📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

มชฺฌิมนิกาโย

มูลปณฺณาสปาฬิ

๑. มูลปริยายวคฺโค

๑. มูลปริยายสุตฺตํ

. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา อุกฺกฏฺายํ วิหรติ สุภควเน สาลราชมูเล. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ. ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธมฺเม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต – ปถวึ [ปวึ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปถวิโต สฺชานาติ; ปถวึ ปถวิโต สฺตฺวา ปถวึ มฺติ, ปถวิยา มฺติ, ปถวิโต มฺติ, ปถวึ เมติ มฺติ, ปถวึ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘อาปํ อาปโต สฺชานาติ; อาปํ อาปโต สฺตฺวา อาปํ มฺติ, อาปสฺมึ มฺติ, อาปโต มฺติ, อาปํ เมติ มฺติ, อาปํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘เตชํ เตชโต สฺชานาติ; เตชํ เตชโต สฺตฺวา เตชํ มฺติ, เตชสฺมึ มฺติ, เตชโต มฺติ, เตชํ เมติ มฺติ, เตชํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘วายํ วายโต สฺชานาติ; วายํ วายโต สฺตฺวา วายํ มฺติ, วายสฺมึ มฺติ, วายโต มฺติ, วายํ เมติ มฺติ, วายํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

. ‘‘ภูเต ภูตโต สฺชานาติ; ภูเต ภูตโต สฺตฺวา ภูเต มฺติ, ภูเตสุ มฺติ, ภูตโต มฺติ, ภูเต เมติ มฺติ, ภูเต อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘เทเว เทวโต สฺชานาติ; เทเว เทวโต สฺตฺวา เทเว มฺติ, เทเวสุ มฺติ, เทวโต มฺติ, เทเว เมติ มฺติ, เทเว อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘ปชาปตึ ปชาปติโต สฺชานาติ; ปชาปตึ ปชาปติโต สฺตฺวา ปชาปตึ มฺติ, ปชาปติสฺมึ มฺติ, ปชาปติโต มฺติ, ปชาปตึ เมติ มฺติ, ปชาปตึ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘พฺรหฺมํ พฺรหฺมโต สฺชานาติ; พฺรหฺมํ พฺรหฺมโต สฺตฺวา พฺรหฺมํ มฺติ, พฺรหฺมสฺมึ มฺติ, พฺรหฺมโต มฺติ, พฺรหฺมํ เมติ มฺติ, พฺรหฺมํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘อาภสฺสเร อาภสฺสรโต สฺชานาติ; อาภสฺสเร อาภสฺสรโต สฺตฺวา อาภสฺสเร มฺติ, อาภสฺสเรสุ มฺติ, อาภสฺสรโต มฺติ, อาภสฺสเร เมติ มฺติ, อาภสฺสเร อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘สุภกิณฺเห สุภกิณฺหโต สฺชานาติ; สุภกิณฺเห สุภกิณฺหโต สฺตฺวา สุภกิณฺเห มฺติ, สุภกิณฺเหสุ มฺติ, สุภกิณฺหโต มฺติ, สุภกิณฺเห เมติ มฺติ, สุภกิณฺเห อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘เวหปฺผเล เวหปฺผลโต สฺชานาติ; เวหปฺผเล เวหปฺผลโต สฺตฺวา เวหปฺผเล มฺติ, เวหปฺผเลสุ มฺติ, เวหปฺผลโต มฺติ, เวหปฺผเล เมติ มฺติ, เวหปฺผเล อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘อภิภุํ อภิภูโต สฺชานาติ; อภิภุํ อภิภูโต สฺตฺวา อภิภุํ มฺติ, อภิภุสฺมึ มฺติ, อภิภูโต มฺติ, อภิภุํ เมติ มฺติ, อภิภุํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

. ‘‘อากาสานฺจายตนํ อากาสานฺจายตนโต สฺชานาติ; อากาสานฺจายตนํ อากาสานฺจายตนโต สฺตฺวา อากาสานฺจายตนํ มฺติ, อากาสานฺจายตนสฺมึ มฺติ, อากาสานฺจายตนโต มฺติ, อากาสานฺจายตนํ เมติ มฺติ, อากาสานฺจายตนํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘วิฺาณฺจายตนํ วิฺาณฺจายตนโต สฺชานาติ; วิฺาณฺจายตนํ วิฺาณฺจายตนโต สฺตฺวา วิฺาณฺจายตนํ มฺติ, วิฺาณฺจายตนสฺมึ มฺติ, วิฺาณฺจายตนโต มฺติ, วิฺาณฺจายตนํ เมติ มฺติ, วิฺาณฺจายตนํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘อากิฺจฺายตนํ อากิฺจฺายตนโต สฺชานาติ; อากิฺจฺายตนํ อากิฺจฺายตนโต สฺตฺวา อากิฺจฺายตนํ มฺติ, อากิฺจฺายตนสฺมึ มฺติ, อากิฺจฺายตนโต มฺติ, อากิฺจฺายตนํ เมติ มฺติ, อากิฺจฺายตนํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘เนวสฺานาสฺายตนํ เนวสฺานาสฺายตนโต สฺชานาติ; เนวสฺานาสฺายตนํ เนวสฺานาสฺายตนโต สฺตฺวา เนวสฺานาสฺายตนํ มฺติ, เนวสฺานาสฺายตนสฺมึ มฺติ, เนวสฺานาสฺายตนโต มฺติ, เนวสฺานาสฺายตนํ เมติ มฺติ, เนวสฺานาสฺายตนํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

. ‘‘ทิฏฺํ ทิฏฺโต สฺชานาติ; ทิฏฺํ ทิฏฺโต สฺตฺวา ทิฏฺํ มฺติ, ทิฏฺสฺมึ มฺติ, ทิฏฺโต มฺติ, ทิฏฺํ เมติ มฺติ, ทิฏฺํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘สุตํ สุตโต สฺชานาติ; สุตํ สุตโต สฺตฺวา สุตํ มฺติ, สุตสฺมึ มฺติ, สุตโต มฺติ, สุตํ เมติ มฺติ, สุตํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘มุตํ มุตโต สฺชานาติ; มุตํ มุตโต สฺตฺวา มุตํ มฺติ, มุตสฺมึ มฺติ, มุตโต มฺติ, มุตํ เมติ มฺติ, มุตํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘วิฺาตํ วิฺาตโต สฺชานาติ; วิฺาตํ วิฺาตโต สฺตฺวา วิฺาตํ มฺติ, วิฺาตสฺมึ มฺติ, วิฺาตโต มฺติ, วิฺาตํ เมติ มฺติ, วิฺาตํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

. ‘‘เอกตฺตํ เอกตฺตโต สฺชานาติ; เอกตฺตํ เอกตฺตโต สฺตฺวา เอกตฺตํ มฺติ, เอกตฺตสฺมึ มฺติ, เอกตฺตโต มฺติ, เอกตฺตํ เมติ มฺติ, เอกตฺตํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘นานตฺตํ นานตฺตโต สฺชานาติ; นานตฺตํ นานตฺตโต สฺตฺวา นานตฺตํ มฺติ, นานตฺตสฺมึ มฺติ, นานตฺตโต มฺติ, นานตฺตํ เมติ มฺติ, นานตฺตํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘สพฺพํ สพฺพโต สฺชานาติ; สพฺพํ สพฺพโต สฺตฺวา สพฺพํ มฺติ, สพฺพสฺมึ มฺติ, สพฺพโต มฺติ, สพฺพํ เมติ มฺติ, สพฺพํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘นิพฺพานํ นิพฺพานโต สฺชานาติ; นิพฺพานํ นิพฺพานโต สฺตฺวา นิพฺพานํ มฺติ, นิพฺพานสฺมึ มฺติ, นิพฺพานโต มฺติ, นิพฺพานํ เมติ มฺติ, นิพฺพานํ อภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘อปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

ปุถุชฺชนวเสน ปมนยภูมิปริจฺเฉโท นิฏฺิโต.

. ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสกฺโข [เสโข (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อปฺปตฺตมานโส อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ ปตฺถยมาโน วิหรติ, โสปิ ปถวึ ปถวิโต อภิชานาติ; ปถวึ ปถวิโต อภิฺาย [อภิฺตฺวา (ก.)] ปถวึ มา มฺิ [วา มฺติ], ปถวิยา มา มฺิ, ปถวิโต มา มฺิ, ปถวึ เมติ มา มฺิ, ปถวึ มาภินนฺทิ [วา อภินนฺทติ (สี.) ฏีกา โอโลเกตพฺพา]. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘ปริฺเยฺยํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘อาปํ…เป… เตชํ… วายํ… ภูเต… เทเว… ปชาปตึ… พฺรหฺมํ… อาภสฺสเร… สุภกิณฺเห… เวหปฺผเล… อภิภุํ… อากาสานฺจายตนํ… วิฺาณฺจายตนํ… อากิฺจฺายตนํ… เนวสฺานาสฺายตนํ… ทิฏฺํ… สุตํ… มุตํ… วิฺาตํ… เอกตฺตํ… นานตฺตํ… สพฺพํ… นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิชานาติ; นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิฺาย นิพฺพานํ มา มฺิ, นิพฺพานสฺมึ มา มฺิ, นิพฺพานโต มา มฺิ, นิพฺพานํ เมติ มา มฺิ, นิพฺพานํ มาภินนฺทิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘ปริฺเยฺยํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

เสกฺขวเสน [สตฺถารวเสน (สี.), สตฺถุวเสน (สฺยา. ก.)] ทุติยนยภูมิปริจฺเฉโท นิฏฺิโต.

. ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต, โสปิ ปถวึ ปถวิโต อภิชานาติ; ปถวึ ปถวิโต อภิฺาย ปถวึ น มฺติ, ปถวิยา น มฺติ, ปถวิโต น มฺติ, ปถวึ เมติ น มฺติ, ปถวึ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘ปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘อาปํ…เป… เตชํ… วายํ… ภูเต… เทเว… ปชาปตึ… พฺรหฺมํ… อาภสฺสเร… สุภกิณฺเห… เวหปฺผเล… อภิภุํ… อากาสานฺจายตนํ… วิฺาณฺจายตนํ… อากิฺจฺายตนํ… เนวสฺานาสฺายตนํ… ทิฏฺํ… สุตํ… มุตํ… วิฺาตํ… เอกตฺตํ… นานตฺตํ… สพฺพํ… นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิชานาติ; นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิฺาย นิพฺพานํ น มฺติ, นิพฺพานสฺมึ น มฺติ, นิพฺพานโต น มฺติ, นิพฺพานํ เมติ น มฺติ, นิพฺพานํ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘ปริฺาตํ ตสฺสา’ติ วทามิ.

ขีณาสววเสน ตติยนยภูมิปริจฺเฉโท นิฏฺิโต.

. ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต, โสปิ ปถวึ ปถวิโต อภิชานาติ; ปถวึ ปถวิโต อภิฺาย ปถวึ น มฺติ, ปถวิยา น มฺติ, ปถวิโต น มฺติ, ปถวึ เมติ น มฺติ, ปถวึ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ขยา ราคสฺส, วีตราคตฺตา.

‘‘อาปํ…เป… เตชํ… วายํ… ภูเต… เทเว… ปชาปตึ… พฺรหฺมํ… อาภสฺสเร… สุภกิณฺเห… เวหปฺผเล… อภิภุํ… อากาสานฺจายตนํ… วิฺาณฺจายตนํ… อากิฺจฺายตนํ … เนวสฺานาสฺายตนํ … ทิฏฺํ… สุตํ… มุตํ… วิฺาตํ… เอกตฺตํ… นานตฺตํ… สพฺพํ… นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิชานาติ; นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิฺาย นิพฺพานํ น มฺติ, นิพฺพานสฺมึ น มฺติ, นิพฺพานโต น มฺติ, นิพฺพานํ เมติ น มฺติ, นิพฺพานํ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ขยา ราคสฺส, วีตราคตฺตา.

ขีณาสววเสน จตุตฺถนยภูมิปริจฺเฉโท นิฏฺิโต.

๑๐. ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต, โสปิ ปถวึ ปถวิโต อภิชานาติ; ปถวึ ปถวิโต อภิฺาย ปถวึ น มฺติ, ปถวิยา น มฺติ, ปถวิโต น มฺติ, ปถวึ เมติ น มฺติ, ปถวึ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ขยา โทสสฺส, วีตโทสตฺตา.

‘‘อาปํ…เป… เตชํ… วายํ… ภูเต… เทเว… ปชาปตึ… พฺรหฺมํ… อาภสฺสเร… สุภกิณฺเห… เวหปฺผเล… อภิภุํ… อากาสานฺจายตนํ… วิฺาณฺจายตนํ… อากิฺจฺายตนํ… เนวสฺานาสฺายตนํ… ทิฏฺํ… สุตํ… มุตํ… วิฺาตํ… เอกตฺตํ… นานตฺตํ… สพฺพํ… นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิชานาติ; นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิฺาย นิพฺพานํ น มฺติ, นิพฺพานสฺมึ น มฺติ, นิพฺพานโต น มฺติ, นิพฺพานํ เมติ น มฺติ, นิพฺพานํ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ขยา โทสสฺส, วีตโทสตฺตา.

ขีณาสววเสน ปฺจมนยภูมิปริจฺเฉโท นิฏฺิโต.

๑๑. ‘‘โยปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ ขีณาสโว วุสิตวา กตกรณีโย โอหิตภาโร อนุปฺปตฺตสทตฺโถ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สมฺมทฺา วิมุตฺโต, โสปิ ปถวึ ปถวิโต อภิชานาติ; ปถวึ ปถวิโต อภิฺาย ปถวึ น มฺติ, ปถวิยา น มฺติ, ปถวิโต น มฺติ, ปถวึ เมติ น มฺติ, ปถวึ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ขยา โมหสฺส, วีตโมหตฺตา.

‘‘อาปํ…เป… เตชํ… วายํ… ภูเต… เทเว… ปชาปตึ… พฺรหฺมํ… อาภสฺสเร… สุภกิณฺเห… เวหปฺผเล… อภิภุํ… อากาสานฺจายตนํ… วิฺาณฺจายตนํ… อากิฺจฺายตนํ … เนวสฺานาสฺายตนํ… ทิฏฺํ… สุตํ… มุตํ… วิฺาตํ… เอกตฺตํ… นานตฺตํ… สพฺพํ… นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิชานาติ; นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิฺาย นิพฺพานํ น มฺติ, นิพฺพานสฺมึ น มฺติ, นิพฺพานโต น มฺติ, นิพฺพานํ เมติ น มฺติ, นิพฺพานํ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ขยา โมหสฺส, วีตโมหตฺตา.

ขีณาสววเสน ฉฏฺนยภูมิปริจฺเฉโท นิฏฺิโต.

๑๒. ‘‘ตถาคโตปิ, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปถวึ ปถวิโต อภิชานาติ; ปถวึ ปถวิโต อภิฺาย ปถวึ น มฺติ, ปถวิยา น มฺติ, ปถวิโต น มฺติ, ปถวึ เมติ น มฺติ, ปถวึ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘ปริฺาตนฺตํ ตถาคตสฺสา’ติ วทามิ.

‘‘อาปํ…เป… เตชํ… วายํ… ภูเต… เทเว… ปชาปตึ… พฺรหฺมํ… อาภสฺสเร… สุภกิณฺเห… เวหปฺผเล… อภิภุํ… อากาสานฺจายตนํ… วิฺาณฺจายตนํ … อากิฺจฺายตนํ… เนวสฺานาสฺายตนํ… ทิฏฺํ… สุตํ… มุตํ… วิฺาตํ… เอกตฺตํ… นานตฺตํ… สพฺพํ… นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิชานาติ; นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิฺาย นิพฺพานํ น มฺติ, นิพฺพานสฺมึ น มฺติ, นิพฺพานโต น มฺติ, นิพฺพานํ เมติ น มฺติ, นิพฺพานํ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘ปริฺาตนฺตํ ตถาคตสฺสา’ติ วทามิ.

ตถาคตวเสน สตฺตมนยภูมิปริจฺเฉโท นิฏฺิโต.

๑๓. ‘‘ตถาคโตปิ, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปถวึ ปถวิโต อภิชานาติ; ปถวึ ปถวิโต อภิฺาย ปถวึ น มฺติ, ปถวิยา น มฺติ, ปถวิโต น มฺติ, ปถวึ เมติ น มฺติ, ปถวึ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘นนฺที [นนฺทิ (สี. สฺยา.)] ทุกฺขสฺส มูล’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา ‘ภวา ชาติ ภูตสฺส ชรามรณ’นฺติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘ตถาคโต สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฏินิสฺสคฺคา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’ติ วทามิ.

‘‘อาปํ …เป… เตชํ… วายํ… ภูเต… เทเว… ปชาปตึ… พฺรหฺมํ… อาภสฺสเร… สุภกิณฺเห… เวหปฺผเล… อภิภุํ… อากาสานฺจายตนํ… วิฺาณฺจายตนํ… อากิฺจฺายตนํ… เนวสฺานาสฺายตนํ… ทิฏฺํ… สุตํ… มุตํ… วิฺาตํ… เอกตฺตํ… นานตฺตํ… สพฺพํ… นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิชานาติ; นิพฺพานํ นิพฺพานโต อภิฺาย นิพฺพานํ น มฺติ, นิพฺพานสฺมึ น มฺติ, นิพฺพานโต น มฺติ, นิพฺพานํ เมติ น มฺติ, นิพฺพานํ นาภินนฺทติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’นฺติ – อิติ วิทิตฺวา ‘ภวา ชาติ ภูตสฺส ชรามรณ’นฺติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘ตถาคโต สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฏินิสฺสคฺคา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ’ติ วทามี’’ติ.

ตถาคตวเสน อฏฺมนยภูมิปริจฺเฉโท นิฏฺิโต.

อิทมโวจ ภควา. น เต ภิกฺขู [น อตฺตมนา เตภิกฺขู (สฺยา.), เต ภิกฺขู (ปี. ก.)] ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

มูลปริยายสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.

๒. สพฺพาสวสุตฺตํ

๑๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘สพฺพาสวสํวรปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ. ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

๑๕. ‘‘ชานโต อหํ, ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามิ, โน อชานโต โน อปสฺสโต. กิฺจ, ภิกฺขเว, ชานโต กิฺจ ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามิ? โยนิโส จ มนสิการํ อโยนิโส จ มนสิการํ. อโยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปวฑฺฒนฺติ; โยนิโส จ โข, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปหียนฺติ.

๑๖. ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา ปฏิเสวนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา อธิวาสนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา ปริวชฺชนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา วิโนทนา ปหาตพฺพา, อตฺถิ อาสวา ภาวนา ปหาตพฺพา.

ทสฺสนา ปหาตพฺพาสวา

๑๗. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน – อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธมฺเม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต – มนสิกรณีเย ธมฺเม นปฺปชานาติ, อมนสิกรณีเย ธมฺเม นปฺปชานาติ. โส มนสิกรณีเย ธมฺเม อปฺปชานนฺโต อมนสิกรณีเย ธมฺเม อปฺปชานนฺโต, เย ธมฺมา น มนสิกรณียา, เต ธมฺเม มนสิ กโรติ, เย ธมฺมา มนสิกรณียา เต ธมฺเม น มนสิ กโรติ.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา น มนสิกรณียา เย ธมฺเม มนสิ กโรติ? ยสฺส, ภิกฺขเว, ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปวฑฺฒติ; อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปวฑฺฒติ; อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปวฑฺฒติ – อิเม ธมฺมา น มนสิกรณียา เย ธมฺเม มนสิ กโรติ.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา มนสิกรณียา เย ธมฺเม น มนสิ กโรติ? ยสฺส, ภิกฺขเว, ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปหียติ; อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปหียติ; อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปหียติ – อิเม ธมฺมา มนสิกรณียา เย ธมฺเม น มนสิ กโรติ.

‘‘ตสฺส อมนสิกรณียานํ ธมฺมานํ มนสิการา มนสิกรณียานํ ธมฺมานํ อมนสิการา อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปวฑฺฒนฺติ.

๑๘. ‘‘โส เอวํ อโยนิโส มนสิ กโรติ – ‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ? น นุ โข อโหสึ อตีตมทฺธานํ? กึ นุ โข อโหสึ อตีตมทฺธานํ? กถํ นุ โข อโหสึ อตีตมทฺธานํ? กึ หุตฺวา กึ อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ? ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธานํ? น นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ? กึ นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ? กถํ นุ โข ภวิสฺสามิ อนาคตมทฺธานํ? กึ หุตฺวา กึ ภวิสฺสามิ นุ โข อหํ อนาคตมทฺธาน’นฺติ? เอตรหิ วา ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานํ [ปจฺจุปฺปนฺนมทฺธานํ อารพฺภ (สฺยา.)] อชฺฌตฺตํ กถํกถี โหติ – ‘อหํ นุ โขสฺมิ? โน นุ โขสฺมิ? กึ นุ โขสฺมิ? กถํ นุ โขสฺมิ? อยํ นุ โข สตฺโต กุโต อาคโต? โส กุหึ คามี ภวิสฺสตี’ติ?

๑๙. ‘‘ตสฺส เอวํ อโยนิโส มนสิกโรโต ฉนฺนํ ทิฏฺีนํ อฺตรา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ. ‘อตฺถิ เม อตฺตา’ติ วา อสฺส [วาสฺส (สี. สฺยา. ปี.)] สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ; ‘นตฺถิ เม อตฺตา’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ; ‘อตฺตนาว อตฺตานํ สฺชานามี’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ; ‘อตฺตนาว อนตฺตานํ สฺชานามี’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ; ‘อนตฺตนาว อตฺตานํ สฺชานามี’ติ วา อสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ; อถ วา ปนสฺส เอวํ ทิฏฺิ โหติ – ‘โย เม อยํ อตฺตา วโท เวเทยฺโย ตตฺร ตตฺร กลฺยาณปาปกานํ กมฺมานํ วิปากํ ปฏิสํเวเทติ โส โข ปน เม อยํ อตฺตา นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสตี’ติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิคตํ ทิฏฺิคหนํ ทิฏฺิกนฺตารํ ทิฏฺิวิสูกํ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตํ ทิฏฺิสํโยชนํ. ทิฏฺิสํโยชนสํยุตฺโต, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ; ‘น ปริมุจฺจติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ.

๒๐. ‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก – อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต – มนสิกรณีเย ธมฺเม ปชานาติ อมนสิกรณีเย ธมฺเม ปชานาติ. โส มนสิกรณีเย ธมฺเม ปชานนฺโต อมนสิกรณีเย ธมฺเม ปชานนฺโต เย ธมฺมา น มนสิกรณียา เต ธมฺเม น มนสิ กโรติ, เย ธมฺมา มนสิกรณียา เต ธมฺเม มนสิ กโรติ.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา น มนสิกรณียา เย ธมฺเม น มนสิ กโรติ? ยสฺส, ภิกฺขเว, ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปวฑฺฒติ; อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปวฑฺฒติ; อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปวฑฺฒติ – อิเม ธมฺมา น มนสิกรณียา, เย ธมฺเม น มนสิ กโรติ.

‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, ธมฺมา มนสิกรณียา เย ธมฺเม มนสิ กโรติ? ยสฺส, ภิกฺขเว, ธมฺเม มนสิกโรโต อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปหียติ; อนุปฺปนฺโน วา ภวาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา ภวาสโว ปหียติ; อนุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว น อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา อวิชฺชาสโว ปหียติ – อิเม ธมฺมา มนสิกรณียา เย ธมฺเม มนสิ กโรติ.

‘‘ตสฺส อมนสิกรณียานํ ธมฺมานํ อมนสิการา มนสิกรณียานํ ธมฺมานํ มนสิการา อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา น อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปหียนฺติ.

๒๑. ‘‘โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ โยนิโส มนสิ กโรติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ โยนิโส มนสิ กโรติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ โยนิโส มนสิ กโรติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ โยนิโส มนสิ กโรติ. ตสฺส เอวํ โยนิโส มนสิกโรโต ตีณิ สํโยชนานิ ปหียนฺติ – สกฺกายทิฏฺิ, วิจิกิจฺฉา, สีลพฺพตปรามาโส. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา.

สํวรา ปหาตพฺพาสวา

๒๒. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส จกฺขุนฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ. ยฺหิสฺส, ภิกฺขเว, จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ อสํวุตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, จกฺขุนฺทฺริยสํวรํ สํวุตสฺส วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. ปฏิสงฺขา โยนิโส โสตินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ…เป… ฆานินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ…เป… ชิวฺหินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ…เป… กายินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ…เป… มนินฺทฺริยสํวรสํวุโต วิหรติ. ยฺหิสฺส, ภิกฺขเว, มนินฺทฺริยสํวรํ อสํวุตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, มนินฺทฺริยสํวรํ สํวุตสฺส วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ.

‘‘ยฺหิสฺส, ภิกฺขเว, สํวรํ อสํวุตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, สํวรํ สํวุตสฺส วิหรโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา.

ปฏิเสวนา ปหาตพฺพาสวา

๒๓. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ปฏิเสวนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวติ – ‘ยาวเทว สีตสฺส ปฏิฆาตาย, อุณฺหสฺส ปฏิฆาตาย, ฑํสมกสวาตาตปสรีํสป- [สิรึสป (สี. สฺยา. ปี.)] สมฺผสฺสานํ ปฏิฆาตาย, ยาวเทว หิริโกปีนปฺปฏิจฺฉาทนตฺถํ’.

‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวติ – ‘เนว ทวาย, น มทาย, น มณฺฑนาย, น วิภูสนาย, ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา ยาปนาย, วิหึสูปรติยา, พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย, อิติ ปุราณฺจ เวทนํ ปฏิหงฺขามิ นวฺจ เวทนํ น อุปฺปาเทสฺสามิ, ยาตฺรา จ เม ภวิสฺสติ อนวชฺชตา จ ผาสุวิหาโร จ’ [จาติ (สี.)].

‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส เสนาสนํ ปฏิเสวติ – ‘ยาวเทว สีตสฺส ปฏิฆาตาย, อุณฺหสฺส ปฏิฆาตาย, ฑํสมกสวาตาตปสรีํสปสมฺผสฺสานํ ปฏิฆาตาย, ยาวเทว อุตุปริสฺสยวิโนทนปฏิสลฺลานารามตฺถํ’.

‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปฏิเสวติ – ‘ยาวเทว อุปฺปนฺนานํ เวยฺยาพาธิกานํ เวทนานํ ปฏิฆาตาย, อพฺยาพชฺฌปรมตาย’ [อพฺยาปชฺฌปรมตาย (สี. สฺยา. ปี.), อพฺยาปชฺชปรมตาย (ก.)].

‘‘ยฺหิสฺส, ภิกฺขเว, อปฺปฏิเสวโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปฏิเสวโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ปฏิเสวนา ปหาตพฺพา.

อธิวาสนา ปหาตพฺพาสวา

๒๔. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา อธิวาสนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺส, ชิฆจฺฉาย ปิปาสาย. ฑํสมกสวาตาตปสรีํสปสมฺผสฺสานํ, ทุรุตฺตานํ ทุราคตานํ วจนปถานํ, อุปฺปนฺนานํ สารีริกานํ เวทนานํ ทุกฺขานํ ติพฺพานํ [ติปฺปานํ (สี. สฺยา. ปี.)] ขรานํ กฏุกานํ อสาตานํ อมนาปานํ ปาณหรานํ อธิวาสกชาติโก โหติ.

‘‘ยฺหิสฺส, ภิกฺขเว, อนธิวาสยโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, อธิวาสยโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา อธิวาสนา ปหาตพฺพา.

ปริวชฺชนา ปหาตพฺพาสวา

๒๕. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ปริวชฺชนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส จณฺฑํ หตฺถึ ปริวชฺเชติ, จณฺฑํ อสฺสํ ปริวชฺเชติ, จณฺฑํ โคณํ ปริวชฺเชติ, จณฺฑํ กุกฺกุรํ ปริวชฺเชติ, อหึ ขาณุํ กณฺฏกฏฺานํ โสพฺภํ ปปาตํ จนฺทนิกํ โอฬิคลฺลํ. ยถารูเป อนาสเน นิสินฺนํ ยถารูเป อโคจเร จรนฺตํ ยถารูเป ปาปเก มิตฺเต ภชนฺตํ วิฺู สพฺรหฺมจารี ปาปเกสุ าเนสุ โอกปฺเปยฺยุํ, โส ตฺจ อนาสนํ ตฺจ อโคจรํ เต จ ปาปเก มิตฺเต ปฏิสงฺขา โยนิโส ปริวชฺเชติ.

‘‘ยฺหิสฺส, ภิกฺขเว, อปริวชฺชยโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ปริวชฺชยโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ปริวชฺชนา ปหาตพฺพา.

วิโนทนา ปหาตพฺพาสวา

๒๖. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา วิโนทนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ, อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ…เป… อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรติ อนภาวํ คเมติ.

‘‘ยฺหิสฺส, ภิกฺขเว, อวิโนทยโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, วิโนทยโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา วิโนทนา ปหาตพฺพา.

ภาวนา ปหาตพฺพาสวา

๒๗. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, อาสวา ภาวนา ปหาตพฺพา? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามึ; ปฏิสงฺขา โยนิโส ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ…เป… วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามึ.

‘‘ยฺหิสฺส, ภิกฺขเว, อภาวยโต อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, ภาวยโต เอวํส เต อาสวา วิฆาตปริฬาหา น โหนฺติ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, อาสวา ภาวนา ปหาตพฺพา.

๒๘. ‘‘ยโต โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เย อาสวา ทสฺสนา ปหาตพฺพา เต ทสฺสนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา เต สํวรา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา ปฏิเสวนา ปหาตพฺพา เต ปฏิเสวนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา อธิวาสนา ปหาตพฺพา เต อธิวาสนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา ปริวชฺชนา ปหาตพฺพา เต ปริวชฺชนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา วิโนทนา ปหาตพฺพา เต วิโนทนา ปหีนา โหนฺติ, เย อาสวา ภาวนา ปหาตพฺพา เต ภาวนา ปหีนา โหนฺติ; อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว – ‘ภิกฺขุ สพฺพาสวสํวรสํวุโต วิหรติ, อจฺเฉจฺฉิ [อจฺเฉชฺชิ (ก.)] ตณฺหํ, วิวตฺตยิ [วาวตฺตยิ (สี. ปี.)] สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

สพฺพาสวสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.

๓. ธมฺมทายาทสุตฺตํ

๒๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา. อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา – ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’ติ. ตุมฺเห จ เม, ภิกฺขเว, อามิสทายาทา ภเวยฺยาถ โน ธมฺมทายาทา, ตุมฺเหปิ เตน อาทิยา [อาทิสฺสา (สี. สฺยา. ปี.)] ภเวยฺยาถ – ‘อามิสทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน ธมฺมทายาทา’ติ; อหมฺปิ เตน อาทิโย ภเวยฺยํ – ‘อามิสทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน ธมฺมทายาทา’ติ. ตุมฺเห จ เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภเวยฺยาถ, โน อามิสทายาทา, ตุมฺเหปิ เตน น อาทิยา ภเวยฺยาถ – ‘ธมฺมทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน อามิสทายาทา’ติ; อหมฺปิ เตน น อาทิโย ภเวยฺยํ – ‘ธมฺมทายาทา สตฺถุสาวกา วิหรนฺติ, โน อามิสทายาทา’ติ. ตสฺมาติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทา. อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา – ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’ติ.

๓๐. ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต ปริปุณฺโณ ปริโยสิโต สุหิโต ยาวทตฺโถ; สิยา จ เม ปิณฺฑปาโต อติเรกธมฺโม ฉฑฺฑนียธมฺโม [ฉฑฺฑิยธมฺโม (สี. สฺยา. ปี.)]. อถ ทฺเว ภิกฺขู อาคจฺเฉยฺยุํ ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺย- [ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺล (สี. ปี.)] ปเรตา. ตฺยาหํ เอวํ วเทยฺยํ – ‘อหํ โขมฺหิ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี ปวาริโต ปริปุณฺโณ ปริโยสิโต สุหิโต ยาวทตฺโถ; อตฺถิ จ เม อยํ ปิณฺฑปาโต อติเรกธมฺโม ฉฑฺฑนียธมฺโม. สเจ อากงฺขถ, ภุฺชถ, โน เจ ตุมฺเห ภุฺชิสฺสถ [สเจ ตุมฺเห น ภุฺชิสฺสถ (สี. สฺยา. ปี.)], อิทานาหํ อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑสฺสามิ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปสฺสามี’ติ. ตตฺเรกสฺส ภิกฺขุโน เอวมสฺส – ‘ภควา โข ภุตฺตาวี ปวาริโต ปริปุณฺโณ ปริโยสิโต สุหิโต ยาวทตฺโถ; อตฺถิ จายํ ภควโต ปิณฺฑปาโต อติเรกธมฺโม ฉฑฺฑนียธมฺโม. สเจ มยํ น ภุฺชิสฺสาม, อิทานิ ภควา อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑสฺสติ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปสฺสติ’. วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา – ‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’ติ. อามิสฺตรํ โข ปเนตํ, ยทิทํ ปิณฺฑปาโต. ยํนูนาหํ อิมํ ปิณฺฑปาตํ อภุฺชิตฺวา อิมินาว ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺเยน เอวํ อิมํ รตฺตินฺทิวํ [รตฺติทิวํ (ก.)] วีตินาเมยฺย’’นฺติ. โส ตํ ปิณฺฑปาตํ อภุฺชิตฺวา เตเนว ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺเยน เอวํ ตํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺย. อถ ทุติยสฺส ภิกฺขุโน เอวมสฺส – ‘ภควา โข ภุตฺตาวี ปวาริโต ปริปุณฺโณ ปริโยสิโต สุหิโต ยาวทตฺโถ; อตฺถิ จายํ ภควโต ปิณฺฑปาโต อติเรกธมฺโม ฉฑฺฑนียธมฺโม. สเจ มยํ น ภุฺชิสฺสาม, อิทานิ ภควา อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑสฺสติ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปสฺสติ. ยํนูนาหํ อิมํ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชิตฺวา ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฏิวิโนเทตฺวา [ปฏิวิเนตฺวา (สี. สฺยา. ปี.)] เอวํ อิมํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺย’นฺติ. โส ตํ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชิตฺวา ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฏิวิโนเทตฺวา เอวํ ตํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺย. กิฺจาปิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ตํ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชิตฺวา ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยํ ปฏิวิโนเทตฺวา เอวํ ตํ รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมยฺย, อถ โข อสุเยว เม ปุริโม ภิกฺขุ ปุชฺชตโร จ ปาสํสตโร จ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ ตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ทีฆรตฺตํ อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฏฺิยา สลฺเลขาย สุภรตาย วีริยารมฺภาย สํวตฺติสฺสติ. ตสฺมาติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทา. อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา – ‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อิทํ วตฺวาน [วตฺวา (สี. ปี.) เอวมีทิเสสุ าเนสุ] สุคโต อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ.

๓๑. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –

‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ, กิตฺตาวตา จ ปน สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺตี’’ติ? ‘‘ทูรโตปิ โข มยํ, อาวุโส, อาคจฺฉาม อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถมฺาตุํ. สาธุ วตายสฺมนฺตํเยว สาริปุตฺตํ ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ; อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –

‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ? อิธาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ, เยสฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห, เต จ ธมฺเม นปฺปชหนฺติ, พาหุลิกา [พาหุลฺลิกา (สฺยา.)] จ โหนฺติ, สาถลิกา, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา, ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา. ตตฺราวุโส, เถรา ภิกฺขู ตีหิ าเนหิ คารยฺหา ภวนฺติ. ‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’ติ – อิมินา ปเมน าเนน เถรา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติ. ‘เยสฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธมฺเม นปฺปชหนฺตี’ติ – อิมินา ทุติเยน าเนน เถรา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติ. ‘พาหุลิกา จ, สาถลิกา, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา, ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา’ติ – อิมินา ตติเยน าเนน เถรา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติ. เถรา, อาวุโส, ภิกฺขู อิเมหิ ตีหิ าเนหิ คารยฺหา ภวนฺติ. ตตฺราวุโส, มชฺฌิมา ภิกฺขู…เป… นวา ภิกฺขู ตีหิ าเนหิ คารยฺหา ภวนฺติ. ‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺตี’ติ – อิมินา ปเมน าเนน นวา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติ. ‘เยสฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธมฺเม นปฺปชหนฺตี’ติ – อิมินา ทุติเยน าเนน นวา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติ. ‘พาหุลิกา จ โหนฺติ, สาถลิกา, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา, ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา’ติ – อิมินา ตติเยน าเนน นวา ภิกฺขู คารยฺหา ภวนฺติ. นวา, อาวุโส, ภิกฺขู อิเมหิ ตีหิ าเนหิ คารยฺหา ภวนฺติ. เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกํ นานุสิกฺขนฺติ.

๓๒. ‘‘กิตฺตาวตา จ, ปนาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺติ? อิธาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺติ – เยสฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธมฺเม ปชหนฺติ; น จ พาหุลิกา โหนฺติ, น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา. ตตฺราวุโส, เถรา ภิกฺขู ตีหิ าเนหิ ปาสํสา ภวนฺติ. ‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺตี’ติ – อิมินา ปเมน าเนน เถรา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติ. ‘เยสฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธมฺเม ปชหนฺตี’ติ – อิมินา ทุติเยน าเนน เถรา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติ. ‘น จ พาหุลิกา, น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา’ติ – อิมินา ตติเยน าเนน เถรา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติ. เถรา, อาวุโส, ภิกฺขู อิเมหิ ตีหิ าเนหิ ปาสํสา ภวนฺติ. ตตฺราวุโส, มชฺฌิมา ภิกฺขู…เป… นวา ภิกฺขู ตีหิ าเนหิ ปาสํสา ภวนฺติ. ‘สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺตี’ติ – อิมินา ปเมน าเนน นวา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติ. ‘เยสฺจ ธมฺมานํ สตฺถา ปหานมาห เต จ ธมฺเม ปชหนฺตี’ติ – อิมินา ทุติเยน าเนน นวา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติ. ‘น จ พาหุลิกา, น สาถลิกา โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา’ติ – อิมินา ตติเยน าเนน นวา ภิกฺขู ปาสํสา ภวนฺติ. นวา, อาวุโส, ภิกฺขู อิเมหิ ตีหิ าเนหิ ปาสํสา ภวนฺติ. เอตฺตาวตา โข, อาวุโส, สตฺถุ ปวิวิตฺตสฺส วิหรโต สาวกา วิเวกมนุสิกฺขนฺติ.

๓๓. ‘‘ตตฺราวุโส, โลโภ จ ปาปโก โทโส จ ปาปโก. โลภสฺส จ ปหานาย โทสสฺส จ ปหานาย อตฺถิ มชฺฌิมา ปฏิปทา จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. กตมา จ สา, อาวุโส, มชฺฌิมา ปฏิปทา จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ [เสยฺยถีทํ (สี. สฺยา. ปี.)] – สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิ. อยํ โข สา, อาวุโส, มชฺฌิมา ปฏิปทา จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ.

‘‘ตตฺราวุโส, โกโธ จ ปาปโก อุปนาโห จ ปาปโก…เป… มกฺโข จ ปาปโก ปฬาโส จ ปาปโก, อิสฺสา จ ปาปิกา มจฺเฉรฺจ ปาปกํ, มายา จ ปาปิกา สาเยฺยฺจ ปาปกํ, ถมฺโภ จ ปาปโก สารมฺโภ จ ปาปโก, มาโน จ ปาปโก อติมาโน จ ปาปโก, มโท จ ปาปโก ปมาโท จ ปาปโก. มทสฺส จ ปหานาย ปมาทสฺส จ ปหานาย อตฺถิ มชฺฌิมา ปฏิปทา จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. กตมา จ สา, อาวุโส, มชฺฌิมา ปฏิปทา จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิ. อยํ โข สา, อาวุโส, มชฺฌิมา ปฏิปทา จกฺขุกรณี าณกรณี อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตตี’’ติ.

อิทมโวจายสฺมา สาริปุตฺโต. อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

ธมฺมทายาทสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.

๔. ภยเภรวสุตฺตํ

๓๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ [สาราณียํ (สี. สฺยา. ปี.)] วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ชาณุสฺโสณิ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เยเม, โภ โคตม, กุลปุตฺตา ภวนฺตํ โคตมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, ภวํ เตสํ โคตโม ปุพฺพงฺคโม, ภวํ เตสํ โคตโม พหุกาโร, ภวํ เตสํ โคตโม สมาทเปตา [สมาทาเปตา (?)]; โภโต จ ปน โคตมสฺส สา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชตี’’ติ. ‘‘เอวเมตํ, พฺราหฺมณ, เอวเมตํ, พฺราหฺมณ! เย เต, พฺราหฺมณ, กุลปุตฺตา มมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, อหํ เตสํ ปุพฺพงฺคโม, อหํ เตสํ พหุกาโร, อหํ เตสํ สมาทเปตา; มม จ ปน สา ชนตา ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชตี’’ติ. ‘‘ทุรภิสมฺภวานิ หิ โข, โภ โคตม, อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, ทุกฺกรํ ปวิเวกํ, ทุรภิรมํ เอกตฺเต, หรนฺติ มฺเ มโน วนานิ สมาธึ อลภมานสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. ‘‘เอวเมตํ, พฺราหฺมณ, เอวเมตํ, พฺราหฺมณ! ทุรภิสมฺภวานิ หิ โข, พฺราหฺมณ, อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, ทุกฺกรํ ปวิเวกํ, ทุรภิรมํ เอกตฺเต, หรนฺติ มฺเ มโน วนานิ สมาธึ อลภมานสฺส ภิกฺขุโน’’ติ.

๓๕. ‘‘มยฺหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เอตทโหสิ – ‘ทุรภิสมฺภวานิ หิ โข อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, ทุกฺกรํ ปวิเวกํ, ทุรภิรมํ เอกตฺเต, หรนฺติ มฺเ มโน วนานิ สมาธึ อลภมานสฺส ภิกฺขุโน’ติ. ตสฺส มยฺหํ พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ อปริสุทฺธกายกมฺมนฺโต อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; ปริสุทฺธกายกมฺมนฺโตหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, ปริสุทฺธกายกมฺมตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๓๖. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อปริสุทฺธวจีกมฺมนฺตา…เป… อปริสุทฺธมโนกมฺมนฺตา …เป… อปริสุทฺธาชีวา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, อปริสุทฺธาชีวสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ อปริสุทฺธาชีโว อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; ปริสุทฺธาชีโวหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธาชีวา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, ปริสุทฺธาชีวตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๓๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อภิชฺฌาลู กาเมสุ ติพฺพสาราคา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, อภิชฺฌาลุกาเมสุติพฺพสาราคสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; อนภิชฺฌาลูหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา อนภิชฺฌาลู อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อนภิชฺฌาลุตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๓๘. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา พฺยาปนฺนจิตฺตา ปทุฏฺมนสงฺกปฺปา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, พฺยาปนฺนจิตฺตปทุฏฺมนสงฺกปฺปสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ พฺยาปนฺนจิตฺโต ปทุฏฺมนสงฺกปฺโป อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; เมตฺตจิตฺโตหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา เมตฺตจิตฺตา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, เมตฺตจิตฺตตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๓๙. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ถีนมิทฺธปริยุฏฺิตา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, ถีนมิทฺธปริยุฏฺานสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ ถีนมิทฺธปริยุฏฺิโต อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; วิคตถีนมิทฺโธหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา วิคตถีนมิทฺธา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, วิคตถีนมิทฺธตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๔๐. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อุทฺธตา อวูปสนฺตจิตฺตา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, อุทฺธตอวูปสนฺตจิตฺตสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ อุทฺธโต อวูปสนฺตจิตฺโต อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; วูปสนฺตจิตฺโตหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา วูปสนฺตจิตฺตา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, วูปสนฺตจิตฺตตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๔๑. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กงฺขี วิจิกิจฺฉี อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, กงฺขิวิจิกิจฺฉิสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ กงฺขี วิจิกิจฺฉี อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; ติณฺณวิจิกิจฺโฉหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา ติณฺณวิจิกิจฺฉา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, ติณฺณวิจิกิจฺฉตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๔๒. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อตฺตุกฺกํสกา ปรวมฺภี อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; อนตฺตุกฺกํสโก อปรวมฺภีหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา อนตฺตุกฺกํสกา อปรวมฺภี อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อนตฺตุกฺกํสกตํ อปรวมฺภิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๔๓. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ฉมฺภี ภีรุกชาติกา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, ฉมฺภิภีรุกชาติกสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ ฉมฺภี ภีรุกชาติโก อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; วิคตโลมหํโสหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา วิคตโลมหํสา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, วิคตโลมหํสตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๔๔. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมานา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, ลาภสกฺการสิโลกนิกามน [นิกามยมาน (สี. สฺยา.)] สนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; อปฺปิจฺโฉหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา อปฺปิจฺฉา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อปฺปิจฺฉตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๔๕. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กุสีตา หีนวีริยา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, กุสีตหีนวีริยสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ กุสีโต หีนวีริโย อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; อารทฺธวีริโยหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา อารทฺธวีริยา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อารทฺธวีริยตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๔๖. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา มุฏฺสฺสตี อสมฺปชานา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, มุฏฺสฺสติอสมฺปชานสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; อุปฏฺิตสฺสติหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา อุปฏฺิตสฺสตี อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อุปฏฺิตสฺสติตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๔๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, อสมาหิตวิพฺภนฺตจิตฺตสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิตฺโต อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; สมาธิสมฺปนฺโนหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา สมาธิสมฺปนฺนา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, สมาธิสมฺปทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

๔๘. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ทุปฺปฺา เอฬมูคา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ, ทุปฺปฺเอฬมูคสนฺโทสเหตุ หเว เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ. น โข ปนาหํ ทุปฺปฺโ เอฬมูโค อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ; ปฺาสมฺปนฺโนหมสฺมิ. เย หิ โว อริยา ปฺาสมฺปนฺนา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมหํ อฺตโร’ติ. เอตมหํ, พฺราหฺมณ, ปฺาสมฺปทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิยฺโย ปลฺโลมมาปาทึ อรฺเ วิหาราย.

โสฬสปริยายํ นิฏฺิตํ.

๔๙. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ยา ตา รตฺติโย อภิฺาตา อภิลกฺขิตา – จาตุทฺทสี ปฺจทสี อฏฺมี จ ปกฺขสฺส – ตถารูปาสุ รตฺตีสุ ยานิ ตานิ อารามเจติยานิ วนเจติยานิ รุกฺขเจติยานิ ภึสนกานิ สโลมหํสานิ ตถารูเปสุ เสนาสเนสุ วิหเรยฺยํ อปฺเปว นามาหํ ภยเภรวํ ปสฺเสยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, อปเรน สมเยน ยา ตา รตฺติโย อภิฺาตา อภิลกฺขิตา – จาตุทฺทสี ปฺจทสี อฏฺมี จ ปกฺขสฺส – ตถารูปาสุ รตฺตีสุ ยานิ ตานิ อารามเจติยานิ วนเจติยานิ รุกฺขเจติยานิ ภึสนกานิ สโลมหํสานิ ตถารูเปสุ เสนาสเนสุ วิหรามิ. ตตฺถ จ เม, พฺราหฺมณ, วิหรโต มโค วา อาคจฺฉติ, โมโร วา กฏฺํ ปาเตติ, วาโต วา ปณฺณกสฏํ [ปณฺณสฏํ (สี. ปี.)] เอเรติ; ตสฺส มยฺหํ พฺราหฺมณ เอตทโหสิ [ตสฺส มยฺหํ เอวํ โหติ (สี. สฺยา.)] – ‘เอตํ นูน ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉตี’ติ. ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘กึ นุ โข อหํ อฺทตฺถุ ภยปฏิกงฺขี [ภยปาฏิกงฺขี (สี.)] วิหรามิ? ยํนูนาหํ ยถาภูตํ ยถาภูตสฺส [ยถาภูตสฺส ยถาภูตสฺส (สี. สฺยา.)] เม ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติ, ตถาภูตํ ตถาภูโตว [ยถาภูโต ยถาภูโตว (สี. สฺยา.)] ตํ ภยเภรวํ ปฏิวิเนยฺย’นฺติ. ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, จงฺกมนฺตสฺส ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติ. โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, เนว ตาว ติฏฺามิ น นิสีทามิ น นิปชฺชามิ, ยาว จงฺกมนฺโตว ตํ ภยเภรวํ ปฏิวิเนมิ. ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, ิตสฺส ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติ. โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, เนว ตาว จงฺกมามิ น นิสีทามิ น นิปชฺชามิ. ยาว ิโตว ตํ ภยเภรวํ ปฏิวิเนมิ. ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, นิสินฺนสฺส ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติ. โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, เนว ตาว นิปชฺชามิ น ติฏฺามิ น จงฺกมามิ, ยาว นิสินฺโนว ตํ ภยเภรวํ ปฏิวิเนมิ. ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, นิปนฺนสฺส ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติ. โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, เนว ตาว นิสีทามิ น ติฏฺามิ น จงฺกมามิ, ยาว นิปนฺโนว ตํ ภยเภรวํ ปฏิวิเนมิ.

๕๐. ‘‘สนฺติ โข ปน, พฺราหฺมณ, เอเก สมณพฺราหฺมณา รตฺตึเยว สมานํ ทิวาติ สฺชานนฺติ, ทิวาเยว สมานํ รตฺตีติ สฺชานนฺติ. อิทมหํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ สมฺโมหวิหารสฺมึ วทามิ. อหํ โข ปน, พฺราหฺมณ, รตฺตึเยว สมานํ รตฺตีติ สฺชานามิ, ทิวาเยว สมานํ ทิวาติ สฺชานามิ. ยํ โข ตํ, พฺราหฺมณ, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อสมฺโมหธมฺโม สตฺโต โลเก อุปฺปนฺโน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติ, มเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อสมฺโมหธมฺโม สตฺโต โลเก อุปฺปนฺโน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติ.

๕๑. ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริยํ อโหสิ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา [อปฺปมฺมุฏฺา (สฺยา.)], ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํ. โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหาสึ, สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสึ; ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.

๕๒. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, รตฺติยา ปเม ยาเม ปมา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน, ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

๕๓. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน, ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

๕๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสิ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสึ. อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน, ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

๕๕. ‘‘สิยา โข ปน เต, พฺราหฺมณ, เอวมสฺส – ‘อชฺชาปิ นูน สมโณ โคตโม อวีตราโค อวีตโทโส อวีตโมโห, ตสฺมา อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวตี’ติ. น โข ปเนตํ, พฺราหฺมณ, เอวํ ทฏฺพฺพํ. ทฺเว โข อหํ, พฺราหฺมณ, อตฺถวเส สมฺปสฺสมาโน อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวามิ – อตฺตโน จ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ สมฺปสฺสมาโน, ปจฺฉิมฺจ ชนตํ อนุกมฺปมาโน’’ติ.

๕๖. ‘‘อนุกมฺปิตรูปา วตายํ โภตา โคตเมน ปจฺฉิมา ชนตา, ยถา ตํ อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน. อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ.

ภยเภรวสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.

๕. อนงฺคณสุตฺตํ

๕๗. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –

‘‘จตฺตาโรเม, อาวุโส, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม จตฺตาโร? อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สางฺคโณว สมาโน ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล สางฺคโณว สมาโน ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ. อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อนงฺคโณว สมาโน ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ. อิธ ปนาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อนงฺคโณว สมาโน ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ. ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล สางฺคโณว สมาโน ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ สางฺคณานํเยว สตํ หีนปุริโส อกฺขายติ. ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล สางฺคโณว สมาโน ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ สางฺคณานํเยว สตํ เสฏฺปุริโส อกฺขายติ. ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อนงฺคโณว สมาโน ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อนงฺคณานํเยว สตํ หีนปุริโส อกฺขายติ. ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อนงฺคโณว สมาโน ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, อยํ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อนงฺคณานํเยว สตํ เสฏฺปุริโส อกฺขายตี’’ติ.

๕๘. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ –

‘‘โก นุ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, เหตุ โก ปจฺจโย เยนิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ สางฺคณานํเยว สตํ เอโก หีนปุริโส อกฺขายติ, เอโก เสฏฺปุริโส อกฺขายติ? โก ปนาวุโส สาริปุตฺต, เหตุ โก ปจฺจโย เยนิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อนงฺคณานํเยว สตํ เอโก หีนปุริโส อกฺขายติ, เอโก เสฏฺปุริโส อกฺขายตี’’ติ?

๕๙. ‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล สางฺคโณว สมาโน ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – น ฉนฺทํ ชเนสฺสติ น วายมิสฺสติ น วีริยํ อารภิสฺสติ ตสฺสงฺคณสฺส ปหานาย; โส สราโค สโทโส สโมโห สางฺคโณ สํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กํสปาติ อาภตา อาปณา วา กมฺมารกุลา วา รเชน จ มเลน จ ปริโยนทฺธา. ตเมนํ สามิกา น เจว ปริภุฺเชยฺยุํ น จ ปริโยทเปยฺยุํ [ปริโยทาเปยฺยุํ (?)], รชาปเถ จ นํ นิกฺขิเปยฺยุํ. เอวฺหิ สา, อาวุโส, กํสปาติ อปเรน สมเยน สํกิลิฏฺตรา อสฺส มลคฺคหิตา’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล สางฺคโณว สมาโน ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – น ฉนฺทํ ชเนสฺสติ น วายมิสฺสติ น วีริยํ อารภิสฺสติ ตสฺสงฺคณสฺส ปหานาย; โส สราโค สโทโส สโมโห สางฺคโณ สํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสติ.

‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล สางฺคโณว สมาโน ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – ฉนฺทํ ชเนสฺสติ วายมิสฺสติ วีริยํ อารภิสฺสติ ตสฺสงฺคณสฺส ปหานาย; โส อราโค อโทโส อโมโห อนงฺคโณ อสํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กํสปาติ อาภตา อาปณา วา กมฺมารกุลา วา รเชน จ มเลน จ ปริโยนทฺธา. ตเมนํ สามิกา ปริภุฺเชยฺยุฺเจว ปริโยทเปยฺยุฺจ, น จ นํ รชาปเถ นิกฺขิเปยฺยุํ. เอวฺหิ สา, อาวุโส, กํสปาติ อปเรน สมเยน ปริสุทฺธตรา อสฺส ปริโยทาตา’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล สางฺคโณว สมาโน ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – ฉนฺทํ ชเนสฺสติ วายมิสฺสติ วีริยํ อารภิสฺสติ ตสฺสงฺคณสฺส ปหานาย; โส อราโค อโทโส อโมโห อนงฺคโณ อสํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสติ.

‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อนงฺคโณว สมาโน ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – สุภนิมิตฺตํ มนสิ กริสฺสติ, ตสฺส สุภนิมิตฺตสฺส มนสิการา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสสฺสติ; โส สราโค สโทโส สโมโห สางฺคโณ สํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กํสปาติ อาภตา อาปณา วา กมฺมารกุลา วา ปริสุทฺธา ปริโยทาตา. ตเมนํ สามิกา น เจว ปริภุฺเชยฺยุํ น จ ปริโยทเปยฺยุํ, รชาปเถ จ นํ นิกฺขิเปยฺยุํ. เอวฺหิ สา, อาวุโส, กํสปาติ อปเรน สมเยน สํกิลิฏฺตรา อสฺส มลคฺคหิตา’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อนงฺคโณว สมาโน ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – สุภนิมิตฺตํ มนสิ กริสฺสติ, ตสฺส สุภนิมิตฺตสฺส มนสิการา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสสฺสติ;โส สราโค สโทโส สโมโห สางฺคโณ สํกิลิฏฺจิตฺโตกาลํกริสฺสติ.

‘‘ตตฺราวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อนงฺคโณว สมาโน ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – สุภนิมิตฺตํ น มนสิ กริสฺสติ, ตสฺส สุภนิมิตฺตสฺส อมนสิการา ราโค จิตฺตํ นานุทฺธํเสสฺสติ; โส อราโค อโทโส อโมโห อนงฺคโณ อสํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กํสปาติ อาภตา อาปณา วา กมฺมารกุลา วา ปริสุทฺธา ปริโยทาตา. ตเมนํ สามิกา ปริภุฺเชยฺยุฺเจว ปริโยทเปยฺยุฺจ, น จ นํ รชาปเถ นิกฺขิเปยฺยุํ. เอวฺหิ สา, อาวุโส, กํสปาติ อปเรน สมเยน ปริสุทฺธตรา อสฺส ปริโยทาตา’’ติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, อาวุโส, ยฺวายํ ปุคฺคโล อนงฺคโณว สมาโน ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณ’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ตสฺเสตํ ปาฏิกงฺขํ – สุภนิมิตฺตํ น มนสิ กริสฺสติ, ตสฺส สุภนิมิตฺตสฺส อมนสิการา ราโค จิตฺตํ นานุทฺธํเสสฺสติ; โส อราโค อโทโส อโมโห อนงฺคโณ อสํกิลิฏฺจิตฺโต กาลํ กริสฺสติ.

‘‘อยํ โข, อาวุโส โมคฺคลฺลาน, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยนิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ สางฺคณานํเยว สตํ เอโก หีนปุริโส อกฺขายติ, เอโก เสฏฺปุริโส อกฺขายติ. อยํ ปนาวุโส โมคฺคลฺลาน, เหตุ อยํ ปจฺจโย เยนิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ อนงฺคณานํเยว สตํ เอโก หีนปุริโส อกฺขายติ, เอโก เสฏฺปุริโส อกฺขายตี’’ติ.

๖๐. ‘‘องฺคณํ องฺคณนฺติ, อาวุโส, วุจฺจติ. กิสฺส นุ โข เอตํ, อาวุโส, อธิวจนํ ยทิทํ องฺคณ’’นฺติ? ‘‘ปาปกานํ โข เอตํ, อาวุโส, อกุสลานํ อิจฺฉาวจรานํ อธิวจนํ, ยทิทํ องฺคณ’’นฺติ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อาปตฺติฺจ วต อาปนฺโน อสฺสํ, น จ มํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุํ อาปตฺตึ อาปนฺโน’ติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ ตํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู ชาเนยฺยุํ – ‘อาปตฺตึ อาปนฺโน’ติ. ‘ชานนฺติ มํ ภิกฺขู อาปตฺตึ อาปนฺโน’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อาปตฺติฺจ วต อาปนฺโน อสฺสํ, อนุรโห มํ ภิกฺขู โจเทยฺยุํ, โน สงฺฆมชฺเฌ’ติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ ตํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู สงฺฆมชฺเฌ โจเทยฺยุํ, โน อนุรโห. ‘สงฺฆมชฺเฌ มํ ภิกฺขู โจเทนฺติ, โน อนุรโห’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อาปตฺติฺจ วต อาปนฺโน อสฺสํ, สปฺปฏิปุคฺคโล มํ โจเทยฺย, โน อปฺปฏิปุคฺคโล’ติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ ตํ ภิกฺขุํ อปฺปฏิปุคฺคโล โจเทยฺย, โน สปฺปฏิปุคฺคโล. ‘อปฺปฏิปุคฺคโล มํ โจเทติ, โน สปฺปฏิปุคฺคโล’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต มเมว สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺย, น อฺํ ภิกฺขุํ สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺยา’ติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺํ ภิกฺขุํ สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺย, น ตํ ภิกฺขุํ สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺย. ‘อฺํ ภิกฺขุํ สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ, น มํ สตฺถา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ปฏิปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสตี’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต มเมว ภิกฺขู ปุรกฺขตฺวา ปุรกฺขตฺวา คามํ ภตฺตาย ปวิเสยฺยุํ, น อฺํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู ปุรกฺขตฺวา ปุรกฺขตฺวา คามํ ภตฺตาย ปวิเสยฺยุ’นฺติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู ปุรกฺขตฺวา ปุรกฺขตฺวา คามํ ภตฺตาย ปวิเสยฺยุํ, น ตํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู ปุรกฺขตฺวา ปุรกฺขตฺวา คามํ ภตฺตาย ปวิเสยฺยุํ. ‘อฺํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู ปุรกฺขตฺวา ปุรกฺขตฺวา คามํ ภตฺตาย ปวิสนฺติ, น มํ ภิกฺขู ปุรกฺขตฺวา ปุรกฺขตฺวา คามํ ภตฺตาย ปวิสนฺตี’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต อหเมว ลเภยฺยํ ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น อฺโ ภิกฺขุ ลเภยฺย ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑ’นฺติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺโ ภิกฺขุ ลเภยฺย ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น โส ภิกฺขุ ลเภยฺย ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ. ‘อฺโ ภิกฺขุ ลภติ ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, นาหํ ลภามิ ภตฺตคฺเค อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑ’นฺติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต อหเมว ภตฺตคฺเค ภุตฺตาวี อนุโมเทยฺยํ, น อฺโ ภิกฺขุ ภตฺตคฺเค ภุตฺตาวี อนุโมเทยฺยา’ติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺโ ภิกฺขุ ภตฺตคฺเค ภุตฺตาวี อนุโมเทยฺย, น โส ภิกฺขุ ภตฺตคฺเค ภุตฺตาวี อนุโมเทยฺย. ‘อฺโ ภิกฺขุ ภตฺตคฺเค ภุตฺตาวี อนุโมทติ, นาหํ ภตฺตคฺเค ภุตฺตาวี อนุโมทามี’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต อหเมว อารามคตานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ, น อฺโ ภิกฺขุ อารามคตานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺยา’ติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺโ ภิกฺขุ อารามคตานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺย, น โส ภิกฺขุ อารามคตานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสยฺย. ‘อฺโ ภิกฺขุ อารามคตานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสติ, นาหํ อารามคตานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสมี’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต อหเมว อารามคตานํ ภิกฺขุนีนํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ…เป… อุปาสกานํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ…เป… อุปาสิกานํ ธมฺมํ เทเสยฺยํ, น อฺโ ภิกฺขุ อารามคตานํ อุปาสิกานํ ธมฺมํ เทเสยฺยา’ติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺโ ภิกฺขุ อารามคตานํ อุปาสิกานํ ธมฺมํ เทเสยฺย, น โส ภิกฺขุ อารามคตานํ อุปาสิกานํ ธมฺมํ เทเสยฺย. ‘อฺโ ภิกฺขุ อารามคตานํ อุปาสิกานํ ธมฺมํ เทเสติ, นาหํ อารามคตานํ อุปาสิกานํ ธมฺมํ เทเสมี’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต มเมว ภิกฺขู สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ [ครุกเรยฺยุํ (สี. สฺยา. ปี.)] มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, น อฺํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุ’นฺติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, น ตํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ. ‘อฺํ ภิกฺขุํ ภิกฺขู สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, น มํ ภิกฺขู สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺตี’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต มเมว ภิกฺขุนิโย…เป… อุปาสกา…เป… อุปาสิกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, น อฺํ ภิกฺขุํ อุปาสิกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุ’นฺติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺํ ภิกฺขุํ อุปาสิกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, น ตํ ภิกฺขุํ อุปาสิกา สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ. ‘อฺํ ภิกฺขุํ อุปาสิกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, น มํ อุปาสิกา สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺตี’ติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต อหเมว ลาภี อสฺสํ ปณีตานํ จีวรานํ, น อฺโ ภิกฺขุ ลาภี อสฺส ปณีตานํ จีวราน’นฺติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺโ ภิกฺขุ ลาภี อสฺส ปณีตานํ จีวรานํ, น โส ภิกฺขุ ลาภี อสฺส ปณีตานํ จีวรานํ. ‘อฺโ ภิกฺขุ ลาภี [ลาภี อสฺส (ก.)] ปณีตานํ จีวรานํ, นาหํ ลาภี [ลาภี อสฺสํ (ก.)] ปณีตานํ จีวราน’นฺติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺจสฺส ภิกฺขุโน เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วต อหเมว ลาภี อสฺสํ ปณีตานํ ปิณฺฑปาตานํ…เป… ปณีตานํ เสนาสนานํ…เป… ปณีตานํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, น อฺโ ภิกฺขุ ลาภี อสฺส ปณีตานํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ. านํ โข ปเนตํ, อาวุโส, วิชฺชติ ยํ อฺโ ภิกฺขุ ลาภี อสฺส ปณีตานํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, น โส ภิกฺขุ ลาภี อสฺส ปณีตานํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. ‘อฺโ ภิกฺขุ ลาภี [ลาภี อสฺส (ก.)] ปณีตานํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, นาหํ ลาภี [ลาภี อสฺสํ (ก.)] ปณีตานํ คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ – อิติ โส กุปิโต โหติ อปฺปตีโต. โย เจว โข, อาวุโส, โกโป โย จ อปฺปจฺจโย – อุภยเมตํ องฺคณํ.

‘‘อิเมสํ โข เอตํ, อาวุโส, ปาปกานํ อกุสลานํ อิจฺฉาวจรานํ อธิวจนํ, ยทิทํ องฺคณ’’นฺติ.

๖๑. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อาวุโส, ภิกฺขุโน อิเม ปาปกา อกุสลา อิจฺฉาวจรา อปฺปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จ, กิฺจาปิ โส โหติ อารฺิโก ปนฺตเสนาสโน ปิณฺฑปาติโก สปทานจารี ปํสุกูลิโก ลูขจีวรธโร, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี น เจว สกฺกโรนฺติ น ครุํ กโรนฺติ น มาเนนฺติ น ปูเชนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เต หิ ตสฺส อายสฺมโต ปาปกา อกุสลา อิจฺฉาวจรา อปฺปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กํสปาติ อาภตา อาปณา วา กมฺมารกุลา วา ปริสุทฺธา ปริโยทาตา. ตเมนํ สามิกา อหิกุณปํ วา กุกฺกุรกุณปํ วา มนุสฺสกุณปํ วา รจยิตฺวา อฺิสฺสา กํสปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา อนฺตราปณํ ปฏิปชฺเชยฺยุํ. ตเมนํ ชโน ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘อมฺโภ, กิเมวิทํ หรียติ ชฺชฺํ วิยา’ติ? ตเมนํ อุฏฺหิตฺวา อปาปุริตฺวา [อวาปุริตฺวา (สี.)] โอโลเกยฺย. ตสฺส สหทสฺสเนน อมนาปตา จ สณฺเหยฺย, ปาฏิกุลฺยตา [ปฏิกูลตา (ก.), ปาฏิกูลฺยตา (สฺยา.)] จ สณฺเหยฺย, เชคุจฺฉตา จ [เชคุจฺฉิตา จ (ปี. ก.)] สณฺเหยฺย; ชิฆจฺฉิตานมฺปิ น โภตฺตุกมฺยตา อสฺส, ปเคว สุหิตานํ. เอวเมว โข, อาวุโส, ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน อิเม ปาปกา อกุสลา อิจฺฉาวจรา อปฺปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จ, กิฺจาปิ โส โหติ อารฺิโก ปนฺตเสนาสโน ปิณฺฑปาติโก สปทานจารี ปํสุกูลิโก ลูขจีวรธโร, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี น เจว สกฺกโรนฺติ น ครุํ กโรนฺติ น มาเนนฺติ น ปูเชนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เต หิ ตสฺส อายสฺมโต ปาปกา อกุสลา อิจฺฉาวจรา อปฺปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จ.

๖๒. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อาวุโส, ภิกฺขุโน อิเม ปาปกา อกุสลา อิจฺฉาวจรา ปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จ, กิฺจาปิ โส โหติ คามนฺตวิหารี เนมนฺตนิโก คหปติจีวรธโร, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เต หิ ตสฺส อายสฺมโต ปาปกา อกุสลา อิจฺฉาวจรา ปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กํสปาติ อาภตา อาปณา วา กมฺมารกุลา วา ปริสุทฺธา ปริโยทาตา. ตเมนํ สามิกา สาลีนํ โอทนํ วิจิตกาฬกํ [วิจินิตกาฬกํ (ก.)] อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนํ รจยิตฺวา อฺิสฺสา กํสปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา อนฺตราปณํ ปฏิปชฺเชยฺยุํ. ตเมนํ ชโน ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘อมฺโภ, กิเมวิทํ หรียติ ชฺชฺํ วิยา’ติ? ตเมนํ อุฏฺหิตฺวา อปาปุริตฺวา โอโลเกยฺย. ตสฺส สห ทสฺสเนน มนาปตา จ สณฺเหยฺย, อปฺปาฏิกุลฺยตา จ สณฺเหยฺย, อเชคุจฺฉตา จ สณฺเหยฺย; สุหิตานมฺปิ โภตฺตุกมฺยตา อสฺส, ปเคว ชิฆจฺฉิตานํ. เอวเมว โข, อาวุโส, ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน อิเม ปาปกา อกุสลา อิจฺฉาวจรา ปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จ, กิฺจาปิ โส โหติ คามนฺตวิหารี เนมนฺตนิโก คหปติจีวรธโร, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เต หิ ตสฺส อายสฺมโต ปาปกา อกุสลา อิจฺฉาวจรา ปหีนา ทิสฺสนฺติ เจว สูยนฺติ จา’’ติ.

๖๓. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อุปมา มํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ปฏิภาตี’’ติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, อาวุโส โมคฺคลฺลานา’’ติ. ‘‘เอกมิทาหํ, อาวุโส, สมยํ ราชคเห วิหรามิ คิริพฺพเช. อถ ขฺวาหํ, อาวุโส, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. เตน โข ปน สมเยน สมีติ ยานการปุตฺโต รถสฺส เนมึ ตจฺฉติ. ตเมนํ ปณฺฑุปุตฺโต อาชีวโก ปุราณยานการปุตฺโต ปจฺจุปฏฺิโต โหติ. อถ โข, อาวุโส, ปณฺฑุปุตฺตสฺส อาชีวกสฺส ปุราณยานการปุตฺตสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘อโห วตายํ สมีติ ยานการปุตฺโต อิมิสฺสา เนมิยา อิมฺจ วงฺกํ อิมฺจ ชิมฺหํ อิมฺจ โทสํ ตจฺเฉยฺย, เอวายํ เนมิ อปคตวงฺกา อปคตชิมฺหา อปคตโทสา สุทฺธา อสฺส [สุทฺธาสฺส (สี. ปี.), สุทฺธา (ก.)] สาเร ปติฏฺิตา’ติ. ยถา ยถา โข, อาวุโส, ปณฺฑุปุตฺตสฺส อาชีวกสฺส ปุราณยานการปุตฺตสฺส เจตโส ปริวิตกฺโก โหติ, ตถา ตถา สมีติ ยานการปุตฺโต ตสฺสา เนมิยา ตฺจ วงฺกํ ตฺจ ชิมฺหํ ตฺจ โทสํ ตจฺฉติ. อถ โข, อาวุโส, ปณฺฑุปุตฺโต อาชีวโก ปุราณยานการปุตฺโต อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ – ‘หทยา หทยํ มฺเ อฺาย ตจฺฉตี’ติ.

‘‘เอวเมว โข, อาวุโส, เย เต ปุคฺคลา อสฺสทฺธา, ชีวิกตฺถา น สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, สา มายาวิโน เกตพิโน [เกฏุภิโน (พหูสุ)] อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา, อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารา, โภชเน อมตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนนุยุตฺตา, สามฺเ อนเปกฺขวนฺโต, สิกฺขาย น ติพฺพคารวา, พาหุลิกา สาถลิกา, โอกฺกมเน ปุพฺพงฺคมา, ปวิเวเก นิกฺขิตฺตธุรา, กุสีตา หีนวีริยา มุฏฺสฺสตี อสมฺปชานา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา ทุปฺปฺา เอฬมูคา, เตสํ อายสฺมา สาริปุตฺโต อิมินา ธมฺมปริยาเยน หทยา หทยํ มฺเ อฺาย ตจฺฉติ.

‘‘เย ปน เต กุลปุตฺตา สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, อสา อมายาวิโน อเกตพิโน อนุทฺธตา อนุนฺนฬา อจปลา อมุขรา อวิกิณฺณวาจา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา, โภชเน มตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตา, สามฺเ อเปกฺขวนฺโต, สิกฺขาย ติพฺพคารวา, น พาหุลิกา น สาถลิกา, โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา, ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา, อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา อุปฏฺิตสฺสตี สมฺปชานา สมาหิตา เอกคฺคจิตฺตา ปฺวนฺโต อเนฬมูคา, เต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส อิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา ปิวนฺติ มฺเ, ฆสนฺติ มฺเ วจสา เจว มนสา จ – ‘สาธุ วต, โภ, สพฺรหฺมจารี อกุสลา วุฏฺาเปตฺวา กุสเล ปติฏฺาเปตี’ติ. เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก สีสํนฺหาโต อุปฺปลมาลํ วา วสฺสิกมาลํ วา อติมุตฺตกมาลํ [อธิมุตฺตกมาลํ (สฺยา.)] วา ลภิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปฏิคฺคเหตฺวา อุตฺตมงฺเค สิรสฺมึ ปติฏฺเปยฺย, เอวเมว โข, อาวุโส, เย เต กุลปุตฺตา สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, อสา อมายาวิโน อเกตพิโน อนุทฺธตา อนุนฺนฬา อจปลา อมุขรา อวิกิณฺณวาจา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา, โภชเน มตฺตฺุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตา, สามฺเ อเปกฺขวนฺโต, สิกฺขาย ติพฺพคารวา, น พาหุลิกา น สาถลิกา, โอกฺกมเน นิกฺขิตฺตธุรา, ปวิเวเก ปุพฺพงฺคมา, อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา อุปฏฺิตสฺสตี สมฺปชานา สมาหิตา เอกคฺคจิตฺตา ปฺวนฺโต อเนฬมูคา, เต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส อิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา ปิวนฺติ มฺเ, ฆสนฺติ มฺเ วจสา เจว มนสา จ – ‘สาธุ วต, โภ, สพฺรหฺมจารี อกุสลา วุฏฺาเปตฺวา กุสเล ปติฏฺาเปตี’ติ. อิติห เต อุโภ มหานาคา อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสู’’ติ.

อนงฺคณสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.

๖. อากงฺเขยฺยสุตฺตํ

๖๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถ สมฺปนฺนปาติโมกฺขา; ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา วิหรถ อาจารโคจรสมฺปนฺนา อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวิโน; สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสุ.

๖๕. ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ อสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’ติ [มนาโป ครุภาวนิโย จาติ (สี.)], สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ลาภี อสฺสํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘เยสาหํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสน คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ ปริภุฺชามิ เตสํ เต การา มหปฺผลา อสฺสุ มหานิสํสา’ติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘เย มํ [เย เม (สี. สฺยา.)] าตี สาโลหิตา เปตา กาลงฺกตา [กาลกตา (สี. สฺยา. ปี.)] ปสนฺนจิตฺตา อนุสฺสรนฺติ เตสํ ตํ มหปฺผลํ อสฺส มหานิสํส’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

๖๖. ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘อรติรติสโห อสฺสํ, น จ มํ อรติ สเหยฺย, อุปฺปนฺนํ อรตึ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ภยเภรวสโห อสฺสํ, น จ มํ ภยเภรวํ สเหยฺย, อุปฺปนฺนํ ภยเภรวํ อภิภุยฺย อภิภุยฺย วิหเรยฺย’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี อสฺสํ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’ติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘เย เต สนฺตา วิโมกฺขา อติกฺกมฺม รูเป อารุปฺปา, เต กาเยน ผุสิตฺวา วิหเรยฺย’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

๖๗. ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน อสฺสํ อวินิปาตธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโณ’ติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา สกทาคามี อสฺสํ สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กเรยฺย’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โอปปาติโก อสฺสํ ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม ตสฺมา โลกา’ติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

๖๘. ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุภเวยฺยํ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา อสฺสํ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก อสฺสํ; อาวิภาวํ ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กเรยฺยํ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาเน คจฺเฉยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กเมยฺยํ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปรามเสยฺยํ ปริมชฺเชยฺยํ; ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตยฺย’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุเณยฺยํ – ทิพฺเพ จ มานุเส จ เย ทูเร สนฺติเก จา’ติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชาเนยฺยํ – สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโทสํ วา จิตฺตํ สโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ วีตโทสํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สโมหํ วา จิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ วีตโมหํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ สํขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ มหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ อมหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ สอุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ อนุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ อสมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺยํ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชาเนยฺย’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺยํ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติ สตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโนติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสเรยฺย’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี…เป… พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺยํ – อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา; อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนาติ, อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺเสยฺยํ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชาเนยฺย’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

๖๙. ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเวธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺโต อนิรากตชฺฌาโน วิปสฺสนาย สมนฺนาคโต พฺรูเหตา สุฺาคารานํ.

‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถ สมฺปนฺนปาติโมกฺขา; ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา วิหรถ อาจารโคจรสมฺปนฺนา อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวิโน; สมาทาย สิกฺขถ สิกฺขาปเทสู’’ติ – อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

อากงฺเขยฺยสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.

๗. วตฺถสุตฺตํ

๗๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถํ สํกิลิฏฺํ มลคฺคหิตํ; ตเมนํ รชโก ยสฺมึ ยสฺมึ รงฺคชาเต อุปสํหเรยฺย – ยทิ นีลกาย ยทิ ปีตกาย ยทิ โลหิตกาย ยทิ มฺชิฏฺกาย [มฺเชฏฺกาย (สี. ปี.), มฺเชฏฺิกาย (สฺยา.)] ทุรตฺตวณฺณเมวสฺส อปริสุทฺธวณฺณเมวสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? อปริสุทฺธตฺตา, ภิกฺขเว, วตฺถสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จิตฺเต สํกิลิฏฺเ, ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถํ ปริสุทฺธํ ปริโยทาตํ; ตเมนํ รชโก ยสฺมึ ยสฺมึ รงฺคชาเต อุปสํหเรยฺย – ยทิ นีลกาย ยทิ ปีตกาย ยทิ โลหิตกาย ยทิ มฺชิฏฺกาย – สุรตฺตวณฺณเมวสฺส ปริสุทฺธวณฺณเมวสฺส. ตํ กิสฺส เหตุ? ปริสุทฺธตฺตา, ภิกฺขเว, วตฺถสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จิตฺเต อสํกิลิฏฺเ, สุคติ ปาฏิกงฺขา.

๗๑. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา? อภิชฺฌาวิสมโลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, พฺยาปาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โกโธ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, อุปนาโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มกฺโข จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, ปฬาโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, อิสฺสา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มายา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, สาเยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, ถมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, สารมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, อติมาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, มโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, ปมาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส.

๗๒. ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อภิชฺฌาวิสมโลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อภิชฺฌาวิสมโลภํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘พฺยาปาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา พฺยาปาทํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘โกโธ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา โกธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘อุปนาโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อุปนาหํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มกฺโข จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มกฺขํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘ปฬาโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ปฬาสํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘อิสฺสา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อิสฺสํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มายา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มายํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘สาเยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา สาเยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘ถมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ถมฺภํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘สารมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา สารมฺภํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘อติมาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อติมานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘มโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มทํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ; ‘ปมาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ปมาทํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหติ.

๗๓. ‘‘ยโต โข [ยโต จ โข (สี. สฺยา.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ‘อภิชฺฌาวิสมโลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อภิชฺฌาวิสมโลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ, ‘พฺยาปาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา พฺยาปาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘โกโธ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา โกโธ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘อุปนาโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อุปนาโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มกฺโข จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มกฺโข จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘ปฬาโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ปฬาโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘อิสฺสา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อิสฺสา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มจฺฉริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มายา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มายา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘สาเยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา สาเยฺยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘ถมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ถมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘สารมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา สารมฺโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘อติมาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา อติมาโน จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘มโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา มโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ; ‘ปมาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ – อิติ วิทิตฺวา ปมาโท จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน โหติ.

๗๔. ‘‘โส พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา’ติ; ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม สนฺทิฏฺิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปเนยฺยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’ติ; สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – ‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, อุชุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ายปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, สามีจิปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ, อฏฺ ปุริสปุคฺคลา. เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโย ทกฺขิเณยฺโย อฺชลิกรณีโย, อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’ติ.

๗๕. ‘‘ยโถธิ [ยโตธิ (อฏฺกถายํ ปานฺตรํ)] โข ปนสฺส จตฺตํ โหติ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ, โส ‘พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ. ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ; ‘ธมฺเม…เป… สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโตมฺหี’ติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ; ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ. ‘ยโถธิ โข ปน เม จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺ’นฺติ ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํ; ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ.

๗๖. ‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํสีโล เอวํธมฺโม เอวํปฺโ สาลีนํ เจปิ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชติ วิจิตกาฬกํ อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนํ, เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายาย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วตฺถํ สํกิลิฏฺํ มลคฺคหิตํ อจฺโฉทกํ อาคมฺม ปริสุทฺธํ โหติ ปริโยทาตํ, อุกฺกามุขํ วา ปนาคมฺม ชาตรูปํ ปริสุทฺธํ โหติ ปริโยทาตํ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํสีโล เอวํธมฺโม เอวํปฺโ สาลีนํ เจปิ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชติ วิจิตกาฬกํ อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนํ, เนวสฺส ตํ โหติ อนฺตรายาย.

๗๗. ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ [จตุตฺถึ (สี. ปี.)]. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ; กรุณาสหคเตน เจตสา…เป… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ. อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติ.

๗๘. ‘‘โส ‘อตฺถิ อิทํ, อตฺถิ หีนํ, อตฺถิ ปณีตํ, อตฺถิ อิมสฺส สฺาคตสฺส อุตฺตรึ นิสฺสรณ’นฺติ ปชานาติ. ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว – ‘ภิกฺขุ สินาโต อนฺตเรน สินาเนนา’’’ติ.

๗๙. เตน โข ปน สมเยน สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ. อถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉติ ปน ภวํ โคตโม พาหุกํ นทึ สินายิตุ’’นฺติ? ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, พาหุกาย นทิยา? กึ พาหุกา นที กริสฺสตี’’ติ? ‘‘โลกฺขสมฺมตา [โลขฺยสมฺมตา (สี.), โมกฺขสมฺมตา (ปี.)] หิ, โภ โคตม, พาหุกา นที พหุชนสฺส, ปุฺสมฺมตา หิ, โภ โคตม, พาหุกา นที พหุชนสฺส, พาหุกาย ปน นทิยา พหุชโน ปาปกมฺมํ กตํ ปวาเหตี’’ติ. อถ โข ภควา สุนฺทริกภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

‘‘พาหุกํ อธิกกฺกฺจ, คยํ สุนฺทริกํ มปิ [สุนฺทริกามปิ (สี. สฺยา. ปี.), สุนฺทริกํ มหึ (อิติปิ)];

สรสฺสตึ ปยาคฺจ, อโถ พาหุมตึ นทึ;

นิจฺจมฺปิ พาโล ปกฺขนฺโท [ปกฺขนฺโน (สี. สฺยา. ปี.)], กณฺหกมฺโม น สุชฺฌติ.

‘‘กึ สุนฺทริกา กริสฺสติ, กึ ปยาคา [ปยาโค (สี. สฺยา. ปี.)] กึ พาหุกา นที;

เวรึ กตกิพฺพิสํ นรํ, น หิ นํ โสธเย ปาปกมฺมินํ.

‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา;

สุทฺธสฺส สุจิกมฺมสฺส, สทา สมฺปชฺชเต วตํ;

อิเธว สินาหิ พฺราหฺมณ, สพฺพภูเตสุ กโรหิ เขมตํ.

‘‘สเจ มุสา น ภณสิ, สเจ ปาณํ น หึสสิ;

สเจ อทินฺนํ นาทิยสิ, สทฺทหาโน อมจฺฉรี;

กึ กาหสิ คยํ คนฺตฺวา, อุทปาโนปิ เต คยา’’ติ.

๘๐. เอวํ วุตฺเต, สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต. เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติ. อลตฺถ โข สุนฺทริกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํ. อจิรูปสมฺปนฺโน โข ปนายสฺมา ภารทฺวาโช เอโก วูปกฏฺโ อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต นจิรสฺเสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิฏฺเวธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโร โข ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติ.

วตฺถสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.

๘. สลฺเลขสุตฺตํ

๘๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข อายสฺมา มหาจุนฺโท สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มหาจุนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยา อิมา, ภนฺเต, อเนกวิหิตา ทิฏฺิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ – อตฺตวาทปฏิสํยุตฺตา วา โลกวาทปฏิสํยุตฺตา วา – อาทิเมว นุ โข, ภนฺเต, ภิกฺขุโน มนสิกโรโต เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปหานํ โหติ, เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปฏินิสฺสคฺโค โหตี’’ติ?

๘๒. ‘‘ยา อิมา, จุนฺท, อเนกวิหิตา ทิฏฺิโย โลเก อุปฺปชฺชนฺติ – อตฺตวาทปฏิสํยุตฺตา วา โลกวาทปฏิสํยุตฺตา วา – ยตฺถ เจตา ทิฏฺิโย อุปฺปชฺชนฺติ ยตฺถ จ อนุเสนฺติ ยตฺถ จ สมุทาจรนฺติ ตํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เม โส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺา ปสฺสโต เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปหานํ โหติ, เอวเมตาสํ ทิฏฺีนํ ปฏินิสฺสคฺโค โหติ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สลฺเลเขน วิหรามี’ติ. น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺติ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สลฺเลเขน วิหรามี’ติ. น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺติ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหเรยฺย, สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทยฺย, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สลฺเลเขน วิหรามี’ติ. น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺติ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สลฺเลเขน วิหรามี’ติ. น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ. ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺติ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สพฺพโส รูปสฺานํ สมติกฺกมา, ปฏิฆสฺานํ อตฺถงฺคมา, นานตฺตสฺานํ อมนสิการา, ‘อนนฺโต อากาโส’ติ อากาสานฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สลฺเลเขน วิหรามี’ติ. น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ. สนฺตา เอเต วิหารา อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺติ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สพฺพโส อากาสานฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘อนนฺตํ วิฺาณ’นฺติ วิฺาณฺจายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สลฺเลเขน วิหรามี’ติ. น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ. สนฺตา เอเต วิหารา อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺติ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สพฺพโส วิฺาณฺจายตนํ สมติกฺกมฺม ‘นตฺถิ กิฺจี’ติ อากิฺจฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สลฺเลเขน วิหรามี’ติ. น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ. สนฺตา เอเต วิหารา อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺติ.

‘‘านํ โข ปเนตํ, จุนฺท, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สพฺพโส อากิฺจฺายตนํ สมติกฺกมฺม เนวสฺานาสฺายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘สลฺเลเขน วิหรามี’ติ. น โข ปเนเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย สลฺเลขา วุจฺจนฺติ. สนฺตา เอเต วิหารา อริยสฺส วินเย วุจฺจนฺติ.

๘๓. ‘‘อิธ โข ปน โว, จุนฺท, สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร วิหึสกา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อวิหึสกา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร ปาณาติปาตี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ ปาณาติปาตา ปฏิวิรตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อทินฺนาทายี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อทินฺนาทานา ปฏิวิรตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อพฺรหฺมจารี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ พฺรหฺมจารี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มุสาวาที ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ มุสาวาทา ปฏิวิรตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร ปิสุณวาจา [ปิสุณา วาจา (สี. ปี.)] ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ ปิสุณาย วาจาย ปฏิวิรตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร ผรุสวาจา [ผรุสา วาจา (สี. ปี.)] ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ ผรุสาย วาจาย ปฏิวิรตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร สมฺผปฺปลาปี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺผปฺปลาปา ปฏิวิรตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อภิชฺฌาลู ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อนภิชฺฌาลู ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร พฺยาปนฺนจิตฺตา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อพฺยาปนฺนจิตฺตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉาทิฏฺี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมาทิฏฺี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉาสงฺกปฺปา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมาสงฺกปฺปา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉาวาจา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมาวาจา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉากมฺมนฺตา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมากมฺมนฺตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉาอาชีวา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมาอาชีวา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉาวายามา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมาวายามา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉาสตี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมาสตี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉาสมาธิ ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมาสมาธี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉาาณี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมาาณี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มิจฺฉาวิมุตฺตี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สมฺมาวิมุตฺตี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย.

‘‘‘ปเร ถีนมิทฺธปริยุฏฺิตา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ วิคตถีนมิทฺธา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อุทฺธตา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อนุทฺธตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร วิจิกิจฺฉี [เวจิกิจฺฉี (สี. ปี. ก.)] ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ ติณฺณวิจิกิจฺฉา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร โกธนา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อกฺโกธนา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อุปนาหี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อนุปนาหี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มกฺขี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อมกฺขี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร ปฬาสี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อปฬาสี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อิสฺสุกี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อนิสฺสุกี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มจฺฉรี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อมจฺฉรี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร สา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อสา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มายาวี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อมายาวี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร ถทฺธา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อตฺถทฺธา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อติมานี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อนติมานี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร ทุพฺพจา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สุวจา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร ปาปมิตฺตา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ กลฺยาณมิตฺตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร ปมตฺตา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อปฺปมตฺตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อสฺสทฺธา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ สทฺธา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อหิริกา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ หิริมนา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อโนตฺตาปี [อโนตฺตปฺปี (ก.)] ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ โอตฺตาปี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร อปฺปสฺสุตา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ พหุสฺสุตา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร กุสีตา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อารทฺธวีริยา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร มุฏฺสฺสตี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อุปฏฺิตสฺสตี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร ทุปฺปฺา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ ปฺาสมฺปนฺนา ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย. ‘ปเร สนฺทิฏฺิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อสนฺทิฏฺิปรามาสี อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี ภวิสฺสามา’ติ สลฺเลโข กรณีโย.

๘๔. ‘‘จิตฺตุปฺปาทมฺปิ โข อหํ, จุนฺท, กุสเลสุ ธมฺเมสุ พหุการํ [พหูปการํ (ก.)] วทามิ, โก ปน วาโท กาเยน วาจาย อนุวิธียนาสุ! ตสฺมาติห, จุนฺท, ‘ปเร วิหึสกา ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อวิหึสกา ภวิสฺสามา’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ‘ปเร ปาณาติปาตี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ ปาณาติปาตา ปฏิวิรตา ภวิสฺสามา’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ…‘ปเร สนฺทิฏฺิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ อสนฺทิฏฺิปรามาสี อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี ภวิสฺสามา’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

๘๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, จุนฺท, วิสโม มคฺโค อสฺส, ตสฺส [มคฺโค ตสฺสาสฺส (สี. สฺยา. ปี.)] อฺโ สโม มคฺโค ปริกฺกมนาย; เสยฺยถา วา ปน, จุนฺท, วิสมํ ติตฺถํ อสฺส, ตสฺส อฺํ สมํ ติตฺถํ ปริกฺกมนาย; เอวเมว โข, จุนฺท, วิหึสกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อวิหึสา โหติ ปริกฺกมนาย, ปาณาติปาติสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ปาณาติปาตา เวรมณี โหติ ปริกฺกมนาย, อทินฺนาทายิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อทินฺนาทานา เวรมณี โหติ ปริกฺกมนาย, อพฺรหฺมจาริสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อพฺรหฺมจริยา เวรมณี โหติ ปริกฺกมนาย, มุสาวาทิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส มุสาวาทา เวรมณี โหติ ปริกฺกมนาย, ปิสุณวาจสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ปิสุณาย วาจาย เวรมณี โหติ ปริกฺกมนาย, ผรุสวาจสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ผรุสาย วาจาย เวรมณี โหติ ปริกฺกมนาย, สมฺผปฺปลาปิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺผปฺปลาปา เวรมณี โหติ ปริกฺกมนาย, อภิชฺฌาลุสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนภิชฺฌา โหติ ปริกฺกมนาย, พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อพฺยาปาโท โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉาทิฏฺิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาทิฏฺิ โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉาสงฺกปฺปสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาสงฺกปฺโป โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉาวาจสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาวาจา โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉากมฺมนฺตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมากมฺมนฺโต โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉาอาชีวสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาอาชีโว โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉาวายามสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาวายาโม โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉาสติสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาสติ โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉาสมาธิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาสมาธิ โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉาาณิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาาณํ โหติ ปริกฺกมนาย, มิจฺฉาวิมุตฺติสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาวิมุตฺติ โหติ ปริกฺกมนาย.

‘‘ถีนมิทฺธปริยุฏฺิตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส วิคตถินมิทฺธตา โหติ ปริกฺกมนาย, อุทฺธตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนุทฺธจฺจํ โหติ ปริกฺกมนาย, วิจิกิจฺฉิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ติณฺณวิจิกิจฺฉตา โหติ ปริกฺกมนาย, โกธนสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อกฺโกโธ โหติ ปริกฺกมนาย, อุปนาหิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนุปนาโห โหติ ปริกฺกมนาย, มกฺขิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อมกฺโข โหติ ปริกฺกมนาย, ปฬาสิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อปฬาโส โหติ ปริกฺกมนาย, อิสฺสุกิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนิสฺสุกิตา โหติ ปริกฺกมนาย, มจฺฉริสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อมจฺฉริยํ โหติ ปริกฺกมนาย, สสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อสาเยฺยํ โหติ ปริกฺกมนาย, มายาวิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อมายา [อมายาวิตา (ก.)] โหติ ปริกฺกมนาย, ถทฺธสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อตฺถทฺธิยํ โหติ ปริกฺกมนาย, อติมานิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนติมาโน โหติ ปริกฺกมนาย, ทุพฺพจสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส โสวจสฺสตา โหติ ปริกฺกมนาย, ปาปมิตฺตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส กลฺยาณมิตฺตตา โหติ ปริกฺกมนาย, ปมตฺตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อปฺปมาโท โหติ ปริกฺกมนาย, อสฺสทฺธสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สทฺธา โหติ ปริกฺกมนาย, อหิริกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส หิรี โหติ ปริกฺกมนาย, อโนตฺตาปิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส โอตฺตปฺปํ โหติ ปริกฺกมนาย, อปฺปสฺสุตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส พาหุสจฺจํ โหติ ปริกฺกมนาย, กุสีตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส วีริยารมฺโภ โหติ ปริกฺกมนาย, มุฏฺสฺสติสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อุปฏฺิตสฺสติตา โหติ ปริกฺกมนาย, ทุปฺปฺสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ปฺาสมฺปทา โหติ ปริกฺกมนาย, สนฺทิฏฺิปรามาสิ-อาธานคฺคาหิ-ทุปฺปฏินิสฺสคฺคิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อสนฺทิฏฺิปรามาสิอนาธานคฺคาหิ-สุปฺปฏินิสฺสคฺคิตา โหติ ปริกฺกมนาย.

๘๖. ‘‘เสยฺยถาปิ, จุนฺท, เย เกจิ อกุสลา ธมฺมา สพฺเพ เต อโธภาคงฺคมนียา [อโธภาวงฺคมนียา (สี. สฺยา. ปี.)], เย เกจิ กุสลา ธมฺมา สพฺเพ เต อุปริภาคงฺคมนียา [อุปริภาวงฺคมนียา (สี. สฺยา. ปี.)], เอวเมว โข, จุนฺท, วิหึสกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อวิหึสา โหติ อุปริภาคาย [อุปริภาวาย (สี. สฺยา. ก.)], ปาณาติปาติสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ปาณาติปาตา เวรมณี โหติ อุปริภาคาย…เป… สนฺทิฏฺิปรามาสิ-อาธานคฺคาหิ-ทุปฺปฏินิสฺสคฺคิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อสนฺทิฏฺิปรามาสิ-อนาธานคฺคาหิ-สุปฺปฏินิสฺสคฺคิตา โหติ อุปริภาคาย.

๘๗. ‘‘โส วต, จุนฺท, อตฺตนา ปลิปปลิปนฺโน ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. โส วต, จุนฺท, อตฺตนา อปลิปปลิปนฺโน ปรํ ปลิปปลิปนฺนํ อุทฺธริสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชติ. โส วต, จุนฺท, อตฺตนา อทนฺโต อวินีโต อปรินิพฺพุโต ปรํ ทเมสฺสติ วิเนสฺสติ ปรินิพฺพาเปสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. โส วต, จุนฺท, อตฺตนา ทนฺโต วินีโต ปรินิพฺพุโต ปรํ ทเมสฺสติ วิเนสฺสติ ปรินิพฺพาเปสฺสตีติ านเมตํ วิชฺชติ. เอวเมว โข, จุนฺท, วิหึสกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อวิหึสา โหติ ปรินิพฺพานาย, ปาณาติปาติสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ปาณาติปาตา เวรมณี โหติ ปรินิพฺพานาย. อทินฺนาทายิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อทินฺนาทานา เวรมณี โหติ ปรินิพฺพานาย. อพฺรหฺมจาริสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อพฺรหฺมจริยา เวรมณี โหติ ปรินิพฺพานาย. มุสาวาทิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส มุสาวาทา เวรมณี โหติ ปรินิพฺพานาย. ปิสุณวาจสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ปิสุณาย วาจาย เวรมณี โหติ ปรินิพฺพานาย. ผรุสวาจสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ผรุสาย วาจาย เวรมณี โหติ ปรินิพฺพานาย. สมฺผปฺปลาปิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺผปฺปลาปา เวรมณี โหติ ปรินิพฺพานาย. อภิชฺฌาลุสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนภิชฺฌา โหติ ปรินิพฺพานาย. พฺยาปนฺนจิตฺตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อพฺยาปาโท โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉาทิฏฺิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาทิฏฺิ โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉาสงฺกปฺปสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาสงฺกปฺโป โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉาวาจสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาวาจา โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉากมฺมนฺตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมากมฺมนฺโต โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉาอาชีวสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาอาชีโว โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉาวายามสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาวายาโม โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉาสติสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาสติ โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉาสมาธิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาสมาธิ โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉาาณิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาาณํ โหติ ปรินิพฺพานาย. มิจฺฉาวิมุตฺติสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สมฺมาวิมุตฺติ โหติ ปรินิพฺพานาย.

‘‘ถีนมิทฺธปริยุฏฺิตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส วิคตถินมิทฺธตา โหติ ปรินิพฺพานาย. อุทฺธตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนุทฺธจฺจํ โหติ ปรินิพฺพานาย. วิจิกิจฺฉิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ติณฺณวิจิกิจฺฉตา โหติ ปรินิพฺพานาย. โกธนสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อกฺโกโธ โหติ ปรินิพฺพานาย. อุปนาหิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนุปนาโห โหติ ปรินิพฺพานาย. มกฺขิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อมกฺโข โหติ ปรินิพฺพานาย. ปฬาสิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อปฬาโส โหติ ปรินิพฺพานาย. อิสฺสุกิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนิสฺสุกิตา โหติ ปรินิพฺพานาย. มจฺฉริสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อมจฺฉริยํ โหติ ปรินิพฺพานาย. สสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อสาเยฺยํ โหติ ปรินิพฺพานาย. มายาวิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อมายา โหติ ปรินิพฺพานาย. ถทฺธสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อตฺถทฺธิยํ โหติ ปรินิพฺพานาย. อติมานิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อนติมาโน โหติ ปรินิพฺพานาย. ทุพฺพจสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส โสวจสฺสตา โหติ ปรินิพฺพานาย. ปาปมิตฺตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส กลฺยาณมิตฺตตา โหติ ปรินิพฺพานาย. ปมตฺตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อปฺปมาโท โหติ ปรินิพฺพานาย. อสฺสทฺธสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส สทฺธา โหติ ปรินิพฺพานาย. อหิริกสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส หิรี โหติ ปรินิพฺพานาย. อโนตฺตาปิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส โอตฺตปฺปํ โหติ ปรินิพฺพานาย. อปฺปสฺสุตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส พาหุสจฺจํ โหติ ปรินิพฺพานาย. กุสีตสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส วีริยารมฺโภ โหติ ปรินิพฺพานาย. มุฏฺสฺสติสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อุปฏฺิตสฺสติตา โหติ ปรินิพฺพานาย. ทุปฺปฺสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส ปฺาสมฺปทา โหติ ปรินิพฺพานาย. สนฺทิฏฺิปรามาสิ-อาธานคฺคาหิ-ทุปฺปฏินิสฺสคฺคิสฺส ปุริสปุคฺคลสฺส อสนฺทิฏฺิปรามาสิ-อนาธานคฺคาหิ-สุปฺปฏินิสฺสคฺคิตา โหติ ปรินิพฺพานาย.

๘๘. ‘‘อิติ โข, จุนฺท, เทสิโต มยา สลฺเลขปริยาโย, เทสิโต จิตฺตุปฺปาทปริยาโย, เทสิโต ปริกฺกมนปริยาโย, เทสิโต อุปริภาคปริยาโย, เทสิโต ปรินิพฺพานปริยาโย. ยํ โข, จุนฺท, สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสินา อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อุปาทาย, กตํ โว ตํ มยา. ‘เอตานิ, จุนฺท, รุกฺขมูลานิ, เอตานิ สุฺาคารานิ, ฌายถ, จุนฺท, มา ปมาทตฺถ, มา ปจฺฉาวิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถ’ – อยํ โข อมฺหากํ อนุสาสนี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา มหาจุนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.

จตุตฺตาลีสปทา วุตฺตา, สนฺธโย ปฺจ เทสิตา;

สลฺเลโข นาม สุตฺตนฺโต, คมฺภีโร สาครูปโมติ.

สลฺเลขสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.

๙. สมฺมาทิฏฺิสุตฺตํ

๘๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส ภิกฺขเว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –

‘‘‘สมฺมาทิฏฺิ [สมฺมาทิฏฺี (สี. สฺยา.)] สมฺมาทิฏฺี’ติ, อาวุโส, วุจฺจติ. กิตฺตาวตา นุ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ?

‘‘ทูรโตปิ โข มยํ, อาวุโส, อาคจฺเฉยฺยาม อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถมฺาตุํ. สาธุ วตายสฺมนฺตํเยว สาริปุตฺตํ ปฏิภาตุ เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ. อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สุตฺวา ภิกฺขู ธาเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, อาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา สาริปุตฺโต เอตทโวจ –

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก อกุสลฺจ ปชานาติ, อกุสลมูลฺจ ปชานาติ, กุสลฺจ ปชานาติ, กุสลมูลฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมํ ปนาวุโส, อกุสลํ, กตมํ อกุสลมูลํ, กตมํ กุสลํ, กตมํ กุสลมูลํ? ปาณาติปาโต โข, อาวุโส, อกุสลํ, อทินฺนาทานํ อกุสลํ, กาเมสุมิจฺฉาจาโร อกุสลํ, มุสาวาโท อกุสลํ, ปิสุณา วาจา [ปิสุณวาจา (ก.)] อกุสลํ, ผรุสา วาจา [ผรุสวาจา (ก.)] อกุสลํ, สมฺผปฺปลาโป อกุสลํ, อภิชฺฌา อกุสลํ, พฺยาปาโท อกุสลํ, มิจฺฉาทิฏฺิ อกุสลํ – อิทํ วุจฺจตาวุโส อกุสลํ. กตมฺจาวุโส, อกุสลมูลํ? โลโภ อกุสลมูลํ, โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํ – อิทํ วุจฺจตาวุโส, อกุสลมูลํ.

‘‘กตมฺจาวุโส, กุสลํ? ปาณาติปาตา เวรมณี กุสลํ, อทินฺนาทานา เวรมณี กุสลํ, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี กุสลํ, มุสาวาทา เวรมณี กุสลํ, ปิสุณาย วาจาย เวรมณี กุสลํ, ผรุสาย วาจาย เวรมณี กุสลํ, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี กุสลํ, อนภิชฺฌา กุสลํ, อพฺยาปาโท กุสลํ, สมฺมาทิฏฺิ กุสลํ – อิทํ วุจฺจตาวุโส, กุสลํ. กตมฺจาวุโส, กุสลมูลํ? อโลโภ กุสลมูลํ, อโทโส กุสลมูลํ, อโมโห กุสลมูลํ – อิทํ วุจฺจตาวุโส, กุสลมูลํ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ อกุสลํ ปชานาติ, เอวํ อกุสลมูลํ ปชานาติ, เอวํ กุสลํ ปชานาติ, เอวํ กุสลมูลํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย, ปฏิฆานุสยํ ปฏิวิโนเทตฺวา, ‘อสฺมี’ติ ทิฏฺิมานานุสยํ สมูหนิตฺวา, อวิชฺชํ ปหาย วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา, ทิฏฺเวธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๐. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุตฺตริ [อุตฺตรึ (สี. สฺยา. ปี.)] ปฺหํ อปุจฺฉุํ [อปุจฺฉึสุ (สฺยา.)] – ‘‘สิยา ปนาวุโส, อฺโปิ ปริยาโย ยถา อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ?

‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก อาหารฺจ ปชานาติ, อาหารสมุทยฺจ ปชานาติ, อาหารนิโรธฺจ ปชานาติ, อาหารนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตโม ปนาวุโส, อาหาโร, กตโม อาหารสมุทโย, กตโม อาหารนิโรโธ, กตมา อาหารนิโรธคามินี ปฏิปทา? จตฺตาโรเม, อาวุโส, อาหารา ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา, สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหาย. กตเม จตฺตาโร? กพฬีกาโร อาหาโร โอฬาริโก วา สุขุโม วา, ผสฺโส ทุติโย, มโนสฺเจตนา ตติยา, วิฺาณํ จตุตฺถํ. ตณฺหาสมุทยา อาหารสมุทโย, ตณฺหานิโรธา อาหารนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อาหารนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิ’.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ อาหารํ ปชานาติ, เอวํ อาหารสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ อาหารนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ อาหารนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย, ปฏิฆานุสยํ ปฏิวิโนเทตฺวา, ‘อสฺมี’ติ ทิฏฺิมานานุสยํ สมูหนิตฺวา, อวิชฺชํ ปหาย วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา, ทิฏฺเวธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๑. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุตฺตริ ปฺหํ อปุจฺฉุํ – ‘‘สิยา ปนาวุโส, อฺโปิ ปริยาโย ยถา อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ?

‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก ทุกฺขฺจ ปชานาติ, ทุกฺขสมุทยฺจ ปชานาติ, ทุกฺขนิโรธฺจ ปชานาติ, ทุกฺขนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมํ ปนาวุโส, ทุกฺขํ, กตโม ทุกฺขสมุทโย, กตโม ทุกฺขนิโรโธ, กตมา ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา? ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, มรณมฺปิ ทุกฺขํ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา, อปฺปิเยหิ สมฺปโยโคปิ ทุกฺโข, ปิเยหิ วิปฺปโยโคปิ ทุกฺโข, ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ, สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา [ปฺจุปาทานกฺขนฺธาปิ (ก.)] ทุกฺขา – อิทํ วุจฺจตาวุโส, ทุกฺขํ. กตโม จาวุโส, ทุกฺขสมุทโย? ยายํ ตณฺหา โปโนพฺภวิกา นนฺทีราคสหคตา [โปโนภวิกา (สี. ปี.)] ตตฺรตตฺราภินนฺทินี [นนฺทิราคสหคตา (สี. ปี.)], เสยฺยถิทํ, กามตณฺหา ภวตณฺหา วิภวตณฺหา – อยํ วุจฺจตาวุโส, ทุกฺขสมุทโย. กตโม จาวุโส, ทุกฺขนิโรโธ? โย ตสฺสาเยว ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรโธ จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโย – อยํ วุจฺจตาวุโส, ทุกฺขนิโรโธ. กตมา จาวุโส, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ – อยํ วุจฺจตาวุโส, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ ทุกฺขํ ปชานาติ, เอวํ ทุกฺขสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ ทุกฺขนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ ทุกฺขนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย, ปฏิฆานุสยํ ปฏิวิโนเทตฺวา, ‘อสฺมี’ติ ทิฏฺิมานานุสยํ สมูหนิตฺวา, อวิชฺชํ ปหาย วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา, ทิฏฺเวธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๒. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุตฺตริ ปฺหํ อปุจฺฉุํ – ‘‘สิยา ปนาวุโส, อฺโปิ ปริยาโย ยถา อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ?

‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก ชรามรณฺจ ปชานาติ, ชรามรณสมุทยฺจ ปชานาติ, ชรามรณนิโรธฺจ ปชานาติ, ชรามรณนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมํ ปนาวุโส, ชรามรณํ, กตโม ชรามรณสมุทโย, กตโม ชรามรณนิโรโธ, กตมา ชรามรณนิโรธคามินี ปฏิปทา? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ชรา ชีรณตา ขณฺฑิจฺจํ ปาลิจฺจํ วลิตฺตจตา อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโก – อยํ วุจฺจตาวุโส, ชรา. กตมฺจาวุโส, มรณํ? ยา [ยํ (ปี. ก.), สติปฏฺานสุตฺเตปิ] เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหา ตมฺหา สตฺตนิกายา จุติ จวนตา เภโท อนฺตรธานํ มจฺจุ มรณํ กาลํกิริยา ขนฺธานํ เภโท, กเฬวรสฺส นิกฺเขโป, ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปจฺเฉโท – อิทํ วุจฺจตาวุโส, มรณํ. อิติ อยฺจ ชรา อิทฺจ มรณํ – อิทํ วุจฺจตาวุโส, ชรามรณํ. ชาติสมุทยา ชรามรณสมุทโย, ชาตินิโรธา ชรามรณนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค ชรามรณนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ ชรามรณํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณสมุทํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ ชรามรณนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๓. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก ชาติฺจ ปชานาติ, ชาติสมุทยฺจ ปชานาติ, ชาตินิโรธฺจ ปชานาติ, ชาตินิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมา ปนาวุโส, ชาติ, กตโม ชาติสมุทโย, กตโม ชาตินิโรโธ, กตมา ชาตินิโรธคามินี ปฏิปทา? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ชาติ สฺชาติ โอกฺกนฺติ อภินิพฺพตฺติ ขนฺธานํ ปาตุภาโว, อายตนานํ ปฏิลาโภ – อยํ วุจฺจตาวุโส, ชาติ. ภวสมุทยา ชาติสมุทโย, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค ชาตินิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ ชาตึ ปชานาติ, เอวํ ชาติสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ ชาตินิโรธํ ปชานาติ, เอวํ ชาตินิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๔. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก ภวฺจ ปชานาติ, ภวสมุทยฺจ ปชานาติ, ภวนิโรธฺจ ปชานาติ, ภวนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตโม ปนาวุโส, ภโว, กตโม ภวสมุทโย, กตโม ภวนิโรโธ, กตมา ภวนิโรธคามินี ปฏิปทา? ตโยเม, อาวุโส, ภวา – กามภโว, รูปภโว, อรูปภโว. อุปาทานสมุทยา ภวสมุทโย, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค ภวนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ ภวํ ปชานาติ, เอวํ ภวสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ ภวนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ ภวนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ. เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๕. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก อุปาทานฺจ ปชานาติ, อุปาทานสมุทยฺจ ปชานาติ, อุปาทานนิโรธฺจ ปชานาติ, อุปาทานนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมํ ปนาวุโส, อุปาทานํ, กตโม อุปาทานสมุทโย, กตโม อุปาทานนิโรโธ, กตมา อุปาทานนิโรธคามินี ปฏิปทา? จตฺตาริมานิ, อาวุโส, อุปาทานานิ – กามุปาทานํ, ทิฏฺุปาทานํ, สีลพฺพตุปาทานํ, อตฺตวาทุปาทานํ. ตณฺหาสมุทยา อุปาทานสมุทโย, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อุปาทานนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ อุปาทานํ ปชานาติ, เอวํ อุปาทานสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ อุปาทานนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ อุปาทานนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๖. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก ตณฺหฺจ ปชานาติ, ตณฺหาสมุทยฺจ ปชานาติ, ตณฺหานิโรธฺจ ปชานาติ, ตณฺหานิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมา ปนาวุโส, ตณฺหา, กตโม ตณฺหาสมุทโย, กตโม ตณฺหานิโรโธ, กตมา ตณฺหานิโรธคามินี ปฏิปทา? ฉยิเม, อาวุโส, ตณฺหากายา – รูปตณฺหา, สทฺทตณฺหา, คนฺธตณฺหา, รสตณฺหา, โผฏฺพฺพตณฺหา, ธมฺมตณฺหา. เวทนาสมุทยา ตณฺหาสมุทโย, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค ตณฺหานิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ ตณฺหํ ปชานาติ, เอวํ ตณฺหาสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ ตณฺหานิโรธํ ปชานาติ, เอวํ ตณฺหานิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๗. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เวทนฺจ ปชานาติ, เวทนาสมุทยฺจ ปชานาติ, เวทนานิโรธฺจ ปชานาติ, เวทนานิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมา ปนาวุโส, เวทนา, กตโม เวทนาสมุทโย, กตโม เวทนานิโรโธ, กตมา เวทนานิโรธคามินี ปฏิปทา? ฉยิเม, อาวุโส, เวทนากายา – จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา, โสตสมฺผสฺสชา เวทนา, ฆานสมฺผสฺสชา เวทนา, ชิวฺหาสมฺผสฺสชา เวทนา, กายสมฺผสฺสชา เวทนา, มโนสมฺผสฺสชา เวทนา. ผสฺสสมุทยา เวทนาสมุทโย, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เวทนานิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ เวทนํ ปชานาติ, เอวํ เวทนาสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ เวทนานิโรธํ ปชานาติ, เอวํ เวทนานิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๘. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก ผสฺสฺจ ปชานาติ, ผสฺสสมุทยฺจ ปชานาติ, ผสฺสนิโรธฺจ ปชานาติ, ผสฺสนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตโม ปนาวุโส, ผสฺโส, กตโม ผสฺสสมุทโย, กตโม ผสฺสนิโรโธ, กตมา ผสฺสนิโรธคามินี ปฏิปทา? ฉยิเม, อาวุโส, ผสฺสกายา – จกฺขุสมฺผสฺโส, โสตสมฺผสฺโส, ฆานสมฺผสฺโส, ชิวฺหาสมฺผสฺโส, กายสมฺผสฺโส, มโนสมฺผสฺโส. สฬายตนสมุทยา ผสฺสสมุทโย, สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค ผสฺสนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ ผสฺสํ ปชานาติ, เอวํ ผสฺสสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ ผสฺสนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ ผสฺสนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๙๙. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก สฬายตนฺจ ปชานาติ, สฬายตนสมุทยฺจ ปชานาติ, สฬายตนนิโรธฺจ ปชานาติ, สฬายตนนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมํ ปนาวุโส, สฬายตนํ, กตโม สฬายตนสมุทโย, กตโม สฬายตนนิโรโธ, กตมา สฬายตนนิโรธคามินี ปฏิปทา? ฉยิมานิ, อาวุโส, อายตนานิ – จกฺขายตนํ, โสตายตนํ, ฆานายตนํ, ชิวฺหายตนํ, กายายตนํ, มนายตนํ. นามรูปสมุทยา สฬายตนสมุทโย, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค สฬายตนนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ สฬายตนํ ปชานาติ, เอวํ สฬายตนสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ สฬายตนนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ สฬายตนนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๑๐๐. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก นามรูปฺจ ปชานาติ, นามรูปสมุทยฺจ ปชานาติ, นามรูปนิโรธฺจ ปชานาติ, นามรูปนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมํ ปนาวุโส, นามรูปํ, กตโม นามรูปสมุทโย, กตโม นามรูปนิโรโธ, กตมา นามรูปนิโรธคามินี ปฏิปทา? เวทนา, สฺา, เจตนา, ผสฺโส, มนสิกาโร – อิทํ วุจฺจตาวุโส, นามํ; จตฺตาริ จ มหาภูตานิ, จตุนฺนฺจ มหาภูตานํ อุปาทายรูปํ – อิทํ วุจฺจตาวุโส, รูปํ. อิติ อิทฺจ นามํ อิทฺจ รูปํ – อิทํ วุจฺจตาวุโส, นามรูปํ. วิฺาณสมุทยา นามรูปสมุทโย, วิฺาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค นามรูปนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ นามรูปํ ปชานาติ, เอวํ นามรูปสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ นามรูปนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ นามรูปนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๑๐๑. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก วิฺาณฺจ ปชานาติ, วิฺาณสมุทยฺจ ปชานาติ, วิฺาณนิโรธฺจ ปชานาติ, วิฺาณนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมํ ปนาวุโส, วิฺาณํ, กตโม วิฺาณสมุทโย, กตโม วิฺาณนิโรโธ, กตมา วิฺาณนิโรธคามินี ปฏิปทา? ฉยิเม, อาวุโส, วิฺาณกายา – จกฺขุวิฺาณํ, โสตวิฺาณํ, ฆานวิฺาณํ, ชิวฺหาวิฺาณํ, กายวิฺาณํ, มโนวิฺาณํ. สงฺขารสมุทยา วิฺาณสมุทโย, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค วิฺาณนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ วิฺาณํ ปชานาติ, เอวํ วิฺาณสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ วิฺาณนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ วิฺาณนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย…เป… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๑๐๒. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก สงฺขาเร จ ปชานาติ, สงฺขารสมุทยฺจ ปชานาติ, สงฺขารนิโรธฺจ ปชานาติ, สงฺขารนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตเม ปนาวุโส, สงฺขารา, กตโม สงฺขารสมุทโย, กตโม สงฺขารนิโรโธ, กตมา สงฺขารนิโรธคามินี ปฏิปทา? ตโยเม, อาวุโส, สงฺขารา – กายสงฺขาโร, วจีสงฺขาโร, จิตฺตสงฺขาโร. อวิชฺชาสมุทยา สงฺขารสมุทโย, อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค สงฺขารนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ สงฺขาเร ปชานาติ, เอวํ สงฺขารสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ สงฺขารนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ สงฺขารนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย, ปฏิฆานุสยํ ปฏิวิโนเทตฺวา, ‘อสฺมี’ติ ทิฏฺิมานานุสยํ สมูหนิตฺวา, อวิชฺชํ ปหาย วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา, ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๑๐๓. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข…เป… อปุจฺฉุํ – สิยา ปนาวุโส…เป… ‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก อวิชฺชฺจ ปชานาติ, อวิชฺชาสมุทยฺจ ปชานาติ, อวิชฺชานิโรธฺจ ปชานาติ, อวิชฺชานิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตมา ปนาวุโส, อวิชฺชา, กตโม อวิชฺชาสมุทโย, กตโม อวิชฺชานิโรโธ, กตมา อวิชฺชานิโรธคามินี ปฏิปทา? ยํ โข, อาวุโส, ทุกฺเข อฺาณํ, ทุกฺขสมุทเย อฺาณํ, ทุกฺขนิโรเธ อฺาณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อฺาณํ – อยํ วุจฺจตาวุโส, อวิชฺชา. อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย, อาสวนิโรธา อวิชฺชานิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อวิชฺชานิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ อวิชฺชํ ปชานาติ, เอวํ อวิชฺชาสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ อวิชฺชานิโรธํ ปชานาติ, เอวํ อวิชฺชานิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย, ปฏิฆานุสยํ ปฏิวิโนเทตฺวา, ‘อสฺมี’ติ ทิฏฺิมานานุสยํ สมูหนิตฺวา, อวิชฺชํ ปหาย วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา, ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

๑๐๔. ‘‘สาธาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุตฺตริ ปฺหํ อปุจฺฉุํ – ‘‘สิยา ปนาวุโส, อฺโปิ ปริยาโย ยถา อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ?

‘‘สิยา, อาวุโส. ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก อาสวฺจ ปชานาติ, อาสวสมุทยฺจ ปชานาติ, อาสวนิโรธฺจ ปชานาติ, อาสวนิโรธคามินึ ปฏิปทฺจ ปชานาติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺมํ. กตโม ปนาวุโส, อาสโว, กตโม อาสวสมุทโย, กตโม อาสวนิโรโธ, กตมา อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทาติ? ตโยเม, อาวุโส, อาสวา – กามาสโว, ภวาสโว, อวิชฺชาสโว. อวิชฺชาสมุทยา อาสวสมุทโย, อวิชฺชานิโรธา อาสวนิโรโธ, อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ.

‘‘ยโต โข, อาวุโส, อริยสาวโก เอวํ อาสวํ ปชานาติ, เอวํ อาสวสมุทยํ ปชานาติ, เอวํ อาสวนิโรธํ ปชานาติ, เอวํ อาสวนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ปชานาติ, โส สพฺพโส ราคานุสยํ ปหาย, ปฏิฆานุสยํ ปฏิวิโนเทตฺวา, ‘อสฺมี’ติ ทิฏฺิมานานุสยํ สมูหนิตฺวา, อวิชฺชํ ปหาย วิชฺชํ อุปฺปาเทตฺวา, ทิฏฺเว ธมฺเม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อาวุโส, อริยสาวโก สมฺมาทิฏฺิ โหติ, อุชุคตาสฺส ทิฏฺิ, ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, อาคโต อิมํ สทฺธมฺม’’นฺติ.

อิทมโวจายสฺมา สาริปุตฺโต. อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

สมฺมาทิฏฺิสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ. [อิโต ปรํ เกสุจิ โปตฺถเกสุ อิมาปิ คาถาโย§เอวํ ทิสฺสนฺติ –§ทุกฺขํ ชรามรณํ อุปาทานํ, สฬายตนํ นามรูปํ. วิฺาณํ ยา สา ปเร, กตมา ปนาวุโส ปทานํ§กึ ชาติ ตณฺหา จ เวทนา, อวิชฺชาย จตุกฺกนโย. จตฺตาริ ปเร กตมา, ปนาวุโส ปทานํ เกวลํ§อาหาโร จ ภโว ผสฺโส, สงฺขาโร อาสวปฺจโม. ยาว ปฺจ ปเร กตมา, ปนาวุโส ปทานํ กึ§กตมนฺติ ฉพฺพิธา วุตฺตํ, กตมานิ จตุพฺพิธานิ. กตโม ปฺจวิโธ วุตฺโต, สพฺเพสํ เอกสงฺขานํ ปฺจนยปทานิ จาติ ]

๑๐. มหาสติปฏฺานสุตฺตํ

๑๐๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสธมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

อุทฺเทโส

๑๐๖. ‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา, โสกปริเทวานํ [ปริทฺทวานํ (สี. ปี.)] สมติกฺกมาย, ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย, ายสฺส อธิคมาย, นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย, ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา.

‘‘กตเม จตฺตาโร? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา, วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ.

อุทฺเทโส นิฏฺิโต.

กายานุปสฺสนา อานาปานปพฺพํ

๑๐๗. ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรฺคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุฺาคารคโต วา นิสีทติ, ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, อุชุํ กายํ ปณิธาย, ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา. โส สโตว อสฺสสติ, สโตว [สโต (สี. สฺยา.)] ปสฺสสติ. ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ, ทีฆํ วา ปสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ, รสฺสํ วา อสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ, รสฺสํ วา ปสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ, ‘สพฺพกายปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ, ‘สพฺพกายปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ, ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ, ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทกฺโข ภมกาโร วา ภมการนฺเตวาสี วา ทีฆํ วา อฺฉนฺโต ‘ทีฆํ อฺฉามี’ติ ปชานาติ, รสฺสํ วา อฺฉนฺโต ‘รสฺสํ อฺฉามี’ติ ปชานาติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ, ทีฆํ วา ปสฺสสนฺโต ‘ทีฆํ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ, รสฺสํ วา อสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ อสฺสสามี’ติ ปชานาติ, รสฺสํ วา ปสฺสสนฺโต ‘รสฺสํ ปสฺสสามี’ติ ปชานาติ; ‘สพฺพกายปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ, ‘สพฺพกายปฏิสํเวที ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ; ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ, ‘ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามี’ติ สิกฺขติ. อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรติ. ‘อตฺถิ กาโย’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข [เอวมฺปิ (สี. สฺยา. ปี.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

อานาปานปพฺพํ นิฏฺิตํ.

กายานุปสฺสนา อิริยาปถปพฺพํ

๑๐๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ คจฺฉนฺโต วา ‘คจฺฉามี’ติ ปชานาติ, ิโต วา ‘ิโตมฺหี’ติ ปชานาติ, นิสินฺโน วา ‘นิสินฺโนมฺหี’ติ ปชานาติ, สยาโน วา ‘สยาโนมฺหี’ติ ปชานาติ. ยถา ยถา วา ปนสฺส กาโย ปณิหิโต โหติ ตถา ตถา นํ ปชานาติ. อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรติ. ‘อตฺถิ กาโย’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

อิริยาปถปพฺพํ นิฏฺิตํ.

กายานุปสฺสนา สมฺปชานปพฺพํ

๑๐๙. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต สมฺปชานการี โหติ, อาโลกิเต วิโลกิเต สมฺปชานการี โหติ, สมิฺชิเต ปสาริเต สมฺปชานการี โหติ, สงฺฆาฏิปตฺตจีวรธารเณ สมฺปชานการี โหติ, อสิเต ปีเต ขายิเต สายิเต สมฺปชานการี โหติ, อุจฺจารปสฺสาวกมฺเม สมฺปชานการี โหติ, คเต ิเต นิสินฺเน สุตฺเต ชาคริเต ภาสิเต ตุณฺหีภาเว สมฺปชานการี โหติ. อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป… เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

สมฺปชานปพฺพํ นิฏฺิตํ.

กายานุปสฺสนา ปฏิกูลมนสิการปพฺพํ

๑๑๐. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา, อโธ เกสมตฺถกา, ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ – ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ มํสํ นฺหารุ [นหารุ (สี. สฺยา. ปี.)] อฏฺิ อฏฺิมิฺชํ วกฺกํ หทยํ ยกนํ กิโลมกํ ปิหกํ ปปฺผาสํ อนฺตํ อนฺตคุณํ อุทริยํ กรีสํ ปิตฺตํ เสมฺหํ ปุพฺโพ โลหิตํ เสโท เมโท อสฺสุ วสา เขโฬ สิงฺฆาณิกา ลสิกา มุตฺต’นฺติ [มุตฺตํ มตฺถลุงฺคนฺติ (ก.)].

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อุภโตมุขา ปุโตฬิ [มูโตฬี (สี. สฺยา. ปี.)] ปูรา นานาวิหิตสฺส ธฺสฺส, เสยฺยถิทํ – สาลีนํ วีหีนํ มุคฺคานํ มาสานํ ติลานํ ตณฺฑุลานํ. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส มุฺจิตฺวา ปจฺจเวกฺเขยฺย – ‘อิเม สาลี อิเม วีหี อิเม มุคฺคา อิเม มาสา อิเม ติลา อิเม ตณฺฑุลา’ติ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ อุทฺธํ ปาทตลา, อโธ เกสมตฺถกา, ตจปริยนฺตํ ปูรํ นานปฺปการสฺส อสุจิโน ปจฺจเวกฺขติ – ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา…เป… มุตฺต’นฺติ.

‘‘อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป… เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

ปฏิกูลมนสิการปพฺพํ นิฏฺิตํ.

กายานุปสฺสนา ธาตุมนสิการปพฺพํ

๑๑๑. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ ยถาิตํ ยถาปณิหิตํ ธาตุโส ปจฺจเวกฺขติ – ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทกฺโข โคฆาตโก วา โคฆาตกนฺเตวาสี วา คาวึ วธิตฺวา จตุมหาปเถ [จาตุมฺมหาปเถ (สี. สฺยา. ปี.)] พิลโส วิภชิตฺวา นิสินฺโน อสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิมเมว กายํ ยถาิตํ ยถาปณิหิตํ ธาตุโส ปจฺจเวกฺขติ – ‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตู’ติ. อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป… เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

ธาตุมนสิการปพฺพํ นิฏฺิตํ.

กายานุปสฺสนา นวสิวถิกปพฺพํ

๑๑๒. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสยฺยถาปิ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ เอกาหมตํ วา ทฺวีหมตํ วา ตีหมตํ วา อุทฺธุมาตกํ วินีลกํ วิปุพฺพกชาตํ. โส อิมเมว กายํ อุปสํหรติ – ‘อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’ติ [เอตํ อนตีโตติ (สี. ปี.)]. อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป… เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสยฺยถาปิ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ กาเกหิ วา ขชฺชมานํ กุลเลหิ วา ขชฺชมานํ คิชฺเฌหิ วา ขชฺชมานํ กงฺเกหิ วา ขชฺชมานํ สุนเขหิ วา ขชฺชมานํ พฺยคฺเฆหิ วา ขชฺชมานํ ทีปีหิ วา ขชฺชมานํ สิงฺคาเลหิ วา [คิชฺเฌหิ วา ขชฺชมานํ, สุวาเนหิ วา ขชฺชมานํ, สิคาเลหิ วา (สฺยา. ปี.)] ขชฺชมานํ วิวิเธหิ วา ปาณกชาเตหิ ขชฺชมานํ. โส อิมเมว กายํ อุปสํหรติ – ‘อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’ติ. อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป… เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสยฺยถาปิ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ อฏฺิกสงฺขลิกํ สมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ…เป… อฏฺิกสงฺขลิกํ นิมํสโลหิตมกฺขิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ…เป… อฏฺิกสงฺขลิกํ อปคตมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ…เป… อฏฺิกานิ อปคตสมฺพนฺธานิ [อปคตนฺหารุสมฺพนฺธานิ (สฺยา.)] ทิสา วิทิสา วิกฺขิตฺตานิ, อฺเน หตฺถฏฺิกํ อฺเน ปาทฏฺิกํ อฺเน โคปฺผกฏฺิกํ [‘‘อฺเน โคปฺผกฏฺิก’’นฺติ อิทํ สี. สฺยา. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ] อฺเน ชงฺฆฏฺิกํ อฺเน อูรุฏฺิกํ อฺเน กฏิฏฺิกํ [อฺเน กฏฏฺิกํ อฺเน ปิฏฺฏฺิกํ อฺเน กณฺฏกฏฺิกํ อฺเน ผาสุกฏฺิกํ อฺเน อุรฏฺิกํ อฺเน อํสฏฺิกํ อฺเน พาหุฏฺิกํ (สฺยา.)] อฺเน ผาสุกฏฺิกํ อฺเน ปิฏฺิฏฺิกํ อฺเน ขนฺธฏฺิกํ [อฺเน กฏฏฺิกํ อฺเน ปิฏฺฏฺิกํ อฺเน กณฺฏกฏฺิกํ อฺเน ผาสุกฏฺิกํ อฺเน อุรฏฺิกํ อฺเน อํสฏฺิกํ อฺเน พาหุฏฺิกํ (สฺยา.)] อฺเน คีวฏฺิกํ อฺเน หนุกฏฺิกํ อฺเน ทนฺตฏฺิกํ อฺเน สีสกฏาหํ. โส อิมเมว กายํ อุปสํหรติ – ‘อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’ติ. อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ…เป… เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสยฺยถาปิ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ, อฏฺิกานิ เสตานิ สงฺขวณฺณปฏิภาคานิ [สงฺขวณฺณูปนิภานิ (สี. สฺยา. ปี.)] …เป… อฏฺิกานิ ปุฺชกิตานิ เตโรวสฺสิกานิ…เป… อฏฺิกานิ ปูตีนิ จุณฺณกชาตานิ. โส อิมเมว กายํ อุปสํหรติ – ‘อยมฺปิ โข กาโย เอวํธมฺโม เอวํภาวี เอวํอนตีโต’ติ. อิติ อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา กายสฺมึ วิหรติ. ‘อตฺถิ กาโย’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

นวสิวถิกปพฺพํ นิฏฺิตํ.

จุทฺทสกายานุปสฺสนา นิฏฺิตา.

เวทนานุปสฺสนา

๑๑๓. ‘‘กถฺจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขํ วา [สุขํ, ทุกฺขํ, อทุกฺขมสุขํ (สี. สฺยา. ปี. ก.)] เวทนํ เวทยมาโน ‘สุขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ; ทุกฺขํ วา [สุขํ, ทุกฺขํ อทุกฺขมสุขํ (สี. สฺยา. ปี. ก.)] เวทนํ เวทยมาโน ‘ทุกฺขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ; อทุกฺขมสุขํ วา เวทนํ เวทยมาโน ‘อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ; สามิสํ วา สุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘สามิสํ สุขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ; นิรามิสํ วา สุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘นิรามิสํ สุขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ; สามิสํ วา ทุกฺขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘สามิสํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ; นิรามิสํ วา ทุกฺขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘นิรามิสํ ทุกฺขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ; สามิสํ วา อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘สามิสํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ; นิรามิสํ วา อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยมาโน ‘นิรามิสํ อทุกฺขมสุขํ เวทนํ เวทยามี’ติ ปชานาติ; อิติ อชฺฌตฺตํ วา เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา เวทนาสุ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา เวทนาสุ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา เวทนาสุ วิหรติ. ‘อตฺถิ เวทนา’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ.

เวทนานุปสฺสนา นิฏฺิตา.

จิตฺตานุปสฺสนา

๑๑๔. ‘‘กถฺจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สราคํ วา จิตฺตํ ‘สราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วีตราคํ วา จิตฺตํ ‘วีตราคํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ; สโทสํ วา จิตฺตํ ‘สโทสํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ ‘วีตโทสํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ; สโมหํ วา จิตฺตํ ‘สโมหํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ ‘วีตโมหํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ; สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ ‘สํขิตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ ‘วิกฺขิตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ ‘มหคฺคตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ ‘อมหคฺคตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ; สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ ‘สอุตฺตรํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ ‘อนุตฺตรํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ ‘สมาหิตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ ‘อสมาหิตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘วิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ ‘อวิมุตฺตํ จิตฺต’นฺติ ปชานาติ. อิติ อชฺฌตฺตํ วา จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา จิตฺตสฺมึ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา จิตฺตสฺมึ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา จิตฺตสฺมึ วิหรติ. ‘อตฺถิ จิตฺต’นฺติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ.

จิตฺตานุปสฺสนา นิฏฺิตา.

ธมฺมานุปสฺสนา นีวรณปพฺพํ

๑๑๕. ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปฺจสุ นีวรเณสุ. กถฺจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปฺจสุ นีวรเณสุ?

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโท’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺทํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ กามจฺฉนฺโท’ติ ปชานาติ; ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส กามจฺฉนฺทสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ พฺยาปาทํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโท’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ พฺยาปาทํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ พฺยาปาโท’ติ ปชานาติ; ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส พฺยาปาทสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส พฺยาปาทสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธ’นฺติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ถีนมิทฺธ’นฺติ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส ถีนมิทฺธสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส ถีนมิทฺธสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส ถีนมิทฺธสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจ’นฺติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจ’นฺติ ปชานาติ; ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉา’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วิจิกิจฺฉา’ติ ปชานาติ; ยถา จ อนุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนาย วิจิกิจฺฉาย ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนาย วิจิกิจฺฉาย อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘อิติ อชฺฌตฺตํ วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ. ‘อตฺถิ ธมฺมา’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปฺจสุ นีวรเณสุ.

นีวรณปพฺพํ นิฏฺิตํ.

ธมฺมานุปสฺสนา ขนฺธปพฺพํ

๑๑๖. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ. กถฺจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘อิติ รูปํ, อิติ รูปสฺส สมุทโย, อิติ รูปสฺส อตฺถงฺคโม; อิติ เวทนา, อิติ เวทนาย สมุทโย, อิติ เวทนาย อตฺถงฺคโม; อิติ สฺา, อิติ สฺาย สมุทโย, อิติ สฺาย อตฺถงฺคโม; อิติ สงฺขารา, อิติ สงฺขารานํ สมุทโย, อิติ สงฺขารานํ อตฺถงฺคโม; อิติ วิฺาณํ, อิติ วิฺาณสฺส สมุทโย, อิติ วิฺาณสฺส อตฺถงฺคโม’ติ; อิติ อชฺฌตฺตํ วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ. ‘อตฺถิ ธมฺมา’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ.

ขนฺธปพฺพํ นิฏฺิตํ.

ธมฺมานุปสฺสนา อายตนปพฺพํ

๑๑๗. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ. กถฺจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ?

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุฺจ ปชานาติ, รูเป จ ปชานาติ, ยฺจ ตทุภยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สํโยชนํ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส สํโยชนสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘โสตฺจ ปชานาติ, สทฺเท จ ปชานาติ, ยฺจ ตทุภยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สํโยชนํ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส สํโยชนสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘ฆานฺจ ปชานาติ, คนฺเธ จ ปชานาติ, ยฺจ ตทุภยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สํโยชนํ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส สํโยชนสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘ชิวฺหฺจ ปชานาติ, รเส จ ปชานาติ, ยฺจ ตทุภยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สํโยชนํ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส สํโยชนสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘กายฺจ ปชานาติ, โผฏฺพฺเพ จ ปชานาติ, ยฺจ ตทุภยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สํโยชนํ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส สํโยชนสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘มนฺจ ปชานาติ, ธมฺเม จ ปชานาติ, ยฺจ ตทุภยํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สํโยชนํ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สํโยชนสฺส ปหานํ โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ ปหีนสฺส สํโยชนสฺส อายตึ อนุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘อิติ อชฺฌตฺตํ วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ. ‘อตฺถิ ธมฺมา’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ.

อายตนปพฺพํ นิฏฺิตํ.

ธมฺมานุปสฺสนา โพชฺฌงฺคปพฺพํ

๑๑๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ สตฺตสุ โพชฺฌงฺเคสุ. กถฺจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ สตฺตสุ โพชฺฌงฺเคสุ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ สติสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ สติสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย ปาริปูรี โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย ปาริปูรี โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ วีริยสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส วีริยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย ปาริปูรี โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ปีติสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส ปีติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย ปาริปูรี โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย ปาริปูรี โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สมาธิสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย ปาริปูรี โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘สนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, อสนฺตํ วา อชฺฌตฺตํ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคํ ‘นตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค’ติ ปชานาติ, ยถา จ อนุปฺปนฺนสฺส อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส อุปฺปาโท โหติ ตฺจ ปชานาติ, ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาย ปาริปูรี โหติ ตฺจ ปชานาติ.

‘‘อิติ อชฺฌตฺตํ วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ. ‘อตฺถิ ธมฺมา’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ สตฺตสุ โพชฺฌงฺเคสุ.

โพชฺฌงฺคปพฺพํ นิฏฺิตํ [โพชฺฌงฺคปพฺพํ นิฏฺิตํ. ปมภาณวารํ (สฺยา.)].

ธมฺมานุปสฺสนา สจฺจปพฺพํ

๑๑๙. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ จตูสุ อริยสจฺเจสุ. กถฺจ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ จตูสุ อริยสจฺเจสุ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ.

ปมภาณวาโร นิฏฺิโต.

ทุกฺขสจฺจนิทฺเทโส

๑๒๐. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ? ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, มรณมฺปิ ทุกฺขํ, โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา, อปฺปิเยหิ สมฺปโยโคปิ ทุกฺโข, ปิเยหิ วิปฺปโยโคปิ ทุกฺโข [‘‘อปฺปิเยหิ…เป… วิปฺปโยโคปิ ทุกฺโข’’ติ ปาโ เจว ตํนิทฺเทโส จ สี. ปี. โปตฺถเกสุ น ทิสฺสติ, สุมงฺคลวิลาสินิยํปิ ตํสํวณฺณนา นตฺถิ], ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ, สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา [ปฺจุปาทานกฺขนฺธาปิ (ก.)] ทุกฺขา.

๑๒๑. ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, ชาติ? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ชาติ สฺชาติ โอกฺกนฺติ อภินิพฺพตฺติ ขนฺธานํ ปาตุภาโว อายตนานํ ปฏิลาโภ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ชาติ.

๑๒๒. ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, ชรา? ยา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ชรา ชีรณตา ขณฺฑิจฺจํ ปาลิจฺจํ วลิตฺตจตา อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโก, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ชรา.

๑๒๓. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, มรณํ? ยํ [สุมงฺคลวิลาสินี โอโลเกตพฺพา] เตสํ เตสํ สตฺตานํ ตมฺหา ตมฺหา สตฺตนิกายา จุติ จวนตา เภโท อนฺตรธานํ มจฺจุ มรณํ กาลงฺกิริยา ขนฺธานํ เภโท กเฬวรสฺส นิกฺเขโป ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปจฺเฉโท, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, มรณํ.

๑๒๔. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, โสโก? โย โข, ภิกฺขเว, อฺตรฺตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตสฺส อฺตรฺตเรน ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺสฺส โสโก โสจนา โสจิตตฺตํ อนฺโตโสโก อนฺโตปริโสโก, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, โสโก.

๑๒๕. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปริเทโว? โย โข, ภิกฺขเว, อฺตรฺตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตสฺส อฺตรฺตเรน ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺสฺส อาเทโว ปริเทโว อาเทวนา ปริเทวนา อาเทวิตตฺตํ ปริเทวิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปริเทโว.

๑๒๖. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ? ยํ โข, ภิกฺขเว, กายิกํ ทุกฺขํ กายิกํ อสาตํ กายสมฺผสฺสชํ ทุกฺขํ อสาตํ เวทยิตํ, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ.

๑๒๗. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, โทมนสฺสํ? ยํ โข, ภิกฺขเว, เจตสิกํ ทุกฺขํ เจตสิกํ อสาตํ มโนสมฺผสฺสชํ ทุกฺขํ อสาตํ เวทยิตํ, อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, โทมนสฺสํ.

๑๒๘. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, อุปายาโส? โย โข, ภิกฺขเว, อฺตรฺตเรน พฺยสเนน สมนฺนาคตสฺส อฺตรฺตเรน ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺสฺส อายาโส อุปายาโส อายาสิตตฺตํ อุปายาสิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อุปายาโส.

๑๒๙. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุกฺโข? อิธ ยสฺส เต โหนฺติ อนิฏฺา อกนฺตา อมนาปา รูปา สทฺทา คนฺธา รสา โผฏฺพฺพา ธมฺมา, เย วา ปนสฺส เต โหนฺติ อนตฺถกามา อหิตกามา อผาสุกกามา อโยคกฺเขมกามา, ยา เตหิ สทฺธึ สงฺคติ สมาคโม สโมธานํ มิสฺสีภาโว, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุกฺโข.

๑๓๐. ‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโข? อิธ ยสฺส เต โหนฺติ อิฏฺา กนฺตา มนาปา รูปา สทฺทา คนฺธา รสา โผฏฺพฺพา ธมฺมา, เย วา ปนสฺส เต โหนฺติ อตฺถกามา หิตกามา ผาสุกกามา โยคกฺเขมกามา มาตา วา ปิตา วา ภาตา วา ภคินี วา มิตฺตา วา อมจฺจา วา าติสาโลหิตา วา, ยา เตหิ สทฺธึ อสงฺคติ อสมาคโม อสโมธานํ อมิสฺสีภาโว, อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโข.

๑๓๑. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ? ชาติธมฺมานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ – ‘อโห วต มยํ น ชาติธมฺมา อสฺสาม, น จ วต โน ชาติ อาคจฺเฉยฺยา’ติ. น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ, อิทมฺปิ ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ. ชราธมฺมานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ – ‘อโห วต มยํ น ชราธมฺมา อสฺสาม, น จ วต โน ชรา อาคจฺเฉยฺยา’ติ. น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ, อิทมฺปิ ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ. พฺยาธิธมฺมานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ – ‘อโห วต มยํ น พฺยาธิธมฺมา อสฺสาม, น จ วต โน พฺยาธิ อาคจฺเฉยฺยา’ติ. น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ, อิทมฺปิ ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ. มรณธมฺมานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ – ‘อโห วต มยํ น มรณธมฺมา อสฺสาม, น จ วต โน มรณํ อาคจฺเฉยฺยา’ติ. น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ, อิทมฺปิ ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ. โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชติ – ‘อโห วต มยํ น โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมา อสฺสาม, น จ วต โน โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสธมฺมา อาคจฺเฉยฺยุ’นฺติ. น โข ปเนตํ อิจฺฉาย ปตฺตพฺพํ, อิทมฺปิ ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ.

๑๓๒. ‘‘กตเม จ, ภิกฺขเว, สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา? เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขนฺโธ, เวทนุปาทานกฺขนฺโธ, สฺุปาทานกฺขนฺโธ, สงฺขารุปาทานกฺขนฺโธ, วิฺาณุปาทานกฺขนฺโธ. อิเม วุจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ.

สมุทยสจฺจนิทฺเทโส

๑๓๓. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขสมุทยํ [ทุกฺขสมุทโย (สฺยา.)] อริยสจฺจํ? ยายํ ตณฺหา โปโนพฺภวิกา [โปโนภวิกา (สี. ปี.)] นนฺทีราคสหคตา [นนฺทิราคสหคตา (สี. สฺยา. ปี.)] ตตฺรตตฺราภินนฺทินี. เสยฺยถิทํ – กามตณฺหา ภวตณฺหา วิภวตณฺหา.

‘‘สา โข ปเนสา, ภิกฺขเว, ตณฺหา กตฺถ อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, กตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ? ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘กิฺจ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ? จกฺขุ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ. โสตํ โลเก…เป… ฆานํ โลเก… ชิวฺหา โลเก… กาโย โลเก… มโน โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘รูปา โลเก… สทฺทา โลเก… คนฺธา โลเก… รสา โลเก… โผฏฺพฺพา โลเก… ธมฺมา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘จกฺขุวิฺาณํ โลเก… โสตวิฺาณํ โลเก… ฆานวิฺาณํ โลเก… ชิวฺหาวิฺาณํ โลเก… กายวิฺาณํ โลเก… มโนวิฺาณํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘จกฺขุสมฺผสฺโส โลเก… โสตสมฺผสฺโส โลเก… ฆานสมฺผสฺโส โลเก… ชิวฺหาสมฺผสฺโส โลเก… กายสมฺผสฺโส โลเก… มโนสมฺผสฺโส โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… โสตสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… ฆานสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… ชิวฺหาสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… กายสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… มโนสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘รูปสฺา โลเก… สทฺทสฺา โลเก… คนฺธสฺา โลเก… รสสฺา โลเก… โผฏฺพฺพสฺา โลเก… ธมฺมสฺา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘รูปสฺเจตนา โลเก… สทฺทสฺเจตนา โลเก… คนฺธสฺเจตนา โลเก… รสสฺเจตนา โลเก… โผฏฺพฺพสฺเจตนา โลเก… ธมฺมสฺเจตนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘รูปตณฺหา โลเก… สทฺทตณฺหา โลเก… คนฺธตณฺหา โลเก… รสตณฺหา โลเก… โผฏฺพฺพตณฺหา โลเก… ธมฺมตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘รูปวิตกฺโก โลเก… สทฺทวิตกฺโก โลเก… คนฺธวิตกฺโก โลเก… รสวิตกฺโก โลเก… โผฏฺพฺพวิตกฺโก โลเก… ธมฺมวิตกฺโก โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ.

‘‘รูปวิจาโร โลเก… สทฺทวิจาโร โลเก… คนฺธวิจาโร โลเก… รสวิจาโร โลเก… โผฏฺพฺพวิจาโร โลเก… ธมฺมวิจาโร โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชติ, เอตฺถ นิวิสมานา นิวิสติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํ.

นิโรธสจฺจนิทฺเทโส

๑๓๔. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธํ [ทุกฺขนิโรโธ (สฺยา.)] อริยสจฺจํ? โย ตสฺสาเยว ตณฺหาย อเสสวิราคนิโรโธ จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโย.

‘‘สา โข ปเนสา, ภิกฺขเว, ตณฺหา กตฺถ ปหียมานา ปหียติ, กตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ? ยํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘กิฺจ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ? จกฺขุ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ. โสตํ โลเก…เป… ฆานํ โลเก… ชิวฺหา โลเก… กาโย โลเก… มโน โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘รูปา โลเก… สทฺทา โลเก… คนฺธา โลเก… รสา โลเก… โผฏฺพฺพา โลเก… ธมฺมา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘จกฺขุวิฺาณํ โลเก… โสตวิฺาณํ โลเก… ฆานวิฺาณํ โลเก… ชิวฺหาวิฺาณํ โลเก… กายวิฺาณํ โลเก… มโนวิฺาณํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘จกฺขุสมฺผสฺโส โลเก… โสตสมฺผสฺโส โลเก… ฆานสมฺผสฺโส โลเก… ชิวฺหาสมฺผสฺโส โลเก… กายสมฺผสฺโส โลเก… มโนสมฺผสฺโส โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘จกฺขุสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… โสตสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… ฆานสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… ชิวฺหาสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… กายสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก… มโนสมฺผสฺสชา เวทนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘รูปสฺา โลเก… สทฺทสฺา โลเก… คนฺธสฺา โลเก… รสสฺา โลเก… โผฏฺพฺพสฺา โลเก… ธมฺมสฺา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘รูปสฺเจตนา โลเก… สทฺทสฺเจตนา โลเก… คนฺธสฺเจตนา โลเก… รสสฺเจตนา โลเก… โผฏฺพฺพสฺเจตนา โลเก… ธมฺมสฺเจตนา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘รูปตณฺหา โลเก… สทฺทตณฺหา โลเก… คนฺธตณฺหา โลเก… รสตณฺหา โลเก… โผฏฺพฺพตณฺหา โลเก… ธมฺมตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘รูปวิตกฺโก โลเก… สทฺทวิตกฺโก โลเก… คนฺธวิตกฺโก โลเก… รสวิตกฺโก โลเก… โผฏฺพฺพวิตกฺโก โลเก… ธมฺมวิตกฺโก โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌติ.

‘‘รูปวิจาโร โลเก… สทฺทวิจาโร โลเก… คนฺธวิจาโร โลเก… รสวิจาโร โลเก… โผฏฺพฺพวิจาโร โลเก… ธมฺมวิจาโร โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ. เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌามานา นิรุชฺฌติ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํ.

มคฺคสจฺจนิทฺเทโส

๑๓๕. ‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธิ.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมฺมาทิฏฺิ? ยํ โข, ภิกฺขเว, ทุกฺเข าณํ, ทุกฺขสมุทเย าณํ, ทุกฺขนิโรเธ าณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาทิฏฺิ.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมฺมาสงฺกปฺโป? เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป อพฺยาปาทสงฺกปฺโป อวิหึสาสงฺกปฺโป. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาสงฺกปฺโป.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมฺมาวาจา? มุสาวาทา เวรมณี [เวรมณิ (ก.)], ปิสุณาย วาจาย เวรมณี, ผรุสาย วาจาย เวรมณี, สมฺผปฺปลาปา เวรมณี. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาวาจา.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมฺมากมฺมนฺโต? ปาณาติปาตา เวรมณี, อทินฺนาทานา เวรมณี, กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมากมฺมนฺโต.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมฺมาอาชีโว? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก มิจฺฉาอาชีวํ ปหาย สมฺมาอาชีเวน ชีวิตํ กปฺเปติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาอาชีโว.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมฺมาวายาโม? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ; อุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ ิติยา อสมฺโมสาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย ภาวนาย ปาริปูริยา ฉนฺทํ ชเนติ วายมติ วีริยํ อารภติ จิตฺตํ ปคฺคณฺหาติ ปทหติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาวายาโม.

‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมฺมาสติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ; ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาสติ.

‘‘กตโม จ, ภิกฺขเว, สมฺมาสมาธิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สมฺมาสมาธิ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ.

๑๓๖. ‘‘อิติ อชฺฌตฺตํ วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, พหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ, อชฺฌตฺตพหิทฺธา วา ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ; สมุทยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, วยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ, สมุทยวยธมฺมานุปสฺสี วา ธมฺเมสุ วิหรติ. ‘อตฺถิ ธมฺมา’ติ วา ปนสฺส สติ ปจฺจุปฏฺิตา โหติ. ยาวเทว าณมตฺตาย ปฏิสฺสติมตฺตาย อนิสฺสิโต จ วิหรติ, น จ กิฺจิ โลเก อุปาทิยติ. เอวมฺปิ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ จตูสุ อริยสจฺเจสุ.

สจฺจปพฺพํ นิฏฺิตํ.

ธมฺมานุปสฺสนา นิฏฺิตา.

๑๓๗. ‘‘โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร สติปฏฺาเน เอวํ ภาเวยฺย สตฺต วสฺสานิ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา; สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา.

‘‘ติฏฺนฺตุ, ภิกฺขเว, สตฺต วสฺสานิ. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร สติปฏฺาเน เอวํ ภาเวยฺย ฉ วสฺสานิ…เป… ปฺจ วสฺสานิ… จตฺตาริ วสฺสานิ… ตีณิ วสฺสานิ… ทฺเว วสฺสานิ… เอกํ วสฺสํ… ติฏฺตุ, ภิกฺขเว, เอกํ วสฺสํ. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร สติปฏฺาเน เอวํ ภาเวยฺย สตฺต มาสานิ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา; สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา. ติฏฺนฺตุ, ภิกฺขเว, สตฺต มาสานิ. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร สติปฏฺาเน เอวํ ภาเวยฺย ฉ มาสานิ…เป… ปฺจ มาสานิ… จตฺตาริ มาสานิ… ตีณิ มาสานิ… ทฺเว มาสานิ… เอกํ มาสํ… อฑฺฒมาสํ… ติฏฺตุ, ภิกฺขเว, อฑฺฒมาโส. โย หิ โกจิ, ภิกฺขเว, อิเม จตฺตาโร สติปฏฺาเน เอวํ ภาเวยฺย สตฺตาหํ, ตสฺส ทฺวินฺนํ ผลานํ อฺตรํ ผลํ ปาฏิกงฺขํ ทิฏฺเว ธมฺเม อฺา สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตา’’ติ.

๑๓๘. ‘‘‘เอกายโน อยํ, ภิกฺขเว, มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’ติ. อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฏิจฺจ วุตฺต’’นฺติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

มหาสติปฏฺานสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.

มูลปริยายวคฺโค นิฏฺิโต ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ – [อิโต ปรํ เกสุจิ โปตฺถเกสุ อิมาปิ คาถาโย เอวํ ทิสฺสนฺติ –§อชรํ อมตํ อมตาธิคมํ, ผลมคฺคนิทสฺสนํ ทุกฺขนุทํ. สหิตตฺตํ มหารสหสฺสกรํ, ภูตมิติ สารํ วิวิธํ สุณาถ.§ตฬากํ วสุปูริตํ ฆมฺมปเถ, ติวิธคฺคิปิเฬสิตนิพฺพาปนํ. พฺยาธิปนุทนโอสธโย, ปจฺฉิมสุตฺตปวรา ปิตา.§มธุมนฺทวรสามทานํ, ขิฑฺฑารติ ชนนิมนุสงฺฆาตํ. ตถา สุตฺเต เวยฺยากรณา ปิตา, สกฺยปุตฺตานมภิทมนตฺถาย.§ปฺาสํ จ ทิยฑฺฒสตํ, ทฺเว จ เวยฺยากรณํ อปเร จ. เตวนามคตํ จ อนุปุพฺพํ, เอกมนา นิสาเมถ มุทคฺคํ.]

มูลสุสํวรธมฺมทายาทา, เภรวานงฺคณากงฺเขยฺยวตฺถํ;

สลฺเลขสมฺมาทิฏฺิสติปฏฺํ, วคฺควโร อสโม สุสมตฺโต.

๒. สีหนาทวคฺโค

๑. จูฬสีหนาทสุตฺตํ

๑๓๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ; สุฺา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหีติ [สมเณหิ อฺเติ (สี. ปี. ก.) เอตฺถ อฺเหีติ สกาย ปฏิฺาย สจฺจาภิฺเหีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ]. เอวเมตํ [เอวเมว (สฺยา. ก.)], ภิกฺขเว, สมฺมา สีหนาทํ นทถ.

๑๔๐. ‘‘านํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ ยํ อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘โก ปนายสฺมนฺตานํ อสฺสาโส, กึ พลํ, เยน ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ วเทถ – อิเธว สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ; สุฺา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’ติ? เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘อตฺถิ โข โน, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมา อกฺขาตา เย มยํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมานา เอวํ วเทม – อิเธว สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ; สุฺา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหีติ. กตเม จตฺตาโร? อตฺถิ โข โน, อาวุโส, สตฺถริ ปสาโท, อตฺถิ ธมฺเม ปสาโท, อตฺถิ สีเลสุ ปริปูรการิตา; สหธมฺมิกา โข ปน ปิยา มนาปา – คหฏฺา เจว ปพฺพชิตา จ. อิเม โข โน, อาวุโส, เตน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน จตฺตาโร ธมฺมา อกฺขาตา เย มยํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมานา เอวํ วเทม – อิเธว สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ; สุฺา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’ติ.

๑๔๑. ‘‘านํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ ยํ อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ วเทยฺยุํ – ‘อมฺหากมฺปิ โข, อาวุโส, อตฺถิ สตฺถริ ปสาโท โย อมฺหากํ สตฺถา, อมฺหากมฺปิ อตฺถิ ธมฺเม ปสาโท โย อมฺหากํ ธมฺโม, มยมฺปิ สีเลสุ ปริปูรการิโน ยานิ อมฺหากํ สีลานิ, อมฺหากมฺปิ สหธมฺมิกา ปิยา มนาปา – คหฏฺา เจว ปพฺพชิตา จ. อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส โก อธิปฺปยาโส [อธิปฺปาโย (ก. สี. สฺยา. ปี.), อธิปฺปโยโค (ก.)] กึ นานากรณํ ยทิทํ ตุมฺหากฺเจว อมฺหากฺจา’ติ?

‘‘เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘กึ ปนาวุโส, เอกา นิฏฺา, อุทาหุ ปุถุ นิฏฺา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘เอกาวุโส, นิฏฺา, น ปุถุ นิฏฺา’ติ.

‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สราคสฺส อุทาหุ วีตราคสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วีตราคสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สราคสฺสา’ติ.

‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สโทสสฺส อุทาหุ วีตโทสสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วีตโทสสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สโทสสฺสา’ติ.

‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สโมหสฺส อุทาหุ วีตโมหสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วีตโมหสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สโมหสฺสา’ติ.

‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สตณฺหสฺส อุทาหุ วีตตณฺหสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วีตตณฺหสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สตณฺหสฺสา’ติ.

‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา สอุปาทานสฺส อุทาหุ อนุปาทานสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘อนุปาทานสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา สอุปาทานสฺสา’ติ.

‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา วิทฺทสุโน อุทาหุ อวิทฺทสุโน’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘วิทฺทสุโน, อาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา อวิทฺทสุโน’ติ.

‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา อนุรุทฺธปฺปฏิวิรุทฺธสฺส อุทาหุ อนนุรุทฺธอปฺปฏิวิรุทฺธสฺสา’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘อนนุรุทฺธอปฺปฏิวิรุทฺธสฺสาวุโส, สา นิฏฺา, น สา นิฏฺา อนุรุทฺธปฺปฏิวิรุทฺธสฺสา’ติ.

‘‘‘สา ปนาวุโส, นิฏฺา ปปฺจารามสฺส ปปฺจรติโน อุทาหุ นิปฺปปฺจารามสฺส นิปฺปปฺจรติโน’ติ? สมฺมา พฺยากรมานา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวํ พฺยากเรยฺยุํ – ‘นิปฺปปฺจารามสฺสาวุโส, สา นิฏฺา นิปฺปปฺจรติโน, น สา นิฏฺา ปปฺจารามสฺส ปปฺจรติโน’ติ.

๑๔๒. ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, ทิฏฺิโย – ภวทิฏฺิ จ วิภวทิฏฺิ จ. เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา ภวทิฏฺึ อลฺลีนา ภวทิฏฺึ อุปคตา ภวทิฏฺึ อชฺโฌสิตา, วิภวทิฏฺิยา เต ปฏิวิรุทฺธา. เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา วิภวทิฏฺึ อลฺลีนา วิภวทิฏฺึ อุปคตา วิภวทิฏฺึ อชฺโฌสิตา, ภวทิฏฺิยา เต ปฏิวิรุทฺธา. เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อิมาสํ ทฺวินฺนํ ทิฏฺีนํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, ‘เต สราคา เต สโทสา เต สโมหา เต สตณฺหา เต สอุปาทานา เต อวิทฺทสุโน เต อนุรุทฺธปฺปฏิวิรุทฺธา เต ปปฺจารามา ปปฺจรติโน; เต น ปริมุจฺจนฺติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ; น ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ. เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา อิมาสํ ทฺวินฺนํ ทิฏฺีนํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ ยถาภูตํ ปชานนฺติ, ‘เต วีตราคา เต วีตโทสา เต วีตโมหา เต วีตตณฺหา เต อนุปาทานา เต วิทฺทสุโน เต อนนุรุทฺธอปฺปฏิวิรุทฺธา เต นิปฺปปฺจารามา นิปฺปปฺจรติโน; เต ปริมุจฺจนฺติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ; ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมา’ติ วทามิ.

๑๔๓. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อุปาทานานิ. กตมานิ จตฺตาริ? กามุปาทานํ, ทิฏฺุปาทานํ, สีลพฺพตุปาทานํ, อตฺตวาทุปาทานํ. สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา. เต น สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมานิ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ตีณิ านานิ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ. ตสฺมา เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา; เต น สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา. เต น สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมานิ หิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา ทฺเว านานิ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ. ตสฺมา เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา; เต น สมฺมา [ปฏิชานมานา น สมฺมา (?)] สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ.

‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา. เต น สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมฺหิ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา เอกํ านํ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ. ตสฺมา เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา สพฺพุปาทานปริฺาวาทา ปฏิชานมานา; เต น สมฺมา [ปฏิชานมานา น สมฺมา (?)] สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปนฺติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ, น อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปนฺติ.

‘‘เอวรูเป โข, ภิกฺขเว, ธมฺมวินเย โย สตฺถริ ปสาโท โส น สมฺมคฺคโต อกฺขายติ; โย ธมฺเม ปสาโท โส น สมฺมคฺคโต อกฺขายติ; ยา สีเลสุ ปริปูรการิตา สา น สมฺมคฺคตา อกฺขายติ; ยา สหธมฺมิเกสุ ปิยมนาปตา สา น สมฺมคฺคตา อกฺขายติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ ทุรกฺขาเต ธมฺมวินเย ทุปฺปเวทิเต อนิยฺยานิเก อนุปสมสํวตฺตนิเก อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเต.

๑๔๔. ‘‘ตถาคโต จ โข, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ สพฺพุปาทานปริฺาวาโท ปฏิชานมาโน สมฺมา สพฺพุปาทานปริฺํ ปฺเปติ – กามุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปติ, ทิฏฺุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปติ, สีลพฺพตุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปติ, อตฺตวาทุปาทานสฺส ปริฺํ ปฺเปติ. เอวรูเป โข, ภิกฺขเว, ธมฺมวินเย โย สตฺถริ ปสาโท โส สมฺมคฺคโต อกฺขายติ; โย ธมฺเม ปสาโท โส สมฺมคฺคโต อกฺขายติ; ยา สีเลสุ ปริปูรการิตา สา สมฺมคฺคตา อกฺขายติ; ยา สหธมฺมิเกสุ ปิยมนาปตา สา สมฺมคฺคตา อกฺขายติ. ตํ กิสฺส เหตุ? เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, โหติ ยถา ตํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย สุปฺปเวทิเต นิยฺยานิเก อุปสมสํวตฺตนิเก สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิเต.

๑๔๕. ‘‘อิเม จ, ภิกฺขเว, จตฺตาโร อุปาทานา. กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา? อิเม จตฺตาโร อุปาทานา ตณฺหานิทานา ตณฺหาสมุทยา ตณฺหาชาติกา ตณฺหาปภวา. ตณฺหา จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา? ตณฺหา เวทนานิทานา เวทนาสมุทยา เวทนาชาติกา เวทนาปภวา. เวทนา จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา? เวทนา ผสฺสนิทานา ผสฺสสมุทยา ผสฺสชาติกา ผสฺสปภวา. ผสฺโส จายํ, ภิกฺขเว, กึนิทาโน กึสมุทโย กึชาติโก กึปภโว? ผสฺโส สฬายตนนิทาโน สฬายตนสมุทโย สฬายตนชาติโก สฬายตนปภโว. สฬายตนฺจิทํ, ภิกฺขเว, กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ? สฬายตนํ นามรูปนิทานํ นามรูปสมุทยํ นามรูปชาติกํ นามรูปปภวํ. นามรูปฺจิทํ, ภิกฺขเว, กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ? นามรูปํ วิฺาณนิทานํ วิฺาณสมุทยํ วิฺาณชาติกํ วิฺาณปภวํ. วิฺาณฺจิทํ, ภิกฺขเว, กึนิทานํ กึสมุทยํ กึชาติกํ กึปภวํ? วิฺาณํ สงฺขารนิทานํ สงฺขารสมุทยํ สงฺขารชาติกํ สงฺขารปภวํ. สงฺขารา จิเม, ภิกฺขเว, กึนิทานา กึสมุทยา กึชาติกา กึปภวา? สงฺขารา อวิชฺชานิทานา อวิชฺชาสมุทยา อวิชฺชาชาติกา อวิชฺชาปภวา.

‘‘ยโต จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา โหติ วิชฺชา อุปฺปนฺนา, โส อวิชฺชาวิราคา วิชฺชุปฺปาทา เนว กามุปาทานํ อุปาทิยติ, น ทิฏฺุปาทานํ อุปาทิยติ, น สีลพฺพตุปาทานํ อุปาทิยติ, น อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิยติ. อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติ, อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตฺเว ปรินิพฺพายติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาตี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

จูฬสีหนาทสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.

๒. มหาสีหนาทสุตฺตํ

๑๔๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ พหินคเร อปรปุเร วนสณฺเฑ. เตน โข ปน สมเยน สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต อจิรปกฺกนฺโต โหติ อิมสฺมา ธมฺมวินยา. โส เวสาลิยํ ปริสติ [ปริสตึ (สี. ปี.)] เอวํ [เอตํ (ปี. ก.)] วาจํ ภาสติ – ‘‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริ [อุตฺตรึ (ปี.)] มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ. ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติ.

อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อสฺโสสิ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต สุนกฺขตฺตสฺส ลิจฺฉวิปุตฺตสฺส เวสาลิยํ ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสมานสฺส – ‘‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ. ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติ.

อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เวสาลิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุนกฺขตฺโต, ภนฺเต, ลิจฺฉวิปุตฺโต อจิรปกฺกนฺโต อิมสฺมา ธมฺมวินยา. โส เวสาลิยํ ปริสติ เอวํ วาจํ ภาสติ – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส. ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ. ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’’ติ.

๑๔๗. ‘‘โกธโน เหโส, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺโต โมฆปุริโส. โกธา จ ปนสฺส เอสา วาจา ภาสิตา. ‘อวณฺณํ ภาสิสฺสามี’ติ โข, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺโต โมฆปุริโส วณฺณํเยว ตถาคตสฺส ภาสติ. วณฺโณ เหโส, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส โย เอวํ วเทยฺย – ‘ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ.

‘‘อยมฺปิ หิ นาม, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺตสฺส โมฆปุริสสฺส มยิ ธมฺมนฺวโย น ภวิสฺสติ – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ, สตฺถา เทวมนุสฺสานํ, พุทฺโธ ภควา’ติ.

‘‘อยมฺปิ หิ นาม, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺตสฺส โมฆปุริสสฺส มยิ ธมฺมนฺวโย น ภวิสฺสติ – ‘อิติปิ โส ภควา อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภติ – เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ; อาวิภาวํ, ติโรภาวํ; ติโรกุฏฺฏํ ติโรปาการํ ติโรปพฺพตํ อสชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ อากาเส; ปถวิยาปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรติ, เสยฺยถาปิ อุทเก; อุทเกปิ อภิชฺชมาโน คจฺฉติ, เสยฺยถาปิ ปถวิยํ; อากาเสปิ ปลฺลงฺเกน กมติ, เสยฺยถาปิ ปกฺขี สกุโณ; อิเมปิ จนฺทิมสูริเย เอวํมหิทฺธิเก เอวํมหานุภาเว ปาณินา ปริมสติ ปริมชฺชติ; ยาว พฺรหฺมโลกาปิ กาเยน วสํ วตฺเตตี’ติ.

‘‘อยมฺปิ หิ นาม, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺตสฺส โมฆปุริสสฺส มยิ ธมฺมนฺวโย น ภวิสฺสติ – ‘อิติปิ โส ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณาติ – ทิพฺเพ จ มานุเส จ, เย ทูเร สนฺติเก จา’ติ.

‘‘อยมฺปิ หิ นาม, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺตสฺส โมฆปุริสสฺส มยิ ธมฺมนฺวโย น ภวิสฺสติ – ‘อิติปิ โส ภควา ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานาติ – สราคํ วา จิตฺตํ สราคํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, วีตราคํ วา จิตฺตํ วีตราคํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สโทสํ วา จิตฺตํ สโทสํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, วีตโทสํ วา จิตฺตํ วีตโทสํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สโมหํ วา จิตฺตํ สโมหํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, วีตโมหํ วา จิตฺตํ วีตโมหํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สํขิตฺตํ วา จิตฺตํ สํขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, วิกฺขิตฺตํ วา จิตฺตํ วิกฺขิตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; มหคฺคตํ วา จิตฺตํ มหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, อมหคฺคตํ วา จิตฺตํ อมหคฺคตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สอุตฺตรํ วา จิตฺตํ สอุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, อนุตฺตรํ วา จิตฺตํ อนุตฺตรํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; สมาหิตํ วา จิตฺตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, อสมาหิตํ วา จิตฺตํ อสมาหิตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ; วิมุตฺตํ วา จิตฺตํ วิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาติ, อวิมุตฺตํ วา จิตฺตํ อวิมุตฺตํ จิตฺตนฺติ ปชานาตี’ติ.

๑๔๘. ‘‘ทส โข ปนิมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. กตมานิ ทส?

‘‘อิธ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส วิปากํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ กมฺมสมาทานานํ านโส เหตุโส วิปากํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สพฺพตฺถคามินึ ปฏิปทํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สพฺพตฺถคามินึ ปฏิปทํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกธาตุนานาธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกธาตุนานาธาตุโลกํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต สตฺตานํ นานาธิมุตฺติกตํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ปรสตฺตานํ ปรปุคฺคลานํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสํ โวทานํ วุฏฺานํ ยถาภูตํ ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสํ โวทานํ วุฏฺานํ ยถาภูตํ ปชานาติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย ติสฺโสปิ ชาติโย จตสฺโสปิ ชาติโย ปฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ตึสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปฺาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป – ‘อมุตฺราสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทึ; ตตฺราปาสึ เอวํนาโม เอวํโคตฺโต เอวํวณฺโณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที เอวมายุปริยนฺโต, โส ตโต จุโต อิธูปปนฺโน’ติ. อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฏฺิกา มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนา. อิเม วา ปน โภนฺโต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฏฺิกา สมฺมาทิฏฺิกมฺมสมาทานา, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติ. อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานาติ. อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘ปุน จปรํ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคโต อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อิทมฺปิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ โหติ ยํ พลํ อาคมฺม ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘อิมานิ โข, สาริปุตฺต, ทส ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ เยหิ พเลหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

๑๔๙. ‘‘โย โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส; ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ, ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ. ตํ วาจํ อปฺปหาย, ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.

๑๕๐. ‘‘จตฺตาริมานิ, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ เยหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ. กตมานิ จตฺตาริ?

‘‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’ติ. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ [เอตมฺปหํ (สี. ปี.)], สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.

‘‘‘ขีณาสวสฺส เต ปฏิชานโต อิเม อาสวา อปริกฺขีณา’ติ. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.

‘‘‘เย โข ปน เต อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.

‘‘‘ยสฺส โข ปน เต อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, โส น นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ. ตตฺร วต มํ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา โกจิ วา โลกสฺมึ สหธมฺเมน ปฏิโจเทสฺสตี’ติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.

‘‘อิมานิ โข, สาริปุตฺต, จตฺตาริ ตถาคตสฺส เวสารชฺชานิ เยหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อาสภํ านํ ปฏิชานาติ, ปริสาสุ สีหนาทํ นทติ, พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตติ.

‘‘โย โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส, ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ, ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ. ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.

๑๕๑. ‘‘อฏฺ โข อิมา, สาริปุตฺต, ปริสา. กตมา อฏฺ? ขตฺติยปริสา, พฺราหฺมณปริสา, คหปติปริสา, สมณปริสา, จาตุมหาราชิกปริสา [จาตุมฺมหาราชิกา (สี. สฺยา. ปี.)], ตาวตึสปริสา, มารปริสา, พฺรหฺมปริสา – อิมา โข, สาริปุตฺต, อฏฺ ปริสา. อิเมหิ โข, สาริปุตฺต, จตูหิ เวสารชฺเชหิ สมนฺนาคโต ตถาคโต อิมา อฏฺ ปริสา อุปสงฺกมติ อชฺโฌคาหติ. อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ ขตฺติยปริสํ อุปสงฺกมิตา. ตตฺรปิ มยา สนฺนิสินฺนปุพฺพฺเจว, สลฺลปิตปุพฺพฺจ, สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา. ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.

‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อเนกสตํ พฺราหฺมณปริสํ…เป… คหปติปริสํ… สมณปริสํ… จาตุมหาราชิกปริสํ… ตาวตึสปริสํ… มารปริสํ… พฺรหฺมปริสํ อุปสงฺกมิตา. ตตฺรปิ มยา สนฺนิสินฺนปุพฺพฺเจว, สลฺลปิตปุพฺพฺจ, สากจฺฉา จ สมาปชฺชิตปุพฺพา. ตตฺร วต มํ ภยํ วา สารชฺชํ วา โอกฺกมิสฺสตีติ นิมิตฺตเมตํ, สาริปุตฺต, น สมนุปสฺสามิ. เอตมหํ, สาริปุตฺต, นิมิตฺตํ อสมนุปสฺสนฺโต เขมปฺปตฺโต อภยปฺปตฺโต เวสารชฺชปฺปตฺโต วิหรามิ.

‘‘โย โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส, ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ, ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ. ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.

๑๕๒. ‘‘จตสฺโส โข อิมา, สาริปุตฺต, โยนิโย. กตมา จตสฺโส? อณฺฑชา โยนิ, ชลาพุชา โยนิ, สํเสทชา โยนิ, โอปปาติกา โยนิ. กตมา จ, สาริปุตฺต, อณฺฑชา โยนิ? เย โข เต, สาริปุตฺต, สตฺตา อณฺฑโกสํ อภินิพฺภิชฺช ชายนฺติ – อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต, อณฺฑชา โยนิ. กตมา จ, สาริปุตฺต, ชลาพุชา โยนิ? เย โข เต, สาริปุตฺต, สตฺตา วตฺถิโกสํ อภินิพฺภิชฺช ชายนฺติ – อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต, ชลาพุชา โยนิ. กตมา จ, สาริปุตฺต, สํเสทชา โยนิ? เย โข เต, สาริปุตฺต, สตฺตา ปูติมจฺเฉ วา ชายนฺติ ปูติกุณเป วา ปูติกุมฺมาเส วา จนฺทนิกาเย วา โอฬิคลฺเล วา ชายนฺติ – อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต, สํเสทชา โยนิ. กตมา จ, สาริปุตฺต, โอปปาติกา โยนิ? เทวา, เนรยิกา, เอกจฺเจ จ มนุสฺสา, เอกจฺเจ จ วินิปาติกา – อยํ วุจฺจติ, สาริปุตฺต, โอปปาติกา โยนิ. อิมา โข, สาริปุตฺต, จตสฺโส โยนิโย.

‘‘โย โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส, ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ, ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ. ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย.

๑๕๓. ‘‘ปฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย. กตมา ปฺจ? นิรโย, ติรจฺฉานโยนิ, เปตฺติวิสโย, มนุสฺสา, เทวา. นิรยฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, นิรยคามิฺจ มคฺคํ, นิรยคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. ติรจฺฉานโยนิฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, ติรจฺฉานโยนิคามิฺจ มคฺคํ, ติรจฺฉานโยนิคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. เปตฺติวิสยํ จาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, เปตฺติวิสยคามิฺจ มคฺคํ, เปตฺติวิสยคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. มนุสฺเส จาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, มนุสฺสโลกคามิฺจ มคฺคํ, มนุสฺสโลกคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. เทเว จาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, เทวโลกคามิฺจ มคฺคํ, เทวโลกคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ ตฺจ ปชานามิ. นิพฺพานฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, นิพฺพานคามิฺจ มคฺคํ, นิพฺพานคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรติ ตฺจ ปชานามิ.

๑๕๔. ‘‘อิธาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนํ, เอกนฺตทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, องฺคารกาสุ สาธิกโปริสา ปูรา องฺคารานํ วีตจฺจิกานํ วีตธูมานํ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว องฺคารกาสุํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมํเยว องฺคารกาสุํ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตสฺสา องฺคารกาสุยา ปติตํ, เอกนฺตทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนํ, เอกนฺตทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ.

‘‘อิธ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปนฺนํ, ทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, คูถกูโป สาธิกโปริโส, ปูโร คูถสฺส. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว คูถกูปํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา อิมํเยว คูถกูปํ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตสฺมึ คูถกูเป ปติตํ, ทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปนฺนํ, ทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานํ.

‘‘อิธ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปนฺนํ, ทุกฺขพหุลา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, รุกฺโข วิสเม ภูมิภาเค ชาโต ตนุปตฺตปลาโส กพรจฺฉาโย. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว รุกฺขํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมํเยว รุกฺขํ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย, อปเรน สมเยน ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา ทุกฺขพหุลา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปนฺนํ, ทุกฺขพหุลา เวทนา เวทยมานํ.

‘‘อิธ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปนฺนํ, สุขพหุลา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, รุกฺโข สเม ภูมิภาเค ชาโต พหลปตฺตปลาโส สนฺทจฺฉาโย [สณฺฑจฺฉาโย (สฺยา.), สนฺตจฺฉาโย (ก.)]. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว รุกฺขํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมเมว รุกฺขํ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา สุขพหุลา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺเสสุ อุปปนฺนํ, สุขพหุลา เวทนา เวทยมานํ.

‘‘อิธ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนํ, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ปาสาโท, ตตฺราสฺส กูฏาคารํ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ นิวาตํ ผุสิตคฺคฬํ ปิหิตวาตปานํ. ตตฺราสฺส ปลฺลงฺโก โคนกตฺถโต ปฏิกตฺถโต ปฏลิกตฺถโต กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรโณ สอุตฺตรจฺฉโท อุภโตโลหิตกูปธาโน. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว ปาสาทํ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถายํ ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมํเยว ปาสาทํ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตสฺมึ ปาสาเท ตสฺมึ กูฏาคาเร ตสฺมึ ปลฺลงฺเก นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห ยถา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนํ, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ.

‘‘อิธ ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกจฺจํ ปุคฺคลํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อาสวานํ ขยา อนาสํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตีติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตํ, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, โปกฺขรณี อจฺโฉทกา สาโตทกา สีโตทกา เสตกา สุปติตฺถา รมณียา. อวิทูเร จสฺสา ติพฺโพ วนสณฺโฑ. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ฆมฺมาภิตตฺโต ฆมฺมปเรโต กิลนฺโต ตสิโต ปิปาสิโต เอกายเนน มคฺเคน ตเมว โปกฺขรณึ ปณิธาย. ตเมนํ จกฺขุมา ปุริโส ทิสฺวา เอวํ วเทยฺย – ‘ตถา ภวํ ปุริโส ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อิมํเยว โปกฺขรณึ อาคมิสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน ตํ โปกฺขรณึ โอคาเหตฺวา นฺหายิตฺวา จ ปิวิตฺวา จ สพฺพทรถกิลมถปริฬาหํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิสินฺนํ วา นิปนฺนํ วา, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ เอวํ เจตสา เจโต ปริจฺจ ปชานามิ – ตถายํ ปุคฺคโล ปฏิปนฺโน ตถา จ อิริยติ ตฺจ มคฺคํ สมารูฬฺโห, ยถา อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสตี’ติ. ตเมนํ ปสฺสามิ อปเรน สมเยน อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตึ ทิฏฺเว ธมฺเม สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตํ, เอกนฺตสุขา เวทนา เวทยมานํ. อิมา โข, สาริปุตฺต, ปฺจ คติโย.

‘‘โย โข มํ, สาริปุตฺต, เอวํ ชานนฺตํ เอวํ ปสฺสนฺตํ เอวํ วเทยฺย – ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส; ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภาน’นฺติ ตํ, สาริปุตฺต, วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ ‘ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย’.

๑๕๕. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ จริตา [จริตฺวา (ก.)] – ตปสฺสี สุทํ โหมิ ปรมตปสฺสี, ลูโข สุทํ [ลูขสฺสุทํ (สี. ปี.)] โหมิ ปรมลูโข, เชคุจฺฉี สุทํ โหมิ ปรมเชคุจฺฉี, ปวิวิตฺโต สุทํ [ปวิวิตฺตสฺสุทํ (สี. ปี.)] โหมิ ปรมปวิวิตฺโต. ตตฺราสฺสุ เม อิทํ, สาริปุตฺต, ตปสฺสิตาย โหติ – อเจลโก โหมิ มุตฺตาจาโร หตฺถาปเลขโน [หตฺถาวเลขโน (สฺยา.)], น เอหิภทฺทนฺติโก น ติฏฺภทฺทนฺติโก; นาภิหฏํ น อุทฺทิสฺสกตํ น นิมนฺตนํ สาทิยามิ. โส น กุมฺภิมุขา ปฏิคฺคณฺหามิ, น กโฬปิมุขา ปฏิคฺคณฺหามิ, น เอฬกมนฺตรํ, น ทณฺฑมนฺตรํ, น มุสลมนฺตรํ, น ทฺวินฺนํ ภุฺชมานานํ, น คพฺภินิยา, น ปายมานาย [ปายนฺติยา (ก.)], น ปุริสนฺตรคตาย, น สงฺกิตฺตีสุ, น ยตฺถ สา อุปฏฺิโต โหติ, น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี; น มจฺฉํ น มํสํ น สุรํ น เมรยํ น ถุโสทกํ ปิวามิ; โส เอกาคาริโก วา โหมิ เอกาโลปิโก, ทฺวาคาริโก วา โหมิ ทฺวาโลปิโก…เป… สตฺตาคาริโก วา โหมิ สตฺตาโลปิโก; เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปมิ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปมิ…เป… สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปมิ; เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรมิ, ทฺวีหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรมิ…เป… สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรมิ; อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรามิ.

‘‘โส สากภกฺโข วา โหมิ, สามากภกฺโข วา โหมิ, นีวารภกฺโข วา โหมิ, ททฺทุลภกฺโข วา โหมิ, หฏภกฺโข วา โหมิ, กณภกฺโข วา โหมิ, อาจามภกฺโข วา โหมิ, ปิฺากภกฺโข วา โหมิ, ติณภกฺโข วา โหมิ, โคมยภกฺโข วา โหมิ, วนมูลผลาหาโร ยาเปมิ ปวตฺตผลโภชี.

‘‘โส สาณานิปิ ธาเรมิ, มสาณานิปิ ธาเรมิ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรมิ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรมิ, ติรีฏานิปิ ธาเรมิ, อชินมฺปิ ธาเรมิ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรมิ, กุสจีรมฺปิ ธาเรมิ, วากจีรมฺปิ ธาเรมิ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรมิ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรมิ, วาฬกมฺพลมฺปิ ธาเรมิ, อุลูกปกฺขมฺปิ ธาเรมิ; เกสมสฺสุโลจโกปิ โหมิ เกสมสฺสุโลจนานุโยคมนุยุตฺโต; อุพฺภฏฺโกปิ โหมิ อาสนปฏิกฺขิตฺโต; อุกฺกุฏิโกปิ โหมิ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุตฺโต; กณฺฏกาปสฺสยิโกปิ โหมิ กณฺฏกาปสฺสเย เสยฺยํ กปฺเปมิ [อิมสฺสานนฺตเร อฺโปิ โกจิ ปาปเทโส อฺเสุ อาชีวกวตทีปกสุตฺเตสุ ทิสฺสติ]; สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรามิ – อิติ เอวรูปํ อเนกวิหิตํ กายสฺส อาตาปนปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรามิ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, ตปสฺสิตาย โหติ.

๑๕๖. ‘‘ตตฺราสฺสุ เม อิทํ, สาริปุตฺต, ลูขสฺมึ โหติ – เนกวสฺสคณิกํ รโชชลฺลํ กาเย สนฺนิจิตํ โหติ ปปฏิกชาตํ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ตินฺทุกขาณุ เนกวสฺสคณิโก สนฺนิจิโต โหติ ปปฏิกชาโต, เอวเมวาสฺสุ เม, สาริปุตฺต, เนกวสฺสคณิกํ รโชชลฺลํ กาเย สนฺนิจิตํ โหติ ปปฏิกชาตํ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, น เอวํ โหติ – ‘อโห วตาหํ อิมํ รโชชลฺลํ ปาณินา ปริมชฺเชยฺยํ, อฺเ วา ปน เม อิมํ รโชชลฺลํ ปาณินา ปริมชฺเชยฺยุ’นฺติ. เอวมฺปิ เม, สาริปุตฺต, น โหติ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, ลูขสฺมึ โหติ.

‘‘ตตฺราสฺสุ เม อิทํ, สาริปุตฺต, เชคุจฺฉิสฺมึ โหติ – โส โข อหํ, สาริปุตฺต, สโตว อภิกฺกมามิ, สโตว ปฏิกฺกมามิ, ยาว อุทกพินฺทุมฺหิปิ เม ทยา ปจฺจุปฏฺิตา โหติ – ‘มาหํ ขุทฺทเก ปาเณ วิสมคเต สงฺฆาตํ อาปาเทสิ’นฺติ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, เชคุจฺฉิสฺมึ โหติ.

‘‘ตตฺราสฺสุ เม อิทํ, สาริปุตฺต, ปวิวิตฺตสฺมึ โหติ – โส โข อหํ, สาริปุตฺต, อฺตรํ อรฺายตนํ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรามิ. ยทา ปสฺสามิ โคปาลกํ วา ปสุปาลกํ วา ติณหารกํ วา กฏฺหารกํ วา วนกมฺมิกํ วา, วเนน วนํ คหเนน คหนํ นินฺเนน นินฺนํ ถเลน ถลํ สํปตามิ [ปปตามิ (สี. สฺยา. ปี.)]. ตํ กิสฺส เหตุ? มา มํ เต อทฺทสํสุ อหฺจ มา เต อทฺทสนฺติ. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, อารฺโก มโค มนุสฺเส ทิสฺวา วเนน วนํ คหเนน คหนํ นินฺเนน นินฺนํ ถเลน ถลํ สํปตติ, เอวเมว โข อหํ, สาริปุตฺต, ยทา ปสฺสามิ โคปาลกํ วา ปสุปาลกํ วา ติณหารกํ วา กฏฺหารกํ วา วนกมฺมิกํ วา วเนน วนํ คหเนน คหนํ นินฺเนน นินฺนํ ถเลน ถลํ สํปตามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? มา มํ เต อทฺทสํสุ อหฺจ มา เต อทฺทสนฺติ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, ปวิวิตฺตสฺมึ โหติ.

‘‘โส โข อหํ, สาริปุตฺต, เย เต โคฏฺา ปฏฺิตคาโว อปคตโคปาลกา, ตตฺถ จตุกฺกุณฺฑิโก อุปสงฺกมิตฺวา ยานิ ตานิ วจฺฉกานํ ตรุณกานํ เธนุปกานํ โคมยานิ ตานิ สุทํ อาหาเรมิ. ยาวกีวฺจ เม, สาริปุตฺต, สกํ มุตฺตกรีสํ อปริยาทินฺนํ โหติ, สกํเยว สุทํ มุตฺตกรีสํ อาหาเรมิ. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, มหาวิกฏโภชนสฺมึ โหติ.

๑๕๗. ‘‘โส โข อหํ, สาริปุตฺต, อฺตรํ ภึสนกํ วนสณฺฑํ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรามิ. ตตฺราสฺสุทํ, สาริปุตฺต, ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ โหติ – โย โกจิ อวีตราโค ตํ วนสณฺฑํ ปวิสติ, เยภุยฺเยน โลมานิ หํสนฺติ. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ยา ตา รตฺติโย สีตา เหมนฺติกา อนฺตรฏฺกา หิมปาตสมยา [อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเย (สี. ปี.)] ตถารูปาสุ รตฺตีสุ รตฺตึ อพฺโภกาเส วิหรามิ, ทิวา วนสณฺเฑ; คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ทิวา อพฺโภกาเส วิหรามิ, รตฺตึ วนสณฺเฑ. อปิสฺสุ มํ, สาริปุตฺต, อยํ อนจฺฉริยคาถา ปฏิภาสิ ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา –

‘‘โสตตฺโต โสสินฺโน [โสสีโน (สี. ปี. ก.), โสสิโน (สฺยา.), โสสินฺโท (สทฺทนีติ)] เจว, เอโก ภึสนเก วเน;

นคฺโค น จคฺคิมาสีโน, เอสนาปสุโต มุนี’’ติ.

‘‘โส โข อหํ, สาริปุตฺต, สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ ฉวฏฺิกานิ อุปธาย. อปิสฺสุ มํ, สาริปุตฺต, คามณฺฑลา [โคมณฺฑลา (พหูสุ) จริยาปิฏกอฏฺกถา โอโลเกตพฺพา] อุปสงฺกมิตฺวา โอฏฺุภนฺติปิ, โอมุตฺเตนฺติปิ, ปํสุเกนปิ โอกิรนฺติ, กณฺณโสเตสุปิ สลากํ ปเวเสนฺติ. น โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, อภิชานามิ เตสุ ปาปกํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตา. อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, อุเปกฺขาวิหารสฺมึ โหติ.

๑๕๘. ‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อาหาเรน สุทฺธี’ติ. เต เอวมาหํสุ – ‘โกเลหิ ยาเปมา’ติ. เต โกลมฺปิ ขาทนฺติ, โกลจุณฺณมฺปิ ขาทนฺติ, โกโลทกมฺปิ ปิวนฺติ – อเนกวิหิตมฺปิ โกลวิกตึ ปริภุฺชนฺติ. อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกํเยว โกลํ อาหารํ อาหาริตา. สิยา โข ปน เต, สาริปุตฺต, เอวมสฺส – ‘มหา นูน เตน สมเยน โกโล อโหสี’ติ. น โข ปเนตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตทาปิ เอตปรโมเยว โกโล อโหสิ เสยฺยถาปิ เอตรหิ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, เอกํเยว โกลํ อาหารํ อาหารยโต อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺิกณฺฏโก อุนฺนตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปานสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุอามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สํผุฏิโต [สมฺผุสิโต (สฺยา.), สํปุฏิโต (ปี. ก.) เอตฺถ สํผุฏิโตติ สงฺกุจิโตติ อตฺโถ] โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สํผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ‘อุทรจฺฉวึ ปริมสิสฺสามี’ติ ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ‘ปิฏฺิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามี’ติ อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามิ, ยาวสฺสุ เม, สาริปุตฺต, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ‘วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามี’ติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ตเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อโนมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, ปาณินา คตฺตานิ อโนมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย.

๑๕๙. ‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อาหาเรน สุทฺธี’ติ. เต เอวมาหํสุ – ‘มุคฺเคหิ ยาเปม…เป… ติเลหิ ยาเปม…เป… ตณฺฑุเลหิ ยาเปมา’ติ. เต ตณฺฑุลมฺปิ ขาทนฺติ, ตณฺฑุลจุณฺณมฺปิ ขาทนฺติ, ตณฺฑุโลทกมฺปิ ปิวนฺติ – อเนกวิหิตมฺปิ ตณฺฑุลวิกตึ ปริภุฺชนฺติ. อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, เอกํเยว ตณฺฑุลํ อาหารํ อาหาริตา. สิยา โข ปน เต, สาริปุตฺต, เอวมสฺส – ‘มหา นูน เตน สมเยน ตณฺฑุโล อโหสี’ติ. น โข ปเนตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตทาปิ เอตปรโมเยว ตณฺฑุโล อโหสิ, เสยฺยถาปิ เอตรหิ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, เอกํเยว ตณฺฑุลํ อาหารํ อาหารยโต อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เสยฺยถาปิ นาม อาสีติกปพฺพานิ วา กาฬปพฺพานิ วา, เอวเมวสฺสุ เม องฺคปจฺจงฺคานิ ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม โอฏฺปทํ, เอวเมวสฺสุ เม อานิสทํ โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม วฏฺฏนาวฬี, เอวเมวสฺสุ เม ปิฏฺิกณฺฏโก อุนฺนตาวนโต โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ชรสาลาย โคปานสิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม ผาสุฬิโย โอลุคฺควิลุคฺคา ภวนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม คมฺภีเร อุทปาเน อุทกตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ, เอวเมวสฺสุ เม อกฺขิกูเปสุ อกฺขิตารกา คมฺภีรคตา โอกฺขายิกา ทิสฺสนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย. เสยฺยถาปิ นาม ติตฺตกาลาพุ อามกจฺฉินฺโน วาตาตเปน สํผุฏิโต โหติ สมฺมิลาโต, เอวเมวสฺสุ เม สีสจฺฉวิ สํผุฏิตา โหติ สมฺมิลาตา ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ‘อุทรจฺฉวึ ปริมสิสฺสามี’ติ ปิฏฺิกณฺฏกํเยว ปริคฺคณฺหามิ, ‘ปิฏฺิกณฺฏกํ ปริมสิสฺสามี’ติ อุทรจฺฉวึเยว ปริคฺคณฺหามิ. ยาวสฺสุ เม, สาริปุตฺต, อุทรจฺฉวิ ปิฏฺิกณฺฏกํ อลฺลีนา โหติ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ‘วจฺจํ วา มุตฺตํ วา กริสฺสามี’ติ ตตฺเถว อวกุชฺโช ปปตามิ ตาเยวปฺปาหารตาย. โส โข อหํ, สาริปุตฺต, ตเมว กายํ อสฺสาเสนฺโต ปาณินา คตฺตานิ อโนมชฺชามิ. ตสฺส มยฺหํ, สาริปุตฺต, ปาณินา คตฺตานิ อโนมชฺชโต ปูติมูลานิ โลมานิ กายสฺมา ปตนฺติ ตาเยวปฺปาหารตาย.

‘‘ตายปิ โข อหํ, สาริปุตฺต, อิริยาย ตาย ปฏิปทาย ตาย ทุกฺกรการิกาย นาชฺฌคมํ อุตฺตรึ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสสํ. ตํ กิสฺส เหตุ? อิมิสฺสาเยว อริยาย ปฺาย อนธิคมา, ยายํ อริยา ปฺา อธิคตา อริยา นิยฺยานิกา, นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย.

๑๖๐. ‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘สํสาเรน สุทฺธี’ติ. น โข ปน โส [น โข ปเนโส (สี. สฺยา.)], สาริปุตฺต, สํสาโร สุลภรูโป โย มยา อสํสริตปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหิ. สุทฺธาวาเส จาหํ, สาริปุตฺต, เทเว สํสเรยฺยํ, นยิมํ โลกํ ปุนราคจฺเฉยฺยํ.

‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อุปปตฺติยา สุทฺธี’ติ. น โข ปน สา, สาริปุตฺต, อุปปตฺติ สุลภรูปา ยา มยา อนุปปนฺนปุพฺพา อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหิ. สุทฺธาวาเส จาหํ, สาริปุตฺต, เทเว อุปปชฺเชยฺยํ, นยิมํ โลกํ ปุนราคจฺเฉยฺยํ.

‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อาวาเสน สุทฺธี’ติ. น โข ปน โส, สาริปุตฺต, อาวาโส สุลภรูโป โย มยา อนาวุฏฺปุพฺโพ [อนาวุตฺถปุพฺโพ (สี. ปี.)] อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, อฺตฺร สุทฺธาวาเสหิ เทเวหิ. สุทฺธาวาเส จาหํ, สาริปุตฺต, เทเว อาวเสยฺยํ, นยิมํ โลกํ ปุนราคจฺเฉยฺยํ.

‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยฺเน สุทฺธี’ติ. น โข ปน โส, สาริปุตฺต, ยฺโ สุลภรูโป โย มยา อยิฏฺปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, ตฺจ โข รฺา วา สตา ขตฺติเยน มุทฺธาวสิตฺเตน พฺราหฺมเณน วา มหาสาเลน.

‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘อคฺคิปริจริยาย สุทฺธี’ติ. น โข ปน โส, สาริปุตฺต, อคฺคิ สุลภรูโป โย มยา อปริจิณฺณปุพฺโพ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา, ตฺจ โข รฺา วา สตา ขตฺติเยน มุทฺธาวสิตฺเตน พฺราหฺมเณน วา มหาสาเลน.

๑๖๑. ‘‘สนฺติ โข ปน, สาริปุตฺต, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน – ‘ยาวเทวายํ ภวํ ปุริโส ทหโร โหติ ยุวา สุสุกาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต ปเมน วยสา ตาวเทว ปรเมน ปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต โหติ. ยโต จ โข อยํ ภวํ ปุริโส ชิณฺโณ โหติ วุทฺโธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, อาสีติโก วา นาวุติโก วา วสฺสสติโก วา ชาติยา, อถ ตมฺหา ปฺาเวยฺยตฺติยา, ปริหายตี’ติ. น โข ปเนตํ, สาริปุตฺต, เอวํ ทฏฺพฺพํ. อหํ โข ปน, สาริปุตฺต, เอตรหิ ชิณฺโณ วุทฺโธ มหลฺลโก อทฺธคโต วโยอนุปฺปตฺโต, อาสีติโก เม วโย วตฺตติ. อิธ เม อสฺสุ, สาริปุตฺต, จตฺตาโร สาวกา วสฺสสตายุกา วสฺสสตชีวิโน, ปรมาย สติยา จ คติยา จ ธิติยา จ สมนฺนาคตา ปรเมน จ ปฺาเวยฺยตฺติเยน. เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ทฬฺหธมฺมา [ทฬฺหธมฺโม (พหูสุ) ฏีกา จ โมคฺคลฺลานพฺยากรณํ จ โอโลเกตพฺพํ] ธนุคฺคโห สิกฺขิโต กตหตฺโถ กตูปาสโน ลหุเกน อสเนน อปฺปกสิเรเนว ติริยํ ตาลจฺฉายํ อติปาเตยฺย, เอวํ อธิมตฺตสติมนฺโต เอวํ อธิมตฺตคติมนฺโต เอวํ อธิมตฺตธิติมนฺโต เอวํ ปรเมน ปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคตา. เต มํ จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ อุปาทายุปาทาย ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยุํ, ปุฏฺโ ปุฏฺโ จาหํ เตสํ พฺยากเรยฺยํ, พฺยากตฺจ เม พฺยากตโต ธาเรยฺยุํ, น จ มํ ทุติยกํ อุตฺตริ ปฏิปุจฺเฉยฺยุํ. อฺตฺร อสิตปีตขายิตสายิตา อฺตฺร อุจฺจารปสฺสาวกมฺมา, อฺตฺร นิทฺทากิลมถปฏิวิโนทนา อปริยาทินฺนาเยวสฺส, สาริปุตฺต, ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนา, อปริยาทินฺนํเยวสฺส ตถาคตสฺส ธมฺมปทพฺยฺชนํ, อปริยาทินฺนํเยวสฺส ตถาคตสฺส ปฺหปฏิภานํ. อถ เม เต จตฺตาโร สาวกา วสฺสสตายุกา วสฺสสตชีวิโน วสฺสสตสฺส อจฺจเยน กาลํ กเรยฺยุํ. มฺจเกน เจปิ มํ, สาริปุตฺต, ปริหริสฺสถ, เนวตฺถิ ตถาคตสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยสฺส อฺถตฺตํ. ยํ โข ตํ [ยํ โข ปเนตํ (สี.)], สาริปุตฺต, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อสมฺโมหธมฺโม สตฺโต โลเก อุปฺปนฺโน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติ, มเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย ‘อสมฺโมหธมฺโม สตฺโต โลเก อุปฺปนฺโน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’’นฺติ.

๑๖๒. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคสมาโล ภควโต ปิฏฺิโต ิโต โหติ ภควนฺตํ พีชยมาโน. อถ โข อายสฺมา นาคสมาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต! อปิ หิ เม, ภนฺเต, อิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา โลมานิ หฏฺานิ. โกนาโม อยํ, ภนฺเต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, นาคสมาล, อิมํ ธมฺมปริยายํ โลมหํสนปริยาโย ตฺเวว นํ ธาเรหี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา นาคสมาโล ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.

มหาสีหนาทสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.

๓. มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ

๑๖๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสึสุ. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ, ยํ นูน มยํ เยน อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยามา’’ติ. อถ โข เต ภิกฺขู เยน อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อฺติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ สมฺโมทึสุ; สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข เต ภิกฺขู เต อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ – ‘‘สมโณ, อาวุโส, โคตโม กามานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ กามานํ ปริฺํ ปฺเปม; สมโณ, อาวุโส, โคตโม รูปานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ รูปานํ ปริฺํ ปฺเปม; สมโณ, อาวุโส, โคตโม เวทนานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ เวทนานํ ปริฺํ ปฺเปม; อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส, โก อธิปฺปยาโส, กึ นานากรณํ สมณสฺส วา โคตมสฺส อมฺหากํ วา – ยทิทํ ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนํ, อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’’นฺติ? อถ โข เต ภิกฺขู เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว อภินนฺทึสุ, นปฺปฏิกฺโกสึสุ; อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ – ‘‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามา’’ติ.

๑๖๔. อถ โข เต ภิกฺขู สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิธ มยํ, ภนฺเต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิมฺห. เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อติปฺปโค โข ตาว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตุํ, ยํ นูน มยํ เยน อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกเมยฺยามา’ติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยน อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ อาราโม เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา เตหิ อฺติตฺถิเยหิ ปริพฺพาชเกหิ สทฺธึ สมฺโมทิมฺห; สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิมฺห. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข อมฺเห, ภนฺเต, เต อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอตทโวจุํ – ‘สมโณ, อาวุโส, โคตโม กามานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ กามานํ ปริฺํ ปฺเปม. สมโณ, อาวุโส, โคตโม รูปานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ รูปานํ ปริฺํ ปฺเปม. สมโณ, อาวุโส, โคตโม เวทนานํ ปริฺํ ปฺเปติ, มยมฺปิ เวทนานํ ปริฺํ ปฺเปม. อิธ โน, อาวุโส, โก วิเสโส, โก อธิปฺปยาโส, กึ นานากรณํ สมณสฺส วา โคตมสฺส อมฺหากํ วา, ยทิทํ ธมฺมเทสนาย วา ธมฺมเทสนํ อนุสาสนิยา วา อนุสาสนิ’นฺติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ภาสิตํ เนว อภินนฺทิมฺห, นปฺปฏิกฺโกสิมฺห; อนภินนฺทิตฺวา อปฺปฏิกฺโกสิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมิมฺห – ‘ภควโต สนฺติเก เอตสฺส ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานิสฺสามา’’’ติ.

๑๖๕. ‘‘เอวํวาทิโน, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา เอวมสฺสุ วจนียา – ‘โก ปนาวุโส, กามานํ อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณํ? โก รูปานํ อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณํ? โก เวทนานํ อสฺสาโท, โก อาทีนโว, กึ นิสฺสรณ’นฺติ? เอวํ ปุฏฺา, ภิกฺขเว, อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา น เจว สมฺปายิสฺสนฺติ, อุตฺตริฺจ วิฆาตํ อาปชฺชิสฺสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ยถา ตํ, ภิกฺขเว, อวิสยสฺมึ. นาหํ ตํ, ภิกฺขเว, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย โย อิเมสํ ปฺหานํ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺย, อฺตฺร ตถาคเตน วา ตถาคตสาวเกน วา, อิโต วา ปน สุตฺวา.

๑๖๖. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, กามานํ อสฺสาโท? ปฺจิเม, ภิกฺขเว, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา … ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, ภิกฺขเว, ปฺจ กามคุณา. ยํ โข, ภิกฺขเว, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ – อยํ กามานํ อสฺสาโท.

๑๖๗. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว? อิธ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺโต เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ – ยทิ มุทฺทาย ยทิ คณนาย ยทิ สงฺขาเนน [สงฺขาย (ก.)] ยทิ กสิยา ยทิ วณิชฺชาย ยทิ โครกฺเขน ยทิ อิสฺสตฺเถน ยทิ ราชโปริเสน ยทิ สิปฺปฺตเรน – สีตสฺส ปุรกฺขโต อุณฺหสฺส ปุรกฺขโต ฑํสมกสวาตาตปสรีํสปสมฺผสฺเสหิ ริสฺสมาโน [อีรยมาโน (ก.), สมฺผสฺสมาโน (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺต ๑๓๖)] ขุปฺปิปาสาย มียมาโน; อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา นาภินิปฺผชฺชนฺติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ – ‘โมฆํ วต เม อุฏฺานํ, อผโล วต เม วายาโม’ติ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา อภินิปฺผชฺชนฺติ. โส เตสํ โภคานํ อารกฺขาธิกรณํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ – ‘กินฺติ เม โภเค เนว ราชาโน หเรยฺยุํ, น โจรา หเรยฺยุํ, น อคฺคิ ทเหยฺย, น อุทกํ วเหยฺย [วาเหยฺย (ก.)], น อปฺปิยา ทายาทา หเรยฺยุ’นฺติ. ตสฺส เอวํ อารกฺขโต โคปยโต เต โภเค ราชาโน วา หรนฺติ, โจรา วา หรนฺติ, อคฺคิ วา ทหติ, อุทกํ วา วหติ, อปฺปิยา วา ทายาทา หรนฺติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ – ‘ยมฺปิ เม อโหสิ ตมฺปิ โน นตฺถี’ติ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

๑๖๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปตีปิ คหปตีหิ วิวทนฺติ, มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภาตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ, ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติ. เต ตตฺถ กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺนา อฺมฺํ ปาณีหิปิ อุปกฺกมนฺติ, เลฑฺฑูหิปิ อุปกฺกมนฺติ, ทณฺเฑหิปิ อุปกฺกมนฺติ, สตฺเถหิปิ อุปกฺกมนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อุภโตพฺยูฬฺหํ สงฺคามํ ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุ. เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อทฺทาวเลปนา [อฏฺฏาวเลปนา (สฺยา. ก.)] อุปการิโย ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุ. เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, ฉกณกายปิ [ปกฏฺิยาปิ (สี.)] โอสิฺจนฺติ, อภิวคฺเคนปิ โอมทฺทนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

๑๖๙. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นิลฺโลปมฺปิ หรนฺติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรนฺติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺนฺติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉนฺติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ – กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺติ, อฑฺฒทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ; หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ; พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีกมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. เต กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว สมฺปรายิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

๑๗๐. ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, กามานํ นิสฺสรณํ? โย โข, ภิกฺขเว, กาเมสุ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ – อิทํ กามานํ นิสฺสรณํ.

‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ กามานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ เต วต สามํ วา กาเม ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน กาเม ปริชานิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ กามานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต วต สามํ วา กาเม ปริชานิสฺสนฺติ ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน กาเม ปริชานิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ.

๑๗๑. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, รูปานํ อสฺสาโท? เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ขตฺติยกฺา วา พฺราหฺมณกฺา วา คหปติกฺา วา ปนฺนรสวสฺสุทฺเทสิกา วา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วา, นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬี นาจฺโจทาตา ปรมา สา, ภิกฺขเว, ตสฺมึ สมเย สุภา วณฺณนิภาติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. ยํ โข, ภิกฺขเว, สุภํ วณฺณนิภํ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ – อยํ รูปานํ อสฺสาโท.

‘‘โก จ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว? อิธ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย อปเรน สมเยน อาสีติกํ วา นาวุติกํ วา วสฺสสติกํ วา ชาติยา, ชิณฺณํ โคปานสิวงฺกํ โภคฺคํ ทณฺฑปรายนํ ปเวธมานํ คจฺฉนฺตึ อาตุรํ คตโยพฺพนํ ขณฺฑทนฺตํ [ขณฺฑทนฺตึ (สี. ปี.)] ปลิตเกสํ [ปลิตเกสึ], วิลูนํ ขลิตสิรํ วลินํ ติลกาหตคตฺตํ [ติลกาหตคตฺตึ (พหูสุ) อฏฺกถา ฏีกา โอโลเกตพฺพา]. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย อาพาธิกํ ทุกฺขิตํ พาฬฺหคิลานํ, สเก มุตฺตกรีเส ปลิปนฺนํ เสมานํ [เสยฺยมานํ (ก.)], อฺเหิ วุฏฺาปิยมานํ, อฺเหิ สํเวสิยมานํ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.

๑๗๒. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ – เอกาหมตํ วา ทฺวีหมตํ วา ตีหมตํ วา, อุทฺธุมาตกํ วินีลกํ วิปุพฺพกชาตํ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ – กาเกหิ วา ขชฺชมานํ, กุลเลหิ วา ขชฺชมานํ, คิชฺเฌหิ วา ขชฺชมานํ, กงฺเกหิ วา ขชฺชมานํ, สุนเขหิ วา ขชฺชมานํ, พฺยคฺเฆหิ วา ขชฺชมานํ, ทีปีหิ วา ขชฺชมานํ, สิงฺคาเลหิ วา ขชฺชมานํ, วิวิเธหิ วา ปาณกชาเตหิ ขชฺชมานํ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ – อฏฺิกสงฺขลิกํ สมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ, อฏฺิกสงฺขลิกํ นิมํสโลหิตมกฺขิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ, อฏฺิกสงฺขลิกํ อปคตมํสโลหิตํ นฺหารุสมฺพนฺธํ, อฏฺิกานิ อปคตสมฺพนฺธานิ ทิสาวิทิสาวิกฺขิตฺตานิ – อฺเน หตฺถฏฺิกํ, อฺเน ปาทฏฺิกํ, อฺเน โคปฺผกฏฺิกํ, อฺเน ชงฺฆฏฺิกํ, อฺเน อูรุฏฺิกํ, อฺเน กฏิฏฺิกํ, อฺเน ผาสุกฏฺิกํ, อฺเน ปิฏฺิฏฺิกํ, อฺเน ขนฺธฏฺิกํ, อฺเน คีวฏฺิกํ, อฺเน หนุกฏฺิกํ, อฺเน ทนฺตฏฺิกํ, อฺเน สีสกฏาหํ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ตเมว ภคินึ ปสฺเสยฺย สรีรํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ – อฏฺิกานิ เสตานิ สงฺขวณฺณปฏิภาคานิ, อฏฺิกานิ ปุฺชกิตานิ เตโรวสฺสิกานิ, อฏฺิกานิ ปูตีนิ จุณฺณกชาตานิ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยา ปุริมา สุภา วณฺณนิภา สา อนฺตรหิตา, อาทีนโว ปาตุภูโตติ? ‘เอวํ, ภนฺเต’. อยมฺปิ, ภิกฺขเว, รูปานํ อาทีนโว.

‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, รูปานํ นิสฺสรณํ? โย, ภิกฺขเว, รูเปสุ ฉนฺทราควินโย ฉนฺทราคปฺปหานํ – อิทํ รูปานํ นิสฺสรณํ.

‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ รูปานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ เต วต สามํ วา รูเป ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน รูเป ปริชานิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ รูปานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ เต วต สามํ วา รูเป ปริชานิสฺสนฺติ ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน รูเป ปริชานิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ.

๑๗๓. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อสฺสาโท? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เนว ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ; อพฺยาพชฺฌํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. อพฺยาพชฺฌปรมาหํ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อสฺสาทํ วทามิ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป… ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา, อุเปกฺขโก จ วิหรติ, สโต จ สมฺปชาโน สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ…เป… ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เนว ตสฺมึ สมเย อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ; อพฺยาพชฺฌํเยว ตสฺมึ สมเย เวทนํ เวเทติ. อพฺยาพชฺฌปรมาหํ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อสฺสาทํ วทามิ.

๑๗๔. ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, เวทนานํ อาทีนโว? ยํ, ภิกฺขเว, เวทนา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา – อยํ เวทนานํ อาทีนโว.

‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, เวทนานํ นิสฺสรณํ? โย, ภิกฺขเว, เวทนาสุ ฉนฺทราควินโย, ฉนฺทราคปฺปหานํ – อิทํ เวทนานํ นิสฺสรณํ.

‘‘เย หิ เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ เวทนานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ นปฺปชานนฺติ, เต วต สามํ วา เวทนํ ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน เวทนํ ปริชานิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เย จ โข เกจิ, ภิกฺขเว, สมณา วา พฺราหฺมณา วา เอวํ เวทนานํ อสฺสาทฺจ อสฺสาทโต อาทีนวฺจ อาทีนวโต นิสฺสรณฺจ นิสฺสรณโต ยถาภูตํ ปชานนฺติ เต วต สามํ วา เวทนํ ปริชานิสฺสนฺติ, ปรํ วา ตถตฺตาย สมาทเปสฺสนฺติ ยถา ปฏิปนฺโน เวทนํ ปริชานิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชตี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

มหาทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.

๔. จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ

๑๗๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม. อถ โข มหานาโม สกฺโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มหานาโม สกฺโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทีฆรตฺตาหํ, ภนฺเต, ภควตา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘โลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โทโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โมโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ. เอวฺจาหํ [เอวํปาหํ (ก.)], ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘โลโภ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โทโส จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส, โมโห จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ. อถ จ ปน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ – ‘โกสุ นาม เม ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน เยน เม เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺตี’’’ติ.

๑๗๖. ‘‘โส เอว โข เต, มหานาม, ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน เยน เต เอกทา โลภธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โทสธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ, โมหธมฺมาปิ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ. โส จ หิ เต, มหานาม, ธมฺโม อชฺฌตฺตํ ปหีโน อภวิสฺส, น ตฺวํ อคารํ อชฺฌาวเสยฺยาสิ, น กาเม ปริภุฺเชยฺยาสิ. ยสฺมา จ โข เต, มหานาม, โส เอว ธมฺโม อชฺฌตฺตํ อปฺปหีโน ตสฺมา ตฺวํ อคารํ อชฺฌาวสสิ, กาเม ปริภุฺชสิ.

๑๗๗. ‘‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว [พหูปายาสา (สี. สฺยา. ปี.)] เอตฺถ ภิยฺโย’ติ – อิติ เจปิ, มหานาม, อริยสาวกสฺส ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ โหติ, โส จ [โสว (ก.)] อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ นาธิคจฺฉติ, อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถ โข โส เนว ตาว อนาวฏฺฏี กาเมสุ โหติ. ยโต จ โข, มหานาม, อริยสาวกสฺส ‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ โหติ, โส จ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ อธิคจฺฉติ อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถ โข โส อนาวฏฺฏี กาเมสุ โหติ.

‘‘มยฺหมฺปิ โข, มหานาม, ปุพฺเพว สมฺโพธา, อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต, ‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ โหติ, โส จ อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ นาชฺฌคมํ, อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถ ขฺวาหํ เนว ตาว อนาวฏฺฏี กาเมสุ ปจฺจฺาสึ. ยโต จ โข เม, มหานาม, ‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ อโหสิ, โส จ [โสว (ก.)] อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ปีติสุขํ อชฺฌคมํ, อฺํ วา ตโต สนฺตตรํ; อถาหํ อนาวฏฺฏี กาเมสุ ปจฺจฺาสึ.

๑๗๘. ‘‘โก จ, มหานาม, กามานํ อสฺสาโท? ปฺจิเม, มหานาม, กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา; โสตวิฺเยฺยา สทฺทา…เป… ฆานวิฺเยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิฺเยฺยา รสา… กายวิฺเยฺยา โผฏฺพฺพา อิฏฺา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา – อิเม โข, มหานาม, ปฺจ กามคุณา. ยํ โข, มหานาม, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ – อยํ กามานํ อสฺสาโท.

‘‘โก จ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว? อิธ, มหานาม, กุลปุตฺโต เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ – ยทิ มุทฺทาย ยทิ คณนาย ยทิ สงฺขาเนน ยทิ กสิยา ยทิ วณิชฺชาย ยทิ โครกฺเขน ยทิ อิสฺสตฺเถน ยทิ ราชโปริเสน ยทิ สิปฺปฺตเรน, สีตสฺส ปุรกฺขโต อุณฺหสฺส ปุรกฺขโต ฑํสมกสวาตาตปสรีํสปสมฺผสฺเสหิ ริสฺสมาโน ขุปฺปิปาสาย มียมาโน; อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ตสฺส เจ มหานาม กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา นาภินิปฺผชฺชนฺติ, โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ ‘โมฆํ วต เม อุฏฺานํ, อผโล วต เม วายาโม’ติ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ตสฺส เจ, มหานาม, กุลปุตฺตสฺส เอวํ อุฏฺหโต ฆฏโต วายมโต เต โภคา อภินิปฺผชฺชนฺติ. โส เตสํ โภคานํ อารกฺขาธิกรณํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ – ‘กินฺติ เม โภเค เนว ราชาโน หเรยฺยุํ, น โจรา หเรยฺยุํ, น อคฺคิ ทเหยฺย, น อุทกํ วเหยฺย, น อปฺปิยา วา ทายาทา หเรยฺยุ’นฺติ. ตสฺส เอวํ อารกฺขโต โคปยโต เต โภเค ราชาโน วา หรนฺติ, โจรา วา หรนฺติ, อคฺคิ วา ทหติ, อุทกํ วา วหติ, อปฺปิยา วา ทายาทา หรนฺติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ – ‘ยมฺปิ เม อโหสิ ตมฺปิ โน นตฺถี’ติ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ ราชาโนปิ ราชูหิ วิวทนฺติ, ขตฺติยาปิ ขตฺติเยหิ วิวทนฺติ, พฺราหฺมณาปิ พฺราหฺมเณหิ วิวทนฺติ, คหปตีปิ คหปตีหิ วิวทนฺติ, มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ มาตรา วิวทติ, ปิตาปิ ปุตฺเตน วิวทติ, ปุตฺโตปิ ปิตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภาตรา วิวทติ, ภาตาปิ ภคินิยา วิวทติ, ภคินีปิ ภาตรา วิวทติ, สหาโยปิ สหาเยน วิวทติ. เต ตตฺถ กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺนา อฺมฺํ ปาณีหิปิ อุปกฺกมนฺติ, เลฑฺฑูหิปิ อุปกฺกมนฺติ, ทณฺเฑหิปิ อุปกฺกมนฺติ, สตฺเถหิปิ อุปกฺกมนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อุภโตพฺยูฬฺหํ สงฺคามํ ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุ. เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ อสิจมฺมํ คเหตฺวา, ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา, อทฺทาวเลปนา อุปการิโย ปกฺขนฺทนฺติ อุสูสุปิ ขิปฺปมาเนสุ, สตฺตีสุปิ ขิปฺปมานาสุ, อสีสุปิ วิชฺโชตลนฺเตสุ. เต ตตฺถ อุสูหิปิ วิชฺฌนฺติ, สตฺติยาปิ วิชฺฌนฺติ, ฉกณกายปิ โอสิฺจนฺติ, อภิวคฺเคนปิ โอมทฺทนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ สนฺธิมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นิลฺโลปมฺปิ หรนฺติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรนฺติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺนฺติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉนฺติ. ตเมนํ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ – กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวตฺเตหิปิ ตาเฬนฺติ, อฑฺฒทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ; หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ, ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ; พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปชฺโชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พฬิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีกมฺปิ กโรนฺติ, ตตฺเตนปิ เตเลน โอสิฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ. เต ตตฺถ มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ, มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สนฺทิฏฺิโก ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

‘‘ปุน จปรํ, มหานาม, กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ กาเยน ทุจฺจริตํ จรนฺติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรนฺติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรนฺติ. เต กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา, อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ. อยมฺปิ, มหานาม, กามานํ อาทีนโว สมฺปรายิโก, ทุกฺขกฺขนฺโธ กามเหตุ กามนิทานํ กามาธิกรณํ กามานเมว เหตุ.

๑๗๙. ‘‘เอกมิทาหํ, มหานาม, สมยํ ราชคเห วิหรามิ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา นิคณฺา [นิคนฺถา (สฺยา. ก.)] อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลายํ อุพฺภฏฺกา โหนฺติ อาสนปฏิกฺขิตฺตา, โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยนฺติ. อถ ขฺวาหํ, มหานาม, สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน อิสิคิลิปสฺเส กาฬสิลา เยน เต นิคณฺา เตนุปสงฺกมึ; อุปสงฺกมิตฺวา เต นิคณฺเ เอตทโวจํ – ‘กินฺนุ ตุมฺเห, อาวุโส, นิคณฺา อุพฺภฏฺกา อาสนปฏิกฺขิตฺตา, โอปกฺกมิกา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา เวทยถา’ติ? เอวํ วุตฺเต, มหานาม, เต นิคณฺา มํ เอตทโวจุํ – ‘นิคณฺโ, อาวุโส, นาฏปุตฺโต [นาถปุตฺโต (สี. ปี.)] สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี อปริเสสํ าณทสฺสนํ ปฏิชานาติ – ‘‘จรโต จ เม ติฏฺโต จ สุตฺตสฺส จ ชาครสฺส จ สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิต’’นฺติ. โส เอวมาห – ‘‘อตฺถิ โข โว [อตฺถิ โข โภ (สฺยา. ก.)], นิคณฺา, ปุพฺเพ ปาปกมฺมํ กตํ, ตํ อิมาย กฏุกาย ทุกฺกรการิกาย นิชฺชีเรถ [นิชฺชเรถ (สี. สฺยา. ปี.)]; ยํ ปเนตฺถ [มยํ ปเนตฺถ (ก.)] เอตรหิ กาเยน สํวุตา วาจาย สํวุตา มนสา สํวุตา ตํ อายตึ ปาปสฺส กมฺมสฺส อกรณํ; อิติ ปุราณานํ กมฺมานํ ตปสา พฺยนฺติภาวา, นวานํ กมฺมานํ อกรณา, อายตึ อนวสฺสโว; อายตึ อนวสฺสวา กมฺมกฺขโย, กมฺมกฺขยา ทุกฺขกฺขโย, ทุกฺขกฺขยา เวทนากฺขโย, เวทนากฺขยา สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสตี’’ติ. ตฺจ ปนมฺหากํ รุจฺจติ เจว ขมติ จ, เตน จมฺห อตฺตมนา’ติ.

๑๘๐. ‘‘เอวํ วุตฺเต, อหํ, มหานาม, เต นิคณฺเ เอตทโวจํ – ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – อหุวมฺเหว มยํ ปุพฺเพ น นาหุวมฺหา’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’. ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – อกรมฺเหว มยํ ปุพฺเพ ปาปกมฺมํ น นากรมฺหา’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’. ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – เอวรูปํ วา เอวรูปํ วา ปาปกมฺมํ อกรมฺหา’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’. ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ, เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชีเรตพฺพํ, เอตฺตกมฺหิ วา ทุกฺเข นิชฺชิณฺเณ สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสตี’ติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’. ‘กึ ปน ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, ชานาถ – ทิฏฺเว ธมฺเม อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปท’นฺติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’.

‘‘‘อิติ กิร ตุมฺเห, อาวุโส นิคณฺา, น ชานาถ – อหุวมฺเหว มยํ ปุพฺเพ น นาหุวมฺหาติ, น ชานาถ – อกรมฺเหว มยํ ปุพฺเพ ปาปกมฺมํ น นากรมฺหาติ, น ชานาถ – เอวรูปํ วา เอวรูปํ วา ปาปกมฺมํ อกรมฺหาติ, น ชานาถ – เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ, เอตฺตกํ วา ทุกฺขํ นิชฺชีเรตพฺพํ, เอตฺตกมฺหิ วา ทุกฺเข นิชฺชิณฺเณ สพฺพํ ทุกฺขํ นิชฺชิณฺณํ ภวิสฺสตีติ. น ชานาถ – ทิฏฺเว ธมฺเม อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทํ. เอวํ สนฺเต, อาวุโส นิคณฺา, เย โลเก ลุทฺทา โลหิตปาณิโน กุรูรกมฺมนฺตา มนุสฺเสสุ ปจฺจาชาตา เต นิคณฺเสุ ปพฺพชนฺตี’ติ? ‘น โข, อาวุโส โคตม, สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพํ; สุเขน จาวุโส โคตม, สุขํ อธิคนฺตพฺพํ อภวิสฺส, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขํ อธิคจฺเฉยฺย, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขวิหาริตโร อายสฺมตา โคตเมนา’ติ.

‘‘‘อทฺธายสฺมนฺเตหิ นิคณฺเหิ สหสา อปฺปฏิสงฺขา วาจา ภาสิตา – น โข, อาวุโส โคตม, สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพํ; สุเขน จาวุโส โคตม, สุขํ อธิคนฺตพฺพํ อภวิสฺส, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขํ อธิคจฺเฉยฺย, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขวิหาริตโร อายสฺมตา โคตเมนา’’ติ. อปิ จ อหเมว ตตฺถ ปฏิปุจฺฉิตพฺโพ – โก นุ โข อายสฺมนฺตานํ สุขวิหาริตโร ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อายสฺมา วา โคตโม’ติ? อทฺธาวุโส โคตม, อมฺเหหิ สหสา อปฺปฏิสงฺขา วาจา ภาสิตา, น โข, อาวุโส โคตม, สุเขน สุขํ อธิคนฺตพฺพํ, ทุกฺเขน โข สุขํ อธิคนฺตพฺพํ; สุเขน จาวุโส โคตม, สุขํ อธิคนฺตพฺพํ อภวิสฺส, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขํ อธิคจฺเฉยฺย, ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร สุขวิหาริตโร อายสฺมตา โคตเมนาติ. อปิ จ ติฏฺเตตํ, อิทานิปิ มยํ อายสฺมนฺตํ โคตมํ ปุจฺฉาม – โก นุ โข อายสฺมนฺตานํ สุขวิหาริตโร ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อายสฺมา วา โคตโม’ติ?

‘‘‘เตน หาวุโส นิคณฺา, ตุมฺเหว ตตฺถ ปฏิปุจฺฉิสฺสามิ, ยถา โว ขเมยฺย ตถา นํ พฺยากเรยฺยาถ. ตํ กึ มฺถาวุโส นิคณฺา, ปโหติ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร, อนิฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, สตฺต รตฺตินฺทิวานิ เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวที วิหริตุ’นฺติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’.

‘‘‘ตํ กึ มฺถาวุโส นิคณฺา, ปโหติ ราชา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร, อนิฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, ฉ รตฺตินฺทิวานิ…เป… ปฺจ รตฺตินฺทิวานิ… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ… ทฺเว รตฺตินฺทิวานิ… เอกํ รตฺตินฺทิวํ เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวที วิหริตุ’นฺติ? ‘โน หิทํ, อาวุโส’.

‘‘‘อหํ โข, อาวุโส นิคณฺา, ปโหมิ อนิฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, เอกํ รตฺตินฺทิวํ เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวที วิหริตุํ. อหํ โข, อาวุโส นิคณฺา, ปโหมิ อนิฺชมาโน กาเยน, อภาสมาโน วาจํ, ทฺเว รตฺตินฺทิวานิ… ตีณิ รตฺตินฺทิวานิ… จตฺตาริ รตฺตินฺทิวานิ… ปฺจ รตฺตินฺทิวานิ… ฉ รตฺตินฺทิวานิ… สตฺต รตฺตินฺทิวานิ เอกนฺตสุขํ ปฏิสํเวที วิหริตุํ. ตํ กึ มฺถาวุโส นิคณฺา, เอวํ สนฺเต โก สุขวิหาริตโร ราชา วา มาคโธ เสนิโย พิมฺพิสาโร อหํ วา’ติ? ‘เอวํ สนฺเต อายสฺมาว โคตโม สุขวิหาริตโร รฺา มาคเธน เสนิเยน พิมฺพิสาเรนา’’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน มหานาโม สกฺโก ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.

จูฬทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.

๕. อนุมานสุตฺตํ

๑๘๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร [สุํสุมารคิเร (สี. สฺยา. ปี.)] เภสกฬาวเน มิคทาเย. ตตฺร โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘อาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ –

‘‘ปวาเรติ เจปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ – ‘วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต, วจนีโยมฺหิ อายสฺมนฺเตหี’ติ, โส จ โหติ ทุพฺพโจ, โทวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, อกฺขโม อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึ, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี น เจว วตฺตพฺพํ มฺนฺติ, น จ อนุสาสิตพฺพํ มฺนฺติ, น จ ตสฺมึ ปุคฺคเล วิสฺสาสํ อาปชฺชิตพฺพํ มฺนฺติ.

‘‘กตเม จาวุโส, โทวจสฺสกรณา ธมฺมา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ ปาปิจฺโฉ โหติ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ ปาปิจฺโฉ โหติ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตุกฺกํสโก โหติ ปรวมฺภี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อตฺตุกฺกํสโก โหติ ปรวมฺภี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธาภิภูโต. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธาภิภูโต – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อุปนาหี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อุปนาหี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อภิสงฺคี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธเหตุ อภิสงฺคี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธสามนฺตา [โกธสามนฺตํ (สฺยา. ปี. ก.)] วาจํ นิจฺฉาเรตา. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โกธโน โหติ โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต [จุทิโต (สี. สฺยา. ปี.)] โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติ – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ มกฺขี โหติ ปฬาสี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สโ โหติ มายาวี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ สโ โหติ มายาวี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ถทฺโธ โหติ อติมานี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ ถทฺโธ โหติ อติมานี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ สนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี – อยมฺปิ ธมฺโม โทวจสฺสกรโณ. อิเม วุจฺจนฺตาวุโส, โทวจสฺสกรณา ธมฺมา.

๑๘๒. ‘‘โน เจปิ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปวาเรติ – ‘วทนฺตุ มํ อายสฺมนฺโต, วจนีโยมฺหิ อายสฺมนฺเตหี’ติ, โส จ โหติ สุวโจ, โสวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, ขโม ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึ, อถ โข นํ สพฺรหฺมจารี วตฺตพฺพฺเจว มฺนฺติ, อนุสาสิตพฺพฺจ มฺนฺติ, ตสฺมิฺจ ปุคฺคเล วิสฺสาสํ อาปชฺชิตพฺพํ มฺนฺติ.

‘‘กตเม จาวุโส, โสวจสฺสกรณา ธมฺมา? อิธาวุโส, ภิกฺขุ น ปาปิจฺโฉ โหติ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น ปาปิจฺโฉ โหติ น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อนตฺตุกฺกํสโก โหติ อปรวมฺภี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อนตฺตุกฺกํสโก โหติ อปรวมฺภี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธาภิภูโต. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธาภิภูโต – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อุปนาหี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อุปนาหี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อภิสงฺคี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธเหตุ อภิสงฺคี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ น โกธโน โหติ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผรติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผรติ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทติ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปติ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน น อฺเนฺํ ปฏิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน น อฺเนฺํ ปฏิจรติ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายติ. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายติ – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อมกฺขี โหติ อปฬาสี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อมกฺขี โหติ อปฬาสี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อสโ โหติ อมายาวี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อสโ โหติ อมายาวี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อตฺถทฺโธ โหติ อนติมานี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อตฺถทฺโธ โหติ อนติมานี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ อสนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี. ยมฺปาวุโส, ภิกฺขุ อสนฺทิฏฺิปรามาสี โหติ, อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี – อยมฺปิ ธมฺโม โสวจสฺสกรโณ. อิเม วุจฺจนฺตาวุโส, โสวจสฺสกรณา ธมฺมา.

๑๘๓. ‘‘ตตฺราวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ อนุมินิตพฺพํ [อนุมานิตพฺพํ (สี.)] – ‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล ปาปิจฺโฉ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ ปาปิจฺโฉ ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น ปาปิจฺโฉ ภวิสฺสามิ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อนตฺตุกฺกํสโก ภวิสฺสามิ อปรวมฺภี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธาภิภูโต, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป. อหฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธาภิภูโต, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธาภิภูโต’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธเหตุ อุปนาหี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘น โกธโน ภวิสฺสามิ น โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผเรยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผริสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกํ น อปสาเทสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรติ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมติ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจเรยฺยํ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมยฺยํ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกเรยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน น อฺเนฺํ ปฏิจริสฺสามิ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมสฺสามิ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกริสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายติ, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปน โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปาเยยฺยํ, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘โจทิโต โจทเกน อปทาเน สมฺปายิสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล มกฺขี ปฬาสี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ มกฺขี ปฬาสี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อมกฺขี ภวิสฺสามิ อปฬาสี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล อิสฺสุกี มจฺฉรี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ อิสฺสุกี มจฺฉรี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อนิสฺสุกี ภวิสฺสามิ อมจฺฉรี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล สโ มายาวี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ สโ มายาวี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อสโ ภวิสฺสามิ อมายาวี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล ถทฺโธ อติมานี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ ถทฺโธ อติมานี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อตฺถทฺโธ ภวิสฺสามิ อนติมานี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

‘‘‘โย ขฺวายํ ปุคฺคโล สนฺทิฏฺิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, อยํ เม ปุคฺคโล อปฺปิโย อมนาโป; อหฺเจว โข ปนสฺสํ สนฺทิฏฺิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี, อหํปาสฺสํ ปเรสํ อปฺปิโย อมนาโป’ติ. เอวํ ชานนฺเตนาวุโส, ภิกฺขุนา ‘อสนฺทิฏฺิปรามาสี ภวิสฺสามิ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.

๑๘๔. ‘‘ตตฺราวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ ปาปิจฺโฉ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ปาปิจฺโฉ โขมฺหิ, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ ปาปิจฺโฉ, น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อตฺตุกฺกํสโก โขมฺหิ ปรวมฺภี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนตฺตุกฺกํสโก โขมฺหิ อปรวมฺภี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธาภิภูโต’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โกธโน โขมฺหิ โกธาภิภูโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธาภิภูโต’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โกธโน โขมฺหิ โกธเหตุ อุปนาหี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อุปนาหี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โกธโน โขมฺหิ โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธเหตุ อภิสงฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โกธโน โขมฺหิ โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘น โขมฺหิ โกธโน โกธสามนฺตา วาจํ นิจฺฉาเรตา’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรามี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ ปฏิปฺผรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ นปฺปฏิปฺผรามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกํ อปสาเทมี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ อปสาเทมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกํ น อปสาเทมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปมี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกสฺส ปจฺจาโรเปมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน โจทกสฺส น ปจฺจาโรเปมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรามิ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรมี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อฺเนฺํ ปฏิจรามิ, พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน น อฺเนฺํ ปฏิจรามิ, น พหิทฺธา กถํ อปนาเมมิ, น โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตุกโรมี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ โจทิโต โจทเกน อปทาเน น สมฺปายามี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อปทาเน น สมฺปายามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘โจทิโต โขมฺหิ โจทเกน อปทาเน สมฺปายามี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ มกฺขี ปฬาสี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘มกฺขี โขมฺหิ ปฬาสี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อมกฺขี โขมฺหิ อปฬาสี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ อิสฺสุกี มจฺฉรี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อิสฺสุกี โขมฺหิ มจฺฉรี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อนิสฺสุกี โขมฺหิ อมจฺฉรี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ สโ มายาวี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘สโ โขมฺหิ มายาวี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อสโ โขมฺหิ อมายาวี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ ถทฺโธ อติมานี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘ถทฺโธ โขมฺหิ อติมานี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อตฺถทฺโธ โขมฺหิ อนติมานี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุนา อตฺตนาว อตฺตานํ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – ‘กึ นุ โขมฺหิ สนฺทิฏฺิปรามาสี อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี’ติ? สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘สนฺทิฏฺิปรามาสี โขมฺหิ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฏินิสฺสคฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตสํเยว ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ ชานาติ – ‘อสนฺทิฏฺิปรามาสี โขมฺหิ อนาธานคฺคาหี สุปฺปฏินิสฺสคฺคี’ติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘สเจ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สพฺเพสํเยว อิเมสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสุ.

‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, อิตฺถี วา ปุริโส วา, ทหโร ยุวา มณฺฑนชาติโก, อาทาเส วา ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต, อจฺเฉ วา อุทกปตฺเต, สกํ มุขนิมิตฺตํ ปจฺจเวกฺขมาโน, สเจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมติ; โน เจ ตตฺถ ปสฺสติ รชํ วา องฺคณํ วา, เตเนว อตฺตมโน โหติ – ‘ลาภา วต เม, ปริสุทฺธํ วต เม’ติ. เอวเมว โข, อาวุโส, สเจ ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อปฺปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา สพฺเพสํเยว อิเมสํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย วายมิตพฺพํ. สเจ ปนาวุโส, ภิกฺขุ ปจฺจเวกฺขมาโน สพฺเพปิเม ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสติ, เตนาวุโส, ภิกฺขุนา เตเนว ปีติปาโมชฺเชน วิหาตพฺพํ, อโหรตฺตานุสิกฺขินา กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ.

อิทมโวจายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน. อตฺตมนา เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

อนุมานสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปฺจมํ.

๖. เจโตขิลสุตฺตํ

๑๘๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺจ เจโตขิลา อปฺปหีนา, ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา [เจตโสวินิพทฺธา (สี.), เจโตวินิพทฺธา (สารตฺถทีปนีฏีกา)] อสมุจฺฉินฺนา, โส วติมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.

‘‘กตมาสฺส ปฺจ เจโตขิลา อปฺปหีนา โหนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปโม เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเม กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ ทุติโย เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สงฺเฆ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ ตติโย เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขาย กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขาย กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ จตุตฺโถ เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ กุปิโต โหติ อนตฺตมโน อาหตจิตฺโต ขิลชาโต, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปฺจโม เจโตขิโล อปฺปหีโน โหติ. อิมาสฺส ปฺจ เจโตขิลา อปฺปหีนา โหนฺติ.

๑๘๖. ‘‘กตมาสฺส ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา อสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเม อวีตราโค [อวิคตราโค (กตฺถจิ)] โหติ อวิคตจฺฉนฺโท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตณฺโห. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเม อวีตราโค โหติ อวิคตจฺฉนฺโท อวิคตเปโม อวิคตปิปาโส อวิคตปริฬาโห อวิคตตณฺโห, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปโม เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย อวีตราโค โหติ…เป… เอวมสฺสายํ ทุติโย เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ รูเป อวีตราโค โหติ…เป… เอวมสฺสายํ ตติโย เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ จตุตฺโถ เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ, ตสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ น นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปฺจโม เจตโสวินิพนฺโธ อสมุจฺฉินฺโน โหติ. อิมาสฺส ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา อสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ.

‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อิเม ปฺจ เจโตขิลา อปฺปหีนา, อิเม ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา อสมุจฺฉินฺนา, โส วติมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.

๑๘๗. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺจ เจโตขิลา ปหีนา, ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา สุสมุจฺฉินฺนา, โส วติมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ.

‘‘กตมาสฺส ปฺจ เจโตขิลา ปหีนา โหนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สตฺถริ น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปโม เจโตขิโล ปหีโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺเม น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ ทุติโย เจโตขิโล ปหีโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สงฺเฆ น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ ตติโย เจโตขิโล ปหีโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สิกฺขาย น กงฺขติ น วิจิกิจฺฉติ อธิมุจฺจติ สมฺปสีทติ…เป… เอวมสฺสายํ จตุตฺโถ เจโตขิโล ปหีโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ น กุปิโต โหติ น อนตฺตมโน [อตฺตมโน (สี. ปี.)] อนาหตจิตฺโต อขิลชาโต. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีสุ น กุปิโต โหติ น อนตฺตมโน อนาหตจิตฺโต อขิลชาโต, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปฺจโม เจโตขิโล ปหีโน โหติ. อิมาสฺส ปฺจ เจโตขิลา ปหีนา โหนฺติ.

๑๘๘. ‘‘กตมาสฺส ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา สุสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเม วีตราโค โหติ วิคตจฺฉนฺโท วิคตเปโม วิคตปิปาโส วิคตปริฬาโห วิคตตณฺโห. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเม วีตราโค โหติ วิคตจฺฉนฺโท วิคตเปโม วิคตปิปาโส วิคตปริฬาโห วิคตตณฺโห, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปโม เจตโสวินิพนฺโธ สุสมุจฺฉินฺโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย วีตราโค โหติ…เป… รูเป วีตราโค โหติ…เป… น ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ จตุตฺโถ เจตโสวินิพนฺโธ สุสมุจฺฉินฺโน โหติ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ. โย โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ – ‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา’ติ, ตสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย. ยสฺส จิตฺตํ นมติ อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย, เอวมสฺสายํ ปฺจโม เจตโสวินิพนฺโธ สุสมุจฺฉินฺโน โหติ. อิมาสฺส ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา สุสมุจฺฉินฺนา โหนฺติ.

‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อิเม ปฺจ เจโตขิลา ปหีนา, อิเม ปฺจ เจตโสวินิพนฺธา สุสมุจฺฉินฺนา, โส วติมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ.

๑๘๙. ‘‘โส ฉนฺทสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีริยสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, จิตฺตสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, วีมํสาสมาธิปธานสงฺขารสมนฺนาคตํ อิทฺธิปาทํ ภาเวติ, อุสฺโสฬฺหีเยว ปฺจมี. ส โข โส, ภิกฺขเว, เอวํ อุสฺโสฬฺหีปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อภินิพฺพิทาย, ภพฺโพ สมฺโพธาย, ภพฺโพ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมาย. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ อฏฺ วา ทส วา ทฺวาทส วา. ตานสฺสุ กุกฺกุฏิยา สมฺมา อธิสยิตานิ สมฺมา ปริเสทิตานิ สมฺมา ปริภาวิตานิ. กิฺจาปิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย – ‘อโห วติเม กุกฺกุฏโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺเชยฺยุ’นฺติ. อถ โข ภพฺพาว เต กุกฺกุฏโปตกา ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิชฺชิตุํ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เอวํ อุสฺโสฬฺหิปนฺนรสงฺคสมนฺนาคโต ภิกฺขุ ภพฺโพ อภินิพฺพิทาย, ภพฺโพ สมฺโพธาย, ภพฺโพ อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺส อธิคมายา’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

เจโตขิลสุตฺตํ นิฏฺิตํ ฉฏฺํ.

๗. วนปตฺถสุตฺตํ

๑๙๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

๑๙๑. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ, ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วา ตมฺหา วนปตฺถา ปกฺกมิตพฺพํ, น วตฺถพฺพํ.

๑๙๒. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป… น เสนาสนเหตุ…เป… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อถ จ ปน เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ ตมฺหา วนปตฺถา ปกฺกมิตพฺพํ, น วตฺถพฺพํ.

๑๙๓. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป… น เสนาสนเหตุ…เป… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อถ จ ปน เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ ตสฺมึ วนปตฺเถ วตฺถพฺพํ, น ปกฺกมิตพฺพํ.

๑๙๔. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ วนปตฺถํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ยาวชีวมฺปิ ตสฺมึ วนปตฺเถ วตฺถพฺพํ, น ปกฺกมิตพฺพํ.

๑๙๕. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ คามํ อุปนิสฺสาย วิหรติ …เป… อฺตรํ นิคมํ อุปนิสฺสาย วิหรติ…เป… อฺตรํ นครํ อุปนิสฺสาย วิหรติ…เป… อฺตรํ ชนปทํ อุปนิสฺสาย วิหรติ…เป… อฺตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา รตฺติภาคํ วา ทิวสภาคํ วา โส ปุคฺคโล อนาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตพฺโพ.

๑๙๖. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา, เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป… น เสนาสนเหตุ…เป… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อถ จ ปน เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ น อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ น สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา น ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ นานุปาปุณามี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ โส ปุคฺคโล อาปุจฺฉา ปกฺกมิตพฺพํ, นานุพนฺธิตพฺโพ.

๑๙๗. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต กสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. น โข ปนาหํ จีวรเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, น ปิณฺฑปาตเหตุ…เป… น เสนาสนเหตุ…เป… น คิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. อถ จ ปน เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สงฺขาปิ โส ปุคฺคโล อนุพนฺธิตพฺโพ, น ปกฺกมิตพฺพํ.

๑๙๘. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อฺตรํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺส ตํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณาติ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘อหํ โข อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรามิ. ตสฺส เม อิมํ ปุคฺคลํ อุปนิสฺสาย วิหรโต อนุปฏฺิตา เจว สติ อุปฏฺาติ, อสมาหิตฺจ จิตฺตํ สมาธิยติ, อปริกฺขีณา จ อาสวา ปริกฺขยํ คจฺฉนฺติ, อนนุปฺปตฺตฺจ อนุตฺตรํ โยคกฺเขมํ อนุปาปุณามิ. เย จ โข อิเม ปพฺพชิเตน ชีวิตปริกฺขารา สมุทาเนตพฺพา – จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา – เต อปฺปกสิเรน สมุทาคจฺฉนฺตี’ติ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ยาวชีวมฺปิ โส ปุคฺคโล อนุพนฺธิตพฺโพ, น ปกฺกมิตพฺพํ, อปิ ปนุชฺชมาเนนปี’’ติ [อปิ ปณุชฺชมาเนนาติ (?)].

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

วนปตฺถสุตฺตํ นิฏฺิตํ สตฺตมํ.

๘. มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ

๑๙๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม. อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. กปิลวตฺถุสฺมึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย. มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เพลุวลฏฺิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. ทณฺฑปาณิปิ โข สกฺโก ชงฺฆาวิหารํ [ชงฺฆวิหารํ (ก.)] อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิ. มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน เพลุวลฏฺิกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข ทณฺฑปาณิ สกฺโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กึวาที สมโณ กิมกฺขายี’’ติ? ‘‘ยถาวาที โข, อาวุโส, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺติ, ยถา จ ปน กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถํกถึ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สฺา นานุเสนฺติ – เอวํวาที โข อหํ, อาวุโส, เอวมกฺขายี’’ติ.

‘‘เอวํ วุตฺเต ทณฺฑปาณิ สกฺโก สีสํ โอกมฺเปตฺวา, ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา, ติวิสาขํ นลาฏิกํ นลาเฏ วุฏฺาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกามิ.

๒๐๐. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยน นิคฺโรธาราโม เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ. กปิลวตฺถุสฺมึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมึ ทิวาวิหาราย. มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เพลุวลฏฺิกาย มูเล ทิวาวิหารํ นิสีทึ. ทณฺฑปาณิปิ โข, ภิกฺขเว, สกฺโก ชงฺฆาวิหารํ อนุจงฺกมมาโน อนุวิจรมาโน เยน มหาวนํ เตนุปสงฺกมิ. มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา เยน เพลุวลฏฺิกา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มยา สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิโต โข, ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณิ สกฺโก มํ เอตทโวจ – ‘กึวาที สมโณ กิมกฺขายี’ติ?

‘‘เอวํ วุตฺเต อหํ, ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณึ สกฺกํ เอตทโวจํ – ยถาวาที โข, อาวุโส, สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺติ, ยถา จ ปน กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถํกถึ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สฺา นานุเสนฺติ – เอวํวาที โข อหํ, อาวุโส, เอวมกฺขายี’’ติ. ‘‘เอวํ วุตฺเต ภิกฺขเว, ทณฺฑปาณิ สกฺโก สีสํ โอกมฺเปตฺวา, ชิวฺหํ นิลฺลาเฬตฺวา, ติวิสาขํ นลาฏิกํ นลาเฏ วุฏฺาเปตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภ ปกฺกามี’’ติ.

๒๐๑. เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กึวาที ปน, ภนฺเต, ภควา สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย น เกนจิ โลเก วิคฺคยฺห ติฏฺติ? กถฺจ ปน, ภนฺเต, ภควนฺตํ กาเมหิ วิสํยุตฺตํ วิหรนฺตํ ตํ พฺราหฺมณํ อกถํกถึ ฉินฺนกุกฺกุจฺจํ ภวาภเว วีตตณฺหํ สฺา นานุเสนฺตี’’ติ? ‘‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต ปฏิฆานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทิฏฺานุสยานํ, เอเสวนฺโต วิจิกิจฺฉานุสยานํ, เอเสวนฺโต มานานุสยานํ, เอเสวนฺโต ภวราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต อวิชฺชานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทณฺฑาทาน-สตฺถาทาน-กลห-วิคฺคห-วิวาท-ตุวํตุวํ-เปสุฺ-มุสาวาทานํ. เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ. อิทมโวจ ภควา. อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฏฺายาสนา วิหารํ ปาวิสิ.

๒๐๒. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา, วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา, อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ. โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’’ติ? อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิฺูนํ สพฺรหฺมจารีนํ. ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ. ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา’’ติ.

อถ โข เต ภิกฺขู เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากจฺจาเนน สทฺธึ สมฺโมทึสุ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส กจฺจาน, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ. เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ. โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยาติ? เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิฺูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ. ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา’ติ. วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน’’ติ.

๒๐๓. ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺโต สารวโต อติกฺกมฺเมว มูลํ, อติกฺกมฺม ขนฺธํ, สาขาปลาเส สารํ ปริเยสิตพฺพํ มฺเยฺย; เอวํสมฺปทมิทํ อายสฺมนฺตานํ สตฺถริ สมฺมุขีภูเต, ตํ ภควนฺตํ อติสิตฺวา, อมฺเห เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิตพฺพํ มฺถ. โส หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต าณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นินฺเนตา, อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโต. โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ, ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ. ยถา โว ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติ. ‘‘อทฺธาวุโส กจฺจาน, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต าณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นินฺเนตา, อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโต. โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ, ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาม. ยถา โน ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยาม. อปิ จายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิฺูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ. วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน อครุํ กตฺวา’’ติ [อครุกตฺวา (สี.), อครุกริตฺวา (สฺยา. ปี.)]. ‘‘เตน หาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ปจฺจสฺโสสุํ. อายสฺมา มหากจฺจาโน เอตทโวจ –

๒๐๔. ‘‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ, เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ, อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ –

‘‘จกฺขุฺจาวุโส, ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, ยํ เวเทติ ตํ สฺชานาติ, ยํ สฺชานาติ ตํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺเกติ ตํ ปปฺเจติ, ยํ ปปฺเจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ จกฺขุวิฺเยฺเยสุ รูเปสุ. โสตฺจาวุโส, ปฏิจฺจ สทฺเท จ อุปฺปชฺชติ โสตวิฺาณํ…เป… ฆานฺจาวุโส, ปฏิจฺจ คนฺเธ จ อุปฺปชฺชติ ฆานวิฺาณํ…เป… ชิวฺหฺจาวุโส, ปฏิจฺจ รเส จ อุปฺปชฺชติ ชิวฺหาวิฺาณํ…เป… กายฺจาวุโส, ปฏิจฺจ โผฏฺพฺเพ จ อุปฺปชฺชติ กายวิฺาณํ…เป… มนฺจาวุโส, ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, ยํ เวเทติ ตํ สฺชานาติ, ยํ สฺชานาติ ตํ วิตกฺเกติ, ยํ วิตกฺเกติ ตํ ปปฺเจติ, ยํ ปปฺเจติ ตโตนิทานํ ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ มโนวิฺเยฺเยสุ ธมฺเมสุ.

‘‘โส วตาวุโส, จกฺขุสฺมึ สติ รูเป สติ จกฺขุวิฺาเณ สติ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. ผสฺสปฺตฺติยา สติ เวทนาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. เวทนาปฺตฺติยา สติ สฺาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. สฺาปฺตฺติยา สติ วิตกฺกปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. วิตกฺกปฺตฺติยา สติ ปปฺจสฺาสงฺขาสมุทาจรณปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. โส วตาวุโส, โสตสฺมึ สติ สทฺเท สติ…เป… ฆานสฺมึ สติ คนฺเธ สติ…เป… ชิวฺหาย สติ รเส สติ…เป… กายสฺมึ สติ โผฏฺพฺเพ สติ…เป… มนสฺมึ สติ ธมฺเม สติ มโนวิฺาเณ สติ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. ผสฺสปฺตฺติยา สติ เวทนาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. เวทนาปฺตฺติยา สติ สฺาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. สฺาปฺตฺติยา สติ วิตกฺกปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ. วิตกฺกปฺตฺติยา สติ ปปฺจสฺาสงฺขาสมุทาจรณปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – านเมตํ วิชฺชติ.

‘‘โส วตาวุโส, จกฺขุสฺมึ อสติ รูเป อสติ จกฺขุวิฺาเณ อสติ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. ผสฺสปฺตฺติยา อสติ เวทนาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เวทนาปฺตฺติยา อสติ สฺาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. สฺาปฺตฺติยา อสติ วิตกฺกปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. วิตกฺกปฺตฺติยา อสติ ปปฺจสฺาสงฺขาสมุทาจรณปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. โส วตาวุโส, โสตสฺมึ อสติ สทฺเท อสติ…เป… ฆานสฺมึ อสติ คนฺเธ อสติ…เป… ชิวฺหาย อสติ รเส อสติ…เป… กายสฺมึ อสติ โผฏฺพฺเพ อสติ…เป… มนสฺมึ อสติ ธมฺเม อสติ มโนวิฺาเณ อสติ ผสฺสปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. ผสฺสปฺตฺติยา อสติ เวทนาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. เวทนาปฺตฺติยา อสติ สฺาปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. สฺาปฺตฺติยา อสติ วิตกฺกปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ. วิตกฺกปฺตฺติยา อสติ ปปฺจสฺาสงฺขาสมุทาจรณปฺตฺตึ ปฺาเปสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ.

‘‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ, อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิ. อากงฺขมานา จ ปน ตุมฺเห อายสฺมนฺโต ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ. ยถา โน ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติ.

๒๐๕. อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ยํ โข โน, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ…เป… เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’ติ. เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโ – ‘‘ยโตนิทานํ, ภิกฺขุ, ปุริสํ ปปฺจสฺาสงฺขา สมุทาจรนฺติ. เอตฺถ เจ นตฺถิ อภินนฺทิตพฺพํ อภิวทิตพฺพํ อชฺโฌสิตพฺพํ. เอเสวนฺโต ราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต ปฏิฆานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทิฏฺานุสยานํ, เอเสวนฺโต วิจิกิจฺฉานุสยานํ, เอเสวนฺโต มานานุสยานํ, เอเสวนฺโต ภวราคานุสยานํ, เอเสวนฺโต อวิชฺชานุสยานํ, เอเสวนฺโต ทณฺฑาทาน-สตฺถาทาน-กลห-วิคฺคห-วิวาทตุวํตุวํ-เปสุฺ-มุสาวาทานํ. เอตฺเถเต ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อปริเสสา นิรุชฺฌนฺตี’’ติ. โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’ติ? เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิฺูนํ สพฺรหฺมจารีนํ, ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํ, ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา’ติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิมฺห. เตสํ โน, ภนฺเต, อายสฺมตา มหากจฺจาเนน อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปเทหิ อิเมหิ พฺยฺชเนหิ อตฺโถ วิภตฺโต’’ติ. ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน; มหาปฺโ, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน. มํ เจปิ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ, อหมฺปิ ตํ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ ยถา ตํ มหากจฺจาเนน พฺยากตํ. เอโส เจเวตสฺส อตฺโถ. เอวฺจ [เอเวเมว จ (ก.)] นํ ธาเรถา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต อายสฺมา อานนฺโท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ปุริโส ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต มธุปิณฺฑิกํ อธิคจฺเฉยฺย, โส ยโต ยโต สาเยยฺย, ลเภเถว สาทุรสํ อเสจนกํ. เอวเมว โข, ภนฺเต, เจตโส ภิกฺขุ ทพฺพชาติโก, ยโต ยโต อิมสฺส ธมฺมปริยายสฺส ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺเขยฺย, ลเภเถว อตฺตมนตํ, ลเภเถว เจตโส ปสาทํ. โก นาโม อยํ [โก นามายํ (สฺยา.)], ภนฺเต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อานนฺท, อิมํ ธมฺมปริยายํ มธุปิณฺฑิกปริยาโย ตฺเวว นํ ธาเรหี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.

มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ นิฏฺิตํ อฏฺมํ.

๙. ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตํ

๒๐๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘ปุพฺเพว เม, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ทฺวิธา กตฺวา ทฺวิธา กตฺวา วิตกฺเก วิหเรยฺย’นฺติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, โย จายํ กามวิตกฺโก โย จ พฺยาปาทวิตกฺโก โย จ วิหึสาวิตกฺโก – อิมํ เอกํ ภาคมกาสึ; โย จายํ เนกฺขมฺมวิตกฺโก โย จ อพฺยาปาทวิตกฺโก โย จ อวิหึสาวิตกฺโก – อิมํ ทุติยํ ภาคมกาสึ.

๒๐๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ กามวิตกฺโก. โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ กามวิตกฺโก. โส จ โข อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ [อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’’ติ (?)]. ‘อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ ปชหเมว [อตีตกาลิกกิริยาปทานิเยว] วิโนทเมว [อตีตกาลิกกิริยาปทานิเยว] พฺยนฺตเมว [พฺยนฺเตว (สี. สฺยา. ปี.)] นํ อกาสึ.

๒๐๘. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ พฺยาปาทวิตกฺโก…เป… อุปฺปชฺชติ วิหึสาวิตกฺโก. โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ วิหึสาวิตกฺโก. โส จ โข อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’. ‘อตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตตี’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ; ‘ปฺานิโรธิโก วิฆาตปกฺขิโก อนิพฺพานสํวตฺตนิโก’ติปิ เม, ภิกฺขเว, ปฏิสฺจิกฺขโต อพฺภตฺถํ คจฺฉติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อุปฺปนฺนุปฺปนฺนํ วิหึสาวิตกฺกํ ปชหเมว วิโนทเมว พฺยนฺตเมว นํ อกาสึ.

‘‘ยฺเทว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ตถา ตถา นติ โหติ เจตโส. กามวิตกฺกํ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ เนกฺขมฺมวิตกฺกํ, กามวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺส ตํ กามวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติ. พฺยาปาทวิตกฺกํ เจ, ภิกฺขเว…เป… วิหึสาวิตกฺกํ เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ อวิหึสาวิตกฺกํ, วิหึสาวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺส ตํ วิหึสาวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, วสฺสานํ ปจฺฉิเม มาเส สรทสมเย กิฏฺสมฺพาเธ โคปาลโก คาโว รกฺเขยฺย. โส ตา คาโว ตโต ตโต ทณฺเฑน อาโกเฏยฺย ปฏิโกเฏยฺย สนฺนิรุนฺเธยฺย สนฺนิวาเรยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? ปสฺสติ หิ โส, ภิกฺขเว, โคปาลโก ตโตนิทานํ วธํ วา พนฺธนํ วา ชานึ วา ครหํ วา. เอวเมว โข อหํ, ภิกฺขเว, อทฺทสํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, กุสลานํ ธมฺมานํ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ โวทานปกฺขํ.

๒๐๙. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ เนกฺขมฺมวิตกฺโก. โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ เนกฺขมฺมวิตกฺโก. โส จ โข เนวตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, ปฺาวุทฺธิโก อวิฆาตปกฺขิโก นิพฺพานสํวตฺตนิโก’. รตฺตึ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. ทิวสํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. รตฺตินฺทิวํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. อปิ จ โข เม อติจิรํ อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต กาโย กิลเมยฺย. กาเย กิลนฺเต [กิลมนฺเต (ก.)] จิตฺตํ อูหฺเยฺย. อูหเต จิตฺเต อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหาติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ สนฺนิสาเทมิ เอโกทึ กโรมิ [เอโกทิ กโรมิ (ปี.)] สมาทหามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม จิตฺตํ อูหฺี’ติ [อุคฺฆาฏีติ (สฺยา. ก.), อูหนีติ (ปี.)].

๒๑๐. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, ภิกฺขเว, เอวํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อุปฺปชฺชติ อพฺยาปาทวิตกฺโก…เป… อุปฺปชฺชติ อวิหึสาวิตกฺโก. โส เอวํ ปชานามิ – ‘อุปฺปนฺโน โข เม อยํ อวิหึสาวิตกฺโก. โส จ โข เนวตฺตพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธาย สํวตฺตติ, ปฺาวุทฺธิโก อวิฆาตปกฺขิโก นิพฺพานสํวตฺตนิโก’. รตฺตึ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. ทิวสํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. รตฺตินฺทิวํ เจปิ นํ, ภิกฺขเว, อนุวิตกฺเกยฺยํ อนุวิจาเรยฺยํ, เนว ตโตนิทานํ ภยํ สมนุปสฺสามิ. อปิ จ โข เม อติจิรํ อนุวิตกฺกยโต อนุวิจารยโต กาโย กิลเมยฺย. กาเย กิลนฺเต จิตฺตํ อูหฺเยฺย. อูหเต จิตฺเต อารา จิตฺตํ สมาธิมฺหาติ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ, สนฺนิสาเทมิ, เอโกทึ กโรมิ สมาทหามิ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘มา เม จิตฺตํ อูหฺี’ติ.

‘‘ยฺเทว, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ตถา ตถา นติ โหติ เจตโส. เนกฺขมฺมวิตกฺกฺเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ กามวิตกฺกํ, เนกฺขมฺมวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺสํ ตํ เนกฺขมฺมวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติ. อพฺยาปาทวิตกฺกฺเจ, ภิกฺขเว…เป… อวิหึสาวิตกฺกฺเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พหุลมนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ, ปหาสิ วิหึสาวิตกฺกํ, อวิหึสาวิตกฺกํ พหุลมกาสิ, ตสฺส ตํ อวิหึสาวิตกฺกาย จิตฺตํ นมติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส สพฺพสสฺเสสุ คามนฺตสมฺภเตสุ โคปาลโก คาโว รกฺเขยฺย, ตสฺส รุกฺขมูลคตสฺส วา อพฺโภกาสคตสฺส วา สติกรณียเมว โหติ – ‘เอตา [เอเต (ก.)] คาโว’ติ. เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, สติกรณียเมว อโหสิ – ‘เอเต ธมฺมา’ติ.

๒๑๑. ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, ภิกฺขเว, วีริยํ อโหสิ อสลฺลีนํ, อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺา, ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํ. โส โข อหํ, ภิกฺขเว, วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหาสึ สโต จ สมฺปชาโน, สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสึ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ, ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ. สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสึ.

๒๑๒. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. เสยฺยถิทํ, เอกมฺปิ ชาตึ…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรามิ. อยํ โข เม, ภิกฺขเว, รตฺติยา ปเม ยาเม ปมา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

๒๑๓. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต สตฺตานํ จุตูปปาตาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน…เป… อิเม วต โภนฺโต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา…เป… อิติ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สตฺเต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สตฺเต ปชานามิ. อยํ โข เม, ภิกฺขเว, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

๒๑๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต อาสวานํ ขยาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสึ. โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ อโหสิ – ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภฺาสึ. อยํ โข เม, ภิกฺขเว, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา; อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา; ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน; ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต.

๒๑๕. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อรฺเ ปวเน มหนฺตํ นินฺนํ ปลฺลลํ. ตเมนํ มหามิคสงฺโฆ อุปนิสฺสาย วิหเรยฺย. ตสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปชฺเชยฺย อนตฺถกาโม อหิตกาโม อโยคกฺเขมกาโม. โส ยฺวาสฺส มคฺโค เขโม โสวตฺถิโก ปีติคมนีโย ตํ มคฺคํ ปิทเหยฺย, วิวเรยฺย กุมฺมคฺคํ, โอทเหยฺย โอกจรํ, เปยฺย โอกจาริกํ. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, มหามิคสงฺโฆ อปเรน สมเยน อนยพฺยสนํ [อนยพฺยสนํ ตนุตฺตํ (สี. สฺยา. ปี.)] อาปชฺเชยฺย. ตสฺเสว โข ปน, ภิกฺขเว, มหโต มิคสงฺฆสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปชฺเชยฺย อตฺถกาโม หิตกาโม โยคกฺเขมกาโม. โส ยฺวาสฺส มคฺโค เขโม โสวตฺถิโก ปีติคมนีโย ตํ มคฺคํ วิวเรยฺย, ปิทเหยฺย กุมฺมคฺคํ, อูหเนยฺย โอกจรํ, นาเสยฺย โอกจาริกํ. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, มหามิคสงฺโฆ อปเรน สมเยน วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺเชยฺย.

‘‘อุปมา โข เม อยํ, ภิกฺขเว, กตา อตฺถสฺส วิฺาปนาย. อยํ เจเวตฺถ อตฺโถ – มหนฺตํ นินฺนํ ปลฺลลนฺติ โข, ภิกฺขเว, กามานเมตํ อธิวจนํ. มหามิคสงฺโฆติ โข, ภิกฺขเว, สตฺตานเมตํ อธิวจนํ. ปุริโส อนตฺถกาโม อหิตกาโม อโยคกฺเขมกาโมติ โข, ภิกฺขเว, มารสฺเสตํ ปาปิมโต อธิวจนํ. กุมฺมคฺโคติ โข, ภิกฺขเว, อฏฺงฺคิกสฺเสตํ มิจฺฉามคฺคสฺส อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – มิจฺฉาทิฏฺิยา มิจฺฉาสงฺกปฺปสฺส มิจฺฉาวาจาย มิจฺฉากมฺมนฺตสฺส มิจฺฉาอาชีวสฺส มิจฺฉาวายามสฺส มิจฺฉาสติยา มิจฺฉาสมาธิสฺส. โอกจโรติ โข, ภิกฺขเว, นนฺทีราคสฺเสตํ อธิวจนํ. โอกจาริกาติ โข, ภิกฺขเว, อวิชฺชาเยตํ อธิวจนํ. ปุริโส อตฺถกาโม หิตกาโม โยคกฺเขมกาโมติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. เขโม มคฺโค โสวตฺถิโก ปีติคมนีโยติ โข, ภิกฺขเว, อริยสฺเสตํ อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิยา สมฺมาสงฺกปฺปสฺส สมฺมาวาจาย สมฺมากมฺมนฺตสฺส สมฺมาอาชีวสฺส สมฺมาวายามสฺส สมฺมาสติยา สมฺมาสมาธิสฺส.

‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, วิวโฏ มยา เขโม มคฺโค โสวตฺถิโก ปีติคมนีโย, ปิหิโต กุมฺมคฺโค, อูหโต โอกจโร, นาสิตา โอกจาริกา. ยํ, ภิกฺขเว, สตฺถารา กรณียํ สาวกานํ หิเตสินา อนุกมฺปเกน อนุกมฺปํ อุปาทาย, กตํ โว ตํ มยา. เอตานิ, ภิกฺขเว, รุกฺขมูลานิ, เอตานิ สุฺาคารานิ; ฌายถ, ภิกฺขเว, มา ปมาทตฺถ; มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสาริโน อหุวตฺถ. อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

ทฺเวธาวิตกฺกสุตฺตํ นิฏฺิตํ นวมํ.

๑๐. วิตกฺกสณฺานสุตฺตํ

๒๑๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ปฺจ นิมิตฺตานิ กาเลน กาลํ มนสิ กาตพฺพานิ. กตมานิ ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ กุสลูปสํหิตํ. ตสฺส ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ [เอโกทิโภติ (สฺยา. ก.)] สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทกฺโข ปลคณฺโฑ วา ปลคณฺฑนฺเตวาสี วา สุขุมาย อาณิยา โอฬาริกํ อาณึ อภินิหเนยฺย อภินีหเรยฺย อภินิวตฺเตยฺย [อภินิวชฺเชยฺย (สี. ปี.)]; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิ กาตพฺพํ กุสลูปสํหิตํ. ตสฺส ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.

๒๑๗. ‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํ วิตกฺกานํ อาทีนโว อุปปริกฺขิตพฺโพ – ‘อิติปิเม วิตกฺกา อกุสลา, อิติปิเม วิตกฺกา สาวชฺชา, อิติปิเม วิตกฺกา ทุกฺขวิปากา’ติ. ตสฺส เตสํ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก อหิกุณเปน วา กุกฺกุรกุณเปน วา มนุสฺสกุณเปน วา กณฺเ อาสตฺเตน อฏฺฏิเยยฺย หราเยยฺย ชิคุจฺเฉยฺย; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน ตมฺหาปิ นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํ วิตกฺกานํ อาทีนโว อุปปริกฺขิตพฺโพ – ‘อิติปิเม วิตกฺกา อกุสลา, อิติปิเม วิตกฺกา สาวชฺชา, อิติปิเม วิตกฺกา ทุกฺขวิปากา’ติ. ตสฺส เตสํ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.

๒๑๘. ‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํ วิตกฺกานํ อสติอมนสิกาโร อาปชฺชิตพฺโพ. ตสฺส เตสํ วิตกฺกานํ อสติอมนสิการํ อาปชฺชโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, จกฺขุมา ปุริโส อาปาถคตานํ รูปานํ อทสฺสนกาโม อสฺส; โส นิมีเลยฺย วา อฺเน วา อปโลเกยฺย. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.

๒๑๙. ‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อสติอมนสิการํ อาปชฺชโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เตสํ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกาตพฺพํ. ตสฺส เตสํ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกโรโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส สีฆํ คจฺเฉยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘กึ นุ โข อหํ สีฆํ คจฺฉามิ? ยํนูนาหํ สณิกํ คจฺเฉยฺย’นฺติ. โส สณิกํ คจฺเฉยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘กึ นุ โข อหํ สณิกํ คจฺฉามิ? ยํนูนาหํ ติฏฺเยฺย’นฺติ. โส ติฏฺเยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘กึ นุ โข อหํ ิโต? ยํนูนาหํ นิสีเทยฺย’นฺติ. โส นิสีเทยฺย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘กึ นุ โข อหํ นิสินฺโน? ยํนูนาหํ นิปชฺเชยฺย’นฺติ. โส นิปชฺเชยฺย. เอวฺหิ โส, ภิกฺขเว, ปุริโส โอฬาริกํ โอฬาริกํ อิริยาปถํ อภินิวชฺเชตฺวา [อภินิสฺสชฺเชตฺวา (สฺยา.)] สุขุมํ สุขุมํ อิริยาปถํ กปฺเปยฺย. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อสติอมนสิการํ อาปชฺชโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.

๒๒๐. ‘‘ตสฺส เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ทนฺเตภิทนฺตมาธาย [ทนฺเต + อภิทนฺตํ + อาธายาติ ฏีกายํ ปทจฺเฉโท, ทนฺเตภีติ ปเนตฺถ กรณตฺโถ ยุตฺโต วิย ทิสฺสติ] ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหิตพฺพํ อภินิปฺปีเฬตพฺพํ อภิสนฺตาเปตพฺพํ. ตสฺส ทนฺเตภิทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พลวา ปุริโส ทุพฺพลตรํ ปุริสํ สีเส วา คเล วา ขนฺเธ วา คเหตฺวา อภินิคฺคณฺเหยฺย อภินิปฺปีเฬยฺย อภิสนฺตาเปยฺย; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตสฺส เจ ภิกฺขุโน เตสมฺปิ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺเตว ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ. เตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา ทนฺเตภิทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหิตพฺพํ อภินิปฺปีเฬตพฺพํ อภิสนฺตาเปตพฺพํ. ตสฺส ทนฺเตภิทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ.

๒๒๑. ‘‘ยโต โข [ยโต จ โข (สฺยา. ก.)], ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ยํ นิมิตฺตํ อาคมฺม ยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ, ตสฺส ตมฺหา นิมิตฺตา อฺํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต กุสลูปสํหิตํ เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อาทีนวํ อุปปริกฺขโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เตสมฺปิ วิตกฺกานํ อสติอมนสิการํ อาปชฺชโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. เตสมฺปิ วิตกฺกานํ วิตกฺกสงฺขารสณฺานํ มนสิกโรโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. ทนฺเตภิทนฺตมาธาย ชิวฺหาย ตาลุํ อาหจฺจ เจตสา จิตฺตํ อภินิคฺคณฺหโต อภินิปฺปีฬยโต อภิสนฺตาปยโต เย ปาปกา อกุสลา วิตกฺกา ฉนฺทูปสํหิตาปิ โทสูปสํหิตาปิ โมหูปสํหิตาปิ เต ปหียนฺติ เต อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ. เตสํ ปหานา อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สนฺติฏฺติ สนฺนิสีทติ เอโกทิ โหติ สมาธิยติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วสี วิตกฺกปริยายปเถสุ. ยํ วิตกฺกํ อากงฺขิสฺสติ ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสติ, ยํ วิตกฺกํ นากงฺขิสฺสติ น ตํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสติ. อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ, วิวตฺตยิ [วาวตฺตยิ (สี. ปี.)] สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

วิตกฺกสณฺานสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทสมํ.

สีหนาทวคฺโค นิฏฺิโต ทุติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

จูฬสีหนาทโลมหํสวโร, มหาจูฬทุกฺขกฺขนฺธอนุมานิกสุตฺตํ;

ขิลปตฺถมธุปิณฺฑิกทฺวิธาวิตกฺก, ปฺจนิมิตฺตกถา ปุน วคฺโค.

๓. โอปมฺมวคฺโค

๑. กกจูปมสุตฺตํ

๒๒๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโ วิหรติ. เอวํ สํสฏฺโ อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรติ. สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติ. เอวํ สํสฏฺโ อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรติ. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโ วิหรติ. เอวํ สํสฏฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรติ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรติ. สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา อายสฺมโต โมฬิยผคฺคุนสฺส อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติ. เอวํ สํสฏฺโ, ภนฺเต, อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรตี’’ติ.

๒๒๓. อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน โมฬิยผคฺคุนํ ภิกฺขุํ อามนฺเตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ผคฺคุน, อามนฺเตตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ โมฬิยผคฺคุนํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส ผคฺคุน, อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อายสฺมา โมฬิยผคฺคุโน ตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ โมฬิยผคฺคุนํ ภควา เอตทโวจ –

‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโ วิหรสิ? เอวํ สํสฏฺโ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรสิ – สเจ โกจิ ภิกฺขุ ตุยฺหํ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตฺวํ กุปิโต อนตฺตมโน อธิกรณมฺปิ กโรสิ. สเจ ปน โกจิ ภิกฺขุ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ สมฺมุขา ตุยฺหํ อวณฺณํ ภาสติ, เตน ตา ภิกฺขุนิโย กุปิตา อนตฺตมนา อธิกรณมฺปิ กโรนฺติ. เอวํ สํสฏฺโ กิร ตฺวํ, ผคฺคุน, ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ วิหรสี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘นนุ ตฺวํ, ผคฺคุน, กุลปุตฺโต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ.

๒๒๔. ‘‘น โข เต เอตํ, ผคฺคุน, ปติรูปํ กุลปุตฺตสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตสฺส, ยํ ตฺวํ ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อติเวลํ สํสฏฺโ วิหเรยฺยาสิ. ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อวณฺณํ ภาเสยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา [เคหสฺสิตา (?)] ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิ. ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร’ติ. เอวฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํ.

‘‘ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา ตาสํ ภิกฺขุนีนํ ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, เลฑฺฑุนา ปหารํ ทเทยฺย, ทณฺเฑน ปหารํ ทเทยฺย, สตฺเถน ปหารํ ทเทยฺย. ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิ. ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร’ติ. เอวฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํ.

‘‘ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ สมฺมุขา อวณฺณํ ภาเสยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิ. ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร’ติ. เอวฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพํ.

‘‘ตสฺมาติห, ผคฺคุน, ตว เจปิ โกจิ ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, เลฑฺฑุนา ปหารํ ทเทยฺย, ทณฺเฑน ปหารํ ทเทยฺย, สตฺเถน ปหารํ ทเทยฺย, ตตฺราปิ ตฺวํ, ผคฺคุน, เย เคหสิตา ฉนฺทา เย เคหสิตา วิตกฺกา เต ปชเหยฺยาสิ. ตตฺราปิ เต, ผคฺคุน, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘น เจว เม จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสามิ, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสามิ เมตฺตจิตฺโต, น โทสนฺตโร’ติ. เอวฺหิ เต, ผคฺคุน, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ.

๒๒๕. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาราธยึสุ วต เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เอกํ สมยํ จิตฺตํ. อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อามนฺเตสึ – อหํ โข, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภุฺชามิ. เอกาสนโภชนํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ภุฺชมาโน อปฺปาพาธตฺจ สฺชานามิ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจ. เอถ ตุมฺเหปิ, ภิกฺขเว, เอกาสนโภชนํ ภุฺชถ. เอกาสนโภชนํ โข, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ ภุฺชมานา อปฺปาพาธตฺจ สฺชานิสฺสถ อปฺปาตงฺกตฺจ ลหุฏฺานฺจ พลฺจ ผาสุวิหารฺจาติ. น เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อนุสาสนี กรณียา อโหสิ; สตุปฺปาทกรณียเมว เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อโหสิ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สุภูมิยํ จตุมหาปเถ อาชฺรโถ ยุตฺโต อสฺส ิโต โอธสฺตปโตโท. ตเมนํ ทกฺโข โยคฺคาจริโย อสฺสทมฺมสารถิ อภิรุหิตฺวา, วาเมน หตฺเถน รสฺมิโย คเหตฺวา, ทกฺขิเณน หตฺเถน ปโตทํ คเหตฺวา, เยนิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ สาเรยฺยปิ ปจฺจาสาเรยฺยปิ. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, น เม เตสุ ภิกฺขูสุ อนุสาสนี กรณียา อโหสิ, สตุปฺปาทกรณียเมว เม, ภิกฺขเว, เตสุ ภิกฺขูสุ อโหสิ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ อกุสลํ ปชหถ, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อาโยคํ กโรถ. เอวฺหิ ตุมฺเหปิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร มหนฺตํ สาลวนํ. ตฺจสฺส เอฬณฺเฑหิ สฺฉนฺนํ. ตสฺส โกจิเทว ปุริโส อุปฺปชฺเชยฺย อตฺถกาโม หิตกาโม โยคกฺเขมกาโม. โส ยา ตา สาลลฏฺิโย กุฏิลา โอชาปหรณิโย [โอชหรณิโย (ก.)] ตา เฉตฺวา [ตจฺเฉตฺวา (สี. สฺยา. ปี.)] พหิทฺธา นีหเรยฺย, อนฺโตวนํ สุวิโสธิตํ วิโสเธยฺย. ยา ปน ตา สาลลฏฺิโย อุชุกา สุชาตา ตา สมฺมา ปริหเรยฺย. เอวฺเหตํ, ภิกฺขเว, สาลวนํ อปเรน สมเยน วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺเชยฺย. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ อกุสลํ ปชหถ, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อาโยคํ กโรถ. เอวฺหิ ตุมฺเหปิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิสฺสถ.

๒๒๖. ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, อิมิสฺสาเยว สาวตฺถิยา เวเทหิกา นาม คหปตานี อโหสิ. เวเทหิกาย, ภิกฺขเว, คหปตานิยา เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘โสรตา เวเทหิกา คหปตานี, นิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี’ติ. เวเทหิกาย โข ปน, ภิกฺขเว, คหปตานิยา กาฬี นาม ทาสี อโหสิ ทกฺขา อนลสา สุสํวิหิตกมฺมนฺตา.

‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘มยฺหํ โข อยฺยาย เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต – ‘‘โสรตา เวเทหิกา คหปตานี, นิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี’’ติ. กึ นุ โข เม อยฺยา สนฺตํเยว นุ โข อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ อุทาหุ อสนฺตํ อุทาหุ มยฺหเมเวเต [มยฺเหเวเต (สี. ปี.)] กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ? ยํนูนาหํ อยฺยํ วีมํเสยฺย’นฺติ. อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวา อุฏฺาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬึ ทาสึ เอตทโวจ – ‘เห เช กาฬี’ติ. ‘กึ, อยฺเย’ติ? ‘กึ, เช, ทิวา อุฏฺาสี’ติ? ‘น ขฺวยฺเย [น โข อยฺเย (สี. ปี.)], กิฺจี’ติ. ‘โน วต เร กิฺจิ, ปาปิ ทาสิ [ปาปทาสิ (สฺยา. ก.)], ทิวา อุฏฺาสี’ติ กุปิตา อนตฺตมนา ภากุฏึ [ภูกุฏึ (สี. ปี.), ภกุฏีํ (สฺยา.)] อกาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘สนฺตํเยว โข เม อยฺยา อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ; มยฺหเมเวเต กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา, เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ. ยํนูนาหํ ภิยฺโยโสมตฺตาย อยฺยํ วีมํเสยฺย’’’นฺติ.

‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวาตรํเยว อุฏฺาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬึ ทาสึ เอตทโวจ – ‘เห เช, กาฬี’ติ. ‘กึ, อยฺเย’ติ? ‘กึ, เช, ทิวาตรํ อุฏฺาสี’ติ? ‘น ขฺวยฺเย, กิฺจี’ติ. ‘โน วต เร กิฺจิ, ปาปิ ทาสิ, ทิวาตรํ อุฏฺาสี’ติ กุปิตา อนตฺตมนา อนตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬิยา ทาสิยา เอตทโหสิ – ‘สนฺตํเยว โข เม อยฺยา อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ. มยฺหเมเวเต กมฺมนฺตา สุสํวิหิตา, เยน เม อยฺยา สนฺตํเยว อชฺฌตฺตํ โกปํ น ปาตุกโรติ, โน อสนฺตํ. ยํนูนาหํ ภิยฺโยโสมตฺตาย อยฺยํ วีมํเสยฺย’นฺติ.

‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ทิวาตรํเยว อุฏฺาสิ. อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกา คหปตานี กาฬึ ทาสึ เอตทโวจ – ‘เห เช, กาฬี’ติ. ‘กึ, อยฺเย’ติ? ‘กึ, เช, ทิวา อุฏฺาสี’ติ? ‘น ขฺวยฺเย, กิฺจี’ติ. ‘โน วต เร กิฺจิ, ปาปิ ทาสิ, ทิวา อุฏฺาสี’ติ กุปิตา อนตฺตมนา อคฺคฬสูจึ คเหตฺวา สีเส ปหารํ อทาสิ, สีสํ โวภินฺทิ [วิ + อว + ภินฺทิ = โวภินฺทิ]. อถ โข, ภิกฺขเว, กาฬี ทาสี ภินฺเนน สีเสน โลหิเตน คลนฺเตน ปฏิวิสฺสกานํ อุชฺฌาเปสิ – ‘ปสฺสถยฺเย, โสรตาย กมฺมํ; ปสฺสถยฺเย, นิวาตาย กมฺมํ, ปสฺสถยฺเย, อุปสนฺตาย กมฺมํ! กถฺหิ นาม เอกทาสิกาย ทิวา อุฏฺาสีติ กุปิตา อนตฺตมนา อคฺคฬสูจึ คเหตฺวา สีเส ปหารํ ทสฺสติ, สีสํ โวภินฺทิสฺสตี’ติ.

‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, เวเทหิกาย คหปตานิยา อปเรน สมเยน เอวํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ – ‘จณฺฑี เวเทหิกา คหปตานี, อนิวาตา เวเทหิกา คหปตานี, อนุปสนฺตา เวเทหิกา คหปตานี’ติ.

‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ตาวเทว โสรตโสรโต โหติ นิวาตนิวาโต โหติ อุปสนฺตูปสนฺโต โหติ ยาว น อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติ. ยโต จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ อมนาปา วจนปถา ผุสนฺติ, อถ ภิกฺขุ ‘โสรโต’ติ เวทิตพฺโพ, ‘นิวาโต’ติ เวทิตพฺโพ, ‘อุปสนฺโต’ติ เวทิตพฺโพ. นาหํ ตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ ‘สุวโจ’ติ วทามิ โย จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารเหตุ สุวโจ โหติ, โสวจสฺสตํ อาปชฺชติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ตฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ อลภมาโน น สุวโจ โหติ, น โสวจสฺสตํ อาปชฺชติ. โย จ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ธมฺมํเยว สกฺกโรนฺโต, ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต, ธมฺมํ มาเนนฺโต, ธมฺมํ ปูเชนฺโต, ธมฺมํ อปจายมาโน [ธมฺมํ เยว สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุกโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน (สี. สฺยา. ปี.)] สุวโจ โหติ, โสวจสฺสตํ อาปชฺชติ, ตมหํ ‘สุวโจ’ติ วทามิ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘ธมฺมํเยว สกฺกโรนฺตา, ธมฺมํ ครุํ กโรนฺตา, ธมฺมํ มาเนนฺตา, ธมฺมํ ปูเชนฺตา, ธมฺมํ อปจายมานา สุวจา ภวิสฺสาม, โสวจสฺสตํ อาปชฺชิสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.

๒๒๗. ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ – กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สณฺเหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วา. กาเลน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สณฺเหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วา. ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา, น โทสนฺตรา. ตฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน จิตฺเตน วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน [อพฺยาปชฺเฌน (สี. สฺยา. ปี.), อพฺยาปชฺเชน (ก.) องฺคุตฺตรติกนิปาตฏีกา โอโลเกตพฺพา] ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.

๒๒๘. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทาลปิฏกํ [กุทฺทาลปิฏกํ (สี. สฺยา. ปี.)] อาทาย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมํ มหาปถวึ อปถวึ กริสฺสามี’ติ. โส ตตฺร ตตฺร วิขเณยฺย [ขเณยฺย (สี. สฺยา. ปี.)], ตตฺร ตตฺร วิกิเรยฺย, ตตฺร ตตฺร โอฏฺุเภยฺย, ตตฺร ตตฺร โอมุตฺเตยฺย – ‘อปถวี ภวสิ, อปถวี ภวสี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อิมํ มหาปถวึ อปถวึ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อยฺหิ, ภนฺเต, มหาปถวี คมฺภีรา อปฺปเมยฺยา. สา น สุกรา อปถวี กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ – กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สณฺเหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วา. กาเลน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สณฺเหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วา. ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตรา. ตฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ ปถวิสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.

๒๒๙. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ลาขํ วา หลิทฺทึ วา นีลํ วา มฺชิฏฺํ วา อาทาย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมสฺมึ อากาเส รูปํ ลิขิสฺสามิ, รูปปาตุภาวํ กริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อิมสฺมึ อากาเส รูปํ ลิเขยฺย, รูปปาตุภาวํ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อยฺหิ, ภนฺเต, อากาโส อรูปี อนิทสฺสโน. ตตฺถ น สุกรํ รูปํ ลิขิตุํ, รูปปาตุภาวํ กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา …เป… ‘น เจว… ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ อากาสสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.

๒๓๐. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อาคจฺเฉยฺย อาทิตฺตํ ติณุกฺกํ อาทาย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมาย อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย คงฺคํ นทึ สนฺตาเปสฺสามิ สํปริตาเปสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย คงฺคํ นทึ สนฺตาเปยฺย สํปริตาเปยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘คงฺคา หิ, ภนฺเต, นที คมฺภีรา อปฺปเมยฺยา. สา น สุกรา อาทิตฺตาย ติณุกฺกาย สนฺตาเปตุํ สํปริตาเปตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา…เป… ‘น เจว… ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ คงฺคาสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.

๒๓๑. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, พิฬารภสฺตา มทฺทิตา สุมทฺทิตา สุปริมทฺทิตา, มุทุกา ตูลินี ฉินฺนสสฺสรา ฉินฺนภพฺภรา. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กฏฺํ วา กถลํ [กลํ (สี. สฺยา. ปี.)] วา อาทาย. โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมํ พิฬารภสฺตํ มทฺทิตํ สุมทฺทิตํ สุปริมทฺทิตํ, มุทุกํ ตูลินึ, ฉินฺนสสฺสรํ ฉินฺนภพฺภรํ กฏฺเน วา กถเลน วา สรสรํ กริสฺสามิ ภรภรํ กริสฺสามี’ติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ พิฬารภสฺตํ มทฺทิตํ สุมทฺทิตํ สุปริมทฺทิตํ, มุทุกํ ตูลินึ, ฉินฺนสสฺสรํ ฉินฺนภพฺภรํ กฏฺเน วา กถเลน วา สรสรํ กเรยฺย, ภรภรํ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘อมุ หิ, ภนฺเต, พิฬารภสฺตา มทฺทิตา สุมทฺทิตา สุปริมทฺทิตา, มุทุกา ตูลินี, ฉินฺนสสฺสรา ฉินฺนภพฺภรา. สา น สุกรา กฏฺเน วา กถเลน วา สรสรํ กาตุํ ภรภรํ กาตุํ; ยาวเทว จ ปน โส ปุริโส กิลมถสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปฺจิเม วจนปถา เยหิ โว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ กาเลน วา อกาเลน วา; ภูเตน วา อภูเตน วา; สณฺเหน วา ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา โทสนฺตรา วา. กาเลน วา ภิกฺขเว ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อกาเลน วา; ภูเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อภูเตน วา; สณฺเหน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ ผรุเสน วา; อตฺถสํหิเตน วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ อนตฺถสํหิเตน วา; เมตฺตจิตฺตา วา, ภิกฺขเว, ปเร วทมานา วเทยฺยุํ โทสนฺตรา วา. ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตรา. ตฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม, ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ พิฬารภสฺตาสเมน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.

๒๓๒. ‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร. ตตฺราปิ โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘น เจว โน จิตฺตํ วิปริณตํ ภวิสฺสติ, น จ ปาปิกํ วาจํ นิจฺฉาเรสฺสาม, หิตานุกมฺปี จ วิหริสฺสาม เมตฺตจิตฺตา น โทสนฺตรา. ตฺจ ปุคฺคลํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา ผริตฺวา วิหริสฺสาม ตทารมฺมณฺจ สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาพชฺเฌน ผริตฺวา วิหริสฺสามา’ติ. เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพํ.

๒๓๓. ‘‘อิมฺจ [อิมฺเจ (?)] ตุมฺเห, ภิกฺขเว, กกจูปมํ โอวาทํ อภิกฺขณํ มนสิ กเรยฺยาถ. ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตํ วจนปถํ, อณุํ วา ถูลํ วา, ยํ ตุมฺเห นาธิวาเสยฺยาถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, อิมํ กกจูปมํ โอวาทํ อภิกฺขณํ มนสิกโรถ. ตํ โว ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

กกจูปมสุตฺตํ นิฏฺิตํ ปมํ.

๒. อลคทฺทูปมสุตฺตํ

๒๓๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อริฏฺสฺส นาม ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส [คนฺธพาธิปุพฺพสฺส (ก.)] เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ. อสฺโสสุํ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู – ‘‘อริฏฺสฺส กิร นาม ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ. อถ โข เต ภิกฺขู เยน อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตทโวจุํ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส อริฏฺ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ. ‘‘เอวํพฺยาโข [เอวํ โข (?) ภควโต สมฺมุขาเยวสฺส ‘‘เอวํพฺยาโข’’ติ] อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ.

อถ โข เตปิ ภิกฺขู อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุกามา สมนุยุฺชนฺติ สมนุคาหนฺติ [สมนุคฺคาหนฺติ (สฺยา.)] สมนุภาสนฺติ – ‘‘มา เหวํ, อาวุโส อริฏฺ, อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ; น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ [อพฺภาจิกฺขนํ (ก.)], น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อเนกปริยาเยนาวุโส อริฏฺ, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา, อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา,อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา…เป… มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สุปินกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… อสิสูนูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สตฺติสูลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติ. เอวมฺปิ โข อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ เตหิ ภิกฺขูหิ สมนุยุฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน [สมนุคฺคาหิยมาโน (สฺยา. วินเยปิ)] สมนุภาสิยมาโน ตเทว [ตเถว ตํ (วินเย)] ปาปกํ ทิฏฺิคตํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ.

๒๓๕. ยโต โข เต ภิกฺขู นาสกฺขึสุ อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุํ, อถ โข เต ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘อริฏฺสฺส นาม, ภนฺเต, ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. อสฺสุมฺห โข มยํ, ภนฺเต – ‘อริฏฺสฺส กิร นาม ภิกฺขุโน คทฺธพาธิปุพฺพสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยน อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตทโวจุมฺห – ‘สจฺจํ กิร เต, อาวุโส อริฏฺ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ?

‘‘เอวํ วุตฺเต, ภนฺเต, อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อมฺเห เอตทโวจ – ‘เอวํพฺยาโข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. อถ โข มยํ, ภนฺเต, อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุกามา สมนุยุฺชิมฺห สมนุคาหิมฺห สมนุภาสิมฺห – ‘มา เหวํ, อาวุโส อริฏฺ, อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ; น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย. อเนกปริยาเยนาวุโส อริฏฺ, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา, อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา…เป… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’ติ. เอวมฺปิ โข, ภนฺเต, อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อมฺเหหิ สมนุยุฺชิยมาโน สมนุคาหิยมาโน สมนุภาสิยมาโน ตเทว ปาปกํ ทิฏฺิคตํ ถามสา ปรามาสา อภินิวิสฺส โวหรติ – ‘เอวํพฺยาโข อหํ, อาวุโส, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’ติ. ยโต โข มยํ, ภนฺเต, นาสกฺขิมฺห อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตสฺมา ปาปกา ทิฏฺิคตา วิเวเจตุํ, อถ มยํ เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจมา’’ติ.

๒๓๖. อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ อามนฺเตหิ – ‘สตฺถา ตํ, อาวุโส อริฏฺ, อามนฺเตตี’’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุตฺวา, เยน อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา ตํ, อาวุโส อริฏฺ, อามนฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ ตสฺส ภิกฺขุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร เต, อริฏฺ, เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ – ‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ?

‘‘เอวํพฺยาโข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ – ‘ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’’ติ. ‘‘กสฺส โข นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, มยา เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาสิ? นนุ มยา, โมฆปุริส, อเนกปริยาเยน อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา? อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา มยา, พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา มยา… มํสเปสูปมา กามา วุตฺตา มยา… ติณุกฺกูปมา กามา วุตฺตา มยา… องฺคารกาสูปมา กามา วุตฺตา มยา… สุปินกูปมา กามา วุตฺตา มยา… ยาจิตกูปมา กามา วุตฺตา มยา… รุกฺขผลูปมา กามา วุตฺตา มยา… อสิสูนูปมา กามา วุตฺตา มยา… สตฺติสูลูปมา กามา วุตฺตา มยา… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา มยา, พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อถ จ ปน ตฺวํ, โมฆปุริส, อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขสิ, อตฺตานฺจ ขนสิ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวสิ. ตฺหิ เต, โมฆปุริส, ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ.

อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นายํ อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อุสฺมีกโตปิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย’’ติ? ‘‘กิฺหิ [กึติ (ก.)] สิยา, ภนฺเต; โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ. เอวํ วุตฺเต, อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข ปชฺฌายนฺโต อปฺปฏิภาโน นิสีทิ. อถ โข ภควา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฏิภานํ วิทิตฺวา อริฏฺํ ภิกฺขุํ คทฺธพาธิปุพฺพํ เอตทโวจ – ‘‘ปฺายิสฺสสิ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, เอเตน สเกน ปาปเกน ทิฏฺิคเตน. อิธาหํ ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉิสฺสามี’’ติ.

๒๓๗. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ตุมฺเหปิ เม, ภิกฺขเว, เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ ยถายํ อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขนติ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวตี’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต. อเนกปริยาเยน หิ โน, ภนฺเต, อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา; อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา ภควตา…เป… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา ภควตา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติ. ‘‘สาธุ สาธุ, ภิกฺขเว, สาธุ, โข เม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, เอวํ ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาถ. อเนกปริยาเยน หิ โข, ภิกฺขเว, อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา มยา, อลฺจ ปน เต ปฏิเสวโต อนฺตรายาย. อปฺปสฺสาทา กามา วุตฺตา มยา, พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อฏฺิกงฺกลูปมา กามา วุตฺตา มยา…เป… สปฺปสิรูปมา กามา วุตฺตา มยา, พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย. อถ จ ปนายํ อริฏฺโ ภิกฺขุ คทฺธพาธิปุพฺโพ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขนติ, พหุฺจ อปุฺํ ปสวติ. ตฺหิ ตสฺส โมฆปุริสสฺส ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย. โส วต, ภิกฺขเว, อฺตฺเรว กาเมหิ อฺตฺร กามสฺาย อฺตฺร กามวิตกฺเกหิ กาเม ปฏิเสวิสฺสตีติ – เนตํ านํ วิชฺชติ’’.

๒๓๘. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อนุปปริกฺขตํ น นิชฺฌานํ ขมนฺติ. เต อุปารมฺภานิสํสา เจว ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน. โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ. ตเมนํ โภเค วา นงฺคุฏฺเ วา คณฺเหยฺย. ตสฺส โส อลคทฺโท ปฏิปริวตฺติตฺวา [ปฏินิวตฺติตฺวา (สฺยา. ก.)] หตฺเถ วา พาหาย วา อฺตรสฺมึ วา องฺคปจฺจงฺเค ฑํเสยฺย [ฑเสยฺย (สี. ปี.)]. โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อนุปปริกฺขตํ น นิชฺฌานํ ขมนฺติ. เต อุปารมฺภานิสํสา เจว ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา ภิกฺขเว ธมฺมานํ.

๒๓๙. ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, เอกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺขตํ นิชฺฌานํ ขมนฺติ. เต น เจว อุปารมฺภานิสํสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ น อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ [น จ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา (?)]. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา สุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา ภิกฺขเว ธมฺมานํ.

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน. โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ. ตเมนํ อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺเหยฺย. อชปเทน ทณฺเฑน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคหิตฺวา, คีวาย สุคฺคหิตํ คณฺเหยฺย. กิฺจาปิ โส, ภิกฺขเว, อลคทฺโท ตสฺส ปุริสสฺส หตฺถํ วา พาหํ วา อฺตรํ วา องฺคปจฺจงฺคํ โภเคหิ ปลิเวเยฺย, อถ โข โส เนว ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ กุลปุตฺตา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถํ, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อุปปริกฺขตํ นิชฺฌานํ ขมนฺติ. เต น เจว อุปารมฺภานิสํสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, น อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, ตฺจสฺส อตฺถํ อนุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา สุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อตฺถาย หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ยสฺส เม ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชาเนยฺยาถ, ตถา นํ ธาเรยฺยาถ. ยสฺส จ ปน เม ภาสิตสฺส อตฺถํ น อาชาเนยฺยาถ, อหํ โว ตตฺถ ปฏิปุจฺฉิตพฺโพ, เย วา ปนาสฺสุ วิยตฺตา ภิกฺขู.

๒๔๐. ‘‘กุลฺลูปมํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถาย. ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิกโรถ, ภาสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน. โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อุทกณฺณวํ, โอริมํ ตีรํ สาสงฺกํ สปฺปฏิภยํ, ปาริมํ ตีรํ เขมํ อปฺปฏิภยํ; น จสฺส นาวา สนฺตารณี อุตฺตรเสตุ วา อปารา ปารํ คมนาย. ตสฺส เอวมสฺส – ‘อยํ โข มหาอุทกณฺณโว, โอริมํ ตีรํ สาสงฺกํ สปฺปฏิภยํ, ปาริมํ ตีรํ เขมํ อปฺปฏิภยํ; นตฺถิ จ นาวา สนฺตารณี อุตฺตรเสตุ วา อปารา ปารํ คมนาย. ยํนูนาหํ ติณกฏฺสาขาปลาสํ สํกฑฺฒิตฺวา, กุลฺลํ พนฺธิตฺวา, ตํ กุลฺลํ นิสฺสาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ อุตฺตเรยฺย’นฺติ. อถ โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ติณกฏฺสาขาปลาสํ สํกฑฺฒิตฺวา, กุลฺลํ พนฺธิตฺวา ตํ กุลฺลํ นิสฺสาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ อุตฺตเรยฺย. ตสฺส ปุริสสฺส อุตฺติณฺณสฺส [ติณฺณสฺส (ปี. ก.)] ปารงฺคตสฺส เอวมสฺส – ‘พหุกาโร โข เม อยํ กุลฺโล; อิมาหํ กุลฺลํ นิสฺสาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ อุตฺติณฺโณ. ยํนูนาหํ อิมํ กุลฺลํ สีเส วา อาโรเปตฺวา ขนฺเธ วา อุจฺจาเรตฺวา [อุจฺโจเปตฺวา (ก.)] เยน กามํ ปกฺกเมยฺย’นฺติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส เอวํการี ตสฺมึ กุลฺเล กิจฺจการี อสฺสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘กถํการี จ โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ตสฺมึ กุลฺเล กิจฺจการี อสฺส? อิธ, ภิกฺขเว, ตสฺส ปุริสสฺส อุตฺติณฺณสฺส ปารงฺคตสฺส เอวมสฺส – ‘พหุกาโร โข เม อยํ กุลฺโล; อิมาหํ กุลฺลํ นิสฺสาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมาโน โสตฺถินา ปารํ อุตฺติณฺโณ. ยํนูนาหํ อิมํ กุลฺลํ ถเล วา อุสฺสาเทตฺวา [อุสฺสาเรตฺวา (ก.)] อุทเก วา โอปิลาเปตฺวา เยน กามํ ปกฺกเมยฺย’นฺติ. เอวํการี โข โส, ภิกฺขเว, ปุริโส ตสฺมึ กุลฺเล กิจฺจการี อสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, กุลฺลูปโม มยา ธมฺโม เทสิโต นิตฺถรณตฺถาย, โน คหณตฺถาย. กุลฺลูปมํ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทสิตํ, อาชานนฺเตหิ ธมฺมาปิ โว ปหาตพฺพา ปเคว อธมฺมา.

๒๔๑. ‘‘ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, ทิฏฺิฏฺานานิ. กตมานิ ฉ? อิธ, ภิกฺขเว, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธมฺเม อวินีโต, สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต, รูปํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; เวทนํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; สฺํ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; สงฺขาเร ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; ยมฺปิ ตํ ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ, อนุวิจริตํ มนสา ตมฺปิ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ – โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามีติ – ตมฺปิ ‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต, สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต, รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; เวทนํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; สฺํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; สงฺขาเร ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; ยมฺปิ ตํ ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ, อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺปิ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ; ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ – โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามีติ – ตมฺปิ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ สมนุปสฺสติ. โส เอวํ สมนุปสฺสนฺโต อสติ น ปริตสฺสตี’’ติ.

๒๔๒. เอวํ วุตฺเต, อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, พหิทฺธา อสติ ปริตสฺสนา’’ติ? ‘‘สิยา, ภิกฺขู’’ติ – ภควา อโวจ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอกจฺจสฺส เอวํ โหติ – ‘อหุ วต เม, ตํ วต เม นตฺถิ; สิยา วต เม, ตํ วตาหํ น ลภามี’ติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, พหิทฺธา อสติ ปริตสฺสนา โหตี’’ติ.

‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, พหิทฺธา อสติ อปริตสฺสนา’’ติ? ‘‘สิยา, ภิกฺขู’’ติ – ภควา อโวจ. ‘‘อิธ ภิกฺขุ เอกจฺจสฺส น เอวํ โหติ – ‘อหุ วต เม, ตํ วต เม นตฺถิ; สิยา วต เม, ตํ วตาหํ น ลภามี’ติ. โส น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ น สมฺโมหํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, พหิทฺธา อสติ อปริตสฺสนา โหตี’’ติ.

‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, อชฺฌตฺตํ อสติ ปริตสฺสนา’’ติ? ‘‘สิยา, ภิกฺขู’’ติ – ภควา อโวจ. ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, เอกจฺจสฺส เอวํ ทิฏฺิ โหติ – ‘โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’ติ. โส สุณาติ ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วา สพฺเพสํ ทิฏฺิฏฺานาธิฏฺานปริยุฏฺานาภินิเวสานุสยานํ สมุคฺฆาตาย สพฺพสงฺขารสมถาย สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคาย ตณฺหากฺขยาย วิราคาย นิโรธาย นิพฺพานาย ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส. ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อุจฺฉิชฺชิสฺสามิ นามสฺสุ, วินสฺสิสฺสามิ นามสฺสุ, นสฺสุ นาม ภวิสฺสามี’ติ. โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, อชฺฌตฺตํ อสติ ปริตสฺสนา โหตี’’ติ.

‘‘สิยา ปน, ภนฺเต, อชฺฌตฺตํ อสติ อปริตสฺสนา’’ติ? ‘‘สิยา, ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ. ‘‘อิธ, ภิกฺขุ, เอกจฺจสฺส น เอวํ ทิฏฺิ โหติ – ‘โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’ติ. โส สุณาติ ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วา สพฺเพสํ ทิฏฺิฏฺานาธิฏฺานปริยุฏฺานาภินิเวสานุสยานํ สมุคฺฆาตาย สพฺพสงฺขารสมถาย สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคาย ตณฺหากฺขยาย วิราคาย นิโรธาย นิพฺพานาย ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส. ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘อุจฺฉิชฺชิสฺสามิ นามสฺสุ, วินสฺสิสฺสามิ นามสฺสุ, นสฺสุ นาม ภวิสฺสามี’ติ. โส น โสจติ น กิลมติ น ปริเทวติ น อุรตฺตาฬึ กนฺทติ น สมฺโมหํ อาปชฺชติ. เอวํ โข, ภิกฺขุ, อชฺฌตฺตํ อสติ อปริตสฺสนา โหติ’’.

๒๔๓. ‘‘ตํ [ตฺจ (ก.)], ภิกฺขเว, ปริคฺคหํ ปริคฺคณฺเหยฺยาถ, ยฺวาสฺส [ยฺวาสฺสุ (ก.)] ปริคฺคโห นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว ติฏฺเยฺย. ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตํ ปริคฺคหํ ยฺวาสฺส ปริคฺคโห นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว ติฏฺเยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว. อหมฺปิ โข ตํ, ภิกฺขเว, ปริคฺคหํ น สมนุปสฺสามิ ยฺวาสฺส ปริคฺคโห นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว ติฏฺเยฺย.

‘‘ตํ, ภิกฺขเว, อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิเยถ, ยํส [ยสฺส (สฺยา. ก.)] อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา. ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตํ อตฺตวาทุปาทานํ ยํส อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว. อหมฺปิ โข ตํ, ภิกฺขเว, อตฺตวาทุปาทานํ น สมนุปสฺสามิ ยํส อตฺตวาทุปาทานํ อุปาทิยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา.

‘‘ตํ, ภิกฺขเว, ทิฏฺินิสฺสยํ นิสฺสเยถ ยํส ทิฏฺินิสฺสยํ นิสฺสยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา. ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ตํ ทิฏฺินิสฺสยํ ยํส ทิฏฺินิสฺสยํ นิสฺสยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘สาธุ, ภิกฺขเว. อหมฺปิ โข ตํ, ภิกฺขเว, ทิฏฺินิสฺสยํ น สมนุปสฺสามิ ยํส ทิฏฺินิสฺสยํ นิสฺสยโต น อุปฺปชฺเชยฺยุํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา’’.

๒๔๔. ‘‘อตฺตนิ วา, ภิกฺขเว, สติ อตฺตนิยํ เม ติ อสฺสา’’ติ?

‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘อตฺตนิเย วา, ภิกฺขเว, สติ อตฺตา เม ติ อสฺสา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’.

‘‘อตฺตนิ จ, ภิกฺขเว, อตฺตนิเย จ สจฺจโต เถตโต อนุปลพฺภมาเน, ยมฺปิ ตํ ทิฏฺิฏฺานํ – ‘โส โลโก โส อตฺตา, โส เปจฺจ ภวิสฺสามิ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต อวิปริณามธมฺโม, สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’ติ – นนายํ [น จ โขยํ (ก.)], ภิกฺขเว, เกวโล ปริปูโร พาลธมฺโม’’’ติ?

‘‘กิฺหิ โน สิยา, ภนฺเต, เกวโล หิ, ภนฺเต, ปริปูโร [เกวโล ปริปูโร (สี. ปี.)] พาลธมฺโม’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ?

‘‘อนิจฺจํ, ภนฺเต’’.

‘‘ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ?

‘‘ทุกฺขํ, ภนฺเต’’.

‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, เวทนา…เป… สฺา… สงฺขารา… วิฺาณํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ?

‘‘อนิจฺจํ, ภนฺเต’’.

‘‘ยํ ปนานิจฺจํ, ทุกฺขํ วา ตํ สุขํ วา’’ติ?

‘‘ทุกฺขํ, ภนฺเต’’.

‘‘ยํ ปนานิจฺจํ ทุกฺขํ วิปริณามธมฺมํ, กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุํ – เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ?

‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’.

‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ, อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา, โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา, หีนํ วา ปณีตํ วา, ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ รูปํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ. ยา กาจิ เวทนา…เป… ยา กาจิ สฺา… เย เกจิ สงฺขารา… ยํ กิฺจิ วิฺาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ, อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา, โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา, หีนํ วา ปณีตํ วา, ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ วิฺาณํ ‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เมโส อตฺตา’ติ – เอวเมตํ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย ทฏฺพฺพํ’’.

๒๔๕. ‘‘เอวํ ปสฺสํ, ภิกฺขเว, สุตวา อริยสาวโก รูปสฺมึ นิพฺพินฺทติ, เวทนาย นิพฺพินฺทติ, สฺาย นิพฺพินฺทติ, สงฺขาเรสุ นิพฺพินฺทติ, วิฺาณสฺมึ นิพฺพินฺทติ, นิพฺพิทา วิรชฺชติ [นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ (สี. สฺยา. ปี.)], วิราคา วิมุจฺจติ, วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณํ โหติ. ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ อิติปิ, สํกิณฺณปริกฺโข อิติปิ, อพฺพูฬฺเหสิโก อิติปิ, นิรคฺคโฬ อิติปิ, อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต อิติปิ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อวิชฺชา ปหีนา โหติ, อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา, อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุกฺขิตฺตปลิโฆ โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สํกิณฺณปริกฺโข โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โปโนพฺภวิโก ชาติสํสาโร ปหีโน โหติ, อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต, อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สํกิณฺณปริกฺโข โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อพฺพูฬฺเหสิโก โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา ปหีนา โหติ, อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา, อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อพฺพูฬฺเหสิโก โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิรคฺคโฬ โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปฺจ โอรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปหีนานิ โหนฺติ, อุจฺฉินฺนมูลานิ ตาลาวตฺถุกตานิ อนภาวํกตานิ, อายตึ อนุปฺปาทธมฺมานิ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นิรคฺคโฬ โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อสฺมิมาโน ปหีโน โหติ, อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต, อายตึ อนุปฺปาทธมฺโม. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต โหติ.

๒๔๖. ‘‘เอวํ วิมุตฺตจิตฺตํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุํ สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา สปชาปติกา อนฺเวสํ นาธิคจฺฉนฺติ – ‘อิทํ นิสฺสิตํ ตถาคตสฺส วิฺาณ’นฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทิฏฺเวาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺเม ตถาคตํ อนนุวิชฺโชติ วทามิ. เอวํวาทึ โข มํ, ภิกฺขเว, เอวมกฺขายึ เอเก สมณพฺราหฺมณา อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ – ‘เวนยิโก สมโณ โคตโม, สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺาเปตี’ติ. ยถา จาหํ น, ภิกฺขเว [ภิกฺขเว น (สี. สฺยา. ปี.)], ยถา จาหํ น วทามิ, ตถา มํ เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา อสตา ตุจฺฉา มุสา อภูเตน อพฺภาจิกฺขนฺติ – ‘เวนยิโก สมโณ โคตโม, สโต สตฺตสฺส อุจฺเฉทํ วินาสํ วิภวํ ปฺาเปตี’ติ. ปุพฺเพ จาหํ ภิกฺขเว, เอตรหิ จ ทุกฺขฺเจว ปฺาเปมิ, ทุกฺขสฺส จ นิโรธํ. ตตฺร เจ, ภิกฺขเว, ปเร ตถาคตํ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรเสนฺติ วิเหเสนฺติ, ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส น โหติ อาฆาโต น อปฺปจฺจโย น เจตโส อนภิรทฺธิ.

‘‘ตตฺร เจ, ภิกฺขเว, ปเร ตถาคตํ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส น โหติ อานนฺโท น โสมนสฺสํ น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ. ตตฺร เจ, ภิกฺขเว, ปเร วา ตถาคตํ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติ, ตตฺร, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยํ โข อิทํ ปุพฺเพ ปริฺาตํ ตตฺถ เม เอวรูปา การา [สกฺการา (ก.)] กรียนฺตี’ติ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺเห เจปิ ปเร อกฺโกเสยฺยุํ ปริภาเสยฺยุํ โรเสยฺยุํ วิเหเสยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺเห หิ น อาฆาโต น อปฺปจฺจโย น เจตโส อนภิรทฺธิ กรณียา. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺเห เจปิ ปเร สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺเหหิ น อานนฺโท น โสมนสฺสํ น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณียํ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ตุมฺเห เจปิ ปเร สกฺกเรยฺยุํ ครุํ กเรยฺยุํ มาเนยฺยุํ ปูเชยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘ยํ โข อิทํ ปุพฺเพ ปริฺาตํ, ตตฺถ เม [ตตฺถ โน (ก.) ตตฺถ + อิเมติ ปทจฺเฉโท] เอวรูปา การา กรียนฺตี’ติ.

๒๔๗. ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ยํ น ตุมฺหากํ ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. กิฺจ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ? รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. เวทนา, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; สา โว ปหีนา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. สฺา, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; สา โว ปหีนา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. สงฺขารา, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, เต ปชหถ; เต โว ปหีนา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสนฺติ. วิฺาณํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, ยํ อิมสฺมึ เชตวเน ติณกฏฺสาขาปลาสํ, ตํ ชโน หเรยฺย วา ทเหยฺย วา ยถาปจฺจยํ วา กเรยฺย. อปิ นุ ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อมฺเห ชโน หรติ วา ทหติ วา ยถาปจฺจยํ วา กโรตี’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’? ‘‘น หิ โน เอตํ, ภนฺเต, อตฺตา วา อตฺตนิยํ วา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ น ตุมฺหากํ ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. กิฺจ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ? รูปํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ. เวทนา, ภิกฺขเว…เป… สฺา, ภิกฺขเว… สงฺขารา, ภิกฺขเว…เป… วิฺาณํ, ภิกฺขเว, น ตุมฺหากํ, ตํ ปชหถ; ตํ โว ปหีนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสติ.

๒๔๘. ‘‘เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เย เต ภิกฺขู อรหนฺโต ขีณาสวา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสํโยชนา สมฺมทฺา วิมุตฺตา, วฏฺฏํ เตสํ นตฺถิ ปฺาปนาย. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เยสํ ภิกฺขูนํ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปหีนานิ, สพฺเพ เต โอปปาติกา, ตตฺถ ปรินิพฺพายิโน, อนาวตฺติธมฺมา ตสฺมา โลกา. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เยสํ ภิกฺขูนํ ตีณิ สํโยชนานิ ปหีนานิ, ราคโทสโมหา ตนุภูตา, สพฺเพ เต สกทาคามิโน, สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺติ. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เยสํ ภิกฺขูนํ ตีณิ สํโยชนานิ ปหีนานิ, สพฺเพ เต โสตาปนฺนา, อวินิปาตธมฺมา, นิยตา สมฺโพธิปรายนา. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เย เต ภิกฺขู ธมฺมานุสาริโน สทฺธานุสาริโน สพฺเพ เต สมฺโพธิปรายนา. เอวํ สฺวากฺขาโต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺโม อุตฺตาโน วิวโฏ ปกาสิโต ฉินฺนปิโลติโก. เอวํ สฺวากฺขาเต, ภิกฺขเว, มยา ธมฺเม อุตฺตาเน วิวเฏ ปกาสิเต ฉินฺนปิโลติเก เยสํ มยิ สทฺธามตฺตํ เปมมตฺตํ สพฺเพ เต สคฺคปรายนา’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติ.

อลคทฺทูปมสุตฺตํ นิฏฺิตํ ทุติยํ.

๓. วมฺมิกสุตฺตํ

๒๔๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา กุมารกสฺสโป อนฺธวเน วิหรติ. อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ อนฺธวนํ โอภาเสตฺวา เยนายสฺมา กุมารกสฺสโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา อายสฺมนฺตํ กุมารกสฺสปํ เอตทโวจ –

‘‘ภิกฺขุ ภิกฺขุ, อยํ วมฺมิโก [วมฺมีโก (กตฺถจิ) สกฺกตานุรูปํ] รตฺตึ ธูมายติ, ทิวา ปชฺชลติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส ลงฺคึ ‘ลงฺคี, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป ลงฺคึ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส อุทฺธุมายิกํ. ‘อุทฺธุมายิกา, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป อุทฺธุมายิกํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส ทฺวิธาปถํ. ‘ทฺวิธาปโถ, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป ทฺวิธาปถํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส จงฺควารํ [ปงฺกวารํ (สฺยา.), จงฺกวารํ (ก.)]. ‘จงฺควาโร, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป จงฺควารํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส กุมฺมํ. ‘กุมฺโม, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป กุมฺมํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส อสิสูนํ. ‘อสิสูนา, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป อสิสูนํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส มํสเปสึ. ‘มํสเปสิ, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อุกฺขิป มํสเปสึ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย อทฺทส นาคํ. ‘นาโค, ภทนฺเต’ติ. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘ติฏฺตุ นาโค, มา นาคํ ฆฏฺเฏสิ; นโม กโรหิ นาคสฺสา’’’ติ.

‘‘อิเม โข ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปฺเห ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺยาสิ, ยถา จ เต ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาสิ. นาหํ ตํ, ภิกฺขุ, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, โย อิเมสํ ปฺหานํ เวยฺยากรเณน จิตฺตํ อาราเธยฺย อฺตฺร ตถาคเตน วา, ตถาคตสาวเกน วา, อิโต วา ปน สุตฺวา’’ติ – อิทมโวจ สา เทวตา. อิทํ วตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ.

๒๕๐. อถ โข อายสฺมา กุมารกสฺสโป ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา กุมารกสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิมํ, ภนฺเต, รตฺตึ อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ อนฺธวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตํ ิตา โข, ภนฺเต, สา เทวตา มํ เอตทโวจ – ‘ภิกฺขุ ภิกฺขุ, อยํ วมฺมิโก รตฺตึ ธูมายติ, ทิวา ปชฺชลติ’. พฺราหฺมโณ เอวมาห – ‘อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายา’ติ. อภิกฺขณนฺโต สุเมโธ สตฺถํ อาทาย…เป… อิโต วา ปน สุตฺวาติ. อิทมโวจ, ภนฺเต, สา เทวตา. อิทํ วตฺวา ตตฺเถวนฺตรธายิ. ‘โก นุ โข, ภนฺเต, วมฺมิโก, กา รตฺตึ ธูมายนา, กา ทิวา ปชฺชลนา, โก พฺราหฺมโณ, โก สุเมโธ, กึ สตฺถํ, กึ อภิกฺขณํ, กา ลงฺคี, กา อุทฺธุมายิกา, โก ทฺวิธาปโถ, กึ จงฺควารํ, โก กุมฺโม, กา อสิสูนา, กา มํสเปสิ, โก นาโค’’’ติ?

๒๕๑. ‘‘‘วมฺมิโก’ติ โข, ภิกฺขุ, อิมสฺเสตํ จาตุมหาภูติกสฺส [จาตุมฺมหาภูติกสฺส (สี. สฺยา. ปี.)] กายสฺส อธิวจนํ, มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺส โอทนกุมฺมาสูปจยสฺส อนิจฺจุจฺฉาทน-ปริมทฺทนเภทน-วิทฺธํสน-ธมฺมสฺส.

‘‘ยํ โข, ภิกฺขุ, ทิวา กมฺมนฺเต [กมฺมนฺตํ (ก.)] อารพฺภ รตฺตึ อนุวิตกฺเกติ อนุวิจาเรติ – อยํ รตฺตึ ธูมายนา. ยํ โข, ภิกฺขุ, รตฺตึ อนุวิตกฺเกตฺวา อนุวิจาเรตฺวา ทิวา กมฺมนฺเต ปโยเชติ กาเยน วาจาย ‘มนสา’ [( ) นตฺถิ (สี. สฺยา.)] – อยํ ทิวา ปชฺชลนา.

‘‘‘พฺราหฺมโณ’ติ โข, ภิกฺขุ, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. ‘สุเมโธ’ติ โข ภิกฺขุ เสกฺขสฺเสตํ ภิกฺขุโน อธิวจนํ.

‘‘‘สตฺถ’นฺติ โข, ภิกฺขุ, อริยาเยตํ ปฺาย อธิวจนํ. ‘อภิกฺขณ’นฺติ โข, ภิกฺขุ, วีริยารมฺภสฺเสตํ อธิวจนํ.

‘‘‘ลงฺคี’ติ โข, ภิกฺขุ, อวิชฺชาเยตํ อธิวจนํ. อุกฺขิป ลงฺคึ, ปชห อวิชฺชํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.

‘‘‘อุทฺธุมายิกา’ติ โข, ภิกฺขุ, โกธูปายาสสฺเสตํ อธิวจนํ. อุกฺขิป อุทฺธุมายิกํ, ปชห โกธูปายาสํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.

‘‘‘ทฺวิธาปโถ’ติ โข, ภิกฺขุ, วิจิกิจฺฉาเยตํ อธิวจนํ. อุกฺขิป ทฺวิธาปถํ, ปชห วิจิกิจฺฉํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.

‘‘‘จงฺควาร’นฺติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ นีวรณานํ อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส, พฺยาปาทนีวรณสฺส, ถีนมิทฺธนีวรณสฺส, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณสฺส, วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส. อุกฺขิป จงฺควารํ, ปชห ปฺจ นีวรเณ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.

‘‘‘กุมฺโม’ติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจนํ, เสยฺยถิทํ – รูปุปาทานกฺขนฺธสฺส, เวทนุปาทานกฺขนฺธสฺส, สฺุปาทานกฺขนฺธสฺส, สงฺขารุปาทานกฺขนฺธสฺส, วิฺาณุปาทานกฺขนฺธสฺส. อุกฺขิป กุมฺมํ, ปชห ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.

‘‘‘อสิสูนา’ติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ – จกฺขุวิฺเยฺยานํ รูปานํ อิฏฺานํ กนฺตานํ มนาปานํ ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ, โสตวิฺเยฺยานํ สทฺทานํ…เป… ฆานวิฺเยฺยานํ คนฺธานํ…เป… ชิวฺหาวิฺเยฺยานํ รสานํ…เป… กายวิฺเยฺยานํ โผฏฺพฺพานํ อิฏฺานํ กนฺตานํ มนาปานํ ปิยรูปานํ กามูปสํหิตานํ รชนียานํ. อุกฺขิป อสิสูนํ, ปชห ปฺจ กามคุเณ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.

‘‘‘มํสเปสี’ติ โข, ภิกฺขุ, นนฺทีราคสฺเสตํ อธิวจนํ. อุกฺขิป มํสเปสึ, ปชห นนฺทีราคํ; อภิกฺขณ, สุเมธ, สตฺถํ อาทายาติ อยเมตสฺส อตฺโถ.

‘‘‘นาโค’ติ โข, ภิกฺขุ, ขีณาสวสฺเสตํ ภิกฺขุโน อธิวจนํ. ติฏฺตุ นาโค, มา นาคํ ฆฏฺเฏสิ; นโม กโรหิ นาคสฺสาติ อยเมตสฺส อตฺโถ’’ติ.

อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา กุมารกสฺสโป ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติ.

วมฺมิกสุตฺตํ นิฏฺิตํ ตติยํ.

๔. รถวินีตสุตฺตํ

๒๕๒. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อถ โข สมฺพหุลา ชาติภูมกา ภิกฺขู ชาติภูมิยํ วสฺสํวุฏฺา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เอกมนฺตํ นิสินฺเน โข เต ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ –

‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีนํ เอวํ สมฺภาวิโต – ‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ สนฺตุฏฺโ สนฺตุฏฺิกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ ปวิวิตฺโต ปวิเวกกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ อสํสฏฺโ อสํสคฺคกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ อารทฺธวีริโย วีริยารมฺภกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ สีลสมฺปนฺโน สีลสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ สมาธิสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ ปฺาสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ วิมุตฺติสมฺปนฺโน วิมุตฺติสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺโน วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปทากถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, โอวาทโก วิฺาปโก สนฺทสฺสโก สมาทปโก สมุตฺเตชโก สมฺปหํสโก สพฺรหฺมจารีน’’’นฺติ? ‘‘ปุณฺโณ นาม, ภนฺเต, อายสฺมา มนฺตาณิปุตฺโต ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีนํ เอวํ สมฺภาวิโต – ‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา, อตฺตนา จ สนฺตุฏฺโ…เป… โอวาทโก วิฺาปโก สนฺทสฺสโก สมาทปโก สมุตฺเตชโก สมฺปหํสโก สพฺรหฺมจารีน’’’นฺติ.

๒๕๓. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ. อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ลาภา อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส, สุลทฺธลาภา อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส, ยสฺส วิฺู สพฺรหฺมจารี สตฺถุ สมฺมุขา อนุมสฺส อนุมสฺส วณฺณํ ภาสนฺติ, ตฺจ สตฺถา อพฺภนุโมทติ. อปฺเปว นาม มยมฺปิ กทาจิ กรหจิ อายสฺมตา ปุณฺเณน มนฺตาณิปุตฺเตน สทฺธึ สมาคจฺเฉยฺยาม [สมาคมํ คจฺเฉยฺย (ก.)], อปฺเปว นาม สิยา โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ.

๒๕๔. อถ โข ภควา ราชคเห ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อสฺโสสิ โข อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต – ‘‘ภควา กิร สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต; สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ.

๒๕๕. อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน สาวตฺถิ เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ สมาทเปสิ สมุตฺเตเชสิ สมฺปหํเสสิ. อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน อนฺธวนํ เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหาราย.

๒๕๖. อถ โข อฺตโร ภิกฺขุ เยนายสฺมา สาริปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยสฺส โข ตฺวํ, อาวุโส สาริปุตฺต, ปุณฺณสฺส นาม ภิกฺขุโน มนฺตาณิปุตฺตสฺส อภิณฺหํ กิตฺตยมาโน อโหสิ, โส ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิโต สมาทปิโต สมุตฺเตชิโต สมฺปหํสิโต ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน อนฺธวนํ เตน ปกฺกนฺโต ทิวาวิหารายา’’ติ.

อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต ตรมานรูโป นิสีทนํ อาทาย อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ สีสานุโลกี. อถ โข อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อายสฺมาปิ โข สาริปุตฺโต อนฺธวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ.

อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา ปุณฺเณน มนฺตาณิปุตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิ. สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ เอตทโวจ –

๒๕๗. ‘‘ภควติ โน, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?

‘‘เอวมาวุโส’’ติ.

‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ ปนาวุโส, จิตฺตวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, ทิฏฺิวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ ปนาวุโส, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ ปนาวุโส, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ ปนาวุโส, จิตฺตวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ นุ โข, อาวุโส, ทิฏฺิวิสุทฺธตฺถํ…เป… กงฺขาวิตรณวิสุทฺธตฺถํ…เป… มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ…เป… ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ…เป… กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถํ ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’ติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ อาวุโส’ติ วเทสิ. กิมตฺถํ จรหาวุโส, ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ? ‘‘อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ โข, อาวุโส, ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ.

‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ ปนาวุโส, จิตฺตวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, ทิฏฺิวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ ปนาวุโส กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ ปนาวุโส, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘กึ ปนาวุโส, อฺตฺร อิเมหิ ธมฺเมหิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’’นฺติ?

‘‘โน หิทํ, อาวุโส’’.

‘‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ ปนาวุโส, จิตฺตวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ นุ โข, อาวุโส, ทิฏฺิวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ…เป… กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ… มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ… ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ… ‘กึ นุ โข, อาวุโส, าณทสฺสนวิสุทฺธิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ‘กึ ปนาวุโส, อฺตฺร อิเมหิ ธมฺเมหิ อนุปาทาปรินิพฺพาน’นฺติ อิติ ปุฏฺโ สมาโน ‘โน หิทํ, อาวุโส’ติ วเทสิ. ยถากถํ ปนาวุโส, อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ?

๒๕๘. ‘‘สีลวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย [ปฺาเปสฺส (สี. สฺยา.) เอวมฺตฺถปิ]. จิตฺตวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. ทิฏฺิวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. กงฺขาวิตรณวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. าณทสฺสนวิสุทฺธึ เจ, อาวุโส, ภควา อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย, สอุปาทานํเยว สมานํ อนุปาทาปรินิพฺพานํ ปฺเปยฺย. อฺตฺร เจ, อาวุโส, อิเมหิ ธมฺเมหิ อนุปาทาปรินิพฺพานํ อภวิสฺส, ปุถุชฺชโน ปรินิพฺพาเยยฺย. ปุถุชฺชโน หิ, อาวุโส, อฺตฺร อิเมหิ ธมฺเมหิ. เตน หาวุโส, อุปมํ เต กริสฺสามิ; อุปมายปิเธกจฺเจ วิฺู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติ.

๒๕๙. ‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, รฺโ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺตสฺส สาเกเต กิฺจิเทว อจฺจายิกํ กรณียํ อุปฺปชฺเชยฺย. ตสฺส อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ สาเกตํ สตฺต รถวินีตานิ อุปฏฺเปยฺยุํ. อถ โข, อาวุโส, ราชา ปเสนทิ โกสโล สาวตฺถิยา นิกฺขมิตฺวา อนฺเตปุรทฺวารา ปมํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย, ปเมน รถวินีเตน ทุติยํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ปมํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย ทุติยํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. ทุติเยน รถวินีเตน ตติยํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ทุติยํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, ตติยํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. ตติเยน รถวินีเตน จตุตฺถํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ตติยํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, จตุตฺถํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. จตุตฺเถน รถวินีเตน ปฺจมํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, จตุตฺถํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, ปฺจมํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. ปฺจเมน รถวินีเตน ฉฏฺํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ปฺจมํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, ฉฏฺํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. ฉฏฺเน รถวินีเตน สตฺตมํ รถวินีตํ ปาปุเณยฺย, ฉฏฺํ รถวินีตํ วิสฺสชฺเชยฺย, สตฺตมํ รถวินีตํ อภิรุเหยฺย. สตฺตเมน รถวินีเตน สาเกตํ อนุปาปุเณยฺย อนฺเตปุรทฺวารํ. ตเมนํ อนฺเตปุรทฺวารคตํ สมานํ มิตฺตามจฺจา าติสาโลหิตา เอวํ ปุจฺเฉยฺยุํ – ‘อิมินา ตฺวํ, มหาราช, รถวินีเตน สาวตฺถิยา สาเกตํ อนุปฺปตฺโต อนฺเตปุรทฺวาร’นฺติ? กถํ พฺยากรมาโน นุ โข, อาวุโส, ราชา ปเสนทิ โกสโล สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติ?

‘‘เอวํ พฺยากรมาโน โข, อาวุโส, ราชา ปเสนทิ โกสโล สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺย – ‘อิธ เม สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺตสฺส สาเกเต กิฺจิเทว อจฺจายิกํ กรณียํ อุปฺปชฺชิ [อุปฺปชฺชติ (ก.)]. ตสฺส เม อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ สาเกตํ สตฺต รถวินีตานิ อุปฏฺเปสุํ. อถ ขฺวาหํ สาวตฺถิยา นิกฺขมิตฺวา อนฺเตปุรทฺวารา ปมํ รถวินีตํ อภิรุหึ. ปเมน รถวินีเตน ทุติยํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ปมํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ ทุติยํ รถวินีตํ อภิรุหึ. ทุติเยน รถวินีเตน ตติยํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ทุติยํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, ตติยํ รถวินีตํ อภิรุหึ. ตติเยน รถวินีเตน จตุตฺถํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ตติยํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, จตุตฺถํ รถวินีตํ อภิรุหึ. จตุตฺเถน รถวินีเตน ปฺจมํ รถวินีตํ ปาปุณึ, จตุตฺถํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, ปฺจมํ รถวินีตํ อภิรุหึ. ปฺจเมน รถวินีเตน ฉฏฺํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ปฺจมํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, ฉฏฺํ รถวินีตํ อภิรุหึ. ฉฏฺเน รถวินีเตน สตฺตมํ รถวินีตํ ปาปุณึ, ฉฏฺํ รถวินีตํ วิสฺสชฺชึ, สตฺตมํ รถวินีตํ อภิรุหึ. สตฺตเมน รถวินีเตน สาเกตํ อนุปฺปตฺโต อนฺเตปุรทฺวาร’นฺติ. เอวํ พฺยากรมาโน โข, อาวุโส, ราชา ปเสนทิ โกสโล สมฺมา พฺยากรมาโน พฺยากเรยฺยา’’ติ.

‘‘เอวเมว โข, อาวุโส, สีลวิสุทฺธิ ยาวเทว จิตฺตวิสุทฺธตฺถา, จิตฺตวิสุทฺธิ ยาวเทว ทิฏฺิวิสุทฺธตฺถา, ทิฏฺิวิสุทฺธิ ยาวเทว กงฺขาวิตรณวิสุทฺธตฺถา, กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิ ยาวเทว มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถา, มคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ ยาวเทว ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธตฺถา, ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิ ยาวเทว าณทสฺสนวิสุทฺธตฺถา, าณทสฺสนวิสุทฺธิ ยาวเทว อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถา. อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ โข, อาวุโส, ภควติ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ.

๒๖๐. เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โกนาโม อายสฺมา, กถฺจ ปนายสฺมนฺตํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติ? ‘‘ปุณฺโณติ โข เม, อาวุโส, นามํ; มนฺตาณิปุตฺโตติ จ ปน มํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน, เอวเมว อายสฺมตา ปุณฺเณน มนฺตาณิปุตฺเตน คมฺภีรา คมฺภีรปฺหา อนุมสฺส อนุมสฺส พฺยากตา. ลาภา สพฺรหฺมจารีนํ, สุลทฺธลาภา สพฺรหฺมจารีนํ, เย อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ ลภนฺติ ทสฺสนาย, ลภนฺติ ปยิรูปาสนาย. เจลณฺฑุเกน [เจลณฺฑเกน (ก.), เจลณฺฑุเปเกน (?)] เจปิ สพฺรหฺมจารี อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ มุทฺธนา ปริหรนฺตา ลเภยฺยุํ ทสฺสนาย, ลเภยฺยุํ ปยิรูปาสนาย, เตสมฺปิ ลาภา เตสมฺปิ สุลทฺธํ, อมฺหากมฺปิ ลาภา อมฺหากมฺปิ สุลทฺธํ, เย มยํ อายสฺมนฺตํ ปุณฺณํ มนฺตาณิปุตฺตํ ลภาม ทสฺสนาย, ลภาม ปยิรูปาสนายา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต, อายสฺมา ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โก นาโม อายสฺมา, กถฺจ ปนายสฺมนฺตํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติ? ‘‘อุปติสฺโสติ โข เม, อาวุโส, นามํ; สาริปุตฺโตติ จ ปน มํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติ. ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต กิร, โภ [โข (ก.)], สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา น ชานิมฺห – ‘อายสฺมา สาริปุตฺโต’ติ. สเจ หิ มยํ ชาเนยฺยาม ‘อายสฺมา สาริปุตฺโต’ติ, เอตฺตกมฺปิ โน นปฺปฏิภาเสยฺย [นปฺปฏิเภยฺย (?)]. อจฺฉริยํ, อาวุโส, อพฺภุตํ, อาวุโส! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานนฺเตน, เอวเมว อายสฺมตา สาริปุตฺเตน คมฺภีรา คมฺภีรปฺหา อนุมสฺส อนุมสฺส ปุจฺฉิตา. ลาภา สพฺรหฺมจารีนํ สุลทฺธลาภา สพฺรหฺมจารีนํ, เย อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ลภนฺติ ทสฺสนาย, ลภนฺติ ปยิรูปาสนาย. เจลณฺฑุเกน เจปิ สพฺรหฺมจารี อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ มุทฺธนา ปริหรนฺตา ลเภยฺยุํ ทสฺสนาย, ลเภยฺยุํ ปยิรูปาสนาย, เตสมฺปิ ลาภา เตสมฺปิ สุลทฺธํ, อมฺหากมฺปิ ลาภา อมฺหากมฺปิ สุลทฺธํ, เย มยํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ ลภาม ทสฺสนาย, ลภาม ปยิรูปาสนายา’’ติ.

อิติห เต อุโภปิ มหานาคา อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสูติ.

รถวินีตสุตฺตํ นิฏฺิตํ จตุตฺถํ.

๕. นิวาปสุตฺตํ

๒๖๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ. ภควา เอตทโวจ –

‘‘น, ภิกฺขเว, เนวาปิโก นิวาปํ นิวปติ มิคชาตานํ – ‘อิมํ เม นิวาปํ นิวุตฺตํ มิคชาตา ปริภุฺชนฺตา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต จิรํ ทีฆมทฺธานํ ยาเปนฺตู’ติ. เอวฺจ โข, ภิกฺขเว, เนวาปิโก นิวาปํ นิวปติ มิคชาตานํ – ‘อิมํ เม นิวาปํ นิวุตฺตํ มิคชาตา อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชิสฺสนฺติ, อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา มทํ อาปชฺชิสฺสนฺติ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชิสฺสนฺติ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา ภวิสฺสนฺติ อิมสฺมึ นิวาเป’ติ.

๒๖๒. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ปมา มิคชาตา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ, เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา.

๒๖๓. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ทุติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป. เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรมึสุ, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรึสุ. เตสํ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส, ติโณทกสงฺขเย, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เตสํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกายานํ พลวีริยํ ปริหายิ. พลวีริเย ปริหีเน ตเมว นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส ปจฺจาคมึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ทุติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา.

๒๖๔. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ตติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – เย โข เต ปมา มิคชาตา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามาติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรมึสุ, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรึสุ. เตสํ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ติโณทกสงฺขเย อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เตสํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกายานํ พลวีริยํ ปริหายิ. พลวีริเย ปริหีเน ตเมว นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส ปจฺจาคมึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป. เอวฺหิ เต ทุติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺเปยฺยาม. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชิสฺสาม, อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา น มทํ อาปชฺชิสฺสาม, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชิสฺสาม, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา ภวิสฺสาม เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป’ติ. เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺปยึสุ. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ, เต ตตฺถ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา น มทํ อาปชฺชึสุ, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชึสุ, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป.

‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ เอตทโหสิ – ‘สาสฺสุนามิเม ตติยา มิคชาตา เกตพิโน, อิทฺธิมนฺตาสฺสุนามิเม ตติยา มิคชาตา ปรชนา; อิมฺจ นาม นิวาปํ นิวุตฺตํ ปริภุฺชนฺติ, น จ เนสํ ชานาม อาคตึ วา คตึ วา. ยํนูน มยํ อิมํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีหิ ทณฺฑวากราหิ [ทณฺฑวาคุราหิ (สฺยา.)] สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรยฺยาม – อปฺเปว นาม ตติยานํ มิคชาตานํ อาสยํ ปสฺเสยฺยาม, ยตฺถ เต คาหํ คจฺเฉยฺยุ’นฺติ. เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีหิ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรสุํ. อทฺทสํสุ โข, ภิกฺขเว, เนวาปิโก จ เนวาปิกปริสา จ ตติยานํ มิคชาตานํ อาสยํ, ยตฺถ เต คาหํ อคมํสุ. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ตติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา.

๒๖๕. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, จตุตฺถา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรมึสุ…เป… เอวฺหิ เต ทุติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ตติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา มิคชาตา เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘เย โข เต ปมา มิคชาตา…เป… เอวฺหิ เต ปมา มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา ปฏิวิรมึสุ…เป… เอวฺหิ เต ทุติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺเปยฺยาม, ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชิสฺสาม, อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา น มทํ อาปชฺชิสฺสาม, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชิสฺสาม, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา ภวิสฺสาม เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป’ติ. เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อุปนิสฺสาย อาสยํ กปฺปยึสุ, ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ, เต ตตฺถ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา น มทํ อาปชฺชึสุ, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชึสุ, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป.

‘‘ตตฺร เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ เอตทโหสิ – ‘สาสฺสุนามิเม ตติยา มิคชาตา เกตพิโน, อิทฺธิมนฺตาสฺสุนามิเม ตติยา มิคชาตา ปรชนา, อิมฺจ นาม นิวาปํ นิวุตฺตํ ปริภุฺชนฺติ. น จ เนสํ ชานาม อาคตึ วา คตึ วา. ยํนูน มยํ อิมํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีติ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรยฺยาม, อปฺเปว นาม ตติยานํ มิคชาตานํ อาสยํ ปสฺเสยฺยาม, ยตฺถ เต คาหํ คจฺเฉยฺยุ’นฺติ. เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีติ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรสุํ. อทฺทสํสุ โข เนวาปิโก จ เนวาปิกปริสา จ ตติยานํ มิคชาตานํ อาสยํ, ยตฺถ เต คาหํ อคมํสุ. เอวฺหิ เต ตติยาปิ มิคชาตา น ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ ยตฺถ อคติ เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ ตตฺราสยํ กปฺเปยฺยาม, ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชิสฺสาม, อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา น มทํ อาปชฺชิสฺสาม, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชิสฺสาม, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา ภวิสฺสาม เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป’ติ. เต ยตฺถ อคติ เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ ตตฺราสยํ กปฺปยึสุ. ตตฺราสยํ กปฺเปตฺวา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ เนวาปิกสฺส อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ, เต ตตฺถ อนนุปขชฺช อมุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา น มทํ อาปชฺชึสุ, อมตฺตา สมานา น ปมาทํ อาปชฺชึสุ, อปฺปมตฺตา สมานา น ยถากามกรณียา อเหสุํ เนวาปิกสฺส อมุสฺมึ นิวาเป.

‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ เอตทโหสิ – ‘สาสฺสุนามิเม จตุตฺถา มิคชาตา เกตพิโน, อิทฺธิมนฺตาสฺสุนามิเม จตุตฺถา มิคชาตา ปรชนา. อิมฺจ นาม นิวาปํ นิวุตฺตํ ปริภุฺชนฺติ, น จ เนสํ ชานาม อาคตึ วา คตึ วา. ยํนูน มยํ อิมํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีหิ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรยฺยาม, อปฺเปว นาม จตุตฺถานํ มิคชาตานํ อาสยํ ปสฺเสยฺยาม ยตฺถ เต คาหํ คจฺเฉยฺยุ’นฺติ. เต อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มหตีหิ ทณฺฑวากราหิ สมนฺตา สปฺปเทสํ อนุปริวาเรสุํ. เนว โข, ภิกฺขเว, อทฺทสํสุ เนวาปิโก จ เนวาปิกปริสา จ จตุตฺถานํ มิคชาตานํ อาสยํ, ยตฺถ เต คาหํ คจฺเฉยฺยุํ. ตตฺร, ภิกฺขเว, เนวาปิกสฺส จ เนวาปิกปริสาย จ เอตทโหสิ – ‘สเจ โข มยํ จตุตฺเถ มิคชาเต ฆฏฺเฏสฺสาม, เต ฆฏฺฏิตา อฺเ ฆฏฺฏิสฺสนฺติ เต ฆฏฺฏิตา อฺเ ฆฏฺฏิสฺสนฺติ. เอวํ อิมํ นิวาปํ นิวุตฺตํ สพฺพโส มิคชาตา ปริมุฺจิสฺสนฺติ. ยํนูน มยํ จตุตฺเถ มิคชาเต อชฺฌุเปกฺเขยฺยามา’ติ. อชฺฌุเปกฺขึสุ โข, ภิกฺขเว, เนวาปิโก จ เนวาปิกปริสา จ จตุตฺเถ มิคชาเต. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, จตุตฺถา มิคชาตา ปริมุจฺจึสุ เนวาปิกสฺส อิทฺธานุภาวา.

๒๖๖. ‘‘อุปมา โข เม อยํ, ภิกฺขเว, กตา อตฺถสฺส วิฺาปนาย. อยํ เจเวตฺถ อตฺโถ – นิวาโปติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ. เนวาปิโกติ โข, ภิกฺขเว, มารสฺเสตํ ปาปิมโต อธิวจนํ. เนวาปิกปริสาติ โข, ภิกฺขเว, มารปริสาเยตํ อธิวจนํ. มิคชาตาติ โข, ภิกฺขเว, สมณพฺราหฺมณานเมตํ อธิวจนํ.

๒๖๗. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ปมา สมณพฺราหฺมณา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เสยฺยถาปิ เต, ภิกฺขเว, ปมา มิคชาตา ตถูปเม อหํ อิเม ปเม สมณพฺราหฺมเณ วทามิ.

๒๖๘. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ทุติยา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรมึสุ, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามาติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรมึสุ, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรึสุ. เต ตตฺถ สากภกฺขาปิ อเหสุํ, สามากภกฺขาปิ อเหสุํ, นีวารภกฺขาปิ อเหสุํ, ททฺทุลภกฺขาปิ อเหสุํ, หฏภกฺขาปิ อเหสุํ, กณภกฺขาปิ อเหสุํ, อาจามภกฺขาปิ อเหสุํ, ปิฺากภกฺขาปิ อเหสุํ, ติณภกฺขาปิ อเหสุํ, โคมยภกฺขาปิ อเหสุํ, วนมูลผลาหารา ยาเปสุํ ปวตฺตผลโภชี.

‘‘เตสํ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส, ติโณทกสงฺขเย, อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เตสํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกายานํ พลวีริยํ ปริหายิ. พลวีริเย ปริหีเน เจโตวิมุตฺติ ปริหายิ. เจโตวิมุตฺติยา ปริหีนาย ตเมว นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส ปจฺจาคมึสุ ตานิ จ โลกามิสานิ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส. เอวฺหิ เต, ภิกฺขเว, ทุติยาปิ สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เสยฺยถาปิ เต, ภิกฺขเว, ทุติยา มิคชาตา ตถูปเม อหํ อิเม ทุติเย สมณพฺราหฺมเณ วทามิ.

๒๖๙. ‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, ตติยา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ…เป…. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. เยปิ เต ทุติยา สมณพฺราหฺมณา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘เย โข เต ปมา สมณพฺราหฺมณา อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกามิสานิ…เป…. เอวฺหิ เต ปมา สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรเมยฺยาม, ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหเรยฺยามา’ติ. เต สพฺพโส นิวาปโภชนา โลกามิสา ปฏิวิรมึสุ. ภยโภคา ปฏิวิรตา อรฺายตนานิ อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรึสุ. เต ตตฺถ สากภกฺขาปิ อเหสุํ…เป… ปวตฺตผลโภชี. เตสํ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ติโณทกสงฺขเย อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺโต กาโย โหติ. เตสํ อธิมตฺตกสิมานํ ปตฺตกายานํ พลวีริยํ ปริหายิ, พลวีริเย ปริหีเน เจโตวิมุตฺติ ปริหายิ, เจโตวิมุตฺติยา ปริหีนาย ตเมว นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส ปจฺจาคมึสุ ตานิ จ โลกามิสานิ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชึสุ. เต ตตฺถ อนุปขชฺช มุจฺฉิตา โภชนานิ ภุฺชมานา มทํ อาปชฺชึสุ, มตฺตา สมานา ปมาทํ อาปชฺชึสุ, ปมตฺตา สมานา ยถากามกรณียา อเหสุํ มารสฺส อมุสฺมึ นิวาเป อมุสฺมิฺจ โลกามิเส. เอวฺหิ เต ทุติยาปิ สมณพฺราหฺมณา น ปริมุจฺจึสุ มารสฺส อิทฺธานุภาวา. ยํนูน มยํ อมุํ นิวาปํ นิวุตฺตํ มารสฺส อมูนิ จ โลกา