📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
มูลปณฺณาส-อฏฺกถา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
กรุณาสีตลหทยํ ¶ ¶ ¶ , ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ;
สนรามรโลกครุํ, วนฺเท สุคตํ คติวิมุตฺตํ.
พุทฺโธปิ พุทฺธภาวํ, ภาเวตฺวา เจว สจฺฉิกตฺวา จ;
ยํ อุปคโต คตมลํ, วนฺเท ตมนุตฺตรํ ธมฺมํ.
สุคตสฺส โอรสานํ, ปุตฺตานํ มารเสนมถนานํ;
อฏฺนฺนมฺปิ สมูหํ, สิรสา วนฺเท อริยสงฺฆํ.
อิติ ¶ เม ปสนฺนมติโน, รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปฺุํ;
ยํ สุวิหตนฺตราโย, หุตฺวา ตสฺสานุภาเวน.
มชฺฌิมปมาณสุตฺตงฺกิตสฺส อิธ มชฺฌิมาคมวรสฺส;
พุทฺธานุพุทฺธสํวณฺณิตสฺส ปรวาทมถนสฺส.
อตฺถปฺปกาสนตฺถํ, อฏฺกถา อาทิโต วสิสเตหิ;
ปฺจหิ ยา สงฺคีตา, อนุสงฺคีตา จ ปจฺฉาปิ.
สีหฬทีปํ ปน อาภตาถ วสินา มหามหินฺเทน;
ปิตา สีหฬภาสาย, ทีปวาสีนมตฺถาย.
อปเนตฺวาน ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;
ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปนฺโต วิคตโทสํ.
สมยํ ¶ อวิโลเมนฺโต, เถรานํ เถรวํสทีปานํ;
สุนิปุณวินิจฺฉยานํ, มหาวิหาเร นิวาสีนํ.
หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถํ, อตฺถํ ปกาสยิสฺสามิ;
สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ, จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺส.
สีลกถา ¶ ธุตธมฺมา, กมฺมฏฺานานิ เจว สพฺพานิ;
จริยาวิธานสหิโต, ฌานสมาปตฺติวิตฺถาโร.
สพฺพา จ อภิฺาโย, ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย เจว;
ขนฺธาธาตายตนินฺทฺริยานิ อริยานิ เจว จตฺตาริ.
สจฺจานิ ¶ ปจฺจยาการเทสนา สุปริสุทฺธนิปุณนยา;
อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา, วิปสฺสนาภาวนา เจว.
อิติ ปน สพฺพํ ยสฺมา, วิสุทฺธิมคฺเค มยา สุปริสุทฺธํ;
วุตฺตํ ตสฺมา ภิยฺโย, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามิ.
‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค, เอส จตุนฺนมฺปิ อาคมานฺหิ;
ตฺวา ปกาสยิสฺสติ, ตตฺถ ยถาภาสิตมตฺถํ’’.
อิจฺเจว กโต ตสฺมา, ตมฺปิ คเหตฺวาน สทฺธิเมตาย;
อฏฺกถาย วิชานถ, มชฺฌิมสงฺคีติยา อตฺถนฺติ.
นิทานกถา
๑. ตตฺถ มชฺฌิมสงฺคีติ นาม ปณฺณาสโต มูลปณฺณาสา มชฺฌิมปณฺณาสา อุปริปณฺณาสาติ ปณฺณาสตฺตยสงฺคหา. วคฺคโต เอเกกาย ปณฺณาสาย ปฺจ ปฺจ วคฺเค กตฺวา ปนฺนรสวคฺคสมาโยคา. สุตฺตโต ทิยฑฺฒสุตฺตสตํ ทฺเว จ สุตฺตนฺตา. ปทโต เตวีสุตฺตรปฺจสตาธิกานิ อสีติปทสหสฺสานิ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘อสีติปทสหสฺสานิ, ภิยฺโย ปฺจสตานิ จ;
ปุน เตวีสติ วุตฺตา, ปทเมวํ ววตฺถิต’’นฺติ.
อกฺขรโต ¶ สตฺต อกฺขรสตสหสฺสานิ จตฺตาลีสฺจ สหสฺสานิ เตปฺาสฺจ อกฺขรานิ. ภาณวารโต อสีติ ภาณวารา เตวีสปทาธิโก จ อุปฑฺฒภาณวาโร. อนุสนฺธิโต ปุจฺฉานุสนฺธิ-อชฺฌาสยานุสนฺธิ-ยถานุสนฺธิวเสน สงฺเขปโต ติวิโธ อนุสนฺธิ. วิตฺถารโต ปเนตฺถ ตีณิ อนุสนฺธิสหสฺสานิ นว จ สตานิ โหนฺติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ตีณิ ¶ สนฺธิสหสฺสานิ, ตถา นวสตานิ จ;
อนุสนฺธินยา เอเต, มชฺฌิมสฺส ปกาสิตา’’ติ.
ตตฺถ ปณฺณาสาสุ มูลปณฺณาสา อาทิ, วคฺเคสุ มูลปริยายวคฺโค, สุตฺเตสุ มูลปริยายสุตฺตํ. ตสฺสาปิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาทิ. สา ปเนสา ปมมหาสงฺคีติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย อาทิมฺหิ วิตฺถาริตา. ตสฺมา สา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา.
๑. มูลปริยายวคฺโค
๑. มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา
๑. ยํ ¶ ¶ ¶ ปเนตํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ นิทานํ. ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปทํ. เมติอาทีนิ นามปทานิ. อุกฺกฏฺายํ วิหรตีติ เอตฺถ วีติ อุปสคฺคปทํ, หรตีติ อาขฺยาตปทนฺติ อิมินา ตาว นเยน ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.
อตฺถโต ปน เอวํ-สทฺโท ตาว อุปมูปเทสสมฺปหํสนครหณวจนสมฺปฏิคฺคหาการนิทสฺสนาวธารณาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถาเหส – ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๕๓) อุปมายํ อาคโต. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยาโข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร. ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ, อานนฺทํ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต, ภวนฺตํ อานนฺทํ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ, เอวฺจ วเทหิ สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา ¶ วาติ? อกุสลา, ภนฺเต. สาวชฺชา วา อนวชฺชา วาติ? สาวชฺชา, ภนฺเต. วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วาติ? วิฺุครหิตา, ภนฺเต. สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. สฺวายมิธ อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ ¶ อาการฏฺเน เอวํสทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณํ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ¶ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.
นิทสฺสนฏฺเน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุตนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ นิทสฺเสติ.
อวธารณฏฺเน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอวํ ภควตา, ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล ธมฺมกุสโล พฺยฺชนกุสโล นิรุตฺติกุสโล ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ ‘‘เอวํ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ.
เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต ภควา, สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
สุตนฺติ อยํ สุต-สทฺโท สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จ คมน-วิสฺสุต-กิลินฺน-อุปจิตานุโยค-โสตวิฺเยฺย-โสตทฺวารานุสารวิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา หิสฺส ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ, ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสาติ’’อาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิลินฺนา กิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ ¶ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส โสตทฺวารานุสาเรน ‘‘อุปธาริต’’นฺติ วา ‘‘อุปธารณ’’นฺติ วาติ ¶ อตฺโถ. เม-สทฺทสฺส หิ มยาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มยา สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. มมาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มม สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.
เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคิปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ตถา เอวนฺติ ตสฺสา โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติภาวปฺปกาสนํ. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป ‘‘นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโต’’ติ.
ตถา เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา เอวํ สุตนฺติ.
ตถา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส ¶ นานาการนิทฺเทโส. เอวนฺติ หิ อยํ อาการปฺตฺติ, เมติ กตฺตุนิทฺเทโส, สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส. เอตฺตาวตา นานาการปฺปวตฺเตน จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน กตฺตุวิสเย คหณสนฺนิฏฺานํ กตํ โหติ.
อถ วา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน สุตนฺติ.
ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. กิฺเหตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ เอวนฺติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ? สุตนฺติ ¶ วิชฺชมานปฺตฺติ. ยฺหิ ตเมตฺถ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ.
ตถา เอวนฺติ จ เมติ จ ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ. เอตฺถ จ เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหติ. สุตนฺติ วจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปติ. ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ ¶ , น โส กาลนฺตเรน มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน ปฺาสิทฺธิ, อสมฺโมเสน ปน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺา ปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา, สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฏิเวธสมตฺถตา, ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถโต ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.
อปโร นโย – เอวนฺติ วจเนน โยนิโส มนสิการํ ทีเปติ, อโยนิโส มนสิกโรโต หิ นานปฺปการปฏิเวธาภาวโต. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ, วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโส มนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ จ กตปฺุตํ สาเธติ, สมฺมา อปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา ตทภาวโต. อวิกฺเขเปน ¶ ปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ สาเธติ. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถีติ.
อปโร นโย – ยสฺมา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโสติ วุตฺตํ. โส จ เอวํ ภทฺทโก อากาโร น สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา โหติ, ตสฺมา เอวนฺติ อิมินา ภทฺทเกน อากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ อตฺตโน ทีเปติ, สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูปเทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส วา สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหติ. ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ปโยคสุทฺธิ. ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. อิติ ปโยคาสยสุทฺธสฺส ¶ อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคํ วิย สูริยสฺส อุทยโต โยนิโสมนสิกาโร วิย จ กุสลกมฺมสฺส อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต เอวํ เม สุตนฺติอาทิมาห.
อปโร นโย – เอวนฺติ อิมินา นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ¶ . เอวนฺติ จ อิทํ โยนิโสมนสิการทีปกํ วจนํ ภาสมาโน – ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกํ วจนํ ภาสมาโน – ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. ตทุภเยนปิ อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณฺหิ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา หิตา ปริพาหิโร โหตีติ อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺโม โสตพฺโพติ.
‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา ¶ ตสฺเสว ปน ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.
อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมวจนํ วิวรนฺโต ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ, น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กตฺตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทตีติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘วินาสยติ ¶ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;
เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.
เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –
สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ.
ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย ¶ อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติอาทีสุ สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ, ‘ภทฺทาลิ, นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย น ปริปูรการี’ติ, อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ ¶ . ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ.
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔) ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๓.๑) ปฏิเวโธ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. เตน สํวจฺฉร-อุตุ-มาสฑฺฒมาส-รตฺติ-ทิว-ปุพฺพณฺห-มชฺฌนฺหิก-สายนฺห- ปมมชฺฌิมปจฺฉิมยาม-มุหุตฺตาทีสุ กาลปฺปเภทภูเตสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.
ตตฺถ กิฺจาปิ เอเตสุ สํวจฺฉราทีสุ สมเยสุ ยํ ยํ สุตฺตํ ยมฺหิ ยมฺหิ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ มาเส ปกฺเข รตฺติภาเค ทิวสภาเค วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เถรสฺส ¶ สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตํ ปฺาย. ยสฺมา ปน ‘‘เอวํ เม สุตํ อสุกสํวจฺฉเร อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกปกฺเข อสุกรตฺติภาเค อสุกทิวสภาเค วา’’ติ เอวํ วุตฺเต น สกฺกา สุเขน ธาเรตุํ วา อุทฺทิสิตุํ วา อุทฺทิสาเปตุํ วา, พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย สุปฺปกาสา อเนกกาลปฺปเภทา เอว สมยา, เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ ¶ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ. โย จายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ อรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิตปฏิปตฺติสมโย, สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมิกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ ¶ เทสนาสมโย, เตสุปิ สมเยสุ อฺตรํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’’นฺติ จ อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ กรณวจเนน, ตถา อกตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ. ตตฺถ ตถา อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ จ อธิกรณตฺโถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ จ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขียติ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโต.
วินเย จ เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต.
อิธ ¶ ปน อฺสฺมิฺจ เอวํชาติเก อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา อิมํ อฺํ วา สุตฺตนฺตํ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ.
เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.
โปราณา ¶ ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ วา – ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา – ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ ¶ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมว อตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเตปิ ‘‘เอกสฺมึ สมเย’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภควาติ ครุ. ครฺุหิ โลเก ‘‘ภควา’’ติ วทนฺติ. อยฺจ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สพฺพสตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ‘‘ภควา’’ติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –
‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุคารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
อปิจ –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ. –
อิมิสฺสา คาถาย วเสนสฺส ปทสฺส วิตฺถารโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส จ วิสุทฺธิมคฺเค พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺโตเยว.
เอตฺตาวตา เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต ภควโต ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรติ. เตน – ‘‘นยิทํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ สตฺถุ อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสติ.
เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ สาเธติ. เตน ‘‘เอวํวิธสฺส ¶ นาม อริยธมฺมสฺส เทสโก ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตสมานกาโย, โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, เกน อฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ.
เอวนฺติ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ. เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ. เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ. ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ.
อุกฺกฏฺายํ วิหรตีติ เอตฺถ อุกฺกาติ ทีปิกา, ตฺจ นครํ ‘‘มงฺคลทิวโส สุขโณ สุนกฺขตฺตํ ¶ มา อติกฺกมี’’ติ รตฺติมฺปิ อุกฺกาสุ ิตาสุ มาปิตตฺตา อุกฺกฏฺาติ วุจฺจติ. ทณฺฑทีปิกาสุ ชาเลตฺวา ธารียมานาสุ มาปิตตฺตาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺสํ อุกฺกฏฺายํ. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ ¶ อฺตรวิหารสมงฺคิปริทีปนเมตํ. อิธ ปน านคมนนิสินฺนสยนปฺปเภเทสุ ริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ. เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ ภควา เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา วิหรตีติ วุจฺจติ.
สุภควเนติ เอตฺถ สุภคตฺตา สุภคํ, สุนฺทรสิริกตฺตา สุนฺทรกามตฺตา จาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส หิ วนสฺส สิริสมฺปตฺติยา มนุสฺสา อนฺนปานาทีนิ อาทาย ทิวสํ ตตฺเถว ฉณสมชฺชอุสฺสเว กโรนฺตา โภคสุขํ อนุโภนฺติ, สุนฺทรสุนฺทเร เจตฺถ กาเม ปตฺเถนฺติ ‘‘ปุตฺตํ ลภาม, ธีตรํ ลภามา’’ติ, เตสํ ตํ ตเถว โหติ, เอวํ ตํ สุนฺทรสิริกตฺตา สุนฺทรกามตฺตา จ สุภคํ. อปิจ พหุชนกนฺตตายปิ สุภคํ. วนยตีติ วนํ, อตฺตสมฺปทาย สตฺตานํ ภตฺตึ กาเรติ, อตฺตนิ สิเนหํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. วนุเต อิติ วา วนํ, นานาวิธกุสุม-คนฺธสมฺโมทมตฺตโกกิลาทิวิหงฺคมาภิรุเตหิ มนฺทมาลุตจลิตรุกฺขสาขาวิฏปปลฺลวปลาเสหิ จ ‘‘เอถ มํ ปริภฺุชถา’’ติ สพฺพปาณิโน ยาจติ วิยาติ อตฺโถ. สุภคฺจ ตํ วนฺจาติ สุภควนํ. ตสฺมึ สุภควเน. วนฺจ นาม โรปิมํ, สยํชาตนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ เวฬุวนเชตวนาทีนิ ¶ โรปิมานิ. อนฺธวนมหาวนอฺชนวนาทีนิ สยํ ชาตานิ. อิทมฺปิ สยํชาตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สาลราชมูเลติ เอตฺถ สาลรุกฺโขปิ สาโลติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหนฺตํ สาลวนํ, ตฺจสฺส เอฬณฺเฑหิ สฺฉนฺน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) ‘‘อนฺตเรน ยมกสาลาน’’นฺติ จ (ที. นิ. ๒.๑๙๕) วนปฺปติเชฏฺกรุกฺโขปิ. ยถาห –
‘‘ตเวว เทว วิชิเต, ตเววุยฺยานภูมิยา;
อุชุวํสา มหาสาลา, นีโลภาสา มโนรมา’’ติ. (ชา. ๒.๑๙.๔);
โย ¶ โกจิ รุกฺโขปิ. ยถาห ‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, มาลุวพีชํ อฺตรสฺมึ สาลมูเล นิปเตยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๙). อิธ ¶ ปน วนปฺปติเชฏฺกรุกฺโข อธิปฺเปโต. ราชสทฺโท ปนสฺส ตเมว เชฏฺกภาวํ สาเธติ. ยถาห ‘‘สุปฺปติฏฺิตสฺส โข พฺราหฺมณ ธมฺมิก นิคฺโรธราชสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๖.๕๔). ตตฺถ ทฺเวธา สมาโส, สาลานํ ราชาติปิ สาลราชา, สาโล จ โส เชฏฺกฏฺเน ราชา จ อิติปิ สาลราชา. มูลนฺติ สมีปํ. อยฺหิ มูลสทฺโท, ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺย, อนฺตมโส อุสิรนาฬิมตฺตานิปี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๙๕) มูลมูเล ทิสฺสติ. ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) อสาธารณเหตุมฺหิ. ‘‘ยาว มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติอาทีสุ สมีเป. อิธ ปน สมีเป อธิปฺเปโต, ตสฺมา สาลราชสฺส สมีเปติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ สิยา – ยทิ ตาว ภควา อุกฺกฏฺายํ วิหรติ, ‘‘สุภควเน สาลราชมูเล’’ติ น วตฺตพฺพํ, อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘‘อุกฺกฏฺาย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ สมยํ วิหริตุนฺติ. น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ.
นนุ อโวจุมฺห ‘‘สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคาย จรนฺติ, ยมุนาย จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวมิธาปิ ยทิทํ อุกฺกฏฺาย สมีเป สุภควนํ สาลราชมูลํ, ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘อุกฺกฏฺายํ วิหรติ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถฺหิสฺส ¶ อุกฺกฏฺาวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสฏฺานนิทสฺสนตฺถํ เสสวจนํ.
ตตฺถ อุกฺกฏฺากิตฺตเนน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต คหฏฺานุคฺคหกรณํ ทสฺเสติ, สุภควนาทิกิตฺตเนน ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ. ตถา ปุริเมน ปจฺจยคฺคหณโต อตฺตกิลมถานุโยควิวชฺชนํ, ปจฺฉิเมน วตฺถุกามปฺปหานโต กามสุขลฺลิกานุโยควิวชฺชนุปายทสฺสนํ. ปุริเมน จ ธมฺมเทสนาภิโยคํ, ปจฺฉิเมน วิเวกาธิมุตฺตึ. ปุริเมน กรุณาย อุปคมนํ, ปจฺฉิเมน ปฺาย อปคมนํ. ปุริเมน สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺตตํ, ปจฺฉิเมน ปรหิตสุขกรเณ นิรุปเลปนํ. ปุริเมน ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคนิมิตฺตํ ¶ ผาสุวิหารํ, ปจฺฉิเมน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานุโยคนิมิตฺตํ ¶ . ปุริเมน มนุสฺสานํ อุปการพหุลตํ, ปจฺฉิเมน เทวานํ. ปุริเมน โลเก ชาตสฺส โลเก สํวฑฺฒภาวํ, ปจฺฉิเมน โลเกน อนุปลิตฺตตํ. ปุริเมน ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ. กตโม เอกปุคฺคโล, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐) วจนโต ยทตฺถํ ภควา อุปฺปนฺโน, ตทตฺถปรินิปฺผาทนํ, ปจฺฉิเมน ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตทนุรูปวิหารํ. ภควา หิ ปมํ ลุมฺพินิวเน, ทุติยํ โพธิมณฺเฑติ โลกิยโลกุตฺตราย อุปฺปตฺติยา วเนเยว อุปฺปนฺโน, เตนสฺส วเนเยว วิหารํ ทสฺเสตีติ เอวมาทินา นเยเนตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
ตตฺราติ เทสกาลปริทีปนํ. ตฺหิ ยํ สมยํ วิหรติ, ตตฺร สมเย. ยสฺมิฺจ สาลราชมูเล วิหรติ, ตตฺร สาลราชมูเลติ ทีเปติ. ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปติ. น หิ ภควา อยุตฺเต เทเส กาเล วา ธมฺมํ ภาสติ. ‘‘อกาโล โข ตาว พาหิยา’’ติ (อุทา. ๑๐) อาทิเจตฺถ สาธกํ. โขติ ปทปูรณมตฺเต อวธารเณ อาทิกาลตฺเถ วา นิปาโต. ภควาติ โลกครุทีปนํ. ภิกฺขูติ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนํ. อปิเจตฺถ, ‘‘ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๕) นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ. อามนฺเตสีติ อาลปิ อภาสิ สมฺโพเธสีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อฺตฺร ¶ ปน าปเนปิ โหติ. ยถาห ‘‘อามนฺตยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว’’ติ. ปกฺโกสเนปิ. ยถาห ‘‘เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุ มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามนฺเตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑).
ภิกฺขโวติ อามนฺตนาการทีปนํ. ตฺจ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺธตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขนสีลตาคุณยุตฺโตปิ หิ ภิกฺขุ ภิกฺขนธมฺมตาคุณยุตฺโตปิ. ภิกฺขเน สาธุการิตาคุณยุตฺโตปีติ สทฺทวิทู มฺนฺติ. เตน จ เนสํ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺเธน วจเนน หีนาธิกชนเสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ ¶ กโรติ. ภิกฺขโวติ อิมินา จ กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน มุขาภิมุเข กโรติ. เตเนว จ กเถตุกมฺยตาทีปเกน วจเนน เนสํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ. เตเนว จ สมฺโพธนฏฺเน ¶ สาธุกํ สวนมนสิกาเรปิ เน นิโยเชติ. สาธุกสวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ.
อปเรสุปิ เทวมนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขูเยว อามนฺเตสีติ เจ. เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา. ปริสาย จ เชฏฺา ภิกฺขู, ปมุปฺปนฺนตฺตา. เสฏฺา, อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ. อาสนฺนา, ตตฺถ นิสินฺเนสุ สตฺถุสนฺติกตฺตา. สทาสนฺนิหิตา, สตฺถุสนฺติกาวจรตฺตาติ. อปิจ เต ธมฺมเทสนาย ภาชนํ, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโต. วิเสสโต จ เอกจฺเจ ภิกฺขูเยว สนฺธาย อยํ เทสนาติปิ เต เอว อามนฺเตสิ.
ตตฺถ สิยา – กิมตฺถํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต ปมํ ภิกฺขู อามนฺเตสิ, น ธมฺมเมว เทเสตีติ. สติชนนตฺถํ. ภิกฺขู หิ อฺํ จินฺเตนฺตาปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตาปิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาปิ กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาปิ นิสินฺนา โหนฺติ, เต อนามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน – ‘‘อยํ เทสนา กินฺนิทานา กึปจฺจยา กตมาย อฏฺุปฺปตฺติยา เทสิตา’’ติ สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺตา ทุคฺคหิตํ วา คณฺเหยฺยุํ, น วา คณฺเหยฺยุํ. เตน เนสํ สติชนนตฺถํ ภควา ปมํ อามนฺเตตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ เทเสติ.
ภทนฺเตติ ¶ คารววจนเมตํ, สตฺถุโน ปฏิวจนทานํ วา, อปิเจตฺถ ภิกฺขโวติ วทมาโน ภควา เต ภิกฺขู อาลปติ. ภทนฺเตติ วทมานา เต ภควนฺตํ ปจฺจาลปนฺติ. ตถา ภิกฺขโวติ ภควา อาภาสติ. ภทนฺเตติ เต ปจฺจาภาสนฺติ. ภิกฺขโวติ ปฏิวจนํ ทาเปติ, ภทนฺเตติ ปฏิวจนํ เทนฺติ. เต ภิกฺขูติ เย ภควา อามนฺเตสิ. ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ ภควโต อามนฺตนํ ปฏิอสฺโสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณึสุ สมฺปฏิจฺฉึสุ ปฏิคฺคเหสุนฺติ ¶ อตฺโถ. ภควา เอตทโวจาติ ภควา เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ อโวจ.
เอตฺตาวตา จ ยํ อายสฺมตา อานนฺเทน กมลกุวลยุชฺชลวิมลสาทุรสสลิลาย โปกฺขรณิยา สุขาวตรณตฺถํ นิมฺมลสิลาตลรจนวิลาสโสภิตรตนโสปานํ วิปฺปกิณฺณมุตฺตาตลสทิสวาลิกากิณฺณปณฺฑรภูมิภาคํ ¶ ติตฺถํ วิย สุวิภตฺตภิตฺติวิจิตฺรเวทิกาปริกฺขิตฺตสฺส นกฺขตฺตปถํ ผุสิตุกามตาย วิย, วิชมฺภิตสมุสฺสยสฺส ปาสาทวรสฺส สุขาโรหณตฺถํ ทนฺตมย-สณฺหมุทุผลก-กฺจนลตาวินทฺธ- มณิคณปฺปภาสมุทยุชฺชลโสภํ โสปานํ วิย, สุวณฺณวลยานูปุราทิสงฺฆฏฺฏนสทฺทสมฺมิสฺสิตกถิตหสิตมธุรสฺสรเคหชนวิจริตสฺส อุฬารอิสฺสริยวิภวโสภิตสฺส มหาฆรสฺส สุขปฺปเวสนตฺถํ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาปวาฬาทิชุติวิสฺสรวิชฺโชติต-สุปฺปติฏฺิตวิสาลทฺวารพาหํ มหาทฺวารํ วิย จ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส พุทฺธานํ เทสนาาณคมฺภีรภาวสํสูจกสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหณตฺถํ กาลเทสเทสกวตฺถุปริสาปเทสปฏิมณฺฑิตํ นิทานํ ภาสิตํ, ตสฺส อตฺถวณฺณนา สมตฺตา.
สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา
อิทานิ ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว’’ติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส วณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต. สา ปเนสา สุตฺตวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ ตาว วิจารยิสฺสาม. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย ปุจฺฉาวสิโก อฏฺุปฺปตฺติโกติ.
ตตฺถ ¶ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถสิ. เสยฺยถิทํ, อากงฺเขยฺยสุตฺตํ, วตฺถสุตฺตํ, มหาสติปฏฺานสุตฺตํ, มหาสฬายตนวิภงฺคสุตฺตํ, อริยวํสสุตฺตํ, สมฺมปฺปธานสุตฺตนฺตหารโก, อิทฺธิปาทอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคสุตฺตนฺตหารโกติ เอวมาทีนิ. เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตริ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ มนํ อภินีหารํ ¶ พุชฺฌนภาวฺจ อเวกฺขิตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ. เสยฺยถิทํ, จูฬราหุโลวาทสุตฺตํ, มหาราหุโลวาทสุตฺตํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, ธาตุวิภงฺคสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ. เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ภควนฺตํ ¶ ปน อุปสงฺกมิตฺวา จตสฺโส ปริสา จตฺตาโร วณฺณา นาคา สุปณฺณา คนฺธพฺพา อสุรา ยกฺขา มหาราชาโน ตาวตึสาทโย เทวา มหาพฺรหฺมาติ เอวมาทโย ‘‘โพชฺฌงฺคา โพชฺฌงฺคา’’ติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ. ‘‘นีวรณา นีวรณา’’ติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ. อิเม นุ โข, ภนฺเต, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ‘‘กึ สูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๑๘๓) นเยน ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุฏฺเน ภควตา ยานิ กถิตานิ โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ. ยานิ วา ปนฺานิปิ เทวตาสํยุตฺต-มารสํยุตฺต-พฺรหฺมสํยุตฺต-สกฺกปฺห-จูฬเวทลฺล-มหาเวทลฺล-สามฺผล- อาฬวก-สูจิโลม-ขรโลมสุตฺตาทีนิ, เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป.
ยานิ ปเนตานิ อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ กถิตานิ. เสยฺยถิทํ, ธมฺมทายาทํ จูฬสีหนาทํ จนฺทูปมํ ปุตฺตมํสูปมํ ทารุกฺขนฺธูปมํ อคฺคิกฺขนฺธูปมํ เผณปิณฺฑูปมํ ปาริจฺฉตฺตกูปมนฺติ เอวมาทีนิ. เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป.
เอวมิเมสุ จตูสุ นิกฺเขเปสุ อิมสฺส สุตฺตสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. อฏฺุปฺปตฺติยฺหิ อิทํ ภควตา นิกฺขิตฺตํ. กตราย อฏฺุปฺปตฺติยา? ปริยตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปนฺเน มาเน. ปฺจสตา กิร พฺราหฺมณา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อปรภาเค ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ สมฺปสฺสมานา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สพฺพํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริยตฺตึ นิสฺสาย มานํ อุปฺปาเทสุํ ‘‘ยํ ยํ ภควา กเถติ, ตํ ตํ มยํ ขิปฺปเมว ชานาม, ภควา หิ ตีณิ ลิงฺคานิ ¶ จตฺตาริ ปทานิ สตฺต วิภตฺติโย มฺุจิตฺวา ¶ น กิฺจิ กเถติ, เอวํ กถิเต จ อมฺหากํ คณฺิปทํ นาม นตฺถี’’ติ. เต ภควติ อคารวา หุตฺวา ตโต ปฏฺาย ภควโต อุปฏฺานมฺปิ ธมฺมสฺสวนมฺปิ อภิณฺหํ น คจฺฉนฺติ. ภควา เตสํ ตํ จิตฺตจารํ ตฺวา ‘‘อภพฺพา อิเม อิมํ มานขิลํ อนุปหจฺจ มคฺคํ วา ผลํ วา สจฺฉิกาตุ’’นฺติ เตสํ สุตปริยตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ มานํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เทสนากุสโล ภควา มานภฺชนตฺถํ สพฺพธมฺมมูลปริยายนฺติ เทสนํ อารภิ.
ตตฺถ สพฺพธมฺมมูลปริยายนฺติ สพฺเพสํ ธมฺมานํ มูลปริยายํ. สพฺเพสนฺติ อนวเสสานํ. อนวเสสวาจโก หิ อยํ สพฺพ-สทฺโท. โส เยน เยน สมฺพนฺธํ คจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส อนวเสสตํ ทีเปติ. ยถา, ‘‘สพฺพํ รูปํ อนิจฺจํ สพฺพา เวทนา อนิจฺจา สพฺพสกฺกายปริยาปนฺเนสุ ¶ ธมฺเมสู’’ติ. ธมฺม-สทฺโท ปนายํ ปริยตฺติ-สจฺจ-สมาธิ-ปฺา-ปกติ-สภาวสฺุตา-ปฺุาปตฺติ-เยฺยาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๗๓) หิ ธมฺมสทฺโท ปริยตฺติยํ วตฺตติ. ‘‘ทิฏฺธมฺโม วิทิตธมฺโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๙๙) สจฺเจสุ. ‘‘เอวํ ธมฺมา เต ภควนฺโต’’ติอาทีสุ สมาธิมฺหิ.
‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท ยถา ตว;
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตตี’’ติ. –
อาทีสุ (ชา. ๑.๑.๕๗) ปฺาย.
‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน’’ติอาทีสุ ปกติยํ. ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑.ติกมาติกา) สภาเว. ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๑) สฺุตายํ. ‘‘ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) ปฺุเ. ‘‘ทฺเว อนิยตา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๔๔๓) อาปตฺติยํ. ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ เยฺเย. อิธ ปนายํ สภาเว วตฺตติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมา. มูล-สทฺโท วิตฺถาริโต เอว. อิธ ปนายํ อสาธารณเหตุมฺหิ ทฏฺพฺโพ.
ปริยายสทฺโท ¶ ¶ ‘‘มธุปิณฺฑิกปริยาโยติ นํ ธาเรหี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) เทสนายํ วตฺตติ. ‘‘อตฺถิ ขฺเวส พฺราหฺมณ, ปริยาโย, เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย อกิริยวาโท สมโณ โคตโม’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓) การเณ. ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, อชฺช ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘) วาเร. อิธ ปน การเณปิ เทสนายมฺปิ วตฺตติ. ตสฺมา ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺเพสํ ธมฺมานํ อสาธารณเหตุสฺิตํ การณนฺติ วา สพฺเพสํ ธมฺมานํ การณเทสนนฺติ วา เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เนยฺยตฺถตฺตา จสฺส สุตฺตสฺส, น จตุภูมกาปิ สภาวธมฺมา สพฺพธมฺมาติ เวทิตพฺพา. สกฺกายปริยาปนฺนา ปน เตภูมกา ธมฺมาว อนวเสสโต เวทิตพฺพา, อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ.
โวติ ¶ อยํ โว-สทฺโท ปจฺจตฺตอุปโยคกรณสมฺปทานสามิวจนปทปูรเณสุ ทิสฺสติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๖) หิ ปจฺจตฺเต ทิสฺสติ. ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ปณาเมมิ โว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) อุปโยเค. ‘‘น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) กรเณ. ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๐) สมฺปทาเน. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) สามิวจเน. ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕) ปทปูรณมตฺเต. อิธ ปนายํ สมฺปทาเน ทฏฺพฺโพ.
ภิกฺขเวติ ปติสฺสเวน อภิมุขีภูตานํ ปุนาลปนํ. เทเสสฺสามีติ เทสนาปฏิชานนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ, ภิกฺขเว, สพฺพธมฺมานํ มูลการณํ ตุมฺหากํ เทเสสฺสามิ, ทุติเยน นเยน การณเทสนํ ตุมฺหากํ เทเสสฺสามีติ. ตํ สุณาถาติ ตมตฺถํ ตํ การณํ ตํ เทสนํ มยา วุจฺจมานํ สุณาถ. สาธุกํ มนสิ กโรถาติ เอตฺถ ปน สาธุกํ สาธูติ เอกตฺถเมตํ. อยฺจ สาธุ สทฺโท อายาจนสมฺปฏิจฺฉนสมฺปหํสนสุนฺทรทฬฺหีกมฺมาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ เม ภนฺเต ภควา, สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๙๕) หิ อายาจเน ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ¶ ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ ¶ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน. ‘‘สาธุ, สาธุ สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเน.
‘‘สาธุ ธมฺมรุจี ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติ.
อาทีสุ (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) สุนฺทเร. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สาธุกํ สุณาหี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๑๙๒) สาธุกสทฺโทเยว ทฬฺหีกมฺเม, อาณตฺติยนฺติปิ วุจฺจติ. อิธาปิ อยํ เอตฺเถว ทฬฺหีกมฺเม จ อาณตฺติยฺจ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สุนฺทรตฺเถปิ วตฺตติ. ทฬฺหีกรณตฺเถน หิ ทฬฺหมิมํ ธมฺมํ สุณาถ สุคฺคหิตํ คณฺหนฺตา. อาณตฺติอตฺเถน มม อาณตฺติยา สุณาถ. สุนฺทรตฺเถน สุนฺทรมิมํ ภทฺทกํ ธมฺมํ สุณาถาติ เอวํ ทีปิตํ โหติ.
มนสิ ¶ กโรถาติ อาวชฺเชถ, สมนฺนาหรถาติ อตฺโถ, อวิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา นิสาเมถ จิตฺเต กโรถาติ อธิปฺปาโย. อิทาเนตฺถ ตํ สุณาถาติ โสตินฺทฺริยวิกฺเขปวารณเมตํ. สาธุกํ มนสิ กโรถาติ มนสิกาเร ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน มนินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ. ปุริมฺเจตฺถ พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ, ปจฺฉิมํ อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ. ปุริเมน จ ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน สุตานํ ธมฺมานํ ธารณูปปริกฺขาทีสุ. ปุริเมน จ สพฺยฺชโน อยํ ธมฺโม, ตสฺมา สวนีโยติ ทีเปติ. ปจฺฉิเมน สาตฺโถ, ตสฺมา มนสิ กาตพฺโพติ. สาธุกปทํ วา อุภยปเทหิ โยเชตฺวา ยสฺมา อยํ ธมฺโม ธมฺมคมฺภีโร เทสนาคมฺภีโร จ, ตสฺมา สุณาถ สาธุกํ, ยสฺมา อตฺถคมฺภีโร ปฏิเวธคมฺภีโร จ, ตสฺมา สาธุกํ มนสิ กโรถาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
ภาสิสฺสามีติ เทเสสฺสามิ. ‘‘ตํ สุณาถา’’ติ เอตฺถ ปฏิฺาตํ เทสนํ น สํขิตฺตโตว เทเสสฺสามิ, อปิจ โข วิตฺถารโตปิ นํ ภาสิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ, สงฺเขปวิตฺถารวาจกานิ หิ เอตานิ ปทานิ. ยถาห วงฺคีสตฺเถโร –
‘‘สํขิตฺเตนปิ ¶ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;
สาฬิกายิว นิคฺโฆโส, ปฏิภานํ อุทีรยี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๔);
เอวํ ¶ วุตฺเต อุสฺสาหชาตา หุตฺวา เอวํ ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉึสุ, ปฏิคฺคเหสุนฺติ วุตฺตํ โหติ. อถ เนสํ ภควา เอตทโวจ เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ อิธ ภิกฺขโวติอาทิกํ สกลํ สุตฺตํ อโวจ. ตตฺถ อิธาติ เทสาปเทเส นิปาโต. สฺวายํ กตฺถจิ โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๐). กตฺถจิ สาสนํ. ยถาห – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). กตฺถจิ โอกาสํ. ยถาห –
‘‘อิเธว ติฏฺมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต;
ปุนรายุ จ เม ลทฺโธ, เอวํ ชานาหิ มาริสา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๖๙);
กตฺถจิ ¶ ปทปูรณมตฺตเมว. ยถาห ‘‘อิธาหํ – ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐). อิธ ปน โลกํ อุปาทาย วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
๒. ภิกฺขเวติ ยถาปฏิฺาตํ เทสนํ เทเสตุํ ปุน ภิกฺขู อาลปติ. อุภเยนาปิ, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ โลเกติ วุตฺตํ โหติ. อสฺสุตวา ปุถุชฺชโนติ เอตฺถ ปน อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิติ. ยสฺส หิ ขนฺธธาตุอายตนสจฺจปจฺจยาการสติปฏฺานาทีสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวินิจฺฉยรหิตตฺตา มฺนาปฏิเสธโก เนว อาคโม, ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพสฺส อนธิคตตฺตา เนว อธิคโม อตฺถิ. โส อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิติ. สฺวายํ –
ปุถูนํ ชนนาทีหิ, การเณหิ ปุถุชฺชโน;
ปุถุชฺชนนฺโตคธตฺตา, ปุถุวายํ ชโน อิติ.
โส หิ ปุถูนํ นานปฺปการานํ กิเลสาทีนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชโน. ยถาห – ปุถุ กิเลเส ชเนนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ อวิหตสกฺกายทิฏฺิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สตฺถารานํ มุขมุลฺโลกิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สพฺพคตีหิ อวุฏฺิตาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาภิสงฺขาเร อภิสงฺขโรนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาโอเฆหิ วุยฺหนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาสนฺตาเปหิ สนฺตปฺปนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาปริฬาเหหิ ปริทยฺหนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ปฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตา คิทฺธา คธิตา ¶ มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา ลคฺคา ลคิตา ปลิพุทฺธาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ปฺจหิ นีวรเณหิ อาวุฏา นิวุตา ¶ โอวุตา ปิหิตา ปฏิจฺฉนฺนา ปฏิกุชฺชิตาติ ปุถุชฺชนาติ (มหานิ. ๕๑). ปุถูนํ วา คณนปถมตีตานํ อริยธมฺมปรมฺมุขานํ นีจธมฺมสมาจารานํ ชนานํ อนฺโตคธตฺตาปิ ปุถุชฺชนา. ปุถุ วา อยํ, วิสุํเยว สงฺขํ คโต, วิสํสฏฺโ สีลสุตาทิคุณยุตฺเตหิ อริเยหิ ชโนติปิ ปุถุชฺชโน. เอวเมเตหิ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ ทฺวีหิปิ ปเทหิ เยเต –
ทุเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
อนฺโธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโนติ. –
ทฺเว ¶ ปุถุชฺชนา วุตฺตา. เตสุ อนฺธปุถุชฺชโน วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. อริยานํ อทสฺสาวีติอาทีสุ อริยาติ อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย นอิริยนโต, อเย อิริยนโต, สเทวเกน จ โลเกน อรณียโต พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ วุจฺจนฺติ, พุทฺธา เอว วา อิธ อริยา. ยถาห ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… ตถาคโต อริโยติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๘). สปฺปุริสาติ เอตฺถ ปน ปจฺเจกพุทฺธา ตถาคตสาวกา จ ‘‘สปฺปุริสา’’ติ เวทิตพฺพา. เต หิ โลกุตฺตรคุณโยเคน โสภนา ปุริสาติ สปฺปุริสา. สพฺเพว วา เอเต ทฺเวธาปิ วุตฺตา. พุทฺธาปิ หิ อริยา จ สปฺปุริสา จ, ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺธสาวกาปิ. ยถาห –
‘‘โย เว กตฺู กตเวทิ ธีโร,
กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหติ;
ทุขิตสฺส สกฺกจฺจ กโรติ กิจฺจํ,
ตถาวิธํ สปฺปุริสํ วทนฺตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๗๘);
กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหตีติ เอตฺตาวตา หิ พุทฺธสาวโก วุตฺโต, กตฺุตาทีหิ ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺธาติ. อิทานิ โย เตสํ อริยานํ อทสฺสนสีโล, น จ ทสฺสเน สาธุการี, โส อริยานํ อทสฺสาวีติ เวทิตพฺโพ. โส จ จกฺขุนา อทสฺสาวี าเณน อทสฺสาวีติ ทุวิโธ, เตสุ าเณน อทสฺสาวี อิธ อธิปฺเปโต. มํสจกฺขุนา หิ ทิพฺพจกฺขุนา วา อริยา ¶ ทิฏฺาปิ อทิฏฺาว โหนฺติ. เตสํ จกฺขูนํ วณฺณมตฺตคฺคหณโต, น อริยภาวโคจรโต. โสณสิงฺคาลาทโยปิ จ จกฺขุนา อริเย ปสฺสนฺติ. น จ เต อริยานํ ทสฺสาวิโน.
ตตฺริทํ ¶ วตฺถุ – จิตฺตลปพฺพตวาสิโน กิร ขีณาสวตฺเถรสฺส อุปฏฺาโก วุฑฺฒปพฺพชิโต เอกทิวสํ เถเรน สทฺธึ ปิณฺฑาย จริตฺวา เถรสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ปิฏฺิโต อาคจฺฉนฺโต เถรํ ปุจฺฉิ ‘‘อริยา นาม, ภนฺเต, กีทิสา’’ติ. เถโร อาห ‘‘อิเธกจฺโจ มหลฺลโก อริยานํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วตฺตปฏิปตฺตึ กตฺวา สหจรนฺโตปิ เนว อริเย ชานาติ, เอวํ ทุชฺชานา, อาวุโส, อริยา’’ติ. เอวํ วุตฺเตปิ โส เนว อฺาสิ. ตสฺมา น จกฺขุนา ทสฺสนํ ทสฺสนํ, าเณน ทสฺสนเมว ทสฺสนํ. ยถาห ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน, โย โข, วกฺกลิ ¶ , ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗). ตสฺมา จกฺขุนา ปสฺสนฺโตปิ าเณน อริเยหิ ทิฏฺํ อนิจฺจาทิลกฺขณํ อปสฺสนฺโต อริยาธิคตฺจ ธมฺมํ อนธิคจฺฉนฺโต อริยกรธมฺมานํ อริยภาวสฺส จ อทิฏฺตฺตา ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เวทิตพฺโพ.
อริยธมฺมสฺส อโกวิโทติ สติปฏฺานาทิเภเท อริยธมฺเม อกุสโล. อริยธมฺเม อวินีโตติ เอตฺถ ปน –
ทุวิโธ วินโย นาม, เอกเมเกตฺถ ปฺจธา;
อภาวโต ตสฺส อยํ, ‘‘อวินีโต’’ติ วุจฺจติ.
อยฺหิ สํวรวินโย ปหานวินโยติ ทุวิโธ วินโย. เอตฺถ จ ทุวิเธปิ วินเย เอกเมโก วินโย ปฺจธา ภิชฺชติ. สํวรวินโยปิ หิ สีลสํวโร สติสํวโร าณสํวโร ขนฺติสํวโร วีริยสํวโรติ ปฺจวิโธ. ปหานวินโยปิ ตทงฺคปหานํ วิกฺขมฺภนปหานํ สมุจฺเฉทปหานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปหานํ นิสฺสรณปหานนฺติ ปฺจวิโธ.
ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อยํ สีลสํวโร. ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) อยํ สติสํวโร.
‘‘ยานิ ¶ โสตานิ โลกสฺมึ, (อชิตาติ ภควา)
สติ เตสํ นิวารณํ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ,
ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๑);
อยํ ¶ าณสํวโร. ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) อยํ ขนฺติสํวโร. ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) อยํ ¶ วีริยสํวโร. สพฺโพปิ จายํ สํวโร ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานฺจ กายทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต ‘‘สํวโร’’, วินยนโต ‘‘วินโย’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ตาว สํวรวินโย ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
ตถา ยํ นามรูปปริจฺเฉทาทีสุ วิปสฺสนาาเณสุ ปฏิปกฺขภาวโต ทีปาโลเกเนว ตมสฺส, เตน เตน วิปสฺสนาาเณน ตสฺส ตสฺส อนตฺถสฺส ปหานํ. เสยฺยถิทํ, นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฏฺิยา, ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฏฺีนํ, ตสฺเสว อปรภาเคน กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวสฺส, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ คาหสฺส, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย, อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา, ภยทสฺสเนน สภเย อภยสฺาย, อาทีนวทสฺสเนน อสฺสาทสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสนาย อภิรติสฺาย, มุจฺจิตุกมฺยตาาเณน อมุจฺจิตุกมฺยตาย, อุเปกฺขาาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลเมน ธมฺมฏฺิติยํ นิพฺพาเน จ ปฏิโลมภาวสฺส, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตคฺคาหสฺส ปหานํ, เอตํ ตทงฺคปหานํนาม.
ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺติภาวนิวารณโต ฆฏปฺปหาเรเนว อุทกปิฏฺเ เสวาลสฺส เตสํ เตสํ นีวรณาทิธมฺมานํ ปหานํ, เอตํ วิกฺขมฺภนปหานํ นาม.
ยํ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อตฺตโน อตฺตโน สนฺตาเน ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗) นเยน วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิกสฺส กิเลสคณสฺส อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน ปหานํ, อิทํ สมุจฺเฉทปหานํ นาม. ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ, เอตํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปหานํ ¶ นาม. ยํ สพฺพสงฺขตนิสฺสฏตฺตา ปหีนสพฺพสงฺขตํ นิพฺพานํ เอตํ นิสฺสรณปหานํ นาม. สพฺพมฺปิ เจตํ ปหานํ ยสฺมา จาคฏฺเน ปหานํ, วินยนฏฺเน วินโย, ตสฺมา ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ. ตํตํปหานวโต วา ตสฺส ตสฺส วินยสฺส สมฺภวโตเปตํ ¶ ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ปหานวินโยปิ ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
เอวมยํ สงฺเขปโต ทุวิโธ, เภทโต จ ทสวิโธ วินโย ภินฺนสํวรตฺตา ปหาตพฺพสฺส จ อปฺปหีนตฺตา ¶ ยสฺมา เอตสฺส อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส นตฺถิ, ตสฺมา อภาวโต ตสฺส อยํ อวินีโตติ วุจฺจตีติ. เอส นโย สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโตติ เอตฺถปิ. นินฺนานากรณฺหิ เอตํ อตฺถโต. ยถาห ‘‘เยว เต อริยา, เตว เต สปฺปุริสา. เยว เต สปฺปุริสา, เตว เต อริยา. โย เอว โส อริยานํ ธมฺโม, โส เอว โส สปฺปุริสานํ ธมฺโม. โย เอว โส สปฺปุริสานํ ธมฺโม, โส เอว โส อริยานํ ธมฺโม. เยว เต อริยวินยา, เตว เต สปฺปุริสวินยา. เยว เต สปฺปุริสวินยา, เตว เต อริยวินยา. อริเยติ วา สปฺปุริเสติ วา, อริยธมฺเมติ วา สปฺปุริสธมฺเมติ วา, อริยวินเยติ วา สปฺปุริสวินเยติ วา เอเสเส เอเก เอกตฺเถ สเม สมภาเค ตชฺชาเต ตฺเวา’’ติ.
‘‘กสฺมา ปน ภควา สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติ วตฺวา ตํ อเทเสตฺวาว ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสีติ? ปุคฺคลาธิฏฺานาย ธมฺมเทสนาย ตมตฺถํ อาวิกาตุํ. ภควโต หิ ธมฺมาธิฏฺานา ธมฺมเทสนา, ธมฺมาธิฏฺานา ปุคฺคลเทสนา, ปุคฺคลาธิฏฺานา ปุคฺคลเทสนา, ปุคฺคลาธิฏฺานา ธมฺมเทสนาติ ธมฺมปุคฺคลวเสเนว ตาว จตุพฺพิธา เทสนา.
ตตฺถ, ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, เวทนา. กตมา ติสฺโส? สุขา เวทนา ทุกฺขา เวทนา อทุกฺขมสุขา เวทนา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส เวทนา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๐) เอวรูปี ธมฺมาธิฏฺานา ธมฺมเทสนา เวทิตพฺพา. ‘‘ฉ ธาตุโย อยํ ปุติโส ฉ ผสฺสายตโน อฏฺารส มโนปวิจาโร จตุราธิฏฺาโน’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๔๓) เอวรูปี ธมฺมาธิฏฺานา ปุคฺคลเทสนา. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ¶ โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อนฺโธ เอกจกฺขุ ทฺวิจกฺขุ. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อนฺโธ’’ติ? (อ. นิ. ๓.๒๙) เอวรูปี ปุคฺคลาธิฏฺานา ปุคฺคลเทสนา. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุคฺคติภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ, กายทุจฺจริตสฺส โข ปาปโก วิปาโก อภิสมฺปรายํ…เป… สุทฺธมตฺตานํ ปริหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุคฺคติภย’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๑๒๑) เอวรูปี ¶ ปุคฺคลาธิฏฺานา ธมฺมเทสนา.
สฺวายํ ¶ อิธ ยสฺมา ปุถุชฺชโน อปริฺาตวตฺถุโก, อปริฺามูลิกา จ อิธาธิปฺเปตานํ สพฺพธมฺมานํ มูลภูตา มฺนา โหติ, ตสฺมา ปุถุชฺชนํ ทสฺเสตฺวา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ตมตฺถํ อาวิกาตุํ, ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสีติ เวทิตพฺโพ.
สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปถวีวารวณฺณนา
เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตสฺส ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ สพฺพสกฺกายธมฺมชนิตํ มฺนํ ทสฺเสนฺโต, ปถวึ ปถวิโตติอาทิมาห. ตตฺถ ลกฺขณปถวี สสมฺภารปถวี อารมฺมณปถวี สมฺมุติปถวีติ จตุพฺพิธา ปถวี. ตาสุ ‘‘กตมา จ, อาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ ขริคต’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๑๗๓) วุตฺตา ลกฺขณปถวี. ‘‘ปถวึ ขเณยฺย วา ขณาเปยฺย วา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๕) วุตฺตา สสมฺภารปถวี. เย จ เกสาทโย วีสติ โกฏฺาสา, อโยโลหาทโย จ พาหิรา. สา หิ วณฺณาทีหิ สมฺภาเรหิ สทฺธึ ปถวีติ สสมฺภารปถวี. ‘‘ปถวีกสิณเมโก สฺชานาตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๖๐) อาคตา ปน อารมฺมณปถวี, นิมิตฺตปถวีติปิ วุจฺจติ. ปถวีกสิณชฺฌานลาภี เทวโลเก นิพฺพตฺโต อาคมนวเสน ปถวีเทวตาติ นามํ ลภติ. อยํ สมฺมุติปถวีติ เวทิตพฺพา. สา สพฺพาปิ อิธ ลพฺภติ. ตาสุ ยํกฺจิ ปถวึ อยํ ปุถุชฺชโน ปถวิโต สฺชานาติ, ปถวีติ สฺชานาติ, ปถวีภาเคน สฺชานาติ, โลกโวหารํ คเหตฺวา สฺาวิปลฺลาเสน สฺชานาติ ปถวีติ. เอวํ ปถวีภาคํ อมฺุจนฺโตเยว วา เอตํ ‘‘สตฺโตติ วา สตฺตสฺสา’’ติ วา อาทินา นเยน สฺชานาติ. กสฺมา เอวํ สฺชานาตีติ น ¶ วตฺตพฺพํ. อุมฺมตฺตโก วิย หิ ปุถุชฺชโน. โส ยํกิฺจิ เยน เกนจิ อากาเรน คณฺหาติ. อริยานํ อทสฺสาวิตาทิเภทเมว วา เอตฺถ การณํ. ยํ วา ปรโต ‘‘อปริฺาตํ ตสฺสา’’ติ วทนฺเตน ภควตาว วุตฺตํ.
ปถวึ ปถวิโต สฺตฺวาติ โส ตํ ปถวึ เอวํ วิปรีตสฺาย สฺชานิตฺวา, ‘‘สฺานิทานา ¶ หิ ปปฺจสงฺขา’’ติ (สุ. นิ. ๘๘๐) วจนโต อปรภาเค ถามปตฺเตหิ ตณฺหามานทิฏฺิปปฺเจหิ อิธ มฺนานาเมน วุตฺเตหิ มฺติ กปฺเปติ วิกปฺเปติ, นานปฺปการโต อฺถา คณฺหาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ. เอวํ ¶ มฺโต จสฺส ตา มฺนา โอฬาริกนเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ยา อยํ เกสา โลมา’’ติอาทินา นเยน วีสติเภทา อชฺฌตฺติกา ปถวี วุตฺตา. ยา จายํ วิภงฺเค ‘‘ตตฺถ กตมา พาหิรา ปถวีธาตุ? ยํ พาหิรํ กกฺขฬํ ขริคตํ กกฺขฬตฺตํ กกฺขฬภาโว พหิทฺธา อนุปาทินฺนํ. เสยฺยถิทํ, อโย โลหํ ติปุ สีสํ สชฺฌํ มุตฺตา มณิ เวฬุริยํ สงฺโข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตงฺโก มสารคลฺลํ ติณํ กฏฺํ สกฺขรา กลํ ภูมิ ปาสาโณ ปพฺพโต’’ติ (วิภ. ๑๗๓) เอวํ พาหิรา ปถวี วุตฺตา. ยา จ อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติเก นิมิตฺตปถวี, ตํ คเหตฺวา อยมตฺถโยชนา วุจฺจติ.
ปถวึ มฺตีติ ตีหิ มฺนาหิ อหํ ปถวีติ มฺติ, มม ปถวีติ มฺติ, ปโร ปถวีติ มฺติ, ปรสฺส ปถวีติ มฺติ, อถ วา อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ, มานมฺนาย มฺติ, ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. กถํ? อยฺหิ เกสาทีสุ ฉนฺทราคํ ชเนติ เกเส อสฺสาเทติ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ. โลเม, นเข, ทนฺเต, ตจํ, อฺตรํ วา ปน รชฺชนียวตฺถุํ. เอวํ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ. อิติ เม เกสา สิยุํ อนาคตมทฺธานํ. อิติ โลมาติอาทินา วา ปน นเยน ตตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนติ. ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา…เป… พฺรหฺมจริเยน วา เอวํ สินิทฺธมุทุสุขุมนีลเกโส ภวิสฺสามี’’ติอาทินา วา ปน นเยน อปฺปฏิลทฺธานํ ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหติ. เอวมฺปิ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ.
ตถา อตฺตโน เกสาทีนํ สมฺปตฺตึ วา วิปตฺตึ วา นิสฺสาย มานํ ชเนติ, ‘‘เสยฺโยหมสฺมีติ วา สทิโสหมสฺมีติ วา หีโนหมสฺมีติ วา’’ติ. เอวํ อชฺฌตฺติกํ ¶ ปถวึ มานมฺนาย มฺติ. ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗) อาคตนเยน ปน เกสํ ‘‘ชีโว’’ติ อภินิวิสติ. เอส นโย โลมาทีสุ. เอวํ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ.
อถ วา ‘‘ยา เจว โข ปนาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ, ยา จ พาหิรา ปถวีธาตุ, ปถวีธาตุเรเวสา ¶ , ตํ เนตํ มมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๒) อิมิสฺสา ปวตฺติยา ¶ ปจฺจนีกนเยน เกสาทิเภทํ ปถวึ เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตาติ อภินิวิสติ. เอวมฺปิ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. เอวํ ตาว อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ตีหิ มฺนาหิ มฺติ.
ยถา จ อชฺฌตฺติกํ เอวํ พาหิรมฺปิ. กถํ? ‘‘อยฺหิ อยโลหาทีสุ ฉนฺทราคํ ชเนติ. อยโลหาทีนิ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ. มม อโย มม โลหนฺติอาทินา นเยน อยาทีนิ มมายติ รกฺขติ โคปยติ, เอวํ พาหิรํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ. อิติ เม อยโลหาทโย สิยุํ อนาคตมทฺธานนฺติ วา ปเนตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนติ, อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เอวํ สมฺปนฺนอยโลหาทิอุปกรโณ ภวิสฺสามี’’ติ อปฺปฏิลทฺธสฺส ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหติ. เอวมฺปิ พาหิรํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ.
ตถา อตฺตโน อยโลหาทีนํ สมฺปตฺตึ วา วิปตฺตึ วา นิสฺสาย มานํ ชเนติ ‘‘อิมินาหํ เสยฺโยสฺมีติ วา, สทิโสสฺมีติ วา หีโนสฺมีติ วา’’ติ (วิภ. ๘๓๒) เอวํ พาหิรํ ปถวึ มานมฺนาย มฺติ. อเย ชีวสฺี หุตฺวา ปน อยํ ‘‘ชีโว’’ติ อภินิวิสติ. เอส นโย โลหาทีสุ. เอวํ พาหิรํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ.
อถ วา ‘‘อิเธกจฺโจ ปถวีกสิณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ. ยํ ปถวีกสิณํ, โส อหํ. โย อหํ, ตํ ปถวีกสิณนฺติ ปถวีกสิณฺจ อตฺตฺจ อทฺวยํ สมนุปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๑) ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตนเยเนว นิมิตฺตปถวึ ‘‘อตฺตา’’ติ อภินิวิสติ. เอวํ พาหิรํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. เอวมฺปิ พาหิรํ ปถวึ ตีหิ มฺนาหิ มฺติ. เอวํ ตาว ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ เอตฺถ ติสฺโสปิ มฺนา เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ สงฺเขเปเนว กถยิสฺสาม.
ปถวิยา ¶ มฺตีติ เอตฺถ ปถวิยาติ ภุมฺมวจนเมตํ. ตสฺมา อหํ ปถวิยาติ มฺติ, มยฺหํ ¶ กิฺจนํ ปลิโพโธ ปถวิยาติ มฺติ, ปโร ปถวิยาติ มฺติ, ปรสฺส กิฺจนํ ปลิโพโธ ปถวิยาติ มฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
อถ วา ยฺวายํ ‘‘กถํ รูปสฺมึ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ? อิเธกจฺโจ เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, ตสฺส เอวํ โหติ, อยํ โข เม อตฺตา, โส โข ปน เม อตฺตา อิมสฺมึ รูเปติ เอวํ รูปสฺมึ วา อตฺตานํ ¶ สมนุปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๑) เอตสฺส อตฺถนโย วุตฺโต, เอเตเนว นเยน เวทนาทิธมฺเม อตฺตโต คเหตฺวา ตโต อชฺฌตฺติกพาหิราสุ ปถวีสุ ยํกิฺจิ ปถวึ ตสฺโสกาสภาเวน ปริกปฺเปตฺวา โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิมิสฺสา ปถวิยาติ มฺนฺโต ปถวิยา มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส อตฺตนิ สิเนหํ ตพฺพตฺถุกฺจ มานํ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. ยทา ปน เตเนว นเยน โส โข ปนสฺส อตฺตา ปถวิยาติ มฺติ, ตทา ทิฏฺิมฺนา เอว ยุชฺชติ. อิตราโยปิ ปน อิจฺฉนฺติ.
ปถวิโต มฺตีติ เอตฺถ ปน ปถวิโตติ นิสฺสกฺกวจนํ. ตสฺมา สอุปกรณสฺส อตฺตโน วา ปรสฺส วา ยถาวุตฺตปฺปเภทโต ปถวิโต อุปฺปตฺตึ วา นิคฺคมนํ วา ปถวิโต วา อฺโ อตฺตาติ มฺมาโน ปถวิโต มฺตีติ เวทิตพฺโพ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. อปเร อาหุ ปถวีกสิณํ ปริตฺตํ ภาเวตฺวา ตโต อฺํ อปฺปมาณํ อตฺตานํ คเหตฺวา ปถวิโต พหิทฺธาปิ เม อตฺตาติ มฺมาโน ปถวิโต มฺตีติ.
ปถวึ เมติ มฺตีติ เอตฺถ ปน เกวลฺหิ มหาปถวึ ตณฺหาวเสน มมายตีติ อิมินา นเยน ปวตฺตา เอกา ตณฺหามฺนา เอว ลพฺภตีติ เวทิตพฺพา. สา จายํ มม เกสา, มม โลมา, มม อโย, มม โลหนฺติ เอวํ ยถาวุตฺตปฺปเภทาย สพฺพายปิ อชฺฌตฺติกพาหิราย ปถวิยา โยเชตพฺพาติ.
ปถวึ ¶ อภินนฺทตีติ วุตฺตปฺปการเมว ปถวึ ตณฺหาทีหิ อภินนฺทติ, อสฺสาเทติ, ปรามสติ ¶ จาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ เอเตเนว เอตสฺมึ อตฺเถ สิทฺเธ กสฺมา เอตํ วุตฺตนฺติ เจ. อวิจาริตเมตํ โปราเณหิ. อยํ ปน อตฺตโน มติ, เทสนาวิลาสโต วา อาทีนวทสฺสนโต วา. ยสฺสา หิ ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา นานานยวิจิตฺรเทสนาวิลาสสมฺปนฺโน, อยํ สา ภควตา สุปฺปฏิวิทฺธา. ตสฺมา ปุพฺเพ มฺนาวเสน กิเลสุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อภินนฺทนาวเสน ทสฺเสนฺโต เทสนาวิลาสโต วา อิทมาห ¶ . โย วา ปถวึ มฺติ, ปถวิยา มฺติ, ปถวิโต มฺติ, ปถวึ เมติ มฺติ, โส ยสฺมา น สกฺโกติ ปถวีนิสฺสิตํ ตณฺหํ วา ทิฏฺึ วา ปหาตุํ, ตสฺมา ปถวึ อภินนฺทติเยว. โย จ ปถวึ อภินนฺทติ, ทุกฺขํ โส อภินนฺทติ, ทุกฺขฺจ อาทีนโวติ อาทีนวทสฺสนโตปิ อิทมาห. วุตฺตฺเจตํ ภควตา ‘‘โย, ภิกฺขเว, ปถวีธาตุํ อภินนฺทติ, ทุกฺขํ โส อภินนฺทติ, โย ทุกฺขํ อภินนฺทติ, อปริมุตฺโต โส ทุกฺขสฺมาติ วทามี’’ติ.
เอวํ ปถวีวตฺถุกํ มฺนํ อภินนฺทนฺจ วตฺวา อิทานิ เยน การเณน โส มฺติ, อภินนฺทติ จ, ตํ การณํ อาวิกโรนฺโต อาห ตํ กิสฺส เหตุ, อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามีติ. ตสฺสตฺโถ, โส ปุถุชฺชโน ตํ ปถวึ กิสฺส เหตุ มฺติ, เกน การเณน มฺติ, อภินนฺทตีติ เจ. อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามีติ, ยสฺมา ตํ วตฺถุ ตสฺส อปริฺาตํ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. โย หิ ปถวึ ปริชานาติ, โส ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาติ าตปริฺาย ตีรณปริฺาย ปหานปริฺายาติ.
ตตฺถ กตมา าตปริฺา. ปถวีธาตุํ ปริชานาติ, อยํ ปถวีธาตุ อชฺฌตฺติกา, อยํ พาหิรา, อิทมสฺสา ลกฺขณํ, อิมานิ รสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ, อยํ าตปริฺา. กตมา ตีรณปริฺา? เอวํ าตํ กตฺวา ปถวีธาตุํ ตีเรติ อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโตติ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ, อยํ ตีรณปริฺา. กตมา ปหานปริฺา? เอวํ ตีรยิตฺวา อคฺคมคฺเคน ปถวีธาตุยา ฉนฺทราคํ ปชหติ, อยํ ปหานปริฺา.
นามรูปววตฺถานํ ¶ วา าตปริฺา. กลาปสมฺมสนาทิอนุโลมปริโยสานา ตีรณปริฺา. อริยมคฺเค าณํ ปหานปริฺาติ. โย ปถวึ ปริชานาติ, โส อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาติ, อสฺส จ ปุถุชฺชนสฺส ตา ปริฺาโย นตฺถิ, ตสฺมา อปริฺาตตฺตา ¶ ปถวึ มฺติ จ อภินนฺทติ จาติ. เตนาห ภควา – อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… ปถวึ มฺติ, ปถวิยา มฺติ, ปถวิโต มฺติ, ปถวึ เมติ มฺติ, ปถวึ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ.
ปถวีวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาโปวาราทิวณฺณนา
อาปํ ¶ อาปโตติ เอตฺถาปิ ลกฺขณสสมฺภารารมฺมณสมฺมุติวเสน จตุพฺพิโธ อาโป. เตสุ ‘‘ตตฺถ, กตมา อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ. ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อาโป อาโปคตํ, สิเนโห สิเนหคตํ พนฺธนตฺตํ รูปสฺส อชฺฌตฺตํ อุปาทินฺน’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๑๗๔) วุตฺโต ลกฺขณอาโป. ‘‘อาโปกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต อาปสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาตี’’ติอาทีสุ วุตฺโต สสมฺภาราโป. เสสํ สพฺพํ ปถวิยํ วุตฺตสทิสเมว. เกวลํ โยชนานเย ปน ‘‘ปิตฺตํ เสมฺห’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตา ทฺวาทสเภทา อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ, ‘‘ตตฺถ, กตมา พาหิรา อาโปธาตุ? ยํ พาหิรํ อาโป อาโปคตํ, สิเนโห สิเนหคตํ พนฺธนตฺตํ รูปสฺส พหิทฺธา อนุปาทินฺนํ. เสยฺยถิทํ, มูลรโส ขนฺธรโส ตจรโส ปตฺตรโส ปุปฺผรโส ผลรโส ขีรํ ทธิ สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ ภุมฺมานิ วา อุทกานิ อนฺตลิกฺขานิ วา’’ติ (วิภ. ๑๗๔) เอวํ วุตฺตา จ พาหิรา อาโปธาตุ เวทิตพฺพา, โย จ อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติเก นิมิตฺตอาโป.
เตชํ เตชโตติ อิมสฺมึ เตโชวาเรปิ วุตฺตนเยเนว วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ. โยชนานเย ปเนตฺถ ‘‘เยน จ สนฺตปฺปติ, เยน จ ชีรียติ, เยน จ ปริฑยฺหติ, เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉตี’’ติ (วิภ. ๑๗๕) เอวํ วุตฺตา จตุปฺปเภทา อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ. ‘‘ตตฺถ กตมา ¶ พาหิรา เตโชธาตุ? ยํ พาหิรํ เตโช เตโชคตํ อุสฺมา อุสฺมาคตํ อุสุมํ อุสุมคตํ พหิทฺธา อนุปาทินฺนํ. เสยฺยถิทํ, กฏฺคฺคิ ปลาลคฺคิ ติณคฺคิ โคมยคฺคิ ถุสคฺคิ สงฺการคฺคิ อินฺทคฺคิ อคฺคิสนฺตาโป สูริยสนฺตาโป กฏฺสนฺนิจยสนฺตาโป ¶ ติณสนฺนิจยสนฺตาโป ธฺสนฺนิจยสนฺตาโป ภณฺฑสนฺนิจยสนฺตาโป’’ติ (วิภ. ๑๗๕) เอวํ วุตฺตา จ พาหิรา เตโชธาตุ เวทิตพฺพา.
วายํ วายโตติ อิมสฺส วายวารสฺสาปิ โยชนานเย ปน ‘‘อุทฺธงฺคมา วาตา อโธคมา วาตา กุจฺฉิสยา วาตา โกฏฺาสยา วาตา องฺคมงฺคานุสาริโน วาตา สตฺถกวาตา ขุรกวาตา อุปฺปลกวาตา อสฺสาโส ปสฺสาโส’’ติ เอวํ วุตฺตา อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ. ‘‘ตตฺถ กตมา พาหิรา วาโยธาตุ? ยํ พาหิรํ วาโย วาโยคตํ ถมฺภิตตฺตํ รูปสฺส พหิทฺธา อนุปาทินฺนํ. เสยฺยถิทํ, ปุรตฺถิมา วาตา ปจฺฉิมา วาตา อุตฺตรา วาตา ทกฺขิณา วาตา สรชา วาตา อรชา วาตา สีตา วาตา อุณฺหา วาตา ปริตฺตา วาตา อธิมตฺตา วาตา กาฬวาตา เวรมฺภวาตา ¶ ปกฺขวาตา สุปณฺณวาตา ตาลวณฺฏวาตา วิธูปนวาตา’’ติ (วิภ. ๑๗๖) เอวํ วุตฺตา จ พาหิรา วาโยธาตุ เวทิตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. เอตฺตาวตา จ ยฺวายํ –
‘‘วุตฺตมฺหิ เอกธมฺเม, เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เตน;
วุตฺตา ภวนฺติ สพฺเพ, อิติ วุตฺโต ลกฺขโณ หาโร’’ติ. –
เอวํ เนตฺติยํ ลกฺขโณ นาม หาโร วุตฺโต, ตสฺส วเสน ยสฺมา จตูสุ ภูเตสุ คหิเตสุ อุปาทารูปมฺปิ คหิตเมว ภวติ, รูปลกฺขณํ อนตีตตฺตา. ยฺจ ภูโตปาทารูปํ โส รูปกฺขนฺโธ. ตสฺมา ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ปถวึ อาปํ เตชํ วายํ มฺตี’’ติ วทนฺเตน อตฺถโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติปิ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ปถวิยา อาปสฺมึ เตชสฺมึ วายสฺมึ มฺตี’’ติ วทนฺเตน รูปสฺมึ วา อตฺตานํ สมนุปสฺสตีติ วุตฺตมฺปิ โหติ. ‘‘ปถวิโต อาปโต เตชโต วายโต มฺตี’’ติ วทนฺเตน รูปโต อฺโ อตฺตาติ สิทฺธตฺตา รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ อตฺตนิ วา รูปํ สมนุปสฺสตีติปิ วุตฺตํ โหติ. เอวเมตา จตสฺโส รูปวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิมฺนา ¶ เวทิตพฺพา. ตตฺถ เอกา อุจฺเฉททิฏฺิ, ติสฺโส สสฺสตทิฏฺิโยติ ทฺเวว ทิฏฺิโย โหนฺตีติ อยมฺปิ อตฺถวิเสโส เวทิตพฺโพ.
อาโปวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภูตวาราทิวณฺณนา
๓. เอวํ ¶ รูปมุเขน สงฺขารวตฺถุกํ มฺนํ วตฺวา อิทานิ เย สงฺขาเร อุปาทาย สตฺตา ปฺปียนฺติ, เตสุ สงฺขาเรสุ สตฺเตสุปิ ยสฺมา ปุถุชฺชโน มฺนํ กโรติ, ตสฺมา เต สตฺเต นิทฺทิสนฺโต ภูเต ภูตโต สฺชานาตีติอาทิมาห. ตตฺถายํ ภูตสทฺโท ปฺจกฺขนฺธอมนุสฺสธาตุวิชฺชมานขีณาสวสตฺตรุกฺขาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) หิ อยํ ปฺจกฺขนฺเธสุ ทิสฺสติ. ‘‘ยานีธ ภูตานิ สมาคตานี’’ติ (สุ. นิ. ๒๒๔) เอตฺถ อมนุสฺเสสุ. ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขุ, มหาภูตา เหตู’’ติ (ม. นิ. ๓.๘๖) เอตฺถ ธาตูสุ. ‘‘ภูตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๙) วิชฺชมาเน. ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติ (ชา. ๑.๑๐.๑๙๐) เอตฺถ ขีณาสเว. ‘‘สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๒๐) เอตฺถ สตฺเตสุ. ‘‘ภูตคามปาตพฺยตายา’’ติ ¶ (ปาจิ. ๙๐) เอตฺถ รุกฺขาทีสุ. อิธ ปนายํ สตฺเตสุ วตฺตติ, โน จ โข อวิเสเสน. จาตุมหาราชิกานํ หิ เหฏฺา สตฺตา อิธ ภูตาติ อธิปฺเปตา.
ตตฺถ ภูเต ภูตโต สฺชานาตีติอาทิ วุตฺตนยเมว. ภูเต มฺตีติอาทีสุ ปน ติสฺโสปิ มฺนา โยเชตพฺพา. กถํ? อยฺหิ ‘‘โส ปสฺสติ คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคิภูต’’นฺติ (อ. นิ. ๗.๕๐) วุตฺตนเยน ภูเต สุภา สุขิตาติ คเหตฺวา รชฺชติ, ทิสฺวาปิ เน รชฺชติ, สุตฺวาปิ, ฆายิตฺวาปิ, สายิตฺวาปิ, ผุสิตฺวาปิ, ตฺวาปิ. เอวํ ภูเต ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘อโห วตาหํ ขตฺติยมหาสาลานํ วา สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๓๗) วา ปน นเยน อปฺปฏิลทฺธสฺส ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหติ, เอวมฺปิ ภูเต ตณฺหามฺนาย มฺติ. อตฺตโน ปน ภูตานฺจ สมฺปตฺติวิปตฺตึ นิสฺสาย อตฺตานํ วา เสยฺยํ ทหติ. ภูเตสุ จ ยํกิฺจิ ภูตํ หีนํ อตฺตานํ วา หีนํ, ยํกิฺจิ ภูตํ เสยฺยํ ¶ . อตฺตานํ วา ภูเตน, ภูตํ วา อตฺตนา สทิสํ ทหติ. ยถาห ‘‘อิเธกจฺโจ ชาติยา วา…เป… อฺตรฺตเรน วตฺถุนา ปุพฺพกาลํ ปเรหิ สทิสํ อตฺตานํ ทหติ. อปรกาลํ อตฺตานํ เสยฺยํ ทหติ. ปเร หีเน ทหติ, โย เอวรูโป มาโน ¶ …เป… อยํ วุจฺจติ มานาติมาโน’’ติ (วิภ. ๘๗๖-๘๘๐). เอวํ ภูเต มานมฺนาย มฺติ.
ภูเต ปน ‘‘นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา’’ติ วา ‘‘สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสงฺคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) วา มฺมาโน ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. เอวํ ภูเต ตีหิ มฺนาหิ มฺติ.
กถํ ภูเตสุ มฺติ? เตสุ เตสุ ภูเตสุ อตฺตโน อุปปตฺตึ วา สุขุปฺปตฺตึ วา อากงฺขติ. เอวํ ตาว ตณฺหามฺนาย ภูเตสุ มฺติ. ภูเตสุ วา อุปปตฺตึ อากงฺขมาโน ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ. เอวมฺปิ ภูเตสุ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ภูเต ปน สมูหคฺคาเหน คเหตฺวา ตตฺถ เอกจฺเจ ภูเต เสยฺยโต ทหติ, เอกจฺเจ สทิสโต วา หีนโต วาติ. เอวํ ภูเตสุ มานมฺนาย ¶ มฺติ. ตถา เอกจฺเจ ภูเต นิจฺจา ธุวาติ มฺติ. เอกจฺเจ อนิจฺจา อธุวาติ, อหมฺปิ ภูเตสุ อฺตโรสฺมีติ วา มฺติ. เอวํ ภูเตสุ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ.
ภูตโต มฺตีติ เอตฺถ ปน สอุปกรณสฺส อตฺตโน วา ปรสฺส วา ยโต กุโตจิ ภูตโต อุปฺปตฺตึ มฺมาโน ภูตโต มฺตีติ เวทิตพฺโพ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. ภูเต เมติ มฺตีติ เอตฺถ ปน เอกา ตณฺหามฺนาว ลพฺภติ. สา จายํ ‘‘มม ปุตฺตา, มม ธีตา, มม อเชฬกา, กุกฺกุฏสูกรา, หตฺถิควสฺสวฬวา’’ติ เอวมาทินา นเยน มมายโต ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพา. ภูเต อภินนฺทตีติ เอตํ วุตฺตนยเมว. อปริฺาตํ ตสฺสาติ เอตฺถ ปน เย สงฺขาเร อุปาทาย ภูตานํ ปฺตฺติ, เตสํ อปริฺาตตฺตา ภูตา อปริฺาตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. โยชนา ปน วุตฺตนเยเนว กาตพฺพา.
เอวํ ¶ สงฺเขปโต สงฺขารวเสน จ สตฺตวเสน จ มฺนาวตฺถุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภูมิวิเสสาทินา เภเทน วิตฺถารโตปิ ตํ ทสฺเสนฺโต เทเว เทวโตติอาทิมาห. ตตฺถ ทิพฺพนฺติ ปฺจหิ ¶ กามคุเณหิ อตฺตโน วา อิทฺธิยาติ เทวา, กีฬนฺติ โชเตนฺติ จาติ อตฺโถ. เต ติวิธา สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ. สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน เทวิโย ราชกุมารา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิเก เทเว อุปาทาย ตตุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม อรหนฺโต ขีณาสวา. อิธ ปน อุปปตฺติเทวา ทฏฺพฺพา, โน จ โข อวิเสเสน. ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวโลเก มารํ สปริสํ เปตฺวา เสสา ฉ กามาวจรา อิธ เทวาติ อธิปฺเปตา. ตตฺถ สพฺพา อตฺถวณฺณนา ภูตวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ปชาปตินฺติ เอตฺถ ปน มาโร ปชาปตีติ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘เตสํ เตสํ เทวานํ อธิปตีนํ มหาราชาทีนเมตํ อธิวจน’’นฺติ วทนฺติ. ตํ เทวคฺคหเณเนว เตสํ คหิตตฺตา อยุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตํ, มาโรเยว ปน สตฺตสงฺขาตาย ปชาย อธิปติภาเวน อิธ ปชาปตีติ อธิปฺเปโต. โส กุหึ วสติ? ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวโลเก ¶ . ตตฺร หิ วสวตฺติราชา รชฺชํ กาเรติ. มาโร เอกสฺมึ ปเทเส อตฺตโน ปริสาย อิสฺสริยํ ปวตฺเตนฺโต รชฺชปจฺจนฺเต ทามริกราชปุตฺโต วิย วสตีติ วทนฺติ. มารคฺคหเณเนว เจตฺถ มารปริสายปิ คหณํ เวทิตพฺพํ. โยชนานโย เจตฺถ ปชาปตึ วณฺณวนฺตํ ทีฆายุกํ สุขพหุลํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา รชฺชนฺโต ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘อโห วตาหํ ปชาปติโน สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’’นฺติอาทินา วา ปน นเยน อปฺปฏิลทฺธสฺส ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหนฺโตปิ ปชาปตึ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ปชาปติภาวํ ปน ปตฺโต สมาโน อหมสฺมิ ปชานมิสฺสโร อธิปตีติ มานํ ชเนนฺโต ปชาปตึ มานมฺนาย มฺติ. ‘‘ปชาปติ นิจฺโจ ธุโว’’ติ วา ‘‘อุจฺฉิชฺชิสฺสติ วินสฺสิสฺสตี’’ติ วา ‘‘อวโส อพโล อวีริโย นิยติสงฺคติภาวปริณโต ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ วา มฺมาโน ปน ปชาปตึ ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เวทิตพฺโพ.
ปชาปติสฺมินฺติ เอตฺถ ปน เอกา ทิฏฺิมฺนาว ยุชฺชติ. ตสฺสา เอวํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. อิเธกจฺโจ ‘‘ปชาปติสฺมึ เย จ ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ, สพฺเพ เต นิจฺจา ธุวา ¶ สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา’’ติ มฺติ. อถ วา ‘‘ปชาปติสฺมึ นตฺถิ ปาปํ, น ตสฺมึ ปาปกานิ กมฺมานิ อุปลพฺภนฺตี’’ติ มฺติ.
ปชาปติโตติ ¶ เอตฺถ ติสฺโสปิ มฺนา ลพฺภนฺติ. กถํ? อิเธกจฺโจ สอุปกรณสฺส อตฺตโน วา ปรสฺส วา ปชาปติโต อุปฺปตฺตึ วา นิคฺคมนํ วา มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. ปชาปตึ เมติ เอตฺถ ปน เอกา ตณฺหามฺนาว ลพฺภติ. สา จายํ ‘‘ปชาปติ มม สตฺถา มม สามี’’ติอาทินา นเยน มมายโต ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
พฺรหฺมํ พฺรหฺมโตติ เอตฺถ พฺรูหิโต เตหิ เตหิ คุณวิเสเสหีติ พฺรหฺมา. อปิจ พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมาปิ วุจฺจติ, ตถาคโตปิ พฺราหฺมโณปิ มาตาปิตโรปิ เสฏฺมฺปิ. ‘‘สหสฺโส พฺรหฺมา ทฺวิสหสฺโส พฺรหฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๖๕-๑๖๖) หิ มหาพฺรหฺมา พฺรหฺมาติ วุจฺจติ. ‘‘พฺรหฺมาติ โข, ภิกฺขเว ¶ , ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ เอตฺถ ตถาคโต.
‘‘ตโมนุโท พุทฺโธ สมนฺตจกฺขุ,
โลกนฺตคู สพฺพภวาติวตฺโต;
อนาสโว สพฺพทุกฺขปฺปหีโน,
สจฺจวฺหโย พฺรหฺเม อุปาสิโต เม’’ติ. (จูฬนิ. ๑๐๔) –
เอตฺถ พฺราหฺมโณ.
‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร’’ติ. (อิติวุ. ๑๐๖; ชา. ๒.๒๐.๑๘๑) –
เอตฺถ มาตาปิตโร. ‘‘พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. ๕.๑๑) เอตฺถ เสฏฺํ. อิธ ปน ปมาภินิพฺพตฺโต กปฺปายุโก พฺรหฺมา อธิปฺเปโต. ตคฺคหเณเนว จ พฺรหฺมปุโรหิตพฺรหฺมปาริสชฺชาปิ คหิตาติ เวทิตพฺพา. อตฺถวณฺณนา ปเนตฺถ ปชาปติวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อาภสฺสรวาเร ¶ ทณฺฑทีปิกาย อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ วิสรตีติ อาภสฺสรา. เตสํ คหเณน ¶ สพฺพาปิ ทุติยชฺฌานภูมิ คหิตา, เอกตลวาสิโน เอว เจเต สพฺเพปิ ปริตฺตาภา อปฺปมาณาภา อาภสฺสราติ เวทิตพฺพา.
สุภกิณฺหวาเร สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา สุเภน สรีรปฺปภาวณฺเณน เอกคฺฆนา สุวณฺณมฺชูสาย ปิตสมฺปชฺชลิตกฺจนปิณฺฑสสฺสิริกาติ สุภกิณฺหา. เตสํ คหเณน สพฺพาปิ ตติยชฺฌานภูมิ คหิตา. เอกตลวาสิโน เอว เจเต สพฺเพปิ ปริตฺตสุภา อปฺปมาณสุภา สุภกิณฺหาติ เวทิตพฺพา.
เวหปฺผลวาเร, วิปุลา ผลาติ เวหปฺผลา. จตุตฺถชฺฌานภูมิ พฺรหฺมาโน วุจฺจนฺติ. อตฺถนยโยชนา ปน อิเมสุ ตีสุปิ วาเรสุ ภูตวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อภิภูวาเร อภิภวีติ อภิภู. กึ อภิภวิ? จตฺตาโร ขนฺเธ อรูปิโน. อสฺภวสฺเสตํ อธิวจนํ. อสฺสตฺตา เทวา เวหปฺผเลหิ สทฺธึ เอกตลาเยว เอกสฺมึ โอกาเส เยน อิริยาปเถน นิพฺพตฺตา, เตเนว ยาวตายุกํ ติฏฺนฺติ จิตฺตกมฺมรูปสทิสา หุตฺวา. เต อิธ สพฺเพปิ อภิภูวจเนน คหิตา. เกจิ อภิภู นาม สหสฺโส พฺรหฺมาติ เอวมาทินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ อธิปติพฺรหฺมานํ วณฺณยนฺติ. พฺรหฺมคฺคหเณเนว ปน ตสฺส คหิตตฺตา ¶ อยุตฺตเมตนฺติ เวทิตพฺพํ. โยชนานโย เจตฺถ อภิภู วณฺณวา ทีฆายุโกติ สุตฺวา ตตฺถ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทนฺโต อภิภุํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘อโห วตาหํ อภิภุโน สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’’นฺติอาทินา ปน นเยน อปฺปฏิลทฺธสฺส ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหนฺโตปิ อภิภุํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. อตฺตานํ หีนโต อภิภุํ เสยฺยโต ทหนฺโต ปน อภิภุํ มานมฺนาย มฺติ. ‘‘อภิภู นิจฺโจ ธุโว’’ติอาทินา นเยน ปรามสนฺโต อภิภุํ ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ ปชาปติวาเร วุตฺตนยเมว.
ภูตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อากาสานฺจายตนวาราทิวณฺณนา
๔. เอวํ ¶ ภควา ปฏิปาฏิยา เทวโลเก ทสฺเสนฺโตปิ อภิภูวจเนน อสฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา อยํ วฏฺฏกถา, สุทฺธาวาสา จ วิวฏฺฏปกฺเข ิตา, อนาคามิขีณาสวา เอว หิ เต เทวา. ยสฺมา วา กติปยกปฺปสหสฺสายุกา ¶ เต เทวา, พุทฺธุปฺปาทกาเลเยว โหนฺติ. พุทฺธา ปน อสงฺเขเยปิ กปฺเป น อุปฺปชฺชนฺติ, ตทา สฺุาปิ สา ภูมิ โหติ. รฺโ ขนฺธาวารฏฺานํ วิย หิ พุทฺธานํ สุทฺธาวาสภโว. เต เตเนว จ การเณน วิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสวเสนปิ น คหิตา, สพฺพกาลิกา ปน อิมา มฺนา. ตสฺมา ตาสํ สทาวิชฺชมานภูมึ ทสฺเสนฺโต สุทฺธาวาเส อติกฺกมิตฺวา, อากาสานฺจายตนนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อากาสานฺจายตนนฺติ ตพฺภูมิกา จตฺตาโร กุสลวิปากกิริยา ขนฺธา. เต จ ตตฺรูปปนฺนาเยว ทฏฺพฺพา ภวปริจฺเฉทกถา อยนฺติ กตฺวา. เอส นโย วิฺาณฺจายตนาทีสุ. อตฺถโยชนา ปน จตูสุปิ เอเตสุ วาเรสุ อภิภูวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. มานมฺนา เจตฺถ ปชาปติวาเร วุตฺตนเยนาปิ ยุชฺชติ.
อากาสานฺจายตนวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทิฏฺสุตวาราทิวณฺณนา
๕. เอวํ ภูมิวิเสสาทินา เภเทน วิตฺถารโตปิ มฺนาวตฺถุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สพฺพมฺนาวตฺถุภูตํ สกฺกายปริยาปนฺนํ เตภูมกธมฺมเภทํ ทิฏฺาทีหิ จตูหิ สงฺคณฺหิตฺวา ทสฺเสนฺโต, ทิฏฺํ ทิฏฺโตติอาทิมาห.
ตตฺถ ทิฏฺนฺติ มํสจกฺขุนาปิ ทิฏฺํ, ทิพฺพจกฺขุนาปิ ทิฏฺํ. รูปายตนสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ทิฏฺํ มฺตีติ ทิฏฺํ ตีหิ มฺนาหิ มฺติ. กถํ? รูปายตนํ สุภสฺาย สุขสฺาย จ ปสฺสนฺโต ตตฺถ ฉนฺทราคํ ชเนติ, ตํ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ ¶ ภควตา ‘‘อิตฺถิรูเป, ภิกฺขเว, สตฺตา รตฺตา คิทฺธา คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา, เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ อิตฺถิรูปวสานุคา’’ติ (อ. นิ. ๕.๕๕). เอวํ ทิฏฺํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘อิติ ¶ เม รูปํ สิยา อนาคตมทฺธานนฺติ วา ปเนตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนติ, รูปสมฺปทํ วา ปน อากงฺขมาโน ทานํ เทตี’’ติ วิตฺถาโร. เอวมฺปิ ทิฏฺํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. อตฺตโน ปน ปรสฺส จ รูปสมฺปตฺตึ วิปตฺตึ นิสฺสาย มานํ ชเนติ. ‘‘อิมินาหํ เสยฺโยสฺมี’’ติ วา ‘‘สทิโสสฺมี’’ติ วา ‘‘หีโนสฺมี’’ติ วาติ เอวํ ทิฏฺํ มานมฺนาย มฺติ. รูปายตนํ ปน นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตนฺติ มฺติ, อตฺตานํ อตฺตนิยนฺติ มฺติ, มงฺคลํ อมงฺคลนฺติ มฺติ, เอวํ ทิฏฺํ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. เอวํ ทิฏฺํ ตีหิ มฺนาหิ มฺติ. กถํ ทิฏฺสฺมึ มฺติ? รูปสฺมึ อตฺตานํ ¶ สมนุปสฺสนนเยน มฺนฺโต ทิฏฺสฺมึ มฺติ. ยถา วา ธเน ธฺเ. เอวํ รูปสฺมึ ราคาทโยติ มฺนฺโตปิ ทิฏฺสฺมึ มฺติ. อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมิฺเว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. เอวํ ทิฏฺสฺมึ มฺติ. เสสํ ปถวีวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
สุตนฺติ มํสโสเตนปิ สุตํ, ทิพฺพโสเตนปิ สุตํ, สทฺทายตนสฺเสตํ อธิวจนํ.
มุตนฺติ มุตฺวา มุนิตฺวา จ คหิตํ, อาหจฺจ อุปคนฺตฺวาติ อตฺโถ, อินฺทฺริยานํ อารมฺมณานฺจ อฺมฺสํสิเลเส วิฺาตนฺติ วุตฺตํ โหติ, คนฺธรสโผฏฺพฺพายตนานเมตํ อธิวจนํ.
วิฺาตนฺติ มนสา วิฺาตํ, เสสานํ สตฺตนฺนํ อายตนานเมตํ อธิวจนํ ธมฺมารมฺมณสฺส วา. อิธ ปน สกฺกายปริยาปนฺนเมว ลพฺภติ. วิตฺถาโร ปเนตฺถ ทิฏฺวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ทิฏฺสุตฺตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกตฺตวาราทิวณฺณนา
๖. เอวํ สพฺพํ สกฺกายเภทํ ทิฏฺาทีหิ จตูหิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว สมาปนฺนกวาเรน จ อสมาปนฺนกวาเรน จ ทฺวิธา ทสฺเสนฺโต เอกตฺตํ นานตฺตนฺติอาทิมาห.
เอกตฺตนฺติ อิมินา หิ สมาปนฺนกวารํ ทสฺเสติ. นานตฺตนฺติ อิมินา อสมาปนฺนกวารํ. เตสํ ¶ อยํ วจนตฺโถ เอกภาโว เอกตฺตํ. นานาภาโว นานตฺตนฺติ. โยชนา ปเนตฺถ สมาปนฺนกวารํ ¶ จตูหิ ขนฺเธหิ, อสมาปนฺนกวารฺจ ปฺจหิ ขนฺเธหิ ภินฺทิตฺวา ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา สาสนนเยน ปถวีวาราทีสุ วุตฺเตน จ อฏฺกถานเยน ยถานุรูปํ วีมํสิตฺวา เวทิตพฺพา. เกจิ ปน เอกตฺตนฺติ เอกตฺตนยํ วทนฺติ นานตฺตนฺติ นานตฺตนยํ. อปเร ‘‘เอกตฺตสฺี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, นานตฺตสฺี อตฺตา โหตี’’ติ เอวํ ทิฏฺาภินิเวสํ. ตํ สพฺพํ อิธ นาธิปฺเปตตฺตา อยุตฺตเมว โหติ.
เอวํ ¶ สพฺพํ สกฺกายํ ทฺวิธา ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว เอกธา สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต สพฺพํ สพฺพโตติอาทิมาห. โยชนานโย ปเนตฺถ สพฺพํ อสฺสาเทนฺโต สพฺพํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘มยา เอเต สตฺตา นิมฺมิตา’’ติอาทินา นเยน อตฺตนา นิมฺมิตํ มฺนฺโต สพฺพํ มานมฺนาย มฺติ. ‘‘สพฺพํ ปุพฺเพกตกมฺมเหตุ, สพฺพํ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, สพฺพํ อเหตุอปจฺจยา, สพฺพํ อตฺถิ, สพฺพํ นตฺถี’’ติอาทินา นเยน มฺนฺโต สพฺพํ ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เวทิตพฺโพ. กถํ สพฺพสฺมึ มฺติ? อิเธกจฺโจ เอวํทิฏฺิโก โหติ ‘‘มหา เม อตฺตา’’ติ. โส สพฺพโลกสนฺนิวาสํ ตสฺโสกาสภาเวน ปริกปฺเปตฺวา โส โข ปน เม อยํ อตฺตา สพฺพสฺมินฺติ มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส อตฺตนิ สิเนหํ ตพฺพตฺถุกฺจ มานํ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. เสสํ ปถวีวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
เอวํ สพฺพํ สกฺกายํ เอกธา ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรนปิ นเยน ตํ เอกธา ทสฺเสนฺโต นิพฺพานํ นิพฺพานโตติ อาห. ตตฺถ นิพฺพานนฺติ ‘‘ยโต โข, โภ, อยํ อตฺตา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคิภูโต ปริจาเรติ. เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ ปตฺโต โหตี’’ติอาทินา นเยน ปฺจธา อาคตํ ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ นิพฺพานํ อสฺสาเทนฺโต ตณฺหามฺนาย มฺติ. เตน นิพฺพาเนน ‘‘อหมสฺมิ นิพฺพานํ ปตฺโต’’ติ มานํ ชเนนฺโต มานมฺนาย มฺติ. อนิพฺพานํเยว สมานํ ตํ นิพฺพานโต นิจฺจาทิโต จ คณฺหนฺโต ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เวทิตพฺโพ.
นิพฺพานโต ปน อฺํ อตฺตานํ คเหตฺวา โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิมสฺมึ นิพฺพาเนติ ¶ มฺนฺโต นิพฺพานสฺมึ มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ¶ ปนสฺส อตฺตนิ สิเนหํ ตพฺพตฺถุกฺจ มานํ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. เอส นโย นิพฺพานโต มฺนายปิ. ตตฺรปิ หิ นิพฺพานโต อฺํ อตฺตานํ คเหตฺวา ‘‘อิทํ นิพฺพานํ, อยํ อตฺตา, โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิโต นิพฺพานโต อฺโ’’ติ มฺนฺโต นิพฺพานโต มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส อตฺตนิ สิเนหํ ตพฺพตฺถุกฺจ มานํ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. ‘‘อโห สุขํ มม นิพฺพาน’’นฺติ มฺนฺโต ปน นิพฺพานํ เมติ มฺตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อยํ ปเนตฺถ อนุคีติ –
ยาทิโส ¶ เอส สกฺกาโย, ตถา นํ อวิชานโต;
ปุถุชฺชนสฺส สกฺกาเย, ชายนฺติ สพฺพมฺนา.
เชคุจฺโฉ ภิทุโร จายํ, ทุกฺโข อปริณายโก;
ตํ ปจฺจนีกโต พาโล, คณฺหํ คณฺหาติ มฺนํ.
สุภโต สุขโต เจว, สกฺกายํ อนุปสฺสโต;
สลภสฺเสว อคฺคิมฺหิ, โหติ ตณฺหาย มฺนา.
นิจฺจสฺํ อธิฏฺาย, สมฺปตฺตึ ตสฺส ปสฺสโต;
คูถาที วิย คูถสฺมึ, โหติ มาเนน มฺนา.
อตฺตา อตฺตนิโย เมติ, ปสฺสโต นํ อพุทฺธิโน;
อาทาเส วิย โพนฺธิสฺส, ทิฏฺิยา โหติ มฺนา.
มฺนาติ จ นาเมตํ, สุขุมํ มารพนฺธนํ;
สิถิลํ ทุปฺปมฺุจฺจ, เยน พทฺโธ ปุถุชฺชโน.
พหุํ ¶ วิปฺผนฺทมาโนปิ, สกฺกายํ นาติวตฺตติ;
สมุสฺสิตํ ทฬฺหตฺถมฺภํ, สาว คทฺทุลพนฺธโน.
ส’โส สกฺกายมลีโน, ชาติยา จ ชราย จ;
โรคาทีหิ จ ทุกฺเขหิ, นิจฺจํ หฺติ พาฬฺหโส.
ตํ โว วทามิ ภทฺทนฺเต, สกฺกายํ อนุปสฺสถ;
อสาตโต อสุภโต, เภทโต จ อนตฺตโต.
เอโส สภาโว เหตสฺส, ปสฺสํ เอวมิมํ พุโธ;
ปหาย มฺนา สพฺพา, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ.
เอกตฺตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุถุชฺชนวเสน ¶ จตุวีสติปพฺพา ปมนยกถา นิฏฺิตา.
เสกฺขวารทุติยนยวณฺณนา
๗. เอวํ ¶ ภควา ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ สพฺพสกฺกายธมฺมมูลภูตํ ปุถุชฺชนสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสฺเวว วตฺถูสุ เสกฺขสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสกฺโขติอาทิมาห. ตตฺถ โยติ อุทฺเทสวจนํ. โสติ นิทฺเทสวจนํ. ปิกาโร สมฺปิณฺฑนตฺโถ อยมฺปิ ธมฺโม อนิยโตติอาทีสุ วิย. เตน จ อารมฺมณสภาเคน ปุคฺคลํ สมฺปิณฺเฑติ, โน ปุคฺคลสภาเคน, เหฏฺโต หิ ปุคฺคลา ทิฏฺิวิปนฺนา, อิธ ทิฏฺิสมฺปนฺนา, น เตสํ สภาคตา อตฺถิ. อารมฺมณํ ปน เหฏฺา ปุคฺคลานมฺปิ ตเทว, อิเมสมฺปิ ตเทวาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อารมฺมณสภาเคน ปุคฺคลํ สมฺปิณฺเฑติ โน ปุคฺคลสภาเคนา’’ติ. โยปิ โสติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อิทานิ วตฺตพฺพํ เสกฺขํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺโพ. ภิกฺขเว, ภิกฺขูติ อิทํ วุตฺตนยเมว.
เสกฺโขติ ¶ เกนฏฺเน เสกฺโข? เสกฺขธมฺมปฺปฏิลาภโต เสกฺโข. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, เสกฺโข โหตีติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสกฺขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ…เป… เสกฺเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหติ. เอตฺตาวตา โข ภิกฺขุ, เสกฺโข โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๓). อปิจ สิกฺขตีติปิ เสกฺโข. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สิกฺขตีติ โข ภิกฺขุ ตสฺมา เสกฺโขติ วุจฺจติ. กิฺจ สิกฺขติ? อธิสีลมฺปิ สิกฺขติ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขติ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขติ, สิกฺขตีติ โข ภิกฺขุ ตสฺมา เสกฺโขติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๖).
โยปิ กลฺยาณปุถุชฺชโน อนุโลมปฏิปทาย ปริปูรการี สีลสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ – ‘‘อชฺช วา สฺเว วา อฺตรํ สามฺผลํ อธิคมิสฺสามี’’ติ, โสปิ วุจฺจติ สิกฺขตีติ เสกฺโขติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ปฏิเวธปฺปตฺโตว เสกฺโข อธิปฺเปโต, โน ปุถุชฺชโน.
อปฺปตฺตํ มานสํ เอเตนาติ อปฺปตฺตมานโส. มานสนฺติ ราโคปิ จิตฺตมฺปิ อรหตฺตมฺปิ. ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ ¶ จรติ มานโส’’ติ (มหาว. ๓๓; สํ. นิ. ๑.๑๕๑) เอตฺถ หิ ราโค ¶ มานสํ. ‘‘จิตฺตํ มโน มานส’’นฺติ (ธ. ส. ๖๕) เอตฺถ จิตฺตํ. ‘‘อปฺปตฺตมานโส เสกฺโข, กาลํ กยิรา ชเนสุตา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) เอตฺถ อรหตฺตํ. อิธาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. เตน อปฺปตฺตารหตฺโตติ วุตฺตํ โหติ.
อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ, อสทิสนฺติ อตฺโถ. จตูหิ โยเคหิ เขมํ อนนุยุตฺตนฺติ โยคกฺเขมํ, อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. ปตฺถยมาโนติ ทฺเว ปตฺถนา ตณฺหาปตฺถนา จ, ฉนฺทปตฺถนา จ. ‘‘ปตฺถยมานสฺส หิ ปชปฺปิตานิ, ปเวธิตํ วาปิ ปกปฺปิเตสู’’ติ (สุ. นิ. ๙๐๘) เอตฺถ ตณฺหาปตฺถนา.
‘‘ฉินฺนํ ปาปิมโต โสตํ, วิทฺธสฺตํ วินฬีกตํ;
ปาโมชฺชพหุลา โหถ, เขมํ ปตฺตตฺถ ภิกฺขโว’’ติ. (ม. นิ. ๑.๓๕๒) –
เอตฺถ ¶ กตฺตุกมฺยตา กุสลจฺฉนฺทปตฺถนา. อยเมว อิธาธิปฺเปตา. เตน ปตฺถยมาโนติ ตํ โยคกฺเขมํ ปตฺตุกาโม อธิคนฺตุกาโม ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณ ตปฺปพฺภาโรติ เวทิตพฺโพ. วิหรตีติ อฺํ อิริยาปถทุกฺขํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ กายํ หรติ. อถ วา ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย วิหรตี’’ติอาทินาปิ นิทฺเทสนเยเนตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปถวึ ปถวิโต อภิชานาตีติ ปถวึ ปถวีภาเวน อภิชานาติ, น ปุถุชฺชโน วิย สพฺพาการวิปรีตาย สฺาย สฺชานาติ. อปิจ โข อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานาติ, เอวํ ปถวีติ เอตํ ปถวีภาวํ อธิมุจฺจนฺโต เอว นํ อนิจฺจาติปิ ทุกฺขาติปิ อนตฺตาติปิ เอวํ อภิชานาตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺจ นํ อภิฺตฺวา ปถวึ มา มฺีติ วุตฺตํ โหติ. มฺตีติ มฺิ. อยํ ปน มฺี จ น มฺี จ น วตฺตพฺโพติ. เอตสฺมิฺหิ อตฺเถ อิทํ ปทํ นิปาเตตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. โก ปเนตฺถ อธิปฺปาโยติ. วุจฺจเต, ปุถุชฺชโน ¶ ตาว สพฺพมฺนานํ อปฺปหีนตฺตา มฺตีติ วุตฺโต. ขีณาสโว ปหีนตฺตา น มฺตีติ. เสกฺขสฺส ปน ทิฏฺิมฺนา ปหีนา, อิตรา ปน ตนุภาวํ คตา, เตน โส มฺตีติปิ น วตฺตพฺโพ ปุถุชฺชโน วิย, น มฺตีติปิ น วตฺตพฺโพ ขีณาสโว วิยาติ.
ปริฺเยฺยํ ตสฺสาติ ตสฺส เสกฺขสฺส ตํ มฺนาวตฺถุ โอกฺกนฺตนิยามตฺตา สมฺโพธิปรายณตฺตา จ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺเยฺยํ, อปริฺเยฺยฺจ อปริฺาตฺจ ¶ น โหติ ปุถุชฺชนสฺส วิย, โนปิ ปริฺาตํ ขีณาสวสฺส วิย. เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนยเมว.
เสกฺขวเสน ทุติยนยกถา นิฏฺิตา.
ขีณาสววารตติยาทินยวณฺณนา
๘. เอวํ ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ เสกฺขสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ขีณาสวสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ โยปีติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน อิธ อุภยสภาคตาปิ ลพฺภตีติ ทสฺเสติ. เสกฺโข หิ ขีณาสเวน อริยปุคฺคลตฺตา สภาโค, เตน ปุคฺคลสภาคตา ลพฺภติ, อารมฺมณสภาคตา ปน วุตฺตนยา เอว. อรหนฺติ อารกกิเลโส, ทูรกิเลโส ปหีนกิเลโสติ อตฺโถ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา ‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหติ? อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหตี’’ติ. (ม. นิ. ๑.๔๓๔) ขีณาสโวติ จตฺตาโร อาสวา กามาสโว…เป… อวิชฺชาสโว, อิเม จตฺตาโร อาสวา อรหโต ขีณา ปหีนา สมุจฺฉินฺนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา, อภพฺพุปฺปตฺติกา าณคฺคินา ทฑฺฒา, เตน วุจฺจติ ขีณาสโวติ.
วุสิตวาติ ครุสํวาเสปิ อริยมคฺคสํวาเสปิ ทสสุ อริยวาเสสุปิ วสิ ปริวสิ วุตฺโถ ปริวุตฺโถ, โส วุตฺถวาโส จิณฺณจรโณติ วุสิตวา กตกรณีโยติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกํ อุปาทาย สตฺต เสกฺขา จตูหิ มคฺเคหิ กรณียํ กโรนฺติ นาม, ขีณาสวสฺส สพฺพกรณียานิ กตานิ ปริโยสิตานิ, นตฺถิ ตสฺส อุตฺตริ กรณียํ ทุกฺขกฺขยาธิคมายาติ กตกรณีโย. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘ตสฺส ¶ สมฺมา วิมุตฺตสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
กตสฺส ปฏิจโย นตฺถิ, กรณียํ น วิชฺชตี’’ติ. (เถรคา. ๖๔๒);
โอหิตภาโรติ ตโย ภารา ขนฺธภาโร กิเลสภาโร อภิสงฺขารภาโรติ, ตสฺสิเม ตโย ภารา โอหิตา โอโรปิตา นิกฺขิตฺตา ¶ ปาติตา, เตน วุจฺจติ โอหิตภาโรติ. อนุปฺปตฺตสทตฺโถติ อนุปฺปตฺโต สทตฺถํ, สกตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. กการสฺสายํ ทกาโร กโต, สทตฺโถติ จ อรหตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ อตฺตุปนิพนฺธนฏฺเน อตฺตานํ อวิชหนฏฺเน อตฺตโน ปรมตฺถฏฺเน จ อตฺตโน อตฺโถ สกตฺโถติ วุจฺจติ.
ปริกฺขีณภวสํโยชโนติ ภวสํโยชนานีติ ทส สํโยชนานิ กามราคสํโยชนํ ปฏิฆมานทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสภวราคอิสฺสามจฺฉริยสํโยชนํ อวิชฺชาสํโยชนํ. อิมานิ หิ สตฺเต ภเวสุ สํโยเชนฺติ อุปนิพนฺธนฺติ, ภวํ วา ภเวน สํโยเชนฺติ, ตสฺมา ‘‘ภวสํโยชนานี’’ติ วุจฺจนฺติ. อิมานิ ภวสํโยชนานิ อรหโต ปริกฺขีณานิ ปหีนานิ าณคฺคินา ทฑฺฒานิ, เตน วุจฺจติ ‘‘ปริกฺขีณภวสํโยชโน’’ติ. สมฺมทฺา วิมุตฺโตติ เอตฺถ สมฺมทฺาติ สมฺมา อฺาย. กึ วุตฺตํ โหติ – ขนฺธานํ ขนฺธฏฺํ, อายตนานํ อายตนฏฺํ, ธาตูนํ ¶ ธาตุฏฺํ, ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺํ, สมุทยสฺส ปภวฏฺํ, นิโรธสฺส สนฺตฏฺํ, มคฺคสฺส ทสฺสนฏฺํ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ เอวมาทึ วา เภทํ สมฺมา ยถาภูตํ อฺาย ชานิตฺวา ตีรยิตฺวา ตุลยิตฺวา วิภาเวตฺวา วิภูตํ กตฺวาติ.
วิมุตฺโตติ ทฺเว วิมุตฺติโย จิตฺตสฺส จ วิมุตฺติ นิพฺพานฺจ. อรหา สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตจิตฺตตฺตา จิตฺตวิมุตฺติยาปิ วิมุตฺโต. นิพฺพานํ อธิมุตฺตตฺตา นิพฺพาเนปิ วิมุตฺโต. เตน วุจฺจติ ‘‘สมฺมทฺา วิมุตฺโต’’ติ. ปริฺาตํ ตสฺสาติ ตสฺส อรหโต ตํ มฺนาวตฺถุ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาตํ. ตสฺมา โส ตํ วตฺถุํ น มฺติ, ตํ วา มฺนํ น มฺตีติ วุตฺตํ โหติ, เสสํ วุตฺตนยเมว.
นิพฺพานวาเร ¶ ปน ขยา ราคสฺสาติอาทโย ตโย วารา วุตฺตา. เต ปถวีวาราทีสุปิ วิตฺถาเรตพฺพา. อยฺจ ปริฺาตวาโร นิพฺพานวาเรปิ วิตฺถาเรตพฺโพ. วิตฺถาเรนฺเตน จ ปริฺาตํ ตสฺสาติ สพฺพปเทหิ โยเชตฺวา ปุน ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตาติ โยเชตพฺพํ. เอส นโย อิตเรสุ. เทสนา ปน เอกตฺถ วุตฺตํ สพฺพตฺถ วุตฺตเมว โหตีติ สํขิตฺตา.
ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตาติ เอตฺถ จ ยสฺมา พาหิรโก กาเมสุ วีตราโค, น ขยา ราคสฺส วีตราโค. อรหา ปน ขยา เยว, ตสฺมา วุตฺตํ ¶ ‘‘ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตา’’ติ. เอส นโย โทสโมเหสุปิ. ยถา จ ‘‘ปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ วุตฺเตปิ ปริฺาตตฺตา โส ตํ วตฺถุํ ตํ วา มฺนํ น มฺตีติ อตฺโถ โหติ, เอวมิธาปิ วีตราคตฺตา โส ตํ วตฺถุํ ตํ วา มฺนํ น มฺตีติ ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถ จ ปริฺาตํ ตสฺสาติ อยํ วาโร มคฺคภาวนาปาริปูริทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. อิตเร ปน ผลสจฺฉิกิริยาปาริปูริทสฺสนตฺถนฺติ เวทิตพฺพา. ทฺวีหิ วา การเณหิ อรหา น มฺติ วตฺถุสฺส จ ปริฺาตตฺตา อกุสลมูลานฺจ สมุจฺฉินฺนตฺตา. เตนสฺส ปริฺาตวาเรน วตฺถุโน วตฺถุปริฺํ ทีเปติ, อิตเรหิ อกุสลมูลสมุจฺเฉทนฺติ. ตตฺถ ปจฺฉิเมสุ ตีสุ วาเรสุ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพ, ตีสุ หิ วาเรสุ ราเค อาทีนวํ ทิสฺวา ทุกฺขานุปสฺสี วิหรนฺโต อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน วิมุตฺโต ขยา ราคสฺส วีตราโค โหติ. โทเส อาทีนวํ ทิสฺวา อนิจฺจานุปสฺสี ¶ วิหรนฺโต อนิมิตฺตวิโมกฺเขน วิมุตฺโต ขยา โทสสฺส วีตโทโส โหติ. โมเห อาทีนวํ ทิสฺวา อนตฺตานุปสฺสี วิหรนฺโต สฺุตวิโมกฺเขน วิมุตฺโต ขยา โมหสฺส วีตโมโห โหตีติ.
เอวํ สนฺเต น เอโก ตีหิ วิโมกฺเขหิ วิมุจฺจตีติ ทฺเว วารา น วตฺตพฺพา สิยุนฺติ เจ, ตํ น. กสฺมา? อนิยมิตตฺตา. อนิยเมน หิ วุตฺตํ ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรห’’นฺติ. น ปน วุตฺตํ อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน วา วิมุตฺโต, อิตเรน วาติ, ตสฺมา ยํ อรหโต ยุชฺชติ, ตํ สพฺพํ วตฺตพฺพเมวาติ.
อวิเสเสน วา โย โกจิ อรหา สมาเนปิ ราคาทิกฺขเย วิปริณามทุกฺขสฺส ปริฺาตตฺตา ขยา ราคสฺส วีตราโคติ วุจฺจติ, ทุกฺขทุกฺขสฺส ปริฺาตตฺตา ขยา โทสสฺส วีตโทโสติ. สงฺขารทุกฺขสฺส ปริฺาตตฺตา ขยา โมหสฺส วีตโมโหติ. อิฏฺารมฺมณสฺส วา ปริฺาตตฺตา ขยา ราคสฺส วีตราโค. อนิฏฺารมฺมณสฺส ปริฺาตตฺตา ขยา โทสสฺส วีตโทโส. มชฺฌตฺตารมฺมณสฺส ปริฺาตตฺตา ¶ ขยา โมหสฺส วีตโมโห. สุขาย วา เวทนาย ราคานุสยสฺส สมุจฺฉินฺนตฺตา ขยา ราคสฺส วีตราโค, อิตราสุ ปฏิฆโมหานุสยานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ¶ วีตโทโส วีตโมโห จาติ. ตสฺมา ตํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตา…เป… วีตโมหตฺตา’’ติ.
ขีณาสววเสน ตติยจตุตฺถปฺจมฉฏฺนยกถา นิฏฺิตา.
ตถาคตวารสตฺตมนยวณฺณนา
๑๒. เอวํ ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ ขีณาสวสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ตถาคโตปิ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ ตถาคโตติ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโตติ วุจฺจติ – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถาวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ.
กถํ ¶ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา, ยถา วิปสฺสี ภควา อาคโต, ยถา สิขี ภควา, ยถา เวสฺสภู ภควา, ยถา กกุสนฺโธ ภควา, ยถา โกณาคมโน ภควา, ยถา กสฺสโป ภควา อาคโตติ. กึ วุตฺตํ โหติ? เยน อภินีหาเรน เอเต ภควนฺโต อาคตา, เตเนว อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต.
อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา, สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมึ ปูเรตฺวา, อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ, สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา, องฺคปริจฺจาคํ นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาคนฺติ อิเม ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย ปูเรตฺวา, พุทฺธิจริยาย โกฏึ ปตฺวา อาคโต, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต.
ยถา จ วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา จตฺตาโร สติปฏฺาเน สมฺมปฺปธาเน อิทฺธิปาเท ปฺจินฺทฺริยานิ ปฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺเค อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคโต, ตถา อมฺหากํ ¶ ภควาปิ อาคโตติ ตถาคโต.
ยเถว ¶ โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมาติ.
เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต. ยถา สมฺปติชาโต วิปสฺสี ภควา คโต…เป… กสฺสโป ภควา คโต. กถฺจ โส คโตติ, โส หิ สมฺปติชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คโต. ยถาห – สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสตฺโต สเมหิ ¶ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธารียมาเน, สพฺพา จ ทิสา อนุวิโลเกติ, อาสภิฺจ วาจํ ภาสติ ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๗).
ตฺจสฺส คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. ยฺหิ โส สมฺปติชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปติฏฺหิ, อิทมสฺส จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อุตฺตราภิมุขภาโว ปน สพฺพโลกุตฺตรภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. สตฺตปทวีติหาโร สตฺตโพชฺฌงฺครตนปฏิลาภสฺส. ‘‘สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา’’ติ (สุ. นิ. ๖๙๓) เอตฺถ วุตฺโต จามรุกฺเขโป สพฺพติตฺถิยนิมฺมถนสฺส. เสตจฺฉตฺตธารณํ อรหตฺตวิมุตฺติวรวิมลเสตจฺฉตฺตปฏิลาภสฺส. สพฺพทิสานุวิโลกนํ สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺส. อาสภีวาจาภาสนํ อปฺปฏิวตฺติยวรธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ตถา อยํ ภควาปิ คโต. ตฺจสฺส คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ เตสฺเว วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. เตนาหุ โปราณา –
‘‘มุหุตฺตชาโตว ควมฺปตี ยถา,
สเมหิ ปาเทหิ ผุสี วสุนฺธรํ;
โส วิกฺกมี สตฺต ปทานิ โคตโม,
เสตฺจ ฉตฺตํ อนุธารยุํ มรู.
คนฺตฺวาน ¶ ¶ โส สตฺต ปทานิ โคตโม,
ทิสา วิโลเกสิ สมา สมนฺตโต;
อฏฺงฺคุเปตํ คิรมพฺภุทีรยี,
สีโห ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ. –
เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต.
อถ ¶ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา, อยมฺปิ ภควา ตเถว เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทํ ปหาย คโต. อพฺยาปาเทน พฺยาปาทํ, อาโลกสฺาย ถินมิทฺธํ, อวิกฺเขเปน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉํ ปหาย, าเณน อวิชฺชํ ปทาเลตฺวา, ปาโมชฺเชน อรตึ วิโนเทตฺวา, ปมชฺฌาเนน นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา, ทุติยชฺฌาเนน วิตกฺกวิจารธูมํ วูปสเมตฺวา, ตติยชฺฌาเนน ปีตึ วิราเชตฺวา, จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหาย, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสฺาปฏิฆสฺานานตฺตสฺาโย สมติกฺกมิตฺวา, วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติยา อากาสานฺจายตนสฺํ, อากิฺจฺายตนสมาปตฺติยา วิฺาณฺจายตนสฺํ, เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺํ สมติกฺกมิตฺวา คโต.
อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺํ ปหาย, ทุกฺขานุปสฺสนาย สุขสฺํ, อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสฺํ, นิพฺพิทานุปสฺสนาย นนฺทึ, วิราคานุปสฺสนาย ราคํ, นิโรธานุปสฺสนาย สมุทยํ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทานํ, ขยานุปสฺสนาย ฆนสฺํ, วยานุปสฺสนาย อายูหนํ, วิปริณามานุปสฺสนาย ธุวสฺํ, อนิมิตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตํ, อปฺปณิหิตานุปสฺสนาย ปณิธึ, สฺุตานุปสฺสนาย อภินิเวสํ, อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย สาราทานาภินิเวสํ, ยถาภูตาณทสฺสเนน สมฺโมหาภินิเวสํ, อาทีนวานุปสฺสนาย อาลยาภินิเวสํ, ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย อปฺปฏิสงฺขํ, วิวฏฺฏานุปสฺสนาย สํโยคาภินิเวสํ, โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺเกฏฺเ กิเลเส ภฺชิตฺวา, สกทาคามิมคฺเคน โอฬาริเก กิเลเส ปหาย, อนาคามิมคฺเคน อณุสหคเต กิเลเส สมุคฺฆาเฏตฺวา, อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลเส สมุจฺฉินฺทิตฺวา คโต. เอวมฺปิ ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ¶ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต. ปถวีธาตุยา กกฺขฬตฺตลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ. อาโปธาตุยา ปคฺฆรณลกฺขณํ. เตโชธาตุยา อุณฺหตฺตลกฺขณํ. วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภนลกฺขณํ. อากาสธาตุยา อสมฺผุฏฺลกฺขณํ ¶ . วิฺาณธาตุยา วิชานนลกฺขณํ.
รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ. เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ. สฺาย สฺชานนลกฺขณํ. สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ. วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ.
วิตกฺกสฺส ¶ อภินิโรปนลกฺขณํ. วิจารสฺส อนุมชฺชนลกฺขณํ. ปีติยา ผรณลกฺขณํ. สุขสฺส สาตลกฺขณํ. จิตฺเตกคฺคตาย อวิกฺเขปลกฺขณํ. ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ.
สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขลกฺขณํ. วีริยินฺทฺริยสฺส ปคฺคหณลกฺขณํ. สตินฺทฺริยสฺส อุปฏฺานลกฺขณํ. สมาธินฺทฺริยสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ. ปฺินฺทฺริยสฺส ปชานนลกฺขณํ.
สทฺธาพลสฺส อสฺสทฺธิเย อกมฺปิยลกฺขณํ. วีริยพลสฺส โกสชฺเช. สติพลสฺส มุฏฺสจฺเจ. สมาธิพลสฺส อุทฺธจฺเจ. ปฺาพลสฺส อวิชฺชาย อกมฺปิยลกฺขณํ.
สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฏฺานลกฺขณํ. ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปวิจยลกฺขณํ. วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปคฺคหณลกฺขณํ. ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ผรณลกฺขณํ. ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปสมลกฺขณํ. สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ. อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปฏิสงฺขานลกฺขณํ.
สมฺมาทิฏฺิยา ทสฺสนลกฺขณํ. สมฺมาสงฺกปฺปสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ. สมฺมาวาจาย ปริคฺคาหลกฺขณํ. สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมุฏฺานลกฺขณํ. สมฺมาอาชีวสฺส โวทานลกฺขณํ. สมฺมาวายามสฺส ปคฺคหณลกฺขณํ. สมฺมาสติยา อุปฏฺานลกฺขณํ. สมฺมาสมาธิสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ.
อวิชฺชาย อฺาณลกฺขณํ. สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณํ. วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ. นามสฺส นมนลกฺขณํ. รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ. สฬายตนสฺส อายตนลกฺขณํ. ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ. เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ. ตณฺหาย เหตุลกฺขณํ. อุปาทานสฺส คหณลกฺขณํ. ภวสฺส อายูหนลกฺขณํ. ชาติยา นิพฺพตฺติลกฺขณํ. ชราย ชีรณลกฺขณํ. มรณสฺส จุติลกฺขณํ.
ธาตูนํ ¶ สฺุตาลกฺขณํ. อายตนานํ อายตนลกฺขณํ. สติปฏฺานานํ อุปฏฺานลกฺขณํ. สมฺมปฺปธานานํ ปทหนลกฺขณํ. อิทฺธิปาทานํ อิชฺฌนลกฺขณํ. อินฺทฺริยานํ อธิปติลกฺขณํ. พลานํ อกมฺปิยลกฺขณํ. โพชฺฌงฺคานํ นิยฺยานลกฺขณํ. มคฺคสฺส เหตุลกฺขณํ.
สจฺจานํ ¶ ตถลกฺขณํ. สมถสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ. วิปสฺสนาย อนุปสฺสนาลกฺขณํ. สมถวิปสฺสนานํ เอกรสลกฺขณํ. ยุคนนฺธานํ ¶ อนติวตฺตนลกฺขณํ.
สีลวิสุทฺธิยา สํวรลกฺขณํ. จิตฺตวิสุทฺธิยา อวิกฺเขปลกฺขณํ. ทิฏฺิวิสุทฺธิยา ทสฺสนลกฺขณํ.
ขเยาณสฺส สมุจฺเฉทลกฺขณํ. อนุปฺปาเท าณสฺส ปสฺสทฺธิลกฺขณํ. ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณํ. มนสิการสฺส สมุฏฺานลกฺขณํ. ผสฺสสฺส สโมธานลกฺขณํ. เวทนาย สโมสรณลกฺขณํ. สมาธิสฺส ปมุขลกฺขณํ. สติยา อาธิปเตยฺยลกฺขณํ. ปฺาย ตตุตฺตริลกฺขณํ. วิมุตฺติยา สารลกฺขณํ. อมโตคธสฺส นิพฺพานสฺส ปริโยสานลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ. เอวํ ตถลกฺขณํ าณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต อนุปฺปตฺโตติ ตถาคโต, เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ, อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๕๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. อภิสมฺพุทฺธตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโท. อปิจ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ. ตถา อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ. สงฺขารานํ วิฺาณสฺส ปจฺจยฏฺโ…เป… ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ. ตํ สพฺพํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ตถานํ ธมฺมานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ ¶ วุจฺจติ. เอวํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ภควา ยํ สเทวเก โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ. ตํ สพฺพาการโต ชานาติ, ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จ เตน ตํ อิฏฺานิฏฺาทิวเสน ¶ วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานกปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ, ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ ¶ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติ (ธ. ส. ๖๑๖) อาทินา นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺเวปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, …ตมหํ อภิฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔). เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. ตตฺถ ตถทสฺสีอตฺเถ ตถาคโตติ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
กถํ ตถาวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺตึ ภควา โพธิมณฺเฑ อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ยฺจ รตฺตึ ยมกสาลานมนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาเณ กาเล ปมโพธิยาปิ มชฺฌิมโพธิยาปิ ปจฺฉิมโพธิยาปิ ยํ ภควตา ภาสิตํ สุตฺตํ เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ, ตํ สพฺพํ อตฺถโต จ พฺยฺชนโต จ อนุปวชฺชํ อนูนมนธิกํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ราคมทนิมฺมทนํ โทสโมหมทนิมฺมทนํ, นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ ปกฺขลิตํ, สพฺพํ ตํ เอกมุทฺทิกาย ลฺฉิตํ วิย, เอกนาฬิยา มิตํ วิย, เอกตุลาย ตุลิตํ วิย จ ตถเมว โหติ อวิตถํ. เตนาห – ‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ โน อฺถา. ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). คทอตฺโถ ¶ หิ เอตฺถ คตสทฺโท. เอวํ ตถาวาทิตาย ตถาคโต. อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตสฺมึ อตฺเถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
กถํ ¶ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา. ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํภูตสฺส จสฺส ยถา วาจา ¶ , กาโยปิ ตถาคโต ปวตฺโตติ อตฺโถ. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ ตถาคโต. เตนาห ‘‘ยถาวาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที, ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต.
กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวิจึ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ, สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร ราชราโช เทวเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา. เตนาห ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุ ทโส วสวตฺตี. ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา, อคโท วิย อคโท. โก ปเนส? เทสนาวิลาสมโย เจว ปฺุุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก ทิพฺพาคเทน สปฺเป วิย สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ, อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต เทสนาวิลาสมโย เจว ปฺุสฺสโย จ อคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
อปิจ ตถาย คโตติปิ ตถาคโต, ตถํ คโตติปิ ตถาคโต. คโตติ อวคโต, อตีโต, ปตฺโต, ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ. ตตฺถ ¶ สกลํ โลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต. โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต ปตฺโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถํ คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. เตน ยํ วุตฺตํ ภควตา ‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ¶ ปหีโน. โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา. ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส ¶ โลกสฺส…เป… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ, ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). ตสฺส เอวมฺปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทมฺปิ จ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตเมว. สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ตถาคตภาวํ วณฺเณยฺย.
อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ ปททฺวเย ปน อารกตฺตา อรีนํ, อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ อรหนฺติ เวทิตพฺโพ.
สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนตํ ปททฺวยํ วิสุทฺธิมคฺเค พุทฺธานุสฺสติวณฺณนายํ ปกาสิตํ.
ปริฺาตนฺตํ ตถาคตสฺสาติ เอตฺถ ปน ตํ มฺนาวตฺถุ ปริฺาตํ ตถาคตสฺสาติปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปริฺาตนฺตํ นาม ปริฺาตปารํ ปริฺาตาวสานํ อนวเสสโต ปริฺาตนฺติ วุตฺตํ โหติ. พุทฺธานฺหิ สาวเกหิ สทฺธึ กิฺจาปิ เตน เตน มคฺเคน กิเลสปฺปหาเน วิเสโส นตฺถิ, ปริฺาย ปน อตฺถิ. สาวกา หิ จตุนฺนํ ธาตูนํ เอกเทสเมว สมฺมสิตฺวา นิพฺพานํ ปาปุณนฺติ. พุทฺธานํ ปน อณุปฺปมาณมฺปิ สงฺขารคตํ าเณน อทิฏฺมตุลิตมตีริตมสจฺฉิกตํ นตฺถิ.
ตถาคตวารสตฺตมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตถาคตวารอฏฺมนยวณฺณนา
๑๓. นนฺที ¶ ทุกฺขสฺส มูลนฺติอาทีสุ จ นนฺทีติ ปุริมตณฺหา. ทุกฺขนฺติ ปฺจกฺขนฺธา. มูลนฺติอาทิ. อิติ วิทิตฺวาติ ตํ ปุริมภวนนฺทึ ‘‘อิมสฺส ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ เอวํ ชานิตฺวา. ภวาติ กมฺมภวโต. ชาตีติ วิปากกฺขนฺธา. เต หิ ยสฺมา ชายนฺติ, ตสฺมา ‘‘ชาตี’’ติ วุตฺตา. ชาติสีเสน วา อยํ เทสนา. เอตมฺปิ ‘‘อิติ วิทิตฺวา’’ติ อิมินา โยเชตพฺพํ. อยฺหิ เอตฺถ อตฺโถ ‘‘กมฺมภวโต อุปปตฺติภโว โหตีติ เอวฺจ ชานิตฺวา’’ติ. ภูตสฺสาติ ¶ สตฺตสฺส. ชรามรณนฺติ ชรา จ ¶ มรณฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เตน อุปปตฺติภเวน ภูตสฺส สตฺตสฺส ขนฺธานํ ชรามรณํ โหตีติ เอวฺจ ชานิตฺวาติ.
เอตฺตาวตา ยํ โพธิรุกฺขมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน สมฺมสิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต, ตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปฏิเวธา มฺนานํ อภาวการณํ ทสฺเสนฺโต จตุสงฺเขปํ ติสนฺธึ ติยทฺธํ วีสตาการํ ตเมว ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ทสฺเสติ.
กถํ ปน เอตฺตาวตา เอส สพฺโพ ทสฺสิโต โหตีติ. เอตฺถ หิ นนฺทีติ อยํ เอโก สงฺเขโป. ทุกฺขสฺสาติ วจนโต ทุกฺขํ ทุติโย, ภวา ชาตีติ วจนโต ภโว ตติโย, ชาติชรามรณํ จตุตฺโถ. เอวํ ตาว จตฺตาโร สงฺเขปา เวทิตพฺพา, โกฏฺาสาติ อตฺโถ. ตณฺหาทุกฺขานํ ปน อนฺตรํ เอโก สนฺธิ, ทุกฺขสฺส จ ภวสฺส จ อนฺตรํ ทุติโย, ภวสฺส จ ชาติยา จ อนฺตรํ ตติโย. เอวํ จตุนฺนํ องฺคุลีนํ อนฺตรสทิสา จตุสงฺเขปนฺตรา ตโย สนฺธี เวทิตพฺพา.
ตตฺถ นนฺทีติ อตีโต อทฺธา, ชาติชรามรณํ อนาคโต, ทุกฺขฺจ ภโว จ ปจฺจุปฺปนฺโนติ เอวํ ตโย อทฺธา เวทิตพฺพา. อตีเต ปน ปฺจสุ อากาเรสุ นนฺทีวจเนน ตณฺหา เอกา อาคตา, ตาย อนาคตาปิ อวิชฺชาสงฺขารอุปาทานภวา ปจฺจยลกฺขเณน คหิตาว โหนฺติ. ชาติชรามรณวจเนน ปน เยสํ ขนฺธานํ ตชฺชาติชรามรณํ, เต วุตฺตา เยวาติ กตฺวา อายตึ วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนา คหิตาว โหนฺติ.
เอวเมเต ‘‘ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโว อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ ¶ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา. อิธ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ, โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส, เวทยิตํ เวทนา อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธูปปตฺติภวสฺมึ ปุเรกตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา. อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนมุปาทานํ, เจตนา ภโว อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธ กมฺมภวสฺมึ อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา. อายตึ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ, โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส ¶ , เวทยิตํ เวทนา อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อายตึ อุปปตฺติภวสฺมึ อิธ ¶ กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา’’ติ เอวํ นิทฺทิฏฺลกฺขณา วีสติ อาการา อิธ เวทิตพฺพา. เอวํ ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูลนฺติ อิติ วิทิตฺวา ภวา ชาติ, ภูตสฺส ชรามรณ’’นฺติ เอตฺตาวตา เอส สพฺโพปิ จตุสงฺเขโป ติสนฺธิ ติยทฺโธ วีสตากาโร ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ตสฺมา ติห, ภิกฺขเว…เป… อภิสมฺพุทฺโธติ วทามีติ เอตฺถ อปุพฺพปทวณฺณนํ กตฺวา ปทโยชนาย อตฺถนิคมนํ กริสฺสาม. ตสฺมา ติหาติ ตสฺมา อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. ติการหการา หิ นิปาตา. สพฺพโสติ อนวเสสวจนเมตํ. ตณฺหานนฺติ นนฺทีติ เอวํ วุตฺตานํ สพฺพตณฺหานํ. ขยาติ โลกุตฺตรมคฺเคน อจฺจนฺตกฺขยา. วิราคาทีนิ ขยเววจนาเนว. ยา หิ ตณฺหา ขีณา, วิรตฺตาปิ ตา ภวนฺติ นิรุทฺธาปิ จตฺตาปิ ปฏินิสฺสฏฺาปิ. ขยาติ วา จตุมคฺคกิจฺจสาธารณเมตํ. ตโต ปมมคฺเคน วิราคา, ทุติเยน นิโรธา, ตติเยน จาคา, จตุตฺเถน ปฏินิสฺสคฺคาติ โยเชตพฺพํ. ยาหิ วา ตณฺหาหิ ปถวึ ปถวิโต สฺชาเนยฺย, ตาสํ ขยา. ยาหิ ปถวึ มฺเยฺย, ตาสํ วิราคา. ยาหิ ปถวิยา มฺเยฺย, ตาสํ นิโรธา. ยาหิ ปถวิโต มฺเยฺย, ตาสํ จาคา. ยาหิ ปถวึ เมติ มฺเยฺย, ตาสํ ปฏินิสฺสคฺคา. ยาหิ วา ปถวึ มฺเยฺย, ตาสํ ขยา…เป… ยาหิ ปถวึ อภินนฺเทยฺย, ตาสํ ปฏินิสฺสคฺคาติ เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพา, น กิฺจิ วิรุชฺฌติ.
อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฏฺํ. สมฺมาสมฺโพธินฺติ สมฺมา สามฺจ โพธึ. อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธึ. โพธีติ รุกฺโขปิ มคฺโคปิ สพฺพฺุตาณมฺปิ นิพฺพานมฺปิ. ‘‘โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) จ ‘‘อนฺตรา ¶ จ โพธึ อนฺตรา จ คย’’นฺติ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕) จ อาคตฏฺาเนหิ รุกฺโข โพธีติ วุจฺจติ. ‘‘จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ๑๒๑) อาคตฏฺาเน มคฺโค. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) อาคตฏฺาเน สพฺพฺุตาณํ. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ อาคตฏฺาเน นิพฺพานํ. อิธ ปน ภควโต อรหตฺตมคฺคาณํ อธิปฺเปตํ. อปเร สพฺพฺุตาณนฺติปิ วทนฺติ.
สาวกานํ ¶ ¶ อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ โหติ น โหตีติ. น โหติ. กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตา. เตสฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมคฺโค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติสฺโส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิฺา, กสฺสจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมีาณํ. ปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณเมว เทติ. พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺตึ เทติ อภิเสโก วิย รฺโ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํ. ตสฺมา อฺสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหตีติ.
อภิสมฺพุทฺโธติ อภิฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ, ปตฺโต อธิคโตติ วุตฺตํ โหติ. อิติ วทามีติ อิติ วทามิ อาจิกฺขามิ เทเสมิ ปฺเปมิ, ปฏฺเปมิ วิวรามิ วิภชามิ อุตฺตานีกโรมีติ. ตตฺรายํ โยชนา – ตถาคโตปิ, ภิกฺขเว…เป… ปถวึ น มฺติ…เป… ปถวึ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ, นนฺที ทุกฺขสฺส มูลํ, ภวา ชาติ, ภูตสฺส ชรามรณนฺติ อิติ วิทิตฺวาติ. ตตฺถ อิติ วิทิตฺวาติ อิติกาโร การณตฺโถ. เตน อิมสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส วิทิตตฺตา ปฏิวิทฺธตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. กิฺจ ภิยฺโย – ยสฺมา จ เอวมิมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ วิทิตฺวา ตถาคตสฺส ยา นนฺทีติ วุตฺตตณฺหา สพฺพปฺปการา, สา ปหีนา, ตาสฺจ ตถาคโต สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา…เป… อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ. ตสฺมา ปถวึ น มฺติ…เป… ปถวึ นาภินนฺทตีติ วทามีติ เอวํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา น มฺติ นาภินนฺทตีติ วทามีติ วุตฺตํ โหติ.
อถ วา ยสฺมา ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติอาทินา นเยน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ วิทิตฺวา สพฺพโส ตณฺหา ขยํ คตา, ตสฺมา ติห, ภิกฺขเว, ตถาคโต สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา…เป… อภิสมฺพุทฺโธติ วทามิ. โส เอวํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ¶ ปถวึ น มฺติ…เป… นาภินนฺทตีติ. ยตฺถ ยตฺถ หิ ยสฺมาติ อวตฺวา ตสฺมาติ วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ยสฺมาติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ, อยํ สาสนยุตฺติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อิทมโวจ ภควาติ อิทํ นิทานาวสานโต ปภุติ ยาว อภิสมฺพุทฺโธติ วทามีติ สกลสุตฺตนฺตํ ภควา ปเรสํ ปฺาย อลพฺภเณยฺยปติฏฺํ ปรมคมฺภีรํ สพฺพฺุตาณํ ทสฺเสนฺโต เอเกน ปุถุชฺชนวาเรน เอเกน ¶ เสกฺขวาเรน จตูหิ ขีณาสววาเรหิ ทฺวีหิ ตถาคตวาเรหีติ อฏฺหิ ¶ มหาวาเรหิ เอกเมกสฺมิฺจ วาเร ปถวีอาทีหิ จตุวีสติยา อนฺตรวาเรหิ ปฏิมณฺเฑตฺวา ทฺเวภาณวารปริมาณาย ตนฺติยา อโวจ.
เอวํ วิจิตฺรนยเทสนาวิลาสยุตฺตํ ปเนตํ สุตฺตํ กรวิกรุทมฺชุนา กณฺณสุเขน ปณฺฑิตชนหทยานํ อมตาภิเสกสทิเสน พฺรหฺมสฺสเรน ภาสมานสฺสาปิ. น เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ เต ปฺจสตา ภิกฺขู อิทํ ภควโต วจนํ นานุโมทึสุ. กสฺมา? อฺาณเกน. เต กิร อิมสฺส สุตฺตสฺส อตฺถํ น ชานึสุ, ตสฺมา นาภินนฺทึสุ. เตสฺหิ ตสฺมึ สมเย เอวํ วิจิตฺรนยเทสนาวิลาสยุตฺตมฺปิ เอตํ สุตฺตํ ฆนปุถุเลน ทุสฺสปฏฺเฏน มุเข พนฺธํ กตฺวา ปุรโต ปิตมนฺุโภชนํ วิย อโหสิ. นนุ จ ภควา อตฺตนา เทสิตํ ธมฺมํ ปเร าเปตุํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต. โส กสฺมา ยถา เต น ชานนฺติ, ตถา เทเสสีติ. วุตฺตมิทํ อิมสฺส สุตฺตสฺส นิกฺเขปวิจารณายํ เอว ‘‘มานภฺชนตฺถํ สพฺพธมฺมมูลปริยายนฺติ เทสนํ อารภี’’ติ, ตสฺมา น ยิธ ปุน วตฺตพฺพมตฺถิ, เอวํ มานภฺชนตฺถํ เทสิตฺจ ปเนตํ สุตฺตํ สุตฺวา เต ภิกฺขู ตํเยว กิร ปถวึ ทิฏฺิคติโกปิ สฺชานาติ, เสกฺโขปิ อรหาปิ ตถาคโตปิ สฺชานาติ. กินฺนามิทํ กถํ นามิทนฺติ จินฺเตนฺตา ปุพฺเพ มยํ ภควตา กถิตํ ยํกิฺจิ ขิปฺปเมว ชานาม, อิทานิ ปนิมสฺส มูลปริยายสฺส อนฺตํ วา โกฏึ วา น ชานาม น ปสฺสาม, อโห พุทฺธา นาม อปฺปเมยฺยา อตุลาติ อุทฺธฏทาา วิย สปฺปา นิมฺมทา หุตฺวา พุทฺธุปฏฺานฺจ ธมฺมสฺสวนฺจ สกฺกจฺจํ อาคมํสุ.
เตน ¶ โข ปน สมเยน ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา อิมํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห พุทฺธานํ อานุภาโว, เต นาม พฺราหฺมณปพฺพชิตา ตถา มานมทมตฺตา ภควตา มูลปริยายเทสนาย นิหตมานา กตา’’ติ, อยฺจรหิ เตสํ ภิกฺขูนํ อนฺตรากถา วิปฺปกตา. อถ ¶ ภควา คนฺธกุฏิยา นิกฺขมิตฺวา ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน ธมฺมสภายํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา เต ภิกฺขู อาห – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ. เต ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ อหํ อิเม เอวํ มานปคฺคหิตสิเร วิจรนฺเต นิหตมาเน อกาสิ’’นฺติ. ตโต อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ อตีตํ อาเนสิ –
ภูตปุพฺพํ ¶ , ภิกฺขเว, อฺตโร ทิสาปาโมกฺโข พฺราหฺมโณ พาราณสิยํ ปฏิวสติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฏุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, โส ปฺจมตฺตานิ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจติ. ปณฺฑิตา มาณวกา พหฺุจ คณฺหนฺติ ลหฺุจ, สุฏฺุ จ อุปธาเรนฺติ, คหิตฺจ เตสํ น วินสฺสติ. โสปิ พฺราหฺมโณ อาจริยมุฏฺึ อกตฺวา ฆเฏ อุทกํ อาสิฺจนฺโต วิย สพฺพมฺปิ สิปฺปํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา เต มาณวเก เอตทโวจ ‘‘เอตฺตกมิทํ สิปฺปํ ทิฏฺธมฺมสมฺปรายหิต’’นฺติ. เต มาณวกา – ‘‘ยํ อมฺหากํ อาจริโย ชานาติ, มยมฺปิ ตํ ชานาม, มยมฺปิ ทานิ อาจริยา เอวา’’ติ มานํ อุปฺปาเทตฺวา ตโต ปภุติ อาจริเย อคารวา นิกฺขิตฺตวตฺตา วิหรึสุ. อาจริโย ตฺวา ‘‘กริสฺสามิ เนสํ มานนิคฺคห’’นฺติ จินฺเตสิ. โส เอกทิวสํ อุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺเน เต มาณวเก อาห ‘‘ตาตา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, กจฺจิตฺถ สมตฺถา กเถตุ’’นฺติ. เต ‘‘ปุจฺฉถ อาจริย, ปุจฺฉถ อาจริยา’’ติ สหสาว อาหํสุ, ยถา ตํ สุตมทมตฺตา. อาจริโย อาห –
‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา;
โย จ กาลฆโส ภูโต, ส ภูตปจนึ ปจี’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๑๙๐) –
วิสฺสชฺเชถ ตาตา อิมํ ปฺหนฺติ.
เต ¶ จินฺเตตฺวา อชานมานา ตุณฺหี อเหสุํ. อาจริโย อาห ‘‘อลํ ตาตา คจฺฉถชฺช, สฺเว กเถยฺยาถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ทสปิ วีสติปิ สมฺปิณฺฑิตา หุตฺวา น ตสฺส ปฺหสฺส อาทึ, น อนฺตมทฺทสํสุ. อาคนฺตฺวา อาจริยสฺส อาโรเจสุํ ‘‘น อิมสฺส ปฺหสฺส อตฺถํ อาชานามา’’ติ. อาจริโย เตสํ นิคฺคหตฺถาย อิมํ คาถมภาสิ –
‘‘พหูนิ ¶ นรสีสานิ, โลมสานิ พฺรหานิ จ;
คีวาสุ ปฏิมุกฺกานิ, โกจิเทเวตฺถ กณฺณวา’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๑๙๑) –
คาถายตฺโถ – พหูนิ นรานํ สีสานิ ทิสฺสนฺติ, สพฺพานิ จ ตานิ โลมสานิ สพฺพานิ จ มหนฺตานิ ¶ คีวายเมว จ ปิตานิ, น ตาลผลํ วิย หตฺเถน คหิตานิ, นตฺถิ เตสํ อิเมหิ ธมฺเมหิ นานากรณํ. เอตฺถ ปน โกจิเทว กณฺณวาติ อตฺตานํ สนฺธายาห. กณฺณวาติ ปฺวา. กณฺณจฺฉิทฺทํ ปน น กสฺสจิ นตฺถิ, ตํ สุตฺวา เต มาณวกา มงฺกุภูตา ปตฺตกฺขนฺธา อโธมุขา องฺคุลิยา ภูมึ วิลิขนฺตา ตุณฺหี อเหสุํ.
อถ เนสํ อหิริกภาวํ ปสฺสิตฺวา อาจริโย ‘‘อุคฺคณฺหถ ตาตา ปฺห’’นฺติ ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. กาโลติ ปุเรภตฺตกาโลปิ ปจฺฉาภตฺตกาโลปีติ เอวมาทิ. ภูตานีติ สตฺตาธิวจนเมตํ. กาโล หิ ภูตานํ น จมฺมมํสาทีนิ ขาทติ, อปิจ โข เนสํ อายุวณฺณพลานิ เขเปนฺโต โยพฺพฺํ มทฺทนฺโต อาโรคฺยํ วินาเสนฺโต ฆสติ ขาทตีติ วุจฺจติ. สพฺพาเนว สหตฺตนาติ เอวํ ฆสนฺโต จ น กิฺจิ วชฺเชติ, สพฺพาเนว ฆสติ. น เกวลฺจ ภูตานิเยว, อปิจ โข สหตฺตนา อตฺตานมฺปิ ฆสติ. ปุเรภตฺตกาโล หิ ปจฺฉาภตฺตกาลํ น ปาปุณาติ. เอส นโย ปจฺฉาภตฺตกาลาทีสุ. โย จ กาลฆโส ภูโตติ ขีณาสวสฺเสตํ อธิวจนํ. โส หิ อายตึ ปฏิสนฺธิกาลํ เขเปตฺวา ขาทิตฺวา ิตตฺตา ‘‘กาลฆโส’’ติ วุจฺจติ. ส ภูตปจนึ ปจีติ โส ยายํ ตณฺหา อปาเยสุ ภูเต ปจติ, ตํ าณคฺคินา ปจิ ทยฺหิ ภสฺมมกาสิ, เตน ‘‘ภูตปจนึ ปจี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘ปชนิ’’นฺติปิ ปาโ. ชนิกํ นิพฺพตฺติกนฺติ อตฺโถ.
อถ เต มาณวกา ทีปสหสฺสาโลเกน วิย รตฺตึ สมวิสมํ อาจริยสฺส วิสฺสชฺชเนน ปฺหสฺส อตฺถํ ปากฏํ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ มยํ ยาวชีวํ คุรุวาสํ ¶ วสิสฺสาม, มหนฺตา เอเต อาจริยา นาม, มยฺหิ พหุสฺสุตมานํ อุปฺปาเทตฺวา จตุปฺปทิกคาถายปิ อตฺถํ น ชานามา’’ติ นิหตมานา ปุพฺพสทิสเมว อาจริยสฺส วตฺตปฺปฏิปตฺตึ กตฺวา สคฺคปรายณา อเหสุํ.
อหํ โข, ภิกฺขเว, เตน สมเยน เตสํ อาจริโย อโหสึ, อิเม ภิกฺขู มาณวกา. เอวํ ปุพฺเพปาหํ อิเม เอวํ มานปคฺคหิตสิเร ¶ วิจรนฺเต นิหตมาเน อกาสินฺติ.
อิมฺจ ชาตกํ สุตฺวา เต ภิกฺขู ปุพฺเพปิ มยํ มาเนเนว อุปหตาติ ภิยฺโยโสมตฺตาย นิหตมานา หุตฺวา อตฺตโน อุปการกกมฺมฏฺานปรายณา อเหสุํ.
ตโต ¶ ภควา เอกํ สมยํ ชนปทจาริกํ จรนฺโต เวสาลึ ปตฺวา โคตมเก เจติเย วิหรนฺโต อิเมสํ ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ าณปริปากํ วิทิตฺวา อิมํ โคตมกสุตฺตํ กเถสิ –
‘‘อภิฺายาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ โน อนภิฺาย, สนิทานาหํ…เป… สปฺปาฏิหาริยาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ โน อปฺปาฏิหาริยํ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อภิฺาย ธมฺมํ เทสยโต…เป… โน อปฺปาฏิหาริยํ. กรณีโย โอวาโท, กรณียา อนุสาสนี. อลฺจ ปน โว, ภิกฺขเว, ตุฏฺิยา อลํ อตฺตมนตาย อลํ โสมนสฺสาย. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆติ. อิทมโวจ ภควา, อิมสฺมิฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมึ ภฺมาเน ทสสหสฺสิโลกธาตุ อกมฺปิตฺถา’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๖).
อิทฺจ สุตฺตํ สุตฺวา เต ปฺจสตา ภิกฺขู ตสฺมึเยวาสเน สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, เอวายํ เทสนา เอตสฺมึ าเน นิฏฺมคมาสีติ.
ตถาคตวารอฏฺมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนา
๑๔. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… สาวตฺถิยนฺติ สพฺพาสวสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา – สาวตฺถีติ สวตฺถสฺส อิสิโน นิวาสฏฺานภูตา นครี, ยถา กากนฺที มากนฺที โกสมฺพีติ เอวํ ตาว อกฺขรจินฺตกา. อฏฺกถาจริยา ปน ภณนฺติ ‘‘ยํกิฺจิ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ สพฺพเมตฺถ อตฺถีติ สาวตฺถี. สตฺถสมาโยเค จ กึ ภณฺฑมตฺถีติ ปุจฺฉิเต สพฺพมตฺถี’’ติ วจนมุปาทาย สาวตฺถี.
‘‘สพฺพทา สพฺพูปกรณํ, สาวตฺถิยํ สโมหิตํ;
ตสฺมา สพฺพมุปาทาย, สาวตฺถีติ ปวุจฺจติ.
โกสลานํ ¶ ปุรํ รมฺมํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;
ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุตํ.
วุทฺธึ เวปุลฺลตํ ปตฺตํ, อิทฺธํ ผีตํ มโนรมํ;
อฬกมนฺทาว เทวานํ, สาวตฺถิปุรมุตฺตม’’นฺติ.
ตสฺสํ สาวตฺถิยํ. เชตวเนติ เอตฺถ อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชนํ ชินาตีติ เชโต, รฺา วา อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชเน ชิเต ชาโตติ เชโต, มงฺคลกมฺยตาย วา ตสฺส เอวํนามเมว กตนฺติ เชโต, เชตสฺส วนํ เชตวนํ. ตฺหิ เชเตน ราชกุมาเรน โรปิตํ สํวทฺธิตํ ปริปาลิตํ, โส จ ตสฺส สามี อโหสิ. ตสฺมา เชตวนนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ เชตวเน. อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ เอตฺถ สุทตฺโต นาม โส คหปติ มาตาปิตูหิ กตนามวเสน. สพฺพกามสมิทฺธิตาย ปน วิคตมลมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑมทาสิ, เตน อนาถปิณฺฑิโกติ สงฺขํ คโต. อารมนฺติ เอตฺถ ปาณิโน วิเสเสน วา ปพฺพชิตาติ อาราโม, ตสฺส ปุปฺผผลาทิโสภาย นาติทูรนจฺจาสนฺนตาทิปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยา จ ตโต ตโต อาคมฺม ¶ รมนฺติ อภิรมนฺติ อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา นิวสนฺตีติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย วา สมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตรํเยว อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม. โส หิ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา เชตสฺส ราชกุมารสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ โกฏิสนฺถเรน กีณิตฺวา อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ เสนาสนานิ การาเปตฺวา อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา ¶ เอวํ จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส นิยฺยาทิโต. ตสฺมา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม.
เอตฺถ จ ‘‘เชตวเน’’ติ วจนํ ปุริมสามิปริกิตฺตนํ. ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ ปจฺฉิมสามิปริกิตฺตนํ. กิเมเตสํ ปริกิตฺตเน ปโยชนนฺติ. ปฺุกามานํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนํ. ตตฺร หิ ทฺวารโกฏฺกปาสาทมาปเน ภูมิวิกฺกยลทฺธา อฏฺารส หิรฺโกฏิโย อเนกโกฏิอคฺฆนกา รุกฺขา จ เชตสฺส ปริจฺจาโค, จตุปฺาส ¶ โกฏิโย อนาถปิณฺฑิกสฺส. อิติ เตสํ ปริกิตฺตเนน เอวํ ปฺุกามา ปฺุานิ กโรนฺตีติ ทสฺเสนฺโต อายสฺมา อานนฺโท อฺเปิ ปฺุกาเม เตสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยเชติ.
สพฺพาสวสํวรปริยายํ โว, ภิกฺขเวติ กสฺมา อิทํ สุตฺตมภาสิ? เตสํ ภิกฺขูนํ อุปกฺกิเลสวิโสธนํ อาทึ กตฺวา อาสวกฺขยาย ปฏิปตฺติทสฺสนตฺถํ. ตตฺถ สพฺพาสวสํวรปริยายนฺติ สพฺเพสํ อาสวานํ สํวรการณํ สํวรภูตํ การณํ, เยน การเณน เต สํวริตา ปิทหิตา หุตฺวา อนุปฺปาทนิโรธสงฺขาตํ ขยํ คจฺฉนฺติ ปหียนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ, ตํ การณนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อาสวนฺตีติ อาสวา, จกฺขุโตปิ…เป… มนโตปิ สนฺทนฺติ ปวตฺตนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมโต ยาว โคตฺรภุํ โอกาสโต ยาว ภวคฺคํ สวนฺตีติ วา อาสวา, เอเต ธมฺเม เอตฺจ โอกาสํ อนฺโต กริตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อนฺโตกรณตฺโถ หิ อยํ อากาโร. จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทโย อาสวา, อาสวา วิยาติปิ อาสวา. โลกสฺมิฺหิ จิรปาริวาสิกา มทิราทโย อาสวาติ วุจฺจนฺติ. ยทิ จ จิรปาริวาสิยฏฺเน อาสวา, เอเตเยว ภวิตุมรหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย, อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๖๑). อายตํ วา สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตีติปิ อาสวา. ปุริมานิ เจตฺถ นิพฺพจนานิ ยตฺถ กิเลสา อาสวาติ ¶ อาคจฺฉนฺติ, ตตฺถ ยุชฺชนฺติ, ปจฺฉิมํ กมฺเมปิ. น เกวลฺจ กมฺมกิเลสาเยว อาสวา, อปิจ โข นานปฺปการกา อุปฺปทฺทวาปิ. สุตฺเตสุ หิ ‘‘นาหํ, จุนฺท, ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.
‘‘เยน ¶ เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖); –
เอตฺถ เตภูมกฺจ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา. ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) เอตฺถ ปรูปวาทวิปฺปฏิสารวธพนฺธาทโย ¶ เจว อปายทุกฺขภูตา จ นานปฺปการา อุปทฺทวา. เต ปเนเต อาสวา ยตฺถ ยถา อาคตา, ตตฺถ ตถา เวทิตพฺพา.
เอเต หิ วินเย ตาว ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ ทฺเวธา อาคตา. สฬายตเน ‘‘ตโยเม อาวุโส อาสวา, กามาสโว ภวาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) ติธา อาคตา. อฺเสุ จ สุตฺตนฺเตสุ อภิธมฺเม จ เตเยว ทิฏฺาสเวน สห จตุธา อาคตา. นิพฺเพธิกปริยาเย – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา นิรยคามินิยา, อตฺถิ อาสวา ติรจฺฉานโยนิคามินิยา, อตฺถิ อาสวา เปตฺติวิสยคามินิยา, อตฺถิ อาสวา มนุสฺสโลกคามินิยา, อตฺถิ อาสวา เทวโลกคามินิยา’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) ปฺจธา อาคตา. ฉกฺกนิปาเต – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา’’ติอาทินา นเยน ฉธา อาคตา. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต เตเยว ทสฺสนาปหาตพฺเพหิ สทฺธึ สตฺตธา อาคตาติ. อยํ ตาว อาสวปเท วจนตฺโถ เจว ปเภโท จ.
สํวรปเท ปน สํวรยตีติ สํวโร, ปิทหติ นิวาเรติ ปวตฺติตุํ น เทตีติ อตฺโถ. ตถา ¶ หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๗), ‘‘โสตานํ สํวรํพฺรอูมิ, ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๑) จ อาทีสุ ปิธานฏฺเน สํวรมาห. สฺวายํ สํวโร ปฺจวิโธ โหติ สีลสํวโร สติาณ ขนฺติ วีริยสํวโรติ. ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อยํ สีลสํวโร. ปาติโมกฺขสีลฺหิ ¶ เอตฺถ สํวโรติ วุตฺตํ. ‘‘จกฺขุนฺทฺริเย สํวรมาปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๑๓) สติสํวโร. สติ เหตฺถ สํวโรติ วุตฺตา. ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ อยํ าณสํวโร. าณฺเหตฺถ ปิธียเรติ อิมินา ปิธานฏฺเน สํวโรติ วุตฺตํ. ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส…เป…, อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔-๒๖) ปน นเยน อิเธว ขนฺติวีริยสํวรา อาคตา. เตสฺจ ‘‘สพฺพาสวสํวรปริยาย’’นฺติ อิมินา อุทฺเทเสน สงฺคหิตตฺตา สํวรภาโว เวทิตพฺโพ.
อปิจ ปฺจวิโธปิ ¶ อยํ สํวโร อิธ อาคโตเยว, ตตฺถ ขนฺติวีริยสํวรา ตาว วุตฺตาเยว. ‘‘โส ตฺจ อนาสนํ ตฺจ อโคจร’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๕) อยํ ปเนตฺถ สีลสํวโร. ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๒) อยํ สติสํวโร. สพฺพตฺถ ปฏิสงฺขา าณสํวโร. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน ทสฺสนํ ปฏิเสวนา ภาวนา จ าณสํวโร. ปริยายนฺติ เอเตน ธมฺมาติ ปริยาโย, อุปฺปตฺตึ นิโรธํ วา คจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา ‘‘สพฺพาสวสํวรปริยาย’’นฺติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตํ โหติ.
๑๕. อิทานิ ชานโต อหนฺติอาทีสุ ชานโตติ ชานนฺตสฺส. ปสฺสโตติ ปสฺสนฺตสฺส. ทฺเวปิ ปทานิ เอกตฺถานิ, พฺยฺชนเมว นานํ. เอวํ สนฺเตปิ ชานโตติ าณลกฺขณํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสติ, ชานนลกฺขณฺหิ าณํ. ปสฺสโตติ าณปฺปภาวํ อุปาทาย, ปสฺสนปฺปภาวฺหิ าณํ. าณสมงฺคี ปุคฺคโล จกฺขุมา วิย จกฺขุนา รูปานิ าเณน วิวเฏ ธมฺเม ปสฺสติ. อปิจ โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตุํ ชานโต, อโยนิโสมนสิกาโร ยถา น อุปฺปชฺชติ, เอวํ ปสฺสโตติ อยเมตฺถ สาโร. เกจิ ปนาจริยา พหู ปปฺเจ ภณนฺติ, เต อิมสฺมึ อตฺเถ น ยุชฺชนฺติ.
อาสวานํ ¶ ขยนฺติ อาสวปฺปหานํ อาสวานํ อจฺจนฺตกฺขยสมุปฺปาทํ ขีณาการํ นตฺถิภาวนฺติ อยเมว หิ อิมสฺมิฺจ สุตฺเต, ‘‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) จ อาสวกฺขยตฺโถ. อฺตฺถ ปน มคฺคผลนิพฺพานานิปิ อาสวกฺขโยติ วุจฺจนฺติ. ตถา หิ –
‘‘เสขสฺส ¶ สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา’’ติ. (อิติวุ. ๖๒) –
อาทีสุ มคฺโค อาสวกฺขโยติ วุตฺโต,
‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) ผลํ.
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๕๓) –
อาทีสุ นิพฺพานํ ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุตฺตํ.
โน อชานโต โน อปสฺสโตติ โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส โน วทามีติ อตฺโถ. เอเตน เย อชานโต อปสฺสโตปิ สํวราทีหิเยว ¶ สุทฺธึ วทนฺติ, เต ปฏิกฺขิตฺตา โหนฺติ. ปุริเมน วา ปททฺวเยน อุปาโย วุตฺโต, อิมินา อนุปายปฏิเสโธ. สงฺเขเปน เจตฺถ าณํ อาสวสํวรปริยาโยติ ทสฺสิตํ โหติ.
อิทานิ ยํ ชานโต อาสวานํ ขโย โหติ, ตํ ทสฺเสตุกาโม กิฺจ, ภิกฺขเว, ชานโตติ ปุจฺฉํ อารภิ, ตตฺถ ชานนา พหุวิธา. ทพฺพชาติโก เอว หิ โกจิ ภิกฺขุ ฉตฺตํ กาตุํ ชานาติ, โกจิ จีวราทีนํ อฺตรํ, ตสฺส อีทิสานิ กมฺมานิ วตฺตสีเส ตฺวา กโรนฺตสฺส สา ชานนา มคฺคผลานํ ปทฏฺานํ น โหตีติ น วตฺตพฺพา. โย ปน สาสเน ปพฺพชิตฺวา เวชฺชกมฺมาทีนิ กาตุํ ชานาติ, ตสฺเสวํ ชานโต อาสวา วฑฺฒนฺติเยว, ตสฺมา ยํ ชานโต ¶ ปสฺสโต จ อาสวานํ ขโย โหติ, ตเทว ทสฺเสนฺโต อาห โยนิโส จ มนสิการํ อโยนิโส จ มนสิการนฺติ.
ตตฺถ โยนิโส มนสิกาโร นาม อุปายมนสิกาโร ปถมนสิกาโร, อนิจฺจาทีสุ อนิจฺจนฺติ อาทินา เอว นเยน สจฺจานุโลมิเกน วา จิตฺตสฺส อาวฏฺฏนา อนฺวาวฏฺฏนา อาโภโค สมนฺนาหาโร มนสิกาโร, อยํ วุจฺจติ โยนิโส มนสิกาโรติ.
อโยนิโส มนสิกาโรติ อนุปายมนสิกาโร อุปฺปถมนสิกาโร. อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ ทุกฺเข สุขนฺติ อนตฺตนิ อตฺตาติ อสุเภ สุภนฺติ อโยนิโส มนสิกาโร อุปฺปถมนสิกาโร. สจฺจปฺปฏิกุเลน วา จิตฺตสฺส อาวฏฺฏนา อนฺวาวฏฺฏนา อาโภโค ¶ สมนฺนาหาโร มนสิกาโร, อยํ วุจฺจติ อโยนิโส มนสิกาโรติ. เอวํ โยนิโส มนสิการํ อุปฺปาเทตุํ ชานโต, อโยนิโส มนสิกาโร จ ยถา น อุปฺปชฺชติ, เอวํ ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหติ.
อิทานิ อิมสฺเสวตฺถสฺส ยุตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห อโยนิโส, ภิกฺขเว…เป… ปหียนฺตีติ. เตน กึ วุตฺตํ โหติ, ยสฺมา อโยนิโส มนสิกโรโต อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, โยนิโส มนสิกโรโต ปหียนฺติ, ตสฺมา ชานิตพฺพํ โยนิโส มนสิการํ อุปฺปาเทตุํ ชานโต, อโยนิโส มนสิกาโร จ ยถา น อุปฺปชฺชติ, เอวํ ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหตีติ, อยํ ตาเวตฺถ สงฺเขปวณฺณนา.
อยํ ปน วิตฺถาโร – ตตฺถ ‘‘โยนิโส อโยนิโส’’ติ อิเมหิ ตาว ทฺวีหิ ปเทหิ อาพทฺธํ โหติ อุปริ สกลสุตฺตํ. วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน ¶ หิ อุปริ สกลสุตฺตํ วุตฺตํ. อโยนิโส มนสิการมูลกฺจ วฏฺฏํ, โยนิโส มนสิการมูลกฺจ วิวฏฺฏํ. กถํ? อโยนิโส มนสิกาโร หิ วฑฺฒมาโน ทฺเว ธมฺเม ปริปูเรติ อวิชฺชฺจ ภวตณฺหฺจ. อวิชฺชาย จ สติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ. ตณฺหาย สติ ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ…เป… สมุทโย โหตี’’ติ. เอวํ อยํ อโยนิโส มนสิการพหุโล ปุคฺคโล วาตเวคาภิฆาเตน วิปฺปนฏฺนาวา วิย คงฺคาวฏฺเฏ ปติตโคกุลํ วิย จกฺกยนฺเต ยุตฺตพลิพทฺโท ¶ วิย จ ปุนปฺปุนํ ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ อาวฏฺฏปริวฏฺฏํ กโรติ, เอวํ ตาว อโยนิโส มนสิการมูลกํ วฏฺฏํ.
โยนิโส มนสิกาโร ปน วฑฺฒมาโน – ‘‘โยนิโส มนสิการสมฺปนฺนสฺเสตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวสฺสติ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกริสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๕) วจนโต สมฺมาทิฏฺิปมุขํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ปริปูเรติ. ยา จ สมฺมาทิฏฺิ, สา วิชฺชาติ ตสฺส วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ…เป… เอวํ เอตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ (มหาว. ๑) เอวํ โยนิโส มนสิการมูลกํ วิวฏฺฏํ เวทิตพฺพํ. เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ อาพทฺธํ โหติ อุปริ สกลสุตฺตํ.
เอวํ อาพทฺเธ ¶ เจตฺถ ยสฺมา ปุพฺเพ อาสวปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปฺปตฺติ วุจฺจมานา น ยุชฺชติ. น หิ ปหีนา ปุน อุปฺปชฺชนฺติ. อุปฺปนฺนานํ ปน ปหานํ ยุชฺชติ, ตสฺมา อุทฺเทสปฏิโลมโตปิ ‘‘อโยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อโยนิโส มนสิกโรโตติ วุตฺตปฺปการํ อโยนิโส มนสิการํ อุปฺปาทยโต. อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถ เย ปุพฺเพ อปฺปฏิลทฺธปุพฺพํ จีวราทึ วา ปจฺจยํ อุปฏฺากสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกานํ วา อฺตรํ มนฺุํ วตฺถุํ ปฏิลภิตฺวา, ตํ สุภํ สุขนฺติ อโยนิโส มนสิกโรโต, อฺตรฺตรํ วา ปน อนนุภูตปุพฺพํ อารมฺมณํ ยถา วา ตถา วา อโยนิโส มนสิกโรโต อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, เต อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพา, อฺถา หิ อนมตคฺเค สํสาเร อนุปฺปนฺนา นาม อาสวา น สนฺติ. อนุภูตปุพฺเพปิ จ วตฺถุมฺหิ อารมฺมเณ วา ยสฺส ปกติสุทฺธิยา วา อุทฺเทสปริปุจฺฉาปริยตฺตินวกมฺมโยนิโสมนสิการานํ ¶ วา อฺตรวเสน ปุพฺเพ อนุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉา ตาทิเสน ปจฺจเยน สหสา อุปฺปชฺชนฺติ, อิเมปิ อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพา. เตสุเยว ปน วตฺถารมฺมเณสุ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปนฺนา ปวฑฺฒนฺตีติ วุจฺจนฺติ. อิโต อฺถา หิ ปมุปฺปนฺนานํ วฑฺฒิ นาม นตฺถิ.
โยนิโส ¶ จ โข, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ปน ยสฺส ปกติสุทฺธิยา วา เสยฺยถาปิ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ภทฺทาย จ กาปิลานิยา, อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ วา การเณหิ อาสวา นุปฺปชฺชนฺติ, โส จ ชานาติ ‘‘น โข เม อาสวา มคฺเคน สมุคฺฆาตํ คตา, หนฺท เนสํ สมุคฺฆาตาย ปฏิปชฺชามี’’ติ. ตโต มคฺคภาวนาย สพฺเพ สมุคฺฆาเตติ. ตสฺส เต อาสวา อนุปฺปนฺนา น อุปฺปชฺชนฺตีติ วุจฺจนฺติ. ยสฺส ปน การกสฺเสว สโต สติสมฺโมเสน สหสา อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, ตโต สํเวคมาปชฺชิตฺวา โยนิโส ปทหนฺโต เต อาสเว สมุจฺฉินฺทติ, ตสฺส อุปฺปนฺนา ปหียนฺตีติ วุจฺจนฺติ มณฺฑลารามวาสีมหาติสฺสภูตตฺเถรสฺส วิย. โส กิร ตสฺมึเยว วิหาเร อุทฺเทสํ คณฺหาติ, อถสฺส คาเม ปิณฺฑาย จรโต วิสภาคารมฺมเณ กิเลโส อุปฺปชฺชิ, โส ตํ วิปสฺสนาย วิกฺขมฺเภตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ตสฺส สุปินนฺเตปิ ตํ อารมฺมณํ น อุปฏฺาสิ. โส ‘‘อยํ กิเลโส วฑฺฒิตฺวา อปายสํวตฺตนิโก โหตี’’ติ สํเวคํ ชเนตฺวา อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา วิหารา นิกฺขมฺม มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก ¶ ราคปฏิปกฺขํ อสุภกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คุมฺพนฺตรํ ปวิสิตฺวา ปํสุกูลจีวรํ สนฺถริตฺวา นิสชฺช อนาคามิมคฺเคน ปฺจกามคุณิกราคํ ฉินฺทิตฺวา อุฏฺาย อาจริยํ วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส อุทฺเทสมคฺคํ ปาปุณิ. เย ปน วตฺตมานุปฺปนฺนา, เตสํ ปฏิปตฺติยา ปหานํ นาม นตฺถิ.
๑๖. อิทานิ ‘‘อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปหียนฺตี’’ติ อิทเมว ปทํ คเหตฺวา เย เต อาสวา ปหียนฺติ, เตสํ นานปฺปการโต อฺมฺปิ ปหานการณํ อาวิกาตุํ เทสนํ วิตฺถาเรนฺโต อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพาติอาทิมาห ยถา ตํ เทสนาปเภทกุสโล ธมฺมราชา. ตตฺถ ทสฺสนา ปหาตพฺพาติ ทสฺสเนน ปหาตพฺพา. เอส นโย สพฺพตฺถ.
ทสฺสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๑๗. อิทานิ ¶ ตานิ ปทานิ อนุปุพฺพโต พฺยากาตุกาโม ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา มูลปริยายวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺานํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ มนสิกรณีเย ธมฺเม นปฺปชานาตีติ อาวชฺชิตพฺเพ สมนฺนาหริตพฺเพ ธมฺเม น ปชานาติ. อมนสิกรณีเยติ ตพฺพิปรีเต. เอส นโย เสสปเทสุปิ. ยสฺมา ปน อิเม ธมฺมา มนสิกรณียา, อิเม อมนสิกรณียาติ ¶ ธมฺมโต นิยโม นตฺถิ, อาการโต ปน อตฺถิ. เยนา อากาเรน มนสิกริยมานา อกุสลุปฺปตฺติปทฏฺานา โหนฺติ, เตนากาเรน น มนสิกาตพฺพา. เยน กุสลุปฺปตฺติปทฏฺานา โหนฺติ, เตนากาเรน มนสิกาตพฺพา. ตสฺมา ‘‘ย’สฺส, ภิกฺขเว, ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ย’สฺสาติ เย อสฺส อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส. มนสิกโรโตติ อาวชฺชยโต สมนฺนาหรนฺตสฺส. อนุปฺปนฺโน วา กามาสโวติ เอตฺถ สมุจฺจยตฺโถ วาสทฺโท, น วิกปฺปตฺโถ. ตสฺมา ยถา ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ ¶ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐) วุตฺเต อปทา จ ทฺวิปทา จาติ อตฺโถ, ยถา จ ‘‘ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๒) วุตฺเต ภูตานฺจ สมฺภเวสีนฺจาติ อตฺโถ, ยถา จ ‘‘อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทโต วา’’ติ (อุทา. ๗๖) วุตฺเต อคฺคิโต จ อุทกโต จ มิถุเภทโต จาติ อตฺโถ, เอวมิธาปิ อนุปฺปนฺโน จ กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ กามาสโว ปวฑฺฒตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวํ เสเสสุ.
เอตฺถ จ กามาสโวติ ปฺจกามคุณิโก ราโค. ภวาสโวติ รุปารูปภเว ฉนฺทราโค, ฌานนิกนฺติ จ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิสหคตา. เอวํ ทิฏฺาสโวปิ ภวาสเว เอว สโมธานํ คจฺฉติ. อวิชฺชาสโวติ จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณํ. ตตฺถ กามคุเณ อสฺสาทโต มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน จ กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ ปวฑฺฒติ. มหคฺคตธมฺเม อสฺสาทโต มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน จ ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ ปวฑฺฒติ. ตีสุ ภูมีสุ ธมฺเม จตุวิปลฺลาสปทฏฺานภาเวน มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน จ อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ ปวฑฺฒตีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตนยปจฺจนีกโต สุกฺกปกฺโข วิตฺถาเรตพฺโพ.
กสฺมา ¶ ปน ตโย เอว อาสวา อิธ วุตฺตาติ. วิโมกฺขปฏิปกฺขโต. อปฺปณิหิตวิโมกฺขปฏิปกฺโข หิ กามาสโว,. อนิมิตฺตสฺุตวิโมกฺขปฏิปกฺขา อิตเร. ตสฺมา อิเม ตโย อาสเว อุปฺปาเทนฺตา ติณฺณํ วิโมกฺขานํ อภาคิโน โหนฺติ, อนุปฺปาเทนฺตา ภาคิโนติ เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ตโย เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ทิฏฺาสโวปิ วา เอตฺถ วุตฺโต เยวาติ วณฺณิตเมตํ.
ตสฺส ¶ อมนสิกรณียานํ ธมฺมานํ มนสิการาติ มนสิการเหตุ, ยสฺมา เต ธมฺเม มนสิ กโรติ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย ทุติยปเทปิ. ‘‘อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปวฑฺฒนฺตี’’ติ เหฏฺา วุตฺตอาสวานํเยว อเภทโต นิคมนเมตํ.
๑๘. เอตฺตาวตา โย อยํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ทสฺสนา ปหาตพฺเพ อาสเว นิทฺทิสิตุํ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน วุตฺโต, โส ยสฺมา ‘‘อโยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ สามฺโต วุตฺตานํ อโยนิโส มนสิการปจฺจยานํ กามาสวาทีนมฺปิ ¶ อธิฏฺานํ, ตสฺมา เตปิ อาสเว เตเนว ปุคฺคเลน ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทสฺสนา ปหาตพฺเพ อาสเว ทสฺเสนฺโต โส เอวํ อโยนิโส มนสิ กโรติ, อโหสึ นุ โข อหนฺติอาทิมาห. วิจิกิจฺฉาสีเสน เจตฺถ ทิฏฺาสวมฺปิ ทสฺเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ.
ตสฺสตฺโถ, ยสฺส เต อิมินา วุตฺตนเยน อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, โส ปุถุชฺชโน, โย จายํ ‘‘อสฺสุตวา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต, โส ปุถุชฺชโน เอวํ อโยนิโส อนุปาเยน อุปฺปเถน มนสิ กโรติ. กถํ? อโหสึ นุ โข…เป…โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ. กึ วุตฺตํ โหติ, โส เอวํ อโยนิโส มนสิ กโรติ, ยถาสฺส ‘‘อหํ อโหสึ นุ โข’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา โสฬสวิธาปิ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชตีติ.
ตตฺถ อโหสึ นุ โข นนุ โขติ สสฺสตาการฺจ อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. กึ การณนฺติ น วตฺตพฺพํ. อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโน ยถา วา ตถา วา ปวตฺตติ. อปิจ อโยนิโส มนสิกาโรเยเวตฺถ การณํ. เอวํ อโยนิโส มนสิการสฺส ปน กึ การณนฺติ. สฺเวว ปุถุชฺชนภาโว อริยานํ อทสฺสนาทีนิ วา. นนุ จ ปุถุชฺชโนปิ โยนิโส มนสิ กโรตีติ. โก วา เอวมาห น มนสิ กโรตีติ. น ปน ตตฺถ ปุถุชฺชนภาโว การณํ ¶ , สทฺธมฺมสฺสวนกลฺยาณมิตฺตาทีนิ ตตฺถ การณานิ. น หิ มจฺฉมํสาทีนิ อตฺตโน อตฺตโน ปกติยา สุคนฺธานิ, อภิสงฺขารปจฺจยา ปน สุคนฺธานิปิ โหนฺติ.
กึ ¶ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคูปปตฺติโย นิสฺสาย ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทคหฏฺปพฺพชิตเทวมนุสฺสานํ อฺตโรติ กงฺขติ.
กถํ นุ โขติ สณฺานาการํ นิสฺสาย ทีโฆ นุ โข อโหสึ, รสฺสโอทาตกณฺหปฺปมาณิกอปฺปมาณิกาทีนํ อฺตโรติ กงฺขติ. เกจิ ปน อิสฺสรนิมฺมานาทึ นิสฺสาย เกน นุ โข การเณน อโหสินฺติ เหตุโต กงฺขตีติ วทนฺติ.
กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา มนุสฺโสติ อตฺตโน ปรมฺปรํ กงฺขติ. สพฺพตฺเถว ปน อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนเมตํ.
ภวิสฺสามิ ¶ นุ โข นนุ โขติ สสฺสตาการฺจ อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
เอตรหิ วา ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานนฺติ อิทานิ วา ปฏิสนฺธึ อาทึ กตฺวา จุติปริยนฺตํ สพฺพมฺปิ วตฺตมานกาลํ คเหตฺวา. อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหตีติ อตฺตโน ขนฺเธสุ วิจิกิจฺโฉ โหติ. อหํ นุ โขสฺมีติ อตฺตโน อตฺถิภาวํ กงฺขติ. ยุตฺตํ ปเนตนฺติ? ยุตฺตํ อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อปิเจตฺถ อิทํ วตฺถุมฺปิ อุทาหรนฺติ. จูฬมาตาย กิร ปุตฺโต มุณฺโฑ, มหามาตาย ปุตฺโต อมุณฺโฑ, ตํ ปุตฺตํ มุณฺเฑสุํ. โส อุฏฺาย อหํ นุ โข จูฬมาตาย ปุตฺโตติ จินฺเตสิ. เอวํ อหํ นุ โขสฺมีติ กงฺขา โหติ.
โน นุ โขสฺมีติ อตฺตโน นตฺถิภาวํ กงฺขติ. ตตฺราปิ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร มจฺเฉ คณฺหนฺโต อุทเก จิรฏฺาเนน สีติภูตํ อตฺตโน อูรุํ มจฺโฉติ จินฺเตตฺวา ปหริ. อปโร สุสานปสฺเส เขตฺตํ รกฺขนฺโต ภีโต สงฺกุฏิโต สยิ. โส ปฏิพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน ชณฺณุกานิ ทฺเว ยกฺขาติ จินฺเตตฺวา ปหริ. เอวํ โน นุ โขสฺมีติ กงฺขติ.
กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติโยว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ. เอส นโย เสเสสุ. เทโว ¶ ปน สมาโน เทวภาวํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. โสปิ ปน ‘‘อหํ รูปี นุ โข อรูปี นุ โข’’ติอาทินา นเยน กงฺขติ. ขตฺติยาทโย กสฺมา น ชานนฺตีติ เจ. อปจฺจกฺขา เตสํ ตตฺถ ตตฺถ กุเล ¶ อุปฺปตฺติ. คหฏฺาปิ จ โปตฺถลิกาทโย ปพฺพชิตสฺิโน. ปพฺพชิตาปิ ‘‘กุปฺปํ นุ โข เม กมฺม’’นฺติอาทินา นเยน คหฏฺสฺิโน. มนุสฺสาปิ จ ราชาโน วิย อตฺตนิ เทวสฺิโน โหนฺติ.
กถํ นุ โขสฺมีติ วุตฺตนยเมว. เกวลฺเจตฺถ อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถีติ คเหตฺวา ตสฺส สณฺานาการํ นิสฺสาย ทีโฆ นุ โขสฺมิ, รสฺสจตุรํสฉฬํสอฏฺํสโสฬสํสาทีนํ อฺตรปฺปกาโรติ กงฺขนฺโต กถํ นุ โขสฺมีติ กงฺขตีติ เวทิตพฺโพ. สรีรสณฺานํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ.
กุโต ¶ อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺานํ กงฺขติ.
๑๙. เอวํ โสฬสปฺปเภทํ วิจิกิจฺฉํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยํ อิมินา วิจิกิจฺฉาสีเสน ทิฏฺาสวํ ทสฺเสตุํ อยํ เทสนา อารทฺธา. ตํ ทสฺเสนฺโต ตสฺส เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺส ปุคฺคลสฺส ยถา อยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ตสฺเสว สวิจิกิจฺฉสฺส อโยนิโส มนสิการสฺส ถามคตตฺตา ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ สพฺพปเทสุ วาสทฺโท วิกปฺปตฺโถ, เอวํ วา เอวํ วา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถิ เม อตฺตาติ เจตฺถ สสฺสตทิฏฺิ สพฺพกาเลสุ อตฺตโน อตฺถิตํ คณฺหาติ. สจฺจโต เถตโตติ ภูตโต จ ถิรโต จ, ‘‘อิทํ สจฺจ’’นฺติ ภูตโต สุฏฺุ ทฬฺหภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. นตฺถิ เม อตฺตาติ อยํ ปน อุจฺเฉททิฏฺิ, สโต สตฺตสฺส ตตฺถ ตตฺถ วิภวคฺคหณโต. อถ วา ปุริมาปิ ตีสุ กาเลสุ อตฺถีติ คหณโต สสฺสตทิฏฺิ, ปจฺจุปฺปนฺนเมว อตฺถีติ คณฺหนฺโต อุจฺเฉททิฏฺิ. ปจฺฉิมาปิ อตีตานาคเตสุ นตฺถีติ คหณโต ภสฺมนฺตาหุติโยติ คหิตทิฏฺิกานํ วิย, อุจฺเฉททิฏฺิ. อตีเต เอว นตฺถีติ คณฺหนฺโต อธิจฺจสมุปฺปตฺติกสฺเสว สสฺสตทิฏฺิ.
อตฺตนาว อตฺตานํ สฺชานามีติ สฺากฺขนฺธสีเสน ขนฺเธ อตฺตาติ คเหตฺวา สฺาย อวเสสกฺขนฺเธ ¶ สฺชานโต อิมินา อตฺตนา อิมํ อตฺตานํ สฺชานามีติ โหติ. อตฺตนาว อนตฺตานนฺติ สฺากฺขนฺธํเยว อตฺตาติ คเหตฺวา, อิตเร จตฺตาโรปิ อนตฺตาติ คเหตฺวา สฺาย เตสํ ชานโต เอวํ โหติ ¶ . อนตฺตนาว อตฺตานนฺติ สฺากฺขนฺธํ อนตฺตาติ. อิตเร จตฺตาโร อตฺตาติ คเหตฺวา สฺาย เตสํ ชานโต เอวํ โหติ, สพฺพาปิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโยว.
วโท เวเทยฺโยติอาทโย ปน สสฺสตทิฏฺิยา เอว อภินิเวสาการา. ตตฺถ วทตีติ วโท, วจีกมฺมสฺส การโกติ วุตฺตํ โหติ. เวทยตีติ เวเทยฺโย, ชานาติ อนุภวติ จาติ วุตฺตํ โหติ. กึ เวเทตีติ, ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ¶ ปฏิสํเวเทติ. ตตฺร ตตฺราติ เตสุ เตสุ โยนิคติฏฺิตินิวาสนิกาเยสุ อารมฺมเณสุ วา. นิจฺโจติ อุปฺปาทวยรหิโต. ธุโวติ ถิโร สารภูโต. สสฺสโตติ สพฺพกาลิโก. อวิปริณามธมฺโมติ อตฺตโน ปกติภาวํ อวิชหนธมฺโม, กกณฺฏโก วิย นานปฺปการตํ นาปชฺชติ. สสฺสติสมนฺติ จนฺทสูริยสมุทฺทมหาปถวีปพฺพตา โลกโวหาเรน สสฺสติโยติ วุจฺจนฺติ. สสฺสตีหิ สมํ สสฺสติสมํ. ยาว สสฺสติโย ติฏฺนฺติ, ตาว ตเถว สฺสตีติ คณฺหโต เอวํทิฏฺิ โหติ.
อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิคตนฺติอาทีสุ. อิทนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพสฺส ปจฺจกฺขนิทสฺสนํ. ทิฏฺิคตสมฺพนฺเธน จ อิทนฺติ วุตฺตํ, น ทิฏฺิสมฺพนฺเธน. เอตฺถ จ ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตํ, คูถคตํ วิย. ทิฏฺีสุ วา คตมิทํ ทสฺสนํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิอนฺโตคธตฺตาติปิ ทิฏฺิคตํ. ทิฏฺิยา วา คตํ ทิฏฺิคตํ. อิทฺหิ อตฺถิ เม อตฺตาติอาทิ ทิฏฺิยา คมนมตฺตเมว, นตฺเถตฺถ อตฺตา วา นิจฺโจ วา โกจีติ วุตฺตํ โหติ. สา จายํ ทิฏฺิ ทุนฺนิคฺคมนฏฺเน คหนํ. ทุรติกฺกมฏฺเน สปฺปฏิภยฏฺเน จ กนฺตาโร, ทุพฺภิกฺขกนฺตารวาฬกนฺตาราทโย วิย. สมฺมาทิฏฺิยา วินิวิชฺฌนฏฺเน วิโลมนฏฺเน วา วิสูกํ. กทาจิ สสฺสตสฺส, กทาจิ อุจฺเฉทสฺส คหณโต วิรูปํ ผนฺทิตนฺติ วิปฺผนฺทิตํ. พนฺธนฏฺเน สํโยชนํ. เตนาห ‘‘ทิฏฺิคหนํ…เป… ทิฏฺิสํโยชน’’นฺติ. อิทานิสฺส ตเมว พนฺธนตฺถํ ทสฺเสนฺโต ทิฏฺิสํโยชนสํยุตฺโตติอาทิมาห. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ. อิมินา ทิฏฺิสํโยชเนน สํยุตฺโต ปุถุชฺชโน เอเตหิ ชาติอาทีหิ น ปริมุจฺจตีติ. กึ วา พหุนา, สกลวฏฺฏทุกฺขโตปิ น มุจฺจตีติ.
๒๐. เอวํ ¶ ¶ ฉปฺปเภทํ ทิฏฺาสวํ ทสฺเสตฺวา ยสฺมา สีลพฺพตปรามาโส กามาสวาทิวจเนเนว ทสฺสิโต โหติ. กามสุขตฺถฺหิ ภวสุขภววิสุทฺธิอตฺถฺจ อวิชฺชาย อภิภูตา อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณา สีลพฺพตานิ ปรามสนฺติ, ตสฺมา ตํ อทสฺเสตฺวา ทิฏฺิคฺคหเณน วา ตสฺส คหิตตฺตาปิ ตํ อทสฺเสตฺวาว อิทานิ โย ปุคฺคโล ทสฺสนา ปหาตพฺเพ อาสเว ปชหติ, ตํ ทสฺเสตฺวา เตสํ อาสวานํ ปหานํ ทสฺเสตุํ ¶ ปุพฺเพ วา อโยนิโส มนสิกโรโต ปุถุชฺชนสฺส เตสํ อุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตพฺพิปรีตสฺส ปหานํ ทสฺเสตุํ สุตวา จ โข, ภิกฺขเวติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ, ยาว ‘‘โส อิทํ ทุกฺข’’นฺติ อาคจฺฉติ, ตาว เหฏฺา วุตฺตนเยน จ วุตฺตปจฺจนีกโต จ เวทิตพฺโพ. ปจฺจนีกโต จ สพฺพากาเรน อริยธมฺมสฺส อโกวิทาวินีตปจฺจนีกโต อยํ ‘‘สุตวา อริยสาวโก อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต’’ติ เวทิตพฺโพ. อปิจ โข สิขาปตฺตวิปสฺสนโต ปภุติ ยาว โคตฺรภุ, ตาว ตทนุรูเปน อตฺเถน อยํ อริยสาวโกติ เวทิตพฺโพ.
๒๑. ‘‘โส อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทีสุ ปน อยํ อตฺถวิภาวนา, โส จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก อริยสาวโก ตณฺหาวชฺชา เตภูมกา ขนฺธา ทุกฺขํ, ตณฺหา ทุกฺขสมุทโย, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรโธ, นิโรธสมฺปาปโก มคฺโคติ เอวํ ปุพฺเพว อาจริยสนฺติเก อุคฺคหิตจตุสจฺจกมฺมฏฺาโน อปเรน สมเยน วิปสฺสนามคฺคํ สมารุฬฺโห สมาโน เต เตภูมเก ขนฺเธ อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อุปาเยน ปเถน สมนฺนาหรติ เจว วิปสฺสติ จ. เอตฺถ หิ ยาว โสตาปตฺติมคฺโค, ตาว มนสิการสีเสเนว วิปสฺสนา วุตฺตา. ยา ปนายํ ตสฺเสว ทุกฺขสฺส สมุฏฺาปิกา ปภาวิกา ตณฺหา, อยํ สมุทโยติ โยนิโส มนสิ กโรติ. ยสฺมา ปน ทุกฺขฺจ สมุทโย จ อิทํ านํ ปตฺวา นิรุชฺฌนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ, ตสฺมา ยทิทํ นิพฺพานํ นาม, อยํ ทุกฺขนิโรโธติ โยนิโส มนสิ กโรติ. นิโรธสมฺปาปกํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อุปาเยน ปเถน สมนฺนาหรติ เจว วิปสฺสติ จ.
ตตฺรายํ ¶ อุปาโย, อภินิเวโส นาม วฏฺเฏ โหติ, วิวฏฺเฏ นตฺถิ. ตสฺมา ‘‘อยํ อตฺถิ อิมสฺมึ ¶ กาเย ปถวีธาตุ, อาโปธาตู’’ติอาทินา นเยน สกสนฺตติยํ จตฺตาริ ภูตานิ ตทนุสาเรน อุปาทารูปานิ จ ปริคฺคเหตฺวา อยํ รูปกฺขนฺโธติ ววตฺถเปติ. ตํ ววตฺถาปยโต อุปฺปนฺเน ตทารมฺมเณ จิตฺตเจตสิเก ธมฺเม อิเม จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธาติ ววตฺถเปติ. ตโต อิเม ปฺจกฺขนฺธา ทุกฺขนฺติ ววตฺถเปติ. เต ปน สงฺเขปโต ¶ นามฺจ รูปฺจาติ ทฺเว ภาคาเยว โหนฺติ. อิทฺจ นามรูปํ สเหตุ สปฺปจฺจยํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺส อยํ เหตุ อยํ ปจฺจโยติ อวิชฺชาภวตณฺหากมฺมาหาราทิเก เหตุปจฺจเย ววตฺถเปติ. ตโต เตสํ ปจฺจยานฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานฺจ ยาถาวสรสลกฺขณํ ววตฺถเปตฺวา อิเม ธมฺมา อหุตฺวา โหนฺตีติ อนิจฺจลกฺขณํ อาโรเปติ, อุทยพฺพยปีฬิตตฺตา ทุกฺขาติ ทุกฺขลกฺขณํ อาโรเปติ. อวสวตฺตนโต อนตฺตาติ อนตฺตลกฺขณํ อาโรเปติ. เอวํ ตีณิ ลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา ปฏิปาฏิยา วิปสฺสนํ ปวตฺเตนฺโต โสตาปตฺติมคฺคํ ปาปุณาติ.
ตสฺมึ ขเณ จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฏิเวเธเนว ปฏิวิชฺฌติ, เอกาภิสมเยน อภิสเมติ. ทุกฺขํ ปริฺาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ, สมุทยํ ปหานปฏิเวเธน, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาปฏิเวเธน, มคฺคํ ภาวนาปฏิเวเธน. ทุกฺขฺจ ปริฺาภิสมเยน อภิสเมติ…เป… มคฺคํ ภาวนาภิสมเยน อภิสเมติ, โน จ โข อฺมฺเน าเณน. เอกาเณเนว หิ เอส นิโรธํ อารมฺมณโต, เสสานิ กิจฺจโต ปฏิวิชฺฌติ เจว อภิสเมติ จ. น หิสฺส ตสฺมึ สมเย เอวํ โหติ – ‘‘อหํ ทุกฺขํ ปริชานามี’’ติ วา…เป… ‘‘มคฺคํ ภาเวมี’’ติ วา. อปิจ ขฺวสฺส อารมฺมณํ กตฺวา ปฏิเวธวเสน นิโรธํ สจฺฉิกโรโต เอวํ ตํ าณํ ทุกฺขปริฺากิจฺจมฺปิ สมุทยปหานกิจฺจมฺปิ มคฺคภาวนากิจฺจมฺปิ กโรติเยว. ตสฺเสวํ อุปาเยน โยนิโส มนสิกโรโต ตีณิ สํโยชนานิ ปหียนฺติ, วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ, อฏฺวตฺถุกา วิจิกิจฺฉา, ‘‘สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติ สีลพฺพตานํ ปรามสนโต สีลพฺพตปรามาโสติ. ตตฺถ จตูสุ อาสเวสุ สกฺกายทิฏฺิสีลพฺพตปรามาสา ทิฏฺาสเวน สงฺคหิตตฺตา อาสวา เจว สํโยชนา จ. วิจิกิจฺฉา สํโยชนเมว, น อาสโว ¶ . ‘‘ทสฺสนา ปหาตพฺพา อาสวา’’ติ เอตฺถ ปริยาปนฺนตฺตา ปน อาสวาติ.
‘‘อิเม วุจฺจนฺติ…เป… ปหาตพฺพา’’ติ อิเม สกฺกายทิฏฺิอาทโย ทสฺสนา ปหาตพฺพา นาม ¶ อาสวาติ ทสฺเสนฺโต อาห. อถ วา ยา อยํ ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตีติ เอวํ สรูเปเนว สกฺกายทิฏฺิ วิภตฺตา. ตํ สนฺธายาห ‘‘อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว’’ติ. สา จ ยสฺมา สหชาตปหาเนกฏฺเหิ สทฺธึ ปหียติ. ทิฏฺาสเว หิ ปหียมาเน ตํสหชาโต จตูสุ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตจิตฺเตสุ กามาสโวปิ อวิชฺชาสโวปิ ปหียติ ¶ . ปหาเนกฏฺโ ปน จตูสุ ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเตสุ นาคสุปณฺณาทิสมิทฺธิปตฺถนาวเสน อุปฺปชฺชมาโน ภวาสโว. เตเนว สมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโวปิ, ทฺวีสุ โทมนสฺสจิตฺเตสุ ปาณาติปาตาทินิพฺพตฺตโก อวิชฺชาสโวปิ, ตถา วิจิกิจฺฉาจิตฺตสมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโวปีติ เอวํ สพฺพถาปิ อวเสสา ตโยปิ อาสวา ปหียนฺติ. ตสฺมา พหุวจนนิทฺเทโส กโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอส โปราณานํ อธิปฺปาโย.
ทสฺสนา ปหาตพฺพาติ ทสฺสนํ นาม โสตาปตฺติมคฺโค, เตน ปหาตพฺพาติ อตฺโถ. กสฺมา โสตาปตฺติมคฺโค ทสฺสนํ? ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต. นนุ โคตฺรภุ ปมตรํ ปสฺสตีติ? โน น ปสฺสติ. ทิสฺวา กตฺตพฺพกิจฺจํ ปน น กโรติ สํโยชนานํ อปฺปหานโต. ตสฺมา ปสฺสตีติ น วตฺตพฺโพ. ยตฺถ กตฺถจิ ราชานํ ทิสฺวาปิ ปณฺณาการํ ทตฺวา กิจฺจนิปฺผตฺติยา อทิฏฺตฺตา ‘‘อชฺชาปิ ราชานํ น ปสฺสามี’’ติ วทนฺโต คามวาสี ปุริโส เจตฺถ นิทสฺสนํ.
ทสฺสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
สํวราปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๒. เอวํ ทสฺสเนน ปหาตพฺเพ อาสเว ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตทนนฺตรุทฺทิฏฺเ สํวรา ปหาตพฺเพ ทสฺเสตุํ, กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพาติ อาห. เอวํ สพฺพตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อิโต ปรฺหิ อตฺถมตฺตเมว วณฺณยิสฺสาม.
นนุ จ ทสฺสเนน ภาวนายาติ อิเมหิ ทฺวีหิ อปฺปหาตพฺโพ อาสโว นาม นตฺถิ, อถ กสฺมา วิสุํ สํวราทีหิ ปหาตพฺเพ ทสฺเสตีติ. สํวราทีหิ ปุพฺพภาเค วิกฺขมฺภิตา อาสวา จตูหิ มคฺเคหิ สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา เตสํ มคฺคานํ ปุพฺพภาเค อิเมหิ ปฺจหากาเรหิ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ ¶ ¶ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. ตสฺมา โย จายํ วุตฺโต ปโม ทสฺสนมคฺโคเยว, อิทานิ ภาวนานาเมน วุจฺจิสฺสนฺติ ตโย มคฺคา, เตสํ สพฺเพสมฺปิ อยํ ปุพฺพภาคปฏิปทาติ เวทิตพฺพา.
ตตฺถ ¶ อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ปฏิสงฺขาติ ปฏิสงฺขาย. ตตฺถายํ สงฺขาสทฺโท าณโกฏฺาสปฺตฺติคณนาสุ ทิสฺสติ. ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๖๘) หิ าเณ ทิสฺสติ. ‘‘ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๑) โกฏฺาเส. ‘‘เตสํ เตสํ ธมฺมานํ สงฺขา สมฺา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๓๑๓) ปฺตฺติยํ. ‘‘น สุกรํ สงฺขาตุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๒๘) คณนายํ. อิธ ปน าเณ ทฏฺพฺโพ.
ปฏิสงฺขา โยนิโสติ หิ อุปาเยน ปเถน ปฏิสงฺขาย ตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อสํวเร อาทีนวปฏิสงฺขา โยนิโส ปฏิสงฺขาติ เวทิตพฺพา. สา จายํ ‘‘วรํ, ภิกฺขเว, ตตฺตาย อโยสลากาย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย จกฺขุนฺทฺริยํ สมฺปลิมฏฺํ, น ตฺเวว จกฺขุวิฺเยฺเยสุ รูเปสุ อนุพฺยฺชนโส นิมิตฺตคฺคาโห’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๒๓๕) อาทิตฺตปริยายนเยน เวทิตพฺพา. จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรตีติ เอตฺถ จกฺขุเมว อินฺทฺริยํ จกฺขุนฺทฺริยํ, สํวรณโต สํวโร, ปิทหนโต ถกนโตติ วุตฺตํ โหติ. สติยา เอตํ อธิวจนํ. จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร จกฺขุนฺทฺริยสํวโร. ติตฺถกาโก อาวาฏกจฺฉโป วนมหึโสติอาทโย วิย.
ตตฺถ กิฺจาปิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร วา อสํวโร วา นตฺถิ. น หิ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย สติ วา มุฏฺสจฺจํ วา อุปฺปชฺชติ. อปิจ ยทา รูปารมฺมณํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตทา ภวงฺเค ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ, ตโต วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ, ตโต วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ, ตโต กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. ตทนนฺตรํ ชวนํ ชวติ.
ตตฺถปิ ¶ เนว ภวงฺคสมเย, น อาวชฺชนาทีนํ อฺตรสมเย สํวโร วา อสํวโร วา อตฺถิ. ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ ¶ วา มุฏฺสจฺจํ วา อฺาณํ วา อกฺขนฺติ วา โกสชฺชํ วา อุปฺปชฺชติ, อยํ อสํวโร โหติ. เอวํ โหนฺโตปิ โส จกฺขุนฺทฺริเย อสํวโรติ วุจฺจติ. กสฺมา? ตสฺมิฺหิ สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ยถา กึ ¶ , ยถา นคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ อสํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโต ฆรโกฏฺกคพฺภาทโย สุสํวุตา, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ อรกฺขิตํ อโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรน หิ ปวิสิตฺวา โจรา ยทิจฺฉนฺติ, ตํ กเรยฺยุํ, เอวเมว ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ, ตสฺมึ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปีติ.
ตสฺมึ ปน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ยถา กึ? ยถา นครทฺวาเรสุ สุสํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโต ฆราทโย อสํวุตา, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ สุรกฺขิตํ สุโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรสุ หิ ปิหิเตสุ โจรานํ ปเวโส นตฺถิ, เอวเมว ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ สุคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ตสฺมา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโนปิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโรติ วุตฺโต. อิธ จายํ สติสํวโร อธิปฺเปโตติ เวทิตพฺโพ. จกฺขุนฺทฺริยสํวเรน สํวุโต จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต, อุเปโตติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ…เป… สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) วุตฺตํ. ตํ เอกชฺฌํ กตฺวา จกฺขุนฺทฺริยสํวเรน สํวุโตติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อถ วา สํวรีติ สํวุโต, ถเกสิ ปิทหีติ วุตฺตํ โหติ. จกฺขุนฺทฺริเย สํวรสํวุโต จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต, จกฺขุนฺทฺริยสํวรสฺิตํ สติกวาฏํ จกฺขุทฺวาเร, ฆรทฺวาเร กวาฏํ วิย สํวริ ถเกสิ ปิทหีติ วุตฺตํ โหติ. อยเมว เจตฺถ อตฺโถ สุนฺทรตโร. ตถา หิ ‘‘จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ อสํวุตสฺส วิหรโต สํวุตสฺส วิหรโต’’ติ เอเตสุ ปเทสุ อยเมว อตฺโถ ทิสฺสติ.
วิหรตีติ เอวํ จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต เยน เกนจิ อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ. ยฺหิสฺสาติอาทิมฺหิ ¶ ¶ ยํ จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ อสฺส ภิกฺขุโน อสํวุตสฺส อถเกตฺวา อปิทหิตฺวา วิหรนฺตสฺสาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา, เย-การสฺส ยนฺติ อาเทโส. หิกาโร จ ปทปูรโณ, เย อสฺสาติ อตฺโถ.
อุปฺปชฺเชยฺยุนฺติ ¶ นิพฺพตฺเตยฺยุํ. อาสวา วิฆาตปริฬาหาติ จตฺตาโร อาสวา จ อฺเ จ วิฆาตกรา กิเลสปริฬาหา วิปากปริฬาหา จ. จกฺขุทฺวาเร หิ อิฏฺารมฺมณํ อาปาถคตํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยโต อภินนฺทโต กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อีทิสํ อฺสฺมิมฺปิ สุคติภเว ลภิสฺสามีติ ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโต ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, สตฺโตติ วา สตฺตสฺสาติ วา คณฺหนฺตสฺส ทิฏฺาสโว อุปฺปชฺชติ, สพฺเพเหว สหชาตํ อฺาณํ อวิชฺชาสโวติ จตฺตาโร อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ. เตหิ สมฺปยุตฺตา อปเร กิเลสา วิฆาตปริฬาหา, อายตึ วา เตสํ วิปากา. เตปิ หิ อสํวุตสฺเสว วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุนฺติ วุจฺจนฺติ.
เอวํส เตติ เอวํ อสฺส เต. เอวํ เอเตน อุปาเยน น โหนฺติ, โน อฺถาติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย ปฏิสงฺขา โยนิโส โสตินฺทฺริยสํวรสํวุโตติอาทีสุ.
อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพาติ อิเม ฉสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา จตุวีสติ อาสวา สํวเรน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺติ. สพฺพตฺเถว เจตฺถ สติสํวโร เอว สํวโรติ เวทิตพฺโพ.
สํวราปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิเสวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๓. ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค สีลกถายํ วุตฺตเมว. ยฺหิสฺสาติ ยํ จีวรปิณฺฑปาตาทีสุ วา อฺตรํ อสฺส. อปฺปฏิเสวโตติ เอวํ โยนิโส อปฺปฏิเสวนฺตสฺส. เสสํ วุตฺตนยเมว. เกวลํ ปนิธ อลทฺธํ จีวราทึ ปตฺถยโต ลทฺธํ วา ¶ อสฺสาทยโต กามาสวสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. อีทิสํ อฺสฺมิมฺปิ สมฺปตฺติภเว สุคติภเว ลภิสฺสามีติ ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโต ภวาสวสฺส, อหํ ลภามิ น ลภามีติ วา มยฺหํ วา อิทนฺติ อตฺตสฺํ อธิฏฺหโต ทิฏฺาสวสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. สพฺเพเหว ปน สหชาโต อวิชฺชาสโวติ เอวํ จตุนฺนํ อาสวานํ อุปฺปตฺติ วิปากปริฬาหา จ นวเวทนุปฺปาทนโตปิ เวทิตพฺพา.
อิเม ¶ วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ปฏิเสวนา ปหาตพฺพาติ อิเม เอกเมกสฺมึ ปจฺจเย ¶ จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา โสฬส อาสวา อิมินา าณสํวรสงฺขาเตน ปจฺจเวกฺขณปฏิเสวเนน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺติ.
ปฏิเสวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
อธิวาสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๔. ปฏิสงฺขา โยนิโส ขโม โหติ สีตสฺสาติ อุปาเยน ปเถน ปจฺจเวกฺขิตฺวา ขโม โหติ สีตสฺส สีตํ ขมติ สหติ, น อวีรปุริโส วิย อปฺปมตฺตเกนปิ สีเตน จลติ กมฺปติ กมฺมฏฺานํ วิชหติ. อปิจ โข โลมสนาคตฺเถโร วิย อนปฺปเกนาปิ สีเตน ผุฏฺโ น จลติ น กมฺปติ, กมฺมฏฺานเมว มนสิ กโรติ. เถโร กิร เจติยปพฺพเต ปิยงฺคุคุหายํ ปธานฆเร วิหรนฺโต อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเย โลกนฺตริกนิรเย ปจฺจเวกฺขิตฺวา กมฺมฏฺานํ อวิชหนฺโตว อพฺโภกาเส วีตินาเมสิ. เอวํ อุณฺหาทีสุปิ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
เกวลฺหิ โย ภิกฺขุ อธิมตฺตมฺปิ อุณฺหํ สหติ สฺเวว เถโร วิย, อยํ ‘‘ขโม อุณฺหสฺสา’’ติ เวทิตพฺโพ. เถโร กิร คิมฺหสมเย ปจฺฉาภตฺตํ พหิจงฺกเม นิสีทิ. กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโต เสทาปิสฺส กจฺเฉหิ มุจฺจนฺติ. อถ นํ อนฺเตวาสิโก อาห ‘‘อิธ, ภนฺเต, นิสีทถ, สีตโล โอกาโส’’ติ. เถโร ‘‘อุณฺหภเยเนวมฺหิ อาวุโส อิธ นิสินฺโน’’ติ อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิสีทิเยว. อุณฺหนฺติ เจตฺถ อคฺคิสนฺตาโปว เวทิตพฺโพ. สูริยสนฺตาปวเสน ปเนตํ วตฺถุ วุตฺตํ.
โย ¶ จ ทฺเว ตโย วาเร ภตฺตํ วา ปานียํ วา อลภมาโนปิ อนมตคฺเค สํสาเร อตฺตโน เปตฺติวิสยูปปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวเธนฺโต กมฺมฏฺานํ น วิชหติเยว. อธิมตฺเตหิ ฑํสมกสวาตาตปสมฺผสฺเสหิ ผุฏฺโ จาปิ ติรจฺฉานูปปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวเธนฺโต กมฺมฏฺานํ น วิชหติเยว. สรีสปสมฺผสฺเสน ผุฏฺโ จาปิ อนมตคฺเค สํสาเร สีหพฺยคฺฆาทิมุเขสุ อเนกวารํ ปริวตฺติตปุพฺพภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวเธนฺโต กมฺมฏฺานํ น วิชหติเยว ปธานิยตฺเถโร วิย. อยํ ‘‘ขโม ชิฆจฺฉาย…เป… สรีสปสมฺผสฺสาน’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
เถรํ ¶ กิร ขณฺฑเจลวิหาเร กณิการปธานิยฆเร อริยวํสํ สุณนฺตํ โฆรวิโส สปฺโป ฑํสิ. เถโร ชานิตฺวาปิ ปสนฺนจิตฺโต นิสินฺโน ธมฺมํเยว สุณาติ. วิสเวโค ถทฺโธ อโหสิ. เถโร อุปสมฺปทมณฺฑลํ อาทึ กตฺวา สีลํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริสุทฺธสีโลหมสฺมีติ ปีตึ อุปฺปาเทสิ. สห ปีตุปฺปาทา วิสํ นิวตฺติตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. เถโร ¶ ตตฺเถว จิตฺเตกคฺคตํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
โย ปน อกฺโกสวเสน ทุรุตฺเต ทุรุตฺตตฺตาเยว จ ทุราคเต อปิ อนฺติมวตฺถุสฺิเต วจนปเถ สุตฺวา ขนฺติคุณํเยว ปจฺจเวกฺขิตฺวา น เวธติ ทีฆภาณกอภยตฺเถโร วิย. อยํ ‘‘ขโม ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถาน’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
เถโร กิร ปจฺจยสนฺโตสภาวนารามตาย มหาอริยวํสปฺปฏิปทํ กเถสิ, สพฺโพ มหาคาโม อาคจฺฉติ. เถรสฺส มหาสกฺกาโร อุปฺปชฺชติ. ตํ อฺตโร มหาเถโร อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ทีฆภาณโก อริยวํสํ กเถมีติ สพฺพรตฺตึ โกลาหลํ กโรสีติอาทีหิ อกฺโกสิ. อุโภปิ จ อตฺตโน อตฺตโน วิหารํ คจฺฉนฺตา คาวุตมตฺตํ เอกปเถน อคมํสุ. สกลคาวุตมฺปิ โส ตํ อกฺโกสิเยว. ตโต ยตฺถ ทฺวินฺนํ วิหารานํ มคฺโค ภิชฺชติ, ตตฺถ ตฺวา ทีฆภาณกตฺเถโร ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘เอส, ภนฺเต, ตุมฺหากํ มคฺโค’’ติ อาห. โส อสุณนฺโต วิย อคมาสิ. เถโรปิ วิหารํ คนฺตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา นิสีทิ. ตเมนํ อนฺเตวาสิโก ‘‘กึ, ภนฺเต, สกลคาวุตํ ปริภาสนฺตํ น กิฺจิ อโวจุตฺถา’’ติ อาห. เถโร ‘‘ขนฺติเยว, อาวุโส, มยฺหํ ภาโร, น อกฺขนฺติ. เอกปทุทฺธาเรปิ กมฺมฏฺานวิโยคํ น ปสฺสามี’’ติ อาห. เอตฺถ จ วจนเมว วจนปโถติ เวทิตพฺโพ.
โย ¶ ปน อุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขมนฏฺเน ทุกฺขา, พหลฏฺเน ติพฺพา, ผรุสฏฺเน ขรา, ติขิณฏฺเน กฏุกา, อสฺสาทวิรหโต อสาตา, มนํ อวฑฺฒนโต อมนาปา, ปาณหรณสมตฺถตาย ปาณหรา อธิวาเสติเยว, น เวธติ. เอวํ สภาโว โหติ จิตฺตลปพฺพเต ปธานิยตฺเถโร วิย. อยํ ‘‘อุปฺปนฺนานํ…เป… อธิวาสนชาติโก’’ติ เวทิตพฺโพ.
เถรสฺส ¶ กิร รตฺตึ ปธาเนน วีตินาเมตฺวา ิตสฺส อุทรวาโต อุปฺปชฺชิ. โส ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต อาวตฺตติ ปริวตฺตติ. ตเมนํ จงฺกมปสฺเส ิโต ปิณฺฑปาติยตฺเถโร อาห ‘‘อาวุโส, ปพฺพชิโต นาม อธิวาสนสีโล โหตี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ อธิวาเสตฺวา นิจฺจโล สยิ. วาโต นาภิโต ยาว หทยํ ผาเลติ. เถโร เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา ¶ วิปสฺสนฺโต มุหุตฺเตน อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายีติ.
ยฺหิสฺสาติ สีตาทีสุ ยํกิฺจิ เอกธมฺมมฺปิ อสฺส. อนธิวาสยโตติ อนธิวาเสนฺตสฺส อกฺขมนฺตสฺส. เสสํ วุตฺตนยเมว. อาสวุปฺปตฺติ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา. สีเตน ผุฏฺสฺส อุณฺหํ ปตฺถยนฺตสฺส กามาสโว อุปฺปชฺชติ, เอวํ สพฺพตฺถ. นตฺถิ โน สมฺปตฺติภเว สุคติภเว สีตํ วา อุณฺหํ วาติ ภวํ ปตฺถยนฺตสฺส ภวาสโว. มยฺหํ สีตํ อุณฺหนฺติ คาโห ทิฏฺาสโว. สพฺเพเหว สมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโวติ.
‘‘อิเม วุจฺจนฺติ…เป… อธิวาสนา ปหาตพฺพา’’ติ อิเม สีตาทีสุ เอกเมกสฺส วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา อเนเก อาสวา อิมาย ขนฺติสํวรสงฺขาตาย อธิวาสนาย ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยสฺมา อยํ ขนฺติ สีตาทิธมฺเม อธิวาเสติ, อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาเสติเยว. น อสหมานา หุตฺวา นิรสฺสติ, ตสฺมา ‘‘อธิวาสนา’’ติ วุจฺจตีติ เวทิตพฺพา.
อธิวาสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ปริวชฺชนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๕. ปฏิสงฺขา ¶ โยนิโส จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชตีติ อหํ สมโณติ จณฺฑสฺส หตฺถิสฺส อาสนฺเน น าตพฺพํ. ตโตนิทานฺหิ มรณมฺปิ สิยา มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขนฺติ เอวํ อุปาเยน ปเถน ปจฺจเยน ปจฺจเวกฺขิตฺวา จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชติ ปฏิกฺกมติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. จณฺฑนฺติ จ ทุฏฺํ, วาฬนฺติ วุตฺตํ โหติ. ขาณุนฺติ ขทิรขาณุอาทึ. กณฺฏกฏฺานนฺติ กณฺฏกานํ านํ, ยตฺถ กณฺฏกา วิชฺชนฺติ, ตํ โอกาสนฺติ วุตฺตํ โหติ. โสพฺภนฺติ สพฺพโต ปริจฺฉินฺนตฏํ. ปปาตนฺติ เอกโต ฉินฺนตฏํ. จนฺทนิกนฺติ อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฏฺานํ. โอฬิคลฺลนฺติ เตสํเยว ¶ สกทฺทมาทีนํ สนฺทโนกาสํ. ตํ ชณฺณุมตฺตมฺปิ อสุจิภริตํ โหติ, ทฺเวปิ เจตานิ านานิ อมนุสฺสทุฏฺานิ โหนฺติ. ตสฺมา ตานิ วชฺเชตพฺพานิ. อนาสเนติ เอตฺถ ปน อยุตฺตํ อาสนํ อนาสนํ, ตํ อตฺถโต อนิยตวตฺถุกํ รโหปฏิจฺฉนฺนาสนนฺติ เวทิตพฺพํ. อโคจเรติ เอตฺถปิ จ อยุตฺโต โคจโร อโคจโร, โส เวสิยาทิเภทโต ปฺจวิโธ. ปาปเก มิตฺเตติ ลามเก ทุสฺสีเล มิตฺตปติรูปเก, อมิตฺเต วา. ภชนฺตนฺติ เสวมานํ. วิฺู สพฺรหฺมจารีติ ปณฺฑิตา พุทฺธิสมฺปนฺนา สพฺรหฺมจารโย, ภิกฺขูนเมตํ อธิวจนํ. เต หิ เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส ¶ สมสิกฺขตาติ อิมํ พฺรหฺมํ สมานํ จรนฺติ, ตสฺมา สพฺรหฺมจารีติ วุจฺจนฺติ. ปาปเกสุ าเนสูติ ลามเกสุ าเนสุ. โอกปฺเปยฺยุนฺติ สทฺทเหยฺยุํ, อธิมุจฺเจยฺยุํ ‘‘อทฺธา อยมายสฺมา อกาสิ วา กริสฺสติ วา’’ติ.
ยฺหิสฺสาติ หตฺถิอาทีสุ ยํกิฺจิ เอกมฺปิ อสฺส. เสสํ วุตฺตนยเมว. อาสวุปฺปตฺติ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา. หตฺถิอาทินิทาเนน ทุกฺเขน ผุฏฺสฺส สุขํ ปตฺถยโต กามาสโว อุปฺปชฺชติ. นตฺถิ โน สมฺปตฺติภเว สุคติภเว อีทิสํ ทุกฺขนฺติ ภวํ ปตฺเถนฺตสฺส ภวาสโว. มํ หตฺถี มทฺทติ, มํ อสฺโสติ คาโห ทิฏฺาสโว. สพฺเพเหว สมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโวติ.
อิเม วุจฺจนฺติ…เป… ปริวชฺชนา ปหาตพฺพาติ อิเม หตฺถิอาทีสุ เอเกกสฺส วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา อเนเก อาสวา อิมินา สีลสํวรสงฺขาเตน ปริวชฺชเนน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺตีติ เวทิตพฺพา.
ปริวชฺชนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
วิโนทนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๖. ปฏิสงฺขา ¶ โยนิโส อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตีติ ‘‘อิติ ปายํ วิตกฺโก อกุสโล, อิติปิ สาวชฺโช, อิติปิ ทุกฺขวิปาโก, โส จ โข อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’’ติอาทินา นเยน โยนิโส กามวิตกฺเก อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ อุปฺปนฺนํ ชาตมภินิพฺพตฺตํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, จิตฺตํ อาโรเปตฺวา น วาเสติ, อพฺภนฺตเร วา น วาเสตีติปิ อตฺโถ.
อนธิวาเสนฺโต กึ กโรตีติ? ปชหติ ฉฑฺเฑติ.
กึ กจวรํ วิย ปิฏเกนาติ? น หิ, อปิจ โข นํ วิโนเทติ ตุทติ วิชฺฌติ นีหรติ.
กึ ¶ พลิพทฺทํ วิย ปโตเทนาติ? น หิ, อถ โข นํ พฺยนฺตีกโรติ วิคตนฺตํ กโรติ. ยถาสฺส อนฺโตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ, ตถา นํ กโรติ.
กถํ ปน นํ ตถา กโรตีติ? อนภาวํ คเมตีติ อนุ อนุ อภาวํ คเมติ, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ยถา สุวิกฺขมฺภิโต โหติ, ตถา กโรตีติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย พฺยาปาทวิหึสาวิตกฺเกสุ.
เอตฺถ จ กามวิตกฺโกติ ‘‘โย กามปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก มิจฺฉาสงฺกปฺโป’’ติ วิภงฺเค (วิภ. ๙๑๐) วุตฺโต. เอส นโย อิตเรสุ. อุปฺปนฺนุปฺปนฺเนติ อุปฺปนฺเน อุปฺปนฺเน, อุปฺปนฺนมตฺเตเยวาติ วุตฺตํ โหติ. สกึ วา อุปฺปนฺเน วิโนเทตฺวา ทุติยวาเร ¶ อชฺฌุเปกฺขิตา น โหติ, สตกฺขตฺตุมฺปิ อุปฺปนฺเน อุปฺปนฺเน วิโนเทติเยว. ปาปเก อกุสเลติ ลามกฏฺเน ปาปเก, อโกสลฺลตาย อกุสเล. ธมฺเมติ เตเยว กามวิตกฺกาทโย สพฺเพปิ วา นว มหาวิตกฺเก. ตตฺถ ตโย วุตฺตา เอว. อวเสสา ‘‘าติวิตกฺโก ชนปทวิตกฺโก อมรวิตกฺโก ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺโต ¶ วิตกฺโก ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก’’ติ (มหานิ. ๒๐๗) อิเม ฉ.
ยฺหิสฺสาติ เอเตสุ วิตกฺเกสุ ยํกิฺจิ อสฺส, เสสํ วุตฺตนยเมว. กามวิตกฺโก ปเนตฺถ กามาสโว เอว. ตพฺพิเสโส ภวาสโว. ตํสมฺปยุตฺโต ทิฏฺาสโว. สพฺพวิตกฺเกสุ อวิชฺชาสโวติ เอวํ อาสวุปฺปตฺติปิ เวทิตพฺพา.
อิเม วุจฺจนฺติ…เป… วิโนทนา ปหาตพฺพาติ อิเม กามวิตกฺกาทิวเสน วุตฺตปฺปการา อาสวา อิมินา ตสฺมึ ตสฺมึ วิตกฺเก อาทีนวปจฺจเวกฺขณสหิเตน วีริยสํวรสงฺขาเตน วิโนทเนน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺตีติ เวทิตพฺพา.
วิโนทนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ภาวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๗. ปฏิสงฺขา โยนิโส สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตีติ อภาวนาย อาทีนวํ, ภาวนาย จ อานิสํสํ อุปาเยน ปเถน ปจฺจเวกฺขิตฺวา สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ¶ ภาเวติ, เอส นโย สพฺพตฺถ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อิเม อุปริมคฺคตฺตยสมยสมฺภูตา โลกุตฺตรโพชฺฌงฺคา เอว อธิปฺเปตา, ตถาปิ อาทิกมฺมิกานํ โพชฺฌงฺเคสุ อสมฺโมหตฺถํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเกน เนสํ นเยน อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามิ. อิธ ปน โลกิยนยํ ปหาย โลกุตฺตรนโย เอว คเหตพฺโพ. ตตฺถ สติสมฺโพชฺฌงฺคนฺติอาทินา นเยน วุตฺตานํ สตฺตนฺนํ อาทิปทานํเยว ตาว –
อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ, กมโต จ วินิจฺฉโย;
อนูนาธิกโต เจว, วิฺาตพฺโพ วิภาวินา.
ตตฺถ สติสมฺโพชฺฌงฺเค ตาว สรณฏฺเน สติ. สา ปเนสา อุปฏฺานลกฺขณา, อปิลาปนลกฺขณา วา. วุตฺตมฺปิ เหตํ ‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ ภณฺฑาคาริโก รฺโ สาปเตยฺยํ ¶ อปิลาเปติ, เอตฺตกํ, มหาราช, หิรฺํ, เอตฺตกํ สุวณฺณํ, เอตฺตกํ สาปเตยฺยนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช ¶ , สติ อุปฺปชฺชมานา กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชหีนปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม อปิลาเปติ. อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (มิ. ป. ๒.๑.๑๓) วิตฺถาโร. อปิลาปนรสา. กิจฺจวเสเนว หิสฺส เอตํ ลกฺขณํ เถเรน วุตฺตํ. อสมฺโมสรสา วา. โคจราภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา. สติ เอว สมฺโพชฺฌงฺโค สติสมฺโพชฺฌงฺโค. ตตฺถ โพธิยา โพธิสฺส วา องฺโคติ โพชฺฌงฺโค.
กึ วุตฺตํ โหติ? ยา หิ อยํ ธมฺมสามคฺคี, ยาย โลกิยโลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหน-กามสุขตฺตกิลมถานุโยค-อุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌตีติ กตฺวา ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. พุชฺฌตีติ กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺเค ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ. ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺโคติปิ โพชฺฌงฺโค, ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิย.
โยเปส ¶ ยถาวุตฺตปฺปการาย เอตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส องฺโคติปิ โพชฺฌงฺโค, เสนงฺครถงฺคาทโย วิย. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ วา โพชฺฌงฺคา’’ติ. อปิจ ‘‘โพชฺฌงฺคาติ เกนฏฺเน โพชฺฌงฺคา? โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, อนุพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, ปฏิพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, สมฺพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๑๗) ปฏิสมฺภิทานเยนาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปสตฺโถ สุนฺทโร วา โพชฺฌงฺโคติ สมฺโพชฺฌงฺโค. เอวํ สติ เอว สมฺโพชฺฌงฺโค สติสมฺโพชฺฌงฺโค. ตํ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ. เอวํ ตาว เอกสฺส อาทิปทสฺส อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ จ วินิจฺฉโย วิฺาตพฺโพ.
ทุติยาทีสุ ปน จตุสจฺจธมฺเม วิจินาตีติ ธมฺมวิจโย. โส ปน วิจยลกฺขโณ, โอภาสนรโส, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺาโน. วีรภาวโต วิธินา อีรยิตพฺพโต จ วีริยํ. ตํ ปคฺคหลกฺขณํ ¶ , อุปตฺถมฺภนรสํ, อโนสีทนปจฺจุปฏฺานํ ¶ . ปีณยตีติ ปีติ. สา ผรณลกฺขณา, ตุฏฺิลกฺขณา วา, กายจิตฺตานํ ปีณนรสา, เตสํเยว โอทคฺยปจฺจุปฏฺานา. กายจิตฺตทรถปสฺสมฺภนโต ปสฺสทฺธิ. สา อุปสมลกฺขณา, กายจิตฺตทรถนิมฺมทฺทนรสา, อายจิตฺตานํ อปริปฺผนฺทนภูตสีติภาวปจฺจุปฏฺานา. สมาธานโต สมาธิ. โส อวิกฺเขปลกฺขโณ, อวิสารลกฺขโณ วา, จิตฺตเจตสิกานํ สมฺปิณฺฑนรโส, จิตฺตฏฺิติปจฺจุปฏฺาโน. อชฺฌุเปกฺขนโต อุเปกฺขา. สา ปฏิสงฺขานลกฺขณา, สมวาหิตลกฺขณา วา, อูนาธิกตานิวารณรสา, ปกฺขปาตุปจฺเฉทรสา วา, มชฺฌตฺตภาวปจฺจุปฏฺานา. เสสํ วุตฺตนยเมว. เอวํ เสสปทานมฺปิ อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ จ วินิจฺฉโย วิฺาตพฺโพ.
กมโตติ เอตฺถ จ ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔) วจนโต สพฺเพสํ เสสโพชฺฌงฺคานํ อุปการกตฺตา สติสมฺโพชฺฌงฺโคว ปมํ วุตฺโต. ตโต ปรํ ‘‘โส ตถา สโต วิหรนฺโต ตํ ธมฺมํ ปฺาย ปวิจินตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๖๙) นเยน เสสโพชฺฌงฺคานํ ปุพฺพาปริยวจเน ปโยชนํ สุตฺเตเยว วุตฺตํ. เอวเมตฺถ กมโตปิ วินิจฺฉโย วิฺาตพฺโพ.
อนูนาธิกโตติ กสฺมา ปน ภควตา สตฺเตว โพชฺฌงฺคา วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ. ลีนุทฺธจฺจปฏิปกฺขโต สพฺพตฺถิกโต จ. เอตฺถ หิ ตโย ¶ โพชฺฌงฺคา ลีนสฺส ปฏิปกฺขา. ยถาห – ‘‘ยสฺมิฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). ตโย อุทฺธจฺจสฺส ปฏิปกฺขา. ยถาห – ‘‘ยสฺมิฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). เอโก ปเนตฺถ สพฺพตฺถิโก. ยถาห – ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ. ‘‘สพฺพตฺถก’’นฺติปิ ปาโ, ทฺวินฺนมฺปิ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เอวํ ลีนุทฺธจฺจปฏิปกฺขโต สพฺพตฺถิกโต ¶ จ สตฺเตว โพชฺฌงฺคา วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ, เอวเมตฺถ อนูนาธิกโตปิ วินิจฺฉโย วิฺาตพฺโพ.
เอวํ ¶ ตาว ‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺค’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตานํ สตฺตนฺนํ อาทิปทานํเยว อตฺถวณฺณนํ ตฺวา อิทานิ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตนฺติอาทีสุ เอวํ าตพฺพา. ภาเวตีติ วฑฺเฒติ, อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน ปุนปฺปุนํ ชเนติ อภินิพฺพตฺเตตีติ อตฺโถ. วิเวกนิสฺสิตนฺติ วิเวเก นิสฺสิตํ. วิเวโกติ วิวิตฺตตา. สฺวายํ ตทงฺควิเวโก วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธิ นิสฺสรณวิเวโกติ ปฺจวิโธ. ตสฺส นานตฺตํ ‘‘อริยธมฺเม อวินีโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยเมว หิ ตตฺถ วินโยติ วุตฺโต. เอวํ เอตสฺมึ ปฺจวิเธ วิเวเก.
วิเวกนิสฺสิตนฺติ ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ สมุจฺเฉทวิเวกนิสฺสิตํ นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตฺจ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ อยํ โพชฺฌงฺคภาวนานุยุตฺโต โยคี วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ, อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ, มคฺคกาเล ปน กิจฺจโต สมุจฺเฉทวิเวกนิสฺสิตํ, อารมฺมณโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ. ปฺจวิธวิเวกนิสฺสิตนฺติปิ เอเก, เต หิ น เกวลํ พลววิปสฺสนามคฺคผลกฺขเณสุ เอว โพชฺฌงฺเค อุทฺธรนฺติ, วิปสฺสนาปาทกกสิณชฺฌานอานาปานาสุภพฺรหฺมวิหารชฺฌาเนสุปิ อุทฺธรนฺติ. น จ ปฏิสิทฺธา อฏฺกถาจริเยหิ. ตสฺมา เตสํ มเตน เอเตสํ ฌานานํ ปวตฺติกฺขเณ กิจฺจโต เอว วิกฺขมฺภนวิเวกนิสฺสิตํ. ยถา ¶ จ ‘‘วิปสฺสนากฺขเณ อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิต’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตมฺปิ ภาเวตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอส นโย วิราคนิสฺสิตาทีสุ. วิเวกฏฺา เอว หิ วิราคาทโย.
เกวลฺเหตฺถ โวสฺสคฺโค ทุวิโธ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโค จ ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโค จาติ. ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโคติ วิปสฺสนากฺขเณ จ ตทงฺควเสน, มคฺคกฺขเณ จ สมุจฺเฉทวเสน กิเลสปฺปหานํ. ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโคติ วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ ปน อารมฺมณกรเณน นิพฺพานปกฺขนฺทนํ. ตทุภยมฺปิ อิมสฺมึ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก อตฺถวณฺณนานเย วฏฺฏติ. ตถา หิ อยํ สติสมฺโพชฺฌงฺโค ยถาวุตฺเตน ปกาเรน กิเลเส ปริจฺจชติ, นิพฺพานฺจ ปกฺขนฺทติ. โวสฺสคฺคปริณามินฺติ ¶ อิมินา ปน สกเลน วจเนน โวสฺสคฺคตฺตํ ปริณมนฺตํ ปริณตฺจ ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกฺจาติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘อยฺหิ โพชฺฌงฺคภาวนานุยุตฺโต ภิกฺขุ ยถา สติสมฺโพชฺฌงฺโค กิเลสปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺตํ นิพฺพานปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺตฺจ ¶ ปริปจฺจติ, ยถา จ ปริปกฺโก โหติ, ตถา นํ ภาเวตี’’ติ. เอส นโย เสสโพชฺฌงฺเคสุ.
อิธ ปน นิพฺพานํเยว สพฺพสงฺขเตหิ วิวิตฺตตฺตา วิเวโก, สพฺเพสํ วิราคภาวโต วิราโค, นิโรธภาวโต นิโรโธติ วุตฺตํ. มคฺโค เอว จ โวสฺสคฺคปริณามี, ตสฺมา สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺติยา วิเวกนิสฺสิตํ. ตถา วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ. ตฺจ โข อริยมคฺคกฺขณุปฺปตฺติยา กิเลสานํ สมุจฺเฉทโต ปริจฺจาคภาเวน จ นิพฺพานปกฺขนฺทนภาเวน จ ปริณตํ ปริปกฺกนฺติ อยเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอส นโย เสสโพชฺฌงฺเคสุ.
ยฺหิสฺสาติ เอเตสุ โพชฺฌงฺเคสุ ยํกิฺจิ อสฺส. เสสํ วุตฺตนยเมว. อาสวุปฺปตฺติยํ ปเนตฺถ อิเมสํ อุปริมคฺคตฺตยสมฺปยุตฺตานํ โพชฺฌงฺคานํ อภาวิตตฺตา เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ กามาสโว ภวาสโว อวิชฺชาสโวติ ตโย อาสวา, ภาวยโต เอวํส เต อาสวา น โหนฺตีติ อยํ นโย เวทิตพฺโพ.
อิเม วุจฺจนฺติ…เป… ภาวนา ปหาตพฺพาติ อิเม ตโย อาสวา อิมาย มคฺคตฺตยสมฺปยุตฺตาย โพชฺฌงฺคภาวนาย ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺตีติ เวทิตพฺพา.
๒๘. อิทานิ ¶ อิเมหิ สตฺตหากาเรหิ ปหีนาสวํ ภิกฺขุํ โถเมนฺโต อาสวปฺปหาเน จสฺส อานิสํสํ ทสฺเสนฺโต เอเตเหว จ การเณหิ อาสวปฺปหาเน สตฺตานํ อุสฺสุกฺกํ ชเนนฺโต ยโต โข, ภิกฺขเว…เป… อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสาติ อาห. ตตฺถ ยโต โขติ สามิวจเน โตกาโร, ยสฺส โขติ วุตฺตํ โหติ. โปราณา ปน ยสฺมึ กาเลติ วณฺณยนฺติ. เย อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพาติ เย อาสวา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, เต ทสฺสเนเนว ปหีนา โหนฺติ, น อปฺปหีเนสุเยว ปหีนสฺี โหติ. เอวํ สพฺพตฺถ วิตฺถาโร.
สพฺพาสวสํวรสํวุโตติ สพฺเพหิ อาสวปิธาเนหิ ปิหิโต, สพฺเพสํ วา อาสวานํ ปิธาเนหิ ปิหิโต. อจฺเฉจฺฉิ ¶ ตณฺหนฺติ สพฺพมฺปิ ตณฺหํ ฉินฺทิ, สํฉินฺทิ สมุจฺฉินฺทิ. วิวตฺตยิ ¶ สํโยชนนฺติ ทสวิธมฺปิ สํโยชนํ ปริวตฺตยิ นิมฺมลมกาสิ. สมฺมาติ เหตุนา การเณน. มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา ปหานาภิสมยา จ. อรหตฺตมคฺโค หิ กิจฺจวเสน มานํ ปสฺสติ, อยมสฺส ทสฺสนาภิสมโย. เตน ทิฏฺโ ปน โส ตาวเทว ปหียติ ทิฏฺวิเสน ทิฏฺสตฺตานํ ชีวิตํ วิย. อยมสฺส ปหานาภิสมโย.
อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสาติ เอวํ อรหตฺตมคฺเคน สมฺมา มานสฺส ทิฏฺตฺตา ปหีนตฺตา จ เย อิเม ‘‘กายพนฺธนสฺส อนฺโต ชีรติ (จูฬว. ๒๗๘). หริตนฺตํ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) เอวํ วุตฺตอนฺติมมริยาทนฺโต จ, ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกาน’’นฺติ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐) เอวํ วุตฺตลามกนฺโต จ, ‘‘สกฺกาโย เอโก อนฺโต’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๑) เอวํ วุตฺตโกฏฺาสนฺโต จ, ‘‘เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺส สพฺพปจฺจยสงฺขยา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๑) เอวํ วุตฺตโกฏนฺโต จาติ เอวํ จตฺตาโร อนฺตา, เตสุ สพฺพสฺเสว วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ จตุตฺถโกฏิสงฺขาตํ อนฺติมโกฏิสงฺขาตํ อนฺตมกาสิ ปริจฺเฉทํ ปริวฏุมํ อกาสิ. อนฺติมสมุสฺสยมตฺตาวเสสํ ทุกฺขํ อกาสีติ วุตฺตํ โหติ.
อตฺตมนา เต ภิกฺขูติ สกมนา ตุฏฺมนา, ปีติโสมนสฺเสหิ วา สมฺปยุตฺตมนา หุตฺวา. ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ อิทํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาปริโยสานํ ¶ ภควโต ภาสิตํ สุกถิตํ สุลปิตํ, เอวเมตํ ภควา เอวเมตํ สุคตาติ มตฺถเกน สมฺปฏิจฺฉนฺตา อพฺภนุโมทึสูติ.
เสสเมตฺถ ยํ น วุตฺตํ, ตํ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา จ สุวิฺเยฺยตฺตา จ น วุตฺตํ. ตสฺมา สพฺพํ วุตฺตานุสาเรน อนุปทโส ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ.
ภาวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา
๒๙. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ ธมฺมทายาทสุตฺตํ. ยสฺมา ปนสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตฺวา วสฺส อปุพฺพปทวณฺณนํ กริสฺสาม. กตราย จ ปนิทํ อฏฺุปฺปตฺติยา นิกฺขิตฺตนฺติ. ลาภสกฺกาเร. ภควโต กิร มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ. ยถา ตํ จตฺตาโร อสงฺขฺเยยฺเย ปูริตทานปารมีสฺจยสฺส. สพฺพทิสาสุ ยมกมหาเมโฆ ¶ วุฏฺหิตฺวา มโหฆํ วิย สพฺพปารมิโย เอกสฺมึ อตฺตภาเว วิปากํ ทสฺสามาติ สมฺปิณฺฑิตา วิย ลาภสกฺการมโหฆํ นิพฺพตฺตยึสุ. ตโต ตโต อนฺนปานยานวตฺถมาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย อาคนฺตฺวา – ‘‘กหํ พุทฺโธ, กหํ ภควา, กหํ เทวเทโว, นราสโภ, ปุริสสีโห’’ติ ภควนฺตํ ปริเยสนฺติ. สกฏสเตหิปิ ปจฺจเย อาหริตฺวา โอกาสํ อลภมานา สมนฺตา คาวุตปฺปมาณมฺปิ สกฏธุเรน สกฏธุรมาหจฺจติฏฺนฺติ เจว อนุพนฺธนฺติ จ. อนฺธกวินฺทพฺราหฺมณาทโย วิย. สพฺพํ ขนฺธเก เตสุ เตสุ สุตฺเตสุ จ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยถา จ ภควโต, เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสาปิ.
วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข สกฺกโต โหติ…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ (อุทา. ๑๔). ตถา – ‘‘ยาวตา ¶ โข, จุนฺท, เอตรหิ สงฺโฆ วา คโณ วา โลเก อุปฺปนฺโน, นาหํ, จุนฺท, อฺํ เอกสงฺฆมฺปิ สมนุปสฺสามิ, เอวํ ลาภคฺคยสคฺคปตฺตํ, ยถริว, จุนฺท, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๗๖).
สฺวายํ ภควโต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺโน ลาภสกฺกาโร เอกโต หุตฺวา ทฺวินฺนํ มหานทีนํ อุทกมิว อปฺปเมยฺโย อโหสิ. กเมน ภิกฺขู ปจฺจยครุกา ปจฺจยพาหุลิกา อเหสุํ. ปจฺฉาภตฺตมฺปิ เตลมธุผาณิตาทีสุ อาหเฏสุ คณฺฑึเยว ปหริตฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริยสฺส เทถ, อุปชฺฌายสฺส เทถา’’ติ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ กโรนฺติ. สา จ เนสํ ปวตฺติ ภควโตปิ ¶ ปากฏา อโหสิ. ตโต ภควา อนนุจฺฉวิกนฺติ ธมฺมสํเวคํ อุปฺปาเทตฺวา จินฺเตสิ –
‘‘ปจฺจยา อกปฺปิยาติ น สกฺกา สิกฺขาปทํ ปฺเปตุํ. ปจฺจยปฏิพทฺธา หิ กุลปุตฺตานํ สมณธมฺมวุตฺติ. หนฺทาหํ ธมฺมทายาทปฏิปทํ เทเสมิ. สา สิกฺขากามานํ กุลปุตฺตานํ สิกฺขาปทปฺตฺติ วิย ภวิสฺสติ นครทฺวาเร ปิตสพฺพกายิกอาทาโส วิย จ, ยถา หิ นครทฺวาเร ปิเต สพฺพกายิเก อาทาเส จตฺตาโร วณฺณา อตฺตโน ฉายํ ทิสฺวา วชฺชํ ปหาย นิทฺโทสา โหนฺติ, เอวเมว สิกฺขากามา กุลปุตฺตา ปโยคมณฺฑเนน อตฺตานํ มณฺเฑตุกามา อิมํ สพฺพกายิกาทาสูปมํ ¶ เทสนํ อาวชฺชิตฺวา อามิสทายาทปฏิปทํ วชฺเชตฺวา ธมฺมทายาทปฏิปทํ ปูเรนฺตา ขิปฺปเมว ชาติชรามรณสฺส อนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ. อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ อภาสิ.
ตตฺถ ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทาติ ธมฺมสฺส เม ทายาทา, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสสฺส. โย มยฺหํ ธมฺโม, ตสฺส ปฏิคฺคาหกา ภวถ, ยฺจ โข มยฺหํ อามิสํ, ตสฺส มา ปฏิคฺคาหกา ภวถาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ธมฺโมปิ ทุวิโธ – นิปฺปริยายธมฺโม, ปริยายธมฺโมติ. อามิสมฺปิ ทุวิธํ – นิปฺปริยายามิสํ, ปริยายามิสนฺติ. กถํ? มคฺคผลนิพฺพานเภโท หิ นววิโธปิ โลกุตฺตรธมฺโม นิปฺปริยายธมฺโม นิพฺพตฺติตธมฺโม, น เยน เกนจิ ปริยาเยน การเณน วา เลเสน วา ธมฺโม. ยํ ปนิทํ วิวฏฺฏูปนิสฺสิตํ กุสลํ, เสยฺยถิทํ, อิเธกจฺโจ ¶ วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺโต ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, คนฺธมาลาทีหิ วตฺถุปูชํ กโรติ, ธมฺมํ สุณาติ เทเสติ ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, เอวํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน นิปฺปริยายธมฺมํ อมตํ นิพฺพานํ ปฏิลภติ, อยํ ปริยายธมฺโม. ตถา จีวราทโย จตฺตาโร ปจฺจยา นิปฺปริยายามิสเมว, น อฺเน ปริยาเยน การเณน วา เลเสน วา อามิสํ. ยํ ปนิทํ วฏฺฏคามิกุสลํ, เสยฺยถิทํ, อิเธกจฺโจ วฏฺฏํ ปตฺเถนฺโต สมฺปตฺติภวํ อิจฺฉมาโน ทานํ เทติ…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, เอวํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน เทวมนุสฺสสมฺปตฺตึ ปฏิลภติ, อิทํ ปริยายามิสํ นาม.
ตตฺถ นิปฺปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก. ภควตา หิ กถิตตฺตา ภิกฺขู ¶ มคฺคผลนิพฺพานานิ อธิคจฺฉนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โส หิ พฺราหฺมณ ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา, มคฺคฺู มคฺควิทู มคฺคโกวิโท. มคฺคานุคา จ ปน เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๙) จ – ‘‘โส หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ จกฺขุภูโต าณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นินฺเนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓) จ. ปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก. ภควตา ¶ หิ กถิตตฺตา เอวํ ชานนฺติ ‘‘วิวฏฺฏํ ปตฺเถตฺวา ทานํ เทนฺโต…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺโต อนุกฺกเมน อมตํ นิพฺพานํ ปฏิลภตี’’ติ. นิปฺปริยายามิสมฺปิ จ ภควโตเยว สนฺตกํ. ภควตา หิ อนฺุาตตฺตาเยว ภิกฺขูหิ ชีวกวตฺถุํ อาทึ กตฺวา ปณีตจีวรํ ลทฺธํ. ยถาห ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คหปติจีวรํ. โย อิจฺฉติ, ปํสุกูลิโก โหตุ, โย อิจฺฉติ, คหปติจีวรํ สาทิยตุ. อิตรีตเรนปาหํ, ภิกฺขเว, สนฺตุฏฺึเยว วณฺเณมี’’ติ (มหาว. ๓๓๗).
ปุพฺเพ จ ภิกฺขู ปณีตปิณฺฑปาตํ นาลตฺถุํ. สปทานปิณฺฑิยาโลปโภชนา เอวาเหสุํ. เตหิ ราชคเห วิหรนฺเตน ภควตา – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ นิมนฺตนํ สลากภตฺตํ ปกฺขิกํ ¶ อุโปสถิกํ ปาฏิปทิก’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๕) เอวํ อนฺุาตตฺตาเยว ปณีตโภชนํ ลทฺธํ. ตถา เสนาสนํ. ปุพฺเพ หิ อกตปพฺภารรุกฺขมูลาทิเสนาสนาเยว ภิกฺขู อเหสุํ. เต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจ เลณานี’’ติ (จูฬว. ๒๙๔) เอวํ ภควตา อนฺุาตตฺตาเยว วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหาติ อิมานิ เสนาสนานิ ลภึสุ. ปุพฺเพ จ มุตฺตหรีตเกเนว เภสชฺชํ อกํสุ. เต ภควตาเยว – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจ เภสชฺชานิ, เสยฺยถิทํ, สปฺปิ, นวนีตํ, เตลํ, มธุ, ผาณิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๐) เอวมาทินา นเยน อนฺุาตตฺตา นานาเภสชฺชานิ ลภึสุ.
ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ. ภควตา หิ กถิตตฺตา เยว ชานนฺติ – ‘‘สมฺปตฺติภวํ ปตฺเถนฺโต ทานํ ทตฺวา สีลํ…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ปริยายามิสํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ มนุสฺสสมฺปตฺตึ ปฏิลภตี’’ติ. ตเทว, ยสฺมา นิปฺปริยายธมฺโมปิ ปริยายธมฺโมปิ ¶ นิปฺปริยายามิสมฺปิ ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ, ตสฺมา ตตฺถ อตฺตโน สามิภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ มา อามิสทายาทา’’ติ.
โย มยฺหํ สนฺตโก ทุวิโธปิ ธมฺโม, ตสฺส ทายาทา ภวถ. ยฺจ โข เอตํ มยฺหเมว สนฺตกํ อามิสํ, ตสฺส ¶ ทายาทา มา ภวถ. ธมฺมโกฏฺาสสฺเสว สามิโน ภวถ, มา อามิสโกฏฺาสสฺส. โย หิ ชินสาสเน ปพฺพชิตฺวา ปจฺจยปรโม วิหรติ จตูสุ ตณฺหุปฺปาเทสุ สนฺทิสฺสมาโน นิกฺขิตฺตธุโร ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติยํ, อยํ อามิสทายาโท นาม. ตาทิสา มา ภวถ. โย ปน อนฺุาตปจฺจเยสุ อปฺปิจฺฉตาทีนิ นิสฺสาย ปฏิสงฺขา เสวมาโน ปฏิปตฺติปรโม วิหรติ จตูสุ อริยวํเสสุ สนฺทิสฺสมาโน, อยํ ธมฺมทายาโท นาม. ตาทิสา ภวถาติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ เยสํ ตตฺถ เอตทโหสิ, ภวิสฺสติ วา อนาคตมทฺธานํ ‘‘กึ นุ โข ภควา สาวกานํ อลาภตฺถิโก เอวมาหา’’ติ, เตสํ อติปณีตลาภตฺถิโก อหํ เอวํ วทามีติ ทสฺเสตุมาห อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ…เป… โน อามิสทายาทาติ.
ตสฺสายมตฺโถ ¶ – อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา อนุทฺทยา หิเตสิตา, เกน นุ โข การเณน เกน อุปาเยน สาวกา ธมฺมทายาทา อสฺสุ ธมฺมโกฏฺาสสามิโน, โน อามิสทายาทาติ. อยํ ปน อธิปฺปาโย, ปสฺสติ กิร ภควา อามิสครุกานํ อามิเส อุปกฺขลิตานํ อตีตกาเล ตาว กปิลสฺส ภิกฺขุโน, ‘‘สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา โหตี’’ติอาทินา (ปารา. ๒๓๐; สํ. นิ. ๒.๒๑๘) นเยน อาคตปาปภิกฺขุภิกฺขุนีสิกฺขมานาทีนฺจ อเนกสตานํ อปายปริปูรณตฺตํ อตฺตโน สาสเน ปพฺพชิตานฺจ เทวทตฺตาทีนํ. ธมฺมครุกานํ ปน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปาทีนํ อภิฺาปฏิสมฺภิทาทิคุณปฺปฏิลาภํ. ตสฺมา เตสํ อปายา ปริมุตฺตึ สพฺพคุณสมฺปตฺติฺจ อิจฺฉนฺโต อาห – ‘‘อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติ. ปจฺจยครุโก จ จตุปริสนฺตเร กูฏกหาปโณ วิย นิพฺพุตงฺคาโร วิย จ นิตฺเตโช นิปฺปโภ โหติ. ตโต วิวตฺติตจิตฺโต ธมฺมครุโก ¶ เตชวา สีโหว อภิภุยฺยจารี, ตสฺมาปิ เอวมาห – ‘‘อตฺถิ เม…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ.
เอวํ ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติ อิทํ อนุกมฺปาย ปณีตตรํ ลาภํ อิจฺฉนฺเตน วุตฺตํ, โน อลาภตฺถิเกนาติ สาเวตฺวา อิทานิ อิมสฺส โอวาทสฺส อกรเณ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตุมฺเห จ เม, ภิกฺขเว…เป… โน ธมฺมทายาทา’’ติ. ตตฺถ ตุมฺเหปิ เตน ¶ อาทิยา ภเวยฺยาถาติ ตุมฺเหปิ เตน อามิสทายาทภาเวน โน ธมฺมทายาทภาเวน อาทิยา ภเวยฺยาถ. อปทิสิตพฺพา วิสุํ กาตพฺพา ววตฺถเปตพฺพา, วิฺูหิ คารยฺหา ภเวยฺยาถาติ วุตฺตํ โหติ. กินฺติ? อามิสทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน ธมฺมทายาทาติ.
อหมฺปิ เตน อาทิโย ภเวยฺยนฺติ อหมฺปิ เตน ตุมฺหากํ อามิสทายาทภาเวน โน ธมฺมทายาทภาเวน คารยฺโห ภเวยฺยํ. กินฺติ? อามิส…เป… ทายาทาติ. อิทํ ภควา เตสํ อตีว มุทุกรณตฺถมาห. อยฺหิ เอตฺถ อธิปฺปาโย – สเจ, ภิกฺขเว, ตุมฺเห อามิสโลลา จริสฺสถ, ตตฺถ วิฺู มํ ครหิสฺสนฺติ ‘‘กถฺหิ นาม สพฺพฺู สมาโน อตฺตโน สาวเก ¶ ธมฺมทายาเท โน อามิสทายาเท กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ. เสยฺยถาปิ นาม อนากปฺปสมฺปนฺเน ภิกฺขู ทิสฺวา อาจริยุปชฺฌาเย ครหนฺติ ‘‘กสฺสิเม สทฺธิวิหาริกา, กสฺสนฺเตวาสิกา’’ติ; เสยฺยถา วา ปน กุลกุมารเก วา กุลกุมาริกาโย วา ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม ทิสฺวา มาตาปิตโร ครหนฺติ ‘‘กสฺสิเม ปุตฺตา, กสฺส ธีตโร’’ติ; เอวเมว มํ วิฺู ครหิสฺสนฺติ ‘‘กถฺหิ นาม สพฺพฺู สมาโน อตฺตโน สาวเก ธมฺมทายาเท โน อามิสทายาเท กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ.
เอวํ อิมสฺส โอวาทสฺส อกรเณ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา กรเณ อานิสํสํ ทสฺเสนฺโต ตุมฺเห จ เมติอาทิมาห. ตตฺถ อหมฺปิ เตน น อาทิโย ภเวยฺยนฺติ เสยฺยถาปิ นาม วตฺตปริปูรเก ทหรภิกฺขู อุทฺเทสปริปุจฺฉาสมฺปนฺเน วสฺสสติกตฺเถเร วิย อากปฺปสมฺปนฺเน ทิสฺวา, กสฺส สทฺธิวิหาริกา, กสฺสนฺเตวาสิกาติ, อสุกสฺสาติ, ‘‘ปติรูปํ เถรสฺส, ปฏิพโล วต โอวทิตุํ อนุสาสิตุ’’นฺติ อาจริยุปชฺฌายา น อาทิยา น คารยฺหา ภวนฺติ, เอวเมว อหมฺปิ เตน ตุมฺหากํ ธมฺมทายาทภาเวน โน อามิสทายาทภาเวน กสฺส สาวกา นาลกปฏิปทํ ¶ ตุวฏฺฏกปฏิปทํ จนฺทูปมปฏิปทํ รถวินีตปฏิปทํ มหาโคสิงฺคสาลปฏิปทํ มหาสฺุตปฏิปทํ ปฏิปนฺนา จตุปจฺจยสนฺโตสภาวนารามอริยวํเสสุ สกฺขิภูตา ปจฺจยเคธโต วิวตฺตมานสา อพฺภา มุตฺตจนฺทสมา วิหรนฺตีติ; ‘‘สมณสฺส ¶ โคตมสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘สพฺพฺู วต ภควา, อสกฺขิ วต สาวเก อามิสทายาทปฏิปทํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ธมฺมทายาทปฏิปตฺติปูรเก กาตุ’’นฺติ วิฺูนํ น อาทิโย น คารยฺโห ภเวยฺยนฺติ. เอวมิมสฺมึ ปเท อธิปฺปายํ ตฺวา เสสํ กณฺหปกฺเข วุตฺตนยปจฺจนีเกน เวทิตพฺพํ. เอวํ อิมสฺส โอวาทสฺส กรเณ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ โอวาทํ นิยฺยาเตนฺโต อาห – ‘‘ตสฺมา ติห เม, ภิกฺขเว…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ.
๓๐. เอวมิมํ โอวาทํ นิยฺยาเตตฺวา อิทานิ ตสฺสา ธมฺมทายาทปฏิปตฺติยา ปริปูรการึ โถเมตุํ อิธาหํ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ภควโต หิ โถมนํ สุตฺวาปิ โหนฺติเยว ตทตฺถาย ปฏิปชฺชิตาโร.
ตตฺถ ¶ อิธาติ นิปาตปทเมตํ. ภุตฺตาวีติ ภุตฺตวา, กตภตฺตกิจฺโจติ วุตฺตํ โหติ. ปวาริโตติ ยาวทตฺถปวารณาย ปวาริโต, ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา ปฏิกฺขิตฺตโภชโน ติตฺโตวาติ วุตฺตํ โหติ. จตุพฺพิธา หิ ปวารณา วสฺสํวุฏฺปวารณา ปจฺจยปวารณา อนติริตฺตปวารณา ยาวทตฺถปวารณาติ. ตตฺถ, ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, วสฺสํวุฏฺานํ ภิกฺขูนํ ตีหิ าเนหิ ปวาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๙) อยํ วสฺสํวุฏฺปวารณา. ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ จตุมาสํ เภสชฺเชน ปวาเรตุ’’นฺติ (ปาจิ. ๓๐๓) จ ‘‘อฺตฺร ปุนปวารณาย อฺตฺร นิจฺจปวารณายา’’ติ (ปาจิ. ๓๐๗) จ อยํ ปจฺจยปวารณา. ‘‘ปวาริโต นาม อสนํ ปฺายติ, โภชนํ ปฺายติ, หตฺถปาเส ิโต อภิหรติ, ปฏิกฺเขโป ปฺายติ, เอโส ปวาริโต นามา’’ติ (ปาจิ. ๒๓๙) อยํ อนติริตฺตปวารณา. ‘‘ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๙๗, ๓๕๘) อยํ ยาวทตฺถปวารณา. อยมิธ อธิปฺเปตา. เตน วุตฺตํ ‘‘ปวาริโตติ ยาวทตฺถปวารณาย ปวาริโต’’ติ.
ปริปุณฺโณติ โภชเนน ปริปุณฺโณ. ปริโยสิโตติ ปริโยสิตโภชโน, อุตฺตรปทโลโป ทฏฺพฺโพ ¶ . ยาวตกํ ภฺุชิตพฺพํ, ตาวตกํ ภุตฺตํ โหติ, อวสิตา เม โภชนกิริยาติ อตฺโถ. สุหิโตติ ธาโต, ชิฆจฺฉาทุกฺขาภาเวน วา สุขิโตติ วุตฺตํ โหติ. ยาวทตฺโถติ ยาวตโก ¶ เม โภชเนน อตฺโถ, โส สพฺโพ ปตฺโตติ. เอตฺถ จ ปุริมานํ ติณฺณํ ปจฺฉิมานิ สาธกานิ. โย หิ ปริโยสิโต, โส ภุตฺตาวี โหติ. โย จ สุหิโต, โส ยาวทตฺถปวารณาย ปวาริโต. โย ยาวทตฺโถ, โส ปริปุณฺโณติ. ปุริมานิ วา ปจฺฉิมานํ. ยสฺมา หิ ภุตฺตาวี, ตสฺมา ปริโยสิโต. ยสฺมา ปวาริโต, ตสฺมา สุหิโต. ยสฺมา ปริปุณฺโณ, ตสฺมา ยาวทตฺโถติ. สพฺพฺเจตํ ปริกปฺเปตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สิยาติ เอกํเส จ วิกปฺปเน จ. ‘‘ปถวีธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๔๙) เอกํเส. ‘‘สิยา อฺตรสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติ วีติกฺกโม’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๙) วิกปฺปเน. อิธ อุภยมฺปิ วฏฺฏติ. อติเรโกว อติเรกธมฺโม. ตถา ฉฑฺฑนีย ธมฺโม. อธิโก จ ฉฑฺเฑตพฺโพ จ, น อฺํ กิฺจิ กาตพฺโพติ ¶ อตฺโถ. อถาติ ตมฺหิ กาเล. ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรตาติ ชิฆจฺฉาย จ ทุพฺพลฺเยน จ ปเรตา ผุฏฺา อนุคตา จ อฏฺปิ ทสปิ ทิวสานิ. ตตฺถ เกจิ ชิฆจฺฉิตาปิ น ทุพฺพลา โหนฺติ, สกฺโกนฺติ ชิฆจฺฉํ สหิตุํ. อิเม ปน น ตาทิสาติ ทสฺเสตุํ อุภยมาห. ตฺยาหนฺติ เต อหํ. สเจ อากงฺขถาติ ยทิ อิจฺฉถ.
อปฺปหริเตติ อปฺปรุฬฺหหริเต, ยสฺมึ าเน ปิณฺฑปาตชฺโฌตฺถรเณน วินสฺสนธมฺมานิ ติณานิ นตฺถิ, ตสฺมินฺติ อตฺโถ. เตน นิตฺติณฺจ มหาติณคหนํ จ, ยตฺถ สกเฏนปิ ฉฑฺฑิเต ปิณฺฑปาเต ติณานิ น วินสฺสนฺติ, ตฺจ านํ ปริคฺคหิตํ โหติ. ภูตคามสิกฺขาปทสฺส หิ อวิโกปนตฺถเมตํ วุตฺตํ.
อปฺปาณเกติ นิปฺปาณเก ปิณฺฑปาตชฺโฌตฺถรเณน มริตพฺพปาณกรหิเต วา มหาอุทกกฺขนฺเธ. ปริตฺโตทเก เอว หิ ภตฺตปกฺเขเปน อาฬุลิเต สุขุมปาณกา มรนฺติ, น มหาตฬากาทีสูติ. ปาณกานุรกฺขณตฺถฺหิ เอตํ วุตฺตํ. โอปิลาเปสฺสามีติ นิมุชฺชาเปสฺสามิ.
ตตฺเรกสฺสาติ เตสุ ทฺวีสุ เอกสฺส. โย อิมํ ธมฺมเทสนํ สุฏฺุ สุตวา ปุนปฺปุนํ อาวชฺเชติ จ ¶ , ตํ สนฺธายาห วุตฺตํ โข ปเนตนฺติ. อยํ วุตฺต-สทฺโท เกโสหารเณปิ ทิสฺสติ ‘‘กาปฏิโก มาณโว ทหโร วุตฺตสิโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๒๖). โรปิเตปิ ‘‘ยถา สารทิกํ พีชํ, เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหตี’’ติอาทีสุ ¶ (ชา. ๑.๓.๓๑). กถิเตปิ ‘‘วุตฺตมิทํ ภควตา, วุตฺตมิทํ อรหตา’’ติอาทีสุ. อิธ ปน กถิเต ทฏฺพฺโพ. กถิตํ โข ปเนตนฺติ อยฺหิสฺส อตฺโถ. อามิสฺตรนฺติ จตุนฺนํ ปจฺจยามิสานํ อฺตรํ, เอกนฺติ อตฺโถ. ยทิทนฺติ นิปาโต, สพฺพลิงฺควิภตฺติวจเนสุ ตาทิโสว ตตฺถ ตตฺถ อตฺถโต ปริณาเมตพฺโพ. อิธ ปนาสฺส โย เอโสติ อตฺโถ. โย เอโส ปิณฺฑปาโต นาม. อิทํ อามิสฺตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยํนูนาหนฺติ สาธุ วตาหํ. เอวนฺติ ยถา อิทานิ อิมํ ขณํ วีตินาเมมิ, เอวเมว รตฺตินฺทิวํ. วีตินาเมยฺยนฺติ เขเปยฺยํ อติวตฺตาเปยฺยํ.
โส ตํ ปิณฺฑปาตนฺติ โส ตํ สเทวเกน โลเกน สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพรูปํ สุคตาติริตฺตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ อภฺุชิตฺวา ธมฺมทายาทภาวํ อากงฺขมาโน ¶ อาทิตฺตสีสูปมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา เตเนว ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺเยน เอวํ ตํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺย.
อถ ทุติยสฺสาติ อิมสฺมึ ปน วาเร เอส สงฺเขโป, สเจ โส ภิกฺขุ, ยํนูนาหํ…เป… วีตินาเมยฺยนฺติ จินฺเตนฺโต เอวมฺปิ จินฺเตยฺย, ปพฺพชิเตน โข วาฬมิคากุเล อรฺเ เภสชฺชํ วิย ปฺจกามคุณวาฬากุเล คาเม ปิณฺฑปาโตปิ ทุกฺขํ ปริเยสิตุํ. อยํ ปน ปิณฺฑปาโต อิติ ปริเยสนาทีนววิมุตฺโต จ สุคตาติริตฺโต จาติ อุภโต สุชาตขตฺติยกุมาโร วิย โหติ, เยหิ จ ปฺจหิ การเณหิ ปิณฺฑปาโต น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ. เสยฺยถิทํ, ปุคฺคลํ ครหิตฺวา น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘อลชฺชิปุคฺคลสฺส สนฺตโก’’ติ. อปริสุทฺธอุปฺปตฺติตาย น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘ภิกฺขุนิปริปาจนอสนฺตสมฺภาวนุปฺปนฺโน’’ติ. สามิกานุกมฺปาย น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘ปิณฺฑปาตสามิโก ภิกฺขุ ชิฆจฺฉิโต’’ติ. โส ธาโต ตสฺเสว อนฺเตวาสิกาทีสุ อนุกมฺปาย น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘อนฺเตวาสิกา อฺเ วา ตปฺปฏิพทฺธา ชิฆจฺฉิตา’’ติ, เตปิ ธาตา สุหิตา, อปิจ โข อสฺสทฺธตาย น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘ปิณฺฑปาตสามิโก ภิกฺขุ อสฺสทฺโธ’’ติ. เตหิ จ การเณหิ อยํ วิมุตฺโต. ภควา หิ ลชฺชีนํ อคฺโค, ปริสุทฺธุปฺปตฺติโก ปิณฺฑปาโต, ภควา จ ธาโต สุหิโต, ปจฺจาสีสโกปิ อฺโ ปุคฺคโล นตฺถิ, เย โลเก สทฺธา, ภควา เตสํ อคฺโคติ เอวํ จินฺเตตฺวา ¶ จ โส ตํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา…เป… วีตินาเมยฺย. เอตฺตาวตา ¶ โยปิ อภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ, โสปิ ภฺุชิตพฺพกเมว ปิณฺฑปาตํ น ภุตฺโต โหติ. โยปิ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ, โสปิ ภฺุชิตพฺพกเมว ภุตฺโต โหติ. นตฺถิ ปิณฺฑปาเต วิเสโส. ปุคฺคเล ปน อตฺถิ วิเสโส. ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺโต กิฺจาปิ โสติอาทิมาห.
ตตฺถ กิฺจาปีติ อนุชานนปฺปสํสนตฺเถ นิปาโต. กึ อนุชานาติ? ตสฺส ภิกฺขุโน ตํ อนวชฺชปริโภคํ. กึ ปสํสติ? ภุตฺวา สมณธมฺมกรณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ยทิปิ โส ภิกฺขุ เอวํ ภฺุชิตพฺพเมว ภฺุชิตฺวา กาตพฺพเมว กเรยฺย. อถ โข อสุเยว เม ปุริโม ภิกฺขูติ โย ปุริโม ภิกฺขุ ตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ, โสเยว มม ทฺวีสุ สูเรสุ สูรตโร วิย ทฺวีสุ ปณฺฑิเตสุ ปณฺฑิตตโร วิย จ ปุชฺชตโร ¶ จ ปาสํสตโร จ, ทุติยภิกฺขุโต อติเรเกน ปูชนีโย จ ปสํสนีโย จาติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ ตมตฺถํ การเณน สาเธนฺโต ตํ กิสฺส เหตูติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ, ตตฺถ สิยา ตุมฺหากํ, กสฺมา โส ภิกฺขุ ภควโต ปุชฺชตโร จ ปาสํสตโร จาติ? ตฺหิ ตสฺสาติ ยสฺมา ตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺขิปนํ ตสฺส ภิกฺขุโน ทีฆรตฺตํ อปฺปิจฺฉตาย…เป… วีริยารมฺภาย สํวตฺติสฺสติ. กถํ? ตสฺส หิ สเจ อปเรน สมเยน ปจฺจเยสุ อตฺริจฺฉตา วา ปาปิจฺฉตา วา มหิจฺฉตา วา อุปฺปชฺชิสฺสติ. ตโต นํ อิมินา ปิณฺฑปาตปฏิกฺเขปงฺกุเสน นิวาเรสฺสติ ‘‘อเร ตฺวํ สุคตาติริตฺตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อีทิสํ อิจฺฉํ อุปฺปาเทสี’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขมาโน. เอส นโย อสนฺตุฏฺิยา อสํเลขสฺส จุปฺปนฺนสฺส นิวารเณ. เอวํ ตาวสฺส อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฏฺิยา สํเลขาย สํวตฺติสฺสติ.
สุภรตายาติ เอตฺถ อยํ สํวณฺณนา – อิเธกจฺโจ อตฺตโนปิ อุปฏฺากานมฺปิ ทุพฺภโร โหติ ทุปฺโปโส. เอกจฺโจ อตฺตโนปิ อุปฏฺากานมฺปิ สุภโร โหติ สุโปโส. กถํ? โย หิ อมฺพิลาทีนิ ลทฺธา อนมฺพิลาทีนิ ปริเยสติ, อฺสฺส ฆเร ลทฺธํ อฺสฺส ฆเร ฉฑฺเฑนฺโต สพฺพํ คามํ วิจริตฺวา ริตฺตปตฺโตว วิหารํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชติ, อยํ อตฺตโน ทุพฺภโร. โย ปน สาลิมํโสทนาทีนํ ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺเนปิ ทุมฺมุขภาวํ อนตฺตมนภาวเมว จ ทสฺเสติ, เตสํ วา สมฺมุขาว ตํ ปิณฺฑปาตํ ‘‘กึ ตุมฺเหหิ ทินฺน’’นฺติ อปสาเทนฺโต ¶ สามเณรคหฏฺาทีนมฺปิ เทติ ¶ , อยํ อุปฏฺากานํ ทุพฺภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ทูรโต ปริวชฺชนฺติ ทุพฺภโร ภิกฺขุ น สกฺกา โปสิตุนฺติ. โย ปน ยํกิฺจิ ลูขํ วา ปณีตํ วา ลทฺธา ตุฏฺจิตฺโตว ภฺุชิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อตฺตโน กมฺมํ กโรติ, อยํ อตฺตโน สุภโร. โย จ ปเรสมฺปิ อปฺปํ วา พหุํ วา ลูขํ วา ปณีตํ วา ทานํ อหีเฬตฺวา อตฺตมโน วิปฺปสนฺนมุโข หุตฺวา เตสํ สมฺมุขาว ปริภฺุชิตฺวา ยาติ, อยํ อุปฏฺากานํ สุภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา อติวิย วิสฺสตฺถา โหนฺติ – ‘‘อมฺหากํ ภทนฺโต สุภโร โถเกนปิ ตุสฺสติ, มยเมว นํ โปสิสฺสามา’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา โปเสนฺติ.
ตตฺถ สเจ อปเรน สมเยน อสฺส อตฺตโน วา อุปฏฺากานํ วา ทุพฺภรตานเยน จิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสติ. ตโต นํ อิมินา ปิณฺฑปาตปฏิกฺเขปงฺกุเสน นิวาเรสฺสติ – ‘‘อเร ตฺวํ สุคตาติริตฺตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อีทิสํ ¶ จิตฺตํ อุปฺปาเทสี’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขมาโน, เอวมสฺส สุภรตาย สํวตฺติสฺสติ. สเจ ปนสฺส โกสชฺชํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตมฺปิ เอเตเนวงฺกุเสน นิวาเรสฺสติ – ‘‘อเร ตฺวํ นาม ตทา สุคตาติริตฺตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตถา ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโตปิ สมณธมฺมํ กตฺวา อชฺช โกสชฺชมนุยฺุชสี’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขมาโน, เอวมสฺส วีริยารมฺภาย สํวตฺติสฺสติ. เอวมสฺส อิทํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺขิปนํ ทีฆรตฺตํ อปฺปิจฺฉตาย…เป… วีริยารมฺภาย สํวตฺติสฺสติ. เอวมสฺสิเม ปฺจ คุณา ปริปูรา ทส กถาวตฺถูนิ ปริปูเรสฺสนฺติ.
กถํ? อตฺร หิ ปาฬิยํเยว อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาวีริยารมฺภวเสน ตีณิ อาคตานิ, เสสานิ สลฺเลเขน สงฺคหิตานิ. อิทฺหิ สพฺพกถาวตฺถูนํ นามเมว, ยทิทํ สลฺเลโข. ยถาห – ‘‘ยา จ โข อยํ, อานนฺท, กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวินีวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. เสยฺยถิทํ, อปฺปิจฺฉกถา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๘๙, ๑๙๒) วิตฺถาโร. เอวํ อิเม ปฺจ คุณา ปริปูรา ทส กถาวตฺถูนิ ปริปูเรสฺสนฺติ. ทส กถาวตฺถูนิ ปริปูรานิ ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรสฺสนฺติ.
กถํ? เอเตสุ หิ อปฺปิจฺฉกถา สนฺโตสกถา อสํสคฺคกถา สีลกถาติ อิมา จตสฺโส กถา อธิสีลสิกฺขาสงฺคหิตาเยว ¶ . ปวิเวกกถา วีริยารมฺภกถา สมาธิกถาติ อิมา ติสฺโส อธิจิตฺตสิกฺขสงฺคหิตา ¶ . ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถาติ อิมา ติสฺโส อธิปฺาสิกฺขาสงฺคหิตาติ. เอวํ ทส กถาวตฺถูนิ ปริปูรานิ ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรสฺสนฺติ. ติสฺโส สิกฺขา ปริปูรา ปฺจ อเสกฺขธมฺมกฺขนฺเธ ปริปูเรสฺสนฺติ.
กถํ? ปริปูรา หิ อธิสีลสิกฺขา อเสกฺโข สีลกฺขนฺโธเยว โหติ, อธิจิตฺตสิกฺขา อเสกฺโข สมาธิกฺขนฺโธ, อธิปฺาสิกฺขา อเสกฺขา ปฺา-วิมุตฺติ-วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺธา เอวาติ เอวํ ติสฺโส สิกฺขา ปริปูรา ปฺจ อเสกฺขธมฺมกฺขนฺเธ ปริปูเรสฺสนฺติ. ปฺจ ธมฺมกฺขนฺธา ปริปูรา อมตํ นิพฺพานํ ปริปูเรสฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ อุปริปพฺพเต ปาวุสฺสโก มหาเมโฆ อภิวุฏฺโ ¶ ปพฺพตกนฺทรสรสาขา ปริปูเรติ. ตา ปริปูรา กุโสพฺเภ, กุโสพฺภา มหาโสพฺเภ, มหาโสพฺภา กุนฺนทิโย, กุนฺนทิโย มหานทิโย, มหานทิโย มหาสมุทฺทสาครํ ปริปูเรนฺติ; เอวเมว ตสฺส ภิกฺขุโน อิเม ปฺจ คุณา ปริปูรา ทส กถาวตฺถุนิ อาทึ กตฺวา ยาว อมตํ นิพฺพานํ ปริปูเรสฺสนฺติ. เอวมยํ ภิกฺขุ ธมฺมทายาทปฏิปทํ ปฏิปนฺโน ปรมธมฺมทายาทํ ลภตีติ เอตมตฺถํ สมฺปสฺสมาโน ภควา ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ ตฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน’’ติอาทิมาห.
เอวํ ตสฺส ภิกฺขุโน ปุชฺชตรปาสํสตรภาวํ การเณน สาเธตฺวา อิทานิ เต ภิกฺขู ตถตฺตาย สนฺนิโยเชนฺโต ตสฺมา ติห เม ภิกฺขเวติอาทิมาห. กึ วุตฺตํ โหติ, ยสฺมา โย ตํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กเรยฺย, โส อิเมหิ ปฺจหิ มูลคุเณหิ ปริพาหิโร. โย ปน อภฺุชิตฺวา กเรยฺย, โส อิเมสํ ภาคี โหติ – ‘‘ตสฺมา ติห เม, ภิกฺขเว…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ.
อิทมโวจ ภควาติ อิทํ นิทานปริโยสานโต ปภุติ ยาว โน อามิสทายาทาติ สุตฺตปฺปเทสํ ภควา อโวจ. อิทํ วตฺวาน สุคโตติ อิทฺจ สุตฺตปฺปเทสํ วตฺวาว โสภนาย ปฏิปทาย คตตฺตา สุคโตติ สงฺขํ ปตฺโตเยว ภควา. อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสี ปฺตฺตวรพุทฺธาสนโต อุฏฺหิตฺวา วิหารํ อตฺตโน มหาคนฺธกุฏึ ปาวิสิ อสมฺภินฺนาย เอว ปริสาย. กสฺมา ¶ ธมฺมโถมนตฺถํ.
พุทฺธา ¶ กิร อปรินิฏฺิตาย เทสนาย วิหารํ ปวิสนฺตา ทฺวีหิ การเณหิ ปวิสนฺติ ปุคฺคลโถมนตฺถํ วา ธมฺมโถมนตฺถํ วา. ปุคฺคลโถมนตฺถํ ปวิสนฺโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ มยา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิฏฺํ, วิตฺถาเรน อวิภตฺตํ, ธมฺมปฏิคฺคาหกา ภิกฺขู อุคฺคเหตฺวา อานนฺทํ วา กจฺจานํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสนฺติ, เต มยฺหํ าเณน สํสนฺเทตฺวา กเถสฺสนฺติ, ตโต ธมฺมปฏิคฺคาหกา ปุน มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, เตสํ อหํ สุกถิตํ, ภิกฺขเว, อานนฺเทน สุกถิตํ กจฺจาเนน, มํ เจปิ ตุมฺเห เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยาถ, อหมฺปิ นํ เอวเมว พฺยากเรยฺยนฺติ เอวํ เต ปุคฺคเล โถเมสฺสามิ, ตโต เตสุ คารวํ ชเนตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิสฺสนฺติ, เตปิ ภิกฺขู อตฺเถ จ ธมฺเม จ ¶ นิโยเชสฺสนฺติ, เต เตหิ นิโยชิตา ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรนฺตา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ.
ธมฺมโถมนตฺถํ ปวิสนฺโต เอวํ จินฺเตสิ, ยถา อิเธว จินฺเตสิ – ‘‘มยิ วิหารํ ปวิฏฺเ ตเมว อามิสทายาทํ ครหนฺโต ธมฺมทายาทฺจ โถเมนฺโต อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสินฺโน สาริปุตฺโต ธมฺมํ เทเสสฺสติ, เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ อมฺหากํ เอกชฺฌาสยาย มติยา เทสิตา อยํ เทสนา อคฺคา จ ครุกา จ ภวิสฺสติ ปาสาณจฺฉตฺตสทิสา. จตุโรฆนิตฺถรณฏฺเน ติตฺเถ ปิตา นาวา วิย มคฺคคมนฏฺเน จตุยุตฺตอาชฺรโถ วิย จ ภวิสฺสติ. ยถา จ ‘เอวํ กโรนฺตสฺส อยํ ทณฺโฑ’ติ ปริสติ อาณํ เปตฺวา อุฏฺายาสนา ปาสาทํ อารุฬฺเห ราชินิ ตตฺเถว นิสินฺโน เสนาปติ ตํ รฺา ปิตํ อาณํ ปวตฺเตติ; เอวมฺปิ มยา ปิตํ เทสนํ อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสินฺโน สาริปุตฺโต โถเมตฺวา เทเสสฺสติ, เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ อมฺหากํ มติยา เทสิตา อยํ เทสนา พลวตรา มชฺฌนฺหิกสูริโย วิย ปชฺชลิสฺสตี’’ติ. เอวมิธ ธมฺมโถมนตฺถํ อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ.
อีทิเสสุ จ าเนสุ ภควา นิสินฺนาสเนเยว อนฺตรหิโต จิตฺตคติยา วิหารํ ปวิสตีติ เวทิตพฺโพ. ยทิ หิ กายคติยา คจฺเฉยฺย, สพฺพา ปริสา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา คจฺเฉยฺย, สา เอกวารํ ภินฺนา ปุน ทุสฺสนฺนิปาตา ภเวยฺยาติ ภควา จิตฺตคติยา เอว ปาวิสิ.
๓๑. เอวํ ¶ ปวิฏฺเ ปน ภควติ ภควโต อธิปฺปายานุรูปํ ตํ ธมฺมํ โถเมตุกาโม ตตฺร โข ¶ อายสฺมา สาริปุตฺโต…เป…เอตทโวจ. ตตฺถ อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ. สาริปุตฺโตติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, ตฺจ โข มาติโต, น ปิติโต. รูปสาริยา หิ พฺราหฺมณิยา โส ปุตฺโต, ตสฺมา สาริปุตฺโตติ วุจฺจติ. อจิรปกฺกนฺตสฺสาติ ปกฺกนฺตสฺส สโต นจิเรน. อาวุโส, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ปน พุทฺธา ภควนฺโต สาวเก อาลปนฺตา ภิกฺขเวติ อาลปนฺติ. สาวกา ปน พุทฺเธหิ สทิสา มา โหมาติ อาวุโสติ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา ภิกฺขเวติ ภณนฺติ. พุทฺเธหิ จ อาลปิโต ภิกฺขุสงฺโฆ ภทนฺเตติ ปฏิวจนํ เทติ, สาวเกหิ อาวุโสติ.
กิตฺตาวตา ¶ นุ โข, อาวุโสติ เอตฺถ กิตฺตาวตาติ ปริจฺเฉทวจนํ, กิตฺตเกนาติ วุตฺตํ โหติ. นุกาโร ปุจฺฉายํ. โขกาโร นิปาตมตฺตํ. สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโตติ, ตีหิ วิเวเกหิ กายจิตฺตอุปธิวิเวเกหิ สตฺถุโน วิหรนฺตสฺส. วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตีติ ติณฺณํ วิเวกานํ อฺตรมฺปิ นานุสิกฺขนฺติ, อามิสทายาทาว โหนฺตีติ อิมมตฺถํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู ปุจฺฉิ. เอส นโย สุกฺกปกฺเขปิ.
เอวํ วุตฺเต ตมตฺถํ โสตุกามา ภิกฺขู ทูรโตปิ โขติอาทิมาหํสุ. ตตฺถ ทูรโตปีติ ติโรรฏฺโตปิ ติโรชนปทโตปิ อเนกโยชนคณนโตปีติ วุตฺตํ โหติ. สนฺติเกติ สมีเป. อฺาตุนฺติ ชานิตุํ พุชฺฌิตุํ. อายสฺมนฺตํเยว สาริปุตฺตํ ปฏิภาตูติ อายสฺมโตเยว สาริปุตฺตสฺส ภาโค โหตุ, อายสฺมา ปน สาริปุตฺโต อตฺตโน ภาคํ กตฺวา วิภชตูติ วุตฺตํ โหติ. อายสฺมโต หิ ภาโค ยทิทํ อตฺถกฺขานํ, อมฺหากํ ปน สวนํ ภาโคติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย, เอวํ สทฺทลกฺขเณน สเมติ. เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘ปฏิภาตูติ ทิสฺสตู’’ติ. อปเร ‘‘อุปฏฺาตู’’ติ. ธาเรสฺสนฺตีติ อุคฺคเหสฺสนฺติ ปริยาปุณิสฺสนฺติ. ตโต เนสํ กเถตุกาโม เถโร เตน หีติอาทิมาห. ตตฺถ เตนาติ การณวจนํ. หิกาโร นิปาโต. ยสฺมา โสตุกามาตฺถ, ยสฺมา จ มยฺหํ ภารํ อาโรปยิตฺถ, ตสฺมา สุณาถาติ วุตฺตํ โหติ. เตปิ ภิกฺขู เถรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉึสุ, เตนาห ‘‘เอวมาวุโสติ…เป…ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ.
อถ เนสํ, อามิสทายาทํ ครหนฺเตน ภควตา ‘‘ตุมฺเหปิ เตน อาทิยา ภเวยฺยาถา’’ติ เอเกเนวากาเรน ¶ วุตฺตมตฺถํ ตีหิ อากาเรหิ ทสฺเสนฺโต อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘อิธาวุโส ¶ , สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต…เป… เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ.
เอตฺตาวตา ยฺจ ภควา อามิสทายาทปฏิปทํ ครหนฺโต ‘‘ตุมฺเหปิ เตน อาทิยา ภเวยฺยาถา’’ติ อาห, ยฺจ อตฺตนา ปุจฺฉํ ปุจฺฉิ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข…เป… นานุสิกฺขนฺตี’’ติ, ตสฺส วิตฺถารโต อตฺโถ สุวิภตฺโต โหติ. โส จ โข ภควโต อาทิยภาวํ อนามสิตฺวาว. ภควโตเยว หิ ยุตฺตํ สาวเก อนุคฺคณฺหนฺตสฺส ‘‘อหมฺปิ ¶ เตน อาทิโย ภวิสฺสามี’’ติ วตฺตุํ, น สาวกานํ. เอส นโย สุกฺกปกฺเขปิ, อยํ ตาเวตฺถ อนุสนฺธิกฺกมโยชนา.
อยํ ปนตฺถวณฺณนา อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺสาติ สตฺถุโน ตีหิ วิเวเกหิ อจฺจนฺตปวิวิตฺตสฺส. วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตีติ กายวิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ, น ปริปูเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ยทิ ปน ติวิธํ วิเวกํ สนฺธาย วเทยฺย, ปุจฺฉาย อวิเสโส สิยา. พฺยากรณปกฺโข หิ อยํ. ตสฺมา อิมินา ปเทน กายวิเวกํ, ‘‘เยสฺจ ธมฺมาน’’นฺติอาทินา จิตฺตวิเวกํ, ‘‘พาหุลิกา’’ติอาทินา อุปธิวิเวกฺจ ทสฺเสตีติ เอวเมตฺถ สงฺเขปโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เยสฺจ ธมฺมานนฺติ โลภาทโย สนฺธายาห, เย ปรโต ‘‘ตตฺราวุโส โลโภ จ ปาปโก’’ติอาทินา นเยน วกฺขติ. นปฺปชหนฺตีติ น ปริจฺจชนฺติ, จิตฺตวิเวกํ น ปริปูเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. พาหุลิกาติ จีวราทิพาหุลฺลาย ปฏิปนฺนา. สาสนํ สิถิลํ คณฺหนฺตีติ สาถลิกา. โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมาติ เอตฺถ โอกฺกมนํ วุจฺจนฺติ อวคมนฏฺเน ปฺจ นีวรณานิ, เตน ปฺจนีวรณปุพฺพงฺคมาติ วุตฺตํ โหติ. ปวิเวเกติ อุปธิวิเวเก นิพฺพาเน. นิกฺขิตฺตธุราติ โอโรปิตธุรา, ตทธิคมาย อารมฺภมฺปิ อกุรุมานาติ, เอตฺตาวตา อุปธิวิเวกํ น ปริปูเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
เอตฺตาวตา อนิยเมเนว วตฺวา อิทานิ เทสนํ นิยเมนฺโต ‘‘ตตฺราวุโส’’ติอาทิมาห. กสฺมา? สาวกา ‘‘ตีหิ าเนหี’’ติ เอวฺหิ อนิยเมตฺวาว วุจฺจมาเน ‘‘กมฺปิ มฺเ ภณติ ¶ , น อมฺเห’’ติ อุทาสินาปิ โหนฺติ. ‘‘เถรา นวา มชฺฌิมา’’ติ เอวํ ปน นิยเมตฺวา วุจฺจมาเน อมฺเห ภณตีติ อาทรํ กโรนฺติ ¶ . ยถา รฺา ‘‘อมจฺเจหิ นครวีถิโย โสเธตพฺพา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘เกน นุ โข โสเธตพฺพา’’ติ มฺมานา น โสเธนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวารํ โสเธตพฺพนฺติ ปน เภริยา นิกฺขนฺตาย สพฺเพ มุหุตฺเตน โสเธนฺติ จ อลงฺกโรนฺติ จ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ตตฺราติ เตสุ สาวเกสุ. เถราติ ทสวสฺเส อุปาทาย วุจฺจนฺติ. ตีหิ าเนหีติ ตีหิ การเณหิ. อยฺหิ านสทฺโท อิสฺสริยฏฺิติขณการเณสุ ทิสฺสติ. ‘‘กึ ปนายสฺมา เทวานมินฺโท กมฺมํ กตฺวา ¶ อิมํ านํ ปตฺโต’’ติอาทีสุ หิ อิสฺสริเย ทิสฺสติ. ‘‘านกุสโล โหติ อกฺขณเวธี’’ติอาทีสุ ิติยํ. ‘‘านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๘๗) ขเณ. ‘‘านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต’’ติอาทีสุ (วิภ. ๘๐๙; ม. นิ. ๑.๑๔๘) การเณ. อิธ ปน การเณเยว. การณฺหิ ยสฺมา ตตฺถ ผลํ ติฏฺติ ตทายตฺตวุตฺติภาเวน, ตสฺมา านนฺติ วุจฺจติ.
อิมินา ปเมน าเนน เถรา ภิกฺขู คารยฺหาติ เอตฺถ คารยฺหาติ ครหิตพฺพา. เถรา นาม สมานา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ น อุเปนฺติ, คามนฺตเสนาสนํ น มฺุจนฺติ, สงฺคณิการามตํ วฑฺเฒนฺตา วิหรนฺติ, กายวิเวกมฺปิ น ปริปูเรนฺติ, นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ เอวํ นินฺทิตพฺพา โหนฺติ, อิมํ นินฺทํ อาวุโส ลภนฺตีติ ทสฺเสติ. ทุติเยน าเนนาติ เอตฺถาปิ อิเม นาม อาวุโส เถราปิ สมานา เยสํ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห, เต โลภาทิธมฺเม น ชหนฺติ, อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา จิตฺเตกคฺคตํ น ลภนฺติ, นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ เอวํ นินฺทิตพฺพา โหนฺติ, อิมํ นินฺทํ อาวุโส ลภนฺตีติ ทสฺเสตีติ เอวํ โยชนา กาตพฺพา. ตติเยน าเนนาติ เอตฺถาปิ อิเม นามาวุโส, เถราปิ สมานา อิตรีตเรน น ยาเปนฺติ, จีวรปตฺตเสนาสนปูติกายมณฺฑนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ อุปธิวิเวกํ อปูรยมานา, นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ เอวํ นินฺทิตพฺพา โหนฺติ, อิมํ นินฺทํ, อาวุโส, ลภนฺตีติ ทสฺเสตีติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. เอส นโย มชฺฌิมนววาเรสุ.
อยํ ปน วิเสโส. มชฺฌิมาติ ปฺจวสฺเส อุปาทาย ยาว นว วสฺสา วุจฺจนฺติ. นวาติ ¶ อูนปฺจวสฺสา วุจฺจนฺติ. ยถา จ ตตฺถ นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ วุตฺตํ, เอวมิธ ¶ นวกาเล กีทิสา อเหสุํ, เถรกาเล กีทิสา ภวิสฺสนฺติ, มชฺฌิมเถรกาเล กีทิสา ภวิสฺสนฺตีติ วตฺวา โยเชตพฺพํ.
๓๒. อิมสฺมิฺจ กณฺหปกฺเข วุตฺตปจฺจนีกนเยน สุกฺกปกฺเข อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป. อิเม วต เถราปิ สมานา โยชนปรมฺปราย อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ เสวนฺติ, คามนฺตเสนาสนํ อุปคนฺตุํ ยุตฺตกาเลปิ น อุปคจฺฉนฺติ, เอวํ ชิณฺณสรีราปิ อารทฺธวีริยา ¶ ปจฺจยทายกานํ ปสาทํ ชเนนฺติ, นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ อิมินา ปเมน าเนน เถรา ปาสํสา ภวนฺติ, ปสํสํ ลภนฺติ. โลภาทโย ปหาย จิตฺตวิเวกํ ปูเรนฺติ, อยมฺปิ มหาเถโร สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกปริวาริโต หุตฺวา นิสีทิตุํ ยุตฺตกาเลปิ อีทิเสปิ วเย วตฺตมาเน ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปวิฏฺโ สายํ นิกฺขมติ, สายํ ปวิฏฺโ ปาโต นิกฺขมติ, กสิณปริกมฺมํ กโรติ, สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, มคฺคผลานิ อธิคจฺฉติ, สพฺพถาปิ จิตฺตวิเวกํ ปูเรตีติ อิมินา ทุติเยน าเนน เถรา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติ, ปสํสํ ลภนฺติ. ยสฺมึ กาเล เถรสฺส ปฏฺฏทุกูลโกเสยฺยาทีนิ สุขสมฺผสฺสานิ ลหุจีวราทีนิ ยุตฺตานิ, ตสฺมิมฺปิ นาม กาเล อยํ มหาเถโร ปํสุกูลานิ ธาเรติ, อสิถิลํ สาสนํ คเหตฺวา วิคตนีวรโณ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา อุปธิวิเวกํ ปริปูรยมาโน วิหรติ, นวมชฺฌิมกาเล กีทิโส อโหสีติ อิมินา ตติเยน าเนน เถรา ปาสํสา ภวนฺติ, ปสํสํ ลภนฺตีติ. เอส นโย มชฺฌิมนววาเรสุ.
๓๓. ตตฺราวุโสติ โก อนุสนฺธิ, เอวํ นวหากาเรหิ อามิสทายาทปฏิปทํ ครหนฺโต, นวหิ ธมฺมทายาทปฏิปทํ โถเมนฺโต, อฏฺารสหากาเรหิ เทสนํ นิฏฺาเปตฺวา, เย เต ‘‘เยสฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห, เต จ ธมฺเม น ปชหนฺตี’’ติ เอวํ ปหาตพฺพธมฺมา วุตฺตา. เต สรูปโต ‘‘อิเม เต’’ติ ทสฺเสตุมิทํ ‘‘ตตฺราวุโส, โลโภ จา’’ติอาทิมาห, อยํ อนุสนฺธิ.
อปิจ เหฏฺา ปริยาเยเนว ธมฺโม กถิโต. อามิสํ ปน ปริยาเยนปิ นิปฺปริยาเยนปิ กถิตํ. อิทานิ นิปฺปริยายธมฺมํ โลกุตฺตรมคฺคํ กเถตุมิทมาห. อยํ เปตฺถ อนุสนฺธิ.
ตตฺถ ¶ ตตฺราติ อตีตเทสนานิทสฺสนํ, ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตเทสนายนฺติ วุตฺตํ โหติ. โลโภ จ ปาปโก, โทโส จ ปาปโกติ อิเม ทฺเว ธมฺมา ปาปกา ลามกา, อิเม ปหาตพฺพาติ ¶ ทสฺเสติ. ตตฺถ ลุพฺภนลกฺขโณ โลโภ. ทุสฺสนลกฺขโณ โทโส. เตสุ โลโภ อามิสทายาทสฺส ปจฺจยานํ ลาเภ โหติ, โทโส อลาเภ. โลเภน ¶ อลทฺธํ ปตฺเถติ, โทเสน อลภนฺโต วิฆาตวา โหติ. โลโภ จ เทยฺยธมฺเม โหติ, โทโส อทายเก วา อมนฺุทายเก วา. โลเภน นวตณฺหามูลเก ธมฺเม ปริปูเรติ, โทเสน ปฺจ มจฺฉริยานิ.
อิทานิ เตสํ ปหานูปายํ ทสฺเสนฺโต โลภสฺส จ ปหานายาติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ, ตสฺส ปน ปาปกสฺส โลภสฺส จ โทสสฺส จ ปหานาย. อตฺถิ มชฺฌิมา ปฏิปทาติ มคฺคํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ. มคฺโค หิ โลโภ เอโก อนฺโต, โทโส เอโก อนฺโตติ เอเต ทฺเว อนฺเต น อุเปติ, น อุปคจฺฉติ, วิมุตฺโต เอเตหิ อนฺเตหิ, ตสฺมา ‘‘มชฺฌิมา ปฏิปทา’’ติ วุจฺจติ. เอเตสํ มชฺเฌ ภวตฺตา ‘‘มชฺฌิมา, ปฏิปชฺชิตพฺพโต จ ปฏิปทาติ. ตถา กามสุขลฺลิกานุโยโค เอโก อนฺโต, อตฺตกิลมถานุโยโค เอโก อนฺโต, สสฺสตํ เอโก อนฺโต, อุจฺเฉโท เอโก อนฺโตติ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ.
จกฺขุกรณีติอาทีหิ ปน ตเมว ปฏิปทํ โถเมติ. สา หิ สจฺจานํ ทสฺสนาย สํวตฺตติ ทสฺสนปริณายกฏฺเนาติ จกฺขุกรณี. สจฺจานํ าณาย สํวตฺตติ วิทิตกรณฏฺเนาติ าณกรณี. ราคาทีนฺจ วูปสมนโต อุปสมาย สํวตฺตติ. จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ อภิฺเยฺยภาวทสฺสนโต อภิฺาย สํวตฺตติ. สมฺโพโธติ มคฺโค, ตสฺสตฺถาย สํวตฺตนโต สมฺโพธาย สํวตฺตติ. มคฺโคเยว หิ มคฺคตฺถาย สํวตฺตติ มคฺเคน กาตพฺพกิจฺจกรณโต. นิพฺพานํ นาม อปฺปจฺจยํ ตสฺส ปน สจฺฉิกิริยาย ปจฺจกฺขกมฺมาย สํวตฺตนโต นิพฺพานาย สํวตฺตตีติ วุจฺจติ. อยเมตฺถ สาโร. อิโต อฺถา วณฺณนา ปปฺจา.
อิทานิ ตํ มชฺฌิมํ ปฏิปทํ สรูปโต ทสฺเสตุกาโม ‘‘กตมา จ สา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อยเมวา’’ติอาทินา นเยน วิสฺสชฺเชติ.
ตตฺถ ¶ อยเมวาติ อวธารณวจนํ, อฺมคฺคปฺปฏิเสธนตฺถํ, พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ สาธารณภาวทสฺสนตฺถฺจ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘เอเสว ¶ มคฺโค นตฺถฺโ ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๔). สฺวายํ กิเลสานํ อารกตฺตาปิ อริโย. อริปหานาย สํวตฺตตีติปิ อริเยน เทสิโตติปิ อริยภาวปฺปฏิลาภาย สํวตฺตตีติปิ อริโย. อฏฺหิ องฺเคหิ อุเปตตฺตา ¶ อฏฺงฺคิโก, น จ องฺควินิมุตฺโต ปฺจงฺคิกตูริยาทีนิ วิย. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, มคฺคติ วา นิพฺพานํ, มคฺคียติ วา นิพฺพานตฺถิเกหิ, คมฺมติ วา เตหิ ปฏิปชฺชียตีติ มคฺโค. เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส กตโม โส อิติ เจติ อตฺโถ, กตมานิ วา ตานิ อฏฺงฺคานีติ. เอกเมกฺหิ องฺคํ มคฺโคเยว. ยถาห ‘‘สมฺมาทิฏฺิ มคฺโค เจว เหตุ จา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙). โปราณาปิ ภณนฺติ – ‘‘ทสฺสนมคฺโค สมฺมาทิฏฺิ, อภินิโรปนมคฺโค สมฺมาสงฺกปฺโป…เป… อวิกฺเขปมคฺโค สมฺมาสมาธี’’ติ.
สมฺมาทิฏฺาทีสุ เจเตสุ สมฺมา ทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ. สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป. สมฺมา ปริคฺคหลกฺขณา สมฺมาวาจา. สมฺมา สมุฏฺานลกฺขโณ สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺมา โวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว. สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม. สมฺมา อุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ. สมฺมา สมาธานลกฺขโณ สมฺมาสมาธิ. นิพฺพจนมฺปิ เนสํ สมฺมา ปสฺสตีติ สมฺมาทิฏฺีติ เอเตเนว นเยน เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ สมฺมาทิฏฺิ อุปฺปชฺชมานา มิจฺฉาทิฏฺึ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ อวิชฺชฺจ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปสฺสติ, เต จ โข อสมฺโมหโต, โน อารมฺมณโต, ตสฺมา ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาสงฺกปฺโป มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา อภินิโรเปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาสงฺกปฺโป’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาวาจา มิจฺฉาวาจํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา ปริคฺคณฺหาติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาวาจา’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมากมฺมนฺโต ¶ มิจฺฉากมฺมนฺตํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา ¶ สมุฏฺาเปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมากมฺมนฺโต’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาอาชีโว ¶ มิจฺฉาอาชีวํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา โวทาเปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาอาชีโว’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาวายาโม มิจฺฉาวายามํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ โกสชฺชฺจ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา ปคฺคณฺหาติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาวายาโม’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาสติ มิจฺฉาสตึ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา อุปฏฺาเปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาสตี’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาสมาธิ มิจฺฉาสมาธึ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ อุทฺธจฺจฺจ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา สมาธิยติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาสมาธี’’ติ วุจฺจติ.
อิทานิ อยํ โข สา, อาวุโสติ ตเมว ปฏิปทํ นิคเมนฺโต อาห. ตสฺสตฺโถ, ยฺวายํ จตฺตาโรปิ โลกุตฺตรมคฺเค เอกโต กตฺวา กถิโต ‘‘อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’, อยํ โข สา, อาวุโส…เป… นิพฺพานาย สํวตฺตตีติ.
เอวํ ปหาตพฺพธมฺเมสุ โลภโทเส ตปฺปหานุปายฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺเปิ ปหาตพฺพธมฺเม เตสํ ปหานุปายฺจ ทสฺเสนฺโต ตตฺราวุโส, โกโธ จาติอาทิมาห. ตตฺถ กุชฺฌนลกฺขโณ โกโธ, จณฺฑิกฺกลกฺขโณ วา, อาฆาตกรณรโส, ทุสฺสนปจฺจุปฏฺาโน. อุปนนฺธนลกฺขโณ อุปนาโห, เวร อปฺปฏินิสฺสชฺชนรโส, โกธานุปพนฺธภาวปจฺจุปฏฺาโน. วุตฺตฺเจตํ – ‘‘ปุพฺพกาเล โกโธ, อปรกาเล อุปนาโห’’ติอาทิ (วิภ. ๘๙๑).
ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ มกฺโข, เตสํ วินาสนรโส, ตทวจฺฉาทนปจฺจุปฏฺาโน. ยุคคฺคาหลกฺขโณ ¶ ปฬาโส, ปรคุเณหิ อตฺตโน คุณานํ สมีกรณรโส, ปเรสํ คุณปฺปมาเณน อุปฏฺานปจฺจุปฏฺาโน.
ปรสมฺปตฺติขียนลกฺขณา อิสฺสา, ตสฺสา อกฺขมนลกฺขณา วา, ตตฺถ อนภิรติรสา, ตโต วิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา. อตฺตโน สมฺปตฺตินิคูหนลกฺขณํ ¶ มจฺเฉรํ, อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวอสุขายนรสํ, สงฺโกจนปจฺจุปฏฺานํ.
กตปาปปฏิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, ตสฺส นิคูหนรสา, ตทาวรณปจฺจุปฏฺานา. อตฺตโน อวิชฺชมานคุณปกาสนลกฺขณํ สาเยฺยํ, เตสํ สมุทาหรณรสํ, สรีรากาเรหิปิ เตสํ วิภูตกรณปจฺจุปฏฺานํ.
จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตภาวลกฺขโณ ¶ ถมฺโภ, อปฺปติสฺสยวุตฺติรโส, อมทฺทวตาปจฺจุปฏฺาโน. กรณุตฺตริยลกฺขโณ สารมฺโภ, วิปจฺจนีกตารโส, อคารวปจฺจุปฏฺาโน.
อุณฺณติลกฺขโณ มาโน, อหํการรโส, อุทฺธุมาตภาวปจฺจุปฏฺาโน. อพฺภุณฺณติลกฺขโณ อติมาโน, อติวิย อหงฺการรโส. อจฺจุทฺธุมาตภาวปจฺจุปฏฺาโน.
มตฺตภาวลกฺขโณ มโท, มทคฺคาหณรโส, อุมฺมาทปจฺจุปฏฺาโน. ปฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺคลกฺขโณ ปมาโท, โวสฺสคฺคานุปฺปทานรโส, สติวิปฺปวาสปจฺจุปฏฺาโนติ เอวํ อิเมสํ ธมฺมานํ ลกฺขณาทีนิ เวทิตพฺพานิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ‘‘ตตฺถ กตโม โกโธ’’ติอาทินา วิภงฺเค (วิภ. ๘๙๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
วิเสสโต เจตฺถ อามิสทายาโท อตฺตนา อลภนฺโต อฺสฺส ลาภิโน กุชฺฌติ, ตสฺส สกึ อุปฺปนฺโน โกโธ โกโธเยว, ตตุตฺตริ อุปนาโห. โส เอวํ กุทฺโธ อุปนยฺหนฺโต จ สนฺเตปิ อฺสฺส ลาภิโน คุเณ มกฺเขติ, อหมฺปิ ตาทิโสติ จ ยุคคฺคาหํ คณฺหาติ, อยมสฺส มกฺโข จ ปฬาโส จ, เอวํ มกฺขี ปฬาสี ตสฺส ลาภสกฺการาทีสุ กึ อิมสฺส อิมินาติ อิสฺสติ ปทุสฺสติ, อยมสฺส อิสฺสา. สเจ ปนสฺส กาจิ สมฺปตฺติ โหติ, ตสฺสา เตน สาธารณภาวํ ¶ น สหติ, อิทมสฺส มจฺเฉรํ. ลาภเหตุ โข ปน อตฺตโน สนฺเตปิ โทเส ปฏิจฺฉาเทติ, อยมสฺส มายา. อสนฺเตปิ คุเณ ปกาเสติ. อิทมสฺส สาเยฺยํ. โส เอวํ ปฏิปนฺโน สเจ ยถาธิปฺปายํ ลาภํ ลภติ, เตน ถทฺโธ โหติ อมุทุจิตฺโต, นยิทํ เอวํ กาตพฺพนฺติ โอวทิตุํ อสกฺกุเณยฺโย, อยมสฺส ถมฺโภ. สเจ ปน นํ โกจิ กิฺจิ วทติ ‘‘นยิทํ เอวํ กาตพฺพ’’นฺติ, เตน สารทฺธจิตฺโต โหติ ภากุฏิกมุโข ‘‘โก เม ¶ ตฺว’’นฺติ ปสยฺห ภาณี, อยมสฺส สารมฺโภ. ตโต ถมฺเภน ‘‘อหเมว เสยฺโย’’ติ อตฺตานํ มฺนฺโต มานี โหติ. สารมฺเภน ‘‘เก อิเม’’ติ ปเร อติมฺนฺโต อติมานี, อยมสฺส มาโน จ อติมาโน จ. โส เตหิ มานาติมาเนหิ ชาติมทาทิอเนกรูปํ มทํ ชเนติ. มตฺโต สมาโน กามคุณาทิเภเทสุ วตฺถูสุ ปมชฺชติ, อยมสฺส มโท จ ปมาโท จาติ.
เอวํ อามิสทายาโท อปริมุตฺโต โหติ อิเมหิ ปาปเกหิ ธมฺเมหิ อฺเหิ จ เอวรูเปหิ. เอวํ ตาเวตฺถ ปหาตพฺพธมฺมา เวทิตพฺพา. ปหานุปาโย ¶ ปาโต จ อตฺถโต จ สพฺพตฺถ นิพฺพิเสโสเยว.
าณปริจยปาฏวตฺถํ ปเนตฺถ อยํ เภโท จ กโม จ ภาวนานโย จ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ เภโท ตาว, อยฺหิ มชฺฌิมา ปฏิปทา กทาจิ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค โหติ, กทาจิ สตฺตงฺคิโก. อยฺหิ โลกุตฺตรปมชฺฌานวเสน อุปฺปชฺชมาโน อฏฺงฺคิโก มคฺโค โหติ, อวเสสชฺฌานวเสน สตฺตงฺคิโก. อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต ปนิธ อฏฺงฺคิโกติ วุตฺโต. อิโต ปรฺหิ มคฺคงฺคํ นตฺถิ. เอวํ ตาเวตฺถ เภโท เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา ปน สพฺพกุสลานํ สมฺมาทิฏฺิ เสฏฺา, ยถาห ‘‘ปฺา หิ เสฏฺา กุสลา วทนฺตี’’ติ (ชา. ๒.๑๗.๘๑). กุสลวาเร จ ปุพฺพงฺคมา, ยถาห ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, สมฺมาทิฏฺิ ปุพฺพงฺคมา โหติ, สมฺมาทิฏฺึ สมฺมาทิฏฺีติ ปชานาติ, มิจฺฉาทิฏฺึ มิจฺฉาทิฏฺีติ ปชานาตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๓๖) วิตฺถาโร. ยถา จาห ‘‘วิชฺชา จ โข, ภิกฺขเว, ปุพฺพงฺคมา กุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ. ตปฺปภวาภินิพฺพตฺตานิ เสสงฺคานิ, ยถาห ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส สมฺมาสงฺกปฺโป ปโหติ…เป… สมฺมาสติสฺส สมฺมาสมาธิ ปโหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๔๑). ตสฺมา ¶ อิมินา กเมน เอตานิ องฺคานิ วุตฺตานีติ เอวเมตฺถ กโม เวทิตพฺโพ.
ภาวนานโยติ โกจิ สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาเวติ, โกจิ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ. กถํ? อิเธกจฺโจ ปมํ อุปจารสมาธึ วา อปฺปนาสมาธึ วา อุปฺปาเทติ, อยํ สมโถ; โส ตฺจ ตํสมฺปยุตฺเต จ ธมฺเม อนิจฺจาทีหิ วิปสฺสติ, อยํ วิปสฺสนา. อิติ ปมํ สมโถ, ปจฺฉา วิปสฺสนา. เตน วุจฺจติ ‘‘สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาเวตี’’ติ. ตสฺส สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาวยโต มคฺโค สฺชายติ, โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ¶ ภาเวติ พหุลีกโรติ, ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ, เอวํ สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาเวติ.
อิธ ปเนกจฺโจ วุตฺตปฺปการํ สมถํ อนุปฺปาเทตฺวาว ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ อนิจฺจาทีหิ วิปสฺสติ, อยํ ¶ วิปสฺสนา. ตสฺส วิปสฺสนาปาริปูริยา ตตฺถ ชาตานํ ธมฺมานํ โวสฺสคฺคารมฺมณโต อุปฺปชฺชติ จิตฺตสฺส เอกคฺคตา, อยํ สมโถ. อิติ ปมํ วิปสฺสนา ปจฺฉา สมโถ. เตน วุจฺจติ ‘‘วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ ภาเวตี’’ติ. ตสฺส วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ ภาวยโต มคฺโค สฺชายติ, โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ…เป… พหุลีกโรติ, ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต…เป… อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ (อ. นิ. ๔.๑๗๐; ปฏิ. ม. ๒.๑), เอวํ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ ภาเวติ.
สมถปุพฺพงฺคมํ ปน วิปสฺสนํ ภาวยโตปิ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ ภาวยโตปิ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ สมถวิปสฺสนา ยุคนทฺธาว โหนฺติ. เอวเมตฺถ ภาวนานโย เวทิตพฺโพติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ภยเภรวสุตฺตวณฺณนา
๓๔. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ ภยเภรวสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา – อถาติ อวิจฺเฉทนตฺเถ นิปาโต. โขติ อวธารณตฺเถ, ภควโต สาวตฺถิยํ วิหาเร อวิจฺฉินฺเนเยวาติ วุตฺตํ โหติ. ชาณุสฺโสณีติ เนตํ ตสฺส มาตาปิตูหิ กตนามํ, อปิจ โข านนฺตรปฏิลาภลทฺธํ. ชาณุสฺโสณิฏฺานํ กิร นาเมตํ ปุโรหิตฏฺานํ, ตํ ตสฺส รฺา ทินฺนํ, ตสฺมา ‘‘ชานุสฺโสณี’’ติ วุจฺจติ. พฺรหฺมํ อณตีติ พฺราหฺมโณ, มนฺเต สชฺฌายตีติ อตฺโถ. อิทเมว หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิรุตฺติวจนํ. อริยา ปน พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมณาติ วุจฺจนฺติ.
เยน ¶ ภควา เตนุปสงฺกมีติ เยนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ, ตสฺมา ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ¶ ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย.
อุปสงฺกมีติ จ คโตติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คโต ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ. ภควตา สทฺธึ สมฺโมทีติ ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต ภควา เตน, เอวํ โสปิ ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ, สีโตทกํ วิย อุณฺโหทเกน สมฺโมทิตํ เอกีภาวํ อคมาสิ. ยาย จ ‘‘กจฺจิ เต, โภ โคตม, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โภโต โคตมสฺส โคตมสาวกานฺจ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทิ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสมฺโมทชนนโต สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต จ สมฺโมทนียํ, อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหรูปโต สริตพฺพภาวโต จ สาราณียํ. สุยฺยมานสุขโต จ สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต จ สารณียํ. ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ ¶ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺาเปตฺวา เยนตฺเถน อาคโต, ตํ ปุจฺฉิตุกาโม เอกมนฺตํ นิสีทิ.
เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. ตสฺมา ยถา นิสินฺโน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหติ, ตถา นิสีทีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ อุปโยควจนํ. นิสีทีติ อุปาวิสิ. ปณฺฑิตา หิ ปุริสา ครุฏฺานิยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ นิสีทนฺติ, อยฺจ เนสํ อฺตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
กถํ นิสินฺโน ปน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหตีติ. ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา. เสยฺยถิทํ, อติทูรํ อจฺจาสนฺนํ อุปริวาตํ อุนฺนตปเทสํ อติสมฺมุขํ อติปจฺฉาติ. อติทูเร นิสินฺโน หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ, อุจฺจาสทฺเทน ¶ กเถตพฺพํ โหติ. อจฺจาสนฺเน นิสินฺโน สงฺฆฏฺฏนํ กโรติ. อุปริวาเต นิสินฺโน สรีรคนฺเธน พาธติ. อุนฺนตปฺปเทเส นิสินฺโน อคารวํ ปกาเสติ. อติสมฺมุขา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม ¶ โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ. อติปจฺฉา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, คีวํ ปสาเรตฺวา ทฏฺพฺพํ โหติ. ตสฺมา อยมฺปิ เอเต ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา นิสีทิ, เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติ.
เยเมติ เย อิเม. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา อาจารกุลปุตฺตา. ตตฺถ ‘‘เตน โข ปน สมเยน รฏฺปาโล นาม กุลปุตฺโต ตสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลสฺส ปุตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๙๔) เอวํ อาคตา อุจฺจากุลปฺปสุตา ชาติกุลปุตฺตา นาม. ‘‘เย เต กุลปุตฺตา สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๘) เอวํ อาคตา ปน ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ปสุตาปิ อาจารสมฺปนฺนา อาจารกุลปุตฺตา นาม. อิธ ปน ทฺวีหิปิ การเณหิ กุลปุตฺตาเยว.
สทฺธาติ สทฺธาย. อคารสฺมาติ อคารโต. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ ภิกฺขุภาวฺจ. ปพฺพชฺชาปิ หิ นตฺเถตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยา, อคารสฺส หิตํ กสิโครกฺขาทิกมฺมเมตฺถ นตฺถีติ อตฺโถ. ภิกฺขุปิ นตฺเถตสฺส อคารนฺติ อนคาโร, อนคารสฺส ภาโว อนคาริยํ. ปพฺพชิตาติ ¶ อุปคตา, เอวํ สพฺพถาปิ อนคาริยสงฺขาตํ ปพฺพชฺชํ ภิกฺขุภาวํ วา อุปคตาติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺพงฺคโมติ ปุรโต คามี นายโก. พหุกาโรติ หิตกิริยาย พหูปกาโร. ภวํ เตสํ โคตโม สมาทเปตาติ เต กุลปุตฺเต ภวํ โคตโม อธิสีลาทีนิ คาเหตา สิกฺขาเปตา. สา ชนตาติ โส ชนสมูโห. ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชตีติ ทสฺสนานุคตึ ปฏิปชฺชติ, ยนฺทิฏฺิโก ภวํ โคตโม ยํขนฺติโก ยํรุจิโก, เตปิ ตนฺทิฏฺิกา โหนฺติ ตํขนฺติกา ตํรุจิกาติ อตฺโถ.
กสฺมา ปนายํ เอวมาหาติ? เอส กิร ปุพฺเพ อเนเก กุลปุตฺเต อคารมชฺเฌ วสนฺเต เทวปุตฺเต วิย ปฺจหิ กามคุเณหิ ปริจาริยมาเน อนฺโต จ พหิ จ สุสํวิหิตารกฺเข ทิสฺวา, เต อปเรน สมเยน ภควโต มธุรรสํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ฆาสจฺฉาทนปรมตาย ¶ สนฺตุฏฺเ อารฺเกสุ เสนาสเนสุ เกนจิ อรกฺขิยมาเนปิ อนุสฺสงฺกิตาปริสงฺกิเต หฏฺปหฏฺเ ¶ อุทคฺคุทคฺเค อทฺทส, ทิสฺวา จ อิเมสํ กุลปุตฺตานํ ‘‘อยํ ผาสุวิหาโร กํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘สมณํ โคตม’’นฺติ ภควติ ปสาทํ อลตฺถ. โส ตํ ปสาทํ นิเวเทตุํ ภควโต สนฺติกํ อาคโต, ตสฺมา เอวมาห.
อถสฺส ภควา ตํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต อพฺภนุโมทนฺโต จ เอวเมตํ พฺราหฺมณาติอาทิมาห. วจนสมฺปฏิจฺฉนานุโมทนตฺโถเยว หิ เอตฺถ อยํ เอวนฺติ นิปาโต. มมํ อุทฺทิสฺสาติ มํ อุทฺทิสฺส. สทฺธาติ สทฺธาเยว. น อิณฏฺา น ภยฏฺฏาติอาทีนิ สนฺธายาห. อีทิสานํเยว หิ ภควา ปุพฺพงฺคโม, น อิตเรสํ. ทุรภิสมฺภวานิ หีติ สมฺภวิตุํ ทุกฺขานิ ทุสฺสหานิ, น สกฺกา อปฺเปสกฺเขหิ อชฺโฌคาหิตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. อรฺวนปตฺถานีติ อรฺานิ จ วนปตฺถานิ จ. ตตฺถ กิฺจาปิ อภิธมฺเม นิปฺปริยาเยน, ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขิลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ, ตถาปิ ยนฺตํ ‘‘ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ อารฺิกงฺคนิปฺผาทกํ เสนาสนํ วุตฺตํ, ตเทว อธิปฺเปตนฺติ เวทิตพฺพํ.
วนปตฺถนฺติ คามนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานํ, ยตฺถ น กสียติ น วปียติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํ, วนปตฺถนฺติ วนสณฺฑานเมตํ เสนาสนานํ, วนปตฺถนฺติ ภึสนกานเมตํ, วนปตฺถนฺติ สโลมหํสานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ¶ ปริยนฺตานเมตํ, วนปตฺถนฺติ น มนุสฺสูปจารานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ. เอตฺถ จ ปริยนฺตานนฺติ อิมเมกํ ปริยายํ เปตฺวา เสสปริยาเยหิ วนปตฺถานิ เวทิตพฺพานี. ปนฺตานีติ ปริยนฺตานิ อติทูรานิ. ทุกฺกรํ ปวิเวกนฺติ กายวิเวกํ ทุกฺกรํ. ทุรภิรมนฺติ อภิรมิตุํ น สุขํ. เอกตฺเตติ เอกีภาเว. กึ ทสฺเสติ? กายวิเวเก กเตปิ ตตฺถ จิตฺตํ อภิรมาเปตุํ ทุกฺกรํ. ทฺวยํทฺวยาราโม หิ อยํ โลโกติ. หรนฺติ ¶ มฺเติ หรนฺติ วิย ฆสนฺติ วิย. มโนติ มนํ. สมาธึ อลภมานสฺสาติ อุปจารสมาธึ วา อปฺปนาสมาธึ วา อลภนฺตสฺส. กึ ทสฺเสติ? อีทิสสฺส ภิกฺขุโน ติณปณฺณมิคาทิสทฺเทหิ วิวิเธหิ จ ภึสนเกหิ วนานิ จิตฺตํ วิกฺขิปนฺติ มฺเติ, สพฺพํ พฺราหฺมโณ สทฺธาปพฺพชิตานํ กุลปุตฺตานํ อรฺวาเส (วิภ. ๕๒๙) วิมฺหิโต อาห.
กายกมฺมนฺตวารกถา
๓๕. อถสฺส ¶ ภควา ปุริมนเยเนว ‘‘เอวเมตํ พฺราหฺมณา’’ติอาทีหิ ตํ ตํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อพฺภนุโมทิตฺวา จ ยสฺมา โสฬสสุ าเนสุ อารมฺมณปริคฺคหรหิตานํเยว ตาทิสานิ เสนาสนานิ ทุรภิสมฺภวานิ, น เตสุ อารมฺมณปริคฺคาหยุตฺตานํ, อตฺตนา จ โพธิสตฺโต สมาโน ตาทิโส อโหสิ, ตสฺมา อตฺตโน ตาทิสานํ เสนาสนานํ ทุรภิสมฺภวตํ ทสฺเสตุํ, มยฺหมฺปิ โขติอาทิมาห.
ตตฺถ ปุพฺเพว สมฺโพธาติ สมฺโพธโต ปุพฺเพว, อริยมคฺคปฺปตฺติโต อปรภาเคเยวาติ วุตฺตํ โหติ. อนภิสมฺพุทฺธสฺสาติ อปฺปฏิวิทฺธจตุสจฺจสฺส. โพธิสตฺตสฺเสว สโตติ พุชฺฌนกสตฺตสฺเสว สมฺมาสมฺโพธึ อธิคนฺตุํ อรหสตฺตสฺเสว สโต, โพธิยา วา สตฺตสฺเสว ลคฺคสฺเสว สโต. ทีปงฺกรสฺส หิ ภควโต ปาทมูเล อฏฺธมฺมสโมธาเนน อภินีหารสมิทฺธิโต ปภุติ ตถาคโต โพธิยา สตฺโต ลคฺโค ‘‘ปตฺตพฺพา มยา เอสา’’ติ ตทธิคมาย ปรกฺกมํ อมฺุจนฺโตเยว อาคโต, ตสฺมา โพธิสตฺโตติ วุจฺจติ. ตสฺส มยฺหนฺติ ตสฺส เอวํ โพธิสตฺตสฺเสว สโต มยฺหํ. เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วาติ เย เกจิ ปพฺพชฺชูปคตา วา โภวาทิโน วา.
อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตาติ อปริสุทฺเธน ปาณาติปาตาทินา กายกมฺมนฺเตน สมนฺนาคตา. อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตสนฺโทสเหตูติ ¶ อปริสุทฺธสฺส กายกมฺมนฺตสงฺขาตสฺส อตฺตโน โทสสฺส เหตุ, อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตการณาติ วุตฺตํ โหติ. หเวติ เอกํสวจเน นิปาโต. อกุสลนฺติ สาวชฺชํ อกฺเขมฺจ. ภยเภรวนฺติ ภยฺจ เภรวฺจ. จิตฺตุตฺราสสฺส จ ภยานการมฺมณสฺส เจตํ อธิวจนํ. ตตฺร ¶ ภยํ สาวชฺชฏฺเน อกุสลํ, เภรวํ อกฺเขมฏฺเนาติ เวทิตพฺพํ. อวฺหายนฺตีติ ปกฺโกสนฺติ. กถํ? เต หิ ปาณาติปาตาทีนิ กตฺวา ‘‘มยํ อยุตฺตมกมฺหา, สเจ โน เต ชาเนยฺยุํ, เยสํ อปรชฺฌิมฺหา, อิทานิ อนุพนฺธิตฺวา อนยพฺยสนํ อาปาเทยฺยุ’’นฺติ อรฺํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺตเร วา คุมฺพนฺตเร วา นิสีทนฺติ. เต ‘‘อปฺปมตฺตกมฺปิ ติณสทฺทํ วา ปณฺณสทฺทํ วา สุตฺวา, อิทานิมฺหา นฏฺา’’ติ ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ, อาคนฺตฺวา ปเรหิ ปริวาริตา วิย พทฺธา วธิตา วิย จ โหนฺติ. เอวํ ตํ ภยเภรวํ อตฺตนิ สมาโรปนฏฺเน อวฺหายนฺติ ปกฺโกสนฺติ.
น ¶ โข ปนาหํ…เป… ปฏิเสวามีติ อหํ โข ปน อปริสุทฺธกายกมฺมนฺโต หุตฺวา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ น ปฏิเสวามิ. เย หิ โวติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ. อริยา วุจฺจนฺติ พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ. ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตาติ อีทิสา หุตฺวา. เตสมหํ อฺตโรติ เตสํ อหมฺปิ เอโก อฺตโร. โพธิสตฺโต หิ คหฏฺโปิ ปพฺพชิโตปิ ปริสุทฺธกายกมฺมนฺโตว โหติ. ภิยฺโยติ อติเรกตฺเถ นิปาโต. ปลฺโลมนฺติ ปนฺนโลมตํ, เขมํ โสตฺถิภาวนฺติ อตฺโถ. อาปาทินฺติ อาปชฺชึ, อติเรกํ โสตฺถิภาวํ อติเรเกน วา โสตฺถิภาวมาปชฺชินฺติ วุตฺตํ โหติ. อรฺเ วิหารายาติ อรฺเ วิหารตฺถาย.
กายกมฺมนฺตวารกถา นิฏฺิตา.
วจีกมฺมนฺตวาราทิวณฺณนา
๓๖. เอส นโย สพฺพตฺถ. อยํ ปน วิเสโส, วจีกมฺมนฺตวาเร ตาว อปริสุทฺธวจีกมฺมนฺตาติ อปริสุทฺเธน มุสาวาทาทินา วจีกมฺมนฺเตน สมนฺนาคตา. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต มุสาวาเทน ปรสฺส อตฺถํ ภฺชิตฺวา, ปิสุณวาจาย มิตฺตเภทํ กตฺวา ผรุสวาจาย ปเรสํ ปริสมชฺเฌ มมฺมานิ ตุทิตฺวา นิรตฺถกวาจาย ปรสตฺตานํ กมฺมนฺเต นาเสตฺวา ¶ ‘‘มยํ อยุตฺตมกมฺหา, สเจ โน เต ชาเนยฺยุํ, เยสํ อปรชฺฌิมฺหา, อิทานิ อนุพนฺธิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปยฺยุ’’นฺติ อรฺํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺตเร วา คุมฺพนฺตเร วา นิสีทนฺติ. เต ‘‘อปฺปมตฺตกมฺปิ ติณสทฺทํ วา ปณฺณสทฺทํ วา สุตฺวา อิทานิมฺหา นฏฺา’’ติ ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ อาคนฺตฺวา ปเรหิ ปริวาริตา วิย พทฺธา วธิตา วิย จ โหนฺติ. เอวํ ตํ ภยเภรวํ ¶ อตฺตนิ สมาโรปนฏฺเน อวฺหายนฺติ, ปกฺโกสนฺติ.
มโนกมฺมนฺตวาเร อปริสุทฺธมโนกมฺมนฺตาติ อปริสุทฺเธน อภิชฺฌาทินา มโนกมฺมนฺเตน สมนฺนาคตา. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสุ ภณฺเฑสุ อภิชฺฌาวิสมโลภํ อุปฺปาเทตฺวา ปรสฺส กุชฺฌิตฺวา ปรสตฺเต มิจฺฉาทสฺสนํ คาหาเปตฺวา มยํ อยุตฺตมกมฺหา…เป… อตฺตนิ สมาโรปนฏฺเน อวฺหายนฺติ ปกฺโกสนฺติ.
อาชีววาเร ¶ อปริสุทฺธาชีวาติ อปริสุทฺเธน เวชฺชกมฺมทูตกมฺมวฑฺฒิปโยคาทินา เอกวีสติอเนสนเภเทน อาชีเวน สมนฺนาคตา. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต เอวํ ชีวิกํ กปฺเปตฺวา สุณนฺติ – ‘‘สาสนโสธกา กิร เตปิฏกา ภิกฺขู สาสนํ โสเธตุํ นิกฺขนฺตา, อชฺช วา สฺเว วา อิธาคมิสฺสนฺตี’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺตเร วา…เป… ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ. เต หิ อาคนฺตฺวา ปริวาเรตฺวา คหิตา วิย โอทาตวตฺถนิวาสิตา วิย จ โหนฺตีติ. เสสํ ตาทิสเมว.
๓๗. อิโต ปรํ อภิชฺฌาลูติอาทีสุ กิฺจาปิ อภิชฺฌาพฺยาปาทา มโนกมฺมนฺเตน สงฺคหิตา ตถาปิ นีวรณวเสน ปุน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ อภิชฺฌาลูติ ปรภณฺฑาทิอภิชฺฌายนสีลา. กาเมสุ ติพฺพสาราคาติ วตฺถุกาเมสุ พหลกิเลสราคา, เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต อววตฺถิตารมฺมณา โหนฺติ, เตสํ อววตฺถิตารมฺมณานํ อรฺเ วิหรนฺตานํ ทิวา ทิฏฺํ รตฺตึ ภยเภรวํ หุตฺวา อุปฏฺาติ – ‘‘เต อากุลจิตฺตา อปฺปมตฺตเกนปิ ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ, รชฺชุํ วา ลตํ วา ทิสฺวา สปฺปสฺิโน โหนฺติ, ขาณุํ ทิสฺวา ยกฺขสฺิโน, ถลํ วา ปพฺพตํ วา ทิสฺวา หตฺถิสฺิโน สปฺปาทีหิ อนยพฺยสนํ อาปาทิตา วิย โหนฺตี’’ติ. เสสํ ตาทิสเมว.
๓๘. พฺยาปนฺนจิตฺตาติ ¶ ปกติภาววิชหเนน วิปนฺนจิตฺตา. กิเลสานุคตฺหิ จิตฺตํ ปกติภาวํ วิชหติ, ปุราณภตฺตพฺยฺชนํ วิย ปูติกํ โหติ. ปทุฏฺมนสงฺกปฺปาติ ปทุฏฺจิตฺตสงฺกปฺปา, อภทฺรเกน ปเรสํ อนตฺถชนเกน จิตฺตสงฺกปฺเปน สมนฺนาคตาติ วุตฺตํ โหติ. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? ภยเภรวาวฺหายนํ ¶ อิโต ปภุติ อภิชฺฌาลุวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ปน วิเสโส ภวิสฺสติ, ตตฺถ วกฺขาม. น โข ปนาหํ พฺยาปนฺนจิตฺโตติ เอตฺถ ปน เมตฺตจิตฺโต อหํ หิตจิตฺโตติ ทสฺเสติ, อีทิสา หิ โพธิสตฺตา โหนฺติ. เอวํ สพฺพตฺถ วุตฺตโทสปฏิปกฺขวเสน โพธิสตฺตสฺส คุณา วณฺเณตพฺพา.
๓๙. ถินมิทฺธปริยุฏฺิตาติ จิตฺตเคลฺภูเตน ถิเนน เสสนามกายเคลฺภูเตน มิทฺเธน จ ปริยุฏฺิตา, อภิภูตา คหิตาติ วุตฺตํ โหติ. เต นิทฺทาพหุลา โหนฺติ.
๔๐. อุทฺธตาติ ¶ อุทฺธจฺจปกติกา วิปฺผนฺทมานจิตฺตา, อุทฺธจฺเจน หิ เอการมฺมเณ จิตฺตํ วิปฺผนฺทติ ธชยฏฺิยํ วาเตน ปฏากา วิย. อวูปสนฺตจิตฺตาติ อนิพฺพุตจิตฺตา, อิธ กุกฺกุจฺจํ คเหตุํ วฏฺฏติ.
๔๑. กงฺขี วิจิกิจฺฉีติ เอตฺถ เอกเมวิทํ ปฺจมํ นีวรณํ. กึ นุ โข อิทนฺติ อารมฺมณํ กงฺขนโต กงฺขา, อิทเมวิทนฺติ นิจฺเฉตุํ อสมตฺถภาวโต วิจิกิจฺฉาติ วุจฺจติ, เตน สมนฺนาคตา สมณพฺราหฺมณา ‘‘กงฺขี วิจิกิจฺฉี’’ติ วุตฺตา.
๔๒. อตฺตุกฺกํสนกา ปรวมฺภีติ เย อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ อุกฺขิปนฺติ, อุจฺเจ าเน เปนฺติ, ปรฺจ วมฺเภนฺติ ครหนฺติ นินฺทนฺติ, นีเจ าเน เปนฺติ, เตสเมตํ อธิวจนํ. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต ปเรหิ ‘‘อสุโก จ กิร อสุโก จ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ, อมฺเห ครหนฺติ, ทาเส วิย กโรนฺติ, คณฺหถ เน’’ติ อนุพทฺธา ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺตเร วา คุมฺพนฺตเร วาติ กายกมฺมนฺตสทิสํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
๔๓. ฉมฺภีติ กายถมฺภนโลมหํสนกเรน ถมฺเภน สมนฺนาคตา. ภีรุกชาติกาติ ภีรุกปกติกา, คามทารกา วิย ภยพหุลา อสูรา กาตราติ วุตฺตํ โหติ.
๔๔. ลาภสกฺการสิโลกนฺติ ¶ เอตฺถ ลพฺภตีติ ลาโภ, จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ. สกฺกาโรติ สุนฺทรกาโร, ปจฺจยา เอว หิ ปณีตปณีตา สุนฺทรสุนฺทรา จ อภิสงฺขริตฺวา กตา สกฺการาติ วุจฺจนฺติ. ยา จ ปเรหิ อตฺตโน คารวกิริยา ปุปฺผาทีหิ วา ปูชา. สิโลโกติ วณฺณภณนํ เอตํ ¶ , ลาภฺจ สกฺการฺจ สิโลกฺจ ลาภสกฺการสิโลกํ. นิกามยมานาติ ปตฺถยมานา. ภยเภรวาวฺหายนํ อภิชฺฌาลุวารสทิสเมว. ตทตฺถทีปกํ ปเนตฺถ ปิยคามิกวตฺถุํ กเถนฺติ –
เอโก กิร ปิยคามิโก นาม ภิกฺขุ สมาทินฺนธุตงฺคานํ ภิกฺขูนํ ลาภํ ทิสฺวา ‘‘อหมฺปิ ธุตงฺคํ สมาทิยิตฺวา ลาภํ อุปฺปาเทมี’’ติ จินฺเตตฺวา โสสานิกงฺคํ สมาทาย สุสาเน วสติ. อเถกทิวสํ เอโก กมฺมมุตฺโต ชรคฺคโว ทิวา โคจเร จริตฺวา รตฺตึ ตสฺมึ สุสาเน ปุปฺผคุมฺเพ สีสํ กตฺวา โรมนฺถยมาโน อฏฺาสิ. ปิยคามิโก รตฺตึ จงฺกมนา นิกฺขนฺโต ¶ ตสฺส หนุสทฺทํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อทฺธา มํ ลาภคิทฺโธ เอส สุสาเน วสตีติ ตฺวา เทวราชา วิเหเตุํ อาคโต’’ติ, โส ชรคฺควสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘สปฺปุริส เทวราช อชฺช เม เอกรตฺตึ ขม, สฺเว ปฏฺาย น เอวํ กริสฺสามี’’ติ นมสฺสมาโน สพฺพรตฺตึ ยาจนฺโต อฏฺาสิ. ตโต สูริเย อุฏฺิเต ตํ ทิสฺวา กตฺตรยฏฺิยา ปหริตฺวา ปลาเปสิ ‘‘สพฺพรตฺตึ มํ ภึสาเปสี’’ติ.
๔๕. กุสีตาติ โกสชฺชานุคตา. หีนวีริยาติ หีนา วีริเยน วิรหิตา วิยุตฺตา, นิพฺพีริยาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ กุสีตา กายิกวีริยารมฺภวิรหิตา โหนฺติ, หีนวีริยา เจตสิกวีริยารมฺภวิรหิตา. เต อารมฺมณววตฺถานมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. เตสํ อววตฺถิตารมฺมณานนฺติ สพฺพํ ปุพฺพสทิสเมว.
๔๖. มุฏฺสฺสตีติ นฏฺสฺสตี. อสมฺปชานาติ ปฺารหิตา, อิมสฺส จ ปฏิปกฺเข ‘‘อุปฏฺิตสฺสตีหมสฺมี’’ติ วจนโต สติภาชนิยเมเวตํ. ปฺา ปเนตฺถ สติทุพฺพลฺยทีปนตฺถํ วุตฺตา. ทุวิธา หิ สติ ปฺาสมฺปยุตฺตา ปฺาวิปฺปยุตฺตา จ. ตตฺถ ปฺาสมฺปยุตฺตา พลวตี, วิปฺปยุตฺตา ทุพฺพลา, ตสฺมา ยทาปิ เตสํ สติ โหติ, ตทาปิ อสมฺปชานนฺตา มุฏฺสฺสตีเยว เต, ทุพฺพลาย สติยา สติกิจฺจาภาวโตติ เอตมตฺถํ ทีเปตุํ ‘‘อสมฺปชานา’’ติ วุตฺตํ. เต เอวํ ¶ มุฏฺสฺสตี อสมฺปชานา อารมฺมณววตฺถานมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺตีติ สพฺพํ ปุพฺพสทิสเมว.
๔๗. อสมาหิตาติ อุปจารปฺปนาสมาธิวิรหิตา. วิพฺภนฺตจิตฺตาติ อุพฺภนฺตจิตฺตา. สมาธิวิรเหน ลทฺโธกาเสน อุทฺธจฺเจน เตสํ สมาธิวิรหานํ จิตฺตํ นานารมฺมเณสุ ¶ ปริพฺภมติ, วนมกฺกโฏ วิย วนสาขาสุ อุทฺธจฺเจน เอการมฺมเณ วิปฺผนฺทติ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนน เต เอวํ อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา อารมฺมณววตฺถานมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺตีติ สพฺพํ ปุพฺพสทิสเมว.
๔๘. ทุปฺปฺาติ นิปฺปฺานเมตํ อธิวจนํ. ปฺา ปน ทุฏฺา นาม นตฺถิ. เอฬมูคาติ เอลมุขา, ข-การสฺส ค-กาโร กโต. ลาลมุขาติ วุตฺตํ โหติ. ทุปฺปฺานฺหิ กเถนฺตานํ ลาลา มุขโต คลติ, ลาลา จ เอลาติ ¶ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘ปสฺเสลมูคํ อุรคํ ทุชฺชิวฺห’’นฺติ. ตสฺมา เต ‘‘เอฬมูคา’’ติ วุจฺจนฺติ. ‘‘เอลมุขา’’ติปิ ปาโ. ‘‘เอลมุคา’’ติ เกจิ ปนฺติ, อปเร ‘‘เอลมุกา’’ติปิ, สพฺพตฺถ ‘‘เอลมุขา’’ติ อตฺโถ. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต ทุปฺปฺา เอฬมูคา อารมฺมณววตฺถานมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. เตสํ อววตฺถิตารมฺมณานํ อรฺเ วิหรนฺตานํ ทิวา ทิฏฺํ รตฺตึ ภยเภรวํ หุตฺวา อุปฏฺาติ ‘‘เต อากุลจิตฺตา อปฺปมตฺตเกนปิ ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ, รชฺชุํ วา ลตํ วา ทิสฺวา สปฺปสฺิโน โหนฺติ, ขาณุํ ทิสฺวา ยกฺขสฺิโน, ถลํ วา ปพฺพตํ วา ทิสฺวา หตฺถิสฺิโน สปฺปาทีหิ อนยวฺยสนํ อาปาทิตา วิย โหนฺตี’’ติ. เอวํ ตํ ภยเภรวํ อตฺตนิ สมาโรปนฏฺเน อวฺหายนฺติ ปกฺโกสนฺติ. ปฺาสมฺปนฺโนหมสฺมีติ เอตฺถ ปฺาสมฺปนฺโนติ ปฺาย สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, โน จ โข วิปสฺสนาปฺาย, น มคฺคปฺาย, อปิจ โข ปน อิเมสุ โสฬสสุ าเนสุ อารมฺมณววตฺถานปฺายาติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนยเมวาติ.
วจีกมฺมนฺตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
โสฬสฏฺานารมฺมณปริคฺคโห นิฏฺิโต.
ภยเภรวเสนาสนาทิวณฺณนา
๔๙. ตสฺส ¶ มยฺหนฺติ โก อนุสนฺธิ? โพธิสตฺโต กิร อิมานิ โสฬสารมฺมณานิ ปริคฺคณฺหนฺโต จ ภยเภรวํ อทิสฺวา ภยเภรวํ นาม เอวรูปาสุ รตฺตีสุ เอวรูเป เสนาสเน จ ปฺายติ, หนฺท นํ ตตฺถาปิ คเวสิสฺสามีติ ภยเภรวคเวสนมกาสิ, เอตมตฺถํ ภควา อิทานิ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสนฺโต ตสฺส มยฺหนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ ยา ตาติ อุภยเมตํ รตฺตีนํเยว อุทฺเทสนิทฺเทสวจนํ. อภิฺาตาติ ¶ เอตฺถ อภีติ ลกฺขณตฺเถ อุปสคฺโค. ตสฺมา อภิฺาตาติ จนฺทปาริปูริยา จนฺทปริกฺขเยนาติ เอวมาทีหิ ลกฺขเณหิ าตาติ เวทิตพฺพา. อภิลกฺขิตาติ เอตฺถ อุปสคฺคมตฺตเมว, ตสฺมา อภิลกฺขิตาติ ลกฺขณียา อิจฺเจว อตฺโถ, อุโปสถสมาทานธมฺมสฺสวนปูชาสกฺการาทิกรณตฺถํ ลกฺเขตพฺพา สลฺลกฺเขตพฺพา อุปลกฺเขตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ.
จาตุทฺทสีติ ¶ ปกฺขสฺส ปมทิวสโต ปภุติ จตุทฺทสนฺนํ ปูรณี เอกา รตฺติ. เอวํ ปฺจทสี อฏฺมี จ. ปกฺขสฺสาติ สุกฺกปกฺขสฺส กณฺหปกฺขสฺส จ. เอตา ติสฺโส ติสฺโส กตฺวา ฉ รตฺติโย, ตสฺมา สพฺพตฺถ ปกฺขวจนํ โยเชตพฺพํ ‘‘ปกฺขสฺส จาตุทฺทสี ปกฺขสฺส ปฺจทสี ปกฺขสฺส อฏฺมี’’ติ. อถ ปฺจมี กสฺมา น คหิตาติ? อสพฺพกาลิกตฺตา. พุทฺเธ กิร ภควติ อนุปฺปนฺเนปิ อุปฺปชฺชิตฺวา อปรินิพฺพุเตปิ ปฺจมี อนภิลกฺขิตาเยว, ปรินิพฺพุเต ปน ธมฺมสงฺคาหกตฺเถรา จินฺเตสุํ ‘‘ธมฺมสฺสวนํ จิเรน โหตี’’ติ. ตโต สมฺมนฺนิตฺวา ปฺจมีติ ธมฺมสฺสวนทิวสํ เปสุํ, ตโต ปภุติ สา อภิลกฺขิตา ชาตา, เอวํ อสพฺพกาลิกตฺตา เอตฺถ น คหิตาติ.
ตถารูปาสูติ ตถาวิธาสุ. อารามเจติยานีติ ปุปฺผารามผลารามาทโย อารามา เอว อารามเจติยานิ. จิตฺตีกตฏฺเน หิ เจติยานีติ วุจฺจนฺติ, ปูชนียฏฺเนาติ วุตฺตํ โหติ. วนเจติยานีติ พลิหรณวนสณฺฑสุภควนเทวสาลวนาทีนิ วนานิเยว วนเจติยานิ. รุกฺขเจติยานีติ คามนิคมาทิทฺวาเรสุ ปูชนียรุกฺขาเยว รุกฺขเจติยานิ. โลกิยา หิ ทิพฺพาธิวตฺถาติ วา มฺมานา เตสุเยว วา ทิพฺพสฺิโน หุตฺวา อารามวนรุกฺเข จิตฺตีกโรนฺติ ¶ , ปูเชนฺติ, เตน เต สพฺเพปิ เจติยานีติ วุจฺจนฺติ. ภึสนกานีติ ภยชนกานิ, ปสฺสโตปิ สุณโตปิ ภยํ ชเนนฺติ. สโลมหํสานีติ สเหว โลมหํเสน วตฺตนฺติ, ปวิสมานสฺเสว โลมหํสชนนโต. อปฺเปว นาม ปสฺเสยฺยนฺติ อปิ นาม ตํ ภยเภรวํ ปสฺเสยฺยเมว. อปเรน สมเยนาติ, ‘‘เอตทโหสิ ยํนูนาห’’นฺติ เอวํ จินฺติตกาลโต ปฏฺาย อฺเน กาเลน.
ตตฺถ จ เม พฺราหฺมณ วิหรโตติ ¶ ตถารูเปสุ เสนาสเนสุ ยํ ยํ มนุสฺสานํ อายาจนอุปหารกรณารหํ ยกฺขฏฺานํ ปุปฺผธูปมํสรุหิรวสาเมทปิหกปปฺผาสสุราเมรยาทีหิ โอกิณฺณกิลินฺนธรณิตลํ เอกนิปาตํ วิย ยกฺขรกฺขสปิสาจานํ, ยํ ทิวาปิ ปสฺสนฺตานํ หทยํ มฺเ ผลติ, ตํ านํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ จ เม, พฺราหฺมณ, วิหรโต’’ติ. มโค วา อาคจฺฉตีติ สิงฺคานิ วา ขุรานิ วา โกฏฺเฏนฺโต โคกณฺณขคฺคทีปิวราหาทิเภโท มโค วา อาคจฺฉติ, สพฺพจตุปฺปทานฺหิ อิธ มโคติ นามํ. กตฺถจิ ปน กาฬสิงฺคาโลปิ วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘อุสภสฺเสว ¶ เต ขนฺโธ, สีหสฺเสว วิชมฺภิตํ;
มคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิฺจิ ลภามเส’’ติ. (ชา. ๑.๓.๑๓๓);
โมโร วา กฏฺํ ปาเตตีติ โมโร วา สุกฺขกฏฺํ รุกฺขโต จาเลตฺวา ปาเตติ. โมรคฺคหเณน จ อิธ สพฺพปกฺขิคฺคหณํ อธิปฺเปตํ, เตน โย โกจิ ปกฺขีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา โมโร วาติ วา สทฺเทน อฺโ วา โกจิ ปกฺขีติ. เอส นโย ปุริเม มคคฺคหเณปิ. วาโต วา ปณฺณกสฏํ เอเรตีติ วาโต วา ปณฺณกจวรํ ฆฏฺเฏติ. เอตํ นูน ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉตีติ ยเมตํ อาคจฺฉติ, ตํ ภยเภรวํ นูนาติ. อิโต ปภุติ จ อารมฺมณเมว ภยเภรวนฺติ เวทิตพฺพํ. ปริตฺตสฺส จ อธิมตฺตสฺส จ ภยสฺส อารมฺมณตฺตา สุขารมฺมณํ รูปํ สุขมิว. กึ นุ โข อหํ อฺทตฺถุ ภยปฏิกงฺขี วิหรามีติ อหํ โข กึ การณํ เอกํเสเนว ภยํ อากงฺขมาโน อิจฺฉมาโน หุตฺวา วิหรามิ.
ยถาภูตํ ยถาภูตสฺสาติ เยน เยน อิริยาปเถน ภูตสฺส ภวิตสฺส สโต วตฺตมานสฺส สมงฺคีภูตสฺส ¶ วา. เมติ มม สนฺติเก. ตถาภูตํ ตถาภูโต วาติ เตน เตเนว อิริยาปเถน ภูโต ภวิโต สนฺโต วตฺตมาโน สมงฺคีภูโต วาติ อตฺโถ. โส โข อหํ…เป… ปฏิวิเนมีติ โพธิสตฺตสฺส กิร จงฺกมนฺตสฺส ตสฺมึ มคสิงฺคขุรสทฺทาทิเภเท ภยเภรวารมฺมเณ อาคเต เนว มหาสตฺโต ติฏฺติ, น ¶ นิสีทติ น สยติ, อถ โข จงฺกมนฺโตว ปริวีมํสนฺโต ปริวิจินนฺโต ภยเภรวํ น ปสฺสติ, มคสิงฺคขุรสทฺทาทิมตฺตเมว เจตํ โหติ, โส ตํ ตฺวา อิทํ นาเมตํ, น ภยเภรวนฺติ ตโต ติฏฺติ วา นิสีทติ วา สยติ วา. เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส โข อห’’นฺติอาทิมาห. เอส นโย สพฺพเปยฺยาเลสุ. อิโต ปรฺจ อิริยาปถปฏิปาฏิยา อวตฺวา อาสนฺนปฏิปาฏิยา อิริยาปถา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา, จงฺกมนฺตสฺส หิ ภยเภรเว อาคเต น ิโต น นิสินฺโน น นิปนฺโน ิตสฺสาปิ อาคเต น จงฺกมีติ เอวํ ตสฺส อาสนฺนปฏิปาฏิยา วุตฺตาติ.
ภยเภรวเสนาสนาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อสมฺโมหวิหารวณฺณนา
๕๐. เอวํ ¶ ภึสนเกสุปิ าเนสุ อตฺตโน ภยเภรวาภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ฌายีนํ สมฺโมหฏฺาเนสุ อตฺตโน อสมฺโมหวิหารํ ทสฺเสตุํ สนฺติ โข ปน, พฺราหฺมณาติอาทิมาห.
ตตฺถ สนฺตีติ อตฺถิ สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ. รตฺตึเยว สมานนฺติ รตฺตึเยว สนฺตํ, ทิวาติ สฺชานนฺตีติ ‘‘ทิวโส อย’’นฺติ สฺชานนฺติ. ทิวาเยว สมานนฺติ ทิวสํเยว สนฺตํ. รตฺตีติ สฺชานนฺตีติ ‘‘รตฺติ อย’’นฺติ สฺชานนฺติ. กสฺมา ปเนเต เอวํสฺิโน โหนฺตีติ. วุฏฺานโกสลฺลาภาวโต วา สกุณรุตโต วา. กถํ? อิเธกจฺโจ โอทาตกสิณลาภี ทิวา ปริกมฺมํ กตฺวา ทิวา สมาปนฺโน ทิวาเยว วุฏฺหามีติ มนสิการํ อุปฺปาเทติ, โน จ โข อทฺธานปริจฺเฉเท กุสโล โหติ. โส ทิวสํ อติกฺกมิตฺวา รตฺติภาเค วุฏฺาติ. โอทาตกสิณผรณวเสน จสฺส วิสทํ โหติ วิภูตํ สุวิภูตํ. โส, ทิวา วุฏฺหามีติ อุปฺปาทิตมนสิการตาย โอทาตกสิณผรณวิสทวิภูตตาย จ รตฺตึเยว สมานํ ทิวาติ สฺชานาติ. อิธ ปเนกจฺโจ นีลกสิณลาภี รตฺตึ ปริกมฺมํ กตฺวา รตฺตึ สมาปนฺโน รตฺตึเยว วุฏฺหามีติ ¶ มนสิการํ อุปฺปาเทติ, โน จ โข อทฺธานปริจฺเฉเท กุสโล โหติ. โส รตฺตึ อติกฺกมิตฺวา ทิวสภาเค วุฏฺาติ. นีลกสิณผรณวเสน จสฺส อวิสทํ โหติ อวิภูตํ. โส รตฺตึ วุฏฺหามีติ อุปฺปาทิตมนสิการตาย นีลกสิณผรณาวิสทาวิภูตตาย จ ทิวาเยว สมานํ รตฺตีติ สฺชานาติ. เอวํ ตาว วุฏฺานโกสลฺลาภาวโต เอวํสฺิโน โหนฺติ.
สกุณรุตโต ปน อิเธกจฺโจ อนฺโตเสนาสเน นิสินฺโน โหติ. อถ ทิวา รวนกสกุณา กากาทโย จนฺทาโลเกน ทิวาติ ¶ มฺมานา รตฺตึ รวนฺติ, อฺเหิ วา การเณหิ. โส เตสํ สทฺทํ สุตฺวา รตฺตึเยว สมานํ ทิวาติ สฺชานาติ. อิธ ปเนกจฺโจ ปพฺพตนฺตเร คมฺภีราย ฆนวนปฺปฏิจฺฉนฺนาย คิริคุหาย สตฺตาหวทฺทลิกาย วตฺตมานาย อนฺตรหิตสูริยาโลเก กาเล นิสินฺโน โหติ. อถ รตฺตึ รวนกสกุณา อุลูกาทโย มชฺฌนฺหิกสมเยปิ ตตฺถ ตตฺถ สมนฺธกาเร นิลีนา รตฺติสฺาย วา อฺเหิ วา การเณหิ รวนฺติ. โส เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ทิวาเยว สมานํ รตฺตีติ สฺชานาติ. เอวํ สกุณรุตโต เอวํสฺิโน โหนฺตีติ. อิทมหนฺติ อิทํ อหํ เอวํ สฺชานนํ ¶ . สมฺโมหวิหารสฺมึ วทามีติ สมฺโมหวิหารปริยาปนฺนํ อนฺโตคธํ, สมฺโมหวิหารานํ อฺตรํ วทามีติ วุตฺตํ โหติ.
อหํ โข ปน พฺราหฺมณ…เป… สฺชานามีติ ปากโฏ โพธิสตฺตสฺส รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท สตฺตาหวทฺทเลปิ จนฺทิมสูริเยสุ อทิสฺสมาเนสุปิ ชานาติเยว ‘‘เอตฺตกํ ปุเรภตฺตกาโล คโต, เอตฺตกํ ปจฺฉาภตฺตกาโล, เอตฺตกํ ปมยาโม, เอตฺตกํ มชฺฌิมยาโม, เอตฺตกํ ปจฺฉิมยาโม’’ติ, ตสฺมา เอวมาห. อนจฺฉริยฺเจตํ ยํ ปูริตปารมี โพธิสตฺโต เอวํ ชานาติ. ปเทสาเณ ิตานํ สาวกานมฺปิ หิ รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท ปากโฏ โหติ.
กลฺยาณิยมหาวิหาเร กิร โคทตฺตตฺเถโร ทฺวงฺคุลกาเล ภตฺตํ คเหตฺวา องฺคุลกาเล ภฺุชติ. สูริเย อทิสฺสมาเนปิ ปาโตเยว เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ตาย เวลาย นิกฺขมติ. เอกทิวสํ อารามิกา ‘‘สฺเว เถรสฺส นิกฺขมนกาเล ปสฺสามา’’ติ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา กาลตฺถมฺภมูเล นิสีทึสุ. เถโร ทฺวงฺคุลกาเลเยว นิกฺขมติ. ตโต ปภุติ กิร สูริเย อทิสฺสมาเนปิ เถรสฺส นิกฺขมนสฺาย เอว เภรึ อาโกเฏนฺติ.
อชครวิหาเรปิ ¶ กาฬเทวตฺเถโร อนฺโตวสฺเส ยามคณฺฑิกํ ปหรติ, อาจิณฺณเมตํ เถรสฺส. น จ ยามยนฺตนาฬิกํ ปโยเชติ, อฺเ ภิกฺขู ปโยเชนฺติ. อถ นิกฺขนฺเต ปเม ยาเม เถเร มุคฺครํ คเหตฺวา ิตมตฺเตเยว เอกํ ทฺเว วาเร ปหรนฺเตเยว วา ยามยนฺตํ ปตติ, เอวํ ตีสุ ยาเมสุ สมณธมฺมํ กตฺวา เถโร ปาโตเยว คามํ ปวิสิตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาทาย วิหารํ อาคนฺตฺวา โภชนเวลาย ¶ ปตฺตํ คเหตฺวา ทิวา วิหารฏฺานํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. ภิกฺขู กาลตฺถมฺภํ ทิสฺวา เถรสฺส อทิสฺวา อาคมนตฺถาย เปเสนฺติ. โส ภิกฺขุ เถรํ ทิวา วิหารฏฺานา นิกฺขมนฺตเมว วา อนฺตรามคฺเค วา ปสฺสติ. เอวํ ปเทสาเณ ิตานํ สาวกานมฺปิ รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท ปากโฏ โหติ, กิมงฺคํ ปน โพธิสตฺตานนฺติ.
ยํ โข ตํ พฺราหฺมณ…เป… วเทยฺยาติ เอตฺถ ปน ‘‘ยํ โข ตํ, พฺราหฺมณ, อสมฺโมหธมฺโม สตฺโต โลเก อุปฺปนฺโน…เป… สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติ วจนํ ¶ วทมาโน โกจิ สมฺมา วเทยฺย, สมฺมา วทมาโน สิยา, น วิตถวาที อสฺส. มเมว ตํ วจนํ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, สมฺมา วทมาโน สิยา, น วิตถวาที อสฺสาติ เอวํ ปทสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อสมฺโมหธมฺโมติ อสมฺโมหสภาโว. โลเกติ มนุสฺสโลเก. พหุชนหิตายาติ พหุชนสฺส หิตตฺถาย, ปฺาสมฺปตฺติยา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกหิตูปเทสโกติ. พหุชนสุขายาติ พหุชนสฺส สุขตฺถาย, จาคสมฺปตฺติยา อุปกรณสุขสฺส ทายโกติ. โลกานุกมฺปายาติ โลกสฺส อนุกมฺปตฺถาย, เมตฺตากรุณาสมฺปตฺติยา มาตาปิตโร วิย โลกสฺส รกฺขิตา โคปยิตาติ. อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺติ อิธ เทวมนุสฺสคฺคหเณน จ ภพฺพปุคฺคลเวเนยฺยสตฺเตเยว คเหตฺวา เตสํ นิพฺพานมคฺคผลาธิคมาย อตฺตโน อุปฺปตฺตึ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺโพ. อตฺถายาติ หิ วุตฺเต ปรมตฺถตฺถาย นิพฺพานายาติ วุตฺตํ โหติ. หิตายาติ วุตฺเต ตํ สมฺปาปกมคฺคตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ, นิพฺพานสมฺปาปกมคฺคโต หิ อุตฺตริ หิตํ นาม นตฺถิ. สุขายาติ วุตฺเต ผลสมาปตฺติสุขตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ, ตโต อุตฺตริ สุขาภาวโต. วุตฺตฺเจตํ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗; วิภ. ๘๐๔).
อสมฺโมหวิหารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุพฺพภาคปฏิปทาทิวณฺณนา
๕๑. เอวํ ¶ ภควา พุทฺธคุณปฏิลาภาวสานํ อตฺตโน อสมฺโมหวิหารํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยาย ปฏิปทาย ตํ โกฏิปฺปตฺตํ อสมฺโมหวิหารํ อธิคโต, ตํ ปุพฺพภาคโต ปภุติ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ โข ปน เม พฺราหฺมณาติอาทิมาห.
เกจิ ปนาหุ ‘‘อิมํ อสมฺโมหวิหารํ สุตฺวา พฺราหฺมณสฺส จิตฺตเมวํ อุปฺปนฺนํ ‘กาย นุ โข ปฏิปทาย อิมํ ปตฺโต’ติ, ตสฺส จิตฺตมฺาย อิมายาหํ ปฏิปทาย อิมํ อุตฺตมํ อสมฺโมหวิหารํ ปตฺโตติ ทสฺเสนฺโต เอวมาหา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริยํ อโหสีติ, พฺราหฺมณ, น มยา อยํ อุตฺตโม อสมฺโมหวิหาโร กุสีเตน มุฏฺสฺสตินา สารทฺธกาเยน วิกฺขิตฺตจิตฺเตน วา อธิคโต, อปิจ โข ตทธิคมาย อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อโหสิ, โพธิมณฺเฑ นิสินฺเนน มยา จตุรงฺควีริยํ อารทฺธํ อโหสิ, ปคฺคหิตํ อสิถิลปฺปวตฺติตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อารทฺธตฺตาเยว จ เมตํ อสลฺลีนํ อโหสิ.
อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺาติ น เกวลฺจ วีริยเมว, สติปิ เม อารมฺมณาภิมุขีภาเวน อุปฏฺิตา อโหสิ. อุปฏฺิตตฺตาเยว จ อสมฺมุฏฺา. ปสฺสทฺโธ กาโยติ กายจิตฺตปฺปสฺสทฺธิสมฺภเวน กาโยปิ เม ปสฺสทฺโธ อโหสิ. ตตฺถ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสทฺเธ รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธเยว โหติ, ตสฺมา นามกาโย รูปกาโยติ อวิเสเสตฺวาว ปสฺสทฺโธ กาโยติ วุตฺตํ. อสารทฺโธติ โส จ โข ปสฺสทฺธตฺตาเยว อสารทฺโธ, วิคตทรโถติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ จิตฺตมฺปิ เม สมฺมา อาหิตํ สุฏฺุ ปิตํ อปฺปิตํ วิย อโหสิ. สมาหิตตฺตา เอว จ เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทนนฺติ, เอตฺตาวตา ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตา โหติ.
อิทานิ อิมาย ปฏิปทาย อธิคตํ ปมชฺฌานํ อาทึ กตฺวา วิชฺชาตฺตยปริโยสานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต โส โข อหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… จตุตฺถชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช ¶ วิหาสินฺติ เอตฺถ ตาว ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค ปถวีกสิณกถายํ วุตฺตํ. เกวลฺหิ ตตฺถ ‘‘อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ อาคตํ, อิธ ‘‘วิหาสิ’’นฺติ, อยเมว วิเสโส. กึ กตฺวา ปน ภควา อิมานิ ฌานานิ อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ, กมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา. กตรํ? อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ.
อิมานิ จ ปน จตฺตาริ ฌานานิ เกสฺจิ จิตฺเตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ, เกสฺจิ วิปสฺสนาปาทกานิ, เกสฺจิ อภิฺาปาทกานิ, เกสฺจิ นิโรธปาทกานิ, เกสฺจิ ภโวกฺกมนตฺถานิ. ตตฺถ ขีณาสวานํ จิตฺเตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ. เต หิ สมาปชฺชิตฺวา ¶ เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามาติ อิจฺเจวํ กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺติ. เสกฺขปุถุชฺชนานํ สมาปตฺติโต วุฏฺาย สมาหิเตน จิตฺเตน วิปสฺสิสฺสามาติ นิพฺพตฺเตนฺตานํ วิปสฺสนาปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘เอโกปิ ¶ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒) วุตฺตนยา อภิฺาโย ปตฺเถนฺตา นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ อภิฺาปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหํ อจิตฺตา หุตฺวา ทิฏฺเว ธมฺเม นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามาติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ นิโรธปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิสฺสามาติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ ภโวกฺกมนตฺถานิ โหนฺติ.
ภควตา ปนิทํ จตุตฺถชฺฌานํ โพธิรุกฺขมูเล นิพฺพตฺติตํ, ตํ ตสฺส วิปสฺสนาปาทกฺเจว อโหสิ อภิฺาปาทกฺจ สพฺพกิจฺจสาธกฺจ, สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปุพฺพภาคปฏิปทาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา
๕๒. เยสฺจ ¶ คุณานํ ทายกํ อโหสิ, เตสํ เอกเทสํ ทสฺเสนฺโต โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ ทฺวินฺนํ วิชฺชานํ อนุปทวณฺณนา เจว ภาวนานโย จ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริโต. เกวลฺหิ ตตฺถ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต…เป… อภินินฺนาเมตี’’ติ วุตฺตํ, อิธ ‘‘อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ. อยํ โข เม พฺราหฺมณาติ อยฺจ อปฺปนาวาโร ตตฺถ อนาคโตติ อยเมว วิเสโส. ตตฺถ โสติ โส อหํ. อภินินฺนาเมสินฺติ อภินีหรึ. อภินินฺนาเมสินฺติ จ วจนโต โสติ เอตฺถ โส อหนฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา จิทํ ภควโต วเสน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ อาคตํ, ตสฺมา ‘‘โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’’ติ เอตฺถ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. เอตฺถ หิ โส ตโต จุโตติ ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ. ตสฺมา อิธูปปนฺโนติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรํ. อมุตฺร อุทปาทินฺติ ตุสิตภวนํ สนฺธายาหาติ เวทิตพฺโพ. ตตฺราปาสึ เอวํนาโมติ ตตฺราปิ ตุสิตภวเน เสตเกตุ นาม เทวปุตฺโต อโหสึ. เอวํโคตฺโตติ ตาหิ เทวตาหิ สทฺธึ เอกโคตฺโต. เอวํวณฺโณติ สุวณฺณวณฺโณ. เอวมาหาโรติ ทิพฺพสุธาหาโร. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ เอวํ ทิพฺพสุขปฏิสํเวที. ทุกฺขํ ปน สงฺขารทุกฺขมตฺตเมว ¶ . เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ สตฺตปฺาสวสฺสโกฏิสฏฺิวสฺสสตสหสฺสายุปริยนฺโต. โส ¶ ตโต จุโตติ โส อหํ ตโต ตุสิตภวนโต จุโต. อิธูปปนฺโนติ อิธ มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต.
อยํ โข เม พฺราหฺมณาติอาทีสุ เมติ มยา. วิชฺชาติ วิทิตกรณฏฺเน วิชฺชา. กึ วิทิตํ กโรติ? ปุพฺเพนิวาสํ. อวิชฺชาติ ตสฺเสว ปุพฺเพนิวาสสฺส อวิทิตกรณฏฺเน ตปฺปฏิจฺฉาทโก โมโห วุจฺจติ. ตโมติ สฺเวว โมโห ปฏิจฺฉาทกฏฺเน ‘‘ตโม’’ติ วุจฺจติ. อาโลโกติ สาเยว วิชฺชา โอภาสกรณฏฺเน ‘‘อาโลโก’’ติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อตฺโถ, เสสํ ปสํสาวจนํ. โยชนา ปเนตฺถ อยํ โข เม วิชฺชา อธิคตา, ตสฺส เม อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา, วินฏฺาติ อตฺโถ. กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนา. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเย.
ยถา ¶ ตนฺติ เอตฺถ ยถาติ โอปมฺเม. ตนฺติ นิปาโต. สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺส. วีริยาตาเปน อาตาปิโน. กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย ปหิตตฺตสฺส, เปสิตตฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหฺเยฺย, วิชฺชา อุปฺปชฺเชยฺย. ตโม วิหฺเยฺย, อาโลโก อุปฺปชฺเชยฺย. เอวเมว มม อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา. ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน. เอตสฺส เม ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลทฺธ’’นฺติ.
ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา
๕๓. จุตูปปาตกถายํ ยสฺมา อิธ ภควโต วเสน ปาฬิ อาคตา, ตสฺมา ‘‘ปสฺสามิ ปชานามี’’ติ วุตฺตํ, อยํ วิเสโส. เสสํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตสทิสเมว.
เอตฺถ ปน วิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. ยสฺมา จ ปูริตปารมีนํ มหาสตฺตานํ ปริกมฺมกิจฺจํ นาม นตฺถิ. เต หิ จิตฺเต อภินินฺนามิตมตฺเตเยว อเนกวิหิตํ ¶ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, ทิพฺเพน จกฺขุนา สตฺเต ปสฺสนฺติ. ตสฺมา โย ตตฺถ ปริกมฺมํ อาทึ กตฺวา ภาวนานโย วุตฺโต, น เตน อิธ อตฺโถติ.
ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา
๕๔. ตติยวิชฺชาย โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพํ. อาสวานํ ขยาณายาติ ¶ อรหตฺตมคฺคาณตฺถาย. อรหตฺตมคฺโค หิ อาสววินาสนโต อาสวานํ ขโยติ วุจฺจติ, ตตฺร เจตํ าณํ, ตปฺปริยาปนฺนตฺตาติ. จิตฺตํ อภินินฺนาเมสินฺติ ¶ วิปสฺสนาจิตฺตํ อภินีหรึ. โส อิทํ ทุกฺขนฺติ เอวมาทีสุ ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจํ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ ชานึ ปฏิวิชฺฌึ. ตสฺส จ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติกํ ตณฺหํ อยํ ทุกฺขสมุทโยติ. ตทุภยมฺปิ ยํ านํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ, ตํ เตสํ อปฺปวตฺตึ นิพฺพานํ อยํ ทุกฺขนิโรโธติ. ตสฺส สมฺปาปกํ อริยมคฺคํ อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ ชานึ ปฏิวิชฺฌินฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอวํ สรูปโต สจฺจานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กิเลสวเสน ปริยายโต ทสฺเสนฺโต อิเม อาสวาติอาทิมาห. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส มยฺหํ เอวํ ชานนฺตสฺส เอวํ ปสฺสนฺตสฺส. สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถติ. กามาสวาติ กามาสวโต. วิมุจฺจิตฺถาติ อิมินา ผลกฺขณํ ทสฺเสติ, มคฺคกฺขเณ หิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ โหติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณนฺติ อิมินา ปจฺจเวกฺขณาณํ ทสฺเสติ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ตสฺส ภูมึ, เตน หิ าเณน ภควา ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีนิ อพฺภฺาสิ. กตมา ปน ภควโต ชาติ ขีณา, กถฺจ นํ อพฺภฺาสีติ? น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา, ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา, อนาคเต วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา, วิชฺชมานตฺตา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา, ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตี’’ติ ชานนฺโต อพฺภฺาสิ.
วุสิตนฺติ ¶ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ, ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺตเสกฺขา พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโส. ตสฺมา ภควา อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อพฺภฺาสิ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ ¶ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโย. ตสฺมา ภควา อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ อพฺภฺาสิ.
นาปรํ ¶ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํโสฬสกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนากิจฺจํ เม นตฺถีติ อพฺภฺาสิ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ. อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิย. เต จริมกวิฺาณนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺตีติ อพฺภฺาสิ.
อิทานิ เอวํ ปจฺจเวกฺขณาณปริคฺคหิตํ อาสวานํ ขยาณาธิคมํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสนฺโต, อยํ โข เม พฺราหฺมณาติอาทิมาห. ตตฺถ วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ จตุสจฺจปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมว. เอตฺตาวตา จ ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณํ, ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณํ, อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณนฺติ เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ สพฺเพปิ สพฺพฺุคุเณ สงฺคเหตฺวา ปกาเสนฺโต อตฺตโน อสมฺโมหวิหารํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสสิ.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อรฺวาสการณวณฺณนา
๕๕. เอวํ วุตฺเต กิร พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม สพฺพฺุตํ ปฏิชานาติ, อชฺชาปิ จ อรฺวาสํ น วิชหติ, อตฺถิ นุ ขฺวสฺส อฺมฺปิ กิฺจิ กรณีย’’นฺติ. อถสฺส ภควา อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อิมินา อชฺฌาสยานุสนฺธินา, สิยา โข ปน เตติอาทิมาห. ตตฺถ สิยา โข ปน เต, พฺราหฺมณ, เอวมสฺสาติ, พฺราหฺมณ, กทาจิ ตุยฺหํ เอวํ ภเวยฺย. น โข ปเนตํ พฺราหฺมณ เอวํ ทฏฺพฺพนฺติ เอตํ โข ปน, พฺราหฺมณ, ตยา มยฺหํ ปนฺตเสนาสนปฏิเสวนํ ¶ อวีตราคาทิตายาติ เอวํ น ทฏฺพฺพํ. เอวํ ปนฺตเสนาสนปฏิเสวเน อการณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา การณํ ทสฺเสนฺโต ทฺเว โข อหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺโถเยว อตฺถวโส. ตสฺมา ทฺเว โข อหํ, พฺราหฺมณ, อตฺถวเสติ อหํ โข, พฺราหฺมณ, ทฺเว อตฺเถ ทฺเว การณานิ สมฺปสฺสมาโนติ วุตฺตํ โหติ. อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารนฺติ เอตฺถ ทิฏฺธมฺโม นาม อยํ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว. สุขวิหาโร นาม จตุนฺนมฺปิ อิริยาปถวิหารานํ ผาสุตา, เอกกสฺส หิ ¶ ¶ อรฺเ อนฺตมโส อุจฺจารปสฺสาวกิจฺจํ อุปาทาย สพฺเพว อิริยาปถา ผาสุกา โหนฺติ, ตสฺมา ทิฏฺธมฺมสฺส สุขวิหารนฺติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปจฺฉิมฺจ ชนตํ อนุกมฺปมาโนติ กถํ อรฺวาเสน ปจฺฉิมา ชนตา อนุกมฺปิตา โหติ? สทฺธาปพฺพชิตา หิ กุลปุตฺตา ภควโต อรฺวาสํ ทิสฺวา ภควาปิ นาม อรฺเสนาสนานิ น มฺุจติ, ยสฺส เนวตฺถิ ปริฺาตพฺพํ น ปหาตพฺพํ น ภาเวตพฺพํ น สจฺฉิกาตพฺพํ, กิมงฺคํ ปน มยนฺติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ วสิตพฺพเมว มฺิสฺสนฺติ. เอวํ ขิปฺปเมว ทุกฺขสฺสนฺตกรา ภวิสฺสนฺติ. เอวํ ปจฺฉิมา ชนตา อนุกมฺปิตา โหติ. เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปจฺฉิมฺจ ชนตํ อนุกมฺปมาโน’’ติ.
อรฺวาสการณวณฺณนา นิฏฺิตา.
เทสนานุโมทนาวณฺณนา
๕๖. ตํ สุตฺวา อตฺตมโน พฺราหฺมโณ อนุกมฺปิตรูปาติอาทิมาห. ตตฺถ อนุกมฺปิตรูปาติ อนุกมฺปิตชาติกา อนุกมฺปิตสภาวา. ชนตาติ ชนสมูโห. ยถา ตํ อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ ยถา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุกมฺเปยฺย, ตเถว อนุกมฺปิตรูปาติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน ตํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมาติ. ตตฺถายํ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทเนสุ ทิสฺสติ. ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๘๓; อ. นิ. ๘.๒๐) หิ ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก ¶ เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. –
อาทีสุ (วิ. ว. ๘๕๗) อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๐; ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน ¶ . อิธาปิ อพฺภนุโมทเนเยว. ยสฺมา จ อพฺภนุโมทเน, ตสฺมา สาธุ สาธุ โภ, โคตมาติ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;
หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติ. –
อิมินา จ ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อถ ¶ วา อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกนฺตํ. อติอิฏฺํ อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโทติ. ภควโตเยว วา วจนํ ทฺเว ทฺเว อตฺเถ สนฺธาย โถเมติ – โภโต โคตมสฺส วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต, อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต, ตถา สทฺธาชนนโต, ปฺาชนนโต, สาตฺถโต, สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต, คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต, หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต, อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต, ปฺาวทาตโต, อาปาถรมณียโต, วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต, วีมํสียมานหิตโตติ เอวมาทีหิ โยเชตพฺพํ.
ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริ มุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิจฺฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสีอฑฺฒรตฺตฆนวนสณฺฑเมฆปฏเลหิ จตุรงฺเค ตเม, อยํ ตาว อนุตฺตานปทตฺโถ.
อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺเม ปติตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย ¶ . เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน, ยถา ¶ มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตธารเณน มยฺหํ โภตา โคตเมน เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตติ.
เทสนานุโมทนาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปสนฺนาการวณฺณนา
เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตยปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต เอสาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามีติ ภวํ เม โคตโม สรณํ ปรายณํ, อฆสฺส ตาตา ¶ , หิตสฺส จ วิธาตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภวนฺตํ โคตมํ คจฺฉามิ, ภชามิ, เสวามิ, ปยิรุปาสามิ, เอวํ วา ชานามิ, พุชฺฌามีติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติอตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถ. ตสฺมา คจฺฉามีติ อิมสฺส ชานามิ, พุชฺฌามีติ อยมตฺโถ วุตฺโต. ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจาติ เอตฺถ ปน อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธมฺโม, โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔) วิตฺถาโร. น เกวลฺจ อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ, อปิจ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ. วุตฺตฺเหตํ ฉตฺตมาณวกวิมาเน –
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);
เอตฺถ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. อเนชมโสกนฺติ ผลํ. ธมฺมมสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ. อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฏกตฺตเยน วิภตฺตา สพฺพธมฺมกฺขนฺธาติ. ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน ¶ สํหโตติ สงฺโฆ, โส อตฺถโต อฏฺ อริยปุคฺคลสมูโห. วุตฺตฺเหตํ ตสฺมึเยว วิมาเน.
‘‘ยตฺถ ¶ จ ทินฺนมหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;
อฏฺ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๘);
ภิกฺขูนํ สงฺโฆ ภิกฺขุสงฺโฆ. เอตฺตาวตา พฺราหฺมโณ ตีณิ สรณคมนานิ ปฏิเวเทสิ.
ปสนฺนาการวณฺณนา นิฏฺิตา.
สรณคมนกถาวณฺณนา
อิทานิ เตสุ สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ สรณํ, สรณคมนํ. โย จ สรณํ คจฺฉติ, สรณคมนปฺปเภโท ¶ , สรณคมนสฺส ผลํ, สํกิเลโส, เภโทติ อยํ วิธิ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – ปทตฺถโต ตาว หึสตีติ สรณํ, สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคติปริกิเลสํ หนติ วินาเสตีติ อตฺโถ, รตนตฺตยสฺเสเวตํ อธิวจนํ.
อถ วา หิเต ปวตฺตเนน อหิตา จ นิวตฺตเนน สตฺตานํ ภยํ หึสติ พุทฺโธ. ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน อสฺสาสทาเนน จ ธมฺโม. อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สงฺโฆ. ตสฺมา อิมินาปิ ปริยาเยน รตนตฺตยํ สรณํ. ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ วิหตกิเลโส ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ. ตํสมงฺคิสตฺโต สรณํ คจฺฉติ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน เอตานิ เม ตีณิ สรณานิ สรณํ, เอตานิ ปรายณนฺติ เอวํ อุเปตีติ อตฺโถ. เอวํ ตาว สรณํ สรณคมนํ โย จ สรณํ คจฺฉตีติ อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํ.
สรณคมนปฺปเภเท ปน ทุวิธํ สรณคมนํ โลกุตฺตรํ โลกิยฺจ. ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฏฺสจฺจานํ ¶ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ. โลกิยํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติ, ตํ อตฺถโต พุทฺธาทีสุ วตฺถูสุ สทฺธาปฏิลาโภ, สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺิ ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจติ.
ตยิทํ จตุธา ปวตฺตติ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน ตปฺปรายณตาย สิสฺสภาวูปคมเนน ปณิปาเตนาติ. ตตฺถ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ นาม ‘‘อชฺช ¶ อาทึ กตฺวา อหํ อตฺตานํ พุทฺธสฺส นิยฺยาเตมิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีนํ อตฺตปริจฺจชนํ. ตปฺปรายณตา นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธปรายโณ, ธมฺมปรายโณ, สงฺฆปรายโณ อิติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ ตปฺปรายณภาโว. สิสฺสภาวูปคมนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธสฺส อนฺเตวาสิโก, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสาติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ สิสฺสภาวูปคโม. ปณิปาโต นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ พุทฺธาทีนํเยว ติณฺณํ วตฺถูนํ กโรมิ, อิติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีสุ ¶ ปรมนิปจฺจกาโร. อิเมสฺหิ จตุนฺนํ อาการานํ อฺตรมฺปิ กโรนฺเตน คหิตํเยว โหติ สรณคมนํ.
อปิจ ภควโต อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อตฺตานํ ปริจฺจชามิ. ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, ปริจฺจตฺโตเยว เม อตฺตา, ปริจฺจตฺตํเยว เม ชีวิตํ, ชีวิตปริยนฺติกํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, พุทฺโธ เม สรณํ เลณํ ตาณนฺติ เอวมฺปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ เวทิตพฺพํ. ‘‘สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ, สุคตฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ, สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) เอวมฺปิ มหากสฺสปสฺส สรณคมนํ วิย สิสฺสภาวูปคมนํ ทฏฺพฺพํ.
‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๙๔; สํ. นิ. ๑.๒๔๖) –
เอวมฺปิ อาฬวกาทีนํ สรณคมนํ วิย ตปฺปรายณตา เวทิตพฺพา. ‘‘อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ¶ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๔) เอวมฺปิ ปณิปาโต ทฏฺพฺโพ.
โส ปเนส าติภยาจริยทกฺขิเณยฺยวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตน สรณคมนํ โหติ, น อิตเรหิ. เสฏฺวเสเนว หิ สรณํ คยฺหติ, เสฏฺวเสน ภิชฺชติ, ตสฺมา โย สากิโย ¶ วา โกลิโย วา ‘‘พุทฺโธ อมฺหากํ าตโก’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย วา ‘‘สมโณ โคตโม ราชปูชิโต มหานุภาโว, อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยา’’ติ ภเยน วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย วา โพธิสตฺตกาเล ภควโต สนฺติเก กิฺจิ อุคฺคหิตํ สรมาโน พุทฺธกาเล วา –
‘‘เอเกน โภเค ภฺุเชยฺย, ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย;
จตุตฺถฺจ นิธาเปยฺย, อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –
เอวรูปํ อนุสาสนึ อุคฺคเหตฺวา ‘‘อาจริโย เม’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว ¶ โหติ สรณํ. โย ปน ‘‘อยํ โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย’’ติ วนฺทติ, เตเนว คหิตํ โหติ สรณํ.
เอวํ คหิตสรณสฺส จ อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา อฺติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตมฺปิ าตึ ‘‘าตโก เม อย’’นฺติ วนฺทโต สรณคมนํ น ภิชฺชติ, ปเคว อปพฺพชิตํ. ตถา ราชานํ ภยวเสน วนฺทโต, โส หิ รฏฺปูชิตตฺตา อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยาติ. ตถา ยํกิฺจิ สิปฺปํ สิกฺขาปกํ ติตฺถิยํ ‘‘อาจริโย เม อย’’นฺติ วนฺทโตปิ น ภิชฺชตีติ เอวํ สรณคมนปฺปเภโท เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ โลกุตฺตรสฺส สรณคมนสฺส จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลํ, สพฺพทุกฺขกฺขโย อานิสํสผลํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย ¶ จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.
ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยฺจฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๐-๑๙๒);
อปิจ นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสน เปตสฺส อานิสํสผลํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ, ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺย, สุขโต อุปคจฺเฉยฺย, กฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคจฺเฉยฺย, มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปิตรํ อรหนฺตํ ¶ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ทุฏฺจิตฺโต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, สงฺฆํ ภินฺเทยฺย, อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. ๑.๒๖๘-๒๗๖).
โลกิยสฺส ปน สรณคมนสฺส ภวสมฺปทาปิ โภคสมฺปทาปิ ผลเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เยเกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส,
น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ,
เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๓๗);
อปรมฺปิ ¶ วุตฺตํ ‘‘อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อสีติยา เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน, เตนุปสงฺกมิ…เป… เอกมนฺตํ ิตํ โข สกฺกํ เทวานมินฺทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ ‘สาธุ โข เทวานมินฺท พุทฺธํ สรณคมนํ โหติ, พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข เทวานมินฺท เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ ¶ อุปปชฺชนฺตี’ติ. เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺติ ทิพฺเพน อายุนา ทิพฺเพน วณฺเณน สุเขน ยเสน อาธิปเตยฺเยน ทิพฺเพหิ รูเปหิ สทฺเทหิ คนฺเธหิ รเสหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑). เอส นโย ธมฺเม สงฺเฆ จ. อปิจ เวลามสุตฺตาทิวเสนาปิ (อ. นิ. ๙.๒๐) สรณคมนสฺส ผลวิเสโส เวทิตพฺโพ. เอวํ สรณคมนผลํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โลกิยสรณคมนํ ตีสุ วตฺถูสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ โหติ, น มหาวิปฺผารํ. โลกุตฺตรสฺส นตฺถิ สํกิเลโส. โลกิยสฺส จ สรณคมนสฺส ทุวิโธ เภโท สาวชฺโช อนวชฺโช จ. ตตฺถ สาวชฺโช อฺสตฺถาราทีสุ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีหิ โหติ, โส อนิฏฺผโล. อนวชฺโช กาลํ กิริยาย, โส อวิปากตฺตา อผโล. โลกุตฺตรสฺส ปน เนวตฺถิ เภโท. ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อฺสตฺถารํ น อุทฺทิสตีติ เอวํ สรณคมนสฺส สํกิเลโส จ เภโท จ เวทิตพฺโพติ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตูติ มํ ภวํ โคตโม ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตุ, ชานาตูติ อตฺโถ.
สรณคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปาสกวิธิกถาวณฺณนา
อุปาสกวิธิโกสลฺลตฺถํ ¶ ปเนตฺถ โก อุปาสโก, กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจติ, กิมสฺส สีลํ, โก อาชีโว, กา วิปตฺติ, กา สมฺปตฺตีติ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โก อุปาสโกติ โย โกจิ ติสรณคโต คหฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยโต โข มหานาม อุปาสโก พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ. เอตฺตาวตา โข มหานาม อุปาสโก โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).
กสฺมา อุปาสโกติ รตนตฺตยสฺส อุปาสนโต. โส หิ พุทฺธํ อุปาสตีติ อุปาสโก. ธมฺมํ, สงฺฆํ อุปาสตีติ อุปาสโก.
กิมสฺส ¶ สีลนฺติ ปฺจ เวรมณิโย. ยถาห ‘‘ยโต โข มหานาม อุปาสโก ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ อทินฺนาทานา ¶ , กาเมสุ มิจฺฉาจารา, มุสาวาทา, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. เอตฺตาวตา โข มหานาม อุปาสโก สีลวา โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).
โก อาชีโวติ ปฺจ มิจฺฉาวณิชฺชา ปหาย ธมฺเมน สเมน ชีวิตกปฺปนํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา. กตมา ปฺจ? สตฺถวณิชฺชา, สตฺตวณิชฺชา, มํสวณิชฺชา, มชฺชวณิชฺชา, วิสวณิชฺชา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๗).
กา วิปตฺตีติ ยา ตสฺเสว สีลสฺส จ อาชีวสฺส จ วิปตฺติ, อยมสฺส วิปตฺติ. อปิจ ยาย เอส จณฺฑาโล เจว โหติ มลฺจ ปติกุฏฺโ จ. สาปิสฺส วิปตฺตีติ เวทิตพฺพา. เต จ อตฺถโต อสฺสทฺธิยาทโย ปฺจ ธมฺมา โหนฺติ. ยถาห ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกจณฺฑาโล จ โหติ อุปาสกมลฺจ อุปาสกปติกุฏฺโ จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ โหติ, ทุสฺสีโล โหติ, โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, มงฺคลํ ปจฺเจติ โน กมฺมํ, อิโต จ พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสติ ตตฺถ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๕).
กา ¶ สมฺปตฺตีติ ยา จสฺส สีลสมฺปทา จ อาชีวสมฺปทา จ, สา สมฺปตฺติ. เย จสฺส รตนภาวาทิกรา สทฺธาทโย ปฺจ ธมฺมา. ยถาห ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกรตนฺจ โหติ อุปาสกปทุมฺจ อุปาสกปุณฺฑรีกฺจ. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ โหติ, สีลวา โหติ, น โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, กมฺมํ ปจฺเจติ โน มงฺคลํ, น อิโต พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ, อิธ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๕).
อชฺชตคฺเคติ เอตฺถ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๐) หิ อาทิมฺหิ ¶ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย, (กถา. ๔๔๑) อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. ๕.๓๗๔), อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๘) โกฏฺาเส. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔) เสฏฺเ. อิธ ปนายํ ¶ อาทิมฺหิ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวา, เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อชฺชตนฺติ อชฺชภาวํ. อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ, ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ อตฺโถ.
ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ. อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ ชานาตุ. อหฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺเทยฺย, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุทฺโธ’’ติ วา ธมฺมํ ‘‘น ธมฺโม’’ติ วา, สงฺฆํ ‘‘น สงฺโฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติ. เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน สรณํ คนฺตฺวา จตูหิ จ ปจฺจเยหิ ปวาเรตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ.
อุปาสกวิธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
ภยเภรวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อนงฺคณสุตฺตวณฺณนา
๕๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… อายสฺมา สาริปุตฺโตติ อนงฺคณสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพสุตฺเตสุ. ตสฺมา อิโต ปรํ เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา อปุพฺพปทวณฺณนํเยว กริสฺสาม.
จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท. ปุคฺคลาติ สตฺตา นรา โปสา. เอตฺตาวตา จ ปุคฺคลวาที มหาเถโรติ น คเหตพฺพํ, อยฺหิ อายสฺมา พุทฺธปุตฺตานํ เสฏฺโ, โส พุทฺธสฺส ภควโต เทสนํ อวิโลเมนฺโตเยว เทเสติ.
สมฺมุติปรมตฺถเทสนากถาวณฺณนา
พุทฺธสฺส ภควโต ทุวิธา เทสนา สมฺมุติเทสนา, ปรมตฺถเทสนา จาติ. ตตฺถ ปุคฺคโล สตฺโต อิตฺถี ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโรติ เอวรูปา สมฺมุติเทสนา. อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, ขนฺธา ธาตู อายตนานิ สติปฏฺานาติ เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา.
ตตฺถ ภควา เย สมฺมุติวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสํ อธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ สมฺมุติเทสนํ เทเสติ. เย ปน ปรมตฺถวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ ปรมตฺถเทสนํ เทเสติ. ตตฺถายํ อุปมา, ยถา หิ เทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานํ อตฺถสํวณฺณนโก อาจริโย เย ทมิฬภาสาย วุตฺเต ¶ อตฺถํ ชานนฺติ, เตสํ ทมิฬภาสาย อาจิกฺขติ. เย อนฺธกภาสาทีสุ อฺตราย, เตสํ ตาย ตาย ภาสาย. เอวํ เต มาณวกา เฉกํ พฺยตฺตํ อาจริยมาคมฺม ขิปฺปเมว สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ. ตตฺถ อาจริโย วิย พุทฺโธ ภควา. ตโย เวทา วิย กเถตพฺพภาเวน ิตานิ ตีณิ ปิฏกานิ. เทสภาสาโกสลฺลมิว สมฺมุติปรมตฺถโกสลฺลํ. นานาเทสภาสา มาณวกา วิย สมฺมุติปรมตฺถเทสนาปฏิวิชฺฌนสมตฺถา เวเนยฺยสตฺตา. อาจริยสฺส ¶ ทมิฬภาสาทิอาจิกฺขนํ วิย ภควโต สมฺมุติปรมตฺถวเสน เทสนา เวทิตพฺพา. อาห เจตฺถ –
‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ.
สงฺเกตวจนํ ¶ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณา.
ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ.
อปิจ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ – หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ, อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถฺจาติ. ‘‘ขนฺธธาตุอายตนานิ หิรียนฺติ โอตฺตปฺปนฺตี’’ติ หิ วุตฺเต มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหมาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ หิรียนฺติ โอตฺตปฺปนฺติ นามา’’ติ. ‘‘อิตฺถี หิรียติ โอตฺตปฺปติ ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโร’’ติ วุตฺเต ปน ชานาติ, น สมฺโมหมาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ. ตสฺมา ภควา หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา กมฺมสฺสกา ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘เวฬุวนาทโย มหาวิหารา ขนฺเธหิ การาปิตา ธาตูหิ อายตเนหี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ¶ มาตรํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ ปิตรํ อรหนฺตํ รุหิรุปฺปาทกมฺมํ ¶ กโรนฺติ, สงฺฆเภทกมฺมํ กโรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา อานนฺตริยทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ‘‘ขนฺธา เมตฺตายนฺติ ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสมนุสฺสรนฺติ ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ‘‘ขนฺธา ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหมาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ นามา’’ติ. ‘‘ปุคฺคลา ปฏิคฺคณฺหนฺติ สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา’’ติ วุตฺเต ปน ชานาติ, น สมฺโมหมาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ. ตสฺมา ภควา ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
โลกสมฺมุติฺจ ¶ พุทฺธา ภควนฺโต นปฺปชหนฺติ, โลกสมฺาย โลกนิรุตฺติยํ โลกาภิลาเป ิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตสฺมา ภควา โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ตสฺมา อยมฺปิ อายสฺมา โลกโวหารกุสลตาย พุทฺธสฺส ภควโต เทสนํ อวิโลเมนฺโต โลกสมฺมุติยํ ตฺวาว จตฺตาโรเม, อาวุโส, ปุคฺคลาติ อาห. ตสฺมา เอตฺถ ปรมตฺถวเสน อคฺคเหตฺวา สมฺมุติวเสเนว ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ.
สนฺโต สํวิชฺชมานาติ โลกสงฺเกตวเสน อตฺถิ อุปลพฺภมานา. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก. สางฺคโณว สมาโนติอาทีสุ ปน องฺคณนฺติ กตฺถจิ กิเลสา วุจฺจนฺติ. ยถาห ‘‘ตตฺถ กตมานิ ตีณิ องฺคณานิ? ราโค องฺคณํ, โทโส องฺคณํ, โมโห องฺคณ’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔). กตฺถจิ ยํกิฺจิ มลํ วา ปงฺโก วา, ยถาห ‘‘ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมตี’’ติ. กตฺถจิ ตถารูโป ภูมิภาโค, โส โพธิยงฺคณํ เจติยงฺคณนฺติอาทีนํ วเสน เวทิตพฺโพ. อิธ ปน นานปฺปการา ติพฺพกิเลสา ‘‘องฺคณ’’นฺติ อธิปฺเปตา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปาปกานํ โข เอตํ, อาวุโส, อกุสลานํ อิจฺฉาวจรานํ อธิวจนํ, ยทิทํ องฺคณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๖๐). สห องฺคเณน สางฺคโณ.
สางฺคโณว ¶ สมาโนติ สกิเลโสเยว สนฺโต ¶ . อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณนฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ มยฺหํ อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน กิเลโส อตฺถีติปิ น ชานาติ. ‘‘อิเม กิเลสา นาม กกฺขฬา วาฬา ชหิตพฺพา น คหิตพฺพา วิสทุฏฺสลฺลสทิสา’’ติ เอวํ ยาถาวสรสโตปิ น ชานาติ. โย อตฺถีติ จ ชานาติ, เอวฺจ ชานาติ. โส ‘‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ วุจฺจติ. ยสฺส ปน น จ มคฺเคน สมูหตา กิเลสา, น จ อุปฺปชฺชนฺติ เยน วา เตน วา วาริตตฺตา, อยมิธ อนงฺคโณติ อธิปฺเปโต. นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณนฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ ‘‘มยฺหํ กิเลสา เยน วา เตน วา วาริตตฺตา นตฺถิ, น มคฺเคน สมูหตตฺตา’’ติ น ชานาติ, ‘‘เต อุปฺปชฺชมานา มหาอนตฺถํ กริสฺสนฺติ กกฺขฬา วาฬา วิสทุฏฺสลฺลสทิสา’’ติ เอวํ ยาถาวสรสโตปิ น ชานาติ. โย ปน ‘‘อิมินา การเณน นตฺถี’’ติ จ ชานาติ, เอวฺจ ชานาติ, โส ‘‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ วุจฺจติ ¶ . ตตฺราติ เตสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ, เตสุ วา ทฺวีสุ สางฺคเณสุ, ยฺวายนฺติ โย อยํ, ยายนฺติปิ ปาโ.
๕๘. โก นุ โข, อาวุโส, สาริปุตฺต, เหตุ โก ปจฺจโยติ อุภเยนาปิ การณเมว ปุจฺฉติ. เยนิเมสนฺติ เยน เหตุนา เยน ปจฺจเยน อิเมสํ ทฺวินฺนํ เอโก เสฏฺปุริโส เอโก หีนปุริโสติ อกฺขายติ, โส โก เหตุ โก ปจฺจโยติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘นปฺปชานาติ ปชานาตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ, ปชานนา นปฺปชานนาติ อิทเมว อุภยํ เหตุ เจว ปจฺจโย จ.
๕๙. เถโร ปน อตฺตโน วิจิตฺรปฏิภานตาย ตํ ปากฏตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ปุน ตตฺราวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขนฺติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส เอตํ ปาฏิกงฺขิตพฺพํ. อิทเมว เอส ปาปุณิสฺสติ, น อฺนฺติ อิจฺฉิตพฺพํ, อวสฺสํ ภาวีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘น ฉนฺทํ ชเนสฺสตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตํ อฉนฺทชนนาทึ สนฺธายาห.
ตตฺถ จ น ฉนฺทํ ชเนสฺสตีติ อปฺปชานนฺโต ตสฺส องฺคณสฺส ปหานตฺถํ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ น ชเนสฺสติ. น วายมิสฺสตีติ ตโต พลวตรํ วายามํ น กริสฺสติ, น วีริยํ อารภิสฺสตีติ ถามคตวีริยํ ปน เนว อารภิสฺสติ, น ปวตฺเตสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. สางฺคโณติ อิเมหิ ราคาทีหิ องฺคเณหิ ¶ สางฺคโณ. สํกิลิฏฺจิตฺโตติ เตหิเยว สุฏฺุตรํ ¶ กิลิฏฺจิตฺโต มลีนจิตฺโต วิพาธิตจิตฺโต อุปตาปิตจิตฺโต จ หุตฺวา. กาลํ กริสฺสตีติ มริสฺสติ.
เสยฺยถาปีติ ยถา นาม. กํสปาตีติ กํสโลหภาชนํ. อาภตาติ อานีตา. อาปณา วา กมฺมารกุลา วาติ อาปณโต วา กํสปาติการกานํ กมฺมารานํ ฆรโต วา. รเชนาติ อาคนฺตุกรเชน ปํสุอาทินา. มเลนาติ ตตฺเถว อุฏฺิเตน โลหมเลน. ปริโยนทฺธาติ สฺฉนฺนา. น เจว ปริภฺุเชยฺยุนฺติ อุทกขาทนียปกฺขิปนาทีหิ ปริโภคํ น กเรยฺยุํ. น จ ปริโยทเปยฺยุนฺติ โธวนฆํสนาทีหิ น ปริสุทฺธํ การาเปยฺยุํ. รชาปเถติ รชปเถ. อยเมว วา ปาโ, รชสฺส อาคมนฏฺาเน วา วุฏฺานุฏฺาเน วา เหฏฺามฺเจ วา ถุสโกฏฺเก วา ภาชนนฺตเร วา, ยตฺถ รเชน โอกิรียตีติ อตฺโถ. สํกิลิฏฺตรา อสฺส มลคฺคหิตาติ เอตฺถ รชาปเถ นิกฺขิปเนน สํกิลิฏฺตรา, อปริโภคาปริโยทปเนหิ ¶ มลคฺคหิตตราติ วุตฺตํ โหติ, ปฏิปุจฺฉาวจนฺเจตํ. เตนสฺส เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ, อาวุโส, สา กํสปาติ เอวํ กรียมานา อปเรน กาเลน สํกิลิฏฺตรา จ มลคฺคหิตตรา จ มตฺติกปาตีติ วา กํสปาตีติ วา อิติปิ ทุชฺชานา ภเวยฺย นุ โข โนติ, เถโร ตํ ปฏิชานนฺโต อาห ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ปุน ธมฺมเสนาปติ โอปมฺมํ สมฺปฏิปาเทนฺโต, เอวเมว โขติอาทิมาห. ตตฺเถวํ โอปมฺมสํสนฺทนา เวทิตพฺพา – กิลิฏฺกํสปาติสทิโส สางฺคโณ ปุคฺคโล. สํกิลิฏฺกํสปาติยา นปริภฺุชนมาทึ กตฺวา รชาปถนิกฺเขโป วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปพฺพชฺชํ ลภมานสฺส เวชฺชกมฺมาทีสุ ปสุตปุคฺคลสนฺติเก ปพฺพชฺชาปฏิลาโภ. สํกิลิฏฺกํสปาติยา ปุน สํกิลิฏฺตรภาโว วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส อนุกฺกเมน อาจริยุปชฺฌายานํ อนุสิกฺขโต เวชฺชกมฺมาทิกรณํ, เอตฺถ ิตสฺส สางฺคณกาลกิริยา. อถ วา อนุกฺกเมน ทุกฺกฏทุพฺภาสิตวีติกฺกมนํ, เอตฺถ ิตสฺส สางฺคณกาลกิริยา. อถ วา อนุกฺกเมน ปาจิตฺติยถุลฺลจฺจยวีติกฺกมนํ, สงฺฆาทิเสสวีติกฺกมนํ, ปาราชิกวีติกฺกมนํ, มาตุฆาตาทิอานนฺตริยกรณํ, เอตฺถ ิตสฺส สางฺคณกาลกิริยาติ.
สํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสตีติ เอตฺถ จ อกุสลจิตฺเตน กาลํ กริสฺสตีติ น เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สพฺพสตฺตา หิ ปกติจิตฺเตน ภวงฺคจิตฺเตเนว กาลํ กโรนฺติ. อยํ ¶ ปน อวิโสเธตฺวา จิตฺตสนฺตานํ กาลํ กริสฺสตีติ เอตมตฺถํ สนฺธาย เอวํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ทุติยวาเร ¶ ปริโยทเปยฺยุนฺติ โธวนฆํสนสณฺหฉาริกาปริมชฺชนาทีหิ ปริสุทฺธํ อาทาสมณฺฑลสทิสํ กเรยฺยุํ. น จ นํ รชาปเถติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเร าเน อนิกฺขิปิตฺวา กรณฺฑมฺชูสาทีสุ วา เปยฺยุํ, ปลิเวเตฺวา วา นาคทนฺเต ลเคยฺยุํ. เสสํ วุตฺตนยานุสาเรเนว คเหตพฺพํ.
อุปมาสํสนฺทนา เจตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา – กิลิฏฺกํสปาติสทิโส สางฺคโณ ภพฺพปุคฺคโล. กิลิฏฺกํสปาติยา ปริภฺุชนมาทึ กตฺวา สุทฺธฏฺาเน ปนํ วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปพฺพชฺชํ ลภมานสฺส เปสลภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชฺชาปฏิลาโภ. เย โอวทนฺติ อนุสาสนฺติ อปฺปมตฺตกมฺปิ ปมาทํ ทิสฺวา ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา ปุนปฺปุนํ สิกฺขาเปนฺติ, สํกิลิฏฺกํสปาติยา อปรกาเล ¶ ปริสุทฺธปริโยทาตภาโว วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส อาจริยุปชฺฌายานํ อนุสิกฺขโต อนุกฺกเมน สมฺมาวตฺตปฏิปตฺติ, เอตฺถ ิตสฺส อนงฺคณกาลกิริยา. อถ วา อนุกฺกเมน ปริสุทฺเธ สีเล ปติฏฺาย อตฺตโน อนุรูปํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทาย อตฺตโน อนุกูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คามนฺตเสนาสนวาสํ มฺุจิตฺวา ปนฺตเสนาสนวาโส, เอตฺถ ิตสฺส อนงฺคณกาลกิริยา. อถ วา อนุกฺกเมน กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺสมาปตฺตินิพฺพตฺตเนน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานา วุฏฺาย วิปสฺสนาย กิเลสานํ ตทงฺคนิวารณํ, โสตาปตฺติผลาธิคโม…เป… อรหตฺตสจฺฉิกิริยาติ เอตฺถ ิตสฺส อจฺจนฺตํ อนงฺคณกาลกิริยา เอว.
ตติยวาเร สุภนิมิตฺตนฺติ ราคฏฺานิยํ อิฏฺารมฺมณํ. มนสิ กริสฺสตีติ ตสฺมึ วิปนฺนสฺสติ ตํ นิมิตฺตํ อาวชฺชิสฺสติ. ตสฺส สุภนิมิตฺตสฺส มนสิการาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส สุภนิมิตฺตมนสิการการณา. อนุทฺธํเสสฺสตีติ หึสิสฺสติ อธิภวิสฺสติ. ราโค หิ อุปฺปชฺชนฺโต กุสลวารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา สยเมว อกุสลชวนํ หุตฺวา ติฏฺนฺโต กุสลจิตฺตํ อนุทฺธํเสตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยานุสาเรเนว คเหตพฺพํ.
โอปมฺมสํสนฺทนา ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา – ปริสุทฺธกํสปาติสทิโส ปกติยา ¶ อปฺปกิเลโส อนงฺคณปุคฺคโล. ปริสุทฺธกํสปาติยา นปริภฺุชนํ อาทึ กตฺวา รชาปเถ นิกฺเขโป วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปพฺพชฺชํ ลภมานสฺสาติ อิโต ปรํ สพฺพํ ปมวารสทิสเมว.
จตุตฺถวาเร ¶ สุภนิมิตฺตํ น มนสิ กริสฺสตีติ ตสฺมึ สติวิรหาภาวโต ตํ นิมิตฺตํ นาวชฺชิสฺสติ, เสสํ ทุติยวารานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ‘‘อยํ โข, อาวุโส’’ติอาทิ ‘‘โก นุ โข, อาวุโส’’ติอาทิมฺหิ วุตฺตนยเมว.
๖๐. อิทานิ ตํ องฺคณํ นานปฺปการโต ปากฏํ การาเปตุกาเมนายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน ‘‘องฺคณํ องฺคณ’’นฺติอาทินา นเยน ปุฏฺโ ตํ พฺยากโรนฺโต ปาปกานํ โข เอตํ, อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาย อวจรานํ, อิจฺฉาวเสน โอติณฺณานํ ปวตฺตานํ นานปฺปการานํ โกปอปฺปจฺจยานนฺติ อตฺโถ. ยํ อิเธกจฺจสฺสาติ เยน อิเธกจฺจสฺส เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย, ตํ านํ ตํ การณํ วิชฺชติ อตฺถิ, อุปลพฺภตีติ ¶ วุตฺตํ โหติ. อาปนฺโน อสฺสนฺติ อาปนฺโน ภเวยฺยํ. น จ มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุนฺติ ภิกฺขู จ มํ น ชาเนยฺยุํ. กึ ปเนตฺถ านํ, ลาภตฺถิกตา. ลาภตฺถิโก หิ ภิกฺขุ ปกติยาปิ จ กตปฺุโ มนุสฺเสหิ สกฺกโต ครุกโต เอวํ จินฺเตติ ‘‘อาปตฺตึ อาปนฺนํ ภิกฺขุํ เถรา ตฺวา มชฺฌิมานํ อาโรเจนฺติ, เต นวกานํ, นวกา วิหาเร วิฆาสาทาทีนํ, เต โอวาทํ อาคตานํ ภิกฺขุนีนํ, เอวํ กเมน จตสฺโส ปริสา ชานนฺติ. เอวมสฺส ลาภนฺตราโย โหติ. อโห วตาหํ อาปตฺติฺจ วต อาปนฺโน อสฺสํ, น จ มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุ’’นฺติ.
ยํ ตํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุนฺติ เยน การเณน ตํ ภิกฺขุํ อฺเ ภิกฺขู ชาเนยฺยุํ, ตํ การณํ วิชฺชติ โข ปน อตฺถิเยว, โน นตฺถิ. เถรา หิ ตฺวา มชฺฌิมานํ อาโรเจนฺติ. เอวํ โส ปุพฺเพ วุตฺตนเยน จตูสุ ปริสาสุ ปากโฏ โหติ. เอวํ ปากโฏ จ อยสาภิภูโต คามสตมฺปิ ปวิสิตฺวา อุมฺมารสเตสุ าเนสุ อฺุฉิตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขมติ. ตโต ชานนฺติ มํ ภิกฺขู อาปตฺตึ อาปนฺโนติ เตหิ จมฺหิ เอวํ นาสิโตติ จินฺเตตฺวา, อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต โส อิมินา การเณน กุปิโต เจว โหติ โกธาภิภูโต อปฺปตีโต จ โทมนสฺสาภิภูโต.
โย เจว โข ¶ , อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย อุภยเมตํ องฺคณนฺติ, อาวุโส, โย จายํ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิโต โกโป, โย จ เวทนากฺขนฺธสงฺคหิโต อปฺปจฺจโย, เอตํ อุภยํ องฺคณนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิทฺจ ตาทิสานํ ปุคฺคลานํ วเสน วุตฺตํ. โลโภ ปน อิมสฺส องฺคณสฺส ปุพฺพภาควเสน, โมโห สมฺปโยควเสนาปิ คหิโตเยว โหติ.
อนุรโห ¶ มนฺติ ปุริมสทิสเมว ภิกฺขุํ คเหตฺวา วิหารปจฺจนฺเต เสนาสนํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ ถเกตฺวา โจเทนฺเต อิจฺฉติ. านํ โข ปเนตนฺติ เอตํ การณํ วิชฺชติ, ยํ ตํ ภิกฺขุํ จตุปริสมชฺเฌ อาเนตฺวา พฺยตฺตา วินีตา ‘‘ตยา อสุกมฺหิ นาม าเน เวชฺชกมฺมํ กต’’นฺติอาทินา นเยน โจเทยฺยุํ. โส จตูสุ ปริสาสุ ปากโฏ โหติ. เอวํ ปากโฏ จ อยสาภิภูโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
สปฺปฏิปุคฺคโลติ ¶ สมาโน ปุคฺคโล. สมาโนติ สาปตฺติโก. ปฏิปุคฺคโลติ โจทโก. อยํ สาปตฺติเกเนว โจทนํ อิจฺฉติ, ตฺวมฺปิ อิมฺจิมฺจ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ตํ ตาว ปฏิกโรหิ ปจฺฉา มํ โจเทสฺสสีติ วตฺตุํ สกฺกาติ มฺมาโน. อปิจ ชาติอาทีหิปิ สมาโน ปุคฺคโล สปฺปฏิปุคฺคโล. อยฺหิ อตฺตโน ชาติยา กุเลน พาหุสจฺเจน พฺยตฺตตาย ธุตงฺเคนาติ เอวมาทีหิปิ สมาเนเนว โจทนํ อิจฺฉติ, ตาทิเสน วุตฺตํ นาติทุกฺขํ โหตีติ มฺมาโน. อปฺปฏิปุคฺคโลติ เอตฺถ อยุตฺโต ปฏิปุคฺคโล อปฺปฏิปุคฺคโล. อิเมหิ อาปตฺตาทีหิ อสทิสตฺตา ปฏิสตฺตุ ปฏิสลฺโล โจทโก ภวิตุํ อยุตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. อิติ โส กุปิโตติ อิติ โส อิมาย อปฺปฏิปุคฺคลโจทนาย เอวํ กุปิโต โหติ.
จตุตฺถวาเร อโห วตาติ ‘‘อโห วต เร อมฺหากํ ปณฺฑิตกา, อโห วต เร อมฺหากํ พหุสฺสุตกา เตวิชฺชกา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๙๑) ครหายํ ทิสฺสติ. ‘‘อโห วต มํ ทหรํเยว สมานํ รชฺเช อภิสิฺเจยฺยุ’’นฺติ (มหาว. ๕๗) ปตฺถนายํ. อิธ ปตฺถนายเมว. ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวาติ ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิตฺวา. อยํ ภิกฺขุ ลาภตฺถิโก ภควโต อตฺตานํ ปฏิปุจฺฉิตพฺพํ อิจฺฉติ, ตฺจ โข อนุมติปุจฺฉาย, โน มคฺคํ วา ผลํ วา วิปสฺสนํ วา อนฺตรํ กตฺวา. อยฺหิ ปสฺสติ ภควนฺตํ สาริปุตฺตาทโย มหาเถเร ‘‘ตํ กึ มฺสิ, สาริปุตฺต, โมคฺคลฺลาน, กสฺสป ¶ , ราหุล จกฺขุํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ เอวํ ปริสมชฺเฌ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตํ, มนุสฺเส จ ‘‘เตส ปณฺฑิตา เถรา สตฺถุ จิตฺตํ อาราเธนฺตี’’ติ วณฺณํ ภณนฺเต, ลาภสกฺการฺจ อุปหรนฺเต. ตสฺมา ตํ ลาภสกฺการํ อิจฺฉนฺโต เอวํ จินฺเตตฺวา นิขณิตฺวา ปิตขาณุ วิย ภควโต ปุรโตว โหติ.
อิติ โส กุปิโตติ อถ ภควา ตํ อมนสิกริตฺวาว อฺํ เถรํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ เทเสติ ¶ , เตน โส กุปิโต โหติ ภควโต จ เถรสฺส จ. กถํ ภควโต กุปฺปติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิตกาลโต ปภุติ คนฺธกุฏิปริเวณโต พหินิกฺขมนํ น ชานามิ, สพฺพกาลํ ฉายาว น วิชหามิ, มํ นาม ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมเทสนามตฺตมฺปิ นตฺถิ. ตํมุหุตฺตํ ทิฏฺมตฺตกเมว เถรํ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ เทเสตี’’ติ เอวํ ภควโต กุปฺปติ. กถํ เถรสฺส กุปฺปติ? ‘‘อยํ มหลฺลกตฺเถโร ภควโต ปุรโต ขาณุ ¶ วิย นิสีทติ, กทา นุ โข อิมํ ธมฺมกมฺมิกา อภพฺพฏฺานํ ปาเปตฺวา นีหริสฺสนฺติ, อยฺหิ ยทิ อิมสฺมึ วิหาเร น ภเวยฺย, อวสฺสํ ภควา มยา สทฺธึ สลฺลเปยฺยา’’ติ เอวํ เถรสฺส กุปฺปติ.
ปุรกฺขตฺวา ปุรกฺขตฺวาติ ปุรโต ปุรโต กตฺวา, สมฺปริวาเรตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อยมฺปิ ลาภตฺถิโกเยว, อยฺหิ ปสฺสติ พหุสฺสุเต ภิกฺขู มหาปริวาเรน คามํ ปวิสนฺเต, เจติยํ วนฺทนฺเต, เตสฺจ ตํ สมฺปตฺตึ ทิสฺวา อุปาสเก ปสนฺเน ปสนฺนาการํ กโรนฺเต. ตสฺมา เอวํ อิจฺฉติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ ภิกฺขูนํ เถรสฺส จ. กถํ ภิกฺขูนํ? ‘‘อิเม ยเทว มยฺหํ อุปฺปชฺชติ จีวรํ วา ปิณฺฑปาโต วา, ตํ คเหตฺวา ปริภฺุชนฺติ, มยฺหํ ปน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ปิฏฺิโต อาคจฺฉนฺโตปิ นตฺถี’’ติ เอวํ ภิกฺขูนํ กุปฺปติ. กถํ เถรสฺส? ‘‘เอโส มหลฺลกตฺเถโร เตสุ เตสุ าเนสุ สยเมว ปฺายติ, กุทาสฺสุ นาม นํ ธมฺมกมฺมิกา นิกฺกฑฺฒิสฺสนฺติ, อิมสฺมึ อสติ อวสฺสํ มํเยว ปริวาเรสฺสนฺตี’’ติ.
ภตฺตคฺเคติ โภชนฏฺาเน. อคฺคาสนนฺติ สงฺฆตฺเถราสนํ. อคฺโคทกนฺติ ทกฺขิโณทกํ. อคฺคปิณฺฑนฺติ สงฺฆตฺเถรปิณฺฑํ. สพฺพตฺถ วา อคฺคนฺติ ปณีตาธิวจนเมตํ. ตตฺถ อหเมว ลเภยฺยนฺติ อิจฺฉา นาติมหาสาวชฺชา. น อฺโ ภิกฺขุ ลเภยฺยาติ ปน อติมหาสาวชฺชา ¶ . อยมฺปิ ลาภตฺถิโก ปาสาทิโก โหติ จีวรธารณาทีหิ, กทาจิ ปพฺพชติ, กทาจิ วิพฺภมติ. เตน โส ปุพฺเพ ลทฺธปุพฺพํ อาสนาทึ ปจฺฉา อลภนฺโต เอวํ จินฺเตสิ. น โส ภิกฺขุ ลเภยฺยาติ น โส ภิกฺขุ เถรานํ อคฺคาสนาทีสุ ตทนุสาเรน มชฺฌิมานํ อฺเสฺจ นวานํ กทาจิ ยํ วา ตํ วา สพฺพนิหีนํ อาสนาทึ ลภติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ มนุสฺสานฺจ เถรานฺจ. กถํ มนุสฺสานํ? ‘‘อิเม มงฺคลาทีสุ มํ นิสฺสาย ภิกฺขู ลภนฺติ, เอเต, ‘ภนฺเต, เอตฺตเก ภิกฺขู คเหตฺวา อมฺหากํ อนุกมฺปํ กโรถา’ติ วทนฺติ, อิทานิ ตํมุหุตฺตํ ทิฏฺมตฺตกํ มหลฺลกตฺเถรํ คเหตฺวา คตา, โหตุ อิทานิ, เนสํ กิจฺเจ อุปฺปนฺเน ชานิสฺสามี’’ติ เอวํ ¶ มนุสฺสานํ กุปฺปติ. กถํ เถรานํ? ‘‘อิเม นาม ยทิ น ภเวยฺยุํ, มํเยว มนุสฺสา นิมนฺเตยฺยุ’’นฺติ เอวํ เถรานํ กุปฺปติ.
อนุโมเทยฺยนฺติ ¶ อนุโมทนํ กเรยฺยํ. อยมฺปิ ลาภตฺถิโก ยํ วา ตํ วา ขณฺฑานุโมทนํ ชานาติ, ‘‘โส อนุโมทนฏฺาเน พหู มาตุคามา อาคจฺฉนฺติ, ตา มํ สฺชานิตฺวา ตโต ปภุติ ถาลกภิกฺขํ ทสฺสนฺตี’’ติ ปตฺเถนฺโต เอวํ จินฺเตสิ. านนฺติ พหุสฺสุตานํ อนุโมทนา ภาโร, เตน พหุสฺสุโต อนุโมเทยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ตีสุ าเนสุ กุปฺปติ มนุสฺสานํ เถรสฺส ธมฺมกถิกสฺส จ. กถํ มนุสฺสานํ? ‘‘อิเม ปุพฺเพ มํเยว อุปสงฺกมิตฺวา ยาจนฺติ ‘อมฺหากํ นาคตฺเถโร อมฺหากํ สุมนตฺเถโร อนุโมทตู’ติ, อชฺช ปน นาโวจุ’’นฺติ เอวํ มนุสฺสานํ กุปฺปติ. กถํ เถรสฺส? ‘‘อยํ สงฺฆตฺเถโร ‘ตุมฺหากํ กุลุปกํ นาคตฺเถรํ สุมนตฺเถรํ อุปสงฺกมถ, อยํ อนุโมทิสฺสตี’ติ น ภณตี’’ติ เอวํ เถรสฺส กุปฺปติ. กถํ ธมฺมกถิกสฺส? ‘‘เถเรน วุตฺตมตฺเตเยว ปหารํ ลทฺธกุกฺกุโฏ วิย ตุริตตุริตํ วสฺสติ, อิมํ นาม นิกฺกฑฺฒนฺตา นตฺถิ, อิมสฺมิฺหิ อสติ อหเมว อนุโมเทยฺย’’นฺติ เอวํ ธมฺมกถิกสฺส กุปฺปติ.
อารามคตานนฺติ วิหาเร สนฺนิปติตานํ. อยมฺปิ ลาภตฺถิโก ยํ วา ตํ วา ขณฺฑธมฺมกถํ ชานาติ, โส ปสฺสติ ตาทิเสสุ าเนสุ ทฺวิโยชนติโยชนโต สนฺนิปติตฺวา ภิกฺขู สพฺพรตฺติกานิ ธมฺมสฺสวนานิ สุณนฺเต, ตุฏฺจิตฺเต ¶ จ ทหเร วา สามเณเร วา สาธุ สาธูติ มหาสทฺเทน สาธุการํ เทนฺเต, ตโต ทุติยทิวเส อนฺโตคามคเต ภิกฺขู อุปาสกา ปุจฺฉนฺติ ‘‘เก, ภนฺเต, ธมฺมํ กเถสุ’’นฺติ. เต ภณนฺติ ‘‘อสุโก จ อสุโก จา’’ติ. ตํ สุตฺวา ปสนฺนา มนุสฺสา ธมฺมกถิกานํ มหาสกฺการํ กโรนฺติ. โส ตํ อิจฺฉมาโน เอวํ จินฺเตสิ. านนฺติ พหุสฺสุตานํ วินิจฺฉยกุสลานํ ธมฺมเทสนา ภาโร, เตน พหุสฺสุโต เทเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กุปิโตติ จตุปฺปทิกํ คาถมฺปิ วตฺตุํ โอกาสํ อลภมาโน กุปิโต โหติ อตฺตโน มนฺทภาวสฺส ‘‘อหฺหิ มนฺโท ทุปฺปฺโ กุโต ลภิสฺสามิ เทเสตุ’’นฺติ.
ภิกฺขุนีนนฺติ โอวาทตฺถํ วา อุทฺเทสตฺถํ วา ปริปุจฺฉตฺถํ วา ปูชากรณตฺถํ วา อารามํ อาคนฺตฺวา สนฺนิปติตภิกฺขุนีนํ. อยมฺปิ ลาภตฺถิโก, ตสฺเสวํ โหติ อิมา มหากุลา ปพฺพชิตา ภิกฺขุนิโย, ตาสุ กุเลสุ ปวิเสตฺวา นิสินฺนาสุ มนุสฺสา ปุจฺฉิสฺสนฺติ ‘‘กสฺส สนฺติเก ¶ โอวาทํ วา อุทฺเทสํ วา ปริปุจฺฉํ วา คณฺหถา’’ติ. ตโต วกฺขนฺติ ‘‘อสุโก นาม อยฺโย ¶ พหุสฺสุโต, ตสฺส เทถ กโรถา’’ติ, เตนสฺส เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ. านนฺติ โอวาทาทโย นาม พหุสฺสุตานํ ภาโร, เตน พหุสฺสุโต เทเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ, ตาสฺจ ภิกฺขุนีนํ ‘‘อิมา ปุพฺเพ มํ นิสฺสาย อุโปสถปฺปวารณาทีนิ ลภนฺติ, ตา อิทานิ ตํมุหุตฺตํ ทิฏฺมตฺตกมหลฺลกตฺเถรสฺส สนฺติกํ คตา’’ติ. ธมฺมกถิกสฺส จ ‘‘เอส อิมาสํ สหสา โอวาทํ อทาสิเยวา’’ติ.
อุปาสกานนฺติ, อารามคตานํ อุปาสกานํ. นิสฺสฏฺกมฺมนฺตา นาม มหาอุปาสกา โหนฺติ, เต ปุตฺตภาตุกานํ กมฺมํ นิยฺยาเตตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตา วิจรนฺติ, อยํ เตสํ เทเสตุํ อิจฺฉติ, กึ การณา? อิเม ปสีทิตฺวา อุปาสิกานมฺปิ อาโรเจสฺสนฺติ, ตโต สทฺธึ อุปาสิกาหิ มยฺหเมว ลาภสกฺการํ อุปหริสฺสนฺตีติ. านํ พหุสฺสุเตเนว โยเชตพฺพํ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ, อุปาสกานฺจ ‘‘อิเม อฺตฺถ สุณนฺติ, อมฺหากํ กุลุปกสฺส สนฺติเก สุณามาติ นาคจฺฉนฺติ, โหตุ อิทานิ, เตสํ อุปฺปนฺเน กิจฺเจ ชานิสฺสามี’’ติ ธมฺมกถิกสฺส จ, ‘‘อยเมเตสํ เทเสตี’’ติ.
อุปาสิกานนฺติ ¶ อารามคตานํ. อุปาสิกา นาม อาสนปูชาทิกรณตฺถํ วา อุโปสถทิวเส วา ธมฺมสฺสวนตฺถํ สนฺนิปติตา. เสสํ อุปาสกวาเร วุตฺตนยเมว.
สกฺกเรยฺยุนฺติ สกฺกจฺจฺจ กเรยฺยุํ, สุนฺทรฺจ กเรยฺยุํ. อิมินา อตฺตนิ การํ กรียมานํ สกฺกจฺจํ กตฺจ สุนฺทรฺจ ปตฺเถติ. ครุํ กเรยฺยุนฺติ ภาริยํ กเรยฺยุํ. อิมินา ภิกฺขูหิ อตฺตานํ ครุฏฺาเน ปียมานํ ปตฺเถติ. มาเนยฺยุนฺติ ปิยาเยยฺยุํ. ปูเชยฺยุนฺติ เอวํ สกฺกโรนฺตา ครุํ กโรนฺตา มาเนนฺตา ปจฺจเยหิ ปูเชยฺยุนฺติ ปจฺจยปูชํ ปตฺเถติ. านนฺติ ‘‘ปิโย ครุ ภาวนิโย’’ติ วุตฺตปฺปกาโร พหุสฺสุโต จ สีลวา จ เอตํ วิธึ อรหติ เตน ภิกฺขู เอวรูปํ เอวํ กเรยฺยุนฺติ วุตฺตํ โหติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ ภิกฺขูนฺจ ‘‘อิเม เอตํ สกฺกโรนฺตี’’ติ เถรสฺส จ ‘‘อิมสฺมึ อสติ มํเยว สกฺกเรยฺยุ’’นฺติ. เอส นโย อิโต ปเรสุ ตีสุ วาเรสุ.
ปณีตานํ ¶ ¶ จีวรานนฺติ ปฏฺฏทุกูลปฏฺฏุณฺณโกเสยฺยาทีนํ มหคฺฆสุขุมสุขสมฺผสฺสานํ จีวรานํ. อิธาปิ อหเมว ลาภี อสฺสนฺติ อิจฺฉา นาติมหาสาวชฺชา. น อฺโ ภิกฺขุ ลาภี อสฺสาติ ปน มหาสาวชฺชา.
ปณีตานํ ปิณฺฑปาตานนฺติ สปฺปิเตลมธุสกฺกราทิปูริตานํ เสฏฺปิณฺฑปาตานํ. ปณีตานํ เสนาสนานนฺติ อเนกสตสหสฺสคฺฆนกานํ มฺจปีาทีนํ ปณีตานํ. คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานนฺติ สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีนํ อุตฺตมเภสชฺชานํ. สพฺพตฺถาปิ านํ พหุสฺสุเตหิ ปฺุวนฺเตหิ จ โยเชตพฺพํ. กุปิโตติ สพฺพตฺถาปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ, มนุสฺสานฺจ ‘‘อิเมสํ นาม ปริจิตภาโวปิ นตฺถิ, ทีฆรตฺตํ เอกโต วสนฺตสฺส ปํสุกูลตฺถาย วา ปิณฺฑปาตตฺถาย วา สปฺปิเตลาทิการณา วา ฆรปฏิปาฏิยา จรนฺตสฺสาปิ เม เอกทิวสมฺปิ กิฺจิ ปณีตํ ปจฺจยํ น เทนฺติ. อาคนฺตุกํ มหลฺลกํ ปน ทิสฺวาว ยํ อิจฺฉติ, ตํ เทนฺตี’’ติ, เถรสฺส จ ‘‘อยมฺปิ มหลฺลโก อิเมสํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโตเยว จรติ, กุทาสฺสุ นาม นํ ธมฺมกมฺมิกา นิกฺกฑฺเฒยฺยุํ, เอวํ อิมสฺมึ อสติ อหเมว ลาภี อสฺส’’นฺติ.
อิเมสํ โข, เอตํ อาวุโสติ อิเมสํ เหฏฺา เอกูนวีสติวาเรหิ วุตฺตานํ อิจฺฉาวจรานํ.
๖๑. ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จาติ ¶ น อิจฺฉาวจรา จกฺขุนา ทิสฺสนฺติ, น โสเตน สูยนฺติ, มโนวิฺาณวิสยตฺตา. อปฺปหีนอิจฺฉาวจรสฺส ปน ปุคฺคลสฺส อิจฺฉาวจรวเสน ปวตฺตกายกมฺมํ ทิสฺวา ทิฏฺา วิย วจีกมฺมํ สุตฺวา สุตา วิย จ โหนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จา’’ติ. ปจฺจกฺขกาเล ทิสฺสนฺติ, ‘‘อสุโก กิร ภิกฺขุ อีทิโส’’ติ ติโรกฺขกาเล สูยนฺติ. กิฺจาปีติ อนุคฺคหครหวจนํ. เตน อารฺิกตฺตํ อนุคฺคณฺหาติ, อิจฺฉาวจรานํ อปฺปหานํ ครหติ.
ตตฺรายํ โยชนา, กิฺจาปิ โส ภิกฺขุ คามนฺตเสนาสนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อารฺิโก โหติ, อนฺเต ปนฺตเสนาสเน วสติ, อิเม จสฺส เอตฺตกา อิจฺฉาวจรา อปฺปหีนา. กิฺจาปิ โส อติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปิณฺฑปาติโก ¶ โหติ. กิฺจาปิ โส โลลุปฺปจารํ วชฺเชตฺวา สปทานจารี โหติ. กิฺจาปิ โส คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปํสุกูลิโก โหติ.
ลูขจีวรธโรติ ¶ เอตฺถ ปน ลูขนฺติ สตฺถลูขํ สุตฺตลูขํ รชนลูขนฺติ ตีหิ การเณหิ ลูขํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สตฺเถน ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺนํ สตฺถลูขํ นาม, ตํ อคฺเฆน ปริหายติ, ถูลทีฆสุตฺตเกน สิพฺพิตํ สุตฺตลูขํ นาม, ตํ ผสฺเสน ปริหายติ ขรสมฺผสฺสํ โหติ. รชเนน รตฺตํ รชนลูขํ นาม, ตํ วณฺเณน ปริหายติ ทุพฺพณฺณํ โหติ. กิฺจาปิ โส ภิกฺขุ เอวํ สตฺถลูขสุตฺตลูขรชนลูขจีวรธโร โหติ, อิเม จสฺส เอตฺตกา อิจฺฉาวจรา อปฺปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จ, อถ โข นํ วิฺู สพฺรหฺมจารี เนว สกฺกโรนฺติ…เป… น ปูเชนฺตีติ. ตํ กิสฺส เหตูติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, กิสฺส เหตูติ กึ การณา. เต หิ ตสฺส…เป… สูยนฺติ จ ยสฺมา ตสฺส เต ปาปกา สูยนฺติ จาติ วุตฺตํ โหติ. อิเมสํ อิจฺฉาวจรานํ อปฺปหีนตฺตาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย ปากฏํ กโรนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห. ตตฺถ กุณปนฺติ มตกเฬวรํ. อหิสฺส กุณปํ อหิกุณปํ. เอวํ อิตรานิ. อติปฏิกูลชิคุจฺฉนียภาวโต เจตฺถ อิมาเนว ตีณิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. อฺเสฺหิ สสสูกราทีนํ กุณปํ มนุสฺสา กฏุกภณฺฑาทีหิ อภิสงฺขริตฺวา ปริภฺุชนฺติปิ. อิเมสํ ปน กุณปํ อภินวมฺปิ ชิคุจฺฉนฺติเยว, โก ปน วาโท กาลาติกฺกเมน ปูติภูเต. รจยิตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา, ปริปูเรตฺวาติ อตฺโถ, กุณปํ คเหตฺวา กํสปาติยํ ปกฺขิปิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อฺิสฺสาติ อปราย. ปฏิกุชฺชิตฺวาติ ปิทหิตฺวา ¶ . อนฺตราปณนฺติ อาปณานมนฺตเร มหาชนสํกิณฺณํ รจฺฉามุขํ. ปฏิปชฺเชยฺยุนฺติ คจฺเฉยฺยุํ. ชฺชฺํ วิยาติ โจกฺขโจกฺขํ วิย มนาปมนาปํ วิย. อปิจ วธุกาปณฺณาการํ วิยาติ วุตฺตํ โหติ. วธุกาติ ชเนตฺติ วุจฺจติ, ตสฺสา นียมานํ ปณฺณาการํ ชฺํ, อุภยตฺถาปิ อาทรวเสน วา ปสํสาวเสน วา ปุนรุตฺตํ. ‘‘ชฺชฺํ พฺยา’’ติปิ ปาโ.
อปาปุริตฺวาติ วิวริตฺวา. ตสฺส สห ทสฺสเนน อมนาปตา จ สณฺเหยฺยาติ ตสฺส กุณปสฺส ทสฺสเนน สเหว ตสฺส ชนสฺส อมนาปตา ¶ ติฏฺเยฺย. อมนาปตาติ จ ‘‘อมนาปมิท’’นฺติ อุปฺปนฺนจิตฺตเจตสิกานเมตํ อธิวจนํ. เอส นโย ปฏิกุลฺยเชคุจฺฉตาสุ. ชิฆจฺฉิตานมฺปีติ ฉาตานมฺปิ. น โภตฺตุกมฺยตา อสฺสาติ ภฺุชิตุกามตา น ภเวยฺย. ปเคว สุหิตานนฺติ ธาตานํ ปน ปมตรเมว ภฺุชิตุกามตา น ภเวยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺรายํ ¶ อุปมาสํสนฺทนา – ปริสุทฺธกํสปาติสทิสํ อิมสฺส ปพฺพชฺชาลิงฺคํ, กุณปรจนํ วิย อิจฺฉาวจรานํ อปฺปหานํ, อปรกํสปาติยา ปฏิกุชฺฌนํ วิย อารฺิกงฺคาทีหิ อิจฺฉาวจรปฺปฏิจฺฉาทนํ, กํสปาตึ วิวริตฺวา กุณปทสฺสเนน ชนสฺส อมนาปตา วิย อารฺิกงฺคาทีนิ อนาทิยิตฺวา อิจฺฉาวจรทสฺสเนน สพฺรหฺมจารีนํ อสกฺการกรณาทิตาติ.
๖๒. สุกฺกปกฺเข ปน, กิฺจาปีติ อนุคฺคหปสํสาวจนํ, เตน อารฺิกตฺตํ อนุคฺคณฺหาติ, อิจฺฉาวจรปฺปหานํ ปสํสติ. เนมนฺตนิโกติ นิมนฺตนปฏิคฺคาหโก. วิจิตกาฬกนฺติ วิจินิตฺวา อปนีตกาฬกํ. อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนนฺติ เอตฺถ สูโป นาม หตฺถหาริโย วุจฺจติ. พฺยฺชนนฺติ อุตฺตริภงฺคํ, เตน มจฺฉมํสมุคฺคสูปาทีหิ อเนกสูปํ, นานปฺปการมํสาทิพฺยฺชเนหิ อเนกพฺยฺชนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อุปมาสํสนฺทเน จ สาลิวรภตฺตรจนํ วิย อิจฺฉาวจรปฺปหานํ, อปรกํสปาติยา ปฏิกุชฺฌนํ วิย อปฺปิจฺฉตาสมุฏฺาเนหิ คามนฺตวิหาราทีหิ อิจฺฉาวจรปฺปหานปฺปฏิจฺฉาทกํ, กํสปาตึ วิวริตฺวา สาลิวรภตฺตทสฺสเนน ชนสฺส มนาปตา ¶ วิย คามนฺตวิหาราทีนิ อนาทิยิตฺวา อิจฺฉาวจรปฺปหานทสฺสเนน สพฺรหฺมจารีนํ สกฺการกรณาทิตา เวทิตพฺพา.
๖๓. อุปมา มํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ปฏิภาตีติ มยฺหํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อุปมา อุปฏฺาติ. เอกํ อุปมํ วตฺตุกาโม อหนฺติ อธิปฺปาโย. ปฏิภาตุ ตนฺติ ตุยฺหํ ปฏิภาตุ อุปฏฺาตุ, วท ตฺวนฺติ อธิปฺปาโย. เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทาติ นิปาตมตฺตํ, เอกสฺมึ สมเย อหนฺติ วุตฺตํ โหติ, ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ. ราชคเห วิหรามิ คิริพฺพเชติ, ราชคหนฺติ ตสฺส นครสฺส นามํ. สมนฺตโต ปน คิริปริกฺเขเปน วโช วิย สณฺิตตฺตา คิริพฺพชนฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ นคเร วิหรามิ, ตํ นิสฺสาย อหํ ¶ วิหรามีติ วุตฺตํ โหติ. อถ ขฺวาหนฺติ อถ โข อหํ. เอตฺถ จ อถาติ อฺาธิการวจนารมฺเภ นิปาโต. โขติ ปทปูรณมตฺเต. ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ทิวสสฺส ปุพฺพภาคสมยํ. ปุพฺพณฺหสมเยติ อตฺโถ, ปุพฺพณฺเห วา สมยํ ปุพฺพณฺหสมยํ, ปุพฺพณฺเห เอกํ ขณนฺติ วุตฺตํ โหติ, เอวํ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ ลพฺภติ. นิวาเสตฺวาติ ปริทหิตฺวา, วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสเนตํ เวทิตพฺพํ. คามปฺปเวสนตฺถาย วา สณฺเปตฺวา นิวาสนวเสน, น หิ โส ตโต ปุพฺเพ อนิวตฺโถ อโหสิ.
ปตฺตจีวรมาทายาติ ¶ ปตฺตํ หตฺเถน จีวรํ กาเยน อาทิยิตฺวา. ปิณฺฑายาติ ปิณฺฑปาตตฺถาย. สมีตีติ ตสฺส นามํ. ยานการปุตฺโตติ รถการปุตฺโต. ปณฺฑุปุตฺโตติ ปณฺฑุสฺส ปุตฺโต. อาชีวโกติ นคฺคสมณโก. ปุราณยานการปุตฺโตติ โปราณยานการกุลสฺส ปุตฺโต. ปจฺจุปฏฺิโตติ อุปคนฺตฺวา ิโต. วงฺกํ นาม เอกโต กุฏิลํ. ชิมฺหํ นาม สปฺปคตมคฺคสทิสํ. โทสนฺติ เผคฺคุวิสมคณฺิกาทิ. ยถา ยถาติ กาลตฺเถ นิปาโต, ยทา ยทา ยสฺมึ ตสฺมึ กาเลติ วุตฺตํ โหติ. ตถา ตถาติ อยมฺปิ กาลตฺโถเยว, ตสฺมึ ตสฺมึ กาเลติ วุตฺตํ โหติ. โส อตฺตโน สุตฺตานุโลเมน จินฺเตสิ, อิตโร เตน จินฺติตกฺขเณ จินฺติตฏฺานเมว ตจฺฉติ. อตฺตมโนติ สกมโน ตุฏฺมโน ปีติโสมนสฺเสหิ คหิตมโน. อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสีติ อตฺตมนตาย วาจํ ¶ , อตฺตมนภาวสฺส วา ยุตฺตํ วาจํ นิจฺฉาเรสิ อุทีรยิ, ปพฺยาหรีติ วุตฺตํ โหติ. หทยา หทยํ มฺเ อฺายาติ จิตฺเตน จิตฺตํ ชานิตฺวา วิย.
อสฺสทฺธาติ พุทฺธธมฺมสงฺเฆสุ สทฺธาวิรหิตา. ชีวิกตฺถาติ อิณภยาทีหิ ปีฬิตา พหิ ชีวิตุํ อสกฺโกนฺตา อิธ ชีวิกตฺถิกา หุตฺวา. น สทฺธาติ น สทฺธาย. สา มายาวิโนติ มายาสาเยฺเยหิ ยุตฺตา. เกตพิโนติ สิกฺขิตเกราฏิกา, นิปฺผนฺนถามคตสาเยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. สาเยฺยฺหิ อภูตคุณทสฺสนโต อภูตภณฺฑคุณทสฺสนสมํ กตฺวา ‘‘เกราฏิย’’นฺติ วุจฺจติ. อุนฺนฬาติ อุคฺคตนฬา, อุฏฺิตตุจฺฉมานาติ วุตฺตํ โหติ ¶ . จปลาติ ปตฺตจีวรมณฺฑนาทินา จาปลฺเลน ยุตฺตา. มุขราติ มุขขรา, ขรวจนาติ วุตฺตํ โหติ, วิกิณฺณวาจาติ อสํยตวจนา, ทิวสมฺปิ นิรตฺถกวจนปฺปลาปิโน. อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาราติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ อสํวุตกมฺมทฺวารา. โภชเน อมตฺตฺุโนติ โภชเน ยา มตฺตา ชานิตพฺพา ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภเคสุ ยุตฺตตา, ตสฺสา อชานนกา. ชาคริยํ อนนุยุตฺตาติ ชาคเร อนนุยุตฺตา. สามฺเ อนเปกฺขวนฺโตติ สมณธมฺเม นิรเปกฺขา, ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติรหิตาติ อตฺโถ. สิกฺขาย น ติพฺพคารวาติ สิกฺขาปเทสุ พหุลคารวา น โหนฺติ, อาปตฺติวีติกฺกมพหุลา วา. พาหุลิกาติอาทิ ธมฺมทายาเท วุตฺตํ, กุสีตาติอาทิ ภยเภรเว. ธมฺมปริยาเยนาติ ธมฺมเทสนาย.
สทฺธา อคารสฺมาติ ปกติยาปิ สทฺธา, ปพฺพชิตาปิ สทฺธาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา. ปิวนฺติ มฺเ ฆสนฺติ มฺเติ ปิวนฺติ วิย ฆสนฺติ วิย. อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรนฺตา วจสา ปิวนฺติ วิย, อพฺภนุโมทนฺตา มนสา ฆสนฺติ วิย. สาธุ วตาติ สุนฺทรํ วต ¶ . สพฺรหฺมจารีติ รสฺสมฺปิ วฏฺฏติ ทีฆมฺปิ. รสฺเส สติ สาริปุตฺตสฺส อุปริ โหติ, ทีเฆ สติ สพฺรหฺมจารีนํ. ยทา สาริปุตฺตสฺส อุปริ โหติ, ตทา สพฺรหฺมจารี สาริปุตฺโต อมฺเห อกุสลา วุฏฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. ยทา สพฺรหฺมจารีนํ, ตทา สพฺรหฺมจารโย อกุสลา วุฏฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. ทหโรติ ตรุโณ. ยุวาติ โยพฺพนภาเว ิโต. มณฺฑนกชาติโกติ ¶ อลงฺการกสภาโว. ตตฺถ โกจิ ตรุโณปิ ยุวา น โหติ ยถา อติตรุโณ, โกจิ ยุวาปิ มณฺฑนกชาติโก น โหติ ยถา อุปสนฺตสภาโว, อาลสิยพฺยสนาทีหิ วา อภิภูโต, อิธ ปน ทหโร เจว ยุวา จ มณฺฑนกชาติโก จ อธิปฺเปโต, ตสฺมา เอวมาห. อุปฺปลาทีนิ โลกสมฺมตตฺตา วุตฺตานิ. อิติห เตติ เอวํ เต. อุโภ มหานาคาติ ทฺเวปิ มหานาคา, ทฺเวปิ หิ เอเต อคฺคสาวกา ‘‘มหานาคา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ, ฉนฺทาทีหิ น คจฺฉนฺตีติ นาคา, เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส น อาคจฺฉนฺตีติ นาคา, นานปฺปการกํ อาคุํ น กโรนฺตีติ นาคา, อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๘๐) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อปิจ –
‘‘อาคุํ ¶ น กโรติ กิฺจิ โลเก,
สพฺพสํโยเค วิสชฺช พนฺธนานิ;
สพฺพตฺถ น สชฺชตี วิมุตฺโต,
นาโค ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๒๗; มหานิ. ๘๐);
เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มหนฺตา นาคา มหานาคา, อฺเหิ ขีณาสวนาเคหิ ปุชฺชตรา จ ปาสํสตรา จาติ อตฺโถ. อฺมฺสฺสาติ อฺโ อฺสฺส. สมนุโมทึสูติ สมํ อนุโมทึสุ. ตตฺถ อิมาย อุปมาย มหาโมคฺคลฺลาโน อนุโมทิ, ปฏิภาตุ ตํ อาวุโสติ ธมฺมเสนาปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสู’’ติ.
สมฺมุติปรมตฺถเทสนากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
อนงฺคณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อากงฺเขยฺยสุตฺตวณฺณนา
๖๔. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ อากงฺเขยฺยสุตฺตํ. ตตฺถ สมฺปนฺนสีลาติ ติวิธํ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณสมงฺคิมธุรวเสน. ตตฺถ –
‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ภฺุชนฺติ โกสิย;
ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น นํ วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๑);
อิทํ ปริปุณฺณสมฺปนฺนํ นาม. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปาคโต สมุปาคโต อุปปนฺโน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อิทํ สมงฺคิสมฺปนฺนํ ¶ นาม. ‘‘อิมิสฺสา, ภนฺเต, มหาปถวิยา เหฏฺิมตลํ สมฺปนฺนํ, เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อเนฬกํ, เอวมสฺสาท’’นฺติ (ปารา. ๑๗) อิทํ มธุรสมฺปนฺนํ นาม. อิธ ปน ปริปุณฺณสมฺปนฺนมฺปิ สมงฺคิสมฺปนฺนมฺปิ วฏฺฏติ. ตสฺมา สมฺปนฺนสีลาติ ปริปุณฺณสีลา หุตฺวาติปิ สีลสมงฺคิโน หุตฺวาติปิ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิพฺโพ. สีลนฺติ เกนฏฺเน สีลํ? สีลนฏฺเน สีลํ. ตสฺส วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา.
ตตฺถ ¶ ‘‘ปริปุณฺณสีลา’’ติ อิมินา อตฺเถน เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูรี วิย สีลโทสวิคเมน สีลปาริปูรี วุตฺตา โหติ. ยถา หิ เขตฺตํ พีชขณฺฑํ วปฺปขณฺฑํ อุทกขณฺฑํ อูสขณฺฑนฺติ จตุโทสสมนฺนาคตํ อปริปูรํ โหติ.
ตตฺถ พีชขณฺฑํ นาม ยตฺถ อนฺตรนฺตรา พีชานิ ขณฺฑานิ วา ปูตีนิ วา โหนฺติ, ตานิ ยตฺถ วปนฺติ, ตตฺถ สสฺสํ น อุฏฺเติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ. วปฺปขณฺฑํ นาม ยตฺถ อกุสโล พีชานิ วปนฺโต อนฺตรนฺตรา นิปาเตติ. เอวฺหิ สพฺพตฺถ สสฺสํ น อุฏฺเติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ. อุทกขณฺฑํ นาม ยตฺถ กตฺถจิ อุทกํ อติพหุ วา น วา โหติ, ตตฺราปิ หิ สสฺสานิ น อุฏฺเนฺติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ. อูสขณฺฑํ นาม ยตฺถ กสฺสโก กิสฺมิฺจิ ปเทเส นงฺคเลน ¶ ภูมึ จตฺตาโร ปฺจ วาเร กสนฺโต อติคมฺภีรํ กโรติ, ตโต อูสํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺราปิ หิ สสฺสํ น อุฏฺเติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ, ตาทิสฺจ เขตฺตํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ, ตตฺราปิ หิ พหุมฺปิ วปิตฺวา อปฺปํ ลภติ. อิเมสํ ปน จตุนฺนํ โทสานํ วิคมา เขตฺตํ ปริปุณฺณํ โหติ. ตาทิสฺจ เขตฺตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. เอวเมว ขณฺฑํ ฉิทฺทํ สพลํ กมฺมาสนฺติ จตุโทสสมนฺนาคตํ สีลํ อปริปูรํ โหติ. ตาทิสฺจ สีลํ น มหปฺผลํ โหติ, น มหานิสํสํ. อิเมสํ ปน จตุนฺนํ โทสานํ วิคมา สีลเขตฺตํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตาทิสฺจ สีลํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ.
‘‘สีลสมงฺคิโน’’ติ อิมินา ปนตฺเถน สีเลน สมงฺคิภูตา สโมธานํ คตา สมนฺนาคตา หุตฺวา วิหรถาติ อิทเมว วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ สมฺปนฺนสีลตา โหติ สีลวิปตฺติยา จ อาทีนวทสฺสเนน สีลสมฺปตฺติยา ¶ จ อานิสํสทสฺสเนน. ตทุภยมฺปิ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตํ.
ตตฺถ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอตฺตาวตา กิร ภควา จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’’ติ อิมินา ตตฺถ เชฏฺกสีลํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสสีติ ทีปวิหารวาสี สุมนตฺเถโร อาห. อนฺเตวาสิโก ปนสฺส เตปิฏกจูฬนาคตฺเถโร อาห – อุภยตฺถาปิ ปาติโมกฺขสํวโร ภควตา วุตฺโต, ปาติโมกฺขสํวโรเยว หิ สีลํ. อิตรานิ ปน ตีณิ สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม อตฺถีติ อนนุชานนฺโต วตฺวา อาห ¶ – ‘‘อินฺทฺริยสํวโร นาม ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมว, อาชีวปาริสุทฺธิ ธมฺเมน สเมน ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกํ, ปจฺจยนิสฺสิตํ ปฏิลทฺธปจฺจเย อิทมตฺถนฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนมตฺตกํ. นิปฺปริยาเยน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ. ยสฺส โส ภินฺโน, อยํ ฉินฺนสีโส วิย ปุริโส หตฺถปาเท เสสานิ รกฺขิสฺสตีติ น วตฺตพฺโพ. ยสฺส ปน โส อโรโค, อยํ อจฺฉินฺนสีโส วิย ปุริโส ชีวิตํ เสสานิ ปุน ปากติกานิ กตฺวา รกฺขิตุํ สกฺโกติ. ตสฺมา ‘สมฺปนฺนสีลา’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรํ อุทฺทิสิตฺวา ‘สมฺปนฺนปาติโมกฺขา’ติ ตสฺเสว เววจนํ วตฺวา ตํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’ติอาทิมาหา’’ติ.
ตตฺถ ปาติโมกฺขสํวรสํวุตาติ ปาติโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคตา. อาจารโคจรสมฺปนฺนาติ อาจาเรน ¶ จ โคจเรน จ สมฺปนฺนา. อณุมตฺเตสูติ อปฺปมตฺตเกสุ. วชฺเชสูติ อกุสลธมฺเมสุ. ภยทสฺสาวีติ ภยทสฺสิโน. สมาทายาติ สมฺมา อาทิยิตฺวา. สิกฺขถ สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขาปเทสุ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขถ. อปิจ สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิฺจิ สิกฺขาโกฏฺาเสสุ สิกฺขิตพฺพํ กายิกํ วาจสิกฺจ, ตํ สพฺพํ สมาทาย สิกฺขถาติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน สพฺพาเนตานิ ปาติโมกฺขสํวราทีนิ ปทานิ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตานิ.
๖๕. อากงฺเขยฺย เจติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? สีลานิสํสทสฺสนตฺถํ. สเจปิ อจิรปพฺพชิตานํ วา ทุปฺปฺานํ ¶ วา เอวมสฺส ‘‘ภควา สีลํ ปูเรถาติ วทติ, โก นุ โข สีลปูรเณ อานิสํโส, โก วิเสโส, กา วฑฺฒี’’ติ? เตสํ สตฺตรส อานิสํเส ทสฺเสตุํ เอวมาห. อปฺเปว นาม เอตํ สพฺรหฺมจารีนํ ปิยมนาปตาทิอาสวกฺขยปริโยสานํ อานิสํสํ สุตฺวาปิ สีลํ ปริปูเรยฺยุนฺติ. วิสกณฺฏกวาณิโช วิย. วิสกณฺฏกวาณิโช นาม คุฬวาณิโช วุจฺจติ.
โส กิร คุฬผาณิตขณฺฑสกฺขราทีนิ สกเฏนาทาย ปจฺจนฺตคามํ คนฺตฺวา ‘‘วิสกณฺฏกํ คณฺหถ, วิสกณฺฏกํ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆเสสิ. ตํ สุตฺวา คามิกา ‘‘วิสํ นาม กกฺขฬํ, โย นํ ขาทติ, โส มรติ, กณฺฏกมฺปิ วิชฺฌิตฺวา มาเรติ, อุโภเปเต กกฺขฬา, โก เอตฺถ อานิสํโส’’ติ เคหทฺวารานิ ถเกสุํ, ทารเก จ ปลาเปสุํ. ตํ ทิสฺวา วาณิโช ¶ ‘‘อโวหารกุสลา อิเม คามิกา, หนฺท เน อุปาเยน คณฺหาเปมี’’ติ ‘‘อติมธุรํ คณฺหถ, อติสาทุํ คณฺหถ, คุฬํ ผาณิตํ สกฺขรํ สมคฺฆํ ลพฺภติ, กูฏมาสกกูฏกหาปณาทีหิปิ ลพฺภตี’’ติ อุคฺโฆเสสิ. ตํ สุตฺวา คามิกา หฏฺตุฏฺา อาคนฺตฺวา พหุมฺปิ มูลํ ทตฺวา คเหสุํ. ตตฺถ วาณิชสฺส ‘‘วิสกณฺฏกํ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆสนํ วิย ภควโต ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถ…เป… สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสู’’ติ วจนํ. ‘‘อุโภเปเต กกฺขฬา, โก เอตฺถ อานิสํโส’’ติ คามิกานํ จินฺตนํ วิย ภควา ‘‘สมฺปนฺนสีลา วิหรถา’’ติ อาห, ‘‘สีลฺจ นาเมตํ กกฺขฬํ ผรุสํ ขิฑฺฑาทิปจฺจนีกํ, โก นุ โข สมฺปนฺนสีลานํ อานิสํโส’’ติ ภิกฺขูนํ จินฺตนํ. อถ ตสฺส วาณิชสฺส ‘‘อติมธุรํ คณฺหถา’’ติอาทิวจนํ วิย ¶ ภควโต ปิยมนาปตาทิอาสวกฺขยปริโยสานํ สตฺตรสอานิสํสปฺปกาสนตฺถํ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ’’ติอาทิวจนํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ อากงฺเขยฺย เจติ ยทิ อากงฺเขยฺย ยทิ อิจฺเฉยฺย. ปิโย จ อสฺสนฺติ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺโพ, สิเนหุปฺปตฺติยา ปทฏฺานภูโต ภเวยฺยนฺติ วุตฺตํ โหติ. มนาโปติ เตสํ มนวฑฺฒนโก, เตสํ วา มเนน ปตฺตพฺโพ, เมตฺตจิตฺเตน ผริตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. ครูติ เตสํ ครุฏฺานิโย ปาสาณจฺฉตฺตสทิโส. ภาวนีโยติ ‘‘อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’’ติ เอวํ สมฺภาวนีโย. สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุเยว ปริปูรการี อสฺส, อนูเนน ปริปูริตากาเรน สมนฺนาคโต ¶ ภเวยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโตติ อตฺตโน จิตฺตสมเถ ยุตฺโต, เอตฺถ หิ อชฺฌตฺตนฺติ วา อตฺตโนติ วา เอตํ เอกตฺถํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ภุมฺมตฺเถ ปเนตํ สมถนฺติ อุปโยควจนํ. อนูติ อิมินา อุปสคฺเคน โยเค สิทฺธํ. อนิรากตชฺฌาโนติ พหิ อนีหฏชฺฌาโน, อวินาสิตชฺฌาโน วา, นีหรณวินาสตฺถฺหิ อิทํ นิรากรณํ นาม. ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺตีติอาทีสุ จสฺส ปโยโค ทฏฺพฺโพ.
วิปสฺสนาย สมนฺนาคโตติ สตฺตวิธาย อนุปสฺสนาย ยุตฺโต, สตฺตวิธา อนุปสฺสนา นาม อนิจฺจานุปสฺสนา ทุกฺขานุปสฺสนา อนตฺตานุปสฺสนา นิพฺพิทานุปสฺสนา วิราคานุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาติ. ตา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตา. พฺรูเหตา สฺุาคารานนฺติ วฑฺเฒตา ¶ สฺุาคารานํ, เอตฺถ จ สมถวิปสฺสนาวเสน กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา รตฺตินฺทิวํ สฺุาคารํ ปวิสิตฺวา นิสีทมาโน ภิกฺขุ ‘‘พฺรูเหตา สฺุาคาราน’’นฺติ เวทิตพฺโพ. เอกภูมกาทิปาสาเท กุรุมาโนปิ ปน เนว สฺุาคารานํ พฺรูเหตาติ ทฏฺพฺโพติ.
เอตฺตาวตา จ ยถา ตณฺหาวิจริตเทสนา ปมํ ตณฺหาวเสน อารทฺธาปิ ตณฺหาปทฏฺานตฺตา มานทิฏฺีนํ มานทิฏฺิโย โอสริตฺวา กเมน ปปฺจตฺตยเทสนา ชาตา, เอวมยํ เทสนา ปมํ อธิสีลสิกฺขาวเสน อารทฺธาปิ สีลปทฏฺานตฺตา สมถวิปสฺสนานํ สมถวิปสฺสนาโย โอสริตฺวา กเมน สิกฺขตฺตยเทสนา ชาตาติ เวทิตพฺพา.
เอตฺถ ¶ หิ ‘‘สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ เอตฺตาวตา อธิสีลสิกฺขา วุตฺตา. ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ เอตฺตาวตา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต’’ติ เอตฺตาวตา อธิปฺาสิกฺขา, ‘‘พฺรูเหตา สฺุาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน สมถวเสน สฺุาคารวฑฺฒเน อธิจิตฺตสิกฺขา, วิปสฺสนาวเสน อธิปฺาสิกฺขาติ เอวํ ทฺเวปิ สิกฺขา สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. เอตฺถ จ ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ อิเมหิ ปเทหิ สีลานุรกฺขิกา เอว จิตฺเตกคฺคตา กถิตา. ‘‘วิปสฺสนายา’’ติ อิมินา ปเทน สีลานุรกฺขิโก สงฺขารปริคฺคโห.
กถํ ¶ จิตฺเตกคฺคตา สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ จิตฺเตกคฺคตา นตฺถิ, โส พฺยาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน วิหฺติ, โส พฺยาธิวิหโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต สีลํ วินาเสตฺวาปิ พฺยาธิวูปสมํ กตฺตา โหติ. ยสฺส ปน จิตฺเตกคฺคตา อตฺถิ, โส ตํ พฺยาธิทุกฺขํ วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, สมาปนฺนกฺขเณ ทุกฺขํ ทูราปกตํ โหติ, พลวตรสุขมุปฺปชฺชติ. เอวํ จิตฺเตกคฺคตา สีลํ อนุรกฺขติ.
กถํ สงฺขารปริคฺคโห สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ สงฺขารปริคฺคโห นตฺถิ, ตสฺส ‘‘มม รูปํ มม วิฺาณ’’นฺติ อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปตฺเตสุ สีลํ วินาเสตฺวาปิ อตฺตภาวํ โปเสตา โหติ. ยสฺส ปน สงฺขารปริคฺคโห อตฺถิ, ตสฺส อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ วา สิเนโห วา น โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปตฺเตสุ สเจปิสฺส อนฺตานิ พหิ นิกฺขมนฺติ, สเจปิ ¶ อุสฺสุสฺสติ วิสุสฺสติ, ขณฺฑาขณฺฑิโก วา โหติ สตธาปิ สหสฺสธาปิ, เนว สีลํ วินาเสตฺวา อตฺตภาวํ โปเสตา โหติ. เอวํ สงฺขารปริคฺคโห สีลมนุรกฺขติ. ‘‘พฺรูเหตา สฺุาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน ตสฺเสว อุภยสฺส พฺรูหนา วฑฺฒนา สาตจฺจกิริยา ทสฺสิตา.
เอวํ ภควา ยสฺมา ‘‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ อิเม จตฺตาโร ธมฺเม อากงฺขนฺเตน นตฺถฺํ กิฺจิ กาตพฺพํ, อฺทตฺถุ สีลาทิคุณสมนฺนาคเตน ภวิตพฺพํ, อิทิโส หิ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ ¶ , ธมฺมฏฺํ สจฺจวาทินํ;
อตฺตโน กมฺม กุพฺพานํ, ตํ ชโน กุรุเต ปิย’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑๗);
ตสฺมา ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จาติ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… สฺุาคาราน’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ยสฺมา ปจฺจยลาภาทึ ปตฺถยนฺเตนาปิ อิทเมว กรณียํ, น อฺํ กิฺจิ, ตสฺมา ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ลาภี อสฺส’’นฺติอาทิมาห. น เจตฺถ ภควา ลาภนิมิตฺตํ สีลาทิปริปูรณํ กเถตีติ เวทิตพฺโพ. ภควา หิ ฆาเสสนํ ¶ ฉินฺนกโถ น วาจํ ปยุตฺตํ ภเณติ, เอวํ สาวเก โอวทติ, โส กถํ ลาภนิมิตฺตํ สีลาทิปริปูรณํ กเถสฺสติ, ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน ปเนตํ วุตฺตํ. เยสฺหิ เอวํ อชฺฌาสโย ภเวยฺย ‘‘สเจ มยํ จตูหิ ปจฺจเยหิ น กิลเมยฺยาม, สีลาทึ ปูเรตุํ สกฺกุเณยฺยามา’’ติ, เตสํ อชฺฌาสยวเสน ภควา เอวมาห. อปิจ รสานิสํโส เอส สีลสฺส, ยทิทํ จตฺตาโร ปจฺจยา นาม. ตถา หิ ปณฺฑิตมนุสฺสา โกฏฺาทีสุ ปิตํ นีหริตฺวา ปุตฺตาทีนมฺปิ อทตฺวา อตฺตนาปิ อปริภฺุชิตฺวา สีลวนฺตานํ เทนฺตีติ สีลสฺส สรสานิสํสทสฺสนตฺถํ เปตํ วุตฺตํ.
ตติยวาเร เยสาหนฺติ เยสํ อหํ. เตสํ เต การาติ เตสํ เทวานํ วา มนุสฺสานํ วา เต มยิ กตา ปจฺจยทานการา. เทวาปิ หิ สีลาทิคุณยุตฺตานํ ปจฺจเย เทนฺติ, น เกวลํ มนุสฺสาเยว, สกฺโก วิย อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส. มหปฺผลา มหานิสํสาติ อุภยเมตํ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานํ. มหนฺตํ วา โลกิยสุขํ ผลนฺตีติ มหปฺผลา ¶ . มหโต โลกุตฺตรสุขสฺส จ ปจฺจยา โหนฺตีติ มหานิสํสา. สีลาทิคุณยุตฺตสฺส หิ กฏจฺฉุภิกฺขาปิ ปฺจรตนมตฺตาย ภูมิยา ปณฺณสาลาปิ กตฺวา ทินฺนา อเนกานิ กปฺปสหสฺสานิ ทุคฺคติวินิปาตโต รกฺขติ, ปริโยสาเน จ อมตาย ปรินิพฺพานธาตุยาปจฺจโย โหติ. ‘‘ขีโรทนํ อหมทาสิ’’นฺติอาทีนิ (วิ. ว. ๔๑๓) เจตฺถ วตฺถูนิ, สกลเมว วา เปตวตฺถุ วิมานวตฺถุ จ สาธกํ. ตสฺมา ปจฺจยทายเกหิ อตฺตนิ กตานํ การานํ มหปฺผลตํ อิจฺฉนฺเตนาปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
จตุตฺถวาเร าตีติ สสฺสุสสุรปกฺขิกา. สาโลหิตาติ เอกโลหิตสมฺพทฺธา ปีติปิตามหาทโย ¶ . เปตาติ เปจฺจภาวํ คตา. กาลงฺกตาติ มตา. เตสํ ตนฺติ เตสํ ตํ มยิ ปสนฺนจิตฺตตํ วา ปสนฺเนน จิตฺเตน อนุสฺสรณํ วา. ยสฺส หิ ภิกฺขุโน กาลงฺกโต ปิตา วา มาตา วา ‘‘อมฺหากํ าตโก เถโร สีลวา กลฺยาณธมฺโม’’ติ ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อนุสฺสรติ, ตสฺส โส จิตฺตปฺปสาโทปิ ตํ อนุสฺสรณมตฺตมฺปิ มหปฺผลํ มหานิสํสเมว โหติ, อเนกานิ กปฺปสตสหสฺสานิ ¶ ทุคฺคติโต วาเรตุํ อนฺเต จ อมตํ ปาเปตุํ สมตฺถเมว โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปฺา, วิมุตฺติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา, ทสฺสนํปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหุการํ วทามิ. สวนํ, อนุสฺสตึ, อนุปพฺพชฺชํ, อุปสงฺกมนํ, ปยิรุปาสนํปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหุการํ วทามี’’ติ (อิติวุ. ๑๐๔). ตสฺมา าติสาโลหิตานํ อตฺตนิ จิตฺตปฺปสาทสฺส อนุสฺสติยา จ มหปฺผลตํ อิจฺฉนฺเตนาปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว, ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
๖๖. ปฺจมวาเร อรติรติสโห อสฺสนฺติ อรติยา รติยา จ สโห อภิภวิตา อชฺโฌตฺถริตา ภเวยฺยํ. เอตฺถ จ อรตีติ อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ ปนฺตเสนาสเนสุ จ อุกฺกณฺา. รตีติ ปฺจกามคุณรติ. น จ มํ อรติ สเหยฺยาติ มฺจ อรติ น อภิภเวยฺย น มทฺเทยฺย น อชฺโฌตฺถเรยฺย. อุปฺปนฺนนฺติ ชาตํ นิพฺพตฺตํ. สีลาทิคุณยุตฺโต หิ อรติฺจ รติฺจ สหติ อชฺโฌตฺถรติ มทฺทิตฺวา ติฏฺติ. ตสฺมา อีทิสํ อตฺตานํ อิจฺฉนฺเตนาปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
ฉฏฺวาเร ¶ ภยํ จิตฺตุตฺราโสปิ อารมฺมณมฺปิ. เภรวํ อารมฺมณเมว. เสสํ ปฺจมวาเร วุตฺตนยเมว. สีลาทิคุณยุตฺโต หิ ภยเภรวํ สหติ อชฺโฌตฺถรติ มทฺทิตฺวา ติฏฺติ อริยโกฏิยวาสีมหาทตฺตตฺเถโร วิย.
เถโร กิร มคฺคํ ปฏิปนฺโน อฺตรํ ปาสาทิกํ อรฺํ ทิสฺวา ‘‘อิเธวชฺช สมณธมฺมํ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. รุกฺขเทวตาย ทารกา เถรสฺส สีลเตเชน สกภาเวน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา วิสฺสรมกํสุ. เทวตาปิ รุกฺขํ จาเลสิ. เถโร อจโลว นิสีทิ. สา เทวตา ธูมายิ, ปชฺชลิ, เนว สกฺขิ เถรํ จาเลตุํ, ตโต อุปาสกวณฺเณนาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ‘‘โก ¶ เอโส’’ติ วุตฺตา ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา’’ติ อโวจ. ตฺวํ เอเต วิกาเร อกาสีติ. อาม ภนฺเตติ. กสฺมาติ จ วุตฺตา อาห – ‘‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต ¶ , สีลเตเชน ทารกา สกภาเวน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา วิสฺสรมกํสุ, สาหํ ตุมฺเห ปลาเปตุํ เอวมกาสิ’’นฺติ. เถโร อาห – ‘‘อถ กสฺมา อิธ, ภนฺเต, มา วสถ, มยฺหํ อผาสูติ ปฏิกจฺเจว นาวจาสิ. อิทานิ ปน มา กิฺจิ อวจ, อริยโกฏิยมหาทตฺโต อมนุสฺสภเยน คโตติ วจนโต ลชฺชามิ, เตนาหํ อิเธว วสิสฺสํ, ตฺวํ ปน อชฺเชกทิวสํ ยตฺถ กตฺถจิ วสาหี’’ติ. เอวํ สีลาทิคุณยุตฺโต ภยเภรวสโห โหติ. ตสฺมา อีทิสมตฺตานํ อิจฺฉนฺเตนาปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
สตฺตมวาเร อาภิเจตสิกานนฺติ อภิเจโตติ อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธจิตฺตํ วุจฺจติ, อธิจิตฺตํ วา, อภิเจตสิ ชาตานิ อาภิเจตสิกานิ, อภิเจโต สนฺนิสฺสิตานีติ วา อาภิเจตสิกานิ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานนฺติ ทิฏฺธมฺเม สุขวิหารานํ. ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว วุจฺจติ, ตตฺถ สุขวิหารภูตานนฺติ อตฺโถ, รูปาวจรชฺฌานานเมตํ อธิวจนํ. ตานิ หิ อปฺเปตฺวา นิสินฺนา ฌายิโน อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อสํกิลิฏฺํ เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานี’’ติ วุจฺจนฺติ. นิกามลาภีติ นิกาเมน ลาภี อตฺตโน อิจฺฉาวเสน ลาภี, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ¶ สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. อกิจฺฉลาภีติ สุเขเนว ปจฺจนีกธมฺเม วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. อกสิรลาภีติ อกสิรานํ วิปุลานํ ลาภี, ยถาปริจฺเฉเทเยว วุฏฺาตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. เอกจฺโจ หิ ลาภีเยว โหติ, น ปน สกฺโกติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ. เอกจฺโจ สกฺโกติ ตถา สมาปชฺชิตุํ, ปาริพนฺธิเก ปน กิจฺเฉน วิกฺขมฺเภติ. เอกจฺโจ ตถา สมาปชฺชติ, ปาริพนฺธิเก จ อกิจฺเฉเนว วิกฺขมฺเภติ, น สกฺโกติ นาฬิกายนฺตํ วิย ยถาปริจฺเฉเทเยว จ วุฏฺาตุํ. โย ปน อิมํ ติวิธมฺปิ สมฺปทํ อิจฺฉติ, โสปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ.
เอวํ อภิฺาปาทเก ฌาเน วุตฺเต กิฺจาปิ อภิฺานํ วาโร อาคโต, อถ โข นํ ภควา อคฺคเหตฺวาว ยสฺมา น เกวลํ อภิฺาปาทกชฺฌานานิ จ อภิฺาโยเยว จ สีลานํ ¶ อานิสํโส, อปิจ โข จตฺตาริ อารุปฺปฌานานิปิ ¶ ตโย จ เหฏฺิมา อริยมคฺคา, ตสฺมา ตํ สพฺพํ ปริยาทิยิตฺวา ทสฺเสตุํ อากงฺเขยฺย เจ…เป… เย เต สนฺตาติ เอวมาทิมาห.
ตตฺถ สนฺตาติ องฺคสนฺตตาย เจว อารมฺมณสนฺตตาย จ. วิโมกฺขาติ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา อารมฺมเณ จ อธิมุตฺตตฺตา. อติกฺกมฺม รูเปติ รูปาวจรชฺฌาเน อติกฺกมิตฺวา, เย เต วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป สนฺตาติ ปทสมฺพนฺโธ, อิตรถา หิ อติกฺกมฺม รูเป กึ กโรตีติ น ปฺาเยยฺยุํ. อารุปฺปาติ อารมฺมณโต จ วิปากโต จ รูปวิรหิตา. กาเยน ผุสิตฺวาติ นามกาเยน ผุสิตฺวา ปาปุณิตฺวา, อธิคนฺตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตานเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘โยปิ ภิกฺขุ อิเม วิโมกฺเข ผุสิตฺวา วิหริตุกาโม, โสปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ.
๖๗. นวมวาเร ติณฺณํ สํโยชนานนฺติ สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสสงฺขาตานํ ติณฺณํ พนฺธนานํ. ตานิ หิ สํโยเชนฺติ ขนฺธคติภวาทีหิ ขนฺธคติภวาทโย, กมฺมํ วา ผเลน, ตสฺมา สํโยชนานีติ วุจฺจนฺติ, พนฺธนานีติ อตฺโถ. ปริกฺขยาติ ปริกฺขเยน. โสตาปนฺโนติ โสตํ ¶ อาปนฺโน. โสโตติ จ มคฺคสฺเสตํ อธิวจนํ. โสตาปนฺโนติ ตํสมงฺคิปุคฺคลสฺส. ยถาห ‘‘โสโต โสโตติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติ. กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสโตติ? อยเมว หิ, ภนฺเต, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธีติ. โสตาปนฺโน โสตาปนฺโนติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติ. กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสตาปนฺโนติ? โย หิ, ภนฺเต, อิมินา อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน สมนฺนาคโต, อยํ วุจฺจติ โสตาปนฺโน, โยยํ อายสฺมา เอวํนาโม เอวํโคตฺโต’’ติ. อิธ ปน มคฺเคน ผลสฺส นามํ ทินฺนํ, ตสฺมา ผลฏฺโ ‘‘โสตาปนฺโน’’ติ เวทิตพฺโพ. อวินิปาตธมฺโมติ วินิปาเตตีติ วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, น อตฺตานํ อปาเย วินิปาตสภาโวติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา? เย ธมฺมา อปายคมนิยา, เตสํ ปหีนตฺตา. สมฺโพธิ ปรํ อยนํ คติ อสฺสาติ สมฺโพธิปรายโณ, อุปริมคฺคตฺตยํ อวสฺสํ สมฺปาปโกติ ¶ อตฺโถ. กสฺมา? ปฏิลทฺธปมมคฺคตฺตา. สีเลสฺเววาติ อีทิโส โหตุกาโมปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรณารีติ.
ทสมวาเร ¶ ปมมคฺเคน ปริกฺขีณานิปิ ตีณิ สํโยชนานิ สกทาคามิมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ วุตฺตานิ. ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตาติ เอเตสํ ตนุภาเวน, ตนุตฺตกรเณนาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ ตนุตฺตํ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ. สกทาคามิสฺส หิ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺเสว กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ วิรฬาการา หุตฺวา, วิรฬวาปิเต เขตฺเต องฺกุรา วิย. อุปฺปชฺชมานาปิ จ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺเสว มทฺทนฺตา ผรนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธการํ กโรนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, มนฺทมนฺทา อุปฺปชฺชนฺติ ตนุกาการา หุตฺวา, อพฺภปฏลมิว มกฺขิกาปตฺตมิว จ.
ตตฺถ เกจิ เถรา ภณนฺติ ‘‘สกทาคามิสฺส กิเลสา กิฺจาปิ จิเรน อุปฺปชฺชนฺติ, พหลาว อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา หิสฺส ปุตฺตา จ ธีตโร จ ทิสฺสนฺตี’’ติ, เอตํ ปน อปฺปมาณํ. ปุตฺตธีตโร หิ องฺคปจฺจงฺคปรามสนมตฺเตนปิ โหนฺตีติ. ทฺวีหิเยว การเณหิสฺส กิเลสานํ ตนุตฺตํ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จาติ.
สกทาคามีติ ¶ สกึ อาคมนธมฺโม. สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวาติ เอกวารํเยว อิมํ มนุสฺสโลกํ ปฏิสนฺธิวเสน อาคนฺตฺวา. โยปิ หิ อิธ สกทาคามิมคฺคํ ภาเวตฺวา อิเธว ปรินิพฺพาติ, โสปิ อิธ น คหิโต. โยปิ อิธ มคฺคํ ภาเวตฺวา เทเวสุ อุปปชฺชิตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพาติ. โยปิ เทวโลเก มคฺคํ ภาเวตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพาติ. โยปิ เทวโลเก มคฺคํ ภาเวตฺวา อิเธว มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพาติ. โย ปน อิธ มคฺคํ ภาเวตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ปุน อิเธว อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยมิธ คหิโตติ เวทิตพฺโพ. ทุกฺขสฺสนฺตํ กเรยฺยนฺติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริจฺเฉทํ กเรยฺยํ. สีเลสฺเววาติ อีทิโส โหตุกาโมปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ.
เอกาทสมวาเร ปฺจนฺนนฺติ คณนปริจฺเฉโท. โอรมฺภาคิยานนฺติ โอรํ วุจฺจติ เหฏฺา, เหฏฺาภาคิยานนฺติ อตฺโถ, กามาวจรโลเก อุปฺปตฺติปจฺจยานนฺติ อธิปฺปาโย. สํโยชนานนฺติ พนฺธนานํ, ตานิ กามราคพฺยาปาทสํโยชเนหิ ¶ สทฺธึ ปุพฺเพ วุตฺตสํโยชนาเนว เวทิตพฺพานิ. ยสฺส หิ เอตานิ อปฺปหีนานิ, โส กิฺจาปิ ภวคฺเค อุปฺปนฺโน โหติ, อถ โข อายุปริกฺขยา กามาวจเร นิพฺพตฺตติเยว, คิลิตพลิสมจฺฉูปโม สฺวายํ ปุคฺคโล ทีฆสุตฺตเกน ปาเท ¶ พทฺธวิหงฺคูปโม จาติ เวทิตพฺโพ. ปุพฺเพ วุตฺตานมฺปิ เจตฺถ วจนํ วณฺณภณนตฺถเมวาติ เวทิตพฺพํ. โอปปาติโกติ เสสโยนิปฏิกฺเขปวจนเมตํ. ตตฺถปรินิพฺพายีติ ตตฺเถว พฺรหฺมโลเก ปรินิพฺพายี. อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกาติ ตโต พฺรหฺมโลกา ปฏิสนฺธิวเสน ปุน อนาวตฺติสภาโว. สีเลสฺเววาติ อีทิโส โหตุกาโมปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ.
๖๘. เอวํ อนาคามิมคฺเค วุตฺเต กิฺจาปิ จตุตฺถมคฺคสฺส วาโร อาคโต, อถ โข นํ ภควา อคฺคเหตฺวาว ยสฺมา น เกวลา อาสวกฺขยาภิฺา เอว สีลานํ อานิสํโส, อปิจ โข โลกิยปฺจาภิฺาโยปิ, ตสฺมา ตาปิ ทสฺเสตุํ, ยสฺมา จ อาสวกฺขเย กถิเต เทสนา นิฏฺิตา โหติ, เอวฺจ สติ อิเมสํ คุณานํ อกถิตตฺตา อยํ กถา มุณฺฑาภิฺากถา นาม ภเวยฺย, ตสฺมา จ อภิฺาปาริปูรึ กตฺวา ทสฺเสตุมฺปิ, ยสฺมา จ อนาคามิมคฺเค ิตสฺส สุเขน อิทฺธิวิกุปฺปนา ¶ อิชฺฌติ, สมาธิปริพนฺธานํ กามราคพฺยาปาทานํ สมูหตตฺตา, อนาคามี หิ สีเลสุ จ สมาธิมฺหิ จ ปริปูรการี, ตสฺมา ยุตฺตฏฺาเนเยว โลกิยาภิฺาโย ทสฺเสตุมฺปิ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ…เป… อเนกวิหิต’’นฺติ เอวมาทิมาหาติ อยมนุสนฺธิ.
ตตฺถ ‘‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธ’’นฺติอาทินา นเยน อาคตานํ ปฺจนฺนมฺปิ โลกิยาภิฺานํ ปาฬิวณฺณนา สทฺธึ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา.
๖๙. ฉฏฺาภิฺาย อาสวานํ ขยาติ อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสานํ ขยา. อนาสวนฺติ อาสววิรหิตํ. เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถ เจโตวจเนน อรหตฺตผลสมฺปยุตฺโตว สมาธิ, ปฺาวจเนน ตํสมฺปยุตฺตา ปฺาว วุตฺตา. ตตฺถ จ สมาธิ ราคโต วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ปฺา อวิชฺชาย วิมุตฺตตฺตา ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเจตํ ภควตา ‘‘โย หิสฺส, ภิกฺขเว, สมาธิ, ตทสฺส สมาธินฺทฺริยํ. ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปฺา, ตทสฺส ปฺินฺทฺริยํ. อิติ โข, ภิกฺขเว ¶ , ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, อวิชฺชาวิราคา ปฺาวิมุตฺตี’’ติ, อปิเจตฺถ สมถผลํ เจโตวิมุตฺติ, วิปสฺสนาผลํ ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา.
ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตโนเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ ¶ กตฺวา, อปรปจฺจเยน ตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยนฺติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหเรยฺยํ. สีเลสฺเววาติ เอวํ สพฺพาสเว นิทฺธุนิตฺวา เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อธิคนฺตุกาโมปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ.
เอวํ ภควา สีลานิสํสกถํ ยาว อรหตฺตา กเถตฺวา อิทานิ สพฺพมฺปิ ตํ สีลานิสํสํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต นิคมนํ อาห ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว…เป… อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ, ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถ…เป… สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสู’’ติ อิติ ยํ ตํ มยา ปุพฺเพ เอวํ วุตฺตํ, อิทํ สพฺพมฺปิ สมฺปนฺนสีโล ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป, ครุ ภาวนีโย ปจฺจยานํ ลาภี, ปจฺจยทายกานํ มหปฺผลกโร, ปุพฺพาตีนํ อนุสฺสรณเจตนาย ผลมหตฺตกโร, อรติรติสโห, ภยเภรวสโห, รูปาวจรชฺฌานานํ อรูปาวจรชฺฌานานฺจ ลาภี, เหฏฺิมานิ ตีณิ สามฺผลานิ ปฺจ โลกิยาภิฺา อาสวกฺขยาณนฺติ จ อิเม จ คุเณ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺตา ¶ โหติ, เอตํ ปฏิจฺจ อิทํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ. อิทมโวจ ภควา, อตฺตมนา เต ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
อากงฺเขยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วตฺถสุตฺตวณฺณนา
๗๐. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ วตฺถสุตฺตํ. ตตฺถ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถนฺติ อุปมาวจนเมเวตํ. อุปมํ กโรนฺโต จ ภควา กตฺถจิ ปมํเยว อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสติ, กตฺถจิ ¶ ปมมตฺถํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ, กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ, กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ.
ตถา เหส – ‘‘เสยฺยถาปิสฺสุ, ภิกฺขเว, ทฺเว อคารา สทฺวารา, ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส มชฺเฌ ิโต ปสฺเสยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๖๑) สกลมฺปิ เทวทูตสุตฺตํ อุปมํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ อากาเส’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒) ปน นเยน สกลมฺปิ อิทฺธิวิธมตฺถํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘เสยฺยถาปิ พฺราหฺมณปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี’’ติอาทินาว (ม. นิ. ๑.๓๑๘) นเยน สกลมฺปิ จูฬสาโรปมสุตฺตํ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ…เป… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๘) นเยน สกลมฺปิ อลคทฺทสุตฺตํ มหาสาโรปมสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ สุตฺตานิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห.
สฺวายํ อิธ ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสติ. กสฺมา ปเนวํ ภควา ทสฺเสตีติ? ปุคฺคลชฺฌาสเยน วา เทสนาวิลาเสน วา. เย หิ ปุคฺคลา ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานมตฺถํ สุเขน ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ ¶ ปมํ อุปมํ ทสฺเสติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ยสฺสา จ ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา เทสนาวิลาสํ ปตฺโต โหติ, ตสฺสา สุปฺปฏิวิทฺธา. ตสฺมา เอส เทสนาวิลาสมฺปตฺโต ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา, โส ยถา ยถา อิจฺฉติ, ตถา ตถา ธมฺมํ เทเสตีติ เอวํ อิมินา ปุคฺคลชฺฌาสเยน วา เทสนาวิลาเสน วา เอวํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ วตฺถนฺติ ปกติปริสุทฺธํ วตฺถํ. สํกิลิฏฺํ มลคฺคหิตนฺติ อาคนฺตุเกน ปํสุรชาทินา สํกิเลเสน สํกิลิฏฺํ, เสทชลฺลิกาทินา มเลน คหิตตฺตา มลคฺคหิตํ. รงฺคชาเตติ เอตฺถ รงฺคเมว รงฺคชาตํ. อุปสํหเรยฺยาติ อุปนาเมยฺย. ยทิ นีลกายาติ นีลกาย วา, นีลกตฺถาย วาติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ สพฺพตฺถ. รชโก หิ นีลกตฺถาย อุปสํหรนฺโต กํสนีลปลาสนีลาทิเก นีลรงฺเค อุปสํหรติ. ปีตกตฺถาย อุปสํหรนฺโต กณิการปุปฺผสทิเส ปีตกรงฺเค. โลหิตกตฺถาย อุปสํหรนฺโต พนฺธุชีวกปุปฺผสทิเส ¶ โลหิตกรงฺเค. มฺชิฏฺกตฺถาย อุปสํหรนฺโต กณวีรปุปฺผสทิเส มนฺทรตฺตรงฺเค. เตน วุตฺตํ ‘‘ยทิ นีลกาย…เป… ยทิ มฺชิฏฺกายา’’ติ.
ทุรตฺตวณฺณเมวสฺสาติ ทุฏฺุ รฺชิตวณฺณเมว อสฺส. อปริสุทฺธวณฺณเมวสฺสาติ นีลวณฺโณปิสฺส ปริสุทฺโธ น ภเวยฺย, เสสวณฺโณปิ. ตาทิสฺหิ วตฺถํ นีลกุมฺภิยา ปกฺขิตฺตมฺปิ สุนีลํ น โหติ, เสสกุมฺภีสุ ปกฺขิตฺตมฺปิ ปีตกาทิวณฺณํ น โหติ, มิลาตนีล กุรณฺฑ-กณิการ-พนฺธุชีวก-กณวีรปุปฺผวณฺณเมว โหติ. ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ วตฺถํ กิสฺส เหตุ กึ การณา อีทิสํ โหติ, ตสฺมึ วา วตฺเถ รงฺคชาตํ กิสฺส เหตุ อีทิสํ ทุรตฺตวณฺณํ อปริสุทฺธวณฺณํ โหตีติ? ยสฺมา ปนสฺส วตฺถสฺส สํกิลิฏฺภาโวเยเวตฺถ การณํ, น อฺํ กิฺจิ, ตสฺมา ‘‘อปริสุทฺธตฺตา, ภิกฺขเว, วตฺถสฺสา’’ติ อาห.
เอวเมว โขติ อุปมาสมฺปฏิปาทนํ. จิตฺเต สํกิลิฏฺเติ จิตฺตมฺหิ สํกิลิฏฺมฺหิ. กสฺมา ปน ภควา สํกิลิฏฺวตฺเถน โอปมฺมํ อกาสีติ เจ, วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถํ. ยถา หิ อาคนฺตุเกหิ มเลหิ สํกิลิฏฺํ วตฺถํ ปกติยา ปณฺฑรตฺตา ปุน โธวียมานํ ปณฺฑรํ โหติ, น ตตฺถ ชาติกาฬเก วิย เอฬกโลเม วายาโม นิปฺผโล โหติ, เอวํ จิตฺตมฺปิ อาคนฺตุเกหิ กิเลเสหิ สํกิลิฏฺํ. ปกติยา ปน ตํ สกเลปิ ปฏิสนฺธิภวงฺควาเร ปณฺฑรเมว. ยถาห – ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตฺจ ¶ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๕๑). ตํ วิโสธียมานํ สกฺกา ปภสฺสรตรํ กาตุํ, น ตตฺถ วายาโม นิปฺผโลติ เอวํ วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถํ สํกิลิฏฺวตฺเถน โอปมฺมํ อกาสีติ เวทิตพฺโพ.
ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขาติ อีทิเส จิตฺเต ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขิตพฺพา, ทุคฺคตึ เอว เอส ปาปุณิสฺสติ ¶ , นาฺนฺติ เอวํ ทุคฺคติ อิจฺฉิตพฺพา, อวสฺสํ ภาวีติ วุตฺตํ โหติ. สา จายํ ทุคฺคติ นาม ปฏิปตฺติทุคฺคติ, คติทุคฺคตีติ ทุวิธา โหติ. ปฏิปตฺติทุคฺคติปิ อคาริยปฏิปตฺติทุคฺคติ, อนคาริยปฏิปตฺติทุคฺคตีติ ทุวิธา โหติ.
อคาริโย หิ สํกิลิฏฺจิตฺโต ปาณมฺปิ ¶ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, สกเลปิ ทส อกุสลกมฺมปเถ ปูเรติ, อยมสฺส อคาริยปฏิปตฺติทุคฺคติ. โส ตตฺถ ิโต กายสฺส เภทา นิรยมฺปิ คจฺฉติ, ติรจฺฉานโยนิมฺปิ, เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉติ, อยมสฺส คติทุคฺคติ.
อนคาริโยปิ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิโต สํกิลิฏฺจิตฺโต ทูเตยฺยปหิณคมนํ คจฺฉติ, เวชฺชกมฺมํ กโรติ, สงฺฆเภทาย เจติยเภทาย ปรกฺกมติ, เวฬุทานาทีหิ ชีวิกํ กปฺเปติ, สกลมฺปิ อนาจารํ อโคจรฺจ ปริปูเรติ, อยมสฺส อนคาริยปฏิปตฺติทุคฺคติ.โส ตตฺถ ิโต กายสฺส เภทา นิรยมฺปิ คจฺฉติ, ติรจฺฉานโยนิมฺปิ, เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉติ สมณยกฺโข นาม โหติ สมณเปโต, อาทิตฺเตหิ สงฺฆาฏิอาทีหิ สมฺปชฺชลิตกาโย อฏฺฏสฺสรํ กโรนฺโต วิจรติ, อยมสฺส คติทุคฺคติ.
เสยฺยถาปีติ สุกฺกปกฺขํ ทสฺเสตุมารทฺโธ, ตสฺสตฺโถ กณฺหปกฺเข วุตฺตปจฺจนีเกเนว เวทิตพฺโพ. เอตฺถาปิ จ สุคติ นาม ปฏิปตฺติสุคติ คติสุคตีติ ทุวิธา โหติ. ปฏิปตฺติสุคติปิ อคาริยปฏิปตฺติสุคติ อนคาริยปฏิปตฺติสุคตีติ ทุวิธา โหติ. อคาริโย หิ ปริสุทฺธจิตฺโต ปาณาติปาตาปิ วิรมติ, อทินฺนาทานาปิ, สกเลปิ ทส กุสลกมฺมปเถ ปริปูเรติ, อยมสฺส อคาริยปฏิปตฺติสุคติ. โส ตตฺถ ิโต กายสฺส เภทา มนุสฺสมหนฺตตมฺปิ เทวมหนฺตตมฺปิ อุปปชฺชติ, อยมสฺส คติสุคติ.
อนคาริโยปิ ¶ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปริสุทฺธจิตฺโต จตุปาริสุทฺธิสีลํ โสเธติ, เตรส ธุตงฺคานิ สมาทิยติ, อฏฺตึสารมฺมเณสุ อตฺตโน อนุกูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ปนฺตเสนาสเน ปฏิเสวมาโน กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, โสตาปตฺติมคฺคํ ภาเวติ…เป… อนาคามิมคฺคํ ภาเวติ, อยมสฺส อนคาริยปฏิปตฺติสุคติ. โส ตตฺถ ิโต กายสฺส เภทา มนุสฺสโลเก วา ตีสุ มหากุเลสุ, ฉสุ วา กามาวจรเทเวสุ, ทสสุ วา พฺรหฺมภวเนสุ ¶ , ปฺจสุ วา สุทฺธาวาเสสุ, จตูสุ วา อารุปฺเปสุ อุปปชฺชติ, อยมสฺส คติสุคตีติ.
๗๑. เอวํ สํกิลิฏฺเ จิตฺเต ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา, อสํกิลิฏฺเ จ สุคตีติ วตฺวา อิทานิ เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ จิตฺตํ สํกิลิฏฺํ โหติ, เต ทสฺเสนฺโต กตเม จ, ภิกฺขเว, จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา ¶ ? อภิชฺฌา วิสมโลโภติอาทิมาห.
ตตฺถ สกภณฺเฑ ฉนฺทราโค อภิชฺฌา, ปรภณฺเฑ วิสมโลโภ. อถ วา สกภณฺเฑ วา ปรภณฺเฑ วา โหตุ, ยุตฺตปตฺตฏฺาเน ฉนฺทราโค อภิชฺฌา, อยุตฺตาปตฺตฏฺาเน วิสมโลโภ. เถโร ปนาห ‘‘กิสฺส วินิพฺโภคํ กโรถ, ยุตฺเต วา อยุตฺเต วา โหตุ, ‘ราโค วิสมํ โทโส วิสมํ โมโห วิสม’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) วจนโต น โกจิ โลโภ อวิสโม นาม, ตสฺมา โลโภเยว อภิชฺฌายนฏฺเน อภิชฺฌา, วิสมฏฺเน วิสมํ, เอกตฺถเมตํ พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ. โส ปเนส อภิชฺฌาวิสมโลโภ อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
ยถา เจส, เอวํ นววิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว พฺยาปาโท. ทสวิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว โกโธ. ปุนปฺปุนํ จิตฺตปริโยนนฺธโน อุปนาโห. อคาริยสฺส วา อนคาริยสฺส วา สุกตกรณวินาสโน มกฺโข. อคาริโยปิ หิ เกนจิ อนุกมฺปเกน ทลิทฺโท สมาโน อุจฺเจ าเน ปิโต, อปเรน สมเยน ‘‘กึ ตยา มยฺหํ กต’’นฺติ ตสฺส สุกตกรณํ วินาเสติ. อนคาริโยปิ สามเณรกาลโต ปภุติ ¶ อาจริเยน วา อุปชฺฌาเยน วา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุทฺเทสปริปุจฺฉาหิ จ อนุคฺคเหตฺวา ธมฺมกถานยปกรณโกสลฺลาทีนิ สิกฺขาปิโต, อปเรน สมเยน ราชราชมหามตฺตาทีหิ สกฺกโต ครุกโต อาจริยุปชฺฌาเยสุ อจิตฺตีกโต จรมาโน ‘‘อยํ อมฺเหหิ ทหรกาเล เอวํ อนุคฺคหิโต สํวฑฺฒิโต จ, อถ ปนิทานิ นิสฺสิเนโห ชาโต’’ติ วุจฺจมาโน ‘‘กึ มยฺหํ ตุมฺเหหิ กต’’นฺติ เตสํ สุกตกรณํ วินาเสติ, ตสฺส โส สุกตกรณวินาสโน มกฺโข อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
ยถา ¶ จายํ, เอวํ พหุสฺสุเตปิ ปุคฺคเล อชฺโฌตฺถริตฺวา ‘‘อีทิสสฺส เจว พหุสฺสุตสฺส อนิยตา คติ, ตว วา มม วา โก วิเสโส’’ติอาทินา นเยน อุปฺปชฺชมาโน ยุคคฺคาหคาหี ปฬาโส. ปเรสํ สกฺการาทีนิ ขียนา อิสฺสา. อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวํ อสหมานํ มจฺฉริยํ. วฺจนิกจริยภูตา มายา. เกราฏิกภาเวน อุปฺปชฺชมานํ สาเยฺยํ. เกราฏิโก หิ อายตนมจฺโฉ วิย โหติ. อายตนมจฺโฉ นาม กิร มจฺฉานํ นงฺคุฏฺํ ทสฺเสติ สปฺปานํ สีสํ ¶ , ‘‘ตุมฺเหหิ สทิโส อห’’นฺติ ชานาเปตุํ. เอวเมว เกราฏิโก ปุคฺคโล ยํ ยํ สุตฺตนฺติกํ วา อาภิธมฺมิกํ วา อุปสงฺกมติ, ตํ ตํ เอวํ วทติ ‘‘อหํ ตุมฺหากํ พทฺธจโร, ตุมฺเห มยฺหํ อนุกมฺปกา, นาหํ ตุมฺเห มฺุจามี’’ติ ‘‘เอวเมเต ‘สคารโว อยํ อมฺเหสุ สปฺปติสฺโส’ติ มฺิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺเสตํ เกราฏิกภาเวน อุปฺปชฺชมานํ สาเยฺยํ อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
ยถา เจตํ, เอวํ วาตภริตภสฺตสทิสถทฺธภาวปคฺคหิตสิรอนิวาตวุตฺติการกรโณ ถมฺโภ. ตทุตฺตริกรโณ สารมฺโภ. โส ทุวิเธน ลพฺภติ อกุสลวเสน เจว กุสลวเสน จ. ตตฺถ อคาริยสฺส ปเรน กตํ อลงฺการาทึ ทิสฺวา ตทฺทิคุณกรเณน อุปฺปชฺชมาโน, อนคาริยสฺส จ ยตฺตกํ ยตฺตกํ ปโร ปริยาปุณาติ วา กเถติ วา, มานวเสน ตทฺทิคุณตทฺทิคุณกรเณน อุปฺปชฺชมาโน อกุสโล. อคาริยสฺส ปน ปรํ เอกํ สลากภตฺตํ เทนฺตํ ทิสฺวา อตฺตนา ทฺเว วา ตีณิ วา ทาตุกามตาย อุปฺปชฺชมาโน, อนคาริยสฺส จ ปเรน เอกนิกาเย ¶ คหิเต มานํ อนิสฺสาย เกวลํ ตํ ทิสฺวา อตฺตนา อาลสิยํ อภิภุยฺย ทฺเว นิกาเย คเหตุกามตาย อุปฺปชฺชมาโน กุสโล. อิธ ปน อกุสโล อธิปฺเปโต. อยฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
ยถา จายํ, เอวํ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย จิตฺตสฺส อุณฺณติวเสน ปวตฺตมาโน มาโน, อจฺจุณฺณติวเสน อติมาโน, มทคฺคหณากาโร มโท, กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺควเสน อุปฺปชฺชมาโน ปมาโท อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
กสฺมา ¶ ปน ภควา อุปกฺกิเลสํ ทสฺเสนฺโต โลภมาทึ กตฺวา ทสฺเสตีติ? ตสฺส ปมุปฺปตฺติโต. สพฺพสตฺตานฺหิ ยตฺถ กตฺถจิ อุปปนฺนานํ อนฺตมโส สุทฺธาวาสภูมิยมฺปิ สพฺพปมํ ภวนิกนฺติวเสน โลโภ อุปฺปชฺชติ, ตโต อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปปจฺจยํ ปฏิจฺจ ยถาสมฺภวํ อิตเร, น จ เอเต โสฬเสว จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา, เอเตน ปน นเยน สพฺเพปิ กิเลสา คหิตาเยว โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
๗๒. เอตฺตาวตา ¶ สํกิเลสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โวทานํ ทสฺเสนฺโต ส โข โส, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อิติ วิทิตฺวาติ เอวํ ชานิตฺวา. ปชหตีติ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน อริยมคฺเคน ปชหติ. ตตฺถ กิเลสปฏิปาฏิยา มคฺคปฏิปาฏิยาติ ทฺวิธา ปหานํ เวทิตพฺพํ. กิเลสปฏิปาฏิยา ตาว อภิชฺฌาวิสมโลโภ ถมฺโภ สารมฺโภ มาโน อติมาโน มโทติ อิเม ฉ กิเลสา อรหตฺตมคฺเคน ปหียนฺติ. พฺยาปาโท โกโธ อุปนาโห ปมาโทติ อิเม จตฺตาโร กิเลสา อนาคามิมคฺเคน ปหียนฺติ. มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเยฺยนฺติ อิเม ฉ โสตาปตฺติมคฺเคน ปหียนฺตีติ. มคฺคปฏิปาฏิยา ปน, โสตาปตฺติมคฺเคน มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเยฺยนฺติ อิเม ฉ ปหียนฺติ. อนาคามิมคฺเคน พฺยาปาโท โกโธ อุปนาโห ปมาโทติ อิเม จตฺตาโร. อรหตฺตมคฺเคน อภิชฺฌาวิสมโลโภ ถมฺโภ สารมฺโภ มาโน อติมาโน มโทติ อิเม ฉ ปหียนฺตีติ.
อิมสฺมึ ¶ ปน าเน อิเม กิเลสา โสตาปตฺติมคฺควชฺฌา วา โหนฺตุ, เสสมคฺควชฺฌา วา, อถ โข อนาคามิมคฺเคเนว ปหานํ สนฺธาย ‘‘อภิชฺฌาวิสมโลภํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหตี’’ติอาทิมาหาติ เวทิตพฺพา. อยเมตฺถ ปเวณิมคฺคาคโต สมฺภโว, โส จ อุปริ จตุตฺถมคฺคสฺเสว นิทฺทิฏฺตฺตา ยุชฺชติ, ตติยมคฺเคน ปหีนาวเสสานฺหิ วิสมโลภาทีนํ เตน ปหานํ โหติ, เสสานํ อิมินาว. เยปิ หิ โสตาปตฺติมคฺเคน ปหียนฺติ, เตปิ ตํสมุฏฺาปกจิตฺตานํ อปฺปหีนตฺตา อนาคามิมคฺเคเนว สุปฺปหีนา โหนฺตีติ. เกจิ ปน ปมมคฺเคน เจตฺถ ปหานํ วณฺณยนฺติ, ตํ ปุพฺพาปเรน น สนฺธิยติ. เกจิ วิกฺขมฺภนปฺปหานมฺปิ, ตํ เตสํ อิจฺฉามตฺตเมว.
๗๓. ยโต ¶ โข, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ยโตติ ยมฺหิ กาเล. ปหีโน โหตีติ อนาคามิมคฺคกฺขเณ ปหานํ สนฺธาเยวาห.
๗๔. โส พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทนาติ เอตํ ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, อภิชฺฌาวิสมโลโภ ปหีโน โหติ, โส พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหตี’’ติ เอวํ เอกเมเกน ปเทน โยเชตพฺพํ. อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน อนาคามิมคฺเคน โลกุตฺตรปฺปสาโท อาคโต, อถสฺส อปเรน สมเยน พุทฺธคุเณ ธมฺมคุเณ สงฺฆคุเณ จ อนุสฺสรโต โลกิโย อุปฺปชฺชติ, ตมสฺส สพฺพมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ¶ ปสาทํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทนา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อเวจฺจปฺปสาเทนาติ พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณานํ ยาถาวโต าตตฺตา อจเลน อจฺจุเตน ปสาเทน. อิทานิ ยถา ตสฺส ภิกฺขุโน อนุสฺสรโต โส อเวจฺจปฺปสาโท อุปฺปนฺโน, ตํ วิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา นเยน ตีณิ อนุสฺสติฏฺานานิ วิตฺถาเรสิ. เตสํ อตฺถวณฺณนา สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค อนุสฺสติกถายํ วุตฺตา.
๗๕. เอวมสฺส โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ปสาทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กิเลสปฺปหานํ อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคตฺจ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปชฺชมานํ โสมนสฺสาทิอานิสํสํ ¶ ทสฺเสนฺโต ยโถธิ โข ปนสฺสาติอาทิมาห. อนาคามิสฺส หิ ปจฺจนฺเต วุฏฺิตํ โจรุปทฺทวํ วูปสเมตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขโต มหานคเร วสนฺตสฺส รฺโ วิย อิเม จิเม จ มม กิเลสา ปหีนาติ อตฺตโน กิเลสปฺปหานํ ปจฺจเวกฺขโต พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ. ตํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘ยโถธิ โข ปนสฺสา’’ติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ อนาคามี ภิกฺขุ เอวํ ‘‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ…เป… ธมฺเม…เป… สงฺเฆ…เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ, ตสฺส ยโถธิ โข จตฺตํ โหติ ปฏินิสฺสฏฺํ, สกสกโอธิวเสน จตฺตเมว โหติ, ตํ ตํ กิเลสชาตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ. สกสกโอธิวเสนาติ ทฺเว โอธี กิเลโสธิ จ มคฺโคธิ จ. ตตฺถ กิเลโสธิวเสนาปิ เย กิเลสา ยํ มคฺควชฺฌา, เต อฺมคฺควชฺเฌหิ อมิสฺสา หุตฺวา สเกเนว โอธินา ปหีนา. มคฺโคธิวเสนาปิ เย กิเลสา เยน มคฺเคน ปหาตพฺพา, เตน เตเยว ปหีนา ¶ โหนฺติ. เอวํ สกสกโอธิวเสน ตํ ตํ กิเลสชาตํ จตฺตเมว โหติ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ ลทฺธโสมนสฺโส ตตุตฺตริปิ โส ‘‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ ลภติ อตฺถเวทนฺติ สมฺพนฺโธ.
ยโตธิ ¶ โขติปิ ปาโ. ตสฺส วเสน อยมตฺโถ, อสฺส ภิกฺขุโน ยโตธิ โข ปน จตฺตํ โหติ ปฏินิสฺสฏฺํ. ตตฺถ ยโตติ การณวจนํ, ยสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. โอธีติ เหฏฺา ตโย มคฺคา วุจฺจนฺติ. กสฺมา? เต หิ โอธึ กตฺวา โกฏฺาสํ กตฺวา อุปริมคฺเคน ปหาตพฺพกิเลเส เปตฺวา ปชหนฺติ, ตสฺมา โอธีติ วุจฺจนฺติ. อรหตฺตมคฺโค ปน กิฺจิ กิเลสํ อนวเสเสตฺวา ปชหติ, ตสฺมา อโนธีติ วุจฺจติ. อิมสฺส จ ภิกฺขุโน เหฏฺามคฺคตฺตเยน จตฺตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยโตธิ โข ปนสฺส จตฺตํ โหตี’’ติ. ตตฺถ โข ปนาติ นิปาตมตฺตํ. อยํ ปน ปิณฺฑตฺโถ. ยสฺมา อสฺส โอธิ จตฺตํ โหติ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตสฺมา ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ ลทฺธโสมนสฺโส ตตุตฺตริปิ โส ‘‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ ลภติ อตฺถเวทนฺติ ยถาปาฬิ เนตพฺพํ.
ตตฺถ จตฺตนฺติ อิทํ สกภาวปริจฺจชนวเสน วุตฺตํ. วนฺตนฺติ อิทํ ปน อนาทิยนภาวทสฺสนวเสน. มุตฺตนฺติ อิทํ สนฺตติโต วินิโมจนวเสน. ปหีนนฺติ อิทํ มุตฺตสฺสปิ กฺวจิ อนวฏฺานทสฺสนวเสน. ปฏินิสฺสฏฺนฺติ อิทํ ปุพฺเพ อาทินฺนปุพฺพสฺส ¶ ปฏินิสฺสคฺคทสฺสนวเสน ปฏิมุขํ วา นิสฺสฏฺภาวทสฺสนวเสน ภาวนาพเลน อภิภุยฺย นิสฺสฏฺภาวทสฺสนวเสนาติ วุตฺตํ โหติ. ลภติ อตฺถเวทํ ลภติ ธมฺมเวทนฺติ เอตฺถ พุทฺธาทีสุ อเวจฺจปฺปสาโทเยว อรณียโต อตฺโถ, อุปคนฺตพฺพโตติ วุตฺตํ โหติ. ธารณโต ธมฺโม, วินิปติตุํ อปฺปทานโตติ วุตฺตํ โหติ. เวโทติ คนฺโถปิ าณมฺปิ โสมนสฺสมฺปิ. ‘‘ติณฺณํ เวทานํ ปารคู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๖) หิ คนฺโถ ‘‘เวโท’’ติ วุจฺจติ. ‘‘ยํ พฺราหฺมณํ เวทคุมาภิชฺา, อกิฺจนํ กามภาเว อสตฺต’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๖๕) าณํ. ‘‘เย เวทชาตา วิจรนฺติ โลเก’’ติอาทีสุ โสมนสฺสํ. อิธ ปน โสมนสฺสฺจ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตาณฺจ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา ‘‘ลภติ อตฺถเวทํ ลภติ ธมฺมเวทนฺติ อเวจฺจปฺปสาทารมฺมณโสมนสฺสฺจ โสมนสฺสมยาณฺจ ลภตี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อถ ¶ วา อตฺถเวทนฺติ อเวจฺจปฺปสาทํ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปนฺนํ วุตฺตปฺปการเมว เวทํ. ธมฺมเวทนฺติ ¶ อเวจฺจปฺปสาทสฺส เหตุํ โอธิโส กิเลสปฺปหานํ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปนฺนํ วุตฺตปฺปการเมว เวทนฺติ เอวมฺปิ เอตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘-๗๑๙). ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชนฺติ ตเมว อตฺถฺจ ธมฺมฺจ อตฺถธมฺมานิสํสภูตํ เวทฺจ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปนฺนํ ปาโมชฺชํ. ตฺหิ อนวชฺชลกฺขเณน ปจฺจเวกฺขณาการปฺปวตฺเตน ธมฺเมน อุปสฺหิตนฺติ วุจฺจติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตีติ อิมินา ปาโมชฺเชน ปมุทิตสฺส นิรามิสา ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺสาติ ตาย ปีติยา ปีณิตมนสฺส. กาโย ปสฺสมฺภตีติ กาโยปิ ปสฺสทฺโธ โหติ วูปสนฺตทรโถ. ปสฺสทฺธกาโย สุขนฺติ เอวํ วูปสนฺตกายทรโถ เจตสิกํ สุขํ ปฏิสํเวเทติ. จิตฺตํ สมาธิยตีติ จิตฺตํ สมฺมา อาธิยติ อปฺปิตํ วิย อจลํ ติฏฺติ.
๗๖. เอวมสฺส กิเลสปฺปหานํ อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคตํ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปชฺชมานํ โสมนสฺสาทิอานิสํสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ยโถธิ โข ปน เม’’ติ วาเรน ตสฺส ปจฺจเวกฺขณาย ปวตฺตาการํ ปกาเสตฺวา ตสฺเสว ¶ อนาคามิมคฺคานุภาวสูจกํ ผลํ ทสฺเสนฺโต ส โข โส, ภิกฺขเวติอาทิมาห.
ตตฺถ เอวํสีโลติ ตสฺส อนาคามิมคฺคสมฺปยุตฺตํ สีลกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. เอวํธมฺโม เอวํปฺโติ ตํสมฺปยุตฺตเมว สมาธิกฺขนฺธํ ปฺากฺขนฺธฺจ ทสฺเสติ. สาลีนนฺติ โลหิตสาลิคนฺธสาลิอาทีนํ อเนกรูปานํ. ปิณฺฑปาตนฺติ โอทนํ. วิจิตกาฬกนฺติ อปนีตกาฬกํ. เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายายาติ ตสฺส เอวํวิธสฺส ภิกฺขุโน ตํ วุตฺตปฺปการปิณฺฑปาตโภชนํ มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา เนว อนฺตรายาย โหติ, ปฏิลทฺธคุณสฺส หิ ตํ กิมนฺตรายํ กริสฺสติ? โยปิสฺส อปฺปฏิลทฺโธ จตุตฺถมคฺโค จ ผลํ จ ตปฺปฏิลาภาย วิปสฺสนํ อารภโตปิ เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายาย, อนฺตรายํ กาตุํ อสมตฺถเมว โหติ. กสฺมา? วุตฺตปฺปการสีลธมฺมปฺาสงฺคเหน มคฺเคน วิสุทฺธจิตฺตตฺตา.
ยสฺมา ¶ เจตฺถ เอตเทว การณํ, ตสฺมา ตทนุรูปํ อุปมํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ อจฺฉนฺติ วิปฺปสนฺนํ. ปริสุทฺธํ มลวิคเมน. ปริโยทาตํ ปภสฺสรตาย. อุกฺกามุขนฺติ สุวณฺณการานํ มูสามุขํ. สุวณฺณการานํ มูสา หิ อิธ อุกฺกา, อฺตฺถ ปน ทีปิกาทโยปิ วุจฺจนฺติ. ‘‘อุกฺกาสุ ธารียมานาสู’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๕๙) หิ อาคตฏฺาเน ทีปิกา ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อุกฺกํ พนฺเธยฺย, อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๖๐) อาคตฏฺาเน องฺคารกปลฺลํ. ‘‘กมฺมารานํ ยถา อุกฺกา, อนฺโต ฌายติ โน พหี’’ติ (ชา. ๒.๒๒.๖๔๙) อาคตฏฺาเน กมฺมารุทฺธนํ. ‘‘เอวํวิปาโก อุกฺกาปาโต ภวิสฺสตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔) อาคตฏฺาเน วาตเวโค ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติ. อิมสฺมึ ปน าเน อฺเสุ จ เอวรูเปสุ ‘‘สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิปตี’’ติ อาคตฏฺาเนสุ สุวณฺณการานํ มูสา ‘‘อุกฺกา’’ติ เวทิตพฺพา.
ตตฺรายํ อุปมาสํสนฺทนา – สํกิลิฏฺวตฺถํ วิย หิ สํกิลิฏฺชาตรูปํ วิย จ อิมสฺส ภิกฺขุโน ปุถุชฺชนกาเล กามราคาทิมลานุคตํ จิตฺตํ ทฏฺพฺพํ. อจฺโฉทกํ วิย อุกฺกามุขํ วิย จ อนาคามิมคฺโค. ตํ อุทกํ อุกฺกามุขฺจ ¶ อาคมฺม วตฺถสุวณฺณานํ ปริสุทฺธตา วิย ตสฺส ภิกฺขุโน วุตฺตปฺปการสีลธมฺมปฺาสงฺคหํ อนาคามิมคฺคํ อาคมฺม วิสุทฺธจิตฺตตาติ.
๗๗. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสาติ ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา. ตโย หิ อนุสนฺธี ปุจฺฉานุสนฺธิ อชฺฌาสยานุสนฺธิ ยถานุสนฺธีติ. ตตฺถ ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, พหิทฺธา อสติ ปริตสฺสนา’ติ? ‘สิยา ภิกฺขู’ติ ภควา อโวจา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๒). เอวํ ปุจฺฉนฺตานํ วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสน ปุจฺฉานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. ‘‘สิยา โข ปน เต พฺราหฺมณ เอวมสฺส, อชฺชาปิ นูน สมโณ โคตโม อวีตราโค’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๕) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา วุตฺตสฺส สุตฺตสฺส วเสน อชฺฌาสยานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. เยน ปน ธมฺเมน อาทิมฺหิ เทสนา อุฏฺิตา, ตสฺส ธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ปฏิปกฺขวเสน วา เยสุ สุตฺเตสุ อุปริ เทสนา อาคจฺฉติ, เตสํ วเสน ยถานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ ¶ . เสยฺยถิทํ, อากงฺเขยฺยสุตฺเต เหฏฺา สีเลน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ ฉ อภิฺา อาคตา. กกจูปเม เหฏฺา อกฺขนฺติยา อุฏฺิตา, อุปริ กกจูปโมวาโท อาคโต. อลคทฺเท เหฏฺา ทิฏฺิปริทีปเนน อุฏฺิตา, อุปริ ติปริวฏฺฏสฺุตาปกาสนา อาคตา, จูฬอสฺสปุเร เหฏฺา กิเลสปริทีปเนน อุฏฺิตา, อุปริ พฺรหฺมวิหารา ¶ อาคตา. โกสมฺพิยสุตฺเต เหฏฺา ภณฺฑเนน อุฏฺิตา, อุปริ สารณียธมฺมา อาคตา. อิมสฺมิมฺปิ วตฺถสุตฺเต เหฏฺา กิเลสปริทีปเนน อุฏฺิตา, อุปริ พฺรหฺมวิหารา อาคตา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา’’ติ. พฺรหฺมวิหาเรสุ ปน อนุปทวณฺณนา จ ภาวนานโย จ สพฺโพ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต.
๗๘. เอวํ ภควา อภิชฺฌาทีนํ อุปกฺกิเลสานํ ปฏิปกฺขภูตํ สพฺพโส จ กามราคพฺยาปาทปฺปหาเนน วิหตปจฺจตฺถิกตฺตา ลทฺธปทฏฺานํ ตสฺส อนาคามิโน พฺรหฺมวิหารภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิสฺส อรหตฺตาย วิปสฺสนํ ทสฺเสตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ โส อตฺถิ อิทนฺติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ – โส อนาคามี เอวํ ภาวิตพฺรหฺมวิหาโร เอเตสํ พฺรหฺมวิหารานํ ยโต กุโตจิ วุฏฺาย เต เอว พฺรหฺมวิหารธมฺเม นามวเสน ¶ เตสํ นิสฺสยํ หทยวตฺถุํ วตฺถุนิสฺสยานิ ภูตานีติ อิมินา นเยน ภูตุปาทายธมฺเม รูปวเสน จ ววตฺถเปตฺวา อตฺถิ อิทนฺติ ปชานาติ, เอตฺตาวตาเนน ทุกฺขสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ. ตโต ตสฺส ทุกฺขสฺส สมุทยํ ปฏิวิชฺฌนฺโต อตฺถิ หีนนฺติ ปชานาติ, เอตฺตาวตาเนน สมุทยสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ. ตโต ตสฺส ปหานุปายํ วิจินนฺโต อตฺถิ ปณีตนฺติ ปชานาติ, เอตฺตาวตาเนน มคฺคสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ. ตโต เตน มคฺเคน อธิคนฺตพฺพฏฺานํ วิจินนฺโต อตฺถิ อุตฺตริ อิมสฺส สฺาคตสฺส นิสฺสรณนฺติ ปชานาติ, อิมสฺส มยา อธิคตสฺส พฺรหฺมวิหารสฺาคตสฺส อุตฺตริ นิสฺสรณํ นิพฺพานํ อตฺถีติ เอวํ ปชานาตีติ อธิปฺปาโย, เอตฺตาวตาเนน นิโรธสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส วิปสฺสนาปฺาย เอวํ จตูหิ ¶ อากาเรหิ จตฺตาริ สจฺจานิ ชานโต, มคฺคปฺาย เอวํ ปสฺสโต, ภยเภรเว วุตฺตนเยเนว กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ…เป… อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตีติ.
เอวํ ยาว อรหตฺตา เทสนํ ปาเปตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตสฺสํ ปริสติ นฺหานสุทฺธิโก พฺราหฺมโณ นิสินฺโน, โส เอวํ นฺหานสุทฺธิยา วณฺณํ วุจฺจมานํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตีติ ภควตา วิทิโต, ตสฺมา ตสฺส โจทนตฺถาย ‘‘อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ สินาโต อนฺตเรน สินาเนนา’’ติ อิมํ ปาฏิเยกฺกํ อนุสนฺธิมาห. ตตฺถ อนฺตเรน สินาเนนาติ อพฺภนฺตเรน กิเลสวุฏฺานสินาเนน.
๗๙. สุนฺทริกภารทฺวาโชติ ภารทฺวาโช นาม โส พฺราหฺมโณ อตฺตโน โคตฺตวเสน, สุนฺทริกาย ปน นทิยา สินาตสฺส ปาปปฺปหานํ โหตีติ อยมสฺส ทิฏฺิ, ตสฺมา ‘‘สุนฺทริกภารทฺวาโช’’ติ วุจฺจติ. โส ตํ ภควโต วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยํ สินานสุทฺธึ วณฺเณม, สมโณปิ โคตโม ตเถว วณฺเณติ, สมานจฺฉนฺโท ทานิ เอส อมฺเหหี’’ติ. อถ ภควนฺตํ พาหุกํ นทึ คนฺตฺวา ตํ ตตฺถ ปาปํ ปวาเหตฺวา อาคตํ วิย มฺมาโน อาห ‘‘คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุกํ นทึ สินายิตุ’’นฺติ? ภควา ตสฺส คจฺฉามีติ วา น คจฺฉามีติ วา อวตฺวาเยว พฺราหฺมณสฺส ทิฏฺิสมุคฺฆาตํ กตฺตุกาโม ‘‘กึ พฺราหฺมณ พาหุกาย นทิยา ¶ , กึ พาหุกา นที กริสฺสตี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ กึ ปโยชนํ พาหุกาย, กึ สา กริสฺสติ? อสมตฺถา สา กสฺสจิ อตฺถาย, กึ ตตฺถ คมิสฺสามีติ?
อถ พฺราหฺมโณ ตํ ปสํสนฺโต โลกฺขสมฺมตาติอาทิมาห. ตตฺถ โลกฺขสมฺมตาติ ลูขภาวสมฺมตา, ลูขภาวนฺติ โจกฺขภาวํ, วิสุทฺธิภาวํ เทตีติ เอวํ สมฺมตาติ วุตฺตํ โหติ. โลกฺยสมฺมตาติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ, เสฏฺํ โลกํ คมยตีติ เอวํ สมฺมตาติ. ปฺุสมฺมตาติ ปฺุนฺติ สมฺมตา. ปวาเหตีติ คมยติ วิโสเธติ. คาถาหิ อชฺฌภาสีติ คาถาหิ อภาสิ. คาถา จ วุจฺจมานา ตทตฺถทีปนตฺถเมว วา คาถารุจิกานํ วุจฺจติ, วิเสสตฺถทีปนตฺถํ วา. อิธ ปเนตา อุภยตฺถทีปนตฺถํ วุตฺตาติ ¶ เวทิตพฺพา.
พาหุกนฺติ อิทเมว หิ เอตฺถ วจนํ ตทตฺถทีปกํ, เสสานิ วิเสสตฺถทีปกานิ. ยเถว หิ พาหุกํ, เอวํ อธิกกฺกาทีนิปิ โลโก คจฺฉติ นฺหาเนน ปาปํ ปวาเหตุํ. ตตฺถ เย เตสํ านานํ อาสนฺนา โหนฺติ, เต ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ นฺหายนฺติ. เย ทูรา, เต ยถากฺกมํ ทฺวิกฺขตฺตุํ สกึ เอกทิวสนฺตรํ, เอวํ ยาว สํวจฺฉรนฺตรํ นฺหายนฺติ. เย ปน สพฺพถาปิ คนฺตุํ น สกฺโกนฺติ, เต ฆเฏหิปิ ตโต อุทกํ อาหราเปตฺวา นฺหายนฺติ. สพฺพฺเจตํ นิรตฺถกํ, ตสฺมา อิมํ วิเสสตฺถํ ทีเปตุํ อธิกกฺกาทีนิปีติ อาห.
ตตฺถ ¶ อธิกกฺกนฺติ นฺหานสมฺภารวเสน ลทฺธโวหารํ เอกํ ติตฺถํ วุจฺจติ. คยาติปิ มณฺฑลวาปิสณฺานํ ติตฺถเมว วุจฺจติ. ปยาคาติ เอตมฺปิ คงฺคาย เอกํ ติตฺถเมว มหาปนาทสฺส รฺโ คงฺคายํ นิมุคฺคปาสาทสฺส โสปานสมฺมุขฏฺานํ, พาหุกา สุนฺทริกา สรสฺสตี พาหุมตีติ อิมา ปน จตสฺโส นทิโย. พาโลติ ทุปฺปฺโ. ปกฺขนฺโทติ ปวิสนฺโต. น สุชฺฌตีติ กิเลสสุทฺธึ น ปาปุณาติ, เกวลํ รโชชลฺลเมว ปวาเหติ.
กึ สุนฺทริกา กริสฺสตีติ สุนฺทริกา กิเลสวิโสธเน กึ กริสฺสติ? น กิฺจิ กาตุํ สมตฺถาติ อธิปฺปาโย. เอส นโย ปยาคพาหุกาสุ. อิเมหิ จ ตีหิ ปเทหิ วุตฺเตหิ อิตรานิปิ จตฺตาริ ลกฺขณาหารนเยน วุตฺตาเนว โหนฺติ, ตสฺมา ยเถว สุนฺทริกา ปยาคา ¶ พาหุกา น กิฺจิ กโรนฺติ, ตถา อธิกกฺกาทโยปีติ เวทิตพฺพา.
เวรินฺติ ปาณาติปาตาทิปฺจเวรสมนฺนาคตํ. กตกิพฺพิสนฺติ กตลุทฺทกมฺมํ. น หิ นํ โสธเยติ สุนฺทริกา วา ปยาคา วา พาหุกา วา น โสธเย, น โสเธตีติ วุตฺตํ โหติ. ปาปกมฺมินนฺติ ปาปเกหิ เวรกิพฺพิสกมฺเมหิ ยุตฺตํ, ลามกกมฺเม ยุตฺตํ วา เวรกิพฺพิสภาวํ อปฺปตฺเตหิ ขุทฺทเกหิปิ ปาเปหิ ยุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
สุทฺธสฺสาติ ¶ นิกฺกิเลสสฺส. สทา ผคฺคูติ นิจฺจมฺปิ ผคฺคุนีนกฺขตฺตเมว. ผคฺคุนมาเส กิร ‘‘อุตฺตรผคฺคุนทิวเส โย นฺหายติ, โส สํวจฺฉรํ กตปาปํ โสเธตี’’ติ เอวํ ทิฏฺิโก โส พฺราหฺมโณ, เตนสฺส ภควา ตํ ทิฏฺึ ปฏิหนนฺโต อาห ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคู’’ติ. นิกฺกิเลสสฺส นิจฺจํ ผคฺคุนีนกฺขตฺตํ, อิตโร กึ สุชฺฌตีติ? อุโปสโถ สทาติ สุทฺธสฺส จ จาตุทฺทสปนฺนรสาทีสุ อุโปสถงฺคานิ อสมาทิยโตปิ นิจฺจเมว อุโปสโถ. สุทฺธสฺส สุจิกมฺมสฺสาติ นิกฺกิเลสตาย สุทฺธสฺส สุจีหิ จ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตสฺส. สทา สมฺปชฺชเต วตนฺติ อีทิสสฺส จ กุสลูปสฺหิตํ วตสมาทานมฺปิ นิจฺจํ สมฺปนฺนเมว โหตีติ. อิเธว สินาหีติ อิมสฺมึเยว มม สาสเน สินาหิ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘สเจ อชฺฌตฺติกกิเลสมลปฺปวาหนํ อิจฺฉสิ, อิเธว มม สาสเน อฏฺงฺคิกมคฺคสลิเลน สินาหิ, อฺตฺร หิ อิทํ นตฺถี’’ติ.
อิทานิสฺส ¶ สปฺปายเทสนาวเสน ตีสุปิ ทฺวาเรสุ สุทฺธึ ทสฺเสนฺโต สพฺพภูเตสุ กโรหิ เขมตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เขมตนฺติ อภยํ หิตภาวํ, เมตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอเตนสฺส มโนทฺวารสุทฺธิ ทสฺสิตา โหติ.
สเจ มุสา น ภณสีติ เอเตนสฺส วจีทฺวารสุทฺธิ. สเจ ปาณํ น หึสสิ สเจ อทินฺนํ นาทิยสีติ เอเตหิ กายทฺวารสุทฺธิ. สทฺทหาโน อมจฺฉรีติ เอเตหิ ปน นํ เอวํ ปริสุทฺธทฺวารํ สทฺธาสมฺปทาย จาคสมฺปทาย จ นิโยเชสิ. กึ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา, อุทปาโนปิ เต คยาติ อยํ ปน อุปฑฺฒคาถา, สเจ สพฺพภูเตสุ เขมตํ กริสฺสสิ, มุสา น ภณิสฺสสิ, ปาณํ น หนิสฺสสิ, อทินฺนํ นาทิยิสฺสสิ, สทฺธหาโน อมจฺฉรี ภวิสฺสสิ, กึ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา อุทปาโนปิ เต คยา ¶ , คยายปิ หิ เต นฺหายนฺตสฺส อุทปาเนปิ อิมาย เอว ปฏิปตฺติยา กิเลสสุทฺธิ, สรีรมลสุทฺธิ ปน อุภยตฺถ สมาติ เอวํ โยเชตพฺพํ. ยสฺมา จ โลเก คยา สมฺมตตรา, ตสฺมา ตสฺส ภควา ‘‘คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุก’’นฺติ ปุฏฺโปิ ‘‘กึ กาหสิ พาหุกํ คนฺตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘กึ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา’’ติ อาหาติ เวทิตพฺโพ.
๘๐. เอวํ วุตฺเตติ เอวมาทิ ภยเภรเว วุตฺตตฺตา ปากฏเมว. เอโก วูปกฏฺโติอาทีสุ ปน เอโก กายวิเวเกน ¶ . วูปกฏฺโ จิตฺตวิเวเกน. อปฺปมตฺโต กมฺมฏฺาเน สติ อวิชหเนน. อาตาปี กายิกเจตสิกวีริยสงฺขาเตน อาตาเปน. ปหิตตฺโต กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย. วิหรนฺโต อฺตรอิริยาปถวิหาเรน. นจิรสฺเสวาติ ปพฺพชฺชํ อุปาทาย วุจฺจติ. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา จ อาจารกุลปุตฺตา จ, อยํ ปน อุภยถาปิ กุลปุตฺโต. อคารสฺมาติ ฆรา. อคารสฺส หิตํ อคาริยํ, กสิโครกฺขาทิกุฏุมฺพโปสนกมฺมํ วุจฺจติ, นตฺถิ เอตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยํ, ปพฺพชฺชาเยตํ อธิวจนํ. ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ อุปสงฺกมนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ, อรหตฺตผลนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ กตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหาสีติ, เอวํ วิหรนฺโต จ ขีณา ชาติ…เป… อพฺภฺาสิ. เอเตนสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมึ ทสฺเสติ.
กตมา ¶ ปนสฺส ชาติ ขีณา? กถฺจ นํ อพฺภฺาสีติ? วุจฺจเต, กามฺเจตํ ภยเภรเวปิ วุตฺตํ, ตถาปิ นํ อิธ ปมปุริสวเสน โยชนานยสฺส ทสฺสนตฺถํ ปุน สงฺเขปโต ภณาม. น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา, ปุพฺเพว ขีณตฺตา. น อนาคตา, ตตฺถ วายามาภาวโต. น ปจฺจุปฺปนฺนา, วิชฺชมานตฺตา. มคฺคสฺส ปน อภาวิตตฺตา ยา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา, ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานนฺโต ชานาติ.
วุสิตนฺติ ¶ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุนอิตฺถภาวาย ¶ เอวํโสฬสกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนา นตฺถีติ. อถ วา, อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ นตฺถิ. อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ, ฉินฺนมูลโก รุกฺโข วิยาติ อพฺภฺาสิ. อฺตโรติ เอโก. อรหตนฺติ อรหนฺตานํ, ภควโต สาวกานํ อรหตํ อพฺภนฺตโร อโหสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
วตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สลฺเลขสุตฺตวณฺณนา
๘๑. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ สลฺเลขสุตฺตํ. ตตฺถ มหาจุนฺโทติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. สายนฺหสมยนฺติ สายนฺหกาเล. ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ เอตฺถ ปฏิสลฺลานนฺติ เตหิ เตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลานํ นิลียนํ, เอกีภาโว ปวิเวโกติ วุตฺตํ โหติ. โย ตโต วุฏฺิโต, โส ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต นาม โหติ. อยํ ปน ยสฺมา ปฏิสลฺลานานํ อุตฺตมโต ผลสมาปตฺติโต วุฏฺาสิ, ตสฺมา ‘‘ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต’’ติ วุตฺโต. ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวาติ สมทสนขุชฺชลวิภูสิเตน สิรสา ภควนฺตํ สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา, อภิวาทาเปตฺวา วา ‘‘สุขี ภว, จุนฺทา’’ติ เอวํ วจีเภทํ การาเปตฺวา, ภควา ปน กิร วนฺทิโต สมาโน สุวณฺณทุนฺทุภิสทิสํ คีวํ ปคฺคยฺห กณฺณสุขํ เปมนิยํ อมตาภิเสกสทิสํ พฺรหฺมโฆสํ นิจฺฉาเรนฺโต ‘‘สุขี โหหี’’ติ ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา วทติ, เอตํ อาจิณฺณํ ตถาคตานํ. ตตฺริทํ สาธกสุตฺตํ, ‘‘สกฺโก, ภนฺเต, เทวานมินฺโท สามจฺโจ สปริชโน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตีติ, สุขี โหตุ ปฺจสิข สกฺโก เทวานมินฺโท สามจฺโจ สปริชโน, สุขกามา หิ เทวา มนุสฺสา อสุรา นาคา คนฺธพฺพา, เย จฺเ ¶ สนฺติ ปุถุกายา’’ติ. เอวฺจ ปน ตถาคตา เอวรูเป มเหสกฺเข ยกฺเข อภิวทนฺตีติ.
ยา อิมาติ อิทานิ วตฺตพฺพาภิมุขํ กโรนฺโต วิย อาห. อเนกวิหิตาติ นานปฺปการา. ทิฏฺิโยติ มิจฺฉาทิฏฺิโย ¶ . โลเก อุปฺปชฺชนฺตีติ สตฺเตสุ ปาตุภวนฺติ. อตฺตวาทปฺปฏิสํยุตฺตาติ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน อตฺตวาเทน ปฏิสํยุตฺตา, ตา วีสติ ภวนฺติ. โลกวาทปฺปฏิสํยุตฺตาติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน โลกวาเทน ปฏิสํยุตฺตา, ตา อฏฺ โหนฺติ สสฺสโต, อสสฺสโต, สสฺสโต จ อสสฺสโต จ, เนว สสฺสโต นาสสฺสโต, อนฺตวา, อนนฺตวา, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ, เนวนฺตวา นานนฺตวา อตฺตา จ โลโก จาติ เอวํ ปวตฺตตฺตา.
อาทิเมวาติอาทีสุ อยมตฺโถ กึ นุ โข ภนฺเต อาทิเมว มนสิกโรนฺตสฺส อปฺปตฺวาปิ โสตาปตฺติมคฺคํ ¶ วิปสฺสนามิสฺสกปมมนสิการเมว มนสิกโรนฺตสฺส ภิกฺขุโน เอวเมตาสํ เอตฺตเกเนว อุปาเยน เอตาสํ ทิฏฺีนํ ปหานฺจ ปฏินิสฺสคฺโค จ โหตีติ. อิทฺจ เถโร อตฺตนา อนธิมานิโกปิ สมาโน อธิมานิกานํ อธิมานปฺปหานตฺถํ อธิมานิโก วิย หุตฺวา ปุจฺฉตีติ เวทิตพฺโพ. อปเร ปนาหุ ‘‘เถรสฺส อนฺเตวาสิกา อาทิมนสิกาเรเนว ทิฏฺีนํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ โหตีติ เอวํสฺิโนปิ, สมาปตฺติวิหารา สลฺเลขวิหาราติ เอวํสฺิโนปิ อตฺถิ. โส เตสํ อตฺถาย ภควนฺตํ ปุจฺฉตี’’ติ.
๘๒. อถสฺส ภควา ตาสํ ทิฏฺีนํ ปหานูปายํ ทสฺเสนฺโต ยา อิมาติอาทิมาห. ตตฺถ ยตฺถ เจตา ทิฏฺิโย อุปฺปชฺชนฺตีติอาทิ ปฺจกฺขนฺเธ สนฺธาย วุตฺตํ. เอเตสุ หิ เอตา ทิฏฺิโย อุปฺปชฺชนฺติ. ยถาห ‘‘รูเป โข, ภิกฺขเว, สติ รูปํ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, โส อตฺตา โส โลโก โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕๒) วิตฺถาโร. อารมฺมณวเสน ปน เอกวจนํ กตฺวา ยตฺถ จาติ อาห, ยสฺมึ อารมฺมเณ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ อุปฺปชฺชนฺติ อนุเสนฺติ สมุทาจรนฺตีติ อิเมสํ เอวํ นานากรณํ เวทิตพฺพํ. ชาติวเสน หิ อชาตา ชายมานา อุปฺปชฺชนฺตีติ วุจฺจนฺติ. ปุนปฺปุนํ อาเสวิตา ถามคตา ¶ อปฺปฏิวินีตา อนุเสนฺตีติ. กายวจีทฺวารํ สมฺปตฺตา สมุทาจรนฺตีติ, อิทเมเตสํ นานากรณํ. ตํ เนตํ มมาติอาทีสุ ตํ ปฺจกฺขนฺธปฺปเภทํ อารมฺมณเมตํ มยฺหํ น โหติ, อหมฺปิ เอโส น ¶ อสฺมิ, เอโส เม อตฺตาปิ น โหตีติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโตติ เอวํ ตาว ปทตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา ปน เอตฺถ เอตํ มมาติ ตณฺหาคาโห, ตฺจ คณฺหนฺโต อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภทํ ตณฺหาปปฺจํ คณฺหาติ. เอโสหมสฺมีติ มานคาโห, ตฺจ คณฺหนฺโต นวปฺปเภทํ มานปปฺจํ คณฺหาติ. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคาโห, ตฺจ คณฺหนฺโต ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตปฺปเภทํ ทิฏฺิปปฺจํ คณฺหาติ. ตสฺมา เนตํ มมาติ วทนฺโต ภควา ยถาวุตฺตปฺปเภทํ ตณฺหาปปฺจํ ปฏิกฺขิปติ. เนโสหมสฺมีติ มานปปฺจํ. น เมโส อตฺตาติ ทิฏฺิปปฺจํ. ทิฏฺเกฏฺาเยว เจตฺถ ตณฺหามานา เวทิตพฺพา. เอวเมตนฺติ เอวํ ‘‘เนตํ มมา’’ติอาทินา อากาเรน เอตํ ขนฺธปฺจกํ. ยถาภูตนฺติ ยถา สภาวํ, ยถา อตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. ขนฺธปฺจกฺหิ เอเตเนว อากาเรน อตฺถิ. มมนฺติอาทินา ปน คยฺหมานมฺปิ เตนากาเรน เนวตฺถีติ อธิปฺปาโย. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโตติ โสตาปตฺติมคฺคปฺาปริโยสานาย ¶ วิปสฺสนาปฺาย สุฏฺุ ปสฺสนฺตสฺส. เอวเมตาสนฺติ เอเตน อุปาเยน เอตาสํ. ปหานํ ปฏินิสฺสคฺโคติ อุภยมฺเปตํ สมุจฺเฉทปฺปหานสฺเสวาธิวจนํ.
เอวํ ภควา อาทิมนสิกาเรเนว ทิฏฺีนํ ปหานํ โหติ นุ โข โนติ อายสฺมตา มหาจุนฺเทน อธิมานิกานํ วเสน ปฺหํ ปุฏฺโ โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺิปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สยเมว อธิมานิกานํ ฌานํ วิภชนฺโต านํ โข ปเนตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อธิมานิกา นาม เยสํ อปฺปตฺเต ปตฺตสฺาย อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, สฺวายํ อุปฺปชฺชมาโน เนว โลกวฏฺฏานุสารีนํ พาลปุถุชฺชนานํ อุปฺปชฺชติ, น อริยสาวกานํ. น หิ โสตาปนฺนสฺส ‘‘สกทาคามี อห’’นฺติ อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, น สกทาคามิสฺส ‘‘อนาคามี อห’’นฺติ, น อนาคามิโน ‘‘อรหา อห’’นฺติ, การกสฺเสว ปน สมถวเสน วา วิปสฺสนาวเสน วา วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส นิจฺจํ ยุตฺตปยุตฺตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส อุปฺปชฺชติ. ตสฺส หิ สมถวิกฺขมฺภิตานํ วา วิปสฺสนาวิกฺขมฺภิตานํ วา กิเลสานํ สมุทาจารํ อปสฺสโต ‘‘โสตาปนฺโน ¶ อหนฺติ วา, สกทาคามี, อนาคามี ¶ , อรหา อห’’นฺติ วา อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, ตลงฺครติสฺสปพฺพตวาสิธมฺมทินฺนตฺเถเรน โอวาทิยมานตฺเถรานํ วิย.
เถรสฺส กิร อจิรูปสมฺปนฺนสฺเสว โอวาเท ตฺวา พหู ภิกฺขู วิเสสํ อธิคจฺฉึสุ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ติสฺสมหาวิหารวาสี ภิกฺขุสงฺโฆ ‘‘น อฏฺานนิโยชโก เถโรติ เถรํ อาเนถา’’ติ สมฺพหุเล ภิกฺขู ปาเหสิ. เต คนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, ธมฺมทินฺน ภิกฺขุสงฺโฆ ตํ ปกฺโกสาเปตี’’ติ อาหํสุ. โส อาห ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภนฺเต, อตฺตานํ คเวสถ ปร’’นฺติ? อตฺตานํ สปฺปุริสาติ, โส เตสํ กมฺมฏฺานมทาสิ, สพฺเพว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ภิกฺขุสงฺโฆ ปุน อฺเ ภิกฺขู ปาเหสิ, เอวํ ยาวตติยํ ปหิตา สพฺเพปิ ตตฺเถว อรหตฺตํ ปตฺวา วิหรึสุ.
ตโต สงฺโฆ คตคตา นาคจฺฉนฺตีติ อฺตรํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ ปาเหสิ. โส คนฺตฺวา จ, ‘‘ภนฺเต, ธมฺมทินฺน ติกฺขตฺตุํ ติสฺสมหาวิหารวาสี ภิกฺขุสงฺโฆ ตุยฺหํ สนฺติเก เปเสสิ, ตฺวํ นาม สงฺฆสฺส อาณํ ครุํ น กโรสิ, นาคจฺฉสี’’ติ อาห. เถโร กิเมตนฺติ ปณฺณสาลํ อปฺปวิสิตฺวาว ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ตาวเทว นิกฺขมิ, โส อนฺตรามคฺเค หงฺกนวิหารํ ปาวิสิ. ตตฺถ เจโก มหาเถโร สฏฺิวสฺสาตีโต อธิมาเนน อรหตฺตํ ปฏิชานาติ. เถโร ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อธิคมํ ปุจฺฉิ. เถโร อาห ‘‘อาม ธมฺมทินฺน, ยํ ปพฺพชิเตน กาตพฺพํ, จิรกตํ ตํ มยา, อตีตสฏฺิวสฺโสมฺหิ เอตรหี’’ติ. กึ, ภนฺเต, อิทฺธิมฺปิ วฬฺเชถาติ. อาม ธมฺมทินฺนาติ. สาธุ วต, ภนฺเต, หตฺถึ ตุมฺหากํ ปฏิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ มาเปถาติ. สาธาวุโสติ เถโร สพฺพเสตํ สตฺตปฺปติฏฺํ ติธาปภินฺนํ นงฺคุฏฺํ พีชยมานํ โสณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา ทฺวีหิ ทนฺเตหิ วิชฺฌิตุกามํ วิย ปฏิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ มหาหตฺถึ มาเปสิ. โส ตํ อตฺตนาเยว มาปิตํ หตฺถึ ทิสฺวา ภีโต ปลายิตุํ อารภิ. ตทาว อตฺตานํ ‘‘นาหํ อรหา’’ติ ตฺวา ธมฺมทินฺนสฺส ปาทมูเล อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา ‘‘ปติฏฺา เม โหหิ, อาวุโส’’ติ อาห. ธมฺมทินฺโน ‘‘มา, ภนฺเต, โสจิ, มา อนตฺตมโน อโหสิ, การกานํเยว อธิมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติ ¶ เถรํ สมสฺสาเสตฺวา กมฺมฏฺานมทาสิ. เถโร ตสฺโสวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
จิตฺตลปพฺพเตปิ ¶ ตาทิโสว เถโร วสติ. ธมฺมทินฺโน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว ปุจฺฉิ. โสปิ ตเถว พฺยากาสิ. ตโต นํ ธมฺมทินฺโน กึ, ภนฺเต, อิทฺธิมฺปิ วฬฺเชถาติ อาห. อามาวุโสติ. สาธุ วต, ภนฺเต, เอกํ โปกฺขรณึ มาเปถาติ. เถโร มาเปสิ. เอตฺถ, ภนฺเต, ปทุมคุมฺพํ มาเปถาติ. ตมฺปิ มาเปสิ. ปทุมคุมฺเพ มหาปทุมํ มาเปถาติ. ตมฺปิ มาเปสิ. เอตสฺมึ ปทุมคุมฺเพ ตฺวา มธุรสฺสเรน คายนฺตํ นจฺจนฺตฺจ เอกํ อิตฺถิวิคฺคหํ มาเปถาติ. ตมฺปิ มาเปสิ. โส เอตํ, ภนฺเต, ปุนปฺปุนํ อุปนิชฺฌายถาติ วตฺวา สยํ ปาสาทํ ปาวิสิ. เถรสฺส ตํ อุปนิชฺฌายโต สฏฺิวสฺสานิ วิกฺขมฺภิตกิเลสา จลึสุ, โส ตทา อตฺตานํ ตฺวา ปุริมตฺเถโร วิย ธมฺมทินฺนตฺเถรสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ธมฺมทินฺโนปิ อนุปุพฺเพน ติสฺสมหาวิหารํ อคมาสิ. ตสฺมิฺจ สมเย เถรา เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา นิสินฺนา โหนฺติ, เอตํ กิร เตสํ วตฺตํ. เตน เนสํ เอโกปิ ‘‘อิธ ปตฺตจีวรํ เปหี’’ติ ธมฺมทินฺนํ วตฺตา ปุจฺฉิตาปิ นาโหสิ. ธมฺมทินฺโน เอโส ภเวยฺยาติ ตฺวา ปน ปฺหํ ปุจฺฉึสุ. โส ปุจฺฉิตปฺเห ติณฺเหน อสินา กุมุทนาฬกลาปํ วิย ฉินฺทิตฺวา ปาทงฺคุลิยา มหาปถวึ ปหริ. ภนฺเต อยํ อเจตนา มหาปถวีปิ ธมฺมทินฺนสฺส คุณํ ชานาติ. ตุมฺเห ปน น ชานิตฺถาติ จ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อเจตนายํ ¶ ปถวี, วิชานาติ คุณาคุณํ;
สเจตนาถ โข ภนฺเต, น ชานาถ คุณาคุณ’’นฺติ.
ตาวเทว จ อากาเส อพฺภุคฺคนฺตฺวา ตลงฺครติสฺสปพฺพตเมว อคมาสิ. เอวํ การกสฺเสว อธิมาโน อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา ภควา ตาทิสานํ ภิกฺขูนํ วเสน ฌานํ วิภชนฺโต านํ โข ปเนตนฺติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ, อตฺเถตํ การณํ, โน นตฺถิ. เยน อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ พาหิรปริพฺพาชเกหิ ¶ สาธารณํ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย, ยํ ปน ตสฺส เอวมสฺส สลฺเลเขน วิหรามีติ, ยํ ปฏิปตฺติวิธานํ กิเลเส สํลิขติ, เตนาหํ วิหรามีติ, ตํ น ยุชฺชติ, น ¶ หิ อธิมานิกสฺส ภิกฺขุโน ฌานํ สลฺเลโข วา สลฺเลขปฏิปทา วา โหติ. กสฺมา? อวิปสฺสนาปาทกตฺตา. น หิ โส ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสติ, ฌานํ ปนสฺส จิตฺเตกคฺคมตฺตํ กโรติ, ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร โหติ. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺตี’’ติ อาห.
ตตฺถ เอเตติ ฌานธมฺมวเสน พหุวจนํ เวทิตพฺพํ, เอเต ปมชฺฌานธมฺมาติ วุตฺตํ โหติ. สมาปตฺติวเสน วา, เอกมฺปิ หิ ปมชฺฌานํ ปุนปฺปุนํ สมาปตฺติวเสน ปวตฺตตฺตา พหุตฺตํ คจฺฉติ. อารมฺมณวเสน วา, เอกมฺปิ หิ ปมชฺฌานํ ปถวีกสิณาทีสุ ปวตฺติวเสน พหุตฺตํ คจฺฉตีติ. เอส นโย ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌาเนสุ. อารุปฺปฌาเนสุ ปน อารมฺมณเภทาภาวโต ปุริมการณทฺวยวเสเนว พหุวจนํ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมา เจเตสํ องฺคานิปิ สนฺตานิ อารมฺมณานิปิ, นิพฺพุตานิ เจว สุขุมานิ จาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา ตานิ สนฺตา เอเต วิหาราติ เอวํ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. อยํ ตาว เตสํ จตุนฺนมฺปิ สาธารณา วณฺณนา. วิเสสวณฺณนา ปน ‘‘สพฺพโส รูปสฺาน’’นฺติอาทิปทานุสารโต วตฺตพฺพา สิยา. สา วิสุทฺธิมคฺเค สพฺพากาเรน วุตฺตาเยว.
๘๓. เอวํ ¶ ยสฺมา อธิมานิกสฺส ภิกฺขุโน ฌานวิหาโร อวิปสฺสนาปาทกตฺตา สลฺเลขวิหาโร น โหติ, น หิ โส ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสติ, จิตฺเตกคฺคกโร ทิฏฺธมฺเม สุขวิหาโร ปนสฺส โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต รูปชฺฌานานิ จ อรูปชฺฌานานิ จ วิภชิตฺวา อิทานิ จ ยตฺถ สลฺเลโข กาตพฺโพ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ, ตฺจ วตฺถุํ ตฺจ สลฺเลขํ ทสฺเสนฺโต อิธ โข ปน โวติอาทิมาห.
กสฺมา ปน ‘‘อฏฺหิ สมาปตฺตีหิ อวิหึสาทโย สลฺเลขา’’ติ วุตฺตา? โลกุตฺตรปาทกตฺตา. พาหิรกานฺหิ อฏฺ สมาปตฺติโย วฏฺฏปาทกาเยว. สาสเน ¶ สรณคมนมฺปิ โลกุตฺตรปาทกํ, ปเคว อวิหึสาทโย. อิมินาเยว จ สุตฺเตน เวทิตพฺพํ ‘‘ยถา พาหิรกสฺส อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ปฺจาภิฺสฺสาปิ ทินฺนทานโต สาสเน ติสรณคตสฺส ¶ ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ โหตี’’ติ. อิทฺหิ สนฺธาย ทกฺขิณาวิสุทฺธิสุตฺเต ‘‘พาหิรเก กาเมสุ วีตราเค ทานํ ทตฺวา โกฏิสตสหสฺสคุณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺเน ทานํ ทตฺวา อสงฺเขยฺยา อปฺปเมยฺยา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา, โก ปน วาโท โสตาปนฺเน’’ติ วุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๗๙). สรณคมนโต ปฏฺาย หิ ตตฺถ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน อธิปฺเปโตติ, อยํ ตาเวตฺถ ปาฬิโยชนา.
อนุปทวณฺณนายํ ปน อิธาติ วิหึสาทิวตฺถุทีปนเมตํ. โข ปนาติ นิปาตมตฺตํ. โวติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, อยํ ปน สงฺเขปตฺโถ, ยเทตํ ‘‘ปเร วิหึสกา ภวิสฺสนฺตี’’ติอาทินา นเยน วิหึสาทิวตฺถุํ วทาม. อิธ, จุนฺท, ตุมฺเหหิ สลฺเลโข กาตพฺโพติ.
เอวํ สงฺเขปโต วตฺวา อิทานิ วิตฺถาเรนฺโต ‘‘ปเร วิหึสกา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อวิหึสกา ภวิสฺสามาติ สลฺเลโข กรณีโย’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปเรติ เย เกจิ อิมํ สลฺเลขมนนุยุตฺตา. วิหึสกา ภวิสฺสนฺตีติ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วาติอาทีหิ สตฺตานํ วิเหสกา ภวิสฺสนฺติ. มยเมตฺถ อวิหึสกา ภวิสฺสามาติ มยํ ปน ยตฺเถว วตฺถุสฺมึ ปเร เอวํ วิหึสกา ภวิสฺสนฺติ, เอตฺเถว อวิหึสกา ภวิสฺสาม, อวิหึสํ อุปฺปาเทตฺวา วิหริสฺสาม. อิติ สลฺเลโข กรณีโยติ เอวํ ตุมฺเหหิ สลฺเลโข กาตพฺโพ ¶ . สลฺเลโขติ จ อิธ อวิหึสาว เวทิตพฺพา. อวิหึสา หิ วิหึสํ สลฺเลขติ, ตํ ฉินฺทติ, ตสฺมา สลฺเลโขติ วุจฺจติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อยํ ปน วิเสโส. ปเร มิจฺฉาทิฏฺีติ เอตฺถ กมฺมปถานํ อนฺตมิจฺฉาทิฏฺิฺจ มิจฺฉตฺตานํ อาทิมิจฺฉาทิฏฺิฺจ มิสฺเสตฺวา ทิฏฺิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ตถา มยเมตฺถ สมฺมาทิฏฺีติ วุตฺตฏฺาเน สมฺมาทิฏฺิ. เอตฺถ จ กมฺมปถกถา วิตฺถารโต สมฺมาทิฏฺิสุตฺเต อาวิ ภวิสฺสติ. มิจฺฉตฺเตสุ มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย ทฺเวธาวิตกฺเก.
อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป, ปาณํ อติปาเตนฺตีติ ปาณาติปาตี ¶ ปาณฆาตกาติ อตฺโถ. อทินฺนํ อาทิยนฺตีติ อทินฺนาทายี, ปรสฺส หาริโนติ อตฺโถ. อพฺรหฺมํ หีนํ ลามกธมฺมํ จรนฺตีติ อพฺรหฺมจารี, เมถุนธมฺมปฺปฏิเสวกาติ ¶ อตฺโถ. พฺรหฺมํ เสฏฺํ ปฏิปทํ จรนฺตีติ พฺรหฺมจารี, เมถุนา ปฏิวิรตาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ พฺรหฺมจริยํ สลฺเลโขติ เวทิตพฺพํ. พฺรหฺมจริยฺหิ อพฺรหฺมจริยํ สลฺเลขติ. มุสา วทนฺตีติ มุสาวาที, ปเรสํ อตฺถภฺชนกํ ตุจฺฉํ อลิกํ วาจํ ภาสิตาโรติ อตฺโถ. ปิสุณา วาจา เอเตสนฺติ ปิสุณวาจา. ปเรสํ มมฺมจฺเฉทิกา ผรุสา วาจา เอเตสนฺติ ผรุสวาจา. สมฺผํ นิรตฺถกวจนํ ปลปนฺตีติ สมฺผปฺปลาปี. อภิชฺฌายนฺตีติ อภิชฺฌาลู, ปรภณฺฑลุพฺภนสีลาติ อตฺโถ. พฺยาปนฺนํ ปูติภูตํ จิตฺตเมเตสนฺติ พฺยาปนฺนจิตฺตา. มิจฺฉา ปาปิกา วิฺุครหิตา เอเตสํ ทิฏฺีติ มิจฺฉาทิฏฺี, กมฺมปถปริยาปนฺนาย นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทิวตฺถุกาย, มิจฺฉตฺตปริยาปนฺนาย อนิยฺยานิกทิฏฺิยา จ สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. สมฺมา โสภนา วิฺุปฺปสตฺถา เอเตสํ ทิฏฺีติ สมฺมาทิฏฺี, กมฺมปถปริยาปนฺนาย อตฺถิ ทินฺนนฺติอาทิกาย กมฺมสฺสกตาทิฏฺิยา, สมฺมตฺตปริยาปนฺนาย มคฺคทิฏฺิยา จ สมนฺนาคตาติ อตฺโถ.
มิจฺฉาสงฺกปฺปาติ อยาถาวอนิยฺยานิกอกุสลสงฺกปฺปา. เอส นโย มิจฺฉาวาจาติอาทีสุ. อยํ ปน วิเสโส, มิจฺฉาสงฺกปฺปาทโย วิย หิ มิจฺฉาสติ นาม ปาฏิเอกฺโก โกจิ ธมฺโม นตฺถิ, อตีตํ ปน จินฺตยโต ปวตฺตานํ จตุนฺนมฺปิ อกุสลกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํ. ยมฺปิ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘อตฺเถสา, ภิกฺขเว, อนุสฺสติ, เนสา นตฺถีติ วทามิ, ปุตฺตลาภํ วา, ภิกฺขเว, อนุสฺสรโต, ธนลาภํ วา, ภิกฺขเว, อนุสฺสรโต, ยสลาภํ วา, ภิกฺขเว, อนุสฺสรโต’’ติ, ตมฺปิ ตํ ตํ จินฺเตนฺตสฺส สติปติรูปเกน อุปฺปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ¶ . มิจฺฉาาณีติ เอตฺถ จ มิจฺฉาาณนฺติ ปาปกิริยาสุ อุปายจินฺตาวเสน ปาปํ กตฺวา ‘‘สุกตํ มยา’’ติ ปจฺจเวกฺขณากาเรน จ อุปฺปนฺโน โมโห เวทิตพฺโพ, เตน สมนฺนาคตา ปุคฺคลา มิจฺฉาาณี. สมฺมาาณีติ เอตฺถ ปน เอกูนวีสติเภทํ ¶ ปจฺจเวกฺขณาาณํ ‘‘สมฺมาาณ’’นฺติ วุจฺจติ, เตน สมนฺนาคตา ปุคฺคลา สมฺมาาณี. มิจฺฉาวิมุตฺตีติ อวิมุตฺตาเยว สมานา ‘‘วิมุตฺตา มย’’นฺติ เอวํสฺิโน, อวิมุตฺติยํ วา วิมุตฺติสฺิโน. ตตฺรายํ วจนตฺโถ, มิจฺฉา ปาปิกา วิปรีตา วิมุตฺติ เอเตสํ อตฺถีติ มิจฺฉาวิมุตฺตี. มิจฺฉาวิมุตฺตีติ จ ยถาวุตฺเตนากาเรน ปวตฺตานํ อกุสลกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํ. ผลสมฺปยุตฺตานิ ปน สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ เปตฺวา เสสธมฺมา สมฺมาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. สา จ มิจฺฉาวิมุตฺตึ สลฺลิขิตฺวา ิตตฺตา สลฺเลโขติ ¶ เวทิตพฺพา. ตตฺถ นิโยเชนฺโต อาห ‘‘มยเมตฺถ สมฺมาวิมุตฺตี ภวิสฺสามาติ สลฺเลโข กรณีโย’’ติ.
อิโต ปรานิ ตีณิ นีวรณวเสน วุตฺตานิ. อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตาติ เอวํ กมฺมปเถสุ วุตฺตตฺตา ปเนตฺถ ปมานิ ทฺเว นีวรณานิ น วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ ถินมิทฺเธน ปริยุฏฺิตา อภิภูตาติ ถินมิทฺธปริยุฏฺิตา. อุทฺธจฺเจน สมนฺนาคตาติ อุทฺธตา. วิจินนฺตา กิจฺฉนฺติ น สกฺโกนฺติ สนฺนิฏฺานํ กาตุนฺติ วิจิกิจฺฉี. โกธนาติอาทีนิ ทส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสวเสน วุตฺตานิ. ตตฺถ โกธาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ ธมฺมทายาทวตฺถสุตฺเตสุ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – โกธนาติ กุชฺฌนสีลา. อุปนาหีติ อุปนาหนสีลา, อุปนาโห วา เอเตสํ อตฺถีติ อุปนาหี. ตถา มกฺขี ปลาสี จ. อิสฺสนฺตีติ อิสฺสุกี. มจฺฉรายนฺตีติ มจฺฉรี, มจฺเฉรํ วา เอเตสํ อตฺถีติ มจฺฉรี. สยนฺตีติ สา, น สมฺมา ภาสนฺตีติ วุตฺตํ โหติ, เกราฏิกยุตฺตานเมตํ อธิวจนํ. มายา เอเตสํ อตฺถีติ มายาวี. ถมฺภสมงฺคิตาย ถทฺธา. อติมานโยเคน อติมานี. วุตฺตปจฺจนีกนเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
ทุพฺพจาติ วตฺตุํ ทุกฺขา กิฺจิ วุจฺจมานา น สหนฺติ. ตพฺพิปรีตา สุวจา. เทวทตฺตาทิสทิสา ปาปกา มิตฺตา เอเตสนฺติ ปาปมิตฺตา. พุทฺธา วา สาริปุตฺตาทิสทิสา วา กลฺยาณา มิตฺตา เอเตสนฺติ กลฺยาณมิตฺตา. กายทุจฺจริตาทีสุ จิตฺตโวสฺสคฺควเสน ปมตฺตา. วิปรีตา อปฺปมตฺตาติ เวทิตพฺพา. อิมานิ ¶ ตีณิ ปกิณฺณกวเสน วุตฺตานิ. อสฺสทฺธาติอาทีนิ สตฺต อสทฺธมฺมวเสน. ตตฺถ ตีสุ วตฺถูสุ สทฺธา เอเตสํ นตฺถีติ อสฺสทฺธา. สุกฺกปกฺเข ¶ สทฺทหนฺตีติ สทฺธา, สทฺธา วา เอเตสํ อตฺถีติปิ สทฺธา. นตฺถิ เอเตสํ หิรีติ อหิริกา, อกุสลสมาปตฺติยา อชิคุจฺฉมานานเมตํ อธิวจนํ. หิรี เอเตสํ มเน, หิริยา วา ยุตฺตมนาติ หิริมนา. น โอตฺตปฺปนฺตีติ อโนตฺตปฺปี, อกุสลสมาปตฺติยา น ภายนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตพฺพิปรีตา โอตฺตปฺปี. อปฺปํ สุตเมเตสนฺติ อปฺปสฺสุตา, อปฺปนฺติ จ โถกนฺติ น คเหตพฺพํ, นตฺถีติ คเหตพฺพํ. ‘‘อปฺปสฺสุตา’’ติ หิ นิสฺสุตา สุตวิรหิตา วุจฺจนฺติ. พหุ สุตเมเตสนฺติ พหุสฺสุตา, ตถาคตภาสิตํ เอกมฺปิ คาถํ ยาถาวโต ตฺวา อนุรูปปฏิปนฺนานเมตํ อธิวจนํ. กุจฺฉิตา สีทนฺตีติ กุสีตา, หีนวีริยานเมตํ อธิวจนํ. อารทฺธํ ¶ วีริยเมเตสนฺติ อารทฺธวีริยา, สมฺมปฺปธานยุตฺตานเมตํ อธิวจนํ, มุฏฺา สติ เอเตสนฺติ มุฏฺสฺสตี, นฏฺสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปฏฺิตา สติ เอเตสนฺติ อุปฏฺิตสฺสตี, นิจฺจํ อารมฺมณาภิมุขปฺปวตฺตสตีนเมตํ อธิวจนํ. ทุฏฺา ปฺา เอเตสนฺติ ทุปฺปฺา, นฏฺปฺาติ วุตฺตํ โหติ. ปฺาย สมฺปนฺนาติ ปฺาสมฺปนฺนา, ปฺาติ จ อิธ วิปสฺสนาปฺา เวทิตพฺพา. วิปสฺสนาสมฺภาโร หิ ปริปูโร อิมสฺมึ าเน อาคโต, ตสฺมา วิปสฺสนาปฺาว อยนฺติ โปราณานํ อาณา.
อิทานิ เอกเมว โลกุตฺตรคุณานํ อนฺตรายกรํ อนิยฺยานิกทิฏฺึ ตีหากาเรหิ ทสฺเสนฺโต สนฺทิฏฺิปรามาสีติอาทิมาห. ตตฺถ สนฺทิฏฺึ ปรามสนฺตีติ สนฺทิฏฺิปรามาสี. อาธานํ คณฺหนฺตีติ อาธานคฺคาหี, อาธานนฺติ ทฬฺหํ วุจฺจติ, ทฬฺหคฺคาหีติ อตฺโถ. ยุตฺตการณํ ทิสฺวาว ลทฺธึ ปฏินิสฺสชฺชนฺตีติ ปฏินิสฺสคฺคี, ทุกฺเขน กิจฺเฉน กสิเรน พหุมฺปิ การณํ ทสฺเสตฺวา น สกฺกา ปฏินิสฺสคฺคํ กาตุนฺติ ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, เย อตฺตโน อุปฺปนฺนํ ทิฏฺึ อิทเมว สจฺจนฺติ ทฬฺหํ คณฺหิตฺวา อปิ พุทฺธาทีหิ การณํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานา น ปฏินิสฺสชฺชนฺติ, เตสเมตํ อธิวจนํ. ตาทิสา หิ ปุคฺคลา ยํ ยเทว ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา คณฺหนฺติ, ตํ สพฺพํ ‘‘เอวํ อมฺหากํ อาจริเยหิ กถิตํ, เอวํ อมฺเหหิ ¶ สุต’’นฺติ กุมฺโมว องฺคานิ สเก กปาเล อนฺโตเยว สโมทหนฺติ, กุมฺภีลคฺคาหํ คณฺหนฺติ น วิสฺสชฺชนฺติ. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
๘๔. เอวํ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ สลฺเลขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึ สลฺเลเข จิตฺตุปฺปาทสฺสาปิ พหูปการตํ ทสฺเสตุํ จิตฺตุปฺปาทมฺปิ โข อหนฺติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ ¶ , อหํ, จุนฺท, กุสเลสุ ธมฺเมสุ จิตฺตุปฺปาทมฺปิ พหูปการํ วทามิ, ยา ปเนตา กาเยน จ วาจาย จ อนุวิธิยนา, ยถา ปมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ตเถว เตสํ ธมฺมานํ กาเยน กรณํ, วาจาย จ ‘‘กโรถา’’ติ อาณาปนํ วา, อุคฺคหปริปุจฺฉาทีนิ วา, ตตฺถ วาโทเยว โก, เอกนฺตพหูปการาเยว หิ ตา อนุวิธิยนาติ ทสฺเสติ. กสฺมา ปเนตฺถ จิตฺตุปฺปาโทปิ พหูปกาโรติ? เอกนฺตหิตสุขาวหตฺตา อนุวิธิยนานํ เหตุตฺตา จ.
‘‘ทานํ ¶ ทสฺสามี’’ติ หิ จิตฺตุปฺปาโท สยมฺปิ เอกนฺตหิตสุขาวโห อนุวิธิยนานมฺปิ เหตุ, เอวฺหิ อุปฺปนฺนจิตฺตตฺตาเยว ทุติยทิวเส มหาวีถึ ปิทหิตฺวา มหามณฺฑปํ กตฺวา ภิกฺขุสตสฺส วา ภิกฺขุสหสฺสสฺส วา ทานํ เทติ, ‘‘ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตถ ปูเชถ ปริวิสถา’’ติ ปริชเน อาณาเปติ. เอวํ ‘‘สงฺฆสฺส จีวรํ เสนาสนํ เภสชฺชํ ทสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาโท สยมฺปิ เอกนฺตหิตสุขาวโห อนุวิธิยนานมฺปิ เหตุ, เอวํ อุปฺปนฺนจิตฺตตฺตาเยว หิ จีวราทีนิ อภิสงฺขโรติ เทติ ทาเปติ จ. เอส นโย สรณคมนาทีสุ.
‘‘สรณํ คจฺฉามี’’ติ หิ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาว ปจฺฉา กาเยน วา วาจาย วา สรณํ คณฺหาติ. ตถา ‘‘ปฺจงฺคํ อฏฺงฺคํ ทสงฺคํ วา สีลํ สมาทิยิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา กาเยน วา วาจาย วา สมาทิยติ, ‘‘ปพฺพชิตฺวา จตูสุ สีเลสุ ปติฏฺหิสฺสามี’’ติ จ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา กาเยน วาจาย จ ปูเรตพฺพํ สีลํ ปูเรติ. ‘‘พุทฺธวจนํ อุคฺคเหสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาว เอกํ วา นิกายํ ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปฺจ วา นิกาเย วาจาย อุคฺคณฺหาติ. เอวํ ธุตงฺคสมาทาน-กมฺมฏฺานุคฺคห-กสิณปริกมฺม-ฌานสมาปตฺติวิปสฺสนามคฺคผล- ปจฺเจกโพธิ-สมฺมาสมฺโพธิวเสน เนตพฺพํ.
‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ หิ จิตฺตุปฺปาโท สยมฺปิ เอกนฺตหิตสุขาวโห อนุวิธิยนานมฺปิ เหตุ, เอวฺหิ อุปฺปนฺนจิตฺตตฺตาเยว ¶ อปเรน สมเยน กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺเขยฺยานิ กาเยน วาจาย จ ปารมิโย ปูเรตฺวา สเทวกํ โลกํ ตาเรนฺโต วิจรติ. เอวํ สพฺพตฺถ จิตฺตุปฺปาโทปิ พหูปกาโร. กายวาจาหิ ปน อนุวิธิยนา อติพหูปการาเยวาติ เวทิตพฺพา.
เอวํ ¶ กุสเลสุ ธมฺเมสุ จิตฺตุปฺปาทสฺสาปิ พหูปการตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ นิโยเชนฺโต ‘‘ตสฺมา ติห จุนฺทา’’ติอาทิมาห. ตํ อตฺถโต ปากฏเมว.
๘๕. เอวํ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ ทสฺสิเต สลฺเลเข จิตฺตุปฺปาทสฺสาปิ พหูปการตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺเสว สลฺเลขสฺส หิตาธิคมาย มคฺคภาวํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ ¶ , ยถา นาม, จุนฺท, ขาณุกณฺฏกปาสาณาทีหิ วิสโม มคฺโค ภเวยฺย, ตสฺส ปริกฺกมนาย ปริวชฺชนตฺถาย อฺโ สุปริกมฺมกโต วิย ภูมิภาโค สโม มคฺโค ภเวยฺย, ยถา จ รุกฺขมูลปาสาณปปาตกุมฺภีลมกราทิ ปริพฺยากุลํ วิสมํ ติตฺถมสฺส, ตสฺส ปริกฺกมนาย ปริวชฺชนตฺถาย อฺํ อวิสมํ อนุปุพฺพคมฺภีรํ โสปานผลกสทิสํ ติตฺถํ ภเวยฺย, ยํ ปฏิปนฺโน สุเขเนว ตํ นทึ วา ตฬากํ วา อชฺโฌคาเหตฺวา นฺหาเยยฺย วา อุตฺตเรยฺย วา, เอวเมว โข, จุนฺท, วิสมมคฺควิสมติตฺถสทิสาย วิหึสาย สมนฺนาคตสฺส วิหึสกปุคฺคลสฺส สมมคฺคสมติตฺถสทิสา อวิหึสา โหติ ปริกฺกมนาย. ยเถว หิ วิสมมคฺคติตฺถปริวชฺชนตฺถาย สโม มคฺโค จ ติตฺถฺจ ปฏิยตฺตํ, เอวํ วิหึสาปริวชฺชนตฺถาย อวิหึสา ปฏิยตฺตา, ยํ ปฏิปนฺโน สุเขเนว มนุสฺสคตึ วา เทวคตึ วา อชฺโฌคาเหตฺวา สมฺปตฺตึ วา อนุภเวยฺย อุตฺตเรยฺย วา โลกา. เอเตเนว อุปาเยน สพฺพปทานิ โยเชตพฺพานิ.
๘๖. เอวํ ตสฺเสว หิตาธิคมาย มคฺคภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุปริภาคงฺคมนียตํ ทสฺเสนฺโต, เสยฺยถาปีติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ, ยถา นาม, จุนฺท, เย เกจิ อกุสลา ธมฺมา ปฏิสนฺธิยา ชนกา วา อชนกา วา, ทินฺนายปิ ปฏิสนฺธิยา วิปากชนกา วา อชนกา วา, สพฺเพ เต ชาติวเสน อโธภาคงฺคมนียาติ เอวํนามาว โหนฺติ, วิปากกาเล อนิฏฺากนฺตวิปากตฺตา. ยถา จ เย เกจิ กุสลา ธมฺมา ¶ ปฏิสนฺธิยา ชนกา วา อชนกา วา ทินฺนายปิ ปฏิสนฺธิยา วิปากชนกา วา อชนกา วา, สพฺเพ เต ชาติวเสน อุปริภาคงฺคมนียาติ เอวํนามาว โหนฺติ, วิปากกาเล อิฏฺกนฺตวิปากตฺตา, เอวเมว โข, จุนฺท, วิหึสกสฺส…เป… อุปริภาคายาติ. ตตฺรายํ โอปมฺมสํสนฺทนา – ยถา สพฺเพ อกุสลา อโธภาคงฺคมนียา, เอวํ วิหึสกสฺส ¶ เอกา วิหึสาปิ. ยถา จ สพฺเพ กุสลา อุปริภาคงฺคมนียา, เอวํ อวิหึสกสฺส เอกา อวิหึสาปิ. เอเตเนว อุปาเยน อกุสลํ อกุสเลน กุสลฺจ กุสเลน อุปเมตพฺพํ, อยํ กิเรตฺถ อธิปฺปาโยติ.
๘๗. เอวํ ตสฺเสว สลฺเลขสฺส อุปริภาคงฺคมนียตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปรินิพฺพาปเน สมตฺถภาวํ ทสฺเสตุํ โส วต จุนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ โสติ วุตฺตปฺปการปุคฺคลนิทฺเทโส. ตสฺส โยติ อิมํ อุทฺเทสวจนํ อาหริตฺวา โย อตฺตนา ปลิปปลิปนฺโน, โส วต, จุนฺท, ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสตีติ เอวํ สพฺพปเทสุ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ปลิปปลิปนฺโนติ คมฺภีรกทฺทเม นิมุคฺโค วุจฺจติ, โน จ โข อริยสฺส วินเย. อริยสฺส ปน วินเย ปลิปนฺติ ปฺจ กามคุณา วุจฺจนฺติ. ปลิปนฺโนติ ตตฺถ นิมุคฺโค พาลปุถุชฺชโน, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. ยถา, จุนฺท, โกจิ ปุริโส ยาว นาสิกคฺคา คมฺภีเร กทฺทเม นิมุคฺโค อปรํ ตตฺเถว นิมุคฺคํ หตฺเถ วา สีเส วา คเหตฺวา อุทฺธริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ, น หิ ตํ การณมตฺถิ, เยน โส ตํ อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺเปยฺย, เอวเมว โย อตฺตนา ปฺจกามคุณปลิเป ปลิปนฺโน, โส วต ปรํ ตเถว ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.
ตตฺถ สิยา อยุตฺตเมตํ, ปุถุชฺชนานมฺปิ ภิกฺขุภิกฺขุนีอุปาสกอุปาสิกานํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โหนฺติเยว ธมฺมํ อภิสเมตาโร, ตสฺมา ปลิปปลิปนฺโน อุทฺธรตีติ, ตํ น ตถา ทฏฺพฺพํ. ภควาเยว หิ ตตฺถ อุทฺธรติ, ปสํสามตฺตเมว ปน ธมฺมกถิกา ลภนฺติ รฺา ปหิตเลขวาจโก วิย. ยถา หิ รฺโ ปจฺจนฺตชนปเท ปหิตํ เลขํ ตตฺถ มนุสฺสา เลขํ วาเจตุํ อชานนฺตา โย วาเจตุํ ชานาติ, เตน วาจาเปตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘รฺโ อาณา’’ติ อาทเรน สมฺปาเทนฺติ, น จ เนสํ ¶ โหติ ‘‘เลขวาจกสฺส อยํ อาณา’’ติ. เลขวาจโก ปน ‘‘วิสฺสฏฺาย วาจาย วาเจสิ อเนลคฬายา’’ติ ปสํสามตฺตเมว ลภติ, เอวเมว กิฺจาปิ สาริปุตฺตปภุตโย ธมฺมกถิกา ธมฺมํ เทเสนฺติ, อถ โข ลิขิตปณฺณวาจโก วิย เต โหนฺติ. ภควโตเยว ปน สา ธมฺมเทสนา รฺโ อาณา วิย. เย จ ตํ สุตฺวา ธมฺมํ อภิสเมนฺติ, เต ภควาเยว อุทฺธรตีติ เวทิตพฺพา. ธมฺมกถิกา ปน ‘‘วิสฺสฏฺาย วาจาย ธมฺมํ เทเสนฺติ อเนลคฬายา’’ติ ปสํสามตฺตเมว ลภนฺตีติ. ตสฺมา ยุตฺตเมเวตนฺติ. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
อทนฺโต ¶ อวินีโต อปรินิพฺพุโตติ เอตฺถ ปน อนิพฺพิสตาย อทนฺโต. อสิกฺขิตวินยตาย อวินีโต. อนิพฺพุตกิเลสตาย อปรินิพฺพุโตติ เวทิตพฺโพ. โส ตาทิโส ปรํ ทเมสฺสติ, นิพฺพิสํ กริสฺสติ ¶ , วิเนสฺสติ วา ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขาเปสฺสติ, ปรินิพฺพาเปสฺสติ วา ตสฺส กิเลเส นิพฺพาเปสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
เอวเมว โข, จุนฺท, วิหึสกสฺส…เป… ปรินิพฺพานายาติ เอตฺถ ปน เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ – ยถา หิ อตฺตนา อปลิปปลิปนฺโน ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสติ, ทนฺโต ทเมสฺสติ, วินีโต วิเนสฺสติ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชตีติ. กึ ปน ตนฺติ? อปลิปปลิปนฺนตฺตํ, ทนฺตตฺตํ วินีตตฺตํ ปรินิพฺพุตตฺตฺจ, เอวเมว โข, จุนฺท, วิหึสกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อวิหึสา โหติ ปรินิพฺพานาย. กึ วุตฺตํ โหติ? โย อตฺตนา อวิหึสโก, ตสฺส ยา อวิหึสา, อยํ ยา เอสา วิหึสกสฺส ปรสฺส วิหึสา, ตสฺสา ปรินิพฺพานาย โหติ, อตฺตนา หิ อวิหึสโก ปรสฺส วิหึสาเจตนํ นิพฺพาเปสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชติ. กึ ปน ตนฺติ? อวิหึสกตฺตเมว. ยฺหิ เยน อตฺตนา อธิคตํ โหติ, โส ปรํ ตทตฺถาย สมาทเปตุํ สกฺโกตีติ.
อถ วา ยถา อตฺตนา อปลิปนฺโน ทนฺโต วินีโต ปรินิพฺพุโต ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อทนฺตํ อวินีตํ อปรินิพฺพุตฺจ อุทฺธริสฺสติ ทเมสฺสติ วิเนสฺสติ ปรินิพฺพาเปสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชติ, เอวเมว วิหึสกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส วิหึสาปหานาย มคฺคํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา อวิหึสา โหติ ปรินิพฺพานาย. ปรินิพฺพุโต วิย หิ อปรินิพฺพุตํ อวิหึสาเจตนาว วิหึสาเจตนํ ปรินิพฺพาเปตุํ ¶ สมตฺถา. เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมว โข, จุนฺทา’’ติอาทิมาหาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพปเทสุ. อติวิตฺถารภเยน ปน อนุปทโยชนา น กตาติ.
๘๘. เอวํ ตสฺส ปรินิพฺพาปเน สมตฺถภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ เทสนํ นิคเมตฺวา ธมฺมปฏิปตฺติยํ นิโยเชตุํ อิติ โข, จุนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ สลฺเลขปริยาโยติ สลฺเลขการณํ. เอส นโย สพฺพตฺถ เอตฺถ อวิหึสาทโย เอว วิหึสาทีนํ สลฺเลขนโต สลฺเลขการณํ ¶ . เตสํ วเสน จิตฺตสฺส อุปฺปาเทตพฺพโต จิตฺตุปาทการณํ, วิหึสาทิ, ปริกฺกมนสฺส เหตุโต ปริกฺกมนการณํ, อุปริภาคนิปฺผาทนโต อุปริภาคการณํ ¶ , วิหึสาทีนํ ปรินิพฺพาปนโต ปรินิพฺพานการณนฺติ เวทิตพฺพา. หิเตสินาติ หิตํ เอสนฺเตน. อนุกมฺปเกนาติ อนุกมฺปมาเนน. อนุกมฺปํ อุปาทายาติ อนุกมฺปํ จิตฺเตน ปริคฺคเหตฺวา, ปริจฺจาติปิ วุตฺตํ โหติ. กตํ โว ตํ มยาติ ตํ มยา อิเม ปฺจ ปริยาเย ทสฺเสนฺเตน ตุมฺหากํ กตํ. เอตฺตกเมว หิ อนุกมฺปกสฺส สตฺถุ กิจฺจํ, ยทิทํ อวิปรีตธมฺมเทสนา. อิโต ปรํ ปน ปฏิปตฺติ นาม สาวกานํ กิจฺจํ. เตนาห เอตานิ, จุนฺท, รุกฺขมูลานิ…เป… อมฺหากํ อนุสาสนีติ.
ตตฺถ จ รุกฺขมูลานีติ อิมินา รุกฺขมูลเสนาสนํ ทสฺเสติ. สฺุาคารานีติ อิมินา ชนวิวิตฺตฏฺานํ. อุภเยนาปิ จ โยคานุรูปเสนาสนมาจิกฺขติ, ทายชฺชํ นิยฺยาเตติ. ฌายถาติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน อฏฺตึสารมฺมณานิ, ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ อนิจฺจาทิโต ขนฺธายตนาทีนิ อุปนิชฺฌายถ, สมถฺจ วิปสฺสนฺจ วฑฺเฒถาติ วุตฺตํ โหติ. มา ปมาทตฺถาติ มา ปมชฺชิตฺถ. มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถาติ เย หิ ปุพฺเพ ทหรกาเล, อาโรคฺยกาเล, สตฺตสปฺปายาทิสมฺปตฺติกาเล, สตฺถุ สมฺมุขีภาวกาเล จ โยนิโสมนสิการวิรหิตา รตฺตินฺทิวํ มงฺคุลภตฺตา หุตฺวา เสยฺยสุขํ มิทฺธสุขมนุโภนฺตา ปมชฺชนฺติ, เต ปจฺฉา ชรากาเล, โรคกาเล, มรณกาเล, วิปตฺติกาเล, สตฺถุ ปรินิพฺพุตกาเล จ ตํ ปุพฺเพ ปมาทวิหารํ อนุสฺสรนฺตา, สปฺปฏิสนฺธิกาลกิริยฺจ ภาริยํ สมฺปสฺสมานา วิปฺปฏิสาริโน โหนฺติ, ตุมฺเห ปน ตาทิสา มา อหุวตฺถาติ เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มา ¶ ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถา’’ติ. อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนีติ อยํ อมฺหากํ สนฺติกา ‘‘ฌายถ มา ปมาทตฺถา’’ติ ตุมฺหากํ อนุสาสนี, โอวาโทติ วุตฺตํ โหติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
สลฺเลขสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สมฺมาทิฏฺิสุตฺตวณฺณนา
๘๙. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ สมฺมาทิฏฺิสุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาทิฏฺีติ, อาวุโส, วุจฺจติ, กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส’’ติ วา ‘‘กตมํ ปนาวุโส ¶ , อกุสล’’นฺติ วา เอวํ ยตฺตกา เถเรน ปุจฺฉา วุตฺตา, สพฺพา กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉา เอว.
ตตฺถ ยสฺมา ชานนฺตาปิ สมฺมาทิฏฺีติ วทนฺติ อชานนฺตาปิ พาหิรกาปิ สาสนิกาปิ อนุสฺสวาทิวเสนาปิ อตฺตปจฺจกฺเขนาปิ, ตสฺมา ตํ พหูนํ วจนํ อุปาทาย ทฺวิกฺขตฺตุํ อามสนฺโต ‘‘สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาทิฏฺีติ, อาวุโส, วุจฺจตี’’ติ อาห. อยฺหิ เอตฺถ อธิปฺปาโย, อปเรหิปิ สมฺมาทิฏฺีติ วุจฺจติ, อถาปเรหิปิ สมฺมาทิฏฺีติ วุจฺจติ, สฺวายํ เอวํ วุจฺจมาโน อตฺถฺจ ลกฺขณฺจ อุปาทาย กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหตีติ. ตตฺถ สมฺมาทิฏฺีติ โสภนาย ปสตฺถาย จ ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต. ยทา ปน ธมฺเมเยว อยํ สมฺมาทิฏฺิสทฺโท วตฺตติ, ตทาสฺส โสภนา ปสตฺถา จ ทิฏฺิ สมฺมาทิฏฺีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สา จายํ สมฺมาทิฏฺิ ทุวิธา โหติ โลกิยา โลกุตฺตราติ. ตตฺถ กมฺมสฺสกตาาณํ สจฺจานุโลมิกาณฺจ โลกิยา สมฺมาทิฏฺิ, สงฺเขปโต วา สพฺพาปิ สาสวา ปฺา. อริยมคฺคผลสมฺปยุตฺตา ปฺา โลกุตฺตรา สมฺมาทิฏฺิ. ปุคฺคโล ปน ติวิโธ โหติ ปุถุชฺชโน เสกฺโข อเสกฺโข จ. ตตฺถ ปุถุชฺชโน ทุวิโธ โหติ พาหิรโก สาสนิโก จ. ตตฺถ พาหิรโก กมฺมวาที กมฺมสฺสกตาทิฏฺิยา สมฺมาทิฏฺิ โหติ, โน สจฺจานุโลมิกาย อตฺตทิฏฺิปรามาสกตฺตา. สาสนิโก ทฺวีหิปิ. เสกฺโข นิยตาย สมฺมาทิฏฺิยา สมฺมาทิฏฺิ. อเสกฺโข อเสกฺขาย. อิธ ปน นิยตาย นิยฺยานิกาย โลกุตฺตรกุสลสมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ อธิปฺเปโต. เตเนวาห ‘‘อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ, โลกุตฺตรกุสลสมฺมาทิฏฺิเยว หิ อนฺตทฺวยมนุปคมฺม อุชุภาเวน คตตฺตา ¶ , กายวงฺกาทีนิ จ สพฺพวงฺกานิ สมุจฺฉินฺทิตฺวา คตตฺตา อุชุคตา โหติ, ตาเยว ¶ จ ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต นวปฺปกาเรปิ โลกุตฺตรธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน อจลปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ, สพฺพทิฏฺิคหนานิ จ วินิพฺเพเนฺโต สพฺพกิเลเส ปชหนฺโต ชาติสํสารา นิกฺขมนฺโต ปฏิปตฺตึ ปรินิฏฺเปนฺโต อริเยน มคฺเคน อาคโต อิมํ สมฺพุทฺธปฺปเวทิตํ อมโตคธํ นิพฺพานสงฺขาตํ สทฺธมฺมนฺติ วุจฺจติ.
ยโต โขติ กาลปริจฺเฉทวจนเมตํ, ยสฺมึ กาเลติ วุตฺตํ โหติ. อกุสลฺจ ปชานาตีติ ทสากุสลกมฺมปถสงฺขาตํ อกุสลฺจ ¶ ปชานาติ, นิโรธารมฺมณาย ปชานนาย กิจฺจวเสน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ปฏิวิชฺฌนฺโต อกุสลํ ปชานาติ. อกุสลมูลฺจ ปชานาตีติ ตสฺส มูลปจฺจยภูตํ อกุสลมูลฺจ ปชานาติ, เตเนว ปกาเรน ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ปฏิวิชฺฌนฺโต. เอส นโย กุสลฺจ กุสลมูลฺจาติ เอตฺถาปิ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุ สพฺพวาเรสุ กิจฺจวเสเนว วตฺถุปชานนา เวทิตพฺพา. เอตฺตาวตาปีติ เอตฺตเกน อิมินา อกุสลาทิปฺปชานเนนาปิ. สมฺมาทิฏฺิ โหตีติ วุตฺตปฺปการาย โลกุตฺตรสมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ. อุชุคตาสฺส…เป… อิมํ สทฺธมฺมนฺติ เอตฺตาวตา สํขิตฺตเทสนา นิฏฺิตา โหติ. เทสนาเยว เจสา สํขิตฺตา, เตสํ ปน ภิกฺขูนํ วิตฺถารวเสเนว สมฺมามนสิการปฺปฏิเวโธ เวทิตพฺโพ.
ทุติยวาเร ปน เทสนาปิ วิตฺถาเรน มนสิการปฺปฏิเวโธปิ วิตฺถาเรเนว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ‘‘สํขิตฺตเทสนาย ทฺเว เหฏฺิมมคฺคา, วิตฺถารเทสนาย ทฺเว อุปริมมคฺคา กถิตา’’ติ ภิกฺขู อาหํสุ วิตฺถารเทสนาวสาเน ‘‘สพฺพโส ราคานุสยํ ปหายา’’ติอาทิวจนํ สมฺปสฺสมานา. เถโร ปนาห ‘‘สํขิตฺตเทสนายปิ จตฺตาโร มคฺคา ราสิโต กถิตา, วิตฺถารเทสนายปี’’ติ. ยา จายํ ¶ อิธ สํขิตฺตวิตฺถารเทสนาสุ วิจารณา อาวิกตา, สา สพฺพวาเรสุ อิธ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. อปุพฺพานุตฺตานปทวณฺณนามตฺตเมว หิ อิโต ปรํ กริสฺสาม.
อกุสลกมฺมปถวณฺณนา
ตตฺถ ปมวารสฺส ตาว วิตฺถารเทสนาย ‘‘ปาณาติปาโต โข, อาวุโส, อกุสล’’นฺติอาทีสุ อโกสลฺลปฺปวตฺติยา อกุสลํ เวทิตพฺพํ, ปรโต วตฺตพฺพกุสลปฺปฏิปกฺขโต ¶ วา. ตํ ลกฺขณโต สาวชฺชทุกฺขวิปากํ สํกิลิฏฺํ วา. อยํ ตาเวตฺถ สาธารณปทวณฺณนา.
อสาธารเณสุ ปน ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺมึ ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. โส คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาสรีเร ¶ มหาสาวชฺโช. กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย. ปโยคสมตฺเตปิ วตฺถุมหนฺตตาย. คุณวนฺเตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาคุเณ มหาสาวชฺโช. สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺโช, ติพฺพตาย มหาสาวชฺโชติ เวทิตพฺโพ. ตสฺส ปฺจ สมฺภารา โหนฺติ ปาโณ, ปาณสฺิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติ. ฉ ปโยคา สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติ. อิมสฺมึ ปเนตฺถ วิตฺถารียมาเน อติปปฺโจ โหติ, ตสฺมา นํ น วิตฺถารยาม, อฺฺจ เอวรูปํ. อตฺถิเกหิ ปน สมนฺตปาสาทิกํ วินยฏฺกถํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๒) โอโลเกตฺวา คเหตพฺโพ.
อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺส หรณํ เถยฺยํ, โจริกาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชนฺโต อทณฺฑารโห อนุปวชฺโช จ โหติ. ตสฺมึ ปน ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสฺิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ ¶ , ปณีเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? วตฺถุปณีตตาย. วตฺถุสมตฺเต สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมึ มหาสาวชฺชํ. ตํ ตํ คุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมึ อปฺปสาวชฺชํ. ตสฺส ปฺจ สมฺภารา โหนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสฺิตา, เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน หรณนฺติ. ฉ ปโยคา สาหตฺถิกาทโยว. เต จ โข ยถานุรูปํ เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร, กุสาวหาโรติ อิเมสํ อวหารานํ วเสน ปวตฺตาติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) วุตฺโต.
กาเมสุมิจฺฉาจาโรติ ¶ เอตฺถ ปน กาเมสูติ เมถุนสมาจาเรสุ. มิจฺฉาจาโรติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโร. ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุมิจฺฉาจาโร.
ตตฺถ อคมนียฏฺานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตา, ปิตุรกฺขิตา, มาตาปิตุรกฺขิตา, ภาตุรกฺขิตา, ภคินิรกฺขิตา, าติรกฺขิตา, โคตฺตรกฺขิตา, ธมฺมรกฺขิตา, สารกฺขา, สปริทณฺฑาติ มาตุรกฺขิตาทโย ทส ¶ ; ธนกฺกีตา, ฉนฺทวาสินี, โภควาสินี, ปฏวาสินี, โอทปตฺตกินี, โอภฏจุมฺพฏา, ทาสี จ ภริยา จ, กมฺมการี จ ภริยา จ, ธชาหตา, มุหุตฺติกาติ เอตา จ ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโย. อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขาสปริทณฺฑานํ, ทสนฺนฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อฺเ ปุริสา, อิทํ อคมนียฏฺานํ นาม. โส ปเนส มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฏฺาเน อปฺปสาวชฺโช, สีลาทิคุณสมฺปนฺเน มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา อคมนียวตฺถุ, ตสฺมึ เสวนจิตฺตํ, เสวนปโยโค, มคฺเคนมคฺคปฺปฏิปตฺติอธิวาสนนฺติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโก เอว.
มุสาติ ¶ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภฺชโก วจีปโยโค กายปโยโค วา. วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทนกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. อปโร นโย มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ. วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาปนํ. ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถาวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. โส ยมตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวชฺโช, มหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. อปิจ คหฏฺานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติอาทินยปฺปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภฺชนตฺถํ วุตฺโต มหาสาวชฺโช. ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปึ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นทีมฺเ สนฺทตี’’ติ ปุราณกถานเยน ปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, อทิฏฺํเยว ปน ทิฏฺนฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา โหนฺติ อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกว. โส กาเยน วา กายปฺปฏิพทฺเธน วา วาจาย วา วิสํวาทกกิริยากรเณ ¶ ทฏฺพฺโพ. ตาย เจ กิริยาย ปโร ตมตฺถํ ชานาติ, อยํ กิริยาสมุฏฺาปิกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติ.
ปิสุณา วาจาติอาทีสุ ยาย วาจาย ยสฺส ตํ วาจํ ภาสติ, ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ ปรสฺส จ สฺุภาวํ กโรติ, สา ปิสุณา วาจา. ยาย ปน อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสมฺปิ กโรติ, สา วาจา สยมฺปิ ผรุสา เนว กณฺณสุขา น หทยสุขา วา, อยํ ผรุสา วาจา. เยน ¶ สมฺผํ ปลปติ นิรตฺถกํ, โส สมฺผปฺปลาโป. เตสํ มูลภูตา เจตนาปิ ปิสุณาวาจาทินามเมว ลภติ, สา เอว จ อิธ อธิปฺเปตาติ. ตตฺถ สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ปเรสํ วา เภทาย อตฺตโน ปิยกมฺยตาย วา กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปิสุณา วาจา. สา ยสฺส เภทํ กโรติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา. ตสฺสา จตฺตาโร สมฺภารา ภินฺทิตพฺโพ ปโร, ‘‘อิติ อิเม นานา ภวิสฺสนฺติ วินา ภวิสฺสนฺตี’’ติ เภทปุเรกฺขารตา วา, ‘‘อหํ ¶ ปิโย ภวิสฺสามิ วิสฺสาสิโก’’ติ ปิยกมฺยตา วา, ตชฺโช วายาโม, ตสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ.
ปรสฺส มมฺมจฺเฉทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เอกนฺตผรุสา เจตนา ผรุสา วาจา. ตสฺส อาวิภาวตฺถมิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทารโก มาตุวจนํ อนาทิยิตฺวา อรฺํ คจฺฉติ, ตํ มาตา นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘จณฺฑา ตํ มหึสี อนุพนฺธตู’’ติ อกฺโกสิ. อถสฺส ตตฺเถว อรฺเ มหึสี อุฏฺาสิ. ทารโก ‘‘ยํ มม มาตา มุเขน กเถสิ ตํ มา โหตุ, ยํ จิตฺเตน จินฺเตสิ ตํ โหตู’’ติ สจฺจกิริยมกาสิ. มหึสี ตตฺเถว พทฺธา วิย อฏฺาสิ. เอวํ มมฺมจฺเฉทโกปิ ปโยโค จิตฺตสณฺหตาย ผรุสา วาจา น โหติ. มาตาปิตโร หิ กทาจิ ปุตฺตเก เอวมฺปิ วทนฺติ ‘‘โจรา โว ขณฺฑาขณฺฑิกํ กโรนฺตู’’ติ, อุปฺปลปตฺตมฺปิ จ เนสํ อุปริ ปตนฺตํ น อิจฺฉนฺติ. อาจริยุปชฺฌายา จ กทาจิ นิสฺสิตเก เอวํ วทนฺติ ‘‘กึ อิเม อหิริกา อโนตฺตปฺปิโน จรนฺติ นิทฺธมถ เน’’ติ. อถ โข เนสํ อาคมาธิคมสมฺปตฺตึ อิจฺฉนฺติ. ยถา จ จิตฺตสณฺหตาย ผรุสา วาจา น โหติ, เอวํ วจนสณฺหตาย อผรุสา วาจาปิ น โหติ. น หิ มาราเปตุกามสฺส ‘‘อิมํ สุขํ สยาเปถา’’ติ วจนํ อผรุสา วาจา โหติ. จิตฺตผรุสตาย ปเนสา ผรุสา วาจาว. สา ยํ ¶ สนฺธาย ปวตฺติตา, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา. ตสฺสา ตโย สมฺภารา อกฺโกสิตพฺโพ ปโร, กุปิตจิตฺตํ, อกฺโกสนาติ.
อนตฺถวิฺาปกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา อกุสลเจตนา สมฺผปฺปลาโป. โส อาเสวนมนฺทตาย อปฺปสาวชฺโช, อาเสวนมหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา ภารตยุทฺธสีตาหรณาทินิรตฺถกกถาปุเรกฺขารตา, ตถารูปีกถากถนนฺติ.
อภิชฺฌายตีติ ¶ อภิชฺฌา, ปรภณฺฑาภิมุขี หุตฺวา ตนฺนินฺนตาย ปวตฺตตีติ อตฺโถ. สา ‘‘อโห วต อิทํ มมสฺสา’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณา. อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา จ มหาสาวชฺชา จ. ตสฺสา ทฺเว สมฺภารา ปรภณฺฑํ, อตฺตโน ปริณามนฺจ. ปรภณฺฑวตฺถุเก หิ โลเภ อุปฺปนฺเนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตีทํ มมสฺสา’’ติ อตฺตโน น ปริณาเมติ.
หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ พฺยาปาโท. โส ปรวินาสาย มโนปโทสลกฺขโณ ¶ , ผรุสา วาจา วิย อปฺปสาวชฺโช มหาสาวชฺโช จ. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา ปรสตฺโต จ, ตสฺส จ วินาสจินฺตา. ปรสตฺตวตฺถุเก หิ โกเธ อุปฺปนฺเนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตายํ อุจฺฉิชฺเชยฺย วินสฺเสยฺยา’’ติ ตสฺส วินาสํ น จินฺเตติ.
ยถาภุจฺจคหณาภาเวน มิจฺฉา ปสฺสตีติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณา. สมฺผปฺปลาโป วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จ. อปิจ อนิยตา อปฺปสาวชฺชา, นิยตา มหาสาวชฺชา. ตสฺสา ทฺเว สมฺภารา วตฺถุโน จ คหิตาการวิปรีตตา, ยถา จ ตํ คณฺหาติ, ตถาภาเวน ตสฺสุปฏฺานนฺติ.
อิเมสํ ปน ทสนฺนํ อกุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฏฺาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโตติ ปฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ ปฏิปาฏิยา สตฺต, เจตนาธมฺมาว โหนฺติ, อภิชฺฌาทโย ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตา.
โกฏฺาสโตติ ปฏิปาฏิยา สตฺต, มิจฺฉาทิฏฺิ จาติ อิเม อฏฺ กมฺมปถา เอว โหนฺติ, โน มูลานิ. อภิชฺฌาพฺยาปาทา กมฺมปถา เจว มูลานิ จ. อภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา โลโภ อกุสลมูลํ โหติ. พฺยาปาโท โทโส อกุสลมูลํ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณ โหติ. อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วา. มิจฺฉาจาโร โผฏฺพฺพวเสน สงฺขารารมฺมโณ. สตฺตารมฺมโณติปิ เอเก. มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วา. ตถา ปิสุณา วาจา. ผรุสา วาจา สตฺตารมฺมณาว. สมฺผปฺปลาโป ทิฏฺสุตมุตวิฺาตวเสน สตฺตารมฺมโณ ¶ วา สงฺขารารมฺมโณ วา, ตถา อภิชฺฌา. พฺยาปาโท สตฺตารมฺมโณว. มิจฺฉาทิฏฺิ เตภูมกธมฺมวเสน สงฺขารารมฺมณา.
เวทนาโตติ ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน โหติ. กิฺจาปิ หิ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘‘คจฺฉถ นํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ, สนฺนิฏฺาปกเจตนา ปน เนสํ ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว โหติ. อทินฺนาทานํ ติเวทนํ. มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโน, สนฺนิฏฺาปกจิตฺเต ปน มชฺฌตฺตเวทโน น โหติ. มุสาวาโท ติเวทโน, ตถา ปิสุณา วาจา. ผรุสา วาจา ทุกฺขเวทนาว. สมฺผปฺปลาโป ติเวทโน ¶ . อภิชฺฌา สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทนา, ตถา มิจฺฉาทิฏฺิ. พฺยาปาโท ทุกฺขเวทโน.
มูลโตติ ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก โหติ. อทินฺนาทานํ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา. มิจฺฉาจาโร โลภโมหวเสน. มุสาวาโท โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา, ตถา ปิสุณา วาจา สมฺผปฺปลาโป จ. ผรุสา วาจา โทสโมหวเสน. อภิชฺฌา โมหวเสน เอกมูลา, ตถา พฺยาปาโท. มิจฺฉาทิฏฺิ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลาติ.
โลโภ อกุสลมูลนฺติอาทีสุ ลุพฺภตีติ โลโภ. ทุสฺสตีติ โทโส. มุยฺหตีติ โมโห. เตสุ โลโภ สยฺจ อกุสโล สาวชฺชทุกฺขวิปากฏฺเน, อิเมสฺจ ปาณาติปาตาทีนํ อกุสลานํ ¶ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตปฺปภาวกฏฺเน เกสฺจิ อุปนิสฺสยปจฺจยฏฺเน มูลนฺติ อกุสลมูลํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘รตฺโต โข อาวุโส ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนตี’’ติอาทิ. โทสโมหานํ อกุสลมูลภาเวปิ เอเสว นโย.
อกุสลกมฺมปถวณฺณนา นิฏฺิตา.
กุสลกมฺมปถวณฺณนา
ปาณาติปาตา เวรมณี กุสลนฺติอาทีสุ ปาณาติปาตาทโย วุตฺตตฺถา เอว. เวรํ มณตีติ เวรมณี, เวรํ ปชหตีติ อตฺโถ. วิรมติ วา เอตาย กรณภูตาย, วิการสฺส เวการํ กตฺวาปิ เวรมณี. อยํ ตาเวตฺถ พฺยฺชนโต วณฺณนา. อตฺถโต ปน เวรมณีติ กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ. ยา ‘‘ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส, ยา ตสฺมึ สมเย ¶ ปาณาติปาตา อารติ วิรตี’’ติ เอวํ วุตฺตา กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา เภทโต ติวิโธ โหติ สมฺปตฺตวิรติ สมาทานวิรติ สมุจฺเฉทวิรตีติ. ตตฺถ อสมาทินฺนสิกฺขาปทานํ อตฺตโน ชาติวยพาหุสจฺจาทีนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อยุตฺตํ อมฺหากํ เอวรูปํ กาตุ’’นฺติ สมฺปตฺตวตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมฺปตฺตวิรตีติ เวทิตพฺพา สีหฬทีเป จกฺกนอุปาสกสฺส วิย.
ตสฺส กิร ทหรกาเลเยว มาตุยา โรโค อุปฺปชฺชิ. เวชฺเชน จ ‘‘อลฺลสสมํสํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตโต จกฺกนสฺส ภาตา ‘‘คจฺฉ ตาต เขตฺตํ อาหิณฺฑาหี’’ติ จกฺกนํ เปเสสิ. โส ตตฺถ คโต. ตสฺมิฺจ สมเย เอโก สโส ตรุณสสฺสํ ขาทิตุํ อาคโต โหติ, โส ตํ ทิสฺวา เวเคน ธาเวนฺโต วลฺลิยา พทฺโธ ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. จกฺกโน เตน สทฺเทน คนฺตฺวา ตํ คเหตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มาตุ ¶ เภสชฺชํ กโรมี’’ติ. ปุน จินฺเตสิ ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ มาตุ ชีวิตการณา ปรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย’’นฺติ. อถ นํ ‘‘คจฺฉ อรฺเ สเสหิ สทฺธึ ติโณทกํ ปริภฺุชา’’ติ มฺุจิ. ภาตรา จ ‘‘กึ ตาต สโส ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิโต ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. ตโต นํ ภาตา ปริภาสิ. โส มาตุสนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ยโตหํ ¶ ชาโต, นาภิชานามิ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา’’ติ สจฺจํ วตฺวา อธิฏฺาสิ. ตาวเทวสฺส มาตา อโรคา อโหสิ.
สมาทินฺนสิกฺขาปทานํ ปน สิกฺขาปทสมาทาเน จ ตตุตฺตริ จ อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมาทานวิรตีติ เวทิตพฺพา อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตวาสีอุปาสกสฺส วิย.
โส กิร อมฺพริยวิหารวาสีปิงฺคลพุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก สิกฺขาปทานิ คเหตฺวา เขตฺตํ กสฺสติ. อถสฺส โคโณ นฏฺโ, โส ตํ คเวสนฺโต อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตํ อารุหิ, ตตฺร นํ มหาสปฺโป อคฺคเหสิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อิมายสฺส ติขิณวาสิยา สีสํ ฉินฺทามี’’ติ. ปุน จินฺเตสิ ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ภาวนียสฺส ครุโน สนฺติเก สิกฺขาปทํ คเหตฺวา ภินฺเทยฺย’’นฺติ. เอวํ ยาวตติยํ จินฺเตตฺวา ‘‘ชีวิตํ ¶ ปริจฺจชามิ, น สิกฺขาปท’’นฺติ อํเส ปิตํ ติขิณทณฺฑวาสึ อรฺเ ฉฑฺเฑสิ. ตาวเทว นํ มหาวาโฬ มฺุจิตฺวา อคมาสีติ.
อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา ปน วิรติ สมุจฺเฉทวิรตีติ เวทิตพฺพา. ยสฺสา อุปฺปตฺติโต ปภุติ ‘‘ปาณํ ฆาเตสฺสามี’’ติ อริยปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชตีติ. สา ปนายํ วิรติ โกสลฺลปฺปวตฺติยา กุสลนฺติ วุตฺตา. กุจฺฉิตสยนโต วา กุสนฺติ ลทฺธโวหารํ ทุสฺสีลฺยํ ลุนาตีติปิ กุสลํ. กตมฺจาวุโส กุสลนฺติ อิมสฺส ปน ปฺหสฺส อนนุรูปตฺตา กุสลาติ น วุตฺตา.
ยถา จ อกุสลานํ, เอวํ อิเมสมฺปิ กุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฏฺาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโตติ ปฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ ปฏิปาฏิยา สตฺต เจตนาปิ วฏฺฏนฺติ, วิรติโยปิ. อนฺเต ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาว.
โกฏฺาสโตติ ¶ ปฏิปาฏิยา สตฺต กมฺมปถา เอว, โน มูลานิ. อนฺเต ตโย กมฺมปถา เจว ¶ มูลานิ จ. อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา อโลโภ กุสลมูลํ โหติ. อพฺยาปาโท อโทโส กุสลมูลํ. สมฺมาทิฏฺิ อโมโห กุสลมูลํ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณานิ, วีติกฺกมิตพฺพโตเยว หิ เวรมณี นาม โหติ. ยถา ปน นิพฺพานารมฺมโณ อริยมคฺโค กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณาเปเต กมฺมปถา ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
เวทนาโตติ สพฺเพ สุขเวทนา วา โหนฺติ, มชฺฌตฺตเวทนา วา. กุสลํ ปตฺวา หิ ทุกฺขเวทนา นาม นตฺถิ.
มูลโตติ ปฏิปาฏิยา สตฺต กมฺมปถา าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสอโมหวเสน ติมูลา โหนฺติ. าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส ทฺวิมูลา. อนภิชฺฌา าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส ¶ ทฺวิมูลา. าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน เอกมูลา. อโลโภ ปน อตฺตนาว อตฺตโน มูลํ น โหติ, อพฺยาปาเทปิ เอเสว นโย. สมฺมาทิฏฺิ อโลภาโทสวเสน ทฺวิมูลาวาติ.
อโลโภ กุสลมูลนฺติอาทีสุ น โลโภติ อโลโภ, โลภปฏิปกฺขสฺส ธมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ. อโทสาโมเหสุปิ เอเสว นโย. เตสุ อโลโภ สยฺจ กุสลํ, อิเมสฺจ ปาณาติปาตา เวรมณีอาทีนํ กุสลานํ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตปฺปภาวกฏฺเน เกสฺจิ อุปนิสฺสยปจฺจยฏฺเน มูลนฺติ กุสลมูลํ. อโทสาโมหานมฺปิ กุสลมูลภาเว เอเสว นโย.
อิทานิ สพฺพมฺปิ ตํ สงฺเขเปน จ วิตฺถาเรน จ เทสิตมตฺถํ นิคเมนฺโต ยโต โข อาวุโสติอาทิอปฺปนาวารมาห. ตตฺถ เอวํ อกุสลํ ปชานาตีติ เอวํ ยถานิทฺทิฏฺทสากุสลกมฺมปถวเสน อกุสลํ ปชานาติ. เอวํ อกุสลมูลนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺตาวตา เอเกน นเยน จตุสจฺจกมฺมฏฺานิกสฺส ยาว อรหตฺตา นิยฺยานํ กถิตํ โหติ. กถํ? เอตฺถ หิ เปตฺวา อภิชฺฌํ ทส อกุสลกมฺมปถา จ กุสลกมฺมปถา จ ทุกฺขสจฺจํ. อภิชฺฌา จ โลโภ อกุสลมูลฺจาติ อิเม ทฺเว ธมฺมา นิปฺปริยาเยน สมุทยสจฺจํ. ปริยาเยน ปน สพฺเพปิ กมฺมปถา ทุกฺขสจฺจํ. สพฺพานิ กุสลากุสลมูลานิ สมุทยสจฺจํ. อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ ¶ . ทุกฺขํ ปริชานนฺโต สมุทยํ ปชหมาโน นิโรธํ ¶ ปชานนฺโต อริยมคฺโค มคฺคสจฺจนฺติ อิติ ทฺเว สจฺจานิ สรูเปน วุตฺตานิ, ทฺเว อาวตฺตหารวเสน เวทิตพฺพานิ.
โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหายาติ โส เอวํ อกุสลาทีนิ ปชานนฺโต สพฺพากาเรน ราคานุสยํ ปชหิตฺวา. ปฏิฆานุสยํ ปฏิวิโนเทตฺวาติ ปฏิฆานุสยฺจ สพฺพากาเรเนว นีหริตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา อนาคามิมคฺโค กถิโต. อสฺมีติ ทิฏฺิมานานุสยํ สมูหนิตฺวาติ ปฺจสุ ขนฺเธสุ กฺจิ ธมฺมํ อนวการีกริตฺวา ‘‘อสฺมี’’ติ อิมินา สมูหคฺคหณากาเรน ปวตฺตํ ทิฏฺิมานานุสยํ สมุคฺฆาเฏตฺวา.
ตตฺถ ทิฏฺิมานานุสยนฺติ ทิฏฺิสทิสํ มานานุสยนฺติ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ มานานุสโย อสฺมีติ ปวตฺตตฺตา ทิฏฺิสทิโส โหติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺโต ¶ . อิมฺจ อสฺมิมานํ วิตฺถารโต วิฺาตุกาเมน ขนฺธิยวคฺเค เขมกสุตฺตํ (สํ. นิ. ๓.๘๙) โอโลเกตพฺพนฺติ.
อวิชฺชํ ปหายาติ วฏฺฏมูลํ อวิชฺชํ ปชหิตฺวา. วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวาติ ตสฺสา อวิชฺชาย สมุคฺฆาฏิกํ อรหตฺตมคฺควิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา. เอตฺตาวตา อรหตฺตมคฺโค กถิโต. ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ อสฺมึเยว อตฺตภาเว วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริจฺเฉทกโร โหติ. เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโสติ เทสนํ นิยฺยาเตติ, อิมาย กมฺมปถเทสนาย วุตฺตมนสิการปฺปฏิเวธวเสนปีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. เอวํ อนาคามิมคฺคอรหตฺตมคฺเคหิ เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
กุสลกมฺมปถวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาหารวารวณฺณนา
๙๐. สาธาวุโสติ โข…เป… อาคโต อิมํ สทฺธมฺมนฺติ เอวํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส กุสลากุสลมุเขน จตุสจฺจเทสนํ สุตฺวา ตํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ ‘‘สาธาวุโส’’ติ อิมินา วจเนน เต ภิกฺขู อภินนฺทิตฺวา อิมสฺเสว วจนสฺส สมุฏฺาปเกน จิตฺเตน อนุโมทิตฺวา วจสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เจตสา สมฺปิยายิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อิทานิ ยสฺมา เถโร นานปฺปกาเรน ¶ จตุสจฺจเทสนํ เทเสตุํ ปฏิพโล, ยถาห ‘‘สาริปุตฺโต, ภิกฺขเว, ปโหติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ เทเสตุ’’นฺติ ยสฺมา วา อุตฺตริมฺปิ เทเสตุกาโมว หุตฺวา ‘‘เอตฺตาวตาปิ โข’’ติ ¶ อวจ, ตสฺมา อปเรนปิ นเยน สจฺจเทสนํ โสตุกามา เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุตฺตรึ ปฺหํ อปุจฺฉึสุ. เตน สยเมว ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชิตปฺหโต อุตฺตรึ สิยา โข ปนาวุโส, อฺโปิ ปริยาโย ภเวยฺย อฺมฺปิ การณนฺติ อิมินา นเยน อฺํ อติเรกํ ปฺหํ ปุจฺฉึสุ, ปุริมปฺหสฺส วา อุปริภาเค ปุจฺฉึสูติ วุตฺตํ โหติ. อถ เนสํ พฺยากรมาโน เถโร สิยา, อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา, อาหารนฺติ ปจฺจยํ. ปจฺจโย หิ อาหรติ อตฺตโน ผลํ, ตสฺมา ‘‘อาหาโร’’ติ วุจฺจติ.
ภูตานํ ¶ วา สตฺตานนฺติอาทีสุ ภูตาติ สฺชาตา, นิพฺพตฺตา. สมฺภเวสีนนฺติ เย สมฺภวํ ชาตึ นิพฺพตฺตึ เอสนฺติ คเวสนฺติ. ตตฺถ จตูสุ โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม. อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ ภินฺทิตฺวา พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นาม. สํเสทชา โอปปาติกา จ ปมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสิโน นาม. ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปภุติ ภูตา นาม. เยน เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว เต ตโต อฺํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม. ตโต ปรํ ภูตา นาม.
อถ วา ภูตาติ ชาตา อภินิพฺพตฺตา, เย ภูตาเยว น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขีณาสวานเมตํ อธิวจนํ. สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสิโน. อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา อายติมฺปิ สมฺภวํ เอสนฺตานํ เสกฺขปุถุชฺชนานเมตํ อธิวจนํ. เอวํ สพฺพถาปิ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสตฺเต ปริยาทิยติ. วาสทฺโท เจตฺถ สมฺปิณฺฑนตฺโถ, ตสฺมา ภูตานฺจ สมฺภเวสีนฺจาติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ิติยาติ ิตตฺถํ. อนุคฺคหายาติ อนุคฺคหตฺถํ อุปการตฺถํ. วจนเภโท เจส, อตฺโถ ปน ทฺวินฺนมฺปิ ปทานํ เอโกเยว. อถ วา ิติยาติ ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส อุปฺปนฺนธมฺมานํ อนุปฺปพนฺธวเสน อวิจฺเฉทาย. อนุคฺคหายาติ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทาย. อุโภปิ เจตานิ ภูตานํ ิติยา เจว อนุคฺคหาย จ. สมฺภเวสีนํ วา ิติยา เจว อนุคฺคหาย จาติ เอวํ อุภยตฺถ ¶ ทฏฺพฺพานิ. กพฬีกาโร อาหาโรติ กพฬํ กตฺวา อชฺโฌหริตพฺพโต ¶ กพฬีกาโร อาหาโร, โอทนกุมฺมาสาทิวตฺถุกาย โอชาเยตํ อธิวจนํ. โอฬาริโก วา สุขุโม วาติ วตฺถุโอฬาริกตาย โอฬาริโก, วตฺถุสุขุมตาย สุขุโม. สภาเวน ปน สุขุมรูปปริยาปนฺนตฺตา กพฬีกาโร อาหาโร สุขุโมว โหติ. สาปิ จสฺส วตฺถุโต โอฬาริกตา สุขุมตา จ อุปาทายุปาทาย เวทิตพฺพา.
กุมฺภีลานฺหิ อาหารํ อุปาทาย โมรานํ อาหาโร สุขุโม. กุมฺภีลา กิร ปาสาเณ คิลนฺติ. เต จ เนสํ กุจฺฉิปฺปตฺตาว วิลียนฺติ. โมรา สปฺปวิจฺฉิกาทิปาเณ ขาทนฺติ. โมรานํ ปน อาหารํ อุปาทาย ตรจฺฉานํ อาหาโร สุขุโม. เต กิร ติวสฺสฉฑฺฑิตานิ วิสาณานิ เจว อฏฺีนิ จ ขาทนฺติ. ตานิ จ เนสํ เขเฬน เตมิตมตฺเตเนว กนฺทมูลํ วิย ¶ มุทุกานิ โหนฺติ. ตรจฺฉานมฺปิ อาหารํ อุปาทาย หตฺถีนํ อาหาโร สุขุโม. เตปิ นานารุกฺขสาขาโย ขาทนฺติ. หตฺถีนํ อาหารโต ควยโคกณฺณมิคาทีนํ อาหาโร สุขุโม. เต กิร นิสฺสารานิ นานารุกฺขปณฺณาทีนิ ขาทนฺติ. เตสมฺปิ อาหารโต คุนฺนํ อาหาโร สุขุโม. เต อลฺลสุกฺขติณานิ ขาทนฺติ. เตสํ อาหารโต สสานํ อาหาโร สุขุโม. สสานํ อาหารโต สกุณานํ อาหาโร สุขุโม. สกุณานํ อาหารโต ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหาโร สุขุโม. ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหารโต คามโภชกานํ อาหาโร สุขุโม. คามโภชกานํ อาหารโต ราชราชมหามตฺตานํ อาหาโร สุขุโม. เตสมฺปิ อาหารโต จกฺกวตฺติโน อาหาโร สุขุโม. จกฺกวตฺติโน อาหารโต ภุมฺมเทวานํ อาหาโร สุขุโม. ภุมฺมเทวานํ อาหารโต จาตุมหาราชิกานํ อาหาโร สุขุโม. เอวํ ยาว ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ อาหาโร วิตฺถาเรตพฺโพ, เตสํ อาหาโร สุขุโมตฺเวว นิฏฺํ ปตฺโต.
เอตฺถ จ โอฬาริเก วตฺถุสฺมึ โอชา ปริตฺตา โหติ ทุพฺพลา, สุขุเม พลวตี. ตถา หิ เอกปตฺตปูรมฺปิ ยาคุํ ปีวโต มุหุตฺเตเนว ชิฆจฺฉิโต โหติ, ยํกฺจิเทว ขาทิตุกาโม. สปฺปึ ปน ปสฏมตฺตํ ปิวิตฺวา ทิวสํ อโภตฺตุกาโม โหติ. ตตฺถ วตฺถุ ปริสฺสมํ วิโนเทติ, น ปน สกฺโกติ ปาเลตุํ. โอชา ปาเลติ, น สกฺโกติ ปริสฺสมํ วิโนเทตุํ. ทฺเว ปน เอกโต หุตฺวา ปริสฺสมฺเจว วิโนเทนฺติ ปาเลนฺติ จาติ.
ผสฺโส ¶ ¶ ทุติโยติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิ ฉพฺพิโธปิ ผสฺโส. เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ ทุติโย อาหาโรติ เวทิตพฺโพ. เทสนานโย เอว เจส. ตสฺมา อิมินา นาม การเณน ทุติโย วา ตติโย วาติ อิทเมตฺถ น คเวสิตพฺพํ. มโนสฺเจตนาติ เจตนา เอว วุจฺจติ. วิฺาณนฺติ ยํกิฺจิ จิตฺตํ.
เอตฺถาห, ยทิ ปจฺจยฏฺโ อาหารฏฺโ, อถ กสฺมา อฺเสุปิ สตฺตานํ ปจฺจเยสุ วิชฺชมาเนสุ อิเมเยว จตฺตาโร วุตฺตาติ? วุจฺจเต, อชฺฌตฺติกสนฺตติยา ¶ วิเสสปจฺจยตฺตา. วิเสสปจฺจโย หิ กพฬีการาหารภกฺขานํ สตฺตานํ รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโร. นามกาเย เวทนาย ผสฺโส, วิฺาณสฺส มโนสฺเจตนา, นามรูปสฺส วิฺาณํ. ยถาห –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อยํ กาโย อาหารฏฺิติโก, อาหารํ ปฏิจฺจ ติฏฺติ, อนาหาโร โน ติฏฺติ. ตถา ผสฺสปจฺจยา เวทนา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ.
โก ปเนตฺถ อาหาโร, กึ อาหรตีติ? กพฬีการาหาโร โอชฏฺมกรูปานิ อาหรติ. ผสฺสาหาโร ติสฺโส เวทนา, มโนสฺเจตนาหาโร ตโย ภเว, วิฺาณาหาโร ปฏิสนฺธินามรูปนฺติ.
กถํ? กพฬีการาหาโร ตาว มุเข ปิตมตฺโตเยว อฏฺ รูปานิ สมุฏฺาเปติ. ทนฺตวิจุณฺณิตํ ปน อชฺโฌหริยมานํ เอเกกํ สิตฺถํ อฏฺฏฺ รูปานิ สมุฏฺาเปติเยว. เอวํ โอชฏฺมกรูปานิ อาหรติ.
ผสฺสาหาโร ปน สุขเวทนิโย ผสฺโส อุปฺปชฺชมาโน สุขเวทนํ อาหรติ, ตถา ทุกฺขเวทนิโย ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขเวทนิโย อทุกฺขมสุขนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ ผสฺสาหาโร ติสฺโส เวทนา อาหรติ.
มโนสฺเจตนาหาโร ¶ กามภวูปคํ กมฺมํ กามภวํ อาหรติ, รูปารูปภวูปคานิ ตํ ตํ ภวํ. เอวํ สพฺพถาปิ มโนสฺเจตนาหาโร ตโย ภเว อาหรติ.
วิฺาณาหาโร ปน เย จ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ตํสมฺปยุตฺตกา ตโย ขนฺธา, ยานิ จ ติสนฺตติวเสน ตึสรูปานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สหชาตาทิปจฺจยนเยน ตานิ อาหรตีติ วุจฺจติ. เอวํ วิฺาณาหาโร ปฏิสนฺธินามรูปํ อาหรตีติ.
เอตฺถ จ มโนสฺเจตนาหาโร ตโย ภเว อาหรตีติ สาสวา กุสลากุสลเจตนาว วุตฺตา. วิฺาณํ ปฏิสนฺธินามรูปํ อาหรตีติ ปฏิสนฺธิวิฺาณเมว วุตฺตํ ¶ . อวิเสเสน ปน ตํสมฺปยุตฺตตํสมุฏฺานธมฺมานํ อาหรณโต เปเต อาหาราติ เวทิตพฺพา.
เอเตสุ ¶ จตูสุ อาหาเรสุ กพฬีการาหาโร อุปตฺถมฺเภนฺโต อาหารกิจฺจํ สาเธติ. ผสฺโส ผุสนฺโตเยว, มโนสฺเจตนา อายูหมานาว. วิฺาณํ วิชานนฺตเมว.
กถํ? กพฬีการาหาโร หิ อุปตฺถมฺเภนฺโตเยว กายฏฺปเนน สตฺตานํ ิติยา โหติ. กมฺมชนิโตปิ หิ อยํ กาโย กพฬีการาหาเรน อุปตฺถมฺภิโต ทสปิ วสฺสานิ วสฺสสตมฺปิ ยาว อายุปริมาณํ ติฏฺติ. ยถา กึ? ยถา มาตุยา ชนิโตปิ ทารโก ธาติยา ถฺาทีนิ ปาเยตฺวา โปสิยมาโนว จิรํ ติฏฺติ, ยถา จุปตฺถมฺเภน อุปตฺถมฺภิตเคหํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ยถา มหาราช เคเห ปตนฺเต อฺเน ทารุนา อุปตฺถมฺเภนฺติ, อฺเน ทารุนา อุปตฺถมฺภิตํ สนฺตํ เอวํ ตํ เคหํ น ปตติ, เอวเมว โข มหาราช อยํ กาโย อาหารฏฺิติโก, อาหารํ ปฏิจฺจ ติฏฺตี’’ติ.
เอวํ กพฬีกาโร อาหาโร อุปตฺถมฺเภนฺโต อาหารกิจฺจํ สาเธติ. เอวํ สาเธนฺโตปิ จ กพฬีกาโร อาหาโร ทฺวินฺนํ รูปสนฺตตีนํ ปจฺจโย โหติ อาหารสมุฏฺานสฺส จ อุปาทินฺนสฺส จ. กมฺมชานํ อนุปาลโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ. อาหารสมุฏฺานานํ ชนโก หุตฺวา ปจฺจโย โหติ.
ผสฺโส ¶ ปน สุขาทิวตฺถุภูตํ อารมฺมณํ ผุสนฺโตเยว สุขาทิเวทนาปวตฺตเนน สตฺตานํ ิติยา โหติ. มโนสฺเจตนา กุสลากุสลกมฺมวเสน อายูหมานาเยว ภวมูลนิปฺผาทนโต สตฺตานํ ิติยา โหติ. วิฺาณํ วิชานนฺตเมว นามรูปปฺปวตฺตเนน สตฺตานํ ิติยา โหติ.
เอวํ อุปตฺถมฺภนาทิวเสน อาหารกิจฺจํ สาธยมาเนสุ ปเนเตสุ จตฺตาริ ภยานิ ทฏฺพฺพานิ. เสยฺยถิทํ, กพฬีการาหาเร นิกนฺติเยว ภยํ, ผสฺเส อุปคมนเมว, มโนสฺเจตนาย อายูหนเมว, วิฺาเณ อภินิปาโตเยว ภยนฺติ. กึ การณา? กพฬีการาหาเร หิ นิกนฺตึ กตฺวา สีตาทีนํ ปุเรกฺขตา สตฺตา อาหารตฺถาย มุทฺทาคณนาทิกมฺมานิ กโรนฺตา อนปฺปกํ ทุกฺขํ นิคจฺฉนฺติ. เอกจฺเจ จ อิมสฺมึ สาสเน ¶ ปพฺพชิตฺวาปิ เวชฺชกมฺมาทิกาย อเนสนาย อาหารํ ปริเยสนฺตา ทิฏฺเปิ ธมฺเม คารยฺหา โหนฺติ. สมฺปราเยปิ ตสฺส สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา สมฺปชฺชลิตาติอาทินา ลกฺขณสํยุตฺเต วุตฺตนเยน สมณเปตา โหนฺติ. อิมินาว ตาว การเณน กพฬีการาหาเร นิกนฺติเยว ภยนฺติ เวทิตพฺพา.
ผสฺสํ อุปคจฺฉนฺตาปิ ¶ ผสฺสสฺสาทิโน ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสุ ทาราทีสุ ภณฺเฑสุ อปรชฺฌนฺติ. เต สห ภณฺเฑน ภณฺฑสามิกา คเหตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ วา ฉินฺทิตฺวา สงฺการกูเฏสุ ฉฑฺเฑนฺติ. รฺโ วา นิยฺยาเตนฺติ. ตโต เน ราชา วิวิธา กมฺมการณา การาเปติ. กายสฺส จ เภทา ทุคฺคติ เนสํ ปาฏิกงฺขา โหติ. อิติ ผสฺสสฺสาทมูลกํ ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ สพฺพมาคตเมว โหติ. อิมินา การเณน ผสฺสาหาเร อุปคมนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํ.
กุสลากุสลกมฺมายูหเนเนว ปน ตมฺมูลกํ ตีสุ ภเวสุ ภยํ สพฺพมาคตํเยว โหติ. อิมินา การเณน มโนสฺเจตนาหาเร อายูหนเมว ภยนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปฏิสนฺธิวิฺาณฺจ ยสฺมึ ยสฺมึ าเน อภินิปตติ, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ปฏิสนฺธินามรูปํ คเหตฺวาว นิพฺพตฺตติ, ตสฺมิฺจ นิพฺพตฺเต สพฺพภยานิ นิพฺพตฺตานิเยว โหนฺติ, ตมฺมูลกตฺตาติ, อิมินา การเณน วิฺาณาหาเร อภินิปาโตเยว ภยนฺติ เวทิตพฺโพ.
เอวํ ¶ สภเยสุ ปน อิเมสุ อาหาเรสุ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กพฬีการาหาเร นิกนฺติปริยาทานตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทฺเว ชายมฺปติกา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๖๓) นเยน ปุตฺตมํสูปมํ เทเสสิ. ผสฺสาหาเร นิกนฺติปริยาทานตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คาวี นิจฺจมฺมา’’ติอาทินา นเยน นิจฺจมฺมคาวูปมํ เทเสสิ. มโนสฺเจตนาหาเร นิกนฺติปริยาทานตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, องฺคารกาสู’’ติอาทินา นเยน องฺคารกาสูปมํ เทเสสิ. วิฺาณาหาเร นิกนฺติปริยาทานตฺถํ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, โจรํ อาคุจาริ’’นฺติอาทินา นเยน สตฺติสตาหตูปมํ เทเสสิ.
ตตฺรายํ ภูตมตฺถํ กตฺวา สงฺเขปโต อตฺถโยชนา, ทฺเว กิร ชายมฺปติกา ปุตฺตํ คเหตฺวา ปริตฺเตน ปาเถยฺเยน โยชนสติกํ กนฺตารมคฺคํ ¶ ปฏิปชฺชึสุ. เตสํ ปฺาส โยชนานิ คนฺตฺวา ปาเถยฺยํ นิฏฺาสิ. เต ขุปฺปิปาสาตุรา วิรฬจฺฉายายํ นิสีทึสุ. ตโต ปุริโส ภริยํ อาห ‘‘ภทฺเท อิโต สมนฺตา ปฺาส โยชนานิ คาโม วา นิคโม วา นตฺถิ, ตสฺมา ยํ ตํ ปุริเสน กาตพฺพํ พหุมฺปิ กสิโครกฺขาทิกมฺมํ, น ทานิ สกฺกา ตํ มยา กาตุํ, เอหิ มํ มาเรตฺวา อุปฑฺฒมํสํ ขาทิตฺวา อุปฑฺฒํ ปาเถยฺยํ ¶ กตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ กนฺตารํ นิตฺถราหี’’ติ. สาปิ อาห ‘‘สามิ มยา ทานิ ยํ ตํ อิตฺถิยา กาตพฺพํ พหุมฺปิ สุตฺตกนฺตนาทิกมฺมํ, ตํ กาตุํ น สกฺกา, เอหิ มํ มาเรตฺวา อุปฑฺฒมํสํ ขาทิตฺวา อุปฑฺฒํ ปาเถยฺยํ กตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ กนฺตารํ นิตฺถราหี’’ติ. ตโต โส ตํ อาห ‘‘ภทฺเท มาตุคามมรเณน ทฺวินฺนํ มรณํ ปฺายติ. น หิ มนฺโท กุมาโร มาตรํ วินา ชีวิตุํ สกฺโกติ. ยทิ ปน มยํ ชีวาม, ปุน ทารกํ ลเภยฺยาม, หนฺท ทานิ ปุตฺตกํ มาเรตฺวา มํสํ คเหตฺวา กนฺตารํ นิตฺถรามา’’ติ.
ตโต มาตา ปุตฺตมาห ‘‘ตาต ปิตุ สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ. โส อคมาสิ. อถสฺส ปิตา ‘‘มยา ปุตฺตกํ โปเสสฺสามีติ กสิโครกฺขาทีหิ อนปฺปกํ ทุกฺขมนุภูตํ, น สกฺโกมิ ปุตฺตํ มาเรตุํ, ตฺวํเยว ตว ปุตฺตกํ มาเรหี’’ติ วตฺวา ‘‘ตาต มาตุสนฺติกเมว คจฺฉาหี’’ติ อาห. โส อคมาสิ. อถสฺส มาตาปิ ‘‘มยา ปุตฺตํ ปตฺเถนฺติยา โควตกุกฺกุรวตเทวตายาจนาทีหิปิ ตาว อนปฺปกํ ทุกฺขํ อนุภูตํ, โก ปน วาโท กุจฺฉินา ปริหรนฺติยา? น สกฺกาหํ ปุตฺตํ มาเรตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตาต ปิตุสนฺติกํเยว คจฺฉาหี’’ติ อาห. เอวํ โส ทฺวินฺนํ อนฺตรา คจฺฉนฺโตเยว มโต. เต ตํ ทิสฺวา ปริเทวิตฺวา ปุพฺเพ ¶ วุตฺตนเยเนว มํสานิ คเหตฺวา ขาทนฺตา ปกฺกมึสุ. เตสํ โส ปุตฺตมํสาหาโร นวหิ การเณหิ ปฏิกุลตฺตา เนว ทวาย โหติ, น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย, เกวลํ กนฺตารนิตฺถรณตฺถาเยว โหติ.
กตเมหิ นวหิ การเณหิ ปฏิกูโลติ เจ? สชาติมํสตาย าติมํสตาย ปุตฺตมํสตาย ปิยปุตฺตมํสตาย ตรุณมํสตาย อามกมํสตาย อโครสมํสตาย อโลณตาย อธูปิตตายาติ. ตสฺมา โย ภิกฺขุ กพฬีการาหารํ เอวํ ปุตฺตมํสสทิสํ ปสฺสติ ¶ , โส ตตฺถ นิกนฺตึ ปริยาทิยติ. อยํ ตาว ปุตฺตมํสูปมายํ อตฺถโยชนา.
นิจฺจมฺมคาวูปมายํ ปน ยถา สา คาวี คีวโต ยาว ขุรา, ตาว จมฺมํ อุทฺทาเลตฺวา มุตฺตา ยํ ยเทว นิสฺสาย ติฏฺติ, ตตฺถ ปาณเกหิ ขชฺชมานา ทุกฺขสฺเสวาธิกรณํ โหติ, เอวํ ผสฺโสปิ ยํ ยเทว วตฺถุํ อารมฺมณํ วา นิสฺสาย ติฏฺติ, ตํตํวตฺถารมฺมณสมฺภวสฺส เวทยิตทุกฺขสฺส อธิกรณเมว โหติ. ตสฺมา โย ภิกฺขุ ผสฺสาหารํ เอวํ นิจฺจมฺมคาวิสทิสํ ปสฺสติ ¶ , โส ตตฺถ นิกนฺตึ ปริยาทิยติ, อยํ นิจฺจมฺมคาวูปมายํ อตฺถโยชนา.
องฺคารกาสูปมายํ ปน ยถา สา องฺคารกาสุ, เอวํ มหาปริฬาหฏฺเน ตโย ภวา. ยถา นานาพาหาสุ คเหตฺวา ตตฺถ อุปกฑฺฒกา ทฺเว ปุริสา, เอวํ ภเวสุ อุปกฑฺฒนฏฺเน มโนสฺเจตนา. ตสฺมา โย ภิกฺขุ มโนสฺเจตนาหารํ เอวํ องฺคารกาสูปกฑฺฒกปุริสสทิสํ ปสฺสติ, โส ตตฺถ นิกนฺตึ ปริยาทิยติ, อยํ องฺคารกาสูปมายํ อตฺถโยชนา.
สตฺติสตาหตูปมายํ ปน เยน โส ปุริโส ปุพฺพณฺหสมเย สตฺติสเตน หฺติ, ตมสฺส สรีเร วณมุขสตํ กตฺวา อนฺตรา อฏฺตฺวา วินิวิชฺฌิตฺวา อปรภาเคเยว ปตติ, เอวํ อิตรานิ ทฺเว สตฺติสตานิ, เอวมสฺส ปติโตกาเส อปติตฺวา อปติตฺวา คตาหิ สตฺตีหิ สพฺพสรีรํ ฉิทฺทาวฉิทฺทเมว โหติ, ตสฺส เอกวณมุเขปิ อุปฺปนฺนสฺส ทุกฺขสฺส ปมาณํ นตฺถิ, โก ปน วาโท ตีสุ วณมุขสเตสุ? ตตฺถ สตฺตินิปาตกาโล วิย ปฏิสนฺธิวิฺาณนิพฺพตฺตกาโล. วณมุขชนนํ วิย ขนฺธชนนํ. วณมุเขสุ ทุกฺขเวทนุปฺปาโท วิย ¶ ชาเตสุ ขนฺเธสุ วฏฺฏมูลกนานาวิธทุกฺขุปฺปาโท. อปโร นโย, อาคุจารี ปุริโส วิย ปฏิสนฺธิวิฺาณํ. ตสฺส สตฺติฆาเตหิ อุปฺปนฺนวณมุขานิ วิย วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ. วณมุขปจฺจยา ตสฺส ปุริสสฺส กกฺขฬทุกฺขุปฺปาโท วิย นามรูปปจฺจยา วิฺาณสฺส ทฺวตฺตึสกมฺมการณอฏฺนวุติโรคาทิวเสน นานปฺปการกทุกฺขุปฺปาโท ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา โย ภิกฺขุ วิฺาณาหารํ เอวํ สตฺติสตาหตสทิสํ ปสฺสติ. โส ตตฺถ นิกนฺตึ ปริยาทิยติ, อยํ สตฺติสตาหตูปมายํ อตฺถโยชนา.
โส ¶ เอวํ อิเมสุ อาหาเรสุ นิกนฺตึ ปริยาทิยนฺโต จตฺตาโรปิ อาหาเร ปริชานาติ, เยสุ ปริฺาเตสุ สพฺพมฺปิ ปริฺาตํ วตฺถุ ปริฺาตเมว โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘กพฬีกาเร, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริฺาเต ปฺจกามคุณิโก ราโค ปริฺาโต โหติ. ปฺจกามคุณิเก ราเค ปริฺาเต นตฺถิ ตํ สํโยชนํ, เยน สํโยชเนน สํยุตฺโต อริยสาวโก ปุน อิมํ โลกํ อาคจฺเฉยฺย. ผสฺเส, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริฺาเต ติสฺโส เวทนา ปริฺาตา โหนฺติ. ตีสุ ¶ เวทนาสุ ปริฺาตาสุ อริยสาวกสฺส นตฺถิ กิฺจิ อุตฺตริกรณียนฺติ วทามิ. มโนสฺเจตนาย, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริฺาเต ติสฺโส ตณฺหา ปริฺาตา โหนฺติ. ตีสุ ตณฺหาสุ ปริฺาตาสุ อริยสาวกสฺส นตฺถิ กิฺจิ อุตฺตริกรณียนฺติ วทามิ. วิฺาเณ, ภิกฺขเว, อาหาเร ปริฺาเต นามรูปํ ปริฺาตํ โหติ. นามรูเป ปริฺาเต อริยสาวกสฺส นตฺถิ กิฺจิ อุตฺตริกรณียนฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๓).
ตณฺหาสมุทยา อาหารสมุทโยติ ปุริมตณฺหาสมุทยา ปฏิสนฺธิกานํ อาหารานํ สมุทโย นิพฺพตฺโต โหตีติ อตฺโถ. กถํ? ปฏิสนฺธิกฺขเณ หิ ติสนฺตติวเสน อุปฺปนฺนสมตึสรูปพฺภนฺตเร ชาตา โอชา อตฺถิ. อยํ ตณฺหาปจฺจยา นิพฺพตฺโต อุปาทินฺนกกพฬีการาหาโร. ปฏิสนฺธิจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปน ผสฺสเจตนา สยฺจ จิตฺตํ วิฺาณนฺติ อิเม ตณฺหาปจฺจยา นิพฺพตฺตา อุปาทินฺนกผสฺสมโนสฺเจตนา วิฺาณาหาราติ. เอวํ ตาว ปุริมตณฺหาสมุทยา ปฏิสนฺธิกานํ อาหารานํ สมุทโย เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปนิธ อุปาทินฺนกาปิ อนุปาทินฺนกาปิ อาหารา มิสฺเสตฺวา กถิตา, ตสฺมา อนุปาทินฺนกานมฺปิ เอวํ ตณฺหาสมุทยา อาหารสมุทโย เวทิตพฺโพ ¶ . อฏฺโลภสหคตจิตฺตสมุฏฺิเตสุ หิ รูเปสุ โอชา อตฺถิ, อยํ สหชาตตณฺหาปจฺจยา นิพฺพตฺโต อนุปาทินฺนกกพฬีการาหาโร. โลภสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา ปน ผสฺสเจตนา สยฺจ จิตฺตํ วิฺาณนฺติ อิเม ตณฺหาปจฺจยา นิพฺพตฺตา อนุปาทินฺนกผสฺสมโนสฺเจตนา วิฺาณาหาราติ.
ตณฺหานิโรธา ¶ อาหารนิโรโธติ อิมิสฺสา อุปาทินฺนกานฺจ อนุปาทินฺนกานฺจ อาหารานํ ปจฺจยภูตาย ตณฺหาย นิโรเธน อาหารนิโรโธ ปฺายติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อยํ ปน วิเสโส, อิธ จตฺตาริปิ สจฺจานิ สรูเปเนว วุตฺตานิ. ยถา จ อิธ, เอวํ อิโต อุตฺตริมฺปิ สพฺพวาเรสูติ. ตสฺมา สพฺพตฺถ อสมฺมุยฺหนฺเตน สจฺจานิ อุทฺธริตพฺพานิ. สพฺพวาเรสุ จ ‘‘เอตฺตาวตาปิ โข อาวุโส’’ติ อิทํ เทสนานิยฺยาตนํ ตตฺถ ตตฺถ เทสิตธมฺมวเสน โยเชตพฺพํ. ตสฺส อิธ ตาว อยํ โยชนา เอตฺตาวตาปีติ อิมาย อาหารเทสนาย วุตฺตมนสิการปฺปฏิเวธวเสนาปีติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถาปิ.
อาหารวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สจฺจวารวณฺณนา
๙๑. อิทานิ ¶ ‘‘สาธาวุโส’’ติ ปุริมนเยเนว เถรสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา เต ภิกฺขู อุตฺตริมฺปิ ปฺหํ ปุจฺฉึสุ. เถโร จ เนสํ อฺเนปิ ปริยาเยน พฺยากาสิ. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ สพฺพวาเรสุ. ตสฺมา อิโต ปรํ เอวรูปานิ วจนานิ อนามสิตฺวา เยน เยน ปริยาเยน พฺยากโรติ, ตสฺส ตสฺเสว อตฺถํ วณฺณยิสฺสาม. อิมสฺส ปน วารสฺส สงฺเขปเทสนายํ ทุกฺขฺจ ปชานาตีติ เอตฺถ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสจฺจํ. วิตฺถารเทสนายํ ปน ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค สจฺจนิทฺเทเส วุตฺตเมวาติ.
สจฺจวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชรามรณวารวณฺณนา
๙๒. อิโต ¶ ปรํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวเสน เทสนา โหติ. ตตฺถ ชรามรณวาเร ตาว เตสํ เตสนฺติ อยํ สงฺเขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิทฺเทโสติ าตพฺโพ. ยา เทวทตฺตสฺส ชรา, ยา โสมทตฺตสฺส ชราติ เอวฺหิ ทิวสมฺปิ กเถนฺตสฺส เนว สตฺตา ปริยาทานํ ¶ คจฺฉนฺติ. อิเมหิ ปน ทฺวีหิ ปเทหิ น โกจิ สตฺโต อปริยาทินฺโน โหติ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อยํ สงฺเขปโต อเนเกสํ สตฺตานํ สาธารณนิทฺเทโส’’ติ.
ตมฺหิ ตมฺหีติ อยํ คติชาติวเสน อเนเกสํ นิกายานํ สาธารณนิทฺเทโส. สตฺตนิกาเยติ สาธารณนิทฺเทเสน นิทฺทิฏฺสฺส สรูปนิทสฺสนํ. ชรา ชีรณตาติอาทีสุ ปน ชราติ สภาวนิทฺเทโส. ชีรณตาติ อาการนิทฺเทโส. ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิทฺเทสา. ปจฺฉิมา ทฺเว ปกตินิทฺเทสา. อยฺหิ ชราติ อิมินา ปเทน สภาวโต ทีปิตา, เตนสฺสายํ สภาวนิทฺเทโส. ชีรณตาติ อิมินา อาการโต. เตนสฺสายํ อาการนิทฺเทโส. ขณฺฑิจฺจนฺติ อิมินา กาลาติกฺกเม ทนฺตนขานํ ขณฺฑิตภาวกรณกิจฺจโต. ปาลิจฺจนฺติ อิมินา เกสโลมานํ ปลิตภาวกรณกิจฺจโต. วลิตฺตจตาติ อิมินา มํสํ มิลาเปตฺวา ตเจ วลิตฺตภาวกรณกิจฺจโต ทีปิตา. เตนสฺสา อิเม ขณฺฑิจฺจนฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิทฺเทสา. เตหิ อิเมสํ วิการานํ ทสฺสนวเสน ปากฏีภูตา ปากฏชรา ทสฺสิตา. ยเถว หิ อุทกสฺส วา อคฺคิโน วา วาตสฺส วา ติณรุกฺขาทีนํ สมฺภคฺคปลิภคฺคตาย วา ฌามตาย วา คตมคฺโค ปากโฏ โหติ, น จ โส คตมคฺโค ¶ ตาเนว อุทกาทีนิ, เอวเมว ชราย ทนฺตาทีสุ ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมคฺโค ปากโฏ, จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวาปิ คยฺหติ. น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชรา, น หิ ชรา จกฺขุวิฺเยฺยา โหติ.
อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโกติ อิเมหิ ปน ปเทหิ กาลาติกฺกเมเยว อภิพฺยตฺตตาย อายุกฺขยจกฺขาทิอินฺทฺริยปริปากสฺิตาย ปกติยา ทีปิตา. เตนสฺสิเม ปจฺฉิมา ทฺเว ปกตินิทฺเทสาติ เวทิตพฺพา.
ตตฺถ ยสฺมา ชรํ ปตฺตสฺส อายุ หายติ, ตสฺมา ชรา ‘‘อายุโน สํหานี’’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตา ¶ . ยสฺมา จ ทหรกาเล สุปฺปสนฺนานิ สุขุมมฺปิ อตฺตโน วิสยํ สุเขเนว คณฺหนสมตฺถานิ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ชรํ ปตฺตสฺส ปริปกฺกานิ อาลุฬิตานิ อวิสทานิ โอฬาริกมฺปิ อตฺตโน วิสยํ คเหตุํ อสมตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘อินฺทฺริยานํ ปริปาโก’’ติปิ ผลูปจาเรเนว ¶ วุตฺตา. สา ปนายํ เอวํ นิทฺทิฏฺา สพฺพาปิ ชรา ปากฏา ปฏิจฺฉนฺนาติ ทุวิธา โหติ.
ตตฺถ ทนฺตาทีสุ ขณฺฑภาวาทิทสฺสนโต รูปธมฺเมสุ ชรา ปากฏชรา นาม. อรูปธมฺเมสุ ปน ตาทิสสฺส วิการสฺส อทสฺสนโต ปฏิจฺฉนฺนชรา นาม. ตตฺถ ยฺวายํ ขณฺฑาทิภาโว ทิสฺสติ, โส ตาทิสานํ ทนฺตาทีนํ สุวิฺเยฺยตฺตา วณฺโณเยว, ตํ จกฺขุนา ทิสฺวา มโนทฺวาเรน จินฺเตตฺวา ‘‘อิเม ทนฺตา ชราย ปหฏา’’ติ ชรํ ชานาติ อุทกฏฺาเน พทฺธานิ โคสีสาทีนิ โอโลเกตฺวา เหฏฺา อุทกสฺส อตฺถิภาวํ ชานนํ วิย. ปุน อวีจิ สวีจีติ เอวมฺปิ ทุวิธา โหติ. ตตฺถ มณิกนกรชตปวาฬสูริยาทีนํ มนฺททสกาทีสุ ปาณีนํ วิย ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ จ อปาณีนํ วิย อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ ทุวิฺเยฺยตฺตา ชรา อวีจิชรา นาม, นิรนฺตรชราติ อตฺโถ. ตโต อฺเสุ ปน ยถาวุตฺเตสุ อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ สุวิฺเยฺยตฺตา ชรา สวีจิชรา นามาติ เวทิตพฺพา.
อิโต ปรํ, เตสํ เตสนฺติอาทิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. จุติ จวนตาติอาทีสุ ปน จุตีติ จวนกวเสน วุจฺจติ, เอกจตุปฺจกฺขนฺธานํ สามฺวจนเมตํ. จวนตาติ ภาววจเนน ลกฺขณนิทสฺสนํ. เภโทติ จุติกฺขนฺธานํ ภงฺคุปฺปตฺติปริทีปนํ. อนฺตรธานนฺติ ฆฏสฺเสว ภินฺนสฺส ภินฺนานํ จุติกฺขนฺธานํ เยน เกนจิ ปริยาเยน านาภาวปริทีปนํ. มจฺจุ มรณนฺติ มจฺจุสงฺขาตํ มรณํ. เตน สมุจฺเฉทมรณาทีนิ นิเสเธติ. กาโล นาม อนฺตโก, ตสฺส กิริยาติ กาลกิริยา. เอเตน โลกสมฺมุติยา มรณํ ทีเปติ.
อิทานิ ปรมตฺเถน ¶ ทีเปตุํ, ขนฺธานํ เภโทติอาทิมาห. ปรมตฺเถน หิ ขนฺธาเยว ภิชฺชนฺติ, น สตฺโต นาม โกจิ มรติ. ขนฺเธสุ ปน ภิชฺชมาเนสุ สตฺโต มรติ, ภินฺเนสุ มโตติ โวหาโร โหติ.
เอตฺถ ¶ จ จตุโวการวเสน ขนฺธานํ เภโท, เอกโวการวเสน กเฬวรสฺส นิกฺเขโป. จตุโวการวเสน วา ขนฺธานํ เภโท, เสสทฺวยวเสน กเฬวรสฺส นิกฺเขโป เวทิตพฺโพ. กสฺมา? ภวทฺวเยปิ รูปกายสงฺขาตสฺส กเฬวรสฺส สมฺภวโต. อถ วา ยสฺมา จ จาตุมหาราชิกาทีสุ ขนฺธา ภิชฺชนฺเตว, น กิฺจิ นิกฺขิปนฺติ, ตสฺมา เตสํ วเสน ¶ ขนฺธานํ เภโท, มนุสฺสาทีสุ กเฬวรสฺส นิกฺเขโป. เอตฺถ จ กเฬวรสฺส นิกฺเขปการณโต มรณํ กเฬวรสฺส นิกฺเขโปติ วุตฺตนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อิติ อยฺจ ชรา อิทฺจ มรณํ. อิทํ วุจฺจตาวุโสติ อิทํ อุภยมฺปิ เอกโต กตฺวา ชรามรณนฺติ กถียติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ชรามรณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ชาติวารวณฺณนา
๙๓. ชาติวาเร ชาติ สฺชาตีติอาทีสุ ชายนฏฺเน ชาติ, สา อปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตา. สฺชายนฏฺเน สฺชาติ, สา ปริปุณฺณายตนวเสน ยุตฺตา. โอกฺกมนฏฺเน โอกฺกนฺติ, สา อณฺฑชชลาพุชวเสน ยุตฺตา. เต หิ อณฺฑโกสฺจ วตฺถิโกสฺจ โอกฺกมนฺตา ปวิสนฺตา วิย ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ. อภินิพฺพตฺตนฏฺเน อภินิพฺพตฺติ, สา สํเสทชโอปปาติกวเสน ยุตฺตา, เต หิ ปากฏาเยว หุตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ. อยํ ตาว โวหารเทสนา.
อิทานิ ปรมตฺถเทสนา โหติ. ขนฺธาเยว หิ ปรมตฺถโต ปาตุภวนฺติ, น สตฺโต. ตตฺถ จ ขนฺธานนฺติ เอกโวการภเว เอกสฺส จตุโวการภเว จตุนฺนํ ปฺจโวการภเว ปฺจนฺนมฺปิ คหณํ เวทิตพฺพํ. ปาตุภาโวติ อุปฺปตฺติ. อายตนานนฺติ เอตฺถ ตตฺร ตตฺร อุปฺปชฺชมานายตนวเสเนว สงฺคโห เวทิตพฺโพ. ปฏิลาโภติ สนฺตติยํ ปาตุภาโวเยว. ปาตุภวนฺตาเนว หิ ตานิ ปฏิลทฺธานิ นาม โหนฺติ. อยํ วุจฺจตาวุโส ชาตีติ อิมินา ปเทน โวหารโต ปรมตฺถโต จ เทสิตาย ชาติยา นิคมนํ กโรตีติ. ภวสมุทยาติ เอตฺถ ปน ชาติยา ปจฺจยภูโต กมฺมภโว เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ชาติวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภววารวณฺณนา
๙๔. ภววาเร ¶ ¶ ¶ กามภโวติ กมฺมภโว จ อุปปตฺติภโว จ. ตตฺถ กมฺมภโว นาม กามภวูปคํ กมฺมเมว. ตฺหิ อุปปตฺติภวสฺส การณตฺตา ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท (ธ. ป. ๑๙๔) ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีนิ (ธ. ป. ๑๑๗) วิย ผลโวหาเรน ภโวติ วุตฺตํ. อุปปตฺติภโว นาม เตน กมฺเมน นิพฺพตฺตํ อุปาทินฺนขนฺธปฺจกํ. ตฺหิ ตตฺถ ภวตีติ กตฺวา ภโวติ วุตฺตํ. เอวํ สพฺพถาปิ อิทํ กมฺมฺจ อุปปตฺติ จ อุภยมฺเปตมิธ ‘‘กามภโว’’ติ วุตฺตํ. เอส นโย รูปารูปภเวสุ. อุปาทานสมุทยาติ เอตฺถ ปน อุปาทานํ กุสลกมฺมภวสฺส อุปนิสฺสยวเสเนว ปจฺจโย โหติ. อกุสลกมฺมภวสฺส อุปนิสฺสยวเสนปิ สหชาตาทิวเสนปิ. อุปปตฺติภวสฺส ปน สพฺพสฺสาปิ อุปนิสฺสยวเสเนว. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ภววารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปาทานวารวณฺณนา
๙๕. อุปาทานวาเร กามุปาทานนฺติอาทีสุ วตฺถุกามํ อุปาทิยติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยตีติ กามุปาทานํ. กาโม จ โส อุปาทานฺจาติ วา กามุปาทานํ. อุปาทานนฺติ ทฬฺหคฺคหณํ วุจฺจติ. ทฬฺหตฺโถ หิ เอตฺถ อุปสทฺโท, ‘‘อุปายาส อุปกฏฺา’’ติอาทีสุ วิย ปฺจกามคุณิกราคสฺเสตํ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ กามุปาทานํ, โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๐; วิภ. ๙๓๘) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
ตถา ทิฏฺิ จ สา อุปาทานฺจาติ ทิฏฺุปาทานํ. อถ วา ทิฏฺึ อุปาทิยติ, อุปาทิยนฺติ วา เอเตน ทิฏฺินฺติ ทิฏฺุปาทานํ. อุปาทิยติ หิ ปุริมทิฏฺึ อุตฺตรทิฏฺิ. อุปาทิยนฺติ จ ตาย ทิฏฺึ. ยถาห ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๗), สีลพฺพตุปาทานอตฺตวาทุปาทานวชฺชสฺส สพฺพทิฏฺิคตสฺเสตํ ¶ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ทิฏฺุปาทานํ นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๒๒๐; วิภ. ๙๓๘) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
ตถา ¶ สีลพฺพตํ อุปาทิยนฺติ เอเตน, สยํ วา ตํ อุปาทิยติ, สีลพฺพตฺจ ตํ อุปาทานฺจาติ วา สีลพฺพตุปาทานํ. โคสีลโควตาทีนิ หิ เอวํ สุทฺธีติ อภินิเวสโต สยเมว อุปาทานานิ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ สีลพฺพตุปาทานํ, อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน ¶ สุทฺธี’’ติ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
อิทานิ วทนฺติ เอเตนาติ วาโท. อุปาทิยนฺติ เอเตนาติ อุปาทานํ. กึ วทนฺติ, อุปาทิยนฺติ วา? อตฺตานํ. อตฺตโน วาทุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานํ. อตฺตวาทมตฺตเมว วา อตฺตาติ อุปาทิยติ เอเตนาติ อตฺตวาทุปาทานํ, วีสติวตฺถุกาย สกฺกายทิฏฺิยา เอตํ อธิวจนํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ อตฺตวาทุปาทานํ, อิธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ (ธ. ส. ๑๒๒๓) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ.
ตณฺหาสมุทยาติ เอตฺถ ตณฺหา กามุปาทานสฺส อุปนิสฺสยวเสน อนนฺตรสมนนฺตรนตฺถิวิคตาเสวนวเสน วา ปจฺจโย. อวเสสานํ ปน สหชาตาทิวเสนาปิ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
อุปาทานวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตณฺหาวารวณฺณนา
๙๖. ตณฺหาวาเร รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหาติ เอวํ จกฺขุทฺวาราทีสุ ชวนวีถิยํ ปวตฺตาย ตณฺหาย ‘‘เสฏฺิปุตฺโต พฺราหฺมณปุตฺโต’’ติ เอวมาทีสุ ปิติโต นามํ วิย ปิติสทิสารมฺมณโต นามํ. เอตฺถ จ รูปารมฺมณา ตณฺหา, รูเป ตณฺหาติ รูปตณฺหา. สา กามราคภาเวน รูปํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา กามตณฺหา. สสฺสตทิฏฺิสหคตราคภาเวน รูปํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตนฺติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา ภวตณฺหา. อุจฺเฉททิฏฺิสหคตราคภาเวน รูปํ ¶ อุจฺฉิชฺชติ วินสฺสติ เปจฺจ น ภวิสฺสตีติ เอวํ อสฺสาเทนฺตี ปวตฺตมานา วิภวตณฺหาติ เอวํ ติวิธา โหติ. ยถา จ รูปตณฺหา, ตถา สทฺทตณฺหาทโยปีติ เอตานิ อฏฺารส ตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติ. ตานิ อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฏฺารส, พหิทฺธารูปาทีสุ อฏฺารสาติ ฉตฺตึส. อิติ อตีตานิ ฉตฺตึส, อนาคตานิ ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺตึสาติ อฏฺสตํ. ‘‘อชฺฌตฺติกสฺสุปาทาย ‘อสฺมี’ติ โหติ ¶ , ‘อิตฺถสฺมี’ติ ¶ โหตี’’ติ (วิภ. ๙๗๓-๙๗๔) วา เอวมาทีนา อชฺฌตฺติกรูปาทินิสฺสิตานิ อฏฺารส, ‘‘พาหิรสฺสุปาทาย ‘อิมินา อสฺมี’ติ โหติ, ‘อิมินา อิตฺถสฺมี’ติ โหตี’’ติ วา (วิภ. ๙๗๕) เอวมาทินา พาหิรรูปาทินิสฺสิตานิ อฏฺารสาติ ฉตฺตึส. อิติ อตีตานิ ฉตฺตึส, อนาคตานิ ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนานิ ฉตฺตึสาติ เอวมฺปิ อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ โหนฺติ. ปุน สงฺคเห กรียมาเน รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ฉเฬว ตณฺหากายา ติสฺโสเยว กามตณฺหาทโย โหนฺตีติ เอวํ –
นิทฺเทสตฺเถน นิทฺเทส-วิตฺถารา วิตฺถารสฺส จ;
ปุน สงฺคหโต ตณฺหา, วิฺาตพฺพา วิภาวินาติ.
เวทนาสมุทยาติ เอตฺถ ปน เวทนาติ วิปากเวทนา อธิปฺเปตา. สา กถํ ฉสุ ทฺวาเรสุ ตณฺหาย ปจฺจโย โหตีติ เจ? อสฺสาทนียโต. สุขาย หิ เวทนาย อสฺสาทเนน สตฺตา เวทนํ มมายนฺตา เวทนาย ตณฺหํ อุปฺปาเทตฺวา เวทนาราครตฺตา หุตฺวา จกฺขุทฺวาเร อิฏฺเมว รูปํ ปตฺเถนฺติ, ลทฺธา จ นํ อสฺสาเทนฺติ, อารมฺมณทายกานฺจ จิตฺตการาทีนํ สกฺการํ กโรนฺติ. ตถา โสตทฺวาราทีสุ อิฏฺเ จ สทฺทาทโย ปตฺเถนฺติ, ลทฺธา จ เน อสฺสาเทนฺติ, อารมฺมณทายกานฺจ วีณาวาทก-คนฺธิกสูท-ตนฺตวาย-นานาวิธสิปฺปสนฺทสฺสกาทีนํ สกฺการํ กโรนฺติ. ยถา กึ? ยถา ปุตฺตสิเนเหน ปุตฺตํ มมายนฺตา ธาติยา สกฺการํ กโรนฺติ, สปฺปายสปฺปิขีราทีนิเยว นํ ปาเยนฺติ เจว โภเชนฺติ จ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ตณฺหาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
เวทนาวารวณฺณนา
๙๗. เวทนาวาเร ¶ เวทนากายาติ เวทนาสมูหา. จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา…เป… มโนสมฺผสฺสชา เวทนาติ เอตํ ‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา อตฺถิ กุสลา, อตฺถิ อกุสลา, อตฺถิ อพฺยากตา’’ติ (วิภ. ๓๔) เอวํ วิภงฺเค อาคตตฺตา จกฺขุทฺวาราทีสุ ปวตฺตานํ กุสลากุสลาพฺยากตเวทนานํ ‘‘สาริปุตฺโต, มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ เอวมาทีสุ มาติโต นามํ วิย มาติสทิสวตฺถุโต นามํ. วจนตฺโถ ปเนตฺถ จกฺขุสมฺผสฺสเหตุ ¶ ชาตา เวทนา จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนาติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อยํ ตาเวตฺถ สพฺพสงฺคาหิกกถา ¶ . วิปากวเสน ปน จกฺขุทฺวาเร ทฺเว จกฺขุวิฺาณานิ, ทฺเว มโนธาตุโย, ติสฺโส มโนวิฺาณธาตุโยติ เอตาหิ สมฺปยุตฺตวเสน เวทนา เวทิตพฺพา. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุ. มโนทฺวาเร มโนวิฺาณธาตุสมฺปยุตฺตาว.
ผสฺสสมุทยาติ เอตฺถ ปน ปฺจทฺวาเร ปฺจวตฺถุกเวทนานํ สหชาตจกฺขุสมฺผสฺสาทิสมุทยา สมุทโย โหติ. อวเสสานํ จกฺขุสมฺผสฺสาทโย อุปนิสฺสยาทิวเสน ปจฺจยา. มโนทฺวาเร ตทารมฺมณเวทนานํ อทฺวาริกานฺจ ปฏิสนฺธิภวงฺคจุติเวทนานํ สหชาตมโนสมฺผสฺสสมุทยา สมุทโย โหตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เวทนาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ผสฺสวารวณฺณนา
๙๘. ผสฺสวาเร จกฺขุสมฺผสฺโสติ จกฺขุมฺหิ สมฺผสฺโส. เอส นโย สพฺพตฺถ. จกฺขุสมฺผสฺโส…เป… กายสมฺผสฺโสติ เอตฺตาวตา จ กุสลากุสลวิปากา ปฺจวตฺถุกา ทส สมฺผสฺสา วุตฺตา โหนฺติ. มโนสมฺผสฺโสติ อิมินา เสสา พาวีสติ โลกิยวิปากมนสมฺปยุตฺตผสฺสา. สฬายตนสมุทยาติ ฉนฺนํ จกฺขาทีนํ อายตนานํ สมุทเยน อิมสฺส ฉพฺพิธสฺสาปิ สมฺผสฺสสฺส สมุทโย โหตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ผสฺสวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สฬายตนวารวณฺณนา
๙๙. สฬายตนวาเร ¶ จกฺขายตนนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค ขนฺธนิทฺเทเส เจว อายตนนิทฺเทเส จ วุตฺตนยเมว. นามรูปสมุทยาติ เอตฺถ ปน ยํ นามํ ยฺจ รูปํ, ยฺจ นามรูปํ ยสฺส อายตนสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน วิสุทฺธิมคฺเค ปฏิจฺจสมุปฺปาทนิทฺเทเส วุตฺตนเยน นามรูปสมุทยา สฬายตนสมุทโย เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตปฺปการเมวาติ.
สฬายตนวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
นามรูปวารวณฺณนา
๑๐๐. นามรูปวาเร นมนลกฺขณํ นามํ. รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ. วิตฺถารวาเร ปนสฺส เวทนาติ เวทนากฺขนฺโธ. สฺาติ สฺากฺขนฺโธ. เจตนา ผสฺโส มนสิกาโรติ สงฺขารกฺขนฺโธ เวทิตพฺโพ. กามฺจ อฺเปิ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ¶ ธมฺมา สนฺติ, อิเม ปน ตโย สพฺพทุพฺพเลสุปิ จิตฺเตสุ สนฺติ. ตสฺมา เอเตสํเยว วเสเนตฺถ สงฺขารกฺขนฺโธปิ ทสฺสิโต. จตฺตาริ จ มหาภูตานีติ ¶ เอตฺถ จตฺตารีติ คณนปริจฺเฉโท. มหาภูตานีติ ปถวีอาปเตชวายานเมตํ อธิวจนํ. เยน ปน การเณน ตานิ มหาภูตานีติ วุจฺจนฺติ, โย เจตฺถ อฺโ วินิจฺฉยนโย, โส สพฺโพ วิสุทฺธิมคฺเค รูปกฺขนฺธนิทฺเทเส วุตฺโต.
จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายาติ เอตฺถ ปน จตุนฺนนฺติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, จตฺตาริ จ มหาภูตานีติ วุตฺตํ โหติ. อุปาทายาติ อุปาทิยิตฺวา, คเหตฺวาติ อตฺโถ. นิสฺสายาติปิ เอเก. วตฺตมานนฺติ อยฺเจตฺถ ปาเสโส. สมูหตฺเถ วา เอตํ สามิวจนํ. เตน จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ สมูหํ อุปาทาย ปวตฺตมานํ รูปนฺติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวํ สพฺพตฺถาปิ ยานิ จตฺตาริ ปถวีอาทีนิ มหาภูตานิ, ยฺจ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วตฺตมานํ จกฺขายตนาทิเภเทน อภิธมฺมปาฬิยเมว วุตฺตํ เตวีสติวิธํ รูปํ, ตํ สพฺพมฺปิ ‘‘รูป’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วิฺาณสมุทยาติ เอตฺถ ปน ยํ วิฺาณํ ยสฺส นามสฺส ยสฺส จ รูปสฺส ยสฺส จ ¶ นามรูปสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน วิสุทฺธิมคฺเค ปฏิจฺจสมุปฺปาทนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว วิฺาณสมุทยา นามรูปสมุทโย เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
นามรูปวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
วิฺาณวารวณฺณนา
๑๐๑. วิฺาณวาเร จกฺขุวิฺาณนฺติ จกฺขุมฺหิ วิฺาณํ, จกฺขุโต วา ชาตํ วิฺาณนฺติ จกฺขุวิฺาณํ. เอวํ โสตฆานชิวฺหากายวิฺาณานิ. อิตรํ ปน มโนเยว วิฺาณนฺติ มโนวิฺาณํ. ทฺวิปฺจวิฺาณวชฺชสฺส เตภูมกวิปากจิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. สงฺขารสมุทยาติ เอตฺถ ปน โย สงฺขาโร ยสฺส วิฺาณสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺส วเสน สงฺขารสมุทยา วิฺาณสมุทโย เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
วิฺาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
สงฺขารวารวณฺณนา
๑๐๒. สงฺขารวาเร อภิสงฺขรณลกฺขโณ สงฺขาโร. วิตฺถารวาเร ปนสฺส กายสงฺขาโรติ กายโต ปวตฺตสงฺขาโร, กายทฺวาเร โจปนวเสน ¶ ปวตฺตานํ กามาวจรกุสลโต อฏฺนฺนํ, อกุสลโต ทฺวาทสนฺนนฺติ วีสติยา กายสฺเจตนานเมตํ ¶ อธิวจนํ. วจีสงฺขาโรติ วจิโต ปวตฺตสงฺขาโร, วจีทฺวาเร วจนเภทวเสน ปวตฺตานํ วีสติยา เอว วจีสฺเจตนานเมตํ อธิวจนํ. จิตฺตสงฺขาโรติ จิตฺตโต ปวตฺตสงฺขาโร, กายวจีทฺวาเร โจปนํ อกตฺวา รโห นิสีทิตฺวา จินฺตยนฺตสฺส ปวตฺตานํ โลกิยกุสลากุสลวเสน เอกูนตึสมโนสฺเจตนานเมตํ อธิวจนํ. อวิชฺชาสมุทยาติ เอตฺถ ปน กุสลานํ อุปนิสฺสยวเสน อกุสลานํ สหชาตาทิวเสนาปิ อวิชฺชาปจฺจโย โหตีติ เวทิตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
สงฺขารวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อวิชฺชาวารวณฺณนา
๑๐๓. อวิชฺชาวาเร ¶ ทุกฺเข อฺาณนฺติ ทุกฺขสจฺเจ อฺาณํ, โมหสฺเสตํ อธิวจนํ. เอส นโย สมุทเย อฺาณนฺติอาทีสุ. ตตฺถ จตูหิ การเณหิ ทุกฺเข อฺาณํ เวทิตพฺพํ อนฺโตคธโต วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฏิจฺฉาทนโต จ. ตถา หิ ตํ ทุกฺขสจฺจปริยาปนฺนตฺตา ทุกฺเข อนฺโตคธํ, ทุกฺขสจฺจฺจสฺส นิสฺสยปจฺจยภาเวน วตฺถุ, อารมฺมณปจฺจยภาเวน อารมฺมณํ, ทุกฺขสจฺจฺจ เอตํ ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส ยาถาวลกฺขณปฺปฏิเวธนิวารเณน, าณปฺปวตฺติยา เจตฺถ อปฺปทาเนน.
สมุทเย อฺาณํ ตีหิ การเณหิ เวทิตพฺพํ วตฺถุโต อารมฺมณโต ปฏิจฺฉาทนโต จ. นิโรเธ ปฏิปทายฺจ อฺาณํ เอเกเนว การเณน เวทิตพฺพํ ปฏิจฺฉาทนโต. นิโรธปฏิปทาย หิ ปฏิจฺฉาทกเมว อฺาณํ เตสํ ยาถาวลกฺขณปฺปฏิเวธนิวารเณน, เตสุ จ าณปฺปวตฺติยา อปฺปทาเนน. น ปน ตตฺถ อนฺโตคธํ, ตสฺมึ สจฺจทฺวเย อปริยาปนฺนตฺตา. น ตสฺส ตํ สจฺจทฺวยํ วตฺถุ, อสหชาตตฺตา. นารมฺมณํ, ตทารพฺภ อปฺปวตฺตนโต. ปจฺฉิมฺหิ สจฺจทฺวยํ คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, น เจตฺถ อนฺธภูตํ อฺาณํ ปวตฺตติ. ปุริมํ ปน วฺจนิยฏฺเน สภาวลกฺขณสฺส ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรํ, ตตฺถ วิปลฺลาสคฺคาหวเสน ปวตฺตติ.
อปิจ ทุกฺเขติ เอตฺตาวตา สงฺคหโต วตฺถุโต อารมฺมณโต กิจฺจโต จ อวิชฺชา ทีปิตา. ทุกฺขสมุทเยติ เอตฺตาวตา วตฺถุโต อารมฺมณโต ¶ กิจฺจโต จ. ทุกฺขนิโรเธ ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทายาติ เอตฺตาวตา กิจฺจโต. อวิเสสโต ปน อฺาณนฺติ เอเตน สภาวโต นิทฺทิฏฺาติ าตพฺพา. อาสวสมุทยาติ เอตฺถ ปน กามาสวภวาสวา สหชาตาทิวเสน อวิชฺชาย ปจฺจยา โหนฺติ. อวิชฺชาสโว อุปนิสฺสยวเสเนว. ปุพฺพุปฺปนฺนา เจตฺถ อวิชฺชา อวิชฺชาสโวติ ¶ เวทิตพฺพา. สา อปราปรุปฺปนฺนาย อวิชฺชาย อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
อวิชฺชาวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาสววารวณฺณนา
๑๐๔. อาสววาเร ¶ อวิชฺชาสมุทยาติ เอตฺถ อวิชฺชา กามาสวภวาสวานํ สหชาตาทิวเสน ปจฺจโย โหติ. อวิชฺชาสวสฺส อุปนิสฺสยวเสเนว. อปราปรุปฺปนฺนา เจตฺถ อวิชฺชา อวิชฺชาสโวติ เวทิตพฺพา. ปุพฺพุปฺปนฺนา อวิชฺชาเยวสฺส อปราปรุปฺปนฺนสฺส อวิชฺชาสวสฺส อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยํ วาโร ยา เอสา ปฏิจฺจสมุปฺปาทปเทสุ เชฏฺิกา อวิชฺชา, ตสฺสาปิ ปจฺจยทสฺสนวเสน วุตฺโต. เอวํ วุตฺเตน วาเรน สํสารสฺส อนมตคฺคตา สาธิตา โหติ. กถํ? อาสวสมุทเยน หิ อวิชฺชาสมุทโย. อวิชฺชาสมุทเยนาปิ อาสวสมุทโย. เอวํ อาสวา อวิชฺชาย อวิชฺชาปิ อาสวานํ ปจฺจโยติ กตฺวา ปุพฺพโกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย, ตสฺสา อปฺายนโต สํสารสฺส อนมตคฺคตา สิทฺธา โหตีติ.
เอวํ สพฺเพปิเม อิมสฺมึ สุตฺเต กมฺมปถวาโร อาหารวาโร ทุกฺขวาโร ชรา-มรณ-ชาติ-ภว-อุปาทาน-ตณฺหา-เวทนา-ผสฺส-สฬายตน-นามรูป- วิฺาณ-สงฺขาร-อวิชฺชา-อาสววาโรติ โสฬสวารา วุตฺตา.
เตสุ เอเกกสฺส วารสฺส สงฺเขปวิตฺถารวเสน ทฺวิธา วิภตฺตา ทฺวตฺตึสฏฺานานิ โหนฺติ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต อิเมสุ ทฺวตฺตึสฏฺาเนสุ จตฺตาริ สจฺจานิ กถิตานิ. เอเตสํเยว วิตฺถารวเสน วุตฺเตสุ โสฬสสุ าเนสุ อรหตฺตํ กถิตํ. เถรสฺส ปน มเตน ทฺวตฺตึสายปิ าเนสุ จตฺตาริ สจฺจานิ จตฺตาโร จ มคฺคา กถิตาติ. อิติ สกเลปิ ปฺจมหานิกายสงฺคหิเต พุทฺธวจเน นตฺถิ ตํ สุตฺตํ, ยตฺถ ทฺวตฺตึสกฺขตฺตุํ จตฺตาริ สจฺจานิ ทฺวตฺตึสกฺขตฺตฺุจ อรหตฺตํ ปกาสิตํ อฺตฺร อิมมฺหา สมฺมาทิฏฺิสุตฺตาติ.
อิทมโวจายสฺมา ¶ สาริปุตฺโตติ อิทํ ทฺวตฺตึสาย จตุสจฺจปริยาเยหิ ทฺวตฺตึสาย อรหตฺตปริยาเยหีติ จตุสฏฺิยา การเณหิ อลงฺกริตฺวา สมฺมาทิฏฺิสุตฺตํ อายสฺมา สาริปุตฺโต อโวจ, อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
อาสววารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
สมฺมาทิฏฺิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สติปฏฺานสุตฺตวณฺณนา
๑๐๕. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ สติปฏฺานสุตฺตํ. ตตฺถ กุรูสุ วิหรตีติ กุรุนามกา ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺเทน กุรูติ วุจฺจติ, ตสฺมึ กุรูสุ ชนปเท. อฏฺกถาจริยา ปนาหุ – มนฺธาตุกาเล ตีสุ ทีเปสุ มนุสฺสา ชมฺพุทีโป นาม พุทฺธปจฺเจกพุทฺธมหาสาวกจกฺกวตฺติปภุตีนํ อุตฺตมปุริสานํ อุปฺปตฺติภูมิ อุตฺตมทีโป อติรมณีโยติ สุตฺวา รฺา มนฺธาตุจกฺกวตฺตินา จกฺกรตนํ ปุรกฺขตฺวา จตฺตาโร ทีเป อนุสํยายนฺเตน สทฺธึ อาคมํสุ. ตโต ราชา ปริณายกรตนํ ปุจฺฉิ –
‘‘อตฺถิ นุ โข มนุสฺสโลกโต รมณียตรํ าน’’นฺติ?
‘‘กสฺมา เทว เอวํ ภณสิ?
‘‘กึ น ปสฺสสิ จนฺทิมสูริยานํ อานุภาวํ?
‘‘นนุ เอเตสํ านํ อิโต รมณียตร’’นฺติ?
ราชา จกฺกรตนํ ปุรกฺขตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. จตฺตาโร มหาราชาโน ‘‘มนฺธาตุมหาราชา อาคโต’’ติ สุตฺวาว ‘‘มหิทฺธิโก มหานุภาโว ราชา น สกฺกา ยุทฺเธน ปฏิพาหิตุ’’นฺติ สกรชฺชํ นิยฺยาเตสุํ. โส ตํ คเหตฺวา ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข อิโต รมณียตรํ าน’’นฺติ. อถสฺส ตาวตึสภวนํ กถยึสุ – ‘‘ตาวตึสภวนํ, เทว, รมณียตรํ, ตตฺถ สกฺกสฺส เทวรฺโ อิเม จตฺตาโร มหาราชาโน ปริจารกา โทวาริกภูมิยํ ติฏฺนฺติ. สกฺโก เทวราชา มหิทฺธิโก มหานุภาโว. ตสฺสิมานิ ปน อุปโภคฏฺานานิ, โยชนสหสฺสุพฺเพโธ เวชยนฺตปาสาโท, ปฺจโยชนสตุพฺเพธา สุธมฺมา เทวสภา, ทิยฑฺฒโยชนสติโก เวชยนฺตรโถ, ตถา เอราวโณ หตฺถี, ทิพฺพรุกฺขสหสฺสปฏิมณฺฑิตํ ¶ นนฺทนวนํ จิตฺตลตาวนํ ผารุสกวนํ มิสฺสกวนํ ¶ . โยชนสตุพฺเพโธ ปาริจฺฉตฺตโก โกวิฬาโร, ตสฺส เหฏฺา สฏฺิโยชนายามา ปณฺณาสโยชนวิตฺถตา ปฺจทสโยชนุพฺเพธา ชยสุมนปุปฺผวณฺณา ปณฺฑุกมฺพลสิลา, ยสฺสา มุทุตาย สกฺกสฺส นิสีทโต อุปฑฺฒกาโย อนุปวิสตี’’ติ.
ตํ สุตฺวา ราชา ตตฺถ คนฺตุกาโม จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริ ¶ . ตํ อากาเส ปติฏฺาสิ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. อถ ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ เวมชฺฌโต จกฺกรตนํ โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ สทฺธึ ปริณายกรตนปฺปมุขาย จตุรงฺคินิยา เสนาย. ราชา เอกโกว ตาวตึสภวนํ อคมาสิ. สกฺโก ‘‘มนฺธาตา อาคโต’’ติ สุตฺวาว ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา – ‘‘สฺวาคตํ เต, มหาราช, สกํ เต, มหาราช. อนุสาส, มหาราชา’’ติ วตฺวา สทฺธึ นาฏเกหิ รชฺชํ ทฺเวภาเค กตฺวา เอกํ ภาคมทาสิ. รฺโ ตาวตึสภวเน ปติฏฺิตมตฺตสฺเสว มนุสฺสภาโว วิคจฺฉิ, เทวภาโว ปาตุรโหสิ.
ตสฺส กิร สกฺเกน สทฺธึ ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ นิสินฺนสฺส อกฺขินิมิสมตฺเตน นานตฺตํ ปฺายติ. ตํ อสลฺลกฺเขนฺตา เทวา สกฺกสฺส จ ตสฺส จ นานตฺเต มุยฺหนฺติ. โส ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน ยาว ฉตฺตึส สกฺกา อุปฺปชฺชิตฺวา จุตา, ตาว รชฺชํ กาเรตฺวา อติตฺโตเยว กาเมหิ ตโต จวิตฺวา อตฺตโน อุยฺยาเน ปติฏฺิโต วาตาตเปน ผุฏฺคตฺโต กาลมกาสิ.
จกฺกรตเน ปน ปถวิยํ ปติฏฺิเต ปริณายกรตนํ สุวณฺณปฏฺเฏ มนฺธาตุอุปาหนํ ลิขาเปตฺวา อิทํ มนฺธาตุรชฺชนฺติ รชฺชมนุสาสิ. เตปิ ตีหิ ทีเปหิ อาคตมนุสฺสา ปุน คนฺตุํ อสกฺโกนฺตา ปริณายกรตนํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว มยํ รฺโ อานุภาเวน อาคตา, อิทานิ คนฺตุํ น สกฺโกม, วสนฏฺานํ โน เทหี’’ติ ยาจึสุ. โส เตสํ เอเกกํ ชนปทมทาสิ. ตตฺถ ปุพฺพวิเทหโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปเทโส ตาเยว ปุริมสฺาย วิเทหรฏฺนฺติ นามํ ลภิ. อปรโคยานโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปเทโส อปรนฺตชนปโทติ นามํ ลภิ. อุตฺตรกุรุโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปเทโส กุรุรฏฺนฺติ นามํ ลภีติ ¶ . พหุเก ปน คามนิคมาทโย อุปาทาย พหุวจเนน โวหรียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กุรูสุ วิหรตี’’ติ.
กมฺมาสธมฺมํ ¶ นาม กุรูนํ นิคโมติ. กมฺมาสธมฺมนฺติ เอตฺถ เกจิ ธ-การสฺส ท-กาเรน อตฺถํ วณฺณยนฺติ. กมฺมาโส เอตฺถ ทมิโตติ กมฺมาสทมฺโม. กมฺมาโสติ กมฺมาสปาโท โปริสาโท วุจฺจติ. ตสฺส กิร ปาเท ขาณุเกน วิทฺธฏฺาเน วโณ รุหนฺโต จิตฺตทารุสทิโส หุตฺวา รุหิ, ตสฺมา กมฺมาสปาโทติ ปฺายิตฺถ ¶ . โส จ ตสฺมึ โอกาเส ทมิโต โปริสาทภาวโต ปฏิเสธิโต. เกน? มหาสตฺเตน. กตรสฺมึ ชาตเกติ? มหาสุตโสมชาตเกติ เอเก. อิเม ปน เถรา ชยทฺทิสชาตเกติ วทนฺติ. ตทา หิ มหาสตฺเตน กมฺมาสปาโท ทมิโต. ยถาห –
‘‘ปุตฺโต ยทา โหมิ ชยทฺทิสสฺส,
ปฺจาลรฏฺาธิปติสฺส อตฺรโช;
จชิตฺวาน ปาณํ ปิตรํ ปโมจยึ,
กมฺมาสปาทมฺปิ จหํ ปสาทยิ’’นฺติ.
เกจิ ปน ธ-กาเรเนว อตฺถํ วณฺณยนฺติ. กุรุรฏฺวาสีนํ กิร กุรุวตฺตธมฺโม ตสฺมึ กมฺมาโส ชาโต, ตสฺมา ตํ านํ กมฺมาโส เอตฺถ ธมฺโม ชาโตติ กมฺมาสธมฺมนฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ นิวิฏฺนิคมสฺสาปิ เอตเทว นามํ. ภุมฺมวจเนน กสฺมา น วุตฺตนฺติ? อวสโนกาสโต. ภควโต กิร ตสฺมึ นิคเม วสโนกาโส โกจิ วิหาโร นาโหสิ. นิคมโต ปน อปกฺกมฺม อฺตรสฺมึ อุทกสมฺปนฺเน รมณีเย ภูมิภาเค มหาวนสณฺโฑ อโหสิ. ตตฺถ ภควา วิหาสิ. ตํ นิคมํ โคจรคามํ กตฺวา, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ ‘‘กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโม, ตํ โคจรคามํ กตฺวา’’ติ.
อุทฺเทสวารกถาวณฺณนา
๑๐๖. เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโคติ. กสฺมา ภควา อิทํ สุตฺตมภาสิ? กุรุรฏฺวาสีนํ คมฺภีรเทสนาปฏิคฺคหณสมตฺถตาย. กุรุรฏฺวาสิโน กิร ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย อุตุปจฺจยาทิสมฺปนฺนตฺตา ตสฺส รฏฺสฺส สปฺปายอุตุปจฺจยเสวเนน นิจฺจํ ¶ กลฺลสรีรา กลฺลจิตฺตา จ โหนฺติ. เต จิตฺตสรีรกลฺลตาย อนุคฺคหิตปฺาพลา คมฺภีรกถํ ปริคฺคเหตุํ สมตฺถา โหนฺติ. เตน เตสํ ภควา อิมํ คมฺภีรเทสนาปฏิคฺคหณสมตฺถตํ สมฺปสฺสนฺโต เอกวีสติยา ¶ าเนสุ กมฺมฏฺานํ อรหตฺเต ปกฺขิปิตฺวา อิทํ คมฺภีรตฺถํ สติปฏฺานสุตฺตํ อภาสิ. ยถา หิ ปุริโส สุวณฺณจงฺโกฏกํ ลภิตฺวา ตตฺถ นานาปุปฺผานิ ปกฺขิเปยฺย, สุวณฺณมฺชูสํ ¶ วา ปน ลภิตฺวา สตฺตรตนานิ ปกฺขิเปยฺย, เอวํ ภควา กุรุรฏฺวาสิปริสํ ลภิตฺวา คมฺภีรเทสนํ เทเสสิ. เตเนเวตฺถ อฺานิปิ คมฺภีรตฺถานิ ทีฆนิกาเย มหานิทานํ มหาสติปฏฺานํ อิมสฺมึ มชฺฌิมนิกาเย สาโรปมํ รุกฺขูปมํ รฏฺปาลํ มาคณฺฑิยํ อาเนฺชสปฺปายนฺติ อฺานิปิ สุตฺตานิ เทเสสิ.
อปิจ ตสฺมึ ชนปเท จตสฺโส ปริสา ปกติยาว สติปฏฺานภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ, อนฺตมโส ทาสกมฺมกรปริชนาปิ สติปฏฺานปฺปฏิสํยุตฺตเมว กถํ กเถนฺติ. อุทกติตฺถสุตฺตกนฺตนฏฺานาทีสุปิ นิรตฺถกกถา นาม น ปวตฺตติ. สเจ กาจิ อิตฺถี ‘‘อมฺม ตฺวํ กตรํ สติปฏฺานภาวนํ มนสิกโรสี’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘น กิฺจี’’ติ วทติ. ตํ ครหนฺติ ‘‘ธิรตฺถุ ตว ชีวิตํ, ชีวมานาปิ ตฺวํ มตสทิสา’’ติ. อถ นํ ‘‘มา ทานิ ปุน เอวมกาสี’’ติ โอวทิตฺวา อฺตรํ สติปฏฺานํ อุคฺคณฺหาเปนฺติ. ยา ปน ‘‘อหํ อสุกํ สติปฏฺานํ มนสิกโรมี’’ติ วทติ. ตสฺสา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สาธุการํ ทตฺวา ‘‘ตว ชีวิตํ สุชีวิตํ, ตฺวํ นาม มนุสฺสตฺตํ ปตฺตา, ตวตฺถาย สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติอาทีหิ ปสํสนฺติ. น เกวลฺเจตฺถ มนุสฺสชาติยาเยว สติปฏฺานมนสิการยุตฺตา, เต นิสฺสาย วิหรนฺตา ติรจฺฉานคตาปิ. ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร นฏโก สุวโปตกํ คเหตฺวา สิกฺขาเปนฺโต วิจรติ. โส ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปนิสฺสาย วสิตฺวา คมนกาเล สุวโปตกํ ปมุสฺสิตฺวา คโต. ตํ สามเณริโย คเหตฺวา ปฏิชคฺคึสุ. พุทฺธรกฺขิโตติสฺส นามํ อกํสุ. ตํ เอกทิวสํ ปุรโต นิสินฺนํ ทิสฺวา มหาเถรี อาห – ‘‘พุทฺธรกฺขิตา’’ติ?
กึ อยฺเยติ.
อตฺถิ โกจิ ตว มนสิกาโรติ?
นตฺถิ อยฺเยติ.
อาวุโส ¶ , ปพฺพชิตานํ สนฺติเก วสนฺเตน นาม วิสฺสฏฺอตฺตภาเวน ภวิตุํ น วฏฺฏติ, โกจิเทว ¶ มนสิกาโร อิจฺฉิตพฺโพ, ตฺวํ ปน อฺํ น สกฺขิสฺสสิ ‘‘อฏฺิ อฏฺี’’ติ ¶ สชฺฌายํ กโรหีติ. โส เถริยา โอวาเท ตฺวา ‘‘อฏฺิ อฏฺี’’ติ สชฺฌายนฺโต จรติ.
ตํ เอกทิวสํ ปาโตว โตรณคฺเค นิสีทิตฺวา พาลาตปํ ตปมานํ เอโก สกุโณ นขปฺชเรน อคฺคเหสิ. โส ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. สามเณริโย สุตฺวา ‘‘อยฺเย พุทฺธรกฺขิโต สกุเณน คหิโต, โมเจม น’’นฺติ เลฑฺฑุอาทีนิ คเหตฺวา อนุพนฺธิตฺวา โมเจสุํ. ตํ อาเนตฺวา ปุรโต ปิตํ เถรี อาห –
‘‘พุทฺธรกฺขิต, สกุเณน คหิตกาเล กึ จินฺเตสี’’ติ?
น อยฺเย อฺํ จินฺเตสึ, ‘‘อฏฺิปฺุโชว อฏฺิปฺุชํ คเหตฺวา คจฺฉติ, กตรสฺมิมฺปิ าเน วิปฺปกิริสฺสตี’’ติ เอวํ อยฺเย อฏฺิปฺุชเมว จินฺเตสินฺติ.
สาธุ สาธุ, พุทฺธรกฺขิต, อนาคเต ภวกฺขยสฺส เต ปจฺจโย ภวิสฺสตีติ. เอวํ ตตฺถ ติรจฺฉานคตาปิ สติปฏฺานมนสิการยุตฺตา, ตสฺมา เนสํ ภควา สติปฏฺานพุทฺธิเมว ชเนนฺโต อิทํ สุตฺตํ อภาสิ.
ตตฺถ เอกายโนติ เอกมคฺโค. มคฺคสฺส หิ –
‘‘มคฺโค ปนฺโถ ปโถ ปชฺโช, อฺชสํ วฏุมายนํ;
นาวา อุตฺตรเสตู จ, กุลฺโล จ ภิสิสงฺกโม’’ติ. (จูฬนิ. ๑๐๑) –
พหูนิ นามานิ. สฺวายํ อิธ อยนนาเมน วุตฺโต. ตสฺมา เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโคติ เอตฺถ เอกมคฺโค อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค, น ทฺเวธาปถภูโตติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อถ วา เอเกน อยิตพฺโพติ เอกายโน. เอเกนาติ คณสงฺคณิกํ ปหาย วูปกฏฺเน ปวิวิตฺตจิตฺเตน. อยิตพฺโพติ ปฏิปชฺชิตพฺโพ. อยนฺติ วา เอเตนาติ อยโน, สํสารโต นิพฺพานํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ ¶ . เอกสฺส อยโน เอกายโน, เอกสฺสาติ เสฏฺสฺส. สพฺพสตฺตานํ เสฏฺโ จ ภควา, ตสฺมา ภควโตติ วุตฺตํ โหติ. กิฺจาปิ หิ เตน อฺเปิ อยนฺติ, เอวํ สนฺเตปิ ภควโตว โส อยโน เตน อุปฺปาทิตตฺตา. ยถาห ‘‘โส หิ, พฺราหฺมณ, ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๗๙). อยตีติ วา อยโน, คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อตฺโถ. เอกสฺมึ อยโนติ เอกายโน, อิมสฺมึเยว ธมฺมวินเย ปวตฺตติ, น อฺตฺราติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห ¶ ‘‘อิมสฺมึ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุปลพฺภตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔). เทสนาเภโทเยว เหโส, อตฺโถ ปเนโก. อปิจ ¶ เอกํ อยตีติ เอกายโน. ปุพฺพภาเค นานามุขภาวนานยปฺปวตฺโตปิ อปรภาเค เอกํ นิพฺพานเมว คจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห พฺรหฺมา สหมฺปติ –
‘‘เอกายนํ ชาติขยนฺตทสฺสี,
มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี;
เอเตน มคฺเคน ตรึสุ ปุพฺเพ,
ตริสฺสนฺติ เย จ ตรนฺติ โอฆ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๕.๔๐๙);
เกจิ ปน ‘‘น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติ คาถานเยน ยสฺมา เอกวารํ นิพฺพานํ คจฺฉติ. ตสฺมา ‘‘เอกายโน’’ติ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ. อิมสฺส หิ อตฺถสฺส สกึ อยโนติ อิมินา พฺยฺชเนน ภวิตพฺพํ. ยทิ ปน เอกํ อยนมสฺส เอกา คติ ปวตฺตีติ เอวมตฺถํ โยเชตฺวา วุจฺเจยฺย, พฺยฺชนํ ยุชฺเชยฺย, อตฺโถ ปน อุภยถาปิ น ยุชฺชติ. กสฺมา? อิธ ปุพฺพภาคมคฺคสฺส อธิปฺเปตตฺตา. กายาทิจตุอารมฺมณปฺปวตฺโต หิ ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโค อิธ อธิปฺเปโต, น โลกุตฺตโร. โส จ อเนกวารมฺปิ อยติ, อเนกฺจสฺส อยนํ โหติ.
ปุพฺเพปิ จ อิมสฺมึ ปเท มหาเถรานํ สากจฺฉา อโหสิเยว. ติปิฏกจูฬนาคตฺเถโร ‘‘ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโค’’ติ อาห. อาจริโย ปนสฺส ติปิฏกจูฬสุมตฺเถโร ‘‘มิสฺสกมคฺโค’’ติ อาห. ปุพฺพภาโค ภนฺเตติ. มิสฺสโก อาวุโสติ. อาจริเย ปุนปฺปุนํ ภณนฺเต อปฺปฏิพาหิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. ปฺหํ อวินิจฺฉินิตฺวาว อุฏฺหึสุ. อถาจริยตฺเถโร นฺหานโกฏฺกํ คจฺฉนฺโต ‘‘มยา มิสฺสกมคฺโค กถิโต, จูฬนาโค ปุพฺพภาโคติ อาทาย โวหรติ ¶ , โก นุ โข เอตฺถ นิจฺฉโย’’ติ สุตฺตนฺตํ อาทิโต ปฏฺาย ปริวตฺเตนฺโต ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร สติปฏฺาเน เอวํ ภาเวยฺย สตฺต วสฺสานี’’ติ อิมสฺมึ าเน สลฺลกฺเขสิ, โลกุตฺตรมคฺโค อุปฺปชฺชิตฺวา สตฺต วสฺสานิ ติฏฺมาโน นาม นตฺถิ, มยา วุตฺโต มิสฺสกมคฺโค น ลพฺภติ, จูฬนาเคน ทิฏฺโ ปุพฺพภาคมคฺโคว ลพฺภตีติ ตฺวา อฏฺมิยํ ธมฺมสฺสวเน สงฺฆุฏฺเ อคมาสิ.
โปราณกตฺเถรา ¶ ¶ กิร ปิยธมฺมสฺสวนา โหนฺติ. สทฺทํ สุตฺวาว ‘‘อหํ ปมํ, อหํ ปม’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว โอสรนฺติ. ตสฺมิฺจ ทิวเส จูฬนาคตฺเถรสฺส วาโร. เตน ธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา วีชนึ คเหตฺวา ปุพฺพคาถาสุ วุตฺตาสุ เถรสฺส อาสนปิฏฺิยํ ิตสฺส เอตทโหสิ ‘‘รโห นิสีทิตฺวา น วกฺขามี’’ติ. โปราณกตฺเถรา หิ อนุสูยกา โหนฺติ, น อตฺตโน รุจิเมว อุจฺฉุภารํ วิย เอวํ อุกฺขิปิตฺวา วิจรนฺติ, การณเมว คณฺหนฺติ, อการณํ วิสฺสชฺเชนฺติ. ตสฺมา เถโร ‘‘อาวุโส จูฬนาคา’’ติ อาห. โส อาจริยสฺส วิย สทฺโทติ ธมฺมํ เปตฺวา ‘‘กึ ภนฺเต’’ติ อาห. อาวุโส จูฬนาค มยา วุตฺโต มิสฺสกมคฺโค น ลพฺภติ, ตยา วุตฺโต ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโคว ลพฺภตีติ.
เถโร จินฺเตสิ ‘‘อมฺหากํ อาจริโย สพฺพปริยตฺติโก เตปิฏโก สุตพุทฺโธ, เอวรูปสฺสปิ นาม ภิกฺขุโน อยํ ปฺโห อาลุเฬติ, อนาคเต มม ภาติกา อิมํ ปฺหํ อาลุเฬสฺสนฺตีติ สุตฺตํ คเหตฺวา อิมํ ปฺหํ นิจฺจลํ กริสฺสามี’’ติ ปฏิสมฺภิทามคฺคโต ‘‘เอกายนมคฺโค วุจฺจติ ปุพฺพภาคสติปฏฺานมคฺโค –
‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก เสฏฺโ, สจฺจานํ จตุโร ปทา;
วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานํ, ทฺวิปทานฺจ จกฺขุมา.
เอเสว มคฺโค นตฺถฺโ, ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยา;
เอตฺหิ ตุมฺเห ปฏิปชฺชถ, มารเสนปฺปมทฺทนํ;
เอตฺหิ ตุมฺเห ปฏิปนฺนา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถา’’ติ. (ธ. ป. ๒๗๓-๒๗๕) –
สุตฺตํ ¶ อาหริตฺวา เปสิ.
มคฺโคติ เกนฏฺเน มคฺโค? นิพฺพานคมนฏฺเน นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนิยฏฺเน จ. สตฺตานํ วิสุทฺธิยาติ ราคาทีหิ มเลหิ อภิชฺฌาวิสมโลภาทีหิ จ อุปกฺกิเลเสหิ กิลิฏฺจิตฺตานํ สตฺตานํ วิสุทฺธตฺถาย. ตถา หิ อิมินาว มคฺเคน อิโต สตสหสฺสกปฺปาธิกานํ จตุนฺนํ ¶ อสงฺขฺเยยฺยานํ อุปริ เอกสฺมิฺเว กปฺเป นิพฺพตฺเต ตณฺหงฺกรเมธงฺกรสรณงฺกรทีปงฺกรนามเก พุทฺเธ อาทึ กตฺวา สกฺยมุนิปริโยสานา อเนเก สมฺมาสมฺพุทฺธา อเนกสตา ปจฺเจกพุทฺธา คณนปถํ วีติวตฺตา อริยสาวกา จาติ อิเม ¶ สตฺตา สพฺเพ จิตฺตมลํ ปวาเหตฺวา ปรมวิสุทฺธึ ปตฺตา. รูปมลวเสน ปน สํกิเลสโวทานปฺตฺติเยว นตฺถิ. ตถา หิ –
รูเปน สํกิลิฏฺเน, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;
รูเป สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อนกฺขาตํ มเหสินา.
จิตฺเตน สํกิลิฏฺเน, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;
จิตฺเต สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อิติ วุตฺตํ มเหสินา.
ยถาห ‘‘จิตฺตสํกิเลสา, ภิกฺขเว, สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐). ตฺจ จิตฺตโวทานํ อิมินา สติปฏฺานมคฺเคน โหติ. เตนาห ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ.
โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายาติ โสกสฺส จ ปริเทวสฺส จ สมติกฺกมาย, ปหานายาติ อตฺโถ. อยฺหิ มคฺโค ภาวิโต สนฺตติมหามตฺตาทีนํ วิย โสกสมติกฺกมาย, ปฏาจาราทีนํ วิย จ ปริเทวสมติกฺกมาย จ สํวตฺตติ. เตนาห ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติ. กิฺจาปิ หิ สนฺตติมหามตฺโต –
‘‘ยํ ¶ ปุพฺเพ ตํ วิโสเธหิ, ปจฺฉา เต มาหุ กิฺจนํ;
มชฺเฌ เจ โน คเหสฺสสิ, อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๙๕๕);
อิมํ คาถํ สุตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺโต.
ปฏาจารา –
‘‘น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย, น ปิตา นาปิ พนฺธวา;
อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, นตฺถิ าตีสุ ตาณตา’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๘);
อิมํ คาถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา. ยสฺมา ปน กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ กฺจิ ธมฺมํ อนามสิตฺวา ภาวนา นาม นตฺถิ, ตสฺมา เตปิ อิมินาว มคฺเคน โสกปริเทเว สมติกฺกนฺตาติ เวทิตพฺพา.
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมายาติ กายิกทุกฺขสฺส ¶ จ เจตสิกโทมนสฺสสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ อตฺถงฺคมาย, นิโรธายาติ อตฺโถ. อยฺหิ มคฺโค ภาวิโต ติสฺสตฺเถราทีนํ วิย ทุกฺขสฺส, สกฺกาทีนํ วิย จ โทมนสฺสสฺส อตฺถงฺคมาย สํวตฺตติ.
ตตฺรายํ ¶ อตฺถทีปนา – สาวตฺถิยํ กิร ติสฺโส นาม กุฏุมฺพิกปุตฺโต จตฺตาลีส หิรฺโกฏิโย ปหาย ปพฺพชิตฺวา อคามเก อรฺเ วิหรติ. ตสฺส กนิฏฺภาตุภริยา ‘‘คจฺฉถ นํ ชีวิตา โวโรเปถา’’ติ ปฺจสเต โจเร เปเสสิ. เต คนฺตฺวา เถรํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เถโร อาห ‘‘กสฺมา อาคตตฺถ อุปาสกา’’ติ? ตํ ชีวิตา โวโรเปสฺสามาติ. ปาฏิโภคํ เม อุปาสกา คเหตฺวา อชฺเชกรตฺตึ ชีวิตํ เทถาติ. โก เต, สมณ, อิมสฺมึ าเน ปาฏิโภโค ภวิสฺสตีติ? เถโร มหนฺตํ ปาสาณํ คเหตฺวา ทฺเว อูรุฏฺีนิ ภินฺทิตฺวา ‘‘วฏฺฏติ อุปาสกา ปาฏิโภโค’’ติ อาห. เต อปกฺกมิตฺวา จงฺกมนสีเส อคฺคึ กตฺวา นิปชฺชึสุ. เถรสฺส เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา สีลํ ปจฺจเวกฺขโต ปริสุทฺธํ สีลํ นิสฺสาย ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปชฺชิ ¶ . ตโต อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต ติยามรตฺตึ สมณธมฺมํ กตฺวา อรุณุคฺคมเน อรหตฺตํ ปตฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อุโภ ปาทานิ ภินฺทิตฺวา, สฺเปสฺสามิ โว อหํ;
อฏฺฏิยามิ หรายามิ, สราคมรณํ อหํ.
เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, ยถาภูตํ วิปสฺสิสํ;
สมฺปตฺเต อรุณุคฺคมฺหิ, อรหตฺตมปาปุณิ’’นฺติ.
อปเรปิ ตึส ภิกฺขู ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺวิหาเร วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ‘‘อาวุโส, ติยามรตฺตึ สมณธมฺโมว กาตพฺโพ, น อฺมฺสฺส สนฺติกํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา วิหรึสุ. เตสํ สมณธมฺมํ กตฺวา ปจฺจูสสมเย ปจลายนฺตานํ เอโก พฺยคฺโฆ อาคนฺตฺวา เอเกกํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา คจฺฉติ. น โกจิ ‘‘มํ พฺยคฺโฆ คณฺหี’’ติ วาจมฺปิ นิจฺฉาเรสิ. เอวํ ปฺจสุ ทสสุ ภิกฺขูสุ ขาทิเตสุ อุโปสถทิวเส ‘‘อิตเร, อาวุโส, กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตฺวา จ ‘‘อิทานิ คหิเตน, คหิโตมฺหีติ วตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺวา วิหรึสุ.
อถ อฺตรํ ทหรภิกฺขุํ ปุริมนเยเนว พฺยคฺโฆ คณฺหิ. โส ‘‘พฺยคฺโฆ, ภนฺเต’’ติ อาห. ภิกฺขู กตฺตรทณฺเฑ จ อุกฺกาโย จ คเหตฺวา โมเจสฺสามาติ อนุพนฺธึสุ. พฺยคฺโฆ ภิกฺขูนํ อคตึ ฉินฺนตฏฏฺานํ ¶ อารุยฺห ตํ ภิกฺขุํ ปาทงฺคุฏฺกโต ปฏฺาย ขาทิตุํ อารภิ. อิตเรปิ ‘‘อิทานิ ¶ , สปฺปุริส, อมฺเหหิ กตฺตพฺพํ นตฺถิ, ภิกฺขูนํ วิเสโส นาม เอวรูเป าเน ปฺายตี’’ติ อาหํสุ. โส พฺยคฺฆมุเข นิปนฺโนว ตํ เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต ยาว โคปฺผกา ขาทิตสมเย โสตาปนฺโน หุตฺวา, ยาว ชณฺณุกา ขาทิตสมเย สกทาคามี, ยาว นาภิยา ขาทิตสมเย อนาคามี หุตฺวา, หทยรูเป อขาทิเตเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สีลวา ¶ วตสมฺปนฺโน, ปฺวา สุสมาหิโต;
มุหุตฺตํ ปมาทมนฺวาย, พฺยคฺเฆโนรุทฺธมานโส.
ปฺชรสฺมึ คเหตฺวาน, สิลาย อุปรีกโต;
กามํ ขาทตุ มํ พฺยคฺโฆ, ภกฺโข กาโย อมิตฺตานํ;
ปฏิลทฺเธ กมฺมฏฺาเน, มรณํ เหหิติ ภทฺทก’’นฺติ.
อปโรปิ ปีตมลฺลตฺเถโร นาม คิหิกาเล ตีสุ รชฺเชสุ ปฏากํ คเหตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ อาคมฺม ราชานํ ทิสฺวา รฺา กตานุคฺคโห เอกทิวสํ กิลฺชกาปณสาลทฺวาเรน คจฺฉนฺโต ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ, ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓๓-๓๔) นตุมฺหากวคฺคํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘เนว กิร รูปํ อตฺตโน, น เวทนา’’ติ. โส ตํเยว องฺกุสํ กตฺวา นิกฺขมิตฺวา มหาวิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชิโต อุปสมฺปนฺโน ทฺเวมาติกา ปคุณํ กตฺวา ตึส ภิกฺขู คเหตฺวา คพลวาลิยองฺคณํ คนฺตฺวา สมณธมฺมมกาสิ. ปาเทสุ อวหนฺเตสุ ชณฺณุเกหิ จงฺกมติ. ตเมนํ รตฺตึ เอโก มิคลุทฺทโก มิโคติ มฺมาโน สตฺติยา ปหริ. สตฺติ วินิวิชฺฌิตฺวา คตา. โส ตํ สตฺตึ หราเปตฺวา ปหารมุขานิ ติณวฏฺฏิยา ปูราเปตฺวา ปาสาณปิฏฺิยํ อตฺตานํ นิสีทาเปตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อุกฺกาสิตสทฺเทน อาคตานํ ภิกฺขูนํ พฺยากริตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘ภาสิตํ ¶ พุทฺธเสฏฺสฺส, สพฺพโลกคฺควาทิโน;
น ตุมฺหากมิทํ รูปํ, ตํ ชเหยฺยาถ ภิกฺขโว.
อนิจฺจา ¶ วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ.
อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘สเจ, ภนฺเต, สมฺมาสมฺพุทฺโธ อโรโค อภวิสฺสา, อทฺธา เต มุทฺธมตฺถเก ¶ หตฺถํ ปสาเรตฺวา สีสํ ปรามเสยฺยา’’ติ. เอตฺตาวตา อยํ มคฺโค ติสฺสตฺเถราทีนํ วิย ทุกฺขสฺส อตฺถงฺคมาย สํวตฺตติ.
สกฺโก ปน เทวานมินฺโท อตฺตโน ปฺจวิธํ ปุพฺพนิมิตฺตํ ทิสฺวา มรณภยสนฺตชฺชิโต โทมนสฺสชาโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ. โส อุเปกฺขาปฺหวิสฺสชฺชนาวสาเน อสีติสหสฺสาหิ เทวตาหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สา จสฺส อุปปตฺติ ปุน ปากติกาว อโหสิ.
สุพฺรหฺมาปิ เทวปุตฺโต อจฺฉราสหสฺสปริวาโร สคฺคสมฺปตฺตึ อนุโภติ, ตตฺถ ปฺจสตา อจฺฉราโย รุกฺขโต ปุปฺผานิ โอจินนฺติโย จวิตฺวา นิรเย อุปปนฺนา. โส ‘‘กึ อิมา จิรายนฺตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ตาสํ นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ ทิสฺวา ‘‘กิตฺตกํ นุ โข มม อายู’’ติ อุปปริกฺขนฺโต อตฺตโนปิ อายุปริกฺขยํ วิทิตฺวา ตตฺเถว นิรเย นิพฺพตฺตนภาวํ ทิสฺวา ภีโต อติวิย โทมนสฺสชาโต หุตฺวา ‘‘อิมํ เม โทมนสฺสํ สตฺถา วินยิสฺสติ น อฺโ’’ติ อวเสสา ปฺจสตา อจฺฉราโย คเหตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ –
‘‘นิจฺจํ อุตฺรสฺตมิทํ จิตฺตํ, นิจฺจํ อุพฺพิคฺคิทํ มโน;
อนุปฺปนฺเนสุ กิจฺเฉสุ, อโถ อุปฺปติเตสุ จ;
สเจ อตฺถิ อนุตฺรสฺตํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๙๘);
ตโต นํ ภควา อาห –
‘‘นาฺตฺร โพชฺฌา ตปสา, นาฺตฺรินฺทฺริยสํวรา;
นาฺตฺร สพฺพนิสฺสคฺคา, โสตฺถึ ปสฺสามิ ปาณิน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๙๘);
โส ¶ เทสนาปริโยสาเน ปฺจหิ อจฺฉราสเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ตํ สมฺปตฺตึ ¶ ถาวรํ กตฺวา เทวโลกเมว อคมาสีติ ¶ . เอวมยํ มคฺโค ภาวิโต สกฺกาทีนํ วิย โทมนสฺสสฺส อตฺถงฺคมาย สํวตฺตตีติ เวทิตพฺโพ.
ายสฺส อธิคมายาติ าโย วุจฺจติ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, ตสฺส อธิคมาย, ปตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ ปุพฺพภาเค โลกิโย สติปฏฺานมคฺโค ภาวิโต โลกุตฺตรสฺส มคฺคสฺส อธิคมาย สํวตฺตติ. เตนาห ‘‘ายสฺส อธิคมายา’’ติ. นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายาติ ตณฺหาวานวิรหิตตฺตา นิพฺพานนฺติ ลทฺธนามสฺส อมตสฺส สจฺฉิกิริยาย, อตฺตปจฺจกฺขตายาติ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ มคฺโค ภาวิโต อนุปุพฺเพน นิพฺพานสจฺฉิกิริยํ สาเธติ. เตนาห ‘‘นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยายา’’ติ.
ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ วุตฺเต โสกสมติกฺกมาทีนิ อตฺถโต สิทฺธาเนว โหนฺติ, เปตฺวา ปน สาสนยุตฺติโกวิเท อฺเสํ น ปากฏานิ, น จ ภควา ปมํ สาสนยุตฺติโกวิทํ ชนํ กตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ เทเสติ. เตน เตเนว ปน สุตฺเตน ตํ ตํ อตฺถํ าเปติ. ตสฺมา อิธ ยํ ยํ อตฺถํ เอกายนมคฺโค สาเธติ, ตํ ตํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติอาทิมาห. ยสฺมา วา ยา สตฺตานํ วิสุทฺธิ เอกายนมคฺเคน สํวตฺตติ, สา โสกปริเทวานํ สมติกฺกเมน โหติ, โสกปริเทวานํ สมติกฺกโม ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคเมน, ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคโม ายสฺสาธิคเมน, ายสฺสาธิคโม นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย. ตสฺมา อิมมฺปิ กมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติ วตฺวา ‘‘โสกปริเทวานํ สมติกฺกมายา’’ติอาทิมาห.
อปิจ วณฺณภณนเมตํ เอกายนมคฺคสฺส. ยเถว หิ ภควา ‘‘ธมฺมํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสสฺสามิ, ยทิทํ ฉฉกฺกานี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๒๐) ฉฉกฺกเทสนาย อฏฺหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ, ยถา จ อริยวํสเทสนาย ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อริยวํสา อคฺคฺา รตฺตฺา วํสฺา โปราณา อสํกิณฺณา อสํกิณฺณปุพฺพา น ¶ สํกียนฺติ, น สํกียิสฺสนฺติ, อปฺปฏิกุฏฺา สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิฺูหี’’ติ ¶ (อ. นิ. ๔.๒๘) นวหิ ¶ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ, เอวํ อิมสฺสปิ เอกายนมคฺคสฺส สตฺตานํ วิสุทฺธิยาติอาทีหิ สตฺตหิ ปเทหิ วณฺณํ อภาสิ.
กสฺมา อิติ เจ? เตสํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ. วณฺณภาสนฺหิ สุตฺวา เต ภิกฺขู ‘‘อยํ กิร มคฺโค หทยสนฺตาปภูตํ โสกํ, วาจาวิปฺปลาปภูตํ ปริเทวํ, กายิกอสาตภูตํ ทุกฺขํ, เจตสิกอสาตภูตํ โทมนสฺสนฺติ จตฺตาโร อุปทฺทเว หนติ, วิสุทฺธึ ายํ นิพฺพานนฺติ ตโย วิเสเส อาวหตี’’ติ อุสฺสาหชาตา อิมํ ธมฺมเทสนํ อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ ธาเรตพฺพํ วาเจตพฺพํ, อิมฺจ มคฺคํ ภาเวตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. อิติ เตสํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ วณฺณํ อภาสิ, กมฺพลวาณิชาทโย กมฺพลาทีนํ วณฺณํ วิย.
ยถา หิ สตสหสฺสคฺฆนิกปณฺฑุกมฺพลวาณิเชน กมฺพลํ คณฺหถาติ อุคฺโฆสิเตปิ อสุกกมฺพโลติ น ตาว มนุสฺสา ชานนฺติ. เกสกมฺพลวาลกมฺพลาทโยปิ หิ ทุคฺคนฺธา ขรสมฺผสฺสา กมฺพลาตฺเวว วุจฺจนฺติ. ยทา ปน เตน คนฺธารโก รตฺตกมฺพโล สุขุโม อุชฺชโล สุขสมฺผสฺโสติ อุคฺโฆสิตํ โหติ, ตทา เย ปโหนฺติ, เต คณฺหนฺติ. เย น ปโหนฺติ, เตปิ ทสฺสนกามา โหนฺติ, เอวเมวํ ‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค’’ติ วุตฺเตปิ อสุกมคฺโคติ น ตาว ปากโฏ โหติ. นานปฺปการกา หิ อนิยฺยานมคฺคาปิ มคฺคาตฺเวว วุจฺจนฺติ. ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติอาทิมฺหิ ปน วุตฺเต ‘‘อยํ กิร มคฺโค จตฺตาโร อุปทฺทเว หนติ, ตโย วิเสเส อาวหตี’’ติ อุสฺสาหชาตา อิมํ ธมฺมเทสนํ อุคฺคเหตพฺพํ ปริยาปุณิตพฺพํ ธาเรตพฺพํ วาเจตพฺพํ, อิมฺจ มคฺคํ ภาเวตพฺพํ มฺิสฺสนฺตีติ วณฺณํ ภาสนฺโต ‘‘สตฺตานํ วิสุทฺธิยา’’ติอาทิมาห. ยถา จ สตสหสฺสคฺฆนิกปณฺฑุกมฺพลวาณิโชปมา, เอวํ รตฺตชมฺพุนทสุวณฺณอุทกปฺปสาทกมณิรตนสุวิสุทฺธมุตฺตารตนโธตปวาฬาทิวาณิชูปมาทโยเปตฺถ อาหริตพฺพา.
ยทิทนฺติ นิปาโต, เย อิเมติ อยมสฺส อตฺโถ. จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท, เตน น ตโต เหฏฺา น อุทฺธนฺติ สติปฏฺานปริจฺเฉทํ ทีเปติ. สติปฏฺานาติ ตโย สติปฏฺานา สติโคจโรปิ, ติธา ปฏิปนฺเนสุ สาวเกสุ ¶ สตฺถุโน ปฏิฆานุนยวีติวตฺตตาปิ, สติปิ. ‘‘จตุนฺนํ ¶ , ภิกฺขเว, สติปฏฺานานํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ…เป…. โก จ, ภิกฺขเว, กายสฺส สมุทโย? อาหารสมุทยา กายสมุทโย’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๔๐๘) หิ ¶ สติโคจโร สติปฏฺานนฺติ วุจฺจติ. ตถา ‘‘กาโย ปฏฺานํ, โน สติ. สติ ปฏฺานฺเจว สติ จา’’ติอาทีสุปิ (ปฏิ. ม. ๓.๓๕). ตสฺสตฺโถ – ปติฏฺาติ อสฺมินฺติ ปฏฺานํ. กา ปติฏฺาติ? สติ. สติยา ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. ปธานฏฺานนฺติ วา ปฏฺานํ. สติยา ปฏฺานํ สติปฏฺานํ, หตฺถิฏฺานอสฺสฏฺานาทีนิ วิย. ‘‘ตโย สติปฏฺานา, ยทริโย เสวติ, ยทริโย เสวมาโน สตฺถา คณมนุสาสิตุมรหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๑) เอตฺถาปิ ติธา ปฏิปนฺเนสุ สาวเกสุ สตฺถุโน ปฏิฆานุนยวีติวตฺตตา ‘‘สติปฏฺาน’’นฺติ วุตฺตา. ตสฺสตฺโถ – ปฏฺเปตพฺพโต ปฏฺานํ, ปวตฺตยิตพฺพโตติ อตฺโถ. เกน ปฏฺเปตพฺพโตติ? สติยา. สติยา ปฏฺานํ สติปฏฺานนฺติ. ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา ภาวิตา พหุลีกตา สตฺต โพชฺฌงฺเค ปริปูเรนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๙๘๙) ปน สติเยว ‘‘สติปฏฺาน’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺสตฺโถ – ปติฏฺาตีติ ปฏฺานํ, อุปฏฺาติ โอกฺกนฺติตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺตตีติ อตฺโถ. สติเยว ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. อถ วา สรณฏฺเน สติ, อุปฏฺานฏฺเน ปฏฺานํ. อิติ สติ จ สา ปฏฺานฺจาติปิ สติปฏฺานํ. อิทมิธ อธิปฺเปตํ.
ยทิ เอวํ, กสฺมา ‘‘สติปฏฺานา’’ติ พหุวจนํ? สติพหุตฺตา. อารมฺมณเภเทน หิ พหุกา เอตา สติโย. อถ มคฺโคติ กสฺมา เอกวจนํ? มคฺคฏฺเน เอกตฺตา. จตสฺโสปิ หิ เอตา สติโย มคฺคฏฺเน เอกตฺตํ คจฺฉนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘มคฺโคติ เกนฏฺเน มคฺโค? นิพฺพานคมนฏฺเน, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนียฏฺเน จา’’ติ. จตสฺโสปิ เจตา อปรภาเค กายาทีสุ อารมฺมเณสุ กิจฺจํ สาธยมานา นิพฺพานํ คจฺฉนฺติ. อาทิโต ปฏฺาย จ นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียนฺติ, ตสฺมา จตสฺโสปิ เอโก มคฺโคติ วุจฺจนฺติ ¶ . เอวฺจ สติ วจนานุสนฺธินา สานุสนฺธิกาว เทสนา โหติ, ‘‘มารเสนปฺปมทฺทนํ โว, ภิกฺขเว, มคฺคํ เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ…เป… กตโม จ, ภิกฺขเว, มารเสนปฺปมทฺทโน มคฺโค? ยทิทํ สตฺตโพชฺฌงฺคา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๒๒๔) วิย หิ ยถา มารเสนปฺปมทฺทโนติ จ สตฺตโพชฺฌงฺคาติ จ อตฺถโต ¶ เอกํ, พฺยฺชนเมเวตฺถ นานํ. เอวํ เอกายนมคฺโคติ จ จตฺตาโร สติปฏฺานาติ จ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมเวตฺถ นานํ. ตสฺมา มคฺคฏฺเน เอกตฺตา เอกวจนํ, อารมฺมณเภเทน สติพหุตฺตา พหุวจนํ เวทิตพฺพํ.
กสฺมา ปน ภควตา จตฺตาโรว สติปฏฺานา วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ? เวเนยฺยหิตตฺตา ¶ . ตณฺหาจริตทิฏฺิจริตสมถยานิกวิปสฺสนายานิเกสุ หิ มนฺทติกฺขวเสน ทฺเวธา ทฺเวธา ปวตฺเตสุ เวเนยฺเยสุ มนฺทสฺส ตณฺหาจริตสฺส โอฬาริกํ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ วิสุทฺธิมคฺโค, ติกฺขสฺส สุขุมํ เวทนานุปสฺสนํ สติปฏฺานํ. ทิฏฺิจริตสฺสาปิ มนฺทสฺส นาติปฺปเภทคตํ จิตฺตานุปสฺสนาสติปฏฺานํ วิสุทฺธิมคฺโค, ติกฺขสฺส อติปฺปเภทคตํ ธมฺมานุปสฺสนาสติปฏฺานํ. สมถยานิกสฺส จ มนฺทสฺส อกิจฺเฉน อธิคนฺตพฺพนิมิตฺตํ ปมํ สติปฏฺานํ วิสุทฺธิมคฺโค, ติกฺขสฺส โอฬาริการมฺมเณ อสณฺหนโต ทุติยํ. วิปสฺสนายานิกสฺสปิ มนฺทสฺส นาติปฺปเภทคตารมฺมณํ ตติยํ, ติกฺขสฺส อติปฺปเภทคตารมฺมณํ จตุตฺถํ. อิติ จตฺตาโรว วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ.
สุภสุขนิจฺจอตฺตภาววิปลฺลาสปหานตฺถํ วา. กาโย หิ อสุโภ, ตตฺถ จ สุภวิปลฺลาสวิปลฺลตฺถา สตฺตา, เตสํ ตตฺถ อสุภภาวทสฺสเนน ตสฺส วิปลฺลาสสฺส ปหานตฺถํ ปมํ สติปฏฺานํ วุตฺตํ. สุขํ นิจฺจํ อตฺตาติ คหิเตสุปิ จ เวทนาทีสุ เวทนา ทุกฺขา, จิตฺตํ อนิจฺจํ, ธมฺมา อนตฺตา, เตสุ จ สุขนิจฺจอตฺตวิปลฺลาสวิปลฺลตฺถา สตฺตา, เตสํ ตตฺถ ทุกฺขาทิภาวทสฺสเนน เตสํ วิปลฺลาสานํ ปหานตฺถํ เสสานิ ตีณิ วุตฺตานีติ เอวํ สุภสุขนิจฺจอตฺตภาววิปลฺลาสปหานตฺถํ วา จตฺตาโรว วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ เวทิตพฺพา.
น เกวลฺจ วิปลฺลาสปหานตฺถเมว, อถ โข จตุโรฆโยคาสวคนฺถอุปาทานอคติปหานตฺถมฺปิ ¶ จตุพฺพิธาหารปริฺตฺถฺจ จตฺตาโรว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อยํ ตาว ปกรณนโย.
อฏฺกถายํ ปน สรณวเสน เจว เอกตฺตสโมสรณวเสน จ เอกเมว สติปฏฺานํ อารมฺมณวเสน จตฺตาโรติ เอตเทว วุตฺตํ. ยถา หิ จตุทฺวาเร นคเร ปาจีนโต อาคจฺฉนฺตา ปาจีนทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, ทกฺขิณโต ปจฺฉิมโต อุตฺตรโต อาคจฺฉนฺตา อุตฺตรทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา อุตฺตรทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. นครํ วิย หิ นิพฺพานมหานครํ ¶ . ทฺวารํ วิย อฏฺงฺคิโก โลกุตฺตรมคฺโค. ปาจีนทิสาทโย วิย กายาทโย.
ยถา ¶ ปาจีนโต อาคจฺฉนฺตา ปาจีนทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ กายานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา จุทฺทสวิเธน กายานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา กายานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพตฺเตน อริยมคฺเคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติ.
ยถา ทกฺขิณโต อาคจฺฉนฺตา ทกฺขิณทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ เวทนานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา นววิเธน เวทนานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา เวทนานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพตฺเตน อริยมคฺเคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติ.
ยถา ปจฺฉิมโต อาคจฺฉนฺตา ปจฺฉิมทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปจฺฉิมทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ จิตฺตานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา โสฬสวิเธน จิตฺตานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา จิตฺตานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพตฺเตน อริยมคฺเคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติ.
ยถา อุตฺตรโต อาคจฺฉนฺตา อุตฺตรทิสาย อุฏฺานกํ ภณฺฑํ คเหตฺวา อุตฺตรทฺวาเรน นครเมว ปวิสนฺติ, เอวํ ธมฺมานุปสฺสนามุเขน อาคจฺฉนฺตา ปฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนํ ภาเวตฺวา ธมฺมานุปสฺสนาภาวนานุภาวนิพฺพตฺเตน อริยมคฺเคน เอกํ นิพฺพานเมว โอสรนฺติ.
เอวํ สรณวเสน เจว เอกตฺตสโมสรณวเสน จ เอกเมว สติปฏฺานํ อารมฺมณวเสน จตฺตาโรว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
กตเม ¶ จตฺตาโรติ กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉา. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ภิกฺขเวติ ธมฺมปฏิคฺคาหกปุคฺคลาลปนเมตํ. ภิกฺขูติ ปฏิปตฺติสมฺปาทกปุคฺคลนิทสฺสนเมตํ. อฺเปิ จ เทวมนุสฺสา ปฏิปตฺตึ สมฺปาเทนฺติเยว, เสฏฺตฺตา ปน ปฏิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนโต จ, ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาห. ภควโต หิ อนุสาสนึ สมฺปฏิจฺฉนฺเตสุ ภิกฺขุ เสฏฺโ, สพฺพปฺปการาย อนุสาสนิยา ภาชนภาวโต, ตสฺมา เสฏฺตฺตา ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาห. ตสฺมึ คหิเต ปน เสสา คหิตาว โหนฺติ ราชคมนาทีสุ ราชคฺคหเณน เสสปริสา วิย. โย จ อิมํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชติ, โส ภิกฺขุ นาม โหตีติ ¶ ปฏิปตฺติยา ภิกฺขุภาวทสฺสนโตปิ ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาห ¶ . ปฏิปนฺนโก หิ เทโว วา โหตุ มนุสฺโส วา, ‘‘ภิกฺขู’’ติ สงฺขํ คจฺฉติเยว. ยถาห –
‘‘อลงฺกโต เจปิ สมํ จเรยฺย,
สนฺโต ทนฺโต นิยโต พฺรหฺมจารี;
สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ,
โส พฺราหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขู’’ติ. (ธ. ป. ๑๔๒);
กาเยติ รูปกาเย. รูปกาโย หิ อิธ องฺคปจฺจงฺคานํ เกสาทีนฺจ ธมฺมานํ สมูหฏฺเน หตฺถิกายรถกายาทโย วิย กาโยติ อธิปฺเปโต. ยถา จ สมูหฏฺเน, เอวํ กุจฺฉิตานํ อายฏฺเน. กุจฺฉิตานฺหิ ปรมเชคุจฺฉานํ โส อาโยติปิ กาโย. อาโยติ อุปฺปตฺติเทโส. ตตฺรายํ วจนตฺโถ, อายนฺติ ตโตติ อาโย. เก อายนฺติ? กุจฺฉิตา เกสาทโย. อิติ กุจฺฉิตานํ อาโยติ กาโย. กายานุปสฺสีติ กายมนุปสฺสนสีโล, กายํ วา อนุปสฺสมาโน.
‘‘กาเย’’ติ จ วตฺวาปิ ปุน ‘‘กายานุปสฺสี’’ติ ทุติยํ กายคฺคหณํ อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานฆนวินิพฺโภคาทิทสฺสนตฺถํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน น กาเย เวทนานุปสฺสี วา, จิตฺตธมฺมานุปสฺสี วา, อถ โข กายานุปสฺสีเยวาติ กายสงฺขาเต วตฺถุสฺมึ กายานุปสฺสนาการสฺเสว ทสฺสเนน อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติ. ตถา น กาเย องฺคปจฺจงฺควิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, นาปิ เกสโลมาทิวินิมุตฺตอิตฺถิปุริสานุปสฺสี. โยปิ เจตฺถ เกสโลมาทิโก ภูตุปาทายสมูหสงฺขาโต กาโย ¶ , ตตฺถปิ น ภูตุปาทายวินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, อถ โข รถสมฺภารานุปสฺสโก วิย องฺคปจฺจงฺคสมูหานุปสฺสี, นคราวยวานุปสฺสโก วิย เกสโลมาทิสมูหานุปสฺสี, กทลิกฺขนฺธปตฺตวฏฺฏิวินิพฺภุชนโก วิย ริตฺตมุฏฺิวินิเวโก วิย จ ภูตุปาทายสมูหานุปสฺสีเยวาติ นานปฺปการโต สมูหวเสเนว กายสงฺขาตสฺส วตฺถุโน ทสฺสเนน ฆนวินิพฺโภโค ทสฺสิโต โหติ. น เหตฺถ ยถาวุตฺตสมูหวินิมุตฺโต กาโย วา อิตฺถี วา ปุริโส วา อฺโ วา โกจิ ธมฺโม ทิสฺสติ ¶ , ยถาวุตฺตธมฺมสมูหมตฺเตเยว ปน ตถา ตถา สตฺตา มิจฺฉาภินิเวสํ กโรนฺติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ยํ ¶ ปสฺสติ น ตํ ทิฏฺํ, ยํ ทิฏฺํ ตํ น ปสฺสติ;
อปสฺสํ พชฺฌเต มูฬฺโห, พชฺฌมาโน น มุจฺจตี’’ติ. –
ฆนวินิพฺโภคาทิทสฺสนตฺถนฺติ วุตฺตํ. อาทิสทฺเทน เจตฺถ อยมฺปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ – อยฺหิ เอกสฺมึ กาเย กายานุปสฺสีเยว, น อฺธมฺมานุปสฺสี. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา อนุทกภูตายปิ มรีจิยา อุทกานุปสฺสิโน โหนฺติ, น เอวํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตอสุภภูเตเยว อิมสฺมึ กาเย นิจฺจสุขอตฺตสุภภาวานุปสฺสี, อถ โข กายานุปสฺสี อนิจฺจทุกฺขานตฺตอสุภาการสมูหานุปสฺสีเยวาติ. อถ วา ยฺวายํ ปรโต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา…เป… โส สโตว อสฺสสตี’’ติอาทินา นเยน อสฺสาสปสฺสาสาทิจุณฺณิกชาตอฏฺิกปริโยสาโน กาโย วุตฺโต, โย จ ‘‘อิเธกจฺโจ ปถวิกายํ อนิจฺจโต อนุปสฺสติ อาโปกายํ เตโชกายํ วาโยกายํ เกสกายํ โลมกายํ ฉวิกายํ จมฺมกายํ มํสกายํ รุหิรกายํ นหารุกายํ อฏฺิกายํ อฏฺิมิฺชกาย’’นฺติ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๓.๓๕) กาโย วุตฺโต, ตสฺส สพฺพสฺส อิมสฺมึเยว กาเย อนุปสฺสนโต ‘‘กาเย กายานุปสฺสี’’ติ เอวมฺปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อถ วา กาเย อหนฺติ วา มมนฺติ วา เอวํ คเหตพฺพสฺส ยสฺส กสฺสจิ อนนุปสฺสนโต ตสฺส ตสฺเสว ปน เกสาโลมาทิกสฺส นานาธมฺมสมูหสฺส อนุปสฺสนโต กาเย เกสาทิธมฺมสมูหสงฺขาตกายานุปสฺสีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อปิจ ‘‘อิมสฺมึ กาเย อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต’’ติอาทินา นเยน ¶ ปฏิสมฺภิทายํ อาคตนยสฺส สพฺพสฺเสว อนิจฺจลกฺขณาทิโน อาการสมูหสงฺขาตสฺส กายสฺสานุปสฺสนโตปิ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี’’ติ เอวมฺปิ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ตถา หิ อยํ กาเย กายานุปสฺสนาปฏิปทํ ปฏิปนฺโน ภิกฺขุ อิมํ กายํ อนิจฺจานุปสฺสนาทีนํ สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ วเสน อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต. ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, โน สุขโต. อนตฺตโต ¶ อนุปสฺสติ, โน อตฺตโต. นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติ. วิรชฺชติ, โน รชฺชติ. นิโรเธติ, โน สมุเทติ. ปฏินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติ. โส ตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต นิจฺจสฺํ ปชหติ, ทุกฺขโต อนุปสฺสนฺโต สุขสฺํ ¶ ปชหติ, อนตฺตโต อนุปสฺสนฺโต อตฺตสฺํ ปชหติ, นิพฺพินฺทนฺโต นนฺทึ ปชหติ, วิรชฺชนฺโต ราคํ ปชหติ, นิโรเธนฺโต สมุทยํ ปชหติ, ปฏินิสฺสชฺชนฺโต อาทานํ ปชหตีติ เวทิตพฺโพ.
วิหรตีติ อิริยติ. อาตาปีติ ตีสุ ภเวสุ กิเลเส อาตาเปตีติ อาตาโป, วีริยสฺเสตํ นามํ. อาตาโป อสฺส อตฺถีติ อาตาปี. สมฺปชาโนติ สมฺปชฺสงฺขาเตน าเณน สมนฺนาคโต. สติมาติ กายปริคฺคาหิกาย สติยา สมนฺนาคโต. อยํ ปน ยสฺมา สติยา อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา ปฺาย อนุปสฺสติ, น หิ สติวิรหิตสฺส อนุปสฺสนา นาม อตฺถิ. เตเนวาห ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). ตสฺมา เอตฺถ ‘‘กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ เอตฺตาวตา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานกมฺมฏฺานํ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ยสฺมา อนาตาปิโน อนฺโตสงฺเขโป อนฺตรายกโร โหติ, อสมฺปชาโน อุปายปริคฺคเห อนุปายปริวชฺชเน จ สมฺมุยฺหติ, มุฏฺสฺสติ อุปายาปริจฺจาเค อนุปายาปริคฺคเห จ อสมตฺโถ โหติ, เตนสฺส ตํ กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชติ, ตสฺมา เยสํ ธมฺมานํ อานุภาเวน ตํ สมฺปชฺชติ. เตสํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อาตาปี สมฺปชาโน สติมาติ อิทํ วุตฺต’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
อิติ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ สมฺปโยคงฺคฺจสฺส ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปหานงฺคํ ทสฺเสตุํ วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ วิเนยฺยาติ ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา วินยิตฺวา. โลเกติ ตสฺมึเยว ¶ กาเย. กาโย หิ อิธ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ อธิปฺเปโต. ยสฺมา ปนสฺส น กายมตฺเตเยว อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ปหียติ, เวทนาทีสุปิ ปหียติเยว, ตสฺมา ‘‘ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา โลโก’’ติ วิภงฺเค (วิภ. ๓๖๒) วุตฺตํ. โลกสงฺขาตตฺตา วา เตสํ ธมฺมานํ อตฺถุทฺธารนเยเนตํ วุตฺตํ. ยํ ปนาห ‘‘ตตฺถ กตโม โลโก? สฺเวว กาโย โลโก’’ติ. อยเมเวตฺถ อตฺโถ, ตสฺมึ โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ วิเนยฺยาติ เอวํ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา ปเนตฺถ อภิชฺฌาคหเณน กามจฺฉนฺโท ¶ , โทมนสฺสคฺคหเณน พฺยาปาโท สงฺคหํ คจฺฉติ, ตสฺมา นีวรณปริยาปนฺนพลวธมฺมทฺวยทสฺสเนน นีวรณปฺปหานํ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
วิเสเสน ¶ เจตฺถ อภิชฺฌาวินเยน กายสมฺปตฺติมูลกสฺส อนุโรธสฺส, โทมนสฺสวินเยน ปน กายวิปตฺติมูลกสฺส วิโรธสฺส, อภิชฺฌาวินเยน จ กาเย อภิรติยา, โทมนสฺสวินเยน กายภาวนาย อนภิรติยา, อภิชฺฌาวินเยน กาเย อภูตานํ สุภสุขภาวาทีนํ ปกฺเขปสฺส, โทมนสฺสวินเยน จ กาเย ภูตานํ อสุภาสุขภาวาทีนํ อปนยนสฺส จ ปหานํ วุตฺตํ. เตน โยคาวจรสฺส โยคานุภาโว โยคสมตฺถตา จ ทีปิตา โหติ. โยคานุภาโว หิ เอส, ยทิทํ อนุโรธวิโรธวิปฺปมุตฺโต อรติรติสโห อภูตปกฺเขปภูตาปนยนวิรหิโต จ โหติ. อนุโรธวิโรธวิปฺปมุตฺโต เจส อรติรติสโห อภูตํ อปกฺขิปนฺโต ภูตฺจ อนปเนนฺโต โยคสมตฺโถ โหตีติ.
อปโร นโย ‘‘กาเย กายานุปสฺสี’’ติ เอตฺถ อนุปสฺสนาย กมฺมฏฺานํ วุตฺตํ. ‘‘วิหรตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตวิหาเรน กมฺมฏฺานิกสฺส กายปริหรณํ. ‘‘อาตาปี’’ติอาทีสุ อาตาเปน สมฺมปฺปธานํ, สติสมฺปชฺเน สพฺพตฺถิกกมฺมฏฺานํ, กมฺมฏฺานปริหรณูปาโย วา, สติยา วา กายานุปสฺสนาวเสน ปฏิลทฺธสมโถ, สมฺปชฺเน วิปสฺสนา, อภิชฺฌาโทมนสฺสวินเยน ภาวนาผลํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
วิภงฺเค ปน ‘‘อนุปสฺสี’’ติ ตตฺถ กตมา อนุปสฺสนา? ยา ปฺา ปชานนา…เป… สมฺมาทิฏฺิ. อยํ วุจฺจติ อนุปสฺสนา. อิมาย อนุปสฺสนาย อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปาคโต สมุปาคโต อุปปนฺโน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต. เตน วุจฺจติ อนุปสฺสีติ.
วิหรตีติ อิริยติ ¶ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติ. เตน วุจฺจติ วิหรตีติ.
อาตาปีติ ตตฺถ กตโม อาตาโป? โย เจตสิโก วีริยารมฺโภ…เป… สมฺมาวายาโม. อยํ วุจฺจติ อาตาโป. อิมินา อาตาเปน อุเปโต โหติ…เป… สมนฺนาคโต. เตน วุจฺจติ อาตาปีติ.
สมฺปชาโนติ ¶ ตตฺถ กตมํ สมฺปชฺํ? ยา ปฺา ปชานนา…เป… สมฺมาทิฏฺิ. อิทํ วุจฺจติ ¶ สมฺปชฺํ. อิมินา สมฺปชฺเน อุเปโต โหติ…เป… สมนฺนาคโต. เตน วุจฺจติ สมฺปชาโนติ.
สติมาติ ตตฺถ กตมา สติ? ยา สติ อนุสฺสติ…เป… สมฺมาสติ. อยํ วุจฺจติ สติ. อิมาย สติยา อุเปโต โหติ…เป… สมนฺนาคโต. เตน วุจฺจติ สติมาติ.
วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ ตตฺถ กตโม โลโก? สฺเวว กาโย โลโก, ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺธา โลโก. อยํ วุจฺจติ โลโก. ตตฺถ กตมา อภิชฺฌา? โย ราโค สาราโค อนุนโย อนุโรโธ นนฺที นนฺทีราโค จิตฺตสฺส สาราโค, อยํ วุจฺจติ อภิชฺฌา. ตตฺถ กตมํ โทมนสฺสํ? ยํ เจตสิกํ อสาตํ, เจตสิกํ ทุกฺขํ, เจโตสมฺผสฺสชํ อสาตํ…เป… ทุกฺขา เวทนา. อิทํ วุจฺจติ โทมนสฺสํ. อิติ อยฺจ อภิชฺฌา อิทฺจ โทมนสฺสํ อิมมฺหิ โลเก วินีตา โหนฺติ ปฏิวินีตา สนฺตา วูปสนฺตา สมิตา วูปสมิตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตา, เตน วุจฺจติ วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ (วิภ. ๓๕๖) เอวเมเตสํ ปทานมตฺโถ วุตฺโต. เตน สห อยํ อฏฺกถานโย ยถา สํสนฺทติ, เอวํ เวทิตพฺโพ. อยํ ตาว กายานุปสฺสนาสติปฏฺานุทฺเทสสฺส อตฺถวณฺณนา.
เวทนาสุ… จิตฺเต… ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ…เป… วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ เอตฺถ ปน เวทนานุปสฺสีติ เอวมาทีสุ เวทนาทีนํ ปุน วจเน ปโยชนํ กายานุปสฺสนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี, จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี, ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสีติ เอตฺถ ปน เวทนาติ ติสฺโส เวทนา, ตา จ โลกิยา เอว. จิตฺตมฺปิ โลกิยํ, ตถา ธมฺมา. เตสํ วิภาโค นิทฺเทสวาเร ปากโฏ ภวิสฺสติ. เกวลํ ปนิธ ยถา เวทนา อนุปสฺสิตพฺพา, ตถา อนุปสฺสนฺโต เวทนาสุ เวทนานุปสฺสีติ เวทิตพฺโพ. เอส นโย จิตฺตธมฺเมสุปิ. กถฺจ เวทนา อนุปสฺสิตพฺพาติ? สุขา ตาว เวทนา ¶ ทุกฺขโต, ทุกฺขา สลฺลโต, อทุกฺขมสุขา อนิจฺจโต. ยถาห –
‘‘โย ¶ ¶ สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;
อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, อทกฺขิ นํ อนิจฺจโต;
ส เว สมฺมทฺทโส ภิกฺขุ, อุปสนฺโต จริสฺสตี’’ติ. (สํ. นิ. ๔.๒๕๓);
สพฺพา เอว เจตา ทุกฺขาติปิ อนุปสฺสิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํกิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙). สุขทุกฺขโตปิ จ อนุปสฺสิตพฺพา. ยถาห ‘‘สุขา เวทนา ิติสุขา วิปริณามทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๔) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. อปิจ อนิจฺจาทิสตฺตานุปสฺสนาวเสนปิ อนุปสฺสิตพฺพา. เสสํ นิทฺเทสวาเรเยว ปากฏํ ภวิสฺสติ. จิตฺตธมฺเมสุปิ จิตฺตํ ตาว อารมฺมณาธิปติสหชาตภูมิกมฺมวิปากกิริยาทินานตฺตเภทานํ อนิจฺจาทิสตฺตานุปสฺสนานํ นิทฺเทสวาเร อาคตสราคาทิเภทานฺจ วเสน อนุปสฺสิตพฺพํ. ธมฺมา สลกฺขณสามฺลกฺขณานํ สฺุตธมฺมสฺส อนิจฺจาทิสตฺตานุปสฺสนานํ นิทฺเทสวาเร อาคตสนฺตาสนฺตาทิเภทานฺจ วเสน อนุปสฺสิตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมว. กามฺเจตฺถ ยสฺส กายสงฺขาเต โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ปหีนํ, ตสฺส เวทนาทิโลเกสุปิ ตํ ปหีนเมว. นานาปุคฺคลวเสน ปน นานาจิตฺตกฺขณิกสติปฏฺานภาวนาวเสน จ สพฺพตฺถ วุตฺตํ. ยโต วา เอกตฺถ ปหีนํ เสเสสุปิ ปหีนํ โหติ. เตเนวสฺส ตตฺถ ปหานทสฺสนตฺถมฺปิ เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพนฺติ.
อุทฺเทสวารกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
กายานุปสฺสนาอานาปานปพฺพวณฺณนา
๑๐๗. อิทานิ เสยฺยถาปิ นาม เฉโก วิลีวการโก ถูลกิลฺชสณฺหกิลฺชจงฺโกฏกเปฬาปุฏาทีนิ อุปกรณานิ กตฺตุกาโม เอกํ มหาเวณุํ ลภิตฺวา จตุธา ภินฺทิตฺวา ตโต เอเกกํ เวณุขณฺฑํ คเหตฺวา ผาเลตฺวา ตํ ตํ อุปกรณํ กเรยฺย, เอวเมว ภควา สติปฏฺานเทสนาย สตฺตานํ อเนกปฺปการวิเสสาธิคมํ กตฺตุกาโม เอกเมว สมฺมาสตึ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา. กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติอาทินา ¶ นเยน อารมฺมณวเสน ¶ จตุธา ภินฺทิตฺวา ตโต เอเกกํ สติปฏฺานํ คเหตฺวา วิภชนฺโต ‘‘กถฺจ ภิกฺขเว’’ติอาทินา นเยน นิทฺเทสวารํ วตฺตุมารทฺโธ.
ตตฺถ ¶ กถฺจาติอาทิ วิตฺถาเรตุกมฺยตา ปุจฺฉา. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, เกน จ ปกาเรน ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรตีติ? เอส นโย สพฺพปุจฺฉาวาเรสุ. อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูติ, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ สาสเน ภิกฺขุ. อยฺเหตฺถ อิธ-สทฺโท สพฺพปฺปการกายานุปสฺสนานิพฺพตฺตกสฺส ปุคฺคลสฺส สนฺนิสฺสยภูตสาสนปริทีปโน อฺสาสนสฺส ตถาภาวปฏิเสธโน จ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป… สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙). เตน วุตฺตํ ‘‘อิมสฺมึ สาสเน ภิกฺขู’’ติ.
‘‘อรฺคโต วา…เป… สฺุาคารคโต วา’’ติ อิทมสฺส สติปฏฺานภาวนานุรูปเสนาสนปริคฺคหปริทีปนํ. อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน ทีฆรตฺตํ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ อนุวิสฏํ จิตฺตํ กมฺมฏฺานวีถึ โอตริตุํ น อิจฺฉติ, กูฏโคณยุตฺตรโถ วิย อุปฺปถเมว ธาวติ, ตสฺมา เสยฺยถาปิ นาม โคโป กูฏเธนุยา สพฺพํ ขีรํ ปิวิตฺวา วฑฺฒิตํ กูฏวจฺฉํ ทเมตุกาโม เธนุโต อปเนตฺวา เอกมนฺเต มหนฺตํ ถมฺภํ นิขณิตฺวา ตตฺถ โยตฺเตน พนฺเธยฺย. อถสฺส โส วจฺโฉ อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทิตฺวา ปลายิตุํ อสกฺโกนฺโต ตเมว ถมฺภํ อุปนิสีเทยฺย วา อุปนิปชฺเชยฺย วา, เอวเมว อิมินาปิ ภิกฺขุนา ทีฆรตฺตํ รูปารมฺมณาทิรสปานวฑฺฒิตํ ทุฏฺจิตฺตํ ทเมตุกาเมน รูปาทิอารมฺมณโต อปเนตฺวา อรฺํ วา รุกฺขมูลํ วา สฺุาคารํ วา ปเวเสตฺวา ตตฺถ สติปฏฺานารมฺมณตฺถมฺเภ สติโยตฺเตน พนฺธิตพฺพํ. เอวมสฺส ตํ จิตฺตํ อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทิตฺวาปิ ปุพฺเพ อาจิณฺณารมฺมณํ อลภมานํ สติโยตฺตํ ฉินฺทิตฺวา ปลายิตุํ อสกฺโกนฺตํ ตเมวารมฺมณํ อุปจารปฺปนาวเสน อุปนิสีทติ เจว อุปนิปชฺชติ จ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ยถา ถมฺเภ นิพนฺเธยฺย, วจฺฉํ ทมํ นโร อิธ;
พนฺเธยฺเยวํ สกํ จิตฺตํ, สติยารมฺมเณ ทฬฺห’’นฺติ.
เอวมสฺส ตํ เสนาสนํ ภาวนานุรูปํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิทมสฺส สติปฏฺานภาวนานุรูปเสนาสนปริคฺคหปริทีปน’’นฺติ.
อปิจ ¶ ¶ ¶ ยสฺมา อิทํ กายานุปสฺสนาย มุทฺธภูตํ สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ วิเสสาธิคมทิฏฺธมฺมสุขวิหารปทฏฺานํ อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ อิตฺถิปุริสหตฺถิอสฺสาทิสทฺทสมากุลํ คามนฺตํ อปริจฺจชิตฺวา น สุกรํ สมฺปาเทตุํ, สทฺทกณฺฏกตฺตา ฌานสฺส. อคามเก ปน อรฺเ สุกรํ โยคาวจเรน อิทํ กมฺมฏฺานํ ปริคฺคเหตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเทว ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ. ตสฺมาสฺส อนุรูปเสนาสนํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘อรฺคโต วา’’ติอาทิมาห.
วตฺถุวิชฺชาจริโย วิย หิ ภควา. โส ยถา วตฺถุวิชฺชาจริโย นครภูมึ ปสฺสิตฺวา สุฏฺุ อุปปริกฺขิตฺวา ‘‘เอตฺถ นครํ มาเปถา’’ติ อุปทิสติ, โสตฺถินา จ นคเร นิฏฺิเต ราชกุลโต มหาสกฺการํ ลภติ, เอวเมว โยคาวจรสฺส อนุรูปํ เสนาสนํ อุปปริกฺขิตฺวา ‘‘เอตฺถ กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตพฺพ’’นฺติ อุปทิสติ. ตโต ตตฺถ กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชนฺเตน โยคินา อนุกฺกเมน อรหตฺเต ปตฺเต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา’’ติ มหนฺตํ สกฺการํ ลภติ.
อยํ ปน ภิกฺขุ ทีปิสทิโสติ วุจฺจติ. ยถา หิ มหาทีปิราชา อรฺเ ติณคหนํ วา วนคหนํ วา ปพฺพตคหนํ วา นิสฺสาย นิลียิตฺวา วนมหึสโคกณฺณสูกราทโย มิเค คณฺหาติ, เอวเมว อยํ อรฺาทีสุ กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชนฺโต ภิกฺขุ ยถากฺกเมน จตฺตาโร มคฺเค เจว จตฺตาริ อริยผลานิ จ คณฺหาติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ยถาปิ ทีปิโก นาม, นิลียิตฺวา คณฺหตี มิเค;
ตเถวายํ พุทฺธปุตฺโต, ยุตฺตโยโค วิปสฺสโก;
อรฺํ ปวิสิตฺวาน, คณฺหาติ ผลมุตฺตม’’นฺติ.
เตนสฺส ปรกฺกมชวโยคฺคภูมึ อรฺเสนาสนํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘อรฺคโต วา’’ติอาทิมาห. อิโต ปรํ อิมสฺมึ ตาว อานาปานปพฺเพ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตเมว.
ตสฺส ¶ ปน อิเมสํ ‘‘ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต ทีฆํ อสฺสสามีติ ปชานาติ…เป… ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขตี’’ติ เอวํ วุตฺตานํ ¶ อสฺสาสปสฺสาสานํ วเสน สิกฺขโต อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺเต ¶ จตฺตาริ ฌานานิ อุปฺปชฺชนฺติ. โส ฌานา วุฏฺหิตฺวา อสฺสาสปสฺสาเส วา ปริคฺคณฺหาติ ฌานงฺคานิ วา. ตตฺถ อสฺสาสปสฺสาสกมฺมิโก ‘‘อิเม อสฺสาสปสฺสาสา กึ นิสฺสิตา, วตฺถุํ นิสฺสิตา, วตฺถุ นาม กรชกาโย, กรชกาโย นาม จตฺตาริ มหาภูตานิ อุปาทารูปฺจา’’ติ เอวํ รูปํ ปริคฺคณฺหาติ, ตโต ตทารมฺมเณ ผสฺสปฺจมเก นามนฺติ เอวํ นามรูปํ ปริคฺคเหตฺวา ตสฺส ปจฺจยํ ปริเยสนฺโต อวิชฺชาทิปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ทิสฺวา ‘‘ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมมตฺตเมเวตํ, อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถี’’ติ วิติณฺณกงฺโข สปฺปจฺจยนามรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อนุกฺกเมน อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อิทํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขํ.
ฌานกมฺมิโกปิ ‘‘อิมานิ ฌานงฺคานิ กึ นิสฺสิตานิ, วตฺถุํ นิสฺสิตานิ. วตฺถุ นาม กรชกาโยติ ฌานงฺคานิ นามํ, กรชกาโย รูป’’นฺติ นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ตสฺส ปจฺจยํ ปริเยสนฺโต อวิชฺชาทิปจฺจยาการํ ทิสฺวา ‘‘ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมมตฺตเมเวตํ, อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถี’’ติ วิติณฺณกงฺโข สปฺปจฺจยนามรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อนุกฺกเมน อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อิทํ เอกสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขํ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อตฺตโน วา อสฺสาสปสฺสาสกาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. พหิทฺธา วาติ ปรสฺส วา อสฺสาสปสฺสาสกาเย. อชฺฌตฺตพหิทฺธา วาติ กาเลน อตฺตโน, กาเลน ปรสฺส อสฺสาสปสฺสาสกาเย. เอเตนสฺส ปคุณกมฺมฏฺานํ อฏฺเปตฺวา อปราปรํ สฺจรณกาโล กถิโต. เอกสฺมึ กาเล ปนิทํ อุภยํ น ลพฺภติ.
สมุทยธมฺมานุปสฺสี วาติ ยถา นาม กมฺมารภสฺตฺจ คคฺครนาฬิฺจ ตชฺชฺจ วายามํ ปฏิจฺจ วาโต อปราปรํ สฺจรติ, เอวํ ภิกฺขุโน กรชกายฺจ นาสาปุฏฺจ จิตฺตฺจ ปฏิจฺจ อสฺสาสปสฺสาสกาโย อปราปรํ สฺจรติ. กายาทโย ธมฺมา สมุทยธมฺมา, เต ปสฺสนฺโต ‘‘สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ. วยธมฺมานุปสฺสี วาติ ยถา ภสฺตาย อปนีตาย คคฺครนาฬิยา ภินฺนาย ตชฺเช จ วายาเม อสติ โส วาโต นปฺปวตฺตติ ¶ , เอวเมว กาเย ภินฺเน นาสาปุเฏ วิทฺธสฺเต จิตฺเต ¶ จ นิรุทฺเธ อสฺสาสปสฺสาสกาโย นาม นปฺปวตฺตตีติ กายาทินิโรธา อสฺสาสปสฺสาสนิโรโธติ เอวํ ปสฺสนฺโต ‘‘วยธมฺมานุปสฺสี ¶ วา กายสฺมึ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ. สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วาติ กาเลน สมุทยํ, กาเลน วยํ อนุปสฺสนฺโต. อตฺถิ กาโยติ วา ปนสฺสาติ กาโยว อตฺถิ, น สตฺโต, น ปุคฺคโล, น อิตฺถี, น ปุริโส, น อตฺตา, น อตฺตนิยํ, นาหํ, น มม, น โกจิ, น กสฺสจีติ เอวมสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ.
ยาวเทวาติ ปโยชนปริจฺเฉทววตฺถาปนเมตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ, สา น อฺตฺถาย. อถ โข ยาวเทว าณมตฺตาย อปราปรํ อุตฺตรุตฺตริ าณปมาณตฺถาย เจว สติปมาณตฺถาย จ, สติสมฺปชฺานํ วุฑฺฒตฺถายาติ อตฺโถ. อนิสฺสิโต จ วิหรตีติ ตณฺหานิสฺสยทิฏฺินิสฺสยานํ วเสน อนิสฺสิโต วิหรติ. น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยตีติ โลกสฺมึ กิฺจิ รูปํ วา…เป… วิฺาณํ วา ‘‘อยํ เม อตฺตา วา อตฺตนิยํ วา’’ติ น คณฺหาติ. เอวมฺปีติ อุปริอตฺถํ อุปาทาย สมฺปิณฺฑนตฺโถ ปิกาโร. อิมินา ปน ปเทน ภควา อานาปานปพฺพเทสนํ นิยฺยาเตตฺวา ทสฺเสติ.
ตตฺถ อสฺสาสปสฺสาสปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺสา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, ทุกฺขปริชานโน สมุทยปชหโน นิโรธารมฺมโณ อริยมคฺโค มคฺคสจฺจํ. เอวํ จตุสจฺจวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา นิพฺพุตึ ปาปุณาตีติ อิทเมกสฺส อสฺสาสปสฺสาสวเสน อภินิวิฏฺสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขนฺติ.
อานาปานปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิริยาปถปพฺพวณฺณนา
๑๐๘. เอวํ อสฺสาสปสฺสาสวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ อิริยาปถวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ กามํ โสณสิงฺคาลาทโยปิ คจฺฉนฺตา ‘‘คจฺฉามา’’ติ ชานนฺติ. น ปเนตํ เอวรูปํ ชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวรูปฺหิ ชานนํ สตฺตูปลทฺธึ น ปชหติ ¶ ¶ , อตฺตสฺํ น อุคฺฆาเฏติ ¶ , กมฺมฏฺานํ วา สติปฏฺานภาวนา วา น โหติ. อิมสฺส ปน ภิกฺขุโน ชานนํ สตฺตูปลทฺธึ ปชหติ, อตฺตสฺํ อุคฺฆาเฏติ, กมฺมฏฺานฺเจว สติปฏฺานภาวนา จ โหติ. อิทฺหิ ‘‘โก คจฺฉติ, กสฺส คมนํ, กึ การณา คจฺฉตี’’ติ เอวํ สมฺปชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. านาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺถ โก คจฺฉตีติ น โกจิ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา คจฺฉติ. กสฺส คมนนฺติ น กสฺสจิ สตฺตสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา คมนํ. กึ การณา คจฺฉตีติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน คจฺฉติ. ตสฺมา เอส เอวํ ปชานาติ ‘‘คจฺฉามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ วายํ ชเนติ, วาโย วิฺตฺตึ ชเนติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน สกลกายสฺส ปุรโต อภินีหาโร คมนนฺติ วุจฺจติ. านาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺราปิ หิ ‘‘ติฏฺามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ วายํ ชเนติ, วาโย วิฺตฺตึ ชเนติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน สกลกายสฺส โกฏิโต ปฏฺาย อุสฺสิตภาโว านนฺติ วุจฺจติ. ‘‘นิสีทามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ วายํ ชเนติ, วาโย วิฺตฺตึ ชเนติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน เหฏฺิมกายสฺส สมิฺชนํ อุปริมกายสฺส อุสฺสิตภาโว นิสชฺชาติ วุจฺจติ. ‘‘สยามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตํ วายํ ชเนติ, วาโย วิฺตฺตึ ชเนติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน สกลสรีรสฺส ติริยโต ปสารณํ สยนนฺติ วุจฺจตีติ.
ตสฺส เอวํ ปชานโต เอวํ โหติ ‘‘สตฺโต คจฺฉติ สตฺโต ติฏฺตี’’ติ วุจฺจติ. อตฺถิ ปน โกจิ สตฺโต คจฺฉนฺโต วา ิโต วา นตฺถิ. ยถา ปน ‘‘สกฏํ คจฺฉติ สกฏํ ติฏฺตี’’ติ วุจฺจติ, น จ กิฺจิ สกฏํ นาม คจฺฉนฺตํ วา ติฏฺนฺตํ วา อตฺถิ. จตฺตาโร ปน โคเณ โยเชตฺวา เฉกมฺหิ สารถิมฺหิ ปาเชนฺเต ‘‘สกฏํ คจฺฉติ สกฏํ ติฏฺตี’’ติ โวหารมตฺตเมว โหติ, เอวเมว อชานนฏฺเน สกฏํ วิย กาโย. โคณา วิย จิตฺตชวาตา. สารถิ วิย จิตฺตํ. คจฺฉามิ ติฏฺามีติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน วาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน คมนาทีนิ ปวตฺตนฺติ. ตโต ‘‘สตฺโต คจฺฉติ, สตฺโต ¶ ติฏฺติ, อหํ คจฺฉามิ, อหํ ติฏฺามี’’ติ โวหารมตฺตํ โหตีติ. เตนาห –
‘‘นาวา ¶ ¶ มาลุตเวเคน, ชิยาเวเคน เตชนํ;
ยถา ยาติ ตถา กาโย, ยาติ วาตาหโต อยํ.
ยนฺตํ สุตฺตวเสเนว, จิตฺตสุตฺตวเสนิทํ;
ปยุตฺตํ กายยนฺตมฺปิ, ยาติ าติ นิสีทติ.
โก นาม เอตฺถ โส สตฺโต, โย วินา เหตุปจฺจเย;
อตฺตโน อานุภาเวน, ติฏฺเ วา ยทิ วา วเช’’ติ.
ตสฺมา เอวํ เหตุปจฺจยวเสเนว ปวตฺตานิ คมนาทีนิ สลฺลกฺเขนฺโต เอส คจฺฉนฺโต วา คจฺฉามีติ ปชานาติ, ิโต วา, นิสินฺโน วา, สยาโน วา สยาโนมฺหีติ ปชานาตีติ เวทิตพฺโพ.
ยถา ยถา วา ปนสฺส กาโย ปณิหิโต โหติ, ตถา ตถา นํ ปชานาตีติ สพฺพสงฺคาหิกวจนเมตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน เยน วา อากาเรน ตสฺส กาโย ิโต โหติ, เตน เตน นํ ปชานาติ. คมนากาเรน ิตํ คจฺฉตีติ ปชานาติ. านนิสชฺชาสยนากาเรน ิตํ สยาโนติ ปชานาตีติ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อตฺตโน วา จตุอิริยาปถปริคฺคณฺหเนน กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. พหิทฺธา วาติ ปรสฺส วา จตุอิริยาปถปริคฺคณฺหเนน. อชฺฌตฺตพหิทฺธา วาติ กาเลน อตฺตโน, กาเลน ปรสฺส จตุอิริยาปถปริคฺคณฺหเนน กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยธมฺมานุปสฺสี วาติอาทีสุ ปน ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๔๙) นเยน ปฺจหากาเรหิ รูปกฺขนฺธสฺส สมุทโย จ วโย จ นีหริตพฺโพ. ตฺหิ สนฺธาย อิธ ‘‘สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อตฺถิ กาโยติ วา ปนสฺสาติอาทิ วุตฺตสทิสเมว.
อิธ ปน จตุอิริยาปถปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺสา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ ¶ , อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, ทุกฺขปริชานโน สมุทยปชหโน นิโรธารมฺมโณ อริยมคฺโค มคฺคสจฺจํ. เอวํ ¶ จตุสจฺจวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา นิพฺพุตึ ปาปุณาตีติ อิทเมกสฺส จตูอิริยาปถปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขนฺติ.
อิริยาปถปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุสมฺปชฺปพฺพวณฺณนา
๑๐๙. เอวํ ¶ อิริยาปถวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ จตุสมฺปชฺวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเตติ เอตฺถ ตาว อภิกฺกนฺตํ วุจฺจติ คมนํ. ปฏิกฺกนฺตํ นิวตฺตนํ. ตทุภยมฺปิ จตูสุ อิริยาปเถสุ ลพฺภติ. คมเน ตาว ปุรโต กายํ อภิหรนฺโต อภิกฺกมติ นาม. ปฏินิวตฺเตนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. าเนปิ ิตโกว กายํ ปุรโต โอนาเมนฺโต อภิกฺกมติ นาม. ปจฺฉโต อปนาเมนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิสชฺชายปิ นิสินฺนโกว อาสนสฺส ปุริมองฺคาภิมุโข สํสรนฺโต อภิกฺกมติ นาม. ปจฺฉิมองฺคปฺปเทสํ ปจฺฉา สํสรนฺโต ปฏิกฺกมติ นาม. นิปชฺชายปิ เอเสว นโย.
สมฺปชานการี โหตีติ สมฺปชฺเน สพฺพกิจฺจการี, สมฺปชฺเมว วา การี. โส หิ อภิกฺกนฺตาทีสุ สมฺปชฺํ กโรเตว, น กตฺถจิ สมฺปชฺวิรหิโต โหติ. ตตฺถ สาตฺถกสมฺปชฺํ สปฺปายสมฺปชฺํ โคจรสมฺปชฺํ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ. ตตฺถ อภิกฺกมนจิตฺเต อุปฺปนฺเน จิตฺตวเสเนว อคนฺตฺวา ‘‘กึ นุ เม เอตฺถ คเตน อตฺโถ อตฺถิ นตฺถี’’ติ อตฺถานตฺถํ ปริคฺคณฺหิตฺวา อตฺถปริคฺคหณํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. ตตฺถ จ อตฺโถติ เจติยทสฺสนโพธิทสฺสนสงฺฆทสฺสนเถรทสฺสนอสุภทสฺสนาทิวเสน ธมฺมโต วฑฺฒิ. เจติยํ วา โพธึ วา ทิสฺวาปิ หิ พุทฺธารมฺมณํ สงฺฆทสฺสเนน สงฺฆารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยวยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ. เถเร ทิสฺวา เตสํ โอวาเท ปติฏฺาย อสุภํ ทิสฺวา ตตฺถ ปมชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ขยวยโต สมฺมสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ. ตสฺมา เอเตสํ ทสฺสนํ สาตฺถกํ. เกจิ ปน ‘‘อามิสโตปิ วฑฺฒิ อตฺโถเยว, ตํ นิสฺสาย พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย ปฏิปนฺนตฺตา’’ติ วทนฺติ.
ตสฺมึ ¶ ปน คมเน สปฺปายาสปฺปายํ ปริคฺคณฺหิตฺวา สปฺปายปริคฺคหณํ สปฺปายสมฺปชฺํ. เสยฺยถิทํ, เจติยทสฺสนํ ตาว สาตฺถกํ. สเจ ปน เจติยสฺส ¶ มหาปูชาย ทสทฺวาทสโยชนนฺตเร ปริสา สนฺนิปตนฺติ. อตฺตโน วิภวานุรูปํ อิตฺถิโยปิ ปุริสาปิ อลงฺกตปฺปฏิยตฺตา จิตฺตกมฺมรูปกานิ วิย สฺจรนฺติ. ตตฺร จสฺส อิฏฺเ อารมฺมเณ ¶ โลโภ, อนิฏฺเ ปฏิโฆ, อสมเปกฺขเน โมโห อุปฺปชฺชติ, กายสํสคฺคาปตฺตึ วา อาปชฺชติ, ชีวิตพฺรหฺมจริยานํ วา อนฺตราโย โหติ, เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ โหติ. วุตฺตปฺปการอนฺตรายาภาเว สปฺปายํ. โพธิทสฺสเนปิ เอเสว นโย. สงฺฆทสฺสนมฺปิ สาตฺถํ. สเจ ปน อนฺโตคาเม มหามณฺฑปํ กาเรตฺวา สพฺพรตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ กาเรนฺเตสุ มนุสฺเสสุ วุตฺตปฺปกาเรเนว ชนสนฺนิปาโต เจว อนฺตราโย จ โหติ, เอวํ ตํ านํ อสปฺปายํ. อนฺตรายาภาเว สปฺปายํ. มหาปริสปริวารานํ เถรานํ ทสฺสเนปิ เอเสว นโย.
อสุภทสฺสนมฺปิ สาตฺถํ. ตทตฺถทีปนตฺถฺจ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทหรภิกฺขุ สามเณรํ คเหตฺวา ทนฺตกฏฺตฺถาย คโต. สามเณโร มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต อสุภํ ทิสฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตเทว ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต ตีณิ ผลานิ สจฺฉิกตฺวา อุปริมคฺคตฺถาย กมฺมฏฺานํ ปริคฺคเหตฺวา อฏฺาสิ. ทหโร ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘สามเณรา’’ติ ปกฺโกสิ. โส ‘‘มยา ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขุนา สทฺธึ ทฺเว กถา นาม น กถิตปุพฺพา. อฺสฺมิมฺปิ ทิวเส อุปริวิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ ปฏิวจนํ อทาสิ. เอหีติ จ วุตฺเต เอกวจเนเนว อาคนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมินา ตาว มคฺเคน คนฺตฺวา มยา ิโตกาเส มุหุตฺตํ ปุรตฺถาภิมุโข ตฺวา โอโลเกถา’’ติ อาห. โส ตถา กตฺวา เตน ปตฺตวิเสสเมว ปาปุณิ. เอวํ เอกํ อสุภํ ทฺวินฺนํ ชนานํ อตฺถาย ชายติ. เอวํ สาตฺถมฺปิ ปเนตํ ปุริสสฺส มาตุคามาสุภํ อสปฺปายํ. มาตุคามสฺส จ ปุริสาสุภํ สภาคเมว สปฺปายนฺติ เอวํ สปฺปายปริคฺคหณํ สปฺปายสมฺปชฺํ นาม.
เอวํ ปริคฺคหิตสาตฺถสปฺปายสฺส ปน อฏฺตึสาย กมฺมฏฺาเนสุ อตฺตโน จิตฺตรุจิตกมฺมฏฺานสงฺขาตํ โคจรํ อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขาจารโคจเร ตํ คเหตฺวา คมนํ โคจรสมฺปชฺํ นาม. ตสฺสาวิภาวตฺถํ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ หรติ น ปจฺจาหรติ ¶ , เอกจฺโจ น หรติ ปจฺจาหรติ ¶ , เอกจฺโจ เนว ¶ หรติ น ปจฺจาหรติ, เอกจฺโจ หรติ จ ปจฺจาหรติ จ.
ตตฺถ โย ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตฺวา ตถา รตฺติยา ปมํ ยามํ มชฺฌิเม ยาเม เสยฺยํ กปฺเปตฺวา ปจฺฉิมยาเมปิ นิสชฺชาจงฺกเมหิ วีตินาเมตฺวา ปเคว เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ กตฺวา โพธิรุกฺเข อุทกํ อภิสิฺจิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อาจริยุปชฺฌายวตฺตาทีนิ สพฺพานิ ขนฺธกวตฺตานิ สมาทาย วตฺตติ. โส สรีรปริกมฺมํ กตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ทฺเว ตโย ปลฺลงฺเก อุสุมํ คาหาเปนฺโต กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชิตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย อุฏฺหิตฺวา กมฺมฏฺานสีเสเนว ปตฺตจีวรมาทาย เสนาสนโต นิกฺขมิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา สเจ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานํ โหติ, ตํ อวิสฺสชฺเชตฺวาว เจติยงฺคณํ ปวิสติ. อฺํ เจ กมฺมฏฺานํ โหติ, โสปานปาทมูเล ตฺวา หตฺเถน คหิตภณฺฑํ วิย ตํ เปตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา เจติยงฺคณํ อารุยฺห มหนฺตํ เจติยํ เจ, ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ วนฺทิตพฺพํ. ขุทฺทกํ เจติยํ เจ, ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺสุ าเนสุ วนฺทิตพฺพํ. เจติยํ วนฺทิตฺวา โพธิยงฺคณํ ปตฺเตนาปิ พุทฺธสฺส ภควโต สมฺมุขา วิย นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา โพธิ วนฺทิตพฺโพ. โส เอวํ เจติยฺจ โพธิฺจ วนฺทิตฺวา ปฏิสามิตฏฺานํ คนฺตฺวา ปฏิสามิตภณฺฑกํ หตฺเถน คณฺหนฺโต วิย นิกฺขิตฺตกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คามสมีเป กมฺมฏฺานสีเสเนว จีวรํ ปารุปิตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ.
อถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘อยฺโย โน อาคโต’’ติ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อาสนสาลายํ วา เคเห วา นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ทตฺวา ยาว ภตฺตํ น นิฏฺาติ, ตาว ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา ปุรโต นิสีทิตฺวา ปฺหํ วา ปุจฺฉนฺติ, ธมฺมํ วา โสตุกามา โหนฺติ. สเจปิ น กถาเปนฺติ, ชนสงฺคหตฺถํ ธมฺมกถา นาม กาตพฺพาเยวาติ อฏฺกถาจริยา วทนฺติ. ธมฺมกถา หิ กมฺมฏฺานวินิมุตฺตา นาม นตฺถิ ¶ . ตสฺมา กมฺมฏฺานสีเสเนว ธมฺมํ กเถตฺวา กมฺมฏฺานสีเสเนว อาหารํ ปริภฺุชิตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา นิวตฺติยมาเนหิปิ มนุสฺเสหิ อนุคโตว คามโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺเถว นิวตฺเตตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชติ. อถ นํ ปุเรตรํ ¶ นิกฺขมิตฺวา พหิคาเม ¶ กตภตฺตกิจฺจา สามเณรทหรภิกฺขู ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรมสฺส คณฺหนฺติ.
โปราณา ภิกฺขู กิร ‘‘น อมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาจริโย’’ติ มุขํ อุลฺโลเกตฺวา วตฺตํ กโรนฺติ. สมฺปตฺตปริจฺเฉเทเนว กโรนฺติ. เต ตํ ปุจฺฉนฺติ ‘‘ภนฺเต, เอเต มนุสฺสา ตุมฺหากํ กึ โหนฺติ มาตุปกฺขโต สมฺพนฺธา ปิติปกฺขโต’’ติ. กึ ทิสฺวา ปุจฺฉถาติ. ตุมฺเหสุ เอเตสํ เปมํ พหุมานนฺติ. อาวุโส, ยํ มาตาปิตูหิปิ ทุกฺกรํ, ตํ เอเต อมฺหากํ กโรนฺติ, ปตฺตจีวรมฺปิ โน เอเตสํ สนฺตกเมว, เอเตสํ อานุภาเวน เนว ภเย ภยํ, น ฉาตเก ฉาตกํ ชานาม, เอทิสา นาม อมฺหากํ อุปการิโน นตฺถีติ เตสํ คุเณ กเถนฺโต คจฺฉติ, อยํ วุจฺจติ หรติ น ปจฺจาหรตีติ.
ยสฺส ปน ปเคว วุตฺตปฺปการํ วตฺตปฏิปตฺตึ กโรนฺตสฺส กมฺมชเตโช ปชฺชลติ, อนุปาทินฺนกํ มฺุจิตฺวา อุปาทินฺนกํ คณฺหาติ, สรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ, กมฺมฏฺานวีถึ นาโรหติ, โส ปเคว ปตฺตจีวรมาทาย เวคสาว เจติยํ วนฺทิตฺวา โครูปานํ นิกฺขมนเวลายเมว คามํ ยาคุภิกฺขาย ปวิสิตฺวา ยาคุํ ลภิตฺวา อาสนสาลํ คนฺตฺวา ปิวติ. อถสฺส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อชฺโฌหรณมตฺเตเนว กมฺมชเตโช อุปาทินฺนกํ มฺุจิตฺวา อนุปาทินฺนกํ คณฺหาติ. ฆฏสเตน นฺหาโต วิย เตโชธาตุปริฬาหนิพฺพาปนํ ปตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน ยาคุํ ปริภฺุชิตฺวา ปตฺตฺจ มุขฺจ โธวิตฺวา อนฺตราภตฺเต กมฺมฏฺานํ มนสิกตฺวา อวเสสฏฺาเน ปิณฺฑาย จริตฺวา กมฺมฏฺานสีเสน อาหารํ ปริภฺุชิตฺวา ตโต ปฏฺาย โปงฺขานุโปงฺขํ อุปฏฺหมานํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวาว อาคจฺฉติ, อยํ วุจฺจติ น หรติ ปจฺจาหรตีติ. เอทิสา จ ภิกฺขู ยาคุํ ปิวิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา พุทฺธสาสเน อรหตฺตํ ปตฺตา ¶ นาม คณนปถํ วีติวตฺตา, สีหฬทีเปเยว เตสุ เตสุ คาเมสุ อาสนสาลายํ น ตํ อาสนํ อตฺถิ, ยตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตภิกฺขู นตฺถีติ.
โย ปน ปมาทวิหารี โหติ นิกฺขิตฺตธุโร, สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา ปฺจวิธเจโตขิลวินิพนฺธจิตฺโต วิหรนฺโต ‘‘กมฺมฏฺานํ นาม อตฺถี’’ติปิ สฺํ อกตฺวา คามํ ¶ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน สํสฏฺโ จริตฺวา จ ภฺุชิตฺวา จ ตุจฺโฉ นิกฺขมติ, อยํ วุจฺจติ เนว หรติ น ปจฺจาหรตีติ.
โย ¶ ปนายํ หรติ จ ปจฺจาหรติ จาติ วุตฺโต, โส คตปจฺจาคติกวตฺตวเสน เวทิตพฺโพ. อตฺตกามา หิ กุลปุตฺตา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สตมฺปิ เอกโต วสนฺตา กติกวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺติ, อาวุโส, ตุมฺเห น อิณฏฺา น ภยฏฺฏา น ชีวิกาปกตา ปพฺพชิตา, ทุกฺขา มุจฺจิตุกามา ปเนตฺถ ปพฺพชิตา, ตสฺมา คมเน อุปฺปนฺนกิเลสํ คมเนเยว นิคฺคณฺหถ, าเน, นิสชฺชายํ, สยเน อุปฺปนฺนกิเลสํ สยเนเยว นิคฺคณฺหถาติ. เต เอวํ กติกวตฺตํ กตฺวา ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตา อฑฺฒอุสภอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตนฺตเรสุ ปาสาณา โหนฺติ. ตาย สฺาย กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาว คจฺฉนฺติ. สเจ กสฺสจิ คมเน กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺเถว นํ นิคฺคณฺหาติ. ตถา อสกฺโกนฺโต ติฏฺติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ ติฏฺติ. โส ‘‘อยํ ภิกฺขุ ตุยฺหํ อุปฺปนฺนวิตกฺกํ ชานาติ, อนนุจฺฉวิกํ เต เอต’’นฺติ อตฺตานํ ปฏิโจเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตตฺเถว อริยภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสกฺโกนฺโต นิสีทติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ นิสีทตีติ โสเยว นโย. อริยภูมึ โอกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ ตํ กิเลสํ วิกฺขมฺเภตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว คจฺฉติ. น กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรติ. อุทฺธรติ เจ, ปฏินิวตฺเตตฺวา ปุริมปเทสํ เยว เอติ อาฬินฺทกวาสี มหาผุสฺสเทวตฺเถโร วิย.
โส กิร เอกูนวีสติวสฺสานิ คตปจฺจาคติกวตฺตํ ปูเรนฺโต เอว วิหาสิ. มนุสฺสาปิ ¶ สุทํ อนฺตรามคฺเค กสนฺตา จ วปนฺตา จ มทฺทนฺตา จ กมฺมานิ จ กโรนฺตา เถรํ ตถาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เถโร ปุนปฺปุนํ นิวตฺติตฺวา คจฺฉติ. กึ นุ โข มคฺคมูฬฺโห อุทาหุ กิฺจิ ปมุฏฺโ’’ติ สมุลฺลปนฺติ. โส ตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฏฺานยุตฺตจิตฺเตเนว สมณธมฺมํ กโรนฺโต วีสติวสฺสพฺภนฺตเร อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตปฺปตฺตทิวเสเยวสฺส จงฺกมนโกฏิยํ อธิวตฺถา เทวตา องฺคุลีหิ ทีปํ อุชฺชาเลตฺวา อฏฺาสิ. จตฺตาโรปิ มหาราชาโน สกฺโก จ เทวานมินฺโท พฺรหฺมา จ สหมฺปติ อุปฏฺานํ อคมํสุ. ตฺจ โอภาสํ ทิสฺวา วนวาสีมหาติสฺสตฺเถโร ตํ ทุติยทิวเส ปุจฺฉิ ‘‘รตฺติภาเค อายสฺมโต สนฺติเก โอภาโส อโหสิ, กึ โส โอภาโส’’ติ ¶ . เถโร วิกฺเขปํ กโรนฺโต ‘‘โอภาโส นาม ทีโปภาโสปิ โหติ มณิโอภาโสปี’’ติ เอวมาทิมาห. ตโต ¶ ปฏิจฺฉาเทถ ตุมฺเหติ นิพทฺโธ อามาติ ปฏิชานิตฺวา อาโรเจสิ กาลวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย จ.
โสปิ กิร คตปจฺจาคติกวตฺตํ ปูเรนฺโต ปมํ ตาว ภควโต มหาปธานํ ปูเชสฺสามีติ สตฺต วสฺสานิ านจงฺกมนเมว อธิฏฺาสิ. ปุน โสฬส วสฺสานิ คตปจฺจาคติกวตฺตํ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต วิยุตฺเตน อุทฺธเต ปฏินิวตฺตนฺโต คามสฺส สมีปํ คนฺตฺวา ‘‘คาวี นุ ปพฺพชิโต นู’’ติ อาสงฺกนียปเทเส ตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา กจฺฉกนฺตรโต อุทเกน ปตฺตํ โธวิตฺวา อุทกคณฺฑูสํ กโรติ. กึ การณา? มา เม ภิกฺขํ ทาตุํ วนฺทิตุํ วา อาคเต มนุสฺเส ทีฆายุกา โหถาติ วจนมตฺเตนาปิ กมฺมฏฺานวิกฺเขโป อโหสีติ. อชฺช, ภนฺเต, กติมีติ ทิวสํ วา ภิกฺขุคณนํ วา ปฺเห วา ปุจฺฉิโต ปน อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจสิ. สเจ ทิวสาทิปุจฺฉกา น โหนฺติ, นิกฺขมนเวลาย คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวาว ยาติ กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตปฺาสภิกฺขู วิย.
เต กิร อาสาฬฺหีปุณฺณมายํ กติกวตฺตํ อกํสุ ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อฺมฺํ น อาลปิสฺสามา’’ติ. คามฺจ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา ปวิสึสุ. ทิวสาทีสุ ¶ ปุจฺฉิเตสุ วุตฺตนเยเนว ปฏิปชฺชึสุ. ตตฺถ มนุสฺสา นิฏฺุภนํ ทิสฺวา ชานึสุ, ‘‘อชฺเชโก อาคโต, อชฺช ทฺเว’’ติ. เอวฺจ จินฺเตสุํ ‘‘กึ นุ โข เอเต อมฺเหหิเยว สทฺธึ น สลฺลปนฺติ, อุทาหุ อฺมฺมฺปิ, ยทิ อฺมฺํ น สลฺลปนฺติ, อทฺธา วิวาทชาตา ภวิสฺสนฺติ, เอถ เน อฺมฺํ ขมาเปสฺสามา’’ติ สพฺเพ วิหารํ คนฺตฺวา ปฺาสาย ภิกฺขุสุ ทฺเวปิ ภิกฺขู เอโกกาเส นาทฺทสํสุ. ตโต โย เตสุ จกฺขุมา ปุริโส, โส อาห ‘‘น โภ กลหการกานํ โอกาโส อีทิโส โหติ, สุสมฺมฏฺํ เจติยงฺคณํ โพธิยงฺคณํ, สุนิกฺขิตฺตา สมฺมชฺชนิโย, สูปฏฺปิตํ ปานียํ ปริโภชนีย’’นฺติ. เต ตโตว นิวตฺตา, เตปิ ภิกฺขู อนฺโตเตมาเสเยว อรหตฺตํ ปตฺวา มหาปวารณาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุํ.
เอวํ กาลวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตภิกฺขู วิย ¶ จ กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต คามสมีปํ ¶ ปตฺวา อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา ยตฺถ สุราโสณฺฑธุตฺตาทโย กลหการกา จณฺฑหตฺถิอสฺสาทโย วา นตฺถิ, ตํ วีถึ ปฏิปชฺชติ. ตตฺถ จ ปิณฺฑาย จรมาโน น ตุริตตุริโต วิย ชเวน คจฺฉติ. น หิ ชเวน ปิณฺฑปาติยธุตงฺคํ นาม กิฺจิ อตฺถิ. วิสมภูมิภาคปฺปตฺตํ ปน อุทกสกฏํ วิย นิจฺจโล หุตฺวา คจฺฉติ. อนุฆรํ ปวิฏฺโ จ ตํ ทาตุกามํ วา อทาตุกามํ วา สลฺลกฺเขตุํ ตทนุรูปํ กาลํ อาคเมนฺโต ภิกฺขํ คเหตฺวา อนฺโตคาเม วา พหิคาเม วา วิหารเมว วา อาคนฺตฺวา ยถาผาสุเก ปติรูเป โอกาเส นิสีทิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโต อาหาเร ปฏิกูลสฺํ อุปฏฺาเปตฺวา อกฺขพฺภฺชนวณเลปนปุตฺตมํสูปมาวเสน นํ ปจฺจเวกฺขนฺโต อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรติ, เนว ทวาย น มทาย น มณฺฑนาย น วิภูสนาย. ภุตฺตาวี จ อุทกกิจฺจํ กตฺวา มุหุตฺตํ ภตฺตกิลมถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ยถา ปุเรภตฺตํ, เอวํ ปจฺฉาภตฺตํ. ยถา ปุริมยามํ, เอวํ ปจฺฉิมยามฺจ กมฺมฏฺานเมว มนสิ กโรติ, อยํ วุจฺจติ หรติ จ ปจฺจาหรติ จาติ.
อิทํ ¶ ปน หรณปจฺจาหรณสงฺขาตํ คตปจฺจาคติกวตฺตํ ปูเรนฺโต ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ. ปมวเย เอว อรหตฺตํ ปาปุณาติ. โน เจ ปมวเย ปาปุณาติ, อถ มชฺฌิมวเย. โน เจ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ, อถ ปจฺฉิมวเย. โน เจ ปจฺฉิมวเย ปาปุณาติ, อถ มรณสมเย. โน เจ มรณสมเย ปาปุณาติ, อถ เทวปุตฺโต หุตฺวา. โน เจ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ, อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ นิพฺพตฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ. โน เจ ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกโรติ, อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ วา โหติ เสยฺยถาปิ เถโร พาหิโย ทารุจีริโย, มหาปฺโ วา เสยฺยถาปิ เถโร สาริปุตฺโต, มหิทฺธิโก วา เสยฺยถาปิ เถโร มหาโมคฺคลฺลาโน, ธุตงฺคธโร วา เสยฺยถาปิ เถโร มหากสฺสโป, ทิพฺพจกฺขุโก วา เสยฺยถาปิ เถโร อนุรุทฺโธ, วินยธโร วา เสยฺยถาปิ เถโร อุปาลิ, ธมฺมกถิโก วา เสยฺยถาปิ เถโร ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต, อารฺิโก วา เสยฺยถาปิ เถโร เรวโต, พหุสฺสุโต วา เสยฺยถาปิ เถโร อานนฺโท, สิกฺขากาโม วา เสยฺยถาปิ เถโร ราหุโล พุทฺธปุตฺโตติ. อิติ อิมสฺมึ จตุกฺเก ยฺวายํ หรติ จ ปจฺจาหรติ จ, ตสฺส โคจรสมฺปชฺํ สิขาปตฺตํ โหติ.
อภิกฺกมาทีสุ ¶ ปน อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ. ตํ เอวํ เวทิตพฺพํ – อิธ ภิกฺขุ อภิกฺกมนฺโต ¶ วา ปฏิกฺกมนฺโต วา ยถา อนฺธปุถุชฺชนา อภิกฺกมาทีสุ ‘‘อตฺตา อภิกฺกมติ, อตฺตนา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา ‘‘อหํ อภิกฺกมามิ, มยา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา สมฺมุยฺหนฺติ. ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต ‘‘อภิกฺกมามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา วาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ, อิติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสน อยํ กายสมฺมโต อฏฺิสงฺฆาโต อภิกฺกมติ, ตสฺเสวํ อภิกฺกมโต เอเกกปาทุทฺธรเณ ปถวีธาตุ อาโปธาตูติ ทฺเว ธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย, ตถา อติหรณวีติหรเณสุ. โวสฺสชฺชเน เตโชวาโยธาตุโย โอมตฺตา โหนฺติ มนฺทา, อิตรา ทฺเว อธิมตฺตา โหนฺติ พลวติโย. ตถา สนฺนิกฺเขปนสนฺนิรุมฺภเนสุ. ตตฺถ อุทฺธรเณ ปวตฺตา ¶ รูปารูปธมฺมา อติหรณํ น ปาปุณนฺติ. ตถา อติหรเณ ปวตฺตา วีติหรณํ, วีติหรเณ ปวตฺตา โวสฺสชฺชนํ, โวสฺสชฺชเน ปวตฺตา สนฺนิกฺเขปนํ, สนฺนิกฺเขปเน ปวตฺตา สนฺนิรุมฺภนํ น ปาปุณนฺติ. ตตฺถ ตตฺเถว ปพฺพํ ปพฺพํ สนฺธิ สนฺธิ โอธิ โอธิ หุตฺวา ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลานิ วิย ปฏปฏายนฺตา ภิชฺชนฺติ. ตตฺถ โก เอโก อภิกฺกมติ? กสฺส วา เอกสฺส อภิกฺกมนํ? ปรมตฺถโต หิ ธาตูนํเยว คมนํ, ธาตูนํ านํ, ธาตูนํ นิสชฺชนํ, ธาตูนํ สยนํ, ตสฺมึ ตสฺมิฺหิ โกฏฺาเส สทฺธึ รูเปน –
อฺํ อุปฺปชฺชเต จิตฺตํ, อฺํ จิตฺตํ นิรุชฺฌติ;
อวีจิมนุสมฺพนฺโธ, นทีโสโตว วตฺตตีติ.
เอวํ อภิกฺกมาทีสุ อสมฺมุยฺหนํ อสมฺโมหสมฺปชฺํ นามาติ;
นิฏฺิโต อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหตีติ ปทสฺส อตฺโถ;
อาโลกิเต วิโลกิเตติ เอตฺถ ปน อาโลกิตํ นาม ปุรโต เปกฺขนํ. วิโลกิตํ นาม อนุทิสาเปกฺขนํ. อฺานิปิ เหฏฺา อุปริ ปจฺฉโต เปกฺขนวเสน โอโลกิตอุลฺโลกิตาปโลกิตานิ นาม ¶ โหนฺติ, ตานิ อิธ น คหิตานิ. สารุปฺปวเสน ปน อิมาเนว ทฺเว คหิตานิ, อิมินา วา มุเขน สพฺพานิปิ ตานิ คหิตาเนวาติ.
ตตฺถ ¶ ‘‘อาโลเกสฺสามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปนฺเน จิตฺตวเสเนว อโนโลเกตฺวา อตฺถปริคฺคหณํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. ตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ กายสกฺขึ กตฺวา เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปุรตฺถิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตสา สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลเกติ, เอวํ เม ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลกยโต น อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุนฺติ อิติ โส ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ, สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปจฺฉิมา ทิสา, อุตฺตรา ทิสา, ทกฺขิณา ทิสา, อุทฺธํ, อโธ, อนุทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท อนุทิสํ อาโลเกติ. เอวํ เม อนุทิสํ อาโลกยโต…เป… สมฺปชาโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๙).
อปิจ อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตเจติยทสฺสนาทิวเสเนว สาตฺถกตา จ สปฺปายตา จ เวทิตพฺพา. กมฺมฏฺานสฺส ปน อวิชหนเมว โคจรสมฺปชฺํ. ตสฺมา ขนฺธธาตุอายตนกมฺมฏฺานิเกหิ อตฺตโน กมฺมฏฺานวเสเนว, กสิณาทิกมฺมฏฺานิเกหิ ¶ วา ปน กมฺมฏฺานสีเสเนว อาโลกนวิโลกนํ กาตพฺพํ. อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม อาโลเกตา วา วิโลเกตา วา นตฺถิ, อาโลเกสฺสามีติ ปน จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา วาโยธาตุ วิฺตฺตึ ชนยมานา อุปฺปชฺชติ. อิติ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสเนว เหฏฺิมํ อกฺขิทลํ อโธ สีทติ, อุปริมํ อุทฺธํ ลงฺเฆติ, โกจิ ยนฺตเกน วิวรนฺโต นาม นตฺถิ, ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ สาเธนฺตํ อุปฺปชฺชตีติ. เอวํ สมฺปชานนํ ปเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ นาม.
อปิจ มูลปริฺาอาคนฺตุกตาวกาลิกภาววเสนเปตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. มูลปริฺาวเสน ตาว –
ภวงฺคาวชฺชนฺเจว, ทสฺสนํ สมฺปฏิจฺฉนํ;
สนฺตีรณํ โวฏฺพฺพนํ, ชวนํ ภวติ สตฺตมํ.
ตตฺถ ภวงฺคํ อุปปตฺติภวสฺส องฺคกิจฺจํ สาธยมานํ ปวตฺตติ, ตํ อาวฏฺเฏตฺวา กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา, ตนฺนิโรธา จกฺขุวิฺาณํ ¶ ทสฺสนกิจฺจํ สาธยมานํ ¶ , ตนฺนิโรธา วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ สาธยมานา, ตนฺนิโรธา วิปากมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ สาธยมานา, ตนฺนิโรธา กิริยมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพปนกิจฺจํ สาธยมานา, ตนฺนิโรธา สตฺตกฺขตฺตุํ ชวนํ ชวติ. ตตฺถ ปมชวเนปิ ‘‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’’ติ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน อาโลกิตวิโลกิตํ น โหติ. ทุติยชวเนปิ…เป… สตฺตมชวเนปิ. เอเตสุ ปน ยุทฺธมณฺฑเล โยเธสุ วิย เหฏฺุปริยวเสน ภิชฺชิตฺวา ปติเตสุ ‘‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’’ติ รชฺชนาทิวเสน อาโลกิตวิโลกิตํ โหติ. เอวํ ตาเวตฺถ มูลปริฺาวเสน อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
จกฺขุทฺวาเร ปน รูเป อาปาถคเต ภวงฺคจลนโต อุทฺธํ สกกิจฺจํ นิปฺผาทนวเสน อาวชฺชนาทีสุ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธสุ อวสาเน ชวนํ อุปฺปชฺชติ. ตํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนานํ อาวชฺชนาทีนํ เคหภูเต จกฺขุทฺวาเร อาคนฺตุกปุริโส วิย โหติ. ตสฺส ยถา ปรเคเห กิฺจิ ยาจิตุํ ปวิฏฺสฺส อาคนฺตุกปุริสสฺส เคหสามิเกสุ ตุณฺหีมาสิเนสุ อาณากรณํ น ยุตฺตํ. เอวํ อาวชฺชนาทีนํ เคหภูเต จกฺขุทฺวาเร ¶ อาวชฺชนาทีสุปิ อรชฺชนฺเตสุ อทุสฺสนฺเตสุ อมุยฺหนฺเตสุ จ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนํ อยุตฺตนฺติ เอวํ อาคนฺตุกภาววเสน อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
ยานิ ปน ตานิ จกฺขุทฺวาเร โวฏฺพฺพปนปริโยสานานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิ สทฺธึ สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ, อฺมฺํ น ปสฺสนฺตีติ อิตฺตรานิ ตาวกาลิกานิ โหนฺติ. ตตฺถ ยถา เอกสฺมึ ฆเร สพฺเพสุ มานุสเกสุ มเตสุ อวเสสสฺส เอกสฺส ตงฺขเณฺเว มรณธมฺมสฺส น ยุตฺตา นจฺจคีตาทีสุ อภิรติ นาม, เอวเมว เอกทฺวาเร สสมฺปยุตฺเตสุ อาวชฺชนาทีสุ ตตฺถ ตตฺเถว มเตสุ อวเสสสฺส ตงฺขเณฺเว มรณธมฺมสฺส ชวนสฺสาปิ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนวเสน อภิรติ นาม น ยุตฺตาติ เอวํ ตาวกาลิกภาววเสน อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ขนฺธายตนธาตุปจฺจยปจฺจเวกฺขณวเสนเปตํ เวทิตพฺพํ. เอตฺถ หิ จกฺขุ เจว รูปฺจ รูปกฺขนฺโธ, ทสฺสนํ วิฺาณกฺขนฺโธ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนา เวทนากฺขนฺโธ, สฺา สฺากฺขนฺโธ, ผสฺสาทิกา สงฺขารกฺขนฺโธ. เอวเมเตสํ ¶ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ¶ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ? ตถา จกฺขุ จกฺขายตนํ, รูปํ รูปายตนํ, ทสฺสนํ มนายตนํ, เวทนาทโย สมฺปยุตฺตธมฺมา ธมฺมายตนํ. เอวเมเตสํ จตุนฺนํ อายตนานํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ? ตถา จกฺขุ จกฺขุธาตุ, รูปํ รูปธาตุ, ทสฺสนํ จกฺขุวิฺาณธาตุ, ตํสมฺปยุตฺตา เวทนาทโย ธมฺมธาตุ. เอวเมตาสํ จตุนฺนํ ธาตูนํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกติ? ตถา จกฺขุ นิสฺสยปจฺจโย, รูปํ อารมฺมณปจฺจโย, อาวชฺชนํ อนนฺตรสมนนฺตรูปนิสฺสยนตฺถิวิคตปจฺจโย, อาโลโก อุปนิสฺสยปจฺจโย เวทนาทโย สหชาตปจฺจโย. เอวเมเตสํ ปจฺจยานํ สมวาเย อาโลกนวิโลกนํ ปฺายติ. ตตฺถ โก เอโก อาโลเกติ, โก วิโลเกตีติ? เอวเมตฺถ ขนฺธายตนธาตุปจฺจยปจฺจเวกฺขณวเสนปิ ¶ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
สมิฺชิเต ปสาริเตติ ปพฺพานํ สมิฺชนปสารเณ. ตตฺถ จิตฺตวเสเนว สมิฺชนปสารณํ อกตฺวา หตฺถปาทานํ สมิฺชนปสารณปจฺจยา อตฺถานตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา อตฺถปริคฺคหณํ สาตฺถกสมฺปชฺํ. ตตฺถ หตฺถปาเท อติจิรํ สมิฺเชตฺวา ปสาเรตฺวา เอว วา ิตสฺส ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น ลภติ, กมฺมฏฺานํ ปริปตติ, วิเสสํ นาธิคจฺฉติ. กาเล สมิฺเชนฺตสฺส กาเล ปสาเรนฺตสฺส ปน ตา เวทนา น อุปฺปชฺชนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฏฺานํ ผาตึ คจฺฉติ, วิเสสมธิคจฺฉตีติ เอวํ อตฺถานตฺถปริคฺคหณํ เวทิตพฺพํ.
อตฺเถ ปน สติปิ สปฺปายาสปฺปายํ ปริคฺคณฺหิตฺวา สปฺปายปริคฺคหณํ สปฺปายสมฺปชฺํ. ตตฺรายํ นโย – มหาเจติยงฺคเณ กิร ทหรภิกฺขู สชฺฌายํ คณฺหนฺติ. เตสํ ปิฏฺิปสฺเส ทหรภิกฺขุนิโย ธมฺมํ สุณนฺติ. ตตฺเรโก ทหโร หตฺถํ ปสาเรนฺโต กายสํสคฺคํ ปตฺวา เตเนว การเณน คิหี ชาโต. อปโรปิ ภิกฺขุ ปาทํ ปสาเรนฺโต อคฺคิมฺหิ ปสาเรสิ, อฏฺึ อาหจฺจ ปาโท ฌายิ. อปโร วมฺมิเก ปสาเรสิ, โส อาสีวิเสน ทฏฺโ. อปโร จีวรกุฏิทณฺฑเก ปสาเรสิ, ตํ มณิสปฺโป ¶ ฑํสิ. ตสฺมา เอวรูเป อสปฺปาเย อปสาเรตฺวา สปฺปาเย ปสาเรตพฺพํ. อิทเมตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ.
โคจรสมฺปชฺํ ¶ ปน มหาเถรวตฺถุนา ทีเปตพฺพํ – มหาเถโร กิร ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน อนฺเตวาสิเกหิ สทฺธึ กถยมาโน สหสา หตฺถํ สมิฺเชตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สณิกํ สมิฺเชสิ. ตํ อนฺเตวาสิกา ปุจฺฉึสุ ‘‘กสฺมา ภนฺเต สหสา หตฺถํ สมิฺเชตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สณิกํ สมิฺชยิตฺถา’’ติ. ยโต ปฏฺายาหํ, อาวุโส, กมฺมฏฺานํ มนสิกาตุํ อารทฺโธ, น เม กมฺมฏฺานํ มฺุจิตฺวา หตฺโถ สมิฺชิตปุพฺโพ, อิทานิ ปน ตุมฺเหหิ สทฺธึ กถยมาเนน กมฺมฏฺานํ มฺุจิตฺวา สมิฺชิโต, ตสฺมา ปุน ยถาาเน เปตฺวา สมิฺเชสินฺติ. สาธุ, ภนฺเต, ภิกฺขุนา นาม เอวรูเปน ¶ ภวิตพฺพนฺติ. เอวเมตฺถาปิ กมฺมฏฺานาวิชหนเมว โคจรสมฺปชฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ สมิฺเชนฺโต วา ปสาเรนฺโต วา นตฺถิ. วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรน ปน สุตฺตกฑฺฒนวเสน ทารุยนฺตสฺส หตฺถปาทลฬนํ วิย สมิฺชนปสารณํ โหตีติ เอวํ ปริชานนํ ปเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺนฺติ เวทิตพฺพํ.
สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณติ เอตฺถ สงฺฆาฏิจีวรานํ นิวาสนปารุปนวเสน ปตฺตสฺส ภิกฺขาปฏิคฺคหณาทิวเสน ปริโภโค ธารณํ นาม. ตตฺถ สงฺฆาฏิจีวรธารเณ ตาว นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา จ ปิณฺฑาย จรโต อามิสลาโภ ‘‘สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา นเยน ภควตา วุตฺตปฺปกาโรเยว จ อตฺโถ อตฺโถ นาม. ตสฺส วเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อุณฺหปกติกสฺส ปน ทุพฺพลสฺส จ จีวรํ สุขุมํ สปฺปายํ. สีตาลุกสฺส ฆนํ ทุปฏฺฏํ. วิปรีตํ อสปฺปายํ. ยสฺส กสฺสจิ ชิณฺณํ อสปฺปายเมว. อคฺคฬาทิทาเน หิสฺส ตํ ปลิโพธกรํ โหติ. ตถา ปฏฺฏุณฺณทุกูลาทิเภทํ โลภนียจีวรํ. ตาทิสฺหิ อรฺเ เอกกสฺส นิวาสนฺตรายกรํ ชีวิตนฺตรายกรํ วาปิ โหติ. นิปฺปริยาเยน ปน ยํ นิมิตฺตกมฺมาทิมิจฺฉาชีววเสน อุปฺปนฺนํ, ยฺจสฺส เสวมานสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ตํ อสปฺปายํ. วิปรีตํ สปฺปายํ ¶ . ตสฺส วเสเนตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ จีวรํ ปารุปนฺโต นตฺถิ. วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ¶ ปน จีวรปารุปนํ โหติ. ตตฺถ จีวรมฺปิ อเจตนํ, กาโยปิ อเจตโน. จีวรํ น ชานาติ ‘‘มยา กาโย ปารุโต’’ติ. กาโยปิ น ชานาติ ‘‘อหํ จีวเรน ปารุโต’’ติ, ธาตุโยว ธาตุสมูหํ ปฏิจฺฉาเทนฺติ ปฏปิโลติกาย โปตฺถกรูปปฏิจฺฉาทเน วิย. ตสฺมา เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา โสมนสฺสํ กาตพฺพํ, น อสุนฺทรํ ลภิตฺวา โทมนสฺสํ. นาควมฺมิกเจติยรุกฺขาทีสุ ¶ หิ เกจิ มาลาคนฺธธูมวตฺถาทีหิ สกฺการํ กโรนฺติ, เกจิ คูถมุตฺตกทฺทมทณฺฑสตฺถปฺปหาราทีหิ อสกฺการํ, น เต นาควมฺมิกรุกฺขาทโย โสมนสฺสํ วา โทมนสฺสํ วา กโรนฺติ; เอวเมว เนว สุนฺทรํ จีวรํ ลภิตฺวา โสมนสฺสํ กาตพฺพํ, น อสุนฺทรํ ลภิตฺวา โทมนสฺสนฺติ เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสน ปเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
ปตฺตธารเณปิ ปตฺตํ สหสาว อคฺคเหตฺวา อิมํ คเหตฺวา ปิณฺฑาย จรมาโน ภิกฺขํ ลภิสฺสามีติ เอวํ ปตฺตคหณปจฺจยา ปฏิลภิตพฺพอตฺถวเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
กิสทุพฺพลสรีรสฺส ปน ครุ ปตฺโต อสปฺปาโย. ยสฺส กสฺสจิ จตุปฺจคณฺฑิกาหโต ทุพฺพิโสธนีโย อสปฺปาโยว. ทุทฺโธตปตฺโต หิ น วฏฺฏติ, ตํ โธวนฺตสฺเสว จสฺส ปลิโพโธ โหติ. มณิวณฺณปตฺโต ปน โลภนีโย จีวเร วุตฺตนเยเนว อสปฺปาโย. นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ลทฺโธ ปน ยฺจสฺส เสวมานสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อยํ เอกนฺตอสปฺปาโยว. วิปรีโต สปฺปาโย. ตสฺส วเสเนตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ปตฺตํ คณฺหนฺโต นตฺถิ. วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปน ปตฺตคฺคหณํ นาม โหติ. ตตฺถ ปตฺโตปิ อเจตโน, หตฺถาปิ อเจตนา. ปตฺโต น ชานาติ ‘‘อหํ หตฺเถหิ คหิโต’’ติ. หตฺถาปิ น ชานนฺติ ‘‘ปตฺโต อมฺเหหิ คหิโต’’ติ. ธาตุโยว ¶ ธาตุสมูหํ คณฺหนฺติ สณฺฑาเสน อคฺคิวณฺณปตฺตคฺคหเณ วิยาติ เอวํ ปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ยถา ฉินฺนหตฺถปาเท วณมุเขหิ ปคฺฆริตปุพฺพโลหิตกิมิกุเล นีลมกฺขิกสมฺปริกิณฺเณ อนาถสาลายํ นิปนฺเน อนาถมนุสฺเส ทิสฺวา ทยาลุกา ปุริสา เตสํ วณปฏฺฏโจฬกานิ ¶ เจว กปาลาทีหิ จ เภสชฺชานิ อุปนาเมนฺติ. ตตฺถ โจฬกานิปิ เกสฺจิ สณฺหานิ, เกสฺจิ ถูลานิ ปาปุณนฺติ. เภสชฺชกปาลกานิปิ เกสฺจิ สุสณฺานานิ, เกสฺจิ ทุสฺสณฺานานิ ปาปุณนฺติ, น เต ตตฺถ สุมนา วา ทุมฺมนา วา โหนฺติ. วณปฺปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนว หิ โจฬเกน เภสชฺชปฏิคฺคหณมตฺเตเนว จ กปาลเกน ¶ เตสมตฺโถ, เอวเมว โย ภิกฺขุ วณโจฬกํ วิย จีวรํ, เภสชฺชกปาลกํ วิย ปตฺตํ, กปาเล เภสชฺชมิว จ ปตฺเต ลทฺธํ ภิกฺขํ สลฺลกฺเขติ. อยํ สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ อสมฺโมหสมฺปชฺเน อุตฺตมสมฺปชานการีติ เวทิตพฺโพ.
อสิตาทีสุ อสิเตติ ปิณฺฑปาตโภชเน. ปีเตติ ยาคุอาทิปาเน. ขายิเตติ ปิฏฺขชฺชกาทิขาทเน. สายิเตติ มธุผาณิตาทิสายเน. ตตฺถ ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต อฏฺวิโธปิ อตฺโถ อตฺโถ นาม. ตสฺส วเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. ลูขปณีตติตฺตมธุราทีสุ ปน เยน โภชเนน ยสฺส อผาสุ โหติ, ตํ ตสฺส อสปฺปายํ. ยํ ปน นิมิตฺตกมฺมาทิวเสน ปฏิลทฺธํ, ยฺจสฺส ภฺุชโต อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, ตํ เอกนฺตอสปฺปายเมว. วิปรีตํ สปฺปายํ. ตสฺส วเสเนตฺถ สปฺปายสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร อตฺตา นาม โกจิ ภฺุชโก นตฺถิ, วุตฺตปฺปการจิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสเนว ปน ปตฺตปฏิคฺคหณํ นาม โหติ. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว หตฺถสฺส ปตฺเต โอตารณํ นาม โหติ. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว อาโลปกรณํ อาโลปอุทฺธรณํ มุขวิวรณฺจ โหติ. น โกจิ กฺุจิกาย ยนฺตเกน จ หนุกฏฺีนิ วิวรติ, จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว อาโลปสฺส มุเข ปนํ, อุปริทนฺตานํ มุสลกิจฺจสาธนํ, เหฏฺาทนฺตานํ อุทุกฺขลกิจฺจสาธนํ, ชิวฺหาย หตฺถกิจฺจสาธนฺจ โหติ.
อิติ ¶ ตํ ตตฺถ อคฺคชิวฺหาย ตนุกเขโฬ มูลชิวฺหาย พหลเขโฬ มกฺเขติ. ตํ เหฏฺาทนฺตอุทุกฺขเล ชิวฺหาหตฺถปริวตฺติตํ เขฬอุทกเตมิตํ อุปริทนฺตมุสลสฺจุณฺณิตํ โกจิ กฏจฺฉุนา วา ทพฺพิยา วา อนฺโตปเวเสนฺโต นาม นตฺถิ, วาโยธาตุยาว ปวิสติ. ปวิฏฺํ ปวิฏฺํ โกจิ ปลาลสนฺถรํ กตฺวา ธาเรนฺโต นาม นตฺถิ, วาโยธาตุวเสเนว ติฏฺติ. ิตํ ิตํ ¶ โกจิ อุทฺธนํ กตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา ปจนฺโต นาม นตฺถิ, เตโชธาตุยาว ปจฺจติ. ปกฺกํ ปกฺกํ ¶ โกจิ ทณฺเฑน วา ยฏฺิยา วา พหิ นีหารโก นาม นตฺถิ, วาโยธาตุเยว นีหรติ.
อิติ วาโยธาตุ อติหรติ จ วีติหรติ จ ธาเรติ จ ปริวตฺเตติ จ สฺจุณฺเณติ วิโสเสติ จ นีหรติ จ. ปถวีธาตุ ธาเรติ จ ปริวตฺเตติ จ สฺจุณฺเณติ จ วิโสเสติ จ. อาโปธาตุ สิเนเหติ จ อลฺลตฺตฺจ อนุปาเลติ. เตโชธาตุ อนฺโตปวิฏฺํ ปริปาเจติ. อากาสธาตุ อฺชโส โหติ. วิฺาณธาตุ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคมนฺวาย อาภุชตีติ เอวํปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อปิจ คมนโต ปริเยสนโต ปริโภคโต อาสยโต นิธานโต อปริปกฺกโต ปริปกฺกโต ผลโต นิสฺสนฺทโต สมฺมกฺขณโตติ เอวํ ทสวิธปฏิกูลภาวปจฺจเวกฺขณโตเปตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. วิตฺถารกถา ปเนตฺถ วิสุทฺธิมคฺเค อาหารปฏิกูลสฺานิทฺเทสโต คเหตพฺพา.
อุจฺจารปสฺสาวกมฺเมติ อุจฺจารสฺส จ ปสฺสาวสฺส จ กรเณ. ตตฺถ ปตฺตกาเล อุจฺจารปสฺสาวํ อกโรนฺตสฺส สกลสรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ภมนฺติ, จิตฺตํ น เอกคฺคํ โหติ, อฺเ จ โรคา อุปฺปชฺชนฺติ. กโรนฺตสฺส ปน สพฺพํ ตํ น โหตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ตสฺส วเสน สาตฺถกสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ. อฏฺาเน อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺตสฺส ปน อาปตฺติ โหติ, อยโส วฑฺฒติ, ชีวิตนฺตราโย โหติ. ปติรูเป าเน กโรนฺตสฺส สพฺพํ ตํ น โหตีติ อิทเมตฺถ สปฺปายํ. ตสฺส วเสน สปฺปายสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานาวิชหนวเสเนว จ โคจรสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
อพฺภนฺตเร ¶ อตฺตา นาม โกจิ อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺโต นตฺถิ. จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผาเรเนว ปน อุจฺจารปสฺสาวกมฺมํ โหติ. ยถา ปน ปกฺเก คณฺเฑ คณฺฑเภเทน ปุพฺพโลหิตํ อกามตาย นิกฺขมติ, ยถา จ อติภริตา อุทกภาชนา อุทกํ อกามตาย นิกฺขมติ, เอวํ ปกฺกาสยมุตฺตวตฺถีสุ สนฺนิจิตา อุจฺจารปสฺสาวา วายุเวคสมุปฺปีฬิตา ¶ อกามตายปิ นิกฺขมนฺติ. โส ปนายํ เอวํ นิกฺขมนฺโต อุจฺจารปสฺสาโว เนว ตสฺส ภิกฺขุโน อตฺตโน โหติ, น ปรสฺส. เกวลํ สรีรนิสฺสนฺโทว ¶ โหติ. ยถา กึ? ยถา อุทกกุมฺภโต ปุราณอุทกํ ฉฑฺเฑนฺตสฺส เนว ตํ อตฺตโน โหติ, น ปเรสํ. เกวลํ ปฏิชคฺคนมตฺตเมว โหติ. เอวํปวตฺตปฏิสงฺขานวเสเนตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺํ เวทิตพฺพํ.
คตาทีสุ คเตติ คมเน. ิเตติ าเน. นิสินฺเนติ นิสชฺชาย. สุตฺเตติ สยเน. ชาคริเตติ ชาครเณ. ภาสิเตติ กถเน. ตุณฺหีภาเวติ อกถเน. ‘‘คจฺฉนฺโต วา คจฺฉามีติ ปชานาติ, ิโต วา ิโตมฺหีติ ปชานาติ, นิสินฺโน วา นิสินฺโนมฺหีติ ปชานาติ, สยาโน วา สยาโนมฺหีติ ปชานาตี’’ติ อิมสฺมิฺหิ าเน อทฺธานอิริยาปถา กถิตา. ‘‘อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต อาโลกิเต วิโลกิเต สมิฺชิเต ปสาริเต’’ติ อิมสฺมึ มชฺฌิมา. ‘‘คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต’’ติ อิธ ปน ขุทฺทกจุณฺณิกอิริยาปถา กถิตา. ตสฺมา เอเตสุปิ วุตฺตนเยเนว สมฺปชานการิตา เวทิตพฺพา.
ติปิฏกมหาสีวตฺเถโร ปนาห – โย จิรํ คนฺตฺวา วา จงฺกมิตฺวา วา อปรภาเค ิโต อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘จงฺกมนกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ, อยํ คเต สมฺปชานการี นาม. โย สชฺฌายํ วา กโรนฺโต ปฺหํ วา วิสฺสชฺเชนฺโต กมฺมฏฺานํ วา มนสิกโรนฺโต จิรํ ตฺวา อปรภาเค นิสินฺโน อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘ิตกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ, อยํ ิเต สมฺปชานการี นาม. โย สชฺฌายาทิกรณวเสเนว จิรํ นิสีทิตฺวา อปรภาเค นิปนฺโน อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘นิสินฺนกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ, อยํ นิสินฺเน สมฺปชานการี นาม. โย ปน นิปนฺนโก สชฺฌายํ วา กโรนฺโต กมฺมฏฺานํ วา มนสิกโรนฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวา อปรภาเค วุฏฺาย ¶ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘สยนกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ, อยํ สุตฺเต ชาคริเต จ สมฺปชานการี นาม. กิริยมยจิตฺตานฺหิ อปฺปวตฺตํ สุตฺตํ นาม, ปวตฺตํ ชาคริตํ นามาติ. โย ปน ภาสมาโน ‘‘อยํ สทฺโท นาม โอฏฺเ จ ปฏิจฺจ ทนฺเต จ ชิวฺหฺจ ตาลฺุจ ปฏิจฺจ จิตฺตสฺส ตทนุรูปํ ปโยคํ ปฏิจฺจ ชายตี’’ติ สโต สมฺปชาโน ภาสติ, จิรํ วา ปน กาลํ สชฺฌายํ วา กตฺวา ธมฺมํ วา กเถตฺวา กมฺมฏฺานํ ¶ วา ปริวตฺเตตฺวา ปฺหํ วา วิสฺสชฺเชตฺวา อปรภาเค ตุณฺหีภูโต ¶ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘ภาสิตกาเล อุปฺปนฺนา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา’’ติ, อยํ ภาสิเต สมฺปชานการี นาม. โย ตุณฺหีภูโต จิรํ ธมฺมํ วา กมฺมฏฺานํ วา มนสิกตฺวา อปรภาเค อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ ‘‘ตุณฺหีภูตกาเล ปวตฺตา รูปารูปธมฺมา เอตฺเถว นิรุทฺธา, อุปาทารูปปวตฺติยา สติ ภาสติ นาม, อสติ ตุณฺหี ภวติ นามา’’ติ, อยํ ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี นามาติ.
ตยิทํ มหาสีวตฺเถเรน วุตฺตํ อสมฺโมหธุรํ อิมสฺมึ สติปฏฺานสุตฺเต อธิปฺเปตํ. สามฺผเล ปน สพฺพมฺปิ จตุพฺพิธํ สมฺปชฺํ ลพฺภติ. ตสฺมา วิเสสโต เอตฺถ อสมฺโมหสมฺปชฺสฺเสว วเสน สมฺปชานการิตา เวทิตพฺพา. สมฺปชานการี สมฺปชานการีติ จ สพฺพปเทสุ สติสมฺปยุตฺตสฺเสว สมฺปชฺสฺส วเสนตฺโถ เวทิตพฺโพ. วิภงฺคปฺปกรเณ ปน, ‘‘สโต สมฺปชาโน อภิกฺกมติ, สโต สมฺปชาโน ปฏิกฺกมตี’’ติ (วิภ. ๕๒๓) เอวเมตานิ ปทานิ วิภตฺตาเนว.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ จตุสมฺปชฺปริคฺคหเณน อตฺตโน วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ. อิธ สมุทยวยธมฺมานุปสฺสีติอาทีสุ รูปกฺขนฺธสฺเสว สมุทโย จ วโย จ นีหริตพฺโพ. เสสํ วุตฺตสทิสเมว.
อิธ จตุสมฺปชฺปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺสา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, วุตฺตปฺปกาโร อริยมคฺโค มคฺคสจฺจํ. เอวํ จตุสจฺจวเสน อุสฺสกฺกิตฺวา นิพฺพุตึ ปาปุณาตีติ อิทเมกสฺส ¶ จตุสมฺปชฺปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน วเสน ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขนฺติ.
จตุสมฺปชฺปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิกูลมนสิการปพฺพวณฺณนา
๑๑๐. เอวํ ¶ จตุสมฺปชฺวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ ปฏิกูลมนสิการวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อิมเมว กายนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ สพฺพากาเรน วิตฺถารโต วิสุทฺธิมคฺเค กายคตาสติกมฺมฏฺาเน วุตฺตํ. อุภโตมุขาติ เหฏฺา จ อุปริ จาติ ทฺวีหิ มุเขหิ ยุตฺตา. นานาวิหิตสฺสาติ ¶ นานาวิธสฺส.
อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อุภโตมุขา ปุโตฬิ วิย หิ จาตุมหาภูติโก กาโย, ตตฺถ มิสฺเสตฺวา ปกฺขิตฺตนานาวิธธฺํ วิย เกสาทโย ทฺวตฺตึสาการา, จกฺขุมา ปุริโส วิย โยคาวจโร, ตสฺส ตํ ปุโตฬึ มฺุจิตฺวา ปจฺจเวกฺขโต นานาวิธธฺสฺส ปากฏกาโล วิย โยคิโน ทฺวตฺตึสาการสฺส วิภูตากาโร เวทิตพฺโพ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ เกสาทิปริคฺคหเณน อตฺตโน วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ, อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ ทฺวตฺตึสาการปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
ปฏิกูลมนสิการปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
ธาตุมนสิการปพฺพวณฺณนา
๑๑๑. เอวํ ปฏิกูลมนสิการวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ ธาตุมนสิการวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺรายํ โอปมฺมสํสนฺทเนน ¶ สทฺธึ อตฺถวณฺณนา – ยถา โกจิ โคฆาตโก วา ตสฺเสว วา ภตฺตเวตนภโต อนฺเตวาสิโก คาวึ วธิตฺวา วินิวิชฺฌิตฺวา จตสฺโส ทิสา คตานํ มหาปถานํ เวมชฺฌฏฺานสงฺขาเต จตุมหาปเถ โกฏฺาสํ โกฏฺาสํ กตฺวา นิสินฺโน อสฺส, เอวเมว ภิกฺขุ จตุนฺนํ อิริยาปถานํ เยน เกนจิ อากาเรน ¶ ิตตฺตา ยถาิตํ, ยถาิตตฺตา จ ยถาปณิหิตํ กายํ – ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ…เป… วาโยธาตู’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขติ.
กึ วุตฺตํ โหติ – ยถา โคฆาตกสฺส คาวึ โปเสนฺตสฺสาปิ อาฆาตนํ อาหรนฺตสฺสาปิ อาหริตฺวา ตตฺถ พนฺธิตฺวา เปนฺตสฺสาปิ วเธนฺตสฺสาปิ วธิตํ มตํ ปสฺสนฺตสฺสาปิ ตาวเทว คาวีติ สฺา น อนฺตรธายติ, ยาว นํ ปทาเลตฺวา พีลโส น วิภชติ. วิภชิตฺวา นิสินฺนสฺส ปน ¶ คาวีติ สฺา อนฺตรธายติ, มํสสฺา ปวตฺตติ, นาสฺส เอวํ โหติ ‘‘อหํ คาวึ วิกฺกิณามิ, อิเม คาวึ หรนฺตี’’ติ. อถ ขฺวสฺส ‘‘อหํ มํสํ วิกฺกิณามิ, อิเม มํสํ หรนฺติ’’จฺเจว โหติ, เอวเมว อิมสฺสาปิ ภิกฺขุโน ปุพฺเพ พาลปุถุชฺชนกาเล คิหิภูตสฺสาปิ ปพฺพชิตสฺสาปิ ตาวเทว สตฺโตติ วา ปุคฺคโลติ วา สฺา น อนฺตรธายติ, ยาว อิมเมว กายํ ยถาิตํ ยถาปณิหิตํ ฆนวินิพฺโภคํ กตฺวา ธาตุโส น ปจฺจเวกฺขติ. ธาตุโส ปจฺจเวกฺขโต ปนสฺส สตฺตสฺา อนฺตรธายติ, ธาตุวเสเนว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘อิมเมว กายํ ยถาิตํ ยถาปณิหิตํ ธาตุโส ปจฺจเวกฺขติ, อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตูติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทกฺโข โคฆาตโก วา…เป… วาโยธาตู’’ติ.
โคฆาตโก วิย หิ โยคี, คาวีติ สฺา วิย สตฺตสฺา, จตุมหาปโถ วิย จตุอิริยาปโถ, พีลโส วิภชิตฺวา นิสินฺนภาโว วิย ธาตุโส ปจฺจเวกฺขณนฺติ อยเมตฺถ ปาฬิวณฺณนา, กมฺมฏฺานกถา ปน วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตา.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ จตุธาตุปริคฺคหเณน อตฺตโน วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี ¶ วิหรติ. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว. เกวลฺหิ อิธ จตุธาตุปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ปุริมสทิสเมวาติ.
ธาตุมนสิการปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
นวสิวถิกปพฺพวณฺณนา
๑๑๒. เอวํ ¶ ธาตุมนสิการวเสน กายานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ นวหิ สิวถิกปพฺเพหิ วิภชิตุํ, ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เสยฺยถาปิ ปสฺเสยฺยาติ ยถา ปสฺเสยฺย. สรีรนฺติ มตสรีรํ. สิวถิกาย ฉฑฺฑีตนฺติ สุสาเน อปวิทฺธํ. เอกาหํ มตสฺส อสฺสาติ เอกาหมตํ. ทฺวีหํ มตสฺส อสฺสาติ ทฺวีหมตํ. ตีหํ มตสฺส อสฺสาติ ตีหมตํ. ภสฺตา วิย วายุนา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา ยถานุกฺกมํ สมุคฺคเตน สูนภาเวน อุทฺธุมาตตฺตา อุทฺธุมาตกํ. วินีลํ ¶ วุจฺจติ วิปริภินฺนวณฺณํ. วิลีนเมว วินีลกํ. ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วินีลนฺติ วินีลกํ. มํสุสฺสทฏฺาเนสุ รตฺตวณฺณสฺส ปุพฺพสนฺนิจยฏฺาเนสุ เสตวณฺณสฺส เยภุยฺเยน จ นีลวณฺณสฺส นีลฏฺาเนสุ นีลสาฏกปารุตสฺเสว ฉวสรีรสฺเสตํ อธิวจนํ. ปริภินฺนฏฺาเนหิ นวหิ วา วณมุเขหิ วิสนฺทมานํ ปุพฺพํ วิปุพฺพํ. วิปุพฺพเมว วิปุพฺพกํ, ปฏิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิปุพฺพนฺติ วิปุพฺพกํ. วิปุพฺพกํ ชาตํ ตถาภาวํ คตนฺติ วิปุพฺพกชาตํ.
โส อิมเมว กายนฺติ โส ภิกฺขุ อิมํ อตฺตโน กายํ เตน กาเยน สทฺธึ าเณน อุปสํหรติ อุปเนติ. กถํ? อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโตติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อายุ, อุสฺมา, วิฺาณนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ ธมฺมานํ อตฺถิตาย อยํ กาโย านคมนาทิขโม โหติ อิเมสํ ปน วิคมา อยมฺปิ เอวํธมฺโม เอวํปูติกสภาโวเยว, เอวํภาวี เอวํอุทฺธุมาตาทิเภโท ภวิสฺสติ, เอวํอนตีโต เอวํอุทฺธุมาตาทิภาวํ อนติกฺกนฺโตติ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อุทฺธุมาตาทิปริคฺคหเณน อตฺตโน วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.
ขชฺชมานนฺติ ¶ อุทราทีสุ นิสีทิตฺวา อุทรมํสโอฏฺมํสอกฺขิกูฏาทีนิ ลฺุจิตฺวา ลฺุจิตฺวา ขาทิยมานํ. สมํสโลหิตนฺติ เสสาวเสสมํสโลหิตยุตฺตํ. นิมํสโลหิตมกฺขิตนฺติ มํเส ขีเณปิ โลหิตํ น สุสฺสติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิมํสโลหิตมกฺขิต’’นฺติ. อฺเนาติ อฺเน ทิสาภาเคน. หตฺถฏฺิกนฺติ จตุสฏฺิเภทมฺปิ หตฺถฏฺิกํ ปาฏิเยกฺกํ วิปฺปกิณฺณํ. ปาทฏฺิกาทีสุปิ เอเสว นโย. เตโรวสฺสิกานีติ อติกฺกนฺตสํวจฺฉรานิ. ปูตีนีติ อพฺโภกาเส ิตานิ ¶ วาตาตปวุฏฺิสมฺผสฺเสน เตโรวสฺสิกาเนว ปูตีนิ โหนฺติ. อนฺโตภูมิคตานิ ปน จิรตรํ ติฏฺนฺติ. จุณฺณกชาตานีติ จุณฺณํ จุณฺณํ หุตฺวา วิปฺปกิณฺณานิ. สพฺพตฺถ โส อิมเมวาติ วุตฺตนเยน ขชฺชมานาทีนํ วเสน โยชนา กาตพฺพา.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ ขชฺชมานาทิปริคฺคหเณน ยาว จุณฺณกภาวา อตฺตโน ¶ วา กาเย, ปรสฺส วา กาเย, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.
อิธ ปน ตฺวา นวสิวถิกา สโมธาเนตพฺพา. ‘‘เอกาหมตํ วา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา สพฺพาปิ เอกา, ‘‘กาเกหิ วา ขชฺชมาน’’นฺติอาทิกา เอกา, ‘‘อฏฺิกสงฺขลิกํ สมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธ’’นฺติ เอกา, ‘‘นิมํสโลหิตมกฺขิตํ นฺหารุสมฺพนฺธ’’นฺติ เอกา, ‘‘อปคตมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธ’’นฺติ เอกา, ‘‘อฏฺิกานิ อปคตสมฺพนฺธานี’’ติอาทิกา เอกา, ‘‘อฏฺิกานิ เสตานิ สงฺขวณฺณปฏิภาคานี’’ติ เอกา, ‘‘ปฺุชกิตานิ เตโรวสฺสิกานี’’ติ เอกา, ‘‘ปูตีนิ จุณฺณกชาตานี’’ติ เอกา.
เอวํ โข, ภิกฺขเวติ อิทํ นวสิวถิกา ทสฺเสตฺวา กายานุปสฺสนํ นิฏฺเปนฺโต อาห. ตตฺถ นวสิวถิกปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺสา สมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, ทุกฺขปริชานโน สมุทยปชหโน นิโรธารมฺมโณ อริยมคฺโค มคฺคสจฺจํ. เอวํ จตุสจฺจวเสเนว อุสฺสกฺกิตฺวา นิพฺพุตึ ปาปุณาตีติ อิทํ นวสิวถิกปริคฺคาหกานํ ภิกฺขูนํ ยาว อรหตฺตา นิยฺยานมุขนฺติ.
นวสิวถิกปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอตฺตาวตา จ อานาปานปพฺพํ อิริยาปถปพฺพํ จตุสมฺปชฺปพฺพํ ปฏิกูลมนสิการปพฺพํ ธาตุมนสิการปพฺพํ นวสิวถิกปพฺพานีติ จุทฺทสปพฺพา กายานุปสฺสนา นิฏฺิตา โหติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อานาปานปพฺพํ ปฏิกูลมนสิการปพฺพนฺติ อิมาเนว ทฺเว อปฺปนากมฺมฏฺานานิ. สิวถิกานํ ปน อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตตฺตา เสสานิ ทฺวาทสาปิ อุปจารกมฺมฏฺานาเนวาติ.
กายานุปสฺสนา นิฏฺิตา.
เวทนานุปสฺสนาวณฺณนา
๑๑๓. เอวํ ภควา จุทฺทสวิเธน กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ กเถตฺวา อิทานิ นววิเธน เวทนานุปสฺสนํ กเถตุํ กถฺจ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ สุขํ เวทนนฺติ กายิกํ วา เจตสิกํ วา สุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘‘อหํ สุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ ปชานาตีติ อตฺโถ. ตตฺถ กามํ อุตฺตานเสยฺยกาปิ ทารกา ถฺปิวนาทิกาเล สุขํ เวทยมานา ‘‘สุขํ เวทยามา’’ติ ปชานนฺติ, น ปเนตํ เอวรูปํ ชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวรูปํ ชานนํ หิ สตฺตูปลทฺธึ น ชหติ, สตฺตสฺํ น อุคฺฆาเฏติ, กมฺมฏฺานํ วา สติปฏฺานภาวนา วา น โหติ. อิมสฺส ปน ภิกฺขุโน ชานนํ สตฺตูปลทฺธึ ชหติ ¶ , สตฺตสฺํ อุคฺฆาเฏติ, กมฺมฏฺานํ เจว สติปฏฺานภาวนา จ โหติ. อิทฺหิ ‘‘โก เวทยติ, กสฺส เวทนา, กึ การณา เวทนา’’ติ เอวํ สมฺปชานเวทิยนํ สนฺธาย วุตฺตํ.
ตตฺถ โก เวทยตีติ น โกจิ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา เวทยติ. กสฺส เวทนาติ น กสฺสจิ สตฺตสฺส วา ปุคฺคลสฺส วา เวทนา. กึ การณา เวทนาติ วตฺถุอารมฺมณาว ปนสฺส เวทนา. ตสฺมา เอส เอวํ ปชานาติ – ‘‘ตํ ตํ สุขาทีนํ วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยติ. ตํ ปน เวทนาปวตฺตึ อุปาทาย ‘อหํ เวทยามี’ติ โวหารมตฺตํ โหตี’’ติ. เอวํ เวทนาว วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยตีติ สลฺลกฺเขนฺโต เอส ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ ปชานาตีติ เวทิตพฺโพ. จิตฺตลปพฺพเต อฺตโร เถโร วิย. เถโร กิร อผาสุกกาเล พลวเวทนาย นิตฺถุนนฺโต อปราปรํ ปริวตฺตติ. ตเมโก ทหโร อาห ‘‘กตรํ โว, ภนฺเต, านํ รุชฺชตี’’ติ. อาวุโส, ปาฏิเยกฺกํ รุชฺชนฏฺานํ นาม นตฺถิ, วตฺถุํ อารมฺมณํ กตฺวา เวทนาว เวทยตีติ. เอวํ ชานนกาลโต ¶ ปฏฺาย อธิวาเสตุํ วฏฺฏติ โน, ภนฺเตติ. อธิวาเสมิ อาวุโสติ. อธิวาสนา, ภนฺเต, เสยฺยาติ. เถโร อธิวาเสสิ. ตโต วาโต ¶ ยาว หทยา ผาเลสิ, มฺจเก อนฺตานิ ราสิกตานิ อเหสุํ. เถโร ทหรสฺส ทสฺเสสิ ‘‘วฏฺฏตาวุโส, เอตฺตกา อธิวาสนา’’ติ. ทหโร ตุณฺหี อโหสิ. เถโร วีริยสมตํ โยเชตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา สมสีสี หุตฺวา ปรินิพฺพายิ.
ยถา จ สุขํ, เอวํ ทุกฺขํ…เป… นิรามิสํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘‘นิรามิสํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ ปชานาติ. อิติ ภควา รูปกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา อรูปกมฺมฏฺานํ กเถนฺโต เวทนาวเสน กเถสิ. ทุวิธฺหิ กมฺมฏฺานํ รูปกมฺมฏฺานฺจ อรูปกมฺมฏฺานฺจ. รูปปริคฺคโห อรูปปริคฺคโหติปิ เอตเทว วุจฺจติ. ตตฺถ ภควา รูปกมฺมฏฺานํ กเถนฺโต สงฺเขปมนสิการวเสน วา วิตฺถารมนสิการวเสน วา จตุธาตุววตฺถานํ กเถสิ. ตทุภยมฺปิ สพฺพาการโต วิสุทฺธิมคฺเค ทสฺสิตเมว.
อรูปกมฺมฏฺานํ ¶ ปน กเถนฺโต เยภุยฺเยน เวทนาวเสน กเถติ. ติวิโธ หิ อรูปกมฺมฏฺาเน อภินิเวโส ผสฺสวเสน เวทนาวเสน จิตฺตวเสนาติ. กถํ? เอกจฺจสฺส หิ สํขิตฺเตน วา วิตฺถาเรน วา ปริคฺคหิเต รูปกมฺมฏฺาเน ตสฺมึ อารมฺมเณ จิตฺตเจตสิกานํ ปมาภินิปาโต ตํ อารมฺมณํ ผุสนฺโต อุปฺปชฺชมาโน ผสฺโส ปากโฏ โหติ. เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ อนุภวนฺตี อุปฺปชฺชมานา เวทนา ปากฏา โหติ. เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา วิชานนฺตํ อุปฺปชฺชมานํ วิฺาณํ ปากฏํ โหติ. ตตฺถ ยสฺส ผสฺโส ปากโฏ โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ ผสฺโสว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ ตเทว อารมฺมณํ อนุภวมานา เวทนาปิ อุปฺปชฺชติ, สฺชานนมานา สฺาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานนมานํ วิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติ. ยสฺส เวทนา ปากฏา โหติ. โส ‘‘น เกวลํ เวทนาว อุปฺปชฺชติ, ตาย สทฺธึ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผสฺโสปิ อุปฺปชฺชติ, สฺชานนมานา สฺาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานนมานํ วิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติ. ยสฺส วิฺาณํ ปากฏํ โหติ, โส ‘‘น เกวลํ วิฺาณเมว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผสฺโสปิ ¶ อุปฺปชฺชติ, อนุภวมานา เวทนาปิ, สฺชานนมานา สฺาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติ.
โส ¶ ‘‘อิเม ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา กึ นิสฺสิตา’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘วตฺถุํ นิสฺสิตา’’ติ ปชานาติ. วตฺถุ นาม กรชกาโย, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิทฺจ เม วิฺาณํ เอตฺถ สิตํ เอตฺถ ปฏิพทฺธ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๓๔,๒๓๕; ม. นิ. ๒.๒๕๒). โส อตฺถโต ภูตานิ เจว อุปาทารูปานิ จ. เอวเมตฺถ ‘‘วตฺถุ รูปํ, ผสฺสปฺจมกา นาม’’นฺติ นามรูปมตฺตเมว ปสฺสติ. รูปํ เจตฺถ รูปกฺขนฺโธ, นามํ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธาติ ปฺจกฺขนฺธมตฺตํ โหติ. นามรูปวินิมุตฺตา หิ ปฺจกฺขนฺธา, ปฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตฺจ นามรูปํ นตฺถิ.
โส ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา กึ เหตุกา’’ติ อุปปริกฺขนฺโต ‘‘อวิชฺชาทิเหตุกา’’ติ ปสฺสติ. ตโต ปจฺจโย เจว ปจฺจยุปฺปนฺนฺจ อิทํ, อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถิ, สุทฺธสงฺขารปฺุชมตฺตเมวาติ สปฺปจฺจยนามรูปวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ สมฺมสนฺโต วิจรติ.
โส ¶ ‘‘อชฺช อชฺชา’’ติ ปฏิเวธํ อากงฺขมาโน ตถารูเป ทิวเส อุตุสปฺปาย ปุคฺคลสปฺปาย โภชนสปฺปาย ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ ลภิตฺวา เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาติ. เอวํ อิเมสมฺปิ ติณฺณํ ชนานํ ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ กถิตํ โหติ.
อิธ ปน ภควา อรูปกมฺมฏฺานํ กเถนฺโต เวทนาวเสน กเถสิ. ผสฺสวเสน วา หิ วิฺาณวเสน วา กถียมานํ น ปากฏํ โหติ, อนฺธการํ วิย ขายติ. เวทนาวเสน ปน ปากฏํ โหติ. กสฺมา? เวทนานํ อุปฺปตฺติปากฏตาย. สุขทุกฺขเวทนานฺหิ อุปฺปตฺติ ปากฏา. ยทา สุขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ โขเภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ อภิสนฺทยมานํ สตโธตํ สปฺปึ ขาทาปยนฺตํ วิย สตปากเตลํ มกฺขยมานํ วิย ฆฏสหสฺเสน ปริฬาหํ นิพฺพาปยมานํ วิย ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ วาจํ นิจฺฉารยมานเมว อุปฺปชฺชติ. ยทา ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ โขเภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ อภิสนฺทยมานํ ตตฺตผาลํ ปเวเสนฺตํ วิย วิลีนตมฺพโลเหน อาสิฺจนฺตํ วิย สุกฺขติณวนปฺปติมฺหิ อรฺเ ทารุอุกฺกากลาปํ ขิปมานํ วิย ¶ ‘‘อโห ทุกฺขํ อโห ทุกฺข’’นฺติ วิปฺปลาปยมานเมว อุปฺปชฺชติ. อิติ สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติ ปากฏา โหติ.
อทุกฺขมสุขา ¶ ปน ทุทฺทีปนา อนฺธการาว อวิภูตา. สา สุขทุกฺขานํ อปคเม สาตาสาตปฺปฏิกฺเขปวเสน มชฺฌตฺตาการภูตา อทุกฺขมสุขา เวทนาติ นยโต คณฺหนฺตสฺส ปากฏา โหติ. ยถา กึ? ยถา อนฺตรา ปิฏฺิปาสาณํ อาโรหิตฺวา ปลาตสฺส มิคสฺส อนุปถํ คจฺฉนฺโต มิคลุทฺทโก ปิฏฺิปาสาณสฺส โอรภาเคปิ ปรภาเคปิ ปทํ ทิสฺวา มชฺเฌ อปสฺสนฺโตปิ ‘‘อิโต อารุฬฺโห, อิโต โอรุฬฺโห, มชฺเฌ ปิฏฺิปาสาเณ อิมินา ปเทเสน คโต ภวิสฺสตี’’ติ นยโต ชานาติ, เอวํ อารุฬฺหฏฺาเน ปทํ วิย หิ สุขเวทนาย อุปฺปตฺติ ปากฏา โหติ. โอรุฬฺหฏฺาเน ปทํ วิย ทุกฺขเวทนาย อุปฺปตฺติ ปากฏา โหติ. ‘‘อิโต อารุยฺห อิโต โอรุยฺห มชฺเฌ เอวํ คโต’’ติ นยโต คหณํ วิย สุขทุกฺขานํ อปคเม สาตาสาตปฺปฏิกฺเขปวเสน มชฺฌตฺตาการภูตา อทุกฺขมสุขา เวทนาติ นยโต ¶ คณฺหนฺตสฺส ปากฏา โหติ. เอวํ ภควา ปมํ รูปกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฏฺานํ เวทนาวเสน นิพฺพตฺเตตฺวาว ทสฺเสสิ.
น เกวลฺจ อิเธว เอวํ ทสฺเสสิ, จูฬตณฺหาสงฺขเย, มหาตณฺหาสงฺขเย, จูฬเวทลฺเล, มหาเวทลฺเล, รฏฺปาลสุตฺเต, มาคณฺฑิยสุตฺเต, ธาตุวิภงฺเค, อาเนฺชสปฺปาเย, ทีฆนิกายมฺหิ มหานิทาเน, สกฺกปฺเห, มหาสติปฏฺาเน, สํยุตฺตมฺหิ จูฬนิทานสุตฺเต, รุกฺโขปเม, ปริวีมํสนสุตฺเต, สกเล เวทนาสํยุตฺเตติ เอวํ อเนเกสุ สุตฺเตสุ ปมํ รูปกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฏฺานํ เวทนาวเสน นิพฺพตฺเตตฺวา ทสฺเสสิ. ยถา จ เตสุ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ สติปฏฺานสุตฺเต ปมํ รูปกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา ปจฺฉา อรูปกมฺมฏฺานํ เวทนาวเสน นิพฺพตฺเตตฺวา ทสฺเสสิ.
ตตฺถ สุขํ เวทนนฺติอาทีสุ อยํ อปโรปิ ปชานนปริยาโย – สุขํ เวทนํ เวทยามีติ ปชานาตีติ สุขเวทนากฺขเณ ทุกฺขาย เวทนาย อภาวโต สุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยามี’’ติ ปชานาติ. เตน ยา ปุพฺเพ อนุภูตปุพฺพา ทุกฺขา เวทนา, ตสฺสา อิทานิ อภาวโต อิมิสฺสา จ สุขาย เวทนาย อิโต ปมํ อภาวโต ¶ เวทนา นาม อนิจฺจา อธุวา วิปริณามธมฺมา, อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.
วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
‘‘ยสฺมึ ¶ อคฺคิเวสฺสน สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมึ สมเย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, น อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, สุขํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ, ยสฺมึ อคฺคิเวสฺสน สมเย ทุกฺขํ…เป… อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวเทติ, เนว ตสฺมึ สมเย สุขํ เวทนํ เวเทติ, น ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, อทุกฺขมสุขฺเว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. สุขาปิ โข อคฺคิเวสฺสน เวทนา อนิจฺจา สงฺขตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา. ทุกฺขาปิ โข…เป… อทุกฺขมสุขาปิ โข อคฺคิเวสฺสน เวทนา อนิจฺจา…เป… นิโรธธมฺมา. เอวํ ปสฺสํ อคฺคิเวสฺสน สุตวา อริยสาวโก สุขายปิ เวทนาย ทุกฺขายปิ เวทนาย อทุกฺขมสุขายปิ ¶ เวทนาย นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ, วิราคา วิมุจฺจติ, วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๐๕).
สามิสํ วา สุขนฺติอาทีสุ สามิสา สุขา นาม ปฺจกามคุณามิสนิสฺสิตา ฉ เคหสิตโสมนสฺสเวทนา. นิรามิสา สุขา นาม ฉ เนกฺขมฺมสิตโสมนสฺสเวทนา. สามิสา ทุกฺขา นาม ฉ เคหสิตโทมนสฺสเวทนา. นิรามิสา ทุกฺขา นาม ฉ เนกฺขมฺมสิตโทมนสฺสเวทนา. สามิสา อทุกฺขมสุขา นาม ฉ เคหสิตอุเปกฺขา เวทนา. นิรามิสา อทุกฺขมสุขา นาม ฉ เนกฺขมฺมสิตอุเปกฺขา เวทนา. ตาสํ วิภาโค อุปริปณฺณาสเก ปาฬิยํ อาคโตเยว.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ สุขเวทนาทิปริคฺคหเณน อตฺตโน วา เวทนาสุ, ปรสฺส วา เวทนาสุ, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วาติ เอตฺถ ปน ‘‘อวิชฺชาสมุทยา เวทนาสมุทโย’’ติอาทีหิ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปฺจหิ ปฺจหิ อากาเรหิ เวทนานํ สมุทยฺจ วยฺจ ปสฺสนฺโต สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา ¶ เวทนาสุ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา เวทนาสุ วิหรติ, กาเลน สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา, กาเลน วยธมฺมานุปสฺสี วา เวทนาสุ วิหรตีติ เวทิตพฺโพ. อิโต ปรํ กายานุปสฺสนายํ วุตฺตนยเมว.
เกวลฺหิ ¶ อิธ เวทนาปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา เวทนาปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
เวทนานุปสฺสนา นิฏฺิตา.
จิตฺตานุปสฺสนาวณฺณนา
๑๑๔. เอวํ นววิเธน เวทนานุปสฺสนาสติปฏฺานํ กเถตฺวา อิทานิ โสฬสวิเธน จิตฺตานุปสฺสนํ กเถตุํ กถฺจ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ สราคนฺติ อฏฺวิธํ โลภสหคตํ. วีตราคนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํ. อิทํ ปน ยสฺมา สมฺมสนํ น ธมฺมสโมธานํ, ตสฺมา อิธ เอกปเทปิ โลกุตฺตรํ น ลพฺภติ. เสสานิ จตฺตาริ อกุสลจิตฺตานิ เนว ปุริมปทํ, น ปจฺฉิมปทํ ภชนฺติ. สโทสนฺติ ทุวิธํ โทสสหคตํ ¶ . วีตโทสนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํ. เสสานิ ทสากุสลจิตฺตานิ เนว ปุริมํ ปทํ, น ปจฺฉิมํ ปทํ ภชนฺติ. สโมหนฺติ วิจิกิจฺฉาสหคตฺเจว อุทฺธจฺจสหคตฺจาติ ทุวิธํ. ยสฺมา ปน โมโห สพฺพากุสเลสุ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตานิปิ อิธ วฏฺฏนฺติเยว. อิมสฺมึเยว หิ ทุเก ทฺวาทสากุสลจิตฺตานิ ปริยาทิณฺณานีติ. วีตโมหนฺติ โลกิยกุสลาพฺยากตํ. สํขิตฺตนฺติ ถินมิทฺธานุปติตํ, เอตฺหิ สํกุฏิตจิตฺตํ นาม. วิกฺขิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจสหคตํ, เอตฺหิ ปสฏจิตฺตํ นาม.
มหคฺคตนฺติ รูปารูปาวจรํ. อมหคฺคตนฺติ กามาวจรํ. สอุตฺตรนฺติ กามาวจรํ. อนุตฺตรนฺติ รูปาวจรฺจ อรูปาวจรฺจ. ตตฺราปิ สอุตฺตรํ รูปาวจรํ, อนุตฺตรํ อรูปาวจรเมว. สมาหิตนฺติ ยสฺส อปฺปนาสมาธิ อุปจารสมาธิ วา อตฺถิ. อสมาหิตนฺติ อุภยสมาธิวิรหิตํ. วิมุตฺตนฺติ ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺตีหิ วิมุตฺตํ. อวิมุตฺตนฺติ อุภยวิมุตฺติวิรหิตํ, สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธินิสฺสรณวิมุตฺตีนํ ปน อิธ โอกาโสว นตฺถิ.
อิติ ¶ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ สราคาทิปริคฺคหเณน ยสฺมึ ยสฺมึ ขเณ ยํ ยํ จิตฺตํ ปวตฺตติ, ตํ ตํ สลฺลกฺเขนฺโต อตฺตโน วา จิตฺเต, ปรสฺส วา จิตฺเต, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยธมฺมานุปสฺสีติ เอตฺถ ปน ‘‘อวิชฺชาสมุทยา ¶ วิฺาณสมุทโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) เอวํ ปฺจหิ ปฺจหิ อากาเรหิ วิฺาณสฺส สมุทโย จ วโย จ นีหริตพฺโพ. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว.
เกวลฺหิ อิธ จิตฺตปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา จิตฺตปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
จิตฺตานุปสฺสนาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ธมฺมานุปสฺสนา นีวรณปพฺพวณฺณนา
๑๑๕. เอวํ โสฬสวิเธน จิตฺตานุปสฺสนาสติปฏฺานํ กเถตฺวา อิทานิ ปฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนํ กเถตุํ กถฺจ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. อปิจ ภควตา กายานุปสฺสนาย สุทฺธรูปปริคฺคโห กถิโต, เวทนาจิตฺตานุปสฺสนาหิ สุทฺธอรูปปริคฺคโห. อิทานิ รูปารูปมิสฺสกปริคฺคหํ กเถตุํ ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห ¶ . กายานุปสฺสนาย วา รูปกฺขนฺธปริคฺคโหว กถิโต, เวทนานุปสฺสนาย เวทนากฺขนฺธปริคฺคโหว, จิตฺตานุปสฺสนาย วิฺาณกฺขนฺธปริคฺคโหวาติ อิทานิ สฺาสงฺขารกฺขนฺธปริคฺคหมฺปิ กเถตุํ ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ สนฺตนฺติ อภิณฺหสมุทาจารวเสน สํวิชฺชมานํ. อสนฺตนฺติ อสมุทาจารวเสน วา ปหีนตฺตา วา อวิชฺชมานํ. ยถา จาติ เยน การเณน กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ. ตฺจ ปชานาตีติ ตฺจ การณํ ปชานาติ. อิมินา นเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ สุภนิมิตฺเต อโยนิโสมนสิกาเรน กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ. สุภนิมิตฺตํ นาม สุภมฺปิ สุภนิมิตฺตํ, สุภารมฺมณมฺปิ สุภนิมิตฺตํ. อโยนิโสมนสิกาโร นาม อนุปายมนสิกาโร อุปฺปถมนสิกาโร อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ วา ทุกฺเข สุขนฺติ วา อนตฺตนิ อตฺตาติ วา อสุเภ ¶ สุภนฺติ วา มนสิกาโร, ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต กามจฺฉนฺโท อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สุภนิมิตฺตํ, ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร ¶ , อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อสุภนิมิตฺเต ปน โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. อสุภนิมิตฺตํ นาม อสุภมฺปิ อสุภารมฺมณมฺปิ. โยนิโสมนสิกาโร นาม อุปายมนสิกาโร ปถมนสิกาโร อนิจฺเจ อนิจฺจนฺติ วา ทุกฺเข ทุกฺขนฺติ วา อนตฺตนิ อนตฺตาติ วา อสุเภ อสุภนฺติ วา มนสิกาโร, ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต กามจฺฉนฺโท ปหียติ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสุภนิมิตฺตํ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมนาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อปิจ ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห อสุภภาวนานุโยโค อินฺทฺริเยสุ ¶ คุตฺตทฺวารตา โภชเน มตฺตฺุตา กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถาติ. ทสวิธฺหิ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, ภาเวนฺตสฺสาปิ, อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวารสฺสาปิ, จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชเน มตฺตฺุโนปิ. เตเนตํ วุตฺตํ –
‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);
อสุภกมฺมิกติสฺสตฺเถรสทิเส อสุภภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ปหีนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อรหตฺตมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
ปฏิฆนิมิตฺเต อโยนิโสมนสิกาเรน ปน พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ ปฏิฆมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ, ปฏิฆารมฺมณมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ. อโยนิโสมนสิกาโร สพฺพตฺถ เอกลกฺขโณว. ตํ ¶ ตสฺมึ นิมิตฺเต พหุลํ ปวตฺตยโต ¶ พฺยาปาโท อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฏิฆนิมิตฺตํ, ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
เมตฺตาย ปน เจโตวิมุตฺติยา โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. ตตฺถ ตตฺถ ‘‘เมตฺตา’’ติ วุตฺเต อปฺปนาปิ อุปจาโรปิ วฏฺฏติ. ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ อปฺปนาว. โยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณว. ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท ปหียติ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เมตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมนาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อปิจ ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ ¶ เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห เมตฺตาภาวนานุโยโค กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา ปฏิสงฺขานพหุตา กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถาติ. โอธิสกอโนธิสกทิสาผรณานฺหิ อฺตรวเสน เมตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ, โอธิโส อโนธิโส ทิสาผรณวเสน เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสาปิ. ‘‘ตฺวํ เอตสฺส กุทฺโธ กึ กริสฺสสิ, กิมสฺส สีลาทีนิ นาเสตุํ สกฺขิสฺสสิ, นนุ ตฺวํ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสสิ, ปรสฺส กุชฺฌนํ นาม วีตจฺจิตงฺคาร-ตตฺตอยสลาก-คูถาทีนิ คเหตฺวา ปรํ ปหริตุกามตาสทิสํ โหติ. เอโสปิ ตว กุทฺโธ กึ กริสฺสติ, กึ เต สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสติ, เอส อตฺตโน กมฺเมเนว อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมน คมิสฺสติ, อปฺปฏิจฺฉิตปเหณกํ วิย ปฏิวาตํ ขิตฺตรโชมุฏฺิ วิย จ เอตสฺเสเวส โกโธ มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ เอวํ อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ, อุภยกมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิสงฺขาเน ิตสฺสาปิ, อสฺสคุตฺตตฺเถรสทิเส เมตฺตาภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ. านนิสชฺชาทีสุ เมตฺตานิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ปหีนสฺส พฺยาปาทสฺส อนาคามิมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
อรติอาทีสุ ¶ ¶ อโยนิโสมนสิกาเรน ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาโท โหติ. อรติ นาม อุกฺกณฺิตา. ตนฺที นาม กายาลสิยตา. วิชมฺภิตา นาม กายวินามนา. ภตฺตสมฺมโท นาม ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตปริฬาโห. เจตโส ลีนตฺตํ นาม จิตฺตสฺส ลีนากาโร. อิเมสุ อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ อุปฺปชฺชติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อรติ ตนฺที วิชมฺภิตา ภตฺตสมฺมโท เจตโส ลีนตฺตํ, ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อารมฺภธาตุอาทีสุ ปน โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. อารมฺภธาตุ นาม ปมารมฺภวีริยํ. นิกฺกมธาตุ นาม โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตาย ¶ ตโต พลวตรํ. ปรกฺกมธาตุ นาม ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตรํ. อิมสฺมึ ติปฺปเภเท วีริเย โยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ ปหียติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารมฺภธาตุ นิกฺกมธาตุ ปรกฺกมธาตุ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อปิจ ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ, อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา อาโลกสฺามนสิกาโร อพฺโภกาสวาโส กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถาติ. อาหรหตฺถกตตฺรวฏฺฏกอลํสาฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกโภชนํ ภฺุชิตฺวา รตฺติฏฺาเน ทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส หิ สมณธมฺมํ กโรโต ถินมิทฺธํ มหาหตฺถี วิย โอตฺถรนฺตํ อาคจฺฉติ. จตุปฺจอาโลปโอกาสํ ปน เปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลสฺส ภิกฺขุโน ตํ น โหตีติ เอวํ อติโภชเน นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ. ยสฺมึ อิริยาปเถ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต อฺํ ปริวตฺเตนฺตสฺสาปิ, รตฺตึ จนฺทาโลกทีปาโลกอุกฺกาโลเก ทิวา สูริยาโลกํ มนสิกโรนฺตสฺสาปิ, อพฺโภกาเส วสนฺตสฺสาปิ, มหากสฺสปตฺเถรสทิเส ปหีนถินมิทฺเธ กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ. านนิสชฺชาทีสุ ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย ¶ สํวตฺตนฺตี’’ติ ¶ . อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ปหีนสฺส ถินมิทฺธสฺส อรหตฺตมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิกาเรน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติ. อวูปสโม นาม อวูปสนฺตากาโร. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมเวตํ อตฺถโต. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺชติ. เตนาห ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส อวูปสโม, ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส ¶ วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
สมาธิสงฺขาเต ปน เจตโส วูปสเม โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส วูปสโม, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อปิจ ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ พหุสฺสุตตา ปริปุจฺฉกตา วินเย ปกตฺุตา วุทฺธเสวิตา กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถาติ. พาหุสจฺเจนปิ หิ เอกํ วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ. กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินยปฺตฺติยํ จิณฺณวสิภาวตาย ปกตฺุโนปิ, วุทฺเธ มหลฺลกตฺเถเร อุปสงฺกมนฺตสฺสาปิ, อุปาลิตฺเถรสทิเส วินยธเร กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ. านนิสชฺชาทีสุ กปฺปิยากปฺปิยนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ปหีเน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺเจ อุทฺธจฺจสฺส อรหตฺตมคฺเคน กุกฺกุจฺจสฺส อนาคามิมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
วิจิกิจฺฉาฏฺานีเยสุ ธมฺเมสุ อโยนิโสมนสิกาเรน วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติ. วิจิกิจฺฉาฏฺานียา ¶ ธมฺมา นาม ปุนปฺปุนํ วิจิกิจฺฉาย การณตฺตา วิจิกิจฺฉาว. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, วิจิกิจฺฉาฏฺานียา ธมฺมา ¶ , ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
กุสลาทีสุ ธมฺเมสุ โยนิโสมนสิกาเรน ปนสฺสา ปหานํ โหติ. เตนาห – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา สาวชฺชานวชฺชา ธมฺมา เสวิตพฺพาเสวิตพฺพา ธมฺมา หีนปฺปณีตา ธมฺมา กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา ธมฺมา, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร ¶ , อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).
อปิจ ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺติ พหุสฺสุตตา ปริปุจฺฉกตา วินเย ปกตฺุตา อธิโมกฺขพหุลตา กลฺยาณมิตฺตตา สปฺปายกถาติ. พาหุสจฺเจนปิ หิ เอกํ วา…เป… ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ. ตีณิ รตนานิ อารพฺภ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสาปิ, วินเย จิณฺณวสิภาวสฺสาปิ, ตีสุ รตเนสุ โอกปฺปนิยสทฺธาสงฺขาตอธิโมกฺขพหุลสฺสาปิ, สทฺธาธิมุตฺเต วกฺกลิตฺเถรสทิเส กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ. านนิสชฺชาทีสุ ติณฺณํ รตนานํ คุณนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ. อิเมหิ ปน ฉหิ ธมฺเมหิ ปหีนาย วิจิกิจฺฉาย โสตาปตฺติมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหตีติ ปชานาติ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ ปฺจนีวรณปริคฺคหเณน อตฺตโน วา ธมฺเมสุ, ปรสฺส วา ธมฺเมสุ, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ สุภนิมิตฺต อสุภนิมิตฺตาทีสุ อโยนิโสมนสิการโยนิโสมนสิการวเสน ปฺจสุ นีวรเณสุ วุตฺตนเยน นีหริตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว.
เกวลฺหิ ¶ อิธ นีวรณปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา นีวรณปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
นีวรณปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
ขนฺธปพฺพวณฺณนา
๑๑๖. เอวํ ¶ ปฺจนีวรณวเสน ธมฺมานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ ปฺจกฺขนฺธวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสูติ อุปาทานสฺส ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธา, อุปาทานสฺส ปจฺจยภูตา ธมฺมปฺุชา ธมฺมราสโยติ อตฺโถ. อยเมตฺถ สงฺเขโป ¶ . วิตฺถารโต ปน ขนฺธกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา. อิติ รูปนฺติ ‘‘อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ปรํ รูปํ อตฺถี’’ติ สภาวโต รูปํ ปชานาติ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาเรน ปน รูปาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค ขนฺธกถายเมว วุตฺตานิ. อิติ รูปสฺส สมุทโยติ เอวํ อวิชฺชาสมุทยาทิวเสน ปฺจหากาเรหิ รูปสฺส สมุทโย. อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโมติ เอวํ อวิชฺชานิโรธาทิวเสน ปฺจหากาเรหิ รูปสฺส อตฺถงฺคโม, เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค อุทยพฺพยาณกถายํ วุตฺโต.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ ปฺจกฺขนฺธปริคฺคหเณน อตฺตโน วา ธมฺเมสุ, ปรสฺส วา ธมฺเมสุ, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา รูปสมุทโย’’ติอาทีนํ (ปฏิ. ม. ๑.๕๐) ปฺจสุ ขนฺเธสุ วุตฺตานํ ปฺาสาย ลกฺขณานํ วเสน นีหริตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว.
เกวลฺหิ อิธ ขนฺธปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา ขนฺธปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
ขนฺธปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
อายตนปพฺพวณฺณนา
๑๑๗. เอวํ ¶ ปฺจกฺขนฺธวเสน ธมฺมานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ อายตนวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสูติ จกฺขุ โสตํ ฆานํ ชิวฺหา กาโย มโนติ อิเมสุ ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ รูปํ สทฺโท คนฺโธ รโส โผฏฺพฺโพ ธมฺมาติ อิเมสุ ฉสุ ¶ พาหิเรสุ. จกฺขุํ จ ปชานาตีติ จกฺขุปสาทํ ยาถาวสรสลกฺขณวเสน ปชานาติ. รูเป จ ปชานาตีติ พหิทฺธา จตุสมุฏฺานิกรูปฺจ ยาถาวสรสลกฺขณวเสน ปชานาติ. ยฺจ ตทุภยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สํโยชนนฺติ ยฺจ ตํ จกฺขุํ เจว รูเป จาติ อุภยํ ปฏิจฺจ กามราคสํโยชนํ ปฏิฆ-มาน-ทิฏฺิ-วิจิกิจฺฉา-สีลพฺพตปรามาส-ภวราค-อิสฺสา-มจฺฉริยาวิชฺชาสํโยชนนฺติ ทสวิธํ สํโยชนํ อุปฺปชฺชติ, ตฺจ ยาถาวสรสลกฺขณวเสน ปชานาติ.
กถํ ¶ ปเนตํ อุปฺปชฺชตีติ? จกฺขุทฺวาเร ตาว อาปาถคตํ อิฏฺารมฺมณํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยโต อภินนฺทโต กามราคสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. อนิฏฺารมฺมเณ กุชฺฌโต ปฏิฆสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘เปตฺวา มํ น โกจิ อฺโ เอตํ อารมฺมณํ วิภาเวตุํ สมตฺโถ อตฺถี’’ติ มฺโต มานสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘เอตํ รูปารมฺมณํ นิจฺจํ ธุว’’นฺติ คณฺหโต ทิฏฺิสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘เอตํ รูปารมฺมณํ สตฺโต นุ โข, สตฺตสฺส นุ โข’’ติ วิจิกิจฺฉโต วิจิกิจฺฉาสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘สมฺปตฺติภเว วต โน อิทํ สุลภํ ชาต’’นฺติ ภวํ ปตฺเถนฺตสฺส ภวราคสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘อายติมฺปิ เอวรูปํ สีลพฺพตํ สมาทิยิตฺวา สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ สีลพฺพตํ สมาทิยนฺตสฺส สีลพฺพตปรามาสสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. ‘‘อโห วต เอตํ รูปารมฺมณํ อฺเ น ลเภยฺยุ’’นฺติ อุสูยโต อิสฺสาสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. อตฺตนา ลทฺธํ รูปารมฺมณํ อฺสฺส มจฺฉรายโต มจฺฉริยสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ. สพฺเพเหว สหชาตอฺาณวเสน อวิชฺชาสํโยชนํ อุปฺปชฺชติ.
ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺสาติ เยน การเณน อสมุทาจารวเสน อนุปฺปนฺนสฺส ตสฺส ทสวิธสฺสาปิ สํโยชนสฺส อุปฺปาโท โหติ, ตฺจ การณํ ปชานาติ. ยถา จ อุปฺปนฺนสฺสาติ อปฺปหีนฏฺเน ปน สมุทาจารวเสน วา อุปฺปนฺนสฺส ตสฺส ทสวิธสฺสาปิ สํโยชนสฺส เยน การเณน ปหานํ โหติ, ตฺจ การณํ ปชานาติ. ยถา จ ปหีนสฺสาติ ตทงฺควิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน ¶ ปหีนสฺสาปิ ตสฺส ทสวิธสฺส สํโยชนสฺส เยน การเณน อายตึ อนุปฺปาโท โหติ, ตฺจ ปชานาติ. เกน การเณน ปนสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ? ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสอิสฺสามจฺฉริยเภทสฺส ตาว ปฺจวิธสฺส สํโยชนสฺส โสตาปตฺติมคฺเคน ¶ อายตึ อนุปฺปาโท โหติ. กามราคปฏิฆสํโยชนทฺวยสฺส โอฬาริกสฺส สกทาคามิมคฺเคน, อณุสหคตสฺส อนาคามิมคฺเคน, มานภวราคาวิชฺชาสํโยชนตฺตยสฺส อรหตฺตมคฺเคน อายตึ อนุปฺปาโท โหติ.
โสตฺจ ปชานาติ สทฺเท จา ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อปิเจตฺถ อายตนกถา วิตฺถารโต ¶ วิสุทฺธิมคฺเค อายตนนิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อชฺฌตฺติกายตนปริคฺคหเณน อตฺตโน วา ธมฺเมสุ, พาหิรายตนปริคฺคหเณน ปรสฺส วา ธมฺเมสุ, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ ‘‘อวิชฺชาสมุทยา จกฺขุสมุทโย’’ติ รูปายตนสฺส รูปกฺขนฺเธ, อรูปายตเนสุ มนายตนสฺส วิฺาณกฺขนฺเธ, ธมฺมายตนสฺส เสสกฺขนฺเธสุ วุตฺตนเยน นีหริตพฺพา. โลกุตฺตรธมฺมา น คเหตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว.
เกวลฺหิ อิธ อายตนปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา อายตนปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
อายตนปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา
๑๑๘. เอวํ ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรายตนวเสน ธมฺมานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ โพชฺฌงฺควเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติ อาทิมาห. ตตฺถ โพชฺฌงฺเคสูติ พุชฺฌนกสตฺตสฺส องฺเคสุ. สนฺตนฺติ ปฏิลาภวเสน สํวิชฺชมานํ. สติสมฺโพชฺฌงฺคนฺติ สติสงฺขาตํ สมฺโพชฺฌงฺคํ. เอตฺถ หิ สมฺพุชฺฌติ อารทฺธวิปสฺสกโต ปฏฺาย โยคาวจโรติ สมฺโพธิ, ยาย วา โส สติอาทิกาย สตฺตธมฺมสามคฺคิยา ¶ สมฺพุชฺฌติ กิเลสนิทฺทาโต อุฏฺาติ, สจฺจานิ วา ปฏิวิชฺฌติ, สา ธมฺมสามคฺคี สมฺโพธิ. ตสฺส สมฺโพธิสฺส, ตสฺสา วา สมฺโพธิยา องฺคนฺติ สมฺโพชฺฌงฺคํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สติสงฺขาตํ สมฺโพชฺฌงฺค’’นฺติ. เสสสมฺโพชฺฌงฺเคสุปิ อิมินาว นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อสนฺตนฺติ ¶ อปฺปฏิลาภวเสน อวิชฺชมานํ. ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺสาติอาทีสุ ปน สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ตาว – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓) เอวํ อุปฺปาโท โหติ ¶ . ตตฺถ สติเยว สติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา. โยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณเยว, ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต สติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ.
อปิจ จตฺตาโร ธมฺมา สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ สติสมฺปชฺํ มุฏฺสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนตา อุปฏฺิตสฺสติปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ. อภิกฺกนฺตาทีสุ หิ สตฺตสุ าเนสุ สติสมฺปชฺเน ภตฺตนิกฺขิตฺตกากสทิเส มุฏฺสฺสติปุคฺคเล ปริวชฺชเนน ติสฺสทตฺตตฺเถรอภยตฺเถรสทิเส อุปฏฺิตสฺสติปุคฺคเล เสวเนน านนิสชฺชาทีสุ สติสมุฏฺาปนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตาย จ สติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ. เอวํ จตูหิ การเณหิ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูรี โหตีติ ปชานาติ.
ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปน – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา…เป… กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา ธมฺมา, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) เอวํ อุปฺปาโท โหติ.
อปิจ สตฺต ธมฺมา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ ปริปุจฺฉกตา วตฺถุวิสทกิริยา อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณา ตทธิมุตฺตตาติ. ตตฺถ ปริปุจฺฉกตาติ ขนฺธธาตุอายตนอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคฌานงฺคสมถวิปสฺสนานํ อตฺถสนฺนิสฺสิตปริปุจฺฉาพหุลตา.
วตฺถุวิสทกิริยาติ ¶ อชฺฌตฺติกพาหิรานํ วตฺถูนํ วิสทภาวกรณํ. ยทา หิสฺส เกสนขโลมา อติทีฆา โหนฺติ, สรีรํ วา อุสฺสนฺนโทสฺเจว เสทมลมกฺขิตฺจ, ตทา อชฺฌตฺติกํ วตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ ¶ . ยทา ปน จีวรํ ชิณฺณํ กิลิฏฺํ ทุคฺคนฺธํ โหติ, เสนาสนํ วา อุกฺลาปํ, ตทา พาหิรํ วตฺถุ อวิสทํ โหติ อปริสุทฺธํ. ตสฺมา เกสาทิจฺเฉทาปเนน อุทฺธํวิเรจนอโธวิเรจนาทีหิ สรีรสลฺลหุกภาวกรเณน ¶ อุจฺฉาทนนฺหาปเนน จ อชฺฌตฺติกํ วตฺถุ วิสทํ กาตพฺพํ.
สูจิกมฺมโธวนรชนปริภณฺฑกรณาทีหิ พาหิรํ วตฺถุ วิสทํ กาตพฺพํ. เอตสฺมิฺหิ อชฺฌตฺติกพาหิเร วตฺถุสฺมึ อวิสเท อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ าณมฺปิ อปริสุทฺธํ โหติ, อปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลกวฏฺฏิเตลานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. วิสเท ปน อชฺฌตฺติกพาหิเร วตฺถุมฺหิ อุปฺปนฺเนสุ จิตฺตเจตสิเกสุ าณมฺปิ วิสทํ โหติ, ปริสุทฺธานิ ทีปกปลฺลกวฏฺฏิเตลานิ นิสฺสาย อุปฺปนฺนทีปสิขาย โอภาโส วิย. เตน วุตฺตํ – ‘‘วตฺถุวิสทกิริยา ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตตี’’ติ.
อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนา นาม สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ สมภาวกรณํ. สเจ หิสฺส สทฺธินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, อิตรานิ มนฺทานิ. ตโต วีริยินฺทฺริยํ ปคฺคหกิจฺจํ, สตินฺทฺริยํ อุปฏฺานกิจฺจํ, สมาธินฺทฺริยํ อวิกฺเขปกิจฺจํ, ปฺินฺทฺริยํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ น สกฺโกติ. ตสฺมา ตํ ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขเณน วา ยถา วา มนสิกโรโต พลวํ ชาตํ, ตถา อมนสิกาเรน หาเปตพฺพํ. วกฺกลิตฺเถรสฺส วตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสนํ. สเจ ปน วีริยินฺทฺริยํ พลวํ โหติ, อถ เนว สทฺธินฺทฺริยํ อธิโมกฺขกิจฺจํ กาตุํ สกฺโกติ, น อิตรานิ อิตรกิจฺจเภทํ. ตสฺมา ตํ ปสฺสทฺธาทิภาวนาย หาเปตพฺพํ. ตตฺราปิ โสณตฺเถรสฺส วตฺถุ ทสฺเสตพฺพํ. เอวํ เสเสสุปิ เอกสฺส พลวภาเว สติ อิตเรสํ อตฺตโน กิจฺเจสุ อสมตฺถตา เวทิตพฺพา.
วิเสสโต ปเนตฺถ สทฺธาปฺานํ สมาธิวีริยานํ จ สมตํ ปสํสนฺติ. พลวสทฺโธ หิ มนฺทปฺโ มุธาปสนฺโน โหติ, อวตฺถุสฺมึ ปสีทติ. พลวปฺโ มนฺทสทฺโธ เกราฏิกปกฺขํ ภชติ. เภสชฺชสมุฏฺิโต วิย โรโค อเตกิจฺโฉ โหติ. จิตฺตุปฺปาทมตฺเตเนว กุสลํ โหตีติ อติธาวิตฺวา ทานาทีนิ อกโรนฺโต นิรเย อุปฺปชฺชติ. อุภินฺนํ สมตาย วตฺถุสฺมึเยว ปสีทติ ¶ . พลวสมาธึ ปน มนฺทวีริยํ สมาธิสฺส โกสชฺชปกฺขตฺตา โกสชฺชํ อธิภวติ. พลววีริยํ มนฺทสมาธึ วีริยสฺส อุทฺธจฺจปกฺขตฺตา ¶ อุทฺธจฺจํ อธิภวติ ¶ . สมาธิ ปน วีริเยน สํโยชิโต โกสชฺเช ปติตุํ น ลภติ. วีริยํ สมาธินา สํโยชิตํ อุทฺธจฺเจ ปติตุํ น ลภติ. ตสฺมา ตทุภยํ สมํ กาตพฺพํ. อุภยสมตาย หิ อปฺปนา โหติ.
อปิจ สมาธิกมฺมิกสฺส พลวตีปิ สทฺธา วฏฺฏติ. เอวํ สทฺทหนฺโต โอกปฺเปนฺโต อปฺปนํ ปาปุณิสฺสติ. สมาธิปฺาสุ ปน สมาธิกมฺมิกสฺส เอกคฺคตา พลวตี วฏฺฏติ, เอวฺหิ โส อปฺปนํ ปาปุณาติ. วิปสฺสนากมฺมิกสฺส ปฺา พลวตี วฏฺฏติ, เอวฺหิ โส ลกฺขณปฺปฏิเวธํ ปาปุณาติ. อุภินฺนํ ปน สมตายปิ อปฺปนา โหติเยว. สติ ปน สพฺพตฺถ พลวตี วฏฺฏติ. สติ หิ จิตฺตํ อุทฺธจฺจปกฺขิกานํ สทฺธาวีริยปฺานํ วเสน อุทฺธจฺจปาตโต, โกสชฺชปกฺขิเกน จ สมาธินา โกสชฺชปาตโต รกฺขติ. ตสฺมา สา โลณธูปนํ วิย สพฺพพฺยฺชเนสุ สพฺพกมฺมิกอมจฺโจ วิย จ สพฺพราชกิจฺเจสุ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพา. เตนาห – ‘‘สติ จ ปน สพฺพตฺถิกา วุตฺตา ภควตา. กึ การณา? จิตฺตฺหิ สติ ปฏิสรณํ, อารกฺขปจฺจุปฏฺานา จ สติ, น จ วินา สติยา จิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคโห โหตี’’ติ.
ทุปฺปฺปุคฺคลปริวชฺชนา นาม ขนฺธาทิเภเท อโนคาฬฺหปฺานํ ทุมฺเมธปุคฺคลานํ อารกาว ปริวชฺชนํ. ปฺวนฺตปุคฺคลเสวนา นาม สมปฺาสลกฺขณปริคฺคาหิกาย อุทยพฺพยปฺาย สมนฺนาคตปุคฺคลเสวนา. คมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณา นาม คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย คมฺภีรปฺาย ปเภทปจฺจเวกฺขณา. ตทธิมุตฺตตา นาม านนิสชฺชาทีสุ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตา. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูรี โหตีติ ปชานาติ.
วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารพฺภธาตุ นิกฺกมธาตุ ปรกฺกมธาตุ, ตตฺถ โยนิโส มนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) เอวํ อุปฺปาโท โหติ.
อปิจ ¶ ¶ เอกาทส ธมฺมา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย ¶ สํวตฺตนฺติ อปายภยปจฺจเวกฺขณตา อานิสํสทสฺสาวิตา คมนวีถิปจฺจเวกฺขณตา ปิณฺฑปาตาปจายนตา ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณตา กุสีตปุคฺคลปริวชฺชนตา อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ.
ตตฺถ นิรเยสุ ปฺจวิธพนฺธนกมฺมการณโต ปฏฺาย มหาทุกฺขํ อนุภวนกาเลปิ, ติรจฺฉานโยนิยํ ชาลกฺขิปกุมีนาทีหิ คหิตกาเลปิ, ปาชนกณฺฏกาทิปฺปหารตุนฺนสฺส ปน สกฏวาหนาทิกาเลปิ, เปตฺติวิสเย อเนกานิปิ วสฺสสหสฺสานิ เอกํ พุทฺธนฺตรมฺปิ ขุปฺปิปาสาหิ อาตุริตกาเลปิ, กาลกฺชิกอสุเรสุ สฏฺิหตฺถอสีติหตฺถปฺปมาเณน อฏฺิจมฺมมตฺเตเนว อตฺตภาเวน วาตาตปาทิทุกฺขานุภวนกาเลปิ น สกฺกา วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ อุปฺปาเทตุํ. อยเมว เต ภิกฺขุ กาโล วีริยกรณายาติ เอวํ อปายภยํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ.
‘‘น สกฺกา กุสีเตน นวโลกุตฺตรธมฺมํ ลทฺธุํ, อารทฺธวีริเยเนว สกฺกา อยมานิสํโส วีริยสฺสา’’ติ เอวํ อานิสํสทสฺสาวิโนปิ อุปฺปชฺชติ. ‘‘สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธมหาสาวเกหิ เต คตมคฺโค คนฺตพฺโพ, โส จ น สกฺกา กุสีเตน คนฺตุ’’นฺติ เอวํ คมนวีถึ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. ‘‘เย ตํ ปิณฺฑปาตาทีหิ อุปฏฺหนฺติ, อิเม เต มนุสฺสา เนว าตกา, น ทาสกมฺมกรา, นาปิ ‘ตํ นิสฺสาย ชีวิสฺสามา’ติ เต ปณีตานิ ปิณฺฑปาตาทีนิ เทนฺติ, อถ โข อตฺตโน การานํ มหปฺผลตํ ปจฺจาสีสมานา เทนฺติ, สตฺถาราปิ ‘อยํ อิเม ปจฺจเย ปริภฺุชิตฺวา กายทฬฺหีพหุโล สุขํ วิหริสฺสตี’ติ น เอวํ สมฺปสฺสตา ตุยฺหํ ปจฺจยา อนฺุาตา, อถ โข ‘อยํ อิเม ปริภฺุชมาโน สมณธมฺมํ กตฺวา วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิสฺสตี’ติ เต ปจฺจยา อนฺุาตา, โส ทานิ ตฺวํ กุสีโต วิหรนฺโต น ตํ ปิณฺฑํ อปจายิสฺสสิ, อารทฺธวีริยสฺเสว หิ ปิณฺฑปาตาปจายนํ นาม โหตี’’ติ เอวํ ปิณฺฑปาตาปจายนํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ มหามิตฺตตฺเถรสฺส ¶ วิย.
เถโร ¶ กิร กสฺสกเลเณ นาม ปฏิวสติ. ตสฺส จ โคจรคาเม เอกา มหาอุปาสิกา เถรํ ¶ ปุตฺตํ กตฺวา ปฏิชคฺคติ. สา เอกทิวสํ อรฺํ คจฺฉนฺตี ธีตรํ อาห – ‘‘อมฺม อสุกสฺมึ าเน ปุราณตณฺฑุลา, อสุกสฺมึ ขีรํ, อสุกสฺมึ สปฺปิ, อสุกสฺมึ ผาณิตํ, ตว ภาติกสฺส อยฺยมิตฺตสฺส อาคตกาเล ภตฺตํ ปจิตฺวา ขีรสปฺปิผาณิเตหิ สทฺธึ เทหิ, ตฺวํ จ ภฺุเชยฺยาสิ, อหํ ปน หิยฺโย ปกฺกํ ปาริวาสิกภตฺตํ กฺชิเกน ภุตฺตามฺหี’’ติ. ทิวา กึ ภฺุชิสฺสสิ อมฺมาติ? สากปณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา กณตณฺฑุเลหิ อมฺพิลยาคุํ ปจิตฺวา เปหิ อมฺมาติ.
เถโร จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ นีหรนฺโตว ตํ สทฺทํ สุตฺวา อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘มหาอุปาสิกา กิร กฺชิเยน ปาริวาสิกภตฺตํ ภฺุชิ, ทิวาปิ กณปณฺณมฺพิลยาคุํ ภฺุชิสฺสติ, ตุยฺหํ อตฺถาย ปน ปุราณตณฺฑุลาทีนิ อาจิกฺขติ, ตํ นิสฺสาย โข ปเนสา เนว เขตฺตํ น วตฺถุํ น ภตฺตํ น วตฺถํ ปจฺจาสีสติ, ติสฺโส ปน สมฺปตฺติโย ปตฺถยมานา เทติ, ตฺวํ เอติสฺสา ตา สมฺปตฺติโย ทาตุํ สกฺขิสฺสสิ น สกฺขิสฺสสีติ, อยํ โข ปน ปิณฺฑปาโต ตยา สราเคน สโทเสน สโมเหน น สกฺกา คณฺหิตุนฺติ ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา คณฺิกํ มฺุจิตฺวา นิวตฺติตฺวา กสฺสกเลณเมว คนฺตฺวา ปตฺตํ เหฏฺามฺเจ จีวรํ จีวรวํเส เปตฺวา อรหตฺตํ อปาปุณิตฺวา น นิกฺขมิสฺสามี’’ติ วีริยํ อธิฏฺหิตฺวา นิสีทิ. ทีฆรตฺตํ อปฺปมตฺโต หุตฺวา นิวุตฺถภิกฺขุ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ปุเรภตฺตเมว อรหตฺตํ ปตฺวา วิกสิตํ วิย ปทุมํ มหาขีณาสโว สิตํ กโรนฺโตว นิกฺขมิ. เลณทฺวาเร รุกฺขมฺหิ อธิวตฺถา เทวตา –
‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
ยสฺส เต อาสวา ขีณา, ทกฺขิเณยฺโยสิ มาริสา’’ติ. –
เอวํ อุทานํ อุทาเนตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปิณฺฑาย ปวิฏฺานํ ตุมฺหาทิสานํ อรหนฺตานํ ภิกฺขํ ทตฺวา มหลฺลกิตฺถิโย ทุกฺขา มุจฺจิสฺสนฺตี’’ติ อาห.
เถโร ¶ อุฏฺหิตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา กาลํ โอโลเกนฺโต ปาโตเยวาติ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ ปาวิสิ. ทาริกาปิ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา ‘‘อิทานิ เม ภาตา อาคมิสฺสติ ¶ , อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ ทฺวารํ โอโลกยมานา นิสีทิ. สา เถเร ฆรทฺวารํ สมฺปตฺเต ปตฺตํ คเหตฺวา สปฺปิผาณิตโยชิตสฺส ขีรปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา หตฺเถ เปสิ. เถโร ‘‘สุขํ โหตู’’ติ อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สาปิ ตํ โอโลกยมานาว ¶ อฏฺาสิ. เถรสฺส หิ ตทา อติวิย ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ อโหสิ, วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ, มุขํ พนฺธนา ปมุตฺตตาลปกฺกํ วิย อติวิย วิโรจิตฺถ. มหาอุปาสิกา อรฺา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ อมฺม, ภาติโก เต อาคโต’’ติ ปุจฺฉิ. สา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สา อุปาสิกา ‘‘อชฺช เม ปุตฺตสฺส ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ตฺวา ‘‘อภิรมติ เต อมฺม ภาตา พุทฺธสาสเน น อุกฺกณฺตี’’ติ อาห.
‘‘มหนฺตํ โข ปเนตํ สตฺถุ ทายชฺชํ, ยทิทํ สตฺตอริยธนํ นาม, ตํ น สกฺกา กุสีเตน คเหตุํ. ยถา หิ วิปฺปฏิปนฺนํ ปุตฺตํ มาตาปิตโร ‘อยํ อมฺหากํ อปุตฺโต’ติ ปริพาหิรํ กโรนฺติ, โส เตสํ อจฺจเยน ทายชฺชํ น ลภติ, เอวํ กุสีโตปิ อิทํ อริยธนทายชฺชํ น ลภติ, อารทฺธวีริโยว ลภตี’’ติ ทายชฺชมหตฺตตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ. ‘‘มหา โข ปน เต สตฺถา, สตฺถุโน หิ มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหณกาเลปิ อภินิกฺขมเนปิ อภิสมฺโพธิยมฺปิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนยมกปาฏิหาริยเทโวโรหณ-อายุสงฺขารโวสฺสชฺชเนสุปิ ปรินิพฺพานกาเลปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ, ยุตฺตํ นุ เต เอวรูปสฺส สตฺถุโน สาสเน ‘ปพฺพชิตฺวา กุสีเตน ภวิตุ’’’นฺติ เอวํ สตฺถุมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ.
ชาติยาปิ – ‘‘ตฺวํ อิทานิ น ลามกชาติโก, อสมฺภินฺนาย มหาสมฺมตปเวณิยา อาคโต, อุกฺกากราชวํเส ชาโตสิ, สุทฺโธธนมหาราชสฺส มหามายาเทวิยา จ นตฺตา, ราหุลภทฺทสฺส กนิฏฺโ, ตยา นาม เอวรูเปน ชินปุตฺเตน หุตฺวา น ยุตฺตํ กุสีเตน วิหริตุ’’นฺติ เอวํ ชาติมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ. ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เจว อสีติ จ มหาสาวกา วีริเยเนว โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌึสุ, ตฺวํ เอเตสํ สพฺรหฺมจารีนํ ¶ มคฺคํ ปฏิปชฺชิสฺสสิ น ปฏิปชฺชิสฺสสี’’ติ เอวํ สพฺรหฺมจาริมหตฺตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ อุปฺปชฺชติ. กุจฺฉึ ปูเรตฺวา ิตอชครสทิเส วิสฺสฏฺกายิกเจตสิกวีริเย กุสีตปุคฺคเล ปริวชฺชนฺตสฺสาปิ, อารทฺธวีริเย ปหิตตฺเต ปุคฺคเล เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ วีริยุปฺปาทนตฺถํ ¶ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูรี โหตีติ ปชานาติ.
ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ¶ อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) เอวํ อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ ปีติเยว ปีติสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา นาม, ตสฺส อุปฺปาทกมนสิกาโร โยนิโสมนสิกาโร นาม.
อปิจ เอกาทส ธมฺมา ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ พุทฺธานุสฺสติ ธมฺมสงฺฆสีลจาคเทวตานุสฺสติ อุปสมานุสฺสติ ลูขปุคฺคลปริวชฺชนตา สินิทฺธปุคฺคลเสวนตา ปสาทนียสุตฺตนฺตปจฺจเวกฺขณตา ตทธิมุตฺตตาติ.
พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ หิ ยาว อุปจารา สกลสรีรํ ผรมาโน ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค อุปฺปชฺชติ. ธมฺมสงฺฆคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ, ทีฆรตฺตํ อขณฺฑํ กตฺวา รกฺขิตํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, คิหิโน ทสสีลปฺจสีลํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, ทุพฺภิกฺขภยาทีสุ ปณีตํ โภชนํ สพฺรหฺมจารีนํ ทตฺวา ‘‘เอวํ นาม อทมฺหา’’ติ จาคํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, คิหิโนปิ เอวรูเป กาเล สีลวนฺตานํ ทินฺนทานํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, เยหิ คุเณหิ สมนฺนาคตา เทวตา เทวตฺตํ ปตฺตา, ตถารูปานํ คุณานํ อตฺตนิ อตฺถิตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภิตา กิเลสา สฏฺิปิ, สตฺตติปิ วสฺสานิ น สมุทาจรนฺตี’’ติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, เจติยทสฺสนโพธิทสฺสนเถรทสฺสเนสุ อสกฺกจฺจกิริยาย สํสูจิตลูขภาเว พุทฺธาทีสุ ¶ ปสาทสิเนหาภาเวน คทฺรภปิฏฺเ รชสทิเส ลูขปุคฺคเล ปริวชฺชนฺตสฺสาปิ, พุทฺธาทีสุ ปสาทพหุเล มุทุจิตฺเต สินิทฺธปุคฺคเล เสวนฺตสฺสาปิ, รตนตฺตยคุณปริทีปเก ปสาทนีเย สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ปีติอุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูรี โหตีติ ปชานาติ.
ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ¶ – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กายปสฺสทฺธิ จิตฺตปสฺสทฺธิ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ เอวํ อุปฺปาโท โหติ.
อปิจ สตฺต ธมฺมา ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ ปณีตโภชนเสวนตา อุตุสุขเสวนตา อิริยาปถสุขเสวนตา มชฺฌตฺตปโยคตา ¶ สารทฺธกายปุคฺคลปริวชฺชนตา ปสฺสทฺธกายปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ.
ปณีตฺหิ สินิทฺธํ สปฺปายโภชนํ ภฺุชนฺตสฺสาปิ, สีตุณฺเหสุ อุตูสุ านาทีสุ อิริยาปเถสุ สปฺปายํ อุตุํ จ อิริยาปถํ จ เสวนฺตสฺสาปิ ปสฺสทฺธิ อุปฺปชฺชติ. โย ปน มหาปุริสชาติโก สพฺพอุตุอิริยาปถกฺขโมว โหติ, น ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ยสฺส สภาควิสภาคตา อตฺถิ, ตสฺเสว วิสภาเค อุตุอิริยาปเถ วชฺเชตฺวา สภาเค เสวนฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. มชฺฌตฺตปโยโค วุจฺจติ อตฺตโน จ ปรสฺส จ กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา, อิมินา มชฺฌตฺตปโยเคน อุปฺปชฺชติ. โย เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปรํ วิเหยมาโนว วิจรติ. เอวรูปํ สารทฺธกายํ ปุคฺคลํ ปริวชฺชนฺตสฺสาปิ, สํยตปาทปาณึ ปสฺสทฺธกายํ ปุคฺคลํ เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ปสฺสทฺธิอุปฺปาทนตฺถาย นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูรี โหตีติ ปชานาติ.
สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สมถนิมิตฺตํ อพฺยคฺคนิมิตฺตํ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ¶ อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) เอวํ อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ สมโถว สมถนิมิตฺตํ, อวิกฺเขปฏฺเน จ อพฺยคฺคนิมิตฺตนฺติ.
อปิจ เอกาทส ธมฺมา สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ วตฺถุวิสทกิริยตา อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนตา นิมิตฺตกุสลตา สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคหณตา สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคหณตา ¶ สมเย สมฺปหํสนตา สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา สมาหิตปุคฺคลเสวนตา ฌานวิโมกฺขปจฺจเวกฺขณตา ตทธิมุตฺตตาติ. ตตฺถ วตฺถุวิสทกิริยตา จ อินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนตา จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
นิมิตฺตกุสลตา นาม กสิณนิมิตฺตสฺส อุคฺคหณกุสลตา. สมเย จิตฺตสฺส ปคฺคหณตาติ ยสฺมึ สมเย อติสิถิลวีริยตาทีหิ ลีนํ จิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยวีริยสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปเนน ตสฺส ปคฺคหณํ. สมเย จิตฺตสฺส นิคฺคหณตาติ ยสฺมึ สมเย อจฺจารทฺธวีริยตาทีหิ ¶ อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, ตสฺมึ สมเย ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสมุฏฺาปเนน ตสฺส นิคฺคหณํ. สมเย สมฺปหํสนตาติ ยสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปฺาปโยคมนฺทตาย วา อุปสมสุขานธิคเมน วา นิรสฺสาทํ โหติ, ตสฺมึ สมเย อฏฺสํเวควตฺถุปจฺจเวกฺขเณน สํเวเชติ. อฏฺ สํเวควตฺถูนิ นาม ชาติชราพฺยาธิมรณานิ จตฺตาริ, อปายทุกฺขํ ปฺจมํ, อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺขนฺติ. รตนตฺตยคุณานุสฺสรเณน จ ปสาทํ ชเนติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘สมเย สมฺปหํสนตา’’ติ.
สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา นาม ยสฺมึ สมเย สมฺมาปฏิปตฺตึ อาคมฺม อลีนํ อนุทฺธตํ อนิรสฺสาทํ อารมฺมเณ สมปฺปวตฺตํ สมถวีถิปฏิปนฺนํ จิตฺตํ โหติ, ตทาสฺส ปคฺคหนิคฺคหสมฺปหํสเนสุ น พฺยาปารํ อาปชฺชติ สารถิ วิย สมปฺปวตฺเตสุ. อสฺเสสุ. อยํ วุจฺจติ ‘‘สมเย อชฺฌุเปกฺขนตา’’ติ. อสมาหิตปุคฺคลปริวชฺชนตา นาม อุปจารํ วา อปฺปนํ วา อปฺปตฺตานํ วิกฺขิตฺตจิตฺตานํ ปุคฺคลานํ อารกา ปริวชฺชนํ. สมาหิตปุคฺคลเสวนตา นาม อุปจาเรน วา อปฺปนาย วา สมาหิตจิตฺตานํ ¶ เสวนา ภชนา ปยิรุปาสนา. ตทธิมุตฺตตา นาม านนิสชฺชาทีสุ สมาธิอุปฺปาทนตฺถํเยว นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตตา. เอวฺหิ ปฏิปชฺชโต เอส อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูรี โหตีติ ปชานาติ.
อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา สํวตฺตตี’’ติ ¶ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) เอวํ อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ อุเปกฺขาเยว อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคฏฺานียา ธมฺมา นาม.
อปิจ ปฺจ ธมฺมา อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาทาย สํวตฺตนฺติ สตฺตมชฺฌตฺตตา สงฺขารมชฺฌตฺตตา สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตา สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลเสวนตา ตทธิมุตฺตตาติ.
ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ สตฺตมชฺฌตฺตตํ สมุฏฺาเปติ – ‘‘ตฺวํ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมน คมิสฺสสิ, เอโสปิ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา ¶ อตฺตโน กมฺเมน คมิสฺสติ, ตฺวํ กํ เกลายสี’’ติ เอวํ กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขเณน จ, ‘‘ปรมตฺถโต สตฺโตเยว นตฺถิ, โส ตฺวํ กํ เกลายสี’’ติ เอวํ นิสฺสตฺตปจฺจเวกฺขเณน จ. ทฺวีเหวากาเรหิ สงฺขารมชฺฌตฺตตํ สมุฏฺาเปติ – ‘‘อิทํ จีวรํ อนุปุพฺเพน วณฺณวิการํ เจว ชิณฺณภาวํ จ อุปคนฺตฺวา ปาทปฺุฉนโจฬกํ หุตฺวา ยฏฺิโกฏิยา ฉฑฺฑนียํ ภวิสฺสติ, สเจ ปนสฺส สามิโก ภเวยฺย, นาสฺส เอวํ วินสฺสิตุํ ทเทยฺยา’’ติ เอวํ อสามิกภาวํ ปจฺจเวกฺขเณน, ‘‘อนทฺธนิยํ อิทํ ตาวกาลิก’’นฺติ เอวํ ตาวกาลิกตาปจฺจเวกฺขเณน จ. ยถา จ จีวเร, เอวํ ปตฺตาทีสุปิ โยชนา กาตพฺพา.
สตฺตสงฺขารเกลายนปุคฺคลปริวชฺชนตาติ เอตฺถ โย ปุคฺคโล คิหิ วา อตฺตโน ปุตฺตธีตาทิเก, ปพฺพชิโต วา อตฺตโน อนฺเตวาสิกสมานุปชฺฌายกาทิเก มมายติ, สหตฺเถเนว เนสํ เกสจฺเฉทนสูจิกมฺมจีวรโธวนรชนปตฺตปจนาทีนิ กโรติ, มุหุตฺตมฺปิ อปสฺสนฺโต ‘‘อสุโก สามเณโร กุหึ, อสุโก ทหโร กุหิ’’นฺติ ภนฺตมิโค วิย อิโต จิโต จ อาโลเกติ ¶ , อฺเน เกสจฺเฉทนาทีนํ อตฺถาย ‘‘มุหุตฺตํ ตาว อสุกํ เปเสถา’’ติ ยาจียมาโนปิ ‘‘อมฺเหปิ ตํ อตฺตโน กมฺมํ น กาเรม, ตุมฺเห ตํ คเหตฺวา กิลเมสฺสถา’’ติ น เทติ. อยํ สตฺตเกลายโน นาม. โย ปน ปตฺตจีวรถาลกกตฺตรยฏฺิอาทีนิ มมายติ, อฺสฺส หตฺเถน ปรามสิตุมฺปิ น เทติ, ตาวกาลิกํ ยาจิโต ‘‘มยมฺปิ อิทํ มมายนฺตา น ปริภฺุชาม, ตุมฺหากํ กึ ทสฺสามา’’ติ วทติ. อยํ สงฺขารเกลายโน นาม. โย ปน เตสุ ทฺวีสุปิ วตฺถูสุ มชฺฌตฺโต อุทาสิโน. อยํ สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺโต นาม. อิติ อยํ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค เอวรูปํ สตฺตสงฺขารเกลายนํ ปุคฺคลํ อารกา ปริวชฺชนฺตสฺสาปิ, สตฺตสงฺขารมชฺฌตฺตปุคฺคลํ เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ¶ ตทุปฺปาทนตฺถํ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺตสฺสาปิ อุปฺปชฺชติ. เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ปนสฺส อรหตฺตมคฺเคน ภาวนาปาริปูรี โหตีติ ปชานาติ.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อตฺตโน วา สตฺต สมฺโพชฺฌงฺเค ปริคฺคณฺหิตฺวา, ปรสฺส วา, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส โพชฺฌงฺเค ปริคฺคณฺหิตฺวา ¶ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ โพชฺฌงฺคานํ นิพฺพตฺตินิโรธวเสน เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว.
เกวลฺหิ อิธ โพชฺฌงฺคปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา โพชฺฌงฺคปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
โพชฺฌงฺคปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุสจฺจปพฺพวณฺณนา
๑๑๙. เอวํ สตฺตโพชฺฌงฺควเสน ธมฺมานุปสฺสนํ วิภชิตฺวา อิทานิ จตุสจฺจวเสน วิภชิตุํ ปุน จปรนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตีติ เปตฺวา ตณฺหํ เตภูมเก ธมฺเม ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ยถาสภาวโต ปชานาติ, ตสฺเสว โข ปน ทุกฺขสฺส ชนิกํ สมุฏฺาปิกํ ปุริมตณฺหํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺตึ นิพฺพานํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ, ทุกฺขปริชานนํ สมุทยปชหนํ นิโรธสจฺฉิกรณํ อริยมคฺคํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ ยถาสภาวโต ปชานาตีติ อตฺโถ. อวเสสา อริยสจฺจกถา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตาเยว.
อิติ อชฺฌตฺตํ วาติ เอวํ อตฺตโน วา จตฺตาริ สจฺจานิ ¶ ปริคฺคณฺหิตฺวา, ปรสฺส วา, กาเลน วา อตฺตโน, กาเลน วา ปรสฺส จตฺตาริ สจฺจานิ ปริคฺคณฺหิตฺวา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ. สมุทยวยา ปเนตฺถ จตุนฺนํ สจฺจานํ ยถาสมฺภวโต อุปฺปตฺตินิวตฺติวเสน เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ วุตฺตนยเมว.
เกวลฺหิ ¶ อิธ จตุสจฺจปริคฺคาหิกา สติ ทุกฺขสจฺจนฺติ เอวํ โยชนํ กตฺวา สจฺจปริคฺคาหกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมุขํ เวทิตพฺพํ. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
จตุสจฺจปพฺพวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอตฺตาวตา ¶ อานาปานํ จตุอิริยาปถํ จตุสมฺปชฺํ ทฺวตฺตึสาการํ จตุธาตุววตฺถานํ นวสิวถิกา เวทนานุปสฺสนา จิตฺตานุปสฺสนา นีวรณปริคฺคโห ขนฺธปริคฺคโห อายตนปริคฺคโห โพชฺฌงฺคปริคฺคโห สจฺจปริคฺคโหติ เอกวีสติ กมฺมฏฺานานิ วุตฺตานิ. เตสุ อานาปานํ ทฺวตฺตึสากาโร นวสิวถิกาติ เอกาทส อปฺปนากมฺมฏฺานานิ โหนฺติ. ทีฆภาณกมหาสีวตฺเถโร ปน ‘‘นวสิวถิกา อาทีนวานุปสฺสนาวเสน วุตฺตา’’ติ อาห. ตสฺมา ตสฺส มเตน ทฺเวเยว อปฺปนากมฺมฏฺานานิ, เสสานิ อุปจารกมฺมฏฺานานิ. กึ ปเนเตสุ สพฺเพสุ อภินิเวโส ชายตีติ? น ชายติ. อิริยาปถสมฺปชฺนีวรณโพชฺฌงฺเคสุ หิ อภินิเวโส น ชายติ, เสเสสุ ชายตีติ. มหาสีวตฺเถโร ปนาห – ‘‘เอเตสุปิ อภินิเวโส ชายติ, อยฺหิ อตฺถิ นุ โข เม จตฺตาโร อิริยาปถา, อุทาหุ นตฺถิ, อตฺถิ นุ โข เม จตุสมฺปชฺํ, อุทาหุ นตฺถิ, อตฺถิ นุ โข เม ปฺจนีวรณา, อุทาหุ นตฺถิ, อตฺถิ นุ โข เม สตฺตโพชฺฌงฺคา, อุทาหุ นตฺถีติ เอวํ ปริคฺคณฺหาติ, ตสฺมา สพฺพตฺถ อภินิเวโส ชายตี’’ติ.
๑๓๗. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเวติ โย หิ โกจิ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา. เอวํ ภาเวยฺยาติ อาทิโต ปฏฺาย วุตฺเตน ภาวนานุกฺกเมน ภาเวยฺย. ปาฏิกงฺขนฺติ ปฏิกงฺขิตพฺพํ, อวสฺสํ ภาวีติ อตฺโถ. อฺาติ อรหตฺตํ. สติ วา อุปาทิเสเสติ อุปาทานเสเส วา สติ ¶ อปริกฺขีเณ. อนาคามิตาติ อนาคามิภาโว.
เอวํ สตฺตนฺนํ วสฺสานํ วเสน สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ทสฺเสตฺวา ปุน ตโต อปฺปตเรปิ กาเล ทสฺเสนฺโต ‘‘ติฏฺนฺตุ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. สพฺพมฺปิ เจตํ มชฺฌิมสฺเสว เนยฺยปุคฺคลสฺส วเสน วุตฺตํ. ติกฺขปฺํ ปน สนฺธาย – ‘‘ปาโต อนุสิฏฺโ สายํ วิเสสํ อธิคมิสฺสติ, สายํ อนุสิฏฺโ ปาโต วิเสสํ อธิคมิสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๔๕) วุตฺตํ.
อิติ ¶ ¶ ภควา ‘‘เอวํนิยฺยานิกํ, ภิกฺขเว, มม สาสน’’นฺติ ทสฺเสตฺวา เอกวีสติยาปิ าเนสุ อรหตฺตนิกูเฏน เทสิตํ เทสนํ นิยฺยาเตนฺโต ‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค…เป… อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ อาห. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
สติปฏฺานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สีหนาทวคฺโค
๑. จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนา
๑๓๙. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ จูฬสีหนาทสุตฺตํ. ยสฺมา ปนสฺส อตฺถุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตฺวา จสฺส อนุปุพฺพปทวณฺณนํ กริสฺสาม. กตราย ปนิทํ อตฺถุปฺปตฺติยา นิกฺขิตฺตนฺติ? ลาภสกฺการปจฺจยา ติตฺถิยปริเทวิเต. ภควโต กิร ธมฺมทายาทสุตฺเต วุตฺตนเยน มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ. จตุปฺปมาณิโก หิ อยํ โลกสนฺนิวาโส, รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน, โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน, ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน, ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโนติ อิเมสํ ปุคฺคลานํ วเสน จตุธา ิโต.
เตสํ อิทํ นานากรณํ – กตโม จ ปุคฺคโล รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อาโรหํ วา ปสฺสิตฺวา ปริณาหํ วา ปสฺสิตฺวา สณฺานํ วา ปสฺสิตฺวา ปาริปูรึ วา ปสฺสิตฺวา ตตฺถ ปมาณํ คเหตฺวา ปสาทํ ชเนติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน.
กตโม จ ปุคฺคโล โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ปรวณฺณนาย ปรโถมนาย ปรปสํสนาย ปรวณฺณหาริกาย, ตตฺถ ปมาณํ คเหตฺวา ปสาทํ ชเนติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน.
กตโม จ ปุคฺคโล ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล จีวรลูขํ วา ปสฺสิตฺวา ปตฺตลูขํ วา ปสฺสิตฺวา, เสนาสนลูขํ วา ปสฺสิตฺวา วิวิธํ วา ทุกฺกรการิกํ ปสฺสิตฺวา ¶ ตตฺถ ปมาณํ คเหตฺวา ปสาทํ ชเนติ, อยํ ¶ วุจฺจติ ปุคฺคโล ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน.
กตโม จ ปุคฺคโล ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโน? อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล สีลํ วา ปสฺสิตฺวา สมาธึ วา ปสฺสิตฺวา ปฺํ วา ปสฺสิตฺวา ตตฺถ ปมาณํ คเหตฺวา ปสาทํ ชเนติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโนติ.
อิเมสุ ¶ จตูสุ ปุคฺคเลสุ รูปปฺปมาโณปิ ภควโต อาโรหปริณาหสณฺานปาริปูริวณฺณโปกฺขรตํ, อสีติอนุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตตฺตา นานารตนวิจิตฺตมิว สุวณฺณมหาปฏํ, ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสมากิณฺณตาย ตาราคณสมุชฺชลํ วิย คคนตลํ สพฺพผาลิผุลฺลํ วิย จ โยชนสตุพฺเพธํ ปาริจฺฉตฺตกํ อฏฺารสรตนุพฺเพธํ พฺยามปฺปภาปริกฺเขปํ สสฺสิริกํ อโนปมสรีรํ ทิสฺวา สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ.
โฆสปฺปมาโณปิ, ภควตา กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโย ปูริตา องฺคปริจฺจาโค ปุตฺตทารปริจฺจาโค, รชฺชปริจฺจาโค อตฺตปริจฺจาโค นยนปริจฺจาโค จ กโตติอาทินา นเยน ปวตฺตํ โฆสํ สุตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ.
ลูขปฺปมาโณปิ ภควโต จีวรลูขํ ทิสฺวา ‘‘สเจ ภควา อคารํ อชฺฌาวสิสฺส, กาสิกวตฺถเมว อธารยิสฺส. ปพฺพชิตฺวา ปนาเนน สาณปํสุกูลจีวเรน สนฺตุสฺสมาเนน ภาริยํ กต’’นฺติ สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ. ปตฺตลูขมฺปิ ทิสฺวา – ‘‘อิมินา อคารํ อชฺฌาวสนฺเตน รตฺตวรสุวณฺณภาชเนสุ จกฺกวตฺติโภชนารหํ สุคนฺธสาลิโภชนํ ปริภุตฺตํ, ปพฺพชิตฺวา ปน ปาสาณมยํ ปตฺตํ อาทาย อุจฺจนีจกุลทฺวาเรสุ สปทานํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธปิณฺฑิยาโลเปน สนฺตุสฺสมาโน ภาริยํ กโรตี’’ติ สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ. เสนาสนลูขํ ทิสฺวาปิ – ‘‘อยํ อคารํ อชฺฌาวสนฺโต ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ ติวิธนาฏกปริวาโร ทิพฺพสมฺปตฺตึ วิย รชฺชสิรึ อนุภวิตฺวา อิทานิ ปพฺพชฺชูปคโต รุกฺขมูลเสนาสนาทีสุ ทารุผลกสิลาปฏฺฏปีมฺจกาทีหิ สนฺตุสฺสมาโน ภาริยํ กโรตี’’ติ สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ¶ ปสีทติ. ทุกฺกรการิกมสฺส ทิสฺวาปิ – ‘‘ฉพฺพสฺสานิ นาม มุคฺคยูสกุลตฺถยูสหเรณุยูสาทีนํ ปสฏมตฺเตน ยาเปสฺสติ, อปฺปาณกํ ¶ ฌานํ ฌายิสฺสติ, สรีเร จ ชีวิเต จ อนเปกฺโข วิหริสฺสติ, อโห ทุกฺกรการโก ภควา’’ติ สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ.
ธมฺมปฺปมาโณปิ ¶ ภควโต สีลคุณํ สมาธิคุณํ ปฺาคุณํ ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติสมฺปทํ อภิฺาปาริปูรึ ยมกปาฏิหาริยํ เทโวโรหณํ ปาถิกปุตฺตทมนาทีนิ จ อเนกานิ อจฺฉริยานิ ทิสฺวา สมฺมาสมฺพุทฺเธเยว ปสีทติ, เต เอวํ ปสนฺนา ภควโต มหนฺตํ ลาภสกฺการํ อภิหรนฺติ. ติตฺถิยานํ ปน พาเวรุชาตเก กากสฺส วิย ลาภสกฺกาโร ปริหายิตฺถ. ยถาห –
‘‘อทสฺสเนน โมรสฺส, สิขิโน มฺชุภาณิโน;
กากํ ตตฺถ อปูเชสุํ, มํเสน จ ผเลน จ.
ยทา จ สรสมฺปนฺโน, โมโร พาเวรุมาคมา;
อถ ลาโภ จ สกฺกาโร, วายสสฺส อหายถ.
ยาว นุปฺปชฺชติ พุทฺโธ, ธมฺมราชา ปภงฺกโร;
ตาว อฺเ อปูเชสุํ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณ.
ยทา จ สรสมฺปนฺโน, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;
อถ ลาโภ จ สกฺกาโร, ติตฺถิยานํ อหายถา’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๕๓-๑๕๖);
เต เอวํ ปหีนลาภสกฺการา รตฺตึ เอกทฺวงฺคุลมตฺตํ โอภาเสตฺวาปิ สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกา วิย หตปฺปภา อเหสุํ.
ยถา ¶ หิ ขชฺโชปนกา, กาฬปกฺขมฺหิ รตฺติยา;
นิทสฺสยนฺติ โอภาสํ, เอเตสํ วิสโย หิ โส.
ยทา จ รสฺมิสมฺปนฺโน, อพฺภุเทติ ปภงฺกโร;
อถ ขชฺชุปสงฺฆานํ, ปภา อนฺตรธายติ.
เอวํ ขชฺชุปสทิสา, ติตฺถิยาปิ ปุถู อิธ;
กาฬปกฺขูปเม โลเก, ทีปยนฺติ สกํ คุณํ.
ยทา จ พุทฺโธ โลกสฺมึ, อุเทติ อมิตปฺปโภ;
นิปฺปภา ติตฺถิยา โหนฺติ, สูริเย ขชฺชุปกา ยถาติ.
เต เอวํ นิปฺปภา หุตฺวา กจฺฉุปิฬกาทีหิ กิณฺณสรีรา ปรมปาริชฺุปตฺตา เยน พุทฺโธ เยน ธมฺโม เยน สงฺโฆ เยน จ มหาชนสฺส สนฺนิปาโต, เตน ¶ เตน คนฺตฺวา อนฺตรวีถิยมฺปิ ¶ สิงฺฆาฏเกปิ จตุกฺเกปิ สภายมฺปิ ตฺวา ปริเทวนฺติ –
‘‘กึ โภ สมโณเยว โคตโม สมโณ, มยํ อสฺสมณา; สมณสฺเสว โคตมสฺส สาวกา สมณา, อมฺหากํ สาวกา อสฺสมณา? สมณสฺเสว โคตมสฺส สาวกานฺจสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ, น อมฺหากํ, สาวกานฺจ โน ทินฺนํ มหปฺผลํ? นนุ สมโณปิ โคตโม สมโณ, มยมฺปิ สมณา. สมณสฺสปิ โคตมสฺส สาวกา สมณา, อมฺหากมฺปิ สาวกา สมณา. สมณสฺสปิ โคตมสฺส สาวกานฺจสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ, อมฺหากมฺปิ สาวกานฺจ โน ทินฺนํ มหปฺผลฺเจว? สมณสฺสปิ โคตมสฺส สาวกานฺจสฺส เทถ กโรถ, อมฺหากมฺปิ สาวกานฺจ โน เทถ สกฺกโรถ? นนุ สมโณ โคตโม ปุริมานิ ทิวสานิ อุปฺปนฺโน, มยํ ปน โลเก อุปฺปชฺชมาเนเยว อุปฺปนฺนา’’ติ.
เอวํ นานปฺปการํ วิรวนฺติ. อถ ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโยติ จตสฺโส ปริสา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ภควโต อาโรเจสุํ ‘‘ติตฺถิยา ภนฺเต อิทฺจิทฺจ กเถนฺตี’’ติ ¶ . ตํ สุตฺวา ภควา – ‘‘มา ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ติตฺถิยานํ วจเนน ‘อฺตฺร สมโณ อตฺถี’ติ สฺิโน อหุวตฺถา’’ติ วตฺวา อฺติตฺถิเยสุ สมณภาวํ ปฏิเสเธนฺโต อิเธว จ อนุชานนฺโต อิมิสฺสา อตฺถุปฺปตฺติยา อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณติ อิทํ สุตฺตํ อภาสิ.
ตตฺถ อิเธวาติ อิมสฺมึเยว สาสเน. อยํ ปน นิยโม เสสปเทสุปิ เวทิตพฺโพ. ทุติยาทโยปิ หิ สมณา อิเธว, น อฺตฺถ. สมโณติ โสตาปนฺโน. เตเนวาห – ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปโม สมโณ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ, อยํ, ภิกฺขเว, ปโม สมโณ’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑).
ทุติโยติ สกทาคามี. เตเนวาห – ‘‘กตโม จ? ภิกฺขเว, ทุติโย สมโณ. อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ¶ ตนุตฺตา สกทาคามี โหติ, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ. อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย สมโณ’’ติ.
ตติโยติ อนาคามี. เตเนวาห – ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ตติโย สมโณ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก โหติ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา ¶ โลกา. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย สมโณ’’ติ.
จตุตฺโถติ อรหา. เตเนวาห – ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ สมโณ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ สมโณ’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). อิติ อิมสฺมึ าเน จตฺตาโร ผลฏฺกสมณาว อธิปฺเปตา.
สฺุาติ ริตฺตา ตุจฺฉา. ปรปฺปวาทาติ จตฺตาโร สสฺสตวาทา, จตฺตาโร เอกจฺจสสฺสติกา, จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา, จตฺตาโร อมราวิกฺเขปิกา, ทฺเว อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา, โสฬส สฺีวาทา, อฏฺ อสฺีวาทา, อฏฺ เนวสฺีนาสฺีวาทา, สตฺต อุจฺเฉทวาทา, ปฺจ ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทาติ อิเม สพฺเพปิ พฺรหฺมชาเล อาคตา ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย. อิโต พาหิรานํ ปเรสํ ¶ วาทา ปรปฺปวาทา นาม. เต สพฺเพปิ อิเมหิ จตูหิ ผลฏฺกสมเณหิ สฺุา, น หิ เต เอตฺถ สนฺติ. น เกวลฺจ เอเตเหว สฺุา, จตูหิ ปน มคฺคฏฺกสมเณหิปิ จตุนฺนํ มคฺคานํ อตฺถาย อารทฺธวิปสฺสเกหิปีติ ทฺวาทสหิปิ สมเณหิ สฺุา เอว. อิมเมว อตฺถํ สนฺธาย ภควตา มหาปรินิพฺพาเน วุตฺตํ –
‘‘เอกูนตึโส วยสา สุภทฺท,
ยํ ปพฺพชึ กึ กุสลานุเอสี;
วสฺสานิ ปฺาส สมาธิกานิ,
ยโต อหํ ปพฺพชิโต สุภทฺท;
ายสฺส ธมฺมสฺส ปเทสวตฺตี,
อิโต พหิทฺธา สมโณปิ นตฺถิ.
‘‘ทุติโยปิ สมโณ นตฺถิ, ตติโยปิ สมโณ นตฺถิ, จตุตฺโถปิ สมโณ นตฺถิ. สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔).
เอตฺถ ¶ หิ ปเทสวตฺตีติ อารทฺธวิปสฺสโก อธิปฺเปโต. ตสฺมา โสตาปตฺติมคฺคสฺส อารทฺธวิปสฺสกํ มคฺคฏฺํ ผลฏฺนฺติ ตโยปิ เอกโต กตฺวา สมโณปิ นตฺถีติ อาห. สกทาคามิมคฺคสฺส อารทฺธวิปสฺสกํ มคฺคฏฺํ ผลฏฺนฺติ ตโยปิ เอกโต กตฺวา ทุติโยปิ สมโณ นตฺถีติ อาห. อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย.
กสฺมา ปเนเต อฺตฺถ นตฺถีติ? อเขตฺตตาย. ยถา หิ น อารคฺเค สาสโป ติฏฺติ, น อุทกปิฏฺเ อคฺคิ ชลติ, น ปิฏฺิปาสาเณ พีชานิ รุหนฺติ, เอวเมว พาหิเรสุ ติตฺถายตเนสุ ¶ น อิเม สมณา อุปฺปชฺชนฺติ, อิมสฺมึเยว ปน สาสเน อุปฺปชฺชนฺติ. กสฺมา? เขตฺตตาย. เตสํ อเขตฺตตา จ เขตฺตตา จ อริยมคฺคสฺส อภาวโต จ ภาวโต จ เวทิตพฺพา. เตนาห ภควา –
‘‘ยสฺมึ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค น อุปลพฺภติ, สมโณปิ ตตฺถ ¶ น อุปลพฺภติ, ทุติโยปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติ, ตติโยปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติ, จตุตฺโถปิ ตตฺถ สมโณ น อุปลพฺภติ. ยสฺมิฺจ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุปลพฺภติ, สมโณปิ ตตฺถ อุปลพฺภติ, ทุติโยปิ ตตฺถ…เป…. จตุตฺโถปิ ตตฺถ สมโณ อุปลพฺภติ. อิมสฺมึ โข, สุภทฺท, ธมฺมวินเย อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุปลพฺภติ, อิเธว, สุภทฺท, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ, สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔).
เอวํ ยสฺมา ติตฺถายตนํ อเขตฺตํ, สาสนํ เขตฺตํ, ตสฺมา ยถา สุรตฺตหตฺถปาโท สูรเกสรโก สีโห มิคราชา น สุสาเน วา สงฺการกูเฏ วา ปฏิวสติ, ติโยชนสหสฺสวิตฺถตํ ปน หิมวนฺตํ อชฺโฌคาเหตฺวา มณิคุหายํเยว ปฏิวสติ. ยถา จ ฉทฺทนฺโต นาคราชา น โคจริยหตฺถิกุลาทีสุ นวสุ นาคกุเลสุ อุปฺปชฺชติ, ฉทฺทนฺตกุเลเยว อุปฺปชฺชติ. ยถา จ วลาหโก อสฺสราชา น คทฺรภกุเล วา โฆฏกกุเล วา อุปฺปชฺชติ, สินฺธุยา ตีเร ปน สินฺธวกุเลเยว อุปฺปชฺชติ. ยถา จ สพฺพกามททํ มโนหรํ มณิรตนํ น สงฺการกูเฏ ¶ วา ปํสุปพฺพตาทีสุ วา อุปฺปชฺชติ, เวปุลฺลปพฺพตพฺภนฺตเรเยว อุปฺปชฺชติ. ยถา จ ติมิรปิงฺคโล มจฺฉราชา น ขุทฺทกโปกฺขรณีสุ อุปฺปชฺชติ, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร มหาสมุทฺเทเยว อุปฺปชฺชติ. ยถา จ ทิยฑฺฒโยชนสติโก สุปณฺณราชา น คามทฺวาเร เอรณฺฑวนาทีสุ ปฏิวสติ, มหาสมุทฺทํ ปน อชฺโฌคาเหตฺวา สิมฺพลิทหวเนเยว ปฏิวสติ. ยถา จ ธตรฏฺโ สุวณฺณหํโส น คามทฺวาเร อาวาฏกาทีสุ ปฏิวสติ, นวุติหํสสหสฺสปริวาโร หุตฺวา จิตฺตกูฏปพฺพเตเยว ปฏิวสติ. ยถา จ จตุทฺทีปิสฺสโร จกฺกวตฺติราชา ¶ น นีจกุเล อุปฺปชฺชติ, อสมฺภินฺนชาติขตฺติยกุเลเยว ปน อุปฺปชฺชติ. เอวเมว อิเมสุ สมเณสุ เอกสมโณปิ น อฺติตฺถายตเน อุปฺปชฺชติ, อริยมคฺคปริกฺขิตฺเต ปน พุทฺธสาสเนเยว อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ…เป… สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณหิ สมเณภิ อฺเหี’’ติ.
สมฺมา สีหนาทํ นทถาติ เอตฺถ สมฺมาติ เหตุนา นเยน การเณน. สีหนาทนฺติ เสฏฺนาทํ อภีตนาทํ อปฺปฏินาทํ. อิเมสฺหิ จตุนฺนํ สมณานํ อิเธว อตฺถิตาย อยํ นาโท เสฏฺนาโท นาม โหติ อุตฺตมนาโท. ‘‘อิเม สมณา อิเธว อตฺถี’’ติ วทนฺตสฺส อฺโต ภยํ วา อาสงฺกา ¶ วา นตฺถีติ อภีตนาโท นาม โหติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ สาสเน อิเม สมณา อตฺถี’’ติ ปูรณาทีสุ เอกสฺสาปิ อุฏฺหิตฺวา วตฺตุํ อสมตฺถตาย อยํ นาโท อปฺปฏินาโท นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สีหนาทนฺติ เสฏฺนาทํ อภีตนาทํ อปฺปฏินาท’’นฺติ.
๑๔๐. านํ โข ปเนตํ วิชฺชตีติ อิทํ โข ปน การณํ วิชฺชติ. ยํ อฺติตฺถิยาติ เยน การเณน อฺติตฺถิยา. เอตฺถ จ ติตฺถํ ชานิตพฺพํ, ติตฺถกโร ชานิตพฺโพ ติตฺถิยา ชานิตพฺพา, ติตฺถิยสาวกา ชานิตพฺพา. ติตฺถํนาม ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย. เอตฺถ หิ สตฺตา ตรนฺติ อุปฺปลวนฺติ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺติ, ตสฺมา ติตฺถนฺติ วุจฺจนฺติ. ตาสํ ทิฏฺีนํ อุปฺปาเทตา ติตฺถกโร นาม. ตสฺส ลทฺธึ คเหตฺวา ปพฺพชิตา ติตฺถิยา นาม. เตสํ ปจฺจยทายกา ติตฺถิยสาวกาติ เวทิตพฺพา. ปริพฺพาชกาติ คิหิพนฺธนํ ปหาย ปพฺพชฺชูปคตา. อสฺสาโสติ อวสฺสโย ปติฏฺา อุปตฺถมฺโภ. พลนฺติ ถาโม. เยน ตุมฺเหติ เยน อสฺสาเสน วา พเลน วา เอวํ วเทถ.
อตฺถิ ¶ โข โน, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ เอตฺถ อยํ สงฺเขปตฺโถ – โย โส ภควา สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, เตน ภควตา เตสํ เตสํ สตฺตานํ อาสยานุสยํ ชานตา, หตฺถตเล ปิตํ อามลกํ วิย สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ปสฺสตา. อปิจ ปุพฺเพนิวาสาทีหิ ชานตา, ทิพฺเพน จกฺขุนา ปสฺสตา. ตีหิ วิชฺชาหิ ¶ ฉหิ วา ปน อภิฺาหิ ชานตา, สพฺพตฺถ อปฺปฏิหเตน สมนฺตจกฺขุนา ปสฺสตา. สพฺพธมฺมชานนสมตฺถาย ปฺาย ชานตา, สพฺพสตฺตานํ จกฺขุวิสยาตีตานิ ติโรกุฏฺฏาทิคตานิ วาปิ รูปานิ อติวิสุทฺเธน มํสจกฺขุนา ปสฺสตา. อตฺตหิตสาธิกาย สมาธิปทฏฺานาย ปฏิเวธปฺาย ชานตา, ปรหิตสาธิกาย กรุณาปทฏฺานาย เทสนาปฺาย ปสฺสตา. อรีนํ หตตฺตา ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา จ อรหตา, สมฺมา สามฺจ สจฺจานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อนฺตรายิกธมฺเม วา ชานตา, นิยฺยานิกธมฺเม ปสฺสตา. กิเลสารีนํ หตตฺตา อรหตา, สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ, เอวํ จตุเวสารชฺชวเสน จตูหิ อากาเรหิ โถมิเตน จตฺตาโร ธมฺมา อกฺขาตา, เย มยํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมานา เอวํ วเทม, น ราชราชมหามตฺตาทีนํ อุปตฺถมฺภํ กายพลนฺติ.
สตฺถริ ¶ ปสาโทติ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา นเยน พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺตานํ อุปฺปนฺนปฺปสาโท. ธมฺเม ปสาโทติ ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทินา นเยน ธมฺมคุเณ อนุสฺสรนฺตานํ อุปฺปนฺนปฺปสาโท. สีเลสุ ปริปูรการิตาติ อริยกนฺเตสุ สีเลสุ ปริปูรการิตา. อริยกนฺตสีลานิ นาม ปฺจสีลานิ. ตานิ หิ ภวนฺตรคโตปิ อริยสาวโก อตฺตโน อริยสาวกภาวํ อชานนฺโตปิ น วีติกฺกมติ. สเจปิ หิ นํ โกจิ วเทยฺย – ‘‘อิมํ สกลํ จกฺกวตฺติรชฺชํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ขุทฺทกมกฺขิกํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อฏฺานเมตํ, ยํ โส ตสฺส วจนํ กเรยฺย. เอวํ อริยานํ สีลานิ กนฺตานิ ปิยานิ มนาปานิ. ตานิ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สีเลสุ ปริปูรการิตา’’ติ.
สหธมฺมิกา โข ปนาติ ภิกฺขุ ภิกฺขุนี สิกฺขมานา สามเณโร สามเณรี อุปาสโก อุปาสิกาติ เอเต สตฺต สหธมฺมจาริโน. เอเตสุ หิ ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สหธมฺมํ จรติ สมานสิกฺขตาย. ตถา ¶ ภิกฺขุนี ภิกฺขุนีหิ…เป… อุปาสิกา อุปาสิกาหิ, โสตาปนฺโน โสตาปนฺเนหิ, สกทาคามี…เป… อนาคามีหิ สหธมฺมํ จรติ. ตสฺมา สพฺเพเปเต สหธมฺมิกาติ วุจฺจนฺติ. อปิเจตฺถ อริยสาวกาเยว อธิปฺเปตา. เตสฺหิ ¶ ภวนฺตเรปิ มคฺคทสฺสนมฺหิ วิวาโท นตฺถิ, ตสฺมา เต อจฺจนฺตํ เอกธมฺมจาริตาย สหธมฺมิกา. อิมินา, ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา นเยน สงฺฆํ อนุสฺสรนฺตานํ อุปฺปนฺนปฺปสาโท กถิโต. เอตฺตาวตา จตฺตาริ โสตาปนฺนสฺส องฺคานิ กถิตานิ โหนฺติ.
อิเม โข โน, อาวุโสติ, อาวุโส, อิเม จตฺตาโร ธมฺมา เตน ภควตา อมฺหากํ อสฺสาโส เจว พลฺจาติ อกฺขาตา, เย มยํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมานา เอวํ วเทม.
๑๔๑. โย อมฺหากํ สตฺถาติ อิมินา ปูรณกสฺสปาทิเก ฉ สตฺถาโร อปทิสฺสนฺติ. ยถา ปน อิทานิ สาสเน อาจริยุปชฺฌายาทีสุ ‘‘อมฺหากํ อาจริโย, อมฺหากํ อุปชฺฌาโย’’ติ เคหสิตเปมํ โหติ. เอวรูปํ เปมํ สนฺธาย ‘‘สตฺถริ ปสาโท’’ติ วทนฺติ. เถโร ปนาห – ‘‘ยสฺมา สตฺถา นาม น เอกสฺส, น ทฺวินฺนํ โหติ, สเทวกสฺส โลกสฺส เอโกว สตฺถา, ตสฺมา ติตฺถิยา ‘อมฺหากํ สตฺถา’ ติ เอกปเทเนว สตฺถารํ วิสุํ กตฺวา อิมินาว ปเทน วิรุทฺธา ปราชิตา’’ติ. ธมฺเม ปสาโทติ อิทํ ปน ยถา อิทานิ สาสเน ‘‘อมฺหากํ ทีฆนิกาโย อมฺหากํ ¶ มชฺฌิมนิกาโย’’ติ มมายนฺติ, เอวํ อตฺตโน อตฺตโน ปริยตฺติธมฺเม เคหสิตเปมํ สนฺธาย วทนฺติ. สีเลสูติ อชสีลโคสีลเมณฺฑกสีลกุกฺกุรสีลาทีสุ. อิธ โน อาวุโสติ เอตฺถ อิธาติ ปสาทํ สนฺธาย วทนฺติ. โก อธิปฺปยาโสติ โก อธิกปฺปโยโค. ยทิทนฺติ ยมิทํ ตุมฺหากฺเจว อมฺหากฺจ นานากรณํ วเทยฺยาถ. ตํ กึ นาม? ตุมฺหากมฺปิ หิ จตูสุ าเนสุ ปสาโท, อมฺหากมฺปิ. นนุ เอตสฺมึ ปสาเท ตุมฺเห จ อมฺเห จ ทฺเวธา ภินฺนสุวณฺณํ วิย เอกสทิสาติ วาจาย สมธุรา หุตฺวา อฏฺํสุ.
อถ เนสํ ตํ สมธุรตํ ภินฺทนฺโต ภควา เอวํ วาทิโนติอาทิมาห. ตตฺถ เอกา นิฏฺาติ ยา ตสฺส ปสาทสฺส ปริโยสานภูตา ¶ นิฏฺา, กึ สา เอกา, อุทาหุ ปุถูติ เอวํ ปุจฺฉถาติ วทติ. ยสฺมา ปน ตสฺมึ ตสฺมึ สมเย นิฏฺํ อปฺเปนฺโต นาม นตฺถิ, พฺราหฺมณานฺหิ พฺรหฺมโลโก นิฏฺา, มหาตาปสานํ อาภสฺสรา, ปริพฺพาชกานํ สุภกิณฺหา, อาชีวกานํ ‘‘อนนฺตมานโส’’ติ เอวํ ปริกปฺปิโต อสฺีภโว ¶ . อิมสฺมึ สาสเน ปน อรหตฺตํ นิฏฺา. สพฺเพว เจเต อรหตฺตเมว นิฏฺาติ วทนฺติ. ทิฏฺิวเสน ปน พฺรหฺมโลกาทีนิ ปฺเปนฺติ. ตสฺมา อตฺตโน อตฺตโน ลทฺธิวเสน เอกเมว นิฏฺํ ปฺเปนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ภควา สมฺมา พฺยากรมานาติอาทิมาห.
อิทานิ ภิกฺขูนมฺปิ เอกา นิฏฺา, ติตฺถิยานมฺปิ เอกา นิฏฺาติ ทฺวีสุ อฏฺฏการเกสุ วิย ิเตสุ ภควา อนุโยควตฺตํ ทสฺเสนฺโต สา ปนาวุโส, นิฏฺา สราคสฺส, อุทาหุ วีตราคสฺสาติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา ราครตฺตาทีนํ นิฏฺา นาม นตฺถิ. ยทิ สิยา, โสณสิงฺคาลาทีนมฺปิ สิยาติ อิมํ โทสํ ปสฺสนฺตานํ ติตฺถิยานํ ‘‘วีตราคสฺส อาวุโส สา นิฏฺา’’ติอาทินา นเยน พฺยากรณํ ทสฺสิตํ.
ตตฺถ วิทฺทสุโนติ ปณฺฑิตสฺส. อนุรุทฺธปฏิวิรุทฺธสฺสาติ ราเคน อนุรุทฺธสฺส โกเธน ปฏิวิรุทฺธสฺส. ปปฺจารามสฺส ปปฺจรติโนติ เอตฺถ อารมนฺติ เอตฺถาติ อาราโม. ปปฺโจ อาราโม อสฺสาติ ปปฺจาราโม. ปปฺเจ รติ อสฺสาติ ปปฺจรติ. ปปฺโจติ จ มตฺตปมตฺตาการภาเวน ปวตฺตานํ ตณฺหาทิฏฺิมานานเมตํ อธิวจนํ. อิธ ปน ตณฺหาทิฏฺิโยว อธิปฺเปตา. สราคสฺสาติอาทีสุ ปฺจสุ าเนสุ เอโกว กิเลโส อาคโต. ตสฺส อาการโต นานตฺตํ ¶ เวทิตพฺพํ. สราคสฺสาติ หิ วุตฺตฏฺาเน ปฺจกามคุณิกราควเสน คหิโต. สตณฺหสฺสาติ ภวตณฺหาวเสน. สอุปาทานสฺสาติ คหณวเสน. อนุรุทฺธปฏิวิรุทฺธสฺสาติ ยุคฬวเสน. ปปฺจารามสฺสาติ ปปฺจุปฺปตฺติทสฺสนวเสน. สราคสฺสาติ วา เอตฺถ อกุสลมูลวเสน คหิโต. สตณฺหสฺสาติ เอตฺถ ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานทสฺสนวเสน. เสสํ ปุริมสทิสเมว. เถโร ปนาห ‘‘กสฺมา เอวํ วิทฺธํเสถ? เอโกเยว หิ อยํ โลโภ รชฺชนวเสน ราโคติ วุตฺโต. ตณฺหากรณวเสน ตณฺหา. คหณฏฺเน อุปาทานํ. ยุคฬวเสน อนุโรธปฏิวิโรโธ. ปปฺจุปฺปตฺติทสฺสนฏฺเน ปปฺโจ’’ติ.
๑๔๒. อิทานิ ¶ อิเมสํ กิเลสานํ มูลภูตํ ทิฏฺิวาทํ ทสฺเสนฺโต ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ทิฏฺิโยติอาทิมาห.
ตตฺถ ภวทิฏฺีติ สสฺสตทิฏฺิ. วิภวทิฏฺีติ อุจฺเฉททิฏฺิ. ภวทิฏฺึ อลฺลีนาติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน สสฺสตทิฏฺึ อลฺลีนา. อุปคตาติ ¶ ตณฺหาทิฏฺิวเสเนว อุปคตา. อชฺโฌสิตาติ ตณฺหาทิฏฺิวเสเนว อนุปวิฏฺา. วิภวทิฏฺิยา เต ปฏิวิรุทฺธาติ เต สพฺเพ อุจฺเฉทวาทีหิ สทฺธึ – ‘‘ตุมฺเห อนฺธพาลา น ชานาถ, สสฺสโต อยํ โลโก, นายํ โลโก อุจฺฉิชฺชตี’’ติ ปฏิวิรุทฺธา นิจฺจํ กลหภณฺฑนปสุตา วิหรนฺติ. ทุติยวาเรปิ เอเสว นโย.
สมุทยฺจาติอาทีสุ ทฺเว ทิฏฺีนํ สมุทยา ขณิกสมุทโย ปจฺจยสมุทโย จ. ขณิกสมุทโย ทิฏฺีนํ นิพฺพตฺติ. ปจฺจยสมุทโย อฏฺ านานิ. เสยฺยถิทํ, ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานํ, อวิชฺชาปิ, ผสฺโสปิ, สฺาปิ, วิตกฺโกปิ, อโยนิโสมนสิกาโรปิ, ปาปมิตฺโตปิ, ปรโตโฆโสปิ ทิฏฺิฏฺานํ. ‘‘ขนฺธา เหตุ ขนฺธา ปจฺจโย ทิฏฺีนํ อุปาทาย สมุฏฺานฏฺเน. เอวํ ขนฺธาปิ ทิฏฺิฏฺานํ. อวิชฺชา… ผสฺโส… สฺา… วิตกฺโก… อโยนิโสมนสิกาโร… ปาปมิตฺโต… ปรโตโฆโส เหตุ, ปรโตโฆโส ปจฺจโย ทิฏฺีนํ อุปาทาย สมุฏฺานฏฺเน. เอวํ ปรโตโฆโสปิ ทิฏฺิฏฺานํ’’ (ปฏิ. ม. ๑.๑๒๔). อตฺถงฺคมาปิ ทฺเวเยว ขณิกตฺถงฺคโม ปจฺจยตฺถงฺคโม จ. ขณิกตฺถงฺคโม นาม ขโย วโย เภโท ปริเภโท อนิจฺจตา อนฺตรธานํ. ปจฺจยตฺถงฺคโม นาม โสตาปตฺติมคฺโค. โสตาปตฺติมคฺโค หิ ทิฏฺิฏฺานสมุคฺฆาโตติ วุตฺโต.
อสฺสาทนฺติ ¶ ทิฏฺิมูลกํ อานิสํสํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ยํทิฏฺิโก สตฺถา โหติ, ตํทิฏฺิกา สาวกา โหนฺติ. ยํทิฏฺิกา สตฺถารํ สาวกา สกฺกโรนฺติ, ครุํ กโรนฺติ, มาเนนฺติ, ปูเชนฺติ, ลภนฺติ ตโตนิทานํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ. อยํ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิยา ทิฏฺธมฺมิโก อานิสํโส’’ติ. อาทีนวนฺติ ทิฏฺิคฺคหณมูลกํ อุปทฺทวํ. โส วคฺคุลิวตํ อุกฺกุฏิกปฺปธานํ กณฺฏกาปสฺสยตา ปฺจาตปตปฺปนํ สานุปปาตปตนํ เกสมสฺสุลฺุจนํ อปฺโปณกํ ฌานนฺติอาทีนํ วเสนํ เวทิตพฺโพ. นิสฺสรณนฺติ ทิฏฺีนํ นิสฺสรณํ นาม นิพฺพานํ. ยถาภูตํ ¶ นปฺปชานนฺตีติ เย เอตํ สพฺพํ ยถาสภาวํ น ชานนฺติ. น ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมาติ สกลวฏฺฏทุกฺขโต ¶ น ปริมุจฺจนฺติ. อิมินา เอเตสํ นิฏฺา นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมาติ สกลวฏฺฏทุกฺขโต ปริมุจฺจนฺติ. อิมินา เอเตสํ นิฏฺา นาม อตฺถีติ ทฺวินฺนํ อฏฺฏการกานํ อฏฺฏํ ฉินฺทนฺโต วิย สาสนสฺมึเยว นิฏฺาย อตฺถิตํ ปติฏฺเปติ.
๑๔๓. อิทานิ ทิฏฺิจฺเฉทนํ ทสฺเสนฺโต จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อุปาทานานีติอาทิมาห. เตสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตาเยว.
สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานาติ มยํ สพฺเพสํ อุปาทานานํ ปริฺํ สมติกฺกมํ วทามาติ เอวํ ปฏิชานมานา. น สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺนฺติ สพฺเพสํ อุปาทานานํ สมติกฺกมํ สมฺมา น ปฺเปนฺติ. เกจิ กามุปาทานมตฺตสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. เกจิ ทิฏฺุปาทานมตฺตสฺส ปฺเปนฺติ, เกจิ สีลพฺพตุปาทานสฺสาปิ. อตฺตวาทุปาทานสฺส ปน ปริฺํ ปฺเปนฺโต นาม นตฺถิ. เตสํ ปน เภทํ ทสฺเสนฺโต กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺตีติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺเพปิ กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติเยว, ฉนฺนวุติ ปาสณฺฑาปิ หิ ‘‘กามา โข ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา’’ติ วตฺถุปฏิเสวนํ กามํ กปฺปตีติ น ปฺเปนฺติ, อกปฺปิยเมว กตฺวา ปฺเปนฺติ. เย ปน เสวนฺติ, เต เถยฺเยน เสวนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺตี’’ติ.
ยสฺมา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทีนิ คเหตฺวา จรนฺติ. ‘‘สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธิ, ภาวนาย สุทฺธี’’ติ คณฺหนฺติ, อตฺตุปลทฺธึ น ปชหนฺติ, ตสฺมา น ทิฏฺุปาทานสฺส, น สีลพฺพตุปาทานสฺส ¶ , น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ อปฺาปนํ เอเตสํ กิสฺส เหตุ, กึ การณา? อิมานิ หิ เต โภนฺโตติ ยสฺมา เต โภนฺโต อิมานิ ตีณิ การณานิ ยถาสภาวโต น ชานนฺตีติ อตฺโถ. เย ปเนตฺถ ทฺวินฺนํ ปริฺานํ ปฺาปนการณํ ทิฏฺิฺเจว สีลพฺพตฺจ ‘‘เอตํ ปหาตพฺพ’’นฺติ ยถาสภาวโต ชานนฺติ. เต สนฺธาย ปรโต ทฺเว วารา วุตฺตา. ตตฺถ เย ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทีนิ คณฺหนฺติ, เต ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. เย ปน ‘‘น สีเลน สุทฺธิ, น วเตน สุทฺธิ, น ¶ ภาวนาย สุทฺธี’’ติ คณฺหนฺติ, เต สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปน เอโกปิ ปฺเปตุํ น สกฺโกติ. อฏฺสมาปตฺติลาภิโนปิ หิ จนฺทิมสูริเย ปาณินา ¶ ปริมชฺชิตฺวา จรมานาปิ จ ติตฺถิยา ติสฺโส ปริฺา ปฺเปนฺติ. อตฺตวาทํ มฺุจิตุํ น สกฺโกนฺติ. ตสฺมา ปุนปฺปุนํ วฏฺฏสฺมึเยว ปตนฺติ. ปถวิชิคุจฺฉนสสโก วิย หิ เอเต.
ตตฺถายํ อตฺถสลฺลาปิกา อุปมา – ปถวี กิร สสกํ อาห – ‘‘โภ สสกา’’ติ. สสโก อาห – ‘‘โก เอโส’’ติ. ‘‘กสฺมา มเมว อุปริ สพฺพอิริยาปเถ กปฺเปนฺโต อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺโต มํ น ชานาสี’’ติ. ‘‘สุฏฺุ ตยา อหํ ทิฏฺโ, มยา อกฺกนฺตฏฺานมฺปิ องฺคุลคฺเคหิ ผุฏฺฏฺานํ วิย โหติ, วิสฺสฏฺอุทกํ อปฺปมตฺตกํ, กรีสํ กตกผลมตฺตํ. หตฺถิอสฺสาทีหิ ปน อกฺกนฺตฏฺานมฺปิ มหนฺตํ, ปสฺสาโวปิ เนสํ ฆฏมตฺโต โหติ, อุจฺจาโรปิ ปจฺฉิมตฺโต โหติ, อลํ มยฺหํ ตยา’’ติ อุปฺปติตฺวา อฺสฺมึ าเน ปติโต. ตโต นํ ปถวี อาห – ‘‘อเร ทูรํ คโตปิ นนุ มยฺหํ อุปริเยว ปติโตสี’’ติ. โส ปุน ตํ ชิคุจฺฉนฺโต อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ ปติโต, เอวํ วสฺสสหสฺสมฺปิ อุปฺปติตฺวา ปตมาโน สสโก ปถวึ มฺุจิตุํ น สกฺโกติ. เอวเมวํ ติตฺถิยา สพฺพูปาทานปริฺํ ปฺเปนฺโตปิ กามุปาทานาทีนํ ติณฺณํเยว สมติกฺกมํ ปฺเปนฺติ. อตฺตวาทํ ปน มฺุจิตุํ น สกฺโกนฺติ, อสกฺโกนฺตา ปุนปฺปุนํ วฏฺฏสฺมึเยว ปตนฺตีติ.
เอวํ ยํ ติตฺถิยา สมติกฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺส วเสน ทิฏฺิจฺเฉทวาทํ วตฺวา อิทานิ ปสาทปจฺเฉทวาทํ ทสฺเสนฺโต เอวรูเป โข, ภิกฺขเว, ธมฺมวินเยติอาทิมาห. ตตฺถ ธมฺมวินเยติ ธมฺเม เจว วินเย จ, อุภเยนปิ อนิยฺยานิกสาสนํ ทสฺเสติ. ‘‘โย สตฺถริ ปสาโท ¶ โส น สมฺมคฺคโต’’ติ อนิยฺยานิกสาสนมฺหิ หิ สตฺถา กาลํ กตฺวา สีโหปิ โหติ, พฺยคฺโฆปิ โหติ, ทีปิปิ อจฺโฉปิ ตรจฺโฉปิ. สาวกา ปนสฺส มิคาปิ สูกราปิ ปสทาปิ โหนฺติ, โส ‘‘อิเม มยฺหํ ปุพฺเพ อุปฏฺากา ปจฺจยทายกา’’ติ ขนฺตึ วา เมตฺตํ วา อนุทฺทยํ วา อกตฺวา เตสํ อุปริ ปติตฺวา โลหิตํ ปิวติ, ถูลถูลมํสานิปิ ขาทติ. สตฺถา วา ปน พิฬาโร โหติ, สาวกา ¶ กุกฺกุฏา วา มูสิกา วา. อถ เน วุตฺตนเยเนว อนุกมฺปํ อกตฺวา ขาทติ. อถ วา สตฺถา นิรยปาโล โหติ, สาวกา เนรยิกสตฺตา. โส ‘‘อิเม มยฺหํ ปุพฺเพ อุปฏฺากา ปจฺจยทายกา’’ติ อนุกมฺปํ อกตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กโรติ, อาทิตฺเตปิ รเถ โยเชติ, องฺคารปพฺพตมฺปิ อาโรเปติ, โลหกุมฺภิยมฺปิ ขิปติ ¶ , อเนเกหิปิ ทุกฺขธมฺเมหิ สมฺปโยเชติ. สาวกา วา ปน กาลํ กตฺวา สีหาทโย โหนฺติ, สตฺถา มิคาทีสุ อฺตโร. เต ‘‘อิมํ มยํ ปุพฺเพ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิมฺหา, สตฺถา โน อย’’นฺติ ตสฺมึ ขนฺตึ วา เมตฺตํ วา อนุทฺทยํ วา อกตฺวา วุตฺตนเยเนว อนยพฺยสนํ ปาเปนฺติ. เอวํ อนิยฺยานิกสาสเน โย สตฺถริ ปสาโท, โส น สมฺมคฺคโต โหติ, กฺจิ กาลํ คนฺตฺวาปิ ปจฺฉา วินสฺสติเยว.
โย ธมฺเม ปสาโทติ อนิยฺยานิกสาสนสฺมิฺหิ ธมฺเม ปสาโท นาม, อุคฺคหิตปริยาปุฏ – ธาริตวาจิตฺตมตฺตเก ตนฺติธมฺเม ปสาโท โหติ, วฏฺฏโมกฺโข ปเนตฺถ นตฺถิ. ตสฺมา โย เอตฺถ ปสาโท, โส ปุนปฺปุนํ วฏฺฏเมว คมฺภีรํ กโรตีติ สาสนสฺมึ อสมฺมคฺคโต อสภาวโต อกฺขายติ.
ยา สีเลสุ ปริปูรการิตาติ ยาปิ จ อนิยฺยานิกสาสเน อชสีลาทีนํ วเสน ปริปูรการิตา, สาปิ ยสฺมา วฏฺฏโมกฺขํ ภวนิสฺสรณํ น สมฺปาเปติ, สมฺปชฺชมานา ปน ติรจฺฉานโยนึ อาวหติ, วิปจฺจมานา นิรยํ, ตสฺมา สา น สมฺมคฺคตา อกฺขายติ. ยา สหธมฺมิเกสูติ อนิยฺยานิกสาสนสฺมิฺหิ เย สหธมฺมิกา, เตสุ ยสฺมา เอกจฺเจ กาลํ กตฺวา สีหาทโยปิ โหนฺติ, เอกจฺเจ มิคาทโย, ตตฺถ สีหาทิภูตา ‘‘อิเม อมฺหากํ สหธมฺมิกา อเหสุ’’นฺติ มิคาทิภูเตสุ ขนฺติอาทีนิ อกตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เนสํ มหาทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺติ. ตสฺมา เอตฺถ สหธมฺมิเกสุ ปิยมนาปตาปิ อสมฺมคฺคตา อกฺขายติ.
อิทํ ปน สพฺพมฺปิ การณเภทํ เอกโต กตฺวา ทสฺเสนฺโต ภควา ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺเหตํ ¶ , ภิกฺขเว, โหตีติอาทิมาห. ตตฺรายํ สํเขปตฺโถ – เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, โหติ, ยํ มยา วุตฺตํ ‘‘โย สตฺถริ ปสาโท โส น สมฺมคฺคโต อกฺขายตี’’ติอาทิ, ตํ เอวเมว โหติ. กสฺมา? ยสฺมา เต ปสาทาทโย ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย ¶ …เป… อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเตติ, เอตฺถ หิ ยถา ตนฺติ การณตฺเถ นิปาโต. ตตฺถ ทุรกฺขาเตติ ทุกฺกถิเต, ทุกฺขถิตตฺตาเยว ทุปฺปเวทิเต. โส ปเนส ยสฺมา มคฺคผลตฺถาย น นิยฺยาติ, ตสฺมา อนิยฺยานิโก. ราคาทีนํ อุปสมาย อสํวตฺตนโต อนุปสมสํวตฺตนิโก. น สมฺมาสมฺพุทฺเธน สพฺพฺุนา ¶ ปเวทิโตติ อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิโต. ตสฺมึ อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเต. เอตฺตาวตา ภควา ติตฺถิเยสุ ปสาโท สุราปีตสิงฺคาเล ปสาโท วิย นิรตฺถโกติ ทสฺเสติ.
เอโก กิร กาฬสิงฺคาโล รตฺตึ นครํ ปวิฏฺโ สุราชลฺลิกํ ขาทิตฺวา ปุนฺนาควเน นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโต สูริยุคฺคมเน ปพุชฺฌิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิมสฺมึ กาเล น สกฺกา คนฺตุํ, พหู อมฺหากํ เวริโน, เอกํ วฺเจตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เอกํ พฺราหฺมณํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อิมํ วฺเจสฺสามีติ ‘‘อยฺย พฺราหฺมณา’’ติ อาห. โก เอโส พฺราหฺมณํ ปกฺโกสตีติ. ‘‘อหํ, สามี, อิโต ตาว เอหีติ. กึ โภติ? มํ พหิคามํ เนหิ, อหํ เต ทฺเว กหาปณสตานิ ทสฺสามีติ. โสปิ นยิสฺสามีติ ตํ ปาเทสุ คณฺหิ. อเร พาล พฺราหฺมณ, น มยฺหํ กหาปณา ฉฑฺฑิตกา อตฺถิ, ทุลฺลภา กหาปณา, สาธุกํ มํ คณฺหาหีติ. กถํ โภ คณฺหามีติ? อุตฺตราสงฺเคน คณฺิกํ กตฺวา อํเส ลคฺเคตฺวา คณฺหาหีติ. พฺราหฺมโณ ตํ ตถา คเหตฺวา ทกฺขิณทฺวารสมีปฏฺานํ คนฺตฺวา เอตฺถ โอตาเรมีติ ปุจฺฉิ. กตรฏฺานํ นาม เอตนฺติ? มหาทฺวารํ เอตนฺติ. อเร พาล, พฺราหฺมณ, กึ ตว าตกา อนฺตรทฺวาเร กหาปณํ เปนฺติ, ปรโต มํ หรา’’ติ. โส ปุนปฺปุนํ โถกํ โถกํ คนฺตฺวา ‘‘เอตฺถ โอตาเรมิ เอตฺถ โอตาเรมี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตน ตชฺชิโต เขมฏฺานํ คนฺตฺวา ตตฺถ โอตาเรหีติ วุตฺโต โอตาเรตฺวา สาฏกํ คณฺหิ. กาฬสิงฺคาโล อาห ‘‘อหํ เต ทฺเว กหาปณสตานิ ทสฺสามีติ อโวจํ. มยฺหํ ปน กหาปณา พหู, น ทฺเว กหาปณสตาเนว, ยาว อหํ กหาปเณ อาหรามิ, ตาว ตฺวํ สูริยํ โอโลเกนฺโต ติฏฺา’’ติ วตฺวา โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺเตตฺวา ปุน พฺราหฺมณํ อาห ‘‘อยฺย พฺราหฺมณ มา อิโต โอโลเกหิ, สูริยเมว โอโลเกนฺโต ติฏฺา’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เกตกวนํ ปวิสิตฺวา ยถารุจึ ปกฺกนฺโต. พฺราหฺมณสฺสปิ สูริยํ ¶ โอโลเกนฺตสฺเสว นลาฏโต เจว กจฺเฉหิ จ เสทา มุจฺจึสุ. อถ นํ รุกฺขเทวตา อาห –
‘‘สทฺทหาสิ ¶ สิงฺคาลสฺส, สุราปีตสฺส พฺราหฺมณ;
สิปฺปิกานํ สตํ นตฺถิ, กุโต กํสสตา ทุเว’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๑๓);
เอวํ ยถา กาฬสิงฺคาเล ปสาโท นิรตฺถโก, เอวํ ติตฺถิเยสุปีติ.
๑๔๔. อนิยฺยานิกสาสเน ¶ ปสาทสฺส นิรตฺถกภาวํ ทสฺเสตฺวา นิยฺยานิกสาสเน ตสฺส สาตฺถกตํ ทสฺเสตุํ ตถาคโต จ โข, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปตีติ อรหตฺตมคฺเคน กามุปาทานสฺส ปหานปริฺํ สมติกฺกมํ ปฺเปติ, อิตเรสํ ติณฺณํ อุปาทานานํ โสตาปตฺติมคฺเคน ปริฺํ ปฺเปติ. เอวรูเป โข, ภิกฺขเว, ธมฺมวินเยติ, ภิกฺขเว, เอวรูเป ธมฺเม จ วินเย จ. อุภเยนปิ นิยฺยานิกสาสนํ ทสฺเสติ. สตฺถริ ปสาโทติ เอวรูเป สาสเน โย สตฺถริ ปสาโท, โส สมฺมคฺคโต อกฺขายติ, ภวทุกฺขนิสฺสรณาย สํวตฺตติ.
ตตฺริมานิ วตฺถูนิ – ภควา กิร เวทิยกปพฺพเต อินฺทสาลคุหายํ ปฏิวสติ. อเถโก อุลูกสกุโณ ภควติ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺเต อุปฑฺฒมคฺคํ อนุคจฺฉติ, นิกฺขมนฺเต อุปฑฺฒมคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ กโรติ. โส เอกทิวสํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สายนฺหสมเย ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ นิสินฺนํ ปพฺพตา โอรุยฺห วนฺทิตฺวา ปกฺเข ปณาเมตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห สีสํ เหฏฺา กตฺวา ทสพลํ นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. ภควา ตํ โอโลเกตฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อานนฺทตฺเถโร ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย สิตสฺส ปาตุกมฺมายา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปสฺสานนฺท, อิมํ อุลูกสกุณํ, อยํ มยิ จ ภิกฺขุสงฺเฆ จ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สตสหสฺสกปฺเป เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา โสมนสฺโส นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ อาห –
อุลูกมณฺฑลกฺขิก, เวทิยเก จิรทีฆวาสิก;
สุขิโตสิ ตฺวํ อยฺย โกสิย, กาลุฏฺิตํ ปสฺสสิ พุทฺธวรํ.
มยิ ¶ ¶ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;
กปฺปานํ สตสหสฺสานิ, ทุคฺคเตโส น คจฺฉติ.
เทวโลกา จวิตฺวาน, กุสลมูเลน โจทิโต;
ภวิสฺสติ อนนฺตาโณ, โสมนสฺโสติ วิสฺสุโตติ.
อฺานิปิ เจตฺถ ราชคหนคเร สุมนมาลาการวตฺถุ มหาเภริวาทกวตฺถุ โมรชิกวตฺถุ วีณาวาทกวตฺถุ สงฺขธมกวตฺถูติ เอวมาทีนิ วตฺถูนิ ¶ วิตฺถาเรตพฺพานิ. เอวํ นิยฺยานิกสาสเน สตฺถริ ปสาโท สมฺมคฺคโต โหติ.
ธมฺเม ปสาโทติ นิยฺยานิกสาสนมฺหิ ธมฺเม ปสาโท สมฺมคฺคโต โหติ. สรมตฺเต นิมิตฺตํ คเหตฺวา สุณนฺตานํ ติรจฺฉานคตานมฺปิ สมฺปตฺติทายโก โหติ, ปรมตฺเถ กึ ปน วตฺตพฺพํ. อยมตฺโถ มณฺฑูกเทวปุตฺตาทีนํ วตฺถุวเสน เวทิตพฺโพ.
สีเลสุ ปริปูรการิตาติ นิยฺยานิกสาสนมฺหิ สีเลสุ ปริปูรการิตาปิ สมฺมคฺคตา โหติ, สคฺคโมกฺขสมฺปตฺตึ อาวหติ. ตตฺถ ฉตฺตมาณวกวตฺถุสามเณรวตฺถุอาทีนิ ทีเปตพฺพานิ.
สหธมฺมิเกสูติ นิยฺยานิกสาสเน สหธมฺมิเกสุ ปิยมนาปตาปิ สมฺมคฺคตา โหติ, มหาสมฺปตฺตึ อาวหติ. อยมตฺโถ วิมานเปตวตฺถูหิ ทีเปตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ขีโรทนมหมทาสึ, ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส…เป…
ผาณิตํ…เป… อุจฺฉุขณฺฑิกํ… ติมฺพรุสกํ… กกฺการิกํ…
เอฬาลุกํ… วลฺลิปกฺกํ… ผารุสกํ… หตฺถปตากํ…
สากมุฏฺึ ¶ … ปุปฺผกมุฏฺึ… มูลกํ… นิมฺพมุฏฺึ…
อมฺพิกฺชิกํ… โทณินิมฺมชฺชนึ… กายพนฺธนํ…
อํสพทฺธกํ… อาโยคปฏฺฏํ… วิธูปนํ… ตาลวณฺฏํ…
โมรหตฺถํ… ฉตฺตํ… อุปาหนํ… ปูวํ โมทกํ…
สกฺขลิกํ ¶ อหมทาสึ, ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส…เป…
ตสฺสา เม ปสฺส วิมานํ, อจฺฉรา กามวณฺณินีหมสฺมี’’ติ (วิ. ว. ๔๐๖).
ตํ กิสฺส เหตูติอาทิ วุตฺตนยานุสาเรเนว โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.
๑๔๕. อิทานิ ¶ เยสํ อุปาทานานํ ติตฺถิยา น สมฺมา ปริฺํ ปฺเปนฺติ, ตถาคโต ปฺเปติ, เตสํ ปจฺจยํ ทสฺเสตุํ อิเม จ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ กึนิทานาติอาทีสุ นิทานาทีนิ สพฺพาเนว การณเววจนานิ. การณฺหิ ยสฺมา ผลํ นิเทติ หนฺท, นํ คณฺหถาติ อปฺเปติ วิย, ตสฺมา นิทานนฺติ วุจฺจติ. ยสฺมา ตํ ตโต ชายติ สมุเทติ ปภวติ, ตสฺมา สมุทโย, ชาติ, ปภโวติ วุจฺจติ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺโถ – กึ นิทานํ เอเตสนฺติ กึนิทานา. โก สมุทโย เอเตสนฺติ กึสมุทยา. กา ชาติ เอเตสนฺติ กึชาติกา. โก ปภโว เอเตสนฺติ กึปภวา. ยสฺมา ปน เตสํ ตณฺหา ยถาวุตฺเตน อตฺเถน นิทานฺเจว สมุทโย จ ชาติ จ ปภโว จ, ตสฺมา ‘‘ตณฺหานิทานา’’ติอาทิมาห. เอวํ สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปน ภควา น เกวลํ อุปาทานสฺเสว ปจฺจยํ ชานาติ, อุปาทานสฺส ปจฺจยภูตาย ตณฺหายปิ, ตณฺหาทิปจฺจยานํ เวทนาทีนมฺปิ ปจฺจยํ ชานาติเยว, ตสฺมา ตณฺหา จายํ, ภิกฺขเวติอาทิมาห.
ยโต ¶ จ โขติ ยสฺมึ กาเล. อวิชฺชา ปหีนา โหตีติ วฏฺฏมูลิกา อวิชฺชา อนุปฺปาทนิโรเธน ปหีนา โหติ. วิชฺชา อุปฺปนฺนาติ อรหตฺตมคฺควิชฺชา อุปฺปนฺนา. โส อวิชฺชาวิราคา วิชฺชุปฺปาทาติ. โส ภิกฺขุ อวิชฺชาย จ ปหีนตฺตา วิชฺชาย จ อุปฺปนฺนตฺตา. เนว กามุปาทานํ อุปาทิยตีติ เนว กามุปาทานํ คณฺหาติ น อุเปติ, น เสสานิ อุปาทานานิ. อนุปาทิยํ น ปริตสฺสตีติ เอวํ กิฺจิ อุปาทานํ อคฺคณฺหนฺโต ตณฺหาปริตสฺสนาย น ปริตสฺสติ. อปริตสฺสนฺติ อปริตสฺสนฺโต ตณฺหํ อนุปฺปาเทนฺโต. ปจฺจตฺตํเยว ปรินิพฺพายตีติ สยเมว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายติ. เอวมสฺส อาสวกฺขยํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน ปจฺจเวกฺขณํ ทสฺเสนฺโต ขีณา ชาตีติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬสีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา
เวสาลินครวณฺณนา
๑๔๖. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาสีหนาทสุตฺตํ. ตตฺถ เวสาลิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตํ กิร อปราปรํ วิสาลีภูตตาย ‘‘เวสาลี’’ติ สงฺขํ คตํ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพกถา – พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ สณฺาสิ. สา ตฺวา รฺโ นิเวเทสิ. ราชา คพฺภปริหารํ อทาสิ. สา สมฺมา ปริหรียมานา คพฺภปริปากกาเล วิชายนฆรํ ปาวิสิ. ปฺุวนฺตีนํ ปจฺจูสสมเย คพฺภวุฏฺานํ โหติ, สา จ ตาสํ อฺตรา, เตน ปจฺจูสสมเย อลตฺตกปฏลพนฺธุชีวกปุปฺผสทิสํ มํสเปสึ วิชายิ. ตโต ‘‘อฺา เทวิโย สุวณฺณพิมฺพสทิเส ปุตฺเต วิชายนฺติ, อคฺคมเหสี มํสเปสินฺติ รฺโ ปุรโต มม อวณฺโณ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา เตน อวณฺณภเยน ตํ มํสเปสึ เอกสฺมึ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา ปฏิกุชฺชิตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺเฉตฺวา คงฺคาย โสเต ปกฺขิปาเปสิ. มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตมตฺเต เทวตา อารกฺขํ สํวิทหึสุ. สุวณฺณปฏฺฏกฺเจตฺถ ชาติหิงฺคุลเกน ‘‘พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา ปชา’’ติ ลิขิตฺวา พนฺธึสุ. ตโต ตํ ภาชนํ อูมิภยาทีหิ อนุปทฺทุตํ คงฺคาโสเตน ปายาสิ.
เตน จ สมเยน อฺตโร ตาปโส โคปาลกกุลํ นิสฺสาย คงฺคาตีเร วิหรติ. โส ปาโตว คงฺคํ โอติณฺโณ ตํ ภาชนํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปํสุกูลสฺาย อคฺคเหสิ. อเถตฺถ ตํ อกฺขรปฏฺฏิกํ ราชมุทฺทิกาลฺฉนํ จ ทิสฺวา มฺุจิตฺวา ตํ มํสเปสึ อทฺทส, ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ ‘‘สิยา คพฺโภ, ตถา หิสฺส ทุคฺคนฺธปูติกภาโว นตฺถี’’ติ. อสฺสมํ เนตฺวา สุทฺเธ โอกาเส เปสิ. อถ อฑฺฒมาสจฺจเยน ทฺเว มํสเปสิโย อเหสุํ. ตาปโส ทิสฺวา สาธุตรํ เปสิ. ตโต ปุน อฑฺฒมาสจฺจเยน เอกเมกิสฺสา มํสเปสิยา หตฺถปาทสีสานมตฺถาย ปฺจ ปฺจ ปิฬกา อุฏฺหึสุ. อถ ตโต อฑฺฒมาสจฺจเยน เอกา มํสเปสิ สุวณฺณพิมฺพสทิโส ทารโก, เอกา ทาริกา อโหสิ.
เตสุ ¶ ตาปสสฺส ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ, องฺคุฏฺกโต จสฺส ขีรํ นิพฺพตฺติ. ตโต ปภุติ จ ¶ ขีรภตฺตํ อลภิตฺถ, โส ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา ขีรํ ทารกานํ มุเข ¶ อาสิฺจติ. เตสํ อุทรํ ยํ ยํ ปวิสติ, ตํ ตํ สพฺพํ มณิภาชนคตํ วิย ทิสฺสติ, เอวํ นิจฺฉวี อเหสุํ. อปเร อาหุ ‘‘สิพฺเพตฺวา ปิตา วิย เนสํ อฺมฺํ ลีนา ฉวิ อโหสี’’ติ. เอวํ เต นิจฺฉวิตาย วา ลีนจฺฉวิตาย วา ลิจฺฉวีติ ปฺายึสุ.
ตาปโส ทารเก โปเสนฺโต อุสฺสูเร คามํ สิกฺขาย ปวิสติ, อติทิวา ปฏิกฺกมติ. ตสฺส ตํ พฺยาปารํ ตฺวา โคปาลกา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, ปพฺพชิตานํ ทารกโปสนํ ปลิโพโธ, อมฺหากํ ทารเก เทถ, มยํ โปเสสฺสาม, ตุมฺเห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ. ตาปโส สาธูติ ปฏิสฺสุณิ. โคปาลกา ทุติยทิวเส มคฺคํ สมํ กตฺวา ปุปฺเผหิ โอกิริตฺวา ธชปฏากา อุสฺสาเปตฺวา ตูริเยหิ วชฺชมาเนหิ อสฺสมํ อาคตา. ตาปโส – ‘‘มหาปฺุา ทารกา อปฺปมาเทน วฑฺเฒถ, วฑฺเฒตฺวา จ อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กโรถ, ปฺจโครเสน ราชานํ โตเสตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา นครํ มาเปถ, ตตฺถ กุมารํ อภิสิฺจถา’’ติ วตฺวา ทารเก อทาสิ. เต สาธูติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ทารเก เนตฺวา โปเสสุํ.
ทารกา วุทฺธิมนฺวาย กีฬนฺตา วิวาทฏฺาเนสุ อฺเ โคปาลกทารเก หตฺเถนปิ ปาเทนปิ ปหรนฺติ. เต โรทนฺติ. ‘‘กิสฺส โรทถา’’ติ จ มาตาปิตูหิ วุตฺตา ‘‘อิเม นิมฺมาตาปิติกา ตาปสโปสิตา อมฺเห อติปหรนฺตี’’ติ วทนฺติ. ตโต เตสํ มาตาปิตโร ‘‘อิเม ทารกา อฺเ ทารเก วินาเสนฺติ ทุกฺขาเปนฺติ, น อิเม สงฺคเหตพฺพา, วชฺเชตพฺพา อิเม’’ติ อาหํสุ. ตโต ปภุติ กิร โส ปเทโส วชฺชีติ วุจฺจติ โยชนสติโก ปริมาเณน. อถ ตํ ปเทสํ โคปาลกา ราชานํ โตเสตฺวา อคฺคเหสุํ. ตตฺถ จ นครํ มาเปตฺวา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ กุมารํ อภิสิฺจิตฺวา ราชานํ อกํสุ. ตาย จสฺส ทาริกาย สทฺธึ วิวาหํ กตฺวา กติกํ อกํสุ ‘‘พาหิรกทาริกา น อาเนตพฺพา, อิโต ทาริกา น กสฺสจิ ทาตพฺพา’’ติ. เตสํ ปมสํวาเสน ทฺเว ทารกา ชาตา ธีตา จ ปุตฺโต จ. เอวํ โสฬสกฺขตฺตุํ ทฺเว ทฺเว ชาตา. ตโต เตสํ ทารกานํ ยถากฺกมํ วฑฺฒนฺตานํ อารามุยฺยานนิวาสฏฺานปริวารสมฺปตฺตึ คเหตุํ อปฺปโหนฺตา นครํ ติกฺขตฺตุํ คาวุตนฺตเรน คาวุตนฺตเรน ¶ ปริกฺขิปึสุ ¶ . ตสฺส ปุนปฺปุนํ วิสาลีกตตฺตา เวสาลีตฺเวว นามํ ชาตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เวสาลิยนฺติ เอวํ นามเก นคเร’’ติ.
๐๑ พหินคเรติ ¶ นครสฺส พหิ, น อมฺพปาลิวนํ วิย อนฺโตนครสฺมึ. อยํ ปน ชีวกมฺพวนํ วิย นครสฺส พหิทฺธา วนสณฺโฑ. เตน วุตฺตํ ‘‘พหินคเร’’ติ. อปรปุเรติ ปุรสฺส อปเร, ปจฺฉิมทิสายนฺติ อตฺโถ. วนสณฺเฑติ โส กิร วนสณฺโฑ นครสฺส ปจฺฉิมทิสายํ คาวุตมตฺเต าเน. ตตฺถ มนุสฺสา ภควโต คนฺธกุฏึ กตฺวา ตํ ปริวาเรตฺวา ภิกฺขูนํ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานจงฺกมเลณกุฏิมณฺฑปาทีนิ ปติฏฺเปสุํ, ภควา ตตฺถ วิหรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปรปุเร วนสณฺเฑ’’ติ. สุนกฺขตฺโตติ ตสฺส นามํ. ลิจฺฉวีนํ ปน ปุตฺตตฺตา ลิจฺฉวิปุตฺโตติ วุตฺโต. อจิรปกฺกนฺโตติ วิพฺภมิตฺวา คิหิภาวูปคมเนน อธุนาปกฺกนฺโต. ปริสตีติ ปริสมชฺเฌ. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาติ เอตฺถ มนุสฺสธมฺมา นาม ทสกุสลกมฺมปถา. เต ปฏิเสเธตุํ น สกฺโกติ. กสฺมา? อุปารมฺภภยา. เวสาลิยฺหิ พหู มนุสฺสา รตนตฺตเย ปสนฺนา พุทฺธมามกา ธมฺมมามกา สงฺฆมามกา. เต ทสกุสลกมฺมปถมตฺตมฺปิ นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺสาติ วุตฺเต ตฺวํ กตฺถ ภควนฺตํ ปาณํ หนนฺตํ อทฺทส, กตฺถ อทินฺนํ อาทิยนฺตนฺติอาทีนิ วตฺวา อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิ? กึ ทนฺตา เม อตฺถีติ ปาสาณสกฺขรา ขาทสิ, อหินงฺคุฏฺเ คณฺหิตุํ วายมสิ, กกจทนฺเตสุ ปุปฺผาวฬิกํ กีฬิตุํ อิจฺฉสิ? มุขโต เต ทนฺเต ปาเตสฺสามาติ วเทยฺยุํ. โส เตสํ อุปารมฺภภยา เอวํ วตฺตุํ น สกฺโกติ.
เวสาลินครวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาทิวณฺณนา
ตโต อุตฺตรึ ปน วิเสสาธิคมํ ปฏิเสเธนฺโต อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโสติ อาห.
ตตฺถ อลมริยํ าตุนฺติ อลมริโย, อริยภาวาย สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. าณทสฺสนเมว าณทสฺสนวิเสโส. อลมริโย จ โส าณทสฺสนวิเสโส จาติ อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. าณทสฺสนนฺติ ทิพฺพจกฺขุปิ วิปสฺสนาปิ มคฺโคปิ ผลมฺปิ ปจฺจเวกฺขณาณมฺปิ ¶ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ วุจฺจติ. ‘‘อปฺปมตฺโต สมาโน าณทสฺสนํ อาราเธตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๑๑) หิ เอตฺถ ทิพฺพจกฺขุ าณทสฺสนํ นาม. ‘‘าณทสฺสนาย ¶ จิตฺตํ อภินีหรติ ¶ อภินินฺนาเมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๕) เอตฺถ วิปสฺสนาาณํ. ‘‘อภพฺพา เต าณทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธายา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๖) เอตฺถ มคฺโค. ‘‘อยมฺโ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุ วิหาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๘) เอตฺถ ผลํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ, อกุปฺปา เม เจโตวิมุตฺติ, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (มหาว. ๑๖) เอตฺถ ปจฺจเวกฺขณาณํ. ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ สตฺตาหกาลงฺกโต อาฬาโร กาฬาโม’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๔๐) เอตฺถ สพฺพฺุตฺาณํ. อิธ ปน โลกุตฺตรมคฺโค อธิปฺเปโต. ตฺหิ โส ภควโต ปฏิเสเธติ.
ตกฺกปริยาหตนฺติ อิมินา อาจริยํ ปฏิพาหติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – สมเณน โคตเมน อาจริเย อุปสงฺกมิตฺวา สุขุมํ ธมฺมนฺตรํ คหิตํ นาม นตฺถิ, ตกฺกปริยาหตํ ปน ตกฺเกตฺวา เอวํ ภวิสฺสติ เอวํ ภวิสฺสตีติ ตกฺกปริยาหตํ ธมฺมํ เทเสตีติ. วีมํสานุจริตนฺติ อิมินา จสฺส โลกิยปฺํ อนุชานาติ. สมโณ โคตโม ปฺวา, โส ตํ ปฺาสงฺขาตํ อินฺทวชิรูปมํ วีมํสํ เอวํ วฏฺฏิสฺสติ, เอวํ วฏฺฏิสฺสตีติ อิโต จิโต จ อนุจราเปตฺวา วีมํสาย อนุจริตํ ธมฺมํ เทเสติ. สยํปฏิภานนฺติ อิมินาสฺส ธมฺเมสุ ปจฺจกฺขภาวํ ปฏิพาหติ. เอวํ หิสฺส อโหสิ – สมณสฺส โคตมสฺส สุขุมํ ธมฺมนฺตรํ วิปสฺสนา วา มคฺโค วา ผลํ วา ปจฺจเวกฺขณา วา นตฺถิ, อยํ ปน ลทฺธปริโส, ราชานํ จกฺกวตฺตึ วิย นํ จตฺตาโร วณฺณา ปริวาเรนฺติ, สุผุสิตํ ปนสฺส ทนฺตาวรณํ, มุทุกา ชิวฺหา, มธุโร สโร, อเนลคฬา วาจา, โส ยํ ยเทวสฺส อุปฏฺาติ, ตํ ตํ คเหตฺวา สยํปฏิภานํ กเถนฺโต มหาชนํ รฺเชตีติ.
ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโตติ ยสฺส จ โข อตฺถาย อสฺส ธมฺโม เทสิโต. เสยฺยถิทํ, ราคปฏิฆาตตฺถาย อสุภกมฺมฏฺานํ, โทสปฺปฏิฆาตตฺถาย เมตฺตาภาวนา, โมหปฏิฆาตตฺถาย ปฺจ ธมฺมา, วิตกฺกูปจฺเฉทาย ¶ อานาปานสฺสติ.
โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ โส ธมฺโม โย ตํ ยถาเทสิตํ กโรติ, ตสฺส ตกฺกรสฺส สมฺมา เหตุนา นเยน การเณน วฏฺฏทุกฺขกฺขยาย นิยฺยาติ คจฺฉติ ตมตฺถํ สาเธตีติ ¶ ทีเปติ ¶ . อิทํ ปเนส น อตฺตโน อชฺฌาสเยน วทติ. พุทฺธานฺหิ ธมฺโม อนิยฺยานิโกติ เอวเมวํ ปเวเทยฺย, น ปน สกฺโกติ วตฺตุํ. กสฺมา? อุปารมฺภภยา. เวสาลิยฺหิ พหู โสตาปนฺน-สกทาคามิ-อนาคามิอุปาสกา. เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘สุนกฺขตฺต ตฺวํ ภควตา เทสิตธมฺโม อนิยฺยานิโกติ วทสิ, ยทิ อยํ ธมฺโม อนิยฺยานิโก, อิมสฺมึ นคเร อิเม กสฺมา เอตฺตกา โสตาปนฺนา ชาตา, เอตฺตกา สกทาคามี, เอตฺตกา อนาคามีติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน อุปารมฺภํ กเรยฺยุ’’นฺติ. โส อิมินา อุปารมฺภภเยน อนิยฺยานิโกติ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต อชฺชุเนน วิสฺสฏฺกณฺฑํ วิย อสฺส ธมฺโม อโมโฆ นิยฺยาติ, อพฺภนฺตเร ปนสฺส กิฺจิ นตฺถีติ วทติ.
อสฺโสสิ โขติ เวสาลิยํ พฺราหฺมณกุลเสฏฺิกุลาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ ปริสมชฺเฌ เอวํ ภาสมานสฺส ตํ วจนํ สุณิ, น ปน ปฏิเสเธสิ. กสฺมา? การฺุตาย. เอวํ กิรสฺส อโหสิ อยํ กุทฺโธ ฌายมานํ เวฬุวนํ วิย ปกฺขิตฺตโลณํ อุทฺธนํ วิย จ โกธวเสน ปฏปฏายติ, มยา ปฏิพาหิโต ปน มยิปิ อาฆาตํ พนฺธิสฺสติ, เอวมสฺส ตถาคเต จ มยิ จาติ ทฺวีสุ ชเนสุ อาฆาโต อติภาริโย ภวิสฺสตีติ การฺุตาย น ปฏิเสเธสิ. อปิ จสฺส เอวํ อโหสิ, พุทฺธานํ อวณฺณกถนํ นาม ปุณฺณจนฺเท โทสาโรปนสทิสํ, โก อิมสฺส กถํ คณฺหิสฺสติ? สยเมว เขเฬ ปจฺฉินฺเน มุเข สุกฺเข โอรมิสฺสตีติ อิมินา การเณน น ปฏิเสเธสิ. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโตติ ปิณฺฑปาตปริเยสนโต อปคโต.
๑๔๗. โกธโนติ จณฺโฑ ผรุโส. โมฆปุริโสติ ตุจฺฉปุริโส. ยสฺส หิ ตสฺมึ อตฺตภาเว มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถิ, ตํ พุทฺธา ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติ. อุปนิสฺสเย สติปิ ตสฺมึ ขเณ มคฺเค วา ผเล วา อสติ ‘‘โมฆปุริโส’’ติ วทนฺติเยว. อิมสฺส ปน ตสฺมึ อตฺตภาเว มคฺคผลานํ ¶ อุปนิสฺสโย สมุจฺฉินฺโนเยว, เตน ตํ ‘‘โมฆปุริโส’’ติ อาห. โกธา จ ปนสฺส เอสา วาจา ภาสิตาติ เอสา จ ปนสฺส วาจา โกเธน ภาสิตา.
กสฺมา ¶ ปเนส ภควโต กุทฺโธติ? อยฺหิ ปุพฺเพ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมํ ปุจฺฉิ. อถสฺส ภควา กเถสิ. โส ทิพฺพจกฺขุํ นิพฺพตฺเตตฺวา อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เทวโลเก โอโลเกนฺโต นนฺทนวนจิตฺตลตาวนผารุสกวนมิสฺสกวเนสุ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาเน ¶ เทวปุตฺเต จ เทวธีตโร จ ทิสฺวา เอเตสํ เอวรูปาย อตฺตภาวสมฺปตฺติยา ิตานํ กีวมธุโร นุ โข สทฺโท ภวิสฺสตีติ สทฺทํ โสตุกาโม หุตฺวา ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิพฺพโสตธาตุปริกมฺมํ ปุจฺฉิ. ภควา ปนสฺส ทิพฺพโสตธาตุยา อุปนิสฺสโย นตฺถีติ ตฺวา ปริกมฺมํ น กเถสิ. น หิ พุทฺธา อุปนิสฺสยวิรหิต ตสฺส ปริกมฺมํ กเถนฺติ. โส ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อหํ สมณํ โคตมํ ปมํ ทิพฺพจกฺขุปริกมฺมํ ปุจฺฉึ, โส ‘มยฺหํ ตํ สมฺปชฺชตุ วา มา วา สมฺปชฺชตู’ติ กเถสิ. อหํ ปน ปจฺจตฺตปุริสกาเรน ตํ นิพฺพตฺเตตฺวา ทิพฺพโสตธาตุปริกมฺมํ ปุจฺฉึ, ตํ เม น กเถสิ. อทฺธาสฺส เอวํ โหติ ‘อยํ ราชปพฺพชิโต ทิพฺพจกฺขุาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา ทิพฺพโสตธาตุาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา เจโตปริยาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา อาสวานํ ขยาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา มยา สมสโม ภวิสฺสตี’ติ อิสฺสามจฺฉริยวเสน มยฺหํ น กเถตี’’ติ. ภิยฺโยโส อาฆาตํ พนฺธิตฺวา กาสายานิ ฉฑฺเฑตฺวา คิหิภาวํ ปตฺวาปิ น ตุณฺหีภูโต วิจรติ. ทสพลํ ปน อสตา ตุจฺเฉน อพฺภาจิกฺขนฺโต วิจรติ. เตนาห ภควา ‘‘โกธา จ ปนสฺส เอสา วาจา ภาสิตา’’ติ.
วณฺโณ เหโส, สาริปุตฺตาติ, สาริปุตฺต, ตถาคเตน สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรนฺเตน เอตทตฺถเมว วายาโม กโต ‘‘เทสนาธมฺโม เม นิยฺยานิโก ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา โย เอวํ วเทยฺย, โส วณฺณํเยว ตถาคตสฺส ภาสติ. วณฺโณ เหโส, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส คุโณ เอโส ตถาคตสฺส, น อคุโณติ ทสฺเสติ.
อยมฺปิ ¶ หิ นาม สาริปุตฺตาติอาทินา กึ ทสฺเสติ? สุนกฺขตฺเตน ปฏิสิทฺธสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส อตฺตนิ อตฺถิตํ ทสฺเสติ. ภควา กิร อยํ, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺโต โมฆปุริโส นตฺถิ ตถาคตสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺโมติ วทติ. มยฺหฺจ สพฺพฺุตฺาณํ นาม อตฺถิ, อิทฺธิวิธาณํ นาม อตฺถิ, ทิพฺพโสตธาตุาณํ นาม อตฺถิ, เจโตปริยาณํ นาม อตฺถิ, ทสพลาณํ ¶ นาม อตฺถิ, จตุเวสารชฺชาณํ นาม อตฺถิ, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณํ นาม อตฺถิ, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ นาม อตฺถิ, ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ นาม อตฺถิ, สพฺเพปิ เจเต อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาเยว. เอวรูเปสุ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเมสุ เอกสฺสาปิ วิชานนสมตฺถํ ธมฺมนฺวยมตฺตมฺปิ นาม เอตสฺส โมฆปุริสสฺส น ภวิสฺสตีติ เอตมตฺถํ ทสฺเสตุํ อยมฺปิ หิ นาม สาริปุตฺตาติอาทินา นเยน อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ อนฺเวตีติ อนฺวโย, ชานาติ ¶ , อนุพุชฺฌตีติ อตฺโถ. ธมฺมสฺส อนฺวโย ธมฺมนฺวโย, ตํ ตํ สพฺพฺุตฺาณาทิธมฺมํ ชานนปฺาเยตํ อธิวจนํ. ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทีหิ เอวรูปมฺปิ นาม มยฺหํ สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ วิชฺชมานเมว อตฺถีติ ชานิตุํ ตสฺส โมฆปุริสสฺส ธมฺมนฺวโยปิ น ภวิสฺสตีติ ทสฺเสติ. อิทฺธิวิธาณาทีสุปิ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทสพลาณาทิวณฺณนา
๑๔๘. เอตฺถ จ กิฺจาปิ เจโตปริยาณานนฺตรํ ติสฺโส วิชฺชา วตฺตพฺพา สิยุํ, ยสฺมา ปน ตาสุ วุตฺตาสุ อุปริ ทสพลาณํ น ปริปูรติ, ตสฺมา ตา อวตฺวา ตถาคตสฺส ทสพลาณํ ปริปูรํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ทส โข ปนิมานิ สาริปุตฺตาติอาทิมาห. ตตฺถ ตถาคตพลานีติ อฺเหิ อสาธารณานิ ตถาคตสฺเสว พลานิ. ยถา วา ปุพฺพพุทฺธานํ พลานิ ปฺุุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานิ, ตถา อาคตพลานีติปิ อตฺโถ. ตตฺถ ทุวิธํ ตถาคตพลํ กายพลฺจ าณพลฺจ. เตสุ กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –
‘‘กาลาวกฺจ คงฺเคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;
คนฺธมงฺคลเหมฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติ.
อิมานิ ¶ หิ ทส หตฺถิกุลานิ. ตตฺถ กาลาวกนฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฏฺพฺพํ. ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาลาวกหตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ กาลาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คงฺเคยฺยสฺส. ยํ ทสนฺนํ คงฺเคยฺยานํ, ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ, ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺส. ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ, ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโน. ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส มงฺคลสฺส. ยํ ทสนฺนํ มงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส เหมวตสฺส. ยํ ทสนฺนํ เหมวตานํ, ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺส. ยํ ¶ ทสนฺนํ อุโปสถานํ, ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺส. ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺส. นารายนสงฺฆาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติ ¶ . ตเทตํ ปกติหตฺถิคณนาย หตฺถีนํ โกฏิสหสฺสานํ ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ปุริสโกฏิสหสฺสานํ พลํ โหติ. อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํ.
าณพลํ ปน ปาฬิยํ ตาว อาคตเมว. ทสพลาณํ, จตุเวสารชฺชาณํ, อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณํ, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ, ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ. สํยุตฺตเก (สํ. นิ. ๒.๓๔) อาคตานิ เตสตฺตติ าณานิ สตฺตสตฺตติ าณานีติ เอวํ อฺานิปิ อเนกานิ าณสหสฺสานิ, เอตํ าณพลํ นาม. อิธาปิ าณพลเมว อธิปฺเปตํ. าณฺหิ อกมฺปิยฏฺเน อุปตฺถมฺภนฏฺเน จ พลนฺติ วุตฺตํ.
เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโตติ เยหิ ทสหิ าณพเลหิ อุเปโต สมุเปโต. อาสภํ านนฺติ เสฏฺฏฺานํ อุตฺตมฏฺานํ. อาสภา วา ปุพฺพพุทฺธา, เตสํ านนฺติ อตฺโถ. อปิจ ควสตเชฏฺโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฏฺโก วสโภ. วชสตเชฏฺโก วา อุสโภ, วชสหสฺสเชฏฺโก วสโภ. สพฺพควเสฏฺโ สพฺพปริสฺสยสโห เสโต ปาสาทิโก มหาภารวโห อสนิสตสทฺเทหิปิ อกมฺปนิโย นิสโภ, โส อิธ อุสโภติ อธิปฺเปโต. อิทมฺปิ หิ ตสฺส ปริยายวจนํ. อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํ. านนฺติ จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฏฺานํ. อิทํ ปน อาสภํ วิยาติ อาสภํ. ยเถว หิ นิสภสงฺขาโต อุสโภ อุสภพเลน สมนฺนาคโต จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา ¶ อจลฏฺาเนน ติฏฺติ, เอวํ ตถาคโตปิ ทสหิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต จตูหิ เวสารชฺชปาเทหิ อฏฺปริสปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา สเทวเก โลเก เกนจิ ปจฺจตฺถิเกน ปจฺจามิตฺเตน อกมฺปิโย อจลฏฺาเนน ติฏฺติ. เอวํ ติฏฺมาโนว ตํ อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, อุปคจฺฉติ น ปจฺจกฺขาติ อตฺตนิ อาโรเปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาสภํ านํ ปฏิชานาตี’’ติ.
ปริสาสูติ อฏฺสุ ปริสาสุ. สีหนาทํ นทตีติ เสฏฺนาทํ อภีตนาทํ นทติ, สีหนาทสทิสํ วา นาทํ นทติ. อยมตฺโถ สีหนาทสุตฺเตน ¶ ทีเปตพฺโพ. ยถา วา สีโห สหนโต หนนโต จ สีโหติ วุจฺจติ, เอวํ ตถาคโต โลกธมฺมานํ สหนโต ปรปฺปวาทานฺจ หนนโต สีโหติ วุจฺจติ. เอวํ วุตฺตสฺส สีหสฺส นาทํ สีหนาทํ. ตตฺถ ยถา สีโห สีหพเลน สมนฺนาคโต สพฺพตฺถ วิสารโท วิคตโลมหํโส สีหนาทํ นทติ, เอวํ ตถาคตสีโหปิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต อฏฺสุ ¶ ปริสาสุ วิสารโท วิคตโลมหํโส อิติ รูปนฺติอาทินา นเยน นานาวิธเทสนาวิลาสสมฺปนฺนํ สีหนาทํ นทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติ. พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตีติ เอตฺถ พฺรหฺมนฺติ เสฏฺํ อุตฺตมํ วิสิฏฺํ. จกฺก-สทฺโท ปนายํ –
สมฺปตฺติยํ ลกฺขเณ จ, รถงฺเค อิริยาปเถ;
ทาเน รตนธมฺมูร-จกฺกาทีสุ จ ทิสฺสติ;
ธมฺมจกฺเก อิธ มโต, ตฺจ ทฺเวธา วิภาวเย.
‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสาน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๑) หิ อยํ สมฺปตฺติยํ ทิสฺสติ. ‘‘ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕) เอตฺถ ลกฺขเณ. ‘‘จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๑) เอตฺถ รถงฺเค. ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๙) เอตฺถ อิริยาปเถ. ‘‘ททํ ภฺุช มา จ ปมาโท, จกฺกํ ปวตฺตย สพฺพปาณิน’’นฺติ (ชา. ๑.๗.๑๔๙) เอตฺถ ทาเน. ‘‘ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุรโหสี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๔๓) เอตฺถ รตนจกฺเก. ‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺก’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๖๒) เอตฺถ ธมฺมจกฺเก. ‘‘อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓) เอตฺถ อุรจกฺเก. ‘‘ขุรปริยนฺเตน เจปิ จกฺเกนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๖) เอตฺถ ¶ ปหรณจกฺเก. ‘‘อสนิวิจกฺก’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๖๑; สํ. นิ. ๒.๑๖๒) เอตฺถ อสนิมณฺฑเล. อิธ ปนายํ ธมฺมจกฺเก อธิปฺเปโต.
ตํ ปน ธมฺมจกฺกํ ทุวิธํ โหติ ปฏิเวธาณฺเจว เทสนาาณฺจ. ตตฺถ ปฺาปภาวิตํ อตฺตโน อริยพลาวหํ ปฏิเวธาณํ. กรุณาปภาวิตํ สาวกานํ อริยพลาวหํ เทสนาาณํ. ตตฺถ ปฏิเวธาณํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปนฺนนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ อภินิกฺขมนโต ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. ตุสิตภวนโต วา ยาว มหาโพธิปลฺลงฺเก ¶ อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. ทีปงฺกรทสพลโต ปฏฺาย วา ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นาม. เทสนาาณมฺปิ ปวตฺตมานํ ปวตฺตนฺติ ทุวิธํ. ตฺหิ ยาว อฺาตโกณฺฑฺสฺส โสตาปตฺติมคฺคา ปวตฺตมานํ, ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นาม. เตสุ ปฏิเวธาณํ ¶ โลกุตฺตรํ, เทสนาาณํ โลกิยํ. อุภยมฺปิ ปเนตํ อฺเหิ อสาธารณํ, พุทฺธานํเยว โอรสาณํ.
อิทานิ เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ยานิ อาทิโตว ‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติ นิกฺขิตฺตานิ, ตานิ วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ กตมานิ ทส? อิธ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโตติอาทิมาห. ตตฺถ านฺจ านโตติ การณฺจ การณโต. การณฺหิ ยสฺมา ตตฺถ ผลํ ติฏฺติ ตทายตฺตวุตฺติยาย อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จ, ตสฺมา านนฺติ วุจฺจติ. ตํ ภควา ‘‘เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตู ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ านํ. เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ อฏฺาน’’นฺติ ปชานนฺโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. อภิธมฺเม ปเนตํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ าณ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๘๐๙) นเยน วิตฺถาริตเมว. ยมฺปีติ เยน าเณน. อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺสาติ อิทมฺปิ านาฏฺานาณํ ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ นาม โหตีติ อตฺโถ. เอวํ สพฺพปเทสุ โยชนา เวทิตพฺพา.
กมฺมสมาทานานนฺติ ¶ สมาทิยิตฺวา กตานํ กุสลากุสลกมฺมานํ, กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานํ. านโส เหตุโสติ ปจฺจยโต เจว เหตุโต จ. ตตฺถ คติอุปธิกาลปโยคา วิปากสฺส านํ. กมฺมํ เหตุ. อิมสฺส ปน าณสฺส วิตฺถารกถา ‘‘อตฺเถกจฺจานิ ปาปกานิ กมฺมสมาทานานิ คติสมฺปตฺติปฏิพาฬฺหานิ น วิปจฺจนฺตี’’ติอาทินา (วิภ. ๘๑๐) นเยน อภิธมฺเม อาคตาเยว.
สพฺพตฺถคามินินฺติ สพฺพคติคามินึ อคติคามินิฺจ. ปฏิปทนฺติ มคฺคํ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ พหูสุปิ มนุสฺเสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตนฺเตสุ อิมสฺส ¶ เจตนา นิรยคามินี ภวิสฺสติ, อิมสฺส เจตนา ติรจฺฉานโยนิคามินีติ อิมินา นเยน เอกวตฺถุสฺมิมฺปิ กุสลากุสลเจตนาสงฺขาตานํ ปฏิปตฺตีนํ อวิปรีตโต สภาวํ ชานาติ. อิมสฺส จ าณสฺส วิตฺถารกถา ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส สพฺพตฺถคามินึ ปฏิปทํ ยถาภูตํ าณํ? อิธ ตถาคโต อยํ ¶ มคฺโค อยํ ปฏิปทา นิรยคามีติ ปชานาตี’’ติอาทินา (วิภ. ๘๑๑) นเยน อภิธมฺเม อาคตาเยว.
อเนกธาตุนฺติ จกฺขุธาตุอาทีหิ กามธาตุอาทีหิ วา ธาตูหิ พหุธาตุํ. นานาธาตุนฺติ ตาสํเยว ธาตูนํ วิลกฺขณตาย นานปฺปการธาตุํ. โลกนฺติ ขนฺธายตนธาตุโลกํ. ยถาภูตํ ปชานาตีติ ตาสํ ตาสํ ธาตูนํ อวิปรีตโต สภาวํ ปฏิวิชฺฌติ. อิทมฺปิ าณํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส อเนกธาตุนานาธาตุโลกํ ยถาภูตํ าณํ, อิธ ตถาคโต ขนฺธนานตฺตํ ปชานาตี’’ติอาทินา นเยน อภิธมฺเม วิตฺถาริตเมว.
นานาธิมุตฺติกตนฺติ หีนาทีหิ อธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาวํ. อิทมฺปิ าณํ, ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตํ ยถาภูตํ าณํ, อิธ ตถาคโต ปชานาติ สนฺติ สตฺตา หีนาธิมุตฺติกา’’ติ อาทินา นเยน อภิธมฺเม วิตฺถาริตเมว.
ปรสตฺตานนฺติ ปธานสตฺตานํ. ปรปุคฺคลานนฺติ ตโต ปเรสํ หีนสตฺตานํ. เอกตฺถเมว วา เอตํ ¶ ปททฺวยํ. เวเนยฺยวเสน ปน ทฺเวธา วุตฺตํ. อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนฺติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปรภาวํ อปรภาวฺจ, วุทฺธิฺจ หานิฺจาติ อตฺโถ. อิมสฺสปิ าณสฺส วิตฺถารกถา – ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ าณํ, อิธ ตถาคโต สตฺตานํ อาสยํ ปชานาติ อนุสยํ ปชานาตี’’ติอาทินา (วิภ. ๘๑๔) นเยน อภิธมฺเม อาคตาเยว.
ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนนฺติ ปมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานํ รูปี รูปานิ ปสฺสตีติอาทีนํ อฏฺนฺนํ วิโมกฺขานํ สวิตกฺกสวิจาราทีนํ ติณฺณํ สมาธีนํ ปมชฺฌานสมาปตฺติอาทีนฺจ นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนํ. สํกิเลสนฺติ หานภาคิยธมฺมํ. โวทานนฺติ วิเสสภาคิยธมฺมํ. วุฏฺานนฺติ ‘‘โวทานมฺปิ วุฏฺานํ. ตมฺหา ¶ ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺานมฺปิ วุฏฺาน’’นฺติ (วิภ. ๘๒๘) เอวํ วุตฺตปคุณชฺฌานฺเจว ภวงฺคผลสมาปตฺติโย จ. เหฏฺิมํ เหฏฺิมฺหิ ปคุณชฺฌานํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทฏฺานํ โหติ. ตสฺมา ‘‘โวทานมฺปิ วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. ภวงฺเคน ปน สพฺพชฺฌาเนหิ วุฏฺานํ โหติ. ผลสมาปตฺติยา นิโรธสมาปตฺติโต ¶ วุฏฺานํ โหติ. ตํ สนฺธาย ‘‘ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺานมฺปิ วุฏฺาน’’นฺติ วุตฺตํ. อิทมฺปิ าณํ ‘‘ตตฺถ กตมํ ตถาคตสฺส ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสํ โวทานํ วุฏฺานํ ยถาภูตํ าณํ, ฌายีติ จตฺตาโร ฌายี, อตฺเถกจฺโจ ฌายี สมฺปตฺตึเยว สมานํ วิปตฺตีติ ปจฺเจตี’’ติอาทินา (วิภ. ๘๒๘) นเยน อภิธมฺเม วิตฺถาริตํ. สตฺตนฺนํ าณานํ วิตฺถารกถาวินิจฺฉโย สมฺโมหวิโนทนิยํ วิภงฺคฏฺกถายํ วุตฺโต. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติทิพฺพจกฺขุาณกถา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตา. อาสวกฺขยกถา ภยเภรเว.
๑๔๙. อิมานิ โข สาริปุตฺตาติ ยานิ ปุพฺเพ ‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานี’’ติ อโวจํ, อิมานิ ตานีติ อปฺปนํ กโรติ. ตตฺถ ¶ ปรวาทีกถา โหติ – ทสพลาณํ นาม ปาฏิเยกฺกํ นตฺถิ, สพฺพฺุตฺาณสฺเสวายํ ปเภโทติ. ตํ น ตถา ทฏฺพฺพํ. อฺเมว หิ ทสพลาณํ, อฺํ สพฺพฺุตฺาณํ. ทสพลาณฺหิ สกสกกิจฺจเมว ชานาติ. สพฺพฺุตาณํ ตมฺปิ ตโต อวเสสมฺปิ ปชานาติ. ทสพลาเณสุ หิ ปมํ การณาการณเมว ชานาติ. ทุติยํ กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมว. ตติยํ กมฺมปริจฺเฉทเมว. จตุตฺถํ ธาตุนานตฺตการณเมว. ปฺจมํ สตฺตานํ อชฺฌาสยาธิมุตฺติเมว. ฉฏฺํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวเมว. สตฺตมํ ฌานาทีหิ สทฺธึ เตสํ สํกิเลสาทิเมว. อฏฺมํ ปุพฺเพนิวุตฺถขนฺธสนฺตติเมว. นวมํ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิเมว. ทสมํ สจฺจปริจฺเฉทเมว. สพฺพฺุตฺาณํ ปน เอเตหิ ชานิตพฺพฺจ ตโต อุตฺตริฺจ ปชานาติ. เอเตสํ ปน กิจฺจํ น สพฺพํ กโรติ. ตฺหิ ฌานํ หุตฺวา อปฺเปตุํ น สกฺโกติ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สกฺโกติ, มคฺโค หุตฺวา กิเลเส เขเปตุํ น สกฺโกติ. อปิจ ปรวาที เอวํ ปุจฺฉิตพฺโพ – ‘‘ทสพลาณํ นาม เอตํ สวิตกฺกสวิจารํ อวิตกฺกวิจารมตฺตํ อวิตกฺกอวิจารํ กามาวจรํ รูปาวจรํ อรูปาวจรํ โลกิยํ โลกุตฺตร’’นฺติ? ชานนฺโต ปฏิปาฏิยา สตฺต าณานิ สวิตกฺกสวิจารานีติ วกฺขติ. ตโต ปรานิ ทฺเว ¶ อวิตกฺกอวิจารานีติ วกฺขติ. อาสวกฺขยาณํ สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, สิยา อวิตกฺกอวิจารนฺติ วกฺขติ. ตถา ปฏิปาฏิยา สตฺต กามาวจรานิ, ตโต ปรานิ ทฺเว รูปาวจรานิ, อวสาเน เอกํ โลกุตฺตรนฺติ วกฺขติ, สพฺพฺุตฺาณํ ปน สวิตกฺกสวิจารเมว กามาวจรเมว โลกิยเมวาติ วกฺขติ.
เอวเมตฺถ ¶ อนุปทวณฺณนํ กตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตถาคโต ปมํเยว านาฏฺานาเณน เวเนยฺยสตฺตานํ อาสวกฺขยาธิคมสฺส เจว อนธิคมสฺส จ านาฏฺานภูตํ กิเลสาวรณาภาวํ ปสฺสติ, โลกิยสมฺมาทิฏฺิฏฺานทสฺสนโต นิยตมิจฺฉาทิฏฺิฏฺานาภาวทสฺสนโต จ. อถ เนสํ กมฺมวิปากาเณน วิปากาวรณาภาวํ ปสฺสติ, ติเหตุกปฏิสนฺธิทสฺสนโต. สพฺพตฺถคามินีปฏิปทาาเณน ¶ กมฺมาวรณาภาวํ ปสฺสติ, อนนฺตริยกมฺมาภาวทสฺสนโต. เอวํ อนาวรณานํ อเนกธาตุนานาธาตุาเณน อนุกูลธมฺมเทสนตฺถํ จริยวิเสสํ ปสฺสติ, ธาตุเวมตฺตทสฺสนโต. อถ เนสํ นานาธิมุตฺติกตาาเณน อธิมุตฺตึ ปสฺสติ, ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ อธิมุตฺติวเสน ธมฺมเทสนตฺถํ. อเถวํ ทิฏฺาธิมุตฺตีนํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ธมฺมํ เทเสตุํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ปสฺสติ, สทฺธาทีนํ ติกฺขมุทุภาวทสฺสนโต. เอวํ ปริฺาตินฺทฺริยปโรปริยตฺตา ปน เต สเจ ทูเร โหนฺติ, ปมชฺฌานาทีสุ วสีภูตตฺตา อิทฺธิวิเสเสน เต ขิปฺปํ อุปคจฺฉติ. อุปคนฺตฺวา จ เนสํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ปุพฺพชาติภาวนํ, ทิพฺพจกฺขุาณานุภาวโต ปตฺตพฺเพน เจโตปริยาเณน สมฺปติ จิตฺตวิเสสํ ปสฺสนฺโต อาสวกฺขยาณานุภาเวน อาสวกฺขยคามินิยา ปฏิปทาย วิคตสมฺโมหตฺตา อาสวกฺขยาย ธมฺมํ เทเสติ. ตสฺมา อิมินา อนุกฺกเมน อิมานิ ทสพลานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ.
ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหายาติอาทีสุ ปุน เอวรูปึ วาจํ น วกฺขามีติ วทนฺโต ตํ วาจํ ปชหติ นาม. ปุน เอวรูปํ จิตฺตํ น อุปฺปาเทสฺสามีติ จินฺเตนฺโต จิตฺตํ ปชหติ นาม. ปุน เอวรูปํ ทิฏฺึ น คณฺหิสฺสามีติ ปชหนฺโต ทิฏฺึ ปฏินิสฺสชฺชติ นาม, ตถา อกโรนฺโต เนว ปชหติ, น ปฏินิสฺสชฺชติ. โส ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเยติ ยถา นิรยปาเลหิ อาหริตฺวา นิรเย ปิโต, เอวํ นิรเย ปิโตเยวาติ เวทิตพฺโพ.
อิทานิสฺส ¶ อตฺถสาธกํ อุปมํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห. ตตฺถ สีลสมฺปนฺโนติอาทีสุ โลกิยโลกุตฺตรา สีลสมาธิปฺา เวทิตพฺพา. โลกุตฺตรวเสเนว วินิวตฺเตตุมฺปิ วฏฺฏติ. อยฺหิ สมฺมาวาจากมฺมนฺตาชีเวหิ สีลสมฺปนฺโน, สมฺมาวายามสติสมาธีหิ สมาธิสมฺปนฺโน, สมฺมาทิฏฺิสงฺกปฺเปหิ ปฺาสมฺปนฺโน, โส เอวํ สีลาทิสมฺปนฺโน ภิกฺขุ ยถา ทิฏฺเว ธมฺเม อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อฺํ อาราเธติ อรหตฺตํ ปาปุณาติ, เอวํสมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ อิมมฺปิ ¶ การณํ เอวรูปเมว ¶ . ยถา หิ มคฺคานนฺตรํ อวิรชฺฌิตฺวาว ผลํ นิพฺพตฺตติ, เอวเมว อิมสฺสาปิ ปุคฺคลสฺส จุติอนนฺตรํ อวิรชฺฌิตฺวาว นิรเย ปฏิสนฺธิ โหตีติ ทสฺเสติ. สกลสฺมิฺหิ พุทฺธวจเน อิมาย อุปมาย คาฬฺหตรํ กตฺวา วุตฺตอุปมา นาม นตฺถิ.
๑๕๐. เวสารชฺชานีติ เอตฺถ สารชฺชปฏิปกฺโข เวสารชฺชํ, จตูสุ าเนสุ สารชฺชาภาวํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนโสมนสฺสมยาณสฺเสตํ นามํ. สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโตติ อหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สพฺเพ ธมฺมา มยา อภิสมฺพุทฺธาติ เอวํ ปฏิชานโต ตว. อนภิสมฺพุทฺธาติ อิเม นาม ธมฺมา ตยา อนภิสมฺพุทฺธา. ตตฺร วตาติ เตสุ วต อนภิสมฺพุทฺธาติ เอวํ ทสฺสิตธมฺเมสุ. สหธมฺเมนาติ สเหตุนา สการเณน วจเนน สุนกฺขตฺโต วิย วิปฺปลปนฺโต อปฺปมาณํ. นิมิตฺตเมตนฺติ เอตฺถ ปุคฺคโลปิ ธมฺโมปิ นิมิตฺตนฺติ อธิปฺเปโต. ตํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามิ, โย มํ ปฏิโจเทสฺสติ, ตํ ธมฺมํ น ปสฺสามิ, ยํ ทสฺเสตฺวา อยํ นาม ธมฺโม ตยา อนภิสมฺพุทฺโธติ มํ ปฏิโจเทสฺสตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เขมปฺปตฺโตติ เขมํ ปตฺโต, เสสปททฺวยํ อิมสฺเสว เววจนํ. สพฺพฺเหตํ เวสารชฺชาณเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ทสพลสฺส หิ อยํ นาม ธมฺโม ตยา อนภิสมฺพุทฺโธติ โจทกํ ปุคฺคลํ วา โจทนาการณํ อนภิสมฺพุทฺธธมฺมํ วา อปสฺสโต สภาวพุทฺโธเยว วา สมาโน อหํ พุทฺโธสฺมีติ วทามีติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส พลวตรํ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ. เตน สมฺปยุตฺตํ าณํ เวสารชฺชํ นาม. ตํ สนฺธาย ‘‘เขมปฺปตฺโต’’ติอาทิมาห. เอวํ สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อนฺตรายิกา ธมฺมาติ เอตฺถ ปน อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา, เต อตฺถโต สฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตา สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา. สฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตฺหิ อนฺตมโส ทุกฺกฏ-ทุพฺภาสิตมฺปิ มคฺคผลานํ อนฺตรายํ กโรติ. อิธ ปน เมถุนธมฺโม ¶ อธิปฺเปโต. เมถุนํ เสวโต หิ ยสฺส กสฺสจิ นิสฺสํสยเมว มคฺคผลานํ อนฺตราโย โหติ. ยสฺส โข ปน เตสุ อตฺถายาติ ราคกฺขยาทีสุ ยสฺส อตฺถาย. ธมฺโม เทสิโตติ อสุภภาวนาทิธมฺโม กถิโต ¶ . ตตฺร วต มนฺติ ตสฺมึ อนิยฺยานิกธมฺเม มํ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ทสพลาณาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺปริสวณฺณนา
๑๕๑. ‘‘อฏฺ ¶ โข อิมา สาริปุตฺตา’’ติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? เวสารชฺชาณสฺส พลทสฺสนตฺถํ. ยถา หิ พฺยตฺตํ ปริสํ อชฺโฌคาเหตฺวา วิฺูนํ จิตฺตํ อาราธนสมตฺถาย กถาย ธมฺมกถิกสฺส เฉกภาโว ปฺายติ, เอวํ อิมา อฏฺ ปริสา ปตฺวา เวสารชฺชาณสฺส เวสารชฺชภาโว สกฺกา าตุนฺติ เวสารชฺชาณสฺส พลํ ทสฺเสนฺโต, อฏฺ โข อิมา สาริปุตฺตาติอาทิมาห.
ตตฺถ ขตฺติยปริสาติ ขตฺติยานํ สนฺนิปติตฺวา นิสินฺนฏฺานํ, เอส นโย สพฺพตฺถ. มารกายิกานํ ปน สนฺนิปติตฺวา นิสินฺนฏฺานํ มารปริสา เวทิตพฺพา, น มารานํ. สพฺพาปิ เจตา ปริสา อุคฺคฏฺานทสฺสนวเสน คหิตา. มนุสฺสา หิ ‘‘เอตฺถ ราชา นิสินฺโน’’ติ ปกติวจนมฺปิ วตฺตุํ น สกฺโกนฺติ, กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ. เอวํ อุคฺคา ขตฺติยปริสา. พฺราหฺมณา ตีสุ เวเทสุ กุสลา โหนฺติ, คหปตโย นานาโวหาเรสุ เจว อกฺขรจินฺตาย จ. สมณา สกวาทปรวาเทสุ กุสลา โหนฺติ. เตสํ มชฺเฌ ธมฺมกถากถนํ นาม อติวิย ภาโร. อมนุสฺสาปิ อุคฺคา โหนฺติ. อมนุสฺโสติ หิ วุตฺตมตฺเตปิ มนุสฺสานํ สกลสรีรํ สงฺกมฺปติ, เตสํ รูปํ วา ทิสฺวา สทฺทํ วา สุตฺวา สตฺตา วิสฺิโน โหนฺติ. เอวํ อมนุสฺสปริสา อุคฺคา. ตาสุปิ ธมฺมกถากถนํ นาม อติวิย ภาโร. อิติ อุคฺคฏฺานทสฺสนวเสน ตา คหิตาติ เวทิตพฺพา.
อชฺโฌคาหตีติ อนุปวิสติ. อเนกสตํ ขตฺติยปริสนฺติ พิมฺพิสารสมาคม าติสมาคม ลิจฺฉวีสมาคมสทิสํ. อฺเสุปิ จกฺกวาเฬสุ ลพฺภติเยว. กึ ปน ภควา อฺานิ จกฺกวาฬานิปิ คจฺฉตีติ? อาม คจฺฉติ. กีทิโส หุตฺวา? ยาทิสา เต, ตาทิโสเยว. เตเนวาห ‘‘อภิชานามิ ¶ โข ปนาหํ, อานนฺท, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ อุปสงฺกมิตา, ตตฺถ ยาทิสโก เตสํ ¶ วณฺโณ โหติ, ตาทิสโก มยฺหํ วณฺโณ โหติ. ยาทิสโก เตสํ สโร โหติ, ตาทิสโก มยฺหํ สโร โหติ. ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสมิ สมาทเปมิ สมุตฺเตเชมิ สมฺปหํเสมิ. ภาสมานฺจ มํ น ชานนฺติ ‘โก นุ โข อยํ ภาสติ เทโว วา มนุสฺโส วา’ติ. ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อนฺตรธายามิ ¶ . อนฺตรหิตฺจ มํ น ชานนฺติ ‘โก นุ โข อยํ อนฺตรหิโต เทโว วา มนุสฺโส วา’’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๗๒).
ขตฺติยา เกยูรงฺคทมาลาคนฺธาทิวิภูสิตา นานาวิราควสนา อามุกฺกมณิกุณฺฑลา โมฬิธรา โหนฺติ. กึ ภควาปิ เอวํ อตฺตานํ มณฺเฑติ? เต จ โอทาตาปิ โหนฺติ กาฬาปิ มํคุลจฺฉวีปิ. กึ สตฺถาปิ เอวรูโป โหตีติ? สตฺถา อตฺตโน ปพฺพชิตวเสเนว คจฺฉติ, เตสํ ปน ตาทิโส หุตฺวา อุปฏฺาติ, คนฺตฺวา ราชาสเน นิสินฺนํ อตฺตานํ ทสฺเสติ, เตสํ ‘‘อชฺช อมฺหากํ ราชา อติวิย วิโรจตี’’ติ โหติ. เต จ ภินฺนสฺสราปิ โหนฺติ คคฺคสฺสราปิ กากสฺสราปิ. สตฺถา พฺรหฺมสฺสเรเนว ธมฺมํ กเถติ. ตาทิสโก มยฺหํ สโร โหตีติ อิทํ ปน ภาสนฺตรํ สนฺธาย กถิตํ. มนุสฺสานํ ปน ตํ สุตฺวา ‘‘อชฺช ราชา มธุเรน สเรน กเถตี’’ติ โหติ. กเถตฺวา ปกฺกนฺเต จ ภควติ ปุน ราชานํ อาคตํ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข อย’’นฺติ วีมํสา อุปฺปชฺชติ.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – โก นุ โข อยํ อิมสฺมึ าเน อิทาเนว มาคธภาสาย สีหฬภาสาย มธุเรน สเรน กเถนฺโต อนฺตรหิโต, กึ เทโว, อุทาหุ มนุสฺโสติ? กิมตฺถํ ปเนวํ อชานนฺตานํ ธมฺมํ เทเสตีติ? วาสนตฺถาย. เอวํ สุโตปิ หิ ธมฺโม อนาคเต ปจฺจโย โหติเยวาติ อนาคตํ ปฏิจฺจ เทเสตีติ.
สนฺนิสินฺนปุพฺพนฺติ สงฺคมฺม นิสินฺนปุพฺพํ. สลฺลปิตปุพฺพนฺติ อาลาปสลฺลาโป กตปุพฺโพ. สากจฺฉาติ ธมฺมสากจฺฉาปิ สมาปชฺชิตปุพฺพา. อเนกสตํ พฺราหฺมณปริสนฺติอาทีนมฺปิ โสณทณฺฑสมาคมาทิวเสน เจว อฺจกฺกวาฬวเสน จ สมฺภโว เวทิตพฺโพ.
อฏฺปริสวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุโยนิวณฺณนา
๑๕๒. จตสฺโส ¶ โข อิมา, สาริปุตฺต, โยนิโยติ เอตฺถ โยนีติ ขนฺธโกฏฺาสสฺสปิ การณสฺสปิ ปสฺสาวมคฺคสฺสปิ นามํ. ‘‘จตสฺโส นาคโยนิโย จตสฺโส สุปณฺณโยนิโย’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓๔๒, ๓๙๒) เอตฺถ ¶ หิ ขนฺธโกฏฺาโส โยนิ นาม. ‘‘โยนิ เหสา ¶ ภูมิช ผลสฺส อธิคมายา’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๒๗) เอตฺถ การณํ. ‘‘น จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมิ, โยนิชํ มตฺติสมฺภว’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๔๕๗; ธ. ป. ๓๙๖) เอตฺถ ปสฺสาวมคฺโค. อิธ ปน ขนฺธโกฏฺาโส โยนีติ อธิปฺเปโต. ตตฺถ อณฺเฑ ชาตา อณฺฑชา. ชลาพุมฺหิ ชาตา ชลาพุชา. สํเสเท ชาตา สํเสทชา. วินา เอเตหิ การเณหิ อุปฺปติตฺวา วิย นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตาติ โอปปาติกา. อภินิพฺภิชฺช ชายนฺตีติ ภินฺทิตฺวา นิกฺขมนวเสน ชายนฺติ. ปูติกุณเป วาติอาทีหิ อนิฏฺฏฺานาเนว ทสฺสิตานิ. อิฏฺเสุปิ สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีสุ สตฺตา ชายนฺติ เอว. เทวาติอาทีสุ จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย อุปริเทวา โอปปาติกาว โหนฺติ. ภูมเทวา ปน จตุโยนิกา. เอกจฺเจ จ มนุสฺสาติ มนุสฺเสสุ เกจิ เทวา วิย โอปปาติกา จ โหนฺติ. เยภุยฺเยน ปเนเต ชลาพุชาว, อณฺฑชาปิ เอตฺถ โกนฺตปุตฺตา ทฺเวภาติยตฺเถรา วิย, สํเสทชาปิ ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺตโปกฺขรสาติพฺราหฺมณปทุมวติเทวีอาทโย วิย, เอวํ วินิปาติเกสุ นิชฺฌามตณฺหิกเปตา เนรยิกา วิย โอปปาติกาเยว, อวเสสา จตุโยนิกาปิ โหนฺติ. ยถา เต เอวํ ยกฺขาปิ สพฺพจตุปฺปทปกฺขิชาติทีฆชาติอาทโยปิ สพฺเพ จตุโยนิกาเยว.
จตุโยนิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจคติวณฺณนา
๑๕๓. ปฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโยติ เอตฺถ สุกตทุกฺกฏกมฺมวเสน คนฺตพฺพาติ คติโย. อปิจ คติคติ นิพฺพตฺติคติ อชฺฌาสยคติ วิภวคติ นิปฺผตฺติคตีติ พหุวิธา คติ นาม. ตตฺถ ‘‘ตํ คตึ เปจฺจ คจฺฉามี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๘๔) จ, ‘‘ยสฺส คตึ น ชานนฺติ, เทวา คนฺธพฺพมานุสา’’ติ (ธ. ป. ๔๒๐) จ อยํ คติคติ นาม. ‘‘อิเมสํ โข อหํ ภิกฺขูนํ สีลวนฺตานํ เนว ชานามิ คตึ วา อคตึ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๐๘) อยํ นิพฺพตฺติคติ นาม. ‘‘เอวมฺปิ โข เต อหํ พฺรหฺเม ¶ คตึ จ ปชานามิ ชุติฺจ ปชานามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๐๓) อยํ อชฺฌาสยคติ นาม. ‘‘วิภโว คติ ธมฺมานํ, นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ (ปริ. ๓๓๙) อยํ วิภวคติ นาม. ‘‘ทฺเวเยว คติโย ภวนฺติ ¶ อนฺา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๕๘; ๒.๓๔) อยํ นิปฺผตฺติคติ นาม. ตาสุ อิธ คติคติ อธิปฺเปตา.
นิรโยติอาทีสุ ¶ นิรติอตฺเถน นิรสฺสาทฏฺเน นิรโย. ติริยํ อฺฉิตาติ ติรจฺฉานา. เตสํ โยนิ ติรจฺฉานโยนิ. เปจฺจภาวํ ปตฺตานํ วิสโยติ เปตฺติวิสโย. มนโส อุสฺสนฺนตฺตา มนุสฺสา. ปฺจหิ กามคุเณหิ อตฺตโน อตฺตโน อานุภาเวหิ จ ทิพฺพนฺตีติ เทวา. นิรยฺจาหํ, สาริปุตฺตาติอาทีสุ นิรโยติ สทฺธึ โอกาเสน ขนฺธา. ติรจฺฉานโยนึ จาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. มคฺคํ ปฏิปทนฺติ อุภเยนาปิ วุตฺตคติสํวตฺตนิก กมฺมเมว ทสฺเสติ. ยถา จ ปฏิปนฺโนติ เยน มคฺเคน ยาย ปฏิปทาย ปฏิปนฺโนติ อุภยมฺปิ เอกโต กตฺวา นิทฺทิสติ. อปายนฺติอาทีสุ วฑฺฒิสงฺขาตา สุขสงฺขาตา วา อยา อเปตตฺตา อปาโย. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ. ทุกฺกฏการิโน เอตฺถ วินิปตนฺตีติ วินิปาโต. นิพฺพานฺจาหนฺติ อิทํ ปน น เกวลํ คติคติเมว, คตินิสฺสรณํ นิพฺพานมฺปิ ชานามีติ ทสฺสนตฺถมาห. อิธ มคฺโค ปฏิปทาติ อุภเยนาปิ อริยมคฺโคว วุตฺโต.
ปฺจคติวณฺณนา นิฏฺิตา.
าณปฺปวตฺตาการวณฺณนา
๑๕๔. อิทานิ ยถาวุตฺเตสุ สตฺตสุ าเนสุ อฏฺสุ าเนสุ อตฺตโน าณปฺปวตฺตาการํ ทสฺเสนฺโต อิธาหํ, สาริปุตฺตาติอาทิมาห.
ตตฺถ เอกนฺตทุกฺขาติ นิจฺจทุกฺขา นิรนฺตรทุกฺขา. ติพฺพาติ พหลา. กฏุกาติ ขรา. เสยฺยถาปีติอาทีนิ โอปมฺมทสฺสนตฺถํ วุตฺตานิ. ตตฺถ กาสูติ อาวาโฏปิ วุจฺจติ ราสิปิ.
‘‘กินฺนุ สนฺตรมาโนว, กาสุํ ขณสิ สารถิ;
ปุฏฺโ เม สมฺม อกฺขาหิ, กึ กาสุยา กริสฺสสี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๓) –
เอตฺถ ¶ หิ อาวาโฏ กาสุ นาม.
‘‘องฺคารกาสุํ ¶ อปเร ผุนนฺติ, นรา รุทนฺตา ปริทฑฺฒคตฺตา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๖๒) –
เอตฺถ ราสิ. อิธ ปน อาวาโฏ อธิปฺเปโต. เตเนวาห ‘‘สาธิกโปริสา’’ติ. ตตฺถ สาธิกํ โปริสํ ปมาณํ อสฺสาติ สาธิกโปริสา, อติเรกปฺจรตนาติ อตฺโถ. วีตจฺจิกานํ วีตธูมานนฺติ เอตํ ปริฬาหสฺส พลวภาวทีปนตฺถํ วุตฺตํ, อจฺจิยา วา สติ ธูเม วา สติ, วาโต สมุฏฺาติ, เตน ปริฬาโห น พลวา โหติ. ฆมฺมปเรโตติ ฆมฺมานุคโต ¶ . ตสิโตติ ชาตตณฺโห. ปิปาสิโตติ อุทกํ ปาตุกาโม. เอกายเนน มคฺเคนาติ เอกปเถเนว มคฺเคน, อนุกฺกมนิเยน อุโภสุ ปสฺเสสุ นิรนฺตรกณฺฏกรุกฺขคหเนน. ปณิธายาติ องฺคารกาสุยํ ปตฺถนา นาม นตฺถิ, องฺคารกาสุํ อารพฺภ ปน อิริยาปถสฺส ปิตตฺตา เอวํ วุตฺตํ.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – องฺคารกาสุ วิย หิ นิรโย ทฏฺพฺโพ. องฺคารกาสุมคฺโค วิย นิรยูปคํ กมฺมํ. มคฺคารุฬฺโห วิย กมฺมสมงฺคี ปุคฺคโล. จกฺขุมา ปุริโส วิย ทิพฺพจกฺขุโก ภควา. ยถา โส ปุริโส มคฺคารุฬฺหํ ทิสฺวา วิชานาติ ‘‘อยํ อิมินา มคฺเคน คนฺตฺวา องฺคารกาสุยํ ปติสฺสตี’’ติ, เอวเมวํ ภควา ปาณาติปาตาทีสุ ยํกิฺจิ กมฺมํ อายูหนฺตํ เอวํ ชานาติ ‘‘อยํ อิมํ กมฺมํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติสฺสตฺตี’’ติ. ยถา โส ปุริโส อปรภาเค ตํ องฺคารกาสุยา ปติตํ ปสฺสติ, เอวเมว ภควา อปรภาเค ‘‘โส ปุริโส ตํ กมฺมํ กตฺวา กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต นิรเย นิพฺพตฺตํ ปสฺสติ ปฺจวิธพนฺธนาทิมหาทุกฺขํ อนุภวนฺตํ. ตตฺถ กิฺจาปิ ตสฺส กมฺมายูหนกาเล อฺโ วณฺโณ, นิรเย นิพฺพตฺตสฺส อฺโ. อถาปิ ‘‘โส สตฺโต ตํ กมฺมํ กตฺวา กตฺถ นิพฺพตฺโต’’ติ โอโลเกนฺตสฺส อเนกสหสฺสานํ สตฺตานํ มชฺเฌ ิโตปิ ‘‘อยํ โส’’ติ โสเยว สตฺโต อาปาถํ อาคจฺฉติ, ‘‘ทิพฺพจกฺขุพลํ นาม เอต’’นฺติ วทนฺติ.
ทุติยอุปมายํ ยสฺมา องฺคารกาสุยํ วิย คูถกูเป ปริฬาโห นตฺถิ, ตสฺมา ‘‘เอกนฺตทุกฺขา’’ติ อวตฺวา ‘‘ทุกฺขา’’ติอาทิมาห. เอตฺถาปิ ปุริมนเยเนว โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ ¶ . อิมมฺปิ หิ ปุคฺคลํ ภควา หตฺถิโยนิอาทีสุ ¶ ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺตํ วธพนฺธนอากฑฺฒนวิกฑฺฒนาทีหิ มหาทุกฺขํ อนุภวมานํ ปสฺสติเยว.
ตติยอุปมายํ ตนุปตฺตปลาโสติ น อพฺภปฏลํ วิย ตนุปณฺโณ, วิรฬปณฺณตฺตํ ปนสฺส สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ. กพรจฺฉาโยติ วิรฬจฺฉาโย. ทุกฺขพหุลาติ เปตฺติวิสยสฺมิฺหิ ¶ ทุกฺขเมว พหุลํ, สุขํ ปริตฺตํ กทาจิ อนุภวิตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอวมาห. เอตฺถาปิ ปุริมนเยเนว โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ.
จตุตฺถอุปมายํ พหลปตฺตปลาโสติ นิรนฺตรปณฺโณ ปตฺตสฺฉนฺโน. สนฺตจฺฉาโยติ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ฆนจฺฉาโย. สุขพหุลา เวทนาติ มนุสฺสโลเก ขตฺติยกุลาทีสุ สุขพหุลา เวทนา เวทยิตพฺพา โหติ, ตา เวทยมานํ นิปนฺนํ วา นิสินฺนํ วา ปสฺสามีติ ทสฺเสติ. อิธาปิ โอปมฺมสํสนฺทนํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
ปฺจมอุปมายํ ปาสาโทติ ทีฆปาสาโท. อุลฺลิตฺตาวลิตฺตนฺติ อนฺโต เจว อุลฺลิตฺตํ พหิ จ อวลิตฺตํ. ผุสิตคฺคฬนฺติ ทฺวารพาหาหิ สทฺธึ สุปิหิตกวาฏํ. โคนกตฺถโตติ จตุรงฺคุลาธิกโลเมน กาฬโกชเวน อตฺถโต. ปฏิกตฺถโตติ อุณฺณามเยน เสตอตฺถรเณน อตฺถโต. ปฏลิกตฺถโตติ ฆนปุปฺผเกน อุณฺณามยอตฺถรเณน อตฺถโต. กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณติ กทลิมิคจมฺมมเยน อุตฺตมปจฺจตฺถรเณน อตฺถโต. ตํ กิร ปจฺจตฺถรณํ เสตวตฺถสฺส อุปริ กทลิมิคจมฺมํ อตฺถริตฺวา สิพฺเพตฺวา กโรนฺติ. สอุตฺตรจฺฉโทติ สห อุตฺตรจฺฉเทน, อุตฺตริพทฺเธน รตฺตวิตาเนน สทฺธินฺติ อตฺโถ. อุภโตโลหิตกูปธาโนติ สีสูปธานฺจ ปาทูปธานฺจาติ ปลฺลงฺกสฺส อุภโต ปิตโลหิตกูปธาโน. อิธาปิ อุปมาสํสนฺทนํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อยํ ปเนตฺถ อปรภาคโยชนา, ยถา โส ปุริโส มคฺคารุฬฺหเมว ชานาติ ‘‘อยํ เอเตน มคฺเคน คนฺตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห กูฏาคารํ ปวิสิตฺวา ปลฺลงฺเก นิสีทิสฺสติ วา นิปชฺชิสฺสติ วา’’ติ, เอวเมวํ ภควา ทานาทีสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ ยํกิฺจิ กุสลกมฺมํ อายูหนฺตํเยว ปุคฺคลํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อิมํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ชานาติ. ยถา โส ปุริโส อปรภาเค ¶ ¶ ตํ ปาสาทํ อารุยฺห กูฏาคารํ ปวิสิตฺวา ปลฺลงฺเก นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา เอกนฺตสุขํ นิรนฺตรสุขํ เวทนํ เวทยมานํ ปสฺสติ, เอวเมวํ ภควา อปรภาเค ‘‘โส ตํ กลฺยาณํ กตฺวา กุหึ นิพฺพตฺโต’’ติ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต เทวโลเก ¶ นิพฺพตฺตํ ปสฺสติ, นนฺทนวนาทีสุ อจฺฉราสงฺฆปริวุตํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมานํ.
าณปฺปวตฺตาการวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาสวกฺขยวารวณฺณนา
อาสวกฺขยวาเร ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา’’ติ อวตฺวา ‘‘ตเมนํ ปสฺสามี’’ติ วุตฺตํ. ตํ กสฺมาติ เจ? นิยมาภาวา. อิมฺหิ ปุคฺคลํ ทิพฺพจกฺขุนาปิ ปสฺสิสฺสติ, เจโตปริยาเณนาปิ ชานิสฺสติ, สพฺพฺุตฺาเณนปิ ชานิสฺสติเยว. เอกนฺตสุขา เวทนาติ อิทํ กิฺจาปิ เทวโลกสุเขน สทฺธึ พฺยฺชนโต เอกํ, อตฺถโต ปน นานา โหติ. เทวโลกสุขฺหิ ราคปริฬาหาทีนํ อตฺถิตาย น เอกนฺเตเนว สุขํ. นิพฺพานสุขํ ปน สพฺพปริฬาหานํ วูปสมาย สพฺพากาเรน เอกนฺตสุขํ. อุปมายมฺปิ ‘‘ยถา ปาสาเท เอกนฺตสุขา’’ติ วุตฺตํ. ตํ มคฺคปริฬาหสฺส อวูปสนฺตตาย ฉาตชฺฌตฺตตาย ปิปาสาภิภูตตาย จ น เอกนฺตเมว สุขํ. วนสณฺเฑ ปน โปกฺขรณิยํ โอรุยฺห รโชชลฺลสฺส ปวาหิตตฺตา มคฺคทรถสฺส วูปสนฺตตาย ภิสมูลขาทเนน เจว มธุโรทกปาเนน จ ขุปฺปิปาสานํ วินีตตาย อุทกสาฏกํ ปริวตฺเตตฺวา มฏฺทุกูลํ นิวาเสตฺวา ตณฺฑุลตฺถวิกํ อุสฺสีสเก กตฺวา อุทกสาฏกํ ปีเฬตฺวา หทเย เปตฺวา มนฺทมนฺเทน จ วาเตน พีชยมานสฺส นิปนฺนตฺตา สพฺพากาเรน เอกนฺตสุขํ โหติ.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – โปกฺขรณี วิย หิ อริยมคฺโค ทฏฺพฺโพ. โปกฺขรณิมคฺโค วิย ปุพฺพภาคปฏิปทา. มคฺคารุฬฺโห วิย ปฏิปทาสมงฺคีปุคฺคโล. จกฺขุมา ปุริโส วิย ทิพฺพจกฺขุ ภควา. วนสณฺโฑ วิย นิพฺพานํ. ยถา โส ปุริโส มคฺคารุฬฺหํ ทิสฺวาว ชานาติ ‘‘อยํ อิมินา มคฺเคน คนฺตฺวา โปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา รมณีเย วนสณฺเฑ รุกฺขมูเล นิสีทิสฺสติ วา นิปชฺชิสฺสติ วา’’ติ, เอวเมวํ ภควา ปฏิปทํ ปูเรนฺตเมว นามรูปํ ¶ ปริจฺฉินฺทนฺตเมว ปจฺจยปริคฺคหํ กโรนฺตเมว ลกฺขณารมฺมณาย วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตเมว ชานาติ ‘‘อยํ อิมํ ปฏิปทํ ปูเรตฺวา สพฺพอาสเว เขเปตฺวา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอวํ วุตฺตํ ผลสมาปตฺตึ อุปสมฺปชฺช ¶ วิหริสฺสตี’’ติ. ยถา ¶ โส ปุริโส อปรภาเค ตายํ โปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา เอกนฺตสุขํ เวทนํ เวทยมานํ ปสฺสติ, เอวเมว ภควา อปรภาเค ตํ ปุคฺคลํ ปฏิปทํ ปูเรตฺวา มคฺคํ ภาเวตฺวา ผลํ สจฺฉิกตฺวา นิโรธสยนวรคตํ นิพฺพานารมฺมณํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา เอกนฺตสุขํ เวทนํ เวทยมานํ ปสฺสติ.
อาสวกฺขยวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุกฺกรการิกาทิสุทฺธิวณฺณนา
๑๕๕. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคต’’นฺติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? ปาฏิเยกฺกํ อนุสนฺธิวเสน อารทฺธํ. อยํ กิร สุนกฺขตฺโต ทุกฺกรการิกาย สุทฺธิ โหตีติ เอวํ ลทฺธิโก. อถสฺส ภควา มยา เอกสฺมึ อตฺตภาเว ตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ ทุกฺกรํ กตํ, ทุกฺกรการโก นาม มยา สทิโส นตฺถิ. ทุกฺกรกาเรน สุทฺธิยา สติ อหเมว สุทฺโธ ภเวยฺยนฺติ ทสฺเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ. อปิจ อยํ สุนกฺขตฺโต ทุกฺกรการิกาย ปสนฺโน, โส จสฺส ปสนฺนภาโว, ‘‘อทฺทสา โข, ภคฺคว, สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต อเจลํ โกรกฺขตฺติยํ จตุกฺกุณฺฑิกํ ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขน ขาทนฺตํ มุเขน ภฺุชนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ ‘สาธุ รูโป วต, โภ, อยํ สมโณ จตุกฺกุณฺฑิโก ฉมานิกิณฺณํ ภกฺขสํ มุเขเนว ขาทติ, มุเขเนว ภฺุชตี’’’ติ เอวมาทินา ปาถิกสุตฺเต (ที. นิ. ๓.๗) อาคตนเยน เวทิตพฺโพ.
อถ ภควา อยํ ทุกฺกรการิกาย ปสนฺโน, มยา จ เอตสฺมึ อตฺตภาเว ตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ ทุกฺกรํ กตํ, ทุกฺกรกาเร ปสีทนฺเตนาปิ อเนน มยิ ปสีทิตพฺพํ สิยา, โสปิสฺส ปสาโท มยิ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต อิมํ เทสนํ อารภิ.
ตตฺร ¶ พฺรหฺมจริยนฺติ ทานมฺปิ เวยฺยาวจฺจมฺปิ สิกฺขาปทมฺปิ พฺรหฺมวิหาราปิ ธมฺมเทสนาปิ เมถุนวิรติปิ สทารสนฺโตโสปิ อุโปสโถปิ อริยมคฺโคปิ สกลสาสนมฺปิ อชฺฌาสโยปิ วีริยมฺปิ วุจฺจติ.
‘‘กึ ¶ เต วตํ กึ ปน พฺรหฺมจริยํ,
กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,
อิทฺจ เต นาค มหาวิมานํ.
อหฺจ ¶ ภริยา จ มนุสฺสโลเก,
สทฺธา อุโภ ทานปตี อหุมฺหา;
โอปานภูตํ เม ฆรํ ตทาสิ,
สนฺตปฺปิตา สมณพฺราหฺมณา จ.
ตํ เม วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ,
ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;
อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,
อิทฺจ เม ธีร มหาวิมาน’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๕๙๒, ๑๕๙๓, ๑๕๙๕) –
อิมสฺมิฺหิ ปุณฺณกชาตเก ทานํ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ.
‘‘เกน ปาณิ กามทโท, เกน ปาณิ มธุสฺสโว;
เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปฺุํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.
เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;
เตน เม พฺรหฺมจริเยน, ปฺุํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตี’’ติ. (เป. ว. ๒๗๕) –
อิมสฺมึ ¶ องฺกุรเปตวตฺถุสฺมึ เวยฺยาวจฺจํ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ. ‘‘เอวํ โข ตํ, ภิกฺขเว, ติตฺติริยํ นาม พฺรหฺมจริยํ อโหสี’’ติ (จูฬว. ๓๑๑) อิมสฺมึ ติตฺติรชาตเก ปฺจสิกฺขาปทํ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ. ‘‘ตํ โข ปน เม ปฺจสิข พฺรหฺมจริยํ เนว นิพฺพิทาย น วิราคาย น นิโรธาย, ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) อิมสฺมึ มหาโควินฺทสุตฺเต พฺรหฺมวิหารา พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ. ‘‘เอกสฺมึ พฺรหฺมจริยสฺมึ, สหสฺสํ มจฺจุหายิน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๘๔) เอตฺถ ธมฺมเทสนา พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตา. ‘‘ปเร อพฺรหฺมจารี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ พฺรหฺมจารี ภวิสฺสามา’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๓) สลฺเลขสุตฺเต เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตา.
‘‘มยฺจ ¶ ภริยา นาติกฺกมาม,
อมฺเห จ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;
อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม,
ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๙๗) –
มหาธมฺมปาลชาตเก สทารสนฺโตโส พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺโต.
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕) –
เอวํ ¶ นิมิชาตเก อตฺตทมนวเสน กโต อฏฺงฺคิโก อุโปสโถ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺโต. ‘‘อิทํ โข ปน เม, ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย…เป… อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) มหาโควินฺทสุตฺตสฺมิฺเว อริยมคฺโค พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺโต. ‘‘ตยิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๗๔) ปาสาทิกสุตฺเต สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สาสนํ พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺตํ.
‘‘อปิ ¶ อตรมานานํ, ผลาสาว สมิชฺฌติ;
วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมิ, เอวํ ชานาหิ คามณี’’ติ. (ชา. ๑.๑.๘) –
เอตฺถ อชฺฌาสโย พฺรหฺมจริยนฺติ วุตฺโต. อิธ ปน วีริยํ พฺรหฺมจริยนฺติ อธิปฺเปตํ. วีริยพฺรหฺมจริยสฺส หิ อิทเมว สุตฺตํ. ตเทตํ เอกสฺมึ อตฺตภาเว จตุพฺพิธสฺส ทุกฺกรสฺส กตตฺตา จตุรงฺคสมนฺนาคตนฺติ วุตฺตํ.
ตปสฺสี สุทํ โหมีติ สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ, ตปนิสฺสิตโก โหมีติ อตฺโถ. ปรมตปสฺสีติ ปรโม ตปสฺสี, ตปนิสฺสิตกานํ อุตฺตโม. ลูโข สุทํ โหมีติ ลูโข โหมิ. เชคุจฺฉีติ ปาปเชคุจฺฉิโก. ปวิวิตฺโต สุทํ โหมีติ ปวิวิตฺโต อหํ โหมิ. ตตฺราสฺสุ เม อิทํ, สาริปุตฺตาติ ตตฺร จตุรงฺเค พฺรหฺมจริเย อิทํ มม ตปสฺสิตาย โหติ, ตปนิสฺสิตกภาเว มยฺหํ อิทํ อเจลกาทิตปสฺสิตกตฺตํ โหตีติ ทสฺเสติ.
ตตฺถ ¶ อเจลโกติ นิจฺเจโล นคฺโค. มุตฺตาจาโรติ วิสฏฺาจาโร, อุจฺจารกมฺมาทีสุ โลกิยกุลปุตฺตาจาเรน วิรหิโต, ิตโกว อุจฺจารํ กโรมิ, ปสฺสาวํ กโรมิ, ขาทามิ ภฺุชามิ จ. หตฺถาปเลขโนติ หตฺเถ ปิณฺฑมฺหิ ิเต ชิวฺหาย หตฺถํ อปลิขามิ, อุจฺจารํ วา กตฺวา หตฺถสฺมิฺเว ทณฺฑกสฺี หุตฺวา หตฺเถน อปลิขามีติ ทสฺเสติ. เต กิร ทณฺฑกํ สตฺโตติ ปฺเปนฺติ, ตสฺมา เตสํ ปฏิปทํ ปูเรนฺโต เอวมกาสิ. ภิกฺขาคหณตฺถํ เอหิ ภทฺทนฺเตติ วุตฺโต น เอตีติ น เอหิภทฺทนฺติโก. เตน หิ ติฏฺ ภทฺทนฺเตติ วุตฺโตปิ น ติฏฺตีติ น ติฏฺภทฺทนฺติโก. ตทุภยมฺปิ ¶ ติตฺถิยา เอวํ เอตสฺส วจนํ กตํ ภวิสฺสตีติ น กโรนฺติ. อหมฺปิ เอวํ อกาสินฺติ ทสฺเสติ. อภิหฏนฺติ ปุเรตรํ คเหตฺวา อาหฏํ ภิกฺขํ. อุทฺทิสฺสกตนฺติ อิทํ ตุมฺเห อุทฺทิสฺส กตนฺติ เอวํ อาโรจิตภิกฺขํ. น นิมนฺตนนฺติ อสุกํ นาม กุลํ วา วีถึ วา คามํ วา ปวิเสยฺยาถาติ เอวํ นิมนฺติตภิกฺขมฺปิ น สาทิยามิ น คณฺหามิ.
น กุมฺภิมุขาติ กุมฺภิโต อุทฺธริตฺวา ทิยฺยมานํ ภิกฺขํ น คณฺหามิ. น กโฬปิมุขาติ กโฬปีติ อุกฺขลิ วา ปจฺฉิ วา. ตโตปิ น คณฺหามิ. กสฺมา? กุมฺภิกโฬปิโย ¶ มํ นิสฺสาย กฏจฺฉุนา ปหารํ ลภนฺตีติ. น เอฬกมนฺตรนฺติ อุมฺมารํ อนฺตรํ กตฺวา ทิยฺยมานํ น คณฺหามิ. กสฺมา? อยํ มํ นิสฺสาย อนฺตรกรณํ ลภตีติ. ทณฺฑมุสเลสุปิ เอเสว นโย. น ทฺวินฺนนฺติ ทฺวีสุ ภฺุชมาเนสุ เอกสฺมึ อุฏฺาย เทนฺเต น คณฺหามิ. กสฺมา? กพฬนฺตราโย โหตีติ. น คพฺภินิยาติอาทีสุ ปน คพฺภินิยา กุจฺฉิยํ ทารโก กิลมติ, ปายนฺติยา ทารกสฺส ขีรนฺตราโย โหติ, ปุริสนฺตรคตาย รติอนฺตราโย โหตีติ น คณฺหามิ. น สํกิตฺตีสูติ สํกิตฺเตตฺวา กตภตฺเตสุ. ทุพฺภิกฺขสมเย กิร อเจลกสาวกา อเจลกานํ อตฺถาย ตโต ตโต ตณฺฑุลาทีนิ สมาทเปตฺวา ภตฺตํ ปจนฺติ. อุกฺกฏฺาเจลโก ตโตปิ น ปฏิคฺคณฺหาติ.
น ยตฺถ สาติ ยตฺถ สุนโข ปิณฺฑํ ลภิสฺสามีติ อุปฏฺิโต โหติ, ตตฺถ ตสฺส อทตฺวา อาหฏํ น คณฺหามิ. กสฺมา? เอตสฺส ปิณฺฑนฺตราโย โหตีติ. สณฺฑสณฺฑจารินีติ สมูหสมูหจารินี, สเจ หิ อเจลกํ ทิสฺวา อิมสฺส ภิกฺขํ ทสฺสามาติ มานุสกา ภตฺตเคหํ ปวิสนฺติ. เตสุ จ ปวิสนฺเตสุ กโฬปิมุขาทีสุ นิลีนา มกฺขิกา อุปฺปติตฺวา สณฺฑสณฺฑา จรนฺติ. ตโต ¶ อาหฏํ ภิกฺขํ น คณฺหามิ. กสฺมา? มํ นิสฺสาย มกฺขิกานํ โคจรนฺตราโย ชาโตติ, อหมฺปิ ตถา อกาสึ. น ถุโสทกนฺติ สพฺพสสฺสสมฺภาเรหิ กตํ โลณโสวีรกํ. เอตฺถ จ สุราปานเมว สาวชฺชํ, อยํ ปน สพฺเพสุปิ สาวชฺชสฺี.
เอกาคาริโกติ โย เอกสฺมิฺเว เคเห ภิกฺขํ ลภิตฺวา นิวตฺตติ. เอกาโลปิโกติ โย เอเกเนว อาโลเปน ยาเปติ. ทฺวาคาริกาทีสุปิ เอเสว นโย. เอกิสฺสาปิ ทตฺติยาติ เอกาย ¶ ทตฺติยา. ทตฺติ นาม เอกา ขุทฺทกปาติ โหติ, ยตฺถ อคฺคภิกฺขํ ปกฺขิปิตฺวา เปนฺติ. เอกาหิกนฺติ เอกทิวสนฺตริกํ. อทฺธมาสิกนฺติ อทฺธมาสนฺตริกํ. ปริยายภตฺตโภชนนฺติ วารภตฺตโภชนํ. เอกาหวาเรน ทฺวีหวาเรน สตฺตาหวาเรน อฑฺฒมาสวาเรนาติ เอวํ ทิวสวาเรน อาภตํ ภตฺตโภชนํ.
สากภกฺโขติ อลฺลสากภกฺโข. สามากภกฺโขติ สามากตณฺฑุลภกฺโข. นีวาราทีสุ นีวารา นาม ตาว อรฺเ สยํชาตวีหิชาติ. ททฺทุลนฺติ จมฺมกาเรหิ จมฺมํ ลิขิตฺวา ฉฑฺฑิตกสฏํ. หฏํ วุจฺจติ สิเลโสปิ เสวาโลปิ กณิการาทิรุกฺขนิยฺยาโสปิ. กณนฺติ กุณฺฑกํ ¶ . อาจาโมติ ภตฺตอุกฺขลิกาย ลคฺโค ฌามโอทโน, ตํ ฉฑฺฑิตฏฺาเน คเหตฺวา ขาทติ. ‘‘โอทนกฺชิย’’นฺติปิ วทนฺติ. ปิฺากาทโย ปากฏา เอว. ปวตฺตผลโภชีติ ปติตผลโภชี.
สาณานีติ สาณวากโจฬานิ. มสาณานีติ มิสฺสกโจฬานิ. ฉวทุสฺสานีติ มตสรีรโต ฉฑฺฑิตวตฺถานิ. เอรกติณาทีนิ วา คนฺเถตฺวา กตนิวาสนานิ. ปํสุกูลานีติ ปถวิยํ ฉฑฺฑิตนนฺตกานิ. ติริตานีติ รุกฺขตฺตจวตฺถานิ. อชินนฺติ อชินมิคจมฺมํ. อชินกฺขิปนฺติ ตเทว มชฺเฌ ผาลิตํ. สขุรกนฺติปิ วทนฺติ. กุสจีรนฺติ กุสติณํ คนฺเถตฺวา กตจีรํ. วากจีรผลกจีเรสุปิ เอเสว นโย. เกสกมฺพลนฺติ มนุสฺสเกเสหิ กตกมฺพลํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยานิ กานิจิ, ภิกฺขเว, ตนฺตาวุตานํ วตฺถานํ, เกสกมฺพโล เตสํ ปฏิกุฏฺโ อกฺขายติ. เกสกมฺพโล, ภิกฺขเว, สีเต สีโต, อุณฺเห อุณฺโห, ทุพฺพณฺโณ ทุคฺคนฺโธ ทุกฺขสมฺผโส’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓๘). วาลกมฺพลนฺติ อสฺสวาลาทีหิ กตกมฺพลํ. อุลูกปกฺขกนฺติ อุลูกปตฺตานิ คนฺเถตฺวา กตนิวาสนํ. อุพฺภฏฺโกติ อุทฺธํ ิตโก. อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุตฺโตติ อุกฺกุฏิกวีริยํ อนุยุตฺโต, คจฺฉนฺโตปิ อุกฺกุฏิโกว หุตฺวา อุปฺปติตฺวา ¶ อุปฺปติตฺวา คจฺฉติ. กณฺฏกาปสฺสยิโกติ ¶ อยกณฺฏเก วา ปกติกณฺฏเก วา ภูมิยํ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺถ จมฺมํ อตฺถริตฺวา านจงฺกมาทีนิ กโรมีติ ทสฺเสติ. เสยฺยนฺติ สยนฺโตปิ ตตฺเถว เสยฺยํ กปฺเปมิ. สายํ ตติยมสฺสาติ สายตติยกํ. ปาโต มชฺฌนฺหิเก สายนฺติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ปาปํ ปวาเหสฺสามีติ อุทโกโรหนานุโยคํ อนุยุตฺโต วิหรามีติ ทสฺเสติ.
๑๕๖. เนกวสฺสคณิกนฺติ เนกวสฺสคณสฺชาตํ. รโชชลฺลนฺติ รชมลํ, อิทํ อตฺตโน รโชชลฺลกวตสมาทานกาลํ สนฺธาย วทติ. เชคุจฺฉิสฺมินฺติ ปาปชิคุจฺฉนภาเว. ยาว อุทกพินฺทุมฺหิปีติ ยาว อุทกเถวเกปิ มม ทยา ปจฺจุปฏฺิตา โหติ, โก ปน วาโท อฺเสุ สกฺขรกลทณฺฑกวาลิกาทีสุ. เต กิร อุทกพินฺทุํ จ เอเต จ สกฺขรกลาทโย ขุทฺทกปาณาติ ปฺเปนฺติ. เตนาห ‘‘ยาว อุทกพินฺทุมฺหิปิ เม ทยา ปจฺจุปฏฺิตา โหตี’’ติ. อุทกพินฺทุมฺปิ น หนามิ น วินาเสมิ, กึ การณา. มาหํ ขุทฺทเก ปาเณ วิสมคเต สงฺฆาตํ อาปาเทสินฺติ. นินฺนถลติณคฺครุกฺขสาขาทีสุ วิสมฏฺาเน คเต อุทกพินฺทุสงฺขาเต ขุทฺทกปาเณ สงฺฆาตํ ¶ วธํ มา อาปาเทสินฺติ. เอตมตฺถํ ‘‘สโตว อภิกฺกมามี’’ติ ทสฺเสติ. อเจลเกสุ กิร ภูมึ อกฺกนฺตกาลโต ปภุติ สีลวา นาม นตฺถิ. ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตาปิ ทุสฺสีลาว หุตฺวา คจฺฉนฺติ, อุปฏฺากานํ เคเห ภฺุชนฺตาปิ ทุสฺสีลาว หุตฺวา ภฺุชนฺติ. อาคจฺฉนฺตาปิ ทุสฺสีลาว หุตฺวา อาคจฺฉนฺติ. ยทา ปน โมรปิฺเฉน ผลกํ สมฺมชฺชิตฺวา สีลํ อธิฏฺาย นิสีทนฺติ, ตทา สีลวนฺตา นาม โหนฺติ.
วนกมฺมิกนฺติ กนฺทมูลผลาผลาทีนํ อตฺถาย วเน วิจรนฺตํ. วเนน วนนฺติ วนโต วนํ, เอส นโย สพฺพตฺถ. สํปตามีติ คจฺฉามิ. อารฺโกติ อรฺเ ชาตวุทฺโธ, อิทํ อตฺตโน อาชีวกกาลํ สนฺธาย วทติ. โพธิสตฺโต กิร ปาสณฺฑปริคฺคณฺหณตฺถาย ตํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ, นิรตฺถกภาวํ ปน ตฺวาปิ น อุปฺปพฺพชฺชิโต, โพธิสตฺตา หิ ยํ ยํ านํ อุเปนฺติ, ตโต อนิวตฺติตธมฺมา โหนฺติ, ปพฺพชิตฺวา ปน มา มํ โกจิ อทฺทสาติ ตโตว อรฺํ ปวิฏฺโ. เตเนวาห ‘‘มา มํ เต อทฺทสํสุ อหฺจ มา เต อทฺทส’’นฺติ.
โคฏฺาติ ¶ โควชา. ปฏฺิตคาโวติ นิกฺขนฺตคาโว. ตตฺถ จตุกฺกุณฺฑิโกติ วนนฺเตเยว ิโต โคปาลกานํ คาวีหิ สทฺธึ อปคตภาวํ ทิสฺวา ¶ ทฺเว หตฺเถ ทฺเว จ ชณฺณุกานิ ภูมิยํ เปตฺวา เอวํ จตุกฺกุณฺฑิโก อุปสงฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. ตานิ สุทํ อาหาเรมีติ มหลฺลกวจฺฉกานํ โคมยานิ กสฏานิ นิโรชานิ โหนฺติ, ตสฺมา ตานิ วชฺเชตฺวา ยานิ ตรุณวจฺฉกานํ ขีรปาเนเนว วฑฺฒนฺตานํ สโอชานิ โคมยานิ ตานิ กุจฺฉิปูรํ ขาทิตฺวา ปุน วนสณฺฑเมว ปวิสติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘ตานิ สุทํ อาหาเรมี’’ติ. ยาวกีวฺจ เมติ ยตฺตกํ กาลํ มม สกํ มุตฺตกรีสํ อปริกฺขีณํ โหติ. ยาว เม ทฺวารวฬฺโช ปวตฺติตฺถ, ตาว ตเทว อาหาเรมีติ อตฺโถ. กาเล ปน คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต ปริกฺขีณมํสโลหิโต อุปจฺฉินฺนทฺวารวฬฺโช วจฺฉกานํ โคมยานิ อาหาเรมิ. มหาวิกฏโภชนสฺมินฺติ มหนฺเต วิกฏโภชเน, อปกติโภชเนติ อตฺโถ.
๑๕๗. ตตฺราสฺสุทํ, สาริปุตฺต, ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ โหตีติ. ตตฺราติ ปุริมวจนาเปกฺขนํ. สุทนฺติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. สาริปุตฺตาติ อาลปนํ. อยํ ปเนตฺถ อตฺถโยชนา – ตตฺราติ ยํ วุตฺตํ อฺตรํ ภึสนกํ วนสณฺฑนฺติ, ตตฺร โย โส ภึสนโก วนสณฺโฑ ¶ วุตฺโต, ตสฺส ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ โหติ, ภึสนกกิริยาย โหตีติ อตฺโถ. กึ โหติ? อิทํ โหติ, โย โกจิ อวีตราโค…เป… โลมานิ หํสนฺตีติ.
อถ วา ตตฺราติ สามิอตฺเถ ภุมฺมํ. สุ อิติ นิปาโต. กึ สุ นาม เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณาติอาทีสุ วิย. อิทนฺติ อธิปฺเปตมตฺถํ ปจฺจกฺขํ วิย กตฺวา ทสฺสนวจนํ. สุทนฺติ สุ อิทํ, สนฺธิวเสน อิการโลโป เวทิตพฺโพ. จกฺขุนฺทฺริยํ อิตฺถินฺทฺริยํ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ กึ สูธวิตฺตนฺติอาทีสุ วิย. อยํ ปเนตฺถ อตฺถโยชนา, ตสฺส, สาริปุตฺต, ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ อิทํสุ โหตีติ. ภึสนกตสฺมินฺติ ภึสนกภาเวติ อตฺโถ. เอกสฺส ตการสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. ‘‘ภึสนกตฺตสฺมิ’’นฺติเยว วา ปาโ ¶ , ภึสนกตาย อิติ วา วตฺตพฺเพ ลิงฺควิปลฺลาโส กโต, นิมิตฺตตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. ตสฺมา เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ, ภึสนกภาเว อิทํสุ โหติ, ภึสนกภาวนิมิตฺตํ ภึสนกภาวเหตุ, ภึสนกภาวปจฺจยา อิทํสุ โหติ. โย โกจิ อวีตราโค ตํ วนสณฺฑํ ปวิสติ. เยภุยฺเยน โลมานิ หํสนฺติ ¶ พหุตรานิ โลมานิ หํสนฺติ, อุทฺธํ มุขานิ สูจิสทิสานิ กณฺฏกสทิสานิ จ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, อปฺปานิ น หํสนฺติ, พหุตรานํ วา สตฺตานํ หํสนฺติ, อปฺปกานํ อติสูรปุริสานํ น หํสนฺตีติ.
อนฺตรฏฺกาติ มาฆมาสสฺส อวสาเน จตสฺโส, ผคฺคุณมาสสฺส อาทิมฺหิ จตสฺโสติ เอวํ อุภินฺนํ อนฺตเร อฏฺรตฺติ. อพฺโภกาเสติ มหาสตฺโต หิมปาตสมเย รตฺตึ อพฺโภกาเส วิหรติ, อถสฺส โลมกูเปสุ อาวุตมุตฺตา วิย หิมพินฺทูนิ ติฏฺนฺติ, สรีรํ เสตทุกูลปารุตํ วิย โหติ. ทิวา วนสณฺเฑติ ทิวา หิมพินฺทูสุ สูริยาตปสมฺผสฺเสน วิคเตสุ อสฺสาโสปิ ภเวยฺย, อยํ ปน สูริเย อุคฺคจฺฉนฺเตเยว วนสณฺฑํ ปวิสติ, ตตฺราปิสฺส สูริยาตเปน ปคฺฆรนฺตํ หิมํ สรีเรเยว ปตติ. ทิวา อพฺโภกาเส วิหรามิ รตฺตึ วนสณฺเฑติ คิมฺหกาเล กิเรส ทิวา อพฺโภกาเส วิหาสิ, เตนสฺส กจฺเฉหิ เสทธารา มุจฺจึสุ, รตฺตึ อสฺสาโส ภเวยฺย, อยํ ปน สูริเย อตฺถํ คจฺฉนฺเตเยว วนสณฺฑํ ปวิสติ. อถสฺส ทิวา คหิตอุสฺเม วนสณฺเฑ องฺคารกาสุยํ ปกฺขิตฺโต วิย อตฺตภาโว ปริทยฺหิตฺถ. อนจฺฉริยาติ อนุอจฺฉริยา. ปฏิภาสีติ อุปฏฺาสิ.
โสตตฺโตติ ¶ ทิวา อาตเปน รตฺตึ วนอุสฺมาย สุตตฺโต. โสสินฺโนติ รตฺตึ หิเมน ทิวา หิโมทเกน สุฏฺุ ตินฺโต. ภึสนเกติ ภยชนเก. นคฺโคติ นิจฺเจโล. นิวาสนปารุปเน หิ สติ สีตํ วา อุณฺหํ วา น อติพาเธยฺย, ตมฺปิ เม นตฺถีติ ทสฺเสติ. น จคฺคิมาสิโนติ อคฺคิมฺปิ น อุปคโต. เอสนาปสุโตติ สุทฺธิเอสนตฺถาย ปสุโต, ปยุตฺโต. มุนีติ, ตทา อตฺตานํ มุนีติ กตฺวา กเถติ.
ฉวฏฺิกานีติ อุปฑฺฒทฑฺฒานิ อฏฺีนิ. อุปธายาติ ยถา สีสูปธานฺจ ปาทูปธานฺจ ปฺายติ, เอวํ สนฺถริตฺวา ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปมีติ ทสฺเสติ. คามณฺฑลาติ ¶ โคปาลทารกา. เต กิร โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, สุเมธ, ตฺวํ อิมสฺมึ าเน กสฺมา นิสินฺโน, กเถหีติ วทนฺติ. โพธิสตฺโต อโธมุโข นิสีทติ, น กเถติ. อถ นํ เต อกเถตุํ น ทสฺสามาติ ปริวาเรตฺวา โอฏฺุภนฺติ สรีเร เขฬํ ปาเตนฺติ. โพธิสตฺโต ¶ เอวมฺปิ น กเถติ. อถ นํ ตฺวํ น กเถสีติ โอมุตฺเตนฺติ ปสฺสาวมสฺส อุปริ วิสฺสชฺเชนฺติ. โพธิสตฺโต เอวมฺปิ น กเถติเยว. ตโต นํ กเถหิ กเถหีติ ปํสุเกน โอกิรนฺติ. โพธิสตฺโต เอวมฺปิ น กเถติเยว. อถสฺส น กเถสีติ ทณฺฑกสลากา คเหตฺวา กณฺณโสเตสุ ปเวเสนฺติ. โพธิสตฺโต ทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา อธิวาเสนฺโต กสฺสจิ กิฺจิ น กริสฺสามีติ มตโก วิย อจฺฉติ. เตนาห ‘‘น โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อภิชานามิ เตสุ ปาปกํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตา’’ติ. น มยา เตสุ ปาปกํ จิตฺตมฺปิ อุปฺปาทิตนฺติ อตฺโถ. อุเปกฺขาวิหารสฺมึ โหตีติ อุเปกฺขาวิหาโร โหติ. วิหาโร เอว หิ วิหารสฺมินฺติ วุตฺโต. เตเนว จ ‘‘อิทํสุ เม’’ติ เอตฺถาปิ อยํสุ เมติ เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิมินา นเยน อฺานิปิ เอวรูปานิ ปทานิ เวทิตพฺพานิ. อิมินา อิโต เอกนวุติกปฺเป ปูริตํ อุเปกฺขาวิหารํ ทสฺเสติ. ยํ สนฺธายาห –
‘‘สุขปตฺโต น รชฺชามิ, ทุกฺเข น โหมิ ทุมฺมโน;
สพฺพตฺถ ตุลิโต โหมิ, เอสา เม อุเปกฺขาปารมี’’ติ.
ทุกฺกรการิกาทิสุทฺธิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาหารสุทฺธิวณฺณนา
๑๕๘. อาหาเรน ¶ สุทฺธีติ โกลาทินา เอกจฺเจน ปริตฺตกอาหาเรน สกฺกา สุชฺฌิตุนฺติ เอวํทิฏฺิโน โหนฺติ. เอวมาหํสูติ เอวํ วทนฺติ. โกเลหีติ ปทเรหิ. โกโลทกนฺติ โกลานิ มทฺทิตฺวา กตปานกํ. โกลวิกตินฺติ โกลสาฬวโกลปูวโกลคุฬาทิโกลวิการํ. เอตปรโมติ เอตํ ปมาณํ ปรมํ อสฺสาติ เอตปรโม. ตทา เอกนวุติกปฺปมตฺถเก ปน น เพลุวปกฺกตาลปกฺกปมาโณ โกโล โหติ, ยํ เอตรหิ โกลสฺส ปมาณํ, เอตฺตโกว โหตีติ อตฺโถ.
๑๕๙. อธิมตฺตกสิมานนฺติ อติวิย กิสภาวํ. อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วาติ ยถา อาสีติกวลฺลิยา วา กาฬวลฺลิยา วา สนฺธิฏฺาเนสุ มิลายิตฺวา มชฺเฌ อุนฺนตุนฺนตานิ โหนฺติ, เอวํ มยฺหํ องฺคปจฺจงฺคานิ โหนฺตีติ ทสฺเสติ. โอฏฺปทนฺติ ¶ ยถา โอฏฺสฺส ปทํ มชฺเฌ คมฺภีรํ โหติ, เอวเมวํ โพธิสตฺตสฺส มิลาเต มํสโลหิเต วจฺจทฺวารสฺส อนฺโตปวิฏฺตฺตา อานิสทํ มชฺเฌ คมฺภีรํ โหติ. อถสฺส ภูมิยํ นิสินฺนฏฺานํ สรโปงฺเขน ¶ อกฺกนฺตํ วิย มชฺเฌ อุนฺนตํ โหติ. วฏฺฏนาวฬีติ ยถา รชฺชุยา อาวุนิตฺวา กตา วฏฺฏนาวฬี วฏฺฏนานํ อนฺตรนฺตรา นินฺนา โหติ, วฏฺฏนฏฺาเนสุ อุนฺนตา, เอวํ ปิฏฺิกณฺฏโก อุนฺนตาวนโต โหติ, ชรสาลาย โคปานสิโยติ ชิณฺณสาลาย โคปานสิโย, ตา วํสโต มุจฺจิตฺวา มณฺฑเล ปติฏฺหนฺติ, มณฺฑลโต มุจฺจิตฺวา ภูมิยนฺติ; เอวํ เอกา อุปริ โหติ, เอกา เหฏฺาติ โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ. โพธิสตฺตสฺส ปน น เอวํ ผาสุฬิโย, ตสฺส หิ โลหิเต ฉินฺเน มํเส มิลาเต ผาสุฬนฺตเรหิ จมฺมานิ เหฏฺา โอติณฺณานิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
โอกฺขายิกาติ เหฏฺา อนุปวิฏฺา. ตสฺส กิร โลหิเต ฉินฺเน มํเส มิลาเต อกฺขิอาวาฏกา มตฺถลุงฺคํ อาหจฺจ อฏฺํสุ, เตนสฺส เอวรูปา อกฺขิตารกา อเหสุํ. อามกจฺฉินฺโนติ อติตรุณกาเล ฉินฺโน, โส หิ วาตาตเปน สํผุสติ เจว มิลายติ จ. ยาวสฺสุ เม, สาริปุตฺตาติ, สาริปุตฺต, มยฺหํ อุทรจฺฉวิ ยาว ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ. อถ วา ยาวสฺสุ เม, สาริปุตฺต, ภาริยภาริยา อโหสิ ทุกฺกรการิกา, มยฺหํ อุทรจฺฉวิ ยาว ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา อโหสีติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามีติ ¶ สหอุทรจฺฉวึ คณฺหามิ. อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามีติ สหปิฏฺิกณฺฏกํ คณฺหามิ. อวกุชฺโช ปปตามีติ ตสฺส หิ อุจฺจารปสฺสาวตฺถาย นิสินฺนสฺส ปสฺสาโว เนว นิกฺขมติ, วจฺจํ ปน เอกํ ทฺเว กฏกฏฺิมตฺตํ นิกฺขมติ. พลวทุกฺขํ อุปฺปาเทติ. สรีรโต เสทา มุจฺจนฺติ, ตตฺเถว อวกุชฺโช ภูมิยํ ปตติ. เตนาห ‘‘อวกุชฺโช ปปตามี’’ติ. ตเมว กายนฺติ ตํ เอกนวุติกปฺปมตฺถเก กายํ. มหาสจฺจกสุตฺเต ปน ปจฺฉิมภวิกกายํ สนฺธาย อิมเมว กายนฺติ อาห. ปูติมูลานีติ มํเส วา โลหิเต วา สติ ติฏฺนฺติ. ตสฺส ปน อภาเว จมฺมขณฺเฑ โลมานิ วิย หตฺเถเยว ลคฺคนฺติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปตนฺตี’’ติ.
อลมริยาณทสฺสนวิเสสนฺติ ¶ อริยภาวํ กาตุํ สมตฺถํ โลกุตฺตรมคฺคํ. อิมิสฺสาเยว อริยาย ปฺายาติ วิปสฺสนาปฺาย อนธิคมา. ยายํ อริยาติ ยา อยํ มคฺคปฺา อธิคตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เอตรหิ วิปสฺสนาปฺาย อธิคตตฺตา มคฺคปฺา อธิคตา, เอวํ เอกนวุติกปฺปมตฺถเก ¶ วิปสฺสนาปฺาย อนธิคตตฺตา โลกุตฺตรมคฺคปฺํ นาธิคโตสฺมีติ, มชฺฌิมภาณกตฺเถรา ปนาหุ, อิมิสฺสาเยวาติ วุตฺตปฺาปิ ยายํ อริยาติ วุตฺตปฺาปิ มคฺคปฺาเยว. อถ เน ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘เอวํ สนฺเต มคฺคสฺส อนธิคตตฺตา มคฺคํ นาธิคโตสฺมีติ อิทํ วุตฺตํ โหติ, ภนฺเต’’ติ. อาวุโส, กิฺจาปิ ทีเปตุํ น สกฺโกมิ, ทฺเวปิ ปน มคฺคปฺาเยวาติ, เอตเทว เจตฺถ ยุตฺตํ. อิตรถา หิ ยา อยนฺติ นิทฺเทโส อนนุรูโป สิยา.
อาหารสุทฺธิวณฺณนา นิฏฺิตา.
สํสารสุทฺธิอาทิวณฺณนา
๑๖๐. สํสาเรน สุทฺธีติ พหุกํ สํสริตฺวา สุชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. อุปปตฺติยา สุทฺธีติ พหุกํ อุปปชฺชิตฺวา สุชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. อาวาเสน สุทฺธีติ พหูสุ าเนสุ วสิตฺวา สุชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. ตีสุปิ าเนสุ สํสรณกวเสน สํสาโร. อุปปชฺชนกวเสน อุปปตฺติ. วสนกวเสน อาวาโสติ ขนฺธาเยว วุตฺตา. ยฺเนาติ พหุยาเค ยชิตฺวา สุชฺฌนฺตีติ วทนฺติ. มุทฺธาวสิตฺเตนาติ ¶ ตีหิ สงฺเขหิ ขตฺติยาภิเสเกน มุทฺธนิ อภิสิตฺเตน. อคฺคิปาริจริยายาติ พหุอคฺคิปริจรเณน สุชฺฌนฺตีติ วทนฺติ.
๑๖๑. ทหโรติ ตรุโณ. ยุวาติ โยพฺพเนน สมนฺนาคโต. สุสุกาฬเกโสติ สุฏฺุ กาฬเกโส. ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโตติ อิมินาสฺส เยน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ยุวา, ตํ โยพฺพนํ ภทฺทํ ลทฺธกนฺติ ทสฺเสติ. ปเมน วยสาติ ปมวโย นาม เตตฺตึส วสฺสานิ, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ, ปฺาเวยฺยตฺติเยนาติ ปฺาเวยฺยตฺติภาเวน. ชิณฺโณติ ชราชิณฺโณ. วุทฺโธติ วฑฺฒิตฺวา ิตองฺคปจฺจงฺโค. มหลฺลโกติ ชาติมหลฺลโก. อทฺธคโตติ พหุอทฺธานํ คโต จิรกาลาติกฺกนฺโต. วโย อนุปฺปตฺโตติ วสฺสสตสฺส ตติยโกฏฺาสํ ปจฺฉิมวยํ อนุปฺปตฺโต. อาสีติโก เม วโย วตฺตตีติ อิมํ กิร สุตฺตํ ภควา ปรินิพฺพานสํวจฺฉเร กเถสิ. ตสฺมา เอวมาห. ปรมายาติ อุตฺตมาย. สติยาติอาทีสุ ปทสตมฺปิ ปทสหสฺสมฺปิ วทนฺตสฺเสว คหณสมตฺถตา ¶ สติ นาม. ตเทว อาธารณอุปนิพนฺธนสมตฺถตา คติ นาม. เอวํ คหิตํ ธาริตํ สชฺฌายํ กาตุํ ¶ สมตฺถวีริยํ ธิติ นาม. ตสฺส อตฺถฺจ การณฺจ ทสฺสนสมตฺถตา ปฺาเวยฺยตฺติยํ นาม.
ทฬฺหธมฺมา ธนุคฺคโหติ ทฬฺหํ ธนุํ คเหตฺวา ิโต อิสฺสาโส. ทฬฺหธนุ นาม ทฺวิสหสฺสถามํ วุจฺจติ, ทฺวิสหสฺสถามํ นาม ยสฺส อาโรปิตสฺส ชิยาพทฺโธ โลหสีสาทีนํ ภาโร ทณฺเฑ คเหตฺวา ยาว กณฺฑปฺปมาณา อุกฺขิตฺตสฺส ปถวิโต มุจฺจติ. สิกฺขิโตติ ทส ทฺวาทส วสฺสานิ อาจริยกุเล อุคฺคหิตสิปฺโป. กตหตฺโถติ โกจิ สิปฺปเมว อุคฺคณฺหาติ. กตหตฺโถ น โหติ, อยํ ปน กตหตฺโถ จิณฺณวสีภาโว. กตูปาสโนติ ราชกุลาทีสุ ทสฺสิตสิปฺโป. ลหุเกน อสเนนาติ อนฺโต สุสิรํ กตฺวา ตูลาทีนิ ปูเรตฺวา กตลาขาปริกมฺเมน สลฺลหุกกณฺเฑน. เอวํ กตฺหิ เอกอุสภคามี ทฺเว อุสภานิ คจฺฉติ, อฏฺอุสภคามี โสฬสอุสภานิ คจฺฉติ. อปฺปกสิเรนาติ นิทุกฺเขน. อติปาเตยฺยาติ อติกฺกเมยฺย. เอวํ อธิมตฺตสติมนฺโตติ ยถา โส ธนุคฺคโห ตํ วิทตฺถิจตุรงฺคุลฉายํ สีฆํ เอว อติกฺกเมติ, เอวํ ปทสตมฺปิ ปทสหสฺสมฺปิ อุคฺคเหตุํ อุปธาเรตุํ สชฺฌายิตุํ อตฺถการณานิ จ อุปปริกฺขิตุํ สมตฺถาติ อตฺโถ. อฺตฺร อสิตปีตขายิตสายิตาติ อสิตปีตาทีนิ หิ ภควตาปิ กาตพฺพานิ โหนฺติ, ภิกฺขูหิปิ. ตสฺมา เตสํ กรณมตฺตกาลํ เปตฺวาติ ทสฺเสติ.
อปริยาทินฺนาเยวาติ ¶ อปริกฺขีณาเยว. สเจ หิ เอโก ภิกฺขุ กายานุปสฺสนํ ปุจฺฉติ, อฺโ เวทนานุปสฺสนํ, อฺโ จิตฺตานุปสฺสนํ, อยฺโย ธมฺมานุปสฺสนํ. อิมินา ปุฏฺํ อหํ ปุจฺฉิสฺสามีติ เอโก เอกํ น โอโลเกติ. เอวํ สนฺเตปิ เตสํ วาโร ปฺายติ. เอวํ พุทฺธานํ ปน วาโร น ปฺายติ, วิทตฺถิจตุรงฺคุลฉายํ อติกฺกมโต ปุเรตรํเยว ภควา จุทฺทสวิเธน กายานุปสฺสนํ, นววิเธน เวทนานุปสฺสนํ, โสฬสวิเธน จิตฺตานุปสฺสนํ, ปฺจวิเธน ธมฺมานุปสฺสนํ กเถติ. ติฏฺนฺตุ วา ตาว เอเต จตฺตาโร. สเจ หิ อฺเ จตฺตาโร สมฺมปฺปธาเนสุ, อฺเ อิทฺธิปาเทสุ, อฺเ ปฺจ อินฺทฺริเยสุ, อฺเ ปฺจ พเลสุ, อฺเ สตฺต โพชฺฌงฺเคสุ, อฺเ อฏฺ มคฺคงฺเคสุ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยุํ, ตมฺปิ ภควา ¶ กเถยฺย. ติฏฺนฺตุ วา เอเต อฏฺ. สเจ อฺเ สตฺตตึส ชนา โพธิปกฺขิเยสุ ปฺหํ ¶ ปุจฺเฉยฺยุํ, ตมฺปิ ภควา ตาวเทว กเถยฺย. กสฺมา? ยาวตา หิ โลกิยมหาชนา เอกํ ปทํ กเถนฺติ. ตาว อานนฺทตฺเถโร อฏฺ ปทานิ กเถติ. อานนฺทตฺเถเร ปน เอกํ ปทํ กเถนฺเตเยว ภควา โสฬสปทานิ กเถติ. กสฺมา? ภควโต หิ ชิวฺหา มุทุกา ทนฺตาวรณํ สุผุสิตํ วจนํ อคลิตํ ภวงฺคปริวาโส ลหุโก. เตนาห ‘‘อปริยาทินฺนาเยวสฺส, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนา’’ติ.
ตตฺถ ธมฺมทเสนาติ ตนฺติปนา. ธมฺมปทพฺยฺชนนฺติ ปาฬิยา ปทพฺยฺชนํ, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส พฺยฺชนกํ อกฺขรํ. ปฺหปฏิภานนฺติ ปฺหพฺยากรณํ. อิมินา กึ ทสฺเสติ? ตถาคโต ปุพฺเพ ทหรกาเล อกฺขรานิ สมฺปิณฺเฑตฺวา ปทํ วตฺตุํ สกฺโกติ, ปทานิ สมฺปิณฺเฑตฺวา คาถํ วตฺตุํ สกฺโกติ, จตุอกฺขเรหิ วา อฏฺอกฺขเรหิ วา โสฬสอกฺขเรหิ วา ปเทหิ ยุตฺตาย คาถาย อตฺถํ วตฺตุํ สกฺโกติ. อิทานิ ปน มหลฺลกกาเล อกฺขรานิ สมฺปิณฺเฑตฺวา ปทํ วา, ปทานิ สมฺปิณฺเฑตฺวา คาถํ วา, คาถาย อตฺถํ วา วตฺตุํ น สกฺโกตีติ เอวํ นตฺถิ. ทหรกาเล จ มหลฺลกกาเล จ สพฺพเมตํ ตถาคตสฺส อปริยาทินฺนเมวาติ อิมํ ทสฺเสติ. มฺจเกน เจปิ มนฺติ อิทํ พุทฺธพลทีปนตฺถเมว ปริกปฺเปตฺวา อาห. ทสพลํ ปน มฺจเก อาโรเปตฺวา คามนิคมราชธานิโย ปริหรณกาโล นาม นตฺถิ. ตถาคตา หิ ปฺจเม อายุโกฏฺาเส ขณฺฑิจฺจาทีหิ อนภิภูตา สุวณฺณวณฺณสรีรสฺส เววณฺณิเย อนนุปฺปตฺเต เทวมนุสฺสานํ ปิยมนาปกาเลเยว ปรินิพฺพายนฺติ.
๑๖๒. นาคสมาโลติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. ปมโพธิยฺหิ วีสติวสฺสพฺภนฺตเร อุปวานนาคิตเมฆิยตฺเถรา ¶ วิย อยมฺปิ ภควโต อุปฏฺาโก อโหสิ. พีชยมาโนติ มนฺทมนฺเทน ตาลวณฺฏวาเตน ภควโต อุตุสุขํ สมุฏฺาปยมาโน. เอตทโวจาติ สกลสุตฺตนฺตํ สุตฺวา ภควโต ปุพฺพจริตํ ทุกฺกรการกํ อาคมฺม ปสนฺโน เอตํ ‘‘อจฺฉริยํ ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อจฺฉริยํ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํ. อุภเยนปิ อตฺตโน วิมฺหยเมว ¶ ทีเปติ. โก นาโม อยํ ภนฺเตติ อิทํ ภทฺทโก วตายํ ธมฺมปริยาโย, หนฺทสฺส ภควนฺตํ อายาจิตฺวา นามํ คณฺหาเปมีติ อธิปฺปาเยน อาห. อถสฺส ภควา นามํ คณฺหนฺโต ตสฺมา ติห ตฺวนฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ, ยสฺมา อิทํ สุตฺตํ สุตฺวา ตว โลมานิ หฏฺานิ, ตสฺมา ติห ตฺวํ ¶ , นาคสมาล, อิมํ ธมฺมปริยายํ ‘‘โลมหํสน ปริยาโย’’ตฺเวว นํ ธาเรหีติ.
สํสารสุทฺธิอาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาสีหนาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา
๑๖๓. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ. ตตฺถ วินยปริยาเยน ตโย ชนา สมฺพหุลาติ วุจฺจนฺติ, ตโต ปรํ สงฺโฆ. สุตฺตนฺตปริยาเยน ตโย ตโย เอว, ตโต อุทฺธํ สมฺพหุลาติ วุจฺจนฺติ. อิธ สุตฺตนฺตปริยาเยน สมฺพหุลาติ เวทิตพฺพา. ปิณฺฑาย ปาวิสึสูติ ปวิฏฺา, เต ปน น ตาว ปวิฏฺา, ปวิสิสฺสามาติ นิกฺขนฺตตฺตา ปน ปวิสึสูติ วุตฺตา. ยถา คามํ คมิสฺสามีติ นิกฺขนฺตปุริโส ตํ คามํ อปฺปตฺโตปิ ‘‘กุหึ อิตฺถนฺนาโม’’ติ วุตฺเต ‘‘คามํ คโต’’ติ วุจฺจติ, เอวํ. ปริพฺพาชกานํ อาราโมติ เชตวนโต อวิทูเร อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม อตฺถิ, ตํ สนฺธาย เอวมาหํสุ. สมโณ, อาวุโสติ, อาวุโส, ตุมฺหากํ สตฺถา สมโณ โคตโม. กามานํ ปริฺนฺติ กามานํ ปหานํ สมติกฺกมํ ปฺเปติ. รูปเวทนาสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺถ ติตฺถิยา สกสมยํ ชานนฺตา กามานํ ปริฺํ ปฺเปยฺยุํ ปมชฺฌานํ วทมานา, รูปานํ ปริฺํ ปฺเปยฺยุํ อรูปภวํ วทมานา, เวทนานํ ปริฺํ ปฺเปยฺยุํ อสฺภวํ วทมานา. เต ปน ‘‘อิทํ นาม ปมชฺฌานํ อยํ รูปภโว อยํ อรูปภโว’’ติปิ น ชานนฺติ. เต ปฺเปตุํ อสกฺโกนฺตาปิ เกวลํ ‘‘ปฺเปม ปฺเปมา’’ติ วทนฺติ. ตถาคโต กามานํ ปริฺํ อนาคามิมคฺเคน ปฺเปติ, รูปเวทนานํ อรหตฺตมคฺเคน ¶ . เต เอวํ มหนฺเต วิเสเส วิชฺชมาเนปิ อิธ โน, อาวุโส, โก วิเวโสติอาทิมาหํสุ.
ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมึ ปฺาปเน. ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนนฺติ ยทิทํ สมณสฺส วา โคตมสฺส ธมฺมเทสนาย สทฺธึ อมฺหากํ ธมฺมเทสนํ, อมฺหากํ วา ธมฺมเทสนาย สทฺธึ สมณสฺส โคตมสฺส ธมฺมเทสนํ อารพฺภ นานากรณํ วุจฺเจถ, ตํ กินฺนามาติ วทนฺติ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย ¶ . อิติ เวมชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย สาสเนน สทฺธึ อตฺตโน ลทฺธิวจนมตฺเตน สมธุรํ ปยึสุ. เนว อภินนฺทึสูติ เอวเมตนฺติ น สมฺปฏิจฺฉึสุ. นปฺปฏิกฺโกสึสูติ นยิทํ เอวนฺติ นปฺปฏิเสเธสุํ. กสฺมา? เต กิร ติตฺถิยา นาม อนฺธสทิสา, ชานิตฺวา วา อชานิตฺวา วา กเถยฺยุนฺติ ¶ นาภินนฺทึสุ, ปริฺนฺติ วจเนน อีสกํ สาสนคนฺโธ อตฺถีติ นปฺปฏิกฺโกสึสุ. ชนปทวาสิโน วา เต สกสมยปรสมเยสุ น สุฏฺุ กุสลาติปิ อุภยํ นากํสุ.
๑๖๕. น เจว สมฺปายิสฺสนฺตีติ สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ. อุตฺตริฺจ วิฆาตนฺติ อสมฺปายนโต อุตฺตริมฺปิ ทุกฺขํ อาปชฺชิสฺสนฺติ. สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ อสกฺโกนฺตานํ นาม หิ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ. ยถา ตํ, ภิกฺขเว, อวิสยสฺมินฺติ เอตฺถ ยถาติ การณวจนํ, ตนฺติ นิปาตมตฺตํ. ยสฺมา อวิสเย ปฺโห ปุจฺฉิโต โหตีติ อตฺโถ. สเทวเกติ สห เทเวหิ สเทวเก. สมารกาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ตีณิ านานิ โลเก ปกฺขิปิตฺวา ทฺเว ปชายาติ ปฺจหิปิ สตฺตโลกเมว ปริยาทิยิตฺวา เอตสฺมึ สเทวกาทิเภเท โลเก ตํ เทวํ วา มนุสฺสํ วา น ปสฺสามีติ ทีเปติ. อิโต วา ปน สุตฺวาติ อิโต วา ปน มม สาสนโต สุตฺวา อตถาคโตปิ อตถาคตสาวโกปิ อาราเธยฺย ปริโตเสยฺย. อฺถา อาราธนํ นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ.
๑๖๖. อิทานิ อตฺตโน เตสํ ปฺหานํ เวยฺยากรเณน จิตฺตาราธนํ ทสฺเสนฺโต โก จ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. กามคุณาติ กามยิตพฺพฏฺเน กามา. พนฺธนฏฺเน คุณา. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อหตานํ วตฺถานํ ทฺวิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) เอตฺถ หิ ปฏลฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘อจฺเจนฺติ ¶ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย, วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๔) เอตฺถ ราสฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) เอตฺถ อานิสํสฏฺโ คุณฏฺโ. ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณํ (ขุ. ปา. ๓ ทฺวตฺตึสากาเร; ที. นิ. ๒.๓๗๗) กยิรา มาลาคุเณ พหู’’ติ (ธ. ป. ๕๓) เอตฺถ พนฺธนฏฺโ คุณฏฺโ. อิธาปิ เอเสว อธิปฺเปโต, เตน วุตฺตํ ‘‘พนฺธนฏฺเน คุณา’’ติ. จกฺขุวิฺเยฺยาติ ¶ จกฺขุวิฺาเณน ปสฺสิตพฺพา. เอเตนุปาเยน โสตวิฺเยฺยาทีสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิฏฺาติ ปริยิฏฺา วา โหนฺตุ มา วา, อิฏฺารมฺมณภูตาติ อตฺโถ. กนฺตาติ กมนียา. มนาปาติ มนวฑฺฒนกา. ปิยรูปาติ ปิยชาติกา. กามูปสํหิตาติ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชมาเนน กาเมน อุปสํหิตา. รชนียาติ รชฺชนิยา, ราคุปฺปตฺติการณภูตาติ อตฺโถ.
๑๖๗. ยทิ มุทฺทายาติอาทีสุ มุทฺทาติ องฺคุลิปพฺเพสุ สฺํ เปตฺวา หตฺถมุทฺทา. คณนาติ อจฺฉิทฺทคณนา. สงฺขานนฺติ ปิณฺฑคณนา. ยาย เขตฺตํ โอโลเกตฺวา อิธ เอตฺตกา วีหี ภวิสฺสนฺติ ¶ , รุกฺขํ โอโลเกตฺวา อิธ เอตฺตกานิ ผลานิ ภวิสฺสนฺติ, อากาสํ โอโลเกตฺวา อิเม อากาเส สกุณา เอตฺตกา นาม ภวิสฺสนฺตีติ ชานนฺติ.
กสีติ กสิกมฺมํ. วณิชฺชาติ ชงฺฆวณิชฺชถลวณิชฺชาทิวณิปฺปโถ. โครกฺขนฺติ อตฺตโน วา ปเรสํ วา คาโว รกฺขิตฺวา ปฺจโครสวิกฺกเยน ชีวนกมฺมํ. อิสฺสตฺโถ วุจฺจติ อาวุธํ คเหตฺวา อุปฏฺานกมฺมํ. ราชโปริสนฺติ อาวุเธน ราชกมฺมํ กตฺวา อุปฏฺานํ. สิปฺปฺตรนฺติ คหิตาวเสสํ หตฺถิอสฺสสิปฺปาทิ. สีตสฺส ปุรกฺขโตติ ลกฺขํ วิย สรสฺส สีตสฺส ปุรโต, สีเตน พาธียมาโนติ อตฺโถ. อุณฺเหปิ เอเสว นโย. ฑํสาทีสุ ฑํสาติ ปิงฺคลมกฺขิกา. มกสาติ สพฺพมกฺขิกา, สรีสปาติ เย เกจิ สริตฺวา คจฺฉนฺติ. ริสฺสมาโนติ รุปฺปมาโน, ฆฏฺฏิยมาโน. มียมาโนติ มรมาโน. อยํ, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, อยํ มุทฺทาทีหิ ชีวิกกปฺปนํ อาคมฺม สีตาทิปจฺจโย อาพาโธ. กามานํ อาทีนโวติ กาเมสุ อุปทฺทโว, อุปสฺสคฺโคติ อตฺโถ. สนฺทิฏฺิโกติ ปจฺจกฺโข ¶ สามํ ปสฺสิตพฺโพ. ทุกฺขกฺขนฺโธติ ทุกฺขราสิ. กามเหตูติอาทีสุ ปจฺจยฏฺเน กามา อสฺส เหตูติ กามเหตุ. มูลฏฺเน กามา นิทานมสฺสาติ กามนิทาโน. ลิงฺควิปลฺลาเสน ปน กามนิทานนฺติ วุตฺโต. การณฏฺเน กามา อธิกรณํ อสฺสาติ กามาธิกรโณ. ลิงฺควิปลฺลาเสเนว ปน กามาธิกรณนฺติ วุตฺโต. กามานเมว เหตูติ อิทํ นิยมวจนํ, กามปจฺจยา อุปฺปชฺชติเยวาติ อตฺโถ.
อุฏฺหโตติ ¶ อาชีวสมุฏฺาปกวีริเยน อุฏฺหนฺตสฺส. ฆฏโตติ ตํ วีริยํ ปุพฺเพนาปรํ ฆเฏนฺตสฺส. วายมโตติ วายามํ ปรกฺกมํ ปโยคํ กโรนฺตสฺส. นาภินิปฺผชฺชนฺตีติ น นิปฺผชฺชนฺติ, หตฺถํ นาภิรุหนฺติ. โสจตีติ จิตฺเต อุปฺปนฺนพลวโสเกน โสจติ. กิลมตีติ กาเย อุปฺปนฺนทุกฺเขน กิลมติ. ปริเทวตีติ วาจาย ปริเทวติ. อุรตฺตาฬินฺติ อุรํ ตาเฬตฺวา. กนฺทตีติ โรทติ. สมฺโมหํ อาปชฺชตีติ วิสฺี วิย สมฺมูฬฺโห โหติ. โมฆนฺติ ตุจฺฉํ. อผโลติ นิปฺผโล. อารกฺขาธิกรณนฺติ อารกฺขการณา. กินฺตีติ เกน นุ โข อุปาเยน. ยมฺปิ เมติ ยมฺปิ มยฺหํ กสิกมฺมาทีนิ กตฺวา อุปฺปาทิตํ ธนํ อโหสิ. ตมฺปิ โน นตฺถีติ ตมฺปิ อมฺหากํ อิทานิ นตฺถิ.
๑๖๘. ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตูติอาทินาปิ การณํ ทสฺเสตฺวาว อาทีนวํ ทีเปติ. ตตฺถ ¶ กามเหตูติ กามปจฺจยา ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ. กามนิทานนฺติ ภาวนปุํสกํ, กาเม นิทานํ กตฺวา วิวทนฺตีติ อตฺโถ. กามาธิกรณนฺติปิ ภาวนปุํสกเมว, กาเม อธิกรณํ กตฺวา วิวทนฺตีติ อตฺโถ. กามานเมว เหตูติ คามนิคมนครเสนาปติปุโรหิตฏฺานนฺตราทีนํ กามานเมว เหตุ วิวทนฺตีติ อตฺโถ. อุปกฺกมนฺตีติ ปหรนฺติ. อสิจมฺมนฺติ อสิฺเจว เขฏกผลกาทีนิ จ. ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวาติ ธนุํ คเหตฺวา สรกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา. อุภโตพฺยูฬนฺติ อุภโต ราสิภูตํ. ปกฺขนฺทนฺตีติ ปวิสนฺติ. อุสูสูติ กณฺเฑสุ. วิชฺโชตลนฺเตสูติ วิปริวตฺตนฺเตสุ. เต ตตฺถาติ เต ตสฺมึ สงฺคาเม.
อทฺทาวเลปนา ¶ อุปการิโยติ เจตฺถ มนุสฺสา ปาการปาทํ อสฺสขุรสณฺาเนน อิฏฺกาหิ จินิตฺวา อุปริ สุธาย ลิมฺปนฺติ. เอวํ กตา ปาการปาทา อุปการิโยติ วุจฺจนฺติ. ตา ตินฺเตน กลเลน สิตฺตา อทฺทาวเลปนา นาม โหนฺติ. ปกฺขนฺทนฺตีติ ตาสํ เหฏฺา ติขิณอยสูลาทีหิ วิชฺฌียมานาปิ ปาการสฺส ปิจฺฉิลภาเวน อาโรหิตุํ อสกฺโกนฺตาปิ อุปธาวนฺติเยว. ฉกณกายาติ กุถิตโคมเยน. อภิวคฺเคนาติ สตทนฺเตน. ตํ อฏฺทนฺตากาเรน กตฺวา ‘‘นครทฺวารํ ภินฺทิตฺวา ¶ ปวิสิสฺสามา’’ติ อาคเต อุปริทฺวาเร ิตา ตสฺส พนฺธนโยตฺตานิ ฉินฺทิตฺวา เตน อภิวคฺเคน โอมทฺทนฺติ.
๑๖๙. สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺตีติ ฆรสนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ. นิลฺโลปนฺติ คาเม ปหริตฺวา มหาวิโลปํ กโรนฺติ. เอกาคาริกนฺติ ปณฺณาสมตฺตาปิ สฏฺิมตฺตาปิ ปริวาเรตฺวา ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา อาหราเปนฺติ. ปริปนฺเถปิ ติฏฺนฺตีติ ปนฺถทูหนกมฺมํ กโรนฺติ. อฑฺฒทณฺฑเกหีติ มุคฺคเรหิ ปหารสาธนตฺถํ วา จตุหตฺถทณฺฑํ ทฺเวธา เฉตฺวา คหิตทณฺฑเกหิ. พิลงฺคถาลิกนฺติ กฺชิยอุกฺขลิกมฺมการณํ, ตํ กโรนฺตา สีสกปาลํ อุปฺปาเฏตฺวา ตตฺตํ อโยคุฬํ สณฺฑาเสน คเหตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปนฺติ, เตน มตฺถลุงฺคํ ปกฺกุถิตฺวา อุปริ อุตฺตรติ. สงฺขมุณฺฑิกนฺติ สงฺขมุณฺฑกมฺมการณํ, ตํ กโรนฺตา อุตฺตโรฏฺอุภโตกณฺณจูฬิกคฬวาฏปริจฺเฉเทน จมฺมํ ฉินฺทิตฺวา สพฺพเกเส เอกโต คณฺึ กตฺวา ทณฺฑเกน วลฺลิตฺวา อุปฺปาเฏนฺติ, สห เกเสหิ จมฺมํ อุฏฺหติ. ตโต สีสกฏาหํ ถูลสกฺขราหิ ฆํสิตฺวา โธวนฺตา สงฺขวณฺณํ กโรนฺติ.
ราหุมุขนฺติ ราหุมุขกมฺมการณํ, ตํ กโรนฺตา สงฺกุนา มุขํ วิวริตฺวา อนฺโตมุเข ทีปํ ชาเลนฺติ ¶ ¶ . กณฺณจูฬิกาหิ วา ปฏฺาย มุขํ นิขาทเนน ขณนฺติ. โลหิตํ ปคฺฆริตฺวา มุขํ ปูเรติ. โชติมาลิกนฺติ สกลสรีรํ เตลปิโลติกาย เวเตฺวา อาลิมฺปนฺติ. หตฺถปชฺโชติกนฺติ หตฺเถ เตลปิโลติกาย เวเตฺวา ทีปํ วิย ชาเลนฺติ. เอรกวตฺติกนฺติ เอรกวตฺตกมฺมการณํ, ตํ กโรนฺตา คีวโต ปฏฺาย จมฺมพทฺเธ กนฺติตฺวา โคปฺผเก เปนฺติ. อถ นํ โยตฺเตหิ พนฺธิตฺวา กฑฺฒนฺติ. โส อตฺตโน จมฺมพทฺเธ อกฺกมิตฺวา อกฺกมิตฺวา ปตติ. จีรกวาสิกนฺติ จีรกวาสิกกมฺมการณํ, ตํ กโรนฺตา ตเถว จมฺมพทฺเธ กนฺติตฺวา กฏิยํ เปนฺติ. กฏิโต ปฏฺาย กนฺติตฺวา โคปฺผเกสุ เปนฺติ. อุปริเมหิ เหฏฺิมสรีรํ จีรกนิวาสนนิวตฺถํ วิย โหติ. เอเณยฺยกนฺติ เอเณยฺยกกมฺมการณํ. ตํ กโรนฺตา อุโภสุ กปฺปเรสุ จ ชาณูสุ จ อยวลยานิ ทตฺวา อยสูลานิ โกฏฺเฏนฺติ. โส จตูหิ อยสูเลหิ ภูมิยํ ปติฏฺหติ. อถ นํ ปริวาเรตฺวา อคฺคึ กโรนฺติ. ‘‘เอเณยฺยโก โชติปริคฺคโห ยถา’’ติ ¶ อาคตฏฺาเนปิ อิทเมว วุตฺตํ. ตํ กาเลน กาลํ สูลานิ อปเนตฺวา จตูหิ อฏฺิโกฏีหิเยว เปนฺติ. เอวรูปา การณา นาม นตฺถิ.
พฬิสมํสิกนฺติ อุภโตมุเขหิ พฬิเสหิ ปหริตฺวา จมฺมมํสนฺหารูนิ อุปฺปาเฏนฺติ. กหาปณิกนฺติ สกลสรีรํ ติณฺหาหิ วาสีหิ โกฏิโต ปฏฺาย กหาปณมตฺตํ กหาปณมตฺตํ ปาเตนฺตา โกฏฺเฏนฺติ. ขาราปตจฺฉิกนฺติ สรีรํ ตตฺถ ตตฺถ อาวุเธหิ ปหริตฺวา โกจฺเฉหิ ขารํ ฆํสนฺติ. จมฺมสํสนฺหารูนิ ปคฺฆริตฺวา สวนฺติ. อฏฺิกสงฺขลิกาว ติฏฺติ. ปลิฆปริวตฺติกนฺติ เอเกน ปสฺเสน นิปชฺชาเปตฺวา กณฺณจฺฉิทฺเท อยสูลํ โกฏฺเฏตฺวา ปถวิยา เอกาพทฺธํ กโรนฺติ. อถ นํ ปาเท คเหตฺวา อาวิชฺฌนฺติ. ปลาลปีกนฺติ เฉโก การณิโก ฉวิจมฺมํ อจฺฉินฺทิตฺวา นิสทโปเตหิ อฏฺีนิ ภินฺทิตฺวา เกเสสุ คเหตฺวา อุกฺขิปนฺติ. มํสราสิเยว โหติ, อถ นํ เกเสเหว ปริโยนนฺธิตฺวา คณฺหนฺติ. ปลาลวฏฺฏึ วิย กตฺวา ปน เวเนฺติ. สุนเขหิปีติ ¶ กติปยานิ ทิวสานิ อาหารํ อทตฺวา ฉาตเกหิ สุนเขหิ ขาทาเปนฺติ. เต มุหุตฺเตน อฏฺิสงฺขลิกเมว กโรนฺติ. สมฺปรายิโกติ สมฺปราเย ทุติยตฺตภาเว วิปาโกติ อตฺโถ.
๑๗๐. ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ นิพฺพานํ. นิพฺพานฺหิ อาคมฺม กาเมสุ ฉนฺทราโค วินียติ เจว ปหียติ จ, ตสฺมา นิพฺพานํ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ จ วุตฺตํ. สามํ วา กาเม ปริชานิสฺสนฺตีติ สยํ วา เต กาเม ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิสฺสนฺติ. ตถตฺตายาติ ตถภาวาย. ยถาปฏิปนฺโนติ ยาย ปฏิปทาย ปฏิปนฺโน.
๑๗๑. ขตฺติยกฺา ¶ วาติอาทิ อปริตฺเตน วิปุเลน กุสเลน คหิตปฏิสนฺธิกํ วตฺถาลงฺการาทีนิ ลภนฏฺาเน นิพฺพตฺตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ปนฺนรสวสฺสุทฺเทสิกาติ ปนฺนรสวสฺสวยา. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. วยปเทสํ กสฺมา คณฺหาติ? วณฺณสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ. มาตุคามสฺส หิ ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺตสฺสาปิ เอตสฺมึ กาเล โถกํ โถกํ วณฺณายตนํ ปสีทติ. ปุริสานํ ปน วีสติวสฺสกาเล ปฺจวีสติวสฺสกาเล ปสนฺนํ โหติ. นาติทีฆาติอาทีหิ ฉโทสวิรหิตํ สรีรสมฺปตฺตึ ทีเปติ. วณฺณนิภาติ วณฺโณเยว.
ชิณฺณนฺติ ¶ ชราชิณฺณํ. โคปานสิวงฺกนฺติ โคปานสี วิย วงฺกํ. โภคฺคนฺติ ภคฺคํ, อิมินาปิสฺส วงฺกภาวเมว ทีเปติ. ทณฺฑปรายณนฺติ ทณฺฑปฏิสรณํ ทณฺฑทุติยํ. ปเวธมานนฺติ กมฺปมานํ. อาตุรนฺติ ชราตุรํ. ขณฺฑทนฺตนฺติ ชิณฺณภาเวน ขณฺฑิตทนฺตํ. ปลิตเกสนฺติ ปณฺฑรเกสํ. วิลูนนฺติ ลฺุจิตฺวา คหิตเกสํ วิย ขลฺลาฏํ. ขลิตสิรนฺติ มหาขลฺลาฏสีสํ. วลินนฺติ สฺชาตวลึ. ติลกาหตคตฺตนฺติ เสตกาฬติลเกหิ วิกิณฺณสรีรํ. อาพาธิกนฺติ พฺยาธิกํ. ทุกฺขิตนฺติ ทุกฺขปตฺตํ.
พาฬฺหคิลานนฺติ อธิมตฺตคิลานํ. สิวถิกาย ฉฑฺฑิตนฺติ อามกสุสาเน ปาติตํ. เสสเมตฺถ สติปฏฺาเน วุตฺตเมว. อิธาปิ นิพฺพานํเยว ฉนฺทราควินโย.
๑๗๓. เนว ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธายาติ ตสฺมึ สมเย อตฺตโนปิ ทุกฺขตฺถาย น เจเตติ. อพฺยาพชฺฌํเยวาติ นิทฺทุกฺขเมว ¶ .
๑๗๔. ยํ, ภิกฺขเว, เวทนา อนิจฺจาติ, ภิกฺขเว, ยสฺมา เวทนา อนิจฺจา, ตสฺมา อยํ อนิจฺจาทิอากาโรว เวทนาย อาทีนโวติ อตฺโถ, นิสฺสรณํ วุตฺตปฺปการเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา
๑๗๕. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ. ตตฺถ สกฺเกสูติ เอวํนามเก ชนปเท. โส หิ ชนปโท สกฺยานํ ราชกุมารานํ วสนฏฺานตฺตา สกฺยาตฺเวว สงฺขฺยํ คโต. สกฺยานํ ปน อุปฺปตฺติ อมฺพฏฺสุตฺเต อาคตาว. กปิลวตฺถุสฺมินฺติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ กปิลสฺส อิสิโน นิวาสฏฺาเน กตตฺตา กปิลวตฺถูติ วุตฺตํ, ตํ โคจรคามํ กตฺวา. นิคฺโรธาราเมติ นิคฺโรโธ นาม สกฺโก, โส าติสมาคมกาเล กปิลวตฺถุํ อาคเต ภควติ อตฺตโน อาราเม วิหารํ กาเรตฺวา ภควโต นิยฺยาเตสิ, ตสฺมึ วิหรตีติ อตฺโถ. มหานาโมติ อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ภาตา ภควโต จุฬปิตุปุตฺโต. สุทฺโธทโน ¶ สุกฺโกทโน สกฺโกทโน โธโตทโน อมิโตทโนติ อิเม ปฺจ ชนา ภาตโร. อมิตา นาม เทวี เตสํ ภคินี. ติสฺสตฺเถโร ตสฺสา ปุตฺโต. ตถาคโต จ นนฺทตฺเถโร จ สุทฺโธทนสฺส ปุตฺตา, มหานาโม จ อนุรุทฺธตฺเถโร จ สุกฺโกทนสฺส. อานนฺทตฺเถโร อมิโตทนสฺส, โส ภควโต กนิฏฺโ. มหานาโม มหลฺลกตโร สกทาคามี อริยสาวโก.
ทีฆรตฺตนฺติ มยฺหํ สกทาคามิผลุปฺปตฺติโต ปฏฺาย จิรรตฺตํ ชานามีติ ทสฺเสติ. โลภธมฺมาติ โลภสงฺขาตา ธมฺมา, นานปฺปการกํ โลภํเยว สนฺธาย วทติ. อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย. ปริยาทาย ติฏฺนฺตีติ เขเปตฺวา ติฏฺนฺติ. อิทฺหิ ปริยาทานํ นาม ‘‘สพฺพํ หตฺถิกายํ ปริยาทิยิตฺวา สพฺพํ อสฺสกายํ สพฺพํ รถกายํ สพฺพํ ปตฺติกายํ ปริยาทิยิตฺวา ชีวนฺตํเยว นํ โอสชฺเชยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๖) เอตฺถ คหเณ อาคตํ. ‘‘อนิจฺจสฺา, ภิกฺขเว, ภาวิตา พหุลีกตา สพฺพํ ¶ กามราคํ ปริยาทิยตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๒) เอตฺถ เขปเน. อิธาปิ เขปเน อธิปฺเปตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริยาทิยิตฺวาติ เขเปตฺวา’’ติ.
เยน เม เอกทา โลภธมฺมาปีติ เยน มยฺหํ เอเกกสฺมึ กาเล โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺตีติ ปุจฺฉติ. อยํ กิร ราชา ‘‘สกทาคามิมคฺเคน โลภโทสโมหา นิรวเสสา ปหียนฺตี’’ติ สฺี อโหสิ, อยํ ‘‘อปฺปหีนํ เม อตฺถี’’ติปิ ชานาติ, อปฺปหีนกํ ¶ อุปาทาย ปหีนกมฺปิ ปุน ปจฺฉโตวาวตฺตตีติ สฺี โหติ. อริยสาวกสฺส เอวํ สนฺเทโห อุปฺปชฺชตีติ? อาม อุปฺปชฺชติ. กสฺมา? ปณฺณตฺติยา อโกวิทตฺตา. ‘‘อยํ กิเลโส อสุกมคฺควชฺโฌ’’ติ อิมิสฺสา ปณฺณตฺติยา อโกวิทสฺส หิ อริยสาวกสฺสปิ เอวํ โหติ. กึ ตสฺส ปจฺจเวกฺขณา นตฺถีติ? อตฺถิ. สา ปน น สพฺเพสํ ปริปุณฺณา โหติ. เอโก หิ ปหีนกิเลสเมว ปจฺจเวกฺขติ. เอโก อวสิฏฺกิเลสเมว, เอโก มคฺคเมว, เอโก ผลเมว, เอโก นิพฺพานเมว. อิมาสุ ปน ปฺจสุ ปจฺจเวกฺขณาสุ เอกํ วา ทฺเว วา โน ลทฺธุํ น วฏฺฏติ. อิติ ยสฺส ปจฺจเวกฺขณา น ปริปุณฺณา, ตสฺส มคฺควชฺฌกิเลสปณฺณตฺติยํ อโกวิทตฺตา เอวํ โหติ.
๑๗๖. โส ¶ เอว โข เตติ โสเยว โลโภ โทโส โมโห จ ตว สนฺตาเน อปฺปหีโน, ตฺวํ ปน ปหีนสฺี อโหสีติ ทสฺเสติ. โส จ หิ เตติ โส ตุยฺหํ โลภโทสโมหธมฺโม. กาเมติ ทุวิเธ กาเม. น ปริภฺุเชยฺยาสีติ มยํ วิย ปพฺพเชยฺยาสีติ ทสฺเสติ.
๑๗๗. อปฺปสฺสาทาติ ปริตฺตสุขา. พหุทุกฺขาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกทุกฺขเมเวตฺถ พหุกํ. พหุปายาสาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิโก อุปายาสกิเลโสเยเวตฺถ พหุ. อาทีนโวติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิโก อุปทฺทโว. เอตฺถ ภิยฺโยติ เอเตสุ กาเมสุ อยํ อาทีนโวเยว พหุ. อสฺสาโท ปน หิมวนฺตํ อุปนิธาย สาสโป วิย อปฺโป, ปริตฺตโก. อิติ เจปิ มหานามาติ มหานาม เอวํ เจปิ อริยสาวกสฺส. ยถาภูตนฺติ ยถาสภาวํ. สมฺมา นเยน การเณน ปฺาย สุฏฺุ ทิฏฺํ โหตีติ ทสฺเสติ. ตตฺถ ปฺายาติ วิปสฺสนาปฺาย, เหฏฺามคฺคทฺวยาเณนาติ อตฺโถ. โส ¶ จาติ โส เอว มคฺคทฺวเยน ทิฏฺกามาทีนโว อริยสาวโก. ปีติสุขนฺติ อิมินา สปฺปีติกานิ ทฺเว ฌานานิ ทสฺเสติ. อฺํ วา ตโต สนฺตตรนฺติ ตโต ฌานทฺวยโต สนฺตตรํ อฺํ อุปริฌานทฺวยฺเจว มคฺคทฺวยฺจ. เนว ตาว อนาวฏฺฏี กาเมสุ โหตีติ อถ โข โส ทฺเว มคฺเค ปฏิวิชฺฌิตฺวา ิโตปิ อริยสาวโก อุปริ ฌานานํ วา มคฺคานํ วา อนธิคตตฺตา เนว ตาว กาเมสุ อนาวฏฺฏี โหติ, อนาวฏฺฏิโน อนาโภโค น โหติ. อาวฏฺฏิโน สาโภโคเยว โหติ. กสฺมา? จตูหิ ฌาเนหิ วิกฺขมฺภนปฺปหานสฺส, ทฺวีหิ มคฺเคหิ สมุจฺเฉทปฺปหานสฺส อภาวา.
มยฺหมฺปิ ¶ โขติ น เกวลํ ตุยฺเหว, อถ โข มยฺหมฺปิ. ปุพฺเพว สมฺโพธาติ มคฺคสมฺโพธิโต ปมตรเมว. ปฺาย สุทิฏฺํ โหตีติ เอตฺถ โอโรธนาฏกา ปชหนปฺา อธิปฺเปตา. ปีติสุขํ นาชฺฌคมนฺติ สปฺปีติกานิ ทฺเว ฌานานิ น ปฏิลภึ. อฺํ วา ตโต สนฺตตรนฺติ อิธ อุปริ ฌานทฺวยํ เจว จตฺตาโร จ มคฺคา อธิปฺเปตา. ปจฺจฺาสินฺติ ปฏิอฺาสึ.
๑๗๙. เอกมิทาหํ มหานาม สมยนฺติ กสฺมา อารทฺธํ? อยํ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. เหฏฺา กามานํ อสฺสาโทปิ อาทีนโวปิ กถิโต ¶ , นิสฺสรณํ น กถิตํ, ตํ กเถตุํ อยํ เทสนา อารทฺธา. กามสุขลฺลิกานุโยโค หิ เอโก อนฺโต อตฺตกิลมถานุโยโค เอโกติ อิเมหิ อนฺเตหิ มุตฺตํ มม สาสนนฺติ อุปริ ผลสมาปตฺติสีเสน สกลสาสนํ ทสฺเสตุมฺปิ อยํ เทสนา อารทฺธา.
คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเตติ ตสฺส ปพฺพตสฺส คิชฺฌสทิสํ กูฏํ อตฺถิ, ตสฺมา คิชฺฌกูโฏติ วุจฺจติ. คิชฺฌา วา ตสฺส กูเฏสุ นิวสนฺตีติปิ คิชฺฌกูโฏติ วุจฺจติ. อิสิคิลิปสฺเสติ อิสิคิลิปพฺพตสฺส ปสฺเส. กาฬสิลายนฺติ กาฬวณฺเณ ปิฏฺิปาสาเณ. อุพฺภฏฺกา โหนฺตีติ อุทฺธํเยว ิตกา โหนฺติ อนิสินฺนา. โอปกฺกมิกาติ อุพฺภฏฺกาทินา อตฺตโน อุปกฺกเมน นิพฺพตฺติตา. นิคณฺโ, อาวุโสติ อฺํ การณํ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตา นิคณฺสฺส อุปริ ปกฺขิปึสุ. สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวีติ ¶ โส อมฺหากํ สตฺถา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ สพฺพํ ชานาติ ปสฺสตีติ ทสฺเสติ. อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาตีติ โส อมฺหากํ สตฺถา อปริเสสํ ธมฺมํ ชานนฺโต อปริเสสสงฺขาตํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาติ, ปฏิชานนฺโต จ เอวํ ปฏิชานาติ ‘‘จรโต จ เม ติฏฺโต จ…เป… ปจฺจุปฏฺิต’’นฺติ. ตตฺถ สตตนฺติ นิจฺจํ. สมิตนฺติ ตสฺเสว เววจนํ.
๑๘๐. กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส, นิคณฺา ชานาถ เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณนฺติ อิทํ ภควา ปุริโส นาม ยํ กโรติ, ตํ ชานาติ. วีสติกหาปเณ อิณํ คเหตฺวา ทส ทตฺวา ‘‘ทส เม ทินฺนา ทส อวสิฏฺา’’ติ ชานาติ, เตปิ ทตฺวา ‘‘สพฺพํ ทินฺน’’นฺติ ชานาติ. เขตฺตสฺส ตติยภาคํ ลายิตฺวา ‘‘เอโก ภาโค ลายิโต, ทฺเว อวสิฏฺา’’ติ ชานาติ. ปุน เอกํ ลายิตฺวา ¶ ‘‘ทฺเว ลายิตา, เอโก อวสิฏฺโ’’ติ ชานาติ. ตสฺมิมฺปิ ลายิเต ‘‘สพฺพํ นิฏฺิต’’นฺติ ชานาติ, เอวํ สพฺพกิจฺเจสุ กตฺจ อกตฺจ ชานาติ, ตุมฺเหหิปิ ตถา าตพฺพํ สิยาติ ทสฺเสติ. อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานนฺติ อิมินา อกุสลํ ปหาย กุสลํ ภาเวตฺวา สุทฺธนฺตํ ปตฺโต นิคณฺโ นาม ตุมฺหากํ สาสเน อตฺถีติ ปุจฺฉติ.
เอวํ สนฺเตติ ตุมฺหากํ เอวํ อชานนภาเว สติ. ลุทฺทาติ ลุทฺทาจารา. โลหิตปาณิโนติ ปาเณ ชีวิตา โวโรเปนฺตา โลหิเตน มกฺขิตปาณิโน. ปาณํ หิ หนนฺตสฺสปิ ยสฺส โลหิเตน ปาณิ น มกฺขิยติ ¶ , โสปิ โลหิตปาณีตฺเวว วุจฺจติ. กุรูรกมฺมนฺตาติ ทารุณกมฺมา. มาตริ ปิตริ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณาทีสุ จ กตาปราธา. มาควิกาทโย วา กกฺขฬกมฺมา.
น โข, อาวุโส, โคตมาติ อิทํ นิคณฺา ‘‘อยํ อมฺหากํ วาเท โทสํ เทติ, มยมฺปิสฺส โทสํ อาโรเปมา’’ติ มฺมานา อารภึสุ. ตสฺสตฺโถ, ‘‘อาวุโส, โคตม ยถา ตุมฺเห ปณีตจีวรานิ ธาเรนฺตา สาลิมํโสทนํ ภฺุชนฺตา เทววิมานวณฺณาย คนฺธกุฏิยา วสมานา สุเขน สุขํ อธิคจฺฉถ, น เอวํ สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ. ยถา ปน มยํ อุกฺกุฏิกปฺปธานาทีหิ นานปฺปการณํ ทุกฺขํ อนุภวาม, เอวํ ทุกฺเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพ’’นฺติ. สุเขน จ หาวุโสติ อิทํ สเจ สุเขน จ สุขํ อธิคนฺตพฺพํ สิยา. ราชา อธิคจฺเฉยฺยาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ ¶ . ตตฺถ มาคโธติ มคธรฏฺสฺส อิสฺสโร. เสนิโยติ ตสฺส นามํ. พิมฺพีติ อตฺตภาวสฺส นามํ. โส ตสฺส สารภูโต ทสฺสนีโย ปาสาทิโก อตฺตภาวสมิทฺธิยา พิมฺพิสาโรติ วุจฺจติ. สุขวิหาริตโรติ อิทํ เต นิคณฺา รฺโ ตีสุ ปาสาเทสุ ติวิธวเยหิ นาฏเกหิ สทฺธึ สมฺปตฺติอนุภวนํ สนฺธาย วทนฺติ. อทฺธาติ เอกํเสน. สหสา อปฺปฏิสงฺขาติ สาหสํ กตฺวา, อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวาว ยถา รตฺโต ราควเสน ทุฏฺโ โทสวเสน มูฬฺโห โมหวเสน ภาสติ, เอวเมวํ วาจา ภาสิตาติ ทสฺเสติ.
ตตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามีติ ตสฺมึ อตฺเถ ปุจฺฉิสฺสามิ. ยถา โว ขเมยฺยาติ ยถา ตุมฺหากํ รุจฺเจยฺย. ปโหตีติ สกฺโกติ.
อนิฺชมาโนติ อจลมาโน. เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวทีติ นิรนฺตรสุขํ ปฏิสํเวที. ‘‘อหํ โข ¶ , อาวุโส, นิคณฺา ปโหมิ…เป… เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวที’’ติ อิทํ อตฺตโน ผลสมาปตฺติสุขํ ทสฺเสนฺโต อาห. เอตฺถ จ กถาปติฏฺาปนตฺถํ ราชวาเร สตฺต อาทึ กตฺวา ปุจฺฉา กตา. สตฺต รตฺตินฺทิวานิ นปฺปโหตีติ หิ วุตฺเต ฉ ปฺจ จตฺตารีติ สุขํ ปุจฺฉิตุํ โหติ. สุทฺธวาเร ปน สตฺตาติ วุตฺเต ปุน ฉ ปฺจ จตฺตารีติ วุจฺจมานํ อนจฺฉริยํ โหติ, ตสฺมา เอกํ อาทึ กตฺวา เทสนา กตา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อนุมานสุตฺตวณฺณนา
๑๘๑. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ อนุมานสุตฺตํ. ตตฺถ ภคฺเคสูติ เอวํนามเก ชนปเท, วจนตฺโถ ปเนตฺถ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺโพ. สุสุมารคิเรติ เอวํนามเก นคเร. ตสฺส กิร นครสฺส วตฺถุปริคฺคหทิวเส อวิทูเร อุทกรหเท สุํสุมาโร สทฺทมกาสิ, คิรํ นิจฺฉาเรสิ. อถ นคเร นิฏฺิเต สุํสุมารคิรํ ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. เภสกฬาวเนติ เภสกฬานามเก วเน. ‘‘เภสคฬาวเน’’ติปิ ปาโ. มิคทาเยติ ตํ วนํ มิคปกฺขีนํ อภยทินฺนฏฺาเน ชาตํ, ตสฺมา มิคทาโยติ วุจฺจติ.
ปวาเรตีติ ¶ อิจฺฉาเปติ. วทนฺตูติ โอวาทานุสาสนิวเสน วทนฺตุ, อนุสาสนฺตูติ อตฺโถ. วจนีโยมฺหีติ อหํ ตุมฺเหหิ วตฺตพฺโพ, อนุสาสิตพฺโพ โอวทิตพฺโพติ อตฺโถ. โส จ โหติ ทุพฺพโจติ โส จ ทุกฺเขน วตฺตพฺโพ โหติ, วุตฺโต น สหติ. โทวจสฺสกรเณหีติ ทุพฺพจภาวการเกหิ อุปริ อาคเตหิ โสฬสหิ ธมฺเมหิ. อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนินฺติ โย หิ วุจฺจมาโน ตุมฺเห มํ กสฺมา วทถ, อหํ อตฺตโน กปฺปิยากปฺปิยํ สาวชฺชานวชฺชํ อตฺถานตฺถํ ชานามีติ วทติ. อยํ อนุสาสนึ ปทกฺขิณโต น คณฺหาติ, วามโต คณฺหาติ, ตสฺมา อปฺปทกฺขิณคฺคาหีติ วุจฺจติ.
ปาปิกานํ อิจฺฉานนฺติ ลามกานํ อสนฺตสมฺภวนปตฺถนานํ. ปฏิปฺผรตีติ ปฏิวิรุทฺโธ, ปจฺจนีโก หุตฺวา ติฏฺติ, อปสาเทตีติ กึ นุ โข ตุยฺหํ พาลสฺส อพฺยตฺตสฺส ภณิเตน, ตฺวมฺปิ นาม ภณิตพฺพํ มฺิสฺสสีติ เอวํ ฆฏฺเฏติ. ปจฺจาโรเปตีติ, ตฺวมฺปิ โขสิ อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ตํ ตาว ปฏิกโรหีติ เอวํ ปฏิอาโรเปติ.
อฺเนฺํ ปฏิจรตีติ อฺเน การเณน วจเนน วา อฺํ การณํ วจนํ วา ปฏิจฺฉาเทติ. ‘‘อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ วุตฺเต ‘‘โก อาปนฺโน, กึ อาปนฺโน, กิสฺมึ อาปนฺโน, กํ ภณถ, กึ ภณถา’’ติ วา วทติ. ‘‘เอวรูปํ กิฺจิ ตยา ทิฏฺ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘น สุณามี’’ติ ¶ โสตํ วา อุปเนติ. พหิทฺธา กถํ อปนาเมตีติ ‘‘อิตฺถนฺนามํ อาปตฺตึ อาปนฺโนสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปาฏลิปุตฺตํ คโตมฺหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘น ตว ปาฏลิปุตฺตคมนํ ปุจฺฉาม, อาปตฺตึ ¶ ปุจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตโต ราชเคหํ คโตมฺหี’’ติ, ราชเคหํ วา ยาหิ พฺราหฺมณเคหํ วา, อาปตฺตึ อาปนฺโนสีติ. ตตฺถ เม สูกรมํสํ ลทฺธนฺติอาทีนิ วทนฺโต กถํ พหิทฺธา วิกฺขิปติ.
อปทาเนติ อตฺตโน จริยาย. น สมฺปายตีติ, อาวุโส, ตฺวํ กุหึ วสสิ, กํ นิสฺสาย วสสีติ วา, ยํ ตฺวํ วเทสิ ‘‘มยา เอส อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโน ทิฏฺโ’’ติ. ตฺวํ ตสฺมึ สมเย กึ กโรสิ, อยํ กึ กโรติ, กตฺถ วา ตฺวํ อจฺฉสิ กตฺถ วา อยนฺติอาทินา นเยน จริยํ ปุฏฺโ สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ น สกฺโกติ.
๑๘๓. ตตฺราวุโสติ ¶ , อาวุโส, เตสุ โสฬสสุ ธมฺเมสุ. อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ อนุมินิตพฺพนฺติ เอวํ อตฺตนาว อตฺตา อนุเมตพฺโพ ตุเลตพฺโพ ตีเรตพฺโพ.
๑๘๔. ปจฺจเวกฺขิตพฺพนฺติ ปจฺจเวกฺขิตพฺโพ. อโหรตฺตานุสิกฺขินาติ ทิวาปิ รตฺติมฺปิ สิกฺขนฺเตน, รติฺจ ทิวา จ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สิกฺขนฺเตน ปีติปาโมชฺชเมว อุปฺปาเทตพฺพนฺติ อตฺโถ.
อจฺเฉ วา อุทกปตฺเตติ ปสนฺเน วา อุทกภาชเน. มุขนิมิตฺตนฺติ มุขปฏิพิมฺพํ. รชนฺติ อาคนฺตุกรชํ. องฺคณนฺติ ตตฺถ ชาตกํ ติลกํ วา ปิฬกํ วา. สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเนติ อิมินา สพฺพปฺปหานํ กเถสิ. กถํ? เอตฺตกา อกุสลา ธมฺมา ปพฺพชิตสฺส นานุจฺฉวิกาติ ปฏิสงฺขานํ อุปฺปาทยโต หิ ปฏิสงฺขานปฺปหานํกถิตํ โหติ. สีลํ ปทฏฺานํ กตฺวา กสิณปริกมฺมํ อารภิตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺตสฺส วิกฺขมฺภนปฺปหานํ กถิตํ. สมาปตฺตึ ปทฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตสฺส ตทงฺคปฺปหานํ กถิตํ. วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคํ ภาเวนฺตสฺส สมุจฺเฉทปฺปหานํ กถิตํ. ผเล อาคเต ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิพฺพาเน อาคเต นิสฺสรณปฺปหานนฺติ เอวํ อิมสฺมึ สุตฺเต สพฺพปฺปหานํ กถิตํว โหติ.
อิทฺหิ ¶ สุตฺตํ ภิกฺขุปาติโมกฺขํ นามาติ โปราณา วทนฺติ. อิทํ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. ปาโต เอว วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา นิสินฺเนน ‘‘อิเม เอตฺตกา กิเลสา อตฺถิ นุ โข มยฺหํ นตฺถี’’ติ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. สเจ อตฺถีติ ปสฺสติ, เตสํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. โน เจ ปสฺสติ, สุปพฺพชิโตสฺมีติ ¶ อตฺตมเนน ภวิตพฺพํ. ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา รตฺติฏฺาเน วา ทิวาฏฺาเน วา นิสีทิตฺวาปิ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. สายํ วสนฏฺาเน นิสีทิตฺวาปิ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. ติกฺขตฺตุํ อสกฺโกนฺเตน ทฺเว วาเร ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. ทฺเว วาเร อสกฺโกนฺเตน ปน อวสฺสํ เอกวารํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ, อปฺปจฺจเวกฺขิตุํ น วฏฺฏตีติ วทนฺติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
อนุมานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา
๑๘๕. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ เจโตขิลสุตฺตํ. ตตฺถ เจโตขิลาติ จิตฺตสฺส ถทฺธภาวา กจวรภาวา ขาณุกภาวา. เจตโส วินิพนฺธาติ จิตฺตํ พนฺธิตฺวา มุฏฺิยํ กตฺวา วิย คณฺหนฺตีติ เจตโส วินิพนฺธา. วุทฺธินฺติอาทีสุ สีเลน วุทฺธึ, มคฺเคน วิรุฬฺหึ, นิพฺพาเนน เวปุลฺลํ. สีลสมาธีหิ วา วุทฺธึ, วิปสฺสนามคฺเคหิ วิรุฬฺหึ, ผลนิพฺพาเนหิ เวปุลฺลํ. สตฺถริ กงฺขตีติ สตฺถุ สรีเร วา คุเณ วา กงฺขติ. สรีเร กงฺขมาโน ทฺวตฺตึสวรลกฺขณปฺปฏิมณฺฑิตํ นาม สรีรํ อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติ, คุเณ กงฺขมาโน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนชานนสมตฺถํ สพฺพฺุตฺาณํ อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติ. วิจิกิจฺฉตีติ วิจินนฺโต กิจฺฉติ, ทุกฺขํ อาปชฺชติ, วินิจฺเฉตุํ น สกฺโกติ. นาธิมุจฺจตีติ เอวเมตนฺติ อธิโมกฺขํ น ปฏิลภติ. น สมฺปสีทตีติ คุเณสุ โอตริตฺวา นิพฺพิจิกิจฺฉภาเวน ปสีทิตุํ, อนาวิโล ภวิตุํ น สกฺโกติ. อาตปฺปายาติ กิเลสสนฺตาปกวีริยกรณตฺถาย. อนุโยคายาติ ปุนปฺปุนํ โยคาย. สาตจฺจายาติ สตตกิริยาย ปธานายาติ ปทหนตฺถาย. อยํ ปโม เจโตขิโลติ อยํ สตฺถริ วิจิกิจฺฉาสงฺขาโต ปโม จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว, เอวเมตสฺส ภิกฺขุโน อปฺปหีโน โหติ. ธมฺเมติ ปริยตฺติธมฺเม จ ปฏิเวธธมฺเม จ. ปริยตฺติธมฺเม กงฺขมาโน, เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ จตุราสีติ ธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานีติ วทนฺติ, อตฺถิ นุ โข เอตํ นตฺถีติ กงฺขติ. ปฏิเวธธมฺเม กงฺขมาโน วิปสฺสนานิสฺสนฺโท มคฺโค นาม, มคฺคนิสฺสนฺโท ผลํ นาม, สพฺพสงฺขารปฏินิสฺสคฺโค นิพฺพานํ นามาติ วทนฺติ. ตํ อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติ. สงฺเฆ กงฺขตีติ สุปฺปฏิปนฺโนติอาทีนํ ปทานํ วเสน เอวรูปํ ปฏิปทํ ปฏิปนฺนา ¶ จตฺตาโร มคฺคฏฺา จตฺตาโร ผลฏฺาติ อฏฺนฺนํ ปุคฺคลานํ สมูหภูโต สงฺโฆ นาม, โส อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติ. สิกฺขาย กงฺขมาโน อธิสีลสิกฺขา นาม อธิจิตฺตสิกฺขา นาม อธิปฺาสิกฺขา ¶ นามาติ วทนฺติ. สา อตฺถิ นุ โข นตฺถีติ กงฺขติ. อยํ ปฺจโมติ อยํ สพฺรหฺมจารีสุ โกปสงฺขาโต ปฺจโม จิตฺตสฺส ถทฺธภาโว กจวรภาโว ขาณุกภาโว.
๑๘๖. วินิพนฺเธสุ ¶ กาเมติ วตฺถุกาเมปิ กิเลสกาเมปิ. กาเยติ อตฺตโน กาเย. รูเปติ พหิทฺธา รูเป. ยาวทตฺถนฺติ ยตฺตกํ อิจฺฉติ, ตตฺตกํ. อุทราวเทหกนฺติ อุทรปูรํ. ตฺหิ อุทรํ อวเทหนโต อุทราวเทหกนฺติ วุจฺจติ. เสยฺยสุขนฺติ มฺจปีสุขํ, อุตุสุขํ วา. ปสฺสสุขนฺติ ยถา สมฺปริวตฺตกํ สยนฺตสฺส ทกฺขิณปสฺสวามปสฺสานํ สุขํ โหติ, เอวํ อุปฺปนฺนสุขํ. มิทฺธสุขนฺติ นิทฺทาสุขํ. อนุยุตฺโตติ ยุตฺตปยุตฺโต วิหรติ.
ปณิธายาติ ปตฺถยิตฺวา. สีเลนาติอาทีสุ สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. วตนฺติ วตสมาทานํ. ตโปติ ตปจรณํ. พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติ. เทโว วา ภวิสฺสามีติ มเหสกฺขเทโว วา ภวิสฺสามิ. เทวฺตโร วาปิ อปฺเปสกฺขเทเวสุ วา อฺตโร.
๑๘๙. อิทฺธิปาเทสุ ฉนฺทํ นิสฺสาย ปวตฺโต สมาธิ ฉนฺทสมาธิ. ปธานภูตา สงฺขารา ปธานสงฺขารา. สมนฺนาคตนฺติ เตหิ ธมฺเมหิ อุเปตํ. อิทฺธิยา ปาทํ, อิทฺธิภูตํ วา ปาทนฺติ อิทฺธิปาทํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย, อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน อิทฺธิปาทวิภงฺเค อาคโต เยว. วิสุทฺธิมคฺเคปิสฺส อตฺโถ ทีปิโต. อิติ อิเมหิ จตูหิ อิทฺธิปาเทหิ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ กถิตํ. อุสฺโสฬฺหีเยว ปฺจมีติ เอตฺถ อุสฺโสฬฺหีติ สพฺพตฺถ กตฺตพฺพวีริยํ ทสฺเสติ. อุสฺโสฬฺหีปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโตติ ปฺจ เจโตขิลปฺปหานานิ ปฺจ วินิพนฺธปฺปหานานิ จตฺตาโร อิทฺธิปาทา อุสฺโสฬฺหีติ เอวํ อุสฺโสฬฺหิยา สทฺธึ ปนฺนรสหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโต. ภพฺโพติ อนุรูโป, อนุจฺฉวิโก. อภินิพฺภิทายาติ าเณน กิเลสเภทาย. สมฺโพธายาติ จตุมคฺคสมฺโพธาย. อนุตฺตรสฺสาติ เสฏฺสฺส. โยคกฺเขมสฺสาติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส อรหตฺตสฺส. อธิคมายาติ ปฏิลาภาย. เสยฺยถาติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. ปีติ สมฺภาวนตฺเถ. อุภเยนปิ เสยฺยถาปิ นาม, ภิกฺขเวติ ทสฺเสติ ¶ .
กุกฺกุฏิยา ¶ อณฺฑานิ อฏฺ วา ทส วา ทฺวาทส วาติ เอตฺถ ปน กิฺจาปิ กุกฺกุฏิยา วุตฺตปฺปการโต อูนาธิกานิปิ อณฺฑานิ โหนฺติ, วจนสิลิฏฺตาย ปน เอวํ วุตฺตํ. เอวฺหิ โลเก สิลิฏฺํ วจนํ โหติ. ตานสฺสูติ ตานิ อสฺสุ, ภเวยฺยุนฺติ อตฺโถ. กุกฺกุฏิยา สมฺมา อธิสยิตานีติ ตาย ชเนตฺติยา กุกฺกุฏิยา ปกฺเข ปสาเรตฺวา เตสํ อุปริ สยนฺติยา สมฺมา อธิสยิตานิ. สมฺมา ปริเสทิตานีติ กาเลน กาลํ อุตุํ คาหาเปนฺติยา สุฏฺุ สมนฺตโต เสทิตานิ ¶ อุสฺมีกตานิ. สมฺมา ปริภาวิตานีติ กาเลน กาลํ สุฏฺุ สมนฺตโต ภาวิตานิ, กุกฺกุฏคนฺธํ คาหาปิตานีติ อตฺโถ. กิฺจาปิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยาติ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา อิมํ ติวิธกิริยากรเณน อปฺปมาทํ กตฺวา กิฺจาปิ น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย. อถ โข ภพฺพาว เตติ อถ โข เต กุกฺกุฏโปตกา วุตฺตนเยน โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺชิตุํ ภพฺพาว. เต หิ ยสฺมา ตาย กุกฺกุฏิยา เอวํ ตีหากาเรหิ ตานิ อณฺฑานิ ปริปาลียมานานิ น ปูตีนิ โหนฺติ. โยปิ เนสํ อลฺลสิเนโห, โสปิ ปริยาทานํ คจฺฉติ, กปาลํ ตนุกํ โหติ, ปาทนขสิขา จ มุขตุณฺฑกฺจ ขรํ โหติ, สยํ ปริปากํ คจฺฉติ, กปาลสฺส ตนุตฺตา พหิ อาโลโก อนฺโต ปฺายติ, ตสฺมา ‘‘จิรํ วต มยํ สงฺกุฏิตหตฺถปาทา สมฺพาเธ สยิมฺหา, อยฺจ พหิ อาโลโก ทิสฺสติ, เอตฺถ ทานิ โน สุขวิหาโร ภวิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตุกามา หุตฺวา กปาลํ ปาเทน ปหรนฺติ, คีวํ ปสาเรนฺติ, ตโต ตํ กปาลํ ทฺเวธา ภิชฺชติ. อถ เต ปกฺเข วิธุนนฺตา ตงฺขณานุรูปํ วิรวนฺตา นิกฺขมนฺติเยว, นิกฺขมิตฺวา จ คามกฺเขตฺตํ อุปโสภยมานา วิจรนฺติ.
เอวเมว โขติ อิทํ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ. ตํ เอวํ อตฺเถน สํสนฺเทตฺวา เวทิตพฺพํ – ตสฺสา กุกฺกุฏิยา อณฺเฑสุ ติวิธกิริยากรณํ วิย หิ อิมสฺส ภิกฺขุโน อุสฺโสฬฺหีปนฺนรเสหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตภาโว. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยาสมฺปาทเนน อณฺฑานํ อปูติภาโว วิย ปนฺนรสงฺคสมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส อปริหานิ. ตสฺสา ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑานํ อลฺลสิเนหปริยาทานํ วิย ตสฺส ภิกฺขุโน ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน ภวตฺตยานุคตนิกนฺติสิเนหปริยาทานํ ¶ . อณฺฑกลาปานํ ตนุภาโว วิย ¶ ภิกฺขุโน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว. กุกฺกุฏโปตกานํ ปาทนขมุตุณฺฑกานํ ถทฺธขรภาโว วิย ภิกฺขุโน วิปสฺสนาาณสฺส ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโว. กุกฺกุฏโปตกานํ ปริณามกาโล วิย ภิกฺขุโน วิปสฺสนาาณสฺส ปริณามกาโล วฑฺฒิตกาโล คพฺภคฺคหณกาโล. กุกฺกุฏโปตกานํ ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา โสตฺถินา อภินิกฺขมนกาโล วิย ตสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนาาณคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา วิจรนฺตสฺส ตชฺชาติกํ อุตุสปฺปายํ วา โภชนสปฺปายํ วา ปุคฺคลสปฺปายํ วา ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ วา ลภิตฺวา เอกาสเน นิสินฺนสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตสฺส อนุปุพฺพาธิคเตน อรหตฺตมคฺเคน อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภิฺาปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา โสตฺถินา ¶ อรหตฺตปฺปตฺตกาโล เวทิตพฺโพ. ยถา ปน กุกฺกุฏโปตกานํ ปริณตภาวํ ตฺวา มาตาปิ อณฺฑโกสํ ภินฺทติ, เอวํ ตถารูปสฺส ภิกฺขุโน าณปริปากํ ตฺวา สตฺถาปิ –
‘‘อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน, กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา;
สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย, นิพฺพานํ สุคเตน เทสิต’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๘๕) –
อาทินา นเยน โอภาสํ ผริตฺวา คาถาย อวิชฺชณฺฑโกสํ ปหรติ, โส คาถาปริโยสาเน อวิชฺชาณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ. ตโต ปฏฺาย ยถา เต กุกฺกุฏโปตกา คามกฺเขตฺตํ อุปโสภยมานา ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺติ, เอวํ อยมฺปิ มหาขีณาสโว นิพฺพานรมฺมณํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา สงฺฆารามํ อุปโสภยมาโน วิจรติ.
อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต จตฺตาริ ปหานานิ กถิตานิ. กถํ? เจโตขิลานฺหิ เจโตวินิพนฺธานํ ปหาเนน ปฏิสงฺขานปฺปปหานํ กถิตํ, อิทฺธิปาเทหิ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ กถิต, มคฺเค อาคเต สมุจฺเฉทปฺปหานํ กถิตํ, ผเล อาคเต ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ กถิตํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
เจโตขิลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วนปตฺถปริยายสุตฺตวณฺณนา
๑๙๐. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ วนปตฺถปริยายํ. ตตฺถ วนปตฺถปริยายนฺติ วนปตฺถการณํ, วนปตฺถเทสนํ วา.
๑๙๑. วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรตีติ มนุสฺสูปจาราติกฺกนฺตํ วนสณฺฑเสนาสนํ นิสฺสาย สมณธมฺมํ กโรนฺโต วิหรติ. อนุปฏฺิตาติอาทีสุ ปุพฺเพ อนุปฏฺิตา สติ ตํ อุปนิสฺสาย วิหรโตปิ น อุปฏฺาติ, ปุพฺเพ อสมาหิตํ จิตฺตํ น สมาธิยติ, ปุพฺเพ อปริกฺขีณา อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, ปุพฺเพ อนนุปฺปตฺตํ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมสงฺขาตํ อรหตฺตฺจ น ปาปุณาตีติ อตฺโถ. ชีวิตปริกฺขาราติ ชีวิตสมฺภารา. สมุทาเนตพฺพาติ สมาหริตพฺพา. กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตีติ ทุกฺเขน อุปฺปชฺชนฺติ. รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วาติ รตฺติโกฏฺาเส วา ทิวสโกฏฺาเส วา. เอตฺถ จ รตฺติภาเค ปฏิสฺจิกฺขมาเนน ตฺวา รตฺตึเยว ปกฺกมิตพฺพํ, รตฺตึ จณฺฑวาฬาทีนํ ปริพนฺเธ สติ อรุณุคฺคมนํ อาคเมตพฺพํ. ทิวสภาเค ตฺวา ทิวาว ปกฺกมิตพฺพํ, ทิวา ปริพนฺเธ สติ สูริยตฺถงฺคมนํ อาคเมตพฺพํ.
๑๙๒. สงฺขาปีติ เอวํ สมณธมฺมสฺส อนิปฺผชฺชนภาวํ ชานิตฺวา. อนนฺตรวาเร ปน สงฺขาปีติ เอวํ สมณธมฺมสฺส นิปฺผชฺชนภาวํ ชานิตฺวา.
๑๙๔. ยาวชีวนฺติ ยาว ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว วตฺถพฺพเมว.
๑๙๕. โส ปุคฺคโลติ ปทสฺส นานุพนฺธิตพฺโพติ อิมินา สมฺพนฺโธ. อนาปุจฺฉาติ อิธ ปน ตํ ปุคฺคลํ อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
๑๙๗. สงฺขาปีติ เอวํ สมณธมฺมสฺส อนิปฺผชฺชนภาวํ ตฺวา โส ปุคฺคโล นานุพนฺธิตพฺโพ, ตํ อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ.
๑๙๘. อปิ ¶ ปนุชฺชมาเนนาปีติ อปิ นิกฺกฑฺฒียมาเนนาปิ. เอวรูโป หิ ปุคฺคโล สเจปิ ทารุกลาปสตํ วา อุทกฆฏสตํ วา วาลิกมฺพณสตํ วา ทณฺฑํ อาหราเปติ, มา อิธ วสีติ นิกฺกฑฺฒาเปติ วา, ตํ ตํ ขมาเปตฺวา ยาวชีวํ วตฺถพฺพเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
วนปตฺถปริยายสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา
๑๙๙. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ. ตตฺถ มหาวนนฺติ หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺธํ อโรปิมํ ชาติวนํ, น ยถา เวสาลิยํ โรปิตาโรปิตมิสฺสกํ. ทิวาวิหารายาติ ทิวา ปฏิสลฺลานตฺถาย. เพลุวลฏฺิกายาติ ตรุณเพลุวรุกฺขสฺส. ทณฺฑปาณีติ น ชราทุพฺพลตาย ทณฺฑหตฺโถ. อยฺหิ ตรุโณ ปมวเย ิโต, ทณฺฑจิตฺตตาย ปน สุวณฺณทณฺฑํ คเหตฺวา วิจรติ, ตสฺมา ทณฺฑปาณีติ วุตฺโต. ชงฺฆาวิหารนฺติ ชงฺฆากิลมถวิโนทนตฺถํ ชงฺฆาจารํ. อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโนติ อารามทสฺสน-วนทสฺสน-ปพฺพตทสฺสนาทีนํ อตฺถาย อิโต จิโต จ วิจรมาโน. อธิจฺจนิกฺขมโน กิเรส กทาจิ เทว นิกฺขมิตฺวา เอวํ วิจรติ. ทณฺฑโมลุพฺภาติ ทณฺฑํ โอลุมฺภิตฺวา โคปาลกทารโก วิย ทณฺฑํ ปุรโต เปตฺวา ทณฺฑมตฺถเก ทฺเว หตฺเถ ปติฏฺาเปตฺวา ปิฏฺิปาณึ หนุเกน อุปฺปีเฬตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
๒๐๐. กึวาทีติ กึทิฏฺิโก. กิมกฺขายีติ กึ กเถติ. อยํ ราชา ภควนฺตํ อวนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารมตฺตกเมว กตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉติ. ตมฺปิ น อฺาตุกามตาย, อจิตฺตีกาเรน ปุจฺฉติ. กสฺมา? เทวทตฺตสฺส ปกฺขิโก กิเรส. เทวทตฺโต อตฺตโน สนฺติกํ อาคจฺฉมาเน ตถาคเต ภินฺทติ. โส กิร เอวํ วเทติ ‘‘สมโณ โคตโม อมฺหากํ กุเลน สทฺธึ เวรี, น โน กุลสฺส วุทฺธึ อิจฺฉติ. ภคินีปิ เม จกฺกวตฺติปริโภคา, ตํ ปหาย ‘นสฺสเตสา’ติ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ภาคิเนยฺโยปิ เม จกฺกวตฺติพีชนฺติ ตฺวา อมฺหากํ กุลสฺส วฑฺฒิยา อตุสฺสนฺโต ‘นสฺสเตต’นฺติ ตมฺปิ ทหรกาเลเยว ปพฺพาเชสิ. อหํ ปน เตน วินา วตฺติตุํ อสกฺโกนฺโต อนุปพฺพชิโต. เอวํ ปพฺพชิตมฺปิ มํ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย น อุชุเกหิ อกฺขีหิ โอโลเกติ. ปริสมชฺเฌ ภาสนฺโตปิ มหาผรสุนา ปหรนฺโต วิย อาปายิโก เทวทตฺโตติอาทีนิ ภาสตี’’ติ. เอวํ อยมฺปิ ราชา เทวทตฺเตน ภินฺโน, ตสฺมา เอวมกาสิ.
อถ ¶ ภควา ยถา อยํ ราชา มยา ปฺเห ปุจฺฉิเต น กเถตีติ วตฺตุํ น ลภติ, ยถา ¶ จ ภาสิตสฺส อตฺถํ น ชานาติ, เอวมสฺส ¶ กเถสฺสามีติ ตสฺสานุจฺฉวิกํ กเถนฺโต ยถาวาที โขติอาทิมาห.
ตตฺถ น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺตีติ โลเก เกนจิ สทฺธึ วิคฺคาหิกกถํ น กโรติ น วิวทติ. ตถาคโต หิ โลเกน สทฺธึ น วิวทติ; โลโก ปน ตถาคเตน สทฺธึ อนิจฺจนฺติ วุตฺเต นิจฺจนฺติ วทมาโน, ทุกฺขํ, อนตฺตา, อสุภนฺติ วุตฺเต สุภนฺติ วทมาโน วิวทติ. เตเนวาห ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, โลเกน วิวทามิ, โลโกว โข, ภิกฺขเว, มยา วิวทติ, ตถา น, ภิกฺขเว, ธมฺมวาที เกนจิ โลกสฺมึ วิวทติ, อธมฺมวาทีว โข, ภิกฺขเว, วิวทตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๙๔). ยถาติ เยน การเณน. กาเมหีติ วตฺถุกาเมหิปิ กิเลสกาเมหิปิ. ตํ พฺราหฺมณนฺติ ตํ ขีณาสวํ พฺราหฺมณํ. อกถํกถินฺติ นิพฺพิจิกิจฺฉํ. ฉินฺนกุกฺกุจฺจนฺติ วิปฺปฏิสารกุกฺกุจฺจสฺส เจว หตฺถปาทกุกฺกุจฺจสฺส จ ฉินฺนตฺตา ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ. ภวาภเวติ ปุนปฺปุนพฺภเว, หีนปณีเต วา ภเว, ปณีโต หิ ภโว วุทฺธิปฺปตฺโต อภโวติ วุจฺจติ. สฺาติ กิเลสสฺา. กิเลสาเยว วา อิธ สฺานาเมน วุตฺตา, ตสฺมา เยน การเณน กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ โลเก นินฺนาวาทึ ขีณาสวพฺราหฺมณํ กิเลสสฺา นานุเสนฺติ, ตฺจ การณํ อหํ วทามีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อิติ ภควา อตฺตโน ขีณาสวภาวํ ทีเปติ. นิลฺลาเฬตฺวาติ นีหริตฺวา กีฬาเปตฺวา. ติวิสาขนฺติ ติสาขํ. นลาฏิกนฺติ วลิภงฺคํ นลาเฏ ติสฺโส ราชิโย ทสฺเสนฺโต วลิภงฺคํ วุฏฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. ทณฺฑโมลุพฺภาติ ทณฺฑํ อุปฺปีเฬตฺวา. ‘‘ทณฺฑมาลุพฺภา’’ติปิ ปาโ, คเหตฺวา ปกฺกามีติ อตฺโถ.
๒๐๑. อฺตโรติ นาเมน อปากโฏ เอโก ภิกฺขุ. โส กิร อนุสนฺธิกุสโล, ภควตา ยถา ทณฺฑปาณี น ชานาติ, ตถา มยา กถิตนฺติ วุตฺเต กินฺติ นุ โข ภควตา อวิฺเยฺยํ กตฺวา ปฺโห กถิโตติ อนุสนฺธึ คเหตฺวา ทสพลํ ยาจิตฺวา อิมํ ปฺหํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปากฏํ กริสฺสามีติ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ทสนขสมุชฺชลํ ¶ อฺชลึ ปคฺคยฺห กึวาที ปน, ภนฺเต ภควาติอาทิมาห.
ยโตนิทานนฺติ ¶ ภาวนปุํสกํ เอตํ, เยน การเณน ยสฺมึ การเณ สตีติ อตฺโถ. ปปฺจสฺาสงฺขาติ เอตฺถ สงฺขาติ โกฏฺาโส. ปปฺจสฺาติ ตณฺหามานทิฏฺิปปฺจสมฺปยุตฺตา สฺา ¶ , สฺานาเมน วา ปปฺจาเยว วุตฺตา. ตสฺมา ปปฺจโกฏฺาสาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. สมุทาจรนฺตีติ ปวตฺตนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพนฺติ ยสฺมึ ทฺวาทสายตนสงฺขาเต การเณ สติ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ, เอตฺถ เอกายตนมฺปิ เจ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ นตฺถีติ อตฺโถ. ตตฺถ อภินินฺทิตพฺพนฺติ อหํ มมนฺติ อภินนฺทิตพฺพํ. อภิวทิตพฺพนฺติ อหํ มมาติ วตฺตพฺพํ. อชฺโฌสิตพฺพนฺติ อชฺโฌสิตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา คเหตพฺพยุตฺตํ. เอเตเนตฺถ ตณฺหาทีนํเยว อปฺปวตฺตึ กเถติ. เอเสวนฺโตติ อยํ อภินนฺทนาทีนํ นตฺถิภาโวว ราคานุสยาทีนํ อนฺโต. เอเสว นโย สพฺพตฺถ.
ทณฺฑาทานาทีสุ ปน ยาย เจตนาย ทณฺฑํ อาทิยติ, สา ทณฺฑาทานํ. ยาย สตฺถํ อาทิยติ ปรามสติ, สา สตฺถาทานํ. มตฺถกปฺปตฺตํ กลหํ. นานาคาหมตฺตํ วิคฺคหํ. นานาวาทมตฺตํ วิวาทํ. ตุวํ ตุวนฺติ เอวํ ปวตฺตํ ตุวํ ตุวํ. ปิยสฺุกรณํ เปสฺุํ. อยถาสภาวํ มุสาวาทํ กโรติ, สา มุสาวาโทติ เวทิตพฺพา. เอตฺเถเตติ เอตฺถ ทฺวาทสสุ อายตเนสุ เอเต กิเลสา. กิเลสา หิ อุปฺปชฺชมานาปิ ทฺวาทสายตนานิ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนฺติ, นิรุชฺฌมานาปิ ทฺวาทสสุ อายตเนสุเยว นิรุชฺฌนฺติ. เอวํ ยตฺถุปฺปนฺนา, ตตฺเถว นิรุทฺธา โหนฺติ. สฺวายมตฺโถ สมุทยสจฺจปฺเหน ทีเปตพฺโพ –
‘‘สา โข ปเนสา ตณฺหา กตฺถ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, กตฺถ นิวิสมานา นิวิสตี’’ติ วตฺวา – ‘‘ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ. กิฺจ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ? จกฺขุ โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒๐๓) นเยน ทฺวาทสสุเยว อายตเนสุ ตสฺสา อุปฺปตฺติ จ นิโรโธ จ วุตฺโต. ยเถว จ ตณฺหา ทฺวาทสสุ อายตเนสุ อุปฺปชฺชิตฺวา ¶ นิพฺพานํ อาคมฺม นิรุทฺธาปิ อายตเนสุ ปุน สมุทาจารสฺส อภาวโต อายตเนสุเยว นิรุทฺธาติ วุตฺตา, เอวมิเมปิ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อายตเนสุ นิรุชฺฌนฺตีติ เวทิตพฺพา. อถ วา ยฺวายํ อภินนฺทนาทีนํ อภาโวว ราคานุสยาทีนํ ¶ อนฺโตติ วุตฺโต. เอตฺเถเต ราคานุสยาทีนํ อนฺโตติ ลทฺธโวหาเร นิพฺพาเน ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺติ. ยฺหิ ยตฺถ นตฺถิ, ตํ ตตฺถ นิรุทฺธํ นาม โหติ, สฺวายมตฺโถ นิโรธปฺเหน ทีเปตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ทุติยํ ฌานํ สมาปนฺนสฺส ¶ วิตกฺกวิจารา วจีสงฺขารา ปฏิปฺปสฺสทฺธา โหนฺตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๘๓).
๒๐๒. สตฺถุ เจว สํวณฺณิโตติ สตฺถารา จ ปสํสิโต. วิฺูนนฺติ อิทมฺปิ กรณตฺเถ สามิวจนํ, ปณฺฑิเตหิ สพฺรหฺมจารีหิ จ สมฺภาวิโตติ อตฺโถ. ปโหตีติ สกฺโกติ.
๒๐๓. อติกฺกมฺเมว มูลํ อติกฺกมฺม ขนฺธนฺติ สาโร นาม มูเล วา ขนฺเธ วา ภเวยฺย, ตมฺปิ อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. เอวํสมฺปทนฺติ เอวํสมฺปตฺติกํ, อีทิสนฺติ อตฺโถ. อติสิตฺวาติ อติกฺกมิตฺวา. ชานํ ชานาตีติ ชานิตพฺพเมว ชานาติ. ปสฺสํ ปสฺสตีติ ปสฺสิตพฺพเมว ปสฺสติ. ยถา วา เอกจฺโจ วิปรีตํ คณฺหนฺโต ชานนฺโตปิ น ชานาติ, ปสฺสนฺโตปิ น ปสฺสติ, น เอวํ ภควา. ภควา ปน ชานนฺโต ชานาติเยว, ปสฺสนฺโต ปสฺสติเยว. สฺวายํ ทสฺสนปริณายกฏฺเน จกฺขุภูโต. วิทิตกรณฏฺเน าณภูโต. อวิปรีตสภาวฏฺเน ปริยตฺติธมฺมปฺปวตฺตนโต วา หทเยน จินฺเตตฺวา วาจาย นิจฺฉาริตธมฺมมโยติ ธมฺมภูโต. เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูโต. อถ วา จกฺขุ วิย ภูโตติ จกฺขุภูโตติ เอวเมเตสุ ปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สฺวายํ ธมฺมสฺส วตฺตนโต วตฺตา. ปวตฺตาปนโต ปวตฺตา. อตฺถํ นีหริตฺวา ทสฺสนสมตฺถตาย อตฺถสฺส นินฺเนตา. อมตาธิคมาย ปฏิปตฺตึ ททาตีติ อมตสฺส ทาตา. อครุํ กตฺวาติ ปุนปฺปุนํ อายาจาเปนฺโตปิ หิ ครุํ กโรติ นาม, อตฺตโน สาวกปารมีาเณ ตฺวา สิเนรูปาทโต วาลุกํ อุทฺธรมาโน วิย ทุพฺพิฺเยฺยํ กตฺวา กเถนฺโตปิ ครุํ กโรติเยว นาม. เอวํ อกตฺวา อมฺเห ปุนปฺปุนํ อยาจาเปตฺวา สุวิฺเยฺยมฺปิ โน กตฺวา กเถหีติ วุตฺตํ โหติ.
๒๐๔. ยํ ¶ โข โน อาวุโสติ เอตฺถ กิฺจาปิ ‘‘ยํ โข โว’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, เต ปน ภิกฺขู อตฺตนา สทฺธึ สงฺคณฺหนฺโต ‘‘ยํ โข โน’’ติ อาห. ยสฺมา วา อุทฺเทโสว เตสํ อุทฺทิฏฺโว. ภควา ปน เถรสฺสาปิ เตสมฺปิ ¶ ภควาว. ตสฺมา ภควาติ ปทํ สนฺธายปิ เอวมาห, ยํ โข อมฺหากํ ภควา ตุมฺหากํ สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวาติ อตฺโถ.
จกฺขฺุจาวุโสติอาทีสุ อยมตฺโถ, อาวุโส, นิสฺสยภาเวน จกฺขุปสาทฺจ อารมฺมณภาเวน ¶ จตุสมุฏฺานิกรูเป จ ปฏิจฺจ จกฺขุวิฺาณํ นาม อุปฺปชฺชติ. ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโสติ เตสํ ติณฺณํ สงฺคติยา ผสฺโส นาม อุปฺปชฺชติ. ตํ ผสฺสํ ปฏิจฺจ สหชาตาทิวเสน ผสฺสปจฺจยา เวทนา อุปฺปชฺชติ. ตาย เวทนาย ยํ อารมฺมณํ เวเทติ, ตเทว สฺา สฺชานาติ, ยํ สฺา สฺชานาติ, ตเทว อารมฺมณํ วิตกฺโก วิตกฺเกติ. ยํ วิตกฺโก วิตกฺเกติ, ตเทวารมฺมณํ ปปฺโจ ปปฺเจติ. ตโตนิทานนฺติ เอเตหิ จกฺขุรูปาทีหิ การเณหิ. ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺตีติ ตํ อปริฺาตการณํ ปุริสํ ปปฺจโกฏฺาสา อภิภวนฺติ, ตสฺส ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. ตตฺถ ผสฺสเวทนาสฺา จกฺขุวิฺาเณน สหชาตา โหนฺติ. วิตกฺโก จกฺขุวิฺาณานนฺตราทีสุ สวิตกฺกจิตฺเตสุ ทฏฺพฺโพ. ปปฺจสงฺขา ชวเนน สหชาตา โหนฺติ. ยทิ เอวํ กสฺมา อตีตานาคตคฺคหณํ กตนฺติ? ตถา อุปฺปชฺชนโต. ยเถว หิ เอตรหิ จกฺขุทฺวาริโก ปปฺโจ จกฺขฺุจ รูเป จ ผสฺสเวทนาสฺาวิตกฺเก จ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺโน, เอวเมวํ อตีตานาคเตสุปิ จกฺขุวิฺเยฺเยสุ รูเปสุ ตสฺสุปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต เอวมาห.
โสตฺจาวุโสติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ฉฏฺทฺวาเร ปน มนนฺติ ภวงฺคจิตฺตํ. ธมฺเมติ เตภูมกธมฺมารมฺมณํ. มโนวิฺาณนฺติ อาวชฺชนํ วา ชวนํ วา. อาวชฺชเน คหิเต ผสฺสเวทนาสฺาวิตกฺกา อาวชฺชนสหชาตา โหนฺติ. ปปฺโจ ชวนสหชาโต. ชวเน คหิเต สหาวชฺชนกํ ภวงฺค มโน นาม โหติ, ตโต ผสฺสาทโย สพฺเพปิ ชวเนน สหชาตาว. มโนทฺวาเร ปน ยสฺมา อตีตาทิเภทํ สพฺพมฺปิ อารมฺมณํ โหติ, ตสฺมา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสูติ อิทํ ยุตฺตเมว.
อิทานิ ¶ วฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต โส วตาวุโสติ เทสนํ อารภิ. ผสฺสปฺตฺตึ ปฺเปสฺสตีติ ผสฺโส นาม เอโก ธมฺโม อุปฺปชฺชตีติ เอวํ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺเปสฺสติ, ทสฺเสสฺสตีติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ. เอวํ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ ทฺวาทสายตนวเสน สกลํ วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทฺวาทสายตนปฏิกฺเขปวเสน วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต โส วตาวุโส จกฺขุสฺมึ ¶ อสตีติ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอวํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ สาวเกน ปฺโห กถิโตติ มา นิกฺกงฺขา อหุวตฺถ, อยํ ¶ ภควา สพฺพฺุตาณตุลํ คเหตฺวา นิสินฺโน, อิจฺฉมานา ตเมว อุปสงฺกมิตฺวา นิกฺกงฺขา โหถาติ อุยฺโยเชนฺโต อากงฺขมานา จ ปนาติอาทิมาห.
๒๐๕. อิเมหิ อากาเรหีติ อิเมหิ การเณหิ ปปฺจุปฺปตฺติยา ปาฏิเยกฺกการเณหิ เจว วฏฺฏวิวฏฺฏการเณหิ จ. อิเมหิ ปเทหีติ อิเมหิ อกฺขรสมฺปิณฺฑเนหิ. พฺยฺชเนหีติ ปาฏิเยกฺกอกฺขเรหิ. ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต. จตูหิ วา การเณหิ ปณฺฑิโต ธาตุกุสโล อายตนกุสโล ปจฺจยาการกุสโล การณาการณกุสโลติ. มหาปฺโติ มหนฺเต อตฺเถ มหนฺเต ธมฺเม มหนฺตา นิรุตฺติโย มหนฺตานิ ปฏิภานานิ ปริคฺคหณสมตฺถาย มหาปฺาย สมนฺนาคโต. ยถา ตํ มหากจฺจาเนนาติ ยถา มหากจฺจาเนน พฺยากตํ, ตํ สนฺธาย ตนฺติ วุตฺตํ. ยถา มหากจฺจาเนน พฺยากตํ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺเยนฺติ อตฺโถ.
มธุปิณฺฑิกนฺติ มหนฺตํ คุฬปูวํ พทฺธสตฺตุคุฬกํ วา. อเสจนกนฺติ อเสจิตพฺพกํ. สปฺปิผาณิตมธุสกฺกราทีสุ อิทํ นาเมตฺถ มนฺทํ อิทํ พหุกนฺติ น วตฺตพฺพํ สมโยชิตรสํ. เจตโสติ จินฺตกชาติโก. ทพฺพชาติโกติ ปณฺฑิตสภาโว. โก นาโม อยนฺติ อิทํ เถโร อติภทฺทโก อยํ ธมฺมปริยาโย, ทสพลสฺส สพฺพฺุตฺาเณเนวสฺส นามํ คณฺหาเปสฺสามีติ จินฺเตตฺวา อาห. ตสฺมาติ ยสฺมา มธุปิณฺฑิโก วิย มธุโร, ตสฺมา มธุปิณฺฑิกปริยาโยตฺเวว นํ ธาเรหีติ วทติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มธุปิณฺฑิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา
๒๐๖. ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตํ. ตตฺถ ทฺวิธา กตฺวา ทฺวิธา กตฺวาติ ทฺเว ทฺเว ภาเค กตฺวา. กามวิตกฺโกติ กามปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. พฺยาปาทวิตกฺโกติ พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. วิหึสาวิตกฺโกติ วิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. เอกํ ภาคนฺติ อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา โอฬาริโก วา สุขุโม วา สพฺโพ ปายํ วิตกฺโก อกุสลปกฺขิโกเยวาติ ตโยปิ กามพฺยาปาทวิหึสาวิตกฺเก เอกํ โกฏฺาสมกาสึ. กาเมหิ นิสฺสโฏ เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก เนกฺขมฺมวิตกฺโก นาม, โส ยาว ปมชฺฌานา วฏฺฏติ. อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อพฺยาปาทวิตกฺโก, โส เมตฺตาปุพฺพภาคโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานา วฏฺฏติ. อวิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อวิหึสาวิตกฺโก, โส กรุณาปุพฺพภาคโต ปฏฺาย ยาว ปมชฺฌานา วฏฺฏติ. ทุติยํ ภาคนฺติ สพฺโพปายํ กุสลปกฺขิโกเยวาติ ทุติยํ โกฏฺาสมกาสึ. อิมินา โพธิสตฺตสฺส วิตกฺกนิคฺคหณกาโล กถิโต.
โพธิสตฺตสฺส หิ ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ ปทหนฺตสฺส เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโย ปฺุชปฺุชา มหานทิยํ โอฆา วิย ปวตฺตึสุ. สติสมฺโมเสน ปน สหสา กามวิตกฺกาทโย อุปฺปชฺชิตฺวา กุสลวารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา สยํ อกุสลชวนวารา หุตฺวา ติฏฺนฺติ. ตโต โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ อิเม กามวิตกฺกาทโย กุสลวารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ติฏฺนฺติ, หนฺทาหํ อิเม วิตกฺเก ทฺเว ภาเค กตฺวา วิหรามี’’ติ กามวิตกฺกาทโย อกุสลปกฺขิกาติ เอกํ ภาคํ กโรติ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโย กุสลปกฺขิกาติ เอกํ. อถ ปุน จินฺเตสิ – ‘‘อกุสลปกฺขโต อาคตํ วิตกฺกํ มนฺเตน กณฺหสปฺปํ อุปฺปีเฬตฺวา คณฺหนฺโต วิย อมิตฺตํ คีวาย อกฺกมนฺโต วิย จ นิคฺคเหสฺสามิ, นาสฺส วฑฺฒิตุํ ทสฺสามิ. กุสลปกฺขโต อาคตํ วิตกฺกํ เมฆสมเย เมฆํ วิย สุเขตฺเต สาลกลฺยาณิโปตกํ วิย จ สีฆํ วฑฺเฒสฺสามี’’ติ. โส ตถา กตฺวา อกุสลวิตกฺเก นิคฺคณฺหิ, กุสลวิตกฺเก วฑฺเฒสิ. เอวํ อิมินา โพธิสตฺตสฺส วิตกฺกนิคฺคหณนกาโล กถิโตติ เวทิตพฺโพ.
๒๐๗. อิทานิ ¶ ¶ ยถาสฺส เต วิตกฺกา อุปฺปชฺชึสุ, ยถา จ เน นิคฺคเหสิ, ตํ ทสฺเสนฺโต ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อปฺปมตฺตสฺสาติ สติยา ¶ อวิปฺปวาเส ิตสฺส. อาตาปิโนติ อาตาปวีริยวนฺตสฺส. ปหิตตฺตสฺสาติ เปสิตจิตฺตสฺส. อุปฺปชฺชติ กามวิตกฺโกติ โพธิสตฺตสฺส ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ ปทหโต รชฺชสุขํ วา อารพฺภ, ปาสาเท วา นาฏกานิ วา โอโรเธ วา กิฺจิเทว วา สมฺปตฺตึ อารพฺภ กามวิตกฺโก นาม น อุปฺปนฺนปุพฺโพ. ทุกฺกรการิกาย ปนสฺส อาหารูปจฺเฉเทน อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘น สกฺกา อาหารูปจฺเฉเทน วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ, ยํนูนาหํ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรยฺย’’นฺติ. โส อุรุเวลํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. มนุสฺสา – ‘‘มหาปุริโส ปุพฺเพ อาหริตฺวา ทินฺนมฺปิ น คณฺหิ, อทฺธาสฺส อิทานิ มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, ตสฺมา สยเมว อาคโต’’ติ ปณีตปณีตํ อาหารํ อุปหรึสุ. โพธิสตฺตสฺส อตฺตภาโว นจิรสฺเสว ปากติโก อโหสิ. ชราชิณฺณตฺตภาโว หิ สปฺปายโภชนํ ลภิตฺวาปิ ปากติโก น โหติ. โพธิสตฺโต ปน ทหโร. เตนสฺส สปฺปายโภชนํ ภฺุชโต อตฺตภาโว น จิรสฺเสว ปากติโก ชาโต, วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ, สมุคฺคตตาราคณํ วิย นภํ ปริปุณฺณทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฺปฏิมณฺฑิตสรีรํ อโหสิ. โส ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘ตาว กิลนฺโต นาม อตฺตภาโว เอวํ ปฏิปากติโก ชาโต’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน ปฺามหนฺตตาย เอวํ ปริตฺตกมฺปิ วิตกฺกํ คเหตฺวา กามวิตกฺโกติ อกาสิ.
ปณฺณสาลาย ปุรโต นิสินฺโน จมรปสทควยโรหิตมิคาทิเก มคคเณ มนฺุสทฺทรวเน โมรวนกุกฺกุฏาทิเก ปกฺขิคเณ นีลุปฺปลกุมุทกมลาทิสฺฉนฺนานิ ปลฺลลานิ นานากุสุมสฺฉนฺนวิฏปา วนราชิโย มณิกฺขนฺธนิมฺมลชลปวาหฺจ นทึ เนรฺชรํ ปสฺสติ. ตสฺส เอวํ โหติ ‘‘โสภนา วติเม มิคชาตา ปกฺขิคณา ปลฺลลานิ วนราชิโย นที เนรฺชรา’’ติ. โส ตมฺปิ เอวํ ปริตฺตกํ วิตกฺกํ คเหตฺวา กามวิตกฺกมกาสิ, เตนาห ‘‘อุปฺปชฺชติ กามวิตกฺโก’’ติ.
อตฺตพฺยาพาธายปีติ ¶ อตฺตทุกฺขายปิ. เอเสวนโย สพฺพตฺถ. กึ ปน มหาสตฺตสฺส อุภยทุกฺขาย สํวตฺตนกวิตกฺโก นาม อตฺถีติ? นตฺถิ. อปริฺายํ ิตสฺส ปน วิตกฺโก ยาว อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตตีติ เอตานิ ตีณิ นามานิ ลภติ, ตสฺมา เอวมาห. ปฺานิโรธิโกติ ¶ อนุปฺปนฺนาย ¶ โลกิยโลกุตฺตราย ปฺาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทติ, โลกิยปฺํ ปน อฏฺสมาปตฺติปฺจาภิฺาวเสน อุปฺปนฺนมฺปิ สมุจฺฉินฺทิตฺวา ขิปตีติ ปฺานิโรธิโก. วิฆาตปกฺขิโกติ ทุกฺขโกฏฺาสิโก. อสงฺขตํ นิพฺพานํ นาม, ตํ ปจฺจกฺขํ กาตุํ น เทตีติ อนิพฺพานสํวตฺตนิโก. อพฺภตฺถํ คจฺฉตีติ ขยํ นตฺถิภาวํ คจฺฉติ. อุทกปุปฺผุฬโก วิย นิรุชฺฌติ. ปชหเมวาติ ปชหิเมว. วิโนทเมวาติ นีหริเมว. พฺยนฺตเมว นํ อกาสินฺติ วิคตนฺตํ นิสฺเสสํ ปริวฏุมํ ปริจฺฉินฺนเมว นํ อกาสึ.
๒๐๘. พฺยาปาทวิตกฺโกติ น โพธิสตฺตสฺส ปรูปฆาตปฺปฏิสํยุตฺโต นาม วิตกฺโก จิตฺเต อุปฺปชฺชติ, อถสฺส อติวสฺสอจฺจุณฺหอติสีตาทีนิ ปน ปฏิจฺจ จิตฺตวิปริณามภาโว โหติ, ตํ สนฺธาย ‘‘พฺยาปาทวิตกฺโก’’ติ อาห. วิหึสาวิตกฺโกติ น มหาสตฺตสฺส ปเรสํ ทุกฺขุปฺปาทนปฺปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ, จิตฺเต ปน อุทฺธตากาโร อเนกคฺคตากาโร โหติ, ตํ คเหตฺวา วิหึสาวิตกฺกมกาสิ. ปณฺณสาลาทฺวาเร นิสินฺโน หิ สีหพฺยคฺฆาทิเก วาฬมิเค สูกราทโย ขุทฺทมิเค วิหึสนฺเต ปสฺสติ. อถ โพธิสตฺโต อิมสฺมิมฺปิ นาม อกุโตภเย อรฺเ อิเมสํ ติรจฺฉานคตานํ ปจฺจตฺถิกา อุปฺปชฺชนฺติ, พลวนฺโต ทุพฺพเล ขาทนฺติ, พลวนฺตขาทิตา วตฺตนฺตีติ การฺุํ อุปฺปาเทติ. อฺเปิ พิฬาราทโย กุกฺกุฏมูสิกาทีนิ ขาทนฺเต ปสฺสติ, คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ มนุสฺเส ราชกมฺมิเกหิ อุปทฺทุเต วธพนฺธาทีนิ อนุภวนฺเต อตฺตโน กสิวณิชฺชาทีนิ กมฺมานิ กตฺวา ชีวิตุํ น ลภนฺตีติ การฺุํ อุปฺปาเทติ, ตํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชติ วิหึสาวิตกฺโก’’ติ อาห. ตถา ตถาติ เตน เตน อากาเรน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กามวิตกฺกาทีสุ ยํ ยํ วิตกฺเกติ, ยํ ยํ วิตกฺกํ ปวตฺเตติ, เตน เตเน จสฺสากาเรน กามวิตกฺกาทิภาโว เจตโส ¶ น หิ โหตีติ. ปหาสิ เนกฺขมฺมวิตกฺกนฺติ เนกฺขมฺมวิตกฺกํ ปชหติ. พหุลมกาสีติ พหุลํ กโรติ. ตสฺส ตํ กามวิตกฺกาย จิตฺตนฺติ ตสฺส ตํ จิตฺตํ กามวิตกฺกตฺถาย. ยถา กามวิตกฺกสมฺปยุตฺตํ ¶ โหติ, เอวเมวํ นมตีติ อตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.
อิทานิ อตฺถทีปิกํ อุปมํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปี ติอาทิมาห. ตตฺถ กิฏฺสมฺพาเธติ สสฺสสมฺพาเธ. อาโกเฏยฺยาติ อุชุกํ ปิฏฺิยํ ปหเรยฺย. ปฏิโกเฏยฺยาติ ติริยํ ผาสุกาสุ ปหเรยฺย. สนฺนิรุนฺเธยฺยาติ อาวริตฺวา ติฏฺเยฺย. สนฺนิวาเรยฺยาติ อิโต จิโต จ คนฺตุํ น ทเทยฺย ¶ . ตโตนิทานนฺติ เตน การเณน, เอวํ อรกฺขิตานํ คุนฺนํ ปเรสํ สสฺสขาทนการเณนาติ อตฺโถ. พาโล หิ โคปาโลโก เอวํ คาโว อรกฺขมาโน ‘‘อยํ อมฺหากํ ภตฺตเวตนํ ขาทติ, อุชุํ คาโว รกฺขิตุมฺปิ น สกฺโกติ, กุเลหิ สทฺธึ เวรํ คณฺหาเปตี’’ติ โคสามิกานมฺปิ สนฺติกา วธาทีนิ ปาปุณาติ, กิฏฺสามิกานมฺปิ. ปณฺฑิโต ปน อิมานิ จตฺตาริ ภยานิ สมฺปสฺสนฺโต คาโว สาธุกํ รกฺขติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อาทีนวนฺติ อุปทฺทวํ. โอการนฺติ ลามกํ, ขนฺเธสุ วา โอตารํ. สํกิเลสนฺติ กิลิฏฺภาวํ. เนกฺขมฺเมติ เนกฺขมฺมมฺหิ. อานิสํสนฺติ วิสุทฺธิปกฺขํ. โวทานปกฺขนฺติ อิทํ ตสฺเสว เววจนํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺมมฺหิ วิสุทฺธิปกฺขํ อทฺทสนฺติ อตฺโถ.
๒๐๙. เนกฺขมฺมนฺติ จ กาเมหิ นิสฺสฏํ สพฺพกุสลํ, เอกธมฺเม สงฺคยฺหมาเน นิพฺพานเมว. ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – กิฏฺสมฺพาธํ วิย หิ รูปาทิอารมฺมณํ, กูฏคาโว วิย กูฏจิตฺตํ, ปณฺฑิตโคปาลโก วิย โพธิสตฺโต, จตุพฺพิธภยํ วิย อตฺตปรูภยพฺยาพาธาย สํวตฺตนวิตกฺโก, ปณฺฑิตโคปาลกสฺส จตุพฺพิธํ ภยํ ทิสฺวา กิฏฺสมฺพาเธ อปฺปมาเทน โครกฺขณํ วิย โพธิสตฺตสฺส ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ ปทหโต อตฺตพฺยาพาธาทิภยํ ทิสฺวา รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ยถา กามวิตกฺกาทโย น อุปฺปชฺชนฺติ, เอวํ จิตฺตรกฺขณํ. ปฺาวุทฺธิโกติอาทีสุ อนุปฺปนฺนาย โลกิยโลกุตฺตรปฺาย อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย จ วุทฺธิยา สํวตฺตตีติ ¶ ปฺาวุทฺธิโก. น ทุกฺขโกฏฺาสาย สํวตฺตตีติ อวิฆาตปกฺขิโก. นิพฺพานธาตุสจฺฉิกิริยาย สํวตฺตตีติ นิพฺพานสํวตฺตนิโก. รตฺตึ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยนฺติ สกลรตฺตึ เจปิ ตํ วิตกฺกํ ปวตฺเตยฺยํ. ตโตนิทานนฺติ ตํมูลกํ. โอหฺเยฺยาติ อุคฺฆาตีเยยฺย, อุทฺธจฺจาย สํวตฺเตยฺยาติ ¶ อตฺโถ. อาราติ ทูเร. สมาธิมฺหาติ อุปจารสมาธิโตปิ อปฺปนาสมาธิโตปิ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตเมว จิตฺตนฺติ โส อหํ, ภิกฺขเว, มา เม จิตฺตํ สมาธิมฺหา ทูเร โหตูติ อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ, โคจรชฺฌตฺเต เปมีติ อตฺโถ. สนฺนิสาเทมีติ ตตฺเถว จ นํ สนฺนิสีทาเปมิ. เอโกทึ กโรมีติ เอกคฺคํ กโรมิ. สมาทหามีติ สมฺมา อาทหามิ, สุฏฺุ อาโรเปมีติ อตฺโถ. มา เม จิตฺตํ อูหฺีติ มา มยฺหํ จิตฺตํ อุคฺฆาตียิตฺถ, มา อุทฺธจฺจาย สํวตฺตตูติ อตฺโถ.
๒๑๐. อุปฺปชฺชติ อพฺยาปาทวิตกฺโก…เป… อวิหึสาวิตกฺโกติ เอตฺถ โย โส อิมาย เหฏฺา ¶ วุตฺตตรุณวิปสฺสนาย สทฺธึ อุปฺปนฺนวิตกฺโก กามปจฺจนีกฏฺเน เนกฺขมฺมวิตกฺโกติ วุตฺโต. โสเยว พฺยาปาทปจฺจนีกฏฺเน อพฺยาปาทวิตกฺโกติ จ วิหึสาปจฺจนีกฏฺเน อวิหึสาวิตกฺโกติ จ วุตฺโต.
เอตฺตาวตา โพธิสตฺตสฺส สมาปตฺตึ นิสฺสาย วิปสฺสนาปฏฺปนกาโล กถิโต. ยสฺส หิ สมาธิปิ ตรุโณ, วิปสฺสนาปิ. ตสฺส วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อติจิรํ นิสินฺนสฺส กาโย กิลมติ, อนฺโต อคฺคิ วิย อุฏฺหติ, กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, มตฺถกโต อุสุมวฏฺฏิ วิย อุฏฺหติ, จิตฺตํ หฺติ วิหฺติ วิปฺผนฺทติ. โส ปุน สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตํ ปริทเมตฺวา มุทุกํ กตฺวา สมสฺสาเสตฺวา ปุน วิปสฺสนํ ปฏฺเปติ. ตสฺส ปุน อติจิรํ นิสินฺนสฺส ตเถว โหติ. โส ปุน สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตเถว กโรติ. วิปสฺสนาย หิ พหูปการา สมาปตฺติ.
ยถา โยธสฺส ผลกโกฏฺโก นาม พหูปกาโร โหติ, โส ตํ นิสฺสาย สงฺคามํ ปวิสติ, ตตฺถ หตฺถีหิปิ อสฺเสหิปิ โยเธหิปิ สทฺธึ กมฺมํ กตฺวา อาวุเธสุ วา ขีเณสุ ภฺุชิตุกามตาทิภาเว ¶ วา สติ นิวตฺติตฺวา ผลกโกฏฺกํ ปวิสิตฺวา อาวุธานิปิ คณฺหาติ, วิสฺสมติปิ, ภฺุชติปิ, ปานียมฺปิ ปิวติ, สนฺนาหมฺปิ ปฏิสนฺนยฺหติ, ตํ ตํ กตฺวา ปุน สงฺคามํ ปวิสติ, ตตฺถ กมฺมํ กตฺวา ปุน อุจฺจาราทิปีฬิโต วา เกนจิเทว วา กรณีเยน ผลกโกฏฺกํ ปวิสติ. ตตฺถ สนฺถมฺภิตฺวา ปุน ¶ สงฺคามํ ปวิสติ, เอวํ โยธสฺส ผลกโกฏฺโก วิย วิปสฺสนาย พหูปการา สมาปตฺติ.
สมาปตฺติยา ปน สงฺคามนิตฺถรณกโยธสฺส ผลกโกฏฺกโตปิ วิปสฺสนา พหูปการตรา. กิฺจาปิ หิ สมาปตฺตึ นิสฺสาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปติ, วิปสฺสนา ปน ถามชาตา สมาปตฺติมฺปิ รกฺขติ. ถามชาตํ กโรติ.
ยถา หิ ถเล นาวมฺปิ นาวาย ภณฺฑมฺปิ สกฏภารํ กโรนฺติ. อุทกํ ปตฺวา ปน สกฏมฺปิ สกฏภณฺฑมฺปิ ยุตฺตโคเณปิ นาวาภารํ กโรนฺติ. นาวา ติริยํ โสตํ ฉินฺทิตฺวา โสตฺถินา สุปฏฺฏนํ คจฺฉติ, เอวเมวํ กิฺจาปิ สมาปตฺตึ นิสฺสาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปติ, วิปสฺสนา ¶ ปน ถามชาตา สมาปตฺติมฺปิ รกฺขติ, ถามชาตํ กโรติ. ถลํ ปตฺวา สกฏํ วิย หิ สมาปตฺติ. อุทกํ ปตฺวา นาวา วิย วิปสฺสนา. อิติ โพธิสตฺตสฺส เอตฺตาวตา สมาปตฺตึ นิสฺสาย วิปสฺสนาปฏฺปนกาโล กถิโตติ เวทิตพฺโพ.
ยฺเทวาติอาทิ กณฺหปกฺเข วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ, อิธาปิ อตฺถทีปิกํ อุปมํ ทสฺเสตุํ เสยฺยถาปีติอาทิมาห. ตตฺถ คามนฺตสมฺภเตสูติ คามนฺตํ อาหเฏสุ. สติกรณียเมว โหตีติ เอตา คาโวติ สติอุปฺปาทนมตฺตเมว กาตพฺพํ โหติ. อิโต จิโต จ คนฺตฺวา อาโกฏนาทิกิจฺจํ นตฺถิ. เอเต ธมฺมาติ เอเต สมถวิปสฺสนา ธมฺมาติ สตุปฺปาทนมตฺตเมว กาตพฺพํ โหติ. อิมินา โพธิสตฺตสฺส สมถวิปสฺสนานํ ถามชาตกาโล กถิโต. ตทา กิรสฺส สมาปตฺตึ อปฺปนตฺถาย นิสินฺนสฺส อฏฺ สมาปตฺติโย เอกาวชฺชเนน อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นิสินฺโน สตฺต อนุปสฺสนา เอกปฺปหาเรเนว อารุฬฺโห โหติ.
๒๑๕. เสยฺยถาปีติ อิธ กึ ทสฺเสติ? อยํ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ, สตฺตานฺหิ หิตูปจารํ อตฺตโน สตฺถุภาวสมฺปทฺจ ¶ ทสฺเสนฺโต ภควา อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ อรฺเติ อฏวิยํ. ปวเนติ วนสณฺเฑ. อตฺถโต หิ อิทํ ทฺวยํ เอกเมว, ปมสฺส ปน ทุติยํ เววจนํ. อโยคกฺเขมกาโมติ จตูหิ โยเคหิ เขมํ นิพฺภยฏฺานํ อนิจฺฉนฺโต ภยเมว อิจฺฉนฺโต ¶ . โสวตฺถิโกติ สุวตฺถิภาวาวโห. ปีติคมนีโยติ ตุฏฺึ คมนีโย. ‘‘ปีตคมนีโย’’ติ วา ปาโ. ปิทเหยฺยาติ สาขาทีหิ ถเกยฺย. วิวเรยฺยาติ วิสทมุขํ กตฺวา วิวฏํ กเรยฺย. กุมฺมคฺคนฺติ อุทกวนปพฺพตาทีหิ สนฺนิรุทฺธํ อมคฺคํ. โอทเหยฺย โอกจรนฺติ เตสํ โอเก จรมานํ วิย เอกํ ทีปกมิคํ เอกสฺมึ าเน เปยฺย. โอกจาริกนฺติ ทีฆรชฺชุยา พนฺธิตํเยว มิคึ.
มิคลุทฺทโก หิ อรฺํ มิคานํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อิธ วสนฺติ, อิมินา มคฺเคน นิกฺขมนฺติ, เอตฺถ จรนฺติ, เอตฺถ ปิวนฺติ, อิมินา มคฺเคน ปวิสนฺตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา มคฺคํ ปิธาย กุมฺมคฺคํ วิวริตฺวา โอกจรฺจ โอกจาริกฺจ เปตฺวา สยํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน สตฺตึ คเหตฺวา ติฏฺติ. อถ สายนฺหสมเย มิคา อกุโตภเย อรฺเ จริตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา มิคโปตเกหิ สทฺธึ กีฬมานา วสนฏฺานสนฺติกํ อาคนฺตฺวา โอกจรฺจ โอกจาริกฺจ ทิสฺวา ¶ ‘‘สหายกา โน อาคตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ นิราสงฺกา ปวิสนฺติ, เต มคฺคํ ปิหิตํ ทิสฺวา ‘‘นายํ มคฺโค, อยํ มคฺโค ภวิสฺสตี’’ติ กุมฺมคฺคํ ปฏิปชฺชนฺติ. มิคลุทฺทโก น ตาว กิฺจิ กโรติ, ปวิฏฺเสุ ปน สพฺพปจฺฉิมํ สณิกํ ปหรติ. โส อุตฺตสติ, ตโต สพฺเพ อุตฺตสิตฺวา ‘‘ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุรโต โอโลเกนฺตา อุทเกน วา วเนน วา ปพฺพเตน วา สนฺนิรุทฺธํ มคฺคํ ทิสฺวา อุโภหิ ปสฺเสหิ องฺคุลิสงฺขลิกํ วิย คหนวนํ ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตา ปวิฏฺมคฺเคเนว นิกฺขมิตุํ อารภนฺติ. ลุทฺทโก เตสํ นิวตฺตนภาวํ ตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ มิเค ฆาเตติ. อิทํ สนฺธาย เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, มหามิคสงฺโฆ อปเรน สมเยน อนยพฺยสนํ อาปชฺเชยฺยาติ วุตฺตํ.
‘‘นนฺทีราคสฺเสตํ อธิวจนํ, อวิชฺชาเยตํ อธิวจน’’นฺติ เอตฺถ ยสฺมา อิเม สตฺตา อวิชฺชาย อฺาณา หุตฺวา นนฺทีราเคน อาพนฺธิตฺวา รูปารมฺมณาทีนิ อุปนีตา วฏฺฏทุกฺขสตฺติยา ¶ ฆาตํ ลภนฺติ. ตสฺมา ภควา โอกจรํ นนฺทีราโคติ, โอกจาริกํ อวิชฺชาติ กตฺวา ทสฺเสสิ.
มิคลุทฺทโก หิ เอกทาปิ เตสํ สาขาภงฺเคน สรีรํ ปฺุฉิตฺวา มนุสฺสคนฺธํ อปเนตฺวา โอกจรํ เอกสฺมึ าเน เปตฺวา โอกจาริกํ สห รชฺชุยา วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตานํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา สตฺตึ อาทาย โอกจรสฺส สนฺติเก ติฏฺติ, โอกจาริกา มิคคณสฺส จรณฏฺานาภิมุขี คจฺฉติ ¶ . ตํ ทิสฺวา มิคา สีสานิ อุกฺขิปิตฺวา ติฏฺนฺติ, สาปิ สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ติฏฺติ, เต ‘‘อมฺหากํ สมชาติกา อย’’นฺติ โคจรํ คณฺหนฺติ. สาปิ ติณานิ ขาทนฺตี วิย สณิกํ อุปคจฺฉติ. อารฺิโก ยูถปติมิโค ตสฺสา วาตํ ลภิตฺวา สกภริยํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตทภิมุโข โหติ.
สตฺตานฺหิ นวนวเมว ปิยํ โหติ. โอกจาริกา อารฺิกสฺส มิคสฺส อจฺจาสนฺนภาวํ อทตฺวา ตทภิมุขีว ปจฺฉโต ปฏิกฺกมิตฺวา โอกจรสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ, ยตฺถ ยตฺถสฺสา รชฺชุ ลคฺคติ, ตตฺถ ตตฺถ ขุเรน ปหริตฺวา โมเจติ, อารฺิโก มิโค โอกจรํ ทิสฺวา โอกจาริกาย สมฺมตฺโต หุตฺวา โอกจเร อุสูยํ กตฺวา ปิฏฺึ นาเมตฺวา สีสํ กมฺเปนฺโต ติฏฺติ, ตสฺมึ ขเณ สตฺตึ ชิวฺหาย เลหนฺโตปิ ‘‘กึ เอต’’นฺติ น ชานาติ, โอกจโรปิ ¶ สจสฺส อุปริภาเคน ตํ มิคํ ปหริตุํ สุขํ โหติ, ปิฏฺึ นาเมติ. สจสฺส เหฏฺาภาเคน ปหริตุํ สุขํ โหติ, หทยํ อุนฺนาเมติ. อถ ลุทฺทโก อารฺิกํ มิคํ สตฺติยา ปหริตฺวา ตตฺเถว ฆาเตตฺวา มํสํ อาทาย คจฺฉติ. เอวเมว ยถา โส มิโค โอกจาริกาย สมฺมตฺโต โอกจเร อุสูยํ กตฺวา สตฺตึ ชิวฺหาย เลหนฺโตปิ กิฺจิ น ชานาติ, ตถา อิเม สตฺตา อวิชฺชาย สมฺมตฺตา อนฺธภูตา กิฺจิ อชานนฺตา รูปาทีสุ นนฺทีราคํ อุปคมฺม วฏฺฏทุกฺขสตฺติยา วธํ ลภนฺตีติ ภควา โอกจรํ นนฺทีราโคติ, โอกจาริกํ อวิชฺชาติ กตฺวา ทสฺเสสิ.
อิติ โข, ภิกฺขเว, วิวโฏ มยา เขโม มคฺโคติ อิติ โข, ภิกฺขเว, มยา อิเมสํ สตฺตานํ หิตจรเณน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา อหํ พุทฺโธสฺมีติ ตุณฺหีภูเตน อนิสีทิตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสนฺเตน วิวโฏ เขโม อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, ปิหิโต กุมฺมคฺโค ¶ , อฺาตโกณฺฑฺาทีนํ ภพฺพปุคฺคลานํ อูหโต โอกจโร นนฺทีราโค ทฺเวธา เฉตฺวา ปาติโต, นาสิตา โอกจาริกา อวิชฺชา สพฺเพน สพฺพํ สมุคฺฆาติตาติ อตฺตโน หิตูปจารํ ทสฺเสสิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. วิตกฺกสณฺานสุตฺตวณฺณนา
๒๑๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ วิตกฺกสณฺานสุตฺตํ. ตตฺถ อธิจิตฺตมนุยุตฺเตนาติ ทสกุสลกมฺมปถวเสน อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ จิตฺตเมว, วิปสฺสนาปาทกอฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ ตโต จิตฺตโต อธิกํ จิตฺตนฺติ อธิจิตฺตํ. อนุยุตฺเตนาติ ตํ อธิจิตฺตํ อนุยุตฺเตน, ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺเตนาติ อตฺโถ.
ตตฺรายํ ภิกฺขุ ปุเรภตฺตํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต นิสีทนํ อาทาย อสุกสฺมึ รุกฺขมูเล วา วนสณฺเฑ วา ปพฺพตปาเท วา ปพฺภาเร วา สมณธมฺมํ กริสฺสามีติ นิกฺขมนฺโตปิ, ตตฺถ คนฺตฺวา หตฺเถหิ วา ปาเทหิ วา นิสชฺชฏฺานโต ติณปณฺณานิ อปเนนฺโตปิ อธิจิตฺตํ อนุยุตฺโตเยว. นิสีทิตฺวา ปน หตฺถปาเท โธวิตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิหรนฺโตปิ อธิจิตฺตํ อนุยุตฺโตเยว.
นิมิตฺตานีติ การณานิ. กาเลน กาลนฺติ สมเย สมเย. น นุ จ กมฺมฏฺานํ นาม มุหุตฺตมฺปิ อฉฑฺเฑตฺวา นิรนฺตรํ มนสิกาตพฺพํ, กสฺมา ภควา ‘‘กาเลน กาล’’นฺติ อาหาติ. ปาฬิยฺหิ อฏฺตึส กมฺมฏฺานานิ วิภตฺตานิ, เตสุ ภิกฺขุนา อตฺตโน จิตฺตรุจิตํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺเนน ยาว โกจิเทว อุปกฺกิเลโส นุปฺปชฺชติ, ตาว อิเมสํ นิมิตฺตานํ มนสิการกิจฺจํ นตฺถิ. ยทา ปน อุปฺปชฺชติ, ตทา อิมานิ คเหตฺวา จิตฺเต อุปฺปนฺนํ อพฺพุทํ นีหริตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต เอวมาห.
ฉนฺทูปสํหิตาติ ฉนฺทสหคตา ราคสมฺปยุตฺตา. อิเมสํ ปน ติณฺณํ วิตกฺกานํ เขตฺตฺจ อารมฺมณฺจ ชานิตพฺพํ. ตตฺถ ฉนฺทูปสฺหิตานํ อฏฺ ¶ โลภสหคตจิตฺตานิ เขตฺตํ, โทสูปสฺหิตานํ ทฺเว โทมนสฺสสหคตานิ, โมหูปสฺหิตานํ ทฺวาทสปิ อกุสลจิตฺตานิ. วิจิกิจฺฉาอุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตจิตฺตานิ ปน ทฺเว เอเตสํ ปาฏิปุคฺคลิกํ เขตฺตํ. สพฺเพสมฺปิ สตฺตา เจว สงฺขารา จ อารมฺมณํ, อิฏฺานิฏฺอสมเปกฺขิเตสุ หิ สตฺเตสุ จ สงฺขาเรสุ จ เต อุปฺปชฺชนฺติ ¶ . อฺมฺปิ นิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํ กุสลูปสํหิตนฺติ ตโต นิมิตฺตโต อฺํ กุสลนิสฺสิตํ นิมิตฺตํ มนสิกาตพฺพํ. ตตฺถ อฺํ นิมิตฺตํ นาม ฉนฺทูปสฺหิเต วิตกฺเก สตฺเตสุ อุปฺปนฺเน อสุภภาวนา อฺํ นิมิตฺตํ นาม. สงฺขาเรสุ อุปฺปนฺเน อนิจฺจมนสิกาโร อฺํ นิมิตฺตํ ¶ นาม. โทสูปสฺหิเต สตฺเตสุ อุปฺปนฺเน เมตฺตาภาวนา อฺํ นิมิตฺตํ นาม. สงฺขาเรสุ อุปฺปนฺเน ธาตุมนสิกาโร อฺํ นิมิตฺตํ นาม. โมหูปสฺหิเต ยตฺถ กตฺถจิ อุปฺปนฺเน ปฺจธมฺมูปนิสฺสโย อฺํ นิมิตฺตํ นาม.
อิมสฺส หตฺถา วา โสภนา ปาทา วาติอาทินา นเยน หิ สตฺเตสุ โลเภ อุปฺปนฺเน อสุภโต อุปสํหริตพฺพํ. กิมฺหิ สารตฺโตสิ? เกเสสุ สารตฺโตสิ. โลเมสุ…เป… มุตฺเตสุ สารตฺโตสิ. อยํ อตฺตภาโว นาม ตีหิ อฏฺิสเตหิ อุสฺสาปิโต, นวหิ นฺหารุสเตหิ อาพทฺโธ, นวหิ มํสเปสิสเตหิ อนุลิตฺโต, อลฺลจมฺเมน ปริโยนทฺโธ, ฉวิราเคน ปฏิจฺฉนฺโน, นวหิ วณมุเขหิ นวนวุติโลมกูปสหสฺเสหิ จ อสุจิ ปคฺฆรติ, กุณปปูริโต, ทุคฺคนฺโธ, เชคุจฺโฉ, ปฏิกูโล, ทฺวตฺตึสกุณปสฺจโย, นตฺเถตฺถ สารํ วา วรํ วาติ เอวํ อสุภโต อุปสํหรนฺตสฺส สตฺเตสุ อุปฺปนฺโน โลโภ ปหียติ, เตนสฺส อสุภโต อุปสํหรณํ อฺํ นิมิตฺตํ นาม โหติ.
ปตฺตจีวราทีสุ สงฺขาเรสุ โลเภ อุปฺปนฺเน ทฺวีหากาเรหิ สงฺขารมชฺฌตฺตตํ สมุฏฺาเปตีติ สติปฏฺานวณฺณนายํ วุตฺตนเยน อสฺสามิกตาวกาลิกภาววเสน มนสิกโรโต โส ปหียติ. เตนสฺส อนิจฺจโต มนสิกาโร อฺํ นิมิตฺตํ นาม โหติ. สตฺเตสุ โทเส อุปฺปนฺเน ปน อาฆาตวินยกกโจปโมวาทาทีนํ วเสน เมตฺตา ภาเวตพฺพา, ตํ ภาวยโต โทโส ปหียติ, เตนสฺส เมตฺตาภาวนา อฺํ นิมิตฺตํ นาม โหติ. ขาณุกณฺฏกติณปณฺณาทีสุ ¶ ปน โทเส อุปฺปนฺเน ตฺวํ กสฺส กุปฺปสิ, กึ ปถวีธาตุยา, อุทาหุ อาโปธาตุยา, โก วา ปนายํ กุปฺปติ นาม, กึ ปถวีธาตุ อุทาหุ อาโปธาตูติอาทินา นเยน ธาตุมนสิการํ กโรนฺตสฺส โทโส ปหียติ. เตนสฺส ธาตุมนสิกาโร อฺํ นิมิตฺตํ นาม โหติ.
โมเห ปน ยตฺถ กตฺถจิ อุปฺปนฺเน –
‘‘ครูสํวาโส ¶ อุทฺเทโส, อุทฺทิฏฺปริปุจฺฉนํ;
กาเลน ธมฺมสฺสวนํ, านาฏฺานวินิจฺฉโย;
ปฺจ ธมฺมูปนิสฺสาย, โมหธาตุ ปหียตี’’ติ. –
อิเม ¶ ปฺจ ธมฺมา อุปนิสฺสิตพฺพา. ครุํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต หิ ภิกฺขุ – ‘‘อาจริโย คามปฺปเวสนํ อนาปุจฺฉนฺตสฺส ปตฺตกาเล วตฺตํ อกโรนฺตสฺส ฆฏสตอุทกาหรณาทิทณฺฑกมฺมํ กโรตี’’ติ ยตฺตปฺปฏิยตฺโต โหติ, อถสฺส โมโห ปหียติ. อุทฺเทสํ คณฺหนฺโตปิ – ‘‘อาจริโย อุทฺเทสกาเล อุทฺเทสํ อคฺคณฺหนฺตสฺส อสาธุกํ สชฺฌายนฺตสฺส จ ทณฺฑกมฺมํ กโรตี’’ติ ยตฺตปฺปฏิยตฺโต โหติ, เอวมฺปิสฺส โมโห ปหียติ. ครุภาวนีเย ภิกฺขู อุปสํกมิตฺวา ‘‘อิทํ ภนฺเต กถํ อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ ปริปุจฺฉนฺโต กํขํ วิโนเทติ, เอวมฺปิสฺส โมโห ปหียติ. กาเลน ธมฺมสวนฏฺานํ คนฺตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺมํ สุณนฺตสฺสาปิ เตสุ เตสุ าเนสุ อตฺโถ ปากโฏ โหติ. เอวมฺปิสฺส โมโห ปหียติ. อิทมสฺส การณํ, อิทํ น การณนฺติ านาฏฺานวินิจฺฉเย เฉโก โหติ, เอวมฺปิสฺส โมโห ปหียติ. เตนสฺส ปฺจธมฺมูปนิสฺสโย อฺํ นิมิตฺตํ นาม โหติ.
อปิจ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ยํกิฺจิ ภาเวนฺตสฺสาปิ อิเม วิตกฺกา ปหียนฺติ เอว. อิมานิ ปน นิมิตฺตานิ อุชุวิปจฺจนีกานิ ปฏิปกฺขภูตานิ. อิเมหิ ปหีนา ราคาทโย สุปฺปหีนา โหนฺติ. ยถา หิ อคฺคึ อลฺลกฏฺเหิปิ ปํสูหิปิ สาขาทีหิปิ โปเถตฺวา นิพฺพาเปนฺติเยว, อุทกํ ปน อคฺคิสฺส อุชุวิปจฺจนีกํ, เตน นิพฺพุโต สุนิพฺพุโต โหติ, เอวมิเมหิ นิมิตฺเตหิ ปหีนา ราคาทโย สุปฺปหีนา โหนฺติ. ตสฺมา เอตานิ กถิตานีติ เวทิตพฺพานิ.
กุสลูปสํหิตนฺติ ¶ กุสลนิสฺสิตํ กุสลสฺส ปจฺจยภูตํ. อชฺฌตฺตเมวาติ โคจรชฺฌตฺตํเยว. ปลคณฺโฑติ วฑฺฒกี. สุขุมาย อาณิยาติ ยํ อาณึ นีหริตุกาโม โหติ, ตโต สุขุมตราย สารทารุอาณิยา. โอฬาริกํ อาณินฺติ จนฺทผลเก วา สารผลเก วา อาโกฏิตํ วิสมาณึ. อภินิหเนยฺยาติ มุคฺคเรน อาโกเฏนฺโต หเนยฺย. อภินีหเรยฺยาติ เอวํ อภินิหนนฺโต ผลกโต นีหเรยฺย. อภินิวเสยฺยาติ อิทานิ พหุ นิกฺขนฺตาติ ตฺวา หตฺเถน จาเลตฺวา ¶ นิกฺกฑฺเฒยฺย ¶ . ตตฺถ ผลกํ วิย จิตฺตํ, ผลเก วิสมาณี วิย อกุสลวิตกฺกา, สุขุมาณี วิย อฺํ อสุภภาวนาทิกุสลนิมิตฺตํ, สุขุมาณิยา โอฬาริกาณินีหรณํ วิย อสุภภาวนาทีหิ กุสลนิมิตฺเตหิ เตสํ วิตกฺกานํ นีหรณํ.
๒๑๗. อหิกุณเปนาติอาทิ อติเชคุจฺฉปฏิกูลกุณปทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. กณฺเ อาสตฺเตนาติ เกนจิเทว ปจฺจตฺถิเกน อาเนตฺวา กณฺเ พทฺเธน ปฏิมุกฺเกน. อฏฺฏิเยยฺยาติ อฏฺโฏ ทุกฺขิโต ภเวยฺย. หราเยยฺยาติ ลชฺเชยฺย. ชิคุจฺเฉยฺยาติ สฺชาตชิคุจฺโฉ ภเวยฺย.
ปหียนฺตีติ เอวํ อิมินาปิ การเณน เอเต อกุสลา ธมฺมา สาวชฺชา ทุกฺขวิปากาติ อตฺตโน ปฺาพเลน อุปปริกฺขโต อหิกุณปาทีนิ วิย ชิคุจฺฉนฺตสฺส ปหียนฺติ. โย ปน อตฺตโน ปฺาพเลน อุปปริกฺขิตุํ น สกฺโกติ, เตน อาจริยํ วา อุปชฺฌายํ วา อฺตรํ วา ครุฏฺานิยํ สพฺรหฺมจารึ สงฺฆตฺเถรํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ฆณฺฑึ ปหริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆเมว วา สนฺนิปาเตตฺวา อาโรเจตพฺพํ, พหุนฺหิ สนฺนิปาเต ภวิสฺสเตว เอโก ปณฺฑิตมนุสฺโส, สฺวายํ เอวํ เอเตสุ อาทีนโว ทฏฺพฺโพติ กเถสฺสติ, กายวิจฺฉินฺทนียกถาทีหิ วา ปน เต วิตกฺเก นิคฺคณฺหิสฺสตีติ.
๒๑๘. อสติอมนสิกาโร อาปชฺชิตพฺโพติ เนว โส วิตกฺโก สริตพฺโพ น มนสิกาตพฺโพ, อฺวิหิตเกน ภวิตพฺพํ. ยถา หิ รูปํ อปสฺสิตุกาโม ปุริโส อกฺขีนิ นิมีเลยฺย, เอวเมว มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺเนน ภิกฺขุนา จิตฺตมฺหิ ¶ วิตกฺเก อุปฺปนฺเน อฺวิหิตเกน ภวิตพฺพํ. เอวมสฺส โส วิตกฺโก ปหียติ, ตสฺมึ ปหีเน ปุน กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสีทิตพฺพํ.
สเจ น ปหียติ, อุคฺคหิโต ธมฺมกถาปพนฺโธ โหติ, โส มหาสทฺเทน สชฺฌายิตพฺโพ. เอวมฺปิ เจ อฺวิหิตกสฺส สโต โส น ปหียติ. ถวิกาย มุฏฺิโปตฺถโก โหติ, ยตฺถ จ พุทฺธวณฺณาปิ ธมฺมวณฺณาปิ ลิขิตา โหนฺติ, ตํ นีหริตฺวา วาเจนฺเตน อฺวิหิตเกน ภวิตพฺพํ. เอวมฺปิ เจ น ปหียติ, ถวิกโต อรณิสหิตานิ นีหริตฺวา ‘‘อยํ ¶ อุตฺตรารณี อยํ อธรารณี’’ติ อาวชฺเชนฺเตน อฺวิหิตเกน ภวิตพฺพํ. เอวมฺปิ เจ น ปหียติ, สิปาฏิกํ ¶ นีหริตฺวา ‘‘อิทํ อารกณฺฏกํ นาม, อยํ ปิปฺผลโก นาม, อิทํ นขจฺเฉทนํ นาม, อยํ สูจิ นามา’’ติ ปริกฺขารํ สมนฺนาเนนฺเตน อฺวิหิตเกน ภวิตพฺพํ. เอวมฺปิ เจ น ปหียติ, สูจึ คเหตฺวา จีวเร ชิณฺณฏฺานํ สิพฺพนฺเตน อฺวิหิตเกน ภวิตพฺพํ. เอวํ ยาว น ปหียติ, ตาว ตํ ตํ กุสลกมฺมํ กโรนฺเตน อฺวิหิตเกน ภวิตพฺพํ. ปหีเน ปุน มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสีทิตพฺพํ, นวกมฺมํ ปน น ปฏฺเปตพฺพํ. กสฺมา? วิตกฺเก ปจฺฉินฺเน กมฺมฏฺานมนสิการสฺส โอกาโส น โหติ.
โปราณกปณฺฑิตา ปน นวกมฺมํ กตฺวาปิ วิตกฺกํ ปจฺฉินฺทึสุ. ตตฺริทํ วตฺถุ – ติสฺสสามเณรสฺส กิร อุปชฺฌาโย ติสฺสมหาวิหาเร วสติ. ติสฺสสามเณโร ‘‘ภนฺเต อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ อาห. อถ นํ เถโร ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร นฺหานอุทกํ ทุลฺลภํ, มํ คเหตฺวา จิตฺตลปพฺพตํ คจฺฉาหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. ตตฺถ นํ เถโร อาห ‘‘อยํ วิหาโร อจฺจนฺตสงฺฆิโก, เอกํ ปุคฺคลิกฏฺานํ กโรหี’’ติ. โส สาธุ ภนฺเตติ อาทิโต ปฏฺาย สํยุตฺตนิกายํ ปพฺภารโสธนํ เตโชธาตุกสิณปริกมฺมนฺติ ตีณีปิ เอกโต อารภิตฺวา กมฺมฏฺานํ อปฺปนํ ปาเปสิ, สํยุตฺตนิกายํ ปริโยสาเปสิ, เลณกมฺมํ นิฏฺาเปสิ, สพฺพํ กตฺวา อุปชฺฌายสฺส สฺํ อทาสิ. อุปชฺฌาโย ‘‘ทุกฺเขน เต สามเณร กตํ, อชฺช ตาว ตฺวํเยว วสาหี’’ติ อาห. โส ตํ รตฺตึ เลเณ วสนฺโต อุตุสปฺปายํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ¶ ปตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพายิ. ตสฺส ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ อกํสุ. อชฺชาปิ ติสฺสตฺเถรเจติยนฺติ ปฺายติ. อิทํ ปพฺพํ อสติปพฺพํ นาม.
๒๑๙. อิมสฺมึ ตฺวา วิตกฺเก นิคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺโต อิธ ตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสตีติ วิตกฺกมูลเภทํ ปพฺพํ ทสฺเสนฺโต ปุน ตสฺส เจ ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกาตพฺพนฺติ สงฺขโรตีติ สงฺขาโร, ปจฺจโย, การณํ มูลนฺติ อตฺโถ. สนฺติฏฺติ เอตฺถาติ สณฺานํ, วิตกฺกสงฺขารสฺส สณฺานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ, ตํ มนสิกาตพฺพนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ, อยํ วิตกฺโก กึ เหตุ กึ ปจฺจยา กึ การณา อุปฺปนฺโนติ วิตกฺกานํ มูลฺจ มูลมูลฺจ มนสิกาตพฺพนฺติ. กึ นุ โข อหํ สีฆํ ¶ คจฺฉามีติ เกน นุ โข การเณน อหํ สีฆํ คจฺฉามิ? ยํนูนาหํ สณิกํ คจฺเฉยฺยนฺติ กึ เม อิมินา สีฆคมเนน, สณิกํ คจฺฉิสฺสามีติ ¶ จินฺเตสิ. โส สณิกํ คจฺเฉยฺยาติ โส เอวํ จินฺเตตฺวา สณิกํ คจฺเฉยฺย. เอส นโย สพฺพตฺถ.
ตตฺถ ตสฺส ปุริสสฺส สีฆคมนกาโล วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน วิตกฺกสมารุฬฺหกาโล. ตสฺส สณิกคมนกาโล วิย อิมสฺส วิตกฺกจารปจฺเฉทนกาโล. ตสฺส ิตกาโล วิย อิมสฺส วิตกฺกจาเร ปจฺฉินฺเน มูลกมฺมฏฺานํ จิตฺโตตรณกาโล. ตสฺส นิสินฺนกาโล วิย อิมสฺส วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตกาโล. ตสฺส นิปนฺนกาโล วิย อิมสฺส นิพฺพานารมฺมณาย ผลสมาปตฺติยา ทิวสํ วีติวตฺตนกาโล. ตตฺถ อิเม วิตกฺกา กึ เหตุกา กึ ปจฺจยาติ วิตกฺกานํ มูลมูลํ คจฺฉนฺตสฺส วิตกฺกจาโร สิถิโล โหติ. ตสฺมึ สิถิลีภูเต มตฺถกํ คจฺฉนฺเต วิตกฺกา สพฺพโส นิรุชฺฌนฺติ. อยมตฺโถ ทุทฺทุภชาตเกนปิ ทีเปตพฺโพ –
สสกสฺส กิร เพลุวรุกฺขมูเล นิทฺทายนฺตสฺส เพลุวปกฺกํ วณฺฏโต ฉิชฺชิตฺวา กณฺณมูเล ปติตํ. โส ตสฺส สทฺเทน ‘‘ปถวี ภิชฺชตี’’ติ สฺาย อุฏฺหิตฺวา เวเคน ปลายิ. ตํ ทิสฺวา ปุรโต อฺเปิ จตุปฺปทา ปลายึสุ. ตทา โพธิสตฺโต สีโห โหติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปถวี นาม กปฺปวินาเส ภิชฺชติ, อนฺตรา ปถวีเภโท นาม นตฺถิ, ยํนูนาหํ ¶ มูลมูลํ คนฺตฺวา อนุวิชฺเชยฺย’’นฺติ. โส หตฺถินาคโต ปฏฺาย ยาว สสกํ ปุจฺฉิ ‘‘ตยา, ตาต, ปถวี ภิชฺชมานา ทิฏฺา’’ติ. สโส ‘‘อาม เทวา’’ติ อาห. สีโห ‘‘เอหิ, โภ, ทสฺเสหี’’ติ. สโส ‘‘น สกฺโกมิ สามี’’ติ. ‘‘เอหิ, เร, มา ภายี’’ติ สณฺหมุทุเกน คเหตฺวา คโต สโส รุกฺขสฺส อวิทูเร ตฺวา –
‘‘ทุทฺทุภายติ ภทฺทนฺเต, ยสฺมึ เทเส วสามหํ;
อหมฺเปตํ น ชานามิ, กิเมตํ ทุทฺทุภายตี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๘๕) –
คาถมาห. โพธิสตฺโต ‘‘ตฺวํ เอตฺเถว ติฏฺา’’ติ รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา สสกสฺส นิปนฺนฏฺานํ อทฺทส, เพลุวปกฺกํ อทฺทส, อุทฺธํ โอเลเกตฺวา วณฺฏํ อทฺทส, ทิสฺวา ‘‘อยํ สโส เอตฺถ นิปนฺโน, นิทฺทายมาโน อิมสฺส กณฺณมูเล ¶ ปติตสฺส สทฺเทน ‘ปถวี ภิชฺชตี’ติ เอวํสฺี หุตฺวา ปลายี’’ติ ¶ ตฺวา ตํ การณํ สสํ ปุจฺฉิ. สโส ‘‘อาม, เทวา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เพลุว ปติตํ สุตฺวา, ทุทฺทุภนฺติ สโส ชวิ;
สสสฺส วจนํ สุตฺวา, สนฺตตฺตา มิควาหินี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๘๖);
ตโต โพธิสตฺโต ‘‘มา ภายถา’’ติ มิคคเณ อสฺสาเสสิ. เอวํ วิตกฺกานํ มูลมูลํ คจฺฉนฺตสฺส วิตกฺกา ปหียนฺติ.
๒๒๐. อิมสฺมึ วิตกฺกมูลเภทปพฺเพ ตฺวา วิตกฺเก นิคฺคณฺหิตุํ อสกฺโกนฺเตน ปน เอวํ นิคฺคณฺหิตพฺพาติ อปรมฺปิ การณํ ทสฺเสนฺโต ปุน ตสฺส เจ, ภิกฺขเวติอาทิมาห.
ทนฺเตภิทนฺตมาธายาติ เหฏฺาทนฺเต อุปริทนฺตํ เปตฺวา. เจตสา จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺเตน อกุสลจิตฺตํ อภินิคฺคณฺหิตพฺพํ. พลวา ปุริโสติ ยถา ถามสมฺปนฺโน มหาพโล ปุริโส ทุพฺพลํ ปุริสํ สีเส วา คเล วา ขนฺเธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคณฺเหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย สนฺตตฺตํ กิลนฺตํ มุจฺฉาปเรตํ วิย กเรยฺย, เอวเมว ภิกฺขุนา วิตกฺเกหิ สทฺธึ ปฏิมลฺเลน หุตฺวา ‘‘เก จ ตุมฺเห โก จาห’’นฺติ อภิภวิตฺวา – ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ สรีเร อุปสุสฺสตุ มํสโลหิต’’นฺติ (อ. นิ. ๒.๕) เอวํ มหาวีริยํ ¶ ปคฺคยฺห วิตกฺกา นิคฺคณฺหิตพฺพาติ ทสฺเสนฺโต อิม อตฺถทีปิกํ อุปมํ อาหริ.
๒๒๑. ยโต โข, ภิกฺขเวติ อิทํ ปริยาทานภาชนิยํ นาม, ตํ อุตฺตานตฺถเมว. ยถา ปน สตฺถาจริโย ติโรรฏฺา อาคตํ ราชปุตฺตํ ปฺจาวุธสิปฺปํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ, อตฺตโน รฏฺเ รชฺชํ คณฺห. สเจ เต อนฺตรามคฺเค โจรา อุฏฺหนฺติ, ธนุนา กมฺมํ กตฺวา คจฺฉ. สเจ เต ธนุ นสฺสติ วา ภิชฺชติ วา สตฺติยา อสินา’’ติ เอวํ ปฺจหิปิ อาวุเธหิ กตฺตพฺพํ ทสฺเสตฺวา อุยฺโยเชติ. โส ตถา กตฺวา สกรฏฺํ คนฺตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา รชฺชสิรึ อนุโภติ. เอวเมวํ ภควา อธิจิตฺตมนุยุตฺตํ ภิกฺขุํ อรหตฺตคหณตฺถาย อุยฺโยเชนฺโต – ‘‘สจสฺส อนฺตรา อกุสลวิตกฺกา อุปฺปชฺชนฺติ, อฺนิมิตฺตปพฺเพ ตฺวา เต นิคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ¶ ¶ ปาปุณิสฺสติ. ตตฺถ อสกฺโกนฺโต อาทีนวปพฺเพ ตฺวา, ตตฺราปิ อสกฺโกนฺโต อสติปพฺเพ ตฺวา, ตตฺราปิ อสกฺโกนฺโต วิตกฺกมูลเภทปพฺเพ ตฺวา, ตตฺราปิ อสกฺโกนฺโต อภินิคฺคณฺหนปพฺเพ ตฺวา วิตกฺเก นิคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ อิมานิ ปฺจ ปพฺพานิ เทเสสิ.
วสี วิตกฺกปริยายปเถสูติ วิตกฺกจารปเถสุ จิณฺณวสี ปคุณวสีติ วุจฺจติ. ยํ วิตกฺกํ อากงฺขิสฺสตีติ อิทํ อสฺส วสีภาวาการทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อยฺหิ ปุพฺเพ ยํ วิตกฺกํ วิตกฺเกตุกาโม โหติ, ตํ น วิตกฺเกติ. ยํ น วิตกฺเกตุกาโม โหติ, ตํ วิตกฺเกติ. อิทานิ ปน วสีภูตตฺตา ยํ วิตกฺกํ วิตกฺเกตุกาโม โหติ, ตํเยว วิตกฺเกติ. ยํ น วิตกฺเกตุกาโม, น ตํ วิตกฺเกติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยํ วิตกฺกํ อากงฺขิสฺสติ, ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสติ. ยํ วิตกฺกํ นากงฺขิสฺสติ, น ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเขสฺสตี’’ติ. อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหนฺติอาทิ สพฺพาสวสุตฺเต วุตฺตเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
วิตกฺกสณฺานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
มูลปณฺณาสฏฺกถาย ปโม ภาโค นิฏฺิโต.
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
มูลปณฺณาส-อฏฺกถา
(ทุติโย ภาโค)
๓. โอปมฺมวคฺโค
๑. กกจูปมสุตฺตวณฺณนา
๒๒๒. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ กกจูปมสุตฺตํ. ตตฺถ โมฬิยผคฺคุโนติ โมฬีติ จูฬา วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิตํ,
เวหายสํ อุกฺขิปิ สกฺยปุงฺคโว;
รตนจงฺโกฏวเรน วาสโว,
สหสฺสเนตฺโต สิรสา ปฏิคฺคหี’’ติ.
สา ¶ ตสฺส คิหิกาเล มหตี อโหสิ, เตนสฺส โมฬิยผคฺคุโนติ สงฺขา อุทปาทิ. ปพฺพชิตมฺปิ นํ เตเนว นาเมน สฺชานนฺติ. อติเวลนฺติ เวลํ อติกฺกมิตฺวา. ตตฺถ กาลเวลา, สีมเวลา, สีลเวลาติ ติวิธา เวลา. ‘‘ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ (ธมฺมปเท วคฺคานมุทฺทานํ, คาถานมุทฺทานํ; มหาว. ๑-๓) อยํ กาลเวลา นาม. ‘‘ิตธมฺโม เวลํ นาติวตฺตตี’’ติ (จูฬว. ๓๘๔; อุทา. ๔๕; อ. นิ. ๘.๑๙) อยํ สีมเวลา นาม. ‘‘เวลาอนติกฺกโม เสตุฆาโต’’ติ (ธ. ส. ๒๙๙-๓๐๑) จ, ‘‘เวลา เจสา อวีติกฺกมนฏฺเนา’’ติ จ, อยํ สีลเวลา นาม. ตํ ติวิธมฺปิ โส อติกฺกมิเยว. ภิกฺขุนิโย หิ โอวทิตุํ กาโล นาม อตฺถิ, โส อตฺถงฺคเตปิ สูริเย ¶ โอวทนฺโต ตํ กาลเวลมฺปิ อติกฺกมิ. ภิกฺขุนีนํ โอวาเท ปมาณํ นาม อตฺถิ สีมา มริยาทา. โส อุตฺตริฉปฺปฺจวาจาหิ โอวทนฺโต ตํ สีมเวลมฺปิ อติกฺกมิ. กเถนฺโต ปน ทวสหคตํ กตฺวา ทุฏฺุลฺลาปตฺติปโหนกํ กเถติ, เอวํ สีลเวลมฺปิ อติกฺกมิ.
สํสฏฺโติ มิสฺสีภูโต สมานสุขทุกฺโข หุตฺวา. สมฺมุขาติ ปุรโต. อวณฺณํ ภาสตีติ ตา ปน ปจนโกฏฺฏนาทีนิ กโรนฺติโย ทิสฺวา นตฺถิ อิมาสํ อนาปตฺติ นาม, อิมา ภิกฺขุนิโย อนาจารา ทุพฺพจา ปคพฺภาติ อคุณํ กเถติ. อธิกรณมฺปิ กโรตีติ อิเมสํ ภิกฺขูนํ อิมา ภิกฺขุนิโย ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย อกฺขีนิ ทยฺหนฺติ, อิมสฺมึ วิหาเร ปุปฺผปูชา วา อาสนโธวนปริภณฺฑกรณาทีนิ วา อิมาสํ วเสน วตฺตนฺติ. กุลธีตโร เอตา ลชฺชินิโย ¶ , ตุมฺเห อิมา อิทฺจิทฺจ วทถ, อยํ นาม ตุมฺหากํ อาปตฺติ โหติ, วินยธรานํ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา วินิจฺฉยํ เม เทถาติ อธิกรณํ อากฑฺฒติ.
โมฬิยผคฺคุนสฺส อวณฺณํ ภาสตีติ นตฺถิ อิมสฺส ภิกฺขุโน อนาปตฺติ นาม. นิจฺจกาลํ อิมสฺส ปริเวณทฺวารํ อสฺุํ ภิกฺขุนีหีติ อคุณํ กเถติ. อธิกรณมฺปิ กโรนฺตีติ อิเมสํ ภิกฺขูนํ โมฬิยผคฺคุนตฺเถรสฺส ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย อกฺขีนิ ทยฺหนฺติ. อิมสฺมึ วิหาเร อฺเสํ วสนฏฺานํ โอโลเกตุมฺปิ น สกฺกา. วิหารํ อาคตภิกฺขุนิโย โอวาทํ วา ปฏิสนฺถารํ วา อุทฺเทสปทํ วา เถรเมว นิสฺสาย ลภนฺติ, กุลปุตฺตโก ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก, เอวรูปํ นาม ตุมฺเห อิทฺจิทฺจ วทถ, เอถ วินยธรานํ สนฺติเก วินิจฺฉยํ เทถาติ อธิกรณํ อากฑฺฒนฺติ.
โส ¶ ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจาติ เนว ปิยกมฺยตาย น เภทาธิปฺปาเยน, อตฺถกามตาย อโวจ. เอกํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อิมสฺส ภิกฺขุสฺส เอวํ สํสฏฺสฺส วิหรโต อยโส อุปฺปชฺชิสฺสติ. โส สาสนสฺสาปิ อวณฺโณเยว. อฺเน ปน กถิโต อยํ น โอรมิสฺสติ, ภควตา ธมฺมํ เทเสตฺวา โอวทิโต โอรมิสฺสตี’’ติ ตสฺส อตฺถกามตาย ภควนฺตํ เอตํ, ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
๒๒๓. อามนฺเตหีติ ชานาเปหิ. อามนฺเตตีติ ปกฺโกสติ.
๒๒๔. สทฺธาติ ¶ สทฺธาย. ตสฺมาติ ยสฺมา ตฺวํ กุลปุตฺโต เจว สทฺธาปพฺพชิโต จ, ยสฺมา วา เต เอตาหิ สทฺธึ สํสฏฺสฺส วิหรโต เย ตา อกฺโกสิสฺสนฺติ วา, ปหริสฺสนฺติ วา, เตสุ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, สํสคฺเค ปหีเน นุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺมา. ตตฺราติ ตสฺมึ อวณฺณภาสเน. เคหสิตาติ ปฺจกามคุณนิสฺสิตา. ฉนฺทาติ ตณฺหาฉนฺทาปิ ปฏิฆฉนฺทาปิ. วิปริณตนฺติ รตฺตมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ. ทุฏฺมฺปิ, มูฬฺหมฺปิ จิตฺตํ วิปริณตํ. อิธ ปน ตณฺหาฉนฺทวเสน รตฺตมฺปิ วฏฺฏติ, ปฏิฆฉนฺทวเสน ทุฏฺมฺปิ วฏฺฏติ. หิตานุกมฺปีติ หิเตน อนุกมฺปมาโน หิเตน ผรมาโน. น โทสนฺตโรติ น โทสจิตฺโต ภวิสฺสามิ.
๒๒๕. อถ โข ภควาติ กสฺมา อารภิ? ผคฺคุนสฺส กิร เอตฺตกํ โอวาทํ สุตฺวาปิ, ‘‘ภิกฺขุนิสํสคฺคโต โอรมิสฺสามิ ¶ วิรมิสฺสามี’’ติ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปนฺนํ, ภควตา ปน สทฺธึ ปฏาณี วิย ปฏิวิรุทฺโธ อฏฺาสิ, อถสฺส ภควโต ยถา นาม ชิฆจฺฉิตสฺส โภชเน, ปิปาสิตสฺส ปานีเย, สีเตน ผุฏฺสฺส อุณฺเห ทุกฺขิตสฺส สุเข ปตฺถนา อุปฺปชฺชติ. เอวเมว อิมํ ทุพฺพจํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปมโพธิยํ สุพฺพจา ภิกฺขู อาปาถํ อาคมึสุ. อถ เตสํ วณฺณํ กเถตุกาโม หุตฺวา อิมํ เทสนํ อารภิ.
ตตฺถ อาราธยึสูติ คณฺหึสุ ปูรยึสุ. เอกํ สมยนฺติ เอกสฺมึ สมเย. เอกาสนโภชนนฺติ เอกํ ปุเรภตฺตโภชนํ. สูริยุคฺคมนโต หิ ยาว มชฺฌนฺหิกา สตฺตกฺขตฺตุํ ภุตฺตโภชนมฺปิ อิธ เอกาสนโภชนนฺเตว อธิปฺเปตํ. อปฺปาพาธตนฺติ นิราพาธตํ. อปฺปาตงฺกตนฺติ นิทฺทุกฺขตํ. ลหุฏฺานนฺติ สรีรสฺส สลฺลหุกํ อุฏฺานํ. พลนฺติ กายพลํ. ผาสุวิหารนฺติ กายสฺส ¶ สุขวิหารํ. อิมินา กึ กถิตํ? ทิวา วิกาลโภชนํ ปชหาปิตกาโล กถิโต. ภทฺทาลิสุตฺเต ปน รตฺตึ วิกาลโภชนํ ปชหาปิตกาโล กถิโต. อิมานิ หิ ทฺเว โภชนานิ ภควา น เอกปฺปหาเรน ปชหาเปสิ. กสฺมา? อิมาเนว หิ ทฺเว โภชนานิ วฏฺเฏ สตฺตานํ อาจิณฺณานิ. สนฺติ กุลปุตฺตา สุขุมาลา, เต เอกโต ทฺเวปิ โภชนานิ ปชหนฺตา กิลมนฺติ. ตสฺมา เอกโต อปชหาเปตฺวา เอกสฺมึ กาเล ทิวา วิกาลโภชนํ, เอกสฺมึ รตฺตึ วิกาลโภชนนฺติ วิสุํ ปชหาเปสิ. เตสุ อิธ ทิวา วิกาลโภชนํ ปชหาปิตกาโล กถิโต. ตตฺถ ¶ ยสฺมา พุทฺธา น ภยํ ทสฺเสตฺวา ตชฺเชตฺวา ปชหาเปนฺติ, อานิสํสํ ปน ทสฺเสตฺวา ปชหาเปนฺติ, เอวฺหิ สตฺตา สุเขน ปชหนฺติ. ตสฺมา อานิสํสํ ทสฺเสนฺโต อิเม ปฺจ คุเณ ทสฺเสสิ. อนุสาสนี กรณียาติ ปุนปฺปุนํ สาสเน กตฺตพฺพํ นาโหสิ. ‘‘อิทํ กโรถ, อิทํ มา กโรถา’’ติ สตุปฺปาทกรณียมตฺตเมว อโหสิ. ตาวตฺตเกเนว เต กตฺตพฺพํ อกํสุ, ปหาตพฺพํ ปชหึสุ, ปมโพธิยํ, ภิกฺขเว, สุพฺพจา ภิกฺขู อเหสุํ อสฺสวา โอวาทปฏิกราติ.
อิทานิ เนสํ สุพฺพจภาวทีปิกํ อุปมํ อาหรนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห. ตตฺถ สุภูมิยนฺติ สมภูมิยํ. ‘‘สุภูมฺยํ สุเขตฺเต วิหตขาณุเก พีชานิ ปติฏฺเปยฺยา’’ติ ¶ (ที. นิ. ๒.๔๓๘) เอตฺถ ปน มณฺฑภูมิ สุภูมีติ อาคตา. จตุมหาปเถติ ทฺวินฺนํ มหามคฺคานํ วินิวิชฺฌิตฺวา คตฏฺาเน. อาชฺรโถติ วินีตอสฺสรโถ. โอธสฺตปโตโทติ ยถา รถํ อภิรุหิตฺวา ิเตน สกฺกา โหติ คณฺหิตุํ, เอวํ อาลมฺพนํ นิสฺสาย ติริยโต ปิตปโตโท. โยคฺคาจริโยติ อสฺสาจริโย. สฺเวว อสฺสทมฺเม สาเรตีติ อสฺสทมฺมสารถิ. เยนิจฺฉกนฺติ เยน เยน มคฺเคน อิจฺฉติ. ยทิจฺฉกนฺติ ยํ ยํ คตึ อิจฺฉติ. สาเรยฺยาติ อุชุกํ ปุรโต เปเสยฺย. ปจฺจาสาเรยฺยาติ ปฏินิวตฺเตยฺย.
เอวเมว โขติ ยถา หิ โส โยคฺคาจริโย เยน เยน มคฺเคน คมนํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ อสฺสา อารุฬฺหาว โหนฺติ. ยาย ยาย จ คติยา อิจฺฉติ, สา สา คติ คหิตาว โหติ. รถํ เปเสตฺวา อสฺสา เนว วาเรตพฺพา น วิชฺฌิตพฺพา โหนฺติ. เกวลํ เตสํ สเม ภูมิภาเค ขุเรสุ นิมิตฺตํ เปตฺวา คมนเมว ปสฺสิตพฺพํ โหติ. เอวํ มยฺหมฺปิ เตสุ ภิกฺขูสุ ปุนปฺปุนํ วตฺตพฺพํ นาโหสิ. อิทํ กโรถ อิทํ มา กโรถาติ สตุปฺปาทนมตฺตเมว กตฺตพฺพํ โหติ. เตหิปิ ตาวเทว กตฺตพฺพํ กตเมว โหติ, อกตฺตพฺพํ ชหิตเมว. ตสฺมาติ ยสฺมา สุพฺพจา ยุตฺตยานปฏิภาคา ¶ หุตฺวา สตุปฺปาทนมตฺเตเนว ปชหึสุ, ตสฺมา ตุมฺเหปิ ปชหถาติ อตฺโถ. เอลณฺเฑหีติ เอลณฺฑา กิร สาลทูสนา โหนฺติ, ตสฺมา เอวมาห. วิโสเธยฺยาติ เอลณฺเฑ เจว อฺา จ วลฺลิโย ฉินฺทิตฺวา พหิ นีหรเณน โสเธยฺย. สุชาตาติ สุสณฺิตา. สมฺมา ปริหเรยฺยาติ มริยาทํ พนฺธิตฺวา อุทกาสิฺจเนนปิ กาเลนกาลํ มูลมูเล ¶ ขณเนนปิ วลฺลิคุมฺพาทิจฺเฉทเนนปิ กิปิลฺลปูฏกหรเณนปิ มกฺกฏกชาลสุกฺขทณฺฑกหรเณนปิ สมฺมา วฑฺเฒตฺวา โปเสยฺย. วุทฺธิอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว.
๒๒๖. อิทานิ อกฺขนฺติยา โทสํ ทสฺเสนฺโต ภูตปุพฺพนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เวเทหิกาติ วิเทหรฏฺวาสิกสฺส ธีตา. อถ วา เวโทติ ปฺา วุจฺจติ, เวเทน อีหติ อิริยตีติ เวเทหิกา, ปณฺฑิตาติ อตฺโถ. คหปตานีติ ฆรสามินี. กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติโฆโส. โสรตาติ โสรจฺเจน สมนฺนาคตา. นิวาตาติ นิวาตวุตฺติ. อุปสนฺตาติ นิพฺพุตา. ทกฺขาติ ¶ ภตฺตปจนสยนตฺถรณทีปุชฺชลนาทิกมฺเมสุ เฉกา. อนลสาติ อุฏฺาหิกา, สุสํวิหิตกมฺมนฺตาติ สุฏฺุ สํวิหิตกมฺมนฺตา. เอกา อนลสา โหติ, ยํ ยํ ปน ภาชนํ คณฺหาติ, ตํ ตํ ภินฺทติ วา ฉิทฺทํ วา กโรติ, อยํ น ตาทิสาติ ทสฺเสติ.
ทิวา อุฏฺาสีติ ปาโตว กตฺตพฺพานิ เธนุทุหนาทิกมฺมานิ อกตฺวา อุสฺสูเร อุฏฺิตา. เห เช กาฬีติ อเร กาฬิ. กึ เช ทิวา อุฏฺาสีติ กึ เต กิฺจิ อผาสุกํ อตฺถิ, กึ ทิวา อุฏฺาสีติ? โน วต เร กิฺจีติ อเร ยทิ เต น กิฺจิ อผาสุกํ อตฺถิ, เนว สีสํ รุชฺฌติ, น ปิฏฺิ, อถ กสฺมา ปาปิ ทาสิ ทิวา อุฏฺาสีติ กุปิตา อนตฺตมนา ภากุฏิมกาสิ. ทิวาตรํ อุฏฺาสีติ ปุนทิวเส อุสฺสูรตรํ อุฏฺาสิ. อนตฺตมนวาจนฺติ อเร ปาปิ ทาสิ อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิ; กึ อคฺคึ สีโตติ มฺสิ, อิทานิ ตํ สิกฺขาเปสฺสามีติอาทีนิ วทมานา กุปิตวจนํ นิจฺฉาเรสิ.
ปฏิวิสกานนฺติ สามนฺตเคหวาสีนํ. อุชฺฌาเปสีติ อวชานาเปสิ. จณฺฑีติ อโสรตา กิพฺพิสา. อิติ ยตฺตกา คุณา, ตโต ทิคุณา โทสา อุปฺปชฺชึสุ. คุณา นาม สณิกํ สณิกํ อาคจฺฉนฺติ; โทสา เอกทิวเสเนว ปตฺถฏา โหนฺติ. โสรตโสรโตติ อติวิย โสรโต, โสตาปนฺโน ¶ นุ โข, สกทาคามี อนาคามี อรหา นุ โขติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ. ผุสนฺตีติ ผุสนฺตา ฆฏฺเฏนฺตา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ.
อถ ¶ ภิกฺขุ โสรโตติ เวทิตพฺโพติ อถ อธิวาสนกฺขนฺติยํ ิโต ภิกฺขุ โสรโตติ เวทิตพฺโพ. โย จีวร…เป… ปริกฺขารเหตูติ โย เอตานิ จีวราทีนิ ปณีตปณีตานิ ลภนฺโต ปาทปริกมฺมปิฏฺิปริกมฺมาทีนิ เอกวจเนเนว กโรติ. อลภมาโนติ ยถา ปุพฺเพ ลภติ, เอวํ อลภนฺโต. ธมฺมฺเว สกฺกโรนฺโตติ ธมฺมํเยว สกฺการํ สุกตการํ กโรนฺโต. ครุํ กโรนฺโตติ ครุภาริยํ กโรนฺโต. มาเนนฺโตติ มเนน ปิยํ กโรนฺโต. ปูเชนฺโตติ ปจฺจยปูชาย ปูเชนฺโต. อปจายมาโนติ ธมฺมํเยว อปจายมาโน อปจิตึ นีจวุตฺตึ ทสฺเสนฺโต.
๒๒๗. เอวํ อกฺขนฺติยา โทสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เย อธิวาเสนฺติ, เต เอวํ อธิวาเสนฺตีติ ปฺจ วจนปเถ ทสฺเสนฺโต ปฺจิเม, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ กาเลนาติ ยุตฺตปตฺตกาเลน. ภูเตนาติ สตา วิชฺชมาเนน. สณฺเหนาติ สมฺมฏฺเน ¶ . อตฺถสฺหิเตนาติ อตฺถนิสฺสิเตน การณนิสฺสิเตน. อกาเลนาติอาทีนิ เตสํเยว ปฏิปกฺขวเสน เวทิตพฺพานิ. เมตฺตจิตฺตาติ อุปฺปนฺนเมตฺตจิตฺตา หุตฺวา. โทสนฺตราติ ทุฏฺจิตฺตา, อพฺภนฺตเร อุปฺปนฺนโทสา หุตฺวา. ตตฺราติ เตสุ วจนปเถสุ. ผริตฺวาติ อธิมุจฺจิตฺวา. ตทารมฺมณฺจาติ กถํ ตทารมฺมณํ สพฺพาวนฺตํ โลกํ กโรติ? ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตํ ปุคฺคลํ เมตฺตจิตฺตสฺส อารมฺมณํ กตฺวา ปุน ตสฺเสว เมตฺตจิตฺตสฺส อวเสสสตฺเต อารมฺมณํ กโรนฺโต สพฺพาวนฺตํ โลกํ ตทารมฺมณํ กโรติ นาม. ตตฺรายํ วจนตฺโถ. ตทารมฺมณฺจาติ ตสฺเสว เมตฺตจิตฺตสฺส อารมฺมณํ กตฺวา. สพฺพาวนฺตนฺติ สพฺพสตฺตวนฺตํ. โลกนฺติ สตฺตโลกํ. วิปุเลนาติ อเนกสตฺตารมฺมเณน. มหคฺคเตนาติ มหคฺคตภูมิเกน. อปฺปมาเณนาติ สุภาวิเตน. อเวเรนาติ นิทฺโทเสน. อพฺยาพชฺเฌนาติ นิทฺทุกฺเขน. ผริตฺวา วิหริสฺสามาติ เอวรูเปน เมตฺตาสหคเตน เจตสา ตฺจ ปุคฺคลํ สพฺพฺจ โลกํ ตสฺส จิตฺตสฺส อารมฺมณํ กตฺวา อธิมุจฺจิตฺวา วิหริสฺสาม.
๒๒๘. อิทานิ ตทตฺถทีปิกํ อุปมํ อาหรนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห. ตตฺถ อปถวินฺติ นิปฺปถวึ กริสฺสามีติ อตฺโถ. ตตฺร ตตฺราติ ¶ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน. วิกิเรยฺยาติ ปจฺฉิยา ปํสุํ อุทฺธริตฺวา ¶ พีชานิ วิย วิกิเรยฺย. โอฏฺุเภยฺยาติ เขฬํ ปาเตยฺย. อปถวึ กเรยฺยาติ เอวํ กาเยน จ วาจาย จ ปโยคํ กตฺวาปิ สกฺกุเณยฺย อปถวึ กาตุนฺติ? คมฺภีราติ พหลตฺเตน ทฺวิโยชนสตสหสฺสานิ จตฺตาริ จ นหุตานิ คมฺภีรา. อปฺปเมยฺยาติ ติริยํ ปน อปริจฺฉินฺนา. เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ปถวี วิย หิ เมตฺตจิตฺตํ ทฏฺพฺพํ. กุทาลปิฏกํ คเหตฺวา อาคตปุริโส วิย ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคโล. ยถา โส กุทาลปิฏเกน มหาปถวึ อปถวึ กาตุํ น สกฺโกติ, เอวํ โว ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคโล เมตฺตจิตฺตสฺส อฺถตฺตํ กาตุํ น สกฺขิสฺสตีติ.
๒๒๙. ทุติยอุปมายํ หลิทฺทินฺติ ยํกิฺจิ ปีตกวณฺณํ. นีลนฺติ กํสนีลํ วา ปลาสนีลํ วา. อรูปีติ อรูโป ¶ . นนุ จ, ทฺวินฺนํ กฏฺานํ วา ทฺวินฺนํ รุกฺขานํ วา ทฺวินฺนํ เสยฺยานํ วา ทฺวินฺนํ เสลานํ วา อนฺตรํ ปริจฺฉินฺนากาสรูปนฺติ อาคตํ, กสฺมา อิธ อรูปีติ วุตฺโตติ? สนิทสฺสนภาวปฏิกฺเขปโต. เตเนวาห ‘‘อนิทสฺสโน’’ติ. ตสฺมิฺหิ รูปํ ลิขิตุํ, รูปปาตุภาวํ ทสฺเสตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ‘‘อรูปี’’ติ วุตฺโต. อนิทสฺสโนติ ทสฺสนสฺส จกฺขุวิฺาณสฺส อนาปาโถ. อุปมาสํสนฺทเน ปเนตฺถ อากาโส วิย เมตฺตจิตฺตํ. ตุลิกปฺจมา จตฺตาโร รงฺคชาตา วิย ปฺจ วจนปถา, ตุลิกปฺจเม รงฺเค คเหตฺวา อาคตปุริโส วิย ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคโล. ยถา โส ตุลิกปฺจเมหิ รงฺเคหิ อากาเส รูปปาตุภาวํ กาตุํ น สกฺโกติ, เอวํ โว ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคโล เมตฺตจิตฺตสฺส อฺถตฺตํ กตฺวา โทสุปฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ น สกฺขิสฺสตีติ.
๒๓๐. ตติยอุปมายํ อาทิตฺตนฺติ ปชฺชลิตํ. คมฺภีรา อปฺปเมยฺยาติ อิมิสฺสา คงฺคาย คมฺภีรฏฺานํ คาวุตมฺปิ อตฺถิ, อฑฺฒโยชนมฺปิ, โยชนมฺปิ. ปุถุลํ ปนสฺสา เอวรูปํเยว, ทีฆโต ปน ปฺจโยชนสตานิ. สา กถํ คมฺภีรา อปฺปเมยฺยาติ? เอเตน ปโยเคน ปริวตฺเตตฺวา อุทฺธเน อุทกํ วิย ตาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยโต. ิโตทกํ ปน เกนจิ อุปาเยน องฺคุลมตฺตํ วา อฑฺฒงฺคุลมตฺตํ วา เอวํ ตาเปตุํ สกฺกา ภเวยฺย, อยํ ปน น ¶ สกฺกา, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํ. อุปมาสํสนฺทเน ปเนตฺถ คงฺคา วิย เมตฺตจิตฺตํ, ติณุกฺกํ อาทาย อาคตปุริโส วิย ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคโล. ยถา โส อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย คงฺคํ ตาเปตุํ น สกฺโกติ, เอวํ ¶ โว ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคโล เมตฺตจิตฺตสฺส อฺถตฺตํ กาตุํ น สกฺขิสฺสตีติ.
๒๓๑. จตุตฺถอุปมายํ พิฬารภสฺตาติ พิฬารจมฺมปสิพฺพกา. สุมทฺทิตาติ สุฏฺุ มทฺทิตา. สุปริมทฺทิตาติ อนฺโต จ พหิ จ สมนฺตโต สุปริมทฺทิตา. ตูลินีติ สิมฺพลิตูลลตาตูลสมานา. ฉินฺนสสฺสราติ ฉินฺนสสฺสรสทฺทา. ฉินฺนภพฺภราติ ฉินฺนภพฺภรสทฺทา. อุปมาสํสนฺทเน ปเนตฺถ พิฬารภสฺตา วิย เมตฺตจิตฺตํ, กฏฺกลํ อาทาย อาคตปุริโส วิย ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคโล. ยถา โส กฏฺเน วา กเลน วา ¶ พิฬารภสฺตํ สรสรํ ภรภรํ สทฺทํ กาตุํ น สกฺโกติ, เอวํ โว ปฺจ วจนปเถ คเหตฺวา อาคตปุคฺคโล เมตฺตจิตฺตสฺส อฺถตฺตํ กตฺวา โทสานุคตภาวํ กาตุํ น สกฺขิสฺสตีติ.
๒๓๒. โอจรกาติ อวจรกา เหฏฺาจรกา, นีจกมฺมการกาติ อตฺโถ. โย มโน ปทูเสยฺยาติ โย ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา มโน ปทูเสยฺย, ตํ กกเจน โอกนฺตนํ นาธิวาเสยฺย. น เม โส เตน สาสนกโรติ โส เตน อนธิวาสเนน มยฺหํ โอวาทกโร น โหติ. อาปตฺติ ปเนตฺถ นตฺถิ.
๒๓๓. อณุํ วา ถูลํ วาติ อปฺปสาวชฺชํ วา มหาสาวชฺชํ วา. ยํ ตุมฺเห นาธิวาเสยฺยาถาติ โย ตุมฺเหหิ อธิวาเสตพฺโพ น ภเวยฺยาติ อตฺโถ. โน เหตํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, อนธิวาเสตพฺพํ นาม วจนปถํ น ปสฺสามาติ อธิปฺปาโย. ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ อิติ ภควา อรหตฺเตน กูฏํ คณฺหนฺโต ยถานุสนฺธินา เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
กกจูปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อลคทฺทูปมสุตฺตวณฺณนา
๒๓๔. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ อลคทฺทูปมสุตฺตํ. ตตฺถ คทฺเธ พาธยึสูติ คทฺธพาธิโน, คทฺธพาธิโน ปุพฺพปุริสา อสฺสาติ คทฺธพาธิปุพฺโพ, ตสฺส คทฺธพาธิปุพฺพสฺส, คิชฺฌฆาตกกุลปฺปสุตสฺสาติ อตฺโถ. สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายํ กโรนฺตีติ อนฺตรายิกา. เต กมฺมกิเลสวิปากอุปวาทอาณาวีติกฺกมวเสน ปฺจวิธา. ตตฺถ ปฺจานนฺตริยธมฺมา กมฺมนฺตรายิกา นาม. ตถา ภิกฺขุนีทูสกกมฺมํ, ตํ ปน โมกฺขสฺเสว อนฺตรายํ กโรติ, น สคฺคสฺส. นิยตมิจฺฉาทิฏฺิธมฺมา กิเลสนฺตรายิกา นาม. ปณฺฑกติรจฺฉานคตอุภโตพฺยฺชนกานํ ปฏิสนฺธิธมฺมา วิปากนฺตรายิกา นาม. อริยูปวาทธมฺมา อุปวาทนฺตรายิกา นาม, เต ปน ยาว อริเย น ขมาเปนฺติ, ตาวเทว, น ตโต ปรํ. สฺจิจฺจ วีติกฺกนฺตา สตฺต อาปตฺติกฺขนฺธา อาณาวีติกฺกมนฺตรายิกา นาม. เตปิ ยาว ภิกฺขุภาวํ วา ปฏิชานาติ, น วุฏฺาติ วา, น เทเสติ วา, ตาวเทว, น ตโต ปรํ.
ตตฺรายํ ¶ ภิกฺขุ พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก เสสนฺตรายิเก ชานาติ, วินเย ปน อโกวิทตฺตา ปณฺณตฺติวีติกฺกมนฺตรายิเก น ชานาติ, ตสฺมา รโหคโต เอวํ จินฺเตสิ – อิเม อาคาริกา ปฺจ กามคุเณ ปริภฺุชนฺตา โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ โหนฺติ. ภิกฺขูปิ มนาปิกานิ จกฺขุวิฺเยฺยานิ รูปานิ ปสฺสนฺติ…เป… กายวิฺเยฺเย โผฏฺพฺเพ ผุสนฺติ, มุทุกานิ อตฺถรณปาวุรณาทีนิ ปริภฺุชนฺติ, เอตํ สพฺพํ วฏฺฏติ. กสฺมา อิตฺถีนํเยว รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพา น วฏฺฏนฺติ? เอเตปิ วฏฺฏนฺตีติ. เอวํ รเสน รสํ สํสนฺเทตฺวา สจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ นิจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ เอกํ กตฺวา ถูลวาเกหิ สทฺธึ อติสุขุมสุตฺตํ อุปเนนฺโต วิย, สาสเปน สทฺธึ สิเนรุํ อุปสํหรนฺโต วิย, ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปาเทตฺวา, ‘‘กึ ภควตา มหาสมุทฺทํ พนฺธนฺเตน วิย มหตา อุสฺสาเหน ปมปาราชิกํ ปฺตฺตํ, นตฺถิ เอตฺถ โทโส’’ติ สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌนฺโต เวสารชฺชาณํ ปฏิพาหนฺโต อริยมคฺเค ขาณุกณฺฏกาทีนิ ปกฺขิปนฺโต เมถุนธมฺเม โทโส นตฺถีติ ชินสฺส อาณาจกฺเก ปหารํ อทาสิ. เตนาห – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทิ.
เอวํ ¶ ¶ พฺยา โขติ เอวํ วิย โข. สมนุยฺุชนฺตีติอาทีสุ กึ ลทฺธิโก ตฺวํ, ลทฺธึ วเทหีติ ปุจฺฉมานา สมนุยฺุชนฺติ นาม. ทิฏฺึ ปติฏฺาเปนฺตา สมนุคฺคาหนฺติ นาม. เกน การเณน เอวํ วทสีติ การณํ ปุจฺฉนฺตา สมนุภาสนฺติ นาม. อฏฺิกงฺกลูปมาติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๒-๔๘) อฏฺิกงฺกลูปมา อปฺปสฺสาทฏฺเน. มํสเปสูปมา พหุสาธารณฏฺเน. ติณุกฺกูปมา อนุทหนฏฺเน. องฺคารกาสูปมา มหาภิตาปนฏฺเน. สุปินกูปมา อิตฺตรปจฺจุปฏฺานฏฺเน. ยาจิตกูปมา ตาวกาลิกฏฺเน. รุกฺขผลูปมา สพฺพงฺคปจฺจงฺคปลิภฺชนฏฺเน. อสิสูนูปมา อธิกุฏฺฏนฏฺเน. สตฺติสูลูปมา วินิวิชฺฌนฏฺเน. สปฺปสิรูปมา สาสงฺกสปฺปฏิภยฏฺเน. ถามสาติ ทิฏฺิถาเมน. ปรามาสาติ ทิฏฺิปรามาเสน. อภินิวิสฺส โวหรตีติ อธิฏฺหิตฺวา โวหรติ ทีเปติ วา.
๒๓๕. ยโต โข เต ภิกฺขูติ ยทา เต ภิกฺขู. เอวํ ¶ พฺยา โข อหํ, ภนฺเต, ภควตาติ อิทํ เอส อตฺตโน อชฺฌาสเยน นตฺถีติ วตฺตุกาโมปิ ภควโต อานุภาเวน สมฺปฏิจฺฉติ, พุทฺธานํ กิร สมฺมุขา ทฺเว กถา กเถตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ.
๒๓๖. กสฺส โข นาม ตฺวํ โมฆปุริสาติ ตฺวํ โมฆปุริส กสฺส ขตฺติยสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา เวสฺสสฺส วา สุทฺทสฺส วา คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา เทวสฺส วา มนุสฺสสฺส วา มยา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาสิ. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสีติ อยํ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. อริฏฺโ กิร จินฺเตสิ – ‘‘ภควา มํ โมฆปุริโสติ วทติ, น โข ปน โมฆปุริสาติ วุตฺตมตฺตเกน มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย น โหติ. อุปเสนมฺปิ หิ วงฺคนฺตปุตฺตํ, ‘อติลหุํ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, พาหุลฺลาย อาวตฺโต’ติ (มหาว. ๗๕) ภควา โมฆปุริสวาเทน โอวทิ. เถโร อปรภาเค ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ฉ อภิฺา สจฺฉากาสิ. อหมฺปิ ตถารูปํ วีริยํ ปคฺคณฺหิตฺวา มคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ. อถสฺส ภควา พนฺธนา ปวุตฺตสฺส ปณฺฑุปลาสสฺส วิย อวิรุฬฺหิภาวํ ทสฺเสนฺโต อิมํ เทสนํ อารภิ.
อุสฺมีกโตปีติ ¶ , ภิกฺขเว, ตุมฺเห กินฺติ มฺถ, อยํ อริฏฺโ เอวํลทฺธิโก สพฺพฺุตฺาเณน ปฏิวิรุชฺฌิตฺวา เวสารชฺชาณํ ปฏิพาหิตฺวา ตถาคตสฺส อาณาจกฺเก ปหารํ ททมาโน อปิ นุ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อุสฺมีกโตปิ? ยถา นิพฺพุเตปิ มหนฺเต อคฺคิกฺขนฺเธ ¶ ขชฺชุปนกมตฺตาปิ อคฺคิปปฏิกา โหติเยว, ยํ นิสฺสาย ปุน มหาอคฺคิกฺขนฺโธ ภเวยฺย. กึ นุ โข เอวํ อิมสฺส อปฺปมตฺติกาปิ าณุสฺมา อตฺถิ, ยํ นิสฺสาย วายมนฺโต มคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตยฺยาติ? โน เหตํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, เอวํลทฺธิกสฺส กุโต เอวรูปา าณุสฺมาติ? มคฺคผลานํ ปจฺจยสมตฺถาย าณุสฺมาย อุสฺมีกตภาวํ ปฏิกฺขิปนฺตา วทนฺติ. มงฺกุภูโตติ นิตฺเตชภูโต. ปตฺตกฺขนฺโธติ ปติตกฺขนฺโธ. อปฺปฏิภาโนติ กิฺจิ ปฏิภานํ อปสฺสนฺโต ภินฺนปฏิภาโน เอวรูปมฺปิ นาม นิยฺยานิกสาสนํ ลภิตฺวา อวิรุฬฺหิธมฺโม กิรมฺหิ สมุคฺฆาติตปจฺจโย ชาโตติ อตฺตโน อภพฺพตํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ปาทงฺคุฏฺเกน ภูมึ ขณมาโน นิสีทิ.
ปฺายิสฺสสิ ¶ โขติ อยมฺปิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. อริฏฺโ กิร จินฺเตสิ – ‘‘ภควา มยฺหํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย ปจฺฉินฺโนติ วทติ, น โข ปน พุทฺธา สอุปนิสฺสยานํเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ, อนุปนิสฺสยานมฺปิ เทเสนฺติ, อหํ สตฺถุ สนฺติกา สุคโตวาทํ ลภิตฺวา อตฺตโน สมฺปตฺตูปคํ กุสลํ กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส ภควา โอวาทํ ปฏิปสฺสมฺเภนฺโต ‘‘ปฺายิสฺสสี’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ, ตฺวํเยว, โมฆปุริส, อิมินา ปาปเกน ทิฏฺิคเตน นิรยาทีสุ ปฺายิสฺสสิ, มม สนฺติกา ตุยฺหํ สุคโตวาโท นาม นตฺถิ, น เม ตยา อตฺโถ, อิธาหํ ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉิสฺสามีติ.
๒๓๗. อถ โข ภควาติ อยมฺปิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. อิมสฺมิฺหิ าเน ภควา ปริสํ โสเธติ, อริฏฺํ คณโต นิสฺสาเรติ. สเจ หิ ปริสคตานํ กสฺสจิ เอวํ ภเวยฺย – ‘‘อยํ อริฏฺโ ภควตา อกถิตํ กเถตุํ กึ สกฺขิสฺสติ, กจฺจิ นุ โข ปริสมชฺเฌ ภควตา กถาย สมารทฺธาย สหสา กถิต’’นฺติ. เอวํ กถิตํ ปน น อริฏฺโว สุณาติ, อฺเนปิ สุตํ ภวิสฺสติ. อถาปิสฺส สิยา ‘‘ยถา สตฺถา อริฏฺํ นิคฺคณฺหาติ, มมฺปิ เอวํ นิคฺคณฺเหยฺยาติ สุตฺวาปิ ตุณฺหีภาวํ อาปชฺเชยฺยา’’ติ. ‘‘ตํ ¶ สพฺพํ น กริสฺสนฺตี’’ติ. มยาปิ น กถิตํ, อฺเน สุตมฺปิ นตฺถีติ ‘‘ตุมฺเหปิเม, ภิกฺขเว’’ติอาทินา ปริสาย ลทฺธึ โสเธติ. ปริสาย ปน ลทฺธิโสธเนเนว อริฏฺโ คณโต นิสฺสาริโต นาม โหติ.
อิทานิ อริฏฺสฺส ลทฺธึ ปกาเสนฺโต โส วต, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อฺตฺเรว กาเมหีติอาทีสุ ¶ โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘‘เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ เอวํลทฺธิโก, โส วต กิเลสกาเมหิ เจว กิเลสกามสมฺปยุตฺเตหิ สฺาวิตกฺเกหิ จ อฺตฺร, เอเต ธมฺเม ปหาย, วินา เอเตหิ ธมฺเมหิ, วตฺถุกาเม ปฏิเสวิสฺสติ, เมถุนสมาจารํ สมาจริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. อิทํ การณํ นาม นตฺถิ, อฏฺานเมตํ อนวกาโสติ.
๒๓๘. เอวํ ภควา อยํ อริฏฺโ ยถา นาม รชโก สุคนฺธานิปิ ทุคฺคนฺธานิปิ ชิณฺณานิปิ นวานิปิ สุทฺธานิปิ อสุทฺธานิปิ วตฺถานิ เอกโต ภณฺฑิกํ กโรติ, เอวเมว ¶ ภิกฺขูนํ นิจฺฉนฺทราคปณีตจีวราทิปริโภคฺจ อนิพทฺธสีลานํ คหฏฺานํ อนฺตรายกรํ สจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ นิพทฺธสีลานํ ภิกฺขูนํ อาวรณกรํ สจฺฉนฺทราคปริโภคฺจ สพฺพํ เอกสทิสํ กโรตีติ อริฏฺสฺส ลทฺธึ ปกาเสตฺวา อิทานิ ทุคฺคหิตาย ปริยตฺติยา โทสํ ทสฺเสนฺโต อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺเจติอาทิมาห. ตตฺถ ปริยาปุณนฺตีติ อุคฺคณฺหนฺติ. สุตฺตนฺติอาทีสุ อุภโตวิภงฺคนิทฺเทสขนฺธกปริวารา, สุตฺตนิปาเต มงฺคลสุตฺตรตนสุตฺตนาลกสุอาตุวฏฺฏกสุตฺตานิ, อฺมฺปิ จ สุตฺตนามกํ ตถาคตวจนํ สุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺพมฺปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยนฺติ เวทิตพฺพํ, วิเสเสน สํยุตฺตเก สกโลปิ สคาถาวคฺโค. สกลํ อภิธมฺมปิฏกํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ, ยฺจ อฺมฺปิ อฏฺหิ องฺเคหิ อสงฺคหิตํ พุทฺธวจนํ, ตํ เวยฺยากรณนฺติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมปทํ, เถรคาถา, เถริคาถา, สุตฺตนิปาเต โนสุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา จ คาถาติ เวทิตพฺพา. โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสํยุตฺตา ทฺเวอสีติสุตฺตนฺตา อุทานนฺติ เวทิตพฺพา. ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ติอาทินยปฺปวตฺตา (อิติวุ. ๑,๒) ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา อิติวุตฺตกนฺติ เวทิตพฺพา. อปณฺณกชาตกาทีนิ ปณฺณาสาธิกานิ ปฺจชาตกสตานิ ชาตกนฺติ เวทิตพฺพานิ. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท’’ติอาทินยปฺปวตฺตา (อ. นิ. ๔.๑๒๙) สพฺเพปิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺมปฺปฏิสํยุตฺตา ¶ สุตฺตนฺตา อพฺภุตธมฺมนฺติ เวทิตพฺพา. จูฬเวทลฺลมหาเวทลฺลสมฺมาทิฏฺิสกฺกปฺหสงฺขารภาชนิยมหาปุณฺณมสุตฺตาทโย สพฺเพปิ เวทฺจ ตุฏฺิฺจ ลทฺธา ลทฺธา ปุจฺฉิตสุตฺตนฺตา เวทลฺลนฺติ เวทิตพฺพา.
อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺตีติ อตฺถตฺถํ การณตฺถํ น ปสฺสนฺติ น ปริคฺคณฺหนฺติ. อนุปปริกฺขตนฺติ อนุปปริกฺขนฺตานํ. น นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ น อุปฏฺหนฺติ น อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, อิมสฺมึ าเน สีลํ สมาธิ วิปสฺสนา มคฺโค ผลํ วฏฺฏํ วิวฏฺฏํ กถิตนฺติ เอวํ ชานิตุํ ¶ น สกฺกา โหนฺตีติ อตฺโถ. เต อุปารมฺภานิสํสา เจวาติ เต ปเรสํ วาเท โทสาโรปนานิสํสา ¶ หุตฺวา ปริยาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จาติ เอวํ วาทปโมกฺขานิสํสา, ปเรหิ สกวาเท โทเส อาโรปิเต ตํ โทสํ เอวํ โมเจสฺสามาติ อิมินาว การเณน ปริยาปุณนฺตีติ อตฺโถ. ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺตีติ ยสฺส จ มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา อตฺถาย กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, ตฺจสฺส ธมฺมสฺส อตฺถํ เอเต ทุคฺคหิตคฺคาหิโน นานุโภนฺติ. อปิจ ปรสฺส วาเท อุปารมฺภํ อาโรเปตุํ อตฺตโน วาทํ โมเจตุํ อสกฺโกนฺตาปิ ตฺจ อตฺถํ นานุโภนฺติเยว.
๒๓๙. อลคทฺทตฺถิโกติ อาสิวิสอตฺถิโก. คโทติ หิ วิสสฺส นามํ, ตํ ตสฺส อลํ ปริปุณฺณํ อตฺถีติ อลคทฺโท. โภเคติ สรีเร. อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺตีติ นิตฺถรณปริยตฺติวเสน อุคฺคณฺหนฺติ. ติสฺโส หิ ปริยตฺติโย อลคทฺทปริยตฺติ นิตฺถรณปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติ.
ตตฺถ โย พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา เอวํ จีวราทีนิ วา ลภิสฺสามิ, จตุปริสมชฺเฌ วา มํ ชานิสฺสนฺตีติ ลาภสกฺการเหตุ ปริยาปุณาติ, ตสฺส สา ปริยตฺติ อลคทฺทปริยตฺติ นาม. เอวํ ปริยาปุณโต หิ พุทฺธวจนํ อปริยาปุณิตฺวา นิทฺโทกฺกมนํ วรตรํ.
โย ปน พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา สีลสฺส อาคตฏฺาเน สีลํ ปูเรตฺวา สมาธิสฺส อาคตฏฺาเน สมาธิคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา วิปสฺสนาย อาคตฏฺาเน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา มคฺคผลานํ อาคตฏฺาเน มคฺคํ ภาเวสฺสามิ ผลํ ¶ สจฺฉิกริสฺสามีติ อุคฺคณฺหาติ, ตสฺส สา ปริยตฺติ นิตฺถรณปริยตฺติ นาม โหติ.
ขีณาสวสฺส ปน ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นาม. ตสฺส หิ อปริฺาตํ อปฺปหีนํ อภาวิตํ อสจฺฉิกตํ วา นตฺถิ. โส หิ ปริฺาตกฺขนฺโธ ปหีนกิเลโส ภาวิตมคฺโค สจฺฉิกตผโล, ตสฺมา พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺโต ตนฺติธารโก ปเวณิปาลโก วํสานุรกฺขโกว หุตฺวา อุคฺคณฺหาติ. อิติสฺส สา ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ นาม โหติ.
โย ¶ ปน ปุถุชฺชโน ฉาตภยาทีสุ คนฺถธเรสุ เอกสฺมึ าเน วสิตุํ อสกฺโกนฺเตสุ สยํ ภิกฺขาจาเรน อกิลมมาโน ¶ อติมธุรํ พุทฺธวจนํ มา นสฺสตุ, ตนฺตึ ธาเรสฺสามิ, วํสํ เปสฺสามิ, ปเวณึ ปาเลสฺสามีติ ปริยาปุณาติ, ตสฺส ปริยตฺติ ภณฺฑาคาริกปริยตฺติ โหติ, น โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? น อตฺตโน าเน ตฺวา ปริยาปุตตฺตา. ปุถุชฺชนสฺส หิ ปริยตฺติ นาม อลคทฺทา วา โหติ นิตฺถรณา วา, สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ นิตฺถรณาว, ขีณาสวสฺส ภณฺฑาคาริกปริยตฺติเยว. อิมสฺมึ ปน าเน นิตฺถรณปริยตฺติ อธิปฺเปตา.
นิชฺฌานํ ขมนฺตีติ สีลาทีนํ อาคตฏฺาเนสุ อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ วิปสฺสนา, อิธ มคฺโค, อิธ ผลํ, อิธ วฏฺฏํ, อิธ วิวฏฺฏนฺติ อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ. ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภนฺตีติ เยสํ มคฺคผลานํ อตฺถาย ปริยาปุณนฺติ. สุคฺคหิตปริยตฺตึ นิสฺสาย มคฺคํ ภาเวตฺวา ผลํ สจฺฉิกโรนฺตา ตฺจสฺส ธมฺมสฺส อตฺถํ อนุภวนฺติ. ปรวาเท อุปารมฺภํ อาโรเปตุํ สกฺโกนฺตาปิ สกวาเท อาโรปิตํ โทสํ อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ คเหตฺวา โมเจตุํ สกฺโกนฺตาปิ อนุโภนฺติเยว. ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตีติ สีลาทีนํ อาคตฏฺาเน สีลาทีนิ ปูเรนฺตานมฺปิ, ปเรสํ วาเท สหธมฺเมน อุปารมฺภํ อาโรเปนฺตานมฺปิ, สกวาทโต โทสํ หรนฺตานมฺปิ, อรหตฺตํ ปตฺวา ปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสตฺวา ธมฺมเทสนาย ปสนฺเนหิ อุปนีเต จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตานมฺปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ.
เอวํ ¶ สุคฺคหิเต พุทฺธวจเน อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺเถว นิโยเชนฺโต ตสฺมา ติห, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ทุคฺคหิตปริยตฺติ ทุคฺคหิตอลคทฺโท วิย ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตติ, สุคฺคหิตปริยตฺติ สุคฺคหิตอลคทฺโท วิย ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตติ, ตสฺมาติ อตฺโถ. ตถา นํ ธาเรยฺยาถาติ ตเถว นํ ธาเรยฺยาถ, เตเนว อตฺเถน คณฺเหยฺยาถ. เย วา ปนาสฺสุ วิยตฺตา ภิกฺขูติ เย วา ปน อฺเ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปมหากจฺจานาทิกา พฺยตฺตา ปณฺฑิตา ภิกฺขู อสฺสุ, เต ปุจฺฉิตพฺพา. อริฏฺเน วิย ปน มม สาสเน น กลลํ วา กจวรํ วา ปกฺขิปิตพฺพํ.
๒๔๐. กุลฺลูปมนฺติ กุลฺลสทิสํ. นิตฺถรณตฺถายาติ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถาย. อุทกณฺณวนฺติ ยฺหิ ¶ อุทกํ คมฺภีรํ น ปุถุลํ. ปุถุลํ วา ปน น คมฺภีรํ, น ตํ อณฺณโวติ วุจฺจติ. ยํ ¶ ปน คมฺภีรฺเจว ปุถุลฺจ, ตํ อณฺณโวติ วุจฺจติ. ตสฺมา มหนฺตํ อุทกณฺณวนฺติ มหนฺตํ ปุถุลํ คมฺภีรํ อุทกนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ. สาสงฺกํ นาม ยตฺถ โจรานํ นิวุตฺโถกาโส ทิสฺสติ. ิโตกาโส, นิสินฺโนกาโส, นิปนฺโนกาโส ทิสฺสติ. สปฺปฏิภยํ นาม ยตฺถ โจเรหิ มนุสฺสา หตา ทิสฺสนฺติ, วิลุตฺตา ทิสฺสนฺติ, อาโกฏิตา ทิสฺสนฺติ. อุตฺตรเสตูติ อุทกณฺณวสฺส อุปริ พทฺโธ เสตุ. กุลฺลํ พนฺธิตฺวาติ กุลฺโล นาม ตรณตฺถาย กลาปํ กตฺวา พทฺโธ. ปตฺถริตฺวา พทฺธา ปน ปทรจาฏิอาทโย อุฬุมฺโปติ วุจฺจนฺติ. อุจฺจาเรตฺวาติ เปตฺวา. กิจฺจการีติ ปตฺตการี ยุตฺตการี, ปติรูปการีติ อตฺโถ. ธมฺมาปิ โว ปหาตพฺพาติ เอตฺถ ธมฺมาติ สมถวิปสฺสนา. ภควา หิ สมเถปิ ฉนฺทราคํ ปชหาเปสิ, วิปสฺสนายปิ. สมเถ ฉนฺทราคํ กตฺถ ปชหาเปสิ? ‘‘อิติ โข, อุทายิ, เนวสฺานาสฺายตนสฺสปิ ปหานํ วทามิ, ปสฺสสิ โน ตฺวํ, อุทายิ, ตํ สํโยชนํ อณุํ วา ถูลํ วา, ยสฺสาหํ โน ปหานํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๕๖) เอตฺถ สมเถ ฉนฺทราคํ ปชหาเปสิ. ‘‘อิมํ เจ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ทิฏฺึ เอวํ ปริสุทฺธํ เอวํ ปริโยทาตํ น อลฺลีเยถ น เกลาเยถ น ธนาเยถา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) เอตฺถ วิปสฺสนาย ฉนฺทราคํ ปชหาเปสิ ¶ . อิธ ปน อุภยตฺถ ปชหาเปนฺโต ‘‘ธมฺมาปิ โว ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ อาห.
ตตฺรายํ อธิปฺปาโย – ภิกฺขเว, อหํ เอวรูเปสุ สนฺตปฺปณีเตสุ ธมฺเมสุ ฉนฺทราคปฺปหานํ วทามิ, กึ ปน อิมสฺมึ อสทฺธมฺเม คามธมฺเม วสลธมฺเม ทุฏฺุลฺเล โอทกนฺติเก, ยตฺถ อยํ อริฏฺโ โมฆปุริโส นิทฺโทสสฺี ปฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราคํ นาลํ อนฺตรายายาติ วทติ. อริฏฺเน วิย น ตุมฺเหหิ มยฺหํ สาสเน กลลํ วา กจวรํ วา ปกฺขิปิตพฺพนฺติ เอวํ ภควา อิมินาปิ โอวาเทน อริฏฺํเยว นิคฺคณฺหาติ.
๒๔๑. อิทานิ ¶ โย ปฺจสุ ขนฺเธสุ ติวิธคฺคาหวเสน อหํ มมนฺติ คณฺหาติ, โส มยฺหํ สาสเน อยํ อริฏฺโ วิย กลลํ กจวรํ ปกฺขิปตีติ ทสฺเสนฺโต ฉยิมานิ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ ทิฏฺิฏฺานานีติ ทิฏฺิปิ ทิฏฺิฏฺานํ, ทิฏฺิยา อารมฺมณมฺปิ ทิฏฺิฏฺานํ, ทิฏฺิยา ปจฺจโยปิ. รูปํ เอตํ มมาติอาทีสุ เอตํ มมาติ ตณฺหาคฺคาโห. เอโสหมสฺมีติ มานคฺคาโห. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคฺคาโห. เอวํ รูปารมฺมณา ตณฺหามานทิฏฺิโย กถิตา โหนฺติ. รูปํ ปน อตฺตาติ น วตฺตพฺพํ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. ทิฏฺํ รูปายตนํ, สุตํ สทฺทายตนํ ¶ , มุตํ คนฺธายตนํ รสายตนํ โผฏฺพฺพายตนํ, ตฺหิ ปตฺวา คเหตพฺพโต มุตนฺติ วุตฺตํ. อวเสสานิ สตฺตายตนานิ วิฺาตํ นาม. ปตฺตนฺติ ปริเยสิตฺวา วา อปริเยสิตฺวา วา ปตฺตํ. ปริเยสิตนฺติ ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา ปริเยสิตํ. อนุวิจริตํ มนสาติ จิตฺเตน อนุสฺจริตํ. โลกสฺมิฺหิ ปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ, ปริเยสิตฺวา โนปตฺตมฺปิ. อปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ, อปริเยสิตฺวา โนปตฺตมฺปิ. ตตฺถ ปริเยสิตฺวา ปตฺตํ ปตฺตํ นาม. ปริเยสิตฺวา โนปตฺตํ ปริเยสิตํ นาม. อปริเยสิตฺวา ปตฺตฺจ, อปริเยสิตฺวา โนปตฺตฺจ มนสานุวิจริตํ นาม.
อถ วา ปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ ปตฺตฏฺเน ปตฺตํ นาม. ปริเยสิตฺวา โนปตฺตํ ปริเยสิตํ นาม. อปริเยสิตฺวา โนปตฺตํ มนสานุวิจริตํ นาม. สพฺพํ วา เอตํ มนสา อนุวิจริตตฺตา มนสานุวิจริตํ นาม. อิมินา วิฺาณารมฺมณา ตณฺหามานทิฏฺิโย กถิตา, เทสนาวิลาเสน เหฏฺา ทิฏฺาทิอารมฺมณวเสน วิฺาณํ ทสฺสิตํ ¶ . ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานนฺติ ยมฺปิ เอตํ โส โลโกติอาทินา นเยน ปวตฺตํ ทิฏฺิฏฺานํ.
โส โลโก โส อตฺตาติ ยา เอสา ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตา ทิฏฺิ โลโก จ อตฺตา จาติ คณฺหาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. โส เปจฺจ ภวิสฺสามีติ โส อหํ ปรโลกํ คนฺตฺวา นิจฺโจ ภวิสฺสามิ, ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม ภวิสฺสามิ, สิเนรุมหาปถวีมหาสมุทฺทาทีหิ สสฺสตีหิ สมํ ตเถว สฺสามิ. ตมฺปิ เอตํ มมาติ ตมฺปิ ¶ ทสฺสนํ เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตาติ สมนุปสฺสติ. อิมินา ทิฏฺารมฺมณา ตณฺหามานทิฏฺิโย กถิตา. วิปสฺสนาย ปฏิวิปสฺสนากาเล วิย ปจฺฉิมทิฏฺิยา ปุริมทิฏฺิคฺคหณกาเล เอวํ โหติ.
สุกฺกปกฺเข รูปํ เนตํ มมาติ รูเป ตณฺหามานทิฏฺิคฺคาหา ปฏิกฺขิตฺตา. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย. สมนุปสฺสตีติ อิมสฺส ปน ปทสฺส ตณฺหาสมนุปสฺสนา มานสมนุปสฺสนา ทิฏฺิสมนุปสฺสนา าณสมนุปสฺสนาติ จตสฺโส สมนุปสฺสนาติ อตฺโถ. ตา กณฺหปกฺเข ติสฺสนฺนํ สมนุปสฺสนานํ, สุกฺกปกฺเข าณสมนุปสฺสนาย วเสน เวทิตพฺพา. อสติ น ปริตสฺสตีติ อวิชฺชมาเน ภยปริตสฺสนาย ตณฺหาปริตสฺสนาย วา น ปริตสฺสติ. อิมินา ภควา อชฺฌตฺตกฺขนฺธวินาเส อปริตสฺสมานํ ขีณาสวํ ทสฺเสนฺโต เทสนํ มตฺถกํ ปาเปสิ.
๒๔๒. เอวํ ¶ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขูติ เอวํ ภควตา วุตฺเต อฺตโร อนุสนฺธิกุสโล ภิกฺขุ – ‘‘ภควตา อชฺฌตฺตกฺขนฺธวินาเส อปริตสฺสนฺตํ ขีณาสวํ ทสฺเสตฺวา เทสนา นิฏฺาปิตา, อชฺฌตฺตํ อปริตสฺสนฺเต โข ปน สติ อชฺฌตฺตํ ปริตสฺสเกน พหิทฺธา ปริกฺขารวินาเส ปริตสฺสเกน อปริตสฺสเกน จาปิ ภวิตพฺพํ. อิติ อิเมหิ จตูหิ การเณหิ อยํ ปฺโห ปุจฺฉิตพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ภควนฺตํ เอตทโวจ. พหิทฺธา อสตีติ พหิทฺธา ปริกฺขารวินาเส. อหุ วต เมติ อโหสิ วต เม ภทฺทกํ ยานํ วาหนํ หิรฺํ สุวณฺณนฺติ อตฺโถ. ตํ วต เม นตฺถีติ ตํ วต อิทานิ มยฺหํ นตฺถิ, ราชูหิ วา โจเรหิ วา หฏํ, อคฺคินา วา ทฑฺฒํ, อุทเกน วา วุฬฺหํ, ปริโภเคน ¶ วา ชิณฺณํ. สิยา วต เมติ ภเวยฺย วต มยฺหํ ยานํ วาหนํ หิรฺํ สุวณฺณํ สาลิ วีหิ ยโว โคธุโม. ตํ วตาหํ น ลภามีติ ตมหํ อลภมาโน ตทนุจฺฉวิกํ กมฺมํ อกตฺวา นิสินฺนตฺตา อิทานิ น ลภามีติ โสจติ, อยํ อคาริยโสจนา, อนคาริยสฺส ปตฺตจีวราทีนํ วเสน เวทิตพฺพา.
อปริตสฺสนาวาเร น เอวํ โหตีติ เยหิ กิเลเสหิ เอวํ ภเวยฺย, เตสํ ปหีนตฺตา น เอวํ โหติ. ทิฏฺิฏฺานาธิฏฺานปริยุฏฺานาภินิเวสานุสยานนฺติ ¶ ทิฏฺีนฺจ ทิฏฺิฏฺานานฺจ ทิฏฺาธิฏฺานานฺจ ทิฏฺิปริยุฏฺานานฺจ อภินิเวสานุสยานฺจ. สพฺพสงฺขารสมถายาติ นิพฺพานตฺถาย. นิพฺพานฺหิ อาคมฺม สพฺพสงฺขาราอิฺชิตานิ, สพฺพสงฺขารจลนานิ สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมฺมนฺติ วูปสมฺมนฺติ, ตสฺมา ตํ, ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ วุจฺจติ. ตเทว จ อาคมฺม ขนฺธูปธิ กิเลสูปธิ อภิสงฺขารูปธิ, ปฺจกามคุณูปธีติ อิเม อุปธโย ปฏินิสฺสชฺชิยนฺติ, ตณฺหา ขียติ วิรชฺชติ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา ตํ, ‘‘สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธ’’ติ วุจฺจติ. นิพฺพานายาติ อยํ ปนสฺส สรูปนิทฺเทโส, อิติ สพฺเพเหว อิเมหิ ปเทหิ นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยตฺถาย ธมฺมํ เทเสนฺตสฺสาติ อยมตฺโถ ทีปิโต. ตสฺเสวํ โหตีติ ตสฺส ทิฏฺิคติกสฺส อุจฺฉิชฺชิสฺสามิ นามสฺสุ, วินสฺสิสฺสามิ นามสฺสุ, นาสฺสุ นาม ภวิสฺสามีติ เอวํ โหติ. ทิฏฺิคติกสฺส หิ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สฺุตาปฏิสํยุตฺตํ กตฺวา เทสิยมานํ ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ตาโส อุปฺปชฺชติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ตาโส เหโส, ภิกฺขเว, อสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส โน จสฺสํ, โน จ เม สิยา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๕).
๒๔๓. เอตฺตาวตา ¶ พหิทฺธาปริกฺขารวินาเส ตสฺสนกสฺส จ โนตสฺสนกสฺส จ อชฺฌตฺตกฺขนฺธวินาเส ตสฺสนกสฺส จ โนตสฺสนกสฺส จาติ อิเมสํ วเสน จตุกฺโกฏิกา สฺุตา กถิตา. อิทานิ พหิทฺธา ปริกฺขารํ ปริคฺคหํ นาม กตฺวา, วีสติวตฺถุกํ สกฺกายทิฏฺึ อตฺตวาทุปาทานํ นาม กตฺวา, สกฺกายทิฏฺิปมุขา ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิโย ทิฏฺินิสฺสยํ นาม กตฺวา ติโกฏิกํ สฺุตํ ทสฺเสตุํ ตํ, ภิกฺขเว, ปริคฺคหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปริคฺคหนฺติ พหิทฺธา ปริกฺขารํ. ปริคฺคณฺเหยฺยาถาติ ยถา วิฺู มนุสฺโส ปริคฺคณฺเหยฺย ¶ . อหมฺปิ โข ตํ, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ น ปสฺสถ, อหมฺปิ น ปสฺสามิ, อิติ เอวรูโป ปริคฺคโห นตฺถีติ ทสฺเสติ. เอวํ สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๒๔๔. เอวํ ติโกฏิกํ สฺุตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อชฺฌตฺตกฺขนฺเธ อตฺตาติ พหิทฺธา ปริกฺขาเร อตฺตนิยนฺติ กตฺวา ทฺวิโกฏิกํ ทสฺเสนฺโต อตฺตนิ วา, ภิกฺขเว, สตีติอาทิมาห ¶ . ตตฺถ อยํ สงฺเขปตฺโถ, ภิกฺขเว, อตฺตนิ วา สติ อิทํ เม ปริกฺขารชาตํ อตฺตนิยนฺติ อสฺส, อตฺตนิเยว วา ปริกฺขาเร สติ อยํ เม อตฺตา อิมสฺส ปริกฺขารสฺส สามีติ, เอวํ อหนฺติ. สติ มมาติ, มมาติ สติ อหนฺติ ยุตฺตํ ภเวยฺย. สจฺจโตติ ภูตโต, เถตโตติ ตถโต ถิรโต วา.
อิทานิ อิเม ปฺจกฺขนฺเธ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ เอวํ ติปริวฏฺฏวเสน อคฺคณฺหนฺโต อยํ อริฏฺโ วิย มยฺหํ สาสเน กลลํ กจวรํ ปกฺขิปตีติ ทสฺเสนฺโต ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วาติอาทิมาห. ตตฺถ อนิจฺจํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, ยสฺมา หุตฺวา น โหติ, ตสฺมา อนิจฺจํ. อุปฺปาทวยวตฺติโต วิปริณามตาวกาลิกนิจฺจปฏิกฺเขปฏฺเน วาติ จตูหิ การเณหิ อนิจฺจํ. ทุกฺขํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, ปฏิปีฬนากาเรน ทุกฺขํ, สนฺตาปทุกฺขมทุกฺขวตฺถุกสุขปฏิกฺเขปฏฺเน วาติ จตูหิ การเณหิ ทุกฺขํ. วิปริณามธมฺมนฺติ ภวสงฺกนฺติอุปคมนสภาวํ ปกติภาววิชหนสภาวํ. กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตาติ ยุตฺตํ นุ โข ตํ อิเมสํ ติณฺณํ ตณฺหามานทิฏฺิคฺคาหานํ วเสน อหํ มมาติ เอวํ คเหตุํ. โน เหตํ, ภนฺเตติ อิมินา เต ภิกฺขู อวสวตฺตนากาเรน รูปํ, ภนฺเต, อนตฺตาติ ปฏิชานนฺติ. สฺุอสฺสามิกอนิสฺสรอตฺตปฏิกฺเขปฏฺเน วาติ จตูหิ การเณหิ อนตฺตา.
ภควา ¶ หิ กตฺถจิ อนิจฺจวเสน อนตฺตตฺตํ ทสฺเสติ, กตฺถจิ ทุกฺขวเสน, กตฺถจิ อุภยวเสน. ‘‘จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชติ, จกฺขุสฺส อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปฺายติ. ยสฺส โข ปน อุปฺปาโทปิ วโยปิ ปฺายติ, อตฺตา เม อุปฺปชฺชติ จ เวติ จาติ อิจฺจสฺส เอวมาคตํ โหติ, ตสฺมา ตํ น อุปปชฺชติ จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย, อิติ จกฺขุ อนตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๒๒) อิมสฺมิฺหิ ฉฉกฺกสุตฺเต ¶ อนิจฺจวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสติ. ‘‘รูปฺจ หิทํ, ภิกฺขเว ¶ , อตฺตา อภวิสฺส, นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺย, ลพฺเภถ จ รูเป ‘เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’ติ. ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, รูปํ อนตฺตา, ตสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตติ, น จ ลพฺภติ รูเป ‘เอวํ เม รูปํ โหตุ, เอวํ เม รูปํ มา อโหสี’’’ติ (มหาว. ๒๐; สํ. นิ. ๓.๕๙) อิมสฺมึ อนตฺตลกฺขณสุตฺเต ทุกฺขวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสติ. ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจํ, ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา, ยทนตฺตา ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๗๖) อิมสฺมึ อรหตฺตสุตฺเต อุภยวเสน อนตฺตตํ ทสฺเสติ. กสฺมา? อนิจฺจํ ทุกฺขฺจ ปากฏํ. อนตฺตาติ น ปากฏํ.
ปริโภคภาชนาทีสุ หิ ภินฺเนสุ อโห อนิจฺจนฺติ วทนฺติ, อโห อนตฺตาติ วตฺตา นาม นตฺถิ. สรีเร คณฺฑปิฬกาทีสุ วา อุฏฺิตาสุ กณฺฏเกน วา วิทฺธา อโห ทุกฺขนฺติ วทนฺติ, อโห อนตฺตาติ ปน วตฺตา นาม นตฺถิ. กสฺมา? อิทฺหิ อนตฺตลกฺขณํ นาม อวิภูตํ ทุทฺทสํ ทุปฺปฺาปนํ. เตน ตํ ภควา อนิจฺจวเสน วา ทุกฺขวเสน วา อุภยวเสน วา ทสฺเสติ. ตยิทํ อิมสฺมิมฺปิ เตปริวฏฺเฏ อนิจฺจทุกฺขวเสเนว ทสฺสิตํ. เวทนาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตสฺมา ติห, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, ยสฺมา เอตรหิ อฺทาปิ รูปํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, ตสฺมาติ อตฺโถ. ยํกิฺจิ รูปนฺติอาทีนิ วิสุทฺธิมคฺเค ขนฺธนิทฺเทเส วิตฺถาริตาเนว.
๒๔๕. นิพฺพินฺทตีติ อุกฺกณฺติ. เอตฺถ จ นิพฺพิทาติ วุฏฺานคามินีวิปสฺสนา อธิปฺเปตา. วุฏฺานคามินีวิปสฺสนาย หิ พหูนิ นามานิ. เอสา หิ กตฺถจิ สฺคฺคนฺติ วุตฺตา. กตฺถจิ ธมฺมฏฺิติาณนฺติ. กตฺถจิ ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคนฺติ. กตฺถจิ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธีติ ¶ . กตฺถจิ ตมฺมยตาปริยาทานนฺติ. กตฺถจิ ตีหิ นาเมหิ. กตฺถจิ ทฺวีหีติ.
ตตฺถ โปฏฺปาทสุตฺเต ตาว ‘‘สฺา โข, โปฏฺปาท, ปมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา าณ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๔๑๖) เอวํ สฺคฺคนฺติ วุตฺตา. สุสิมสุตฺเต ‘‘ปุพฺเพ โข, สุสิม, ธมฺมฏฺิติาณํ ¶ , ปจฺฉา นิพฺพาเน าณ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๗๐) เอวํ ¶ ธมฺมฏฺิติาณนฺติ วุตฺตา. ทสุตฺตรสุตฺเต ‘‘ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิปธานิยงฺค’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๕๙) เอวํ ปาริสุทฺธิปทานิยงฺคนฺติ วุตฺตา. รถวินีเต ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) เอวํ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธีติ วุตฺตา. สฬายตนวิภงฺเค ‘‘อตมฺมยตํ, ภิกฺขเว, นิสฺสาย อตมฺมยตํ อาคมฺม ยายํ อุเปกฺขา นานตฺตา นานตฺตสิตา, ตํ อภินิวชฺเชตฺวา ยายํ อุเปกฺขา เอกตฺตา เอกตฺตสิตา, ตํ นิสฺสาย ตํ อาคมฺม เอวเมติสฺสา ปหานํ โหติ, เอวเมติสฺสา สมติกฺกโม โหตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๐) เอวํ ตมฺมยตาปริยาทานนฺติ วุตฺตา. ปฏิสมฺภิทามคฺเค ‘‘ยา จ มฺุจิตุกมฺยตา, ยา จ ปฏิสงฺขานุปสฺสนา, ยา จ สงฺขารุเปกฺขา, อิเม ธมฺมา เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๔) เอวํ ตีหิ นาเมหิ วุตฺตา. ปฏฺาเน ‘‘อนุโลมํ โคตฺรภุสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย, อนุโลมํ โวทานสฺส อนนฺตรปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.๑.๔๑๗) เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ วุตฺตา. อิมสฺมึ ปน อลคทฺทสุตฺเต นิพฺพินฺทตีติ นิพฺพิทานาเมน อาคตา.
นิพฺพิทา วิรชฺชตีติ เอตฺถ วิราโคติ มคฺโค วิราคา วิมุจฺจตีติ เอตฺถ วิราเคน มคฺเคน วิมุจฺจตีติ ผลํ กถิตํ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหตีติ อิธ ปจฺจเวกฺขณา กถิตา.
เอวํ วิมุตฺตจิตฺตํ มหาขีณาสวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺส ยถาภูเตหิ ปฺจหิ การเณหิ นามํ คณฺหนฺโต อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. อวิชฺชาติ วฏฺฏมูลิกา อวิชฺชา. อยฺหิ ทุรุกฺขิปนฏฺเน ปลิโฆติ วุจฺจติ. เตเนส ตสฺส อุกฺขิตฺตตฺตา อุกฺขิตฺตปลิโฆติ วุตฺโต. ตาลาวตฺถุกตาติ สีสจฺฉินฺนตาโล วิย กตา, สมูลํ วา ตาลํ อุทฺธริตฺวา ตาลสฺส วตฺถุ วิย กตา, ยถา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปุน โส ตาโล น ปฺายติ, เอวํ ปุน อปฺตฺติภาวํ ¶ นีตาติ อตฺโถ. โปโนพฺภวิโกติ ปุนพฺภวทายโก. ชาติสํสาโรติอาทีสุ ชายนวเสน เจว สํสรณวเสน จ เอวํ ลทฺธนามานํ ปุนพฺภวขนฺธานํ ปจฺจโย กมฺมาภิสงฺขาโร. โส หิ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติกรณวเสน ปริกฺขิปิตฺวา ิตตฺตา ปริกฺขาติ วุจฺจติ, เตเนส ตสฺสา สํกิณฺณตฺตา วิกิณฺณตฺตา สํกิณฺณปริกฺโขติ ¶ วุตฺโต. ตณฺหาติ ¶ วฏฺฏมูลิกา ตณฺหา. อยฺหิ คมฺภีรานุคตฏฺเน เอสิกาติ วุจฺจติ. เตเนส ตสฺสา อพฺพูฬฺหตฺตา ลฺุจิตฺวา ฉฑฺฑิตตฺตา อพฺพูฬฺเหสิโกติ วุตฺโต. โอรมฺภาคิยานีติ โอรํ ภชนกานิ กามภเว อุปปตฺติปจฺจยานิ. เอตานิ หิ กวาฏํ วิย นครทฺวารํ จิตฺตํ ปิทหิตฺวา ิตตฺตา อคฺคฬาติ วุจฺจนฺติ. เตเนส เตสํ นิรากตตฺตา ภินฺนตฺตา นิรคฺคโฬติ วุตฺโต. อริโยติ นิกฺกิเลโส ปริสุทฺโธ. ปนฺนทฺธโชติ ปติตมานทฺธโช. ปนฺนภาโรติ ขนฺธภารกิเลสภารอภิสงฺขารภารปฺจกามคุณภารา ปนฺนา โอโรหิตา อสฺสาติ ปนฺนภาโร. อปิจ อิธ มานภารสฺเสว โอโรปิตตฺตา ปนฺนภาโรติ อธิปฺเปโต. วิสํยุตฺโตติ จตูหิ โยเคหิ สพฺพกิเลเสหิ จ วิสํยุตฺโต. อิธ ปน มานสํโยเคเนว วิสํยุตฺตตฺตา วิสํยุตฺโตติ อธิปฺเปโต. อสฺมิมาโนติ รูเป อสฺมีติ มาโน, เวทนาย… สฺาย… สงฺขาเรสุ… วิฺาเณ อสฺมีติ มาโน.
เอตฺตาวตา ภควตา มคฺเคน กิเลเส เขเปตฺวา นิโรธสยนวรคตสฺส นิพฺพานารมฺมณํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา วิหรโต ขีณาสวสฺส กาโล ทสฺสิโต. ยถา หิ ทฺเว นครานิ เอกํ โจรนครํ, เอกํ เขมนครํ. อถ เอกสฺส มหาโยธสฺส เอวํ ภเวยฺย – ‘‘ยาวิมํ โจรนครํ ติฏฺติ, ตาว เขมนครํ ภยโต น มุจฺจติ, โจรนครํ อนครํ กริสฺสามี’’ติ สนฺนาหํ กตฺวา ขคฺคํ คเหตฺวา โจรนครํ อุปสงฺกมิตฺวา นครทฺวาเร อุสฺสาปิเต เอสิกตฺถมฺเภ ขคฺเคน ฉินฺทิตฺวา สทฺวารพาหกํ กวาฏํ ฉินฺทิตฺวา ปลิฆํ อุกฺขิปิตฺวา ปาการํ ภินฺทนฺโต ปริกฺขํ สํกิริตฺวา นครโสภนตฺถาย อุสฺสิเต ธเช ปาเตตฺวา นครํ อคฺคินา ฌาเปตฺวา เขมนครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห าติคณปริวุโต สุรสโภชนํ ภฺุเชยฺย, เอวํ โจรนครํ วิย สกฺกาโย, เขมนครํ วิย นิพฺพานํ, มหาโยโธ วิย โยคาวจโร. ตสฺเสวํ โหติ, ‘‘ยาว สกฺกายวฏฺฏํ วตฺตติ, ตาว ทฺวตฺตึสกมฺมการณอฏฺนวุติโรคปฺจวีสติมหาภเยหิ ปริมุจฺจนํ นตฺถี’’ติ. โส มหาโยโธ วิย สนฺนาหํ สีลสนฺนาหํ กตฺวา, ปฺาขคฺคํ คเหตฺวา ขคฺเคน เอสิกตฺถมฺเภ วิย อรหตฺตมคฺเคน ตณฺเหสิกํ ลฺุจิตฺวา, โส โยโธ สทฺวารพาหกํ นครกวาฏํ ¶ วิย ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนคฺคฬํ อุคฺฆาเฏตฺวา, โส โยโธ ปลิฆํ วิย, อวิชฺชาปลิฆํ อุกฺขิปิตฺวา ¶ , โส โยโธ ปาการํ ภินฺทนฺโต ปริกฺขํ วิย กมฺมาภิสงฺขารํ ¶ ภินฺทนฺโต ชาติสํสารปริกฺขํ สํกิริตฺวา, โส โยโธ นครโสภนตฺถาย อุสฺสาปิเต ธเช วิย มานทฺธเช ปาเตตฺวา สกฺกายนครํ ฌาเปตฺวา, โส โยโธ เขมนคเร อุปริปาสาเท สุรสโภชนํ วิย กิเลสนิพฺพานํ นครํ ปวิสิตฺวา อมตนิโรธารมฺมณํ ผลสมาปตฺติสุขํ อนุภวมาโน กาลํ วีตินาเมติ.
๒๔๖. อิทานิ เอวํ วิมุตฺตจิตฺตสฺส ขีณาสวสฺส ปเรหิ อนธิคมนียวิฺาณตํ ทสฺเสนฺโต เอวํ วิมุตฺตจิตฺตํ โขติอาทิมาห. ตตฺถ อนฺเวสนฺติ อนฺเวสนฺตา คเวสนฺตา. อิทํ นิสฺสิตนฺติ อิทํ นาม นิสฺสิตํ. ตถาคตสฺสาติ เอตฺถ สตฺโตปิ ตถาคโตติ อธิปฺเปโต, อุตฺตมปุคฺคโล ขีณาสโวปิ. อนนุวิชฺโชติ อสํวิชฺชมาโน วา อวินฺเทยฺโย วา. ตถาคโตติ หิ สตฺเต คหิเต อสํวิชฺชมาโนติ อตฺโถ วฏฺฏติ, ขีณาสเว คหิเต อวินฺเทยฺโยติ อตฺโถ วฏฺฏติ.
ตตฺถ ปุริมนเย อยมธิปฺปาโย – ภิกฺขเว, อหํ ทิฏฺเว ธมฺเม ธรมานกํเยว ขีณาสวํ ตถาคโต สตฺโต ปุคฺคโลติ น ปฺเปมิ. อปฺปฏิสนฺธิกํ ปน ปรินิพฺพุตํ ขีณาสวํ สตฺโตติ วา ปุคฺคโลติ วา กึ ปฺเปสฺสามิ? อนนุวิชฺโช ตถาคโต. น หิ ปรมตฺถโต สตฺโต นาม โกจิ อตฺถิ, ตสฺส อวิชฺชมานสฺส อิทํ นิสฺสิตํ วิฺาณนฺติ อนฺเวสนฺตาปิ กึ อธิคจฺฉิสฺสนฺติ? กถํ ปฏิลภิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ทุติยนเย อยมธิปฺปาโย – ภิกฺขเว, อหํ ทิฏฺเว ธมฺเม ธรมานกํเยว ขีณาสวํ วิฺาณวเสน อินฺทาทีหิ อวินฺทิยํ วทามิ. น หิ สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา สปชาปติกา อนฺเวสนฺตาปิ ขีณาสวสฺส วิปสฺสนาจิตฺตํ วา มคฺคจิตฺตํ วา ผลจิตฺตํ วา, อิทํ นาม อารมฺมณํ นิสฺสาย วตฺตตีติ ชานิตุํ สกฺโกนฺติ. เต อปฺปฏิสนฺธิกสฺส ปรินิพฺพุตสฺส กึ ชานิสฺสนฺตีติ?
อสตาติ อสนฺเตน. ตุจฺฉาติ ตุจฺฉเกน. มุสาติ มุสาวาเทน. อภูเตนาติ ยํ นตฺถิ, เตน. อพฺภาจิกฺขนฺตีติ อภิอาจิกฺขนฺติ, อภิภวิตฺวา วทนฺติ. เวนยิโกติ วินยติ วินาเสตีติ วินโย, โส เอว เวนยิโก, สตฺตวินาสโกติ ¶ อธิปฺปาโย. ยถา จาหํ น, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, เยน วากาเรน อหํ น สตฺตวินาสโก. ยถา จาหํ น วทามีติ เยน วา ¶ การเณน อหํ สตฺตวินาสํ น ปฺเปมิ ¶ . อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถาหํ น สตฺตวินาสโก, ยถา จ น สตฺตวินาสํ ปฺเปมิ, ตถา มํ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ‘‘เวนยิโก สมโณ โคตโม’’ติ วทนฺตา สตฺตวินาสโก สมโณ โคตโมติ จ, ‘‘สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺเปตี’’ติ วทนฺตา สตฺตวินาสํ ปฺเปตีติ จ อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺตีติ.
ปุพฺเพ จาติ ปุพฺเพ มหาโพธิมณฺฑมฺหิเยว จ. เอตรหิ จาติ เอตรหิ ธมฺมเทสนายฺจ. ทุกฺขฺเจว ปฺเปมิ, ทุกฺขสฺส จ นิโรธนฺติ ธมฺมจกฺกํ อปฺปวตฺเตตฺวา โพธิมณฺเฑ วิหรนฺโตปิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสนฺโตปิ จตุสจฺจเมว ปฺเปมีติ อตฺโถ. เอตฺถ หิ ทุกฺขคฺคหเณน ตสฺส มูลภูโต สมุทโย, นิโรธคฺคหเณน ตํสมฺปาปโก มคฺโค คหิโตว โหตีติ เวทิตพฺโพ. ตตฺร เจติ ตสฺมึ จตุสจฺจปฺปกาสเน. ปเรติ สจฺจานิ อาชานิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถปุคฺคลา. อกฺโกสนฺตีติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ. ปริภาสนฺตีติ วาจาย ปริภาสนฺติ. โรเสนฺติ วิเหเสนฺตีติ โรเสสฺสาม วิเหเสสฺสามาติ อธิปฺปาเยน ฆฏฺเฏนฺติ ทุกฺขาเปนฺติ. ตตฺราติ เตสุ อกฺโกสาทีสุ, เตสุ วา ปรปุคฺคเลสุ. อาฆาโตติ โกโป. อปฺปจฺจโยติ โทมนสฺสํ. อนภิรทฺธีติ อตุฏฺิ.
ตตฺร เจติ จตุสจฺจปฺปกาสเนเยว. ปเรติ จตุสจฺจปฺปกาสนํ อาชานิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถปุคฺคลา. อานนฺโทติ อานนฺทปีติ. อุปฺปิลาวิตตฺตนฺติ อุปฺปิลาปนปีติ. ตตฺร เจติ จตุสจฺจปฺปกาสนมฺหิเยว. ตตฺราติ สกฺการาทีสุ. ยํ โข อิทํ ปุพฺเพ ปริฺาตนฺติ อิทํ ขนฺธปฺจกํ ปุพฺเพ โพธิมณฺเฑ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาตํ. ตตฺถเมติ ตสฺมึ ขนฺธปฺจเก อิเม. กึ วุตฺตํ โหติ? ตตฺราปิ ตถาคตสฺส อิเม สกฺการา มยิ กรียนฺตีติ วา อหํ เอเต อนุภวามีติ วา น โหติ. ปุพฺเพ ปริฺาตกฺขนฺธปฺจกํเยว เอเต สกฺกาเร อนุโภตีติ เอตฺตกเมว โหตีติ. ตสฺมาติ ¶ ยสฺมา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสมตฺถา ตถาคตมฺปิ อกฺโกสนฺติ, ตสฺมา. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๒๔๗. ตสฺมา ติห ¶ , ภิกฺขเว, ยํ น ตุมฺหากนฺติ ยสฺมา อตฺตนิเยปิ ฉนฺทราคปฺปหานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตติ, ตสฺมา ยํ น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถาติ อตฺโถ. ยถาปจฺจยํ วา ¶ กเรยฺยาติ ยถา ยถา อิจฺเฉยฺย ตถา ตถา กเรยฺย. น หิ โน เอตํ, ภนฺเต, อตฺตา วาติ, ภนฺเต, เอตํ ติณกฏฺสาขาปลาสํ อมฺหากํ เนว อตฺตา น อมฺหากํ รูปํ น วิฺาณนฺติ วทนฺติ. อตฺตนิยํ วาติ อมฺหากํ จีวราทิปริกฺขาโรปิ น โหตีติ อตฺโถ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ น ตุมฺหากํ ตํ ปชหถาติ ภควา, ขนฺธปฺจกํเยว น ตุมฺหากนฺติ ทสฺเสตฺวา ปชหาเปติ, ตฺจ โข น อุปฺปาเฏตฺวา, ลฺุจิตฺวา วา. ฉนฺทราควินเยน ปเนตํ ปชหาเปติ.
๒๔๘. เอวํ สฺวากฺขาโตติ เอตฺถ ติปริวฏฺฏโต ปฏฺาย ยาว อิมํ านํ อาหริตุมฺปิ วฏฺฏติ, ปฏิโลเมน เปมมตฺตเกน สคฺคปรายณโต ปฏฺาย ยาว อิมํ านํ อาหริตุมฺปิ วฏฺฏติ. สฺวากฺขาโตติ สุกถิโต. สุกถิตตฺตา เอว อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต. ฉินฺนปิโลติโกติ ปิโลติกา วุจฺจติ ฉินฺนํ ภินฺนํ ตตฺถ ตตฺถ สิพฺพิตํ คณฺิกตํ ชิณฺณํ วตฺถํ, ตํ ยสฺส นตฺถิ, อฏฺหตฺถํ วา นวหตฺถํ วา อหตสาฏกํ นิวตฺโถ, โส ฉินฺนปิโลติโก นาม. อยมฺปิ ธมฺโม ตาทิโส, น เหตฺถ โกหฺาทิวเสน ฉินฺนภินฺนสิพฺพิตคณฺิกตภาโว อตฺถิ. อปิจ กจวโร ปิโลติโกติ วุจฺจติ. อิมสฺมิฺจ สาสเน สมณกจวรํ นาม ปติฏฺาตุํ น ลภติ. เตเนวาห –
‘‘การณฺฑวํ นิทฺธมถ, กสมฺพฺุจาปกสฺสถ;
ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน.
นิทฺธมิตฺวาน ปาปิจฺเฉ, ปาปอาจารโคจเร;
สุทฺธา สุทฺเธหิ สํวาสํ, กปฺปยวฺโห ปติสฺสตา;
ตโต สมคฺคา นิปกา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถา’’ติ. (สุ. นิ. ๒๘๓-๒๘๕);
อิติ สมณกจวรสฺส ฉินฺนตฺตาปิ อยํ ธมฺโม ฉินฺนปิโลติโก นาม โหติ. วฏฺฏํ ¶ เตสํ นตฺถิ ปฺาปนายาติ เตสํ วฏฺฏํ อปฺตฺติภาวํ คตํ นิปฺปฺตฺติกํ ชาตํ. เอวรูโป มหาขีณาสโว เอวํ สฺวากฺขาเต สาสเนเยว อุปฺปชฺชติ. ยถา จ ขีณาสโว, เอวํ อนาคามิอาทโยปิ.
ตตฺถ ¶ ¶ ธมฺมานุสาริโน สทฺธานุสาริโนติ อิเม ทฺเว โสตาปตฺติมคฺคฏฺา โหนฺติ. ยถาห – ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี? ยสฺส ปุคฺคลสฺส โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺนสฺส ปฺินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, ปฺาวาหึ ปฺาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน ปุคฺคโล ธมฺมานุสารี, ผเล ิโต ทิฏฺิปฺปตฺโต. กตโม จ ปุคฺคโล สทฺธานุสารี? ยสฺส ปุคฺคลสฺส โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺนสฺส สทฺธินฺทฺริยํ อธิมตฺตํ โหติ, สทฺธาวาหึ สทฺธาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวติ. อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล สทฺธานุสารี. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน ปุคฺคโล สทฺธานุสารี, ผเล ิโต สทฺธาวิมุตฺโต’’ติ (ปุ. ป. ๓๐). เยสํ มยิ สทฺธามตฺตํ เปมมตฺตนฺติ อิมินา เยสํ อฺโ อริยธมฺโม นตฺถิ, ตถาคเต ปน สทฺธามตฺตํ เปมมตฺตเมว โหติ. เต วิปสฺสกปุคฺคลา อธิปฺเปตา. วิปสฺสกภิกฺขูนฺหิ เอวํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นิสินฺนานํ ทสพเล เอกา สทฺธา เอกํ เปมํ อุปฺปชฺชติ. ตาย สทฺธาย เตน เปเมน หตฺเถ คเหตฺวา สคฺเค ปิตา วิย โหนฺติ, นิยตคติกา กิร เอเต. โปราณกตฺเถรา ปน เอวรูปํ ภิกฺขุํ จูฬโสตาปนฺโนติ วทนฺติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
อลคทฺทูปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
๒๔๙. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ วมฺมิกสุตฺตํ. ตตฺถ อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ. กุมารกสฺสโปติ ตสฺส นามํ. กุมารกาเล ปพฺพชิตตฺตา ปน ภควตา, ‘‘กสฺสปํ ปกฺโกสถ, อิทํ ผลํ วา ขาทนียํ วา กสฺสปสฺส เทถา’’ติ วุตฺเต, กตรสฺส กสฺสปสฺสาติ กุมารกสฺสปสฺสาติ เอวํ คหิตนามตฺตา ตโต ปฏฺาย วุฑฺฒกาเลปิ ‘‘กุมารกสฺสโป’’ ตฺเวว ¶ วุจฺจติ. อปิจ รฺา โปสาวนิกปุตฺตตฺตาปิ ตํ ‘‘กุมารกสฺสโป’’ติ สฺชานึสุ. อยํ ปนสฺส ปุพฺพโยคโต ปฏฺาย อาวิภาวกถา –
เถโร ¶ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล เสฏฺิปุตฺโต อโหสิ. อเถกทิวสํ ภควนฺตํ จิตฺรกถึ เอกํ อตฺตโน สาวกํ านนฺตเร เปนฺตํ ทิสฺวา ภควโต สตฺตาหํ ทานํ ทตฺวา, ‘‘อหมฺปิ ภควา อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส อยํ เถโร วิย จิตฺรกถี สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา ปฺุานิ กโรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ.
ตทา กิร ปรินิพฺพุตสฺส ภควโต สาสเน โอสกฺกนฺเต ปฺจ ภิกฺขู นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ อภิรุยฺห สมณธมฺมํ อกํสุ. สงฺฆตฺเถโร ตติยทิวเส อรหตฺตํ ปตฺโต. อนุเถโร จตุตฺถทิวเส อนาคามี อโหสิ. อิตเร ตโย วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สมฺปตฺตึ อนุโภนฺตานํ เอโก ตกฺกสิลายํ ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปุกฺกุสาติ นาม ราชา หุตฺวา ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตฺวา ราชคหํ คจฺฉนฺโต กุมฺภการสาลายํ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อนาคามิผลํ ปตฺโต. เอโก เอกสฺมึ สมุทฺทปฏฺฏเน กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา นาวํ อารุยฺห ภินฺนนาโว ทารุจีรานิ นิวาเสตฺวา ลาภสมฺปตฺตึ ปตฺโต, ‘‘อหํ อรหา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา, ‘‘น ตฺวํ อรหา, คจฺฉ สตฺถารํ ปฺหํ ปุจฺฉา’’ติ อตฺถกามาย เทวตาย โจทิโต ตถา กตฺวา อรหตฺตผลํ ปตฺโต.
เอโก ¶ ราชคเห เอกิสฺสา กุลทาริกาย กุจฺฉิมฺหิ อุปฺปนฺโน. สา จ ปมํ มาตาปิตโร ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชํ อลภมานา กุลฆรํ คตา คพฺภสณฺิตมฺปิ อชานนฺตี สามิกํ อาราเธตฺวา เตน อนฺุาตา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา. ตสฺสา คพฺภินินิมิตฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขุนิโย เทวทตฺตํ ปุจฺฉึสุ, โส ‘‘อสฺสมณี’’ติ อาห. ทสพลํ ปุจฺฉึสุ, สตฺถา อุปาลิตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสิ. เถโร สาวตฺถินครวาสีนิ กุลานิ วิสาขฺจ อุปาสิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา โสเธนฺโต, – ‘‘ปุเร ลทฺโธ คพฺโภ, ปพฺพชฺชา อโรคา’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘สุวินิจฺฉิตํ อธิกรณ’’นฺติ เถรสฺส สาธุการํ อทาสิ. สา ภิกฺขุนี ¶ สุวณฺณพิมฺพสทิสํ ปุตฺตํ วิชายิ, ตํ คเหตฺวา ราชา ปเสนทิ โกสโล โปสาเปสิ. ‘‘กสฺสโป’’ติ จสฺส นามํ กตฺวา อปรภาเค อลงฺกริตฺวา ¶ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. อิติ รฺโ โปสาวนิกปุตฺตตฺตาปิ ตํ ‘‘กุมารกสฺสโป’’ติ สฺชานึสูติ.
อนฺธวเนติ เอวํนามเก วเน. ตํ กิร วนํ ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ กาเล อวิชหิตนามํ อนฺธวนํตฺเวว ปฺายติ. ตตฺรายํ ปฺตฺติวิภาวนา – อปฺปายุกพุทฺธานฺหิ สรีรธาตุ น เอกคฺฆนา โหติ. อธิฏฺานานุภาเวน วิปฺปกิริยติ. เตเนว อมฺหากมฺปิ ภควา, – ‘‘อหํ น จิรฏฺิติโก, อปฺปเกหิ สตฺเตหิ อหํ ทิฏฺโ, เยหิ น ทิฏฺโ, เตว พหุตรา, เต เม ธาตุโย อาทาย ตตฺถ ตตฺถ ปูเชนฺตา สคฺคปรายณา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ปรินิพฺพานกาเล, ‘‘อตฺตโน สรีรํ วิปฺปกิริยตู’’ติ อธิฏฺาสิ. ทีฆายุกพุทฺธานํ ปน สุวณฺณกฺขนฺโธ วิย เอกคฺฆนํ ธาตุสรีรํ ติฏฺติ.
กสฺสปสฺสาปิ ภควโต ตเถว อฏฺาสิ. ตโต มหาชนา สนฺนิปติตฺวา, ‘‘ธาตุโย เอกคฺฆนา น สกฺกา วิโยเชตุํ, กึ กริสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา เอกคฺฆนเมว เจติยํ กริสฺสาม, กิตฺตกํ ปน โหตุ ตนฺติ อาหํสุ. เอเก สตฺตโยชนิยนฺติ อาหํสุ. เอตํ อติมหนฺตํ, อนาคเต ชคฺคิตุํ น สกฺกา, ฉโยชนํ โหตุ, ปฺจโยชนํ… จตุโยชนํ… ติโยชนํ… ทฺวิโยชนํ… เอกโยชนํ โหตูติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา อิฏฺกา กีทิสา โหนฺตูติ พาหิรนฺเต อิฏฺกา รตฺตสุวณฺณมยา เอกคฺฆนา สตสหสฺสคฺฆนิกา โหนฺตุ, อพฺภนฺตริมนฺเต ปฺาสสหสฺสคฺฆนิกา. หริตาลมโนสิลาหิ มตฺติกากิจฺจํ กยิรตุ, เตเลน อุทกกิจฺจนฺติ นิฏฺํ คนฺตฺวา จตฺตาริ มุขานิ จตุธา วิภชึสุ. ราชา เอกํ มุขํ คณฺหิ, ราชปุตฺโต ปถวินฺทรกุมาโร ¶ เอกํ, อมจฺจานํ เชฏฺโก หุตฺวา เสนาปติ เอกํ, ชนปทานํ เชฏฺโก หุตฺวา เสฏฺิ เอกํ.
ตตฺถ ธนสมฺปนฺนตาย ราชาปิ สุวณฺณํ นีหราเปตฺวา อตฺตนา คหิตมุเข กมฺมํ อารภิ, อุปราชาปิ, เสนาปติปิ. เสฏฺินา คหิตมุเข ปน กมฺมํ โอลียติ. ตโต ยโสรโต นาม เอโก อุปาสโก เตปิฏโก ภาณโก อนาคามี อริยสาวโก, โส กมฺมํ โอลียตีติ ตฺวา ปฺจ สกฏสตานิ ¶ โยชาเปตฺวา ชนปทํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ วีสติวสฺสสหสฺสานิ ตฺวา ปรินิพฺพุโต. ตสฺส โยชนิกํ รตนเจติยํ กยิรติ, โย ยํ ทาตุํ อุสฺสหติ สุวณฺณํ วา หิรฺํ วา สตฺตรตนํ วา หริตาลํ วา มโนสิลํ วา, โส ตํ เทตู’’ติ สมาทเปสิ. มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน ถาเมน หิรฺสุวณฺณาทีนิ อทํสุ. อสกฺโกนฺตา เตลตณฺฑุลาทีนิ เทนฺติเยว. อุปาสโก เตลตณฺฑุลาทีนิ กมฺมการานํ ภตฺตเวตนตฺถํ ปหิณาติ, อวเสเสหิ สุวณฺณํ เจตาเปตฺวา ปหิณาติ, เอวํ สกลชมฺพุทีปํ อจริ.
เจติเย กมฺมํ นิฏฺิตนฺติ เจติยฏฺานโต ปณฺณํ ปหิณึสุ – ‘‘นิฏฺิตํ กมฺมํ อาจริโย อาคนฺตฺวา เจติยํ วนฺทตู’’ติ. โสปิ ปณฺณํ ปหิณิ – ‘‘มยา สกลชมฺพุทีโป สมาทปิโต, ยํ อตฺถิ, ตํ คเหตฺวา กมฺมํ นิฏฺาเปนฺตู’’ติ. ทฺเวปิ ปณฺณานิ อนฺตรามคฺเค สมาคมึสุ. อาจริยสฺส ปณฺณโต ปน เจติยฏฺานโต ปณฺณํ ปมตรํ อาจริยสฺส หตฺถํ อคมาสิ. โส ปณฺณํ วาเจตฺวา เจติยํ วนฺทิสฺสามีติ เอกโกว นิกฺขมิ. อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ ปฺจ โจรสตานิ อุฏฺหึสุ. ตตฺเรกจฺเจ ตํ ทิสฺวา อิมินา สกลชมฺพุทีปโต หิรฺสุวณฺณํ สมฺปิณฺฑิตํ, นิธิกุมฺภี โน ปวฏฺฏมานา อาคตาติ อวเสสานํ อาโรเจตฺวา ตํ อคฺคเหสุํ. กสฺมา ตาตา, มํ คณฺหถาติ? ตยา สกลชมฺพุทีปโต สพฺพํ หิรฺสุวณฺณํ สมฺปิณฺฑิตํ, อมฺหากมฺปิ โถกํ โถกํ เทหีติ. กึ ตุมฺเห น ชานาถ, กสฺสโป ภควา ปรินิพฺพุโต, ตสฺส โยชนิกํ รตนเจติยํ กยิรติ, ตทตฺถาย มยา สมาทปิตํ, โน อตฺตโน อตฺถาย. ตํ ตํ ลทฺธลทฺธฏฺานโต ตตฺเถว เปสิตํ, มยฺหํ ปน นิวตฺถสาฏกมตฺตํ เปตฺวา อฺํ วิตฺตํ กากณิกมฺปิ นตฺถีติ.
เอเก, ‘‘เอวเมตํ วิสฺสเชถ อาจริย’’นฺติ อาหํสุ. เอเก, ‘‘อยํ ราชปูชิโต อมจฺจปูชิโต ¶ , อมฺเหสุ กฺจิเทว นครวีถิยํ ทิสฺวา ราชราชมหามตฺตาทีนํ อาโรเจตฺวา อนยวฺยสนํ ปาปุณาเปยฺยา’’ติ อาหํสุ. อุปาสโก, ‘‘ตาตา, นาหํ เอวํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ตฺจ โข เตสุ การฺุเน, น อตฺตโน ชีวิตนิกนฺติยา. อถ เตสุ คเหตพฺโพ วิสฺสชฺเชตพฺโพติ วิวทนฺเตสุ คเหตพฺโพติ ลทฺธิกา เอว พหุตรา หุตฺวา ชีวิตา โวโรปยึสุ.
เตสํ ¶ ¶ พลวคุเณ อริยสาวเก อปราเธน นิพฺพุตทีปสิขา วิย อกฺขีนิ อนฺตรธายึสุ. เต, ‘‘กหํ โภ จกฺขุ, กหํ โภ จกฺขู’’ติ วิปฺปลปนฺตา เอกจฺเจ าตเกหิ เคหํ นีตา. เอกจฺเจ โนาตกา อนาถาติ ตตฺเถว อฏวิยํ รุกฺขมูเล ปณฺณสาลายํ วสึสุ. อฏวึ อาคตมนุสฺสา การฺุเน เตสํ ตณฺฑุลํ วา ปุฏภตฺตํ วา ปริพฺพยํ วา เทนฺติ. ทารุปณฺณาทีนํ อตฺถาย คนฺตฺวา อาคตา มนุสฺสา กุหึ คตตฺถาติ วุตฺเต อนฺธวนํ คตมฺหาติ วทนฺติ. เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ พุทฺธานํ กาเล ตํ วนํ อนฺธวนํตฺเวว ปฺายติ. กสฺสปพุทฺธกาเล ปเนตํ ฉฑฺฑิตชนปเท อฏวิ อโหสิ. อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยา อวิทูเร เชตวนสฺส ปิฏฺิภาเค ปวิเวกกามานํ กุลปุตฺตานํ วสนฏฺานํ ปธานฆรํ อโหสิ, ตตฺถ อายสฺมา กุมารกสฺสโป เตน สมเยน เสขปฏิปทํ ปูรยมาโน วิหรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนฺธวเน วิหรตี’’ติ.
อฺตรา เทวตาติ นามโคตฺตวเสน อปากฏา เอกา เทวตาติ อตฺโถ. ‘‘อภิชานาติ โน, ภนฺเต, ภควา อหุาตฺตรสฺส มเหสกฺขสฺส สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ ภาสิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๖๕) เอตฺถ ปน อภิฺาโต สกฺโกปิ เทวราชา อฺตโรติ วุตฺโต. เทวตาติ จ อิทํ เทวานมฺปิ เทวธีตานมฺปิ สาธารณวจนํ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ เทโว อธิปฺเปโต. อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ – ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ, อุทฺทิสตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๐) ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) เอวมาทีสุ สุนฺทเร.
‘‘โก ¶ เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๗) –
เอวมาทีสุ อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน. อิธ ปน ขเย. เตน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ ปริกฺขีณาย ¶ รตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถายํ เทวปุตฺโต มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาคโตติ ¶ เวทิตพฺโพ. อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อิธ อภิกฺกนฺตสทฺโท อภิรูเป. วณฺณสทฺโท ปน ฉวิ-ถุติ-กุลวคฺคการณ-สณฺานปมาณรูปายตนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ, ‘‘สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา’’ติ เอวมาทีสุ ฉวิยา. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ (ม. นิ. ๒.๗๗) เอวมาทีสุ ถุติยํ. ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๑๕) กุลวคฺเค. ‘‘อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธเถโนติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) การเณ. ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) สณฺาเน. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๖๐๒) ปมาเณ. ‘‘วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา’’ติ เอวมาทีสุ รูปายตเน. โส อิธ ฉวิยํ ทฏฺพฺโพ. เตน อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อภิรูปฉวิอิฏฺวณฺณา, มนาปวณฺณาติ วุตฺตํ โหติ. เทวตา หิ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉมานา ปกติวณฺณํ ปกติอิทฺธึ ปชหิตฺวา โอฬาริกํ อตฺตภาวํ กตฺวา อติเรกวณฺณํ อติเรกอิทฺธึ มาเปตฺวา นฏสมชฺชาทีนิ คจฺฉนฺตา มนุสฺสา วิย อภิสงฺขเตน กาเยน อาคจฺฉนฺติ. อยมฺปิ เทวปุตฺโต ตเถว อาคโต. เตน วุตฺตํ ‘‘อภิกฺกนฺตวณฺณา’’ติ.
เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวลสทฺโท อนวเสส-เยภูยฺย-อพฺยามิสฺสานติเรกทฬฺหตฺถ-วิสํโยคาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส, ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ (ปารา. ๑) เอวมาทีสุ อนวเสสตฺตมตฺโถ. ‘‘เกวลกปฺปา จ องฺคมคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อุปสงฺกมิสฺสนฺตี’’ติ เอวมาทีสุ เยภุยฺยตา. ‘‘เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ (วิภ. ๒๒๕) เอวมาทีสุ อพฺยามิสฺสตา. ‘‘เกวลํ สทฺธามตฺตกํ นูน อยมายสฺมา’’ติ (มหาว. ๒๔๔) เอวมาทีสุ อนติเรกตา. ‘‘อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส พาหิโย นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ิโต’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๓) เอวมาทีสุ ทฬฺหตฺถตา ¶ . ‘‘เกวลี วุสิตวา อุตฺตมปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๗) เอวมาทีสุ วิสํโยโค. อิธ ปนสฺส อนวเสสตฺตมตฺโถติ อธิปฺเปโต.
กปฺปสทฺโท ปนายํ อภิสทฺทหน-โวหาร-กาล-ปฺตฺติ- ¶ เฉทน-วิกปฺป-เลส-สมนฺตภาวาทิ-อเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส, ‘‘โอกปฺปนิยเมตํ โภโต ¶ โคตมสฺส, ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) เอวมาทีสุ อภิสทฺทหนมตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๒๕๐) เอวมาทีสุ โวหาโร. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาโล. ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๒๔) เอวมาทีสุ ปฺตฺติ. ‘‘อลงฺกตา กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๖๕) เอวมาทีสุ เฉทนํ. ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ (จูฬว. ๔๔๖) เอวมาทีสุ วิกปฺโป. ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุ’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๘๐) เอวมาทีสุ เลโส. ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๙๔) เอวมาทีสุ สมนฺตภาโว. อิธ ปนสฺส สมนฺตภาโว อตฺโถ อธิปฺเปโต. ตสฺมา เกวลกปฺปํ อนฺธวนนฺติ เอตฺถ อนวเสสํ สมนฺตโต อนฺธวนนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โอภาเสตฺวาติ วตฺถาลงฺการสรีรสมุฏฺิตาย อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย จ สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ. เอกมนฺตํ อฏฺาสีติ เอกสฺมึ อนฺเต, เอกสฺมึ โอกาเส อฏฺาสิ. เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘ภิกฺขุ ภิกฺขู’’ติอาทิวจนมโวจ. กสฺมา ปนายํ อวนฺทิตฺวา สมณโวหาเรเนว กเถตีติ? สมณสฺาสมุทาจาเรเนว. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อยํ อนฺตรา กามาวจเร วสิ. อหํ ปน อสฺมิ ตโต กาลโต ปฏฺาย พฺรหฺมจารี’’ติ สมณสฺาวสฺส สมุทาจรติ, ตสฺมา อวนฺทิตฺวา สมณโวหาเรเนว กเถติ. ปุพฺพสหาโย กิเรโส เทวปุตฺโต เถรสฺส. กุโต ปฏฺายาติ? กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาลโต ปฏฺาย. โย หิ ปุพฺพโยเค อาคเตสุ ปฺจสุ สหาเยสุ อนุเถโร จตุตฺถทิวเส อนาคามี อโหสีติ วุตฺโต, อยํ โส. ตทา กิร เตสุ สงฺฆตฺเถรสฺส อรหตฺเตเนว สทฺธึ อภิฺา อาคมึสุ. โส, ‘‘มยฺหํ กิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาทาย อาคนฺตฺวา, ‘‘อิมํ, อาวุโส, ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา อปฺปมตฺตา สมณธมฺมํ กโรถา’’ติ อาห. อิตเร อาหํสุ – ‘‘น, อาวุโส, อมฺหากํ เอวํ กติกา อตฺถิ – ‘โย ปมํ ¶ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาหรติ, เตนาภตํ ภฺุชิตฺวา เสเสหิ ¶ สมณธมฺโม กาตพฺโพ’ติ. ตุมฺเห อตฺตโน ¶ อุปนิสฺสเยน กิจฺจํ มตฺถกํ ปาปยิตฺถ. มยมฺปิ สเจ โน อุปนิสฺสโย ภวิสฺสติ, กิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปสฺสาม. ปปฺโจ เอส อมฺหากํ, คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ. โส ยถาผาสุกํ คนฺตฺวา อายุปริโยสาเน ปรินิพฺพายิ.
ปุนทิวเส อนุเถโร อนาคามิผลํ สจฺฉกาสิ, ตสฺส อภิฺาโย อาคมึสุ. โสปิ ตเถว ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา เตหิ ปฏิกฺขิตฺโต ยถาผาสุกํ คนฺตฺวา อายุปริโยสาเน สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺติ. โส สุทฺธาวาเส ตฺวา เต สหาเย โอโลเกนฺโต, เอโก ตทาว ปรินิพฺพุโต, เอโก อธุนา ภควโต สนฺติเก อริยภูมึ ปตฺโต, เอโก ลาภสกฺการํ นิสฺสาย, ‘‘อหํ อรหา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สุปฺปารกปฏฺฏเน วสตีติ ทิสฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘น ตฺวํ อรหา, น อรหตฺตมคฺคํ ปฏิปนฺโน, คจฺฉ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณาหี’’ติ อุยฺโยเชสิ. โสปิ อนฺตรฆเร ภควนฺตํ โอวาทํ ยาจิตฺวา, ‘‘ตสฺมา ติห เต พาหิย เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ โหตู’’ติ (อุทา. ๑๐) ภควตา สํขิตฺเตน โอวทิโต อริยภูมึ สมฺปาปุณิ.
ตโต อฺโ เอโก อตฺถิ, โส กุหินฺติ โอโลเกนฺโต อนฺธวเน เสกฺขปฏิปทํ ปูรยมาโน วิหรตีติ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สหายกสฺส สนฺติเก คมิสฺสามีติ, คจฺฉนฺเตน ปน ตุจฺฉหตฺเถน อคนฺตฺวา กิฺจิ ปณฺณาการํ คเหตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏติ, สหาโย โข ปน เม นิรามิโส ปพฺพตมตฺถเก วสนฺโต มยา อากาเส ตฺวา ทินฺนํ ปิณฺฑปาตมฺปิ อปริภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ, อิทานิ อามิสปณฺณาการํ กึ คณฺหิสฺสติ? ธมฺมปณฺณาการํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ พฺรหฺมโลเก ิโตว รตนาวฬึ คนฺเถนฺโต วิย ปนฺนรส ปฺเห วิภชิตฺวา ตํ ธมฺมปณฺณาการํ อาทาย อาคนฺตฺวา สหายสฺส อวิทูเร ตฺวา อตฺตโน สมณสฺาสมุทาจารวเสน ตํ อนภิวาเทตฺวาว, ‘‘ภิกฺขุ ภิกฺขู’’ติ อาลปิตฺวา อยํ วมฺมิโกติอาทิมาห. ตตฺถ ตุริตาลปนวเสน ภิกฺขุ ภิกฺขูติ อาเมฑิตํ เวทิตพฺพํ. ยถา วา เอกเนว ติลเกน นลาฏํ น โสภติ, ตํ ปริวาเรตฺวา อฺเสุปิ ทินฺเนสุ ผุลฺลิตมณฺฑิตํ วิย โสภติ, เอวํ เอเกเนว ปเทน วจนํ น โสภติ ¶ , ปริวาริกปเทน สทฺธึ ¶ ผุลฺลิตมณฺฑิตํ วิย โสภตีติ ตํ ปริวาริกปทวเสน วจนํ ผุลฺลิตมณฺฑิตํ วิย กโรนฺโตปิ เอวมาห.
อยํ ¶ วมฺมิโกติ ปุรโต ิโต วมฺมิโก นาม นตฺถิ, เทสนาวเสน ปน ปุรโต ิตํ ทสฺเสนฺโต วิย อยนฺติ อาห. ลงฺคินฺติ สตฺถํ อาทาย ขณนฺโต ปลิฆํ อทฺทส. อุกฺขิป ลงฺคึ อภิกฺขณ สุเมธาติ ตาต, ปณฺฑิต, ลงฺคี นาม รตฺตึ ธูมายติ ทิวา ปชฺชลติ. อุกฺขิเปต ปรํ ปรโต ขณาติ. เอวํ สพฺพปเทสุ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อุทฺธุมายิกนฺติ มณฺฑูกํ. จงฺกวารนฺติ ขารปริสฺสาวนํ. กุมฺมนฺติ กจฺฉปํ. อสิสูนนฺติ มํสจฺเฉทกํ อสิฺเจว อธิกุฏฺฏนฺจ. มํสเปสินฺติ นิสทโปตปฺปมาณํ อลฺลมํสปิณฺฑํ. นาคนฺติ สุมนปุปฺผกลาปสทิสํ มหาผณํ ติวิธโสวตฺถิกปริกฺขิตฺตํ อหินาคํ อทฺทส. มา นาคํ ฆฏฺเฏสีติ ทณฺฑกโกฏิยา วา วลฺลิโกฏิยา วา ปํสุจุณฺณํ วา ปน ขิปมาโน มา นาคํ ฆฏฺฏยิ. นโม กโรหิ นาคสฺสาติ อุปริวาตโต อปคมฺม สุทฺธวตฺถํ นิวาเสตฺวา นาคสฺส นมกฺการํ กโรหิ. นาเคน อธิสยิตํ ธนํ นาม ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ขาทโต น ขียติ, นาโค เต อธิสยิตํ ธนํ ทสฺสติ, ตสฺมา นโม กโรหิ นาคสฺสาติ. อิโต วา ปน สุตฺวาติ ยถา ทุกฺขกฺขนฺเธ อิโตติ สาสเน นิสฺสกํ, น ตถา อิธ. อิธ ปน เทวปุตฺเต นิสฺสกฺกํ, ตสฺมา อิโต วา ปนาติ มม วา ปน สนฺติกา สุตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
๒๕๑. จาตุมฺมหาภูติกสฺสาติ จตุมหาภูตมยสฺส. กายสฺเสตํ อธิวจนนฺติ สรีรสฺส นามํ. ยเถว หิ พาหิรโก วมฺมิโก, วมตีติ วนฺตโกติ วนฺตุสฺสโยติ วนฺตสิเนหสมฺพนฺโธติ จตูหิ การเณหิ วมฺมิโกติ วุจฺจติ. โส หิ อหิมงฺคุสอุนฺทูรฆรโคฬิกาทโย นานปฺปกาเร ปาณเก วมตีติ วมฺมิโก. อุปจิกาหิ วนฺตโกติ วมฺมิโก. อุปจิกาหิ วมิตฺวา มุขตุณฺฑเกน อุกฺขิตฺตปํสุจุณฺเณน กฏิปฺปมาเณนปิ โปริสปฺปมาเณนปิ อุสฺสิโตติ วมฺมิโก. อุปจิกาหิ ¶ วนฺตเขฬสิเนเหน อาพทฺธตาย สตฺตสตฺตาหํ เทเว วสฺสนฺเตปิ น วิปฺปกิริยติ, นิทาเฆปิ ตโต ปํสุมุฏฺึ คเหตฺวา ตสฺมึ มุฏฺินา ปีฬิยมาเน สิเนโห นิกฺขมติ, เอวํ วนฺตสิเนเหน สมฺพทฺโธติ วมฺมิโก. เอวมยํ กาโยปิ, ‘‘อกฺขิมฺหา ¶ อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา นเยน นานปฺปการกํ อสุจิกลิมลํ วมตีติ วมฺมิโก. พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวา อิมสฺมึ อตฺตภาเว นิกนฺติปริยาทาเนน อตฺตภาวํ ฉฑฺเฑตฺวา คตาติ อริเยหิ วนฺตโกติปิ วมฺมิโก. เยหิ จายํ ตีหิ อฏฺิสเตหิ อุสฺสิโต นฺหารุสมฺพทฺโธ มํสาวเลปโน อลฺลจมฺมปริโยนทฺโธ ฉวิรฺชิโต สตฺเต วฺเจติ, ตํ สพฺพํ อริเยหิ วนฺตเมวาติ วนฺตุสฺสโยติปิ วมฺมิโก. ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ, จิตฺตมสฺส วิธาวตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๕๕) เอวํ ตณฺหาย ชนิตตฺตา ¶ อริเยหิ วนฺเตเนว ตณฺหาสิเนเหน สมฺพทฺโธ อยนฺติ วนฺตสิเนเหน สมฺพทฺโธติปิ วมฺมิโก. ยถา จ วมฺมิกสฺส อนฺโต นานปฺปการา ปาณกา ตตฺเถว ชายนฺติ, อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺติ, คิลานา สยนฺติ, มตา ปตนฺติ. อิติ โส เตสํ สูติฆรํ วจฺจกุฏิ คิลานสาลา สุสานฺจ โหติ. เอวํ ขตฺติยมหาสาลาทีนมฺปิ กาโย อยํ โคปิตรกฺขิโต มณฺฑิตปฺปสาธิโต มหานุภาวานํ กาโยติ อจินฺเตตฺวา ฉวินิสฺสิตา ปาณา จมฺมนิสฺสิตา ปาณา มํสนิสฺสิตา ปาณา นฺหารุนิสฺสิตา ปาณา อฏฺินิสฺสิตา ปาณา อฏฺิมิฺชนิสฺสิตา ปาณาติ เอวํ กุลคณนาย อสีติมตฺตานิ กิมิกุลสหสฺสานิ อนฺโตกายสฺมึเยว ชายนฺติ, อุจฺจารปสฺสาวํ กโรนฺติ, เคลฺเน อาตุริตานิ สยนฺติ, มตานิ ปตนฺติ, อิติ อยมฺปิ เตสํ ปาณานํ สูติฆรํ วจฺจกุฏิ คิลานสาลา สุสานฺจ โหตีติ ‘‘วมฺมิโก’’ ตฺเวว สงฺขํ คโต. เตนาห ภควา – ‘‘วมฺมิโกติ โข, ภิกฺขุ, อิมสฺส จาตุมหาภูติกสฺส กายสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ.
มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺสาติ มาติโต จ ปิติโต จ นิพฺพตฺเตน มาตาเปตฺติเกน สุกฺกโสณิเตน สมฺภูตสฺส. โอทนกุมฺมาสูปจยสฺสาติ โอทเนน เจว กุมฺมาเสน จ อุปจิตสฺส วฑฺฒิตสฺส. อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺมสฺสาติ เอตฺถ อยํ กาโย หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจธมฺโม. ทุคฺคนฺธวิฆาตตฺถาย ตนุวิเลปเนน อุจฺฉาทนธมฺโม. องฺคปจฺจงฺคาพาธวิโนทนตฺถาย ขุทฺทกสมฺพาหเนน ปริมทฺทนธมฺโม. ทหรกาเล ¶ วา อูรูสุ สยาเปตฺวา คพฺภวาเสน ทุสฺสณฺิตานํ เตสํ เตสํ องฺคานํ สณฺานสมฺปาทนตฺถํ อฺฉนปีฬนาทิวเสน ปริมทฺทนธมฺโม. เอวํ ปริหรโตปิ จ เภทนวิทฺธํสนธมฺโม ภิชฺชติ เจว วิกิรติ จ, เอวํ สภาโวติ อตฺโถ. ตตฺถ ¶ มาตาเปตฺติกสมฺภวโอทนกุมฺมาสูปจยอุจฺฉาทนปริมทฺทนปเทหิ สมุทโย กถิโต, อนิจฺจเภทวิทฺธํสนปเทหิ อตฺถงฺคโม. เอวํ สตฺตหิปิ ปเทหิ จาตุมหาภูติกสฺส กายสฺส อุจฺจาวจภาโว วฑฺฒิปริหานิ สมุทยตฺถงฺคโม กถิโตติ เวทิตพฺโพ.
ทิวา กมฺมนฺเตติ ทิวา กตฺตพฺพกมฺมนฺเต. ธูมายนาติ เอตฺถ อยํ ธูมสทฺโท โกเธ ตณฺหาย วิตกฺเก ปฺจสุ กามคุเณสุ ธมฺมเทสนาย ปกติธูเมติ อิเมสุ อตฺเถสุ วตฺตติ. ‘‘โกโธ ธูโม ภสฺมนิโมสวชฺช’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๖๕) เอตฺถ หิ โกเธ วตฺตติ. ‘‘อิจฺฉาธูมายิตา สตฺตา’’ติ ¶ เอตฺถ ตณฺหาย. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ ภควโต อวิทูเร ธูมายนฺโต นิสินฺโน โหตี’’ติ เอตฺถ วิตกฺเก.
‘‘ปงฺโก จ กามา ปลิโป จ กามา,
ภยฺจ เมตํ ติมูลํ ปวุตฺตํ;
รโช จ ธูโม จ มยา ปกาสิตา;
หิตฺวา ตุวํ ปพฺพช พฺรหฺมทตฺตา’’ติ. (ชา. ๑.๖.๑๔) –
เอตฺถ ปฺจกามคุเณสุ. ‘‘ธูมํ กตฺตา โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๔๙) เอตฺถ ธมฺมเทสนาย. ‘‘ธโช รถสฺส ปฺาณํ, ธูโม ปฺาณมคฺคิโน’’ติ (สํ. นิ. ๑.๗๒) เอตฺถ ปกติธูเม. อิธ ปนายํ วิตกฺเก อธิปฺเปโต. เตนาห ‘‘อยํ รตฺตึ ธูมายนา’’ติ.
ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนนฺติ ตถาคโต หิ สตฺตนฺนํ ธมฺมานํ พาหิตตฺตา พฺราหฺมโณ นาม. ยถาห – ‘‘สตฺตนฺนํ โข, ภิกฺขุ, ธมฺมานํ พาหิตตฺตา พฺราหฺมโณ. กตเมสํ สตฺตนฺนํ? ราโค พาหิโต โหติ, โทโส… โมโห… มาโน… สกฺกายทิฏฺิ… วิจิกิจฺฉา… สีลพฺพตปรามาโส พาหิโต โหติ. อิเมสํ ภิกฺขุ สตฺตนฺนํ ธมฺมานํ พาหิตตฺตา พฺราหฺมโณ’’ติ (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๘). สุเมโธติ สุนฺทรปฺโ. เสกฺขสฺสาติ เอตฺถ สิกฺขตีติ ¶ เสกฺโข. ยถาห – ‘‘สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสกฺโขติ วุจฺจติ. กิฺจ สิกฺขติ? อธิสีลมฺปิ สิกฺขติ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขติ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๖).
ปฺาย ¶ อธิวจนนฺติ โลกิยโลกุตฺตราย ปฺาย เอตํ อธิวจนํ, น อาวุธสตฺถสฺส. วีริยารมฺภสฺสาติ กายิกเจตสิกวีริยสฺส. ตํ ปฺาคติกเมว โหติ. โลกิยาย ปฺาย โลกิยํ, โลกุตฺตราย ปฺาย โลกุตฺตรํ. เอตฺถ ปนายํ อตฺถทีปนา –
เอโก กิร ชานปโท พฺราหฺมโณ ปาโตว มาณวเกหิ สทฺธึ คามโต นิกฺขมฺม ทิวสํ อรฺเ มนฺเต วาเจตฺวา สายํ คามํ อาคจฺฉติ. อนฺตรามคฺเค จ เอโก วมฺมิโก อตฺถิ. โส รตฺตึ ¶ ธูมายติ, ทิวา ปชฺชลติ. พฺราหฺมโณ อนฺเตวาสึ สุเมธํ มาณวํ อาห – ‘‘ตาต, อยํ วมฺมิโก รตฺตึ ธูมายติ, ทิวา ปชฺชลติ, วิการมสฺส ปสฺสิสฺสาม, ภินฺทิตฺวา นํ จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา ขิปาหี’’ติ. โส สาธูติ กุทาลํ คเหตฺวา สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย ตถา อกาสิ. ตตฺร อาจริยพฺราหฺมโณ วิย ภควา. สุเมธมาณวโก วิย เสกฺโข ภิกฺขุ. วมฺมิโก วิย กาโย. ‘‘ตาต, อยํ วมฺมิโก รตฺตึ ธูมายติ, ทิวา ปชฺชลติ, วิการมสฺส ปสฺสิสฺสาม, ภินฺทิตฺวา นํ จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา ขิปาหี’’ติ พฺราหฺมเณน วุตฺตกาโล วิย, ‘‘ภิกฺขุ จาตุมหาภูติกํ กายํ จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา ปริคฺคณฺหาหี’’ติ ภควตา วุตฺตกาโล. ตสฺส สาธูติ กุทาลํ คเหตฺวา ตถากรณํ วิย เสกฺขสฺส ภิกฺขุโน, ‘‘โย วีสติยา โกฏฺาเสสุ ถทฺธภาโว, อยํ ปถวีธาตุ. โย ทฺวาทสสุ โกฏฺาเสสุ อาพนฺธนภาโว, อยํ อาโปธาตุ. โย จตูสุ โกฏฺาเสสุ ปริปาจนภาโว, อยํ เตโชธาตุ. โย ฉสุ โกฏฺาเสสุ วิตฺถมฺภนภาโว, อยํ วาโยธาตู’’ติ เอวํ จตุธาตุววตฺถานวเสน กายปริคฺคโห เวทิตพฺโพ.
ลงฺคีติ โข, ภิกฺขูติ กสฺมา ภควา อวิชฺชํ ลงฺคีติ กตฺวา ทสฺเสสีติ? ยถา หิ นครสฺส ทฺวารํ ปิธาย ปลิเฆ โยชิเต มหาชนสฺส คมนํ ปจฺฉิชฺชติ, เย นครสฺส อนฺโต, เต อนฺโตเยว โหนฺติ. เย พหิ, เต พหิเยว. เอวเมว ยสฺส าณมุเข อวิชฺชาลงฺคี ปตติ, ตสฺส นิพฺพานสมฺปาปกํ าณคมนํ ปจฺฉิชฺชติ, ตสฺมา อวิชฺชํ ลงฺคีติ ¶ กตฺวา ทสฺเสสิ. ปชห อวิชฺชนฺติ เอตฺถ กมฺมฏฺานอุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน อวิชฺชาปหานํ กถิตํ.
อุทฺธุมายิกาติ ¶ โข, ภิกฺขูติ เอตฺถ อุทฺธุมายิกมณฺฑูโก นาม โน มหนฺโต, นขปิฏฺิปฺปมาโณ โหติ, ปุราณปณฺณนฺตเร วา คจฺฉนฺตเร วา วลฺลิอนฺตเร วา วสติ. โส ทณฺฑโกฏิยา วา วลฺลิโกฏิยา วา ปํสุจุณฺณเกน วา ฆฏฺฏิโต อายมิตฺวา มหนฺโต ปริมณฺฑโล เพลุวปกฺกปฺปมาโณ หุตฺวา จตฺตาโร ปาเท อากาสคเต กตฺวา ปจฺฉินฺนคมโน หุตฺวา อมิตฺตวสํ ยาติ, กากกุลลาทิภตฺตเมว โหติ. เอวเมว อยํ โกโธ ปมํ อุปฺปชฺชนฺโต จิตฺตาวิลมตฺตโกว โหติ. ตสฺมึ ขเณ อนิคฺคหิโต วฑฺฒิตฺวา มุขวิกุลนํ ปาเปติ. ตทา อนิคฺคหิโต หนุสฺโจปนํ ปาเปติ. ตทา อนิคฺคหิโต ผรุสวาจานิจฺฉารณํ ปาเปติ. ตทา อนิคฺคหิโต ทิสาวิโลกนํ ปาเปติ. ตทา อนิคฺคหิโต อากฑฺฒนปริกฑฺฒนํ ปาเปติ. ตทา อนิคฺคหิโต ปาณินา เลฑฺฑุทณฺฑสตฺถปรามสนํ ปาเปติ. ตทา อนิคฺคหิโต ทณฺฑสตฺถาภินิปาตํ ปาเปติ ¶ . ตทา อนิคฺคหิโต ปรฆาตนมฺปิ อตฺตฆาตนมฺปิ ปาเปติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘ยโต อยํ โกโธ ปรํ ฆาเตตฺวา อตฺตานํ ฆาเตติ, เอตฺตาวตายํ โกโธ ปรมุสฺสทคโต โหติ ปรมเวปุลฺลปฺปตฺโต’’ติ. ตตฺถ ยถา อุทฺธุมายิกาย จตูสุ ปาเทสุ อากาสคเตสุ คมนํ ปจฺฉิชฺชติ, อุทฺธุมายิกา อมิตฺตวสํ คนฺตฺวา กากาทิภตฺตํ โหติ, เอวเมว โกธสมงฺคีปุคฺคโล กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ, อมิตฺตวสํ ยาติ, สพฺเพสํ มารานํ ยถากามกรณีโย โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘อุทฺธุมายิกาติ โข, ภิกฺขุ, โกธูปายาสสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ตตฺถ พลวปฺปตฺโต โกโธว โกธูปายาโส. ปชห โกธูปายาสนฺติ เอตฺถ ปฏิสงฺขานปฺปหานํ กถิตํ.
ทฺวิธาปโถติ เอตฺถ, ยถา ปุริโส สธโน สโภโค กนฺตารทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน ทฺเวธาปถํ ปตฺวา, ‘‘อิมินา นุ โข คนฺตพฺพํ, อิมินา คนฺตพฺพ’’นฺติ นิจฺเฉตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว ติฏฺติ, อถ นํ โจรา อุฏฺหิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปนฺติ, เอวเมว โข มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺโน ภิกฺขุ พุทฺธาทีสุ กงฺขาย อุปฺปนฺนาย กมฺมฏฺานํ ¶ วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ, อถ นํ กิเลสมาราทโย สพฺเพ มารา อนยพฺยสนํ ปาเปนฺติ, อิติ วิจิกิจฺฉา ทฺเวธาปถสมา โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘ทฺวิธาปโถติ โข, ภิกฺขุ, วิจิกิจฺฉาเยตํ ¶ อธิวจน’’นฺติ. ปชห วิจิกิจฺฉนฺติ เอตฺถ กมฺมฏฺานอุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน วิจิกิจฺฉาปหานํ กถิตํ.
จงฺควารนฺติ เอตฺถ, ยถา รชเกหิ ขารปริสฺสาวนมฺหิ อุทเก ปกฺขิตฺเต เอโก อุทกฆโฏ ทฺเวปิ ทสปิ วีสติปิ ฆฏสตมฺปิ ปคฺฆรติเยว, ปสฏมตฺตมฺปิ อุทกํ น ติฏฺติ, เอวเมว นีวรณสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส อพฺภนฺตเร กุสลธมฺโม น ติฏฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘จงฺควารนฺติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ นีวรณานํ อธิวจน’’นฺติ. ปชห ปฺจนีวรเณติ เอตฺถ วิกฺขมฺภนตทงฺควเสน นีวรณปฺปหานํ กถิตํ.
กุมฺโมติ เอตฺถ, ยถา กจฺฉปสฺส จตฺตาโร ปาทา สีสนฺติ ปฺเจว องฺคานิ โหนฺติ, เอวเมว สพฺเพปิ สงฺขตา ธมฺมา คยฺหมานา ปฺเจว ขนฺธา ภวนฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘กุมฺโมติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ. ปชห ปฺจุปาทานกฺขนฺเธติ เอตฺถ ปฺจสุ ขนฺเธสุ ฉนฺทราคปฺปหานํ กถิตํ.
อสิสูนาติ ¶ เอตฺถ, ยถา สูนาย อุปริ มํสํ เปตฺวา อสินา โกฏฺเฏนฺติ, เอวมิเม สตฺตา วตฺถุกามตฺถาย กิเลสกาเมหิ ฆาตยมานา วตฺถุกามานํ อุปริ กตฺวา กิเลสกาเมหิ กนฺติตา โกฏฺฏิตา จ โหนฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘อสิสูนาติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจน’’นฺติ. ปชห ปฺจ กามคุเณติ เอตฺถ ปฺจสุ กามคุเณสุ ฉนฺทราคปฺปหานํ กถิตํ.
มํสเปสีติ โข, ภิกฺขูติ เอตฺถ อยํ มํสเปสิ นาม พหุชนปตฺถิตา ขตฺติยาทโย มนุสฺสาปิ นํ ปตฺเถนฺติ กากาทโย ติรจฺฉานาปิ. อิเม หิ สตฺตา อวิชฺชาย สมฺมตฺตา นนฺทิราคํ อุปคมฺม วฏฺฏํ วฑฺเฒนฺติ. ยถา วา มํสเปสิ ปิตปิตฏฺาเน ลคฺคติ, เอวมิเม สตฺตา นนฺทิราคพทฺธา วฏฺเฏ ลคฺคนฺติ, ทุกฺขํ ปตฺวาปิ น อุกฺกณฺนฺติ ¶ , อิติ นนฺทิราโค มํสเปสิสทิโส โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘มํสเปสีติ โข, ภิกฺขุ, นนฺทิราคสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ. ปชห นนฺทีราคนฺติ เอตฺถ จตุตฺถมคฺเคน นนฺทีราคปฺปหานํ กถิตํ.
นาโคติ โข, ภิกฺขุ, ขีณาสวสฺเสตํ ภิกฺขุโน อธิวจนนฺติ เอตฺถ เยนตฺเถน ขีณาสโว นาโคติ วุจฺจติ, โส อนงฺคณสุตฺเต (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๖๓) ปกาสิโต เอว. นโม กโรหิ นาคสฺสาติ ขีณาสวสฺส พุทฺธนาคสฺส, ‘‘พุทฺโธ ¶ โส ภควา โพธาย ธมฺมํ เทเสติ, ทนฺโต โส ภควา ทมถาย ธมฺมํ เทเสติ, สนฺโต โส ภควา สมถาย ธมฺมํ เทเสติ, ติณฺโณ โส ภควา ตรณาย ธมฺมํ เทเสติ, ปรินิพฺพุโต โส ภควา ปรินิพฺพานาย ธมฺมํ เทเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๖๑) เอวํ นมกฺการํ กโรหีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อิติ อิทํ สุตฺตํ เถรสฺส กมฺมฏฺานํ อโหสิ. เถโรปิ อิทเมว สุตฺตํ กมฺมฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต. อยเมตสฺส อตฺโถติ อยํ เอตสฺส ปฺหสฺส อตฺโถ. อิติ ภควา รตนราสิมฺหิ มณิกูฏํ คณฺหนฺโต วิย ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
วมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. รถวินีตสุตฺตวณฺณนา
๒๕๒. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ รถวินีตสุตฺตํ. ตตฺถ ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร, ตฺหิ มนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ราชคหนฺติ วุจฺจติ. อฺเเปตฺถ ปกาเร วณฺณยนฺติ. กึ เตหิ? นามเมตํ ตสฺส นครสฺส. ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จ จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สฺุํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิตํ, เตสํ วสนฺตวนํ หุตฺวา ติฏฺติ. เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปติ เวฬุวนนฺติ ตสฺส อุยฺยานสฺส นามํ, ตํ กิร เวฬูหิ ปริกฺขิตฺตํ อโหสิ อฏฺารสหตฺเถน จ ปากาเรน, โคปุรฏฺฏาลกยุตฺตํ นีโลภาสํ มโนรมํ, เตน เวฬุวนนฺติ วุจฺจติ. กลนฺทกานฺเจตฺถ นิวาปํ อทํสุ, เตน กลนฺทกนิวาโปติ วุจฺจติ.
ปุพฺเพ กิร อฺตโร ราชา ตตฺถ อุยฺยานกีฬนตฺถํ อาคโต ¶ สุรามเทน มตฺโต ทิวาเสยฺยํ อุปคโต สุปิ. ปริชโนปิสฺส, ‘‘สุตฺโต ราชา’’ติ ปุปฺผผลาทีหิ ปโลภิยมาโน อิโต จิโต จ ปกฺกามิ, อถ สุราคนฺเธน อฺตรสฺมา สุสิรรุกฺขา กณฺหสปฺโป นิกฺขมิตฺวา รฺาภิมุโข อาคจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตา, ‘‘รฺโ ชีวิตํ ทมฺมี’’ติ กาฬกเวเสน อาคนฺตฺวา กณฺณมูเล สทฺทมกาสิ. ราชา ปฏิพุชฺฌิ, กณฺหสปฺโป ¶ นิวตฺโต. โส ตํ ทิสฺวา, ‘‘อิมาย มม ชีวิตํ ทินฺน’’นฺติ กาฬกานํ ตตฺถ นิวาปํ ปฏฺเปสิ, อภยโฆสนฺจ โฆสาเปสิ. ตสฺมา ตํ ตโต ปภุติ กลนฺทกนิวาปนฺติ สงฺขฺยํ คตํ. กลนฺทกาติ กาฬกานํ นามํ.
ชาติภูมิกาติ ชาติภูมิวาสิโน. ตตฺถ ชาติภูมีติ ชาตฏฺานํ. ตํ โข ปเนตํ เนว โกสลมหาราชาทีนํ น จงฺกีพฺราหมณาทีนํ น สกฺกสุยามสนฺตุสิตาทีนํ น อสีติมหาสาวกาทีนํ น อฺเสํ สตฺตานํ ชาตฏฺานํ ‘‘ชาติภูมี’’ติ วุจฺจติ. ยสฺส ปน ชาตทิวเส ทสสหสฺสิโลกธาตุ เอกทฺธชมาลาวิปฺปกิณฺณกุสุมวาสจุณฺณคนฺธสุคนฺธา สพฺพปาลิผุลฺลมิว นนฺทนวนํ วิโรจมานา ปทุมินิปณฺเณ อุทกพินฺทุ วิย อกมฺปิตฺถ, ชจฺจนฺธาทีนฺจ ¶ รูปทสฺสนาทีนิ อเนกานิ ปาฏิหาริยานิ ปวตฺตึสุ, ตสฺส สพฺพฺุโพธิสตฺตสฺส ชาตฏฺานสากิยชนปโท กปิลวตฺถาหาโร, สา ‘‘ชาติภูมี’’ติ วุจฺจติ.
ธมฺมครุภาววณฺณนา
วสฺสํวุฏฺาติ เตมาสํ วสฺสํวุฏฺา ปวาริตปวารณา หุตฺวา. ภควา เอตทโวจาติ ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนีย’’นฺติอาทีหิ วจเนหิ อาคนฺตุกปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอตํ, ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว’’ติอาทิวจนมโวจ. เต กิร ภิกฺขุ, – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนียํ กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิตฺถ อปฺปกิลมเถน อทฺธานํ อาคตา, น จ ปิณฺฑเกน กิลมิตฺถ, กุโต จ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อาคจฺฉถา’’ติ ปฏิสนฺถารวเสน ปุจฺฉิตา – ‘‘ภควา สากิยชนปเท กปิลวตฺถาหารโต ชาติภูมิโต อาคจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. อถ ภควา เนว สุทฺโธทนมหาราชสฺส, น สกฺโกทนสฺส, น สุกฺโกทนสฺส, น โธโตทนสฺส, น อมิโตทนสฺส, น อมิตฺตาย เทวิยา, น มหาปชาปติยา, น สกลสฺส สากิยมณฺฑลสฺส อาโรคฺยํ ปุจฺฉิ. อถ โข อตฺตนา จ ทสกถาวตฺถุลาภึ ปรฺจ ตตฺถ สมาทเปตารํ ¶ ปฏิปตฺติสมฺปนฺนํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉนฺโต อิทํ – ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
กสฺมา ¶ ปน ภควา สุทฺโธทนาทีนํ อาโรคฺยํ อปุจฺฉิตฺวา เอวรูปํ ภิกฺขุเมว ปุจฺฉติ? ปิยตาย. พุทฺธานฺหิ ปฏิปนฺนกา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย จ ปิยา โหนฺติ มนาปา. กึ การณา? ธมฺมครุตาย. ธมฺมครุโน หิ ตถาคตา, โส จ เนสํ ธมฺมครุภาโว, ‘‘ทุกฺขํ โข อคารโว วิหรติ, อปฺปติสฺโส’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๑) อิมินา อชปาลนิคฺโรธมูเล อุปฺปนฺนชฺฌาสเยน เวทิตพฺโพ. ธมฺมครุตาเยว หิ ภควา มหากสฺสปตฺเถรสฺส อภินิกฺขมนทิวเส ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺโต ติคาวุตํ มคฺคํ อคมาสิ. อติเรกติโยชนสตํ มคฺคํ คนฺตฺวา คงฺคาตีเร ธมฺมํ เทเสตฺวา มหากปฺปินํ สปริสํ อรหตฺเต ปติฏฺเปสิ. เอกสฺมึ ปจฺฉาภตฺเต ปฺจจตฺตาลีสโยชนํ มคฺคํ คนฺตฺวา กุมฺภการสฺส นิเวสเน ติยามรตฺตึ ธมฺมกถํ กตฺวา ปุกฺกุสาติกุลปุตฺตํ อนาคามิผเล ปติฏฺเปสิ. วีสโยชนสตํ คนฺตฺวา วนวาสิสามเณรสฺส อนุคฺคหํ อกาสิ. สฏฺิโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ขทิรวนิยตฺเถรสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. อนุรุทฺธตฺเถโร ปาจีนวํสทาเย นิสินฺโน มหาปุริสวิตกฺกํ วิตกฺเกตีติ ตฺวา ตตฺถ ¶ อากาเสน คนฺตฺวา เถรสฺส ปุรโต โอรุยฺห สาธุการมทาสิ. โกฏิกณฺณโสณตฺเถรสฺส เอกคนฺธกุฏิยํ เสนาสนํ ปฺปาเปตฺวา ปจฺจูสกาเล ธมฺมเทสนํ อชฺเฌสิตฺวา สรภฺปริโยสาเน สาธุการมทาสิ. ติคาวุตํ มคฺคํ คนฺตฺวา ติณฺณํ กุลปุตฺตานํ วสนฏฺาเน โคสิงฺคสาลวเน สามคฺคิรสานิสํสํ กเถสิ. กสฺสโปปิ ภควา – ‘‘อนาคามิผเล ปติฏฺิโต อริยสาวโก อย’’นฺติ วิสฺสาสํ อุปฺปาเทตฺวา ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา สหตฺถา อามิสํ คเหตฺวา ปริภฺุชิ.
อมฺหากํเยว ภควา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย เชตวนโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ นิกฺขมิ. โกสลมหาราชอนาถปิณฺฑิกาทโย นิวตฺเตตุํ นาสกฺขึสุ. อนาถปิณฺฑิโก ฆรํ อาคนฺตฺวา โทมนสฺสปฺปตฺโต นิสีทิ. อถ นํ ปุณฺณา นาม ทาสี โทมนสฺสปฺปตฺโตสิ สามีติ อาห. ‘‘อาม เช, สตฺถารํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขึ, อถ เม อิมํ ¶ เตมาสํ ธมฺมํ วา โสตุํ, ยถาธิปฺปายํ วา ทานํ ทาตุํ น ลภิสฺสามี’’ติ จินฺตา อุปฺปนฺนาติ. อหมฺปิ สามิ สตฺถารํ นิวตฺเตสฺสามีติ. สเจ นิวตฺเตตุํ สกฺโกสิ, ภุชิสฺสาเยว ตฺวนฺติ. สา คนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘นิวตฺตถ ภควา’’ติ อาห. ปุณฺเณ ตฺวํ ปรปฏิพทฺธชีวิกา กึ เม กริสฺสสีติ. ภควา ¶ มยฺหํ เทยฺยธมฺโม นตฺถีติ ตุมฺเหปิ ชานาถ, ตุมฺหากํ นิวตฺตนปจฺจยา ปนาหํ ตีสุ สรเณสุ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺหิสฺสามีติ. ภควา สาธุ สาธุ ปุณฺเณติ สาธุการํ กตฺวา นิวตฺเตตฺวา เชตวนเมว ปวิฏฺโ. อยํ กถา ปากฏา อโหสิ. เสฏฺิ สุตฺวา ปุณฺณาย กิร ภควา นิวตฺติโตติ ตํ ภุชิสฺสํ กตฺวา ธีตุฏฺาเน เปสิ. สา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิ. อถสฺสา สตฺถา อารทฺธวิปสฺสกภาวํ ตฺวา อิมํ โอภาสคาถํ วิสฺสชฺเชสิ –
‘‘ปุณฺเณ ปูเรสิ สทฺธมฺมํ, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา;
ปริปุณฺณาย ปฺาย, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสสี’’ติ. (เถรีคา. ๓);
คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา อภิฺาตา สาวิกา อโหสีติ. เอวํ ธมฺมครุโน ตถาคตา.
นนฺทกตฺเถเร ¶ อุปฏฺานสาลายํ ธมฺมํ เทเสนฺเตปิ ภควา อนหาโตว คนฺตฺวา ติยามรตฺตึ ิตโกว ธมฺมกถํ สุตฺวา เทสนาปริโยสาเน สาธุการมทาสิ. เถโร อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘กาย เวลาย, ภนฺเต, อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ตยา สุตฺตนฺเต อารทฺธมตฺเตติ. ทุกฺกรํ กริตฺถ, ภนฺเต, พุทฺธสุขุมาลา ตุมฺเหติ. สเจ ตฺวํ, นนฺท, กปฺปํ เทเสตุํ สกฺกุเณยฺยาสิ, กปฺปมตฺตมฺปาหํ ิตโกว สุเณยฺยนฺติ ภควา อโวจ. เอวํ ธมฺมครุโน ตถาคตา. เตสํ ธมฺมครุตาย ปฏิปนฺนกา ปิยา โหนฺติ, ตสฺมา ปฏิปนฺนเก ปุจฺฉิ. ปฏิปนฺนโก จ นาม อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน โน ปรหิตาย, ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โน อตฺตหิตาย, โน อตฺตหิตาย จ ปฏิปนฺโน โน ปรหิตาย จ, อตฺตหิตาย จ ปฏิปนฺโน ปรหิตาย จาติ จตุพฺพิโธ โหติ.
ตตฺถ โย สยํ ทสนฺนํ กถาวตฺถูนํ ลาภี โหติ, ปรํ ตตฺถ น โอวทติ น อนุสาสติ อายสฺมา พากุโล ¶ วิย. อยํ อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน นาม โน ปรหิตาย ปฏิปนฺโน, เอวรูปํ ภิกฺขุํ ภควา น ปุจฺฉติ. กสฺมา? น มยฺหํ สาสนสฺส วฑฺฒิปกฺเข ิโตติ.
โย ปน ทสนฺนํ กถาวตฺถูนํ อลาภี, ปรํ เตหิ โอวทติ เตน กตวตฺตสาทิยนตฺถํ อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต วิย, อยํ ปรหิตาย ปฏิปนฺโน ¶ นาม โน อตฺตหิตาย, เอวรูปมฺปิ น ปุจฺฉติ. กสฺมา? อสฺส ตณฺหา มหาปจฺฉิ วิย อปฺปหีนาติ.
โย อตฺตนาปิ ทสนฺนํ กถาวตฺถูนํ อลาภี, ปรมฺปิ เตหิ น โอวทติ, ลาฬุทายี วิย, อยํ เนว อตฺตหิตาย ปฏิปนฺโน น ปรหิตาย, เอวรูปมฺปิ น ปุจฺฉติ. กสฺมา? อสฺส อนฺโต กิเลสา ผรสุเฉชฺชา วิย มหนฺตาติ.
โย ปน สยํ ทสนฺนํ กถาวตฺถูนํ ลาภี, ปรมฺปิ เตหิ โอวทติ, อยํ อตฺตหิตาย เจว ปรหิตาย จ ปฏิปนฺโน นาม สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปาทโย อสีติมหาเถรา วิย, เอวรูปํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉติ. กสฺมา? มยฺหํ สาสนสฺส วุฑฺฒิปกฺเข ิโตติ. อิธาปิ เอวรูปเมว ปุจฺฉนฺโต – ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห.
เอวํ ภควตา ปุฏฺานํ ปน เตสํ ภิกฺขูนํ ภควา อตฺตโน ชาติภูมิยํ อุภยหิตาย ปฏิปนฺนํ ¶ ทสกถาวตฺถุลาภึ ภิกฺขุํ ปุจฺฉติ, โก นุ โข ตตฺถ เอวรูโปติ น อฺมฺํ จินฺตนา วา สมนฺตนา วา อโหสิ. กสฺมา? อายสฺมา หิ มนฺตาณิปุตฺโต ตสฺมึ ชนปเท อากาสมชฺเฌ ิโต จนฺโท วิย สูริโย วิย จ ปากโฏ ปฺาโต. ตสฺมา เต ภิกฺขู เมฆสทฺทํ สุตฺวา เอกชฺฌํ สนฺนิปติตโมรฆฏา วิย ฆนสชฺฌายํ กาตุํ, อารทฺธภิกฺขู วิย จ อตฺตโน อาจริยํ ปุณฺณตฺเถรํ ภควโต อาโรเจนฺตา เถรสฺส จ คุณํ ภาสิตุํ อปฺปโหนฺเตหิ มุเขหิ เอกปฺปหาเรเนว ปุณฺโณ นาม, ภนฺเต, อายสฺมาติอาทิมาหํสุ. ตตฺถ ปุณฺโณติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. มนฺตาณิยา ปน โส ปุตฺโต, ตสฺมา มนฺตาณิปุตฺโตติ วุจฺจติ. สมฺภาวิโตติ คุณสมฺภาวนาย สมฺภาวิโต.
อปฺปิจฺฉตาทิวณฺณนา
อปฺปิจฺโฉติ อิจฺฉาวิรหิโต นิอิจฺโฉ นิตฺตณฺโห. เอตฺถ หิ พฺยฺชนํ สาวเสสํ วิย, อตฺโถ ปน นิรวเสโส. น หิ ตสฺส อนฺโต อณุมตฺตาปิ ปาปิกา อิจฺฉา นาม อตฺถิ. ขีณาสโว เหส สพฺพโส ปหีนตณฺโห. อปิเจตฺถ อตฺริจฺฉตา ปาปิจฺฉตา มหิจฺฉตา อปฺปิจฺฉตาติ อยํ เภโท เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ ¶ สกลาเภ อติตฺตสฺส ปรลาเภ ปตฺถนา อตฺริจฺฉตา นาม. ตาย สมนฺนาคตสฺส เอกภาเชน ปกฺกปูโวปิ อตฺตโน ปตฺเต ปติโต น สุปกฺโก วิย ขุทฺทโก วิย จ ขายติ. สฺเวว ปรสฺส ปตฺเต ปกฺขิตฺโต สุปกฺโก วิย มหนฺโต วิย จ ขายติ. อสนฺตคุณสมฺภาวนตา ปน ปฏิคฺคหเณ จ อมตฺตฺุตา ปาปิจฺฉตา นาม, สา, ‘‘อิเธกจฺโจ อสฺสทฺโธ สมาโน สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’’ติอาทินา นเยน อภิธมฺเม อาคตาเยว, ตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล โกหฺเ ปติฏฺาติ. สนฺตคุณสมฺภาวนา ปน ปฏิคฺคหเณ จ อมตฺตฺุตา มหิจฺฉตา นาม. สาปิ, ‘‘อิเธกจฺโจ สทฺโธ สมาโน สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตูติ อิจฺฉติ, สีลวา สมาโน สีลวาติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ (วิภ. ๘๕๑) อิมินา นเยน อาคตาเยว, ตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ทุสฺสนฺตปฺปโย โหติ, วิชาตมาตาปิสฺส จิตฺตํ คเหตุํ น สกฺโกติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘อคฺคิกฺขนฺโธ ¶ สมุทฺโท จ, มหิจฺโฉ จาปิ ปุคฺคโล;
สกเฏน ปจฺจยํ เทตุ, ตโยเปเต อตปฺปยา’’ติ.
สนฺตคุณนิคูหนตา ปน ปฏิคฺคหเณ จ มตฺตฺุตา อปฺปิจฺฉตา นาม, ตาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อตฺตนิ วิชฺชมานมฺปิ คุณํ ปฏิจฺฉาเทตุกามตาย, ‘‘สทฺโธ สมาโน สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตูติ น อิจฺฉติ. สีลวา, ปวิวิตฺโต, พหุสฺสุโต, อารทฺธวีริโย, สมาธิสมฺปนฺโน, ปฺวา, ขีณาสโว สมาโน ขีณาสโวติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ, เสยฺยถาปิ มชฺฌนฺติกตฺเถโร.
เถโร กิร มหาขีณาสโว อโหสิ, ปตฺตจีวรํ ปนสฺส ปาทมตฺตเมว อคฺฆติ, โส อโสกสฺส ธมฺมรฺโ วิหารมหทิวเส สงฺฆตฺเถโร อโหสิ. อถสฺส อติลูขภาวํ ทิสฺวา มนุสฺสา, ‘‘ภนฺเต, โถกํ พหิ โหถา’’ติ อาหํสุ. เถโร, ‘‘มาทิเส ขีณาสเว รฺโ สงฺคหํ อกโรนฺเต อฺโ โก กริสฺสตี’’ติ ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา สงฺฆตฺเถรสฺส อุกฺขิตฺตปิณฺฑํ คณฺหนฺโตเยว อุมฺมุชฺชิ. เอวํ ขีณาสโว สมาโน, ‘‘ขีณาสโวติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ. เอวํ อปฺปิจฺโฉ ปน ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนํ ลาภํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ ลาภํ ถาวรํ กโรติ, ทายกานํ ¶ จิตฺตํ อาราเธติ, ยถา ยถา หิ ¶ โส อตฺตโน อปฺปิจฺฉตาย อปฺปํ คณฺหาติ, ตถา ตถา ตสฺส วตฺเต ปสนฺนา มนุสฺสา พหู เทนฺติ.
อปโรปิ จตุพฺพิโธ อปฺปิจฺโฉ – ปจฺจยอปฺปิจฺโฉ ธุตงฺคอปฺปิจฺโฉ ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ อธิคมอปฺปิจฺโฉติ. ตตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ อปฺปิจฺโฉ ปจฺจยอปฺปิจฺโฉ นาม, โส ทายกสฺส วสํ ชานาติ, เทยฺยธมฺมสฺส วสํ ชานาติ, อตฺตโน ถามํ ชานาติ. ยทิ หิ เทยฺยธมฺโม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโมปิ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาเณเนว คณฺหาติ.
ธุตงฺคสมาทานสฺส อตฺตนิ อตฺถิภาวํ นชานาเปตุกาโม ธุตงฺคอปฺปิจฺโฉ นาม. ตสฺส วิภาวนตฺถํ ¶ อิมานิ วตฺถูนิ – โสสานิกมหาสุมนตฺเถโร กิร สฏฺิ วสฺสานิ สุสาเน วสิ, อฺโ เอกภิกฺขุปิ น อฺาสิ, เตเนวาห –
‘‘สุสาเน สฏฺิ วสฺสานิ, อพฺโพกิณฺณํ วสามหํ;
ทุติโย มํ น ชาเนยฺย, อโห โสสานิกุตฺตโม’’ติ.
เจติยปพฺพเต ทฺเวภาติยตฺเถรา วสึสุ. เตสุ กนิฏฺโ อุปฏฺาเกน เปสิตา อุจฺฉุขณฺฑิกา คเหตฺวา เชฏฺสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ปริโภคํ, ภนฺเต, กโรถาติ. เถรสฺส จ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา มุขํ วิกฺขาลนกาโล อโหสิ. โส อลํ, อาวุโสติ อาห. กจฺจิ, ภนฺเต, เอกาสนิกตฺถาติ. อาหราวุโส, อุจฺฉุขณฺฑิกาติ ปฺาส วสฺสานิ เอกาสนิโก สมาโนปิ ธุตงฺคํ นิคูหมาโน ปริโภคํ กตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ปุน ธุตงฺคํ อธิฏฺาย คโต.
โย ปน สาเกตกติสฺสตฺเถโร วิย พหุสฺสุตภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ นาม. เถโร กิร ขโณ นตฺถีติ อุทฺเทสปริปุจฺฉาสุ โอกาสํ อกโรนฺโต มรณกฺขยํ, ภนฺเต, ลภิสฺสถาติ โจทิโต คณํ วิสฺสชฺเชตฺวา กณิการวาลิกสมุทฺทวิหารํ คโต. ตตฺถ อนฺโตวสฺสํ เถรนวมชฺฌิมานํ อุปกาโร หุตฺวา ¶ มหาปวารณาย อุโปสถทิวเส ธมฺมกถาย ชนตํ โขเภตฺวา คโต.
โย ปน โสตาปนฺนาทีสุ อฺตโร หุตฺวา โสตาปนฺนาทิภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ อธิคมอปฺปิจฺโฉ ¶ นาม, ตโย กุลปุตฺตา วิย ฆฏิการกุมฺภกาโร วิย จ.
อายสฺมา ปน ปุณฺโณ อตฺริจฺฉตํ ปาปิจฺฉตํ มหิจฺฉตฺจ ปหาย สพฺพโส อิจฺฉาปฏิปกฺขภูตาย อโลภสงฺขาตาย ปริสุทฺธาย อปฺปิจฺฉตาย สมนฺนาคตตฺตา อปฺปิจฺโฉ นาม อโหสิ. ภิกฺขูนมฺปิ, ‘‘อาวุโส, อตฺริจฺฉตา ปาปิจฺฉตา มหิจฺฉตาติ อิเม ธมฺมา ปหาตพฺพา’’ติ เตสุ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา เอวรูปํ อปฺปิจฺฉตํ สมาทาย วตฺติตพฺพนฺติ อปฺปิจฺฉกถํ กเถสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา’’ติ.
ทฺวาทสวิธสนฺโตสวณฺณนา
อิทานิ ¶ อตฺตนา จ สนฺตุฏฺโติอาทีสุ วิเสสตฺถเมว ทีปยิสฺสาม. โยชนา ปน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. สนฺตุฏฺโติ อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคโต. โส ปเนส สนฺโตโส ทฺวาทสวิโธ โหติ. เสยฺยถิทํ, จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส ยถาพลสนฺโตโส ยถสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ, เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ. ตสฺสายํ ปเภทสํวณฺณนา.
อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา. โส เตเนว ยาเปติ อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ โย ปกติทุพฺพโล วา โหติ อาพาธชราภิภูโต วา, ครุจีวรํ ปารุปนฺโต กิลมติ, โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆจีวรํ พหูนิ วา ปน จีวรานิ ลภิตฺวา อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ อิทํ พหุสฺสุตานํ อนุรูปํ, อิทํ คิลานานํ อิทํ อปฺปลาภานํ โหตูติ ทตฺวา เตสํ ปุราณจีวรํ วา ¶ สงฺการกูฏาทิโต วา นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา เตหิ สงฺฆาฏึ กตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปิณฺฑปาตํ ¶ ลภติ, เยนสฺส ปริภุตฺเตน อผาสุ โหติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปายโภชนํ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร พหุํ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ตํ จีวรํ วิย จิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภิคิลานานํ ทตฺวา เตสํ วา เสสกํ ปิณฺฑาย วา จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภฺุชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เสนาสนํ ลภติ มนาปํ วา อมนาปํ วา, โส เตน เนว โสมนสฺสํ น ปฏิฆํ อุปฺปาเทติ, อนฺตมโส ติณสนฺถารเกนาปิ ยถาลทฺเธเนว ตุสฺสติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส ¶ . โย ปน อตฺตโน ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา เสนาสนํ ลภติ, ยตฺถสฺส วสโต อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส สนฺตเก สปฺปายเสนาสเน วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร มหาปฺุโ เลณมณฺฑปกูฏาคาราทีนิ พหูนิ ปณีตเสนาสนานิ ลภติ, โส ตานิ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภิคิลานานํ ทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส. โยปิ, ‘‘อุตฺตมเสนาสนํ นาม ปมาทฏฺานํ, ตตฺถ นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส ปุน ปฏิพุชฺฌโต ปาปวิตกฺกา ปาตุภวนฺตี’’ติ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา ตาทิสํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ, โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺโภกาสรุกฺขมูลาทีสุ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมฺปิสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส ยํ ลภติ, เตเนว สนฺตุสฺสติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. โย ปน เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ¶ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตลํ คเหตฺวา อฺเทว วา ปริเยสิตฺวา เตหิ เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร มหาปฺุโ พหุํ เตลมธุผาณิตาทิปณีตเภสชฺชํ ลภติ, โส ตํ จีวรํ วิย จิรปพฺพชิตพหุสฺสุตอปฺปลาภิคิลานานํ ทตฺวา เตสํ อาภตเกน เยน เกนจิ ยาเปนฺโตปิ ¶ สนฺตุฏฺโว โหติ. โย ปน เอกสฺมึ ภาชเน มุตฺตหรีตกํ เปตฺวา เอกสฺมึ จตุมธุรํ, ‘‘คณฺห, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสุ อฺตเรนปิ โรโค วูปสมฺมติ, อถ มุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิตนฺติ จตุมธุรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกเนว เภสชฺชํ กโรนฺโต ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิเมสํ ปน ปจฺเจกํ ปจฺจเยสุ ติณฺณํ ติณฺณํ สนฺโตสานํ ยถาสารุปฺปสนฺโตโสว อคฺโค. อายสฺมา ปุณฺโณ เอเกกสฺมึ ปจฺจเย อิเมหิ ตีหิ สนฺโตเสหิ สนฺตุฏฺโ อโหสิ. สนฺตุฏฺิกถฺจาติ ภิกฺขูนมฺปิ จ อิมํ สนฺตุฏฺิกถํ กตฺตาว อโหสิ.
ติวิธปวิเวกวณฺณนา
ปวิวิตฺโตติ ¶ กายปวิเวโก จิตฺตปวิเวโก อุปธิปวิเวโกติ อิเมหิ ตีหิ ปวิเวเกหิ สมนฺนาคโต. ตตฺถ เอโก คจฺฉติ, เอโก ติฏฺติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอโก ปฏิกฺกมติ, เอโก จงฺกมมธิฏฺาติ, เอโก จรติ, เอโก วิหรตีติ อยํ กายปวิเวโก นาม. อฏฺ สมาปตฺติโย ปน จิตฺตปวิเวโก นาม. นิพฺพานํ อุปธิปวิเวโก นาม. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘กายปวิเวโก จ วิเวกฏฺกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ. จิตฺตปวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ. อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ (มหานิ. ๕๗). ปวิเวกกถนฺติ ภิกฺขูนมฺปิ จ อิมํ ปวิเวกกถํ กตฺตา.
ปฺจวิธสํสคฺควณฺณนา
อสํสฏฺโติ ¶ ปฺจวิเธน สํสคฺเคน วิรหิโต. สวนสํสคฺโค ทสฺสนสํสคฺโค สมุลฺลปนสํสคฺโค สมฺโภคสํสคฺโค กายสํสคฺโคติ ปฺจวิโธ สํสคฺโค. เตสุ อิธ ภิกฺขุ สุณาติ, ‘‘อสุกสฺมึ คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี วา กุมาริกา วา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’’ติ. โส ตํ สุตฺวา สํสีทติ วิสีทติ น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา หีนายาวตฺตตีติ เอวํ ปเรหิ วา กถียมานํ รูปาทิสมฺปตฺตึ อตฺตนา วา หสิตลปิตคีตสทฺทํ สุณนฺตสฺส โสตวิฺาณวีถิวเสน ¶ อุปฺปนฺโน ราโค สวนสํสคฺโค นาม. โส อนิตฺถิคนฺธปจฺเจกโพธิสตฺตสฺส จ ปฺจคฺคฬเลณวาสีติสฺสทหรสฺส จ วเสน เวทิตพฺโพ –
ทหโร กิร อากาเสน คจฺฉนฺโต คิริคามวาสิกมฺมารธีตาย ปฺจหิ กุมารีหิ สทฺธึ ปทุมสรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา ปทุมานิ จ ปิลนฺธิตฺวา มธุรสฺสเรน คายนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา กามราเคน วิทฺโธ วิเสสา ปริหายิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาปุณิ. อิธ ภิกฺขุ น เหว โข สุณาติ, อปิจ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถึ วา กุมารึ วา อภิรูปํ ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตํ. โส ตํ ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ ¶ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขาทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา หีนายาวตฺตตีติ เอวํ วิสภาครูปํ โอโลเกนฺตสฺส ปน จกฺขุวิฺาณวีถิวเสน อุปฺปนฺนราโค ทสฺสนสํสคฺโค นาม. โส เอวํ เวทิตพฺโพ –
เอโก กิร ทหโร กาลทีฆวาปิทฺวารวิหารํ อุทฺเทสตฺถาย คโต. อาจริโย ตสฺส อนฺตรายํ ทิสฺวา โอกาสํ น กโรติ. โส ปุนปฺปุนฺนํ อนุพนฺธติ. อาจริโย สเจ อนฺโตคาเม น จริสฺสสิ. ทสฺสามิ เต อุทฺเทสนฺติ อาห. โส สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อุทฺเทเส นิฏฺิเต อาจริยํ วนฺทิตฺวา คจฺฉนฺโต อาจริโย เม อิมสฺมึ คาเม จริตุํ น เทติ, กึ นุ โข การณนฺติ จีวรํ ปารุปิตฺวา คามํ ปาวิสิ, เอกา กุลธีตา ปีตกวตฺถํ นิวาเสตฺวา เคเห ิตา ทหรํ ทิสฺวา สฺชาตราคา อุฬุงฺเกน ยาคุํ อาหริตฺวา ตสฺส ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา นิวตฺติตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ. อถ นํ มาตาปิตโร ¶ กึ อมฺมาติ ปุจฺฉึสุ, ทฺวาเรน คตํ ทหรํ ลภมานา ชีวิสฺสามิ, อลภมานา มริสฺสามีติ. มาตาปิตโร เวเคน คนฺตฺวา คามทฺวาเร ทหรํ ปตฺวา วนฺทิตฺวา, ‘‘นิวตฺตถ, ภนฺเต, ภิกฺขํ คณฺหาหี’’ติ อาหํสุ. ทหโร อลํ คจฺฉามีติ. เต, ‘‘อิทํ นาม, ภนฺเต, การณ’’นฺติ ยาจิตฺวา – ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, เคเห เอตฺตกํ นาม ธนํ อตฺถิ, เอกาเยว โน ธีตา, ตฺวํ โน เชฏฺปุตฺตฏฺาเน สฺสสิ, สุเขน สกฺกา ชีวิตุ’’นฺติ อาหํสุ. ทหโร, ‘‘น มยฺหํ อิมินา ปลิโพเธน อตฺโถ’’ติ อนาทิยิตฺวาว ปกฺกนฺโต.
มาตาปิตโร คนฺตฺวา, ‘‘อมฺม, นาสกฺขิมฺหา ทหรํ นิวตฺเตตุํ, ยํ อฺํ สามิกํ อิจฺฉสิ, ตํ ลภิสฺสสิ, อุฏฺเหิ ขาท จ ปิว จา’’ติ อาหํสุ. สา อนิจฺฉนฺตี สตฺตาหํ นิราหารา หุตฺวา กาลมกาสิ. มาตาปิตโร ตสฺสา สรีรกิจฺจํ กตฺวา ตํ ปีตกวตฺถํ ธุรวิหาเร ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทํสุ, ภิกฺขู ¶ วตฺถํ ขณฺฑาขณฺฑํ กตฺวา ภาชยึสุ. เอโก มหลฺลโก อตฺตโน โกฏฺาสํ คเหตฺวา กลฺยาณีวิหารํ อาคโต. โสปิ ทหโร เจติยํ วนฺทิสฺสามีติ ตตฺเถว คนฺตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสีทิ. มหลฺลโก ตํ วตฺถขณฺฑํ คเหตฺวา, ‘‘อิมินา เม ปริสฺสาวนํ วิจาเรถา’’ติ ทหรํ อโวจ. ทหโร มหาเถร ‘‘กุหึ ลทฺธ’’นฺติ อาห. โส สพฺพํ ปวตฺตึ กเถสิ. โส ตํ สุตฺวาว, ‘‘เอวรูปาย นาม สทฺธึ สํวาสํ นาลตฺถ’’นฺติ ราคคฺคินา ทฑฺโฒ ตตฺเถว กาลมกาสิ.
อฺมฺํ ¶ อาลาปสลฺลาปวเสน อุปฺปนฺนราโค ปน สมุลฺลปนสํสคฺโค นาม. ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิยา สนฺตกํ, ภิกฺขุนิยา วา ภิกฺขุสฺส สนฺตกํ คเหตฺวา ปริโภคกรณวเสน อุปฺปนฺนราโค สมฺโภคสํสคฺโค นาม. โส เอวํ เวทิตพฺโพ – มริจวฏฺฏิวิหารมเห กิร ภิกฺขูนํ สตสหสฺสํ ภิกฺขุนีนํ นวุติสหสฺสานิ เอว อเหสุํ. เอโก สามเณโร อุณฺหยาคุํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต สกึ จีวรกณฺเณ เปสิ, สกึ ภูมิยํ. เอกา สามเณรี ทิสฺวา เอตฺถ ปตฺตํ เปตฺวา ยาหีติ ถาลกํ อทาสิ. เต อปรภาเค เอกสฺมึ ภเย อุปฺปนฺเน ปรสมุทฺทํ อคมํสุ. เตสุ ภิกฺขุนี ปุเรตรํ อคมาสิ. สา, ‘‘เอโก กิร สีหฬภิกฺขุ อาคโต’’ติ สุตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา นิสินฺนา, – ‘‘ภนฺเต, มริจวฏฺฏิวิหารมหกาเล ตุมฺเห กติวสฺสา’’ติ ปุจฺฉิ. ตทาหํ สตฺตวสฺสิกสามเณโร. ตฺวํ ปน กติวสฺสาติ? อหํ สตฺตวสฺสิกสามเณรีเยว เอกสฺส ¶ สามเณรสฺส อุณฺหยาคุํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ปตฺตปนตฺถํ ถาลกมทาสินฺติ. เถโร, ‘‘อหํ โส’’ติ วตฺวา ถาลกํ นีหริตฺวา ทสฺเสสิ. เต เอตฺตเกเนว สํสคฺเคน พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตา ทฺเวปิ สฏฺิวสฺสกาเล วิพฺภมึสุ.
หตฺถคาหาทิวเสน ปน อุปฺปนฺนราโค กายสํสคฺโค นาม. ตตฺริทํ วตฺถุ – มหาเจติยงฺคเณ กิร ทหรภิกฺขู สชฺฌายํ คณฺหนฺติ. เตสํ ปิฏฺิปสฺเส ทหรภิกฺขุนิโย ธมฺมํ สุณนฺติ. ตตฺเรโก ทหโร หตฺถํ ปสาเรนฺโต เอกิสฺสา ทหรภิกฺขุนิยา กายํ ฉุปิ. สา ตํ หตฺถํ คเหตฺวา อตฺตโน อุรสฺมึ เปสิ, เอตฺตเกน สํสคฺเคน ทฺเวปิ วิพฺภมิตฺวา คิหิภาวํ ปตฺตา.
คาหคาหกาทิวณฺณนา
อิเมสุ ¶ ปน ปฺจสุ สํสคฺเคสุ ภิกฺขุโน ภิกฺขูหิ สทฺธึ สวนทสฺสนสมุลฺลปนสมฺโภคกายปรามาสา นิจฺจมฺปิ โหนฺติเยว, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ เปตฺวา กายสํสคฺคํ เสสา กาเลน กาลํ โหนฺติ; ตถา อุปาสกอุปาสิกาหิ สทฺธึ สพฺเพปิ กาเลน กาลํ โหนฺติ. เตสุ หิ กิเลสุปฺปตฺติโต จิตฺตํ รกฺขิตพฺพํ. เอโก หิ ภิกฺขุ คาหคาหโก โหติ, เอโก คาหมุตฺตโก, เอโก มุตฺตคาหโก, เอโก มุตฺตมุตฺตโก.
ตตฺถ ยํ ภิกฺขุํ มนุสฺสาปิ อามิเสน อุปลาเปตฺวา คหณวเสน อุปสงฺกมนฺติ, ภิกฺขุปิ ปุปฺผผลาทีหิ ¶ อุปลาเปตฺวา คหณวเสน อุปสงฺกมติ, อยํ คาหคาหโก นาม. ยํ ปน มนุสฺสา วุตฺตนเยน อุปสงฺกมนฺติ, ภิกฺขุ ทกฺขิเณยฺยวเสน อุปสงฺกมติ, อยํ คาหมุตฺตโก นาม. ยสฺส มนุสฺสา ทกฺขิเณยฺยวเสน จตฺตาโร ปจฺจเย เทนฺติ, ภิกฺขุ ปุปฺผผลาทีหิ อุปลาเปตฺวา คหณวเสน อุปสงฺกมติ, อยํ มุตฺตคาหโก นาม. ยสฺส มนุสฺสาปิ ทกฺขิเณยฺยวเสน จตฺตาโร ปจฺจเย เทนฺติ, ภิกฺขุปิ จูฬปิณฺฑปาติยติสฺสตฺเถโร วิย ทกฺขิเณยฺยวเสน ปริภฺุชติ, อยํ มุตฺตมุตฺตโก นาม.
เถรํ กิร เอกา อุปาสิกา ทฺวาทส วสฺสานิ อุปฏฺหิ. เอกทิวสํ ตสฺมึ คาเม อคฺคิ อุฏฺหิตฺวา เคหานิ ฌาเปสิ. อฺเสํ กุลูปกภิกฺขู อาคนฺตฺวา ¶ – ‘‘กึ อุปาสิเก, อปิ กิฺจิ ภณฺฑกํ อโรคํ กาตุํ อสกฺขิตฺถา’’ติ ปฏิสนฺถารํ อกํสุ. มนุสฺสา, ‘‘อมฺหากํ มาตุ กุลูปกตฺเถโร ภฺุชนเวลายเมว อาคมิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. เถโรปิ ปุนทิวเส ภิกฺขาจารเวลํ สลฺลกฺเขตฺวาว อาคโต. อุปาสิกา โกฏฺจฺฉายาย นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ สมฺปาเทตฺวา อทาสิ. เถเร ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปกฺกนฺเต มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘อมฺหากํ มาตุ กุลูปกตฺเถโร ภฺุชนเวลายเมว อาคโต’’ติ. อุปาสิกา, ‘‘ตุมฺหากํ กุลูปกา ตุมฺหากํเยว อนุจฺฉวิกา, มยฺหํ เถโร มยฺเหว อนุจฺฉวิโก’’ติ อาห. อายสฺมา ปน มนฺตาณิปุตฺโต อิเมหิ ปฺจหิ สํสคฺเคหิ จตูหิปิ ปริสาหิ สทฺธึ อสํสฏฺโ คาหมุตฺตโก เจว มุตฺตมุตฺตโก จ อโหสิ. ยถา จ สยํ อสํสฏฺโ, เอวํ ภิกฺขูนมฺปิ ตํ อสํสคฺคกถํ กตฺตา อโหสิ.
อารทฺธวีริโยติ ¶ ปคฺคหิตวีริโย, ปริปุณฺณกายิกเจตสิกวีริโยติ อตฺโถ. โย หิ ภิกฺขุ คมเน อุปฺปนฺนกิเลสํ านํ ปาปุณิตุํ น เทติ, าเน อุปฺปนฺนกิเลสํ นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนกิเลสํ สยนํ ปาปุณิตุํ น เทติ, มนฺเตน กณฺหสปฺปํ อุปฺปีเฬตฺวา คณฺหนฺโต วิย, อมิตฺตํ คีวาย อกฺกมนฺโต วิย จ วิจรติ, อยํ อารทฺธวีริโย นาม. เถโร จ ตาทิโส อโหสิ. ภิกฺขูนมฺปิ ตเถว วีริยารมฺภกถํ กตฺตา อโหสิ.
สีลสมฺปนฺโนติอาทีสุ สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. สมาธีติ วิปสฺสนาปาทกา อฏฺ สมาปตฺติโย. ปฺาติ โลกิยโลกุตฺตราณํ. วิมุตฺตีติ อริยผลํ. วิมุตฺติาณทสฺสนนฺติ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. เถโร สยมฺปิ สีลาทีหิ สมฺปนฺโน อโหสิ ภิกฺขูนมฺปิ สีลาทิกถํ ¶ กตฺตา. สฺวายํ ทสหิ กถาวตฺถูหิ โอวทตีติ โอวาทโก. ยถา ปน เอโก โอวทติเยว, สุขุมํ อตฺถํ ปริวตฺเตตฺวา ชานาเปตุํ น สกฺโกติ. น เอวํ เถโร. เถโร ปน ตานิ ทส กถาวตฺถูนิ วิฺาเปตีติ วิฺาปโก. เอโก วิฺาเปตุํ สกฺโกติ, การณํ ทสฺเสตุํ น สกฺโกติ. เถโร การณมฺปิ สนฺทสฺเสตีติ สนฺทสฺสโก. เอโก วิชฺชมานํ การณํ ทสฺเสติ, คาเหตุํ ปน น สกฺโกติ. เถโร คาเหตุมฺปิ สกฺโกตีติ สมาทปโก. เอวํ สมาทเปตฺวา ¶ ปน เตสุ กถาวตฺถูสุ อุสฺสาหชนนวเสน ภิกฺขู สมุตฺเตเชตีติ สมุตฺเตชโก. อุสฺสาหชาเต วณฺณํ วตฺวา สมฺปหํเสตีติ สมฺปหํสโก.
ปฺจลาภวณฺณนา
๒๕๓. สุลทฺธลาภาติ อฺเสมฺปิ มนุสฺสตฺตภาวปพฺพชฺชาทิคุณลาภา นาม โหนฺติ. อายสฺมโต ปน ปุณฺณสฺส สุลทฺธลาภา เอเต, ยสฺส สตฺถุ สมฺมุขา เอวํ วณฺโณ อพฺภุคฺคโตติ อตฺโถ. อปิจ อปณฺฑิเตหิ วณฺณกถนํ นาม น ตถา ลาโภ, ปณฺฑิเตหิ วณฺณกถนํ ปน ลาโภ. คิหี หิ วา วณฺณกถนํ น ตถา ลาโภ, คิหี หิ ‘‘วณฺณํ กเถสฺสามี’’ติ, ‘‘อมฺหากํ อยฺโย สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส, วิหารํ อาคตานํ ยาคุภตฺตผาณิตาทีหิ สงฺคหํ กโรตี’’ติ กเถนฺโต อวณฺณเมว กเถติ. ‘‘อวณฺณํ กเถสฺสามี’’ติ ‘‘อยํ เถโร มนฺทมนฺโท วิย อพลพโล วิย ภากุฏิกภากุฏิโก วิย นตฺถิ อิมินา สทฺธึ วิสฺสาโส’’ติ กเถนฺโต วณฺณเมว กเถติ. สพฺรหฺมจารีหิปิ สตฺถุ ปรมฺมุขา ¶ วณฺณกถนํ น ตถา ลาโภ, สตฺถุ สมฺมุขา ปน อติลาโภติ อิมมฺปิ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ‘‘สุลทฺธลาภา’’ติ อาห. อนุมสฺส อนุมสฺสาติ ทส กถาวตฺถูนิ อนุปวิสิตฺวา อนุปวิสิตฺวา. ตฺจ สตฺถา อพฺภนุโมทตีติ ตฺจสฺส วณฺณํ เอวเมตํ อปฺปิจฺโฉ จ โส ภิกฺขุ สนฺตุฏฺโ จ โส ภิกฺขูติ อนุโมทติ. อิติ วิฺูหิ วณฺณภาสนํ เอโก ลาโภ, สพฺรหฺมจารีหิ เอโก, สตฺถุ สมฺมุขา เอโก, อนุมสฺส อนุมสฺส เอโก, สตฺถารา อพฺภนุโมทนํ เอโกติ อิเม ปฺจ ลาเภ สนฺธาย ‘‘สุลทฺธลาภา’’ติ อาห. กทาจีติ กิสฺมิฺจิเทว กาเล. กรหจีติ ตสฺเสว เววจนํ. อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโปติ อปิ นาม โกจิ กถาสมุทาจาโรปิ ภเวยฺย. เถเรน กิร อายสฺมา ปุณฺโณ เนว ทิฏฺปุพฺโพ, นสฺส ธมฺมกถา สุตปุพฺพา. อิติ โส ตสฺส ทสฺสนมฺปิ ธมฺมกถมฺปิ ปตฺถยมาโน เอวมาห.
จาริกาทิวณฺณนา
๒๕๔. ยถาภิรนฺตนฺติ ¶ ยถาอชฺฌาสยํ วิหริตฺวา. พุทฺธานฺหิ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ ฉายูทกาทิวิปตฺตึ วา อปฺผาสุกเสนาสนํ วา, มนุสฺสานํ อสฺสทฺธาทิภาวํ ¶ วา อาคมฺม อนภิรติ นาม นตฺถิ. เตสํ สมฺปตฺติยา ‘‘อิธ ผาสุ วิหรามา’’ติ อภิรมิตฺวา จิรวิหาโรปิ นตฺถิ. ยตฺถ ปน ตถาคเต วิหรนฺเต สตฺตา สรเณสุ วา ปติฏฺหนฺติ, สีลานิ วา สมาทิยนฺติ, ปพฺพชนฺติ วา, ตโต โสตาปตฺติมคฺคาทีนํ วา ปน เตสํ อุปนิสฺสโย โหติ. ตตฺถ พุทฺธา สตฺเต ตาสุ สมฺปตฺตีสุ ปติฏฺาปนอชฺฌาสเยน วสนฺติ; ตาสํ อภาเว ปกฺกมนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยถาอชฺฌาสยํ วิหริตฺวา’’ติ. จาริกํ จรมาโนติ อทฺธานคมนํ คจฺฉนฺโต. จาริกา จ นาเมสา ภควโต ทุวิธา โหติ ตุริตจาริกา จ, อตุริตจาริกา จ.
ตตฺถ ทูเรปิ โพธเนยฺยปุคฺคลํ ทิสฺวา ตสฺส โพธนตฺถาย สหสา คมนํ ตุริตจาริกา นาม. สา มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฏฺพฺพา. ภควา หิ มหากสฺสปํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโต มุหุตฺเตน ติคาวุตํ มคฺคํ อคมาสิ, อาฬวกสฺสตฺถาย ตึสโยชนํ, ตถา องฺคุลิมาลสฺส ¶ . ปุกฺกุสาติสฺส ปน ปฺจจตฺตาลีสโยชนํ, มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ, ขทิรวนิยสฺสตฺถาย สตฺต โยชนสตานิ อคมาสิ; ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริกสฺส วนวาสีติสฺสสามเณรสฺส ติคาวุตาธิกํ วีสโยชนสตํ.
เอกทิวสํ กิร เถโร, ‘‘ติสฺสสามเณรสฺส สนฺติกํ, ภนฺเต, คจฺฉามี’’ติ อาห. ภควา, ‘‘อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, วีสติสหสฺสานํ ฉฬภิฺานํ อาโรเจหิ – ‘ภควา วนวาสีติสฺสสามเณรสฺส สนฺติกํ คมิสฺสตี’’’ติ. ตโต ทุติยทิวเส วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต อากาเส อุปฺปติตฺวา วีสโยชนสตมตฺถเก ตสฺส โคจรคามทฺวาเร โอตริตฺวา จีวรํ ปารุปิ. กมฺมนฺตํ คจฺฉมานา มนุสฺสา ทิสฺวา, ‘‘สตฺถา, โภ, อาคโต, มา กมฺมนฺตํ อคมิตฺถา’’ติ วตฺวา อาสนานิ ปฺเปตฺวา ยาคุํ ทตฺวา ปานวตฺตํ กโรนฺตา, ‘‘กุหึ, ภนฺเต, ภควา คจฺฉตี’’ติ ทหรภิกฺขู ปุจฺฉึสุ. อุปาสกา, น ภควา อฺตฺถ คจฺฉติ, อิเธว ติสฺสสามเณรสฺส ทสฺสนตฺถาย อาคโตติ ¶ . เต ‘‘อมฺหากํ กิร กุลูปกตฺเถรสฺส ทสฺสนตฺถาย สตฺถา อาคโต, โน วต โน เถโร โอรมตฺตโก’’ติ โสมนสฺสชาตา อเหสุํ.
อถ ¶ ภควโต ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สามเณโร คามํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ‘‘อุปาสกา มหา ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต, ‘‘สตฺถา, ภนฺเต, อาคโต’’ติ อาโรเจสุํ, โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิณฺฑปาเตน อาปุจฺฉิ. สตฺถา ตสฺส ปตฺตํ หตฺเถน คเหตฺวา, ‘‘อลํ, ติสฺส, นิฏฺิตํ ภตฺตกิจฺจ’’นฺติ อาห. ตโต อุปชฺฌายํ อาปุจฺฉิตฺวา อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกาสิ. อถสฺส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สตฺถา มงฺคลํ วตฺวา นิกฺขมิตฺวา คามทฺวาเร ตฺวา, ‘‘กตโร เต, ติสฺส, วสนฏฺานํ คมนมคฺโค’’ติ อาห. ‘‘อยํ ภควา’’ติ. มคฺคํ เทสยมาโน ปุรโต ยาหิ ติสฺสาติ. ภควา กิร สเทวกสฺส โลกสฺส มคฺคเทสโก สมาโนปิ ‘‘สกลติคาวุเต มคฺเค สามเณรํ ทฏฺุํ ลจฺฉามี’’ติ ตํ มคฺคเทสกมกาสิ.
โส อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ภควโต วตฺตมกาสิ. อถ นํ ภควา, ‘‘กตโร เต, ติสฺส, จงฺกโม’’ติ ¶ ปุจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา สามเณรสฺส นิสีทนปาสาเณ นิสีทิตฺวา, ‘‘ติสฺส, อิมสฺมึ าเน สุขํ วสสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘อาม, ภนฺเต, อิมสฺมึ เม าเน วสนฺตสฺส สีหพฺยคฺฆหตฺถิมิคโมราทีนํ สทฺทํ สุณโต อรฺสฺา อุปฺปชฺชติ, ตาย สุขํ วสามี’’ติ. อถ นํ ภควา, ‘‘ติสฺส, ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตหิ, พุทฺธทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ วตฺวา สนฺนิปติเต ภิกฺขุสงฺเฆ อุปสมฺปาเทตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสีติ. อยํ ตุริตจาริกา นาม.
ยํ ปน คามนิคมปฏิปาฏิยา เทวสิกํ โยชนฑฺฒโยชนวเสน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส คมนํ, อยํ อตุริตจาริกา นาม. อิมํ ปน จาริกํ จรนฺโต ภควา มหามณฺฑลํ มชฺฌิมมณฺฑลํ อนฺติมมณฺฑลนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ มณฺฑลานํ อฺตรสฺมึ จรติ. ตตฺถ มหามณฺฑลํ นวโยชนสติกํ, มชฺฌิมมณฺฑลํ ฉโยชนสติกํ, อนฺติมมณฺฑลํ ติโยชนสติกํ. ยทา มหามณฺฑเล จาริกํ จริตุกาโม โหติ, มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา ปาฏิปททิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร นิกฺขมติ. สมนฺตา โยชนสตํ เอกโกลาหลํ อโหสิ, ปุริมํ ปุริมํ อาคตา นิมนฺเตตุํ ลภนฺติ; อิตเรสุ ทฺวีสุ มณฺฑเลสุ สกฺกาโร มหามณฺฑเล ¶ โอสรติ. ตตฺร ภควา เตสุ เตสุ คามนิคเมสุ เอกาหํ ทฺวีหํ วสนฺโต มหาชนํ อามิสปฏิคฺคเหน อนุคฺคณฺหนฺโต ธมฺมทาเนน จสฺส วิวฏฺฏูปนิสฺสิตํ ¶ กุสลํ วฑฺเฒนฺโต นวหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปติ.
สเจ ปน อนฺโตวสฺเส ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหติ, มหาปวารณาย อปวาเรตฺวา ปวารณาสงฺคหํ ทตฺวา กตฺติกปุณฺณมาย ปวาเรตฺวา มิคสิรสฺส ปมทิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร นิกฺขมิตฺวา มชฺฌิมมณฺฑลํ โอสรติ. อฺเนปิ การเณน มชฺฌิมมณฺฑเล จาริกํ จริตุกาโม จตุมาสํ วสิตฺวาว นิกฺขมติ. วุตฺตนเยเนว อิตเรสุ ทฺวีสุ มณฺฑเลสุ สกฺกาโร มชฺฌิมมณฺฑเล โอสรติ. ภควา ปุริมนเยเนว โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต อฏฺหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปติ.
สเจ ปน จตุมาสํ วุฏฺวสฺสสฺสาปิ ภควโต เวเนยฺยสตฺตา อปริปกฺกินฺทฺริยา โหนฺติ, เตสํ อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมาโน ¶ อปรมฺปิ เอกํ มาสํ วา ทฺวิติจตุมาสํ วา ตตฺเถว วสิตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร นิกฺขมติ. วุตฺตนเยเนว อิตเรสุ ทฺวีสุ มณฺฑเลสุ สกฺกาโร อนฺโตมณฺฑเล โอสรติ. ภควา ปุริมนเยเนว โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต สตฺตหิ วา ฉหิ วา ปฺจหิ วา จตูหิ วา มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปติ. อิติ อิเมสุ ตีสุ มณฺฑเลสุ ยตฺถ กตฺถจิ จาริกํ จรนฺโต น จีวราทิเหตุ จรติ. อถ โข เย ทุคฺคตา พาลา ชิณฺณา พฺยาธิตา, เต กทา ตถาคตํ อาคนฺตฺวา ปสฺสิสฺสนฺติ? มยิ ปน จาริกํ จรนฺเต มหาชโน ตถาคตทสฺสนํ ลภิสฺสติ, ตตฺถ เกจิ จิตฺตานิ ปสาเทสฺสนฺติ, เกจิ มาลาทีหิ ปูเชสฺสนฺติ, เกจิ กฏจฺฉุภิกฺขํ ทสฺสนฺติ, เกจิ มิจฺฉาทสฺสนํ ปหาย สมฺมาทิฏฺิกา ภวิสฺสนฺติ, ตํ เตสํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ เอวํ โลกานุกมฺปาย จาริกํ จรติ.
อปิจ จตูหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ – ชงฺฆาวิหารวเสน สรีรผาสุกตฺถาย, อตฺถุปฺปตฺติกาลํ อภิกงฺขนตฺถาย, ภิขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺาปนตฺถาย, ตตฺถ ตตฺถ ปริปากคตินฺทฺริเย โพธเนยฺยสตฺเต โพธนตฺถายาติ. อปเรหิปิ จตูหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ – พุทฺธํ สรณํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ วา, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ วา, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉิสฺสนฺตีติ วา, มหตา ธมฺมวสฺเสน จตสฺโส ปริสา สนฺตปฺเปสฺสามีติ วาติ ¶ . อปเรหิ ปฺจหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ ¶ – ปาณาติปาตา วิรมิสฺสนฺตีติ วา, อทินฺนาทานา… กาเมสุมิจฺฉาจารา… มุสาวาทา… สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา วิรมิสฺสนฺตีติ วาติ. อปเรหิ อฏฺหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ – ปมชฺฌานํ ปฏิลภิสฺสนฺตีติ วา, ทุติยํ…เป… เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปฏิลภิสฺสนฺตีติ วาติ. อปเรหิ อฏฺหิ การเณหิ พุทฺธา ภควนฺโต จาริกํ จรนฺติ – โสตาปตฺติมคฺคํ อธิคมิสฺสนฺตีติ วา, โสตาปตฺติผลํ…เป… อรหตฺตผลํ สจฺฉิกริสฺสนฺตีติ วาติ. อยํ อตุริตจาริกา, สา อิธ อธิปฺเปตา. สา ปเนสา ทุวิธา โหติ นิพทฺธจาริกา, อนิพทฺธจาริกา ¶ จ. ตตฺถ ยํ เอกสฺเสว โพธเนยฺยสตฺตสฺส อตฺถาย คจฺฉติ, อยํ นิพทฺธจาริกา นาม. ยํ ปน คามนิคมนครปฏิปาฏิวเสน จรติ, อยํ อนิพทฺธจาริกา นาม. เอสา อิธ อธิปฺเปตา.
เสนาสนํ สํสาเมตฺวาติ เสนาสนํ ปฏิสาเมตฺวา. ตํ ปน ปฏิสาเมนฺโต เถโร น จูฬปตฺตมหาปตฺต-จูฬถาลกมหาถาลก-ปฏฺฏุณฺณจีวร-ทุกูลจีวราทีนํ ภณฺฑิกํ กตฺวา สปฺปิเตลาทีนํ วา ปน ฆเฏ ปูราเปตฺวา คพฺเภ นิทหิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย กฺุจิกมุทฺทิกาทีนิ โยชาเปสิ. ‘‘สเจ น โหติ ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา อุปาสโก วา, จตูสุ ปาสาเณสุ มฺเจ มฺจํ อาโรเปตฺวา ปีเ ปีํ อาโรเปตฺวา จีวรวํเส วา จีวรรชฺชุยา วา อุปริ ปฺุชํ กตฺวา ทฺวารวาตปานํ ถเกตฺวา ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๓๖๑) วจนโต ปน เนวาสิกํ ภิกฺขุํ อาปุจฺฉนมตฺตเกเนว ปฏิสาเมสิ.
เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามีติ สตฺถุ ทสฺสนกาโม หุตฺวา เยน ทิสาภาเคน สาวตฺถิ เตน ปกฺกามิ. ปกฺกมนฺโต จ น สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรจาเปตฺวา สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีนิ คาหาเปตฺวา ปกฺกนฺโต. ยูถํ ปหาย นิกฺขนฺโต ปน มตฺตหตฺถี วิย, อสหายกิจฺโจ สีโห วิย, ปตฺตจีวรมตฺตํ อาทาย เอกโกว ปกฺกามิ. กสฺมา ปเนส ปฺจสเตหิ อตฺตโน อนฺเตวาสิเกหิ สทฺธึ ราชคหํ อคนฺตฺวา อิทานิ นิกฺขนฺโตติ? ราชคหํ กปิลวตฺถุโต ทูรํ สฏฺิโยชนานิ, สาวตฺถิ ปน ปฺจทส. สตฺถา ราชคหโต ปฺจจตฺตาลีสโยชนํ อาคนฺตฺวา สาวตฺถิยํ วิหรติ, อิทานิ อาสนฺโน ชาโตติ สุตฺวา นิกฺขมีติ อการณเมตํ. พุทฺธานํ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต หิ เอส โยชนสหสฺสมฺปิ คจฺเฉยฺย, ตทา ¶ ปน ¶ กายวิเวโก น สกฺกา ลทฺธุนฺติ. พหูหิ สทฺธึ คมนกาเล หิ เอกสฺมึ คจฺฉามาติ วทนฺเต เอโก อิเธว วสามาติ วทติ. เอกสฺมึ วสามาติ วทนฺเต เอโก คจฺฉามาติ วทติ. ตสฺมา อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทิตุํ วา ผาสุกเสนาสเน กายวิเวกํ ลทฺธุํ วา น สกฺกา โหติ, เอกกสฺส ปน ตํ สพฺพํ สุลภํ โหตีติ ตทา อคนฺตฺวา อิทานิ ปกฺกามิ.
จาริกํ ¶ จรมาโนติ เอตฺถ กิฺจาปิ อยํ จาริกา นาม มหาชนสงฺคหตฺถํ พุทฺธานํเยว ลพฺภติ, พุทฺเธ อุปาทาย ปน รุฬฺหีสทฺเทน สาวกานมฺปิ วุจฺจติ กิลฺชาทีหิ กตํ พีชนมฺปิ ตาลวณฺฏํ วิย. เยน ภควาติ สาวตฺถิยา อวิทูเร เอกสฺมึ คามเก ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ เชตวนํ ปวิสิตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส วา วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ปาเท โธวิตฺวา มกฺเขตฺวา ปานียํ วา ปานกํ วา ปิวิตฺวา โถกํ วิสฺสมิตฺวา สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามีติ จิตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา อุชุกํ คนฺธกุฏิปริเวณเมว อคมาสิ. เถรสฺส หิ สตฺถารํ ทฏฺุกามสฺส อฺเน ภิกฺขุนา กิจฺจํ นตฺถิ. ตสฺมา ราหุลํ วา อานนฺทํ วา คเหตฺวา โอกาสํ กาเรตฺวา สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามีติ เอวมฺปิ จิตฺตํ น อุปฺปาเทสิ.
เถโร หิ สยเมว พุทฺธสาสเน วลฺลโภ รฺโ สงฺคามวิชยมหาโยโธ วิย. ยถา หิ ตาทิสสฺส โยธสฺส ราชานํ ทฏฺุกามสฺส อฺํ เสวิตฺวา ทสฺสนกมฺมํ นาม นตฺถิ; วลฺลภตาย สยเมว ปสฺสติ. เอวํ เถโรปิ พุทฺธสาสเน วลฺลโภ, ตสฺส อฺํ เสวิตฺวา สตฺถุทสฺสนกิจฺจํ นตฺถีติ ปาเท โธวิตฺวา ปาทปฺุฉนมฺหิ ปฺุฉิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. ภควาปิ ‘‘ปจฺจูสกาเลเยว มนฺตาณิปุตฺโต อาคมิสฺสตี’’ติ อทฺทส. ตสฺมา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา สูจิฆฏิกํ อทตฺวาว ทรถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา อุฏฺาย นิสีทิ. เถโร กวาฏํ ปณาเมตฺวา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ธมฺมิยา กถายาติ ภควา ธมฺมึ กถํ กเถนฺโต จูฬโคสิงฺคสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๓๒๕ อาทโย) ติณฺณํ กุลปุตฺตานํ สามคฺคิรสานิสํสํ กเถสิ; เสกฺขสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๒๒ อาทโย) อาวสถานิสํสํ, ฆฏิการสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) สติปฏิลาภิกํ ปุพฺเพนิวาสปฺปฏิสํยุตฺตกถํ; รฏฺปาลสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๐๔) จตฺตาโร ¶ ธมฺมุทฺเทเส, เสลสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๓๙๖ อาทโย) ปานกานิสํสกถํ ¶ , อุปกฺกิเลสสุตฺเต (ม. นิ. ๓.๒๓๖ อาทโย) ภคุตฺเถรสฺส ธมฺมกถํ กเถนฺโต เอกีภาเว อานิสํสํ กเถสิ. อิมสฺมึ ปน รถวินีเต อายสฺมโต ปุณฺณสฺส กเถนฺโต ทสกถาวตฺถุนิสฺสยํ ¶ อนนฺตนยํ นาม ทสฺเสสิ ปุณฺณ, อยมฺปิ อปฺปิจฺฉกถาเยว สนฺโตสกถาเยวาติ. ปฏิสมฺภิทาปตฺตสฺส สาวกสฺส เวลนฺเต ตฺวา มหาสมุทฺเท หตฺถปฺปสารณํ วิย อโหสิ.
เยน อนฺธวนนฺติ ตทา กิร ปจฺฉาภตฺเต เชตวนํ อากิณฺณํ โหติ, พหู ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย เชตวนํ โอสรนฺติ; รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ขนฺธาวารฏฺานํ วิย โหติ, น สกฺกา ปวิเวกํ ลภิตุํ. อนฺธวนํ ปน ปธานฆรสทิสํ ปวิวิตฺตํ, ตสฺมา เยนนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิ. กสฺมา ปน มหาเถเร น อทฺทส? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘สายนฺหสมเย อาคนฺตฺวา มหาเถเร ทิสฺวา ปุน ทสพลํ ปสฺสิสฺสามิ, เอวํ มหาเถรานํ เอกํ อุปฏฺานํ ภวิสฺสติ, สตฺถุ ทฺเว ภวิสฺสนฺติ, ตโต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา มม วสนฏฺานเมว คมิสฺสามี’’ติ.
สตฺตวิสุทฺธิปฺหวณฺณนา
๒๕๖. อภิณฺหํ กิตฺตยมาโน อโหสีติ ปุนปฺปุนํ วณฺณํ กิตฺตยมาโน วิหาสิ. เถโร กิร ตโต ปฏฺาย ทิวเส ทิวเส สงฺฆมชฺเฌ ‘‘ปุณฺโณ กิร นาม มนฺตาณิปุตฺโต จตูหิ ปริสาหิ สทฺธึ อสํสฏฺโ, โส ทสพลสฺส ทสฺสนตฺถาย อาคมิสฺสติ; กจฺจิ นุ โข มํ อทิสฺวาว คมิสฺสตี’’ติ เถรนวมชฺฌิมานํ สติกรณตฺถํ อายสฺมโต ปุณฺณสฺส คุณํ ภาสติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘มหลฺลกภิกฺขู นาม น สพฺพกาลํ อนฺโตวิหาเร โหนฺติ; คุณกถาย ปนสฺส กถิตาย โย จ นํ ภิกฺขุํ ปสฺสิสฺสติ; โส อาคนฺตฺวา อาโรเจสฺสตี’’ติ. อถายํ เถรสฺเสว สทฺธิวิหาริโก ตํ อายสฺมนฺตํ มนฺตาณิปุตฺตํ ปตฺตจีวรมาทาย คนฺธกุฏึ ปวิสนฺตํ อทฺทส. กถํ ปน นํ เอส อฺาสีติ? ปุณฺณ, ปุณฺณาติ วตฺวา กเถนฺตสฺส ภควโต ธมฺมกถาย อฺาสิ – ‘‘อยํ โส เถโร, ยสฺส เม อุปชฺฌาโย อภิณฺหํ กิตฺตยมาโน โหตี’’ติ. อิติ โส อาคนฺตฺวา เถรสฺส อาโรเจสิ. นิสีทนํ อาทายาติ นิสีทนํ นาม สทสํ วุจฺจติ อวายิมํ. เถโร ปน จมฺมขณฺฑํ คเหตฺวา อคมาสิ. ปิฏฺิโต ปิฏฺิโตติ ¶ ปจฺฉโต ปจฺฉโต. สีสานุโลกีติ โย อุนฺนตฏฺาเน ปิฏฺึ ปสฺสนฺโต ¶ นินฺนฏฺาเน สีสํ ปสฺสนฺโต คจฺฉติ, อยมฺปิ สีสานุโลกีติ วุจฺจติ. ตาทิโส หุตฺวา อนุพนฺธิ. เถโร หิ กิฺจาปิ สํยตปทสทฺทตาย อจฺจาสนฺโน หุตฺวา คจฺฉนฺโตปิ ปทสทฺเทน น พาธติ, ‘‘นายํ สมฺโมทนกาโล’’ติ ¶ ตฺวา ปน น อจฺจาสนฺโน, อนฺธวนํ นาม มหนฺตํ, เอกสฺมึ าเน นิลีนํ อปสฺสนฺเตน, อาวุโส ปุณฺณ, ปุณฺณาติ อผาสุกสทฺโท กาตพฺโพ โหตีติ นิสินฺนฏฺานชานนตฺถํ นาติทูเร หุตฺวา สีสานุโลกี อคมาสิ. ทิวาวิหารํ นิสีทีติ ทิวาวิหารตฺถาย นิสีทิ.
ตตฺถ อายสฺมาปิ ปุณฺโณ อุทิจฺจพฺราหฺมณชจฺโจ, สาริปุตฺตตฺเถโรปิ. ปุณฺณตฺเถโรปิ สุวณฺณวณฺโณ, สาริปุตฺตตฺเถโรปิ. ปุณฺณตฺเถโรปิ อรหตฺตผลสมาปตฺติสมาปนฺโน, สาริปุตฺตตฺเถโรปิ. ปุณฺณตฺเถโรปิ กปฺปสตสหสฺสํ อภินีหารสมฺปนฺโน, สาริปุตฺตตฺเถโรปิ กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกมสงฺขฺเยยฺยํ. ปุณฺณตฺเถโรปิ ปฏิสมฺภิทาปตฺโต มหาขีณาสโว, สาริปุตฺตตฺเถโรปิ. อิติ เอกํ กนกคุหํ ปวิฏฺา ทฺเว สีหา วิย, เอกํ วิชมฺภนภูมึ โอติณฺณา ทฺเว พฺยคฺฆา วิย, เอกํ สุปุปฺผิตสาลวนํ ปวิฏฺา ทฺเว ฉทฺทนฺตนาคราชาโน วิย, เอกํ สิมฺพลิวนํ ปวิฏฺา ทฺเว สุปณฺณราชาโน วิย, เอกํ นรวาหนยานํ อภิรุฬฺหา ทฺเว เวสฺสวณา วิย, เอกํ ปณฺฑุกมฺพลสิลํ อภินิสินฺนา ทฺเว สกฺกา วิย, เอกวิมานพฺภนฺตรคตา ทฺเว หาริตมหาพฺรหฺมาโน วิย จ เต ทฺเวปิ พฺราหฺมณชจฺจา ทฺเวปิ สุวณฺณวณฺณา ทฺเวปิ สมาปตฺติลาภิโน ทฺเวปิ อภินีหารสมฺปนฺนา ทฺเวปิ ปฏิสมฺภิทาปตฺตา มหาขีณาสวา เอกํ วนสณฺฑํ อนุปวิฏฺา ตํ วนฏฺานํ โสภยึสุ.
ภควติ โน, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ, อาวุโส, กึ อมฺหากํ ภควโต สนฺติเก อายสฺมตา พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ? อิทํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ตสฺส ภควติ พฺรหฺมจริยวาสํ ชานนฺโตปิ กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ปุจฺฉิ. ปุริมกถาย หิ อปฺปติฏฺิตาย ปจฺฉิมกถา น ชายติ, ตสฺมา เอวํ ปุจฺฉิ. เถโร อนุชานนฺโต ‘‘เอวมาวุโส’’ติ อาห. อถสฺส ปฺหวิสฺสชฺชนํ โสตุกาโม อายสฺมา สาริปุตฺโต ‘‘กึ นุ โข อาวุโส สีลวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ ปฏิปาฏิยา สตฺต วิสุทฺธิโย ปุจฺฉิ. ตาสํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา. อายสฺมา ปน ปุณฺโณ ¶ ยสฺมา จตุปาริสุทฺธิสีลาทีสุ ิตสฺสาปิ พฺรหฺมจริยวาโส มตฺถกํ น ปาปุณาติ, ตสฺมา, ‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’ติ สพฺพํ ปฏิกฺขิปิ.
กิมตฺถํ ¶ ¶ จรหาวุโสติ ยทิ สีลวิสุทฺธิอาทีนํ อตฺถาย พฺรหฺมจริยํ น วุสฺสติ, อถ กิมตฺถํ วุสฺสตีติ ปุจฺฉิ. อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ โข, อาวุโสติ เอตฺถ อนุปาทาปรินิพฺพานํ นาม อปฺปจฺจยปรินิพฺพานํ. ทฺเวธา อุปาทานานิ คหณูปาทานฺจ ปจฺจยูปาทานฺจ. คหณูปาทานํ นาม กามุปาทานาทิกํ จตุพฺพิธํ, ปจฺจยูปาทานํ นาม อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ เอวํ วุตฺตปจฺจยา. ตตฺถ คหณูปาทานวาทิโน อาจริยา อนุปาทาปรินิพฺพานนฺติ จตูสุ อุปาทาเนสุ อฺตเรนาปิ กฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวา ปวตฺตํ อรหตฺตผลํ อนุปาทาปรินิพฺพานนฺติ กเถนฺติ. ตฺหิ น จ อุปาทานสมฺปยุตฺตํ หุตฺวา กฺจิ ธมฺมํ อุปาทิยติ, กิเลสานฺจ ปรินิพฺพุตนฺเต ชาตตฺตา ปรินิพฺพานนฺติ วุจฺจติ. ปจฺจยูปาทานวาทิโน ปน อนุปาทาปรินิพฺพานนฺติ อปฺปจฺจยปรินิพฺพานํ. ปจฺจยวเสน อนุปฺปนฺนํ อสงฺขตํ อมตธาตุเมว อนุปาทาปรินิพฺพานนฺติ กเถนฺติ. อยํ อนฺโต, อยํ โกฏิ, อยํ นิฏฺา. อปฺปจฺจยปรินิพฺพานํ ปตฺตสฺส หิ พฺรหฺมจริยวาโส มตฺถกํ ปตฺโต นาม โหติ, ตสฺมา เถโร ‘‘อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถ’’นฺติ อาห. อถ นํ อนุยฺุชนฺโต อายสฺมา สาริปุตฺโต ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ ปุน ปุจฺฉํ อารภิ.
๒๕๘. เถโรปิ สพฺพปริวตฺเตสุ ตเถว ปฏิกฺขิปิตฺวา ปริโยสาเน โทสํ ทสฺเสนฺโต สีลวิสุทฺธึ เจ, อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ ปฺเปยฺยาติ ยทิ ปฺเปยฺย. สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺยาติ สงฺคหณธมฺมเมว นิคฺคหณธมฺมํ สปฺปจฺจยธมฺมเมว อปฺปจฺจยธมฺมํ สงฺขตธมฺมเมว อสงฺขตธมฺมนฺติ ปฺเปยฺยาติ อตฺโถ. าณทสฺสนวิสุทฺธิยํ ปน สปฺปจฺจยธมฺมเมว อปฺปจฺจยธมฺมํ สงฺขตธมฺมเมว อสงฺขตธมฺมนฺติ ปฺเปยฺยาติ อยเมว อตฺโถ คเหตพฺโพ. ปุถุชฺชโน หิ, อาวุโสติ เอตฺถ วฏฺฏานุคโต โลกิยพาลปุถุชฺชโน ทฏฺพฺโพ. โส หิ จตุปาริสุทฺธิสีลมตฺตสฺสาปิ อภาวโต สพฺพโส อฺตฺร อิเมหิ ธมฺเมหิ. เตน หีติ เยน การเณน เอกจฺเจ ปณฺฑิตา อุปมาย อตฺถํ ชานนฺติ, เตน การเณน อุปมํ เต กริสฺสามีติ ¶ อตฺโถ.
สตฺตรถวินีตวณฺณนา
๒๕๙. สตฺต ¶ รถวินีตานีติ วินีตอสฺสาชานิยยุตฺเต สตฺต รเถ. ยาวเทว, จิตฺตวิสุทฺธตฺถาติ ¶ , อาวุโส, อยํ สีลวิสุทฺธิ นาม, ยาวเทว, จิตฺตวิสุทฺธตฺถา. จิตฺตวิสุทฺธตฺถาติ นิสฺสกฺกวจนเมตํ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ, ยาวเทว, จิตฺตวิสุทฺธิสงฺขาตา อตฺถา, ตาว อยํ สีลวิสุทฺธิ นาม อิจฺฉิตพฺพา. ยา ปน อยํ จิตฺตวิสุทฺธิ, เอสา สีลวิสุทฺธิยา อตฺโถ, อยํ โกฏิ, อิทํ ปริโยสานํ, จิตฺตวิสุทฺธิยํ ิตสฺส หิ สีลวิสุทฺธิกิจฺจํ กตํ นาม โหตีติ. เอส นโย สพฺพปเทสุ.
อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ราชา ปเสนทิ โกสโล วิย หิ ชรามรณภีรุโก โยคาวจโร ทฏฺพฺโพ. สาวตฺถินครํ วิย สกฺกายนครํ, สาเกตนครํ วิย นิพฺพานนครํ, รฺโ สาเกเต วฑฺฒิอาวหสฺส สีฆํ คนฺตฺวา ปาปุณิตพฺพสฺส อจฺจายิกสฺส กิจฺจสฺส อุปฺปาทกาโล วิย โยคิโน อนภิสเมตานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมยกิจฺจสฺส อุปฺปาทกาโล. สตฺต รถวินีตานิ วิย สตฺต วิสุทฺธิโย, ปมํ รถวินีตํ อารุฬฺหกาโล วิย สีลวิสุทฺธิยํ ิตกาโล, ปมรถวินีตาทีหิ ทุติยาทีนิ อารุฬฺหกาโล วิย สีลวิสุทฺธิอาทีหิ จิตฺตวิสุทฺธิอาทีสุ ิตกาโล. สตฺตเมน รถวินีเตน สาเกเต อนฺเตปุรทฺวาเร โอรุยฺห อุปริปาสาเท าติมิตฺตคณปริวุตสฺส สุรสโภชนปริโภคกาโล วิย โยคิโน าณทสฺสนวิสุทฺธิยา สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา ธมฺมวรปาสาทํ อารุยฺห ปโรปณฺณาสกุสลธมฺมปริวารสฺส นิพฺพานารมฺมณํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิโรธสยเน นิสินฺนสฺส โลกุตฺตรสุขานุภวนกาโล ทฏฺพฺโพ.
อิติ อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ ทสกถาวตฺถุลาภึ ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถโร สตฺต วิสุทฺธิโย ปุจฺฉิ. อายสฺมา ปุณฺโณ ทส กถาวตฺถูนิ วิสฺสชฺเชสิ. เอวํ ปุจฺฉนฺโต ปน ธมฺมเสนาปติ กึ ชานิตฺวา ปุจฺฉิ, อุทาหุ อชานิตฺวา? ติตฺถกุสโล วา ปน หุตฺวา วิสยสฺมึ ปุจฺฉิ, อุทาหุ อติตฺถกุสโล หุตฺวา อวิสยสฺมึ? ปุณฺณตฺเถโรปิ จ กึ ชานิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ, อุทาหุ อชานิตฺวา? ติตฺถกุสโล วา ปน หุตฺวา วิสยสฺมึ วิสฺสชฺเชสิ, อุทาหุ อติตฺถกุสโล หุตฺวา อวิสเยติ? ชานิตฺวา ติตฺถกุสโล หุตฺวา วิสเย ปุจฺฉีติ หิ วทมาโน ธมฺมเสนาปตึเยว วเทยฺย. ชานิตฺวา ติตฺถกุสโล หุตฺวา ¶ วิสเย วิสฺสชฺเชสีติ วทมาโน ปุณฺณตฺเถรํเยว ¶ วเทยฺย. ยฺหิ วิสุทฺธีสุ สํขิตฺตํ, ตํ กถาวตฺถูสุ วิตฺถิณฺณํ. ยํ กถาวตฺถูสุ สํขิตฺตํ, ตํ วิสุทฺธีสุ วิตฺถิณฺณํ. ตทมินา นเยน เวทิตพฺพํ.
วิสุทฺธีสุ ¶ หิ เอกา สีลวิสุทฺธิ จตฺตาริ กถาวตฺถูนิ หุตฺวา อาคตา อปฺปิจฺฉกถา สนฺตุฏฺิกถา อสํสคฺคกถา, สีลกถาติ. เอกา จิตฺตวิสุทฺธิ ตีณิ กถาวตฺถูนิ หุตฺวา อาคตา – ปวิเวกกถา, วีริยารมฺภกถา, สมาธิกถาติ, เอวํ ตาว ยํ วิสุทฺธีสุ สํขิตฺตํ, ตํ กถาวตฺถูสุ วิตฺถิณฺณํ. กถาวตฺถูสุ ปน เอกา ปฺากถา ปฺจ วิสุทฺธิโย หุตฺวา อาคตา – ทิฏฺิวิสุทฺธิ, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ, าณทสฺสนวิสุทฺธีติ, เอวํ ยํ กถาวตฺถูสุ สํขิตฺตํ, ตํ วิสุทฺธีสุ วิตฺถิณฺณํ. ตสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโร สตฺต วิสุทฺธิโย ปุจฺฉนฺโต น อฺํ ปุจฺฉิ, ทส กถาวตฺถูนิเยว ปุจฺฉิ. ปุณฺณตฺเถโรปิ สตฺต วิสุทฺธิโย วิสฺสชฺเชนฺโต น อฺํ วิสฺสชฺเชสิ, ทส กถาวตฺถูนิเยว วิสฺสชฺเชสีติ. อิติ อุโภเปเต ชานิตฺวา ติตฺถกุสลา หุตฺวา วิสเยว ปฺหํ ปุจฺฉึสุ เจว วิสฺสชฺเชสุํ จาติ เวทิตพฺโพ.
๒๖๐. โก นาโม อายสฺมาติ น เถโร ตสฺส นามํ น ชานาติ. ชานนฺโตเยว ปน สมฺโมทิตุํ ลภิสฺสามีติ ปุจฺฉิ. กถฺจ ปนายสฺมนฺตนฺติ อิทํ ปน เถโร สมฺโมทมาโน อาห. มนฺตาณิปุตฺโตติ มนฺตาณิยา พฺราหฺมณิยา ปุตฺโต. ยถา ตนฺติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา สุตวตา สาวเกน พฺยากาตพฺพา, เอวเมว พฺยากตาติ อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ. อนุมสฺส อนุมสฺสาติ ทส กถาวตฺถูนิ โอคาเหตฺวา อนุปวิสิตฺวา. เจลณฺฑุปเกนาติ เอตฺถ เจลํ วุจฺจติ วตฺถํ, อณฺฑุปกํ จุมฺพฏกํ. วตฺถจุมฺพฏกํ สีเส กตฺวา อายสฺมนฺตํ ตตฺถ นิสีทาเปตฺวา ปริหรนฺตาปิ สพฺรหฺมจารี ทสฺสนาย ลเภยฺยุํ, เอวํ ลทฺธทสฺสนมฺปิ เตสํ ลาภาเยวาติ อฏฺานปริกปฺเปน อภิณฺหทสฺสนสฺส อุปายํ ทสฺเสสิ. เอวํ อปริหรนฺเตน หิ ปฺหํ วา ปุจฺฉิตุกาเมน ธมฺมํ วา โสตุกาเมน ‘‘เถโร กตฺถ ิโต กตฺถ นิสินฺโน’’ติ ¶ ปริเยสนฺเตน จริตพฺพํ โหติ. เอวํ ปริหรนฺตา ปน อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณเยว สีสโต โอโรเปตฺวา มหารเห อาสเน นิสีทาเปตฺวา สกฺกา โหนฺติ ปฺหํ วา ปุจฺฉิตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ. อิติ อฏฺานปริกปฺเปน อภิณฺหทสฺสนสฺส อุปายํ ทสฺเสสิ.
สาริปุตฺโตติ จ ปน มนฺติ สาริยา พฺราหฺมณิยา ปุตฺโตติ จ ปน เอวํ มํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺติ. สตฺถุกปฺเปนาติ สตฺถุสทิเสน. อิติ เอกปเทเนว อายสฺมา ¶ ปุณฺโณ สาริปุตฺตตฺเถรํ จนฺทมณฺฑลํ อาหจฺจ เปนฺโต วิย อุกฺขิปิ. เถรสฺส หิ อิมสฺมึ าเน เอกนฺตธมฺมกถิกภาโว ปากโฏ ¶ อโหสิ. อมจฺจฺหิ ปุโรหิตํ มหนฺโตติ วทมาโน ราชสทิโสติ วเทยฺย, โคณํ หตฺถิปฺปมาโณติ, วาปึ สมุทฺทปฺปมาโณติ, อาโลกํ จนฺทิมสูริยาโลกปฺปมาโณติ, อิโต ปรํ เอเตสํ มหนฺตภาวกถา นาม นตฺถิ. สาวกมฺปิ มหาติ วทนฺโต สตฺถุปฏิภาโคติ วเทยฺย, อิโต ปรํ ตสฺส มหนฺตภาวกถา นาม นตฺถิ. อิจฺจายสฺมา ปุณฺโณ เอกปเทเนว เถรํ จนฺทมณฺฑลํ อาหจฺจ เปนฺโต วิย อุกฺขิปิ.
เอตฺตกมฺปิ โน นปฺปฏิภาเสยฺยาติ ปฏิสมฺภิทาปตฺตสฺส อปฺปฏิภานํ นาม นตฺถิ. ยา ปนายํ อุปมา อาหฏา, ตํ น อาหเรยฺยาม, อตฺถเมว กเถยฺยาม. อุปมา หิ อชานนฺตานํ อาหรียตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. อฏฺกถายํ ปน อิทมฺปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา อุปมา นาม พุทฺธานมฺปิ สนฺติเก อาหรียติ, เถรํ ปเนส อปจายมาโน เอวมาหาติ.
อนุมสฺส อนุมสฺส ปุจฺฉิตาติ ทส กถาวตฺถูนิ โอคาเหตฺวา โอคาเหตฺวา ปุจฺฉิตา. กึ ปน ปฺหสฺส ปุจฺฉนํ ภาริยํ, อุทาหุ วิสฺสชฺชนนฺติ? อุคฺคเหตฺวา ปุจฺฉนํ โน ภาริยํ, วิสฺสชฺชนํ ปน ภาริยํ. สเหตุกํ วา สการณํ กตฺวา ปุจฺฉนมฺปิ วิสฺสชฺชนมฺปิ ภาริยเมว. สมนุโมทึสูติ สมจิตฺตา หุตฺวา อนุโมทึสุ. อิติ ยถานุสนฺธินาว เทสนา นิฏฺิตาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
รถวินีตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นิวาปสุตฺตวณฺณนา
๒๖๑. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ นิวาปสุตฺตํ. ตตฺถ เนวาปิโกติ โย มิคานํ คหณตฺถาย อรฺเ ติณพีชานิ วปติ ‘‘อิทํ ติณํ ¶ ขาทิตุํ อาคเต มิเค สุขํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. นิวาปนฺติ วปฺปํ. นิวุตฺตนฺติ วปิตํ. มิคชาตาติ มิคฆฏา. อนุปขชฺชาติ อนุปวิสิตฺวา. มุจฺฉิตาติ ตณฺหามุจฺฉนาย มุจฺฉิตา, ตณฺหาย หทยํ ปวิสิตฺวา มุจฺฉนาการํ ปาปิตาติ ¶ อตฺโถ. มทํ อาปชฺชิสฺสนฺตีติ มานมทํ อาปชฺชิสฺสนฺติ. ปมาทนฺติ วิสฺสฏฺสติภาวํ. ยถากามกรณียา ภวิสฺสนฺตีติ ยถา อิจฺฉิสฺสาม, ตถา กาตพฺพา ภวิสฺสนฺติ. อิมสฺมึ นิวาเปติ อิมสฺมึ นิวาปฏฺาเน. เอกํ กิร นิวาปติณํ นาม อตฺถิ นิทาฆภทฺทกํ, ตํ ยถา ยถา นิทาโฆ โหติ, ตถา ตถา นีวารวนํ วิย เมฆมาลา วิย จ เอกคฺฆนํ โหติ, ตํ ลุทฺทกา เอกสฺมึ อุทกผาสุกฏฺาเน กสิตฺวา วปิตฺวา วตึ กตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา รกฺขนฺติ. อถ ยทา มหานิทาเฆ สพฺพติณานิ สุกฺขานิ โหนฺติ, ชิวฺหาเตมนมตฺตมฺปิ อุทกํ ทุลฺลภํ โหติ, ตทา มิคชาตา สุกฺขติณานิ เจว ปุราณปณฺณานิ จ ขาทนฺตา กมฺปมานา วิย วิจรนฺตา นิวาปติณสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา วธพนฺธนาทีนิ อคณยิตฺวา วตึ อชฺโฌตฺถรนฺตา ปวิสนฺติ. เตสฺหิ นิวาปติณํ อติวิย ปิยํ โหติ มนาปํ. เนวาปิโก เต ทิสฺวา ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ ปมตฺโต วิย โหติ, ทฺวารํ วิวริตฺวา ติฏฺติ. อนฺโตนิวาปฏฺาเน ตหึ ตหึ อุทกอาวาฏกาปิ โหนฺติ, มิคา วิวฏทฺวาเรน ปวิสิตฺวา ขาทิตมตฺตกํ ปิวิตมตฺตกเมว กตฺวา ปกฺกมนฺติ, ปุนทิวเส กิฺจิ น กโรนฺตีติ กณฺเณ จาลยมานา ขาทิตฺวา ปิวิตฺวา อตรมานา คจฺฉนฺติ, ปุนทิวเส โกจิ กิฺจิ กตฺตา นตฺถีติ ยาวทตฺถํ ขาทิตฺวา ปิวิตฺวา มณฺฑลคุมฺพํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชนฺติ. ลุทฺทกา เตสํ ปมตฺตภาวํ ชานิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย สมฺปริวาเรตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย โกฏฺเฏตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ เต ตสฺมึ นิวาเป เนวาปิกสฺส ยถากามกรณียา ภวนฺติ.
๒๖๒. ตตฺร, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, เตสุ มิคชาเตสุ. ปมา มิคชาตาติ, มิคชาตา ปมทุติยา นาม นตฺถิ. ภควา ปน อาคตปฏิปาฏิวเสน กปฺเปตฺวา ปมา, ทุติยา, ตติยา ¶ , จตุตฺถาติ นามํ อาโรเปตฺวา ทสฺเสสิ. อิทฺธานุภาวาติ ยถากามํ กตฺตพฺพภาวโต; วสีภาโวเยว หิ เอตฺถ อิทฺธีติ จ อานุภาโวติ จ อธิปฺเปโต.
๒๖๓. ภยโภคาติ ¶ ภเยน โภคโต. พลวีริยนฺติ อปราปรํ สฺจรณวาโยธาตุ, สา ปริหายีติ อตฺโถ.
๒๖๔. อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺเปยฺยามาติ อนฺโต นิปชฺชิตฺวา ขาทนฺตานมฺปิ ภยเมว, พาหิรโต อาคนฺตฺวา ขาทนฺตานมฺปิ ภยเมว, มยํ ปน อมุํ นิวาปฏฺานํ นิสฺสาย เอกมนฺเต อาสยํ กปฺเปยฺยามาติ จินฺตยึสุ. อุปนิสฺสาย ¶ อาสยํ กปฺปยึสูติ ลุทฺทกา นาม น สพฺพกาลํ อปฺปมตฺตา โหนฺติ. มยํ ตตฺถ ตตฺถ มณฺฑลคุมฺเพสุ เจว วติปาเทสุ จ นิปชฺชิตฺวา เอเตสุ มุขโธวนตฺถํ วา อาหารกิจฺจกรณตฺถํ วา ปกฺกนฺเตสุ นิวาปวตฺถุํ ปวิสิตฺวา ขาทิตมตฺตํ กตฺวา อมฺหากํ วสนฏฺานํ ปวิสิสฺสามาติ นิวาปวตฺถุํ อุปนิสฺสาย คหเนสุ คุมฺพวติปาทาทีสุ อาสยํ กปฺปยึสุ. ภฺุชึสูติ วุตฺตนเยน ลุทฺทกานํ ปมาทกาลํ ตฺวา สีฆํ สีฆํ ปวิสิตฺวา ภฺุชึสุ. เกตพิโนติ สิกฺขิตเกราฏิกา. อิทฺธิมนฺตาติ อิทฺธิมนฺโต วิย. ปรชนาติ ยกฺขา. อิเม น มิคชาตาติ. อาคตึ วา คตึ วาติ อิมินา นาม าเนน อาคจฺฉนฺติ, อมุตฺร คจฺฉนฺตีติ อิทํ เนสํ น ชานาม. ทณฺฑวากราหีติ ทณฺฑวากรชาเลหิ. สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรสุนฺติ อติมายาวิโน เอเต, น ทูรํ คมิสฺสนฺติ, สนฺติเกเยว นิปนฺนา ภวิสฺสนฺตีติ นิวาปกฺเขตฺตสฺส สมนฺตา สปฺปเทสํ มหนฺตํ โอกาสํ อนุปริวาเรสุํ. อทฺทสํสูติ เอวํ ปริวาเรตฺวา วากรชาลํ สมนฺตโต จาเลตฺวา โอโลเกนฺตา อทฺทสํสุ. ยตฺถ เตติ ยสฺมึ าเน เต คาหํ อคมํสุ, ตํ านํ อทฺทสํสูติ อตฺโถ.
๒๖๕. ยํนูน มยํ ยตฺถ อคตีติ เต กิร เอวํ จินฺตยึสุ – ‘‘อนฺโต นิปชฺชิตฺวา อนฺโต ขาทนฺตานมฺปิ ภยเมว, พาหิรโต อาคนฺตฺวา ขาทนฺตานมฺปิ สนฺติเก วสิตฺวา ขาทนฺตานมฺปิ ภยเมว, เตปิ หิ วากรชาเลน ปริกฺขิปิตฺวา คหิตาเยวา’’ติ, เตน เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูน มยํ ยตฺถ เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ อคติ อวิสโย, ตตฺถ ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปยฺยามา’’ติ. อฺเ ฆฏฺเฏสฺสนฺตีติ ตโต ตโต ทูรตรวาสิโน อฺเ ฆฏฺเฏสฺสนฺติ. เต ฆฏฺฏิตา อฺเติ เตปิ ฆฏฺฏิตา อฺเ ตโต ¶ ทูรตรวาสิโน ฆฏฺเฏสฺสนฺติ. เอวํ อิมํ ¶ นิวาปํ นิวุตฺตํ สพฺพโส มิคชาตา ปริมุจฺจิสฺสนฺตีติ เอวํ อิมํ อมฺเหหิ นิวุตฺตํ นิวาปํ สพฺเพ มิคฆฏา มิคสงฺฆา วิสฺสชฺเชสฺสนฺติ ปริจฺจชิสฺสนฺติ. อชฺฌุเปกฺเขยฺยามาติ เตสํ คหเณ อพฺยาวฏา ภเวยฺยามาติ; ยถา ตถา อาคจฺฉนฺเตสุ หิ ตรุณโปตโก วา มหลฺลโก วา ทุพฺพโล วา ยูถปริหีโน วา สกฺกา โหนฺติ ลทฺธุํ, อนาคจฺฉนฺเตสุ กิฺจิ นตฺถิ. อชฺฌุเปกฺขึสุ โข, ภิกฺขเวติ เอวํ จินฺเตตฺวา อพฺยาวฏาว อเหสุํ.
๒๖๗. อมุํ ¶ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานีติ เอตฺถ นิวาโปติ วา โลกามิสานีติ วา วฏฺฏามิสภูตานํ ปฺจนฺนํ กามคุณานเมตํ อธิวจนํ. มาโร น จ พีชานิ วิย กามคุเณ วเปนฺโต อาหิณฺฑติ, กามคุณคิทฺธานํ ปน อุปริ วสํ วตฺเตติ, ตสฺมา กามคุณา มารสฺส นิวาปา นาม โหนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺสา’’ติ. น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวาติ มารสฺส วสํ คตา อเหสุํ, ยถากามกรณียา. อยํ สปุตฺตภริยปพฺพชฺชาย อาคตอุปมา.
๒๖๘. เจโตวิมุตฺติ ปริหายีติ เอตฺถ เจโตวิมุตฺติ นาม อรฺเ วสิสฺสามาติ อุปฺปนฺนอชฺฌาสโย; โส ปริหายีติ อตฺโถ. ตถูปเม อหํ อิเม ทุติเยติ อยํ พฺราหฺมณธมฺมิกปพฺพชฺชาย อุปมา. พฺราหฺมณา หิ อฏฺจตฺตาลีสวสฺสานิ โกมารพฺรหฺมจริยํ จริตฺวา วฏฺฏุปจฺเฉทภเยน ปเวณึ ฆฏยิสฺสามาติ ธนํ ปริเยสิตฺวา ภริยํ คเหตฺวา อคารมชฺเฌ วสนฺตา เอกสฺมึ ปุตฺเต ชาเต ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต ชาโต วฏฺฏํ น อุจฺฉินฺนํ ปเวณิ ฆฏิตา’’ติ ปุน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนฺติ วา ตเมว วา ส’กลตฺตวาสํ วสนฺติ.
๒๖๙. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ตติยาปิ สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสูติ ปุริมา วิย เตปิ มารสฺส อิทฺธานุภาวา น มุจฺจึสุ; ยถากามกรณียาว อเหสุํ. กึ ปน เต อกํสูติ? คามนิคมราชธานิโย โอสริตฺวา เตสุ เตสุ อารามอุยฺยานฏฺาเนสุ อสฺสมํ มาเปตฺวา นิวสนฺตา กุลทารเก หตฺถิอสฺสรถสิปฺปาทีนิ นานปฺปการานิ สิปฺปานิ สิกฺขาเปสุํ. อิติ เต วากรชาเลน ตติยา มิคชาตา วิย มารสฺส ปาปิมโต ¶ ทิฏฺิชาเลน ปริกฺขิปิตฺวา ยถากามกรณียา อเหสุํ.
๒๗๐. ตถูปเม ¶ อหํ อิเม จตุตฺเถติ อยํ อิมสฺส สาสนสฺส อุปมา อาหฏา.
๒๗๑. อนฺธมกาสิ มารนฺติ น มารสฺส อกฺขีนิ ภินฺทิ. วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ สมาปนฺนสฺส ปน ภิกฺขุโน อิมํ นาม อารมฺมณํ นิสฺสาย จิตฺตํ วตฺตตีติ มาโร ปสฺสิตุํ น สกฺโกติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนฺธมกาสิ มาร’’นฺติ. อปทํ วธิตฺวา มารจกฺขุนฺติ เตเนว ปริยาเยน ยถา มารสฺส จกฺขุ อปทํ ¶ โหติ นิปฺปทํ, อปฺปติฏฺํ, นิรารมฺมณํ, เอวํ วธิตฺวาติ อตฺโถ. อทสฺสนํ คโต ปาปิมโตติ เตเนว ปริยาเยน มารสฺส ปาปิมโต อทสฺสนํ คโต. น หิ โส อตฺตโน มํสจกฺขุนา ตสฺส วิปสฺสนาปาทกชฺฌานํ สมาปนฺนสฺส ภิกฺขุโน าณสรีรํ ทฏฺุํ สกฺโกติ. ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ มคฺคปฺาย จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ทิสฺวา จตฺตาโร อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ. ติณฺโณ โลเก วิสตฺติกนฺติ โลเก สตฺตวิสตฺตภาเวน วิสตฺติกาติ เอวํ สงฺขํ คตํ. อถ วา ‘‘วิสตฺติกาติ เกนฏฺเน วิสตฺติกา? วิสตาติ วิสตฺติกา วิสฏาติ วิสตฺติกา, วิปุลาติ วิสตฺติกา, วิสาลาติ วิสตฺติกา, วิสมาติ วิสตฺติกา, วิสกฺกตีติ วิสตฺติกา, วิสํ หรตีติ วิสตฺติกา, วิสํวาทิกาติ วิสตฺติกา, วิสมูลาติ วิสตฺติกา, วิสผลาติ วิสตฺติกา, วิสปริโภคาติ วิสตฺติกา, วิสาลา วา ปน สา ตณฺหา รูเป สทฺเท คนฺเธ รเส โผฏฺพฺเพ’’ติ (มหานิ. ๓; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๒, ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๔) วิสตฺติกา. เอวํ วิสตฺติกาติ สงฺขํ คตํ ตณฺหํ ติณฺโณ นิตฺติณฺโณ อุตฺติณฺโณ. เตน วุจฺจติ – ‘‘ติณฺโณ โลเก วิสตฺติก’’นฺติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
นิวาปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปาสราสิสุตฺตวณฺณนา
๒๗๒. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ ปาสราสิสุตฺตํ. ตตฺถ สาธุ มยํ, อาวุโสติ อายาจนฺตา ภณนฺติ. เอเต กิร ปฺจสตา ภิกฺขู ชนปทวาสิโน ‘‘ทสพลํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สาวตฺถึ อนุปฺปตฺตา. สตฺถุทสฺสนํ ปน เอเตหิ ลทฺธํ, ธมฺมึ กถํ น ตาว สุณนฺติ. เต สตฺถุคารเวน ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต ¶ , ธมฺมกถํ กเถถา’’ติ วตฺตุํ น สกฺโกนฺติ. พุทฺธา หิ ครู โหนฺติ, เอกจาริโก สีโห มิคราชา วิย, ปภินฺนกฺุชโร วิย, ผณกตอาสีวิโส วิย, มหาอคฺคิกฺขนฺโธ วิย จ ทุราสทา วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อาสีวิโส ยถา โฆโร, มิคราชาว เกสรี;
นาโคว กฺุชโร ทนฺตี, เอวํ พุทฺธา ทุราสทา’’ติ.
เอวํ ¶ ทุราสทํ สตฺถารํ เต ภิกฺขู สยํ ยาจิตุํ อสกฺโกนฺตา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ยาจมานา ‘‘สาธุ มยํ, อาวุโส’’ติ อาหํสุ.
อปฺเปว นามาติ อปิ นาม ลเภยฺยาถ. กสฺมา ปน เถโร เต ภิกฺขู ‘‘รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสมํ อุปสงฺกเมยฺยาถา’’ติ อาห? ปากฏกิริยตาย. ทสพลสฺส หิ กิริยา เถรสฺส ปากฏา โหติ; ชานาติ เถโร, ‘‘อชฺช สตฺถา เชตวเน วสิตฺวา ปุพฺพาราเม ทิวาวิหารํ กริสฺสติ; อชฺช ปุพฺพาราเม วสิตฺวา เชตวเน ทิวาวิหารํ กริสฺสติ; อชฺช เอกโกว ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสติ; อชฺช ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อิมสฺมึ กาเล ชนปทจาริกํ นิกฺขมิสฺสตี’’ติ. กึ ปนสฺส เอวํ ชานนตฺถํ เจโตปริยาณํ อตฺถีติ? นตฺถิ. อนุมานพุทฺธิยา ปน กตกิริยาย นยคฺคาเหน ชานาติ. ยฺหิ ทิวสํ ภควา เชตวเน วสิตฺวา ปุพฺพาราเม ทิวาวิหารํ กาตุกาโม โหติ, ตทา เสนาสนปริกฺขารภณฺฑานํ ปฏิสามนาการํ ทสฺเสติ, เถโร สมฺมชฺชนิสงฺการฉฑฺฑนกาทีนิ ปฏิสาเมติ. ปุพฺพาราเม วสิตฺวา เชตวนํ ทิวาวิหาราย อาคมนกาเลปิ เอเสว นโย.
ยทา ¶ ปน เอกโก ปิณฺฑาย ปวิสิตุกาโม โหติ, ตทา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทติ. เถโร ‘‘อชฺช ภควา โพธเนยฺยพนฺธวํ ทิสฺวา นิสินฺโน’’ติ ตาย สฺาย ตฺวา ‘‘อชฺช, อาวุโส, ภควา เอกโก ปวิสิตุกาโม, ตุมฺเห ภิกฺขาจารสชฺชา โหถา’’ติ ภิกฺขูนํ สฺํ เทติ. ยทา ปน ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ปวิสิตุกาโม โหติ, ตทา คนฺธกุฏิทฺวารํ อุปฑฺฒปิทหิตํ กตฺวา ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทติ, เถโร ตาย สฺาย ตฺวา ปตฺตจีวรคฺคหณตฺถาย ภิกฺขูนํ ¶ สฺํ เทติ. ยทา ชนปทจาริกํ นิกฺขมิตุกาโม โหติ, ตทา เอกํ ทฺเว อาโลเป อติเรกํ ภฺุชติ, สพฺพกาลํ จงฺกมนฺจารุยฺห อปราปรํ จงฺกมติ, เถโร ตาย สฺาย ตฺวา ‘‘ภควา, อาวุโส, ชนปทจาริกํ จริตุกาโม, ตุมฺหากํ กตฺตพฺพํ กโรถา’’ติ ภิกฺขูนํ สฺํ เทติ.
ภควา ปมโพธิยํ วีสติ วสฺสานิ อนิพทฺธวาโส อโหสิ, ปจฺฉา ปฺจวีสติ วสฺสานิ อพฺโพกิณฺณํ สาวตฺถึเยว อุปนิสฺสาย วสนฺโต เอกทิวเส ¶ ทฺเว านานิ ปริภฺุชติ. เชตวเน รตฺตึ วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ทกฺขิณทฺวาเรน สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ปุพฺพาราเม ทิวาวิหารํ กโรติ. ปุพฺพาราเม รตฺตึ วสิตฺวา ปุนทิวเส ปาจีนทฺวาเรน สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา เชตวเน ทิวาวิหารํ กโรติ. กสฺมา? ทฺวินฺนํ กุลานํ อนุกมฺปาย. มนุสฺสตฺตภาเว ิเตน หิ อนาถปิณฺฑิเกน วิย อฺเน เกนจิ, มาตุคามตฺตภาเว ิตาย จ วิสาขาย วิย อฺาย อิตฺถิยา ตถาคตํ อุทฺทิสฺส ธนปริจฺจาโค กโต นาม นตฺถิ, ตสฺมา ภควา เตสํ อนุกมฺปาย เอกทิวเส อิมานิ ทฺเว านานิ ปริภฺุชติ. ตสฺมึ ปน ทิวเส เชตวเน วสิ, ตสฺมา เถโร – ‘‘อชฺช ภควา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา สายนฺหกาเล คตฺตานิ ปริสิฺจนตฺถาย ปุพฺพโกฏฺกํ คมิสฺสติ; อถาหํ คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา ิตํ ภควนฺตํ ยาจิตฺวา รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสมํ คเหตฺวา คมิสฺสามิ. เอวมิเม ภิกฺขู ภควโต สมฺมุขา ลภิสฺสนฺติ ธมฺมกถํ สวนายา’’ติ จินฺเตตฺวา เต ภิกฺขู เอวมาห.
มิคารมาตุปาสาโทติ วิสาขาย ปาสาโท. สา หิ มิคาเรน เสฏฺินา มาตุฏฺาเน ปิตตฺตา มิคารมาตาติ วุจฺจติ. ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ ตสฺมึ กิร ปาสาเท ทฺวินฺนํ มหาสาวกานํ สิริคพฺภานํ ¶ มชฺเฌ ภควโต สิริคพฺโภ อโหสิ. เถโร ทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโตคพฺภํ สมฺมชฺชิตฺวา มาลากจวรํ นีหริตฺวา มฺจปีํ ปฺเปตฺวา สตฺถุ สฺํ อทาสิ. สตฺถา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ อุปคมฺม ทรถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา อุฏฺาย ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทิตฺวา ¶ สายนฺหสมเย ตโต วุฏฺาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต’’ติ.
ปริสิฺจิตุนฺติ โย หิ จุณฺณมตฺติกาทีหิ คตฺตานิ อุพฺพฏฺเฏนฺโต มลฺลกมุฏฺาทีหิ วา ฆํสนฺโต นฺหายติ, โส นฺหายตีติ วุจฺจติ. โย ตถา อกตฺวา ปกติยาว นฺหายติ, โส ปริสิฺจตีติ วุจฺจติ. ภควโตปิ สรีเร ตถา หริตพฺพํ รโชชลฺลํ นาม น อุปลิมฺปติ, อุตุคฺคหณตฺถํ ปน ภควา เกวลํ อุทกํ โอตรติ. เตนาห – ‘‘คตฺตานิ ปริสิฺจิตุ’’นฺติ. ปุพฺพโกฏฺโกติ ปาจีนโกฏฺโก.
สาวตฺถิยํ ¶ กิร วิหาโร กทาจิ มหา โหติ กทาจิ ขุทฺทโก. ตถา หิ โส วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล โยชนิโก อโหสิ, สิขิสฺส ติคาวุโต, เวสฺสภุสฺส อฑฺฒโยชนิโก, กกุสนฺธสฺส คาวุตปฺปมาโณ, โกณาคมนสฺส อฑฺฒคาวุตปฺปมาโณ, กสฺสปสฺส วีสติอุสภปฺปมาโณ, อมฺหากํ ภควโต กาเล อฏฺกรีสปฺปมาโณ ชาโต. ตมฺปิ นครํ ตสฺส วิหารสฺส กทาจิ ปาจีนโต โหติ, กทาจิ ทกฺขิณโต, กทาจิ ปจฺฉิมโต, กทาจิ อุตฺตรโต. เชตวเน คนฺธกุฏิยํ ปน จตุนฺนํ มฺจปาทานํ ปติฏฺิตฏฺานํ อจลเมว.
จตฺตาริ หิ อจลเจติยฏฺานานิ นาม มหาโพธิปลฺลงฺกฏฺานํ อิสิปตเน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฏฺานํ สงฺกสฺสนครทฺวาเร เทโวโรหณกาเล โสปานสฺส ปติฏฺฏฺานํ มฺจปาทฏฺานนฺติ. อยํ ปน ปุพฺพโกฏฺโก กสฺสปทสพลสฺส วีสติอุสภวิหารกาเล ปาจีนทฺวาเร โกฏฺโก อโหสิ. โส อิทานิปิ ปุพฺพโกฏฺโกตฺเวว ปฺายติ. กสฺสปทสพลสฺส กาเล อจิรวตี นครํ ปริกฺขิปิตฺวา สนฺทมานา ปุพฺพโกฏฺกํ ปตฺวา อุทเกน ภินฺทิตฺวา มหนฺตํ อุทกรหทํ มาเปสิ สมติตฺถํ อนุปุพฺพคมฺภีรํ. ตตฺถ เอกํ รฺโ นฺหานติตฺถํ, เอกํ นาครานํ, เอกํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส, เอกํ พุทฺธานนฺติ เอวํ ปาฏิเยกฺกานิ นฺหานติตฺถานิ โหนฺติ รมณียานิ วิปฺปกิณฺณรชตปฏฺฏสทิสวาลิกานิ. อิติ ภควา อายสฺมตา อานนฺเทน สทฺธึ เยน อยํ เอวรูโป ¶ ปุพฺพโกฏฺโก เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิฺจิตุํ ¶ . อถายสฺมา อานนฺโท อุทกสาฏิกํ อุปเนสิ. ภควา รตฺตทุปฏฺฏํ อปเนตฺวา อุทกสาฏิกํ นิวาเสสิ. เถโร ทุปฏฺเฏน สทฺธึ มหาจีวรํ อตฺตโน หตฺถคตมกาสิ. ภควา อุทกํ โอตริ. สโหตรเณเนวสฺส อุทเก มจฺฉกจฺฉปา สพฺเพ สุวณฺณวณฺณา อเหสุํ. ยนฺตนาลิกาหิ สุวณฺณรสธารานิสิฺจมานกาโล วิย สุวณฺณปฏปสารณกาโล วิย จ อโหสิ. อถ ภควโต นฺหานวตฺตํ ทสฺเสตฺวา นฺหตฺวา ปจฺจุตฺติณฺณสฺส เถโร รตฺตทุปฏฺฏํ อุปเนสิ. ภควา ตํ นิวาเสตฺวา วิชฺชุลตาสทิสํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา มหาจีวรํ อนฺตนฺเตน สํหริตฺวา ปทุมคพฺภสทิสํ กตฺวา อุปนีตํ ทฺวีสุ กณฺเณสุ คเหตฺวา อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปุพฺพโกฏฺเก คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฏฺาสี’’ติ.
เอวํ ¶ ิตสฺส ปน ภควโต สรีรํ วิกสิตกมลุปฺปลสรํ สพฺพปาลิผุลฺลํ ปาริจฺฉตฺตกํ ตารามรีจิวิกสิตํ จ คคนตลํ สิริยา อวหสมานํ วิย วิโรจิตฺถ. พฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิลาสินี จสฺส ทฺวตฺตึสวรลกฺขณมาลา คนฺเถตฺวา ปิตา ทฺวตฺตึสจนฺทมาลา วิย, ทฺวตฺตึสสูริยมาลา วิย, ปฏิปาฏิยา ปิตา ทฺวตฺตึสจกฺกวตฺติ ทฺวตฺตึสเทวราชา ทฺวตฺตึสมหาพฺรหฺมาโน วิย จ อติวิย วิโรจิตฺถ, วณฺณภูมินาเมสา. เอวรูเปสุ าเนสุ พุทฺธานํ สรีรวณฺณํ วา คุณวณฺณํ วา จุณฺณิยปเทหิ วา คาถาหิ วา อตฺถฺจ อุปมาโย จ การณานิ จ อาหริตฺวา ปฏิพเลน ธมฺมกถิเกน ปูเรตฺวา กเถตุํ วฏฺฏตีติ เอวรูเปสุ าเนสุ ธมฺมกถิกสฺส ถาโม เวทิตพฺโพ.
๒๗๓. คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโนติ ปกติภาวํ คมยมาโน นิรุทกานิ กุรุมาโน, สุกฺขาปยมาโนติ อตฺโถ. โสทเกน คตฺเตน จีวรํ ปารุปนฺตสฺส หิ จีวเร กณฺณิกา อุฏฺหนฺติ, ปริกฺขารภณฺฑํ ทุสฺสติ. พุทฺธานํ ปน สรีเร รโชชลฺลํ น อุปลิมฺปติ; ปทุมปตฺเต ปกฺขิตฺตอุทกพินฺทุ วิย อุทกํ วินิวตฺเตตฺวา คจฺฉติ, เอวํ ¶ สนฺเตปิ สิกฺขาคารวตาย ภควา, ‘‘ปพฺพชิตวตฺตํ นาเมต’’นฺติ มหาจีวรํ อุโภสุ กณฺเณสุ คเหตฺวา ปุรโต กายํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ เถโร จินฺเตสิ – ‘‘ภควา มหาจีวรํ ปารุปิตฺวา มิคารมาตุปาสาทํ อารพฺภ คมนาภิหารโต ปฏฺาย ทุนฺนิวตฺติโย ภวิสฺสติ; พุทฺธานฺหิ อธิปฺปายโกปนํ นาม เอกจาริกสีหสฺส คหณตฺถํ หตฺถปฺปสารณํ วิย; ปภินฺนวรวารณสฺส โสณฺฑาย ¶ ปรามสนํ วิย; อุคฺคเตชสฺส อาสีวิสสฺส คีวาย คหณํ วิย จ ภาริยํ โหติ. อิเธว รมฺมกสฺส พฺราหฺมณสฺส อสฺสมสฺส วณฺณํ กเถตฺวา ตตฺถ คมนตฺถาย ภควนฺตํ ยาจิสฺสามี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา อานนฺโท…เป… อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ.
ตตฺถ อนุกมฺปํ อุปาทายาติ ภควโต สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ โสสฺสามาติ ตํ อสฺสมํ คตานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ, เตสุ การฺุํ กตฺวาติ อตฺโถ. ธมฺมิยา กถายาติ ทสสุ ปารมิตาสุ อฺตราย ¶ ปารมิยา เจว มหาภินิกฺขมนสฺส จ วณฺณํ กถยมานา สนฺนิสินฺนา โหนฺติ. อาคมยมาโนติ โอโลกยมาโน. อหํ พุทฺโธติ สหสา อปฺปวิสิตฺวา ยาว สา กถา นิฏฺาติ, ตาว อฏฺาสีติ อตฺโถ. อคฺคฬํ อาโกเฏสีติ อคฺคนเขน กวาเฏ สฺํ อทาสิ. วิวรึสูติ โสตํ โอทหิตฺวาว นิสินฺนตฺตา ตงฺขณํเยว อาคนฺตฺวา วิวรึสุ.
ปฺตฺเต อาสเนติ พุทฺธกาเล กิร ยตฺถ ยตฺถ เอโกปิ ภิกฺขุ วิหรติ, สพฺพตฺถ พุทฺธาสนํ ปฺตฺตเมว โหติ. กสฺมา? ภควา กิร อตฺตโน สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ผาสุกฏฺาเน วิหรนฺเต มนสิ กโรติ ‘‘อสุโก มยฺหํ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คโต, สกฺขิสฺสติ นุ โข วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ โน วา’’ติ. อถ นํ ปสฺสติ กมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา อกุสลวิตกฺเก วิตกฺกยมานํ, ตโต ‘‘กถฺหิ นาม มาทิสสฺส สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิหรนฺตํ อิมํ กุลปุตฺตํ อกุสลวิตกฺกา อภิภวิตฺวา อนมตคฺเค วฏฺฏทุกฺเข สํสาเรสฺสนฺตี’’ติ ตสฺส อนุคฺคหตฺถํ ตตฺเถว อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ตํ กุลปุตฺตํ โอวทิตฺวา อากาสํ อุปฺปติตฺวา ปุน อตฺตโน วสนฏฺานเมว คจฺฉติ. อเถวํ โอวทิยมานา เต ภิกฺขู จินฺตยึสุ – ‘‘สตฺถา ¶ อมฺหากํ มนํ ชานิตฺวา อาคนฺตฺวา อมฺหากํ สมีเป ิตํเยว อตฺตานํ ทสฺเสติ; ตสฺมึ ขเณ, ‘ภนฺเต, อิธ นิสีทถ, อิธ นิสีทถา’ติ อาสนปริเยสนํ นาม ภาโร’’ติ. เต อาสนํ ปฺเปตฺวาว วิหรนฺติ. ยสฺส ปีํ อตฺถิ, โส ตํ ปฺเปติ. ยสฺส นตฺถิ, โส มฺจํ วา ผลกํ วา กฏฺํ วา ปาสาณํ วา วาลิกปฺุชํ วา ปฺเปติ. ตํ อลภมานา ปุราณปณฺณานิปิ สงฺกฑฺฒิตฺวา ตตฺถ ปํสุกูลํ ปตฺถริตฺวา เปนฺติ. อิธ ปน ปกติปฺตฺตเมว อาสนํ อโหสิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ.
กาย ¶ นุตฺถาติ กตมาย นุ กถาย สนฺนิสินฺนา ภวถาติ อตฺโถ. ‘‘กาย เนตฺถา’’ติปิ ปาฬิ, ตสฺสา กตมาย นุ เอตฺถาติ อตฺโถ. ‘‘กาย โนตฺถา’’ติปิ ปาฬิ, ตสฺสาปิ ปุริโมเยว อตฺโถ. อนฺตรา กถาติ กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อนฺตรา อฺา เอกา กถา. วิปฺปกตาติ มม อาคมนปจฺจยา อปรินิฏฺิตา สิขํ อปฺปตฺตา. อถ ภควา อนุปฺปตฺโตติ ¶ อถ เอตสฺมึ กาเล ภควา อาคโต. ธมฺมี วา กถาติ ทสกถาวตฺถุนิสฺสิตา วา ธมฺมี กถา. อริโย วา ตุณฺหีภาโวติ เอตฺถ ปน ทุติยชฺฌานมฺปิ อริโย ตุณฺหีภาโว มูลกมฺมฏฺานมฺปิ. ตสฺมา ตํ ฌานํ อปฺเปตฺวา นิสินฺโนปิ, มูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิสินฺโนปิ ภิกฺขุ อริเยน ตุณฺหีภาเวน นิสินฺโนติ เวทิตพฺโพ.
๒๗๔. ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ปริเยสนาติ โก อนุสนฺธิ? เต ภิกฺขู สมฺมุขา ธมฺมึ กถํ โสสฺสามาติ เถรสฺส ภารํ อกํสุ, เถโร เตสํ อสฺสมคมนมกาสิ. เต ตตฺถ นิสีทิตฺวา อติรจฺฉานกถิกา หุตฺวา ธมฺมิยา กถาย นิสีทึสุ. อถ ภควา ‘‘อยํ ตุมฺหากํ ปริเยสนา อริยปริเยสนา นามา’’ติ ทสฺเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ กตมา จ, ภิกฺขเว, อนริยปริเยสนาติ เอตฺถ ยถา มคฺคกุสโล ปุริโส ปมํ วชฺเชตพฺพํ อปายมคฺคํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วามํ มฺุจิตฺวา ทกฺขิณํ คณฺหา’’ติ วทติ. เอวํ ภควา เทสนากุสลตาย ปมํ วชฺเชตพฺพํ อนริยปริเยสนํ อาจิกฺขิตฺวา ปจฺฉา อิตรํ อาจิกฺขิสฺสามีติ อุทฺเทสานุกฺกมํ ภินฺทิตฺวา เอวมาห. ชาติธมฺโมติ ¶ ชายนสภาโว. ชราธมฺโมติ ชีรณสภาโว. พฺยาธิธมฺโมติ พฺยาธิสภาโว. มรณธมฺโมติ มรณสภาโว. โสกธมฺโมติ โสจนกสภาโว. สํกิเลสธมฺโมติ สํกิลิสฺสนสภาโว.
ปุตฺตภริยนฺติ ปุตฺตา จ ภริยา จ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ชาตรูปรชตนฺติ เอตฺถ ปน ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. รชตนฺติ ยํกิฺจิ โวหารูปคํ โลหมาสกาทิ. ชาติธมฺมา เหเต, ภิกฺขเว, อุปธโยติ เอเต ปฺจกามคุณูปธโย นาม โหนฺติ, เต สพฺเพปิ ชาติธมฺมาติ ทสฺเสติ. พฺยาธิธมฺมวาราทีสุ ชาตรูปรชตํ น คหิตํ, น เหตสฺส สีสโรคาทโย พฺยาธโย นาม โหนฺติ, น สตฺตานํ วิย จุติสงฺขาตํ มรณํ, น โสโก อุปฺปชฺชติ. อยาทีหิ ปน สํกิเลเสหิ สํกิลิสฺสตีติ สํกิเลสธมฺมวาเร คหิตํ. ตถา อุตุสมุฏฺานตฺตา ชาติธมฺมวาเร. มลํ คเหตฺวา ชีรณโต ชราธมฺมวาเร จ.
๒๗๕. อยํ ¶ ¶ , ภิกฺขเว, อริยา ปริเยสนาติ, ภิกฺขเว, อยํ นิทฺโทสตายปิ อริเยหิ ปริเยสิตพฺพตายปิ อริยปริเยสนาติ เวทิตพฺพา.
๒๗๖. อหมฺปิ สุทํ, ภิกฺขเวติ กสฺมา อารภิ? มูลโต ปฏฺาย มหาภินิกฺขมนํ ทสฺเสตุํ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘ภิกฺขเว, อหมฺปิ ปุพฺเพ อนริยปริเยสนํ ปริเยสึ. สฺวาหํ ตํ ปหาย อริยปริเยสนํ ปริเยสิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต. ปฺจวคฺคิยาปิ อนริยปริเยสนํ ปริเยสึสุ. เต ตํ ปหาย อริยปริเยสนํ ปริเยสิตฺวา ขีณาสวภูมึ ปตฺตา. ตุมฺเหปิ มม เจว ปฺจวคฺคิยานฺจ มคฺคํ อารุฬฺหา. อริยปริเยสนา ตุมฺหากํ ปริเยสนา’’ติ มูลโต ปฏฺาย อตฺตโน มหาภินิกฺขมนํ ทสฺเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ.
๒๗๗. ตตฺถ ทหโรว สมาโนติ ตรุโณว สมาโน. สุสุกาฬเกโสติ สุฏฺุ กาฬเกโส, อฺชนวณฺณเกโสว หุตฺวาติ อตฺโถ. ภทฺเรนาติ ภทฺทเกน. ปเมน วยสาติ ติณฺณํ วยานํ ปมวเยน. อกามกานนฺติ อนิจฺฉมานานํ, อนาทรตฺเถ สามิวจนํ. อสฺสูนิ มุเข เอเตสนฺติ อสฺสุมุขา; เตสํ อสฺสุมุขานํ, อสฺสุกิลินฺนมุขานนฺติ อตฺโถ. รุทนฺตานนฺติ กนฺทิตฺวา โรทมานานํ. กึ ¶ กุสลคเวสีติ กึ กุสลนฺติ คเวสมาโน. อนุตฺตรํ สนฺติวรปทนฺติ อุตฺตมํ สนฺติสงฺขาตํ วรปทํ, นิพฺพานํ ปริเยสมาโนติ อตฺโถ. เยน อาฬาโร กาลาโมติ เอตฺถ อาฬาโรติ ตสฺส นามํ, ทีฆปิงฺคโล กิเรโส. เตนสฺส อาฬาโรติ นามํ อโหสิ. กาลาโมติ โคตฺตํ. วิหรตายสฺมาติ วิหรตุ อายสฺมา. ยตฺถ วิฺู ปุริโสติ ยสฺมึ ธมฺเม ปณฺฑิโต ปุริโส. สกํ อาจริยกนฺติ อตฺตโน อาจริยสมยํ. อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยาติ ปฏิลภิตฺวา วิหเรยฺย. เอตฺตาวตา เตน โอกาโส กโต โหติ. ตํ ธมฺมนฺติ ตํ เตสํ สมยํ ตนฺตึ. ปริยาปุณินฺติ สุตฺวาว อุคฺคณฺหึ.
โอฏฺปหตมตฺเตนาติ เตน วุตฺตสฺส ปฏิคฺคหณตฺถํ โอฏฺปหรณมตฺเตน; อปราปรํ กตฺวา โอฏฺสฺจรณมตฺตเกนาติ อตฺโถ. ลปิตลาปนมตฺเตนาติ เตน ลปิตสฺส ปฏิลาปนมตฺตเกน. าณวาทนฺติ ชานามีติ วาทํ ¶ . เถรวาทนฺติ ถิรภาววาทํ, เถโร อหเมตฺถาติ เอตํ วจนํ. อหฺเจว อฺเ จาติ น เกวลํ อหํ, อฺเปิ พหู เอวํ วทนฺติ. เกวลํ สทฺธามตฺตเกนาติ ปฺาย อสจฺฉิกตฺวา สุทฺเธน สทฺธามตฺตเกเนว. โพธิสตฺโต กิร วาจาย ธมฺมํ อุคฺคณฺหนฺโตเยว, ‘‘น ¶ กาลามสฺส วาจาย ปริยตฺติมตฺตเมว อสฺมึ ธมฺเม, อทฺธา เอส สตฺตนฺนํ สมาปตฺตีนํ ลาภี’’ติ อฺาสิ, เตนสฺส เอตทโหสิ.
อากิฺจฺายตนํ ปเวเทสีติ อากิฺจฺายตนปริโยสานา สตฺต สมาปตฺติโย มํ ชานาเปสิ. สทฺธาติ อิมาสํ สตฺตนฺนํ สมาปตฺตีนํ นิพฺพตฺตนตฺถาย สทฺธา. วีริยาทีสุปิ เอเสว นโย. ปทเหยฺยนฺติ ปโยคํ กเรยฺยํ. นจิรสฺเสว ตํ ธมฺมํ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสินฺติ โพธิสตฺโต กิร วีริยํ ปคฺคเหตฺวา กติปาหฺเว สตฺต สุวณฺณนิสฺเสณิโย ปสาเรนฺโต วิย สตฺต สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ; ตสฺมา เอวมาห.
ลาภา โน, อาวุโสติ อนุสูยโก กิเรส กาลาโม. ตสฺมา ‘‘อยํ อธุนาคโต, กินฺติ กตฺวา อิมํ ธมฺมํ นิพฺพตฺเตสี’’ติ อุสูยํ อกตฺวา ปสนฺโน ปสาทํ ปเวเทนฺโต เอวมาห. อุโภว สนฺตา อิมํ คณํ ปริหรามาติ ‘‘มหา อยํ คโณ, ทฺเวปิ ชนา ปริหรามา’’ติ วตฺวา คณสฺส สฺํ อทาสิ, ‘‘อหมฺปิ สตฺตนฺนํ สมาปตฺตีนํ ลาภี, มหาปุริโสปิ สตฺตนฺนเมว ¶ , เอตฺตกา ชนา มหาปุริสสฺส สนฺติเก ปริกมฺมํ อุคฺคณฺหถ, เอตฺตกา มยฺห’’นฺติ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อทาสิ. อุฬารายาติ อุตฺตมาย. ปูชายาติ กาลามสฺส กิร อุปฏฺากา อิตฺถิโยปิ ปุริสาปิ คนฺธมาลาทีนิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺติ. กาลาโม – ‘‘คจฺฉถ, มหาปุริสํ ปูเชถา’’ติ วทติ. เต ตํ ปูเชตฺวา ยํ อวสิฏฺํ โหติ, เตน กาลามํ ปูเชนฺติ. มหคฺฆานิ มฺจปีานิ อาหรนฺติ; ตานิปิ มหาปุริสสฺส ทาเปตฺวา ยทิ อวสิฏฺํ โหติ, อตฺตนา คณฺหาติ. คตคตฏฺาเน วรเสนาสนํ โพธิสตฺตสฺส ชคฺคาเปตฺวา เสสกํ อตฺตนา คณฺหาติ. เอวํ อุฬาราย ปูชาย ปูเชสิ. นายํ ธมฺโม นิพฺพิทายาติอาทีสุ อยํ สตฺตสมาปตฺติธมฺโม เนว วฏฺเฏ นิพฺพินฺทนตฺถาย, น วิรชฺชนตฺถาย, น ราคาทินิโรธตฺถาย, น ¶ อุปสมตฺถาย, น อภิฺเยฺยธมฺมํ อภิชานนตฺถาย, น จตุมคฺคสมฺโพธาย, น นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย สํวตฺตตีติ อตฺโถ.
ยาวเทว อากิฺจฺายตนูปปตฺติยาติ ยาว สฏฺิกปฺปสหสฺสายุปริมาเณ อากิฺจฺายตนภเว อุปปตฺติ, ตาวเทว สํวตฺตติ, น ตโต อุทฺธํ. เอวมยํ ปุนราวตฺตนธมฺโมเยว; ยฺจ านํ ปาเปติ, ตํ ชาติชรามรเณหิ อปริมุตฺตเมว มจฺจุปาสปริกฺขิตฺตเมวาติ. ตโต ปฏฺาย จ ปน มหาสตฺโต ยถา นาม ฉาตชฺฌตฺตปุริโส มนฺุโภชนํ ¶ ลภิตฺวา สมฺปิยายมาโนปิ ภฺุชิตฺวา ปิตฺตวเสน วา เสมฺหวเสน วา มกฺขิกาวเสน วา ฉฑฺเฑตฺวา ปุน เอกํ ปิณฺฑมฺปิ ภฺุชิสฺสามีติ มนํ น อุปฺปาเทติ; เอวเมว อิมา สตฺต สมาปตฺติโย มหนฺเตน อุสฺสาเหน นิพฺพตฺเตตฺวาปิ, ตาสุ อิมํ ปุนราวตฺติกาทิเภทํ อาทีนวํ ทิสฺวา, ปุน อิมํ ธมฺมํ อาวชฺชิสฺสามิ วา สมาปชฺชิสฺสามิ วา อธิฏฺหิสฺสามิ วา วุฏฺหิสฺสามิ วา ปจฺจเวกฺขิสฺสามิ วาติ จิตฺตเมว น อุปฺปาเทสิ. อนลงฺกริตฺวาติ อลํ อิมินา, อลํ อิมินาติ ปุนปฺปุนํ อลงฺกริตฺวา. นิพฺพิชฺชาติ นิพฺพินฺทิตฺวา. อปกฺกมินฺติ อคมาสึ.
๒๗๘. น โข ราโม อิมํ ธมฺมนฺติ อิธาปิ โพธิสตฺโต ตํ ธมฺมํ อุคฺคณฺหนฺโตเยว อฺาสิ – ‘‘นายํ อฏฺสมาปตฺติธมฺโม อุทกสฺส วาจาย อุคฺคหิตมตฺโตว, อทฺธา ปเนส ¶ อฏฺสมาปตฺติลาภี’’ติ. เตนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘น โข ราโม…เป… ชานํ ปสฺสํ วิหาสี’’ติ. เสสเมตฺถ ปุริมวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๒๗๙. เยน อุรุเวลา เสนานิคโมติ เอตฺถ อุรุเวลาติ มหาเวลา, มหาวาลิกราสีติ อตฺโถ. อถ วา อุรูติ วาลิกา วุจฺจติ; เวลาติ มริยาทา, เวลาติกฺกมนเหตุ อาหฏา อุรุ อุรุเวลาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อตีเต กิร อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ทสสหสฺสา กุลปุตฺตา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึ ปเทเส วิหรนฺตา เอกทิวสํ สนฺนิปติตฺวา กติกวตฺตํ อกํสุ – ‘‘กายกมฺมวจีกมฺมานิ นาม ปเรสมฺปิ ปากฏานิ โหนฺติ, มโนกมฺมํ ปน อปากฏํ. ตสฺมา โย กามวิตกฺกํ วา พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิหึสาวิตกฺกํ วา วิตกฺเกติ, ตสฺส อฺโ โจทโก ¶ นาม นตฺถิ; โส อตฺตนาว อตฺตานํ โจเทตฺวา ปตฺตปุเฏน วาลิกํ อาหริตฺวา อิมสฺมึ าเน อากิรตุ, อิทมสฺส ทณฺฑกมฺม’’นฺติ. ตโต ปฏฺาย โย ตาทิสํ วิตกฺกํ วิตกฺเกติ, โส ตตฺถ ปตฺตปุเฏน วาลิกํ อากิรติ, เอวํ ตตฺถ อนุกฺกเมน มหาวาลิกราสิ ชาโต. ตโต ตํ ปจฺฉิมา ชนตา ปริกฺขิปิตฺวา เจติยฏฺานมกาสิ; ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อุรุเวลาติ มหาเวลา, มหาวาลิกราสีติ อตฺโถ’’ติ. ตเมว สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ วา อุรูติ วาลิกา วุจฺจติ, เวลาติ มริยาทา. เวลาติกฺกมนเหตุ อาหฏา อุรุ อุรุเวลาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ.
เสนานิคโมติ ¶ เสนาย นิคโม. ปมกปฺปิกานํ กิร ตสฺมึ าเน เสนานิเวโส อโหสิ; ตสฺมา โส ปเทโส เสนานิคโมติ วุจฺจติ. ‘‘เสนานิ-คาโม’’ติปิ ปาโ. เสนานี นาม สุชาตาย ปิตา, ตสฺส คาโมติ อตฺโถ. ตทวสรินฺติ ตตฺถ โอสรึ. รมณียํ ภูมิภาคนฺติ สุปุปฺผิตนานปฺปการชลชถลชปุปฺผวิจิตฺตํ มโนรมฺมํ ภูมิภาคํ. ปาสาทิกฺจ วนสณฺฑนฺติ โมรปิฺฉกลาปสทิสํ ปสาทชนนวนสณฺฑฺจ อทฺทสํ. นทิฺจ สนฺทนฺตินฺติ สนฺทมานฺจ มณิกฺขนฺธสทิสํ วิมลนีลสีตลสลิลํ เนรฺชรํ นทึ อทฺทสํ. เสตกนฺติ ปริสุทฺธํ นิกฺกทฺทมํ. สุปติตฺถนฺติ อนุปุพฺพคมฺภีเรหิ สุนฺทเรหิ ติตฺเถหิ อุเปตํ. รมณียนฺติ รชตปฏฺฏสทิสํ ¶ วิปฺปกิณฺณวาลิกํ ปหูตมจฺฉกจฺฉปํ อภิรามทสฺสนํ. สมนฺตา จ โคจรคามนฺติ ตสฺส ปเทสสฺส สมนฺตา อวิทูเร คมนาคมนสมฺปนฺนํ สมฺปตฺตปพฺพชิตานํ สุลภปิณฺฑํ โคจรคามฺจ อทฺทสํ. อลํ วตาติ สมตฺถํ วต. ตตฺเถว นิสีทินฺติ โพธิปลฺลงฺเก นิสชฺชํ สนฺธายาห. อุปริสุตฺตสฺมิฺหิ ตตฺเถวาติ ทุกฺกรการิกฏฺานํ อธิปฺเปตํ, อิธ ปน โพธิปลฺลงฺโก. เตนาห – ‘‘ตตฺเถว นิสีทิ’’นฺติ. อลมิทํ ปธานายาติ อิทํ านํ ปธานตฺถาย สมตฺถนฺติ เอวํ จินฺเตตฺวา นิสีทินฺติ อตฺโถ.
๒๘๐. อชฺฌคมนฺติ อธิคจฺฉึ ปฏิลภึ. าณฺจ ปน เม ทสฺสนนฺติ สพฺพธมฺมทสฺสนสมตฺถฺจ เม สพฺพฺุตฺาณํ อุทปาทิ. อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ มยฺหํ อรหตฺตผลวิมุตฺติ อกุปฺปตาย จ อกุปฺปารมฺมณตาย จ อกุปฺปา, สา หิ ราคาทีหิ น กุปฺปตีติ อกุปฺปตายปิ อกุปฺปา, อกุปฺปํ นิพฺพานมสฺสารมฺมณนฺติปิ อกุปฺปา. อยมนฺติมา ชาตีติ อยํ สพฺพปจฺฉิมา ชาติ. นตฺถิ ¶ ทานิ ปุนพฺภโวติ อิทานิ เม ปุน ปฏิสนฺธิ นาม นตฺถีติ เอวํ ปจฺจเวกฺขณาณมฺปิ เม อุปฺปนฺนนฺติ ทสฺเสติ.
๒๘๑. อธิคโตติ ปฏิวิทฺโธ. ธมฺโมติ จตุสจฺจธมฺโม. คมฺภีโรติ อุตฺตานภาวปฏิกฺเขปวจนเมตํ. ทุทฺทโสติ คมฺภีรตฺตาว ทุทฺทโส ทุกฺเขน ทฏฺพฺโพ, น สกฺกา สุเขน ทฏฺุํ. ทุทฺทสตฺตาว ทุรนุโพโธ, ทุกฺเขน อวพุชฺฌิตพฺโพ, น สกฺกา สุเขน อวพุชฺฌิตุํ. สนฺโตติ นิพฺพุโต. ปณีโตติ อตปฺปโก. อิทํ ทฺวยํ โลกุตฺตรเมว สนฺธาย วุตฺตํ. อตกฺกาวจโรติ ตกฺเกน อวจริตพฺโพ โอคาหิตพฺโพ น โหติ, าเณเนว อวจริตพฺโพ. นิปุโณติ สณฺโห. ปณฺฑิตเวทนีโยติ สมฺมาปฏิปทํ ปฏิปนฺเนหิ ปณฺฑิเตหิ เวทิตพฺโพ. อาลยรามาติ ¶ สตฺตา ปฺจสุ กามคุเณสุ อลฺลียนฺติ. ตสฺมา เต อาลยาติ วุจฺจนฺติ. อฏฺสตตณฺหาวิจริตานิ อาลยนฺติ, ตสฺมา อาลยาติ วุจฺจนฺติ. เตหิ อาลเยหิ รมนฺตีติ อาลยรามา. อาลเยสุ รตาติ อาลยรตา. อาลเยสุ สุฏฺุ มุทิตาติ อาลยสมฺมุทิตา. ยเถว หิ สุสชฺชิตํ ปุปฺผผลภริตรุกฺขาทิสมฺปนฺนํ อุยฺยานํ ปวิฏฺโ ราชา ตาย ตาย สมฺปตฺติยา รมติ, สมฺมุทิโต อาโมทิตปโมทิโต โหติ, น ¶ อุกฺกณฺติ, สายมฺปิ นิกฺขมิตุํ น อิจฺฉติ; เอวมิเมหิปิ กามาลยตณฺหาลเยหิ สตฺตา รมนฺติ, สํสารวฏฺเฏ สมฺมุทิตา อนุกฺกณฺิตา วสนฺติ. เตน เนสํ ภควา ทุวิธมฺปิ อาลยํ อุยฺยานภูมึ วิย ทสฺเสนฺโต ‘‘อาลยรามา’’ติอาทิมาห.
ยทิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส านํ สนฺธาย ‘‘ยํ อิท’’นฺติ, ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ สนฺธาย ‘‘โย อย’’นฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ อิเมสํ ปจฺจยา อิทปฺปจฺจยา; อิทปฺปจฺจยา เอว อิทปฺปจฺจยตา; อิทปฺปจฺจยตา จ สา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท จาติ อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโท. สงฺขาราทิปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ. สพฺพสงฺขารสมโถติอาทิ สพฺพํ นิพฺพานเมว. ยสฺมา หิ ตํ อาคมฺม สพฺพสงฺขารวิปฺผนฺทิตานิ สมฺมนฺติ วูปสมฺมนฺติ, ตสฺมา สพฺพสงฺขารสมโถติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม สพฺเพ อุปธโย ปฏินิสฺสฏฺา โหนฺติ, สพฺพา ตณฺหา ขียนฺติ, สพฺเพ กิเลสราคา วิรชฺชนฺติ, สพฺพํ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ; ตสฺมา สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหากฺขโย วิราโค นิโรโธติ วุจฺจติ. สา ปเนสา ตณฺหา ภเวน ภวํ, ผเลน วา สทฺธึ กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ ¶ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติ, ตโต นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํ. โส มมสฺส กิลมโถติ ยา อชานนฺตานํ เทสนา นาม, โส มม กิลมโถ อสฺส, สา มม วิเหสา อสฺสาติ อตฺโถ. กายกิลมโถ เจว กายวิเหสา จ อสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺเต ปน อุภยมฺเปตํ พุทฺธานํ นตฺถิ. อปิสฺสูติ อนุพฺรูหนตฺเถ นิปาโต, โส ‘‘น เกวลํ เอตทโหสิ, อิมาปิ คาถา ปฏิภํสู’’ติ ทีเปติ. มนฺติ มม. อนจฺฉริยาติ อนุอจฺฉริยา. ปฏิภํสูติ ปฏิภานสงฺขาตสฺส าณสฺส โคจรา อเหสุํ; ปริวิตกฺกยิตพฺพตํ ปาปุณึสุ.
กิจฺเฉนาติ ทุกฺเขน, น ทุกฺขาย ปฏิปทาย. พุทฺธานฺหิ จตฺตาโรปิ มคฺคา สุขปฺปฏิปทาว โหนฺติ. ปารมีปูรณกาเล ปน สราคสโทสสโมหสฺเสว สโต อาคตาคตานํ ยาจกานํ ¶ , อลงฺกตปฺปฏิยตฺตํ สีสํ กนฺติตฺวา, คลโลหิตํ นีหริตฺวา, สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา, กุลวํสปฺปทีปํ ปุตฺตํ มนาปจารินึ ภริยนฺติ เอวมาทีนิ เทนฺตสฺส, อฺานิ จ ขนฺติวาทิสทิเสสุ อตฺตภาเวสุ เฉชฺชเภชฺชาทีนิ ปาปุณนฺตสฺส อาคมนิยปฏิปทํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ¶ . หลนฺติ เอตฺถ ห-กาโร นิปาตมตฺโต, อลนฺติ อตฺโถ. ปกาสิตุนฺติ เทสิตุํ, เอวํ กิจฺเฉน อธิคตสฺส ธมฺมสฺส อลํ เทสิตุํ, ปริยตฺตํ เทสิตุํ, โก อตฺโถ เทสิเตนาติ วุตฺตํ โหติ. ราคโทสปเรเตหีติ ราคโทสปริผุฏฺเหิ ราคโทสานุคเตหิ วา.
ปฏิโสตคามินฺติ นิจฺจาทีนํ ปฏิโสตํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ เอวํ คตํ จตุสจฺจธมฺมํ. ราครตฺตาติ กามราเคน ภวราเคน ทิฏฺิราเคน จ รตฺตา. น ทกฺขนฺตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภนฺติ อิมินา สภาเวน น ปสฺสิสฺสนฺติ, เต อปสฺสนฺเต โก สกฺขิสฺสติ เอวํ คาหาเปตุํ. ตโมขนฺเธน อาวุฏาติ อวิชฺชาราสินา อชฺโฌตฺถตา.
๒๘๒. อปฺโปสฺสุกฺกตายาติ นิรุสฺสุกฺกภาเวน, อเทเสตุกามตายาติ อตฺโถ. กสฺมา ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ, นนุ เอส มุตฺโต โมเจสฺสามิ, ติณฺโณ ตาเรสฺสามิ.
‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตารยิสฺสํ สเทวก’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๕๖) –
ปตฺถนํ ¶ กตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโตติ. สจฺจเมตํ, ตเทวํ ปจฺจเวกฺขณานุภาเวน ปนสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ. ตสฺส หิ สพฺพฺุตํ ปตฺวา สตฺตานํ กิเลสคหนตํ, ธมฺมสฺส จ คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สตฺตานํ กิเลสคหนตา จ ธมฺมคมฺภีรตา จ สพฺพากาเรน ปากฏา ชาตา. อถสฺส ‘‘อิเม สตฺตา กฺชิกปุณฺณา ลาพุ วิย, ตกฺกภริตา จาฏิ วิย, วสาเตลปีตปิโลติกา วิย, อฺชนมกฺขิตหตฺโถ วิย จ กิเลสภริตา อติสํกิลิฏฺา ราครตฺตา โทสทุฏฺา โมหมูฬฺหา, เต กึ นาม ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ จินฺตยโต กิเลสคหนปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมิ.
‘‘อยฺจ ธมฺโม ปถวีสนฺธารกอุทกกฺขนฺโธ วิย คมฺภีโร, ปพฺพเตน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปิโต ¶ สาสโป วิย ทุทฺทโส, สตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏิยา โกฏิปฏิปาทนํ วิย ทุรนุโพโธ. นนุ มยา หิ อิมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ วายมนฺเตน อทินฺนํ ทานํ นาม นตฺถิ, อรกฺขิตํ สีลํ ¶ นาม นตฺถิ, อปริปูริตา กาจิ ปารมี นาม นตฺถิ? ตสฺส เม นิรุสฺสาหํ วิย มารพลํ วิธมนฺตสฺสาปิ ปถวี น กมฺปิตฺถ, ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ โสเธนฺตสฺสาปิ น กมฺปิตฺถ, ปจฺฉิมยาเม ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปฏิวิชฺฌนฺตสฺเสว เม ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิตฺถ. อิติ มาทิเสนาปิ ติกฺขาเณน กิจฺเฉเนวายํ ธมฺโม ปฏิวิทฺโธ, ตํ โลกิยมหาชนา กถํ ปฏิวิชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ ธมฺมคมฺภีรตาปจฺจเวกฺขณานุภาเวนาปิ เอวํ จิตฺตํ นมีติ เวทิตพฺพํ.
อปิจ พฺรหฺมุนา ยาจิเต เทเสตุกามตายปิสฺส เอวํ จิตฺตํ นมิ. ชานาติ หิ ภควา – ‘‘มม อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺเต นมมาเน มํ มหาพฺรหฺมา ธมฺมเทสนํ ยาจิสฺสติ, อิเม จ สตฺตา พฺรหฺมครุกา, เต ‘สตฺถา กิร ธมฺมํ น เทเสตุกาโม อโหสิ, อถ นํ มหาพฺรหฺมา ยาจิตฺวา เทสาเปสิ, สนฺโต วต, โภ, ธมฺโม ปณีโต วต, โภ, ธมฺโม’ติ มฺมานา สุสฺสูสิสฺสนฺตี’’ติ. อิทมฺปิสฺส การณํ ปฏิจฺจ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายาติ เวทิตพฺพํ.
สหมฺปติสฺสาติ โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม เถโร ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ กปฺปายุกพฺรหฺมา หุตฺวา นิพฺพตฺโต. ตตฺร นํ สหมฺปติพฺรหฺมาติ ปฏิสฺชานนฺติ, ตํ สนฺธายาห – ‘‘พฺรหฺมุโน ¶ สหมฺปติสฺสา’’ติ. นสฺสติ วต, โภติ โส กิร อิมํ สทฺทํ ตถา นิจฺฉาเรสิ, ยถา ทสสหสฺสิโลกธาตุพฺรหฺมาโน สุตฺวา สพฺเพ สนฺนิปตึสุ. ยตฺร หิ นามาติ ยสฺมึ นาม โลเก. ปุรโต ปาตุรโหสีติ เตหิ ทสหิ พฺรหฺมสหสฺเสหิ สทฺธึ ปาตุรโหสิ. อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ, เอวํสภาวาติ อปฺปรชกฺขชาติกา. อสฺสวนตาติ อสฺสวนตาย. ภวิสฺสนฺตีติ ปุริมพุทฺเธสุ ทสปฺุกิริยวเสน กตาธิการา ปริปากคตปทุมานิ วิย สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ, ธมฺมเทสนํเยว อากงฺขมานา จตุปฺปทิกคาถาวสาเน อริยภูมึ โอกฺกมนารหา น เอโก, น ทฺเว, อเนกสตสหสฺสา ธมฺมสฺส อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ.
ปาตุรโหสีติ ¶ ¶ ปาตุภวิ. สมเลหิ จินฺติโตติ สมเลหิ ฉหิ สตฺถาเรหิ จินฺติโต. เต หิ ปุเรตรํ อุปฺปชฺชิตฺวา สกลชมฺพุทีเป กณฺฏเก ปตฺถรมานา วิย, วิสํ สิฺจมานา วิย จ สมลํ มิจฺฉาทิฏฺิธมฺมํ เทสยึสุ. อปาปุเรตนฺติ วิวร เอตํ. อมตสฺส ทฺวารนฺติ อมตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารภูตํ อริยมคฺคํ. สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธนฺติ อิเม สตฺตา ราคาทิมลานํ อภาวโต วิมเลน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อนุพุทฺธํ จตุสจฺจธมฺมํ สุณนฺตุ ตาว ภควาติ ยาจติ.
เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโตติ เสลมเย เอกคฺฆเน ปพฺพตมุทฺธนิ ยถา ิโตว. น หิ ตสฺส ิตสฺส ทสฺสนตฺถํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถิ. ตถูปมนฺติ ตปฺปฏิภาคํ เสลปพฺพตูปมํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ิโตว จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปสฺเสยฺย, ตถา ตฺวมฺปิ, สุเมธ, สุนฺทรปฺ-สพฺพฺุตฺาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ชาติชราภิภูตํ ชนตํ อเวกฺขสฺสุ อุปธารย อุปปริกฺข. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฏิกาโย กตฺวา รตฺตึ อคฺคึ ชาเลยฺยุํ. จตุรงฺคสมนฺนาคตฺจ อนฺธการํ อสฺส, อถ ตสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมึ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ, น เกทารปาฬิโย, น กุฏิโย, น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปฺาเยยฺยุํ. กุฏิกาสุ ปน ¶ อคฺคิชาลามตฺตกเมว ปฺาเยยฺย. เอวํ ธมฺมปาสาทํ อารุยฺห สตฺตนิกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส, เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณชาณุปสฺเส นิสินฺนาปิ พุทฺธจกฺขุสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา สรา วิย โหนฺติ. เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต เอวสฺส ทูเรปิ ิตา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทูเร ¶ สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;
อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๔);
อุฏฺเหีติ ภควโต ธมฺมเทสนตฺถํ จาริกจรณํ ยาจนฺโต ภณติ. วีราติอาทีสุ ภควา วีริยวนฺตตาย วีโร. เทวปุตฺตมจฺจุกิเลสมารานํ วิชิตตฺตา วิชิตสงฺคาโม. ชาติกนฺตาราทินิตฺถรณตฺถาย ¶ เวเนยฺยสตฺถวาหนสมตฺถตาย สตฺถวาโห. กามจฺฉนฺทอิณสฺส อภาวโต อณโณติ เวทิตพฺโพ.
๒๘๓. อชฺเฌสนนฺติ ยาจนํ. พุทฺธจกฺขุนาติ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน จ อาสยานุสยาเณน จ. อิเมสฺหิ ทฺวินฺนํ าณานํ พุทฺธจกฺขูติ นามํ, สพฺพฺุตฺาณสฺส สมนฺตจกฺขูติ, ติณฺณํ มคฺคาณานํ ธมฺมจกฺขูติ. อปฺปรชกฺเขติอาทีสุ เยสํ วุตฺตนเยเนว ปฺาจกฺขุมฺหิ ราคาทิรชํ อปฺปํ, เต อปฺปรชกฺขา. เยสํ ตํ มหนฺตํ, เต มหารชกฺขา. เยสํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ติกฺขานิ, เต ติกฺขินฺทฺริยา. เยสํ ตานิ มุทูนิ, เต มุทินฺทฺริยา. เยสํ เตเยว สทฺธาทโย อาการา สุนฺทรา, เต สฺวาการา. เย กถิตการณํ สลฺลกฺเขนฺติ, สุเขน สกฺกา โหนฺติ วิฺาเปตุํ, เต สุวิฺาปยา. เย ปรโลกฺเจว วชฺชฺจ ภยโต ปสฺสนฺติ, เต ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวิโน นาม.
อยํ ปเนตฺถ ปาฬิ – ‘‘สทฺโธ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อสฺสทฺโธ ปุคฺคโล มหารชกฺโข. อารทฺธวีริโย…, กุสิโต…, อุปฏฺิตสฺสติ…, มุฏฺสฺสติ…, สมาหิโต…, อสมาหิโต…, ปฺวา…, ทุปฺปฺโ ปุคฺคโล มหารชกฺโข. ตถา สทฺโธ ปุคฺคโล ติกฺขินฺทฺริโย…เป… ปฺวา ปุคฺคโล ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวี, ทุปฺปฺโ ปุคฺคโล น ปรโลกวชฺชภยทสฺสาวี. โลโกติ ¶ ขนฺธโลโก, อายตนโลโก, ธาตุโลโก, สมฺปตฺติภวโลโก, สมฺปตฺติสมฺภวโลโก, วิปตฺติภวโลโก, วิปตฺติสมฺภวโลโก, เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา. ทฺเว โลกา – นามฺจ รูปฺจ. ตโย โลกา – ติสฺโส เวทนา. จตฺตาโร โลกา – จตฺตาโร อาหารา. ปฺจ โลกา – ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ฉ โลกา – ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ. สตฺต โลกา – สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. อฏฺ โลกา – อฏฺ โลกธมฺมา. นว โลกา – นว สตฺตาวาสา. ทส โลกา – ทสายตนานิ. ทฺวาทส โลกา – ทฺวาทสายตนานิ. อฏฺารส ¶ โลกา – อฏฺารสฺส ธาตุโย. วชฺชนฺติ สพฺเพ กิเลสา วชฺชา, สพฺเพ ทุจฺจริตา วชฺชา, สพฺเพ อภิสงฺขารา วชฺชา, สพฺเพ ภวคามิกมฺมา วชฺชา. อิติ อิมสฺมิฺจ โลเก อิมสฺมิฺจ วชฺเช ติพฺพา ภยสฺา ปจฺจุปฏฺิตา โหติ, เสยฺยถาปิ อุกฺขิตฺตาสิเก วธเก. อิเมหิ ปฺาสาย อากาเรหิ อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ ชานาติ ปสฺสติ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ. อิทํ ตถาคตสฺส อินฺทฺริยปโรปริยตฺเต าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒).
อุปฺปลินิยนฺติ ¶ อุปฺปลวเน. อิตเรสุปิ เอเสว นโย. อนฺโตนิมุคฺคโปสีนีติ ยานิ อนฺโต นิมุคฺคาเนว โปสิยนฺติ. อุทกํ อจฺจุคฺคมฺม ิตานีติ อุทกํ อติกฺกมิตฺวา ิตานิ. ตตฺถ ยานิ อจฺจุคฺคมฺม ิตานิ, ตานิ สูริยรสฺมิสมฺผสฺสํ อาคมยมานานิ ิตานิ อชฺช ปุปฺผนกานิ. ยานิ สโมทกํ ิตานิ, ตานิ สฺเว ปุปฺผนกานิ. ยานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโตนิมุคฺคโปสีนิ, ตานิ ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ. อุทกา ปน อนุคฺคตานิ อฺานิปิ สโรคอุปฺปลาทีนิ นาม อตฺถิ, ยานิ เนว ปุปฺผิสฺสนฺติ, มจฺฉกจฺฉปภกฺขาเนว ภวิสฺสนฺติ. ตานิ ปาฬึ นารุฬฺหานิ. อาหริตฺวา ปน ทีเปตพฺพานีติ ทีปิตานิ.
ยเถว หิ ตานิ จตุพฺพิธานิ ปุปฺผานิ, เอวเมว อุคฺฆฏิตฺู วิปฺจิตฺู เนยฺโย ปทปรโมติ จตฺตาโร ปุคฺคลา. ตตฺถ ‘‘ยสฺส ปุคฺคลสฺส สห อุทาหฏเวลาย ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล อุคฺฆฏิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺเถ วิภชิยมาเน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล วิปฺจิตฺู. ยสฺส ปุคฺคลสฺส อุทฺเทสโต ปริปุจฺฉโต โยนิโส มนสิกโรโต กลฺยาณมิตฺเต ¶ เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต อนุปุพฺเพน ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล เนยฺโย. ยสฺส ปุคฺคลสฺส พหุมฺปิ สุณโต พหุมฺปิ ภณโต พหุมฺปิ ธารยโต พหุมฺปิ วาจยโต น ตาย ชาติยา ธมฺมาภิสมโย โหติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ปทปรโม’’ (ปุ. ป. ๑๕๑). ตตฺถ ภควา อุปฺปลวนาทิสทิสํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต ‘‘อชฺช ปุปฺผนกานิ วิย อุคฺฆฏิตฺู, สฺเว ปุปฺผนกานิ วิย วิปฺจิตฺู, ตติยทิวเส ปุปฺผนกานิ วิย เนยฺโย, มจฺฉกจฺฉปภกฺขานิ ปุปฺผานิ วิย ปทปรโม’’ติ ¶ อทฺทส. ปสฺสนฺโต จ ‘‘เอตฺตกา อปฺปรชกฺขา, เอตฺตกา มหารชกฺขา, ตตฺราปิ เอตฺตกา อุคฺฆฏิตฺู’’ติ เอวํ สพฺพาการโตว อทฺทส.
ตตฺถ ติณฺณํ ปุคฺคลานํ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถํ สาเธติ. ปทปรมานํ อนาคเต วาสนตฺถาย โหติ. อถ ภควา อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อตฺถาวหํ ธมฺมเทสนํ วิทิตฺวา เทเสตุกมฺยตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน สพฺเพปิ ตีสุ ภเวสุ สตฺเต ภพฺพาภพฺพวเสน ทฺเว โกฏฺาเส อกาสิ. เย สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘กตเม เต สตฺตา อภพฺพา, เย เต สตฺตา กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา กิเลสาวรเณน สมนฺนาคตา วิปากาวรเณน สมนฺนาคตา อสฺสทฺธา อจฺฉนฺทิกา ¶ ทุปฺปฺา อภพฺพา นิยามํ โอกฺกมิตุํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺตํ, อิเม เต สตฺตา อภพฺพา. กตเม เต สตฺตา ภพฺพา? เย เต สตฺตา น กมฺมาวรเณน…เป… อิเม เต สตฺตา ภพฺพา’’ติ (วิภ. ๘๒๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๑๕). ตตฺถ สพฺเพปิ อภพฺพปุคฺคเล ปหาย ภพฺพปุคฺคเลเยว าเณน ปริคฺคเหตฺวา ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา, เอตฺตกา โทสโมหจริตา วิตกฺกสทฺธาพุทฺธิจริตา’’ติ ฉ โกฏฺาเส อกาสิ; เอวํ กตฺวา ธมฺมํ เทสิสฺสามีติ จินฺเตสิ.
ปจฺจภาสินฺติ ปติอภาสึ. อปารุตาติ วิวฏา. อมตสฺส ทฺวาราติ อริยมคฺโค. โส หิ อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทฺวารํ, โส มยา วิวริตฺวา ปิโตติ ทสฺเสติ. ปมฺุจนฺตุ สทฺธนฺติ สพฺเพ อตฺตโน สทฺธํ ปมฺุจนฺตุ, วิสฺสชฺเชนฺตุ. ปจฺฉิมปททฺวเย อยมตฺโถ, อหฺหิ อตฺตโน ปคุณํ สุปฺปวตฺติตมฺปิ อิมํ ปณีตํ อุตฺตมํ ธมฺมํ กายวาจากิลมถสฺี หุตฺวา น ภาสึ ¶ . อิทานิ ปน สพฺโพ ชโน สทฺธาภาชนํ อุปเนตุ, ปูเรสฺสามิ เนสํ สงฺกปฺปนฺติ.
๒๘๔. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอตทโหสีติ เอตํ อโหสิ – กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺยนฺติ อยํ ธมฺมเทสนาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อุทปาทีติ อตฺโถ. กทา ปเนส อุทปาทีติ? พุทฺธภูตสฺส อฏฺเม สตฺตาเห.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – โพธิสตฺโต กิร มหาภินิกฺขมนทิวเส วิวฏํ อิตฺถาคารํ ทิสฺวา สํวิคฺคหทโย, ‘‘กณฺฑกํ อาหรา’’ติ ฉนฺนํ อามนฺเตตฺวา ฉนฺนสหาโย อสฺสราชปิฏฺิคโต ¶ นครโต นิกฺขมิตฺวา กณฺฑกนิวตฺตนเจติยฏฺานํ นาม ทสฺเสตฺวา ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมฺม อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปณฺฑวปพฺพเต นิสินฺโน มคธิสฺสเรน รฺา นามโคตฺตํ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมํ รชฺชํ สมฺปฏิจฺฉาหี’’ติ วุตฺโต, ‘‘อลํ มหาราช, น มยฺหํ รชฺเชน อตฺโถ, อหํ รชฺชํ ปหาย โลกหิตตฺถาย ปธานํ อนุยฺุชิตฺวา โลเก วิวฏจฺฉโท ภวิสฺสามีติ นิกฺขนฺโต’’ติ วตฺวา, ‘‘เตน หิ พุทฺโธ หุตฺวา ปมํ มยฺหํ วิชิตํ โอสเรยฺยาสี’’ติ ปฏิฺํ คหิโต กาลามฺจ อุทกฺจ อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ ธมฺมเทสนาย สารํ อวินฺทนฺโต ตโต ปกฺกมิตฺวา อุรุเวฬาย ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺโตปิ อมตํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺโต โอฬาริกาหารปฏิเสวเนน กายํ สนฺตปฺเปสิ.
ตทา ¶ จ อุรุเวลคาเม สุชาตา นาม กุฏุมฺพิยธีตา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข ปตฺถนมกาสิ – ‘‘สจาหํ สมานชาติกํ กุลฆรํ คนฺตฺวา ปมคพฺเภ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺสา สา ปตฺถนา สมิชฺฌิ. สา วิสาขปุณฺณมทิวเส ปาโตว พลิกมฺมํ กริสฺสามีติ รตฺติยา ปจฺจูสสมเย เอว ปายสํ ปฏิยาเทสิ. ตสฺมึ ปายเส ปจฺจมาเน มหนฺตมหนฺตา ปุปฺผุฬา อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณาวฏฺฏา หุตฺวา สฺจรนฺติ. เอกผุสิตมฺปิ พหิ น คจฺฉติ. มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ. จตฺตาโร โลกปาลา ขคฺคหตฺถา อารกฺขํ คณฺหึสุ. สกฺโก อลาตานิ สมาเนนฺโต อคฺคึ ชาเลสิ. เทวตา จตูสุ ทีเปสุ โอชํ สํหริตฺวา ¶ ตตฺถ ปกฺขิปึสุ. โพธิสตฺโต ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน ปาโตว คนฺตฺวา รุกฺขมูเล นิสีทิ. รุกฺขมูเล โสธนตฺถาย คตา ธาตี อาคนฺตฺวา สุชาตาย อาโรเจสิ – ‘‘เทวตา รุกฺขมูเล นิสินฺนา’’ติ. สุชาตา, สพฺพํ ปสาธนํ ปสาเธตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิเก สุวณฺณถาเล ปายสํ วฑฺเฒตฺวา อปราย สุวณฺณปาติยา ปิทหิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา คตา มหาปุริสํ ทิสฺวา สเหว ปาติยา หตฺเถ เปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ยถา มยฺหํ มโนรโถ นิปฺผนฺโน, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ นิปฺผชฺชตู’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
โพธิสตฺโต ¶ เนรฺชราย ตีรํ คนฺตฺวา สุวณฺณถาลํ ตีเร เปตฺวา นฺหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกูนปณฺณาสปิณฺเฑ กโรนฺโต ปายสํ ปริภฺุชิตฺวา ‘‘สจาหํ อชฺช พุทฺโธ ภวามิ, ถาลํ ปฏิโสตํ คจฺฉตู’’ติ ขิปิ. ถาลํ ปฏิโสตํ คนฺตฺวา โถกํ ตฺวา กาลนาคราชสฺส ภวนํ ปวิสิตฺวา ติณฺณํ พุทฺธานํ ถาลานิ อุกฺขิปิตฺวา อฏฺาสิ.
มหาสตฺโต วนสณฺเฑ ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย โสตฺติเยน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห ทกฺขิณทิสาภาเค อฏฺาสิ. โส ปเทโส ปทุมินิปตฺเต อุทกพินฺทุ วิย อกมฺปิตฺถ. มหาสตฺโต, ‘‘อยํ มม คุณํ ธาเรตุํ น สกฺโกตี’’ติ ปจฺฉิมทิสาภาคํ อคมาสิ, โสปิ ตเถว อกมฺปิตฺถ. อุตฺตรทิสาภาคํ อคมาสิ, โสปิ ตเถว อกมฺปิตฺถ. ปุรตฺถิมทิสาภาคํ อคมาสิ, ตตฺถ ปลฺลงฺกปฺปมาณํ านํ สุนิขาตอินฺทขิโล วิย นิจฺจลมโหสิ. มหาสตฺโต ‘‘อิทํ านํ สพฺพพุทฺธานํ กิเลสภฺชนวิทฺธํสนฏฺาน’’นฺติ ตานิ ติณานิ อคฺเค คเหตฺวา จาเลสิ. ตานิ จิตฺตกาเรน ตูลิกคฺเคน ปริจฺฉินฺนานิ วิย อเหสุํ. โพธิสตฺโต ¶ , ‘‘โพธึ อปฺปตฺวา อิมํ ปลฺลงฺกํ น ภินฺทิสฺสามี’’ติ จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺหิตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ.
ตงฺขณฺเว มาโร พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสติกํ คิริเมขลํ นาม หตฺถึ อารุยฺห นวโยชนํ มารพลํ คเหตฺวา อทฺธกฺขิเกน โอโลกยมาโน ปพฺพโต วิย อชฺโฌตฺถรนฺโต อุปสงฺกมิ. มหาสตฺโต, ‘‘มยฺหํ ทส ปารมิโย ปูเรนฺตสฺส อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ ¶ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา สกฺขิ นตฺถิ, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน มยฺหํ สตฺตสุ วาเรสุ มหาปถวี สกฺขิ อโหสิ; อิทานิปิ เม อยเมว อเจตนา กฏฺกลิงฺครูปมา มหาปถวี สกฺขี’’ติ หตฺถํ ปสาเรติ. มหาปถวี ตาวเทว อยทณฺเฑน ปหตํ กํสถาลํ วิย รวสตํ รวสหสฺสํ มฺุจมานา วิรวิตฺวา ปริวตฺตมานา มารพลํ จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ มฺุจนมกาสิ. มหาสตฺโต สูริเย ธรมาเนเยว มารพลํ วิธมิตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสาณํ, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา วฏฺฏวิวฏฺฏํ สมฺมสิตฺวา อรุโณทเย พุทฺโธ หุตฺวา ¶ , ‘‘มยา อเนกกปฺปโกฏิสตสหสฺสํ อทฺธานํ อิมสฺส ปลฺลงฺกสฺส อตฺถาย วายาโม กโต’’ติ สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสีทิ. อเถกจฺจานํ เทวตานํ, ‘‘กึ นุ โข อฺเปิ พุทฺธตฺตกรา ธมฺมา อตฺถี’’ติ กงฺขา อุทปาทิ.
อถ ภควา อฏฺเม ทิวเส สมาปตฺติโต วุฏฺาย เทวตานํ กงฺขํ ตฺวา กงฺขาวิธมนตฺถํ อากาเส อุปฺปติตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ตาสํ กงฺขํ วิธมิตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ตฺวา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลาธิคมฏฺานํ ปลฺลงฺกฺเจว โพธิรุกฺขฺจ อนิมิเสหิ อกฺขีหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํ.
อถ ปลฺลงฺกสฺส จ ิตฏฺานสฺส จ อนฺตรา ปุรตฺถิมปจฺฉิมโต อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํ. ตโต ปจฺฉิมทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยึสุ, ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ วิเสสโต เจตฺถ อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานํ วิจินนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํ. เอวํ โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขมูลา เยน อชปาลนิคฺโรโธ ¶ เตนุปสงฺกมิ, ตตฺราปิ ธมฺมํ วิจินนฺโตเยว วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ, ธมฺมํ วิจินนฺโต เจตฺถ เอวํ อภิธมฺเม นยมคฺคํ สมฺมสิ – ปมํ ธมฺมสงฺคณีปกรณํ นาม, ตโต วิภงฺคปกรณํ, ธาตุกถาปกรณํ, ปุคฺคลปฺตฺติปกรณํ, กถาวตฺถุ นาม ปกรณํ, ยมกํ นาม ปกรณํ, ตโต มหาปกรณํ ปฏฺานํ นามาติ.
ตตฺถสฺส ¶ สณฺหสุขุมปฏฺานมฺหิ จิตฺเต โอติณฺเณ ปีติ อุปฺปชฺชิ; ปีติยา อุปฺปนฺนาย โลหิตํ ปสีทิ, โลหิเต ปสนฺเน ฉวิ ปสีทิ. ฉวิยา ปสนฺนาย ปุรตฺถิมกายโต กูฏาคาราทิปฺปมาณา รสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อากาเส ปกฺขนฺทฉทฺทนฺตนาคกุลํ วิย ปาจีนทิสาย อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ ปกฺขนฺทา, ปจฺฉิมกายโต อุฏฺหิตฺวา ปจฺฉิมทิสาย, ทกฺขิณํสกูฏโต อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณทิสาย, วามํสกูฏโต ¶ อุฏฺหิตฺวา อุตฺตรทิสาย อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ ปกฺขนฺทา, ปาทตเลหิ ปวาฬงฺกุรวณฺณา รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา มหาปถวึ วินิวิชฺฌิตฺวา อุทกํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา วาตกฺขนฺธํ ปทาเลตฺวา อชฏากาสํ ปกฺขนฺทา, สีสโต สมฺปริวตฺติยมานํ มณิทามํ วิย นีลวณฺณา รสฺมิวฏฺฏิ อุฏฺหิตฺวา ฉ เทวโลเก วินิวิชฺฌิตฺวา นว พฺรหฺมโลเก เวหปฺผเล ปฺจ สุทฺธาวาเส จ วินิวิชฺฌิตฺวา จตฺตาโร อารุปฺเป อติกฺกมฺม อชฏากาสํ ปกฺขนฺทา. ตสฺมึ ทิวเส อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณา สตฺตา สพฺเพ สุวณฺณวณฺณาว อเหสุํ. ตํ ทิวสฺจ ปน ภควโต สรีรา นิกฺขนฺตา ยาวชฺชทิวสาปิ ตา รสฺมิโย อนนฺตา โลกธาตุโย คจฺฉนฺติเยว.
เอวํ ภควา อชปาลนิคฺโรเธ สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ตโต อปรํ สตฺตาหํ มุจลินฺเท นิสีทิ, นิสินฺนมตฺตสฺเสว จสฺส สกลํ จกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรนฺโต มหาอกาลเมโฆ อุทปาทิ. เอวรูโป กิร มหาเมโฆ ทฺวีสุเยว กาเลสุ วสฺสติ จกฺกวตฺติมฺหิ วา อุปฺปนฺเน พุทฺเธ วา. อิธ พุทฺธกาเล อุทปาทิ. ตสฺมึ ปน อุปฺปนฺเน มุจลินฺโท นาคราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เมโฆ สตฺถริ มยฺหํ ภวนํ ปวิฏฺมตฺเตว อุปฺปนฺโน, วาสาคารมสฺส ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺตรตนมยํ ปาสาทํ นิมฺมินิตุํ สกฺโกนฺโตปิ เอวํ กเต มยฺหํ มหปฺผลํ น ภวิสฺสติ, ทสพลสฺส กายเวยฺยาวจฺจํ กริสฺสามีติ มหนฺตํ อตฺตภาวํ กตฺวา สตฺถารํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ ธาเรสิ. ปริกฺเขปสฺส อนฺโต โอกาโส เหฏฺา โลหปาสาทปฺปมาโณ อโหสิ. อิจฺฉิติจฺฉิเตน อิริยาปเถน สตฺถา วิหริสฺสตีติ นาคราชสฺส อชฺฌาสโย อโหสิ. ตสฺมา เอวํ มหนฺตํ โอกาสํ ¶ ปริกฺขิปิ. มชฺเฌ รตนปลฺลงฺโก ปฺตฺโต โหติ, อุปริ สุวณฺณตารกวิจิตฺตํ สโมสริตคนฺธทามกุสุมทามเจลวิตานํ อโหสิ. จตูสุ โกเณสุ คนฺธเตเลน ทีปา ชลิตา, จตูสุ ทิสาสุ วิวริตฺวา จนฺทนกรณฺฑกา ¶ ปิตา. เอวํ ภควา ตํ สตฺตาหํ ตตฺถ วีตินาเมตฺวา ตโต อปรํ สตฺตาหํ ราชายตเน นิสีทิ.
อฏฺเม สตฺตาเห สกฺเกน เทวานมินฺเทน อาภตํ ทนฺตกฏฺฺจ โอสธหรีตกฺจ ¶ ขาทิตฺวา มุขํ โธวิตฺวา จตูหิ โลกปาเลหิ อุปนีเต ปจฺจคฺเฆ เสลมเย ปตฺเต ตปุสฺสภลฺลิกานํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา ปุน ปจฺจาคนฺตฺวา อชปาลนิคฺโรเธ นิสินฺนสฺส สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺโณ อยํ วิตกฺโก อุทปาทิ.
ตตฺถ ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต. วิยตฺโตติ เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต. เมธาวีติ านุปฺปตฺติยา ปฺาย สมนฺนาคโต. อปฺปรชกฺขชาติโกติ สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภิตตฺตา นิกฺกิเลสชาติโก วิสุทฺธสตฺโต. อาชานิสฺสตีติ สลฺลกฺเขสฺสติ ปฏิวิชฺฌิสฺสติ. าณฺจ ปน เมติ มยฺหมฺปิ สพฺพฺุตฺาณํ อุปฺปชฺชิ. ภควา กิร เทวตาย กถิเตเนว นิฏฺํ อคนฺตฺวา สยมฺปิ สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโต อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก กาลํ กตฺวา อากิฺจฺายตเน นิพฺพตฺโตติ อทฺทส. ตํ สนฺธายาห – ‘‘าณฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาที’’ติ. มหาชานิโยติ สตฺตทิวสพฺภนฺตเร ปตฺตพฺพมคฺคผลโต ปริหีนตฺตา มหตี ชานิ อสฺสาติ มหาชานิโย. อกฺขเณ นิพฺพตฺตตฺตา คนฺตฺวา เทสิยมานํ ธมฺมมฺปิสฺส โสตุํ โสตปฺปสาโท นตฺถิ, อิธ ธมฺมเทสนฏฺานํ อาคมนปาทาปิ นตฺถิ, เอวํ มหาชานิโย ชาโตติ ทสฺเสติ. อภิโทสกาลงฺกโตติ อฑฺฒรตฺเต กาลงฺกโต. าณฺจ ปน เมติ มยฺหมฺปิ สพฺพฺุตฺาณํ อุทปาทิ. อิธาปิ กิร ภควา เทวตาย วจเนน สนฺนิฏฺานํ อกตฺวา สพฺพฺุตฺาเณน โอโลเกนฺโต ‘‘หิยฺโย อฑฺฒรตฺเต กาลงฺกตฺวา อุทโก รามปุตฺโต เนวสฺานาสฺายตเน นิพฺพตฺโต’’ติ อทฺทส. ตสฺมา เอวมาห. เสสํ ปุริมนยสทิสเมว. พหุการาติ พหูปการา. ปธานปหิตตฺตํ อุปฏฺหึสูติ ปธานตฺถาย เปสิตตฺตภาวํ วสนฏฺาเน ปริเวณสมฺมชฺชเนน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อนุพนฺธเนน มุโขทกทนฺตกฏฺทานาทินา จ อุปฏฺหึสุ. เก ปน เต ปฺจวคฺคิยา นาม? เยเต –
ราโม ¶ ¶ ธโช ลกฺขโณ โชติมนฺติ,
ยฺโ สุโภโช สุยาโม สุทตฺโต;
เอเต ตทา อฏฺ อเหสุํ พฺราหฺมณา,
ฉฬงฺควา มนฺตํ วิยากรึสูติ.
โพธิสตฺตสฺส ¶ ชาตกาเล สุปินปฏิคฺคาหกา เจว ลกฺขณปฏิคฺคาหกา จ อฏฺ พฺราหฺมณา. เตสุ ตโย ทฺเวธา พฺยากรึสุ – ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารํ อชฺฌาวสมาโน ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชมาโน พุทฺโธ’’ติ. ปฺจ พฺราหฺมณา เอกํสพฺยากรณา อเหสุํ – ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคาเร น ติฏฺติ, พุทฺโธว โหตี’’ติ. เตสุ ปุริมา ตโย ยถามนฺตปทํ คตา, อิเม ปน ปฺจ มนฺตปทํ อติกฺกนฺตา. เต อตฺตนา ลทฺธํ ปุณฺณปตฺตํ าตกานํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘อยํ มหาปุริโส อคารํ น อชฺฌาวสิสฺสติ, เอกนฺเตน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ นิพฺพิตกฺกา โพธิสตฺตํ อุทฺทิสฺส สมณปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา. เตสํ ปุตฺตาติปิ วทนฺติ. ตํ อฏฺกถาย ปฏิกฺขิตฺตํ.
เอเต กิร ทหรกาเลเยว พหู มนฺเต ชานึสุ, ตสฺมา เต พฺราหฺมณา อาจริยฏฺาเน ปยึสุ. เต ปจฺฉา อมฺเหหิ ปุตฺตทารชฏํ ฉฑฺเฑตฺวา น สกฺกา ภวิสฺสติ ปพฺพชิตุนฺติ ทหรกาเลเยว ปพฺพชิตฺวา รมณียานิ เสนาสนานิ ปริภฺุชนฺตา วิจรึสุ. กาเลน กาลํ ปน ‘‘กึ, โภ, มหาปุริโส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต’’ติ ปุจฺฉนฺติ. มนุสฺสา, ‘‘กุหึ ตุมฺเห มหาปุริสํ ปสฺสิสฺสถ, ตีสุ ปาสาเทสุ ติวิธนาฏกมชฺเฌ เทโว วิย สมฺปตฺตึ อนุโภตี’’ติ วทนฺติ. เต สุตฺวา, ‘‘น ตาว มหาปุริสสฺส าณํ ปริปากํ คจฺฉตี’’ติ อปฺโปสฺสุกฺกา วิหรึสุเยว. กสฺมา ปเนตฺถ ภควา, ‘‘พหุการา โข อิเม ปฺจวคฺคิยา’’ติ อาห? กึ อุปการกานํเยว เอส ธมฺมํ เทเสติ, อนุปการกานํ น เทเสตีติ? โน น เทเสติ. ปริจยวเสน เหส อาฬารฺเจว กาลามํ อุทกฺจ รามปุตฺตํ โอโลเกสิ. เอตสฺมึ ปน พุทฺธกฺเขตฺเต เปตฺวา อฺาสิโกณฺฑฺํ ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. กสฺมา? ตถาวิธอุปนิสฺสยตฺตา.
ปุพฺเพ ¶ กิร ปฺุกรณกาเล ทฺเว ภาตโร อเหสุํ. เต เอกโตว สสฺสํ อกํสุ. ตตฺถ เชฏฺกสฺส ¶ ‘‘เอกสฺมึ สสฺเส นววาเร อคฺคสสฺสทานํ มยา ทาตพฺพ’’นฺติ อโหสิ. โส วปฺปกาเล พีชคฺคํ นาม ทตฺวา คพฺภกาเล กนิฏฺเน สทฺธึ มนฺเตสิ – ‘‘คพฺภกาเล คพฺภํ ผาเลตฺวา ทสฺสามา’’ติ. กนิฏฺโ ‘‘ตรุณสสฺสํ นาเสตุกาโมสี’’ติ อาห. เชฏฺโ กนิฏฺสฺส อนนุวตฺตนภาวํ ¶ ตฺวา เขตฺตํ วิภชิตฺวา อตฺตโน โกฏฺาสโต คพฺภํ ผาเลตฺวา ขีรํ นีหริตฺวา สปฺปิผาณิเตหิ โยเชตฺวา อทาสิ, ปุถุกกาเล ปุถุกํ กาเรตฺวา อทาสิ, ลายเน ลายนคฺคํ เวณิกรเณ เวณคฺคํ กลาปาทีสุ กลาปคฺคํ ขฬคฺคํ ภณฺฑคฺคํ โกฏฺคฺคนฺติ เอวํ เอกสสฺเส นววาเร อคฺคทานํ อทาสิ. กนิฏฺโ ปนสฺส อุทฺธริตฺวา อทาสิ, เตสุ เชฏฺโ อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร ชาโต, กนิฏฺโ สุภทฺทปริพฺพาชโก. อิติ เอกสฺมึ สสฺเส นวนฺนํ อคฺคทานานํ ทินฺนตฺตา เปตฺวา เถรํ อฺโ ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ‘‘พหุการา โข อิเม ปฺจวคฺคิยา’’ติ อิทํ ปน อุปการานุสฺสรณมตฺตเกเนว วุตฺตํ.
อิสิปตเน มิคทาเยติ ตสฺมึ กิร ปเทเส อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ปจฺเจกสมฺพุทฺธา คนฺธมาทนปพฺพเต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺติยา วีตินาเมตฺวา นิโรธา วุฏฺาย นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อากาเสน อาคนฺตฺวา นิปตนฺติ. ตตฺถ จีวรํ ปารุปิตฺวา นคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺจา คมนกาเลปิ ตโตเยว อุปฺปติตฺวา คจฺฉนฺติ. อิติ อิสโย เอตฺถ นิปตนฺติ อุปฺปตนฺติ จาติ ตํ านํ อิสิปตนนฺติ สงฺขํ คตํ. มิคานํ ปน อภยตฺถาย ทินฺนตฺตา มิคทาโยติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ.
๒๘๕. อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธินฺติ คยาย จ โพธิสฺส จ วิวเร ติคาวุตนฺตเร าเน. โพธิมณฺฑโต หิ คยา ตีณิ คาวุตานิ. พาราณสี อฏฺารส โยชนานิ. อุปโก โพธิมณฺฑสฺส จ คยาย จ อนฺตเร ภควนฺตํ อทฺทส. อนฺตราสทฺเทน ปน ยุตฺตตฺตา อุปโยควจนํ กตํ. อีทิเสสุ จ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามฺจ นทิฺจ ยาตี’’ติ เอวํ เอกเมว อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ. โส ทุติยปเทนปิ โยเชตพฺโพ โหติ ¶ . อโยชิยมาเน อุปโยควจนํ น ปาปุณาติ. อิธ ปน โยเชตฺวา เอว วุตฺโตติ. อทฺธานมคฺคปฏิปนฺนนฺติ อทฺธานสงฺขาตํ มคฺคํ ปฏิปนฺนํ, ทีฆมคฺคปฏิปนฺนนฺติ อตฺโถ. อทฺธานมคฺคคมนสมยสฺส หิ วิภงฺเค ‘‘อทฺธโยชนํ คจฺฉิสฺสามีติ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติอาทิวจนโต ¶ ¶ (ปาจิ. ๒๑๘) อทฺธโยชนมฺปิ อทฺธานมคฺโค โหติ. โพธิมณฺฑโต ปน คยา ติคาวุตํ.
สพฺพาภิภูติ สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ อภิภวิตฺวา ิโต. สพฺพวิทูติ สพฺพํ จตุภูมกธมฺมํ อเวทึ อฺาสึ. สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนุปลิตฺโตติ สพฺเพสุ เตภูมกธมฺเมสุ กิเลสเลปเนน อนุปลิตฺโต. สพฺพํ ชโหติ สพฺพํ เตภูมกธมฺมํ ชหิตฺวา ิโต. ตณฺหากฺขเย วิมุตฺโตติ ตณฺหากฺขเย นิพฺพาเน อารมฺมณโต วิมุตฺโต. สยํ อภิฺายาติ สพฺพํ จตุภูมกธมฺมํ อตฺตนาว ชานิตฺวา. กมุทฺทิเสยฺยนฺติ กํ อฺํ ‘‘อยํ เม อาจริโย’’ติ อุทฺทิเสยฺยํ.
น เม อาจริโย อตฺถีติ โลกุตฺตรธมฺเม มยฺหํ อาจริโย นาม นตฺถิ. นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโลติ มยฺหํ ปฏิภาคปุคฺคโล นาม นตฺถิ. สมฺมาสมฺพุทฺโธติ สเหตุนา นเยน จตฺตาริ สจฺจานิ สยํ พุทฺโธ. สีติภูโตติ สพฺพกิเลสคฺคินิพฺพาปเนน สีติภูโต. กิเลสานํเยว นิพฺพุตตฺตา นิพฺพุโต. กาสินํ ปุรนฺติ กาสิรฏฺเ นครํ. อาหฺฉํ อมตทุนฺทุภินฺติ ธมฺมจกฺกปฏิลาภาย อมตเภรึ ปหริสฺสามีติ คจฺฉามิ. อรหสิ อนนฺตชิโนติ อนนฺตชิโนติ ภวิตุํ ยุตฺโต. หุเปยฺย ปาวุโสติ, อาวุโส, เอวมฺปิ นาม ภเวยฺย. ปกฺกามีติ วงฺกหารชนปทํ นาม อคมาสิ.
ตตฺเถกํ มิคลุทฺทกคามกํ นิสฺสาย วาสํ กปฺเปสิ. เชฏฺกลุทฺทโก ตํ อุปฏฺาสิ. ตสฺมิฺจ ชนปเท จณฺฑา มกฺขิกา โหนฺติ. อถ นํ เอกาย จาฏิยา วสาเปสุํ, มิคลุทฺทโก ทูเร มิควํ คจฺฉนฺโต ‘‘อมฺหากํ อรหนฺเต มา ปมชฺชี’’ติ ฉาวํ นาม ธีตรํ อาณาเปตฺวา อคมาสิ สทฺธึ ปุตฺตภาตุเกหิ. สา จสฺส ธีตา ทสฺสนียา โหติ โกฏฺาสสมฺปนฺนา. ทุติยทิวเส อุปโก ฆรํ อาคโต ตํ ทาริกํ สพฺพํ อุปจารํ กตฺวา ปริวิสิตุํ ¶ อุปคตํ ทิสฺวา ราเคน อภิภูโต ภฺุชิตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ภาชเนน ภตฺตํ อาทาย วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ภตฺตํ เอกมนฺเต นิกฺขิปิตฺวา สเจ ฉาวํ ลภามิ, ชีวามิ, โน เจ, มรามีติ นิราหาโร สยิ. สตฺตเม ¶ ทิวเส มาควิโก อาคนฺตฺวา ธีตรํ อุปกสฺส ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. สา ‘‘เอกทิวสเมว อาคนฺตฺวา ปุน นาคตปุพฺโพ’’ติ อาห. มาควิโก อาคตเวเสเนว นํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสามีติ ตํขณํเยว คนฺตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อปฺผาสุก’’นฺติ ปาเท ปรามสนฺโต ¶ ปุจฺฉิ. อุปโก นิตฺถุนนฺโต ปริวตฺตติเยว. โส ‘‘วทถ ภนฺเต, ยํ มยา สกฺกา กาตุํ, ตํ สพฺพํ กริสฺสามี’’ติ อาห. อุปโก, ‘‘สเจ ฉาวํ ลภามิ, ชีวามิ, โน เจ, อิเธว มรณํ เสยฺโย’’ติ อาห. ชานาสิ ปน, ภนฺเต, กิฺจิ สิปฺปนฺติ. น ชานามีติ. น, ภนฺเต, กิฺจิ สิปฺปํ อชานนฺเตน สกฺกา ฆราวาสํ อธิฏฺาตุนฺติ.
โส อาห – ‘‘นาหํ กิฺจิ สิปฺปํ ชานามิ, อปิจ ตุมฺหากํ มํสหารโก ภวิสฺสามิ, มํสฺจ วิกฺกีณิสฺสามี’’ติ. มาควิโก, ‘‘อมฺหากมฺปิ เอตเทว รุจฺจตี’’ติ อุตฺตรสาฏกํ ทตฺวา ฆรํ อาเนตฺวา ธีตรํ อทาสิ. เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต วิชายิ. สุภทฺโทติสฺส นามํ อกํสุ. ฉาวา ตสฺส โรทนกาเล ‘‘มํสหารกสฺส ปุตฺต, มิคลุทฺทกสฺส ปุตฺต มา โรที’’ติอาทีนิ วทมานา ปุตฺตโตสนคีเตน อุปกํ อุปฺปณฺเฑสิ. ภทฺเท ตฺวํ มํ อนาโถติ มฺสิ. อตฺถิ เม อนนฺตชิโน นาม สหาโย. ตสฺสาหํ สนฺติเก คมิสฺสามีติ อาห. ฉาวา เอวมยํ อฏฺฏียตีติ ตฺวา ปุนปฺปุนํ กเถติ. โส เอกทิวสํ อนาโรเจตฺวาว มชฺฌิมเทสาภิมุโข ปกฺกามิ.
ภควา จ เตน สมเยน สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน มหาวิหาเร. อถ โข ภควา ปฏิกจฺเจว ภิกฺขู อาณาเปสิ – ‘‘โย, ภิกฺขเว, ‘อนนฺตชิโน’ติ ปุจฺฉมาโน อาคจฺฉติ, ตสฺส มํ ทสฺเสยฺยาถา’’ติ. อุปโกปิ โข ‘‘กุหึ อนนฺตชิโน วสตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ตฺวา กุหึ อนนฺตชิโนติ ปุจฺฉิ. ตํ ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ นยึสุ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘สฺชานาถ มํ ภควา’’ติ อาห. อาม, อุปก, สฺชานามิ, กุหึ ปน ตฺวํ วสิตฺถาติ. วงฺกหารชนปเท, ภนฺเตติ. อุปก, มหลฺลโกสิ ชาโต ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสีติ. ปพฺพชิสฺสามิ, ภนฺเตติ. ภควา ปพฺพาเชตฺวา ตสฺส กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส กมฺมฏฺาเน กมฺมํ กโรนฺโต อนาคามิผเล ¶ ปติฏฺาย กาลํ กตฺวา อวิเหสุ ¶ นิพฺพตฺโต. นิพฺพตฺตกฺขเณเยว อรหตฺตํ ปาปุณีติ. อวิเหสุ นิพฺพตฺตมตฺตา หิ สตฺต ชนา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, เตสํ โส อฺตโร.
วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อวิหํ ¶ อุปปนฺนาเส, วิมุตฺตา สตฺต ภิกฺขโว;
ราคโทสปริกฺขีณา, ติณฺณา โลเก วิสตฺติกํ.
อุปโก ปลคณฺโฑ จ, ปุกฺกุสาติ จ เต ตโย;
ภทฺทิโย ขณฺฑเทโว จ, พหุรคฺคิ จ สงฺคิโย;
เต หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ทิพฺพโยคํ อุปชฺฌคุ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๐๕);
๒๘๖. สณฺเปสุนฺติ กติกํ อกํสุ. พาหุลฺลิโกติ จีวรพาหุลฺลาทีนํ อตฺถาย ปฏิปนฺโน. ปธานวิพฺภนฺโตติ ปธานโต วิพฺภนฺโต ภฏฺโ ปริหีโน. อาวตฺโต พาหุลฺลายาติ จีวราทีนํ พหุลภาวตฺถาย อาวตฺโต. อปิจ โข อาสนํ เปตพฺพนฺติ อปิจ โข ปนสฺส อุจฺจกุเล นิพฺพตฺตสฺส อาสนมตฺตํ เปตพฺพนฺติ วทึสุ. นาสกฺขึสูติ พุทฺธานุภาเวน พุทฺธเตชสา อภิภูตา อตฺตโน กติกาย าตุํ นาสกฺขึสุ. นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรนฺตีติ โคตมาติ, อาวุโสติ จ วทนฺติ. อาวุโส โคตม, มยํ อุรุเวลายํ ปธานกาเล ตุยฺหํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจริมฺหา, มุโขทกํ ทนฺตกฏฺํ อทมฺหา, วุตฺถปริเวณํ สมฺมชฺชิมฺหา, ปจฺฉา โก เต วตฺตปฺปฏิปตฺติมกาสิ, กจฺจิ อมฺเหสุ ปกฺกนฺเตสุ น จินฺตยิตฺถาติ เอวรูปึ กถํ กเถนฺตีติ อตฺโถ. อิริยายาติ ทุกฺกรอิริยาย. ปฏิปทายาติ ทุกฺกรปฏิปตฺติยา. ทุกฺกรการิกายาติ ปสตปสต-มุคฺคยูสาทิอาหรกรณาทินา ทุกฺกรกรเณน. อภิชานาถ เม โนติ อภิชานาถ นุ มม. เอวรูปํ ปภาวิตเมตนฺติ เอตํ เอวรูปํ วากฺยเภทนฺติ อตฺโถ. อปิ นุ อหํ อุรุเวลาย ปธาเน ตุมฺหากํ สงฺคณฺหนตฺถํ อนุกฺกณฺนตฺถํ รตฺตึ วา ทิวา ¶ วา อาคนฺตฺวา, – ‘‘อาวุโส, มา วิตกฺกยิตฺถ, มยฺหํ โอภาโส วา นิมิตฺตํ วา ปฺายตี’’ติ เอวรูปํ กฺจิ วจนเภทํ อกาสินฺติ อธิปฺปาโย. เต เอกปเทเนว สตึ ลภิตฺวา อุปฺปนฺนคารวา, ‘‘หนฺท อทฺธา เอส พุทฺโธ ชาโต’’ติ สทฺทหิตฺวา โน เหตํ, ภนฺเตติ อาหํสุ. อสกฺขึ โข อหํ, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู สฺาเปตุนฺติ อหํ ¶ , ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู พุทฺโธ อหนฺติ ชานาเปตุํ อสกฺขึ. ตทา ปน ภควา อุโปสถทิวเสเยว อาคจฺฉิ. อตฺตโน พุทฺธภาวํ ชานาเปตฺวา โกณฺฑฺตฺเถรํ กายสกฺขึ กตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตํ กเถสิ. สุตฺตปริโยสาเน เถโร อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ¶ ปติฏฺาสิ. สูริเย ธรมาเนเยว เทสนา นิฏฺาสิ. ภควา ตตฺเถว วสฺสํ อุปคจฺฉิ.
ทฺเวปิ สุทํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู โอวทามีติอาทิ ปาฏิปททิวสโต ปฏฺาย ปิณฺฑปาตตฺถายปิ คามํ อปฺปวิสนทีปนตฺถํ วุตฺตํ. เตสฺหิ ภิกฺขูนํ กมฺมฏฺาเนสุ อุปฺปนฺนมลวิโสธนตฺถํ ภควา อนฺโตวิหาเรเยว อโหสิ. อุปฺปนฺเน อุปฺปนฺเน กมฺมฏฺานมเล เตปิ ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉนฺติ. ภควาปิ เตสํ นิสินฺนฏฺานํ คนฺตฺวา มลํ วิโนเทติ. อถ เนสํ ภควตา เอวํ นีหฏภตฺเตน โอวทิยมานานํ วปฺปตฺเถโร ปาฏิปททิวเส โสตาปนฺโน อโหสิ. ภทฺทิยตฺเถโร ทุติยายํ, มหานามตฺเถโร ตติยายํ, อสฺสชิตฺเถโร จตุตฺถิยํ. ปกฺขสฺส ปน ปฺจมิยํ สพฺเพว เต เอกโต สนฺนิปาเตตฺวา อนตฺตลกฺขณสุตฺตํ กเถสิ, สุตฺตปริโยสาเน สพฺเพปิ อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. เตนาห – ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู มยา เอวํ โอวทิยมานา…เป… อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นิพฺพานํ อชฺฌคมํสุ…เป… นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. เอตฺตกํ กถามคฺคํ ภควา ยํ ปุพฺเพ อวจ – ‘‘ตุมฺเหปิ มมฺเจว ปฺจวคฺคิยานฺจ มคฺคํ อารุฬฺหา, อริยปริเยสนา ตุมฺหากํ ปริเยสนา’’ติ อิมํ เอกเมว อนุสนฺธึ ทสฺเสนฺโต อาหริ.
๒๘๗. อิทานิ ยสฺมา น อคาริยานํเยว ปฺจกามคุณปริเยสนา ¶ โหติ, อนคาริยานมฺปิ จตฺตาโร ปจฺจเย อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนฺตานํ ปฺจกามคุณวเสน อนริยปริเยสนา โหติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตุํ ปฺจิเม, ภิกฺขเว, กามคุณาติอาทิมาห. ตตฺถ นวรตฺเตสุ ปตฺตจีวราทีสุ จกฺขุวิฺเยฺยา รูปาติอาทโย จตฺตาโร กามคุณา ลพฺภนฺติ. รโส ปเนตฺถ ปริโภครโส โหติ. มนฺุเ ปิณฺฑปาเต เภสชฺเช จ ปฺจปิ ลพฺภนฺติ. เสนาสนมฺหิ จีวเร วิย จตฺตาโร. รโส ปน เอตฺถาปิ ปริโภครโสว. เย หิ เกจิ, ภิกฺขเวติ กสฺมา อารภิ? เอวํ ปฺจ กามคุเณ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เย เอวํ วเทยฺยุํ, ‘‘ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย อนริยปริเยสนา นาม กุโต, อริยปริเยสนาว ปพฺพชิตาน’’นฺติ, เตสํ ปฏิเสธนตฺถาย ‘‘ปพฺพชิตานมฺปิ จตูสุ ปจฺจเยสุ อปฺปจฺจเวกฺขณปริโภโค อนริยปริเยสนา ¶ เอวา’’ติ ทสฺเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ คธิตาติ ตณฺหาเคเธน คธิตา. มุจฺฉิตาติ ตณฺหามุจฺฉาย มุจฺฉิตา ¶ . อชฺโฌปนฺนาติ ตณฺหาย อชฺโฌคาฬฺหา. อนาทีนวทสฺสาวิโนติ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา. อนิสฺสรณปฺาติ นิสฺสรณํ วุจฺจติ ปจฺจเวกฺขณาณํ. เต เตน วิรหิตา.
อิทานิ ตสฺสตฺถสฺส สาธกํ อุปมํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺเรวํ โอปมฺมสํสนฺทนํ เวทิตพฺพํ – อารฺกมโค วิย หิ สมณพฺราหฺมณา, ลุทฺทเกน อรฺเ ปิตปาโส วิย จตฺตาโร ปจฺจยา, ตสฺส ลุทฺทสฺส ปาสราสึ อชฺโฌตฺถริตฺวา สยนกาโล วิย เตสํ จตฺตาโร ปจฺจเย อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริโภคกาโล. ลุทฺทเก อาคจฺฉนฺเต มคสฺส เยน กามํ อคมนกาโล วิย สมณพฺราหฺมณานํ มารสฺส ยถากามกรณียกาโล, มารวสํ อุปคตภาโวติ อตฺโถ. มคสฺส ปน อพทฺธสฺส ปาสราสึ อธิสยิตกาโล วิย สมณพฺราหฺมณานํ จตูสุ ปจฺจเยสุ ปจฺจเวกฺขณปริโภโค, ลุทฺทเก อาคจฺฉนฺเต มคสฺส เยน กามํ คมนํ วิย สมณพฺราหฺมณานํ มารวสํ อนุปคมนํ เวทิตพฺพํ. วิสฺสตฺโถติ นิพฺภโย นิราสงฺโก. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
ปาสราสิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
อริยปริเยสนาติปิ เอตสฺเสว นามํ.
๗. จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา
๒๘๘. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพเสเตน วฬวาภิรเถนาติ, ‘‘เสตา สุทํ อสฺสา ยุตฺตา โหนฺติ เสตาลงฺการา. เสโต รโถ เสตาลงฺกาโร เสตปริวาโร, เสตา รสฺมิโย, เสตา ปโตทลฏฺิ, เสตํ ฉตฺตํ, เสตํ อุณฺหีสํ, เสตานิ วตฺถานิ, เสตา อุปาหนา, เสตาย สุทํ วาลพีชนิยา พีชิยตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๔) เอวํ วุตฺเตน สกลเสเตน จตูหิ วฬวาหิ ยุตฺตรเถน.
รโถ ¶ จ นาเมโส ทุวิโธ โหติ – โยธรโถ, อลงฺการรโถติ. ตตฺถ โยธรโถ จตุรสฺสสณฺาโน โหติ นาติมหา, ทฺวินฺนํ ติณฺณํ วา ชนานํ คหณสมตฺโถ. อลงฺการรโถ มหา โหติ, ทีฆโต ทีโฆ, ปุถุลโต ปุถุโล. ตตฺถ ฉตฺตคฺคาหโก วาลพีชนิคฺคาหโก ตาลวณฺฏคฺคาหโกติ เอวํ อฏฺ วา ทส วา สุเขน าตุํ วา นิสีทิตุํ วา นิปชฺชิตุํ วา สกฺโกนฺติ, อยมฺปิ อลงฺการรโถเยว. โส สพฺโพ สจกฺกปฺชรกุพฺพโร รชตปริกฺขิตฺโต อโหสิ. วฬวา ปกติยา เสตวณฺณาว. ปสาธนมฺปิ ตาทิสํ รชตมยํ อโหสิ. รสฺมิโยปิ รชตปนาฬิ สุปริกฺขิตฺตา. ปโตทลฏฺิปิ รชตปริกฺขิตฺตา. พฺราหฺมโณปิ เสตวตฺถํ นิวาเสตฺวา เสตํเยว อุตฺตราสงฺคมกาสิ, เสตวิเลปนํ วิลิมฺปิ, เสตมาลํ ปิลนฺธิ, ทสสุ องฺคุลีสุ องฺคุลิมุทฺทิกา, กณฺเณสุ กุณฺฑลานีติ เอวมาทิอลงฺกาโรปิสฺส รชตมโยว อโหสิ. ปริวารพฺราหฺมณาปิสฺส ทสสหสฺสมตฺตา ตเถว เสตวตฺถวิเลปนมาลาลงฺการา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพเสเตน วฬวาภิรเถนา’’ติ.
สาวตฺถิยา นิยฺยาตีติ โส กิร ฉนฺนํ ฉนฺนํ มาสานํ เอกวารํ นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ. อิโต เอตฺตเกหิ ทิวเสหิ นครํ ปทกฺขิณํ กริสฺสตีติ ปุเรตรเมว โฆสนา กรียติ; ตํ สุตฺวา เย นครโต น ปกฺกนฺตา, เต น ปกฺกมนฺติ. เย ปกฺกนฺตา, เตปิ, ‘‘ปฺุวโต สิริสมฺปตฺตึ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อาคจฺฉนฺติ. ยํ ทิวสํ พฺราหฺมโณ นครํ อนุวิจรติ, ตทา ปาโตว นครวีถิโย สมฺมชฺชิตฺวา วาลิกํ โอกิริตฺวา ลาชปฺจเมหิ ปุปฺเผหิ ¶ อภิปฺปกิริตฺวา ปุณฺณฆเฏ เปตฺวา ¶ กทลิโย จ ธเช จ อุสฺสาเปตฺวา สกลนครํ ธูปิตวาสิตํ กโรนฺติ. พฺราหฺมโณ ปาโตว สีสํ นฺหายิตฺวา ปุเรภตฺตํ ภฺุชิตฺวา วุตฺตนเยเนว เสตวตฺถาทีหิ อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห รถํ อภิรุหติ. อถ นํ เต พฺราหฺมณา สพฺพเสตวตฺถวิเลปนมาลาลงฺการา เสตจฺฉตฺตานิ คเหตฺวา ปริวาเรนฺติ; ตโต มหาชนสฺส สนฺนิปาตนตฺถํ ปมํเยว ตรุณทารกานํ ผลาผลานิ วิกิริตฺวา ตทนนฺตรํ มาสกรูปานิ; ตทนนฺตรํ กหาปเณ วิกิรนฺติ; มหาชนา สนฺนิปตนฺติ. อุกฺกุฏฺิโย เจว เจลุกฺเขปา จ ปวตฺตนฺติ. อถ พฺราหฺมโณ มงฺคลิกโสวตฺถิกาทีสุ มงฺคลานิ เจว สุวตฺถิโย ¶ จ กโรนฺเตสุ มหาสมฺปตฺติยา นครํ อนุวิจรติ. ปฺุวนฺตา มนุสฺสา เอกภูมกาทิปาสาเท อารุยฺห สุกปตฺตสทิสานิ วาตปานกวาฏานิ วิวริตฺวา โอโลเกนฺติ. พฺราหฺมโณปิ อตฺตโน ยสสิริสมฺปตฺติยา นครํ อชฺโฌตฺถรนฺโต วิย ทกฺขิณทฺวาราภิมุโข โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สาวตฺถิยา นิยฺยาตี’’ติ.
ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺส ทิวา, มชฺฌนฺหกาเลติ อตฺโถ. ปิโลติกํ ปริพฺพาชกนฺติ ปิโลติกาติ เอวํ อิตฺถิลิงฺคโวหารวเสน ลทฺธนามํ ปริพฺพาชกํ. โส กิร ปริพฺพาชโก ทหโร ปมวเย ิโต สุวณฺณวณฺโณ พุทฺธุปฏฺาโก, ปาโตว ตถาคตสฺส เจว มหาเถรานฺจ อุปฏฺานํ กตฺวา ติทณฺฑกุณฺฑิกาทิปริกฺขารํ อาทาย เชตวนา นิกฺขมิตฺวา นคราภิมุโข ปายาสิ. ตํ เอส ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ อทฺทส. เอตทโวจาติ อนุกฺกเมน สนฺติกํ อาคตํ สฺชานิตฺวา เอตํ, ‘‘หนฺท กุโต นุ ภวํ วจฺฉายโน อาคจฺฉตี’’ติ โคตฺตํ กิตฺเตนฺโต วจนํ อโวจ. ปณฺฑิโต มฺเติ ภวํ วจฺฉายโน สมณํ โคตมํ ปณฺฑิโตติ มฺติ, อุทาหุ โนติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
โก จาหํ, โภติ, โภ, สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชานเน อหํ โก นาม? โก จ สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชานิสฺสามีติ กุโต จาหํ สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชานิสฺสามิ, เกน การเณน ชานิสฺสามีติ? เอวํ สพฺพถาปิ อตฺตโน อชานนภาวํ ทีเปติ ¶ . โสปิ นูนสฺส ตาทิโสวาติ โย สมณสฺส โคตมสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ ชาเนยฺย, โสปิ นูน ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต ตาทิโส พุทฺโธเยว ภเวยฺย. สิเนรุํ วา หิมวนฺตํ วา ปถวึ วา อากาสํ วา ปเมตุกาเมน ตปฺปมาโณว ทณฺโฑ วา รชฺชุ วา ¶ ลทฺธุํ วฏฺฏติ. สมณสฺส โคตมสฺส ปฺํ ชานนฺเตนปิ ตสฺส าณสทิสเมว สพฺพฺุตฺาณํ ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ ทีเปติ. อาทรวเสน ปเนตฺถ อาเมฑิตํ กตํ. อุฬารายาติ อุตฺตราย เสฏฺาย. โก จาหํ, โภติ, โภ, อหํ สมณสฺส โคตมสฺส ปสํสเน โก นาม? โก จ สมณํ โคตมํ ปสํสิสฺสามีติ เกน การเณน ปสํสิสฺสามิ? ปสตฺถปสตฺโถติ สพฺพคุณานํ อุตฺตริตเรหิ สพฺพโลกปสตฺเถหิ อตฺตโน คุเณเหว ปสตฺโถ, น ตสฺส อฺเหิ ปสํสนกิจฺจํ อตฺถิ. ยถา หิ จมฺปกปุปฺผํ วา นีลุปฺปลํ วา ปทุมํ วา โลหิตจนฺทนํ วา อตฺตโน วณฺณคนฺธสิริยาว ¶ ปาสาทิกฺเจว สุคนฺธฺจ, น ตสฺส อาคนฺตุเกหิ วณฺณคนฺเธหิ โถมนกิจฺจํ อตฺถิ. ยถา จ มณิรตนํ วา จนฺทมณฺฑลํ วา อตฺตโน อาโลเกเนว โอภาสติ, น ตสฺส อฺเน โอภาสนกิจฺจํ อตฺถิ. เอวํ สมโณ โคตโม สพฺพโลกปสตฺเถหิ อตฺตโน คุเณเหว ปสตฺโถ โถมิโต สพฺพโลกสฺส เสฏฺตํ ปาปิโต, น ตสฺส อฺเน ปสํสนกิจฺจํ อตฺถิ. ปสตฺเถหิ วา ปสตฺโถติปิ ปสตฺถปสตฺโถ.
เก ปสตฺถา นาม? ราชา ปเสนทิ โกสโล กาสิโกสลวาสิเกหิ ปสตฺโถ, พิมฺพิสาโร องฺคมคธวาสีหิ. เวสาลิกา ลิจฺฉวี วชฺชิรฏฺวาสีหิ ปสตฺถา. ปาเวยฺยกา มลฺลา, โกสินารกา มลฺลา, อฺเปิ เต เต ขตฺติยา เตหิ เตหิ ชานปเทหิ ปสตฺถา. จงฺกีอาทโย พฺราหฺมณา พฺราหฺมณคเณหิ, อนาถปิณฺฑิกาทโย อุปาสกา อเนกสเตหิ อุปาสกคเณหิ, วิสาขาทโย อุปาสิกา อเนกสตาหิ อุปาสิกาหิ, สกุลุทายิอาทโย ปริพฺพาชกา อเนเกหิ ปริพฺพาชกสเตหิ, อุปฺปลวณฺณาเถริอาทิกา มหาสาวิกา อเนเกหิ ภิกฺขุนิสเตหิ, สาริปุตฺตตฺเถราทโย มหาสาวกา อเนกสเตหิ ¶ ภิกฺขูหิ, สกฺกาทโย เทวา อเนกสหสฺเสหิ เทเวหิ, มหาพฺรหฺมาทโย พฺรหฺมาโน อเนกสหสฺเสหิ พฺรหฺเมหิ ปสตฺถา. เต สพฺเพปิ ทสพลํ โถเมนฺติ วณฺเณนฺติ, ปสํสนฺตีติ ภควา ‘‘ปสตฺถปสตฺโถ’’ติ วุจฺจติ.
อตฺถวสนฺติ อตฺถานิสํสํ. อถสฺส ปริพฺพาชโก อตฺตโน ปสาทการณํ อาจิกฺขนฺโต เสยฺยถาปิ, โภ, กุสโล นาควนิโกติอาทิมาห. ตตฺถ นาควนิโกติ นาควนวาสิโก อนุคฺคหิตสิปฺโป ปุริโส. ปรโต ปน อุคฺคหิตสิปฺโป ปุริโส นาควนิโกติ อาคโต. จตฺตาริ ปทานีติ จตฺตาริ าณปทานิ าณวลฺชานิ, าเณน อกฺกนฺตฏฺานานีติ อตฺโถ.
๒๘๙. ขตฺติยปณฺฑิเตติอาทีสุ ¶ ปณฺฑิเตติ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคเต. นิปุเณติ สณฺเห สุขุมพุทฺธิโน, สุขุมอตฺถนฺตรปฏิวิชฺฌนสมตฺเถ. กตปรปฺปวาเทติ วิฺาตปรปฺปวาเท เจว ปเรหิ สทฺธึ กตวาทปริจเย จ. วาลเวธิรูเปติ วาลเวธิธนุคฺคหสทิเส. เต ภินฺทนฺตา มฺเ จรนฺตีติ วาลเวธิ ¶ วิย วาลํ สุขุมานิปิ ปเรสํ ทิฏฺิคตานิ อตฺตโน ปฺาคเตน ภินฺทนฺตา วิย จรนฺตีติ อตฺโถ. ปฺหํ อภิสงฺขโรนฺตีติ ทุปทมฺปิ ติปทมฺปิ จตุปฺปทมฺปิ ปฺหํ กโรนฺติ. วาทํ อาโรเปสฺสามาติ โทสํ อาโรเปสฺสาม. น เจว สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺตีติ; กสฺมา น ปุจฺฉนฺติ? ภควา กิร ปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺโต ปริสาย อชฺฌาสยํ โอโลเกติ, ตโต ปสฺสติ – ‘‘อิเม ขตฺติยปณฺฑิตา คุฬฺหํ รหสฺสํ ปฺหํ โอวฏฺฏิกสารํ กตฺวา อาคตา’’ติ. โส เตหิ อปุฏฺโเยว เอวรูเป ปฺเห ปุจฺฉาย เอตฺตกา โทสา, วิสฺสชฺชเน เอตฺตกา, อตฺเถ ปเท อกฺขเร เอตฺตกาติ อิเม ปฺเห ปุจฺฉนฺโต เอวํ ปุจฺเฉยฺย, วิสฺสชฺเชนฺโต เอวํ วิสฺสชฺเชยฺยาติ, อิติ โอวฏฺฏิกสารํ กตฺวา อานีเต ปฺเห ธมฺมกถาย อนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา วิทฺธํเสติ. ขตฺติยปณฺฑิตา ‘‘เสยฺโย วต โน, เย มยํ อิเม ปฺเห น ปุจฺฉิมฺหา, สเจ หิ มยํ ปุจฺเฉยฺยาม, อปฺปติฏฺเว โน กตฺวา สมโณ โคตโม ขิเปยฺยา’’ติ อตฺตมนา ภวนฺติ.
อปิจ พุทฺธา นาม ธมฺมํ เทเสนฺตา ปริสํ เมตฺตาย ผรนฺติ, เมตฺตาผรเณน ทสพเล มหาชนสฺส จิตฺตํ ปสีทติ, พุทฺธา จ นาม รูปคฺคปฺปตฺตา โหนฺติ ทสฺสนสมฺปนฺนา มธุรสฺสรา มุทุชิวฺหา สุผุสิตทนฺตาวรณา ¶ อมเตน หทยํ สิฺจนฺตา วิย ธมฺมํ กเถนฺติ. ตตฺร เนสํ เมตฺตาผรเณน ปสนฺนจิตฺตานํ เอวํ โหติ – ‘‘เอวรูปํ อทฺเวชฺฌกถํ อโมฆกถํ นิยฺยานิกกถํ กเถนฺเตน ภควตา สทฺธึ น สกฺขิสฺสาม ปจฺจนีกคฺคาหํ คณฺหิตุ’’นฺติ อตฺตโน ปสนฺนภาเวเนว น ปุจฺฉนฺติ.
อฺทตฺถูติ เอกํเสน. สาวกา สมฺปชฺชนฺตีติ สรณคมนวเสน สาวกา โหนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานภูตํ อรหตฺตผลํ, ตทตฺถาย หิ เต ปพฺพชนฺติ. มนํ วต, โภ, อนสฺสามาติ, โภ, สเจ มยํ น อุปสงฺกเมยฺยาม, อิมินา โถเกน อนุปสงฺกมนมตฺเตน อปยิรุปาสนมตฺเตเนว นฏฺา ภเวยฺยาม. อุปสงฺกมนมตฺตเกน ปนมฺหา น นฏฺาติ อตฺโถ. ทุติยปทํ ปุริมสฺเสว เววจนํ. อสฺสมณาว สมานาติอาทีสุ ¶ ปาปานํ อสมิตตฺตา อสฺสมณาว. อพาหิตตฺตา จ ปน อพฺราหฺมณาว. กิเลสารีนํ อหตตฺตา อนรหนฺโตเยว สมานาติ อตฺโถ.
๒๙๐. อุทานํ อุทาเนสีติ อุทาหารํ อุทาหริ. ยถา หิ ยํ เตลํ มานํ คเหตุํ น สกฺโกติ, วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ อวเสโกติ วุจฺจติ, ยฺจ ¶ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อชฺโฌตฺถริตฺวา คจฺฉติ, ตํ โอโฆติ วุจฺจติ. เอวเมว ยํ ปีติมยํ วจนํ หทยํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อธิกํ หุตฺวา อนฺโต อสณฺหิตฺวา พหิ นิกฺขมติ, ตํ อุทานนฺติ วุจฺจติ. เอวรูปํ ปีติมยํ วจนํ นิจฺฉาเรสีติ อตฺโถ. หตฺถิปโทปโมติ หตฺถิปทํ อุปมา อสฺส ธมฺมสฺสาติ หตฺถิปโทปโม. โส น เอตฺตาวตา วิตฺถาเรน ปริปูโร โหตีติ ทสฺเสติ. นาควนิโกติ อุคฺคหิตหตฺถิสิปฺโป หตฺถิวนจาริโก. อถ กสฺมา อิธ กุสโลติ น วุตฺโตติ? ปรโต ‘‘โย โหติ กุสโล’’ติ วิภาคทสฺสนโต. โย หิ โกจิ ปวิสติ, โย ปน กุสโล โหติ, โส เนว ตาว นิฏฺํ คจฺฉติ. ตสฺมา อิธ กุสโลติ อวตฺวา ปรโต วุตฺโต.
๒๙๑. วามนิกาติ รสฺสา อายามโตปิ น ทีฆา มหากุจฺฉิหตฺถินิโย. อุจฺจา จ นิเสวิตนฺติ สตฺตฏฺรตนุพฺเพเธ วฏรุกฺขาทีนํ ขนฺธปฺปเทเส ฆํสิตฏฺานํ. อุจฺจา กาฬาริกาติ อุจฺจา จ ยฏฺิสทิสปาทา หุตฺวา, กาฬาริกา จ ทนฺตานํ กฬารตาย. ตาสํ กิร เอโก ทนฺโต อุนฺนโต โหติ, เอโก โอนโต. อุโภปิ จ วิรฬา โหนฺติ, น อาสนฺนา. อุจฺจา ¶ จ ทนฺเตหิ อารฺชิตานีติ สตฺตฏฺรตนุพฺเพเธ วฏรุกฺขาทีนํ ขนฺธปฺปเทเส ผรสุนา ปหตฏฺานํ วิย ทาฏฺาหิ ฉินฺนฏฺานํ. อุจฺจา กเณรุกา นามาติ อุจฺจา จ ยฏฺิสทิสทีฆปาทา หุตฺวา, กเณรุกา จ ทนฺตานํ กเณรุตาย, ตา กิร มกุฬทาา โหนฺติ. ตสฺมา กเณรุกาติ วุจฺจนฺติ. โส นิฏฺํ คจฺฉตีติ โส นาควนิโก ยสฺส วตาหํ นาคสฺส อนุปทํ อาคโต, อยเมว โส, น อฺโ. ยฺหิ อหํ ปมํ ปทํ ทิสฺวา วามนิกานํ ปทํ อิทํ ภวิสฺสตีติ นิฏฺํ น คโต, ยมฺปิ ตโต โอรภาเค ทิสฺวา กาฬาริกานํ ภวิสฺสติ, กเณรุกานํ ภวิสฺสตีติ นิฏฺํ น คโต, สพฺพํ ตํ อิมสฺเสว มหาหตฺถิโน ปทนฺติ มหาหตฺถึ ทิสฺวาว นิฏฺํ คจฺฉติ.
เอวเมว โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – นาควนํ วิย หิ อาทิโต ปฏฺาย ยาว นีวรณปฺปหานา ธมฺมเทสนา เวทิตพฺพา. กุสโล นาควนิโก วิย โยคาวจโร; มหานาโค วิย ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ; มหนฺตํ หตฺถิปทํ วิย ฌานาภิฺา. นาควนิกสฺส ตตฺถ ตตฺถ หตฺถิปทํ ทิสฺวาปิ วามนิกานํ ปทํ ภวิสฺสติ, กาฬาริกานํ กเณรุกานํ ปทํ ภวิสฺสตีติ อนิฏฺงฺคตภาโว วิย โยคิโน, อิมา ฌานาภิฺา นาม พาหิรกปริพฺพาชกานมฺปิ ¶ สนฺตีติ อนิฏฺงฺคตภาโว. นาควนิกสฺส, ตตฺถ ตตฺถ มยา ทิฏฺํ ปทํ อิมสฺเสว มหาหตฺถิโน, น อฺสฺสาติ มหาหตฺถึ ทิสฺวา นิฏฺงฺคมนํ วิย อริยสาวกสฺส อรหตฺตํ ปตฺวาว นิฏฺงฺคมนํ. อิทฺจ ปน โอปมฺมสํสนฺทนํ มตฺถเก ตฺวาปิ กาตุํ วฏฺฏติ. อิมสฺมิมฺปิ าเน วฏฺฏติเยว. อนุกฺกมาคตํ ปน ปาฬิปทํ คเหตฺวา อิเธว กตํ. ตตฺถ อิธาติ เทสาปเทเส นิปาโต. สฺวายํ กตฺถจิ โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๗๙). กตฺถจิ สาสนํ. ยถาห – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). กตฺถจิ โอกาสํ. ยถาห –
‘‘อิเธว ติฏฺมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต;
ปุนรายุ จ เม ลทฺโธ, เอวํ ชานาหิ มาริสา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๖๙; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐);
กตฺถจิ ¶ ปทปูรณมตฺตเมว. ยถาห – ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐). อิธ ปน โลกํ อุปาทาย วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘พฺราหฺมณ อิมสฺมึ โลเก ตถาคโต อุปฺปชฺชติ อรหํ…เป… พุทฺโธ ภควา’’ติ.
ตตฺถ ตถาคตสทฺโท มูลปริยาเย, อรหนฺติอาทโย วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตา. โลเก อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ ปน โลโกติ โอกาสโลโก สตฺตโลโก สงฺขารโลโกติ ติวิโธ. อิธ ปน สตฺตโลโก อธิปฺเปโต. สตฺตโลเก อุปฺปชฺชมาโนปิ จ ตถาคโต น เทวโลเก, น พฺรหฺมโลเก, มนุสฺสโลเกเยว อุปฺปชฺชติ. มนุสฺสโลเกปิ น อฺสฺมึ จกฺกวาเฬ, อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ. ตตฺราปิ น สพฺพฏฺาเนสุ, ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม. ตสฺสาปเรน มหาสาโล, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม ¶ , ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ¶ ทิสาย อุสิรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ (มหาว. ๒๕๙) เอวํ ปริจฺฉินฺเน อายามโต ติโยชนสเต วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยโยชนสเต ปริกฺเขปโต นวโยชนสเต มชฺฌิมปเทเส อุปฺปชฺชติ. น เกวลฺจ ตถาคโตว, ปจฺเจกพุทฺธา อคฺคสาวกา อสีติ มหาเถรา พุทฺธมาตา พุทฺธปิตา จกฺกวตฺตี ราชา อฺเ จ สารปฺปตฺตา พฺราหฺมณคหปติกา เอตฺเถว อุปฺปชฺชนฺติ. ตตฺถ ตถาคโต สุชาตาย ทินฺนมธุปายสโภชนโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตมคฺโค, ตาว อุปฺปชฺชติ นาม. อรหตฺตผเล อุปฺปนฺโน นาม. มหาภินิกฺขมนโต วา ยาว อรหตฺตมคฺโค. ตุสิตภวนโต วา ยาว อรหตฺตมคฺโค. ทีปงฺกรปาทมูลโต วา ยาว อรหตฺตมคฺโค, ตาว อุปฺปชฺชติ นาม. อรหตฺตผเล อุปฺปนฺโน นาม. อิธ สพฺพปมํ อุปฺปนฺนภาวํ สนฺธาย อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ¶ , ตถาคโต โลเก อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ.
โส อิมํ โลกนฺติ โส ภควา อิมํ โลกํ, อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสติ. สเทวกนฺติ สห เทเวหิ สเทวกํ. เอวํ สห มาเรน สมารกํ. สห พฺรหฺมุนา สพฺรหฺมกํ. สห สมณพฺราหฺมเณหิ สสฺสมณพฺราหฺมณึ. ปชาตตฺตา ปชา, ตํ ปชํ. สห เทวมนุสฺเสหิ สเทวมนุสฺสํ. ตตฺถ สเทวกวจเนน ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ เวทิตพฺพํ. สมารกวจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ. สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํ. สสฺสมณพฺราหฺมณิวจเนน สาสนสฺส ปจฺจตฺถิปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณฺจ. ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ. สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. เอวเมตฺถ ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลเกน สทฺธึ สตฺตโลโก, ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโกว คหิโตติ เวทิตพฺโพ.
อปโร นโย – สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรเทวโลโก คหิโต. สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลโก. สพฺรหฺมกคฺคหเณน รูปี พฺรหฺมโลโก. สสฺสมณพฺราหฺมณาทิคฺคหเณน จตุปริสวเสน สมฺมุติเทเวหิ วา สห มนุสฺสโลโก อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วา.
อปิเจตฺถ ¶ สเทวกวจเนน อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต สพฺพสฺส โลกสฺส สจฺฉิกตภาวมาห. ตโต เยสํ อโหสิ – ‘‘มาโร มหานุภาโว ฉกามาวจริสฺสโร วสวตฺตี. กึ โสปิ เอเตน สจฺฉิกโต’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สมารกนฺติ อาห. เยสํ ปน อโหสิ – ‘‘พฺรหฺมา มหานุภาโว ¶ , เอกงฺคุลิยา เอกสฺมึ จกฺกวาฬสหสฺเส อาโลกํ ผรติ, ทฺวีหิ…เป… ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อาโลกํ ผรติ, อนุตฺตรฺจ ฌานสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทติ. กึ โสปิ สจฺฉิกโต’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สพฺรหฺมกนฺติ อาห. ตโต เย จินฺเตสุํ – ‘‘ปุถู สมณพฺราหฺมณา สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกา, กึ เตปิ สจฺฉิกตา’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชนฺติ อาห. เอวํ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺานํ สจฺฉิกตภาวํ ปกาเสตฺวา อถ สมฺมุติเทเว อวเสสมนุสฺเส จ อุปาทาย อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน ¶ เสสสตฺตโลกสฺส สจฺฉิกตภาวํ ปกาเสนฺโต สเทวมนุสฺสนฺติ อาห. อยเมตฺถ ภาวานุกฺกโม. โปราณา ปนาหุ – สเทวกนฺติ เทวตาหิ สทฺธึ อวเสสโลกํ. สมารกนฺติ มาเรน สทฺธึ อวเสสโลกํ. สพฺรหฺมกนฺติ พฺรหฺเมหิ สทฺธึ อวเสสโลกํ. เอวํ สพฺเพปิ ติภวูปเค สตฺเต ตีหากาเรหิ ตีสุ ปเทสุ ปกฺขิเปตฺวา ปุน ทฺวีหิ ปเทหิ ปริยาทิยนฺโต ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺส’’นฺติ อาห. เอวํ ปฺจหิ ปเทหิ เตน เตนากาเรน เตธาตุกเมว ปริยาทินฺนนฺติ.
สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตีติ สยนฺติ สามํ อปรเนยฺโย หุตฺวา. อภิฺาติ อภิฺาย, อธิเกน าเณน ตฺวาติ อตฺโถ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. เอเตน อนุมานาทิปฏิกฺเขโป กโต โหติ. ปเวเทตีติ โพเธติ วิฺาเปติ ปกาเสติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สตฺเตสุ การฺุตํ ปฏิจฺจ หิตฺวาปิ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ ธมฺมํ เทเสติ. ตฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติ. อาทิมฺหิปิ กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชเมว กตฺวา เทเสติ. มชฺเฌปิ… ปริโยสาเนปิ กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชเมว กตฺวา เทเสตีติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถ ¶ อตฺถิ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ, อตฺถิ สาสนสฺส. เทสนาย ตาว จตุปฺปทิกายปิ คาถาย ปมปาโท อาทิ นาม, ตโต ทฺเว มชฺฌํ นาม, อนฺเต เอโก ปริโยสานํ นาม. เอกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส นิทานมาทิ, อิทมโวจาติ ปริโยสานํ, อุภินฺนํ อนฺตรา มชฺฌํ. อเนกานุสนฺธิกสฺส สุตฺตสฺส ปมานุสนฺธิ อาทิ, อนฺเต อนุสนฺธิ ปริโยสานํ, มชฺเฌ เอโก วา ทฺเว วา พหู วา มชฺฌเมว. สาสนสฺส ปน สีลสมาธิวิปสฺสนา ¶ อาทิ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ, สีลฺจ สุวิสุทฺธํ, ทิฏฺิ จ อุชุกา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙). ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา’’ติ เอวํ วุตฺโต ปน อริยมคฺโค มชฺฌํ นาม, ผลฺเจว นิพฺพานฺจ ปริโยสานํ นาม. ‘‘เอตทตฺถมิทํ, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมจริยเมตํ สารํ, เอตํ ปริโยสาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๒๔) หิ เอตฺถ ผลํ ปริโยสานนฺติ วุตฺตํ. ‘‘นิพฺพาโนคธฺหิ ¶ , อาวุโส วิสาข, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสติ นิพฺพานปรายณํ นิพฺพานปริโยสาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๖๖) เอตฺถ นิพฺพานํ ปริโยสานนฺติ วุตฺตํ. อิธ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานํ อธิปฺเปตํ. ภควา หิ ธมฺมํ เทเสนฺโต อาทิมฺหิ สีลํ ทสฺเสตฺวา มชฺเฌ มคฺคํ ปริโยสาเน นิพฺพานํ ทสฺเสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณ’’นฺติ. ตสฺมา อฺโปิ ธมฺมกถิโก ธมฺมํ กเถนฺโต –
‘‘อาทิมฺหิ สีลํ ทสฺเสยฺย, มชฺเฌ มคฺคํ วิภาวเย;
ปริโยสานมฺหิ นิพฺพานํ, เอสา กถิกสณฺิตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐);
สาตฺถํ สพฺยฺชนนฺติ ยสฺส หิ ยาคุภตฺตอิตฺถิปุริสาทิวณฺณนา นิสฺสิตา เทสนา โหติ, น โส สาตฺถํ เทเสติ. ภควา ปน ตถารูปํ เทสนํ ปหาย จตุสติปฏฺานาทินิสฺสิตํ เทสนํ เทเสติ. ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ เทเสตี’’ติ วุจฺจติ. ยสฺส ปน เทสนา เอกพฺยฺชนาทิยุตฺตา วา สพฺพนิโรฏฺพฺยฺชนา วา สพฺพวิสฺสฏฺสพฺพนิคฺคหีตพฺยฺชนา วา, ตสฺส ทมิฬกิราสวราทิมิลกฺขูนํ ภาสา วิย พฺยฺชนปาริปูริยา อภาวโต อพฺยฺชนา นาม เทสนา โหติ. ภควา ปน –
‘‘สิถิลํ ¶ ธนิตฺจ ทีฆรสฺสํ, ครุกํ ลหุกฺจ นิคฺคหีตํ;
สมฺพนฺธํ ววตฺถิตํ วิมุตฺตํ, ทสธา พฺยฺชนพุทฺธิยา ปเภโท’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๙๐) –
เอวํ ¶ วุตฺตํ ทสวิธํ พฺยฺชนํ อมกฺเขตฺวา ปริปุณฺณพฺยฺชนเมว กตฺวา ธมฺมํ เทเสติ. ตสฺมา ‘‘สพฺยฺชนํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ วุจฺจติ.
เกวลปริปุณฺณนฺติ เอตฺถ เกวลนฺติ สกลาธิวจนํ. ปริปุณฺณนฺติ อนูนาธิกวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สกลปริปุณฺณเมว เทเสติ, เอกเทสนาปิ อปริปุณฺณา นตฺถี’’ติ. ปริสุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. โย หิ อิทํ ธมฺมเทสนํ นิสฺสาย ลาภํ วา สกฺการํ วา ลภิสฺสามีติ เทเสติ, ตสฺส อปริสุทฺธา เทสนา โหติ. ภควา ปน โลกามิสนิรเปกฺโข ¶ หิตผรเณน เมตฺตาภาวนาย มุทุหทโย อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิเตน จิตฺเตน เทเสติ. ตสฺมา ‘‘ปริสุทฺธํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ วุจฺจติ. พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ เอตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหํ สกลสาสนํ. ตสฺมา พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… ปริสุทฺธํ, เอวํ เทเสนฺโต จ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลสาสนํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. พฺรหฺมจริยนฺติ เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูตํ จริยํ. พฺรหฺมภูตานํ วา พุทฺธาทีนํ จริยนฺติ วุตฺตํ โหติ.
ตํ ธมฺมนฺติ ตํ วุตฺตปฺปการสมฺปทํ ธมฺมํ. สุณาติ คหปติ วาติ กสฺมา ปมํ คหปตึ นิทฺทิสตีติ? นิหตมานตฺตา อุสฺสนฺนตฺตา จ. เยภุยฺเยน หิ ขตฺติยกุลโต ปพฺพชิตา ชาตึ นิสฺสาย มานํ กโรนฺติ. พฺราหฺมณกุลา ปพฺพชิตา มนฺเต นิสฺสาย มานํ กโรนฺติ. หีนชจฺจกุลา ปพฺพชิตา อตฺตโน วิชาติตาย ปติฏฺาตุํ น สกฺโกนฺติ. คหปติทารกา ปน กจฺเฉหิ เสทํ มฺุจนฺเตหิ ปิฏฺิยา โลณํ ปุปฺผมานาย ภูมึ กสิตฺวา นิหตมานทปฺปา โหนฺติ. เต ปพฺพชิตฺวา มานํ วา ทปฺปํ วา อกตฺวา ยถาพลํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตา สกฺโกนฺติ อรหตฺเต ปติฏฺาตุํ. อิตเรหิ จ กุเลหิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตา นาม น พหุกา, คหปติกาว พหุกา, อิติ นิหตมานตฺตา อุสฺสนฺนตฺตา จ ปมํ คหปตึ นิทฺทิสตีติ.
อฺตรสฺมึ วาติ อิตเรสํ วา กุลานํ อฺตรสฺมึ. ปจฺจาชาโตติ ปติชาโต. ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภตีติ ปริสุทฺธํ ธมฺมํ สุตฺวา ¶ ธมฺมสฺสามิมฺหิ ตถาคเต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต ภควา’’ติ สทฺธํ ปฏิลภติ. อิติ ปฏิสฺจิกฺขตีติ เอวํ ปจฺจเวกฺขติ. สมฺพาโธ ฆราวาโสติ สเจปิ สฏฺิหตฺเถ ฆเร โยชนสตนฺตเรปิ วา ทฺเว ชายมฺปติกา วสนฺติ, ตถาปิ เนสํ สกิฺจนสปลิโพธฏฺเน ฆราวาโส สมฺพาโธเยว. รโชปโถติ ราครชาทีนํ อุฏฺานฏฺานนฺติ มหาอฏฺกถายํ ¶ วุตฺตํ. อาคมนปโถติปิ วฏฺฏติ. อลคฺคนฏฺเน อพฺโภกาโส วิยาติ อพฺโภกาโส. ปพฺพชิโต หิ กูฏาคารรตนปาสาทเทววิมานาทีสุ ปิหิตทฺวารวาตปาเนสุ ปฏิจฺฉนฺเนสุ วสนฺโตปิ เนว ลคฺคติ น ¶ สชฺชติ น พชฺฌติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา’’ติ. อปิจ สมฺพาโธ ฆราวาโส กุสลกิริยาย โอกาสาภาวโต. รโชปโถ อสํวุตสงฺการฏฺานํ วิย รชานํ กิเลสรชานํ สนฺนิปาตฏฺานโต. อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา กุสลกิริยาย ยถาสุขํ โอกาสสพฺภาวโต.
นยิทํ สุกรํ…เป… ปพฺพเชยฺยนฺติ เอตฺถ อยํ สงฺเขปกถา – ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ. เอกทิวสมฺปิ จ กิเลสมเลน อมลินํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ, สงฺขลิขิตํ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฏิภาคํ จริตพฺพํ, อิทํ น สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺตปริปุณฺณํ…เป… จริตุํ. ยํนูนาหํ เกเส จ มสฺสฺุจ โอหาเรตฺวา กาสายรสปีตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ปริทหิตฺวา อคารสฺมา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อคารสฺส หิตํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ. ตสฺมา ปพฺพชฺชา อนคาริยาติ าตพฺพา, ตํ อนคาริยํ. ปพฺพเชยฺยนฺติ ปฏิปชฺเชยฺยํ. อปฺปํ วาติ สหสฺสโต เหฏฺา โภคกฺขนฺโธ อปฺโป นาม โหติ, สหสฺสโต ปฏฺาย มหา. อาพนฺธนฏฺเน าติ เอว ปริวฏฺโฏ าติปริวฏฺโฏ. โส วีสติยา เหฏฺา อปฺโป โหติ, วีสติยา ปฏฺาย มหา.
๒๙๒. ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนติ ยา ภิกฺขูนํ อธิสีลสงฺขาตา สิกฺขา, ตฺจ, ยตฺถ เจเต สห ชีวนฺติ เอกชีวิกา สภาควุตฺติโน ¶ โหนฺติ, ตํ ภควตา ปฺตฺตสิกฺขาปทสงฺขาตํ สาชีวฺจ ตตฺถ สิกฺขนภาเวน สมาปนฺโนติ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน. สมาปนฺโนติ สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต, สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต หุตฺวา ตทุภยํ อุปคโตติ อตฺโถ. ปาณาติปาตํ ปหายาติอาทีสุ ปาณาติปาตาทิกถา เหฏฺา วิตฺถาริตา เอว. ปหายาติ อิมํ ปาณาติปาตเจตนาสงฺขาตํ ทุสฺสีลฺยํ ปชหิตฺวา. ปฏิวิรโต โหตีติ ปหีนกาลโต ปฏฺาย ตโต ทุสฺสีลฺยโต โอรโต วิรโตว โหติ. นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถติ ปรูปฆาตตฺถาย ทณฺฑํ วา สตฺถํ วา อาทาย อวตฺตนโต นิกฺขิตฺตทณฺโฑ เจว นิกฺขิตฺตสตฺโถ จาติ ¶ ¶ อตฺโถ. เอตฺถ จ เปตฺวา ทณฺฑํ สพฺพมฺปิ อวเสสํ อุปกรณํ สตฺตานํ วิหึสนภาวโต สตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. ยํ ปน ภิกฺขู กตฺตรทณฺฑํ วา ทนฺตกฏฺวาสึ วา ปิปฺผลกํ วา คเหตฺวา วิจรนฺติ, น ตํ ปรูปฆาตตฺถาย. ตสฺมา นิหิตทณฺโฑ นิหิตสตฺโถตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. ลชฺชีติ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย ลชฺชาย สมนฺนาคโต. ทยาปนฺโนติ ทยํ เมตฺตจิตฺตตํ อาปนฺโน. สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปีติ สพฺเพ ปาณภูเต หิเตน อนุกมฺปโก. ตาย ทยาปนฺนตาย สพฺเพสํ ปาณภูตานํ หิตจิตฺตโกติ อตฺโถ. วิหรตีติ อิริยติ ปาเลติ.
ทินฺนเมว อาทิยตีติ ทินฺนาทายี. จิตฺเตนปิ ทินฺนเมว ปฏิกงฺขตีติ ทินฺนปาฏิกงฺขี. เถเนตีติ เถโน. น เถเนน อเถเนน. อเถนตฺตาเยว สุจิภูเตน. อตฺตนาติ อตฺตภาเวน, อเถนํ สุจิภูตํ อตฺตภาวํ กตฺวา วิหรตีติ วุตฺตํ โหติ.
อพฺรหฺมจริยนฺติ อเสฏฺจริยํ. พฺรหฺมํ เสฏฺํ อาจารํ จรตีติ พฺรหฺมจารี. อาราจารีติ อพฺรหฺมจริยโต ทูรจารี. เมถุนาติ ราคปริยุฏฺานวเสน สทิสตฺตา เมถุนกาติ ลทฺธโวหาเรหิ ปฏิเสวิตพฺพโต เมถุนาติ สงฺขํ คตา อสทฺธมฺมา. คามธมฺมาติ คามวาสีนํ ธมฺมา.
สจฺจํ วทตีติ สจฺจวาที. สจฺเจน สจฺจํ สนฺทหติ ฆเฏตีติ สจฺจสนฺโธ, น อนฺตรนฺตรา มุสา วทตีติ อตฺโถ. โย หิ ปุริโส กทาจิ มุสา วทติ, กทาจิ สจฺจํ, ตสฺส มุสาวาเทน อนฺตริตตฺตา สจฺจํ สจฺเจน น ฆฏียติ ¶ . ตสฺมา น โส สจฺจสนฺโธ, อยํ ปน น ตาทิโส, ชีวิตเหตุปิ มุสาวาทํ อวตฺวา สจฺเจน สจฺจํ สนฺทหติเยวาติ สจฺจสนฺโธ. เถโตติ ถิโร, ถิรกโถติ อตฺโถ. เอโก หิ ปุคฺคโล หลิทฺทิราโค วิย, ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุ วิย, อสฺสปิฏฺเ ปิตกุมฺภณฺฑมิว จ น ถิรกโถ โหติ. เอโก ปาสาณเลขา วิย อินฺทขิโล วิย จ ถิรกโถ โหติ; อสินา สีเส ฉิชฺชนฺเตปิ ทฺเว กถา น กเถติ; อยํ วุจฺจติ เถโต ¶ . ปจฺจยิโกติ ปตฺติยายิตพฺพโก, สทฺธายิโกติ อตฺโถ. เอกจฺโจ หิ ปุคฺคโล น ปจฺจยิโก โหติ, ‘‘อิทํ เกน วุตฺตํ, อสุเกนา’’ติ วุตฺเต ‘‘มา ตสฺส วจนํ สทฺทหถา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ. เอโก ปจฺจยิโก โหติ, ‘‘อิทํ เกน วุตฺตํ, อสุเกนา’’ติ วุตฺเต, ‘‘ยทิ เตน วุตฺตํ, อิทเมว ปมาณํ, อิทานิ อุปปริกฺขิตพฺพํ นตฺถิ, เอวเมว อิท’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ¶ อาปชฺชติ, อยํ วุจฺจติ ปจฺจยิโก. อวิสํวาทโก โลกสฺสาติ ตาย สจฺจวาทิตาย โลกํ น วิสํวาเทตีติ อตฺโถ.
อิเมสํ เภทายาติ เยสํ อิโต สุตฺวาติ วุตฺตานํ สนฺติเก สุตํ, เตสํ เภทาย. ภินฺนานํ วา สนฺธาตาติ ทฺวินฺนมฺปิ มิตฺตานํ วา สมานุปชฺฌายกาทีนํ วา เกนจิเทว การเณน ภินฺนานํ เอกเมกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อีทิเส กุเล ชาตานํ เอวํ พหุสฺสุตานํ อิทํ น ยุตฺต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา สนฺธานํ กตฺตา. อนุปฺปทาตาติ สนฺธานานุปฺปทาตา, ทฺเว ชเน สมคฺเค ทิสฺวา, ‘‘ตุมฺหากํ เอวรูเป กุเล ชาตานํ เอวรูเปหิ คุเณหิ สมนฺนาคตานํ อนุจฺฉวิกเมต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ทฬฺหีกมฺมํ กตฺตาติ อตฺโถ. สมคฺโค อาราโม อสฺสาติ สมคฺคาราโม. ยตฺถ สมคฺคา นตฺถิ, ตตฺถ วสิตุมฺปิ น อิจฺฉตีติ อตฺโถ. ‘‘สมคฺคราโม’’ติปิ ปาฬิ, อยเมเวตฺถ อตฺโถ. สมคฺครโตติ สมคฺเคสุ รโต, เต ปหาย อฺตฺร คนฺตุมฺปิ น อิจฺฉตีติ อตฺโถ. สมคฺเค ทิสฺวาปิ สุตฺวาปิ นนฺทตีติ สมคฺคนนฺที. สมคฺคกรณึ วาจํ ภาสิตาติ ยา วาจา สตฺเต สมคฺเคเยว กโรติ, ตํ สามคฺคิคุณปริทีปกเมว วาจํ ภาสติ, น อิตรนฺติ.
เนลาติ เอลํ วุจฺจติ โทโส, นาสฺสา เอลนฺติ เนลา, นิทฺโทสาติ อตฺโถ. ‘‘เนลงฺโค เสตปจฺฉาโท’’ติ เอตฺถ วุตฺตเนลํ วิย. กณฺณสุขาติ ¶ พฺยฺชนมธุรตาย กณฺณานํ สุขา, สูจิวิชฺฌนํ วิย กณฺณสูลํ น ชเนติ. อตฺถมธุรตาย สกลสรีเร โกปํ อชเนตฺวา เปมํ ชเนตีติ เปมนียา. หทยํ คจฺฉติ, อปฏิหฺมานา สุเขน จิตฺตํ ปวิสตีติ หทยงฺคมา. คุณปริปุณฺณตาย ปุเร ภวาติ โปรี, ปุเร สํวทฺธนารี วิย สุกุมาราติปิ โปรี, ปุรสฺส เอสาติปิ โปรี, นครวาสีนํ กถาติ อตฺโถ ¶ . นครวาสิโน หิ ยุตฺตกถา โหนฺติ, ปิติมตฺตํ ปิตาติ, มาติมตฺตํ มาตาติ, ภาติมตฺตํ ภาตาติ วทนฺติ. เอวรูปี กถา พหุโน ชนสฺส กนฺตา โหตีติ พหุชนกนฺตา. กนฺตภาเวเนว พหุโน ชนสฺส มนาปา จิตฺตวุทฺธิกราติ พหุชนมนาปา.
กาเลน วทตีติ กาลวาที, วตฺตพฺพยุตฺตกาลํ สลฺลกฺเขตฺวา วทตีติ อตฺโถ. ภูตํ ตจฺฉํ สภาวเมว วทตีติ ภูตวาที. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺถสนฺนิสฺสิตเมว กตฺวา วทตีติ อตฺถวาที ¶ . นวโลกุตฺตรธมฺมสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ ธมฺมวาที. สํวรวินยปหานวินยสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา วทตีติ วินยวาที. นิธานํ วุจฺจติ ปโนกาโส, นิธานมสฺสา อตฺถีติ นิธานวตี, หทเย นิธาตพฺพ ยุตฺตวาจํ ภาสิตาติ อตฺโถ. กาเลนาติ เอวรูปึ ภาสมาโนปิ จ ‘‘อหํ นิธานวตึ วาจํ ภาสิสฺสามี’’ติ น อกาเลน ภาสติ, ยุตฺตกาลํ ปน อเวกฺขิตฺวา ภาสตีติ อตฺโถ. สาปเทสนฺติ สอุปมํ, สการณนฺติ อตฺโถ. ปริยนฺตวตินฺติ ปริจฺเฉทํ ทสฺเสตฺวา ยถาสฺสา ปริจฺเฉโท ปฺายติ, เอวํ ภาสตีติ อตฺโถ. อตฺถสํหิตนฺติ อเนเกหิปิ นเยหิ วิภชนฺเตน ปริยาทาตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อตฺถสมฺปนฺนํ, ยํ วา โส อตฺถวาที อตฺถํ วทติ, เตน อตฺเถน สํหิตตฺตา อตฺถสํหิตํ วาจํ ภาสติ, น อฺํ นิกฺขิปิตฺวา อฺํ ภาสตีติ วุตฺตํ โหติ.
๒๙๓. พีชคามภูตคามสมารมฺภาติ มูลพีชํ ขนฺธพีชํ ผฬุพีชํ อคฺคพีชํ พีชพีชนฺติ ปฺจวิธสฺส พีชคามสฺส เจว ยสฺส กสฺสจิ นีลติณรุกฺขาทิกสฺส ภูตคามสฺส จ สมารมฺภา, เฉทนเภทนปจนาทิภาเวน วิโกปนา ปฏิวิรโตติ อตฺโถ. เอกภตฺติโกติ ปาตราสภตฺตํ สายมาสภตฺตนฺติ ทฺเว ภตฺตานิ. เตสุ ปาตราสภตฺตํ อนฺโตมชฺฌนฺหิเกน ปริจฺฉินฺนํ, อิตรํ มชฺฌนฺหิกโต อุทฺธํ อนฺโตอรุเณน. ตสฺมา อนฺโตมชฺฌนฺหิเก ทสกฺขตฺตุํ ภฺุชมาโนปิ ¶ เอกภตฺติโกว โหติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘เอกภตฺติโก’’ติ. รตฺติยา โภชนํ รตฺติ, ตโต อุปรโตติ รตฺตูปรโต. อติกฺกนฺเต มชฺฌนฺหิเก ยาว สูริยตฺถํคมนา โภชนํ วิกาลโภชนํ นาม. ตโต วิรตตฺตา วิรโต วิกาลโภชนา. สาสนสฺส ¶ อนนุโลมตฺตา วิสูกํ ปฏาณีภูตํ ทสฺสนนฺติ วิสูกทสฺสนํ. อตฺตนา นจฺจนนจฺจาปนาทิวเสน นจฺจา จ คีตา จ วาทิตา จ, อนฺตมโส มยูรนจฺจนาทิวเสนาปิ ปวตฺตานํ นจฺจาทีนํ วิสูกภูตา ทสฺสนา จาติ นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา. นจฺจาทีนิ หิ อตฺตนา ปโยเชตุํ วา ปเรหิ ปโยชาเปตุํ วา ปยุตฺตานิ ปสฺสิตุํ วา เนว ภิกฺขูนํ น ภิกฺขุนีนํ วฏฺฏนฺติ. มาลาทีสุ มาลาติ ยํกิฺจิ ปุปฺผํ. คนฺธนฺติ ยํกิฺจิ คนฺธชาตํ. วิเลปนนฺติ ฉวิราคกรณํ. ตตฺถ ปิฬนฺธนฺโต ธาเรติ นาม. อูนฏฺานํ ปูเรนฺโต มณฺเฑติ นาม. คนฺธวเสน ฉวิราควเสน จ สาทิยนฺโต วิภูเสติ นาม. านํ วุจฺจติ การณํ. ตสฺมา ยาย ทุสฺสีลฺยเจตนาย ตานิ มาลาธารณาทีนิ มหาชโน กโรติ, ตโต ปฏิวิรโตติ อตฺโถ.
อุจฺจาสยนํ ¶ วุจฺจติ ปมาณาติกฺกนฺตํ. มหาสยนํ อกปฺปิยตฺถรณํ. ตโต ปฏิวิรโตติ อตฺโถ. ชาตรูปนฺติ สุวณฺณํ. รชตนฺติ กหาปโณ โลหมาสโก ชตุมาสโก ทารุมาสโกติ เย โวหารํ คจฺฉนฺติ, ตสฺส อุภยสฺสปิ ปฏิคฺคหณา ปฏิวิรโต, เนว นํ อุคฺคณฺหาติ, น อุคฺคณฺหาเปติ, น อุปนิกฺขิตฺตํ สาทิยตีติ อตฺโถ. อามกธฺปฏิคฺคหณาติ สาลิวีหิยวโคธูมกงฺคุวรกกุทฺรูสกสงฺขาตสฺส สตฺตวิธสฺสาปิ อามกธฺสฺส ปฏิคฺคหณา. น เกวลฺจ เอเตสํ ปฏิคฺคหณเมว, อามสนมฺปิ ภิกฺขูนํ น วฏฺฏติเยว. อามกมํสปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ อฺตฺร โอทิสฺส อนฺุาตา อามกมํสมจฺฉานํ ปฏิคฺคหณเมว ภิกฺขูนํ น วฏฺฏติ, โน อามสนํ.
อิตฺถิกุมาริกปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ อิตฺถีติ ปุริสนฺตรคตา, อิตรา กุมาริกา นาม. ตาสํ ปฏิคฺคหณมฺปิ อามสนมฺปิ อกปฺปิยเมว. ทาสิทาสปฏิคฺคหณาติ เอตฺถ ทาสิทาสวเสเนว เตสํ ปฏิคฺคหณํ น วฏฺฏติ, ‘‘กปฺปิยการกํ ทมฺมิ, อารามิกํ ทมฺมี’’ติ เอวํ วุตฺเต ปน วฏฺฏติ. อเชฬกาทีสุ เขตฺตวตฺถุปริโยสาเนสุ ¶ กปฺปิยากปฺปิยนโย วินยวเสน อุปปริกฺขิตพฺโพ. ตตฺถ เขตฺตํ นาม ยสฺมึ ปุพฺพณฺณํ รุหติ. วตฺถุ นาม ยสฺมึ อปรณฺณํ ¶ รุหติ. ยตฺถ วา อุภยมฺปิ รุหติ, ตํ เขตฺตํ. ตทตฺถาย อกตภูมิภาโค วตฺถุ. เขตฺตวตฺถุสีเสน เจตฺถ วาปิตฬากาทีนิปิ สงฺคหิตาเนว. ทูเตยฺยํ วุจฺจติ ทูตกมฺมํ, คิหีนํ ปณฺณํ วา สาสนํ วา คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คมนํ. ปหิณคมนํ วุจฺจติ ฆรา ฆรํ เปสิตสฺส ขุทฺทกคมนํ. อนุโยโค นาม ตทุภยกรณํ, ตสฺมา ทูเตยฺยปหิณคมนานํ อนุโยคาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กยวิกฺกยาติ กยา จ วิกฺกยา จ. ตุลากูฏาทีสุ กูฏนฺติ วฺจนํ. ตตฺถ ตุลากูฏํ ตาว รูปกูฏํ องฺคกูฏํ คหณกูฏํ ปฏิจฺฉนฺนกูฏนฺติ จตุพฺพิธํ โหติ. ตตฺถ รูปกูฏํ นาม ทฺเว ตุลา สรูปา กตฺวา คณฺหนฺโต มหติยา คณฺหาติ, ททนฺโต ขุทฺทิกาย เทติ. องฺคกูฏํ นาม คณฺหนฺโต ปจฺฉาภาเค หตฺเถน ตุลํ อกฺกมติ, ททนฺโต ปุพฺพภาเค. คหณกูฏํ นาม คณฺหนฺโต มูเล รชฺชุํ คณฺหาติ, ททนฺโต อคฺเค. ปฏิจฺฉนฺนกูฏํ นาม ตุลํ สุสิรํ กตฺวา อนฺโต อยจุณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา คณฺหนฺโต ตํ ปจฺฉาภาเค กโรติ, ททนฺโต อคฺคภาเค. กํโส วุจฺจติ สุวณฺณปาติ, ตาย วฺจนํ กํสกูฏํ. กถํ? เอกํ สุวณฺณปาตึ กตฺวา อฺา ทฺเว ติสฺโส โลหปาติโย สุวณฺณวณฺณา กโรติ, ตโต ชนปทํ คนฺตฺวา กิฺจิเทว อทฺธกุลํ ปวิสิตฺวา, ‘‘สุวณฺณภาชนานิ ¶ กิณถา’’ติ วตฺวา อคฺเฆ ปุจฺฉิเต สมคฺฆตรํ ทาตุกามา โหนฺติ. ตโต เตหิ ‘‘กถํ อิเมสํ สุวณฺณภาโว ชานิตพฺโพ’’ติ วุตฺเต – ‘‘วีมํสิตฺวา คณฺหถา’’ติ สุวณฺณปาตึ ปาสาเณ ฆํสิตฺวา สพฺพา ปาติโย ทตฺวา คจฺฉติ.
มานกูฏํ นาม หทยเภทสิขาเภทรชฺชุเภทวเสน ติวิธํ โหติ. ตตฺถ หทยเภโท สปฺปิเตลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต เหฏฺา ฉิทฺเทน มาเนน, ‘‘สณิกํ อาสิฺจา’’ติ วตฺวา อนฺโตภาชเน พหุํ ปคฺฆราเปตฺวา คณฺหาติ; ททนฺโต ฉิทฺทํ ปิธาย สีฆํ ปูเรตฺวา เทติ. สิขาเภโท ติลตณฺฑุลาทิมินนกาเล ลพฺภติ. ตานิ หิ คณฺหนฺโต สณิกํ สิขํ อุสฺสาเปตฺวา คณฺหาติ, ททนฺโต เวเคน ปูเรตฺวา สิขํ ฉินฺทนฺโต เทติ. รชฺชุเภโท เขตฺตวตฺถุมินนกาเล ¶ ลพฺภติ. ลฺชํ อลภนฺตา หิ เขตฺตํ อมหนฺตมฺปิ มหนฺตํ กตฺวา มินนฺติ.
อุกฺโกฏนาทีสุ ¶ อุกฺโกฏนนฺติ สามิเก อสฺสามิเก กาตุํ ลฺชคฺคหณํ. วฺจนนฺติ เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปเรสํ วฺจนํ. ตตฺริทเมกํ วตฺถุ – เอโก กิร ลุทฺทโก มิคฺจ มิคโปตกฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉติ. ตเมโก ธุตฺโต, ‘‘กึ, โภ, มิโค อคฺฆติ, กึ มิคโปตโก’’ติ อาห. ‘‘มิโค ทฺเว กหาปเณ มิคโปตโก เอก’’นฺติ จ วุตฺเต กหาปณํ ทตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา นิวตฺโต, ‘‘น เม, โภ, มิคโปตเกน อตฺโถ, มิคํ เม เทหี’’ติ อาห. เตน หิ ‘‘ทฺเว กหาปเณ เทหี’’ติ. โส อาห – ‘‘นนุ เต, โภ, มยา ปมํ เอโก กหาปโณ ทินฺโน’’ติ. อาม ทินฺโนติ. ‘‘อิมมฺปิ มิคโปตกํ คณฺห, เอวํ โส จ กหาปโณ อยฺจ กหาปณคฺฆนโก มิคโปตโกติ ทฺเว กหาปณา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โส การณํ วทตีติ สลฺลกฺเขตฺวา มิคโปตกํ คเหตฺวา มิคํ อทาสีติ.
นิกตีติ โยควเสน วา มายาวเสน วา อปามงฺคํ ปามงฺคนฺติ, อมณึ มณินฺติ, อสุวณฺณํ สุวณฺณนฺติ กตฺวา ปฏิรูปเกน วฺจนํ. สาจิโยโคติ กุฏิลโยโค, เอเตสํเยว อุกฺโกฏนาทีนเมตํ นามํ, ตสฺมา อุกฺโกฏนสาจิโยโค วฺจนสาจิโยโค นิกติสาจิโยโคติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกจิ อฺํ ทสฺเสตฺวา อฺสฺส ปริวตฺตนํ สาจิโยโคติ วทนฺติ. ตํ ปน วฺจเนเนว สงฺคหิตํ. เฉทนาทีสุ เฉทนนฺติ หตฺถจฺเฉทนาทิ. วโธติ มารณํ. พนฺโธติ รชฺชุพนฺธนาทีหิ ¶ พนฺธนํ. วิปราโมโสติ หิมวิปราโมโส คุมฺพวิปราโมโสติ ทุวิโธ. ยํ หิมปาตสมเย หิเมน ปฏิจฺฉนฺนา หุตฺวา มคฺคปฏิปนฺนํ ชนํ มุสนฺติ, อยํ หิมวิปราโมโส. ยํ คุมฺพาทีหิ ปฏิจฺฉนฺนา มุสนฺติ, อยํ คุมฺพวิปราโมโส. อาโลโป วุจฺจติ คามนิคมาทีนํ วิโลปกรณํ. สหสากาโรติ สาหสิกกิริยา, เคหํ ปวิสิตฺวา มนุสฺสานํ อุเร สตฺถํ เปตฺวา อิจฺฉิตภณฺฑคฺคหณํ. เอวเมตสฺมา เฉทน…เป… สหสาการา ปฏิวิรโต โหติ.
๒๙๔. โส สนฺตุฏฺโ โหตีติ สฺวายํ ภิกฺขุ เหฏฺา วุตฺเตน จตูสุ ปจฺจเยสุ ทฺวาทสวิเธน อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน สมนฺนาคโต โหติ. อิมินา ปน ทฺวาทสวิเธน อิตรีตรปจฺจยสนฺโตเสน ¶ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน อฏฺ ปริกฺขารา วฏฺฏนฺติ ตีณิ จีวรานิ ปตฺโต ทนฺตกฏฺจฺเฉทนวาสิ เอกา สูจิ กายพนฺธนํ ปริสฺสาวนนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ติจีวรฺจ ¶ ปตฺโต จ, วาสิ สูจิ จ พนฺธนํ;
ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ.
เต สพฺเพปิ กายปริหาริกาปิ โหนฺติ กุจฺฉิปริหาริกาปิ. กถํ? ติจีวรํ ตาว นิวาเสตฺวา ปารุปิตฺวา จ วิจรณกาเล กายํ ปริหรติ โปเสตีติ กายปริหาริกํ โหติ, จีวรกณฺเณน อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา ปิวนกาเล ขาทิตพฺพผลาผลคฺคหณกาเล จ กุจฺฉึ ปริหรติ โปเสตีติ กุจฺฉิปริหาริกํ โหติ. ปตฺโตปิ เตน อุทกํ อุทฺธริตฺวา นหานกาเล กุฏิปริภณฺฑกรณกาเล จ กายปริหาริโก โหติ, อาหารํ คเหตฺวา ภฺุชนกาเล กุจฺฉิปริหาริโก โหติ. วาสิปิ ตาย ทนฺตกฏฺจฺเฉทนกาเล มฺจปีานํ องฺคปาทจีวรกุฏิทณฺฑกสชฺชนกาเล จ กายปริหาริกา โหติ, อุจฺฉุจฺเฉทนนาฬิเกราทิตจฺฉนกาเล กุจฺฉิปริหาริกา. สูจิปิ จีวรสิพฺพนกาเล กายปริหาริกา โหติ, ปูวํ วา ผลํ วา วิชฺฌิตฺวา ขาทนกาเล กุจฺฉิปริหาริกา. กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา วิจรณกาเล กายปริหาริกํ, อุจฺฉุอาทีนิ พนฺธิตฺวา คหณกาเล กุจฺฉิปริหาริกํ. ปริสฺสาวนํ เตน อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา นหานกาเล, เสนาสนปริภณฺฑกรณกาเล จ กายปริหาริกํ, ปานียปริสฺสาวนกาเล เตเนว ติลตณฺฑุลปุถุกาทีนิ คเหตฺวา ขาทนกาเล จ กุจฺฉิปริหาริกํ. อยํ ตาว อฏฺปริกฺขาริกสฺส ปริกฺขารมตฺตา.
นวปริกฺขาริกสฺส ¶ ปน เสยฺยํ ปวิสนฺตสฺส ตตฺรฏฺกปจฺจตฺถรณํ วา กฺุจิกา วา วฏฺฏติ. ทสปริกฺขาริกสฺส นิสีทนํ วา จมฺมขณฺฑํ วา วฏฺฏติ. เอกาทสปริกฺขาริกสฺส กตฺตรยฏฺิ วา เตลนาฬิกา วา วฏฺฏติ. ทฺวาทสปริกฺขาริกสฺส ฉตฺตํ วา อุปาหนา วา วฏฺฏติ. เอเตสุ จ อฏฺปริกฺขาริโกว สนฺตุฏฺโ, อิตเร อสนฺตุฏฺา, มหิจฺฉา มหาภาราติ น วตฺตพฺพา. เอเตปิ หิ อปฺปิจฺฉาว สนฺตุฏฺาว ¶ สุภราว สลฺลหุกวุตฺติโนว. ภควา ปน นยิมํ สุตฺตํ เตสํ วเสน กเถสิ, อฏฺปริกฺขาริกสฺส วเสน กเถสิ. โส หิ ขุทฺทกวาสิฺจ สูจิฺจ ปริสฺสาวเน ปกฺขิปิตฺวา ปตฺตสฺส อนฺโต เปตฺวา ปตฺตํ อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา ติจีวรํ กายปฏิพทฺธํ กตฺวา เยนิจฺฉกํ สุขํ ปกฺกมติ. ปฏินิวตฺเตตฺวา คเหตพฺพํ นามสฺส น โหติ, อิติ ¶ อิมสฺส ภิกฺขุโน สลฺลหุกวุตฺติตํ ทสฺเสนฺโต ภควา, สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรนาติอาทิมาห.
ตตฺถ กายปริหาริเกนาติ กายปริหรณมตฺตเกน. กุจฺฉิปริหาริเกนาติ กุจฺฉิปริหรณมตฺตเกน. สมาทาเยว ปกฺกมตีติ ตํ อฏฺปริกฺขารมตฺตกํ สพฺพํ คเหตฺวา กายปฏิพทฺธํ กตฺวาว คจฺฉติ, ‘‘มม วิหาโร ปริเวณํ อุปฏฺาโก’’ติสฺส สงฺโค วา พทฺโธ วา น โหติ, โส ชิยา มุตฺโต สโร วิย, ยูถา อปกฺกนฺโต มตฺตหตฺถี วิย อิจฺฉิติจฺฉิตํ เสนาสนํ วนสณฺฑํ รุกฺขมูลํ วนปพฺภารํ ปริภฺุชนฺโต เอโกว ติฏฺติ, เอโกว นิสีทติ, สพฺพิริยาปเถสุ เอโกว อทุติโย.
‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ,
สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน;
ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภี,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. (สุ. นิ. ๔๒);
เอวํ วณฺณิตํ ขคฺควิสาณกปฺปตํ อาปชฺชติ.
อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย สาเธนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห. ตตฺถ ปกฺขี สกุโณติ ปกฺขยุตฺโต สกุโณ. เฑตีติ อุปฺปตติ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – สกุณา นาม ‘‘อสุกสฺมึ ปเทเส ¶ รุกฺโข ปริปกฺกผโล’’ติ ตฺวา นานาทิสาหิ อาคนฺตฺวา นขปกฺขตุณฺฑาทีหิ ตสฺส ผลานิ วิชฺฌนฺตา วิธุนนฺตา ขาทนฺติ. ‘‘อิทํ อชฺชตนาย อิทํ สฺวาตนาย ภวิสฺสตี’’ติ เนสํ น โหติ. ผเล ปน ขีเณ เนว รุกฺขสฺส อารกฺขํ เปนฺติ, น ตตฺถ ปตฺตํ วา นขํ วา ตุณฺฑํ วา เปนฺติ, อถ โข ตสฺมึ รุกฺเข อนเปกฺโข หุตฺวา โย ยํ ทิสาภาคํ อิจฺฉติ, โส เตน สปตฺตภาโรว – อุปฺปติตฺวา คจฺฉติ. เอวเมว อยํ ภิกฺขุ นิสฺสงฺโค ¶ นิรเปกฺโขเยว ปกฺกมติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมาทาเยว ปกฺกมตี’’ติ. อริเยนาติ นิทฺโทเสน. อชฺฌตฺตนฺติ สเก อตฺตภาเว. อนวชฺชสุขนฺติ นิทฺโทสสุขํ.
๒๙๕. โส จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวาติ โส อิมินา อริเยน สีลกฺขนฺเธน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จกฺขุวิฺาเณน รูปํ ปสฺสิตฺวาติ อตฺโถ. เสสปเทสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ. อพฺยาเสกสุขนฺติ กิเลเสหิ ¶ อนวสิตฺตสุขํ, อวิกิณฺณสุขนฺติปิ วุตฺตํ. อินฺทฺริยสํวรสุขฺหิ ทิฏฺาทีสุ ทิฏฺมตฺตาทิวเสน ปวตฺตตาย อวิกิณฺณํ โหติ. โส อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเตติ โส มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ สํวเรน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อิเมสุ อภิกฺกนฺตปฏิกฺกนฺตาทีสุ สตฺตสุ าเนสุ สติสมฺปชฺวเสน สมฺปชานการี โหติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สติปฏฺาเน วุตฺตเมว.
๒๙๖. โส อิมินา จาติอาทินา กึ ทสฺเสติ? อรฺวาสสฺส ปจฺจยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. ยสฺส หิ อิเม จตฺตาโร ปจฺจยา นตฺถิ, ตสฺส อรฺวาโส น อิชฺฌติ, ติรจฺฉานคเตหิ วา วนจรเกหิ วา สทฺธึ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ, อรฺเ อธิวตฺถา เทวตา, ‘‘กึ เอวรูปสฺส ปาปภิกฺขุโน อรฺวาเสนา’’ติ เภรวสทฺทํ สาเวนฺติ, หตฺเถหิ สีสํ ปหริตฺวา ปลายนาการํ กโรนฺติ. ‘‘อสุโก ภิกฺขุ อรฺํ ปวิสิตฺวา อิทฺจิทฺจ ปาปกมฺมํ อกาสี’’ติ อยโส ปตฺถรติ. ยสฺส ปเนเต จตฺตาโร ปจฺจยา อตฺถิ, ตสฺส อรฺวาโส อิชฺฌติ, โส หิ อตฺตโน สีลํ ปจฺจเวกฺขนฺโต กิฺจิ กาฬกํ วา ติลกํ วา อปสฺสนฺโต ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ขยโต วยโต สมฺมสนฺโต อริยภูมึ โอกฺกมติ, อรฺเ อธิวตฺถา เทวตา อตฺตมนา วณฺณํ ภาสนฺติ, อิติสฺส อุทเก ปกฺขิตฺตเตลพินฺทุ วิย ยโส วิตฺถาริโก โหติ.
ตตฺถ ¶ วิวิตฺตนฺติ สฺุํ อปฺปสทฺทํ, อปฺปนิคฺโฆสนฺติ อตฺโถ. เอตเทว หิ สนฺธาย วิภงฺเค, ‘‘วิวิตฺตนฺติ สนฺติเก เจปิ เสนาสนํ โหติ, ตฺจ อนากิณฺณํ คหฏฺเหิ ปพฺพชิเตหิ, เตน ตํ วิวิตฺต’’นฺติ (วิภ. ๕๒๖) วุตฺตํ. เสติ เจว อาสติ จ เอตฺถาติ เสนาสนํ, มฺจปีาทีนเมตํ อธิวจนํ. เตนาห – ‘‘เสนาสนนฺติ มฺโจปิ เสนาสนํ, ปีมฺปิ ภิสิปิ พิมฺโพหนมฺปิ, วิหาโรปิ อฑฺฒโยโคปิ, ปาสาโทปิ, หมฺมิยมฺปิ, คุหาปิ, อฏฺโฏปิ, มาโฬปิ, เลณมฺปิ, เวฬุคุมฺโพปิ ¶ , รุกฺขมูลมฺปิ, มณฺฑโปปิ เสนาสนํ, ยตฺถ วา ปน ภิกฺขู ปฏิกฺกมนฺติ, สพฺพเมตํ เสนาสน’’นฺติ. อปิจ ‘‘วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหา’’ติ อิทํ วิหารเสนาสนํ นาม. ‘‘มฺโจ ปีํ, ภิสิ พิมฺโพหน’’นฺติ อิทํ มฺจปีเสนาสนํ นาม. ‘‘จิมิลิกา, จมฺมขณฺโฑ, ติณสนฺถาโร, ปณฺณสนฺถาโร’’ติ อิทํ สนฺถตเสนาสนํ นาม. ‘‘ยตฺถ ¶ วา ปน ภิกฺขู ปฏิกฺกมนฺตี’’ติ อิทํ โอกาสเสนาสนํ นามาติ เอวํ จตุพฺพิธํ เสนาสนํ โหติ, ตํ สพฺพมฺปิ เสนาสนคฺคหเณน คหิตเมว. อิมสฺส ปน สกุณสทิสสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุโน อนุจฺฉวิกํ ทสฺเสนฺโต อรฺํ รุกฺขมูลนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ อรฺนฺติ ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา, สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ อิทํ ภิกฺขุนีนํ วเสน อาคตํ อรฺํ. ‘‘อารฺกํ นาม เสนาสนํ ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อิทํ ปน อิมสฺส ภิกฺขุโน อนุรูปํ, ตสฺส ลกฺขณํ วิสุทฺธิมคฺเค ธุตงฺคนิทฺเทเส วุตฺตํ. รุกฺขมูลนฺติ ยํกิฺจิ สนฺทจฺฉายํ วิวิตฺตํ รกฺขมูลํ. ปพฺพตนฺติ เสลํ. ตตฺถ หิ อุทกโสณฺฑีสุ อุทกกิจฺจํ กตฺวา สีตาย รุกฺขจฺฉายาย นิสินฺนสฺส นานาทิสาสุ ขายมานาสุ สีเตน วาเตน วีชิยมานสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ. กนฺทรนฺติ กํ วุจฺจติ อุทกํ, เตน ทาริตํ, อุทเกน ภินฺนํ ปพฺพตปฺปเทสํ, ยํ นทีตุมฺพนฺติปิ นทีกฺุชนฺติปิ วทนฺติ. ตตฺถ หิ รชตปฏฺฏสทิสา วาลิกา โหนฺติ, มตฺถเก มณิวิตานํ วิย วนคหนํ, มณิกฺขนฺธสทิสํ อุทกํ สนฺทติ. เอวรูปํ กนฺทรํ โอรุยฺห ปานียํ ปิวิตฺวา คตฺตานิ สีตานิ กตฺวา วาลิกํ อุสฺสาเปตฺวา ปํสุกูลจีวรํ ปฺาเปตฺวา นิสินฺนสฺส สมณธมฺมํ กโรโต จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ. คิริคุหนฺติ ทฺวินฺนํ ปพฺพตานํ อนฺตรา, เอกสฺมึเยว วา อุมงฺคสทิสํ มหาวิวรํ. สุสานลกฺขณํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ. วนปตฺถนฺติ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อุปจารฏฺานํ, ยตฺถ น กสนฺติ น วปนฺติ. เตเนวาห – ‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติอาทิ (วิภ. ๕๓๑). อพฺโภกาสนฺติ ¶ อจฺฉนฺนํ, อากงฺขมาโน ปเนตฺถ จีวรกุฏึ กตฺวา วสติ. ปลาลปฺุชนฺติ ปลาลราสึ ¶ . มหาปลาลปฺุชโต หิ ปลาลํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา ปพฺภารเลณสทิเส อาลเย กโรนฺติ, คจฺฉคุมฺพาทีนมฺปิ อุปริ ปลาลํ ปกฺขิปิตฺวา เหฏฺา นิสินฺนา สมณธมฺมํ กโรนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ปจฺฉาภตฺตนฺติ ภตฺตสฺส ปจฺฉโต. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโตติ ปิณฺฑปาตปริเยสนโต ปฏิกฺกนฺโต. ปลฺลงฺกนฺติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ. อาภุชิตฺวาติ พนฺธิตฺวา. อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมํ สรีรํ อุชุกํ เปตฺวา อฏฺารส ¶ ปิฏฺิกณฺฏเก โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาเทตฺวา. เอวฺหิ นิสินฺนสฺส จมฺมมํสนหารูนิ น ปณมนฺติ. อถสฺส ยา เตสํ ปณมนปจฺจยา ขเณ ขเณ เวทนา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตา น อุปฺปชฺชนฺติ. ตาสุ อนุปฺปชฺชมานาสุ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, กมฺมฏฺานํ น ปริปตติ, วุทฺธึ ผาตึ อุปคจฺฉติ. ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวาติ กมฺมฏฺานาภิมุขํ สตึ ปยิตฺวา, มุขสมีเป วา กตฺวาติ อตฺโถ. เตเนว วิภงฺเค วุตฺตํ – ‘‘อยํ สติ อุปฏฺิตา โหติ สูปฏฺิตา นาสิกคฺเค วา มุขนิมิตฺเต วา, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ (วิภ. ๕๓๗). อถ วา ‘‘ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ, มุขนฺติ นิยฺยานตฺโถ, สตีติ อุปฏฺานตฺโถ, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สติ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๔) เอวํ ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตนเยนเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ตตฺรายํ สงฺเขโป ‘‘ปริคฺคหิตนิยฺยานสตึ กตฺวา’’ติ.
อภิชฺฌํ โลเกติ เอตฺถ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา โลโก, ตสฺมา ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ ราคํ ปหาย กามจฺฉนฺทํ วิกฺขมฺเภตฺวาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. วิคตาภิชฺเฌนาติ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนตฺตา วิคตาภิชฺเฌน, น จกฺขุวิฺาณสทิเสนาติ อตฺโถ. อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธตีติ อภิชฺฌาโต จิตฺตํ ปริโมเจติ. ยถา นํ สา มฺุจติ เจว, มฺุจิตฺวา จ น ปุน คณฺหาติ, เอวํ กโรตีติ อตฺโถ. พฺยาปาทปโทสํ ปหายาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. พฺยาปชฺชติ อิมินา จิตฺตํ ปูติกมฺมาสาทโย วิย ปุริมปกตึ ปชหตีติ พฺยาปาโท. วิการาปตฺติยา ปทุสฺสติ, ปรํ วา ปทูเสติ วินาเสตีติ ปโทโส. อุภยเมตํ โกธสฺเสวาธิวจนํ. ถินํ จิตฺตเคลฺํ. มิทฺธํ เจตสิกเคลฺํ. ถินฺจ มิทฺธฺจ ถินมิทฺธํ. อาโลกสฺีติ ¶ รตฺติมฺปิ ทิวา ทิฏฺอาโลกสฺชานนสมตฺถตาย วิคตนีวรณาย ปริสุทฺธาย สฺาย ¶ สมนฺนาคโต. สโต สมฺปชาโนติ สติยา จ าเณน จ สมนฺนาคโต. อิทํ อุภยํ อาโลกสฺาย อุปการตฺตา วุตฺตํ. อุทฺธจฺจฺจ กุกฺกุจฺจฺจ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ. ติณฺณวิจิกิจฺโฉติ วิจิกิจฺฉํ ตริตฺวา อติกฺกมิตฺวา ิโต. ‘‘กถมิทํ กถมิท’’นฺติ เอวํ นปฺปวตฺตตีติ อกถํกถี. กุสเลสุ ธมฺเมสูติ อนวชฺเชสุ ธมฺเมสุ. ‘‘อิเม นุ โข กุสลา, กถมิเม กุสลา’’ติ เอวํ น วิจิกิจฺฉติ น กงฺขตีติ อตฺโถ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, อิเมสุ ปน นีวรเณสุ ¶ วจนตฺถลกฺขณาทิเภทโต ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ.
๒๙๗. ปฺาย ทุพฺพลีกรเณติ อิเม ปฺจ นีวรณา อุปฺปชฺชมานา อนุปฺปนฺนาย โลกิยโลกุตฺตราย ปฺาย อุปฺปชฺชิตุํ น เทนฺติ, อุปฺปนฺนา อปิ อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ วา อภิฺา อุจฺฉินฺทิตฺวา ปาเตนฺติ; ตสฺมา ‘‘ปฺาย ทุพฺพลีกรณา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถาคตปทํ อิติปีติ อิทมฺปิ ตถาคตสฺส าณปทํ าณวฬฺชํ าเณน อกฺกนฺตฏฺานนฺติ วุจฺจติ. ตถาคตนิเสวิตนฺติ ตถาคตสฺส าณผาสุกาย นิฆํสิตฏฺานํ. ตถาคตารฺชิตนฺติ ตถาคตสฺส าณทาาย อารฺชิตฏฺานํ.
๒๙๙. ยถาภูตํ ปชานาตีติ ยถาสภาวํ ปชานาติ. นตฺเวว ตาว อริยสาวโก นิฏฺํ คโต โหตีติ อิมา ฌานาภิฺา พาหิรเกหิปิ สาธารณาติ น ตาว นิฏฺํ คโต โหติ. มคฺคกฺขเณปิ อปริโยสิตกิจฺจตาย น ตาว นิฏฺํ คโต โหติ. อปิจ โข นิฏฺํ คจฺฉตีติ อปิจ โข ปน มคฺคกฺขเณ มหาหตฺถึ ปสฺสนฺโต นาควนิโก วิย สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควาติ อิมินา อากาเรน ตีสุ รตเนสุ นิฏฺํ คจฺฉติ. นิฏฺํ คโต โหตีติ เอวํ มคฺคกฺขเณ นิฏฺํ คจฺฉนฺโต อรหตฺตผลกฺขเณ ปริโยสิตสพฺพกิจฺจตาย สพฺพากาเรน ตีสุ รตเนสุ นิฏฺํ คโต โหติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา
๓๐๐. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตํ. ตตฺถ ชงฺคลานนฺติ ปถวีตลจารีนํ. ปาณานนฺติ สปาทกปาณานํ. ปทชาตานีติ ปทานิ. สโมธานํ คจฺฉนฺตีติ โอธานํ ปกฺเขปํ คจฺฉนฺติ. อคฺคมกฺขายตีติ เสฏฺํ อกฺขายติ. ยทิทํ มหนฺตตฺเตนาติ มหนฺตภาเวน อคฺคํ อกฺขายติ, น คุณวเสนาติ อตฺโถ. เย เกจิ กุสลา ธมฺมาติ เย เกจิ โลกิยา ¶ วา โลกุตฺตรา วา กุสลา ธมฺมา. สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ เอตฺถ จตุพฺพิโธ สงฺคโห – สชาติสงฺคโห, สฺชาติสงฺคโห, กิริยสงฺคโห, คณนสงฺคโหติ. ตตฺถ ‘‘สพฺเพ ขตฺติยา อาคจฺฉนฺตุ สพฺเพ พฺราหฺมณา’’ติ เอวํ สมานชาติวเสน สงฺคโห สชาติสงฺคโห นาม. ‘‘สพฺเพ โกสลกา สพฺเพ มาคธกา’’ติ เอวํ สฺชาติเทสวเสน สงฺคโห สฺชาติสงฺคโห นาม. ‘‘สพฺเพ รถิกา สพฺเพ ธนุคฺคหา’’ติ เอวํ กิริยวเสน สงฺคโห กิริยสงฺคโห นาม. ‘‘จกฺขายตนํ กตมกฺขนฺธคณนํ คจฺฉตีติ? จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺธคณนํ คจฺฉติ. หฺจิ จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺธคณนํ คจฺฉติ, เตน วต เร วตฺตพฺเพ จกฺขายตนํ รูปกฺขนฺเธน สงฺคหิต’’นฺติ (กถา. ๔๗๑), อยํ คณนสงฺคโห นาม. อิมสฺมิมฺปิ าเน อยเมว อธิปฺเปโต.
นนุ จ ‘‘จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ กติ กุสลา กติ อกุสลา กติ อพฺยากตาติ ปฺหสฺส วิสฺสชฺชเน สมุทยสจฺจํ อกุสลํ, มคฺคสจฺจํ กุสลํ, นิโรธสจฺจํ อพฺยากตํ, ทุกฺขสจฺจํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากต’’นฺติ (วิภ. ๒๑๖-๒๑๗) อาคตตฺตา จตุภูมกมฺปิ กุสลํ ทิยฑฺฒเมว สจฺจํ ภชติ. อถ กสฺมา มหาเถโร จตูสุ อริยสจฺเจสุ คณนํ คจฺฉตีติ อาหาติ? สจฺจานํ อนฺโตคธตฺตา. ยถา หิ ‘‘สาธิกมิทํ, ภิกฺขเว, ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺเทสํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ อตฺตกามา ¶ กุลปุตฺตา สิกฺขนฺติ. ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, สิกฺขา อธิสีลสิกฺขา อธิจิตฺตสิกฺขา อธิปฺาสิกฺขา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๘) เอตฺถ สาธิกมิทํ ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ เอกา อธิสีลสิกฺขาว โหติ, ตํ สิกฺขนฺโตปิ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขตีติ ทสฺสิโต, สิกฺขานํ อนฺโตคธตฺตา. ยถา จ เอกสฺส หตฺถิปทสฺส จตูสุ โกฏฺาเสสุ เอกสฺมึ โกฏฺาเส โอติณฺณานิปิ ทฺวีสุ ¶ ตีสุ จตูสุ โกฏฺาเสสุ โอติณฺณานิปิ สิงฺคาลสสมิคาทีนํ ปาทานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คตาเนว โหนฺติ. หตฺถิปทโต อมุจฺจิตฺวา ตสฺเสว อนฺโตคธตฺตา. เอวเมว เอกสฺมิมฺปิ ทฺวีสุปิ ตีสุปิ จตูสุปิ สจฺเจสุ คณนํ คตา ธมฺมา จตูสุ สจฺเจสุ คณนํ คตาว โหนฺติ; สจฺจานํ อนฺโตคธตฺตาติ ทิยฑฺฒสจฺจคณนํ คเตปิ กุสลธมฺเม ‘‘สพฺเพ เต จตูสุ อริยสจฺเจสุ สงฺคหํ คจฺฉนฺตี’’ติ อาห. ‘‘ทุกฺเข อริยสจฺเจ’’ติอาทีสุ อุทฺเทสปเทสุ เจว ชาติปิ ทุกฺขาติอาทีสุ นิทฺเทสปเทสุ จ ยํ ¶ วตฺตพฺพํ, ตํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตเมว. เกวลํ ปเนตฺถ เทสนานุกฺกโมว เวทิตพฺโพ.
๓๐๑. ยถา หิ เฉโก วิลีวกาโร สุชาตํ เวฬุํ ลภิตฺวา จตุธา เฉตฺวา ตโต ตโย โกฏฺาเส เปตฺวา เอกํ คณฺหิตฺวา ปฺจธา ภินฺเทยฺย, ตโตปิ จตฺตาโร เปตฺวา เอกํ คณฺหิตฺวา ผาเลนฺโต ปฺจ เปสิโย กเรยฺย, ตโต จตสฺโส เปตฺวา เอกํ คณฺหิตฺวา กุจฺฉิภาคํ ปิฏฺิภาคนฺติ ทฺวิธา ผาเลตฺวา ปิฏฺิภาคํ เปตฺวา กุจฺฉิภาคํ อาทาย ตโต สมุคฺคพีชนิตาลวณฺฏาทินานปฺปการํ เวฬุวิกตึ กเรยฺย, โส ปิฏฺิภาคฺจ อิตรา จ จตสฺโส เปสิโย อิตเร จ จตฺตาโร โกฏฺาเส อิตเร จ ตโย โกฏฺาเส กมฺมาย น อุปเนสฺสตีติ น วตฺตพฺโพ. เอกปฺปหาเรน ปน อุปเนตุํ น สกฺกา, อนุปุพฺเพน อุปเนสฺสติ. เอวเมว อยํ มหาเถโรปิ วิลีวกาโร สุชาตํ เวฬุํ ลภิตฺวา จตฺตาโร โกฏฺาเส วิย, อิมํ มหนฺตํ สุตฺตนฺตํ อารภิตฺวา จตุอริยสจฺจวเสน มาติกํ เปสิ. วิลีวการสฺส ตโย โกฏฺาเส เปตฺวา เอกํ คเหตฺวา ตสฺส ปฺจธา กรณํ วิย เถรสฺส ตีณิ อริยสจฺจานิ เปตฺวา เอกํ ทุกฺขสจฺจํ คเหตฺวา ภาเชนฺตสฺส ขนฺธวเสน ปฺจธา กรณํ. ตโต ยถา โส วิลีวกาโร จตฺตาโร โกฏฺาเส ¶ เปตฺวา เอกํ ภาคํ คเหตฺวา ปฺจธา ผาเลสิ, เอวํ เถโร จตฺตาโร อรูปกฺขนฺเธ เปตฺวา รูปกฺขนฺธํ วิภชนฺโต จตฺตาริ จ มหาภูตานิ จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทาย รูปนฺติ ปฺจธา อกาสิ. ตโต ยถา โส วิลีวกาโร จตสฺโส เปสิโย เปตฺวา เอกํ คเหตฺวา กุจฺฉิภาคํ ปิฏฺิภาคนฺติ ทฺวิธา ผาเลสิ, เอวํ เถโร อุปาทาย รูปฺจ ติสฺโส จ ธาตุโย เปตฺวา เอกํ ปถวีธาตุํ วิภชนฺโต อชฺฌตฺติกพาหิรวเสน ทฺวิธา ทสฺเสสิ. ยถา โส วิลีวกาโร ปิฏฺิภาคํ เปตฺวา กุจฺฉิภาคํ อาทาย นานปฺปการํ วิลีววิกตึ อกาสิ, เอวํ เถโร พาหิรํ ปถวีธาตุํ เปตฺวา อชฺฌตฺติกํ ปถวีธาตุํ วีสติยา อากาเรหิ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ กตมา จาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตูติอาทิมาห.
ยถา ¶ ปน วิลีวกาโร ปิฏฺิภาคฺจ อิตรา จ จตฺตสฺโส เปสิโย อิตเร จ จตฺตาโร โกฏฺาเส อิตเร จ ตโย โกฏฺาเส อนุปุพฺเพน ¶ กมฺมาย อุปเนสฺสติ, น หิ สกฺกา เอกปฺปหาเรน อุปเนตุํ, เอวํ เถโรปิ พาหิรฺจ ปถวีธาตุํ อิตรา จ ติสฺโส ธาตุโย อุปาทารูปฺจ อิตเร จ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺเธ อิตรานิ จ ตีณิ อริยสจฺจานิ อนุปุพฺเพน วิภชิตฺวา ทสฺเสสฺสติ, น หิ สกฺกา เอกปฺปหาเรน ทสฺเสตุํ. อปิจ ราชปุตฺตูปมายปิ อยํ กโม วิภาเวตพฺโพ –
เอโก กิร มหาราชา, ตสฺส ปโรสหสฺสํ ปุตฺตา. โส เตสํ ปิฬนฺธนปริกฺขารํ จตูสุ เปฬาสุ เปตฺวา เชฏฺปุตฺตสฺส อปฺเปสิ – ‘‘อิทํ เต, ตาต, ภาติกานํ ปิฬนฺธนภณฺฑํ ตถารูเป ฉเณ สมฺปตฺเต ปิฬนฺธนํ โน เทหีติ ยาจนฺตานํ ทเทยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธุ เทวา’’ติ สารคพฺเภ ปฏิสาเมสิ, ตถารูเป ฉณทิวเส ราชปุตฺตา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปิฬนฺธนํ โน, ตาต, เทถ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ตาตา, เชฏฺภาติกสฺส โว หตฺเถ มยา ปิฬนฺธนํ ปิตํ, ตํ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธถาติ. เต สาธูติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ตุมฺหากํ กิร โน หตฺเถ ปิฬนฺธนภณฺฑํ, ตํ เทถา’’ติ อาหํสุ. โส เอวํ กริสฺสามีติ คพฺภํ วิวริตฺวา, จตสฺโส เปฬาโย นีหริตฺวา ติสฺโส เปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา, ตโต ปฺจ สมุคฺเค นีหริตฺวา จตฺตาโร เปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา, ตโต ปฺจสุ กรณฺเฑสุ ¶ นีหริเตสุ จตฺตาโร เปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา ปิธานํ ปสฺเส เปตฺวา ตโต หตฺถูปคปาทูปคาทีนิ นานปฺปการานิ ปิฬนฺธนานิ นีหริตฺวา อทาสิ. โส กิฺจาปิ อิตเรหิ จตูหิ กรณฺเฑหิ อิตเรหิ จตูหิ สมุคฺเคหิ อิตราหิ ตีหิ เปฬาหิ น ตาว ภาเชตฺวา เทติ, อนุปุพฺเพน ปน ทสฺสติ, น หิ สกฺกา เอกปฺปหาเรน ทาตุํ.
ตตฺถ มหาราชา วิย ภควา ทฏฺพฺโพ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ ภควา, ธมฺมราชา อนุตฺตโร’’ติ (สุ. นิ. ๕๕๙). เชฏฺปุตฺโต วิย สาริปุตฺตตฺเถโร, วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘ยํ โข ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย, ‘ภควโต ปุตฺโต โอรโส มุขโต ชาโต ธมฺมโช ธมฺมนิมฺมิโต ธมฺมทายาโท, โน อามิสทายาโท’ติ สาริปุตฺตเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย, ภควโต ปุตฺโต…เป… โน อามิสทายาโท’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๗). ปโรสหสฺสราชปุตฺตา วิย ภิกฺขุสงฺโฆ ทฏฺพฺโพ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ปโรสหสฺสํ ¶ ¶ ภิกฺขูนํ, สุคตํ ปยิรุปาสติ;
เทเสนฺตํ วิรชํ ธมฺมํ, นิพฺพานํ อกุโตภย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๖);
รฺโ เตสํ ปุตฺตานํ ปิฬนฺธนํ จตูสุ เปฬาสุ ปกฺขิปิตฺวา เชฏฺปุตฺตสฺส หตฺเถ ปิตกาโล วิย ภควโต ธมฺมเสนาปติสฺส หตฺเถ จตุสจฺจปฺปกาสนาย ปิตกาโล, เตเนวาห – ‘‘สาริปุตฺโต, ภิกฺขเว, ปโหติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ เทเสตุํ ปฺาเปตุํ ปฏฺเปตุํ วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตุ’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๓๗๑). ตถารูเป ขเณ เตสํ ราชปุตฺตานํ ตํ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิฬนฺธนํ ยาจนกาโล วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส วสฺสูปนายิกสมเย อาคนฺตฺวา ธมฺมเทสนาย ยาจิตกาโล. อุปกฏฺาย กิร วสฺสูปนายิกาย อิทํ สุตฺตํ เทสิตํ. รฺโ, ‘‘ตาตา, เชฏฺภาติกสฺส โว หตฺเถ มยา ปิฬนฺธนํ ปิตํ ตํ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธถา’’ติ วุตฺตกาโล วิย สมฺพุทฺเธนาปิ, ‘‘เสเวถ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน, ภชถ, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน. ปณฺฑิตา ภิกฺขู อนุคฺคาหกา สพฺรหฺมจารีน’’นฺติ เอวํ ธมฺมเสนาปติโน สนฺติเก ภิกฺขูนํ เปสิตกาโล.
ราชปุตฺเตหิ รฺโ กถํ สุตฺวา เชฏฺภาติกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปิฬนฺธนํ ยาจิตกาโล วิย ภิกฺขูหิ สตฺถุกถํ สุตฺวา ¶ ธมฺมเสนาปตึ อุปสงฺกมฺม ธมฺมเทสนํ อายาจิตกาโล. เชฏฺภาติกสฺส คพฺภํ วิวริตฺวา จตสฺโส เปฬาโย นีหริตฺวา ปนํ วิย ธมฺมเสนาปติสฺส อิมํ สุตฺตนฺตํ อารภิตฺวา จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ วเสน มาติกาย ปนํ. ติสฺโส เปฬาโย เปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา ตโต ปฺจสมุคฺคนีหรณํ วิย ตีณิ อริยสจฺจานิ เปตฺวา ทุกฺขํ อริยสจฺจํ วิภชนฺตสฺส ปฺจกฺขนฺธทสฺสนํ. จตฺตาโร สมุคฺเค เปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา ตโต ปฺจกรณฺฑนีหรณํ วิย จตฺตาโร อรูปกฺขนฺเธ เปตฺวา เอกํ รูปกฺขนฺธํ วิภชนฺตสฺส จตุมหาภูตอุปาทารูปวเสน ปฺจโกฏฺาสทสฺสนํ.
๓๐๒. จตฺตาโร กรณฺเฑ เปตฺวา เอกํ วิวริตฺวา ปิธานํ ปสฺเส เปตฺวา หตฺถูปคปาทูปคาทิปิฬนฺธนทานํ วิย ตีณิ มหาภูตานิ อุปาทารูปฺจ เปตฺวา เอกํ ปถวีธาตุํ วิภชนฺตสฺส พาหิรํ ตาว ปิธานํ วิย เปตฺวา อชฺฌตฺติกาย ¶ ปถวีธาตุยา นานาสภาวโต วีสติยา อากาเรหิ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กตมา จาวุโส อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตู’’ติอาทิวจนํ.
ตสฺส ¶ ปน ราชปุตฺตสฺส เตหิ จตูหิ กรณฺเฑหิ จตูหิ สมุคฺเคหิ ตีหิ จ เปฬาหิ ปจฺฉา อนุปุพฺเพน นีหริตฺวา ปิฬนฺธนทานํ วิย เถรสฺสาปิ อิตเรสฺจ ติณฺณํ มหาภูตานํ อุปาทารูปานฺจ จตุนฺนํ อรูปกฺขนฺธานฺจ ติณฺณํ อริยสจฺจานฺจ ปจฺฉา อนุปุพฺเพน ภาเชตฺวา ทสฺสนํ เวทิตพฺพํ. ยํ ปเนตํ ‘‘กตมา จาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตนฺติ อุภยมฺเปตํ นิยกาธิวจนเมว. กกฺขฬนฺติ ถทฺธํ. ขริคตนฺติ ผรุสํ. อุปาทินฺนนฺติ น กมฺมสมุฏฺานเมว, อวิเสเสน ปน สรีรฏฺกสฺเสตํ คหณํ. สรีรฏฺกฺหิ อุปาทินฺนํ วา โหตุ, อนุปาทินฺนํ วา, อาทินฺนคหิตปรามฏฺวเสน สพฺพํ อุปาทินฺนเมว นาม. เสยฺยถิทํ – เกสา โลมา…เป… อุทริยํ กรีสนฺติ อิทํ ธาตุกมฺมฏฺานิกสฺส กุลปุตฺตสฺส อชฺฌตฺติกปถวีธาตุวเสน ตาว กมฺมฏฺานํ วิภตฺตํ. เอตฺถ ปน มนสิการํ อารภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ คเหตุกาเมน ¶ ยํ กาตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตเมว. มตฺถลุงฺคํ ปน น อิธ ปาฬิอารุฬฺหํ. ตมฺปิ อาหริตฺวา, วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยเนว วณฺณสณฺานาทิวเสน ววตฺถเปตฺวา, ‘‘อยมฺปิ อเจตนา อพฺยากตา สฺุา ถทฺธา ปถวีธาตุ เอวา’’ติ มนสิ กาตพฺพํ. ยํ วา ปนฺมฺปีติ อิทํ อิตเรสุ ตีสุ โกฏฺาเสสุ อนุคตาย ปถวีธาตุยา คหณตฺถํ วุตฺตํ. ยา เจว โข ปน อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตูติ ยา จ อยํ วุตฺตปฺปการา อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ. ยา จ พาหิราติ ยา จ วิภงฺเค, ‘‘อโย โลหํ ติปุ สีส’’นฺติอาทินา (วิภ. ๑๗๓) นเยน อาคตา พาหิรา ปถวีธาตุ.
เอตฺตาวตา เถเรน อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ นานาสภาวโต วีสติยา อากาเรหิ วิตฺถาเรน ทสฺสิตา, พาหิรา สงฺเขเปน. กสฺมา? ยสฺมิฺหิ าเน สตฺตานํ อาลโย นิกนฺติ ปตฺถนา ปริยุฏฺานํ คหณํ ปรามาโส พลวา โหติ, ตตฺถ เตสํ อาลยาทีนํ อุทฺธรณตฺถํ พุทฺธา วา พุทฺธสาวกา วา วิตฺถารกถํ กเถนฺติ. ยตฺถ ปน น พลวา, ตตฺถ กตฺตพฺพกิจฺจาภาวโต สงฺเขเปน กเถนฺติ. ยถา หิ กสฺสโก เขตฺตํ กสมาโน ยตฺถ มูลสนฺตานกานํ พลวตาย นงฺคลํ ลคฺคติ, ตตฺถ โคเณ เปตฺวา ปํสุํ วิยูหิตฺวา มูลสนฺตานกานิ เฉตฺวา เฉตฺวา ¶ อุทฺธรนฺโต พหุํ วายามํ กโรติ. ยตฺถ ตานิ นตฺถิ, ตตฺถ พลวํ ปโยคํ กตฺวา โคเณ ปิฏฺิยํ ปหรมาโน กสติเยว, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
ปถวีธาตุเรเวสาติ ทุวิธาเปสา ถทฺธฏฺเน กกฺขฬฏฺเน ผรุสฏฺเน เอกลกฺขณา ปถวีธาตุเยว ¶ , อาวุโสติ อชฺฌตฺติกํ พาหิราย สทฺธึ โยเชตฺวา ทสฺเสติ. ยสฺมา พาหิราย ปถวีธาตุยา อเจตนาภาโว ปากโฏ, น อชฺฌตฺติกาย, ตสฺมา สา พาหิราย สทฺธึ เอกสทิสา อเจตนาเยวาติ คณฺหนฺตสฺส สุขปริคฺคโห โหติ. ยถา กึ? ยถา ทนฺเตน โคเณน สทฺธึ โยชิโต อทนฺโต กติปาหเมว วิสูกายติ วิปฺผนฺทติ, อถ น จิรสฺเสว ทมถํ อุเปติ. เอวํ อชฺฌตฺติกาปิ พาหิราย สทฺธึ เอกสทิสาติ คณฺหนฺตสฺส กติปาหเมว อเจตนาภาโว ¶ น อุปฏฺาติ, อถ น จิเรเนวสฺสา อเจตนาภาโว ปากโฏ โหติ. ตํ เนตํ มมาติ ตํ อุภยมฺปิ น เอตํ มม, น เอโสหมสฺมิ, น เอโส เม อตฺตาติ เอวํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. ยถาภูตนฺติ ยถาสภาวํ, ตฺหิ อนิจฺจาทิสภาวํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ เอวํ ทฏฺพฺพนฺติ อตฺโถ.
โหติ โข โส, อาวุโสติ กสฺมา อารภิ? พาหิรอาโปธาตุวเสน พาหิราย ปถวีธาตุยา วินาสํ ทสฺเสตฺวา ตโต วิเสสตเรน อุปาทินฺนาย สรีรฏฺกปถวีธาตุยา วินาสทสฺสนตฺถํ. ปกุปฺปตีติ อาโปสํวฏฺฏวเสน วฑฺฒมานา กุปฺปติ. อนฺตรหิตา ตสฺมึ สมเย พาหิรา ปถวีธาตุ โหตีติ ตสฺมึ สมเย โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬ ขาโรทเกน วิลียมานา อุทกานุคตา หุตฺวา สพฺพา ปพฺพตาทิวเสน สณฺิตา ปถวีธาตุ อนฺตรหิตา โหติ. วิลียิตฺวา อุทกเมว โหติ. ตาว มหลฺลิกายาติ ตาว มหนฺตาย.
ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;
เอตฺตกํ พหลตฺเตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธราติ. –
เอวํ พหลตฺเตเนว มหนฺตาย, วิตฺถารโต ปน โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปฺปมาณาย. อนิจฺจตาติ หุตฺวา อภาวตา. ขยธมฺมตาติ ขยํ คมนสภาวตา ¶ . วยธมฺมตาติ วยํ คมนสภาวตา. วิปริณามธมฺมตาติ ปกติวิชหนสภาวตา, อิติ สพฺเพหิปิ อิเมหิ ปเทหิ อนิจฺจลกฺขณเมว วุตฺตํ. ยํ ปน อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตํ อนตฺตาติ ตีณิปิ ลกฺขณานิ อาคตาเนว โหนฺติ. มตฺตฏฺกสฺสาติ ปริตฺตฏฺิติกสฺส, ตตฺถ ทฺวีหากาเรหิ อิมสฺส กายสฺส ปริตฺตฏฺิติตา เวทิตพฺพา ิติปริตฺตตาย จ สรสปริตฺตตาย จ. อยฺหิ อตีเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิตฺถ, น ชีวติ, น ชีวิสฺสติ. อนาคเต จิตฺตกฺขเณ ชีวิสฺสติ, น ชีวติ, น ชีวิตฺถ. ปจฺจุปฺปนฺเน จิตฺตกฺขเณ ชีวติ ¶ , น ชีวิตฺถ, น ชีวิสฺสตีติ วุจฺจติ.
‘‘ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;
เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุ โส วตฺตเต ขโณ’’ติ. –
อิทํ ¶ เอตสฺเสว ปริตฺตฏฺิติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เอวํ ิติปริตฺตตาย ปริตฺตฏฺิติตา เวทิตพฺพา.
อสฺสาสปสฺสาสูปนิพทฺธาทิภาเวน ปนสฺส สรสปริตฺตตา เวทิตพฺพา. สตฺตานฺหิ อสฺสาสูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, ปสฺสาสูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, อสฺสาสปสฺสาสูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, มหาภูตูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, กพฬีการาหารูปนิพทฺธํ ชีวิตํ, วิฺาณูปนิพทฺธํ ชีวิตนฺติ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตํ.
ตณฺหุปาทินฺนสฺสาติ ตณฺหาย อาทินฺนคหิตปรามฏฺสฺส อหนฺติ วา มมนฺติ วา อสฺมีติ วา. อถ ขฺวาสฺส โนเตเวตฺถ โหตีติ อถ โข อสฺส ภิกฺขุโน เอวํ ตีณิ ลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา ปสฺสนฺตสฺส เอตฺถ อชฺฌตฺติกาย ปถวีธาตุยา อหนฺติ วาติอาทิ ติวิโธ ตณฺหามานทิฏฺิคฺคาโห โนเตว โหติ, น โหติเยวาติ อตฺโถ. ยถา จ อาโปธาตุวเสน, เอวํ เตโชธาตุวาโยธาตุวเสนปิ พาหิราย ปถวีธาตุยา อนฺตรธานํ โหติ. อิธ ปน เอกํเยว อาคตํ. อิตรานิปิ อตฺถโต เวทิตพฺพานิ.
ตฺเจ, อาวุโสติ อิธ ตสฺส ธาตุกมฺมฏฺานิกสฺส ภิกฺขุโน โสตทฺวาเร ปริคฺคหํ ปฏฺเปนฺโต พลํ ทสฺเสติ. อกฺโกสนฺตีติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ. ปริภาสนฺตีติ ตยา อิทฺจิทฺจ กตํ, เอวฺจ เอวฺจ ตํ กริสฺสามาติ วาจาย ปริภาสนฺติ. โรเสนฺตีติ ฆฏฺเฏนฺติ. วิเหเสนฺตีติ ทุกฺขาเปนฺติ, สพฺพํ วาจาย ฆฏฺฏนเมว วุตฺตํ. โส เอวนฺติ โส ธาตุกมฺมฏฺานิโก ¶ เอวํ สมฺปชานาติ. อุปฺปนฺนา โข เม อยนฺติ สมฺปติวตฺตมานุปฺปนฺนภาเวน จ สมุทาจารุปฺปนฺนภาเวน จ อุปฺปนฺนา. โสตสมฺผสฺสชาติ อุปนิสฺสยวเสน โสตสมฺผสฺสโต ชาตา โสตทฺวารชวนเวทนา, ผสฺโส อนิจฺโจติ โสตสมฺผสฺโส หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺโจติ ปสฺสติ. เวทนาทโยปิ ¶ โสตสมฺผสฺสสมฺปยุตฺตาว เวทิตพฺพา. ธาตารมฺมณเมวาติ ธาตุสงฺขาตเมว อารมฺมณํ. ปกฺขนฺทตีติ โอตรติ. ปสีทตีติ ตสฺมึ อารมฺมเณ ปสีทติ, ภุมฺมวจนเมว วา เอตํ. พฺยฺชนสนฺธิวเสน ‘‘ธาตารมฺมณเมวา’’ติ วุตฺตํ, ธาตารมฺมเณเยวาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อธิมุจฺจตีติ ธาตุวเสน เอวนฺติ อธิโมกฺขํ ลภติ, น รชฺชติ, น ทุสฺสติ. อยฺหิ ¶ โสตทฺวารมฺหิ อารมฺมเณ อาปาถคเต มูลปริฺาอาคนฺตุกตาวกาลิกวเสน ปริคฺคหํ กโรติ, ตสฺส วิตฺถารกถา สติปฏฺาเน สติสมฺปชฺปพฺเพ วุตฺตา. สา ปน ตตฺถ จกฺขุทฺวารวเสน วุตฺตา, อิธ โสตทฺวารวเสน เวทิตพฺพา.
เอวํ กตปริคฺคหสฺส หิ ธาตุกมฺมฏฺานิกสฺส พลววิปสฺสกสฺส สเจปิ จกฺขุทฺวาราทีสุ อารมฺมเณ อาปาถคเต อโยนิโส อาวชฺชนํ อุปฺปชฺชติ, โวฏฺพฺพนํ ปตฺวา เอกํ ทฺเว วาเร อาเสวนํ ลภิตฺวา จิตฺตํ ภวงฺคเมว โอตรติ, น ราคาทิวเสน อุปฺปชฺชติ, อยํ โกฏิปฺปตฺโต ติกฺขวิปสฺสโก. อปรสฺส ราคาทิวเสน เอกํ วารํ ชวนํ ชวติ, ชวนปริโยสาเน ปน ราคาทิวเสน เอวํ เม ชวนํ ชวิตนฺติ อาวชฺชโต อารมฺมณํ ปริคฺคหิตเมว โหติ, ปุน วารํ ตถา น ชวติ. อปรสฺส เอกวารํ เอวํ อาวชฺชโต ปุน ทุติยวารํ ราคาทิวเสน ชวนํ ชวติเยว, ทุติยวาราวสาเน ปน เอวํ เม ชวนํ ชวิตนฺติ อาวชฺชโต อารมฺมณํ ปริคฺคหิตเมว โหติ, ตติยวาเร ตถา น อุปฺปชฺชติ. เอตฺถ ปน ปโม อติติกฺโข, ตติโย อติมนฺโท, ทุติยสฺส ปน วเสน อิมสฺมึ สุตฺเต, ลฏุกิโกปเม, อินฺทฺริยภาวเน จ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอวํ โสตทฺวาเร ปริคฺคหิตวเสน ธาตุกมฺมฏฺานิกสฺส พลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กายทฺวาเร ทีเปนฺโต ตฺเจ, อาวุโสติอาทิมาห. อนิฏฺารมฺมณฺหิ ปตฺวา ทฺวีสุ วาเรสุ กิลมติ โสตทฺวาเร จ กายทฺวาเร จ. ตสฺมา ยถา นาม เขตฺตสฺสามี ปุริโส กุทาลํ คเหตฺวา เขตฺตํ ¶ อนุสฺจรนฺโต ยตฺถ วา ตตฺถ วา มตฺติกปิณฺฑํ อทตฺวา ทุพฺพลฏฺาเนสุเยว กุทาเลน ภูมึ ภินฺทิตฺวา สติณมตฺติกปิณฺฑํ เทติ. เอวเมว มหาเถโร อนาคเต สิกฺขากามา ปธานกมฺมิกา กุลปุตฺตา อิเมสุ ทฺวาเรสุ สํวรํ ปฏฺเปตฺวา ขิปฺปเมว ชาติชรามรณสฺส อนฺตํ กริสฺสนฺตีติ อิเมสุเยว ทฺวีสุ ทฺวาเรสุ คาฬฺหํ กตฺวา สํวรํ เทเสนฺโต อิมํ เทสนํ อารภิ.
ตตฺถ ¶ สมุทาจรนฺตีติ อุปกฺกมนฺติ. ปาณิสมฺผสฺเสนาติ ¶ ปาณิปฺปหาเรน, อิตเรสุปิ เอเสว นโย. ตถาภูโตติ ตถาสภาโว. ยถาภูตสฺมินฺติ ยถาสภาเว. กมนฺตีติ ปวตฺตนฺติ. เอวํ พุทฺธํ อนุสฺสรโตติอาทีสุ อิติปิ โส ภควาติอาทินา นเยน อนุสฺสรนฺโตปิ พุทฺธํ อนุสฺสรติ, วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตาติ อนุสฺสรนฺโตปิ อนุสฺสรติเยว. สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโมติอาทินา นเยน อนุสฺสรนฺโตปิ ธมฺมํ อนุสฺสรติ, กกจูปโมวาทํ อนุสฺสรนฺโตปิ อนุสฺสรติเยว. สุปฺปฏิปนฺโนติอาทินา นเยน อนุสฺสรนฺโตปิ สงฺฆํ อนุสฺสรติ, กกโจกนฺตนํ อธิวาสยมานสฺส ภิกฺขุโน คุณํ อนุสฺสรมาโนปิ อนุสฺสรติเยว.
อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา น สณฺาตีติ อิธ วิปสฺสนุเปกฺขา อธิปฺเปตา. อุเปกฺขา กุสลนิสฺสิตา สณฺาตีติ อิธ ฉฬงฺคุเปกฺขา, สา ปเนสา กิฺจาปิ ขีณาสวสฺส อิฏฺานิฏฺเสุ อารมฺมเณสุ อรชฺชนาทิวเสน ปวตฺตติ, อยํ ปน ภิกฺขุ วีริยพเลน ภาวนาสิทฺธิยา อตฺตโน วิปสฺสนํ ขีณาสวสฺส ฉฬงฺคุเปกฺขาาเน เปตีติ วิปสฺสนาว ฉฬงฺคุเปกฺขา นาม ชาตา.
๓๐๓. อาโปธาตุนิทฺเทเส อาโปคตนฺติ สพฺพอาเปสุ คตํ อลฺลยูสภาวลกฺขณํ. ปิตฺตํ เสมฺหนฺติอาทีสุ ปน ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ สทฺธึ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ. ปกุปฺปตีติ โอฆวเสน วฑฺฒติ, สมุทฺทโต วา อุทกํ อุตฺตรติ, อยมสฺส ปากติโก ปโกโป, อาโปสํวฏฺฏกาเล ปน โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ อุทกปูรเมว โหติ. โอคจฺฉนฺตีติ เหฏฺา คจฺฉนฺติ, อุทฺธเน อาโรปิตอุทกํ วิย ขยํ วินาสํ ปาปุณนฺติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๓๐๔. เตโชธาตุนิทฺเทเส ¶ เตโชคตนฺติ สพฺพเตเชสุ คตํ อุณฺหตฺตลกฺขณํ. เตโช เอว วา เตโชภาวํ คตนฺติ เตโชคตํ. ปุริเม อาโปคเตปิ ปจฺฉิเม วาโยคเตปิ เอเสว นโย. เยน จาติ เยน เตโชคเตน. ตสฺมึ กุปฺปิเต อยํ กาโย สนฺตปฺปติ, เอกาหิกชราทิภาเวน อุสุมชาโต โหติ. เยน จ ชีรียตีติ เยน อยํ กาโย ชีรติ, อินฺทฺริยเวกลฺลตฺตํ พลปริกฺขยํ วลิปลิตาทิภาวฺจ ปาปุณาติ. เยน จ ปริฑยฺหตีติ เยน กุปฺปิเตน อยํ กาโย ทยฺหติ, โส จ ปุคฺคโล ทยฺหามิ ¶ ทยฺหามีติ กนฺทนฺโต สตโธตสปฺปิโคสีตจนฺทนาทิเลปฺจ ¶ ตาลวณฺฏวาตฺจ ปจฺจาสีสติ. เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉตีติ เยน ตํ อสิตํ วา โอทนาทิ, ปีตํ วา ปานกาทิ, ขายิตํ วา ปิฏฺขชฺชกาทิ, สายิตํ วา อมฺพปกฺกมธุผาณิตาทิ สมฺมา ปริปากํ คจฺฉติ, รสาทิภาเวน วิเวกํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปน ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ สทฺธึ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ.
หริตนฺตนฺติ หริตเมว. อลฺลติณาทึ อาคมฺม นิพฺพายตีติ อตฺโถ. ปนฺถนฺตนฺติ มหามคฺคเมว. เสลนฺตนฺติ ปพฺพตํ. อุทกนฺตนฺติ อุทกํ. รมณียํ วา ภูมิภาคนฺติ ติณคุมฺพาทิรหิตํ, วิวิตฺตํ อพฺโภกาสํ ภูมิภาคํ. อนาหาราติ นิราหารา นิรุปาทานา, อยมฺปิ ปกติยาว เตโชวิกาโร วุตฺโต, เตโชสํวฏฺฏกาเล ปน โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ ฌาเปตฺวา ฉาริกามตฺตมฺปิ น ติฏฺติ. นฺหารุททฺทุเลนาติ จมฺมนิลฺเลขเนน. อคฺคึ คเวสนฺตีติ เอวรูปํ สุขุมํ อุปาทานํ คเหตฺวา อคฺคึ ปริเยสนฺติ, ยํ อปฺปมตฺตกมฺปิ อุสุมํ ลภิตฺวา ปชฺชลติ, เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๓๐๕. วาโยธาตุนิทฺเทเส อุทฺธงฺคมา วาตาติ อุคฺคารหิกฺการาทิปวตฺตกา อุทฺธํ อาโรหนวาตา. อโธคมา วาตาติ อุจฺจารปสฺสาวาทินีหรณกา อโธ โอโรหนวาตา. กุจฺฉิสยา วาตาติ อนฺตานํ พหิวาตา. โกฏฺาสยา วาตาติ อนฺตานํ อนฺโตวาตา. องฺคมงฺคานุสาริโนติ ธมนีชาลานุสาเรน สกลสรีเร องฺคมงฺคานิ อนุสฏา สมิฺชนปสารณาทินิพฺพตฺตกวาตา. อสฺสาโสติ อนฺโตปวิสนนาสิกวาโต ¶ . ปสฺสาโสติ พหินิกฺขมนนาสิกวาโต. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปน ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ สทฺธึ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตํ.
คามมฺปิ วหตีติ สกลคามมฺปิ จุณฺณวิจุณฺณํ กุรุมานา อาทาย คจฺฉติ, นิคมาทีสุปิ เอเสว นโย. อิธ วาโยสํวฏฺฏกาเล โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬวิทฺธํสนวเสน ¶ วาโยธาตุวิกาโร ทสฺสิโต. วิธูปเนนาติ อคฺคิพีชนเกน. โอสฺสวเนติ ฉทนคฺเค, เตน หิ อุทกํ สวติ, ตสฺมา ตํ ‘‘โอสฺสวน’’นฺติ วุจฺจติ. เสสมิธาปิ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ.
๓๐๖. เสยฺยถาปิ ¶ , อาวุโสติ อิธ กึ ทสฺเสติ? เหฏฺา กถิตานํ มหาภูตานํ นิสฺสตฺตภาวํ. กฏฺนฺติ ทพฺพสมฺภารํ. วลฺลินฺติ อาพนฺธนวลฺลึ. ติณนฺติ ฉทนติณํ. มตฺติกนฺติ อนุเลปมตฺติกํ. อากาโส ปริวาริโตติ เอตานิ กฏฺาทีนิ อนฺโต จ พหิ จ ปริวาเรตฺวา อากาโส ิโตติ อตฺโถ. อคารํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตีติ อคารนฺติ ปณฺณตฺติมตฺตํ โหติ. กฏฺาทีสุ ปน วิสุํ วิสุํ ราสิกเตสุ กฏฺราสิวลฺลิราสีตฺเวว วุจฺจติ. เอวเมว โขติ เอวเมว อฏฺิอาทีนิ อนฺโต จ พหิ จ ปริวาเรตฺวา ิโต อากาโส, ตาเนว อฏฺิอาทีนิ ปฏิจฺจ รูปํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, สรีรนฺติ โวหารํ คจฺฉติ. ยถา กฏฺาทีนิ ปฏิจฺจ เคหนฺติ สงฺขํ คตํ อคารํ ขตฺติยเคหํ พฺราหฺมณเคหนฺติ วุจฺจติ, เอวมิทมฺปิ ขตฺติยสรีรํ พฺราหฺมณสรีรนฺติ วุจฺจติ, น เหตฺถ โกจิ สตฺโต วา ชีโว วา วิชฺชติ.
อชฺฌตฺติกฺเจว, อาวุโส, จกฺขูติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? เหฏฺา อุปาทารูปํ จตฺตาโร จ อรูปิโน ขนฺธา ตีณิ จ อริยสจฺจานิ น กถิตานิ, อิทานิ ตานิ กเถตุํ อยํ เทสนา อารทฺธาติ. ตตฺถ จกฺขุํ อปริภินฺนนฺติ จกฺขุปสาเท นิรุทฺเธปิ อุปหเตปิ ปิตฺตเสมฺหโลหิเตหิ ปลิพุทฺเธปิ จกฺขุ จกฺขุวิฺาณสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ น สกฺโกติ, ปริภินฺนเมว โหติ, จกฺขุวิฺาณสฺส ปน ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ อปริภินฺนํ นาม. พาหิรา จ รูปาติ พาหิรา จตุสมุฏฺานิกรูปา. ตชฺโช สมนฺนาหาโรติ ตํ จกฺขฺุจ รูเป จ ปฏิจฺจ ภวงฺคํ อาวฏฺเฏตฺวา อุปฺปชฺชนมนสิกาโร, ภวงฺคาวฏฺฏนสมตฺถํ จกฺขุทฺวาเร ¶ กิริยมโนธาตุจิตฺตนฺติ อตฺโถ. ตํ รูปานํ อนาปาถคตตฺตาปิ อฺาวิหิตสฺสปิ น โหติ, ตชฺชสฺสาติ ตทนุรูปสฺส. วิฺาณภาคสฺสาติ วิฺาณโกฏฺาสสฺส.
ยํ ตถาภูตสฺสาติอาทีสุ ทฺวารวเสน จตฺตาริ สจฺจานิ ¶ ทสฺเสติ. ตตฺถ ตถาภูตสฺสาติ จกฺขุวิฺาเณน สหภูตสฺส, จกฺขุวิฺาณสมงฺคิโนติ อตฺโถ. รูปนฺติ จกฺขุวิฺาณสฺส น รูปชนกตฺตา จกฺขุวิฺาณกฺขเณ ติสมุฏฺานรูปํ, ตทนนฺตรจิตฺตกฺขเณ จตุสมุฏฺานมฺปิ ลพฺภติ. สงฺคหํ คจฺฉตีติ คณนํ คจฺฉติ. เวทนาทโย จกฺขุวิฺาณสมฺปยุตฺตาว. วิฺาณมฺปิ จกฺขุวิฺาณเมว. เอตฺถ จ สงฺขาราติ เจตนาว วุตฺตา. สงฺคโหติ เอกโต สงฺคโห. สนฺนิปาโตติ สมาคโม. สมวาโยติ ราสิ. โย ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปสฺสตีติ โย ปจฺจเย ปสฺสติ. โส ธมฺมํ ปสฺสตีติ โส ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺเม ปสฺสติ, ฉนฺโทติอาทิ สพฺพํ ตณฺหาเววจนเมว ¶ , ตณฺหา หิ ฉนฺทกรณวเสน ฉนฺโท. อาลยกรณวเสน อาลโย. อนุนยกรณวเสน อนุนโย. อชฺโฌคาหิตฺวา คิลิตฺวา คหนวเสน อชฺโฌสานนฺติ วุจฺจติ. ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานนฺติ นิพฺพานสฺเสว เววจนํ, อิติ ตีณิ สจฺจานิ ปาฬิยํ อาคตาเนว มคฺคสจฺจํ อาหริตฺวา คเหตพฺพํ, ยา อิเมสุ ตีสุ าเนสุ ทิฏฺิ สงฺกปฺโป วาจา กมฺมนฺโต อาชีโว วายาโม สติ สมาธิ ภาวนาปฏิเวโธ, อยํ มคฺโคติ. พหุกตํ โหตีติ เอตฺตาวตาปิ พหุํ ภควโต สาสนํ กตํ โหติ, อชฺฌตฺติกฺเจว, อาวุโส, โสตนฺติอาทิวาเรสุปิ เอเสว นโย.
มโนทฺวาเร ปน อชฺฌตฺติโก มโน นาม ภวงฺคจิตฺตํ. ตํ นิรุทฺธมฺปิ อาวชฺชนจิตฺตสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ อสมตฺถํ มนฺทถามคตเมว ปวตฺตมานมฺปิ ปริภินฺนํ นาม โหติ. อาวชฺชนสฺส ปน ปจฺจโย ภวิตุํ สมตฺถํ อปริภินฺนํ นาม. พาหิรา จ ธมฺมาติ ธมฺมารมฺมณํ. เนว ตาว ตชฺชสฺสาติ อิทํ ภวงฺคสมเยเนว กถิตํ. ทุติยวาโร ปคุณชฺฌานปจฺจเวกฺขเณน วา, ปคุณกมฺมฏฺานมนสิกาเรน วา, ปคุณพุทฺธวจนสชฺฌายกรณาทินา วา, อฺวิหิตกํ สนฺธาย วุตฺโต. อิมสฺมึ วาเร รูปนฺติ จตุสมุฏฺานมฺปิ ลพฺภติ. มโนวิฺาณฺหิ รูปํ สมุฏฺาเปติ, เวทนาทโย มโนวิฺาณสมฺปยุตฺตา ¶ , วิฺาณํ มโนวิฺาณเมว. สงฺขารา ปเนตฺถ ผสฺสเจตนาวเสเนว ¶ คหิตา. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิติ มหาเถโร เหฏฺา เอกเทสเมว สมฺมสนฺโต อาคนฺตฺวา อิมสฺมึ าเน ตฺวา เหฏฺา ปริหีนเทสนํ สพฺพํ ตํตํทฺวารวเสน ภาเชตฺวา ทสฺเสนฺโต ยถานุสนฺธินาว สุตฺตนฺตํ นิฏฺเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาหตฺถิปโทปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. มหาสาโรปมสุตฺตวณฺณนา
๓๐๗. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ มหาสาโรปมสุตฺตํ. ตตฺถ อจิรปกฺกนฺเตติ สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา รุหิรุปฺปาทกมฺมํ กตฺวา นจิรปกฺกนฺเต สลิงฺเคเนว ปาฏิเยกฺเก ชาเต.
อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ กุลปุตฺโตติ กิฺจาปิ อสุกกุลปุตฺโตติ น นิยามิโต, เทวทตฺตํเยว ปน สนฺธาย อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. โส หิ อสมฺภินฺนาย มหาสมฺมตปเวณิยา โอกฺกากวํเส ชาตตฺตา ชาติกุลปุตฺโต. โอติณฺโณติ ยสฺส ชาติ อนฺโต อนุปวิฏฺา, โส ชาติยา โอติณฺโณ นาม. ชราทีสุปิ เอเสว นโย. ลาภสกฺการาทีสุปิ ลาโภติ จตฺตาโร ปจฺจยา. สกฺกาโรติ เตสํเยว สุกตภาโว. สิโลโกติ วณฺณภณนํ. อภินิพฺพตฺเตตีติ อุปฺปาเทติ. อปฺาตาติ ทฺวินฺนํ ชนานํ ิตฏฺาเน น ปฺายนฺติ, ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ น ลภนฺติ. อปฺเปสกฺขาติ อปฺปปริวารา, ปุรโต วา ปจฺฉโต วา คจฺฉนฺตํ น ลภนฺติ.
สาเรน สารกรณียนฺติ รุกฺขสาเรน กตฺตพฺพํ อกฺขจกฺกยุคนงฺคลาทิกํ ยํกิฺจิ. สาขาปลาสํ อคฺคเหสิ พฺรหฺมจริยสฺสาติ มคฺคผลสารสฺส สาสนพฺรหฺมจริยสฺส จตฺตาโร ปจฺจยา สาขาปลาสํ นาม, ตํ อคฺคเหสิ. เตน จ โวสานํ อาปาทีติ เตเนว จ อลเมตฺตาวตา สาโร เม ปตฺโตติ โวสานํ อาปนฺโน.
๓๑๐. าณทสฺสนํ อาราเธตีติ เทวทตฺโต ปฺจาภิฺโ, ทิพฺพจกฺขุ จ ปฺจนฺนํ อภิฺานํ มตฺถเก ิตํ, ตํ อิมสฺมึ สุตฺเต ‘‘าณทสฺสน’’นฺติ วุตฺตํ ¶ . อชานํ อปสฺสํ วิหรนฺตีติ ¶ กิฺจิ สุขุมํ รูปํ อชานนฺตา อนฺตมโส ปํสุปิสาจกมฺปิ อปสฺสนฺตา วิหรนฺติ.
๓๑๑. อสมยวิโมกฺขํ อาราเธตีติ, ‘‘กตโม อสมยวิโมกฺโข? จตฺตาโร จ อริยมคฺคา จตฺตาริ จ สามฺผลานิ, นิพฺพานฺจ, อยํ อสมยวิโมกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๒๑๓) เอวํ ¶ วุตฺเต นวโลกุตฺตรธมฺเม อาราเธติ สมฺปาเทติ ปฏิลภติ. โลกิยสมาปตฺติโย หิ อปฺปิตปฺปิตกฺขเณเยว ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุจฺจนฺติ, ตสฺมา, ‘‘กตโม สมยวิโมกฺโข? จตฺตาริ จ ฌานานิ จตสฺโส จ อรูปาวจรสมาปตฺติโย, อยํ สมยวิโมกฺโข’’ติ เอวํ สมยวิโมกฺโขติ วุตฺตา. โลกุตฺตรธมฺมา ปน กาเลน กาลํ วิมุจฺจนฺติ, สกึ วิมุตฺตานิ หิ มคฺคผลานิ วิมุตฺตาเนว โหนฺติ. นิพฺพานํ สพฺพกิเลเสหิ อจฺจนฺตํ วิมุตฺตเมวาติ อิเม นว ธมฺมา อสมยวิโมกฺโขติ วุตฺตา.
อกุปฺปา เจโตวิมุตฺตีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติ. อยมตฺโถ เอตสฺสาติ เอตทตฺถํ, อรหตฺตผลตฺถมิทํ พฺรหฺมจริยํ. อยํ เอตสฺส อตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. เอตํ สารนฺติ เอตํ อรหตฺตผลํ พฺรหฺมจริยสฺส สารํ. เอตํ ปริโยสานนฺติ เอตํ อรหตฺตผลํ พฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ, เอสา โกฏิ, น อิโต ปรํ ปตฺตพฺพํ อตฺถีติ ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาสาโรปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. จูฬสาโรปมสุตฺตวณฺณนา
๓๑๒. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ จูฬสาโรปมสุตฺตํ. ตตฺถ ปิงฺคลโกจฺโฉติ โส พฺราหฺมโณ ปิงฺคลธาตุโก. โกจฺโฉติ ปนสฺส นามํ, ตสฺมา ‘‘ปิงฺคลโกจฺโฉ’’ติ วุจฺจติ. สงฺฆิโนติอาทีสุ ปพฺพชิตสมูหสงฺขาโต สงฺโฆ เอเตสํ อตฺถีติ สงฺฆิโน. สฺเวว คโณ เอเตสํ อตฺถีติ คณิโน. อาจารสิกฺขาปนวเสน ตสฺส คณสฺส อาจริยาติ คณาจริยา. าตาติ ปฺาตา ปากฏา. ‘‘อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา, อปฺปิจฺฉตาย ¶ วตฺถมฺปิ น นิวาเสนฺตี’’ติอาทินา นเยน สมุคฺคโต ยโส เอเตสํ ¶ อตฺถีติ ยสสฺสิโน. ติตฺถกราติ ลทฺธิกรา. สาธุสมฺมตาติ อิเม สาธุ สุนฺทรา สปฺปุริสาติ เอวํ สมฺมตา. พหุชนสฺสาติ อสฺสุตวโต อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺส. อิทานิ เต ทสฺเสนฺโต เสยฺยถิทํ ปูรโณติอาทิมาห. ตตฺถ ปูรโณติ ตสฺส สตฺถุปฏิฺสฺส นามํ. กสฺสโปติ โคตฺตํ. โส กิร อฺตรสฺส กุลสฺส เอกูนทาสสตํ ปูรยมาโน ชาโต, เตนสฺส ‘‘ปูรโณ’’ติ นามํ อกํสุ. มงฺคลทาสตฺตา จสฺส ‘‘ทุกฺกฏ’’นฺติ วตฺตา นตฺถิ, อกตํ วา น กตนฺติ. ‘‘โส กิมหเมตฺถ วสามี’’ติ ปลายิ. อถสฺส โจรา วตฺถานิ อจฺฉินฺทึสุ. โส ปณฺเณน วา ติเณน วา ปฏิจฺฉาเทตุมฺปิ อชานนฺโต ชาตรูเปเนว เอกํ คามํ ปาวิสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ สมโณ อรหา อปฺปิจฺโฉ, นตฺถิ อิมินา สทิโส’’ติ ปูวภตฺตาทีนิ คเหตฺวา อุปสงฺกมนฺติ. โส ‘‘มยฺหํ สาฏกํ อนิวตฺถภาเวน อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตโต ปฏฺาย สาฏกํ ลภิตฺวาปิ น นิวาเสสิ, ตเทว ปพฺพชฺชํ อคฺคเหสิ. ตสฺส สนฺติเก อฺเปิ ปฺจสตา มนุสฺสา ปพฺพชึสุ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปูรโณ กสฺสโป’’ติ.
มกฺขลีติ ตสฺส นามํ. โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติ ทุติยํ นามํ. ตํ กิร สกทฺทมาย ภูมิยา เตลฆฏํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตํ, ‘‘ตาต, มา ขลี’’ติ สามิโก อาห. โส ปมาเทน ขลิตฺวา ปติตฺวา สามิกสฺส ภเยน ปลายิตุํ อารทฺโธ. สามิโก อุปธาวิตฺวา สาฏกกณฺเณ อคฺคเหสิ. โสปิ สาฏกํ ฉฑฺเฑตฺวา อเจลโก หุตฺวา ปลายิ, เสสํ ปูรณสทิสเมว.
อชิโตติ ¶ ตสฺส นามํ. เกสกมฺพลํ ธาเรตีติ เกสกมฺพโล. อิติ นามทฺวยํ สํสนฺทิตฺวา ‘‘อชิโต เกสกมฺพโล’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ เกสกมฺพโล นาม มนุสฺสเกเสหิ กตกมฺพโล, ตโต ปฏิกิฏฺตรํ วตฺถํ นาม นตฺถิ. ยถาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ตนฺตาวุตานํ วตฺถานํ, เกสกมฺพโล เตสํ ปฏิกิฏฺโ อกฺขายติ, เกสกมฺพโล, ภิกฺขเว, สีเต สีโต อุณฺเห อุณฺโห ทุพฺพณฺโณ ทุคฺคนฺโธ ทุกฺขสมฺผสฺโส’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓๘).
ปกุโธติ ¶ ตสฺส นามํ. กจฺจายโนติ โคตฺตํ. อิติ ¶ นามโคตฺตํ สํสนฺทิตฺวา, ‘‘ปกุโธ กจฺจายโน’’ติ วุจฺจติ. สีตุทกปฏิกฺขิตฺตโก เอส, วจฺจํ กตฺวาปิ อุทกกิจฺจํ น กโรติ, อุณฺโหทกํ วา กฺชิยํ วา ลภิตฺวา กโรติ, นทึ วา มคฺโคทกํ วา อติกฺกมฺม, ‘‘สีลํ เม ภินฺน’’นฺติ วาลิกถูปํ กตฺวา สีลํ อธิฏฺาย คจฺฉติ, เอวรูโป นิสฺสิริกลทฺธิโก เอส.
สฺชโยติ ตสฺส นามํ. เพลฏฺสฺส ปุตฺโตติ เพลฏฺปุตฺโต. อมฺหากํ คณฺนกิเลโส ปลิพุชฺฌนกิเลโส นตฺถิ, กิเลสคณฺรหิตา มยนฺติ เอวํ วาทิตาย ลทฺธนามวเสน นิคณฺโ. นาฏสฺส ปุตฺโตติ นาฏปุตฺโต. อพฺภฺํสูติ ยถา เตสํ ปฏิฺา, ตเถว ชานึสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ เนสํ สา ปฏิฺา นิยฺยานิกา สพฺเพ อพฺภฺํสุ. โน เจ, น อพฺภฺํสุ. ตสฺมา กึ เตสํ ปฏิฺา นิยฺยานิกา น นิยฺยานิกาติ, อยเมตสฺส ปฺหสฺส อตฺโถ. อถ ภควา เนสํ อนิยฺยานิกภาวกถเนน อตฺถาภาวโต อลนฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวา อุปมาย อตฺถํ ปเวเทนฺโต ธมฺมเมว เทเสตุํ, ธมฺมํ, เต พฺราหฺมณ, เทเสสฺสามีติ อาห.
๓๒๐. ตตฺถ สจฺฉิกิริยายาติ สจฺฉิกรณตฺถํ. น ฉนฺทํ ชเนตีติ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ น ชนยติ. น วายมตีติ วายามํ ปรกฺกมํ น กโรติ. โอลีนวุตฺติโก จ โหตีติ ลีนชฺฌาสโย โหติ. สาถลิโกติ สิถิลคฺคาหี, สาสนํ สิถิลํ กตฺวา คณฺหาติ, ทฬฺหํ น คณฺหาติ.
๓๒๓. อิธ, พฺราหฺมณ ภิกฺขุ, วิวิจฺเจว กาเมหีติ กถํ อิเม ปมชฺฌานาทิธมฺมา าณทสฺสเนน อุตฺตริตรา ชาตาติ? นิโรธปาทกตฺตา. เหฏฺา ปมชฺฌานาทิธมฺมา หิ วิปสฺสนาปาทกา ¶ , อิธ นิโรธปาทกา, ตสฺมา อุตฺตริตรา ชาตาติ เวทิตพฺพา. อิติ ภควา อิทมฺปิ สุตฺตํ ยถานุสนฺธินาว นิฏฺเปสิ. เทสนาวสาเน พฺราหฺมโณ สรเณสุ ปติฏฺิโตติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬสาโรปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. มหายมกวคฺโค
๑. จูฬโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๒๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ จูฬโคสิงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ นาติเก วิหรตีติ นาติกา นาม เอกํ ตฬากํ นิสฺสาย ทฺวินฺนํ จูฬปิติมหาปิติปุตฺตานํ ทฺเว คามา, เตสุ เอกสฺมึ คาเม. คิฺชกาวสเถติ อิฏฺกามเย อาวสเถ. เอกสฺมึ กิร สมเย ภควา มหาชนสงฺคหํ กโรนฺโต วชฺชิรฏฺเ จาริกํ จรมาโน นาติกํ อนุปฺปตฺโต. นาติกวาสิโน มนุสฺสา ภควโต มหาทานํ ทตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสนฺนหทยา, ‘‘สตฺถุ วสนฏฺานํ กริสฺสามา’’ติ มนฺเตตฺวา อิฏฺกาเหว ภิตฺติโสปานตฺถมฺเภ วาฬรูปาทีนิ ทสฺเสนฺโต ปาสาทํ กตฺวา สุธาย ลิมฺปิตฺวา มาลากมฺมลตากมฺมาทีนิ นิฏฺาเปตฺวา ภุมฺมตฺถรณมฺจปีาทีนิ ปฺเปตฺวา สตฺถุ นิยฺยาเตสุํ. อปราปรํ ปเนตฺถ มนุสฺสา ภิกฺขุสงฺฆสฺส รตฺติฏฺานทิวาฏฺานมณฺฑปจงฺกมาทีนิ การยึสุ. อิติ โส วิหาโร มหา อโหสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘คิฺชกาวสเถ’’ติ.
โคสิงฺคสาลวนทาเยติ ตตฺถ เอกสฺส เชฏฺกรุกฺขสฺส ขนฺธโต โคสิงฺคสณฺานํ หุตฺวา วิฏปํ อุฏฺหิ, ตํ รุกฺขํ อุปาทาย สพฺพมฺปิ ตํ วนํ โคสิงฺคสาลวนนฺติ สงฺขํ คตํ. ทาโยติ อวิเสเสน อรฺสฺเสตํ นามํ. ตสฺมา โคสิงฺคสาลวนทาเยติ โคสิงฺคสาลวนอรฺเติ อตฺโถ. วิหรนฺตีติ สามคฺคิรสํ อนุภวมานา วิหรนฺติ. อิเมสฺหิ กุลปุตฺตานํ อุปริปณฺณาสเก ปุถุชฺชนกาโล กถิโต, อิธ ขีณาสวกาโล. ตทา หิ เต ลทฺธสฺสาทา ลทฺธปติฏฺา อธิคตปฏิสมฺภิทา ขีณาสวา หุตฺวา สามคฺคิรสํ อนุภวมานา ตตฺถ วิหรึสุ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
เยน โคสิงฺคสาลวนทาโย เตนุปสงฺกมีติ ธมฺมเสนาปติมหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรสุ วา อสีติมหาสาวเกสุ ¶ วา, อนฺตมโส ธมฺมภณฺฑาคาริกอานนฺทตฺเถรมฺปิ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สยเมว ปตฺตจีวรํ อาทาย อนีกา นิสฺสโฏ หตฺถี วิย, ยูถา นิสฺสโฏ กาฬสีโห วิย ¶ , วาตจฺฉินฺโน วลาหโก วิย เอกโกว อุปสงฺกมิ. กสฺมา ปเนตฺถ ภควา สยํ อคมาสีติ? ตโย กุลปุตฺตา ¶ สามคฺคิรสํ อนุภวนฺตา วิหรนฺติ, เตสํ ปคฺคณฺหนโต, ปจฺฉิมชนตํ อนุกมฺปนโต ธมฺมครุภาวโต จ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ อิเม กุลปุตฺเต ปคฺคณฺหิตฺวา อุกฺกํสิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ธมฺมํ เนสํ เทเสสฺสามี’’ติ. เอวํ ตาว ปคฺคณฺหนโต อคมาสิ. อปรมฺปิสฺส อโหสิ – ‘‘อนาคเต กุลปุตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ สมคฺควาสํ วสนฺตานํ สนฺติกํ สยํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา ตโย กุลปุตฺเต ปคฺคณฺหิ, โก นาม สมคฺควาสํ น วเสยฺยาติ สมคฺควาสํ วสิตพฺพํ มฺมานา ขิปฺปเมว ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ. เอวํ ปจฺฉิมชนตํ อนุกมฺปนโตปิ อคมาสิ. พุทฺธา จ นาม ธมฺมครุโน โหนฺติ, โส จ เนสํ ธมฺมครุภาโว รถวินีเต อาวิกโตว. อิติ อิมสฺมา ธมฺมครุภาวโตปิ ธมฺมํ ปคฺคณฺหิสฺสามีติ อคมาสิ.
ทายปาโลติ อรฺปาโล. โส ตํ อรฺํ ยถา อิจฺฉิติจฺฉิตปฺปเทเสน มนุสฺสา ปวิสิตฺวา ตตฺถ ปุปฺผํ วา ผลํ วา นิยฺยาสํ วา ทพฺพสมฺภารํ วา น หรนฺติ, เอวํ วติยา ปริกฺขิตฺตสฺส ตสฺส อรฺสฺส โยชิเต ทฺวาเร นิสีทิตฺวา ตํ อรฺํ รกฺขติ, ปาเลติ. ตสฺมา ‘‘ทายปาโล’’ติ วุตฺโต. อตฺตกามรูปาติ อตฺตโน หิตํ กามยมานสภาวา หุตฺวา วิหรนฺติ. โย หิ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ เวชฺชกมฺมทูตกมฺมปหิณคมนาทีนํ วเสน เอกวีสติอเนสนาหิ ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ น อตฺตกามรูโป นาม. โย ปน อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา เอกวีสติอเนสนํ ปหาย จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฏฺาย พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา สปฺปายธุตงฺคํ อธิฏฺาย อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิยํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คามนฺตํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กุรุมาโน วิหรติ, อยํ อตฺตกาโม นาม. เตปิ ตโย กุลปุตฺตา เอวรูปา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺตกามรูปา วิหรนฺตี’’ติ.
มา เตสํ อผาสุมกาสีติ เตสํ มา อผาสุกํ อกาสีติ ภควนฺตํ วาเรสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อิเม กุลปุตฺตา ¶ สมคฺคา วิหรนฺติ, เอกจฺจสฺส จ คตฏฺาเน ภณฺฑนกลหวิวาทา วตฺตนฺติ, ติขิณสิงฺโค จณฺฑโคโณ วิย โอวิชฺฌนฺโต วิจรติ, อเถกมคฺเคน ทฺวินฺนํ คมนํ น ¶ โหติ, กทาจิ อยมฺปิ เอวํ กโรนฺโต อิเมสํ กุลปุตฺตานํ สมคฺควาสํ ¶ ภินฺเทยฺย. ปาสาทิโก จ ปเนส สุวณฺณวณฺโณ สุรสคิทฺโธ มฺเ, คตกาลโต ปฏฺาย ปณีตทายกานํ อตฺตโน อุปฏฺากานฺจ วณฺณกถนาทีหิ อิเมสํ กุลปุตฺตานํ อปฺปมาทวิหารํ ภินฺเทยฺย. วสนฏฺานานิ จาปิ เอเตสํ กุลปุตฺตานํ นิพทฺธานิ ปริจฺฉินฺนานิ ติสฺโส จ ปณฺณสาลา ตโย จงฺกมา ตีณิ ทิวาฏฺานานิ ตีณิ มฺจปีานิ. อยํ ปน สมโณ มหากาโย วุฑฺฒตโร มฺเ ภวิสฺสติ. โส อกาเล อิเม กุลปุตฺเต เสนาสนา วุฏฺาเปสฺสติ. เอวํ สพฺพถาปิ เอเตสํ อผาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. ตํ อนิจฺฉนฺโต, ‘‘มา เตสํ อผาสุกมกาสี’’ติ ภควนฺตํ วาเรสิ.
กึ ปเนส ชานนฺโต วาเรสิ, อชานนฺโตติ? อชานนฺโต. กิฺจาปิ หิ ตถาคตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ทสสหสฺสจกฺกวาฬกมฺปนาทีนิ ปาฏิหาริยานิ ปวตฺตึสุ, อรฺวาสิโน ปน ทุพฺพลมนุสฺสา สกมฺมปฺปสุตา ตานิ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกนฺติ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ จ นาม ยทา อเนกภิกฺขุสหสฺสปริวาโร พฺยามปฺปภาย อสีติอนุพฺยฺชเนหิ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสิริยา จ พุทฺธานุภาวํ ทสฺเสนฺโต วิจรติ, ตทา โก เอโสติ อปุจฺฉิตฺวาว ชานิตพฺโพ โหติ. ตทา ปน ภควา สพฺพมฺปิ ตํ พุทฺธานุภาวํ จีวรคพฺเภน ปฏิจฺฉาเทตฺวา วลาหกคพฺเภน ปฏิจฺฉนฺโน ปุณฺณจนฺโท วิย สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย อฺาตกเวเสน อคมาสิ. อิติ นํ อชานนฺโตว ทายปาโล นิวาเรสิ.
เอตทโวจาติ เถโร กิร มา สมณาติ ทายปาลสฺส กถํ สุตฺวาว จินฺเตสิ – ‘‘มยํ ตโย ชนา อิธ วิหราม, อฺเ ปพฺพชิตา นาม นตฺถิ, อยฺจ ทายปาโล ปพฺพชิเตน วิย สทฺธึ กเถติ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ทิวาฏฺานโต วุฏฺาย ทฺวาเร ตฺวา มคฺคํ โอโลเกนฺโต ภควนฺตํ อทฺทส. ภควาปิ เถรสฺส สห ทสฺสเนเนว สรีโรภาสํ มฺุจิ, อสีติอนุพฺยฺชนวิราชิตา พฺยามปฺปภา ปสาริตสุวณฺณปโฏ วิย วิโรจิตฺถ. เถโร, ‘‘อยํ ทายปาโล ผณกตํ อาสิวิสํ ¶ คีวาย คเหตุํ หตฺถํ ปสาเรนฺโต วิย โลเก อคฺคปุคฺคเลน สทฺธึ กเถนฺโตว น ชานาติ, อฺตรภิกฺขุนา วิย สทฺธึ กเถตี’’ติ นิวาเรนฺโต เอตํ, ‘‘มา, อาวุโส ทายปาลา’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
เตนุปสงฺกมีติ ¶ กสฺมา ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ อกตฺวา อุปสงฺกมิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ¶ – ‘‘มยํ ตโย ชนา สมคฺควาสํ วสาม, สจาหํ เอกโกว ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสามิ, สมคฺควาโส นาม น ภวิสฺสตี’’ติ ปิยมิตฺเต คเหตฺวาว ปจฺจุคฺคมนํ กริสฺสามิ. ยถา จ ภควา มยฺหํ ปิโย, เอวํ สหายานมฺปิ เม ปิโยติ, เตหิ สทฺธึ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุกาโม สยํ อกตฺวาว อุปสงฺกมิ. เกจิ ปน เตสํ เถรานํ ปณฺณสาลทฺวาเร จงฺกมนโกฏิยา ภควโต อาคมนมคฺโค โหติ, ตสฺมา เถโร เตสํ สฺํ ททมาโนว คโตติ. อภิกฺกมถาติ อิโต อาคจฺฉถ. ปาเท ปกฺขาเลสีติ วิกสิตปทุมสนฺนิเภหิ ชาลหตฺเถหิ มณิวณฺณํ อุทกํ คเหตฺวา สุวณฺณวณฺเณสุ ปิฏฺิปาเทสุ อุทกมภิสิฺจิตฺวา ปาเทน ปาทํ ฆํสนฺโต ปกฺขาเลสิ. พุทฺธานํ กาเย รโชชลฺลํ นาม น อุปลิมฺปติ, กสฺมา ปกฺขาเลสีติ? สรีรสฺส อุตุคฺคหณตฺถํ, เตสฺจ จิตฺตสมฺปหํสนตฺถํ. อมฺเหหิ อภิหเฏน อุทเกน ภควา ปาเท ปกฺขาเลสิ, ปริโภคํ อกาสีติ เตสํ ภิกฺขูนํ พลวโสมนสฺสวเสน จิตฺตํ ปีณิตํ โหติ, ตสฺมา ปกฺขาเลสิ. อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภควา เอตทโวจาติ โส กิร เตสํ วุฑฺฒตโร.
๓๒๖. ตสฺส สงฺคเห กเต เสสานํ กโตว โหตีติ เถรฺเว เอตํ กจฺจิ โว อนุรุทฺธาติอาทิวจนํ อโวจ. ตตฺถ กจฺจีติ ปุจฺฉนตฺเถ นิปาโต. โวติ สามิวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กจฺจิ อนุรุทฺธา ตุมฺหากํ ขมนียํ, อิริยาปโถ โว ขมติ? กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โว ชีวิตํ ยาเปติ ฆฏิยติ? กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมถ, กจฺจิ ตุมฺหากํ สุลภปิณฺฑํ, สมฺปตฺเต โว ทิสฺวา มนุสฺสา อุฬุงฺกยาคุํ วา กฏจฺฉุภิกฺขํ วา ทาตพฺพํ มฺนฺตีติ ภิกฺขาจารวตฺตํ ปุจฺฉติ. กสฺมา? ปจฺจเยน อกิลมนฺเตน หิ สกฺกา สมณธมฺโม กาตุํ, วตฺตเมว วา เอตํ ปพฺพชิตานํ. อถ ¶ เตน ปฏิวจเน ทินฺเน, ‘‘อนุรุทฺธา, ตุมฺเห ราชปพฺพชิตา มหาปฺุา, มนุสฺสา ตุมฺหากํ อรฺเ วสนฺตานํ อทตฺวา กสฺส อฺสฺส ทาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, ตุมฺเห ปน เอตํ ภฺุชิตฺวา กึ นุ โข มิคโปตกา วิย อฺมฺํ สงฺฆฏฺเฏนฺตา วิหรถ, อุทาหุ สามคฺคิภาโว โว อตฺถี’’ติ สามคฺคิรสํ ปุจฺฉนฺโต, กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, สมคฺคาติอาทิมาห.
ตตฺถ ขีโรทกีภูตาติ ยถา ขีรฺจ อุทกฺจ อฺมฺํ สํสนฺทติ, วิสุํ น โหติ, เอกตฺตํ วิย อุเปติ, กจฺจิ เอวํ สามคฺคิวเสน เอกตฺตูปคตจิตฺตุปฺปาทา ¶ วิหรถาติ ปุจฺฉติ. ปิยจกฺขูหีติ เมตฺตจิตฺตํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา โอโลกนจกฺขูนิ ปิยจกฺขูนิ นาม. กจฺจิ ตถารูเปหิ จกฺขูหิ อฺมฺํ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถาติ ปุจฺฉติ. ตคฺฆาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต. เอกํเสน ¶ มยํ, ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. ยถา กถํ ปนาติ เอตฺถ ยถาติ นิปาตมตฺตํ. กถนฺติ การณปุจฺฉา. กถํ ปน ตุมฺเห เอวํ วิหรถ, เกน การเณน วิหรถ, ตํ เม การณํ พฺรูถาติ วุตฺตํ โหติ. เมตฺตํ กายกมฺมนฺติ เมตฺตจิตฺตวเสน ปวตฺตํ กายกมฺมํ. อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา เจว ปรมฺมุขา จ. อิตเรสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺถ สมฺมุขา กายวจีกมฺมานิ สหวาเส ลพฺภนฺติ, อิตรานิ วิปฺปวาเส. มโนกมฺมํ สพฺพตฺถ ลพฺภติ. ยฺหิ สหวสนฺเตสุ เอเกน มฺจปีํ วา ทารุภณฺฑํ วา มตฺติกาภณฺฑํ วา พหิ ทุนฺนิกฺขิตฺตํ โหติ, ตํ ทิสฺวา เกนิทํ วฬฺชิตนฺติ อวฺํ อกตฺวา อตฺตนา ทุนฺนิกฺขิตฺตํ วิย คเหตฺวา ปฏิสาเมนฺตสฺส ปฏิชคฺคิตพฺพยุตฺตํ วา ปน านํ ปฏิชคฺคนฺตสฺส สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม โหติ. เอกสฺมึ ปกฺกนฺเต เตน ทุนฺนิกฺขิตฺตํ เสนาสนปริกฺขารํ ตเถว นิกฺขิปนฺตสฺส ปฏิชคฺคิตพฺพยุตฺตฏฺานํ วา ปน ปฏิชคฺคนฺตสฺส ปรมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม โหติ. สหวสนฺตสฺส ปน เตหิ สทฺธึ มธุรํ สมฺโมทนียํ กถํ ปฏิสนฺถารกถํ สารณียกถํ ธมฺมีกถํ สรภฺํ สากจฺฉํ ปฺหปุจฺฉนํ ปฺหวิสฺสชฺชนนฺติ เอวมาทิกรเณ ¶ สมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม โหติ. เถเรสุ ปน ปกฺกนฺเตสุ มยฺหํ ปิยสหาโย นนฺทิยตฺเถโร กิมิลตฺเถโร เอวํ สีลสมฺปนฺโน, เอวํ อาจารสมฺปนฺโนติอาทิคุณกถนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม โหติ. มยฺหํ ปิยมิตฺโต นนฺทิยตฺเถโร กิมิลตฺเถโร อเวโร โหตุ, อพฺยาปชฺโช สุขี โหตูติ เอวํ สมนฺนาหรโต ปน สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ เมตฺตํ มโนกมฺมํ โหติเยว.
นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายาติ กายฺหิ ปิฏฺํ วิย มตฺติกา วิย จ โอมทฺทิตฺวา เอกโต กาตุํ น สกฺกา. เอกฺจ ปน มฺเ จิตฺตนฺติ จิตฺตํ ปน โน หิตฏฺเน นิรนฺตรฏฺเน อวิคฺคหฏฺเน สมคฺคฏฺเน เอกเมวาติ ทสฺเสติ. กถํ ปเนตํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิตเรสํ จิตฺตวเสน วตฺตึสูติ? เอกสฺส ปตฺเต มลํ อุฏฺหติ, เอกสฺส จีวรํ กิลิฏฺํ โหติ, เอกสฺส ปริภณฺฑกมฺมํ โหติ. ตตฺถ ยสฺส ปตฺเต มลํ อุฏฺิตํ, เตน มมาวุโส, ปตฺเต มลํ อุฏฺิตํ ปจิตุํ วฏฺฏตีติ วุตฺเต อิตเร มยฺหํ จีวรํ กิลิฏฺํ ¶ โธวิตพฺพํ, มยฺหํ ปริภณฺฑํ กาตพฺพนฺติ อวตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ทารูนิ อาหริตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปตฺตกฏาเห ปริภณฺฑํ กตฺวา ตโต ปรํ จีวรํ วา โธวนฺติ, ปริภณฺฑํ วา กโรนฺติ. มมาวุโส, จีวรํ กิลิฏฺํ โธวิตุํ วฏฺฏติ, มม ปณฺณสาลา อุกฺลาปา ปริภณฺฑํ กาตุํ วฏฺฏตีติ ปมตรํ อาโรจิเตปิ เอเสว นโย.
๓๒๗. สาธุ ¶ สาธุ, อนุรุทฺธาติ ภควา เหฏฺา น จ มยํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน กิลมิมฺหาติ วุตฺเต น สาธุการมทาสิ. กสฺมา? อยฺหิ กพฬีกาโร อาหาโร นาม อิเมสํ สตฺตานํ อปายโลเกปิ เทวมนุสฺสโลเกปิ อาจิณฺณสมาจิณฺโณว. อยํ ปน โลกสนฺนิวาโส เยภุยฺเยน วิวาทปกฺขนฺโท, อปายโลเก เทวมนุสฺสโลเกปิ อิเม สตฺตา ปฏิวิรุทฺธา เอว, เอเตสํ สามคฺคิกาโล ทุลฺลโภ, กทาจิเทว โหตีติ สมคฺควาสสฺส ทุลฺลภตฺตา อิธ ภควา สาธุการมทาสิ. อิทานิ เตสํ อปฺปมาทลกฺขณํ ปุจฺฉนฺโต กจฺจิ ¶ ปน โว, อนุรุทฺธาติอาทิมาห. ตตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ ปจฺจตฺตวจนํ วา, กจฺจิ ตุมฺเหติ อตฺโถ. อมฺหากนฺติ อมฺเหสุ ตีสุ ชเนสุ. ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมตีติ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺจาคจฺฉติ. อวกฺการปาตินฺติ อติเรกปิณฺฑปาตํ อปเนตฺวา ปนตฺถาย เอกํ สมุคฺคปาตึ โธวิตฺวา เปติ.
โย ปจฺฉาติ เต กิร เถรา น เอกโตว ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺติ, ผลสมาปตฺติรตา เหเต. ปาโตว สรีรปฺปฏิชคฺคนํ กตฺวา วตฺตปฺปฏิปตฺตึ ปูเรตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทนฺติ. เตสุ โย ปมตรํ นิสินฺโน อตฺตโน กาลปริจฺเฉทวเสน ปมตรํ อุฏฺาติ; โส ปิณฺฑาย จริตฺวา ปฏินิวตฺโต ภตฺตกิจฺจฏฺานํ อาคนฺตฺวา ชานาติ – ‘‘ทฺเว ภิกฺขู ปจฺฉา, อหํ ปมตรํ อาคโต’’ติ. อถ ปตฺตํ ปิทหิตฺวา อาสนปฺาปนาทีนิ กตฺวา ยทิ ปตฺเต ปฏิวิสมตฺตเมว โหติ, นิสีทิตฺวา ภฺุชติ. ยทิ อติเรกํ โหติ, อวกฺการปาติยํ ปกฺขิปิตฺวา ปาตึ ปิธาย ภฺุชติ. กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตํ โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา ถวิกาย โอสาเปตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสติ. ทุติโยปิ อาคนฺตฺวาว ชานาติ – ‘‘เอโก ปมํ อาคโต, เอโก ปจฺฉโต’’ติ. โส สเจ ปตฺเต ภตฺตํ ปมาณเมว โหติ, ภฺุชติ. สเจ มนฺทํ, อวกฺการปาติโต คเหตฺวา ภฺุชติ. สเจ อติเรกํ ¶ โหติ, อวกฺการปาติยํ ปกฺขิปิตฺวา ปมาณเมว ภฺุชิตฺวา ปุริมตฺเถโร วิย วสนฏฺานํ ปวิสติ. ตติโยปิ อาคนฺตฺวาว ชานาติ – ‘‘ทฺเว ปมํ อาคตา, อหํ ปจฺฉโต’’ติ. โสปิ ทุติยตฺเถโร วิย ภฺุชิตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตํ โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา ถวิกาย โอสาเปตฺวา อาสนานิ อุกฺขิปิตฺวา ปฏิสาเมติ; ปานียฆเฏ วา ปริโภชนียฆเฏ วา อวเสสํ อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา ฆเฏ นิกุชฺชิตฺวา อวกฺการปาติยํ สเจ อวเสสภตฺตํ โหติ, ตํ วุตฺตนเยน ชหิตฺวา ปาตึ โธวิตฺวา ปฏิสาเมติ; ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติ. ตโต กจวรํ ฉฑฺเฑตฺวา ¶ สมฺมชฺชนึ อุกฺขิปิตฺวา ¶ อุปจิกาหิ มุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย วสนฏฺานํ ปวิสติ. อิทํ เถรานํ พหิวิหาเร อรฺเ ภตฺตกิจฺจกรณฏฺาเน โภชนสาลายํ วตฺตํ. อิทํ สนฺธาย, ‘‘โย ปจฺฉา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
โย ปสฺสตีติอาทิ ปน เนสํ อนฺโตวิหาเร วตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ วจฺจฆฏนฺติ อาจมนกุมฺภึ. ริตฺตนฺติ ริตฺตกํ. ตุจฺฉนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อวิสยฺหนฺติ อุกฺขิปิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ, อติภาริยํ. หตฺถวิกาเรนาติ หตฺถสฺาย. เต กิร ปานียฆฏาทีสุ ยํกิฺจิ ตุจฺฉกํ คเหตฺวา โปกฺขรณึ คนฺตฺวา อนฺโต จ พหิ จ โธวิตฺวา อุทกํ ปริสฺสาเวตฺวา ตีเร เปตฺวา อฺํ ภิกฺขุํ หตฺถวิกาเรน อามนฺเตนฺติ, โอทิสฺส วา อโนทิสฺส วา สทฺทํ น กโรนฺติ. กสฺมา โอทิสฺส สทฺทํ น กโรนฺติ? ตํ ภิกฺขุํ สทฺโท พาเธยฺยาติ. กสฺมา อโนทิสฺส สทฺทํ น กโรนฺติ? อโนทิสฺส สทฺเท ทินฺเน, ‘‘อหํ ปุเร, อหํ ปุเร’’ติ ทฺเวปิ นิกฺขเมยฺยุํ, ตโต ทฺวีหิ กตฺตพฺพกมฺเม ตติยสฺส กมฺมจฺเฉโท ภเวยฺย. สํยตปทสทฺโท ปน หุตฺวา อปรสฺส ภิกฺขุโน ทิวาฏฺานสนฺติกํ คนฺตฺวา เตน ทิฏฺภาวํ ตฺวา หตฺถสฺํ กโรติ, ตาย สฺาย อิตโร อาคจฺฉติ, ตโต ทฺเว ชนา หตฺเถน หตฺถํ สํสิพฺพนฺตา ทฺวีสุ หตฺเถสุ เปตฺวา อุปฏฺเปนฺติ. ตํ สนฺธายาห – ‘‘หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามนฺเตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฏฺเปมา’’ติ.
ปฺจาหิกํ โข ปนาติ จาตุทฺทเส ปนฺนรเส อฏฺมิยนฺติ อิทํ ตาว ปกติธมฺมสฺสวนเมว, ตํ อขณฺฑํ กตฺวา ปฺจเม ปฺจเม ทิวเส ทฺเว เถรา นาติวิกาเล นฺหายิตฺวา อนุรุทฺธตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ตตฺถ ตโยปิ นิสีทิตฺวา ติณฺณํ ปิฏกานํ อฺตรสฺมึ อฺมฺํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ ¶ , อฺมฺํ วิสฺสชฺเชนฺติ, เตสํ เอวํ กโรนฺตานํเยว อรุณํ อุคฺคจฺฉติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. เอตฺตาวตา เถเรน ภควตา อปฺปมาทลกฺขณํ ปุจฺฉิเตน ปมาทฏฺาเนสุเยว อปฺปมาทลกฺขณํ วิสฺสชฺชิตํ โหติ. อฺเสฺหิ ภิกฺขูนํ ภิกฺขาจารํ ปวิสนกาโล, นิกฺขมนกาโล, นิวาสนปริวตฺตนํ, จีวรปารุปนํ, อนฺโตคาเม ปิณฺฑาย จรณํ ธมฺมกถนํ, อนุโมทนํ ¶ , คามโต นิกฺขมิตฺวา ภตฺตกิจฺจกรณํ, ปตฺตโธวนํ, ปตฺตโอสาปนํ, ปตฺตจีวรปฏิสามนนฺติ ปปฺจกรณฏฺานานิ เอตานิ. ตสฺมา เถโร อมฺหากํ เอตฺตกํ านํ มฺุจิตฺวา ปมาทกาโล นาม นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ปมาทฏฺาเนสุเยว อปฺปมาทลกฺขณํ วิสฺสชฺเชสิ.
๓๒๘. อถสฺส ¶ ภควา สาธุการํ ทตฺวา ปมชฺฌานํ ปุจฺฉนฺโต ปุน อตฺถิ ปน โวติอาทิมาห. ตตฺถ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมาติ มนุสฺสธมฺมโต อุตฺตริ. อลมริยาณทสฺสนวิเสโสติ อริยภาวกรณสมตฺโถ าณวิเสโส. กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเตติ กสฺมา, ภนฺเต, นาธิคโต ภวิสฺสติ, อธิคโตเยวาติ. ยาว เทวาติ ยาว เอว.
๓๒๙. เอวํ ปมชฺฌานาธิคเม พฺยากเต ทุติยชฺฌานาทีนิ ปุจฺฉนฺโต เอตสฺส ปน โวติอาทิมาห. ตตฺถ สมติกฺกมายาติ สมติกฺกมตฺถาย. ปฏิปฺปสฺสทฺธิยาติ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺถาย. เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ปจฺฉิมปฺเห ปน โลกุตฺตราณทสฺสนวเสน อธิคตํ นิโรธสมาปตฺตึ ปุจฺฉนฺโต อลมริยาณทสฺสนวิเสโสติ อาห. เถโรปิ ปุจฺฉานุรูเปเนว พฺยากาสิ. ตตฺถ ยสฺมา เวทยิตสุขโต อเวทยิตสุขํ สนฺตตรํ ปณีตตรํ โหติ, ตสฺมา อฺํ ผาสุวิหารํ อุตฺตริตรํ วา ปณีตตรํ วา น สมนุปสฺสามาติ อาห.
๓๓๐. ธมฺมิยา กถายาติ สามคฺคิรสานิสํสปฺปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย. สพฺเพปิ เต จตูสุ สจฺเจสุ ปรินิฏฺิตกิจฺจา, เตน เตสํ ปฏิเวธตฺถาย กิฺจิ กเถตพฺพํ นตฺถิ. สามคฺคิรเสน ปน อยฺจ อยฺจ อานิสํโสติ สามคฺคิรสานิสํสเมว เนสํ ภควา กเถสิ. ภควนฺตํ อนุสํยายิตฺวาติ อนุคนฺตฺวา. เต กิร ภควโต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา โถกํ ¶ อคมํสุ, อถ ภควา วิหารสฺส ปริเวณปริยนฺตํ คตกาเล, ‘‘อาหรถ เม ปตฺตจีวรํ, ตุมฺเห อิเธว ติฏฺถา’’ติ ปกฺกามิ. ตโต ปฏินิวตฺติตฺวาติ ตโต ิตฏฺานโต นิวตฺติตฺวา. กึ นุ โข มยํ อายสฺมโตติ ภควนฺตํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาทีนิ ¶ อธิคนฺตฺวาปิ อตฺตโน คุณกถาย อฏฺฏิยมานา อธิคมปฺปิจฺฉตาย อาหํสุ. อิมาสฺจ อิมาสฺจาติ ปมชฺฌานาทีนํ โลกิยโลกุตฺตรานํ. เจตสา เจโต ปริจฺจ วิทิโตติ อชฺช เม อายสฺมนฺโต โลกิยสมาปตฺติยา วีตินาเมสุํ, อชฺช โลกุตฺตรายาติ เอวํ จิตฺเตน จิตฺตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา วิทิตํ. เทวตาปิ เมติ, ภนฺเต อนุรุทฺธ, อชฺช อยฺโย นนฺทิยตฺเถโร, อชฺช อยฺโย กิมิลตฺเถโร อิมาย จ อิมาย จ สมาปตฺติยา วีตินาเมสีติ เอวมาโรเจสุนฺติ อตฺโถ. ปฺหาภิปุฏฺเนาติ ตมฺปิ มยา สยํ วิทิตนฺติ วา เทวตาหิ อาโรจิตนฺติ วา เอตฺตเกเนว มุขํ เม สชฺชนฺติ กถํ สมุฏฺาเปตฺวา อปุฏฺเเนว เม น กถิตํ. ภควตา ปน ปฺหาภิปุฏฺเน ปฺหํ อภิปุจฺฉิเตน สตา พฺยากตํ, ตตฺร เม กึ น โรจถาติ อาห.
๓๓๑. ทีโฆติ ¶ ‘‘มณิ มาณิวโร ทีโฆ, อโถ เสรีสโก สหา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๙๓) เอวํ อาคโต อฏฺวีสติยา ยกฺขเสนาปตีนํ อพฺภนฺตโร เอโก เทวราชา. ปรชโนติ ตสฺเสว ยกฺขสฺส นามํ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ โส กิร เวสฺสวเณน เปสิโต เอตํ านํ คจฺฉนฺโต ภควนฺตํ สยํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา คิฺชกาวสถโต โคสิงฺคสาลวนสฺส อนฺตเร ทิสฺวา ภควา อตฺตนา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา โคสิงฺคสาลวเน ติณฺณํ กุลปุตฺตานํ สนฺติกํ คจฺฉติ. อชฺช มหตี ธมฺมเทสนา ภวิสฺสติ. มยาปิ ตสฺสา เทสนาย ภาคินา ภวิตพฺพนฺติ อทิสฺสมาเนน กาเยน สตฺถุ ปทานุปทิโก คนฺตฺวา อวิทูเร ตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถริ คจฺฉนฺเตปิ น คโต, – ‘‘อิเม เถรา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ปน ตตฺเถว ิโต. อถ เต ทฺเว เถเร อนุรุทฺธตฺเถรํ ปลิเวเนฺเต ทิสฺวา, – ‘‘อิเม เถรา ภควนฺตํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาทโย สพฺพคุเณ อธิคนฺตฺวาปิ ภควโตว มจฺฉรายนฺติ, น สหนฺติ, อติวิย นิลียนฺติ ปฏิจฺฉาเทนฺติ, น ทานิ เตสํ ปฏิจฺฉาเทตุํ ทสฺสามิ, ปถวิโต ยาว ¶ พฺรหฺมโลกา เอเตสํ คุเณ ปกาเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ.
ลาภา วต, ภนฺเตติ เย, ภนฺเต, วชฺชิรฏฺวาสิโน ภควนฺตฺจ อิเม จ ตโย กุลปุตฺเต ปสฺสิตุํ ลภนฺติ, วนฺทิตุํ ลภนฺติ, เทยฺยธมฺมํ ทาตุํ ลภนฺติ, ธมฺมํ โสตุํ ลภนฺติ, เตสํ ลาภา, ภนฺเต, วชฺชีนนฺติ อตฺโถ. สทฺทํ สุตฺวาติ ¶ โส กิร อตฺตโน ยกฺขานุภาเวน มหนฺตํ สทฺทํ กตฺวา สกลํ วชฺชิรฏฺํ อชฺโฌตฺถรนฺโต ตํ วาจํ นิจฺฉาเรสิ. เตน จสฺส เตสุ รุกฺขปพฺพตาทีสุ อธิวตฺถา ภุมฺมา เทวตา สทฺทํ อสฺโสสุํ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สทฺทํ สุตฺวา’’ติ. อนุสฺสาเวสุนฺติ มหนฺตํ สทฺทํ สุตฺวา สาเวสุํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ยาว พฺรหฺมโลกาติ ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา. ตฺเจปิ กุลนฺติ, ‘‘อมฺหากํ กุลโต นิกฺขมิตฺวา อิเม กุลปุตฺตา ปพฺพชิตา เอวํ สีลวนฺโต คุณวนฺโต อาจารสมฺปนฺนา กลฺยาณธมฺมา’’ติ เอวํ ตฺเจปิ กุลํ เอเต ตโย กุลปุตฺเต ปสนฺนจิตฺตํ อนุสฺสเรยฺยาติ เอวํ สพฺพตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิติ ภควา ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. มหาโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา
๓๓๒. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ มหาโคสิงฺคสุตฺตํ. ตตฺถ โคสิงฺคสาลวนทาเยติ อิทํ วสนฏฺานทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. อฺเสุ หิ สุตฺเตสุ, ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ เอวํ ปมํ โคจรคามํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา วสนฏฺานํ ทสฺเสติ. อิมสฺมึ ปน มหาโคสิงฺคสุตฺเต ภควโต โคจรคาโม อนิพนฺโธ, โกจิเทว โคจรคาโม ภวิสฺสติ. ตสฺมา วสนฏฺานเมว ปริทีปิตํ. อรฺนิทานกํ นาเมตํ สุตฺตนฺติ. สมฺพหุเลหีติ พหุเกหิ. อภิฺาเตหิ อภิฺาเตหีติ สพฺพตฺถ วิสฺสุเตหิ ปากเฏหิ. เถเรหิ สาวเกหิ สทฺธินฺติ ปาติโมกฺขสํวราทีหิ ถิรการเกเหว ธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา เถเรหิ, สวนนฺเต ชาตตฺตา สาวเกหิ สทฺธึ เอกโต. อิทานิ เต เถเร ¶ สรูปโต ทสฺเสนฺโต, อายสฺมตา จ สาริปุตฺเตนาติอาทิมาห. ตตฺถายสฺมา สาริปุตฺโต อตฺตโน สีลาทีหิ คุเณหิ พุทฺธสาสเน อภิฺาโต. จกฺขุมนฺตานํ คคนมชฺเฌ ิโต สูริโย วิย จนฺโท วิย, สมุทฺทตีเร ิตานํ ¶ สาคโร วิย จ ปากโฏ ปฺาโต. น เกวลฺจสฺส อิมสฺมึ สุตฺเต อาคตคุณวเสเนว มหนฺตตา เวทิตพฺพา, อิโต อฺเสํ ธมฺมทายาทสุตฺตํ อนงฺคณสุตฺตํ สมฺมาทิฏฺิสุตฺตํ สีหนาทสุตฺตํ รถวินีตํ มหาหตฺถิปโทปมํ มหาเวทลฺลํ จาตุมสุตฺตํ ทีฆนขํ อนุปทสุตฺตํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺพสุตฺตํ สจฺจวิภงฺคสุตฺตํ ปิณฺฑปาตปาริสุทฺธิ สมฺปสาทนียํ สงฺคีติสุตฺตํ ทสุตฺตรสุตฺตํ ปวารณาสุตฺตํ (สํ. นิ. ๑.๒๑๕ อาทโย) สุสิมสุตฺตํ เถรปฺหสุตฺตํ มหานิทฺเทโส ปฏิสมฺภิทามคฺโค เถรสีหนาทสุตฺตํ อภินิกฺขมนํ เอตทคฺคนฺติ อิเมสมฺปิ สุตฺตานํ วเสน เถรสฺส มหนฺตตา เวทิตพฺพา. เอตทคฺคสฺมิฺหิ, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ มหาปฺานํ ยทิทํ สาริปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘-๑๘๙) วุตฺตํ.
มหาโมคฺคลฺลาโนปิ สีลาทิคุเณหิ เจว อิมสฺมึ สุตฺเต อาคตคุเณหิ จ เถโร วิย อภิฺาโต ปากโฏ มหา. อปิจสฺส อนุมานสุตฺตํ, จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ มารตชฺชนิยสุตฺตํ ปาสาทกมฺปนํ สกลํ อิทฺธิปาทสํยุตฺตํ นนฺโทปนนฺททมนํ ยมกปาฏิหาริยกาเล เทวโลกคมนํ วิมานวตฺถุ เปตวตฺถุ เถรสฺส อภินิกฺขมนํ เอตทคฺคนฺติ อิเมสมฺปิ วเสน มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ ¶ . เอตทคฺคสฺมิฺหิ, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๐) วุตฺตํ.
มหากสฺสโปปิ สีลาทิคุเณหิ เจว อิมสฺมึ สุตฺเต อาคตคุเณหิ จ เถโร วิย อภิฺาโต ปากโฏ มหา. อปิจสฺส จีวรปริวตฺตนสุตฺตํ ชิณฺณจีวรสุตฺตํ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔ อาทโย) จนฺโทปมํ สกลํ กสฺสปสํยุตฺตํ มหาอริยวํสสุตฺตํ เถรสฺส อภินิกฺขมนํ เอตทคฺคนฺติ อิเมสมฺปิ วเสน มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ. เอตทคฺคสฺมิฺหิ, ‘‘เอตทคฺคํ ¶ , ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธุตวาทานํ ยทิทํ มหากสฺสโป’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๑) วุตฺตํ.
อนุรุทฺธตฺเถโรปิ ¶ สีลาทิคุเณหิ เจว อิมสฺมึ สุตฺเต อาคตคุเณหิ จ เถโร วิย อภิฺาโต ปากโฏ มหา. อปิจสฺส จูฬโคสิงฺคสุตฺตํ นฬกปานสุตฺตํ อนุตฺตริยสุตฺตํ อุปกฺกิเลสสุตฺตํ อนุรุทฺธสํยุตฺตํ มหาปุริสวิตกฺกสุตฺตํ เถรสฺส อภินิกฺขมนํ เอตทคฺคนฺติ อิเมสมฺปิ วเสน มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ. เอตทคฺคสฺมิฺหิ, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ทิพฺพจกฺขุกานํ ยทิทํ อนุรุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๒) วุตฺตํ.
อายสฺมตา จ เรวเตนาติ เอตฺถ ปน ทฺเว เรวตา ขทิรวนิยเรวโต จ กงฺขาเรวโต จ. ตตฺถ ขทิรวนิยเรวโต ธมฺมเสนาปติตฺเถรสฺส กนิฏฺภาติโก, น โส อิธ อธิปฺเปโต. ‘‘อกปฺปิโย คุโฬ, อกปฺปิยา มุคฺคา’’ติ (มหาว. ๒๗๒) เอวํ กงฺขาพหุโล ปน เถโร อิธ เรวโตติ อธิปฺเปโต. โสปิ สีลาทิคุเณหิ เจว อิมสฺมึ สุตฺเต อาคตคุเณหิ จ เถโร วิย อภิฺาโต ปากโฏ มหา. อปิจสฺส อภินิกฺขมเนนปิ เอตทคฺเคนปิ มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ. เอตทคฺคสฺมิฺหิ, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ฌายีนํ ยทิทํ กงฺขาเรวโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๔) วุตฺตํ.
อานนฺทตฺเถโรปิ สีลาทิคุเณหิ เจว อิมสฺมึ สุตฺเต อาคตคุเณหิ จ เถโร วิย อภิฺาโต ปากโฏ มหา. อปิจสฺส เสกฺขสุตฺตํ พาหิติกสุตฺตํ อาเนฺชสปฺปายํ โคปกโมคฺคลฺลานํ พหุธาตุกํ จูฬสฺุตํ มหาสฺุตํ อจฺฉริยพฺภุตสุตฺตํ ภทฺเทกรตฺตํ มหานิทานํ มหาปรินิพฺพานํ ¶ สุภสุตฺตํ จูฬนิยโลกธาตุสุตฺตํ อภินิกฺขมนํ เอตทคฺคนฺติ อิเมสมฺปิ วเสน มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ. เอตทคฺคสฺมิฺหิ, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) วุตฺตํ.
อฺเหิ จ อภิฺาเตหิ อภิฺาเตหีติ น เกวลฺจ เอเตเหว, อฺเหิ จ มหาคุณตาย ปากเฏหิ อภิฺาเตหิ พหูหิ ¶ เถเรหิ สาวเกหิ สทฺธึ ภควา โคสิงฺคสาลวนทาเย วิหรตีติ อตฺโถ. อายสฺมา หิ สาริปุตฺโต สยํ มหาปฺโ อฺเปิ พหู มหาปฺเ ภิกฺขู คเหตฺวา ตทา ทสพลํ ปริวาเรตฺวา วิหาสิ. อายสฺมา ¶ มหาโมคฺคลฺลาโน สยํ อิทฺธิมา, อายสฺมา มหากสฺสโป สยํ ธุตวาโท, อายสฺมา อนุรุทฺโธ สยํ ทิพฺพจกฺขุโก, อายสฺมา เรวโต สยํ ฌานาภิรโต, อายสฺมา อานนฺโท สยํ พหุสฺสุโต อฺเปิ พหู พหุสฺสุเต ภิกฺขู คเหตฺวา ตทา ทสพลํ ปริวาเรตฺวา วิหาสิ, เอวํ ตทา เอเต จ อฺเ จ อภิฺาตา มหาเถรา ตึสสหสฺสมตฺตา ภิกฺขู ทสพลํ ปริวาเรตฺวา วิหรึสูติ เวทิตพฺพา.
ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ ผลสมาปตฺติวิเวกโต วุฏฺิโต. เยนายสฺมา มหากสฺสโป เตนุปสงฺกมีติ เถโร กิร ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต ปจฺฉิมโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต วนนฺเต กีฬนฺตสฺส มตฺตขตฺติยสฺส กณฺณโต ปตมานํ กุณฺฑลํ วิย, สํหริตฺวา สมุคฺเค ปกฺขิปมานํ รตฺตกมฺพลํ วิย, มณินาคทนฺตโต ปตมานํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ วิย จ อตฺถํ คจฺฉมานํ ปริปุณฺณปณฺณาสโยชนํ สูริยมณฺฑลํ อทฺทส. ตทนนฺตรํ ปาจีนโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต เนมิยํ คเหตฺวา ปริวตฺตยมานํ รชตจกฺกํ วิย, รชตกูฏโต นิกฺขมนฺตํ ขีรธารามณฺฑํ วิย, สปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา คคนตเล ปกฺขนฺทมานํ เสตหํสํ วิย จ เมฆวณฺณาย สมุทฺทกุจฺฉิโต อุคฺคนฺตฺวา ปาจีนจกฺกวาฬปพฺพตมตฺถเก สสลกฺขณปฺปฏิมณฺฑิตํ เอกูนปณฺณาสโยชนํ จนฺทมณฺฑลํ อทฺทส. ตโต สาลวนํ โอโลเกสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย สาลรุกฺขา มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคา สพฺพปาลิผุลฺลา ทุกูลปารุตา วิย, มุตฺตากลาปวินทฺธา วิย จ วิโรจึสุ. ภูมิตลํ ปุปฺผสนฺถรปูชาย ปฏิมณฺฑิตํ วิย, ตตฺถ ตตฺถ นิปตนฺเตน ปุปฺผเรณุนา ลาขารเสน สิฺจมานํ วิย จ อโหสิ. ภมรมธุกรคณา กุสุมเรณุมทมตฺตา อุปคายมานา วิย วนนฺตเรสุ วิจรนฺติ. ตทา จ อุโปสถทิวโสว โหติ. อถ เถโร, ‘‘กาย นุ โข อชฺช รติยา วีตินาเมสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ, อริยสาวกา จ นาม ปิยธมฺมสฺสวนา โหนฺติ. อถสฺส ¶ ¶ เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช มยฺหํ เชฏฺภาติกสฺส ธมฺมเสนาปติตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมรติยา วีตินาเมสฺสามี’’ติ. คจฺฉนฺโต ปน เอกโกว อคนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ ปิยสหายํ มหากสฺสปตฺเถรํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ นิสินฺนฏฺานโต วุฏฺาย จมฺมขณฺฑํ ปปฺโผเฏตฺวา เยนายสฺมา มหากสฺสโป เตนุปสงฺกมิ.
เอวมาวุโสติ ¶ โข อายสฺมา มหากสฺสโปติ เถโรปิ ยสฺมา ปิยธมฺมสฺสวโนว อริยสาวโก, ตสฺมา ตสฺส วจนํ สุตฺวา คจฺฉาวุโส, ตฺวํ, มยฺหํ สีสํ วา รุชฺชติ ปิฏฺิ วาติ กิฺจิ เลสาปเทสํ อกตฺวา ตุฏฺหทโยว, ‘‘เอวมาวุโส’’ติอาทิมาห. ปฏิสฺสุตฺวา จ นิสินฺนฏฺานโต วุฏฺาย จมฺมขณฺฑํ ปปฺโผเฏตฺวา มหาโมคฺคลฺลานํ อนุพนฺธิ. ตสฺมึ สมเย ทฺเว มหาเถรา ปฏิปาฏิยา ิตานิ ทฺเว จนฺทมณฺฑลานิ วิย, ทฺเว สูริยมณฺฑลานิ วิย, ทฺเว ฉทฺทนฺตนาคราชาโน วิย, ทฺเว สีหา วิย, ทฺเว พฺยคฺฆา วิย จ วิโรจึสุ. อนุรุทฺธตฺเถโรปิ ตสฺมึ สมเย ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน ทฺเว มหาเถเร สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ปจฺฉิมโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต สูริยํ วนนฺตํ ปวิสนฺตํ วิย, ปาจีนโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต จนฺทํ วนนฺตโต อุคฺคจฺฉนฺตํ วิย, สาลวนํ โอโลเกนฺโต สพฺพปาลิผุลฺลเมว สาลวนฺจ ทิสฺวา อชฺช อุโปสถทิวโส, อิเม จ เม เชฏฺภาติกา ธมฺมเสนาปติสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺติ, มหนฺเตน ธมฺมสฺสวเนน ภวิตพฺพํ, อหมฺปิ ธมฺมสฺสวนสฺส ภาคี ภวิสฺสามีติ นิสินฺนฏฺานโต วุฏฺาย จมฺมขณฺฑํ ปปฺโผเฏตฺวา มหาเถรานํ ปทานุปทิโก หุตฺวา นิกฺขมิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมา จ มหากสฺสโป อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมึสู’’ติ. อุปสงฺกมึสูติ. ปฏิปาฏิยา ิตา ตโย จนฺทา วิย, สูริยา วิย, สีหา วิย จ วิโรจมานา อุปสงฺกมึสุ.
๓๓๓. เอวํ อุปสงฺกมนฺเต ปน เต มหาเถเร อายสฺมา อานนฺโท อตฺตโน ทิวาฏฺาเน นิสินฺโนเยว ทิสฺวา, ‘‘อชฺช มหนฺตํ ธมฺมสฺสวนํ ภวิสฺสติ, มยาปิ ตสฺส ภาคินา ภวิตพฺพํ, น โข ปน เอกโกว คมิสฺสามิ, มยฺหํ ปิยสหายมฺปิ เรวตตฺเถรํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ สพฺพํ มหาโมคฺคลฺลานสฺส มหากสฺสปสฺส อนุรุทฺธสฺส อุปสงฺกมเน วุตฺตนเยเนว ¶ วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ. อิติ เต ทฺเว ชนา ปฏิปาฏิยา ิตา ทฺเว จนฺทา วิย, สูริยา วิย, สีหา วิย จ วิโรจมานา อุปสงฺกมึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา สาริปุตฺโต’’ติอาทิ ¶ . ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจาติ ทูรโตว ทิสฺวา อนุกฺกเมน กถาอุปจารํ สมฺปตฺตเมตํ, ‘‘เอตุ โข อายสฺมา’’ติอาทิวจนํ อโวจ. รมณียํ, อาวุโสติ เอตฺถ ทุวิธํ รามเณยฺยกํ วนรามเณยฺยกํ ปุคฺคลรามเณยฺยกฺจ. ตตฺถ วนํ นาม นาคสลฬสาลจมฺปกาทีหิ ¶ สฺฉนฺนํ โหติ พหลจฺฉายํ ปุปฺผผลูปคํ วิวิธรุกฺขํ อุทกสมฺปนฺนํ คามโต นิสฺสฏํ, อิทํ วนรามเณยฺยกํ นาม. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘รมณียานิ อรฺานิ, ยตฺถ น รมตี ชโน;
วีตราคา รมิสฺสนฺติ, น เต กามคเวสิโน’’ติ. (ธ. ป. ๙๙);
วนํ ปน สเจปิ อุชฺชงฺคเล โหติ นิรุทกํ วิรลจฺฉายํ กณฺฏกสมากิณฺณํ, พุทฺธาทโยเปตฺถ อริยา วิหรนฺติ, อิทํ ปุคฺคลรามเณยฺยกํ นาม. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;
ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ. (ธ. ป. ๙๘);
อิธ ปน ตํ ทุวิธมฺปิ ลพฺภติ. ตทา หิ โคสิงฺคสาลวนํ สพฺพปาลิผุลฺลํ โหติ กุสุมคนฺธสุคนฺธํ, สเทวเก เจตฺถ โลเก อคฺคปุคฺคโล สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตึสสหสฺสมตฺเตหิ อภิฺาตภิกฺขูหิ สทฺธึ วิหรติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘รมณียํ, อาวุโส อานนฺท, โคสิงฺคสาลวน’’นฺติ.
โทสินาติ โทสาปคตา, อพฺภํ มหิกา ธูโม รโช ราหูติ อิเมหิ ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิรหิตาติ วุตฺตํ โหติ. สพฺพปาลิผุลฺลาติ สพฺพตฺถ ปาลิผุลฺลา, มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคา อปุปฺผิตฏฺานํ นาม นตฺถิ. ทิพฺพา มฺเ คนฺธา สมฺปวนฺตีติ ทิพฺพา มนฺทารปุปฺผโกวิฬารปาริจฺฉตฺตกจนฺทนจุณฺณคนฺธา วิย สมนฺตา ปวายนฺติ, สกฺกสุยาสนฺตุสิตนิมฺมานรติปรนิมฺมิตมหาพฺรหฺมานํ โอติณฺณฏฺานํ วิย วายนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
กถํรูเปน ¶ , อาวุโส อานนฺทาติ อานนฺทตฺเถโร เตสํ ปฺจนฺนํ เถรานํ สงฺฆนวโกว. กสฺมา เถโร ¶ ตํเยว ปมํ ปุจฺฉตีติ? มมายิตตฺตา. เต หิ ทฺเว เถรา อฺมฺํ มมายึสุ. สาริปุตฺตตฺเถโร, ‘‘มยา กตฺตพฺพํ สตฺถุ อุปฏฺานํ กโรตี’’ติ อานนฺทตฺเถรํ มมายิ. อานนฺทตฺเถโร ภควโต สาวกานํ อคฺโคติ สาริปุตฺตตฺเถรํ มมายิ, กุลทารเก ปพฺพาเชตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก อุปชฺฌํ คณฺหาเปสิ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ตเถว อกาสิ. เอวํ เอกเมเกน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ ¶ ทตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อุปชฺฌํ คณฺหาปิตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อเหสุํ. อายสฺมา อานนฺโท ปณีตานิ จีวราทีนิปิ ลภิตฺวา เถรสฺเสว เทติ.
เอโก กิร พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺธรตนสฺส จ สงฺฆรตนสฺส จ ปูชา ปฺายติ, กถํ นุ โข ธมฺมรตนํ ปูชิตํ นาม โหตี’’ติ? โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. ภควา อาห – ‘‘สเจสิ, พฺราหฺมณ, ธมฺมรตนํ ปูชิตุกาโม, เอกํ พหุสฺสุตํ ปูเชหี’’ติ พหุสฺสุตํ, ภนฺเต, อาจิกฺขถาติ ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉติ. โส ภิกฺขุสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา พหุสฺสุตํ, ภนฺเต, อาจิกฺขถาติ อาห. อานนฺทตฺเถโร พฺราหฺมณาติ. พฺราหฺมโณ เถรํ สหสฺสคฺฆนิเกน จีวเรน ปูเชสิ. เถโร ตํ คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. ภควา ‘‘กุโต, อานนฺท, ลทฺธ’’นฺติ อาห. เอเกน, ภนฺเต, พฺราหฺมเณน ทินฺนํ, อิทํ ปนาหํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ทาตุกาโมติ. เทหิ, อานนฺทาติ. จาริกํ ปกฺกนฺโต, ภนฺเตติ. อาคตกาเล เทหีติ. สิกฺขาปทํ, ภนฺเต, ปฺตฺตนฺติ. กทา ปน สาริปุตฺโต อาคมิสฺสตีติ? ทสาหมตฺเตน, ภนฺเตติ. ‘‘อนุชานามิ, อานนฺท, ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ นิกฺขิปิตุ’’นฺติ (ปารา. ๔๖๑; มหาว. ๓๔๗) สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ตเถว ยํกิฺจิ มนาปํ ลภติ, ตํ อานนฺทตฺเถรสฺส เทติ. เอวํ เต เถรา อฺมฺํ มมายึสุ, อิติ มมายิตตฺตา ปมํ ปุจฺฉิ.
อปิจ อนุมติปุจฺฉา นาเมสา ขุทฺทกโต ปฏฺาย ปุจฺฉิตพฺพา โหติ. ตสฺมา เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปมํ อานนฺทํ ปุจฺฉิสฺสามิ, อานนฺโท อตฺตโน ปฏิภานํ พฺยากริสฺสติ. ตโต เรวตํ, อนุรุทฺธํ, มหากสฺสปํ, มหาโมคฺคลฺลานํ ¶ ปุจฺฉิสฺสามิ. มหาโมคฺคลฺลาโน อตฺตโน ปฏิภานํ พฺยากริสฺสติ. ตโต ปฺจปิ เถรา มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, อหมฺปิ อตฺตโน ปฏิภานํ พฺยากริสฺสามี’’ติ. เอตฺตาวตาปิ อยํ ธมฺมเทสนา สิขาปฺปตฺตา เวปุลฺลปฺปตฺตา น ภวิสฺสติ, อถ มยํ สพฺเพปิ ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม, สตฺถา สพฺพฺุตฺาเณน พฺยากริสฺสติ. เอตฺตาวตา อยํ ธมฺมเทสนา สิขาปฺปตฺตา เวปุลฺลปฺปตฺตา ภวิสฺสติ. ยถา หิ ชนปทมฺหิ ¶ อุปฺปนฺโน อฏฺโฏ คามโภชกํ ปาปุณาติ, ตสฺมึ นิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺเต ชนปทโภชกํ ปาปุณาติ, ตสฺมึ อสกฺโกนฺเต มหาวินิจฺฉยอมจฺจํ, ตสฺมึ อสกฺโกนฺเต ¶ เสนาปตึ, ตสฺมึ อสกฺโกนฺเต อุปราชํ, ตสฺมึ วินิจฺฉิตุํ อสกฺโกนฺเต ราชานํ ปาปุณาติ, รฺา วินิจฺฉิตกาลโต ปฏฺาย อฏฺโฏ อปราปรํ น สฺจรติ, ราชวจเนเนว ฉิชฺชติ. เอวเมวํ อหฺหิ ปมํ อานนฺทํ ปุจฺฉิสฺสามิ…เป… อถ มยํ สพฺเพปิ ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสาม, สตฺถา สพฺพฺุตฺาเณน พฺยากริสฺสติ. เอตฺตาวตา อยํ ธมฺมเทสนา สิขาปฺปตฺตา เวปุลฺลปฺปตฺตา ภวิสฺสติ. เอวํ อนุมติปุจฺฉํ ปุจฺฉนฺโต เถโร ปมํ อานนฺทตฺเถรํ ปุจฺฉิ.
พหุสฺสุโต โหตีติ พหุ อสฺส สุตํ โหติ, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ ปาฬิอนุสนฺธิปุพฺพาปรวเสน อุคฺคหิตํ โหตีติ อตฺโถ. สุตธโรติ สุตสฺส อาธารภูโต. ยสฺส หิ อิโต คหิตํ อิโต ปลายติ, ฉิทฺทฆเฏ อุทกํ วิย น ติฏฺติ, ปริสมชฺเฌ เอกํ สุตฺตํ วา ชาตกํ วา กเถตุํ วา วาเจตุํ วา น สกฺโกติ, อยํ น สุตธโร นาม. ยสฺส ปน อุคฺคหิตํ พุทฺธวจนํ อุคฺคหิตกาลสทิสเมว โหติ, ทสปิ วีสติปิ วสฺสานิ สชฺฌายํ อกโรนฺตสฺส น นสฺสติ, อยํ สุตธโร นาม. สุตสนฺนิจโยติ สุตสฺส สนฺนิจยภูโต. ยถา หิ สุตํ หทยมฺชูสาย สนฺนิจิตํ สิลายํ เลขา วิย, สุวณฺณฆเฏ ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย จ อชฺโฌสาย ติฏฺติ, อยํ สุตสนฺนิจโย นาม. ธาตาติ ิตา ปคุณา. เอกจฺจสฺส หิ อุคฺคหิตํ พุทฺธวจนํ ธาตํ ปคุณํ นิจฺจลิตํ น โหติ, อสุกสุตฺตํ วา ชาตกํ วา กเถหีติ วุตฺเต สชฺฌายิตฺวา สํสนฺทิตฺวา สมนุคฺคาหิตฺวา ชานิสฺสามีติ วทติ. เอกจฺจสฺส ธาตํ ปคุณํ ¶ ภวงฺคโสตสทิสํ โหติ, อสุกสุตฺตํ วา ชาตกํ วา กเถหีติ วุตฺเต อุทฺธริตฺวา ตเมว กเถติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ธาตา’’ติ.
วจสา ปริจิตาติ สุตฺตทสก-วคฺคทสก-ปณฺณาสทสกานํ วเสน วาจาย สชฺฌายิตา. มนสานุเปกฺขิตาติ จิตฺเตน อนุเปกฺขิตา, ยสฺส วาจาย สชฺฌายิตํ พุทฺธวจนํ มนสา จินฺเตนฺตสฺส ตตฺถ ตตฺถ ปากฏํ โหติ. มหาทีปํ ชาเลตฺวา ิตสฺส รูปคตํ วิย ปฺายติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา’’ติ. ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธาติ อตฺถโต จ การณโต จ ปฺาย สุปฺปฏิวิทฺธา. ปริมณฺฑเลหิ ¶ ปทพฺยฺชเนหีติ เอตฺถ ปทเมว อตฺถสฺส พฺยฺชนโต ปทพฺยฺชนํ, ตํ อกฺขรปาริปูรึ กตฺวา ทสวิธพฺยฺชนพุทฺธิโย อปริหาเปตฺวา วุตฺตํ ¶ ปริมณฺฑลํ นาม โหติ, เอวรูเปหิ ปทพฺยฺชเนหีติ อตฺโถ. อปิจ โย ภิกฺขุ ปริสติ ธมฺมํ เทเสนฺโต สุตฺตํ วา ชาตกํ วา นิกฺขปิตฺวา อฺํ อุปารมฺภกรํ สุตฺตํ อาหรติ, ตสฺส อุปมํ กเถติ, ตทตฺถํ โอหาเรติ, เอวมิทํ คเหตฺวา เอตฺถ ขิปนฺโต เอกปสฺเสเนว ปริหรนฺโต กาลํ ตฺวา วุฏฺหติ. นิกฺขิตฺตสุตฺตํ ปน นิกฺขตฺตมตฺตเมว โหติ, ตสฺส กถา อปริมณฺฑลา นาม โหติ. โย ปน สุตฺตํ วา ชาตกํ วา นิกฺขิปิตฺวา พหิ เอกปทมฺปิ อคนฺตฺวา ปาฬิยา อนุสนฺธิฺจ ปุพฺพาปรฺจ อมกฺเขนฺโต อาจริเยหิ ทินฺนนเย ตฺวา ตุลิกาย ปริจฺฉินฺทนฺโต วิย, คมฺภีรมาติกาย อุทกํ เปเสนฺโต วิย, ปทํ โกฏฺเฏนฺโต สินฺธวาชานีโย วิย คจฺฉติ, ตสฺส กถา ปริมณฺฑลา นาม โหติ. เอวรูปึ กถํ สนฺธาย – ‘‘ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหี’’ติ วุตฺตํ.
อนุปฺปพนฺเธหีติ เอตฺถ โย ภิกฺขุ ธมฺมํ กเถนฺโต สุตฺตํ วา ชาตกํ วา อารภิตฺวา อารทฺธกาลโต ปฏฺาย ตุริตตุริโต อรณึ มนฺเถนฺโต วิย, อุณฺหขาทนียํ ขาทนฺโต วิย, ปาฬิยา อนุสนฺธิปุพฺพาปเรสุ คหิตํ คหิตเมว อคฺคหิตํ อคฺคหิตเมว จ กตฺวา ปุราณปณฺณนฺตเรสุ จรมานํ โคธํ อุฏฺเปนฺโต วิย ตตฺถ ตตฺถ ปหรนฺโต โอสาเปนฺโต โอหาย คจฺฉติ. โยปิ ธมฺมํ กเถนฺโต ¶ กาเลน สีฆํ กาเลน ทนฺธํ กาเลน มหาสทฺทํ กาเลน ขุทฺทกสทฺทํ กโรติ. ยถา เปตคฺคิ กาเลน ชลติ, กาเลน นิพฺพายติ, เอวเมว อิธ เปตคฺคิธมฺมกถิโก นาม โหติ, ปริสาย อุฏฺาตุกามาย ปุนปฺปุนํ อารภติ. โยปิ กเถนฺโต ตตฺถ ตตฺถ วิตฺถายติ, นิตฺถุนนฺโต กนฺทนฺโต วิย กเถติ, อิเมสํ สพฺเพสมฺปิ กถา อปฺปพนฺธา นาม โหติ. โย ปน สุตฺตํ อารภิตฺวา อาจริเยหิ ทินฺนนเย ิโต อจฺฉินฺนธารํ กตฺวา นทีโสตํ วิย ปวตฺเตติ, อากาสคงฺคโต ภสฺสมานํ อุทกํ วิย นิรนฺตรํ กถํ ปวตฺเตติ, ตสฺส กถา อนุปฺปพนฺธา โหติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ¶ ‘‘อนุปฺปพนฺเธหี’’ติ. อนุสยสมุคฺฆาตายาติ สตฺตนฺนํ อนุสยานํ สมุคฺฆาตตฺถาย. เอวรูเปนาติ เอวรูเปน พหุสฺสุเตน ภิกฺขุนา ตถารูเปเนว ภิกฺขุสเตน ภิกฺขุสหสฺเสน วา สงฺฆาฏิกณฺเณน วา สงฺฆาฏิกณฺณํ, ปลฺลงฺเกน วา ปลฺลงฺกํ อาหจฺจ นิสินฺเนน โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺย. อิมินา นเยน สพฺพวาเรสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓๓๔. ปฏิสลฺลานํ อสฺส อาราโมติ ปฏิสลฺลานาราโม. ปฏิสลฺลาเน รโตติ ปฏิสลฺลานรโต.
๓๓๕. สหสฺสํ ¶ โลกานนฺติ สหสฺสํ โลกธาตูนํ. เอตฺตกฺหิ เถรสฺส ธุวเสวนํ อาวชฺชนปฏิพทฺธํ, อากงฺขมาโน ปน เถโร อเนกานิปิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ โวโลเกติเยว. อุปริปาสาทวรคโตติ สตฺตภูมกสฺส วา นวภูมกสฺส วา ปาสาทวรสฺส อุปริ คโต. สหสฺสํ เนมิมณฺฑลานํ โวโลเกยฺยาติ ปาสาทปริเวเณ นาภิยา ปติฏฺิตานํ เนมิวฏฺฏิยา เนมิวฏฺฏึ อาหจฺจ ิตานํ เนมิมณฺฑลานํ สหสฺสํ วาตปานํ วิวริตฺวา โอโลเกยฺย, ตสฺส นาภิโยปิ ปากฏา โหนฺติ, อราปิ อรนฺตรานิปิ เนมิโยปิ. เอวเมว โข, อาวุโสติ, อาวุโส, เอวํ อยมฺปิ ทิพฺพจกฺขุโก ภิกฺขุ ทิพฺเพน จกฺขุนา อติกฺกนฺตมานุสเกน สหสฺสํ โลกานํ โวโลเกติ. ตสฺส ปาสาเท ิตปุริสสฺส จกฺกนาภิโย วิย จกฺกวาฬสหสฺเส สิเนรุสหสฺสํ ปากฏํ โหติ. อรา วิย ทีปา ปากฏา โหนฺติ. อรนฺตรานิ วิย ทีปฏฺิตมนุสฺสา ปากฏา โหนฺติ. เนมิโย วิย จกฺกวาฬปพฺพตา ปากฏา โหนฺติ.
๓๓๖. อารฺิโกติ สมาทิณฺณอรฺธุตงฺโค. เสสปเทสุปิ ¶ เอเสว นโย.
๓๓๗. โน จ สํสาเทนฺตีติ น โอสาเทนฺติ. สเหตุกฺหิ สการณํ กตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ วิสฺสชฺชิตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต สํสาเทติ นาม. เอวํ น กโรนฺตีติ อตฺโถ. ปวตฺตินี โหตีติ นทีโสโตทกํ วิย ปวตฺตติ.
๓๓๘. ยาย ¶ วิหารสมาปตฺติยาติ ยาย โลกิยาย วิหารสมาปตฺติยา, ยาย โลกุตฺตราย วิหารสมาปตฺติยา.
๓๓๙. สาธุ สาธุ สาริปุตฺตาติ อยํ สาธุกาโร อานนฺทตฺเถรสฺส ทินฺโน. สาริปุตฺตตฺเถเรน ปน สทฺธึ ภควา อาลปติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ยถา ตํ อานนฺโทวาติ ยถา อานนฺโทว สมฺมา พฺยากรณมาโน พฺยากเรยฺย, เอวํ พฺยากตํ อานนฺเทน อตฺตโน อนุจฺฉวิกเมว, อชฺฌาสยานุรูปเมว พฺยากตนฺติ อตฺโถ. อานนฺทตฺเถโร หิ อตฺตนาปิ พหุสฺสุโต, อชฺฌาสโยปิสฺส เอวํ โหติ – ‘‘อโห วต สาสเน สพฺรหฺมจารี พหุสฺสุตา ภเวยฺยุ’’นฺติ. กสฺมา? พหุสฺสุตสฺส หิ กปฺปิยากปฺปิยํ สาวชฺชานวชฺชํ, ครุกลหุกํ สเตกิจฺฉาเตกิจฺฉํ ปากฏํ โหติ. พหุสฺสุโต อุคฺคหิตพุทฺธวจนํ อาวชฺชิตฺวา อิมสฺมึ าเน สีลํ กถิตํ, อิมสฺมึ ¶ สมาธิ, อิมสฺมึ วิปสฺสนา, อิมสฺมึ มคฺคผลนิพฺพานานีติ สีลสฺส อาคตฏฺาเน สีลํ ปูเรตฺวา, สมาธิสฺส อาคตฏฺาเน สมาธึ ปูเรตฺวา วิปสฺสนาย อาคตฏฺาเน วิปสฺสนาคพฺภํ คณฺหาเปตฺวา มคฺคํ ภาเวตฺวา ผลํ สจฺฉิกโรติ. ตสฺมา เถรสฺส เอวํ อชฺฌาสโย โหติ – ‘‘อโห วต สพฺรหฺมจารี เอกํ วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปฺจ วา นิกาเย อุคฺคเหตฺวา อาวชฺชนฺตา สีลาทีนํ อาคตฏฺาเนสุ สีลาทีนิ ปริปูเรตฺวา อนุกฺกเมน มคฺคผลนิพฺพานานิ สจฺฉิกเรยฺยุ’’นฺติ. เสสวาเรสุปิ เอเสว นโย.
๓๔๐. อายสฺมา หิ เรวโต ฌานชฺฌาสโย ฌานาภิรโต, ตสฺมาสฺส เอวํ โหติ – ‘‘อโห วต สพฺรหฺมจารี เอกิกา นิสีทิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ สจฺฉิกเรยฺยุ’’นฺติ. ตสฺมา เอวํ พฺยากาสิ.
๓๔๑. อายสฺมา ¶ อนุรุทฺโธ ทิพฺพจกฺขุโก, ตสฺส เอวํ โหติ – ‘‘อโห วต สพฺรหฺมจารี อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา อเนเกสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ จวมาเน จ อุปปชฺชมาเน จ สตฺเต ทิสฺวา วฏฺฏภเยน จิตฺตํ สํเวเชตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ สจฺฉิกเรยฺยุ’’นฺติ. ตสฺมา เอวํ พฺยากาสิ.
๓๔๒. อายสฺมา มหากสฺสโป ธุตวาโท, ตสฺส เอวํ โหติ – ‘‘อโห วต สพฺรหฺมจารี ธุตวาทา หุตฺวา ธุตงฺคานุภาเวน ปจฺจยตณฺหํ มิลาเปตฺวา อปเรปิ นานปฺปกาเร กิเลเส ธุนิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ สจฺฉิกเรยฺยุ’’นฺติ. ตสฺมา เอวํ พฺยากาสิ.
๓๔๓. อายสฺมา ¶ มหาโมคฺคลฺลาโน สมาธิปารมิยา มตฺถกํ ปตฺโต, สุขุมํ ปน จิตฺตนฺตรํ ขนฺธนฺตรํ ธาตฺวนฺตรํ อายตนนฺตรํ ฌาโนกฺกนฺติกํ อารมฺมโณกฺกนฺติกํ องฺคววตฺถานํ อารมฺมณววตฺถานํ องฺคสงฺกนฺติ อารมฺมณสงฺกนฺติ เอกโตวฑฺฒนํ อุภโตวฑฺฒนนฺติ อาภิธมฺมิกธมฺมกถิกสฺเสว ปากฏํ. อนาภิธมฺมิโก หิ ธมฺมํ กเถนฺโต – ‘‘อยํ สกวาโท อยํ ปรวาโท’’ติ น ชานาติ. สกวาทํ ทีเปสฺสามีติ ปรวาทํ ทีเปติ, ปรวาทํ ทีเปสฺสามีติ สกวาทํ ทีเปติ, ธมฺมนฺตรํ วิสํวาเทติ. อาภิธมฺมิโก สกวาทํ สกวาทนิยาเมเนว ¶ , ปรวาทํ ปรวาทนิยาเมเนว ทีเปติ, ธมฺมนฺตรํ น วิสํวาเทติ. ตสฺมา เถรสฺส เอวํ โหติ – ‘‘อโห วต สพฺรหฺมจารี อาภิธมฺมิกา หุตฺวา สุขุเมสุ าเนสุ าณํ โอตาเรตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ สจฺฉิกเรยฺยุ’’นฺติ. ตสฺมา เอวํ พฺยากาสิ.
๓๔๔. อายสฺมา สาริปุตฺโต ปฺาปารมิยา มตฺถกํ ปตฺโต, ปฺวาเยว จ จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺเตตุํ สกฺโกติ, น ทุปฺปฺโ. ทุปฺปฺโ หิ อุปฺปนฺนสฺส จิตฺตสฺส วเส วตฺเตตฺวา อิโต จิโต จ วิปฺผนฺทิตฺวาปิ กติปาเหเนว คิหิภาวํ ปตฺวา อนยพฺยสนํ ปาปุณาติ. ตสฺมา เถรสฺส เอวํ โหติ – ‘‘อโห วต สพฺรหฺมจารี อจิตฺตวสิกา หุตฺวา จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺเตตฺวา สพฺพานสฺส วิเสวิตวิปฺผนฺทิตานิ ภฺชิตฺวา อีสกมฺปิ พหิ นิกฺขมิตุํ อเทนฺตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ¶ โลกุตฺตรธมฺมํ สจฺฉิกเรยฺยุ’’นฺติ. ตสฺมา เอวํ พฺยากาสิ.
๓๔๕. สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิตํ ปริยาเยนาติ สาริปุตฺต, ยสฺมา สงฺฆารามสฺส นาม พหุสฺสุตภิกฺขูหิปิ โสภนการณํ อตฺถิ, ฌานาภิรเตหิปิ, ทิพฺพจกฺขุเกหิปิ, ธุตวาเทหิปิ, อาภิธมฺมิเกหิปิ, อจิตฺตวสิเกหิปิ โสภนการณํ อตฺถิ. ตสฺมา สพฺเพสํ ¶ โว สุภาสิตํ ปริยาเยน, เตน เตน การเณน สุภาสิตเมว, โน ทุพฺภาสิตํ. อปิจ มมปิ สุณาถาติ อปิจ มมปิ วจนํ สุณาถ. น ตาวาหํ อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามีติ น ตาว อหํ อิมํ จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย อาภุชิตํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ, น โมเจสฺสามีติ อตฺโถ. อิทํ กิร ภควา ปริปากคเต าเณ รชฺชสิรึ ปหาย กตาภินิกฺขมโน อนุปุพฺเพน โพธิมณฺฑํ อารุยฺห จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย อปราชิตปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ทฬฺหสมาทาโน หุตฺวา นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ ภินฺทิตฺวา ปจฺจูสสมเย ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทนฺโต สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิ, ตํ อตฺตโน มหาโพธิปลฺลงฺกํ สนฺธาย เอวมาห. อปิจ ปจฺฉิมํ ชนตํ อนุกมฺปมาโนปิ ปฏิปตฺติสารํ ปุถุชฺชนกลฺยาณกํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. ปสฺสติ หิ ภควา – ‘‘อนาคเต เอวํ อชฺฌาสยา กุลปุตฺตา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิสฺสนฺติ, ‘ภควา มหาโคสิงฺคสุตฺตํ กเถนฺโต อิธ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ ปจฺฉาภตฺตํ…เป… เอวรูเปน โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยาติ อาห, มยํ ภควโต อชฺฌาสยํ คณฺหิสฺสามา’ติ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย ทฬฺหสมาทานา หุตฺวา ‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อิมํ ปลฺลงฺกํ น ภินฺทิสฺสามา’ติ สมณธมฺมํ กาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ, เต เอวํ ปฏิปนฺนา กติปาเหเนว ¶ ชาติชรามรณสฺส อนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ, อิมํ ปจฺฉิมํ ชนตํ อนุกมฺปมาโน ปฏิปตฺติสารํ ปุถุชฺชนกลฺยาณกํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. เอวรูเปน โข, สาริปุตฺต, ภิกฺขุนา โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยาติ, สาริปุตฺต, เอวรูเปน ภิกฺขุนา นิปฺปริยาเยเนว โคสิงฺคสาลวนํ โสเภยฺยาติ ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาโคสิงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มหาโคปาลกสุตฺตวณฺณนา
๓๔๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาโคปาลกสุตฺตํ. ตตฺถ ติสฺโส กถา เอกนาฬิกา, จตุรสฺสา, นิสินฺนวตฺติกาติ. ตตฺถ ปาฬึ วตฺวา เอเกกปทสฺส อตฺถกถนํ เอกนาฬิกา นาม. อปณฺฑิตํ โคปาลกํ ทสฺเสตฺวา, อปณฺฑิตํ ¶ ภิกฺขุํ ทสฺเสตฺวา, ปณฺฑิตํ โคปาลกํ ทสฺเสตฺวา, ปณฺฑิตํ ภิกฺขุํ ทสฺเสตฺวาติ จตุกฺกํ พนฺธิตฺวา กถนํ จตุรสฺสา นาม. อปณฺฑิตํ โคปาลกํ ทสฺเสตฺวา ปริโยสานคมนํ, อปณฺฑิตํ ภิกฺขุํ ทสฺเสตฺวา ปริโยสานคมนํ, ปณฺฑิตํ โคปาลกํ ทสฺเสตฺวา ปริโยสานคมนํ, ปณฺฑิตํ ภิกฺขุํ ทสฺเสตฺวา ปริโยสานคมนนฺติ อยํ นิสินฺนวตฺติกา นาม. อยํ อิธ สพฺพาจริยานํ อาจิณฺณา.
เอกาทสหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหีติ เอกาทสหิ อคุณโกฏฺาเสหิ. โคคณนฺติ โคมณฺฑลํ. ปริหริตุนฺติ ปริคฺคเหตฺวา วิจริตุํ. ผาตึ กาตุนฺติ วฑฺฒึ อาปาเทตุํ. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. น รูปฺู โหตีติ คณนโต วา วณฺณโต วา รูปํ น ชานาติ. คณนโต น ชานาติ นาม อตฺตโน คุนฺนํ สตํ วา สหสฺสํ วาติ สงฺขฺยํ น ชานาติ. โส คาวีสุ หฏาสุ วา ปลาตาสุ วา โคคณํ คเณตฺวา, อชฺช เอตฺติกา น ทิสฺสนฺตีติ ทฺเว ตีณิ คามนฺตรานิ วา อฏวึ วา วิจรนฺโต น ปริเยสติ, อฺเสํ คาวีสุ อตฺตโน โคคณํ ปวิฏฺาสุปิ โคคณํ คเณตฺวา, ‘‘อิมา เอตฺติกา คาโว น อมฺหาก’’นฺติ ยฏฺิยา โปเถตฺวา น นีหรติ, ตสฺส นฏฺา คาวิโย นฏฺาว โหนฺติ. ปรคาวิโย คเหตฺวา วิจรนฺตํ โคสามิกา ทิสฺวา, ‘‘อยํ เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ เธนุํ คณฺหาตี’’ติ ตชฺเชตฺวา อตฺตโน คาวิโย คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. ตสฺส โคคโณปิ ปริหายติ, ปฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติ. วณฺณโต น ชานาติ นาม – ‘‘เอตฺติกา คาโว เสตา, เอตฺติกา รตฺตา, เอตฺติกา กาฬา, เอตฺติกา กพรา เอตฺติกา นีลา’’ติ น ชานาติ, โส คาวีสุ หฏาสุ วา…เป… ปฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติ.
น ลกฺขณกุสโล โหตีติ คาวีนํ สรีเร กตํ ธนุสตฺติสูลาทิเภทํ ลกฺขณํ น ชานาติ ¶ , โส คาวีสุ หฏาสุ วา ปลาตาสุ วา อชฺช อสุกลกฺขณา จ อสุกลกฺขณา จ คาโว ¶ น ทิสฺสนฺติ…เป… ปฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติ.
น อาสาฏิกํ หาเรตาติ คุนฺนํ ขาณุกณฺฏกาทีหิ ปหฏฏฺาเนสุ วโณ โหติ. ตตฺถ นีลมกฺขิกา อณฺฑกานิ ปาเตนฺติ, เตสํ อาสาฏิกาติ นาม. ตานิ ทณฺเฑน อปเนตฺวา เภสชฺชํ ทาตพฺพํ โหติ. พาโล ¶ โคปาลโก ตถา น กโรติ, เตน วุตฺตํ – ‘‘น อาสาฏิกํ หาเรตา โหตี’’ติ. ตสฺส คุนฺนํ วณา วฑฺฒนฺติ, คมฺภีรา โหนฺติ, ปาณกา กุจฺฉึ ปวิสนฺติ, คาโว เคลฺาภิภูตา เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ, น ปานียํ ปาตุํ สกฺโกนฺติ. ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ, โคณานํ ชโว หายติ, อุภเยสํ ชีวิตนฺตราโย โหติ. เอวมสฺส โคคโณปิ ปริหายติ, ปฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติ.
น วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหตีติ คุนฺนํ วุตฺตนเยเนว สฺชาโต วโณ เภสชฺชํ ทตฺวา วาเกน วา จีรเกน วา พนฺธิตฺวา ปฏิจฺฉาเทตพฺโพ โหติ. พาโล โคปาลโก ตถา น กโรติ, อถสฺส คุนฺนํ วเณหิ ยูสา ปคฺฆรนฺติ, ตา อฺมฺํ นิฆํเสนฺติ, เตน อฺเสมฺปิ วณา ชายนฺติ. เอวํ คาโว เคลฺาภิภูตา เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น ธูมํ กตฺตา โหตีติ อนฺโตวสฺเส ฑํสมกสาทีนํ อุสฺสนฺนกาเล โคคเณ วชํ ปวิฏฺเ ตตฺถ ตตฺถ ธูโม กาตพฺโพ โหติ, อปณฺฑิโต โคปาลโก ตํ น กโรติ. โคคโณ สพฺพรตฺตึ ฑํสาทีหิ อุปทฺทุโต นิทฺทํ อลภิตฺวา ปุนทิวเส อรฺเ ตตฺถ ตตฺถ รุกฺขมูลาทีสุ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายติ, เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ…เป… ปฺจโครสปริโภคโตปิ ปริพาหิโร โหติ.
น ติตฺถํ ชานาตีติ ติตฺถํ สมนฺติ วา วิสมนฺติ วา สคาหนฺติ วา นิคฺคาหนฺติ วา น ชานาติ, โส อติตฺเถน คาวิโย โอตาเรติ. ตาสํ วิสมติตฺเถ ปาสาณาทีนิ อกฺกมนฺตีนํ ปาทา ภิชฺชนฺติ, สคาหํ คมฺภีรํ ติตฺถํ โอติณฺณา กุมฺภีลาทโย คาหา คณฺหนฺติ. อชฺช เอตฺติกา คาโว นฏฺา, อชฺช เอตฺติกาติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ. เอวมสฺส โคคโณปิ ปริหายติ, ปฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติ.
น ¶ ปีตํ ชานาตีติ ปีตมฺปิ อปีตมฺปิ น ชานาติ. โคปาลเกน หิ ‘‘อิมาย คาวิยา ปีตํ, อิมาย น ปีตํ, อิมาย ปานียติตฺเถ โอกาโส ลทฺโธ, อิมาย น ¶ ลทฺโธ’’ติ เอวํ ปีตาปีตํ ชานิตพฺพํ โหติ. อยํ ปน ทิวสภาคํ อรฺเ โคคณํ รกฺขิตฺวา ปานียํ ปาเยสฺสามีติ นทึ วา ¶ ตฬากํ วา คเหตฺวา คจฺฉติ. ตตฺถ มหาอุสภา จ อนุอุสภา จ พลวคาวิโย จ ทุพฺพลานิ เจว มหลฺลกานิ จ โครูปานิ สิงฺเคหิ วา ผาสุกาหิ วา ปหริตฺวา อตฺตโน โอกาสํ กตฺวา อูรุปฺปมาณํ อุทกํ ปวิสิตฺวา ยถากามํ ปิวนฺติ. อวเสสา โอกาสํ อลภมานา ตีเร ตฺวา กลลมิสฺสกํ อุทกํ ปิวนฺติ, อปีตา เอว วา โหนฺติ. อถ เน โคปาลโก ปิฏฺิยํ ปหริตฺวา ปุน อรฺํ ปเวเสติ, ตตฺถ อปีตคาวิโย ปิปาสาย สุกฺขมานา ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ, โคณานํ ชโว หายติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น วีถึ ชานาตีติ ‘‘อยํ มคฺโค สโม เขโม, อยํ วิสโม สาสงฺโก สปฺปฏิภโย’’ติ น ชานาติ. โส สมํ เขมํ มคฺคํ วชฺเชตฺวา โคคณํ อิตรํ มคฺคํ ปฏิปาเทติ, ตตฺถ คาโว สีหพฺยคฺฆาทีนํ คนฺเธน โจรปริสฺสเยน วา อภิภูตา ภนฺตมิคสปฺปฏิภาคา คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ติฏฺนฺติ, เนว ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทนฺติ, น ปานียํ ปิวนฺติ, ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น โคจรกุสโล โหตีติ โคปาลเกน หิ โคจรกุสเลน ภวิตพฺพํ, ปฺจาหิกวาโร วา สตฺตาหิกวาโร วา ชานิตพฺโพ, เอกทิสาย โคคณํ จาเรตฺวา ปุนทิวเส ตตฺถ น จาเรตพฺโพ. มหตา หิ โคคเณน จิณฺณฏฺานํ เภริตลํ วิย สุทฺธํ โหติ นิตฺติณํ, อุทกมฺปิ อาลุฬียติ. ตสฺมา ปฺจเม วา สตฺตเม วา ทิวเส ปุน ตตฺถ จาเรตุํ วฏฺฏติ, เอตฺตเกน หิ ติณมฺปิ ปฏิวิรุหติ, อุทกมฺปิ ปสีทติ. อยํ ปน อิมํ ปฺจาหิกวารํ วา สตฺตาหิกวารํ วา น ชานาติ, ทิวเส ทิวเส รกฺขิตฏฺาเนเยว รกฺขติ. อถสฺส โคคโณ หริตติณํ น ลภติ, สุกฺขติณํ ขาทนฺโต กลลมิสฺสกํ อุทกํ ปิวติ, ตตฺถ คุนฺนํ ขีรํ ฉิชฺชติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
อนวเสสโทหี จ โหตีติ ปณฺฑิตโคปาลเกน ยาว วจฺฉกสฺส มํสโลหิตํ สณฺาติ, ตาว ¶ เอกํ ทฺเว ถเน เปตฺวา สาวเสสโทหินา ภวิตพฺพํ. อยํ วจฺฉกสฺส กิฺจิ อนวเสเสตฺวา ทุหติ, ขีรปโก วจฺโฉ ขีรปิปาสาย สุกฺขติ, สณฺาตุํ ¶ อสกฺโกนฺโต กมฺปมาโน ¶ มาตุ ปุรโต ปติตฺวา กาลงฺกโรติ. มาตา ปุตฺตกํ ทิสฺวา, ‘‘มยฺหํ ปุตฺตโก อตฺตโน มาตุขีรํ ปาตุมฺปิ น ลภตี’’ติ ปุตฺตโสเกน น ยาวทตฺถํ ติณานิ ขาทิตุํ, น ปานียํ ปาตุํ สกฺโกติ, ถเนสุ ขีรํ ฉิชฺชติ. เอวมสฺส โคคโณปิ ปริหายติ, ปฺจโครสโตปิ ปริพาหิโร โหติ.
คุนฺนํ ปิตุฏฺานํ กโรนฺตีติ โคปิตโร. คาโว ปริณยนฺติ ยถารุจึ คเหตฺวา คจฺฉนฺตีติ โคปริณายกา. น อติเรกปูชายาติ ปณฺฑิโต หิ โคปาลโก เอวรูเป อุสเภ อติเรกปูชาย ปูเชติ, ปณีตํ โคภตฺตํ เทติ, คนฺธปฺจงฺคุลิเกหิ มณฺเฑติ, มาลํ ปิลนฺเธติ, สิงฺเค สุวณฺณรชตโกสเก จ ธาเรติ, รตฺตึ ทีปํ ชาเลตฺวา เจลวิตานสฺส เหฏฺา สยาเปติ. อยํ ปน ตโต เอกสกฺการมฺปิ น กโรติ, อุสภา อติเรกปูชํ อลภมานา โคคณํ น รกฺขนฺติ, ปริสฺสยํ น วาเรนฺติ. เอวมสฺส โคคโณ ปริหายติ, ปฺจโครสโต ปริพาหิโร โหติ.
๓๔๗. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. น รูปฺู โหตีติ, ‘‘จตฺตาริ มหาภูตานิ จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูป’’นฺติ เอวํ วุตฺตรูปํ ทฺวีหากาเรหิ น ชานาติ คณนโต วา สมุฏฺานโต วา. คณนโต น ชานาติ นาม, ‘‘จกฺขายตนํ, โสต-ฆาน-ชิวฺหา-กายายตนํ, รูป-สทฺท-คนฺธ-รส-โผฏฺพฺพายตนํ, อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสินฺทฺริยํ, ชีวิตินฺทฺริยํ, กายวิฺตฺติ, วจีวิฺตฺติ, อากาสธาตุ, อาโปธาตุ, รูปสฺส ลหุตา, มุทุตา, กมฺมฺตา, อุปจโย, สนฺตติ, ชรตา, รูปสฺส อนิจฺจตา, กพฬีกาโร อาหาโร’’ติ เอวํ ปาฬิยํ อาคตา ปฺจวีสติ รูปโกฏฺาสาติ น ชานาติ. เสยฺยถาปิ โส โคปาลโก คณนโต คุนฺนํ รูปํ น ชานาติ, ตถูปโม อยํ ภิกฺขุ. โส คณนโต รูปํ อชานนฺโต รูปํ ปริคฺคเหตฺวา อรูปํ ววตฺถเปตฺวา รูปารูปํ ปริคฺคเหตฺวา ปจฺจยํ สลฺลกฺเขตฺวา ลกฺขณํ อาโรเปตฺวา กมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ. โส ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส โคคโณ น วฑฺฒติ, เอวํ อิมสฺมึ สาสเน สีลสมาธิวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพาเนหิ น วฑฺฒติ, ยถา ¶ จ โส โคปาลโก ปฺจหิ โครเสหิ ปริพาหิโร โหติ, เอวํ อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธน, อเสกฺเขน สมาธิ, ปฺา, วิมุตฺติ, วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺเธนาติ ปฺจหิ ธมฺมกฺขนฺเธหิ ปริพาหิโร โหติ.
สมุฏฺานโต ¶ ¶ น ชานาติ นาม, ‘‘เอตฺตกํ รูปํ เอกสมุฏฺานํ, เอตฺตกํ ทฺวิสมุฏฺานํ, เอตฺตกํ ติสมุฏฺานํ, เอตฺตกํ จตุสมุฏฺานํ, เอตฺตกํ น กุโตจิสมุฏฺาตี’’ติ น ชานาติ. เสยฺยถาปิ โส โคปาลโก วณฺณโต คุนฺนํ รูปํ น ชานาติ, ตถูปโม อยํ ภิกฺขุ. โส สมุฏฺานโต รูปํ อชานนฺโต รูปํ ปริคฺคเหตฺวา อรูปํ ววตฺถเปตฺวา…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น ลกฺขณกุสโล โหตีติ กมฺมลกฺขโณ พาโล, กมฺมลกฺขโณ ปณฺฑิโตติ เอวํ วุตฺตํ กุสลากุสลํ กมฺมํ ปณฺฑิตพาลลกฺขณนฺติ น ชานาติ. โส เอวํ อชานนฺโต พาเล วชฺเชตฺวา ปณฺฑิเต น เสวติ, พาเล วชฺเชตฺวา ปณฺฑิเต อเสวนฺโต กปฺปิยากปฺปิยํ กุสลากุสลํ สาวชฺชานวชฺชํ ครุกลหุกํ สเตกิจฺฉอเตกิจฺฉํ การณาการณํ น ชานาติ; ตํ อชานนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ. โส ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส โคคโณ น วฑฺฒติ, เอวํ อิมสฺมึ สาสเน ยถาวุตฺเตหิ สีลาทีหิ น วฑฺฒติ, โคปาลโก วิย จ ปฺจหิ โครเสหิ ปฺจหิ ธมฺมกฺขนฺเธหิ ปริพาหิโร โหติ.
น อาสาฏิกํ หาเรตา โหตีติ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกนฺติ เอวํ วุตฺเต กามวิตกฺกาทิเก น วิโนเทติ, โส อิมํ อกุสลวิตกฺกํ อาสาฏิกํ อหาเรตฺวา วิตกฺกวสิโก หุตฺวา วิจรนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ, โส ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น วณํ ปฏิจฺฉาเทตา โหตีติ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา นิมิตฺตคฺคาหี โหตีติอาทินา นเยน สพฺพารมฺมเณสุ นิมิตฺตํ คณฺหนฺโต ยถา โส โคปาลโก วณํ น ปฏิจฺฉาเทติ, เอวํ สํวรํ น สมฺปาเทติ. โส วิวฏทฺวาโร วิจรนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น ธูมํ กตฺตา โหตีติ โส โคปาลโก ธูมํ วิย ธมฺมเทสนาธูมํ น กโรติ, ธมฺมกถํ วา สรภฺํ วา อุปนิสินฺนกถํ วา อนุโมทนํ วา น กโรติ ¶ . ตโต นํ มนุสฺสา พหุสฺสุโต คุณวาติ น ชานนฺติ, เต คุณาคุณํ อชานนฺตา จตูหิ ปจฺจเยหิ สงฺคหํ น กโรนฺติ ¶ . โส ปจฺจเยหิ ¶ กิลมมาโน พุทฺธวจนํ สชฺฌายํ กาตุํ วตฺตปฏิปตฺตึ ปูเรตุํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น ติตฺถํ ชานาตีติ ติตฺถภูเต พหุสฺสุตภิกฺขู น อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต, ‘‘อิทํ, ภนฺเต, พฺยฺชนํ กถํ โรเปตพฺพํ, อิมสฺส ภาสิตสฺส โก อตฺโถ, อิมสฺมึ าเน ปาฬิ กึ วเทติ, อิมสฺมึ าเน อตฺโถ กึ ทีเปตี’’ติ เอวํ น ปริปุจฺฉติ น ปริปฺหติ, น ชานาเปตีติ อตฺโถ. ตสฺส เต เอวํ อปริปุจฺฉโต อวิวฏฺเจว น วิวรนฺติ, ภาเชตฺวา น ทสฺเสนฺติ, อนุตฺตานีกตฺจ น อุตฺตานีกโรนฺติ, อปากฏํ น ปากฏํ กโรนฺติ. อเนกวิหิเตสุ จ กงฺขาานิเยสุ ธมฺเมสูติ อเนกวิธาสุ กงฺขาสุ เอกํ กงฺขมฺปิ น ปฏิวิโนเทนฺติ. กงฺขา เอว หิ กงฺขาานิยา ธมฺมา นาม. ตตฺถ เอกํ กงฺขมฺปิ น นีหรนฺตีติ อตฺโถ. โส เอวํ พหุสฺสุตติตฺถํ อนุปสงฺกมิตฺวา สกงฺโข กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ. ยถา จ โส โคปาลโก ติตฺถํ น ชานาติ, เอวํ อยมฺปิ ภิกฺขุ ธมฺมติตฺถํ น ชานาติ, อชานนฺโต อวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อภิธมฺมิกํ อุปสงฺกมิตฺวา กปฺปิยากปฺปิยํ ปุจฺฉติ, วินยธรํ อุปสงฺกมิตฺวา รูปารูปปริจฺเฉทํ ปุจฺฉติ. เต อวิสเย ปุฏฺา กเถตุํ น สกฺโกนฺติ, โส อตฺตนา สกงฺโข กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น ปีตํ ชานาตีติ ยถา โส โคปาลโก ปีตาปีตํ น ชานาติ, เอวํ ธมฺมูปสฺหิตํ ปาโมชฺชํ น ชานาติ น ลภติ, สวนมยํ ปฺุกิริยวตฺถุํ นิสฺสาย อานิสํสํ น วินฺทติ, ธมฺมสฺสวนคฺคํ คนฺตฺวา สกฺกจฺจํ น สุณาติ, นิสินฺโน นิทฺทายติ, กถํ กเถติ, อฺวิหิตโก โหติ, โส สกฺกจฺจํ ธมฺมํ อสุณนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น วีถึ ชานาตีติ โส โคปาลโก มคฺคามคฺคํ วิย, – ‘‘อยํ โลกิโย อยํ โลกุตฺตโร’’ติ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ยถาภูตํ น ปชานาติ. อชานนฺโต โลกิยมคฺเค อภินิวิสิตฺวา โลกุตฺตรํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
น โคจรกุสโล โหตีติ โส โคปาลโก ปฺจาหิกวาเร ¶ สตฺตาหิกวาเร วิย จตฺตาโร สติปฏฺาเน ¶ , ‘‘อิเม โลกิยา อิเม โลกุตฺตรา’’ติ ยถาภูตํ น ปชานาติ. อชานนฺโต สุขุมฏฺาเนสุ อตฺตโน ¶ าณํ จราเปตฺวา โลกิยสติปฏฺาเน อภินิวิสิตฺวา โลกุตฺตรํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
อนวเสสโทหี จ โหตีติ ปฏิคฺคหเณ มตฺตํ อชานนฺโต อนวเสสํ ทุหติ. นิทฺเทสวาเร ปนสฺส อภิหฏฺุํ ปวาเรนฺตีติ อภิหริตฺวา ปวาเรนฺติ. เอตฺถ ทฺเว อภิหารา วาจาภิหาโร จ ปจฺจยาภิหาโร จ. วาจาภิหาโร นาม มนุสฺสา ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘วเทยฺยาถ, ภนฺเต, เยนตฺโถ’’ติ ปวาเรนฺติ. ปจฺจยาภิหาโร นาม วตฺถาทีนิ วา เตลผาณิตาทีนิ วา คเหตฺวา ภิกฺขุสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยาวตเกน อตฺโถ’’ติ วทนฺติ. ตตฺร ภิกฺขุ มตฺตํ น ชานาตีติ ภิกฺขุ เตสุ ปจฺจเยสุ ปมาณํ น ชานาติ, – ‘‘ทายกสฺส วโส เวทิตพฺโพ, เทยฺยธมฺมสฺส วโส เวทิตพฺโพ, อตฺตโน ถาโม เวทิตพฺโพ’’ติ รถวินีเต วุตฺตนเยน ปมาณยุตฺตํ อคฺคเหตฺวา ยํ อาหรนฺติ, ตํ สพฺพํ คณฺหาตีติ อตฺโถ. มนุสฺสา วิปฺปฏิสาริโน น ปุน อภิหริตฺวา ปวาเรนฺติ. โส ปจฺจเยหิ กิลมนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วฑฺเฒตุํ น สกฺโกติ…เป… ปริพาหิโร โหติ.
เต น อติเรกปูชาย ปูเชตา โหตีติ โส โคปาลโก มหาอุสเภ วิย เต เถเร ภิกฺขู อิมาย อาวิ เจว รโห จ เมตฺตาย กายกมฺมาทิกาย อติเรกปูชาย น ปูเชติ. ตโต เถรา, – ‘‘อิเม อมฺเหสุ ครุจิตฺตีการํ น กโรนฺตี’’ติ นวเก ภิกฺขู ทฺวีหิ สงฺคเหหิ น สงฺคณฺหนฺติ, น อามิสสงฺคเหน จีวเรน วา ปตฺเตน วา ปตฺตปริยาปนฺเนน วา วสนฏฺาเนน วา. กิลมนฺเต มิลายนฺเตปิ นปฺปฏิชคฺคนฺติ. ปาฬึ วา อฏฺกถํ วา ธมฺมกถาพนฺธํ วา คุยฺหคนฺถํ วา น สิกฺขาเปนฺติ. นวกา เถรานํ สนฺติกา สพฺพโส อิเม ทฺเว สงฺคเห อลภมานา อิมสฺมึ สาสเน ปติฏฺาตุํ น สกฺโกนฺติ. ยถา ตสฺส โคปาลกสฺส โคคโณ น วฑฺฒติ, เอวํ สีลาทีนิ น วฑฺฒนฺติ. ยถา จ โส โคปาลโก ปฺจหิ โครเสหิ ปริพาหิโร โหติ, เอวํ ปฺจหิ ธมฺมกฺขนฺเธหิ ปริพาหิรา โหนฺติ. สุกฺกปกฺโข กณฺหปกฺเข วุตฺตวิปลฺลาสวเสน โยเชตฺวา เวทิตพฺโพติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาโคปาลกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จูฬโคปาลกสุตฺตวณฺณนา
๓๕๐. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ จูฬโคปาลกสุตฺตํ. ตตฺถ อุกฺกเจลายนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตสฺมึ กิร มาปิยมาเน รตฺตึ คงฺคาโสตโต มจฺโฉ ถลํ ปตฺโต. มนุสฺสา เจลานิ เตลปาติยํ เตเมตฺวา อุกฺกา กตฺวา มจฺฉํ คณฺหึสุ. นคเร นิฏฺิเต ตสฺส นามํ กโรนฺเต อมฺเหหิ นครฏฺานสฺส คหิตทิวเส เจลุกฺกาหิ มจฺโฉ คหิโตติ อุกฺกเจลา-ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. ภิกฺขู อามนฺเตสีติ ยสฺมึ าเน นิสินฺนสฺส สพฺพา คงฺคา ปากฏา หุตฺวา ปฺายติ, ตาทิเส วาลิกุสฺสเท คงฺคาติตฺเถ สายนฺหสมเย มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสีทิตฺวา มหาคงฺคํ ปริปุณฺณํ สนฺทมานํ โอโลเกนฺโต, – ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมํ คงฺคํ นิสฺสาย โกจิ ปุพฺเพ วฑฺฒิปริหานึ ปตฺโต’’ติ อาวชฺชิตฺวา, ปุพฺเพ เอกํ พาลโคปาลกํ นิสฺสาย อเนกสตสหสฺสา โคคณา อิมิสฺสา คงฺคาย อาวฏฺเฏ ปติตฺวา สมุทฺทเมว ปวิฏฺา, อปรํ ปน ปณฺฑิตโคปาลกํ นิสฺสาย อเนกสตสหสฺสโคคณสฺส โสตฺถิ ชาตา วฑฺฒิ ชาตา อาโรคฺยํ ชาตนฺติ อทฺทส. ทิสฺวา อิมํ การณํ นิสฺสาย ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ.
มาคธโกติ มคธรฏฺวาสี. ทุปฺปฺชาติโกติ นิปฺปฺสภาโว ทนฺโธ มหาชโฬ. อสมเวกฺขิตฺวาติ อสลฺลกฺเขตฺวา อนุปธาเรตฺวา. ปตาเรสีติ ตาเรตุํ อารภิ. อุตฺตรํ ตีรํ สุวิเทหานนฺติ คงฺคาย โอริเม ตีเร มคธรฏฺํ, ปาริเม ตีเร วิเทหรฏฺํ, คาโว มคธรฏฺโต วิเทหรฏฺํ เนตฺวา รกฺขิสฺสามีติ อุตฺตรํ ตีรํ ปตาเรสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อุตฺตรํ ตีรํ สุวิเทหาน’’นฺติ. อามณฺฑลิกํ กริตฺวาติ มณฺฑลิกํ กตฺวา. อนยพฺยสนํ อาปชฺชึสูติ อวฑฺฒึ วินาสํ ปาปุณึสุ, มหาสมุทฺทเมว ปวิสึสุ. เตน หิ โคปาลเกน คาโว โอตาเรนฺเตน คงฺคาย โอริมตีเร สมติตฺถฺจ ¶ วิสมติตฺถฺจ โอโลเกตพฺพํ อสฺส, มชฺเฌ คงฺคาย คุนฺนํ วิสฺสมฏฺานตฺถํ ทฺเว ตีณิ วาลิกตฺถลานิ สลฺลกฺเขตพฺพานิ อสฺสุ. ตถา ปาริมตีเร ตีณิ จตฺตาริ ติตฺถานิ, อิมสฺมา ติตฺถา ภฏฺา อิมํ ติตฺถํ คณฺหิสฺสนฺติ, อิมสฺมา ภฏฺา อิมนฺติ. อยํ ปน พาลโคปาลโก โอริมตีเร คุนฺนํ โอตรณติตฺถํ สมํ วา วิสมํ วา อโนโลเกตฺวาว มชฺเฌ ¶ คงฺคาย คุนฺนํ วิสฺสมฏฺานตฺถํ ทฺเว ตีณิ วาลิกตฺถลานิปิ อสลฺลกฺเขตฺวาว ปรตีเร จตฺตาริ ¶ ปฺจ อุตฺตรณติตฺถานิ อสมเวกฺขิตฺวาว อติตฺเถเนว คาโว โอตาเรสิ. อถสฺส มหาอุสโภ ชวนสมฺปนฺนตาย เจว ถามสมฺปนฺนตาย จ ติริยํ คงฺคาย โสตํ เฉตฺวา ปาริมํ ตีรํ ปตฺวา ฉินฺนตฏฺเจว กณฺฏกคุมฺพคหนฺจ ทิสฺวา, ‘‘ทุพฺพินิวิฏฺเมต’’นฺติ ตฺวา ธุรคฺค-ปติฏฺาโนกาสมฺปิ อลภิตฺวา ปฏินิวตฺติ. คาโว มหาอุสโภ นิวตฺโต มยมฺปิ นิวตฺติสฺสามาติ นิวตฺตา. มหโต โคคณสฺส นิวตฺตฏฺาเน อุทกํ ฉิชฺชิตฺวา มชฺเฌ คงฺคาย อาวฏฺฏํ อุฏฺเปสิ. โคคโณ อาวฏฺฏํ ปวิสิตฺวา สมุทฺทเมว ปตฺโต. เอโกปิ โคโณ อโรโค นาม นาโหสิ. เตนาห – ‘‘ตตฺเถว อนยพฺยสนํ อาปชฺชึสู’’ติ.
อกุสลา อิมสฺส โลกสฺสาติ อิธ โลเก ขนฺธธาตายตเนสุ อกุสลา อเฉกา, ปรโลเกปิ เอเสว นโย. มารเธยฺยํ วุจฺจติ เตภูมกธมฺมา. อมารเธยฺยํ นว โลกุตฺตรธมฺมา. มจฺจุเธยฺยมฺปิ เตภูมกธมฺมาว. อมจฺจุเธยฺยํ นว โลกุตฺตรธมฺมา. ตตฺถ อกุสลา อเฉกา. วจนตฺถโต ปน มารสฺส เธยฺยํ มารเธยฺยํ. เธยฺยนฺติ านํ วตฺถุ นิวาโส โคจโร. มจฺจุเธยฺเยปิ เอเสว นโย. เตสนฺติ เตสํ เอวรูปานํ สมณพฺราหฺมณานํ, อิมินา ฉ สตฺถาโร ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา.
๓๕๑. เอวํ กณฺหปกฺขํ นิฏฺเปตฺวา สุกฺกปกฺขํ ทสฺเสนฺโต ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ พลวคาโวติ ทนฺตโคเณ เจว เธนุโย จ. ทมฺมคาโวติ ทเมตพฺพโคเณ เจว อวิชาตคาโว จ. วจฺฉตเรติ วจฺฉภาวํ ตริตฺวา ิเต พลววจฺเฉ. วจฺฉเกติ เธนุปเก ตรุณวจฺฉเก ¶ . กิสาพลเกติ อปฺปมํสโลหิเต มนฺทถาเม. ตาวเทว ชาตโกติ ตํทิวเส ชาตโก. มาตุโครวเกน วุยฺหมาโนติ มาตา ปุรโต ปุรโต หุํหุนฺติ โครวํ กตฺวา สฺํ ททมานา อุเรน อุทกํ ฉินฺทมานา คจฺฉติ, วจฺฉโก ตาย โครวสฺาย เธนุยา วา อุเรน ฉินฺโนทเกน คจฺฉมาโน ‘‘มาตุโครวเกน วุยฺหมาโน’’ติ วุจฺจติ.
๓๕๒. มารสฺส ¶ โสตํ เฉตฺวาติ อรหตฺตมคฺเคน มารสฺส ตณฺหาโสตํ เฉตฺวา. ปารํ คตาติ มหาอุสภา นทีปารํ วิย สํสารปารํ นิพฺพานํ คตา. ปารํ อคมํสูติ มหาอุสภานํ ปารงฺคตกฺขเณ คงฺคาย โสตสฺส ตโย โกฏฺาเส อติกฺกมฺม ิตา มหาอุสเภ ปารํ ปตฺเต ทิสฺวา เตสํ คตมคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ปารํ อคมํสุ. ปารํ คมิสฺสนฺตีติ จตุมคฺควชฺฌานํ กิเลสานํ ตโย ¶ โกฏฺาเส เขเปตฺวา ิตา อิทานิ อรหตฺตมคฺเคน อวเสสํ ตณฺหาโสตํ เฉตฺวา พลวคาโว วิย นทีปารํ สํสารปารํ นิพฺพานํ คมิสฺสนฺตีติ. อิมินา นเยน สพฺพวาเรสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ธมฺมานุสาริโน, สทฺธานุสาริโนติ อิเม ทฺเว ปมมคฺคสมงฺคิโน.
ชานตาติ สพฺพธมฺเม ชานนฺเตน พุทฺเธน. สุปฺปกาสิโตติ สุกถิโต. วิวฏนฺติ วิวริตํ. อมตทฺวารนฺติ อริยมคฺโค. นิพฺพานปตฺติยาติ ตทตฺถาย วิวฏํ. วินฬีกตนฺติ วิคตมานนฬํ กตํ. เขมํ ปตฺเถถาติ กตฺตุกมฺยตาฉนฺเทน อรหตฺตํ ปตฺเถถ, กตฺตุกามา นิพฺพตฺเตตุกามา โหถาติ อตฺโถ. ‘‘ปตฺต’ตฺถา’’ติปิ ปาโ. เอวรูปํ สตฺถารํ ลภิตฺวา ตุมฺเห ปตฺตาเยว นามาติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมว. ภควา ปน ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬโคปาลกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา
๓๕๓. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ จูฬสจฺจกสุตฺตํ. ตตฺถ มหาวเน กูฏาคารสาลายนฺติ มหาวนํ นาม สยํชาตํ อโรปิมํ สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนํ. กปิลวตฺถุสามนฺตา ¶ ปน มหาวนํ หิมวนฺเตน สห เอกาพทฺธํ อปริจฺเฉทํ หุตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ิตํ. อิทํ ตาทิสํ น โหติ. สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนนฺติ มหาวนํ. กูฏาคารสาลา ปน มหาวนํ นิสฺสาย กเต อาราเม กูฏาคารํ อนฺโตกตฺวา หํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนน กตา สพฺพาการสมฺปนฺนา พุทฺธสฺส ภควโต คนฺธกุฏิ เวทิตพฺพา.
สจฺจโก ¶ นิคณฺปุตฺโตติ ปุพฺเพ กิร เอโก นิคณฺโ จ นิคณฺี จ ปฺจ ปฺจ วาทสตานิ อุคฺคเหตฺวา, วาทํ อาโรเปสฺสามาติ ชมฺพุทีเป วิจรนฺตา เวสาลิยํ สมาคตา. ลิจฺฉวิราชาโน ทิสฺวา, – ‘‘ตฺวํ โก, ตฺวํ กา’’ติ ปุจฺฉึสุ. นิคณฺโ – ‘‘อหํ วาทํ อาโรเปสฺสามีติ ชมฺพุทีเป วิจรามี’’ติ อาห. นิคณฺีปิ ตถา อาห. ลิจฺฉวิโน, ‘‘อิเธว อฺมฺํ วาทํ อาโรเปถา’’ติ อาหํสุ. นิคณฺี อตฺตนา อุคฺคหิตานิ ปฺจวาทสตานิ ปุจฺฉิ, นิคณฺโ กเถสิ. นิคณฺเน ปุจฺฉิเตปิ นิคณฺี กเถสิเยว. เอกสฺสปิ น ชโย, น ปราชโย, อุโภ สมสมาว อเหสุํ. ลิจฺฉวิโน, – ‘‘ตุมฺเห อุโภปิ สมสมา อาหิณฺฑิตฺวา กึ กริสฺสถ, อิเธว วสถา’’ติ เคหํ ทตฺวา พลึ ปฏฺเปสุํ. เตสํ สํวาสมนฺวาย จตสฺโส ธีตโร ชาตา, – เอกา สจฺจา นาม, เอกา โลลา นาม, เอกา ปฏาจารา นาม, เอกา อาจารวตี นาม. ตาปิ ปณฺฑิตาว อเหสุํ, มาตาปิตูหิ อุคฺคหิตานิ ปฺจ ปฺจ วาทสตานิ อุคฺคเหสุํ. ตา วยปตฺตา มาตาปิตโร อโวจุํ – ‘‘อมฺหากํ อมฺมา กุเล ทาริกา นาม หิรฺสุวณฺณาทีนิ ทตฺวา กุลฆรํ เปสิตปุพฺพา นาม นตฺถิ. โย ปน อคาริโก ตาสํ วาทํ มทฺทิตุํ สกฺโกติ, ตสฺส ปาทปริจาริกา โหนฺติ. โย ปพฺพชิโต ตาสํ มทฺทิตุํ สกฺโกติ, ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชนฺติ. ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ? มยมฺปิ เอวเมว กริสฺสามาติ. จตสฺโสปิ ปริพฺพาชิกเวสํ คเหตฺวา, ‘‘อยํ ชมฺพุทีโป นาม ชมฺพุยา ปฺายตี’’ติ ชมฺพุสาขํ คเหตฺวา จาริกํ ปกฺกมึสุ. ยํ คามํ ปาปุณนฺติ, ตสฺส ทฺวาเร ปํสุปฺุเช ¶ วา วาลิกปฺุเช วา ชมฺพุธชํ เปตฺวา, – ‘‘โย วาทํ อาโรเปตุํ สกฺโกติ, โส อิมํ มทฺทตู’’ติ วตฺวา คามํ ปวิสนฺติ. เอวํ คาเมน คามํ วิจรนฺติโย สาวตฺถึ ปาปุณิตฺวา ตเถว คามทฺวาเร ชมฺพุธชํ ¶ เปตฺวา สมฺปตฺตมนุสฺสานํ อาโรเจตฺวา อนฺโตนครํ ปวิฏฺา.
เตน สมเยน ภควา สาวตฺถึ นิสฺสาย เชตวเน วิหรติ. อถายสฺมา สาริปุตฺโต คิลาเน ปุจฺฉนฺโต อชคฺคิตฏฺานํ ชคฺคนฺโต อตฺตโน กิจฺจมหนฺตตาย อฺเหิ ภิกฺขูหิ ทิวาตรํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต คามทฺวาเร ชมฺพุธชํ ทิสฺวา, – ‘‘กิมิท’’นฺติ ทารเก ปุจฺฉิ. เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. เตน หิ มทฺทถาติ. น สกฺโกม, ภนฺเต, ภายามาติ. ‘‘กุมารา ¶ มา ภายถ, ‘เกน อมฺหากํ ชมฺพุธโช มทฺทาปิโต’ติ วุตฺเต, พุทฺธสาวเกน สาริปุตฺตตฺเถเรน มทฺทาปิโต, วาทํ อาโรเปตุกามา เชตวเน เถรสฺส สนฺติกํ คจฺฉถาติ วเทยฺยาถา’’ติ อาห. เต เถรสฺส วจนํ สุตฺวา ชมฺพุธชํ มทฺทิตฺวา ฉฑฺเฑสุํ. เถโร ปิณฺฑาย จริตฺวา วิหารํ คโต. ปริพฺพาชิกาปิ คามโต นิกฺขมิตฺวา, ‘‘อมฺหากํ ธโช เกน มทฺทาปิโต’’ติ ปุจฺฉึสุ. ทารกา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ปริพฺพาชิกา ปุน คามํ ปวิสิตฺวา เอเกกํ วีถึ คเหตฺวา, – ‘‘พุทฺธสาวโก กิร สาริปุตฺโต นาม อมฺเหหิ สทฺธึ วาทํ กริสฺสติ, โสตุกามา นิกฺขมถา’’ติ อาโรเจสุํ. มหาชโน นิกฺขมิ, เตน สทฺธึ ปริพฺพาชิกา เชตวนํ อคมึสุ.
เถโร – ‘‘อมฺหากํ วสนฏฺาเน มาตุคามสฺส อาคมนํ นาม อผาสุก’’นฺติ วิหารมชฺเฌ นิสีทิ. ปริพฺพาชิกาโย คนฺตฺวา เถรํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตุมฺเหหิ อมฺหากํ ธโช มทฺทาปิโต’’ติ? อาม, มยา มทฺทาปิโตติ. มยํ ตุมฺเหหิ สทฺธึ วาทํ กริสฺสามาติ. สาธุ กโรถ, กสฺส ปุจฺฉา กสฺส วิสฺสชฺชนํ โหตูติ? ปุจฺฉา นาม อมฺหากํ ปตฺตา, ตุมฺเห ปน มาตุคามา นาม ปมํ ปุจฺฉถาติ อาห. ตา จตสฺโสปิ จตูสุ ทิสาสุ ตฺวา มาตาปิตูนํ สนฺติเก อุคฺคหิตํ วาทสหสฺสํ ปุจฺฉึสุ. เถโร ขคฺเคน กุมุทนาฬํ ฉินฺทนฺโต วิย ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ นิชฺชฏํ นิคฺคณฺึ กตฺวา กเถสิ, กเถตฺวา ปุน ปุจฺฉถาติ อาห. เอตฺตกเมว, ภนฺเต, มยํ ชานามาติ. เถโร อาห – ‘‘ตุมฺเหหิ วาทสหสฺสํ ปุจฺฉิตํ มยา กถิตํ, อหํ ปน เอกํ เยว ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ตํ ตุมฺเห กเถถา’’ติ. ตา เถรสฺส วิสยํ ทิสฺวา, ‘‘ปุจฺฉถ, ภนฺเต, พฺยากริสฺสามา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขึสุ. ‘‘วท, ภนฺเต, ชานมานา ¶ พฺยากริสฺสามา’’ติ ปุน อาหํสุ.
เถโร ¶ อยํ ปน กุลปุตฺเต ปพฺพาเชตฺวา ปมํ สิกฺขาเปตพฺพปฺโหติ วตฺวา, – ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ตา เนว อนฺตํ, น โกฏึ อทฺทสํสุ. เถโร กเถถาติ อาห. น ปสฺสาม, ภนฺเตติ. ตุมฺเหหิ วาทสหสฺสํ ปุจฺฉิตํ มยา กถิตํ, มยฺหํ ตุมฺเห เอกํ ปฺหมฺปิ กเถตุํ น สกฺโกถ, เอวํ สนฺเต กสฺส ชโย กสฺส ปราชโยติ? ตุมฺหากํ, ภนฺเต, ชโย, อมฺหากํ ปราชโยติ. อิทานิ กึ กริสฺสถาติ? ตา มาตาปิตูหิ วุตฺตวจนํ อาโรเจตฺวา, ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ตุมฺเห มาตุคามา นาม อมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชิตุํ น วฏฺฏติ, อมฺหากํ ปน สาสนํ คเหตฺวา ¶ ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชถาติ. ตา สาธูติ เถรสฺส สาสนํ คเหตฺวา ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชึสุ. ปพฺพชิตา จ ปน อปฺปมตฺตา อาตาปินิโย หุตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
อยํ สจฺจโก ตาสํ จตุนฺนมฺปิ กนิฏฺภาติโก. ตาหิ จตูหิปิ อุตฺตริตรปฺโ, มาตาปิตูนมฺปิ สนฺติกา วาทสหสฺสํ, ตโต พหุตรฺจ พาหิรสมยํ อุคฺคเหตฺวา กตฺถจิ อคนฺตฺวา ราชทารเก สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺโต ตตฺเถว เวสาลิยํ วสติ, ปฺาย อติปูริตตฺตา กุจฺฉิ เม ภิชฺเชยฺยาติ ภีโต อยปฏฺเฏน กุจฺฉึ ปริกฺขิปิตฺวา จรติ, อิมํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต’’ติ.
ภสฺสปฺปวาทโกติ ภสฺสํ วุจฺจติ กถามคฺโค, ตํ ปวทติ กเถตีติ ภสฺสปฺปวาทโก. ปณฺฑิตวาโทติ อหํ ปณฺฑิโตติ เอวํ วาโท. สาธุสมฺมโต พหุชนสฺสาติ ยํ ยํ นกฺขตฺตจาเรน อาทิสติ, ตํ ตํ เยภุยฺเยน ตเถว โหติ, ตสฺมา อยํ สาธุลทฺธิโก ภทฺทโกติ เอวํ สมฺมโต มหาชนสฺส. วาเทน วาทํ สมารทฺโธติ กถามคฺเคน โทสํ อาโรปิโต. อายสฺมา อสฺสชีติ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อาจริโย อสฺสชิตฺเถโร. ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโนติ ตโต ตโต ลิจฺฉวิราชเคหโต ตํ ตํ เคหํ คมนตฺถาย อนุจงฺกมมาโน. เยนายสฺมา อสฺสชิ เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมิ? สมยชานนตฺถํ.
เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ ‘สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ อาหิณฺฑามิ, ‘สมยํ ปนสฺส น ชานามี’ติ น อาโรเปสึ. ปรสฺส หิ สมยํ ¶ ตฺวา อาโรปิโต วาโท สฺวาโรปิโต นาม โหติ. อยํ ปน สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก ปฺายติ อสฺสชิตฺเถโร ¶ ; โส อตฺตโน สตฺถุ สมเย โกวิโท, เอตาหํ ปุจฺฉิตฺวา กถํ ปติฏฺาเปตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ. ตสฺมา อุปสงฺกมิ. วิเนตีติ กถํ วิเนติ, กถํ สิกฺขาเปตีติ ปุจฺฉติ. เถโร ปน ยสฺมา ทุกฺขนฺติ วุตฺเต อุปารมฺภสฺส โอกาโส โหติ, มคฺคผลานิปิ ปริยาเยน ทุกฺขนฺติ อาคตานิ, อยฺจ ทุกฺขนฺติ วุตฺเต เถรํ ปุจฺเฉยฺย – ‘‘โภ อสฺสชิ, กิมตฺถํ ตุมฺเห ปพฺพชิตา’’ติ. ตโต ‘‘มคฺคผลตฺถายา’’ติ วุตฺเต, – ‘‘นยิทํ, โภ อสฺสชิ, ตุมฺหากํ สาสนํ นาม, มหาอาฆาตนํ นาเมตํ, นิรยุสฺสโท นาเมส, นตฺถิ ตุมฺหากํ สุขาสา, อุฏฺายุฏฺาย ทุกฺขเมว ชิราเปนฺตา อาหิณฺฑถา’’ติ โทสํ อาโรเปยฺย, ตสฺมา ¶ ปรวาทิสฺส ปริยายกถํ กาตุํ น วฏฺฏติ. ยถา เอส อปฺปติฏฺโ โหติ, เอวมสฺส นิปฺปริยายกถํ กเถสฺสามีติ จินฺเตตฺวา, ‘‘รูปํ, ภิกฺขเว, อนิจฺจ’’นฺติ อิมํ อนิจฺจานตฺตวเสเนว กถํ กเถติ. ทุสฺสุตนฺติ โสตุํ อยุตฺตํ.
๓๕๔. สนฺถาคาเรติ ราชกุลานํ อตฺถานุสาสนสนฺถาคารสาลายํ. เยน เต ลิจฺฉวี เตนุปสงฺกมีติ เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ สมยํ อชานนภาเวน สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ น อาโรเปสึ, อิทานิ ปนสฺส มหาสาวเกน กถิตํ สมยํ ชานามิ, อิเม จ มม อนฺเตวาสิกา ปฺจสตา ลิจฺฉวี สนฺนิปติตา. เอเตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ ตสฺมา อุปสงฺกมิ. าตฺตเรนาติ าเตสุ อภิฺาเตสุ ปฺจวคฺคิยตฺเถเรสุ อฺตเรน. ปติฏฺิตนฺติ ยถา เตน ปติฏฺิตํ. สเจ เอวํ ปติฏฺิสฺสติ, อถ ปน อฺเทว วกฺขติ, ตตฺร มยา กึ สกฺกา กาตุนฺติ อิทาเนว ปิฏฺึ ปริวตฺเตนฺโต อาห. อากฑฺเฒยฺยาติ อตฺตโน อภิมุขํ กฑฺเฒยฺย. ปริกฑฺเฒยฺยาติ ปุรโต ปฏิปณาเมยฺย. สมฺปริกฑฺเฒยฺยาติ กาเลน อากฑฺเฒยฺย, กาเลน ปริกฑฺเฒยฺย. โสณฺฑิกากิลฺชนฺติ สุราฆเร ปิฏฺกิลฺชํ. โสณฺฑิกาธุตฺโตติ สุราธุตฺโต. วาลํ กณฺเณ คเหตฺวาติ สุราปริสฺสาวนตฺถวิกํ โธวิตุกาโม ¶ กสฏนิธุนนตฺถํ อุโภสุ กณฺเณสุ คเหตฺวา. โอธุเนยฺยาติ อโธมุขํ กตฺวา ธุเนยฺย. นิทฺธุเนยฺยาติ อุทฺธํมุขํ กตฺวา ธุเนยฺย. นิปฺโผเฏยฺยาติ ปุนปฺปุนํ ปปฺโผเฏยฺย. สาณโธวิกํ นามาติ เอตฺถ มนุสฺสา สาณสาฏกกรณตฺถํ สาณวาเก คเหตฺวา มุฏฺึ มุฏฺึ พนฺธิตฺวา อุทเก ปกฺขิปนฺติ. เต ตติยทิวเส สุฏฺุ กิลินฺนา โหนฺติ. อถ มนุสฺสา อมฺพิลยาคุสุราทีนิ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา สาณมุฏฺึ คเหตฺวา, ทกฺขิณโต วามโต สมฺมุขา จาติ ตีสุ ผลเกสุ สกึ ทกฺขิณผลเก, สกึ วามผลเก, สกึ สมฺมุขผลเก ปหรนฺตา อมฺพิลยาคุสุราทีนิ ภฺุชนฺตา ปิวนฺตา ขาทนฺตา ¶ โธวนฺติ. มหนฺตา กีฬา โหติ. รฺโ นาโค ตํ กีฬํ ทิสฺวา คมฺภีรํ อุทกํ อนุปวิสิตฺวา โสณฺฑาย อุทกํ คเหตฺวา สกึ กุมฺเภ สกึ ปิฏฺิยํ สกึ อุโภสุ ปสฺเสสุ สกึ อนฺตรสตฺถิยํ ปกฺขิปนฺโต กีฬิตฺถ. ตทุปาทาย ตํ กีฬิตชาตํ สาณโธวิกํ นาม วุจฺจติ ¶ , ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สาณโธวิกํ นาม กีฬิตชาตํ กีฬตี’’ติ. กึ โส ภวมาโน สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต, โย ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสตีติ โย สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสติ, โส กึ ภวมาโน กึ ยกฺโข ภวมาโน อุทาหุ อินฺโท, อุทาหุ พฺรหฺมา ภวมาโน ภควโต วาทํ อาโรเปสฺสติ? น หิ สกฺกา ปกติมนุสฺเสน ภควโต วาทํ อาโรเปตุนฺติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
๓๕๕. เตน โข ปน สมเยนาติ ยสฺมึ สมเย สจฺจโก อารามํ ปาวิสิ, ตสฺมึ. กิสฺมึ ปน สมเย ปาวิสีติ? มหามชฺฌนฺหิกสมเย. กสฺมา ปน ตสฺมึ สมเย จงฺกมนฺตีติ? ปณีตโภชนปจฺจยสฺส ถินมิทฺธสฺส วิโนทนตฺถํ. ทิวาปธานิกา วา เต. ตาทิสานฺหิ ปจฺฉาภตฺตํ จงฺกมิตฺวา นฺหตฺวา สรีรํ อุตุํ คณฺหาเปตฺวา นิสชฺช สมณธมฺมํ กโรนฺตานํ จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ. เยน เต ภิกฺขูติ โส กิร กุหึ สมโณ โคตโมติ ปริเวณโต ปริเวณํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวา ปวิสิสฺสามีติ วิโลเกนฺโต อรฺเ หตฺถี วิย จงฺกเม จงฺกมมาเน ปํสุกูลิกภิกฺขู ทิสฺวา เตสํ สนฺติกํ อคมาสิ. ตํ สนฺธาย, ‘‘เยน เต ภิกฺขู’’ติอาทิ วุตฺตํ. กหํ ¶ นุ โข, โภติ กตรสฺมึ อาวาเส วา มณฺฑเป วาติ อตฺโถ. เอส, อคฺคิเวสฺสน, ภควาติ ตทา กิร ภควา ปจฺจูสกาเล มหากรุณา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ สพฺพฺุตฺาณชาลํ ปตฺถริตฺวา โพธเนยฺยสตฺตํ โอโลเกนฺโต อทฺทส – ‘‘สฺเว สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต มหตึ ลิจฺฉวิปริสํ คเหตฺวา มม วาทํ อาโรเปตุกาโม อาคมิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต มหาปริสาย นิสีทิตุํ สุขฏฺาเน นิสีทิสฺสามีติ คนฺธกุฏึ อปวิสิตฺวา มหาวเน อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. เต ภิกฺขู ภควโต วตฺตํ ทสฺเสตฺวา อาคตา, สจฺจเกน ปุฏฺา ทูเร นิสินฺนํ ภควนฺตํ ทสฺเสนฺตา, ‘‘เอส อคฺคิเวสฺสน ภควา’’ติ อาหํสุ.
มหติยา ลิจฺฉวิปริสาย สทฺธินฺติ เหฏฺา ปฺจมตฺเตหิ ลิจฺฉวิสเตหิ ปริวุโตติ วุตฺตํ. เต ¶ เอตสฺส อนฺเตวาสิกาเยว, อนฺโตเวสาลิยํ ปน สจฺจโก ปฺจมตฺตานิ ลิจฺฉวิราชสตานิ คเหตฺวา, ‘‘วาทตฺถิโก ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโต’’ติ สุตฺวา ทฺวินฺนํ ปณฺฑิตานํ กถาสลฺลาปํ โสสฺสามาติ ¶ เยภุยฺเยน มนุสฺสา นิกฺขนฺตา, เอวํ สา ปริสา มหตี อปริจฺฉินฺนคณนา อโหสิ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. อฺชลึ ปณาเมตฺวาติ เอเต อุภโตปกฺขิกา, เต เอวํ จินฺเตสุํ – ‘‘สเจ โน มิจฺฉาทิฏฺิกา โจเทสฺสนฺติ, ‘กสฺมา ตุมฺเห สมณํ โคตมํ วนฺทิตฺถา’ติ, เตสํ, ‘กึ อฺชลิมตฺตกรเณนปิ วนฺทิตํ โหตี’ติ วกฺขาม. สเจ โน สมฺมาทิฏฺิกา โจเทสฺสนฺติ, ‘กสฺมา ภควนฺตํ น วนฺทิตฺถา’ติ, ‘กึ สีเสน ภูมึ ปหรนฺเตเนว วนฺทิตํ โหติ, นนุ อฺชลิกมฺมมฺปิ วนฺทนา เอวา’ติ วกฺขามา’’ติ. นาม โคตฺตนฺติ, โภ โคตม, อหํ อสุกสฺส ปุตฺโต ทตฺโต นาม มิตฺโต นาม อิธ อาคโตติ วทนฺตา นามํ สาเวนฺติ นาม. โภ โคตม, อหํ วาสิฏฺโ นาม กจฺจาโน นาม อิธ อาคโตติ วทนฺตา โคตฺตํ สาเวนฺติ นาม. เอเต กิร ทลิทฺทา ชิณฺณกุลปุตฺตา ปริสมชฺเฌ นามโคตฺตวเสน ปากฏา ภวิสฺสามาติ เอวํ อกํสุ. เย ปน ตุณฺหีภูตา นิสีทึสุ, เต เกราฏิกา เจว อนฺธพาลา จ. ตตฺถ เกราฏิกา, ‘‘เอกํ ทฺเว กถาสลฺลาเป กโรนฺโต วิสฺสาสิโก โหติ, อถ วิสฺสาเส สติ ¶ เอกํ ทฺเว ภิกฺขา อทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตโต อตฺตานํ โมเจนฺตา ตุณฺหี นิสีทนฺติ. อนฺธพาลา อฺาณตาเยว อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิณฺโฑ วิย ยตฺถ กตฺถจิ ตุณฺหีภูตา นิสีทนฺติ.
๓๕๖. กิฺจิเทว เทสนฺติ กฺจิ โอกาสํ กิฺจิ การณํ, อถสฺส ภควา ปฺหปุจฺฉเน อุสฺสาหํ ชเนนฺโต อาห – ปุจฺฉ, อคฺคิเวสฺสน, ยทากงฺขสีติ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘ปุจฺฉ ยทิ อากงฺขสิ, น เม ปฺหวิสฺสชฺชเน ภาโร อตฺถิ’’. อถ วา ‘‘ปุจฺฉ ยํ อากงฺขสิ, สพฺพํ เต วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ อสาธารณํ ปจฺเจกพุทฺธอคฺคสาวมหาสาวเกหิ. เต หิ ยทากงฺขสีติ น วทนฺติ, สุตฺวา เวทิสฺสามาติ วทนฺติ. พุทฺธา ปน ‘‘ปุจฺฉาวุโส, ยทากงฺขสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๗) วา, ‘‘ปุจฺฉ, มหาราช, ยทากงฺขสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๒) วา,
‘‘ปุจฺฉ วาสว มํ ปฺหํ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ;
ตสฺส ตสฺเสว ปฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ อิติ. (ที. นิ. ๒.๓๕๖) วา,
‘‘เตน ¶ หิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, สเก อาสเน นิสีทิตฺวา ปุจฺฉ ยทากงฺขสี’’ติ (ม. นิ. ๓.๘๕) วา,
‘‘พาวริสฺส ¶ จ ตุยฺหํ วา, สพฺเพสํ สพฺพสํสยํ;
กตาวกาสา ปุจฺฉวฺโห, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉถา’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๓๖) วา,
‘‘ปุจฺฉ มํ สภิย ปฺหํ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ;
ตสฺส ตสฺเสว ปฺหสฺส, อหํ อนฺตํ กโรมิ เต’’ อิติ. (สุ. นิ. ๕๑๗) วา –
เตสํ เตสํ ยกฺขนรินฺทเทวสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกานํ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรนฺติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ ภควา พุทฺธภูมึ ปตฺวา เอตํ ปวารณํ ปวาเรยฺย. โย โพธิสตฺตภูมิยํ ปเทสาเณปิ ิโต
‘‘โกณฺฑฺ ปฺหานิ วิยากโรหิ,
ยาจนฺติ ตํ อิสโย สาธุรูปา;
โกณฺฑฺ เอโส มนุเชสุ ธมฺโม,
ยํ วุทฺธมาคจฺฉติ เอส ภาโร’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๐) –
เอวํ ¶ สกฺกาทีนํ อตฺถาย อิสีหิ ยาจิโต
‘‘กตาวกาสา ปุจฺฉนฺตุ โภนฺโต,
ยํ กิฺจิ ปฺหํ มนสาภิปตฺถิตํ;
อหฺหิ ตํ ตํ โว วิยากริสฺสํ,
ตฺวา สยํ โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๑);
เอวํ ¶ สรภงฺคกาเล, สมฺภวชาตเก จ สกลชมฺพุทีปํ ติกฺขตฺตุํ วิจริตฺวา ปฺหานํ อนฺตกรํ อทิสฺวา สุจิรเตน พฺราหฺมเณน ปฺหํ ปุฏฺโ โอกาเส การิเต, ชาติยา สตฺตวสฺโส รถิกายํ ปํสุํ กีฬนฺโต ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อนฺตรวีถิยํ นิสินฺโนว –
‘‘ตคฺฆ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถา;
ราชา จ โข ตํ ชานาติ, ยทิ กาหติ วา น วา’’ติ. (ชา. ๑.๑๖.๑๗๒) –
สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ.
เอวํ ภควตา สพฺพฺุปวารณาย ปวาริตาย อตฺตมโน ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต, ‘‘กถํ ปน, โภ โคตมา’’ติอาทิมาห.
อถสฺส ¶ ภควา, ‘‘ปสฺสถ, โภ, อฺํ สาวเกน กถิตํ, อฺํ สตฺถา กเถติ, นนุ มยา ปฏิกจฺเจว วุตฺตํ, ‘สเจ ตถา ปติฏฺิสฺสติ, ยถาสฺส สาวเกน ปติฏฺิตํ, เอวาหํ วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ. อยํ ปน อฺเมว กเถติ, ตตฺถ กึ มยา สกฺกา กาตุ’’นฺติ เอวํ นิคณฺสฺส วจโนกาโส มา โหตูติ เหฏฺา อสฺสชิตฺเถเรน กถิตนิยาเมเนว กเถนฺโต, เอวํ โข อหํ, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาห. อุปมา มํ, โภ โคตม, ปฏิภาตีติ, โภ โคตม, มยฺหํ เอกา อุปมา อุปฏฺาติ, อาหรามิ ตํ อุปมนฺติ วทติ. ปฏิภาตุ ตํ, อคฺคิเวสฺสนาติ อุปฏฺาตุ เต, อคฺคิเวสฺสน, อาหร ตํ อุปมํ วิสตฺโถติ ภควา อโวจ. พลกรณียาติ พาหุพเลน กตฺตพฺพา กสิวาณิชฺชาทิกา กมฺมนฺตา. รูปตฺตายํ ปุริสปุคฺคโลติ รูปํ อตฺตา อสฺสาติ รูปตฺตา, รูปํ อตฺตาติ คเหตฺวา ิตปุคฺคลํ ทีเปติ. รูเป ปติฏฺายาติ ตสฺมึ อตฺตาติ คหิตรูเป ปติฏฺหิตฺวา. ปฺุํ วา อปฺุํ วา ปสวตีติ กุสลํ วา อกุสลํ วา ปฏิลภติ. เวทนตฺตาทีสุปิ เอเสว นโย. อิมินา กึ ทีเปติ? อิเม ปฺจกฺขนฺธา อิเมสํ สตฺตานํ ปถวี วิย ปติฏฺา, เต อิเมสุ ปฺจสุ ขนฺเธสุ ปติฏฺาย กุสลากุสลกมฺมํ นาม อายูหนฺติ. ตุมฺเห เอวรูปํ วิชฺชมานเมว อตฺตานํ ปฏิเสเธนฺโต ปฺจกฺขนฺธา ¶ อนตฺตาติ ทีเปถาติ อติวิย สการณํ กตฺวา อุปมํ อาหริ. อิมินา จ นิคณฺเน อาหฏโอปมฺมํ นิยตเมว ¶ , สพฺพฺุพุทฺธโต อฺโ ตสฺส กถํ ฉินฺทิตฺวา วาเท โทสํ ทาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ทุวิธา หิ ปุคฺคลา พุทฺธเวเนยฺยา จ สาวกเวเนยฺยา จ. สาวกเวเนยฺเย สาวกาปิ วิเนนฺติ พุทฺธาปิ. พุทฺธเวเนยฺเย ปน สาวกา วิเนตุํ น สกฺโกนฺติ, พุทฺธาว วิเนนฺติ. อยมฺปิ นิคณฺโ พุทฺธเวเนยฺโย, ตสฺมา เอตสฺส วาทํ ฉินฺทิตฺวา อฺโ โทสํ ทาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตนสฺส ภควา สยเมว วาเท โทสทสฺสนตฺถํ นนุ ตฺวํ, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาห.
อถ นิคณฺโ จินฺเตสิ – ‘‘อติวิย สมโณ โคตโม มม วาทํ ปติฏฺเปติ, สเจ อุปริ โกจิ โทโส ภวิสฺสติ, มมํ เอกกํเยว นิคฺคณฺหิสฺสติ. หนฺทาหํ อิมํ วาทํ มหาชนสฺสาปิ มตฺถเก ปกฺขิปามี’’ติ, ตสฺมา เอวมาห – อหมฺปิ, โภ โคตม, เอวํ วทามิ รูปํ เม อตฺตา…เป… วิฺาณํ เม อตฺตาติ, อยฺจ มหตี ชนตาติ. ภควา ปน นิคณฺโต สตคุเณนปิ ¶ สหสฺสคุเณนปิ สตสหสฺสคุเณนปิ วาทีวรตโร, ตสฺมา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ นิคณฺโ อตฺตานํ โมเจตฺวา มหาชนสฺส มตฺถเก วาทํ ปกฺขิปติ, นาสฺส อตฺตานํ โมเจตุํ ทสฺสามิ, มหาชนโต นิวตฺเตตฺวา เอกกํเยว นํ นิคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. อถ นํ กิฺหิ เต, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – นายํ ชนตา มม วาทํ อาโรเปตุํ อาคตา, ตฺวํเยว สกลํ เวสาลึ สํวฏฺฏิตฺวา มม วาทํ อาโรเปตุํ อาคโต, ตสฺมา ตฺวํ สกเมว วาทํ นิเวเหิ, มา มหาชนสฺส มตฺถเก ปกฺขิปสีติ. โส ปฏิชานนฺโต อหฺหิ, โภ โคตมาติอาทิมาห.
๓๕๗. อิติ ภควา นิคณฺสฺส วาทํ ปติฏฺเปตฺวา, เตน หิ, อคฺคิเวสฺสนาติ ปุจฺฉํ อารภิ. ตตฺถ เตน หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา ตฺวํ ปฺจกฺขนฺเธ อตฺตโต ปฏิชานาสิ, ตสฺมาติ อตฺโถ. สกสฺมึ วิชิเตติ อตฺตโน รฏฺเ. ฆาเตตายํ วา ฆาเตตุนฺติ ฆาตารหํ ฆาเตตพฺพยุตฺตกํ ฆาเตตุํ ¶ . ชาเปตายํ วา ชาเปตุนฺติ ธนชานิรหํ ชาเปตพฺพยุตฺตํ ชาเปตุํ ชิณฺณธนํ กาตุํ. ปพฺพาเชตายํ วา ปพฺพาเชตุนฺติ สกรฏฺโต ปพฺพาชนารหํ ปพฺพาเชตุํ, นีหริตุํ. วตฺติตฺุจ อรหตีติ วตฺตติ เจว วตฺติตฺุจ อรหติ. วตฺติตุํ ยุตฺโตติ ทีเปติ. อิติ นิคณฺโ อตฺตโน วาทเภทนตฺถํ อาหฏการณเมว อตฺตโน มารณตฺถาย อาวุธํ ติขิณํ กโรนฺโต วิย วิเสเสตฺวา ทีเปติ, ยถา ตํ พาโล. เอวํ เม รูปํ โหตูติ มม รูปํ เอวํวิธํ โหตุ, ปาสาทิกํ อภิรูปํ อลงฺกตปฺปฏิยตฺตํ สุวณฺณโตรณํ วิย สุสชฺชิตจิตฺตปโฏ วิย จ มนาปทสฺสนนฺติ. เอวํ เม รูปํ ¶ มา อโหสีติ มม รูปํ เอวํวิธํ มา โหตุ, ทุพฺพณฺณํ ทุสฺสณฺิตํ วลิตปลิตํ ติลกสมากิณฺณนฺติ.
ตุณฺหี อโหสีติ นิคณฺโ อิมสฺมึ าเน วิรทฺธภาวํ ตฺวา, ‘‘สมโณ โคตโม มม วาทํ ภินฺทนตฺถาย การณํ อาหริ, อหํ พาลตาย ตเมว วิเสเสตฺวา ทีเปสึ, อิทานิ นฏฺโมฺหิ, สเจ วตฺตตีติ วกฺขามิ, อิเม ราชาโน อุฏฺหิตฺวา, ‘อคฺคิเวสฺสน, ตฺวํ มม รูเป วโส วตฺตตีติ วทสิ, ยทิ เต รูเป วโส วตฺตติ, กสฺมา ตฺวํ ยถา อิเม ลิจฺฉวิราชาโน ¶ ตาวตึสเทวสทิเสหิ อตฺตภาเวหิ วิโรจนฺติ อภิรูปา ปาสาทิกา, เอวํ น วิโรจสี’ติ. สเจ น วตฺตตีติ วกฺขามิ, สมโณ โคตโม อุฏฺหิตฺวา, ‘อคฺคิเวสฺสน, ตฺวํ ปุพฺเพ วตฺตติ เม รูปสฺมึ วโสติ วตฺวา อิทานิ ปฏิกฺขิปสี’ติ วาทํ อาโรเปสฺสติ. อิติ วตฺตตีติ วุตฺเตปิ เอโก โทโส, น วตฺตตีติ วุตฺเตปิ เอโก โทโส’’ติ ตุณฺหี อโหสิ. ทุติยมฺปิ ภควา ปุจฺฉิ, ทุติยมฺปิ ตุณฺหี อโหสิ. ยสฺมา ปน ยาวตติยํ ภควตา ปุจฺฉิเต อพฺยากโรนฺตสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลติ, พุทฺธา จ นาม สตฺตานํเยว อตฺถาย กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมีนํ ปูริตตฺตา สตฺเตสุ พลวอนุทฺทยา โหนฺติ. ตสฺมา ยาวตติยํ อปุจฺฉิตฺวา อถ โข ภควา สจฺจกํ นิคณฺปุตฺตํ เอตทโวจ – เอตํ ‘‘พฺยากโรหี ทานี’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
ตตฺถ สหธมฺมิกนฺติ สเหตุกํ สการณํ. วชิรํ ปาณิมฺหิ อสฺสาติ วชิรปาณิ. ยกฺโขติ น โย วา โส วา ยกฺโข, สกฺโก เทวราชาติ เวทิตพฺโพ. อาทิตฺตนฺติ ¶ อคฺคิวณฺณํ. สมฺปชฺชลิตนฺติ สุฏฺุ ปชฺชลิตํ. สโชติภูตนฺติ สมนฺตโต โชติภูตํ, เอกคฺคิชาลภูตนฺติ อตฺโถ. ิโต โหตีติ มหนฺตํ สีสํ, กนฺทลมกุลสทิสา ทาา, ภยานกานิ อกฺขินาสาทีนีติ เอวํ วิรูปรูปํ มาเปตฺวา ิโต. กสฺมา ปเนส อาคโตติ? ทิฏฺิวิสฺสชฺชาปนตฺถํ. อปิจ, ‘‘อหฺเจว โข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุ’’นฺติ เอวํ ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกภาวํ อาปนฺเน ภควติ สกฺโก มหาพฺรหฺมุนา สทฺธึ อาคนฺตฺวา, ‘‘ภควา ธมฺมํ เทเสถ, ตุมฺหากํ อาณาย อวตฺตมาเน มยํ วตฺตาเปสฺสาม, ตุมฺหากํ ธมฺมจกฺกํ โหตุ, อมฺหากํ อาณาจกฺก’’นฺติ ปฏิฺมกาสิ. ตสฺมา ‘‘อชฺช สจฺจกํ ตาเสตฺวา ปฺหํ วิสฺสชฺชาเปสฺสามี’’ติ อาคโต.
ภควา ¶ เจว ปสฺสติ, สจฺจโก จ นิคณฺปุตฺโตติ ยทิ หิ ตํ อฺเปิ ปสฺเสยฺยุํ. ตํ การณํ อครุ อสฺส, ‘‘สมโณ โคตโม สจฺจกํ อตฺตโน วาเท อโนตรนฺตํ ตฺวา ยกฺขํ อาวาเหตฺวา ทสฺเสสิ, ตโต สจฺจโก ภเยน กเถสี’’ติ วเทยฺยุํ. ตสฺมา ภควา เจว ปสฺสติ สจฺจโก จ. ตสฺส ตํ ทิสฺวาว สกลสรีรโต เสทา มุจฺจึสุ, อนฺโตกุจฺฉิ วิปริวตฺตมานา มหารวํ รวิ. โส ‘‘อฺเปิ นุ โข ปสฺสนฺตี’’ติ โอโลเกนฺโต ¶ กสฺสจิ โลมหํสมตฺตมฺปิ น อทฺทส. ตโต – ‘‘อิทํ ภยํ มเมว อุปฺปนฺนํ. สจาหํ ยกฺโขติ วกฺขามิ, ‘กึ ตุยฺหเมว อกฺขีนิ อตฺถิ, ตฺวเมว ยกฺขํ ปสฺสสิ, ปมํ ยกฺขํ อทิสฺวา สมเณน โคตเมน วาทสงฺฆาเฏ ขิตฺโตว ยกฺขํ ปสฺสสี’ติ วเทยฺยุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา – ‘‘น ทานิ เม อิธ อฺํ ปฏิสรณํ อตฺถิ, อฺตฺร สมณา โคตมา’’ติ มฺมาโน, อถ โข สจฺจโก นิคณฺปุตฺโต…เป… ภควนฺตํ เอตทโวจ. ตาณํ คเวสีติ ตาณนฺติ คเวสมาโน. เลณํ คเวสีติ เลณนฺติ คเวสมาโน. สรณํ คเวสีติ สรณนฺติ คเวสมาโน. เอตฺถ จ ตายติ รกฺขตีติ ตาณํ. นิลียนฺติ เอตฺถาติ เลณํ. สรตีติ สรณํ, ภยํ หึสติ วิทฺธํเสตีติ อตฺโถ.
๓๕๘. มนสิ กริตฺวาติ มนมฺหิ กตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปธาเรตฺวา. เอวํ เม เวทนา โหตูติ กุสลาว โหตุ, สุขาว โหตุ. เอวํ เม สฺา โหตูติ กุสลาว โหตุ, สุขาว โหตุ, โสมนสฺสสมฺปยุตฺตาว โหตูติ. สงฺขารวิฺาเณสุปิ เอเสว นโย. มา อโหสีติ เอตฺถ ปน วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ ¶ เวทิตพฺโพ. กลฺลํ นูติ ยุตฺตํ นุ. สมนุปสฺสิตุนฺติ ‘‘เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตา’’ติ เอวํ ตณฺหามานทิฏฺิวเสน ปสฺสิตุํ. โน หิทํ, โภ โคตมาติ น ยุตฺตเมตํ, โภ โคตม. อิติ ภควา ยถา นาม เฉโก อหิตุณฺฑิโก สปฺปทฏฺวิสํ เตเนว สปฺเปน ปุน ฑํสาเปตฺวา อุพฺพาเหยฺย, เอวํ ตสฺสํเยว ปริสติ สจฺจกํ นิคณฺปุตฺตํ เตเนว มุเขน ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตาติ วทาเปสิ. ทุกฺขํ อลฺลีโนติ อิมํ ปฺจกฺขนฺธทุกฺขํ ตณฺหาทิฏฺีหิ อลฺลีโน. อุปคโต อชฺโฌสิโตติปิ ตณฺหาทิฏฺิวเสเนว เวทิตพฺโพ. ทุกฺขํ เอตํ มมาติอาทีสุ ปฺจกฺขนฺธทุกฺขํ ตณฺหามานทิฏฺิวเสน สมนุปสฺสตีติ อตฺโถ. ปริชาเนยฺยาติ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ตีรณปริฺาย ปริโต ชาเนยฺย. ปริกฺเขเปตฺวาติ ขยํ วยํ อนุปฺปาทํ อุปเนตฺวา.
๓๕๙. นวนฺติ ¶ ตรุณํ. อกุกฺกุกชาตนฺติ ปุปฺผคฺคหณกาเล อนฺโต องฺคุฏฺปฺปมาโณ เอโก ฆนทณฺฑโก นิพฺพตฺตติ, เตน วิรหิตนฺติ อตฺโถ. ริตฺโตติ สฺุโ อนฺโตสารวิรหิโต. ริตฺตตฺตาว ตุจฺโฉ. อปรทฺโธติ ปราชิโต. ภาสิตา โข ปน เตติ อิทํ ภควา ตสฺส มุขรภาวํ ¶ ปกาเสตฺวา นิคฺคณฺหนฺโต อาห. โส กิร ปุพฺเพ ปูรณาทโย ฉ สตฺถาโร อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉติ. เต วิสฺสชฺเชตุํ น สกฺโกนฺติ. อถ เนสํ ปริสมชฺเฌ มหนฺตํ วิปฺปการํ อาโรเปตฺวา อุฏฺาย ชยํ ปเวเทนฺโต คจฺฉติ. โส สมฺมาสมฺพุทฺธมฺปิ ตเถว วิเหเสฺสามีติ สฺาย อุปสงฺกมิตฺวา –
‘‘อมฺโภ โก นาม ยํ รุกฺโข, สินฺนปตฺโต สกณฺฏโก;
ยตฺถ เอกปฺปหาเรน, อุตฺตมงฺคํ วิภิชฺชิต’’นฺติ.
อยํ ขทิรํ อาหจฺจ อสารกรุกฺขปริจิโต มุทุตุณฺฑสกุโณ วิย สพฺพฺุตฺาณสารํ อาหจฺจ าณตุณฺฑเภทํ ปตฺโต สพฺพฺุตฺาณสฺส ถทฺธภาวํ อฺาสิ. ตทสฺส ปริสมชฺเฌ ¶ ปกาเสนฺโต ภาสิตา โข ปน เตติอาทิมาห. นตฺถิ เอตรหีติ อุปาทินฺนกสรีเร เสโท นาม นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ, เอตรหิ ปน นตฺถีติ วทติ. สุวณฺณวณฺณํ กายํ วิวรีติ น สพฺพํ กายํ วิวริ. พุทฺธา นาม คณฺิกํ ปฏิมฺุจิตฺวา ปฏิจฺฉนฺนสรีรา ปริสติ ธมฺมํ เทเสนฺติ. อถ ภควา คลวาฏกสมฺมุขฏฺาเน จีวรํ คเหตฺวา จตุรงฺคุลมตฺตํ โอตาเรสิ. โอตาริตมตฺเต ปน ตสฺมึ สุวณฺณวณฺณา รสฺมิโย ปฺุชปฺุชา หุตฺวา สุวณฺณฆฏโต รตฺตสุวณฺณรสธารา วิย, รตฺตวณฺณวลาหกโต วิชฺชุลตา วิย จ นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณมุรชสทิสํ มหาขนฺธํ อุตฺตมสิรํ ปทกฺขิณํ กุรุมานา อากาเส ปกฺขนฺทึสุ. กสฺมา ปน ภควา เอวมกาสีติ? มหาชนสฺส กงฺขาวิโนทนตฺถํ. มหาชโน หิ สมโณ โคตโม มยฺหํ เสโท นตฺถีติ วทติ, สจฺจกสฺส ตาว นิคณฺปุตฺตสฺส ยนฺตารุฬฺหสฺส วิย เสทา ปคฺฆรนฺติ. สมโณ ปน โคตโม ฆนทุปฏฺฏจีวรํ ปารุปิตฺวา นิสินฺโน, อนฺโต เสทสฺส อตฺถิตา วา นตฺถิตา วา กถํ สกฺกา าตุนฺติ กงฺขํ กเรยฺย, ตสฺส กงฺขาวิโนทนตฺถํ เอวมกาสิ. มงฺกุภูโตติ นิตฺเตชภูโต. ปตฺตกฺขนฺโธติ ปติตกฺขนฺโธ. อปฺปฏิภาโนติ อุตฺตริ อปฺปสฺสนฺโต. นิสีทีติ ปาทงฺคุฏฺเกน ภูมึ กสมาโน นิสีทิ.
๓๖๐. ทุมฺมุโขติ ¶ น วิรูปมุโข, อภิรูโป หิ โส ปาสาทิโก. นามํ ปนสฺส เอตํ. อภพฺโพ ตํ โปกฺขรณึ ปุน โอตริตุนฺติ สพฺเพสํ อฬานํ ¶ ภคฺคตฺตา ปจฺฉินฺนคมโน โอตริตุํ อภพฺโพ, ตตฺเถว กากกุลลาทีนํ ภตฺตํ โหตีติ ทสฺเสติ. วิสูกายิกานีติ ทิฏฺิวิสูกานิ. วิเสวิตานีติ ทิฏฺิสฺจริตานิ. วิปฺผนฺทิตานีติ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตานิ. ยทิทํ วาทาธิปฺปาโยติ เอตฺถ ยทิทนฺติ นิปาตมตฺตํ; วาทาธิปฺปาโย หุตฺวา วาทํ อาโรเปสฺสามีติ อชฺฌาสเยน อุปสงฺกมิตุํ อภพฺโพ; ธมฺมสฺสวนาย ปน อุปสงฺกเมยฺยาติ ทสฺเสติ. ทุมฺมุขํ ลิจฺฉวิปุตฺตํ เอตทโวจาติ กสฺมา อโวจ ¶ ? ทุมฺมุขสฺส กิรสฺส อุปมาหรณกาเล เสส ลิจฺฉวิกุมาราปิ จินฺเตสุํ – ‘‘อิมินา นิคณฺเน อมฺหากํ สิปฺปุคฺคหณฏฺาเน จิรํ อวมาโน กโต, อยํ ทานิ อมิตฺตสฺส ปิฏฺึ ปสฺสิตุํ กาโล. มยมฺปิ เอเกกํ อุปมํ อาหริตฺวา ปาณิปฺปหาเรน ปติตํ มุคฺคเรน โปเถนฺโต วิย ตถา นํ กริสฺสาม, ยถา น ปุน ปริสมชฺเฌ สีสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ, เต โอปมฺมานิ กริตฺวา ทุมฺมุขสฺส กถาปริโยสานํ อาคมยมานา นิสีทึสุ. สจฺจโก เตสํ อธิปฺปายํ ตฺวา, อิเม สพฺเพว คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอฏฺเหิ จลมาเนหิ ิตา; สเจ ปจฺเจกา อุปมา หริตุํ ลภิสฺสนฺติ, ปุน มยา ปริสมชฺเฌ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺกา ภวิสฺสติ, หนฺทาหํ ทุมฺมุขํ อปสาเทตฺวา ยถา อฺสฺส โอกาโส น โหติ, เอวํ กถาวารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา สมณํ โคตมํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามีติ ตสฺมา เอตทโวจ. ตตฺถ อาคเมหีติ ติฏฺ, มา ปุน ภณาหีติ อตฺโถ.
๓๖๑. ติฏฺเตสา, โภ โคตมาติ, โภ โคตม, เอสา อมฺหากฺเจว อฺเสฺจ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ วาจา ติฏฺตุ. วิลาปํ วิลปิตํ มฺเติ เอตฺหิ วจนํ วิลปิตํ วิย โหติ, วิปฺปลปิตมตฺตํ โหตีติ อตฺโถ. อถ วา ติฏฺเตสาติ เอตฺถ กถาติ อาหริตฺวา วตฺตพฺพา. วาจาวิลาปํ วิลปิตํ มฺเติ เอตฺถ ปนิทํ วาจานิจฺฉารณํ วิลปิตมตฺตํ มฺเ โหตีติ อตฺโถ.
อิทานิ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต กิตฺตาวตาติอาทิมาห. ตตฺถ เวสารชฺชปตฺโตติ าณปตฺโต. อปรปฺปจฺจโยติ อปรปฺปตฺติโย. อถสฺส ภควา ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต อิธ, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาห, ตํ อุตฺตานตฺถเมว. ยสฺมา ปเนตฺถ ปสฺสตีติ วุตฺตตฺตา เสกฺขภูมิ ทสฺสิตา. ตสฺมา อุตฺตริ อเสกฺขภูมึ ปุจฺฉนฺโต ทุติยํ ปฺหํ ปุจฺฉิ, ตมฺปิสฺส ภควา พฺยากาสิ ¶ . ตตฺถ ¶ ทสฺสนานุตฺตริเยนาติอาทีสุ ทสฺสนานุตฺตริยนฺติ โลกิยโลกุตฺตรา ปฺา. ปฏิปทานุตฺตริยนฺติ โลกิยโลกุตฺตรา ปฏิปทา. วิมุตฺตานุตฺตริยนฺติ โลกิยโลกุตฺตรา วิมุตฺติ. สุทฺธโลกุตฺตรเมว วา คเหตฺวา ทสฺสนานุตฺตริยนฺติ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฏฺิ. ปฏิปทานุตฺตริยนฺติ เสสานิ มคฺคงฺคานิ. วิมุตฺตานุตฺตริยนฺติ อคฺคผลวิมุตฺติ. ขีณาสวสฺส วา นิพฺพานทสฺสนํ ทสฺสนานุตฺตริยํ ¶ นาม. มคฺคงฺคานิ ปฏิปทานุตฺตริยํ. อคฺคผลํ วิมุตฺตานุตฺตริยนฺติ เวทิตพฺพํ. พุทฺโธ โส ภควาติ โส ภควา สยมฺปิ จตฺตาริ สจฺจานิ พุทฺโธ. โพธายาติ ปเรสมฺปิ จตุสจฺจโพธาย ธมฺมํ เทเสติ. ทนฺโตติอาทีสุ ทนฺโตติ นิพฺพิเสวโน. ทมถายาติ นิพฺพิเสวนตฺถาย. สนฺโตติ สพฺพกิเลสวูปสเมน สนฺโต. สมถายาติ กิเลสวูปสมาย. ติณฺโณติ จตุโรฆติณฺโณ. ตรณายาติ จตุโรฆตรณาย. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต. ปรินิพฺพานายาติ กิเลสปรินิพฺพานตฺถาย.
๓๖๒. ธํสีติ คุณธํสกา. ปคพฺพาติ วาจาปาคพฺพิเยน สมนฺนาคตา. อาสาเทตพฺพนฺติ ฆฏฺเฏตพฺพํ. อาสชฺชาติ ฆฏฺเฏตฺวา. นตฺเวว ภวนฺตํ โคตมนฺติ ภวนฺตํ โคตมํ อาสชฺช กสฺสจิ อตฺตโน วาทํ อนุปหตํ สกลํ อาทาย ปกฺกมิตุํ ถาโม นตฺถีติ ทสฺเสติ. น หิ ภควา หตฺถิอาทโย วิย กสฺสจิ ชีวิตนฺตรายํ กโรติ. อยํ ปน นิคณฺโ อิมา ติสฺโส อุปมา น ภควโต อุกฺกํสนตฺถํ อาหริ, อตฺตุกฺกํสนตฺถเมว อาหริ. ยถา หิ ราชา กฺจิ ปจฺจตฺถิกํ ฆาเตตฺวา เอวํ นาม สูโร เอวํ ถามสมฺปนฺโน ปุริโส ภวิสฺสตีติ ปจฺจตฺถิกํ โถเมนฺโตปิ อตฺตานเมว โถเมติ. เอวเมว โสปิ สิยา หิ, โภ โคตม, หตฺถึ ปภินฺนนฺติอาทีหิ ภควนฺตํ อุกฺกํเสนฺโตปิ มยเมว สูรา มยํ ปณฺฑิตา มยํ พหุสฺสุตาเยว เอวํ ปภินฺนหตฺถึ วิย, ชลิตอคฺคิกฺขนฺธํ วิย, ผณกตอาสีวิสํ วิย จ วาทตฺถิกา สมฺมาสมฺพุทฺธํ อุปสงฺกมิมฺหาติ อตฺตานํเยว อุกฺกํเสติ. เอวํ อตฺตานํ อุกฺกํเสตฺวา ภควนฺตํ นิมนฺตยมาโน อธิวาเสตุ เมติอาทิมาห. ตตฺถ อธิวาเสตูติ สมฺปฏิจฺฉตุ. สฺวาตนายาติ ยํ เม ตุมฺเหสุ การํ กโรโต สฺเว ภวิสฺสติ ปฺฺุจ ปีติปาโมชฺชฺจ, ตทตฺถาย. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนาติ ภควา ¶ กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา อโจเปตฺวา อพฺภนฺตเรเยว ขนฺตึ ธาเรนฺโต ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิ. สจฺจกสฺส อนุคฺคหกรณตฺถํ มนสาว สมฺปฏิจฺฉีติ วุตฺตํ โหติ.
๓๖๓. ยมสฺส ปติรูปํ มฺเยฺยาถาติ เต กิร ลิจฺฉวี ตสฺส ปฺจถาลิปากสตานิ นิจฺจภตฺตํ ¶ อาหรนฺติ ¶ . ตเทว สนฺธาย เอส สฺเว ตุมฺเห ยํ อสฺส สมณสฺส โคตมสฺส ปติรูปํ กปฺปิยนฺติ มฺเยฺยาถ, ตํ อาหเรยฺยาถ; สมณสฺส หิ โคตมสฺส ตุมฺเห ปริจารกา กปฺปิยากปฺปิยํ ยุตฺตายุตฺตํ ชานาถาติ วทติ. ภตฺตาภิหารํ อภิหรึสูติ อภิหริตพฺพํ ภตฺตํ อภิหรึสุ. ปณีเตนาติ อุตฺตเมน. สหตฺถาติ สหตฺเถน. สนฺตปฺเปตฺวาติ สุฏฺุ ตปฺเปตฺวา, ปริปุณฺณํ สุหิตํ ยาวทตฺถํ กตฺวา. สมฺปวาเรตฺวาติ สุฏฺุ ปวาเรตฺวา, อลํ อลนฺติ หตฺถสฺาย ปฏิกฺขิปาเปตฺวา. ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํ. โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณึ, อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘โอนิตฺตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ, โอนิตฺตํ นานาภูตํ ปตฺตํ ปาณิโต อสฺสาติ โอนิตฺตปตฺตปาณี. ตํ โอนิตฺตปตฺตปาณึ, หตฺเถ จ ปตฺตฺจ โธวิตฺวา เอกมนฺเต ปตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา นิสินฺนนฺติ อตฺโถ. เอกมนฺตํ นิสีทีติ ภควนฺตํ เอวํภูตํ ตฺวา เอกสฺมึ โอกาเส นิสีทีติ อตฺโถ. ปฺฺุจาติ ยํ อิมสฺมึ ทาเน ปฺุํ, อายตึ วิปากกฺขนฺธาติ อตฺโถ. ปฺุมหีติ วิปากกฺขนฺธานํเยว ปริวาโร. ตํ ทายกานํ สุขาย โหตูติ ตํ อิเมสํ ลิจฺฉวีนํ สุขตฺถาย โหตุ. อิทํ กิร โส อหํ ปพฺพชิโต นาม, ปพฺพชิเตน จ น ยุตฺตํ อตฺตโน ทานํ นิยฺยาเตตุนฺติ เตสํ นิยฺยาเตนฺโต เอวมาห. อถ ภควา ยสฺมา ลิจฺฉวีหิ สจฺจกสฺส ทินฺนํ, น ภควโต. สจฺจเกน ปน ภควโต ทินฺนํ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทีเปนฺโต ยํ โข, อคฺคิเวสฺสนาติอาทิมาห. อิติ ภควา นิคณฺสฺส มเตน วินาเยว อตฺตโน ทินฺนํ ทกฺขิณํ นิคณฺสฺส นิยฺยาเตสิ, สา จสฺส อนาคเต วาสนา ภวิสฺสตีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬสจฺจกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. มหาสจฺจกสุตฺตวณฺณนา
๓๖๔. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาสจฺจกสุตฺตํ. ตตฺถ เอกํ สมยนฺติ จ เตน โข ปน สมเยนาติ จ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ จ ตีหิ ปเทหิ เอโกว สมโย วุตฺโต. ภิกฺขูนฺหิ วตฺตปฏิปตฺตึ ¶ กตฺวา มุขํ โธวิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เจติยํ วนฺทิตฺวา กตรํ คามํ ปวิสิสฺสามาติ วิตกฺกมาฬเก ิตกาโล นาม โหติ. ภควา เอวรูเป สมเย รตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ปํสุกูลจีวรํ เอกํสํ ปารุปิตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คนฺธกุฏิปมุเข อฏฺาสิ. ตํ สนฺธาย, – ‘‘เอกํ สมยนฺติ จ เตน โข ปน สมเยนาติ จ ปุพฺพณฺหสมย’’นฺติ จ วุตฺตํ. ปวิสิตุกาโมติ ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสามีติ เอวํ กตสนฺนิฏฺาโน. เตนุปสงฺกมีติ กสฺมา อุปสงฺกมีติ? วาทาโรปนชฺฌาสเยน. เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘ปุพฺเพปาหํ อปณฺฑิตตาย สกลํ เวสาลิปริสํ คเหตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปริสมชฺเฌ มงฺกุ ชาโต. อิทานิ ตถา อกตฺวา เอกโกว คนฺตฺวา วาทํ อาโรเปสฺสามิ. ยทิ สมณํ โคตมํ ปราเชตุํ สกฺขิสฺสามิ, อตฺตโน ลทฺธึ ทีเปตฺวา ชยํ กริสฺสามิ. ยทิ สมณสฺส โคตมสฺส ชโย ภวิสฺสติ, อนฺธกาเร นจฺจํ วิย น โกจิ ชานิสฺสตี’’ติ นิทฺทาปฺหํ นาม คเหตฺวา อิมินา วาทชฺฌาสเยน อุปสงฺกมิ.
อนุกมฺปํ อุปาทายาติ สจฺจกสฺส นิคณฺปุตฺตสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ. เถรสฺส กิรสฺส เอวํ อโหสิ – ‘‘ภควติ มุหุตฺตํ นิสินฺเน พุทฺธทสฺสนํ ธมฺมสฺสวนฺจ ลภิสฺสติ. ตทสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺติสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ภควนฺตํ ยาจิตฺวา ปํสุกูลจีวรํ จตุคฺคุณํ ปฺเปตฺวา นิสีทตุ ภควาติ อาห. ‘‘การณํ อานนฺโท วทตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. ภควนฺตํ เอตทโวจาติ ยํ ปน ปฺหํ โอวฏฺฏิกสารํ กตฺวา อาทาย อาคโต ตํ เปตฺวา ปสฺเสน ตาว ปริหรนฺโต เอตํ สนฺติ, โภ โคตมาติอาทิวจนํ อโวจ.
๓๖๕. ผุสนฺติ หิ เต, โภ โคตมาติ เต สมณพฺราหฺมณา สรีเร อุปฺปนฺนํ สารีริกํ ทุกฺขํ เวทนํ ผุสนฺติ ลภนฺติ, อนุภวนฺตีติ อตฺโถ. อูรุกฺขมฺโภติ ขมฺภกตอูรุภาโว, อูรุถทฺธตาติ ¶ อตฺโถ. วิมฺหยตฺถวเสน ปเนตฺถ ภวิสฺสตีติ อนาคตวจนํ กตํ. กายนฺวยํ โหตีติ กายานุคตํ ¶ โหติ กายสฺส วสวตฺติ. กายภาวนาติ ¶ ปน วิปสฺสนา วุจฺจติ, ตาย จิตฺตวิกฺเขปํ ปาปุณนฺโต นาม นตฺถิ, อิติ นิคณฺโ อสนฺตํ อภูตํ ยํ นตฺถิ, ตเทวาห. จิตฺตภาวนาติปิ สมโถ วุจฺจติ, สมาธิยุตฺตสฺส จ ปุคฺคลสฺส อูรุกฺขมฺภาทโย นาม นตฺถิ, อิติ นิคณฺโ อิทํ อภูตเมว อาห. อฏฺกถายํ ปน วุตฺตํ – ‘‘ยเถว ‘ภูตปุพฺพนฺติ วตฺวา อูรุกฺขมฺโภปิ นาม ภวิสฺสตี’ติอาทีนิ วทโต อนาคตรูปํ น สเมติ, ตถา อตฺโถปิ น สเมติ, อสนฺตํ อภูตํ ยํ นตฺถิ, ตํ กเถตี’’ติ.
โน กายภาวนนฺติ ปฺจาตปตปฺปนาทึ อตฺตกิลมถานุโยคํ สนฺธายาห. อยฺหิ เตสํ กายภาวนา นาม. กึ ปน โส ทิสฺวา เอวมาห? โส กิร ทิวาทิวสฺส วิหารํ อาคจฺฉติ, ตสฺมึ โข ปน สมเย ภิกฺขู ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ ปฏิสลฺลานํ อุปคจฺฉนฺติ. โส เต ปฏิสลฺลีเน ทิสฺวา จิตฺตภาวนามตฺตํ เอเต อนุยฺุชนฺติ, กายภาวนา ปเนเตสํ นตฺถีติ มฺมาโน เอวมาห.
๓๖๖. อถ นํ ภควา อนุยฺุชนฺโต กินฺติ ปน เต, อคฺคิเวสฺสน, กายภาวนา สุตาติ อาห. โส ตํ วิตฺถาเรนฺโต เสยฺยถิทํ, นนฺโท วจฺโฉติอาทิมาห. ตตฺถ นนฺโทติ ตสฺส นามํ. วจฺโฉติ โคตฺตํ. กิโสติ นามํ. สํกิจฺโจติ โคตฺตํ. มกฺขลิโคสาโล เหฏฺา อาคโตว. เอเตติ เอเต ตโย ชนา, เต กิร กิลิฏฺตปานํ มตฺถกปตฺตา อเหสุํ. อุฬารานิ อุฬารานีติ ปณีตานิ ปณีตานิ. คาเหนฺติ นามาติ พลํ คณฺหาเปนฺติ นาม. พฺรูเหนฺตีติ วฑฺเฒนฺติ. เมเทนฺตีติ ชาตเมทํ กโรนฺติ. ปุริมํ ปหายาติ ปุริมํ ทุกฺกรการํ ปหาย. ปจฺฉา อุปจินนฺตีติ ปจฺฉา อุฬารขาทนียาทีหิ สนฺตปฺเปนฺติ, วฑฺเฒนฺติ. อาจยาปจโย โหตีติ วฑฺฒิ จ อวฑฺฒิ จ โหติ, อิติ อิมสฺส กายสฺส กาเลน วฑฺฒิ, กาเลน ปริหานีติ วฑฺฒิปริหานิมตฺตเมว ปฺายติ, กายภาวนา ปน น ปฺายตีติ ทีเปตฺวา จิตฺตภาวนํ ปุจฺฉนฺโต, ‘‘กินฺติ ปน เต, อคฺคิเวสฺสน, จิตฺตภาวนา สุตา’’ติ อาห. น สมฺปายาสีติ สมฺปาเทตฺวา กเถตุํ นาสกฺขิ, ยถา ตํ พาลปุถุชฺชโน.
๓๖๗. กุโต ¶ ¶ ปน ตฺวนฺติ โย ตฺวํ เอวํ โอฬาริกํ ทุพฺพลํ กายภาวนํ น ชานาสิ? โส ¶ ตฺวํ กุโต สณฺหํ สุขุมํ จิตฺตภาวนํ ชานิสฺสสีติ. อิมสฺมึ ปน าเน โจทนาลยตฺเถโร, ‘‘อพุทฺธวจนํ นาเมตํ ปท’’นฺติ พีชนึ เปตฺวา ปกฺกมิตุํ อารภิ. อถ นํ มหาสีวตฺเถโร อาห – ‘‘ทิสฺสติ, ภิกฺขเว, อิมสฺส จาตุมหาภูติกสฺส กายสฺส อาจโยปิ อปจโยปิ อาทานมฺปิ นิกฺเขปนมฺปี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๒). ตํ สุตฺวา สลฺลกฺเขสิ – ‘‘โอฬาริกํ กายํ ปริคฺคณฺหนฺตสฺส อุปฺปนฺนวิปสฺสนา โอฬาริกาติ วตฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
๓๖๘. สุขสาราคีติ สุขสาราเคน สมนฺนาคโต. สุขาย เวทนาย นิโรธา อุปฺปชฺชติ ทุกฺขา เวทนาติ น อนนฺตราว อุปฺปชฺชติ, สุขทุกฺขานฺหิ อนนฺตรปจฺจยตา ปฏฺาเน (ปฏฺา. ๑.๒.๔๕-๔๖) ปฏิสิทฺธา. ยสฺมา ปน สุเข อนิรุทฺเธ ทุกฺขํ นุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อิธ เอวํ วุตฺตํ. ปริยาทาย ติฏฺตีติ เขเปตฺวา คณฺหิตฺวา ติฏฺติ. อุภโตปกฺขนฺติ สุขํ เอกํ ปกฺขํ ทุกฺขํ เอกํ ปกฺขนฺติ เอวํ อุภโตปกฺขํ หุตฺวา.
๓๖๙. อุปฺปนฺนาปิ สุขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ภาวิตตฺตา กายสฺส. อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ภาวิตตฺตา จิตฺตสฺสาติ เอตฺถ กายภาวนา วิปสฺสนา, จิตฺตภาวนา สมาธิ. วิปสฺสนา จ สุขสฺส ปจฺจนีกา, ทุกฺขสฺส อาสนฺนา. สมาธิ ทุกฺขสฺส ปจฺจนีโก, สุขสฺส อาสนฺโน. กถํ? วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นิสินฺนสฺส หิ อทฺธาเน คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต ตตฺถ ตตฺถ อคฺคิอุฏฺานํ วิย โหติ, กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺติ, มตฺถกโต อุสุมวฏฺฏิอุฏฺานํ วิย โหตีติ จิตฺตํ หฺติ วิหฺติ วิปฺผนฺทติ. เอวํ ตาว วิปสฺสนา สุขสฺส ปจฺจนีกา, ทุกฺขสฺส อาสนฺนา. อุปฺปนฺเน ปน กายิเก วา เจตสิเก วา ทุกฺเข ตํ ทุกฺขํ วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปตฺตึ สมาปนฺนสฺส สมาปตฺติกฺขเณ ทุกฺขํ ทูราปคตํ โหติ, อนปฺปกํ สุขํ โอกฺกมติ. เอวํ สมาธิ ทุกฺขสฺส ปจฺจนีโก, สุขสฺส อาสนฺโน. ยถา วิปสฺสนา สุขสฺส ปจฺจนีกา, ทุกฺขสฺส อาสนฺนา, น ตถา สมาธิ. ยถา สมาธิ ทุกฺขสฺส ปจฺจนีโก, สุขสฺส อาสนฺโน, น จ ตถา วิปสฺสนาติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปฺปนฺนาปิ สุขา ¶ เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ¶ ติฏฺติ, ภาวิตตฺตา กายสฺส. อุปฺปนฺนาปิ ทุกฺขา เวทนา จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฏฺติ, ภาวิตตฺตา จิตฺตสฺสา’’ติ.
๓๗๐. อาสชฺช ¶ อุปนียาติ คุเณ ฆฏฺเฏตฺวา เจว อุปเนตฺวา จ. ตํ วต เมติ ตํ วต มม จิตฺตํ.
๓๗๑. กิฺหิ โน สิยา, อคฺคิเวสฺสนาติ, อคฺคิเวสฺสน, กึ น ภวิสฺสติ, ภวิสฺสเตว, มา เอวํ สฺี โหหิ, อุปฺปชฺชิเยว เม สุขาปิ ทุกฺขาปิ เวทนา, อุปฺปนฺนาย ปนสฺสา อหํ จิตฺตํ ปริยาทาย าตุํ น เทมิ. อิทานิสฺส ตมตฺถํ ปกาเสตุํ อุปริ ปสาทาวหํ ธมฺมเทสนํ เทเสตุกาโม มูลโต ปฏฺาย มหาภินิกฺขมนํ อารภิ. ตตฺถ อิธ เม, อคฺคิเวสฺสน, ปุพฺเพว สมฺโพธา…เป… ตตฺเถว นิสีทึ, อลมิทํ ปธานายาติ อิทํ สพฺพํ เหฏฺา ปาสราสิสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยํ ปน วิเสโส, ตตฺถ โพธิปลฺลงฺเก นิสชฺชา, อิธ ทุกฺกรการิกา.
๓๗๔. อลฺลกฏฺนฺติ อลฺลํ อุทุมฺพรกฏฺํ. สสฺเนหนฺติ สขีรํ. กาเมหีติ วตฺถุกาเมหิ. อวูปกฏฺาติ อนปคตา. กามจฺฉนฺโทติอาทีสุ กิเลสกาโมว ฉนฺทกรณวเสน ฉนฺโท. สิเนหกรณวเสน สฺเนโห. มุจฺฉากรณวเสน มุจฺฉา. ปิปาสากรณวเสน ปิปาสา. อนุทหนวเสน ปริฬาโหติ เวทิตพฺโพ. โอปกฺกมิกาติ อุปกฺกมนิพฺพตฺตา. าณาย ทสฺสนาย อนุตฺตราย สมฺโพธายาติ สพฺพํ โลกุตฺตรมคฺคเววจนเมว.
อิทํ ปเนตฺถ โอปมฺมสํสนฺทนํ – อลฺลํ สขีรํ อุทุมฺพรกฏฺํ วิย หิ กิเลสกาเมน วตฺถุกามโต อนิสฺสฏปุคฺคลา. อุทเก ปกฺขิตฺตภาโว วิย กิเลสกาเมน ตินฺตตา; มนฺถเนนาปิ อคฺคิโน อนภินิพฺพตฺตนํ วิย กิเลสกาเมน วตฺถุกามโต อนิสฺสฏานํ โอปกฺกมิกาหิ เวทนาหิ โลกุตฺตรมคฺคสฺส อนธิคโม. อมนฺถเนนาปิ อคฺคิโน อนภินิพฺพตฺตนํ วิย เตสํ ปุคฺคลานํ วินาปิ โอปกฺกมิกาหิ เวทนาหิ โลกุตฺตรมคฺคสฺส อนธิคโม. ทุติยอุปมาปิ อิมินาว นเยน เวทิตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส, ปุริมา สปุตฺตภริยปพฺพชฺชาย อุปมา; ปจฺฉิมา พฺราหฺมณธมฺมิกปพฺพชฺชาย.
๓๗๖. ตติยอุปมาย ¶ ¶ โกฬาปนฺติ ฉินฺนสิเนหํ นิราปํ. ถเล นิกฺขิตฺตนฺติ ปพฺพตถเล วา ภูมิถเล วา นิกฺขิตฺตํ. เอตฺถาปิ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – สุกฺขโกฬาปกฏฺํ วิย หิ กิเลสกาเมน วตฺถุกามโต นิสฺสฏปุคฺคลา, อารกา อุทกา ถเล นิกฺขิตฺตภาโว วิย กิเลสกาเมน ¶ อตินฺตตา. มนฺถเนนาปิ อคฺคิโน อภินิพฺพตฺตนํ วิย กิเลสกาเมน วตฺถุกามโต นิสฺสฏานํ อพฺโภกาสิกเนสชฺชิกาทิวเสน โอปกฺกมิกาหิปิ เวทนาหิ โลกุตฺตรมคฺคสฺส อธิคโม. อฺสฺส รุกฺขสฺส สุกฺขสาขาย สทฺธึ ฆํสนมตฺเตเนว อคฺคิโน อภินิพฺพตฺตนํ วิย วินาปิ โอปกฺกมิกาหิ เวทนาหิ สุขาเยว ปฏิปทาย โลกุตฺตรมคฺคสฺส อธิคโมติ. อยํ อุปมา ภควตา อตฺตโน อตฺถาย อาหฏา.
๓๗๗. อิทานิ อตฺตโน ทุกฺกรการิกํ ทสฺเสนฺโต, ตสฺส มยฺหนฺติอาทิมาห. กึ ปน ภควา ทุกฺกรํ อกตฺวา พุทฺโธ ภวิตุํ น สมตฺโถติ? กตฺวาปิ อกตฺวาปิ สมตฺโถว. อถ กสฺมา อกาสีติ? สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺตโน ปรกฺกมํ ทสฺเสสฺสามิ. โส จ มํ วีริยนิมฺมถนคุโณ หาเสสฺสตีติ. ปาสาเท นิสินฺโนเยว หิ ปเวณิอาคตํ รชฺชํ ลภิตฺวาปิ ขตฺติโย น ตถาปมุทิโต โหติ, ยถา พลกายํ คเหตฺวา สงฺคาเม ทฺเว ตโย สมฺปหาเร ทตฺวา อมิตฺตมถนํ กตฺวา ปตฺตรชฺโช. เอวํ ปตฺตรชฺชสฺส หิ รชฺชสิรึ อนุภวนฺตสฺส ปริสํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ปรกฺกมํ อนุสฺสริตฺวา, ‘‘อสุกฏฺาเน อสุกกมฺมํ กตฺวา อสุกฺจ อสุกฺจ อมิตฺตํ เอวํ วิชฺฌิตฺวา เอวํ ปหริตฺวา อิมํ รชฺชสิรึ ปตฺโตสฺมี’’ติ จินฺตยโต พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ. เอวเมวํ ภควาปิ สเทวกสฺส โลกสฺส ปรกฺกมํ ทสฺเสสฺสามิ, โส หิ มํ ปรกฺกโม อติวิย หาเสสฺสติ, โสมนสฺสํ อุปฺปาเทสฺสตีติ ทุกฺกรมกาสิ.
อปิจ ปจฺฉิมํ ชนตํ อนุกมฺปมาโนปิ อกาสิเยว, ปจฺฉิมา หิ ชนตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวาปิ ปธานํ ปทหิตฺวาว สพฺพฺุตฺาณํ ปตฺโต, กิมงฺคํ ปน มยนฺติ ปธานวีริยํ กตฺตพฺพํ มฺิสฺสติ; เอวํ สนฺเต ขิปฺปเมว ชาติชรามรณสฺส อนฺตํ กริสฺสตีติ ปจฺฉิมํ ชนตํ อนุกมฺปมาโน อกาสิเยว.
ทนฺเตภิทนฺตมาธายาติ ¶ เหฏฺาทนฺเต อุปริทนฺตํ เปตฺวา. เจตสา จิตฺตนฺติ กุสลจิตฺเตน อกุสลจิตฺตํ. อภินิคฺคณฺเหยฺยนฺติ นิคฺคณฺเหยฺยํ. อภินิปฺปีเฬยฺยนฺติ ¶ นิปฺปีเฬยฺยํ. อภิสนฺตาเปยฺยนฺติ ตาเปตฺวา วีริยนิมฺมถนํ กเรยฺยํ. สารทฺโธติ สทรโถ. ปธานาภิตุนฺนสฺสาติ ปธาเนน อภิตุนฺนสฺส, วิทฺธสฺส สโตติ อตฺโถ.
๓๗๘. อปฺปาณกนฺติ ¶ นิรสฺสาสกํ. กมฺมารคคฺคริยาติ กมฺมารสฺส คคฺครนาฬิยา. สีสเวทนา โหนฺตีติ กุโตจิ นิกฺขมิตุํ อลภมาเนหิ วาเตหิ สมุฏฺาปิตา พลวติโย สีสเวทนา โหนฺติ. สีสเวํ ทเทยฺยาติ สีสเวนํ ทเทยฺย. เทวตาติ โพธิสตฺตสฺส จงฺกมนโกฏิยํ ปณฺณสาลปริเวณสามนฺตา จ อธิวตฺถา เทวตา.
ตทา กิร โพธิสตฺตสฺส อธิมตฺเต กายทาเห อุปฺปนฺเน มุจฺฉา อุทปาทิ. โส จงฺกเมว นิสินฺโน หุตฺวา ปปติ. ตํ ทิสฺวา เทวตา เอวมาหํสุ – ‘‘วิหาโรตฺเวว โส อรหโต’’ติ, ‘‘อรหนฺโต นาม เอวรูปา โหนฺติ มตกสทิสา’’ติ ลทฺธิยา วทนฺติ. ตตฺถ ยา เทวตา ‘‘กาลงฺกโต’’ติ อาหํสุ, ตา คนฺตฺวา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต กาลงฺกโต’’ติ. มม ปุตฺโต พุทฺโธ หุตฺวา กาลงฺกโต, โน อหุตฺวาติ? พุทฺโธ ภวิตุํ นาสกฺขิ, ปธานภูมิยํเยว ปติตฺวา กาลงฺกโตติ. นาหํ สทฺทหามิ, มม ปุตฺตสฺส โพธึ อปตฺวา กาลงฺกิริยา นาม นตฺถีติ.
อปรภาเค สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา อนุปุพฺเพน ราชคหํ คนฺตฺวา กปิลวตฺถุํ อนุปฺปตฺตสฺส สุทฺโธทนมหาราชา ปตฺตํ คเหตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา อนฺตราภตฺตสมเย เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ตุมฺหากํ ภควา ปธานกรณกาเล เทวตา อาคนฺตฺวา, ‘‘ปุตฺโต เต, มหาราช, กาลงฺกโต’’ติ อาหํสูติ. กึ สทฺทหสิ มหาราชาติ? น ภควา สทฺทหินฺติ. อิทานิ, มหาราช, สุปินปฺปฏิคฺคหณโต ปฏฺาย อจฺฉริยานิ ปสฺสนฺโต กึ สทฺทหิสฺสสิ? อหมฺปิ พุทฺโธ ชาโต, ตฺวมฺปิ พุทฺธปิตา ชาโต, ปุพฺเพ ปน มยฺหํ อปริปกฺเก าเณ โพธิจริยํ จรนฺตสฺส ธมฺมปาลกุมารกาเลปิ สิปฺปํ อุคฺคเหตุํ คตสฺส, ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต ธมฺมปาลกุมาโร กาลงฺกโต, อิทมสฺส อฏฺี’’ติ ¶ เอฬกฏฺึ อาหริตฺวา ทสฺเสสุํ, ตทาปิ ตุมฺเห, ‘‘มม ปุตฺตสฺส อนฺตรามรณํ นาม นตฺถิ, นาหํ สทฺทหามี’’ติ อโวจุตฺถ, มหาราชาติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา ภควา มหาธมฺมปาลชาตกํ กเถสิ.
๓๗๙. มา ¶ โข ตฺวํ มาริสาติ สมฺปิยายมานา อาหํสุ. เทวตานํ กิรายํ ปิยมนาปโวหาโร, ยทิทํ มาริสาติ. อชชฺชิตนฺติ อโภชนํ. หลนฺติ วทามีติ อลนฺติ วทามิ, อลํ อิมินา เอวํ มา กริตฺถ, ยาเปสฺสามหนฺติ เอวํ ปฏิเสเธมีติ อตฺโถ.
๓๘๐-๑. มงฺคุรจฺฉวีติ ¶ มงฺคุรมจฺฉจฺฉวิ. เอตาว ปรมนฺติ ตาสมฺปิ เวทนานเมตํเยว ปรมํ, อุตฺตมํ ปมาณํ. ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมนฺเต…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตาติ รฺโ กิร วปฺปมงฺคลทิวโส นาม โหติ, ตทา อเนกปฺปการํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาเทนฺติ. นครวีถิโย โสธาเปตฺวา ปุณฺณฆเฏ ปาเปตฺวา ธชปฏากาทโย อุสฺสาเปตฺวา สกลนครํ เทววิมานํ วิย อลงฺกโรนฺติ. สพฺเพ ทาสกมฺมกราทโย อหตวตฺถนิวตฺถา คนฺธมาลาทิปฏิมณฺฑิตา ราชกุเล สนฺนิปตนฺติ. รฺโ กมฺมนฺเต นงฺคลสตสหสฺสํ โยชียติ. ตสฺมึ ปน ทิวเส เอเกน อูนํ อฏฺสตํ โยเชนฺติ. สพฺพนงฺคลานิ สทฺธึ พลิพทฺทรสฺมิโยตฺเตหิ ชาณุสฺโสณิสฺส รโถ วิย รชตปริกฺขิตฺตานิ โหนฺติ. รฺโ อาลมฺพนนงฺคลํ รตฺตสุวณฺณปริกฺขิตฺตํ โหติ. พลิพทฺทานํ สิงฺคานิปิ รสฺมิปโตทาปิ สุวณฺณปริกฺขิตฺตา โหนฺติ. ราชา มหาปริวาเรน นิกฺขมนฺโต ปุตฺตํ คเหตฺวา อคมาสิ.
กมฺมนฺตฏฺาเน เอโก ชมฺพุรุกฺโข พหลปตฺตปลาโส สนฺทจฺฉาโย อโหสิ. ตสฺส เหฏฺา กุมารสฺส สยนํ ปฺเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกขจิตํ วิตานํ พนฺธาเปตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา อารกฺขํ เปตฺวา ราชา สพฺพาลงฺการํ อลงฺกริตฺวา อมจฺจคณปริวุโต นงฺคลกรณฏฺานํ อคมาสิ. ตตฺถ ราชา สุวณฺณนงฺคลํ คณฺหาติ. อมจฺจา เอเกนูนอฏฺสตรชตนงฺคลานิ คเหตฺวา อิโต จิโต จ กสนฺติ. ราชา ปน โอรโต ปารํ คจฺฉติ, ปารโต วา โอรํ คจฺฉติ. เอตสฺมึ าเน มหาสมฺปตฺติ โหติ, โพธิสตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ธาติโย รฺโ สมฺปตฺตึ ปสฺสิสฺสามาติ อนฺโตสาณิโต พหิ นิกฺขนฺตา. โพธิสตฺโต ¶ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต กฺจิ อทิสฺวา เวเคน อุฏฺาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อานาปาเน ปริคฺคเหตฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสิ. ธาติโย ขชฺชโภชฺชนฺตเร วิจรมานา โถกํ จิรายึสุ, เสสรุกฺขานํ ¶ ฉายา นิวตฺตา, ตสฺส ปน รุกฺขสฺส ปริมณฺฑลา หุตฺวา อฏฺาสิ. ธาติโย อยฺยปุตฺโต เอกโกติ เวเคน สาณึ อุกฺขิปิตฺวา อนฺโต ปวิสมานา โพธิสตฺตํ สยเน ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ตฺจ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรจยึสุ – ‘‘กุมาโร เทว, เอวํ นิสินฺโน อฺเสํ รุกฺขานํ ฉายา นิวตฺตา, ชมฺพุรุกฺขสฺส ปริมณฺฑลา ิตา’’ติ. ราชา เวเคนาคนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา, ‘‘อิทํ เต, ตาต, ทุติยํ วนฺทน’’นฺติ ปุตฺตํ วนฺทิ. อิทเมตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ปิตุ สกฺกสฺส กมฺมนฺเต…เป… ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตา’’ติ. สิยา นุ โข เอโส มคฺโค โพธายาติ ภเวยฺย นุ โข เอตํ อานาปานสฺสติปมชฺฌานํ พุชฺฌนตฺถาย มคฺโคติ. สตานุสาริวิฺาณนฺติ ¶ นยิทํ โพธาย มคฺโค ภวิสฺสติ, อานาปานสฺสติปมชฺฌานํ ปน ภวิสฺสตีติ เอวํ เอกํ ทฺเว วาเร อุปฺปนฺนสติยา อนนฺตรํ อุปฺปนฺนวิฺาณํ สตานุสาริวิฺาณํ นาม. ยํ ตํ สุขนฺติ ยํ ตํ อานาปานสฺสติปมชฺฌานสุขํ.
๓๘๒. ปจฺจุปฏฺิตา โหนฺตีติ ปณฺณสาลปริเวณสมฺมชฺชนาทิวตฺตกรเณน อุปฏฺิตา โหนฺติ. พาหุลฺลิโกติ ปจฺจยพาหุลฺลิโก. อาวตฺโต พาหุลฺลายาติ รสคิทฺโธ หุตฺวา ปณีตปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย อาวตฺโต. นิพฺพิชฺช ปกฺกมึสูติ อุกฺกณฺิตฺวา ธมฺมนิยาเมเนว ปกฺกนฺตา โพธิสตฺตสฺส สมฺโพธึ ปตฺตกาเล กายวิเวกสฺส โอกาสทานตฺถํ ธมฺมตาย คตา. คจฺฉนฺตา จ อฺฏฺานํ อคนฺตฺวา พาราณสิเมว อคมํสุ. โพธิสตฺโต เตสุ คเตสุ อทฺธมาสํ กายวิเวกํ ลภิตฺวา โพธิมณฺเฑ อปราชิตปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิ.
๓๘๓. วิวิจฺเจว กาเมหีติอาทิ ภยเภรเว วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๓๘๗. อภิชานามิ โข ปนาหนฺติ อยํ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. นิคณฺโ กิร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สมณํ โคตมํ เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉึ. สมโณ โคตโม ‘อปราปิ มํ, อคฺคิเวสฺสน, อปราปิ มํ, อคฺคิเวสฺสนา’ติ ปริโยสานํ อทสฺเสนฺโต กเถติเยว. กุปิโต นุ โข’’ติ? อถ ภควา, อคฺคิเวสฺสน ¶ , ตถาคเต อเนกสตาย ปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺเต กุปิโต ¶ สมโณ โคตโมติ เอโกปิ วตฺตา นตฺถิ, ปเรสํ โพธนตฺถาย ปฏิวิชฺฌนตฺถาย เอว ตถาคโต ธมฺมํ เทเสตีติ ทสฺเสนฺโต อิมํ ธมฺมเทสนํ อารภิ. ตตฺถ อารพฺภาติ สนฺธาย. ยาวเทวาติ ปโยชนวิธิ ปริจฺเฉทนิยมนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปเรสํ วิฺาปนเมว ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนาย ปโยชนํ, ตสฺมา น เอกสฺเสว เทเสติ, ยตฺตกา วิฺาตาโร อตฺถิ, สพฺเพสํ เทเสตีติ. ตสฺมึเยว ปุริมสฺมินฺติ อิมินา กึ ทสฺเสตีติ? สจฺจโก กิร จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม อภิรูโป ปาสาทิโก สุผุสิตํ ทนฺตาวรณํ, ชิวฺหา มุทุกา, มธุรํ วากฺกรณํ, ปริสํ รฺเชนฺโต มฺเ วิจรติ, อนฺโต ปนสฺส จิตฺเตกคฺคตา นตฺถี’’ติ. อถ ภควา, อคฺคิเวสฺสน, น ตถาคโต ปริสํ รฺเชนฺโต วิจรติ, จกฺกวาฬปริยนฺตายปิ ปริสาย ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ, อสลฺลีโน อนุปลิตฺโต เอตฺตกํ เอกวิหารี, สฺุตผลสมาปตฺตึ อนุยุตฺโตติ ทสฺเสตุํ เอวมาห.
อชฺฌตฺตเมวาติ ¶ โคจรชฺฌตฺตเมว. สนฺนิสาเทมีติ สนฺนิสีทาเปมิ, ตถาคโต หิ ยสฺมึ ขเณ ปริสา สาธุการํ เทติ, ตสฺมึ ขเณ ปุพฺพาโภเคน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, สาธุการสทฺทสฺส นิคฺโฆเส อวิจฺฉินฺเนเยว สมาปตฺติโต วุฏฺาย ิตฏฺานโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสติ, พุทฺธานฺหิ ภวงฺคปริวาโส ลหุโก โหตีติ อสฺสาสวาเร ปสฺสาสวาเร สมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ. เยน สุทํ นิจฺจกปฺปนฺติ เยน สฺุเน ผลสมาธินา นิจฺจกาลํ วิหรามิ, ตสฺมึ สมาธินิมิตฺเต จิตฺตํ สณฺเปมิ สมาทหามีติ ทสฺเสติ.
โอกปฺปนิยเมตนฺติ สทฺทหนิยเมตํ. เอวํ ภควโต เอกคฺคจิตฺตตํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อิทานิ อตฺตโน โอวฏฺฏิกสารํ กตฺวา อานีตปฺหํ ปุจฺฉนฺโต อภิชานาติ โข ปน ภวํ โคตโม ทิวา สุปิตาติ อาห. ยถา หิ สุนโข นาม อสมฺภินฺนขีรปกฺกปายสํ สปฺปินา โยเชตฺวา อุทรปูรํ โภชิโตปิ คูถํ ทิสฺวา อขาทิตฺวา คนฺตุํ น สกฺกา, อขาทมาโน ¶ ฆายิตฺวาปิ คจฺฉติ, อฆายิตฺวาว คตสฺส กิรสฺส สีสํ รุชฺชติ; เอวเมวํ อิมสฺสปิ สตฺถา อสมฺภินฺนขีรปกฺกปายสสทิสํ อภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ยาว อาสวกฺขยา ปสาทนียํ ธมฺมเทสนํ เทเสติ. เอตสฺส ปน เอวรูปํ ธมฺมเทสนํ ¶ สุตฺวา สตฺถริ ปสาทมตฺตมฺปิ น อุปฺปนฺนํ, ตสฺมา โอวฏฺฏิกสารํ กตฺวา อานีตปฺหํ อปุจฺฉิตฺวา คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต เอวมาห. ตตฺถ ยสฺมา ถินมิทฺธํ สพฺพขีณาสวานํ อรหตฺตมคฺเคเนว ปหียติ, กายทรโถ ปน อุปาทินฺนเกปิ โหติ อนุปาทินฺนเกปิ. ตถา หิ กมลุปฺปลาทีนิ เอกสฺมึ กาเล วิกสนฺติ, เอกสฺมึ มกุลานิ โหนฺติ, สายํ เกสฺจิ รุกฺขานมฺปิ ปตฺตานิ ปติลียนฺติ, ปาโต วิปฺผาริกานิ โหนฺติ. เอวํ อุปาทินฺนกสฺส กายสฺส ทรโถเยว ทรถวเสน ภวงฺคโสตฺจ อิธ นิทฺทาติ อธิปฺเปตํ, ตํ ขีณาสวานมฺปิ โหติ. ตํ สนฺธาย, ‘‘อภิชานามห’’นฺติอาทิมาห. สมฺโมหวิหารสฺมึ วทนฺตีติ สมฺโมหวิหาโรติ วทนฺติ.
๓๘๙. อาสชฺช อาสชฺชาติ ฆฏฺเฏตฺวา ฆฏฺเฏตฺวา. อุปนีเตหีติ อุปเนตฺวา กถิเตหิ. วจนปฺปเถหีติ วจเนหิ. อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวาติ อลนฺติ จิตฺเตน สมฺปฏิจฺฉนฺโต อภินนฺทิตฺวา วาจายปิ ปสํสนฺโต อนุโมทิตฺวา. ภควตา อิมสฺส นิคณฺสฺส ทฺเว สุตฺตานิ กถิตานิ. ปุริมสุตฺตํ เอโก ภาณวาโร, อิทํ ทิยฑฺโฒ, อิติ อฑฺฒติเย ภาณวาเร สุตฺวาปิ อยํ นิคณฺโ เนว อภิสมยํ ปตฺโต, น ปพฺพชิโต, น สรเณสุ ปติฏฺิโต. กสฺมา เอตสฺส ภควา ¶ ธมฺมํ เทเสสีติ? อนาคเต วาสนตฺถาย. ปสฺสติ หิ ภควา, ‘‘อิมสฺส อิทานิ อุปนิสฺสโย นตฺถิ, มยฺหํ ปน ปรินิพฺพานโต สมธิกานํ ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อจฺจเยน ตมฺพปณฺณิทีเป สาสนํ ปติฏฺหิสฺสติ. ตตฺรายํ กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา สมฺปตฺเต กาเล ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา กาฬพุทฺธรกฺขิโต นาม มหาขีณาสโว ภวิสฺสตี’’ติ. อิทํ ทิสฺวา อนาคเต วาสนตฺถาย ธมฺมํ เทเสสิ.
โสปิ ตตฺเถว ตมฺพปณฺณิทีปมฺหิ สาสเน ปติฏฺิเต เทวโลกโต จวิตฺวา ทกฺขิณคิริวิหารสฺส ภิกฺขาจารคาเม เอกสฺมึ อมจฺจกุเล นิพฺพตฺโต ปพฺพชฺชาสมตฺถโยพฺพเน ปพฺพชิตฺวา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา คณํ ปริหรนฺโต ¶ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อุปชฺฌายํ ปสฺสิตุํ อคมาสิ. อถสฺส อุปชฺฌาโย สทฺธิวิหาริกํ โจเทสฺสามีติ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา อาคเตน เตน สทฺธึ มุขํ ทตฺวา กถามตฺตมฺปิ น อกาสิ. โส ปจฺจูสสมเย วุฏฺาย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา, – ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, มยิ คนฺถกมฺมํ กตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคเต มุขํ ทตฺวา กถามตฺตมฺปิ น ¶ กริตฺถ, โก มยฺหํ โทโส’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร อาห – ‘‘ตฺวํ, อาวุโส, พุทฺธรกฺขิต เอตฺตเกเนว ‘ปพฺพชฺชากิจฺจํ เม มตฺถกํ ปตฺต’นฺติ สฺํ กโรสี’’ติ. กึ กโรมิ, ภนฺเตติ? คณํ วิโนเทตฺวา ตฺวํ ปปฺจํ ฉินฺทิตฺวา เจติยปพฺพตวิหารํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กโรหีติ. โส อุปชฺฌายสฺส โอวาเท ตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ปฺุวา ราชปูชิโต หุตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร เจติยปพฺพตวิหาเร วสิ.
ตสฺมิฺหิ กาเล ติสฺสมหาราชา อุโปสถกมฺมํ กโรนฺโต เจติยปพฺพเต ราชเลเณ วสติ. โส เถรสฺส อุปฏฺากภิกฺขุโน สฺํ อทาสิ – ‘‘ยทา มยฺหํ อยฺโย ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, ธมฺมํ วา กเถติ, ตทา เม สฺํ ทเทยฺยาถา’’ติ. เถโรปิ เอกสฺมึ ธมฺมสฺสวนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร กณฺฏกเจติยงฺคณํ อารุยฺห เจติยํ วนฺทิตฺวา กาฬติมฺพรุรุกฺขมูเล อฏฺาสิ. อถ นํ เอโก ปิณฺฑปาติกตฺเถโร กาฬการามสุตฺตนฺเต ปฺหํ ปุจฺฉิ. เถโร นนุ, อาวุโส, อชฺช ธมฺมสฺสวนทิวโสติ อาห. อาม, ภนฺเต, ธมฺมสฺสวนทิวโสติ. เตน หิ ปีกํ อาเนถ, อิเธว นิสินฺนา ธมฺมสฺสวนํ กริสฺสามาติ. อถสฺส รุกฺขมูเล อาสนํ ปฺเปตฺวา อทํสุ. เถโร ปุพฺพคาถา วตฺวา กาฬการามสุตฺตํ อารภิ. โสปิสฺส อุปฏฺากทหโร รฺโ ¶ สฺํ ทาเปสิ. ราชา ปุพฺพคาถาสุ อนิฏฺิตาสุเยว ปาปุณิ. ปตฺวา จ อฺาตกเวเสเนว ปริสนฺเต ตฺวา ติยามรตฺตึ ิตโกว ธมฺมํ สุตฺวา เถรสฺส, อิทมโวจ ภควาติ วจนกาเล ¶ สาธุการํ อทาสิ. เถโร ตฺวา, กทา อาคโตสิ, มหาราชาติ ปุจฺฉิ. ปุพฺพคาถา โอสารณกาเลเยว, ภนฺเตติ. ทุกฺกรํ เต มหาราช, กตนฺติ. นยิทํ, ภนฺเต, ทุกฺกรํ, ยทิ ปน เม อยฺยสฺส ธมฺมกถํ อารทฺธกาลโต ปฏฺาย เอกปเทปิ อฺวิหิตภาโว อโหสิ, ตมฺพปณฺณิทีปสฺส ปโตทยฏฺินิตุทนมตฺเตปิ าเน สามิภาโว นาม เม มา โหตูติ สปถมกาสิ.
ตสฺมึ ปน สุตฺเต พุทฺธคุณา ปริทีปิตา, ตสฺมา ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘เอตฺตกาว, ภนฺเต, พุทฺธคุณา, อุทาหุ อฺเปิ อตฺถี’’ติ. มยา กถิตโต, มหาราช, อกถิตเมว พหุ อปฺปมาณนฺติ. อุปมํ, ภนฺเต, กโรถาติ. ยถา, มหาราช ¶ , กรีสสหสฺสมตฺเต สาลิกฺเขตฺเต เอกสาลิสีสโต อวเสสสาลีเยว พหู, เอวํ มยา กถิตคุณา อปฺปา, อวเสสา พหูติ. อปรมฺปิ, ภนฺเต, อุปมํ กโรถาติ. ยถา, มหาราช, มหาคงฺคาย โอฆปุณฺณาย สูจิปาสํ สมฺมุขํ กเรยฺย, สูจิปาเสน คตอุทกํ อปฺปํ, เสสํ พหุ, เอวเมว มยา กถิตคุณา อปฺปา, อวเสสา พหูติ. อปรมฺปิ, ภนฺเต, อุปมํ กโรถาติ. อิธ, มหาราช, จาตกสกุณา นาม อากาเส กีฬนฺตา วิจรนฺติ. ขุทฺทกา สา สกุณชาติ, กึ นุ โข ตสฺส สกุณสฺส อากาเส ปกฺขปสารณฏฺานํ พหุ, อวเสโส อากาโส อปฺโปติ? กึ, ภนฺเต, วทถ, อปฺโป ตสฺส ปกฺขปสารโณกาโส, อวเสโสว พหูติ. เอวเมว, มหาราช, อปฺปกา มยา พุทฺธคุณา กถิตา, อวเสสา พหู อนนฺตา อปฺปเมยฺยาติ. สุกถิตํ, ภนฺเต, อนนฺตา พุทฺธคุณา อนนฺเตเนว อากาเสน อุปมิตา. ปสนฺนา มยํ อยฺยสฺส, อนุจฺฉวิกํ ปน กาตุํ น สกฺโกม. อยํ เม ทุคฺคตปณฺณากาโร อิมสฺมึ ตมฺพปณฺณิทีเป อิมํ ติโยชนสติกํ รชฺชํ อยฺยสฺส เทมาติ. ตุมฺเหหิ, มหาราช, อตฺตโน ปสนฺนากาโร กโต, มยํ ปน อมฺหากํ ทินฺนํ รชฺชํ ตุมฺหากํเยว เทม, ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรหิ มหาราชาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาสจฺจกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา
๓๙๐. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ. ตตฺถ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเทติ ปุพฺพารามสงฺขาเต วิหาเร มิคารมาตุยา ปาสาเท. ตตฺรายํ อนุปุพฺพีกถาอตีเต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกา อุปาสิกา ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตสหสฺสํ ทานํ ทตฺวา ภควโต ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา, ‘‘อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส อคฺคุปฏฺายิกา โหมี’’ติ ปตฺถนมกาสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ เจว มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต ¶ กาเล ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฏฺิปุตฺตสฺส ธนฺชยสฺส เสฏฺิโน คเห สุมนเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ชาตกาเล จสฺสา วิสาขาติ นามํ อกํสุ. สา ยทา ภควา ภทฺทิยนครํ อคมาสิ, ตทา ปฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธึ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปมทสฺสนมฺหิเยว โสตาปนฺนา อโหสิ. อปรภาเค สาวตฺถิยํ มิคารเสฏฺิปุตฺตสฺส ปุณฺณวฑฺฒนกุมารสฺส เคหํ คตา, ตตฺถ นํ มิคารเสฏฺิ มาติฏฺาเน เปสิ, ตสฺมา มิคารมาตาติ วุจฺจติ.
ปติกุลํ คจฺฉนฺติยา จสฺสา ปิตา มหาลตาปิฬนฺธนํ นาม การาเปสิ. ตสฺมึ ปิฬนฺธเน จตสฺโส วชิรนาฬิโย อุปโยคํ อคมํสุ, มุตฺตานํ เอกาทส นาฬิโย, ปวาฬานํ ทฺวาวีสติ นาฬิโย, มณีนํ เตตฺตึส นาฬิโย, อิติ เอเตหิ จ อฺเหิ จ สตฺตวณฺเณหิ รตเนหิ นิฏฺานํ อคมาสิ. ตํ สีเส ปฏิมุกฺกํ ยาว ปาทปิฏฺิยา ภสฺสติ, ปฺจนฺนํ หตฺถีนํ พลํ ธารยมานาว นํ อิตฺถี ธาเรตุํ สกฺโกติ. สา อปรภาเค ทสพลสฺส อคฺคุปฏฺายิกา หุตฺวา ตํ ปสาธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา นวหิ โกฏีหิ ภควโต วิหารํ การยมานา กรีสมตฺเต ภูมิภาเค ปาสาทํ กาเรสิ. ตสฺส อุปริภูมิยํ ปฺจ คพฺภสตานิ โหนฺติ, เหฏฺาภูมิยํ ปฺจาติ คพฺภสหสฺสปฺปฏิมณฺฑิโต อโหสิ. สา ‘‘สุทฺธปาสาโทว น โสภตี’’ติ ตํ ปริวาเรตฺวา ปฺจ ทฺวิกูฏเคหสตานิ, ปฺจ ¶ จูฬปาสาทสตานิ, ปฺจ ทีฆสาลสตานิ จ การาเปสิ. วิหารมโห จตูหิ มาเสหิ นิฏฺานํ อคมาสิ.
มาตุคามตฺตภาเว ¶ ิตาย วิสาขาย วิย อฺิสฺสา พุทฺธสาสเน ธนปริจฺจาโค นาม นตฺถิ, ปุริสตฺตภาเว ิตสฺส จ อนาถปิณฺฑิกสฺส วิย อฺสฺส พุทฺธสาสเน ธนปริจฺจาโค นาม นตฺถิ. โส หิ จตุปฺาสโกฏิโย วิสฺสชฺเชตฺวา สาวตฺถิยา ทกฺขิณภาเค อนุราธปุรสฺส มหาวิหารสทิเส าเน เชตวนมหาวิหารํ นาม กาเรสิ. วิสาขา, สาวตฺถิยา ปาจีนภาเค อุตฺตมเทวีวิหารสทิเส าเน ปุพฺพารามํ นาม กาเรสิ. ภควา อิเมสํ ทฺวินฺนํ กุลานํ อนุกมฺปาย สาวตฺถึ นิสฺสาย วิหรนฺโต อิเมสุ ทฺวีสุ วิหาเรสุ นิพทฺธวาสํ วสิ. เอกํ อนฺโตวสฺสํ เชตวเน วสติ, เอกํ ปุพฺพาราเม, เอตสฺมึ ปน สมเย ภควา ปุพฺพาราเม วิหรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท’’ติ.
กิตฺตาวตา ¶ นุ โข, ภนฺเตติ กิตฺตเกน นุ โข, ภนฺเต. สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหตีติ ตณฺหาสงฺขเย นิพฺพาเน ตํ อารมฺมณํ กตฺวา วิมุตฺตจิตฺตตาย ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต นาม สํขิตฺเตน กิตฺตาวตา โหติ? ยาย ปฏิปตฺติยา ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺโต โหติ, ตํ เม ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโน ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ สํขิตฺเตน เทเสถาติ ปุจฺฉติ. อจฺจนฺตนิฏฺโติ ขยวยสงฺขาตํ อนฺตํ อตีตาติ อจฺจนฺตา. อจฺจนฺตา นิฏฺา อสฺสาติ อจฺจนฺตนิฏฺโ, เอกนฺตนิฏฺโ สตตนิฏฺโติ อตฺโถ. อจฺจนฺตํ โยคกฺเขมีติ อจฺจนฺตโยคกฺเขมี, นิจฺจโยคกฺเขมีติ อตฺโถ. อจฺจนฺตํ พฺรหฺมจารีติ อจฺจนฺตพฺรหฺมจารี, นิจฺจพฺรหฺมจารีติ อตฺโถ. อจฺจนฺตํ ปริโยสานมสฺสาติ ปุริมนเยเนว อจฺจนฺตปริโยสาโน. เสฏฺโ เทวมนุสฺสานนฺติ เทวานฺจ มนุสฺสานฺจ เสฏฺโ อุตฺตโม. เอวรูโป ภิกฺขุ กิตฺตาวตา โหติ, ขิปฺปเมตสฺส สงฺเขเปเนว ปฏิปตฺตึ กเถถาติ ภควนฺตํ ยาจติ. กสฺมา ปเนส เอวํ เวคายตีติ? กีฬํ อนุภวิตุกามตาย.
อยํ กิร อุยฺยานกีฬํ อาณาเปตฺวา จตูหิ มหาราชูหิ จตูสุ ทิสาสุ อารกฺขํ คาหาเปตฺวา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวสงฺเฆน ปริวุโต อฑฺฒติยาหิ นาฏกโกฏีหิ สทฺธึ เอราวณํ ¶ อารุยฺห อุยฺยานทฺวาเร ิโต อิมํ ปฺหํ สลฺลกฺเขสิ – ‘‘กิตฺตเกน นุ โข ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตสฺส ขีณาสวสฺส สงฺเขปโต อาคมนิยปุพฺพภาคปฏิปทา โหตี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ ปฺโห อติวิย สสฺสิริโก, สจาหํ อิมํ ปฺหํ อนุคฺคณฺหิตฺวาว อุยฺยานํ ปวิสิสฺสามิ, ฉทฺวาริเกหิ อารมฺมเณหิ นิมฺมถิโต น ปุน อิมํ ปฺหํ สลฺลกฺเขสฺสามิ ¶ , ติฏฺตุ ตาว อุยฺยานกีฬา, สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา อุคฺคหิตปฺโห อุยฺยาเน กีฬิสฺสามี’’ติ หตฺถิกฺขนฺเธ อนฺตรหิโต ภควโต สนฺติเก ปาตุรโหสิ. เตปิ จตฺตาโร มหาราชาโน อารกฺขํ คเหตฺวา ิตฏฺาเนเยว ิตา, ปริจาริกเทวสงฺฆาปิ นาฏกานิปิ เอราวโณปิ นาคราชา ตตฺเถว อุยฺยานทฺวาเร อฏฺาสิ, เอวเมส กีฬํ อนุภวิตุกามตาย เวคายนฺโต เอวมาห.
สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสายาติ เอตฺถ สพฺเพ ธมฺมา นาม ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารส ธาตุโย. เต สพฺเพปิ ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินิเวสาย ¶ นาลํ น ปริยตฺตา น สมตฺถา น ยุตฺตา, กสฺมา? คหิตากาเรน อติฏฺนโต. เต หิ นิจฺจาติ คหิตาปิ อนิจฺจาว สมฺปชฺชนฺติ, สุขาติ คหิตาปิ ทุกฺขาว สมฺปชฺชนฺติ, อตฺตาติ คหิตาปิ อนตฺตาว สมฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา นาลํ อภินิเวสาย. อภิชานาตีติ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ าตปริฺาย อภิชานาติ. ปริชานาตีติ ตเถว ตีรณปริฺาย ปริชานาติ. ยํกิฺจิ เวทนนฺติ อนฺตมโส ปฺจวิฺาณสมฺปยุตฺตมฺปิ ยํกิฺจิ อปฺปมตฺตกมฺปิ เวทนํ อนุภวติ. อิมินา ภควา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส เวทนาวเสน นิพฺพตฺเตตฺวา อรูปปริคฺคหํ ทสฺเสติ. สเจ ปน เวทนากมฺมฏฺานํ เหฏฺา น กถิตํ ภเวยฺย, อิมสฺมึ าเน กเถตพฺพํ สิยา. เหฏฺา ปน กถิตํ, ตสฺมา สติปฏฺาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อนิจฺจานุปสฺสีติ เอตฺถ อนิจฺจํ เวทิตพฺพํ, อนิจฺจานุปสฺสนา เวทิตพฺพา, อนิจฺจานุปสฺสี เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อนิจฺจนฺติ ปฺจกฺขนฺธา, เต หิ อุปฺปาทวยฏฺเน อนิจฺจา. อนิจฺจานุปสฺสนาติ ปฺจกฺขนฺธานํ ขยโต วยโต ทสฺสนาณํ. อนิจฺจานุปสฺสีติ เตน าเณน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ¶ . ตสฺมา ‘‘อนิจฺจานุปสฺสี วิหรตี’’ติ อนิจฺจโต อนุปสฺสนฺโต วิหรตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
วิราคานุปสฺสีติ เอตฺถ ทฺเว วิราคา ขยวิราโค จ อจฺจนฺตวิราโค จ. ตตฺถ สงฺขารานํ ขยวยโต อนุปสฺสนาปิ, อจฺจนฺตวิราคํ นิพฺพานํ วิราคโต ทสฺสนมคฺคาณมฺปิ วิราคานุปสฺสนา. ตทุภยสมางฺคีปุคฺคโล วิราคานุปสฺสี นาม, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘วิราคานุปสฺสี’’ติ, วิราคโต อนุปสฺสนฺโตติ อตฺโถ. นิโรธานุปสฺสิมฺหิปิ เอเสว นโย, นิโรโธปิ หิ ขยนิโรโธ จ อจฺจนฺตนิโรโธ จาติ ทุวิโธเยว. ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสีติ เอตฺถ ปฏินิสฺสคฺโค วุจฺจติ โวสฺสคฺโค, โส จ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโค ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโคติ ทุวิโธ โหติ ¶ . ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโคติ วิปสฺสนา, สา หิ ตทงฺควเสน กิเลเส จ ขนฺเธ จ โวสฺสชฺชติ. ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโคติ มคฺโค, โส หิ นิพฺพานํ อารมฺมณํ อารมฺมณโต ปกฺขนฺทติ. ทฺวีหิปิ วา การเณหิ โวสฺสคฺโคเยว, สมุจฺเฉทวเสน ขนฺธานํ กิเลสานฺจ โวสฺสชฺชนโต, นิพฺพานฺจ ปกฺขนฺทนโต. ตสฺมา กิเลเส จ ขนฺเธ จ ปริจฺจชตีติ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโค, นิโรเธ นิพฺพานธาตุยา จิตฺตํ ปกฺขนฺทตีติ ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโคติ อุภยมฺเปตํ มคฺเค สเมติ. ตทุภยสมงฺคีปุคฺคโล อิมาย ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย สมนฺนาคตตฺตา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี นาม โหติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสี’’ติ. น กิฺจิ โลเก อุปาทิยตีติ ¶ กิฺจิ เอกมฺปิ สงฺขารคตํ ตณฺหาวเสน น อุปาทิยติ น คณฺหาติ น ปรามสติ. อนุปาทิยํ น ปริตสฺสตีติ อคฺคณฺหนฺโต ตณฺหาปริตสฺสนาย น ปริตสฺสติ. ปจฺจตฺตฺเว ปรินิพฺพายตีติ สยเมว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายติ. ขีณา ชาตีติอาทินา ปนสฺส ปจฺจเวกฺขณาว ทสฺสิตา. อิติ ภควา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส สํขิตฺเตน ขีณาสวสฺส ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ ปุจฺฉิโต สลฺลหุกํ กตฺวา สํขิตฺเตเนว ขิปฺปํ กเถสิ.
๓๙๑. อวิทูเร นิสินฺโน โหตีติ อนนฺตเร กูฏาคาเร นิสินฺโน โหติ. อภิสเมจฺจาติ าเณน อภิสมาคนฺตฺวา, ชานิตฺวาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กึ นุ โข เอส ชานิตฺวา อนุโมทิ, อุทาหุ ¶ อชานิตฺวา วาติ. กสฺมา ปนสฺส เอวมโหสีติ? เถโร กิร น ภควโต ปฺหวิสฺสชฺชนสทฺทํ อสฺโสสิ, สกฺกสฺส ปน เทวรฺโ, ‘‘เอวเมตํ ภควา เอวเมตํ สุคตา’’ติ อนุโมทนสทฺทํ อสฺโสสิ. สกฺโก กิร เทวราชา มหตา สทฺเทน อนุโมทิ. อถ กสฺมา น ภควโต สทฺทํ อสฺโสสีติ? ยถาปริสวิฺาปกตฺตา. พุทฺธานฺหิ ธมฺมํ กเถนฺตานํ เอกาพทฺธาย จกฺกวาฬปริยนฺตายปิ ปริสาย สทฺโท สุยฺยติ, ปริยนฺตํ ปน มฺุจิตฺวา องฺคุลิมตฺตมฺปิ พหิทฺธา น นิจฺฉรติ. กสฺมา? เอวรูปา มธุรกถา มา นิรตฺถกา อคมาสีติ. ตทา ภควา มิคารมาตุปาสาเท สตฺตรตนมเย กูฏาคาเร สิริคพฺภมฺหิ นิสินฺโน โหติ, ตสฺส ทกฺขิณปสฺเส สาริปุตฺตตฺเถรสฺส วสนกูฏาคารํ, วามปสฺเส มหาโมคฺคลฺลานสฺส, อนฺตเร ฉิทฺทวิวโรกาโส นตฺถิ, ตสฺมา เถโร น ภควโต สทฺทํ อสฺโสสิ, สกฺกสฺเสว อสฺโสสีติ.
ปฺจหิ ¶ ตูริยสเตหีติ ปฺจงฺคิกานํ ตูริยานํ ปฺจหิ สเตหิ. ปฺจงฺคิกํ ตูริยํ นาม อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ สุสิรํ ฆนนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ. ตตฺถ อาตตํ นาม จมฺมปริโยนทฺเธสุ เภริอาทีสุ เอกตลตูริยํ. วิตตํ นาม อุภยตลํ. อาตตวิตตํ นาม ตนฺติพทฺธปณวาทิ. สุสิรํ วํสาทิ. ฆนํ สมฺมาทิ. สมปฺปิโตติ อุปคโต. สมงฺคีภูโตติ ตสฺเสว เววจนํ. ปริจาเรตีติ ตํ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ตโต ตโต อินฺทฺริยานิ จาเรติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปริวาเรตฺวา วชฺชมาเนหิ ปฺจหิ ตูริยสเตหิ สมนฺนาคโต หุตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺตึ ¶ อนุภวตี. ปฏิปณาเมตฺวาติ อปเนตฺวา, นิสฺสทฺทานิ การาเปตฺวาติ อตฺโถ. ยเถว หิ อิทานิ สทฺธา ราชาโน ครุภาวนิยํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา – ‘‘อสุโก นาม อยฺโย อาคจฺฉติ, มา, ตาตา, คายถ, มา วาเทถ, มา นจฺจถา’’ติ นาฏกานิ ปฏิวิเนนฺติ, สกฺโกปิ เถรํ ทิสฺวา เอวมกาสิ. จิรสฺสํ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อิมํ ปริยายมกาสีติ เอวรูปํ โลเก ปกติยา ปิยสมุทาหารวจนํ โหติ, โลกิยา หิ จิรสฺสํ อาคตมฺปิ อนาคตปุพฺพมฺปิ มนาปชาติยํ อาคตํ ทิสฺวา, – ‘‘กุโต ภวํ อาคโต, จิรสฺสํ ภวํ ¶ อาคโต, กถํ เต อิธาคมนมคฺโค าโต มคฺคมูฬฺโหสี’’ติอาทีนิ วทนฺติ. อยํ ปน อาคตปุพฺพตฺตาเยว เอวมาห. เถโร หิ กาเลน กาลํ เทวจาริกํ คจฺฉติเยว. ตตฺถ ปริยายมกาสีติ วารมกาสิ. ยทิทํ อิธาคมนายาติ โย อยํ อิธาคมนาย วาโร, ตํ, ภนฺเต, จิรสฺสมกาสีติ วุตฺตํ โหติ. อิทมาสนํ ปฺตฺตนฺติ โยชนิกํ มณิปลฺลงฺกํ ปฺปาเปตฺวา เอวมาห.
๓๙๒. พหุกิจฺจา พหุกรณียาติ เอตฺถ เยสํ พหูนิ กิจฺจานิ, เต พหุกิจฺจา. พหุกรณียาติ ตสฺเสว เววจนํ. อปฺเปว สเกน กรณีเยนาติ สกรณียเมว อปฺปํ มนฺทํ, น พหุ, เทวานํ กรณียํ ปน พหุ, ปถวิโต ปฏฺาย หิ กปฺปรุกฺขมาตุคามาทีนํ อตฺถาย อฏฺฏา สกฺกสฺส สนฺติเก ฉิชฺชนฺติ, ตสฺมา นิยเมนฺโต อาห – อปิจ เทวานํเยว ตาวตึสานํ กรณีเยนาติ. เทวานฺหิ ธีตา จ ปุตฺตา จ องฺเก นิพฺพตฺตนฺติ, ปาทปริจาริกา อิตฺถิโย สยเน นิพฺพตฺตนฺติ, ตาสํ มณฺฑนปสาธนการิกา เทวธีตา สยนํ ปริวาเรตฺวา นิพฺพตฺตนฺติ, เวยฺยาวจฺจกรา อนฺโตวิมาเน นิพฺพตฺตนฺติ, เอเตสํ อตฺถาย อฏฺฏกรณํ นตฺถิ. เย ปน สีมนฺตเร นิพฺพตฺตนฺติ, เต ‘‘มม สนฺตกา ตว สนฺตกา’’ติ นิจฺเฉตุํ อสกฺโกนฺตา อฏฺฏํ กโรนฺติ, สกฺกํ เทวราชานํ ปุจฺฉนฺติ, โส ยสฺส วิมานํ อาสนฺนตรํ, ตสฺส สนฺตโกติ วทติ. สเจ ทฺเวปิ สมฏฺาเน ¶ โหนฺติ, ยสฺส วิมานํ โอโลเกนฺโต ิโต, ตสฺส สนฺตโกติ วทติ. สเจ เอกมฺปิ น โอโลเกติ, ตํ อุภินฺนํ กลหุปจฺเฉทนตฺถํ อตฺตโน สนฺตกํ กโรติ. ตํ สนฺธาย, ‘‘เทวานํเยว ตาวตึสานํ กรณีเยนา’’ติ อาห. อปิจสฺส เอวรูปํ กีฬากิจฺจมฺปิ กรณียเมว.
ยํ ¶ โน ขิปฺปเมว อนฺตรธายตีติ ยํ อมฺหากํ สีฆเมว อนฺธกาเร รูปคตํ วิย น ทิสฺสติ. อิมินา – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตํ ปฺหวิสฺสชฺชนํ น สลฺลกฺเขมี’’ติ ทีเปติ. เถโร – ‘‘กสฺมา นุ โข อยํ ยกฺโข อสลฺลกฺขณภาวํ ทีเปติ, ปสฺเสน ปริหรตี’’ติ อาวชฺชนฺโต – ‘‘เทวา นาม มหามูฬฺหา โหนฺติ. ฉทฺวาริเกหิ อารมฺมเณหิ นิมฺมถียมานา อตฺตโน ภุตฺตาภุตฺตภาวมฺปิ ปีตาปีตภาวมฺปิ น ชานนฺติ, อิธ กตเมตฺถ ปมุสฺสนฺตี’’ติ อฺาสิ. เกจิ ¶ ปนาหุ – ‘‘เถโร เอตสฺส ครุ ภาวนิโย, ตสฺมา ‘อิทาเนว โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส สนฺติเก ปฺหํ อุคฺคเหตฺวา อาคโต, อิทาเนว นาฏกานํ อนฺตรํ ปวิฏฺโติ เอวํ มํ เถโร ตชฺเชยฺยา’ติ ภเยน เอวมาหา’’ติ. เอตํ ปน โกหฺํ นาม โหติ, น อริยสาวกสฺส เอวรูปํ โกหฺํ นาม โหติ, ตสฺมา มูฬฺหภาเวเนว น สลฺลกฺเขสีติ เวทิตพฺพํ. อุปริ กสฺมา สลฺลกฺเขสีติ? เถโร ตสฺส โสมนสฺสสํเวคํ ชนยิตฺวา ตมํ นีหริ, ตสฺมา สลฺลกฺเขสีติ.
อิทานิ สกฺโก ปุพฺเพ อตฺตโน เอวํ ภูตการณํ เถรสฺส อาโรเจตุํ ภูตปุพฺพนฺติอาทิมาห. ตตฺถ สมุปพฺยูฬฺโหติ สนฺนิปติโต ราสิภูโต. อสุรา ปราชินึสูติ อสุรา ปราชยํ ปาปุณึสุ. กทา ปเนเต ปราชิตาติ? สกฺกสฺส นิพฺพตฺตกาเล. สกฺโก กิร อนนฺตเร อตฺตภาเว มคธรฏฺเ มจลคาเม มโฆ นาม มาณโว อโหสิ, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต, โพธิสตฺตจริยา วิยสฺส จริยา อโหสิ. โส เตตฺตึส ปุริเส คเหตฺวา กลฺยาณมกาสิ. เอกทิวสํ อตฺตโนว ปฺาย อุปปริกฺขิตฺวา คามมชฺเฌ มหาชนสฺส สนฺนิปติตฏฺาเน กจวรํ อุภยโต อปพฺพหิตฺวา ตํ านํ อติรมณียมกาสิ, ปุน ตตฺเถว มณฺฑปํ กาเรสิ, ปุน คจฺฉนฺเต กาเล สาลํ กาเรสิ. คามโต จ นิกฺขมิตฺวา คาวุตมฺปิ อฑฺฒโยชนมฺปิ ติคาวุตมฺปิ โยชนมฺปิ วิจริตฺวา เตหิ สหาเยหิ สทฺธึ วิสมํ สมํ อกาสิ. เต สพฺเพปิ เอกจฺฉนฺทา ตตฺถ ตตฺถ เสตุยุตฺตฏฺาเนสุ เสตุํ, มณฺฑปสาลาโปกฺขรณีมาลาคจฺฉโรปนาทีนํ ยุตฺตฏฺาเนสุ มณฺฑปาทีนิ กโรนฺตา พหุํ ปฺุมกํสุ ¶ . มโฆ สตฺต วตปทานิ ปูเรตฺวา กายสฺส เภทา สทฺธึ สหาเยหิ ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ.
ตสฺมึ ¶ กาเล อสุรคณา ตาวตึสเทวโลเก ปฏิวสนฺติ. สพฺเพ เต เทวานํ สมานายุกา สมานวณฺณา จ โหนฺติ, เต สกฺกํ สปริสํ ทิสฺวา อธุนา นิพฺพตฺตา นวกเทวปุตฺตา อาคตาติ มหาปานํ สชฺชยึสุ. สกฺโก เทวปุตฺตานํ สฺํ ¶ อทาสิ – ‘‘อมฺเหหิ กุสลํ กโรนฺเตหิ น ปเรหิ สทฺธึ สาธารณํ กตํ, ตุมฺเห คณฺฑปานํ มา ปิวิตฺถ ปีตมตฺตเมว กโรถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. พาลอสุรา คณฺฑปานํ ปิวิตฺวา มตฺตา นิทฺทํ โอกฺกมึสุ. สกฺโก เทวานํ สฺํ ทตฺวา เต ปาเทสุ คาหาเปตฺวา สิเนรุปาเท ขิปาเปสิ, สิเนรุสฺส เหฏฺิมตเล อสุรภวนํ นาม อตฺถิ, ตาวตึสเทวโลกปฺปมาณเมว. ตตฺถ อสุรา วสนฺติ. เตสมฺปิ จิตฺตปาฏลิ นาม รุกฺโข อตฺถิ. เต ตสฺส ปุปฺผนกาเล ชานนฺติ – ‘‘นายํ ตาวตึสา, สกฺเกน วฺจิตา มย’’นฺติ. เต คณฺหถ นนฺติ วตฺวา สิเนรุํ ปริหรมานา เทเว วุฏฺเ วมฺมิกปาทโต วมฺมิกมกฺขิกา วิย อภิรุหึสุ. ตตฺถ กาเลน เทวา ชินนฺติ, กาเลน อสุรา. ยทา เทวานํ ชโย โหติ, อสุเร ยาว สมุทฺทปิฏฺา อนุพนฺธนฺติ. ยทา อสุรานํ ชโย โหติ, เทเว ยาว เวทิกปาทา อนุพนฺธนฺติ. ตสฺมึ ปน สงฺคาเม เทวานํ ชโย อโหสิ, เทวา อสุเร ยาว สมุทฺทปิฏฺา อนุพนฺธึสุ. สกฺโก อสุเร ปลาเปตฺวา ปฺจสุ าเนสุ อารกฺขํ เปสิ. เอวํ อารกฺขํ ทตฺวา เวทิกปาเท วชิรหตฺถา อินฺทปฏิมาโย เปสิ. อสุรา กาเลน กาลํ อุฏฺหิตฺวา ตา ปฏิมาโย ทิสฺวา, ‘‘สกฺโก อปฺปมตฺโต ติฏฺตี’’ติ ตโตว นิวตฺตนฺติ. ตโต ปฏินิวตฺติตฺวาติ วิชิตฏฺานโต นิวตฺติตฺวา. ปริจาริกาโยติ มาลาคนฺธาทิกมฺมการิกาโย.
๓๙๓. เวสฺสวโณ จ มหาราชาติ โส กิร สกฺกสฺส วลฺลโภ, พลววิสฺสาสิโก, ตสฺมา สกฺเกน สทฺธึ อคมาสิ. ปุรกฺขตฺวาติ ปุรโต กตฺวา. ปวิสึสูติ ปวิสิตฺวา ปน อุปฑฺฒปิหิตานิ ทฺวารานิ กตฺวา โอโลกยมานา อฏฺํสุ. อิทมฺปิ, มาริส โมคฺคลฺลาน, ปสฺส เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส รามเณยฺยกนฺติ, มาริส โมคฺคลฺลาน, อิทมฺปิ เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส รามเณยฺยกํ ปสฺส, สุวณฺณตฺถมฺเภ ปสฺส, รชตตฺถมฺเภ มณิตฺถมฺเภ ปวาฬตฺถมฺเภ โลหิตงฺคตฺถมฺเภ มสารคลฺลตฺถมฺเภ มุตฺตตฺถมฺเภ สตฺตรตนตฺถมฺเภ, เตสํเยว สุวณฺณาทิมเย ฆฏเก วาฬรูปกานิ จ ปสฺสาติ ¶ เอวํ ถมฺภปนฺติโย อาทึ กตฺวา รามเณยฺยกํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. ยถา ตํ ปุพฺเพกตปฺุสฺสาติ ¶ ยถา ปุพฺเพ กตปฺุสฺส อุปโภคฏฺาเนน โสภิตพฺพํ, เอวเมวํ โสภตีติ อตฺโถ. อติพาฬฺหํ ¶ โข อยํ ยกฺโข ปมตฺโต วิหรตีติ อตฺตโน ปาสาเท นาฏกปริวาเรน สมฺปตฺติยา วเสน อติวิย มตฺโต.
อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสีติ อิทฺธิมกาสิ. อาโปกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา ปาสาทปติฏฺิโตกาสํ อุทกํ โหตูติ อิทฺธึ อธิฏฺาย ปาสาทกณฺณิเก ปาทงฺคุฏฺเกน ปหริ. โส ปาสาโท ยถา นาม อุทกปิฏฺเ ปิตปตฺตํ มุขวฏฺฏิยํ องฺคุลิยา ปหฏํ อปราปรํ กมฺปติ จลติ น สนฺติฏฺติ. เอวเมวํ สํกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, ถมฺภปิฏฺสงฺฆาฏกณฺณิกโคปานสิอาทีนิ กรกราติ สทฺทํ มฺุจนฺตานิ ปติตุํ วิย อารทฺธานิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สงฺกมฺเปสิ สมฺปกมฺเปสิ สมฺปเวเธสี’’ติ. อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตาติ อโห อจฺฉริยํ, อโห อพฺภุตนฺติ เอวํ สฺชาตอจฺฉริยอพฺภุตา เจว สฺชาตตุฏฺิโน จ อเหสุํ อุปฺปนฺนพลวโสมนสฺสา. สํวิคฺคนฺติ อุพฺพิคฺคํ. โลมหฏฺชาตนฺติ ชาตโลมหํสํ, กฺจนภิตฺติยํ ปิตมณินาคทนฺเตหิ วิย อุทฺธคฺเคหิ โลเมหิ อากิณฺณสรีรนฺติ อตฺโถ. โลมหํโส จ นาเมส โสมนสฺเสนปิ โหติ โทมนสฺเสนปิ, อิธ ปน โสมนสฺเสน ชาโต. เถโร หิ สกฺกสฺส โสมนสฺสเวเคน สํเวเชตุํ ตํ ปาฏิหาริยมกาสิ. ตสฺมา โสมนสฺสเวเคน สํวิคฺคโลมหฏฺํ วิทิตฺวาติ อตฺโถ.
๓๙๔. อิธาหํ, มาริสาติ อิทานิสฺส ยสฺมา เถเรน โสมนสฺสสํเวคํ ชนยิตฺวา ตมํ วิโนทิตํ, ตสฺมา สลฺลกฺเขตฺวา เอวมาห. เอโส นุ เต, มาริส, โส ภควา สตฺถาติ, มาริส, ตฺวํ กุหึ คโตสีติ วุตฺเต มยฺหํ สตฺถุ สนฺติกนฺติ วเทสิ, อิมสฺมึ เทวโลเก เอกปาทเกน วิย ติฏฺสิ, ยํ ตฺวํ เอวํ วเทสิ, เอโส นุ เต, มาริส, โส ภควา สตฺถาติ ปุจฺฉึสุ. สพฺรหฺมจารี เม เอโสติ เอตฺถ กิฺจาปิ เถโร อนคาริโย อภินีหารสมฺปนฺโน อคฺคสาวโก, สกฺโก อคาริโย, มคฺคพฺรหฺมจริยวเสน ปเนเต สพฺรหฺมจาริโน โหนฺติ, ตสฺมา เอวมาห. อโห ¶ นูน เต โส ภควา สตฺถาติ สพฺรหฺมจารี ตาว เต เอวํมหิทฺธิโก, โส ปน เต ภควา สตฺถา อโห นูน มหิทฺธิโกติ สตฺถุ อิทฺธิปาฏิหาริยทสฺสเน ชาตาภิลาปา หุตฺวา เอวมาหํสุ.
๓๙๕. าตฺตรสฺสาติ ¶ ปฺาตฺตรสฺส, สกฺโก หิ ปฺาตานํ อฺตโร. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว, เทสนํ ปน ภควา ยถานุสนฺธินาว นิฏฺาเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา
๓๙๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตํ. ตตฺถ ทิฏฺิคตนฺติ อลคทฺทูปมสุตฺเต ลทฺธิมตฺตํ ทิฏฺิคตนฺติ วุตฺตํ, อิธ สสฺสตทิฏฺิ. โส จ ภิกฺขุ พหุสฺสุโต, อยํ อปฺปสฺสุโต, ชาตกภาณโก ภควนฺตํ ชาตกํ กเถตฺวา, ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, เตน สมเยน เวสฺสนฺตโร อโหสึ, มโหสโธ, วิธุรปณฺฑิโต, เสนกปณฺฑิโต, มหาชนโก ราชา อโหสิ’’นฺติ สโมธาเนนฺตํ สุณาติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม รูปเวทนาสฺาสงฺขารา ตตฺถ ตตฺเถว นิรุชฺฌนฺติ, วิฺาณํ ปน อิธโลกโต ปรโลกํ, ปรโลกโต อิมํ โลกํ สนฺธาวติ สํสรตี’’ติ สสฺสตทสฺสนํ อุปฺปนฺนํ. เตนาห – ‘‘ตเทวิทํ วิฺาณํ สนฺธาวติ สํสรติ อนฺ’’นฺติ.
สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปน, ‘‘วิฺาณํ ปจฺจยสมฺภวํ, สติ ปจฺจเย อุปฺปชฺชติ, วินา ปจฺจยํ นตฺถิ วิฺาณสฺส สมฺภโว’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา อยํ ภิกฺขุ พุทฺเธน อกถิตํ กเถติ, ชินจกฺเก ปหารํ เทติ, เวสารชฺชาณํ ปฏิพาหติ, โสตุกามํ ชนํ วิสํวาเทติ, อริยปเถ ติริยํ นิปติตฺวา มหาชนสฺส อหิตาย ทุกฺขาย ปฏิปนฺโน. ยถา นาม รฺโ รชฺเช มหาโจโร อุปฺปชฺชมาโน มหาชนสฺส อหิตาย ทุกฺขาย อุปฺปชฺชติ, เอวํ ชินสาสเน โจโร ¶ หุตฺวา มหาชนสฺส อหิตาย ทุกฺขาย อุปฺปนฺโนติ เวทิตพฺโพ. สมฺพหุลา ภิกฺขูติ ชนปทวาสิโน ปิณฺฑปาติกภิกฺขู. เตนุปสงฺกมึสูติ อยํ ปริสํ ลภิตฺวา สาสนมฺปิ อนฺตรธาเปยฺย, ยาว ปกฺขํ น ลภติ, ตาวเทว นํ ทิฏฺิคตา วิเวเจมาติ สุตสุตฏฺานโตเยว อฏฺตฺวา อนิสีทิตฺวา อุปสงฺกมึสุ.
๓๙๘. กตมํ ตํ สาติ วิฺาณนฺติ สาติ ยํ ตฺวํ วิฺาณํ สนฺธาย วเทสิ, กตมํ ตํ วิฺาณนฺติ? ยฺวายํ, ภนฺเต, วโท เวเทยฺโย ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปฏิสํเวเทตีติ, ภนฺเต, โย อยํ วทติ เวทยติ, โย จายํ ตหึ ตหึ กุสลากุสลกมฺมานํ วิปากํ ปจฺจนุโภติ. อิทํ, ภนฺเต, วิฺาณํ, ยมหํ สนฺธาย วเทมีติ ¶ . กสฺส นุ โข นามาติ ¶ กสฺส ขตฺติยสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา เวสฺสสุทฺทคหฏฺปพฺพชิตเทวมนุสฺสานํ วา อฺตรสฺส.
๓๙๙. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสีติ กสฺมา อามนฺเตสิ? สาติสฺส กิร เอวํ อโหสิ – ‘‘สตฺถา มํ ‘โมฆปุริโส’ติ วทติ, น จ โมฆปุริโสติ วุตฺตมตฺเตเนว มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย น โหติ. อุปเสนมฺปิ หิ วงฺคนฺตปุตฺตํ, ‘อติลหุํ โข ตฺวํ โมฆปุริส พาหุลฺลาย อาวตฺโต’ติ (มหาว. ๗๕) ภควา โมฆปุริสวาเทน โอวทิ. เถโร อปรภาเค ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ฉ อภิฺา สจฺฉากาสิ. อหมฺปิ ตถารูปํ วีริยํ ปคฺคณฺหิตฺวา มคฺคผลานิ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ. อถสฺส ภควา ฉินฺนปจฺจโย อยํ สาสเน อวิรุฬฺหธมฺโมติ ทสฺเสนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ. อุสฺมีกโตติอาทิ เหฏฺา วุตฺตาธิปฺปายเมว. อถ โข ภควาติ อยมฺปิ ปาฏิเยกฺโก อนุสนฺธิ. สาติสฺส กิร เอตทโหสิ – ‘‘ภควา มยฺหํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสโย นตฺถีติ วทติ, กึ สกฺกา อุปนิสฺสเย อสติ กาตุํ? น หิ ตถาคตา สอุปนิสฺสยสฺเสว ธมฺมํ เทเสนฺติ, ยสฺส กสฺสจิ เทเสนฺติเยว. อหํ พุทฺธสฺส สนฺติกา สุคโตวาทํ ลภิตฺวา สคฺคสมฺปตฺตูปคํ กุสลํ กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส ภควา, ‘‘นาหํ, โมฆปุริส, ตุยฺหํ โอวาทํ วา อนุสาสนึ วา เทมี’’ติ สุคโตวาทํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภนฺโต อิมํ เทสนํ อารภิ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิทานิ ปริสาย ¶ ลทฺธึ โสเธนฺโต, ‘‘อิธาหํ ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉิสฺสามี’’ติอาทิมาห. ตํ สพฺพมฺปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๔๐๐. อิทานิ วิฺาณสฺส สปฺปจฺจยภาวํ ทสฺเสตุํ ยํ ยเทว, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ มนฺจ ปฏิจฺจ ธมฺเม จาติ สหาวชฺชเนน ภวงฺคมนฺจ เตภูมกธมฺเม จ ปฏิจฺจ. กฏฺฺจ ปฏิจฺจาติอาทิ โอปมฺมนิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เตน กึ ทีเปติ? ทฺวารสงฺกนฺติยา อภาวํ. ยถา หิ กฏฺํ ปฏิจฺจ ชลมาโน อคฺคิ อุปาทานปจฺจเย สติเยว ชลติ, ตสฺมึ อสติ ปจฺจยเวกลฺเลน ตตฺเถว ¶ วูปสมฺมติ, น สกลิกาทีนิ สงฺกมิตฺวา สกลิกคฺคีติอาทิสงฺขฺยํ คจฺฉติ, เอวเมว จกฺขฺุจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปนฺนํ วิฺาณํ ตสฺมึ ทฺวาเร จกฺขุรูปอาโลกมนสิการสงฺขาเต ปจฺจยมฺหิ สติเยว อุปฺปชฺชติ, ตสฺมึ อสติ ปจฺจยเวกลฺเลน ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, น โสตาทีนิ สงฺกมิตฺวา โสตวิฺาณนฺติอาทิสงฺขฺยํ คจฺฉติ ¶ . เอส นโย สพฺพวาเรสุ. อิติ ภควา นาหํ วิฺาณปฺปวตฺเต ทฺวารสงฺกนฺติมตฺตมฺปิ วทามิ, อยํ ปน สาติ โมฆปุริโส ภวสงฺกนฺตึ วทตีติ สาตึ นิคฺคเหสิ.
๔๐๑. เอวํ วิฺาณสฺส สปฺปจฺจยภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปน ปฺจนฺนมฺปิ ขนฺธานํ สปฺปจฺจยภาวํ ทสฺเสนฺโต, ภูตมิทนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ภูตมิทนฺติ อิทํ ขนฺธปฺจกํ ชาตํ ภูตํ นิพฺพตฺตํ, ตุมฺเหปิ ตํ ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, ปสฺสถาติ. ตทาหารสมฺภวนฺติ ตํ ปเนตํ ขนฺธปฺจกํ อาหารสมฺภวํ ปจฺจยสมฺภวํ, สติ ปจฺจเย อุปฺปชฺชติ เอวํ ปสฺสถาติ ปุจฺฉติ. ตทาหารนิโรธาติ ตสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา. ภูตมิทํ โนสฺสูติ ภูตํ นุ โข อิทํ, น นุ โข ภูตนฺติ. ตทาหารสมฺภวํ โนสฺสูติ ตํ ภูตํ ขนฺธปฺจกํ ปจฺจยสมฺภวํ นุ โข, น นุ โขติ. ตทาหารนิโรธาติ ตสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา. นิโรธธมฺมํ โนสฺสูติ ตํ ธมฺมํ นิโรธธมฺมํ นุ โข, น นุ โขติ. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโตติ อิทํ ขนฺธปฺจกํ ชาตํ ภูตํ นิพฺพตฺตนฺติ ยาถาวสรสลกฺขณโต วิปสฺสนาปฺาย สมฺมา ปสฺสนฺตสฺส. ปฺาย สุทิฏฺนฺติ วุตฺตนเยเนว วิปสฺสนาปฺาย สุฏฺุ ทิฏฺํ. เอวํ เย เย ตํ ปุจฺฉํ สลฺลกฺเขสุํ, เตสํ เตสํ ปฏิฺํ คณฺหนฺโต ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ สปฺปจฺจยภาวํ ทสฺเสติ.
อิทานิ ยาย ปฺาย เตหิ ตํ สปฺปจฺจยํ สนิโรธํ ขนฺธปฺจกํ สุทิฏฺํ, ตตฺถ นิตฺตณฺหภาวํ ปุจฺฉนฺโต อิมํ เจ ตุมฺเหติอาทิมาห. ตตฺถ ทิฏฺินฺติ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺึ ¶ . สภาวทสฺสเนน ปริสุทฺธํ. ปจฺจยทสฺสเนน ปริโยทาตํ. อลฺลีเยถาติ ตณฺหาทิฏฺีหิ อลฺลียิตฺวา วิหเรยฺยาถ. เกลาเยถาติ ตณฺหาทิฏฺีหิ กีฬมานา วิหเรยฺยาถ ¶ . ธนาเยถาติ ธนํ วิย อิจฺฉนฺตา เคธํ อาปชฺเชยฺยาถ. มมาเยถาติ ตณฺหาทิฏฺีหิ มมตฺตํ อุปฺปาเทยฺยาถ. นิตฺถรณตฺถาย โน คหณตฺถายาติ โย โส มยา จตุโรฆนิตฺถรณตฺถาย กุลฺลูปโม ธมฺโม เทสิโต, โน นิกนฺติวเสน คหณตฺถาย. อปิ นุ ตํ ตุมฺเห อาชาเนยฺยาถาติ. วิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
๔๐๒. อิทานิ เตสํ ขนฺธานํ ปจฺจยํ ทสฺเสนฺโต, จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหาราติอาทิมาห, ตมฺปิ วุตฺตตฺถเมว. ยถา ปน เอโก อิมํ ชานาสีติ วุตฺโต, ‘‘น เกวลํ อิมํ, มาตรมฺปิสฺส ชานามิ, มาตุ มาตรมฺปี’’ติ เอวํ ปเวณิวเสน ชานนฺโต สุฏฺุ ชานาติ นาม. เอวเมวํ ภควา น เกวลํ ขนฺธมตฺตเมว ชานาติ, ขนฺธานํ ปจฺจยมฺปิ เตสมฺปิ ปจฺจยานํ ¶ ปจฺจยนฺติ เอวํ สพฺพปจฺจยปรมฺปรํ ชานาติ. โส ตํ, พุทฺธพลํ ทีเปนฺโต อิทานิ ปจฺจยปรมฺปรํ ทสฺเสตุํ, อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อาหาราติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมว. อิติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตีติ เอตฺถ ปน ปฏิจฺจสมุปฺปาทกถา วิตฺถาเรตพฺพา ภเวยฺย, สา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตาว.
๔๐๔. อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ โหติ. อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ อุปฺปชฺชติ, เตเนวาห – ‘‘ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… สมุทโย โหตี’’ติ. เอวํ วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต, อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธาติอาทิมาห. ตตฺถ อวิชฺชาย ตฺเววาติ อวิชฺชาย เอว ตุ. อเสสวิราคนิโรธาติ วิราคสงฺขาเตน มคฺเคน อเสสนิโรธา อนุปฺปาทนิโรธา. สงฺขารนิโรโธติ สงฺขารานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ, เอวํ นิรุทฺธานํ ปน สงฺขารานํ นิโรธา วิฺาณนิโรโธ โหติ, วิฺาณาทีนฺจ นิโรธา นามรูปาทีนิ นิรุทฺธานิเยว โหนฺตีติ ทสฺเสตุํ สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธติอาทึ วตฺวา เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ ¶ โหตีติ วุตฺตํ. ตตฺถ เกวลสฺสาติ สกลสฺส, สุทฺธสฺส วา, สตฺตวิรหิตสฺสาติ อตฺโถ. ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ¶ ทุกฺขราสิสฺส. นิโรโธ โหตีติ อนุปฺปาโท โหติ.
๔๐๖. อิมสฺมึ อสตีติอาทิ วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺพํ.
๔๐๗. เอวํ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กเถตฺวา อิทานิ อิมํ ทฺวาทสงฺคปจฺจยวฏฺฏํ สห วิปสฺสนาย มคฺเคน ชานนฺตสฺส ยา ปฏิธาวนา ปหียติ, ตสฺสา อภาวํ ปุจฺฉนฺโต อปิ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ เอวํ ชานนฺตาติ เอวํ สหวิปสฺสนาย มคฺเคน ชานนฺตา. เอวํ ปสฺสนฺตาติ ตสฺเสว เววจนํ. ปุพฺพนฺตนฺติ ปุริมโกฏฺาสํ, อตีตขนฺธธาตุอายตนานีติ อตฺโถ. ปฏิธาเวยฺยาถาติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน ปฏิธาเวยฺยาถ. เสสํ สพฺพาสวสุตฺเต วิตฺถาริตเมว.
อิทานิ เนสํ ตตฺถ นิจฺจลภาวํ ปุจฺฉนฺโต, อปิ นุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ชานนฺตา เอวํ ปสฺสนฺตา เอวํ วเทยฺยาถ, สตฺถา โน ครูติอาทิมาห. ตตฺถ ครูติ ภาริโก อกามา อนุวตฺติตพฺโพ ¶ . สมโณติ พุทฺธสมโณ. อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺยาถาติ อยํ สตฺถา อมฺหากํ กิจฺจํ สาเธตุํ น สกฺโกตีติ อปิ นุ เอวํสฺิโน หุตฺวา อฺํ พาหิรกํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺยาถ. ปุถุสมณพฺราหฺมณานนฺติ เอวํสฺิโน หุตฺวา ปุถูนํ ติตฺถิยสมณานํ เจว พฺราหฺมณานฺจ. วตโกตูหลมงฺคลานีติ วตสมาทานานิ จ ทิฏฺิกุตูหลานิ จ ทิฏฺสุตมุตมงฺคลานิ จ. ตานิ สารโต ปจฺจาคจฺเฉยฺยาถาติ เอตานิ สารนฺติ เอวํสฺิโน หุตฺวา ปฏิอาคจฺเฉยฺยาถ. เอวํ นิสฺสฏฺานิ จ ปุน คณฺเหยฺยาถาติ อตฺโถ. สามํ าตนฺติ สยํ าเณน าตํ. สามํ ทิฏฺนฺติ สยํ ปฺาจกฺขุนา ทิฏฺํ. สามํ วิทิตนฺติ สยํ วิภาวิตํ ปากฏํ กตํ. อุปนีตา โข เม ตุมฺเหติ มยา, ภิกฺขเว, ตุมฺเห อิมินา สนฺทิฏฺิกาทิสภาเวน ธมฺเมน นิพฺพานํ อุปนีตา, ปาปิตาติ อตฺโถ. สนฺทิฏฺิโกติอาทีนมตฺโถ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริโต. อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺตนฺติ เอตํ วจนมิทํ ตุมฺเหหิ สามํ าตาทิภาวํ ปฏิจฺจ วุตฺตํ.
๔๐๘. ติณฺณํ โข ปน, ภิกฺขเวติ กสฺมา อารภิ? นนุ เหฏฺา วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน เทสนา มตฺถกํ ปาปิตาติ? อาม ปาปิตา. อยํ ปน ปาฏิเอกฺโก อนุสนฺธิ ¶ , ‘‘อยฺหิ โลกสนฺนิวาโส ปฏิสนฺธิสมฺมูฬฺโห, ตสฺส สมฺโมหฏฺานํ ¶ วิทฺธํเสตฺวา ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ อิมํ เทสนํ อารภิ. อปิจ วฏฺฏมูลํ อวิชฺชา, วิวฏฺฏมูลํ พุทฺธุปฺปาโท, อิติ วฏฺฏมูลํ อวิชฺชํ วิวฏฺฏมูลฺจ พุทฺธุปฺปาทํ ทสฺเสตฺวาปิ, ‘‘ปุน เอกวารํ วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน เทสนํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ สนฺนิปาตาติ สโมธาเนน ปิณฺฑภาเวน. คพฺภสฺสาติ คพฺเภ นิพฺพตฺตนกสตฺตสฺส. อวกฺกนฺติ โหตีติ นิพฺพตฺติ โหติ. กตฺถจิ หิ คพฺโภติ มาตุกุจฺฉิ วุตฺโต. ยถาห –
‘‘ยเมกรตฺตึ ปมํ, คพฺเภ วสติ มาณโว;
อพฺภุฏฺิโตว โส ยาติ, ส คจฺฉํ น นิวตฺตตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓);
กตฺถจิ คพฺเภ นิพฺพตฺตนสตฺโต. ยถาห – ‘‘ยถา โข, ปนานนฺท, อฺา อิตฺถิกา นว วา ทส วา มาเส คพฺภํ กุจฺฉินา ปริหริตฺวา วิชายนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๕). อิธ สตฺโต อธิปฺเปโต, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’’ติ.
อิธาติ ¶ อิมสฺมึ สตฺตโลเก. มาตา จ อุตุนี โหตีติ อิทํ อุตุสมยํ สนฺธาย วุตฺตํ. มาตุคามสฺส กิร ยสฺมึ โอกาเส ทารโก นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ มหตี โลหิตปีฬกา สณฺหิตฺวา ภิชฺชิตฺวา ปคฺฆรติ, วตฺถุ สุทฺธํ โหติ, สุทฺเธ วตฺถุมฺหิ มาตาปิตูสุ เอกวารํ สนฺนิปติเตสุ ยาว สตฺต ทิวสานิ เขตฺตเมว โหติ. ตสฺมึ สมเย หตฺถคฺคาหเวณิคฺคาหาทินา องฺคปรามสเนนปิ ทารโก นิพฺพตฺตติเยว. คนฺธพฺโพติ ตตฺรูปคสตฺโต. ปจฺจุปฏฺิโต โหตีติ น มาตาปิตูนํ สนฺนิปาตํ โอโลกยมาโน สมีเป ิโต ปจฺจุปฏฺิโต นาม โหติ. กมฺมยนฺตยนฺติโต ปน เอโก สตฺโต ตสฺมึ โอกาเส นิพฺพตฺตนโก โหตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. สํสเยนาติ ‘‘อโรโค นุ โข ภวิสฺสามิ อหํ วา, ปุตฺโต วา เม’’ติ เอวํ มหนฺเตน ชีวิตสํสเยน. โลหิตฺเหตํ, ภิกฺขเวติ ตทา กิร มาตุโลหิตํ ตํ านํ สมฺปตฺตํ ปุตฺตสิเนเหน ปณฺฑรํ โหติ. ตสฺมา เอวมาห. วงฺกกนฺติ คามทารกานํ กีฬนกํ ขุทฺทกนงฺคลํ. ฆฏิกา วุจฺจติ ทีฆทณฺเฑน รสฺสทณฺฑกํ ปหรณกีฬา. โมกฺขจิกนฺติ สมฺปริวตฺตกกีฬา, อากาเส วา ทณฺฑกํ คเหตฺวา ภูมิยํ วา สีสํ เปตฺวา เหฏฺุปริยภาเวน ปริวตฺตนกีฬนนฺติ ¶ วุตฺตํ โหติ. จิงฺคุลกํ วุจฺจติ ตาลปณฺณาทีหิ กตํ วาตปฺปหาเรน ปริพฺภมนจกฺกํ ¶ . ปตฺตาฬฺหกํ วุจฺจติ ปณฺณนาฬิกา, ตาย วาลิกาทีนิ มินนฺตา กีฬนฺติ. รถกนฺติ ขุทฺทกรถํ. ธนุกมฺปิ ขุทฺทกธนุเมว.
๔๐๙. สารชฺชตีติ ราคํ อุปฺปาเทติ. พฺยาปชฺชตีติ พฺยาปาทํ อุปฺปาเทติ. อนุปฏฺิตกายสตีติ กาเย สติ กายสติ, ตํ อนุปฏฺเปตฺวาติ อตฺโถ. ปริตฺตเจตโสติ อกุสลจิตฺโต. ยตฺถสฺส เต ปาปกาติ ยสฺสํ ผลสมาปตฺติยํ เอเต นิรุชฺฌนฺติ, ตํ น ชานาติ นาธิคจฺฉตีติ อตฺโถ. อนุโรธวิโรธนฺติ ราคฺเจว โทสฺจ. อภินนฺทตีติ ตณฺหาวเสน อภินนฺทติ, ตณฺหาวเสเนว อโห สุขนฺติอาทีนิ วทนฺโต อภิวทติ. อชฺโฌสาย ติฏฺตีติ ตณฺหาอชฺโฌสานคหเณน คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา คณฺหาติ. สุขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา อภินนฺทตุ, ทุกฺขํ กถํ อภินนฺทตีติ? ‘‘อหํ ทุกฺขิโต มม ทุกฺข’’นฺติ คณฺหนฺโต อภินนฺทติ นาม. อุปฺปชฺชติ นนฺทีติ ตณฺหา อุปฺปชฺชติ. ตทุปาทานนฺติ สาว ตณฺหา คหณฏฺเน อุปาทานํ นาม. ตสฺส อุปาทานปจฺจยา ภโว…เป… สมุทโย โหตีติ, อิทฺหิ ภควตา ปุน เอกวารํ ทฺวิสนฺธิ ติสงฺเขปํ ปจฺจยาการวฏฺฏํ ทสฺสิตํ.
๔๑๐-๔. อิทานิ ¶ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ อิธ, ภิกฺขเว, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตีติอาทิมาห. ตตฺถ อปฺปมาณเจตโสติ อปฺปมาณํ โลกุตฺตรํ เจโต อสฺสาติ อปฺปมาณเจตโส, มคฺคจิตฺตสมงฺคีติ อตฺโถ. อิมํ โข เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, สํขิตฺเตน ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ ธาเรถาติ, ภิกฺขเว, อิมํ สํขิตฺเตน เทสิตํ มยฺหํ, ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติเทสนํ ตุมฺเห นิจฺจกาลํ ธาเรยฺยาถ มา ปมชฺเชยฺยาถ. เทสนา หิ เอตฺถ วิมุตฺติปฏิลาภเหตุโต วิมุตฺตีติ วุตฺตา. มหาตณฺหาชาลตณฺหาสงฺฆาฏปฏิมุกฺกนฺติ ตณฺหาว สํสิพฺพิตฏฺเน มหาตณฺหาชาลํ, สงฺฆฏิตฏฺเน สงฺฆาฏนฺติ วุจฺจติ; อิติ อิมสฺมึ มหาตณฺหาชาเล ตณฺหาสงฺฆาเฏ จ อิมํ สาตึ ภิกฺขุํ เกวฏฺฏปุตฺตํ ปฏิมุกฺกํ ธาเรถ. อนุปวิฏฺโ อนฺโตคโธติ นํ ธาเรถาติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. มหาอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนา
๔๑๕. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มหาอสฺสปุรสุตฺตํ. ตตฺถ องฺเคสูติ องฺคา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺเทน ‘‘องฺคา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมึ องฺเคสุ ชนปเท. อสฺสปุรํ นาม องฺคานํ นิคโมติ อสฺสปุรนฺติ นครนาเมน ลทฺธโวหาโร องฺคานํ ชนปทสฺส เอโก นิคโม, ตํ โคจรคามํ กตฺวา วิหรตีติ อตฺโถ. ภควา เอตทโวจาติ เอตํ ‘‘สมณา สมณาติ โว, ภิกฺขเว, ชโน สฺชานาตี’’ติอาทิวจนมโวจ.
กสฺมา ปน เอวํ อโวจาติ. ตสฺมึ กิร นิคเม มนุสฺสา สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธมามกา ธมฺมมามกา สงฺฆมามกา, ตทหุปพฺพชิตสามเณรมฺปิ วสฺสสติกตฺเถรสทิสํ กตฺวา ปสํสนฺติ; ปุพฺพณฺหสมยํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทิสฺวา พีชนงฺคลาทีนิ คเหตฺวา เขตฺตํ คจฺฉนฺตาปิ, ผรสุอาทีนิ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสนฺตาปิ ตานิ อุปกรณานิ นิกฺขิปิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสีทนฏฺานํ อาสนสาลํ วา มณฺฑปํ วา รุกฺขมูลํ วา สมฺมชฺชิตฺวา อาสนานิ ปฺเปตฺวา อรชปานียํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกาทีนิ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุยฺโยเชตฺวา ตโต ตานิ อุปกรณานิ อาทาย เขตฺตํ วา อรฺํ วา คนฺตฺวา อตฺตโน กมฺมานิ กโรนฺติ, กมฺมนฺตฏฺาเนปิ เนสํ อฺา กถา นาม นตฺถิ. จตฺตาโร มคฺคฏฺา จตฺตาโร ผลฏฺาติ อฏฺ ปุคฺคลา อริยสงฺโฆ นาม; เต ‘‘เอวรูเปน สีเลน, เอวรูเปน อาจาเรน, เอวรูปาย ปฏิปตฺติยา สมนฺนาคตา ลชฺชิโน เปสลา อุฬารคุณา’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺเสว วณฺณํ กเถนฺติ. กมฺมนฺตฏฺานโต อาคนฺตฺวา ภุตฺตสายมาสา ฆรทฺวาเร นิสินฺนาปิ, สยนิฆรํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนาปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺเสว วณฺณํ กเถนฺติ. ภควา เตสํ มนุสฺสานํ นิปจฺจการํ ทิสฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ ปิณฺฑปาตาปจายเน นิโยเชตฺวา เอตทโวจ.
เย ธมฺมา สมณกรณา จ พฺราหฺมณกรณา จาติ เย ธมฺมา สมาทาย ปริปูริตา สมิตปาปสมณฺจ ¶ พาหิตปาปพฺราหฺมณฺจ กโรนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, สมณสฺส สมณิยานิ สมณกรณียานิ ¶ . กตมานิ ตีณิ? อธิสีลสิกฺขาสมาทานํ, อธิจิตฺตสิกฺขาสมาทานํ ¶ , อธิปฺาสิกฺขาสมาทาน’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๘๒) เอตฺถ ปน สมเณน กตฺตพฺพธมฺมา วุตฺตา. เตปิ จ สมณกรณา โหนฺติเยว. อิธ ปน หิโรตฺตปฺปาทิวเสน เทสนา วิตฺถาริตา. เอวํ โน อยํ อมฺหากนฺติ เอตฺถ โนติ นิปาตมตฺตํ. เอวํ อยํ อมฺหากนฺติ อตฺโถ. มหปฺผลา มหานิสํสาติ อุภยมฺปิ อตฺถโต เอกเมว. อวฺฌาติ อโมฆา. สผลาติ อยํ ตสฺเสว อตฺโถ. ยสฺสา หิ ผลํ นตฺถิ, สา วฺฌา นาม โหติ. สอุทฺรยาติ สวฑฺฒิ, อิทํ สผลตาย เววจนํ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพนฺติ, ภิกฺขเว, เอวํ ตุมฺเหหิ สิกฺขิตพฺพํ. อิติ ภควา อิมินา เอตฺตเกน าเนน หิโรตฺตปฺปาทีนํ ธมฺมานํ วณฺณํ กเถสิ. กสฺมา? วจนปถปจฺฉินฺทนตฺถํ. สเจ หิ โกจิ อจิรปพฺพชิโต พาลภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ‘‘ภควา หิโรตฺตปฺปาทิธมฺเม สมาทาย วตฺตถาติ วทติ, โก นุ โข เตสํ สมาทาย วตฺตเน อานิสํโส’’ติ? ตสฺส วจนปถปจฺฉินฺทนตฺถํ. อยฺจ อานิสํโส, อิเม หิ ธมฺมา สมาทาย ปริปูริตา สมิตปาปสมณํ นาม พาหิตปาปพฺราหฺมณํ นาม กโรนฺติ, จตุปจฺจยลาภํ อุปฺปาเทนฺติ, ปจฺจยทายกานํ มหปฺผลตํ สมฺปาเทนฺติ, ปพฺพชฺชํ อวฺฌํ สผลํ สอุทฺรยํ กโรนฺตีติ วณฺณํ อภาสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปน วณฺณกถา สติปฏฺาเน (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
๔๑๖. หิโรตฺตปฺเปนาติ ‘‘ยํ หิรียติ หิรียิตพฺเพน, โอตฺตปฺปติ โอตฺตปฺปิตพฺเพนา’’ติ (ธ. ส. ๑๓๓๑) เอวํ วิตฺถาริตาย หิริยา เจว โอตฺตปฺเปน จ. อปิเจตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานา หิรี, พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ. อตฺตาธิปเตยฺยา หิรี, โลกาธิปเตยฺยํ โอตฺตปฺปํ. ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺปํ, วิตฺถารกถา ปเนตฺถ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา. อปิจ อิเม ทฺเว ธมฺมา โลกํ ปาลนโต โลกปาลธมฺมา นามาติ กถิตา. ยถาห – ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, สุกฺกา ธมฺมา โลกํ ปาเลนฺติ. กตเม ทฺเว? หิรี จ โอตฺตปฺปฺจ ¶ . อิเม โข, ภิกฺขเว, ทฺเว สุกฺกา ธมฺมา โลกํ ปาเลนฺติ. อิเม จ โข, ภิกฺขเว, ทฺเว สุกฺกา ธมฺมา โลกํ น ปาเลยฺยุํ, นยิธ ปฺาเยถ, ‘มาตา’ติ วา, ‘มาตุจฺฉา’ติ วา, ‘มาตุลานี’ติ วา, ‘อาจริยภริยา’ติ วา, ‘ครูนํ ทารา’ติ วา, สมฺเภทํ ¶ โลโก อคมิสฺส, ยถา อเชฬกา กุกฺกุฏสูกรา โสณสิงฺคาลา’’ติ (อ. นิ. ๒.๙). อิเมเยว ชาตเก ‘‘เทวธมฺมา’’ติ กถิตา. ยถาห –
‘‘หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา ¶ , สุกฺกธมฺมสมาหิตา;
สนฺโต สปฺปุริสา โลเก, เทวธมฺมาติ วุจฺจเร’’ติ. (ชา. ๑.๑.๖);
มหาจุนฺทตฺเถรสฺส ปน กิเลสสลฺเลขนปฏิปทาติ กตฺวา ทสฺสิตา. ยถาห – ‘‘ปเร อหิริกา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ หิริมนา ภวิสฺสามาติ สลฺเลโข กรณีโย. ปเร อโนตฺตาปี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ โอตฺตาปี ภวิสฺสามาติ สลฺเลโข กรณีโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๓). อิเมว มหากสฺสปตฺเถรสฺส โอวาทูปสมฺปทาติ กตฺวา ทสฺสิตา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ตสฺมา ติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ, ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสูติ. เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔). อิธ ปเนเต สมณธมฺมา นามาติ ทสฺสิตา.
ยสฺมา ปน เอตฺตาวตา สามฺตฺโถ มตฺถกํ ปตฺโต นาม โหติ, ตสฺมา อปเรปิ สมณกรณธมฺเม ทสฺเสตุํ สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากนฺติอาทิมาห. ตตฺถ สามฺตฺโถติ สํยุตฺตเก ตาว, ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, สามฺํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สามฺํ. กตโม จ, ภิกฺขเว, สามฺตฺโถ? โย, ภิกฺขเว, ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สามฺตฺโถ’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๖) มคฺโค ‘‘สามฺ’’นฺติ, ผลนิพฺพานานิ ‘‘สามฺตฺโถ’’ติ วุตฺตานิ. อิมสฺมึ ปน าเน มคฺคมฺปิ ผลมฺปิ เอกโต กตฺวา สามฺตฺโถ กถิโตติ เวทิตพฺโพ. อาโรจยามีติ กเถมิ. ปฏิเวทยามีติ ชานาเปมิ.
๔๑๗. ปริสุทฺโธ โน กายสมาจาโรติ เอตฺถ กายสมาจาโร ปริสุทฺโธ อปริสุทฺโธติ ทุวิโธ. โย หิ ภิกฺขุ ปาณํ ¶ หนติ อทินฺนํ อาทิยติ, กาเมสุ มิจฺฉา จรติ, ตสฺส กายสมาจาโร อปริสุทฺโธ นาม, อยํ ปน กมฺมปถวเสเนว วาริโต. โย ปน ปาณินา วา เลฑฺฑุนา ¶ วา ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา ปรํ โปเถติ วิเหเติ, ตสฺส กายสมาจาโร ¶ อปริสุทฺโธ นาม, อยมฺปิ สิกฺขาปทพทฺเธเนว ปฏิกฺขิตฺโต. อิมสฺมึ สุตฺเต อุภยมฺเปตํ อกเถตฺวา ปรมสลฺเลโข นาม กถิโต. โย หิ ภิกฺขุ ปานียฆเฏ วา ปานียํ ปิวนฺตานํ, ปตฺเต วา ภตฺตํ ภฺุชนฺตานํ กากานํ นิวารณวเสน หตฺถํ วา ทณฺฑํ วา เลฑฺฑุํ วา อุคฺคิรติ, ตสฺส กายสมาจาโร อปริสุทฺโธ. วิปรีโต ปริสุทฺโธ นาม. อุตฺตาโนติ อุคฺคโต ปากโฏ. วิวโฏติ อนาวโฏ อสฺฉนฺโน. อุภเยนาปิ ปริสุทฺธตํเยว ทีเปติ. น จ ฉิทฺทวาติ สทา เอกสทิโส อนฺตรนฺตเร ฉิทฺทรหิโต. สํวุโตติ กิเลสานํ ทฺวาร ปิทหเนน ปิทหิโต, น วชฺชปฏิจฺฉาทนตฺถาย.
๔๑๘. วจีสมาจาเรปิ โย ภิกฺขุ มุสา วทติ, ปิสุณํ กเถติ, ผรุสํ ภาสติ, สมฺผํ ปลปติ, ตสฺส วจีสมาจาโร อปริสุทฺโธ นาม. อยํ ปน กมฺมปถวเสน วาริโต. โย ปน คหปติกาติ วา ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา อาทีหิ ขุํเสนฺโต วทติ, ตสฺส วจีสมาจาโร อปริสุทฺโธ นาม. อยํ ปน สิกฺขาปทพทฺเธเนว ปฏิกฺขิตฺโต. อิมสฺมึ สุตฺเต อุภยมฺเปตํ อกเถตฺวา ปรมสลฺเลโข นาม กถิโต. โย หิ ภิกฺขุ ทหเรน วา สามเณเรน วา, ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, อมฺหากํ อุปชฺฌายํ ปสฺสถา’’ติ วุตฺเต, สมฺพหุลา, อาวุโส, ภิกฺขุภิกฺขุนิโย เอกสฺมึ ปเทเส วิจทึสุ, อุปชฺฌาโย เต วิกฺกายิกสากภณฺฑิกํ อุกฺขิปิตฺวา คโต ภวิสฺสตี’’ติอาทินา นเยน หสาธิปฺปาโยปิ เอวรูปํ กถํ กเถติ, ตสฺส วจีสมาจาโร อปริสุทฺโธ. วิปรีโต ปริสุทฺโธ นาม.
๔๑๙. มโนสมาจาเร โย ภิกฺขุ อภิชฺฌาลุ พฺยาปนฺนจิตฺโต มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, ตสฺส มโนสมาจาโร อปริสุทฺโธ นาม. อยํ ปน กมฺมปถวเสเนว วาริโต. โย ปน อุปนิกฺขิตฺตํ ชาตรูปรชตํ สาทิยติ, ตสฺส มโนสมาจาโร อปริสุทฺโธ นาม. อยมฺปิ สิกฺขาปทพทฺเธเนว ปฏิกฺขิตฺโต. อิมสฺมึ สุตฺเต อุภยมฺเปตํ อกเถตฺวา ปรมสลฺเลโข นาม กถิโต. โย ปน ภิกฺขุ กามวิตกฺกํ วา พฺยาปาทวิตกฺกํ ¶ ¶ วา วิหึสาวิตกฺกํ วา วิตกฺเกติ, ตสฺส มโนสมาจาโร อปริสุทฺโธ. วิปรีโต ปริสุทฺโธ นาม.
๔๒๐. อาชีวสฺมึ โย ภิกฺขุ อาชีวเหตุ เวชฺชกมฺมํ ปหิณคมนํ คณฺฑผาลนํ กโรติ, อรุมกฺขนํ เทติ, เตลํ ปจตีติ เอกวีสติอเนสนาวเสน ชีวิกํ กปฺเปติ. โย วา ปน วิฺาเปตฺวา ภฺุชติ, ตสฺส อาชีโว อปริสุทฺโธ นาม. อยํ ปน สิกฺขาปทพทฺเธเนว ปฏิกฺขิตฺโต. อิมสฺมึ สุตฺเต อุภยมฺเปตํ อกเถตฺวา ปรมสลฺเลโข นาม กถิโต. โย หิ ภิกฺขุ สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตาทีนิ ลภิตฺวา, ‘‘สฺเว วา ปุนทิวเส วา ภวิสฺสตี’’ติ ¶ สนฺนิธิการกํ ปริภฺุชติ, โย วา ปน นิมฺพงฺกุราทีนิ ทิสฺวา สามเณเร วทติ – ‘‘อํงฺกุเร ขาทถา’’ติ, สามเณรา เถโร ขาทิตุกาโมติ กปฺปิยํ กตฺวา เทนฺติ, ทหเร ปน สามเณเร วา ปานียํ ปิวถ, อาวุโสติ วทติ, เต เถโร ปานียํ ปิวิตุกาโมติ ปานียสงฺขํ โธวิตฺวา เทนฺติ, ตมฺปิ ปริภฺุชนฺตสฺส อาชีโว อปริสุทฺโธ นาม โหติ. วิปรีโต ปริสุทฺโธ นาม.
๔๒๒. มตฺตฺูติ ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภเคสุ มตฺตฺู, ยุตฺตฺู, ปมาณฺู.
๔๒๓. ชาคริยมนุยุตฺตาติ รตฺตินฺทิวํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา เอกสฺมึ โกฏฺาเส นิทฺทาย โอกาสํ ทตฺวา ปฺจ โกฏฺาเส ชาคริยมฺหิ ยุตฺตา ปยุตฺตา. สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ กามโภคิเสยฺยา, เปตเสยฺยา, สีหเสยฺยา, ตถาคตเสยฺยาติ จตสฺโส เสยฺยา. ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, กามโภคี สตฺตา วาเมน ปสฺเสน เสนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ กามโภคิเสยฺยา, เตสุ หิ เยภุยฺเยน ทกฺขิณปสฺเสน สยาโน นาม นตฺถิ.
‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, เปตา อุตฺตานา เสนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ เปตเสยฺยา, เปตา หิ อปฺปมํสโลหิตตฺตา อฏฺิสงฺฆาตชฏิตา เอเกน ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกนฺติ, อุตฺตานาว เสนฺติ.
‘‘เยภุยฺเยน ¶ , ภิกฺขเว, สีโห มิคราชา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ อนุปกฺขิปิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน เสตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ สีหเสยฺยา. เตชุสฺสทตฺตา หิ สีโห มิคราชา ทฺเว ปุริมปาเท เอกสฺมึ าเน ปจฺฉิมปาเท เอกสฺมึ เปตฺวา นงฺคุฏฺํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทปจฺฉิมปาทนงฺคุฏฺานํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ทฺวินฺนํ ปุริมปาทานํ มตฺถเก สีสํ เปตฺวา สยติ ¶ . ทิวสมฺปิ สยิตฺวา ปพุชฺฌมาโน น อุตฺราสนฺโต ปพุชฺฌติ. สีสํ ปน อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาทานํ ิโตกาสํ สลฺลกฺเขติ. สเจ กิฺจิ านํ วิชหิตฺวา ิตํ โหติ, ‘‘นยิทํ ตุยฺหํ ชาติยา, น สูรภาวสฺส จ อนุรูป’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ตตฺเถว สยติ, น โคจราย ปกฺกมติ. อวิชหิตฺวา ิเต ปน ‘‘ตุยฺหํ ชาติยา สูรภาวสฺส จ อนุรูปมิท’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อุฏฺาย สีหวิชมฺภิตํ วิชมฺภิตฺวา เกสรภารํ วิธุนิตฺวา ¶ ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกมติ. จตุตฺถชฺฌานเสยฺยา ปน ตถาคตเสยฺยาติ วุจฺจติ. ตาสุ อิธ สีหเสยฺยา อาคตา. อยฺหิ เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา นาม. ปาเท ปาทนฺติ ทกฺขิณปาเท วามปาทํ. อจฺจาธายาติ อติอาธาย อีสกํ อติกฺกมฺม เปตฺวา, โคปฺผเกน หิ โคปฺผเก, ชาณุนา วา ชาณุมฺหิ สงฺฆฏฺฏิยมาเน อภิณฺหํ เวทนา อุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น โหติ, เสยฺยา อผาสุกา โหติ. ยถา ปน น สงฺฆฏฺเฏติ, เอวํ อติกฺกมฺม ปิเต เวทนา นุปฺปชฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, เสยฺยา ผาสุกา โหติ, ตสฺมา เอวมาห.
๔๒๕. อภิชฺฌํ โลเกติอาทิ จูฬหตฺถิปเท วิตฺถาริตํ.
๔๒๖. ยา ปนายํ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเวติ อุปมา วุตฺตา. ตตฺถ อิณํ อาทายาติ วฑฺฒิยา ธนํ คเหตฺวา. พฺยนฺตี กเรยฺยาติ วิคตนฺตานิ กเรยฺย. ยถา เตสํ กากณิกมตฺโตปิ ปริยนฺโต นาม นาวสิสฺสติ, เอวํ กเรยฺย, สพฺพโส ปฏินิยฺยาเตยฺยาติ อตฺโถ. ตโตนิทานนฺติ อาณณฺยนิทานํ. โส หิ อณโณมฺหีติ อาวชฺชนฺโต พลวปาโมชฺชํ ลภติ, พลวโสมนสฺสมธิคจฺฉติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺส’’นฺติ.
วิสภาคเวทนุปฺปตฺติยา กกเจเนว จตุอิริยาปถํ ฉินฺทนฺโต อาพาธตีติ อาพาโธ, สฺวาสฺส อตฺถีติ อาพาธิโก. ตํสมุฏฺาเนน ทุกฺเขน ¶ ทุกฺขิโต. อธิมตฺตคิลาโนติ พาฬฺหคิลาโน. นจฺฉาเทยฺยาติ อธิมตฺตพฺยาธิปเรตตาย น รุจฺเจยฺย. พลมตฺตาติ พลเมว, พลฺจสฺส กาเย น ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ตโตนิทานนฺติ อาโรคฺยนิทานํ, ตสฺส หิ อโรโคมฺหีติ อาวชฺชยโต ตทุภยํ โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ลเภถ ปาโมชฺชํ, อธิคจฺเฉยฺย โสมนสฺส’’นฺติ. น ¶ จสฺส กิฺจิ โภคานํ วโยติ กากณิกมตฺตมฺปิ โภคานํ วโย น ภเวยฺย. ตโตนิทานนฺติ พนฺธนาโมกฺขนิทานํ, เสสํ วุตฺตนเยเนว สพฺพปเทสุ โยเชตพฺพํ. อนตฺตาธีโนติ น อตฺตนิ อธีโน, อตฺตโน รุจิยา กิฺจิ กาตุํ น ลภติ. ปราธีโนติ ปเรสุ อธีโน, ปรสฺเสว รุจิยา ปวตฺตติ. น เยน กามํ คโมติ เยน ทิสาภาเคนสฺส กาโม โหติ. อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ คมนาย, เตน คนฺตุํ น ลภติ. ทาสพฺยาติ ทาสภาวา. ภุชิสฺโสติ อตฺตโน สนฺตโก ¶ . ตโตนิทานนฺติ ภุชิสฺสนิทานํ. กนฺตารทฺธานมคฺคนฺติ กนฺตารํ อทฺธานมคฺคํ, นิรุทกํ ทีฆมคฺคนฺติ อตฺโถ. ตโตนิทานนฺติ เขมนฺตภูมินิทานํ.
อิเม ปฺจ นีวรเณ อปฺปหีเนติ เอตฺถ ภควา อปฺปหีนํ กามจฺฉนฺทนีวรณํ อิณสทิสํ, เสสานิ โรคาทิสทิสานิ กตฺวา ทสฺเสติ. ตตฺรายํ สทิสตา – โย หิ ปเรสํ อิณํ คเหตฺวา วินาเสติ. โส เตหิ อิณํ เทหีติ วุจฺจมาโนปิ ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ พชฺฌมาโนปิ ปหริยมาโนปิ กิฺจิ ปฏิพาหิตุํ น สกฺโกติ, สพฺพํ ติติกฺขติ, ติติกฺขการณฺหิสฺส ตํ อิณํ โหติ. เอวเมวํ โย ยมฺหิ กามจฺฉนฺเทน รชฺชติ, ตณฺหาคเณน ตํ วตฺถุํ คณฺหาติ, โส เตน ผรุสํ วุจฺจมาโนปิ พชฺฌมาโนปิ ปหริยมาโนปิ สพฺพํ ติติกฺขติ. ติติกฺขการณฺหิสฺส โส กามจฺฉนฺโท โหติ ฆรสามิเกหิ วธียมานานํ อิตฺถีนํ วิยาติ. เอวํ อิณํ วิย กามจฺฉนฺโท ทฏฺพฺโพ.
ยถา ปน ปิตฺตโรคาตุโร มธุสกฺกราทีสุปิ ทินฺเนสุ ปิตฺตโรคาตุรตาย เตสํ รสํ น วินฺทติ, ติตฺตกํ ติตฺตกนฺติ อุคฺคิรติเยว. เอวเมวํ พฺยาปนฺนจิตฺโต หิตกาเมหิ อาจริยุปชฺฌาเยหิ อปฺปมตฺตกมฺปิ โอวทียมาโน โอวาทํ น คณฺหาติ, ‘‘อติ วิย เม ตุมฺเห อุปทฺทเวถา’’ติอาทีนิ วตฺวา วิพฺภมติ. ปิตฺตโรคาตุรตาย โส ปุริโส มธุสกฺกราทิรสํ วิย, โกธาตุรตาย ¶ ฌานสุขาทิเภทํ สาสนรสํ น วินฺทตีติ. เอวํ โรโค วิย พฺยาปาโท ทฏฺพฺโพ.
ยถา ¶ ปน นกฺขตฺตทิวเส พนฺธนาคาเร พทฺโธ ปุริโส นกฺขตฺตสฺส เนว อาทึ, น มชฺฌํ, น ปริโยสานํ ปสฺสติ. โส ทุติยทิวเส มุตฺโต, ‘‘อโห หิยฺโย นกฺขตฺตํ มนาปํ, อโห นจฺจํ, อโห คีต’’นฺติอาทีนิ สุตฺวาปิ ปฏิวจนํ น เทติ. กึ การณา? นกฺขตฺตสฺส อนนุภูตตฺตา. เอวเมวํ ¶ ถินมิทฺธาภิภูโต ภิกฺขุ วิจิตฺตนเยปิ ธมฺมสฺสวเน ปวตฺตมาเน เนว ตสฺส อาทึ, น มชฺฌํ, น ปริโยสานํ ชานาติ. โส อุฏฺิเต ธมฺมสฺสวเน, ‘‘อโห ธมฺมสฺสวนํ, อโห การณํ, อโห อุปมา’’ติ ธมฺมสฺสวนสฺส วณฺณํ ภณมานานํ สุตฺวาปิ ปฏิวจนํ น เทติ. กึ การณา? ถินมิทฺธวเสน ธมฺมกถาย อนนุภูตตฺตาติ. เอวํ พนฺธนาคารํ วิย ถินมิทฺธํ ทฏฺพฺพํ.
ยถา ปน นกฺขตฺตํ กีฬนฺโตปิ ทาโส, ‘‘อิทํ นาม อจฺจายิกํ กรณียํ อตฺถิ, สีฆํ, ตตฺถ คจฺฉ, โน เจ คจฺฉสิ, หตฺถปาทํ วา เต ฉินฺทามิ กณฺณนาสํ วา’’ติ วุตฺโต สีฆํ คจฺฉติเยว, นกฺขตฺตสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานํ อนุภวิตุํ น ลภติ. กสฺมา? ปราธีนตาย. เอวเมวํ วินเย อปฺปกตฺุนา วิเวกตฺถาย อรฺํ ปวิฏฺเนาปิ กิสฺมิฺจิเทว อนฺตมโส กปฺปิยมํเสปิ อกปฺปิยมํสสฺาย อุปฺปนฺนาย วิเวกํ ปหาย สีลวิโสธนตฺถํ วินยธรสฺส สนฺติเก คนฺตพฺพํ โหติ. วิเวกสุขํ อนุภวิตุํ น ลภติ. กสฺมา? อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจาภิภูตตายาติ, เอวํ ทาสพฺยํ วิย อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ทฏฺฏพฺพํ.
ยถา ปน กนฺตารทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน ปุริโส โจเรหิ มนุสฺสานํ วิลุตฺโตกาสํ ปหโตกาสฺจ ทิสฺวา ทณฺฑกสทฺเทนปิ สกุณสทฺเทนปิ โจรา อาคตาติ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิโต โหติ, คจฺฉติปิ, ติฏฺติปิ, นิวตฺตติปิ, คตฏฺานโต อาคตฏฺานเมว พหุตรํ โหติ. โส กิจฺเฉน กสิเรน เขมนฺตภูมึ ปาปุณาติ วา, น วา ปาปุณาติ. เอวเมวํ ยสฺส อฏฺสุ าเนสุ วิจิกิจฺฉา อุปฺปนฺนา โหติ. โส ‘‘พุทฺโธ นุ โข, น นุ โข พุทฺโธ’’ติอาทินา นเยน วิจิกิจฺฉนฺโต อธิมุจฺจิตฺวา สทฺธาย คณฺหิตุํ น สกฺโกติ. อสกฺโกนฺโต มคฺคํ วา ผลํ วา น ปาปุณาตีติ ยถา ¶ กนฺตารทฺธานมคฺเค ‘‘โจรา อตฺถิ นตฺถี’’ติ ปุนปฺปุนํ อาสปฺปนปริสปฺปนํ อปริโยคาหนํ ฉมฺภิตตฺต จิตฺตสฺส อุปฺปาเทนฺโต เขมนฺตปตฺติยา อนฺตรายํ กโรติ, เอวํ วิจิกิจฺฉาปิ ‘‘พุทฺโธ นุ โข น พุทฺโธ’’ติอาทินา นเยน ปุนปฺปุนํ อาสปฺปนปริสปฺปนํ อปริโยคาหนํ ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปฺปาทยมานา อริยภูมิปฺปตฺติยา อนฺตรายํ กโรตีติ กนฺตารทฺธานมคฺโค วิย ทฏฺพฺพา.
อิทานิ ¶ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อาณณฺยนฺติ เอตฺถ ภควา ปหีนกามจฺฉนฺทนีวรณํ อาณณฺยสทิสํ, เสสานิ อาโรคฺยาทิสทิสานิ กตฺวา ทสฺเสติ. ตตฺรายํ สทิสตา – ยถา หิ ปุริโส อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชตฺวา สมิทฺธกมฺมนฺโต, ‘‘อิทํ อิณํ นาม ปลิโพธมูล’’นฺติ จินฺเตตฺวา สวฑฺฒิกํ อิณํ นิยฺยาเตตฺวา ปณฺณํ ผาลาเปยฺย. อถสฺส ตโต ปฏฺาย เนว โกจิ ทูตํ เปเสติ, น ปณฺณํ, โส อิณสามิเก ทิสฺวาปิ สเจ อิจฺฉติ, อาสนา อุฏฺหติ, โน เจ, น อุฏฺหติ. กสฺมา? เตหิ สทฺธึ นิลฺเลปตาย อลคฺคตาย. เอวเมว ภิกฺขุ, ‘‘อยํ กามจฺฉนฺโท นาม ปลิโพธมูล’’นฺติ สติปฏฺาเน วุตฺตนเยเนว ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา กามจฺฉนฺทนีวรณํ ¶ ปชหติ. ตสฺเสวํ ปหีนกามจฺฉนฺทสฺส ยถา อิณมุตฺตสฺส ปุริสสฺส อิณสามิเก ทิสฺวา เนว ภยํ น ฉมฺภิตตฺตํ โหติ. เอวเมว ปรวตฺถุมฺหิ เนว สงฺโค น พนฺโธ โหติ. ทิพฺพานิปิ รูปานิ ปสฺสโต กิเลโส น สมุทาจรติ. ตสฺมา ภควา อาณณฺยมิว กามจฺฉนฺทปฺปหานมาห.
ยถา ปน โส ปิตฺตโรคาตุโร ปุริโส เภสชฺชกิริยาย ตํ โรคํ วูปสเมตฺวา ตโต ปฏฺาย มธุสกฺกราทีนํ รสํ วินฺทติ. เอวเมวํ ภิกฺขุ, ‘‘อยํ พฺยาปาโท นาม อนตฺถการโก’’ติ ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา พฺยาปาทนีวรณํ ปชหติ. โส เอวํ ปหีนพฺยาปาโท ยถา ปิตฺตโรควิมุตฺโต ปุริโส มธุสกฺกราทีนิ มธุรานิ สมฺปิยายมาโน ปฏิเสวติ. เอวเมวํ อาจารปณฺณตฺติอาทีนิ สิกฺขาปิยมาโน สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สมฺปิยายมาโน สิกฺขติ. ตสฺมา ภควา อาโรคฺยมิว พฺยาปาทปฺปหานมาห.
ยถา ¶ โส นกฺขตฺตทิวเส พนฺธนาคารํ ปเวสิโต ปุริโส อปรสฺมึ นกฺขตฺตทิวเส, ‘‘ปุพฺเพปิ อหํ ปมาทโทเสน พทฺโธ ตํ นกฺขตฺตํ นานุภวามิ, อิทานิ อปฺปมตฺโต ภวิสฺสามี’’ติ ยถาสฺส ปจฺจตฺถิกา โอกาสํ น ลภนฺติ. เอวํ อปฺปมตฺโต หุตฺวา นกฺขตฺตํ อนุภวิตฺวา – ‘‘อโห นกฺขตฺตํ อโห นกฺขตฺต’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ. เอวเมว ภิกฺขุ, ‘‘อิทํ ถินมิทฺธํ นาม มหาอนตฺถกร’’นฺติ ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา ถินมิทฺธนีวรณํ ปชหติ. โส เอวํ ปหีนถินมิทฺโธ ยถา พนฺธนา มุตฺโต ปุริโส สตฺตาหมฺปิ นกฺขตฺตสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานํ ¶ อนุภวติ. เอวเมวํ ภิกฺขุ ธมฺมนกฺขตฺตสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานํ อนุภวนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณาติ. ตสฺมา ภควา พนฺธนา โมกฺขมิว ถินมิทฺธปฺปหานมาห.
ยถา ปน ทาโส กฺจิเทว มิตฺตํ อุปนิสฺสาย สามิกานํ ธนํ ทตฺวา อตฺตานํ ภุชิสฺสํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย ยํ อิจฺฉติ, ตํ กเรยฺย. เอวเมว ภิกฺขุ, ‘‘อิทํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ นาม มหาอนตฺถกร’’นฺติ ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปชหติ. โส เอวํ ปหีนุทฺธจฺจกุกฺกุจฺโจ ยถา ภุชิสฺโส ปุริโส ยํ อิจฺฉติ, ตํ กโรติ. น ตํ โกจิ พลกฺกาเรน ตโต นิวตฺเตติ. เอวเมวํ ภิกฺขุ ยถาสุขํ เนกฺขมฺมปฏิปทํ ปฏิปชฺชติ, น นํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ¶ พลกฺกาเรน ตโต นิวตฺเตติ. ตสฺมา ภควา ภุชิสฺสํ วิย อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปฺปหานมาห.
ยถา พลวา ปุริโส หตฺถสารํ คเหตฺวา สชฺชาวุโธ สปริวาโร กนฺตารํ ปฏิปชฺเชยฺย. ตํ โจรา ทูรโตว ทิสฺวา ปลาเยยฺยุํ. โส โสตฺถินา ตํ กนฺตารํ นิตฺถริตฺวา เขมนฺตํ ปตฺโต หฏฺตุฏฺโ อสฺส. เอวเมวํ ภิกฺขุ, ‘‘อยํ วิจิกิจฺฉา นาม อนตฺถการิกา’’ติ ฉ ธมฺเม ภาเวตฺวา วิจิกิจฺฉํ ปชหติ. โส เอวํ ปหีนวิจิกิจฺโฉ ยถา พลวา สชฺชาวุโธ สปริวาโร ปุริโส นิพฺภโย โจเร ติณํ วิย อคเณตฺวา โสตฺถินา นิกฺขมิตฺวา เขมนฺตภูมึ ปาปุณาติ. เอวเมวํ ทุจฺจริตกนฺตารํ นิตฺถริตฺวา ปรมเขมนฺตภูมึ อมตํ นิพฺพานํ ปาปุณาติ. ตสฺมา ภควา เขมนฺตภูมึ วิย วิจิกิจฺฉาปหานมาห.
๔๒๗. อิมเมว กายนฺติ อิมํ กรชกายํ. อภิสนฺเทตีติ เตเมติ สฺเนเหติ, สพฺพตฺถ ปวตฺตปีติสุขํ กโรติ. ปริสนฺเทตีติ สมนฺตโต สนฺเทติ. ปริปูเรตีติ วายุนา ภสฺตํ วิย ปูเรติ. ปริปฺผรตีติ สมนฺตโต ผุสติ ¶ . สพฺพาวโต กายสฺสาติ อสฺส ภิกฺขุโน สพฺพโกฏฺาสวโต กายสฺส. กิฺจิ อุปาทินฺนกสนฺตติปวตฺติฏฺาเน ฉวิมํสโลหิตานุคตํ อณุมตฺตมฺปิ านํ ปมชฺฌานสุเขน อผุฏฺํ นาม น โหติ. ทกฺโขติ เฉโก ปฏิพโล นฺหานียจุณฺณานิ กาตฺุเจว โยเชตฺุจ สนฺเนตฺุจ. กํสถาเลติ เยน เกนจิ ¶ โลเหน กตภาชเน. มตฺติกภาชนํ ปน ถิรํ น โหติ, สนฺเนนฺตสฺส ภิชฺชติ, ตสฺมา ตํ น ทสฺเสติ. ปริปฺโผสกํ ปริปฺโผสกนฺติ สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา. สนฺเนยฺยาติ วามหตฺเถน กํสถาลํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน ปมาณยุตฺตํ อุทกํ สิฺจิตฺวา สิฺจิตฺวา ปริมทฺทนฺโต ปิณฺฑํ กเรยฺย. สฺเนหานุคตาติ อุทกสิเนเหน อนุคตา. สฺเนหปเรตาติ อุทกสิเนเหน ปริคตา. สนฺตรพาหิราติ สทฺธึ อนฺโตปเทเสน เจว พหิปเทเสน จ, สพฺพตฺถกเมว อุทกสิเนเหน ผุฏาติ อตฺโถ. น จ ปคฺฆริณีติ น พินฺทุ พินฺทุ อุทกํ ปคฺฆรติ, สกฺกา โหติ หตฺเถนปิ ทฺวีหิปิ ตีหิปิ องฺคุลีหิ คเหตุํ โอวฏฺฏิกมฺปิ กาตุนฺติ อตฺโถ.
๔๒๘. ทุติยชฺฌานสุขอุปมายํ อุพฺภิโตทโกติ อุพฺภินฺนอุทโก, น เหฏฺา อุพฺภิชฺชิตฺวา อุคฺคจฺฉนอุทโก, อนฺโตเยว ปน อุพฺภิชฺชนอุทโกติ อตฺโถ. อายมุขนฺติ อาคมนมคฺโค. เทโวติ ¶ เมโฆ. กาเลนกาลนฺติ กาเล กาเล, อนฺวทฺธมาสํ วา อนุทสาหํ วาติ อตฺโถ. ธารนฺติ วุฏฺึ. นานุปฺปเวจฺเฉยฺยาติ น ปเวเสยฺย, น วสฺเสยฺยาติ อตฺโถ. สีตา วาริธารา อุพฺภิชฺชิตฺวาติ สีตํ วาริ ตํ อุทกรหทํ ปูรยมานํ อุพฺภิชฺชิตฺวา. เหฏฺา อุคฺคจฺฉนอุทกฺหิ อุคฺคนฺตฺวา อุคฺคนฺตฺวา ภิชฺชนฺตํ อุทกํ โขเภติ. จตูหิ ทิสาหิ ปวิสนอุทกํ ปุราณปณฺณติณกฏฺทณฺฑกาทีหิ อุทกํ โขเภติ. วุฏฺิอุทกํ ธารานิปาตปุปฺผุฬเกหิ อุทกํ โขเภติ. สนฺนิสินฺนเมว ปน หุตฺวา อิทฺธินิมฺมิตมิว อุปฺปชฺชมานํ อุทกํ อิมํ ปเทสํ ผรติ, อิมํ ปเทสํ น ผรตีติ นตฺถิ. เตน อผุโฏกาโส นาม น โหตีติ. ตตฺถ รหโท วิย กรชกาโย, อุทกํ วิย ทุติยชฺฌานสุขํ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๔๒๙. ตติยชฺฌานสุขอุปมายํ ¶ อุปฺปลานิ เอตฺถ สนฺตีติ อุปฺปลินี. เสสปททฺวเยสุปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ เสตรตฺตนีเลสุ ยํกิฺจิ อุปฺปลํ อุปฺปลเมว, อูนกสตปตฺตํ ปุณฺฑรีกํ, สตปตฺตํ ปทุมํ. ปตฺตนิยมํ วา วินาปิ เสตํ ปทุมํ, รตฺตํ ปุณฺฑรีกนฺติ อยเมตฺถ วินิจฺฉโย. อุทกานุคฺคตานีติ อุทกโต น อุคฺคตานิ. อนฺโตนิมุคฺคโปสีนีติ ¶ อุทกตลสฺส อนฺโต นิมุคฺคานิเยว หุตฺวา โปสีนิ, วฑฺฒีนีติ อตฺโถ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.
๔๓๐. จตุตฺถชฺฌานสุขอุปมายํ ปริสุทฺเธน เจตสา ปริโยทาเตนาติ เอตฺถ นิรุปกฺกิเลสฏฺเน ปริสุทฺธํ. ปภสฺสรฏฺเน ปริโยทาตํ เวทิตพฺพํ. โอทาเตน วตฺเถนาติ อิทํ อุตุผรณตฺถํ วุตฺตํ. กิลิฏฺวตฺเถน หิ อุตุผรณํ น โหติ, ตงฺขณโธตปริสุทฺเธน อุตุผรณํ พลวํ โหติ. อิมิสฺสา หิ อุปมาย วตฺถํ วิย กรชกาโย. อุตุผรณํ วิย จตุตฺถชฺฌานสุขํ. ตสฺมา ยถา สุนฺหาตสฺส ปุริสสฺส ปริสุทฺธํ วตฺถํ สสีสํ ปารุปิตฺวา นิสินฺนสฺส สรีรโต อุตุ สพฺพเมว วตฺถํ ผรติ, น โกจิ วตฺถสฺส อผุโฏกาโส โหติ. เอวํ จตุตฺถชฺฌานสุเขน ภิกฺขุโน กรชกายสฺส น โกจิ โอกาโส อผุโฏ โหตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. จตุตฺถชฺฌานจิตฺตเมว วา วตฺถํ วิย, ตํสมุฏฺานรูปํ อุตุผรณํ วิย. ยถา หิ กตฺถจิ โอทาตวตฺเถ กายํ อปฺผุสนฺเตปิ ตํสมุฏฺาเนน อุตุนา สพฺพตฺถกเมว กาโย ผุฏฺโ โหติ. เอวํ จตุตฺถชฺฌานสมุฏฺิเตน สุขุมรูเปน สพฺพตฺถกเมว ภิกฺขุโน กรชกาโย ผุโฏ โหตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๔๓๑. ปุพฺเพนิวาสาณอุปมายํ ¶ ตํทิวสํ กตกิริยา ปากฏา โหตีติ ตํทิวสํ คตคามตฺตยเมว คหิตํ. ตตฺถ คามตฺตยํ คตปุริโส วิย ปุพฺเพนิวาสาณลาภี ทฏฺพฺโพ. ตโย คามา วิย ตโย ภวา ทฏฺพฺพา. ตสฺส ปุริสสฺส ตีสุ คาเมสุ ตํทิวสํ กตกิริยาย อาวิภาโว วิย ปุพฺเพนิวาสาย จิตฺตํ อภินีหริตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน ตีสุ ภเวสุ กตกิริยาย อาวิภาโว ทฏฺพฺโพ.
๔๓๒. ทิพฺพจกฺขุอุปมายํ ¶ ทฺเว อคาราติ ทฺเว ฆรา. สทฺวาราติ สมฺมุขทฺวารา. อนุจงฺกมนฺเตติ อปราปรํ สฺจรนฺเต. อนุวิจรนฺเตติ อิโต จิโต จ วิจรนฺเต, อิโต ปน เคหา นิกฺขมิตฺวา เอตํ เคหํ, เอตสฺมา วา นิกฺขมิตฺวา อิมํ เคหํ ปวิสนวเสนปิ ทฏฺพฺพา. ตตฺถ ทฺเว อคารา สทฺวารา วิย จุติปฏิสนฺธิโย, จกฺขุมา ¶ ปุริโส วิย ทิพฺพจกฺขุาณลาภี, จกฺขุมโต ปุริสสฺส ทฺวินฺนํ เคหานํ อนฺตเร ตฺวา ปสฺสโต ทฺเว อคาเร ปวิสนกนิกฺขมนกปุริสานํ ปากฏกาโล วิย ทิพฺพจกฺขุลาภิโน อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา โอโลเกนฺตสฺส จวนกอุปปชฺชนกสตฺตานํ ปากฏกาโล. กึ ปน เต าณสฺส ปากฏา, ปุคฺคลสฺสาติ? าณสฺส. ตสฺส ปากฏตฺตา ปน ปุคฺคลสฺส ปากฏาเยวาติ.
๔๓๓. อาสวกฺขยาณอุปมายํ ปพฺพตสงฺเขเปติ ปพฺพตมตฺถเก. อนาวิโลติ นิกฺกทฺทโม. สิปฺปิโย จ สมฺพุกา จ สิปฺปิสมฺพุกํ. สกฺขรา จ กถลา จ สกฺขรกถลํ. มจฺฉานํ คุมฺพา ฆฏาติ มจฺฉคุมฺพํ. ติฏฺนฺตมฺปิ จรนฺตมฺปีติ เอตฺถ สกฺขรกถลํ ติฏฺติเยว, อิตรานิ จรนฺติปิ ติฏฺนฺติปิ. ยถา ปน อนฺตรนฺตรา ิตาสุปิ นิสินฺนาสุปิ วิชฺชมานาสุปิ, ‘‘เอตา คาโว จรนฺตี’’ติ จรนฺติโย อุปาทาย อิตราปิ จรนฺตีติ วุจฺจนฺติ. เอวํ ติฏฺนฺตเมว สกฺขรกถลํ อุปาทาย อิตรมฺปิ ทฺวยํ ติฏฺนฺตนฺติ วุตฺตํ. อิตรฺจ ทฺวยํ จรนฺตํ อุปาทาย สกฺขรกถลมฺปิ จรนฺตนฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ จกฺขุมโต ปุริสสฺส ตีเร ตฺวา ปสฺสโต สิปฺปิสมฺพุกาทีนํ วิภูตกาโล วิย อาสวานํ ขยาย จิตฺตํ นีหริตฺวา นิสินฺนสฺส ภิกฺขุโน จตุนฺนํ สจฺจานํ วิภูตกาโล ทฏฺพฺโพ.
๔๓๔. อิทานิ สตฺตหากาเรหิ สลิงฺคโต สคุณโต ขีณาสวสฺส นามํ คณฺหนฺโต, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมโณ อิติปีติอาทิมาห. ตตฺถ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมโณ ¶ โหตีติอาทีสุ, ภิกฺขเว, เอวํ ภิกฺขุ สมิตปาปตฺตา สมโณ โหติ. พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ โหติ. นฺหาตกิเลสตฺตา นฺหาตโก โหติ, โธตกิเลสตฺตาติ อตฺโถ. จตุมคฺคาณสงฺขาเตหิ เวเทหิ อกุสลธมฺมานํ คตตฺตา เวทคู โหติ, วิทิตตฺตาติ อตฺโถ. เตเนว วิทิตาสฺส โหนฺตีติอาทิมาห. กิเลสานํ สุตตฺตา โสตฺติโย โหติ, นิสฺสุตตฺตา ¶ อปหตตฺตาติ อตฺโถ. กิเลสานํ อารกตฺตา อริโย โหติ, หตตฺตาติ อตฺโถ. เตหิ อารกตฺตา อรหํ โหติ, ทูรีภูตตฺตาติ อตฺโถ. เสสํ สพตฺถ ปากฏเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. จูฬอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนา
๔๓๕. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ จูฬอสฺสปุรสุตฺตํ. ตสฺส เทสนาการณํ ปุริมสทิสเมว. สมณสามีจิปฺปฏิปทาติ สมณานํ อนุจฺฉวิกา สมณานํ อนุโลมปฺปฏิปทา.
๔๓๖. สมณมลานนฺติอาทีสุ เอเต ธมฺมา อุปฺปชฺชมานา สมเณ มลิเน กโรนฺติ มลคฺคหิเต, ตสฺมา ‘‘สมณมลา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอเตหิ สมณา ทุสฺสนฺติ, ปทุสฺสนฺติ, ตสฺมา สมณโทสาติ วุจฺจนฺติ. เอเต อุปฺปชฺชิตฺวา สมเณ กสเฏ นิโรเช กโรนฺติ มิลาเปนฺติ, ตสฺมา สมณกสฏาติ วุจฺจนฺติ. อาปายิกานํ านานนฺติ อปาเย นิพฺพตฺตาปกานํ การณานํ. ทุคฺคติเวทนิยานนฺติ ทุคฺคติยํ วิปากเวทนาย ปจฺจยานํ. มตชํ นามาติ มนุสฺสา ติขิณํ อยํ อเยน สุฆํสิตฺวา ตํ อยจุณฺณํ มํเสน สทฺธึ มทฺทิตฺวา โกฺจสกุเณ ขาทาเปนฺติ. เต อุจฺจารํ กาตุํ อสกฺโกนฺตา มรนฺติ. โน เจ มรนฺติ, ปหริตฺวา มาเรนฺติ. อถ เตสํ กุจฺฉึ ผาเลตฺวา นํ อุทเกน โธวิตฺวา จุณฺณํ คเหตฺวา มํเสน สทฺธึ มทฺทิตฺวา ปุน ขาทาเปนฺตีติ เอวํ สตฺต วาเร ขาทาเปตฺวา คหิเตน อยจุณฺเณน อาวุธํ กโรนฺติ. สุสิกฺขิตา จ นํ อยการา พหุหตฺถกมฺมมูลํ ลภิตฺวา กโรนฺติ. ตํ มตสกุณโต ชาตตฺตา ‘‘มตช’’นฺติ วุจฺจติ, อติติขิณํ โหติ. ปีตนิสิตนฺติ อุทกปีตฺเจว สิลาย จ สุนิฆํสิตํ. สงฺฆาฏิยาติ โกสิยา. สมฺปารุตนฺติ ปริโยนทฺธํ. สมฺปลิเวิตนฺติ สมนฺตโต เวิตํ.
๔๓๗. รโชชลฺลิกสฺสาติ ¶ รโชชลฺลธาริโน. อุทโกโรหกสฺสาติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ อุทกํ โอโรหนฺตสฺส. รุกฺขมูลิกสฺสาติ รุกฺขมูลวาสิโน. อพฺโภกาสิกสฺสาติ อพฺโภกาสวาสิโน. อุพฺภฏฺกสฺสาติ อุทฺธํ ิตกสฺส. ปริยายภตฺติกสฺสาติ มาสวาเรน วา อฑฺฒมาสวาเรน วา ภฺุชนฺตสฺส. สพฺพเมตํ พาหิรสมเยเนว กถิตํ. อิมสฺมิฺหิ สาสเน จีวรธโร ภิกฺขุ สงฺฆาฏิโกติ น วุจฺจติ. รโชชลฺลธารณาทิวตานิ อิมสฺมึ สาสเน นตฺถิเยว. พุทฺธวจนสฺส พุทฺธวจนเมว นามํ, น มนฺตาติ. รุกฺขมูลิโก, อพฺโภกาสิโกติ เอตฺตกํเยว ปน ลพฺภติ. ตมฺปิ พาหิรสมเยเนว กถิตํ. ชาตเมว ¶ นนฺติ ตํทิวเส ชาตมตฺตํเยว ¶ นํ. สงฺฆาฏิกํ กเรยฺยุนฺติ สงฺฆาฏิกํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ สงฺฆาฏิกํ กเรยฺยุํ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
๔๓๘. วิสุทฺธมตฺตานํ สมนุปสฺสตีติ อตฺตานํ วิสุชฺฌนฺตํ ปสฺสติ. วิสุทฺโธติ ปน น ตาว วตฺตพฺโพ. ปาโมชฺชํ ชายตีติ ตุฏฺากาโร ชายติ. ปมุทิตสฺส ปีตีติ ตุฏฺสฺส สกลสรีรํ โขภยมานา ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺส กาโยติ ปีติสมฺปยุตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส นามกาโย. ปสฺสมฺภตีติ วิคตทรโถ โหติ. สุขํ เวเทตีติ กายิกมฺปิ เจตสิกมฺปิ สุขํ เวทิยติ. จิตฺตํ สมาธิยตีติ อิมินา เนกฺขมฺมสุเขน สุขิตสฺส จิตฺตํ สมาธิยติ, อปฺปนาปตฺตํ วิย โหติ. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสาติ เหฏฺา กิเลสวเสน อารทฺธา เทสนา ปพฺพเต วุฏฺวุฏฺิ วิย นทึ ยถานุสนฺธินา พฺรหฺมวิหารภาวนํ โอติณฺณา. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตเมว. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, โปกฺขรณีติ มหาสีหนาทสุตฺเต มคฺโค โปกฺขรณิยา อุปมิโต, อิธ สาสนํ อุปมิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อาสวานํ ขยา สมโณ โหตีติ สพฺพกิเลสานํ สมิตตฺตา ปรมตฺถสมโณ โหตีติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬอสฺสปุรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จูฬยมกวคฺโค
๑. สาเลยฺยกสุตฺตวณฺณนา
๔๓๙. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ สาเลยฺยกสุตฺตํ. ตตฺถ โกสเลสูติ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา. เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺเทน โกสลาติ วุจฺจติ, ตสฺมึ โกสเลสุ ชนปเท. โปราณา ปนาหุ – ยสฺมา ปุพฺเพ มหาปนาทํ ราชกุมารํ นานานาฏกานิ ทิสฺวา สิตมตฺตมฺปิ อกโรนฺตํ สุตฺวา ราชา อาห – ‘‘โย มม ปุตฺตํ หสาเปติ, สพฺพาลงฺกาเรน นํ อลงฺกโรมี’’ติ. ตโต นงฺคลานิปิ ฉฑฺเฑตฺวา มหาชนกาเย สนฺนิปติเต มนุสฺสา สาติเรกานิ สตฺตวสฺสานิ นานากีฬิกาโย ทสฺเสตฺวา นํ หสาเปตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต ¶ สกฺโก เทวนฏํ เปเสสิ. โส ทิพฺพนาฏกํ ทสฺเสตฺวา หสาเปสิ. อถ เต มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน วสโนกาสาภิมุขา ปกฺกมึสุ. เต ปฏิปเถ มิตฺตสุหชฺชาทโย ทิสฺวา ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตา, ‘‘กจฺจิ, โภ, กุสลํ, กจฺจิ, โภ, กุสล’’นฺติ อาหํสุ. ตสฺมา ตํ ‘‘กุสลํ กุสล’’นฺติ วจนํ อุปาทาย โส ปเทโส โกสลาติ วุจฺจตีติ.
จาริกํ จรมาโนติ อตุริตจาริกํ จรมาโน. มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธินฺติ สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วาติ เอวํ อปริจฺฉินฺเนน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ. พฺราหฺมณคาโมติ พฺราหฺมณานํ สโมสรณคาโมปิ พฺราหฺมณคาโมติ วุจฺจติ พฺราหฺมณานํ โภคคาโมปิ. อิธ สโมสรณคาโม อธิปฺเปโต. ตทวสรีติ ตํ อวสริ, สมฺปตฺโตติ อตฺโถ. วิหาโร ปเนตฺถ อนิยามิโต; ตสฺมา ตสฺส อวิทูเร พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เอโก วนสณฺโฑ ภวิสฺสติ, สตฺถา ตํ วนสณฺฑํ คโตติ เวทิตพฺโพ. อสฺโสสุนฺติ สุณึสุ อุปลภึสุ. โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน ชานึสุ. โขติ อวธารณตฺเถ ปทปูรณมตฺเต วา นิปาโต. ตตฺถ ¶ อวธารณตฺเถน อสฺโสสุํเยว ¶ , น เนสํ โกจิ สวนนฺตราโย อโหสีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปทปูรเณน พฺยฺชนสิลิฏฺตามตฺตเมว.
อิทานิ ยมตฺถํ อสฺโสสุํ, ตํ ปกาเสตุํ สมโณ ขลุ, โภ, โคตโมติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สมิตปาปตฺตา สมโณติ เวทิตพฺโพ. ขลูติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. โภติ เตสํ อฺมฺํ อาลปนมตฺตํ. โคตโมติ ภควโต โคตฺตวเสน ปริทีปนํ. ตสฺมา สมโณ ขลุ, โภ, โคตโมติ เอตฺถ สมโณ กิร, โภ, โคตมโคตฺโตติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สกฺยปุตฺโตติ อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปริทีปนํ. สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาปพฺพชิตภาวทีปนํ. เกนจิ ปาริชฺุเน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหาย สทฺธาปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติ. ตโต ปรํ วุตฺตตฺถเมว. ตํ โข ปนาติ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ อุปโยควจนํ, ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อตฺโถ. กลฺยาโณติ ¶ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต, เสฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติเยว, ถุติโฆโส วา. อพฺภุคฺคโตติ สเทวกํ โลกํ อชฺโฌตฺถริตฺวา อุคฺคโต. กินฺติ? ‘‘อิติปิ โส ภควา…เป… พุทฺโธ ภควา’’ติ.
ตตฺรายํ ปทสมฺพนฺโธ – โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควาติ. อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อารกตฺตา, อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ โส ภควา อรหนฺติ เวทิตพฺโพติอาทินา นเยน มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา สพฺพาเนว เอตานิ ปทานิ วิสุทฺธิมคฺเค พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วิตฺถาริตานีติ ตโต เตสํ วิตฺถาโร คเหตพฺโพ.
สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปน; อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตถารูปานํ อรหตนฺติ ยถารูโป โส ภวํ โคตโม, เอวรูปานํ อเนเกหิปิ กปฺปโกฏิสตสหสฺเสหิ ทุลฺลภทสฺสนานํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺเตหิ อสีติอนุพฺยฺชนรตนปฏิมณฺฑิเตหิ ทฺวตฺตึสฺมหาปุริสลกฺขณวเรหิ สมากิณฺณมโนรมสรีรานํ อตปฺปกทสฺสนานํ อติมธุรธมฺมนิคฺโฆสานํ, ยถาภูตคุณาธิคเมน โลเก อรหนฺโตติ ลทฺธสทฺทานํ อรหตํ. ทสฺสนํ โหตีติ ปสาทโสมฺมานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหติ. สเจ ปน อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน พฺรหฺมสฺสเรน ธมฺมํ ¶ ¶ เทเสนฺตสฺส เอกํ ปทมฺปิ โสตุํ ลภิสฺสาม, สาธุตรํเยว ภวิสฺสตีติ เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวา.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสูติ สพฺพกิจฺจานิ ปหาย ตุฏฺมานสา อาคมํสุ. เอตทโวจุนฺติ ทุวิธา หิ ปุจฺฉา อคาริกปุจฺฉา อนคาริกปุจฺฉา จ. ตตฺถ ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ, กึ อกุสล’’นฺติ อิมินา นเยน อคาริกปุจฺฉา อาคตา. ‘‘อิเม โข, ภนฺเต, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ อิมินา นเยน อนคาริกปุจฺฉา. อิเม ปน อตฺตโน อนุรูปํ อคาริกปุจฺฉํ ปุจฺฉนฺตา เอตํ, ‘‘โก นุ โข, โภ โคตม, เหตุ โก ปจฺจโย’’ติอาทิวจนํ อโวจุํ. เตสํ ภควา ยถา น สกฺโกนฺติ สลฺลกฺเขตุํ, เอวํ ¶ สํขิตฺเตเนว ตาว ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต, อธมฺมจริยาวิสมจริยาเหตุ โข คหปตโยติอาทิมาห. กสฺมา ปน ภควา ยถา น สลฺลกฺเขนฺติ, เอวํ วิสฺสชฺเชสีติ? ปณฺฑิตมานิกา หิ เต; อาทิโตว มาติกํ อฏฺเปตฺวา ยถา สลฺลกฺเขนฺติ, เอวํ อตฺเถ วิตฺถาริเต, เทสนํ อุตฺตานิกาติ มฺนฺตา อวชานนฺติ, มยมฺปิ กเถนฺตา เอวเมว กเถยฺยามาติ วตฺตาโร ภวนฺติ. เตน เนสํ ภควา ยถา น สกฺโกนฺติ สลฺลกฺเขตุํ, เอวํ สํขิตฺเตเนว ตาว ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. ตโต สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺเตหิ วิตฺถารเทสนํ ยาจิโต วิตฺถาเรน เทเสตุํ, เตน หิ คหปตโยติอาทิมาห. ตตฺถ เตน หีติ การณตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา มํ ตุมฺเห ยาจถ, ตสฺมาติ อตฺโถ.
๔๔๐. ติวิธนฺติ ตีหิ โกฏฺาเสหิ. กาเยนาติ กายทฺวาเรน. อธมฺมจริยาวิสมจริยาติ อธมฺมจริยสงฺขาตา วิสมจริยา. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺโถ, อธมฺมสฺส จริยา อธมฺมจริยา, อธมฺมกรณนฺติ อตฺโถ. วิสมา จริยา, วิสมสฺส วา กมฺมสฺส จริยาติ วิสมจริยา. อธมฺมจริยา จ สา วิสมจริยา จาติ อธมฺมจริยาวิสมจริยา. เอเตนุปาเยน สพฺเพสุ กณฺหสุกฺกปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ลุทฺโทติ กกฺขโฬ. ทารุโณติ สาหสิโก. โลหิตปาณีติ ปรํ ชีวิตา โวโรเปนฺตสฺส ปาณี โลหิเตน ลิปฺปนฺติ. สเจปิ น ลิปฺปนฺติ, ตถาวิโธ โลหิตปาณีตฺเวว วุจฺจติ. หตปฺปหเต นิวิฏฺโติ หเต จ ปรสฺส ปหารทาเน ¶ , ปหเต จ ปรมารเณ นิวิฏฺโ. อทยาปนฺโนติ นิกฺกรุณตํ อาปนฺโน.
ยํ ตํ ปรสฺสาติ ยํ ตํ ปรสฺส สนฺตกํ. ปรวิตฺตูปกรณนฺติ ตสฺเสว ปรสฺส วิตฺตูปกรณํ ตุฏฺิชนนํ ¶ ปริกฺขารภณฺฑกํ. คามคตํ วาติ อนฺโตคาเม วา ปิตํ. อรฺคตํ วาติ อรฺเ รุกฺขคฺคปพฺพตมตฺถกาทีสุ วา ปิตํ. อทินฺนนฺติ เตหิ ปเรหิ กาเยน วา วาจาย วา อทินฺนํ. เถยฺยสงฺขาตนฺติ เอตฺถ เถโนติ โจโร. เถนสฺส ภาโว เถยฺยํ, อวหรณจิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. สงฺขา สงฺขาตนฺติ อตฺถโต เอกํ, โกฏฺาสสฺเสตํ อธิวจนํ, ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา’’ติอาทีสุ วิย. เถยฺยฺจ ตํ สงฺขาตฺจาติ เถยฺยสงฺขาตํ, เถยฺยจิตฺตสงฺขาโต เอโก จิตฺตโกฏฺาโสติ อตฺโถ ¶ . กรณตฺเถ เจตํ ปจฺจตฺตวจนํ, ตสฺมา เถยฺยสงฺขาเตนาติ อตฺถโต ทฏฺพฺพํ.
มาตุรกฺขิตาติอาทีสุ ยํ ปิตริ นฏฺเ วา มเต วา ฆาสจฺฉาทนาทีหิ ปฏิชคฺคมานา, วยปตฺตํ กุลฆเร ทสฺสามีติ มาตา รกฺขติ, อยํ มาตุรกฺขิตา นาม. เอเตนุปาเยน ปิตุรกฺขิตาทโยปิ เวทิตพฺพา. สภาคกุลานิ ปน กุจฺฉิคเตสุปิ คพฺเภสุ กติกํ กโรนฺติ – ‘‘สเจ มยฺหํ ปุตฺโต โหติ, ตุยฺหํ ธีตา, อฺตฺถ คนฺตุํ น ลภิสฺสติ, มยฺหํ ปุตฺตสฺเสว โหตู’’ติ. เอวํ คพฺเภปิ ปริคฺคหิตา สสฺสามิกา นาม. ‘‘โย อิตฺถนฺนามํ อิตฺถึ คจฺฉติ, ตสฺส เอตฺตโก ทณฺโฑ’’ติ เอวํ คามํ วา เคหํ วา วีถึ วา อุทฺทิสฺส ปิตทณฺฑา, ปน สปริทณฺฑา นาม. อนฺตมโส มาลาคุณปริกฺขิตฺตาปีติ ยา สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน, ‘‘เอสา เม ภริยา ภวิสฺสตี’’ติ สฺาย ตสฺสา อุปริ เกนจิ มาลาคุณํ ขิปนฺเตน มาลาคุณมตฺเตนาปิ ปริกฺขิตฺตา โหติ. ตถารูปาสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตา โหตีติ เอวรูปาสุ อิตฺถีสุ สมฺมาทิฏฺิสุตฺเต วุตฺตมิจฺฉาจารลกฺขณวเสน วีติกฺกมํ กตฺตา โหติ.
สภาคโตติ สภายํ ิโต. ปริสาคโตติ ปริสายํ ิโต. าติมชฺฌคโตติ ทายาทานํ มชฺเฌ ิโต. ปูคมชฺฌคโตติ เสนีนํ มชฺเฌ ิโต. ราชกุลมชฺฌคโตติ ราชกุลสฺส มชฺเฌ มหาวินิจฺฉเย ิโต ¶ . อภินีโตติ ปุจฺฉนตฺถาย นีโต. สกฺขิปุฏฺโติ สกฺขึ กตฺวา ปุจฺฉิโต. เอหมฺโภ ปุริสาติ อาลปนเมตํ. อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วาติ อตฺตโน วา ปรสฺส วา หตฺถปาทาทิเหตุ วา ธนเหตุ วา. อามิสกิฺจิกฺขเหตุ วาติ เอตฺถ อามิสนฺติ ลาโภ อธิปฺเปโต. กิฺจิกฺขนฺติ ยํ วา ตํ วา อปฺปมตฺตกํ. อนฺตมโส ติตฺติรวฏฺฏกสปฺปิปิณฺฑนวนีตปิณฺฑาทิมตฺตกสฺสปิ ลฺชสฺส เหตูติ อตฺโถ. สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหตีติ ชานนฺโตเยว มุสาวาทํ กตฺตา โหติ.
อิเมสํ ¶ เภทายาติ เยสํ อิโตติ วุตฺตานํ สนฺติเก สุตํ โหติ, เตสํ เภทาย. อมูสํ เภทายาติ เยสํ อมุตฺราติ วุตฺตานํ สนฺติเก สุตํ โหติ, เตสํ เภทาย. อิติ สมคฺคานํ วา เภทกาติ เอวํ สมคฺคานํ วา ทฺวินฺนํ สหายกานํ เภทํ ¶ กตฺตา. ภินฺนานํ วา อนุปฺปทาตาติ สุฏฺุ กตํ ตยา, ตํ ปชหนฺเตน กติปาเหเนว เต มหนฺตํ อนตฺถํ กเรยฺยาติ เอวํ ภินฺนานํ ปุน อสํสนฺทนาย อนุปฺปทาตา อุปตฺถมฺเภตา การณํ ทสฺเสตาติ อตฺโถ. วคฺโค อาราโม อภิรติฏฺานมสฺสาติ วคฺคาราโม. วคฺครโตติ วคฺเคสุ รโต. วคฺเค ทิสฺวา วา สุตฺวา วา นนฺทตีติ วคฺคนนฺที. วคฺคกรณึ วาจนฺติ ยา วาจา สมคฺเคปิ สตฺเต วคฺเค กโรติ ภินฺทติ, ตํ กลหการณํ วาจํ ภาสิตา โหติ.
อณฺฑกาติ ยถา สโทเส รุกฺเข อณฺฑกานิ อุฏฺหนฺติ, เอวํ สโทสตาย ขุํสนาวมฺภนาทิวจเนหิ อณฺฑกา ชาตา. กกฺกสาติ ปูติกา. ยถา นาม ปูติกรุกฺโข กกฺกโส โหติ ปคฺฆริตจุณฺโณ, เอวํ กกฺกสา โหติ, โสตํ ฆํสมานา วิย ปวิสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กกฺกสา’’ติ. ปรกฏุกาติ ปเรสํ กฏุกา อมนาปา โทสชนนี. ปราภิสชฺชนีติ กุฏิลกณฺฏกสาขา วิย มมฺเมสุ วิชฺฌิตฺวา ปเรสํ อภิสชฺชนี คนฺตุกามานมฺปิ คนฺตุํ อทตฺวา ลคฺคนการี. โกธสามนฺตาติ โกธสฺส อาสนฺนา. อสมาธิสํวตฺตนิกาติ อปฺปนาสมาธิสฺส วา อุปจารสมาธิสฺส วา อสํวตฺตนิกา. อิติ สพฺพาเนว ตานิ สโทสวาจาย เววจนานิ.
อกาลวาทีติ อกาเลน วตฺตา. อภูตวาทีติ ยํ นตฺถิ, ตสฺส วตฺตา. อนตฺถวาทีติ อการณนิสฺสิตํ วตฺตา. อธมฺมวาทีติ อสภาวํ วตฺตา ¶ . อวินยวาทีติ อสํวรวินยปฏิสํยุตฺตสฺส วตฺตา. อนิธานวติ วาจนฺติ หทยมฺชูสายํ นิเธตุํ อยุตฺตํ วาจํ ภาสิตา โหติ. อกาเลนาติ วตฺตพฺพกาลสฺส ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา อยุตฺตกาเล วตฺตา โหติ. อนปเทสนฺติ สุตฺตาปเทสวิรหิตํ. อปริยนฺตวตินฺติ อปริจฺเฉทํ, สุตฺตํ วา ชาตกํ วา นิกฺขิปิตฺวา ตสฺส อุปลพฺภํ วา อุปมํ วา วตฺถุํ วา อาหริตฺวา พาหิรกถํเยว กเถติ. นิกฺขิตฺตํ นิกฺขิตฺตเมว โหติ. ‘‘สุตฺตํ นุ โข กเถติ ชาตกํ นุ โข, นสฺส อนฺตํ วา โกฏึ วา ปสฺสามา’’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติ. ยถา วฏรุกฺขสาขานํ คตคตฏฺาเน ปาโรหา โอตรนฺติ, โอติณฺโณติณฺณฏฺาเน สมฺปชฺชิตฺวา ปุน วฑฺฒนฺติเยว ¶ . เอวํ อฑฺฒโยชนมฺปิ โยชนมฺปิ ¶ คจฺฉนฺติเยว, คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต ปน มูลรุกฺโข วินสฺสติ, ปเวณิชาตกาว ติฏฺนฺติ. เอวมยมฺปิ นิคฺโรธธมฺมกถิโก นาม โหติ; นิกฺขิตฺตํ นิกฺขิตฺตมตฺตเมว กตฺวา ปสฺเสเนว ปริหรนฺโต คจฺฉติ. โย ปน พหุมฺปิ ภณนฺโต เอตทตฺถมิทํ วุตฺตนฺติ อาหริตฺวา ชานาเปตุํ สกฺโกติ, ตสฺส กเถตุํ วฏฺฏติ. อนตฺถสํหิตนฺติ น อตฺถนิสฺสิตํ.
อภิชฺฌาตา โหตีติ อภิชฺฌาย โอโลเกตา โหติ. อโห วตาติ ปตฺถนตฺเถ นิปาโต. อภิชฺฌาย โอโลกิตมตฺตเกน เจตฺถ กมฺมปถเภโท น โหติ. ยทา ปน, ‘‘อโห วติทํ มม สนฺตกํ อสฺส, อหเมตฺถ วสํ วตฺเตยฺย’’นฺติ อตฺตโน ปริณาเมติ, ตทา กมฺมปถเภโท โหติ, อยมิธ อธิปฺเปโต.
พฺยาปนฺนจิตฺโตติ วิปนฺนจิตฺโต ปูติภูตจิตฺโต. ปทุฏฺมนสงฺกปฺโปติ โทเสน ทุฏฺจิตฺตสงฺกปฺโป. หฺนฺตูติ ฆาติยนฺตู. วชฺฌนฺตูติ วธํ ปาปุณนฺตุ. มา วา อเหสุนฺติ กิฺจิปิ มา อเหสุํ. อิธาปิ โกปมตฺตเกน กมฺมปถเภโท น โหติ. หฺนฺตูติอาทิจินฺตเนเนว โหติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํ.
มิจฺฉาทิฏฺิโกติ อกุสลทสฺสโน. วิปรีตทสฺสโนติ วิปลฺลตฺถทสฺสโน. นตฺถิ ทินฺนนฺติ ทินฺนสฺส ผลาภาวํ สนฺธาย วทติ. ยิฏฺํ วุจฺจติ มหายาโค. หุตนฺติ ปเหณกสกฺกาโร อธิปฺเปโต, ตมฺปิ อุภยํ ผลาภาวเมว ¶ สนฺธาย ปฏิกฺขิปติ. สุกตทุกฺกฏานนฺติ สุกตทุกฺกฏานํ, กุสลากุสลานนฺติ อตฺโถ. ผลํ วิปาโกติ ยํ ผลนฺติ วา วิปาโกติ วา วุจฺจติ, ตํ นตฺถีติ วทติ. นตฺถิ อยํ โลโกติ ปรโลเก ิตสฺส อยํ โลโก นตฺถิ. นตฺถิ ปโร โลโกติ อิธ โลเก ิตสฺสปิ ปรโลโก นตฺถิ, สพฺเพ ตตฺถ ตตฺเถว อุจฺฉิชฺชนฺตีติ ทสฺเสติ. นตฺถิ มาตา นตฺถิ ปิตาติ เตสุ สมฺมาปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺตีนํ ผลาภาววเสน วทติ. นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกาติ จวิตฺวา อุปปชฺชนกสตฺตา นาม นตฺถีติ วทติ. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทนฺตีติ เย อิมฺจ โลกํ ปรฺจ โลกํ อภิวิสิฏฺาย ปฺาย สยํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ปเวเทนฺติ, เต นตฺถีติ สพฺพฺุพุทฺธานํ อภาวํ ¶ ทีเปติ, เอตฺตาวตา ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฏฺิ กถิตา โหติ.
๔๔๑. ปาณาติปาตํ ¶ ปหายาติอาทโย สตฺต กมฺมปถา จูฬหตฺถิปเท วิตฺถาริตา. อนภิชฺฌาทโย อุตฺตานตฺถาเยว.
๔๔๒. สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยนฺติ สหภาวํ อุปคจฺเฉยฺยํ. พฺรหฺมกายิกานํ เทวานนฺติ ปมชฺฌานภูมิเทวานํ. อาภานํ เทวานนฺติ อาภา นาม วิสุํ นตฺถิ, ปริตฺตาภอปฺปมาณาภอาภสฺสรานเมตํ อธิวจนํ. ปริตฺตาภานนฺติอาทิ ปน เอกโต อคฺคเหตฺวา เตสํเยว เภทโต คหณํ. ปริตฺตสุภานนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อิติ ภควา อาสวกฺขยํ ทสฺเสตฺวา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺเปสิ.
อิธ ตฺวา ปน เทวโลกา สมาเนตพฺพา. ติสฺสนฺนํ ตาว ฌานภูมีนํ วเสน นว พฺรหฺมโลกา, ปฺจ สุทฺธาวาสา จตูหิ อารูเปหิ สทฺธึ นวาติ อฏฺารส, เวหปฺผเลหิ สทฺธึ เอกูนวีสติ, เต อสฺํ ปกฺขิปิตฺวา วีสติ พฺรหฺมโลกา โหนฺติ, เอวํ ฉหิ กามาวจเรหิ สทฺธึ ฉพฺพีสติ เทวโลกา นาม. เตสํ สพฺเพสมฺปิ ภควตา ทสกุสลกมฺมปเถหิ นิพฺพตฺติ ทสฺสิตา.
ตตฺถ ฉสุ ตาว กามาวจเรสุ ติณฺณํ สุจริตานํ วิปาเกเนว นิพฺพตฺติ โหติ. อุปริเทวโลกานํ ปน อิเม กมฺมปถา อุปนิสฺสยวเสน กถิตา ¶ . ทส กุสลกมฺมปถา หิ สีลํ, สีลวโต จ กสิณปริกมฺมํ อิชฺฌตีติ. สีเล ปติฏฺาย กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺตติ; ทุติยาทีนิ ภาเวตฺวา ทุติยชฺฌานภูมิอาทีสุ นิพฺพตฺตติ; รูปาวจรชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺิโต ปฺจสุ สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺตติ; รูปาวจรชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา อรูปาวจรสมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา จตูสุ อรูเปสุ นิพฺพตฺตติ; รูปารูปชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ. อสฺภโว ปน พาหิรกานํ ตาปสปริพฺพาชกานํ อาจิณฺโณติ อิธ น นิทฺทิฏฺโ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
สาเลยฺยกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. เวรฺชกสุตฺตวณฺณนา
๔๔๔. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ เวรฺชกสุตฺตํ. ตตฺถ เวรฺชกาติ เวรฺชวาสิโน. เกนจิเทว กรณีเยนาติ เกนจิเทว อนิยมิตกิจฺเจน. เสสํ สพฺพํ ปุริมสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เกวลฺหิ อิธ อธมฺมจารี วิสมจารีติ เอวํ ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตา. ปุริมสุตฺเต ธมฺมาธิฏฺานาติ อยํ วิเสโส. เสสํ ตาทิสเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
เวรฺชกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มหาเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา
๔๔๙. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ มหาเวทลฺลสุตฺตํ. ตตฺถ อายสฺมาติ สคารวสปฺปติสฺสวจนเมตํ. มหาโกฏฺิโกติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ ผลสมาปตฺติโต วุฏฺิโต. ทุปฺปฺโ ทุปฺปฺโติ เอตฺถ ปฺาย ทุฏฺํ นาม นตฺถิ, อปฺปฺโ นิปฺปฺโติ อตฺโถ. กิตฺตาวตา นุ โขติ การณปริจฺเฉทปุจฺฉา, กิตฺตเกน นุ โข เอวํ วุจฺจตีติ ¶ อตฺโถ. ปุจฺฉา จ นาเมสา อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา, ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา, วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา, อนุมติปุจฺฉา, กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ ปฺจวิธา โหติ. ตาสมิทํ นานากรณํ –
กตมา อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ อฺาตํ โหติ อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ, ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ตุลนาย ตีรณาย วิภูตาย วิภาวนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ. อยํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา.
กตมา ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา? ปกติยา ลกฺขณํ าตํ โหติ ทิฏฺํ ตุลิตํ ตีริตํ วิภูตํ วิภาวิตํ, อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ. อยํ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา.
กตมา วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา? ปกติยา สํสยปกฺขนฺโท โหติ วิมติปกฺขนฺโท, ทฺเวฬฺหกชาโต, ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กึ นุ โข, กถํ นุ โข’’ติ, โส วิมติจฺเฉทนตฺถาย ¶ ปฺหํ ปุจฺฉติ. อยํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา (มหานิ. ๑๕๐; จูฬนิ. ปุณฺณกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑๒).
‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วาติ? อนิจฺจํ, ภนฺเต’’ติ (มหาว. ๒๑) เอวรูปา อนุมตึ คเหตฺวา ธมฺมเทสนากาเล ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉา นาม.
‘‘จตฺตาโรเม ¶ , ภิกฺขเว, สติปฏฺานา, กตเม จตฺตาโร’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๙๐) เอวรูปา ภิกฺขุสงฺฆํ สยเมว ปุจฺฉิตฺวา สยเมว วิสฺสชฺเชตุกามสฺส ปุจฺฉา กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา นาม. ตาสุ อิธ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา อธิปฺเปตา.
เถโร หิ อตฺตโน ทิวาฏฺาเน นิสีทิตฺวา สยเมว ปฺหํ สมุฏฺเปตฺวา สยํ วินิจฺฉินนฺโต อิทํ สุตฺตํ อาทิโต ปฏฺาย มตฺถกํ ปาเปสิ. เอกจฺโจ หิ ปฺหํ สมุฏฺาเปตุํเยว สกฺโกติ น นิจฺเฉตุํ; เอกจฺโจ นิจฺเฉตุํ สกฺโกติ น สมุฏฺาเปตุํ; เอกจฺโจ อุภยมฺปิ น สกฺโกติ; เอกจฺโจ อุภยมฺปิ สกฺโกติ. เตสุ เถโร อุภยมฺปิ สกฺโกติเยว. กสฺมา? มหาปฺตาย. มหาปฺํ นิสฺสาย หิ อิมสฺมึ สาสเน สาริปุตฺตตฺเถโร, มหากจฺจานตฺเถโร, ปุณฺณตฺเถโร, กุมารกสฺสปตฺเถโร, อานนฺทตฺเถโร, อยเมว อายสฺมาติ สมฺพหุลา เถรา วิเสสฏฺานํ อธิคตา. น หิ สกฺกา ยาย วา ตาย วา อปฺปมตฺติกาย ปฺาย สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ¶ สาวกปารมีาณสฺส มตฺถกํ ปาปุณิตุํ, มหาปฺเน ปน สกฺกาติ มหาปฺตาย สาริปุตฺตตฺเถโร ตํ านํ อธิคโต. ปฺาย หิ เถเรน สทิโส นตฺถิ. เตเนว นํ ภควา เอตทคฺเค เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ มหาปฺานํ ยทิทํ สาริปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๙).
ตถา น สกฺกา ยาย วา ตาย วา อปฺปมตฺติกาย ปฺาย สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภควตา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา สมาเนตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชตุํ, มหาปฺเน ปน สกฺกาติ มหาปฺตาย มหากจฺจานตฺเถโร ตตฺถ ปฏิพโล ชาโต, เตเนว นํ ภควา เอตทคฺเค เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ ยทิทํ มหากจฺจาโน’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๗).
ตถา ¶ น สกฺกา ยาย วา ตาย วา อปฺปมตฺติกาย ปฺาย สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ธมฺมกถํ กเถนฺเตน ทส กถาวตฺถูนิ อาหริตฺวา สตฺต วิสุทฺธิโย วิภชนฺเตน ธมฺมกถํ กเถตุํ, มหาปฺเน ปน สกฺกาติ มหาปฺตาย ปุณฺณตฺเถโร จตุปริสมชฺเฌ อลงฺกตธมฺมาสเน จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา นิสินฺโน ลีฬายนฺโต ปุณฺณจนฺโท วิย ธมฺมํ กเถสิ. เตเนว นํ ภควา เอตทคฺเค ¶ เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๖).
ตถา ยาย วา ตาย วา อปฺปมตฺติกาย ปฺาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ธมฺมํ กเถนฺโต อิโต วา เอตฺโต วา อนุกฺกมิตฺวา ยฏฺิโกฏึ คเหตฺวา อนฺโธ วิย, เอกปทิกํ ทณฺฑกเสตุํ อารุฬฺโห วิย จ คจฺฉติ. มหาปฺโ ปน จตุปฺปทิกํ คาถํ นิกฺขิปิตฺวา อุปมา จ การณานิ จ อาหริตฺวา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ คเหตฺวา เหฏฺุปริยํ กโรนฺโต กเถสิ. มหาปฺตาย ปน กุมารกสฺสปตฺเถโร จตุปฺปทิกํ คาถํ นิกฺขิปิตฺวา อุปมา จ การณานิ จ อาหริตฺวา เตหิ สทฺธึ โยเชนฺโต ชาตสฺสเร ปฺจวณฺณานิ กุสุมานิ ผุลฺลาเปนฺโต วิย สิเนรุมตฺถเก วฏฺฏิสหสฺสํ เตลปทีปํ ชาเลนฺโต วิย เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ เหฏฺุปริยํ กโรนฺโต ¶ กเถสิ. เตเนว นํ ภควา เอตทคฺเค เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ จิตฺตกถิกานํ ยทิทํ กุมารกสฺสโป’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๗).
ตถา ยาย วา ตาย วา อปฺปมตฺติกาย ปฺาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ จตูหิ มาเสหิ จตุปฺปทิกมฺปิ คาถํ คเหตุํ น สกฺโกติ. มหาปฺโ ปน เอกปเท ตฺวา ปทสตมฺปิ ปทสหสฺสมฺปิ คณฺหาติ. อานนฺทตฺเถโร ปน มหาปฺตาย เอกปทุทฺธาเร ตฺวา สกึเยว สุตฺวา ปุน อปุจฺฉนฺโต สฏฺิ ปทสหสฺสานิ ปนฺนรส คาถาสหสฺสานิ วลฺลิยา ปุปฺผานิ อากฑฺฒิตฺวา คณฺหนฺโต วิย เอกปฺปหาเรเนว คณฺหาติ. คหิตคหิตํ ปาสาเณ ขตเลขา วิย, สุวณฺณฆเฏ ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย จ คหิตากาเรเนว ติฏฺติ. เตเนว นํ ภควา เอตทคฺเค เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ คติมนฺตานํ ยทิทํ อานนฺโท ¶ , สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, พหุสฺสุตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓).
น หิ สกฺกา ยาย วา ตาย วา อปฺปมตฺติกาย ปฺาย สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา จตุปฏิสมฺภิทาปเภทสฺส มตฺถกํ ปาปุณิตุํ. มหาปฺเน ปน สกฺกาติ มหาปฺตาย มหาโกฏฺิตตฺเถโร อธิคมปริปุจฺฉาสวนปุพฺพโยคานํ วเสน อนนฺตนยุสฺสทํ ปฏิสมฺภิทาปเภทํ ปตฺโต. เตเนว นํ ภควา เอตทคฺเค เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ ยทิทํ มหาโกฏฺิโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๘).
อิติ ¶ เถโร มหาปฺตาย ปฺหํ สมุฏฺาเปตุมฺปิ นิจฺเฉตุมฺปีติ อุภยมฺปิ สกฺโกติ. โส ทิวาฏฺาเน นิสีทิตฺวา สยเมว สพฺพปฺเห สมุฏฺเปตฺวา สยํ วินิจฺฉินนฺโต อิทํ สุตฺตํ อาทิโต ปฏฺาย มตฺถกํ ปาเปตฺวา, ‘‘โสภนา วต อยํ ธมฺมเทสนา, เชฏฺภาติเกน นํ ธมฺมเสนาปตินา สทฺธึ สํสนฺทิสฺสามิ, ตโต อยํ ทฺวินฺนมฺปิ อมฺหากํ เอกมติยา เอกชฺฌาสเยน จ ปิตา อติครุกา ภวิสฺสติ ปาสาณจฺฉตฺตสทิสา, จตุโรฆนิตฺถรณตฺถิกานํ ติตฺเถ ปิตนาวา วิย, มคฺคคมนตฺถิกานํ สหสฺสยุตฺตอาชฺรโถ วิย พหุปการา ภวิสฺสตี’’ติ ทิฏฺสํสนฺทนตฺถํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตาสุ อิธ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา อธิปฺเปตา’’ติ.
นปฺปชานาตีติ ¶ เอตฺถ ยสฺมา นปฺปชานาติ, ตสฺมา ทุปฺปฺโติ วุจฺจตีติ อยมตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อิทํ ทุกฺขนฺติ นปฺปชานาตีติ อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, อิโต อุทฺธํ นตฺถีติ ทุกฺขสจฺจํ ยาถาวสรสลกฺขณโต น ปชานาติ. อยํ ทุกฺขสมุทโยติ อิโต ทุกฺขํ สมุเทตีติ ปวตฺติทุกฺขปภาวิกา ตณฺหา สมุทยสจฺจนฺติ ยาถาวสรสลกฺขณโต น ปชานาติ. อยํ ทุกฺขนิโรโธติ อิทํ ทุกฺขํ อยํ ทุกฺขสมุทโย จ อิทํ นาม านํ ปตฺวา นิรุชฺฌตีติ อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิพฺพานํ นิโรธสจฺจนฺติ ยาถาวสรสลกฺขณโต น ปชานาติ. อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ อยํ ปฏิปทา ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉตีติ มคฺคสจฺจํ ยาถาวสรสลกฺขณโต น ปชานาตีติ. อนนฺตรวาเรปิ ¶ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สงฺเขปโต ปเนตฺถ จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก ปุคฺคโล กถิโตติ เวทิตพฺโพ.
อยฺหิ อาจริยสนฺติเก จตฺตาริ สจฺจานิ สวนโต อุคฺคณฺหาติ. เปตฺวา ตณฺหํ เตภูมกา ธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ, ตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิพฺพานํ นิโรธสจฺจํ, ทุกฺขสจฺจํ ปริชานนฺโต สมุทยสจฺจํ ปชหนฺโต นิโรธปาปโน มคฺโค มคฺคสจฺจนฺติ เอวํ อุคฺคเหตฺวา อภินิวิสติ. ตตฺถ ปุริมานิ ทฺเว สจฺจานิ วฏฺฏํ, ปจฺฉิมานิ วิวฏฺฏํ, วฏฺเฏ อภินิเวโส โหติ, โน วิวฏฺเฏ, ตสฺมา อยํ อภินิวิสมาโน ทุกฺขสจฺเจ อภินิวิสติ.
ทุกฺขสจฺจํ นาม รูปาทโย ปฺจกฺขนฺธาติ ววตฺถเปตฺวา ธาตุกมฺมฏฺานวเสน โอตริตฺวา, ‘‘จตฺตาริ มหาภูตานิ จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทาย รูปํ รูป’’นฺติ ววตฺถเปติ. ตทารมฺมณา เวทนา สฺา สงฺขารา วิฺาณํ นามนฺติ เอวํ ยมกตาลกฺขนฺธํ ภินฺทนฺโต วิย ‘‘ทฺเวว อิเม ธมฺมา ¶ นามรูป’’นฺติ ววตฺถเปติ. ตํ ปเนตํ น อเหตุกํ สเหตุกํ สปฺปจฺจยํ, โก จสฺส ปจฺจโย อวิชฺชาทโย ธมฺมาติ เอวํ ปจฺจเย เจว ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺเม จ ววตฺถเปตฺวา ‘‘สพฺเพปิ ธมฺมา หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา’’ติ อนิจฺจลกฺขณํ อาโรเปติ, ตโต อุทยวยปฺปฏิปีฬนากาเรน ทุกฺขา, อวสวตฺตนากาเรน อนตฺตาติ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา สมฺมสนฺโต โลกุตฺตรมคฺคํ ปาปุณาติ.
มคฺคกฺขเณ ¶ จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ, เอกาภิสมเยน อภิสเมติ. ทุกฺขํ ปริฺาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ. สมุทยํ ปหานปฏิเวเธน, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาปฏิเวเธน, มคฺคํ ภาวนาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ. ทุกฺขํ ปริฺาภิสมเยน อภิสเมติ, สมุทยํ ปหานาภิสมเยน, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน, มคฺคํ ภาวนาภิสมเยน อภิสเมติ. โส ตีณิ สจฺจานิ กิจฺจโต ปฏิวิชฺฌติ, นิโรธํ อารมฺมณโต. ตสฺมิฺจสฺส ขเณ อหํ ทุกฺขํ ปริชานามิ, สมุทยํ ปชหามิ, นิโรธํ สจฺฉิกโรมิ, มคฺคํ ภาเวมีติ อาโภคสมนฺนาหารมนสิการปจฺจเวกฺขณา นตฺถิ. เอตสฺส ปน ปริคฺคณฺหนฺตสฺเสว มคฺโค ¶ ตีสุ สจฺเจสุ ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺโตว นิโรธํ อารมฺมณโต ปฏิวิชฺฌตีติ.
ตสฺมา ปฺวาติ วุจฺจตีติ เอตฺถ เหฏฺิมโกฏิยา โสตาปนฺโน, อุปริมโกฏิยา ขีณาสโว ปฺวาติ นิทฺทิฏฺโ. โย ปน เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ ปาฬิโต จ อตฺถโต จ อนุสนฺธิโต จ ปุพฺพาปรโต จ อุคฺคเหตฺวา เหฏฺุปริยํ กโรนฺโต วิจรติ, อนิจฺจทุกฺขานตฺตวเสน ปริคฺคหมตฺตมฺปิ นตฺถิ, อยํ ปฺวา นาม, ทุปฺปฺโ นามาติ? วิฺาณจริโต นาเมส, ปฺวาติ น วตฺตพฺโพ. อถ โย ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา สมฺมสนฺโต อชฺช อชฺเชว อรหตฺตนฺติ จรติ, อยํ ปฺวา นาม, ทุปฺปฺโ นามาติ? ภชาปิยมาโน ปฺวาปกฺขํ ภชติ. สุตฺเต ปน ปฏิเวโธว กถิโต.
วิฺาณํ วิฺาณนฺติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? เยน วิฺาเณน สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา เอส ปฺวา นาม ชาโต, ตสฺส อาคมนวิปสฺสนา วิฺาณํ กมฺมการกจิตฺตํ ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติ. สุขนฺติปิ วิชานาตีติ สุขเวทนมฺปิ วิชานาติ. อุปริปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อิมินา ¶ เถโร ‘‘สุขํ เวทนํ เวทยมาโน สุขํ เวทนํ เวทยามีติ ปชานาตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๑๓; ที. นิ. ๒.๓๘๐) นเยน อาคตเวทนาวเสน อรูปกมฺมฏฺานํ กเถสิ. ตสฺสตฺโถ สติปฏฺาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
สํสฏฺาติ ¶ เอกุปฺปาทาทิลกฺขเณน สํโยคฏฺเน สํสฏฺา, อุทาหุ วิสํสฏฺาติ ปุจฺฉติ. เอตฺถ จ เถโร มคฺคปฺฺจ วิปสฺสนาวิฺาณฺจาติ อิเม ทฺเว โลกิยโลกุตฺตรธมฺเม มิสฺเสตฺวา ภูมนฺตรํ ภินฺทิตฺวา สมยํ อชานนฺโต วิย ปุจฺฉตีติ น เวทิตพฺโพ. มคฺคปฺาย ปน มคฺควิฺาเณน, วิปสฺสนาปฺาย จ วิปสฺสนาวิฺาเณเนว สทฺธึ สํสฏฺภาวํ ปุจฺฉตีติ เวทิตพฺโพ. เถโรปิสฺส ตเมวตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺโต อิเม ธมฺมา สํสฏฺาติอาทิมาห. ตตฺถ น จ ลพฺภา อิเมสํ ธมฺมานนฺติ อิเมสํ โลกิยมคฺคกฺขเณปิ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณปิ เอกโต อุปฺปนฺนานํ ทฺวินฺนํ ธมฺมานํ. วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวาติ วิสุํ วิสุํ กตฺวา วินิวฏฺเฏตฺวา, อารมฺมณโต วา วตฺถุโต วา อุปฺปาทโต วา นิโรธโต วา นานากรณํ ¶ ทสฺเสตุํ น สกฺกาติ อตฺโถ. เตสํ เตสํ ปน ธมฺมานํ วิสโย นาม อตฺถิ. โลกิยธมฺมํ ปตฺวา หิ จิตฺตํ เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, โลกุตฺตรํ ปตฺวา ปฺา.
สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ หิ โลกิยธมฺมํ ปุจฺฉนฺโต, ‘‘ภิกฺขุ, ตฺวํ กตมํ ปฺํ อธิคโต, กึ ปมมคฺคปฺํ, อุทาหุ ทุติย ตติย จตุตฺถ มคฺคปฺ’’นฺติ น เอวํ ปุจฺฉติ. กึ ผสฺโส ตฺวํ, ภิกฺขุ, กึ เวทโน, กึ สฺโ, กึ เจตโนติ น จ ปุจฺฉติ, จิตฺตวเสน ปน, ‘‘กิฺจิตฺโต ตฺวํ, ภิกฺขู’’ติ (ปารา. ๑๓๕) ปุจฺฉติ. กุสลากุสลํ ปฺเปนฺโตปิ ‘‘มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา, มโนเสฏฺา มโนมยา’’ติ (ธ. ป. ๑, ๒) จ, ‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ (ธ. ส. ๑) จ เอวํ จิตฺตวเสเนว ปฺาเปติ. โลกุตฺตรํ ปุจฺฉนฺโต ปน กึ ผสฺโส ตฺวํ ภิกฺขุ, กึ เวทโน, กึ สฺโ, กึ เจตโนติ น ปุจฺฉติ. กตมา เต, ภิกฺขุ, ปฺา อธิคตา, กึ ปมมคฺคปฺา, อุทาหุ ทุติยตติยจตุตฺถมคฺคปฺาติ เอวํ ปฺาวเสเนว ปุจฺฉติ.
อินฺทฺริยสํยุตฺเตปิ ‘‘ปฺจิมานิ, ภิกฺขเว, อินฺทฺริยานิ. กตมานิ ปฺจ? สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริยํ. กตฺถ จ, ภิกฺขเว, สทฺธินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ ¶ โสตาปตฺติยงฺเคสุ เอตฺถ สทฺธินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ. กตฺถ จ, ภิกฺขเว, วีริยินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ สมฺมปฺปธาเนสุ เอตฺถ วีริยินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ. กตฺถ จ, ภิกฺขเว, สตินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ สติปฏฺาเนสุ เอตฺถ สตินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ. กตฺถ จ, ภิกฺขเว, สมาธินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ ฌาเนสุ เอตฺถ สมาธินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ. กตฺถ จ, ภิกฺขเว, ปฺินฺทฺริยํ ทฏฺพฺพํ? จตูสุ อริยสจฺเจสุ เอตฺถ ปฺินฺทฺริยํ ¶ ทฏฺพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๔๗๘). เอวํ สวิสยสฺมึเยว โลกิยโลกุตฺตรา ธมฺมา กถิตา.
ยถา หิ จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา ราชาติ ราชปฺจเมสุ สหาเยสุ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามาติ วีถึ โอติณฺเณสุ เอกสฺส เสฏฺิปุตฺตสฺส เคหํ คตกาเล อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว, ‘‘อิเมสํ ขาทนียํ โภชนียํ เทถ, คนฺธมาลาลงฺการาทีนิ ¶ เทถา’’ติ เคเห วิจาเรติ. ทุติยสฺส ตติยสฺส จตุตฺถสฺส เคหํ คตกาเล อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว, ‘‘อิเมสํ ขาทนียํ โภชนียํ เทถ, คนฺธมาลาลงฺการาทีนิ เทถา’’ติ เคเห วิจาเรติ. อถ สพฺพปจฺฉา รฺโ เคหํ คตกาเล กิฺจาปิ ราชา สพฺพตฺถ อิสฺสโรว, อิมสฺมึ ปน กาเล อตฺตโน เคเหเยว, ‘‘อิเมสํ ขาทนียํ โภชนียํ เทถ, คนฺธมาลาลงฺการาทีนิ เทถา’’ติ วิจาเรติ. เอวเมวํ โข สทฺธาปฺจมเกสุ อินฺทฺริเยสุ เตสุ สหาเยสุ เอกโต วีถึ โอตรนฺเตสุ วิย เอการมฺมเณ อุปฺปชฺชมาเนสุปิ ยถา ปมสฺส เคเห อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว วิจาเรติ, เอวํ โสตาปตฺติยงฺคานิ ปตฺวา อธิโมกฺขลกฺขณํ สทฺธินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ. ยถา ทุติยสฺส เคเห อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว วิจาเรติ, เอวํ สมฺมปฺปธานานิ ปตฺวา ปคฺคหณลกฺขณํ วีริยินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ. ยถา ตติยสฺส เคเห อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว วิจาเรติ, เอวํ สติปฏฺานานิ ปตฺวา อุปฏฺานลกฺขณํ สตินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ. ยถา จตุตฺถสฺส เคเห อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, เคหสามิโกว วิจาเรติ, เอวํ ฌานวิโมกฺเข ปตฺวา อวิกฺเขปลกฺขณํ สมาธินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ. สพฺพปจฺฉา รฺโ เคหํ คตกาเล ปน ยถา อิตเร จตฺตาโร ตุณฺหี นิสีทนฺติ, ราชาว เคเห วิจาเรติ, เอวเมว อริยสจฺจานิ ปตฺวา ปชานนลกฺขณํ ปฺินฺทฺริยเมว เชฏฺกํ โหติ ปุพฺพงฺคมํ, เสสานิ ตทนฺวยานิ โหนฺติ.
อิติ ¶ ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺเค ปิโต มหาโกฏฺิตตฺเถโร โลกิยธมฺมํ ปุจฺฉนฺโต จิตฺตํ เชฏฺกํ จิตฺตํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปุจฺฉิ; โลกุตฺตรธมฺมํ ปุจฺฉนฺโต ¶ ปฺํ เชฏฺกํ ปฺํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปุจฺฉิ. ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถโรปิ ตเถว วิสฺสชฺเชสีติ.
ยํ หาวุโส, ปชานาตีติ ยํ จตุสจฺจธมฺมมิทํ ทุกฺขนฺติอาทินา นเยน มคฺคปฺา ปชานาติ. ตํ วิชานาตีติ ¶ มคฺควิฺาณมฺปิ ตเถว ตํ วิชานาติ. ยํ วิชานาตีติ ยํ สงฺขารคตํ อนิจฺจนฺติอาทินา นเยน วิปสฺสนาวิฺาณํ วิชานาติ. ตํ ปชานาตีติ วิปสฺสนาปฺาปิ ตเถว ตํ ปชานาติ. ตสฺมา อิเม ธมฺมาติ เตน การเณน อิเม ธมฺมา. สํสฏฺาติ เอกุปฺปาทเอกนิโรธเอกวตฺถุกเอการมฺมณตาย สํสฏฺา.
ปฺา ภาเวตพฺพาติ อิทํ มคฺคปฺํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตํสมฺปยุตฺตํ ปน วิฺาณํ ตาย สทฺธึ ภาเวตพฺพเมว โหติ. วิฺาณํ ปริฺเยฺยนฺติ อิทํ วิปสฺสนาวิฺาณํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตํสมฺปยุตฺตา ปน ปฺา เตน สทฺธึ ปริชานิตพฺพาว โหติ.
๔๕๐. เวทนา เวทนาติ อิทํ กสฺมา ปุจฺฉติ? เวทนาลกฺขณํ ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ. เอวํ สนฺเตปิ เตภูมิกสมฺมสนจารเวทนาว อธิปฺเปตาติ สลฺลกฺเขตพฺพา. สุขมฺปิ เวเทตีติ สุขํ อารมฺมณํ เวเทติ อนุภวติ. ปรโต ปททฺวเยปิ เอเสว นโย. ‘‘รูปฺจ หิทํ, มหาลิ, เอกนฺตทุกฺขํ อภวิสฺส, ทุกฺขานุปติตํ ทุกฺขาวกฺกนฺตํ อนวกฺกนฺตํ สุเขน, นยิทํ สตฺตา รูปสฺมึ สารชฺเชยฺยุํ. ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺตํ อนวกฺกนฺตํ ทุกฺเขน, ตสฺมา สตฺตา รูปสฺมึ สารชฺชนฺติ, สาราคา สํยุชฺชนฺติ, สํโยคา สํกิลิสฺสนฺติ. เวทนา จ หิทํ… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณฺจ หิทํ, มหาลิ, เอกนฺตทุกฺขํ อภวิสฺส…เป… สํกิลิสฺสนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗๐) อิมินา หิ มหาลิสุตฺตปริยาเยน อิธ อารมฺมณํ สุขํ ทุกฺขํ อทุกฺขมสุขนฺติ กถิตํ. อปิจ ปุริมํ สุขํ เวทนํ อารมฺมณํ กตฺวา อปรา สุขา เวทนา เวเทติ; ปุริมํ ทุกฺขํ เวทนํ อารมฺมณํ กตฺวา อปรา ทุกฺขา เวทนา เวเทติ; ปุริมํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ อารมฺมณํ กตฺวา อปรา อทุกฺขมสุขา เวทนา เวเทตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เวทนาเยว หิ เวเทติ, น อฺโ โกจิ เวทิตา นาม อตฺถีติ วุตฺตเมตํ.
สฺา ¶ ¶ สฺาติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? สพฺพสฺาย ลกฺขณํ. กึ สพฺพตฺถกสฺายาติ? สพฺพสฺาย ลกฺขณนฺติปิ ¶ สพฺพตฺถกสฺาย ลกฺขณนฺติปิ เอกเมเวตํ, เอวํ สนฺเตปิ เตภูมิกสมฺมสนจารสฺาว อธิปฺเปตาติ สลฺลกฺเขตพฺพา. นีลกมฺปิ สฺชานาตีติ นีลปุปฺเผ วา วตฺเถ วา ปริกมฺมํ กตฺวา อุปจารํ วา อปฺปนํ วา ปาเปนฺโต สฺชานาติ. อิมสฺมิฺหิ อตฺเถ ปริกมฺมสฺาปิ อุปจารสฺาปิ อปฺปนาสฺาปิ วฏฺฏติ. นีเล นีลนฺติ อุปฺปชฺชนกสฺาปิ วฏฺฏติเยว. ปีตกาทีสุปิ เอเสว นโย.
ยา จาวุโส, เวทนาติ เอตฺถ เวทนา, สฺา, วิฺาณนฺติ อิมานิ ตีณิ คเหตฺวา ปฺา กสฺมา น คหิตาติ? อสพฺพสงฺคาหิกตฺตา. ปฺาย หิ คหิตาย ปฺาย สมฺปยุตฺตาว เวทนาทโย ลพฺภนฺติ, โน วิปฺปยุตฺตา. ตํ ปน อคฺคเหตฺวา อิเมสุ คหิเตสุ ปฺาย สมฺปยุตฺตา จ วิปฺปยุตฺตา จ อนฺตมโส ทฺเว ปฺจวิฺาณธมฺมาปิ ลพฺภนฺติ. ยถา หิ ตโย ปุริสา สุตฺตํ สุตฺตนฺติ วเทยฺยุํ, จตุตฺโถ รตนาวุตสุตฺตนฺติ. เตสุ ปุริมา ตโย ตกฺกคตมฺปิ ปฏฺฏิวฏฺฏกาทิคตมฺปิ ยํกิฺจิ พหุํ สุตฺตํ ลภนฺติ อนฺตมโส มกฺกฏกสุตฺตมฺปิ. รตนาวุตสุตฺตํ ปริเยสนฺโต มนฺทํ ลภติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. เหฏฺโต วา ปฺา วิฺาเณน สทฺธึ สมฺปโยคํ ลภาปิตา วิสฺสฏฺตฺตาว อิธ น คหิตาติ วทนฺติ. ยํ หาวุโส, เวเทตีติ ยํ อารมฺมณํ เวทนา เวเทติ, สฺาปิ ตเทว สฺชานาติ. ยํ สฺชานาตีติ ยํ อารมฺมณํ สฺา สฺชานาติ, วิฺาณมฺปิ ตเทว วิชานาตีติ อตฺโถ.
อิทานิ สฺชานาติ วิชานาติ ปชานาตีติ เอตฺถ วิเสโส เวทิตพฺโพ. ตตฺถ อุปสคฺคมตฺตเมว วิเสโส. ชานาตีติ ปทํ ปน อวิเสโส. ตสฺสาปิ ชานนตฺเถ วิเสโส เวทิตพฺโพ. สฺา หิ นีลาทิวเสน อารมฺมณํ สฺชานนมตฺตเมว, อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ลกฺขณปฏิเวธํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ. วิฺาณํ นีลาทิวเสน อารมฺมณฺเจว สฺชานาติ, อนิจฺจาทิลกฺขณปฏิเวธฺจ ปาเปติ, อุสฺสกฺกิตฺวา ปน มคฺคปาตุภาวํ ปาเปตุํ น สกฺโกติ. ปฺา นีลาทิวเสน อารมฺมณมฺปิ ¶ สฺชานาติ, อนิจฺจาทิวเสน ¶ ลกฺขณปฏิเวธมฺปิ ปาเปติ, อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปาตุภาวํ ปาเปตุมฺปิ สกฺโกติ.
ยถา หิ เหรฺิกผลเก กหาปณราสิมฺหิ กเต อชาตพุทฺธิ ทารโก คามิกปุริโส มหาเหรฺิโกติ ¶ ตีสุ ชเนสุ โอโลเกตฺวา ิเตสุ อชาตพุทฺธิ ทารโก กหาปณานํ จิตฺตวิจิตฺตจตุรสฺสมณฺฑลภาวเมว ชานาติ, อิทํ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ รตนสมฺมตนฺติ น ชานาติ. คามิกปุริโส จิตฺตาทิภาวฺเจว ชานาติ, มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภครตนสมฺมตภาวฺจ. ‘‘อยํ กูโฏ อยํ เฉโก อยํ กรโต อยํ สณฺโห’’ติ ปน น ชานาติ. มหาเหรฺิโก จิตฺตาทิภาวมฺปิ รตนสมฺมตภาวมฺปิ กูฏาทิภาวมฺปิ ชานาติ, ชานนฺโต จ ปน นํ รูปํ ทิสฺวาปิ ชานาติ, อาโกฏิตสฺส สทฺทํ สุตฺวาปิ, คนฺธํ ฆายิตฺวาปิ, รสํ สายิตฺวาปิ, หตฺเถน ครุกลหุกภาวํ อุปธาเรตฺวาปิ อสุกคาเม กโตติปิ ชานาติ, อสุกนิคเม อสุกนคเร อสุกปพฺพตจฺฉายาย อสุกนทีตีเร กโตติปิ, อสุกาจริเยน กโตติปิ ชานาติ. เอวเมวํ สฺา อชาตพุทฺธิทารกสฺส กหาปณทสฺสนํ วิย นีลาทิวเสน อารมฺมณมตฺตเมว สฺชานาติ. วิฺาณํ คามิกปุริสสฺส กหาปณทสฺสนํ วิย นีลาทิวเสน อารมฺมณมฺปิ สฺชานาติ, อนิจฺจาทิวเสน ลกฺขณปฏิเวธมฺปิ ปาเปติ. ปฺา มหาเหรฺิกสฺส กหาปณทสฺสนํ วิย นีลาทิวเสน อารมฺมณมฺปิ สฺชานาติ, อนิจฺจาทิวเสน ลกฺขณปฏิเวธมฺปิ ปาเปติ, อุสฺสกฺกิตฺวา มคฺคปาตุภาวมฺปิ ปาเปติ. โส ปน เนสํ วิเสโส ทุปฺปฏิวิชฺโฌ.
เตนาห อายสฺมา นาคเสโน – ‘‘ทุกฺกรํ, มหาราช, ภควตา กตนฺติ. กึ, ภนฺเต, นาคเสน ภควตา ทุกฺกรํ กตนฺติ? ทุกฺกรํ, มหาราช, ภควตา กตํ, อิเมสํ อรูปีนํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ เอการมฺมเณ ปวตฺตมานานํ ววตฺถานํ อกฺขาตํ, อยํ ผสฺโส, อยํ เวทนา, อยํ สฺา, อยํ เจตนา, อิทํ จิตฺต’’นฺติ (มิ. ป. ๒.๗.๑๖). ยถา หิ ติลเตลํ, สาสปเตลํ, มธุกเตลํ, เอรณฺฑกเตลํ, วสาเตลนฺติ อิมานิ ปฺจ เตลานิ เอกจาฏิยํ ปกฺขิปิตฺวา ทิวสํ ยมกมนฺเถหิ มนฺเถตฺวา ตโต อิทํ ติลเตลํ, อิทํ สาสปเตลนฺติ เอเกกสฺส ปาฏิเยกฺกํ อุทฺธรณํ นาม ทุกฺกรํ, อิทํ ตโต ¶ ทุกฺกรตรํ. ภควา ปน สพฺพฺุตฺาณสฺส ¶ สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา อิเมสํ อรูปีนํ ธมฺมานํ เอการมฺมเณ ปวตฺตมานานํ ววตฺถานํ อกฺขาสิ. ปฺจนฺนํ มหานทีนํ สมุทฺทํ ปวิฏฺฏฺาเน, ‘‘อิทํ คงฺคาย อุทกํ, อิทํ ยมุนายา’’ติ เอวํ ปาฏิเยกฺกํ อุทกอุทฺธรเณนาปิ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๔๕๑. นิสฺสฏฺเนาติ นิสฺสเฏน ปริจฺจตฺเตน วา. ตตฺถ นิสฺสเฏนาติ อตฺเถ สติ ปฺจหิ อินฺทฺริเยหีติ ¶ นิสฺสกฺกวจนํ. ปริจฺจตฺเตนาติ อตฺเถ สติ กรณวจนํ เวทิตพฺพํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปฺจหิ อินฺทฺริเยหิ นิสฺสริตฺวา มโนทฺวาเร ปวตฺเตน ปฺจหิ วา อินฺทฺริเยหิ ตสฺส วตฺถุภาวํ อนุปคมนตาย ปริจฺจตฺเตนาติ. ปริสุทฺเธนาติ นิรุปกฺกิเลเสน. มโนวิฺาเณนาติ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานจิตฺเตน. กึ เนยฺยนฺติ กึ ชานิตพฺพํ. ‘‘ยํกิฺจิ เนยฺยํ นาม อตฺถิ ธมฺม’’นฺติอาทีสุ (มหานิ. ๖๙) หิ ชานิตพฺพํ เนยฺยนฺติ วุตฺตํ. อากาสานฺจายตนํ เนยฺยนฺติ กถํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานจิตฺเตน อรูปาวจรสมาปตฺติ เนยฺยาติ? รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเน ิเตน อรูปาวจรสมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตุํ สกฺกา โหติ. เอตฺถ ิตสฺส หิ สา อิชฺฌติ. ตสฺมา ‘‘อากาสานฺจายตนํ เนยฺย’’นฺติอาทิมาห. อถ เนวสฺานาสฺายตนํ กสฺมา น วุตฺตนฺติ? ปาฏิเยกฺกํ อภินิเวสาภาวโต. ตตฺถ หิ กลาปโต นยโต สมฺมสนํ ลพฺภติ, ธมฺมเสนาปติสทิสสฺสาปิ หิ ภิกฺขุโน ปาฏิเยกฺกํ อภินิเวโส น ชายติ. ตสฺมา เถโรปิ, ‘‘เอวํ กิรเม ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๔) กลาปโต นยโต สมฺมสิตฺวา วิสฺสชฺเชสีติ. ภควา ปน สพฺพฺุตฺาณสฺส หตฺถคตตฺตา เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยมฺปิ ปโรปฺาส ธมฺเม ปาฏิเยกฺกํ อํคุทฺธาเรเนว อุทฺธริตฺวา, ‘‘ยาวตา สฺาสมาปตฺติโย, ตาวตา อฺาปฏิเวโธ’’ติ อาห.
ปฺาจกฺขุนา ปชานาตีติ ทสฺสนปริณายกฏฺเน จกฺขุภูตาย ปฺาย ปชานาติ. ตตฺถ ทฺเว ปฺา สมาธิปฺา วิปสฺสนาปฺา จ. สมาธิปฺาย กิจฺจโต อสมฺโมหโต จ ปชานาติ. วิปสฺสนาปฺาย ลกฺขณปฏิเวเธน อารมฺมณโต ชานนํ กถิตํ. กิมตฺถิยาติ โก เอติสฺสา อตฺโถ. อภิฺตฺถาติอาทีสุ ¶ อภิฺเยฺเย ธมฺเม อภิชานาตีติ ¶ อภิฺตฺถา. ปริฺเยฺเย ธมฺเม ปริชานาตีติ ปริฺตฺถา. ปหาตพฺเพ ธมฺเม ปชหตีติ ปหานตฺถา. สา ปเนสา โลกิยาปิ อภิฺตฺถา จ ปริฺตฺถา จ วิกฺขมฺภนโต ปหานตฺถา. โลกุตฺตราปิ อภิฺตฺถา จ ปริฺตฺถา จ สมุจฺเฉทโต ปหานตฺถา. ตตฺถ โลกิยา กิจฺจโต อสมฺโมหโต จ ปชานาติ, โลกุตฺตรา อสมฺโมหโต.
๔๕๒. สมฺมาทิฏฺิยา อุปฺปาทายาติ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิยา จ มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา จ. ปรโต จ โฆโสติ สปฺปายธมฺมสฺสวนํ. โยนิโส จ มนสิกาโรติ อตฺตโน อุปายมนสิกาโร. ตตฺถ สาวเกสุ อปิ ธมฺมเสนาปติโน ทฺเว ปจฺจยา ลทฺธุํ วฏฺฏนฺติเยว. เถโร หิ กปฺปสตสหสฺสาธิกํ ¶ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปารมิโย ปูเรตฺวาปิ อตฺตโน ธมฺมตาย อณุมตฺตมฺปิ กิเลสํ ปชหิตุํ นาสกฺขิ. ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ (มหาว. ๖๐) อสฺสชิตฺเถรโต อิมํ คาถํ สุตฺวาวสฺส ปฏิเวโธ ชาโต. ปจฺเจกพุทฺธานํ ปน สพฺพฺุพุทฺธานฺจ ปรโตโฆสกมฺมํ นตฺถิ, โยนิโสมนสิการสฺมึเยว ตฺวา ปจฺเจกโพธิฺจ สพฺพฺุตฺาณฺจ นิพฺพตฺเตนฺติ.
อนุคฺคหิตาติ ลทฺธูปการา. สมฺมาทิฏฺีติ อรหตฺตมคฺคสมฺมาทิฏฺิ. ผลกฺขเณ นิพฺพตฺตา เจโตวิมุตฺติ ผลํ อสฺสาติ เจโตวิมุตฺติผลา. ตเทว เจโตวิมุตฺติสงฺขาตํ ผลํ อานิสํโส อสฺสาติ เจโตวิมุตฺติผลานิสํสา. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ จตุตฺถผลปฺา ปฺาวิมุตฺติ นาม, อวเสสา ธมฺมา เจโตวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. สีลานุคฺคหิตาติอาทีสุ สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. สุตนฺติ สปฺปายธมฺมสฺสวนํ. สากจฺฉาติ กมฺมฏฺาเน ขลนปกฺขลนจฺเฉทนกถา. สมโถติ วิปสฺสนาปาทิกา อฏฺ สมาปตฺติโย. วิปสฺสนาติ สตฺตวิธา อนุปสฺสนา. จตุปาริสุทฺธิสีลฺหิ ปูเรนฺตสฺส, สปฺปายธมฺมสฺสวนํ สุณนฺตสฺส, กมฺมฏฺาเน ขลนปกฺขลนํ ฉินฺทนฺตสฺส, วิปสฺสนาปาทิกาสุ อฏฺสมาปตฺตีสุ กมฺมํ กโรนฺตสฺส, สตฺตวิธํ อนุปสฺสนํ ภาเวนฺตสฺส อรหตฺตมคฺโค อุปฺปชฺชิตฺวา ผลํ เทติ.
ยถา หิ มธุรํ อมฺพปกฺกํ ปริภฺุชิตุกาโม อมฺพโปตกสฺส ¶ สมนฺตา อุทกโกฏฺกํ ถิรํ กตฺวา พนฺธติ. ฆฏํ คเหตฺวา กาเลน กาลํ อุทกํ อาสิฺจติ. อุทกสฺส อนิกฺขมนตฺถํ มริยาทํ ถิรํ กโรติ. ยา โหติ ¶ สมีเป วลฺลิ วา สุกฺขทณฺฑโก วา กิปิลฺลิกปุโฏ วา มกฺกฏกชาลํ วา, ตํ อปเนติ. ขณิตฺตึ คเหตฺวา กาเลน กาลํ มูลานิ ปริขณติ. เอวมสฺส อปฺปมตฺตสฺส อิมานิ ปฺจ การณานิ กโรโต โส อมฺโพ วฑฺฒิตฺวา ผลํ เทติ. เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ. รุกฺขสฺส สมนฺตโต โกฏฺกพนฺธนํ วิย หิ สีลํ ทฏฺพฺพํ, กาเลน กาลํ อุทกสิฺจนํ วิย ธมฺมสฺสวนํ, มริยาทาย ถิรภาวกรณํ วิย สมโถ, สมีเป วลฺลิอาทีนํ หรณํ วิย กมฺมฏฺาเน ขลนปกฺขลนจฺเฉทนํ, กาเลน กาลํ ขณิตฺตึ คเหตฺวา มูลขณนํ วิย สตฺตนฺนํ อนุปสฺสนานํ ภาวนา. เตหิ ปฺจหิ การเณหิ อนุคฺคหิตสฺส อมฺพรุกฺขสฺส มธุรผลทานกาโล วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน อิเมหิ ปฺจหิ ธมฺเมหิ อนุคฺคหิตาย สมฺมาทิฏฺิยา อรหตฺตผลทานํ เวทิตพฺพํ.
๔๕๓. กติ ¶ ปนาวุโส, ภวาติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? มูลเมว คโต อนุสนฺธิ, ทุปฺปฺโ เยหิ ภเวหิ น อุฏฺาติ, เต ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ. ตตฺถ กามภโวติ กามภวูปคํ กมฺมํ กมฺมาภินิพฺพตฺตา อุปาทินฺนกฺขนฺธาปีติ อุภยเมกโต กตฺวา กามภโวติ อาห. รูปารูปภเวสุปิ เอเสว นโย. อายตินฺติ อนาคเต. ปุนพฺภวสฺส อภินิพฺพตฺตีติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ. อิธ วฏฺฏํ ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ. ตตฺราตตฺราภินนฺทนาติ รูปาภินนฺทนา สทฺทาภินนฺทนาติ เอวํ ตหึ ตหึ อภินนฺทนา, กรณวจเน เจตํ ปจฺจตฺตํ. ตตฺรตตฺราภินนฺทนาย ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ โหตีติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา หิ คมนํ โหติ, อาคมนํ โหติ, คมนาคมนํ โหติ, วฏฺฏํ วตฺตตีติ วฏฺฏํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสสิ. อิทานิ วิวฏฺฏํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กถํ ปนาวุโส’’ติอาทิมาห. ตสฺส วิสฺสชฺชเน อวิชฺชาวิราคาติ อวิชฺชาย ขยนิโรเธน. วิชฺชุปฺปาทาติ อรหตฺตมคฺควิชฺชาย อุปฺปาเทน. กึ ¶ อวิชฺชา ปุพฺเพ นิรุทฺธา, อถ วิชฺชา ปุพฺเพ อุปฺปนฺนาติ? อุภยเมตํ น วตฺตพฺพํ. ปทีปุชฺชลเนน อนฺธการวิคโม วิย วิชฺชุปฺปาเทน อวิชฺชา นิรุทฺธาว โหติ. ตณฺหานิโรธาติ ตณฺหาย ขยนิโรเธน. ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ น โหตีติ เอวํ อายตึ ปุนพฺภวสฺส อภินิพฺพตฺติ น โหติ, คมนํ อาคมนํ คมนาคมนํ อุปจฺฉิชฺชติ, วฏฺฏํ น วตฺตตีติ วิวฏฺฏํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺเสสิ.
๔๕๔. กตมํ ปนาวุโสติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? อุภโตภาควิมุตฺโต ภิกฺขุ กาเลน กาลํ นิโรธํ สมาปชฺชติ. ตสฺส นิโรธปาทกํ ปมชฺฌานํ ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ. ปมํ ฌานนฺติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? นิโรธํ สมาปชฺชนเกน ¶ ภิกฺขุนา องฺคววตฺถานํ โกฏฺาสปริจฺเฉโท นาม ชานิตพฺโพ, อิทํ ฌานํ ปฺจงฺคิกํ จตุรงฺคิกํ ติวงฺคิกํ ทุวงฺคิกนฺติ องฺคววตฺถานํ โกฏฺาสปริจฺเฉทํ ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ. วิตกฺโกติอาทีสุ ปน อภินิโรปนลกฺขโณ วิตกฺโก, อนุมชฺชนลกฺขโณ วิจาโร, ผรณลกฺขณา ปีติ, สาตลกฺขณํ สุขํ, อวิกฺเขปลกฺขณา จิตฺเตกคฺคตาติ อิเม ปฺจ ธมฺมา วตฺตนฺติ. กตงฺควิปฺปหีนนฺติ อิธ ปน กึ ปุจฺฉติ? นิโรธํ สมาปชฺชนเกน ภิกฺขุนา อุปการานุปการานิ องฺคานิ ชานิตพฺพานิ, ตานิ ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ, วิสฺสชฺชนํ ปเนตฺถ ปากฏเมว. อิติ เหฏฺา นิโรธปาทกํ ปมชฺฌานํ คหิตํ, อุปริ ตสฺส อนนฺตรปจฺจยํ เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺตึ ปุจฺฉิสฺสติ. อนฺตรา ปน ฉ สมาปตฺติโย สํขิตฺตา, นยํ วา ทสฺเสตฺวา วิสฺสฏฺาติ เวทิตพฺพา.
๔๕๕. อิทานิ ¶ วิฺาณนิสฺสเย ปฺจ ปสาเท ปุจฺฉนฺโต ปฺจิมานิ, อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ โคจรวิสยนฺติ โคจรภูตํ วิสยํ. อฺมฺสฺสาติ จกฺขุ โสตสฺส โสตํ วา จกฺขุสฺสาติ เอวํ เอเกกสฺส โคจรวิสยํ น ปจฺจนุโภติ. สเจ หิ นีลาทิเภทํ รูปารมฺมณํ สโมธาเนตฺวา โสตินฺทฺริยสฺส อุปเนยฺย, ‘‘อิงฺฆ ตาว นํ ววตฺถเปหิ วิภาเวหิ, กึ นาเมตํ อารมฺมณ’’นฺติ. จกฺขุวิฺาณฺหิ วินาปิ มุเขน อตฺตโน ธมฺมตาย เอวํ วเทยฺย – ‘‘อเร อนฺธพาล ¶ , วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ ปริธาวมาโน อฺตฺร มยา กุหึ เอตสฺส ชานนกํ ลภิสฺสสิ, อาหร นํ จกฺขุปสาเท อุปเนหิ, อหเมตํ อารมฺมณํ ชานิสฺสามิ, ยทิ วา นีลํ ยทิ วา ปีตกํ, น หิ เอโส อฺสฺส วิสโย, มยฺเหเวโส วิสโย’’ติ. เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโย. เอวเมตานิ อฺมฺสฺส โคจรํ วิสยํ น ปจฺจนุโภนฺติ นาม. กึ ปฏิสรณนฺติ เอเตสํ กึ ปฏิสรณํ, กึ เอตานิ ปฏิสรนฺตีติ ปุจฺฉติ. มโน ปฏิสรณนฺติ ชวนมโน ปฏิสรณํ. มโน จ เนสนฺติ มโนทฺวาริกชวนมโน วา ปฺจทฺวาริกชวนมโน วา เอเตสํ โคจรวิสยํ รชฺชนาทิวเสน อนุโภติ. จกฺขุวิฺาณฺหิ รูปทสฺสนมตฺตเมว, เอตฺถ รชฺชนํ วา ทุสฺสนํ วา มุยฺหนํ วา นตฺถิ. เอตสฺมึ ปน ทฺวาเร ชวนํ รชฺชติ วา ทุสฺสติ วา มุยฺหติ วา. โสตวิฺาณาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺรายํ อุปมา – ปฺจ กิร ทุพฺพลโภชกา ราชานํ เสวิตฺวา กิจฺเฉน กสิเรน เอกสฺมึ ปฺจกุลิเก คาเม ปริตฺตกํ อายํ ลภึสุ. เตสํ ตตฺถ ¶ มจฺฉภาโค มํสภาโค ยุตฺติกหาปโณ วา, พนฺธกหาปโณ วา, มาปหารกหาปโณ วา, อฏฺกหาปโณ วา, โสฬสกหาปโณ วา, พาตฺตึสกหาปโณ วา, จตุสฏฺิกหาปโณ วา, ทณฺโฑติ เอตฺตกมตฺตเมว ปาปุณาติ. สตวตฺถุกํ ปฺจสตวตฺถุกํ สหสฺสวตฺถุกํ มหาพลึ ราชาว คณฺหาติ. ตตฺถ ปฺจกุลิกคาโม วิย ปฺจ ปสาทา ทฏฺพฺพา; ปฺจ ทุพฺพลโภชกา วิย ปฺจ วิฺาณานิ; ราชา วิย ชวนํ; ทุพฺพลโภชกานํ ปริตฺตกํ อายปาปุณนํ วิย จกฺขุวิฺาณาทีนํ รูปทสฺสนาทิมตฺตํ. รชฺชนาทีนิ ปน เอเตสุ นตฺถิ. รฺโ มหาพลิคฺคหณํ วิย เตสุ ทฺวาเรสุ ชวนสฺส รชฺชนาทีนิ เวทิตพฺพานิ.
๔๕๖. ปฺจิมานิ, อาวุโสติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? อนฺโตนิโรธสฺมึ ปฺจ ปสาเท. กิริยมยปวตฺตสฺมิฺหิ ¶ วตฺตมาเน อรูปธมฺมา ปสาทานํ พลวปจฺจยา โหนฺติ. โย ปน ตํ ปวตฺตํ นิโรเธตฺวา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺโน, ตสฺส อนฺโตนิโรเธ ปฺจ ปสาทา กึ ปฏิจฺจ ติฏฺนฺตีติ อิทํ ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ. อายุํ ปฏิจฺจาติ ชีวิตินฺทฺริยํ ปฏิจฺจ ติฏฺนฺติ ¶ . อุสฺมํ ปฏิจฺจาติ ชีวิตินฺทฺริยํ กมฺมชเตชํ ปฏิจฺจ ติฏฺติ. ยสฺมา ปน กมฺมชเตโชปิ ชีวิตินฺทฺริเยน วินา น ติฏฺติ, ตสฺมา ‘‘อุสฺมา อายุํ ปฏิจฺจ ติฏฺตี’’ติ อาห. ฌายโตติ ชลโต. อจฺจึ ปฏิจฺจาติ ชาลสิขํ ปฏิจฺจ. อาภา ปฺายตีติ อาโลโก นาม ปฺายติ. อาภํ ปฏิจฺจ อจฺจีติ ตํ อาโลกํ ปฏิจฺจ ชาลสิขา ปฺายติ.
เอวเมว โข, อาวุโส, อายุ อุสฺมํ ปฏิจฺจ ติฏฺตีติ เอตฺถ ชาลสิขา วิย กมฺมชเตโช. อาโลโก วิย ชีวิตินฺทฺริยํ. ชาลสิขา หิ อุปฺปชฺชมานา อาโลกํ คเหตฺวาว อุปฺปชฺชติ. สา เตน อตฺตนา ชนิตอาโลเกเนว สยมฺปิ อณุ ถูลา ทีฆา รสฺสาติ ปากฏา โหติ. ตตฺถ ชาลปวตฺติยา ชนิตอาโลเกน ตสฺสาเยว ชาลปวตฺติยา ปากฏภาโว วิย อุสฺมํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺเตน กมฺมชมหาภูตสมฺภเวน ชีวิตินฺทฺริเยน อุสฺมาย อนุปาลนํ. ชีวิตินฺทฺริยฺหิ ทสปิ วสฺสานิ…เป… วสฺสสตมฺปิ กมฺมชเตชปวตฺตํ ปาเลติ. อิติ มหาภูตานิ อุปาทารูปานํ นิสฺสยปจฺจยาทิวเสน ปจฺจยานิ โหนฺตีติ อายุ อุสฺมํ ปฏิจฺจ ติฏฺติ. ชีวิตินฺทฺริยํ ¶ มหาภูตานิ ปาเลตีติ อุสฺมา อายุํ ปฏิจฺจ ติฏฺตีติ เวทิตพฺพา.
๔๕๗. อายุสงฺขาราติ อายุเมว. เวทนิยา ธมฺมาติ เวทนา ธมฺมาว. วุฏฺานํ ปฺายตีติ สมาปตฺติโต วุฏฺานํ ปฺายติ. โย หิ ภิกฺขุ อรูปปวตฺเต อุกฺกณฺิตฺวา สฺฺจ เวทนฺจ นิโรเธตฺวา นิโรธํ สมาปนฺโน, ตสฺส ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสน รูปชีวิตินฺทฺริยปจฺจยา อรูปธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ ปน รูปารูปปวตฺตํ ปวตฺตติ. ยถา กึ? ยถา เอโก ปุริโส ชาลาปวตฺเต อุกฺขณฺิโต อุทเกน ปหริตฺวา ชาลํ อปฺปวตฺตํ กตฺวา ฉาริกาย องฺคาเร ปิธาย ตุณฺหี นิสีทติ. ยทา ปนสฺส ปุน ชาลาย อตฺโถ โหติ, ฉาริกํ อปเนตฺวา องฺคาเร ปริวตฺเตตฺวา อุปาทานํ ทตฺวา มุขวาตํ วา ตาลวณฺฏวาตํ วา ททาติ. อถ ชาลาปวตฺตํ ปุน ปวตฺตติ. เอวเมว ชาลาปวตฺตํ วิย อรูปธมฺมา. ปุริสสฺส ชาลาปวตฺเต อุกฺกณฺิตฺวา อุทกปฺปหาเรน ชาลํ อปฺปวตฺตํ กตฺวา ฉาริกาย องฺคาเร ปิธาย ตุณฺหีภูตสฺส นิสชฺชา วิย ภิกฺขุโน ¶ อรูปปวตฺเต อุกฺกณฺิตฺวา สฺฺจ เวทนฺจ นิโรเธตฺวา นิโรธสมาปชฺชนํ. ฉาริกาย ¶ ปิหิตองฺคารา วิย รูปชีวิตินฺทฺริยํ. ปุริสสฺส ปุน ชาลาย อตฺเถ สติ ฉาริกาปนยนาทีนิ วิย ภิกฺขุโน ยถาปริจฺฉินฺนกาลาปคมนํ. อคฺคิชาลาย ปวตฺติ วิย ปุน อรูปธมฺเมสุ อุปฺปนฺเนสุ รูปารูปปวตฺติ เวทิตพฺพา.
อายุ อุสฺมา จ วิฺาณนฺติ รูปชีวิตินฺทฺริยํ, กมฺมชเตโชธาตุ, จิตฺตนฺติ อิเม ตโย ธมฺมา ยทา อิมํ รูปกายํ ชหนฺติ, อถายํ อเจตนํ กฏฺํ วิย ปถวิยํ ฉฑฺฑิโต เสตีติ อตฺโถ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘อายุ อุสฺมา จ วิฺาณํ, ยทา กายํ ชหนฺติมํ;
อปวิทฺโธ ตทา เสติ, ปรภตฺตํ อเจตน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๓.๙๕);
กายสงฺขาราติ อสฺสาสปสฺสาสา. วจีสงฺขาราติ วิตกฺกวิจารา. จิตฺตสงฺขาราติ สฺาเวทนา. อายูติ รูปชีวิตินฺทฺริยํ. ปริภินฺนานีติ อุปหตานิ, วินฏฺานีติ อตฺโถ. ตตฺถ เกจิ ‘‘นิโรธสมาปนฺนสฺส จิตฺตสงฺขาราว นิรุทฺธา’’ติ วจนโต จิตฺตํ อนิรุทฺธํ โหติ, ตสฺมา สจิตฺตกา อยํ สมาปตฺตีติ วทนฺติ. เต วตฺตพฺพา – ‘‘วจีสงฺขาราปิสฺส นิรุทฺธา’’ติ วจนโต วาจา อนิรุทฺธา โหติ, ตสฺมา นิโรธํ สมาปนฺเนน ธมฺมมฺปิ กเถนฺเตน สชฺฌายมฺปิ ¶ กโรนฺเตน นิสีทิตพฺพํ สิยา. ‘‘โย จายํ มโต กาลงฺกโต, ตสฺสาปิ จิตฺตสงฺขารา นิรุทฺธา’’ติ วจนโต จิตฺตํ อนิรุทฺธํ ภเวยฺย, ตสฺมา กาลงฺกเต มาตาปิตโร วา อรหนฺเต วา ฌาปยนฺเตน อนนฺตริยกมฺมํ กตํ ภเวยฺย. อิติ พฺยฺชเน อภินิเวสํ อกตฺวา อาจริยานํ นเย ตฺวา อตฺโถ อุปปริกฺขิตพฺโพ. อตฺโถ หิ ปฏิสรณํ, น พฺยฺชนํ.
อินฺทฺริยานิ วิปฺปสนฺนานีติ กิริยมยปวตฺตสฺมิฺหิ วตฺตมาเน พหิทฺธา อารมฺมเณสุ ปสาเท ฆฏฺเฏนฺเตสุ อินฺทฺริยานิ กิลมนฺตานิ อุปหตานิ มกฺขิตานิ วิย โหนฺติ, วาตาทีหิ อุฏฺิเตน รเชน จตุมหาปเถ ปิตอาทาโส วิย. ยถา ¶ ปน ถวิกายํ ปกฺขิปิตฺวา มฺชูสาทีสุ ปิโต อาทาโส อนฺโตเยว วิโรจติ, เอวํ นิโรธํ สมาปนฺนสฺส ภิกฺขุโน อนฺโตนิโรเธ ปฺจ ปสาทา อติวิโรจนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อินฺทฺริยานิ วิปฺปสนฺนานี’’ติ.
๔๕๘. กติ ¶ ปนาวุโส, ปจฺจยาติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? นิโรธสฺส อนนฺตรปจฺจยํ เนวสฺานาสฺายตนํ ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ. วิสฺสชฺชเน ปนสฺส สุขสฺส จ ปหานาติ จตฺตาโร อปคมนปจฺจยา กถิตา. อนิมิตฺตายาติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? นิโรธโต วุฏฺานกผลสมาปตฺตึ ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ. อวเสสสมาปตฺติวุฏฺานฺหิ ภวงฺเคน โหติ, นิโรธา วุฏฺานํ ปน วิปสฺสนานิสฺสนฺทาย ผลสมาปตฺติยาติ ตเมว ปุจฺฉติ. สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปาทีนํ สพฺพารมฺมณานํ. อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา มนสิกาโรติ สพฺพนิมิตฺตาปคตาย นิพฺพานธาตุยา มนสิกาโร. ผลสมาปตฺติสหชาตํ มนสิการํ สนฺธายาห. อิติ เหฏฺา นิโรธปาทกํ ปมชฺฌานํ คหิตํ, นิโรธสฺส อนนฺตรปจฺจยํ เนวสฺานาสฺายตนํ คหิตํ, อิธ นิโรธโต วุฏฺานกผลสมาปตฺติ คหิตาติ.
อิมสฺมึ าเน นิโรธกถา กเถตพฺพา โหติ. สา, ‘‘ทฺวีหิ พเลหิ สมนฺนาคตตฺตา ตโย จ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา โสฬสหิ าณจริยาหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ วสีภาวตาปฺา นิโรธสมาปตฺติยา าณ’’นฺติ เอวํ ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๘๓) อาคตา. วิสุทฺธิมคฺเค ปนสฺสา สพฺพากาเรน วินิจฺฉยกถา กถิตา.
อิทานิ ¶ วลฺชนสมาปตฺตึ ปุจฺฉนฺโต กติ ปนาวุโส, ปจฺจยาติอาทิมาห. นิโรธโต หิ วุฏฺานกผลสมาปตฺติยา ิติ นาม น โหติ, เอกํ ทฺเว จิตฺตวารเมว ปวตฺติตฺวา ภวงฺคํ โอตรติ. อยฺหิ ภิกฺขุ สตฺต ทิวเส อรูปปวตฺตํ นิโรเธตฺวา นิสินฺโน นิโรธวุฏฺานกผลสมาปตฺติยํ น จิรํ ติฏฺติ. วลฺชนสมาปตฺติยํ ปน อทฺธานปริจฺเฉโทว ปมาณํ. ตสฺมา สา ิติ นาม โหติ. เตนาห – ‘‘อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ิติยา’’ติ. ตสฺสา จิรฏฺิตตฺถํ กติ ปจฺจยาติ อตฺโถ. วิสฺสชฺชเน ปนสฺสา ปุพฺเพ จ อภิสงฺขาโรติ อทฺธานปริจฺเฉโท วุตฺโต. วุฏฺานายาติ อิธ ภวงฺควุฏฺานํ ปุจฺฉติ. วิสฺสชฺชเนปิสฺสา สพฺพนิมิตฺตานฺจ ¶ มนสิกาโรติ รูปาทินิมิตฺตวเสน ภวงฺคสหชาตมนสิกาโร วุตฺโต.
๔๕๙. ยา จายํ, อาวุโสติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? อิธ อฺํ อภินวํ นาม นตฺถิ. เหฏฺา กถิตธมฺเมเยว เอกโต สโมธาเนตฺวา ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉติ. กตฺถ ปน เต กถิตา? ‘‘นีลมฺปิ ¶ สฺชานาติ ปีตกมฺปิ, โลหิตกมฺปิ, โอทาตกมฺปิ สฺชานาตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๐) เอตสฺมิฺหิ าเน อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ กถิตา. ‘‘นตฺถิ กิฺจีติ อากิฺจฺายตนนฺติ เนยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๕๑) เอตฺถ อากิฺจฺํ. ‘‘ปฺาจกฺขุนา ปชานาตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๑) เอตฺถ สฺุตา. ‘‘กติ ปนาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ิติยา วุฏฺานายา’’ติ เอตฺถ อนิมิตฺตา. เอวํ เหฏฺา กถิตาว อิมสฺมึ าเน เอกโต สโมธาเนตฺวา ปุจฺฉติ. ตํ ปน ปฏิกฺขิปิตฺวา เอตา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน นิทฺทิฏฺาวาติ วตฺวา อฺเ จตฺตาโร ธมฺมา เอกนามกา อตฺถิ. เอโก ธมฺโม จตุนามโก อตฺถิ, เอตํ ปากฏํ กตฺวา กถาเปตุํ อิธ ปุจฺฉตีติ อฏฺกถายํ สนฺนิฏฺานํ กตํ. ตสฺสา วิสฺสชฺชเน อยํ วุจฺจตาวุโส, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺตีติ อยํ ผรณอปฺปมาณตาย อปฺปมาณา นาม. อยฺหิ อปฺปมาเณ วา สตฺเต ผรติ, เอกสฺมิมฺปิ วา สตฺเต อเสเสตฺวา ผรติ.
อยํ วุจฺจตาวุโส, อากิฺจฺาติ อารมฺมณกิฺจนสฺส อภาวโต อากิฺจฺา. อตฺเตน วาติ อตฺต ภาวโปสปุคฺคลาทิสงฺขาเตน อตฺเตน สฺุํ. อตฺตนิเยน วาติ จีวราทิปริกฺขารสงฺขาเตน อตฺตนิเยน สฺุํ. อนิมิตฺตาติ ¶ ราคนิมิตฺตาทีนํ อภาเวเนว อนิมิตฺตา, อรหตฺตผลสมาปตฺตึ สนฺธายาห. นานตฺถา เจว นานาพฺยฺชนา จาติ พฺยฺชนมฺปิ เนสํ นานา อตฺโถปิ. ตตฺถ พฺยฺชนสฺส นานตา ปากฏาว. อตฺโถ ปน, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติ ภูมนฺตรโต มหคฺคตา เอว โหติ รูปาวจรา; อารมฺมณโต สตฺต ปฺตฺติอารมฺมณา. อากิฺจฺา ภุมฺมนฺตรโต มหคฺคตา อรูปาวจรา; อารมฺมณโต น วตฺตพฺพารมฺมณา. สฺุตา ภุมฺมนฺตรโต กามาวจรา; อารมฺมณโต สงฺขารารมฺมณา. วิปสฺสนา หิ เอตฺถ สฺุตาติ อธิปฺเปตา. อนิมิตฺตา ภุมฺมนฺตรโต โลกุตฺตรา; อารมฺมณโต นิพฺพนารมฺมณา.
ราโค ¶ โข, อาวุโส, ปมาณกรโณติอาทีสุ ยถา ปพฺพตปาเท ปูติปณฺณรสอุทกํ นาม โหติ กาฬวณฺณํ; โอโลเกนฺตานํ พฺยามสตคมฺภีรํ วิย ขายติ. ยฏฺึ วา รชฺชุํ วา คเหตฺวา มินนฺตสฺส ปิฏฺิปาโทตฺถรณมตฺตมฺปิ น โหติ. เอวเมวํ ยาว ราคาทโย นุปฺปชฺชนฺติ, ตาว ปุคฺคลํ สฺชานิตุํ น สกฺกา โหนฺติ, โสตาปนฺโน วิย, สกทาคามี วิย, อนาคามี วิย จ ขายติ. ยทา ปนสฺส ราคาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, ตทา รตฺโต ทุฏฺโ มูฬฺโหติ ปฺายติ. อิติ เอเต ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปุคฺคลสฺส ปมาณํ ทสฺเสนฺโต วิย อุปฺปชฺชนฺตีติ ปมาณกรณา นาม ¶ วุตฺตา. ยาวตา โข, อาวุโส, อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติโยติ ยตฺตกา อปฺปมาณา เจโตวิมุตฺติโย. กิตฺตกา ปน ตา? จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา, จตฺตาโร มคฺคา, จตฺตาริ จ ผลานีติ ทฺวาทส. ตตฺถ พฺรหฺมวิหารา ผรณอปฺปมาณตาย อปฺปมาณา. เสสา ปมาณกรณานํ กิเลสานํ อภาเวน อปฺปมาณา. นิพฺพานมฺปิ อปฺปมาณเมว, เจโตวิมุตฺติ ปน น โหติ, ตสฺมา น คหิตํ. อกุปฺปาติ อรหตฺตผลเจโตวิมุตฺติ; สา หิ ตาสํ สพฺพเชฏฺิกา, ตสฺมา อคฺคมกฺขายตีติ วุตฺตา. ราโค โข, อาวุโส, กิฺจโนติ ราโค อุปฺปชฺชิตฺวา ปุคฺคลํ กิฺจติ มทฺทติ ปลิพุนฺธติ. ตสฺมา กิฺจโนติ วุตฺโต. มนุสฺสา กิร โคเณหิ ขลํ มทฺทาเปนฺโต กิฺเจหิ กปิล, กิฺเจหิ กาฬกาติ วทนฺติ. เอวํ มทฺทนตฺโถ กิฺจนตฺโถติ เวทิตพฺโพ. โทสโมเหสุปิ เอเสว นโย. อากิฺจฺา เจโตวิมุตฺติโย นาม นว ธมฺมา อากิฺจฺายตนฺจ มคฺคผลานิ จ. ตตฺถ อากิฺจฺายตนํ ¶ กิฺจนํ อารมฺมณํ อสฺส นตฺถีติ อากิฺจฺํ. มคฺคผลานิ กิฺจนานํ มทฺทนานํ ปลิพุนฺธนกิเลสานํ นตฺถิตาย อากิฺจฺานิ. นิพฺพานมฺปิ อากิฺจฺํ, เจโตวิมุตฺติ ปน น โหติ, ตสฺมา น คหิตํ.
ราโค โข, อาวุโส, นิมิตฺตกรโณติอาทีสุ ยถา นาม ทฺวินฺนํ กุลานํ สทิสา ทฺเว วจฺฉกา โหนฺติ. ยาว เตสํ ลกฺขณํ น กตํ โหติ, ตาว ‘‘อยํ อสุกกุลสฺส วจฺฉโก, อยํ อสุกกุลสฺสา’’ติ น สกฺกา โหนฺติ ชานิตุํ. ยทา ปน เตสํ สตฺติสูลาทีสุ อฺตรํ ลกฺขณํ กตํ โหติ, ตทา ¶ สกฺกา โหนฺติ ชานิตุํ. เอวเมว ยาว ปุคฺคลสฺส ราโค นุปฺปชฺชติ, ตาว น สกฺกา โหติ ชานิตุํ อริโย วา ปุถุชฺชโน วาติ. ราโค ปนสฺส อุปฺปชฺชมาโนว สราโค นาม อยํ ปุคฺคโลติ สฺชานนนิมิตฺตํ กโรนฺโต วิย อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ‘‘นิมิตฺตกรโณ’’ติ วุตฺโต. โทสโมเหสุปิ เอเสว นโย.
อนิมิตฺตา เจโตวิมุตฺติ นาม เตรส ธมฺมา – วิปสฺสนา, จตฺตาโร อารุปฺปา, จตฺตาโร มคฺคา, จตฺตาริ จ ผลานีติ. ตตฺถ วิปสฺสนา นิจฺจนิมิตฺตํ สุขนิมิตฺตํ อตฺตนิมิตฺตํ อุคฺฆาเฏตีติ อนิมิตฺตา นาม. จตฺตาโร อารุปฺปา รูปนิมิตฺตสฺส อภาเวน อนิมิตฺตา นาม. มคฺคผลานิ นิมิตฺตกรณานํ กิเลสานํ อภาเวน อนิมิตฺตานิ. นิพฺพานมฺปิ อนิมิตฺตเมว, ตํ ปน เจโตวิมุตฺติ น โหติ, ตสฺมา น คหิตํ. อถ กสฺมา สฺุตา เจโตวิมุตฺติ น คหิตาติ? สา, ‘‘สฺุา ราเคนา’’ติอาทิวจนโต สพฺพตฺถ อนุปวิฏฺาว, ตสฺมา วิสุํ น คหิตา ¶ . เอกตฺถาติ อารมฺมณวเสน เอกตฺถา. อปฺปมาณํ อากิฺจฺํ สฺุตํ อนิมิตฺตนฺติ หิ สพฺพาเนตานิ นิพฺพานสฺเสว นามานิ. อิติ อิมินา ปริยาเยน เอกตฺถา. อฺสฺมึ ปน าเน อปฺปมาณา โหนฺติ, อฺสฺมึ อากิฺจฺา อฺสฺมึ สฺุตา อฺสฺมึ อนิมิตฺตาติ อิมินา ปริยาเยน นานาพฺยฺชนา. อิติ เถโร ยถานุสนฺธินาว เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จูฬเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา
๔๖๐. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ จูฬเวทลฺลสุตฺตํ. ตตฺถ วิสาโข อุปาสโกติ วิสาโขติ เอวํนามโก อุปาสโก. เยน ธมฺมทินฺนาติ เยน ธมฺมทินฺนา นาม ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ. โก ปนายํ วิสาโข? กา ธมฺมทินฺนา? กสฺมา อุปสงฺกมีติ? วิสาโข นาม ธมฺมทินฺนาย คิหิกาเล ฆรสามิโก. โส ยทา ภควา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก ยสาทโย กุลปุตฺเต วิเนตฺวา อุรุเวลํ ปตฺวา ตตฺถ ชฏิลสหสฺสํ วิเนตฺวา ปุราณชฏิเลหิ ¶ ขีณาสวภิกฺขูหิ สทฺธึ ราชคหํ คนฺตฺวา พุทฺธทสฺสนตฺถํ ทฺวาทสนหุตาย ปริสาย สทฺธึ อาคตสฺส พิมฺพิสารมหาราชสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. ตทา รฺา สทฺธึ อาคเตสุ ทฺวาทสนหุเตสุ เอกํ นหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ, เอกาทส นหุตานิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ สทฺธึ รฺา พิมฺพิสาเรน. อยํ อุปาสโก เตสํ อฺตโร, เตหิ สทฺธึ ปมทสฺสเนว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย, ปุน เอกทิวสํ ธมฺมํ สุตฺวา สกทาคามิผลํ ปตฺวา, ตโต อปรภาเคปิ เอกทิวสํ ธมฺมํ สุตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺิโต. โส อนาคามี หุตฺวา เคหํ อาคจฺฉนฺโต ยถา อฺเสุ ทิวเสสุ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต สิตํ กุรุมาโน อาคจฺฉติ, เอวํ อนาคนฺตฺวา สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส หุตฺวา อคมาสิ.
ธมฺมทินฺนา สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา วีถึ โอโลกยมานา ตสฺส อาคมนาการํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กุรุมานา โสปานสีเส ตฺวา โอลมฺพนตฺถํ หตฺถํ ปสาเรสิ. อุปาสโก อตฺตโน หตฺถํ สมิฺเชสิ. สา ‘‘ปาตราสโภชนกาเล ชานิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสโก ปุพฺเพ ตาย สทฺธึ เอกโต ภฺุชติ. ตํ ทิวสํ ปน ตํ อนปโลเกตฺวา โยคาวจรภิกฺขุ วิย เอกโกว ภฺุชิ. สา, ‘‘สายนฺหกาเล ชานิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. อุปาสโก ตํทิวสํ สิริคพฺภํ น ปาวิสิ, อฺํ คพฺภํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา กปฺปิยมฺจกํ ปฺปาเปตฺวา นิปชฺชิ. อุปาสิกา, ‘‘กึ นุ ขฺวสฺส พหิทฺธา ปตฺถนา อตฺถิ, อุทาหุ เกนจิเทว ปริเภทเกน ภินฺโน, อุทาหุ มยฺเหว โกจิ โทโส อตฺถี’’ติ พลวโทมนสฺสา ¶ ¶ หุตฺวา, ‘‘เอกํ ทฺเว ทิวเส วสิตกาเล สกฺกา าตุ’’นฺติ ตสฺส อุปฏฺานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ.
อุปาสโก, ‘‘กึ ธมฺมทินฺเน อกาเล อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉิ. อาม อยฺยปุตฺต, อาคตามฺหิ, น ตฺวํ ยถา ปุราโณ, กึ นุ เต พหิทฺธา ปตฺถนา อตฺถีติ? นตฺถิ ธมฺมทินฺเนติ. อฺโ โกจิ ปริเภทโก อตฺถีติ? อยมฺปิ นตฺถีติ. เอวํ สนฺเต มยฺเหว โกจิ โทโส ภวิสฺสตีติ. ตุยฺหมฺปิ โทโส นตฺถีติ. อถ กสฺมา มยา สทฺธึ ยถา ปกติยา อาลาปสลฺลาปมตฺตมฺปิ น กโรถาติ? โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ โลกุตฺตรธมฺโม นาม ครุ ภาริโย น ปกาเสตตพฺโพ, สเจ โข ปนาหํ น กเถสฺสามิ, อยํ หทยํ ¶ ผาเลตฺวา เอตฺเถว กาลํ กเรยฺยา’’ติ ตสฺสานุคฺคหตฺถาย กเถสิ – ‘‘ธมฺมทินฺเน อหํ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โลกุตฺตรธมฺมํ นาม อธิคโต, ตํ อธิคตสฺส เอวรูปา โลกิยกิริยา น วฏฺฏติ. ยทิ ตฺวํ อิจฺฉสิ, ตว จตฺตาลีส โกฏิโย มม จตฺตาลีส โกฏิโยติ อสีติโกฏิธนํ อตฺถิ, เอตฺถ อิสฺสรา หุตฺวา มม มาติฏฺาเน วา ภคินิฏฺาเน วา ตฺวา วส. ตยา ทินฺเนน ภตฺตปิณฺฑมตฺตเกน อหํ ยาเปสฺสามิ. อเถวํ น กโรสิ, อิเม โภเค คเหตฺวา กุลเคหํ คจฺฉ, อถาปิ เต พหิทฺธา ปตฺถนา นตฺถิ, อหํ ตํ ภคินิฏฺาเน วา ธิตุฏฺาเน วา เปตฺวา โปเสสฺสามี’’ติ.
สา จินฺเตสิ – ‘‘ปกติปุริโส เอวํ วตฺตา นาม นตฺถิ. อทฺธา เอเตน โลกุตฺตรวรธมฺโม ปฏิวิทฺโธ. โส ปน ธมฺโม กึ ปุริเสเหว ปฏิพุชฺฌิตพฺโพ, อุทาหุ มาตุคาโมปิ ปฏิวิชฺฌิตุํ สกฺโกตี’’ติ วิสาขํ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข เอโส ธมฺโม ปุริเสเหว ลภิตพฺโพ, มาตุคาเมนปิ สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ? กึ วเทสิ ธมฺมทินฺเน, เย ปฏิปนฺนกา, เต เอตสฺส ทายาทา, ยสฺส ยสฺส อุปนิสฺสโย อตฺถิ, โส โส เอตํ ปฏิลภตีติ. เอวํ สนฺเต มยฺหํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาถาติ. สาธุ ภทฺเท, อหมฺปิ ตํ เอตสฺมึเยว มคฺเค โยเชตุกาโม, มนํ ปน เต อชานมาโน น กเถมีติ ตาวเทว พิมฺพิสารสฺส รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ.
ราชา ¶ , ‘‘กึ, คหปติ, อกาเล อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ธมฺมทินฺนา, ‘‘มหาราช, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วทตีติ. กึ ปนสฺส ลทฺธุํ วฏฺฏตีติ? อฺํ กิฺจิ นตฺถิ, โสวณฺณสิวิกํ ¶ เทว, ลทฺธุํ วฏฺฏติ นครฺจ ปฏิชคฺคาเปตุนฺติ. ราชา โสวณฺณสิวิกํ ทตฺวา นครํ ปฏิชคฺคาเปสิ. วิสาโข ธมฺมทินฺนํ คนฺโธทเกน นหาเปตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺการาเปตฺวา โสวณฺณสิวิกาย นิสีทาเปตฺวา าติคเณน ปริวาราเปตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยมาโน นครวาสนํ กโรนฺโต วิย ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คนฺตฺวา, ‘‘ธมฺมทินฺนํ ปพฺพาเชถายฺเย’’ติ อาห. ภิกฺขุนิโย ‘‘เอกํ วา ทฺเว วา โทเส สหิตุํ วฏฺฏติ คหปตี’’ติ อาหํสุ. นตฺถยฺเย โกจิ โทโส, สทฺธาย ปพฺพชตีติ. อเถกา พฺยตฺตา เถรี ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา เกเส โอหาเรตฺวา ¶ ปพฺพาเชสิ. วิสาโข, ‘‘อภิรมยฺเย, สฺวากฺขาโต ธมฺโม’’ติ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ.
ตสฺสา ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ. เตเนว ปลิพุทฺธา สมณธมฺมํ กาตุํ โอกาสํ น ลภติ. อถาจริย-อุปชฺฌายเถริโย คเหตฺวา ชนปทํ คนฺตฺวา อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ จิตฺตรุจิตํ กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อารทฺธา, อภินีหารสมฺปนฺนตฺตา ปน นาติจิรํ กิลมิตฺถ.
อิโต ปฏฺาย หิ สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตทา เอสา เอกสฺมึ กุเล ทาสี หุตฺวา อตฺตโน เกเส วิกฺกิณิตฺวา สุชาตตฺเถรสฺส นาม อคฺคสาวกสฺส ทานํ ทตฺวา ปตฺถนมกาสิ. สา ตาย ปตฺถนาภินีหารสมฺปตฺติยา นาติจิรํ กิลมิตฺถ, กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เยนตฺเถน สาสเน ปพฺพชิตา, โส มตฺถกํ ปตฺโต, กึ เม ชนปทวาเสน, มยฺหํ าตกาปิ ปฺุานิ กริสฺสนฺติ, ภิกฺขุนิสงฺโฆปิ ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสติ, ราชคหํ คจฺฉามี’’ติ ภิกฺขุนิสงฺฆํ คเหตฺวา ราชคหเมว อคมาสิ. วิสาโข, ‘‘ธมฺมทินฺนา กิร อาคตา’’ติ สุตฺวา, ‘‘ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว ชนปทํ คตา, คนฺตฺวาปิ นจิรสฺเสว ปจฺจาคตา, กึ นุ โข ภวิสฺสติ, คนฺตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ ทุติยคมเนน ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข วิสาโข อุปาสโก เยน ธมฺมทินฺนา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมี’’ติ.
เอตทโวจาติ ¶ เอตํ สกฺกาโยติอาทิวจนํ อโวจ. กสฺมา อโวจาติ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อภิรมสิ นาภิรมสิ, อยฺเย’’ติ เอวํ ปุจฺฉนํ นาม น ปณฺฑิตกิจฺจํ, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ อุปเนตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ปฺหพฺยากรเณน ตสฺสา อภิรตึ วา อนภิรตึ ¶ วา ชานิสฺสามีติ, ตสฺมา อโวจ. ตํ สุตฺวาว ธมฺมทินฺนา อหํ, อาวุโส วิสาข, อจิรปพฺพชิตา สกายํ วา ปรกายํ วา กุโต ชานิสฺสามีติ วา, อฺตฺเถริโย อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉาติ วา อวตฺวา อุปนิกฺขิตฺตํ สมฺปฏิจฺฉมานา วิย, เอกปาสกคณฺึ โมเจนฺตี วิย คหนฏฺาเน หตฺถิมคฺคํ นีหรมานา วิย ขคฺคมุเขน ¶ สมุคฺคํ วิวรมานา วิย จ ปฏิสมฺภิทาวิสเย ตฺวา ปฺหํ วิสฺสชฺชมานา, ปฺจ โข อิเม, อาวุโส วิสาข, อุปาทานกฺขนฺธาติอาทิมาห. ตตฺถ ปฺจาติ คณนปริจฺเฉโท. อุปาทานกฺขนฺธาติ อุปาทานานํ ปจฺจยภูตา ขนฺธาติ เอวมาทินา นเยเนตฺถ อุปาทานกฺขนฺธกถา วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพา. สา ปเนสา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตา เอวาติ ตตฺถ วิตฺตาริตนเยเนว เวทิตพฺพา. สกฺกายสมุทยาทีสุปิ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตเมว.
อิทํ ปน จตุสจฺจพฺยากรณํ สุตฺวา วิสาโข เถริยา อภิรตภาวํ อฺาสิ. โย หิ พุทฺธสาสเน อุกฺกณฺิโต โหติ อนภิรโต, โส เอวํ ปุจฺฉิตปุจฺฉิตปฺหํ สณฺฑาเสน เอเกกํ ปลิตํ คณฺหนฺโต วิย, สิเนรุปาทโต วาลุกํ อุทฺธรนฺโต วิย วิสฺสชฺเชตุํ น สกฺโกติ. ยสฺมา ปน อิมานิ จตฺตาริ สจฺจานิ โลเก จนฺทิมสูริยา วิย พุทฺธสาสเน ปากฏานิ, ปริสมชฺเฌ คโต หิ ภควาปิ มหาเถราปิ สจฺจาเนว ปกาเสนฺติ; ภิกฺขุสงฺโฆปิ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย กุลปุตฺเต จตฺตาริ นาม กึ, จตฺตาริ อริยสจฺจานีติ ปฺหํ อุคฺคณฺหาเปติ. อยฺจ ธมฺมทินฺนา อุปายโกสลฺเล ิตา ปณฺฑิตา พฺยตฺตา นยํ คเหตฺวา สุเตนปิ กเถตุํ สมตฺถา, ตสฺมา ‘‘น สกฺกา เอติสฺสา เอตฺตาวตา สจฺจานํ ปฏิวิทฺธภาโว าตุํ, สจฺจวินิพฺโภคปฺหพฺยากรเณน สกฺกา าตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา เหฏฺา กถิตานิ ทฺเว สจฺจานิ ปฏินิวตฺเตตฺวา คุฬฺหํ กตฺวา คณฺิปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉนฺโต ตฺเว นุ โข, อยฺเยติอาทิมาห.
ตสฺส วิสฺสชฺชเน น โข, อาวุโส วิสาข, ตฺเว อุปาทานนฺติ อุปาทานสฺส สงฺขารกฺขนฺเธกเทสภาวโต น ตํเยว อุปาทานํ เต ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, นาปิ อฺตฺร ปฺจหิ อุปาทานกฺขนฺเธหิ อุปาทานํ. ยทิ หิ ตฺเว ¶ สิยา, รูปาทิสภาวมฺปิ อุปาทานํ สิยา. ยทิ อฺตฺร สิยา, ปรสมเย จิตฺตวิปฺปยุตฺโต อนุสโย วิย ปณฺณตฺติ วิย นิพฺพานํ วิย จ ขนฺธวินิมุตฺตํ วา สิยา, ฉฏฺโ วา ขนฺโธ ปฺเปตพฺโพ ภเวยฺย, ตสฺมา เอวํ พฺยากาสิ. ตสฺสา ¶ ¶ พฺยากรณํ สุตฺวา ‘‘อธิคตปติฏฺา อย’’นฺติ วิสาโข นิฏฺมคมาสิ. น หิ สกฺกา อขีณาสเวน อสมฺพทฺเธน อวิตฺถายนฺเตน ปทีปสหสฺสํ ชาเลนฺเตน วิย เอวรูโป คุฬฺโห ปฏิจฺฉนฺโน ติลกฺขณาหโต คมฺภีโร ปฺโห วิสฺสชฺเชตุํ. นิฏฺํ คนฺตฺวา ปน, ‘‘อยํ ธมฺมทินฺนา สาสเน ลทฺธปติฏฺา อธิคตปฏิสมฺภิทา เวสารชฺชปฺปตฺตา ภวมตฺถเก ิตา มหาขีณาสวา, สมตฺถา มยฺหํ ปุจฺฉิตปฺหํ กเถตุํ, อิทานิ ปน นํ โอวตฺติกสารํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ปุจฺฉนฺโต, กถํ ปนายฺเยติอาทิมาห.
๔๖๑. ตสฺส วิสฺสชฺชเน อสฺสุตวาติอาทิ มูลปริยาเย วิตฺถาริตเมว. รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ, ‘‘อิเธกจฺโจ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ. ยํ รูปํ โส อหํ, โย อหํ ตํ รูปนฺติ รูปฺจ อตฺตฺจ อทฺวยํ สมนุปสฺสติ. เสยฺยถาปิ นาม เตลปฺปทีปสฺส ฌายโต ยา อจฺจิ โส วณฺโณ, โย วณฺโณ สา อจฺจีติ อจฺจิฺจ วณฺณฺจ อทฺวยํ สมนุปสฺสติ. เอวเมว อิเธกจฺโจ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ…เป… อทฺวยํ สมนุปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๑) เอวํ รูปํ อตฺตาติ ทิฏฺิปสฺสนาย ปสฺสติ. รูปวนฺตํ วา อตฺตานนฺติ อรูปํ อตฺตาติ คเหตฺวา ฉายาวนฺตํ รุกฺขํ วิย ตํ อตฺตานํ รูปวนฺตํ สมนุปสฺสติ. อตฺตนิ วา รูปนฺติ อรูปเมว อตฺตาติ คเหตฺวา ปุปฺผสฺมึ คนฺธํ วิย อตฺตนิ รูปํ สมนุปสฺสติ. รูปสฺมึ วา อตฺตานนฺติ อรูปเมว อตฺตาติ คเหตฺวา กรณฺฑาย มณึ วิย อตฺตานํ รูปสฺมึ สมนุปสฺสติ. เวทนํ อตฺตโตติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตตฺถ, รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ สุทฺธรูปเมว อตฺตาติ กถิตํ. รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา รูปํ, รูปสฺมึ วา อตฺตานํ. เวทนํ อตฺตโต… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ อิเมสุ สตฺตสุ าเนสุ ¶ อรูปํ อตฺตาติ กถิตํ. เวทนาวนฺตํ วา อตฺตานํ, อตฺตนิ วา เวทนํ, เวทนาย วา อตฺตานนฺติ เอวํ จตูสุ ขนฺเธสุ ติณฺณํ ¶ ติณฺณํ วเสน ทฺวาทสสุ าเนสุ รูปารูปมิสฺสโก อตฺตา กถิโต. ตตฺถ รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ… เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ อิเมสุ ปฺจสุ าเนสุ อุจฺเฉททิฏฺิ กถิตา, อวเสเสสุ สสฺสตทิฏฺีติ. เอวเมตฺถ ปนฺนรส ภวทิฏฺิโย, ปฺจ วิภวทิฏฺิโย โหนฺติ. น รูปํ อตฺตโตติ เอตฺถ รูปํ อตฺตาติ น สมนุปสฺสติ. อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ปน สมนุปสฺสติ. น รูปวนฺตํ อตฺตานํ…เป… น วิฺาณสฺมึ อตฺตานนฺติ อิเม ¶ ปฺจกฺขนฺเธ เกนจิ ปริยาเยน อตฺตโต น สมนุปสฺสติ, สพฺพากาเรน ปน อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตาติ สมนุปสฺสติ.
เอตฺตาวตา เถริยา, ‘‘เอวํ โข, อาวุโส วิสาข, สกฺกายทิฏฺิ โหตี’’ติ เอวํ ปุริมปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติยา เอตฺตเกน คมนํ โหติ, อาคมนํ โหติ, คมนาคมนํ โหติ, วฏฺฏํ วตฺตตีติ วฏฺฏํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺสิตํ. เอวํ โข, อาวุโส วิสาข, สกฺกายทิฏฺิ น โหตีติ ปจฺฉิมํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติยา เอตฺตเกน คมนํ น โหติ, อาคมนํ น โหติ, คมนาคมนํ น โหติ, วฏฺฏํ นาม น วตฺตตีติ วิวฏฺฏํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทสฺสิตํ.
๔๖๒. กตโม ปนายฺเย, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ อยํ ปฺโห เถริยา ปฏิปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชตพฺโพ ภเวยฺย – ‘‘อุปาสก, ตยา เหฏฺา มคฺโค ปุจฺฉิโต, อิธ กสฺมา มคฺคเมว ปุจฺฉสี’’ติ. สา ปน อตฺตโน พฺยตฺตตาย ปณฺฑิจฺเจน ตสฺส อธิปฺปายํ สลฺลกฺเขสิ – ‘‘อิมินา อุปาสเกน เหฏฺา ปฏิปตฺติวเสน มคฺโค ปุจฺฉิโต ภวิสฺสติ, อิธ ปน ตํ สงฺขตาสงฺขตโลกิยโลกุตฺตรสงฺคหิตาสงฺคหิตวเสน ปุจฺฉิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา อปฺปฏิปุจฺฉิตฺวาว ยํ ยํ ปุจฺฉิ, ตํ ตํ วิสฺสชฺเชสิ. ตตฺถ สงฺขโตติ เจติโต กปฺปิโต ปกปฺปิโต อายูหิโต กโต นิพฺพตฺติโต สมาปชฺชนฺเตน สมาปชฺชิตพฺโพ. ตีหิ จ โข, อาวุโส วิสาข, ขนฺเธหิ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค สงฺคหิโตติ เอตฺถ ยสฺมา มคฺโค สปฺปเทโส, ตโย ขนฺธา นิปฺปเทสา, ตสฺมา อยํ สปฺปเทสตฺตา นครํ วิย รชฺเชน นิปฺปเทเสหิ ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิโต. ตตฺถ สมฺมาวาจาทโย ตโย สีลเมว, ตสฺมา เต สชาติโต สีลกฺขนฺเธน สงฺคหิตาติ. กิฺจาปิ หิ ปาฬิยํ สีลกฺขนฺเธติ ภุมฺเมน ¶ วิย นิทฺเทโส กโต, อตฺโถ ปน กรณวเสน เวทิตพฺโพ. สมฺมาวายามาทีสุ ปน ¶ ตีสุ สมาธิ อตฺตโน ธมฺมตาย อารมฺมเณ เอกคฺคภาเวน อปฺเปตุํ น สกฺโกติ. วีริเย ปน ปคฺคหกิจฺจํ สาเธนฺเต สติยา จ อปิลาปนกิจฺจํ สาเธนฺติยา ลทฺธูปกาโร หุตฺวา สกฺโกติ.
ตตฺรายํ อุปมา – ยถา หิ ‘‘นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ อุยฺยานํ ปวิฏฺเสุ ตีสุ สหาเยสุ เอโก สุปุปฺผิตํ จมฺปกรุกฺขํ ทิสฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวาปิ คเหตุํ น สกฺกุเณยฺย. อถสฺส ทุติโย โอนมิตฺวา ปิฏฺึ ทเทยฺย, โส ตสฺส ปิฏฺิยํ ตฺวาปิ กมฺปมาโน คเหตุํ น สกฺกุเณยฺย ¶ . อถสฺส อิตโร อํสกูฏํ อุปนาเมยฺย, โส เอกสฺส ปิฏฺิยํ ตฺวา เอกสฺส อํสกูฏํ โอลุพฺภ ยถารุจิ ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปิฬนฺธิตฺวา นกฺขตฺตํ กีเฬยฺย. เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ. เอกโต อุยฺยานํ ปวิฏฺา ตโย สหายกา วิย หิ เอกโต ชาตา สมฺมาวายามาทโย ตโย ธมฺมา. สุปุปฺผิตจมฺปโก วิย อารมฺมณํ. หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวาปิ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต วิย อตฺตโน ธมฺมตาย อารมฺมเณ เอกคฺคภาเวน อปฺเปตุํ อสกฺโกนฺโต สมาธิ. ปิฏฺึ ทตฺวา โอนตสหาโย วิย วายาโม. อํสกูฏํ ทตฺวา ิตสหาโย วิย สติ. ยถา เตสุ เอกสฺส ปิฏฺิยํ ตฺวา เอกสฺส อํสกูฏํ โอลุพฺภ อิตโร ยถารุจิ ปุปฺผํ คเหตุํ สกฺโกติ, เอวเมวํ วีริเย ปคฺคหกิจฺจํ สาเธนฺเต, สติยา จ อปิลาปนกิจฺจํ สาเธนฺติยา ลทฺธุปกาโร สมาธิ สกฺโกติ อารมฺมเณ เอกคฺคภาเวน อปฺเปตุํ. ตสฺมา สมาธิเยเวตฺถ สชาติโต สมาธิกฺขนฺเธน สงฺคหิโต. วายามสติโย ปน กิริยโต สงฺคหิตา โหนฺติ.
สมฺมาทิฏฺิสมฺมาสงฺกปฺเปสุปิ ปฺา อตฺตโน ธมฺมตาย อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ อารมฺมณํ นิจฺเฉตุํ น สกฺโกติ, วิตกฺเก ปน อาโกเฏตฺวา อาโกเฏตฺวา เทนฺเต สกฺโกติ. กถํ? ยถา หิ เหรฺิโก กหาปณํ หตฺเถ เปตฺวา สพฺพภาเคสุ โอโลเกตุกาโม สมาโนปิ น จกฺขุทเลเนว ปริวตฺเตตุํ สกฺโกติ, องฺคุลิปพฺเพหิ ปน ปริวตฺเตตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกตุํ สกฺโกติ. เอวเมว น ปฺา อตฺตโน ธมฺมตาย อนิจฺจาทิวเสน อารมฺมณํ นิจฺเฉตุํ สกฺโกติ, อภินิโรปนลกฺขเณน ¶ ปน อาหนนปริยาหนนรเสน วิตกฺเกน อาโกเฏนฺเตน วิย ปริวตฺเตนฺเตน วิย จ อาทายา ทินฺนเมว วินิจฺเฉตุํ สกฺโกติ. ตสฺมา ¶ อิธาปิ สมฺมาทิฏฺิเยว สชาติโต ปฺากฺขนฺเธน สงฺคหิตา. สมฺมาสงฺกปฺโป ปน กิริยโต สงฺคหิโต โหติ. อิติ อิเมหิ ตีหิ ขนฺเธหิ มคฺโค สงฺคหํ คจฺฉติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตีหิ จ โข, อาวุโส วิสาข, ขนฺเธหิ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค สงฺคหิโต’’ติ.
อิทานิ เอกจิตฺตกฺขณิกํ มคฺคสมาธึ สนิมิตฺตํ สปริกฺขารํ ปุจฺฉนฺโต, กตโม ปนายฺเยติอาทิมาห. ตสฺส วิสฺสชฺชเน จตฺตาโร สติปฏฺานา มคฺคกฺขเณ จตุกิจฺจสาธนวเสน อุปฺปนฺนา สติ, สา สมาธิสฺส ปจฺจยตฺเถน นิมิตฺตํ. จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตุกิจฺจสาธนวเสเนว อุปฺปนฺนํ วีริยํ, ตํ ปริวารฏฺเน ปริกฺขาโร โหติ. เตสํเยว ธมฺมานนฺติ เตสํ มคฺคสมฺปยุตฺตธมฺมานํ. อาเสวนาติอาทีสุ เอกจิตฺตกฺขณิกาเยว อาเสวนาทโย วุตฺตาติ.
วิตณฺฑวาที ¶ ปน, ‘‘เอกจิตฺตกฺขณิโก นาม มคฺโค นตฺถิ, ‘เอวํ ภาเวยฺย สตฺต วสฺสานี’ติ หิ วจนโต สตฺตปิ วสฺสานิ มคฺคภาวนา โหติ, กิเลสา ปน ลหุ ฉิชฺชนฺตา สตฺตหิ าเณหิ ฉิชฺชนฺตี’’ติ วทติ. โส ‘‘สุตฺตํ อาหรา’’ติ วตฺตพฺโพ. อทฺธา อฺํ อปสฺสนฺโต, ‘‘ยา เตสํเยว ธมฺมานํ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกมฺม’’นฺติ อิทเมว สุตฺตํ อาหริตฺวา, ‘‘อฺเน จิตฺเตน อาเสวติ, อฺเน ภาเวติ, อฺเน พหุลีกโรตี’’ติ วกฺขติ. ตโต วตฺตพฺโพ – ‘‘กึ ปนิทํ, สุตฺตํ เนยฺยตฺถํ นีตตฺถ’’นฺติ. ตโต วกฺขติ – ‘‘นีตตฺถํ ยถา สุตฺตํ ตเถว อตฺโถ’’ติ. ตสฺส อิทํ อุตฺตรํ – เอวํ สนฺเต เอกํ จิตฺตํ อาเสวมานํ อุปฺปนฺนํ, อปรมฺปิ อาเสวมานํ, อปรมฺปิ อาเสวมานนฺติ เอวํ ทิวสมฺปิ อาเสวนาว ภวิสฺสติ, กุโต ภาวนา, กุโต พหุลีกมฺมํ? เอกํ วา ภาวยมานํ อุปฺปนฺนํ อปรมฺปิ ภาวยมานํ อปรมฺปิ ภาวยมานนฺติ เอวํ ทิวสมฺปิ ภาวนาว ภวิสฺสติ, กุโต อาเสวนา กุโต พหุลีกมฺมํ? เอกํ วา พหุลีกโรนฺตํ อุปฺปนฺนํ, อปรมฺปิ พหุลีกโรนฺตํ, อปรมฺปิ พหุลีกโรนฺตนฺติ เอวํ ทิวสมฺปิ ¶ พหุลีกมฺมเมว ภวิสฺสติ กุโต อาเสวนา, กุโต ภาวนาติ.
อถ วา เอวํ วเทยฺย – ‘‘เอเกน จิตฺเตน อาเสวติ, ทฺวีหิ ภาเวติ, ตีหิ พหุลีกโรติ. ทฺวีหิ วา อาเสวติ, ตีหิ ภาเวติ, เอเกน พหุลีกโรติ ¶ . ตีหิ วา อาเสวติ, เอเกน ภาเวติ, ทฺวีหิ พหุลีกโรตี’’ติ. โส วตฺตพฺโพ – ‘‘มา สุตฺตํ เม ลทฺธนฺติ ยํ วา ตํ วา อวจ. ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺเตน นาม อาจริยสฺส สนฺติเก วสิตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อตฺถรสํ วิทิตฺวา วตฺตพฺพํ โหติ. เอกจิตฺตกฺขณิกาว อยํ อาเสวนา, เอกจิตฺตกฺขณิกา ภาวนา, เอกจิตฺตกฺขณิกํ พหุลีกมฺมํ. ขยคามิโลกุตฺตรมคฺโค พหุลจิตฺตกฺขณิโก นาม นตฺถิ, ‘เอกจิตฺตกฺขณิโกเยวา’ติ สฺาเปตพฺโพ. สเจ สฺชานาติ, สฺชานาตุ, โน เจ สฺชานาติ, คจฺฉ ปาโตว วิหารํ ปวิสิตฺวา ยาคุํ ปิวาหี’’ติ อุยฺโยเชตพฺโพ.
๔๖๓. กติ ปนายฺเย สงฺขาราติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? เย สงฺขาเร นิโรเธตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชติ, เต ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉติ. เตเนวสฺส อธิปฺปายํ ตฺวา เถรี, ปฺุาภิสงฺขาราทีสุ อเนเกสุ สงฺขาเรสุ วิชฺชมาเนสุปิ, กายสงฺขาราทโยว อาจิกฺขนฺตี, ตโยเม ¶ , อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ กายปฏิพทฺธตฺตา กาเยน สงฺขรียติ กรียติ นิพฺพตฺตียตีติ กายสงฺขาโร. วาจํ สงฺขโรติ กโรติ นิพฺพตฺเตตีติ วจีสงฺขาโร. จิตฺตปฏิพทฺธตฺตา จิตฺเตน สงฺขรียติ กรียติ นิพฺพตฺตียตีติ จิตฺตสงฺขาโร. กตโม ปนายฺเยติ อิธ กึ ปุจฺฉติ? อิเม สงฺขารา อฺมฺมิสฺสา อาลุฬิตา อวิภูตา ทุทฺทีปนา. ตถา หิ, กายทฺวาเร อาทานคหณมฺุจนโจปนานิ ปาเปตฺวา อุปฺปนฺนา อฏฺ กามาวจรกุสลเจตนา ทฺวาทส อกุสลเจตนาติ เอวํ กุสลากุสลา วีสติ เจตนาปิ อสฺสาสปสฺสาสาปิ กายสงฺขาราตฺเวว วุจฺจนฺติ. วจีทฺวาเร หนุสํโจปนํ วจีเภทํ ปาเปตฺวา อุปฺปนฺนา วุตฺตปฺปการาว วีสติ เจตนาปิ วิตกฺกวิจาราปิ วจีสงฺขาโรตฺเวว วุจฺจนฺติ. กายวจีทฺวาเรสุ โจปนํ อปตฺตา รโห นิสินฺนสฺส จินฺตยโต อุปฺปนฺนา กุสลากุสลา เอกูนตึส เจตนาปิ สฺา จ เวทนา จาติ อิเม ทฺเว ธมฺมาปิ จิตฺตสงฺขาโรตฺเวว วุจฺจนฺติ. เอวํ ¶ อิเม สงฺขารา อฺมฺมิสฺสา อาลุฬิตา อวิภูตา ทุทฺทีปนา. เต ปากเฏ วิภูเต กตฺวา กถาเปสฺสามีติ ปุจฺฉติ.
กสฺมา ปนายฺเยติ อิธ กายสงฺขาราทินามสฺส ปทตฺถํ ปุจฺฉติ. ตสฺส วิสฺสชฺชเน กายปฺปฏิพทฺธาติ กายนิสฺสิตา, กาเย สติ โหนฺติ, อสติ ¶ น โหนฺติ. จิตฺตปฺปฏิพทฺธาติ จิตฺตนิสฺสิตา, จิตฺเต สติ โหนฺติ, อสติ น โหนฺติ.
๔๖๔. อิทานิ กึ นุ โข เอสา สฺาเวทยิตนิโรธํ วลฺเชติ, น วลฺเชติ. จิณฺณวสี วา ตตฺถ โน จิณฺณวสีติ ชานนตฺถํ ปุจฺฉนฺโต, กถํ ปนายฺเย, สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ โหตีติอาทิมาห. ตสฺส วิสฺสชฺชเน สมาปชฺชิสฺสนฺติ วา สมาปชฺชามีติ วา ปททฺวเยน เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติกาโล กถิโต. สมาปนฺโนติ ปเทน อนฺโตนิโรโธ. ตถา ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สจิตฺตกกาโล กถิโต, ปจฺฉิเมน อจิตฺตกกาโล. ปุพฺเพว ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหตีติ นิโรธสมาปตฺติโต ปุพฺเพ อทฺธานปริจฺเฉทกาเลเยว, เอตฺตกํ กาลํ อจิตฺตโก ภวิสฺสามีติ อทฺธานปริจฺเฉทจิตฺตํ ภาวิตํ โหติ. ยํ ตํ ตถตฺตาย อุปเนตีติ ยํ เอวํ ภาวิตํ จิตฺตํ, ตํ ปุคฺคลํ ตถตฺตาย อจิตฺตกภาวาย อุปเนติ.
ปมํ นิรุชฺฌติ วจีสงฺขาโรติ เสสสงฺขาเรหิ ปมํ ทุติยชฺฌาเนเยว นิรุชฺฌติ. ตโต กายสงฺขาโรติ ¶ ตโต ปรํ กายสงฺขาโร จตุตฺถชฺฌาเน นิรุชฺฌติ. ตโต จิตฺตสงฺขาโรติ ตโต ปรํ จิตฺตสงฺขาโร อนฺโตนิโรเธ นิรุชฺฌติ. วุฏฺหิสฺสนฺติ วา วุฏฺหามีติ วา ปททฺวเยน อนฺโตนิโรธกาโล กถิโต. วุฏฺิโตติ ปเทน ผลสมาปตฺติกาโล. ตถา ปุริเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ อจิตฺตกกาโล กถิโต, ปจฺฉิเมน สจิตฺตกกาโล. ปุพฺเพว ตถา จิตฺตํ ภาวิตํ โหตีติ นิโรธสมาปตฺติโต ปุพฺเพ อทฺธานปริจฺเฉทกาเลเยว เอตฺตกํ กาลํ อจิตฺตโก หุตฺวา ตโต ปรํ สจิตฺตโก ภวิสฺสามีติ อทฺธานปริจฺเฉทจิตฺตํ ภาวิตํ โหติ. ยํ ตํ ตถตฺตาย อุปเนตีติ ยํ เอวํ ภาวิตํ จิตฺตํ, ตํ ปุคฺคลํ ตถตฺตาย สจิตฺตกภาวาย อุปเนติ. อิติ เหฏฺา นิโรธสมาปชฺชนกาโล คหิโต, อิธ นิโรธโต วุฏฺานกาโล.
อิทานิ ¶ นิโรธกถํ กเถตุํ วาโรติ นิโรธกถา กเถตพฺพา สิยา, สา ปเนสา, ‘‘ทฺวีหิ พเลหิ สมนฺนาคตตฺตา ตโย จ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา โสฬสหิ าณจริยาหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ วสีภาวตาปฺา นิโรธสมาปตฺติยา าณ’’นฺติ มาติกํ เปตฺวา สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค กถิตา. ตสฺมา ตตฺถ กถิตนเยเนว คเหตพฺพา ¶ . โก ปนายํ นิโรโธ นาม? จตุนฺนํ ขนฺธานํ ปฏิสงฺขา อปฺปวตฺติ. อถ กิมตฺถเมตํ สมาปชฺชนฺตีติ. สงฺขารานํ ปวตฺเต อุกฺกณฺิตา สตฺตาหํ อจิตฺตกา หุตฺวา สุขํ วิหริสฺสาม, ทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ นาเมตํ, ยทิทํ นิโรโธติ เอตทตฺถํ สมาปชฺชนฺติ.
ปมํ อุปฺปชฺชติ จิตฺตสงฺขาโรติ นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส หิ ผลสมาปตฺติจิตฺตํ ปมํ อุปฺปชฺชติ. ตํสมฺปยุตฺตํ สฺฺจ เวทนฺจ สนฺธาย, ‘‘ปมํ อุปฺปชฺชติ จิตฺตสงฺขาโร’’ติ อาห. ตโต กายสงฺขาโรติ ตโต ปรํ ภวงฺคสมเย กายสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ. กึ ปน ผลสมาปตฺติ อสฺสาสปสฺสาเส น สมุฏฺาเปตีติ? สมุฏฺาเปติ. อิมสฺส ปน จตุตฺถชฺฌานิกา ผลสมาปตฺติ, สา น สมุฏฺาเปติ. กึ วา เอเตน ผลสมาปตฺติ ปมชฺฌานิกา วา โหตุ, ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานิกา วา, สนฺตาย สมาปตฺติยา วุฏฺิตสฺส ภิกฺขุโน อสฺสาสปสฺสาสา อพฺโพหาริกา โหนฺติ. เตสํ อพฺโพหาริกภาโว สฺชีวตฺเถรวตฺถุนา เวทิตพฺโพ. สฺชีวตฺเถรสฺส หิ สมาปตฺติโต วุฏฺาย กึสุกปุปฺผสทิเส วีตจฺจิตงฺคาเร มทฺทมานสฺส คจฺฉโต จีวเร อํสุมตฺตมฺปิ น ฌายิ, อุสุมาการมตฺตมฺปิ นาโหสิ, สมาปตฺติผลํ นาเมตนฺติ วทนฺติ. เอวเมวํ สนฺตาย ¶ สมาปตฺติยา วุฏฺิตสฺส ภิกฺขุโน อสฺสาสปสฺสาสา อพฺโพหาริกา โหนฺตีติ ภวงฺคสมเยเนเวตํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ตโต วจีสงฺขาโรติ ตโต ปรํ กิริยมยปวตฺตวฬฺชนกาเล วจีสงฺขาโร อุปฺปชฺชติ. กึ ภวงฺคํ วิตกฺกวิจาเร น สมุฏฺาเปตีติ? สมุฏฺาเปติ. ตํสมุฏฺานา ปน วิตกฺกวิจารา วาจํ อภิสงฺขาตุํ น สกฺโกนฺตีติ ¶ กิริยมยปวตฺตวฬฺชนกาเลเนวตํ กถิตํ. สฺุโต ผสฺโสติอาทโย สคุเณนาปิ อารมฺมเณนาปิ กเถตพฺพา. สคุเณน ตาว สฺุตา นาม ผลสมาปตฺติ, ตาย สหชาตํ ผสฺสํ สนฺธาย สฺุโต ผสฺโสติ วุตฺตํ. อนิมิตฺตาปณิหิเตสุปิเอเสว นโย. อารมฺมเณน ปน นิพฺพานํ ราคาทีหิ สฺุตฺตา สฺุํ นาม, ราคนิมิตฺตาทีนํ อภาวา อนิมิตฺตํ, ราคโทสโมหปฺปณิธีนํ อภาวา อปฺปณิหิตํ. สฺุตํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปนฺนผลสมาปตฺติยํ ผสฺโส สฺุโต นาม. อนิมิตฺตาปณิหิเตสุปิ เอเสว นโย.
อปรา ¶ อาคมนิยกถา นาม โหติ, สฺุตา, อนิมิตฺตา, อปฺปณิหิตาติ หิ วิปสฺสนาปิ วุจฺจติ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ สงฺขาเร อนิจฺจโต ปริคฺคเหตฺวา อนิจฺจโต ทิสฺวา อนิจฺจโต วุฏฺาติ, ตสฺส วุฏฺานคามินิวิปสฺสนา อนิมิตฺตา นาม โหติ. โย ทุกฺขโต ปริคฺคเหตฺวา ทุกฺขโต ทิสฺวา ทุกฺขโต วุฏฺาติ, ตสฺส อปฺปณิหิตา นาม. โย อนตฺตโต ปริคฺคเหตฺวา อนตฺตโต ทิสฺวา อนตฺตโต วุฏฺาติ, ตสฺส สฺุตา นาม. ตตฺถ อนิมิตฺตวิปสฺสนาย มคฺโค อนิมิตฺโต นาม, อนิมิตฺตมคฺคสฺส ผลํ อนิมิตฺตํ นาม. อนิมิตฺตผลสมาปตฺติสหชาเต ผสฺเส ผุสนฺเต อนิมิตฺโต ผสฺโส ผุสตีติ วุจฺจติ. อปฺปณิหิตสฺุเตสุปิ เอเสว นโย. อาคมนิเยน กถิเต ปน สฺุโต วา ผสฺโส อนิมิตฺโต วา ผสฺโส อปฺปณิหิโต วา ผสฺโสติ วิกปฺโป อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา สคุเณน เจว อารมฺมเณน จ กเถตพฺพํ. เอวฺหิ ตโย ผสฺสา ผุสนฺตีติ สเมติ.
วิเวกนินฺนนฺติอาทีสุ นิพฺพานํ วิเวโก นาม, ตสฺมึ วิเวเก นินฺนํ โอนตนฺติ วิเวกนินฺนํ. อฺโต อาคนฺตฺวา เยน วิเวโก, เตน วงฺกํ วิย หุตฺวา ิตนฺติ วิเวกโปณํ. เยน วิเวโก, เตน ปตมานํ วิย ิตนฺติ วิเวกปพฺภารํ.
๔๖๕. อิทานิ ¶ ยา เวทนา นิโรเธตฺวา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ตา ปุจฺฉิสฺสามีติ ปุจฺฉนฺโต กติ ปนายฺเย, เวทนาติ อาห. กายิกํ วาติอาทีสุ ปฺจทฺวาริกํ สุขํ ¶ กายิกํ นาม, มโนทฺวาริกํ เจตสิกํ นามาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สุขนฺติ สภาวนิทฺเทโส. สาตนฺติ ตสฺเสว มธุรภาวทีปกํ เววจนํ. เวทยิตนฺติ เวทยิตภาวทีปกํ, สพฺพเวทนานํ สาธารณวจนํ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ิติสุขา วิปริณามทุกฺขาติอาทีสุ สุขาย เวทนาย อตฺถิภาโว สุขํ, นตฺถิภาโว ทุกฺขํ. ทุกฺขาย เวทนาย อตฺถิภาโว ทุกฺขํ, นตฺถิภาโว สุขํ. อทุกฺขมสุขาย เวทนาย ชานนภาโว สุขํ, อชานนภาโว ทุกฺขนฺติ อตฺโถ.
กึ อนุสโย อนุเสตีติ กตโม อนุสโย อนุเสติ. อปฺปหีนฏฺเน สยิโต วิย โหตีติ อนุสยปุจฺฉํ ปุจฺฉติ. น โข, อาวุโส ¶ วิสาข, สพฺพาย สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสตีติ น สพฺพาย สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสติ. น สพฺพาย สุขาย เวทนาย โส อปฺปหีโน, น สพฺพํ สุขํ เวทนํ อารพฺภ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ. กึ ปหาตพฺพนฺติ อยํ ปหานปุจฺฉา นาม.
ราคํ เตน ปชหตีติ เอตฺถ เอเกเนว พฺยากรเณน ทฺเว ปุจฺฉา วิสฺสชฺเชสิ. อิธ ภิกฺขุ ราคานุสยํ วิกฺขมฺเภตฺวา ปมชฺฌานํ สมาปชฺชติ, ฌานวิกฺขมฺภิตํ ราคานุสยํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนาคามิมคฺเคน สมุคฺฆาเตติ. โส อนาคามิมคฺเคน ปหีโนปิ ตถา วิกฺขมฺภิตตฺตาว ปมชฺฌาเน นานุเสติ นาม. เตนาห – ‘‘น ตตฺถ ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ. ตทายตนนฺติ ตํ อายตนํ, ปรมสฺสาสภาเวน ปติฏฺานภูตํ อรหตฺตนฺติ อตฺโถ. อิติ อนุตฺตเรสูติ เอวํ อนุตฺตรา วิโมกฺขาติ ลทฺธนาเม อรหตฺเต. ปิหํ อุปฏฺาปยโตติ ปตฺถนํ ปฏฺเปนฺตสฺส. อุปฺปชฺชติ ปิหาปจฺจยา โทมนสฺสนฺติ ปตฺถนาย ปฏฺปนมูลกํ โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ. ตํ ปเนตํ น ปตฺถนาย ปฏฺปนมูลกํ อุปฺปชฺชติ, ปตฺเถตฺวา อลภนฺตสฺส ปน อลาภมูลกํ อุปฺปชฺชมานํ, ‘‘อุปฺปชฺชติ ปิหาปจฺจยา’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ กิฺจาปิ โทมนสฺสํ นาม เอกนฺเตน อกุสลํ, อิทํ ปน เสวิตพฺพํ โทมนสฺสํ วฏฺฏตีติ วทนฺติ. โยคิโน หิ ¶ เตมาสิกํ ฉมาสิกํ วา นวมาสิกํ วา ปฏิปทํ คณฺหนฺติ. เตสุ โย ตํ ตํ ปฏิปทํ คเหตฺวา อนฺโตกาลปริจฺเฉเทเยว อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามีติ ฆเฏนฺโต วายมนฺโต น สกฺโกติ ยถาปริจฺฉินฺนกาเลน ¶ ปาปุณิตุํ, ตสฺส พลวโทมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, อาฬินฺทิกวาสิมหาผุสฺสเทวตฺเถรสฺส วิย อสฺสุธารา ปวตฺตนฺติ. เถโร กิร เอกูนวีสติวสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรสิ. ตสฺส, ‘‘อิมสฺมึ วาเร อรหตฺตํ คณฺหิสฺสามิ, อิมสฺมึ วาเร วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสฺสามี’’ติ มานสํ พนฺธิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺตสฺเสว เอกูนวีสติวสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ. ปวารณาทิวเส อาคเต เถรสฺส อสฺสุปาเตน มุตฺตทิวโส นาม นาโหสิ. วีสติเม ปน วสฺเส อรหตฺตํ ปาณุณิ.
ปฏิฆํ ¶ เตน ปชหตีติ เอตฺถ โทมนสฺเสเนว ปฏิฆํ ปชหติ. น หิ ปฏิเฆเนว ปฏิฆปฺปหานํ, โทมนสฺเสน วา โทมนสฺสปฺปหานํ นาม อตฺถิ. อยํ ปน ภิกฺขุ เตมาสิกาทีสุ อฺตรํ ปฏิปทํ คเหตฺวา อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘ปสฺส ภิกฺขุ, กึ ตุยฺหํ สีเลน หีนฏฺานํ อตฺถิ, อุทาหุ วีริเยน, อุทาหุ ปฺาย, นนุ เต สีลํ สุปริสุทฺธํ วีริยํ สุปคฺคหิตํ ปฺา สูรา หุตฺวา วหตี’’ติ. โส เอวํ ปฏิสฺจิกฺขิตฺวา, ‘‘น ทานิ ปุน อิมสฺส โทมนสฺสสฺส อุปฺปชฺชิตุํ ทสฺสามี’’ติ วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อนฺโตเตมาเส วา อนฺโตฉมาเส วา อนฺโตนวมาเส วา อนาคามิมคฺเคน ตํ สมุคฺฆาเตติ. อิมินา ปริยาเยน ปฏิเฆเนว ปฏิฆํ, โทมนสฺเสเนว โทมนสฺสํ ปชหติ นาม.
น ตตฺถ ปฏิฆานุสโย อนุเสตีติ ตตฺถ เอวรูเป โทมนสฺเส ปฏิฆานุสโย นานุเสติ. น ตํ อารพฺภ อุปฺปชฺชติ, ปหีโนว ตตฺถ ปฏิฆานุสโยติ อตฺโถ. อวิชฺชํ เตน ปชหตีติ อิธ ภิกฺขุ อวิชฺชานุสยํ วิกฺขมฺเภตฺวา จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชติ, ฌานวิกฺขมฺภิตํ อวิชฺชานุสยํ ตถา วิกฺขมฺภิตเมว กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตมคฺเคน สมุคฺฆาเตติ. โส อรหตฺตมคฺเคน ปหีโนปิ ตถา วิกฺขมฺภิตตฺตาว จตุตฺถชฺฌาเน ¶ นานุเสติ นาม. เตนาห – ‘‘น ตตฺถ อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติ.
๔๖๖. อิทานิ ปฏิภาคปุจฺฉํ ปุจฺฉนฺโต สุขาย ปนายฺเยติอาทิมาห. ตสฺส วิสฺสชฺชเน ยสฺมา สุขสฺส ทุกฺขํ, ทุกฺขสฺส จ สุขํ ปจฺจนีกํ, ตสฺมา ทฺวีสุ เวทนาสุ วิสภาคปฏิภาโค กถิโต. อุเปกฺขา ปน อนฺธการา อวิภูตา ทุทฺทีปนา, อวิชฺชาปิ ตาทิสาวาติ เตเนตฺถ สภาคปฏิภาโค กถิโต. ยตฺตเกสุ ปน าเนสุ อวิชฺชา ตมํ กโรติ, ตตฺตเกสุ ¶ วิชฺชา ตมํ วิโนเทตีติ วิสภาคปฏิภาโค กถิโต. อวิชฺชาย โข, อาวุโสติ เอตฺถ อุโภเปเต ธมฺมา อนาสวา โลกุตฺตราติ สภาคปฏิภาโคว กถิโต. วิมุตฺติยา โข, อาวุโสติ เอตฺถ อนาสวฏฺเน โลกุตฺตรฏฺเน อพฺยากตฏฺเน จ สภาคปฏิภาโคว กถิโต. อจฺจยาสีติ เอตฺถ ปฺหํ อติกฺกมิตฺวา คโตสีติ อตฺโถ. นาสกฺขิ ปฺหานํ ปริยนฺตํ คเหตุนฺติ ปฺหานํ ปริจฺเฉทปมาณํ คเหตุํ นาสกฺขิ, อปฺปฏิภาคธมฺมสฺส ปฏิภาคํ ปุจฺฉิ. นิพฺพานํ นาเมตํ อปฺปฏิภาคํ ¶ , น สกฺกา นีลํ วา ปีตกํ วาติ เกนจิ ธมฺเมน สทฺธึ ปฏิภาคํ กตฺวา ทสฺเสตุํ. ตฺจ ตฺวํ อิมินา อธิปฺปาเยน ปุจฺฉสีติ อตฺโถ.
เอตฺตาวตา จายํ อุปาสโก ยถา นาม สตฺตเม ฆเร สลากภตฺตํ ลภิตฺวา คโต ภิกฺขุ สตฺต ฆรานิ อติกฺกมฺม อฏฺมสฺส ทฺวาเร ิโต สพฺพานิปิ สตฺต เคหานิ วิรทฺโธว น อฺาสิ, เอวเมวํ อปฺปฏิภาคธมฺมสฺส ปฏิภาคํ ปุจฺฉนฺโต สพฺพาสุปิ สตฺตสุ สปฺปฏิภาคปุจฺฉาสุ วิรทฺโธว โหตีติ เวทิตพฺโพ. นิพฺพาโนคธนฺติ นิพฺพานพฺภนฺตรํ นิพฺพานํ อนุปวิฏฺํ. นิพฺพานปรายนนฺติ นิพฺพานํ ปรํ อยนมสฺส ปรา คติ, น ตโต ปรํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. นิพฺพานํ ปริโยสานํ อวสานํ อสฺสาติ นิพฺพานปริโยสานํ.
๔๖๗. ปณฺฑิตาติ ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคตา, ธาตุกุสลา อายตนกุสลา ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสลา านาฏฺานกุสลาติ อตฺโถ. มหาปฺาติ มหนฺเต อตฺเถ มหนฺเต ธมฺเม มหนฺตา ¶ นิรุตฺติโย มหนฺตานิ ปฏิภานานิ ปริคฺคณฺหนสมตฺถาย ปฺาย สมนฺนาคตา. ยถา ตํ ธมฺมทินฺนายาติ ยถา ธมฺมทินฺนาย ภิกฺขุนิยา พฺยากตํ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยนฺติ. เอตฺตาวตา จ ปน อยํ สุตฺตนฺโต ชินภาสิโต นาม ชาโต, น สาวกภาสิโต. ยถา หิ ราชยุตฺเตหิ ลิขิตํ ปณฺณํ ยาว ราชมุทฺทิกาย น ลฺฉิตํ โหติ, น ตาว ราชปณฺณนฺติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ; ลฺฉิตมตฺตํ ปน ราชปณฺณํ นาม โหติ, ตถา, ‘‘อหมฺปิ ตํ เอวเมว พฺยากเรยฺย’’นฺติ อิมาย ชินวจนมุทฺทิกาย ลฺฉิตตฺตา อยํ สุตฺตนฺโต อาหจฺจวจเนน ชินภาสิโต นาม ชาโต. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬเวทลฺลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จูฬธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา
๔๖๘. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ จูฬธมฺมสมาทานสุตฺตํ. ตตฺถ ธมฺมสมาทานานีติ ธมฺโมติ คหิตคหณานิ. ปจฺจุปฺปนฺนสุขนฺติ ปจฺจุปฺปนฺเน สุขํ, อายูหนกฺขเณ สุขํ ¶ สุกรํ สุเขน สกฺกา ปูเรตุํ. อายตึ ทุกฺขวิปากนฺติ อนาคเต วิปากกาเล ทุกฺขวิปากํ. อิมินา อุปาเยน สพฺพปเทสุ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๔๖๙. นตฺถิ กาเมสุ โทโสติ วตฺถุกาเมสุปิ กิเลสกาเมสุปิ โทโส นตฺถิ. ปาตพฺยตํ อาปชฺชนฺตีติ เต วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน ปาตพฺยตํ ปิวิตพฺพตํ, ยถารุจิ ปริภฺุชิตพฺพตํ อาปชฺชนฺตีติ อตฺโถ. โมฬิพทฺธาหีติ โมฬึ กตฺวา พทฺธเกสาหิ. ปริพฺพาชิกาหีติ ตาปสปริพฺพาชิกาหิ. เอวมาหํสูติ เอวํ วทนฺติ. ปริฺํ ปฺเปนฺตีติ ปหานํ สมติกฺกมํ ปฺเปนฺติ. มาลุวาสิปาฏิกาติ ทีฆสณฺานํ มาลุวาปกฺกํ. ผเลยฺยาติ อาตเปน สุสฺสิตฺวา ภิชฺเชยฺย. สาลมูเลติ สาลรุกฺขสฺส สมีเป. สนฺตาสํ อาปชฺเชยฺยาติ กสฺมา อาปชฺชติ? ภวนวินาสภยา. รุกฺขมูเล ปติตมาลุวาพีชโต หิ ลตา ¶ อุปฺปชฺชิตฺวา รุกฺขํ อภิรุหติ. สา มหาปตฺตา เจว โหติ พหุปตฺตา จ, โกวิฬารปตฺตสทิเสหิ ปตฺเตหิ สมนฺนาคตา. อถ ตํ รุกฺขํ มูลโต ปฏฺาย วินนฺธมานา สพฺพวิฏปานิ สฺฉาเทตฺวา มหนฺตํ ภารํ ชเนตฺวา ติฏฺติ. สา วาเต วา วายนฺเต เทเว วา วสฺสนฺเต โอฆนํ ชเนตฺวา ตสฺส รุกฺขสฺส สพฺพสาขาปสาขํ ภฺชติ, ภูมิยํ นิปาเตติ. ตโต ตสฺมึ รุกฺเข ปติฏฺิตวิมานํ ภิชฺชติ นสฺสติ. อิติ สา ภวนวินาสภยา สนฺตาสํ อาปชฺชติ.
อารามเทวตาติ ตตฺถ ตตฺถ ปุปฺผารามผลาราเมสุ อธิวตฺถา เทวตา. วนเทวตาติ อนฺธวนสุภควนาทีสุ วเนสุ อธิวตฺถา เทวตา. รุกฺขเทวตาติ อภิลกฺขิเตสุ นเฬรุปุจิมนฺทาทีสุ รุกฺเขสุ อธิวตฺถา เทวตา. โอสธิติณวนปฺปตีสูติ หรีตกีอามลกีอาทีสุ โอสธีสุ ตาลนาฬิเกราทีสุ ติเณสุ วนเชฏฺเกสุ จ วนปฺปติรุกฺเขสุ อธิวตฺถา เทวตา. วนกมฺมิกาติ วเน กสนลายนทารุอาหรณโครกฺขาทีสุ เกนจิเทว ¶ กมฺเมน วา วิจรกมนุสฺสา. อุทฺธเรยฺยุนฺติ ขาเทยฺยุํ. วิลมฺพินีติ วาเตน ปหตปหตฏฺาเนสุ เกฬึ กโรนฺตี วิย วิลมฺพนฺตี. สุโข อิมิสฺสาติ เอวรูปาย มาลุวาลตาย สมฺผสฺโสปิ สุโข, ทสฺสนมฺปิ สุขํ. อยํ เม ทารกานํ อาปานมณฺฑลํ ภวิสฺสติ, กีฬาภูมิ ภวิสฺสติ, ทุติยํ ¶ เม วิมานํ ปฏิลทฺธนฺติ ลตาย ทสฺสเนปิ สมฺผสฺเสปิ โสมนสฺสชาตา เอวมาห.
วิฏภึ กเรยฺยาติ สาขานํ อุปริ ฉตฺตากาเรน ติฏฺเยฺย. โอฆนํ ชเนยฺยาติ เหฏฺา ฆนํ ชเนยฺย. อุปริ อารุยฺห สกลํ รุกฺขํ ปลิเวเตฺวา ปุน เหฏฺา ภสฺสมานา ภูมึ คณฺเหยฺยาติ อตฺโถ. ปทาเลยฺยาติ เอวํ โอฆนํ กตฺวา ปุน ตโต ปฏฺาย ยาว มูลา โอติณฺณสาขาหิ อภิรุหมานา สพฺพสาขา ปลิเวเนฺตี มตฺถกํ ปตฺวา เตเนว นิยาเมน ปุน โอโรหิตฺวา จ อภิรุหิตฺวา จ สกลรุกฺขํ สํสิพฺพิตฺวา อชฺโฌตฺถรนฺตี สพฺพสาขา เหฏฺา กตฺวา สยํ อุปริ ตฺวา ¶ วาเต วา วายนฺเต เทเว วา วสฺสนฺเต ปทาเลยฺย. ภินฺเทยฺยาติ อตฺโถ. ขาณุมตฺตเมว ติฏฺเยฺย, ตตฺถ ยํ สาขฏฺกวิมานํ โหติ, ตํ สาขาสุ ภิชฺชมานาสุ ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชิตฺวา สพฺพสาขาสุ ภินฺนาสุ สพฺพํ ภิชฺชติ. รุกฺขฏฺกวิมานํ ปน ยาว รุกฺขสฺส มูลมตฺตมฺปิ ติฏฺติ, ตาว น นสฺสติ. อิทํ ปน วิมานํ สาขฏฺกํ, ตสฺมา สพฺพสาขาสุ สํภิชฺชมานาสุ ภิชฺชิตฺถ. เทวตา ปุตฺตเก คเหตฺวา ขาณุเก ิตา ปริเทวิตุํ อารทฺธา.
๔๗๑. ติพฺพราคชาติโกติ พหลราคสภาโว. ราคชํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทตีติ ติพฺพราคชาติกตฺตา ทิฏฺเ ทิฏฺเ อารมฺมเณ นิมิตฺตํ คณฺหาติ. อถสฺส อาจริยุปชฺฌายา ทณฺฑกมฺมํ อาณาเปนฺติ. โส อภิกฺขณํ ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺโต ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, นตฺเวว วีติกฺกมํ กโรติ. ติพฺพโทสชาติโกติ อปฺปมตฺติเกเนว กุปฺปติ, ทหรสามเณเรหิ สทฺธึ หตฺถปรามาสาทีนิ กโรนฺโตว กเถติ. โสปิ ทณฺฑกมฺมปจฺจยา ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ. โมหชาติโก ปน อิธ กตํ วา กตโต อกตํ วา อกตโต น สลฺลกฺเขติ, ตานิ ตานิ กิจฺจานิ วิราเธติ. โสปิ ทณฺฑกมฺมปจฺจยา ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ.
๔๗๒. น ติพฺพราคชาติโกติอาทีนิ วุตฺตปฏิปกฺขนเยน เวทิตพฺพานิ. กสฺมา ปเนตฺถ โกจิ ติพฺพราคาทิชาติโก โหติ, โกจิ น ติพฺพราคาทิชาติโก? กมฺมนิยาเมน. ยสฺส หิ ¶ กมฺมายูหนกฺขเณ โลโภ พลวา โหติ, อโลโภ มนฺโท, อโทสาโมหา พลวนฺโต, โทสโมหา ¶ มนฺทา, ตสฺส มนฺโท อโลโภ โลภํ ปริยาทาตุํ น สกฺโกติ, อโทสาโมหา ปน พลวนฺโต โทสโมเห ปริยาทาตุํ สกฺโกนฺติ. ตสฺมา โส เตน กมฺเมน ทินฺนปฏิสนฺธิวเสน นิพฺพตฺโต ลุทฺโธ โหติ, สุขสีโล อกฺโกธโน ปฺวา วชิรูปมาโณ.
ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ โลภโทสา พลวนฺโต โหนฺติ, อโลภาโทสา มนฺทา, อโมโห พลวา, โมโห มนฺโท, โส ปุริมนเยเนว ลุทฺโธ เจว โหติ ทุฏฺโ จ, ปฺวา ปน โหติ วชิรูปมาโณ ทตฺตาภยตฺเถโร วิย.
ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ โลภาโทสโมหา พลวนฺโต โหนฺติ, อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว ลุทฺโธ เจว โหติ ทนฺโธ จ, สุขสีลโก ¶ ปน โหติ อกฺโกธโน.
ตถา ยสฺส กมฺมายูหนกฺขเณ ตโยปิ โลภโทสโมหา พลวนฺโต โหนฺติ, อโลภาทโย มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว ลุทฺโธ เจว โหติ ทุฏฺโ จ มูฬฺโห จ.
ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ อโลภโทสโมหา พลวนฺโต โหนฺติ, อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว อปฺปกิเลโส โหติ, ทิพฺพารมฺมณมฺปิ ทิสฺวา นิจฺจโล, ทุฏฺโ ปน โหติ ทนฺธปฺโ จ.
ยสฺส ปน กมฺมายูหนกฺขเณ อโลภาโทสโมหา พลวนฺโต โหนฺติ, อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว อลุทฺโธ เจว โหติ สุขสีลโก จ, มูฬฺโห ปน โหติ.
ตถา ยสฺส กมฺมายูหนกฺขเณ อโลภโทสาโมหา พลวนฺโต โหนฺติ, อิตเร มนฺทา, โส ปุริมนเยเนว อลุทฺโธ เจว โหติ ปฺวา จ, ทุฏฺโ ปน โหติ โกธโน.
ยสฺส ¶ ¶ ปน กมฺมายูหนกฺขเณ ตโยปิ อโลภาทโย พลวนฺโต โหนฺติ, โลภาทโย มนฺทา, โส มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถโร วิย อลุทฺโธ อทุฏฺโ ปฺวา จ โหติ.
เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
จูฬธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. มหาธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา
๔๗๓. เอวํ ¶ เม สุตฺตนฺติ มหาธมฺมสมาทานสุตฺตํ. ตตฺถ เอวํกามาติ เอวํอิจฺฉา. เอวํฉนฺทาติ เอวํอชฺฌาสยา. เอวํอธิปฺปายาติ เอวํลทฺธิกา. ตตฺราติ ตสฺมึ อนิฏฺวฑฺฒเน เจว อิฏฺปริหาเน จ. ภควํมูลกาติ ภควา มูลํ เอเตสนฺติ ภควํมูลกา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม, ภนฺเต, อมฺหากํ ธมฺมา ปุพฺเพ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺเธน อุปฺปาทิตา, ตสฺมึ ปรินิพฺพุเต เอกํ พุทฺธนฺตรํ อฺโ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิเม ธมฺเม อุปฺปาเทตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ, ภควตา ปน โน อิเม ธมฺมา อุปฺปาทิตา. ภควนฺตฺหิ นิสฺสาย มยํ อิเม ธมฺเม อาชานาม ปฏิวิชฺฌามาติ เอวํ ภควํมูลกา โน, ภนฺเต, ธมฺมาติ. ภควํเนตฺติกาติ ภควา หิ ธมฺมานํ เนตา วิเนตา อนุเนตาติ. ยถาสภาวโต ¶ ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ นามํ คเหตฺวา ทสฺสิตา ธมฺมา ภควํเนตฺติกา นาม โหนฺติ. ภควํปฏิสรณาติ จตุภูมกา ธมฺมา สพฺพฺุตฺาณสฺส อาปาถํ อาคจฺฉมานา ภควติ ปฏิสรนฺติ นามาติ ภควํปฏิสรณา. ปฏิสรนฺตีติ โอสรนฺติ สโมสรนฺติ. อปิจ มหาโพธิมณฺเฑ นิสินฺนสฺส ภควโต ปฏิเวธวเสน ผสฺโส อาคจฺฉติ, อหํ ภควา กินฺนาโมติ? ตฺวํ ผุสนฏฺเน ผสฺโส นาม. เวทนา, สฺา, สงฺขารา, วิฺาณํ อาคจฺฉติ. อหํ ภควา กินฺนามนฺติ? ตฺวํ วิชานนฏฺเน วิฺาณํ นามาติ เอวํ จตุภูมกธมฺมานํ ยถาสภาวโต ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ นามํ คณฺหนฺโต ภควา ธมฺเม ปฏิสรตีติปิ ภควํปฏิสรณา. ภควนฺตฺเว ปฏิภาตูติ ภควโตเยว เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ อุปฏฺาตุ, ตุมฺเหเยว โน กเถตฺวา เทถาติ อตฺโถ.
๔๗๔. เสวิตพฺเพติ ¶ นิสฺสยิตพฺเพ. ภชิตพฺเพติ อุปคนฺตพฺเพ. ยถา ตํ อวิทฺทสุโนติ ยถา อวิทุโน พาลสฺส อนฺธปุถุชฺชนสฺส. ยถา ตํ วิทฺทสุโนติ ยถา วิทุโน เมธาวิโน ปณฺฑิตสฺส.
๔๗๕. อตฺถิ, ภิกฺขเว, ธมฺมสมาทานนฺติ ปุริมสุตฺเต อุปฺปฏิปาฏิอากาเรน มาติกา ปิตา ¶ , อิธ ปน ยถาธมฺมรเสเนว สตฺถา มาติกํ เปสิ. ตตฺถ ธมฺมสมาทานนฺติ ปาณาติปาตาทีนํ ธมฺมานํ คหณํ.
๔๗๖. อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชาย สมนฺนาคโต.
๔๗๗. วิชฺชาคโตติ วิชฺชาย สมนฺนาคโต ปฺวา.
๔๗๘. สหาปิ ทุกฺเขนาติ เอตฺถ มิจฺฉาจาโร อภิชฺฌา มิจฺฉาทิฏฺีติ อิเม ตาว ตโย ปุพฺพเจตนาย จ อปรเจตนาย จาติ ทฺวินฺนํ เจตนานํ วเสน ทุกฺขเวทนา โหนฺติ. สนฺนิฏฺาปกเจตนา ปน สุขสมฺปยุตฺตา วา อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตา วา โหติ. เสสา ปาณาติปาตาทโย สตฺต ติสฺสนฺนมฺปิ เจตนานํ วเสน ทุกฺขเวทนา โหนฺติ. อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สหาปิ ทุกฺเขน สหาปิ โทมนสฺเสนา’’ติ. โทมนสฺสเมว เจตฺถ ทุกฺขนฺติ เวทิตพฺพํ. ปริเยฏฺึ วา อาปชฺชนฺตสฺส ปุพฺพภาคปรภาเคสุ กายิกํ ทุกฺขมฺปิ วฏฺฏติเยว.
๔๗๙. สหาปิ ¶ สุเขนาติ เอตฺถ ปาณาติปาโต ผรุสวาจา พฺยาปาโทติ อิเม ตาว ตโย ปุพฺพเจตนาย จ อปรเจตนาย จาติ ทฺวินฺนํ เจตนานํ วเสน สุขเวทนา โหนฺติ. สนฺนิฏฺาปกเจตนา ปน ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว โหติ. เสสา สตฺต ติสฺสนฺนมฺปิ เจตนานํ วเสน สุขเวทนา โหนฺติเยว. สหาปิ โสมนสฺเสนาติ โสมนสฺสเมว เจตฺถ สุขนฺติ เวทิตพฺพํ. อิฏฺโผฏฺพฺพสมงฺคิโน วา ปุพฺพภาคปรภาเคสุ กายิกํ สุขมฺปิ วฏฺฏติเยว.
๔๘๐. ตติยธมฺมสมาทาเน อิเธกจฺโจ มจฺฉพนฺโธ วา โหติ, มาควิโก วา, ปาณุปฆาตํเยว นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปติ. ตสฺส ครุฏฺานิโย ภิกฺขุ อกามกสฺเสว ปาณาติปาเต อาทีนวํ, ปาณาติปาตวิรติยา จ อานิสํสํ กเถตฺวา สิกฺขาปทํ เทติ. โส คณฺหนฺโตปิ ทุกฺขิโต โทมนสฺสิโตว หุตฺวา คณฺหาติ. อปรภาเค กติปาหํ วีตินาเมตฺวา ¶ รกฺขิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ ทุกฺขิโตว โหติ, ตสฺส ปุพฺพาปรเจตนา ทุกฺขสหคตาว โหนฺติ. สนฺนิฏฺาปกเจตนา ปน สุขสหคตา วา อุเปกฺขาสหคตา วาติ เอวํ สพฺพตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ ¶ . อิติ ปุพฺพภาคปรภาคเจตนาว สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘สหาปิ ทุกฺเขน สหาปิ โทมนสฺเสนา’’ติ. โทมนสฺสเมว เจตฺถ ทุกฺขนฺติ เวทิตพฺพํ.
๔๘๑. จตุตฺถธมฺมสมาทาเน ทสสุปิ ปเทสุ ติสฺโสปิ ปุพฺพภาคาปรภาคสนฺนิฏฺาปกเจตนา สุขสมฺปยุตฺตา โหนฺติเยว, ตํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘สหาปิ สุเขน สหาปิ โสมนสฺเสนา’’ติ. โสมนสฺสเมว เจตฺถ สุขนฺติ เวทิตพฺพํ.
๔๘๒. ติตฺตกาลาพูติ ติตฺตกรสอลาพุ. วิเสน สํสฏฺโติ หลาหลวิเสน สมฺปยุตฺโต มิสฺสิโต ลุฬิโต. นจฺฉาเทสฺสตีติ น รุจฺจิสฺสติ น ตุฏฺึ กริสฺสติ. นิคจฺฉสีติ คมิสฺสสิ. อปฺปฏิสงฺขาย ปิเวยฺยาติ ตํ อปฺปจฺจเวกฺขิตฺวา ปิเวยฺย.
๔๘๓. อาปานียกํโสติ อาปานียสฺส มธุรปานกสฺส ภริตกํโส. วณฺณสมฺปนฺโนติ ปานกวณฺณาทีหิ สมฺปนฺนวณฺโณ, กํเส ปกฺขิตฺตปานกวเสน ปานกกํโสปิ เอวํ วุตฺโต. ฉาเทสฺสตีติ ¶ ตฺหิ หลาหลวิสํ ยตฺถ ยตฺถ ปกฺขิตฺตํ โหติ, ตสฺส ตสฺเสว รสํ เทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉาเทสฺสตี’’ติ.
๔๘๔. ปูติมุตฺตนฺติ มุตฺตเมว. ยถา หิ มนุสฺสภาโว สุวณฺณวณฺโณ ปูติกาโยตฺเวว, ตทหุชาตาปิ คโลจิลตา ปูติลตาตฺเวว วุจฺจติ. เอวํ ตงฺขณํ คหิตํ ตรุณมฺปิ มุตฺตํ ปูติมุตฺตเมว. นานาเภสชฺเชหีติ หรีตกามลกาทีหิ นาโนสเธหิ. สุขี อสฺสาติ อโรโค สุวณฺณวณฺโณ สุขี ภเวยฺย.
๔๘๕. ทธิ จ มธุ จาติ สุปริสุทฺธํ ทธิ จ สุมธุรํ มธุ จ. เอกชฺฌํ สํสฏฺนฺติ เอกโต กตฺวา มิสฺสิตํ อาลุฬิตํ. ตสฺส ตนฺติ ตสฺส ตํ จตุมธุรเภสชฺชํ ปิวโต รุจฺเจยฺย. อิทฺจ ยํ ภคนฺทรสํสฏฺํ โลหิตํ ปกฺขนฺทติ, น ตสฺส เภสชฺชํ, อาหารํ ถมฺเภตฺวา มคฺคํ อวลฺชํ กโรติ. ยํ ¶ ปน ปิตฺตสํสฏฺํ โลหิตํ, ตสฺเสตํ เภสชฺชํ สีตลกิริยาย ปริยตฺตภูตํ.
๔๘๖. วิทฺเธติ ¶ อุพฺพิทฺเธ. เมฆวิคเมน ทูรีภูเตติ อตฺโถ. วิคตวลาหเกติ อปคตเมเฆ, เทเวติ อากาเส. อากาสคตํ ตมคตนฺติ อากาสคตํ ตมํ. ปุถุสมณพฺราหฺมณปรปฺปวาเทติ ปุถูนํ สมณพฺราหฺมณสงฺขาตานํ ปเรสํ วาเท. อภิวิหจฺจาติ อภิหนฺตฺวา. ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจเต จาติ สรทกาเล มชฺฌนฺหิกสมเย อาทิจฺโจว โอภาสํ มฺุจติ ตปติ วิชฺโชตตีติ.
อิทํ ปน สุตฺตํ เทวตานํ อติวิย ปิยํ มนาปํ. ตตฺริทํ วตฺถุ – ทกฺขิณทิสายํ กิร หตฺถิโภคชนปเท สงฺครวิหาโร นาม อตฺถิ. ตสฺส โภชนสาลทฺวาเร สงฺครรุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา รตฺติภาเค เอกสฺส ทหรสฺส สรภฺวเสน อิทํ สุตฺตํ โอสาเรนฺตสฺส สุตฺวา สาธุการํ อทาสิ. ทหโร กึ เอโสติ อาห. อหํ, ภนฺเต, อิมสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตาติ. กสฺมึ เทวเต ปสนฺนาสิ, กึ สทฺเท, อุทาหุ สุตฺเตติ? สทฺโท นาม, ภนฺเต, ยสฺส กสฺสจิ โหติเยว, สุตฺเต ¶ ปสนฺนามฺหิ. สตฺถารา เชตวเน นิสีทิตฺวา กถิตทิวเส จ อชฺช จ เอกพฺยฺชเนปิ นานํ นตฺถีติ. อสฺโสสิ ตฺวํ เทวเต สตฺถารา กถิตทิวเสติ? อาม, ภนฺเต. กตฺถ ิตา อสฺโสสีติ? เชตวนํ, ภนฺเต, คตามฺหิ, มเหสกฺขาสุ ปน เทวตาสุ อาคจฺฉนฺตีสุ ตตฺถ โอกาสํ อลภิตฺวา อิเธว ตฺวา อสฺโสสินฺติ. เอตฺถ ิตาย สกฺกา สุตฺถุ สทฺโท โสตุนฺติ? ตฺวํ ปน, ภนฺเต, มยฺหํ สทฺทํ สุณสีติ? อาม เทวเตติ. ทกฺขิณกณฺณปสฺเส นิสีทิตฺวา กถนกาโล วิย, ภนฺเต, โหตีติ. กึ ปน เทวเต สตฺถุ รูปํ ปสฺสสีติ? สตฺถา มเมว โอโลเกตีติ มฺมานา สณฺาตุํ น สกฺโกมิ, ภนฺเตติ. วิเสสํ ปน นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺขิตฺถ เทวเตติ. เทวตา ตตฺเถว อนฺตรธายิ. ตํ ทิวสํ กิเรส เทวปุตฺโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. เอวมิทํ สุตฺตํ เทวตานํ ปิยํ มนาปํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มหาธมฺมสมาทานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วีมํสกสุตฺตวณฺณนา
๔๘๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ วีมํสกสุตฺตํ. ตตฺถ วีมํสเกนาติ ตโย วีมํสกา – อตฺถวีมํสโก สงฺขารวีมํสโก สตฺถุวีมํสโกติ. เตสุ, ‘‘ปณฺฑิตา หาวุโส, มนุสฺสา วีมํสกา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๒) เอตฺถ อตฺถวีมํสโก อาคโต. ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหติ, อายตนกุสโล จ โหติ, ปฏิจฺจสมุปฺปาทกุสโล จ โหติ, านาฏฺานกุสโล จ โหติ, เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ปณฺฑิโต ภิกฺขุ วีมํสโกติ อลํ วจนายา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๔) เอตฺถ สงฺขารวีมํสโก อาคโต. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต สตฺถุวีมํสโก อธิปฺเปโต. เจโตปริยายนฺติ จิตฺตวารํ จิตฺตปริจฺเฉทํ. สมนฺเนสนาติ เอสนา ปริเยสนา อุปปริกฺขา. อิติ วิฺาณายาติ เอวํ วิชานนตฺถาย.
๔๘๘. ทฺวีสุ ธมฺเมสุ ตถาคโต สมนฺเนสิตพฺโพติ อิธ กลฺยาณมิตฺตูปนิสฺสยํ ทสฺเสติ. มหา หิ เอส กลฺยาณมิตฺตูปนิสฺสโย ¶ นาม. ตสฺส มหนฺตภาโว เอวํ เวทิตพฺโพ – เอกสฺมึ หิ สมเย อายสฺมา อานนฺโท อุปฑฺฒํ อตฺตโน อานุภาเวน โหติ, อุปฑฺฒํ กลฺยาณมิตฺตานุภาเวนาติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน ธมฺมตาย นิจฺเฉตุํ อสกฺโกนฺโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ, – ‘‘อุปฑฺฒมิทํ, ภนฺเต, พฺรหฺมจริยสฺส, ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา’’ติ. ภควา อาห – ‘‘มา เหวํ, อานนฺท, มา เหวํ, อานนฺท, สกลเมวิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา, กลฺยาณสมฺปวงฺกตา. กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, อานนฺท, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวสฺสติ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกริสฺสติ. กถฺจานนฺท, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต…เป… อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวติ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกโรติ. อิธานนฺท, ภิกฺขุ สมฺมาทิฏฺึ ภาเวติ…เป… สมฺมาสมาธึ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ เอวํ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต…เป… พหุลีกโรติ, ตทมินาเปตํ, อานนฺท, ปริยาเยน เวทิตพฺพํ. ยถา สกลเมวิทํ พฺรหฺมจริยํ ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา กลฺยาณสมฺปวงฺกตา. มมฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ¶ ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺติ. ชราธมฺมา…เป… โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมา ¶ สตฺตา โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาเสหิ ปริมุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒).
ภิกฺขูนํ พาหิรงฺคสมฺปตฺตึ กเถนฺโตปิ อาห – ‘‘พาหิรํ, ภิกฺขเว, องฺคนฺติ กริตฺวา นาฺํ เอกงฺคมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ มหโต อตฺถาย สํวตฺตติ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, กลฺยาณมิตฺตตา. กลฺยาณมิตฺตตา, ภิกฺขเว, มหโต อตฺถาย สํวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๑๓). มหาจุนฺทสฺส กิเลสสลฺเลขปฏิปทํ กเถนฺโตปิ, ‘‘ปเร ปาปมิตฺตา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ กลฺยาณมิตฺตา ภวิสฺสามาติ สลฺเลโข กรณีโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๓) อาห. เมฆิยตฺเถรสฺส วิมุตฺติปริปาจนิยธมฺเม กเถนฺโตปิ, ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา ปฺจ ธมฺมา ปริปากาย สํวตฺตนฺติ. กตเม ปฺจ? อิธ, เมฆิย, ภิกฺขุ ¶ กลฺยาณมิตฺโต โหติ’’ติ (อุทา. ๓๑) กลฺยาณมิตฺตูปนิสฺสยเมว วิเสเสสิ. ปิยปุตฺตสฺส ราหุลตฺเถรสฺส อภิณฺโหวาทํ เทนฺโตปิ –
‘‘มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
วิวิตฺตํ อปฺปนิคฺโฆสํ, มตฺตฺู โหหิ โภชเน.
จีวเร ปิณฺฑปาเต จ, ปจฺจเย สยนาสเน;
เอเตสุ ตณฺหํ มากาสิ, มา โลกํ ปุนราคมี’’ติ. (สุ. นิ. ๓๔๐, ๓๔๑) –
กลฺยาณมิตฺตูปนิสฺสยเมว สพฺพปมํ กเถสิ. เอวํ มหา เอส กลฺยาณมิตฺตูปนิสฺสโย นาม. อิธาปิ ตํ ทสฺเสนฺโต ภควา ทฺวีสุ ธมฺเมสุ ตถาคโต สมนฺเนสิตพฺโพติ เทสนํ อารภิ. ปณฺฑิโต ภิกฺขุ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ ตถาคตํ เอสตุ คเวสตูติ อตฺโถ. เอเตน ภควา อยํ มหาชจฺโจติ วา, ลกฺขณสมฺปนฺโนติ วา, อภิรูโป ทสฺสนีโยติ วา, อภิฺาโต อภิลกฺขิโตติ วา, อิมํ นิสฺสายาหํ จีวราทโย ปจฺจเย ลภิสฺสามีติ วา, เอวํ จินฺเตตฺวา มํ นิสฺสาย วสนกิจฺจํ ¶ นตฺถิ. โย ปน เอวํ สลฺลกฺเขติ, ‘‘ปโหติ เม เอส สตฺถา หุตฺวา สตฺถุกิจฺจํ สาเธตุ’’นฺติ, โส มํ ภชตูติ สีหนาทํ นทติ. พุทฺธสีหนาโท กิร นาเมส สุตฺตนฺโตติ.
อิทานิ ¶ เต ทฺเว ธมฺเม ทสฺเสนฺโต จกฺขุโสตวิฺเยฺเยสูติ อาห. ตตฺถ สตฺถุ กายิโก สมาจาโร วีมํสกสฺส จกฺขุวิฺเยฺโย ธมฺโม นาม. วาจสิโก สมาจาโร โสตวิฺเยฺโย ธมฺโม นาม. อิทานิ เตสุ สมนฺเนสิตพฺพาการํ ทสฺเสนฺโต เย สํกิลิฏฺาติอาทิมาห. ตตฺถ สํกิลิฏฺาติ กิเลสสมฺปยุตฺตา. เต จ น จกฺขุโสตวิฺเยฺยา. ยถา ปน อุทเก จลนฺเต วา ปุปฺผุฬเก วา มฺุจนฺเต อนฺโต มจฺโฉ อตฺถีติ วิฺายติ, เอวํ ปาณาติปาตาทีนิ วา กโรนฺตสฺส, มุสาวาทาทีนิ วา ภณนฺตสฺส กายวจีสมาจาเร ทิสฺวา จ สุตฺวา จ ตํสมุฏฺาปกจิตฺตํ สํกิลิฏฺนฺติ วิฺายติ. ตสฺมา เอวมาห. สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส หิ กายวจีสมาจาราปิ สํกิลิฏฺาเยว นาม. น เต ตถาคตสฺส สํวิชฺชนฺตีติ น เต ตถาคตสฺส อตฺถิ. น อุปลพฺภนฺตีติ เอวํ ชานาตีติ อตฺโถ. นตฺถิตาเยว หิ เต น อุปลพฺภนฺติ น ปฏิจฺฉนฺนตาย. ตถา หิ ภควา เอกทิวสํ อิเมสุ ธมฺเมสุ ภิกฺขุสงฺฆํ ¶ ปวาเรนฺโต อาห – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, ปวาเรมิ โว, น จ เม กิฺจิ ครหถ กายิกํ วา วาจสิกํ วา’’ติ. เอวํ วุตฺเต อายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข มยํ, ภนฺเต, ภควโต กิฺจิ ครหาม กายิกํ วา วาจสิกํ วา. ภควา หิ, ภนฺเต, อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชาเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา, มคฺคฺู มคฺควิทู มคฺคโกวิโท. มคฺคานุคา จ, ภนฺเต, เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉาสมนฺนาคตา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๑๕). เอวํ ปริสุทฺธา ตถาคตสฺส กายวจีสมาจารา. อุตฺตโรปิ สุทํ มาณโว ตถาคตสฺส กายวจีทฺวาเร อนาราธนียํ กิฺจิ ปสฺสิสฺสามีติ สตฺต มาเส อนุพนฺธิตฺวา ลิกฺขามตฺตมฺปิ น อทฺทส. มนุสฺสภูโต วา เอส พุทฺธภูตสฺส กายวจีทฺวาเร กึ อนาราธนียํ ปสฺสิสฺสติ? มาโรปิ เทวปุตฺโต โพธิสตฺตสฺส สโต มหาภินิกฺขมนโต ปฏฺาย ฉพฺพสฺสานิ คเวสมาโน กิฺจิ อนาราธนียํ นาทฺทส, อนฺตมโส เจโตปริวิตกฺกมตฺตมฺปิ. มาโร กิร จินฺเตสิ – ‘‘สจสฺส วิตกฺกิตมตฺตมฺปิ อกุสลํ ปสฺสิสฺสามิ, ตตฺเถว นํ มุทฺธนิ ปหริตฺวา ปกฺกมิสฺสามี’’ติ. โส ฉพฺพสฺสานิ อทิสฺวา พุทฺธภูตมฺปิ เอกํ วสฺสํ อนุพนฺธิตฺวา กิฺจิ วชฺชํ อปสฺสนฺโต คมนสมเย วนฺทิตฺวา –
‘‘มหาวีร ¶ ¶ มหาปฺุํ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
สพฺพเวรภยาตีตํ, ปาเท วนฺทามิ โคตม’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) –
คาถํ วตฺวา คโต.
วีติมิสฺสาติ กาเล กณฺหา, กาเล สุกฺกาติ เอวํ โวมิสฺสกา. โวทาตาติ ปริสุทฺธา นิกฺกิเลสา. สํวิชฺชนฺตีติ โวทาตา ธมฺมา อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ. ตถาคตสฺส หิ ปริสุทฺธา กายสมาจาราทโย. เตนาห – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย, ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปริสุทฺธวจีสมาจาโร… ปริสุทฺธมโนสมาจาโร… ปริสุทฺธาชีโว, ภิกฺขเว, ตถาคโต ¶ , นตฺถิ ตถาคตสฺส มิจฺฉาชีโว, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย, มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๘).
อิมํ กุสลํ ธมฺมนฺติ อิมํ อนวชฺชํ อาชีวฏฺมกสีลํ. ‘‘อยมายสฺมา สตฺถา กึ นุ โข ทีฆรตฺตํ สมาปนฺโน อติจิรกาลโต ปฏฺาย อิมินา สมนฺนาคโต, อุทาหุ อิตฺตรสมาปนฺโน หิยฺโย วา ปเร วา ปรสุเว วา ทิวเส สมาปนฺโน’’ติ เอวํ คเวสตูติ อตฺโถ. เอกจฺเจน หิ เอกสฺมึ าเน วสนฺเตน พหุ มิจฺฉาชีวกมฺมํ กตํ, ตํ ตตฺถ กาลาติกฺกเม ปฺายติ, ปากฏํ โหติ. โส อฺตรํ ปจฺจนฺตคามํ วา สมุทฺทตีรํ วา คนฺตฺวา ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา อารฺโก วิย หุตฺวา วิหรติ. มนุสฺสา สมฺภาวนํ อุปฺปาเทตฺวา ตสฺส ปณีเต ปจฺจเย เทนฺติ. ชนปทวาสิโน ภิกฺขู ตสฺส ปริหารํ ทิสฺวา, ‘‘อติทปฺปิโต วตายํ อายสฺมา, โก นุ โข เอโส’’ติ ปริคฺคณฺหนฺตา, ‘‘อสุกฏฺาเน อสุกํ นาม มิจฺฉาชีวํ กตฺวา ปกฺกนฺตภิกฺขู’’ติ ตฺวา น สกฺกา อิมินา สทฺธึ อุโปสโถ วา ปวารณา วา กาตุนฺติ สนฺนิปติตฺวา ธมฺเมน สเมน อุกฺเขปนียาทีสุ อฺตรํ กมฺมํ กโรนฺติ. เอวรูปาย ปฏิจฺฉนฺนปฏิปตฺติยา อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา วีมํสาเปตุํ เอวมาห.
เอวํ ¶ ชานาตีติ ทีฆรตฺตํ สมาปนฺโน, น อิตฺตรสมาปนฺโนติ ชานาติ. อนจฺฉริยํ เจตํ. ยํ ตถาคตสฺส เอตรหิ สพฺพฺุตํ ปตฺตสฺส ทีฆรตฺตํ อาชีวฏฺมกสีลํ ¶ ปริสุทฺธํ ภเวยฺย. ยสฺส โพธิสตฺตกาเลปิ เอวํ อโหสิ.
อตีเต กิร คนฺธารราชา จ เวเทหราชา จ ทฺเวปิ สหายกา หุตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา รชฺชานิ ปุตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เอกสฺมึ อรฺคามเก ปิณฺฑาย จรนฺติ. ปจฺจนฺโต นาม ทุลฺลภโลโณ โหติ. ตโต อโลณํ ยาคุํ ลภิตฺวา เอกิสฺสาย สาลาย นิสีทิตฺวา ปิวนฺติ. อนฺตรนฺตเร มนุสฺสา โลณจุณฺณํ อาหริตฺวา เทนฺติ. เอกทิวสํ เอโก เวเทหิสิสฺส ปณฺเณ ปกฺขิปิตฺวา โลณจุณฺณํ อทาสิ ¶ . เวเทหิสิ คเหตฺวา อุปฑฺฒํ คนฺธาริสิสฺส-สนฺติเก เปตฺวา อุปฑฺฒํ อตฺตโน สนฺติเก เปสิ. ตโต โถกํ ปริภุตฺตาวเสสํ ทิสฺวา, ‘‘มา อิทํ นสฺสี’’ติ ปณฺเณน เวเตฺวา ติณคหเน เปสิ. ปุน เอกสฺมึ ทิวเส ยาคุปานกาเล สตึ กตฺวา โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา คนฺธาริสึ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อิโต โถกํ คณฺหถ อาจริยา’’ติ อาห. กุโต เต ลทฺธํ เวเทหิสีติ? ตสฺมึ ทิวเส ปริภุตฺตาวเสสํ ‘‘มา นสฺสี’’ติ มยา ปิตนฺติ. คนฺธาริสิ คเหตุํ น อิจฺฉติ, อโลณกํเยว ยาคุํ ปิวิตฺวา เวเทหํ อิสึ อโวจ –
‘‘หิตฺวา คามสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ โสฬส;
โกฏฺาคารานิ ผีตานิ, สนฺนิธึ ทานิ กุพฺพสี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๗๖);
เวเทหิสิ อโวจ – ‘‘ตุมฺเห รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตา, อิทานิ กสฺมา โลณจุณฺณมตฺตสนฺนิธิการณา ปพฺพชฺชาย อนุจฺฉวิกํ น กโรถา’’ติ? กึ มยา กตํ เวเทหิสีติ? อถ นํ อาห –
‘‘หิตฺวา คนฺธารวิสยํ, ปหูตธนธาริยํ;
ปสาสนโต นิกฺขนฺโต, อิธ ทานิ ปสาสสี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๗๗);
คนฺธาโร อาห –
‘‘ธมฺมํ ¶ ภณามิ เวเทห, อธมฺโม เม น รุจฺจติ;
ธมฺมํ เม ภณมานสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๗๘);
เวเทโห ¶ อาห –
‘‘เยน เกนจิ วณฺเณน, ปโร ลภติ รุปฺปนํ;
มหตฺถิยมฺปิ เจ วาจํ, น ตํ ภาเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ. (ชา. ๑.๗.๗๙);
คนฺธาโร อาห –
‘‘กามํ รุปฺปตุ วา มา วา, ภุสํว วิกิรียตุ;
ธมฺมํ เม ภณมานสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๘๐);
ตโต เวเทหิสิ ยสฺส สกาปิ พุทฺธิ นตฺถิ, อาจริยสนฺติเก วินยํ น สิกฺขติ, โส อนฺธมหึโส วิย วเน จรตีติ จินฺเตตฺวา อาห –
‘‘โน ¶ เจ อสฺส สกา พุทฺธิ, วินโย วา สุสิกฺขิโต;
วเน อนฺธมหึโสว, จเรยฺย พหุโก ชโน.
ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ, อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา;
ตสฺมา วินีตวินยา, จรนฺติ สุสมาหิตา’’ติ. (ชา. ๑.๗.๘๑-๘๒);
เอวฺจ ปน วตฺวา เวเทหิสิ อชานิตฺวา มยา กตนฺติ คนฺธาริสึ ขมาเปสิ. เต อุโภปิ ตปํ จริตฺวา พฺรหฺมโลกํ อคมํสุ. เอวํ ตถาคตสฺส โพธิสตฺตกาเลปิ ทีฆรตฺตํ อาชีวฏฺมกสีลํ ปริสุทฺธํ อโหสิ.
อุตฺตชฺฌาปนฺโน อยมายสฺมา ภิกฺขุ ยสปตฺโตติ อยมายสฺมา อมฺหากํ สตฺถา ภิกฺขุ ตฺตํ ปฺาตภาวํ ¶ ปากฏภาวํ อชฺฌาปนฺโน นุ โข, สยฺจ ปริวารสมฺปตฺตึ ปตฺโต นุ โข โนติ. เตน จสฺส ปฺาตชฺฌาปนฺนภาเวน ยสสนฺนิสฺสิตภาเวน จ กึ เอกจฺเจ อาทีนวา สนฺทิสฺสนฺติ อุทาหุ โนติ เอวํ สมนฺเนสนฺตูติ ทสฺเสติ. น ตาว, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, ยาว ภิกฺขุ น ราชราชมหามตฺตาทีสุ อภิฺาตภาวํ วา ปริวารสมฺปตฺตึ วา อาปนฺโน โหติ, ตาว เอกจฺเจ มานาติมานาทโย อาทีนวา น สํวิชฺชนฺติ อุปสนฺตูปสนฺโต วิย โสตาปนฺโน วิย สกทาคามี วิย จ วิหรติ. อริโย นุ โข ปุถุชฺชโน นุ โขติปิ าตุํ น สกฺกา โหติ.
ยโต ¶ จ โข, ภิกฺขเวติ ยทา ปน อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ าโต โหติ ปริวารสมฺปนฺโน วา, ตทา ติณฺเหน สิงฺเคน โคคณํ วิชฺฌนฺโต ทุฏฺโคโณ วิย, มิคสงฺฆํ อภิมทฺทมาโน ทีปิ วิย จ อฺเ ภิกฺขู ตตฺถ ตตฺถ วิชฺฌนฺโต อคารโว อสภาควุตฺติ อคฺคปาเทน ภูมึ ผุสนฺโต วิย จรติ. เอกจฺโจ ปน กุลปุตฺโต ยถา ยถา าโต โหติ ยสสฺสี, ตถา ตถา ผลภารภริโต วิย สาลิ สุฏฺุตรํ โอนมติ, ราชราชมหามตฺตาทีสุ อุปสงฺกมนฺเตสุ อกิฺจนภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สมณสฺํ อุปฏฺเปตฺวา ฉินฺนวิสาณอุสโภ วิย, จณฺฑาลทารโก วิย จ โสรโต นิวาโต นีจจิตฺโต หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส เจว สเทวกสฺส จ โลกสฺส, หิตาย สุขาย ปฏิปชฺชติ. เอวรูปํ ปฏิปตฺตึ สนฺธาย ‘‘นาสฺส อิเธกจฺเจ อาทีนวา’’ติ อาห.
ตถาคโต ปน อฏฺสุ โลกธมฺเมสุ ตาที, โส หิ ลาเภปิ ตาที, อลาเภปิ ¶ ตาที, ยเสปิ ตาที, อยเสปิ ตาที, ปสํสายปิ ตาที, นินฺทายปิ ตาที, สุเขปิ ตาที, ทุกฺเขปิ ตาที, ตสฺมา สพฺพากาเรน นาสฺส อิเธกจฺเจ อาทีนวา สํวิชฺชนฺติ. อภยูปรโตติ อภโย หุตฺวา อุปรโต, อจฺจนฺตูปรโต สตตูปรโตติ อตฺโถ. น วา ภเยน อุปรโตติปิ อภยูปรโต. จตฺตาริ หิ ภยานิ กิเลสภยํ วฏฺฏภยํ ทุคฺคติภยํ อุปวาทภยนฺติ. ปุถุชฺชโน จตูหิปิ ภเยหิ ภายติ. เสกฺขา ตีหิ, เตสฺหิ ทุคฺคติภยํ ปหีนํ, อิติ สตฺต เสกฺขา ภยูปรตา, ขีณาสโว อภยูปรโต นาม, ตสฺส หิ เอกมฺปิ ภยํ นตฺถิ. กึ ปรวาทภยํ นตฺถีติ? นตฺถิ. ปรานุทฺทยํ ปน ปฏิจฺจ, ‘‘มาทิสํ ขีณาสวํ ปฏิจฺจ สตฺตา มา นสฺสนฺตู’’ติ อุปวาทํ รกฺขติ. มูลุปฺปลวาปิวิหารวาสี ยสตฺเถโร วิย.
เถโร ¶ กิร มูลุปฺปลวาปิคามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถสฺส อุปฏฺากกุลทฺวารํ ปตฺตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ถณฺฑิลปีกํ นิสฺสาย อาสนํ ปฺเปสุํ. อมจฺจธีตาปิ ตํเยว ปีกํ นิสฺสาย ปรโตภาเค นีจตรํ อาสนํ ปฺาเปตฺวา นิสีทิ. เอโก เนวาสิโก ภิกฺขุ ปจฺฉา ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ทฺวาเร ตฺวาว โอโลเกนฺโต เถโร อมจฺจธีตรา สทฺธึ เอกมฺเจ นิสินฺโนติ สลฺลกฺเขตฺวา, ‘‘อยํ ปํสุกูลิโก วิหาเรว อุปสนฺตูปสนฺโต ¶ วิย วิหรติ, อนฺโตคาเม ปน อุปฏฺายิกาหิ สทฺธึ เอกมฺเจ นิสีทตี’’ติ จินฺเตตฺวา, ‘‘กึ นุ โข มยา ทุทฺทิฏฺ’’นฺติ ปุนปฺปุนํ โอโลเกตฺวา ตถาสฺีว หุตฺวา ปกฺกามิ. เถโรปิ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสีทิ. เนวาสิโกปิ กตภตฺตกิจฺโจ วิหารํ คนฺตฺวา, ‘‘ตํ ปํสุกูลิกํ นิคฺคณฺหิตฺวา วิหารา นิกฺกฑฺฒิสฺสามี’’ติ อสฺตนีหาเรน เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ปริโภคฆฏโต อุลุงฺเกน อุทกํ คเหตฺวา มหาสทฺทํ กโรนฺโต ปาเท โธวิ. เถโร, ‘‘โก นุ โข อยํ อสฺตจาริโก’’ติ อาวชฺชนฺโต สพฺพํ ตฺวา, ‘‘อยํ มยิ มนํ ปโทเสตฺวา อปายูปโค มา อโหสี’’ติ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา กณฺณิกามณฺฑลสมีเป ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. เนวาสิโก ทุฏฺากาเรน ฆฏิกํ อุกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโต ปวิฏฺโ เถรํ อปสฺสนฺโต, ‘‘เหฏฺามฺจํ ปวิฏฺโ ¶ ภวิสฺสตี’’ติ โอโลเกตฺวา ตตฺถาปิ อปสฺสนฺโต นิกฺขมิตุํ อารภิ. เถโร อุกฺกาสิ. อิตโร อุทฺธํ โอโลเกนฺโต ทิสฺวา อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต เอวมาห – ‘‘ปติรูปํ เต, อาวุโส, ปํสุกูลิก เอวํ อานุภาวสมฺปนฺนสฺส อุปฏฺายิกาย สทฺธึ เอกมฺเจ นิสีทิตุ’’นฺติ. ปพฺพชิตา นาม, ภนฺเต, มาตุคาเมน สทฺธึ น เอกมฺเจ นิสีทนฺติ, ตุมฺเหหิ ปน ทุทฺทิฏฺเมตนฺติ. เอวํ ขีณาสวา ปรานุทฺทยาย อุปวาทํ รกฺขนฺติ.
ขยา ราคสฺสาติ ราคสฺส ขเยเนว. วีตราคตฺตา กาเม น ปฏิเสวติ, น ปฏิสงฺขาย วาเรตฺวาติ. ตฺเจติ เอวํ ตถาคตสฺส กิเลสปฺปหานํ ตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ิตนิสินฺนกาลาทีสุปิ จตุปริสมชฺเฌ อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวาปิ อิติปิ สตฺถา วีตราโค วีตโทโส วีตโมโห วนฺตกิเลโส ปหีนมโล อพฺภา มุตฺตปุณฺณจนฺโท วิย สุปริสุทฺโธติ เอวํ ตถาคตสฺส กิเลสปฺปหาเน วณฺณํ กถยมานํ ตํ วีมํสกํ ภิกฺขุํ ปเร เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ เจติ อตฺโถ.
อาการาติ การณานิ. อนฺวยาติ อนุพุทฺธิโย. สงฺเฆ วา วิหรนฺโตติ อปฺเปกทา อปริจฺฉินฺนคณนสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ วิหรนฺโต. เอโก วา วิหรนฺโตติ อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว ¶ , อฑฺฒมาสํ ปฏิสลฺลียิตุนฺติ, เตมาสํ ปฏิสลฺลียิตุนฺติ เอวํ ปฏิสลฺลาเน เจว ปาลิเลยฺยกวนสณฺเฑ จ เอกโก วิหรนฺโต. สุคตาติ สุฏฺุคตา สุปฺปฏิปนฺนา การกา ยุตฺตปยุตฺตา. เอวรูปาปิ หิ เอกจฺเจ ภิกฺขู อตฺถิ. ทุคฺคตาติ ¶ ทุฏฺุคตา ทุปฺปฏิปนฺนา กายทฬฺหิพหุลา วิสฺสฏฺกมฺมฏฺานา. เอวรูปาปิ เอกจฺเจ อตฺถิ. คณมนุสาสนฺตีติ คณพนฺธเนน พทฺธา คณารามา คณพหุลิกา หุตฺวา คณํ ปริหรนฺติ. เอวรูปาปิ เอกจฺเจ อตฺถิ. เตสํ ปฏิปกฺขภูตา คณโต นิสฺสฏา วิสํสฏฺา วิปฺปมุตฺตวิหาริโนปิ อตฺถิ.
อามิเสสุ สนฺทิสฺสนฺตีติ อามิสคิทฺธา อามิสจกฺขุกา จตุปจฺจยอามิสตฺถเมว อาหิณฺฑมานา อามิเสสุ สนฺทิสฺสมานกภิกฺขูปิ อตฺถิ. อามิเสน อนุปลิตฺตา จตูหิ ปจฺจเยหิ ¶ วินิวตฺตมานสา อพฺภา มุตฺตจนฺทสทิสา หุตฺวา วิหรมานาปิ อตฺถิ. นายมายสฺมา ตํ เตน อวชานาตีติ อยํ อายสฺมา สตฺถา ตาย ตาย ปฏิปตฺติยา ตํ ตํ ปุคฺคลํ นาวชานาติ, อยํ ปฏิปนฺโน การโก, อยํ คณโต นิสฺสโฏ วิสํสฏฺโ. อยํ อามิเสน อนุปลิตฺโต ปจฺจเยหิ วินิวตฺตมานโส อพฺภา มุตฺโต จนฺทิมา วิยาติ เอวมสฺส เคหสิตวเสน อุสฺสาทนาปิ นตฺถิ. อยํ ทุปฺปฏิปนฺโน อการโก กายทฬฺหิพหุโล วิสฺสฏฺกมฺมฏฺาโน, อยํ คณพนฺธนพทฺโธ, อยํ อามิสคิทฺโธ โลโล อามิสจกฺขุโกติ เอวมสฺส เคหสิตวเสน อปสาทนาปิ นตฺถีติ อตฺโถ. อิมินา กึ กถิตํ โหติ? ตถาคตสฺส สตฺเตสุ ตาทิภาโว กถิโต โหติ. อยฺหิ –
‘‘วธกสฺส เทวทตฺตสฺส, โจรสฺสงฺคุลิมาลิโน;
ธนปาเล ราหุเล จ, สพฺเพสํ สมโก มุนี’’ติ. (มิ. ป. ๖.๖.๕);
๔๘๙. ตตฺร, ภิกฺขเวติ เตสุ ทฺวีสุ วีมํสเกสุ. โย, ‘‘เก ปนายสฺมโต อาการา’’ติ ปุจฺฉายํ อาคโต คณฺิวีมํสโก จ, โย ‘‘อภยูปรโต อยมายสฺมา’’ติ อาคโต มูลวีมํสโก จ. เตสุ มูลวีมํสเกน ตถาคโตว อุตฺตริ ปฏิปุจฺฉิตพฺโพ. โส หิ ปุพฺเพ ปรสฺเสว กถาย นิฏฺงฺคโต. ปโร จ นาม ชานิตฺวาปิ กเถยฺย อชานิตฺวาปิ. เอวมสฺส กถา ภูตาปิ โหติ อภูตาปิ, ตสฺมา ปรสฺเสว กถาย นิฏฺํ อคนฺตฺวา ตโต อุตฺตริ ตถาคโตว ปฏิปุจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ.
พฺยากรมาโนติ ¶ เอตฺถ ยสฺมา ตถาคตสฺส มิจฺฉาพฺยากรณํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา สมฺมา มิจฺฉาติ อวตฺวา พฺยากรมาโนตฺเวว วุตฺตํ. เอตํ ปโถหมสฺมิ ¶ เอตํ โคจโรติ เอส มยฺหํ ปโถ เอส โคจโรติ อตฺโถ. ‘‘เอตาปาโถ’’ติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ มยฺหํ อาชีวฏฺมกสีลํ ปริสุทฺธํ, สฺวาหํ ตสฺส ปริสุทฺธภาเวน วีมํสกสฺส ภิกฺขุโน าณมุเข เอตาปาโถ, เอวํ อาปาถํ คจฺฉามีติ วุตฺตํ โหติ. โน จ เตน ตมฺมโยติ เตนปิ จาหํ ปริสุทฺเธน สีเลน น ตมฺมโย, น สตณฺโห, ปริสุทฺธสีลตฺตาว นิตฺตณฺโหหมสฺมีติ ทีเปติ.
อุตฺตรุตฺตรึ ¶ ปณีตปณีตนฺติ อุตฺตรุตฺตรึ เจว ปณีตตรฺจ กตฺวา เทเสติ. กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคนฺติ กณฺหํ เจว สุกฺกฺจ, ตฺจ โข สปฺปฏิภาคํ สวิปกฺขํ กตฺวา, กณฺหํ ปฏิพาหิตฺวา สุกฺกนฺติ สุกฺกํ ปฏิพาหิตฺวา กณฺหนฺติ เอวํ สปฺปฏิภาคํ กตฺวา กณฺหสุกฺกํ เทเสติ. กณฺหํ เทเสนฺโตปิ สอุสฺสาหํ สวิปากํ เทเสติ, สุกฺกํ เทเสนฺโตปิ สอุสฺสาหํ สวิปากํ เทเสติ. อภิฺาย อิเธกจฺจํ ธมฺมํ ธมฺเมสุ นิฏฺํ คจฺฉตีติ ตสฺมึ เทสิเต ธมฺเม เอกจฺจํ ปฏิเวธธมฺมํ อภิฺาย เตน ปฏิเวธธมฺเมน เทสนาธมฺเม นิฏฺํ คจฺฉติ. สตฺถริ ปสีทตีติ เอวํ ธมฺเม นิฏฺํ คนฺตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย สมฺมาสมฺพุทฺโธ โส ภควาติ สตฺถริ ปสีทติ. เตน ปน ภควตา โย ธมฺโม อกฺขาโต, โสปิ สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม นิยฺยานิกตฺตา. ยฺวาสฺส ตํ ธมฺมํ ปฏิปนฺโน สงฺโฆ, โสปิ สุปฺปฏิปนฺโน วงฺกาทิโทสรหิตํ ปฏิปทํ ปฏิปนฺนตฺตาติ เอวํ ธมฺเม สงฺเฆปิ ปสีทติ. ตฺเจติ ตํ เอวํ ปสนฺนํ ตตฺถ ตตฺถ ติณฺณํ รตนานํ วณฺณํ กเถนฺตํ ภิกฺขุํ.
๔๙๐. อิเมหิ อากาเรหีติ อิเมหิ สตฺถุวีมํสนการเณหิ. อิเมหิ ปเทหีติ อิเมหิ อกฺขรสมฺปิณฺฑนปเทหิ. อิเมหิ พฺยฺชเนหีติ อิเมหิ อิธ วุตฺเตหิ อกฺขเรหิ. สทฺธา นิวิฏฺาติ โอกปฺปนา ปติฏฺิตา. มูลชาตาติ โสตาปตฺติมคฺควเสน สฺชาตมูลา. โสตาปตฺติมคฺโค หิ สทฺธาย มูลํ นาม. อาการวตีติ การณํ ปริเยสิตฺวา คหิตตฺตา สการณา. ทสฺสนมูลิกาติ โสตาปตฺติมคฺคมูลิกา. โส หิ ทสฺสนนฺติ วุจฺจติ. ทฬฺหาติ ถิรา. อสํหาริยาติ หริตุํ น สกฺกา. สมเณน วาติ สมิตปาปสมเณน วา. พฺราหฺมเณน วาติ พาหิตปาปพฺราหฺมเณน วา. เทเวน วาติ อุปปตฺติเทเวน วา. มาเรน วาติ วสวตฺติมาเรน ¶ วา, โสตาปนฺนสฺส หิ วสวตฺติมาเรนาปิ สทฺธา อสํหาริยา โหติ สูรมฺพฏฺสฺส วิย.
โส ¶ กิร สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปนฺโน หุตฺวา เคหํ อาคโต. อถ มาโร ทฺวตฺตึสวรลกฺขณปฺปฏิมณฺฑิตํ พุทฺธรูปํ มาเปตฺวา ตสฺส ¶ ฆรทฺวาเร ตฺวา – ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สาสนํ ปหิณิ. สูโร จินฺเตสิ, ‘‘อหํ อิทาเนว สตฺถุ สนฺติกา ธมฺมํ สุตฺวา อาคโต, กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถุสฺาย วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. มาโร อาห – ‘‘ยํ เต มยา, สูรมฺพฏฺ, รูปํ อนิจฺจํ…เป… วิฺาณํ อนิจฺจนฺติ กถิตํ, ตํ อนุปธาเรตฺวาว สหสา มยา เอวํ วุตฺตํ. ตสฺมา ตฺวํ รูปํ นิจฺจํ…เป… วิฺาณํ นิจฺจนฺติ คณฺหาหี’’ติ. สูโร จินฺเตสิ – ‘‘อฏฺานเมตํ, ยํ พุทฺธา อนุปธาเรตฺวา อปจฺจกฺขํ กตฺวา กิฺจิ กเถยฺยุํ, อทฺธา อยํ มยฺหํ วิพาธนตฺถํ มาโร อาคโต’’ติ. ตโต นํ ตฺวํ มาโรติ อาห. โส มุสาวาทํ กาตุํ นาสกฺขิ, อาม มาโรสฺมีติ ปฏิชานิ. กสฺมา อาคโตสีติ วุตฺเต ตว สทฺธาจาลนตฺถนฺติ อาห. กณฺห ปาปิม, ตฺวํ ตาว เอกโก ติฏฺ, ตาทิสานํ มารานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ มม สทฺธํ จาเลตุํ อสมตฺถํ, มคฺเคน อาคตา สทฺธา นาม สิลาปถวิยํ ปติฏฺิตสิเนรุ วิย อจลา โหติ, กึ ตฺวํ เอตฺถาติ อจฺฉรํ ปหริ. โส าตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถวนฺตรธายิ. พฺรหฺมุนา วาติ พฺรหฺมกายิกาทีสุ อฺตรพฺรหฺมุนา วา. เกนจิ วา โลกสฺมินฺติ เอเต สมณาทโย เปตฺวา อฺเนปิ เกนจิ วา โลกสฺมึ หริตุํ น สกฺกา. ธมฺมสมนฺเนสนาติ สภาวสมนฺเนสนา. ธมฺมตาสุสมนฺนิฏฺโติ ธมฺมตาย สุสมนฺนิฏฺโ, สภาเวเนว สุฏฺุ สมนฺเนสิโต โหตีติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
วีมํสกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. โกสมฺพิยสุตฺตวณฺณนา
๔๙๑. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ โกสมฺพิยสุตฺตํ. ตตฺถ โกสมฺพิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตสฺส กิร นครสฺส อารามโปกฺขรณีอาทีสุ เตสุ เตสุ าเนสุ โกสมฺพรุกฺขาว อุสฺสนฺนา อเหสุํ, ตสฺมา โกสมฺพีติ สงฺขํ อคมาสิ. กุสมฺพสฺส ¶ นาม อิสิโน อสฺสมโต อวิทูเร มาปิตตฺตาติปิ ¶ เอเก. โฆสิตาราเมติ โฆสิตเสฏฺินา การิเต อาราเม.
ปุพฺเพ กิร อทฺทิลรฏฺํ นาม อโหสิ. ตโต โกตูหลโก นาม ทลิทฺโท ฉาตกภเยน สปุตฺตทาโร เกทารปริจฺฉินฺนํ สุภิกฺขํ รฏฺํ คจฺฉนฺโต ปุตฺตํ วหิตุํ อสกฺโกนฺโต ฉฑฺเฑตฺวา อคมาสิ. มาตา นิวตฺติตฺวา ตํ คเหตฺวา คตา. เต เอกํ โคปาลกคามกํ ปวิสึสุ, โคปาลกานฺจ ตทา ปหตปายโส ปฏิยตฺโต โหติ, ตโต ปายสํ ลภิตฺวา ภฺุชึสุ. อถ โส ปุริโส ปหูตปายสํ ภฺุชิตฺวา ชิราเปตุํ อสกฺโกนฺโต รตฺติภาเค กาลํ กตฺวา ตตฺเถว สุนขิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา กุกฺกุโร ชาโต. โส โคปาลกสฺส ปิโย อโหสิ มนาโป, โคปาลโก จ ปจฺเจกพุทฺธํ อุปฏฺาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน กุกฺกุรสฺส เอกํ ปิณฺฑํ เทติ. โส ปจฺเจกพุทฺเธ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา โคปาลเกน สทฺธึ ปณฺณสาลมฺปิ คจฺฉติ.
โส โคปาลเก อสนฺนิหิเต ภตฺตเวลาย สยเมว คนฺตฺวา กาลาโรจนตฺถํ ปณฺณสาลทฺวาเร ภุสฺสติ, อนฺตรามคฺเคปิ จณฺฑมิเค ทิสฺวา ภุสฺสิตฺวา ปลาเปติ. โส ปจฺเจกพุทฺเธ มุทุเกน จิตฺเตน กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ตตฺรสฺส โฆสกเทวปุตฺโตตฺเวว นามํ อโหสิ. โส เทวโลกโต จวิตฺวา โกสมฺพิยํ เอกสฺมึ กุลฆเร นิพฺพตฺติ. ตํ อปุตฺตโก เสฏฺิ ตสฺส มาตาปิตูนํ ธนํ ทตฺวา ปุตฺตํ กตฺวา อคฺคเหสิ. อถ โส อตฺตโน ปุตฺเต ชาเต สตฺตกฺขตฺตุํ มาราเปตุํ อุปกฺกมิ. โส ปฺุวนฺตตาย สตฺตสุปิ าเนสุ มรณํ อปฺปตฺวา อวสาเน เอกาย เสฏฺิธีตาย เวยฺยตฺติเยน ลทฺธชีวิโก อปรภาเค ปิตุอจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ปตฺวา โฆสิตเสฏฺิ นาม ¶ ชาโต. อฺเปิ โกสมฺพิยํ กุกฺกุฏเสฏฺิ ปาวาริกเสฏฺีติ ทฺเว เสฏฺิโน สนฺติ. อิเมหิ สทฺธึ ตโย อเหสุํ.
เตน ¶ จ สมเยน เตสํ สหายกานํ เสฏฺีนํ กุลูปกา ปฺจสตา อิสโย ปพฺพตปาเท วสึสุ. เต กาเลน กาลํ โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ อาคจฺฉนฺติ. อเถกสฺมึ วาเร คิมฺหสมเย มนุสฺสปถํ ¶ อาคจฺฉนฺตา นิรุทกมหากนฺตารํ อติกฺกมิตฺวา กนฺตารปริโยสาเน มหนฺตํ นิคฺโรธรุกฺขํ ทิสฺวา จินฺเตสุํ – ‘‘ยาทิโส อยํ รุกฺโข, อทฺธา เอตฺถ มเหสกฺขาย เทวตาย ภวิตพฺพํ, สาธุ วตสฺส, สเจ โน ปานียํ วา โภชนียํ วา ทเทยฺยา’’ติ. เทวตา อิสีนํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อิเมสํ สงฺคหํ กริสฺสามีติ อตฺตโน อานุภาเวน วิฏปนฺตรโต นงฺคลสีสมตฺตํ อุทกธารํ ปวตฺเตสิ. อิสิคโณ รชตกฺขนฺธสทิสํ อุทกวฏฺฏึ ทิสฺวา อตฺตโน ภาชเนหิ อุทกํ คเหตฺวา ปริโภคํ กตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘เทวตาย อมฺหากํ ปริโภคอุทกํ ทินฺนํ, อิทํ ปน อคามกํ มหาอรฺํ, สาธุ วตสฺส, สเจ โน อาหารมฺปิ ทเทยฺยา’’ติ. เทวตา อิสีนํ อุปสํกปฺปนวเสน ทิพฺพานิ ยาคุขชฺชกาทีนิ ทตฺวา สนฺตปฺเปสิ. อิสโย จินฺตยึสุ – ‘‘เทวตาย อมฺหากํ ปริโภคอุทกมฺปิ โภชนมฺปิ สพฺพํ ทินฺนํ, สาธุ วตสฺส, สเจ โน อตฺตานํ ทสฺเสยฺยา’’ติ.
เทวตา เตสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อุปฑฺฒกายํ ทสฺเสสิ. เต อาหํสุ – ‘‘เทวเต, มหตี เต สมฺปตฺติ, กึ กมฺมํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ อธิคตาสี’’ติ? ภนฺเต, นาติมหนฺตํ ปริตฺตกํ กมฺมํ กตฺวาติ. อุปฑฺฒอุโปสถกมฺมํ นิสฺสาย หิ เทวตาย สา สมฺปตฺติ ลทฺธา.
อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร เคเห อยํ เทวปุตฺโต กมฺมกาโร อโหสิ. เสฏฺิสฺส หิ เคเห อุโปสถทิวเสสุ อนฺตมโส ทาสกมฺมกาเร อุปาทาย สพฺโพ ชโน อุโปสถิโก โหติ. เอกทิวสํ อยํ กมฺมกาโร เอกโกว ปาโต อุฏฺาย กมฺมนฺตํ คโต. มหาเสฏฺิ นิวาปํ ลภนมนุสฺเส สลฺลกฺเขนฺโต เอตสฺเสเวกสฺส อรฺํ คตภาวํ ตฺวา อสฺส สายมาสตฺถาย นิวาปํ อทาสิ. ภตฺตการิกา ทาสี เอกสฺเสว ภตฺตํ ปจิตฺวา อรฺโต อาคตสฺส ภตฺตํ วฑฺเฒตฺวา อทาสิ, กมฺมกาโร อาห – ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ อิมสฺมึ กาเล เคหํ เอกสทฺทํ อโหสิ, อชฺช อติวิย สนฺนิสินฺนํ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ ¶ ? ตสฺส สา อาจิกฺขิ – ‘‘อชฺช ¶ อิมสฺมึ เคเห สพฺเพ มนุสฺสา อุโปสถิกา, มหาเสฏฺิ ตุยฺเหเวกสฺส นิวาปํ อทาสี’’ติ. เอวํ อมฺมาติ? อาม สามีติ. อิมสฺมึ กาเล อุโปสถํ สมาทินฺนสฺส อุโปสถกมฺมํ โหติ น โหตีติ มหาเสฏฺึ ปุจฺฉ อมฺมาติ? ตาย คนฺตฺวา ปุจฺฉิโต มหาเสฏฺิ อาห – ‘‘สกลอุโปสถกมฺมํ น โหติ, อุปฑฺฒกมฺมํ ปน โหติ, อุโปสถิโก โหตู’’ติ ¶ . กมฺมกาโร ภตฺตํ อภฺุชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถิโก หุตฺวา วสนฏฺานํ คนฺตฺวา นิปชฺชิ. ตสฺส อาหารปริกฺขีณกายสฺส รตฺตึ วาโต กุปฺปิ. โส ปจฺจูสสมเย กาลํ กตฺวา อุปฑฺฒอุโปสถกมฺมนิสฺสนฺเทน มหาวฏฺฏนิอฏวิยํ นิคฺโรธรุกฺเข เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส ตํ ปวตฺตึ อิสีนํ อาโรเจสิ.
อิสโย ตุมฺเหหิ มยํ พุทฺโธ, ธมฺโม, สงฺโฆติ อสุตปุพฺพํ สาวิตา, อุปฺปนฺโน นุ โข โลเก พุทฺโธติ? อาม, ภนฺเต, อุปฺปนฺโนติ. อิทานิ กุหึ วสตีติ? สาวตฺถึ นิสฺสาย เชตวเน, ภนฺเตติ. อิสโย ติฏฺถ ตาว ตุมฺเห มยํ สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามาติ หฏฺตุฏฺา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน โกสมฺพินครํ สมฺปาปุณึสุ. มหาเสฏฺิโน, ‘‘อิสโย อาคตา’’ติ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา, ‘‘สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส อิสิคณสฺส มหาทานํ อทํสุ. อิสโย ภฺุชิตฺวาว คจฺฉามาติ อาปุจฺฉึสุ. ตุมฺเห, ภนฺเต, อฺสฺมึ กาเล เอกมฺปิ มาสํ ทฺเวปิ ตโยปิ จตฺตาโรปิ มาเส วสิตฺวา คจฺฉถ. อิมสฺมึ ปน วาเร หิยฺโย อาคนฺตฺวา อชฺเชว คจฺฉามาติ วทถ, กิมิทนฺติ? อาม คหปตโย พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, น โข ปน สกฺกา ชีวิตนฺตราโย วิทิตุํ, เตน มยํ ตุริตา คจฺฉามาติ. เตน หิ, ภนฺเต, มยมฺปิ คจฺฉาม, อมฺเหหิ สทฺธึเยว คจฺฉถาติ. ตุมฺเห อคาริยา นาม มหาชฏา, ติฏฺถ ตุมฺเห, มยํ ปุเรตรํ คมิสฺสามาติ นิกฺขมิตฺวา เอกสฺมึ าเน ทฺเวปิ ทิวสานิ อวสิตฺวา ตุริตคมเนเนว สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนวิหาเร สตฺถุ สนฺติกเมว อคมํสุ. สตฺถุ มธุรธมฺมกถํ สุตฺวา สพฺเพว ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
เตปิ ¶ ตโย เสฏฺิโน ปฺจหิ ปฺจหิ สกฏสเตหิ สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ เจว ปฏฺฏุนฺนทุกูลาทีนิ จ อาทาย โกสมฺพิโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนสามนฺเต ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา ติณฺณมฺปิ สหายกานํ มธุรธมฺมกถํ กเถสิ. เต พลวโสมนสฺสชาตา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ¶ ปุนทิวเส มหาทานํ อทํสุ. ปุน นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเสติ เอวํ อฑฺฒมาสํ ทานํ ทตฺวา, ‘‘อมฺหากํ ชนปทํ อาคมนาย ปฏิฺํ เทถา’’ติ ปาทมูเล นิปชฺชึสุ. ภควา, ‘‘สฺุาคาเร โข คหปตโย ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติ อาห. เอตฺตาวตา ปฏิฺา ทินฺนา นาม โหตีติ คหปตโย ¶ สลฺลกฺเขตฺวา ทินฺนา โน ภควตา ปฏิฺาติ ทสพลํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค โยชเน โยชเน าเน วิหารํ กาเรตฺวา อนุปุพฺเพน โกสมฺพึ ปตฺวา, ‘‘โลเก พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ กถยึสุ. ตโยปิ ชนา อตฺตโน อตฺตโน อาราเม มหนฺตํ ธนปริจฺจาคํ กตฺวา ภควโต วสนตฺถาย วิหาเร การาปยึสุ. ตตฺถ กุกฺกุฏเสฏฺินา การิโต กุกฺกุฏาราโม นาม อโหสิ. ปาวาริกเสฏฺินา อมฺพวเน การิโต ปาวาริกมฺพวโน นาม อโหสิ. โฆสิเตน การิโต โฆสิตาราโม นาม อโหสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โฆสิตเสฏฺินา การิเต อาราเม’’ติ.
ภณฺฑนชาตาติอาทีสุ กลหสฺส ปุพฺพภาโค ภณฺฑนํ นาม, ตํ ชาตํ เอเตสนฺติ ภณฺฑนชาตา. หตฺถปรามาสาทิวเสน มตฺถกํ ปตฺโต กลโห ชาโต เอเตสนฺติ กลหชาตา. วิรุทฺธภูตํ วาทนฺติ วิวาทํ, ตํ อาปนฺนาติ วิวาทาปนฺนา. มุขสตฺตีหีติ วาจาสตฺตีหิ. วิตุทนฺตาติ วิชฺฌนฺตา. เต น เจว อฺมฺํ สฺาเปนฺติ น จ สฺตฺตึ อุเปนฺตีติ เต อตฺถฺจ การณฺจ ทสฺเสตฺวา เนว อฺมฺํ ชานาเปนฺติ. สเจปิ สฺาเปตุํ อารภนฺติ, ตถาปิ สฺตฺตึ น อุเปนฺติ, ชานิตุํ น อิจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. นิชฺฌตฺติยาปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ นิชฺฌตฺตีติ สฺตฺติเววจนเมเวตํ. กสฺมา ปเนเต ภณฺฑนชาตา อเหสุนฺติ? อปฺปมตฺตเกน การเณน.
ทฺเว กิร ภิกฺขู เอกสฺมึ อาวาเส วสนฺติ วินยธโร จ สุตฺตนฺติโก จ. เตสุ สุตฺตนฺติโก ภิกฺขุ เอกทิวสํ ¶ วจฺจกุฏึ ปวิฏฺโ อาจมนอุทกาวเสสํ ภาชเน เปตฺวาว นิกฺขมิ. วินยธโร ปจฺฉา ปวิฏฺโ ตํ อุทกํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ, อาวุโส, ตยา อิทํ อุทกํ ปิตนฺติ? อาม, อาวุโสติ. ตฺวเมตฺถ อาปตฺติภาวํ น ชานาสีติ? อาม น ชานามีติ. โหติ, อาวุโส, เอตฺถ อาปตฺตีติ. สเจ โหติ เทเสสฺสามีติ. สเจ ปน เต, อาวุโส, อสฺจิจฺจ อสติยา กตํ, นตฺถิ เต อาปตฺตีติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสิ.
วินยธโร ¶ อตฺตโน นิสฺสิตกานํ, ‘‘อยํ สุตฺตนฺติโก อาปตฺตึ อาปชฺชมาโนปิ น ชานาตี’’ติ อาโรเจสิ. เต ตสฺส นิสฺสิตเก ทิสฺวา – ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาปิ อาปตฺติภาวํ น ชานาตี’’ติ อาหํสุ. เต คนฺตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส อาโรเจสุํ. โส ¶ เอวมาห – ‘‘อยํ วินยธโร ปุพฺเพ ‘อนาปตฺตี’ติ วตฺวา อิทานิ ‘อาปตฺตี’ติ วทติ, มุสาวาที เอโส’’ติ. เต คนฺตฺวา, ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย มุสาวาที’’ติ เอวํ อฺมฺํ กลหํ วฑฺฒยึสุ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ภควนฺตํ เอตทโวจาติ เอตํ, ‘‘อิธ, ภนฺเต, โกสมฺพิยํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา’’ติอาทิวจนํ อโวจ. ตฺจ โข เนว ปิยกมฺยตาย น เภทาธิปฺปาเยน, อถ โข อตฺถกามตาย หิตกามตาย. สามคฺคิการโก กิเรส ภิกฺขุ, ตสฺมาสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ยถา อิเม ภิกฺขู วิวาทํ อารทฺธา, น สกฺกา มยา, นาปิ อฺเน ภิกฺขุนา สมคฺคา กาตุํ, อปฺเปว นาม สเทวเก โลเก อปฺปฏิปุคฺคโล ภควา สยํ วา คนฺตฺวา, อตฺตโน วา สนฺติกํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอเตสํ ภิกฺขูนํ ขนฺติเมตฺตาปฏิสํยุตฺตํ สารณียธมฺมเทสนํ กเถตฺวา สามคฺคึ กเรยฺยา’’ติ อตฺถกามตาย หิตกามตาย คนฺตฺวา อโวจ.
๔๙๒. ฉยิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สารณียาติ เหฏฺา กลหภณฺฑนวเสน เทสนา อารทฺธา. อิมสฺมึ าเน ฉ สารณียา ธมฺมา อาคตาติ เอวมิทํ โกสมฺพิยสุตฺตํ ยถานุสนฺธินาว คตํ โหติ. ตตฺถ สารณียาติ สริตพฺพยุตฺตา อทฺธาเน อติกฺกนฺเตปิ น ปมุสฺสิตพฺพา. โย เต ธมฺเม ปูเรติ, ตํ สพฺรหฺมจารีนํ ปิยํ กโรนฺตีติ ปิยกรณา. ครุํ กโรนฺตีติ ครุกรณา. สงฺคหายาติ สงฺคหณตฺถาย. อวิวาทายาติ อวิวาทนตฺถาย. สามคฺคิยาติ สมคฺคภาวตฺถาย ¶ . เอกีภาวายาติ เอกีภาวตฺถาย นินฺนานากรณาย. สํวตฺตนฺตีติ ภวนฺติ. เมตฺตํ กายกมฺมนฺติ เมตฺตจิตฺเตน กตฺตพฺพํ กายกมฺมํ. วจีกมฺมมโนกมฺเมสุปิ เอเสว นโย. อิมานิ ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ, คิหีสุปิ ลพฺภนฺติเยว. ภิกฺขูนฺหิ เมตฺตจิตฺเตน อาภิสมาจาริกธมฺมปูรณํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. คิหีนํ เจติยวนฺทนตฺถาย โพธิวนฺทนตฺถาย สงฺฆนิมนฺตนตฺถาย คมนํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ ภิกฺขู ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนํ ปตฺตปฏิคฺคหณํ อาสนปฺาปนํ อนุคมนนฺติ เอวมาทิกํ เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม.
ภิกฺขูนํ ¶ เมตฺตจิตฺเตน อาจารปฺตฺติสิกฺขาปทํ, กมฺมฏฺานกถนํ ธมฺมเทสนา เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. คิหีนฺจ, ‘‘เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม, โพธิวนฺทนตฺถาย คจฺฉาม, ธมฺมสฺสวนํ กริสฺสาม, ปทีปมาลาปุปฺผปูชํ กริสฺสาม, ตีณิ สุจริตานิ สมาทาย วตฺติสฺสาม, สลากภตฺตาทีนิ ทสฺสาม, วสฺสาวาสิกํ ทสฺสาม, อชฺช สงฺฆสฺส ¶ จตฺตาโร ปจฺจเย ทสฺสาม, สงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ขาทนียาทีนิ สํวิทหถ, อาสนานิ ปฺาเปถ, ปานียํ อุปฏฺเปถ, สงฺฆํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อาเนถ, ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ฉนฺทชาตา อุสฺสาหชาตา เวยฺยาวจฺจํ กโรถา’’ติอาทิกถนกาเล เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม.
ภิกฺขูนํ ปาโตว อุฏฺาย สรีรปฏิชคฺคนํ เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ จ กตฺวา วิวิตฺตาสเน นิสีทิตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู สุขี โหนฺตุ, อเวรา อพฺยาปชฺฌา’’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม. คิหีนํ ‘‘อยฺยา สุขี โหนฺตุ, อเวรา อพฺยาปชฺฌา’’ติ จินฺตนํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
อาวิ เจว รโห จาติ สมฺมุขา จ ปรมฺมุขา จ. ตตฺถ นวกานํ จีวรกมฺมาทีสุ สหายภาวูปคมนํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. เถรานํ ปน ปาทโธวนวนฺทนพีชนทานาทิเภทมฺปิ สพฺพํ สามีจิกมฺมํ สมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. อุภเยหิปิ ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ ทารุภณฺฑาทีนํ เตสุ อวมฺํ อกตฺวา อตฺตนา ¶ ทุนฺนิกฺขิตฺตานํ วิย ปฏิสามนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ กายกมฺมํ นาม. เทวตฺเถโร ติสฺสตฺเถโรติ เอวํ ปคฺคยฺห วจนํ สมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. วิหาเร อสนฺตํ ปน ปริปุจฺฉนฺตสฺส, กุหึ อมฺหากํ เทวตฺเถโร, อมฺหากํ ติสฺสตฺเถโร กทา นุ โข อาคมิสฺสตีติ เอวํ มมายนวจนํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ วจีกมฺมํ นาม. เมตฺตาสิเนหสินิทฺธานิ ปน นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา สุปฺปสนฺเนน มุเขน โอโลกนํ สมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม. เทวตฺเถโร, ติสฺสตฺเถโร อโรโค โหตุ อปฺปาพาโธติ สมนฺนาหรณํ ปรมฺมุขา เมตฺตํ มโนกมฺมํ นาม.
ลาภาติ จีวราทโย ลทฺธปจฺจยา. ธมฺมิกาติ กุหนาทิเภทํ มิจฺฉาชีวํ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน ภิกฺขาจริยวตฺเตน อุปฺปนฺนา. อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปีติ ปจฺฉิมโกฏิยา ปตฺเต ปริยาปนฺนํ ปตฺตสฺส อนฺโตคตํ ทฺวตฺติกฏจฺฉุภิกฺขามตฺตมฺปิ. อปฺปฏิวิภตฺตโภคีติ เอตฺถ ทฺเว ปฏิวิภตฺตานิ ¶ นาม อามิสปฏิวิภตฺตํ ปุคฺคลปฏิวิภตฺตฺจ. ตตฺถ, ‘‘เอตฺตกํ ทสฺสามิ, เอตฺตกํ น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ อามิสปฏิวิภตฺตํ นาม. ‘‘อสุกสฺส ทสฺสามิ, อสุกสฺส น ทสฺสามี’’ติ เอวํ จิตฺเตน วิภชนํ ปน ปุคฺคลปฏิวิภตฺตํ นาม. ตทุภยมฺปิ อกตฺวา โย อปฺปฏิวิภตฺตํ ภฺุชติ, อยํ อปฺปฏิวิภตฺตโภคี นาม.
สีลวนฺเตหิ ¶ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคีติ เอตฺถ สาธารณโภคิโน อิทํ ลกฺขณํ, ยํ ยํ ปณีตํ ลพฺภติ, ตํ ตํ เนว ลาเภน ลาภํ ชิคีสนามุเขน คิหีนํ เทติ, น อตฺตนา ปริภฺุชติ; ปฏิคฺคณฺหนฺโตว สงฺเฆน สาธารณํ โหตูติ คเหตฺวา คณฺฑึ ปหริตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ สงฺฆสนฺตกํ วิย ปสฺสติ. อิทํ ปน สารณียธมฺมํ โก ปูเรติ, โก น ปูเรตีติ? ทุสฺสีโล ตาว น ปูเรติ. น หิ ตสฺส สนฺตกํ สีลวนฺตา คณฺหนฺติ. ปริสุทฺธสีโล ปน วตฺตํ อขณฺเฑนฺโต ปูเรติ.
ตตฺริทํ วตฺตํ – โย หิ โอทิสฺสกํ กตฺวา มาตุ วา ปิตุ วา อาจริยุปชฺฌายาทีนํ วา เทติ, โส ทาตพฺพํ เทติ, สารณียธมฺโม ¶ ปนสฺส น โหติ, ปลิโพธชคฺคนํ นาม โหติ. สารณียธมฺโม หิ มุตฺตปลิโพธสฺเสว วฏฺฏติ, เตน ปน โอทิสฺสกํ เทนฺเตน คิลานคิลานุปฏฺากอาคนฺตุกคมิกานฺเจว นวปพฺพชิตสฺส จ สงฺฆาฏิปตฺตคฺคหณํ อชานนฺตสฺส ทาตพฺพํ. เอเตสํ ทตฺวา อวเสสํ เถราสนโต ปฏฺาย โถกํ โถกํ อทตฺวา โย ยตฺตกํ คณฺหาติ, ตสฺส ตตฺตกํ ทาตพฺพํ. อวสิฏฺเ อสติ ปุน ปิณฺฑาย จริตฺวา เถราสนโต ปฏฺาย ยํ ยํ ปณีตํ, ตํ ตํ ทตฺวา เสสํ ปริภฺุชิตพฺพํ, ‘‘สีลวนฺเตหี’’ติ วจนโต ทุสฺสีลสฺส อทาตุมฺปิ วฏฺฏติ.
อยํ ปน สารณียธมฺโม สุสิกฺขิตาย ปริสาย สุปูโร โหติ, โน อสิกฺขิตาย ปริสาย. สุสิกฺขิตาย หิ ปริสาย โย อฺโต ลภติ, โส น คณฺหาติ, อฺโต อลภนฺโตปิ ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาติ, น อติเรกํ. อยฺจ ปน สารณียธมฺโม เอวํ ปุนปฺปุนํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ เทนฺตสฺสาปิ ทฺวาทสหิ วสฺเสหิ ปูรติ, น ตโต โอรํ. สเจ หิ ทฺวาทสเมปิ วสฺเส สารณียธมฺมปูรโก ปิณฺฑปาตปูรํ ปตฺตํ อาสนสาลายํ เปตฺวา นหายิตุํ คจฺฉติ, สงฺฆตฺเถโร จ กสฺเสโส ปตฺโตติ? สารณียธมฺมปูรกสฺสาติ วุตฺเต – ‘‘อาหรถ น’’นฺติ สพฺพํ ¶ ปิณฺฑปาตํ วิจาเรตฺวา ภฺุชิตฺวา จ ริตฺตปตฺตํ เปติ. อถ โส ภิกฺขุ ริตฺตปตฺตํ ทิสฺวา, ‘‘มยฺหํ อเสเสตฺวาว ปริภฺุชึสู’’ติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทติ, สารณียธมฺโม ภิชฺชติ, ปุน ทฺวาทส วสฺสานิ ปูเรตพฺโพ ¶ โหติ, ติตฺถิยปริวาสสทิโส เหส. สกึ ขณฺเฑ ชาเต ปุน ปูเรตพฺโพว. โย ปน, ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม ปตฺตคตํ อนาปุจฺฉาว สพฺรหฺมจารี ปริภฺุชนฺตี’’ติ โสมนสฺสํ ชเนติ, ตสฺส ปุณฺโณ นาม โหติ.
เอวํ ปูริตสารณียธมฺมสฺส ปน เนว อิสฺสา, น มจฺฉริยํ โหติ, โส มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, สุลภปจฺจโย; ปตฺตคตมสฺส ทียมานมฺปิ น ขียติ, ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ลภติ, ภเย วา ฉาตเก วา สมฺปตฺเต เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺติ.
ตตฺริมานิ วตฺถูนิ – เลณคิริวาสี ติสฺสตฺเถโร กิร มหาคิริคามํ อุปนิสฺสาย วสติ. ปฺาส มหาเถรา นาคทีปํ ¶ เจติยวนฺทนตฺถาย คจฺฉนฺตา คิริคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลทฺธา นิกฺขมึสุ. เถโร ปวิสนฺโต เต ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ลทฺธํ, ภนฺเต’’ติ? วิจริมฺหา, อาวุโสติ. โส อลทฺธภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘ยาวาหํ, ภนฺเต, อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ. มยํ, อาวุโส, ปฺาส ชนา ปตฺตเตมนมตฺตมฺปิ น ลภิมฺหาติ. เนวาสิกา นาม, ภนฺเต, ปฏิพลา โหนฺติ, อลภนฺตาปิ ภิกฺขาจารมคฺคสภาวํ ชานนฺตีติ. เถรา อาคมึสุ. เถโร คามํ ปาวิสิ. ธุรเคเหเยว มหาอุปาสิกา ขีรภตฺตํ สชฺเชตฺวา เถรํ โอโลกยมานา ิตา เถรสฺส ทฺวารํ สมฺปตฺตสฺเสว ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. โส ตํ อาทาย เถรานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ สงฺฆตฺเถรมาห. เถโร, ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตเกหิ กิฺจิ น ลทฺธํ, อยํ สีฆเมว คเหตฺวา อาคโต, กึ นุ โข’’ติ เสสานํ มุขํ โอโลเกสิ. เถโร โอโลกนากาเรเนว ตฺวา – ‘‘ธมฺเมน สเมน ลทฺธปิณฺฑปาโต, นิกฺกุกฺกุจฺจา คณฺหถ ภนฺเต’’ติอาทิโต ปฏฺาย สพฺเพสํ ยาวทตฺถํ ทตฺวา อตฺตนาปิ ยาวทตฺถํ ภฺุชิ.
อถ นํ ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถรา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กทา, อาวุโส, โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌี’’ติ? นตฺถิ เม, ภนฺเต, โลกุตฺตรธมฺโมติ. ฌานลาภีสิ, อาวุโสติ? เอตมฺปิ เม, ภนฺเต, นตฺถีติ. นนุ, อาวุโส, ปาฏิหาริยนฺติ? สารณียธมฺโม เม, ภนฺเต, ปูริโต, ตสฺส เม ¶ ธมฺมสฺส ปูริตกาลโต ¶ ปฏฺาย สเจปิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ โหติ, ปตฺตคตํ น ขียตีติ. สาธุ สาธุ, สปฺปุริส, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุยฺหนฺติ. อิทํ ตาว ปตฺตคตํ น ขียตีติ เอตฺถ วตฺถุ.
อยเมว ปน เถโร เจติยปพฺพเต คิริภณฺฑมหาปูชาย ทานฏฺานํ คนฺตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ าเน กึ วรภณฺฑ’’นฺติ ปุจฺฉติ. ทฺเว สาฏกา, ภนฺเตติ. เอเต มยฺหํ ปาปุณิสฺสนฺตีติ. ตํ สุตฺวา อมจฺโจ รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘เอโก ทหโร เอวํ วทตี’’ติ. ‘‘ทหรสฺเสวํ จิตฺตํ, มหาเถรานํ ปน สุขุมสาฏกา วฏฺฏนฺตี’’ติ วตฺวา, ‘‘มหาเถรานํ ทสฺสามี’’ติ เปสิ. ตสฺส ภิกฺขุสงฺเฆ ปฏิปาฏิยา ิเต เทนฺตสฺส มตฺถเก ปิตาปิ เต สาฏกา หตฺถํ นาโรหนฺติ, อฺเว อาโรหนฺติ. ทหรสฺส ทานกาเล ปน หตฺถํ อารุฬฺหา. โส ¶ ตสฺส หตฺเถ เปตฺวา อมจฺจสฺส มุขํ โอโลเกตฺวา ทหรํ นิสีทาเปตฺวา ทานํ ทตฺวา สงฺฆํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทหรสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา, ‘‘กทา, ภนฺเต, อิมํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตฺถา’’ติ อาห. โส ปริยาเยนปิ อสนฺตํ อวทนฺโต, ‘‘นตฺถิ มยฺหํ, มหาราช, โลกุตฺตรธมฺโม’’ติ อาห. นนุ, ภนฺเต, ปุพฺเพว อวจุตฺถาติ? อาม, มหาราช, สารณียธมฺมปูรโก อหํ, ตสฺส เม ธมฺมสฺส ปูริตกาลโต ปฏฺาย ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ. สาธุ สาธุ, ภนฺเต, อนุจฺฉวิกมิทํ ตุมฺหากนฺติ วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ ภาชนียภณฺฑฏฺาเน อคฺคภณฺฑํ ปาปุณาตีติ เอตฺถ วตฺถุ.
พฺราหฺมณติสฺสภเย ปน ภาตรคามวาสิโน นาคตฺเถริยา อนาโรเจตฺวาว ปลายึสุ. เถรี ปจฺจูสกาเล, ‘‘อติวิย อปฺปนิคฺโฆโส คาโม, อุปธาเรถ ตาวา’’ติ ทหรภิกฺขุนิโย อาห. ตา คนฺตฺวา สพฺเพสํ คตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถริยา อาโรเจสุํ. สา สุตฺวา, ‘‘มา ตุมฺเห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถ, อตฺตโน อุทฺเทสปริปุจฺฉาโยนิโสมนสิกาเรสุเยว โยคํ กโรถา’’ติ วตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย ปารุปิตฺวา อตฺตทฺวาทสมา คามทฺวาเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล อฏฺาสิ. รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ทฺวาทสนฺนมฺปิ ภิกฺขุนีนํ ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา, ‘‘อยฺเย, อฺตฺถ มา คจฺฉถ, นิจฺจํ อิเธว เอถา’’ติ อาห. เถริยา ปน กนิฏฺภาตา ¶ นาคตฺเถโร นาม อตฺถิ. โส, ‘‘มหนฺตํ ภยํ, น สกฺกา อิธ ยาเปตุํ, ปรตีรํ คมิสฺสามาติ อตฺตทฺวาทสโมว อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขนฺโต เถรึ ทิสฺวา คมิสฺสามี’’ติ ภาตรคามํ อาคโต. เถรี, ‘‘เถรา อาคตา’’ติ สุตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา, กึ อยฺยาติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สา, ‘‘อชฺช เอกทิวสํ วิหาเรเยว วสิตฺวา สฺเวว คมิสฺสถา’’ติ อาห. เถรา วิหารํ อคมํสุ.
เถรี ¶ ปุนทิวเส รุกฺขมูเล ปิณฺฑาย จริตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เถโร, ‘‘วฏฺฏิสฺสติ เถรี’’ติ วตฺวา ตุณฺหี อฏฺาสิ. ธมฺมิโก ตาตา ปิณฺฑปาโต ¶ กุกฺกุจฺจํ อกตฺวา ปริภฺุชถาติ. วฏฺฏิสฺสติ เถรีติ. สา ปตฺตํ คเหตฺวา อากาเส ขิปิ, ปตฺโต อากาเส อฏฺาสิ. เถโร, ‘‘สตฺตตาลมตฺเต ิตมฺปิ ภิกฺขุนีภตฺตเมว, เถรีติ วตฺวา ภยํ นาม สพฺพกาลํ น โหติ, ภเย วูปสนฺเต อริยวํสํ กถยมาโน, ‘โภ ปิณฺฑปาติก ภิกฺขุนีภตฺตํ ภฺุชิตฺวา วีตินามยิตฺถา’ติ จิตฺเตน อนุวทิยมาโน สนฺถมฺเภตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อปฺปมตฺตา โหถ เถริโย’’ติ มคฺคํ อารุหิ.
รุกฺขเทวตาปิ, ‘‘สเจ เถโร เถริยา หตฺถโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิสฺสติ, น นํ นิวตฺเตสฺสามิ, สเจ ปน น ปริภฺุชิสฺสติ, นิวตฺเตสฺสามี’’ติ จินฺตยมานา ตฺวา เถรสฺส คมนํ ทิสฺวา รุกฺขา โอรุยฺห ปตฺตํ, ภนฺเต, เทถาติ ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ รุกฺขมูลํเยว อาเนตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ปฏิฺํ กาเรตฺวา ทฺวาทส ภิกฺขุนิโย, ทฺวาทส จ ภิกฺขู สตฺต วสฺสานิ อุปฏฺหิ. อิทํ เทวตา อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชนฺตีติ เอตฺถ วตฺถุ, ตตฺร หิ เถรี สารณียธมฺมปูริกา อโหสิ.
อขณฺฑานีติอาทีสุ ยสฺส สตฺตสุ อาปตฺติกฺขนฺเธสุ อาทิมฺหิ วา อนฺเต วา สิกฺขาปทํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส สีลํ ปริยนฺเต ฉินฺนสาฏโก วิย ขณฺฑํ นาม. ยสฺส ปน เวมชฺเฌ ภินฺนํ, ตสฺส มชฺเฌ ฉิทฺทสาฏโก วิย ฉิทฺทํ นาม โหติ. ยสฺส ปน ปฏิปาฏิยา ทฺเว ตีณิ ภินฺนานิ, ตสฺส ปิฏฺิยํ วา กุจฺฉิยํ วา อุฏฺิเตน วิสภาควณฺเณน กาฬรตฺตาทีนํ อฺตรวณฺณา คาวี วิย สพลํ นาม โหติ. ยสฺส ปน อนฺตรนฺตรา ภินฺนานิ, ตสฺส ¶ อนฺตรนฺตรา วิสภาคพินฺทุจิตฺรา คาวี วิย กมฺมาสํ นาม โหติ. ยสฺส ปน สพฺเพน สพฺพํ อภินฺนานิ, ตสฺส ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ นาม โหนฺติ. ตานิ ปเนตานิ ตณฺหาทาสพฺยโต โมเจตฺวา ภุชิสฺสภาวกรณโต ภุชิสฺสานิ. พุทฺธาทีหิ วิฺูหิ ปสตฺถตฺตา วิฺุปฺปสตฺถานิ. ตณฺหาทิฏฺีหิ อปรามฏฺตฺตา, ‘‘อิทํ นาม ตฺวํ อาปนฺนปุพฺโพ’’ติ เกนจิ ปรามฏฺุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ อปรามฏฺานิ. อุปจารสมาธึ วา อปฺปนาสมาธึ วา สํวตฺตยนฺตีติ สมาธิสํวตฺตนิกานีติ วุจฺจนฺติ. สีลสามฺคโต ¶ วิหรตีติ เตสุ เตสุ ทิสาภาเคสุ วิหรนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สมานภาวูปคตสีโล วิหรติ ¶ . โสตาปนฺนาทีนฺหิ สีลํ สมุทฺทนฺตเรปิ เทวโลเกปิ วสนฺตานํ อฺเสํ โสตาปนฺนาทีนํ สีเลน สมานเมว โหติ, นตฺถิ มคฺคสีเล นานตฺตํ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.
ยายํ ทิฏฺีติ มคฺคสมฺปยุตฺตา สมฺมาทิฏฺิ. อริยาติ นิทฺโทสา. นิยฺยาตีติ นิยฺยานิกา. ตกฺกรสฺสาติ โย ตถาการี โหติ. ทุกฺขกฺขยายาติ สพฺพทุกฺขกฺขยตฺถํ. ทิฏฺิสามฺคโตติ สมานทิฏฺิภาวํ อุปคโต หุตฺวา วิหรติ. อคฺคนฺติ เชฏฺกํ. สพฺพโคปานสิโย สงฺคณฺหาตีติ สงฺคาหิกํ. สพฺพโคปานสีนํ สงฺฆาฏํ กโรตีติ สงฺฆาฏนิกํ. สงฺฆาฏนิยนฺติ อตฺโถ. ยทิทํ กูฏนฺติ ยเมตํ กูฏาคารกณฺณิกาสงฺขาตํ กูฏํ นาม. ปฺจภูมิกาทิปาสาทา หิ กูฏพทฺธาว ติฏฺนฺติ. ยสฺมึ ปติเต มตฺติกํ อาทึ กตฺวา สพฺเพ ปตนฺติ. ตสฺมา เอวมาห. เอวเมว โขติ ยถา กูฏํ กูฏาคารสฺส, เอวํ อิเมสมฺปิ สารณียธมฺมานํ ยา อยํ อริยา ทิฏฺิ, สา อคฺคา จ สงฺคาหิกา จ สงฺฆาฏนิยา จาติ ทฏฺพฺพา.
๔๙๓. กถฺจ, ภิกฺขเว, ยายํ ทิฏฺีติ เอตฺถ, ภิกฺขเว, ยายํ โสตาปตฺติมคฺคทิฏฺิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายาติ วุตฺตา, สา กถํ เกน การเณน นิยฺยาตีติ อตฺโถ. ปริยุฏฺิตจิตฺโตว โหตีติ เอตฺตาวตาปิ ปริยุฏฺิตจิตฺโตเยว นาม โหตีติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ. สุปฺปณิหิตํ เม มานสนฺติ มยฺหํ จิตฺตํ สุฏฺุ ปิตํ. สจฺจานํ โพธายาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ โพธตฺถาย. อริยนฺติอาทีสุ ตํ าณํ ยสฺมา อริยานํ โหติ, น ปุถุชฺชนานํ, ตสฺมา อริยนฺติ วุตฺตํ. เยสํ ปน โลกุตฺตรธมฺโมปิ อตฺถิ, เตสํเยว โหติ, น ¶ อฺเสํ, ตสฺมา โลกุตฺตรนฺติ วุตฺตํ. ปุถุชฺชนานํ ปน อภาวโต อสาธารณํ ปุถุชฺชเนหีติ วุตฺตํ. เอส นโย สพฺพวาเรสุ.
๔๙๔. ลภามิ ปจฺจตฺตํ สมถนฺติ อตฺตโน จิตฺเต สมถํ ลภามีติ อตฺโถ. นิพฺพุติยมฺปิ เอเสว นโย. เอตฺถ จ สมโถติ เอกคฺคตา. นิพฺพุตีติ กิเลสวูปสโม.
๔๙๕. ตถารูปาย ทิฏฺิยาติ เอวรูปาย โสตาปตฺติมคฺคทิฏฺิยา.
๔๙๖. ธมฺมตายาติ สภาเวน. ธมฺมตา เอสาติ สภาโว ¶ เอส. วุฏฺานํ ปฺายตีติ สงฺฆกมฺมวเสน ¶ วา เทสนาย วา วุฏฺานํ ทิสฺสติ. อริยสาวโก หิ อาปตฺตึ อาปชฺชนฺโต ครุกาปตฺตีสุ กุฏิการสทิสํ, ลหุกาปตฺตีสุ สหเสยฺยาทิสทิสํ อจิตฺตกาปตฺตึเยว อาปชฺชติ, ตมฺปิ อสฺจิจฺจ, โน สฺจิจฺจ, อาปนฺนํ น ปฏิจฺฉาเทติ. ตสฺมา อถ โข นํ ขิปฺปเมวาติอาทิมาห. ทหโรติ ตรุโณ. กุมาโรติ น มหลฺลโก. มนฺโทติ จกฺขุโสตาทีนํ มนฺทตาย มนฺโท. อุตฺตานเสยฺยโกติ อติทหรตาย อุตฺตานเสยฺยโก, ทกฺขิเณน วา วาเมน วา ปสฺเสน สยิตุํ น สกฺโกตีติ อตฺโถ. องฺคารํ อกฺกมิตฺวาติ อิโต จิโต จ ปสาริเตน หตฺเถน วา ปาเทน วา ผุสิตฺวา. เอวํ ผุสนฺตานํ ปน มนุสฺสานํ น สีฆํ หตฺโถ ฌายติ, ตถา หิ เอกจฺเจ หตฺเถน องฺคารํ คเหตฺวา ปริวตฺตมานา ทูรมฺปิ คจฺฉนฺติ. ทหรสฺส ปน หตฺถปาทา สุขุมาลา โหนฺติ, โส ผุฏฺมตฺเตเนว ทยฺหมาโน จิรีติ สทฺทํ กโรนฺโต ขิปฺปํ ปฏิสํหรติ, ตสฺมา อิธ ทหโรว ทสฺสิโต. มหลฺลโก จ ทยฺหนฺโตปิ อธิวาเสติ, อยํ ปน อธิวาเสตุํ น สกฺโกติ. ตสฺมาปิ ทหโรว ทสฺสิโต. เทเสตีติ อาปตฺติปฏิคฺคาหเก สภาคปุคฺคเล สติ เอกํ ทิวสํ วา รตฺตึ วา อนธิวาเสตฺวา รตฺตึ จตุรงฺเคปิ ตเม สภาคภิกฺขุโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เทเสติเยว.
๔๙๗. อุจฺจาวจานีติ อุจฺจนีจานิ. กึ กรณียานีติ กึ กโรมีติ เอวํ วตฺวา กตฺตพฺพกมฺมานิ. ตตฺถ อุจฺจกมฺมํ นาม จีวรสฺส กรณํ รชนํ เจติเย สุธากมฺมํ อุโปสถาคารเจติยฆรโพธิฆเรสุ กตฺตพฺพกมฺมนฺติ เอวมาทิ. อวจกมฺมํ นาม ปาทโธวนมกฺขนาทิขุทฺทกกมฺมํ, อถ วา เจติเย ¶ สุธากมฺมาทิ อุจฺจกมฺมํ นาม. ตตฺเถว กสาวปจนอุทกานยนกุจฺฉกรณ นิยฺยาสพนฺธนาทิ อวจกมฺมํ นาม. อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโน โหตีติ อุสฺสุกฺกภาวํ กตฺตพฺพตํ ปฏิปนฺโน โหติ. ติพฺพาเปกฺโข โหตีติ พหลปตฺถโน โหติ. ถมฺพฺจ ¶ อาลุมฺปตีติ ติณฺจ อาลุมฺปมานา ขาทติ. วจฺฉกฺจ อปจินาตีติ วจฺฉกฺจ อปโลเกติ. ตรุณวจฺฉา หิ คาวี อรฺเ เอกโต อาคตํ วจฺฉกํ เอกสฺมึ าเน นิปนฺนํ ปหาย ทูรํ น คจฺฉติ, วจฺฉกสฺส อาสนฺนฏฺาเน จรมานา ติณํ อาลุมฺปิตฺวา คีวํ อุกฺขิปิตฺวา เอกนฺตํ วจฺฉกเมว จ วิโลเกติ, เอวเมว โสตาปนฺโน อุจฺจาวจานิ กึ กรณียานิ กโรนฺโต ตนฺนินฺโน โหติ, อสิถิลปูรโก ติพฺพจฺฉนฺโท พหลปตฺถโน หุตฺวาว กโรติ.
ตตฺริทํ ¶ วตฺถุ – มหาเจติเย กิร สุธากมฺเม กริยมาเน เอโก อริยสาวโก เอเกน หตฺเถน สุธาภาชนํ, เอเกน กุจฺฉํ คเหตฺวา สุธากมฺมํ กริสฺสามีติ เจติยงฺคณํ อารุฬฺโห. เอโก กายทฬฺหิพหุโล ภิกฺขุ คนฺตฺวา เถรสฺส สนฺติเก อฏฺาสิ. เถโร อฺสฺมึ สติ ปปฺโจ โหตีติ ตสฺมา านา อฺํ านํ คโต. โสปิ ภิกฺขุ ตตฺเถว อคมาสิ. เถโร ปุน อฺํ านนฺติ เอวํ กติปยฏฺาเน อาคตํ, – ‘‘สปฺปุริส มหนฺตํ เจติยงฺคณํ กึ อฺสฺมึ าเน โอกาสํ น ลภถา’’ติ อาห. น อิตโร ปกฺกามีติ.
๔๙๘. พลตาย สมนฺนาคโตติ พเลน สมนฺนาคโต. อฏฺึ กตฺวาติ อตฺถิกภาวํ กตฺวา, อตฺถิโก หุตฺวาติ อตฺโถ. มนสิกตฺวาติ มนสฺมึ กริตฺวา. สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวาติ อปฺปมตฺตกมฺปิ วิกฺเขปํ อกโรนฺโต สกลจิตฺเตน สมนฺนาหริตฺวา. โอหิตโสโตติ ปิตโสโต. อริยสาวกา หิ ปิยธมฺมสฺสวนา โหนฺติ, ธมฺมสฺสวนคฺคํ คนฺตฺวา นิทฺทายมานา วา เยน เกนจิ สทฺธึ สลฺลปมานา วา วิกฺขิตฺตจิตฺตา วา น นิสีทนฺติ, อถ โข อมตํ ปริภฺุชนฺตา วิย อติตฺตาว โหนฺติ ธมฺมสฺสวเน, อถ อรุณํ อุคฺคจฺฉติ. ตสฺมา เอวมาห.
๕๐๐. ธมฺมตา ¶ สุสมนฺนิฏฺา โหตีติ สภาโว สุฏฺุ สมนฺเนสิโต โหติ. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยายาติ กรณวจนํ ¶ , โสตาปตฺติผลสจฺฉิกตาเณนาติ อตฺโถ. เอวํ สตฺตงฺคสมนฺนาคโตติ เอวํ อิเมหิ สตฺตหิ มหาปจฺจเวกฺขณาเณหิ สมนฺนาคโต. อยํ ตาว อาจริยานํ สมานกถา. โลกุตฺตรมคฺโค หิ พหุจิตฺตกฺขณิโก นาม นตฺถิ.
วิตณฺฑวาที ปน เอกจิตฺตกฺขณิโก นาม มคฺโค นตฺถิ, ‘‘เอวํ ภาเวยฺย สตฺต วสฺสานี’’ติ หิ วจนโต สตฺตปิ วสฺสานิ มคฺคภาวนา โหนฺติ. กิเลสา ปน ลหุ ฉิชฺชนฺตา สตฺตหิ าเณหิ ฉิชฺชนฺตีติ วทติ. โส สุตฺตํ อาหราติ วตฺตพฺโพ, อทฺธา อฺํ สุตฺตํ อปสฺสนฺโต, ‘‘อิทมสฺส ปมํ าณํ อธิคตํ โหติ, อิทมสฺส ทุติยํ าณํ…เป… อิทมสฺส สตฺตมํ าณํ อธิคตํ โหตี’’ติ อิมเมว อาหริตฺวา ทสฺเสสฺสติ. ตโต วตฺตพฺโพ กึ ปนิทํ สุตฺตํ เนยฺยตฺถํ นีตตฺถนฺติ. ตโต วกฺขติ – ‘‘นีตตฺถตฺถํ, ยถาสุตฺตํ ตเถว อตฺโถ’’ติ. โส วตฺตพฺโพ – ‘‘ธมฺมตา สุสมนฺนิฏฺา โหติ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยายาติ เอตฺถ โก อตฺโถ’’ติ? อทฺธา โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยายตฺโถติ วกฺขติ. ตโต ปุจฺฉิตพฺโพ, ‘‘มคฺคสมงฺคี ¶ ผลํ สจฺฉิกโรติ, ผลสมงฺคี’’ติ. ชานนฺโต, ‘‘ผลสมงฺคี สจฺฉิกโรตี’’ติ วกฺขติ. ตโต วตฺตพฺโพ, – ‘‘เอวํ สตฺตงฺคสมนฺนาคโต โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก โสตาปตฺติผลสมนฺนาคโต โหตีติ อิธ มคฺคํ อภาเวตฺวา มณฺฑูโก วิย อุปฺปติตฺวา อริยสาวโก ผลเมว คณฺหิสฺสติ. มา สุตฺตํ เม ลทฺธนฺติ ยํ วา ตํ วา อวจ. ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺเตน นาม อาจริยสนฺติเก วสิตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อตฺถรสํ วิทิตฺวา วตฺตพฺพํ โหตี’’ติ. ‘‘อิมานิ สตฺต าณานิ อริยสาวกสฺส ปจฺจเวกฺขณาณาเนว, โลกุตฺตรมคฺโค พหุจิตฺตกฺขณิโก นาม นตฺถิ, เอกจิตฺตกฺขณิโกเยวา’’ติ สฺาเปตพฺโพ. สเจ สฺชานาติ สฺชานาตุ. โน เจ สฺชานาติ, ‘‘คจฺฉ ปาโตว วิหารํ ปวิสิตฺวา ยาคุํ ปิวาหี’’ติ อุยฺโยเชตพฺโพ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
โกสมฺพิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตวณฺณนา
๕๐๑. เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตํ. ตตฺถ ปาปกํ ทิฏฺิคตนฺติ ลามกา สสฺสตทิฏฺิ. อิทํ นิจฺจนฺติ อิทํ สห กาเยน พฺรหฺมฏฺานํ อนิจฺจํ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วทติ. ธุวาทีนิ ตสฺเสว เววจนานิ. ตตฺถ ธุวนฺติ ถิรํ. สสฺสตนฺติ สทา วิชฺชมานํ. เกวลนฺติ อขณฺฑํ สกลํ. อจวนธมฺมนฺติ อจวนสภาวํ. อิทฺหิ น ชายตีติอาทีสุ อิมสฺมึ าเน โกจิ ชายนโก วา ชียนโก วา มียนโก วา จวนโก วา อุปปชฺชนโก วา นตฺถีติ สนฺธาย วทติ. อิโต จ ปนฺนฺติ อิโต สห กายกา พฺรหฺมฏฺานา อุตฺตริ อฺํ นิสฺสรณํ นาม นตฺถีติ เอวมสฺส ถามคตา สสฺสตทิฏฺิ อุปฺปนฺนา โหติ. เอวํวาที ปน โส อุปริ ติสฺโส ฌานภูมิโย จตฺตาโร มคฺคา จตฺตาริ ผลานิ นิพฺพานนฺติ สพฺพํ ปฏิพาหติ. อวิชฺชาคโตติ อวิชฺชาย คโต สมนฺนาคโต อฺาณี อนฺธีภูโต. ยตฺร หิ นามาติ โย นาม.
๕๐๒. อถ โข, ภิกฺขเว, มาโร ปาปิมาติ มาโร กถํ ภควนฺตํ อทฺทส? โส กิร อตฺตโน ภวเน นิสีทิตฺวา กาเลน กาลํ สตฺถารํ อาวชฺเชติ – ‘‘อชฺช สมโณ โคตโม กตรสฺมึ คาเม วา นิคเม วา วสตี’’ติ. อิมสฺมึ ปน กาเล อาวชฺชนฺโต, ‘‘อุกฺกฏฺํ นิสฺสาย สุภควเน วิหรตี’’ติ ตฺวา, ‘‘กตฺถ นุ โข คโต’’ติ โอโลเกนฺโต พฺรหฺมโลกํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘สมโณ โคตโม พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ, ยาว ตตฺถ ธมฺมกถํ กเถตฺวา พฺรหฺมคณํ มม วิสยา นาติกฺกเมติ, ตาว คนฺตฺวา ธมฺมเทสนายํ วิฉนฺทํ กริสฺสามี’’ติ สตฺถุ ปทานุปทิโก คนฺตฺวา พฺรหฺมคณสฺส อนฺตเร อทิสฺสมาเนน กาเยน อฏฺาสิ. โส, ‘‘สตฺถารา พกพฺรหฺมา อปสาทิโต’’ติ ตฺวา พฺรหฺมุโน อุปตฺถมฺโภ หุตฺวา อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, มาโร ปาปิมา’’ติ.
พฺรหฺมปาริสชฺชํ อนฺวาวิสิตฺวาติ เอกสฺส พฺรหฺมปาริสชฺชสฺส สรีรํ ปวิสิตฺวา. มหาพฺรหฺมานํ ปน พฺรหฺมปุโรหิตานํ วา อนฺวาวิสิตุํ น สกฺโกติ. เมตมาสโทติ มา ¶ เอตํ อปสาทยิตฺถ. อภิภูติ ¶ อภิภวิตฺวา ิโต เชฏฺโก. อนภิภูโตติ อฺเหิ อนภิภูโต. อฺทตฺถูติ เอกํสวจเน ¶ นิปาโต. ทสฺสนวเสน ทโส, สพฺพํ ปสฺสตีติ ทีเปติ. วสวตฺตีติ สพฺพชนํ วเส วตฺเตติ. อิสฺสโรติ โลเก อิสฺสโร. กตฺตา นิมฺมาตาติ โลกสฺส กตฺตา จ นิมฺมาตา จ, ปถวีหิมวนฺตสิเนรุจกฺกวาฬมหาสมุทฺทจนฺทิมสูริยา จ อิมินา นิมฺมิตาติ ทีเปติ.
เสฏฺโ สชิตาติ อยํ โลกสฺส อุตฺตโม จ สชิตา จ. ‘‘ตฺวํ ขตฺติโย นาม โหหิ, ตฺวํ พฺราหฺมโณ นาม, เวสฺโส นาม, สุทฺโท นาม, คหฏฺโ นาม, ปพฺพชิโต นาม, อนฺตมโส โอฏฺโ โหหิ, โคโณ โหหี’’ติ เอวํ สตฺตานํ วิสชฺเชตา อยนฺติ ทสฺเสติ. วสี ปิตา ภูตภพฺยานนฺติ อยํ จิณฺณวสิตาย วสี, อยํ ปิตา ภูตานฺจ ภพฺยานฺจาติ วทติ. ตตฺถ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา อนฺโตอณฺฑโกเส เจว อนฺโตวตฺถิมฺหิ จ ภพฺยา นาม, พหิ นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย ภูตา. สํเสทชา ปมจิตฺตกฺขเณ ภพฺยา, ทุติยโต ปฏฺาย ภูตา. โอปปาติกา ปมอิริยาปเถ ภพฺยา, ทุติยโต ปฏฺาย ภูตาติ เวทิตพฺพา. เต สพฺเพปิ เอตสฺส ปุตฺตาติ สฺาย, ‘‘ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติ อาห.
ปถวีครหกาติ ยถา ตฺวํ เอตรหิ, ‘‘อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา’’ติ ปถวึ ครหสิ ชิคุจฺฉสิ, เอวํ เตปิ ปถวีครหกา อเหสุํ, น เกวลํ ตฺวํเยวาติ ทีเปติ. อาปครหกาติอาทีสุปิ เอเสว นโย. หีเน กาเย ปติฏฺิตาติ จตูสุ อปาเยสุ นิพฺพตฺตา. ปถวีปสํสกาติ ยถา ตฺวํ ครหสิ, เอวํ อครหิตฺวา, ‘‘นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อจฺเฉชฺชา อเภชฺชา อกฺขยา’’ติ เอวํ ปถวีปสํสกา ปถวิยา วณฺณวาทิโน อเหสุนฺติ วทติ. ปถวาภินนฺทิโนติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน ปถวิยา อภินนฺทิโน. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ปณีเต กาเย ปติฏฺิตาติ พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตา. ตํ ตาหนฺติ เตน การเณน ตํ อหํ. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. อุปาติวตฺติตฺโถติ อติกฺกมิตฺถ. ‘‘อุปาติวตฺติโต’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. ทณฺเฑน ปฏิปฺปณาเมยฺยาติ จตุหตฺเถน มุคฺครทณฺเฑน โปเถตฺวา ปลาเปยฺย. นรกปปาเตติ สตโปริเส มหาโสพฺเภ. วิราเธยฺยาติ ¶ หตฺเถน คหณยุตฺเต วา ปาเทน ปติฏฺานยุตฺเต วา าเน คหณปติฏฺานานิ กาตุํ น สกฺกุเณยฺย. นนุ ตฺวํ ภิกฺขุ ปสฺสสีติ ภิกฺขุ นนุ ตฺวํ อิมํ พฺรหฺมปริสํ สนฺนิปติตํ โอภาสมานํ วิโรจมานํ โชตยมานํ ปสฺสสีติ พฺรหฺมุโน โอวาเท ิตานํ ¶ อิทฺธานุภาวํ ทสฺเสติ. อิติ โข มํ, ภิกฺขเว, มาโร ปาปิมา พฺรหฺมปริสํ อุปเนสีติ, ภิกฺขเว ¶ , มาโร ปาปิมา นนุ ตฺวํ ภิกฺขุ ปสฺสสิ พฺรหฺมปริสํ ยเสน จ สิริยา จ โอภาสมานํ วิโรจมานํ โชตยมานํ, ยทิ ตฺวมฺปิ มหาพฺรหฺมุโน วจนํ อนติกฺกมิตฺวา ยเทว เต พฺรหฺมา วทติ, ตํ กเรยฺยาสิ, ตฺวมฺปิ เอวเมวํ ยเสน จ สิริยา จ วิโรเจยฺยาสีติ เอวํ วทนฺโต มํ พฺรหฺมปริสํ อุปเนสิ อุปสํหริ. มา ตฺวํ มฺิตฺโถติ มา ตฺวํ มฺิ. มาโร ตฺวมสิ ปาปิมาติ ปาปิม ตฺวํ มหาชนสฺส มารณโต มาโร นาม, ปาปกํ ลามกํ มหาชนสฺส อยสํ กรณโต ปาปิมา นามาติ ชานามิ.
๕๐๓. กสิณํ อายุนฺติ สกลํ อายุํ. เต โข เอวํ ชาเนยฺยุนฺติ เต เอวํ มหนฺเตน ตโปกมฺเมน สมนฺนาคตา, ตฺวํ ปน ปุริมทิวเส ชาโต, กึ ชานิสฺสสิ, ยสฺส เต อชฺชาปิ มุเข ขีรคนฺโธ วายตีติ ฆฏฺเฏนฺโต วทติ. ปถวึ อชฺโฌสิสฺสสีติ ปถวึ อชฺโฌสาย คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา ตณฺหามานทิฏฺีหิ คณฺหิสฺสสิ. โอปสายิโก เม ภวิสฺสสีติ มยฺหํ สมีปสโย ภวิสฺสสิ, มํ คจฺฉนฺตํ อนุคจฺฉิสฺสสิ, ิตํ อุปติฏฺิสฺสสิ, นิสินฺนํ อุปนิสีทิสฺสสิ, นิปนฺนํ อุปนิปชฺชิสฺสสีติ อตฺโถ. วตฺถุสายิโกติ มม วตฺถุสฺมึ สยนโก. ยถากามกรณีโย พาหิเตยฺโยติ มยา อตฺตโน รุจิยา ยํ อิจฺฉามิ, ตํ กตฺตพฺโพ, พาหิตฺวา จ ปน ชชฺฌริกาคุมฺพโตปิ นีจตโร ลกุณฺฑฏกตโร กาตพฺโพ ภวิสฺสสีติ อตฺโถ.
อิมินา เอส ภควนฺตํ อุปลาเปติ วา อปสาเทติ วา. อุปลาเปติ นาม สเจ โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, ตณฺหาทีหิ ปถวึ อชฺโฌสิสฺสสิ, โอปสายิโก เม ภวิสฺสสิ, มยิ คจฺฉนฺเต คมิสฺสสิ, ติฏฺนฺเต สฺสสิ, นิสินฺเน นิสีทิสฺสสิ, นิปนฺเน นิปชฺชิสฺสสิ, อหํ ตํ เสสชนํ ปฏิพาหิตฺวา วิสฺสาสิกํ อพฺภนฺตริกํ ¶ กริสฺสามีติ เอวํ ตาว อุปลาเปติ นาม. เสสปเทหิ ปน อปสาเทติ นาม. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – สเจ ตฺวํ ปถวึ อชฺโฌสิสฺสสิ, วตฺถุสายิโก เม ภวิสฺสสิ, มม คมนาทีนิ อาคเมตฺวา คมิสฺสสิ วา สฺสสิ วา นิสีทิสฺสสิ วา นิปชฺชิสฺสสิ วา, มม วตฺถุสฺมึ มยฺหํ อารกฺขํ คณฺหิสฺสสิ, อหํ ปน ตํ ยถากามํ กริสฺสามิ พาหิตฺวา ¶ จ ชชฺฌริกาคุมฺพโตปิ ลกุณฺฑกตรนฺติ เอวํ อปสาเทติ นาม. อยํ ปน พฺรหฺมา มานนิสฺสิโต, ตสฺมา อิธ อปสาทนาว อธิปฺเปตา. อาปาทีสุปิ เอเสว นโย.
อปิจ ¶ เต อหํ พฺรหฺเมติ อิทานิ ภควา, ‘‘อยํ พฺรหฺมา มานนิสฺสิโต ‘อหํ ชานามี’ติ มฺติ, อตฺตโน ยเสน สมฺมตฺโต สรีรํ ผุสิตุมฺปิ สมตฺถํ กิฺจิ น ปสฺสติ, โถกํ นิคฺคเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ คติฺจ ปชานามีติ นิปฺผตฺติฺจ ปชานามิ. ชุติฺจาติ อานุภาวฺจ ปชานามิ. เอวํ มเหสกฺโขติ เอวํ มหายโส มหาปริวาโร.
ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺตีติ ยตฺตเก าเน จนฺทิมสูริยา วิจรนฺติ. ทิสา ภนฺติ วิโรจนาติ ทิสาสุ วิโรจมานา โอภาสนฺติ, ทิสา วา เตหิ วิโรจมานา โอภาสนฺติ. ตาว สหสฺสธา โลโกติ ตตฺตเกน ปมาเณน สหสฺสธา โลโก, อิมินา จกฺกวาเฬน สทฺธึ จกฺกวาฬสหสฺสนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ เต วตฺตเต วโสติ เอตฺถ จกฺกวาฬสหสฺเส ตุยฺหํ วโส วตฺตติ. ปโรปรฺจ ชานาสีติ เอตฺถ จกฺกวาฬสหสฺเส ปโรปเร อุจฺจนีเจ หีนปฺปณีเต สตฺเต ชานาสิ. อโถ ราควิราคินนฺติ น เกวลํ, ‘‘อยํ อิทฺโธ อยํ ปกติมนุสฺโส’’ติ ปโรปรํ, ‘‘อยํ ปน สราโค อยํ วีตราโค’’ติ เอวํ ราควิราคินมฺปิ ชนํ ชานาสิ. อิตฺถํภาวฺถาภาวนฺติ อิตฺถํภาโวติ อิทํ จกฺกวาฬํ. อฺถาภาโวติ อิโต เสสํ เอกูนสหสฺสํ. สตฺตานํ อาคตึ คตินฺติ เอตฺถ จกฺกวาฬสหสฺเส ปฏิสนฺธิวเสน สตฺตานํ อาคตึ, จุติวเสน คตึ จ ชานาสิ. ตุยฺหํ ปน อติมหนฺโตหมสฺมีติ สฺา โหติ, สหสฺสิพฺรหฺมา นาม ตฺวํ, อฺเสํ ปน ตยา อุตฺตริ ทฺวิสหสฺสานํ ติสหสฺสานํ จตุสหสฺสานํ ปฺจสหสฺสานํ ทสสหสฺสานํ สตสหสฺสานฺจ พฺรหฺมานํ ปมาณํ นตฺถิ, จตุหตฺถาย ¶ ปิโลติกาย ปฏปฺปมาณํ กาตุํ วายมนฺโต วิย มหนฺโตสฺมีติ สฺํ กโรสีติ นิคฺคณฺหาติ.
๕๐๔. อิธูปปนฺโนติ อิธ ปมชฺฌานภูมิยํ อุปปนฺโน. เตน ตํ ตฺวํ น ชานาสีติ เตน การเณน ตํ กายํ ตฺวํ น ชานาสิ. เนว เต สมสโมติ ¶ ชานิตพฺพฏฺานํ ปตฺวาปิ ตยา สมสโม น โหมิ. อภิฺายาติ อฺาย. กุโต นีเจยฺยนฺติ ตยา นีจตรภาโว ปน มยฺหํ กุโต.
เหฏฺูปปตฺติโก กิเรส พฺรหฺมา อนุปฺปนฺเน พุทฺธุปฺปาเท อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา จตุตฺถชฺฌานภูมิยํ ¶ เวหปฺผลพฺรหฺมโลเก ปฺจกปฺปสติกํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา เหฏฺฏูปปตฺติกํ กตฺวา ตติยชฺฌานํ ปณีตํ ภาเวตฺวา สุภกิณฺหพฺรหฺมโลเก จตุสฏฺิกปฺปํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ ทุติยชฺฌานํ ภาเวตฺวา อาภสฺสเรสุ อฏฺกปฺปํ อายุํ คเหตฺวา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ ปมชฺฌานํ ภาเวตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ กปฺปายุโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โส ปมกาเล อตฺตนา กตกมฺมฺจ นิพฺพตฺตฏฺานฺจ อฺาสิ, กาเล ปน คจฺฉนฺเต อุภยํ ปมุสฺสิตฺวา สสฺสตทิฏฺึ อุปฺปาเทสิ. เตน นํ ภควา, ‘‘เตน ตํ ตฺวํ น ชานาสิ…เป… กุโต นีเจยฺย’’นฺติ อาห.
อถ พฺรหฺมา จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม มยฺหํ อายฺุจ นิพฺพตฺตฏฺานฺจ ปุพฺเพกตกมฺมฺจ ชานาติ, หนฺท นํ ปุพฺเพ กตกมฺมํ ปุจฺฉามี’’ติ สตฺถารํ อตฺตโน ปุพฺเพกตกมฺมํ ปุจฺฉิ. สตฺถา กเถสิ.
ปุพฺเพ กิเรส กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา, ‘‘ชาติชราพฺยาธิมรณสฺส อนฺตํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมฺม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อภิฺาปาทกชฺฌานลาภี หุตฺวา คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา ฌานรติยา วีตินาเมติ. ตทา จ กาเลน กาลํ สตฺถวาหา ปฺจหิ สกฏสเตหิ มรุกนฺตารํ ปฏิปชฺชนฺติ. มรุกนฺตาเร ปน ทิวา น สกฺกา คนฺตุํ, รตฺตึ คมนํ โหติ. อถ ปุริมสกฏสฺส อคฺคยุเค ยุตฺตพลิพทฺทา คจฺฉนฺตา นิวตฺติตฺวา อาคตมคฺคาภิมุขาว ¶ อเหสุํ. อิตรสกฏานิ ตเถว นิวตฺติตฺวา อรุเณ อุคฺคเต นิวตฺติตภาวํ ชานึสุ. เตสฺจ ตทา กนฺตารํ อติกฺกมนทิวโส อโหสิ. สพฺพํ ทารุทกํ ปริกฺขีณํ, ตสฺมา, ‘‘นตฺถิ ทานิ อมฺหากํ ชีวิต’’นฺติ จินฺเตตฺวา โคเณ จกฺเกสุ พนฺธิตฺวา มนุสฺสา สกฏปจฺฉายายํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชึสุ ¶ . ตาปโสปิ กาลสฺเสว ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา ปณฺณสาลทฺวาเร นิสินฺโน คงฺคํ โอโลกยมาโน อทฺทส คงฺคํ มหตา อุทโกเฆน วุยฺหมานํ ปวตฺติตมณิกฺขนฺธํ วิย อาคจฺฉนฺตึ. ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺมึ โลเก เอวรูปสฺส มธุโรทกสฺส อลาเภน กิลิสฺสมานา สตฺตา’’ติ. โส เอวํ อาวชฺชนฺโต มรุกนฺตาเร ตํ สตฺถํ ทิสฺวา, ‘‘อิเม สตฺตา มา นสฺสนฺตู’’ติ, ‘‘อิโต มหา อุทกกฺขนฺโธ ฉิชฺชิตฺวา มรุกนฺตาเร สตฺถาภิมุโข คจฺฉตู’’ติ อภิฺาจิตฺเตน อธิฏฺาสิ. สหจิตฺตุปฺปาเทน มาติการุฬฺหํ วิย อุทกํ ตตฺถ อคมาสิ. มนุสฺสา อุทกสทฺเทน วุฏฺาย อุทกํ ทิสฺวา หตฺถตุฏฺา ¶ นฺหายิตฺวา ปิวิตฺวา โคเณปิ ปาเยตฺวา โสตฺถินา อิจฺฉิตฏฺานํ อคมํสุ. สตฺถา ตํ พฺรหฺมุโน ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺโต –
‘‘ยํ ตฺวํ อปาเยสิ พหู มนุสฺเส,
ปิปาสิเต ฆมฺมนิ สมฺปเรเต;
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๗๑) –
อิมํ คาถมาห.
อปรสฺมึ สมเย ตาปโส คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อารฺกํ คามํ นิสฺสาย วสติ. เตน จ สมเยน โจรา ตํ คามํ ปหริตฺวา หตฺถสารํ คเหตฺวา คาวิโย จ กรมเร จ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. คาโวปิ สุนขาปิ มนุสฺสาปิ มหาวิรวํ วิรวนฺติ. ตาปโส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อาวชฺชนฺโต, ‘‘มนุสฺสานํ ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตฺวา, ‘‘มยิ ปสฺสนฺเต อิเม สตฺตา มา นสฺสนฺตู’’ติ อภิฺาปาทกชฺฌานํ ¶ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อภิฺาจิตฺเตน โจรานํ ปฏิปเถ จตุรงฺคินิเสนํ มาเปสิ กมฺมสชฺชํ อาคจฺฉนฺตึ. โจรา ทิสฺวา, ‘‘ราชา’’ติ เต มฺมานา วิโลปํ ฉฑฺเฑตฺวา ปกฺกมึสุ. ตาปโส ‘‘ยํ ยสฺส สนฺตกํ, ตํ ตสฺเสว โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ, ตํ ตเถว อโหสิ. มหาชโน โสตฺถิภาวํ ปาปุณิ. สตฺถา อิทมฺปิ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺโต –
‘‘ยํ ¶ เอณิกูลสฺมึ ชนํ คหีตํ,
อโมจยี คยฺหก นียมานํ;
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๗๒) –
อิมํ คาถมาห. เอตฺถ เอณิกูลสฺมินฺติ คงฺคาตีเร.
ปุน ¶ เอกสฺมึ สมเย อุปริคงฺคาวาสิกํ กุลํ เหฏฺาคงฺคาวาสิเกน กุเลน สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ กตฺวา นาวาสงฺฆาฏํ พนฺธิตฺวา พหุํ ขาทนียโภชนียฺเจว คนฺธมาลาทีนิ จ อาโรเปตฺวา คงฺคาโสเตน อาคจฺฉติ. มนุสฺสา ขาทมานา ภฺุชมานา นจฺจนฺตา คายนฺตา เทววิมาเนน คจฺฉนฺตา วิย พลวโสมนสฺสา อเหสุํ. คงฺเคยฺยโก นาโค ทิสฺวา กุปิโต, ‘‘อิเม มยิ สฺมฺปิ น กโรนฺติ, อิทานิ เน สมุทฺทเมว ปาเปสฺสามี’’ติ มหนฺตํ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา อุทกํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา อุฏฺาย ผณํ กตฺวา สุสฺสูการํ กโรนฺโต อฏฺาสิ. มหาชโน ทิสฺวา ภีโต วิสฺสรมกาสิ. ตาปโส ปณฺณสาลาย นิสินฺโน สุตฺวา, ‘‘อิเม คายนฺตา นจฺจนฺตา โสมนสฺสชาตา อาคจฺฉนฺติ, อิทานิ ปน ภยรวํ รวึสุ, กึ นุ โข’’ติ อาวชฺชนฺโต นาคราชํ ทิสฺวา, ‘‘มยิ ปสฺสนฺเต อิเม สตฺตา มา นสฺสนฺตู’’ติ อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สุปณฺณวณฺณํ มาเปตฺวา นาคราชสฺส ทสฺเสสิ. นาคราชา ภีโต ผณํ สํหริตฺวา อุทกํ ปวิฏฺโ. มหาชโน โสตฺถิภาวํ ปาปุณิ. สตฺถา อิทมฺปิ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺโต –
‘‘คงฺคาย โสตสฺมึ คหีตนาวํ,
ลุทฺเทน นาเคน มนุสฺสกปฺปา;
อโมจยิตฺถ พลสา ปสยฺห,
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ;
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๗๓) –
อิมํ คาถมาห.
อปรสฺมึ ¶ สมเย เอส อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เกสโว นาม ตาปโส อโหสิ. เตน สมเยน อมฺหากํ โพธิสตฺโต กปฺโป นาม มาณโว ¶ เกสวสฺส พทฺธจโร อนฺเตวาสิโก หุตฺวา อาจริยสฺส กึการปฏิสฺสาวี มนาปจารี พุทฺธิสมฺปนฺโน อตฺถจโร อโหสิ. เกสโว ตํ วินา วตฺติตุํ นาสกฺขิ, ตํ นิสฺสาเยว ชีวิกํ กปฺเปสิ. สตฺถา อิทมฺปิ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ ทสฺเสนฺโต –
‘‘กปฺโป ¶ จ เต พทฺธจโร อโหสิ,
สมฺพุทฺธิมนฺตํ วตินํ อมฺิ;
ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,
สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามี’’ติ. (ชา. ๑.๗.๗๔) –
อิมํ คาถมาห.
เอวํ พฺรหฺมุโน นานตฺตภาเวสุ กตกมฺมํ สตฺถา ปกาเสสิ. สตฺถริ กเถนฺเตเยว พฺรหฺมา สลฺลกฺเขสิ, ทีปสหสฺเส อุชฺชลิเต รูปานิ วิย สพฺพกมฺมานิสฺส ปากฏานิ อเหสุํ. โส ปสนฺนจิตฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อทฺธา ปชานาสิ มเมตมายุํ,
อฺมฺปิ ชานาสิ ตถา หิ พุทฺโธ;
ตถา หิ ตายํ ชลิตานุภาโว,
โอภาสยํ ติฏฺติ พฺรหฺมโลก’’นฺติ. (ชา. ๑.๗.๗๕);
อถสฺส ภควา อุตฺตริ อสมสมตํ ปกาเสนฺโต ปถวึ โข อหํ พฺรหฺเมติอาทิมาห. ตตฺถ ปถวิยา ปถวตฺเตน อนนุภูตนฺติ ปถวิยา ปถวิสภาเวน อนนุภูตํ อปฺปตฺตํ. กึ ปน ตนฺติ? นิพฺพานํ. ตฺหิ สพฺพสฺมา สงฺขตา นิสฺสฏตฺตา ปถวิสภาเวน อปฺปตฺตํ นาม. ตทภิฺายาติ ตํ นิพฺพานํ ชานิตฺวา สจฺฉิกตฺวา. ปถวึ นาปโหสินฺติ ปถวึ ตณฺหาทิฏฺิมานคาเหหิ น คณฺหึ. อาปาทีสุปิ เอเสว นโย. วิตฺถาโร ปน มูลปริยาเย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
สเจ โข เต, มาริส, สพฺพสฺส สพฺพตฺเตนาติ อิทเมว พฺรหฺมา อตฺตโน วาทิตาย สพฺพนฺติ อกฺขรํ นิทฺทิสิตฺวา อกฺขเร โทสํ คณฺหนฺโต อาห. สตฺถา ปน สกฺกายํ สนฺธาย ‘‘สพฺพ’’นฺติ วทติ, พฺรหฺมา สพฺพสพฺพํ สนฺธาย. ตฺวํ ¶ ‘‘สพฺพ’’นฺติ วทสิ, ‘‘สพฺพสฺส สพฺพตฺเตน อนนุภูต’’นฺติ วทสิ, ยทิ สพฺพํ อนนุภูตํ นตฺถิ, อถสฺส อนนุภูตํ อตฺถิ. มา เหว เต ริตฺตกเมว ¶ อโหสิ ¶ ตุจฺฉกเมว อโหสีติ ตุยฺหํ วจนํ ริตฺตกํ มา โหตุ, ตุจฺฉกํ มา โหตูติ สตฺถารํ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหาติ.
สตฺถา ปน เอตสฺมา พฺรหฺมุนา สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน วาทีตโร, ตสฺมา อหํ สพฺพฺจ วกฺขามิ, อนนุภูตฺจ วกฺขามิ, สุณาหิ เมติ ตสฺส วาทมทฺทนตฺถํ การณํ อาหรนฺโต วิฺาณนฺติอาทิมาห. ตตฺถ วิฺาณนฺติ วิชานิตพฺพํ. อนิทสฺสนนฺติ จกฺขุวิฺาณสฺส อาปาถํ อนุปคมนโต อนิทสฺสนํ นาม, ปททฺวเยนปิ นิพฺพานเมว วุตฺตํ. อนนฺตนฺติ ตยิทํ อุปฺปาทวยอนฺตรหิตตฺตา อนนฺตํ นาม. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘อนฺตวนฺตานิ ภูตานิ, อสมฺภูตํ อนนฺตกํ;
ภูเต อนฺตานิ ทิสฺสนฺติ, ภูเต อนฺตา ปกาสิตา’’ติ.
สพฺพโตปภนฺติ สพฺพโส ปภาสมฺปนฺนํ. นิพฺพานโต หิ อฺโ ธมฺโม สปภตโร วา โชติวนฺตตโร วา ปริสุทฺธตโร วา ปณฺฑรตโร วา นตฺถิ. สพฺพโต วา ตถา ปภูตเมว, น กตฺถจิ นตฺถีติ สพฺพโตปภํ. ปุรตฺถิมทิสาทีสุ หิ อสุกทิสาย นาม นิพฺพานํ นตฺถีติ น วตฺตพฺพํ. อถ วา ปภนฺติ ติตฺถสฺส นามํ, สพฺพโต ปภมสฺสาติ สพฺพโตปภํ. นิพฺพานสฺส กิร ยถา มหาสมุทฺทสฺส ยโต ยโต โอตริตุกามา โหนฺติ, ตํ ตเทว ติตฺถํ, อติตฺถํ นาม นตฺถิ. เอวเมวํ อฏฺตึสาย กมฺมฏฺาเนสุ เยน เยน มุเขน นิพฺพานํ โอตริตุกามา โหนฺติ, ตํ ตเทว ติตฺถํ. นิพฺพานสฺส อติตฺถํ นาม กมฺมฏฺานํ นตฺถิ. เตน วุตฺตํ สพฺพโตปภนฺติ. ตํ ปถวิยา ปถวตฺเตนาติ ตํ นิพฺพานํ ปถวิยา ปถวีสภาเวน ตโต ปเรสํ อาปาทีนํ อาปาทิสภาเวน จ อนนุภูตํ. อิติ ยํ ตุมฺหาทิสานํ วิสยภูตํ สพฺพเตภูมกธมฺมชาตํ ตสฺส สพฺพตฺเตน ตํ วิฺาณํ อนิทสฺสนํ อนนฺตํ สพฺพโตปตํ อนนุภูตนฺติ วาทํ ปติฏฺเปสิ.
ตโต ¶ พฺรหฺมา คหิตคหิตํ สตฺถารา วิสฺสชฺชาปิโต กิฺจิ คเหตพฺพํ อทิสฺวา ลฬิตกํ กาตุกาโม หนฺท จรหิ เต, มาริส, อนฺตรธายามีติ อาห. ตตฺถ อนฺตรธายามีติ อทิสฺสมานกปาฏิหาริยํ กโรมีติ อาห. สเจ วิสหสีติ ยทิ สกฺโกสิ มยฺหํ อนฺตรธายิตุํ, อนฺตรธายสิ ¶ , ปาฏิหาริยํ กโรหีติ. เนวสฺสุ เม สกฺโกติ อนฺตรธายิตุนฺติ มยฺหํ ¶ อนฺตรธายิตุํ เนว สกฺโกติ. กึ ปเนส กาตุกาโม อโหสีติ? มูลปฏิสนฺธึ คนฺตุกาโม อโหสิ. พฺรหฺมานฺหิ มูลปฏิสนฺธิกอตฺตภาโว สุขุโม, อฺเสํ อนาปาโถ, อภิสงฺขตกาเยเนว ติฏฺนฺติ. สตฺถา ตสฺส มูลปฏิสนฺธึ คนฺตุํ น อทาสิ. มูลปฏิสนฺธึ วา อคนฺตฺวาปิ เยน ตเมน อตฺตานํ อนฺตรธาเปตฺวา อทิสฺสมานโก ภเวยฺย, สตฺถา ตํ ตมํ วิโนเทสิ, ตสฺมา อนฺตรธายิตุํ นาสกฺขิ. โส อสกฺโกนฺโต วิมาเน นิลียติ, กปฺปรุกฺเข นิลียติ, อุกฺกุฏิโก นิสีทติ. พฺรหฺมคโณ เกฬิมกาสิ – ‘‘เอส โข พโก พฺรหฺมา วิมาเน นิลียติ, กปฺปรุกฺเข นิลียติ, อุกฺกุฏิโก นิสีทติ, พฺรหฺเม ตฺวํ อนฺตรหิโตมฺหี’’ติ สฺํ อุปฺปาเทสิ นามาติ. โส พฺรหฺมคเณน อุปฺปณฺฑิโต มงฺกุ อโหสิ.
เอวํ วุตฺเต อหํ, ภิกฺขเวติ, ภิกฺขเว, เอเตน พฺรหฺมุนา, ‘‘หนฺท จรหิ เต, มาริส, อนฺตรธายามี’’ติ เอวํ วุตฺเต ตํ อนฺตรธายิตุํ อสกฺโกนฺตํ ทิสฺวา อหํ เอตทโวจํ. อิมํ คาถมภาสินฺติ กสฺมา ภควา คาถมภาสีติ? สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมึ าเน อตฺถิภาโว วา นตฺถิภาโว วา กถํ สกฺกา ชานิตุนฺติ เอวํ พฺรหฺมคณสฺส วจโนกาโส มา โหตูติ อนฺตรหิโตว คาถมภาสิ.
ตตฺถ ภเววาหํ ภยํ ทิสฺวาติ อหํ ภเว ภยํ ทิสฺวาเยว. ภวฺจ วิภเวสินนฺติ อิมฺจ กามภวาทิติวิธมฺปิ สตฺตภวํ วิภเวสินํ วิภวํ คเวสมานํ ปริเยสมานมฺปิ ปุนปฺปุนํ ภเวเยว ทิสฺวา. ภวํ นาภิวทินฺติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน กิฺจิ ภวํ น อภิวทึ, น คเวสินฺติ อตฺโถ. นนฺทิฺจ น อุปาทิยินฺติ ภวตณฺหํ น อุปคฺฉึ, น อคฺคเหสินฺติ อตฺโถ. อิติ ¶ จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสนฺโต สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน เทสนานุสาเรน วิปสฺสนาคพฺภํ คาหาเปตฺวา ทสมตฺตานิ พฺรหฺมสหสฺสานิ มคฺคผลามตปานํ ปิวึสุ.
อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตาติ อจฺฉริยชาตา อพฺภุตชาตา ตุฏฺิชาตา จ อเหสุํ. สมูลํ ภวํ อุทพฺพหีติ โพธิมณฺเฑ อตฺตโน ตาย ตาย เทสนาย อฺเสมฺปิ พหูนํ เทวมนุสฺสานํ สมูลกํ ภวํ อุทพฺพหิ, อุทฺธริ อุปฺปาเฏสีติ อตฺโถ.
๕๐๕. ตสฺมึ ¶ ปน สมเย มาโร ปาปิมา โกธาภิภูโต หุตฺวา, ‘‘มยิ วิจรนฺเตเยว สมเณน ¶ โคตเมน ธมฺมกถํ กเถตฺวา ทสมตฺตานิ พฺรหฺมสหสฺสานิ มม วสํ อติวตฺติตานี’’ติ โกธาภิภูตตาย อฺตรสฺส พฺรหฺมปาริสชฺชสฺส สรีเร อธิมุจฺจิ, ตํ ทสฺเสตุํ อถ โข, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ สเจ ตฺวํ เอวํ อนุพุทฺโธติ สเจ ตฺวํ เอวํ อตฺตนาว จตฺตาริ สจฺจานิ อนุพุทฺโธ. มา สาวเก อุปเนสีติ คิหิสาวเก วา ปพฺพชิตสาวเก วา ตํ ธมฺมํ มา อุปนยสิ. หีเน กาเย ปติฏฺิตาติ จตูสุ อปาเยสุ ปติฏฺิตา. ปณีเต กาเย ปติฏฺิตาติ พฺรหฺมโลเก ปติฏฺิตา. อิทํ เก สนฺธาย วทติ? พาหิรปพฺพชฺชํ ปพฺพชิเต ตาปสปริพฺพาชเก. อนุปฺปนฺเน หิ พุทฺธุปฺปาเท กุลปุตฺตา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา กสฺสจิ กิฺจิ อวิจาเรตฺวา เอกจรา หุตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชึสุ, เต สนฺธาย เอวมาห. อนกฺขาตํ กุสลฺหิ มาริสาติ ปเรสํ อนกฺขาตํ อโนวทนํ ธมฺมกถาย อกถนํ กุสลํ เอตํ เสยฺโย. มา ปรํ โอวทาหีติ กาเลน มนุสฺสโลกํ, กาเลน เทวโลกํ, กาเลน พฺรหฺมโลกํ, กาเลน นาคโลกํ อาหิณฺฑนฺโต มา วิจริ, เอกสฺมึ าเน นิสินฺโน ฌานมคฺคผลสุเขน วีตินาเมหีติ. อนาลปนตายาติ อนุลฺลปนตาย. พฺรหฺมุโน จ อภินิมนฺตนตายาติ พกพฺรหฺมุโน จ อิทฺหิ, มาริส, นิจฺจนฺติอาทินา นเยน สห กายเกน พฺรหฺมฏฺาเนน นิมนฺตนวจเนน. ตสฺมาติ เตน การเณน. อิมสฺส เวยฺยากรณสฺส พฺรหฺมนิมนฺตนิกํตฺเวว อธิวจนํ สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ ชาตา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
พฺรหฺมนิมนฺตนิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. มารตชฺชนียสุตฺตวณฺณนา
๕๐๖. เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มารตชฺชนียสุตฺตํ. ตตฺถ โกฏฺมนุปวิฏฺโติ กุจฺฉึ ปวิสิตฺวา อนฺตานํ อนฺโต อนุปวิฏฺโ, ปกฺกาสยฏฺาเน นิสินฺโน. ครุคโร วิยาติ ครุกครุโก วิย ถทฺโธ ปาสาณปฺุชสทิโส. มาสาจิตํ ¶ มฺเติ มาสภตฺตํ ภุตฺตสฺส กุจฺฉิ วิย มาสปูริตปสิพฺพโก วิย ตินฺตมาโส วิย จาติ อตฺโถ. วิหารํ ปวิสิตฺวาติ สเจ อาหารโทเสน เอส ครุภาโว, อพฺโภกาเส จงฺกมิตุํ น สปฺปายนฺติ จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา ปกติปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ปจฺจตฺตํ โยนิโส มนสากาสีติ, ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อาวชฺชมาโน อตฺตโนเยว อุปาเยน มนสิ อกาสิ. สเจ ปน เถโร อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชตฺวา, ‘‘ยํ หิยฺโย วา ปเร วา ปรสุเว วา ปริภุตฺตํ อวิปกฺกมตฺถิ, อฺโ วา โกจิ วิสภาคโทโส, สพฺพํ ชีรตุ ผาสุกํ โหตู’’ติ หตฺเถน กุจฺฉึ ปรามสิสฺส, มาโร ปาปิมา วิลียิตฺวา อคมิสฺส. เถโร ปน ตถา อกตฺวา โยนิโส มนสิ อกาสิ. มา ตถาคตํ วิเหเสสีติ ยถา หิ ปุตฺเตสุ วิเหสิเตสุ มาตาปิตโร วิเหสิตาว โหนฺติ, สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิเกสุ วิเหสิเตสุ อาจริยุปชฺฌายา วิเหสิตาว, ชนปเท วิเหสิเต ราชา วิเหสิโตว โหติ, เอวํ ตถาคตสาวเก วิเหสิเต ตถาคโต วิเหสิโตว โหติ. เตนาห – ‘‘มา ตถาคตํ วิเหเสสี’’ติ.
ปจฺจคฺคเฬ อฏฺาสีติ ปติอคฺคเฬว อฏฺาสิ. อคฺคฬํ วุจฺจติ กวาฏํ, มุเขน อุคฺคนฺตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา พหิปณฺณสาลาย กวาฏํ นิสฺสาย อฏฺาสีติ อตฺโถ.
๕๐๗. ภูตปุพฺพาหํ ปาปิมาติ กสฺมา อิทํ เทสนํ อารภิ? เถโร กิร จินฺเตสิ – ‘‘อากาสฏฺกเทวตานํ ตาว มนุสฺสคนฺโธ โยชนสเต ิตานํ อาพาธํ กโรติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘โยชนสตํ โข ราชฺ มนุสฺสคนฺโธ เทเว อุพฺพาธตี’ติ (ที. นิ. ๒.๔๑๕). อยํ ปน มาโร นาคริโก ปริโจกฺโข มเหสกฺโข อานุภาวสมฺปนฺโน เทวราชา สมาโน มม กุจฺฉิยํ ปวิสิตฺวา อนฺตานํ อนฺโต ปกฺกาสโยกาเส นิสินฺโน อติวิย ปทุฏฺโ ภวิสฺสติ. เอวรูปํ นาม ¶ เชคุจฺฉํ ¶ ปฏิกูลํ โอกาสํ ปวิสิตฺวา นิสีทิตุํ สกฺโกนฺตสฺส กิมฺํ อกรณียํ ภวิสฺสติ, กึ อฺํ ลชฺชิสฺสติ, ตฺวํ มม าติโกติ ปน วุตฺเต มุทุภาวํ อนาปชฺชมาโน นาม นตฺถิ, หนฺทสฺส ¶ าติโกฏึ ปฏิวิชฺฌิตฺวา มุทุเกเนว นํ อุปาเยน วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ เทสนมารภิ.
โส เม ตฺวํ ภาคิเนยฺโย โหสีติ โส ตฺวํ ตสฺมึ กาเล มยฺหํ ภาคิเนยฺโย โหสิ. อิทํ ปเวณิวเสน วุตฺตํ. เทวโลกสฺมึ ปน มารสฺส ปิตุ วํโส ปิตามหสฺส วํโส รชฺชํ กโรนฺโต นาม นตฺถิ, ปฺุวเสน เทวโลเก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ยาวตายุกํ ตฺวา จวติ. อฺโ เอโก อตฺตนา กเตน กมฺเมน ตสฺมึ าเน อธิปติ หุตฺวา นิพฺพตฺตติ. อิติ อยํ มาโรปิ ตทา ตโต จวิตฺวา ปุน กุสลํ กตฺวา อิมสฺมึ กาเล ตสฺมึ อธิปติฏฺาเน นิพฺพตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
วิธุโรติ วิคตธุโร, อฺเหิ สทฺธึ อสทิโสติ อตฺโถ. อปฺปกสิเรนาติ อปฺปทุกฺเขน. ปสุปาลกาติ อเชฬกปาลกา. ปถาวิโนติ มคฺคปฏิปนฺนา. กาเย อุปจินิตฺวาติ สมนฺตโต จิตกํ พนฺธิตฺวา. อคฺคึ ทตฺวา ปกฺกมึสูติ เอตฺตเกน สรีรํ ปริยาทานํ คมิสฺสตีติ จิตกสฺส ปมาณํ สลฺลกฺเขตฺวา จตูสุ ทิสาสุ อคฺคึ ทตฺวา ปกฺกมึสุ. จิตโก ปทีปสิขา วิย ปชฺชลิ, เถรสฺส อุทกเลณํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนกาโล วิย อโหสิ. จีวรานิ ปปฺโผเฏตฺวาติ สมาปตฺติโต วุฏฺาย วิคตธูเม กึสุกวณฺเณ องฺคาเร มทฺทมาโน จีวรานิ วิธุนิตฺวา. สรีเร ปนสฺส อุสุมมตฺตมฺปิ นาโหสิ, จีวเรสุ อํสุมตฺตมฺปิ นชฺฌายิ, สมาปตฺติผลํ นาเมตํ.
๕๐๘. อกฺโกสถาติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสถ. ปริภาสถาติ วาจาย ปริภาสถ. โรเสถาติ ฆฏฺเฏถ. วิเหเสถาติ ทุกฺขาเปถ. สพฺพเมตํ วาจาย ฆฏฺฏนสฺเสว อธิวจนํ. ยถา ตํ ทูสี มาโรติ ยถา เอเตสํ ทูสี มาโร. ลเภถ โอตารนฺติ ลเภถ ฉิทฺทํ, กิเลสุปฺปตฺติยา อารมฺมณํ ปจฺจยํ ลเภยฺยาติ อตฺโถ. มุณฺฑกาติอาทีสุ มุณฺเฑ มุณฺฑาติ สมเณ จ สมณาติ ¶ วตฺตุํ วฏฺเฏยฺย, อิเม ปน หีเฬนฺตา มุณฺฑกา สมณกาติ อาหํสุ. อิพฺภาติ คหปติกา. กิณฺหาติ กณฺหา, กาฬกาติ อตฺโถ. พนฺธุปาทาปจฺจาติ เอตฺถ พนฺธูติ พฺรหฺมา อธิปฺเปโต ¶ . ตฺหิ พฺราหฺมณา ปิตามโหติ โวหรนฺติ. ปาทานํ ¶ อปจฺจา ปาทาปจฺจา, พฺรหฺมุโน ปิฏฺิปาทโต ชาตาติ อธิปฺปาโย. เตสํ กิร อยํ ลทฺธิ – ‘‘พฺราหฺมณา พฺรหฺมุโน มุขโต นิกฺขนฺตา, ขตฺติยา อุรโต, เวสฺสา นาภิโต, สุทฺทา ชาณุโต, สมณา ปิฏฺิปาทโต’’ติ.
ฌายิโนสฺมา ฌายิโนสฺมาติ ฌายิโน มยํ ฌายิโน มยนฺติ. มธุรกชาตาติ อาลสิยชาตา. ฌายนฺตีติ จินฺตยนฺติ. ปชฺฌายนฺตีติอาทีนิ อุปสคฺควเสน วฑฺฒิตานิ. มูสิกํ มคฺคยมาโนติ สายํ โคจรตฺถาย สุสิรรุกฺขโต นิกฺขนฺตํ รุกฺขสาขาย มูสิกํ ปริเยสนฺโต. โส กิร อุปสนฺตูปสนฺโต วิย นิจฺจโลว ติฏฺติ, สมฺปตฺตกาเล มูสิกํ สหสา คณฺหาติ. โกตฺถูติ สิงฺคาโล, โสโณติปิ วทนฺติ. สนฺธิสมลสงฺกฏิเรติ สนฺธิมฺหิ จ สมเล จ สงฺกฏิเร จ. ตตฺถ สนฺธิ นาม ฆรสนฺธิ. สมโล นาม คูถนิทฺธมนปนาฬิ. สงฺกฏิรํ นาม สงฺการฏฺานํ. วหจฺฉินฺโนติ กนฺตารโต นิกฺขนฺโต ฉินฺนวโห. สนฺธิสมลสงฺกฏิเรติ สนฺธิมฺหิ วา สมเล วา สงฺกฏิเร วา. โสปิ หิ พทฺธคตฺโต วิย นิจฺจโล ฌายติ.
นิรยํ อุปปชฺชนฺตีติ สเจ มาโร มนุสฺสานํ สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา เอวํ กเรยฺย, มนุสฺสานํ อกุสลํ น ภเวยฺย, มารสฺเสว ภเวยฺย. สรีเร ปน อนธิมุจฺจิตฺวา วิสภาควตฺถุํ วิปฺปฏิสารารมฺมณํ ทสฺเสติ, ตทา กิร โส ภิกฺขู ขิปฺปํ คเหตฺวา มจฺเฉ อชฺโฌตฺถรนฺเต วิย, ชาลํ คเหตฺวา มจฺเฉ คณฺหนฺเต วิย, เลปยฏฺึ โอฑฺเฑตฺวา สกุเณ พนฺธนฺเต วิย, สุนเขหิ สทฺธึ อรฺเ มิควํ จรนฺเต วิย, มาตุคาเม คเหตฺวา อาปานภูมิยํ นิสินฺเน วิย, นจฺจนฺเต วิย, คายนฺเต วิย, ภิกฺขุนีนํ รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ วิสภาคมนุสฺเส นิสินฺเน วิย, ิเต วิย จ กตฺวา ทสฺเสสิ. มนุสฺสา อรฺคตาปิ วนคตาปิ วิหารคตาปิ วิปฺปฏิสารารมฺมณํ ปสฺสิตฺวา อาคนฺตฺวา อฺเสํ กเถนฺติ – ‘‘สมณา ¶ เอวรูปํ อสฺสมณกํ อนนุจฺฉวิกํ กโรนฺติ, เอเตสํ ทินฺเน กุโต กุสลํ, มา เอเตสํ กิฺจิ อทตฺถา’’ติ. เอวํ เต มนุสฺสา ทิฏฺทิฏฺฏฺาเน สีลวนฺเต อกฺโกสนฺตา อปฺุํ ปสวิตฺวา อปายปูรกา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิรยํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ.
๕๐๙. อนฺวาวิฏฺาติ ¶ อาวฏฺฏิตา. ผริตฺวา วิหรึสูติ น เกวลํ ผริตฺวา วิหรึสุ. กกุสนฺธสฺส ปน ภควโต โอวาเท ตฺวา อิเม จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.
๕๑๐. อาคตึ ¶ วา คตึ วาติ ปฏิสนฺธิวเสน อาคมนฏฺานํ วา, จุติวเสน คมนฏฺานํ วา น ชานามิ. สิยา จิตฺตสฺส อฺถตฺตนฺติ โสมนสฺสวเสน อฺถตฺตํ ภเวยฺย. สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตีติ อิธาปิ ปุริมนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถา หิ ปุพฺเพ วิปฺปฏิสารกรํ อารมฺมณํ ทสฺเสติ, เอวมิธาปิ ปสาทกรํ. โส กิร ตทา มนุสฺสานํ ทสฺสนฏฺาเน ภิกฺขู อากาเส คจฺฉนฺเต วิย, ิเต วิย ปลฺลงฺเกน นิสินฺเน วิย, อากาเส สูจิกมฺมํ กโรนฺเต วิย, โปตฺถกํ วาเจนฺเต วิย, อากาเส จีวรํ ปสาเรตฺวา กายํ อุตุํ คณฺหาเปนฺเต วิย, นวปพฺพชิเต อากาเสน จรนฺเต วิย, ตรุณสามเณเร อากาเส ตฺวา ปุปฺผานิ โอจินนฺเต วิย กตฺวา ทสฺเสสิ. มนุสฺสา อรฺคตาปิ วนคตาปิ วิหารคตาปิ ปพฺพชิตานํ ตํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา อฺเสํ กเถนฺติ – ‘‘ภิกฺขูสุ อนฺตมโส สามเณราปิ เอวํมหิทฺธิโก มหานุภาวา, เอเตสํ ทินฺนํ มหปฺผลํ นาม โหติ, เอเตสํ เทถ สกฺกโรถา’’ติ. ตโต มนุสฺสา ภิกฺขุสงฺฆํ จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกโรนฺตา พหุํ ปฺุํ กตฺวา สคฺคปถปูรกา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ.
๕๑๑. เอถ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อสุภานุปสฺสิโน กาเย วิหรถาติ ภควา สกลชมฺพุทีปํ อาหิณฺฑนฺโต อนฺตมโส ทฺวินฺนมฺปิ ติณฺณมฺปิ ภิกฺขูนํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา –
‘‘อสุภสฺาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต เมถุนธมฺมสมาปตฺติยา จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฏติ ¶ ปติวตฺตติ น สมฺปสาริยติ, อุเปกฺขา วา ปาฏิกุลฺยตา วา สณฺาติ.
อาหาเร ปฏิกูลสฺาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต รสตณฺหาย จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฏติ ¶ ปติวตฺตติ น สมฺปสาริยติ, อุเปกฺขา วา ปาฏิกุลฺยตา วา สณฺาติ.
สพฺพโลเก อนภิรติสฺาปริจิเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต โลกจิตฺเรสุ จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฏติ ปติวตฺตติ น สมฺปสาริยติ, อุเปกฺขา วา ปาฏิกุลฺยตา วา สณฺาติ.
อนิจฺจสฺาปริจิเตน ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เจตสา พหุลํ วิหรโต ลาภสกฺการสิโลเก จิตฺตํ ปติลียติ ปติกุฏติ ปติวตฺตติ น สมฺปสาริยติ, อุเปกฺขา วา ปาฏิกุลฺยตา วา สณฺาตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๔๙) เอวํ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา –
เอถ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อสุภานุปสฺสี กาเย วิหรถ, อาหาเร ปฏิกูลสฺิโน สพฺพโลเก อนภิรติสฺิโน สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสิโนติ. อิมานิ จตฺตาริ กมฺมฏฺานานิ กเถสิ. เตปิ ภิกฺขู อิเมสุ จตูสุ กมฺมฏฺาเนสุ กมฺมํ กโรนฺตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สพฺพาสเว เขเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, อิมานิปิ จตฺตาริ กมฺมฏฺานานิ ราคสนฺตานิ โทสโมหสนฺตานิ ราคปฏิฆาตานิ โทสโมหปฏิฆาตานิ จาติ.
๕๑๒. สกฺขรํ คเหตฺวาติ อนฺโตมุฏฺิยํ ติฏฺนปมาณํ ปาสาณํ คเหตฺวา. อยฺหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ภิกฺขู อกฺโกสาเปตฺวาปิ, พฺราหฺมณคหปติกานํ วเสน ภิกฺขุสงฺฆสฺส ลาภสกฺการํ อุปฺปาทาเปตฺวาปิ, โอตารํ อลภนฺโต อิทานิ สหตฺถา อุปกฺกมิตุกาโม อฺตรสฺส กุมารสฺส สรีเร อธิมุจฺจิตฺวา เอวรูปํ ปาสาณํ อคฺคเหสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สกฺขรํ คเหตฺวา’’ติ.
สีสํ โว ภินฺทีติ สีสํ ภินฺทิ, มหาจมฺมํ ฉิชฺชิตฺวา มํสํ ทฺเวธา อโหสิ. สกฺขรา ปนสฺส สีสกฏาหํ อภินฺทิตฺวา อฏฺึ อาหจฺเจว นิวตฺตา. นาคาปโลกิตํ อปโลเกสีติ ปหารสทฺทํ สุตฺวา ยถา นาม หตฺถินาโค ¶ อิโต วา เอตฺโต วา อปโลเกตุกาโม คีวํ อปริวตฺเตตฺวา ¶ สกลสรีเรเนว นิวตฺติตฺวา อปโลเกติ. เอวํ สกลสรีเรเนว นิวตฺติตฺวา อปโลเกสิ. ยถา หิ มหาชนสฺส อฏฺีนิ โกฏิยา โกฏึ อาหจฺจ ิตานิ, ปจฺเจกพุทฺธานํ องฺกุสลคฺคานิ, น เอวํ พุทฺธานํ. พุทฺธานํ ปน สงฺขลิกานิ วิย เอกาพทฺธานิ หุตฺวา ิตานิ, ตสฺมา ปจฺฉโต อปโลกนกาเล น สกฺกา โหติ คีวํ ปริวตฺเตตุํ. ยถา ปน หตฺถินาโค ปจฺฉาภาคํ อปโลเกตุกาโม สกลสรีเรเนว ปริวตฺตติ, เอวํ ปริวตฺติตพฺพํ โหติ. ตสฺมา ภควา ยนฺเตน ปริวตฺติตา สุวณฺณปฏิมา วิย สกลสรีเรเนว นิวตฺติตฺวา อปโลเกสิ ¶ , อปโลเกตฺวา ิโต ปน, ‘‘น วายํ ทูสี มาโร มตฺตมฺาสี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ, อยํ ทูสี มาโร ปาปํ กโรนฺโต เนว ปมาณํ อฺาสิ, ปมาณาติกฺกนฺตมกาสีติ.
สหาปโลกนายาติ กกุสนฺธสฺส ภควโต อปโลกเนเนว สห ตงฺขณฺเว. ตมฺหา จ านา จวีติ ตมฺหา จ เทวฏฺานา จุโต, มหานิรยํ อุปปนฺโนติ อตฺโถ. จวมาโน หิ น ยตฺถ กตฺถจิ ิโต จวติ, ตสฺมา วสวตฺติเทวโลกํ อาคนฺตฺวา จุโต, ‘‘สหาปโลกนายา’’ติ จ วจนโต น ภควโต อปโลกิตตฺตา จุโตติ เวทิตพฺโพ, จุติกาลทสฺสนมตฺตเมว เหตํ. อุฬาเร ปน มหาสาวเก วิรทฺธตฺตา กุทาริยา ปหฏํ วิยสฺส อายุ ตตฺเถว ฉิชฺชิตฺวา คตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตโย นามเธยฺยา โหนฺตีติ ตีณิ นามานิ โหนฺติ. ฉผสฺสายตนิโกติ ฉสุ ผสฺสายตเนสุ ปาฏิเยกฺกาย เวทนาย ปจฺจโย.
สงฺกุสมาหโตติ อยสูเลหิ สมาหโต. ปจฺจตฺตเวทนิโยติ สยเมว เวทนาชนโก. สงฺกุนา สงฺกุ หทเย สมาคจฺเฉยฺยาติ อยสูเลน สทฺธึ อยสูลํ หทยมชฺเฌ สมาคจฺเฉยฺย. ตสฺมึ กิร นิรเย อุปปนฺนานํ ติคาวุโต อตฺตภาโว โหติ, เถรสฺสาปิ ตาทิโส อโหสิ. อถสฺส หิ นิรยปาลา ตาลกฺขนฺธปมาณานิ อยสูลานิ อาทิตฺตานิ สมฺปชฺชลิตานิ สโชติภูตานิ สยเมว คเหตฺวา ปุนปฺปุนํ นิวตฺตมานา, – ‘‘อิมินา เต าเนน จินฺเตตฺวา ¶ ปาปํ กต’’นฺติ ปูวโทณิยํ ¶ ปูวํ โกฏฺเฏนฺโต วิย หทยมชฺฌํ โกฏฺเฏตฺวา, ปณฺณาส ชนา ปาทาภิมุขา ปณฺณาส ชนา สีสาภิมุขา โกฏฺเฏตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ คจฺฉนฺตา ปฺจหิ วสฺสสเตหิ อุโภ อนฺเต ปตฺวา ปุน นิวตฺตมานา ปฺจหิ วสฺสสเตหิ หทยมชฺฌํ อาคจฺฉนฺติ. ตํ สนฺธาย เอวํ วุตฺตํ.
วุฏฺานิมนฺติ วิปากวุฏฺานเวทนํ. สา กิร มหานิรเย เวทนาโต ทุกฺขตรา โหติ, ยถา หิ สิเนหปานสตฺตาหโต ปริหารสตฺตาหํ ทุกฺขตรํ, เอวํ มหานิรยทุกฺขโต อุสฺสเท วิปากวุฏฺานเวทนา ทุกฺขตราติ วทนฺติ. เสยฺยถาปิ มจฺฉสฺสาติ ปุริสสีสฺหิ วฏฺฏํ โหติ, สูเลน ปหรนฺตสฺส ปหาโร านํ น ลภติ ปริคลติ, มจฺฉสีสํ อายตํ ปุถุลํ, ปหาโร านํ ลภติ ¶ , อวิรชฺฌิตฺวา กมฺมการณา สุกรา โหติ, ตสฺมา เอวรูปํ สีสํ โหติ.
๕๑๓. วิธุรํ สาวกมาสชฺชาติ วิธุรํ สาวกํ ฆฏฺฏยิตฺวา. ปจฺจตฺตเวทนาติ สยเมว ปาฏิเยกฺกเวทนาชนกา. อีทิโส นิรโย อาสีติ อิมสฺมึ าเน นิรโย เทวทูตสุตฺเตน ทีเปตพฺโพ. กณฺห-ทุกฺขํ นิคจฺฉสีติ กาฬก-มาร, ทุกฺขํ วินฺทิสฺสสิ. มชฺเฌ สรสฺสาติ มหาสมุทฺทสฺส มชฺเฌ อุทกํ วตฺถุํ กตฺวา นิพฺพตฺตวิมานานิ กปฺปฏฺิติกานิ โหนฺติ, เตสํ เวฬุริยสฺส วิย วณฺโณ โหติ, ปพฺพตมตฺถเก ชลิตนฬคฺคิกฺขนฺโธ วิย จ เนสํ อจฺจิโย โชตนฺติ, ปภสฺสรา ปภาสมฺปนฺนา โหนฺติ, เตสุ วิมาเนสุ นีลเภทาทิวเสน นานตฺตวณฺณา อจฺฉรา นจฺจนฺติ. โย เอตมภิชานาตีติ โย เอตํ วิมานวตฺถุํ ชานาตีติ อตฺโถ. เอวเมตฺถ วิมานเปตวตฺถุเกเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปาทงฺคุฏฺเน กมฺปยีติ อิทํ ปาสาทกมฺปนสุตฺเตน ทีเปตพฺพํ. โย เวชยนฺตํ ปาสาทนฺติ อิทํ จูฬตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติสุตฺเตน ทีเปตพฺพํ. สกฺกํ โส ปริปุจฺฉตีติ อิทมฺปิ เตเนว ทีเปตพฺพํ. สุธมฺมายาภิโต สภนฺติ สุธมฺมสภาย สมีเป, อยํ ปน พฺรหฺมโลเก สุธมฺมสภาว, น ตาวตึสภวเน. สุธมฺมสภาวิรหิโต หิ เทวโลโก นาม นตฺถิ.
พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรนฺติ พฺรหฺมโลเก ¶ มหาโมคฺคลฺลานมหากสฺสปาทีหิ สาวเกหิ สทฺธึ ตสฺส เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺนสฺส ¶ ภควโต โอภาสํ. เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควา พฺรหฺมโลเก สุธมฺมาย เทวสภาย สนฺนิปติตฺวา, – ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํมหิทฺธิโก. โย อิธ อาคนฺตุํ สกฺกุเณยฺยา’’ติ จินฺเตนฺตสฺเสว พฺรหฺมคณสฺส จิตฺตมฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา พฺรหฺมคณสฺส มตฺถเก นิสินฺโน เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา มหาโมคฺคลฺลานาทีนํ อาคมนํ จินฺเตสิ. เตปิ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปจฺเจกํ ทิสาสุ นิสีทึสุ, สกลพฺรหฺมโลโก เอโกภาโส อโหสิ. สตฺถา จตุสจฺจปฺปกาสนํ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน อเนกานิ พฺรหฺมสหสฺสานิ มคฺคผเลสุ ปติฏฺหึสุ. ตํ สนฺธายิมา คาถา วุตฺตา, โส ปนายมตฺโถ อฺตรพฺรหฺมสุตฺเตน ทีเปตพฺโพ.
วิโมกฺเขน ¶ อผสฺสยีติ ฌานวิโมกฺเขน ผุสิ. วนนฺติ ชมฺพุทีปํ. ปุพฺพวิเทหานนฺติ ปุพฺพวิเทหานฺจ ทีปํ. เย จ ภูมิสยา นราติ ภูมิสยา นรา นาม อปรโคยานกา จ อุตฺตรกุรุกา จ. เตปิ สพฺเพ ผุสีติ วุตฺตํ โหติ. อยํ ปน อตฺโถ นนฺโทปนนฺททมเนน ทีเปตพฺโพ. วตฺถุ วิสุทฺธิมคฺเค อิทฺธิกถาย วิตฺถาริตํ. อปฺุํ ปสวีติ อปฺุํ ปฏิลภิ. อาสํ มา อกาสิ ภิกฺขูสูติ ภิกฺขู วิเหเสมีติ เอตํ อาสํ มา อกาสิ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มารตชฺชนียสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
มูลปณฺณาสฏฺกถา นิฏฺิตา.