📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
มชฺฌิมนิกาเย
มูลปณฺณาส-อฏฺกถา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
กรุณาสีตลหทยํ ¶ ¶ ¶ , ปฺาปชฺโชตวิหตโมหตมํ;
สนรามรโลกครุํ, วนฺเท สุคตํ คติวิมุตฺตํ.
พุทฺโธปิ พุทฺธภาวํ, ภาเวตฺวา เจว สจฺฉิกตฺวา จ;
ยํ อุปคโต คตมลํ, วนฺเท ตมนุตฺตรํ ธมฺมํ.
สุคตสฺส โอรสานํ, ปุตฺตานํ มารเสนมถนานํ;
อฏฺนฺนมฺปิ สมูหํ, สิรสา วนฺเท อริยสงฺฆํ.
อิติ ¶ เม ปสนฺนมติโน, รตนตฺตยวนฺทนามยํ ปฺุํ;
ยํ สุวิหตนฺตราโย, หุตฺวา ตสฺสานุภาเวน.
มชฺฌิมปมาณสุตฺตงฺกิตสฺส อิธ มชฺฌิมาคมวรสฺส;
พุทฺธานุพุทฺธสํวณฺณิตสฺส ปรวาทมถนสฺส.
อตฺถปฺปกาสนตฺถํ, อฏฺกถา อาทิโต วสิสเตหิ;
ปฺจหิ ยา สงฺคีตา, อนุสงฺคีตา จ ปจฺฉาปิ.
สีหฬทีปํ ปน อาภตาถ วสินา มหามหินฺเทน;
ปิตา สีหฬภาสาย, ทีปวาสีนมตฺถาย.
อปเนตฺวาน ตโตหํ, สีหฬภาสํ มโนรมํ ภาสํ;
ตนฺตินยานุจฺฉวิกํ, อาโรเปนฺโต วิคตโทสํ.
สมยํ ¶ อวิโลเมนฺโต, เถรานํ เถรวํสทีปานํ;
สุนิปุณวินิจฺฉยานํ, มหาวิหาเร นิวาสีนํ.
หิตฺวา ปุนปฺปุนาคตมตฺถํ, อตฺถํ ปกาสยิสฺสามิ;
สุชนสฺส จ ตุฏฺตฺถํ, จิรฏฺิตตฺถฺจ ธมฺมสฺส.
สีลกถา ¶ ธุตธมฺมา, กมฺมฏฺานานิ เจว สพฺพานิ;
จริยาวิธานสหิโต, ฌานสมาปตฺติวิตฺถาโร.
สพฺพา จ อภิฺาโย, ปฺาสงฺกลนนิจฺฉโย เจว;
ขนฺธาธาตายตนินฺทฺริยานิ อริยานิ เจว จตฺตาริ.
สจฺจานิ ¶ ปจฺจยาการเทสนา สุปริสุทฺธนิปุณนยา;
อวิมุตฺตตนฺติมคฺคา, วิปสฺสนาภาวนา เจว.
อิติ ปน สพฺพํ ยสฺมา, วิสุทฺธิมคฺเค มยา สุปริสุทฺธํ;
วุตฺตํ ตสฺมา ภิยฺโย, น ตํ อิธ วิจารยิสฺสามิ.
‘‘มชฺเฌ วิสุทฺธิมคฺโค, เอส จตุนฺนมฺปิ อาคมานฺหิ;
ตฺวา ปกาสยิสฺสติ, ตตฺถ ยถาภาสิตมตฺถํ’’.
อิจฺเจว กโต ตสฺมา, ตมฺปิ คเหตฺวาน สทฺธิเมตาย;
อฏฺกถาย วิชานถ, มชฺฌิมสงฺคีติยา อตฺถนฺติ.
นิทานกถา
๑. ตตฺถ มชฺฌิมสงฺคีติ นาม ปณฺณาสโต มูลปณฺณาสา มชฺฌิมปณฺณาสา อุปริปณฺณาสาติ ปณฺณาสตฺตยสงฺคหา. วคฺคโต เอเกกาย ปณฺณาสาย ปฺจ ปฺจ วคฺเค กตฺวา ปนฺนรสวคฺคสมาโยคา. สุตฺตโต ทิยฑฺฒสุตฺตสตํ ทฺเว จ สุตฺตนฺตา. ปทโต เตวีสุตฺตรปฺจสตาธิกานิ อสีติปทสหสฺสานิ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘อสีติปทสหสฺสานิ, ภิยฺโย ปฺจสตานิ จ;
ปุน เตวีสติ วุตฺตา, ปทเมวํ ววตฺถิต’’นฺติ.
อกฺขรโต ¶ สตฺต อกฺขรสตสหสฺสานิ จตฺตาลีสฺจ สหสฺสานิ เตปฺาสฺจ อกฺขรานิ. ภาณวารโต อสีติ ภาณวารา เตวีสปทาธิโก จ อุปฑฺฒภาณวาโร. อนุสนฺธิโต ปุจฺฉานุสนฺธิ-อชฺฌาสยานุสนฺธิ-ยถานุสนฺธิวเสน สงฺเขปโต ติวิโธ อนุสนฺธิ. วิตฺถารโต ปเนตฺถ ตีณิ อนุสนฺธิสหสฺสานิ นว จ สตานิ โหนฺติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ตีณิ ¶ สนฺธิสหสฺสานิ, ตถา นวสตานิ จ;
อนุสนฺธินยา เอเต, มชฺฌิมสฺส ปกาสิตา’’ติ.
ตตฺถ ปณฺณาสาสุ มูลปณฺณาสา อาทิ, วคฺเคสุ มูลปริยายวคฺโค, สุตฺเตสุ มูลปริยายสุตฺตํ. ตสฺสาปิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาทิ. สา ปเนสา ปมมหาสงฺคีติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฏฺกถาย อาทิมฺหิ วิตฺถาริตา. ตสฺมา สา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา.
๑. มูลปริยายวคฺโค
๑. มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา
๑. ยํ ¶ ¶ ¶ ปเนตํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ นิทานํ. ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปทํ. เมติอาทีนิ นามปทานิ. อุกฺกฏฺายํ วิหรตีติ เอตฺถ วีติ อุปสคฺคปทํ, หรตีติ อาขฺยาตปทนฺติ อิมินา ตาว นเยน ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.
อตฺถโต ปน เอวํ-สทฺโท ตาว อุปมูปเทสสมฺปหํสนครหณวจนสมฺปฏิคฺคหาการนิทสฺสนาวธารณาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถาเหส – ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๕๓) อุปมายํ อาคโต. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยาโข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร. ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ, อานนฺทํ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ – ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต, ภวนฺตํ อานนฺทํ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ, เอวฺจ วเทหิ สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา ¶ วาติ? อกุสลา, ภนฺเต. สาวชฺชา วา อนวชฺชา วาติ? สาวชฺชา, ภนฺเต. วิฺุครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วาติ? วิฺุครหิตา, ภนฺเต. สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ โน วา, กถํ โว เอตฺถ โหตีติ? สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. สฺวายมิธ อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ ¶ อาการฏฺเน เอวํสทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณํ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ¶ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.
นิทสฺสนฏฺเน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุตนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ นิทสฺเสติ.
อวธารณฏฺเน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอวํ ภควตา, ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล ธมฺมกุสโล พฺยฺชนกุสโล นิรุตฺติกุสโล ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ ‘‘เอวํ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ.
เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต ภควา, สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
สุตนฺติ อยํ สุต-สทฺโท สอุปสคฺโค จ อนุปสคฺโค จ คมน-วิสฺสุต-กิลินฺน-อุปจิตานุโยค-โสตวิฺเยฺย-โสตทฺวารานุสารวิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา หิสฺส ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ, ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสาติ’’อาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิลินฺนา กิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ ¶ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส โสตทฺวารานุสาเรน ‘‘อุปธาริต’’นฺติ วา ‘‘อุปธารณ’’นฺติ วาติ ¶ อตฺโถ. เม-สทฺทสฺส หิ มยาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มยา สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. มมาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มม สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.
เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ เอวนฺติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคิปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ตถา เอวนฺติ ตสฺสา โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติภาวปฺปกาสนํ. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป ‘‘นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโต’’ติ.
ตถา เอวนฺติ นิทฺทิสิตพฺพปฺปกาสนํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา เอวํ สุตนฺติ.
ตถา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส ¶ นานาการนิทฺเทโส. เอวนฺติ หิ อยํ อาการปฺตฺติ, เมติ กตฺตุนิทฺเทโส, สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส. เอตฺตาวตา นานาการปฺปวตฺเตน จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน กตฺตุวิสเย คหณสนฺนิฏฺานํ กตํ โหติ.
อถ วา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน สุตนฺติ.
ตตฺถ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. กิฺเหตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ เอวนฺติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ? สุตนฺติ ¶ วิชฺชมานปฺตฺติ. ยฺหิ ตเมตฺถ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ.
ตถา เอวนฺติ จ เมติ จ ตํ ตํ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ. เอตฺถ จ เอวนฺติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหติ. สุตนฺติ วจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปติ. ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ ¶ , น โส กาลนฺตเรน มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน ปฺาสิทฺธิ, อสมฺโมเสน ปน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺา ปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา, สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฏิเวธสมตฺถตา, ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถโต ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.
อปโร นโย – เอวนฺติ วจเนน โยนิโส มนสิการํ ทีเปติ, อโยนิโส มนสิกโรโต หิ นานปฺปการปฏิเวธาภาวโต. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ, วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโส มนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ จ กตปฺุตํ สาเธติ, สมฺมา อปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา ตทภาวโต. อวิกฺเขเปน ¶ ปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ สาเธติ. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถีติ.
อปโร นโย – ยสฺมา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโสติ วุตฺตํ. โส จ เอวํ ภทฺทโก อากาโร น สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา โหติ, ตสฺมา เอวนฺติ อิมินา ภทฺทเกน อากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ อตฺตโน ทีเปติ, สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูปเทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส วา สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหติ. ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ปโยคสุทฺธิ. ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. อิติ ปโยคาสยสุทฺธสฺส ¶ อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคํ วิย สูริยสฺส อุทยโต โยนิโสมนสิกาโร วิย จ กุสลกมฺมสฺส อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต เอวํ เม สุตนฺติอาทิมาห.
อปโร นโย – เอวนฺติ อิมินา นานปฺปการปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา โสตพฺพเภทปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ¶ . เอวนฺติ จ อิทํ โยนิโสมนสิการทีปกํ วจนํ ภาสมาโน – ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกํ วจนํ ภาสมาโน – ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. ตทุภเยนปิ อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณฺหิ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา หิตา ปริพาหิโร โหตีติ อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺโม โสตพฺโพติ.
‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา ¶ ตสฺเสว ปน ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.
อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมวจนํ วิวรนฺโต ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ, น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กตฺตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทตีติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘วินาสยติ ¶ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;
เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.
เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –
สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ.
ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย ¶ อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติอาทีสุ สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ, ‘ภทฺทาลิ, นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย น ปริปูรการี’ติ, อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ ¶ . ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ.
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔) ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๓.๑) ปฏิเวโธ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. เตน สํวจฺฉร-อุตุ-มาสฑฺฒมาส-รตฺติ-ทิว-ปุพฺพณฺห-มชฺฌนฺหิก-สายนฺห- ปมมชฺฌิมปจฺฉิมยาม-มุหุตฺตาทีสุ กาลปฺปเภทภูเตสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.
ตตฺถ กิฺจาปิ เอเตสุ สํวจฺฉราทีสุ สมเยสุ ยํ ยํ สุตฺตํ ยมฺหิ ยมฺหิ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ มาเส ปกฺเข รตฺติภาเค ทิวสภาเค วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เถรสฺส ¶ สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตํ ปฺาย. ยสฺมา ปน ‘‘เอวํ เม สุตํ อสุกสํวจฺฉเร อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกปกฺเข อสุกรตฺติภาเค อสุกทิวสภาเค วา’’ติ เอวํ วุตฺเต น สกฺกา สุเขน ธาเรตุํ วา อุทฺทิสิตุํ วา อุทฺทิสาเปตุํ วา, พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย สุปฺปกาสา อเนกกาลปฺปเภทา เอว สมยา, เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ ¶ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ. โย จายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ อรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิตปฏิปตฺติสมโย, สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมิกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ ¶ เทสนาสมโย, เตสุปิ สมเยสุ อฺตรํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’’นฺติ จ อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ กรณวจเนน, ตถา อกตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ. ตตฺถ ตถา อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ จ อธิกรณตฺโถ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ จ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขียติ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจนนิทฺเทโส กโต.
วินเย จ เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต.
อิธ ¶ ปน อฺสฺมิฺจ เอวํชาติเก อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา อิมํ อฺํ วา สุตฺตนฺตํ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจนนิทฺเทโส กโตติ.
เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.
โปราณา ¶ ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ วา – ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา – ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ ¶ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมว อตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเตปิ ‘‘เอกสฺมึ สมเย’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภควาติ ครุ. ครฺุหิ โลเก ‘‘ภควา’’ติ วทนฺติ. อยฺจ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สพฺพสตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ‘‘ภควา’’ติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –
‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุคารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
อปิจ –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ. –
อิมิสฺสา คาถาย วเสนสฺส ปทสฺส วิตฺถารโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส จ วิสุทฺธิมคฺเค พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺโตเยว.
เอตฺตาวตา เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต ภควโต ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรติ. เตน – ‘‘นยิทํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ สตฺถุ อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสติ.
เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ สาเธติ. เตน ‘‘เอวํวิธสฺส ¶ นาม อริยธมฺมสฺส เทสโก ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตสมานกาโย, โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, เกน อฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ.
เอวนฺติ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ. เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ. เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ. ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ.
อุกฺกฏฺายํ วิหรตีติ เอตฺถ อุกฺกาติ ทีปิกา, ตฺจ นครํ ‘‘มงฺคลทิวโส สุขโณ สุนกฺขตฺตํ ¶ มา อติกฺกมี’’ติ รตฺติมฺปิ อุกฺกาสุ ิตาสุ มาปิตตฺตา อุกฺกฏฺาติ วุจฺจติ. ทณฺฑทีปิกาสุ ชาเลตฺวา ธารียมานาสุ มาปิตตฺตาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺสํ อุกฺกฏฺายํ. สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ ¶ อฺตรวิหารสมงฺคิปริทีปนเมตํ. อิธ ปน านคมนนิสินฺนสยนปฺปเภเทสุ ริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ. เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ ภควา เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา วิหรตีติ วุจฺจติ.
สุภควเนติ เอตฺถ สุภคตฺตา สุภคํ, สุนฺทรสิริกตฺตา สุนฺทรกามตฺตา จาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส หิ วนสฺส สิริสมฺปตฺติยา มนุสฺสา อนฺนปานาทีนิ อาทาย ทิวสํ ตตฺเถว ฉณสมชฺชอุสฺสเว กโรนฺตา โภคสุขํ อนุโภนฺติ, สุนฺทรสุนฺทเร เจตฺถ กาเม ปตฺเถนฺติ ‘‘ปุตฺตํ ลภาม, ธีตรํ ลภามา’’ติ, เตสํ ตํ ตเถว โหติ, เอวํ ตํ สุนฺทรสิริกตฺตา สุนฺทรกามตฺตา จ สุภคํ. อปิจ พหุชนกนฺตตายปิ สุภคํ. วนยตีติ วนํ, อตฺตสมฺปทาย สตฺตานํ ภตฺตึ กาเรติ, อตฺตนิ สิเนหํ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. วนุเต อิติ วา วนํ, นานาวิธกุสุม-คนฺธสมฺโมทมตฺตโกกิลาทิวิหงฺคมาภิรุเตหิ มนฺทมาลุตจลิตรุกฺขสาขาวิฏปปลฺลวปลาเสหิ จ ‘‘เอถ มํ ปริภฺุชถา’’ติ สพฺพปาณิโน ยาจติ วิยาติ อตฺโถ. สุภคฺจ ตํ วนฺจาติ สุภควนํ. ตสฺมึ สุภควเน. วนฺจ นาม โรปิมํ, สยํชาตนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ เวฬุวนเชตวนาทีนิ ¶ โรปิมานิ. อนฺธวนมหาวนอฺชนวนาทีนิ สยํ ชาตานิ. อิทมฺปิ สยํชาตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สาลราชมูเลติ เอตฺถ สาลรุกฺโขปิ สาโลติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหนฺตํ สาลวนํ, ตฺจสฺส เอฬณฺเฑหิ สฺฉนฺน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) ‘‘อนฺตเรน ยมกสาลาน’’นฺติ จ (ที. นิ. ๒.๑๙๕) วนปฺปติเชฏฺกรุกฺโขปิ. ยถาห –
‘‘ตเวว เทว วิชิเต, ตเววุยฺยานภูมิยา;
อุชุวํสา มหาสาลา, นีโลภาสา มโนรมา’’ติ. (ชา. ๒.๑๙.๔);
โย ¶ โกจิ รุกฺโขปิ. ยถาห ‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, มาลุวพีชํ อฺตรสฺมึ สาลมูเล นิปเตยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๙). อิธ ¶ ปน วนปฺปติเชฏฺกรุกฺโข อธิปฺเปโต. ราชสทฺโท ปนสฺส ตเมว เชฏฺกภาวํ สาเธติ. ยถาห ‘‘สุปฺปติฏฺิตสฺส โข พฺราหฺมณ ธมฺมิก นิคฺโรธราชสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๖.๕๔). ตตฺถ ทฺเวธา สมาโส, สาลานํ ราชาติปิ สาลราชา, สาโล จ โส เชฏฺกฏฺเน ราชา จ อิติปิ สาลราชา. มูลนฺติ สมีปํ. อยฺหิ มูลสทฺโท, ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺย, อนฺตมโส อุสิรนาฬิมตฺตานิปี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๙๕) มูลมูเล ทิสฺสติ. ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) อสาธารณเหตุมฺหิ. ‘‘ยาว มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติอาทีสุ สมีเป. อิธ ปน สมีเป อธิปฺเปโต, ตสฺมา สาลราชสฺส สมีเปติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ สิยา – ยทิ ตาว ภควา อุกฺกฏฺายํ วิหรติ, ‘‘สุภควเน สาลราชมูเล’’ติ น วตฺตพฺพํ, อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘‘อุกฺกฏฺาย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ สมยํ วิหริตุนฺติ. น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ.
นนุ อโวจุมฺห ‘‘สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคาย จรนฺติ, ยมุนาย จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ, เอวมิธาปิ ยทิทํ อุกฺกฏฺาย สมีเป สุภควนํ สาลราชมูลํ, ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘อุกฺกฏฺายํ วิหรติ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถฺหิสฺส ¶ อุกฺกฏฺาวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสฏฺานนิทสฺสนตฺถํ เสสวจนํ.
ตตฺถ อุกฺกฏฺากิตฺตเนน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต คหฏฺานุคฺคหกรณํ ทสฺเสติ, สุภควนาทิกิตฺตเนน ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ. ตถา ปุริเมน ปจฺจยคฺคหณโต อตฺตกิลมถานุโยควิวชฺชนํ, ปจฺฉิเมน วตฺถุกามปฺปหานโต กามสุขลฺลิกานุโยควิวชฺชนุปายทสฺสนํ. ปุริเมน จ ธมฺมเทสนาภิโยคํ, ปจฺฉิเมน วิเวกาธิมุตฺตึ. ปุริเมน กรุณาย อุปคมนํ, ปจฺฉิเมน ปฺาย อปคมนํ. ปุริเมน สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺตตํ, ปจฺฉิเมน ปรหิตสุขกรเณ นิรุปเลปนํ. ปุริเมน ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคนิมิตฺตํ ¶ ผาสุวิหารํ, ปจฺฉิเมน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานุโยคนิมิตฺตํ ¶ . ปุริเมน มนุสฺสานํ อุปการพหุลตํ, ปจฺฉิเมน เทวานํ. ปุริเมน โลเก ชาตสฺส โลเก สํวฑฺฒภาวํ, ปจฺฉิเมน โลเกน อนุปลิตฺตตํ. ปุริเมน ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ. กตโม เอกปุคฺคโล, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐) วจนโต ยทตฺถํ ภควา อุปฺปนฺโน, ตทตฺถปรินิปฺผาทนํ, ปจฺฉิเมน ยตฺถ อุปฺปนฺโน, ตทนุรูปวิหารํ. ภควา หิ ปมํ ลุมฺพินิวเน, ทุติยํ โพธิมณฺเฑติ โลกิยโลกุตฺตราย อุปฺปตฺติยา วเนเยว อุปฺปนฺโน, เตนสฺส วเนเยว วิหารํ ทสฺเสตีติ เอวมาทินา นเยเนตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
ตตฺราติ เทสกาลปริทีปนํ. ตฺหิ ยํ สมยํ วิหรติ, ตตฺร สมเย. ยสฺมิฺจ สาลราชมูเล วิหรติ, ตตฺร สาลราชมูเลติ ทีเปติ. ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปติ. น หิ ภควา อยุตฺเต เทเส กาเล วา ธมฺมํ ภาสติ. ‘‘อกาโล โข ตาว พาหิยา’’ติ (อุทา. ๑๐) อาทิเจตฺถ สาธกํ. โขติ ปทปูรณมตฺเต อวธารเณ อาทิกาลตฺเถ วา นิปาโต. ภควาติ โลกครุทีปนํ. ภิกฺขูติ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลวจนํ. อปิเจตฺถ, ‘‘ภิกฺขโกติ ภิกฺขุ, ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๕) นเยน วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ. อามนฺเตสีติ อาลปิ อภาสิ สมฺโพเธสีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. อฺตฺร ¶ ปน าปเนปิ โหติ. ยถาห ‘‘อามนฺตยามิ โว, ภิกฺขเว, ปฏิเวทยามิ โว, ภิกฺขเว’’ติ. ปกฺโกสเนปิ. ยถาห ‘‘เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุ มม วจเนน สาริปุตฺตํ อามนฺเตหี’’ติ (อ. นิ. ๙.๑๑).
ภิกฺขโวติ อามนฺตนาการทีปนํ. ตฺจ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺธตฺตา วุตฺตํ. ภิกฺขนสีลตาคุณยุตฺโตปิ หิ ภิกฺขุ ภิกฺขนธมฺมตาคุณยุตฺโตปิ. ภิกฺขเน สาธุการิตาคุณยุตฺโตปีติ สทฺทวิทู มฺนฺติ. เตน จ เนสํ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺเธน วจเนน หีนาธิกชนเสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ ¶ กโรติ. ภิกฺขโวติ อิมินา จ กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน มุขาภิมุเข กโรติ. เตเนว จ กเถตุกมฺยตาทีปเกน วจเนน เนสํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ. เตเนว จ สมฺโพธนฏฺเน ¶ สาธุกํ สวนมนสิกาเรปิ เน นิโยเชติ. สาธุกสวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ.
อปเรสุปิ เทวมนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขูเยว อามนฺเตสีติ เจ. เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา. ปริสาย จ เชฏฺา ภิกฺขู, ปมุปฺปนฺนตฺตา. เสฏฺา, อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุจริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ. อาสนฺนา, ตตฺถ นิสินฺเนสุ สตฺถุสนฺติกตฺตา. สทาสนฺนิหิตา, สตฺถุสนฺติกาวจรตฺตาติ. อปิจ เต ธมฺมเทสนาย ภาชนํ, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโต. วิเสสโต จ เอกจฺเจ ภิกฺขูเยว สนฺธาย อยํ เทสนาติปิ เต เอว อามนฺเตสิ.
ตตฺถ สิยา – กิมตฺถํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต ปมํ ภิกฺขู อามนฺเตสิ, น ธมฺมเมว เทเสตีติ. สติชนนตฺถํ. ภิกฺขู หิ อฺํ จินฺเตนฺตาปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตาปิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาปิ กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาปิ นิสินฺนา โหนฺติ, เต อนามนฺเตตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน – ‘‘อยํ เทสนา กินฺนิทานา กึปจฺจยา กตมาย อฏฺุปฺปตฺติยา เทสิตา’’ติ สลฺลกฺเขตุํ อสกฺโกนฺตา ทุคฺคหิตํ วา คณฺเหยฺยุํ, น วา คณฺเหยฺยุํ. เตน เนสํ สติชนนตฺถํ ภควา ปมํ อามนฺเตตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ เทเสติ.
ภทนฺเตติ ¶ คารววจนเมตํ, สตฺถุโน ปฏิวจนทานํ วา, อปิเจตฺถ ภิกฺขโวติ วทมาโน ภควา เต ภิกฺขู อาลปติ. ภทนฺเตติ วทมานา เต ภควนฺตํ ปจฺจาลปนฺติ. ตถา ภิกฺขโวติ ภควา อาภาสติ. ภทนฺเตติ เต ปจฺจาภาสนฺติ. ภิกฺขโวติ ปฏิวจนํ ทาเปติ, ภทนฺเตติ ปฏิวจนํ เทนฺติ. เต ภิกฺขูติ เย ภควา อามนฺเตสิ. ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ ภควโต อามนฺตนํ ปฏิอสฺโสสุํ, อภิมุขา หุตฺวา สุณึสุ สมฺปฏิจฺฉึสุ ปฏิคฺคเหสุนฺติ ¶ อตฺโถ. ภควา เอตทโวจาติ ภควา เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ อโวจ.
เอตฺตาวตา จ ยํ อายสฺมตา อานนฺเทน กมลกุวลยุชฺชลวิมลสาทุรสสลิลาย โปกฺขรณิยา สุขาวตรณตฺถํ นิมฺมลสิลาตลรจนวิลาสโสภิตรตนโสปานํ วิปฺปกิณฺณมุตฺตาตลสทิสวาลิกากิณฺณปณฺฑรภูมิภาคํ ¶ ติตฺถํ วิย สุวิภตฺตภิตฺติวิจิตฺรเวทิกาปริกฺขิตฺตสฺส นกฺขตฺตปถํ ผุสิตุกามตาย วิย, วิชมฺภิตสมุสฺสยสฺส ปาสาทวรสฺส สุขาโรหณตฺถํ ทนฺตมย-สณฺหมุทุผลก-กฺจนลตาวินทฺธ- มณิคณปฺปภาสมุทยุชฺชลโสภํ โสปานํ วิย, สุวณฺณวลยานูปุราทิสงฺฆฏฺฏนสทฺทสมฺมิสฺสิตกถิตหสิตมธุรสฺสรเคหชนวิจริตสฺส อุฬารอิสฺสริยวิภวโสภิตสฺส มหาฆรสฺส สุขปฺปเวสนตฺถํ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาปวาฬาทิชุติวิสฺสรวิชฺโชติต-สุปฺปติฏฺิตวิสาลทฺวารพาหํ มหาทฺวารํ วิย จ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส พุทฺธานํ เทสนาาณคมฺภีรภาวสํสูจกสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส สุขาวคาหณตฺถํ กาลเทสเทสกวตฺถุปริสาปเทสปฏิมณฺฑิตํ นิทานํ ภาสิตํ, ตสฺส อตฺถวณฺณนา สมตฺตา.
สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา
อิทานิ ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว’’ติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส วณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต. สา ปเนสา สุตฺตวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ ตาว วิจารยิสฺสาม. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย ปุจฺฉาวสิโก อฏฺุปฺปตฺติโกติ.
ตตฺถ ¶ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถสิ. เสยฺยถิทํ, อากงฺเขยฺยสุตฺตํ, วตฺถสุตฺตํ, มหาสติปฏฺานสุตฺตํ, มหาสฬายตนวิภงฺคสุตฺตํ, อริยวํสสุตฺตํ, สมฺมปฺปธานสุตฺตนฺตหารโก, อิทฺธิปาทอินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคสุตฺตนฺตหารโกติ เอวมาทีนิ. เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตริ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ มนํ อภินีหารํ ¶ พุชฺฌนภาวฺจ อเวกฺขิตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ. เสยฺยถิทํ, จูฬราหุโลวาทสุตฺตํ, มหาราหุโลวาทสุตฺตํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ, ธาตุวิภงฺคสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ. เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป.
ภควนฺตํ ¶ ปน อุปสงฺกมิตฺวา จตสฺโส ปริสา จตฺตาโร วณฺณา นาคา สุปณฺณา คนฺธพฺพา อสุรา ยกฺขา มหาราชาโน ตาวตึสาทโย เทวา มหาพฺรหฺมาติ เอวมาทโย ‘‘โพชฺฌงฺคา โพชฺฌงฺคา’’ติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ. ‘‘นีวรณา นีวรณา’’ติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ. อิเม นุ โข, ภนฺเต, ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ‘‘กึ สูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๑๘๓) นเยน ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุฏฺเน ภควตา ยานิ กถิตานิ โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ. ยานิ วา ปนฺานิปิ เทวตาสํยุตฺต-มารสํยุตฺต-พฺรหฺมสํยุตฺต-สกฺกปฺห-จูฬเวทลฺล-มหาเวทลฺล-สามฺผล- อาฬวก-สูจิโลม-ขรโลมสุตฺตาทีนิ, เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป.
ยานิ ปเนตานิ อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ กถิตานิ. เสยฺยถิทํ, ธมฺมทายาทํ จูฬสีหนาทํ จนฺทูปมํ ปุตฺตมํสูปมํ ทารุกฺขนฺธูปมํ อคฺคิกฺขนฺธูปมํ เผณปิณฺฑูปมํ ปาริจฺฉตฺตกูปมนฺติ เอวมาทีนิ. เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป.
เอวมิเมสุ จตูสุ นิกฺเขเปสุ อิมสฺส สุตฺตสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. อฏฺุปฺปตฺติยฺหิ อิทํ ภควตา นิกฺขิตฺตํ. กตราย อฏฺุปฺปตฺติยา? ปริยตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปนฺเน มาเน. ปฺจสตา กิร พฺราหฺมณา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อปรภาเค ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ สมฺปสฺสมานา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สพฺพํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริยตฺตึ นิสฺสาย มานํ อุปฺปาเทสุํ ‘‘ยํ ยํ ภควา กเถติ, ตํ ตํ มยํ ขิปฺปเมว ชานาม, ภควา หิ ตีณิ ลิงฺคานิ ¶ จตฺตาริ ปทานิ สตฺต วิภตฺติโย มฺุจิตฺวา ¶ น กิฺจิ กเถติ, เอวํ กถิเต จ อมฺหากํ คณฺิปทํ นาม นตฺถี’’ติ. เต ภควติ อคารวา หุตฺวา ตโต ปฏฺาย ภควโต อุปฏฺานมฺปิ ธมฺมสฺสวนมฺปิ อภิณฺหํ น คจฺฉนฺติ. ภควา เตสํ ตํ จิตฺตจารํ ตฺวา ‘‘อภพฺพา อิเม อิมํ มานขิลํ อนุปหจฺจ มคฺคํ วา ผลํ วา สจฺฉิกาตุ’’นฺติ เตสํ สุตปริยตฺตึ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ มานํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เทสนากุสโล ภควา มานภฺชนตฺถํ สพฺพธมฺมมูลปริยายนฺติ เทสนํ อารภิ.
ตตฺถ สพฺพธมฺมมูลปริยายนฺติ สพฺเพสํ ธมฺมานํ มูลปริยายํ. สพฺเพสนฺติ อนวเสสานํ. อนวเสสวาจโก หิ อยํ สพฺพ-สทฺโท. โส เยน เยน สมฺพนฺธํ คจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส อนวเสสตํ ทีเปติ. ยถา, ‘‘สพฺพํ รูปํ อนิจฺจํ สพฺพา เวทนา อนิจฺจา สพฺพสกฺกายปริยาปนฺเนสุ ¶ ธมฺเมสู’’ติ. ธมฺม-สทฺโท ปนายํ ปริยตฺติ-สจฺจ-สมาธิ-ปฺา-ปกติ-สภาวสฺุตา-ปฺุาปตฺติ-เยฺยาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๗๓) หิ ธมฺมสทฺโท ปริยตฺติยํ วตฺตติ. ‘‘ทิฏฺธมฺโม วิทิตธมฺโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๙๙) สจฺเจสุ. ‘‘เอวํ ธมฺมา เต ภควนฺโต’’ติอาทีสุ สมาธิมฺหิ.
‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท ยถา ตว;
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตตี’’ติ. –
อาทีสุ (ชา. ๑.๑.๕๗) ปฺาย.
‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน’’ติอาทีสุ ปกติยํ. ‘‘กุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑.ติกมาติกา) สภาเว. ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๑) สฺุตายํ. ‘‘ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) ปฺุเ. ‘‘ทฺเว อนิยตา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๔๔๓) อาปตฺติยํ. ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ เยฺเย. อิธ ปนายํ สภาเว วตฺตติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อตฺตโน ลกฺขณํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมา. มูล-สทฺโท วิตฺถาริโต เอว. อิธ ปนายํ อสาธารณเหตุมฺหิ ทฏฺพฺโพ.
ปริยายสทฺโท ¶ ¶ ‘‘มธุปิณฺฑิกปริยาโยติ นํ ธาเรหี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) เทสนายํ วตฺตติ. ‘‘อตฺถิ ขฺเวส พฺราหฺมณ, ปริยาโย, เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย อกิริยวาโท สมโณ โคตโม’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓) การเณ. ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, อชฺช ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘) วาเร. อิธ ปน การเณปิ เทสนายมฺปิ วตฺตติ. ตสฺมา ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยาย’’นฺติ เอตฺถ สพฺเพสํ ธมฺมานํ อสาธารณเหตุสฺิตํ การณนฺติ วา สพฺเพสํ ธมฺมานํ การณเทสนนฺติ วา เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เนยฺยตฺถตฺตา จสฺส สุตฺตสฺส, น จตุภูมกาปิ สภาวธมฺมา สพฺพธมฺมาติ เวทิตพฺพา. สกฺกายปริยาปนฺนา ปน เตภูมกา ธมฺมาว อนวเสสโต เวทิตพฺพา, อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ.
โวติ ¶ อยํ โว-สทฺโท ปจฺจตฺตอุปโยคกรณสมฺปทานสามิวจนปทปูรเณสุ ทิสฺสติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๖) หิ ปจฺจตฺเต ทิสฺสติ. ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ปณาเมมิ โว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) อุปโยเค. ‘‘น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) กรเณ. ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๐) สมฺปทาเน. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) สามิวจเน. ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕) ปทปูรณมตฺเต. อิธ ปนายํ สมฺปทาเน ทฏฺพฺโพ.
ภิกฺขเวติ ปติสฺสเวน อภิมุขีภูตานํ ปุนาลปนํ. เทเสสฺสามีติ เทสนาปฏิชานนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ, ภิกฺขเว, สพฺพธมฺมานํ มูลการณํ ตุมฺหากํ เทเสสฺสามิ, ทุติเยน นเยน การณเทสนํ ตุมฺหากํ เทเสสฺสามีติ. ตํ สุณาถาติ ตมตฺถํ ตํ การณํ ตํ เทสนํ มยา วุจฺจมานํ สุณาถ. สาธุกํ มนสิ กโรถาติ เอตฺถ ปน สาธุกํ สาธูติ เอกตฺถเมตํ. อยฺจ สาธุ สทฺโท อายาจนสมฺปฏิจฺฉนสมฺปหํสนสุนฺทรทฬฺหีกมฺมาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ เม ภนฺเต ภควา, สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๙๕) หิ อายาจเน ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ¶ ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ ¶ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน. ‘‘สาธุ, สาธุ สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเน.
‘‘สาธุ ธมฺมรุจี ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติ.
อาทีสุ (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) สุนฺทเร. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, สาธุกํ สุณาหี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๑๙๒) สาธุกสทฺโทเยว ทฬฺหีกมฺเม, อาณตฺติยนฺติปิ วุจฺจติ. อิธาปิ อยํ เอตฺเถว ทฬฺหีกมฺเม จ อาณตฺติยฺจ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สุนฺทรตฺเถปิ วตฺตติ. ทฬฺหีกรณตฺเถน หิ ทฬฺหมิมํ ธมฺมํ สุณาถ สุคฺคหิตํ คณฺหนฺตา. อาณตฺติอตฺเถน มม อาณตฺติยา สุณาถ. สุนฺทรตฺเถน สุนฺทรมิมํ ภทฺทกํ ธมฺมํ สุณาถาติ เอวํ ทีปิตํ โหติ.
มนสิ ¶ กโรถาติ อาวชฺเชถ, สมนฺนาหรถาติ อตฺโถ, อวิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา นิสาเมถ จิตฺเต กโรถาติ อธิปฺปาโย. อิทาเนตฺถ ตํ สุณาถาติ โสตินฺทฺริยวิกฺเขปวารณเมตํ. สาธุกํ มนสิ กโรถาติ มนสิกาเร ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน มนินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ. ปุริมฺเจตฺถ พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ, ปจฺฉิมํ อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ. ปุริเมน จ ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน สุตานํ ธมฺมานํ ธารณูปปริกฺขาทีสุ. ปุริเมน จ สพฺยฺชโน อยํ ธมฺโม, ตสฺมา สวนีโยติ ทีเปติ. ปจฺฉิเมน สาตฺโถ, ตสฺมา มนสิ กาตพฺโพติ. สาธุกปทํ วา อุภยปเทหิ โยเชตฺวา ยสฺมา อยํ ธมฺโม ธมฺมคมฺภีโร เทสนาคมฺภีโร จ, ตสฺมา สุณาถ สาธุกํ, ยสฺมา อตฺถคมฺภีโร ปฏิเวธคมฺภีโร จ, ตสฺมา สาธุกํ มนสิ กโรถาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
ภาสิสฺสามีติ เทเสสฺสามิ. ‘‘ตํ สุณาถา’’ติ เอตฺถ ปฏิฺาตํ เทสนํ น สํขิตฺตโตว เทเสสฺสามิ, อปิจ โข วิตฺถารโตปิ นํ ภาสิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ, สงฺเขปวิตฺถารวาจกานิ หิ เอตานิ ปทานิ. ยถาห วงฺคีสตฺเถโร –
‘‘สํขิตฺเตนปิ ¶ เทเสติ, วิตฺถาเรนปิ ภาสติ;
สาฬิกายิว นิคฺโฆโส, ปฏิภานํ อุทีรยี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๔);
เอวํ ¶ วุตฺเต อุสฺสาหชาตา หุตฺวา เอวํ ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉึสุ, ปฏิคฺคเหสุนฺติ วุตฺตํ โหติ. อถ เนสํ ภควา เอตทโวจ เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ อิธ ภิกฺขโวติอาทิกํ สกลํ สุตฺตํ อโวจ. ตตฺถ อิธาติ เทสาปเทเส นิปาโต. สฺวายํ กตฺถจิ โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๐). กตฺถจิ สาสนํ. ยถาห – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๑). กตฺถจิ โอกาสํ. ยถาห –
‘‘อิเธว ติฏฺมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต;
ปุนรายุ จ เม ลทฺโธ, เอวํ ชานาหิ มาริสา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๖๙);
กตฺถจิ ¶ ปทปูรณมตฺตเมว. ยถาห ‘‘อิธาหํ – ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐). อิธ ปน โลกํ อุปาทาย วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
๒. ภิกฺขเวติ ยถาปฏิฺาตํ เทสนํ เทเสตุํ ปุน ภิกฺขู อาลปติ. อุภเยนาปิ, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ โลเกติ วุตฺตํ โหติ. อสฺสุตวา ปุถุชฺชโนติ เอตฺถ ปน อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิติ. ยสฺส หิ ขนฺธธาตุอายตนสจฺจปจฺจยาการสติปฏฺานาทีสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวินิจฺฉยรหิตตฺตา มฺนาปฏิเสธโก เนว อาคโม, ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพสฺส อนธิคตตฺตา เนว อธิคโม อตฺถิ. โส อาคมาธิคมาภาวา เยฺโย อสฺสุตวา อิติ. สฺวายํ –
ปุถูนํ ชนนาทีหิ, การเณหิ ปุถุชฺชโน;
ปุถุชฺชนนฺโตคธตฺตา, ปุถุวายํ ชโน อิติ.
โส หิ ปุถูนํ นานปฺปการานํ กิเลสาทีนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชโน. ยถาห – ปุถุ กิเลเส ชเนนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ อวิหตสกฺกายทิฏฺิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สตฺถารานํ มุขมุลฺโลกิกาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ สพฺพคตีหิ อวุฏฺิตาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาภิสงฺขาเร อภิสงฺขโรนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาโอเฆหิ วุยฺหนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาสนฺตาเปหิ สนฺตปฺปนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ นานาปริฬาเหหิ ปริทยฺหนฺตีติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ปฺจสุ กามคุเณสุ รตฺตา คิทฺธา คธิตา ¶ มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา ลคฺคา ลคิตา ปลิพุทฺธาติ ปุถุชฺชนา, ปุถุ ปฺจหิ นีวรเณหิ อาวุฏา นิวุตา ¶ โอวุตา ปิหิตา ปฏิจฺฉนฺนา ปฏิกุชฺชิตาติ ปุถุชฺชนาติ (มหานิ. ๕๑). ปุถูนํ วา คณนปถมตีตานํ อริยธมฺมปรมฺมุขานํ นีจธมฺมสมาจารานํ ชนานํ อนฺโตคธตฺตาปิ ปุถุชฺชนา. ปุถุ วา อยํ, วิสุํเยว สงฺขํ คโต, วิสํสฏฺโ สีลสุตาทิคุณยุตฺเตหิ อริเยหิ ชโนติปิ ปุถุชฺชโน. เอวเมเตหิ ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ ทฺวีหิปิ ปเทหิ เยเต –
ทุเว ปุถุชฺชนา วุตฺตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;
อนฺโธ ปุถุชฺชโน เอโก, กลฺยาเณโก ปุถุชฺชโนติ. –
ทฺเว ¶ ปุถุชฺชนา วุตฺตา. เตสุ อนฺธปุถุชฺชโน วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. อริยานํ อทสฺสาวีติอาทีสุ อริยาติ อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย นอิริยนโต, อเย อิริยนโต, สเทวเกน จ โลเกน อรณียโต พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ วุจฺจนฺติ, พุทฺธา เอว วา อิธ อริยา. ยถาห ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… ตถาคโต อริโยติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๘). สปฺปุริสาติ เอตฺถ ปน ปจฺเจกพุทฺธา ตถาคตสาวกา จ ‘‘สปฺปุริสา’’ติ เวทิตพฺพา. เต หิ โลกุตฺตรคุณโยเคน โสภนา ปุริสาติ สปฺปุริสา. สพฺเพว วา เอเต ทฺเวธาปิ วุตฺตา. พุทฺธาปิ หิ อริยา จ สปฺปุริสา จ, ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺธสาวกาปิ. ยถาห –
‘‘โย เว กตฺู กตเวทิ ธีโร,
กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหติ;
ทุขิตสฺส สกฺกจฺจ กโรติ กิจฺจํ,
ตถาวิธํ สปฺปุริสํ วทนฺตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๗๘);
กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหตีติ เอตฺตาวตา หิ พุทฺธสาวโก วุตฺโต, กตฺุตาทีหิ ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺธาติ. อิทานิ โย เตสํ อริยานํ อทสฺสนสีโล, น จ ทสฺสเน สาธุการี, โส อริยานํ อทสฺสาวีติ เวทิตพฺโพ. โส จ จกฺขุนา อทสฺสาวี าเณน อทสฺสาวีติ ทุวิโธ, เตสุ าเณน อทสฺสาวี อิธ อธิปฺเปโต. มํสจกฺขุนา หิ ทิพฺพจกฺขุนา วา อริยา ¶ ทิฏฺาปิ อทิฏฺาว โหนฺติ. เตสํ จกฺขูนํ วณฺณมตฺตคฺคหณโต, น อริยภาวโคจรโต. โสณสิงฺคาลาทโยปิ จ จกฺขุนา อริเย ปสฺสนฺติ. น จ เต อริยานํ ทสฺสาวิโน.
ตตฺริทํ ¶ วตฺถุ – จิตฺตลปพฺพตวาสิโน กิร ขีณาสวตฺเถรสฺส อุปฏฺาโก วุฑฺฒปพฺพชิโต เอกทิวสํ เถเรน สทฺธึ ปิณฺฑาย จริตฺวา เถรสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ปิฏฺิโต อาคจฺฉนฺโต เถรํ ปุจฺฉิ ‘‘อริยา นาม, ภนฺเต, กีทิสา’’ติ. เถโร อาห ‘‘อิเธกจฺโจ มหลฺลโก อริยานํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วตฺตปฏิปตฺตึ กตฺวา สหจรนฺโตปิ เนว อริเย ชานาติ, เอวํ ทุชฺชานา, อาวุโส, อริยา’’ติ. เอวํ วุตฺเตปิ โส เนว อฺาสิ. ตสฺมา น จกฺขุนา ทสฺสนํ ทสฺสนํ, าเณน ทสฺสนเมว ทสฺสนํ. ยถาห ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน, โย โข, วกฺกลิ ¶ , ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗). ตสฺมา จกฺขุนา ปสฺสนฺโตปิ าเณน อริเยหิ ทิฏฺํ อนิจฺจาทิลกฺขณํ อปสฺสนฺโต อริยาธิคตฺจ ธมฺมํ อนธิคจฺฉนฺโต อริยกรธมฺมานํ อริยภาวสฺส จ อทิฏฺตฺตา ‘‘อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เวทิตพฺโพ.
อริยธมฺมสฺส อโกวิโทติ สติปฏฺานาทิเภเท อริยธมฺเม อกุสโล. อริยธมฺเม อวินีโตติ เอตฺถ ปน –
ทุวิโธ วินโย นาม, เอกเมเกตฺถ ปฺจธา;
อภาวโต ตสฺส อยํ, ‘‘อวินีโต’’ติ วุจฺจติ.
อยฺหิ สํวรวินโย ปหานวินโยติ ทุวิโธ วินโย. เอตฺถ จ ทุวิเธปิ วินเย เอกเมโก วินโย ปฺจธา ภิชฺชติ. สํวรวินโยปิ หิ สีลสํวโร สติสํวโร าณสํวโร ขนฺติสํวโร วีริยสํวโรติ ปฺจวิโธ. ปหานวินโยปิ ตทงฺคปหานํ วิกฺขมฺภนปหานํ สมุจฺเฉทปหานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปหานํ นิสฺสรณปหานนฺติ ปฺจวิโธ.
ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อยํ สีลสํวโร. ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) อยํ สติสํวโร.
‘‘ยานิ ¶ โสตานิ โลกสฺมึ, (อชิตาติ ภควา)
สติ เตสํ นิวารณํ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ,
ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๑);
อยํ ¶ าณสํวโร. ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) อยํ ขนฺติสํวโร. ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) อยํ ¶ วีริยสํวโร. สพฺโพปิ จายํ สํวโร ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานฺจ กายทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต ‘‘สํวโร’’, วินยนโต ‘‘วินโย’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ตาว สํวรวินโย ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
ตถา ยํ นามรูปปริจฺเฉทาทีสุ วิปสฺสนาาเณสุ ปฏิปกฺขภาวโต ทีปาโลเกเนว ตมสฺส, เตน เตน วิปสฺสนาาเณน ตสฺส ตสฺส อนตฺถสฺส ปหานํ. เสยฺยถิทํ, นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฏฺิยา, ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฏฺีนํ, ตสฺเสว อปรภาเคน กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวสฺส, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ คาหสฺส, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย, อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา, ภยทสฺสเนน สภเย อภยสฺาย, อาทีนวทสฺสเนน อสฺสาทสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสนาย อภิรติสฺาย, มุจฺจิตุกมฺยตาาเณน อมุจฺจิตุกมฺยตาย, อุเปกฺขาาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลเมน ธมฺมฏฺิติยํ นิพฺพาเน จ ปฏิโลมภาวสฺส, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตคฺคาหสฺส ปหานํ, เอตํ ตทงฺคปหานํนาม.
ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺติภาวนิวารณโต ฆฏปฺปหาเรเนว อุทกปิฏฺเ เสวาลสฺส เตสํ เตสํ นีวรณาทิธมฺมานํ ปหานํ, เอตํ วิกฺขมฺภนปหานํ นาม.
ยํ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อตฺตโน อตฺตโน สนฺตาเน ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗) นเยน วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิกสฺส กิเลสคณสฺส อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน ปหานํ, อิทํ สมุจฺเฉทปหานํ นาม. ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ, เอตํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปหานํ ¶ นาม. ยํ สพฺพสงฺขตนิสฺสฏตฺตา ปหีนสพฺพสงฺขตํ นิพฺพานํ เอตํ นิสฺสรณปหานํ นาม. สพฺพมฺปิ เจตํ ปหานํ ยสฺมา จาคฏฺเน ปหานํ, วินยนฏฺเน วินโย, ตสฺมา ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ. ตํตํปหานวโต วา ตสฺส ตสฺส วินยสฺส สมฺภวโตเปตํ ¶ ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ปหานวินโยปิ ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
เอวมยํ สงฺเขปโต ทุวิโธ, เภทโต จ ทสวิโธ วินโย ภินฺนสํวรตฺตา ปหาตพฺพสฺส จ อปฺปหีนตฺตา ¶ ยสฺมา เอตสฺส อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส นตฺถิ, ตสฺมา อภาวโต ตสฺส อยํ อวินีโตติ วุจฺจตีติ. เอส นโย สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโตติ เอตฺถปิ. นินฺนานากรณฺหิ เอตํ อตฺถโต. ยถาห ‘‘เยว เต อริยา, เตว เต สปฺปุริสา. เยว เต สปฺปุริสา, เตว เต อริยา. โย เอว โส อริยานํ ธมฺโม, โส เอว โส สปฺปุริสานํ ธมฺโม. โย เอว โส สปฺปุริสานํ ธมฺโม, โส เอว โส อริยานํ ธมฺโม. เยว เต อริยวินยา, เตว เต สปฺปุริสวินยา. เยว เต สปฺปุริสวินยา, เตว เต อริยวินยา. อริเยติ วา สปฺปุริเสติ วา, อริยธมฺเมติ วา สปฺปุริสธมฺเมติ วา, อริยวินเยติ วา สปฺปุริสวินเยติ วา เอเสเส เอเก เอกตฺเถ สเม สมภาเค ตชฺชาเต ตฺเวา’’ติ.
‘‘กสฺมา ปน ภควา สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติ วตฺวา ตํ อเทเสตฺวาว ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสีติ? ปุคฺคลาธิฏฺานาย ธมฺมเทสนาย ตมตฺถํ อาวิกาตุํ. ภควโต หิ ธมฺมาธิฏฺานา ธมฺมเทสนา, ธมฺมาธิฏฺานา ปุคฺคลเทสนา, ปุคฺคลาธิฏฺานา ปุคฺคลเทสนา, ปุคฺคลาธิฏฺานา ธมฺมเทสนาติ ธมฺมปุคฺคลวเสเนว ตาว จตุพฺพิธา เทสนา.
ตตฺถ, ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, เวทนา. กตมา ติสฺโส? สุขา เวทนา ทุกฺขา เวทนา อทุกฺขมสุขา เวทนา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ติสฺโส เวทนา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๐) เอวรูปี ธมฺมาธิฏฺานา ธมฺมเทสนา เวทิตพฺพา. ‘‘ฉ ธาตุโย อยํ ปุติโส ฉ ผสฺสายตโน อฏฺารส มโนปวิจาโร จตุราธิฏฺาโน’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๔๓) เอวรูปี ธมฺมาธิฏฺานา ปุคฺคลเทสนา. ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา ¶ โลกสฺมึ. กตเม ตโย? อนฺโธ เอกจกฺขุ ทฺวิจกฺขุ. กตโม จ, ภิกฺขเว, ปุคฺคโล อนฺโธ’’ติ? (อ. นิ. ๓.๒๙) เอวรูปี ปุคฺคลาธิฏฺานา ปุคฺคลเทสนา. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุคฺคติภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺโจ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ, กายทุจฺจริตสฺส โข ปาปโก วิปาโก อภิสมฺปรายํ…เป… สุทฺธมตฺตานํ ปริหรติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุคฺคติภย’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๑๒๑) เอวรูปี ¶ ปุคฺคลาธิฏฺานา ธมฺมเทสนา.
สฺวายํ ¶ อิธ ยสฺมา ปุถุชฺชโน อปริฺาตวตฺถุโก, อปริฺามูลิกา จ อิธาธิปฺเปตานํ สพฺพธมฺมานํ มูลภูตา มฺนา โหติ, ตสฺมา ปุถุชฺชนํ ทสฺเสตฺวา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ตมตฺถํ อาวิกาตุํ, ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี’’ติ เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสีติ เวทิตพฺโพ.
สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปถวีวารวณฺณนา
เอวํ ปุถุชฺชนํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตสฺส ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ สพฺพสกฺกายธมฺมชนิตํ มฺนํ ทสฺเสนฺโต, ปถวึ ปถวิโตติอาทิมาห. ตตฺถ ลกฺขณปถวี สสมฺภารปถวี อารมฺมณปถวี สมฺมุติปถวีติ จตุพฺพิธา ปถวี. ตาสุ ‘‘กตมา จ, อาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ ขริคต’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๑๗๓) วุตฺตา ลกฺขณปถวี. ‘‘ปถวึ ขเณยฺย วา ขณาเปยฺย วา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๕) วุตฺตา สสมฺภารปถวี. เย จ เกสาทโย วีสติ โกฏฺาสา, อโยโลหาทโย จ พาหิรา. สา หิ วณฺณาทีหิ สมฺภาเรหิ สทฺธึ ปถวีติ สสมฺภารปถวี. ‘‘ปถวีกสิณเมโก สฺชานาตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๖๐) อาคตา ปน อารมฺมณปถวี, นิมิตฺตปถวีติปิ วุจฺจติ. ปถวีกสิณชฺฌานลาภี เทวโลเก นิพฺพตฺโต อาคมนวเสน ปถวีเทวตาติ นามํ ลภติ. อยํ สมฺมุติปถวีติ เวทิตพฺพา. สา สพฺพาปิ อิธ ลพฺภติ. ตาสุ ยํกฺจิ ปถวึ อยํ ปุถุชฺชโน ปถวิโต สฺชานาติ, ปถวีติ สฺชานาติ, ปถวีภาเคน สฺชานาติ, โลกโวหารํ คเหตฺวา สฺาวิปลฺลาเสน สฺชานาติ ปถวีติ. เอวํ ปถวีภาคํ อมฺุจนฺโตเยว วา เอตํ ‘‘สตฺโตติ วา สตฺตสฺสา’’ติ วา อาทินา นเยน สฺชานาติ. กสฺมา เอวํ สฺชานาตีติ น ¶ วตฺตพฺพํ. อุมฺมตฺตโก วิย หิ ปุถุชฺชโน. โส ยํกิฺจิ เยน เกนจิ อากาเรน คณฺหาติ. อริยานํ อทสฺสาวิตาทิเภทเมว วา เอตฺถ การณํ. ยํ วา ปรโต ‘‘อปริฺาตํ ตสฺสา’’ติ วทนฺเตน ภควตาว วุตฺตํ.
ปถวึ ปถวิโต สฺตฺวาติ โส ตํ ปถวึ เอวํ วิปรีตสฺาย สฺชานิตฺวา, ‘‘สฺานิทานา ¶ หิ ปปฺจสงฺขา’’ติ (สุ. นิ. ๘๘๐) วจนโต อปรภาเค ถามปตฺเตหิ ตณฺหามานทิฏฺิปปฺเจหิ อิธ มฺนานาเมน วุตฺเตหิ มฺติ กปฺเปติ วิกปฺเปติ, นานปฺปการโต อฺถา คณฺหาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ. เอวํ ¶ มฺโต จสฺส ตา มฺนา โอฬาริกนเยน ทสฺเสตุํ ‘‘ยา อยํ เกสา โลมา’’ติอาทินา นเยน วีสติเภทา อชฺฌตฺติกา ปถวี วุตฺตา. ยา จายํ วิภงฺเค ‘‘ตตฺถ กตมา พาหิรา ปถวีธาตุ? ยํ พาหิรํ กกฺขฬํ ขริคตํ กกฺขฬตฺตํ กกฺขฬภาโว พหิทฺธา อนุปาทินฺนํ. เสยฺยถิทํ, อโย โลหํ ติปุ สีสํ สชฺฌํ มุตฺตา มณิ เวฬุริยํ สงฺโข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตงฺโก มสารคลฺลํ ติณํ กฏฺํ สกฺขรา กลํ ภูมิ ปาสาโณ ปพฺพโต’’ติ (วิภ. ๑๗๓) เอวํ พาหิรา ปถวี วุตฺตา. ยา จ อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติเก นิมิตฺตปถวี, ตํ คเหตฺวา อยมตฺถโยชนา วุจฺจติ.
ปถวึ มฺตีติ ตีหิ มฺนาหิ อหํ ปถวีติ มฺติ, มม ปถวีติ มฺติ, ปโร ปถวีติ มฺติ, ปรสฺส ปถวีติ มฺติ, อถ วา อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ, มานมฺนาย มฺติ, ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. กถํ? อยฺหิ เกสาทีสุ ฉนฺทราคํ ชเนติ เกเส อสฺสาเทติ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ. โลเม, นเข, ทนฺเต, ตจํ, อฺตรํ วา ปน รชฺชนียวตฺถุํ. เอวํ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ. อิติ เม เกสา สิยุํ อนาคตมทฺธานํ. อิติ โลมาติอาทินา วา ปน นเยน ตตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนติ. ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา…เป… พฺรหฺมจริเยน วา เอวํ สินิทฺธมุทุสุขุมนีลเกโส ภวิสฺสามี’’ติอาทินา วา ปน นเยน อปฺปฏิลทฺธานํ ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหติ. เอวมฺปิ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ.
ตถา อตฺตโน เกสาทีนํ สมฺปตฺตึ วา วิปตฺตึ วา นิสฺสาย มานํ ชเนติ, ‘‘เสยฺโยหมสฺมีติ วา สทิโสหมสฺมีติ วา หีโนหมสฺมีติ วา’’ติ. เอวํ อชฺฌตฺติกํ ¶ ปถวึ มานมฺนาย มฺติ. ‘‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๘๗) อาคตนเยน ปน เกสํ ‘‘ชีโว’’ติ อภินิวิสติ. เอส นโย โลมาทีสุ. เอวํ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ.
อถ วา ‘‘ยา เจว โข ปนาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ, ยา จ พาหิรา ปถวีธาตุ, ปถวีธาตุเรเวสา ¶ , ตํ เนตํ มมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๒) อิมิสฺสา ปวตฺติยา ¶ ปจฺจนีกนเยน เกสาทิเภทํ ปถวึ เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตาติ อภินิวิสติ. เอวมฺปิ อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. เอวํ ตาว อชฺฌตฺติกํ ปถวึ ตีหิ มฺนาหิ มฺติ.
ยถา จ อชฺฌตฺติกํ เอวํ พาหิรมฺปิ. กถํ? ‘‘อยฺหิ อยโลหาทีสุ ฉนฺทราคํ ชเนติ. อยโลหาทีนิ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ อภิวทติ อชฺโฌสาย ติฏฺติ. มม อโย มม โลหนฺติอาทินา นเยน อยาทีนิ มมายติ รกฺขติ โคปยติ, เอวํ พาหิรํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ. อิติ เม อยโลหาทโย สิยุํ อนาคตมทฺธานนฺติ วา ปเนตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนติ, อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เอวํ สมฺปนฺนอยโลหาทิอุปกรโณ ภวิสฺสามี’’ติ อปฺปฏิลทฺธสฺส ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหติ. เอวมฺปิ พาหิรํ ปถวึ ตณฺหามฺนาย มฺติ.
ตถา อตฺตโน อยโลหาทีนํ สมฺปตฺตึ วา วิปตฺตึ วา นิสฺสาย มานํ ชเนติ ‘‘อิมินาหํ เสยฺโยสฺมีติ วา, สทิโสสฺมีติ วา หีโนสฺมีติ วา’’ติ (วิภ. ๘๓๒) เอวํ พาหิรํ ปถวึ มานมฺนาย มฺติ. อเย ชีวสฺี หุตฺวา ปน อยํ ‘‘ชีโว’’ติ อภินิวิสติ. เอส นโย โลหาทีสุ. เอวํ พาหิรํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ.
อถ วา ‘‘อิเธกจฺโจ ปถวีกสิณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ. ยํ ปถวีกสิณํ, โส อหํ. โย อหํ, ตํ ปถวีกสิณนฺติ ปถวีกสิณฺจ อตฺตฺจ อทฺวยํ สมนุปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๑) ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตนเยเนว นิมิตฺตปถวึ ‘‘อตฺตา’’ติ อภินิวิสติ. เอวํ พาหิรํ ปถวึ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. เอวมฺปิ พาหิรํ ปถวึ ตีหิ มฺนาหิ มฺติ. เอวํ ตาว ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ เอตฺถ ติสฺโสปิ มฺนา เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ สงฺเขเปเนว กถยิสฺสาม.
ปถวิยา ¶ มฺตีติ เอตฺถ ปถวิยาติ ภุมฺมวจนเมตํ. ตสฺมา อหํ ปถวิยาติ มฺติ, มยฺหํ ¶ กิฺจนํ ปลิโพโธ ปถวิยาติ มฺติ, ปโร ปถวิยาติ มฺติ, ปรสฺส กิฺจนํ ปลิโพโธ ปถวิยาติ มฺตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
อถ วา ยฺวายํ ‘‘กถํ รูปสฺมึ อตฺตานํ สมนุปสฺสติ? อิเธกจฺโจ เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, ตสฺส เอวํ โหติ, อยํ โข เม อตฺตา, โส โข ปน เม อตฺตา อิมสฺมึ รูเปติ เอวํ รูปสฺมึ วา อตฺตานํ ¶ สมนุปสฺสตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๓๑) เอตสฺส อตฺถนโย วุตฺโต, เอเตเนว นเยน เวทนาทิธมฺเม อตฺตโต คเหตฺวา ตโต อชฺฌตฺติกพาหิราสุ ปถวีสุ ยํกิฺจิ ปถวึ ตสฺโสกาสภาเวน ปริกปฺเปตฺวา โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิมิสฺสา ปถวิยาติ มฺนฺโต ปถวิยา มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส อตฺตนิ สิเนหํ ตพฺพตฺถุกฺจ มานํ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. ยทา ปน เตเนว นเยน โส โข ปนสฺส อตฺตา ปถวิยาติ มฺติ, ตทา ทิฏฺิมฺนา เอว ยุชฺชติ. อิตราโยปิ ปน อิจฺฉนฺติ.
ปถวิโต มฺตีติ เอตฺถ ปน ปถวิโตติ นิสฺสกฺกวจนํ. ตสฺมา สอุปกรณสฺส อตฺตโน วา ปรสฺส วา ยถาวุตฺตปฺปเภทโต ปถวิโต อุปฺปตฺตึ วา นิคฺคมนํ วา ปถวิโต วา อฺโ อตฺตาติ มฺมาโน ปถวิโต มฺตีติ เวทิตพฺโพ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. อปเร อาหุ ปถวีกสิณํ ปริตฺตํ ภาเวตฺวา ตโต อฺํ อปฺปมาณํ อตฺตานํ คเหตฺวา ปถวิโต พหิทฺธาปิ เม อตฺตาติ มฺมาโน ปถวิโต มฺตีติ.
ปถวึ เมติ มฺตีติ เอตฺถ ปน เกวลฺหิ มหาปถวึ ตณฺหาวเสน มมายตีติ อิมินา นเยน ปวตฺตา เอกา ตณฺหามฺนา เอว ลพฺภตีติ เวทิตพฺพา. สา จายํ มม เกสา, มม โลมา, มม อโย, มม โลหนฺติ เอวํ ยถาวุตฺตปฺปเภทาย สพฺพายปิ อชฺฌตฺติกพาหิราย ปถวิยา โยเชตพฺพาติ.
ปถวึ ¶ อภินนฺทตีติ วุตฺตปฺปการเมว ปถวึ ตณฺหาทีหิ อภินนฺทติ, อสฺสาเทติ, ปรามสติ ¶ จาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ปถวึ มฺตี’’ติ เอเตเนว เอตสฺมึ อตฺเถ สิทฺเธ กสฺมา เอตํ วุตฺตนฺติ เจ. อวิจาริตเมตํ โปราเณหิ. อยํ ปน อตฺตโน มติ, เทสนาวิลาสโต วา อาทีนวทสฺสนโต วา. ยสฺสา หิ ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา นานานยวิจิตฺรเทสนาวิลาสสมฺปนฺโน, อยํ สา ภควตา สุปฺปฏิวิทฺธา. ตสฺมา ปุพฺเพ มฺนาวเสน กิเลสุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อภินนฺทนาวเสน ทสฺเสนฺโต เทสนาวิลาสโต วา อิทมาห ¶ . โย วา ปถวึ มฺติ, ปถวิยา มฺติ, ปถวิโต มฺติ, ปถวึ เมติ มฺติ, โส ยสฺมา น สกฺโกติ ปถวีนิสฺสิตํ ตณฺหํ วา ทิฏฺึ วา ปหาตุํ, ตสฺมา ปถวึ อภินนฺทติเยว. โย จ ปถวึ อภินนฺทติ, ทุกฺขํ โส อภินนฺทติ, ทุกฺขฺจ อาทีนโวติ อาทีนวทสฺสนโตปิ อิทมาห. วุตฺตฺเจตํ ภควตา ‘‘โย, ภิกฺขเว, ปถวีธาตุํ อภินนฺทติ, ทุกฺขํ โส อภินนฺทติ, โย ทุกฺขํ อภินนฺทติ, อปริมุตฺโต โส ทุกฺขสฺมาติ วทามี’’ติ.
เอวํ ปถวีวตฺถุกํ มฺนํ อภินนฺทนฺจ วตฺวา อิทานิ เยน การเณน โส มฺติ, อภินนฺทติ จ, ตํ การณํ อาวิกโรนฺโต อาห ตํ กิสฺส เหตุ, อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามีติ. ตสฺสตฺโถ, โส ปุถุชฺชโน ตํ ปถวึ กิสฺส เหตุ มฺติ, เกน การเณน มฺติ, อภินนฺทตีติ เจ. อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามีติ, ยสฺมา ตํ วตฺถุ ตสฺส อปริฺาตํ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. โย หิ ปถวึ ปริชานาติ, โส ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาติ าตปริฺาย ตีรณปริฺาย ปหานปริฺายาติ.
ตตฺถ กตมา าตปริฺา. ปถวีธาตุํ ปริชานาติ, อยํ ปถวีธาตุ อชฺฌตฺติกา, อยํ พาหิรา, อิทมสฺสา ลกฺขณํ, อิมานิ รสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ, อยํ าตปริฺา. กตมา ตีรณปริฺา? เอวํ าตํ กตฺวา ปถวีธาตุํ ตีเรติ อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโตติ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ, อยํ ตีรณปริฺา. กตมา ปหานปริฺา? เอวํ ตีรยิตฺวา อคฺคมคฺเคน ปถวีธาตุยา ฉนฺทราคํ ปชหติ, อยํ ปหานปริฺา.
นามรูปววตฺถานํ ¶ วา าตปริฺา. กลาปสมฺมสนาทิอนุโลมปริโยสานา ตีรณปริฺา. อริยมคฺเค าณํ ปหานปริฺาติ. โย ปถวึ ปริชานาติ, โส อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาติ, อสฺส จ ปุถุชฺชนสฺส ตา ปริฺาโย นตฺถิ, ตสฺมา อปริฺาตตฺตา ¶ ปถวึ มฺติ จ อภินนฺทติ จาติ. เตนาห ภควา – อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน…เป… ปถวึ มฺติ, ปถวิยา มฺติ, ปถวิโต มฺติ, ปถวึ เมติ มฺติ, ปถวึ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ.
ปถวีวารวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาโปวาราทิวณฺณนา
อาปํ ¶ อาปโตติ เอตฺถาปิ ลกฺขณสสมฺภารารมฺมณสมฺมุติวเสน จตุพฺพิโธ อาโป. เตสุ ‘‘ตตฺถ, กตมา อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ. ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ อาโป อาโปคตํ, สิเนโห สิเนหคตํ พนฺธนตฺตํ รูปสฺส อชฺฌตฺตํ อุปาทินฺน’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๑๗๔) วุตฺโต ลกฺขณอาโป. ‘‘อาโปกสิณํ อุคฺคณฺหนฺโต อาปสฺมึ นิมิตฺตํ คณฺหาตี’’ติอาทีสุ วุตฺโต สสมฺภาราโป. เสสํ สพฺพํ ปถวิยํ วุตฺตสทิสเมว. เกวลํ โยชนานเย ปน ‘‘ปิตฺตํ เสมฺห’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตา ทฺวาทสเภทา อชฺฌตฺติกา อาโปธาตุ, ‘‘ตตฺถ, กตมา พาหิรา อาโปธาตุ? ยํ พาหิรํ อาโป อาโปคตํ, สิเนโห สิเนหคตํ พนฺธนตฺตํ รูปสฺส พหิทฺธา อนุปาทินฺนํ. เสยฺยถิทํ, มูลรโส ขนฺธรโส ตจรโส ปตฺตรโส ปุปฺผรโส ผลรโส ขีรํ ทธิ สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ ภุมฺมานิ วา อุทกานิ อนฺตลิกฺขานิ วา’’ติ (วิภ. ๑๗๔) เอวํ วุตฺตา จ พาหิรา อาโปธาตุ เวทิตพฺพา, โย จ อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติเก นิมิตฺตอาโป.
เตชํ เตชโตติ อิมสฺมึ เตโชวาเรปิ วุตฺตนเยเนว วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ. โยชนานเย ปเนตฺถ ‘‘เยน จ สนฺตปฺปติ, เยน จ ชีรียติ, เยน จ ปริฑยฺหติ, เยน จ อสิตปีตขายิตสายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉตี’’ติ (วิภ. ๑๗๕) เอวํ วุตฺตา จตุปฺปเภทา อชฺฌตฺติกา เตโชธาตุ. ‘‘ตตฺถ กตมา ¶ พาหิรา เตโชธาตุ? ยํ พาหิรํ เตโช เตโชคตํ อุสฺมา อุสฺมาคตํ อุสุมํ อุสุมคตํ พหิทฺธา อนุปาทินฺนํ. เสยฺยถิทํ, กฏฺคฺคิ ปลาลคฺคิ ติณคฺคิ โคมยคฺคิ ถุสคฺคิ สงฺการคฺคิ อินฺทคฺคิ อคฺคิสนฺตาโป สูริยสนฺตาโป กฏฺสนฺนิจยสนฺตาโป ¶ ติณสนฺนิจยสนฺตาโป ธฺสนฺนิจยสนฺตาโป ภณฺฑสนฺนิจยสนฺตาโป’’ติ (วิภ. ๑๗๕) เอวํ วุตฺตา จ พาหิรา เตโชธาตุ เวทิตพฺพา.
วายํ วายโตติ อิมสฺส วายวารสฺสาปิ โยชนานเย ปน ‘‘อุทฺธงฺคมา วาตา อโธคมา วาตา กุจฺฉิสยา วาตา โกฏฺาสยา วาตา องฺคมงฺคานุสาริโน วาตา สตฺถกวาตา ขุรกวาตา อุปฺปลกวาตา อสฺสาโส ปสฺสาโส’’ติ เอวํ วุตฺตา อชฺฌตฺติกา วาโยธาตุ. ‘‘ตตฺถ กตมา พาหิรา วาโยธาตุ? ยํ พาหิรํ วาโย วาโยคตํ ถมฺภิตตฺตํ รูปสฺส พหิทฺธา อนุปาทินฺนํ. เสยฺยถิทํ, ปุรตฺถิมา วาตา ปจฺฉิมา วาตา อุตฺตรา วาตา ทกฺขิณา วาตา สรชา วาตา อรชา วาตา สีตา วาตา อุณฺหา วาตา ปริตฺตา วาตา อธิมตฺตา วาตา กาฬวาตา เวรมฺภวาตา ¶ ปกฺขวาตา สุปณฺณวาตา ตาลวณฺฏวาตา วิธูปนวาตา’’ติ (วิภ. ๑๗๖) เอวํ วุตฺตา จ พาหิรา วาโยธาตุ เวทิตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. เอตฺตาวตา จ ยฺวายํ –
‘‘วุตฺตมฺหิ เอกธมฺเม, เย ธมฺมา เอกลกฺขณา เตน;
วุตฺตา ภวนฺติ สพฺเพ, อิติ วุตฺโต ลกฺขโณ หาโร’’ติ. –
เอวํ เนตฺติยํ ลกฺขโณ นาม หาโร วุตฺโต, ตสฺส วเสน ยสฺมา จตูสุ ภูเตสุ คหิเตสุ อุปาทารูปมฺปิ คหิตเมว ภวติ, รูปลกฺขณํ อนตีตตฺตา. ยฺจ ภูโตปาทารูปํ โส รูปกฺขนฺโธ. ตสฺมา ‘‘อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน ปถวึ อาปํ เตชํ วายํ มฺตี’’ติ วทนฺเตน อตฺถโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติปิ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ปถวิยา อาปสฺมึ เตชสฺมึ วายสฺมึ มฺตี’’ติ วทนฺเตน รูปสฺมึ วา อตฺตานํ สมนุปสฺสตีติ วุตฺตมฺปิ โหติ. ‘‘ปถวิโต อาปโต เตชโต วายโต มฺตี’’ติ วทนฺเตน รูปโต อฺโ อตฺตาติ สิทฺธตฺตา รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ อตฺตนิ วา รูปํ สมนุปสฺสตีติปิ วุตฺตํ โหติ. เอวเมตา จตสฺโส รูปวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิมฺนา ¶ เวทิตพฺพา. ตตฺถ เอกา อุจฺเฉททิฏฺิ, ติสฺโส สสฺสตทิฏฺิโยติ ทฺเวว ทิฏฺิโย โหนฺตีติ อยมฺปิ อตฺถวิเสโส เวทิตพฺโพ.
อาโปวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ภูตวาราทิวณฺณนา
๓. เอวํ ¶ รูปมุเขน สงฺขารวตฺถุกํ มฺนํ วตฺวา อิทานิ เย สงฺขาเร อุปาทาย สตฺตา ปฺปียนฺติ, เตสุ สงฺขาเรสุ สตฺเตสุปิ ยสฺมา ปุถุชฺชโน มฺนํ กโรติ, ตสฺมา เต สตฺเต นิทฺทิสนฺโต ภูเต ภูตโต สฺชานาตีติอาทิมาห. ตตฺถายํ ภูตสทฺโท ปฺจกฺขนฺธอมนุสฺสธาตุวิชฺชมานขีณาสวสตฺตรุกฺขาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) หิ อยํ ปฺจกฺขนฺเธสุ ทิสฺสติ. ‘‘ยานีธ ภูตานิ สมาคตานี’’ติ (สุ. นิ. ๒๒๔) เอตฺถ อมนุสฺเสสุ. ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขุ, มหาภูตา เหตู’’ติ (ม. นิ. ๓.๘๖) เอตฺถ ธาตูสุ. ‘‘ภูตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๙) วิชฺชมาเน. ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติ (ชา. ๑.๑๐.๑๙๐) เอตฺถ ขีณาสเว. ‘‘สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๒๐) เอตฺถ สตฺเตสุ. ‘‘ภูตคามปาตพฺยตายา’’ติ ¶ (ปาจิ. ๙๐) เอตฺถ รุกฺขาทีสุ. อิธ ปนายํ สตฺเตสุ วตฺตติ, โน จ โข อวิเสเสน. จาตุมหาราชิกานํ หิ เหฏฺา สตฺตา อิธ ภูตาติ อธิปฺเปตา.
ตตฺถ ภูเต ภูตโต สฺชานาตีติอาทิ วุตฺตนยเมว. ภูเต มฺตีติอาทีสุ ปน ติสฺโสปิ มฺนา โยเชตพฺพา. กถํ? อยฺหิ ‘‘โส ปสฺสติ คหปตึ วา คหปติปุตฺตํ วา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคิภูต’’นฺติ (อ. นิ. ๗.๕๐) วุตฺตนเยน ภูเต สุภา สุขิตาติ คเหตฺวา รชฺชติ, ทิสฺวาปิ เน รชฺชติ, สุตฺวาปิ, ฆายิตฺวาปิ, สายิตฺวาปิ, ผุสิตฺวาปิ, ตฺวาปิ. เอวํ ภูเต ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘อโห วตาหํ ขตฺติยมหาสาลานํ วา สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๓๗) วา ปน นเยน อปฺปฏิลทฺธสฺส ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหติ, เอวมฺปิ ภูเต ตณฺหามฺนาย มฺติ. อตฺตโน ปน ภูตานฺจ สมฺปตฺติวิปตฺตึ นิสฺสาย อตฺตานํ วา เสยฺยํ ทหติ. ภูเตสุ จ ยํกิฺจิ ภูตํ หีนํ อตฺตานํ วา หีนํ, ยํกิฺจิ ภูตํ เสยฺยํ ¶ . อตฺตานํ วา ภูเตน, ภูตํ วา อตฺตนา สทิสํ ทหติ. ยถาห ‘‘อิเธกจฺโจ ชาติยา วา…เป… อฺตรฺตเรน วตฺถุนา ปุพฺพกาลํ ปเรหิ สทิสํ อตฺตานํ ทหติ. อปรกาลํ อตฺตานํ เสยฺยํ ทหติ. ปเร หีเน ทหติ, โย เอวรูโป มาโน ¶ …เป… อยํ วุจฺจติ มานาติมาโน’’ติ (วิภ. ๘๗๖-๘๘๐). เอวํ ภูเต มานมฺนาย มฺติ.
ภูเต ปน ‘‘นิจฺจา ธุวา สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา’’ติ วา ‘‘สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา สพฺเพ ชีวา อวสา อพลา อวีริยา นิยติสงฺคติภาวปริณตา ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) วา มฺมาโน ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. เอวํ ภูเต ตีหิ มฺนาหิ มฺติ.
กถํ ภูเตสุ มฺติ? เตสุ เตสุ ภูเตสุ อตฺตโน อุปปตฺตึ วา สุขุปฺปตฺตึ วา อากงฺขติ. เอวํ ตาว ตณฺหามฺนาย ภูเตสุ มฺติ. ภูเตสุ วา อุปปตฺตึ อากงฺขมาโน ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ. เอวมฺปิ ภูเตสุ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ภูเต ปน สมูหคฺคาเหน คเหตฺวา ตตฺถ เอกจฺเจ ภูเต เสยฺยโต ทหติ, เอกจฺเจ สทิสโต วา หีนโต วาติ. เอวํ ภูเตสุ มานมฺนาย ¶ มฺติ. ตถา เอกจฺเจ ภูเต นิจฺจา ธุวาติ มฺติ. เอกจฺเจ อนิจฺจา อธุวาติ, อหมฺปิ ภูเตสุ อฺตโรสฺมีติ วา มฺติ. เอวํ ภูเตสุ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ.
ภูตโต มฺตีติ เอตฺถ ปน สอุปกรณสฺส อตฺตโน วา ปรสฺส วา ยโต กุโตจิ ภูตโต อุปฺปตฺตึ มฺมาโน ภูตโต มฺตีติ เวทิตพฺโพ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. ภูเต เมติ มฺตีติ เอตฺถ ปน เอกา ตณฺหามฺนาว ลพฺภติ. สา จายํ ‘‘มม ปุตฺตา, มม ธีตา, มม อเชฬกา, กุกฺกุฏสูกรา, หตฺถิควสฺสวฬวา’’ติ เอวมาทินา นเยน มมายโต ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพา. ภูเต อภินนฺทตีติ เอตํ วุตฺตนยเมว. อปริฺาตํ ตสฺสาติ เอตฺถ ปน เย สงฺขาเร อุปาทาย ภูตานํ ปฺตฺติ, เตสํ อปริฺาตตฺตา ภูตา อปริฺาตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. โยชนา ปน วุตฺตนเยเนว กาตพฺพา.
เอวํ ¶ สงฺเขปโต สงฺขารวเสน จ สตฺตวเสน จ มฺนาวตฺถุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ภูมิวิเสสาทินา เภเทน วิตฺถารโตปิ ตํ ทสฺเสนฺโต เทเว เทวโตติอาทิมาห. ตตฺถ ทิพฺพนฺติ ปฺจหิ ¶ กามคุเณหิ อตฺตโน วา อิทฺธิยาติ เทวา, กีฬนฺติ โชเตนฺติ จาติ อตฺโถ. เต ติวิธา สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ. สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน เทวิโย ราชกุมารา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิเก เทเว อุปาทาย ตตุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม อรหนฺโต ขีณาสวา. อิธ ปน อุปปตฺติเทวา ทฏฺพฺพา, โน จ โข อวิเสเสน. ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวโลเก มารํ สปริสํ เปตฺวา เสสา ฉ กามาวจรา อิธ เทวาติ อธิปฺเปตา. ตตฺถ สพฺพา อตฺถวณฺณนา ภูตวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ปชาปตินฺติ เอตฺถ ปน มาโร ปชาปตีติ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘เตสํ เตสํ เทวานํ อธิปตีนํ มหาราชาทีนเมตํ อธิวจน’’นฺติ วทนฺติ. ตํ เทวคฺคหเณเนว เตสํ คหิตตฺตา อยุตฺตนฺติ มหาอฏฺกถายํ ปฏิกฺขิตฺตํ, มาโรเยว ปน สตฺตสงฺขาตาย ปชาย อธิปติภาเวน อิธ ปชาปตีติ อธิปฺเปโต. โส กุหึ วสติ? ปรนิมฺมิตวสวตฺติเทวโลเก ¶ . ตตฺร หิ วสวตฺติราชา รชฺชํ กาเรติ. มาโร เอกสฺมึ ปเทเส อตฺตโน ปริสาย อิสฺสริยํ ปวตฺเตนฺโต รชฺชปจฺจนฺเต ทามริกราชปุตฺโต วิย วสตีติ วทนฺติ. มารคฺคหเณเนว เจตฺถ มารปริสายปิ คหณํ เวทิตพฺพํ. โยชนานโย เจตฺถ ปชาปตึ วณฺณวนฺตํ ทีฆายุกํ สุขพหุลํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา รชฺชนฺโต ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘อโห วตาหํ ปชาปติโน สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’’นฺติอาทินา วา ปน นเยน อปฺปฏิลทฺธสฺส ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหนฺโตปิ ปชาปตึ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ปชาปติภาวํ ปน ปตฺโต สมาโน อหมสฺมิ ปชานมิสฺสโร อธิปตีติ มานํ ชเนนฺโต ปชาปตึ มานมฺนาย มฺติ. ‘‘ปชาปติ นิจฺโจ ธุโว’’ติ วา ‘‘อุจฺฉิชฺชิสฺสติ วินสฺสิสฺสตี’’ติ วา ‘‘อวโส อพโล อวีริโย นิยติสงฺคติภาวปริณโต ฉสฺเววาภิชาตีสุ สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ วา มฺมาโน ปน ปชาปตึ ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เวทิตพฺโพ.
ปชาปติสฺมินฺติ เอตฺถ ปน เอกา ทิฏฺิมฺนาว ยุชฺชติ. ตสฺสา เอวํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. อิเธกจฺโจ ‘‘ปชาปติสฺมึ เย จ ธมฺมา สํวิชฺชนฺติ, สพฺเพ เต นิจฺจา ธุวา ¶ สสฺสตา อวิปริณามธมฺมา’’ติ มฺติ. อถ วา ‘‘ปชาปติสฺมึ นตฺถิ ปาปํ, น ตสฺมึ ปาปกานิ กมฺมานิ อุปลพฺภนฺตี’’ติ มฺติ.
ปชาปติโตติ ¶ เอตฺถ ติสฺโสปิ มฺนา ลพฺภนฺติ. กถํ? อิเธกจฺโจ สอุปกรณสฺส อตฺตโน วา ปรสฺส วา ปชาปติโต อุปฺปตฺตึ วา นิคฺคมนํ วา มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. ปชาปตึ เมติ เอตฺถ ปน เอกา ตณฺหามฺนาว ลพฺภติ. สา จายํ ‘‘ปชาปติ มม สตฺถา มม สามี’’ติอาทินา นเยน มมายโต ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
พฺรหฺมํ พฺรหฺมโตติ เอตฺถ พฺรูหิโต เตหิ เตหิ คุณวิเสเสหีติ พฺรหฺมา. อปิจ พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมาปิ วุจฺจติ, ตถาคโตปิ พฺราหฺมโณปิ มาตาปิตโรปิ เสฏฺมฺปิ. ‘‘สหสฺโส พฺรหฺมา ทฺวิสหสฺโส พฺรหฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๖๕-๑๖๖) หิ มหาพฺรหฺมา พฺรหฺมาติ วุจฺจติ. ‘‘พฺรหฺมาติ โข, ภิกฺขเว ¶ , ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ เอตฺถ ตถาคโต.
‘‘ตโมนุโท พุทฺโธ สมนฺตจกฺขุ,
โลกนฺตคู สพฺพภวาติวตฺโต;
อนาสโว สพฺพทุกฺขปฺปหีโน,
สจฺจวฺหโย พฺรหฺเม อุปาสิโต เม’’ติ. (จูฬนิ. ๑๐๔) –
เอตฺถ พฺราหฺมโณ.
‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร’’ติ. (อิติวุ. ๑๐๖; ชา. ๒.๒๐.๑๘๑) –
เอตฺถ มาตาปิตโร. ‘‘พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. ๕.๑๑) เอตฺถ เสฏฺํ. อิธ ปน ปมาภินิพฺพตฺโต กปฺปายุโก พฺรหฺมา อธิปฺเปโต. ตคฺคหเณเนว จ พฺรหฺมปุโรหิตพฺรหฺมปาริสชฺชาปิ คหิตาติ เวทิตพฺพา. อตฺถวณฺณนา ปเนตฺถ ปชาปติวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อาภสฺสรวาเร ¶ ทณฺฑทีปิกาย อจฺจิ วิย เอเตสํ สรีรโต อาภา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา ปตนฺตี วิย สรติ วิสรตีติ อาภสฺสรา. เตสํ คหเณน ¶ สพฺพาปิ ทุติยชฺฌานภูมิ คหิตา, เอกตลวาสิโน เอว เจเต สพฺเพปิ ปริตฺตาภา อปฺปมาณาภา อาภสฺสราติ เวทิตพฺพา.
สุภกิณฺหวาเร สุเภน โอกิณฺณา วิกิณฺณา สุเภน สรีรปฺปภาวณฺเณน เอกคฺฆนา สุวณฺณมฺชูสาย ปิตสมฺปชฺชลิตกฺจนปิณฺฑสสฺสิริกาติ สุภกิณฺหา. เตสํ คหเณน สพฺพาปิ ตติยชฺฌานภูมิ คหิตา. เอกตลวาสิโน เอว เจเต สพฺเพปิ ปริตฺตสุภา อปฺปมาณสุภา สุภกิณฺหาติ เวทิตพฺพา.
เวหปฺผลวาเร, วิปุลา ผลาติ เวหปฺผลา. จตุตฺถชฺฌานภูมิ พฺรหฺมาโน วุจฺจนฺติ. อตฺถนยโยชนา ปน อิเมสุ ตีสุปิ วาเรสุ ภูตวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
อภิภูวาเร อภิภวีติ อภิภู. กึ อภิภวิ? จตฺตาโร ขนฺเธ อรูปิโน. อสฺภวสฺเสตํ อธิวจนํ. อสฺสตฺตา เทวา เวหปฺผเลหิ สทฺธึ เอกตลาเยว เอกสฺมึ โอกาเส เยน อิริยาปเถน นิพฺพตฺตา, เตเนว ยาวตายุกํ ติฏฺนฺติ จิตฺตกมฺมรูปสทิสา หุตฺวา. เต อิธ สพฺเพปิ อภิภูวจเนน คหิตา. เกจิ อภิภู นาม สหสฺโส พฺรหฺมาติ เอวมาทินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ อธิปติพฺรหฺมานํ วณฺณยนฺติ. พฺรหฺมคฺคหเณเนว ปน ตสฺส คหิตตฺตา ¶ อยุตฺตเมตนฺติ เวทิตพฺพํ. โยชนานโย เจตฺถ อภิภู วณฺณวา ทีฆายุโกติ สุตฺวา ตตฺถ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทนฺโต อภิภุํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘อโห วตาหํ อภิภุโน สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺย’’นฺติอาทินา ปน นเยน อปฺปฏิลทฺธสฺส ปฏิลาภาย จิตฺตํ ปณิทหนฺโตปิ อภิภุํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. อตฺตานํ หีนโต อภิภุํ เสยฺยโต ทหนฺโต ปน อภิภุํ มานมฺนาย มฺติ. ‘‘อภิภู นิจฺโจ ธุโว’’ติอาทินา นเยน ปรามสนฺโต อภิภุํ ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ ปชาปติวาเร วุตฺตนยเมว.
ภูตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อากาสานฺจายตนวาราทิวณฺณนา
๔. เอวํ ¶ ภควา ปฏิปาฏิยา เทวโลเก ทสฺเสนฺโตปิ อภิภูวจเนน อสฺภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา อยํ วฏฺฏกถา, สุทฺธาวาสา จ วิวฏฺฏปกฺเข ิตา, อนาคามิขีณาสวา เอว หิ เต เทวา. ยสฺมา วา กติปยกปฺปสหสฺสายุกา ¶ เต เทวา, พุทฺธุปฺปาทกาเลเยว โหนฺติ. พุทฺธา ปน อสงฺเขเยปิ กปฺเป น อุปฺปชฺชนฺติ, ตทา สฺุาปิ สา ภูมิ โหติ. รฺโ ขนฺธาวารฏฺานํ วิย หิ พุทฺธานํ สุทฺธาวาสภโว. เต เตเนว จ การเณน วิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสวเสนปิ น คหิตา, สพฺพกาลิกา ปน อิมา มฺนา. ตสฺมา ตาสํ สทาวิชฺชมานภูมึ ทสฺเสนฺโต สุทฺธาวาเส อติกฺกมิตฺวา, อากาสานฺจายตนนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อากาสานฺจายตนนฺติ ตพฺภูมิกา จตฺตาโร กุสลวิปากกิริยา ขนฺธา. เต จ ตตฺรูปปนฺนาเยว ทฏฺพฺพา ภวปริจฺเฉทกถา อยนฺติ กตฺวา. เอส นโย วิฺาณฺจายตนาทีสุ. อตฺถโยชนา ปน จตูสุปิ เอเตสุ วาเรสุ อภิภูวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. มานมฺนา เจตฺถ ปชาปติวาเร วุตฺตนเยนาปิ ยุชฺชติ.
อากาสานฺจายตนวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทิฏฺสุตวาราทิวณฺณนา
๕. เอวํ ภูมิวิเสสาทินา เภเทน วิตฺถารโตปิ มฺนาวตฺถุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สพฺพมฺนาวตฺถุภูตํ สกฺกายปริยาปนฺนํ เตภูมกธมฺมเภทํ ทิฏฺาทีหิ จตูหิ สงฺคณฺหิตฺวา ทสฺเสนฺโต, ทิฏฺํ ทิฏฺโตติอาทิมาห.
ตตฺถ ทิฏฺนฺติ มํสจกฺขุนาปิ ทิฏฺํ, ทิพฺพจกฺขุนาปิ ทิฏฺํ. รูปายตนสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ทิฏฺํ มฺตีติ ทิฏฺํ ตีหิ มฺนาหิ มฺติ. กถํ? รูปายตนํ สุภสฺาย สุขสฺาย จ ปสฺสนฺโต ตตฺถ ฉนฺทราคํ ชเนติ, ตํ อสฺสาเทติ อภินนฺทติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ ¶ ภควตา ‘‘อิตฺถิรูเป, ภิกฺขเว, สตฺตา รตฺตา คิทฺธา คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา, เต ทีฆรตฺตํ โสจนฺติ อิตฺถิรูปวสานุคา’’ติ (อ. นิ. ๕.๕๕). เอวํ ทิฏฺํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘อิติ ¶ เม รูปํ สิยา อนาคตมทฺธานนฺติ วา ปเนตฺถ นนฺทึ สมนฺนาเนติ, รูปสมฺปทํ วา ปน อากงฺขมาโน ทานํ เทตี’’ติ วิตฺถาโร. เอวมฺปิ ทิฏฺํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. อตฺตโน ปน ปรสฺส จ รูปสมฺปตฺตึ วิปตฺตึ นิสฺสาย มานํ ชเนติ. ‘‘อิมินาหํ เสยฺโยสฺมี’’ติ วา ‘‘สทิโสสฺมี’’ติ วา ‘‘หีโนสฺมี’’ติ วาติ เอวํ ทิฏฺํ มานมฺนาย มฺติ. รูปายตนํ ปน นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตนฺติ มฺติ, อตฺตานํ อตฺตนิยนฺติ มฺติ, มงฺคลํ อมงฺคลนฺติ มฺติ, เอวํ ทิฏฺํ ทิฏฺิมฺนาย มฺติ. เอวํ ทิฏฺํ ตีหิ มฺนาหิ มฺติ. กถํ ทิฏฺสฺมึ มฺติ? รูปสฺมึ อตฺตานํ ¶ สมนุปสฺสนนเยน มฺนฺโต ทิฏฺสฺมึ มฺติ. ยถา วา ธเน ธฺเ. เอวํ รูปสฺมึ ราคาทโยติ มฺนฺโตปิ ทิฏฺสฺมึ มฺติ. อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมิฺเว ปนสฺส ทิฏฺิมฺนาย มฺิเต วตฺถุสฺมึ สิเนหํ มานฺจ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. เอวํ ทิฏฺสฺมึ มฺติ. เสสํ ปถวีวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
สุตนฺติ มํสโสเตนปิ สุตํ, ทิพฺพโสเตนปิ สุตํ, สทฺทายตนสฺเสตํ อธิวจนํ.
มุตนฺติ มุตฺวา มุนิตฺวา จ คหิตํ, อาหจฺจ อุปคนฺตฺวาติ อตฺโถ, อินฺทฺริยานํ อารมฺมณานฺจ อฺมฺสํสิเลเส วิฺาตนฺติ วุตฺตํ โหติ, คนฺธรสโผฏฺพฺพายตนานเมตํ อธิวจนํ.
วิฺาตนฺติ มนสา วิฺาตํ, เสสานํ สตฺตนฺนํ อายตนานเมตํ อธิวจนํ ธมฺมารมฺมณสฺส วา. อิธ ปน สกฺกายปริยาปนฺนเมว ลพฺภติ. วิตฺถาโร ปเนตฺถ ทิฏฺวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ทิฏฺสุตฺตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอกตฺตวาราทิวณฺณนา
๖. เอวํ สพฺพํ สกฺกายเภทํ ทิฏฺาทีหิ จตูหิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว สมาปนฺนกวาเรน จ อสมาปนฺนกวาเรน จ ทฺวิธา ทสฺเสนฺโต เอกตฺตํ นานตฺตนฺติอาทิมาห.
เอกตฺตนฺติ อิมินา หิ สมาปนฺนกวารํ ทสฺเสติ. นานตฺตนฺติ อิมินา อสมาปนฺนกวารํ. เตสํ ¶ อยํ วจนตฺโถ เอกภาโว เอกตฺตํ. นานาภาโว นานตฺตนฺติ. โยชนา ปเนตฺถ สมาปนฺนกวารํ ¶ จตูหิ ขนฺเธหิ, อสมาปนฺนกวารฺจ ปฺจหิ ขนฺเธหิ ภินฺทิตฺวา ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา สาสนนเยน ปถวีวาราทีสุ วุตฺเตน จ อฏฺกถานเยน ยถานุรูปํ วีมํสิตฺวา เวทิตพฺพา. เกจิ ปน เอกตฺตนฺติ เอกตฺตนยํ วทนฺติ นานตฺตนฺติ นานตฺตนยํ. อปเร ‘‘เอกตฺตสฺี อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, นานตฺตสฺี อตฺตา โหตี’’ติ เอวํ ทิฏฺาภินิเวสํ. ตํ สพฺพํ อิธ นาธิปฺเปตตฺตา อยุตฺตเมว โหติ.
เอวํ ¶ สพฺพํ สกฺกายํ ทฺวิธา ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว เอกธา สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต สพฺพํ สพฺพโตติอาทิมาห. โยชนานโย ปเนตฺถ สพฺพํ อสฺสาเทนฺโต สพฺพํ ตณฺหามฺนาย มฺติ. ‘‘มยา เอเต สตฺตา นิมฺมิตา’’ติอาทินา นเยน อตฺตนา นิมฺมิตํ มฺนฺโต สพฺพํ มานมฺนาย มฺติ. ‘‘สพฺพํ ปุพฺเพกตกมฺมเหตุ, สพฺพํ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, สพฺพํ อเหตุอปจฺจยา, สพฺพํ อตฺถิ, สพฺพํ นตฺถี’’ติอาทินา นเยน มฺนฺโต สพฺพํ ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เวทิตพฺโพ. กถํ สพฺพสฺมึ มฺติ? อิเธกจฺโจ เอวํทิฏฺิโก โหติ ‘‘มหา เม อตฺตา’’ติ. โส สพฺพโลกสนฺนิวาสํ ตสฺโสกาสภาเวน ปริกปฺเปตฺวา โส โข ปน เม อยํ อตฺตา สพฺพสฺมินฺติ มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส อตฺตนิ สิเนหํ ตพฺพตฺถุกฺจ มานํ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. เสสํ ปถวีวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
เอวํ สพฺพํ สกฺกายํ เอกธา ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรนปิ นเยน ตํ เอกธา ทสฺเสนฺโต นิพฺพานํ นิพฺพานโตติ อาห. ตตฺถ นิพฺพานนฺติ ‘‘ยโต โข, โภ, อยํ อตฺตา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคิภูโต ปริจาเรติ. เอตฺตาวตา โข, โภ, อยํ อตฺตา ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ ปตฺโต โหตี’’ติอาทินา นเยน ปฺจธา อาคตํ ปรมทิฏฺธมฺมนิพฺพานํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ นิพฺพานํ อสฺสาเทนฺโต ตณฺหามฺนาย มฺติ. เตน นิพฺพาเนน ‘‘อหมสฺมิ นิพฺพานํ ปตฺโต’’ติ มานํ ชเนนฺโต มานมฺนาย มฺติ. อนิพฺพานํเยว สมานํ ตํ นิพฺพานโต นิจฺจาทิโต จ คณฺหนฺโต ทิฏฺิมฺนาย มฺตีติ เวทิตพฺโพ.
นิพฺพานโต ปน อฺํ อตฺตานํ คเหตฺวา โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิมสฺมึ นิพฺพาเนติ ¶ มฺนฺโต นิพฺพานสฺมึ มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ¶ ปนสฺส อตฺตนิ สิเนหํ ตพฺพตฺถุกฺจ มานํ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. เอส นโย นิพฺพานโต มฺนายปิ. ตตฺรปิ หิ นิพฺพานโต อฺํ อตฺตานํ คเหตฺวา ‘‘อิทํ นิพฺพานํ, อยํ อตฺตา, โส โข ปน เม อยํ อตฺตา อิโต นิพฺพานโต อฺโ’’ติ มฺนฺโต นิพฺพานโต มฺติ, อยมสฺส ทิฏฺิมฺนา. ตสฺมึเยว ปนสฺส อตฺตนิ สิเนหํ ตพฺพตฺถุกฺจ มานํ อุปฺปาทยโต ตณฺหามานมฺนาปิ เวทิตพฺพา. ‘‘อโห สุขํ มม นิพฺพาน’’นฺติ มฺนฺโต ปน นิพฺพานํ เมติ มฺตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อยํ ปเนตฺถ อนุคีติ –
ยาทิโส ¶ เอส สกฺกาโย, ตถา นํ อวิชานโต;
ปุถุชฺชนสฺส สกฺกาเย, ชายนฺติ สพฺพมฺนา.
เชคุจฺโฉ ภิทุโร จายํ, ทุกฺโข อปริณายโก;
ตํ ปจฺจนีกโต พาโล, คณฺหํ คณฺหาติ มฺนํ.
สุภโต สุขโต เจว, สกฺกายํ อนุปสฺสโต;
สลภสฺเสว อคฺคิมฺหิ, โหติ ตณฺหาย มฺนา.
นิจฺจสฺํ อธิฏฺาย, สมฺปตฺตึ ตสฺส ปสฺสโต;
คูถาที วิย คูถสฺมึ, โหติ มาเนน มฺนา.
อตฺตา อตฺตนิโย เมติ, ปสฺสโต นํ อพุทฺธิโน;
อาทาเส วิย โพนฺธิสฺส, ทิฏฺิยา โหติ มฺนา.
มฺนาติ จ นาเมตํ, สุขุมํ มารพนฺธนํ;
สิถิลํ ทุปฺปมฺุจฺจ, เยน พทฺโธ ปุถุชฺชโน.
พหุํ ¶ วิปฺผนฺทมาโนปิ, สกฺกายํ นาติวตฺตติ;
สมุสฺสิตํ ทฬฺหตฺถมฺภํ, สาว คทฺทุลพนฺธโน.
ส’โส สกฺกายมลีโน, ชาติยา จ ชราย จ;
โรคาทีหิ จ ทุกฺเขหิ, นิจฺจํ หฺติ พาฬฺหโส.
ตํ โว วทามิ ภทฺทนฺเต, สกฺกายํ อนุปสฺสถ;
อสาตโต อสุภโต, เภทโต จ อนตฺตโต.
เอโส สภาโว เหตสฺส, ปสฺสํ เอวมิมํ พุโธ;
ปหาย มฺนา สพฺพา, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตีติ.
เอกตฺตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุถุชฺชนวเสน ¶ จตุวีสติปพฺพา ปมนยกถา นิฏฺิตา.
เสกฺขวารทุติยนยวณฺณนา
๗. เอวํ ¶ ภควา ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ สพฺพสกฺกายธมฺมมูลภูตํ ปุถุชฺชนสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสฺเวว วตฺถูสุ เสกฺขสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสกฺโขติอาทิมาห. ตตฺถ โยติ อุทฺเทสวจนํ. โสติ นิทฺเทสวจนํ. ปิกาโร สมฺปิณฺฑนตฺโถ อยมฺปิ ธมฺโม อนิยโตติอาทีสุ วิย. เตน จ อารมฺมณสภาเคน ปุคฺคลํ สมฺปิณฺเฑติ, โน ปุคฺคลสภาเคน, เหฏฺโต หิ ปุคฺคลา ทิฏฺิวิปนฺนา, อิธ ทิฏฺิสมฺปนฺนา, น เตสํ สภาคตา อตฺถิ. อารมฺมณํ ปน เหฏฺา ปุคฺคลานมฺปิ ตเทว, อิเมสมฺปิ ตเทวาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อารมฺมณสภาเคน ปุคฺคลํ สมฺปิณฺเฑติ โน ปุคฺคลสภาเคนา’’ติ. โยปิ โสติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อิทานิ วตฺตพฺพํ เสกฺขํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺโพ. ภิกฺขเว, ภิกฺขูติ อิทํ วุตฺตนยเมว.
เสกฺโขติ ¶ เกนฏฺเน เสกฺโข? เสกฺขธมฺมปฺปฏิลาภโต เสกฺโข. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, เสกฺโข โหตีติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสกฺขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ…เป… เสกฺเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหติ. เอตฺตาวตา โข ภิกฺขุ, เสกฺโข โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๓). อปิจ สิกฺขตีติปิ เสกฺโข. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สิกฺขตีติ โข ภิกฺขุ ตสฺมา เสกฺโขติ วุจฺจติ. กิฺจ สิกฺขติ? อธิสีลมฺปิ สิกฺขติ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขติ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขติ, สิกฺขตีติ โข ภิกฺขุ ตสฺมา เสกฺโขติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๖).
โยปิ กลฺยาณปุถุชฺชโน อนุโลมปฏิปทาย ปริปูรการี สีลสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ – ‘‘อชฺช วา สฺเว วา อฺตรํ สามฺผลํ อธิคมิสฺสามี’’ติ, โสปิ วุจฺจติ สิกฺขตีติ เสกฺโขติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ปฏิเวธปฺปตฺโตว เสกฺโข อธิปฺเปโต, โน ปุถุชฺชโน.
อปฺปตฺตํ มานสํ เอเตนาติ อปฺปตฺตมานโส. มานสนฺติ ราโคปิ จิตฺตมฺปิ อรหตฺตมฺปิ. ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ ¶ จรติ มานโส’’ติ (มหาว. ๓๓; สํ. นิ. ๑.๑๕๑) เอตฺถ หิ ราโค ¶ มานสํ. ‘‘จิตฺตํ มโน มานส’’นฺติ (ธ. ส. ๖๕) เอตฺถ จิตฺตํ. ‘‘อปฺปตฺตมานโส เสกฺโข, กาลํ กยิรา ชเนสุตา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) เอตฺถ อรหตฺตํ. อิธาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. เตน อปฺปตฺตารหตฺโตติ วุตฺตํ โหติ.
อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ, อสทิสนฺติ อตฺโถ. จตูหิ โยเคหิ เขมํ อนนุยุตฺตนฺติ โยคกฺเขมํ, อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. ปตฺถยมาโนติ ทฺเว ปตฺถนา ตณฺหาปตฺถนา จ, ฉนฺทปตฺถนา จ. ‘‘ปตฺถยมานสฺส หิ ปชปฺปิตานิ, ปเวธิตํ วาปิ ปกปฺปิเตสู’’ติ (สุ. นิ. ๙๐๘) เอตฺถ ตณฺหาปตฺถนา.
‘‘ฉินฺนํ ปาปิมโต โสตํ, วิทฺธสฺตํ วินฬีกตํ;
ปาโมชฺชพหุลา โหถ, เขมํ ปตฺตตฺถ ภิกฺขโว’’ติ. (ม. นิ. ๑.๓๕๒) –
เอตฺถ ¶ กตฺตุกมฺยตา กุสลจฺฉนฺทปตฺถนา. อยเมว อิธาธิปฺเปตา. เตน ปตฺถยมาโนติ ตํ โยคกฺเขมํ ปตฺตุกาโม อธิคนฺตุกาโม ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณ ตปฺปพฺภาโรติ เวทิตพฺโพ. วิหรตีติ อฺํ อิริยาปถทุกฺขํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ กายํ หรติ. อถ วา ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย วิหรตี’’ติอาทินาปิ นิทฺเทสนเยเนตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ปถวึ ปถวิโต อภิชานาตีติ ปถวึ ปถวีภาเวน อภิชานาติ, น ปุถุชฺชโน วิย สพฺพาการวิปรีตาย สฺาย สฺชานาติ. อปิจ โข อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานาติ, เอวํ ปถวีติ เอตํ ปถวีภาวํ อธิมุจฺจนฺโต เอว นํ อนิจฺจาติปิ ทุกฺขาติปิ อนตฺตาติปิ เอวํ อภิชานาตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวฺจ นํ อภิฺตฺวา ปถวึ มา มฺีติ วุตฺตํ โหติ. มฺตีติ มฺิ. อยํ ปน มฺี จ น มฺี จ น วตฺตพฺโพติ. เอตสฺมิฺหิ อตฺเถ อิทํ ปทํ นิปาเตตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. โก ปเนตฺถ อธิปฺปาโยติ. วุจฺจเต, ปุถุชฺชโน ¶ ตาว สพฺพมฺนานํ อปฺปหีนตฺตา มฺตีติ วุตฺโต. ขีณาสโว ปหีนตฺตา น มฺตีติ. เสกฺขสฺส ปน ทิฏฺิมฺนา ปหีนา, อิตรา ปน ตนุภาวํ คตา, เตน โส มฺตีติปิ น วตฺตพฺโพ ปุถุชฺชโน วิย, น มฺตีติปิ น วตฺตพฺโพ ขีณาสโว วิยาติ.
ปริฺเยฺยํ ตสฺสาติ ตสฺส เสกฺขสฺส ตํ มฺนาวตฺถุ โอกฺกนฺตนิยามตฺตา สมฺโพธิปรายณตฺตา จ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺเยฺยํ, อปริฺเยฺยฺจ อปริฺาตฺจ ¶ น โหติ ปุถุชฺชนสฺส วิย, โนปิ ปริฺาตํ ขีณาสวสฺส วิย. เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนยเมว.
เสกฺขวเสน ทุติยนยกถา นิฏฺิตา.
ขีณาสววารตติยาทินยวณฺณนา
๘. เอวํ ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ เสกฺขสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ขีณาสวสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ โยปีติ ปิ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน อิธ อุภยสภาคตาปิ ลพฺภตีติ ทสฺเสติ. เสกฺโข หิ ขีณาสเวน อริยปุคฺคลตฺตา สภาโค, เตน ปุคฺคลสภาคตา ลพฺภติ, อารมฺมณสภาคตา ปน วุตฺตนยา เอว. อรหนฺติ อารกกิเลโส, ทูรกิเลโส ปหีนกิเลโสติ อตฺโถ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา ‘‘กถฺจ ¶ , ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหติ? อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา สทรา ทุกฺขวิปากา อายตึ ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหตี’’ติ. (ม. นิ. ๑.๔๓๔) ขีณาสโวติ จตฺตาโร อาสวา กามาสโว…เป… อวิชฺชาสโว, อิเม จตฺตาโร อาสวา อรหโต ขีณา ปหีนา สมุจฺฉินฺนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา, อภพฺพุปฺปตฺติกา าณคฺคินา ทฑฺฒา, เตน วุจฺจติ ขีณาสโวติ.
วุสิตวาติ ครุสํวาเสปิ อริยมคฺคสํวาเสปิ ทสสุ อริยวาเสสุปิ วสิ ปริวสิ วุตฺโถ ปริวุตฺโถ, โส วุตฺถวาโส จิณฺณจรโณติ วุสิตวา กตกรณีโยติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกํ อุปาทาย สตฺต เสกฺขา จตูหิ มคฺเคหิ กรณียํ กโรนฺติ นาม, ขีณาสวสฺส สพฺพกรณียานิ กตานิ ปริโยสิตานิ, นตฺถิ ตสฺส อุตฺตริ กรณียํ ทุกฺขกฺขยาธิคมายาติ กตกรณีโย. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘ตสฺส ¶ สมฺมา วิมุตฺตสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;
กตสฺส ปฏิจโย นตฺถิ, กรณียํ น วิชฺชตี’’ติ. (เถรคา. ๖๔๒);
โอหิตภาโรติ ตโย ภารา ขนฺธภาโร กิเลสภาโร อภิสงฺขารภาโรติ, ตสฺสิเม ตโย ภารา โอหิตา โอโรปิตา นิกฺขิตฺตา ¶ ปาติตา, เตน วุจฺจติ โอหิตภาโรติ. อนุปฺปตฺตสทตฺโถติ อนุปฺปตฺโต สทตฺถํ, สกตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. กการสฺสายํ ทกาโร กโต, สทตฺโถติ จ อรหตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ อตฺตุปนิพนฺธนฏฺเน อตฺตานํ อวิชหนฏฺเน อตฺตโน ปรมตฺถฏฺเน จ อตฺตโน อตฺโถ สกตฺโถติ วุจฺจติ.
ปริกฺขีณภวสํโยชโนติ ภวสํโยชนานีติ ทส สํโยชนานิ กามราคสํโยชนํ ปฏิฆมานทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสภวราคอิสฺสามจฺฉริยสํโยชนํ อวิชฺชาสํโยชนํ. อิมานิ หิ สตฺเต ภเวสุ สํโยเชนฺติ อุปนิพนฺธนฺติ, ภวํ วา ภเวน สํโยเชนฺติ, ตสฺมา ‘‘ภวสํโยชนานี’’ติ วุจฺจนฺติ. อิมานิ ภวสํโยชนานิ อรหโต ปริกฺขีณานิ ปหีนานิ าณคฺคินา ทฑฺฒานิ, เตน วุจฺจติ ‘‘ปริกฺขีณภวสํโยชโน’’ติ. สมฺมทฺา วิมุตฺโตติ เอตฺถ สมฺมทฺาติ สมฺมา อฺาย. กึ วุตฺตํ โหติ – ขนฺธานํ ขนฺธฏฺํ, อายตนานํ อายตนฏฺํ, ธาตูนํ ¶ ธาตุฏฺํ, ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺํ, สมุทยสฺส ปภวฏฺํ, นิโรธสฺส สนฺตฏฺํ, มคฺคสฺส ทสฺสนฏฺํ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ เอวมาทึ วา เภทํ สมฺมา ยถาภูตํ อฺาย ชานิตฺวา ตีรยิตฺวา ตุลยิตฺวา วิภาเวตฺวา วิภูตํ กตฺวาติ.
วิมุตฺโตติ ทฺเว วิมุตฺติโย จิตฺตสฺส จ วิมุตฺติ นิพฺพานฺจ. อรหา สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตจิตฺตตฺตา จิตฺตวิมุตฺติยาปิ วิมุตฺโต. นิพฺพานํ อธิมุตฺตตฺตา นิพฺพาเนปิ วิมุตฺโต. เตน วุจฺจติ ‘‘สมฺมทฺา วิมุตฺโต’’ติ. ปริฺาตํ ตสฺสาติ ตสฺส อรหโต ตํ มฺนาวตฺถุ ตีหิ ปริฺาหิ ปริฺาตํ. ตสฺมา โส ตํ วตฺถุํ น มฺติ, ตํ วา มฺนํ น มฺตีติ วุตฺตํ โหติ, เสสํ วุตฺตนยเมว.
นิพฺพานวาเร ¶ ปน ขยา ราคสฺสาติอาทโย ตโย วารา วุตฺตา. เต ปถวีวาราทีสุปิ วิตฺถาเรตพฺพา. อยฺจ ปริฺาตวาโร นิพฺพานวาเรปิ วิตฺถาเรตพฺโพ. วิตฺถาเรนฺเตน จ ปริฺาตํ ตสฺสาติ สพฺพปเทหิ โยเชตฺวา ปุน ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตาติ โยเชตพฺพํ. เอส นโย อิตเรสุ. เทสนา ปน เอกตฺถ วุตฺตํ สพฺพตฺถ วุตฺตเมว โหตีติ สํขิตฺตา.
ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตาติ เอตฺถ จ ยสฺมา พาหิรโก กาเมสุ วีตราโค, น ขยา ราคสฺส วีตราโค. อรหา ปน ขยา เยว, ตสฺมา วุตฺตํ ¶ ‘‘ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตา’’ติ. เอส นโย โทสโมเหสุปิ. ยถา จ ‘‘ปริฺาตํ ตสฺสาติ วทามี’’ติ วุตฺเตปิ ปริฺาตตฺตา โส ตํ วตฺถุํ ตํ วา มฺนํ น มฺตีติ อตฺโถ โหติ, เอวมิธาปิ วีตราคตฺตา โส ตํ วตฺถุํ ตํ วา มฺนํ น มฺตีติ ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถ จ ปริฺาตํ ตสฺสาติ อยํ วาโร มคฺคภาวนาปาริปูริทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. อิตเร ปน ผลสจฺฉิกิริยาปาริปูริทสฺสนตฺถนฺติ เวทิตพฺพา. ทฺวีหิ วา การเณหิ อรหา น มฺติ วตฺถุสฺส จ ปริฺาตตฺตา อกุสลมูลานฺจ สมุจฺฉินฺนตฺตา. เตนสฺส ปริฺาตวาเรน วตฺถุโน วตฺถุปริฺํ ทีเปติ, อิตเรหิ อกุสลมูลสมุจฺเฉทนฺติ. ตตฺถ ปจฺฉิเมสุ ตีสุ วาเรสุ อยํ วิเสโส เวทิตพฺโพ, ตีสุ หิ วาเรสุ ราเค อาทีนวํ ทิสฺวา ทุกฺขานุปสฺสี วิหรนฺโต อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน วิมุตฺโต ขยา ราคสฺส วีตราโค โหติ. โทเส อาทีนวํ ทิสฺวา อนิจฺจานุปสฺสี ¶ วิหรนฺโต อนิมิตฺตวิโมกฺเขน วิมุตฺโต ขยา โทสสฺส วีตโทโส โหติ. โมเห อาทีนวํ ทิสฺวา อนตฺตานุปสฺสี วิหรนฺโต สฺุตวิโมกฺเขน วิมุตฺโต ขยา โมหสฺส วีตโมโห โหตีติ.
เอวํ สนฺเต น เอโก ตีหิ วิโมกฺเขหิ วิมุจฺจตีติ ทฺเว วารา น วตฺตพฺพา สิยุนฺติ เจ, ตํ น. กสฺมา? อนิยมิตตฺตา. อนิยเมน หิ วุตฺตํ ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรห’’นฺติ. น ปน วุตฺตํ อปฺปณิหิตวิโมกฺเขน วา วิมุตฺโต, อิตเรน วาติ, ตสฺมา ยํ อรหโต ยุชฺชติ, ตํ สพฺพํ วตฺตพฺพเมวาติ.
อวิเสเสน วา โย โกจิ อรหา สมาเนปิ ราคาทิกฺขเย วิปริณามทุกฺขสฺส ปริฺาตตฺตา ขยา ราคสฺส วีตราโคติ วุจฺจติ, ทุกฺขทุกฺขสฺส ปริฺาตตฺตา ขยา โทสสฺส วีตโทโสติ. สงฺขารทุกฺขสฺส ปริฺาตตฺตา ขยา โมหสฺส วีตโมโหติ. อิฏฺารมฺมณสฺส วา ปริฺาตตฺตา ขยา ราคสฺส วีตราโค. อนิฏฺารมฺมณสฺส ปริฺาตตฺตา ขยา โทสสฺส วีตโทโส. มชฺฌตฺตารมฺมณสฺส ปริฺาตตฺตา ¶ ขยา โมหสฺส วีตโมโห. สุขาย วา เวทนาย ราคานุสยสฺส สมุจฺฉินฺนตฺตา ขยา ราคสฺส วีตราโค, อิตราสุ ปฏิฆโมหานุสยานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ¶ วีตโทโส วีตโมโห จาติ. ตสฺมา ตํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ขยา ราคสฺส วีตราคตฺตา…เป… วีตโมหตฺตา’’ติ.
ขีณาสววเสน ตติยจตุตฺถปฺจมฉฏฺนยกถา นิฏฺิตา.
ตถาคตวารสตฺตมนยวณฺณนา
๑๒. เอวํ ปถวีอาทีสุ วตฺถูสุ ขีณาสวสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ตถาคโตปิ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ ตถาคโตติ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโตติ วุจฺจติ – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถาวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ.
กถํ ¶ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา, ยถา วิปสฺสี ภควา อาคโต, ยถา สิขี ภควา, ยถา เวสฺสภู ภควา, ยถา กกุสนฺโธ ภควา, ยถา โกณาคมโน ภควา, ยถา กสฺสโป ภควา อาคโตติ. กึ วุตฺตํ โหติ? เยน อภินีหาเรน เอเต ภควนฺโต อาคตา, เตเนว อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต.
อถ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา ทานปารมึ ปูเรตฺวา, สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมึ ปูเรตฺวา, อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ, สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา, องฺคปริจฺจาคํ นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาคนฺติ อิเม ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย ปูเรตฺวา, พุทฺธิจริยาย โกฏึ ปตฺวา อาคโต, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโต.
ยถา จ วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา จตฺตาโร สติปฏฺาเน สมฺมปฺปธาเน อิทฺธิปาเท ปฺจินฺทฺริยานิ ปฺจ พลานิ สตฺต โพชฺฌงฺเค อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคโต, ตถา อมฺหากํ ¶ ภควาปิ อาคโตติ ตถาคโต.
ยเถว ¶ โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมาติ.
เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต. ยถา สมฺปติชาโต วิปสฺสี ภควา คโต…เป… กสฺสโป ภควา คโต. กถฺจ โส คโตติ, โส หิ สมฺปติชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คโต. ยถาห – สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสตฺโต สเมหิ ¶ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺหิตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คจฺฉติ เสตมฺหิ ฉตฺเต อนุธารียมาเน, สพฺพา จ ทิสา อนุวิโลเกติ, อาสภิฺจ วาจํ ภาสติ ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๐๗).
ตฺจสฺส คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. ยฺหิ โส สมฺปติชาโตว สเมหิ ปาเทหิ ปติฏฺหิ, อิทมสฺส จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. อุตฺตราภิมุขภาโว ปน สพฺพโลกุตฺตรภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. สตฺตปทวีติหาโร สตฺตโพชฺฌงฺครตนปฏิลาภสฺส. ‘‘สุวณฺณทณฺฑา วีติปตนฺติ จามรา’’ติ (สุ. นิ. ๖๙๓) เอตฺถ วุตฺโต จามรุกฺเขโป สพฺพติตฺถิยนิมฺมถนสฺส. เสตจฺฉตฺตธารณํ อรหตฺตวิมุตฺติวรวิมลเสตจฺฉตฺตปฏิลาภสฺส. สพฺพทิสานุวิโลกนํ สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺส. อาสภีวาจาภาสนํ อปฺปฏิวตฺติยวรธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ. ตถา อยํ ภควาปิ คโต. ตฺจสฺส คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ เตสฺเว วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. เตนาหุ โปราณา –
‘‘มุหุตฺตชาโตว ควมฺปตี ยถา,
สเมหิ ปาเทหิ ผุสี วสุนฺธรํ;
โส วิกฺกมี สตฺต ปทานิ โคตโม,
เสตฺจ ฉตฺตํ อนุธารยุํ มรู.
คนฺตฺวาน ¶ ¶ โส สตฺต ปทานิ โคตโม,
ทิสา วิโลเกสิ สมา สมนฺตโต;
อฏฺงฺคุเปตํ คิรมพฺภุทีรยี,
สีโห ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ. –
เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต.
อถ ¶ วา ยถา วิปสฺสี ภควา…เป… ยถา กสฺสโป ภควา, อยมฺปิ ภควา ตเถว เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทํ ปหาย คโต. อพฺยาปาเทน พฺยาปาทํ, อาโลกสฺาย ถินมิทฺธํ, อวิกฺเขเปน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉํ ปหาย, าเณน อวิชฺชํ ปทาเลตฺวา, ปาโมชฺเชน อรตึ วิโนเทตฺวา, ปมชฺฌาเนน นีวรณกวาฏํ อุคฺฆาเฏตฺวา, ทุติยชฺฌาเนน วิตกฺกวิจารธูมํ วูปสเมตฺวา, ตติยชฺฌาเนน ปีตึ วิราเชตฺวา, จตุตฺถชฺฌาเนน สุขทุกฺขํ ปหาย, อากาสานฺจายตนสมาปตฺติยา รูปสฺาปฏิฆสฺานานตฺตสฺาโย สมติกฺกมิตฺวา, วิฺาณฺจายตนสมาปตฺติยา อากาสานฺจายตนสฺํ, อากิฺจฺายตนสมาปตฺติยา วิฺาณฺจายตนสฺํ, เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติยา อากิฺจฺายตนสฺํ สมติกฺกมิตฺวา คโต.
อนิจฺจานุปสฺสนาย นิจฺจสฺํ ปหาย, ทุกฺขานุปสฺสนาย สุขสฺํ, อนตฺตานุปสฺสนาย อตฺตสฺํ, นิพฺพิทานุปสฺสนาย นนฺทึ, วิราคานุปสฺสนาย ราคํ, นิโรธานุปสฺสนาย สมุทยํ, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาย อาทานํ, ขยานุปสฺสนาย ฆนสฺํ, วยานุปสฺสนาย อายูหนํ, วิปริณามานุปสฺสนาย ธุวสฺํ, อนิมิตฺตานุปสฺสนาย นิมิตฺตํ, อปฺปณิหิตานุปสฺสนาย ปณิธึ, สฺุตานุปสฺสนาย อภินิเวสํ, อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนาย สาราทานาภินิเวสํ, ยถาภูตาณทสฺสเนน สมฺโมหาภินิเวสํ, อาทีนวานุปสฺสนาย อาลยาภินิเวสํ, ปฏิสงฺขานุปสฺสนาย อปฺปฏิสงฺขํ, วิวฏฺฏานุปสฺสนาย สํโยคาภินิเวสํ, โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺเกฏฺเ กิเลเส ภฺชิตฺวา, สกทาคามิมคฺเคน โอฬาริเก กิเลเส ปหาย, อนาคามิมคฺเคน อณุสหคเต กิเลเส สมุคฺฆาเฏตฺวา, อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลเส สมุจฺฉินฺทิตฺวา คโต. เอวมฺปิ ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ¶ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต. ปถวีธาตุยา กกฺขฬตฺตลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ. อาโปธาตุยา ปคฺฆรณลกฺขณํ. เตโชธาตุยา อุณฺหตฺตลกฺขณํ. วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภนลกฺขณํ. อากาสธาตุยา อสมฺผุฏฺลกฺขณํ ¶ . วิฺาณธาตุยา วิชานนลกฺขณํ.
รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ. เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ. สฺาย สฺชานนลกฺขณํ. สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ. วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ.
วิตกฺกสฺส ¶ อภินิโรปนลกฺขณํ. วิจารสฺส อนุมชฺชนลกฺขณํ. ปีติยา ผรณลกฺขณํ. สุขสฺส สาตลกฺขณํ. จิตฺเตกคฺคตาย อวิกฺเขปลกฺขณํ. ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ.
สทฺธินฺทฺริยสฺส อธิโมกฺขลกฺขณํ. วีริยินฺทฺริยสฺส ปคฺคหณลกฺขณํ. สตินฺทฺริยสฺส อุปฏฺานลกฺขณํ. สมาธินฺทฺริยสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ. ปฺินฺทฺริยสฺส ปชานนลกฺขณํ.
สทฺธาพลสฺส อสฺสทฺธิเย อกมฺปิยลกฺขณํ. วีริยพลสฺส โกสชฺเช. สติพลสฺส มุฏฺสจฺเจ. สมาธิพลสฺส อุทฺธจฺเจ. ปฺาพลสฺส อวิชฺชาย อกมฺปิยลกฺขณํ.
สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฏฺานลกฺขณํ. ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปวิจยลกฺขณํ. วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปคฺคหณลกฺขณํ. ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ผรณลกฺขณํ. ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปสมลกฺขณํ. สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ. อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ปฏิสงฺขานลกฺขณํ.
สมฺมาทิฏฺิยา ทสฺสนลกฺขณํ. สมฺมาสงฺกปฺปสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ. สมฺมาวาจาย ปริคฺคาหลกฺขณํ. สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมุฏฺานลกฺขณํ. สมฺมาอาชีวสฺส โวทานลกฺขณํ. สมฺมาวายามสฺส ปคฺคหณลกฺขณํ. สมฺมาสติยา อุปฏฺานลกฺขณํ. สมฺมาสมาธิสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ.
อวิชฺชาย อฺาณลกฺขณํ. สงฺขารานํ เจตนาลกฺขณํ. วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณํ. นามสฺส นมนลกฺขณํ. รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ. สฬายตนสฺส อายตนลกฺขณํ. ผสฺสสฺส ผุสนลกฺขณํ. เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ. ตณฺหาย เหตุลกฺขณํ. อุปาทานสฺส คหณลกฺขณํ. ภวสฺส อายูหนลกฺขณํ. ชาติยา นิพฺพตฺติลกฺขณํ. ชราย ชีรณลกฺขณํ. มรณสฺส จุติลกฺขณํ.
ธาตูนํ ¶ สฺุตาลกฺขณํ. อายตนานํ อายตนลกฺขณํ. สติปฏฺานานํ อุปฏฺานลกฺขณํ. สมฺมปฺปธานานํ ปทหนลกฺขณํ. อิทฺธิปาทานํ อิชฺฌนลกฺขณํ. อินฺทฺริยานํ อธิปติลกฺขณํ. พลานํ อกมฺปิยลกฺขณํ. โพชฺฌงฺคานํ นิยฺยานลกฺขณํ. มคฺคสฺส เหตุลกฺขณํ.
สจฺจานํ ¶ ตถลกฺขณํ. สมถสฺส อวิกฺเขปลกฺขณํ. วิปสฺสนาย อนุปสฺสนาลกฺขณํ. สมถวิปสฺสนานํ เอกรสลกฺขณํ. ยุคนนฺธานํ ¶ อนติวตฺตนลกฺขณํ.
สีลวิสุทฺธิยา สํวรลกฺขณํ. จิตฺตวิสุทฺธิยา อวิกฺเขปลกฺขณํ. ทิฏฺิวิสุทฺธิยา ทสฺสนลกฺขณํ.
ขเยาณสฺส สมุจฺเฉทลกฺขณํ. อนุปฺปาเท าณสฺส ปสฺสทฺธิลกฺขณํ. ฉนฺทสฺส มูลลกฺขณํ. มนสิการสฺส สมุฏฺานลกฺขณํ. ผสฺสสฺส สโมธานลกฺขณํ. เวทนาย สโมสรณลกฺขณํ. สมาธิสฺส ปมุขลกฺขณํ. สติยา อาธิปเตยฺยลกฺขณํ. ปฺาย ตตุตฺตริลกฺขณํ. วิมุตฺติยา สารลกฺขณํ. อมโตคธสฺส นิพฺพานสฺส ปริโยสานลกฺขณํ ตถํ อวิตถํ. เอวํ ตถลกฺขณํ าณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต อนุปฺปตฺโตติ ตถาคโต, เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ, อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๕๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. อภิสมฺพุทฺธตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโท. อปิจ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ. ตถา อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ. สงฺขารานํ วิฺาณสฺส ปจฺจยฏฺโ…เป… ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ. ตํ สพฺพํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ตถานํ ธมฺมานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโตติ ¶ วุจฺจติ. เอวํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ภควา ยํ สเทวเก โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ. ตํ สพฺพาการโต ชานาติ, ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จ เตน ตํ อิฏฺานิฏฺาทิวเสน ¶ วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานกปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ, ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ ¶ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติ (ธ. ส. ๖๑๖) อาทินา นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺเวปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ. วุตฺตฺเจตํ ภควตา ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, …ตมหํ อภิฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔). เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. ตตฺถ ตถทสฺสีอตฺเถ ตถาคโตติ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
กถํ ตถาวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺตึ ภควา โพธิมณฺเฑ อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ยฺจ รตฺตึ ยมกสาลานมนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาเณ กาเล ปมโพธิยาปิ มชฺฌิมโพธิยาปิ ปจฺฉิมโพธิยาปิ ยํ ภควตา ภาสิตํ สุตฺตํ เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ, ตํ สพฺพํ อตฺถโต จ พฺยฺชนโต จ อนุปวชฺชํ อนูนมนธิกํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ราคมทนิมฺมทนํ โทสโมหมทนิมฺมทนํ, นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ ปกฺขลิตํ, สพฺพํ ตํ เอกมุทฺทิกาย ลฺฉิตํ วิย, เอกนาฬิยา มิตํ วิย, เอกตุลาย ตุลิตํ วิย จ ตถเมว โหติ อวิตถํ. เตนาห – ‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ โน อฺถา. ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). คทอตฺโถ ¶ หิ เอตฺถ คตสทฺโท. เอวํ ตถาวาทิตาย ตถาคโต. อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตสฺมึ อตฺเถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
กถํ ¶ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา. ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํภูตสฺส จสฺส ยถา วาจา ¶ , กาโยปิ ตถาคโต ปวตฺโตติ อตฺโถ. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ ตถาคโต. เตนาห ‘‘ยถาวาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที, ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต.
กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวิจึ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ, สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร ราชราโช เทวเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา. เตนาห ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุ ทโส วสวตฺตี. ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา, อคโท วิย อคโท. โก ปเนส? เทสนาวิลาสมโย เจว ปฺุุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก ทิพฺพาคเทน สปฺเป วิย สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ, อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต เทสนาวิลาสมโย เจว ปฺุสฺสโย จ อคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
อปิจ ตถาย คโตติปิ ตถาคโต, ตถํ คโตติปิ ตถาคโต. คโตติ อวคโต, อตีโต, ปตฺโต, ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ. ตตฺถ ¶ สกลํ โลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต. โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต ปตฺโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถํ คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. เตน ยํ วุตฺตํ ภควตา ‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ¶ ปหีโน. โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา. ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส ¶ โลกสฺส…เป… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ, ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓). ตสฺส เอวมฺปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิทมฺปิ จ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตเมว. สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ตถาคตภาวํ วณฺเณยฺย.
อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธติ ปททฺวเย ปน อารกตฺตา อรีนํ, อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ อรหนฺติ เวทิตพฺโพ.
สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนตํ ปททฺวยํ วิสุทฺธิมคฺเค พุทฺธานุสฺสติวณฺณนายํ ปกาสิตํ.
ปริฺาตนฺตํ ตถาคตสฺสาติ เอตฺถ ปน ตํ มฺนาวตฺถุ ปริฺาตํ ตถาคตสฺสาติปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปริฺาตนฺตํ นาม ปริฺาตปารํ ปริฺาตาวสานํ อนวเสสโต ปริฺาตนฺติ วุตฺตํ โหติ. พุทฺธานฺหิ สาวเกหิ สทฺธึ กิฺจาปิ เตน เตน มคฺเคน กิเลสปฺปหาเน วิเสโส นตฺถิ, ปริฺาย ปน อตฺถิ. สาวกา หิ จตุนฺนํ ธาตูนํ เอกเทสเมว สมฺมสิตฺวา นิพฺพานํ ปาปุณนฺติ. พุทฺธานํ ปน อณุปฺปมาณมฺปิ สงฺขารคตํ าเณน อทิฏฺมตุลิตมตีริตมสจฺฉิกตํ นตฺถิ.
ตถาคตวารสตฺตมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตถาคตวารอฏฺมนยวณฺณนา
๑๓. นนฺที ¶ ทุกฺขสฺส มูลนฺติอาทีสุ จ นนฺทีติ ปุริมตณฺหา. ทุกฺขนฺติ ปฺจกฺขนฺธา. มูลนฺติอาทิ. อิติ วิทิตฺวาติ ตํ ปุริมภวนนฺทึ ‘‘อิมสฺส ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติ เอวํ ชานิตฺวา. ภวาติ กมฺมภวโต. ชาตีติ วิปากกฺขนฺธา. เต หิ ยสฺมา ชายนฺติ, ตสฺมา ‘‘ชาตี’’ติ วุตฺตา. ชาติสีเสน วา อยํ เทสนา. เอตมฺปิ ‘‘อิติ วิทิตฺวา’’ติ อิมินา โยเชตพฺพํ. อยฺหิ เอตฺถ อตฺโถ ‘‘กมฺมภวโต อุปปตฺติภโว โหตีติ เอวฺจ ชานิตฺวา’’ติ. ภูตสฺสาติ ¶ สตฺตสฺส. ชรามรณนฺติ ชรา จ ¶ มรณฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เตน อุปปตฺติภเวน ภูตสฺส สตฺตสฺส ขนฺธานํ ชรามรณํ โหตีติ เอวฺจ ชานิตฺวาติ.
เอตฺตาวตา ยํ โพธิรุกฺขมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน สมฺมสิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต, ตสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ปฏิเวธา มฺนานํ อภาวการณํ ทสฺเสนฺโต จตุสงฺเขปํ ติสนฺธึ ติยทฺธํ วีสตาการํ ตเมว ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ทสฺเสติ.
กถํ ปน เอตฺตาวตา เอส สพฺโพ ทสฺสิโต โหตีติ. เอตฺถ หิ นนฺทีติ อยํ เอโก สงฺเขโป. ทุกฺขสฺสาติ วจนโต ทุกฺขํ ทุติโย, ภวา ชาตีติ วจนโต ภโว ตติโย, ชาติชรามรณํ จตุตฺโถ. เอวํ ตาว จตฺตาโร สงฺเขปา เวทิตพฺพา, โกฏฺาสาติ อตฺโถ. ตณฺหาทุกฺขานํ ปน อนฺตรํ เอโก สนฺธิ, ทุกฺขสฺส จ ภวสฺส จ อนฺตรํ ทุติโย, ภวสฺส จ ชาติยา จ อนฺตรํ ตติโย. เอวํ จตุนฺนํ องฺคุลีนํ อนฺตรสทิสา จตุสงฺเขปนฺตรา ตโย สนฺธี เวทิตพฺพา.
ตตฺถ นนฺทีติ อตีโต อทฺธา, ชาติชรามรณํ อนาคโต, ทุกฺขฺจ ภโว จ ปจฺจุปฺปนฺโนติ เอวํ ตโย อทฺธา เวทิตพฺพา. อตีเต ปน ปฺจสุ อากาเรสุ นนฺทีวจเนน ตณฺหา เอกา อาคตา, ตาย อนาคตาปิ อวิชฺชาสงฺขารอุปาทานภวา ปจฺจยลกฺขเณน คหิตาว โหนฺติ. ชาติชรามรณวจเนน ปน เยสํ ขนฺธานํ ตชฺชาติชรามรณํ, เต วุตฺตา เยวาติ กตฺวา อายตึ วิฺาณนามรูปสฬายตนผสฺสเวทนา คหิตาว โหนฺติ.
เอวเมเต ‘‘ปุริมกมฺมภวสฺมึ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนํ อุปาทานํ, เจตนา ภโว อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ปุริมกมฺมภวสฺมึ ¶ อิธ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา. อิธ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ, โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส, เวทยิตํ เวทนา อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธูปปตฺติภวสฺมึ ปุเรกตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา. อิธ ปริปกฺกตฺตา อายตนานํ โมโห อวิชฺชา, อายูหนา สงฺขารา, นิกนฺติ ตณฺหา, อุปคมนมุปาทานํ, เจตนา ภโว อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อิธ กมฺมภวสฺมึ อายตึ ปฏิสนฺธิยา ปจฺจยา. อายตึ ปฏิสนฺธิ วิฺาณํ, โอกฺกนฺติ นามรูปํ, ปสาโท อายตนํ, ผุฏฺโ ผสฺโส ¶ , เวทยิตํ เวทนา อิติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อายตึ อุปปตฺติภวสฺมึ อิธ ¶ กตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยา’’ติ เอวํ นิทฺทิฏฺลกฺขณา วีสติ อาการา อิธ เวทิตพฺพา. เอวํ ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูลนฺติ อิติ วิทิตฺวา ภวา ชาติ, ภูตสฺส ชรามรณ’’นฺติ เอตฺตาวตา เอส สพฺโพปิ จตุสงฺเขโป ติสนฺธิ ติยทฺโธ วีสตากาโร ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ทสฺสิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ตสฺมา ติห, ภิกฺขเว…เป… อภิสมฺพุทฺโธติ วทามีติ เอตฺถ อปุพฺพปทวณฺณนํ กตฺวา ปทโยชนาย อตฺถนิคมนํ กริสฺสาม. ตสฺมา ติหาติ ตสฺมา อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. ติการหการา หิ นิปาตา. สพฺพโสติ อนวเสสวจนเมตํ. ตณฺหานนฺติ นนฺทีติ เอวํ วุตฺตานํ สพฺพตณฺหานํ. ขยาติ โลกุตฺตรมคฺเคน อจฺจนฺตกฺขยา. วิราคาทีนิ ขยเววจนาเนว. ยา หิ ตณฺหา ขีณา, วิรตฺตาปิ ตา ภวนฺติ นิรุทฺธาปิ จตฺตาปิ ปฏินิสฺสฏฺาปิ. ขยาติ วา จตุมคฺคกิจฺจสาธารณเมตํ. ตโต ปมมคฺเคน วิราคา, ทุติเยน นิโรธา, ตติเยน จาคา, จตุตฺเถน ปฏินิสฺสคฺคาติ โยเชตพฺพํ. ยาหิ วา ตณฺหาหิ ปถวึ ปถวิโต สฺชาเนยฺย, ตาสํ ขยา. ยาหิ ปถวึ มฺเยฺย, ตาสํ วิราคา. ยาหิ ปถวิยา มฺเยฺย, ตาสํ นิโรธา. ยาหิ ปถวิโต มฺเยฺย, ตาสํ จาคา. ยาหิ ปถวึ เมติ มฺเยฺย, ตาสํ ปฏินิสฺสคฺคา. ยาหิ วา ปถวึ มฺเยฺย, ตาสํ ขยา…เป… ยาหิ ปถวึ อภินนฺเทยฺย, ตาสํ ปฏินิสฺสคฺคาติ เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพา, น กิฺจิ วิรุชฺฌติ.
อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฏฺํ. สมฺมาสมฺโพธินฺติ สมฺมา สามฺจ โพธึ. อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธึ. โพธีติ รุกฺโขปิ มคฺโคปิ สพฺพฺุตาณมฺปิ นิพฺพานมฺปิ. ‘‘โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) จ ‘‘อนฺตรา ¶ จ โพธึ อนฺตรา จ คย’’นฺติ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕) จ อาคตฏฺาเนหิ รุกฺโข โพธีติ วุจฺจติ. ‘‘จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ๑๒๑) อาคตฏฺาเน มคฺโค. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) อาคตฏฺาเน สพฺพฺุตาณํ. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ อาคตฏฺาเน นิพฺพานํ. อิธ ปน ภควโต อรหตฺตมคฺคาณํ อธิปฺเปตํ. อปเร สพฺพฺุตาณนฺติปิ วทนฺติ.
สาวกานํ ¶ ¶ อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ โหติ น โหตีติ. น โหติ. กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตา. เตสฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมคฺโค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติสฺโส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิฺา, กสฺสจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมีาณํ. ปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณเมว เทติ. พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺตึ เทติ อภิเสโก วิย รฺโ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํ. ตสฺมา อฺสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหตีติ.
อภิสมฺพุทฺโธติ อภิฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ, ปตฺโต อธิคโตติ วุตฺตํ โหติ. อิติ วทามีติ อิติ วทามิ อาจิกฺขามิ เทเสมิ ปฺเปมิ, ปฏฺเปมิ วิวรามิ วิภชามิ อุตฺตานีกโรมีติ. ตตฺรายํ โยชนา – ตถาคโตปิ, ภิกฺขเว…เป… ปถวึ น มฺติ…เป… ปถวึ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ, นนฺที ทุกฺขสฺส มูลํ, ภวา ชาติ, ภูตสฺส ชรามรณนฺติ อิติ วิทิตฺวาติ. ตตฺถ อิติ วิทิตฺวาติ อิติกาโร การณตฺโถ. เตน อิมสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส วิทิตตฺตา ปฏิวิทฺธตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. กิฺจ ภิยฺโย – ยสฺมา จ เอวมิมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ วิทิตฺวา ตถาคตสฺส ยา นนฺทีติ วุตฺตตณฺหา สพฺพปฺปการา, สา ปหีนา, ตาสฺจ ตถาคโต สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา…เป… อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ. ตสฺมา ปถวึ น มฺติ…เป… ปถวึ นาภินนฺทตีติ วทามีติ เอวํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา น มฺติ นาภินนฺทตีติ วทามีติ วุตฺตํ โหติ.
อถ วา ยสฺมา ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติอาทินา นเยน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ วิทิตฺวา สพฺพโส ตณฺหา ขยํ คตา, ตสฺมา ติห, ภิกฺขเว, ตถาคโต สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา…เป… อภิสมฺพุทฺโธติ วทามิ. โส เอวํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ¶ ปถวึ น มฺติ…เป… นาภินนฺทตีติ. ยตฺถ ยตฺถ หิ ยสฺมาติ อวตฺวา ตสฺมาติ วุจฺจติ, ตตฺถ ตตฺถ ยสฺมาติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ, อยํ สาสนยุตฺติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
อิทมโวจ ภควาติ อิทํ นิทานาวสานโต ปภุติ ยาว อภิสมฺพุทฺโธติ วทามีติ สกลสุตฺตนฺตํ ภควา ปเรสํ ปฺาย อลพฺภเณยฺยปติฏฺํ ปรมคมฺภีรํ สพฺพฺุตาณํ ทสฺเสนฺโต เอเกน ปุถุชฺชนวาเรน เอเกน ¶ เสกฺขวาเรน จตูหิ ขีณาสววาเรหิ ทฺวีหิ ตถาคตวาเรหีติ อฏฺหิ ¶ มหาวาเรหิ เอกเมกสฺมิฺจ วาเร ปถวีอาทีหิ จตุวีสติยา อนฺตรวาเรหิ ปฏิมณฺเฑตฺวา ทฺเวภาณวารปริมาณาย ตนฺติยา อโวจ.
เอวํ วิจิตฺรนยเทสนาวิลาสยุตฺตํ ปเนตํ สุตฺตํ กรวิกรุทมฺชุนา กณฺณสุเขน ปณฺฑิตชนหทยานํ อมตาภิเสกสทิเสน พฺรหฺมสฺสเรน ภาสมานสฺสาปิ. น เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ เต ปฺจสตา ภิกฺขู อิทํ ภควโต วจนํ นานุโมทึสุ. กสฺมา? อฺาณเกน. เต กิร อิมสฺส สุตฺตสฺส อตฺถํ น ชานึสุ, ตสฺมา นาภินนฺทึสุ. เตสฺหิ ตสฺมึ สมเย เอวํ วิจิตฺรนยเทสนาวิลาสยุตฺตมฺปิ เอตํ สุตฺตํ ฆนปุถุเลน ทุสฺสปฏฺเฏน มุเข พนฺธํ กตฺวา ปุรโต ปิตมนฺุโภชนํ วิย อโหสิ. นนุ จ ภควา อตฺตนา เทสิตํ ธมฺมํ ปเร าเปตุํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต. โส กสฺมา ยถา เต น ชานนฺติ, ตถา เทเสสีติ. วุตฺตมิทํ อิมสฺส สุตฺตสฺส นิกฺเขปวิจารณายํ เอว ‘‘มานภฺชนตฺถํ สพฺพธมฺมมูลปริยายนฺติ เทสนํ อารภี’’ติ, ตสฺมา น ยิธ ปุน วตฺตพฺพมตฺถิ, เอวํ มานภฺชนตฺถํ เทสิตฺจ ปเนตํ สุตฺตํ สุตฺวา เต ภิกฺขู ตํเยว กิร ปถวึ ทิฏฺิคติโกปิ สฺชานาติ, เสกฺโขปิ อรหาปิ ตถาคโตปิ สฺชานาติ. กินฺนามิทํ กถํ นามิทนฺติ จินฺเตนฺตา ปุพฺเพ มยํ ภควตา กถิตํ ยํกิฺจิ ขิปฺปเมว ชานาม, อิทานิ ปนิมสฺส มูลปริยายสฺส อนฺตํ วา โกฏึ วา น ชานาม น ปสฺสาม, อโห พุทฺธา นาม อปฺปเมยฺยา อตุลาติ อุทฺธฏทาา วิย สปฺปา นิมฺมทา หุตฺวา พุทฺธุปฏฺานฺจ ธมฺมสฺสวนฺจ สกฺกจฺจํ อาคมํสุ.
เตน ¶ โข ปน สมเยน ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา อิมํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห พุทฺธานํ อานุภาโว, เต นาม พฺราหฺมณปพฺพชิตา ตถา มานมทมตฺตา ภควตา มูลปริยายเทสนาย นิหตมานา กตา’’ติ, อยฺจรหิ เตสํ ภิกฺขูนํ อนฺตรากถา วิปฺปกตา. อถ ¶ ภควา คนฺธกุฏิยา นิกฺขมิตฺวา ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน ธมฺมสภายํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา เต ภิกฺขู อาห – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ. เต ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ อหํ อิเม เอวํ มานปคฺคหิตสิเร วิจรนฺเต นิหตมาเน อกาสิ’’นฺติ. ตโต อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ อตีตํ อาเนสิ –
ภูตปุพฺพํ ¶ , ภิกฺขเว, อฺตโร ทิสาปาโมกฺโข พฺราหฺมโณ พาราณสิยํ ปฏิวสติ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฏุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, โส ปฺจมตฺตานิ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจติ. ปณฺฑิตา มาณวกา พหฺุจ คณฺหนฺติ ลหฺุจ, สุฏฺุ จ อุปธาเรนฺติ, คหิตฺจ เตสํ น วินสฺสติ. โสปิ พฺราหฺมโณ อาจริยมุฏฺึ อกตฺวา ฆเฏ อุทกํ อาสิฺจนฺโต วิย สพฺพมฺปิ สิปฺปํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา เต มาณวเก เอตทโวจ ‘‘เอตฺตกมิทํ สิปฺปํ ทิฏฺธมฺมสมฺปรายหิต’’นฺติ. เต มาณวกา – ‘‘ยํ อมฺหากํ อาจริโย ชานาติ, มยมฺปิ ตํ ชานาม, มยมฺปิ ทานิ อาจริยา เอวา’’ติ มานํ อุปฺปาเทตฺวา ตโต ปภุติ อาจริเย อคารวา นิกฺขิตฺตวตฺตา วิหรึสุ. อาจริโย ตฺวา ‘‘กริสฺสามิ เนสํ มานนิคฺคห’’นฺติ จินฺเตสิ. โส เอกทิวสํ อุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺเน เต มาณวเก อาห ‘‘ตาตา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, กจฺจิตฺถ สมตฺถา กเถตุ’’นฺติ. เต ‘‘ปุจฺฉถ อาจริย, ปุจฺฉถ อาจริยา’’ติ สหสาว อาหํสุ, ยถา ตํ สุตมทมตฺตา. อาจริโย อาห –
‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา;
โย จ กาลฆโส ภูโต, ส ภูตปจนึ ปจี’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๑๙๐) –
วิสฺสชฺเชถ ตาตา อิมํ ปฺหนฺติ.
เต ¶ จินฺเตตฺวา อชานมานา ตุณฺหี อเหสุํ. อาจริโย อาห ‘‘อลํ ตาตา คจฺฉถชฺช, สฺเว กเถยฺยาถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต ทสปิ วีสติปิ สมฺปิณฺฑิตา หุตฺวา น ตสฺส ปฺหสฺส อาทึ, น อนฺตมทฺทสํสุ. อาคนฺตฺวา อาจริยสฺส อาโรเจสุํ ‘‘น อิมสฺส ปฺหสฺส อตฺถํ อาชานามา’’ติ. อาจริโย เตสํ นิคฺคหตฺถาย อิมํ คาถมภาสิ –
‘‘พหูนิ ¶ นรสีสานิ, โลมสานิ พฺรหานิ จ;
คีวาสุ ปฏิมุกฺกานิ, โกจิเทเวตฺถ กณฺณวา’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๑๙๑) –
คาถายตฺโถ – พหูนิ นรานํ สีสานิ ทิสฺสนฺติ, สพฺพานิ จ ตานิ โลมสานิ สพฺพานิ จ มหนฺตานิ ¶ คีวายเมว จ ปิตานิ, น ตาลผลํ วิย หตฺเถน คหิตานิ, นตฺถิ เตสํ อิเมหิ ธมฺเมหิ นานากรณํ. เอตฺถ ปน โกจิเทว กณฺณวาติ อตฺตานํ สนฺธายาห. กณฺณวาติ ปฺวา. กณฺณจฺฉิทฺทํ ปน น กสฺสจิ นตฺถิ, ตํ สุตฺวา เต มาณวกา มงฺกุภูตา ปตฺตกฺขนฺธา อโธมุขา องฺคุลิยา ภูมึ วิลิขนฺตา ตุณฺหี อเหสุํ.
อถ เนสํ อหิริกภาวํ ปสฺสิตฺวา อาจริโย ‘‘อุคฺคณฺหถ ตาตา ปฺห’’นฺติ ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. กาโลติ ปุเรภตฺตกาโลปิ ปจฺฉาภตฺตกาโลปีติ เอวมาทิ. ภูตานีติ สตฺตาธิวจนเมตํ. กาโล หิ ภูตานํ น จมฺมมํสาทีนิ ขาทติ, อปิจ โข เนสํ อายุวณฺณพลานิ เขเปนฺโต โยพฺพฺํ มทฺทนฺโต อาโรคฺยํ วินาเสนฺโต ฆสติ ขาทตีติ วุจฺจติ. สพฺพาเนว สหตฺตนาติ เอวํ ฆสนฺโต จ น กิฺจิ วชฺเชติ, สพฺพาเนว ฆสติ. น เกวลฺจ ภูตานิเยว, อปิจ โข สหตฺตนา อตฺตานมฺปิ ฆสติ. ปุเรภตฺตกาโล หิ ปจฺฉาภตฺตกาลํ น ปาปุณาติ. เอส นโย ปจฺฉาภตฺตกาลาทีสุ. โย จ กาลฆโส ภูโตติ ขีณาสวสฺเสตํ อธิวจนํ. โส หิ อายตึ ปฏิสนฺธิกาลํ เขเปตฺวา ขาทิตฺวา ิตตฺตา ‘‘กาลฆโส’’ติ วุจฺจติ. ส ภูตปจนึ ปจีติ โส ยายํ ตณฺหา อปาเยสุ ภูเต ปจติ, ตํ าณคฺคินา ปจิ ทยฺหิ ภสฺมมกาสิ, เตน ‘‘ภูตปจนึ ปจี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘ปชนิ’’นฺติปิ ปาโ. ชนิกํ นิพฺพตฺติกนฺติ อตฺโถ.
อถ เต มาณวกา ทีปสหสฺสาโลเกน วิย รตฺตึ สมวิสมํ อาจริยสฺส วิสฺสชฺชเนน ปฺหสฺส อตฺถํ ปากฏํ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ มยํ ยาวชีวํ คุรุวาสํ ¶ วสิสฺสาม, มหนฺตา เอเต อาจริยา นาม, มยฺหิ พหุสฺสุตมานํ อุปฺปาเทตฺวา จตุปฺปทิกคาถายปิ อตฺถํ น ชานามา’’ติ นิหตมานา ปุพฺพสทิสเมว อาจริยสฺส วตฺตปฺปฏิปตฺตึ กตฺวา สคฺคปรายณา อเหสุํ.
อหํ โข, ภิกฺขเว, เตน สมเยน เตสํ อาจริโย อโหสึ, อิเม ภิกฺขู มาณวกา. เอวํ ปุพฺเพปาหํ อิเม เอวํ มานปคฺคหิตสิเร ¶ วิจรนฺเต นิหตมาเน อกาสินฺติ.
อิมฺจ ชาตกํ สุตฺวา เต ภิกฺขู ปุพฺเพปิ มยํ มาเนเนว อุปหตาติ ภิยฺโยโสมตฺตาย นิหตมานา หุตฺวา อตฺตโน อุปการกกมฺมฏฺานปรายณา อเหสุํ.
ตโต ¶ ภควา เอกํ สมยํ ชนปทจาริกํ จรนฺโต เวสาลึ ปตฺวา โคตมเก เจติเย วิหรนฺโต อิเมสํ ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ าณปริปากํ วิทิตฺวา อิมํ โคตมกสุตฺตํ กเถสิ –
‘‘อภิฺายาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ โน อนภิฺาย, สนิทานาหํ…เป… สปฺปาฏิหาริยาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ โน อปฺปาฏิหาริยํ. ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, อภิฺาย ธมฺมํ เทสยโต…เป… โน อปฺปาฏิหาริยํ. กรณีโย โอวาโท, กรณียา อนุสาสนี. อลฺจ ปน โว, ภิกฺขเว, ตุฏฺิยา อลํ อตฺตมนตาย อลํ โสมนสฺสาย. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆติ. อิทมโวจ ภควา, อิมสฺมิฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมึ ภฺมาเน ทสสหสฺสิโลกธาตุ อกมฺปิตฺถา’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๖).
อิทฺจ สุตฺตํ สุตฺวา เต ปฺจสตา ภิกฺขู ตสฺมึเยวาสเน สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, เอวายํ เทสนา เอตสฺมึ าเน นิฏฺมคมาสีติ.
ตถาคตวารอฏฺมนยวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนา
๑๔. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… สาวตฺถิยนฺติ สพฺพาสวสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา – สาวตฺถีติ สวตฺถสฺส อิสิโน นิวาสฏฺานภูตา นครี, ยถา กากนฺที มากนฺที โกสมฺพีติ เอวํ ตาว อกฺขรจินฺตกา. อฏฺกถาจริยา ปน ภณนฺติ ‘‘ยํกิฺจิ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ สพฺพเมตฺถ อตฺถีติ สาวตฺถี. สตฺถสมาโยเค จ กึ ภณฺฑมตฺถีติ ปุจฺฉิเต สพฺพมตฺถี’’ติ วจนมุปาทาย สาวตฺถี.
‘‘สพฺพทา สพฺพูปกรณํ, สาวตฺถิยํ สโมหิตํ;
ตสฺมา สพฺพมุปาทาย, สาวตฺถีติ ปวุจฺจติ.
โกสลานํ ¶ ปุรํ รมฺมํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;
ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุตํ.
วุทฺธึ เวปุลฺลตํ ปตฺตํ, อิทฺธํ ผีตํ มโนรมํ;
อฬกมนฺทาว เทวานํ, สาวตฺถิปุรมุตฺตม’’นฺติ.
ตสฺสํ สาวตฺถิยํ. เชตวเนติ เอตฺถ อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชนํ ชินาตีติ เชโต, รฺา วา อตฺตโน ปจฺจตฺถิกชเน ชิเต ชาโตติ เชโต, มงฺคลกมฺยตาย วา ตสฺส เอวํนามเมว กตนฺติ เชโต, เชตสฺส วนํ เชตวนํ. ตฺหิ เชเตน ราชกุมาเรน โรปิตํ สํวทฺธิตํ ปริปาลิตํ, โส จ ตสฺส สามี อโหสิ. ตสฺมา เชตวนนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ เชตวเน. อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ เอตฺถ สุทตฺโต นาม โส คหปติ มาตาปิตูหิ กตนามวเสน. สพฺพกามสมิทฺธิตาย ปน วิคตมลมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑมทาสิ, เตน อนาถปิณฺฑิโกติ สงฺขํ คโต. อารมนฺติ เอตฺถ ปาณิโน วิเสเสน วา ปพฺพชิตาติ อาราโม, ตสฺส ปุปฺผผลาทิโสภาย นาติทูรนจฺจาสนฺนตาทิปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยา จ ตโต ตโต อาคมฺม ¶ รมนฺติ อภิรมนฺติ อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา นิวสนฺตีติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย วา สมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตรํเยว อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม. โส หิ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา เชตสฺส ราชกุมารสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ โกฏิสนฺถเรน กีณิตฺวา อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ เสนาสนานิ การาเปตฺวา อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา ¶ เอวํ จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส นิยฺยาทิโต. ตสฺมา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม.
เอตฺถ จ ‘‘เชตวเน’’ติ วจนํ ปุริมสามิปริกิตฺตนํ. ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ ปจฺฉิมสามิปริกิตฺตนํ. กิเมเตสํ ปริกิตฺตเน ปโยชนนฺติ. ปฺุกามานํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนํ. ตตฺร หิ ทฺวารโกฏฺกปาสาทมาปเน ภูมิวิกฺกยลทฺธา อฏฺารส หิรฺโกฏิโย อเนกโกฏิอคฺฆนกา รุกฺขา จ เชตสฺส ปริจฺจาโค, จตุปฺาส ¶ โกฏิโย อนาถปิณฺฑิกสฺส. อิติ เตสํ ปริกิตฺตเนน เอวํ ปฺุกามา ปฺุานิ กโรนฺตีติ ทสฺเสนฺโต อายสฺมา อานนฺโท อฺเปิ ปฺุกาเม เตสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยเชติ.
สพฺพาสวสํวรปริยายํ โว, ภิกฺขเวติ กสฺมา อิทํ สุตฺตมภาสิ? เตสํ ภิกฺขูนํ อุปกฺกิเลสวิโสธนํ อาทึ กตฺวา อาสวกฺขยาย ปฏิปตฺติทสฺสนตฺถํ. ตตฺถ สพฺพาสวสํวรปริยายนฺติ สพฺเพสํ อาสวานํ สํวรการณํ สํวรภูตํ การณํ, เยน การเณน เต สํวริตา ปิทหิตา หุตฺวา อนุปฺปาทนิโรธสงฺขาตํ ขยํ คจฺฉนฺติ ปหียนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ, ตํ การณนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ อาสวนฺตีติ อาสวา, จกฺขุโตปิ…เป… มนโตปิ สนฺทนฺติ ปวตฺตนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมโต ยาว โคตฺรภุํ โอกาสโต ยาว ภวคฺคํ สวนฺตีติ วา อาสวา, เอเต ธมฺเม เอตฺจ โอกาสํ อนฺโต กริตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อนฺโตกรณตฺโถ หิ อยํ อากาโร. จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทโย อาสวา, อาสวา วิยาติปิ อาสวา. โลกสฺมิฺหิ จิรปาริวาสิกา มทิราทโย อาสวาติ วุจฺจนฺติ. ยทิ จ จิรปาริวาสิยฏฺเน อาสวา, เอเตเยว ภวิตุมรหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย, อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๖๑). อายตํ วา สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตีติปิ อาสวา. ปุริมานิ เจตฺถ นิพฺพจนานิ ยตฺถ กิเลสา อาสวาติ ¶ อาคจฺฉนฺติ, ตตฺถ ยุชฺชนฺติ, ปจฺฉิมํ กมฺเมปิ. น เกวลฺจ กมฺมกิเลสาเยว อาสวา, อปิจ โข นานปฺปการกา อุปฺปทฺทวาปิ. สุตฺเตสุ หิ ‘‘นาหํ, จุนฺท, ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.
‘‘เยน ¶ เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺยํ, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖); –
เอตฺถ เตภูมกฺจ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา. ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) เอตฺถ ปรูปวาทวิปฺปฏิสารวธพนฺธาทโย ¶ เจว อปายทุกฺขภูตา จ นานปฺปการา อุปทฺทวา. เต ปเนเต อาสวา ยตฺถ ยถา อาคตา, ตตฺถ ตถา เวทิตพฺพา.
เอเต หิ วินเย ตาว ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ ทฺเวธา อาคตา. สฬายตเน ‘‘ตโยเม อาวุโส อาสวา, กามาสโว ภวาสโว อวิชฺชาสโว’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) ติธา อาคตา. อฺเสุ จ สุตฺตนฺเตสุ อภิธมฺเม จ เตเยว ทิฏฺาสเวน สห จตุธา อาคตา. นิพฺเพธิกปริยาเย – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา นิรยคามินิยา, อตฺถิ อาสวา ติรจฺฉานโยนิคามินิยา, อตฺถิ อาสวา เปตฺติวิสยคามินิยา, อตฺถิ อาสวา มนุสฺสโลกคามินิยา, อตฺถิ อาสวา เทวโลกคามินิยา’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) ปฺจธา อาคตา. ฉกฺกนิปาเต – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา’’ติอาทินา นเยน ฉธา อาคตา. อิมสฺมึ ปน สุตฺเต เตเยว ทสฺสนาปหาตพฺเพหิ สทฺธึ สตฺตธา อาคตาติ. อยํ ตาว อาสวปเท วจนตฺโถ เจว ปเภโท จ.
สํวรปเท ปน สํวรยตีติ สํวโร, ปิทหติ นิวาเรติ ปวตฺติตุํ น เทตีติ อตฺโถ. ตถา ¶ หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทิวา ปฏิสลฺลียนฺเตน ทฺวารํ สํวริตฺวา ปฏิสลฺลียิตุ’’นฺติ (ปารา. ๗๗), ‘‘โสตานํ สํวรํพฺรอูมิ, ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๑) จ อาทีสุ ปิธานฏฺเน สํวรมาห. สฺวายํ สํวโร ปฺจวิโธ โหติ สีลสํวโร สติาณ ขนฺติ วีริยสํวโรติ. ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อยํ สีลสํวโร. ปาติโมกฺขสีลฺหิ ¶ เอตฺถ สํวโรติ วุตฺตํ. ‘‘จกฺขุนฺทฺริเย สํวรมาปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๑๓) สติสํวโร. สติ เหตฺถ สํวโรติ วุตฺตา. ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ อยํ าณสํวโร. าณฺเหตฺถ ปิธียเรติ อิมินา ปิธานฏฺเน สํวโรติ วุตฺตํ. ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส…เป…, อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔-๒๖) ปน นเยน อิเธว ขนฺติวีริยสํวรา อาคตา. เตสฺจ ‘‘สพฺพาสวสํวรปริยาย’’นฺติ อิมินา อุทฺเทเสน สงฺคหิตตฺตา สํวรภาโว เวทิตพฺโพ.
อปิจ ปฺจวิโธปิ ¶ อยํ สํวโร อิธ อาคโตเยว, ตตฺถ ขนฺติวีริยสํวรา ตาว วุตฺตาเยว. ‘‘โส ตฺจ อนาสนํ ตฺจ อโคจร’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๕) อยํ ปเนตฺถ สีลสํวโร. ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๒) อยํ สติสํวโร. สพฺพตฺถ ปฏิสงฺขา าณสํวโร. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน ทสฺสนํ ปฏิเสวนา ภาวนา จ าณสํวโร. ปริยายนฺติ เอเตน ธมฺมาติ ปริยาโย, อุปฺปตฺตึ นิโรธํ วา คจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา ‘‘สพฺพาสวสํวรปริยาย’’นฺติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตํ โหติ.
๑๕. อิทานิ ชานโต อหนฺติอาทีสุ ชานโตติ ชานนฺตสฺส. ปสฺสโตติ ปสฺสนฺตสฺส. ทฺเวปิ ปทานิ เอกตฺถานิ, พฺยฺชนเมว นานํ. เอวํ สนฺเตปิ ชานโตติ าณลกฺขณํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสติ, ชานนลกฺขณฺหิ าณํ. ปสฺสโตติ าณปฺปภาวํ อุปาทาย, ปสฺสนปฺปภาวฺหิ าณํ. าณสมงฺคี ปุคฺคโล จกฺขุมา วิย จกฺขุนา รูปานิ าเณน วิวเฏ ธมฺเม ปสฺสติ. อปิจ โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตุํ ชานโต, อโยนิโสมนสิกาโร ยถา น อุปฺปชฺชติ, เอวํ ปสฺสโตติ อยเมตฺถ สาโร. เกจิ ปนาจริยา พหู ปปฺเจ ภณนฺติ, เต อิมสฺมึ อตฺเถ น ยุชฺชนฺติ.
อาสวานํ ¶ ขยนฺติ อาสวปฺปหานํ อาสวานํ อจฺจนฺตกฺขยสมุปฺปาทํ ขีณาการํ นตฺถิภาวนฺติ อยเมว หิ อิมสฺมิฺจ สุตฺเต, ‘‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) จ อาสวกฺขยตฺโถ. อฺตฺถ ปน มคฺคผลนิพฺพานานิปิ อาสวกฺขโยติ วุจฺจนฺติ. ตถา หิ –
‘‘เสขสฺส ¶ สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา’’ติ. (อิติวุ. ๖๒) –
อาทีสุ มคฺโค อาสวกฺขโยติ วุตฺโต,
‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) ผลํ.
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๕๓) –
อาทีสุ นิพฺพานํ ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุตฺตํ.
โน อชานโต โน อปสฺสโตติ โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส โน วทามีติ อตฺโถ. เอเตน เย อชานโต อปสฺสโตปิ สํวราทีหิเยว ¶ สุทฺธึ วทนฺติ, เต ปฏิกฺขิตฺตา โหนฺติ. ปุริเมน วา ปททฺวเยน อุปาโย วุตฺโต, อิมินา อนุปายปฏิเสโธ. สงฺเขเปน เจตฺถ าณํ อาสวสํวรปริยาโยติ ทสฺสิตํ โหติ.
อิทานิ ยํ ชานโต อาสวานํ ขโย โหติ, ตํ ทสฺเสตุกาโม กิฺจ, ภิกฺขเว, ชานโตติ ปุจฺฉํ อารภิ, ตตฺถ ชานนา พหุวิธา. ทพฺพชาติโก เอว หิ โกจิ ภิกฺขุ ฉตฺตํ กาตุํ ชานาติ, โกจิ จีวราทีนํ อฺตรํ, ตสฺส อีทิสานิ กมฺมานิ วตฺตสีเส ตฺวา กโรนฺตสฺส สา ชานนา มคฺคผลานํ ปทฏฺานํ น โหตีติ น วตฺตพฺพา. โย ปน สาสเน ปพฺพชิตฺวา เวชฺชกมฺมาทีนิ กาตุํ ชานาติ, ตสฺเสวํ ชานโต อาสวา วฑฺฒนฺติเยว, ตสฺมา ยํ ชานโต ¶ ปสฺสโต จ อาสวานํ ขโย โหติ, ตเทว ทสฺเสนฺโต อาห โยนิโส จ มนสิการํ อโยนิโส จ มนสิการนฺติ.
ตตฺถ โยนิโส มนสิกาโร นาม อุปายมนสิกาโร ปถมนสิกาโร, อนิจฺจาทีสุ อนิจฺจนฺติ อาทินา เอว นเยน สจฺจานุโลมิเกน วา จิตฺตสฺส อาวฏฺฏนา อนฺวาวฏฺฏนา อาโภโค สมนฺนาหาโร มนสิกาโร, อยํ วุจฺจติ โยนิโส มนสิกาโรติ.
อโยนิโส มนสิกาโรติ อนุปายมนสิกาโร อุปฺปถมนสิกาโร. อนิจฺเจ นิจฺจนฺติ ทุกฺเข สุขนฺติ อนตฺตนิ อตฺตาติ อสุเภ สุภนฺติ อโยนิโส มนสิกาโร อุปฺปถมนสิกาโร. สจฺจปฺปฏิกุเลน วา จิตฺตสฺส อาวฏฺฏนา อนฺวาวฏฺฏนา อาโภโค ¶ สมนฺนาหาโร มนสิกาโร, อยํ วุจฺจติ อโยนิโส มนสิกาโรติ. เอวํ โยนิโส มนสิการํ อุปฺปาเทตุํ ชานโต, อโยนิโส มนสิกาโร จ ยถา น อุปฺปชฺชติ, เอวํ ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหติ.
อิทานิ อิมสฺเสวตฺถสฺส ยุตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห อโยนิโส, ภิกฺขเว…เป… ปหียนฺตีติ. เตน กึ วุตฺตํ โหติ, ยสฺมา อโยนิโส มนสิกโรโต อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, โยนิโส มนสิกโรโต ปหียนฺติ, ตสฺมา ชานิตพฺพํ โยนิโส มนสิการํ อุปฺปาเทตุํ ชานโต, อโยนิโส มนสิกาโร จ ยถา น อุปฺปชฺชติ, เอวํ ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหตีติ, อยํ ตาเวตฺถ สงฺเขปวณฺณนา.
อยํ ปน วิตฺถาโร – ตตฺถ ‘‘โยนิโส อโยนิโส’’ติ อิเมหิ ตาว ทฺวีหิ ปเทหิ อาพทฺธํ โหติ อุปริ สกลสุตฺตํ. วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน ¶ หิ อุปริ สกลสุตฺตํ วุตฺตํ. อโยนิโส มนสิการมูลกฺจ วฏฺฏํ, โยนิโส มนสิการมูลกฺจ วิวฏฺฏํ. กถํ? อโยนิโส มนสิกาโร หิ วฑฺฒมาโน ทฺเว ธมฺเม ปริปูเรติ อวิชฺชฺจ ภวตณฺหฺจ. อวิชฺชาย จ สติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ. ตณฺหาย สติ ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ…เป… สมุทโย โหตี’’ติ. เอวํ อยํ อโยนิโส มนสิการพหุโล ปุคฺคโล วาตเวคาภิฆาเตน วิปฺปนฏฺนาวา วิย คงฺคาวฏฺเฏ ปติตโคกุลํ วิย จกฺกยนฺเต ยุตฺตพลิพทฺโท ¶ วิย จ ปุนปฺปุนํ ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ อาวฏฺฏปริวฏฺฏํ กโรติ, เอวํ ตาว อโยนิโส มนสิการมูลกํ วฏฺฏํ.
โยนิโส มนสิกาโร ปน วฑฺฒมาโน – ‘‘โยนิโส มนสิการสมฺปนฺนสฺเสตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวสฺสติ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกริสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๕) วจนโต สมฺมาทิฏฺิปมุขํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ปริปูเรติ. ยา จ สมฺมาทิฏฺิ, สา วิชฺชาติ ตสฺส วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ, ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ…เป… เอวํ เอตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ (มหาว. ๑) เอวํ โยนิโส มนสิการมูลกํ วิวฏฺฏํ เวทิตพฺพํ. เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ อาพทฺธํ โหติ อุปริ สกลสุตฺตํ.
เอวํ อาพทฺเธ ¶ เจตฺถ ยสฺมา ปุพฺเพ อาสวปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปฺปตฺติ วุจฺจมานา น ยุชฺชติ. น หิ ปหีนา ปุน อุปฺปชฺชนฺติ. อุปฺปนฺนานํ ปน ปหานํ ยุชฺชติ, ตสฺมา อุทฺเทสปฏิโลมโตปิ ‘‘อโยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อโยนิโส มนสิกโรโตติ วุตฺตปฺปการํ อโยนิโส มนสิการํ อุปฺปาทยโต. อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺตีติ เอตฺถ เย ปุพฺเพ อปฺปฏิลทฺธปุพฺพํ จีวราทึ วา ปจฺจยํ อุปฏฺากสทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกานํ วา อฺตรํ มนฺุํ วตฺถุํ ปฏิลภิตฺวา, ตํ สุภํ สุขนฺติ อโยนิโส มนสิกโรโต, อฺตรฺตรํ วา ปน อนนุภูตปุพฺพํ อารมฺมณํ ยถา วา ตถา วา อโยนิโส มนสิกโรโต อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, เต อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพา, อฺถา หิ อนมตคฺเค สํสาเร อนุปฺปนฺนา นาม อาสวา น สนฺติ. อนุภูตปุพฺเพปิ จ วตฺถุมฺหิ อารมฺมเณ วา ยสฺส ปกติสุทฺธิยา วา อุทฺเทสปริปุจฺฉาปริยตฺตินวกมฺมโยนิโสมนสิการานํ ¶ วา อฺตรวเสน ปุพฺเพ อนุปฺปชฺชิตฺวา ปจฺฉา ตาทิเสน ปจฺจเยน สหสา อุปฺปชฺชนฺติ, อิเมปิ อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺตีติ เวทิตพฺพา. เตสุเยว ปน วตฺถารมฺมเณสุ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปนฺนา ปวฑฺฒนฺตีติ วุจฺจนฺติ. อิโต อฺถา หิ ปมุปฺปนฺนานํ วฑฺฒิ นาม นตฺถิ.
โยนิโส ¶ จ โข, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ปน ยสฺส ปกติสุทฺธิยา วา เสยฺยถาปิ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ภทฺทาย จ กาปิลานิยา, อุทฺเทสปริปุจฺฉาทีหิ วา การเณหิ อาสวา นุปฺปชฺชนฺติ, โส จ ชานาติ ‘‘น โข เม อาสวา มคฺเคน สมุคฺฆาตํ คตา, หนฺท เนสํ สมุคฺฆาตาย ปฏิปชฺชามี’’ติ. ตโต มคฺคภาวนาย สพฺเพ สมุคฺฆาเตติ. ตสฺส เต อาสวา อนุปฺปนฺนา น อุปฺปชฺชนฺตีติ วุจฺจนฺติ. ยสฺส ปน การกสฺเสว สโต สติสมฺโมเสน สหสา อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, ตโต สํเวคมาปชฺชิตฺวา โยนิโส ปทหนฺโต เต อาสเว สมุจฺฉินฺทติ, ตสฺส อุปฺปนฺนา ปหียนฺตีติ วุจฺจนฺติ มณฺฑลารามวาสีมหาติสฺสภูตตฺเถรสฺส วิย. โส กิร ตสฺมึเยว วิหาเร อุทฺเทสํ คณฺหาติ, อถสฺส คาเม ปิณฺฑาย จรโต วิสภาคารมฺมเณ กิเลโส อุปฺปชฺชิ, โส ตํ วิปสฺสนาย วิกฺขมฺเภตฺวา วิหารํ อคมาสิ. ตสฺส สุปินนฺเตปิ ตํ อารมฺมณํ น อุปฏฺาสิ. โส ‘‘อยํ กิเลโส วฑฺฒิตฺวา อปายสํวตฺตนิโก โหตี’’ติ สํเวคํ ชเนตฺวา อาจริยํ อาปุจฺฉิตฺวา วิหารา นิกฺขมฺม มหาสงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก ¶ ราคปฏิปกฺขํ อสุภกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คุมฺพนฺตรํ ปวิสิตฺวา ปํสุกูลจีวรํ สนฺถริตฺวา นิสชฺช อนาคามิมคฺเคน ปฺจกามคุณิกราคํ ฉินฺทิตฺวา อุฏฺาย อาจริยํ วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส อุทฺเทสมคฺคํ ปาปุณิ. เย ปน วตฺตมานุปฺปนฺนา, เตสํ ปฏิปตฺติยา ปหานํ นาม นตฺถิ.
๑๖. อิทานิ ‘‘อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปหียนฺตี’’ติ อิทเมว ปทํ คเหตฺวา เย เต อาสวา ปหียนฺติ, เตสํ นานปฺปการโต อฺมฺปิ ปหานการณํ อาวิกาตุํ เทสนํ วิตฺถาเรนฺโต อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพาติอาทิมาห ยถา ตํ เทสนาปเภทกุสโล ธมฺมราชา. ตตฺถ ทสฺสนา ปหาตพฺพาติ ทสฺสเนน ปหาตพฺพา. เอส นโย สพฺพตฺถ.
ทสฺสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๑๗. อิทานิ ¶ ตานิ ปทานิ อนุปุพฺพโต พฺยากาตุกาโม ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา มูลปริยายวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺานํ เทสนํ อารภิ. ตตฺถ มนสิกรณีเย ธมฺเม นปฺปชานาตีติ อาวชฺชิตพฺเพ สมนฺนาหริตพฺเพ ธมฺเม น ปชานาติ. อมนสิกรณีเยติ ตพฺพิปรีเต. เอส นโย เสสปเทสุปิ. ยสฺมา ปน อิเม ธมฺมา มนสิกรณียา, อิเม อมนสิกรณียาติ ¶ ธมฺมโต นิยโม นตฺถิ, อาการโต ปน อตฺถิ. เยนา อากาเรน มนสิกริยมานา อกุสลุปฺปตฺติปทฏฺานา โหนฺติ, เตนากาเรน น มนสิกาตพฺพา. เยน กุสลุปฺปตฺติปทฏฺานา โหนฺติ, เตนากาเรน มนสิกาตพฺพา. ตสฺมา ‘‘ย’สฺส, ภิกฺขเว, ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ย’สฺสาติ เย อสฺส อสฺสุตวโต ปุถุชฺชนสฺส. มนสิกโรโตติ อาวชฺชยโต สมนฺนาหรนฺตสฺส. อนุปฺปนฺโน วา กามาสโวติ เอตฺถ สมุจฺจยตฺโถ วาสทฺโท, น วิกปฺปตฺโถ. ตสฺมา ยถา ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ ¶ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐) วุตฺเต อปทา จ ทฺวิปทา จาติ อตฺโถ, ยถา จ ‘‘ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๒) วุตฺเต ภูตานฺจ สมฺภเวสีนฺจาติ อตฺโถ, ยถา จ ‘‘อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทโต วา’’ติ (อุทา. ๗๖) วุตฺเต อคฺคิโต จ อุทกโต จ มิถุเภทโต จาติ อตฺโถ, เอวมิธาปิ อนุปฺปนฺโน จ กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ กามาสโว ปวฑฺฒตีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวํ เสเสสุ.
เอตฺถ จ กามาสโวติ ปฺจกามคุณิโก ราโค. ภวาสโวติ รุปารูปภเว ฉนฺทราโค, ฌานนิกนฺติ จ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิสหคตา. เอวํ ทิฏฺาสโวปิ ภวาสเว เอว สโมธานํ คจฺฉติ. อวิชฺชาสโวติ จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณํ. ตตฺถ กามคุเณ อสฺสาทโต มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน จ กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ ปวฑฺฒติ. มหคฺคตธมฺเม อสฺสาทโต มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน จ ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ ปวฑฺฒติ. ตีสุ ภูมีสุ ธมฺเม จตุวิปลฺลาสปทฏฺานภาเวน มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน จ อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน จ ปวฑฺฒตีติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตนยปจฺจนีกโต สุกฺกปกฺโข วิตฺถาเรตพฺโพ.
กสฺมา ¶ ปน ตโย เอว อาสวา อิธ วุตฺตาติ. วิโมกฺขปฏิปกฺขโต. อปฺปณิหิตวิโมกฺขปฏิปกฺโข หิ กามาสโว,. อนิมิตฺตสฺุตวิโมกฺขปฏิปกฺขา อิตเร. ตสฺมา อิเม ตโย อาสเว อุปฺปาเทนฺตา ติณฺณํ วิโมกฺขานํ อภาคิโน โหนฺติ, อนุปฺปาเทนฺตา ภาคิโนติ เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ตโย เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ทิฏฺาสโวปิ วา เอตฺถ วุตฺโต เยวาติ วณฺณิตเมตํ.
ตสฺส ¶ อมนสิกรณียานํ ธมฺมานํ มนสิการาติ มนสิการเหตุ, ยสฺมา เต ธมฺเม มนสิ กโรติ, ตสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย ทุติยปเทปิ. ‘‘อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปวฑฺฒนฺตี’’ติ เหฏฺา วุตฺตอาสวานํเยว อเภทโต นิคมนเมตํ.
๑๘. เอตฺตาวตา โย อยํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ทสฺสนา ปหาตพฺเพ อาสเว นิทฺทิสิตุํ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน วุตฺโต, โส ยสฺมา ‘‘อโยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ เอวํ สามฺโต วุตฺตานํ อโยนิโส มนสิการปจฺจยานํ กามาสวาทีนมฺปิ ¶ อธิฏฺานํ, ตสฺมา เตปิ อาสเว เตเนว ปุคฺคเลน ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทสฺสนา ปหาตพฺเพ อาสเว ทสฺเสนฺโต โส เอวํ อโยนิโส มนสิ กโรติ, อโหสึ นุ โข อหนฺติอาทิมาห. วิจิกิจฺฉาสีเสน เจตฺถ ทิฏฺาสวมฺปิ ทสฺเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ.
ตสฺสตฺโถ, ยสฺส เต อิมินา วุตฺตนเยน อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, โส ปุถุชฺชโน, โย จายํ ‘‘อสฺสุตวา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต, โส ปุถุชฺชโน เอวํ อโยนิโส อนุปาเยน อุปฺปเถน มนสิ กโรติ. กถํ? อโหสึ นุ โข…เป…โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ. กึ วุตฺตํ โหติ, โส เอวํ อโยนิโส มนสิ กโรติ, ยถาสฺส ‘‘อหํ อโหสึ นุ โข’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา โสฬสวิธาปิ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชตีติ.
ตตฺถ อโหสึ นุ โข นนุ โขติ สสฺสตาการฺจ อธิจฺจสมุปฺปตฺติอาการฺจ นิสฺสาย อตีเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. กึ การณนฺติ น วตฺตพฺพํ. อุมฺมตฺตโก วิย หิ พาลปุถุชฺชโน ยถา วา ตถา วา ปวตฺตติ. อปิจ อโยนิโส มนสิกาโรเยเวตฺถ การณํ. เอวํ อโยนิโส มนสิการสฺส ปน กึ การณนฺติ. สฺเวว ปุถุชฺชนภาโว อริยานํ อทสฺสนาทีนิ วา. นนุ จ ปุถุชฺชโนปิ โยนิโส มนสิ กโรตีติ. โก วา เอวมาห น มนสิ กโรตีติ. น ปน ตตฺถ ปุถุชฺชนภาโว การณํ ¶ , สทฺธมฺมสฺสวนกลฺยาณมิตฺตาทีนิ ตตฺถ การณานิ. น หิ มจฺฉมํสาทีนิ อตฺตโน อตฺตโน ปกติยา สุคนฺธานิ, อภิสงฺขารปจฺจยา ปน สุคนฺธานิปิ โหนฺติ.
กึ ¶ นุ โข อโหสินฺติ ชาติลิงฺคูปปตฺติโย นิสฺสาย ขตฺติโย นุ โข อโหสึ, พฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทคหฏฺปพฺพชิตเทวมนุสฺสานํ อฺตโรติ กงฺขติ.
กถํ นุ โขติ สณฺานาการํ นิสฺสาย ทีโฆ นุ โข อโหสึ, รสฺสโอทาตกณฺหปฺปมาณิกอปฺปมาณิกาทีนํ อฺตโรติ กงฺขติ. เกจิ ปน อิสฺสรนิมฺมานาทึ นิสฺสาย เกน นุ โข การเณน อโหสินฺติ เหตุโต กงฺขตีติ วทนฺติ.
กึ หุตฺวา กึ อโหสินฺติ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย ขตฺติโย หุตฺวา นุ โข พฺราหฺมโณ อโหสึ…เป… เทโว หุตฺวา มนุสฺโสติ อตฺตโน ปรมฺปรํ กงฺขติ. สพฺพตฺเถว ปน อทฺธานนฺติ กาลาธิวจนเมตํ.
ภวิสฺสามิ ¶ นุ โข นนุ โขติ สสฺสตาการฺจ อุจฺเฉทาการฺจ นิสฺสาย อนาคเต อตฺตโน วิชฺชมานตํ อวิชฺชมานตฺจ กงฺขติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
เอตรหิ วา ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานนฺติ อิทานิ วา ปฏิสนฺธึ อาทึ กตฺวา จุติปริยนฺตํ สพฺพมฺปิ วตฺตมานกาลํ คเหตฺวา. อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหตีติ อตฺตโน ขนฺเธสุ วิจิกิจฺโฉ โหติ. อหํ นุ โขสฺมีติ อตฺตโน อตฺถิภาวํ กงฺขติ. ยุตฺตํ ปเนตนฺติ? ยุตฺตํ อยุตฺตนฺติ กา เอตฺถ จินฺตา. อปิเจตฺถ อิทํ วตฺถุมฺปิ อุทาหรนฺติ. จูฬมาตาย กิร ปุตฺโต มุณฺโฑ, มหามาตาย ปุตฺโต อมุณฺโฑ, ตํ ปุตฺตํ มุณฺเฑสุํ. โส อุฏฺาย อหํ นุ โข จูฬมาตาย ปุตฺโตติ จินฺเตสิ. เอวํ อหํ นุ โขสฺมีติ กงฺขา โหติ.
โน นุ โขสฺมีติ อตฺตโน นตฺถิภาวํ กงฺขติ. ตตฺราปิ อิทํ วตฺถุ – เอโก กิร มจฺเฉ คณฺหนฺโต อุทเก จิรฏฺาเนน สีติภูตํ อตฺตโน อูรุํ มจฺโฉติ จินฺเตตฺวา ปหริ. อปโร สุสานปสฺเส เขตฺตํ รกฺขนฺโต ภีโต สงฺกุฏิโต สยิ. โส ปฏิพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน ชณฺณุกานิ ทฺเว ยกฺขาติ จินฺเตตฺวา ปหริ. เอวํ โน นุ โขสฺมีติ กงฺขติ.
กึ นุ โขสฺมีติ ขตฺติโยว สมาโน อตฺตโน ขตฺติยภาวํ กงฺขติ. เอส นโย เสเสสุ. เทโว ¶ ปน สมาโน เทวภาวํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ. โสปิ ปน ‘‘อหํ รูปี นุ โข อรูปี นุ โข’’ติอาทินา นเยน กงฺขติ. ขตฺติยาทโย กสฺมา น ชานนฺตีติ เจ. อปจฺจกฺขา เตสํ ตตฺถ ตตฺถ กุเล ¶ อุปฺปตฺติ. คหฏฺาปิ จ โปตฺถลิกาทโย ปพฺพชิตสฺิโน. ปพฺพชิตาปิ ‘‘กุปฺปํ นุ โข เม กมฺม’’นฺติอาทินา นเยน คหฏฺสฺิโน. มนุสฺสาปิ จ ราชาโน วิย อตฺตนิ เทวสฺิโน โหนฺติ.
กถํ นุ โขสฺมีติ วุตฺตนยเมว. เกวลฺเจตฺถ อพฺภนฺตเร ชีโว นาม อตฺถีติ คเหตฺวา ตสฺส สณฺานาการํ นิสฺสาย ทีโฆ นุ โขสฺมิ, รสฺสจตุรํสฉฬํสอฏฺํสโสฬสํสาทีนํ อฺตรปฺปกาโรติ กงฺขนฺโต กถํ นุ โขสฺมีติ กงฺขตีติ เวทิตพฺโพ. สรีรสณฺานํ ปน ปจฺจุปฺปนฺนํ อชานนฺโต นาม นตฺถิ.
กุโต ¶ อาคโต, โส กุหึ คามี ภวิสฺสตีติ อตฺตภาวสฺส อาคติคติฏฺานํ กงฺขติ.
๑๙. เอวํ โสฬสปฺปเภทํ วิจิกิจฺฉํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยํ อิมินา วิจิกิจฺฉาสีเสน ทิฏฺาสวํ ทสฺเสตุํ อยํ เทสนา อารทฺธา. ตํ ทสฺเสนฺโต ตสฺส เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนนฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺส ปุคฺคลสฺส ยถา อยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ตสฺเสว สวิจิกิจฺฉสฺส อโยนิโส มนสิการสฺส ถามคตตฺตา ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ สพฺพปเทสุ วาสทฺโท วิกปฺปตฺโถ, เอวํ วา เอวํ วา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ โหติ. อตฺถิ เม อตฺตาติ เจตฺถ สสฺสตทิฏฺิ สพฺพกาเลสุ อตฺตโน อตฺถิตํ คณฺหาติ. สจฺจโต เถตโตติ ภูตโต จ ถิรโต จ, ‘‘อิทํ สจฺจ’’นฺติ ภูตโต สุฏฺุ ทฬฺหภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. นตฺถิ เม อตฺตาติ อยํ ปน อุจฺเฉททิฏฺิ, สโต สตฺตสฺส ตตฺถ ตตฺถ วิภวคฺคหณโต. อถ วา ปุริมาปิ ตีสุ กาเลสุ อตฺถีติ คหณโต สสฺสตทิฏฺิ, ปจฺจุปฺปนฺนเมว อตฺถีติ คณฺหนฺโต อุจฺเฉททิฏฺิ. ปจฺฉิมาปิ อตีตานาคเตสุ นตฺถีติ คหณโต ภสฺมนฺตาหุติโยติ คหิตทิฏฺิกานํ วิย, อุจฺเฉททิฏฺิ. อตีเต เอว นตฺถีติ คณฺหนฺโต อธิจฺจสมุปฺปตฺติกสฺเสว สสฺสตทิฏฺิ.
อตฺตนาว อตฺตานํ สฺชานามีติ สฺากฺขนฺธสีเสน ขนฺเธ อตฺตาติ คเหตฺวา สฺาย อวเสสกฺขนฺเธ ¶ สฺชานโต อิมินา อตฺตนา อิมํ อตฺตานํ สฺชานามีติ โหติ. อตฺตนาว อนตฺตานนฺติ สฺากฺขนฺธํเยว อตฺตาติ คเหตฺวา, อิตเร จตฺตาโรปิ อนตฺตาติ คเหตฺวา สฺาย เตสํ ชานโต เอวํ โหติ ¶ . อนตฺตนาว อตฺตานนฺติ สฺากฺขนฺธํ อนตฺตาติ. อิตเร จตฺตาโร อตฺตาติ คเหตฺวา สฺาย เตสํ ชานโต เอวํ โหติ, สพฺพาปิ สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโยว.
วโท เวเทยฺโยติอาทโย ปน สสฺสตทิฏฺิยา เอว อภินิเวสาการา. ตตฺถ วทตีติ วโท, วจีกมฺมสฺส การโกติ วุตฺตํ โหติ. เวทยตีติ เวเทยฺโย, ชานาติ อนุภวติ จาติ วุตฺตํ โหติ. กึ เวเทตีติ, ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ¶ ปฏิสํเวเทติ. ตตฺร ตตฺราติ เตสุ เตสุ โยนิคติฏฺิตินิวาสนิกาเยสุ อารมฺมเณสุ วา. นิจฺโจติ อุปฺปาทวยรหิโต. ธุโวติ ถิโร สารภูโต. สสฺสโตติ สพฺพกาลิโก. อวิปริณามธมฺโมติ อตฺตโน ปกติภาวํ อวิชหนธมฺโม, กกณฺฏโก วิย นานปฺปการตํ นาปชฺชติ. สสฺสติสมนฺติ จนฺทสูริยสมุทฺทมหาปถวีปพฺพตา โลกโวหาเรน สสฺสติโยติ วุจฺจนฺติ. สสฺสตีหิ สมํ สสฺสติสมํ. ยาว สสฺสติโย ติฏฺนฺติ, ตาว ตเถว สฺสตีติ คณฺหโต เอวํทิฏฺิ โหติ.
อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิคตนฺติอาทีสุ. อิทนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพสฺส ปจฺจกฺขนิทสฺสนํ. ทิฏฺิคตสมฺพนฺเธน จ อิทนฺติ วุตฺตํ, น ทิฏฺิสมฺพนฺเธน. เอตฺถ จ ทิฏฺิเยว ทิฏฺิคตํ, คูถคตํ วิย. ทิฏฺีสุ วา คตมิทํ ทสฺสนํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิอนฺโตคธตฺตาติปิ ทิฏฺิคตํ. ทิฏฺิยา วา คตํ ทิฏฺิคตํ. อิทฺหิ อตฺถิ เม อตฺตาติอาทิ ทิฏฺิยา คมนมตฺตเมว, นตฺเถตฺถ อตฺตา วา นิจฺโจ วา โกจีติ วุตฺตํ โหติ. สา จายํ ทิฏฺิ ทุนฺนิคฺคมนฏฺเน คหนํ. ทุรติกฺกมฏฺเน สปฺปฏิภยฏฺเน จ กนฺตาโร, ทุพฺภิกฺขกนฺตารวาฬกนฺตาราทโย วิย. สมฺมาทิฏฺิยา วินิวิชฺฌนฏฺเน วิโลมนฏฺเน วา วิสูกํ. กทาจิ สสฺสตสฺส, กทาจิ อุจฺเฉทสฺส คหณโต วิรูปํ ผนฺทิตนฺติ วิปฺผนฺทิตํ. พนฺธนฏฺเน สํโยชนํ. เตนาห ‘‘ทิฏฺิคหนํ…เป… ทิฏฺิสํโยชน’’นฺติ. อิทานิสฺส ตเมว พนฺธนตฺถํ ทสฺเสนฺโต ทิฏฺิสํโยชนสํยุตฺโตติอาทิมาห. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ. อิมินา ทิฏฺิสํโยชเนน สํยุตฺโต ปุถุชฺชโน เอเตหิ ชาติอาทีหิ น ปริมุจฺจตีติ. กึ วา พหุนา, สกลวฏฺฏทุกฺขโตปิ น มุจฺจตีติ.
๒๐. เอวํ ¶ ¶ ฉปฺปเภทํ ทิฏฺาสวํ ทสฺเสตฺวา ยสฺมา สีลพฺพตปรามาโส กามาสวาทิวจเนเนว ทสฺสิโต โหติ. กามสุขตฺถฺหิ ภวสุขภววิสุทฺธิอตฺถฺจ อวิชฺชาย อภิภูตา อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณา สีลพฺพตานิ ปรามสนฺติ, ตสฺมา ตํ อทสฺเสตฺวา ทิฏฺิคฺคหเณน วา ตสฺส คหิตตฺตาปิ ตํ อทสฺเสตฺวาว อิทานิ โย ปุคฺคโล ทสฺสนา ปหาตพฺเพ อาสเว ปชหติ, ตํ ทสฺเสตฺวา เตสํ อาสวานํ ปหานํ ทสฺเสตุํ ¶ ปุพฺเพ วา อโยนิโส มนสิกโรโต ปุถุชฺชนสฺส เตสํ อุปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตพฺพิปรีตสฺส ปหานํ ทสฺเสตุํ สุตวา จ โข, ภิกฺขเวติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ, ยาว ‘‘โส อิทํ ทุกฺข’’นฺติ อาคจฺฉติ, ตาว เหฏฺา วุตฺตนเยน จ วุตฺตปจฺจนีกโต จ เวทิตพฺโพ. ปจฺจนีกโต จ สพฺพากาเรน อริยธมฺมสฺส อโกวิทาวินีตปจฺจนีกโต อยํ ‘‘สุตวา อริยสาวโก อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต’’ติ เวทิตพฺโพ. อปิจ โข สิขาปตฺตวิปสฺสนโต ปภุติ ยาว โคตฺรภุ, ตาว ตทนุรูเปน อตฺเถน อยํ อริยสาวโกติ เวทิตพฺโพ.
๒๑. ‘‘โส อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทีสุ ปน อยํ อตฺถวิภาวนา, โส จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก อริยสาวโก ตณฺหาวชฺชา เตภูมกา ขนฺธา ทุกฺขํ, ตณฺหา ทุกฺขสมุทโย, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรโธ, นิโรธสมฺปาปโก มคฺโคติ เอวํ ปุพฺเพว อาจริยสนฺติเก อุคฺคหิตจตุสจฺจกมฺมฏฺาโน อปเรน สมเยน วิปสฺสนามคฺคํ สมารุฬฺโห สมาโน เต เตภูมเก ขนฺเธ อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อุปาเยน ปเถน สมนฺนาหรติ เจว วิปสฺสติ จ. เอตฺถ หิ ยาว โสตาปตฺติมคฺโค, ตาว มนสิการสีเสเนว วิปสฺสนา วุตฺตา. ยา ปนายํ ตสฺเสว ทุกฺขสฺส สมุฏฺาปิกา ปภาวิกา ตณฺหา, อยํ สมุทโยติ โยนิโส มนสิ กโรติ. ยสฺมา ปน ทุกฺขฺจ สมุทโย จ อิทํ านํ ปตฺวา นิรุชฺฌนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ, ตสฺมา ยทิทํ นิพฺพานํ นาม, อยํ ทุกฺขนิโรโธติ โยนิโส มนสิ กโรติ. นิโรธสมฺปาปกํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อุปาเยน ปเถน สมนฺนาหรติ เจว วิปสฺสติ จ.
ตตฺรายํ ¶ อุปาโย, อภินิเวโส นาม วฏฺเฏ โหติ, วิวฏฺเฏ นตฺถิ. ตสฺมา ‘‘อยํ อตฺถิ อิมสฺมึ ¶ กาเย ปถวีธาตุ, อาโปธาตู’’ติอาทินา นเยน สกสนฺตติยํ จตฺตาริ ภูตานิ ตทนุสาเรน อุปาทารูปานิ จ ปริคฺคเหตฺวา อยํ รูปกฺขนฺโธติ ววตฺถเปติ. ตํ ววตฺถาปยโต อุปฺปนฺเน ตทารมฺมเณ จิตฺตเจตสิเก ธมฺเม อิเม จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธาติ ววตฺถเปติ. ตโต อิเม ปฺจกฺขนฺธา ทุกฺขนฺติ ววตฺถเปติ. เต ปน สงฺเขปโต ¶ นามฺจ รูปฺจาติ ทฺเว ภาคาเยว โหนฺติ. อิทฺจ นามรูปํ สเหตุ สปฺปจฺจยํ อุปฺปชฺชติ. ตสฺส อยํ เหตุ อยํ ปจฺจโยติ อวิชฺชาภวตณฺหากมฺมาหาราทิเก เหตุปจฺจเย ววตฺถเปติ. ตโต เตสํ ปจฺจยานฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานฺจ ยาถาวสรสลกฺขณํ ววตฺถเปตฺวา อิเม ธมฺมา อหุตฺวา โหนฺตีติ อนิจฺจลกฺขณํ อาโรเปติ, อุทยพฺพยปีฬิตตฺตา ทุกฺขาติ ทุกฺขลกฺขณํ อาโรเปติ. อวสวตฺตนโต อนตฺตาติ อนตฺตลกฺขณํ อาโรเปติ. เอวํ ตีณิ ลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา ปฏิปาฏิยา วิปสฺสนํ ปวตฺเตนฺโต โสตาปตฺติมคฺคํ ปาปุณาติ.
ตสฺมึ ขเณ จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฏิเวเธเนว ปฏิวิชฺฌติ, เอกาภิสมเยน อภิสเมติ. ทุกฺขํ ปริฺาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌติ, สมุทยํ ปหานปฏิเวเธน, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาปฏิเวเธน, มคฺคํ ภาวนาปฏิเวเธน. ทุกฺขฺจ ปริฺาภิสมเยน อภิสเมติ…เป… มคฺคํ ภาวนาภิสมเยน อภิสเมติ, โน จ โข อฺมฺเน าเณน. เอกาเณเนว หิ เอส นิโรธํ อารมฺมณโต, เสสานิ กิจฺจโต ปฏิวิชฺฌติ เจว อภิสเมติ จ. น หิสฺส ตสฺมึ สมเย เอวํ โหติ – ‘‘อหํ ทุกฺขํ ปริชานามี’’ติ วา…เป… ‘‘มคฺคํ ภาเวมี’’ติ วา. อปิจ ขฺวสฺส อารมฺมณํ กตฺวา ปฏิเวธวเสน นิโรธํ สจฺฉิกโรโต เอวํ ตํ าณํ ทุกฺขปริฺากิจฺจมฺปิ สมุทยปหานกิจฺจมฺปิ มคฺคภาวนากิจฺจมฺปิ กโรติเยว. ตสฺเสวํ อุปาเยน โยนิโส มนสิกโรโต ตีณิ สํโยชนานิ ปหียนฺติ, วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฏฺิ, อฏฺวตฺถุกา วิจิกิจฺฉา, ‘‘สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติ สีลพฺพตานํ ปรามสนโต สีลพฺพตปรามาโสติ. ตตฺถ จตูสุ อาสเวสุ สกฺกายทิฏฺิสีลพฺพตปรามาสา ทิฏฺาสเวน สงฺคหิตตฺตา อาสวา เจว สํโยชนา จ. วิจิกิจฺฉา สํโยชนเมว, น อาสโว ¶ . ‘‘ทสฺสนา ปหาตพฺพา อาสวา’’ติ เอตฺถ ปริยาปนฺนตฺตา ปน อาสวาติ.
‘‘อิเม วุจฺจนฺติ…เป… ปหาตพฺพา’’ติ อิเม สกฺกายทิฏฺิอาทโย ทสฺสนา ปหาตพฺพา นาม ¶ อาสวาติ ทสฺเสนฺโต อาห. อถ วา ยา อยํ ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชตีติ เอวํ สรูเปเนว สกฺกายทิฏฺิ วิภตฺตา. ตํ สนฺธายาห ‘‘อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว’’ติ. สา จ ยสฺมา สหชาตปหาเนกฏฺเหิ สทฺธึ ปหียติ. ทิฏฺาสเว หิ ปหียมาเน ตํสหชาโต จตูสุ ทิฏฺิสมฺปยุตฺตจิตฺเตสุ กามาสโวปิ อวิชฺชาสโวปิ ปหียติ ¶ . ปหาเนกฏฺโ ปน จตูสุ ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเตสุ นาคสุปณฺณาทิสมิทฺธิปตฺถนาวเสน อุปฺปชฺชมาโน ภวาสโว. เตเนว สมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโวปิ, ทฺวีสุ โทมนสฺสจิตฺเตสุ ปาณาติปาตาทินิพฺพตฺตโก อวิชฺชาสโวปิ, ตถา วิจิกิจฺฉาจิตฺตสมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโวปีติ เอวํ สพฺพถาปิ อวเสสา ตโยปิ อาสวา ปหียนฺติ. ตสฺมา พหุวจนนิทฺเทโส กโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอส โปราณานํ อธิปฺปาโย.
ทสฺสนา ปหาตพฺพาติ ทสฺสนํ นาม โสตาปตฺติมคฺโค, เตน ปหาตพฺพาติ อตฺโถ. กสฺมา โสตาปตฺติมคฺโค ทสฺสนํ? ปมํ นิพฺพานทสฺสนโต. นนุ โคตฺรภุ ปมตรํ ปสฺสตีติ? โน น ปสฺสติ. ทิสฺวา กตฺตพฺพกิจฺจํ ปน น กโรติ สํโยชนานํ อปฺปหานโต. ตสฺมา ปสฺสตีติ น วตฺตพฺโพ. ยตฺถ กตฺถจิ ราชานํ ทิสฺวาปิ ปณฺณาการํ ทตฺวา กิจฺจนิปฺผตฺติยา อทิฏฺตฺตา ‘‘อชฺชาปิ ราชานํ น ปสฺสามี’’ติ วทนฺโต คามวาสี ปุริโส เจตฺถ นิทสฺสนํ.
ทสฺสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
สํวราปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๒. เอวํ ทสฺสเนน ปหาตพฺเพ อาสเว ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตทนนฺตรุทฺทิฏฺเ สํวรา ปหาตพฺเพ ทสฺเสตุํ, กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพาติ อาห. เอวํ สพฺพตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อิโต ปรฺหิ อตฺถมตฺตเมว วณฺณยิสฺสาม.
นนุ จ ทสฺสเนน ภาวนายาติ อิเมหิ ทฺวีหิ อปฺปหาตพฺโพ อาสโว นาม นตฺถิ, อถ กสฺมา วิสุํ สํวราทีหิ ปหาตพฺเพ ทสฺเสตีติ. สํวราทีหิ ปุพฺพภาเค วิกฺขมฺภิตา อาสวา จตูหิ มคฺเคหิ สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา เตสํ มคฺคานํ ปุพฺพภาเค อิเมหิ ปฺจหากาเรหิ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ ¶ ¶ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. ตสฺมา โย จายํ วุตฺโต ปโม ทสฺสนมคฺโคเยว, อิทานิ ภาวนานาเมน วุจฺจิสฺสนฺติ ตโย มคฺคา, เตสํ สพฺเพสมฺปิ อยํ ปุพฺพภาคปฏิปทาติ เวทิตพฺพา.
ตตฺถ ¶ อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ปฏิสงฺขาติ ปฏิสงฺขาย. ตตฺถายํ สงฺขาสทฺโท าณโกฏฺาสปฺตฺติคณนาสุ ทิสฺสติ. ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๖๘) หิ าเณ ทิสฺสติ. ‘‘ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๑) โกฏฺาเส. ‘‘เตสํ เตสํ ธมฺมานํ สงฺขา สมฺา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๓๑๓) ปฺตฺติยํ. ‘‘น สุกรํ สงฺขาตุ’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๒๘) คณนายํ. อิธ ปน าเณ ทฏฺพฺโพ.
ปฏิสงฺขา โยนิโสติ หิ อุปาเยน ปเถน ปฏิสงฺขาย ตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อสํวเร อาทีนวปฏิสงฺขา โยนิโส ปฏิสงฺขาติ เวทิตพฺพา. สา จายํ ‘‘วรํ, ภิกฺขเว, ตตฺตาย อโยสลากาย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย จกฺขุนฺทฺริยํ สมฺปลิมฏฺํ, น ตฺเวว จกฺขุวิฺเยฺเยสุ รูเปสุ อนุพฺยฺชนโส นิมิตฺตคฺคาโห’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๔.๒๓๕) อาทิตฺตปริยายนเยน เวทิตพฺพา. จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรตีติ เอตฺถ จกฺขุเมว อินฺทฺริยํ จกฺขุนฺทฺริยํ, สํวรณโต สํวโร, ปิทหนโต ถกนโตติ วุตฺตํ โหติ. สติยา เอตํ อธิวจนํ. จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร จกฺขุนฺทฺริยสํวโร. ติตฺถกาโก อาวาฏกจฺฉโป วนมหึโสติอาทโย วิย.
ตตฺถ กิฺจาปิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร วา อสํวโร วา นตฺถิ. น หิ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย สติ วา มุฏฺสจฺจํ วา อุปฺปชฺชติ. อปิจ ยทา รูปารมฺมณํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตทา ภวงฺเค ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ กิริยมโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ, ตโต วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ, ตโต วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ, ตโต กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ. ตทนนฺตรํ ชวนํ ชวติ.
ตตฺถปิ ¶ เนว ภวงฺคสมเย, น อาวชฺชนาทีนํ อฺตรสมเย สํวโร วา อสํวโร วา อตฺถิ. ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ ¶ วา มุฏฺสจฺจํ วา อฺาณํ วา อกฺขนฺติ วา โกสชฺชํ วา อุปฺปชฺชติ, อยํ อสํวโร โหติ. เอวํ โหนฺโตปิ โส จกฺขุนฺทฺริเย อสํวโรติ วุจฺจติ. กสฺมา? ตสฺมิฺหิ สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ยถา กึ ¶ , ยถา นคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ อสํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโต ฆรโกฏฺกคพฺภาทโย สุสํวุตา, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ อรกฺขิตํ อโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรน หิ ปวิสิตฺวา โจรา ยทิจฺฉนฺติ, ตํ กเรยฺยุํ, เอวเมว ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ, ตสฺมึ อสํวเร สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปีติ.
ตสฺมึ ปน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ยถา กึ? ยถา นครทฺวาเรสุ สุสํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโต ฆราทโย อสํวุตา, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ สุรกฺขิตํ สุโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรสุ หิ ปิหิเตสุ โจรานํ ปเวโส นตฺถิ, เอวเมว ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ สุคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ตสฺมา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโนปิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโรติ วุตฺโต. อิธ จายํ สติสํวโร อธิปฺเปโตติ เวทิตพฺโพ. จกฺขุนฺทฺริยสํวเรน สํวุโต จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต, อุเปโตติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ อิมสฺส วิภงฺเค ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ…เป… สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) วุตฺตํ. ตํ เอกชฺฌํ กตฺวา จกฺขุนฺทฺริยสํวเรน สํวุโตติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อถ วา สํวรีติ สํวุโต, ถเกสิ ปิทหีติ วุตฺตํ โหติ. จกฺขุนฺทฺริเย สํวรสํวุโต จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต, จกฺขุนฺทฺริยสํวรสฺิตํ สติกวาฏํ จกฺขุทฺวาเร, ฆรทฺวาเร กวาฏํ วิย สํวริ ถเกสิ ปิทหีติ วุตฺตํ โหติ. อยเมว เจตฺถ อตฺโถ สุนฺทรตโร. ตถา หิ ‘‘จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ อสํวุตสฺส วิหรโต สํวุตสฺส วิหรโต’’ติ เอเตสุ ปเทสุ อยเมว อตฺโถ ทิสฺสติ.
วิหรตีติ เอวํ จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต เยน เกนจิ อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ. ยฺหิสฺสาติอาทิมฺหิ ¶ ¶ ยํ จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ อสฺส ภิกฺขุโน อสํวุตสฺส อถเกตฺวา อปิทหิตฺวา วิหรนฺตสฺสาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อถ วา, เย-การสฺส ยนฺติ อาเทโส. หิกาโร จ ปทปูรโณ, เย อสฺสาติ อตฺโถ.
อุปฺปชฺเชยฺยุนฺติ ¶ นิพฺพตฺเตยฺยุํ. อาสวา วิฆาตปริฬาหาติ จตฺตาโร อาสวา จ อฺเ จ วิฆาตกรา กิเลสปริฬาหา วิปากปริฬาหา จ. จกฺขุทฺวาเร หิ อิฏฺารมฺมณํ อาปาถคตํ กามสฺสาทวเสน อสฺสาทยโต อภินนฺทโต กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อีทิสํ อฺสฺมิมฺปิ สุคติภเว ลภิสฺสามีติ ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโต ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, สตฺโตติ วา สตฺตสฺสาติ วา คณฺหนฺตสฺส ทิฏฺาสโว อุปฺปชฺชติ, สพฺเพเหว สหชาตํ อฺาณํ อวิชฺชาสโวติ จตฺตาโร อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ. เตหิ สมฺปยุตฺตา อปเร กิเลสา วิฆาตปริฬาหา, อายตึ วา เตสํ วิปากา. เตปิ หิ อสํวุตสฺเสว วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุนฺติ วุจฺจนฺติ.
เอวํส เตติ เอวํ อสฺส เต. เอวํ เอเตน อุปาเยน น โหนฺติ, โน อฺถาติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย ปฏิสงฺขา โยนิโส โสตินฺทฺริยสํวรสํวุโตติอาทีสุ.
อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพาติ อิเม ฉสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา จตุวีสติ อาสวา สํวเรน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺติ. สพฺพตฺเถว เจตฺถ สติสํวโร เอว สํวโรติ เวทิตพฺโพ.
สํวราปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฏิเสวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๓. ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค สีลกถายํ วุตฺตเมว. ยฺหิสฺสาติ ยํ จีวรปิณฺฑปาตาทีสุ วา อฺตรํ อสฺส. อปฺปฏิเสวโตติ เอวํ โยนิโส อปฺปฏิเสวนฺตสฺส. เสสํ วุตฺตนยเมว. เกวลํ ปนิธ อลทฺธํ จีวราทึ ปตฺถยโต ลทฺธํ วา ¶ อสฺสาทยโต กามาสวสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. อีทิสํ อฺสฺมิมฺปิ สมฺปตฺติภเว สุคติภเว ลภิสฺสามีติ ภวปตฺถนาย อสฺสาทยโต ภวาสวสฺส, อหํ ลภามิ น ลภามีติ วา มยฺหํ วา อิทนฺติ อตฺตสฺํ อธิฏฺหโต ทิฏฺาสวสฺส อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา. สพฺเพเหว ปน สหชาโต อวิชฺชาสโวติ เอวํ จตุนฺนํ อาสวานํ อุปฺปตฺติ วิปากปริฬาหา จ นวเวทนุปฺปาทนโตปิ เวทิตพฺพา.
อิเม ¶ วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ปฏิเสวนา ปหาตพฺพาติ อิเม เอกเมกสฺมึ ปจฺจเย ¶ จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา โสฬส อาสวา อิมินา าณสํวรสงฺขาเตน ปจฺจเวกฺขณปฏิเสวเนน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺติ.
ปฏิเสวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
อธิวาสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๔. ปฏิสงฺขา โยนิโส ขโม โหติ สีตสฺสาติ อุปาเยน ปเถน ปจฺจเวกฺขิตฺวา ขโม โหติ สีตสฺส สีตํ ขมติ สหติ, น อวีรปุริโส วิย อปฺปมตฺตเกนปิ สีเตน จลติ กมฺปติ กมฺมฏฺานํ วิชหติ. อปิจ โข โลมสนาคตฺเถโร วิย อนปฺปเกนาปิ สีเตน ผุฏฺโ น จลติ น กมฺปติ, กมฺมฏฺานเมว มนสิ กโรติ. เถโร กิร เจติยปพฺพเต ปิยงฺคุคุหายํ ปธานฆเร วิหรนฺโต อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเย โลกนฺตริกนิรเย ปจฺจเวกฺขิตฺวา กมฺมฏฺานํ อวิชหนฺโตว อพฺโภกาเส วีตินาเมสิ. เอวํ อุณฺหาทีสุปิ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
เกวลฺหิ โย ภิกฺขุ อธิมตฺตมฺปิ อุณฺหํ สหติ สฺเวว เถโร วิย, อยํ ‘‘ขโม อุณฺหสฺสา’’ติ เวทิตพฺโพ. เถโร กิร คิมฺหสมเย ปจฺฉาภตฺตํ พหิจงฺกเม นิสีทิ. กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโต เสทาปิสฺส กจฺเฉหิ มุจฺจนฺติ. อถ นํ อนฺเตวาสิโก อาห ‘‘อิธ, ภนฺเต, นิสีทถ, สีตโล โอกาโส’’ติ. เถโร ‘‘อุณฺหภเยเนวมฺหิ อาวุโส อิธ นิสินฺโน’’ติ อวีจิมหานิรยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิสีทิเยว. อุณฺหนฺติ เจตฺถ อคฺคิสนฺตาโปว เวทิตพฺโพ. สูริยสนฺตาปวเสน ปเนตํ วตฺถุ วุตฺตํ.
โย ¶ จ ทฺเว ตโย วาเร ภตฺตํ วา ปานียํ วา อลภมาโนปิ อนมตคฺเค สํสาเร อตฺตโน เปตฺติวิสยูปปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวเธนฺโต กมฺมฏฺานํ น วิชหติเยว. อธิมตฺเตหิ ฑํสมกสวาตาตปสมฺผสฺเสหิ ผุฏฺโ จาปิ ติรจฺฉานูปปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวเธนฺโต กมฺมฏฺานํ น วิชหติเยว. สรีสปสมฺผสฺเสน ผุฏฺโ จาปิ อนมตคฺเค สํสาเร สีหพฺยคฺฆาทิมุเขสุ อเนกวารํ ปริวตฺติตปุพฺพภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อเวเธนฺโต กมฺมฏฺานํ น วิชหติเยว ปธานิยตฺเถโร วิย. อยํ ‘‘ขโม ชิฆจฺฉาย…เป… สรีสปสมฺผสฺสาน’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
เถรํ ¶ กิร ขณฺฑเจลวิหาเร กณิการปธานิยฆเร อริยวํสํ สุณนฺตํ โฆรวิโส สปฺโป ฑํสิ. เถโร ชานิตฺวาปิ ปสนฺนจิตฺโต นิสินฺโน ธมฺมํเยว สุณาติ. วิสเวโค ถทฺโธ อโหสิ. เถโร อุปสมฺปทมณฺฑลํ อาทึ กตฺวา สีลํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริสุทฺธสีโลหมสฺมีติ ปีตึ อุปฺปาเทสิ. สห ปีตุปฺปาทา วิสํ นิวตฺติตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. เถโร ¶ ตตฺเถว จิตฺเตกคฺคตํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
โย ปน อกฺโกสวเสน ทุรุตฺเต ทุรุตฺตตฺตาเยว จ ทุราคเต อปิ อนฺติมวตฺถุสฺิเต วจนปเถ สุตฺวา ขนฺติคุณํเยว ปจฺจเวกฺขิตฺวา น เวธติ ทีฆภาณกอภยตฺเถโร วิย. อยํ ‘‘ขโม ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถาน’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
เถโร กิร ปจฺจยสนฺโตสภาวนารามตาย มหาอริยวํสปฺปฏิปทํ กเถสิ, สพฺโพ มหาคาโม อาคจฺฉติ. เถรสฺส มหาสกฺกาโร อุปฺปชฺชติ. ตํ อฺตโร มหาเถโร อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ทีฆภาณโก อริยวํสํ กเถมีติ สพฺพรตฺตึ โกลาหลํ กโรสีติอาทีหิ อกฺโกสิ. อุโภปิ จ อตฺตโน อตฺตโน วิหารํ คจฺฉนฺตา คาวุตมตฺตํ เอกปเถน อคมํสุ. สกลคาวุตมฺปิ โส ตํ อกฺโกสิเยว. ตโต ยตฺถ ทฺวินฺนํ วิหารานํ มคฺโค ภิชฺชติ, ตตฺถ ตฺวา ทีฆภาณกตฺเถโร ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘เอส, ภนฺเต, ตุมฺหากํ มคฺโค’’ติ อาห. โส อสุณนฺโต วิย อคมาสิ. เถโรปิ วิหารํ คนฺตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา นิสีทิ. ตเมนํ อนฺเตวาสิโก ‘‘กึ, ภนฺเต, สกลคาวุตํ ปริภาสนฺตํ น กิฺจิ อโวจุตฺถา’’ติ อาห. เถโร ‘‘ขนฺติเยว, อาวุโส, มยฺหํ ภาโร, น อกฺขนฺติ. เอกปทุทฺธาเรปิ กมฺมฏฺานวิโยคํ น ปสฺสามี’’ติ อาห. เอตฺถ จ วจนเมว วจนปโถติ เวทิตพฺโพ.
โย ¶ ปน อุปฺปนฺนา สารีริกา เวทนา ทุกฺขมนฏฺเน ทุกฺขา, พหลฏฺเน ติพฺพา, ผรุสฏฺเน ขรา, ติขิณฏฺเน กฏุกา, อสฺสาทวิรหโต อสาตา, มนํ อวฑฺฒนโต อมนาปา, ปาณหรณสมตฺถตาย ปาณหรา อธิวาเสติเยว, น เวธติ. เอวํ สภาโว โหติ จิตฺตลปพฺพเต ปธานิยตฺเถโร วิย. อยํ ‘‘อุปฺปนฺนานํ…เป… อธิวาสนชาติโก’’ติ เวทิตพฺโพ.
เถรสฺส ¶ กิร รตฺตึ ปธาเนน วีตินาเมตฺวา ิตสฺส อุทรวาโต อุปฺปชฺชิ. โส ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต อาวตฺตติ ปริวตฺตติ. ตเมนํ จงฺกมปสฺเส ิโต ปิณฺฑปาติยตฺเถโร อาห ‘‘อาวุโส, ปพฺพชิโต นาม อธิวาสนสีโล โหตี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ อธิวาเสตฺวา นิจฺจโล สยิ. วาโต นาภิโต ยาว หทยํ ผาเลติ. เถโร เวทนํ วิกฺขมฺเภตฺวา ¶ วิปสฺสนฺโต มุหุตฺเตน อนาคามี หุตฺวา ปรินิพฺพายีติ.
ยฺหิสฺสาติ สีตาทีสุ ยํกิฺจิ เอกธมฺมมฺปิ อสฺส. อนธิวาสยโตติ อนธิวาเสนฺตสฺส อกฺขมนฺตสฺส. เสสํ วุตฺตนยเมว. อาสวุปฺปตฺติ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา. สีเตน ผุฏฺสฺส อุณฺหํ ปตฺถยนฺตสฺส กามาสโว อุปฺปชฺชติ, เอวํ สพฺพตฺถ. นตฺถิ โน สมฺปตฺติภเว สุคติภเว สีตํ วา อุณฺหํ วาติ ภวํ ปตฺถยนฺตสฺส ภวาสโว. มยฺหํ สีตํ อุณฺหนฺติ คาโห ทิฏฺาสโว. สพฺเพเหว สมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโวติ.
‘‘อิเม วุจฺจนฺติ…เป… อธิวาสนา ปหาตพฺพา’’ติ อิเม สีตาทีสุ เอกเมกสฺส วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา อเนเก อาสวา อิมาย ขนฺติสํวรสงฺขาตาย อธิวาสนาย ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยสฺมา อยํ ขนฺติ สีตาทิธมฺเม อธิวาเสติ, อตฺตโน อุปริ อาโรเปตฺวา วาเสติเยว. น อสหมานา หุตฺวา นิรสฺสติ, ตสฺมา ‘‘อธิวาสนา’’ติ วุจฺจตีติ เวทิตพฺพา.
อธิวาสนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ปริวชฺชนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๕. ปฏิสงฺขา ¶ โยนิโส จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชตีติ อหํ สมโณติ จณฺฑสฺส หตฺถิสฺส อาสนฺเน น าตพฺพํ. ตโตนิทานฺหิ มรณมฺปิ สิยา มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขนฺติ เอวํ อุปาเยน ปเถน ปจฺจเยน ปจฺจเวกฺขิตฺวา จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชติ ปฏิกฺกมติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. จณฺฑนฺติ จ ทุฏฺํ, วาฬนฺติ วุตฺตํ โหติ. ขาณุนฺติ ขทิรขาณุอาทึ. กณฺฏกฏฺานนฺติ กณฺฏกานํ านํ, ยตฺถ กณฺฏกา วิชฺชนฺติ, ตํ โอกาสนฺติ วุตฺตํ โหติ. โสพฺภนฺติ สพฺพโต ปริจฺฉินฺนตฏํ. ปปาตนฺติ เอกโต ฉินฺนตฏํ. จนฺทนิกนฺติ อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฏฺานํ. โอฬิคลฺลนฺติ เตสํเยว ¶ สกทฺทมาทีนํ สนฺทโนกาสํ. ตํ ชณฺณุมตฺตมฺปิ อสุจิภริตํ โหติ, ทฺเวปิ เจตานิ านานิ อมนุสฺสทุฏฺานิ โหนฺติ. ตสฺมา ตานิ วชฺเชตพฺพานิ. อนาสเนติ เอตฺถ ปน อยุตฺตํ อาสนํ อนาสนํ, ตํ อตฺถโต อนิยตวตฺถุกํ รโหปฏิจฺฉนฺนาสนนฺติ เวทิตพฺพํ. อโคจเรติ เอตฺถปิ จ อยุตฺโต โคจโร อโคจโร, โส เวสิยาทิเภทโต ปฺจวิโธ. ปาปเก มิตฺเตติ ลามเก ทุสฺสีเล มิตฺตปติรูปเก, อมิตฺเต วา. ภชนฺตนฺติ เสวมานํ. วิฺู สพฺรหฺมจารีติ ปณฺฑิตา พุทฺธิสมฺปนฺนา สพฺรหฺมจารโย, ภิกฺขูนเมตํ อธิวจนํ. เต หิ เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส ¶ สมสิกฺขตาติ อิมํ พฺรหฺมํ สมานํ จรนฺติ, ตสฺมา สพฺรหฺมจารีติ วุจฺจนฺติ. ปาปเกสุ าเนสูติ ลามเกสุ าเนสุ. โอกปฺเปยฺยุนฺติ สทฺทเหยฺยุํ, อธิมุจฺเจยฺยุํ ‘‘อทฺธา อยมายสฺมา อกาสิ วา กริสฺสติ วา’’ติ.
ยฺหิสฺสาติ หตฺถิอาทีสุ ยํกิฺจิ เอกมฺปิ อสฺส. เสสํ วุตฺตนยเมว. อาสวุปฺปตฺติ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา. หตฺถิอาทินิทาเนน ทุกฺเขน ผุฏฺสฺส สุขํ ปตฺถยโต กามาสโว อุปฺปชฺชติ. นตฺถิ โน สมฺปตฺติภเว สุคติภเว อีทิสํ ทุกฺขนฺติ ภวํ ปตฺเถนฺตสฺส ภวาสโว. มํ หตฺถี มทฺทติ, มํ อสฺโสติ คาโห ทิฏฺาสโว. สพฺเพเหว สมฺปยุตฺโต อวิชฺชาสโวติ.
อิเม วุจฺจนฺติ…เป… ปริวชฺชนา ปหาตพฺพาติ อิเม หตฺถิอาทีสุ เอเกกสฺส วเสน จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา อเนเก อาสวา อิมินา สีลสํวรสงฺขาเตน ปริวชฺชเนน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺตีติ เวทิตพฺพา.
ปริวชฺชนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
วิโนทนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๖. ปฏิสงฺขา ¶ โยนิโส อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตีติ ‘‘อิติ ปายํ วิตกฺโก อกุสโล, อิติปิ สาวชฺโช, อิติปิ ทุกฺขวิปาโก, โส จ โข อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’’ติอาทินา นเยน โยนิโส กามวิตกฺเก อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ อุปฺปนฺนํ ชาตมภินิพฺพตฺตํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, จิตฺตํ อาโรเปตฺวา น วาเสติ, อพฺภนฺตเร วา น วาเสตีติปิ อตฺโถ.
อนธิวาเสนฺโต กึ กโรตีติ? ปชหติ ฉฑฺเฑติ.
กึ กจวรํ วิย ปิฏเกนาติ? น หิ, อปิจ โข นํ วิโนเทติ ตุทติ วิชฺฌติ นีหรติ.
กึ ¶ พลิพทฺทํ วิย ปโตเทนาติ? น หิ, อถ โข นํ พฺยนฺตีกโรติ วิคตนฺตํ กโรติ. ยถาสฺส อนฺโตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ, ตถา นํ กโรติ.
กถํ ปน นํ ตถา กโรตีติ? อนภาวํ คเมตีติ อนุ อนุ อภาวํ คเมติ, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ยถา สุวิกฺขมฺภิโต โหติ, ตถา กโรตีติ วุตฺตํ โหติ. เอส นโย พฺยาปาทวิหึสาวิตกฺเกสุ.
เอตฺถ จ กามวิตกฺโกติ ‘‘โย กามปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก มิจฺฉาสงฺกปฺโป’’ติ วิภงฺเค (วิภ. ๙๑๐) วุตฺโต. เอส นโย อิตเรสุ. อุปฺปนฺนุปฺปนฺเนติ อุปฺปนฺเน อุปฺปนฺเน, อุปฺปนฺนมตฺเตเยวาติ วุตฺตํ โหติ. สกึ วา อุปฺปนฺเน วิโนเทตฺวา ทุติยวาเร ¶ อชฺฌุเปกฺขิตา น โหติ, สตกฺขตฺตุมฺปิ อุปฺปนฺเน อุปฺปนฺเน วิโนเทติเยว. ปาปเก อกุสเลติ ลามกฏฺเน ปาปเก, อโกสลฺลตาย อกุสเล. ธมฺเมติ เตเยว กามวิตกฺกาทโย สพฺเพปิ วา นว มหาวิตกฺเก. ตตฺถ ตโย วุตฺตา เอว. อวเสสา ‘‘าติวิตกฺโก ชนปทวิตกฺโก อมรวิตกฺโก ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺโต ¶ วิตกฺโก ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก’’ติ (มหานิ. ๒๐๗) อิเม ฉ.
ยฺหิสฺสาติ เอเตสุ วิตกฺเกสุ ยํกิฺจิ อสฺส, เสสํ วุตฺตนยเมว. กามวิตกฺโก ปเนตฺถ กามาสโว เอว. ตพฺพิเสโส ภวาสโว. ตํสมฺปยุตฺโต ทิฏฺาสโว. สพฺพวิตกฺเกสุ อวิชฺชาสโวติ เอวํ อาสวุปฺปตฺติปิ เวทิตพฺพา.
อิเม วุจฺจนฺติ…เป… วิโนทนา ปหาตพฺพาติ อิเม กามวิตกฺกาทิวเสน วุตฺตปฺปการา อาสวา อิมินา ตสฺมึ ตสฺมึ วิตกฺเก อาทีนวปจฺจเวกฺขณสหิเตน วีริยสํวรสงฺขาเตน วิโนทเนน ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺตีติ เวทิตพฺพา.
วิโนทนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ภาวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา
๒๗. ปฏิสงฺขา โยนิโส สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตีติ อภาวนาย อาทีนวํ, ภาวนาย จ อานิสํสํ อุปาเยน ปเถน ปจฺจเวกฺขิตฺวา สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ¶ ภาเวติ, เอส นโย สพฺพตฺถ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อิเม อุปริมคฺคตฺตยสมยสมฺภูตา โลกุตฺตรโพชฺฌงฺคา เอว อธิปฺเปตา, ตถาปิ อาทิกมฺมิกานํ โพชฺฌงฺเคสุ อสมฺโมหตฺถํ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเกน เนสํ นเยน อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามิ. อิธ ปน โลกิยนยํ ปหาย โลกุตฺตรนโย เอว คเหตพฺโพ. ตตฺถ สติสมฺโพชฺฌงฺคนฺติอาทินา นเยน วุตฺตานํ สตฺตนฺนํ อาทิปทานํเยว ตาว –
อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ, กมโต จ วินิจฺฉโย;
อนูนาธิกโต เจว, วิฺาตพฺโพ วิภาวินา.
ตตฺถ สติสมฺโพชฺฌงฺเค ตาว สรณฏฺเน สติ. สา ปเนสา อุปฏฺานลกฺขณา, อปิลาปนลกฺขณา วา. วุตฺตมฺปิ เหตํ ‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ ภณฺฑาคาริโก รฺโ สาปเตยฺยํ ¶ อปิลาเปติ, เอตฺตกํ, มหาราช, หิรฺํ, เอตฺตกํ สุวณฺณํ, เอตฺตกํ สาปเตยฺยนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช ¶ , สติ อุปฺปชฺชมานา กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชหีนปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม อปิลาเปติ. อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (มิ. ป. ๒.๑.๑๓) วิตฺถาโร. อปิลาปนรสา. กิจฺจวเสเนว หิสฺส เอตํ ลกฺขณํ เถเรน วุตฺตํ. อสมฺโมสรสา วา. โคจราภิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา. สติ เอว สมฺโพชฺฌงฺโค สติสมฺโพชฺฌงฺโค. ตตฺถ โพธิยา โพธิสฺส วา องฺโคติ โพชฺฌงฺโค.
กึ วุตฺตํ โหติ? ยา หิ อยํ ธมฺมสามคฺคี, ยาย โลกิยโลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหน-กามสุขตฺตกิลมถานุโยค-อุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌตีติ กตฺวา ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. พุชฺฌตีติ กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาห ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺเค ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ. ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺโคติปิ โพชฺฌงฺโค, ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิย.
โยเปส ¶ ยถาวุตฺตปฺปการาย เอตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส องฺโคติปิ โพชฺฌงฺโค, เสนงฺครถงฺคาทโย วิย. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ วา โพชฺฌงฺคา’’ติ. อปิจ ‘‘โพชฺฌงฺคาติ เกนฏฺเน โพชฺฌงฺคา? โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, อนุพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, ปฏิพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, สมฺพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๑๗) ปฏิสมฺภิทานเยนาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปสตฺโถ สุนฺทโร วา โพชฺฌงฺโคติ สมฺโพชฺฌงฺโค. เอวํ สติ เอว สมฺโพชฺฌงฺโค สติสมฺโพชฺฌงฺโค. ตํ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ. เอวํ ตาว เอกสฺส อาทิปทสฺส อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ จ วินิจฺฉโย วิฺาตพฺโพ.
ทุติยาทีสุ ปน จตุสจฺจธมฺเม วิจินาตีติ ธมฺมวิจโย. โส ปน วิจยลกฺขโณ, โอภาสนรโส, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺาโน. วีรภาวโต วิธินา อีรยิตพฺพโต จ วีริยํ. ตํ ปคฺคหลกฺขณํ ¶ , อุปตฺถมฺภนรสํ, อโนสีทนปจฺจุปฏฺานํ ¶ . ปีณยตีติ ปีติ. สา ผรณลกฺขณา, ตุฏฺิลกฺขณา วา, กายจิตฺตานํ ปีณนรสา, เตสํเยว โอทคฺยปจฺจุปฏฺานา. กายจิตฺตทรถปสฺสมฺภนโต ปสฺสทฺธิ. สา อุปสมลกฺขณา, กายจิตฺตทรถนิมฺมทฺทนรสา, อายจิตฺตานํ อปริปฺผนฺทนภูตสีติภาวปจฺจุปฏฺานา. สมาธานโต สมาธิ. โส อวิกฺเขปลกฺขโณ, อวิสารลกฺขโณ วา, จิตฺตเจตสิกานํ สมฺปิณฺฑนรโส, จิตฺตฏฺิติปจฺจุปฏฺาโน. อชฺฌุเปกฺขนโต อุเปกฺขา. สา ปฏิสงฺขานลกฺขณา, สมวาหิตลกฺขณา วา, อูนาธิกตานิวารณรสา, ปกฺขปาตุปจฺเฉทรสา วา, มชฺฌตฺตภาวปจฺจุปฏฺานา. เสสํ วุตฺตนยเมว. เอวํ เสสปทานมฺปิ อตฺถโต ลกฺขณาทีหิ จ วินิจฺฉโย วิฺาตพฺโพ.
กมโตติ เอตฺถ จ ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔) วจนโต สพฺเพสํ เสสโพชฺฌงฺคานํ อุปการกตฺตา สติสมฺโพชฺฌงฺโคว ปมํ วุตฺโต. ตโต ปรํ ‘‘โส ตถา สโต วิหรนฺโต ตํ ธมฺมํ ปฺาย ปวิจินตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๖๙) นเยน เสสโพชฺฌงฺคานํ ปุพฺพาปริยวจเน ปโยชนํ สุตฺเตเยว วุตฺตํ. เอวเมตฺถ กมโตปิ วินิจฺฉโย วิฺาตพฺโพ.
อนูนาธิกโตติ กสฺมา ปน ภควตา สตฺเตว โพชฺฌงฺคา วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ. ลีนุทฺธจฺจปฏิปกฺขโต สพฺพตฺถิกโต จ. เอตฺถ หิ ตโย ¶ โพชฺฌงฺคา ลีนสฺส ปฏิปกฺขา. ยถาห – ‘‘ยสฺมิฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). ตโย อุทฺธจฺจสฺส ปฏิปกฺขา. ยถาห – ‘‘ยสฺมิฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย อุทฺธตํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย, กาโล อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). เอโก ปเนตฺถ สพฺพตฺถิโก. ยถาห – ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ. ‘‘สพฺพตฺถก’’นฺติปิ ปาโ, ทฺวินฺนมฺปิ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพนฺติ อตฺโถ. เอวํ ลีนุทฺธจฺจปฏิปกฺขโต สพฺพตฺถิกโต ¶ จ สตฺเตว โพชฺฌงฺคา วุตฺตา อนูนา อนธิกาติ, เอวเมตฺถ อนูนาธิกโตปิ วินิจฺฉโย วิฺาตพฺโพ.
เอวํ ¶ ตาว ‘‘สติสมฺโพชฺฌงฺค’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตานํ สตฺตนฺนํ อาทิปทานํเยว อตฺถวณฺณนํ ตฺวา อิทานิ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตนฺติอาทีสุ เอวํ าตพฺพา. ภาเวตีติ วฑฺเฒติ, อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน ปุนปฺปุนํ ชเนติ อภินิพฺพตฺเตตีติ อตฺโถ. วิเวกนิสฺสิตนฺติ วิเวเก นิสฺสิตํ. วิเวโกติ วิวิตฺตตา. สฺวายํ ตทงฺควิเวโก วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธิ นิสฺสรณวิเวโกติ ปฺจวิโธ. ตสฺส นานตฺตํ ‘‘อริยธมฺเม อวินีโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อยเมว หิ ตตฺถ วินโยติ วุตฺโต. เอวํ เอตสฺมึ ปฺจวิเธ วิเวเก.
วิเวกนิสฺสิตนฺติ ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ สมุจฺเฉทวิเวกนิสฺสิตํ นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตฺจ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวตีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ อยํ โพชฺฌงฺคภาวนานุยุตฺโต โยคี วิปสฺสนากฺขเณ กิจฺจโต ตทงฺควิเวกนิสฺสิตํ, อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ, มคฺคกาเล ปน กิจฺจโต สมุจฺเฉทวิเวกนิสฺสิตํ, อารมฺมณโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิตํ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ. ปฺจวิธวิเวกนิสฺสิตนฺติปิ เอเก, เต หิ น เกวลํ พลววิปสฺสนามคฺคผลกฺขเณสุ เอว โพชฺฌงฺเค อุทฺธรนฺติ, วิปสฺสนาปาทกกสิณชฺฌานอานาปานาสุภพฺรหฺมวิหารชฺฌาเนสุปิ อุทฺธรนฺติ. น จ ปฏิสิทฺธา อฏฺกถาจริเยหิ. ตสฺมา เตสํ มเตน เอเตสํ ฌานานํ ปวตฺติกฺขเณ กิจฺจโต เอว วิกฺขมฺภนวิเวกนิสฺสิตํ. ยถา ¶ จ ‘‘วิปสฺสนากฺขเณ อชฺฌาสยโต นิสฺสรณวิเวกนิสฺสิต’’นฺติ วุตฺตํ, เอวํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวกนิสฺสิตมฺปิ ภาเวตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. เอส นโย วิราคนิสฺสิตาทีสุ. วิเวกฏฺา เอว หิ วิราคาทโย.
เกวลฺเหตฺถ โวสฺสคฺโค ทุวิโธ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโค จ ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโค จาติ. ตตฺถ ปริจฺจาคโวสฺสคฺโคติ วิปสฺสนากฺขเณ จ ตทงฺควเสน, มคฺคกฺขเณ จ สมุจฺเฉทวเสน กิเลสปฺปหานํ. ปกฺขนฺทนโวสฺสคฺโคติ วิปสฺสนากฺขเณ ตนฺนินฺนภาเวน, มคฺคกฺขเณ ปน อารมฺมณกรเณน นิพฺพานปกฺขนฺทนํ. ตทุภยมฺปิ อิมสฺมึ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก อตฺถวณฺณนานเย วฏฺฏติ. ตถา หิ อยํ สติสมฺโพชฺฌงฺโค ยถาวุตฺเตน ปกาเรน กิเลเส ปริจฺจชติ, นิพฺพานฺจ ปกฺขนฺทติ. โวสฺสคฺคปริณามินฺติ ¶ อิมินา ปน สกเลน วจเนน โวสฺสคฺคตฺตํ ปริณมนฺตํ ปริณตฺจ ปริปจฺจนฺตํ ปริปกฺกฺจาติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘อยฺหิ โพชฺฌงฺคภาวนานุยุตฺโต ภิกฺขุ ยถา สติสมฺโพชฺฌงฺโค กิเลสปริจฺจาคโวสฺสคฺคตฺตํ นิพฺพานปกฺขนฺทนโวสฺสคฺคตฺตฺจ ¶ ปริปจฺจติ, ยถา จ ปริปกฺโก โหติ, ตถา นํ ภาเวตี’’ติ. เอส นโย เสสโพชฺฌงฺเคสุ.
อิธ ปน นิพฺพานํเยว สพฺพสงฺขเตหิ วิวิตฺตตฺตา วิเวโก, สพฺเพสํ วิราคภาวโต วิราโค, นิโรธภาวโต นิโรโธติ วุตฺตํ. มคฺโค เอว จ โวสฺสคฺคปริณามี, ตสฺมา สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺติยา วิเวกนิสฺสิตํ. ตถา วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ. ตฺจ โข อริยมคฺคกฺขณุปฺปตฺติยา กิเลสานํ สมุจฺเฉทโต ปริจฺจาคภาเวน จ นิพฺพานปกฺขนฺทนภาเวน จ ปริณตํ ปริปกฺกนฺติ อยเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอส นโย เสสโพชฺฌงฺเคสุ.
ยฺหิสฺสาติ เอเตสุ โพชฺฌงฺเคสุ ยํกิฺจิ อสฺส. เสสํ วุตฺตนยเมว. อาสวุปฺปตฺติยํ ปเนตฺถ อิเมสํ อุปริมคฺคตฺตยสมฺปยุตฺตานํ โพชฺฌงฺคานํ อภาวิตตฺตา เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ กามาสโว ภวาสโว อวิชฺชาสโวติ ตโย อาสวา, ภาวยโต เอวํส เต อาสวา น โหนฺตีติ อยํ นโย เวทิตพฺโพ.
อิเม วุจฺจนฺติ…เป… ภาวนา ปหาตพฺพาติ อิเม ตโย อาสวา อิมาย มคฺคตฺตยสมฺปยุตฺตาย โพชฺฌงฺคภาวนาย ปหาตพฺพาติ วุจฺจนฺตีติ เวทิตพฺพา.
๒๘. อิทานิ ¶ อิเมหิ สตฺตหากาเรหิ ปหีนาสวํ ภิกฺขุํ โถเมนฺโต อาสวปฺปหาเน จสฺส อานิสํสํ ทสฺเสนฺโต เอเตเหว จ การเณหิ อาสวปฺปหาเน สตฺตานํ อุสฺสุกฺกํ ชเนนฺโต ยโต โข, ภิกฺขเว…เป… อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสาติ อาห. ตตฺถ ยโต โขติ สามิวจเน โตกาโร, ยสฺส โขติ วุตฺตํ โหติ. โปราณา ปน ยสฺมึ กาเลติ วณฺณยนฺติ. เย อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพาติ เย อาสวา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา, เต ทสฺสเนเนว ปหีนา โหนฺติ, น อปฺปหีเนสุเยว ปหีนสฺี โหติ. เอวํ สพฺพตฺถ วิตฺถาโร.
สพฺพาสวสํวรสํวุโตติ สพฺเพหิ อาสวปิธาเนหิ ปิหิโต, สพฺเพสํ วา อาสวานํ ปิธาเนหิ ปิหิโต. อจฺเฉจฺฉิ ¶ ตณฺหนฺติ สพฺพมฺปิ ตณฺหํ ฉินฺทิ, สํฉินฺทิ สมุจฺฉินฺทิ. วิวตฺตยิ ¶ สํโยชนนฺติ ทสวิธมฺปิ สํโยชนํ ปริวตฺตยิ นิมฺมลมกาสิ. สมฺมาติ เหตุนา การเณน. มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา ปหานาภิสมยา จ. อรหตฺตมคฺโค หิ กิจฺจวเสน มานํ ปสฺสติ, อยมสฺส ทสฺสนาภิสมโย. เตน ทิฏฺโ ปน โส ตาวเทว ปหียติ ทิฏฺวิเสน ทิฏฺสตฺตานํ ชีวิตํ วิย. อยมสฺส ปหานาภิสมโย.
อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสาติ เอวํ อรหตฺตมคฺเคน สมฺมา มานสฺส ทิฏฺตฺตา ปหีนตฺตา จ เย อิเม ‘‘กายพนฺธนสฺส อนฺโต ชีรติ (จูฬว. ๒๗๘). หริตนฺตํ วา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) เอวํ วุตฺตอนฺติมมริยาทนฺโต จ, ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกาน’’นฺติ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐) เอวํ วุตฺตลามกนฺโต จ, ‘‘สกฺกาโย เอโก อนฺโต’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๑) เอวํ วุตฺตโกฏฺาสนฺโต จ, ‘‘เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺส สพฺพปจฺจยสงฺขยา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๕๑) เอวํ วุตฺตโกฏนฺโต จาติ เอวํ จตฺตาโร อนฺตา, เตสุ สพฺพสฺเสว วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ จตุตฺถโกฏิสงฺขาตํ อนฺติมโกฏิสงฺขาตํ อนฺตมกาสิ ปริจฺเฉทํ ปริวฏุมํ อกาสิ. อนฺติมสมุสฺสยมตฺตาวเสสํ ทุกฺขํ อกาสีติ วุตฺตํ โหติ.
อตฺตมนา เต ภิกฺขูติ สกมนา ตุฏฺมนา, ปีติโสมนสฺเสหิ วา สมฺปยุตฺตมนา หุตฺวา. ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ อิทํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาปริโยสานํ ¶ ภควโต ภาสิตํ สุกถิตํ สุลปิตํ, เอวเมตํ ภควา เอวเมตํ สุคตาติ มตฺถเกน สมฺปฏิจฺฉนฺตา อพฺภนุโมทึสูติ.
เสสเมตฺถ ยํ น วุตฺตํ, ตํ ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา จ สุวิฺเยฺยตฺตา จ น วุตฺตํ. ตสฺมา สพฺพํ วุตฺตานุสาเรน อนุปทโส ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ.
ภาวนาปหาตพฺพอาสววณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
สพฺพาสวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา
๒๙. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ ธมฺมทายาทสุตฺตํ. ยสฺมา ปนสฺส อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป, ตสฺมา ตํ ทสฺเสตฺวา วสฺส อปุพฺพปทวณฺณนํ กริสฺสาม. กตราย จ ปนิทํ อฏฺุปฺปตฺติยา นิกฺขิตฺตนฺติ. ลาภสกฺกาเร. ภควโต กิร มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ. ยถา ตํ จตฺตาโร อสงฺขฺเยยฺเย ปูริตทานปารมีสฺจยสฺส. สพฺพทิสาสุ ยมกมหาเมโฆ ¶ วุฏฺหิตฺวา มโหฆํ วิย สพฺพปารมิโย เอกสฺมึ อตฺตภาเว วิปากํ ทสฺสามาติ สมฺปิณฺฑิตา วิย ลาภสกฺการมโหฆํ นิพฺพตฺตยึสุ. ตโต ตโต อนฺนปานยานวตฺถมาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย อาคนฺตฺวา – ‘‘กหํ พุทฺโธ, กหํ ภควา, กหํ เทวเทโว, นราสโภ, ปุริสสีโห’’ติ ภควนฺตํ ปริเยสนฺติ. สกฏสเตหิปิ ปจฺจเย อาหริตฺวา โอกาสํ อลภมานา สมนฺตา คาวุตปฺปมาณมฺปิ สกฏธุเรน สกฏธุรมาหจฺจติฏฺนฺติ เจว อนุพนฺธนฺติ จ. อนฺธกวินฺทพฺราหฺมณาทโย วิย. สพฺพํ ขนฺธเก เตสุ เตสุ สุตฺเตสุ จ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยถา จ ภควโต, เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสาปิ.
วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข สกฺกโต โหติ…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ (อุทา. ๑๔). ตถา – ‘‘ยาวตา ¶ โข, จุนฺท, เอตรหิ สงฺโฆ วา คโณ วา โลเก อุปฺปนฺโน, นาหํ, จุนฺท, อฺํ เอกสงฺฆมฺปิ สมนุปสฺสามิ, เอวํ ลาภคฺคยสคฺคปตฺตํ, ยถริว, จุนฺท, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๗๖).
สฺวายํ ภควโต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺโน ลาภสกฺกาโร เอกโต หุตฺวา ทฺวินฺนํ มหานทีนํ อุทกมิว อปฺปเมยฺโย อโหสิ. กเมน ภิกฺขู ปจฺจยครุกา ปจฺจยพาหุลิกา อเหสุํ. ปจฺฉาภตฺตมฺปิ เตลมธุผาณิตาทีสุ อาหเฏสุ คณฺฑึเยว ปหริตฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริยสฺส เทถ, อุปชฺฌายสฺส เทถา’’ติ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ กโรนฺติ. สา จ เนสํ ปวตฺติ ภควโตปิ ¶ ปากฏา อโหสิ. ตโต ภควา อนนุจฺฉวิกนฺติ ธมฺมสํเวคํ อุปฺปาเทตฺวา จินฺเตสิ –
‘‘ปจฺจยา อกปฺปิยาติ น สกฺกา สิกฺขาปทํ ปฺเปตุํ. ปจฺจยปฏิพทฺธา หิ กุลปุตฺตานํ สมณธมฺมวุตฺติ. หนฺทาหํ ธมฺมทายาทปฏิปทํ เทเสมิ. สา สิกฺขากามานํ กุลปุตฺตานํ สิกฺขาปทปฺตฺติ วิย ภวิสฺสติ นครทฺวาเร ปิตสพฺพกายิกอาทาโส วิย จ, ยถา หิ นครทฺวาเร ปิเต สพฺพกายิเก อาทาเส จตฺตาโร วณฺณา อตฺตโน ฉายํ ทิสฺวา วชฺชํ ปหาย นิทฺโทสา โหนฺติ, เอวเมว สิกฺขากามา กุลปุตฺตา ปโยคมณฺฑเนน อตฺตานํ มณฺเฑตุกามา อิมํ สพฺพกายิกาทาสูปมํ ¶ เทสนํ อาวชฺชิตฺวา อามิสทายาทปฏิปทํ วชฺเชตฺวา ธมฺมทายาทปฏิปทํ ปูเรนฺตา ขิปฺปเมว ชาติชรามรณสฺส อนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ. อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ อภาสิ.
ตตฺถ ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทาติ ธมฺมสฺส เม ทายาทา, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสสฺส. โย มยฺหํ ธมฺโม, ตสฺส ปฏิคฺคาหกา ภวถ, ยฺจ โข มยฺหํ อามิสํ, ตสฺส มา ปฏิคฺคาหกา ภวถาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ธมฺโมปิ ทุวิโธ – นิปฺปริยายธมฺโม, ปริยายธมฺโมติ. อามิสมฺปิ ทุวิธํ – นิปฺปริยายามิสํ, ปริยายามิสนฺติ. กถํ? มคฺคผลนิพฺพานเภโท หิ นววิโธปิ โลกุตฺตรธมฺโม นิปฺปริยายธมฺโม นิพฺพตฺติตธมฺโม, น เยน เกนจิ ปริยาเยน การเณน วา เลเสน วา ธมฺโม. ยํ ปนิทํ วิวฏฺฏูปนิสฺสิตํ กุสลํ, เสยฺยถิทํ, อิเธกจฺโจ ¶ วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺโต ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, คนฺธมาลาทีหิ วตฺถุปูชํ กโรติ, ธมฺมํ สุณาติ เทเสติ ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, เอวํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน นิปฺปริยายธมฺมํ อมตํ นิพฺพานํ ปฏิลภติ, อยํ ปริยายธมฺโม. ตถา จีวราทโย จตฺตาโร ปจฺจยา นิปฺปริยายามิสเมว, น อฺเน ปริยาเยน การเณน วา เลเสน วา อามิสํ. ยํ ปนิทํ วฏฺฏคามิกุสลํ, เสยฺยถิทํ, อิเธกจฺโจ วฏฺฏํ ปตฺเถนฺโต สมฺปตฺติภวํ อิจฺฉมาโน ทานํ เทติ…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, เอวํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน เทวมนุสฺสสมฺปตฺตึ ปฏิลภติ, อิทํ ปริยายามิสํ นาม.
ตตฺถ นิปฺปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก. ภควตา หิ กถิตตฺตา ภิกฺขู ¶ มคฺคผลนิพฺพานานิ อธิคจฺฉนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โส หิ พฺราหฺมณ ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา, มคฺคฺู มคฺควิทู มคฺคโกวิโท. มคฺคานุคา จ ปน เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๙) จ – ‘‘โส หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ จกฺขุภูโต าณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นินฺเนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓) จ. ปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก. ภควตา ¶ หิ กถิตตฺตา เอวํ ชานนฺติ ‘‘วิวฏฺฏํ ปตฺเถตฺวา ทานํ เทนฺโต…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺโต อนุกฺกเมน อมตํ นิพฺพานํ ปฏิลภตี’’ติ. นิปฺปริยายามิสมฺปิ จ ภควโตเยว สนฺตกํ. ภควตา หิ อนฺุาตตฺตาเยว ภิกฺขูหิ ชีวกวตฺถุํ อาทึ กตฺวา ปณีตจีวรํ ลทฺธํ. ยถาห ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คหปติจีวรํ. โย อิจฺฉติ, ปํสุกูลิโก โหตุ, โย อิจฺฉติ, คหปติจีวรํ สาทิยตุ. อิตรีตเรนปาหํ, ภิกฺขเว, สนฺตุฏฺึเยว วณฺเณมี’’ติ (มหาว. ๓๓๗).
ปุพฺเพ จ ภิกฺขู ปณีตปิณฺฑปาตํ นาลตฺถุํ. สปทานปิณฺฑิยาโลปโภชนา เอวาเหสุํ. เตหิ ราชคเห วิหรนฺเตน ภควตา – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สงฺฆภตฺตํ อุทฺเทสภตฺตํ นิมนฺตนํ สลากภตฺตํ ปกฺขิกํ ¶ อุโปสถิกํ ปาฏิปทิก’’นฺติ (จูฬว. ๓๒๕) เอวํ อนฺุาตตฺตาเยว ปณีตโภชนํ ลทฺธํ. ตถา เสนาสนํ. ปุพฺเพ หิ อกตปพฺภารรุกฺขมูลาทิเสนาสนาเยว ภิกฺขู อเหสุํ. เต ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจ เลณานี’’ติ (จูฬว. ๒๙๔) เอวํ ภควตา อนฺุาตตฺตาเยว วิหาโร อฑฺฒโยโค ปาสาโท หมฺมิยํ คุหาติ อิมานิ เสนาสนานิ ลภึสุ. ปุพฺเพ จ มุตฺตหรีตเกเนว เภสชฺชํ อกํสุ. เต ภควตาเยว – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจ เภสชฺชานิ, เสยฺยถิทํ, สปฺปิ, นวนีตํ, เตลํ, มธุ, ผาณิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๐) เอวมาทินา นเยน อนฺุาตตฺตา นานาเภสชฺชานิ ลภึสุ.
ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ. ภควตา หิ กถิตตฺตา เยว ชานนฺติ – ‘‘สมฺปตฺติภวํ ปตฺเถนฺโต ทานํ ทตฺวา สีลํ…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ปริยายามิสํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ มนุสฺสสมฺปตฺตึ ปฏิลภตี’’ติ. ตเทว, ยสฺมา นิปฺปริยายธมฺโมปิ ปริยายธมฺโมปิ ¶ นิปฺปริยายามิสมฺปิ ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ, ตสฺมา ตตฺถ อตฺตโน สามิภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ มา อามิสทายาทา’’ติ.
โย มยฺหํ สนฺตโก ทุวิโธปิ ธมฺโม, ตสฺส ทายาทา ภวถ. ยฺจ โข เอตํ มยฺหเมว สนฺตกํ อามิสํ, ตสฺส ¶ ทายาทา มา ภวถ. ธมฺมโกฏฺาสสฺเสว สามิโน ภวถ, มา อามิสโกฏฺาสสฺส. โย หิ ชินสาสเน ปพฺพชิตฺวา ปจฺจยปรโม วิหรติ จตูสุ ตณฺหุปฺปาเทสุ สนฺทิสฺสมาโน นิกฺขิตฺตธุโร ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติยํ, อยํ อามิสทายาโท นาม. ตาทิสา มา ภวถ. โย ปน อนฺุาตปจฺจเยสุ อปฺปิจฺฉตาทีนิ นิสฺสาย ปฏิสงฺขา เสวมาโน ปฏิปตฺติปรโม วิหรติ จตูสุ อริยวํเสสุ สนฺทิสฺสมาโน, อยํ ธมฺมทายาโท นาม. ตาทิสา ภวถาติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ เยสํ ตตฺถ เอตทโหสิ, ภวิสฺสติ วา อนาคตมทฺธานํ ‘‘กึ นุ โข ภควา สาวกานํ อลาภตฺถิโก เอวมาหา’’ติ, เตสํ อติปณีตลาภตฺถิโก อหํ เอวํ วทามีติ ทสฺเสตุมาห อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ…เป… โน อามิสทายาทาติ.
ตสฺสายมตฺโถ ¶ – อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา อนุทฺทยา หิเตสิตา, เกน นุ โข การเณน เกน อุปาเยน สาวกา ธมฺมทายาทา อสฺสุ ธมฺมโกฏฺาสสามิโน, โน อามิสทายาทาติ. อยํ ปน อธิปฺปาโย, ปสฺสติ กิร ภควา อามิสครุกานํ อามิเส อุปกฺขลิตานํ อตีตกาเล ตาว กปิลสฺส ภิกฺขุโน, ‘‘สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา โหตี’’ติอาทินา (ปารา. ๒๓๐; สํ. นิ. ๒.๒๑๘) นเยน อาคตปาปภิกฺขุภิกฺขุนีสิกฺขมานาทีนฺจ อเนกสตานํ อปายปริปูรณตฺตํ อตฺตโน สาสเน ปพฺพชิตานฺจ เทวทตฺตาทีนํ. ธมฺมครุกานํ ปน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปาทีนํ อภิฺาปฏิสมฺภิทาทิคุณปฺปฏิลาภํ. ตสฺมา เตสํ อปายา ปริมุตฺตึ สพฺพคุณสมฺปตฺติฺจ อิจฺฉนฺโต อาห – ‘‘อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติ. ปจฺจยครุโก จ จตุปริสนฺตเร กูฏกหาปโณ วิย นิพฺพุตงฺคาโร วิย จ นิตฺเตโช นิปฺปโภ โหติ. ตโต วิวตฺติตจิตฺโต ธมฺมครุโก ¶ เตชวา สีโหว อภิภุยฺยจารี, ตสฺมาปิ เอวมาห – ‘‘อตฺถิ เม…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ.
เอวํ ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติ อิทํ อนุกมฺปาย ปณีตตรํ ลาภํ อิจฺฉนฺเตน วุตฺตํ, โน อลาภตฺถิเกนาติ สาเวตฺวา อิทานิ อิมสฺส โอวาทสฺส อกรเณ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตุมฺเห จ เม, ภิกฺขเว…เป… โน ธมฺมทายาทา’’ติ. ตตฺถ ตุมฺเหปิ เตน ¶ อาทิยา ภเวยฺยาถาติ ตุมฺเหปิ เตน อามิสทายาทภาเวน โน ธมฺมทายาทภาเวน อาทิยา ภเวยฺยาถ. อปทิสิตพฺพา วิสุํ กาตพฺพา ววตฺถเปตพฺพา, วิฺูหิ คารยฺหา ภเวยฺยาถาติ วุตฺตํ โหติ. กินฺติ? อามิสทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน ธมฺมทายาทาติ.
อหมฺปิ เตน อาทิโย ภเวยฺยนฺติ อหมฺปิ เตน ตุมฺหากํ อามิสทายาทภาเวน โน ธมฺมทายาทภาเวน คารยฺโห ภเวยฺยํ. กินฺติ? อามิส…เป… ทายาทาติ. อิทํ ภควา เตสํ อตีว มุทุกรณตฺถมาห. อยฺหิ เอตฺถ อธิปฺปาโย – สเจ, ภิกฺขเว, ตุมฺเห อามิสโลลา จริสฺสถ, ตตฺถ วิฺู มํ ครหิสฺสนฺติ ‘‘กถฺหิ นาม สพฺพฺู สมาโน อตฺตโน สาวเก ¶ ธมฺมทายาเท โน อามิสทายาเท กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ. เสยฺยถาปิ นาม อนากปฺปสมฺปนฺเน ภิกฺขู ทิสฺวา อาจริยุปชฺฌาเย ครหนฺติ ‘‘กสฺสิเม สทฺธิวิหาริกา, กสฺสนฺเตวาสิกา’’ติ; เสยฺยถา วา ปน กุลกุมารเก วา กุลกุมาริกาโย วา ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม ทิสฺวา มาตาปิตโร ครหนฺติ ‘‘กสฺสิเม ปุตฺตา, กสฺส ธีตโร’’ติ; เอวเมว มํ วิฺู ครหิสฺสนฺติ ‘‘กถฺหิ นาม สพฺพฺู สมาโน อตฺตโน สาวเก ธมฺมทายาเท โน อามิสทายาเท กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ.
เอวํ อิมสฺส โอวาทสฺส อกรเณ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา กรเณ อานิสํสํ ทสฺเสนฺโต ตุมฺเห จ เมติอาทิมาห. ตตฺถ อหมฺปิ เตน น อาทิโย ภเวยฺยนฺติ เสยฺยถาปิ นาม วตฺตปริปูรเก ทหรภิกฺขู อุทฺเทสปริปุจฺฉาสมฺปนฺเน วสฺสสติกตฺเถเร วิย อากปฺปสมฺปนฺเน ทิสฺวา, กสฺส สทฺธิวิหาริกา, กสฺสนฺเตวาสิกาติ, อสุกสฺสาติ, ‘‘ปติรูปํ เถรสฺส, ปฏิพโล วต โอวทิตุํ อนุสาสิตุ’’นฺติ อาจริยุปชฺฌายา น อาทิยา น คารยฺหา ภวนฺติ, เอวเมว อหมฺปิ เตน ตุมฺหากํ ธมฺมทายาทภาเวน โน อามิสทายาทภาเวน กสฺส สาวกา นาลกปฏิปทํ ¶ ตุวฏฺฏกปฏิปทํ จนฺทูปมปฏิปทํ รถวินีตปฏิปทํ มหาโคสิงฺคสาลปฏิปทํ มหาสฺุตปฏิปทํ ปฏิปนฺนา จตุปจฺจยสนฺโตสภาวนารามอริยวํเสสุ สกฺขิภูตา ปจฺจยเคธโต วิวตฺตมานสา อพฺภา มุตฺตจนฺทสมา วิหรนฺตีติ; ‘‘สมณสฺส ¶ โคตมสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘สพฺพฺู วต ภควา, อสกฺขิ วต สาวเก อามิสทายาทปฏิปทํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ธมฺมทายาทปฏิปตฺติปูรเก กาตุ’’นฺติ วิฺูนํ น อาทิโย น คารยฺโห ภเวยฺยนฺติ. เอวมิมสฺมึ ปเท อธิปฺปายํ ตฺวา เสสํ กณฺหปกฺเข วุตฺตนยปจฺจนีเกน เวทิตพฺพํ. เอวํ อิมสฺส โอวาทสฺส กรเณ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ โอวาทํ นิยฺยาเตนฺโต อาห – ‘‘ตสฺมา ติห เม, ภิกฺขเว…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ.
๓๐. เอวมิมํ โอวาทํ นิยฺยาเตตฺวา อิทานิ ตสฺสา ธมฺมทายาทปฏิปตฺติยา ปริปูรการึ โถเมตุํ อิธาหํ, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ภควโต หิ โถมนํ สุตฺวาปิ โหนฺติเยว ตทตฺถาย ปฏิปชฺชิตาโร.
ตตฺถ ¶ อิธาติ นิปาตปทเมตํ. ภุตฺตาวีติ ภุตฺตวา, กตภตฺตกิจฺโจติ วุตฺตํ โหติ. ปวาริโตติ ยาวทตฺถปวารณาย ปวาริโต, ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา ปฏิกฺขิตฺตโภชโน ติตฺโตวาติ วุตฺตํ โหติ. จตุพฺพิธา หิ ปวารณา วสฺสํวุฏฺปวารณา ปจฺจยปวารณา อนติริตฺตปวารณา ยาวทตฺถปวารณาติ. ตตฺถ, ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, วสฺสํวุฏฺานํ ภิกฺขูนํ ตีหิ าเนหิ ปวาเรตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๐๙) อยํ วสฺสํวุฏฺปวารณา. ‘‘อิจฺฉามหํ, ภนฺเต, สงฺฆํ จตุมาสํ เภสชฺเชน ปวาเรตุ’’นฺติ (ปาจิ. ๓๐๓) จ ‘‘อฺตฺร ปุนปวารณาย อฺตฺร นิจฺจปวารณายา’’ติ (ปาจิ. ๓๐๗) จ อยํ ปจฺจยปวารณา. ‘‘ปวาริโต นาม อสนํ ปฺายติ, โภชนํ ปฺายติ, หตฺถปาเส ิโต อภิหรติ, ปฏิกฺเขโป ปฺายติ, เอโส ปวาริโต นามา’’ติ (ปาจิ. ๒๓๙) อยํ อนติริตฺตปวารณา. ‘‘ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๙๗, ๓๕๘) อยํ ยาวทตฺถปวารณา. อยมิธ อธิปฺเปตา. เตน วุตฺตํ ‘‘ปวาริโตติ ยาวทตฺถปวารณาย ปวาริโต’’ติ.
ปริปุณฺโณติ โภชเนน ปริปุณฺโณ. ปริโยสิโตติ ปริโยสิตโภชโน, อุตฺตรปทโลโป ทฏฺพฺโพ ¶ . ยาวตกํ ภฺุชิตพฺพํ, ตาวตกํ ภุตฺตํ โหติ, อวสิตา เม โภชนกิริยาติ อตฺโถ. สุหิโตติ ธาโต, ชิฆจฺฉาทุกฺขาภาเวน วา สุขิโตติ วุตฺตํ โหติ. ยาวทตฺโถติ ยาวตโก ¶ เม โภชเนน อตฺโถ, โส สพฺโพ ปตฺโตติ. เอตฺถ จ ปุริมานํ ติณฺณํ ปจฺฉิมานิ สาธกานิ. โย หิ ปริโยสิโต, โส ภุตฺตาวี โหติ. โย จ สุหิโต, โส ยาวทตฺถปวารณาย ปวาริโต. โย ยาวทตฺโถ, โส ปริปุณฺโณติ. ปุริมานิ วา ปจฺฉิมานํ. ยสฺมา หิ ภุตฺตาวี, ตสฺมา ปริโยสิโต. ยสฺมา ปวาริโต, ตสฺมา สุหิโต. ยสฺมา ปริปุณฺโณ, ตสฺมา ยาวทตฺโถติ. สพฺพฺเจตํ ปริกปฺเปตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
สิยาติ เอกํเส จ วิกปฺปเน จ. ‘‘ปถวีธาตุ สิยา อชฺฌตฺติกา, สิยา พาหิรา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๔๙) เอกํเส. ‘‘สิยา อฺตรสฺส ภิกฺขุโน อาปตฺติ วีติกฺกโม’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๙) วิกปฺปเน. อิธ อุภยมฺปิ วฏฺฏติ. อติเรโกว อติเรกธมฺโม. ตถา ฉฑฺฑนีย ธมฺโม. อธิโก จ ฉฑฺเฑตพฺโพ จ, น อฺํ กิฺจิ กาตพฺโพติ ¶ อตฺโถ. อถาติ ตมฺหิ กาเล. ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรตาติ ชิฆจฺฉาย จ ทุพฺพลฺเยน จ ปเรตา ผุฏฺา อนุคตา จ อฏฺปิ ทสปิ ทิวสานิ. ตตฺถ เกจิ ชิฆจฺฉิตาปิ น ทุพฺพลา โหนฺติ, สกฺโกนฺติ ชิฆจฺฉํ สหิตุํ. อิเม ปน น ตาทิสาติ ทสฺเสตุํ อุภยมาห. ตฺยาหนฺติ เต อหํ. สเจ อากงฺขถาติ ยทิ อิจฺฉถ.
อปฺปหริเตติ อปฺปรุฬฺหหริเต, ยสฺมึ าเน ปิณฺฑปาตชฺโฌตฺถรเณน วินสฺสนธมฺมานิ ติณานิ นตฺถิ, ตสฺมินฺติ อตฺโถ. เตน นิตฺติณฺจ มหาติณคหนํ จ, ยตฺถ สกเฏนปิ ฉฑฺฑิเต ปิณฺฑปาเต ติณานิ น วินสฺสนฺติ, ตฺจ านํ ปริคฺคหิตํ โหติ. ภูตคามสิกฺขาปทสฺส หิ อวิโกปนตฺถเมตํ วุตฺตํ.
อปฺปาณเกติ นิปฺปาณเก ปิณฺฑปาตชฺโฌตฺถรเณน มริตพฺพปาณกรหิเต วา มหาอุทกกฺขนฺเธ. ปริตฺโตทเก เอว หิ ภตฺตปกฺเขเปน อาฬุลิเต สุขุมปาณกา มรนฺติ, น มหาตฬากาทีสูติ. ปาณกานุรกฺขณตฺถฺหิ เอตํ วุตฺตํ. โอปิลาเปสฺสามีติ นิมุชฺชาเปสฺสามิ.
ตตฺเรกสฺสาติ เตสุ ทฺวีสุ เอกสฺส. โย อิมํ ธมฺมเทสนํ สุฏฺุ สุตวา ปุนปฺปุนํ อาวชฺเชติ จ ¶ , ตํ สนฺธายาห วุตฺตํ โข ปเนตนฺติ. อยํ วุตฺต-สทฺโท เกโสหารเณปิ ทิสฺสติ ‘‘กาปฏิโก มาณโว ทหโร วุตฺตสิโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๒๖). โรปิเตปิ ‘‘ยถา สารทิกํ พีชํ, เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหตี’’ติอาทีสุ ¶ (ชา. ๑.๓.๓๑). กถิเตปิ ‘‘วุตฺตมิทํ ภควตา, วุตฺตมิทํ อรหตา’’ติอาทีสุ. อิธ ปน กถิเต ทฏฺพฺโพ. กถิตํ โข ปเนตนฺติ อยฺหิสฺส อตฺโถ. อามิสฺตรนฺติ จตุนฺนํ ปจฺจยามิสานํ อฺตรํ, เอกนฺติ อตฺโถ. ยทิทนฺติ นิปาโต, สพฺพลิงฺควิภตฺติวจเนสุ ตาทิโสว ตตฺถ ตตฺถ อตฺถโต ปริณาเมตพฺโพ. อิธ ปนาสฺส โย เอโสติ อตฺโถ. โย เอโส ปิณฺฑปาโต นาม. อิทํ อามิสฺตรนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยํนูนาหนฺติ สาธุ วตาหํ. เอวนฺติ ยถา อิทานิ อิมํ ขณํ วีตินาเมมิ, เอวเมว รตฺตินฺทิวํ. วีตินาเมยฺยนฺติ เขเปยฺยํ อติวตฺตาเปยฺยํ.
โส ตํ ปิณฺฑปาตนฺติ โส ตํ สเทวเกน โลเกน สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตพฺพรูปํ สุคตาติริตฺตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ อภฺุชิตฺวา ธมฺมทายาทภาวํ อากงฺขมาโน ¶ อาทิตฺตสีสูปมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา เตเนว ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺเยน เอวํ ตํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺย.
อถ ทุติยสฺสาติ อิมสฺมึ ปน วาเร เอส สงฺเขโป, สเจ โส ภิกฺขุ, ยํนูนาหํ…เป… วีตินาเมยฺยนฺติ จินฺเตนฺโต เอวมฺปิ จินฺเตยฺย, ปพฺพชิเตน โข วาฬมิคากุเล อรฺเ เภสชฺชํ วิย ปฺจกามคุณวาฬากุเล คาเม ปิณฺฑปาโตปิ ทุกฺขํ ปริเยสิตุํ. อยํ ปน ปิณฺฑปาโต อิติ ปริเยสนาทีนววิมุตฺโต จ สุคตาติริตฺโต จาติ อุภโต สุชาตขตฺติยกุมาโร วิย โหติ, เยหิ จ ปฺจหิ การเณหิ ปิณฺฑปาโต น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ. เสยฺยถิทํ, ปุคฺคลํ ครหิตฺวา น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘อลชฺชิปุคฺคลสฺส สนฺตโก’’ติ. อปริสุทฺธอุปฺปตฺติตาย น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘ภิกฺขุนิปริปาจนอสนฺตสมฺภาวนุปฺปนฺโน’’ติ. สามิกานุกมฺปาย น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘ปิณฺฑปาตสามิโก ภิกฺขุ ชิฆจฺฉิโต’’ติ. โส ธาโต ตสฺเสว อนฺเตวาสิกาทีสุ อนุกมฺปาย น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘อนฺเตวาสิกา อฺเ วา ตปฺปฏิพทฺธา ชิฆจฺฉิตา’’ติ, เตปิ ธาตา สุหิตา, อปิจ โข อสฺสทฺธตาย น ปริภฺุชิตพฺโพ โหติ ‘‘ปิณฺฑปาตสามิโก ภิกฺขุ อสฺสทฺโธ’’ติ. เตหิ จ การเณหิ อยํ วิมุตฺโต. ภควา หิ ลชฺชีนํ อคฺโค, ปริสุทฺธุปฺปตฺติโก ปิณฺฑปาโต, ภควา จ ธาโต สุหิโต, ปจฺจาสีสโกปิ อฺโ ปุคฺคโล นตฺถิ, เย โลเก สทฺธา, ภควา เตสํ อคฺโคติ เอวํ จินฺเตตฺวา ¶ จ โส ตํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา…เป… วีตินาเมยฺย. เอตฺตาวตา ¶ โยปิ อภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ, โสปิ ภฺุชิตพฺพกเมว ปิณฺฑปาตํ น ภุตฺโต โหติ. โยปิ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ, โสปิ ภฺุชิตพฺพกเมว ภุตฺโต โหติ. นตฺถิ ปิณฺฑปาเต วิเสโส. ปุคฺคเล ปน อตฺถิ วิเสโส. ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺโต กิฺจาปิ โสติอาทิมาห.
ตตฺถ กิฺจาปีติ อนุชานนปฺปสํสนตฺเถ นิปาโต. กึ อนุชานาติ? ตสฺส ภิกฺขุโน ตํ อนวชฺชปริโภคํ. กึ ปสํสติ? ภุตฺวา สมณธมฺมกรณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ยทิปิ โส ภิกฺขุ เอวํ ภฺุชิตพฺพเมว ภฺุชิตฺวา กาตพฺพเมว กเรยฺย. อถ โข อสุเยว เม ปุริโม ภิกฺขูติ โย ปุริโม ภิกฺขุ ตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ, โสเยว มม ทฺวีสุ สูเรสุ สูรตโร วิย ทฺวีสุ ปณฺฑิเตสุ ปณฺฑิตตโร วิย จ ปุชฺชตโร ¶ จ ปาสํสตโร จ, ทุติยภิกฺขุโต อติเรเกน ปูชนีโย จ ปสํสนีโย จาติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ ตมตฺถํ การเณน สาเธนฺโต ตํ กิสฺส เหตูติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ, ตตฺถ สิยา ตุมฺหากํ, กสฺมา โส ภิกฺขุ ภควโต ปุชฺชตโร จ ปาสํสตโร จาติ? ตฺหิ ตสฺสาติ ยสฺมา ตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺขิปนํ ตสฺส ภิกฺขุโน ทีฆรตฺตํ อปฺปิจฺฉตาย…เป… วีริยารมฺภาย สํวตฺติสฺสติ. กถํ? ตสฺส หิ สเจ อปเรน สมเยน ปจฺจเยสุ อตฺริจฺฉตา วา ปาปิจฺฉตา วา มหิจฺฉตา วา อุปฺปชฺชิสฺสติ. ตโต นํ อิมินา ปิณฺฑปาตปฏิกฺเขปงฺกุเสน นิวาเรสฺสติ ‘‘อเร ตฺวํ สุคตาติริตฺตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อีทิสํ อิจฺฉํ อุปฺปาเทสี’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขมาโน. เอส นโย อสนฺตุฏฺิยา อสํเลขสฺส จุปฺปนฺนสฺส นิวารเณ. เอวํ ตาวสฺส อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฏฺิยา สํเลขาย สํวตฺติสฺสติ.
สุภรตายาติ เอตฺถ อยํ สํวณฺณนา – อิเธกจฺโจ อตฺตโนปิ อุปฏฺากานมฺปิ ทุพฺภโร โหติ ทุปฺโปโส. เอกจฺโจ อตฺตโนปิ อุปฏฺากานมฺปิ สุภโร โหติ สุโปโส. กถํ? โย หิ อมฺพิลาทีนิ ลทฺธา อนมฺพิลาทีนิ ปริเยสติ, อฺสฺส ฆเร ลทฺธํ อฺสฺส ฆเร ฉฑฺเฑนฺโต สพฺพํ คามํ วิจริตฺวา ริตฺตปตฺโตว วิหารํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชติ, อยํ อตฺตโน ทุพฺภโร. โย ปน สาลิมํโสทนาทีนํ ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺเนปิ ทุมฺมุขภาวํ อนตฺตมนภาวเมว จ ทสฺเสติ, เตสํ วา สมฺมุขาว ตํ ปิณฺฑปาตํ ‘‘กึ ตุมฺเหหิ ทินฺน’’นฺติ อปสาเทนฺโต ¶ สามเณรคหฏฺาทีนมฺปิ เทติ ¶ , อยํ อุปฏฺากานํ ทุพฺภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ทูรโต ปริวชฺชนฺติ ทุพฺภโร ภิกฺขุ น สกฺกา โปสิตุนฺติ. โย ปน ยํกิฺจิ ลูขํ วา ปณีตํ วา ลทฺธา ตุฏฺจิตฺโตว ภฺุชิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อตฺตโน กมฺมํ กโรติ, อยํ อตฺตโน สุภโร. โย จ ปเรสมฺปิ อปฺปํ วา พหุํ วา ลูขํ วา ปณีตํ วา ทานํ อหีเฬตฺวา อตฺตมโน วิปฺปสนฺนมุโข หุตฺวา เตสํ สมฺมุขาว ปริภฺุชิตฺวา ยาติ, อยํ อุปฏฺากานํ สุภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา อติวิย วิสฺสตฺถา โหนฺติ – ‘‘อมฺหากํ ภทนฺโต สุภโร โถเกนปิ ตุสฺสติ, มยเมว นํ โปสิสฺสามา’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา โปเสนฺติ.
ตตฺถ สเจ อปเรน สมเยน อสฺส อตฺตโน วา อุปฏฺากานํ วา ทุพฺภรตานเยน จิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสติ. ตโต นํ อิมินา ปิณฺฑปาตปฏิกฺเขปงฺกุเสน นิวาเรสฺสติ – ‘‘อเร ตฺวํ สุคตาติริตฺตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อีทิสํ ¶ จิตฺตํ อุปฺปาเทสี’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขมาโน, เอวมสฺส สุภรตาย สํวตฺติสฺสติ. สเจ ปนสฺส โกสชฺชํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตมฺปิ เอเตเนวงฺกุเสน นิวาเรสฺสติ – ‘‘อเร ตฺวํ นาม ตทา สุคตาติริตฺตมฺปิ ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตถา ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโตปิ สมณธมฺมํ กตฺวา อชฺช โกสชฺชมนุยฺุชสี’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขมาโน, เอวมสฺส วีริยารมฺภาย สํวตฺติสฺสติ. เอวมสฺส อิทํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺขิปนํ ทีฆรตฺตํ อปฺปิจฺฉตาย…เป… วีริยารมฺภาย สํวตฺติสฺสติ. เอวมสฺสิเม ปฺจ คุณา ปริปูรา ทส กถาวตฺถูนิ ปริปูเรสฺสนฺติ.
กถํ? อตฺร หิ ปาฬิยํเยว อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาวีริยารมฺภวเสน ตีณิ อาคตานิ, เสสานิ สลฺเลเขน สงฺคหิตานิ. อิทฺหิ สพฺพกถาวตฺถูนํ นามเมว, ยทิทํ สลฺเลโข. ยถาห – ‘‘ยา จ โข อยํ, อานนฺท, กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวินีวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. เสยฺยถิทํ, อปฺปิจฺฉกถา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๘๙, ๑๙๒) วิตฺถาโร. เอวํ อิเม ปฺจ คุณา ปริปูรา ทส กถาวตฺถูนิ ปริปูเรสฺสนฺติ. ทส กถาวตฺถูนิ ปริปูรานิ ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรสฺสนฺติ.
กถํ? เอเตสุ หิ อปฺปิจฺฉกถา สนฺโตสกถา อสํสคฺคกถา สีลกถาติ อิมา จตสฺโส กถา อธิสีลสิกฺขาสงฺคหิตาเยว ¶ . ปวิเวกกถา วีริยารมฺภกถา สมาธิกถาติ อิมา ติสฺโส อธิจิตฺตสิกฺขสงฺคหิตา ¶ . ปฺากถา วิมุตฺติกถา วิมุตฺติาณทสฺสนกถาติ อิมา ติสฺโส อธิปฺาสิกฺขาสงฺคหิตาติ. เอวํ ทส กถาวตฺถูนิ ปริปูรานิ ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรสฺสนฺติ. ติสฺโส สิกฺขา ปริปูรา ปฺจ อเสกฺขธมฺมกฺขนฺเธ ปริปูเรสฺสนฺติ.
กถํ? ปริปูรา หิ อธิสีลสิกฺขา อเสกฺโข สีลกฺขนฺโธเยว โหติ, อธิจิตฺตสิกฺขา อเสกฺโข สมาธิกฺขนฺโธ, อธิปฺาสิกฺขา อเสกฺขา ปฺา-วิมุตฺติ-วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺธา เอวาติ เอวํ ติสฺโส สิกฺขา ปริปูรา ปฺจ อเสกฺขธมฺมกฺขนฺเธ ปริปูเรสฺสนฺติ. ปฺจ ธมฺมกฺขนฺธา ปริปูรา อมตํ นิพฺพานํ ปริปูเรสฺสนฺติ. เสยฺยถาปิ อุปริปพฺพเต ปาวุสฺสโก มหาเมโฆ อภิวุฏฺโ ¶ ปพฺพตกนฺทรสรสาขา ปริปูเรติ. ตา ปริปูรา กุโสพฺเภ, กุโสพฺภา มหาโสพฺเภ, มหาโสพฺภา กุนฺนทิโย, กุนฺนทิโย มหานทิโย, มหานทิโย มหาสมุทฺทสาครํ ปริปูเรนฺติ; เอวเมว ตสฺส ภิกฺขุโน อิเม ปฺจ คุณา ปริปูรา ทส กถาวตฺถุนิ อาทึ กตฺวา ยาว อมตํ นิพฺพานํ ปริปูเรสฺสนฺติ. เอวมยํ ภิกฺขุ ธมฺมทายาทปฏิปทํ ปฏิปนฺโน ปรมธมฺมทายาทํ ลภตีติ เอตมตฺถํ สมฺปสฺสมาโน ภควา ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ ตฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน’’ติอาทิมาห.
เอวํ ตสฺส ภิกฺขุโน ปุชฺชตรปาสํสตรภาวํ การเณน สาเธตฺวา อิทานิ เต ภิกฺขู ตถตฺตาย สนฺนิโยเชนฺโต ตสฺมา ติห เม ภิกฺขเวติอาทิมาห. กึ วุตฺตํ โหติ, ยสฺมา โย ตํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กเรยฺย, โส อิเมหิ ปฺจหิ มูลคุเณหิ ปริพาหิโร. โย ปน อภฺุชิตฺวา กเรยฺย, โส อิเมสํ ภาคี โหติ – ‘‘ตสฺมา ติห เม, ภิกฺขเว…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ.
อิทมโวจ ภควาติ อิทํ นิทานปริโยสานโต ปภุติ ยาว โน อามิสทายาทาติ สุตฺตปฺปเทสํ ภควา อโวจ. อิทํ วตฺวาน สุคโตติ อิทฺจ สุตฺตปฺปเทสํ วตฺวาว โสภนาย ปฏิปทาย คตตฺตา สุคโตติ สงฺขํ ปตฺโตเยว ภควา. อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสี ปฺตฺตวรพุทฺธาสนโต อุฏฺหิตฺวา วิหารํ อตฺตโน มหาคนฺธกุฏึ ปาวิสิ อสมฺภินฺนาย เอว ปริสาย. กสฺมา ¶ ธมฺมโถมนตฺถํ.
พุทฺธา ¶ กิร อปรินิฏฺิตาย เทสนาย วิหารํ ปวิสนฺตา ทฺวีหิ การเณหิ ปวิสนฺติ ปุคฺคลโถมนตฺถํ วา ธมฺมโถมนตฺถํ วา. ปุคฺคลโถมนตฺถํ ปวิสนฺโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ มยา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิฏฺํ, วิตฺถาเรน อวิภตฺตํ, ธมฺมปฏิคฺคาหกา ภิกฺขู อุคฺคเหตฺวา อานนฺทํ วา กจฺจานํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสนฺติ, เต มยฺหํ าเณน สํสนฺเทตฺวา กเถสฺสนฺติ, ตโต ธมฺมปฏิคฺคาหกา ปุน มํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, เตสํ อหํ สุกถิตํ, ภิกฺขเว, อานนฺเทน สุกถิตํ กจฺจาเนน, มํ เจปิ ตุมฺเห เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยาถ, อหมฺปิ นํ เอวเมว พฺยากเรยฺยนฺติ เอวํ เต ปุคฺคเล โถเมสฺสามิ, ตโต เตสุ คารวํ ชเนตฺวา ภิกฺขู อุปสงฺกมิสฺสนฺติ, เตปิ ภิกฺขู อตฺเถ จ ธมฺเม จ ¶ นิโยเชสฺสนฺติ, เต เตหิ นิโยชิตา ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรนฺตา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ.
ธมฺมโถมนตฺถํ ปวิสนฺโต เอวํ จินฺเตสิ, ยถา อิเธว จินฺเตสิ – ‘‘มยิ วิหารํ ปวิฏฺเ ตเมว อามิสทายาทํ ครหนฺโต ธมฺมทายาทฺจ โถเมนฺโต อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสินฺโน สาริปุตฺโต ธมฺมํ เทเสสฺสติ, เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ อมฺหากํ เอกชฺฌาสยาย มติยา เทสิตา อยํ เทสนา อคฺคา จ ครุกา จ ภวิสฺสติ ปาสาณจฺฉตฺตสทิสา. จตุโรฆนิตฺถรณฏฺเน ติตฺเถ ปิตา นาวา วิย มคฺคคมนฏฺเน จตุยุตฺตอาชฺรโถ วิย จ ภวิสฺสติ. ยถา จ ‘เอวํ กโรนฺตสฺส อยํ ทณฺโฑ’ติ ปริสติ อาณํ เปตฺวา อุฏฺายาสนา ปาสาทํ อารุฬฺเห ราชินิ ตตฺเถว นิสินฺโน เสนาปติ ตํ รฺา ปิตํ อาณํ ปวตฺเตติ; เอวมฺปิ มยา ปิตํ เทสนํ อิมิสฺสํเยว ปริสติ นิสินฺโน สาริปุตฺโต โถเมตฺวา เทเสสฺสติ, เอวํ ทฺวินฺนมฺปิ อมฺหากํ มติยา เทสิตา อยํ เทสนา พลวตรา มชฺฌนฺหิกสูริโย วิย ปชฺชลิสฺสตี’’ติ. เอวมิธ ธมฺมโถมนตฺถํ อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ.
อีทิเสสุ จ าเนสุ ภควา นิสินฺนาสเนเยว อนฺตรหิโต จิตฺตคติยา วิหารํ ปวิสตีติ เวทิตพฺโพ. ยทิ หิ กายคติยา คจฺเฉยฺย, สพฺพา ปริสา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา คจฺเฉยฺย, สา เอกวารํ ภินฺนา ปุน ทุสฺสนฺนิปาตา ภเวยฺยาติ ภควา จิตฺตคติยา เอว ปาวิสิ.
๓๑. เอวํ ¶ ปวิฏฺเ ปน ภควติ ภควโต อธิปฺปายานุรูปํ ตํ ธมฺมํ โถเมตุกาโม ตตฺร โข ¶ อายสฺมา สาริปุตฺโต…เป…เอตทโวจ. ตตฺถ อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ. สาริปุตฺโตติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, ตฺจ โข มาติโต, น ปิติโต. รูปสาริยา หิ พฺราหฺมณิยา โส ปุตฺโต, ตสฺมา สาริปุตฺโตติ วุจฺจติ. อจิรปกฺกนฺตสฺสาติ ปกฺกนฺตสฺส สโต นจิเรน. อาวุโส, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ปน พุทฺธา ภควนฺโต สาวเก อาลปนฺตา ภิกฺขเวติ อาลปนฺติ. สาวกา ปน พุทฺเธหิ สทิสา มา โหมาติ อาวุโสติ ปมํ วตฺวา ปจฺฉา ภิกฺขเวติ ภณนฺติ. พุทฺเธหิ จ อาลปิโต ภิกฺขุสงฺโฆ ภทนฺเตติ ปฏิวจนํ เทติ, สาวเกหิ อาวุโสติ.
กิตฺตาวตา ¶ นุ โข, อาวุโสติ เอตฺถ กิตฺตาวตาติ ปริจฺเฉทวจนํ, กิตฺตเกนาติ วุตฺตํ โหติ. นุกาโร ปุจฺฉายํ. โขกาโร นิปาตมตฺตํ. สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโตติ, ตีหิ วิเวเกหิ กายจิตฺตอุปธิวิเวเกหิ สตฺถุโน วิหรนฺตสฺส. วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตีติ ติณฺณํ วิเวกานํ อฺตรมฺปิ นานุสิกฺขนฺติ, อามิสทายาทาว โหนฺตีติ อิมมตฺถํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู ปุจฺฉิ. เอส นโย สุกฺกปกฺเขปิ.
เอวํ วุตฺเต ตมตฺถํ โสตุกามา ภิกฺขู ทูรโตปิ โขติอาทิมาหํสุ. ตตฺถ ทูรโตปีติ ติโรรฏฺโตปิ ติโรชนปทโตปิ อเนกโยชนคณนโตปีติ วุตฺตํ โหติ. สนฺติเกติ สมีเป. อฺาตุนฺติ ชานิตุํ พุชฺฌิตุํ. อายสฺมนฺตํเยว สาริปุตฺตํ ปฏิภาตูติ อายสฺมโตเยว สาริปุตฺตสฺส ภาโค โหตุ, อายสฺมา ปน สาริปุตฺโต อตฺตโน ภาคํ กตฺวา วิภชตูติ วุตฺตํ โหติ. อายสฺมโต หิ ภาโค ยทิทํ อตฺถกฺขานํ, อมฺหากํ ปน สวนํ ภาโคติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย, เอวํ สทฺทลกฺขเณน สเมติ. เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘ปฏิภาตูติ ทิสฺสตู’’ติ. อปเร ‘‘อุปฏฺาตู’’ติ. ธาเรสฺสนฺตีติ อุคฺคเหสฺสนฺติ ปริยาปุณิสฺสนฺติ. ตโต เนสํ กเถตุกาโม เถโร เตน หีติอาทิมาห. ตตฺถ เตนาติ การณวจนํ. หิกาโร นิปาโต. ยสฺมา โสตุกามาตฺถ, ยสฺมา จ มยฺหํ ภารํ อาโรปยิตฺถ, ตสฺมา สุณาถาติ วุตฺตํ โหติ. เตปิ ภิกฺขู เถรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉึสุ, เตนาห ‘‘เอวมาวุโสติ…เป…ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติ.
อถ เนสํ, อามิสทายาทํ ครหนฺเตน ภควตา ‘‘ตุมฺเหปิ เตน อาทิยา ภเวยฺยาถา’’ติ เอเกเนวากาเรน ¶ วุตฺตมตฺถํ ตีหิ อากาเรหิ ทสฺเสนฺโต อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ – ‘‘อิธาวุโส ¶ , สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต…เป… เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติ.
เอตฺตาวตา ยฺจ ภควา อามิสทายาทปฏิปทํ ครหนฺโต ‘‘ตุมฺเหปิ เตน อาทิยา ภเวยฺยาถา’’ติ อาห, ยฺจ อตฺตนา ปุจฺฉํ ปุจฺฉิ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข…เป… นานุสิกฺขนฺตี’’ติ, ตสฺส วิตฺถารโต อตฺโถ สุวิภตฺโต โหติ. โส จ โข ภควโต อาทิยภาวํ อนามสิตฺวาว. ภควโตเยว หิ ยุตฺตํ สาวเก อนุคฺคณฺหนฺตสฺส ‘‘อหมฺปิ ¶ เตน อาทิโย ภวิสฺสามี’’ติ วตฺตุํ, น สาวกานํ. เอส นโย สุกฺกปกฺเขปิ, อยํ ตาเวตฺถ อนุสนฺธิกฺกมโยชนา.
อยํ ปนตฺถวณฺณนา อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺสาติ สตฺถุโน ตีหิ วิเวเกหิ อจฺจนฺตปวิวิตฺตสฺส. วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตีติ กายวิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ, น ปริปูเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ยทิ ปน ติวิธํ วิเวกํ สนฺธาย วเทยฺย, ปุจฺฉาย อวิเสโส สิยา. พฺยากรณปกฺโข หิ อยํ. ตสฺมา อิมินา ปเทน กายวิเวกํ, ‘‘เยสฺจ ธมฺมาน’’นฺติอาทินา จิตฺตวิเวกํ, ‘‘พาหุลิกา’’ติอาทินา อุปธิวิเวกฺจ ทสฺเสตีติ เอวเมตฺถ สงฺเขปโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เยสฺจ ธมฺมานนฺติ โลภาทโย สนฺธายาห, เย ปรโต ‘‘ตตฺราวุโส โลโภ จ ปาปโก’’ติอาทินา นเยน วกฺขติ. นปฺปชหนฺตีติ น ปริจฺจชนฺติ, จิตฺตวิเวกํ น ปริปูเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. พาหุลิกาติ จีวราทิพาหุลฺลาย ปฏิปนฺนา. สาสนํ สิถิลํ คณฺหนฺตีติ สาถลิกา. โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมาติ เอตฺถ โอกฺกมนํ วุจฺจนฺติ อวคมนฏฺเน ปฺจ นีวรณานิ, เตน ปฺจนีวรณปุพฺพงฺคมาติ วุตฺตํ โหติ. ปวิเวเกติ อุปธิวิเวเก นิพฺพาเน. นิกฺขิตฺตธุราติ โอโรปิตธุรา, ตทธิคมาย อารมฺภมฺปิ อกุรุมานาติ, เอตฺตาวตา อุปธิวิเวกํ น ปริปูเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
เอตฺตาวตา อนิยเมเนว วตฺวา อิทานิ เทสนํ นิยเมนฺโต ‘‘ตตฺราวุโส’’ติอาทิมาห. กสฺมา? สาวกา ‘‘ตีหิ าเนหี’’ติ เอวฺหิ อนิยเมตฺวาว วุจฺจมาเน ‘‘กมฺปิ มฺเ ภณติ ¶ , น อมฺเห’’ติ อุทาสินาปิ โหนฺติ. ‘‘เถรา นวา มชฺฌิมา’’ติ เอวํ ปน นิยเมตฺวา วุจฺจมาเน อมฺเห ภณตีติ อาทรํ กโรนฺติ ¶ . ยถา รฺา ‘‘อมจฺเจหิ นครวีถิโย โสเธตพฺพา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘เกน นุ โข โสเธตพฺพา’’ติ มฺมานา น โสเธนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวารํ โสเธตพฺพนฺติ ปน เภริยา นิกฺขนฺตาย สพฺเพ มุหุตฺเตน โสเธนฺติ จ อลงฺกโรนฺติ จ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ตตฺราติ เตสุ สาวเกสุ. เถราติ ทสวสฺเส อุปาทาย วุจฺจนฺติ. ตีหิ าเนหีติ ตีหิ การเณหิ. อยฺหิ านสทฺโท อิสฺสริยฏฺิติขณการเณสุ ทิสฺสติ. ‘‘กึ ปนายสฺมา เทวานมินฺโท กมฺมํ กตฺวา ¶ อิมํ านํ ปตฺโต’’ติอาทีสุ หิ อิสฺสริเย ทิสฺสติ. ‘‘านกุสโล โหติ อกฺขณเวธี’’ติอาทีสุ ิติยํ. ‘‘านโสเวตํ ตถาคตํ ปฏิภาตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๘๗) ขเณ. ‘‘านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต’’ติอาทีสุ (วิภ. ๘๐๙; ม. นิ. ๑.๑๔๘) การเณ. อิธ ปน การเณเยว. การณฺหิ ยสฺมา ตตฺถ ผลํ ติฏฺติ ตทายตฺตวุตฺติภาเวน, ตสฺมา านนฺติ วุจฺจติ.
อิมินา ปเมน าเนน เถรา ภิกฺขู คารยฺหาติ เอตฺถ คารยฺหาติ ครหิตพฺพา. เถรา นาม สมานา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ น อุเปนฺติ, คามนฺตเสนาสนํ น มฺุจนฺติ, สงฺคณิการามตํ วฑฺเฒนฺตา วิหรนฺติ, กายวิเวกมฺปิ น ปริปูเรนฺติ, นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ เอวํ นินฺทิตพฺพา โหนฺติ, อิมํ นินฺทํ อาวุโส ลภนฺตีติ ทสฺเสติ. ทุติเยน าเนนาติ เอตฺถาปิ อิเม นาม อาวุโส เถราปิ สมานา เยสํ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห, เต โลภาทิธมฺเม น ชหนฺติ, อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา จิตฺเตกคฺคตํ น ลภนฺติ, นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ เอวํ นินฺทิตพฺพา โหนฺติ, อิมํ นินฺทํ อาวุโส ลภนฺตีติ ทสฺเสตีติ เอวํ โยชนา กาตพฺพา. ตติเยน าเนนาติ เอตฺถาปิ อิเม นามาวุโส, เถราปิ สมานา อิตรีตเรน น ยาเปนฺติ, จีวรปตฺตเสนาสนปูติกายมณฺฑนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติ อุปธิวิเวกํ อปูรยมานา, นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ เอวํ นินฺทิตพฺพา โหนฺติ, อิมํ นินฺทํ, อาวุโส, ลภนฺตีติ ทสฺเสตีติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. เอส นโย มชฺฌิมนววาเรสุ.
อยํ ปน วิเสโส. มชฺฌิมาติ ปฺจวสฺเส อุปาทาย ยาว นว วสฺสา วุจฺจนฺติ. นวาติ ¶ อูนปฺจวสฺสา วุจฺจนฺติ. ยถา จ ตตฺถ นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ วุตฺตํ, เอวมิธ ¶ นวกาเล กีทิสา อเหสุํ, เถรกาเล กีทิสา ภวิสฺสนฺติ, มชฺฌิมเถรกาเล กีทิสา ภวิสฺสนฺตีติ วตฺวา โยเชตพฺพํ.
๓๒. อิมสฺมิฺจ กณฺหปกฺเข วุตฺตปจฺจนีกนเยน สุกฺกปกฺเข อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป. อิเม วต เถราปิ สมานา โยชนปรมฺปราย อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ เสวนฺติ, คามนฺตเสนาสนํ อุปคนฺตุํ ยุตฺตกาเลปิ น อุปคจฺฉนฺติ, เอวํ ชิณฺณสรีราปิ อารทฺธวีริยา ¶ ปจฺจยทายกานํ ปสาทํ ชเนนฺติ, นวมชฺฌิมกาเล กีทิสา อเหสุนฺติ อิมินา ปเมน าเนน เถรา ปาสํสา ภวนฺติ, ปสํสํ ลภนฺติ. โลภาทโย ปหาย จิตฺตวิเวกํ ปูเรนฺติ, อยมฺปิ มหาเถโร สทฺธิวิหาริกอนฺเตวาสิกปริวาริโต หุตฺวา นิสีทิตุํ ยุตฺตกาเลปิ อีทิเสปิ วเย วตฺตมาเน ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปวิฏฺโ สายํ นิกฺขมติ, สายํ ปวิฏฺโ ปาโต นิกฺขมติ, กสิณปริกมฺมํ กโรติ, สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, มคฺคผลานิ อธิคจฺฉติ, สพฺพถาปิ จิตฺตวิเวกํ ปูเรตีติ อิมินา ทุติเยน าเนน เถรา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติ, ปสํสํ ลภนฺติ. ยสฺมึ กาเล เถรสฺส ปฏฺฏทุกูลโกเสยฺยาทีนิ สุขสมฺผสฺสานิ ลหุจีวราทีนิ ยุตฺตานิ, ตสฺมิมฺปิ นาม กาเล อยํ มหาเถโร ปํสุกูลานิ ธาเรติ, อสิถิลํ สาสนํ คเหตฺวา วิคตนีวรโณ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา อุปธิวิเวกํ ปริปูรยมาโน วิหรติ, นวมชฺฌิมกาเล กีทิโส อโหสีติ อิมินา ตติเยน าเนน เถรา ปาสํสา ภวนฺติ, ปสํสํ ลภนฺตีติ. เอส นโย มชฺฌิมนววาเรสุ.
๓๓. ตตฺราวุโสติ โก อนุสนฺธิ, เอวํ นวหากาเรหิ อามิสทายาทปฏิปทํ ครหนฺโต, นวหิ ธมฺมทายาทปฏิปทํ โถเมนฺโต, อฏฺารสหากาเรหิ เทสนํ นิฏฺาเปตฺวา, เย เต ‘‘เยสฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห, เต จ ธมฺเม น ปชหนฺตี’’ติ เอวํ ปหาตพฺพธมฺมา วุตฺตา. เต สรูปโต ‘‘อิเม เต’’ติ ทสฺเสตุมิทํ ‘‘ตตฺราวุโส, โลโภ จา’’ติอาทิมาห, อยํ อนุสนฺธิ.
อปิจ เหฏฺา ปริยาเยเนว ธมฺโม กถิโต. อามิสํ ปน ปริยาเยนปิ นิปฺปริยาเยนปิ กถิตํ. อิทานิ นิปฺปริยายธมฺมํ โลกุตฺตรมคฺคํ กเถตุมิทมาห. อยํ เปตฺถ อนุสนฺธิ.
ตตฺถ ¶ ตตฺราติ อตีตเทสนานิทสฺสนํ, ‘‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตเทสนายนฺติ วุตฺตํ โหติ. โลโภ จ ปาปโก, โทโส จ ปาปโกติ อิเม ทฺเว ธมฺมา ปาปกา ลามกา, อิเม ปหาตพฺพาติ ¶ ทสฺเสติ. ตตฺถ ลุพฺภนลกฺขโณ โลโภ. ทุสฺสนลกฺขโณ โทโส. เตสุ โลโภ อามิสทายาทสฺส ปจฺจยานํ ลาเภ โหติ, โทโส อลาเภ. โลเภน ¶ อลทฺธํ ปตฺเถติ, โทเสน อลภนฺโต วิฆาตวา โหติ. โลโภ จ เทยฺยธมฺเม โหติ, โทโส อทายเก วา อมนฺุทายเก วา. โลเภน นวตณฺหามูลเก ธมฺเม ปริปูเรติ, โทเสน ปฺจ มจฺฉริยานิ.
อิทานิ เตสํ ปหานูปายํ ทสฺเสนฺโต โลภสฺส จ ปหานายาติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ, ตสฺส ปน ปาปกสฺส โลภสฺส จ โทสสฺส จ ปหานาย. อตฺถิ มชฺฌิมา ปฏิปทาติ มคฺคํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ. มคฺโค หิ โลโภ เอโก อนฺโต, โทโส เอโก อนฺโตติ เอเต ทฺเว อนฺเต น อุเปติ, น อุปคจฺฉติ, วิมุตฺโต เอเตหิ อนฺเตหิ, ตสฺมา ‘‘มชฺฌิมา ปฏิปทา’’ติ วุจฺจติ. เอเตสํ มชฺเฌ ภวตฺตา ‘‘มชฺฌิมา, ปฏิปชฺชิตพฺพโต จ ปฏิปทาติ. ตถา กามสุขลฺลิกานุโยโค เอโก อนฺโต, อตฺตกิลมถานุโยโค เอโก อนฺโต, สสฺสตํ เอโก อนฺโต, อุจฺเฉโท เอโก อนฺโตติ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ.
จกฺขุกรณีติอาทีหิ ปน ตเมว ปฏิปทํ โถเมติ. สา หิ สจฺจานํ ทสฺสนาย สํวตฺตติ ทสฺสนปริณายกฏฺเนาติ จกฺขุกรณี. สจฺจานํ าณาย สํวตฺตติ วิทิตกรณฏฺเนาติ าณกรณี. ราคาทีนฺจ วูปสมนโต อุปสมาย สํวตฺตติ. จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ อภิฺเยฺยภาวทสฺสนโต อภิฺาย สํวตฺตติ. สมฺโพโธติ มคฺโค, ตสฺสตฺถาย สํวตฺตนโต สมฺโพธาย สํวตฺตติ. มคฺโคเยว หิ มคฺคตฺถาย สํวตฺตติ มคฺเคน กาตพฺพกิจฺจกรณโต. นิพฺพานํ นาม อปฺปจฺจยํ ตสฺส ปน สจฺฉิกิริยาย ปจฺจกฺขกมฺมาย สํวตฺตนโต นิพฺพานาย สํวตฺตตีติ วุจฺจติ. อยเมตฺถ สาโร. อิโต อฺถา วณฺณนา ปปฺจา.
อิทานิ ตํ มชฺฌิมํ ปฏิปทํ สรูปโต ทสฺเสตุกาโม ‘‘กตมา จ สา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อยเมวา’’ติอาทินา นเยน วิสฺสชฺเชติ.
ตตฺถ ¶ อยเมวาติ อวธารณวจนํ, อฺมคฺคปฺปฏิเสธนตฺถํ, พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ สาธารณภาวทสฺสนตฺถฺจ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘เอเสว ¶ มคฺโค นตฺถฺโ ทสฺสนสฺส วิสุทฺธิยา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๔). สฺวายํ กิเลสานํ อารกตฺตาปิ อริโย. อริปหานาย สํวตฺตตีติปิ อริเยน เทสิโตติปิ อริยภาวปฺปฏิลาภาย สํวตฺตตีติปิ อริโย. อฏฺหิ องฺเคหิ อุเปตตฺตา ¶ อฏฺงฺคิโก, น จ องฺควินิมุตฺโต ปฺจงฺคิกตูริยาทีนิ วิย. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, มคฺคติ วา นิพฺพานํ, มคฺคียติ วา นิพฺพานตฺถิเกหิ, คมฺมติ วา เตหิ ปฏิปชฺชียตีติ มคฺโค. เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส กตโม โส อิติ เจติ อตฺโถ, กตมานิ วา ตานิ อฏฺงฺคานีติ. เอกเมกฺหิ องฺคํ มคฺโคเยว. ยถาห ‘‘สมฺมาทิฏฺิ มคฺโค เจว เหตุ จา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙). โปราณาปิ ภณนฺติ – ‘‘ทสฺสนมคฺโค สมฺมาทิฏฺิ, อภินิโรปนมคฺโค สมฺมาสงฺกปฺโป…เป… อวิกฺเขปมคฺโค สมฺมาสมาธี’’ติ.
สมฺมาทิฏฺาทีสุ เจเตสุ สมฺมา ทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ. สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป. สมฺมา ปริคฺคหลกฺขณา สมฺมาวาจา. สมฺมา สมุฏฺานลกฺขโณ สมฺมากมฺมนฺโต. สมฺมา โวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว. สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม. สมฺมา อุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ. สมฺมา สมาธานลกฺขโณ สมฺมาสมาธิ. นิพฺพจนมฺปิ เนสํ สมฺมา ปสฺสตีติ สมฺมาทิฏฺีติ เอเตเนว นเยน เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ สมฺมาทิฏฺิ อุปฺปชฺชมานา มิจฺฉาทิฏฺึ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ อวิชฺชฺจ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปสฺสติ, เต จ โข อสมฺโมหโต, โน อารมฺมณโต, ตสฺมา ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาสงฺกปฺโป มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา อภินิโรเปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาสงฺกปฺโป’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาวาจา มิจฺฉาวาจํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา ปริคฺคณฺหาติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาวาจา’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมากมฺมนฺโต ¶ มิจฺฉากมฺมนฺตํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา ¶ สมุฏฺาเปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมากมฺมนฺโต’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาอาชีโว ¶ มิจฺฉาอาชีวํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา โวทาเปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาอาชีโว’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาวายาโม มิจฺฉาวายามํ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ โกสชฺชฺจ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา ปคฺคณฺหาติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาวายาโม’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาสติ มิจฺฉาสตึ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา อุปฏฺาเปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาสตี’’ติ วุจฺจติ.
สมฺมาสมาธิ มิจฺฉาสมาธึ ตปฺปจฺจนียกิเลเส จ อุทฺธจฺจฺจ ปชหติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรติ, สมฺปยุตฺตธมฺเม จ สมฺมา สมาธิยติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาสมาธี’’ติ วุจฺจติ.
อิทานิ อยํ โข สา, อาวุโสติ ตเมว ปฏิปทํ นิคเมนฺโต อาห. ตสฺสตฺโถ, ยฺวายํ จตฺตาโรปิ โลกุตฺตรมคฺเค เอกโต กตฺวา กถิโต ‘‘อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’, อยํ โข สา, อาวุโส…เป… นิพฺพานาย สํวตฺตตีติ.
เอวํ ปหาตพฺพธมฺเมสุ โลภโทเส ตปฺปหานุปายฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺเปิ ปหาตพฺพธมฺเม เตสํ ปหานุปายฺจ ทสฺเสนฺโต ตตฺราวุโส, โกโธ จาติอาทิมาห. ตตฺถ กุชฺฌนลกฺขโณ โกโธ, จณฺฑิกฺกลกฺขโณ วา, อาฆาตกรณรโส, ทุสฺสนปจฺจุปฏฺาโน. อุปนนฺธนลกฺขโณ อุปนาโห, เวร อปฺปฏินิสฺสชฺชนรโส, โกธานุปพนฺธภาวปจฺจุปฏฺาโน. วุตฺตฺเจตํ – ‘‘ปุพฺพกาเล โกโธ, อปรกาเล อุปนาโห’’ติอาทิ (วิภ. ๘๙๑).
ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ มกฺโข, เตสํ วินาสนรโส, ตทวจฺฉาทนปจฺจุปฏฺาโน. ยุคคฺคาหลกฺขโณ ¶ ปฬาโส, ปรคุเณหิ อตฺตโน คุณานํ สมีกรณรโส, ปเรสํ คุณปฺปมาเณน อุปฏฺานปจฺจุปฏฺาโน.
ปรสมฺปตฺติขียนลกฺขณา อิสฺสา, ตสฺสา อกฺขมนลกฺขณา วา, ตตฺถ อนภิรติรสา, ตโต วิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา. อตฺตโน สมฺปตฺตินิคูหนลกฺขณํ ¶ มจฺเฉรํ, อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวอสุขายนรสํ, สงฺโกจนปจฺจุปฏฺานํ.
กตปาปปฏิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, ตสฺส นิคูหนรสา, ตทาวรณปจฺจุปฏฺานา. อตฺตโน อวิชฺชมานคุณปกาสนลกฺขณํ สาเยฺยํ, เตสํ สมุทาหรณรสํ, สรีรากาเรหิปิ เตสํ วิภูตกรณปจฺจุปฏฺานํ.
จิตฺตสฺส อุทฺธุมาตภาวลกฺขโณ ¶ ถมฺโภ, อปฺปติสฺสยวุตฺติรโส, อมทฺทวตาปจฺจุปฏฺาโน. กรณุตฺตริยลกฺขโณ สารมฺโภ, วิปจฺจนีกตารโส, อคารวปจฺจุปฏฺาโน.
อุณฺณติลกฺขโณ มาโน, อหํการรโส, อุทฺธุมาตภาวปจฺจุปฏฺาโน. อพฺภุณฺณติลกฺขโณ อติมาโน, อติวิย อหงฺการรโส. อจฺจุทฺธุมาตภาวปจฺจุปฏฺาโน.
มตฺตภาวลกฺขโณ มโท, มทคฺคาหณรโส, อุมฺมาทปจฺจุปฏฺาโน. ปฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺคลกฺขโณ ปมาโท, โวสฺสคฺคานุปฺปทานรโส, สติวิปฺปวาสปจฺจุปฏฺาโนติ เอวํ อิเมสํ ธมฺมานํ ลกฺขณาทีนิ เวทิตพฺพานิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ‘‘ตตฺถ กตโม โกโธ’’ติอาทินา วิภงฺเค (วิภ. ๘๙๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
วิเสสโต เจตฺถ อามิสทายาโท อตฺตนา อลภนฺโต อฺสฺส ลาภิโน กุชฺฌติ, ตสฺส สกึ อุปฺปนฺโน โกโธ โกโธเยว, ตตุตฺตริ อุปนาโห. โส เอวํ กุทฺโธ อุปนยฺหนฺโต จ สนฺเตปิ อฺสฺส ลาภิโน คุเณ มกฺเขติ, อหมฺปิ ตาทิโสติ จ ยุคคฺคาหํ คณฺหาติ, อยมสฺส มกฺโข จ ปฬาโส จ, เอวํ มกฺขี ปฬาสี ตสฺส ลาภสกฺการาทีสุ กึ อิมสฺส อิมินาติ อิสฺสติ ปทุสฺสติ, อยมสฺส อิสฺสา. สเจ ปนสฺส กาจิ สมฺปตฺติ โหติ, ตสฺสา เตน สาธารณภาวํ ¶ น สหติ, อิทมสฺส มจฺเฉรํ. ลาภเหตุ โข ปน อตฺตโน สนฺเตปิ โทเส ปฏิจฺฉาเทติ, อยมสฺส มายา. อสนฺเตปิ คุเณ ปกาเสติ. อิทมสฺส สาเยฺยํ. โส เอวํ ปฏิปนฺโน สเจ ยถาธิปฺปายํ ลาภํ ลภติ, เตน ถทฺโธ โหติ อมุทุจิตฺโต, นยิทํ เอวํ กาตพฺพนฺติ โอวทิตุํ อสกฺกุเณยฺโย, อยมสฺส ถมฺโภ. สเจ ปน นํ โกจิ กิฺจิ วทติ ‘‘นยิทํ เอวํ กาตพฺพ’’นฺติ, เตน สารทฺธจิตฺโต โหติ ภากุฏิกมุโข ‘‘โก เม ¶ ตฺว’’นฺติ ปสยฺห ภาณี, อยมสฺส สารมฺโภ. ตโต ถมฺเภน ‘‘อหเมว เสยฺโย’’ติ อตฺตานํ มฺนฺโต มานี โหติ. สารมฺเภน ‘‘เก อิเม’’ติ ปเร อติมฺนฺโต อติมานี, อยมสฺส มาโน จ อติมาโน จ. โส เตหิ มานาติมาเนหิ ชาติมทาทิอเนกรูปํ มทํ ชเนติ. มตฺโต สมาโน กามคุณาทิเภเทสุ วตฺถูสุ ปมชฺชติ, อยมสฺส มโท จ ปมาโท จาติ.
เอวํ อามิสทายาโท อปริมุตฺโต โหติ อิเมหิ ปาปเกหิ ธมฺเมหิ อฺเหิ จ เอวรูเปหิ. เอวํ ตาเวตฺถ ปหาตพฺพธมฺมา เวทิตพฺพา. ปหานุปาโย ¶ ปาโต จ อตฺถโต จ สพฺพตฺถ นิพฺพิเสโสเยว.
าณปริจยปาฏวตฺถํ ปเนตฺถ อยํ เภโท จ กโม จ ภาวนานโย จ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ เภโท ตาว, อยฺหิ มชฺฌิมา ปฏิปทา กทาจิ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค โหติ, กทาจิ สตฺตงฺคิโก. อยฺหิ โลกุตฺตรปมชฺฌานวเสน อุปฺปชฺชมาโน อฏฺงฺคิโก มคฺโค โหติ, อวเสสชฺฌานวเสน สตฺตงฺคิโก. อุกฺกฏฺนิทฺเทสโต ปนิธ อฏฺงฺคิโกติ วุตฺโต. อิโต ปรฺหิ มคฺคงฺคํ นตฺถิ. เอวํ ตาเวตฺถ เภโท เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา ปน สพฺพกุสลานํ สมฺมาทิฏฺิ เสฏฺา, ยถาห ‘‘ปฺา หิ เสฏฺา กุสลา วทนฺตี’’ติ (ชา. ๒.๑๗.๘๑). กุสลวาเร จ ปุพฺพงฺคมา, ยถาห ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, สมฺมาทิฏฺิ ปุพฺพงฺคมา โหติ, สมฺมาทิฏฺึ สมฺมาทิฏฺีติ ปชานาติ, มิจฺฉาทิฏฺึ มิจฺฉาทิฏฺีติ ปชานาตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๓๖) วิตฺถาโร. ยถา จาห ‘‘วิชฺชา จ โข, ภิกฺขเว, ปุพฺพงฺคมา กุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ. ตปฺปภวาภินิพฺพตฺตานิ เสสงฺคานิ, ยถาห ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส สมฺมาสงฺกปฺโป ปโหติ…เป… สมฺมาสติสฺส สมฺมาสมาธิ ปโหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๔๑). ตสฺมา ¶ อิมินา กเมน เอตานิ องฺคานิ วุตฺตานีติ เอวเมตฺถ กโม เวทิตพฺโพ.
ภาวนานโยติ โกจิ สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาเวติ, โกจิ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ. กถํ? อิเธกจฺโจ ปมํ อุปจารสมาธึ วา อปฺปนาสมาธึ วา อุปฺปาเทติ, อยํ สมโถ; โส ตฺจ ตํสมฺปยุตฺเต จ ธมฺเม อนิจฺจาทีหิ วิปสฺสติ, อยํ วิปสฺสนา. อิติ ปมํ สมโถ, ปจฺฉา วิปสฺสนา. เตน วุจฺจติ ‘‘สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาเวตี’’ติ. ตสฺส สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาวยโต มคฺโค สฺชายติ, โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ ¶ ภาเวติ พหุลีกโรติ, ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต ภาวยโต พหุลีกโรโต สํโยชนานิ ปหียนฺติ, อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ, เอวํ สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาเวติ.
อิธ ปเนกจฺโจ วุตฺตปฺปการํ สมถํ อนุปฺปาเทตฺวาว ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ อนิจฺจาทีหิ วิปสฺสติ, อยํ ¶ วิปสฺสนา. ตสฺส วิปสฺสนาปาริปูริยา ตตฺถ ชาตานํ ธมฺมานํ โวสฺสคฺคารมฺมณโต อุปฺปชฺชติ จิตฺตสฺส เอกคฺคตา, อยํ สมโถ. อิติ ปมํ วิปสฺสนา ปจฺฉา สมโถ. เตน วุจฺจติ ‘‘วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ ภาเวตี’’ติ. ตสฺส วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ ภาวยโต มคฺโค สฺชายติ, โส ตํ มคฺคํ อาเสวติ…เป… พหุลีกโรติ, ตสฺส ตํ มคฺคํ อาเสวโต…เป… อนุสยา พฺยนฺตีโหนฺติ (อ. นิ. ๔.๑๗๐; ปฏิ. ม. ๒.๑), เอวํ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ ภาเวติ.
สมถปุพฺพงฺคมํ ปน วิปสฺสนํ ภาวยโตปิ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมํ สมถํ ภาวยโตปิ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ สมถวิปสฺสนา ยุคนทฺธาว โหนฺติ. เอวเมตฺถ ภาวนานโย เวทิตพฺโพติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
ธมฺมทายาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ภยเภรวสุตฺตวณฺณนา
๓๔. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ ภยเภรวสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา – อถาติ อวิจฺเฉทนตฺเถ นิปาโต. โขติ อวธารณตฺเถ, ภควโต สาวตฺถิยํ วิหาเร อวิจฺฉินฺเนเยวาติ วุตฺตํ โหติ. ชาณุสฺโสณีติ เนตํ ตสฺส มาตาปิตูหิ กตนามํ, อปิจ โข านนฺตรปฏิลาภลทฺธํ. ชาณุสฺโสณิฏฺานํ กิร นาเมตํ ปุโรหิตฏฺานํ, ตํ ตสฺส รฺา ทินฺนํ, ตสฺมา ‘‘ชานุสฺโสณี’’ติ วุจฺจติ. พฺรหฺมํ อณตีติ พฺราหฺมโณ, มนฺเต สชฺฌายตีติ อตฺโถ. อิทเมว หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิรุตฺติวจนํ. อริยา ปน พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมณาติ วุจฺจนฺติ.
เยน ¶ ภควา เตนุปสงฺกมีติ เยนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ, ตสฺมา ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ¶ ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย.
อุปสงฺกมีติ จ คโตติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คโต ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ. ภควตา สทฺธึ สมฺโมทีติ ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต ภควา เตน, เอวํ โสปิ ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ, สีโตทกํ วิย อุณฺโหทเกน สมฺโมทิตํ เอกีภาวํ อคมาสิ. ยาย จ ‘‘กจฺจิ เต, โภ โคตม, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โภโต โคตมสฺส โคตมสาวกานฺจ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทิ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสมฺโมทชนนโต สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต จ สมฺโมทนียํ, อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหรูปโต สริตพฺพภาวโต จ สาราณียํ. สุยฺยมานสุขโต จ สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต จ สารณียํ. ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ ¶ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺาเปตฺวา เยนตฺเถน อาคโต, ตํ ปุจฺฉิตุกาโม เอกมนฺตํ นิสีทิ.
เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. ตสฺมา ยถา นิสินฺโน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหติ, ตถา นิสีทีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ อุปโยควจนํ. นิสีทีติ อุปาวิสิ. ปณฺฑิตา หิ ปุริสา ครุฏฺานิยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ นิสีทนฺติ, อยฺจ เนสํ อฺตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
กถํ นิสินฺโน ปน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหตีติ. ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา. เสยฺยถิทํ, อติทูรํ อจฺจาสนฺนํ อุปริวาตํ อุนฺนตปเทสํ อติสมฺมุขํ อติปจฺฉาติ. อติทูเร นิสินฺโน หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ, อุจฺจาสทฺเทน ¶ กเถตพฺพํ โหติ. อจฺจาสนฺเน นิสินฺโน สงฺฆฏฺฏนํ กโรติ. อุปริวาเต นิสินฺโน สรีรคนฺเธน พาธติ. อุนฺนตปฺปเทเส นิสินฺโน อคารวํ ปกาเสติ. อติสมฺมุขา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม ¶ โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ. อติปจฺฉา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, คีวํ ปสาเรตฺวา ทฏฺพฺพํ โหติ. ตสฺมา อยมฺปิ เอเต ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา นิสีทิ, เตน วุตฺตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติ.
เยเมติ เย อิเม. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา อาจารกุลปุตฺตา. ตตฺถ ‘‘เตน โข ปน สมเยน รฏฺปาโล นาม กุลปุตฺโต ตสฺมึเยว ถุลฺลโกฏฺิเก อคฺคกุลสฺส ปุตฺโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๙๔) เอวํ อาคตา อุจฺจากุลปฺปสุตา ชาติกุลปุตฺตา นาม. ‘‘เย เต กุลปุตฺตา สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๘) เอวํ อาคตา ปน ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ปสุตาปิ อาจารสมฺปนฺนา อาจารกุลปุตฺตา นาม. อิธ ปน ทฺวีหิปิ การเณหิ กุลปุตฺตาเยว.
สทฺธาติ สทฺธาย. อคารสฺมาติ อคารโต. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ ภิกฺขุภาวฺจ. ปพฺพชฺชาปิ หิ นตฺเถตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยา, อคารสฺส หิตํ กสิโครกฺขาทิกมฺมเมตฺถ นตฺถีติ อตฺโถ. ภิกฺขุปิ นตฺเถตสฺส อคารนฺติ อนคาโร, อนคารสฺส ภาโว อนคาริยํ. ปพฺพชิตาติ ¶ อุปคตา, เอวํ สพฺพถาปิ อนคาริยสงฺขาตํ ปพฺพชฺชํ ภิกฺขุภาวํ วา อุปคตาติ วุตฺตํ โหติ. ปุพฺพงฺคโมติ ปุรโต คามี นายโก. พหุกาโรติ หิตกิริยาย พหูปกาโร. ภวํ เตสํ โคตโม สมาทเปตาติ เต กุลปุตฺเต ภวํ โคตโม อธิสีลาทีนิ คาเหตา สิกฺขาเปตา. สา ชนตาติ โส ชนสมูโห. ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชตีติ ทสฺสนานุคตึ ปฏิปชฺชติ, ยนฺทิฏฺิโก ภวํ โคตโม ยํขนฺติโก ยํรุจิโก, เตปิ ตนฺทิฏฺิกา โหนฺติ ตํขนฺติกา ตํรุจิกาติ อตฺโถ.
กสฺมา ปนายํ เอวมาหาติ? เอส กิร ปุพฺเพ อเนเก กุลปุตฺเต อคารมชฺเฌ วสนฺเต เทวปุตฺเต วิย ปฺจหิ กามคุเณหิ ปริจาริยมาเน อนฺโต จ พหิ จ สุสํวิหิตารกฺเข ทิสฺวา, เต อปเรน สมเยน ภควโต มธุรรสํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ฆาสจฺฉาทนปรมตาย ¶ สนฺตุฏฺเ อารฺเกสุ เสนาสเนสุ เกนจิ อรกฺขิยมาเนปิ อนุสฺสงฺกิตาปริสงฺกิเต หฏฺปหฏฺเ ¶ อุทคฺคุทคฺเค อทฺทส, ทิสฺวา จ อิเมสํ กุลปุตฺตานํ ‘‘อยํ ผาสุวิหาโร กํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘สมณํ โคตม’’นฺติ ภควติ ปสาทํ อลตฺถ. โส ตํ ปสาทํ นิเวเทตุํ ภควโต สนฺติกํ อาคโต, ตสฺมา เอวมาห.
อถสฺส ภควา ตํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต อพฺภนุโมทนฺโต จ เอวเมตํ พฺราหฺมณาติอาทิมาห. วจนสมฺปฏิจฺฉนานุโมทนตฺโถเยว หิ เอตฺถ อยํ เอวนฺติ นิปาโต. มมํ อุทฺทิสฺสาติ มํ อุทฺทิสฺส. สทฺธาติ สทฺธาเยว. น อิณฏฺา น ภยฏฺฏาติอาทีนิ สนฺธายาห. อีทิสานํเยว หิ ภควา ปุพฺพงฺคโม, น อิตเรสํ. ทุรภิสมฺภวานิ หีติ สมฺภวิตุํ ทุกฺขานิ ทุสฺสหานิ, น สกฺกา อปฺเปสกฺเขหิ อชฺโฌคาหิตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. อรฺวนปตฺถานีติ อรฺานิ จ วนปตฺถานิ จ. ตตฺถ กิฺจาปิ อภิธมฺเม นิปฺปริยาเยน, ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขิลา สพฺพเมตํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ, ตถาปิ ยนฺตํ ‘‘ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ อารฺิกงฺคนิปฺผาทกํ เสนาสนํ วุตฺตํ, ตเทว อธิปฺเปตนฺติ เวทิตพฺพํ.
วนปตฺถนฺติ คามนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจารฏฺานํ, ยตฺถ น กสียติ น วปียติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจนํ, วนปตฺถนฺติ วนสณฺฑานเมตํ เสนาสนานํ, วนปตฺถนฺติ ภึสนกานเมตํ, วนปตฺถนฺติ สโลมหํสานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ¶ ปริยนฺตานเมตํ, วนปตฺถนฺติ น มนุสฺสูปจารานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ. เอตฺถ จ ปริยนฺตานนฺติ อิมเมกํ ปริยายํ เปตฺวา เสสปริยาเยหิ วนปตฺถานิ เวทิตพฺพานี. ปนฺตานีติ ปริยนฺตานิ อติทูรานิ. ทุกฺกรํ ปวิเวกนฺติ กายวิเวกํ ทุกฺกรํ. ทุรภิรมนฺติ อภิรมิตุํ น สุขํ. เอกตฺเตติ เอกีภาเว. กึ ทสฺเสติ? กายวิเวเก กเตปิ ตตฺถ จิตฺตํ อภิรมาเปตุํ ทุกฺกรํ. ทฺวยํทฺวยาราโม หิ อยํ โลโกติ. หรนฺติ ¶ มฺเติ หรนฺติ วิย ฆสนฺติ วิย. มโนติ มนํ. สมาธึ อลภมานสฺสาติ อุปจารสมาธึ วา อปฺปนาสมาธึ วา อลภนฺตสฺส. กึ ทสฺเสติ? อีทิสสฺส ภิกฺขุโน ติณปณฺณมิคาทิสทฺเทหิ วิวิเธหิ จ ภึสนเกหิ วนานิ จิตฺตํ วิกฺขิปนฺติ มฺเติ, สพฺพํ พฺราหฺมโณ สทฺธาปพฺพชิตานํ กุลปุตฺตานํ อรฺวาเส (วิภ. ๕๒๙) วิมฺหิโต อาห.
กายกมฺมนฺตวารกถา
๓๕. อถสฺส ¶ ภควา ปุริมนเยเนว ‘‘เอวเมตํ พฺราหฺมณา’’ติอาทีหิ ตํ ตํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อพฺภนุโมทิตฺวา จ ยสฺมา โสฬสสุ าเนสุ อารมฺมณปริคฺคหรหิตานํเยว ตาทิสานิ เสนาสนานิ ทุรภิสมฺภวานิ, น เตสุ อารมฺมณปริคฺคาหยุตฺตานํ, อตฺตนา จ โพธิสตฺโต สมาโน ตาทิโส อโหสิ, ตสฺมา อตฺตโน ตาทิสานํ เสนาสนานํ ทุรภิสมฺภวตํ ทสฺเสตุํ, มยฺหมฺปิ โขติอาทิมาห.
ตตฺถ ปุพฺเพว สมฺโพธาติ สมฺโพธโต ปุพฺเพว, อริยมคฺคปฺปตฺติโต อปรภาเคเยวาติ วุตฺตํ โหติ. อนภิสมฺพุทฺธสฺสาติ อปฺปฏิวิทฺธจตุสจฺจสฺส. โพธิสตฺตสฺเสว สโตติ พุชฺฌนกสตฺตสฺเสว สมฺมาสมฺโพธึ อธิคนฺตุํ อรหสตฺตสฺเสว สโต, โพธิยา วา สตฺตสฺเสว ลคฺคสฺเสว สโต. ทีปงฺกรสฺส หิ ภควโต ปาทมูเล อฏฺธมฺมสโมธาเนน อภินีหารสมิทฺธิโต ปภุติ ตถาคโต โพธิยา สตฺโต ลคฺโค ‘‘ปตฺตพฺพา มยา เอสา’’ติ ตทธิคมาย ปรกฺกมํ อมฺุจนฺโตเยว อาคโต, ตสฺมา โพธิสตฺโตติ วุจฺจติ. ตสฺส มยฺหนฺติ ตสฺส เอวํ โพธิสตฺตสฺเสว สโต มยฺหํ. เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วาติ เย เกจิ ปพฺพชฺชูปคตา วา โภวาทิโน วา.
อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตาติ อปริสุทฺเธน ปาณาติปาตาทินา กายกมฺมนฺเตน สมนฺนาคตา. อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตสนฺโทสเหตูติ ¶ อปริสุทฺธสฺส กายกมฺมนฺตสงฺขาตสฺส อตฺตโน โทสสฺส เหตุ, อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตการณาติ วุตฺตํ โหติ. หเวติ เอกํสวจเน นิปาโต. อกุสลนฺติ สาวชฺชํ อกฺเขมฺจ. ภยเภรวนฺติ ภยฺจ เภรวฺจ. จิตฺตุตฺราสสฺส จ ภยานการมฺมณสฺส เจตํ อธิวจนํ. ตตฺร ¶ ภยํ สาวชฺชฏฺเน อกุสลํ, เภรวํ อกฺเขมฏฺเนาติ เวทิตพฺพํ. อวฺหายนฺตีติ ปกฺโกสนฺติ. กถํ? เต หิ ปาณาติปาตาทีนิ กตฺวา ‘‘มยํ อยุตฺตมกมฺหา, สเจ โน เต ชาเนยฺยุํ, เยสํ อปรชฺฌิมฺหา, อิทานิ อนุพนฺธิตฺวา อนยพฺยสนํ อาปาเทยฺยุ’’นฺติ อรฺํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺตเร วา คุมฺพนฺตเร วา นิสีทนฺติ. เต ‘‘อปฺปมตฺตกมฺปิ ติณสทฺทํ วา ปณฺณสทฺทํ วา สุตฺวา, อิทานิมฺหา นฏฺา’’ติ ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ, อาคนฺตฺวา ปเรหิ ปริวาริตา วิย พทฺธา วธิตา วิย จ โหนฺติ. เอวํ ตํ ภยเภรวํ อตฺตนิ สมาโรปนฏฺเน อวฺหายนฺติ ปกฺโกสนฺติ.
น ¶ โข ปนาหํ…เป… ปฏิเสวามีติ อหํ โข ปน อปริสุทฺธกายกมฺมนฺโต หุตฺวา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ น ปฏิเสวามิ. เย หิ โวติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ. อริยา วุจฺจนฺติ พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ. ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตาติ อีทิสา หุตฺวา. เตสมหํ อฺตโรติ เตสํ อหมฺปิ เอโก อฺตโร. โพธิสตฺโต หิ คหฏฺโปิ ปพฺพชิโตปิ ปริสุทฺธกายกมฺมนฺโตว โหติ. ภิยฺโยติ อติเรกตฺเถ นิปาโต. ปลฺโลมนฺติ ปนฺนโลมตํ, เขมํ โสตฺถิภาวนฺติ อตฺโถ. อาปาทินฺติ อาปชฺชึ, อติเรกํ โสตฺถิภาวํ อติเรเกน วา โสตฺถิภาวมาปชฺชินฺติ วุตฺตํ โหติ. อรฺเ วิหารายาติ อรฺเ วิหารตฺถาย.
กายกมฺมนฺตวารกถา นิฏฺิตา.
วจีกมฺมนฺตวาราทิวณฺณนา
๓๖. เอส นโย สพฺพตฺถ. อยํ ปน วิเสโส, วจีกมฺมนฺตวาเร ตาว อปริสุทฺธวจีกมฺมนฺตาติ อปริสุทฺเธน มุสาวาทาทินา วจีกมฺมนฺเตน สมนฺนาคตา. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต มุสาวาเทน ปรสฺส อตฺถํ ภฺชิตฺวา, ปิสุณวาจาย มิตฺตเภทํ กตฺวา ผรุสวาจาย ปเรสํ ปริสมชฺเฌ มมฺมานิ ตุทิตฺวา นิรตฺถกวาจาย ปรสตฺตานํ กมฺมนฺเต นาเสตฺวา ¶ ‘‘มยํ อยุตฺตมกมฺหา, สเจ โน เต ชาเนยฺยุํ, เยสํ อปรชฺฌิมฺหา, อิทานิ อนุพนฺธิตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปยฺยุ’’นฺติ อรฺํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺตเร วา คุมฺพนฺตเร วา นิสีทนฺติ. เต ‘‘อปฺปมตฺตกมฺปิ ติณสทฺทํ วา ปณฺณสทฺทํ วา สุตฺวา อิทานิมฺหา นฏฺา’’ติ ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ อาคนฺตฺวา ปเรหิ ปริวาริตา วิย พทฺธา วธิตา วิย จ โหนฺติ. เอวํ ตํ ภยเภรวํ ¶ อตฺตนิ สมาโรปนฏฺเน อวฺหายนฺติ, ปกฺโกสนฺติ.
มโนกมฺมนฺตวาเร อปริสุทฺธมโนกมฺมนฺตาติ อปริสุทฺเธน อภิชฺฌาทินา มโนกมฺมนฺเตน สมนฺนาคตา. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสุ ภณฺเฑสุ อภิชฺฌาวิสมโลภํ อุปฺปาเทตฺวา ปรสฺส กุชฺฌิตฺวา ปรสตฺเต มิจฺฉาทสฺสนํ คาหาเปตฺวา มยํ อยุตฺตมกมฺหา…เป… อตฺตนิ สมาโรปนฏฺเน อวฺหายนฺติ ปกฺโกสนฺติ.
อาชีววาเร ¶ อปริสุทฺธาชีวาติ อปริสุทฺเธน เวชฺชกมฺมทูตกมฺมวฑฺฒิปโยคาทินา เอกวีสติอเนสนเภเทน อาชีเวน สมนฺนาคตา. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต เอวํ ชีวิกํ กปฺเปตฺวา สุณนฺติ – ‘‘สาสนโสธกา กิร เตปิฏกา ภิกฺขู สาสนํ โสเธตุํ นิกฺขนฺตา, อชฺช วา สฺเว วา อิธาคมิสฺสนฺตี’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺตเร วา…เป… ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ. เต หิ อาคนฺตฺวา ปริวาเรตฺวา คหิตา วิย โอทาตวตฺถนิวาสิตา วิย จ โหนฺตีติ. เสสํ ตาทิสเมว.
๓๗. อิโต ปรํ อภิชฺฌาลูติอาทีสุ กิฺจาปิ อภิชฺฌาพฺยาปาทา มโนกมฺมนฺเตน สงฺคหิตา ตถาปิ นีวรณวเสน ปุน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ อภิชฺฌาลูติ ปรภณฺฑาทิอภิชฺฌายนสีลา. กาเมสุ ติพฺพสาราคาติ วตฺถุกาเมสุ พหลกิเลสราคา, เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต อววตฺถิตารมฺมณา โหนฺติ, เตสํ อววตฺถิตารมฺมณานํ อรฺเ วิหรนฺตานํ ทิวา ทิฏฺํ รตฺตึ ภยเภรวํ หุตฺวา อุปฏฺาติ – ‘‘เต อากุลจิตฺตา อปฺปมตฺตเกนปิ ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ, รชฺชุํ วา ลตํ วา ทิสฺวา สปฺปสฺิโน โหนฺติ, ขาณุํ ทิสฺวา ยกฺขสฺิโน, ถลํ วา ปพฺพตํ วา ทิสฺวา หตฺถิสฺิโน สปฺปาทีหิ อนยพฺยสนํ อาปาทิตา วิย โหนฺตี’’ติ. เสสํ ตาทิสเมว.
๓๘. พฺยาปนฺนจิตฺตาติ ¶ ปกติภาววิชหเนน วิปนฺนจิตฺตา. กิเลสานุคตฺหิ จิตฺตํ ปกติภาวํ วิชหติ, ปุราณภตฺตพฺยฺชนํ วิย ปูติกํ โหติ. ปทุฏฺมนสงฺกปฺปาติ ปทุฏฺจิตฺตสงฺกปฺปา, อภทฺรเกน ปเรสํ อนตฺถชนเกน จิตฺตสงฺกปฺเปน สมนฺนาคตาติ วุตฺตํ โหติ. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? ภยเภรวาวฺหายนํ ¶ อิโต ปภุติ อภิชฺฌาลุวาเร วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ปน วิเสโส ภวิสฺสติ, ตตฺถ วกฺขาม. น โข ปนาหํ พฺยาปนฺนจิตฺโตติ เอตฺถ ปน เมตฺตจิตฺโต อหํ หิตจิตฺโตติ ทสฺเสติ, อีทิสา หิ โพธิสตฺตา โหนฺติ. เอวํ สพฺพตฺถ วุตฺตโทสปฏิปกฺขวเสน โพธิสตฺตสฺส คุณา วณฺเณตพฺพา.
๓๙. ถินมิทฺธปริยุฏฺิตาติ จิตฺตเคลฺภูเตน ถิเนน เสสนามกายเคลฺภูเตน มิทฺเธน จ ปริยุฏฺิตา, อภิภูตา คหิตาติ วุตฺตํ โหติ. เต นิทฺทาพหุลา โหนฺติ.
๔๐. อุทฺธตาติ ¶ อุทฺธจฺจปกติกา วิปฺผนฺทมานจิตฺตา, อุทฺธจฺเจน หิ เอการมฺมเณ จิตฺตํ วิปฺผนฺทติ ธชยฏฺิยํ วาเตน ปฏากา วิย. อวูปสนฺตจิตฺตาติ อนิพฺพุตจิตฺตา, อิธ กุกฺกุจฺจํ คเหตุํ วฏฺฏติ.
๔๑. กงฺขี วิจิกิจฺฉีติ เอตฺถ เอกเมวิทํ ปฺจมํ นีวรณํ. กึ นุ โข อิทนฺติ อารมฺมณํ กงฺขนโต กงฺขา, อิทเมวิทนฺติ นิจฺเฉตุํ อสมตฺถภาวโต วิจิกิจฺฉาติ วุจฺจติ, เตน สมนฺนาคตา สมณพฺราหฺมณา ‘‘กงฺขี วิจิกิจฺฉี’’ติ วุตฺตา.
๔๒. อตฺตุกฺกํสนกา ปรวมฺภีติ เย อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ อุกฺขิปนฺติ, อุจฺเจ าเน เปนฺติ, ปรฺจ วมฺเภนฺติ ครหนฺติ นินฺทนฺติ, นีเจ าเน เปนฺติ, เตสเมตํ อธิวจนํ. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต ปเรหิ ‘‘อสุโก จ กิร อสุโก จ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ, อมฺเห ครหนฺติ, ทาเส วิย กโรนฺติ, คณฺหถ เน’’ติ อนุพทฺธา ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา คจฺฉนฺตเร วา คุมฺพนฺตเร วาติ กายกมฺมนฺตสทิสํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
๔๓. ฉมฺภีติ กายถมฺภนโลมหํสนกเรน ถมฺเภน สมนฺนาคตา. ภีรุกชาติกาติ ภีรุกปกติกา, คามทารกา วิย ภยพหุลา อสูรา กาตราติ วุตฺตํ โหติ.
๔๔. ลาภสกฺการสิโลกนฺติ ¶ เอตฺถ ลพฺภตีติ ลาโภ, จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ. สกฺกาโรติ สุนฺทรกาโร, ปจฺจยา เอว หิ ปณีตปณีตา สุนฺทรสุนฺทรา จ อภิสงฺขริตฺวา กตา สกฺการาติ วุจฺจนฺติ. ยา จ ปเรหิ อตฺตโน คารวกิริยา ปุปฺผาทีหิ วา ปูชา. สิโลโกติ วณฺณภณนํ เอตํ ¶ , ลาภฺจ สกฺการฺจ สิโลกฺจ ลาภสกฺการสิโลกํ. นิกามยมานาติ ปตฺถยมานา. ภยเภรวาวฺหายนํ อภิชฺฌาลุวารสทิสเมว. ตทตฺถทีปกํ ปเนตฺถ ปิยคามิกวตฺถุํ กเถนฺติ –
เอโก กิร ปิยคามิโก นาม ภิกฺขุ สมาทินฺนธุตงฺคานํ ภิกฺขูนํ ลาภํ ทิสฺวา ‘‘อหมฺปิ ธุตงฺคํ สมาทิยิตฺวา ลาภํ อุปฺปาเทมี’’ติ จินฺเตตฺวา โสสานิกงฺคํ สมาทาย สุสาเน วสติ. อเถกทิวสํ เอโก กมฺมมุตฺโต ชรคฺคโว ทิวา โคจเร จริตฺวา รตฺตึ ตสฺมึ สุสาเน ปุปฺผคุมฺเพ สีสํ กตฺวา โรมนฺถยมาโน อฏฺาสิ. ปิยคามิโก รตฺตึ จงฺกมนา นิกฺขนฺโต ¶ ตสฺส หนุสทฺทํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อทฺธา มํ ลาภคิทฺโธ เอส สุสาเน วสตีติ ตฺวา เทวราชา วิเหเตุํ อาคโต’’ติ, โส ชรคฺควสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘สปฺปุริส เทวราช อชฺช เม เอกรตฺตึ ขม, สฺเว ปฏฺาย น เอวํ กริสฺสามี’’ติ นมสฺสมาโน สพฺพรตฺตึ ยาจนฺโต อฏฺาสิ. ตโต สูริเย อุฏฺิเต ตํ ทิสฺวา กตฺตรยฏฺิยา ปหริตฺวา ปลาเปสิ ‘‘สพฺพรตฺตึ มํ ภึสาเปสี’’ติ.
๔๕. กุสีตาติ โกสชฺชานุคตา. หีนวีริยาติ หีนา วีริเยน วิรหิตา วิยุตฺตา, นิพฺพีริยาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ กุสีตา กายิกวีริยารมฺภวิรหิตา โหนฺติ, หีนวีริยา เจตสิกวีริยารมฺภวิรหิตา. เต อารมฺมณววตฺถานมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. เตสํ อววตฺถิตารมฺมณานนฺติ สพฺพํ ปุพฺพสทิสเมว.
๔๖. มุฏฺสฺสตีติ นฏฺสฺสตี. อสมฺปชานาติ ปฺารหิตา, อิมสฺส จ ปฏิปกฺเข ‘‘อุปฏฺิตสฺสตีหมสฺมี’’ติ วจนโต สติภาชนิยเมเวตํ. ปฺา ปเนตฺถ สติทุพฺพลฺยทีปนตฺถํ วุตฺตา. ทุวิธา หิ สติ ปฺาสมฺปยุตฺตา ปฺาวิปฺปยุตฺตา จ. ตตฺถ ปฺาสมฺปยุตฺตา พลวตี, วิปฺปยุตฺตา ทุพฺพลา, ตสฺมา ยทาปิ เตสํ สติ โหติ, ตทาปิ อสมฺปชานนฺตา มุฏฺสฺสตีเยว เต, ทุพฺพลาย สติยา สติกิจฺจาภาวโตติ เอตมตฺถํ ทีเปตุํ ‘‘อสมฺปชานา’’ติ วุตฺตํ. เต เอวํ ¶ มุฏฺสฺสตี อสมฺปชานา อารมฺมณววตฺถานมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺตีติ สพฺพํ ปุพฺพสทิสเมว.
๔๗. อสมาหิตาติ อุปจารปฺปนาสมาธิวิรหิตา. วิพฺภนฺตจิตฺตาติ อุพฺภนฺตจิตฺตา. สมาธิวิรเหน ลทฺโธกาเสน อุทฺธจฺเจน เตสํ สมาธิวิรหานํ จิตฺตํ นานารมฺมเณสุ ¶ ปริพฺภมติ, วนมกฺกโฏ วิย วนสาขาสุ อุทฺธจฺเจน เอการมฺมเณ วิปฺผนฺทติ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนน เต เอวํ อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา อารมฺมณววตฺถานมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺตีติ สพฺพํ ปุพฺพสทิสเมว.
๔๘. ทุปฺปฺาติ นิปฺปฺานเมตํ อธิวจนํ. ปฺา ปน ทุฏฺา นาม นตฺถิ. เอฬมูคาติ เอลมุขา, ข-การสฺส ค-กาโร กโต. ลาลมุขาติ วุตฺตํ โหติ. ทุปฺปฺานฺหิ กเถนฺตานํ ลาลา มุขโต คลติ, ลาลา จ เอลาติ ¶ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘ปสฺเสลมูคํ อุรคํ ทุชฺชิวฺห’’นฺติ. ตสฺมา เต ‘‘เอฬมูคา’’ติ วุจฺจนฺติ. ‘‘เอลมุขา’’ติปิ ปาโ. ‘‘เอลมุคา’’ติ เกจิ ปนฺติ, อปเร ‘‘เอลมุกา’’ติปิ, สพฺพตฺถ ‘‘เอลมุขา’’ติ อตฺโถ. เต กถํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ? เต ทุปฺปฺา เอฬมูคา อารมฺมณววตฺถานมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกนฺติ. เตสํ อววตฺถิตารมฺมณานํ อรฺเ วิหรนฺตานํ ทิวา ทิฏฺํ รตฺตึ ภยเภรวํ หุตฺวา อุปฏฺาติ ‘‘เต อากุลจิตฺตา อปฺปมตฺตเกนปิ ตสนฺติ วิตฺตสนฺติ, รชฺชุํ วา ลตํ วา ทิสฺวา สปฺปสฺิโน โหนฺติ, ขาณุํ ทิสฺวา ยกฺขสฺิโน, ถลํ วา ปพฺพตํ วา ทิสฺวา หตฺถิสฺิโน สปฺปาทีหิ อนยวฺยสนํ อาปาทิตา วิย โหนฺตี’’ติ. เอวํ ตํ ภยเภรวํ อตฺตนิ สมาโรปนฏฺเน อวฺหายนฺติ ปกฺโกสนฺติ. ปฺาสมฺปนฺโนหมสฺมีติ เอตฺถ ปฺาสมฺปนฺโนติ ปฺาย สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, โน จ โข วิปสฺสนาปฺาย, น มคฺคปฺาย, อปิจ โข ปน อิเมสุ โสฬสสุ าเนสุ อารมฺมณววตฺถานปฺายาติ อตฺโถ. เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนยเมวาติ.
วจีกมฺมนฺตวาราทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
โสฬสฏฺานารมฺมณปริคฺคโห นิฏฺิโต.
ภยเภรวเสนาสนาทิวณฺณนา
๔๙. ตสฺส ¶ มยฺหนฺติ โก อนุสนฺธิ? โพธิสตฺโต กิร อิมานิ โสฬสารมฺมณานิ ปริคฺคณฺหนฺโต จ ภยเภรวํ อทิสฺวา ภยเภรวํ นาม เอวรูปาสุ รตฺตีสุ เอวรูเป เสนาสเน จ ปฺายติ, หนฺท นํ ตตฺถาปิ คเวสิสฺสามีติ ภยเภรวคเวสนมกาสิ, เอตมตฺถํ ภควา อิทานิ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสนฺโต ตสฺส มยฺหนฺติอาทิมาห.
ตตฺถ ยา ตาติ อุภยเมตํ รตฺตีนํเยว อุทฺเทสนิทฺเทสวจนํ. อภิฺาตาติ ¶ เอตฺถ อภีติ ลกฺขณตฺเถ อุปสคฺโค. ตสฺมา อภิฺาตาติ จนฺทปาริปูริยา จนฺทปริกฺขเยนาติ เอวมาทีหิ ลกฺขเณหิ าตาติ เวทิตพฺพา. อภิลกฺขิตาติ เอตฺถ อุปสคฺคมตฺตเมว, ตสฺมา อภิลกฺขิตาติ ลกฺขณียา อิจฺเจว อตฺโถ, อุโปสถสมาทานธมฺมสฺสวนปูชาสกฺการาทิกรณตฺถํ ลกฺเขตพฺพา สลฺลกฺเขตพฺพา อุปลกฺเขตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ.
จาตุทฺทสีติ ¶ ปกฺขสฺส ปมทิวสโต ปภุติ จตุทฺทสนฺนํ ปูรณี เอกา รตฺติ. เอวํ ปฺจทสี อฏฺมี จ. ปกฺขสฺสาติ สุกฺกปกฺขสฺส กณฺหปกฺขสฺส จ. เอตา ติสฺโส ติสฺโส กตฺวา ฉ รตฺติโย, ตสฺมา สพฺพตฺถ ปกฺขวจนํ โยเชตพฺพํ ‘‘ปกฺขสฺส จาตุทฺทสี ปกฺขสฺส ปฺจทสี ปกฺขสฺส อฏฺมี’’ติ. อถ ปฺจมี กสฺมา น คหิตาติ? อสพฺพกาลิกตฺตา. พุทฺเธ กิร ภควติ อนุปฺปนฺเนปิ อุปฺปชฺชิตฺวา อปรินิพฺพุเตปิ ปฺจมี อนภิลกฺขิตาเยว, ปรินิพฺพุเต ปน ธมฺมสงฺคาหกตฺเถรา จินฺเตสุํ ‘‘ธมฺมสฺสวนํ จิเรน โหตี’’ติ. ตโต สมฺมนฺนิตฺวา ปฺจมีติ ธมฺมสฺสวนทิวสํ เปสุํ, ตโต ปภุติ สา อภิลกฺขิตา ชาตา, เอวํ อสพฺพกาลิกตฺตา เอตฺถ น คหิตาติ.
ตถารูปาสูติ ตถาวิธาสุ. อารามเจติยานีติ ปุปฺผารามผลารามาทโย อารามา เอว อารามเจติยานิ. จิตฺตีกตฏฺเน หิ เจติยานีติ วุจฺจนฺติ, ปูชนียฏฺเนาติ วุตฺตํ โหติ. วนเจติยานีติ พลิหรณวนสณฺฑสุภควนเทวสาลวนาทีนิ วนานิเยว วนเจติยานิ. รุกฺขเจติยานีติ คามนิคมาทิทฺวาเรสุ ปูชนียรุกฺขาเยว รุกฺขเจติยานิ. โลกิยา หิ ทิพฺพาธิวตฺถาติ วา มฺมานา เตสุเยว วา ทิพฺพสฺิโน หุตฺวา อารามวนรุกฺเข จิตฺตีกโรนฺติ ¶ , ปูเชนฺติ, เตน เต สพฺเพปิ เจติยานีติ วุจฺจนฺติ. ภึสนกานีติ ภยชนกานิ, ปสฺสโตปิ สุณโตปิ ภยํ ชเนนฺติ. สโลมหํสานีติ สเหว โลมหํเสน วตฺตนฺติ, ปวิสมานสฺเสว โลมหํสชนนโต. อปฺเปว นาม ปสฺเสยฺยนฺติ อปิ นาม ตํ ภยเภรวํ ปสฺเสยฺยเมว. อปเรน สมเยนาติ, ‘‘เอตทโหสิ ยํนูนาห’’นฺติ เอวํ จินฺติตกาลโต ปฏฺาย อฺเน กาเลน.
ตตฺถ จ เม พฺราหฺมณ วิหรโตติ ¶ ตถารูเปสุ เสนาสเนสุ ยํ ยํ มนุสฺสานํ อายาจนอุปหารกรณารหํ ยกฺขฏฺานํ ปุปฺผธูปมํสรุหิรวสาเมทปิหกปปฺผาสสุราเมรยาทีหิ โอกิณฺณกิลินฺนธรณิตลํ เอกนิปาตํ วิย ยกฺขรกฺขสปิสาจานํ, ยํ ทิวาปิ ปสฺสนฺตานํ หทยํ มฺเ ผลติ, ตํ านํ สนฺธายาห ‘‘ตตฺถ จ เม, พฺราหฺมณ, วิหรโต’’ติ. มโค วา อาคจฺฉตีติ สิงฺคานิ วา ขุรานิ วา โกฏฺเฏนฺโต โคกณฺณขคฺคทีปิวราหาทิเภโท มโค วา อาคจฺฉติ, สพฺพจตุปฺปทานฺหิ อิธ มโคติ นามํ. กตฺถจิ ปน กาฬสิงฺคาโลปิ วุจฺจติ. ยถาห –
‘‘อุสภสฺเสว ¶ เต ขนฺโธ, สีหสฺเสว วิชมฺภิตํ;
มคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิฺจิ ลภามเส’’ติ. (ชา. ๑.๓.๑๓๓);
โมโร วา กฏฺํ ปาเตตีติ โมโร วา สุกฺขกฏฺํ รุกฺขโต จาเลตฺวา ปาเตติ. โมรคฺคหเณน จ อิธ สพฺพปกฺขิคฺคหณํ อธิปฺเปตํ, เตน โย โกจิ ปกฺขีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา โมโร วาติ วา สทฺเทน อฺโ วา โกจิ ปกฺขีติ. เอส นโย ปุริเม มคคฺคหเณปิ. วาโต วา ปณฺณกสฏํ เอเรตีติ วาโต วา ปณฺณกจวรํ ฆฏฺเฏติ. เอตํ นูน ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉตีติ ยเมตํ อาคจฺฉติ, ตํ ภยเภรวํ นูนาติ. อิโต ปภุติ จ อารมฺมณเมว ภยเภรวนฺติ เวทิตพฺพํ. ปริตฺตสฺส จ อธิมตฺตสฺส จ ภยสฺส อารมฺมณตฺตา สุขารมฺมณํ รูปํ สุขมิว. กึ นุ โข อหํ อฺทตฺถุ ภยปฏิกงฺขี วิหรามีติ อหํ โข กึ การณํ เอกํเสเนว ภยํ อากงฺขมาโน อิจฺฉมาโน หุตฺวา วิหรามิ.
ยถาภูตํ ยถาภูตสฺสาติ เยน เยน อิริยาปเถน ภูตสฺส ภวิตสฺส สโต วตฺตมานสฺส สมงฺคีภูตสฺส ¶ วา. เมติ มม สนฺติเก. ตถาภูตํ ตถาภูโต วาติ เตน เตเนว อิริยาปเถน ภูโต ภวิโต สนฺโต วตฺตมาโน สมงฺคีภูโต วาติ อตฺโถ. โส โข อหํ…เป… ปฏิวิเนมีติ โพธิสตฺตสฺส กิร จงฺกมนฺตสฺส ตสฺมึ มคสิงฺคขุรสทฺทาทิเภเท ภยเภรวารมฺมเณ อาคเต เนว มหาสตฺโต ติฏฺติ, น ¶ นิสีทติ น สยติ, อถ โข จงฺกมนฺโตว ปริวีมํสนฺโต ปริวิจินนฺโต ภยเภรวํ น ปสฺสติ, มคสิงฺคขุรสทฺทาทิมตฺตเมว เจตํ โหติ, โส ตํ ตฺวา อิทํ นาเมตํ, น ภยเภรวนฺติ ตโต ติฏฺติ วา นิสีทติ วา สยติ วา. เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส โข อห’’นฺติอาทิมาห. เอส นโย สพฺพเปยฺยาเลสุ. อิโต ปรฺจ อิริยาปถปฏิปาฏิยา อวตฺวา อาสนฺนปฏิปาฏิยา อิริยาปถา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา, จงฺกมนฺตสฺส หิ ภยเภรเว อาคเต น ิโต น นิสินฺโน น นิปนฺโน ิตสฺสาปิ อาคเต น จงฺกมีติ เอวํ ตสฺส อาสนฺนปฏิปาฏิยา วุตฺตาติ.
ภยเภรวเสนาสนาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
อสมฺโมหวิหารวณฺณนา
๕๐. เอวํ ¶ ภึสนเกสุปิ าเนสุ อตฺตโน ภยเภรวาภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ฌายีนํ สมฺโมหฏฺาเนสุ อตฺตโน อสมฺโมหวิหารํ ทสฺเสตุํ สนฺติ โข ปน, พฺราหฺมณาติอาทิมาห.
ตตฺถ สนฺตีติ อตฺถิ สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ. รตฺตึเยว สมานนฺติ รตฺตึเยว สนฺตํ, ทิวาติ สฺชานนฺตีติ ‘‘ทิวโส อย’’นฺติ สฺชานนฺติ. ทิวาเยว สมานนฺติ ทิวสํเยว สนฺตํ. รตฺตีติ สฺชานนฺตีติ ‘‘รตฺติ อย’’นฺติ สฺชานนฺติ. กสฺมา ปเนเต เอวํสฺิโน โหนฺตีติ. วุฏฺานโกสลฺลาภาวโต วา สกุณรุตโต วา. กถํ? อิเธกจฺโจ โอทาตกสิณลาภี ทิวา ปริกมฺมํ กตฺวา ทิวา สมาปนฺโน ทิวาเยว วุฏฺหามีติ มนสิการํ อุปฺปาเทติ, โน จ โข อทฺธานปริจฺเฉเท กุสโล โหติ. โส ทิวสํ อติกฺกมิตฺวา รตฺติภาเค วุฏฺาติ. โอทาตกสิณผรณวเสน จสฺส วิสทํ โหติ วิภูตํ สุวิภูตํ. โส, ทิวา วุฏฺหามีติ อุปฺปาทิตมนสิการตาย โอทาตกสิณผรณวิสทวิภูตตาย จ รตฺตึเยว สมานํ ทิวาติ สฺชานาติ. อิธ ปเนกจฺโจ นีลกสิณลาภี รตฺตึ ปริกมฺมํ กตฺวา รตฺตึ สมาปนฺโน รตฺตึเยว วุฏฺหามีติ ¶ มนสิการํ อุปฺปาเทติ, โน จ โข อทฺธานปริจฺเฉเท กุสโล โหติ. โส รตฺตึ อติกฺกมิตฺวา ทิวสภาเค วุฏฺาติ. นีลกสิณผรณวเสน จสฺส อวิสทํ โหติ อวิภูตํ. โส รตฺตึ วุฏฺหามีติ อุปฺปาทิตมนสิการตาย นีลกสิณผรณาวิสทาวิภูตตาย จ ทิวาเยว สมานํ รตฺตีติ สฺชานาติ. เอวํ ตาว วุฏฺานโกสลฺลาภาวโต เอวํสฺิโน โหนฺติ.
สกุณรุตโต ปน อิเธกจฺโจ อนฺโตเสนาสเน นิสินฺโน โหติ. อถ ทิวา รวนกสกุณา กากาทโย จนฺทาโลเกน ทิวาติ ¶ มฺมานา รตฺตึ รวนฺติ, อฺเหิ วา การเณหิ. โส เตสํ สทฺทํ สุตฺวา รตฺตึเยว สมานํ ทิวาติ สฺชานาติ. อิธ ปเนกจฺโจ ปพฺพตนฺตเร คมฺภีราย ฆนวนปฺปฏิจฺฉนฺนาย คิริคุหาย สตฺตาหวทฺทลิกาย วตฺตมานาย อนฺตรหิตสูริยาโลเก กาเล นิสินฺโน โหติ. อถ รตฺตึ รวนกสกุณา อุลูกาทโย มชฺฌนฺหิกสมเยปิ ตตฺถ ตตฺถ สมนฺธกาเร นิลีนา รตฺติสฺาย วา อฺเหิ วา การเณหิ รวนฺติ. โส เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ทิวาเยว สมานํ รตฺตีติ สฺชานาติ. เอวํ สกุณรุตโต เอวํสฺิโน โหนฺตีติ. อิทมหนฺติ อิทํ อหํ เอวํ สฺชานนํ ¶ . สมฺโมหวิหารสฺมึ วทามีติ สมฺโมหวิหารปริยาปนฺนํ อนฺโตคธํ, สมฺโมหวิหารานํ อฺตรํ วทามีติ วุตฺตํ โหติ.
อหํ โข ปน พฺราหฺมณ…เป… สฺชานามีติ ปากโฏ โพธิสตฺตสฺส รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท สตฺตาหวทฺทเลปิ จนฺทิมสูริเยสุ อทิสฺสมาเนสุปิ ชานาติเยว ‘‘เอตฺตกํ ปุเรภตฺตกาโล คโต, เอตฺตกํ ปจฺฉาภตฺตกาโล, เอตฺตกํ ปมยาโม, เอตฺตกํ มชฺฌิมยาโม, เอตฺตกํ ปจฺฉิมยาโม’’ติ, ตสฺมา เอวมาห. อนจฺฉริยฺเจตํ ยํ ปูริตปารมี โพธิสตฺโต เอวํ ชานาติ. ปเทสาเณ ิตานํ สาวกานมฺปิ หิ รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท ปากโฏ โหติ.
กลฺยาณิยมหาวิหาเร กิร โคทตฺตตฺเถโร ทฺวงฺคุลกาเล ภตฺตํ คเหตฺวา องฺคุลกาเล ภฺุชติ. สูริเย อทิสฺสมาเนปิ ปาโตเยว เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ตาย เวลาย นิกฺขมติ. เอกทิวสํ อารามิกา ‘‘สฺเว เถรสฺส นิกฺขมนกาเล ปสฺสามา’’ติ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา กาลตฺถมฺภมูเล นิสีทึสุ. เถโร ทฺวงฺคุลกาเลเยว นิกฺขมติ. ตโต ปภุติ กิร สูริเย อทิสฺสมาเนปิ เถรสฺส นิกฺขมนสฺาย เอว เภรึ อาโกเฏนฺติ.
อชครวิหาเรปิ ¶ กาฬเทวตฺเถโร อนฺโตวสฺเส ยามคณฺฑิกํ ปหรติ, อาจิณฺณเมตํ เถรสฺส. น จ ยามยนฺตนาฬิกํ ปโยเชติ, อฺเ ภิกฺขู ปโยเชนฺติ. อถ นิกฺขนฺเต ปเม ยาเม เถเร มุคฺครํ คเหตฺวา ิตมตฺเตเยว เอกํ ทฺเว วาเร ปหรนฺเตเยว วา ยามยนฺตํ ปตติ, เอวํ ตีสุ ยาเมสุ สมณธมฺมํ กตฺวา เถโร ปาโตเยว คามํ ปวิสิตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาทาย วิหารํ อาคนฺตฺวา โภชนเวลาย ¶ ปตฺตํ คเหตฺวา ทิวา วิหารฏฺานํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. ภิกฺขู กาลตฺถมฺภํ ทิสฺวา เถรสฺส อทิสฺวา อาคมนตฺถาย เปเสนฺติ. โส ภิกฺขุ เถรํ ทิวา วิหารฏฺานา นิกฺขมนฺตเมว วา อนฺตรามคฺเค วา ปสฺสติ. เอวํ ปเทสาเณ ิตานํ สาวกานมฺปิ รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท ปากโฏ โหติ, กิมงฺคํ ปน โพธิสตฺตานนฺติ.
ยํ โข ตํ พฺราหฺมณ…เป… วเทยฺยาติ เอตฺถ ปน ‘‘ยํ โข ตํ, พฺราหฺมณ, อสมฺโมหธมฺโม สตฺโต โลเก อุปฺปนฺโน…เป… สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติ วจนํ ¶ วทมาโน โกจิ สมฺมา วเทยฺย, สมฺมา วทมาโน สิยา, น วิตถวาที อสฺส. มเมว ตํ วจนํ วทมาโน สมฺมา วเทยฺย, สมฺมา วทมาโน สิยา, น วิตถวาที อสฺสาติ เอวํ ปทสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อสมฺโมหธมฺโมติ อสมฺโมหสภาโว. โลเกติ มนุสฺสโลเก. พหุชนหิตายาติ พหุชนสฺส หิตตฺถาย, ปฺาสมฺปตฺติยา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกหิตูปเทสโกติ. พหุชนสุขายาติ พหุชนสฺส สุขตฺถาย, จาคสมฺปตฺติยา อุปกรณสุขสฺส ทายโกติ. โลกานุกมฺปายาติ โลกสฺส อนุกมฺปตฺถาย, เมตฺตากรุณาสมฺปตฺติยา มาตาปิตโร วิย โลกสฺส รกฺขิตา โคปยิตาติ. อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺติ อิธ เทวมนุสฺสคฺคหเณน จ ภพฺพปุคฺคลเวเนยฺยสตฺเตเยว คเหตฺวา เตสํ นิพฺพานมคฺคผลาธิคมาย อตฺตโน อุปฺปตฺตึ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺโพ. อตฺถายาติ หิ วุตฺเต ปรมตฺถตฺถาย นิพฺพานายาติ วุตฺตํ โหติ. หิตายาติ วุตฺเต ตํ สมฺปาปกมคฺคตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ, นิพฺพานสมฺปาปกมคฺคโต หิ อุตฺตริ หิตํ นาม นตฺถิ. สุขายาติ วุตฺเต ผลสมาปตฺติสุขตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ, ตโต อุตฺตริ สุขาภาวโต. วุตฺตฺเจตํ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗; วิภ. ๘๐๔).
อสมฺโมหวิหารวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุพฺพภาคปฏิปทาทิวณฺณนา
๕๑. เอวํ ¶ ภควา พุทฺธคุณปฏิลาภาวสานํ อตฺตโน อสมฺโมหวิหารํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยาย ปฏิปทาย ตํ โกฏิปฺปตฺตํ อสมฺโมหวิหารํ อธิคโต, ตํ ปุพฺพภาคโต ปภุติ ทสฺเสตุํ อารทฺธํ โข ปน เม พฺราหฺมณาติอาทิมาห.
เกจิ ปนาหุ ‘‘อิมํ อสมฺโมหวิหารํ สุตฺวา พฺราหฺมณสฺส จิตฺตเมวํ อุปฺปนฺนํ ‘กาย นุ โข ปฏิปทาย อิมํ ปตฺโต’ติ, ตสฺส จิตฺตมฺาย อิมายาหํ ปฏิปทาย อิมํ อุตฺตมํ อสมฺโมหวิหารํ ปตฺโตติ ทสฺเสนฺโต เอวมาหา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริยํ อโหสีติ, พฺราหฺมณ, น มยา อยํ อุตฺตโม อสมฺโมหวิหาโร กุสีเตน มุฏฺสฺสตินา สารทฺธกาเยน วิกฺขิตฺตจิตฺเตน วา อธิคโต, อปิจ โข ตทธิคมาย อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อโหสิ, โพธิมณฺเฑ นิสินฺเนน มยา จตุรงฺควีริยํ อารทฺธํ อโหสิ, ปคฺคหิตํ อสิถิลปฺปวตฺติตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อารทฺธตฺตาเยว จ เมตํ อสลฺลีนํ อโหสิ.
อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺาติ น เกวลฺจ วีริยเมว, สติปิ เม อารมฺมณาภิมุขีภาเวน อุปฏฺิตา อโหสิ. อุปฏฺิตตฺตาเยว จ อสมฺมุฏฺา. ปสฺสทฺโธ กาโยติ กายจิตฺตปฺปสฺสทฺธิสมฺภเวน กาโยปิ เม ปสฺสทฺโธ อโหสิ. ตตฺถ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสทฺเธ รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธเยว โหติ, ตสฺมา นามกาโย รูปกาโยติ อวิเสเสตฺวาว ปสฺสทฺโธ กาโยติ วุตฺตํ. อสารทฺโธติ โส จ โข ปสฺสทฺธตฺตาเยว อสารทฺโธ, วิคตทรโถติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ จิตฺตมฺปิ เม สมฺมา อาหิตํ สุฏฺุ ปิตํ อปฺปิตํ วิย อโหสิ. สมาหิตตฺตา เอว จ เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทนนฺติ, เอตฺตาวตา ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตา โหติ.
อิทานิ อิมาย ปฏิปทาย อธิคตํ ปมชฺฌานํ อาทึ กตฺวา วิชฺชาตฺตยปริโยสานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต โส โข อหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… จตุตฺถชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช ¶ วิหาสินฺติ เอตฺถ ตาว ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมคฺเค ปถวีกสิณกถายํ วุตฺตํ. เกวลฺหิ ตตฺถ ‘‘อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ อาคตํ, อิธ ‘‘วิหาสิ’’นฺติ, อยเมว วิเสโส. กึ กตฺวา ปน ภควา อิมานิ ฌานานิ อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ, กมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา. กตรํ? อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ.
อิมานิ จ ปน จตฺตาริ ฌานานิ เกสฺจิ จิตฺเตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ, เกสฺจิ วิปสฺสนาปาทกานิ, เกสฺจิ อภิฺาปาทกานิ, เกสฺจิ นิโรธปาทกานิ, เกสฺจิ ภโวกฺกมนตฺถานิ. ตตฺถ ขีณาสวานํ จิตฺเตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ. เต หิ สมาปชฺชิตฺวา ¶ เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามาติ อิจฺเจวํ กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺติ. เสกฺขปุถุชฺชนานํ สมาปตฺติโต วุฏฺาย สมาหิเตน จิตฺเตน วิปสฺสิสฺสามาติ นิพฺพตฺเตนฺตานํ วิปสฺสนาปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘เอโกปิ ¶ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒) วุตฺตนยา อภิฺาโย ปตฺเถนฺตา นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ อภิฺาปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหํ อจิตฺตา หุตฺวา ทิฏฺเว ธมฺเม นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามาติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ นิโรธปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิสฺสามาติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ ภโวกฺกมนตฺถานิ โหนฺติ.
ภควตา ปนิทํ จตุตฺถชฺฌานํ โพธิรุกฺขมูเล นิพฺพตฺติตํ, ตํ ตสฺส วิปสฺสนาปาทกฺเจว อโหสิ อภิฺาปาทกฺจ สพฺพกิจฺจสาธกฺจ, สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปุพฺพภาคปฏิปทาทิวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา
๕๒. เยสฺจ ¶ คุณานํ ทายกํ อโหสิ, เตสํ เอกเทสํ ทสฺเสนฺโต โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ ทฺวินฺนํ วิชฺชานํ อนุปทวณฺณนา เจว ภาวนานโย จ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริโต. เกวลฺหิ ตตฺถ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต…เป… อภินินฺนาเมตี’’ติ วุตฺตํ, อิธ ‘‘อภินินฺนาเมสิ’’นฺติ. อยํ โข เม พฺราหฺมณาติ อยฺจ อปฺปนาวาโร ตตฺถ อนาคโตติ อยเมว วิเสโส. ตตฺถ โสติ โส อหํ. อภินินฺนาเมสินฺติ อภินีหรึ. อภินินฺนาเมสินฺติ จ วจนโต โสติ เอตฺถ โส อหนฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา จิทํ ภควโต วเสน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ อาคตํ, ตสฺมา ‘‘โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’’ติ เอตฺถ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. เอตฺถ หิ โส ตโต จุโตติ ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ. ตสฺมา อิธูปปนฺโนติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรํ. อมุตฺร อุทปาทินฺติ ตุสิตภวนํ สนฺธายาหาติ เวทิตพฺโพ. ตตฺราปาสึ เอวํนาโมติ ตตฺราปิ ตุสิตภวเน เสตเกตุ นาม เทวปุตฺโต อโหสึ. เอวํโคตฺโตติ ตาหิ เทวตาหิ สทฺธึ เอกโคตฺโต. เอวํวณฺโณติ สุวณฺณวณฺโณ. เอวมาหาโรติ ทิพฺพสุธาหาโร. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ เอวํ ทิพฺพสุขปฏิสํเวที. ทุกฺขํ ปน สงฺขารทุกฺขมตฺตเมว ¶ . เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ สตฺตปฺาสวสฺสโกฏิสฏฺิวสฺสสตสหสฺสายุปริยนฺโต. โส ¶ ตโต จุโตติ โส อหํ ตโต ตุสิตภวนโต จุโต. อิธูปปนฺโนติ อิธ มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต.
อยํ โข เม พฺราหฺมณาติอาทีสุ เมติ มยา. วิชฺชาติ วิทิตกรณฏฺเน วิชฺชา. กึ วิทิตํ กโรติ? ปุพฺเพนิวาสํ. อวิชฺชาติ ตสฺเสว ปุพฺเพนิวาสสฺส อวิทิตกรณฏฺเน ตปฺปฏิจฺฉาทโก โมโห วุจฺจติ. ตโมติ สฺเวว โมโห ปฏิจฺฉาทกฏฺเน ‘‘ตโม’’ติ วุจฺจติ. อาโลโกติ สาเยว วิชฺชา โอภาสกรณฏฺเน ‘‘อาโลโก’’ติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อตฺโถ, เสสํ ปสํสาวจนํ. โยชนา ปเนตฺถ อยํ โข เม วิชฺชา อธิคตา, ตสฺส เม อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา, วินฏฺาติ อตฺโถ. กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนา. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเย.
ยถา ¶ ตนฺติ เอตฺถ ยถาติ โอปมฺเม. ตนฺติ นิปาโต. สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺส. วีริยาตาเปน อาตาปิโน. กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย ปหิตตฺตสฺส, เปสิตตฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหฺเยฺย, วิชฺชา อุปฺปชฺเชยฺย. ตโม วิหฺเยฺย, อาโลโก อุปฺปชฺเชยฺย. เอวเมว มม อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา. ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน. เอตสฺส เม ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลทฺธ’’นฺติ.
ปุพฺเพนิวาสกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา
๕๓. จุตูปปาตกถายํ ยสฺมา อิธ ภควโต วเสน ปาฬิ อาคตา, ตสฺมา ‘‘ปสฺสามิ ปชานามี’’ติ วุตฺตํ, อยํ วิเสโส. เสสํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตสทิสเมว.
เอตฺถ ปน วิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. ยสฺมา จ ปูริตปารมีนํ มหาสตฺตานํ ปริกมฺมกิจฺจํ นาม นตฺถิ. เต หิ จิตฺเต อภินินฺนามิตมตฺเตเยว อเนกวิหิตํ ¶ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, ทิพฺเพน จกฺขุนา สตฺเต ปสฺสนฺติ. ตสฺมา โย ตตฺถ ปริกมฺมํ อาทึ กตฺวา ภาวนานโย วุตฺโต, น เตน อิธ อตฺโถติ.
ทิพฺพจกฺขุาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา
๕๔. ตติยวิชฺชาย โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพํ. อาสวานํ ขยาณายาติ ¶ อรหตฺตมคฺคาณตฺถาย. อรหตฺตมคฺโค หิ อาสววินาสนโต อาสวานํ ขโยติ วุจฺจติ, ตตฺร เจตํ าณํ, ตปฺปริยาปนฺนตฺตาติ. จิตฺตํ อภินินฺนาเมสินฺติ ¶ วิปสฺสนาจิตฺตํ อภินีหรึ. โส อิทํ ทุกฺขนฺติ เอวมาทีสุ ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจํ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ ชานึ ปฏิวิชฺฌึ. ตสฺส จ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติกํ ตณฺหํ อยํ ทุกฺขสมุทโยติ. ตทุภยมฺปิ ยํ านํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ, ตํ เตสํ อปฺปวตฺตึ นิพฺพานํ อยํ ทุกฺขนิโรโธติ. ตสฺส สมฺปาปกํ อริยมคฺคํ อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ ชานึ ปฏิวิชฺฌินฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอวํ สรูปโต สจฺจานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กิเลสวเสน ปริยายโต ทสฺเสนฺโต อิเม อาสวาติอาทิมาห. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส มยฺหํ เอวํ ชานนฺตสฺส เอวํ ปสฺสนฺตสฺส. สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถติ. กามาสวาติ กามาสวโต. วิมุจฺจิตฺถาติ อิมินา ผลกฺขณํ ทสฺเสติ, มคฺคกฺขเณ หิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ โหติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณนฺติ อิมินา ปจฺจเวกฺขณาณํ ทสฺเสติ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ตสฺส ภูมึ, เตน หิ าเณน ภควา ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีนิ อพฺภฺาสิ. กตมา ปน ภควโต ชาติ ขีณา, กถฺจ นํ อพฺภฺาสีติ? น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา, ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา, อนาคเต วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา, วิชฺชมานตฺตา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา, ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตี’’ติ ชานนฺโต อพฺภฺาสิ.
วุสิตนฺติ ¶ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ, ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺตเสกฺขา พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโส. ตสฺมา ภควา อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อพฺภฺาสิ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ ¶ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโย. ตสฺมา ภควา อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ อพฺภฺาสิ.
นาปรํ ¶ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํโสฬสกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนากิจฺจํ เม นตฺถีติ อพฺภฺาสิ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ. อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิย. เต จริมกวิฺาณนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺตีติ อพฺภฺาสิ.
อิทานิ เอวํ ปจฺจเวกฺขณาณปริคฺคหิตํ อาสวานํ ขยาณาธิคมํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสนฺโต, อยํ โข เม พฺราหฺมณาติอาทิมาห. ตตฺถ วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ จตุสจฺจปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมว. เอตฺตาวตา จ ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณํ, ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณํ, อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณนฺติ เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ สพฺเพปิ สพฺพฺุคุเณ สงฺคเหตฺวา ปกาเสนฺโต อตฺตโน อสมฺโมหวิหารํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสสิ.
อาสวกฺขยาณกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อรฺวาสการณวณฺณนา
๕๕. เอวํ วุตฺเต กิร พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘สมโณ โคตโม สพฺพฺุตํ ปฏิชานาติ, อชฺชาปิ จ อรฺวาสํ น วิชหติ, อตฺถิ นุ ขฺวสฺส อฺมฺปิ กิฺจิ กรณีย’’นฺติ. อถสฺส ภควา อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อิมินา อชฺฌาสยานุสนฺธินา, สิยา โข ปน เตติอาทิมาห. ตตฺถ สิยา โข ปน เต, พฺราหฺมณ, เอวมสฺสาติ, พฺราหฺมณ, กทาจิ ตุยฺหํ เอวํ ภเวยฺย. น โข ปเนตํ พฺราหฺมณ เอวํ ทฏฺพฺพนฺติ เอตํ โข ปน, พฺราหฺมณ, ตยา มยฺหํ ปนฺตเสนาสนปฏิเสวนํ ¶ อวีตราคาทิตายาติ เอวํ น ทฏฺพฺพํ. เอวํ ปนฺตเสนาสนปฏิเสวเน อการณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา การณํ ทสฺเสนฺโต ทฺเว โข อหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺโถเยว อตฺถวโส. ตสฺมา ทฺเว โข อหํ, พฺราหฺมณ, อตฺถวเสติ อหํ โข, พฺราหฺมณ, ทฺเว อตฺเถ ทฺเว การณานิ สมฺปสฺสมาโนติ วุตฺตํ โหติ. อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารนฺติ เอตฺถ ทิฏฺธมฺโม นาม อยํ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว. สุขวิหาโร นาม จตุนฺนมฺปิ อิริยาปถวิหารานํ ผาสุตา, เอกกสฺส หิ ¶ ¶ อรฺเ อนฺตมโส อุจฺจารปสฺสาวกิจฺจํ อุปาทาย สพฺเพว อิริยาปถา ผาสุกา โหนฺติ, ตสฺมา ทิฏฺธมฺมสฺส สุขวิหารนฺติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปจฺฉิมฺจ ชนตํ อนุกมฺปมาโนติ กถํ อรฺวาเสน ปจฺฉิมา ชนตา อนุกมฺปิตา โหติ? สทฺธาปพฺพชิตา หิ กุลปุตฺตา ภควโต อรฺวาสํ ทิสฺวา ภควาปิ นาม อรฺเสนาสนานิ น มฺุจติ, ยสฺส เนวตฺถิ ปริฺาตพฺพํ น ปหาตพฺพํ น ภาเวตพฺพํ น สจฺฉิกาตพฺพํ, กิมงฺคํ ปน มยนฺติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ วสิตพฺพเมว มฺิสฺสนฺติ. เอวํ ขิปฺปเมว ทุกฺขสฺสนฺตกรา ภวิสฺสนฺติ. เอวํ ปจฺฉิมา ชนตา อนุกมฺปิตา โหติ. เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปจฺฉิมฺจ ชนตํ อนุกมฺปมาโน’’ติ.
อรฺวาสการณวณฺณนา นิฏฺิตา.
เทสนานุโมทนาวณฺณนา
๕๖. ตํ สุตฺวา อตฺตมโน พฺราหฺมโณ อนุกมฺปิตรูปาติอาทิมาห. ตตฺถ อนุกมฺปิตรูปาติ อนุกมฺปิตชาติกา อนุกมฺปิตสภาวา. ชนตาติ ชนสมูโห. ยถา ตํ อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธนาติ ยถา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุกมฺเปยฺย, ตเถว อนุกมฺปิตรูปาติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน ตํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมาติ. ตตฺถายํ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทเนสุ ทิสฺสติ. ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๘๓; อ. นิ. ๘.๒๐) หิ ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก ¶ เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. –
อาทีสุ (วิ. ว. ๘๕๗) อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๐; ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน ¶ . อิธาปิ อพฺภนุโมทเนเยว. ยสฺมา จ อพฺภนุโมทเน, ตสฺมา สาธุ สาธุ โภ, โคตมาติ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;
หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติ. –
อิมินา จ ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อถ ¶ วา อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกนฺตํ. อติอิฏฺํ อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโทติ. ภควโตเยว วา วจนํ ทฺเว ทฺเว อตฺเถ สนฺธาย โถเมติ – โภโต โคตมสฺส วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต, อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต, ตถา สทฺธาชนนโต, ปฺาชนนโต, สาตฺถโต, สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต, คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต, หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต, อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต, ปฺาวทาตโต, อาปาถรมณียโต, วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต, วีมํสียมานหิตโตติ เอวมาทีหิ โยเชตพฺพํ.
ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริ มุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิจฺฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสีอฑฺฒรตฺตฆนวนสณฺฑเมฆปฏเลหิ จตุรงฺเค ตเม, อยํ ตาว อนุตฺตานปทตฺโถ.
อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺเม ปติตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย ¶ . เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปภุติ มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน, ยถา ¶ มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตธารเณน มยฺหํ โภตา โคตเมน เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตติ.
เทสนานุโมทนาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปสนฺนาการวณฺณนา
เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตยปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต เอสาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามีติ ภวํ เม โคตโม สรณํ ปรายณํ, อฆสฺส ตาตา ¶ , หิตสฺส จ วิธาตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภวนฺตํ โคตมํ คจฺฉามิ, ภชามิ, เสวามิ, ปยิรุปาสามิ, เอวํ วา ชานามิ, พุชฺฌามีติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติอตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถ. ตสฺมา คจฺฉามีติ อิมสฺส ชานามิ, พุชฺฌามีติ อยมตฺโถ วุตฺโต. ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจาติ เอตฺถ ปน อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธมฺโม, โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔) วิตฺถาโร. น เกวลฺจ อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ, อปิจ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ. วุตฺตฺเหตํ ฉตฺตมาณวกวิมาเน –
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);
เอตฺถ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. อเนชมโสกนฺติ ผลํ. ธมฺมมสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ. อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฏกตฺตเยน วิภตฺตา สพฺพธมฺมกฺขนฺธาติ. ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน ¶ สํหโตติ สงฺโฆ, โส อตฺถโต อฏฺ อริยปุคฺคลสมูโห. วุตฺตฺเหตํ ตสฺมึเยว วิมาเน.
‘‘ยตฺถ ¶ จ ทินฺนมหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;
อฏฺ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๘);
ภิกฺขูนํ สงฺโฆ ภิกฺขุสงฺโฆ. เอตฺตาวตา พฺราหฺมโณ ตีณิ สรณคมนานิ ปฏิเวเทสิ.
ปสนฺนาการวณฺณนา นิฏฺิตา.
สรณคมนกถาวณฺณนา
อิทานิ เตสุ สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ สรณํ, สรณคมนํ. โย จ สรณํ คจฺฉติ, สรณคมนปฺปเภโท ¶ , สรณคมนสฺส ผลํ, สํกิเลโส, เภโทติ อยํ วิธิ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – ปทตฺถโต ตาว หึสตีติ สรณํ, สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคติปริกิเลสํ หนติ วินาเสตีติ อตฺโถ, รตนตฺตยสฺเสเวตํ อธิวจนํ.
อถ วา หิเต ปวตฺตเนน อหิตา จ นิวตฺตเนน สตฺตานํ ภยํ หึสติ พุทฺโธ. ภวกนฺตารา อุตฺตารเณน อสฺสาสทาเนน จ ธมฺโม. อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สงฺโฆ. ตสฺมา อิมินาปิ ปริยาเยน รตนตฺตยํ สรณํ. ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ วิหตกิเลโส ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ. ตํสมงฺคิสตฺโต สรณํ คจฺฉติ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน เอตานิ เม ตีณิ สรณานิ สรณํ, เอตานิ ปรายณนฺติ เอวํ อุเปตีติ อตฺโถ. เอวํ ตาว สรณํ สรณคมนํ โย จ สรณํ คจฺฉตีติ อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํ.
สรณคมนปฺปเภเท ปน ทุวิธํ สรณคมนํ โลกุตฺตรํ โลกิยฺจ. ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฏฺสจฺจานํ ¶ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ. โลกิยํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติ, ตํ อตฺถโต พุทฺธาทีสุ วตฺถูสุ สทฺธาปฏิลาโภ, สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺิ ทสสุ ปฺุกิริยวตฺถูสุ ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจติ.
ตยิทํ จตุธา ปวตฺตติ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน ตปฺปรายณตาย สิสฺสภาวูปคมเนน ปณิปาเตนาติ. ตตฺถ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ นาม ‘‘อชฺช ¶ อาทึ กตฺวา อหํ อตฺตานํ พุทฺธสฺส นิยฺยาเตมิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีนํ อตฺตปริจฺจชนํ. ตปฺปรายณตา นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธปรายโณ, ธมฺมปรายโณ, สงฺฆปรายโณ อิติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ ตปฺปรายณภาโว. สิสฺสภาวูปคมนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธสฺส อนฺเตวาสิโก, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสาติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ สิสฺสภาวูปคโม. ปณิปาโต นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ พุทฺธาทีนํเยว ติณฺณํ วตฺถูนํ กโรมิ, อิติ มํ ธาเรถา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีสุ ¶ ปรมนิปจฺจกาโร. อิเมสฺหิ จตุนฺนํ อาการานํ อฺตรมฺปิ กโรนฺเตน คหิตํเยว โหติ สรณคมนํ.
อปิจ ภควโต อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อตฺตานํ ปริจฺจชามิ. ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, ปริจฺจตฺโตเยว เม อตฺตา, ปริจฺจตฺตํเยว เม ชีวิตํ, ชีวิตปริยนฺติกํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, พุทฺโธ เม สรณํ เลณํ ตาณนฺติ เอวมฺปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ เวทิตพฺพํ. ‘‘สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ, สุคตฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ, สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) เอวมฺปิ มหากสฺสปสฺส สรณคมนํ วิย สิสฺสภาวูปคมนํ ทฏฺพฺพํ.
‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;
นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๙๔; สํ. นิ. ๑.๒๔๖) –
เอวมฺปิ อาฬวกาทีนํ สรณคมนํ วิย ตปฺปรายณตา เวทิตพฺพา. ‘‘อถ โข พฺรหฺมายุ พฺราหฺมโณ ¶ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๔) เอวมฺปิ ปณิปาโต ทฏฺพฺโพ.
โส ปเนส าติภยาจริยทกฺขิเณยฺยวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตน สรณคมนํ โหติ, น อิตเรหิ. เสฏฺวเสเนว หิ สรณํ คยฺหติ, เสฏฺวเสน ภิชฺชติ, ตสฺมา โย สากิโย ¶ วา โกลิโย วา ‘‘พุทฺโธ อมฺหากํ าตโก’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย วา ‘‘สมโณ โคตโม ราชปูชิโต มหานุภาโว, อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยา’’ติ ภเยน วนฺทติ, อคฺคหิตเมว โหติ สรณํ. โย วา โพธิสตฺตกาเล ภควโต สนฺติเก กิฺจิ อุคฺคหิตํ สรมาโน พุทฺธกาเล วา –
‘‘เอเกน โภเค ภฺุเชยฺย, ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย;
จตุตฺถฺจ นิธาเปยฺย, อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –
เอวรูปํ อนุสาสนึ อุคฺคเหตฺวา ‘‘อาจริโย เม’’ติ วนฺทติ, อคฺคหิตเมว ¶ โหติ สรณํ. โย ปน ‘‘อยํ โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย’’ติ วนฺทติ, เตเนว คหิตํ โหติ สรณํ.
เอวํ คหิตสรณสฺส จ อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา อฺติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตมฺปิ าตึ ‘‘าตโก เม อย’’นฺติ วนฺทโต สรณคมนํ น ภิชฺชติ, ปเคว อปพฺพชิตํ. ตถา ราชานํ ภยวเสน วนฺทโต, โส หิ รฏฺปูชิตตฺตา อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยาติ. ตถา ยํกิฺจิ สิปฺปํ สิกฺขาปกํ ติตฺถิยํ ‘‘อาจริโย เม อย’’นฺติ วนฺทโตปิ น ภิชฺชตีติ เอวํ สรณคมนปฺปเภโท เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ โลกุตฺตรสฺส สรณคมนสฺส จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลํ, สพฺพทุกฺขกฺขโย อานิสํสผลํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย ¶ จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.
ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยฺจฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๐-๑๙๒);
อปิจ นิจฺจโต อนุปคมนาทิวเสน เปตสฺส อานิสํสผลํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ, ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺย, สุขโต อุปคจฺเฉยฺย, กฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคจฺเฉยฺย, มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปิตรํ อรหนฺตํ ¶ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ทุฏฺจิตฺโต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, สงฺฆํ ภินฺเทยฺย, อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๘; อ. นิ. ๑.๒๖๘-๒๗๖).
โลกิยสฺส ปน สรณคมนสฺส ภวสมฺปทาปิ โภคสมฺปทาปิ ผลเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เยเกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส,
น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ,
เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๓๗);
อปรมฺปิ ¶ วุตฺตํ ‘‘อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อสีติยา เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน, เตนุปสงฺกมิ…เป… เอกมนฺตํ ิตํ โข สกฺกํ เทวานมินฺทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ ‘สาธุ โข เทวานมินฺท พุทฺธํ สรณคมนํ โหติ, พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข เทวานมินฺท เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ ¶ อุปปชฺชนฺตี’ติ. เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺติ ทิพฺเพน อายุนา ทิพฺเพน วณฺเณน สุเขน ยเสน อาธิปเตยฺเยน ทิพฺเพหิ รูเปหิ สทฺเทหิ คนฺเธหิ รเสหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑). เอส นโย ธมฺเม สงฺเฆ จ. อปิจ เวลามสุตฺตาทิวเสนาปิ (อ. นิ. ๙.๒๐) สรณคมนสฺส ผลวิเสโส เวทิตพฺโพ. เอวํ สรณคมนผลํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โลกิยสรณคมนํ ตีสุ วตฺถูสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ โหติ, น มหาวิปฺผารํ. โลกุตฺตรสฺส นตฺถิ สํกิเลโส. โลกิยสฺส จ สรณคมนสฺส ทุวิโธ เภโท สาวชฺโช อนวชฺโช จ. ตตฺถ สาวชฺโช อฺสตฺถาราทีสุ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีหิ โหติ, โส อนิฏฺผโล. อนวชฺโช กาลํ กิริยาย, โส อวิปากตฺตา อผโล. โลกุตฺตรสฺส ปน เนวตฺถิ เภโท. ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อฺสตฺถารํ น อุทฺทิสตีติ เอวํ สรณคมนสฺส สํกิเลโส จ เภโท จ เวทิตพฺโพติ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตูติ มํ ภวํ โคตโม ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตุ, ชานาตูติ อตฺโถ.
สรณคมนกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุปาสกวิธิกถาวณฺณนา
อุปาสกวิธิโกสลฺลตฺถํ ¶ ปเนตฺถ โก อุปาสโก, กสฺมา อุปาสโกติ วุจฺจติ, กิมสฺส สีลํ, โก อาชีโว, กา วิปตฺติ, กา สมฺปตฺตีติ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ โก อุปาสโกติ โย โกจิ ติสรณคโต คหฏฺโ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยโต โข มหานาม อุปาสโก พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ. เอตฺตาวตา โข มหานาม อุปาสโก โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).
กสฺมา อุปาสโกติ รตนตฺตยสฺส อุปาสนโต. โส หิ พุทฺธํ อุปาสตีติ อุปาสโก. ธมฺมํ, สงฺฆํ อุปาสตีติ อุปาสโก.
กิมสฺส ¶ สีลนฺติ ปฺจ เวรมณิโย. ยถาห ‘‘ยโต โข มหานาม อุปาสโก ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ อทินฺนาทานา ¶ , กาเมสุ มิจฺฉาจารา, มุสาวาทา, สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา ปฏิวิรโต โหติ. เอตฺตาวตา โข มหานาม อุปาสโก สีลวา โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).
โก อาชีโวติ ปฺจ มิจฺฉาวณิชฺชา ปหาย ธมฺเมน สเมน ชีวิตกปฺปนํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปฺจิมา, ภิกฺขเว, วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา. กตมา ปฺจ? สตฺถวณิชฺชา, สตฺตวณิชฺชา, มํสวณิชฺชา, มชฺชวณิชฺชา, วิสวณิชฺชา. อิมา โข, ภิกฺขเว, ปฺจ วณิชฺชา อุปาสเกน อกรณียา’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๗).
กา วิปตฺตีติ ยา ตสฺเสว สีลสฺส จ อาชีวสฺส จ วิปตฺติ, อยมสฺส วิปตฺติ. อปิจ ยาย เอส จณฺฑาโล เจว โหติ มลฺจ ปติกุฏฺโ จ. สาปิสฺส วิปตฺตีติ เวทิตพฺพา. เต จ อตฺถโต อสฺสทฺธิยาทโย ปฺจ ธมฺมา โหนฺติ. ยถาห ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกจณฺฑาโล จ โหติ อุปาสกมลฺจ อุปาสกปติกุฏฺโ จ. กตเมหิ ปฺจหิ? อสฺสทฺโธ โหติ, ทุสฺสีโล โหติ, โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, มงฺคลํ ปจฺเจติ โน กมฺมํ, อิโต จ พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสติ ตตฺถ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๕).
กา ¶ สมฺปตฺตีติ ยา จสฺส สีลสมฺปทา จ อาชีวสมฺปทา จ, สา สมฺปตฺติ. เย จสฺส รตนภาวาทิกรา สทฺธาทโย ปฺจ ธมฺมา. ยถาห ‘‘ปฺจหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุปาสโก อุปาสกรตนฺจ โหติ อุปาสกปทุมฺจ อุปาสกปุณฺฑรีกฺจ. กตเมหิ ปฺจหิ? สทฺโธ โหติ, สีลวา โหติ, น โกตูหลมงฺคลิโก โหติ, กมฺมํ ปจฺเจติ โน มงฺคลํ, น อิโต พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ, อิธ จ ปุพฺพการํ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๗๕).
อชฺชตคฺเคติ เอตฺถ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๐) หิ อาทิมฺหิ ¶ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย, (กถา. ๔๔๑) อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. ๕.๓๗๔), อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๘) โกฏฺาเส. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔) เสฏฺเ. อิธ ปนายํ ¶ อาทิมฺหิ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวา, เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อชฺชตนฺติ อชฺชภาวํ. อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ, ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ อตฺโถ.
ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ. อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ ชานาตุ. อหฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺเทยฺย, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุทฺโธ’’ติ วา ธมฺมํ ‘‘น ธมฺโม’’ติ วา, สงฺฆํ ‘‘น สงฺโฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติ. เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน สรณํ คนฺตฺวา จตูหิ จ ปจฺจเยหิ ปวาเรตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ.
อุปาสกวิธิกถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
ภยเภรวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อนงฺคณสุตฺตวณฺณนา
๕๗. เอวํ ¶ ¶ เม สุตํ…เป… อายสฺมา สาริปุตฺโตติ อนงฺคณสุตฺตํ. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพสุตฺเตสุ. ตสฺมา อิโต ปรํ เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา อปุพฺพปทวณฺณนํเยว กริสฺสาม.
จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท. ปุคฺคลาติ สตฺตา นรา โปสา. เอตฺตาวตา จ ปุคฺคลวาที มหาเถโรติ น คเหตพฺพํ, อยฺหิ อายสฺมา พุทฺธปุตฺตานํ เสฏฺโ, โส พุทฺธสฺส ภควโต เทสนํ อวิโลเมนฺโตเยว เทเสติ.
สมฺมุติปรมตฺถเทสนากถาวณฺณนา
พุทฺธสฺส ภควโต ทุวิธา เทสนา สมฺมุติเทสนา, ปรมตฺถเทสนา จาติ. ตตฺถ ปุคฺคโล สตฺโต อิตฺถี ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโรติ เอวรูปา สมฺมุติเทสนา. อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, ขนฺธา ธาตู อายตนานิ สติปฏฺานาติ เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา.
ตตฺถ ภควา เย สมฺมุติวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสํ อธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ สมฺมุติเทสนํ เทเสติ. เย ปน ปรมตฺถวเสน เทสนํ สุตฺวา อตฺถํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา โมหํ ปหาย วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ ปรมตฺถเทสนํ เทเสติ. ตตฺถายํ อุปมา, ยถา หิ เทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานํ อตฺถสํวณฺณนโก อาจริโย เย ทมิฬภาสาย วุตฺเต ¶ อตฺถํ ชานนฺติ, เตสํ ทมิฬภาสาย อาจิกฺขติ. เย อนฺธกภาสาทีสุ อฺตราย, เตสํ ตาย ตาย ภาสาย. เอวํ เต มาณวกา เฉกํ พฺยตฺตํ อาจริยมาคมฺม ขิปฺปเมว สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ. ตตฺถ อาจริโย วิย พุทฺโธ ภควา. ตโย เวทา วิย กเถตพฺพภาเวน ิตานิ ตีณิ ปิฏกานิ. เทสภาสาโกสลฺลมิว สมฺมุติปรมตฺถโกสลฺลํ. นานาเทสภาสา มาณวกา วิย สมฺมุติปรมตฺถเทสนาปฏิวิชฺฌนสมตฺถา เวเนยฺยสตฺตา. อาจริยสฺส ¶ ทมิฬภาสาทิอาจิกฺขนํ วิย ภควโต สมฺมุติปรมตฺถวเสน เทสนา เวทิตพฺพา. อาห เจตฺถ –
‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;
สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ.
สงฺเกตวจนํ ¶ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;
ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณา.
ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;
สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ.
อปิจ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ – หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ, อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถฺจาติ. ‘‘ขนฺธธาตุอายตนานิ หิรียนฺติ โอตฺตปฺปนฺตี’’ติ หิ วุตฺเต มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหมาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ หิรียนฺติ โอตฺตปฺปนฺติ นามา’’ติ. ‘‘อิตฺถี หิรียติ โอตฺตปฺปติ ปุริโส ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เทโว มาโร’’ติ วุตฺเต ปน ชานาติ, น สมฺโมหมาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ. ตสฺมา ภควา หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา กมฺมสฺสกา ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘เวฬุวนาทโย มหาวิหารา ขนฺเธหิ การาปิตา ธาตูหิ อายตเนหี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ¶ มาตรํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ ปิตรํ อรหนฺตํ รุหิรุปฺปาทกมฺมํ ¶ กโรนฺติ, สงฺฆเภทกมฺมํ กโรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา อานนฺตริยทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ‘‘ขนฺธา เมตฺตายนฺติ ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
‘‘ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสมนุสฺสรนฺติ ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ‘‘ขนฺธา ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหมาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ นามา’’ติ. ‘‘ปุคฺคลา ปฏิคฺคณฺหนฺติ สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา’’ติ วุตฺเต ปน ชานาติ, น สมฺโมหมาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ โหติ. ตสฺมา ภควา ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.
โลกสมฺมุติฺจ ¶ พุทฺธา ภควนฺโต นปฺปชหนฺติ, โลกสมฺาย โลกนิรุตฺติยํ โลกาภิลาเป ิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตสฺมา ภควา โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติ. ตสฺมา อยมฺปิ อายสฺมา โลกโวหารกุสลตาย พุทฺธสฺส ภควโต เทสนํ อวิโลเมนฺโต โลกสมฺมุติยํ ตฺวาว จตฺตาโรเม, อาวุโส, ปุคฺคลาติ อาห. ตสฺมา เอตฺถ ปรมตฺถวเสน อคฺคเหตฺวา สมฺมุติวเสเนว ปุคฺคโล เวทิตพฺโพ.
สนฺโต สํวิชฺชมานาติ โลกสงฺเกตวเสน อตฺถิ อุปลพฺภมานา. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก. สางฺคโณว สมาโนติอาทีสุ ปน องฺคณนฺติ กตฺถจิ กิเลสา วุจฺจนฺติ. ยถาห ‘‘ตตฺถ กตมานิ ตีณิ องฺคณานิ? ราโค องฺคณํ, โทโส องฺคณํ, โมโห องฺคณ’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔). กตฺถจิ ยํกิฺจิ มลํ วา ปงฺโก วา, ยถาห ‘‘ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมตี’’ติ. กตฺถจิ ตถารูโป ภูมิภาโค, โส โพธิยงฺคณํ เจติยงฺคณนฺติอาทีนํ วเสน เวทิตพฺโพ. อิธ ปน นานปฺปการา ติพฺพกิเลสา ‘‘องฺคณ’’นฺติ อธิปฺเปตา. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘ปาปกานํ โข เอตํ, อาวุโส, อกุสลานํ อิจฺฉาวจรานํ อธิวจนํ, ยทิทํ องฺคณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๖๐). สห องฺคเณน สางฺคโณ.
สางฺคโณว ¶ สมาโนติ สกิเลโสเยว สนฺโต ¶ . อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณนฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ มยฺหํ อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน กิเลโส อตฺถีติปิ น ชานาติ. ‘‘อิเม กิเลสา นาม กกฺขฬา วาฬา ชหิตพฺพา น คหิตพฺพา วิสทุฏฺสลฺลสทิสา’’ติ เอวํ ยาถาวสรสโตปิ น ชานาติ. โย อตฺถีติ จ ชานาติ, เอวฺจ ชานาติ. โส ‘‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ วุจฺจติ. ยสฺส ปน น จ มคฺเคน สมูหตา กิเลสา, น จ อุปฺปชฺชนฺติ เยน วา เตน วา วาริตตฺตา, อยมิธ อนงฺคโณติ อธิปฺเปโต. นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณนฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตีติ ‘‘มยฺหํ กิเลสา เยน วา เตน วา วาริตตฺตา นตฺถิ, น มคฺเคน สมูหตตฺตา’’ติ น ชานาติ, ‘‘เต อุปฺปชฺชมานา มหาอนตฺถํ กริสฺสนฺติ กกฺขฬา วาฬา วิสทุฏฺสลฺลสทิสา’’ติ เอวํ ยาถาวสรสโตปิ น ชานาติ. โย ปน ‘‘อิมินา การเณน นตฺถี’’ติ จ ชานาติ, เอวฺจ ชานาติ, โส ‘‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ วุจฺจติ ¶ . ตตฺราติ เตสุ จตูสุ ปุคฺคเลสุ, เตสุ วา ทฺวีสุ สางฺคเณสุ, ยฺวายนฺติ โย อยํ, ยายนฺติปิ ปาโ.
๕๘. โก นุ โข, อาวุโส, สาริปุตฺต, เหตุ โก ปจฺจโยติ อุภเยนาปิ การณเมว ปุจฺฉติ. เยนิเมสนฺติ เยน เหตุนา เยน ปจฺจเยน อิเมสํ ทฺวินฺนํ เอโก เสฏฺปุริโส เอโก หีนปุริโสติ อกฺขายติ, โส โก เหตุ โก ปจฺจโยติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘นปฺปชานาติ ปชานาตี’’ติ เอวํ วุตฺตํ, ปชานนา นปฺปชานนาติ อิทเมว อุภยํ เหตุ เจว ปจฺจโย จ.
๕๙. เถโร ปน อตฺตโน วิจิตฺรปฏิภานตาย ตํ ปากฏตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ปุน ตตฺราวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขนฺติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส เอตํ ปาฏิกงฺขิตพฺพํ. อิทเมว เอส ปาปุณิสฺสติ, น อฺนฺติ อิจฺฉิตพฺพํ, อวสฺสํ ภาวีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘น ฉนฺทํ ชเนสฺสตี’’ติอาทินา นเยน วุตฺตํ อฉนฺทชนนาทึ สนฺธายาห.
ตตฺถ จ น ฉนฺทํ ชเนสฺสตีติ อปฺปชานนฺโต ตสฺส องฺคณสฺส ปหานตฺถํ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ น ชเนสฺสติ. น วายมิสฺสตีติ ตโต พลวตรํ วายามํ น กริสฺสติ, น วีริยํ อารภิสฺสตีติ ถามคตวีริยํ ปน เนว อารภิสฺสติ, น ปวตฺเตสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. สางฺคโณติ อิเมหิ ราคาทีหิ องฺคเณหิ ¶ สางฺคโณ. สํกิลิฏฺจิตฺโตติ เตหิเยว สุฏฺุตรํ ¶ กิลิฏฺจิตฺโต มลีนจิตฺโต วิพาธิตจิตฺโต อุปตาปิตจิตฺโต จ หุตฺวา. กาลํ กริสฺสตีติ มริสฺสติ.
เสยฺยถาปีติ ยถา นาม. กํสปาตีติ กํสโลหภาชนํ. อาภตาติ อานีตา. อาปณา วา กมฺมารกุลา วาติ อาปณโต วา กํสปาติการกานํ กมฺมารานํ ฆรโต วา. รเชนาติ อาคนฺตุกรเชน ปํสุอาทินา. มเลนาติ ตตฺเถว อุฏฺิเตน โลหมเลน. ปริโยนทฺธาติ สฺฉนฺนา. น เจว ปริภฺุเชยฺยุนฺติ อุทกขาทนียปกฺขิปนาทีหิ ปริโภคํ น กเรยฺยุํ. น จ ปริโยทเปยฺยุนฺติ โธวนฆํสนาทีหิ น ปริสุทฺธํ การาเปยฺยุํ. รชาปเถติ รชปเถ. อยเมว วา ปาโ, รชสฺส อาคมนฏฺาเน วา วุฏฺานุฏฺาเน วา เหฏฺามฺเจ วา ถุสโกฏฺเก วา ภาชนนฺตเร วา, ยตฺถ รเชน โอกิรียตีติ อตฺโถ. สํกิลิฏฺตรา อสฺส มลคฺคหิตาติ เอตฺถ รชาปเถ นิกฺขิปเนน สํกิลิฏฺตรา, อปริโภคาปริโยทปเนหิ ¶ มลคฺคหิตตราติ วุตฺตํ โหติ, ปฏิปุจฺฉาวจนฺเจตํ. เตนสฺส เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ, อาวุโส, สา กํสปาติ เอวํ กรียมานา อปเรน กาเลน สํกิลิฏฺตรา จ มลคฺคหิตตรา จ มตฺติกปาตีติ วา กํสปาตีติ วา อิติปิ ทุชฺชานา ภเวยฺย นุ โข โนติ, เถโร ตํ ปฏิชานนฺโต อาห ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ปุน ธมฺมเสนาปติ โอปมฺมํ สมฺปฏิปาเทนฺโต, เอวเมว โขติอาทิมาห. ตตฺเถวํ โอปมฺมสํสนฺทนา เวทิตพฺพา – กิลิฏฺกํสปาติสทิโส สางฺคโณ ปุคฺคโล. สํกิลิฏฺกํสปาติยา นปริภฺุชนมาทึ กตฺวา รชาปถนิกฺเขโป วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปพฺพชฺชํ ลภมานสฺส เวชฺชกมฺมาทีสุ ปสุตปุคฺคลสนฺติเก ปพฺพชฺชาปฏิลาโภ. สํกิลิฏฺกํสปาติยา ปุน สํกิลิฏฺตรภาโว วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส อนุกฺกเมน อาจริยุปชฺฌายานํ อนุสิกฺขโต เวชฺชกมฺมาทิกรณํ, เอตฺถ ิตสฺส สางฺคณกาลกิริยา. อถ วา อนุกฺกเมน ทุกฺกฏทุพฺภาสิตวีติกฺกมนํ, เอตฺถ ิตสฺส สางฺคณกาลกิริยา. อถ วา อนุกฺกเมน ปาจิตฺติยถุลฺลจฺจยวีติกฺกมนํ, สงฺฆาทิเสสวีติกฺกมนํ, ปาราชิกวีติกฺกมนํ, มาตุฆาตาทิอานนฺตริยกรณํ, เอตฺถ ิตสฺส สางฺคณกาลกิริยาติ.
สํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสตีติ เอตฺถ จ อกุสลจิตฺเตน กาลํ กริสฺสตีติ น เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สพฺพสตฺตา หิ ปกติจิตฺเตน ภวงฺคจิตฺเตเนว กาลํ กโรนฺติ. อยํ ¶ ปน อวิโสเธตฺวา จิตฺตสนฺตานํ กาลํ กริสฺสตีติ เอตมตฺถํ สนฺธาย เอวํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ทุติยวาเร ¶ ปริโยทเปยฺยุนฺติ โธวนฆํสนสณฺหฉาริกาปริมชฺชนาทีหิ ปริสุทฺธํ อาทาสมณฺฑลสทิสํ กเรยฺยุํ. น จ นํ รชาปเถติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเร าเน อนิกฺขิปิตฺวา กรณฺฑมฺชูสาทีสุ วา เปยฺยุํ, ปลิเวเตฺวา วา นาคทนฺเต ลเคยฺยุํ. เสสํ วุตฺตนยานุสาเรเนว คเหตพฺพํ.
อุปมาสํสนฺทนา เจตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา – กิลิฏฺกํสปาติสทิโส สางฺคโณ ภพฺพปุคฺคโล. กิลิฏฺกํสปาติยา ปริภฺุชนมาทึ กตฺวา สุทฺธฏฺาเน ปนํ วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปพฺพชฺชํ ลภมานสฺส เปสลภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชฺชาปฏิลาโภ. เย โอวทนฺติ อนุสาสนฺติ อปฺปมตฺตกมฺปิ ปมาทํ ทิสฺวา ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา ปุนปฺปุนํ สิกฺขาเปนฺติ, สํกิลิฏฺกํสปาติยา อปรกาเล ¶ ปริสุทฺธปริโยทาตภาโว วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส อาจริยุปชฺฌายานํ อนุสิกฺขโต อนุกฺกเมน สมฺมาวตฺตปฏิปตฺติ, เอตฺถ ิตสฺส อนงฺคณกาลกิริยา. อถ วา อนุกฺกเมน ปริสุทฺเธ สีเล ปติฏฺาย อตฺตโน อนุรูปํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทาย อตฺตโน อนุกูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คามนฺตเสนาสนวาสํ มฺุจิตฺวา ปนฺตเสนาสนวาโส, เอตฺถ ิตสฺส อนงฺคณกาลกิริยา. อถ วา อนุกฺกเมน กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺสมาปตฺตินิพฺพตฺตเนน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, วิปสฺสนาปาทกชฺฌานา วุฏฺาย วิปสฺสนาย กิเลสานํ ตทงฺคนิวารณํ, โสตาปตฺติผลาธิคโม…เป… อรหตฺตสจฺฉิกิริยาติ เอตฺถ ิตสฺส อจฺจนฺตํ อนงฺคณกาลกิริยา เอว.
ตติยวาเร สุภนิมิตฺตนฺติ ราคฏฺานิยํ อิฏฺารมฺมณํ. มนสิ กริสฺสตีติ ตสฺมึ วิปนฺนสฺสติ ตํ นิมิตฺตํ อาวชฺชิสฺสติ. ตสฺส สุภนิมิตฺตสฺส มนสิการาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส สุภนิมิตฺตมนสิการการณา. อนุทฺธํเสสฺสตีติ หึสิสฺสติ อธิภวิสฺสติ. ราโค หิ อุปฺปชฺชนฺโต กุสลวารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา สยเมว อกุสลชวนํ หุตฺวา ติฏฺนฺโต กุสลจิตฺตํ อนุทฺธํเสตีติ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยานุสาเรเนว คเหตพฺพํ.
โอปมฺมสํสนฺทนา ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา – ปริสุทฺธกํสปาติสทิโส ปกติยา ¶ อปฺปกิเลโส อนงฺคณปุคฺคโล. ปริสุทฺธกํสปาติยา นปริภฺุชนํ อาทึ กตฺวา รชาปเถ นิกฺเขโป วิย ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปพฺพชฺชํ ลภมานสฺสาติ อิโต ปรํ สพฺพํ ปมวารสทิสเมว.
จตุตฺถวาเร ¶ สุภนิมิตฺตํ น มนสิ กริสฺสตีติ ตสฺมึ สติวิรหาภาวโต ตํ นิมิตฺตํ นาวชฺชิสฺสติ, เสสํ ทุติยวารานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ‘‘อยํ โข, อาวุโส’’ติอาทิ ‘‘โก นุ โข, อาวุโส’’ติอาทิมฺหิ วุตฺตนยเมว.
๖๐. อิทานิ ตํ องฺคณํ นานปฺปการโต ปากฏํ การาเปตุกาเมนายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน ‘‘องฺคณํ องฺคณ’’นฺติอาทินา นเยน ปุฏฺโ ตํ พฺยากโรนฺโต ปาปกานํ โข เอตํ, อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถ อิจฺฉาวจรานนฺติ อิจฺฉาย อวจรานํ, อิจฺฉาวเสน โอติณฺณานํ ปวตฺตานํ นานปฺปการานํ โกปอปฺปจฺจยานนฺติ อตฺโถ. ยํ อิเธกจฺจสฺสาติ เยน อิเธกจฺจสฺส เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย, ตํ านํ ตํ การณํ วิชฺชติ อตฺถิ, อุปลพฺภตีติ ¶ วุตฺตํ โหติ. อาปนฺโน อสฺสนฺติ อาปนฺโน ภเวยฺยํ. น จ มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุนฺติ ภิกฺขู จ มํ น ชาเนยฺยุํ. กึ ปเนตฺถ านํ, ลาภตฺถิกตา. ลาภตฺถิโก หิ ภิกฺขุ ปกติยาปิ จ กตปฺุโ มนุสฺเสหิ สกฺกโต ครุกโต เอวํ จินฺเตติ ‘‘อาปตฺตึ อาปนฺนํ ภิกฺขุํ เถรา ตฺวา มชฺฌิมานํ อาโรเจนฺติ, เต นวกานํ, นวกา วิหาเร วิฆาสาทาทีนํ, เต โอวาทํ อาคตานํ ภิกฺขุนีนํ, เอวํ กเมน จตสฺโส ปริสา ชานนฺติ. เอวมสฺส ลาภนฺตราโย โหติ. อโห วตาหํ อาปตฺติฺจ วต อาปนฺโน อสฺสํ, น จ มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุ’’นฺติ.
ยํ ตํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุนฺติ เยน การเณน ตํ ภิกฺขุํ อฺเ ภิกฺขู ชาเนยฺยุํ, ตํ การณํ วิชฺชติ โข ปน อตฺถิเยว, โน นตฺถิ. เถรา หิ ตฺวา มชฺฌิมานํ อาโรเจนฺติ. เอวํ โส ปุพฺเพ วุตฺตนเยน จตูสุ ปริสาสุ ปากโฏ โหติ. เอวํ ปากโฏ จ อยสาภิภูโต คามสตมฺปิ ปวิสิตฺวา อุมฺมารสเตสุ าเนสุ อฺุฉิตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขมติ. ตโต ชานนฺติ มํ ภิกฺขู อาปตฺตึ อาปนฺโนติ เตหิ จมฺหิ เอวํ นาสิโตติ จินฺเตตฺวา, อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต โส อิมินา การเณน กุปิโต เจว โหติ โกธาภิภูโต อปฺปตีโต จ โทมนสฺสาภิภูโต.
โย เจว โข ¶ , อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย อุภยเมตํ องฺคณนฺติ, อาวุโส, โย จายํ สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิโต โกโป, โย จ เวทนากฺขนฺธสงฺคหิโต อปฺปจฺจโย, เอตํ อุภยํ องฺคณนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อิทฺจ ตาทิสานํ ปุคฺคลานํ วเสน วุตฺตํ. โลโภ ปน อิมสฺส องฺคณสฺส ปุพฺพภาควเสน, โมโห สมฺปโยควเสนาปิ คหิโตเยว โหติ.
อนุรโห ¶ มนฺติ ปุริมสทิสเมว ภิกฺขุํ คเหตฺวา วิหารปจฺจนฺเต เสนาสนํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ ถเกตฺวา โจเทนฺเต อิจฺฉติ. านํ โข ปเนตนฺติ เอตํ การณํ วิชฺชติ, ยํ ตํ ภิกฺขุํ จตุปริสมชฺเฌ อาเนตฺวา พฺยตฺตา วินีตา ‘‘ตยา อสุกมฺหิ นาม าเน เวชฺชกมฺมํ กต’’นฺติอาทินา นเยน โจเทยฺยุํ. โส จตูสุ ปริสาสุ ปากโฏ โหติ. เอวํ ปากโฏ จ อยสาภิภูโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.
สปฺปฏิปุคฺคโลติ ¶ สมาโน ปุคฺคโล. สมาโนติ สาปตฺติโก. ปฏิปุคฺคโลติ โจทโก. อยํ สาปตฺติเกเนว โจทนํ อิจฺฉติ, ตฺวมฺปิ อิมฺจิมฺจ อาปตฺตึ อาปนฺโน, ตํ ตาว ปฏิกโรหิ ปจฺฉา มํ โจเทสฺสสีติ วตฺตุํ สกฺกาติ มฺมาโน. อปิจ ชาติอาทีหิปิ สมาโน ปุคฺคโล สปฺปฏิปุคฺคโล. อยฺหิ อตฺตโน ชาติยา กุเลน พาหุสจฺเจน พฺยตฺตตาย ธุตงฺเคนาติ เอวมาทีหิปิ สมาเนเนว โจทนํ อิจฺฉติ, ตาทิเสน วุตฺตํ นาติทุกฺขํ โหตีติ มฺมาโน. อปฺปฏิปุคฺคโลติ เอตฺถ อยุตฺโต ปฏิปุคฺคโล อปฺปฏิปุคฺคโล. อิเมหิ อาปตฺตาทีหิ อสทิสตฺตา ปฏิสตฺตุ ปฏิสลฺโล โจทโก ภวิตุํ อยุตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. อิติ โส กุปิโตติ อิติ โส อิมาย อปฺปฏิปุคฺคลโจทนาย เอวํ กุปิโต โหติ.
จตุตฺถวาเร อโห วตาติ ‘‘อโห วต เร อมฺหากํ ปณฺฑิตกา, อโห วต เร อมฺหากํ พหุสฺสุตกา เตวิชฺชกา’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๙๑) ครหายํ ทิสฺสติ. ‘‘อโห วต มํ ทหรํเยว สมานํ รชฺเช อภิสิฺเจยฺยุ’’นฺติ (มหาว. ๕๗) ปตฺถนายํ. อิธ ปตฺถนายเมว. ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวาติ ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉิตฺวา. อยํ ภิกฺขุ ลาภตฺถิโก ภควโต อตฺตานํ ปฏิปุจฺฉิตพฺพํ อิจฺฉติ, ตฺจ โข อนุมติปุจฺฉาย, โน มคฺคํ วา ผลํ วา วิปสฺสนํ วา อนฺตรํ กตฺวา. อยฺหิ ปสฺสติ ภควนฺตํ สาริปุตฺตาทโย มหาเถเร ‘‘ตํ กึ มฺสิ, สาริปุตฺต, โมคฺคลฺลาน, กสฺสป ¶ , ราหุล จกฺขุํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ เอวํ ปริสมชฺเฌ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตํ, มนุสฺเส จ ‘‘เตส ปณฺฑิตา เถรา สตฺถุ จิตฺตํ อาราเธนฺตี’’ติ วณฺณํ ภณนฺเต, ลาภสกฺการฺจ อุปหรนฺเต. ตสฺมา ตํ ลาภสกฺการํ อิจฺฉนฺโต เอวํ จินฺเตตฺวา นิขณิตฺวา ปิตขาณุ วิย ภควโต ปุรโตว โหติ.
อิติ โส กุปิโตติ อถ ภควา ตํ อมนสิกริตฺวาว อฺํ เถรํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ เทเสติ ¶ , เตน โส กุปิโต โหติ ภควโต จ เถรสฺส จ. กถํ ภควโต กุปฺปติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิตกาลโต ปภุติ คนฺธกุฏิปริเวณโต พหินิกฺขมนํ น ชานามิ, สพฺพกาลํ ฉายาว น วิชหามิ, มํ นาม ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมเทสนามตฺตมฺปิ นตฺถิ. ตํมุหุตฺตํ ทิฏฺมตฺตกเมว เถรํ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมํ เทเสตี’’ติ เอวํ ภควโต กุปฺปติ. กถํ เถรสฺส กุปฺปติ? ‘‘อยํ มหลฺลกตฺเถโร ภควโต ปุรโต ขาณุ ¶ วิย นิสีทติ, กทา นุ โข อิมํ ธมฺมกมฺมิกา อภพฺพฏฺานํ ปาเปตฺวา นีหริสฺสนฺติ, อยฺหิ ยทิ อิมสฺมึ วิหาเร น ภเวยฺย, อวสฺสํ ภควา มยา สทฺธึ สลฺลเปยฺยา’’ติ เอวํ เถรสฺส กุปฺปติ.
ปุรกฺขตฺวา ปุรกฺขตฺวาติ ปุรโต ปุรโต กตฺวา, สมฺปริวาเรตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อยมฺปิ ลาภตฺถิโกเยว, อยฺหิ ปสฺสติ พหุสฺสุเต ภิกฺขู มหาปริวาเรน คามํ ปวิสนฺเต, เจติยํ วนฺทนฺเต, เตสฺจ ตํ สมฺปตฺตึ ทิสฺวา อุปาสเก ปสนฺเน ปสนฺนาการํ กโรนฺเต. ตสฺมา เอวํ อิจฺฉติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ ภิกฺขูนํ เถรสฺส จ. กถํ ภิกฺขูนํ? ‘‘อิเม ยเทว มยฺหํ อุปฺปชฺชติ จีวรํ วา ปิณฺฑปาโต วา, ตํ คเหตฺวา ปริภฺุชนฺติ, มยฺหํ ปน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ปิฏฺิโต อาคจฺฉนฺโตปิ นตฺถี’’ติ เอวํ ภิกฺขูนํ กุปฺปติ. กถํ เถรสฺส? ‘‘เอโส มหลฺลกตฺเถโร เตสุ เตสุ าเนสุ สยเมว ปฺายติ, กุทาสฺสุ นาม นํ ธมฺมกมฺมิกา นิกฺกฑฺฒิสฺสนฺติ, อิมสฺมึ อสติ อวสฺสํ มํเยว ปริวาเรสฺสนฺตี’’ติ.
ภตฺตคฺเคติ โภชนฏฺาเน. อคฺคาสนนฺติ สงฺฆตฺเถราสนํ. อคฺโคทกนฺติ ทกฺขิโณทกํ. อคฺคปิณฺฑนฺติ สงฺฆตฺเถรปิณฺฑํ. สพฺพตฺถ วา อคฺคนฺติ ปณีตาธิวจนเมตํ. ตตฺถ อหเมว ลเภยฺยนฺติ อิจฺฉา นาติมหาสาวชฺชา. น อฺโ ภิกฺขุ ลเภยฺยาติ ปน อติมหาสาวชฺชา ¶ . อยมฺปิ ลาภตฺถิโก ปาสาทิโก โหติ จีวรธารณาทีหิ, กทาจิ ปพฺพชติ, กทาจิ วิพฺภมติ. เตน โส ปุพฺเพ ลทฺธปุพฺพํ อาสนาทึ ปจฺฉา อลภนฺโต เอวํ จินฺเตสิ. น โส ภิกฺขุ ลเภยฺยาติ น โส ภิกฺขุ เถรานํ อคฺคาสนาทีสุ ตทนุสาเรน มชฺฌิมานํ อฺเสฺจ นวานํ กทาจิ ยํ วา ตํ วา สพฺพนิหีนํ อาสนาทึ ลภติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ มนุสฺสานฺจ เถรานฺจ. กถํ มนุสฺสานํ? ‘‘อิเม มงฺคลาทีสุ มํ นิสฺสาย ภิกฺขู ลภนฺติ, เอเต, ‘ภนฺเต, เอตฺตเก ภิกฺขู คเหตฺวา อมฺหากํ อนุกมฺปํ กโรถา’ติ วทนฺติ, อิทานิ ตํมุหุตฺตํ ทิฏฺมตฺตกํ มหลฺลกตฺเถรํ คเหตฺวา คตา, โหตุ อิทานิ, เนสํ กิจฺเจ อุปฺปนฺเน ชานิสฺสามี’’ติ เอวํ ¶ มนุสฺสานํ กุปฺปติ. กถํ เถรานํ? ‘‘อิเม นาม ยทิ น ภเวยฺยุํ, มํเยว มนุสฺสา นิมนฺเตยฺยุ’’นฺติ เอวํ เถรานํ กุปฺปติ.
อนุโมเทยฺยนฺติ ¶ อนุโมทนํ กเรยฺยํ. อยมฺปิ ลาภตฺถิโก ยํ วา ตํ วา ขณฺฑานุโมทนํ ชานาติ, ‘‘โส อนุโมทนฏฺาเน พหู มาตุคามา อาคจฺฉนฺติ, ตา มํ สฺชานิตฺวา ตโต ปภุติ ถาลกภิกฺขํ ทสฺสนฺตี’’ติ ปตฺเถนฺโต เอวํ จินฺเตสิ. านนฺติ พหุสฺสุตานํ อนุโมทนา ภาโร, เตน พหุสฺสุโต อนุโมเทยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ตีสุ าเนสุ กุปฺปติ มนุสฺสานํ เถรสฺส ธมฺมกถิกสฺส จ. กถํ มนุสฺสานํ? ‘‘อิเม ปุพฺเพ มํเยว อุปสงฺกมิตฺวา ยาจนฺติ ‘อมฺหากํ นาคตฺเถโร อมฺหากํ สุมนตฺเถโร อนุโมทตู’ติ, อชฺช ปน นาโวจุ’’นฺติ เอวํ มนุสฺสานํ กุปฺปติ. กถํ เถรสฺส? ‘‘อยํ สงฺฆตฺเถโร ‘ตุมฺหากํ กุลุปกํ นาคตฺเถรํ สุมนตฺเถรํ อุปสงฺกมถ, อยํ อนุโมทิสฺสตี’ติ น ภณตี’’ติ เอวํ เถรสฺส กุปฺปติ. กถํ ธมฺมกถิกสฺส? ‘‘เถเรน วุตฺตมตฺเตเยว ปหารํ ลทฺธกุกฺกุโฏ วิย ตุริตตุริตํ วสฺสติ, อิมํ นาม นิกฺกฑฺฒนฺตา นตฺถิ, อิมสฺมิฺหิ อสติ อหเมว อนุโมเทยฺย’’นฺติ เอวํ ธมฺมกถิกสฺส กุปฺปติ.
อารามคตานนฺติ วิหาเร สนฺนิปติตานํ. อยมฺปิ ลาภตฺถิโก ยํ วา ตํ วา ขณฺฑธมฺมกถํ ชานาติ, โส ปสฺสติ ตาทิเสสุ าเนสุ ทฺวิโยชนติโยชนโต สนฺนิปติตฺวา ภิกฺขู สพฺพรตฺติกานิ ธมฺมสฺสวนานิ สุณนฺเต, ตุฏฺจิตฺเต ¶ จ ทหเร วา สามเณเร วา สาธุ สาธูติ มหาสทฺเทน สาธุการํ เทนฺเต, ตโต ทุติยทิวเส อนฺโตคามคเต ภิกฺขู อุปาสกา ปุจฺฉนฺติ ‘‘เก, ภนฺเต, ธมฺมํ กเถสุ’’นฺติ. เต ภณนฺติ ‘‘อสุโก จ อสุโก จา’’ติ. ตํ สุตฺวา ปสนฺนา มนุสฺสา ธมฺมกถิกานํ มหาสกฺการํ กโรนฺติ. โส ตํ อิจฺฉมาโน เอวํ จินฺเตสิ. านนฺติ พหุสฺสุตานํ วินิจฺฉยกุสลานํ ธมฺมเทสนา ภาโร, เตน พหุสฺสุโต เทเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กุปิโตติ จตุปฺปทิกํ คาถมฺปิ วตฺตุํ โอกาสํ อลภมาโน กุปิโต โหติ อตฺตโน มนฺทภาวสฺส ‘‘อหฺหิ มนฺโท ทุปฺปฺโ กุโต ลภิสฺสามิ เทเสตุ’’นฺติ.
ภิกฺขุนีนนฺติ โอวาทตฺถํ วา อุทฺเทสตฺถํ วา ปริปุจฺฉตฺถํ วา ปูชากรณตฺถํ วา อารามํ อาคนฺตฺวา สนฺนิปติตภิกฺขุนีนํ. อยมฺปิ ลาภตฺถิโก, ตสฺเสวํ โหติ อิมา มหากุลา ปพฺพชิตา ภิกฺขุนิโย, ตาสุ กุเลสุ ปวิเสตฺวา นิสินฺนาสุ มนุสฺสา ปุจฺฉิสฺสนฺติ ‘‘กสฺส สนฺติเก ¶ โอวาทํ วา อุทฺเทสํ วา ปริปุจฺฉํ วา คณฺหถา’’ติ. ตโต วกฺขนฺติ ‘‘อสุโก นาม อยฺโย ¶ พหุสฺสุโต, ตสฺส เทถ กโรถา’’ติ, เตนสฺส เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ. านนฺติ โอวาทาทโย นาม พหุสฺสุตานํ ภาโร, เตน พหุสฺสุโต เทเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ, ตาสฺจ ภิกฺขุนีนํ ‘‘อิมา ปุพฺเพ มํ นิสฺสาย อุโปสถปฺปวารณาทีนิ ลภนฺติ, ตา อิทานิ ตํมุหุตฺตํ ทิฏฺมตฺตกมหลฺลกตฺเถรสฺส สนฺติกํ คตา’’ติ. ธมฺมกถิกสฺส จ ‘‘เอส อิมาสํ สหสา โอวาทํ อทาสิเยวา’’ติ.
อุปาสกานนฺติ, อารามคตานํ อุปาสกานํ. นิสฺสฏฺกมฺมนฺตา นาม มหาอุปาสกา โหนฺติ, เต ปุตฺตภาตุกานํ กมฺมํ นิยฺยาเตตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตา วิจรนฺติ, อยํ เตสํ เทเสตุํ อิจฺฉติ, กึ การณา? อิเม ปสีทิตฺวา อุปาสิกานมฺปิ อาโรเจสฺสนฺติ, ตโต สทฺธึ อุปาสิกาหิ มยฺหเมว ลาภสกฺการํ อุปหริสฺสนฺตีติ. านํ พหุสฺสุเตเนว โยเชตพฺพํ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ, อุปาสกานฺจ ‘‘อิเม อฺตฺถ สุณนฺติ, อมฺหากํ กุลุปกสฺส สนฺติเก สุณามาติ นาคจฺฉนฺติ, โหตุ อิทานิ, เตสํ อุปฺปนฺเน กิจฺเจ ชานิสฺสามี’’ติ ธมฺมกถิกสฺส จ, ‘‘อยเมเตสํ เทเสตี’’ติ.
อุปาสิกานนฺติ ¶ อารามคตานํ. อุปาสิกา นาม อาสนปูชาทิกรณตฺถํ วา อุโปสถทิวเส วา ธมฺมสฺสวนตฺถํ สนฺนิปติตา. เสสํ อุปาสกวาเร วุตฺตนยเมว.
สกฺกเรยฺยุนฺติ สกฺกจฺจฺจ กเรยฺยุํ, สุนฺทรฺจ กเรยฺยุํ. อิมินา อตฺตนิ การํ กรียมานํ สกฺกจฺจํ กตฺจ สุนฺทรฺจ ปตฺเถติ. ครุํ กเรยฺยุนฺติ ภาริยํ กเรยฺยุํ. อิมินา ภิกฺขูหิ อตฺตานํ ครุฏฺาเน ปียมานํ ปตฺเถติ. มาเนยฺยุนฺติ ปิยาเยยฺยุํ. ปูเชยฺยุนฺติ เอวํ สกฺกโรนฺตา ครุํ กโรนฺตา มาเนนฺตา ปจฺจเยหิ ปูเชยฺยุนฺติ ปจฺจยปูชํ ปตฺเถติ. านนฺติ ‘‘ปิโย ครุ ภาวนิโย’’ติ วุตฺตปฺปกาโร พหุสฺสุโต จ สีลวา จ เอตํ วิธึ อรหติ เตน ภิกฺขู เอวรูปํ เอวํ กเรยฺยุนฺติ วุตฺตํ โหติ. กุปิโตติ อยมฺปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ ภิกฺขูนฺจ ‘‘อิเม เอตํ สกฺกโรนฺตี’’ติ เถรสฺส จ ‘‘อิมสฺมึ อสติ มํเยว สกฺกเรยฺยุ’’นฺติ. เอส นโย อิโต ปเรสุ ตีสุ วาเรสุ.
ปณีตานํ ¶ ¶ จีวรานนฺติ ปฏฺฏทุกูลปฏฺฏุณฺณโกเสยฺยาทีนํ มหคฺฆสุขุมสุขสมฺผสฺสานํ จีวรานํ. อิธาปิ อหเมว ลาภี อสฺสนฺติ อิจฺฉา นาติมหาสาวชฺชา. น อฺโ ภิกฺขุ ลาภี อสฺสาติ ปน มหาสาวชฺชา.
ปณีตานํ ปิณฺฑปาตานนฺติ สปฺปิเตลมธุสกฺกราทิปูริตานํ เสฏฺปิณฺฑปาตานํ. ปณีตานํ เสนาสนานนฺติ อเนกสตสหสฺสคฺฆนกานํ มฺจปีาทีนํ ปณีตานํ. คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานนฺติ สปฺปิเตลมธุผาณิตาทีนํ อุตฺตมเภสชฺชานํ. สพฺพตฺถาปิ านํ พหุสฺสุเตหิ ปฺุวนฺเตหิ จ โยเชตพฺพํ. กุปิโตติ สพฺพตฺถาปิ ทฺวีสุ าเนสุ กุปฺปติ, มนุสฺสานฺจ ‘‘อิเมสํ นาม ปริจิตภาโวปิ นตฺถิ, ทีฆรตฺตํ เอกโต วสนฺตสฺส ปํสุกูลตฺถาย วา ปิณฺฑปาตตฺถาย วา สปฺปิเตลาทิการณา วา ฆรปฏิปาฏิยา จรนฺตสฺสาปิ เม เอกทิวสมฺปิ กิฺจิ ปณีตํ ปจฺจยํ น เทนฺติ. อาคนฺตุกํ มหลฺลกํ ปน ทิสฺวาว ยํ อิจฺฉติ, ตํ เทนฺตี’’ติ, เถรสฺส จ ‘‘อยมฺปิ มหลฺลโก อิเมสํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโตเยว จรติ, กุทาสฺสุ นาม นํ ธมฺมกมฺมิกา นิกฺกฑฺเฒยฺยุํ, เอวํ อิมสฺมึ อสติ อหเมว ลาภี อสฺส’’นฺติ.
อิเมสํ โข, เอตํ อาวุโสติ อิเมสํ เหฏฺา เอกูนวีสติวาเรหิ วุตฺตานํ อิจฺฉาวจรานํ.
๖๑. ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จาติ ¶ น อิจฺฉาวจรา จกฺขุนา ทิสฺสนฺติ, น โสเตน สูยนฺติ, มโนวิฺาณวิสยตฺตา. อปฺปหีนอิจฺฉาวจรสฺส ปน ปุคฺคลสฺส อิจฺฉาวจรวเสน ปวตฺตกายกมฺมํ ทิสฺวา ทิฏฺา วิย วจีกมฺมํ สุตฺวา สุตา วิย จ โหนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จา’’ติ. ปจฺจกฺขกาเล ทิสฺสนฺติ, ‘‘อสุโก กิร ภิกฺขุ อีทิโส’’ติ ติโรกฺขกาเล สูยนฺติ. กิฺจาปีติ อนุคฺคหครหวจนํ. เตน อารฺิกตฺตํ อนุคฺคณฺหาติ, อิจฺฉาวจรานํ อปฺปหานํ ครหติ.
ตตฺรายํ โยชนา, กิฺจาปิ โส ภิกฺขุ คามนฺตเสนาสนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อารฺิโก โหติ, อนฺเต ปนฺตเสนาสเน วสติ, อิเม จสฺส เอตฺตกา อิจฺฉาวจรา อปฺปหีนา. กิฺจาปิ โส อติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปิณฺฑปาติโก ¶ โหติ. กิฺจาปิ โส โลลุปฺปจารํ วชฺเชตฺวา สปทานจารี โหติ. กิฺจาปิ โส คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปํสุกูลิโก โหติ.
ลูขจีวรธโรติ ¶ เอตฺถ ปน ลูขนฺติ สตฺถลูขํ สุตฺตลูขํ รชนลูขนฺติ ตีหิ การเณหิ ลูขํ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สตฺเถน ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺนํ สตฺถลูขํ นาม, ตํ อคฺเฆน ปริหายติ, ถูลทีฆสุตฺตเกน สิพฺพิตํ สุตฺตลูขํ นาม, ตํ ผสฺเสน ปริหายติ ขรสมฺผสฺสํ โหติ. รชเนน รตฺตํ รชนลูขํ นาม, ตํ วณฺเณน ปริหายติ ทุพฺพณฺณํ โหติ. กิฺจาปิ โส ภิกฺขุ เอวํ สตฺถลูขสุตฺตลูขรชนลูขจีวรธโร โหติ, อิเม จสฺส เอตฺตกา อิจฺฉาวจรา อปฺปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จ, อถ โข นํ วิฺู สพฺรหฺมจารี เนว สกฺกโรนฺติ…เป… น ปูเชนฺตีติ. ตํ กิสฺส เหตูติ เอตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, กิสฺส เหตูติ กึ การณา. เต หิ ตสฺส…เป… สูยนฺติ จ ยสฺมา ตสฺส เต ปาปกา สูยนฺติ จาติ วุตฺตํ โหติ. อิเมสํ อิจฺฉาวจรานํ อปฺปหีนตฺตาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
อิทานิ ตมตฺถํ อุปมาย ปากฏํ กโรนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห. ตตฺถ กุณปนฺติ มตกเฬวรํ. อหิสฺส กุณปํ อหิกุณปํ. เอวํ อิตรานิ. อติปฏิกูลชิคุจฺฉนียภาวโต เจตฺถ อิมาเนว ตีณิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. อฺเสฺหิ สสสูกราทีนํ กุณปํ มนุสฺสา กฏุกภณฺฑาทีหิ อภิสงฺขริตฺวา ปริภฺุชนฺติปิ. อิเมสํ ปน กุณปํ อภินวมฺปิ ชิคุจฺฉนฺติเยว, โก ปน วาโท กาลาติกฺกเมน ปูติภูเต. รจยิตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา, ปริปูเรตฺวาติ อตฺโถ, กุณปํ คเหตฺวา กํสปาติยํ ปกฺขิปิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อฺิสฺสาติ อปราย. ปฏิกุชฺชิตฺวาติ ปิทหิตฺวา ¶ . อนฺตราปณนฺติ อาปณานมนฺตเร มหาชนสํกิณฺณํ รจฺฉามุขํ. ปฏิปชฺเชยฺยุนฺติ คจฺเฉยฺยุํ. ชฺชฺํ วิยาติ โจกฺขโจกฺขํ วิย มนาปมนาปํ วิย. อปิจ วธุกาปณฺณาการํ วิยาติ วุตฺตํ โหติ. วธุกาติ ชเนตฺติ วุจฺจติ, ตสฺสา นียมานํ ปณฺณาการํ ชฺํ, อุภยตฺถาปิ อาทรวเสน วา ปสํสาวเสน วา ปุนรุตฺตํ. ‘‘ชฺชฺํ พฺยา’’ติปิ ปาโ.
อปาปุริตฺวาติ วิวริตฺวา. ตสฺส สห ทสฺสเนน อมนาปตา จ สณฺเหยฺยาติ ตสฺส กุณปสฺส ทสฺสเนน สเหว ตสฺส ชนสฺส อมนาปตา ¶ ติฏฺเยฺย. อมนาปตาติ จ ‘‘อมนาปมิท’’นฺติ อุปฺปนฺนจิตฺตเจตสิกานเมตํ อธิวจนํ. เอส นโย ปฏิกุลฺยเชคุจฺฉตาสุ. ชิฆจฺฉิตานมฺปีติ ฉาตานมฺปิ. น โภตฺตุกมฺยตา อสฺสาติ ภฺุชิตุกามตา น ภเวยฺย. ปเคว สุหิตานนฺติ ธาตานํ ปน ปมตรเมว ภฺุชิตุกามตา น ภเวยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺรายํ ¶ อุปมาสํสนฺทนา – ปริสุทฺธกํสปาติสทิสํ อิมสฺส ปพฺพชฺชาลิงฺคํ, กุณปรจนํ วิย อิจฺฉาวจรานํ อปฺปหานํ, อปรกํสปาติยา ปฏิกุชฺฌนํ วิย อารฺิกงฺคาทีหิ อิจฺฉาวจรปฺปฏิจฺฉาทนํ, กํสปาตึ วิวริตฺวา กุณปทสฺสเนน ชนสฺส อมนาปตา วิย อารฺิกงฺคาทีนิ อนาทิยิตฺวา อิจฺฉาวจรทสฺสเนน สพฺรหฺมจารีนํ อสกฺการกรณาทิตาติ.
๖๒. สุกฺกปกฺเข ปน, กิฺจาปีติ อนุคฺคหปสํสาวจนํ, เตน อารฺิกตฺตํ อนุคฺคณฺหาติ, อิจฺฉาวจรปฺปหานํ ปสํสติ. เนมนฺตนิโกติ นิมนฺตนปฏิคฺคาหโก. วิจิตกาฬกนฺติ วิจินิตฺวา อปนีตกาฬกํ. อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนนฺติ เอตฺถ สูโป นาม หตฺถหาริโย วุจฺจติ. พฺยฺชนนฺติ อุตฺตริภงฺคํ, เตน มจฺฉมํสมุคฺคสูปาทีหิ อเนกสูปํ, นานปฺปการมํสาทิพฺยฺชเนหิ อเนกพฺยฺชนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อุปมาสํสนฺทเน จ สาลิวรภตฺตรจนํ วิย อิจฺฉาวจรปฺปหานํ, อปรกํสปาติยา ปฏิกุชฺฌนํ วิย อปฺปิจฺฉตาสมุฏฺาเนหิ คามนฺตวิหาราทีหิ อิจฺฉาวจรปฺปหานปฺปฏิจฺฉาทกํ, กํสปาตึ วิวริตฺวา สาลิวรภตฺตทสฺสเนน ชนสฺส มนาปตา ¶ วิย คามนฺตวิหาราทีนิ อนาทิยิตฺวา อิจฺฉาวจรปฺปหานทสฺสเนน สพฺรหฺมจารีนํ สกฺการกรณาทิตา เวทิตพฺพา.
๖๓. อุปมา มํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ปฏิภาตีติ มยฺหํ, อาวุโส สาริปุตฺต, อุปมา อุปฏฺาติ. เอกํ อุปมํ วตฺตุกาโม อหนฺติ อธิปฺปาโย. ปฏิภาตุ ตนฺติ ตุยฺหํ ปฏิภาตุ อุปฏฺาตุ, วท ตฺวนฺติ อธิปฺปาโย. เอกมิทาหนฺติ เอตฺถ อิทาติ นิปาตมตฺตํ, เอกสฺมึ สมเย อหนฺติ วุตฺตํ โหติ, ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ. ราชคเห วิหรามิ คิริพฺพเชติ, ราชคหนฺติ ตสฺส นครสฺส นามํ. สมนฺตโต ปน คิริปริกฺเขเปน วโช วิย สณฺิตตฺตา คิริพฺพชนฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ นคเร วิหรามิ, ตํ นิสฺสาย อหํ ¶ วิหรามีติ วุตฺตํ โหติ. อถ ขฺวาหนฺติ อถ โข อหํ. เอตฺถ จ อถาติ อฺาธิการวจนารมฺเภ นิปาโต. โขติ ปทปูรณมตฺเต. ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ทิวสสฺส ปุพฺพภาคสมยํ. ปุพฺพณฺหสมเยติ อตฺโถ, ปุพฺพณฺเห วา สมยํ ปุพฺพณฺหสมยํ, ปุพฺพณฺเห เอกํ ขณนฺติ วุตฺตํ โหติ, เอวํ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ ลพฺภติ. นิวาเสตฺวาติ ปริทหิตฺวา, วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสเนตํ เวทิตพฺพํ. คามปฺปเวสนตฺถาย วา สณฺเปตฺวา นิวาสนวเสน, น หิ โส ตโต ปุพฺเพ อนิวตฺโถ อโหสิ.
ปตฺตจีวรมาทายาติ ¶ ปตฺตํ หตฺเถน จีวรํ กาเยน อาทิยิตฺวา. ปิณฺฑายาติ ปิณฺฑปาตตฺถาย. สมีตีติ ตสฺส นามํ. ยานการปุตฺโตติ รถการปุตฺโต. ปณฺฑุปุตฺโตติ ปณฺฑุสฺส ปุตฺโต. อาชีวโกติ นคฺคสมณโก. ปุราณยานการปุตฺโตติ โปราณยานการกุลสฺส ปุตฺโต. ปจฺจุปฏฺิโตติ อุปคนฺตฺวา ิโต. วงฺกํ นาม เอกโต กุฏิลํ. ชิมฺหํ นาม สปฺปคตมคฺคสทิสํ. โทสนฺติ เผคฺคุวิสมคณฺิกาทิ. ยถา ยถาติ กาลตฺเถ นิปาโต, ยทา ยทา ยสฺมึ ตสฺมึ กาเลติ วุตฺตํ โหติ. ตถา ตถาติ อยมฺปิ กาลตฺโถเยว, ตสฺมึ ตสฺมึ กาเลติ วุตฺตํ โหติ. โส อตฺตโน สุตฺตานุโลเมน จินฺเตสิ, อิตโร เตน จินฺติตกฺขเณ จินฺติตฏฺานเมว ตจฺฉติ. อตฺตมโนติ สกมโน ตุฏฺมโน ปีติโสมนสฺเสหิ คหิตมโน. อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสีติ อตฺตมนตาย วาจํ ¶ , อตฺตมนภาวสฺส วา ยุตฺตํ วาจํ นิจฺฉาเรสิ อุทีรยิ, ปพฺยาหรีติ วุตฺตํ โหติ. หทยา หทยํ มฺเ อฺายาติ จิตฺเตน จิตฺตํ ชานิตฺวา วิย.
อสฺสทฺธาติ พุทฺธธมฺมสงฺเฆสุ สทฺธาวิรหิตา. ชีวิกตฺถาติ อิณภยาทีหิ ปีฬิตา พหิ ชีวิตุํ อสกฺโกนฺตา อิธ ชีวิกตฺถิกา หุตฺวา. น สทฺธาติ น สทฺธาย. สา มายาวิโนติ มายาสาเยฺเยหิ ยุตฺตา. เกตพิโนติ สิกฺขิตเกราฏิกา, นิปฺผนฺนถามคตสาเยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. สาเยฺยฺหิ อภูตคุณทสฺสนโต อภูตภณฺฑคุณทสฺสนสมํ กตฺวา ‘‘เกราฏิย’’นฺติ วุจฺจติ. อุนฺนฬาติ อุคฺคตนฬา, อุฏฺิตตุจฺฉมานาติ วุตฺตํ โหติ ¶ . จปลาติ ปตฺตจีวรมณฺฑนาทินา จาปลฺเลน ยุตฺตา. มุขราติ มุขขรา, ขรวจนาติ วุตฺตํ โหติ, วิกิณฺณวาจาติ อสํยตวจนา, ทิวสมฺปิ นิรตฺถกวจนปฺปลาปิโน. อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวาราติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ อสํวุตกมฺมทฺวารา. โภชเน อมตฺตฺุโนติ โภชเน ยา มตฺตา ชานิตพฺพา ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภเคสุ ยุตฺตตา, ตสฺสา อชานนกา. ชาคริยํ อนนุยุตฺตาติ ชาคเร อนนุยุตฺตา. สามฺเ อนเปกฺขวนฺโตติ สมณธมฺเม นิรเปกฺขา, ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติรหิตาติ อตฺโถ. สิกฺขาย น ติพฺพคารวาติ สิกฺขาปเทสุ พหุลคารวา น โหนฺติ, อาปตฺติวีติกฺกมพหุลา วา. พาหุลิกาติอาทิ ธมฺมทายาเท วุตฺตํ, กุสีตาติอาทิ ภยเภรเว. ธมฺมปริยาเยนาติ ธมฺมเทสนาย.
สทฺธา อคารสฺมาติ ปกติยาปิ สทฺธา, ปพฺพชิตาปิ สทฺธาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา. ปิวนฺติ มฺเ ฆสนฺติ มฺเติ ปิวนฺติ วิย ฆสนฺติ วิย. อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรนฺตา วจสา ปิวนฺติ วิย, อพฺภนุโมทนฺตา มนสา ฆสนฺติ วิย. สาธุ วตาติ สุนฺทรํ วต ¶ . สพฺรหฺมจารีติ รสฺสมฺปิ วฏฺฏติ ทีฆมฺปิ. รสฺเส สติ สาริปุตฺตสฺส อุปริ โหติ, ทีเฆ สติ สพฺรหฺมจารีนํ. ยทา สาริปุตฺตสฺส อุปริ โหติ, ตทา สพฺรหฺมจารี สาริปุตฺโต อมฺเห อกุสลา วุฏฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. ยทา สพฺรหฺมจารีนํ, ตทา สพฺรหฺมจารโย อกุสลา วุฏฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. ทหโรติ ตรุโณ. ยุวาติ โยพฺพนภาเว ิโต. มณฺฑนกชาติโกติ ¶ อลงฺการกสภาโว. ตตฺถ โกจิ ตรุโณปิ ยุวา น โหติ ยถา อติตรุโณ, โกจิ ยุวาปิ มณฺฑนกชาติโก น โหติ ยถา อุปสนฺตสภาโว, อาลสิยพฺยสนาทีหิ วา อภิภูโต, อิธ ปน ทหโร เจว ยุวา จ มณฺฑนกชาติโก จ อธิปฺเปโต, ตสฺมา เอวมาห. อุปฺปลาทีนิ โลกสมฺมตตฺตา วุตฺตานิ. อิติห เตติ เอวํ เต. อุโภ มหานาคาติ ทฺเวปิ มหานาคา, ทฺเวปิ หิ เอเต อคฺคสาวกา ‘‘มหานาคา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ, ฉนฺทาทีหิ น คจฺฉนฺตีติ นาคา, เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส น อาคจฺฉนฺตีติ นาคา, นานปฺปการกํ อาคุํ น กโรนฺตีติ นาคา, อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๘๐) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อปิจ –
‘‘อาคุํ ¶ น กโรติ กิฺจิ โลเก,
สพฺพสํโยเค วิสชฺช พนฺธนานิ;
สพฺพตฺถ น สชฺชตี วิมุตฺโต,
นาโค ตาทิ ปวุจฺจเต ตถตฺตา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๒๗; มหานิ. ๘๐);
เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. มหนฺตา นาคา มหานาคา, อฺเหิ ขีณาสวนาเคหิ ปุชฺชตรา จ ปาสํสตรา จาติ อตฺโถ. อฺมฺสฺสาติ อฺโ อฺสฺส. สมนุโมทึสูติ สมํ อนุโมทึสุ. ตตฺถ อิมาย อุปมาย มหาโมคฺคลฺลาโน อนุโมทิ, ปฏิภาตุ ตํ อาวุโสติ ธมฺมเสนาปติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสู’’ติ.
สมฺมุติปรมตฺถเทสนากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
อนงฺคณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อากงฺเขยฺยสุตฺตวณฺณนา
๖๔. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ อากงฺเขยฺยสุตฺตํ. ตตฺถ สมฺปนฺนสีลาติ ติวิธํ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณสมงฺคิมธุรวเสน. ตตฺถ –
‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ภฺุชนฺติ โกสิย;
ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น นํ วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๑);
อิทํ ปริปุณฺณสมฺปนฺนํ นาม. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปาคโต สมุปาคโต อุปปนฺโน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อิทํ สมงฺคิสมฺปนฺนํ ¶ นาม. ‘‘อิมิสฺสา, ภนฺเต, มหาปถวิยา เหฏฺิมตลํ สมฺปนฺนํ, เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อเนฬกํ, เอวมสฺสาท’’นฺติ (ปารา. ๑๗) อิทํ มธุรสมฺปนฺนํ นาม. อิธ ปน ปริปุณฺณสมฺปนฺนมฺปิ สมงฺคิสมฺปนฺนมฺปิ วฏฺฏติ. ตสฺมา สมฺปนฺนสีลาติ ปริปุณฺณสีลา หุตฺวาติปิ สีลสมงฺคิโน หุตฺวาติปิ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิพฺโพ. สีลนฺติ เกนฏฺเน สีลํ? สีลนฏฺเน สีลํ. ตสฺส วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา.
ตตฺถ ¶ ‘‘ปริปุณฺณสีลา’’ติ อิมินา อตฺเถน เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูรี วิย สีลโทสวิคเมน สีลปาริปูรี วุตฺตา โหติ. ยถา หิ เขตฺตํ พีชขณฺฑํ วปฺปขณฺฑํ อุทกขณฺฑํ อูสขณฺฑนฺติ จตุโทสสมนฺนาคตํ อปริปูรํ โหติ.
ตตฺถ พีชขณฺฑํ นาม ยตฺถ อนฺตรนฺตรา พีชานิ ขณฺฑานิ วา ปูตีนิ วา โหนฺติ, ตานิ ยตฺถ วปนฺติ, ตตฺถ สสฺสํ น อุฏฺเติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ. วปฺปขณฺฑํ นาม ยตฺถ อกุสโล พีชานิ วปนฺโต อนฺตรนฺตรา นิปาเตติ. เอวฺหิ สพฺพตฺถ สสฺสํ น อุฏฺเติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ. อุทกขณฺฑํ นาม ยตฺถ กตฺถจิ อุทกํ อติพหุ วา น วา โหติ, ตตฺราปิ หิ สสฺสานิ น อุฏฺเนฺติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ. อูสขณฺฑํ นาม ยตฺถ กสฺสโก กิสฺมิฺจิ ปเทเส นงฺคเลน ¶ ภูมึ จตฺตาโร ปฺจ วาเร กสนฺโต อติคมฺภีรํ กโรติ, ตโต อูสํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺราปิ หิ สสฺสํ น อุฏฺเติ, เขตฺตํ ขณฺฑํ โหติ, ตาทิสฺจ เขตฺตํ น มหปฺผลํ โหติ น มหานิสํสํ, ตตฺราปิ หิ พหุมฺปิ วปิตฺวา อปฺปํ ลภติ. อิเมสํ ปน จตุนฺนํ โทสานํ วิคมา เขตฺตํ ปริปุณฺณํ โหติ. ตาทิสฺจ เขตฺตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. เอวเมว ขณฺฑํ ฉิทฺทํ สพลํ กมฺมาสนฺติ จตุโทสสมนฺนาคตํ สีลํ อปริปูรํ โหติ. ตาทิสฺจ สีลํ น มหปฺผลํ โหติ, น มหานิสํสํ. อิเมสํ ปน จตุนฺนํ โทสานํ วิคมา สีลเขตฺตํ ปริปุณฺณํ โหติ, ตาทิสฺจ สีลํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ.
‘‘สีลสมงฺคิโน’’ติ อิมินา ปนตฺเถน สีเลน สมงฺคิภูตา สโมธานํ คตา สมนฺนาคตา หุตฺวา วิหรถาติ อิทเมว วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ สมฺปนฺนสีลตา โหติ สีลวิปตฺติยา จ อาทีนวทสฺสเนน สีลสมฺปตฺติยา ¶ จ อานิสํสทสฺสเนน. ตทุภยมฺปิ วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตํ.
ตตฺถ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอตฺตาวตา กิร ภควา จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’’ติ อิมินา ตตฺถ เชฏฺกสีลํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสสีติ ทีปวิหารวาสี สุมนตฺเถโร อาห. อนฺเตวาสิโก ปนสฺส เตปิฏกจูฬนาคตฺเถโร อาห – อุภยตฺถาปิ ปาติโมกฺขสํวโร ภควตา วุตฺโต, ปาติโมกฺขสํวโรเยว หิ สีลํ. อิตรานิ ปน ตีณิ สีลนฺติ วุตฺตฏฺานํ นาม อตฺถีติ อนนุชานนฺโต วตฺวา อาห ¶ – ‘‘อินฺทฺริยสํวโร นาม ฉทฺวารรกฺขามตฺตกเมว, อาชีวปาริสุทฺธิ ธมฺเมน สเมน ปจฺจยุปฺปตฺติมตฺตกํ, ปจฺจยนิสฺสิตํ ปฏิลทฺธปจฺจเย อิทมตฺถนฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภฺุชนมตฺตกํ. นิปฺปริยาเยน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ. ยสฺส โส ภินฺโน, อยํ ฉินฺนสีโส วิย ปุริโส หตฺถปาเท เสสานิ รกฺขิสฺสตีติ น วตฺตพฺโพ. ยสฺส ปน โส อโรโค, อยํ อจฺฉินฺนสีโส วิย ปุริโส ชีวิตํ เสสานิ ปุน ปากติกานิ กตฺวา รกฺขิตุํ สกฺโกติ. ตสฺมา ‘สมฺปนฺนสีลา’ติ อิมินา ปาติโมกฺขสํวรํ อุทฺทิสิตฺวา ‘สมฺปนฺนปาติโมกฺขา’ติ ตสฺเสว เววจนํ วตฺวา ตํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’ติอาทิมาหา’’ติ.
ตตฺถ ปาติโมกฺขสํวรสํวุตาติ ปาติโมกฺขสํวเรน สมนฺนาคตา. อาจารโคจรสมฺปนฺนาติ อาจาเรน ¶ จ โคจเรน จ สมฺปนฺนา. อณุมตฺเตสูติ อปฺปมตฺตเกสุ. วชฺเชสูติ อกุสลธมฺเมสุ. ภยทสฺสาวีติ ภยทสฺสิโน. สมาทายาติ สมฺมา อาทิยิตฺวา. สิกฺขถ สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขาปเทสุ ตํ ตํ สิกฺขาปทํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขถ. อปิจ สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิฺจิ สิกฺขาโกฏฺาเสสุ สิกฺขิตพฺพํ กายิกํ วาจสิกฺจ, ตํ สพฺพํ สมาทาย สิกฺขถาติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน สพฺพาเนตานิ ปาติโมกฺขสํวราทีนิ ปทานิ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตานิ.
๖๕. อากงฺเขยฺย เจติ อิทํ กสฺมา อารทฺธํ? สีลานิสํสทสฺสนตฺถํ. สเจปิ อจิรปพฺพชิตานํ วา ทุปฺปฺานํ ¶ วา เอวมสฺส ‘‘ภควา สีลํ ปูเรถาติ วทติ, โก นุ โข สีลปูรเณ อานิสํโส, โก วิเสโส, กา วฑฺฒี’’ติ? เตสํ สตฺตรส อานิสํเส ทสฺเสตุํ เอวมาห. อปฺเปว นาม เอตํ สพฺรหฺมจารีนํ ปิยมนาปตาทิอาสวกฺขยปริโยสานํ อานิสํสํ สุตฺวาปิ สีลํ ปริปูเรยฺยุนฺติ. วิสกณฺฏกวาณิโช วิย. วิสกณฺฏกวาณิโช นาม คุฬวาณิโช วุจฺจติ.
โส กิร คุฬผาณิตขณฺฑสกฺขราทีนิ สกเฏนาทาย ปจฺจนฺตคามํ คนฺตฺวา ‘‘วิสกณฺฏกํ คณฺหถ, วิสกณฺฏกํ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆเสสิ. ตํ สุตฺวา คามิกา ‘‘วิสํ นาม กกฺขฬํ, โย นํ ขาทติ, โส มรติ, กณฺฏกมฺปิ วิชฺฌิตฺวา มาเรติ, อุโภเปเต กกฺขฬา, โก เอตฺถ อานิสํโส’’ติ เคหทฺวารานิ ถเกสุํ, ทารเก จ ปลาเปสุํ. ตํ ทิสฺวา วาณิโช ¶ ‘‘อโวหารกุสลา อิเม คามิกา, หนฺท เน อุปาเยน คณฺหาเปมี’’ติ ‘‘อติมธุรํ คณฺหถ, อติสาทุํ คณฺหถ, คุฬํ ผาณิตํ สกฺขรํ สมคฺฆํ ลพฺภติ, กูฏมาสกกูฏกหาปณาทีหิปิ ลพฺภตี’’ติ อุคฺโฆเสสิ. ตํ สุตฺวา คามิกา หฏฺตุฏฺา อาคนฺตฺวา พหุมฺปิ มูลํ ทตฺวา คเหสุํ. ตตฺถ วาณิชสฺส ‘‘วิสกณฺฏกํ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆสนํ วิย ภควโต ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถ…เป… สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสู’’ติ วจนํ. ‘‘อุโภเปเต กกฺขฬา, โก เอตฺถ อานิสํโส’’ติ คามิกานํ จินฺตนํ วิย ภควา ‘‘สมฺปนฺนสีลา วิหรถา’’ติ อาห, ‘‘สีลฺจ นาเมตํ กกฺขฬํ ผรุสํ ขิฑฺฑาทิปจฺจนีกํ, โก นุ โข สมฺปนฺนสีลานํ อานิสํโส’’ติ ภิกฺขูนํ จินฺตนํ. อถ ตสฺส วาณิชสฺส ‘‘อติมธุรํ คณฺหถา’’ติอาทิวจนํ วิย ¶ ภควโต ปิยมนาปตาทิอาสวกฺขยปริโยสานํ สตฺตรสอานิสํสปฺปกาสนตฺถํ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ’’ติอาทิวจนํ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ อากงฺเขยฺย เจติ ยทิ อากงฺเขยฺย ยทิ อิจฺเฉยฺย. ปิโย จ อสฺสนฺติ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺโพ, สิเนหุปฺปตฺติยา ปทฏฺานภูโต ภเวยฺยนฺติ วุตฺตํ โหติ. มนาโปติ เตสํ มนวฑฺฒนโก, เตสํ วา มเนน ปตฺตพฺโพ, เมตฺตจิตฺเตน ผริตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. ครูติ เตสํ ครุฏฺานิโย ปาสาณจฺฉตฺตสทิโส. ภาวนีโยติ ‘‘อทฺธา อยมายสฺมา ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’’ติ เอวํ สมฺภาวนีโย. สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ จตุปาริสุทฺธิสีเลสุเยว ปริปูรการี อสฺส, อนูเนน ปริปูริตากาเรน สมนฺนาคโต ¶ ภเวยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโตติ อตฺตโน จิตฺตสมเถ ยุตฺโต, เอตฺถ หิ อชฺฌตฺตนฺติ วา อตฺตโนติ วา เอตํ เอกตฺถํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ภุมฺมตฺเถ ปเนตํ สมถนฺติ อุปโยควจนํ. อนูติ อิมินา อุปสคฺเคน โยเค สิทฺธํ. อนิรากตชฺฌาโนติ พหิ อนีหฏชฺฌาโน, อวินาสิตชฺฌาโน วา, นีหรณวินาสตฺถฺหิ อิทํ นิรากรณํ นาม. ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺตีติอาทีสุ จสฺส ปโยโค ทฏฺพฺโพ.
วิปสฺสนาย สมนฺนาคโตติ สตฺตวิธาย อนุปสฺสนาย ยุตฺโต, สตฺตวิธา อนุปสฺสนา นาม อนิจฺจานุปสฺสนา ทุกฺขานุปสฺสนา อนตฺตานุปสฺสนา นิพฺพิทานุปสฺสนา วิราคานุปสฺสนา นิโรธานุปสฺสนา ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนาติ. ตา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตา. พฺรูเหตา สฺุาคารานนฺติ วฑฺเฒตา ¶ สฺุาคารานํ, เอตฺถ จ สมถวิปสฺสนาวเสน กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา รตฺตินฺทิวํ สฺุาคารํ ปวิสิตฺวา นิสีทมาโน ภิกฺขุ ‘‘พฺรูเหตา สฺุาคาราน’’นฺติ เวทิตพฺโพ. เอกภูมกาทิปาสาเท กุรุมาโนปิ ปน เนว สฺุาคารานํ พฺรูเหตาติ ทฏฺพฺโพติ.
เอตฺตาวตา จ ยถา ตณฺหาวิจริตเทสนา ปมํ ตณฺหาวเสน อารทฺธาปิ ตณฺหาปทฏฺานตฺตา มานทิฏฺีนํ มานทิฏฺิโย โอสริตฺวา กเมน ปปฺจตฺตยเทสนา ชาตา, เอวมยํ เทสนา ปมํ อธิสีลสิกฺขาวเสน อารทฺธาปิ สีลปทฏฺานตฺตา สมถวิปสฺสนานํ สมถวิปสฺสนาโย โอสริตฺวา กเมน สิกฺขตฺตยเทสนา ชาตาติ เวทิตพฺพา.
เอตฺถ ¶ หิ ‘‘สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ เอตฺตาวตา อธิสีลสิกฺขา วุตฺตา. ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ เอตฺตาวตา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต’’ติ เอตฺตาวตา อธิปฺาสิกฺขา, ‘‘พฺรูเหตา สฺุาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน สมถวเสน สฺุาคารวฑฺฒเน อธิจิตฺตสิกฺขา, วิปสฺสนาวเสน อธิปฺาสิกฺขาติ เอวํ ทฺเวปิ สิกฺขา สงฺคเหตฺวา วุตฺตา. เอตฺถ จ ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน’’ติ อิเมหิ ปเทหิ สีลานุรกฺขิกา เอว จิตฺเตกคฺคตา กถิตา. ‘‘วิปสฺสนายา’’ติ อิมินา ปเทน สีลานุรกฺขิโก สงฺขารปริคฺคโห.
กถํ ¶ จิตฺเตกคฺคตา สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ จิตฺเตกคฺคตา นตฺถิ, โส พฺยาธิมฺหิ อุปฺปนฺเน วิหฺติ, โส พฺยาธิวิหโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต สีลํ วินาเสตฺวาปิ พฺยาธิวูปสมํ กตฺตา โหติ. ยสฺส ปน จิตฺเตกคฺคตา อตฺถิ, โส ตํ พฺยาธิทุกฺขํ วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, สมาปนฺนกฺขเณ ทุกฺขํ ทูราปกตํ โหติ, พลวตรสุขมุปฺปชฺชติ. เอวํ จิตฺเตกคฺคตา สีลํ อนุรกฺขติ.
กถํ สงฺขารปริคฺคโห สีลมนุรกฺขติ? ยสฺส หิ สงฺขารปริคฺคโห นตฺถิ, ตสฺส ‘‘มม รูปํ มม วิฺาณ’’นฺติ อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปตฺเตสุ สีลํ วินาเสตฺวาปิ อตฺตภาวํ โปเสตา โหติ. ยสฺส ปน สงฺขารปริคฺคโห อตฺถิ, ตสฺส อตฺตภาเว พลวมมตฺตํ วา สิเนโห วา น โหติ, โส ตถารูเปสุ ทุพฺภิกฺขพฺยาธิภยาทีสุ สมฺปตฺเตสุ สเจปิสฺส อนฺตานิ พหิ นิกฺขมนฺติ, สเจปิ ¶ อุสฺสุสฺสติ วิสุสฺสติ, ขณฺฑาขณฺฑิโก วา โหติ สตธาปิ สหสฺสธาปิ, เนว สีลํ วินาเสตฺวา อตฺตภาวํ โปเสตา โหติ. เอวํ สงฺขารปริคฺคโห สีลมนุรกฺขติ. ‘‘พฺรูเหตา สฺุาคาราน’’นฺติ อิมินา ปน ตสฺเสว อุภยสฺส พฺรูหนา วฑฺฒนา สาตจฺจกิริยา ทสฺสิตา.
เอวํ ภควา ยสฺมา ‘‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’’ติ อิเม จตฺตาโร ธมฺเม อากงฺขนฺเตน นตฺถฺํ กิฺจิ กาตพฺพํ, อฺทตฺถุ สีลาทิคุณสมนฺนาคเตน ภวิตพฺพํ, อิทิโส หิ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ ¶ , ธมฺมฏฺํ สจฺจวาทินํ;
อตฺตโน กมฺม กุพฺพานํ, ตํ ชโน กุรุเต ปิย’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑๗);
ตสฺมา ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จาติ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… สฺุาคาราน’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ยสฺมา ปจฺจยลาภาทึ ปตฺถยนฺเตนาปิ อิทเมว กรณียํ, น อฺํ กิฺจิ, ตสฺมา ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ลาภี อสฺส’’นฺติอาทิมาห. น เจตฺถ ภควา ลาภนิมิตฺตํ สีลาทิปริปูรณํ กเถตีติ เวทิตพฺโพ. ภควา หิ ฆาเสสนํ ¶ ฉินฺนกโถ น วาจํ ปยุตฺตํ ภเณติ, เอวํ สาวเก โอวทติ, โส กถํ ลาภนิมิตฺตํ สีลาทิปริปูรณํ กเถสฺสติ, ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน ปเนตํ วุตฺตํ. เยสฺหิ เอวํ อชฺฌาสโย ภเวยฺย ‘‘สเจ มยํ จตูหิ ปจฺจเยหิ น กิลเมยฺยาม, สีลาทึ ปูเรตุํ สกฺกุเณยฺยามา’’ติ, เตสํ อชฺฌาสยวเสน ภควา เอวมาห. อปิจ รสานิสํโส เอส สีลสฺส, ยทิทํ จตฺตาโร ปจฺจยา นาม. ตถา หิ ปณฺฑิตมนุสฺสา โกฏฺาทีสุ ปิตํ นีหริตฺวา ปุตฺตาทีนมฺปิ อทตฺวา อตฺตนาปิ อปริภฺุชิตฺวา สีลวนฺตานํ เทนฺตีติ สีลสฺส สรสานิสํสทสฺสนตฺถํ เปตํ วุตฺตํ.
ตติยวาเร เยสาหนฺติ เยสํ อหํ. เตสํ เต การาติ เตสํ เทวานํ วา มนุสฺสานํ วา เต มยิ กตา ปจฺจยทานการา. เทวาปิ หิ สีลาทิคุณยุตฺตานํ ปจฺจเย เทนฺติ, น เกวลํ มนุสฺสาเยว, สกฺโก วิย อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส. มหปฺผลา มหานิสํสาติ อุภยเมตํ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานํ. มหนฺตํ วา โลกิยสุขํ ผลนฺตีติ มหปฺผลา ¶ . มหโต โลกุตฺตรสุขสฺส จ ปจฺจยา โหนฺตีติ มหานิสํสา. สีลาทิคุณยุตฺตสฺส หิ กฏจฺฉุภิกฺขาปิ ปฺจรตนมตฺตาย ภูมิยา ปณฺณสาลาปิ กตฺวา ทินฺนา อเนกานิ กปฺปสหสฺสานิ ทุคฺคติวินิปาตโต รกฺขติ, ปริโยสาเน จ อมตาย ปรินิพฺพานธาตุยาปจฺจโย โหติ. ‘‘ขีโรทนํ อหมทาสิ’’นฺติอาทีนิ (วิ. ว. ๔๑๓) เจตฺถ วตฺถูนิ, สกลเมว วา เปตวตฺถุ วิมานวตฺถุ จ สาธกํ. ตสฺมา ปจฺจยทายเกหิ อตฺตนิ กตานํ การานํ มหปฺผลตํ อิจฺฉนฺเตนาปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
จตุตฺถวาเร าตีติ สสฺสุสสุรปกฺขิกา. สาโลหิตาติ เอกโลหิตสมฺพทฺธา ปีติปิตามหาทโย ¶ . เปตาติ เปจฺจภาวํ คตา. กาลงฺกตาติ มตา. เตสํ ตนฺติ เตสํ ตํ มยิ ปสนฺนจิตฺตตํ วา ปสนฺเนน จิตฺเตน อนุสฺสรณํ วา. ยสฺส หิ ภิกฺขุโน กาลงฺกโต ปิตา วา มาตา วา ‘‘อมฺหากํ าตโก เถโร สีลวา กลฺยาณธมฺโม’’ติ ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อนุสฺสรติ, ตสฺส โส จิตฺตปฺปสาโทปิ ตํ อนุสฺสรณมตฺตมฺปิ มหปฺผลํ มหานิสํสเมว โหติ, อเนกานิ กปฺปสตสหสฺสานิ ¶ ทุคฺคติโต วาเรตุํ อนฺเต จ อมตํ ปาเปตุํ สมตฺถเมว โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘เย เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปฺา, วิมุตฺติ, วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา, ทสฺสนํปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหุการํ วทามิ. สวนํ, อนุสฺสตึ, อนุปพฺพชฺชํ, อุปสงฺกมนํ, ปยิรุปาสนํปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหุการํ วทามี’’ติ (อิติวุ. ๑๐๔). ตสฺมา าติสาโลหิตานํ อตฺตนิ จิตฺตปฺปสาทสฺส อนุสฺสติยา จ มหปฺผลตํ อิจฺฉนฺเตนาปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว, ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
๖๖. ปฺจมวาเร อรติรติสโห อสฺสนฺติ อรติยา รติยา จ สโห อภิภวิตา อชฺโฌตฺถริตา ภเวยฺยํ. เอตฺถ จ อรตีติ อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ ปนฺตเสนาสเนสุ จ อุกฺกณฺา. รตีติ ปฺจกามคุณรติ. น จ มํ อรติ สเหยฺยาติ มฺจ อรติ น อภิภเวยฺย น มทฺเทยฺย น อชฺโฌตฺถเรยฺย. อุปฺปนฺนนฺติ ชาตํ นิพฺพตฺตํ. สีลาทิคุณยุตฺโต หิ อรติฺจ รติฺจ สหติ อชฺโฌตฺถรติ มทฺทิตฺวา ติฏฺติ. ตสฺมา อีทิสํ อตฺตานํ อิจฺฉนฺเตนาปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
ฉฏฺวาเร ¶ ภยํ จิตฺตุตฺราโสปิ อารมฺมณมฺปิ. เภรวํ อารมฺมณเมว. เสสํ ปฺจมวาเร วุตฺตนยเมว. สีลาทิคุณยุตฺโต หิ ภยเภรวํ สหติ อชฺโฌตฺถรติ มทฺทิตฺวา ติฏฺติ อริยโกฏิยวาสีมหาทตฺตตฺเถโร วิย.
เถโร กิร มคฺคํ ปฏิปนฺโน อฺตรํ ปาสาทิกํ อรฺํ ทิสฺวา ‘‘อิเธวชฺช สมณธมฺมํ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. รุกฺขเทวตาย ทารกา เถรสฺส สีลเตเชน สกภาเวน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา วิสฺสรมกํสุ. เทวตาปิ รุกฺขํ จาเลสิ. เถโร อจโลว นิสีทิ. สา เทวตา ธูมายิ, ปชฺชลิ, เนว สกฺขิ เถรํ จาเลตุํ, ตโต อุปาสกวณฺเณนาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ‘‘โก ¶ เอโส’’ติ วุตฺตา ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา’’ติ อโวจ. ตฺวํ เอเต วิกาเร อกาสีติ. อาม ภนฺเตติ. กสฺมาติ จ วุตฺตา อาห – ‘‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต ¶ , สีลเตเชน ทารกา สกภาเวน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา วิสฺสรมกํสุ, สาหํ ตุมฺเห ปลาเปตุํ เอวมกาสิ’’นฺติ. เถโร อาห – ‘‘อถ กสฺมา อิธ, ภนฺเต, มา วสถ, มยฺหํ อผาสูติ ปฏิกจฺเจว นาวจาสิ. อิทานิ ปน มา กิฺจิ อวจ, อริยโกฏิยมหาทตฺโต อมนุสฺสภเยน คโตติ วจนโต ลชฺชามิ, เตนาหํ อิเธว วสิสฺสํ, ตฺวํ ปน อชฺเชกทิวสํ ยตฺถ กตฺถจิ วสาหี’’ติ. เอวํ สีลาทิคุณยุตฺโต ภยเภรวสโห โหติ. ตสฺมา อีทิสมตฺตานํ อิจฺฉนฺเตนาปิ สีลาทิคุณยุตฺเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.
สตฺตมวาเร อาภิเจตสิกานนฺติ อภิเจโตติ อภิกฺกนฺตํ วิสุทฺธจิตฺตํ วุจฺจติ, อธิจิตฺตํ วา, อภิเจตสิ ชาตานิ อาภิเจตสิกานิ, อภิเจโต สนฺนิสฺสิตานีติ วา อาภิเจตสิกานิ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานนฺติ ทิฏฺธมฺเม สุขวิหารานํ. ทิฏฺธมฺโมติ ปจฺจกฺโข อตฺตภาโว วุจฺจติ, ตตฺถ สุขวิหารภูตานนฺติ อตฺโถ, รูปาวจรชฺฌานานเมตํ อธิวจนํ. ตานิ หิ อปฺเปตฺวา นิสินฺนา ฌายิโน อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อสํกิลิฏฺํ เนกฺขมฺมสุขํ วินฺทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานี’’ติ วุจฺจนฺติ. นิกามลาภีติ นิกาเมน ลาภี อตฺตโน อิจฺฉาวเสน ลาภี, อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ¶ สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. อกิจฺฉลาภีติ สุเขเนว ปจฺจนีกธมฺเม วิกฺขมฺเภตฺวา สมาปชฺชิตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. อกสิรลาภีติ อกสิรานํ วิปุลานํ ลาภี, ยถาปริจฺเฉเทเยว วุฏฺาตุํ สมตฺโถติ วุตฺตํ โหติ. เอกจฺโจ หิ ลาภีเยว โหติ, น ปน สกฺโกติ อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ สมาปชฺชิตุํ. เอกจฺโจ สกฺโกติ ตถา สมาปชฺชิตุํ, ปาริพนฺธิเก ปน กิจฺเฉน วิกฺขมฺเภติ. เอกจฺโจ ตถา สมาปชฺชติ, ปาริพนฺธิเก จ อกิจฺเฉเนว วิกฺขมฺเภติ, น สกฺโกติ นาฬิกายนฺตํ วิย ยถาปริจฺเฉเทเยว จ วุฏฺาตุํ. โย ปน อิมํ ติวิธมฺปิ สมฺปทํ อิจฺฉติ, โสปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ.
เอวํ อภิฺาปาทเก ฌาเน วุตฺเต กิฺจาปิ อภิฺานํ วาโร อาคโต, อถ โข นํ ภควา อคฺคเหตฺวาว ยสฺมา น เกวลํ อภิฺาปาทกชฺฌานานิ จ อภิฺาโยเยว จ สีลานํ ¶ อานิสํโส, อปิจ โข จตฺตาริ อารุปฺปฌานานิปิ ¶ ตโย จ เหฏฺิมา อริยมคฺคา, ตสฺมา ตํ สพฺพํ ปริยาทิยิตฺวา ทสฺเสตุํ อากงฺเขยฺย เจ…เป… เย เต สนฺตาติ เอวมาทิมาห.
ตตฺถ สนฺตาติ องฺคสนฺตตาย เจว อารมฺมณสนฺตตาย จ. วิโมกฺขาติ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา อารมฺมเณ จ อธิมุตฺตตฺตา. อติกฺกมฺม รูเปติ รูปาวจรชฺฌาเน อติกฺกมิตฺวา, เย เต วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป สนฺตาติ ปทสมฺพนฺโธ, อิตรถา หิ อติกฺกมฺม รูเป กึ กโรตีติ น ปฺาเยยฺยุํ. อารุปฺปาติ อารมฺมณโต จ วิปากโต จ รูปวิรหิตา. กาเยน ผุสิตฺวาติ นามกาเยน ผุสิตฺวา ปาปุณิตฺวา, อธิคนฺตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตานเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘โยปิ ภิกฺขุ อิเม วิโมกฺเข ผุสิตฺวา วิหริตุกาโม, โสปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ.
๖๗. นวมวาเร ติณฺณํ สํโยชนานนฺติ สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสสงฺขาตานํ ติณฺณํ พนฺธนานํ. ตานิ หิ สํโยเชนฺติ ขนฺธคติภวาทีหิ ขนฺธคติภวาทโย, กมฺมํ วา ผเลน, ตสฺมา สํโยชนานีติ วุจฺจนฺติ, พนฺธนานีติ อตฺโถ. ปริกฺขยาติ ปริกฺขเยน. โสตาปนฺโนติ โสตํ ¶ อาปนฺโน. โสโตติ จ มคฺคสฺเสตํ อธิวจนํ. โสตาปนฺโนติ ตํสมงฺคิปุคฺคลสฺส. ยถาห ‘‘โสโต โสโตติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติ. กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสโตติ? อยเมว หิ, ภนฺเต, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธีติ. โสตาปนฺโน โสตาปนฺโนติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติ. กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสตาปนฺโนติ? โย หิ, ภนฺเต, อิมินา อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน สมนฺนาคโต, อยํ วุจฺจติ โสตาปนฺโน, โยยํ อายสฺมา เอวํนาโม เอวํโคตฺโต’’ติ. อิธ ปน มคฺเคน ผลสฺส นามํ ทินฺนํ, ตสฺมา ผลฏฺโ ‘‘โสตาปนฺโน’’ติ เวทิตพฺโพ. อวินิปาตธมฺโมติ วินิปาเตตีติ วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, น อตฺตานํ อปาเย วินิปาตสภาโวติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา? เย ธมฺมา อปายคมนิยา, เตสํ ปหีนตฺตา. สมฺโพธิ ปรํ อยนํ คติ อสฺสาติ สมฺโพธิปรายโณ, อุปริมคฺคตฺตยํ อวสฺสํ สมฺปาปโกติ ¶ อตฺโถ. กสฺมา? ปฏิลทฺธปมมคฺคตฺตา. สีเลสฺเววาติ อีทิโส โหตุกาโมปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรณารีติ.
ทสมวาเร ¶ ปมมคฺเคน ปริกฺขีณานิปิ ตีณิ สํโยชนานิ สกทาคามิมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ วุตฺตานิ. ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตาติ เอเตสํ ตนุภาเวน, ตนุตฺตกรเณนาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ ตนุตฺตํ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จ. สกทาคามิสฺส หิ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺเสว กิเลสา อภิณฺหํ น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติ วิรฬาการา หุตฺวา, วิรฬวาปิเต เขตฺเต องฺกุรา วิย. อุปฺปชฺชมานาปิ จ วฏฺฏานุสาริมหาชนสฺเสว มทฺทนฺตา ผรนฺตา ฉาเทนฺตา อนฺธการํ กโรนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, มนฺทมนฺทา อุปฺปชฺชนฺติ ตนุกาการา หุตฺวา, อพฺภปฏลมิว มกฺขิกาปตฺตมิว จ.
ตตฺถ เกจิ เถรา ภณนฺติ ‘‘สกทาคามิสฺส กิเลสา กิฺจาปิ จิเรน อุปฺปชฺชนฺติ, พหลาว อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา หิสฺส ปุตฺตา จ ธีตโร จ ทิสฺสนฺตี’’ติ, เอตํ ปน อปฺปมาณํ. ปุตฺตธีตโร หิ องฺคปจฺจงฺคปรามสนมตฺเตนปิ โหนฺตีติ. ทฺวีหิเยว การเณหิสฺส กิเลสานํ ตนุตฺตํ เวทิตพฺพํ อธิจฺจุปฺปตฺติยา จ ปริยุฏฺานมนฺทตาย จาติ.
สกทาคามีติ ¶ สกึ อาคมนธมฺโม. สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวาติ เอกวารํเยว อิมํ มนุสฺสโลกํ ปฏิสนฺธิวเสน อาคนฺตฺวา. โยปิ หิ อิธ สกทาคามิมคฺคํ ภาเวตฺวา อิเธว ปรินิพฺพาติ, โสปิ อิธ น คหิโต. โยปิ อิธ มคฺคํ ภาเวตฺวา เทเวสุ อุปปชฺชิตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพาติ. โยปิ เทวโลเก มคฺคํ ภาเวตฺวา ตตฺเถว ปรินิพฺพาติ. โยปิ เทวโลเก มคฺคํ ภาเวตฺวา อิเธว มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพาติ. โย ปน อิธ มคฺคํ ภาเวตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ปุน อิเธว อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาติ, อยมิธ คหิโตติ เวทิตพฺโพ. ทุกฺขสฺสนฺตํ กเรยฺยนฺติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริจฺเฉทํ กเรยฺยํ. สีเลสฺเววาติ อีทิโส โหตุกาโมปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ.
เอกาทสมวาเร ปฺจนฺนนฺติ คณนปริจฺเฉโท. โอรมฺภาคิยานนฺติ โอรํ วุจฺจติ เหฏฺา, เหฏฺาภาคิยานนฺติ อตฺโถ, กามาวจรโลเก อุปฺปตฺติปจฺจยานนฺติ อธิปฺปาโย. สํโยชนานนฺติ พนฺธนานํ, ตานิ กามราคพฺยาปาทสํโยชเนหิ ¶ สทฺธึ ปุพฺเพ วุตฺตสํโยชนาเนว เวทิตพฺพานิ. ยสฺส หิ เอตานิ อปฺปหีนานิ, โส กิฺจาปิ ภวคฺเค อุปฺปนฺโน โหติ, อถ โข อายุปริกฺขยา กามาวจเร นิพฺพตฺตติเยว, คิลิตพลิสมจฺฉูปโม สฺวายํ ปุคฺคโล ทีฆสุตฺตเกน ปาเท ¶ พทฺธวิหงฺคูปโม จาติ เวทิตพฺโพ. ปุพฺเพ วุตฺตานมฺปิ เจตฺถ วจนํ วณฺณภณนตฺถเมวาติ เวทิตพฺพํ. โอปปาติโกติ เสสโยนิปฏิกฺเขปวจนเมตํ. ตตฺถปรินิพฺพายีติ ตตฺเถว พฺรหฺมโลเก ปรินิพฺพายี. อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกาติ ตโต พฺรหฺมโลกา ปฏิสนฺธิวเสน ปุน อนาวตฺติสภาโว. สีเลสฺเววาติ อีทิโส โหตุกาโมปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ.
๖๘. เอวํ อนาคามิมคฺเค วุตฺเต กิฺจาปิ จตุตฺถมคฺคสฺส วาโร อาคโต, อถ โข นํ ภควา อคฺคเหตฺวาว ยสฺมา น เกวลา อาสวกฺขยาภิฺา เอว สีลานํ อานิสํโส, อปิจ โข โลกิยปฺจาภิฺาโยปิ, ตสฺมา ตาปิ ทสฺเสตุํ, ยสฺมา จ อาสวกฺขเย กถิเต เทสนา นิฏฺิตา โหติ, เอวฺจ สติ อิเมสํ คุณานํ อกถิตตฺตา อยํ กถา มุณฺฑาภิฺากถา นาม ภเวยฺย, ตสฺมา จ อภิฺาปาริปูรึ กตฺวา ทสฺเสตุมฺปิ, ยสฺมา จ อนาคามิมคฺเค ิตสฺส สุเขน อิทฺธิวิกุปฺปนา ¶ อิชฺฌติ, สมาธิปริพนฺธานํ กามราคพฺยาปาทานํ สมูหตตฺตา, อนาคามี หิ สีเลสุ จ สมาธิมฺหิ จ ปริปูรการี, ตสฺมา ยุตฺตฏฺาเนเยว โลกิยาภิฺาโย ทสฺเสตุมฺปิ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ…เป… อเนกวิหิต’’นฺติ เอวมาทิมาหาติ อยมนุสนฺธิ.
ตตฺถ ‘‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธ’’นฺติอาทินา นเยน อาคตานํ ปฺจนฺนมฺปิ โลกิยาภิฺานํ ปาฬิวณฺณนา สทฺธึ ภาวนานเยน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตา.
๖๙. ฉฏฺาภิฺาย อาสวานํ ขยาติ อรหตฺตมคฺเคน สพฺพกิเลสานํ ขยา. อนาสวนฺติ อาสววิรหิตํ. เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถ เจโตวจเนน อรหตฺตผลสมฺปยุตฺโตว สมาธิ, ปฺาวจเนน ตํสมฺปยุตฺตา ปฺาว วุตฺตา. ตตฺถ จ สมาธิ ราคโต วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ปฺา อวิชฺชาย วิมุตฺตตฺตา ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเจตํ ภควตา ‘‘โย หิสฺส, ภิกฺขเว, สมาธิ, ตทสฺส สมาธินฺทฺริยํ. ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปฺา, ตทสฺส ปฺินฺทฺริยํ. อิติ โข, ภิกฺขเว ¶ , ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, อวิชฺชาวิราคา ปฺาวิมุตฺตี’’ติ, อปิเจตฺถ สมถผลํ เจโตวิมุตฺติ, วิปสฺสนาผลํ ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา.
ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตโนเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ ¶ กตฺวา, อปรปจฺจเยน ตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยนฺติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหเรยฺยํ. สีเลสฺเววาติ เอวํ สพฺพาสเว นิทฺธุนิตฺวา เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ อธิคนฺตุกาโมปิ สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการีติ.
เอวํ ภควา สีลานิสํสกถํ ยาว อรหตฺตา กเถตฺวา อิทานิ สพฺพมฺปิ ตํ สีลานิสํสํ สมฺปิณฺเฑตฺวา ทสฺเสนฺโต นิคมนํ อาห ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว…เป… อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ, ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถ…เป… สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสู’’ติ อิติ ยํ ตํ มยา ปุพฺเพ เอวํ วุตฺตํ, อิทํ สพฺพมฺปิ สมฺปนฺนสีโล ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป, ครุ ภาวนีโย ปจฺจยานํ ลาภี, ปจฺจยทายกานํ มหปฺผลกโร, ปุพฺพาตีนํ อนุสฺสรณเจตนาย ผลมหตฺตกโร, อรติรติสโห, ภยเภรวสโห, รูปาวจรชฺฌานานํ อรูปาวจรชฺฌานานฺจ ลาภี, เหฏฺิมานิ ตีณิ สามฺผลานิ ปฺจ โลกิยาภิฺา อาสวกฺขยาณนฺติ จ อิเม จ คุเณ สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺตา ¶ โหติ, เอตํ ปฏิจฺจ อิทํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ. อิทมโวจ ภควา, อตฺตมนา เต ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
อากงฺเขยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. วตฺถสุตฺตวณฺณนา
๗๐. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ วตฺถสุตฺตํ. ตตฺถ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถนฺติ อุปมาวจนเมเวตํ. อุปมํ กโรนฺโต จ ภควา กตฺถจิ ปมํเยว อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสติ, กตฺถจิ ¶ ปมมตฺถํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ, กตฺถจิ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสติ, กตฺถจิ อตฺเถน อุปมํ.
ตถา เหส – ‘‘เสยฺยถาปิสฺสุ, ภิกฺขเว, ทฺเว อคารา สทฺวารา, ตตฺถ จกฺขุมา ปุริโส มชฺเฌ ิโต ปสฺเสยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๖๑) สกลมฺปิ เทวทูตสุตฺตํ อุปมํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ อากาเส’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒) ปน นเยน สกลมฺปิ อิทฺธิวิธมตฺถํ ปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อุปมํ ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘เสยฺยถาปิ พฺราหฺมณปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี’’ติอาทินาว (ม. นิ. ๑.๓๑๘) นเยน สกลมฺปิ จูฬสาโรปมสุตฺตํ อุปมาย อตฺถํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ…เป… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๘) นเยน สกลมฺปิ อลคทฺทสุตฺตํ มหาสาโรปมสุตฺตนฺติ เอวมาทีนิ สุตฺตานิ อตฺเถน อุปมํ ปริวาเรตฺวา ทสฺเสนฺโต อาห.
สฺวายํ อิธ ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา ปจฺฉา อตฺถํ ทสฺเสติ. กสฺมา ปเนวํ ภควา ทสฺเสตีติ? ปุคฺคลชฺฌาสเยน วา เทสนาวิลาเสน วา. เย หิ ปุคฺคลา ปมํ อุปมํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานมตฺถํ สุเขน ปฏิวิชฺฌนฺติ, เตสํ ¶ ปมํ อุปมํ ทสฺเสติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ยสฺสา จ ธมฺมธาตุยา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา เทสนาวิลาสํ ปตฺโต โหติ, ตสฺสา สุปฺปฏิวิทฺธา. ตสฺมา เอส เทสนาวิลาสมฺปตฺโต ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา, โส ยถา ยถา อิจฺฉติ, ตถา ตถา ธมฺมํ เทเสตีติ เอวํ อิมินา ปุคฺคลชฺฌาสเยน วา เทสนาวิลาเสน วา เอวํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ วตฺถนฺติ ปกติปริสุทฺธํ วตฺถํ. สํกิลิฏฺํ มลคฺคหิตนฺติ อาคนฺตุเกน ปํสุรชาทินา สํกิเลเสน สํกิลิฏฺํ, เสทชลฺลิกาทินา มเลน คหิตตฺตา มลคฺคหิตํ. รงฺคชาเตติ เอตฺถ รงฺคเมว รงฺคชาตํ. อุปสํหเรยฺยาติ อุปนาเมยฺย. ยทิ นีลกายาติ นีลกาย วา, นีลกตฺถาย วาติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ สพฺพตฺถ. รชโก หิ นีลกตฺถาย อุปสํหรนฺโต กํสนีลปลาสนีลาทิเก นีลรงฺเค อุปสํหรติ. ปีตกตฺถาย อุปสํหรนฺโต กณิการปุปฺผสทิเส ปีตกรงฺเค. โลหิตกตฺถาย อุปสํหรนฺโต พนฺธุชีวกปุปฺผสทิเส ¶ โลหิตกรงฺเค. มฺชิฏฺกตฺถาย อุปสํหรนฺโต กณวีรปุปฺผสทิเส มนฺทรตฺตรงฺเค. เตน วุตฺตํ ‘‘ยทิ นีลกาย…เป… ยทิ มฺชิฏฺกายา’’ติ.
ทุรตฺตวณฺณเมวสฺสาติ ทุฏฺุ รฺชิตวณฺณเมว อสฺส. อปริสุทฺธวณฺณเมวสฺสาติ นีลวณฺโณปิสฺส ปริสุทฺโธ น ภเวยฺย, เสสวณฺโณปิ. ตาทิสฺหิ วตฺถํ นีลกุมฺภิยา ปกฺขิตฺตมฺปิ สุนีลํ น โหติ, เสสกุมฺภีสุ ปกฺขิตฺตมฺปิ ปีตกาทิวณฺณํ น โหติ, มิลาตนีล กุรณฺฑ-กณิการ-พนฺธุชีวก-กณวีรปุปฺผวณฺณเมว โหติ. ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ วตฺถํ กิสฺส เหตุ กึ การณา อีทิสํ โหติ, ตสฺมึ วา วตฺเถ รงฺคชาตํ กิสฺส เหตุ อีทิสํ ทุรตฺตวณฺณํ อปริสุทฺธวณฺณํ โหตีติ? ยสฺมา ปนสฺส วตฺถสฺส สํกิลิฏฺภาโวเยเวตฺถ การณํ, น อฺํ กิฺจิ, ตสฺมา ‘‘อปริสุทฺธตฺตา, ภิกฺขเว, วตฺถสฺสา’’ติ อาห.
เอวเมว โขติ อุปมาสมฺปฏิปาทนํ. จิตฺเต สํกิลิฏฺเติ จิตฺตมฺหิ สํกิลิฏฺมฺหิ. กสฺมา ปน ภควา สํกิลิฏฺวตฺเถน โอปมฺมํ อกาสีติ เจ, วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถํ. ยถา หิ อาคนฺตุเกหิ มเลหิ สํกิลิฏฺํ วตฺถํ ปกติยา ปณฺฑรตฺตา ปุน โธวียมานํ ปณฺฑรํ โหติ, น ตตฺถ ชาติกาฬเก วิย เอฬกโลเม วายาโม นิปฺผโล โหติ, เอวํ จิตฺตมฺปิ อาคนฺตุเกหิ กิเลเสหิ สํกิลิฏฺํ. ปกติยา ปน ตํ สกเลปิ ปฏิสนฺธิภวงฺควาเร ปณฺฑรเมว. ยถาห – ‘‘ปภสฺสรมิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ, ตฺจ ¶ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ อุปกฺกิลิฏฺ’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๕๑). ตํ วิโสธียมานํ สกฺกา ปภสฺสรตรํ กาตุํ, น ตตฺถ วายาโม นิปฺผโลติ เอวํ วายามมหปฺผลทสฺสนตฺถํ สํกิลิฏฺวตฺเถน โอปมฺมํ อกาสีติ เวทิตพฺโพ.
ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขาติ อีทิเส จิตฺเต ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขิตพฺพา, ทุคฺคตึ เอว เอส ปาปุณิสฺสติ ¶ , นาฺนฺติ เอวํ ทุคฺคติ อิจฺฉิตพฺพา, อวสฺสํ ภาวีติ วุตฺตํ โหติ. สา จายํ ทุคฺคติ นาม ปฏิปตฺติทุคฺคติ, คติทุคฺคตีติ ทุวิธา โหติ. ปฏิปตฺติทุคฺคติปิ อคาริยปฏิปตฺติทุคฺคติ, อนคาริยปฏิปตฺติทุคฺคตีติ ทุวิธา โหติ.
อคาริโย หิ สํกิลิฏฺจิตฺโต ปาณมฺปิ ¶ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, สกเลปิ ทส อกุสลกมฺมปเถ ปูเรติ, อยมสฺส อคาริยปฏิปตฺติทุคฺคติ. โส ตตฺถ ิโต กายสฺส เภทา นิรยมฺปิ คจฺฉติ, ติรจฺฉานโยนิมฺปิ, เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉติ, อยมสฺส คติทุคฺคติ.
อนคาริโยปิ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิโต สํกิลิฏฺจิตฺโต ทูเตยฺยปหิณคมนํ คจฺฉติ, เวชฺชกมฺมํ กโรติ, สงฺฆเภทาย เจติยเภทาย ปรกฺกมติ, เวฬุทานาทีหิ ชีวิกํ กปฺเปติ, สกลมฺปิ อนาจารํ อโคจรฺจ ปริปูเรติ, อยมสฺส อนคาริยปฏิปตฺติทุคฺคติ.โส ตตฺถ ิโต กายสฺส เภทา นิรยมฺปิ คจฺฉติ, ติรจฺฉานโยนิมฺปิ, เปตฺติวิสยมฺปิ คจฺฉติ สมณยกฺโข นาม โหติ สมณเปโต, อาทิตฺเตหิ สงฺฆาฏิอาทีหิ สมฺปชฺชลิตกาโย อฏฺฏสฺสรํ กโรนฺโต วิจรติ, อยมสฺส คติทุคฺคติ.
เสยฺยถาปีติ สุกฺกปกฺขํ ทสฺเสตุมารทฺโธ, ตสฺสตฺโถ กณฺหปกฺเข วุตฺตปจฺจนีเกเนว เวทิตพฺโพ. เอตฺถาปิ จ สุคติ นาม ปฏิปตฺติสุคติ คติสุคตีติ ทุวิธา โหติ. ปฏิปตฺติสุคติปิ อคาริยปฏิปตฺติสุคติ อนคาริยปฏิปตฺติสุคตีติ ทุวิธา โหติ. อคาริโย หิ ปริสุทฺธจิตฺโต ปาณาติปาตาปิ วิรมติ, อทินฺนาทานาปิ, สกเลปิ ทส กุสลกมฺมปเถ ปริปูเรติ, อยมสฺส อคาริยปฏิปตฺติสุคติ. โส ตตฺถ ิโต กายสฺส เภทา มนุสฺสมหนฺตตมฺปิ เทวมหนฺตตมฺปิ อุปปชฺชติ, อยมสฺส คติสุคติ.
อนคาริโยปิ ¶ อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปริสุทฺธจิตฺโต จตุปาริสุทฺธิสีลํ โสเธติ, เตรส ธุตงฺคานิ สมาทิยติ, อฏฺตึสารมฺมเณสุ อตฺตโน อนุกูลกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ปนฺตเสนาสเน ปฏิเสวมาโน กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, โสตาปตฺติมคฺคํ ภาเวติ…เป… อนาคามิมคฺคํ ภาเวติ, อยมสฺส อนคาริยปฏิปตฺติสุคติ. โส ตตฺถ ิโต กายสฺส เภทา มนุสฺสโลเก วา ตีสุ มหากุเลสุ, ฉสุ วา กามาวจรเทเวสุ, ทสสุ วา พฺรหฺมภวเนสุ ¶ , ปฺจสุ วา สุทฺธาวาเสสุ, จตูสุ วา อารุปฺเปสุ อุปปชฺชติ, อยมสฺส คติสุคตีติ.
๗๑. เอวํ สํกิลิฏฺเ จิตฺเต ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา, อสํกิลิฏฺเ จ สุคตีติ วตฺวา อิทานิ เยหิ อุปกฺกิเลเสหิ จิตฺตํ สํกิลิฏฺํ โหติ, เต ทสฺเสนฺโต กตเม จ, ภิกฺขเว, จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา ¶ ? อภิชฺฌา วิสมโลโภติอาทิมาห.
ตตฺถ สกภณฺเฑ ฉนฺทราโค อภิชฺฌา, ปรภณฺเฑ วิสมโลโภ. อถ วา สกภณฺเฑ วา ปรภณฺเฑ วา โหตุ, ยุตฺตปตฺตฏฺาเน ฉนฺทราโค อภิชฺฌา, อยุตฺตาปตฺตฏฺาเน วิสมโลโภ. เถโร ปนาห ‘‘กิสฺส วินิพฺโภคํ กโรถ, ยุตฺเต วา อยุตฺเต วา โหตุ, ‘ราโค วิสมํ โทโส วิสมํ โมโห วิสม’นฺติ (วิภ. ๙๒๔) วจนโต น โกจิ โลโภ อวิสโม นาม, ตสฺมา โลโภเยว อภิชฺฌายนฏฺเน อภิชฺฌา, วิสมฏฺเน วิสมํ, เอกตฺถเมตํ พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ. โส ปเนส อภิชฺฌาวิสมโลโภ อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
ยถา เจส, เอวํ นววิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว พฺยาปาโท. ทสวิธอาฆาตวตฺถุสมฺภโว โกโธ. ปุนปฺปุนํ จิตฺตปริโยนนฺธโน อุปนาโห. อคาริยสฺส วา อนคาริยสฺส วา สุกตกรณวินาสโน มกฺโข. อคาริโยปิ หิ เกนจิ อนุกมฺปเกน ทลิทฺโท สมาโน อุจฺเจ าเน ปิโต, อปเรน สมเยน ‘‘กึ ตยา มยฺหํ กต’’นฺติ ตสฺส สุกตกรณํ วินาเสติ. อนคาริโยปิ สามเณรกาลโต ปภุติ ¶ อาจริเยน วา อุปชฺฌาเยน วา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุทฺเทสปริปุจฺฉาหิ จ อนุคฺคเหตฺวา ธมฺมกถานยปกรณโกสลฺลาทีนิ สิกฺขาปิโต, อปเรน สมเยน ราชราชมหามตฺตาทีหิ สกฺกโต ครุกโต อาจริยุปชฺฌาเยสุ อจิตฺตีกโต จรมาโน ‘‘อยํ อมฺเหหิ ทหรกาเล เอวํ อนุคฺคหิโต สํวฑฺฒิโต จ, อถ ปนิทานิ นิสฺสิเนโห ชาโต’’ติ วุจฺจมาโน ‘‘กึ มยฺหํ ตุมฺเหหิ กต’’นฺติ เตสํ สุกตกรณํ วินาเสติ, ตสฺส โส สุกตกรณวินาสโน มกฺโข อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
ยถา ¶ จายํ, เอวํ พหุสฺสุเตปิ ปุคฺคเล อชฺโฌตฺถริตฺวา ‘‘อีทิสสฺส เจว พหุสฺสุตสฺส อนิยตา คติ, ตว วา มม วา โก วิเสโส’’ติอาทินา นเยน อุปฺปชฺชมาโน ยุคคฺคาหคาหี ปฬาโส. ปเรสํ สกฺการาทีนิ ขียนา อิสฺสา. อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวํ อสหมานํ มจฺฉริยํ. วฺจนิกจริยภูตา มายา. เกราฏิกภาเวน อุปฺปชฺชมานํ สาเยฺยํ. เกราฏิโก หิ อายตนมจฺโฉ วิย โหติ. อายตนมจฺโฉ นาม กิร มจฺฉานํ นงฺคุฏฺํ ทสฺเสติ สปฺปานํ สีสํ ¶ , ‘‘ตุมฺเหหิ สทิโส อห’’นฺติ ชานาเปตุํ. เอวเมว เกราฏิโก ปุคฺคโล ยํ ยํ สุตฺตนฺติกํ วา อาภิธมฺมิกํ วา อุปสงฺกมติ, ตํ ตํ เอวํ วทติ ‘‘อหํ ตุมฺหากํ พทฺธจโร, ตุมฺเห มยฺหํ อนุกมฺปกา, นาหํ ตุมฺเห มฺุจามี’’ติ ‘‘เอวเมเต ‘สคารโว อยํ อมฺเหสุ สปฺปติสฺโส’ติ มฺิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺเสตํ เกราฏิกภาเวน อุปฺปชฺชมานํ สาเยฺยํ อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
ยถา เจตํ, เอวํ วาตภริตภสฺตสทิสถทฺธภาวปคฺคหิตสิรอนิวาตวุตฺติการกรโณ ถมฺโภ. ตทุตฺตริกรโณ สารมฺโภ. โส ทุวิเธน ลพฺภติ อกุสลวเสน เจว กุสลวเสน จ. ตตฺถ อคาริยสฺส ปเรน กตํ อลงฺการาทึ ทิสฺวา ตทฺทิคุณกรเณน อุปฺปชฺชมาโน, อนคาริยสฺส จ ยตฺตกํ ยตฺตกํ ปโร ปริยาปุณาติ วา กเถติ วา, มานวเสน ตทฺทิคุณตทฺทิคุณกรเณน อุปฺปชฺชมาโน อกุสโล. อคาริยสฺส ปน ปรํ เอกํ สลากภตฺตํ เทนฺตํ ทิสฺวา อตฺตนา ทฺเว วา ตีณิ วา ทาตุกามตาย อุปฺปชฺชมาโน, อนคาริยสฺส จ ปเรน เอกนิกาเย ¶ คหิเต มานํ อนิสฺสาย เกวลํ ตํ ทิสฺวา อตฺตนา อาลสิยํ อภิภุยฺย ทฺเว นิกาเย คเหตุกามตาย อุปฺปชฺชมาโน กุสโล. อิธ ปน อกุสโล อธิปฺเปโต. อยฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
ยถา จายํ, เอวํ ชาติอาทีนิ นิสฺสาย จิตฺตสฺส อุณฺณติวเสน ปวตฺตมาโน มาโน, อจฺจุณฺณติวเสน อติมาโน, มทคฺคหณากาโร มโท, กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺควเสน อุปฺปชฺชมาโน ปมาโท อุปฺปชฺชิตฺวา จิตฺตํ ทูเสติ, โอภาสิตุํ น เทติ. ตสฺมา ‘‘จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ วุจฺจติ.
กสฺมา ¶ ปน ภควา อุปกฺกิเลสํ ทสฺเสนฺโต โลภมาทึ กตฺวา ทสฺเสตีติ? ตสฺส ปมุปฺปตฺติโต. สพฺพสตฺตานฺหิ ยตฺถ กตฺถจิ อุปปนฺนานํ อนฺตมโส สุทฺธาวาสภูมิยมฺปิ สพฺพปมํ ภวนิกนฺติวเสน โลโภ อุปฺปชฺชติ, ตโต อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปปจฺจยํ ปฏิจฺจ ยถาสมฺภวํ อิตเร, น จ เอเต โสฬเสว จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา, เอเตน ปน นเยน สพฺเพปิ กิเลสา คหิตาเยว โหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
๗๒. เอตฺตาวตา ¶ สํกิเลสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โวทานํ ทสฺเสนฺโต ส โข โส, ภิกฺขเวติอาทิมาห. ตตฺถ อิติ วิทิตฺวาติ เอวํ ชานิตฺวา. ปชหตีติ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน อริยมคฺเคน ปชหติ. ตตฺถ กิเลสปฏิปาฏิยา มคฺคปฏิปาฏิยาติ ทฺวิธา ปหานํ เวทิตพฺพํ. กิเลสปฏิปาฏิยา ตาว อภิชฺฌาวิสมโลโภ ถมฺโภ สารมฺโภ มาโน อติมาโน มโทติ อิเม ฉ กิเลสา อรหตฺตมคฺเคน ปหียนฺติ. พฺยาปาโท โกโธ อุปนาโห ปมาโทติ อิเม จตฺตาโร กิเลสา อนาคามิมคฺเคน ปหียนฺติ. มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเยฺยนฺติ อิเม ฉ โสตาปตฺติมคฺเคน ปหียนฺตีติ. มคฺคปฏิปาฏิยา ปน, โสตาปตฺติมคฺเคน มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเยฺยนฺติ อิเม ฉ ปหียนฺติ. อนาคามิมคฺเคน พฺยาปาโท โกโธ อุปนาโห ปมาโทติ อิเม จตฺตาโร. อรหตฺตมคฺเคน อภิชฺฌาวิสมโลโภ ถมฺโภ สารมฺโภ มาโน อติมาโน มโทติ อิเม ฉ ปหียนฺตีติ.
อิมสฺมึ ¶ ปน าเน อิเม กิเลสา โสตาปตฺติมคฺควชฺฌา วา โหนฺตุ, เสสมคฺควชฺฌา วา, อถ โข อนาคามิมคฺเคเนว ปหานํ สนฺธาย ‘‘อภิชฺฌาวิสมโลภํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหตี’’ติอาทิมาหาติ เวทิตพฺพา. อยเมตฺถ ปเวณิมคฺคาคโต สมฺภโว, โส จ อุปริ จตุตฺถมคฺคสฺเสว นิทฺทิฏฺตฺตา ยุชฺชติ, ตติยมคฺเคน ปหีนาวเสสานฺหิ วิสมโลภาทีนํ เตน ปหานํ โหติ, เสสานํ อิมินาว. เยปิ หิ โสตาปตฺติมคฺเคน ปหียนฺติ, เตปิ ตํสมุฏฺาปกจิตฺตานํ อปฺปหีนตฺตา อนาคามิมคฺเคเนว สุปฺปหีนา โหนฺตีติ. เกจิ ปน ปมมคฺเคน เจตฺถ ปหานํ วณฺณยนฺติ, ตํ ปุพฺพาปเรน น สนฺธิยติ. เกจิ วิกฺขมฺภนปฺปหานมฺปิ, ตํ เตสํ อิจฺฉามตฺตเมว.
๗๓. ยโต ¶ โข, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ยโตติ ยมฺหิ กาเล. ปหีโน โหตีติ อนาคามิมคฺคกฺขเณ ปหานํ สนฺธาเยวาห.
๗๔. โส พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทนาติ เอตํ ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, อภิชฺฌาวิสมโลโภ ปหีโน โหติ, โส พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหตี’’ติ เอวํ เอกเมเกน ปเทน โยเชตพฺพํ. อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน อนาคามิมคฺเคน โลกุตฺตรปฺปสาโท อาคโต, อถสฺส อปเรน สมเยน พุทฺธคุเณ ธมฺมคุเณ สงฺฆคุเณ จ อนุสฺสรโต โลกิโย อุปฺปชฺชติ, ตมสฺส สพฺพมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ¶ ปสาทํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทนา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อเวจฺจปฺปสาเทนาติ พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณานํ ยาถาวโต าตตฺตา อจเลน อจฺจุเตน ปสาเทน. อิทานิ ยถา ตสฺส ภิกฺขุโน อนุสฺสรโต โส อเวจฺจปฺปสาโท อุปฺปนฺโน, ตํ วิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา นเยน ตีณิ อนุสฺสติฏฺานานิ วิตฺถาเรสิ. เตสํ อตฺถวณฺณนา สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค อนุสฺสติกถายํ วุตฺตา.
๗๕. เอวมสฺส โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ปสาทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กิเลสปฺปหานํ อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคตฺจ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปชฺชมานํ โสมนสฺสาทิอานิสํสํ ¶ ทสฺเสนฺโต ยโถธิ โข ปนสฺสาติอาทิมาห. อนาคามิสฺส หิ ปจฺจนฺเต วุฏฺิตํ โจรุปทฺทวํ วูปสเมตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขโต มหานคเร วสนฺตสฺส รฺโ วิย อิเม จิเม จ มม กิเลสา ปหีนาติ อตฺตโน กิเลสปฺปหานํ ปจฺจเวกฺขโต พลวโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ. ตํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘ยโถธิ โข ปนสฺสา’’ติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ อนาคามี ภิกฺขุ เอวํ ‘‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ…เป… ธมฺเม…เป… สงฺเฆ…เป… อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ, ตสฺส ยโถธิ โข จตฺตํ โหติ ปฏินิสฺสฏฺํ, สกสกโอธิวเสน จตฺตเมว โหติ, ตํ ตํ กิเลสชาตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ. สกสกโอธิวเสนาติ ทฺเว โอธี กิเลโสธิ จ มคฺโคธิ จ. ตตฺถ กิเลโสธิวเสนาปิ เย กิเลสา ยํ มคฺควชฺฌา, เต อฺมคฺควชฺเฌหิ อมิสฺสา หุตฺวา สเกเนว โอธินา ปหีนา. มคฺโคธิวเสนาปิ เย กิเลสา เยน มคฺเคน ปหาตพฺพา, เตน เตเยว ปหีนา ¶ โหนฺติ. เอวํ สกสกโอธิวเสน ตํ ตํ กิเลสชาตํ จตฺตเมว โหติ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ ลทฺธโสมนสฺโส ตตุตฺตริปิ โส ‘‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ ลภติ อตฺถเวทนฺติ สมฺพนฺโธ.
ยโตธิ ¶ โขติปิ ปาโ. ตสฺส วเสน อยมตฺโถ, อสฺส ภิกฺขุโน ยโตธิ โข ปน จตฺตํ โหติ ปฏินิสฺสฏฺํ. ตตฺถ ยโตติ การณวจนํ, ยสฺมาติ วุตฺตํ โหติ. โอธีติ เหฏฺา ตโย มคฺคา วุจฺจนฺติ. กสฺมา? เต หิ โอธึ กตฺวา โกฏฺาสํ กตฺวา อุปริมคฺเคน ปหาตพฺพกิเลเส เปตฺวา ปชหนฺติ, ตสฺมา โอธีติ วุจฺจนฺติ. อรหตฺตมคฺโค ปน กิฺจิ กิเลสํ อนวเสเสตฺวา ปชหติ, ตสฺมา อโนธีติ วุจฺจติ. อิมสฺส จ ภิกฺขุโน เหฏฺามคฺคตฺตเยน จตฺตํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยโตธิ โข ปนสฺส จตฺตํ โหตี’’ติ. ตตฺถ โข ปนาติ นิปาตมตฺตํ. อยํ ปน ปิณฺฑตฺโถ. ยสฺมา อสฺส โอธิ จตฺตํ โหติ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตสฺมา ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา จ ลทฺธโสมนสฺโส ตตุตฺตริปิ โส ‘‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ ลภติ อตฺถเวทนฺติ ยถาปาฬิ เนตพฺพํ.
ตตฺถ จตฺตนฺติ อิทํ สกภาวปริจฺจชนวเสน วุตฺตํ. วนฺตนฺติ อิทํ ปน อนาทิยนภาวทสฺสนวเสน. มุตฺตนฺติ อิทํ สนฺตติโต วินิโมจนวเสน. ปหีนนฺติ อิทํ มุตฺตสฺสปิ กฺวจิ อนวฏฺานทสฺสนวเสน. ปฏินิสฺสฏฺนฺติ อิทํ ปุพฺเพ อาทินฺนปุพฺพสฺส ¶ ปฏินิสฺสคฺคทสฺสนวเสน ปฏิมุขํ วา นิสฺสฏฺภาวทสฺสนวเสน ภาวนาพเลน อภิภุยฺย นิสฺสฏฺภาวทสฺสนวเสนาติ วุตฺตํ โหติ. ลภติ อตฺถเวทํ ลภติ ธมฺมเวทนฺติ เอตฺถ พุทฺธาทีสุ อเวจฺจปฺปสาโทเยว อรณียโต อตฺโถ, อุปคนฺตพฺพโตติ วุตฺตํ โหติ. ธารณโต ธมฺโม, วินิปติตุํ อปฺปทานโตติ วุตฺตํ โหติ. เวโทติ คนฺโถปิ าณมฺปิ โสมนสฺสมฺปิ. ‘‘ติณฺณํ เวทานํ ปารคู’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๖) หิ คนฺโถ ‘‘เวโท’’ติ วุจฺจติ. ‘‘ยํ พฺราหฺมณํ เวทคุมาภิชฺา, อกิฺจนํ กามภาเว อสตฺต’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๖๕) าณํ. ‘‘เย เวทชาตา วิจรนฺติ โลเก’’ติอาทีสุ โสมนสฺสํ. อิธ ปน โสมนสฺสฺจ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตาณฺจ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา ‘‘ลภติ อตฺถเวทํ ลภติ ธมฺมเวทนฺติ อเวจฺจปฺปสาทารมฺมณโสมนสฺสฺจ โสมนสฺสมยาณฺจ ลภตี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อถ ¶ วา อตฺถเวทนฺติ อเวจฺจปฺปสาทํ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปนฺนํ วุตฺตปฺปการเมว เวทํ. ธมฺมเวทนฺติ ¶ อเวจฺจปฺปสาทสฺส เหตุํ โอธิโส กิเลสปฺปหานํ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปนฺนํ วุตฺตปฺปการเมว เวทนฺติ เอวมฺปิ เอตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘-๗๑๙). ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชนฺติ ตเมว อตฺถฺจ ธมฺมฺจ อตฺถธมฺมานิสํสภูตํ เวทฺจ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปนฺนํ ปาโมชฺชํ. ตฺหิ อนวชฺชลกฺขเณน ปจฺจเวกฺขณาการปฺปวตฺเตน ธมฺเมน อุปสฺหิตนฺติ วุจฺจติ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายตีติ อิมินา ปาโมชฺเชน ปมุทิตสฺส นิรามิสา ปีติ ชายติ. ปีติมนสฺสาติ ตาย ปีติยา ปีณิตมนสฺส. กาโย ปสฺสมฺภตีติ กาโยปิ ปสฺสทฺโธ โหติ วูปสนฺตทรโถ. ปสฺสทฺธกาโย สุขนฺติ เอวํ วูปสนฺตกายทรโถ เจตสิกํ สุขํ ปฏิสํเวเทติ. จิตฺตํ สมาธิยตีติ จิตฺตํ สมฺมา อาธิยติ อปฺปิตํ วิย อจลํ ติฏฺติ.
๗๖. เอวมสฺส กิเลสปฺปหานํ อเวจฺจปฺปสาทสมนฺนาคตํ ปจฺจเวกฺขโต อุปฺปชฺชมานํ โสมนสฺสาทิอานิสํสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ยโถธิ โข ปน เม’’ติ วาเรน ตสฺส ปจฺจเวกฺขณาย ปวตฺตาการํ ปกาเสตฺวา ตสฺเสว ¶ อนาคามิมคฺคานุภาวสูจกํ ผลํ ทสฺเสนฺโต ส โข โส, ภิกฺขเวติอาทิมาห.
ตตฺถ เอวํสีโลติ ตสฺส อนาคามิมคฺคสมฺปยุตฺตํ สีลกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. เอวํธมฺโม เอวํปฺโติ ตํสมฺปยุตฺตเมว สมาธิกฺขนฺธํ ปฺากฺขนฺธฺจ ทสฺเสติ. สาลีนนฺติ โลหิตสาลิคนฺธสาลิอาทีนํ อเนกรูปานํ. ปิณฺฑปาตนฺติ โอทนํ. วิจิตกาฬกนฺติ อปนีตกาฬกํ. เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายายาติ ตสฺส เอวํวิธสฺส ภิกฺขุโน ตํ วุตฺตปฺปการปิณฺฑปาตโภชนํ มคฺคสฺส วา ผลสฺส วา เนว อนฺตรายาย โหติ, ปฏิลทฺธคุณสฺส หิ ตํ กิมนฺตรายํ กริสฺสติ? โยปิสฺส อปฺปฏิลทฺโธ จตุตฺถมคฺโค จ ผลํ จ ตปฺปฏิลาภาย วิปสฺสนํ อารภโตปิ เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายาย, อนฺตรายํ กาตุํ อสมตฺถเมว โหติ. กสฺมา? วุตฺตปฺปการสีลธมฺมปฺาสงฺคเหน มคฺเคน วิสุทฺธจิตฺตตฺตา.
ยสฺมา ¶ เจตฺถ เอตเทว การณํ, ตสฺมา ตทนุรูปํ อุปมํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห.
ตตฺถ ¶ อจฺฉนฺติ วิปฺปสนฺนํ. ปริสุทฺธํ มลวิคเมน. ปริโยทาตํ ปภสฺสรตาย. อุกฺกามุขนฺติ สุวณฺณการานํ มูสามุขํ. สุวณฺณการานํ มูสา หิ อิธ อุกฺกา, อฺตฺถ ปน ทีปิกาทโยปิ วุจฺจนฺติ. ‘‘อุกฺกาสุ ธารียมานาสู’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๕๙) หิ อาคตฏฺาเน ทีปิกา ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อุกฺกํ พนฺเธยฺย, อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๖๐) อาคตฏฺาเน องฺคารกปลฺลํ. ‘‘กมฺมารานํ ยถา อุกฺกา, อนฺโต ฌายติ โน พหี’’ติ (ชา. ๒.๒๒.๖๔๙) อาคตฏฺาเน กมฺมารุทฺธนํ. ‘‘เอวํวิปาโก อุกฺกาปาโต ภวิสฺสตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔) อาคตฏฺาเน วาตเวโค ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติ. อิมสฺมึ ปน าเน อฺเสุ จ เอวรูเปสุ ‘‘สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิปตี’’ติ อาคตฏฺาเนสุ สุวณฺณการานํ มูสา ‘‘อุกฺกา’’ติ เวทิตพฺพา.
ตตฺรายํ อุปมาสํสนฺทนา – สํกิลิฏฺวตฺถํ วิย หิ สํกิลิฏฺชาตรูปํ วิย จ อิมสฺส ภิกฺขุโน ปุถุชฺชนกาเล กามราคาทิมลานุคตํ จิตฺตํ ทฏฺพฺพํ. อจฺโฉทกํ วิย อุกฺกามุขํ วิย จ อนาคามิมคฺโค. ตํ อุทกํ อุกฺกามุขฺจ ¶ อาคมฺม วตฺถสุวณฺณานํ ปริสุทฺธตา วิย ตสฺส ภิกฺขุโน วุตฺตปฺปการสีลธมฺมปฺาสงฺคหํ อนาคามิมคฺคํ อาคมฺม วิสุทฺธจิตฺตตาติ.
๗๗. โส เมตฺตาสหคเตน เจตสาติ ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา. ตโย หิ อนุสนฺธี ปุจฺฉานุสนฺธิ อชฺฌาสยานุสนฺธิ ยถานุสนฺธีติ. ตตฺถ ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, พหิทฺธา อสติ ปริตสฺสนา’ติ? ‘สิยา ภิกฺขู’ติ ภควา อโวจา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๒). เอวํ ปุจฺฉนฺตานํ วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสน ปุจฺฉานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. ‘‘สิยา โข ปน เต พฺราหฺมณ เอวมสฺส, อชฺชาปิ นูน สมโณ โคตโม อวีตราโค’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๕) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา วุตฺตสฺส สุตฺตสฺส วเสน อชฺฌาสยานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ. เยน ปน ธมฺเมน อาทิมฺหิ เทสนา อุฏฺิตา, ตสฺส ธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ปฏิปกฺขวเสน วา เยสุ สุตฺเตสุ อุปริ เทสนา อาคจฺฉติ, เตสํ วเสน ยถานุสนฺธิ เวทิตพฺโพ ¶ . เสยฺยถิทํ, อากงฺเขยฺยสุตฺเต เหฏฺา สีเลน เทสนา อุฏฺิตา, อุปริ ฉ อภิฺา อาคตา. กกจูปเม เหฏฺา อกฺขนฺติยา อุฏฺิตา, อุปริ กกจูปโมวาโท อาคโต. อลคทฺเท เหฏฺา ทิฏฺิปริทีปเนน อุฏฺิตา, อุปริ ติปริวฏฺฏสฺุตาปกาสนา อาคตา, จูฬอสฺสปุเร เหฏฺา กิเลสปริทีปเนน อุฏฺิตา, อุปริ พฺรหฺมวิหารา ¶ อาคตา. โกสมฺพิยสุตฺเต เหฏฺา ภณฺฑเนน อุฏฺิตา, อุปริ สารณียธมฺมา อาคตา. อิมสฺมิมฺปิ วตฺถสุตฺเต เหฏฺา กิเลสปริทีปเนน อุฏฺิตา, อุปริ พฺรหฺมวิหารา อาคตา. เตน วุตฺตํ ‘‘ยถานุสนฺธิวเสน เทสนา อาคตา’’ติ. พฺรหฺมวิหาเรสุ ปน อนุปทวณฺณนา จ ภาวนานโย จ สพฺโพ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโต.
๗๘. เอวํ ภควา อภิชฺฌาทีนํ อุปกฺกิเลสานํ ปฏิปกฺขภูตํ สพฺพโส จ กามราคพฺยาปาทปฺปหาเนน วิหตปจฺจตฺถิกตฺตา ลทฺธปทฏฺานํ ตสฺส อนาคามิโน พฺรหฺมวิหารภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิสฺส อรหตฺตาย วิปสฺสนํ ทสฺเสตฺวา อรหตฺตปฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ โส อตฺถิ อิทนฺติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ – โส อนาคามี เอวํ ภาวิตพฺรหฺมวิหาโร เอเตสํ พฺรหฺมวิหารานํ ยโต กุโตจิ วุฏฺาย เต เอว พฺรหฺมวิหารธมฺเม นามวเสน ¶ เตสํ นิสฺสยํ หทยวตฺถุํ วตฺถุนิสฺสยานิ ภูตานีติ อิมินา นเยน ภูตุปาทายธมฺเม รูปวเสน จ ววตฺถเปตฺวา อตฺถิ อิทนฺติ ปชานาติ, เอตฺตาวตาเนน ทุกฺขสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ. ตโต ตสฺส ทุกฺขสฺส สมุทยํ ปฏิวิชฺฌนฺโต อตฺถิ หีนนฺติ ปชานาติ, เอตฺตาวตาเนน สมุทยสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ. ตโต ตสฺส ปหานุปายํ วิจินนฺโต อตฺถิ ปณีตนฺติ ปชานาติ, เอตฺตาวตาเนน มคฺคสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ. ตโต เตน มคฺเคน อธิคนฺตพฺพฏฺานํ วิจินนฺโต อตฺถิ อุตฺตริ อิมสฺส สฺาคตสฺส นิสฺสรณนฺติ ปชานาติ, อิมสฺส มยา อธิคตสฺส พฺรหฺมวิหารสฺาคตสฺส อุตฺตริ นิสฺสรณํ นิพฺพานํ อตฺถีติ เอวํ ปชานาตีติ อธิปฺปาโย, เอตฺตาวตาเนน นิโรธสจฺจววตฺถานํ กตํ โหติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส วิปสฺสนาปฺาย เอวํ จตูหิ ¶ อากาเรหิ จตฺตาริ สจฺจานิ ชานโต, มคฺคปฺาย เอวํ ปสฺสโต, ภยเภรเว วุตฺตนเยเนว กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ…เป… อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตีติ.
เอวํ ยาว อรหตฺตา เทสนํ ปาเปตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตสฺสํ ปริสติ นฺหานสุทฺธิโก พฺราหฺมโณ นิสินฺโน, โส เอวํ นฺหานสุทฺธิยา วณฺณํ วุจฺจมานํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตีติ ภควตา วิทิโต, ตสฺมา ตสฺส โจทนตฺถาย ‘‘อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ¶ สินาโต อนฺตเรน สินาเนนา’’ติ อิมํ ปาฏิเยกฺกํ อนุสนฺธิมาห. ตตฺถ อนฺตเรน สินาเนนาติ อพฺภนฺตเรน กิเลสวุฏฺานสินาเนน.
๗๙. สุนฺทริกภารทฺวาโชติ ภารทฺวาโช นาม โส พฺราหฺมโณ อตฺตโน โคตฺตวเสน, สุนฺทริกาย ปน นทิยา สินาตสฺส ปาปปฺปหานํ โหตีติ อยมสฺส ทิฏฺิ, ตสฺมา ‘‘สุนฺทริกภารทฺวาโช’’ติ วุจฺจติ. โส ตํ ภควโต วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยํ สินานสุทฺธึ วณฺเณม, สมโณปิ โคตโม ตเถว วณฺเณติ, สมานจฺฉนฺโท ทานิ เอส อมฺเหหี’’ติ. อถ ภควนฺตํ พาหุกํ นทึ คนฺตฺวา ตํ ตตฺถ ปาปํ ปวาเหตฺวา อาคตํ วิย มฺมาโน อาห ‘‘คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุกํ นทึ สินายิตุ’’นฺติ? ภควา ตสฺส คจฺฉามีติ วา น คจฺฉามีติ วา อวตฺวาเยว พฺราหฺมณสฺส ทิฏฺิสมุคฺฆาตํ กตฺตุกาโม ‘‘กึ พฺราหฺมณ พาหุกาย นทิยา ¶ , กึ พาหุกา นที กริสฺสตี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ กึ ปโยชนํ พาหุกาย, กึ สา กริสฺสติ? อสมตฺถา สา กสฺสจิ อตฺถาย, กึ ตตฺถ คมิสฺสามีติ?
อถ พฺราหฺมโณ ตํ ปสํสนฺโต โลกฺขสมฺมตาติอาทิมาห. ตตฺถ โลกฺขสมฺมตาติ ลูขภาวสมฺมตา, ลูขภาวนฺติ โจกฺขภาวํ, วิสุทฺธิภาวํ เทตีติ เอวํ สมฺมตาติ วุตฺตํ โหติ. โลกฺยสมฺมตาติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ, เสฏฺํ โลกํ คมยตีติ เอวํ สมฺมตาติ. ปฺุสมฺมตาติ ปฺุนฺติ สมฺมตา. ปวาเหตีติ คมยติ วิโสเธติ. คาถาหิ อชฺฌภาสีติ คาถาหิ อภาสิ. คาถา จ วุจฺจมานา ตทตฺถทีปนตฺถเมว วา คาถารุจิกานํ วุจฺจติ, วิเสสตฺถทีปนตฺถํ วา. อิธ ปเนตา อุภยตฺถทีปนตฺถํ วุตฺตาติ ¶ เวทิตพฺพา.
พาหุกนฺติ อิทเมว หิ เอตฺถ วจนํ ตทตฺถทีปกํ, เสสานิ วิเสสตฺถทีปกานิ. ยเถว หิ พาหุกํ, เอวํ อธิกกฺกาทีนิปิ โลโก คจฺฉติ นฺหาเนน ปาปํ ปวาเหตุํ. ตตฺถ เย เตสํ านานํ อาสนฺนา โหนฺติ, เต ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ นฺหายนฺติ. เย ทูรา, เต ยถากฺกมํ ทฺวิกฺขตฺตุํ สกึ เอกทิวสนฺตรํ, เอวํ ยาว สํวจฺฉรนฺตรํ นฺหายนฺติ. เย ปน สพฺพถาปิ คนฺตุํ น สกฺโกนฺติ, เต ฆเฏหิปิ ตโต อุทกํ อาหราเปตฺวา นฺหายนฺติ. สพฺพฺเจตํ นิรตฺถกํ, ตสฺมา อิมํ วิเสสตฺถํ ทีเปตุํ อธิกกฺกาทีนิปีติ อาห.
ตตฺถ ¶ อธิกกฺกนฺติ นฺหานสมฺภารวเสน ลทฺธโวหารํ เอกํ ติตฺถํ วุจฺจติ. คยาติปิ มณฺฑลวาปิสณฺานํ ติตฺถเมว วุจฺจติ. ปยาคาติ เอตมฺปิ คงฺคาย เอกํ ติตฺถเมว มหาปนาทสฺส รฺโ คงฺคายํ นิมุคฺคปาสาทสฺส โสปานสมฺมุขฏฺานํ, พาหุกา สุนฺทริกา สรสฺสตี พาหุมตีติ อิมา ปน จตสฺโส นทิโย. พาโลติ ทุปฺปฺโ. ปกฺขนฺโทติ ปวิสนฺโต. น สุชฺฌตีติ กิเลสสุทฺธึ น ปาปุณาติ, เกวลํ รโชชลฺลเมว ปวาเหติ.
กึ สุนฺทริกา กริสฺสตีติ สุนฺทริกา กิเลสวิโสธเน กึ กริสฺสติ? น กิฺจิ กาตุํ สมตฺถาติ อธิปฺปาโย. เอส นโย ปยาคพาหุกาสุ. อิเมหิ จ ตีหิ ปเทหิ วุตฺเตหิ อิตรานิปิ จตฺตาริ ลกฺขณาหารนเยน วุตฺตาเนว โหนฺติ, ตสฺมา ยเถว สุนฺทริกา ปยาคา ¶ พาหุกา น กิฺจิ กโรนฺติ, ตถา อธิกกฺกาทโยปีติ เวทิตพฺพา.
เวรินฺติ ปาณาติปาตาทิปฺจเวรสมนฺนาคตํ. กตกิพฺพิสนฺติ กตลุทฺทกมฺมํ. น หิ นํ โสธเยติ สุนฺทริกา วา ปยาคา วา พาหุกา วา น โสธเย, น โสเธตีติ วุตฺตํ โหติ. ปาปกมฺมินนฺติ ปาปเกหิ เวรกิพฺพิสกมฺเมหิ ยุตฺตํ, ลามกกมฺเม ยุตฺตํ วา เวรกิพฺพิสภาวํ อปฺปตฺเตหิ ขุทฺทเกหิปิ ปาเปหิ ยุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
สุทฺธสฺสาติ ¶ นิกฺกิเลสสฺส. สทา ผคฺคูติ นิจฺจมฺปิ ผคฺคุนีนกฺขตฺตเมว. ผคฺคุนมาเส กิร ‘‘อุตฺตรผคฺคุนทิวเส โย นฺหายติ, โส สํวจฺฉรํ กตปาปํ โสเธตี’’ติ เอวํ ทิฏฺิโก โส พฺราหฺมโณ, เตนสฺส ภควา ตํ ทิฏฺึ ปฏิหนนฺโต อาห ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคู’’ติ. นิกฺกิเลสสฺส นิจฺจํ ผคฺคุนีนกฺขตฺตํ, อิตโร กึ สุชฺฌตีติ? อุโปสโถ สทาติ สุทฺธสฺส จ จาตุทฺทสปนฺนรสาทีสุ อุโปสถงฺคานิ อสมาทิยโตปิ นิจฺจเมว อุโปสโถ. สุทฺธสฺส สุจิกมฺมสฺสาติ นิกฺกิเลสตาย สุทฺธสฺส สุจีหิ จ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตสฺส. สทา สมฺปชฺชเต วตนฺติ อีทิสสฺส จ กุสลูปสฺหิตํ วตสมาทานมฺปิ นิจฺจํ สมฺปนฺนเมว โหตีติ. อิเธว สินาหีติ อิมสฺมึเยว มม สาสเน สินาหิ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘สเจ อชฺฌตฺติกกิเลสมลปฺปวาหนํ อิจฺฉสิ, อิเธว มม สาสเน อฏฺงฺคิกมคฺคสลิเลน สินาหิ, อฺตฺร หิ อิทํ นตฺถี’’ติ.
อิทานิสฺส ¶ สปฺปายเทสนาวเสน ตีสุปิ ทฺวาเรสุ สุทฺธึ ทสฺเสนฺโต สพฺพภูเตสุ กโรหิ เขมตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ เขมตนฺติ อภยํ หิตภาวํ, เมตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอเตนสฺส มโนทฺวารสุทฺธิ ทสฺสิตา โหติ.
สเจ มุสา น ภณสีติ เอเตนสฺส วจีทฺวารสุทฺธิ. สเจ ปาณํ น หึสสิ สเจ อทินฺนํ นาทิยสีติ เอเตหิ กายทฺวารสุทฺธิ. สทฺทหาโน อมจฺฉรีติ เอเตหิ ปน นํ เอวํ ปริสุทฺธทฺวารํ สทฺธาสมฺปทาย จาคสมฺปทาย จ นิโยเชสิ. กึ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา, อุทปาโนปิ เต คยาติ อยํ ปน อุปฑฺฒคาถา, สเจ สพฺพภูเตสุ เขมตํ กริสฺสสิ, มุสา น ภณิสฺสสิ, ปาณํ น หนิสฺสสิ, อทินฺนํ นาทิยิสฺสสิ, สทฺธหาโน อมจฺฉรี ภวิสฺสสิ, กึ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา อุทปาโนปิ เต คยา ¶ , คยายปิ หิ เต นฺหายนฺตสฺส อุทปาเนปิ อิมาย เอว ปฏิปตฺติยา กิเลสสุทฺธิ, สรีรมลสุทฺธิ ปน อุภยตฺถ สมาติ เอวํ โยเชตพฺพํ. ยสฺมา จ โลเก คยา สมฺมตตรา, ตสฺมา ตสฺส ภควา ‘‘คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุก’’นฺติ ปุฏฺโปิ ‘‘กึ กาหสิ พาหุกํ คนฺตฺวา’’ติ อวตฺวา ‘‘กึ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา’’ติ อาหาติ เวทิตพฺโพ.
๘๐. เอวํ วุตฺเตติ เอวมาทิ ภยเภรเว วุตฺตตฺตา ปากฏเมว. เอโก วูปกฏฺโติอาทีสุ ปน เอโก กายวิเวเกน ¶ . วูปกฏฺโ จิตฺตวิเวเกน. อปฺปมตฺโต กมฺมฏฺาเน สติ อวิชหเนน. อาตาปี กายิกเจตสิกวีริยสงฺขาเตน อาตาเปน. ปหิตตฺโต กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย. วิหรนฺโต อฺตรอิริยาปถวิหาเรน. นจิรสฺเสวาติ ปพฺพชฺชํ อุปาทาย วุจฺจติ. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา จ อาจารกุลปุตฺตา จ, อยํ ปน อุภยถาปิ กุลปุตฺโต. อคารสฺมาติ ฆรา. อคารสฺส หิตํ อคาริยํ, กสิโครกฺขาทิกุฏุมฺพโปสนกมฺมํ วุจฺจติ, นตฺถิ เอตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยํ, ปพฺพชฺชาเยตํ อธิวจนํ. ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ อุปสงฺกมนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ, อรหตฺตผลนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ กตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหาสีติ, เอวํ วิหรนฺโต จ ขีณา ชาติ…เป… อพฺภฺาสิ. เอเตนสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมึ ทสฺเสติ.
กตมา ¶ ปนสฺส ชาติ ขีณา? กถฺจ นํ อพฺภฺาสีติ? วุจฺจเต, กามฺเจตํ ภยเภรเวปิ วุตฺตํ, ตถาปิ นํ อิธ ปมปุริสวเสน โยชนานยสฺส ทสฺสนตฺถํ ปุน สงฺเขปโต ภณาม. น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา, ปุพฺเพว ขีณตฺตา. น อนาคตา, ตตฺถ วายามาภาวโต. น ปจฺจุปฺปนฺนา, วิชฺชมานตฺตา. มคฺคสฺส ปน อภาวิตตฺตา ยา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา, ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานนฺโต ชานาติ.
วุสิตนฺติ ¶ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุนอิตฺถภาวาย ¶ เอวํโสฬสกิจฺจภาวาย, กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนา นตฺถีติ. อถ วา, อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ นตฺถิ. อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ, ฉินฺนมูลโก รุกฺโข วิยาติ อพฺภฺาสิ. อฺตโรติ เอโก. อรหตนฺติ อรหนฺตานํ, ภควโต สาวกานํ อรหตํ อพฺภนฺตโร อโหสีติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
วตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สลฺเลขสุตฺตวณฺณนา
๘๑. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ สลฺเลขสุตฺตํ. ตตฺถ มหาจุนฺโทติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. สายนฺหสมยนฺติ สายนฺหกาเล. ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ เอตฺถ ปฏิสลฺลานนฺติ เตหิ เตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลานํ นิลียนํ, เอกีภาโว ปวิเวโกติ วุตฺตํ โหติ. โย ตโต วุฏฺิโต, โส ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต นาม โหติ. อยํ ปน ยสฺมา ปฏิสลฺลานานํ อุตฺตมโต ผลสมาปตฺติโต วุฏฺาสิ, ตสฺมา ‘‘ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต’’ติ วุตฺโต. ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวาติ สมทสนขุชฺชลวิภูสิเตน สิรสา ภควนฺตํ สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา, อภิวาทาเปตฺวา วา ‘‘สุขี ภว, จุนฺทา’’ติ เอวํ วจีเภทํ การาเปตฺวา, ภควา ปน กิร วนฺทิโต สมาโน สุวณฺณทุนฺทุภิสทิสํ คีวํ ปคฺคยฺห กณฺณสุขํ เปมนิยํ อมตาภิเสกสทิสํ พฺรหฺมโฆสํ นิจฺฉาเรนฺโต ‘‘สุขี โหหี’’ติ ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา วทติ, เอตํ อาจิณฺณํ ตถาคตานํ. ตตฺริทํ สาธกสุตฺตํ, ‘‘สกฺโก, ภนฺเต, เทวานมินฺโท สามจฺโจ สปริชโน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตีติ, สุขี โหตุ ปฺจสิข สกฺโก เทวานมินฺโท สามจฺโจ สปริชโน, สุขกามา หิ เทวา มนุสฺสา อสุรา นาคา คนฺธพฺพา, เย จฺเ ¶ สนฺติ ปุถุกายา’’ติ. เอวฺจ ปน ตถาคตา เอวรูเป มเหสกฺเข ยกฺเข อภิวทนฺตีติ.
ยา อิมาติ อิทานิ วตฺตพฺพาภิมุขํ กโรนฺโต วิย อาห. อเนกวิหิตาติ นานปฺปการา. ทิฏฺิโยติ มิจฺฉาทิฏฺิโย ¶ . โลเก อุปฺปชฺชนฺตีติ สตฺเตสุ ปาตุภวนฺติ. อตฺตวาทปฺปฏิสํยุตฺตาติ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน อตฺตวาเทน ปฏิสํยุตฺตา, ตา วีสติ ภวนฺติ. โลกวาทปฺปฏิสํยุตฺตาติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน โลกวาเทน ปฏิสํยุตฺตา, ตา อฏฺ โหนฺติ สสฺสโต, อสสฺสโต, สสฺสโต จ อสสฺสโต จ, เนว สสฺสโต นาสสฺสโต, อนฺตวา, อนนฺตวา, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ, เนวนฺตวา นานนฺตวา อตฺตา จ โลโก จาติ เอวํ ปวตฺตตฺตา.
อาทิเมวาติอาทีสุ อยมตฺโถ กึ นุ โข ภนฺเต อาทิเมว มนสิกโรนฺตสฺส อปฺปตฺวาปิ โสตาปตฺติมคฺคํ ¶ วิปสฺสนามิสฺสกปมมนสิการเมว มนสิกโรนฺตสฺส ภิกฺขุโน เอวเมตาสํ เอตฺตเกเนว อุปาเยน เอตาสํ ทิฏฺีนํ ปหานฺจ ปฏินิสฺสคฺโค จ โหตีติ. อิทฺจ เถโร อตฺตนา อนธิมานิโกปิ สมาโน อธิมานิกานํ อธิมานปฺปหานตฺถํ อธิมานิโก วิย หุตฺวา ปุจฺฉตีติ เวทิตพฺโพ. อปเร ปนาหุ ‘‘เถรสฺส อนฺเตวาสิกา อาทิมนสิกาเรเนว ทิฏฺีนํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ โหตีติ เอวํสฺิโนปิ, สมาปตฺติวิหารา สลฺเลขวิหาราติ เอวํสฺิโนปิ อตฺถิ. โส เตสํ อตฺถาย ภควนฺตํ ปุจฺฉตี’’ติ.
๘๒. อถสฺส ภควา ตาสํ ทิฏฺีนํ ปหานูปายํ ทสฺเสนฺโต ยา อิมาติอาทิมาห. ตตฺถ ยตฺถ เจตา ทิฏฺิโย อุปฺปชฺชนฺตีติอาทิ ปฺจกฺขนฺเธ สนฺธาย วุตฺตํ. เอเตสุ หิ เอตา ทิฏฺิโย อุปฺปชฺชนฺติ. ยถาห ‘‘รูเป โข, ภิกฺขเว, สติ รูปํ อภินิวิสฺส เอวํ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, โส อตฺตา โส โลโก โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕๒) วิตฺถาโร. อารมฺมณวเสน ปน เอกวจนํ กตฺวา ยตฺถ จาติ อาห, ยสฺมึ อารมฺมเณ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ อุปฺปชฺชนฺติ อนุเสนฺติ สมุทาจรนฺตีติ อิเมสํ เอวํ นานากรณํ เวทิตพฺพํ. ชาติวเสน หิ อชาตา ชายมานา อุปฺปชฺชนฺตีติ วุจฺจนฺติ. ปุนปฺปุนํ อาเสวิตา ถามคตา ¶ อปฺปฏิวินีตา อนุเสนฺตีติ. กายวจีทฺวารํ สมฺปตฺตา สมุทาจรนฺตีติ, อิทเมเตสํ นานากรณํ. ตํ เนตํ มมาติอาทีสุ ตํ ปฺจกฺขนฺธปฺปเภทํ อารมฺมณเมตํ มยฺหํ น โหติ, อหมฺปิ เอโส น ¶ อสฺมิ, เอโส เม อตฺตาปิ น โหตีติ เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโตติ เอวํ ตาว ปทตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา ปน เอตฺถ เอตํ มมาติ ตณฺหาคาโห, ตฺจ คณฺหนฺโต อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภทํ ตณฺหาปปฺจํ คณฺหาติ. เอโสหมสฺมีติ มานคาโห, ตฺจ คณฺหนฺโต นวปฺปเภทํ มานปปฺจํ คณฺหาติ. เอโส เม อตฺตาติ ทิฏฺิคาโห, ตฺจ คณฺหนฺโต ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตปฺปเภทํ ทิฏฺิปปฺจํ คณฺหาติ. ตสฺมา เนตํ มมาติ วทนฺโต ภควา ยถาวุตฺตปฺปเภทํ ตณฺหาปปฺจํ ปฏิกฺขิปติ. เนโสหมสฺมีติ มานปปฺจํ. น เมโส อตฺตาติ ทิฏฺิปปฺจํ. ทิฏฺเกฏฺาเยว เจตฺถ ตณฺหามานา เวทิตพฺพา. เอวเมตนฺติ เอวํ ‘‘เนตํ มมา’’ติอาทินา อากาเรน เอตํ ขนฺธปฺจกํ. ยถาภูตนฺติ ยถา สภาวํ, ยถา อตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. ขนฺธปฺจกฺหิ เอเตเนว อากาเรน อตฺถิ. มมนฺติอาทินา ปน คยฺหมานมฺปิ เตนากาเรน เนวตฺถีติ อธิปฺปาโย. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสโตติ โสตาปตฺติมคฺคปฺาปริโยสานาย ¶ วิปสฺสนาปฺาย สุฏฺุ ปสฺสนฺตสฺส. เอวเมตาสนฺติ เอเตน อุปาเยน เอตาสํ. ปหานํ ปฏินิสฺสคฺโคติ อุภยมฺเปตํ สมุจฺเฉทปฺปหานสฺเสวาธิวจนํ.
เอวํ ภควา อาทิมนสิกาเรเนว ทิฏฺีนํ ปหานํ โหติ นุ โข โนติ อายสฺมตา มหาจุนฺเทน อธิมานิกานํ วเสน ปฺหํ ปุฏฺโ โสตาปตฺติมคฺเคน ทิฏฺิปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สยเมว อธิมานิกานํ ฌานํ วิภชนฺโต านํ โข ปเนตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อธิมานิกา นาม เยสํ อปฺปตฺเต ปตฺตสฺาย อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, สฺวายํ อุปฺปชฺชมาโน เนว โลกวฏฺฏานุสารีนํ พาลปุถุชฺชนานํ อุปฺปชฺชติ, น อริยสาวกานํ. น หิ โสตาปนฺนสฺส ‘‘สกทาคามี อห’’นฺติ อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, น สกทาคามิสฺส ‘‘อนาคามี อห’’นฺติ, น อนาคามิโน ‘‘อรหา อห’’นฺติ, การกสฺเสว ปน สมถวเสน วา วิปสฺสนาวเสน วา วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส นิจฺจํ ยุตฺตปยุตฺตสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส อุปฺปชฺชติ. ตสฺส หิ สมถวิกฺขมฺภิตานํ วา วิปสฺสนาวิกฺขมฺภิตานํ วา กิเลสานํ สมุทาจารํ อปสฺสโต ‘‘โสตาปนฺโน ¶ อหนฺติ วา, สกทาคามี, อนาคามี ¶ , อรหา อห’’นฺติ วา อธิมาโน อุปฺปชฺชติ, ตลงฺครติสฺสปพฺพตวาสิธมฺมทินฺนตฺเถเรน โอวาทิยมานตฺเถรานํ วิย.
เถรสฺส กิร อจิรูปสมฺปนฺนสฺเสว โอวาเท ตฺวา พหู ภิกฺขู วิเสสํ อธิคจฺฉึสุ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ติสฺสมหาวิหารวาสี ภิกฺขุสงฺโฆ ‘‘น อฏฺานนิโยชโก เถโรติ เถรํ อาเนถา’’ติ สมฺพหุเล ภิกฺขู ปาเหสิ. เต คนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, ธมฺมทินฺน ภิกฺขุสงฺโฆ ตํ ปกฺโกสาเปตี’’ติ อาหํสุ. โส อาห ‘‘กึ ปน ตุมฺเห, ภนฺเต, อตฺตานํ คเวสถ ปร’’นฺติ? อตฺตานํ สปฺปุริสาติ, โส เตสํ กมฺมฏฺานมทาสิ, สพฺเพว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ภิกฺขุสงฺโฆ ปุน อฺเ ภิกฺขู ปาเหสิ, เอวํ ยาวตติยํ ปหิตา สพฺเพปิ ตตฺเถว อรหตฺตํ ปตฺวา วิหรึสุ.
ตโต สงฺโฆ คตคตา นาคจฺฉนฺตีติ อฺตรํ วุฑฺฒปพฺพชิตํ ปาเหสิ. โส คนฺตฺวา จ, ‘‘ภนฺเต, ธมฺมทินฺน ติกฺขตฺตุํ ติสฺสมหาวิหารวาสี ภิกฺขุสงฺโฆ ตุยฺหํ สนฺติเก เปเสสิ, ตฺวํ นาม สงฺฆสฺส อาณํ ครุํ น กโรสิ, นาคจฺฉสี’’ติ อาห. เถโร กิเมตนฺติ ปณฺณสาลํ อปฺปวิสิตฺวาว ปตฺตจีวรํ คาหาเปตฺวา ตาวเทว นิกฺขมิ, โส อนฺตรามคฺเค หงฺกนวิหารํ ปาวิสิ. ตตฺถ เจโก มหาเถโร สฏฺิวสฺสาตีโต อธิมาเนน อรหตฺตํ ปฏิชานาติ. เถโร ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อธิคมํ ปุจฺฉิ. เถโร อาห ‘‘อาม ธมฺมทินฺน, ยํ ปพฺพชิเตน กาตพฺพํ, จิรกตํ ตํ มยา, อตีตสฏฺิวสฺโสมฺหิ เอตรหี’’ติ. กึ, ภนฺเต, อิทฺธิมฺปิ วฬฺเชถาติ. อาม ธมฺมทินฺนาติ. สาธุ วต, ภนฺเต, หตฺถึ ตุมฺหากํ ปฏิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ มาเปถาติ. สาธาวุโสติ เถโร สพฺพเสตํ สตฺตปฺปติฏฺํ ติธาปภินฺนํ นงฺคุฏฺํ พีชยมานํ โสณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา ทฺวีหิ ทนฺเตหิ วิชฺฌิตุกามํ วิย ปฏิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ มหาหตฺถึ มาเปสิ. โส ตํ อตฺตนาเยว มาปิตํ หตฺถึ ทิสฺวา ภีโต ปลายิตุํ อารภิ. ตทาว อตฺตานํ ‘‘นาหํ อรหา’’ติ ตฺวา ธมฺมทินฺนสฺส ปาทมูเล อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา ‘‘ปติฏฺา เม โหหิ, อาวุโส’’ติ อาห. ธมฺมทินฺโน ‘‘มา, ภนฺเต, โสจิ, มา อนตฺตมโน อโหสิ, การกานํเยว อธิมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติ ¶ เถรํ สมสฺสาเสตฺวา กมฺมฏฺานมทาสิ. เถโร ตสฺโสวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
จิตฺตลปพฺพเตปิ ¶ ตาทิโสว เถโร วสติ. ธมฺมทินฺโน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว ปุจฺฉิ. โสปิ ตเถว พฺยากาสิ. ตโต นํ ธมฺมทินฺโน กึ, ภนฺเต, อิทฺธิมฺปิ วฬฺเชถาติ อาห. อามาวุโสติ. สาธุ วต, ภนฺเต, เอกํ โปกฺขรณึ มาเปถาติ. เถโร มาเปสิ. เอตฺถ, ภนฺเต, ปทุมคุมฺพํ มาเปถาติ. ตมฺปิ มาเปสิ. ปทุมคุมฺเพ มหาปทุมํ มาเปถาติ. ตมฺปิ มาเปสิ. เอตสฺมึ ปทุมคุมฺเพ ตฺวา มธุรสฺสเรน คายนฺตํ นจฺจนฺตฺจ เอกํ อิตฺถิวิคฺคหํ มาเปถาติ. ตมฺปิ มาเปสิ. โส เอตํ, ภนฺเต, ปุนปฺปุนํ อุปนิชฺฌายถาติ วตฺวา สยํ ปาสาทํ ปาวิสิ. เถรสฺส ตํ อุปนิชฺฌายโต สฏฺิวสฺสานิ วิกฺขมฺภิตกิเลสา จลึสุ, โส ตทา อตฺตานํ ตฺวา ปุริมตฺเถโร วิย ธมฺมทินฺนตฺเถรสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ธมฺมทินฺโนปิ อนุปุพฺเพน ติสฺสมหาวิหารํ อคมาสิ. ตสฺมิฺจ สมเย เถรา เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา นิสินฺนา โหนฺติ, เอตํ กิร เตสํ วตฺตํ. เตน เนสํ เอโกปิ ‘‘อิธ ปตฺตจีวรํ เปหี’’ติ ธมฺมทินฺนํ วตฺตา ปุจฺฉิตาปิ นาโหสิ. ธมฺมทินฺโน เอโส ภเวยฺยาติ ตฺวา ปน ปฺหํ ปุจฺฉึสุ. โส ปุจฺฉิตปฺเห ติณฺเหน อสินา กุมุทนาฬกลาปํ วิย ฉินฺทิตฺวา ปาทงฺคุลิยา มหาปถวึ ปหริ. ภนฺเต อยํ อเจตนา มหาปถวีปิ ธมฺมทินฺนสฺส คุณํ ชานาติ. ตุมฺเห ปน น ชานิตฺถาติ จ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อเจตนายํ ¶ ปถวี, วิชานาติ คุณาคุณํ;
สเจตนาถ โข ภนฺเต, น ชานาถ คุณาคุณ’’นฺติ.
ตาวเทว จ อากาเส อพฺภุคฺคนฺตฺวา ตลงฺครติสฺสปพฺพตเมว อคมาสิ. เอวํ การกสฺเสว อธิมาโน อุปฺปชฺชติ. ตสฺมา ภควา ตาทิสานํ ภิกฺขูนํ วเสน ฌานํ วิภชนฺโต านํ โข ปเนตนฺติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ, อตฺเถตํ การณํ, โน นตฺถิ. เยน อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ พาหิรปริพฺพาชเกหิ ¶ สาธารณํ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย, ยํ ปน ตสฺส เอวมสฺส สลฺเลเขน วิหรามีติ, ยํ ปฏิปตฺติวิธานํ กิเลเส สํลิขติ, เตนาหํ วิหรามีติ, ตํ น ยุชฺชติ, น ¶ หิ อธิมานิกสฺส ภิกฺขุโน ฌานํ สลฺเลโข วา สลฺเลขปฏิปทา วา โหติ. กสฺมา? อวิปสฺสนาปาทกตฺตา. น หิ โส ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสติ, ฌานํ ปนสฺส จิตฺเตกคฺคมตฺตํ กโรติ, ทิฏฺธมฺมสุขวิหาโร โหติ. ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺตี’’ติ อาห.
ตตฺถ เอเตติ ฌานธมฺมวเสน พหุวจนํ เวทิตพฺพํ, เอเต ปมชฺฌานธมฺมาติ วุตฺตํ โหติ. สมาปตฺติวเสน วา, เอกมฺปิ หิ ปมชฺฌานํ ปุนปฺปุนํ สมาปตฺติวเสน ปวตฺตตฺตา พหุตฺตํ คจฺฉติ. อารมฺมณวเสน วา, เอกมฺปิ หิ ปมชฺฌานํ ปถวีกสิณาทีสุ ปวตฺติวเสน พหุตฺตํ คจฺฉตีติ. เอส นโย ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌาเนสุ. อารุปฺปฌาเนสุ ปน อารมฺมณเภทาภาวโต ปุริมการณทฺวยวเสเนว พหุวจนํ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมา เจเตสํ องฺคานิปิ สนฺตานิ อารมฺมณานิปิ, นิพฺพุตานิ เจว สุขุมานิ จาติ วุตฺตํ โหติ, ตสฺมา ตานิ สนฺตา เอเต วิหาราติ เอวํ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. อยํ ตาว เตสํ จตุนฺนมฺปิ สาธารณา วณฺณนา. วิเสสวณฺณนา ปน ‘‘สพฺพโส รูปสฺาน’’นฺติอาทิปทานุสารโต วตฺตพฺพา สิยา. สา วิสุทฺธิมคฺเค สพฺพากาเรน วุตฺตาเยว.
๘๓. เอวํ ¶ ยสฺมา อธิมานิกสฺส ภิกฺขุโน ฌานวิหาโร อวิปสฺสนาปาทกตฺตา สลฺเลขวิหาโร น โหติ, น หิ โส ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสติ, จิตฺเตกคฺคกโร ทิฏฺธมฺเม สุขวิหาโร ปนสฺส โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต รูปชฺฌานานิ จ อรูปชฺฌานานิ จ วิภชิตฺวา อิทานิ จ ยตฺถ สลฺเลโข กาตพฺโพ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ, ตฺจ วตฺถุํ ตฺจ สลฺเลขํ ทสฺเสนฺโต อิธ โข ปน โวติอาทิมาห.
กสฺมา ปน ‘‘อฏฺหิ สมาปตฺตีหิ อวิหึสาทโย สลฺเลขา’’ติ วุตฺตา? โลกุตฺตรปาทกตฺตา. พาหิรกานฺหิ อฏฺ สมาปตฺติโย วฏฺฏปาทกาเยว. สาสเน ¶ สรณคมนมฺปิ โลกุตฺตรปาทกํ, ปเคว อวิหึสาทโย. อิมินาเยว จ สุตฺเตน เวทิตพฺพํ ‘‘ยถา พาหิรกสฺส อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ปฺจาภิฺสฺสาปิ ทินฺนทานโต สาสเน ติสรณคตสฺส ¶ ทินฺนทานํ มหปฺผลตรํ โหตี’’ติ. อิทฺหิ สนฺธาย ทกฺขิณาวิสุทฺธิสุตฺเต ‘‘พาหิรเก กาเมสุ วีตราเค ทานํ ทตฺวา โกฏิสตสหสฺสคุณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺเน ทานํ ทตฺวา อสงฺเขยฺยา อปฺปเมยฺยา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา, โก ปน วาโท โสตาปนฺเน’’ติ วุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๗๙). สรณคมนโต ปฏฺาย หิ ตตฺถ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน อธิปฺเปโตติ, อยํ ตาเวตฺถ ปาฬิโยชนา.
อนุปทวณฺณนายํ ปน อิธาติ วิหึสาทิวตฺถุทีปนเมตํ. โข ปนาติ นิปาตมตฺตํ. โวติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, อยํ ปน สงฺเขปตฺโถ, ยเทตํ ‘‘ปเร วิหึสกา ภวิสฺสนฺตี’’ติอาทินา นเยน วิหึสาทิวตฺถุํ วทาม. อิธ, จุนฺท, ตุมฺเหหิ สลฺเลโข กาตพฺโพติ.
เอวํ สงฺเขปโต วตฺวา อิทานิ วิตฺถาเรนฺโต ‘‘ปเร วิหึสกา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อวิหึสกา ภวิสฺสามาติ สลฺเลโข กรณีโย’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปเรติ เย เกจิ อิมํ สลฺเลขมนนุยุตฺตา. วิหึสกา ภวิสฺสนฺตีติ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วาติอาทีหิ สตฺตานํ วิเหสกา ภวิสฺสนฺติ. มยเมตฺถ อวิหึสกา ภวิสฺสามาติ มยํ ปน ยตฺเถว วตฺถุสฺมึ ปเร เอวํ วิหึสกา ภวิสฺสนฺติ, เอตฺเถว อวิหึสกา ภวิสฺสาม, อวิหึสํ อุปฺปาเทตฺวา วิหริสฺสาม. อิติ สลฺเลโข กรณีโยติ เอวํ ตุมฺเหหิ สลฺเลโข กาตพฺโพ ¶ . สลฺเลโขติ จ อิธ อวิหึสาว เวทิตพฺพา. อวิหึสา หิ วิหึสํ สลฺเลขติ, ตํ ฉินฺทติ, ตสฺมา สลฺเลโขติ วุจฺจติ. เอส นโย สพฺพตฺถ. อยํ ปน วิเสโส. ปเร มิจฺฉาทิฏฺีติ เอตฺถ กมฺมปถานํ อนฺตมิจฺฉาทิฏฺิฺจ มิจฺฉตฺตานํ อาทิมิจฺฉาทิฏฺิฺจ มิสฺเสตฺวา ทิฏฺิ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ตถา มยเมตฺถ สมฺมาทิฏฺีติ วุตฺตฏฺาเน สมฺมาทิฏฺิ. เอตฺถ จ กมฺมปถกถา วิตฺถารโต สมฺมาทิฏฺิสุตฺเต อาวิ ภวิสฺสติ. มิจฺฉตฺเตสุ มิจฺฉาทิฏฺิอาทโย ทฺเวธาวิตกฺเก.
อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป, ปาณํ อติปาเตนฺตีติ ปาณาติปาตี ¶ ปาณฆาตกาติ อตฺโถ. อทินฺนํ อาทิยนฺตีติ อทินฺนาทายี, ปรสฺส หาริโนติ อตฺโถ. อพฺรหฺมํ หีนํ ลามกธมฺมํ จรนฺตีติ อพฺรหฺมจารี, เมถุนธมฺมปฺปฏิเสวกาติ ¶ อตฺโถ. พฺรหฺมํ เสฏฺํ ปฏิปทํ จรนฺตีติ พฺรหฺมจารี, เมถุนา ปฏิวิรตาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ พฺรหฺมจริยํ สลฺเลโขติ เวทิตพฺพํ. พฺรหฺมจริยฺหิ อพฺรหฺมจริยํ สลฺเลขติ. มุสา วทนฺตีติ มุสาวาที, ปเรสํ อตฺถภฺชนกํ ตุจฺฉํ อลิกํ วาจํ ภาสิตาโรติ อตฺโถ. ปิสุณา วาจา เอเตสนฺติ ปิสุณวาจา. ปเรสํ มมฺมจฺเฉทิกา ผรุสา วาจา เอเตสนฺติ ผรุสวาจา. สมฺผํ นิรตฺถกวจนํ ปลปนฺตีติ สมฺผปฺปลาปี. อภิชฺฌายนฺตีติ อภิชฺฌาลู, ปรภณฺฑลุพฺภนสีลาติ อตฺโถ. พฺยาปนฺนํ ปูติภูตํ จิตฺตเมเตสนฺติ พฺยาปนฺนจิตฺตา. มิจฺฉา ปาปิกา วิฺุครหิตา เอเตสํ ทิฏฺีติ มิจฺฉาทิฏฺี, กมฺมปถปริยาปนฺนาย นตฺถิ ทินฺนนฺติอาทิวตฺถุกาย, มิจฺฉตฺตปริยาปนฺนาย อนิยฺยานิกทิฏฺิยา จ สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. สมฺมา โสภนา วิฺุปฺปสตฺถา เอเตสํ ทิฏฺีติ สมฺมาทิฏฺี, กมฺมปถปริยาปนฺนาย อตฺถิ ทินฺนนฺติอาทิกาย กมฺมสฺสกตาทิฏฺิยา, สมฺมตฺตปริยาปนฺนาย มคฺคทิฏฺิยา จ สมนฺนาคตาติ อตฺโถ.
มิจฺฉาสงฺกปฺปาติ อยาถาวอนิยฺยานิกอกุสลสงฺกปฺปา. เอส นโย มิจฺฉาวาจาติอาทีสุ. อยํ ปน วิเสโส, มิจฺฉาสงฺกปฺปาทโย วิย หิ มิจฺฉาสติ นาม ปาฏิเอกฺโก โกจิ ธมฺโม นตฺถิ, อตีตํ ปน จินฺตยโต ปวตฺตานํ จตุนฺนมฺปิ อกุสลกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํ. ยมฺปิ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘อตฺเถสา, ภิกฺขเว, อนุสฺสติ, เนสา นตฺถีติ วทามิ, ปุตฺตลาภํ วา, ภิกฺขเว, อนุสฺสรโต, ธนลาภํ วา, ภิกฺขเว, อนุสฺสรโต, ยสลาภํ วา, ภิกฺขเว, อนุสฺสรโต’’ติ, ตมฺปิ ตํ ตํ จินฺเตนฺตสฺส สติปติรูปเกน อุปฺปตฺตึ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ¶ . มิจฺฉาาณีติ เอตฺถ จ มิจฺฉาาณนฺติ ปาปกิริยาสุ อุปายจินฺตาวเสน ปาปํ กตฺวา ‘‘สุกตํ มยา’’ติ ปจฺจเวกฺขณากาเรน จ อุปฺปนฺโน โมโห เวทิตพฺโพ, เตน สมนฺนาคตา ปุคฺคลา มิจฺฉาาณี. สมฺมาาณีติ เอตฺถ ปน เอกูนวีสติเภทํ ¶ ปจฺจเวกฺขณาาณํ ‘‘สมฺมาาณ’’นฺติ วุจฺจติ, เตน สมนฺนาคตา ปุคฺคลา สมฺมาาณี. มิจฺฉาวิมุตฺตีติ อวิมุตฺตาเยว สมานา ‘‘วิมุตฺตา มย’’นฺติ เอวํสฺิโน, อวิมุตฺติยํ วา วิมุตฺติสฺิโน. ตตฺรายํ วจนตฺโถ, มิจฺฉา ปาปิกา วิปรีตา วิมุตฺติ เอเตสํ อตฺถีติ มิจฺฉาวิมุตฺตี. มิจฺฉาวิมุตฺตีติ จ ยถาวุตฺเตนากาเรน ปวตฺตานํ อกุสลกฺขนฺธานเมตํ อธิวจนํ. ผลสมฺปยุตฺตานิ ปน สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ เปตฺวา เสสธมฺมา สมฺมาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. สา จ มิจฺฉาวิมุตฺตึ สลฺลิขิตฺวา ิตตฺตา สลฺเลโขติ ¶ เวทิตพฺพา. ตตฺถ นิโยเชนฺโต อาห ‘‘มยเมตฺถ สมฺมาวิมุตฺตี ภวิสฺสามาติ สลฺเลโข กรณีโย’’ติ.
อิโต ปรานิ ตีณิ นีวรณวเสน วุตฺตานิ. อภิชฺฌาลู พฺยาปนฺนจิตฺตาติ เอวํ กมฺมปเถสุ วุตฺตตฺตา ปเนตฺถ ปมานิ ทฺเว นีวรณานิ น วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ. ตตฺถ ถินมิทฺเธน ปริยุฏฺิตา อภิภูตาติ ถินมิทฺธปริยุฏฺิตา. อุทฺธจฺเจน สมนฺนาคตาติ อุทฺธตา. วิจินนฺตา กิจฺฉนฺติ น สกฺโกนฺติ สนฺนิฏฺานํ กาตุนฺติ วิจิกิจฺฉี. โกธนาติอาทีนิ ทส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสวเสน วุตฺตานิ. ตตฺถ โกธาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ ธมฺมทายาทวตฺถสุตฺเตสุ วุตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ วจนตฺโถ – โกธนาติ กุชฺฌนสีลา. อุปนาหีติ อุปนาหนสีลา, อุปนาโห วา เอเตสํ อตฺถีติ อุปนาหี. ตถา มกฺขี ปลาสี จ. อิสฺสนฺตีติ อิสฺสุกี. มจฺฉรายนฺตีติ มจฺฉรี, มจฺเฉรํ วา เอเตสํ อตฺถีติ มจฺฉรี. สยนฺตีติ สา, น สมฺมา ภาสนฺตีติ วุตฺตํ โหติ, เกราฏิกยุตฺตานเมตํ อธิวจนํ. มายา เอเตสํ อตฺถีติ มายาวี. ถมฺภสมงฺคิตาย ถทฺธา. อติมานโยเคน อติมานี. วุตฺตปจฺจนีกนเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
ทุพฺพจาติ วตฺตุํ ทุกฺขา กิฺจิ วุจฺจมานา น สหนฺติ. ตพฺพิปรีตา สุวจา. เทวทตฺตาทิสทิสา ปาปกา มิตฺตา เอเตสนฺติ ปาปมิตฺตา. พุทฺธา วา สาริปุตฺตาทิสทิสา วา กลฺยาณา มิตฺตา เอเตสนฺติ กลฺยาณมิตฺตา. กายทุจฺจริตาทีสุ จิตฺตโวสฺสคฺควเสน ปมตฺตา. วิปรีตา อปฺปมตฺตาติ เวทิตพฺพา. อิมานิ ¶ ตีณิ ปกิณฺณกวเสน วุตฺตานิ. อสฺสทฺธาติอาทีนิ สตฺต อสทฺธมฺมวเสน. ตตฺถ ตีสุ วตฺถูสุ สทฺธา เอเตสํ นตฺถีติ อสฺสทฺธา. สุกฺกปกฺเข ¶ สทฺทหนฺตีติ สทฺธา, สทฺธา วา เอเตสํ อตฺถีติปิ สทฺธา. นตฺถิ เอเตสํ หิรีติ อหิริกา, อกุสลสมาปตฺติยา อชิคุจฺฉมานานเมตํ อธิวจนํ. หิรี เอเตสํ มเน, หิริยา วา ยุตฺตมนาติ หิริมนา. น โอตฺตปฺปนฺตีติ อโนตฺตปฺปี, อกุสลสมาปตฺติยา น ภายนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตพฺพิปรีตา โอตฺตปฺปี. อปฺปํ สุตเมเตสนฺติ อปฺปสฺสุตา, อปฺปนฺติ จ โถกนฺติ น คเหตพฺพํ, นตฺถีติ คเหตพฺพํ. ‘‘อปฺปสฺสุตา’’ติ หิ นิสฺสุตา สุตวิรหิตา วุจฺจนฺติ. พหุ สุตเมเตสนฺติ พหุสฺสุตา, ตถาคตภาสิตํ เอกมฺปิ คาถํ ยาถาวโต ตฺวา อนุรูปปฏิปนฺนานเมตํ อธิวจนํ. กุจฺฉิตา สีทนฺตีติ กุสีตา, หีนวีริยานเมตํ อธิวจนํ. อารทฺธํ ¶ วีริยเมเตสนฺติ อารทฺธวีริยา, สมฺมปฺปธานยุตฺตานเมตํ อธิวจนํ, มุฏฺา สติ เอเตสนฺติ มุฏฺสฺสตี, นฏฺสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. อุปฏฺิตา สติ เอเตสนฺติ อุปฏฺิตสฺสตี, นิจฺจํ อารมฺมณาภิมุขปฺปวตฺตสตีนเมตํ อธิวจนํ. ทุฏฺา ปฺา เอเตสนฺติ ทุปฺปฺา, นฏฺปฺาติ วุตฺตํ โหติ. ปฺาย สมฺปนฺนาติ ปฺาสมฺปนฺนา, ปฺาติ จ อิธ วิปสฺสนาปฺา เวทิตพฺพา. วิปสฺสนาสมฺภาโร หิ ปริปูโร อิมสฺมึ าเน อาคโต, ตสฺมา วิปสฺสนาปฺาว อยนฺติ โปราณานํ อาณา.
อิทานิ เอกเมว โลกุตฺตรคุณานํ อนฺตรายกรํ อนิยฺยานิกทิฏฺึ ตีหากาเรหิ ทสฺเสนฺโต สนฺทิฏฺิปรามาสีติอาทิมาห. ตตฺถ สนฺทิฏฺึ ปรามสนฺตีติ สนฺทิฏฺิปรามาสี. อาธานํ คณฺหนฺตีติ อาธานคฺคาหี, อาธานนฺติ ทฬฺหํ วุจฺจติ, ทฬฺหคฺคาหีติ อตฺโถ. ยุตฺตการณํ ทิสฺวาว ลทฺธึ ปฏินิสฺสชฺชนฺตีติ ปฏินิสฺสคฺคี, ทุกฺเขน กิจฺเฉน กสิเรน พหุมฺปิ การณํ ทสฺเสตฺวา น สกฺกา ปฏินิสฺสคฺคํ กาตุนฺติ ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, เย อตฺตโน อุปฺปนฺนํ ทิฏฺึ อิทเมว สจฺจนฺติ ทฬฺหํ คณฺหิตฺวา อปิ พุทฺธาทีหิ การณํ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานา น ปฏินิสฺสชฺชนฺติ, เตสเมตํ อธิวจนํ. ตาทิสา หิ ปุคฺคลา ยํ ยเทว ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา คณฺหนฺติ, ตํ สพฺพํ ‘‘เอวํ อมฺหากํ อาจริเยหิ กถิตํ, เอวํ อมฺเหหิ ¶ สุต’’นฺติ กุมฺโมว องฺคานิ สเก กปาเล อนฺโตเยว สโมทหนฺติ, กุมฺภีลคฺคาหํ คณฺหนฺติ น วิสฺสชฺชนฺติ. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
๘๔. เอวํ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ สลฺเลขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึ สลฺเลเข จิตฺตุปฺปาทสฺสาปิ พหูปการตํ ทสฺเสตุํ จิตฺตุปฺปาทมฺปิ โข อหนฺติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ ¶ , อหํ, จุนฺท, กุสเลสุ ธมฺเมสุ จิตฺตุปฺปาทมฺปิ พหูปการํ วทามิ, ยา ปเนตา กาเยน จ วาจาย จ อนุวิธิยนา, ยถา ปมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ตเถว เตสํ ธมฺมานํ กาเยน กรณํ, วาจาย จ ‘‘กโรถา’’ติ อาณาปนํ วา, อุคฺคหปริปุจฺฉาทีนิ วา, ตตฺถ วาโทเยว โก, เอกนฺตพหูปการาเยว หิ ตา อนุวิธิยนาติ ทสฺเสติ. กสฺมา ปเนตฺถ จิตฺตุปฺปาโทปิ พหูปกาโรติ? เอกนฺตหิตสุขาวหตฺตา อนุวิธิยนานํ เหตุตฺตา จ.
‘‘ทานํ ¶ ทสฺสามี’’ติ หิ จิตฺตุปฺปาโท สยมฺปิ เอกนฺตหิตสุขาวโห อนุวิธิยนานมฺปิ เหตุ, เอวฺหิ อุปฺปนฺนจิตฺตตฺตาเยว ทุติยทิวเส มหาวีถึ ปิทหิตฺวา มหามณฺฑปํ กตฺวา ภิกฺขุสตสฺส วา ภิกฺขุสหสฺสสฺส วา ทานํ เทติ, ‘‘ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตถ ปูเชถ ปริวิสถา’’ติ ปริชเน อาณาเปติ. เอวํ ‘‘สงฺฆสฺส จีวรํ เสนาสนํ เภสชฺชํ ทสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาโท สยมฺปิ เอกนฺตหิตสุขาวโห อนุวิธิยนานมฺปิ เหตุ, เอวํ อุปฺปนฺนจิตฺตตฺตาเยว หิ จีวราทีนิ อภิสงฺขโรติ เทติ ทาเปติ จ. เอส นโย สรณคมนาทีสุ.
‘‘สรณํ คจฺฉามี’’ติ หิ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาว ปจฺฉา กาเยน วา วาจาย วา สรณํ คณฺหาติ. ตถา ‘‘ปฺจงฺคํ อฏฺงฺคํ ทสงฺคํ วา สีลํ สมาทิยิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา กาเยน วา วาจาย วา สมาทิยติ, ‘‘ปพฺพชิตฺวา จตูสุ สีเลสุ ปติฏฺหิสฺสามี’’ติ จ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา กาเยน วาจาย จ ปูเรตพฺพํ สีลํ ปูเรติ. ‘‘พุทฺธวจนํ อุคฺคเหสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาว เอกํ วา นิกายํ ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปฺจ วา นิกาเย วาจาย อุคฺคณฺหาติ. เอวํ ธุตงฺคสมาทาน-กมฺมฏฺานุคฺคห-กสิณปริกมฺม-ฌานสมาปตฺติวิปสฺสนามคฺคผล- ปจฺเจกโพธิ-สมฺมาสมฺโพธิวเสน เนตพฺพํ.
‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ หิ จิตฺตุปฺปาโท สยมฺปิ เอกนฺตหิตสุขาวโห อนุวิธิยนานมฺปิ เหตุ, เอวฺหิ อุปฺปนฺนจิตฺตตฺตาเยว ¶ อปเรน สมเยน กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺเขยฺยานิ กาเยน วาจาย จ ปารมิโย ปูเรตฺวา สเทวกํ โลกํ ตาเรนฺโต วิจรติ. เอวํ สพฺพตฺถ จิตฺตุปฺปาโทปิ พหูปกาโร. กายวาจาหิ ปน อนุวิธิยนา อติพหูปการาเยวาติ เวทิตพฺพา.
เอวํ ¶ กุสเลสุ ธมฺเมสุ จิตฺตุปฺปาทสฺสาปิ พหูปการตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ นิโยเชนฺโต ‘‘ตสฺมา ติห จุนฺทา’’ติอาทิมาห. ตํ อตฺถโต ปากฏเมว.
๘๕. เอวํ จตุจตฺตาลีสาย อากาเรหิ ทสฺสิเต สลฺเลเข จิตฺตุปฺปาทสฺสาปิ พหูปการตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺเสว สลฺเลขสฺส หิตาธิคมาย มคฺคภาวํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปีติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ ¶ , ยถา นาม, จุนฺท, ขาณุกณฺฏกปาสาณาทีหิ วิสโม มคฺโค ภเวยฺย, ตสฺส ปริกฺกมนาย ปริวชฺชนตฺถาย อฺโ สุปริกมฺมกโต วิย ภูมิภาโค สโม มคฺโค ภเวยฺย, ยถา จ รุกฺขมูลปาสาณปปาตกุมฺภีลมกราทิ ปริพฺยากุลํ วิสมํ ติตฺถมสฺส, ตสฺส ปริกฺกมนาย ปริวชฺชนตฺถาย อฺํ อวิสมํ อนุปุพฺพคมฺภีรํ โสปานผลกสทิสํ ติตฺถํ ภเวยฺย, ยํ ปฏิปนฺโน สุเขเนว ตํ นทึ วา ตฬากํ วา อชฺโฌคาเหตฺวา นฺหาเยยฺย วา อุตฺตเรยฺย วา, เอวเมว โข, จุนฺท, วิสมมคฺควิสมติตฺถสทิสาย วิหึสาย สมนฺนาคตสฺส วิหึสกปุคฺคลสฺส สมมคฺคสมติตฺถสทิสา อวิหึสา โหติ ปริกฺกมนาย. ยเถว หิ วิสมมคฺคติตฺถปริวชฺชนตฺถาย สโม มคฺโค จ ติตฺถฺจ ปฏิยตฺตํ, เอวํ วิหึสาปริวชฺชนตฺถาย อวิหึสา ปฏิยตฺตา, ยํ ปฏิปนฺโน สุเขเนว มนุสฺสคตึ วา เทวคตึ วา อชฺโฌคาเหตฺวา สมฺปตฺตึ วา อนุภเวยฺย อุตฺตเรยฺย วา โลกา. เอเตเนว อุปาเยน สพฺพปทานิ โยเชตพฺพานิ.
๘๖. เอวํ ตสฺเสว หิตาธิคมาย มคฺคภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุปริภาคงฺคมนียตํ ทสฺเสนฺโต, เสยฺยถาปีติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ, ยถา นาม, จุนฺท, เย เกจิ อกุสลา ธมฺมา ปฏิสนฺธิยา ชนกา วา อชนกา วา, ทินฺนายปิ ปฏิสนฺธิยา วิปากชนกา วา อชนกา วา, สพฺเพ เต ชาติวเสน อโธภาคงฺคมนียาติ เอวํนามาว โหนฺติ, วิปากกาเล อนิฏฺากนฺตวิปากตฺตา. ยถา จ เย เกจิ กุสลา ธมฺมา ¶ ปฏิสนฺธิยา ชนกา วา อชนกา วา ทินฺนายปิ ปฏิสนฺธิยา วิปากชนกา วา อชนกา วา, สพฺเพ เต ชาติวเสน อุปริภาคงฺคมนียาติ เอวํนามาว โหนฺติ, วิปากกาเล อิฏฺกนฺตวิปากตฺตา, เอวเมว โข, จุนฺท, วิหึสกสฺส…เป… อุปริภาคายาติ. ตตฺรายํ โอปมฺมสํสนฺทนา – ยถา สพฺเพ อกุสลา อโธภาคงฺคมนียา, เอวํ วิหึสกสฺส ¶ เอกา วิหึสาปิ. ยถา จ สพฺเพ กุสลา อุปริภาคงฺคมนียา, เอวํ อวิหึสกสฺส เอกา อวิหึสาปิ. เอเตเนว อุปาเยน อกุสลํ อกุสเลน กุสลฺจ กุสเลน อุปเมตพฺพํ, อยํ กิเรตฺถ อธิปฺปาโยติ.
๘๗. เอวํ ตสฺเสว สลฺเลขสฺส อุปริภาคงฺคมนียตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปรินิพฺพาปเน สมตฺถภาวํ ทสฺเสตุํ โส วต จุนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ ¶ โสติ วุตฺตปฺปการปุคฺคลนิทฺเทโส. ตสฺส โยติ อิมํ อุทฺเทสวจนํ อาหริตฺวา โย อตฺตนา ปลิปปลิปนฺโน, โส วต, จุนฺท, ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสตีติ เอวํ สพฺพปเทสุ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ปลิปปลิปนฺโนติ คมฺภีรกทฺทเม นิมุคฺโค วุจฺจติ, โน จ โข อริยสฺส วินเย. อริยสฺส ปน วินเย ปลิปนฺติ ปฺจ กามคุณา วุจฺจนฺติ. ปลิปนฺโนติ ตตฺถ นิมุคฺโค พาลปุถุชฺชโน, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. ยถา, จุนฺท, โกจิ ปุริโส ยาว นาสิกคฺคา คมฺภีเร กทฺทเม นิมุคฺโค อปรํ ตตฺเถว นิมุคฺคํ หตฺเถ วา สีเส วา คเหตฺวา อุทฺธริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ, น หิ ตํ การณมตฺถิ, เยน โส ตํ อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺเปยฺย, เอวเมว โย อตฺตนา ปฺจกามคุณปลิเป ปลิปนฺโน, โส วต ปรํ ตเถว ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ.
ตตฺถ สิยา อยุตฺตเมตํ, ปุถุชฺชนานมฺปิ ภิกฺขุภิกฺขุนีอุปาสกอุปาสิกานํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โหนฺติเยว ธมฺมํ อภิสเมตาโร, ตสฺมา ปลิปปลิปนฺโน อุทฺธรตีติ, ตํ น ตถา ทฏฺพฺพํ. ภควาเยว หิ ตตฺถ อุทฺธรติ, ปสํสามตฺตเมว ปน ธมฺมกถิกา ลภนฺติ รฺา ปหิตเลขวาจโก วิย. ยถา หิ รฺโ ปจฺจนฺตชนปเท ปหิตํ เลขํ ตตฺถ มนุสฺสา เลขํ วาเจตุํ อชานนฺตา โย วาเจตุํ ชานาติ, เตน วาจาเปตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘รฺโ อาณา’’ติ อาทเรน สมฺปาเทนฺติ, น จ เนสํ ¶ โหติ ‘‘เลขวาจกสฺส อยํ อาณา’’ติ. เลขวาจโก ปน ‘‘วิสฺสฏฺาย วาจาย วาเจสิ อเนลคฬายา’’ติ ปสํสามตฺตเมว ลภติ, เอวเมว กิฺจาปิ สาริปุตฺตปภุตโย ธมฺมกถิกา ธมฺมํ เทเสนฺติ, อถ โข ลิขิตปณฺณวาจโก วิย เต โหนฺติ. ภควโตเยว ปน สา ธมฺมเทสนา รฺโ อาณา วิย. เย จ ตํ สุตฺวา ธมฺมํ อภิสเมนฺติ, เต ภควาเยว อุทฺธรตีติ เวทิตพฺพา. ธมฺมกถิกา ปน ‘‘วิสฺสฏฺาย วาจาย ธมฺมํ เทเสนฺติ อเนลคฬายา’’ติ ปสํสามตฺตเมว ลภนฺตีติ. ตสฺมา ยุตฺตเมเวตนฺติ. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
อทนฺโต ¶ อวินีโต อปรินิพฺพุโตติ เอตฺถ ปน อนิพฺพิสตาย อทนฺโต. อสิกฺขิตวินยตาย อวินีโต. อนิพฺพุตกิเลสตาย อปรินิพฺพุโตติ เวทิตพฺโพ. โส ตาทิโส ปรํ ทเมสฺสติ, นิพฺพิสํ กริสฺสติ ¶ , วิเนสฺสติ วา ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขาเปสฺสติ, ปรินิพฺพาเปสฺสติ วา ตสฺส กิเลเส นิพฺพาเปสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
เอวเมว โข, จุนฺท, วิหึสกสฺส…เป… ปรินิพฺพานายาติ เอตฺถ ปน เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ – ยถา หิ อตฺตนา อปลิปปลิปนฺโน ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสติ, ทนฺโต ทเมสฺสติ, วินีโต วิเนสฺสติ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชตีติ. กึ ปน ตนฺติ? อปลิปปลิปนฺนตฺตํ, ทนฺตตฺตํ วินีตตฺตํ ปรินิพฺพุตตฺตฺจ, เอวเมว โข, จุนฺท, วิหึสกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อวิหึสา โหติ ปรินิพฺพานาย. กึ วุตฺตํ โหติ? โย อตฺตนา อวิหึสโก, ตสฺส ยา อวิหึสา, อยํ ยา เอสา วิหึสกสฺส ปรสฺส วิหึสา, ตสฺสา ปรินิพฺพานาย โหติ, อตฺตนา หิ อวิหึสโก ปรสฺส วิหึสาเจตนํ นิพฺพาเปสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชติ. กึ ปน ตนฺติ? อวิหึสกตฺตเมว. ยฺหิ เยน อตฺตนา อธิคตํ โหติ, โส ปรํ ตทตฺถาย สมาทเปตุํ สกฺโกตีติ.
อถ วา ยถา อตฺตนา อปลิปนฺโน ทนฺโต วินีโต ปรินิพฺพุโต ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อทนฺตํ อวินีตํ อปรินิพฺพุตฺจ อุทฺธริสฺสติ ทเมสฺสติ วิเนสฺสติ ปรินิพฺพาเปสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชติ, เอวเมว วิหึสกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส วิหึสาปหานาย มคฺคํ ภาวยโต อุปฺปนฺนา อวิหึสา โหติ ปรินิพฺพานาย. ปรินิพฺพุโต วิย หิ อปรินิพฺพุตํ อวิหึสาเจตนาว วิหึสาเจตนํ ปรินิพฺพาเปตุํ ¶ สมตฺถา. เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมว โข, จุนฺทา’’ติอาทิมาหาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพปเทสุ. อติวิตฺถารภเยน ปน อนุปทโยชนา น กตาติ.
๘๘. เอวํ ตสฺส ปรินิพฺพาปเน สมตฺถภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ เทสนํ นิคเมตฺวา ธมฺมปฏิปตฺติยํ นิโยเชตุํ อิติ โข, จุนฺทาติอาทิมาห. ตตฺถ สลฺเลขปริยาโยติ สลฺเลขการณํ. เอส นโย สพฺพตฺถ เอตฺถ อวิหึสาทโย เอว วิหึสาทีนํ สลฺเลขนโต สลฺเลขการณํ ¶ . เตสํ วเสน จิตฺตสฺส อุปฺปาเทตพฺพโต จิตฺตุปาทการณํ, วิหึสาทิ, ปริกฺกมนสฺส เหตุโต ปริกฺกมนการณํ, อุปริภาคนิปฺผาทนโต อุปริภาคการณํ ¶ , วิหึสาทีนํ ปรินิพฺพาปนโต ปรินิพฺพานการณนฺติ เวทิตพฺพา. หิเตสินาติ หิตํ เอสนฺเตน. อนุกมฺปเกนาติ อนุกมฺปมาเนน. อนุกมฺปํ อุปาทายาติ อนุกมฺปํ จิตฺเตน ปริคฺคเหตฺวา, ปริจฺจาติปิ วุตฺตํ โหติ. กตํ โว ตํ มยาติ ตํ มยา อิเม ปฺจ ปริยาเย ทสฺเสนฺเตน ตุมฺหากํ กตํ. เอตฺตกเมว หิ อนุกมฺปกสฺส สตฺถุ กิจฺจํ, ยทิทํ อวิปรีตธมฺมเทสนา. อิโต ปรํ ปน ปฏิปตฺติ นาม สาวกานํ กิจฺจํ. เตนาห เอตานิ, จุนฺท, รุกฺขมูลานิ…เป… อมฺหากํ อนุสาสนีติ.
ตตฺถ จ รุกฺขมูลานีติ อิมินา รุกฺขมูลเสนาสนํ ทสฺเสติ. สฺุาคารานีติ อิมินา ชนวิวิตฺตฏฺานํ. อุภเยนาปิ จ โยคานุรูปเสนาสนมาจิกฺขติ, ทายชฺชํ นิยฺยาเตติ. ฌายถาติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน อฏฺตึสารมฺมณานิ, ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ อนิจฺจาทิโต ขนฺธายตนาทีนิ อุปนิชฺฌายถ, สมถฺจ วิปสฺสนฺจ วฑฺเฒถาติ วุตฺตํ โหติ. มา ปมาทตฺถาติ มา ปมชฺชิตฺถ. มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถาติ เย หิ ปุพฺเพ ทหรกาเล, อาโรคฺยกาเล, สตฺตสปฺปายาทิสมฺปตฺติกาเล, สตฺถุ สมฺมุขีภาวกาเล จ โยนิโสมนสิการวิรหิตา รตฺตินฺทิวํ มงฺคุลภตฺตา หุตฺวา เสยฺยสุขํ มิทฺธสุขมนุโภนฺตา ปมชฺชนฺติ, เต ปจฺฉา ชรากาเล, โรคกาเล, มรณกาเล, วิปตฺติกาเล, สตฺถุ ปรินิพฺพุตกาเล จ ตํ ปุพฺเพ ปมาทวิหารํ อนุสฺสรนฺตา, สปฺปฏิสนฺธิกาลกิริยฺจ ภาริยํ สมฺปสฺสมานา วิปฺปฏิสาริโน โหนฺติ, ตุมฺเห ปน ตาทิสา มา อหุวตฺถาติ เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มา ¶ ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถา’’ติ. อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนีติ อยํ อมฺหากํ สนฺติกา ‘‘ฌายถ มา ปมาทตฺถา’’ติ ตุมฺหากํ อนุสาสนี, โอวาโทติ วุตฺตํ โหติ.
ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฏฺกถาย
สลฺเลขสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สมฺมาทิฏฺิสุตฺตวณฺณนา
๘๙. เอวํ ¶ เม สุตนฺติ สมฺมาทิฏฺิสุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาทิฏฺีติ, อาวุโส, วุจฺจติ, กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส’’ติ วา ‘‘กตมํ ปนาวุโส ¶ , อกุสล’’นฺติ วา เอวํ ยตฺตกา เถเรน ปุจฺฉา วุตฺตา, สพฺพา กเถตุกมฺยตา ปุจฺฉา เอว.
ตตฺถ ยสฺมา ชานนฺตาปิ สมฺมาทิฏฺีติ วทนฺติ อชานนฺตาปิ พาหิรกาปิ สาสนิกาปิ อนุสฺสวาทิวเสนาปิ อตฺตปจฺจกฺเขนาปิ, ตสฺมา ตํ พหูนํ วจนํ อุปาทาย ทฺวิกฺขตฺตุํ อามสนฺโต ‘‘สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาทิฏฺีติ, อาวุโส, วุจฺจตี’’ติ อาห. อยฺหิ เอตฺถ อธิปฺปาโย, อปเรหิปิ สมฺมาทิฏฺีติ วุจฺจติ, อถาปเรหิปิ สมฺมาทิฏฺีติ วุจฺจติ, สฺวายํ เอวํ วุจฺจมาโน อตฺถฺจ ลกฺขณฺจ อุปาทาย กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหตีติ. ตตฺถ สมฺมาทิฏฺีติ โสภนาย ปสตฺถาย จ ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต. ยทา ปน ธมฺเมเยว อยํ สมฺมาทิฏฺิสทฺโท วตฺตติ, ตทาสฺส โสภนา ปสตฺถา จ ทิฏฺิ สมฺมาทิฏฺีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สา จายํ สมฺมาทิฏฺิ ทุวิธา โหติ โลกิยา โลกุตฺตราติ. ตตฺถ กมฺมสฺสกตาาณํ สจฺจานุโลมิกาณฺจ โลกิยา สมฺมาทิฏฺิ, สงฺเขปโต วา สพฺพาปิ สาสวา ปฺา. อริยมคฺคผลสมฺปยุตฺตา ปฺา โลกุตฺตรา สมฺมาทิฏฺิ. ปุคฺคโล ปน ติวิโธ โหติ ปุถุชฺชโน เสกฺโข อเสกฺโข จ. ตตฺถ ปุถุชฺชโน ทุวิโธ โหติ พาหิรโก สาสนิโก จ. ตตฺถ พาหิรโก กมฺมวาที กมฺมสฺสกตาทิฏฺิยา สมฺมาทิฏฺิ โหติ, โน สจฺจานุโลมิกาย อตฺตทิฏฺิปรามาสกตฺตา. สาสนิโก ทฺวีหิปิ. เสกฺโข นิยตาย สมฺมาทิฏฺิยา สมฺมาทิฏฺิ. อเสกฺโข อเสกฺขาย. อิธ ปน นิยตาย นิยฺยานิกาย โลกุตฺตรกุสลสมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต ‘‘สมฺมาทิฏฺี’’ติ อธิปฺเปโต. เตเนวาห ‘‘อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ, โลกุตฺตรกุสลสมฺมาทิฏฺิเยว หิ อนฺตทฺวยมนุปคมฺม อุชุภาเวน คตตฺตา ¶ , กายวงฺกาทีนิ จ สพฺพวงฺกานิ สมุจฺฉินฺทิตฺวา คตตฺตา อุชุคตา โหติ, ตาเยว ¶ จ ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต นวปฺปกาเรปิ โลกุตฺตรธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน อจลปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ, สพฺพทิฏฺิคหนานิ จ วินิพฺเพเนฺโต สพฺพกิเลเส ปชหนฺโต ชาติสํสารา นิกฺขมนฺโต ปฏิปตฺตึ ปรินิฏฺเปนฺโต อริเยน มคฺเคน อาคโต อิมํ สมฺพุทฺธปฺปเวทิตํ อมโตคธํ นิพฺพานสงฺขาตํ สทฺธมฺมนฺติ วุจฺจติ.
ยโต โขติ กาลปริจฺเฉทวจนเมตํ, ยสฺมึ กาเลติ วุตฺตํ โหติ. อกุสลฺจ ปชานาตีติ ทสากุสลกมฺมปถสงฺขาตํ อกุสลฺจ ¶ ปชานาติ, นิโรธารมฺมณาย ปชานนาย กิจฺจวเสน ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ ปฏิวิชฺฌนฺโต อกุสลํ ปชานาติ. อกุสลมูลฺจ ปชานาตีติ ตสฺส มูลปจฺจยภูตํ อกุสลมูลฺจ ปชานาติ, เตเนว ปกาเรน ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ปฏิวิชฺฌนฺโต. เอส นโย กุสลฺจ กุสลมูลฺจาติ เอตฺถาปิ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุ สพฺพวาเรสุ กิจฺจวเสเนว วตฺถุปชานนา เวทิตพฺพา. เอตฺตาวตาปีติ เอตฺตเกน อิมินา อกุสลาทิปฺปชานเนนาปิ. สมฺมาทิฏฺิ โหตีติ วุตฺตปฺปการาย โลกุตฺตรสมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ. อุชุคตาสฺส…เป… อิมํ สทฺธมฺมนฺติ เอตฺตาวตา สํขิตฺตเทสนา นิฏฺิตา โหติ. เทสนาเยว เจสา สํขิตฺตา, เตสํ ปน ภิกฺขูนํ วิตฺถารวเสเนว สมฺมามนสิการปฺปฏิเวโธ เวทิตพฺโพ.
ทุติยวาเร ปน เทสนาปิ วิตฺถาเรน มนสิการปฺปฏิเวโธปิ วิตฺถาเรเนว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ‘‘สํขิตฺตเทสนาย ทฺเว เหฏฺิมมคฺคา, วิตฺถารเทสนาย ทฺเว อุปริมมคฺคา กถิตา’’ติ ภิกฺขู อาหํสุ วิตฺถารเทสนาวสาเน ‘‘สพฺพโส ราคานุสยํ ปหายา’’ติอาทิวจนํ สมฺปสฺสมานา. เถโร ปนาห ‘‘สํขิตฺตเทสนายปิ จตฺตาโร มคฺคา ราสิโต กถิตา, วิตฺถารเทสนายปี’’ติ. ยา จายํ ¶ อิธ สํขิตฺตวิตฺถารเทสนาสุ วิจารณา อาวิกตา, สา สพฺพวาเรสุ อิธ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. อปุพฺพานุตฺตานปทวณฺณนามตฺตเมว หิ อิโต ปรํ กริสฺสาม.
อกุสลกมฺมปถวณฺณนา
ตตฺถ ปมวารสฺส ตาว วิตฺถารเทสนาย ‘‘ปาณาติปาโต โข, อาวุโส, อกุสล’’นฺติอาทีสุ อโกสลฺลปฺปวตฺติยา อกุสลํ เวทิตพฺพํ, ปรโต วตฺตพฺพกุสลปฺปฏิปกฺขโต ¶ วา. ตํ ลกฺขณโต สาวชฺชทุกฺขวิปากํ สํกิลิฏฺํ วา. อยํ ตาเวตฺถ สาธารณปทวณฺณนา.
อสาธารเณสุ ปน ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. ปาโณติ เจตฺถ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ตสฺมึ ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. โส คุณวิรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ปาเณสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาสรีเร ¶ มหาสาวชฺโช. กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย. ปโยคสมตฺเตปิ วตฺถุมหนฺตตาย. คุณวนฺเตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาคุเณ มหาสาวชฺโช. สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺโช, ติพฺพตาย มหาสาวชฺโชติ เวทิตพฺโพ. ตสฺส ปฺจ สมฺภารา โหนฺติ ปาโณ, ปาณสฺิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติ. ฉ ปโยคา สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติ. อิมสฺมึ ปเนตฺถ วิตฺถารียมาเน อติปปฺโจ โหติ, ตสฺมา นํ น วิตฺถารยาม, อฺฺจ เอวรูปํ. อตฺถิเกหิ ปน สมนฺตปาสาทิกํ วินยฏฺกถํ (ปารา. อฏฺ. ๒.๑๗๒) โอโลเกตฺวา คเหตพฺโพ.
อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺส หรณํ เถยฺยํ, โจริกาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชนฺโต อทณฺฑารโห อนุปวชฺโช จ โหติ. ตสฺมึ ปน ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสฺิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ ¶ , ปณีเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? วตฺถุปณีตตาย. วตฺถุสมตฺเต สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมึ มหาสาวชฺชํ. ตํ ตํ คุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมึ อปฺปสาวชฺชํ. ตสฺส ปฺจ สมฺภารา โหนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสฺิตา, เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน หรณนฺติ. ฉ ปโยคา สาหตฺถิกาทโยว. เต จ โข ยถานุรูปํ เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร, กุสาวหาโรติ อิเมสํ อวหารานํ วเสน ปวตฺตาติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฏฺ. ๑.๙๒) วุตฺโต.
กาเมสุมิจฺฉาจาโรติ ¶ เอตฺถ ปน กาเมสูติ เมถุนสมาจาเรสุ. มิจฺฉาจาโรติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโร. ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุมิจฺฉาจาโร.
ตตฺถ อคมนียฏฺานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตา, ปิตุรกฺขิตา, มาตาปิตุรกฺขิตา, ภาตุรกฺขิตา, ภคินิรกฺขิตา, าติรกฺขิตา, โคตฺตรกฺขิตา, ธมฺมรกฺขิตา, สารกฺขา, สปริทณฺฑาติ มาตุรกฺขิตาทโย ทส ¶ ; ธนกฺกีตา, ฉนฺทวาสินี, โภควาสินี, ปฏวาสินี, โอทปตฺตกินี, โอภฏจุมฺพฏา, ทาสี จ ภริยา จ, กมฺมการี จ ภริยา จ, ธชาหตา, มุหุตฺติกาติ เอตา จ ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโย. อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขาสปริทณฺฑานํ, ทสนฺนฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อฺเ ปุริสา, อิทํ อคมนียฏฺานํ นาม. โส ปเนส มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฏฺาเน อปฺปสาวชฺโช, สีลาทิคุณสมฺปนฺเน มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา อคมนียวตฺถุ, ตสฺมึ เสวนจิตฺตํ, เสวนปโยโค, มคฺเคนมคฺคปฺปฏิปตฺติอธิวาสนนฺติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโก เอว.
มุสาติ ¶ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภฺชโก วจีปโยโค กายปโยโค วา. วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทนกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. อปโร นโย มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ. วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาปนํ. ลกฺขณโต ปน อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถาวิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. โส ยมตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวชฺโช, มหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. อปิจ คหฏฺานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติอาทินยปฺปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภฺชนตฺถํ วุตฺโต มหาสาวชฺโช. ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปึ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นทีมฺเ สนฺทตี’’ติ ปุราณกถานเยน ปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, อทิฏฺํเยว ปน ทิฏฺนฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา โหนฺติ อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกว. โส กาเยน วา กายปฺปฏิพทฺเธน วา วาจาย วา วิสํวาทกกิริยากรเณ ¶ ทฏฺพฺโพ. ตาย เจ กิริยาย ปโร ตมตฺถํ ชานาติ, อยํ กิริยาสมุฏฺาปิกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติ.
ปิสุณา วาจาติอาทีสุ ยาย วาจาย ยสฺส ตํ วาจํ ภาสติ, ตสฺส หทเย อตฺตโน ปิยภาวํ ปรสฺส จ สฺุภาวํ กโรติ, สา ปิสุณา วาจา. ยาย ปน อตฺตานมฺปิ ปรมฺปิ ผรุสมฺปิ กโรติ, สา วาจา สยมฺปิ ผรุสา เนว กณฺณสุขา น หทยสุขา วา, อยํ ผรุสา วาจา. เยน ¶ สมฺผํ ปลปติ นิรตฺถกํ, โส สมฺผปฺปลาโป. เตสํ มูลภูตา เจตนาปิ ปิสุณาวาจาทินามเมว ลภติ, สา เอว จ อิธ อธิปฺเปตาติ. ตตฺถ สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ปเรสํ วา เภทาย อตฺตโน ปิยกมฺยตาย วา กายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปิสุณา วาจา. สา ยสฺส เภทํ กโรติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา. ตสฺสา จตฺตาโร สมฺภารา ภินฺทิตพฺโพ ปโร, ‘‘อิติ อิเม นานา ภวิสฺสนฺติ วินา ภวิสฺสนฺตี’’ติ เภทปุเรกฺขารตา วา, ‘‘อหํ ¶ ปิโย ภวิสฺสามิ วิสฺสาสิโก’’ติ ปิยกมฺยตา วา, ตชฺโช วายาโม, ตสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ.
ปรสฺส มมฺมจฺเฉทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เอกนฺตผรุสา เจตนา ผรุสา วาจา. ตสฺส อาวิภาวตฺถมิทํ วตฺถุ – เอโก กิร ทารโก มาตุวจนํ อนาทิยิตฺวา อรฺํ คจฺฉติ, ตํ มาตา นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘จณฺฑา ตํ มหึสี อนุพนฺธตู’’ติ อกฺโกสิ. อถสฺส ตตฺเถว อรฺเ มหึสี อุฏฺาสิ. ทารโก ‘‘ยํ มม มาตา มุเขน กเถสิ ตํ มา โหตุ, ยํ จิตฺเตน จินฺเตสิ ตํ โหตู’’ติ สจฺจกิริยมกาสิ. มหึสี ตตฺเถว พทฺธา วิย อฏฺาสิ. เอวํ มมฺมจฺเฉทโกปิ ปโยโค จิตฺตสณฺหตาย ผรุสา วาจา น โหติ. มาตาปิตโร หิ กทาจิ ปุตฺตเก เอวมฺปิ วทนฺติ ‘‘โจรา โว ขณฺฑาขณฺฑิกํ กโรนฺตู’’ติ, อุปฺปลปตฺตมฺปิ จ เนสํ อุปริ ปตนฺตํ น อิจฺฉนฺติ. อาจริยุปชฺฌายา จ กทาจิ นิสฺสิตเก เอวํ วทนฺติ ‘‘กึ อิเม อหิริกา อโนตฺตปฺปิโน จรนฺติ นิทฺธมถ เน’’ติ. อถ โข เนสํ อาคมาธิคมสมฺปตฺตึ อิจฺฉนฺติ. ยถา จ จิตฺตสณฺหตาย ผรุสา วาจา น โหติ, เอวํ วจนสณฺหตาย อผรุสา วาจาปิ น โหติ. น หิ มาราเปตุกามสฺส ‘‘อิมํ สุขํ สยาเปถา’’ติ วจนํ อผรุสา วาจา โหติ. จิตฺตผรุสตาย ปเนสา ผรุสา วาจาว. สา ยํ ¶ สนฺธาย ปวตฺติตา, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺชา, มหาคุณตาย มหาสาวชฺชา. ตสฺสา ตโย สมฺภารา อกฺโกสิตพฺโพ ปโร, กุปิตจิตฺตํ, อกฺโกสนาติ.
อนตฺถวิฺาปกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา อกุสลเจตนา สมฺผปฺปลาโป. โส อาเสวนมนฺทตาย อปฺปสาวชฺโช, อาเสวนมหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา ภารตยุทฺธสีตาหรณาทินิรตฺถกกถาปุเรกฺขารตา, ตถารูปีกถากถนนฺติ.
อภิชฺฌายตีติ ¶ อภิชฺฌา, ปรภณฺฑาภิมุขี หุตฺวา ตนฺนินฺนตาย ปวตฺตตีติ อตฺโถ. สา ‘‘อโห วต อิทํ มมสฺสา’’ติ เอวํ ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณา. อทินฺนาทานํ วิย อปฺปสาวชฺชา จ มหาสาวชฺชา จ. ตสฺสา ทฺเว สมฺภารา ปรภณฺฑํ, อตฺตโน ปริณามนฺจ. ปรภณฺฑวตฺถุเก หิ โลเภ อุปฺปนฺเนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตีทํ มมสฺสา’’ติ อตฺตโน น ปริณาเมติ.
หิตสุขํ พฺยาปาทยตีติ พฺยาปาโท. โส ปรวินาสาย มโนปโทสลกฺขโณ ¶ , ผรุสา วาจา วิย อปฺปสาวชฺโช มหาสาวชฺโช จ. ตสฺส ทฺเว สมฺภารา ปรสตฺโต จ, ตสฺส จ วินาสจินฺตา. ปรสตฺตวตฺถุเก หิ โกเธ อุปฺปนฺเนปิ น ตาว กมฺมปถเภโท โหติ, ยาว ‘‘อโห วตายํ อุจฺฉิชฺเชยฺย วินสฺเสยฺยา’’ติ ตสฺส วินาสํ น จินฺเตติ.
ยถาภุจฺจคหณาภาเวน มิจฺฉา ปสฺสตีติ มิจฺฉาทิฏฺิ. สา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน วิปรีตทสฺสนลกฺขณา. สมฺผปฺปลาโป วิย อปฺปสาวชฺชา มหาสาวชฺชา จ. อปิจ อนิยตา อปฺปสาวชฺชา, นิยตา มหาสาวชฺชา. ตสฺสา ทฺเว สมฺภารา วตฺถุโน จ คหิตาการวิปรีตตา, ยถา จ ตํ คณฺหาติ, ตถาภาเวน ตสฺสุปฏฺานนฺติ.
อิเมสํ ปน ทสนฺนํ อกุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฏฺาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโตติ ปฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ¶ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ ปฏิปาฏิยา สตฺต, เจตนาธมฺมาว โหนฺติ, อภิชฺฌาทโย ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตา.
โกฏฺาสโตติ ปฏิปาฏิยา สตฺต, มิจฺฉาทิฏฺิ จาติ อิเม อฏฺ กมฺมปถา เอว โหนฺติ, โน มูลานิ. อภิชฺฌาพฺยาปาทา กมฺมปถา เจว มูลานิ จ. อภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา โลโภ อกุสลมูลํ โหติ. พฺยาปาโท โทโส อกุสลมูลํ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณ โหติ. อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วา. มิจฺฉาจาโร โผฏฺพฺพวเสน สงฺขารารมฺมโณ. สตฺตารมฺมโณติปิ เอเก. มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วา. ตถา ปิสุณา วาจา. ผรุสา วาจา สตฺตารมฺมณาว. สมฺผปฺปลาโป ทิฏฺสุตมุตวิฺาตวเสน สตฺตารมฺมโณ ¶ วา สงฺขารารมฺมโณ วา, ตถา อภิชฺฌา. พฺยาปาโท สตฺตารมฺมโณว. มิจฺฉาทิฏฺิ เตภูมกธมฺมวเสน สงฺขารารมฺมณา.
เวทนาโตติ ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน โหติ. กิฺจาปิ หิ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘‘คจฺฉถ นํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺติ, สนฺนิฏฺาปกเจตนา ปน เนสํ ทุกฺขสมฺปยุตฺตาว โหติ. อทินฺนาทานํ ติเวทนํ. มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโน, สนฺนิฏฺาปกจิตฺเต ปน มชฺฌตฺตเวทโน น โหติ. มุสาวาโท ติเวทโน, ตถา ปิสุณา วาจา. ผรุสา วาจา ทุกฺขเวทนาว. สมฺผปฺปลาโป ติเวทโน ¶ . อภิชฺฌา สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทนา, ตถา มิจฺฉาทิฏฺิ. พฺยาปาโท ทุกฺขเวทโน.
มูลโตติ ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก โหติ. อทินฺนาทานํ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา. มิจฺฉาจาโร โลภโมหวเสน. มุสาวาโท โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา, ตถา ปิสุณา วาจา สมฺผปฺปลาโป จ. ผรุสา วาจา โทสโมหวเสน. อภิชฺฌา โมหวเสน เอกมูลา, ตถา พฺยาปาโท. มิจฺฉาทิฏฺิ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลาติ.
โลโภ อกุสลมูลนฺติอาทีสุ ลุพฺภตีติ โลโภ. ทุสฺสตีติ โทโส. มุยฺหตีติ โมโห. เตสุ โลโภ สยฺจ อกุสโล สาวชฺชทุกฺขวิปากฏฺเน, อิเมสฺจ ปาณาติปาตาทีนํ อกุสลานํ ¶ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตปฺปภาวกฏฺเน เกสฺจิ อุปนิสฺสยปจฺจยฏฺเน มูลนฺติ อกุสลมูลํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘รตฺโต โข อาวุโส ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนตี’’ติอาทิ. โทสโมหานํ อกุสลมูลภาเวปิ เอเสว นโย.
อกุสลกมฺมปถวณฺณนา นิฏฺิตา.
กุสลกมฺมปถวณฺณนา
ปาณาติปาตา เวรมณี กุสลนฺติอาทีสุ ปาณาติปาตาทโย วุตฺตตฺถา เอว. เวรํ มณตีติ เวรมณี, เวรํ ปชหตีติ อตฺโถ. วิรมติ วา เอตาย กรณภูตาย, วิการสฺส เวการํ กตฺวาปิ เวรมณี. อยํ ตาเวตฺถ พฺยฺชนโต วณฺณนา. อตฺถโต ปน เวรมณีติ กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ. ยา ‘‘ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส, ยา ตสฺมึ สมเย ¶ ปาณาติปาตา อารติ วิรตี’’ติ เอวํ วุตฺตา กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ, สา เภทโต ติวิโธ โหติ สมฺปตฺตวิรติ สมาทานวิรติ สมุจฺเฉทวิรตีติ. ตตฺถ อสมาทินฺนสิกฺขาปทานํ อตฺตโน ชาติวยพาหุสจฺจาทีนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อยุตฺตํ อมฺหากํ เอวรูปํ กาตุ’’นฺติ สมฺปตฺตวตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมฺปตฺตวิรตีติ เวทิตพฺพา สีหฬทีเป จกฺกนอุปาสกสฺส วิย.
ตสฺส กิร ทหรกาเลเยว มาตุยา โรโค อุปฺปชฺชิ. เวชฺเชน จ ‘‘อลฺลสสมํสํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺตํ. ตโต จกฺกนสฺส ภาตา ‘‘คจฺฉ ตาต เขตฺตํ อาหิณฺฑาหี’’ติ จกฺกนํ เปเสสิ. โส ตตฺถ คโต. ตสฺมิฺจ สมเย เอโก สโส ตรุณสสฺสํ ขาทิตุํ อาคโต โหติ, โส ตํ ทิสฺวา เวเคน ธาเวนฺโต วลฺลิยา พทฺโธ ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. จกฺกโน เตน สทฺเทน คนฺตฺวา ตํ คเหตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มาตุ ¶ เภสชฺชํ กโรมี’’ติ. ปุน จินฺเตสิ ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ มาตุ ชีวิตการณา ปรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย’’นฺติ. อถ นํ ‘‘คจฺฉ อรฺเ สเสหิ สทฺธึ ติโณทกํ ปริภฺุชา’’ติ มฺุจิ. ภาตรา จ ‘‘กึ ตาต สโส ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิโต ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. ตโต นํ ภาตา ปริภาสิ. โส มาตุสนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ยโตหํ ¶ ชาโต, นาภิชานามิ สฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปตา’’ติ สจฺจํ วตฺวา อธิฏฺาสิ. ตาวเทวสฺส มาตา อโรคา อโหสิ.
สมาทินฺนสิกฺขาปทานํ ปน สิกฺขาปทสมาทาเน จ ตตุตฺตริ จ อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมาทานวิรตีติ เวทิตพฺพา อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตวาสีอุปาสกสฺส วิย.
โส กิร อมฺพริยวิหารวาสีปิงฺคลพุทฺธรกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก สิกฺขาปทานิ คเหตฺวา เขตฺตํ กสฺสติ. อถสฺส โคโณ นฏฺโ, โส ตํ คเวสนฺโต อุตฺตรวฑฺฒมานปพฺพตํ อารุหิ, ตตฺร นํ มหาสปฺโป อคฺคเหสิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อิมายสฺส ติขิณวาสิยา สีสํ ฉินฺทามี’’ติ. ปุน จินฺเตสิ ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ ภาวนียสฺส ครุโน สนฺติเก สิกฺขาปทํ คเหตฺวา ภินฺเทยฺย’’นฺติ. เอวํ ยาวตติยํ จินฺเตตฺวา ‘‘ชีวิตํ ¶ ปริจฺจชามิ, น สิกฺขาปท’’นฺติ อํเส ปิตํ ติขิณทณฺฑวาสึ อรฺเ ฉฑฺเฑสิ. ตาวเทว นํ มหาวาโฬ มฺุจิตฺวา อคมาสีติ.
อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา ปน วิรติ สมุจฺเฉทวิรตีติ เวทิตพฺพา. ยสฺสา อุปฺปตฺติโต ปภุติ ‘‘ปาณํ ฆาเตสฺสามี’’ติ อริยปุคฺคลานํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชตีติ. สา ปนายํ วิรติ โกสลฺลปฺปวตฺติยา กุสลนฺติ วุตฺตา. กุจฺฉิตสยนโต วา กุสนฺติ ลทฺธโวหารํ ทุสฺสีลฺยํ ลุนาตีติปิ กุสลํ. กตมฺจาวุโส กุสลนฺติ อิมสฺส ปน ปฺหสฺส อนนุรูปตฺตา กุสลาติ น วุตฺตา.
ยถา จ อกุสลานํ, เอวํ อิเมสมฺปิ กุสลกมฺมปถานํ ธมฺมโต โกฏฺาสโต อารมฺมณโต เวทนาโต มูลโตติ ปฺจหากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ ธมฺมโตติ เอเตสุ หิ ปฏิปาฏิยา สตฺต เจตนาปิ วฏฺฏนฺติ, วิรติโยปิ. อนฺเต ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตาว.
โกฏฺาสโตติ ¶ ปฏิปาฏิยา สตฺต กมฺมปถา เอว, โน มูลานิ. อนฺเต ตโย กมฺมปถา เจว ¶ มูลานิ จ. อนภิชฺฌา หิ มูลํ ปตฺวา อโลโภ กุสลมูลํ โหติ. อพฺยาปาโท อโทโส กุสลมูลํ. สมฺมาทิฏฺิ อโมโห กุสลมูลํ.
อารมฺมณโตติ ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณานิ, วีติกฺกมิตพฺพโตเยว หิ เวรมณี นาม โหติ. ยถา ปน นิพฺพานารมฺมโณ อริยมคฺโค กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณาเปเต กมฺมปถา ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺตีติ เวทิตพฺพา.
เวทนาโตติ สพฺเพ สุขเวทนา วา โหนฺติ, มชฺฌตฺตเวทนา วา. กุสลํ ปตฺวา หิ ทุกฺขเวทนา นาม นตฺถิ.
มูลโตติ ปฏิปาฏิยา สตฺต กมฺมปถา าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสอโมหวเสน ติมูลา โหนฺติ. าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส ทฺวิมูลา. อนภิชฺฌา าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส ¶ ทฺวิมูลา. าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน เอกมูลา. อโลโภ ปน อตฺตนาว อตฺตโน มูลํ น โหติ, อพฺยาปาเทปิ เอเสว นโย. สมฺมาทิฏฺิ อโลภาโทสวเสน ทฺวิมูลาวาติ.
อโลโภ กุสลมูลนฺติอาทีสุ น โลโภติ อโลโภ, โลภปฏิปกฺขสฺส ธมฺมสฺเสตํ อธิวจนํ. อโทสาโมเหสุปิ เอเสว นโย. เตสุ อโลโภ สยฺจ กุสลํ, อิเมสฺจ ปาณาติปาตา เวรมณีอาทีนํ กุสลานํ เกสฺจิ สมฺปยุตฺตปฺปภาวกฏฺเน เกสฺจิ อุปนิสฺสยปจฺจยฏฺเน มูลนฺติ กุสลมูลํ. อโทสาโมหานมฺปิ กุสลมูลภาเว เอเสว นโย.
อิทานิ สพฺพมฺปิ ตํ สงฺเขเปน จ วิตฺถาเรน จ เทสิตมตฺถํ นิคเมนฺโต ยโต โข อาวุโสติอาทิอปฺปนาวารมาห. ตตฺถ เอวํ อกุสลํ ปชานาตีติ เอวํ ยถานิทฺทิฏฺทสากุสลกมฺมปถวเสน อกุสลํ ปชานาติ. เอวํ อกุสลมูลนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตฺตาวตา เอเกน นเยน จตุสจฺจกมฺมฏฺานิกสฺส ยาว อรหตฺตา นิยฺยานํ กถิตํ โหติ. กถํ? เอตฺถ หิ เปตฺวา อภิชฺฌํ ทส อกุสลกมฺมปถา จ กุสลกมฺมปถา จ ทุกฺขสจฺจํ. อภิชฺฌา จ โลโภ อกุสลมูลฺจาติ อิเม ทฺเว ธมฺมา นิปฺปริยาเยน สมุทยสจฺจํ. ปริยาเยน ปน สพฺเพปิ กมฺมปถา ทุกฺขสจฺจํ. สพฺพานิ กุสลากุสลมูลานิ สมุทยสจฺจํ. อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ ¶ . ทุกฺขํ ปริชานนฺโต สมุทยํ ปชหมาโน นิโรธํ ¶ ปชานนฺโต อริยมคฺโค มคฺคสจฺจนฺติ อิติ ทฺเว สจฺจานิ สรูเปน วุตฺตานิ, ทฺเว อาวตฺตหารวเสน เวทิตพฺพานิ.
โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหายาติ โส เอวํ อกุสลาทีนิ ปชานนฺโต สพฺพากาเรน ราคานุสยํ ปชหิตฺวา. ปฏิฆานุสยํ ปฏิวิโนเทตฺวาติ ปฏิฆานุสยฺจ สพฺพากาเรเนว นีหริตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา อนาคามิมคฺโค กถิโต. อสฺมีติ ทิฏฺิมานานุสยํ สมูหนิตฺวาติ ปฺจสุ ขนฺเธสุ กฺจิ ธมฺมํ อนวการีกริตฺวา ‘‘อสฺมี’’ติ อิมินา สมูหคฺคหณากาเรน ปวตฺตํ ทิฏฺิมานานุสยํ สมุคฺฆาเฏตฺวา.
ตตฺถ ทิฏฺิมานานุสยนฺติ ทิฏฺิสทิสํ มานานุสยนฺติ วุตฺตํ โหติ. อยฺหิ มานานุสโย อสฺมีติ ปวตฺตตฺตา ทิฏฺิสทิโส โหติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺโต ¶ . อิมฺจ อสฺมิมานํ วิตฺถารโต วิฺาตุกาเมน ขนฺธิยวคฺเค เขมกสุตฺตํ (สํ. นิ. ๓.๘๙) โอโลเกตพฺพนฺติ.
อวิชฺชํ ปหายาติ วฏฺฏมูลํ อวิชฺชํ ปชหิตฺวา. วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวาติ ตสฺสา อวิชฺชาย สมุคฺฆาฏิกํ อรหตฺตมคฺควิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา. เอตฺตาวตา อรหตฺตมคฺโค กถิโต. ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ อสฺมึเยว อตฺตภาเว วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริจฺเฉทกโร โหติ. เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโสติ เทสนํ นิยฺยาเตติ, อิมาย กมฺมปถเทสนาย วุตฺตมนสิการปฺปฏิเวธวเสนปีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. เอวํ อนาคามิมคฺคอรหตฺตมคฺเคหิ เทสนํ นิฏฺเปสีติ.
กุสลกมฺมปถวณฺณนา นิฏฺิตา.
อาหารวารวณฺณนา
๙๐. สาธาวุโสติ โข…เป… อาคโต อิมํ สทฺธมฺมนฺติ เอวํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส กุสลากุสลมุเขน จตุสจฺจเทสนํ สุตฺวา ตํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ ‘‘สาธาวุโส’’ติ อิมินา วจเนน เต ภิกฺขู อภินนฺทิตฺวา อิมสฺเสว วจนสฺส สมุฏฺาปเกน จิตฺเตน อนุโมทิตฺวา วจสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เจตสา สมฺปิยายิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อิทานิ ยสฺมา เถโร นานปฺปกาเรน ¶ จตุสจฺจเทสนํ เทเสตุํ ปฏิพโล, ยถาห ‘‘สาริปุตฺโต, ภิกฺขเว, ปโหติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ วิตฺถาเรน อาจิกฺขิตุํ เทเสตุ’’นฺติ ยสฺมา วา อุตฺตริมฺปิ เทเสตุกาโมว หุตฺวา ‘‘เอตฺตาวตาปิ โข’’ติ ¶ อวจ, ตสฺมา อปเรนปิ นเยน สจฺจเทสนํ โสตุกามา เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุตฺตรึ ปฺหํ อปุจฺฉึสุ. เตน สยเมว ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชิตปฺหโต อุตฺตรึ สิยา โข ปนาวุโส, อฺโปิ ปริยาโย ภเวยฺย อฺมฺปิ การณนฺติ อิมินา นเยน อฺํ อติเรกํ ปฺหํ ปุจฺฉึสุ, ปุริมปฺหสฺส วา อุปริภาเค ปุจฺฉึสูติ วุตฺตํ โหติ. อถ เนสํ พฺยากรมาโน เถโร สิยา, อาวุโสติอาทิมาห. ตตฺถายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา, อาหารนฺติ ปจฺจยํ. ปจฺจโย หิ อาหรติ อตฺตโน ผลํ, ตสฺมา ‘‘อาหาโร’’ติ วุจฺจติ.
ภูตานํ ¶ วา สตฺตานนฺติอาทีสุ ภูตาติ สฺชาตา, นิพฺพตฺตา. สมฺภเวสีนนฺติ เย สมฺภวํ ชาตึ นิพฺพตฺตึ เอสนฺติ คเวสนฺติ. ตตฺถ จตูสุ โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม. อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ ภินฺทิตฺวา พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นาม. สํเสทชา โอปปาติกา จ ปมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสิโน นาม. ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปภุติ ภูตา นาม. เยน เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว เต ตโต อฺํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน นาม. ตโต ปรํ ภูตา นาม.
อถ วา ภูตาติ ชาตา อภินิพฺพตฺตา, เย ภูตาเยว น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขีณาสวานเมตํ อธิวจนํ. สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสิโน. อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา อายติมฺปิ สมฺภวํ เอสนฺตานํ เสกฺขปุถุชฺชนานเมตํ อธิวจนํ. เอวํ สพฺพถาปิ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ สพฺพสตฺเต ปริยาทิยติ. วาสทฺโท เจตฺถ สมฺปิณฺฑนตฺโถ, ตสฺมา ภูตานฺจ สมฺภเวสีนฺจาติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ิติยาติ ิตตฺถํ. อนุคฺคหายาติ อนุคฺคหตฺถํ อุปการตฺถํ. วจนเภโท เจส, อตฺโถ ปน ทฺวินฺนมฺปิ ปทานํ เอโกเยว. อถ วา ิติยาติ ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส อุปฺปนฺนธมฺมานํ อนุปฺปพนฺธวเสน อวิจฺเฉทาย. อนุคฺคหายาติ อนุปฺปนฺนานํ อุปฺปาทาย. อุโภปิ เจตานิ ภูตานํ ิติยา เจว อนุคฺคหาย จ. สมฺภเวสีนํ วา ิติยา เจว อนุคฺคหาย จาติ เอวํ อุภยตฺถ ¶ ทฏฺพฺพานิ. กพฬีกาโร อาหาโรติ กพฬํ กตฺวา อชฺโฌหริตพฺพโต ¶ กพฬีกาโร อาหาโร, โอทนกุมฺมาสาทิวตฺถุกาย โอชาเยตํ อธิวจนํ. โอฬาริโก วา สุขุโม วาติ วตฺถุโอฬาริกตาย โอฬาริโก, วตฺถุสุขุมตาย สุขุโม. สภาเวน ปน สุขุมรูปปริยาปนฺนตฺตา กพฬีกาโร อาหาโร สุขุโมว โหติ. สาปิ จสฺส วตฺถุโต โอฬาริกตา สุขุมตา จ อุปาทายุปาทาย เวทิตพฺพา.
กุมฺภีลานฺหิ อาหารํ อุปาทาย โมรานํ อาหาโร สุขุโม. กุมฺภีลา กิร ปาสาเณ คิลนฺติ. เต จ เนสํ กุจฺฉิปฺปตฺตาว วิลียนฺติ. โมรา สปฺปวิจฺฉิกาทิปาเณ ขาทนฺติ. โมรานํ ปน อาหารํ อุปาทาย ตรจฺฉานํ อาหาโร สุขุโม. เต กิร ติวสฺสฉฑฺฑิตานิ วิสาณานิ เจว อฏฺีนิ จ ขาทนฺติ. ตานิ จ เนสํ เขเฬน เตมิตมตฺเตเนว กนฺทมูลํ วิย ¶ มุทุกานิ โหนฺติ. ตรจฺฉานมฺปิ อาหารํ อุปาทาย หตฺถีนํ อาหาโร สุขุโม. เตปิ นานารุกฺขสาขาโย ขาทนฺติ. หตฺถีนํ อาหารโต ควยโคกณฺณมิคาทีนํ อาหาโร สุขุโม. เต กิร นิสฺสารานิ นานารุกฺขปณฺณาทีนิ ขาทนฺติ. เตสมฺปิ อาหารโต คุนฺนํ อาหาโร สุขุโม. เต อลฺลสุกฺขติณานิ ขาทนฺติ. เตสํ อาหารโต สสานํ อาหาโร สุขุโม. สสานํ อาหารโต สกุณานํ อาหาโร สุขุโม. สกุณานํ อาหารโต ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหาโร สุขุโม. ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหารโต คามโภชกานํ อาหาโร สุขุโม. คามโภชกานํ อาหารโต ราชราชมหามตฺตานํ อาหาโร สุขุโม. เตสมฺปิ อาหารโต จกฺกวตฺติโน อาหาโร สุขุโม. จกฺกวตฺติโน อาหารโต ภุมฺมเทวานํ อาหาโร สุขุโม. ภุมฺมเทวานํ อาหารโต จาตุมหาราชิกานํ อาหาโร สุขุโม. เอวํ ยาว ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ อาหาโร วิตฺถาเรตพฺโพ, เตสํ อาหาโร สุขุโมตฺเวว นิฏฺํ ปตฺโต.
เอตฺถ จ โอฬาริเก วตฺถุสฺมึ โอชา ปริตฺตา โหติ ทุพฺพลา, สุขุเม พลวตี. ตถา หิ เอกปตฺตปูรมฺปิ ยาคุํ ปีวโต มุหุตฺเตเนว ชิฆจฺฉิโต โหติ, ยํกฺจิเทว ขาทิตุกาโม. สปฺปึ ปน ปสฏมตฺตํ ปิวิตฺวา ทิวสํ อโภตฺตุกาโม โหติ. ตตฺถ วตฺถุ ปริสฺสมํ วิโนเทติ, น ปน สกฺโกติ ปาเลตุํ. โอชา ปาเลติ, น สกฺโกติ ปริสฺสมํ วิโนเทตุํ. ทฺเว ปน เอกโต หุตฺวา ปริสฺสมฺเจว วิโนเทนฺติ ปาเลนฺติ จาติ.
ผสฺโส ¶ ¶ ทุติโยติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิ ฉพฺพิโธปิ ผสฺโส. เอเตสุ จตูสุ อาหาเรสุ ทุติโย อาหาโรติ เวทิตพฺโพ. เทสนานโย เอว เจส. ตสฺมา อิมินา นาม การเณน ทุติโย วา ตติโย วาติ อิทเมตฺถ น คเวสิตพฺพํ. มโนสฺเจตนาติ เจตนา เอว วุจฺจติ. วิฺาณนฺติ ยํกิฺจิ จิตฺตํ.
เอตฺถาห, ยทิ ปจฺจยฏฺโ อาหารฏฺโ, อถ กสฺมา อฺเสุปิ สตฺตานํ ปจฺจเยสุ วิชฺชมาเนสุ อิเมเยว จตฺตาโร วุตฺตาติ? วุจฺจเต, อชฺฌตฺติกสนฺตติยา ¶ วิเสสปจฺจยตฺตา. วิเสสปจฺจโย หิ กพฬีการาหารภกฺขานํ สตฺตานํ รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโร. นามกาเย เวทนาย ผสฺโส, วิฺาณสฺส มโนสฺเจตนา, นามรูปสฺส วิฺาณํ. ยถาห –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อยํ กาโย อาหารฏฺิติโก, อาหารํ ปฏิจฺจ ติฏฺติ, อนาหาโร โน ติฏฺติ. ตถา ผสฺสปจฺจยา เวทนา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิ