺติ, อตฺโถ ปน สามิวเสเนว อิจฺฉิโต, ตสฺมา อิธ สามิวจนวเสเนว วุตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ฏี. ๑.๕๑๘) อยํ อาจริยมติ. ตรุณอมฺพรุกฺขสณฺเฑติ ตรุณมฺพรุกฺขสมูเห. รุกฺขสมุทายสฺส หิ วนสมฺา.
๕๑๙. กุลจาริตฺตาทิสมฺปตฺติยาติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน มนฺตชฺเฌนาภิรูปตาทิสมฺปตฺตึ สงฺคณฺหาติ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ เทเส, กุเล วา. เต นิวาสฏฺาเนน วิเสเสนฺโต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาห. มนฺตสชฺฌายกรณตฺถนฺติ อาถพฺพณมนฺตานํ สชฺฌายกรณตฺถํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฺเสํ พหูนํ ปเวสนํ นิวาเรตฺวา’’ติ. นทีตีเรติ อจิรวติยา นทิยา ตีเร.
มคฺคามคฺคกถาวณฺณนา
๕๒๐. ชงฺฆจารนฺติ จงฺกเมน, อิโต จิโต จ วิจรณํ. โส หิ ชงฺฆาสุ กิลมถวิโนทนตฺถํ จรณโต ‘‘ชงฺฆวิหาโร, ชงฺฆจาโร’’ติ จ วุตฺโต. เตนาห ปาฬิยํ ‘‘อนุจงฺกมนฺตานํ อนุวิจรนฺตาน’’นฺติ. จุณฺณมตฺติกาทิ นฺหานียสมฺภาโร. เตน วุตฺตนฺติ อุโภสุปิ ¶ อนุจงฺกมนานุวิจรณานํ ลพฺภนโต เอวํ วุตฺตํ. มคฺโค เจตฺถ พฺรหฺมโลกคมนูปายปฏิปทาภูโต อุชุมคฺโค. อิจฺฉิตฏฺานํ อุชุกํ มคฺคติ อุปคจฺฉติ เอเตนาติ ¶ หิ มคฺโค, ตทฺโ อมคฺโค, อ-สทฺโท วา วุทฺธิอตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ ‘‘กตมํ นุ โข’’ติอาทินา มคฺคเมว ทสฺเสติ. ปฏิปทนฺติ พฺรหฺมโลกคามิมคฺคสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทํ.
อฺชสายโนติ อุชุมคฺคสฺส เววจนํ ปริยายทฺวยสฺส อติเรกตฺถทีปนโต ยถา ‘‘ปทฏฺาน’’นฺติ. ทุติยวิกปฺเป อฺชสสทฺโท อุชุกปริยาโย. นิยฺยาตีติ นิยฺยานิโย, โส เอว นิยฺยานิโกติ ทสฺเสติ ‘‘นิยฺยายนฺโต’’ติ อิมินา. นิยฺยานิโก นิยฺยาตีติ จ เอกนฺตนิยฺยานํ วุตฺตํ, คจฺฉนฺโต หุตฺวา คจฺฉตีติ อตฺโถ. กสฺมา มคฺโค ‘‘นิยฺยาตี’’ติ วุตฺโต, นนฺเวส คมเน อพฺยาปาโรติ? สจฺจํ. ยสฺมา ปนสฺส นิยฺยาตุ-ปุคฺคลวเสน นิยฺยานภาโว ลพฺภติ, ตสฺมา นิยฺยายนฺตปุคฺคลสฺส โยนิโส ปฏิปชฺชนวเสน นิยฺยายนฺโต มคฺโค ‘‘นิยฺยาตี’’ติ วุตฺโต. กโรตีติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทติ. ตถา อุปฺปาเทนฺโตเยว หิ ตํ ปฏิปชฺชติ นาม. สห พฺเยติ วตฺตตีติ สหพฺโย, สหวตฺตนโก, ตสฺส ภาโว สหพฺยตาติ วุตฺตํ ‘‘สหภาวายา’’ติ. สหภาโวติ จ สโลกตา, สมีปตา วา เวทิตพฺพา. ตถา จาห ‘‘เอกฏฺาเน ปาตุภาวายา’’ติ. สกเมวาติ อตฺตโน อาจริเยน โปกฺขรสาตินา กถิตเมว. โถเมตฺวาติ ‘‘อยเมว อุชุมคฺโค อยมฺชสายโน’’ติอาทินา ปสํสิตฺวา. ตถา ปคฺคณฺหิตฺวา. ภารทฺวาโชปิ สกเมว อตฺตโน อาจริเยน ตารุกฺเขน กถิตเมว อาจริยวาทํ โถเมตฺวา ปคฺคณฺหิตฺวา วิจรตีติ โยชนา. เตน วุตฺตนฺติ ยถา ตถา วา อภินิวิฏฺภาเวน ปาฬิยํ วุตฺตํ.
๕๒๑-๕๒๒. อนิยฺยานิกาวาติ อปฺปาฏิหาริกาว, อฺมฺสฺส วาเท โทสํ ทสฺเสตฺวา อวิปรีตตฺถทสฺสนตฺถํ อุตฺตรรหิตา เอวาติ อตฺโถ. ตุลนฺติ มานปตฺถตุลํ. อฺมฺวาทสฺส อาทิโตว วิรุทฺธคฺคหณํ วิคฺคโห, สฺเวว วิวทนวเสน อปราปรํ อุปฺปนฺโน วิวาโทติ อาห ‘‘ปุพฺพุปฺปตฺติโก’’ติอาทิ. ทุวิโธปิ เอโสติ วิคฺคโห, วิวาโทติ ทฺวิธา วุตฺโตปิ เอโส วิโรโธ. นานาอาจริยานํ วาทโตติ นานารุจิกานํ อาจริยานํ วาทภาวโต. นานาวาโท นานาวิโธ วาโทติ กตฺวา, อธุนา ปน ‘‘นานาอาจริยานํ วาโท นานาวาโท’’ติ ปาโ.
๕๒๓. เอกสฺสาปีติ ¶ ตุมฺเหสุ ทฺวีสุ เอกสฺสาปิ. เอกสฺมินฺติ สกวาทปรวาเทสุ เอกสฺมิมฺปิ. สํสโย นตฺถีติ ‘‘มคฺโค นุ โข, น มคฺโค’’ติ วิจิกิจฺฉา นตฺถิ, อฺชสานฺชสาภาเว ปน สํสโย. เตน วุตฺตํ ‘‘เอส กิรา’’ติอาทิ เอวํ สตีติ ยทิ สพฺพตฺถ ¶ มคฺคสฺิโน, เอวํ สติ ‘‘กิสฺมึ โว วิคฺคโห’’ติ ภควา ปุจฺฉติ. อิติสทฺเทน เจตฺถ อาทฺยตฺเถน วิวาโท, นานาวาโท จ สงฺคหิโต.
๕๒๔. ‘‘อิจฺฉิตฏฺานํ อุชุกํ มคฺคติ อุปคจฺฉติ เอเตนาติ มคฺโค, อุชุมคฺโค. ตทฺโ อมคฺโค, อ-สทฺโท วา วุทฺธิอตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ เหฏฺา วุตฺโตวายมตฺโถ. อนุชุมคฺเคติ เอตฺถาปิ อ-สทฺโท วุทฺธิอตฺโถ จ ยุชฺชติ. ตเมว วตฺถุนฺติ สพฺเพสมฺปิ พฺราหฺมณานํ มคฺคสฺส มคฺคภาวสงฺขาตํ, สกมคฺคสฺส อุชุมคฺคภาวสงฺขาตฺจ วตฺถุํ. สพฺเพ เตติ สพฺเพ เต นานาอาจริเยหิ วุตฺตมคฺคา, เย ปาฬิยํ ‘‘อทฺธริยา พฺราหฺมณา’’ติอาทินา วุตฺตา. อยเมตฺถ ปาฬิอตฺโถ – อทฺธโร นาม ยฺวิเสโส, ตทุปโยคิภาวโต อทฺธริยานิ วุจฺจนฺติ ยชูนิ, ตานิ สชฺฌายนฺตีติ อทฺธริยา, ยชุเวทิโน. ติตฺติรินา นาม อิสินา กตา มนฺตาติ ติตฺติรา, เต สชฺฌายนฺตีติ ติตฺติริยา, ยชุเวทิโน เอว. ยชุเวทสาขา เหสา, ยทิทํ ติตฺติรนฺติ. ฉนฺโท วุจฺจติ วิเสสโต สามเวโท, ตํ สเรน กายนฺตีติ ฉนฺโทกา, สามเวทิโน. ‘‘ฉนฺโทคา’’ติปิ ตติยกฺขเรน ปนฺติ, โส เอวตฺโถ. พหโว อิริโย โถมนา เอตฺถาติ พวฺหาริ, อิรุเวโท, ตํ อธียนฺตีติ พวฺหาริชฺฌา.
พหูนีติ เอตฺถายํ อุปมาสํสนฺทนา – ยถา เต นานามคฺคา เอกํสโต ตสฺส คามสฺส วา นิคมสฺส วา ปเวสาย โหนฺติ, เอวํ พฺราหฺมเณหิ ปฺาปิยมานาปิ นานามคฺคา เอกํสโต พฺรหฺมโลกูปคมนาย พฺรหฺมุนา สหพฺยตาย โหนฺตีติ.
๕๒๕. ปฏิชานิตฺวา ปจฺฉา นิคฺคยฺหมานา อวชานนฺตีติ ปุพฺเพ นิทฺโทสตํ สลฺลกฺขมานา ปฏิชานิตฺวา ปจฺฉา สโทสภาเวน นิคฺคยฺหมานา ‘‘เนตํ มม วจน’’นฺติ อวชานนฺติ, น ปฏิชานนฺตีติ อตฺโถ.
๕๒๗-๕๒๙. เต ¶ เตวิชฺชาติ เตวิชฺชกา เต พฺราหฺมณา. เอวสทฺเทน าปิโต อตฺโถ อิธ นตฺถีติ ว-กาโร คหิโต, โส จ อนตฺถโกวาติ ทสฺเสติ ‘‘อาคมสนฺธิมตฺต’’นฺติ อิมินา, วณฺณาคเมน ปทนฺตรสนฺธิมตฺตํ กตนฺติ อตฺโถ. อนฺธปเวณีติ อนฺธปนฺติ. ‘‘ปณฺณาสสฏฺิ อนฺธา’’ติ อิทํ ตสฺสา อนฺธปเวณิยา มหโต คจฺฉคุมฺพสฺส อนุปริคมนโยคฺยตาทสฺสนํ. เอวฺหิ เต ‘‘สุจิรํ เวลํ มยํ มคฺคํ คจฺฉามา’’ติ สฺิโน โหนฺติ. อนฺธานํ ปรมฺปรสํสตฺตวจเนน ยฏฺิคาหกวิรหตา ทสฺสิตาติ วุตฺตํ ‘‘ยฏฺิคาหเกนา’’ติอาทิ. ตทุทาหรณํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘เอโก กิรา’’ติอาทิ อารทฺธํ. อนุปริคนฺตฺวาติ กฺจิ กาลํ อนุกฺกเมน สมนฺตโต ¶ คนฺตฺวา. กจฺฉนฺติ กจฺฉพนฺธทุสฺสกณฺณํ. ‘‘กจฺฉํ พนฺธนฺตี’’ติอาทีสุ (จูฬว. อฏฺ. ๒๘๐; วิ. สงฺค. อฏฺ. ๓๔.๔๒) วิย หิ กจฺฉสทฺโท นิพฺพสนวิเสสปริยาโย. อปิจ กจฺฉนฺติ อุปกจฺฉกฏฺานํ. ‘‘สมฺพาโธ นาม อุโภ อุปกจฺฉกา มุตฺตกรณ’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๐๐) วิย หิ กาเยกเทสวาจโก กจฺฉสทฺโท. จกฺขุมาติ ยฏฺิคาหกํ วทติ. ‘‘ปุริโม’’ติอาทิ ยถาวุตฺตกฺกเมน เวทิตพฺโพ. นามกฺเวาติ อตฺถาภาวโต นามมตฺตเมว, ตํ ปน ภาสิตํ เตหิ สารสฺิตมฺปิ นามมตฺตตาย อสารภาวโต นิหีนเมวาติ อตฺถมตฺตํ ทสฺเสติ ‘‘ลามกํเยวา’’ติ อิมินา.
๕๓๐. โยติ พฺรหฺมโลโก. ยโตติ ภุมฺมตฺเถ นิสฺสกฺกวจนํ. สามฺโชตนาย วิเสเส อวติฏฺนโต วิเสสปรามสนํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมึ กาเล’’ติ วุตฺตํ. ‘‘อุคฺคมนกาเล’’ติอาทินา ปกรณาธิคตมาห. อายาจนฺตีติ อุคฺคมนํ ปตฺเถนฺติ. กสฺมา? โลกสฺส พหุการภาวโต. ตถา โถมนาทีสุ. โสมฺโมติ สีตโล. อยํ กิร พฺราหฺมณานํ ลทฺธิ ‘‘ปุพฺเพพฺราหฺมณานมายาจนาย จนฺทิมสูริยา’คนฺตฺวา โลเก โอภาสํ กโรนฺตี’’ติ.
๕๓๒. อิธ ปน กึ วตฺตพฺพนฺติ อิมสฺมึ ปน อปฺปจฺจกฺขภูตสฺส พฺรหฺมุโน สหพฺยตาย มคฺคเทสเน เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ กึ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, เย ปจฺจกฺขภูตานมฺปิ จนฺทิมสูริยานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตุํ น สกฺโกนฺตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยตฺถา’’ติ อิมินา ‘‘อิธา’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ ปจฺจามสติ.
อจิรวตีนทีอุปมากถาวณฺณนา
๕๔๒. สมภริตาติ ¶ สมฺปุณฺณา. ตโต เอว กากเปยฺยา. ปาราติ ปาริมตีร, อาลปนเมตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘อมฺโภ’’ติ วุตฺตํ. อปารนฺติ โอริมตีรํ. เอหีติ อาคจฺฉาหิ. วตาติ เอกํเสน. อถ คมิสฺสสิ, เอวํ สติ เอหีติ โยชนา. ‘‘อตฺถิเม’’ติอาทิ อวฺหานการณํ.
๕๔๔. ปฺจสีล…เป… เวทิตพฺพา ยมนิยมาทิพฺราหฺมณธมฺมานํ ตทนฺโตคธภาวโต. ตพฺพิปรีตาติ ปฺจสีลาทิวิปรีตา ปฺจเวราทโย. อินฺทนฺติ อินฺทนามกํ เทวปุตฺตํ, สกฺกํ วา. ‘‘อจิรวติยา ตีเร นิสินฺโน’’ติ อิมินา ยสฺสา ตีเร นิสินฺโน, ตเทว อุปมํ กตฺวา อาหรติ ธมฺมราชา ¶ ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตาติ ทสฺเสติ. ‘‘ปุนปี’’ติ วตฺวา ‘‘อปรมฺปี’’ติ วจนํ อิตรายปิ นทีอุปมาย สงฺคณฺหนตฺถํ.
๕๔๖. กามยิตพฺพฏฺเนาติ กามนียภาเวน. พนฺธนฏฺเนาติ กามยิตพฺพโต สตฺตานํ จิตฺตสฺส อาพนฺธนภาเวน. กามฺจายํ คุณสทฺโท อตฺถนฺตเรสุปิ ทิฏฺปโยโค, เตสํ ปเนตฺถ อสมฺภวโต ปาริเสสาเยน พนฺธนฏฺโเยว ยุตฺโตติ ทสฺเสตุํ อยมตฺถุทฺธาโร อารทฺโธ. อหตานนฺติ อโธตานํ อภินวานํ. เอตฺถาติ ขนฺธกปาฬิปเท ปฏลฏฺโติ ปฏลสทฺทสฺส, ปฏลสงฺขาโต วา อตฺโถ. คุณฏฺโติ คุณสทฺทสฺส อตฺโถ นาม. เอส นโย เสเสสุปิ. อจฺเจนฺตีติ อติกฺกมฺม ปวตฺตนฺติ. เอตฺถาติ โสมนสฺสชาตกปาฬิปเท. ทกฺขิณาติ ติรจฺฉานคเต ทานเจตนา. เอตฺถาติ ทกฺขิณวิภงฺคสุตฺตปเท (ม. นิ. ๓.๓๗๙) มาลาคุเณติ มาลาทาเม. เอตฺถาติ สติปฏฺาน- (ที. นิ. ๒.๓๗๘; ม. นิ. ๑.๑๐๙) ธมฺมปทปาฬิปเทสุ, (ธ. ป. ๕๓) นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ โกฏฺาสาปธานสีลาทิสุกฺกาทิสมฺปทาชิยาสุปิ ปวตฺตนโต. โหติ เจตฺถ –
‘‘คุโณ ปฏลราสานิสํเส โกฏฺาสพนฺธเน;
สีลสุกฺกาทฺยปธาเน, สมฺปทาย ชิยาย จา’’ติ.
เอเสวาติ ¶ พนฺธนฏฺโ เอว. น หิ รูปาทีนํ กาเมตพฺพภาเว วุจฺจมาเน ปฏลฏฺโ ยุชฺชติ ตถา กาเมตพฺพตาย อนธิปฺเปตตฺตา. ราสฏฺาทีสุปิ เอเสว นโย. ปาริเสสโต ปน พนฺธนฏฺโว ยุชฺชติ. ยทคฺเคน หิ เนสํ กาเมตพฺพตา, ตทคฺเคน พนฺธนภาโวติ.
โกฏฺาสฏฺโปิ เจตฺถ ยุชฺชเตว จกฺขุวิฺเยฺยาทิโกฏฺาสภาเวน เนสํ กาเมตพฺพโต. โกฏฺาเส จ คุณสทฺโท ทิสฺสติ ‘‘ทิคุณํ วฑฺเฒตพฺพ’’นฺติอาทีสุ วิย.
‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;
คุเณน นามมุทฺเธยฺยํ, อปิ นามสหสฺสโต’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑๓๑๓; อุทา. อฏฺ. ๕๓; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๑.๑.๗๖) –
อาทีสุ ปน สมฺปทาฏฺโ คุณสทฺโท, โสปิ อิธ น ยุชฺชตีติ อนุทฺธโฏ.
ทสฺสนเมว อิธ วิชานนนฺติ อาห ‘‘ปสฺสิตพฺพา’’ติ. ‘‘โสตวิฺาเณน โสตพฺพา’’ติอาทิอตฺถํ ¶ ‘‘เอเตนุปาเยนา’’ติ อติทิสติ. คเวสิตาปิ ‘‘อิฏฺา’’ติ วุจฺจนฺติ, เต อิธ นาธิปฺเปตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริยิฏฺา วา โหนฺตุ มา วา’’ติ วุตฺตํ. อิจฺฉิตา เอว หิ อิธ อิฏฺา, เตนาห ‘‘อิฏฺารมฺมณภูตา’’ติ, สุขารมฺมณภูตาติ อตฺโถ. กามนียาติ กาเมตพฺพา. อิฏฺภาเวน มนํ อปฺปยนฺติ วฑฺเฒนฺตีติ มนาปา. ปิยชาติกาติ ปิยสภาวา. อารมฺมณํ กตฺวาติ อตฺตานมารมฺมณํ กตฺวา. กมฺมภูเต อารมฺมเณ สติ ราโค อุปฺปชฺชตีติ ตํ การณภาเวน นิทสฺเสนฺโต ‘‘ราคุปฺปตฺติการณภูตา’’ติ อาห.
เคเธนาติ โลเภน. อภิภูตา หุตฺวา ปฺจ กามคุเณ ปริภฺุชนฺตีติ โยชนา. มุจฺฉาการนฺติ โมหนาการํ. อธิโอสนฺนาติ อธิคยฺห อชฺโฌสาย อวสนฺนา. เตน วุตฺตํ ‘‘โอคาฬฺหา’’ติ. สานนฺติ อวสานํ. ปรินิฏฺานปฺปตฺตาติ คิลิตฺวา ปรินิฏฺาปนวเสน ปรินิฏฺานํ อุยฺยาตา. อาทีนวนฺติ กามปริโภเค สมฺปติ, อายติฺจ โทสํ อปสฺสนฺตา. ฆาสจฺฉาทนาทิสมฺโภคนิมิตฺตสํกิเลสโต นิสฺสรนฺติ อปคจฺฉนฺติ เอเตนาติ นิสฺสรณํ, โยนิโส ปจฺจเวกฺขิตฺวา เตสํ ปริโภคปฺา. ตทภาวโต อนิสฺสรณปฺาติ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทเมตฺถา’’ติอาทิมาห. ปจฺจเวกฺขณปริโภควิรหิตาติ ยถาวุตฺตปจฺจเวกฺขณาเณน ปริโภคโต วิรหิตา.
๕๔๘-๙. อาวรนฺตีติ ¶ กุสลธมฺมุปฺปตฺตึ อาทิโต วาเรนฺติ. นิวาเรนฺตีติ นิรวเสสโต วารยนฺติ. โอนนฺธนฺตีติ โอคาหนฺตา วิย ฉาเทนฺติ. ปริโยนนฺธนฺตีติ สพฺพโส ฉาเทนฺติ. อาวรณาทีนํ วเสนาติ ยถาวุตฺตานํ อาวรณาทิอตฺถานํ วเสน. เต หิ อาเสวนพลวตาย ปุริมปุริเมหิ ปจฺฉิมปจฺฉิมา ทฬฺหตรตมาทิภาวปฺปตฺตา.
สํสนฺทนกถาวณฺณนา
๕๕๐. อิตฺถิปริคฺคเห สติ ปุริสสฺส ปฺจกามคุณปริคฺคโห ปริปุณฺโณ เอว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อิตฺถิปริคฺคเหน สปริคฺคโห’’ติ. ‘‘อิตฺถิปริคฺคเหน อปริคฺคโห’’ติ จ อิทํ เตวิชฺชพฺราหฺมเณสุ ทิสฺสมานปริคฺคหานํ ทุฏฺุลฺลตมปริคฺคหาภาวทสฺสนํ. เอวํ ภูตานํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ กา พฺรหฺมุนา สํสนฺทนา, พฺรหฺมา ปน สพฺเพน สพฺพํ อปริคฺคโหติ. เวรจิตฺเตน อเวโร, กุโต เอตสฺส เวรปโยโคติ อธิปฺปาโย. จิตฺตเคลฺสงฺขาเตนาติ จิตฺตุปฺปาทเคลฺสฺิเตน, อิมินา ตสฺส รูปกายเคลฺภาโว วุตฺโต โหติ. พฺยาปชฺเฌนาติ ทุกฺเขน. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจาทีหีติ เอตฺถ อาทิสทฺเทน ตเทกฏฺา สํกิเลสธมฺมา สงฺคยฺหนฺติ. อโตเยเวตฺถ ‘‘อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจาภาวโต’’ติ ¶ ตทุภยาภาวมตฺตเหตุวจนํ สมตฺถิตํ โหติ. อปฺปฏิปตฺติเหตุภูตาย วิจิกิจฺฉาย สติ น กทาจิ จิตฺตํ ปุริสสฺส วเส วตฺตติ, ปหีนาย ปน ตาย สิยา จิตฺตสฺส ปุริสวเส วตฺตนนฺติ อาห ‘‘วิจิกิจฺฉายา’’ติอาทิ. จิตฺตคติกาติ จิตฺตวสิกา. เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตสฺส วเส วตฺตนฺตี’’ติ. น ตาทิโสติ พฺราหฺมณา วิย น จิตฺตวสิโก โหติ, อถ โข วสีภูตฌานาภิฺตาย จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ วสวตฺตี.
๕๕๒. พฺรหฺมโลกมคฺเคติ พฺรหฺมโลกคามิมคฺเค ปฏิปชฺชิตพฺเพ, ปฺาเปตพฺเพ วา, ตํ ปฺเปนฺตาติ อธิปฺปาโย. อุปคนฺตฺวาติ มิจฺฉาปฏิปตฺติยา อุปสงฺกมิตฺวา, ปฏิชานิตฺวา วา. สมตลนฺติ สฺายาติ มตฺถเก เอกงฺคุลํ วา อุปฑฺฒงฺคุลํ วา สุกฺขตาย สมตลนฺติ สฺาย. ปงฺกํ โอติณฺณา วิยาติ อเนกโปริสํ มหาปงฺกํ โอติณฺณา วิย. อนุปฺปวิสนฺตีติ อปายมคฺคํ พฺรหฺมโลกมคฺคสฺาย โอคาหนฺติ. ตโต เอว สํสีทิตฺวา วิสาทํ ปาปุณนฺติ. เอวนฺติ ‘‘สมตล’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยน. สํสีทิตฺวาติ นิมุชฺชิตฺวา ¶ . มรีจิกายาติ มิคตณฺหิกาย กตฺตุภูตาย. วฺเจตฺวาติ นทีสทิสํ ปกาสเนน วฺเจตฺวา. วายมานาติ วายมมานา, อยเมว วา ปาโ. สุกฺขตรณํ มฺเ ตรนฺตีติ สุกฺขนทีตรณํ ตรนฺติ มฺเ. อภินฺเนปิ เภทวจนเมตํ. ตสฺมาติ ยสฺมา เตวิชฺชา อมคฺคเมว ‘‘มคฺโค’’ติ อุปคนฺตฺวา สํสีทนฺติ, ตสฺมา. ยถา เตติ เต ‘‘สมตล’’นฺติ สฺาย ปงฺกํ โอติณฺณา สตฺตา หตฺถปาทาทีนํ สํภฺชนํ ปริภฺชนํ ปาปุณนฺติ ยถา. อิเธว จาติ อิมสฺมิฺจ อตฺตภาเว. สุขํ วา สาตํ วา น ลภนฺตีติ ฌานสุขํ วา วิปสฺสนาสาตํ วา น ลภนฺติ, กุโต มคฺคสุขํ วา นิพฺพานสาตํ วาติ อธิปฺปาโย. มคฺคทีปกนฺติ ‘‘มคฺคทีปก’’ มิจฺเจว เตหิ อภิมตํ. เตวิชฺชกนฺติ เตวิชฺชตฺถาปกํ. ปาวจนนฺติ ปกฏฺวจนสมฺมตํ ปาํ. เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานนฺติ สมฺพนฺเธ สามิวจนํ. อิริณนฺติ อรฺานิยา อิทํ อธิวจนนฺติ อาห ‘‘อคามกํ มหารฺ’’นฺติ. อนุปโภครุกฺเขหีติ มิครุรุอาทีนมฺปิ อนุปโภคารเหหิ กึ ปกฺกาทิวิสรุกฺเขหิ. ยตฺถาติ ยสฺมึ วเน. ปริวตฺติตุมฺปิ น สกฺกา โหนฺติ มหากณฺฏกคจฺฉคหนตาย. าตีนํ พฺยสนํ วินาโส าติพฺยสนํ. เอวํ โภคสีลพฺยสเนสุปิ. โรโค เอว พฺยสติ วิพาธตีติ โรคพฺยสนํ. เอวํ ทิฏฺิพฺยสเนปิ.
๕๕๔. นนุ ชาตสทฺเทเนว อยมตฺโถ สิทฺโธติ โจทนมปเนติ ‘‘โย หี’’ติอาทินา. ชาโต หุตฺวา สํวฑฺฒิโต ชาตสํวฑฺโฒติ อาจริเยน (ที. นิ. ฏี. ๑.๕๕๔) วุตฺตํ, ชาโต จ โส สํวฑฺโฒ จาติ ชาตสํวฑฺโฒติ ปน ยุชฺชติ วิเสสนปรนิปาตตฺตา. น สพฺพโส ปจฺจกฺขา โหนฺติ ปริจยาภาวโต. จิรนิกฺขนฺโตติ นิกฺขนฺโต หุตฺวา จิรกาโล. จิรํ นิกฺขนฺตสฺส อสฺสาติ ¶ หิ จิรนิกฺขนฺโต. ‘‘ชาตสํวฑฺโฒ’’ติ ปททฺวเยน อตฺถสฺส ปริปุณฺณาภาวโต ‘‘ตเมน’’นฺติ กมฺมปทํ ‘‘ตาวเทว อวสฏ’’นฺติ ปุน วิเสเสตีติ วุตฺตํ โหติ. ทนฺธายิตตฺตนฺติ วิสฺสชฺชเน มนฺทตฺตํ สณิกวุตฺติ, ตํ ปน สํสยวเสน จิรายนํ นาม โหตีติ อาห ‘‘กงฺขาวเสน จิรายิตตฺต’’นฺติ. วิตฺถายิตตฺตนฺติ สารชฺชิตตฺตํ. อฏฺกถายํ ปน วิตฺถายิตตฺตํ นาม ถมฺภิตตฺตนฺติ อธิปฺปาเยน ‘‘ถทฺธภาวคฺคหณ’’นฺติ วุตฺตํ. อปฺปฏิหตภาวํ ทสฺเสติ ตสฺเสว อนาวรณาณภาวโต. นนฺเวตมฺปิ อนฺตรายปฏิหตํ สิยาติ อาสงฺกํ ปริหรติ ‘‘ตสฺส หี’’ติอาทินา. มาราวฏฺฏนาทิวเสนาติ เอตฺถ จกฺขุโมหมุจฺฉากาลาทิ สงฺคยฺหติ. น สกฺกา ¶ ตสฺส เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ จตูสุ อนนฺตรายิกธมฺเมสุ ปริยาปนฺนภาวโต.
๕๕๕. อุอิจฺจุปสคฺคโยเค ลุมฺปสทฺโท, ลุปิสทฺโท วา อุทฺธรณตฺโถ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุทฺธรตู’’ติ. อุปสคฺควิเสเสน หิ ธาตุสทฺทา อตฺถวิเสสวุตฺติโน โหนฺติ ยถา ‘‘อาทาน’’นฺติ. ปชาสทฺโท ปกรณาธิคตตฺตา ทารกวิสโยติ อาห ‘‘พฺราหฺมณทารก’’นฺติ.
พฺรหฺมโลกมคฺคเทสนาวณฺณนา
๕๕๖-๗. ‘‘อปุพฺพนฺติ อิมินา สํวณฺเณตพฺพตาการณํ ทีเปติ. ยสฺส อติสเยน พลํ อตฺถิ, โส พลวาติ วุตฺตํ ‘‘พลสมฺปนฺโน’’ติ. สงฺขํ ธเมตีติ สงฺขธมโก, สงฺขํ ธมยิตฺวา ตโต สทฺทปวตฺตโก. ‘‘พลวา’’ติอาทิวิเสสนํ กิมตฺถิยนฺติ อาห ‘‘ทุพฺพโล หี’’ติอาทิ. พลวโต ปน สงฺขสทฺโทติ สมฺพนฺโธ. อปฺปนาว วฏฺฏติ ปฏิปกฺขโต สมฺมเทว เจตโส วิมุตฺติภาวโต, ตสฺมา เอวํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.
ปมาณกตํ กมฺมํ นาม กามาวจรํ วุจฺจติ ปมาณกรานํ สํกิเลสธมฺมานํ อวิกฺขมฺภนโต. ตถา หิ ตํ พฺรหฺมวิหารปุพฺพภาคภูตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา โอทิสฺสกาโนทิสฺสกทิสาผรณวเสน วฑฺเฒตุํ น สกฺกา. วุตฺตวิปริยายโต ปน รูปารูปาวจรํ อปฺปมาณกตํ กมฺมํ นาม. เตนาห ‘‘ตฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ อรูปาวจเร โอทิสฺสกาโนทิสฺสกวเสน ผรณํ น ลพฺภติ, ตถา ทิสาผรณฺจ. เกจิ ปน ‘‘ตํ อาคมนวเสน ลพฺภตี’’ติ วทนฺติ, ตทยุตฺตํ. น หิ พฺรหฺมวิหารนิสฺสนฺโท อารุปฺปํ, อถ โข กสิณนิสฺสนฺโท, ตสฺมา ยํ สุภาวิตํ วสีภาวํ ปาปิตํ อารุปฺปํ, ตํ อปฺปมาณกตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยํ วา สาติสยํ พฺรหฺมวิหารภาวนาย อภิสงฺขเตน สนฺตาเนน นิพฺพตฺติตํ, ยฺจ พฺรหฺมวิหารสมาปตฺติโต ¶ วุฏฺาย สมาปนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานํ, ตํ อิมินา ปริยาเยน ผรณปมาณวเสน อปฺปมาณกต’’นฺติ อปเร. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.
รูปาวจรารูปาวจรกมฺเมติ รูปาวจรกมฺเม จ อรูปาวจรกมฺเม จ สติ. น โอหียติ น ติฏฺตีติ กตูปจิตมฺปิ กามาวจรกมฺมํ ยถาธิคเต มหคฺคตชฺฌาเน อปริหีเน ตํ อภิภวิตฺวา ปฏิพาหิตฺวา สยํ โอหียกํ หุตฺวา ¶ ปฏิสนฺธึ ทาตุํ สมตฺถภาเว น ติฏฺติ. ‘‘น อวสิสฺสตี’’ติ เอตสฺส หิ อตฺถวจนํ ‘‘น โอหียตี’’ติ, ตเทตํ ‘‘น อวติฏฺตี’’ติ เอตสฺส วิเสสวจนํ, ปริยายวจนํ วา. เตนาห ‘‘กึ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิ. ลคฺคิตุนฺติ อาวริตุํ นิเสเธตุํ. าตุนฺติ ปฏิพลํ หุตฺวา ปติฏฺาตุํ. ผริตฺวาติ ปฏิผริตฺวา. ปริยาทิยิตฺวาติ ตสฺส สามตฺถิยํ เขเปตฺวา. โอกาสํ คเหตฺวาติ วิปากทาโนกาสํ คเหตฺวา, อิมินา ‘‘ลคฺคิตุํ วา าตุํ วา’’ติ วจนเมว วิตฺถาเรตีติ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อถ โข’’ติอาทิ อตฺถาปตฺติทสฺสนํ. กมฺมสฺส ปริยาทิยนํ นาม ตสฺส วิปากุปฺปาทนํ นิเสเธตฺวา อตฺตโน วิปากุปฺปาทนเมวาติ อาห ‘‘ตสฺสา’’ติอาทิ. ตสฺสาติ กามาวจรกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา. สยเมวาติ รูปารูปาวจรกมฺมเมว. พฺรหฺมสหพฺยตํ อุปเนติ อสติ ตาทิสานํ เจโตปณิธิวิเสเสติ อธิปฺปาโย. ติสฺสพฺรหฺมาทีนํ วิย หิ มหาปฺุานํ เจโตปณิธิวิเสเสน มหคฺคตกมฺมํ ปริตฺตกมฺมสฺส วิปากํ น ปฏิพาหตีติ ทฏฺพฺพํ.
อถ มหคฺคตสฺส ครุกกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา ปริตฺตํ ลหุกกมฺมํ กถมตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ กโรตีติ? ตีสุปิ กิร วินยคณฺิปเทสุ เอวํ วุตฺตํ ‘‘นิกนฺติพเลเนว ฌานํ ปริหายติ, ตโต ปริหีนฌานตฺตา ปริตฺตกมฺมํ ลทฺโธกาส’’นฺติ. เกจิ ปน วทนฺติ ‘‘อนีวรณาวตฺถาย นิกนฺติยา ฌานสฺส ปริหานิ วีมํสิตฺวา คเหตพฺพา’’ติ. อิทเมตฺถ ยุตฺตตรการณํ – อสติปิ มหคฺคตกมฺมุโน วิปากปฏิพาหนสมตฺเถ ปริตฺตกมฺเม ‘‘อิชฺฌติ ภิกฺขเว สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา สีลสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๑.๕๐๔; สํ. นิ. ๔.๓๕๒; อ. นิ. ๘.๓๕) วจนโต กามภเว เจโตปณิธิ มหคฺคตกมฺมสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา ปริตฺตกมฺมุโน วิปาโกกาสํ กโรตีติ. เอวํ เมตฺตาทิวิหารีติ วุตฺตนเยน อปฺปนาปตฺตานํ เมตฺตาทีนํ พฺรหฺมวิหารานํ วเสน วิหารี.
๕๕๙. ปมมุปนิธาย ทุติยํ, กิเมตํ, ยมุปนิธียตีติ วุตฺตํ ‘‘ปมเมวา’’ติอาทิ. มชฺฌิมปณฺณาสเก สงฺคีตนฺติ อชฺฌาหริตฺวา สมฺพนฺโธ. ปุนปฺปุนํ สรณคมนํ ทฬฺหตรํ, มหปฺผลตรฺจ, ตสฺมา ทุติยมฺปิ สรณคมนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. กติปาหจฺจเยนาติ ทฺวีหตีหจฺจเยน ¶ . ปพฺพชิตฺวาติ ¶ สามเณรปพฺพชฺชํ คเหตฺวา. อคฺคฺสุตฺตมฺปิ (ที. นิ. ๓.๑๑๒) อมุํเยว วาเสฏฺมารพฺภ กเถสิ, นาฺนฺติ าเปตุํ ‘‘อคฺคฺสุตฺเต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อาคตนเยน อุปสมฺปทฺเจว อรหตฺตฺจ อลตฺถุํ ปฏิลภึสูติ อตฺโถ. ยเมตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตเทตํ สุวิฺเยฺยเมว.
อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย ปรมสุขุมคมฺภีรทุรนุโพธตฺถปริทีปนาย สุวิมลวิปุลปฺาเวยฺยตฺติยชนนาย อชฺชวมทฺทวโสรจฺจสทฺธาสติธิติพุทฺธิขนฺติวีริยาทิธมฺมสมงฺคินา สาฏฺกเถ ปิฏกตฺตเย อสงฺคาสํหีรวิสารทาณจารินา อเนกปฺปเภทสกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหินา มหาคณินา มหาเวยฺยากรเณน าณาภิวํสธมฺมเสนาปตินามเถเรน มหาธมฺมราชาธิราชครุนา กตาย สาธุวิลาสินิยา นาม ลีนตฺถปกาสนิยา เตวิชฺชสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปกาสนา.
เตวิชฺชสุตฺตสํวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตตฺริทํ สาธุวิลาสินิยา สาธุวิลาสินิตฺตสฺมึ โหติ –
พฺยฺชนฺเจว อตฺโถ จ, วินิจฺฉโย จ สพฺพถา;
สาธเกน วินา วุตฺโต, นตฺถิ เจตฺถ ยโต ตโต.
สมฺปสฺสตํ สุธีมตํ, สาธูนํ จิตฺตโตสนํ;
กโรติ วิวิธํ สายํ, เตน สาธุวิลาสินีติ.
นิคมนกถา
สทฺธมฺเม ปาฏวตฺถาย, สาสนสฺส จ วุทฺธิยา;
วณฺณนา ยา สมารทฺธา, สีลกฺขนฺธกถาย สา.
สาธุวิลาสินี นาม, สพฺพโส ปรินิฏฺิตา;
ปณฺณาสาย สาธิกาย, ภาณวารปฺปมาณโต.
อเนกเสติภินฺโท โย, อนนฺตพลวาหโน;
สิรีปวราทินาโม, ราชา นานารฏฺิสฺสโร.
ชมฺพุทีปตเล รมฺเม, มรมฺมวิสเย อกา;
ตมฺพทีปรฏฺเ ปุรํ, อมรปุรนามกํ.
มณฺฑลาจลสามนฺตํ, เอราวตีนทิสฺสิตํ;
นานาชนานมาวาสํ, เหมปาสาทลงฺกตํ.
ตตฺราภิเสกปตฺโต โส, รชฺชํ กาเรสิ ธมฺมโต;
ราชาคารมหาถูปํ, อกาสิ สมฺปสาทนํ.
อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยฺจ, ปหาย ชินสาสนํ;
วิโสเธสิ ยถาภูตํ, สตตํ ทฬฺหมานโส.
เตเนว การิเต รมฺเม, ฉายูทกสมปฺปิเต;
ทฺวิปาการปริกฺขิตฺเต, ภาวนาภิรตารเห.
มหามุนิสมฺา ยา, สมฺพุทฺธสมฺมุขา กตา;
ปฏิมา ตํปาสาทมฺหา, อุชุอาสนฺนทกฺขิเณ.
อโสการามอาราเม ¶ , ปฺจภูมิมหาลเย;
รตนภูมิกิตฺติ วฺหเย, ธมฺมปาสาทลงฺกเต.
ตถา ทกฺขิณเทวิยา, นครสมีเป กเต;
ปุพฺพุตฺตเร ชยภูมิ-กิตฺตาภิธานเกปิ จ.
ตเถวุตฺตรเทวิยา ¶ , นครพฺภนฺตเร กเต;
โสณฺณคุหถูปนฺติเก, ปริมาณกนามเก.
ตถา จ อุปราเชน, กเต นครปจฺฉิเม;
มหาคุหถูปนฺติเก, มงฺคลาวาสนามเก.
อิติ โสณฺณวิหาเรสุ, วสํเนเกสุ วารโต;
สกฺกโต สพฺพราชูนํ, ติกฺขตฺตุํ ลทฺธลฺฉโน.
าณาภิวํสธมฺมเสนาปตีติ สุวิขฺยาโต;
ทฺเววิภงฺคาทิธารณา, อุปชฺฌาจริยตํ ปตฺโต.
ลงฺกาทีปาคตานมฺปิ, ปรทีปนิวาสินํ;
ภิกฺขูนํ วาจโก ธมฺมํ, ปฏิปตฺตึ นิโยชโก.
ยํ นิสฺสาย วิโสเธสิ, สาสนํ เอส ภูปติ;
อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ, โส’กาสิ วณฺณนํ อิมํ.
สมฺพุทฺธปรินิพฺพานา, ปฺจตาลีสเก’ทฺธเก;
ติสเต ทฺวิสหสฺเส จ, สมฺปตฺเต สา สุนิฏฺิตา.
เปฏกาลงฺการวฺหยํ, เนตฺติสํวณฺณนํ สุภํ;
อิมฺจ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ปฺุํ ปสุตํ มยา.
อฺมฺปิ ¶ เตน ปฺุเน, ปตฺวาน โพธิมุตฺตมํ;
ตารยิตฺวา พหู สตฺเต, โมเจยฺยํ ภวพนฺธนา.
สทา รกฺขนฺตุ ราชาโน, ธมฺเมเนว ปชํ อิมํ;
นิรตา ปฺุกมฺเมสุ, โชเตนฺตุ ชินสาสนํ.
อิเม จ ปาณิโน สพฺเพ, สพฺพทา นิรุปทฺทวา;
นิจฺจํ กลฺยาณสงฺกปฺปา, ปปฺโปนฺตุ อมตํ ปทนฺติ.
อิติ ทีฆนิกายฏฺกถาย สีลกฺขนฺธวคฺคสํวณฺณนาย
สาธุวิลาสินี นาม อภินวฏีกา สมตฺตา.
สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา นิฏฺิตา.